พิมพ์หน้านี้ - [จบแล้ว]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ ชวิน VS หมอเขม P.10 [Up 27/2/12]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: ryoko_chan ที่ 30-12-2011 16:01:19

หัวข้อ: [จบแล้ว]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ ชวิน VS หมอเขม P.10 [Up 27/2/12]
เริ่มหัวข้อโดย: ryoko_chan ที่ 30-12-2011 16:01:19
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0


____________________________________

เรื่องนี้ เคยเป็นฟิคชั่นที่ลงในเว็บบอร์ด yoosuparadise มาแล้ว(แต่งเองนะคะ...และก็รีไรท์เอง)
แต่ที่ลงบอร์ดนี้เป็นฉบับ รีไรท์ ด้วยการเปลี่ยนชื่อ และเปลี่ยนเนื้อเรื่องบ้าง เพื่อให้เหมาะสมค่ะ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ


คิดว่าพยายามรีเช็คแล้วนะคะ ยังมีพลาด ฮ่าฮ่า ถ้าพลาดตรงไหนไปบอกกันได้เลยนะค้า ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 1 วัวแก่...แพ้หญ้าอ่อน
เริ่มหัวข้อโดย: ryoko_chan ที่ 30-12-2011 16:09:49
บทที่ 1 วัวแก่...แพ้หญ้าอ่อน

“จะกัดกันอีกนานมั๊ย?”

เสียงนุ่มเอ่ยขึ้นดั่งประกาศิต ทำเอาสองหนุ่มน้อยที่กำลังจะแลกหมัดกันอยู่ตรงหน้าต้องหันกลับมาสนใจตัวต้นเหตุ ที่ทำให้พวกเขาทั้งสองท้าประลองแลกหมัดกันอย่างสมชายชาตรี แต่เห็นทีว่าคนที่กำลังจะถูก “แย่ง” ไม่ได้นึกสนุกไปด้วย

“พี่สอง!”

ทั้งสองหนุ่มเอ่ยรั้งชายหนุ่มร่างเล็กเอาไว้พร้อมกันก่อนจะหันกลับมามาแยกเขี้ยวใส่กันตามประสาเพื่อเป็นการขู่แต่พอหันมาอีกทีเจ้าของชื่อที่โนเรียกก็เดินหายวับท่ามกลางฝูงชนทำเอาหนุ่มน้อยสองคนจำต้องปล่อยมือ และเดินแยกจากกันไป..มาทางไหนก็กลับไปทางนั้น

นั่นแหล่ะสิ่งที่ ‘สอง’ กมลินทร์ อยากให้เป็น

________________________________
                           
 
“ได้ข่าวว่าเด็กมึงเปิดศึกกลางโรงอาหาร?”
เพียงแค่ชายหนุ่มตัวการเรื่องราวความวุ่นวายก่อนหน้านี้นั่งลงตรงที่นั่งประจำในห้องเรียน ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่หน้าตาหล่อคมคายเข้าขั้นที่นั่งประจำที่อยู่ก่อน จนเกือบรากงอกคาเก้าอี้ ก็เอ่ยทักขึ้นอย่างที่คนโดนทักรู้ดีว่า ‘ถามกวนประสาท’ แต่มีหรือคนที่เพิ่งเข้ามาจะใส่ใส่ใจ ทำเพียงแค่นั่งลงข้างๆเพื่อนสนิทแล้วเอาหนังสือขึ้นมากาง

“แล้วฝ่ายไหนชนะวะ..น้ำเงินหรือแดง?”

“เขียว! มึงจะถามทำซากอะไรวะ?” เจ้าของดวงตาเรียวเล็กตะคอกกลับ พร้อมกับการเหลือบไปมองเพื่อนรักที่ทำหน้าได้ใจเมื่อรู้ว่ากวนโมโหอีกตัวเองได้

“แหม!!! สอง กมลินทร์ รุ่นพี่ปีสี่ที่น่ารักนักหนาสำหรับหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ ของคณะบริหารธุรกิจหายไปไหนแล้วหนอ?”เพื่อนสนิทยังคงกวนไม่เลิก สอง จึงทำได้เพียงแค่ถอนหายใจแล้วปล่อยให้คำพูดกวนอารมณ์ของเพื่อนสนิทผ่านหูซ้ายทะลุหูขวาถือเสียว่าไม่ได้ยิน

..ให้มันพูดอยู่คนเดียวเป็นคนบ้าซะให้พอ!...

   “ก็งี้อ่ะมึง ควงเด็กไปเรื่อยไม่เคยเลือก รถไฟชนกันซะบ้าง ปวดหัวดีมั๊ยมึง”

“เออ! สะใจมึงยังที่เห็นกูปวดกบาลเนี่ย?”สองกระแทกเสียงกลับ ก่อนจะขบกัดริมฝีปากตนเองคล้ายคนกำลังครุ่นคิดเหตุการณ์แบบนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่สองเจอแต่ช่วงนี้มันชักจะบ่อยจนเริ่มน่ารำคาญ

ตัดเด็กในสต๊อคออกสักคนสองคน ชีวิตมันจะเรียบง่ายกว่านี้มั๊ยวะ?..

แม่งตอนนี้ชีวิตยังกับจังหวะชะชะช่า!


ก็ทำได้แค่คิด    เพราะถ้าขาดเด็กคอยมาฉอเลาะเอาใจใส่อยู่ทุกวัน  สอง กมลินทร์ คน ‘รักเด็ก’ คงขาดใจตาย!

“สมน้ำหน้า..คราวหน้าคราวหลังก็หัดบริหารจัดการเด็กให้มันเข้าที่เข้าทางดิวะ?อยู่เมเจอร์บริหารซะเปล่า มึงนี่อ่อนว่ะ”

“ก็ใครจะไปคิดวะ? ไอ้น้องบอมก็อยู่คณะเศรษฐศาสตร์ ส่วนไอ้น้องโจก็อยู่วิศวะ ใครจะไปคิดว่าแม่งจะมากัดกันที่บริหาร!”
สองเอ่ยขึ้นอย่างใส่อารมณ์ ทั้งที่คิดไว้แล้วว่าสองคนนี้ไม่น่าจะโคจรมาพบกันได้ง่ายๆ ตามหลักภูมิศาสตร์แล้วคณะเศรษฐศาสตร์ก็กินพื้นที่บริเวณหน้ามหา’ลัยไปซะ ส่วนคณะวิศวกรรมศาสตร์ก็อยู่ค่อนไปทางส่วนท้ายของพื้นที่ของมหา’ลัย ส่วนคณะบริการและการจัดการ จะว่าไปก็อยู่ตรงกลางของไอ้สองคณะนี้พอดิบพอดี ก็ดั๊นเสือกแจ๊คพ็อตแตกมากัดกันกลางคณะบริหารให้ ‘สอง’ ได้เสียหน้าเล่น..แล้วอย่างนี้เด็กคนไหนจะกล้ามาติดเบ็ดอีกวะ?

คิดแล้วปวดตับเว้ย! 

“คราวหน้าคราวหลังมึงก็ระวังหน่อยแล้วกัน...”
เพื่อนสนิทของชายหนุ่มร่างเล็กเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงคล้ายคนเป็นห่วง เอาสองรีบหันหน้าไปหาเพื่อนรักเผื่อจะทำซึ้งกับเพื่อนสนิทได้บ้าง...แต่ก็เปล่า!

“เดี๋ยวเด็กในฮาเร็มมึงหายหมด แล้วจะหาว่ากูไม่เตือน ฮ่าฮ่าฮ่า!”
ได้ทีก็หัวเราะเสียงดังลั่น

โป๊ก!!!

“หุบปากไปเลยไอ้ตรฤณ! ก่อนที่มึงจะไม่มีปากไว้แดกข้าวเที่ยง!” สองเอาสันหนังสือเคาะลงที่ศีรษะเพื่อนอย่างแรงก่อนจะออกคำขู่ที่ทำให้เพื่อนตัวใหญ่ของตัวเองต้องสงบเสงี่ยมเงียบเรียบร้อยเจียมตัวอยู่ข้างๆแทน

...กูยังไม่อยากปากแตกก่อนได้กินข้าวเที่ยงว่ะ..

เพราะตรฤณรู้ดีว่าสองนั้นพูดจริงทำจริง เหมือนเมื่อก่อนก็เคยโดนสองชกจนปากเกือบแตกมาแล้วในข้อหา ปากแกว่งหาเสี้ยนไม่ถูกที่ถูกเวลาคล้ายๆกับครั้งนี้

แต่ถึงอย่างนั้น พวกเขาสองคนก็ไม่เคยโกรธกันจริงๆจังเสียที เพื่อนสนิทก็เงี้ยคิดไรมาก!
(แต่เมื่อกี้แม่งเคาะมาได้..หัวกูนะไม่ใช่กลองให้มึงเคาะเล่น ไอ้สอง!)

สอง กมลินทร์ ชายหนุ่มร่างเล็กหน้าตาค่อนไปทางน่ารักมากกว่าหล่อ ปีสี่คณะบริหารและการจัดการ
การเรียนเหรอ...ก็งั้นๆ ไม่ถูกไทร์ก็ถือว่าเป็นบุญหัว
กีฬาเหรอ...จะมีก็แต่ฟุตบอลแหล่ะที่สนและรักเป็นชีวิตจิตใจส่วนเรื่องอื่นๆสัพเพเหระไม่ค่อยจะเห็นสนใจเสียเท่าไหร่ นอกเสียจาก “เด็กในฮาเร็ม”
มีดีก็แค่หน้าตา..อย่างอื่นอย่าได้พูดถึง หน้าตาน่ารักขัดกับความโหดของตัวเองชิบ!

    ไม่อยากสาธยายมาก...เดี๋ยวไอ้คุณกมลินทร์จะมาตั๊นหน้าเอา!



“พี่สอง....ผมมารับไปทานข้าวครับ”
เพียงแค่สองย่างก้าวลงมาจากขั้นบันไดขั้นสุดท้ายของบันไดคณะ เสียงนุ่มทุ้มก็เอ่ยขึ้นเรียกรั้งเจ้าของซื่อเอาไว้ทำเอาเจ้าสองต้องรีบเงยหน้ามอง

   ไม่ใช่อะไรถ้าจำเสียงผิดแล้วจะซวยเอา..

   ทางที่ดีมองหน้าดีกว่าจะได้จำได้ว่าชื่ออะไร!

ว่าแต่ไอ้นี่มันชื่ออะไรวะ?..

“น้องต้อง น้องต้อง” ตรฤณที่เดินมาข้างๆแอบกระทุ้งสีข้างเพื่อนตัวเล็กเบาๆก่อนจะกระซิบทันทีเหมือนรู้ทันว่าไอ้เพื่อนความจำปลาทองของตัวเองจำเด็กในฮาเร็มไม่ได้

“น้องต้องนี่เอง” ว่าแล้วก็รีบเดินไปหา ‘น้องต้อง’ที่ตรฤณว่าพร้อมด้วยรอยยิ้มหวานๆตามสไตล์

“เอ่อ..ผมบอลครับ”

เพล้ง!!! 

บุคคลตัวต้นเสียง ‘เพล้ง’ กัดฟันแน่นก่อนจะเอี้ยวตัวหันกลับไปหาเพื่อนรัก ที่ยืนทำหน้าระรื่นอย่างถูกอกถูกใจที่เขาทักเด็กในฮาเร็มผิด

“ไอ้เวร!”สองทำปากออกมาเป็นคำด่าแต่ว่าไม่ออกเสียงให้ตรฤณพร้อมกับถลึงตาใส่
หักหลังกันได้ไอ้เพื่อนรัก!

“โทษฐานที่มึงเอาหนังสือเคาะหัวกู บ๊ายบาย~”ตรฤณเองก็ตอบกลับโดยทำปากเป็นคำเช่นกันพร้อมกับเอามือชี้ที่หัวของตนเอง และสองก็อ่านมันออกทุกคำ จนอยากจะเดินไปเตะก้นมันสักสองสามทีให้หายโมโห แต่ติดอยู่ที่ว่าอยู่ต่อหน้าเด็ก
   ทำโหดไม่ได้เดี๋ยวเสียภาพพจน์หมด!

“เอ่อ..พี่สองครับ..จะไปกันหรือยังครับ”
“อ่า ไปไปโทษทีพี่เพิ่งเรียนเสร็จมึนๆไปหน่อย”สองแถไปเรื่อยๆตามนิสัยและเด็กคนนี้ก็เหมือนจะเชื่อเขาเสียเต็มประดาเสียด้วย
“บอล...ใช่มะ?” ลองทดสอบเรียกชื่อดูอีกทีจะได้จำเอาไว้ไม่ให้ผิดตัวอีก
“ครับ?”
“อ่า...ไปเถอะพี่หิวแล้ว”
“ครับพี่สอง”

อย่างน้อยครั้งนี้ก็รอดตัวหวุดหวิดล่ะวะ กมลินทร์!!

 “พี่สอง...ลองทานนี่มั๊ยครับ?” น้องบอลเด็กในสังกัดคนใหม่ของสองเอ่ยขึ้นหลังจากที่สองพึ่งสลัดรักหนุ่มน้อยคณะเศรษฐศาสตร์   และวิศวกรรมศาสตร์ไปหมาดๆ แบบที่ยังไม่แห้งดี

“อื้ม..อร่อยนี่เอาอีกนะ” สองว่าพร้อมด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจทำเอาน้องบอลตาพร่ามัวไปชั่วขณะ แต่ก็ส่งยิ้มกลับคืนพร้อมกับช้อนที่ตักอาหารเตรียมให้สอง แต่ครั้งนี้ไม่ได้ตักใส่จานเหมือนครั้งที่แล้วแต่ตั้งใจจะป้อนเลยต่างหาก
“ทานเลยครับ”ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นพร้อมกับถือช้อนจ่อปากอีกฝ่าย สองจึงต้องอ้าปากรับด้วยแววตายิ้มแย้ม..
มีความสุขจริงเลยเว้ย!..การมีเด็กคอยเอาใจเนี่ย


“ระวังหญ้าอ่อนติดคอตายก่อนนะครับรุ่นพี่กมลินทร์~”
อาหารในปากที่เคี้ยวไม่ทันหมดก็พรวดออกมาด้วยความตกใจจนนึกเสียดาย ก่อนจะหันไปถลึงตาใส่คนที่พูดจาส่อเสียด แต่จะพูดก็พูดไม่ออกเหมือนจะสำลักจนติดคอ
“แค่ก..แค่ก...ไอ้..ไอ้.....”สองมองหน้าคนมาใหม่ที่ทิ้งระเบิดลูกใหญ่เอาไว้แล้วเดินจากไปอย่างไม่ใยดีประหนึ่งว่าไม่ได้ทำอะไรเอาไว้เลย
“พี่สองเป็นยังไงบ้างครับ นี่น้ำครับ...โอเคหรือยังครับ?”บอลรีบลุกจากที่นั่งฝั่งตรงข้ามเอาน้ำมาให้พร้อมกับลูบหลังพี่สองอย่างห่วงใย พอได้ดื่มน้ำเหมือนคอจะโล่งขึ้นบ้าง ปากเลยว่างพอที่จะสบถออกมา

“ไอ้..ไอ้ภู!!..ไอ้เด็กเวร!”
 เสียงของสองด่าไล่หลัง ‘ภู’ หรือนามเต็มๆว่า ภูเบศธ์ ไปโดยไม่ได้คำนึงถึงว่าเจ้าตัวจะได้ยินหรือเปล่า แต่ขอแค่ได้ด่าไว้ก่อน เจ็บใจชิบ!

คนถูกด่าไม่ได้ยิน..แต่คนไม่ได้ถูกด่าดูท่าว่าจะตกใจ

“เอ่อ...ขอโทษนะ ต-..เอ้ย! บอล..พี่โมโหไปหน่อย” สองส่งสายตาดุๆไปตามทางที่ “เด็กเวร” เดินไปก่อนจะมาทำสายตาอ่อนหวานให้ “เด็กน่ารัก” ตรงหน้า แต่ก็ไม่วายเกือบเรียกชื่อผิดอยู่ดี...
“ไม่เป็นไรครับ...คนนิสัยไม่ดีอย่างนั้นอย่าไปสนใจ ว่าแต่ใครเหรอครับพี่สองรู้จักคนแบบนั้นด้วยเหรอ?”
“ไม่รู้จักหรอก...”สองว่าก่อนจะตักอาหารยื่นไปตรงหน้าน้องบอลบ้าง
“พี่ป้อน” ก่อนจะค่อยๆบรรจงป้อนให้น้องบอลอย่างเอาอกเอาให้ถือซะว่าเหตุการณ์แย่ๆที่เพิ่งผ่านมาไม่ได้เกิดขึ้น

ไอ้ภูเบศธ์ มารขัดความสุขของกมลินทร์!

ถามว่ารู้จักไหม? ถึงรู้จักก็ไม่อยากรู้จัก แต่มันเสือกดันเป็นหลานรหัสของเพื่อนร่วมเซคชั่น ‘ทิวากร’ หรือ ‘กร’และที่สำคัญ ‘ทิวากร’ คือคนที่ไอ้เพื่อนสนิท ‘ตรฤณ’ มันแอบชอบอยู่แต่อย่างที่บอกก็ได้แค่แอบชอบ บอกรักไปไม่รู้ว่าไอ้เพื่อนรักเขาจะเหลือซากกลับมาหรือเปล่า

‘ทิวากร’....ขึ้นชื่อเรื่องสวย(?)แล้วหยิ่ง
ไม่ตายเพราะโดนทำเย็นชาใส่ ก็โดนไอ้หลานรหัสนั่นแหล่ะด่ากราดใส่จนไม่เหลือซาก

อย่างที่เห็นมันทำกับนายกมลินร์เมื่อกี้! เจ็บมั๊ยล่ะ?

แม่งเจอกูทีไร ด่ากูเป็นวัวทุกที!

_______________________

“เฮ้ย...สองทางนี้ๆ”หลังจากที่เพิ่งเสร็จสิ้นภารกิจ ‘กินข้าวกับเด็ก’ สองก็ถูกนำตัวมาส่งด้วยรถยนต์ยี่ห้อหรูด้วยโลโก้ที่บ่งบอกเอกลักษณ์เฉพาะ มีสี่ห่วงคล้องกันแปะอยู่หน้ารถ และท้ายรถติดด้วยตัวอักษรภาษาอังกฤษพร้อมด้วยตัวเลขที่บอกซีรีย์รุ่นล่าสุดเอาไว้ เพียงแค่ย่างก้าวลงจากรถ ตรฤณเพื่อนรักสุดซี้ก็รีบวิ่งมารับ(?)

“มีอะไรวิ่งหน้าตาตื่นมาเชียวมึง”

“คะแนนวิชามาร์เก็ตออกแล้วมึง...” ตรฤณพูดพร้อมกับกุมหน้าอกด้วยความเหนื่อย คะแนนก็ติดซะชั้นสี่ แล้วก็ต้องรีบปรี่วิ่งมาบอกคะแนนเพื่อนสุดเลิฟด้วยเหตุว่าลิฟต์มันเต็มขี้เกียจรอให้เสียเวลา เพราะคะแนนที่กำลังจะมาบอกเพื่อนตัวเล็กนั้นมันควรบอกด้วยปากมากกว่าเครื่องมือสื่อสารเป็นไหนๆ

“แล้ว?”สองยืนรับฟังอย่างไม่ค่อยจะตื่นเต้นสักเท่าไหร่

“มึงทำใจดีๆนะเพื่อน....”ว่าแล้วก็เอามือตะปบลงบนบ่าเพื่อนตัวเล็ก

“มึงตกมีน”

“หา?! มึงว่าไรนะ?”

มึง......ตก......มีน! ทีนี้น่ะชัดมั๊ยมึง” ตรฤณตะคอกใส่หูจนสองเอามือปิดหูแทบไม่ทัน ก่อนจะหลับตาอย่างเซ็งๆในชีวิต แม่งขนาดวิชาที่ข้อสอบเป็นปรนัยยังตกมีนได้ แล้วอัตนัยกูจะรอดไหมล่ะเนี่ย!

“ได้ข่าวว่ากูลอกมึง..อย่างงี้มึงก็ตกมีนดิ?” สองว่าขำๆทั้งที่รู้ทั้งรู้ว่าเพื่อนคนนี้การเรียนเป็นเลิศ แล้วอีกอย่างไอ้เรื่องตกมีนน่ะเหรอนายกมลินทร์เจอมาบ่อย จนชินแล้วล่ะ แต่ก็ตกแบบไม่ได้น่าเกลียดยังพอถูไถได้หมาได้แมวมา

“โทษทีว่ะ...กูท๊อปเซค” พูดแบบไม่ค่อยอยากจะอวดเลยเนอะไอ้ตรฤณ สองทำได้แต่ค่อนแคะอยู่ในใจ

“แล้วไง..กูตกจนชิน..เรื่องปกติ”พูดอย่างไม่ยี่หร่ะ ก่อนจะเดินล้วงกระเป๋ากางเกงเข้าคณะอย่างสบายๆอย่างกับว่าไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายเท่าไหร่ ทั้งๆที่ลืมคิดไปเลยว่าตัวเองอยู่ปีสี่แล้วโอกาสหาทางแก้ตัวมันเริ่มน้อยลงทุกที

“แต่คะแนนมึงน้อยมาก อาจารย์ให้เรียกมึงไปคุยว่าจะให้มึงดรอป”เพียงเท่านั้นเท้าเล็กก็หยุดกึก ก่อนจะหันหน้าไปมองเพื่อนรักอย่างไม่ค่อยอยากจะเชื่อหูตัวเองเท่าไหร่

“กูว่าเมิงดรอปเหอะ...ถ้าไม่ดรอปมึงก็เอฟ” ตรฤณว่าก่อนจะเดินเข้าไปหาสองอีกครั้ง ใบหน้าหวานของเพื่อนตัวเล็กตอนนี้เริ่มดูเป็นกังวลจนเห็นได้ชัด

“หรือมึงจะลองไฟท์เอาด๊อก?”

“เมิงคิดว่าหน้าอย่างกูนี่นะจะไฟท์?”สองรู้ดีว่าถ้าถึงขั้นที่อาจารย์เรียกพบโอกาสไฟท์เพื่อให้รอดเอฟนั้นริบหรี่เต็มที

“เฮ้ยกูจะช่วยมึงเอง...เพราะถ้าเมิงดรอปตัวนี้ มึงมีโอกาสแก้ตัวอีกแค่เทอมเดียวคือเทอมหน้านะเว้ย” ตรฤณลองเสนอหนทางเพราะตอนนี้พวกเขาเองก็ปีสี่กันทั้งคู่จะจบกันอยู่แล้ว ถ้าปีหน้าสองยังได้คะแนนแบบนี้อยู่เกรงว่าจะไม่จบทันเพื่อนทันฝูงเขา

“แล้วไงกูไม่มีทางเลือก”ใบหน้าเรียวเล็กดูเครียดจนดูแปลกตาเพราะว่าสองมักจะมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าเสมอ(เวลาอยู่กับเด็กในฮาเร็ม) และใบหน้าอันสุดแสนกวนบาทาเวลาอยู่กับเพื่อนเลิฟอย่างตรฤณ

“เอางี้...เดี๋ยวยังไงเทอมหน้ากูไปเรียนเป็นเพื่อนเอามะ?” ตรฤณว่าพร้อมกับตบหลังเพื่อนเบาๆเพื่อเป็นกำลังใจ ทำเอาสองน้ำตาแทบจะไหลพราก นี่ถ้าลงไปกราบมันได้จะลงไปกราบขอบคุณแทบเท้าไอ้เพื่อนเลิฟคนนี้เลยทันที

“นี่เมิงจะดรอป แล้วไปเรียนเป็นเพื่อนกูเทอมหน้าใช่มะ?”สองทำแววตาใสวิ๊งใส่เพื่อนรักทำเอาตรฤณต้องรีบเอามือตบหน้าผากสองเข้าไปหนึ่งทีดังแป๊ะ!

“มึงใช้ไรคิด? กูยังไม่โง่ถึงขั้นดรอปเพื่อไปเรียนกับมึงเทอมหน้าหรอกนะ! กูหมายถึงเทอมหน้ากูจะไม่ลงเรียนเวลาที่มึงเรียนมาร์เก็ตไง กูจะได้ไปนั่งเรียนเป็นเพื่อนมึง” ถึงจะไม่ใช่คนดีจนถึงขั้นเทพบุตรแต่อย่างน้อยตรฤณก็รักและเป็นห่วงเพื่อนคนนี้ไม่น้อย

“โถ่..กูก็นึกว่ามึงจะเป็นคนดี” สองแอบทำปากยื่นด้วยความงอน

“นี่ขนาดกูไม่เรียกว่าคนดี กูก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว งั้นเทอมหน้าเชิญมึงเรียนมาร์เกตคนเดียวแล้วกัน!”
เสนอตัวขนาดนี้ยังงอนกันมาได้ คนอย่างตรฤณก็เคืองเป็นนะครับขอบอก ว่าแล้วก็เดินลิ่วๆเข้าคณะปล่อยให้เพื่อนตัวเล็กรีบวิ่งตามไปง้อ



“เตรียมลงมาร์เกตเทอมหน้าได้เลย...ไอ้ภูเบศธ์”

ตรฤณพูดขึ้นอย่างอารมณ์ดีในขณะที่ปล่อยให้เพื่อนรักวิ่งตามอยู่ไกลๆ ไม่ใช่อะไรขามันสั้นเลยวิ่งไม่เคยทัน


“ไอ้ตรฤณ รอกูด้วย!” สองวิ่งตามตรฤณเข้ามาภายในตัวตึกของคณะแต่พอเข้ามากลับไม่เห็นแม้แต่เงาจะมีก็แต่เสียงมารผจญ

“อย่างนี้แหล่ะกินแต่หญ้า สมองเลยไม่พัฒนากับชาวบ้านชาวช่องเขาสักที”ทิ้งระเบิดไว้ลูกใหญ่ก่อนจะเดินจากไปพร้อมริมฝีปากที่ยกขึ้นยิ้มอย่างคนอารมณ์ดีที่แกล้งยัวะอีกฝ่ายได้ ทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจจะพูดดูถูกดูแคลนแต่อย่างใด ถึงคราวนี้ไม่ได้ด่าว่าเป็น “วัว” แต่มันก็คลับคล้ายคลับคลาว่าจะเป็นสัตว์สายพันธุ์ใกล้เคียง อย่างน้อยก็กินหญ้ากินฟางเหมือนกัน

ดูมันด่ากันมาได้...ว่าแต่มันรู้ได้ไงวะ ว่ากูตกมีน! 

“ไอ้....ไอ้....ไอ้เถิก! ถ้าฉลาดแล้วหัวเถิกอย่างแก ฉันก็ไม่อยากฉลาดหรอกเว้ย!”
สองด่าไปตามหลังนึกไม่ออกว่าจะด่า “ไอ้เด็กเวร” ที่หน้าตาดี เรียนดีกีฬาเด่นจนเป็นที่หมายปองของคนทั้งคณะว่าอะไร..อย่างน้อยก็จับเอาปมด้อยมันมาเล่นนี่ล่ะวะ

แม่ง..วันนี้เสือกมัดจุกหน้า เปิดเหม่งโชว์โหงวเฮ้งความฉลาดมาเชียวนะมึง!

ถึงดูเหมือนว่าภูจะชะงักไปเล็กน้อย กับคำด่าที่สุดแสนจะทิ่มแทงใจดำจนเจ็บปวดไปถึงตับก็เหอะ แต่ก็มิวายหันมาเหน็บแนมพอเป็นน้ำจิ้ม

“เถิกแล้วฉลาด ดีกว่าหน้าผากแคบแล้วโง่ล่ะน่า~ อ๊ะ..อย่าโมโหให้มาก แก่แล้วเดี๋ยวเส้นเลือดในสมองแตกแล้วจะหาว่าไม่เตือน”
เม้ง ! ยกที่หนึ่งนายภูเบศธ์ชนะน็อค

“ไอ้เด็กเวร!!!!!!!! แกไม่ได้ตายดีแน่ไอ้ภู!!!”

ในขณะที่สองและภูยืนทะเลาะกันอย่างเมามันกลับเป็นเรื่องตลกในสายตาสองคู่ที่ยืนมองอยู่ห่างๆ


“ถามจริงเหอะ..หลานรหัสนายจีบเพื่อนฉันอย่างนี้ชาติหน้าจะติดมั๊ยอ่ะ?”ตรฤณเกาหัวแกรกๆอย่างงงๆ ถ้า ‘กร’ไม่บอกเขาไม่มีทางเชื่อแน่นอนว่าภูเบศธ์หลานรหัสปากร้ายของนายทิวากร กำลัง “จีบ” สองเพื่อนรักของตรฤณอยู่

“ไม่รู้...มันบอกว่านี่แหล่ะวิธีของมัน” ริมฝีปากสีสดเอ่ย พร้อมกับดวงตากลมโตที่มองบุคคลที่สนทนาด้วย หากไม่มีคำว่า “นาย” นำหน้าไอ้ตรฤณคนนี้เองก็ไม่มีทางเชื่อเด็ดขาดว่าคนคนนี้คือผู้ชาย

“ยังไงก็ช่วยมันหน่อยแล้วกัน...นะถือว่าช่วยฉันไอ้หลานคนนี้มันมาโอดครวญกับฉันเช้าเย็น ว่าเพื่อนนายควงเด็กใหม่อีกแล้ว”

“อ่า......”

“นะ...ตรฤณ”พูดไม่พูดเปล่า ยังส่งสายตาอ้อนวอนมาด้วยเป็นของกำนัล

โฮะ! จะฆ่าตรฤณทางอ้อมด้วยสายตาเหรอวะ คุณทิวากร!
แค่ได้คุยด้วยก็จะละลายเป็นน้ำอยู่แล้วเนี่ย~

“ได้...ฉันจะช่วยนายเองกร” น้ำเสียงของตรฤณเต็มไปด้วยด้วยความมั่นใจพร้อมกับมือใหญ่ตบลงบนไหล่บางของอีกฝ่ายอย่างจงใจ(ล่วงเกิน)
แต่พอหันไปเจอหน้าคนสวยก็ต้องตกใจกับสายตาดุๆที่ส่งมา ทำเอาตรฤณรู้สึกกลัวขึ้นมาเลย จำต้องเอามือออกจากไหล่กรพร้อมกับเอามาตีประหนึ่งว่ามือข้างนี้ไปทำนิสัยไม่ดีเข้า

“อ่า..โทษที...”

“งั้นฉันขอตัวก่อนนะ”พูดจบก็เดินจากไปทำให้ตรฤณต้องมองตามหลังคนสวยด้วยตาละห้อย...ช่างเหอะอย่างน้อยวันนี้ก็ได้จับไหล่

ว่าแล้วก็เอามือข้างที่ไปจับไหล่กรขึ้นมาสูดดม...
อ่า...เหมือนพวกโรคจิตเลยแฮะ!
ทำไงได้ก็หลงรักไปหมดหัวใจแล้วนี่หว่า><

“ฉันทำได้ทุกอย่างเพื่อนาย..กร” ตรฤณเอ่ยอย่างมาดมั่นกำมือไว้แน่นอย่างมั่นใจ  นี่ถ้าไม่ใช่ว่ากรมาขอร้องด้วยตัวเอง ตรฤณเองจะไม่ทุ่มทุนสร้างให้ขนาดนี้เลยนะครับ!

แถมความลับที่เพิ่งรู้มาอีกอย่างทำให้ตรฤณเบาใจไปได้อีกเยอะ หลังจากที่กังวลๆอยู่เรื่องกรกับภูที่เป็นหลานรหัส จะมีความสัมพันธ์ที่เกินเลยเนื่องจากสนิทกันเกินไป แต่พอมารู้จากปากของกรว่า ‘ภู’ ภูเบศธ์เป็นลูกพี่ลูกน้อง  เลยทำให้ประเด็นนี้ตกไป...ตรฤณเป็นปลื้ม!

และคราวนี้แหล่ะ ไอ้กมลินทร์เอ้ย มึงจะได้มีเด็กเป็นตัวเป็นตนกะชาวบ้านเขาสักที! ตรฤณคนนี้เอาหัวเป็นประกัน!



___________________________
TBC
___________________________

สวัสดีค่า ^^
ฝากเรื่องนี้ด้วยนะคะ
ปล. มารีไรท์เรื่องนี้ใหม่ไป มีความสุขกับ ชื่อตัวละครมากๆเลยล่ะค่ะ
ฮะฮ่า ปกติ จะแต่งแต่ฟิคชั่น โดยใช้ชื่อ บุคคล ดารา ที่มีอยู่แล้ว
แต่นี่ต้องมาคิดชื่อเอง...อ๊ายยย คิดเองชอบเองค่ะ (ไม่ค่อย-"-) ฮ่าฮ่า

ปล. ตรฤณ อ่านว่า ตริน นะคะ (ชื่อนี่ เผื่อบางคนอ่านเจอตอนแรกอาจจะงงๆ ว่าอ่านยังไง ฮ่ะฮ่าาา)

ยังไงพรุ่งนี้อาจจะมาลงตอนต่อไปเลยนะคะ^^
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 1 วัวแก่...แพ้หญ้าอ่อน
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 30-12-2011 16:38:47
สนุกดี แต่แอบมีผิดอ่ะน้องชื่อเพื่อนนายเอกอ่ะมียุนโฮด้วยแหละ
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 1 วัวแก่...แพ้หญ้าอ่อน
เริ่มหัวข้อโดย: Alone Alone ที่ 30-12-2011 17:07:20
“ระวังหญ้าอ่อนติดคอตายก่อนนะครับรุ่นพี่กมลินทร์~”

ชอบคำนี้อ่ะ เหอๆ
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 1 วัวแก่...แพ้หญ้าอ่อน
เริ่มหัวข้อโดย: WyJeen ที่ 30-12-2011 17:16:04
คอยๆ ตอนต่อไป พระเอกน่ารักนะ
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 1 วัวแก่...แพ้หญ้าอ่อน
เริ่มหัวข้อโดย: tarkung ที่ 30-12-2011 17:16:21
จะติดตามอ่านต่อไปนะครับ

เป็นกำลังใจให้นะ
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 1 วัวแก่...แพ้หญ้าอ่อน
เริ่มหัวข้อโดย: RoseBullet ที่ 30-12-2011 17:46:13
ชอบๆๆ พระเอกกวนติงดี
แต่ก็นะ แหม นายภูไปว่าพี่สองเป็นวัวเรอะ
คอยดูเถอะ ต่อไปเอ็งก็เป็นหญ้าอ่อน(ที่ยินดีเดิน)เข้าปากพี่สองเหมือนกันล่ะ
คิดภาพตอนภูไปครวญเรื่องสองมีเด็กใหม่ในสต๊อกแล้วตลกดี :-D

รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 1 วัวแก่...แพ้หญ้าอ่อน
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 30-12-2011 18:02:52
ชอบเด็กด้วยคน
เด็กๆมันน่ารักกกกกกกกกก :o8:
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 1 วัวแก่...แพ้หญ้าอ่อน
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 30-12-2011 18:14:48
สนุกดีค่ะ
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 1 วัวแก่...แพ้หญ้าอ่อน
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 30-12-2011 18:29:58
 :mc4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 1 วัวแก่...แพ้หญ้าอ่อน
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 30-12-2011 18:47:10
แล้วจะรอตอนต่อไปนะจ้า แอบมีคำผิดอยู่บ้างเล็กๆน้อยๆค่ะ แต่การจัดเรียง อ่านง่ายดีแล้ว
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 1 วัวแก่...แพ้หญ้าอ่อน
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 30-12-2011 20:15:11
คุณพระเอกนี่น่ารักจริงๆ 

จะคอยดูว่ามุขชอบเขาแล้วแกล้งเนี่ยจะยังใช้ได้กันมั้ย  5555

สองก็เจ้าชู้น้าาา  ใครจะมาหยุดได้ล่ะเนี่ยย

ปล.แอบคุ้นชื่อคนเขียนน้าาา  ใช่คนเดียวกับที่เม้นในบอร์ดคุณจูออนป่ะคะ  อิอิ

ติดตามต่อค่าาา  สนุกมากๆๆ 
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 1 วัวแก่...แพ้หญ้าอ่อน
เริ่มหัวข้อโดย: jiki ที่ 30-12-2011 20:28:48
กินเด็กด้วยคน....นะ
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 1 วัวแก่...แพ้หญ้าอ่อน
เริ่มหัวข้อโดย: miya_pp ที่ 30-12-2011 20:33:34
สนุกดีนะ o13 o13

รีบบบบบบบบบบบมาต่อเลยด้วย^3^
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 1 วัวแก่...แพ้หญ้าอ่อน
เริ่มหัวข้อโดย: •ผั๑`|nกุ้va’ด• ที่ 30-12-2011 21:11:46
เข้ามาจารึกชื่อไว้ว่า จะตามมาอ่านอีก~~ อิอิ

สนุกมากค่ะ รออ่านตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 1 วัวแก่...แพ้หญ้าอ่อน
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 30-12-2011 22:10:48
อร๊ากกก........ต้องติดตามซะแล้วละ มันต้องมีอารายเด็ดๆแน่ๆเลย

อย่าลืมมาต่ออีกนะค๊าฟฟ รอๆน้ออ^^!!
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 1 วัวแก่...แพ้หญ้าอ่อน
เริ่มหัวข้อโดย: ryoko_chan ที่ 31-12-2011 00:39:32
บทที่ 2 ลูกในปาก

“กร”

“พี่กร”

“กร”

“พี่กร”

“กร”

“ฉันบอกว่าให้เรียก ‘พี่’ ไอ้เด็กนี่!”
หลังจากที่ผลัดกันพูดชื่อของตนเองมาอยู่นานหลายตลบ ถึงคราวที่ “พี่กร” หมดความอดทนจนต้องระเบิดเสียงใส่หลานรหัสหน้าหล่อ พ่อรวย พ่วงตำแหน่งลูกพี่ลูกน้องอีกหนึ่ง ที่ไม่เคยเรียกทิวากรคนนี้ว่า “พี่” เลยสักครั้งทั้งที่อายุอานามก็ห่างกันถึงสามปี

ให้ตายเหอะ กูไม่เคยสั่งสอนให้มันเรียกกูแต่ชื่อ!

“หงุดหงิดอะไรกัน เมียมีชู้เหรอไง?”คนถูกด่ายังคงตีสีหน้าเรียบเฉยแถมถามกลับด้วยความฉงนจนเกือบโดนฝ่ามืออรหันต์ฟาดกลับทำเอาหนุ่มน้อยปีหนึ่งอย่างภูเบศธ์ต้องสงบเสงี่ยมเจียมตัวขึ้นมาบ้างใครจะอยากไปเจอลูกตบมหาประลัยของทิวากรกัน..

“เพราะปากหมาอย่างนี้ไงสองถึงไม่สนใจแก!”
กรว่าเข้าให้พร้อมด้วยสายตาอาฆาตที่ใครๆต่างก็กลัวสายตาแบบนี้ของทิวากร จะมีก็แต่ภูคนเดียวนี่แหล่ะที่ยังคงนิ่งเฉยไม่ได้แสดงอาการใดๆออกมา

“ใครว่าสองไม่สนใจฉันล่ะ”หรือว่าจะเถียง..เจอหน้าทีไรแยกเขี้ยวใส่ทุกที พร้อมกับคำว่า “ไอ้เด็กเวร”อย่างนี้เขาเรียกว่าไม่สนใจได้เหรอ?

“ไอ้นี่ ! สองเป็นพี่แกกี่ปี...ไปเรียกชื่อเขาเฉยๆได้ยังไง หา!”กรตวาดไปอีกรอบ จะว่าไปไอ้อาการโมโหจนดูน่ากลัวแบบนี้ของกรไม่ค่อยมีใครได้เห็นกันสักเท่าไหร่ จะมีก็แต่ภูเบศธ์หลานรหัสของกรคนนี้แหล่ะที่เจอประจำอยู่ทุกวัน

   จะว่าไปการเกิดเป็นภูเบศธ์มันน่าดีใจมั๊ยวะ?

“อ๊าววว! นี่กรรู้อะไรมั๊ย? ว่าคนจะเป็นแฟนกันน่ะ เค้าไม่เอาเรื่องอายุมาคิดกันหรอก”เด็กหนุ่มหน้าหล่อยื่นหน้าเข้าไปใกล้กับใบหน้าหวานของญาติผู้พี่จนเกือบติดกัน ก่อนจะส่งสายตายียวนให้ตบท้าย ทำให้มือของกรยกขึ้นมาแบบอัตโนมัติฟาดเข้าให้ที่หัวของภูแบบไม่ยั้งแรง

“เพราะอย่างนี้ไง เขาถึงไม่เคยเหลียวแลเด็กอย่างแก ไอ้ภูเบศธ์ ชาติหน้าแกก็จีบไม่ติด รู้ตัวไว้ซะ!”กรว่าหลังจากที่ตบหัวหลานรหัสไปหนึ่งทีจนมือแดง โดยมีเสียงบ่นอุบอิบว่า “เวลาที่อยู่ต่อหน้าสอง ฉันก็เรียกเขาว่ารุ่นพี่นา”

ถามทีเหอะนี่หัวคนหรือหัวหมา แข็งชิบ!
กรสะบัดมือเบาก่อนจะเหลือบไปมองไอ้ลูกผู้น้องที่พูดเสียงอ่อยๆเมื่อครู่ได้สักประโยคแล้วเงียบเสียงไป

“อ้าว ทำเป็นเงียบ..แทงใจดำอ่ะดิ” กรลองหยั่งเชิงถามเด็กหนุ่มเมื่อเห็นได้ชัดว่าหลังจากที่ตัวเองพูดออกไปเช่นนั้น ภูก็ดูจะสลดลงไปในทันตา จะด่าจะว่ามันเรื่องอะไรไม่เคยเห็นมันจะสะทกสะท้าน แต่ถ้าเรื่องเกี่ยวกับนายกมลินทร์เมื่อไหร่....
หงอยเป็นไก่ติดโรคเชียวนะมึง!

“นั่นสิ...แล้วทำไมสองถึงไม่เคยสนใจฉันสักทีล่ะ?”     สายตาทะเล้นกลับกลายเป็นสายตาที่ดูจริงจังส่งกลับมาให้กร ถึงกรจะยังคงระคายหูในเรื่องที่ภูไม่เคยเรียกสองว่าพี่หรือแม้แต่กระทั่งตัวเองที่เป็นทั้งปู่รหัสและญาติผู้พี่ว่า ‘พี่กร’เลยก็ตาม...แต่กรก็ตอบกลับไปทันทีว่า

“เป็นกู กูก็ไม่สนว่ะไอ้คุณภูเบศธ์!”
พูดใส่หน้าให้เต็มเสียงจนภูต้องเบือนหน้าหนี

“ฉันก็ไม่ได้บอกให้กรมาสนฉันสักหน่อย...อย่างกรนะ แถมเงินให้ไม่อยากได้เลย อ่า ถ้าแถมรถนอกอีกสักคันสองคัน ฉันยังต้องขอคิดดูอีกทีเลยอ่ะ!”
ผีเจาะปากมันให้พูดหรือไงวะ กูอยากกระโดดถีบขาคู่ไอ้เด็กนี่จริงๆ!

“ไอ้ภูเบศธ์..แกอยากให้สองสนใจแกมะ?”กรเองก็ไม่รู้ว่าจะเถียงกับเด็กไปเพื่ออะไรเพราะรู้ว่าชาตินี้ก็ไม่เคยเถียงชนะ เลยจำใจต้องพูดกับมันดีๆก่อนที่มันจะหันมาแว้งกัดเอาอีก

คิดดูเหอะกับคนที่มันรักมันชอบ..ยังโดนซะขนาดนั้น
แล้วทิวากรล่ะจะขนาดไหน? โดนกัดทีตายห่าไปเลยดีกว่า...

“อยากสิ..แต่จะให้ทำไงล่ะ เจอหน้าสองทีไรอดไม่ไหวที่จะปล่อยลูกออกมาวิ่งเล่น”ภูเบศธ์คงจะหมายถึงลูกๆในปากที่เลี้ยงเพาะพันธุ์ไว้เป็นฟาร์ม ว่าแต่ใครสนใจมาซื้อไปเลี้ยงภูเบศธ์ก็ไม่เคยขัดเพราะรู้ดีว่าลูกในปากตัวเองพันธุ์ดีเฝ้าบ้านได้!

“หึงล่ะสิ...”

เออ!...โอ๊ย!”ตอบกลับไปคำร้องตามมาอีกคำ

ทำไมนายทิวากรถึงได้ชอบตบหัวกูนักนะ!

“ตอบผู้ใหญ่น่ะหัดพูดเพราะๆแกนี่สอนไม่จำ!”พูดดีๆกันไม่ทันถึงสองประโยคdiก็อดไม่ไหวที่จะสั่งสอนไอ้หลานรหัสคนนี้อีกครั้ง

“รู้แล้วๆ!” ภูกระชากเสียงตอบส่งๆอย่างกับคนรำคาญเพราะรู้ว่าถ้าขืนยังทำให้กรด่าอีกเป็นรอบที่สาม กระโหลกข้างซ้ายอาจจะบุบจนพิกลพิการได้

“แต่หึงแล้วจะได้อะไร สองควงเด็กเคยซ้ำหน้าเมื่อไหร่ เขาไม่เคยแลฉันด้วยซ้ำ”เด็กหนุ่มเริ่มเข้าสู่โหมดเครียดจนกรต้องตบบ่าเบาๆ

“ก็เอาลูกในปากแกออกซะให้หมดสิ..จะได้ไม่ออกมาเพ่นพ่านกัดคนเขาอีก~”กรยิ้มหวานแต่กลับดูประชดประชันไม่เข้ากับคำพูด
สงสัยทิวากรจะติดเชื้อปากหมาจากภูเบศธ์ซะแล้ว!

“ปากหมา!”ภูว่าเข้าให้ ถึงจะเป็นคำด่าที่ถือธรรมดามากถ้าเปรียบจากคำด่าที่ภูเคยด่ามา แต่ไม่รู้ทำไมกรรู้สึกจี๊ดไปถึงไต

“ไอ้นี่! นี่ถามจริงเหอะ คิดจะจีบเขาจริงจังป่ะเนี่ย? คนเขาก็อุตส่าห์จะช่วย!”กรขึ้นเสียงอีกรอบ ชักเริ่มไม่ค่อยอยากจะสนทนากับร่างสูงตรงหน้า พูดคำทะเลาะคำจนรำคาญเสียเอง

“จริงจัง ล้านเปอร์เซ็นต์!”

“งั้นก่อนอื่นฉันแนะนำ ให้เอาลูกในปากออก ก่อนเจอสอง”

“เอาไปฝากไว้ในปากกรแทนได้มะ?”

“อย่ากวนตีน!”

“ก็ได้”

“ต่อมา คือหัดทำตัวน่ารักให้สมกับฐานะเด็กในฮาเร็มของสอง” กรเริ่มบรรยายต่อหลังจากที่ศึกษาข้อมูลเรื่องของ “สอง กมลินทร์” มาแน่นปึ้กจากตรฤณผู้นำเสนอข่าวและเป็นผู้ที่มีความรู้เรื่องของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า กมลินทร์ ดียิ่งเสียกว่าเจ้าตัวเอง(มันบอกมางั้น ก็โฆษณาให้มันหน่อย)

“ฉันไม่ได้อยากเป็นเด็กในฮาเร็มสองนะ! นี่กร~ ฉันอยากเป็นแฟนสองนะไม่ได้อยากเป็นเด็กในฮาเร็มสักหน่อย” เจ้าภูรีบเกาะแขนกรพร้อมกับรำพึงรำพันจนคนโดนเกาะชักรำคาญ

“ก็รู้อยู่ว่าสองฮอตแค่ไหน อย่างแกก็ต้องเริ่มจากเด็กในฮาเร็มเขาล่ะไม่งั้นแกจะได้ใกล้ชิดเขาไหมล่ะ? แม่งเจอเขาทีไรไม่กัดก็ประชด”

“ก็ไม่รู้นี่หว่าจะเข้าไปหายังไง กรก็รู้ว่าฉันเอาใจคนไม่เป็น”พูดไปก็นึกโมโห หวนนึกถึงภาพเก่าๆที่ต้องเห็นทุกครั้งเวลาที่สองอยู่กับเด็กๆในฮาเร็ม     เด็กหนุ่มน้อยทั้ง หลายต่างก็รูปหล่อพ่อรวย แถมพ่วงด้วยความเอาใจเก่ง...
ภูเบศธ์มีเหรอจะไม่สู้ แต่บังเอิญดันเกิดเป็นคนเอาใจคนไม่เป็น ปากหมาก็เท่านั้น เอาแต่ใจก็เท่านี้ ไม่ได้อยู่ในคุณสมบัติของเด็กในฮาเร็มของสองเลยสักนิด (ยกเว้นสองข้อแรก...รูปหล่อพ่อรวยนี่ทิวากรยืนยันได้!)

“ก็หัดเอาใจคนบ้างเซ่! เพราะถ้าไม่...ต่อให้ไดโนเสาร์มันเกิดใหม่มาอีกรอบแกก็ยังไม่ได้สองเป็นแฟน ชัดมะ?”กรพูดพร้อมกับมองหลานรหัสที่กำลังตีสีหน้าไม่ถูก และกรเองก็อ่านไม่ออกเสียด้วย


“ว่าแต่ไอ้ไดโนเสาร์เกิดใหม่อีกรอบเนี่ยมันนานมะ?”นายภูเบศธ์ถามด้วยความสงสัยพร้อมหน้าตาแสดงความฉงน
สรุปว่ามันเครียดเรื่องสองหรือเรื่องไดโนเสาร์?

“ไอ้คุณภูเบศธ์! อย่ามาโง่ในเรื่องที่ควรฉลาด ไดโนเสาร์บ้านป๊าเหรอมันเกิดใหม่ได้”
แม่ง สูญพันธ์ไปกี่สิบชาติแล้ววะนั่น! มึงยังจะเอามาคิดให้ปวดหัวแม่เท้าอีก
ไอ้นักเรียนสี่จุด!*

(* เกรดเฉลี่ย 4.00 = สี่จุด เรียกย่อๆ)

“อ้าว...ก็นึกว่ากรจะรู้ เห็นโง่ๆ เลยถามลองเชิง”จากใบหน้าครุ่นคิดเมื่อสักครู่กลับกลายเป็นรอยยิ้มกวนตีนที่กรอยากจะเอาตีนลูบหน้าให้สมกับรอยยิ้มของมัน!

“ภู..กูไม่ช่วยมึงแล้ว!”ว่าแล้วก็ลุกขึ้นเดินออกจากโต๊ะไม้หินอ่อนที่นั่งสนทนาอยู่กับภูได้อยู่นานสองนาน ทำเอาร่างสูงที่เพิ่งถูกทิ้งวิ่งตามแทบไม่ทัน

“กร....ก๊อนนนนนน รอก่อน....อย่างอนตูดบิดคิดมากจนเป็นตุ๊ดดิ!”

“หุบปากแกไปเลยไอ้น้องเลว”หันกลับมาด่าคืนบ้าง เห็นเรียกเอาไว้ก็นึกว่าจะมาง้อ ที่ไหนได้มาด่าทิวากรเป็นตุ๊ด..ไม่ปลื้มเว้ย!
“โอ๋~ พี่กร....ช่วยน้องชายสุดหล่อคนนี้ให้ได้สองมาเป็นแฟนด้วยนะคร๊าบ” ร่างสูงโปร่งวิ่งตาม ‘พี่กร’ มาติดๆพร้อมกับพูดเสียงนุ่มเสียงหวานจนชวนขนลุก...
ทีอย่างนี้ทำมาเป็นเรียก “พี่” เชียวนะ!

“แกก็หัดฟังที่ฉันพูดบ้างสิ!” คำอ้อนของเจ้าหลานรหัสทำให้กรหยุดที่จะเดินหนี และหันกลับมาพูดกับภูดีๆ ต่อให้มันปากหมากว่านี้อีกสักสิบเท่ากรก็โกรธไอ้น้องคนนี้ไม่ลง ก็อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก รักมันอย่างกับน้องแท้ๆ ด้วยความที่เป็นลูกคนเดียวด้วยเลยทำให้กรยากจะมีน้องสักคนบ้าง แล้วบังเอิญว่าคุณน้าของกรมีลูกเป็นเด็กผู้ชาย เลยทำให้เป็นเพื่อนเล่นกับกรตั้งแต่ยังเล็ก
ช่างสมเป็นน้องชายที่ฟ้าถีบส่งลงมาให้กูเสียจริงๆ!

“ก็ได้ครับ  ” นายภูเบศธ์พูดจาไพเราะเพราะพริ้งจนฟังลื่นหู จนกรนึกภูมิใจที่สั่งสอนจนน้ำลายแห้งไม่ได้เสียเปล่าสักเท่าไหร่ ทั้งๆที่รู้อยู่เต็มอกว่าที่มันเปลี่ยนจากหลังเท้าเป็นหน้ามือได้ขนาดนี้ก็เพราะต้องการความช่วยเหลือ

“งั้น ฟังฉันแล้วทำตามที่ฉันบอกทุกอย่างโอเคมะ?” กรเริ่มมีแผนในหัวคร่าวๆก่อนจะพูดออกมาพร้อมด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“ได้เลยครับพี่กร”

ทีเงี้ย เรียบร้อยเป็นผ้าพับไว้(แล้วยัดใส่ตู้)เชียวนะมึง

________________________________________

“กรครับ...ทานข้าวกลางวันหรือยัง ถ้ายังไง....”
หนุ่มหล่อมาดเข้มหน้าตาดีคนหนึ่ง เดินเข้ามาหาหนุ่มหน้าสวยของคณะบริหารก่อนจะพยายามเอ่ยชวน ‘ทิวากร’ ไปทานข้าวกลางวันด้วยกัน แต่พูดยังไม่ทันจบก็โดนขัดขึ้นเสียก่อน

“โทษทีฉันไม่ว่างคุย” กรเพียงแค่ปรายตาไปมองด้วยหางตาก่อนจะนั่งนิ่งอยู่กับที่ จะว่านั่งรอคนก็ไม่น่าจะใช่เพราะดูจากท่าทางแล้วไม่เห็นว่าจะชะเง้อมองหาใคร จะว่านั่งรอเรียน...ก็ไม่เห็นจะมีหนังสือเรียนสักเล่ม แล้วคนสวยมานั่งเป็นเป้าสายตาอยู่กลางคณะทำไม อันนี้ก็ไม่มีล่วงรู้ถึงจุดประสงค์ได้

“แต่ว่า...”

“ถ้าไม่มีธุระอะไรก็กลับไปเถอะ...ฉันไม่ว่างจริงๆ”กรยังคงตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆแต่มาพร้อมแววตาสุดแสนเย็นชา    ประหนึ่งว่าคนตรงหน้าไม่ได้มีความหมายอะไร แถมพอยิ่งอยู่นาน  ก็ยิ่งรับรู้ได้ถึงสายตาของคนสวยที่ค่อยๆเพิ่มดีกรีความไม่พอใจทางสายตามากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ทำเอาคนที่มาทักทายต้องรีบถอยทัพกลับไปในทางที่ตัวเองมา
เป็นอย่างนี้เสมอสำหรับหนุ่มหน้าสวยประจำคณะบริหาร ที่ใครหลายคนก็ต่างหวังว่าจะเข้าไปใกล้ชิดเพื่อให้ได้ครอบครองหัวใจ แต่เวลาสี่ปีที่กรอยู่ในมหาวิทยาลัยก็เป็นตัวพิสูจน์ถึง “ความสวยแล้วหยิ่ง” ได้เป็นอย่างนี้ เพราะจนถึงวันนี้ ยังไม่มีใครเคยได้กรมาครอบครองเลยสักคน
จีบได้จีบไป ไม่สนใจซะอย่าง..มีปัญหามะ?

และเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่ตรฤณคอยเฝ้ามองตั้งแต่เดินออกมาจากห้องเรียน ทำเอาร่างสูงใหญ่หัวใจห่อเหี่ยว พอเห็นกรนั่งอยู่คนเดียวก็กะว่าจะเดินไปทักสักหน่อยตามประสาคนรู้จักคุ้นเคย(?) แต่พอเจอเหตุการณ์เมื่อสักครู่เข้าไปทำเอาตรฤณก้าวขาไม่ออก ลืมวิธีเดินไปชั่วขณะกันเลยทีเดียว

ถ้ากูเป็นไอ้หน้าหล่อนั่น...กูคงสั่นจนช็อคอ่ะ

นี่ขนาดเป็นแค่ผู้เฝ้าสังเกตการณ์ยังรู้สึกกลัวจนฉี่แทบเล็ดเล้ย!

ตรฤณก็ทำได้แค่คิด...คิดแล้วก็ถอนหายใจ...แล้วก็เดินหันหลังกลับไป
กูไม่โง่พอที่จะเดินเข้าไปให้เขาทำเย็นสาใส่แล้วมานั่งปวดใจเล่นหรอกเว้ย!

“ตรฤณ..นั่นตรฤณใช่มั๊ย?”

แต่ได้ข่าวว่าเขาเรียก ‘ตรฤณ’ว่ะ?

เฮ้ย นั่นชื่อกู!!

“อ้อ..กร”
ร่างสูงใหญ่รีบหันไปตามเสียงเรียกและทำหน้าประหนึ่งว่าเพิ่งเห็นว่ากรนั่งอยู่ตรงนั้น ทั้งที่ในใจกู่ ร้องเป็นภาษาเคนย่าด้วยความปลื้มปิติ
“ตรฤณ....ฉันมารอตั้งนาน..เพิ่งเรียนเสร็จเหรอ?”

โฮะ! ได้ยินมั๊ยมึง เขามานั่งรอกู ทิวากรมานั่งรอตรฤณ!

   (พูดในใจพร้อมกับส่งสายตาเยาะเย้ยไปให้ไอ้หน้าหล่อ ที่เดินเข้าไปทักกรก่อนหน้านี้ที่ตอนนี้กลายเป็นผู้สังเกตการณ์แทนตรฤณเสียเอง)

“อ่า..ใช่เพิ่งเรียนเสร็จ มีอะไรหรือเปล่าล่ะกร?”ตรฤณรีบยกมือขึ้นเซตผมอย่างตื่นเต้นพยายามคิดตลอดเวลาว่าตอนนี้ตัวเองดูดีหรือยัง ก็เคยคิดอยากพกกระจกไว้เช็คความหล่อบ้างอยู่หรอก แต่ติดว่าเดี๋ยวโดนไอ้สองหาว่าเป็นตุ๊ด
“เอ่อ..แล้วสองไม่ได้มาด้วยเหรอ?”
มาหากูแต่ถามถึงไอ้สองนี่นะ?

“เออ..แล้วไอ้สองมันหายไปไหนของมันล่ะเนี่ย” ตรฤณดูเหมือนจะคิดได้เมื่อโดนกรทักเพราะปกติเพื่อนตัวเล็กเขาจะเดินตามเขามาติดๆตลอดปานลูกเจี๊ยบเดินตามแม่ไก่เลยไม่ต้องถามหาหรือเรียกให้เสียเวลา แต่ตอนนี้มันไปไหนของมันวะ?
หรือว่า....

“ตายห่า!ลืมมันไว้ที่ห้อง..แม่งหลับคาห้องแล้วลืมปลุก!”พูดจบร่างสูงใหญ่ของตรฤณก็รีบหันหลังกลับแล้ววิ่งขึ้นไปชั้นสองไปยังห้องที่เพิ่งออกมาเมื้อสักครู่ทันที ทิ้งให้กรยืนทำตาปริบๆมองตรฤณที่ลุกลี้ลุกลนวิ่งพรวดพราดกลับไป ก่อนจะค่อยๆหัวเราะออกมาราวกับว่ามันเรื่องตลก....

และไม่นานเกินรอ ตรฤณก็เดินกลับมาพร้อมชายหนุ่มตัวเล็กที่เดินโงนเงนพิกลราวกับคนเมา

“มึงอ่ะ! ทิ้งกูได้”ถึงตาจะยังไม่ลืมเต็มตาแต่ปากก็เริ่มขยับด่าเพื่อนตัวใหญ่ที่เพิ่งไปปลุกตัวเองให้ลุกออกจากห้องเรียนที่ปิดไปจนมืดสนิท ก็เพราะตอนลืมตามาอีกทีก็เห็นแต่หน้าไอ้ตรฤณมันอยู่คนเดียวในห้อง ทำให้สองรู้ตัวเลยทันทีว่าหลับคาห้องแล้วไอ้ตรฤณมันลืมปลุก

“ไม่ต้องมาด่ากู บุญไหร่แล้วที่กูไม่รอให้ภารโรงขังมึงไว้ในห้องน่ะ!”ตรฤณด่าเข้าให้ทำเอาสองเถียงไม่ออกเนื่องจากเพิ่งตื่นสมอง เลยต้องรับคำพูดของเพื่อนรักแล้วมาผ่านกระบวนการประมวลผลที่ช้าราวกับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีแรมเพียงแค่256 MB
“ฮ่าฮ่าฮ่า  ” แต่เสียงหัวเราะของกรก็ขัดขึ้นมาทำให้เพื่อนซี้สองคนรีบหันไปมองด้วยความสงสัย
“พวกนายสองคน...สนิทกันจังเลยนะ”กรว่าพร้อมด้วยรอยยิ้ม ซึ่งสองเองก็พยักหน้ารับกับคำพูดของกร ส่วนตรฤณ ล่องลอยไปกับรอยยิ้มของทิวากรเป็นที่เรียบร้อย
คนบ้าอะไร อยู่เฉยๆก็สวยโคตรๆ แล้วนี่ยังมายิ้มอีก สวยยกกำลังสองเลยเหอะ!

“ไหนๆ ก็อยู่ครบกันแล้ว พอดีฉันจะมาชวนพวกนายสองคนน่ะ...ไปเลี้ยงสายด้วยกันเอามะ?”
“ไปสิ!” ตรฤณรีบยกมือพร้อมกับปากที่ตอบโดยไม่ต้องผ่านกระบวนการคิดจากสมอง ทำให้สองหันไปมองหน้าเพื่อนซี้อย่างเอือมระอา

นี่มึงคิดจะถามเพื่อนมึงก่อนบ้างมั๊ย? มึงเคยสนใจเพื่อนมึงบ้างมั๊ย
ไอ้คนเห็น(ว่าที่)เมียดีกว่าเพื่อน! 

ถึงตอนแรกก็คิดอยากจะเออออห่อหมกไปตามเจ้าตรฤณแต่พอเห็นหน้าผากกว้างๆที่ล่อแสงอาทิตย์ยามเที่ยงวันมาแต่ไกลที่ค่อยๆใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ทำให้กมลินทร์ตระหนักได้ว่าถ้าไปเลี้ยงสายรหัสร่วมกันกับทิวากร....อย่างนั้นไอ้เด็กเวรภูเบศธ์ก็ต้องไปด้วยสิ
เฮ้อ....กมลินทร์อยากผูกคอตายใต้ต้นถั่วงอก!

“อ้าวกรอยู่นี่เอง...”
นั่นไงเสียงสวรรค์ คู่กัดของสองตั้งแต่ชาติปางก่อนที่จองล้างจองผลาญตามมาเกิดอยู่ใกล้ๆมาถึงแล้ว

“อ้าววันนี้ไม่ออกไปหาหญ้ากินเหรอ?”และพอภูเบศธ์เข้ามาร่วมวงสนทนา สองก็คือเป้าหมายต่อไปที่คนคนนี้เลือกที่จะพูด(?)ด้วยทันทีสองทำได้แค่เพียงกำมือแน่นเพราะพยายามระงับอารมณ์ที่เริ่มเดือดปุดๆ โดยที่ตรฤณเองก็มองอาการเพื่อนรักอย่างขำๆสลับกับมองหน้าไอ้เด็กหล่อที่บอกว่าจะ “จีบ” สอง ส่วนกรก็รีบกระชากแขนภูพร้อมกับกระซิบ

เก็บหมาเข้าคอกเดี๋ยวนี้ นายภูเบศธ์!”

“เอ่อ...สองอย่าไปสนใจมันเลย ว่าแต่..จะไปด้วยกันใช่มั๊ย?”เมื่อหันไปจัดการช่วยเก็บหมาในปากของภูเบศธ์ ก็รีบหันไปถามสองด้วยความลุ้นเพราะอาการของคนตัวเล็กตรงหน้าเตรียมพร้อมเสมอที่จะตอบว่า Just say No!

“เอ่อฉันว่า...ให้ตรฤณมันไปเถอะพอดีฉันเองไม่แน่ใจว่าน้องๆในสายฉันจะว่างตรงกันหรือเปล่า” สองพยายามปฏิเสธอย่างสุภาพแต่กลับถูกตรฤณรั้งแขนเอาไว้แล้วหันไปคุยกันสองคน

“เฮ้ยมึงนี่! กูไปมึงก็ต้องไปสิ  มึงกล้าทิ้งเพื่อนอย่างกูเหรอ?”ตรฤณรีบทักท้วง

“เพื่อนอย่างมึงนั่นแหล่ะสมควรทิ้งเป็นที่สุด..กูรู้หรอกว่ามึงระริกระรี้อยากไปกับกรจนใจแทบขาด...แต่มึงก็รู้ว่ากูเกลียดไอ้เด็กนั่น!”
สองพูดอย่างอารมณ์เสียก่อนจะแอบเหล่ไปทางไอ้คนที่สองนึกเกลียดนักเกลียดหนา

“มึงอ่ะ ไม่ไปกูงอนนะ!”

“เชิญ..”

“เฮ้ยกูจะโกรธจริงๆ...แล้วนะ”

“ตามสบาย กูไม่ซีเรียส ถ้าจะเสียเพื่อนอย่างมึงไป”

“สองงงงงงง....น้า...กูขอร้อง ไปเป็นเพื่อนกูหน่อย มึงก็รู้ว่ากูทำตัวไม่ค่อยถูกเวลาอยู่กับกร..ถ้ามึงไม่ช่วยกูแล้วหมาตัวไหนจะช่วย..ก็มีมึงคนเดียวนี่แหล่ะที่ช่วยกูได้ มึงลองนึกย้อนไปเมื่อสมัยก่อนบ้างสิว่ากูช่วยอะไรมึงไว้บ้างเวลากูมีปัญหากูก็ช่วยมึงตลอด แล้วเรื่องแค่นี้มึงช่วยกูไม่ได้กูก็หมดคำจะพูดว่ะ สอง”
“แล้วหมดหรือยังวะ? ไอ้คำพูดน่ะ แม่งร่ายมาซะยืดยาว แล้วก็เลิกทวงบุญคุณกูสักที เพราะมันไม่ได้ทำให้กูรู้สึกผิด!”
“สองอ่า....”ตรฤณเริ่มโยเยเป็นเด็กเล็กแขนใหญ่คล้องแขนเพื่อนตัวเล็กอย่างออดอ้อนช่างไม่เข้ากับหน้าตาและบอดี้
แม่งตัวใหญ่อย่างกับหมี แต่ทำตัวอย่างกับเด็กป.สี่ กูงี้เครียดแทนมึงว่ะ ไอ้คุณตรฤณ

“ก็ถ้าเมิงไม่ไปกูก็ไม่เลิกทำตัวปัญญาอ่อน!”ตรฤณประกาศความตั้งใจทั้งที่ผู้คนส่วนใหญ่ก็เริ่มหันมาสนใจพวกเขาทั้งสอง
“ตามสบาย มึงทำมึงอายเอง”สองเองก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะทำตามคำร้องขอของตรฤณ...ใจแข็งใช่ย่อย
“สอง...ฮือ.....มึง..ฮึก...มึง..มึงจะทิ้งกูจริงๆเหรอ....มึงกล้าทิ้งกูเหรอ?...มึงไม่คิดถึงความที่เป็นเพื่อนกันเป็นสิบๆปีเลยเหรอ ฮึก...ฮึก มึงอ่ะ ใจร้าย!”แต่เรื่องราวชักจะไปกันใหญ่ในเมื่อตรฤณก็พยายามทุกวิถีทาง ที่จะทำให้สองไปงานเลี้ยงสายด้วยกันให้ได้แต่สองก็ยังยืนยันคำเดิมว่าจะไม่ไป ตรฤณเลยต้องงัดไม้ตายสุดท้ายออกมาให้

อย่างน้อยกูก็ไม่ต้องอายคนเดียวเว้ยไอ้สอง ฮ่าฮ่าฮ่า!

ชายหนุ่มนามว่าตรฤณกุมรีบกุมมือสองเอาไว้แน่น แล้วรำพึงรำพันออกมา พร้อมกับน้ำตาคลอเบ้าเพื่อให้ตกเป็นเป้าสายตาทุกคู่ที่อยู่ในคณะทำเอาสองรู้สึกอายขึ้นมาเสียเอง

“ไอ้ตรฤณ มึงหยุดเดี๋ยวนี้เลยนะเว่ย!”

“กูไม่หยุด..ฮึก...กูจะหยุดต่อเมื่อมึงไปด้วย”

“ไอ้ตรฤณ..มึง..ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้” สองหันรีหันขวางเริ่มทำตัวไปถูกเมื่อตรฤณล้มตัวลงนั่งกับพื้นแล้วเกาะแข้งเกาะขาเขาเอาไว้เสียแน่น ตรฤณเองก็รู้ดีว่า “ละครห่วยๆ” ที่ตรฤณกำลังเล่นไม่อาจสามารถตบตาเพื่อนรักอย่างสองได้แต่รู้ว่าสองเป็นพวกรักษาภาพพจน์ตัวเอง เลยทำให้เพื่อนตัวเล็กได้อายเล่นกลางโรงอาหาร เชื่อเหอะไม่เกินสองนาทีเดี๋ยวมันก็ Say yes เอง!

“เอ่อ..ถ้าสองลำบากใจขนาดนั้นฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ...” การแสดงออกของตรฤณ ขนาดกรยังมองออกว่าเป็นการเล่นละคร เลยขอลองเข้าร่วมอีกคนในเมื่อสองใจแข็งกว่าที่คิดเอาไว้เยอะ เลยต้องร่วมเป็นนักแสดงเจ้าบทบาทพ่วงรางวัลตุ๊กตาทองมาล่อให้สองตกหลุมพรางที่ตนเองวางขึ้น

“แต่งานนี้คงไม่สนุกแน่ๆเลยถ้าไม่มีสองน่ะ”กรพูดพร้อมกับสีหน้าเศร้าๆจนสองรู้สึกผิดเลยต้องรีบสะบัดขาไล่ไอ้เพื่อนหน้าหมีออกจากขาแล้วรีบเดินไปหากร

“เอ่อ...คือ....เอ่อ..ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกนะกร..”

“เพราะมีฉันไปใช่ไหมล่ะ?... ฉันเองก็ไม่ได้อยากไปงานที่มีคนบางคนไปด้วยสักเท่าไหร่หรอกนะ...กรฉันไม่ไปหรอก เชิญนายชวนเพื่อนนายไปเลี้ยงเถอะ ขาดฉันสักคนงานคงไม่แกร่วหรอก”ภูเบศธ์รีบออกตัวพร้อมด้วยส่งสายตาตัดพ้อไปให้สอง ซึ่งสองเองก็ไม่ค่อยที่จะเข้าใจนัก ก็พอรู้ว่าเหมือน ภูเบศธ์กำลังน้อยใจตนเองอยู่
ว่าแต่มันเป็นใคร? มาบังอาจทำมาเป็นน้อยใจ เด็กในฮาเร็มก็ไม่ใช่ แล้วใช่เรื่องเหรอที่จะไปใส่ใจ ไม่ไปสิดี กมลินทร์คนนี้จะได้ลัลล้าไปงานปาร์ตี้เลี้ยงสายอย่างไม่มีหมามาคอยกัดคอยเห่าให้รำคาญแก้วหู

ตกลงว่าฉันไปนะกร”สองเองก็ไม่รู้ตัวเหมือนกันว่าจะต้องไปพูดเสียงดังเพื่อประชดกลับใส่ใคร แต่สายตากลับเหล่ไปทางเด็กปากหมาที่กำลังเดินออกจากวงสนทนา

“อ่า..เอาเป็นว่าไปนะ แต่ฉันขอตัวก่อนนะไปเคลียร์ธุระส่วนตัวก่อน”     เมื่อได้คำยืนยันจากปากของสองกรก็รีบขอตัวแล้ววิ่งตามไปเด็กปากหมาที่กระแดะไม่เข้าเรื่อง


“ไอ้คุณภูเบศธ์ครับ! หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ..แกเป็นอะไรของแก ฉันรึก็อุตส่าห์พยายามจนสายตัวแทบขาดเพื่อให้สองไปเลี้ยงสายด้วย จะได้หาโอกาสให้แกได้อยู่กับสอง แล้วนี่อะไร! ดันมาทำงอนไม่ไปงานซะดื้อๆ !”

“กรไม่เห็นหรือไง ว่าเขาไม่เต็มใจไปถ้ามีฉันอยู่” ร่างสูงโปร่งที่ออกมาจากกลุ่มสนทนาก่อนเพื่อนหยุดเดินพร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง แววตาคมที่ดูขี้เล่นอยู่ตลอดเวลากลับดูหม่นหมองจนน่าเป็นห่วง

“แล้วจะไปบังคับเขาให้ได้อะไรขึ้นมา..ฉันพอจะรู้ตัวแล้วล่ะ ว่าไอ้เด็กเวรอย่างฉันเขาไม่เคยเห็นหัวอยู่แล้ว”ร่างสูงแหงนมองเพดานตึกอย่างไร้จุดหมายคล้ายพยายามหาจุดสนใจอื่นเพื่อบังคับไม่ให้ตนเองคิดมากไปมากกว่านี้

ก็คนมันรัก..แต่แค่จีบไม่เป็น..คนอย่างภูเบศธ์ผิดด้วยเหรอ?

“งั้นก็พูดไปเลยสิ...ว่าจะจีบเค้าน่ะ”กรพูดพร้อมกับเดินเคียงข้างไปกับภูช้าๆ...เพราะรู้ดีว่าถึงจะปากเสียไปบ้าง(?)แต่ก็เป็นคนดีคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ ถ้าได้รักใครก็รักมาก แต่แค่เป็นคนที่แสดงความรู้สึกไม่ค่อยเก่งเลยทำให้ภูเป็นโสดมาตลอดจวบจนอายุสิบเก้าปี ทั้งที่ก็มีสาวเล็กสาวน้อยเข้ามาอยู่ไม่ขาด แต่ภูกลับไม่เคยมีความรู้สึกพิเศษกับใคร

จนมาเจอสองนี่แหล่ะที่ทำให้ไอ้เด็กปากหมาของทิวากรเปลี่ยนไป...

เปลี่ยนไป......เป็นไอ้เด็กเวรของกมลินทร์แทน ฮ่าฮ่าฮ่า

“คิดว่าฉันกล้าเหรอ?...”เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

“งั้นฉันไปบอกให้”กรลองเสนอ

“อย่าเลย..ฉันอยากบอกด้วยตัวเองมากกว่า”

เอ๊าไอ้นี่! สรุปมึงจะเอาไง ?


“ให้ไปบอกเอง ก็ไม่กล้าจะไปบอกให้ก็ไม่เอามึงจะเอายังไงกันแน่ ไอ้คุณภูเบศธ์ กูชักเอาใจมึงไม่ถูกแล้วนะ!”

“กร..ฉันควรทำยังไงดี”เสียงดุๆของกรไม่ได้ทำให้ภูหลุดออกจากความกังวล แต่ดูยิ่งกังวลหนักเข้าไปอีก

“ฉันรักเขาจนจะบ้าอยู่แล้ว..”และถ้าหากสองไม่ได้มีเด็กในสังกัดเยอะขนาดนั้น ภูก็คงไม่ต้องมานั่งเครียดขนาดนี้เช่นกัน
กรทำได้เพียงแค่ถอนหายใจคิดไม่ตกกับปัญหาความรักของหลานรหัส กรพยายามคิดหาทุกวิถีทาง แต่ก็ไม่รู้จะสำเร็จหรือเปล่า อย่างน้อยแผนแรกของเขาก็กำลังจะเริ่มขึ้น แล้วคงต้องขอให้ตรฤณช่วยอีกแรง

________________________


หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 1 วัวแก่...แพ้หญ้าอ่อน
เริ่มหัวข้อโดย: ryoko_chan ที่ 31-12-2011 00:39:49
“แบงค์..มาทำอะไรที่นี่ล่ะเนี่ย?” เพียงแค่เดินออกจากโรงอาหารของคณะสองก็รีบเดินแยกออกจากตรฤณไปหาเด็กหนุ่มที่ดูก็รู้ว่ามายืนรอสอง แต่แค่ทำท่าเหมือนกับว่ามาที่นี่แล้วเจอสองโดยบังเอิญ ตรฤณมองหน้าเด็กคนใหม่ของสองที่รู้สึกว่าไม่เคยเห็นหน้าอย่างพินิจพิจารณา

“เด็กใหม่มึงเหรอ?”ตรฤณรีบเดินมาเทียบเคียงก่อนจะกระซิบถามสองที่ดูจะอารมณ์ดีเมื่อได้พูดคุยกับหนุ่มน้อยที่เพิ่งเดินมาทัก
คราวนี้มีเด็กใหม่แบบกูไม่รู้ ชักจะร้ายเกินไปแล้วนะเว้ย ไอ้กมลินทร์!

“อืม...”สองตอบในลำคอก่อนจะหันไปทางเด็กหนุ่มพร้อมกับแนะนำตรฤณให้รู้จัก

“นี่แบงค์...นี่ตรฤณเพื่อนพี่เอง”สองยิ้มหวานพร้อมกับแนะนำตรฤณให้เด็กใหม่ในสังกัดรู้จัก ซึ่งตรฤณก็ผงกหัวเล็กน้อยเป็นเชิงทักทาย โดยที่หนุ่มน้อยโค้งกลับให้ตรฤณอย่างนอบน้อม ว่าแล้วทั้งสามก็พากันย้ายตัวเองไปนั่งโต๊ะหินอ่อนใต้คณะแทน

ในขณะที่สองพูดจากับน้องแบงค์กันอย่างออกรส ตรฤณเองที่นั่งเป็นตอประดับโต๊ะก็เริ่มไล่สายตาไปทางอื่นด้วยความเบื่อ แต่อีกนัยหนึ่งก็คือช่วยสอดส่องสายตามองหาเด็กของสองคนอื่นๆไม่ให้ใกล้เข้ามาในระยะสามสิบเมตร ไม่งั้นรถไฟอาจจะชนกันได้อีก

แต่ครั้งนี้สายตาของตรฤณกลับไปเจอเด็กหนุ่ม ‘ภูเบศธ์’ ที่ไม่ใช่เด็กในสังกัด แต่ตรฤณกลับรู้สึกผิดอย่างบอกไม่ถูกเมื่อเห็นสายตาของภูเบศธ์ที่มองมาทางสองที่พูดจายิ้มแย้มแจ่มใสกับน้องแบงค์เด็กใหม่ของสองมัน

และถัดไปทางซ้ายของโฟกัสสายตา...ตรฤณก็เจอของดีเข้าให้เสียแล้ว

“สอง...”
ตรฤณแอบสะกิดเรียกเพื่อนตัวเล็กเบาๆ ทำให้สองหันมาสนใจเพื่อนสนิทชั่วคราว

“น้องบอลมึงมา”เพียงแค่นั้นสองถึงกับทำตาเหลือกแล้วรีบหันมามองหน้าเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงข้างหน้าอย่างคิดอะไรไม่ออก

“เฮ้ย..จริงดิ งั้นมึงช่วยไปจัดการน้องบอลก่อนแล้วกัน บอกว่ากูไม่อยู่ บอกว่าไปไหนก็ได้แล้วแต่มึงจะคิดออก” สองหันมากระซิบกับตรฤณก่อนจะรีบกลับไปยิ้มหวานให้น้องแบงค์ปกปิดความผิดของตัวเอง
ซึ่งคำพูดของสองทำให้ตรฤณถึงกับยิ้มออกมา อย่างน้อยบางทีมันก็อาจจะทำให้ตรฤณรู้สึกผิดต่อไอ้เด็กเวรของสองน้อยลงได้บ้างไม่มากก็น้อยล่ะว่ะ!




“น้องบอ...น้องบอล”ตรฤณรีบเดินปลีกตัวออกมาจากสองที่นั่งอยู่อีกฝั่งของตัวตึก ที่บอลได้เดินผ่านมาแล้วโดยที่ไม่เห็นว่าหวานใจของตนเองนั่งอยู่

“อ้าว..พี่ตรฤณมีอะไรเหรอครับ?...แล้วพี่สองล่ะไม่ได้อยู่ด้วยกันเหรอครับ?”

“อ๋อ...เมื่อกี้อยู่ด้วยกัน..แต่ตอนนี้ไม่อยู่แล้ว

...กูยืนยันได้นะ..ว่ากูพูดตามที่มึงบอก...

“แล้วไปไหนเหรอครับ..นี่ผมก็กะว่าจะมารับพี่สองไปทานของว่างยามบ่าย”

“อ๋อ...เห็นมันบอกว่ากำลังจะไปดูหนังกับน้องแบงค์น่ะ...”
กูคิดได้แค่นี้อ่ะเพื่อนเกลอ...

“พี่ตรฤณว่าอะไรนะ...แบงค์เป็นใคร...แล้วตอนนี้พี่สองอยู่ไหน?”เอาเป็นว่าเหยื่อติดกับเป็นที่เรียบร้อย ตรฤณยิ้มหวานก่อนจะบอกว่า

“อยู่ไหนไม่รู้แต่ระวังว่าถ้าปล่อยสองไว้กับน้องแบงค์นานๆน้องบอลจะตกกระป๋องพี่ขอเตือน” ว่าแล้วก็เดินจากไปทำเอาบอลเดือดพล่านแล้วทำท่าจะเดินออกจากคณะไปในทางที่เคยเดินมา...แล้วก็เจอกับภาพที่เคยพลาดไป

พี่สองกำลังนั่งยิ้มหวานให้ไอ้เด็กหนุ่มหน้าอ่อนที่ไหนก็ไม่รู้!

“นายเป็นใคร...มานั่งอะไรอยู่กับพี่สองที่นี่ห๊า!” เสียงของบอลทำเอาคนนั่งอยู่ก่อนสะดุ้ง ก่อนที่ตัวต้นปัญหาจะรีบเดินไปขวางเด็กหนุ่มที่เตรียมวางมวยใส่กัน

วันนี้มันวันซวยอะไรของกู! เป็นข่าวใหญ่กลางโรงอาหารถึงสองครั้งสองคราภายในวันเดียว

“เอ่อ...บอล..มาได้ยังไง”

“แล้วพี่สองล่ะ นั่งยิ้มอยู่กับไอ้หมอนี่ มันหมายความว่ายังไง”

..จะให้หมายความว่ายังไงล่ะ ก็ไอ้เด็กนี่เป็นเด็กในฮาเร็มกูอีกคน..

“แล้วนายเป็นใครมาตะคอกใส่พี่สองได้ยังไงวะ?!”
ดีกรีเด็กในฮาเร็มของสองคนล่าสุดก็แรงไม่หยอก ถึงขั้นไปกระชากคอเสื้อของผู้มาใหม่อย่างหาเรื่อง ทำเอาสองต้องกุมขมับอีกรอบ ก่อนจะหันซ้ายหันขวามองหาเพื่อนตัวดีแล้วก็เห็นว่าไอ้เพื่อนตัวดียืนยิ้มอยู่กับไอ้เด็กเวรภูเบศธ์!
เออ หัวเราะเยาะกันเข้าไป ไม่โดนแบบนี้บ้างไม่เข้าใจกูหรอก!

ว่าแล้วก็หันมามองตัวปัญหาสองตัวอยู่ตรงหน้า ที่ใกล้จะปล่อยหมัดกันเต็มที สองถอนหายใจแรงๆหนึ่งทีก่อนจะเอ่ยลั่นว่า

“ถ้าจะกัดกันก็ไปกัดกันที่อื่นแล้วอย่ามาให้พี่เห็นหน้าอีก!” พูดจบก็เดินจากไปอย่างไร้เยื่อใยเป็นเรื่องปกติที่ทุกคนจะเห็นว่าถ้าเกิดเรื่องแบบนี้เมื่อไหร่ สองมักจะเลือกตัดปัญหาโดยการเดินจากไป และไม่ต้องมาเจอกันอีกเลยกับเด็กในฮาเร็มที่ไม่สามัคคีกันเอง

เฮ้อ..ช่วงนี้ชักจะสลับรางไม่ค่อยทัน เพราะไอ้เพื่อนตัวดีดันมาหักหลังกันเอง!



“ไงมึง? สนุกดีมะ”พอเห็นเพื่อนตัวเล็กเดินหน้าเครียดมาแต่ไกล ตรฤณก็ยิ้มแป้นรับราวกับว่าสนุกสนานนักกับการที่ได้เห็นสีหน้าอมทุกข์ของกมลินทร์

“ไอ้นี่! กูบอกว่าไง ให้ไปจัดการกับน้องบอล บอกว่ากูไม่อยู่  แล้วนี่อะไรเดินไปหากูซะถูกที่แบบไม่ต้องถามทางให้เสียเวลาเลยอ่ะมึง!” มาถึงสองก็ตะโกนด่าเพื่อนรักโดยที่ตรฤณก็เตรียมใจรับคำด่าอยู่แล้ว

“กูบอกแล้วนะว่ามึงไม่อยู่”

“ไม่อยู่บ้านป๊ามึงดิแล้วมันรู้ได้ไงว่ากูอยู่ที่นั่น!”

“อันนี้กูไม่รู้ มึงให้บอกว่ามึงไม่อยู่ กูก็บอกว่าน้องเขาไปว่ามึงไม่อยู่กับกู แล้วมึงบอกอีกว่า มึงไปไหนก็ได้แล้วแต่กูจะคิดออก กูเลยบอกไปว่ามึงจะไปดูหนังกับน้องแบงค์...แล้วกูผิดตรงไหน?”พูดจาได้กวนอวัยวะเบื้องล่างถึงที่สุดว่าแล้วสองก็วิ่งไล่เตะก้นตรฤณจนรอบคณะ

ไอ้ส้นตรฤณ เมิงไม่ได้ตายดีแน่!!!!” บังเอิญว่าชื่อของเพื่อนสนิทมันดังไปออกเสียงคล้ายอวัยวะเบื้องล่าง ก็เลยขอด่าควบชื่อมันไปเลยแล้วกัน

“สมควรแล้วไม่ใช่เหรอที่โดนแบบนี้บ้าง อยากกินหญ้าที่ละหลายกอ ติดคอซะบ้างจะได้รู้สึก”ภูเบศธ์พูดพร้อมกับยืนกอดอกทำเอาคนได้ยินชะงัก ถึงจะโกรธที่โดนไอ้เด็กเวรกัด แต่ครั้งนี้สองกลับไม่นึกอยากด่ากลับ...แต่กลับรู้สึกว่าคิดได้ขึ้นมาซะอีก
ว่าที่ชีวิตของกมลินทร์มันวุ่นวายอยู่แบบนี้ก็เพราะตัวเองนั่นแหล่ะที่โลภควงเด็กหลายๆคนในเวลาเดียวกัน

“ครั้งนี้ไม่ได้ตั้งใจจะด่า แต่แค่อยากบอก”
ภูพูดเรียบๆถึงก่อนจะหน้านี้จะเป็นคำที่ชอบใช้พูดกับสองอยู่เป็นประจำ แต่น้ำเสียงที่เอ่ยออกมานั้นไม่ได้ดูกวนโมโหเหมือนอย่างเคย

ทำไมสองถึงรู้สึกว่าน้ำเสียงแบบนี้ของเด็กปากหมานามว่าภูเบศธ์ เป็นน้ำเสียงที่แสดงถึงความเป็นห่วงเป็นใย

เอ๊ะ...หรือว่ากูคิดมากไปวะครับ?

___________________
TBC

___________________


แอบมาลงยามดึกๆค่ะ :t3: ง่วงนอน แต่พอดีพรุ่งนี้คงออกไปข้างนอกทั้งวัน เ้ลยมาลงไว้ก่อน กันไม่ได้ลง
ขอบคุณที่ติดตามและอ่านเรื่องนี้นะค้า
จะค่อยๆมาทยอยลงค่าาา

____________________________

สนุกดี แต่แอบมีผิดอ่ะน้องชื่อเพื่อนนายเอกอ่ะมียุนโฮด้วยแหละ
แก้ให้แล้วนะคะ ขอบคุณมากๆเลยค่า เปลี่ยนชื่อไปเบลอเอง :z3:

แล้วจะรอตอนต่อไปนะจ้า แอบมีคำผิดอยู่บ้างเล็กๆน้อยๆค่ะ แต่การจัดเรียง อ่านง่ายดีแล้ว
จะพยายามรีเช็คนะคะ...แบบว่าพิมพ์เอง อ่านเอง เบลอเอง ฮ่าฮ่า o2


ปล.แอบคุ้นชื่อคนเขียนน้าาา  ใช่คนเดียวกับที่เม้นในบอร์ดคุณจูออนป่ะคะ  อิอิ


ใช่เลยค่าาาาาาา เค้าเป็นแฟนคลับคุณจูออน อิอิ o13

หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 2 ลูกในปาก [Up 31/12/11]
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 31-12-2011 01:28:52
 :3123:
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 2 ลูกในปาก [Up 31/12/11]
เริ่มหัวข้อโดย: RoseBullet ที่ 31-12-2011 01:53:34
นายตรฤนนี่แสดงแบบทุ่มทุนมาก กรก็ช่วยเห็นใจหน่อยนะ ฮะๆ
น้องภูยังจีบได้ไม่คืบหน้าไปไหนเล๊ย ตอนนี้ก็ค่อยๆเคลียร์(เขี่ย)เด็กในสังกัดสองออกไปเรื่อยๆก่อนนะ
แล้วรุกเลย ให้ไวๆ
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 2 ลูกในปาก [Up 31/12/11]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 31-12-2011 02:45:05
มาต่ออีกนะค๊าฟฟ รอ รอ
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 2 ลูกในปาก [Up 31/12/11]
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 31-12-2011 02:47:23
นายเอกแปลกดี ปกติจะเจอแต่แบบว่าพระเอกเจ้าชู้ กว่าจะมาเจอนายเอกนี่มีเมียมาเป็นร้อย อะไรประมาณนั้น แปลกดีค่ะ ที่เป็นฝ่ายนายเอกที่มีเด็กเยอะ และพระเอก โสด หึหึ รอตอนต่อไปนะคะ สนุกดี ยาวด้วยอ่านอิ่มเลย
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 2 ลูกในปาก [Up 31/12/11]
เริ่มหัวข้อโดย: WinterRose ที่ 31-12-2011 04:22:46
เค้าเคยอ่านเรื่องนี้ในบอร์ดฟิกกกกกกกกกกกก
รอตอนต่อไปด้วยจ๊า คิดถึงเรื่องนี้นะ
ไม่รู้จะไปหาอ่านที่ไหนแล้วด้วย
ดีใจที่เอามารีไรท์ที่นี่ค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 2 ลูกในปาก [Up 31/12/11]
เริ่มหัวข้อโดย: ryoko_chan ที่ 31-12-2011 21:49:31
บทที่ 3 เพราะอยากจีบ



“สมควรแล้วไม่ใช่เหรอที่โดนแบบนี้บ้าง อยากกินหญ้าที่ละหลายกอ ติดคอซะบ้างจะได้รู้สึก”

….
...

“ครั้งนี้ไม่ได้ตั้งใจจะด่า แต่แค่อยากบอก”

_______________________


“เดี๋ยวก่อน ไอ้ภูเบศธ์!!!”
สองรีบเรียกรั้งเอาไว้ก่อนชายหนุ่มร่างสูงโปร่งจะเดินจากไป ทั้งที่ยังทิ้งความสงสัยเอาไว้ ไม่ว่าจะการกระทำหรือคำพูดที่สื่อออกมาของภูเบศธ์
“เมื่อกี้ที่นายพูดหมายความว่ายังไง..”สองลองเอ่ยปากถามด้วยหัวใจที่ลุ้นระทึกแถมยังเต้นแรงจนไม่เป็นจังหวะแล้วสองเองก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมต้องรู้สึกแบบนี้และทำไมต้องอยากรู้ความหมายที่ ‘ไอ้เด็กเวร’คนนี้มันพูดด้วย
ภูเบศธ์หันกลับมาช้าๆ ประหนึ่งว่าเป็นพระเอกในมิวสิควิดีโอที่กำลังถูกนางเอกเรียกเอาไว้ด้วยน้ำเสียงที่ไม่อยากให้พระเอกจากไปไหน~
ช่างเป็นภาพที่ขัดลูกกะตากูจริงๆ!

ภูเบศธ์หันกลับมาพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มว่า

“ถ้าไม่ได้โง่เกินไปก็คงคิดออกเองแหล่ะ”

สาบานได้จริงๆว่าไม่ได้ตั้งใจปล่อยลูกมากัด!

“ไอ้ภูเบศธ์!! วันนี้เตรียมจองโลงได้เลย!” คำพูดของเด็กหนุ่มรุ่นน้องทำเอาสองปี๊ดแตก เส้นเลือดข้างขมับเต้นตุบๆเป็นจังหวะร็อค มือเล็กกำหมัดเอาไว้แน่น เตรียมพุ่งเข้าใส่ภูเบศธ์ที่เดินหันหลังจากไปด้วยท่าทีสบายๆ

แต่ยังไม่ทันสตาร์ทก็ดันโดนเพื่อนตัวใหญ่สต๊อปเอาไว้ก่อน
ปลอดภัยไว้ก่อน


ดูเหมือนว่าคำนี้จะเหมาะกับสภาพของภูเบศธ์ตอนนี้เป็นที่สุด เพราะถ้าตรฤณไม่ล็อคเพื่อนตัวดีเอาไว้ รับรองได้เลยว่าภูเบศธ์จะไม่ได้กมลินทร์มาเป็นแฟนเนื่องจากเสียชีวิตก่อนวัยอันควร

“เฮ้ยใจเย็นสิวะ สอง เด็กมันก็แกล้งเล่นไปงั้นมึงจะไปคิดจริงจังอะไร”ในเมื่อหนุ่มร่างเล็กที่ถูกตรฤณล็อคตัวยังคงดิ้นขลุกขลัก เท้าเล็กปัดป่ายพยายามกระโดดถีบไปข้างหน้าทั้งที่รู้ทั้งรู้ว่าขาสั้นขนาดนั้น ถีบยังไงก็ไม่ถึงไอ้เด็กหนุ่มร่างสูงที่เดินลอยชายไปไกลแล้วถึงอยู่ใกล้กันสักสองฟุต ตรฤณเองก็ยังไม่มั่นใจเลยว่า สองจะแตะถึงเอวภูเบศธ์หรือเปล่า
ตรฤณนั้นไม่เคยว่าเพื่อนของตัวเองว่าเตี้ย แต่แค่เพียงไอ้เด็กเวรภูเบศธ์มันสูงเกินไปเท่านั้นเอง!
“มึงปล่อยกูเดี๋ยวนี้กูจะไปเตะก้านคอม๊านนนนน”สองพยายามอย่างสุดแรงเกิดแต่ดิ้นอย่างไรก็สู้แรงของเพื่อนไม่ได้สักที

“ถึงกูปล่อยมึงไป กูถามจริงเหอะ อย่าว่าแต่ก้านคอ หัวเข่ามันอ่ะมึงเตะถึงหรือเปล่า?!”

“มึงว่ากูเตี้ยเหรอ!”

จากที่เมื่อกี้ยังจ้องอาฆาตภูเบศธ์อยู่ แต่ไหงจู่ๆหันมาตะคอกกูวะ?

“กูยังไม่ได้พูดสักคำ”ตรฤณพูดตามความจริง เพราะลองไปทวนดูประโยคที่ตรฤณพูดยังไม่เห็นมีคำว่า “เตี้ย” หลุดออกมาสักกะคำ

“มึงพูด!” สองยังคงเถียง

“กูไม่ได้พูด...ถามกรเอาก็ยังได้”ในเมื่อศึกครั้งนี้ไม่มีใครยอมใคร ตรฤณเลยต้องหันไปหาที่พึ่งที่ยืนมองคู่เพื่อนรักอยู่ห่างๆ
   ไม่ใช่อะไร..ทิวากรก็แค่กลัวลูกหลง! นี่ขนาดหลบออกมา ยังหาเรื่องลงที่กูจนได้!

“แต่มึงหมายความอย่างนั้นนี่ ”

“อ๊าว...ไอ้นี่กูบอกว่าไม่ได้พูด”

“แต่มึงด่ากู!”

“เออ! มึงเตี้ยพอใจยัง”

“งั้นมึงอย่าอยู่เลย!” พูดจบร่างเล็กก็ดิ้นสุดแรงเกิด แล้วก็หลุดออกจากอ้อมอกของเพื่อนรักที่ไม่ค่อยอยากอยู่มาตั้งแต่แรกจนได้

“หยุ๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด! หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ ถ้ายังไม่ยอมหยุด ฉันจะเตะพวกนายเองกันกันเป็นหมาไปได้!” เพียงแค่สองกำลังจะประทานฝ่ามือลงบนกบาลของเพื่อนรัก เสียงของกรดังขึ้นคล้ายคนรำคาญเต็มทน จนสองตกใจชักมือกลับแทบไม่ทัน คู่เพื่อนซี้สงบศึกกันชั่วคราวเพื่อมองหน้ากันก่อนจะหันไปตามต้นเสียงพร้อมด้วยแววตาสงสัย

“เอ่อ....ขอโทษคือ ฉันไม่ค่อยชอบคนทะเลาะกันน่ะพวกนายอย่าทะเลาะกันเลยนะ” เหมือนจะรู้สึกตัวกรรีบหาคำมาแก้ต่างทั้งที่มาดนางมารเวลาอยู่กับภูเบศธ์เพิ่งหลุดออกมาให้ชาวโลกได้รับรู้ว่า 

ทิวากร ... นอกจากสวยแล้วหยิ่งแล้วยังโหดอย่างกับเสือสิงห์ได้อีกด้วย!

“เอ่อ...พวกเราเลิกทะเลาะกันก็ได้ เนอะ...ตรฤณ...”เสียงของกรทำเอาหัวใจสองตกลงไปตาตุ่มด้วยความตกใจ และอึ้งๆในเวลาเดียวกันก่อนจะรีบจับมือเช็คแฮนด์เพื่อนรักเสมือนว่ายอมสงบศึกกัน(เฉพาะกิจ)

“ใช่ๆ...ไม่ทะเลาะแล้ว”ตรฤณกลืนน้ำลายลงคอจนสองได้ยินเสียงดังเอื๊อกก่อนจะมองหน้าอย่างรู้กัน

หลานรหัสปากหมา...ส่วนปู่รหัสก็ดุอย่างกับหมา ช่างเข้ากั๊นนน เข้ากัน!

____________________



“เออมึง กูลืมสมุดแลคเชอร์ไว้ที่ห้องว่ะ”ตรฤณและสองเดินออกมาด้วยกันหลังจากเรียนวิชาสุดท้ายของวันเสร็จ ตรฤณกลับหยุดชะงักอยู่หน้าคณะก่อนที่จะควานหาของบางอย่างในกระเป๋าแล้วถึงได้พูดขึ้น

“ก็เข้าไปเอาดิกูรอที่นี่แหล่ะขี้เกียจกลับไปอีก”สองพูดก่อนจะใช้สายตาเสาะหาที่ร่มๆไว้เป็นที่ยืนรอตอนตรฤณกลับไปเอาแลคเชอร์

“เมิงไปเอาให้กูหน่อยสิ”

“เรื่อง?!”

“เพราะถ้ามึงไม่ไปเอา มึงก็ไม่มีแลคเชอร์ไว้ลอก...ก็แค่นั้น”ตรฤณพูดอย่างไม่สนใจ ทำเอาสองต้องเตะฝุ่นเล่นด้วยความไม่พอใจ

“เออ กูไปเอาก็ได้!”พูดจบก็เดินกระฟัดกระเฟียดกลับเข้าไปคณะอีกพร้อมๆกับริมฝีปากหยักของเพื่อนรักที่ค่อยๆเหยียดยิ้มขึ้นมาอย่างเจ้าเล่ห์

____________________


“ตรฤณหรือเปล่า?” เสียงหวานนุ่มส่งมาตามเครื่องมือสื่อสารของตรฤณ โดยฝ่ายที่เป็นคนกดรับสายแอบรับสายด้วยความประหม่า
ไม่ใช่อะไร...ก็หน้าจอเครื่องมือสื่อสารดันขึ้นชื่อ “กร” เอาไว้ชัดเจน ตรฤณนั้นไม่เคยให้เบอร์กับกร และกรก็ไม่เคยให้เบอร์กับตรฤณ แต่จะแปลกอะไรถ้าเกิดตรฤณอยากจะมีเบอร์คนที่แอบชอบเมมเอาไว้ในเครื่องมือสื่อสารส่วนตัวบ้างทั้งที่รู้ว่าไม่ว่าชาตินี้หรือว่าชาติไหนกรก็ไม่อาจโทรมาหาตนเองได้หากว่าตรฤณยังไม่ให้เบอร์กับกรสักที แต่นี่อะไร...กรโทรมาหา หรือว่ากรก็ชอบเขาแล้วแอบไปหาเบอร์มาจากคนอื่น?

ถ้าเป็นอย่างนั้นตรฤณจะได้เตรียมขันหมากไปสู่ขอ!

“เอ่อ...ใช่ครับ..นั่นใครหรือครับ?”ไม่รู้ว่าเพราะความประหม่าหรืออย่างไร ตรฤณถึงได้ดัดเสียงหล่อแกล้งโง่ทำเป็นไม่รู้ว่าใครโทรมาทั้งที่ชื่อก็เด่นหราอยู่หน้าจอขนาดนั้น

“อ่อ..นี่กรเองนะ”ยืนยันทั้งเสียงทั้งชื่อขนาดนั้น ตรฤณเป็นปลื้ม!

“เอ่อ...กรโทรมามีอะไรหรือเปล่า แล้วเอาเบอร์ตรฤณมาจากไหน?”ลองถามดูเผื่ออีกฝ่ายจะตอบว่าแอบมีเบอร์ตรฤณมาตั้งนานแล้วแต่ไม่กล้าโทรหา~ (คิดไปคิดมา ก็เพิ่งรู้สึกว่าตัวเองคล้ายคนบ้ามากขึ้นทุกวันทุกวัน)

“เอามาจากหนังสือรุ่นน่ะ”

เออ..ได้ข่าวว่ากูก็เอาเบอร์กรมาจากหนังสือรุ่นเหมือนกัน..
คิดมากไปได้!


“แล้ว....มีอะไรล่ะ?”

“คืออย่างนี้นะ...นายเห็นใช่มั๊ยว่าวันนี้สองโกรธไอ้ภูมาก”

“อ่าฮะ...”

“ฉันเลยอยากให้สองคนนั้นปรับความเข้าใจกัน..น่ะ” ตรฤณพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ แต่ในส่วนหนึ่งของสมองกลับมีความคิดประหลาดขึ้นมาว่า “สองคนนั้นมันเคยไปเข้าใจกันตอนไหน? ถึงได้ต้องปรับความเข้าใจกันอีก”

“หมายถึง อยากให้สองคนนั้นเจอกันเหรอ?”

“ถูกต้อง!”

“ถ้าไม่มัดพวกมันติดกัน ถามเหอะมันจะยอมอยู่ด้วยกันมั๊ยล่ะ?”

“นั่นแหล่ะประเด็น”กรพูดก่อนจะค่อยๆเล่าแผนการที่วางเอาไว้ให้ตรฤณได้ฟัง ซึ่งตรฤณก็รับฟังพร้อมด้วยรอยยิ้มที่ค่อยๆปรากฏขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้

สนุกแน่งานนี้ ไอ้กมลินทร์เอ้ย!

________________________


“อยู่ไหนวะ?”สองเดินเข้าไปในห้องเรียนที่เพิ่งเดินออกมา ก่อนจะเดินกลับไปยังที่นั่งที่เดิมที่เพื่อนซี้กับตนเองนั่งเรียน(และนอนหลับ)อยู่ด้วยกัน คนตัวเล็กก้มๆเงยๆอยู่ใต้โต๊ะแลคเชอร์อยู่สองสามหนแต่ก็ไม่พบสมุดของตรฤณสักที จนกระทั่งรู้สึกว่ามีคนเข้ามาในห้อง แต่คนที่วุ่นวายกับการหาของก็ไม่ได้หันไปมองคนที่เข้ามาใหม่เพราะคาดการณ์เอาเองว่าคนที่เข้ามาน่าจะเป็นตรฤณ แต่ถ้าไม่ใช่ แล้วจะเป็นตัวอะไร เห็นแล้วค่อยคิดอีกทีแล้วกัน

“เฮ้ยมึง..กูหาไม่เจอว่ะ มึงเอาไว้ไหนวะ?”เพราะเดาเอาว่าตรฤณเดินตามเข้ามาเลยถามออกไปอย่างนั้น แต่พอไม่ได้ยินเสียงตอบกลับสองจึงจำต้องเงยหน้าขึ้นมอง จะได้รู้ว่าถ้าไม่ใช่ไอ้ตรฤณ แล้วจะได้บอกถูกว่าเป็นตัวอะไรที่เดินเข้ามา

“ภูเบศธ์?” ชื่อของภูเบศธ์ถูกเอ่ยขึ้นพร้อมกับเสียงประตูที่ถูกปิดลง ตามด้วยเสียง “แกร๊ก!” ที่ทำให้สองรับรู้โดยสัญชาติญาณว่าห้องนี้ถูกปิดตายลงโดยไม่ต้องหาทฤษฎีอะไรมาอธิบายให้เสียเวลา
“เฮ้ย!!” เพียงแค่ประตูถูกปิดดูเหมือนสองจะเลิกสนใจ ภูเบศธ์ ไปชั่วขณะพร้อมกับที่มือเล็กพยายามบิดลูกบิดไปมา เผื่อว่ามันจะเป็นแค่เพียงการปิดเอาไว้โดยไม่ได้ถูกล็อคจากข้างนอก แต่ความหวังของสองก็พังทลายในเมื่อ...มันถูกล็อคจากข้างนอกอย่างสมบูรณ์แบบ
“ใครอยู่ข้างนอกบ้าง!! ช่วยด้วย  ฉันติดอยู่ในนี้!!! ..ไอ้ตรฤณ กูติดอยู่ในนี้มึงช่วยกูด้วย”มือเล็กทุบประตูปึงปังเสียงดัง ทำเอาสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในห้องปิดตายร่วมกับสองนั่งลงบนเก้าอี้แลคเชอร์ที่อยู่ห่างไปจากสองไม่ไกลนัก ด้วยท่าทางสบายๆไม่ใช่ว่าไม่เดือดร้อน แต่เพราะรู้ดีว่าโวยวายไปก็ไประโยชน์

ส่วนบุคคลที่ถือกุญแจห้องอยู่ด้านนอกก็ได้แต่หัวเราะคิกคักกันอยู่สองคนก่อนจะเดินลงไปหาอะไรกิน ในขณะที่ภูจะได้ปรับความเข้าใจกันกับสอง....

ส่วนทางตรฤณก็ขอพัฒนาความสัมพันธ์กับกรบ้างอะไรบ้าง
งานนี้มีแต่ได้กับได้ หรือว่าใครจะเถียง!

“เปิดสิวะ!!เฮ้ย ใครก็ได้ช่วยด้วยยยยยยยย!”คนตัวเล็กตะโกนแหกปากจนคอแห้งแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ลดละความพยายาม มือเล็กยังคงทุบประตูจนแดงไปทั้งมือ

“พอสักทีเหอะ หนวกหู!”ในที่สุดภูเองต่างหากที่ทนเสียงของสองไม่ไหวถึงได้เดินเข้าไปประชิดสองจากทางด้านหลัง ถึงปากจะด่าจะว่าแต่มือกลับคว้ามือเล็กที่กำลังทุบประตูอย่างบ้าดีเดือดเอาไว้ พร้อมกับค่อยๆนำมาดูใกล้ๆทำเอาเจ้าของมือเล็กนิ่งเงียบไปพร้อมกับสังเกตท่าทีของภูแทน

“แดงหมดเลย...”ริมฝีปากหยักพึมพำเบาๆก่อนจะเลื่อนสายตาขึ้นไปมองตาร่างเล็กตรงหน้าที่กำลังยืนนิ่งราวกับรูปปั้น

กูขอถาม..นี่คือไอ้เด็กเวรภูเบศธ์ตัวจริงเสียงจริงแน่เหรอวะ?

“ละ..แล้วไปทุบประตูทำบ้าอะไร! เห็นมั๊ยประตูพังไปถึงไหนแล้ว ทำลายข้าวของของมหาวิทยาลัยเป็นความผิดนะ!” ดูเหมือนภูเบศธ์เองก็เพิ่งจะรู้สึกตัวถึงได้รีบทิ้งมือสองลงพร้อมกับต่อว่าอีกฝ่ายไปอย่างข้างๆคูๆทั้งที่จริงแล้วเป็นห่วงมือเล็กๆนั้นหาได้ใช่ประตูไม่

“ก็ถ้าไม่ทุบ จะมีคนมาช่วยมั๊ยเล่า! ถ้าไม่ช่วยก็อย่าเอาตีนราน้ำ!”สองเองก็ตอกกลับไปเช่นกันทั้งที่ก็ปฏิเสธความรู้สึกแปลกๆเมื่อสักครู่ ตอนที่ภูเบศธ์จับมือตัวเองเอาไว้ไม่ได้

“ก็เห็นว่าทุบแล้วไม่มีคนมาช่วย ก็ยังจะโง่ทุบอยู่ได้ตั้งนาน”

“นี่ไอ้ภูเบศธ์! คำก็โง่ สองคำก็วัวแก่ เลิกด่าฉันอย่างนั้นสักทีได้มะ?!”

“แล้วมันจริงมั๊ยล่ะ?”ภูเบศธ์ย้อนกลับทำเอาสองความดันขึ้น

“ไอ้ภูเบศธ์! ..นายนี่มัน....”

“มัน?”

“หัวเถิกจริงๆเลยให้ตายเหอะ!”

...หมดคำจะด่าแล้วหรือยังไงนะ?...คนถูกด่าได้แต่อมยิ้ม

“โถ่เว้ย! ไอ้ตรฤณ อย่าให้กูรู้นะว่ามึงขังกูไว้ในนี้!”ในเมื่อไม่รู้จะด่าคนตรงหน้าให้ได้อะไรขึ้นมาอีก สองก็หันไปด่าไปว่าคนอื่นที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันแทน ทั้งที่ก็พยายามคิดอยู่หลายตลบว่าเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดอย่างตรฤณจะขังเขาไว้กับไอ้เด็กปากหมาคนนี้ทำไม

“ฉันว่า..เราถูกขังไว้ด้วยกัน”ภูเบศธ์ว่า

    เออ กูรู้! เพราะนอกจากมึงกะกู มึงเห็นหนูสักตัวอยู่ในห้องนี้อีกมะ?

สองทำได้เพียงแต่ค่อนแคะในใจ เพราะไม่กล้าพูดออกไป กลัวว่าจะโดนตอกกลับจนไม่เหลือชิ้นดี

“หมายถึง....จงใจขังเราไว้ด้วยกัน” ในเมื่ออ่านสายตาค่อนแคะของสองออกภูเบศธ์เลยต้องรีบอธิบาย เพราะเหตุผลที่เขามายืนอยู่ในห้องนี้ก็เป็นเพราะว่ากรวานให้มาเอาของที่ลืมเอาไว้

ของที่ให้หา หาไม่เจอ แต่ดันมาเจอรุ่นพี่ตัวเล็กกำลังก้มๆเงยๆเหมือนหาของบางอย่างอยู่

“แล้วหมาตัวไหนมันบังอาจนักวะ!” สองสบถ
หมาตรฤณแน่ๆตัวนึง  กูรู้!

“แล้วทำไมมันต้องขังเราไว้ด้วยกัน?...”สองยังสงสัยไม่เลิก ทั้งที่ภูเบศธ์ถึงบางอ้อตั้งแต่ที่เห็นสองอยู่ในห้องนี้แล้วถ้าไม่ใช่เพราะกรอยากให้เขาหาเรื่องพูดคุยกับสองแล้วสารภาพความในใจซะ!

“ไม่รู้สิ.. สงสัยพี่ตรฤณอยากแกล้งมั้ง”ภูตอบก่อนจะค่อยๆนั่งลงอีกครั้งโดยมีสองนั่งลงตามด้วยเพราะหมดหนทางในการพยายามร้องเรียกให้คนมาช่วย
“ช่วงนี้ชักจะแกล้งกูมากเกินไปแล้วนะเว้ย~”สองบ่นกับตัวเองเมื่อรู้ว่าการโดนขังครั้งนี้มีตรฤณเพื่อนตัวดีเป็นตัวตั้งตัวตี ส่วนจะมีคนอื่นร่วมด้วยหรือไม่นั้นสองไม่รู้เพราะขี้เกียจคิด

ตั้งแต่เรื่องเด็กๆในฮาเร็ม
รวมมาถึงการขังให้อยู่กับไอ้เด็กเวรภูเบศธ์ที่สองเกลียดหน้ามันที่สุด
คราวหน้ามึงไม่ขุดดิน แล้วเอาเศษหินมากลบตัวกูเลยล่ะ ไอ้ส้นตรฤณ!

ถึงกมลินทร์จะรู้สึกไม่ชอบภูเบศธ์อยู่มาก     และเตรียมลงไม้ลงมือทุกครั้งหลังจากที่โดนเด็กเวรปากหมาใส่ แต่พอต้องมาอยู่ในห้องด้วยกันสองต่อสองกันจริงๆ กลับไม่มีกะจิตกะใจลงมือฆ่าหั่นศพนายภูเบศธ์อย่างที่ตั้งใจไว้สักที
มือเล็กเคาะโต๊ะแลคเชอร์เป็นจังหวะพร้อมกับฮัมเพลงคลอเบาๆกันเบื่อ  ที่ต้องโดนขังอยู่ในห้องนี้นานนับชั่วโมง โดยที่ภูเบศธ์เองก็ไม่ได้พูดอะไรเช่นกัน ได้แต่นั่งเงียบงัน ประหนึ่งว่าไม่มีกันและกันอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมห้องนี้

แต่ถ้ามองดูดีๆ จะเห็นว่าภูเองก็แอบมองสองอยู่บ่อยๆ....แต่ฝ่ายนั้นกลับไม่เคยรู้ตัว

ทั้งที่แอบรักมานาน.....แต่สองก็ไม่เคยรู้สักที

ความจริง....

ความรักของภูเบศธ์มันอาจจะดูราบรื่นกว่านี้ ถ้าหากว่าตั้งแต่ที่เริ่มรักกมลินทร์ไม่ได้มีใครและถ้าหากกมลินทร์ไม่ได้มีคนรายล้อมมากมาย ภูเบศธ์อาจจะหาวิธีอื่นที่จะเข้าไปอยู่ในหัวใจของอีกฝ่ายได้ง่ายกว่านี้ในเมื่อหาทางเข้าไปไม่ได้ ก็ขอหาทางที่ทำให้จำชื่อ “ภูเบศธ์” ได้ขึ้นใจ ยังดีกว่าที่ต้องไปเป็นเด็กในสังกัดที่สองจำชื่อไม่เคยได้

“เอ่อ...คือ”
พอจะพูดทั้งสองคนกลับพูดขึ้นพร้อมกันทำลายความเงียบ

“จะด่าอะไรฉันอีกล่ะ?” พอเห็นว่าอีกฝ่ายจะพูดสองก็รีบชิงพูดตัดหน้าทันที เพราะเมื่อไรที่เจอหน้ากัน ถ้าภูอ้าปาก เดาไว้ได้เลยว่าประโยคที่พูดออกมา ไม่ด่าก็กัดสองแน่นอน

“แล้ว..รุ่นพี่กมลินทร์จะพูดอะไรล่ะ?”ภูเบศธ์ทำเป็นไม่สนใจในสิ่งที่ร่างเล็กพูดพร้อมกับถามกลับ

“ก็เปล่า...แค่อยากบอกว่า..ฉันหิว”

“หิว?”

“อื้ม...”

เพียงแค่สองพูดจบมือของภูก็ล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงก่อนจะยื่นไปให้ร่างเล็กที่มองลูกอมช็อคโกแลตในมือของอีกฝ่ายอย่างงงๆ

“รองท้องไปก่อน......”ภูเบศธ์ยื่นให้ทั้งที่ไม่ได้หันไปมองร่างเล็กที่กำลังมองมาทางตัวเองด้วยแววตาสงสัย

“ถามจริงเหอะ? ใส่สลอดไว้ป่ะเนี่ย”

“ไม่กินก็ตามใจ”ในเมื่อร่างเล็กยังมีปัญหามากแถมยังไม่มีท่าทีว่าจะหยิบลูกอมในมือของตนเองไปง่ายๆภูเบศธ์ก็ทำท่าจะชักมือกลับ

“ได้ไง! กินก็ได้”แต่ดันถูกสองรีบตระครุบมือใหญ่เอาไว้ก่อนจะแงะมืออีกฝ่ายเพื่อเอาลูกอมออกมาแล้วรีบแกะกิน ภูเบศธ์มองการกระทำของสองด้วยรอยยิ้ม แต่พอสองหันกลับมาก็แทบหุบยิ้มไม่ทันแน่ะ!
“นี่~ถามจริงเหอะ..ทำไมนายถึงได้ชอบว่าฉันนักล่ะ”ไม่รู้อะไรดลใจให้สองเอ่ยถามออกไปอย่างนั้นในขณะที่ปากเล็กกำลังอมลูกอมรสช็อคโกแลตด้วยความเอร็ดอร่อย หรือเพราะความหวานของมันเลยทำให้สองอารมณ์ดีจนยอมพูดดีๆกับคนที่เกลียดนักเกลียดหนาก้ไม่รู้
“เพราะ.....มั้ง”ถึงภูเบศธ์จะตกใจที่โดนถามตรงๆแบบนี้แต่ก็กลั้นใจตอบออกไปทั้งที่คำตอบจริงๆนั้นแผ่วเบาจนสองฟังไม่ออก

“เพราะอะไรนะ?” สองเลิกคิ้วถามด้วยความสงสัยก่อนจะกระเถิบตัวเองให้มานั่งใกล้กับภูเบศธ์มากขึ้น

“เพราะ..อยากจี...”


ปัง!!!

เสียงประตูห้องเปิดออกพร้อมกับร่างใหญ่ๆของตรฤณที่ยืนอยู่กลางประตู ทำเอาสองเลิกสนใจคำตอบของภูเบศธ์แล้วเตรียมลุกออกไปหาตรฤณ แต่กลับโดนมือแกร่งคว้าต้นแขนเอาไว้แล้วดึงให้เข้าไปแนบชิด

เพราะอยากจีบ...ชัดมั๊ยครับ  รุ่นพี่กมลินทร์” เสียงกระซิบข้างใบหูทำเอาสองรู้สึกขนหัวลุก แต่พอรู้ตัวอีกทีตรฤณกลับกลายมาอยู่ข้างๆตัวแล้วภูเบศธ์ก็เดินจากไปจนลับตา

ตอนนี้อยากได้เกลือ....รู้สึกว่าจะได้ยินเรื่องน่าเหลือเชื่อเพราะหูมันฝาด...หาเกลือสักถาดมาจิ้ม ยังไม่รู้เลยว่าถ้าชิมดูอีกครั้งจะหายฝาดหรือเปล่า?

นี่ถ้าไม่บอกกูไม่รู้นะนี่ ไอ้เด็กเวรภูเบศธ์!

แบบนี้มันปีนเกลียวชัดๆ!


_______________________


“ไง..พูดออกไปหรือยัง?”เมื่อเห็นหลานรหัสเดินออกมาจากตัวตึกกรก็รีบวิ่งไปประกบก่อนจะเอ่ยถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“สอดรู้”

โป๊ก!!

“ปากเสีย กล้าด่าฉันเหรอไอ้ภูเบศธ์ รู้งี้ไม่ช่วยซะก็ดี!”กรแหวใส่หลังจากที่ตบหัวหลานรหัสไปหนึ่งฉาดใหญ่

“แล้วไง?...ไม่รู้ว่าพูดไปรายนั้นจะเข้าใจหรือเปล่า”

“แล้วทำไมสองถึงจะไม่เข้าใจ แล้วแกไปบอกเขาว่าอะไรล่ะ?”ถึงจะยังโกรธเคืองที่โดนด่าว่า ‘สอดรู้’ แต่พอภูเบศธ์เกริ่นถึงเรื่องที่กรอยากรู้ ก็รีบถามต่อทันที

“ก็บอกว่าจะจีบ...”

   พูดไปเอามือถูจมูกไปแบบนี้แถวบ้านเขาเรียกว่าเขินว่ะ ไอ้คุณภูเบศธ์!

“แล้ว...?”

“ก็อึ้งแดก เป็นวัวตากแห้งเลยอ่ะดิ” ภูเบศธ์พูดยิ้มๆเมื่อนึกถึงอาการอ้าปากตาค้างของสองเมื่อเขาบอกเหตุผล...น่ารักชะมัด!

 “ช่างเปรียบนะ!”  นี่ถ้ากรอึ้งแดกบ้างมันจะเปรียบเทียบว่ากูเป็นตัวอะไร?

“ฮ่าฮ่าฮ่า....แต่ตอนที่สองรู้ท่าทางสองตลกจริงๆนะ...น่ารักสุดๆไปเลยล่ะ^^”ภูเบศธ์พูดไปยิ้มไปจนแก้มปริทำเอากรนึกหมั่นไส้

“โรคจิตหรือไง แกน่ะ?”

“ฮ่าฮ่าฮ่า....”ถึงจะโดนจิกกัดแต่ภูเบศธ์กลับรู้สึกมีความสุข(?) บางทีการได้พูดความในใจออกไปบ้างมันก็รู้สึกดีเหมือนกัน


แล้วเจอกันวันเลี้ยงสายนะ..รุ่นพี่กมลินทร์~
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 3-4 จูบทางอ้อม [Up 1/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: ryoko_chan ที่ 31-12-2011 22:00:35
บทที่ 4 จูบทางอ้อม

“สอง”

“.......”

“สอง...”

“.......”

“ไอ้สอง!”

“มึงเรียกชื่อกูหาป๊ามึงเรอะ! ไอ้ตรฤณ”
กลับมาสติดีอีกรอบมึงก็เปิดปากด่ากูเลยเนอะ!


“ก็มึงนั่นแหล่ะ กูเรียกตั้งนาน ปล่อยวิญญาณไปเข้าเฝ้าพระอินทร์ถึงสวรรค์ชั้นไหนไม่ทราบห๊า!” ตรฤณตะหวาดกลับอย่างไม่มีเกรงใจในเมื่อเพื่อนตัวเล็กเตรียมจะซัดปากเขาได้ทุกเมื่อ แต่ตรฤณก็ไม่มีหวั่นเกรง

   ไม่ใช่อะไรอยู่มากันจนป่านนี้หลบหมัดไอ้สองเก่งซะยิ่งกว่าหนูหลบแมวซะอีก

“ชั้น 7 มั้งมึง!  แม่งคนกำลังใช้ความคิดขัดอยู่ได้”สองตอบอย่างไม่ค่อยใส่ใจก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้เลคเชอร์ตัวเดิม


“กูอุตส่าห์มาช่วยมึง แล้วสรุปมึงจะนั่งอยู่ในนี้? รู้งี้กูไม่น่าไปหากุญแจมาเปิดให้เสียเวลา”ตรฤณควงกุญแจพวงใหญ่เล่นก่อนจะทำท่าเดินออกจากห้อง

“สรุปมึงไม่ได้ขังกูกับไอ้เด็กเวรไว้ในนี้?” สองลองถามแบบไม่ค่อยอยากเชื่อกับสมมุติฐานที่มันขัดกับความเป็นจริงเช่นนี้
ต่อให้มึงออกลูกเป็นปู กูก็ไม่เชื่อว่ามึงไม่ได้ขังกู ไอ้ตรฤณ!

“เปล๊า! กูไม่ได้ขังมึ๊ง! หมาตัวไหนมันพูดว่ากูขังมึงวะ?” สองได้แต่ถอนหายใจกับคำตอบตอแหลของไอ้เพื่อนตรฤณที่รักนักรักหนา แถมยังขึ้นเสียงสูงได้ผิดปกติเป็นอย่างมาก

“มึงอย่าตอแหลให้มันมากกูแค่อยากรู้เหตุผล”สองเดินไปหาตรฤณอีกครั้งพร้อมด้วยสายตาที่คาดคั้นเอาคำตอบ เพราะตอนนี้สมองน้อยๆของสองกำลังประมวลผลเอาเรื่องโน้นมาโยงเข้ากับเรื่องนี้จนเป็นเรื่องเป็นราว เกือบใกล้คำว่าละครน้ำเน่าเข้าไปทุกที

“เปล๊า! ไม่มีอะไรจริงๆ มึงไม่เชื่อกูเหรอ? ที่กูขังมึงไว้กับเด็กเวรนั่นน่ะ..ไม่มีเหตุผลจริงๆนะ!”สองยืนฟังสิ่งที่ตรฤณเผลอตัวหลุดพูดออกมาด้วยความใจเย็น ถึงจะรู้ทั้งรู้ว่าไอ้เพื่อนตัวดีมันขังเขาเอาไว้ แต่ยังไง๊ยังไง สองก็ยังอยากรู้เหตุผล   คนเราทำอะไรไปโดยไม่มีเหตุผลไม่ได้..สองเชื่อว่ามันเป็นอย่างนั้น

“สรุปมึงขังกู?”สองถามย้ำพร้อมกับการยืนกอดอก เท้ากระดิกเป็นจังหวะมันทำให้ตรฤณรู้ตัวดีว่าไม่ควรโกหกต่อไปเพื่อการมีชีวิตที่สวยงามบนโลกใบนี้

“เออกูยอมรับก็ได้! ว่าแต่มึงเหอะ หิวมะ? กูอยากกินติม”ตรฤณยอมรับอย่างเสียไม่ได้แต่ก็ขอต่อท้ายด้วยการแถเปลี่ยนเรื่อง เผื่อสองจะใจเย็นขึ้นบ้างไม่มากก็น้อยล่ะวะ!

“เดี๋ยว....ตรฤณ...มึงตอบกูมาก่อนว่ามึงขังกูไว้ในนี้มีจุดประสงค์อะไร”สองรีบคว้าคอเสื้อไอ้เพื่อนตัวใหญ่ที่ทำท่าจะเดินหนีเพื่อมาคาดคั้นเอาคำตอบอีกครั้ง เพราะตอนนี้ไอ้ตรฤณเพื่อนเลิฟเขาเปลี่ยนไป และไม่รู้ว่าเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อไหร่แต่ช่วงนี้รู้สึกว่าไอ้เพื่อนตรฤณไม่ค่อยเข้าข้างเขาเหมือนเคย คอยหาแต่เรื่องให้เด็กในฮาเร็มของเขาทะเลาะกันเอง
ทั้งที่อยู่มาสี่ปีไม่เคยเจอเหตุการณ์โลกาวินาศเหมือนช่วงนี้ ที่ดูเหมือนจะเกิดบ่อยเสียด้วยแถมยังมีตัวแปรเพิ่มมาอีกคือ คู่ปู่-หลานรหัสนรกส่งมาเกิด ที่สองกำลังคิดว่านี่คือเหตุผลหลักที่ทำตรฤณเริ่มมีใจออกห่าง(?)

หรือว่ามิสชั่น “จีบ” ที่ไอ้เด็กเวรเพิ่งพูดออกมา ไอ้หมาตรฤณมันก็รู้!
เห็นไหมว่าถึงจะแดกแต่หญ้าแต่ฟาง
สมองกูก็ฉลาดเฉียบขาดแบบหาตัวจับได้ยากนะเว้ย!


“ก็....ก็ไม่มีอะไรนี่...กูแค่อยากแกล้งมึง แต่กูไม่รู้นี่ว่าไอ้เด็กนั่นอยู่ในห้องด้วย..ใครจะไปรู้ล่ะ ห้องนี้มันห้องวิชาเรียนปีสี่ กูจะไปรู้ได้ไงว่าเด็กปีหนึ่งอย่างไอ้ภูเบศธ์จะกระแดะเข้าไปอยู่ในนั้น” ตรฤณรีบใช้วิชามารส่วนตัวแถจนสีข้างถลอก
แต่อย่างว่า..วิชามารก็คือวิชามาร...เทพบุตรอย่างสองเรอะจะรู้ทัน?

“มึงพูดก็มีส่วนที่ถูก...แต่มึงจะแกล้งกูทำไมห๊า!” เหตุผลที่เพื่อนรักเอ่ยออกมาทำเอาสองแทบเชื่อเต็มร้อยว่าตรฤณจงใจแกล้งเขาเล่น โดยไม่ได้มีคนอื่นมาเกี่ยวข้อง ทำให้ตรฤณโล่งใจไปได้อีกในเมื่อ      สมองอันชาญฉลาดระดับวัวแก่ของเพื่อนรักเขาสงสัยได้แค่นี้..และยอมเชื่อด้วยเหตุผลเท่ามด ตรฤณก็ไม่ขอหาคำพูดมาแก้ตัวเพิ่ม

“ก็กูอยากแกล้ง..กูก็แกล้งมึงประจำมึงคิดมากอะไร?”

ไอ้แกล้งประจำมันไม่เท่าไหร่..แต่ครั้งนี้มึงแกล้งขังกูไว้กับไอ้เด็กเวรเนี่ยนะ?
แถมประโยคที่มันพูดตอนท้าย ทำเอาโรคหัวใจกูแทบกำเริบ!

“ไม่คิดมากได้ไง...มึงขังกูไว้ในนั้นกับไอ้เด็กนั่น...มึงรู้มั๊ยมันพูดอะไรกับกู?”สองตีหน้าเครียดเมื่อรู้ว่าสมมุติฐานที่ตั้งขึ้นมาไม่มีทางเป็นจริงได้

อย่างน้อยก็โล่งใจที่เพื่อนรักอย่างตรฤณไม่ได้แปรพรรคไปเข้าร่วมกับไอ้เด็กเวรภูเบศธ์! (แน่ใจ?)

“แล้วมันพูดอะไร?”

เพราะกูกำลังอยากจะรู้อยู่พอดีว่าการที่กูขังมึงกะเด็กเวรไว้ในนั้น เกิดเหตุการณ์ ตะลึง ตึง โป๊ะ อะไรบ้าง

“มันบอกว่า...มันอยากจีบกู

“หา?”
ตรฤณถึงขั้นอึ้ง เพราะไม่คิดว่า การที่ขังสองไว้กับภูเบศธ์เพียงแค่ชั่วโมงเศษมันทำให้ภูเบศธ์กล้าพูดว่าจะจีบ...

รู้งี้ กูหาทางขังสองคนนี้ไว้ตั้งแต่ที่ไอ้เด็กเวรนั่นเริ่มชอบไอ้สองซะก็ดี!

“เมิงก็คิดดูเอาแล้วกัน..กูถามมันว่าทำไมมันถึงชอบด่ากู แต่มันตอบว่าเพราะมันอยากจีบกู...มึงว่ามันตอบตรงประเด็นมั๊ยวะ?”
จนป่านนี้สองก็ยังไม่เลิกสับสนกับความรู้สึกของภูเบศธ์

แม่ง ด่าเพราะอยากจีบ ถามเหอะ ชาติหน้ามึงจะจีบติดมั๊ย!

“ตรงเป๊ะเลยล่ะมึง!”
ตรงใจกูมากขอบอกครับขอบอก!

ไม่เสียแรงที่ลงทุนขังเพื่อนตัวเองทั้งที่เป็นห่วงแทบแย่ ความจริงแล้วกรไม่ยอมให้ไปปล่อยสองคนนั้นจนกว่าจะมืด แต่ว่าเขาเองที่ทนไม่ไหว เพราะรู้ว่าเพิ่งเรียนเสร็จ สองยังไม่ได้กินอะไรถ้าโดนขังไว้ต้องหิวแย่แน่ๆ....กูเป็นเพื่อนที่ประเสริฐมะ?

“ตรงบ้านม๊ามึงดิ! กูยังเครียดไม่หาย”

“มึงจะเครียดอะไรก็แค่เด็กมันอยากจีบ...มึงเองก็โดนเด็กจีบมาเยอะ...แค่ไอ้เด็กนี่มาจีบอีกสักคนมึงก็รับๆไว้ดิ ปากหมาๆแบบนี้หาไม่ได้ตามท้องตลาดนะมึง!”

“เป็นมึง  มึงอยากได้เหรอ? ด่ากูทุกทีที่เจอหน้า กูว่ากูตั้งรับไม่ทันว่ะ ลองเปลี่ยนเป็นกรมาจีบมึงบ้าง แล้วหมาใส่มึงทุกวันมึงจะรู้มั๊ยว่าเขาจีบมึง?”

“กูรู้โดยสัญชาตญาณว่ะ ก็คนมันเกิดมาเพื่อคู่กัน ทำไมกูจะไม่รู้”


ถ้าลองเปลี่ยนเป็นกรมาจีบไอ้ตรฤณคนนี้บ้าง..ก็ดีน่ะสิ!

“กูเลิกคุยกับมึงละ ไอ้คนหลงตัวเอง!”พูดจบสองก็เดินอาดๆออกจากห้องไปทิ้งไว้ให้ตรฤณยืนยิ้มอยู่คนเดียว

แต่ถือว่าแผนครั้งนี้สำเร็จและบรรลุวัตถุประสงค์เกินคาดนะ! กร
โอ๊ย...ภูมิใจมีแฟนสวยแถมยังฉลาดแบบคาดไม่ถึง!


______________________



“เพราะอยากจีบ...”
“เพราะอยากจีบ..”
“เพราะอยากจีบ...”


“เพราะอยากจีบ...ชัดมั๊ยครับ  รุ่นพี่กมลินทร์”

“โว๊ยยยยย!”

เอี๊ยดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

“พี่สอง เป็นอะไรไปเหรอครับ?”เด็กหนุ่มสารถีจำเป็นของสองเอ่ยถามขึ้นในขณะที่กำลังขับรถด้วยท่าทางสบายๆไม่เร่งไม่รีบเพราะรถไม่ติด แต่ถ้ารถติดก็คงรีบไม่ได้อยู่ดี และเหตุผลสำคัญคือการพารุ่นพี่ตัวเล็กที่นั่งข้างๆกินลมชมวิวไปในตัว แต่ไม่ทันไรสองกลับโวยลั่นรถทำเอาหนุ่มเจ้าเอาตีนแตะเบรกแทบไม่ทัน และไม่ได้นึกถึงคันหลังที่ขับตามมาจะด่าพ่อด่าแม่หรือไม่ เพราะตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือหนุ่มรุ่นพี่ที่ดูอารมณ์ไม่ค่อยดีตั้งแต่เดินออกมาจากคณะแล้ว

“เอ่อ...วันนี้พี่รู้สึกปวดหัวนิดหน่อย...ไปส่งพี่ที่หอหน่อยแล้วกัน”สองเองก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองเป็นบ้าอะไรก็รีบหันไปบอกเด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา ที่เอารถมาจอดรอที่หน้าคณะอยู่นานสองนานแต่สองก็ไม่ยอมออกมาสักที แต่ถือว่าความพยายามมันสูง รออยู่ได้เกือบสองชั่วโมง พอเห็นหน้าเท่านั้นแหล่ะรีบวิ่งมารับด้วยหน้าตายิ้มแย้ม

“ไม่ไปหาอะไรทานก่อนเหรอครับ?” หนุ่มน้อยยังคงเอ่ยถามด้วยความห่วงใยแต่รุ่นพี่แสนน่ารักกลับส่ายหน้าเป็นคำตอบมือแกร่งจึงรีบหักพวงมาลัยรถ เพื่อเปลี่ยนทิศทาง แล้วมุ่งสู่หอพักของสองตามคำขอทันที

“ยังไง พรุ่งนี้ให้ผมมารับนะครับ”

“ไม่เป็นไรหรอกเขม....พี่ไปเองได้..ขอบใจมากนะที่มาส่ง” สองยิ้มหวานให้น้องเขมอย่างเคย และเชื่อมั่นสุดๆว่าเด็กคนนี้คือน้องเขมแน่ไม่มีพลาดแบบคราวที่แล้ว
ไม่ใช่อะไรป้ายชื่อบนเสื้อกราวน์บอกเอาไว้ซะเด่นหราว่า
“นศ.พ. เขมชาติ” ไม่มีทางผิดตัวแน่นอน!

มันคงไม่บ้าเอาเสื้อกราวน์คนอื่นมาใส่หรอกว่ะ

เพียงแค่รถ BMW ซีรีย์7 เคลื่อนตัวผ่านหน้าหอพักของสองไป รอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้าหวานก็ค่อยๆจางหายไป เหลือแต่สายตาอาฆาตแค้นแทน

“พรุ่งนี้มึงตายแน่ ไอ้ภูเบศธ์!”

โทษฐานทำกูสับสนวุ่นวายใจได้ขนาดนี้
ว่าแต่ว่า.....ทำไมกูต้องเป็นเอามากด้วยวะ?


“เรียกหาผมอยู่เหรอครับ?”

ยังไม่ทันที่สองจะเคลียร์ปัญหาของตัวเอง เสียงสวรรค์ของสองก็ลอยมากระทบโสตประสาท แค่พูดถึงก็มาหาตายยากจริง พับผ่า!

นี่มันตามมาจองเวรจองกรรมถึงหอกูเลยเหรอเนี่ย!

“ไอ้ภูเบศธ์!”

“ครับ?” ขานรับด้วยรอยยิ้มกวนตีนที่สองนึกอยากเอาตีนลูบหน้าสักครั้งสองครั้ง....ถ้าไม่กลัวว่าขาจะไม่ถึงอ่ะนะ!

“มาทำไม!” ถามกลับด้วยเสียงไม่พอใจก่อนจะเดินเข้าสู่บริเวณหอพักโดยไม่สนใจเด็กหนุ่มตัวสูงโย่งที่ยืนไขว้ขาอย่างสบายอารมณ์ โดยที่มุมปากยกยิ้มอย่างนึกสนุกที่ก่อกวนสองได้...สงสัยภูเบศธ์คงจะโรคจิตอย่างที่กรว่าจริงๆ...

“มาส่งไง”
ภูเบศธ์ไม่คิดจะเดินตาม เพราะคิดว่าคำพูดของตัวเองคงจะมีอะไรดีพอที่จะทำให้สองหยุดเดิน ซึ่งเป็นอย่างที่คาดเอาไว้ นอกจากสองจะหยุดเดินแล้ว...เจ้าตัวยังหันมาจ้องหน้าภูด้วยการขมวดคิ้วระคนสงสัย

“หา?...มาส่ง?!”

ได้ข่าวว่ากูนั่งBMW ของหมอเขมมาจนแทบจะเกยหน้าหอ แต่มึงแค่มายืนรอแล้วมันติ๊ต่างเอาเองว่ามาส่ง 
ถ้าจะละเมอก็กลับบ้านไปหลับก่อนไป ไอ้ภูเบศธ์!

“อ๊าว...ก็นี่ไงกำลังจะส่งขึ้นหอ” พูดไปพร้อมกับเดินมาเทียบเคียงด้านซ้ายของสอง

กูเพิ่งรู้ว่านอกจากมันจะปากหมาเป็นที่หนึ่ง...
ความหน้าด้านมันก็ไม่เป็นสองรองใครซะด้วยเว้ยเฮ้ย!

“ไอ้...ไอ้”ทำไมจนซูถึงรู้สึกด่าไอ้เด็กเวรนี่ไม่ออกทั้งที่คำด่าต่างๆนาๆพร้อมใจกันเดินทับมาเต็มสมอง แต่ปากดันพูดออกมาไม่ได้อย่างที่คิด
ให้ตายเหอะ! อยู่ต่อหน้าไอ้เด็กนี่ทีไรใบ้แดกทุกที!

“ก็คนอื่นๆมาส่งแค่หน้าหอ แต่ผมจะไปส่งรุ่นพี่ให้ถึงหน้าห้องเลย ไม่ดีเหรอครับ?”

“ไม่จำเป็น...ไม่มีใครขอให้ทำ” สองทำได้แค่ปฏิเสธเสียงแข็งใส่ไอ้เด็กเวรหน้าหล่อที่ทำหัวใจเต้นผิดจังหวะบ่อยๆ

“งั้นแสดงว่าไม่เคยมีใครไปส่งรุ่นพี่ถึงหน้าห้อง?” เพราะถ้าไม่มีภูเบศธ์จะได้โล่งใจไปอีกหนึ่ง...เพราะสองยังไม่ถูกเด็กกินอย่างที่ได้ยินคำล่ำลือ

“จะถามเอาไปทำสำมะโนครัวประชากรโลกหรือไง?..จะไปไหนก็ไปฉันจะขึ้นห้อง!”สองทำเป็นโมโห ก่อนจะเดินนำหน้าภูเบศธ์ไปโดยไม่หันมาสนใจเด็กหนุ่มที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม

“เมื่อวานก็ Audi วันนี้ก็ BMW วันพรุ่งนี้ไม่ให้หญ้าอ่อนในสนามขับ Rolls-Royce มาส่งเลยล่ะ”

ก่อนไปมึงยังมีกะจิตกะใจมาประชดกูอีกเนอะ!

สาธุ เกิดอย่าชาติหน้าอย่าได้เจอไอ้เด็กเวรนี่อีกเล้ยยยยยยย

“เออ! คอยดูแล้วกัน จะนั่ง Rolls-Royce มาอวดให้ดู!”สองตะโกนกลับออกไปทั้งที่ไม่รู้ว่าภูเบศธ์จะได้ยินมันหรือเปล่า

พูดมาได้ โรลสรอยซ์งั้นเหรอ มึงมีปัญญาหาให้กูนั่งมั๊ย! ไอ้เด็กเวร

ว่าแต่ไอ้โรลสรอยนี่มันกี่สิบล้านร้อยล้านวะนั่น?

พอกันที กับวิธีที่มึงจีบกู ไอ้เด็กเวรภูเบศธ์!

_______________________________

ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด...

เสียงโทรศัพท์มือถือเครื่องเล็กดังขึ้น    รบกวนโสตประสาทของร่างเล็กที่กำลังหลับสบายอยู่ใต้ผ้าห่มนวมผืนใหญ่ก่อนที่ร่างเล็กจะโผล่พรวดออกมาจากผ้าห่มด้วยความ ที่เพิ่งนึกได้ว่ารู้สึกตัวเพราะเสียงโทรศัพท์ดัง ว่าแล้วก็ควานหามือถือเครื่องเล็กที่อยู่ที่ไหนสักแห่งบนโลกใบนี้

ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด..
เสียงเครื่องมือสือสารยังคงดังไม่หยุดเพราะไม่มีคนกดรับสาย จนทำเอาเจ้าของมือถือหัวเสีย ทั้งที่พลิกผ้าห่มหาก็แล้วค้นเอาตามตัวจนหัวยุ่งหัวฟูก็แล้วไม่เจอสักทีจนนึกโมโหขึ้นมาเอง

ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด..

อ้าว? อยู่โต๊ะข้างหัวนอนกูนี่เอง...โถ่..หาตั้งนาน!

“โหล!”

“สองโหล?”

“อย่ามากวนกูแต่เช้าตรู่ กูยิ่งนอนไม่พอ”สองกรอกเสียงไปตามสายมือเล็กขยี้หัวตัวเองเพื่อไล่ความง่วง

“เช้าตรู่? ก่อนที่มึงจะด่ากู กรุณาแหกขี้ตามองนาฬิกาตามฝาบ้าน แล้วมึงจะรู้ว่าพระจะฉันเพลอยู่แล้วเว้ย!”
“เออ! มึงมีไรก็ว่ามา”สองเหลือบตาไปมองนาฬิกาตั้งโต๊ะที่บอกว่าขณะนี้เป็นเวลาสิบโมงกว่าๆ เลยต้องผ่อนเสียงลงบ้าง ขี้เกียจจะเถียงให้ความมันยาว

“วันนี้ ตอนหกโมงเย็นเจอกันที่หน้าคณะ รวมพลก่อน”ตรฤณรีบพูดจุดประสงค์ของการโทรศัพท์เสียตังค์มาหาเพื่อนรัก

“วันนี้วันเสาร์มึงจะเข้าคณะหาพระแสงอะไร?”

“ก็วันนี้นัดกันเลี้ยงสาย หรือมึงจะไม่ไป?”

“เออๆ...เดี๋ยวกูโทรไปบอกน้องๆกูก่อน”สองว่าก่อนจะตัดสายไป แต่ไม่ทันไรเจ้ามือถือเครื่องเล็กก็ดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับชื่อ “ไอ้ส้นตรฤณ” ขึ้นที่หน้าจอ

“มีไรอีก?”สองรีบถามทันทีที่กดรับสาย

“กูยังพูดไม่จบ มึงตัดสายทำไม?”เสียงที่เล็ดลอดมาตามสายดูขุ่นเคืองอยู่ไม่น้อย..แต่มีเหรอที่สองจะใส่ใจ?

 “เออมีไรพูดมา...”

“กูแค่อยากจะบอกมึงว่า...”

“ว่า?”

“ที่รักมึงก็ไป...แค่นี้นะ”

พูดจบตัดสายใส่กู แล้วเมื่อกี้มึงด่ากูทำแมวอะไร?

“แล้วใครคือที่รักกูวะ?....แม่งเด็กยิ่งเยอะๆอยู่ไม่ใช่ว่าไปให้รถไฟมันชนกัน ไม่ตายห่ากันยกใหญ่เลยเหรอวะ” สองพูดด้วยความปลงตกกับชีวิต เพราะการเลี้ยงสายครั้งนี้ไม่รู้ว่าทางกรจะชวนเพื่อนทางไหนไปอีกบ้าง เด็กๆปีหนึ่งปีสองในคณะที่เคยเป็นเด็กในฮาเร็มสองก็มากอยู่  ไปซวยเจ๊อะกันงานนี้ทำไง?
ช่างเหอะ เดี๋ยวให้ไอ้ตรฤณมันจัดการ..(อ๊าว...ซวยกู : ตรฤณ)

พอคิดได้ดังนั้น สองก็กดโทรออกไปยังน้องยันหลานรหัส เพื่อนัดไปรวมพลกันหน้าคณะก่อนออกไปสังสรรค์ในคืนนี้

________________________________


งานเลี้ยงสายวันนี้กรเลือกที่จะไปร้านอาหารที่เป็นร้านนั่งดื่มไปในตัว บรรยากาศสบายๆมีวงดนตรีเล่นเพลงจังหวะเบาๆฟังแล้วลื่นหู เพราะอาจจะมีคนเอาน้ำมันมาทาไว้(หูมันเลยลื่น?) เหมาะกับพวกชอบดื่มเหล้าดื่มเบียร์ มากกว่าพวกขาแดนซ์ ถึงจะไม่ค่อยถูกใจใครหลายคนที่อยากจะไปที่ที่แดนซ์ได้มากกว่า แต่สถานที่แบบนี้แหล่ะที่สองพึงพอใจ นั่งดื่มไปโยกหัวไปช้าๆตามเสียงเพลงมันส์กว่าเยอะ!

“นี่ ขอถามหน่อยนะกร...สายนายมีกันแค่สองคนเนี่ยนะ?”สองเอ่ยถามขึ้นหลังจากดื่มหมดเป็นแก้วที่สอง ค่อยจะมานึกสงสัยในสายรหัสของกรที่มีเพียงแค่สองคนคือปีสี่กับปีหนึ่ง แล้วปีอื่นๆหายหัวไปไหน?

“อือ...ใช่สายฉันมีแค่นี้ล่ะ”กรพูดก่อนจะยกแก้วเบียร์ขึ้นดื่มตาม แต่ไม่วายแอบเหลือบมองตรฤณเป็นระยะๆ เพราะรายนั้นเมาแล้วเลื้อย~ สองแก้ว ก็หัวหนัก ชอบเอนเอาหัวมาแหมะกับไหล่เขาอยู่เรื่อย!

“น้องรหัสฉันย้ายคณะ ส่วนหลานรหัสอีกคนก็ถูกไทร์...เหลือรอดมาสองกับสายนี้ก็ถือว่าคุ้มฮ่าฮ่า” กรพูดราวกับว่ามันเป็นเรื่องตลกซึ่งสองเองก็ไม่ได้คิดว่ามันหนักหนาอะไรดีซะอีกไม่เปลืองตังค์เลี้ยงหลานคนเดียวพอ
ส่วนสายของสองเหรอ? อยู่กันครบหน้าครบตา อยู่รอทะลุทะลวงเงินในกระเป๋ากันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ไอ้วันๆที่ไปคณะก็ไม่เคยเจอหน้า แต่พอบอกว่าจะเลี้ยง มาให้เห็นตั้งแต่น้องยันโหลน!

“เฮ้ย ไอ้ตรฤณ! มึงเมาก็กลับเข้าเล้าไปเลยไป!”สองเองที่เป็นคนออกปากไล่ ก่อนที่ตรฤณจะได้ใจไปมากกว่านี้ หลังจากที่เห็นเอาหัวเอนซบคนสวยอยู่ได้นานสองนานทั้งๆที่เมาจริงไม่จริงไม่มีใครรู้

แต่ที่สองรู้ เบียร์หมดไปลังไอ้ตรฤณยังไม่กึ่ม!
แล้วนี่อะไร? สองแก้วทำเป็นเมา..กระแดะจริงนะมึง!


“กูไม่ใช่หมูไอ้นี่~ ” ตรฤณที่โดนว่าเช่นนั้นก็รีบเถียงกลับคอตั้งตรงเป๊ะเหมือนคนที่กินแค่น้ำอัดลมไม่ได้ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์สักนิด

“สร่างเมาเชียวนะ!” เสียงของกรทำเอาคนที่เพิ่งสร่างเมาตัวหดเหลือสองนิ้วก่อนจะหันหน้าไปแยกเขี้ยวใส่สองอย่างนึกโกรธ

“เลวจริง” ตรฤณแอบพึมพำด่าสองโดยที่สองเองก็ลอยหน้าลอยตายิ้มเยาะอย่างสะใจ  อย่าให้ถึงคราวกูมั่งแล้วมึงจะหนาว ไอ้สอง!


_____________________________________


“ข้อห้าม เวลาที่จะดื่มกับสอง”

“.......”

“คือการห้าม ท้าดวลแข่งดื่มเหล้ากับมัน...เพราะคนท้าจะแพ้เองเสมอ”

“สองคอแข็งขนาดนั้นเลยเหรอ?”

“โอย อย่าเรียกว่า แข็ง ท่อแป๊บยังเรียกพี่!”

“แล้วเราจะมอมเหล้าสองยังไง?”

“ปัญหานั้นตัดไป เพราะตั้งแต่คบกับมันมายังไม่เคยเห็นมันเมา!”ตรฤณว่าไปตามที่เคยประสบพบเจอมา ถึงสองจะคอแข็งอย่างที่ว่า แต่ก็ไม่ใช่ว่าแข็งถึงขั้นเทพ เพราะเจ้าตัวเป็นพวกกินแล้วรู้ลิมิตของตัวเอง สองจะพอเมื่อเริ่มรู้ว่าตัวเองจะเมา ต่อให้รบเร้าให้มันดิ่มต่อ เกรงว่าจะโดนถีบตกท่อเอาเสียก่อนน่ะสิ

“ขนาดนั้น?...แล้วเราจะทำยังไงดีละ?”

“มีวิธีเดียว คือดักตีหัวแล้วบอกให้ภูเบศธ์ลากมันขึ้นห้อง!”ตรฤณเสนอแต่กรคนสวยถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจ

“จะบ้าเหรอ? นายจะทำอะไรแบบนั้นได้ยังไง?”

“เชื่อด้วยเหรอ?...นายนี่น้า...น่ารักชะมัด><”พูดจบก็เอื้อมมือไปหยิกแก้มนุ่มๆของอีกฝ่ายโดยไม่ได้กลัวรังสีอำมหิตที่เริ่มแผ่ซ่านของกร

เพี๊ยะ!!!
เสียงมือกรฟาดเข้าให้กับมือของตรฤณ

กูรู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดเลยครับขอบอก! T^T

“อ่อ ... มีอีกวิธี”เมื่อโดนฟาดเข้าให้ สติสตังก็เริ่มกลับมาทำให้ตรฤณรู้ว่าควรเข้าสู่โหมดจริงจังในการวางแผน
“จับเพื่อนให้เป็นแฟนหลานรหัสของกร”

“อะไรเหรอ?”ดูกรจะตื่นเต้นกับแผนการที่ตรฤณคิดถึงขั้นเอาหน้ายื่นเข้าไปใกล้ของตรฤณ งานนี้ก็กำไรกูสิครับ!

“ยานอนหลับ...รับรองมันดับสนิท!”ตรฤณพูดด้วยความมั่นใจก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างผู้ชนะ

งานนี้มึงได้เด็กในสังกัดเพิ่งอีกคนแน่ ไอ้สอง!

_____________________________________


“แต่ฉันว่าเป็นเพราะสายกุด รักมันเลยคุดกันทั้งปู่ทั้งหลานฮ่าฮ่า”กรยังคงมีอารมณ์ขันต่อเมื่อเหล้ากระแทกปากเป็นแก้วที่เท่าไหร่ไม่รู้ สองรู้แค่ว่า ไอ้เด็กเวรของสองไม่ได้อยู่ในงานด้วย ทั้งที่เมื่อตอนรวมพลกันอยู่หน้าคณะก็เห็นมันเดินลอยชายอยู่แถวนั้นแต่พอมานั่งดื่มนั่งกินจริง...ภูเบศธ์กลับหายหัวไป
แล้วกูจะไปสนใจมันทำไมวะ?

“หาใครอยู่เหรอ?” ประหนึ่งว่ากรอ่านความคิดของสองออกเลยถามคำถามที่ทิ่มแทงใจสองยิ่งนัก

หน้ากูมันบอกชัดเจนเลยเหรอว่ากำลังมองหาคน?   

“เปล่าหรอก แค่มองอะไรไปเรื่อย”ตอบส่งๆในขณะที่นั่งมองตรฤณยกแก้วขึ้นดื่ม และกรเองก็กำลังจะเอาแก้วของเขาไปรินเหล้าให้เพิ่ม

“งั้นเหรอ..นึกว่ามองหาหลานรหัสฉันซะอีก”เพียงแค่กรเอ่ยออกมาสองก็หันขวับไปมองกรทันที

“เอ่อ..ฉันแค่พูดเล่นน่ะ”
แค่พูดเล่นก็แล้วไป..มึงดูแล(ว่าที่)เมียมึงดีๆนะตรฤณ แล้วจะหาว่ากูไม่เตือน คนยิ่งอารมณ์ไม่ดี

“งั้นฉันไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”สองว่า ทำเอาตรฤณที่นั่งหัวโงนเงนไปมากลับมาตั้งตรงอีกรอบ เมื่อสองเดินไปจนลับตาตรฤณก็รีบควักสิ่งที่แอบซ่อนเอาไว้มา แล้วยื่นให้กร

“ใส่เลยกร..รับรองคืนนี้สนุกแน่”ตรฤณแอบกระซิบกับกรเบาๆ ก่อนที่กรจะใส่อะไรบางอย่างลงไป ใบหน้าหวานต้องหันซ้ายหันขวาเพื่อดูลู่ทางว่าโล่งสนิทด้วย...

ว่าแล้วก็ใส่มันไปจนหมดห่อ~

“เฮ้ยๆๆ ...ใส่หมดเลยเหรอ?”หลังจากที่เคลิ้มไปกับกลิ่นหอมอ่อนๆใกล้ซอกหูของกรอยู่สักพักพอหันมาอีกที ยาที่อยู่ในซองก็หายไปหมดซอง ตรฤณรีบเอาซองกระดาษนั้นมาเทดูเพื่อความแน่ใจว่าหมดไปแล้วจริงๆ ก่อนจะตบหน้าผากตัวเองไปหนึ่งแปะ!

“มึงนอนข้ามวันข้ามคืนแน่ๆ สอง!”

ยังไม่ทันที่ตรฤณจะได้คร่ำครวญไปมากกว่านี้ ก็มีคนเดินเข้ามา บุคคลสองคนที่แอบทำการลับเลยต้องรีบปรับตัวให้เป็นปกติมือเรียวรีบวางแก้วของสองไว้ที่เดิมพอดิบพอดี ราวกับมาร์คเอาไว้ แต่คนที่เดินเข้ามาใหม่กลับไม่ใช่สอง....กลับเป็นภูเบศธ์ตัวสำคัญของแผนการครั้งนี้เพราะถ้างานนี้ไม่มีภูเบศธ์ แผนของตรฤณและกรก็ไม่สำเร็จ

“ ทำอะไรกันอยู่ลับๆล่อๆ?”

“ปะ..เปล่า...ไม่มีอะไรจริงๆ”กรรีบแก้ตัว พร้อมกับชวนให้หลานรหัสตัวเองนั่งลง ที่จริงภูเบศธ์ก็อยู่ในร้านอาหารนั่นแหล่ะ แต่พอดีเจอเพื่อนต่างคณะเลยหาโอกาสไปนั่งกับเพื่อน ไม่อยากนั่งแถวนี้กลัวเกิดสงครามกลางร้านอาหารพอเห็นว่าสองเดินไปเข้าห้องน้ำ ถึงได้พาตัวเองกลับถิ่น

“แล้วนี่แก้วใคร?”ภูเบศธ์ถามขึ้น พร้อมกับยกมันขึ้นมาดู

“แก้วสอง ทำไมเหรอ?”

“แก้วสอง?...ดีเลย”ยังไม่ทันที่ใครจะได้ร้องห้าม แก้วก็จรดลงกับริมฝีปากหยักของภูเบศธ์เสียแล้ว แถมยังกลืนเอื้อกๆแบบไม่ยั้ง!

“ได้จูบทางอ้อมด้วยแฮะ”พูดด้วยสีหน้าระรื่น แต่อีกสองคนที่นั่งตรงข้ามกลับเหงื่อตกจนซับไม่ทัน

“เอ่อ......”กรถึงขั้นพูดอะไรไม่ออก..แผนการณ์กำลังจะล้มไม่เป็นท่า เพราะการที่จะให้ภูเบศธ์หลับอยู่ที่นี่ แล้วบอกให้สองหิ้วภูเบศธ์กลับไปด้วย เห็นทีว่าจะไม่มีทางเป็นไปได้

เพราะฉะนั้น....

ก็ให้ไอ้ภูเบศธ์นี่แหล่ะหลับไปก่อนแล้วเดี๋ยวสองหลับตามไปจะได้ไม่มีปัญหา!


“มีอะไรกันเหรอ?...ทำหน้าทำตาแปลกๆ”ภูเบศธ์ถามกลับโดยยังไม่รู้ถึงภัยที่กำลังคลืบคลานมาใกล้แบบไม่รู้ตัว

“นอนหลับให้สบายนะ...ภูเบศธ์”เพียงแค่เสียงของกรพูดจบ....

สติของภูเบศธ์ก็ดับวูบตามไปแบบกู้คืนไม่ได้





“แล้วจะทำยังไงล่ะทีนี้? สอง อย่าเพิ่งมาเลยน้า~”
กรเริ่มเป็นกังวล ใบหน้าหวานชะเง้อมองดูต้นทางเพราะตรฤณกำลังจัดการเอาตัวเด็กเวรของสองไปยัดไว้ในรถ ยังไม่ทันที่ตรฤณจะกลับเข้ามา..สองก็เดินมาถึงโต๊ะเสียแล้ว

“อ้าว..ไอ้ตรฤณมันไปไหนล่ะ?”สองกลับมาอีกครั้งก็พบว่ากรนั่งอยู่คนเดียวที่โต๊ะเลยถามขึ้น

“อ๋อ ไปเอาของที่รถ นี่สองดื่มก่อนสิ”พอสองนั่งลงปุ๊บ กรก็รีบยื่นแก้วของสองที่พร่องลงไปนิดหน่อยใส่มือสอง

“ว่าแต่มันไปเอาอะไรล่ะ?”

“ไม่รู้สิ บอกแค่ว่าจะไปเอาของน่ะ ”กรยิ้มสู้พร้อมกับลุ้นให้สองดื่มเร็วๆ แต่เพียงแค่สองจะจรดแก้วลงกับปากตัวเอง ก็ต้องมีเรื่องสงสัยให้ถามอีกจนได้

“แล้วไปนานหรือยัง?”กรถอนหายใจเป็นครั้งที่สองเมื่อสองยังไม่ยอมดื่มเหล้าแก้วที่เขาใส่ยาไว้สักที

“ไม่รู้สิ...ช่างตรฤณมันเถอะ นายเองก็รีบๆดื่มรีบๆกินจะได้รีบกลับไปนอน!”กรขึ้นเสียงใส่ทำเอาสองรีบยกแก้วขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด

ขอบอกว่ากูกับไอ้ตรฤณกลัวนายทิวากรโหมดนี้สุดๆเลยครับ!


ถึงตรฤณมันจะไม่ได้อยู่ด้วยก็เหอะแต่สองมั่นใจว่าไอ้เพื่อนก็กลัวเหมือนกัน






ตั้งแต่เกิดมากูไม่เคยกินเหล้าแล้วง่วงนอนขนาดนี้เลยให้ตาย!


“ตรฤณมึงอยู่ไหน?มึงมาเอากูกลับไปนอนด่วน!”ไม่ต้องรอให้เสียเวลาเพียงไม่กี่นาทีสองก็คอพับลงไปแหมะกับพื้นโต๊ะทันที
“ได้ตามคำขอเลยครับสองมึงไปนอนกับเด็กเวรของมึงให้สบายใจไปเลยนะ ฮ่าฮ่า ”พูดจบก็อุ้มเพื่อนตัวเล็กอย่างทุลักทุเลไปที่รถ แล้วเอาไปยัดไว้เบาะหลังที่มีภูเบศธ์หลับสบายอยู่ก่อนหน้าแล้วรถ Audi สีน้ำเงินเข้ม มีที่คนขับชื่อตรฤณ ตุ๊กตาหน้ารถชื่อกร และภูเบศธ์ที่มีสองนอนหลับไร้สติอยู่ข้างตัวที่เบาะหลัง...

มุ่งหน้าสู่หอพักของ”ภูเบศธ์”

ส่วนใครจ่ายตังค์ค่าอาหาร

กูไม่รู้ ฮ่าฮ่า

(เลว!)


____
TBC
____



พรุ่งนี้และมะรืนอาจไม่มีเวลามาลงต่ะนะค่ะเลยอัพให้เลย สองตอนรวด อิอิ

ขอบคุณที่ติดตามกันนะค้าาาา
สวัสดีปีใหม่ค่ะ :กอด1:

ปล.มุกบางมุกมัน...ฮ่าาาา เล่นเองยังขำไม่ค่อยจะออกเลยล่ะค่ะ ถ้าอ่านแล้วไม่ขำ ก็ช่วยขำให้หน่อยนะคะ ก๊ากกกกกกกกกกก :bye2:
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 3-4 จูบทางอ้อม [Up 1/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Alone Alone ที่ 31-12-2011 22:09:11
อะ จูบทางอ้อม ไปซะแล้วภูของช้านนนน
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 3-4 จูบทางอ้อม [Up 1/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 31-12-2011 22:19:55
หนูสองเอ้ยยย  เข็ดสักทีเถอะ  ยอมเป็นของพระเอกเราซะดีดี  555
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 3-4 จูบทางอ้อม [Up 1/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 31-12-2011 23:12:14
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 3-4 จูบทางอ้อม [Up 1/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 31-12-2011 23:17:26
อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยค้างคาสิแบบนี้อ่ะ
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 3-4 จูบทางอ้อม [Up 1/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: SoN ที่ 01-01-2012 09:44:26
^^
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 3-4 จูบทางอ้อม [Up 1/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: ooopimmyooo ที่ 01-01-2012 11:44:19
ฮากรมาก
บังคับสองกินซะเลย กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 3-4 จูบทางอ้อม [Up 1/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 01-01-2012 17:17:56
ร้ายกาจม๊วกกกก>< แล้วแบบนี้จะเกิดอารายขึ้น

รีบๆม่ต่อนะค๊าฟฟ อยากรู้แล้วๆ!!

รอๆน้า
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 3-4 จูบทางอ้อม [Up 1/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: NONSENSE ที่ 01-01-2012 19:22:27
เป็นจูบทางอ้อมที่คุ้มรึเปล่าเนี่ย
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 3-4 จูบทางอ้อม [Up 1/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: jobi ที่ 01-01-2012 22:12:13
ว้าว...ติดตามแน่นอนเลยเรื่องนี้
เคยอ่านเวอร์ชั่นยูซูสนุกมากมาย
เป็นกำลังใจให้นะคะ^^
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 3-4 จูบทางอ้อม [Up 1/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: ryoko_chan ที่ 04-01-2012 00:04:42
บทที่ 5 เมาไม่นับ!


“ลองทายซิ....ว่าใครจะตื่นก่อน?”

_____________________

“ฉันว่าไอ้ภูเบศธ์”

“ไม่น้า~ ฉันคิดว่าน่าจะเป็นไอ้สอง”

“แต่ฉันว่าภูเบศธ์นะ...ตอนนั้นมันกินไปแค่นี้”พูดไปพร้อมกับทำท่าประกอบว่ามันนิดเดียวอย่างที่ว่าไว้จริงๆ

“แต่ฉันว่าไอ้สอง เพราะว่าไอ้ภูมันกินไปเยอะกว่า”คนตัวใหญ่กว่าเริ่มเถียงพร้อมกับนั่งระลึกชาติแล้วภาพในสมองก็ตีความออกมาบอกว่า เด็กหนุ่มที่ชื่อภูเบศธ์กระดกแก้วเหล้าเอื๊อกๆ จนเหลือค่อนแก้ว...เพราะฉะนั้นคุณกมลินทร์ที่กินแก้วนั้นต่อ คงจะได้รับฤทธิ์ยานอนหลับน้อยกว่าอย่างแน่นอน

“นายเมาแล้ว! ฉันน่ะเห็นกับตาเลยนะ ว่ามันกินไปแค่นี้!”กรเริ่มขึ้นเสียงพร้อมกับทำท่าประกอบให้ดูอีกรอบ ตรฤณได้แต่ยิ้มกริ่ม

“ไม่ ไม่ ไม่ กรนั่นแหล่ะเมา...ตอนที่ไอ้ภูมันวางแก้วมันเหลือนิดเดียวเอง~”ตรฤณเถียงกลับด้วยน้ำเสียงสบายๆไม่ได้อยากเอาชนะอะไร แต่ดูท่าทางว่าทิวากรจะเดือดดาลขึ้นกว่าเดิมเพราะน้ำเสียงของตรฤณ

“ไม่..ไม่ ไอ้ภูเบศธ์มันกินน้อยกว่าแน่นอน เพราะฉะนั้นไอ้ภูเบศธ์ต้องตื่นก่อน!”กรไม่เถียงธรรมดา แต่หันกลับมาทำตาขวางใส่คนตัวใหญ่ที่หาเรื่องเถียง

กล้ามีเรื่องกับทิวากรอย่างนั้นเหรอครับ! คุณตรฤณ

สายตากรมันบ่งบอกอย่างนั้น แค่คราวนี้ตรฤณกลับไม่ได้รู้สึกกลัวแต่อย่างใด
ที่ไม่กลัวเพราะยังไม่รู้ว่าตัวเองจะถึงฆาตเมื่อไหร่มากกว่าซะล่ะมั้ง...

“ฉันว่าไอ้สองมันตื่นก่อนเชื่อเหอะ....”

“ไม่ๆๆๆๆ ภูเบศธ์มันต้องตื่นก่อน! ”

“แต่ฉันว่า..” เพียงแค่อ้าปากก็โดนกรสวนกลับ

“ตรฤณ! หยุดรถเดี๋ยวนี้ แล้วมาคุยกันให้รู้เรื่อง!”เสียงหวานตะโกนดังลั่นรถทำเอาตรฤณแทบหักพวงมาลัยตามคำสั่งไม่ทัน

“เสียงดังทำไมเล่า~ เดี๋ยวพวกนั้นมันก็ตื่นหรอก”ถึงตรฤณจะดูหงอลงไปถนัดตาแต่ก็ขอทำเนียนให้คนสวยใจเย็น โดยการเหลือบไปมองสองร่างที่นั่งคอตกสลบเหมือดอยู่เบาะหลัง คล้ายเป็นห่วงว่าสองคนนั้นจะสะดุ้งตื่นเพราะเสียงดังๆของกร

“มันคงตื่นหรอก! โดนยาซะขนาดนั้น  ถามจริงเถอะใครจะตื่นก่อนใครจะมานั่งเถียงกันทำไม? หา!” กรแว๊ดใส่ตรฤณได้แต่ย่นคอประหนึ่งว่าไหล่จะมาช่วยปิดหูได้ ตอนแรกก็กะจะเอามือขึ้นมาปิด แต่เกรงว่าคนสวยจะตบใส่เสียก่อน ข้อหา ไม่ยอมฟังที่คุณทิวากรพูด

 “ก็กรเถียงก่อนฉันแค่แสดงความคิดเห็น”หน้าของตรฤณอาจจะมีระบบพิเศษหรืออย่างไรไม่มีใครทราบ รู้แค่ว่าตอนนี้มันหดเหลือสองนิ้ว ด้วยความ “เกรงใจ”

ย้ำ! ว่ากูแค่“เกรงใจ” ไม่ใช่ว่า กู “กลัว” เมีย!

“ฉันก็แสดงความเห็น ไม่ได้เถียงสักหน่อย!”

“ทำมาเป็นขึ้นเสียง แถวบ้านเขาเรียกว่าไม่ได้เถียงเลยเนอะ!”ตรฤณประชดเสียงงึมงัมลอดไรฟัน แต่สมรรถภาพในการรับรู้เสียงของทิวากรคงดีเกินไปกระมัง เลยทำให้ใบหน้าหวานหันมาทำตาเขียวใส่ตรฤณผู้ไม่เคยรู้ชะตากรรมตัวเอง

จะถูกตบอยู่รอมร่อ ก็ยังทำหน้าระรื่นได้อีกนะ!

“เมื่อกี้นายว่าอะไรนะ!”เสียงของของกรทำเอาตรฤณสะดุ้งวาบ ปิดปากตัวเองแทบไม่ทัน

“เปล่านี่..ไม่ได้พูดอะไรสักหน่อย ” ตรฤณรีบแก้ตัวด้วยความบริสุทธิ์ใจ(?) ก่อนจะยิ้มหวานส่งให้กร เผื่อว่าคนสวยจะหลงรอยยิ้มอันทรงเสน่ห์ของตรฤณบ้างไม่มากก็น้อยแล้วแต่ศรัทธา

“ยิ้มไร?!”แต่ดูท่าทางคงไม่มีมากและไม่มีน้อยเรียกว่าไม่มีเสียเลยจะดีกว่าเพราะไม่งั้นกรคงไม่ทำหน้าอยากจะกินเลือดกินเนื้อตรฤณซะขนาดนั้น

“เปล๊า.....แค่อยากยิ้ม”ตรฤณรีบหุบยิ้มก่อนตอบ

กูเพิ่งรู้ว่าเวลากรอารณ์ไม่ดี คนหน้าหมีอย่างกูไม่มีสิทธิ์ยิ้ม!

“แล้วไป” กรว่าพร้อมกับเอนตัวพิงเบาะเหมือนเคยหลังจากที่เอี้ยวหัวหันข้างไปทะเลาะ(หรือหาเรื่อง?)กับตรฤณอยู่ได้นานสองนาน

“ว่าแต่...พรุ่งนี้ใครจะตื่นก่อนกันน้า” ริมฝีปากอิ่มสีสดกลับเอ่ยขึ้นมาลอยๆในเรื่องที่เป็นตัวปัญหาสำหรับตรฤณ

เพราะเรื่องนี้เกือบทำกูโดนตบไปเป็นสิบตลบแล้วครับ

“ก็....ไอ้ภู....ล่ะมั้ง..”สุดท้ายตรฤณเลยจำต้องเป็นฝ่ายยอมเสียเองหลังจากที่คาดการสถานการล่วงหน้าจากสายตาของกรที่หันมาเมื่อตรฤณอ้าปากตอบ
เพราะถ้ากูว่าไม่ใช่ “ไอ้ภู”...กูคงโดนงอนอีกแน่นอน!

ในเมื่อสงครามโลกสงบ ผู้ที่มีหน้าที่เป็นคนขับรถก็จำต้องหักพวงมาลัยรถเพื่อเข้าสู่ถนนและขับต่อให้ถึงจุดหมาย ก่อนที่จะตีกันตายก่อนถึงปลายทาง
ตรฤณขับรถไป พลางนึกอะไรไปพลางๆถึงเรื่องที่เขาเถียงกันกับกร ก่อนจะเหลือบมองเพื่อนตัวเล็กที่คอพับไปทางซ้าย และหลานรหัสของกร นั่งคอพับไปทางขวา จนเกือบจะชนกัน ผ่านทางกระจกส่องหลัง
สงสัยไอ้สองไม่อยู่ให้หาเรื่อง  ปากมันว่างแล้วไปหาเรื่องเถียงกับกรแทน

แล้วเป็นไง? แพ้ใสๆ เลยครับงานนี้

ปึก!

เสียงที่ตรฤณคาดว่าน่าจะเป็นหัวของคนสองคน ที่นั่งอยู่เบาะหลังชนกันเอง เพราะตรฤณตั้งใจขับลงหลุม         ให้หนทางเส้นนี้ดูวิบากขึ้นมานิดหน่อยด้วยความหวังดีว่าอยากให้ไอ้สองคนที่หลับไม่รู้เรื่องอยู่ด้านหลังหัวตกลงมาซบกัน เพราะเท่าที่ดูเมื่อกี้เกือบจะชนกันอยู่มะรอมมะร่อแต่ยังไม่ทันที่ตรฤณจะได้ส่องกระจกหลังเพื่อดูผลงาน เสียงโวยวายของกรดันดังลั่นรถอีกรอบ
“ตรฤณ! นายขับรถประสาอะไร? หลุมเขามีไว้หลบไม่ใช่ลง! บ้าเอ้ย หัวฉันเลยชนกับกระจกมันเจ็บนะ”แล้วตรฤณก็รู้ด้วยสัญชาติญาณทันทีว่าเสียงเมื่อกี้คือเสียงของหัวกรที่กระทบกับกระจกรถโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ

“ เฮ้ยๆ...ขอโทษๆ ไม่ได้ตั้งใจ”ถึงจะรีบขอโทษขอโพย แต่ก็อดขำกับการลูบหัวป้อยๆของกรไม่ได้ เห็นแล้วมันน่ารักน่าชังจริงๆนะ ปากเล็กสีสดนั้นยื่นออกนิดๆด้วยความเจ็บ คิ้วเรียวผูกกันเป็นปมด้วยความไม่พอใจ แล้วไหนจะสายตาที่จ้องจะกินเลือดกินเนื้อเขาอีก....รวมๆกันแล้วมันน่ารักมากกว่าน่ากลัว(มั้ง!..)

“ขับดีๆแล้วกัน คนจะนอน”นี่คงเป็นเหตุผลที่หัวของกรเลื่อนลงไปกระทบกับกระจกรถได้เป็นอย่างดี ถึงตรฤณไม่ได้ขับรถตกหลุม แต่ก็คาดว่าไม่เกินอีกสองนาที หัวกลมๆก็คงได้ชนกับกระจกเสียเองเนื่องจากนั่งสัปหงก

เมื่อบุคคลที่นั่งอยู่ข้างๆเริ่มสงบ ก็ได้เวลาที่ตรฤณเช็คผลงานตัวเองผ่านกระจก
   แล้วก็พบว่าหัวกลมทุยของไอ้สองก็ตกลงไปซบกับไหล่ของไอ้ภูเบศธ์พอดีเป๊ะราวกับจัดฉากให้!

“นี่..กร”

“หือ?”

“ถ่ายรูปแบล๊คเมล์พวกนั้นไว้หน่อยดีมะ?”

“ใช่สิ! ได้ๆๆ ”พูดจบก็รีบควักโทรศัพท์ออกจากมือถือด้วยความตื่นเต้น

ทั้งที่เมื่อกี้ยังทำหน้าง่วงอยู่ พอกูบอกให้แบล๊คเมล์ ล่ะดี๊ด๊าจนแทบจะเต้นบัลเลต์เชียว!
นิ้วเรียวกดชัตเตอร์ของมือถืออยู่หลายครั้ง เพื่อให้ได้รูปที่ถูกใจที่สุดราวกับว่ากำลังเป็นช่างภาพปาปารัชชี่ที่กำลังเก็บเกี่ยวรูปให้ได้มากที่สุดเพื่อเอารูปมาคัดสรร

“งานนี้ เพื่อนนายได้รับหลานรหัสฉันเป็นเด็กในฮาเร็มอีกแน่นอน ฮ่าฮ่าฮ่า”พูดจบก็หัวเราะดังลั่นรถด้วยความพึงพอใจ จนตรฤณรู้สึกขนลุกแปลกๆ แต่ก็ยอมหัวเราะตามทั้งที่ไม่ได้นึกขำด้วยเท่าไหร่

__________________________


ใช้เวลาเกือบชั่วโมงในการขับรถกลับมายังหอพักของภูเบศธ์

ตรฤณไม่ใช่คนขับรถช้า แต่ถ้าไม่ได้หยุดรถทะเลาะกันกลางทาง คงมาถึงตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้ คนที่ทำหน้าที่เป็นสารถี ลงจากรถก่อนโดยมีตุ๊กตาหน้ารถจำเป็นลงตามมาอีกที พร้อมกับเดินไปเปิดประตูรถทางที่นั่งด้านหลัง
กรยืนยิ้มอย่างพอใจกับผลงานตัวเอง แต่ตรฤณกลับรู้สึกเป็นห่วงเพื่อนซี้ตัวเล็กอย่างบอกไม่ถูก

เกิดไอ้สองโดนไอ้เด็กเวรของมันกินมันขึ้นมาจริงๆว่าไงวะ?

ตรฤณได้แต่ครุ่นคิดด้วยความเป็นห่วง ทั้งที่อยากยกเลิกแผนนี้ซะแล้วเพราะงานนี้ ไอ้สองมีแต่เสียกับเสีย...
เอ๊ะ? หรือว่าเป็นไอ้ภูเบศธ์ที่จะเสียตัวให้ไอ้สองมันแทนโดยไม่ได้ตั้งใจ?

“เหม่ออะไร?...รีบช่วยกันพยุงสองคนนี้เข้าไปข้างในกันเถอะ” เสียงของกรเรียกสติของตรฤณให้กลับมาอีกครั้งก่อนจะทำตามคำสั่งอีกฝ่ายอย่างทุลักทุเล เพราะสองตัวหนัก และภูก็ตัวใหญ่...นี่ไม่คิดจะมีกะจิตกะใจช่วยคนอื่นบ้างเหรอครับคุณทิวากร!
ไหนบอกว่าช่วยกันพยุง...ตอนนี้กูไม่เห็นลุงคนไหนมาช่วยกูสักตัว!

แต่มีเหรอที่ตรฤณจะกล้าเอ่ยปากถาม ว่าแล้วก็พยายามทำให้ถึงที่สุดตามที่สังขารจะเอื้ออำนวย จนถึงห้องของภูเบศธ์โดย สวัสดิภาพนั่นแหล่ะ กรถึงได้รีบมาคว้าตัวสองออกไปจากแขนของตรฤณ
“จะให้นอนท่าไหนดี?  ”
ดูท่าทางงานนี้กรจะสนุกไม่เลิกกับแผนตัวเอง มือเรียวพยายามจัดท่าทางของสองในนอนสบายที่สุดก่อนจะให้ตรฤณวางภูลงบนเตียงของเจ้าตัว
“เตียงไม่เล็กไปเหรอ?” ตรฤณถามพร้อมกับมองภาพผู้ชายสองคนที่นอนเบียดกันอยู่บนเตียง ถึงสองจะตัวเล็กกว่าผู้ชายทั่วไปนิดหน่อยแต่ก็ไม่เล็กเท่าผู้หญิง...แถมเตียงในห้องนี้ดันเป็นเตียงขนาดเล็กสำหรับนอนคนเดียวเสียด้วย
“เล็กนั่นแหล่ะดี..จะได้อุ่นๆ ”
แววตาของกรดูเจ้าเล่ห์พร้อมกับรอยยิ้มพึงพอใจ ก่อนจะพลิกให้สองหันหน้าเข้าหาภูแล้วก็เอามือของทั้งสองพาดเอวของแต่ละฝ่ายเอาไว้
“นอนให้สบายนะ...ลาก่อน ”กรโบกมือลาคนที่นอนหลับไม่รู้เรื่องอยู่บนเตียง ก่อนจะลากให้ตรฤณที่ดูพะว้าพะวงออกจากห้องของภูเบศธ์พร้อมกับตัวเอง

สอง..กูลาก่อนนะมึง...ถ้าพรุ่งนี้มึงตื่นก่อนก็ถือว่าโชคดี

แต่ถ้าไอ้เด็กผีนี่ตื่นก่อน...กูก็ขออวยพรให้ไอ้ภูโชคดีอีกเช่นกัน


“เฮ้อ...”ตรฤณถอนหายใจเบาๆหลังจากที่อวยพรให้เพื่อนรัก ทำเอากรต้องหันกลับมามองด้วยความสนใจ
“เป็นอะไรไป...ทำหน้าหงอยเชียว...เป็นห่วงสองเหรอ?”กรถามพร้อมกับตบไหล่ตรฤณตรฤณเบาๆ
“เปล่า..ฉันเป็นห่วงภูเบศธ์มากกว่า”ตรฤณพูดออกมาตามจริง
“หือ?....ห่วงทำไม”
“เพราะถ้าสองมันตื่นมาแล้วเจอเด็กเวรของมันอยู่บนเตียงเดียวกัน...คาดว่าอายุของหลานรหัสนายจะสั้นกว่าที่ควรจะเป็น”ตรฤณพูดอย่างปลงตกก่อนจะเดินนำกรขึ้นรถไปท่ามกลางความสงสัยของกร
ขอให้โชคดีนะ..ภูเบศธ์

__________________________



“อือ....”ร่างสูงงัวเงียเอามือขยี้หูขยี้ตาด้วยความง่วงเมื่อรู้สึกตัว พร้อมด้วยอาการมึนหัวแปลกๆจนทำให้ลุกแทบไม่ขึ้น ถึงเมื่อคืนภูเบศธ์จะดื่มไปเยอะ แต่ก็ไม่น่าจะถึงทำให้ถึงขั้นเมาค้างได้....ถ้าไม่ได้นับฤทธิ์ยานอนหลับที่เจ้าตัวหลงกินเข้าไปแบบไม่รู้ตัวน่ะนะ

“หือ?”

แต่พอรู้สึกตัวว่าตื่นเต็มตาภูเบศธ์กลับรู้สึกว่าตัวเองมีสามแขน!

“ตายห่า..กูหลับจนแขนงอกเลยเหรอวะ?” เป็นคำถามที่ไม่ค่อยสมควรจะถามกับตัวเองเท่าไหร่ ถึงอย่างนั้นภูเบศธ์ก็จับแขนที่สามของตัวเองที่โผล่พ้นออกมานอกผ้าห่มก่อนจะยกมันสูงขึ้นเรื่อยๆ จนผ้าห่มมันล่นลงไปจนเห็นกลุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนของใครบางคน
แล้วนี่มันใครวะ ?

นึกได้อย่างนั้นก็รีบเลิกผ้าห่มออกจากตัวแล้วก็พบกับรุ่นพี่ที่ตัวเองแอบชอบมานานนอนกอดเขาอยู่ใต้ผ้าห่ม คราวนี้แหล่ะภูเบศธ์ถึงกับตื่นเต็มตาโดยไม่ต้องล้างหน้าให้เสียเวลาหรือเปลืองค่าน้ำ

“สอง!?”
โครม!!!

ทั้งสงสัยระคนตกใจจนกลิ้งตกเตียงไปอีกฝั่ง ถึงกระนั้นก็ยังพยายามชะเง้อคอขึ้นมามองบนเตียงอีกรอบเพื่อดูให้เต็มว่าคนที่นอนร่วมเตียงกับเขาทั้งคืนคือสอง กมลินทร์ มือแกร่งถูกยกขึ้นมาขยี้ตาอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าตาไม่ได้ฝ้าไม่ได้ฟาง ถึงขนาดเห็นหมอนข้างเป็นคนที่แอบชอบ....แต่ไม่ว่าจะทำด้วยวิธีใด ภาพที่มองเห็นก็ยังคงเป็นสองที่กำลังนอนหลับสบายอยู่บนเตียง ราวกับว่าเป็นเตียงของตัวเอง
ภูเบศธ์หันรีหันขวางอยู่หลายครั้ง เพราะไม่รู้จะทำอะไรต่อไป..จะถามว่าอีกฝ่ายมาทำอะไรที่นี่ ก็เห็นทีว่าคงเป็นไปไม่ได้ ในเมื่อร่างเล็กยังคงหลับอุตุอยู่ ก่อนจะลองหวนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง และมีเหตุการณ์ใดบ้างที่ทำให้เขากับร่างเล็กตรงหน้าต้องมานอนอยู่บนเตียงเดียวกันเช่นนี้

“เมื่อคืนจำได้ว่า....กินเหล้าแก้วของสอง...แล้วก็ง่วง..” ร่างสูงลองพยายามทบทวนความคิดแล้วเหมือนหน้าของใครบางคนก็ลอยขึ้นมาเพื่อเป็นคำตอบ

“กร!” เมื่อนึกขึ้นได้ก็รีบวิ่งไปหาโทรศัพท์พร้อมกับกดโทรออกในเลขหมายทีตัวเองจำได้ขึ้นใจ

“กร!!!!!”

“โทรมาอะไรแต่เช้า..เป็นไงหลับสบายดีไหม?”เสียงของกรที่ดูเหมือนจะกลั้นหัวเราะนิดๆทำเอาภูเบศธ์กัดปากตัวเองแน่นและรู้ทันทีว่าสองมาอยู่บนเตียงของตนเองได้อย่างไร

“นายทำอะไรของนาย..กร!”ภูเบศธ์รีบถามกลับแต่ก็รีบเอามือปิดปากเมื่อกลัวว่าตัวเองจะทำเสียงดังจนไปรบกวนร่างเล็กที่กำลังหลับอยู่

“ก็ช่วยให้สองเป็นแฟน..อ๊ะ ไม่สิ...เมียแกไง ฮ่าฮ่า”

“โดยการวางยาทั้งฉันทั้งสองเนี่ยนะ..โทษทีเหอะถ้าทำงี้ ชาติหน้าฉันก็ทำให้สองเป็นเมียฉันไม่ได้”ภูเบศธ์ว่ากลับก่อนจะแอบเหลือบมองสองเป็นระยะ

ก็เล่นวางยานอนหลับคู่ ถามจริงเหอะ จะให้ตกเป็นผัวเมียกันในฝันเหรอ?

“อ๊ะๆ...แกนั่นแหล่ะโง่ เสือกไปแดกเหล้าใส่ยาเอาไว้เอง”เมื่อกรพูดออกมาเช่นนั้น ภูเบศธ์เองก็พอจะเข้าใจทันทีว่าที่เค้าหลับเป็นตายเพราะไม่รู้อิโหน่อิเหน่หยิบแก้วสองมาดื่มสินะ

“แล้วทำไมไม่บอกเล่า!”

“โทษทีเหอะแกก็มีแต่อยากจะจูบทางอ้อมบ้าบออะไรของแกแล้วไง สมน้ำหน้าจับเขาทำเมียไม่ได้ เพราะหลับเป็นตายทั้งคู่”

“เออโทษทีที่โง่...แล้วจะให้ฉันทำไงอ่ะ?”พอรู้ถึงที่มาที่ไปจนทะลุปรุโปร่งจนสมแก่ใจ..แต่ภูเบศธ์กลับไม่รู้หนทางข้างหน้าว่าจัดการกับสองอย่างไรต่อไปดี

ปล่อยให้นอนหลับอย่างนั้น....หรือว่า....

“ก็ลักหลับเลยดิ สองจะได้ไม่กล้าไปมีเด็กทางไหนอีก ”

แหม่....ช่างรู้ใจกันจริงๆนะ ทิวากร! 

______________________


หลังจากวางสายจากปู่รหัส ภูเบศธ์ก็เดินวนไปวนมารอบเตียงก่อนจะนึกรำคาญตัวเองเลยต้องทิ้งตัวเองให้นั่งลงบนเตียงข้างๆคนนอนหลับแทน ดวงตาคมไล่สายตาไปตามใบหน้าของสองช้าๆราวกับพินิจพิจารณา ใบหน้าหวานของรุ่นพี่ที่ตนเองแอบชอบนั้น ผิวที่ขาวราวกับน้ำนม พร้อมเนียนละเอียดเหมือนผิวเด็ก...เห็นแล้วมันน่าหลงใหลจนห้ามใจที่จะก้มต่ำเพื่อไปมองใกล้ๆไม่ได้
ตอนนี้ข้างขวาของเขามีเทวดาตัวน้อยๆอยู่พร้อมกับกับบอกเขาว่า

“ปล่อยให้คนรักของนายนอนหลับเถอะ อย่าไปขัดเวลาพักผ่อนเขาเลย ”

แต่พอเสียงนี้จบลง กลับมีเดวิลโผล่ขึ้นมาทางซ้ายแทน

“ได้ไงเล่า! โอกาสแบบนี้หาไม่ได้ง่ายๆแล้วนะ..เอาเลยสิ ริมฝีปากนั้นจะนิ่มจะหวานแค่ไหนกันนะ? ”

ภูเบศธ์ทำได้แค่เพียงมองเทวดาตัวน้อยและเดวิลน้อยสลับไปมาอย่างสับสน

นั่นสิ..เขาควรจะเลือกฝ่ายไหนดี ในขณะที่ใบหน้าตัวเองอยู่ใกล้ชิดเกือบติดกับใบหน้าของสองเพียงแค่ทางมดเดินผ่าน

“?!”

ยังไม่ทันได้เลือก ตาคมดันสบกันกับดวงตาเล็กที่ลืมขึ้นมาแบบไม่บอกกล่าว

“อ๊าก!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”

โครม!!!


ขอบอกว่ากูตกเตียงเป็นรอบที่สองของวันแล้วนะเว้ย!!!! 

“ไอ้ภู! แกมาทำอะไรที่ห้องของฉัน?!”
เมื่อได้สติร่างเล็กก็รีบลุกพรวดขึ้นมาตั้งการ์ดอยู่บนเตียง  หลังจากที่เมื่อกี้ฟรีคลิ๊กเข้ากลางหลังของผู้บุกรุกไปจนมันตกเตียงไปเป็นที่เรียบร้อย

แต่โทษทีเหอะ ได้ข่าวว่านี่ห้องกู-“-
ภูเบศธ์ค่อยพยุงตัวให้ลุกขึ้นก่อนจะใช้แขนเท้าไปยันหลังเอาไว้กันยึด ก่อนจะถอนหายใจพร่ำเพื่อ

“มองดูดีๆก่อนแล้วค่อยพูดว่านี่ห้องใคร”
พอพูดจบร่างเล็กก็รีบกวาดสายตาไปทั่วห้อง...ที่ไม่ใช่ห้องของตัวเอง

“แล้วนี่มันห้องใครวะ?”สองถามอย่างสงสัยในขณะที่ยังคงมองไปรอบๆห้อง

ก็มีกันอยู่สองคน..ถ้าไม่ใช่ห้องคุณกมลินทร์..ก็คงจะตัดสินว่าเป็นห้องกูซะล่ะมั้ง!
ภูเบศธ์ได้แต่ประชดในใจ

“ถามมาได้ ก็มีกันอยู่สองคน..ถ้าไม่ใช่ห้องรุ่นพี่มันจะเป็นห้องใครได้?”

“ห้องนาย?”สองถามกลับโดยที่ไม่ค่อยมั่นใจนัก

“ถูกเผง! สงสัยช่วงนี้ไม่ค่อยมีหญ้าให้กินสมองเลยพัฒนาขึ้นเยอะ”ภูเบศธ์ยังคงยียวนกวนประสาทกลับใส่สองตั้งแต่เช้า

“ไอ้ภู!...มากไปแล้วนะ”พูดจบก็กระโดดลงจากเตียงแล้วคว้าคอเสื้อภูเบศธ์เข้ามาหาเรื่อง

มาชมกูเป็นควายแต่เช้า เดี๋ยวแม่งตั๊นหน้าเข้าให้! 

“อยากโดนต่อยปากมากนักหรือไง?!”

เสียงหวานขึ้นคำขู่ แต่ดูว่าภูเบศธ์จะไม่ใส่ใจแถมยังค่อยๆแกะมือเล็กๆนั้นออกจากคอเสื้อตัวเองแล้วจับเอาไว้แน่นโดยที่ร่างเล็กขัดขืนไม่ได้

“แต่ผมว่าผมอยากให้รุ่นพี่จำเรื่องของเราได้มากกว่านะ ” สายตาคมเริ่มกรุ้มกริ่มจนสองที่เหมือนจะเป็นรองชักจะกังวลขึ้นมานิดๆ

“เรื่องของเรา?...”
อารมณ์โมโหเมื่อสักครู่หายไป...แทนที่ด้วยความสงสัยแทน

กูกับมึง เคยไปลึกซึ้งกันตอนไหน? มันถึงได้มีเรื่องของ “เรา” มาพูด!

“อ้าว จำไม่ได้เหรอ? เมื่อคืน....”  ภูเบศธ์เหมือนจะรู้ว่าล่อลวงให้สองเดินตามเกมส์ของตัวเองได้อย่างไม่ยากริมฝีปากหยักยกยิ้มขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์แต่ถึงอย่างนั้นสองกลับยังคงทำสีหน้าเหมือนกับนึกไม่ออกอยู่ดี

ถ้านึกออกได้ก็แปลก! หรือว่าไม่จริง?

“เมื่อคืนอะไร!พูดมาดีๆนะ”ในเมื่ออีกฝ่ายเว้นระยะเอาไว้ไม่ยอมเล่าต่อถึงคราวที่สองต้องเค้นคำตอบเอาความจริงในเมื่อไอ้คนเล่ามันไม่ยอมพูดต่อ

“ก็เมื่อคืน.....”

“เมื่อคืน!”

รีบตอบมาสิวะ!  กูจะได้รู้ว่ามึงกะกูไปมีเรื่องของเรา เอาตอนไหน!

“รุ่นพี่เมาแล้วชวนผมขึ้นห้อง....จำไม่ได้จริงๆเหรอรุ่นพี่กมลินทร์”
ภูเบศธ์ก้มลงกระซิบเบาๆกับใบหูเล็กให้ได้ยินกันแค่สองคน ก่อนจะละออกมาเพื่อดูใบหน้าแดงๆของอีกฝ่าย ที่คนกระซิบเองก็ไม่ค่อยแน่ใจว่ามันแดงเพราะว่า   เขินหรือโมโห?

“จะบ้าเหรอ!นายโกหกแล้ว...ฉัน...ฉันจะไปชวนคนอย่างนายขึ้นห้องเนี่ยนะ? มะ..ไม่มีทาง”ถึงจะประกาศเสียงแข็งแต่แววตากับดูล่อกแล่กพิกลราวกับคนพยายามคิดหาคำตอบให้ตัวเอง

“ถ้าอย่างนั้นผมกับ พี่สอง จะมาอยู่ด้วยกันในห้องนี้ได้ยังไง?”
มึงคงลากกูมามั้ง?...กูสาบานได้ว่าไม่ได้ยอมมากับมึงแน่นอน!

“แล้วไง?...เมื่อคืนฉันเมา..ฉันจำอะไรไม่ได้!”สองแก้ตัวน้ำขุ่นๆทั้งที่ไม่รู้ว่าเมื่อคืนเมาจริงหรือเมาดิบ แต่ขอแถไปก่อน เมื่อเหมือนจะรู้ตัวภูเบศธ์คงจะมีจุดประสงค์อะไรบางอย่าง ไม่งั้นไม่มารื้อฟื้นความหลังกับเขาหรอก

“เล่นง่ายอย่างนี้เลยเหรอ?....ทำอะไรลงไปไม่คิดจะรับผิดชอบกันเลยหรือไง?”ภูเบศธ์พูดพร้อมกับเข้าประชิดร่างเล็กที่ดูเหมือนจะถอยหลังไปเรื่อยๆจนชนขอบเตียง

“สงสัยคงต้องให้เตือนความจำกันหน่อยล่ะมั้ง”พูดจบมือแกร่งก็ผลักไหล่เล็กจนสองเสียหลักหงายลงกับเตียง พร้อมกับร่างสูงรีบคร่อมตาม

“คะ...ความจำอะไร...นี่..ไอ้ภู...อย่าทำอะไรบ้าๆนะ!”สภาพสองตอนนี้คงเปรียบได้กับลูกกวางที่โดนสิงโตไล่ต้อนจนมุม หาทางรอดไม่ได้

“นี่...ไอ้ภู!!! บอกว่าอย่าเข้ามา!!”
ถึงปากจะร้องโวยวายแต่ดวงตาเรียวเล็กกับหลับตาปี๋ราวกับว่าภูเบศธ์เป็นผี ทำเอาใบหน้าคมที่ค่อยๆเคลื่อนเข้าใกล้หยุดนิดนึงเพื่อกลั้นยิ้มกับความน่ารักของร่างเล็กใต้ร่าง....

“ถ้าจำไม่ได้ ก็ต้องรื้อฟื้นความจำน่ะสิ”สองรู้สึกได้ว่าใบหน้าของอีกฝ่ายอยู่ใกล้มากๆถึงจะไม่ได้ลืมตาขึ้นมาดูก็เถอะ เพราะลมหายใจอุ่นๆที่รินรดอยู่กับแก้มใสของตัวเอง บอกได้เป็นอย่างดีว่าภูเบศธ์..กำลังจะ....

“อย่านะ!!!!!!!~” สองตะโกนลั่นด้วยแรงฮึดสุดท้ายก่อนจะโดนไอ้เด็กบ้านี่ล่วงเกินทำให้ขาเล็กยกขึ้นมากระแทกเข้ากลางหว่างขาของภูเบศธ์พอดีเป๊ะ  ราวกับเล็งเอาไว้ตั้งแต่ต้น!

โครม

“โอ๊ย!!” ภูเบศธ์ถึงกับกลิ้งตัวลงกับพื้นอย่างทรมาน ใช้มือกุมลูกรักเอาไว้อย่างน่าสงสาร แต่ถึงอย่างนั้นสองก็ไม่มีอารมณ์มานั่งนึกเวทนาไอ้เด็กเวรปากหมาที่กำลังจะปล้ำเขา!

ถึงเมื่อคืนจะปล้ำกันจริงๆ...แต่กูถือว่ากูเมา....เมาไม่นับเว้ย!

“ไปตายซะ ไอ้ภู!”สองด่าทิ้งท้ายก่อนจะรีบวิ่งออกจากห้องทันที ปล่อยให้ภูเบศธ์ร้องโอดครวญอยู่คนเดียวในห้อง

เป็นหมันซะได้ยิ่งดี จะได้ไม่มีทายาทไว้สืบสกุล!
พันธ์อย่างภูเบศธ์ จงสูญพันธุ์ไปซะ!

หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 3-4 จูบทางอ้อม [Up 1/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: ryoko_chan ที่ 04-01-2012 00:05:16
__________________


“มึง....ฮือ....มึ๊ง!!!!! มันปล้ำกูแล้ว!! ”
“เออใจเย็นเว้ย...”ตรฤณลูบคอยลูบหลังร่างเล็กอย่างเห็นใจ พร้อมกับมือใหญ่ที่คอยส่งกระดาษทิชชู่ให้เพื่อนเช็ดน้ำตา
“ฟืด...............ดดดด  มึงจะให้กูใจเย็นยังไง?..มันพรากความบริสุทธิ์ของกูไปแล้ว..โถ่..เวอร์จิ้นที่กูอุตส่าห์รักษาเอาไว้มานมนาน ”
สองสั่งน้ำมูกน้ำลายพร้อมกับรำพึงรำพันจนน่าสงสารตรฤณก็ได้แต่ถอนหายใจ ทั้งที่อยากจะบอกใจแทบขาดว่า
...เมื่อคืนมึงกับไอ้เด็กเวรหลับสนิทกันทั้งคู่ ไม่รู้ว่าไอ้เด็กนั่นไปตู่เอาตอนไหนว่าได้มึงเป็นเมีย..

และถ้ากรไม่รีบโทรมารายงานสถานการณ์ว่าเมื่อเช้า “ภูเบศธ์ตื่นก่อน” ซึ่งเป็นคำที่ย้ำนักน้ำหนา (เออกูรู้ว่ากูผิด!) แล้วก็เล่าว่าภูเบศธ์เกือบสูญพันธุ์ด้วยน้ำมือของสอง ตรฤณก็คงมีท่าทีสบายๆเช่นนี้...จะว่าไปเมื่อเช้าเขาฟังกรพูดด้วยรอยยิ้มแบบไหนกันนะ?

ทั้งโล่งใจ....ทั้งตลกแบบบอกไม่ถูก...
บอกแล้ว...ว่าคนที่น่าเป็นห่วงคือภูเบศธ์..

ฤทธิ์ของไอ้กมลินทร์ ถ้าไม่ใช่ตรฤณ ไม่มีใครรู้ร๊อก!

“มึง...ก็คิดซะว่า ได้เด็กตัวจริงซะทีไง..ก็เห็นมีไปเรื่อยไม่หยุดที่ใคร..เห็นทีงานนี้มึงควรจะปิดฮาเร็มมึงได้ละ!”นี่คงเป็นสาเหตุที่ตรฤณไม่ยอมบอกความจริงสองซะล่ะมั้ง
   กูบอกตามตรงว่าอยากให้มึงเป็นฝั่งเป็นฝา ใช่ว่ากูอยากโกหกมึงหรอกนะสอง..

“มึงอ่ะ!มันไม่ใช่เด็กตัวจริงแล้วมึงอย่ามาพูดอย่างนี้เดี๋ยวเด็กๆกูใจสลายแย่เลย”

 แล้วที่รถไฟมันชนกันแล้วมึงเขี่ยพวกมันทิ้งเป็นว่าเล่น เด็กมึงไม่ Pain เลยเนอะ!

“พูดจริงๆนะเว้ย..มึงน่ะปิดฮาเร็ม แล้วมาเริ่มต้นกับไอ้เด็กนั่นเหอะ”ตรฤณลองแนะนำแต่สองกลับส่ายหน้าจนหัวจะหลุดออกจากคอ

“โน๊ววววววว! กูไม่มีทางร่วมหอลงโลงกันมั๊น!”

“ทั้งที่มึงเป็นของมันแล้วนี่นะ?”
ตรฤณลองย้ำอีกสักครั้งเผื่อเพื่อนรักจะยอมๆบ้าง

“ไม่ เมื่อคืนกูเมา เมาไม่นับ!”สองเองก็ยังคงยืนยันเสียงแข็งเช่นเดิมเหมือนกัน ตรฤณเองก็คิดหาคำพูดเพื่อมาหว่านล้อมสองไม่ได้สักที สงสัยงานนี้ต้องมีตัวช่วย

คุณได้สิทธิ์นั้นเดี๋ยวนี้ครับ!

เพราะสียงโทรศัพท์ของตรฤณดังขึ้นราวกับเป็นตัวช่วย แถมชื่อที่ปรากฎบนหน้าจอก็เป็นชื่อของเจ้าของแผนเสียด้วยสิ

“ฮัลโหล...กร...นายรู้มั๊ยว่าหลานรหัสนายทำอะไรไว้กับเพื่อนฉัน!”
เสียงตรฤณดูเข้มขึ้นจนสองต้องรีบหันไปมองด้วยความสงสัยแต่คนที่สงสัยที่สุดเห็นทีว่าจะเป็นคนที่โทรมา

“นายเป็นบ้าอะไรของนาย ตรฤณ!” ถึงเสียงหวานจะติดไม่พอใจ ทำให้ตรฤณรู้ว่ากรไม่ทันแผนของเขา ตรฤณเลยทำหน้าเข้มก่อนจะพูดว่า

“นายก็ลองกลับไปถามภูเบศธ์ดูสิ ว่ามันทำอะไรไว้กับเพื่อนของฉัน!”น้ำเสียงของตรฤณดูมีอำนาจอย่างที่สองเองก็นึกชื่นชม อย่างน้อยงานนี้ก็มีเพื่อนตรฤณอยู่เคียงข้าง นี่ถึงขนาดกล้าขึ้นเสียงใส่กรคิดดู!

สงสัยกูคงไม่ต้องลงมือฆ่าหั่นศพภูเบศธ์คนเดียวซะล่ะมั้ง ฮ่าฮ่า!

แต่ยังไม่ทันที่จะได้ยินตรฤณหาเรื่องกรอีก ตรฤณก็ลุกเดินออกไปคุยโทรศัพท์ข้างนอก ราวกับว่าไม่อยากให้สองได้ยินเรื่องร้ายๆที่สองเพิ่งประสบพบเจอมาอีกครั้ง
กูซึ้งจริงๆครับ เพื่อนตรฤณ!

“ฉันถามว่าเป็นบ้าอะไร มาทำเสียงดุฉัน หา!” เมื่อตรฤณไม่ยอมพูด กรก็รีบถามขึ้นอีกครั้ง แล้วพอก้าวเท้าพ้นจากธรณีประตูห้อง ตรฤณก็รีบพูดจาไพเราะเพราะพริ้งทันที

“เปล่าค๊าบ...เมื่อกี้อยู่กับไอ้สองมัน เลยพูดไม่ได้”

“อ่อ งั้นแล้วไป!”พอได้ยินอย่างนั้นตรฤณก็รีบปาดเหงื่อด้วยความโล่งอก

“เป็นยังไงบ้าง..สองเป็นยังไง..ยอมคบกับไอ้ภูเบศธ์มะ?”

“ไม่เลย.....พูดยังไงมันก็ไม่ยอมท่าเดียว แถมยังร้องไห้เป็นเต่าเผา โวยวายว่าเสียเวอร์จิ้นให้ไอ้เด็กปากหมา” ตรฤณพูดขำๆกับอาการของเพื่อนรักที่นั่งอยู่ด้วยกันเมื่อสักครู่

“เอาล่ะ...ในเมื่อไม่ยอม...ก็คงให้เจ้าของเรื่องมาจัดการเอง”กรพูดยิ้มๆ

“หมายถึง?”

“เดี๋ยวฉันจะส่งไอ้ภูเบศธ์ไปถึงห้องเลยคอยดู~”


พูดจบก็ตัดสาย

มึงเตรียมรับศึกหนักอีกครั้งได้เลยว่ะ ไอ้สอง

___________________

“มึง~ เมื่อกี้น้องบอลโทรมาหาอ่ะ บอกว่าอยากขอคืนดี..แล้วก็จะไม่ทำตัวไร้สาระอีกแล้วอ่ะ..มึงว่าไง” พอตรฤณเดินกลับเข้ามาในห้องก็เห็นเพื่อนรักตัวเองนั่งกุมโทรศัพท์เอาไว้พร้อมกับแววตาน่าสงสารดูท่าทางจะอาลัยอาวรณ์เด็กๆในฮาเร็มไม่เลิกรา

“แล้วไอ้ภูเบศธ์ล่ะ? เด็กใหม่ที่เพิ่งได้มึงไปอ่ะ...มึงลืมแล้วเหรอ?”ตรฤณกลับมานั่งลงข้างๆกับสองเช่นเดิม ก่อนจะพูดขึ้นทำเอาสองมองตรฤณด้วยความไม่พอใจ

“กูบอกแล้วไง ว่ากูไม่นับมันเป็นเด็กในฮาเร็มกู!”พูดไปพูดมาสองชักจะโกรธตรฤณขึ้นมาแทน...
ทีเมื่อกี้ยังหาเรื่องมันให้กูอยู่ จู่ๆก็กลับมาหาเรื่องให้มันเป็นเด็กกูอีกละ?

“เออๆ..งั้นก็ตามใจมึงแล้วกัน...เด็กของมึงนี่มึงจัดการเองได้” ตรฤณเริ่มขี้เกียจจะสนใจเพราะเหมือนตอนนี้ปัญหาที่เขาคิดว่ามันคาราคาซังอยู่มันค่อยๆคลี่คลาย ตั้งแต่ที่กรโทรมาแล้ว

เพราะถ้าห้ามเจ้าตัวไม่ให้มีเด็กใหม่อีกไม่ได้... ก็คงต้องเป็นการห้ามไม่ให้มีเด็กคนไหนเข้ามายุ่งกับไอ้สองซะล่ะมั้ง!
งานนี้ ไอ้ภูเบศธ์เตรียมประกาศความเป็นเจ้าของได้เลย!



TBC
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 5 เมาไม่นับ [Up 4/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 04-01-2012 06:47:46
5555555555 ตายๆได้สามีแบบตู่ๆเสียแล้ว จงยอมรับมันเสียเถอะ
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 5 เมาไม่นับ [Up 4/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 04-01-2012 07:45:12
 :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 5 เมาไม่นับ [Up 4/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 04-01-2012 09:27:25
ร้ายกาจมากกกก อิอิ

อย่าลืมมาต่ออีกน้อออ รอๆค๊าฟฟ
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 5 เมาไม่นับ [Up 4/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: SoN ที่ 04-01-2012 09:54:23
^^
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 5 เมาไม่นับ [Up 4/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 04-01-2012 12:27:44
สองรับๆไปเหอะนะ วะฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 5 เมาไม่นับ [Up 4/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Huasia ที่ 04-01-2012 12:50:00
สนุกดีค่ะ มารอต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 5 เมาไม่นับ [Up 4/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 04-01-2012 15:03:09

ตลกดี

แต่ว่าถ้าเวลาเปลี่ยนคนเล่าเรื่อง  น่าจะเปลี่ยนสีก็คงจะไม่งง

แต่ว่าเรื่องนี้  มีคนเล่าเรื่อง 4 คน  ก็คงจะงงกับสี

555555

เอาเป็นว่า  เปลี่ยนสลับฉาก ตอนละคนดีกว่า  ตอนเดียวมีหลายคนเล่าก็งงนิดหน่อยอยู่เหมือนกันนะ

เจ้สอง
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 5 เมาไม่นับ [Up 4/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Allure-Q ที่ 04-01-2012 15:07:19
จะหนีน้องภูไปได้สักกี่น้ำเชียวสอง?
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 5 เมาไม่นับ [Up 4/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: หมูกระต่าย ที่ 04-01-2012 16:26:11
เพิ่งเข้ามาอ่านก็ติดเลยอ่า พี่ภูเยี่ยมมาก o13
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 5 เมาไม่นับ [Up 4/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Alone Alone ที่ 04-01-2012 17:54:43
อั้ยยะ ยอมๆ ไปเต๊อะ จิได้เสียตัว เอ้ย มีตัวจริงสักที

 :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 5 เมาไม่นับ [Up 4/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 04-01-2012 20:54:27
ทำไงล่ะทีนี้เดินหน้าลุยเต็มตัวดีมั้ยภูปากเสียไว้เยอะท่าจะยากนะ
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 5 เมาไม่นับ [Up 4/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: pae666 ที่ 04-01-2012 22:12:30
5555555 ชอบเรื่องนี้อ่ะ สองเอ๊ยยยยยย เสร็งน้องภูแน่ๆ!!!! ฮ่าาาาาาาา
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 5 เมาไม่นับ [Up 4/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: kuichai ที่ 05-01-2012 12:27:55
ไม่รอด น้องภูแน่ พี่สอง
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 5 เมาไม่นับ [Up 4/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: choijiin ที่ 05-01-2012 14:33:18
เออ
พี่สองของน้องภูนี่ออกจะซื่อ(บื้อ)เหมือนกันนะเนี่ย
เชื่อด้วยว่าตัวเองโดนตีประตูเมืองแล้ว
 :oo1:
แต่แบบนี้ก็ดีและ
น้องภูจะได้รุกสนุกๆหน่อย
ชอบน้องภู หัวเถิกเหมือนคนอ่าน
กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
 :laugh:
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 5 เมาไม่นับ [Up 4/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: pae666 ที่ 06-01-2012 09:29:29
อย่างนี้แสดงว่า สองยังแบคเวอร์จิ้นอยู่อ่ะสิ เพราะยังไม่รู้เลยว่า ตัวเองโดนภูทำอะไรรึเปล่า 55555+ เด็กๆในฮาเร็มเยอะซะขนาดนั้น แต่ยังไม่มีใครได้แอ้มสองอีกเหรอเนี่ยยยยยยยยย ฮี่ๆๆๆๆ เสร็จภูล่ะ!!!!  :oo1:
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 5 เมาไม่นับ [Up 4/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 06-01-2012 10:03:53
เสียเวอร์จิ้น แบบไม่เจ็บ..
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 5 เมาไม่นับ [Up 4/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: pae666 ที่ 06-01-2012 12:29:08
เสียเวอร์จิ้น แบบไม่เจ็บ..

ห๋าาาาาาาาา!!! มันทำได้ด้วยหรือ เอ....หรือของภูเล็ก ก๊ากกกกกกกกกกกกกก !!   :laugh:  :laugh:
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 5 เมาไม่นับ [Up 4/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: mild09 ที่ 09-01-2012 22:49:12
ยังรออยู่นะค้าาาาาาาาาา

 :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 5 เมาไม่นับ [Up 4/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: ryoko_chan ที่ 11-01-2012 15:47:14
บทที่ 6 เด็กปากหมา VS เด็กในฮาเร็ม


ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“พูดยังไม่ทันขาดคำ..มาซะแล้ว”

 

แล้วใครล่ะที่มา?   

เพียงแค่เสียงเคาะประตูดังขึ้นบุคคลที่เป็นเจ้าของห้องก็รีบลุกขึ้นไปทางประตู หลังจากนั่งเถียงอะไรไร้สาระอยู่กับเพื่อนตรฤณได้อยู่ครู่ใหญ่แล้วก็โดนเอาตรฤณประชดอยู่หลายยก ที่สองรีบร้อนขนาดนั้นเพียงแค่รู้ว่าเด็กมาหา

“ฮ่าฮ่า  สงสัยเด็กกูมา”สองพูดอย่างภูมิใจพร้อมด้วยรอยยิ้มกว้างๆ เพราะเมื่อครึ่งชั่วโมงเด็กในฮาเร็มโทรมาขอคืนดี มือเล็กเอื้อมมือไปบิดลูกบิดออกโดยไม่จำเป็นต้องส่องตาแมวให้เสียเวลา

“ไม่ส่องดูก่อนเหรอ...ว่าใคร?”
กูเตือนด้วยความหวังดี เพราะบางทีมึงอาจจะช็อคเมื่อเห็นหน้าเด็กมึง

“ไม่จำเป็น...”สองพูดไปอย่างนั้นแต่กลับส่องตาแมวตามอย่างที่ตรฤณว่าทั้งที่ปลดล็อคออกแล้วแต่ก็ไม่ยอมเปิดประตู เมื่อภาพที่เห็นผ่านตาแมวนั่น คือหน้าตาของเด็กเวรที่สองไม่อยากเจอหน้าที่สุดในตอนนี้

ตายห่าแล้วไง.. 

ใบหน้าหวานซีดลงอย่างเห็นได้ชัดก่อนจะรีบสะบัดหัวแรงๆ และพยายามคิดเข้าข้างตัวเองว่าภาพที่เห็นเมื่อสักครู่เป็นแค่เพียงอาการตาฝาดเนื่องจากนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ ตรฤณเองก็ได้แต่มองหน้าเพื่อนตัวเองด้วยอาการที่เรียกว่า ‘กลั้นหัวเราะ’อยู่บนโซฟาตัวเดิม

ทำไมกูจะไม่รู้ ว่าไอ้สองเจอตัวอะไร
เพราะหน้างี้ถอดสี บอกได้เป็นอย่างดีว่าเจอแจ๊คพ็อต!


ว่าแล้วก็นั่งมองสองที่ลองส่องตาแมวอีกครั้งเพื่อเรียกความมั่นใจ

“อ๊ะ! น้องบอล”

สงสัยโดนตามหลอกตามหลอนจนตาฝ้าฟาง!

ว่าแล้วมือเล็กก็รีบดึงประตูให้เปิดออกทันทีเมื่อเห็นว่าใครยืนอยู่หน้าห้องอยู่นานสองนาน ถึงแม้ตอนแรกจะเห็นว่าเป็น ผีสางนางไม้(?) ก็ตามที แต่เมื่อลองส่องอีกที เห็นเป็นหน้าเข้มๆของน้องน้องบอลลอยเด่นอยู่ในเลนส์ตาแมว สองก็รีบเปิดแบบไม่ต้องคิด

“ว๊ากกกกกกกกกกกก”

ปัง!
เพียงแค่ประตูเปิดออก ดวงตาเรียวเลิกก็เบิกโพลงอย่างตกใจพร้อมกับอาการที่เรียกว่าแหกปากร้องดังลั่นเมื่อเจอคนที่อยู่อีกฝากฝั่งของประตู    พร้อมกับที่มือเล็กรีบดันประตูให้กลับไปปิดดังเดิมแถมปิดท้ายด้วยการล็อคห้องอย่างแน่นหนา
ร่างเล็กหันกลับไปมองเพื่อนรักด้วยการพิงประตูอย่างลนลาน แต่ตรฤณกลับหัวเราะจนเกือบกลิ้งตกโซฟา

“มึง..ภูเบศธ์ว่ะ”ละล่ำละลักบอกเพื่อนซี้ที่กำลังขำแตกอย่างไม่เกรงใจชาวบ้าน

“อ้าว ก็เด็กมึงไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่ต้อนรับล่ะ?”ตรฤณถามกลับอย่างขำๆแต่สองกลับส่ายหน้าอย่างเอาเป็นเอาตาย

“ไม่ กูไม่เปิด!”สองประกาศเสียงดังลั่น  แต่ตรฤณกลับเดินมาทำท่าจะเปิดประตูออกให้คนที่มาเยี่ยมเยือนเข้ามา จะให้แขกเขารออยู่หน้าห้องนานๆเห็นทีว่าจะดูเหมือนเป็นการเสียมารยาทมากกว่า

“มึงอย่านะ!”สองรีบกระโดดตะครุบเพื่อนตัวใหญ่ทันทีก่อนที่มือใหญ่ๆของเพื่อนรักจะเอื้อมมือไปปลดล็อคประตู

“พี่สอง~”

“???”

แต่เสียงเรียกที่ดังมาจากข้างนอกหาใช่เป็นเสียงของไอ้ภูเบศธ์ไม่? สองคิดว่าครั้งนี้จำเสียงไม่ผิดแน่นอน

“ออกไปเลยมึง”เมื่อคิดได้ว่าเสียงที่เรียกไม่ใช่ผีอย่างที่คิด สองก็รีบดันตรฤณออกแล้วไปยืนอยู่หน้าประตูแทนถึงตรฤณเองจะงงๆอยู่ก็ตามที เพราะเมื่อสักครู่สองหน้าถอดสีหันมาบอกกับเขาว่า คนที่มาคือภูเบศธ์ แต่ทำไมเสียงที่ได้ยินเมื่อกี้ไม่ใช่เสียงไอ้เด็กเวรของสอง

พอประตูเปิดมาอีกที...ความสงสัยทุกอย่างก็คลี่คลาย
เมื่อภาพตรงหน้าคือหนุ่มน้อยสองคนที่พยายามผลักกันไปกันมาเพื่อที่จะแย่งกันมาอยู่ที่หน้าประตูอย่างเอาเป็นเอาตาย

เออ กูก็เพิ่งรู้วันนี้แหล่ะ ว่าภูเบศธ์ก็ทำตัวไร้สาระเป็น
ด้วยการหาเรื่องกับเด็กในฮาเร็มกู!


แต่รถไฟชนกันครั้งนี้กลับไม่เหมือนกับครั้งก่อนๆที่เคยผ่านมานอกจากสองจะไม่ตัดเยื่อใยจากเด็กที่ไม่สามัคคีกันเองแล้วสองยังกลับเลือกที่จะเข้าข้าง “น้องบอล” จนออกนอกหน้านอกตา

“หยุดเดี๋ยวนี้นะ! ภูเบศธ์”
คำสั่งเสียงดังทำเอาเด็กหนุ่มที่กำลังผลักกันไปมาหยุดทุกการกระทำแล้วมองบุคคลที่เพิ่งโผล่ออกจากจากประตู ภูเบศธ์เองก็ได้แต่มองร่างเล็กด้วยความไม่พอใจ

ทั้งที่เมื่อกี้ไอ้ภูโดนผลัก กลับมาบอกให้มันหยุด มันน่าน้อยใจแทนจริงๆว่ะ


“น้องบอลเป็นไงบ้าง?”สองรีบวิ่งเข้าไปหาเด็กในสังกัดด้วยความตกใจ มือเล็กจับดูตามเนื้อตัวน้องบอลด้วยความห่วง ทำเอาตรฤณต้องรีบเดินไปประกบภูเบศธ์แทน
ทำไงได้มันทำหน้าอย่างกับจะแดกหัวเด็กในฮาเร็มไอ้สอง...กูกลัวจริงๆครับขอบอก!

“ใจเย็นภูเบศธ์”ตรฤณกระซิบกับภูเบาๆ แต่ดูว่าคำพูดนั้นจะไม่ได้เข้าหูของภูเท่าไหร่ เด็กหนุ่มได้แต่ยืนนิ่ง กำมือแน่นเพื่อระงับความโมโห แต่แววตาคมกลับส่อแววตัดพ้อไปทางสองอย่างเห็นได้ชัด

ภูเบศธ์ไม่ใช่คนทำอะไรหุนหันพลันแล่น และไม่ใช่คนใจร้อน แถมยังเป็นคนที่ควบคุมอารมณ์ได้ดีไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์แบบไหนแต่ถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับสอง กลับพร้อมที่จะระเบิดความรู้สึกออกมาได้ทุกเมื่อ รู้สึกอย่างไร ก็อยากจะแสดงออกไปอย่างนั้น..แต่ติดอยู่ที่ว่า ไม่เคยแสดงออกได้ดั่งใจเลยสักครั้งและครั้งนี้ก็อีกเช่นกัน ทั้งที่อยากจะเข้าไปดึงสองออกมาแล้วประกาศให้ชาวโลกรับรู้ว่าสองเป็นของใครแต่ปากกลับไม่ยอมขยับเขยื้อน ไม่กล้าพูดออกมาเพราะรู้ตัวดีว่าไม่มีสิทธิ์เป็นเจ้าของชายหนุ่มรุ่นพี่ร่วมคณะตรงหน้าด้วยซ้ำ

“สอง แล้วเด็กมึงอีกคนอ่ะ ไม่คิดจะสนใจบ้างเหรอ?”ในเมื่อหนุ่มน้อยภูเบศธ์ทำตัวไม่ได้อย่างใจตรฤณ ก็ถึงคราวที่พี่ตรฤณต้องออกโรงช่วยเด็กตาดำๆกับเขาเสียที

“เด็กพี่สอง?”น้องบอลรีบหันไปถามสองด้วยความสงสัย แต่สองกลับตีหน้าเรียบก่อนจะหันไปยิ้มให้กับเด็กในสังกัดพร้อมกับบอกว่า

“เด็กไหน?...พี่ก็มีแต่น้องบอลคนเดียวนี่นา อย่าไปสนใจคนอื่นเลย เข้าไปข้างในเหอะ”สองยิ้มหวานให้น้องบอล ซึ่งเป็นรอยยิ้มที่ภูเบศธ์ไม่เคยได้รับ เห็นอย่างนั้นร่างสูงที่ถูกลืมก็ทำได้แค่เก็บความเจ็บปวดเอาไว้ในใจลึกๆ แล้วปล่อยให้ลูกๆในปากออกมาวิ่งเล่นแทน...

“ชอบกินของเก่ามากหรือไง?..ทั้งที่ของใหม่ก็อยู่ตรงหน้าแล้วแท้ๆ”

“แกหมายความว่าไง?”เป็นน้องบอลที่ทนไม่ได้ เลยต้องหันกลับไปประชันหน้ากับคู่กรณีอีกครั้ง ซึ่งสองเองก็ทำได้แค่เพียงยืนมองภูเบศธ์ด้วยความลุ้นระทึกเพราะเคยมีความหลังติดค้างกันอยู่

“ก็เมื่อคืน พี่สองอยู่กับฉันทั้งคืน...”

โฮะ! มันช่างตอบได้ถูกใจกูจริงจริ๊ง!(เสียงจากผู้แอบลุ้นอยู่ใกล้ๆ)

“แกว่าไงนะ?!”เด็กในสังกัดของสองถึงขั้นเบิกตาโตเพราะไม่คิดว่าจะได้รับคำตอบแบบนี้ โดยที่มีอาการไม่ต่างจากบุคคลที่ถูกอ้างถึงสักเท่าไหร่ ยังไม่ทันที่น้องบอลจะหันไปถามเอาความจริงจากปากของสอง รุ่นพี่ตัวเล็กก็เดินลิ่วๆเข้าไปหาภูเบศธ์ซะแล้ว

“ไอ้ภูเบศธ์!”ร่างเล็กเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าภูเบศธ์พร้อมด้วยแววตาคาดโทษ

“ครับ?”ถึงอย่างนั้นภูเบศธ์ก็ยังยกยิ้มที่มุมปากพร้อมกับยักคิ้วอย่างกวนอวับวะเบื้องล่างกลับคืนอยู่ดี

เห็นอย่างนี้แล้วมันน่า...

พลั๊วะ!!
เหมือนจะเป็นเสียงกำปั้นของใครสักคนที่จะพยายามออกหมัดเพื่อมุ่งสู่จุดหมายปลายทาง คือใบหน้าหล่อๆของใครบางคน แต่พอออกหมัด กลับกลายเป็นเพียงแค่เสียงลม เพราะสุดท้ายแล้ว ใบหน้าคนที่เป็นจุดหมายของกำปั้นเล็กๆกลับหลบเบี่ยงออกไปได้อย่างหวุดหวิด พร้อมกับมือแกร่งที่เอื้อมมาคว้ากำปั้นเล็กๆเอาไว้แทน

“อ๊ะ!”
เสียงเล็กหลุดอุทานออกมาพร้อมๆกับการที่ถูกยึดกำปั้นแล้วรั้งเข้าสู่อ้อมอกของภูเบศธ์อย่างสวยงาม ทำเอาคนนอกอย่างน้องบอลถึงขั้นมองจนตาลุกเป็นไฟ ทั้งด้วยความโมโหและความอิจฉา ส่วนตรฤณแทบจะโห่ร้องแล้วเต้นบัลเล่ต์(?)ด้วยความดีอกดีใจ
เพราะนอกจากตรฤณ ก็ยังมีภูเบศธ์ที่หลบหมัดสองได้อย่างสวยงาม
อย่างนี้ล่ะที่เขาเรียกว่าสมน้ำสมเนื้อ!

“ปล่อยนะ!อื้อ..บอกให้ปล่อยไง!”เมื่อเข้าไปสู่อ้อมอก ภูเบศธ์ก็รีบโอบรัดเอาไว้ทันทีป้องกันการดิ้นหลุดของรุ่นพี่ตัวเล็กที่แรงไม่เล็กเหมือนตัวเลยสักนิดเดียว มือเล็กปัดป่ายไปทั่วพยายามอย่างสุดแรงเกิด จนสุดท้ายคนที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียของการกอดรัดฟัดเหวี่ยงคราวนี้ทนไม่ได้จึงมากระชากแขนของสองออก

   ภูเบศธ์จึงจำต้องปล่อยสองไปอย่างจำใจ เพราะว่ากลัวสองจะแขนหลุดเอาเสียก่อน

พลั่ก!!!!

พอดึงร่างเล็กกลับไปอยู่ข้างๆตนเองได้อีกครั้ง ก็ถึงคราวที่น้องบอลปล่อยหมัดลงใบหน้าหล่อๆของภูเบศธ์อย่างไม่ยั้งมือ เพื่อเป็นการแก้แค้นแทนร่างเล็ก และความโมโหส่วนตัวของตนเองล้วนๆ โดยไม่ต้องมีอากาศร้อนๆมาช่วยเสริมแรง

“บอล!!!” เพียงแค่ร่างสูงล้มลงเพราะถูกชกเข้าที่หน้าอย่างไม่เป็นท่า เจ้าของเสียงก็รีบวิ่งไปรั้งแขนผู้กระทำออกแล้วรีบวิ่งปรี่ไปหาคนที่นั่งแผ่อยู่กับพื้น พร้อมกับการใช้หลังมือเช็ดมุมปากที่มีเลือดซิบออกมานิดหน่อย
สอง กมลินทร์อยู่ที่ไหน เป็นอันต้องมีรถไฟชนกันที่นั่น..อยู่ร่ำไป

ตรฤณมองความโกลาหลตรงหน้าอย่างนึกสนุกโดยที่ไม่ช่วยอะไรทั้งสิ้น ก็แค่อยากลองเชิงว่าหลานรหัสของทิวากรจะแน่สักแค่ไหนพอสองเดินเข้าไปหาภูเบศธ์ ก็ถึงคราวที่ตรฤณต้องรีบกันคนที่ไม่อยากให้เข้ามาเกี่ยวข้องออก

“พี่ตรฤณปล่อยผม...”

“นี่! ไม่เห็นหรือไงว่าสองน่ะ เป็นห่วงเด็กของมันแค่ไหน?”ตรฤณถามเด็กคนเก่าของสองด้วยน้ำเสียงเข้มคล้ายตำหนิ แต่ริมฝีปากกลับแอบกลั้นยิ้มเอาไว้ เพราะว่าภูมิอกภูมิใจเหลือเกินที่เพื่อนตัวเล็กเขาเริ่มรู้สึกเป็นห่วง ภูเบศธ์ บ้าง ก็เท่านั้น
“แล้วผมล่ะ พี่สอง!”

“ทำไมเป็นคนนิสัยไม่ดีอย่างนี้ บอล? กลับไปก่อนเลยไป พี่ไม่อยากคุยกับบอลแล้ว” สองเข้าไปดูอาการภูเบศธ์ใกล้ๆก่อนจะหันกลับไปตำหนิเด็กที่เคยอยู่ในสังกัดอย่างไม่พอใจที่บอกว่า ‘เคย’ก็คงเป็นเพราะหลังจากนี้สองคงจะเขี่ยน้องบอลทิ้งเหมือนเด็กคนอื่นๆเหมือนที่เคยทำ

“แต่พี่สอง!”

“กลับไปก่อนไป..” ในเมื่อสองพูดแล้วน้องบอลก็ยังไม่ไปก็คงถึงคราวที่เพื่อนตัวใหญ่ของสองต้องเข้ามาช่วยลากน้องบอลให้กลับไปโดยสวัสดิภาพ

“เป็นไงล่ะ? ปากหมาจนได้เรื่อง” ถึงริมฝีปากสีสดจะด่าทอร่างสูงที่ยังคงนั่งแหมะอยู่กับพื้น แต่มือเล็กกลับค่อยๆแตะที่มุมปากของร่างสูงเบาๆ คล้ายกังวลว่าถ้าหากสัมผัสแรงๆจะเจ็บไปมากกว่านี้

“เป็นห่วงล่ะสิ?” ถึงจะเป็นคำถามที่ภูเบศธ์อยากรู้คำตอบจนหัวใจเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ แต่สำหรับสองฟังเหมือนเป็นการสำคัญตัวเองผิดมากกว่า

“ใคร๊?..ใครเป็นห่วงกัน!”ว่าแล้วคนตัวเล็กก็ลุกขึ้นยืนอย่างที่ไม่อยากจะกลับไปสนใจคนบาดเจ็บเลยสักนิด

“ก็คนที่กำลังพูดอยู่นั่นแหล่ะ..พูดเองแล้วยังไม่รู้ตัว”

ในเมื่อเจ้าตัวไม่ยอมรับ ภูเบศธ์ก็ขอยัดเยียดให้ทันที

“ใคร?..ใครพูดอะไร..มีใครพูดหรือไงว่าฉันเป็นห่วงนาย”

“ก็เมื่อกี้ไงที่พูดน่ะ”

ร่างสูงอมยิ้มนิดๆกับอาการแถไปแบบข้างๆคูของสอง ดวงตาเรียวเล็กดูเลิ่กลั่ก พยายามมองหาทางออก แต่ภูเบศธ์ก็ยังสามารถไล่ต้อนให้จนมุมได้อยู่ดี

“พูด..พูดตอนไหนวะ?!”

กูไปพูดว่ากูเป็นห่วงมึงตอนไหนมิทราบไอ้ขี่ตู่ กรุณาแถลงไขให้กูเคลียร์!

“ก็ที่พูดว่า *มีใครพูดหรือไงว่าฉันเป็นห่วงนาย*....นี่ไงล่ะที่พี่สองพูด ”
ภูเบศธ์ทำหน้าระรื่นก่อนจะโดนฝ่ามือตบลงบนหัวอย่างรุนแรง

“โอ๊ยยยยย ผมเจ็บนะ ตบมาได้ไงเนี่ย”นอกจากปากจะถูกต่อย หัวก็ยังถูกตบอีก เกิดเป็นภูเบศธ์ช่างน่าสงสารยิ่งนัก ร่างสูงยกมือมาลูบหัวตัวเองป้อยๆพลางตวัดสายตามองร่างเล็กที่ยืนกอดอกเต๊ะท่าหล่อไม่วางตา
เอาคืนได้เมื่อไหร่ จะคิดคิดต้นคิดดอก เอาแบบให้เดินไม่ได้ไปสามวันเจ็ดวันเลยคอยดู!

“อ้าวเห็นว่าเก่ง หลบหมัดได้ แล้วทีนี้ทำไมหลบแค่ลูกตบฉันไม่ได้ โถ่!”สองปรามาสอย่างสนุกปาก แต่ภูเบศธ์กลับไม่ได้นึกสนุกไปด้วย ว่าแล้วร่างสูงก็พยายามดันตัวเองให้ลุกขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะเดินเข้าไปประชิดคนตัวเล็ก ที่กำลังเงยหน้ามองเขาอย่างไม่กลัว

“แล้วลองดูซิ..ว่ารุ่นพี่จะเก่งสักแค่ไหน...”

“........”ร่างเล็กหรี่ตาอย่างพิจารณาคนที่กำลังเดินเข้ามาหาตนเอง

“ที่หลบจูบผมได้”

เพียงแค่ร่างสูงพูดจบ มือแกร่งก็รั้งคนตัวเล็กเข้ามาพร้อมกับประทับริมฝีปากลงบนริมฝีปากสีสดของอีกฝ่ายแบบที่ร่างเล็กไม่ทันได้ตั้งตัว ก่อนมือเล็กจะรีบผลักอกกว้างออกอย่างตกใจ

ถึงแม้จะแค่จุ๊บ แต่หัวใจกูก็เต้นตุบตับเป็นจังหวะแทงโก้เลยว่ะเฮ้ย!

“ไอ้เด็กเวร! มาจูบฉันทำบ้าอะไร?! ”พอทิ้งระยะห่างเพื่อความปลอดภัยของตัวเองได้ สองก็รีบใช้หลังมือถูปากแรงๆด้วยความนึกรังเกียจ ใบหน้าหวานกลับแดงซ่านด้วยความเขิน จนทำเอาเด็กเวรอย่างภูเบศธ์เผลอยิ้มแบบไม่รู้ตัว

“ทำเป็นเขินไปได้..เมื่อคืนมากกว่านี้ยังไม่เห็นจะโวยวายเลย” เมื่อร่างสูงพูดให้คิดสองก็ทำตาโตราวกับว่าตกใจกับสิ่งที่ภูเบศธ์พูดทั้งที่ไม่รู้เลยด้วยซ้ำ ว่าเรื่องที่ได้ยินนั้นมีความจริงเท็จมากน้อยแค่ไหน


รู้แค่ว่าเรื่องคืนนั้น...กูจะคิดว่าแค่ฝันไป!แล้วมึงจะมารื้อฟื้นทำไม ภูเบศธ์!

“อะไรที่บอกว่ามากกว่านั้น ห๊า! อย่ามาละเมอแถวนี้ เดี๋ยวได้โดนอีกรอบหรอก!”ถึงจะดูออกได้อย่างง่ายดายว่าคนอย่างสองกำลังเขิน แต่ก็ยังโวยวายปากดีเหมือนอย่างเก่า

“โดนอะไร..โดนจูบ อีกรอบเหรอครับ!”

“อ๊ากกกกก! ไอ้ภู ฉันจะฆ่าแก!”ไม่ว่าจะหลบจะเลี่ยงไปทางไหนภูเบศธ์ก็สามารถตะล่อมให้วกกลับมาเรื่องเดิมได้อย่างแนบเนียนทำเอาความโมโหของสองพุ่งถึงขีดสูงสุด แล้วกระโดดขย้ำคอภูเบศธ์

แต่มองยังไง๊..ยังไง ก็เหมือนลูกแมวพองขนหางฟูตั้งท่าขู่หมาอยู่ดี

ว่าแต่งานนี้ใครเป็นหมาวะ?

“เล่นอะไรกันอยู่เนี่ย?”
ที่เพิ่งเสร็จจากภารกิจจัดการตัดเด็กในฮาเร็มของสองไปได้อีกหนึ่ง พอกลับมาก็เห็นเพื่อนรักกับไอ้เด็กปากหมาวิ่งไล่อยู่ทางเดินของหอพักจนดูวุ่นวาย จนเกรงว่าจะไปรบกวนชาวบ้านชาวช่องเขา

“มึง จับไอ้เด็กเวรนั่นไว้!”พูดยังไม่ทันจบและตรฤณยังไม่ทันจะได้จับตามคำสั่ง ภูเบศธ์ก็วิ่งแถ่ดๆเข้าไปหลบอยู่หลังตรฤณ โดยมีสองดักอยู่ทางหน้าเพื่อนตัวใหญ่เอาไว้อีกที

“มึงหลบดิ๊! กูจะเตะมัน!”พอชะเง้อไปทางขวา ไอ้เจ้าภูเบศธ์ตัวดีก็หลบไปทางซ้าย พอชะเง้อไปทางซ้าย ไอ้ตัวดีมันก็เบี่ยงตัวไปทางขวา

แม่ง เตะไม่โดนสักที!

“เฮ้ย....พวกมึงเล่นไรกันเนี่ย!  ”
คนที่อยู่เป็นกำแพงที่ถูกเอาตัวมาเป็นที่กั้น(จำเป็น)เองก็เริ่มตาลาย ไอ้คนนึงก็หลบอยู่ข้างหลัง อีกคนก็อยู่ด้านๆหน้าเบี่ยงตัวหลบกันไปหลบกันมา โคตรลายตาเลยเหอะ ให้ตาย!

“มึงก็หลบไปดิ!”

“พี่ตรฤณช่วยผมด้วย!”

...ว่าแต่ตรฤณจะทำตามคำสั่งใครดี?...

คนนึงก็เพื่อน อีกคนก็ญาติแฟน(เหรอ?) โอย ตรฤณ ตัดสินใจไม่ถูก

“ไอ้เด็กเวรนี่มาให้กูเตะก้นซะดีๆเลยนะ”
หลังจากเบี่ยงตัวซ้ายขวาทำเป็นพระเอกนางเอกหนังอินเดียอยู่ได้เป็นนานสองนาน ก็เริ่มวิ่งหนีกันอยู่รอบตัวตรฤณ และสุดท้ายภูเบศธ์ก็ยึดหลังรุ่นพี่ตัวใหญ่เอาไว้อีกครั้งเพื่อเป็นที่กำบัง

กูพูดตามตรง ตอนนี้กูอยากตายมากครับเพื่อน..
มึงจะจีบกันหรือจะกัดกันมึงก็ไปได้กันไกลๆกูหน่อยได้มะ? กูล่ะตาลายจริงๆครับ


“โอ๊ย!”

ฮะฮ่า ! กูเตะโดนมึงแล้วไอ้เด็กเวร

“มึงเตะกูทำเบี้ยอะไรวะสอง!  ” ตรฤณร้องลั่นในขณะที่เป็นที่กำบังอย่างดีสำหรับภูเบศธ์

“อ้าวกูเตะมึงเหรอโทษที มึงก็หลบดิ! กูจะได้เตะมันถูก”ตรฤณเลยพยายามหลบไปทางซ้ายเผื่อสองจะเตะโดนเป้าหมายของมันสักที

“โอ๊ย! มึงเตะกูอีกแล้วนะ!”

“แล้วทำไมมึงไม่หลบเล่า! ไอ้ภูเบศธ์แน่จริงๆออกมาจากหลังไอ้ตรฤณ ณ บัดนาว!”ถึงอย่างนั้นภูเบศธ์ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหลบออกจากหลังใหญ่ๆของตรฤณ แถมยังดูเหมือนจะสนุกสนานกับการที่สองเตะไม่โดนตัวเองแต่โดนตรฤณแทน

“แน่จริงก็เตะให้โดนดิ!”

   แน่ะ! ยังมีหน้าไปกวนส้นเพื่อนกูอีก...
   แค่นี้กูก็โดนเตะตูดช้ำจนนั่งไม่ได้แล้วครับ!


“ได้!กล้าท้าฉันเหรอ ไอ้ภู!”ว่าแล้วก็ยกเท้าขึ้นมาเมื่อเห็นอย่างนั้นภูเบศธ์ก็รีบหลบไปได้อย่างหวุดหวิด
จะมีก็แต่ตรฤณเท่านั้นแหล่ะ..ที่หลบไม่เคยทันสักที

กูซึ้งใจมึงมากครับภูเบศธ์! 
ไม่รู้ว่าคิดถูกหรือคิดผิดที่ช่วยมึงให้ได้กันกะเพื่อนกู!

ให้ตายเหอะ! กว่าจะได้กัน...กูคงช้ำในตายก่อนแน่นอน!


“สองมึงเลิกเตะกูได้แล้วเว้ย กูเจ็บ!”

“มึงก็แงะไอ้ลูกลิงนั่นออกจากหลังมึงมาให้กูเตะดิ!”สองยังคงพยายามไม่เลิกในเมื่อสองเตะไม่โดนเป้าหมายสักที จะโดนก็โดนแต่ตรฤณ..ในที่สุดตรฤณก็ยอมเป็นกบฎรัก แล้วยอมส่งตัวภูเบศธ์ให้สองเตะเสียโดยดี

(แล้วอย่าบอกทิวากรล่ะ ไม่งั้นกูถึงขั้นตายได้ง่ายๆเลยนะครับ )

“โอ๊ย! ตีนคนหรือหรือตีนควายเนี่ยหนักเป็นบ้า! ”เมื่อโดนเตะเข้าอย่างจังภูเบศธ์ถึงขั้นร้องลั่น แต่มีเหรอที่คนอย่างสองจะสนใจ แล้วยิ่งได้คำพูดของภูเบศธ์ที่ชอบใช้ประชดประชันสองเจออยู่เป็นประจำ ก็ถึงขั้นปี๊ดแตก กระโดดไล่เตะอีกสักรอบเพื่อความสะใจ

“อ๊ากกกกก! อย่าได้ตายดีเลยไอ้ภูเบศธ์!”


กูหนักใจกับไอ้คู่นี้จริงๆครับ...ท่านผู้ชม
มีใครคิดเหมือนผมมั๊ย?



หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 5 เมาไม่นับ [Up 4/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: ryoko_chan ที่ 11-01-2012 15:47:38
------------------------------------------

 “มึงอ่ะ! พามันหนีไปทำไม กูยังเตะมันไม่สมใจเลยนะ!”

สองโวยวายทันทีที่ตรฤณกลับห้องมาอีกครั้งหลังจากที่รับหน้าที่เป็นผู้คลี่คลายสถานการณ์โดยการรีบพาภูเบศธ์กลับไปก่อนที่จะเจอลูกเตะของสองอีกรอบ แล้วแยกเอาเพื่อนรักไปขังไว้ในห้องจะได้ตามออกมาไม่ได้ พอกลับมาตรฤณก็นั่งทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างอ่อนแรงประหนึ่งว่าเพิ่งเสร็จสิ้นภารกิจอันใหญ่หลวงที่ไปรับใช้ประเทศชาติมา

“เตะกูไม่สมใจมากกว่ามั้ง...เตะมาได้ตูดกูช้ำหมดแล้ว!”ตรฤณโวยวายคืนบ้าง ก่อนสายตาจะเหลือบไปเจอหน้าจอมืดสนิทของจอ LCD ก็ต้องร้องเสียงหลงออกมาอีกรอบ   

“อ๊ากกกก !ทำไมกูถึงได้โทรมเยี่ยงเน้! ”ตรฤณถึงกับสะดุ้งเหมือนเห็นเงาตัวเองในจอ LCD ก่อนจะรีบกระเด้งตัวขึ้นมาเอาหน้าจ่อกับจอTV พร้อมกับรีบเอามือเสยผมให้กลับเข้าที่เช่นเดิม เมื่อก่อนหน้านี้มันชี้ฟู แถมเสื้อผ้าก็ยับยู่ยี่ดีเท่าไหร่ที่ไม่ขาดวิ่น(เนื่องจากการยื้อไปมาของเพื่อนรัก และ ภูเบศธ์)

“มึงอ่ะ เล่นไรกัน ดูซิกูโทรมหมด ถ้ากรไม่รักกู มึงต้องรับผิดชอบกูเลยนะเว้ย!”ตรฤณยังคงบ่นไม่เลิกส่วนสองก็ได้แต่แอบเหล่เพื่อนรักอย่างหมั่นไส้

“ได้ข่าวว่าเขาไม่เคยสนใจมึงเลยสักนิด”สองพูดตามความจริง

ซึ่งความจริงเป็นอะไรที่เจ็บปวดมากสำหรับกูครับ! สอง ถ้ามึงรักกูกรุณาอย่าพูดความจริง

“เออ..ปากดี โดนเด็กเวรขึ้นคร่อมแล้วยังไม่สำนึก”

“แรงไปแล้วนะมึง!”สองถึงกับของขึ้นเมื่อเพื่อนรักพูดอย่างนั้น

“แล้วไง ทีมึงยังพูดอะไรไม่เคยนึกถึงจิตใจกู”

ตรฤณโต้กลับคืนบ้าง แต่ดูเหมือนว่า การทะเลาะครั้งนี้จะเป็นอะไรที่จริงจังจนดูน่ากลัวสำหรับเพื่อนรักคู่นี้

“แล้วมึงล่ะ?..คอยประเค็นกูให้ไอ้เด็กบ้านั่นตลอด มึงเคยคิดบ้างมั๊ยว่ากูรู้สึกยังไงที่มึงตลบหลังกูแล้วไปเข้าพวกกับไอ้คู่ปู่หลานรหัสนั่น!”

เฮ้ย?...สอง มึงรู้ด้วยเหรอวะ?

“มึงรู้?”ตรฤณถามด้วยความไม่ค่อยแน่ใจ

“อ่อ ในที่สุดมึงก็ยอมรับแล้วใช่มั๊ยว่าเรื่องทั้งหมดเป็นแผนของพวกมึง”สองถามเพื่อนสนิทอย่างตัดพ้อ ถึงแววตาจะแข็งกร้าวแต่ลึกๆแล้วแววตาคู่นั้นกลับดูหวั่นไหวอย่างน่าประหลาดสองเองเหมือนจะสงสัยอยู่ลึกๆ ในหลายเรื่องที่มันดูบังเอิญเกินไประหว่างเรื่องของตนเองและเด็กเวรภูเบศธ์ แต่ก็ไม่เคยเอามาคิดจริงจังอะไร เพราะรู้ดีว่าสุดท้ายยังไงตรฤณก็คือเพื่อน ที่ทำไปคงเพราะหวังดี...จนกลายเป็นหวังร้ายอะไรก็ตามแต่
แต่พอโดนว่ากลับมาอย่างนี้ สองก็สติหลุดเป็นเหมือนกัน จนเผลอพูดเรื่องที่เก็บเอาไว้ในใจออกมา อย่างว่าระหว่างสอง และตรฤณไม่เคยมีปิดบังกัน คิดอย่างไรก็บอกกันออกมาอย่างนั้น แต่ครั้งนี้มันมากไปแล้วจริงๆ

“สอง....”

ตรฤณเองก็ดูเหมือนอารมณ์เดือดเมื่อสักครู่จะลดลงจนหายไปหมด จะเหลือก็แต่ความรู้สึกผิดที่ทำกับเพื่อนรักคนนี้มาตลอดที่ทำไปก็เพราะความสนุก แต่ก็ไม่เคยนึกถึงจิตใจของสองเลยด้วยซ้ำเพราะคิดว่าสองเป็นคนง่ายๆถึงจะขี้วีนขี้โวยวายไปสักหน่อยแต่ก็เป็นคนไม่ค่อยคิดอะไรแต่ถ้าได้พูดจริงจังอะไรขึ้นมาแสดงว่ามันคงหนักหนาสำหรับสองจริงๆ

“เป็นไงล่ะ! สะใจมึงยังที่กูเป็นของมันแล้วน่ะ!”ดวงตาคู่เล็กแดงก่ำจนคนมองรู้สึกใจหาย  ตรฤณอยากจะพูดออกไปเหลือเกินว่าสิ่งที่เพื่อนรักรู้มาเป็นเรื่องเข้าใจผิด แต่ก็เหมือนน้ำท่วมปาก เพราะไม่รู้ว่ายิ่งพูดออกไปจะยิ่งเหมือนเป็นการเปิดเผยความผิดของตัวเอง...จนกลัวว่าเพื่อนรักคนนี้ของเขาจะโกรธจนเกลียด..

“คือสอง...คือกูไม่ได้...”

“ไม่ได้อะไร?  กูรู้ว่าที่มึงทำน่ะมันสนุก   แต่ถ้ามึงถูกกรปล้ำมึงบ้างแล้วมึงจะเข้าใจกู”สองพูดทิ้งท้ายเอาไว้แค่นั้นก่อนจะเข้าห้องนอนไปทิ้งให้ตรฤณยืนเอ๋ออยู่ข้างนอกกับความรู้สึกผิดของตัวเอง


กูก็นึกว่ามึงจะรู้หมด...นี่ถามจริงเหอะมึงไม่รู้จริงๆเหรอว่ามึงไม่ได้โดนเด็กกินอย่างที่มึงเข้าใจ 
สมองปลาทอง....มีแค่ไหนก็แค่นั้นจริงๆ

กูชักรู้สึกผิดขึ้นมาจริงๆแล้วว่ะสองกูไม่น่าเข้าร่วมแผนหลอกคนโง่ๆอย่างมึงเลย (สาบานได้ว่ารู้สึกผิด!)


-----------------------------------


“ไม่ร้องเว้ย..ไม่ร้อง...คนอย่างกมลินทร์ต้องไม่ร้องไห้ง่ายๆ”
พออยู่ในห้องคนเดียว สองก็พยายามเช็ดน้ำตาตัวเองที่ไหลไม่ขาดสาย แต่ถึงจะเช็ดอย่างไรน้ำตาก็ไม่ยอมหมดสักที ไม่รู้ไปกักเก็บอยู่ที่ไหนพอแตกมาทีไหลไม่หยุดเลยทีเดียวจนสองนึกรำคาญตัวเอง

“มึ๊งงงง!!! ไอ้ตรฤณ กูเกลียดมึง!”ถึงปากจะว่าไปอย่างนั้นแต่สองกลับไม่ได้รู้สึกเกลียดตรฤณอย่างที่ปากว่าเลยสักนิด แค่รู้สึกน้อยอกน้อยใจนิดหน่อยที่เพื่อนตัวดีของเขาหักหลังตัวเอง แล้วเอาเขาใส่พานถวายเด็กปากหมาอย่างภูเบศธ์ เป็นของกำนัลเพียงเพื่อหวังที่จะได้กรมาเชยชม

“ทำไม ไม่มีใครเห็นใจกูเลยสักคน.....ฮึก....”ร่างเล็กนอนคว่ำหน้ากับเตียงอย่างอ่อนล้าก่อนที่จะเหลือบไปเห็นกรอบรูปที่วางไว้หัวเตียง เป็นรูปของเด็กวัยรุ่นอายุราวๆ สิบห้าหยกๆสิบหกหย่อนๆ เด็กผู้ชายสามคนยืนกอดคอกันอย่างสนิทสนม คนทางซ้ายสุดตาตี่หน้าละม้ายคล้ายหมีขาว คนตรงกลางเป็นเด็กผู้ชายหน้าตาน่ารัก แถมกับดวงตาดวงเล็กที่มีเสน่ห์ ผิดกับคนทางขวาสุดที่ตาโตดูคมเข้มแถมยังสูงโย่งกว่าคนตรงกลางเยอะ มองๆไปแล้วภาพนี้ก็เหมือนตัว M ดีๆนี่แหล่ะ (เตี้ยอยู่ตรงกลาง<<<ใครพูดวะ?! )

“ชวิน...มึงจะอยู่ข้างกูมั๊ย? รู้มั๊ยตอนนี้ไอ้ตรฤณมันเลิกเข้าข้างกูแล้วนะ...เมื่อไหร่มึงจะกลับมาสักที”สองหยิบรูปนั้นขึ้นมามองพร้อมกับระลึกถึงความหลังเมื่อครั้งยังเรียนมัธยมปลาย

ความจริงแล้ว...นอกจากตรฤณและสอง เพื่อนซี้แน่นปึกอีกคนของสองคนนี้ก็คือ ชวิน ที่เรียนมาด้วยกันตั้งแต่ประถมยันจบมัธยมปลาย แต่พอต้องเข้ามหาวิทยาลัย ชวินที่สมองดีมาแต่กำเนิดเลยได้ทุนไปเรียนต่อต่างประเทศ

จะว่าไป...พวกเราไม่ได้ติดต่อไอ้ดำนั่นนานแค่ไหนแล้วนะ?



“ชวิน....มึงรับสายกูทีนะ”ว่าแล้วก็กดโทรศัพท์ไปยังเบอร์ต่างประเทศเพื่อจะได้ติดต่อเพื่อนรักอีกคนของเขา

“Hello”สำเนียงภาษาอังกฤษที่ดีเลิศของชวิน ทำเอาสองขมวดคิ้วเพราะฟังไม่ทัน

เมื่อกี้แม่งพูดไรวะ?  เฮ้ โล... โมโต๊!

“วิน..นี่กูเอง”สองพูดเสียงแผ่วราวกับสัญญาณขาดหาย

“กูไหน?”เสียงที่ตอบกลับมาทำเอาสองนึกเคือง เพราะรู้ดีว่าไอ้เพื่อนตัวดีคนนี้ต้องรู้อยู่แล้วว่าเป็นเสียงใคร แต่กระแดะกวนประสาทชาวบ้านไปงั้นๆ

“สองไง มึงโง่ขึ้นหรือเปล่าเนี่ย?”สองถามกลับด้วยความไม่พอใจ

นี่กูอุตส่าห์เสียตังค์โทรศัพท์ข้ามประเทศมึงยังมีหน้ากวนประสาทให้กูเปลืองค่าโทรเล่นได้อีกเนอะ!


“อ้าว สองเองหรอกเหรอ? กูก็นึกว่าวัวแก่ที่ไหนโทรมาหากูแต่เช้า”

กูรู้แล้วว่าไอ้เด็กเวรนั่นเหมือนใคร กูก็ว่าคุ้นๆ!

“มึงอ่ะ...ที่กูโทรมาน่ะเพราะมีปัญหานะเว้ย ไม่ได้โทรมาให้มึงด่ากู!”

“แล้วไง?...ไอ้ตรฤณมันไปไหนล่ะ?ไม่อยู่เป็นกระโถนท้องพระโรงให้มึงระบายเหรอ? มึงถึงได้โทรข้ามน้ำข้ามทะเลยอมเสียตังค์โทรมาหากู ปกติมึง งก ไม่ใช่เหรอ?”

นี่ถ้าไม่ใช่ว่าตอนนี้กูตัดไอ้ตรฤณออกจากกองมรดกนะ กูไม่โทรมาให้มึงแขวะกูซะเละอย่างนี้หรอก!

จะว่าไปแล้ว....เมื่อไหร่นะที่ไม่ได้เถียงทะเลาะกันพร้อมกันสามคน?

ไม่สิตอนนี้เหลือสองเพราะกูตัดตรฤณออกจากกองมรดกละ! กูลืมได้ไงเนี่ย?

“กูทะเลาะกับไอ้ตรฤณ....”
น้ำเสียงของสองทำเอาอีกคนที่อยู่อีกฟากฝั่งโลกต้องเงียบฟัง

“ทะเลาะเรื่องอะไร..พวกมึงก็ทะเลาะกันบ่อยเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?”เสียงชวินดูอบอุ่นและน่าพึ่งพาขึ้นมาทันตา ได้ยินอย่างนั้นสองก็แทบจะน้ำตาไหล

“ถ้าให้กูเล่ามันจะยาว...เปลืองค่าโทร..มึงโทรกลับหากูทีสิ”

   แล้วมีเหรอ?..ที่ชวินจะไม่ยอมทำตามคำพูดของเพื่อนที่แสนน่ารักของเขาคนนี้ พอชวินโทรกลับสองก็เริ่มเล่าเรื่องราวต่างๆนานามากมายที่เกิดขึ้นในระหว่างที่ชวินไม่อยู่ รวมถึงเรื่องที่ทะเลาะกับตรฤณให้ชวินฟัง โดยชวินก็ทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดี กัดบ้างอะไรบ้างบางครั้งบางคราวพอให้ไม่รู้สึกเครียด   

พูดกันจนไม่รู้ว่าจะพูดถึงเรื่องอะไร....จนกระทั่งสองพูดว่า

“กูคิดถึงมึงว่ะ..วิน...”สองพูดลอยๆแววตาใสดูดีขึ้นจากก่อนหน้านี้เยอะ

“เฮ้ยๆอย่ามาทำซึ้งแถวนี้กูขนลุกว่ะสอง”    ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่สองกลับรู้ดีว่า ชวินกำลังยิ้ม

“มึงลืมไปแล้วเหรอ...ว่ามึงเป็นรักแรกของกูนะ”สองพูดโดยที่ไม่ทันคิด ก่อนที่สุดท้าย เสียงของทั้งสองจะเงียบหายไปดื้อๆโดยไม่มีใครคิดจะพูดขึ้นมาอีก

“วิน...”สุดท้ายก็เป็นสองเองที่ทนความอึดอัดไม่ได้

“สองมึงรอกูหน่อย เดือนหน้ากูจะกลับไทยแล้ว...ฝากบอกไอ้ตรฤณมันด้วย”

“อือ..”

“แค่นี้นะ สงสัยกูคงจนแย่เพราะค่าโทรศัพท์นี่แหล่ะ”ชวินว่าอย่างนั้นก่อนจะตัดสายไปสองทำได้แค่ยิ้มบางๆกับโทรศัพท์อยู่คนเดียว

ทั้งที่เคยตกลงกันไว้แล้ว..ว่าจะรักกันแบบเพื่อน...


ถ้ามึงกลับมากูไม่มั่นใจจริงๆว่ะ ว่าจะรักษาสัญญาได้หรือเปล่า...ชวิน




TBC


ขอโทษนะคะที่มาลงช้า หลังจากที่กลับจากท่องเที่ยว ก็มาเจองาน งาน งาน งาน และ งาน
ไม่มีโอกาสมาแตะเรื่องนี้เลยค่ะ...
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์นะคะ และ ข้อแนะนำต่างๆด้วยค่ะ จะพยายามลองแก้ไขดูค่ะ

ขอบคุณค่ะ เจอกันต่ออีกที ตอนที่ 7 นะคะ


ตลกดี

แต่ว่าถ้าเวลาเปลี่ยนคนเล่าเรื่อง  น่าจะเปลี่ยนสีก็คงจะไม่งง

แต่ว่าเรื่องนี้  มีคนเล่าเรื่อง 4 คน  ก็คงจะงงกับสี

555555

เอาเป็นว่า  เปลี่ยนสลับฉาก ตอนละคนดีกว่า  ตอนเดียวมีหลายคนเล่าก็งงนิดหน่อยอยู่เหมือนกันนะ

เจ้สอง

ตอนนี้กำลังหนักใจสุดๆเลยล่ะค่ะ ฮ่าฮ่า เพราะกลัวคนอ่านไม่เข้าใจจริงๆ แต่พอดีว่าเรื่องนี้เขียนไว้แล้วแล้วมารีไรท์น่ะค่ะ
อืม...จะพยายามไม่ให้งงๆแล้วกันนะคะ โดยส่วนใหญ่ที่เป็นตัวหนา
จะเป็นความคิดของคนที่มีบทสนทนาก่อนหน้านั้นน่ะค่ะ (อืออ...อธิบายเองชักงงเองจริงๆนั่นแหล่ะค่ะ ฮ่าฮ่า)
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 6 เด็กปากหมา VS เด็กในฮาเร็ม [Up 11/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: หมูกระต่าย ที่ 11-01-2012 17:06:29
สงสารพี่ภูจัง
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 6 เด็กปากหมา VS เด็กในฮาเร็ม [Up 11/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 11-01-2012 17:21:21
สนุกดี 
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 6 เด็กปากหมา VS เด็กในฮาเร็ม [Up 11/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 11-01-2012 19:02:43
ชวิน รักแรก??
แล้วภูจะทำยังไงล่ะทีนี้
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 6 เด็กปากหมา VS เด็กในฮาเร็ม [Up 11/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 11-01-2012 19:08:18
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 6 เด็กปากหมา VS เด็กในฮาเร็ม [Up 11/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: ooopimmyooo ที่ 11-01-2012 19:30:36
ง่ะ
เด้กเวรเจอศึกหนักแล้วไง
ไหนจะเด็กในฮาเร็ม ไหนจะรักแรกอีก ฮู้วววว
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 6 เด็กปากหมา VS เด็กในฮาเร็ม [Up 11/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: pae666 ที่ 11-01-2012 19:57:30
:sad4: สงสาีรภูอ่าาาาาา ชวินนี่รักแรกของสองเหรอ แล้วถ้ากลับมาไทย ภูเบศธ์จะเป็นเยี่ยงไรล่ะ ฮึ!!  :m15: โธ่ๆๆๆๆๆๆๆ พ่อภูของนม เอ้ย! ของเค้า  :impress3:
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 6 เด็กปากหมา VS เด็กในฮาเร็ม [Up 11/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: iiiampond ที่ 11-01-2012 20:02:27
 o13

พี่พริ้ม!!!  ปอนด์ว่าจะอ่านตั้งแต่ใน ysp  แต่ไม่ว่างอ่านเลย
สิงห์ไทยบอยไปมาๆ  เจอปีนเกลียว  เอ๊ะ!  คุ้นๆ นะ  เหมือนเคยเห็น
พอเห็นชื่อยูส  ไอยะ  ><"  พี่พริ้มบ้านยูซู  ปลื้มได้อีกอะค่ะ

อ่านเป็นภาคไหนก็ชอบหมด  รีไรท์ก็ชอบปากภูเบศร์ กะ กมลินทร์  เคลิ้มนะเนี้ย
เพราะไม่ได้จิ้นเป็นหน้าน้องกับพี่เถิก  มันคนละฟีลกันอะค่ะพี่พริ้ม  รู้สึกแบบ
เรื่องนี้จะไทยดี  จิ้นง่าย  สนุกดีด้วย  อร๊าย  เป็นกำลังใจให้รีไรท์ต่อไปค่ะพี่พริ้ม
สู้ๆนะคะ  จะเข้ามาอ่านเรื่อยๆ  (หลังสอบเสร็จ)  แฮร่!
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 6 เด็กปากหมา VS เด็กในฮาเร็ม [Up 11/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 12-01-2012 11:58:52
ตายละ  มีรักแรกมาอีก  พระเอกเราจะเป็นยังไงล่ะนี่ 

เฮ้ออออ  กลุ้มแทน
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 6 เด็กปากหมา VS เด็กในฮาเร็ม [Up 11/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: ryoko_chan ที่ 12-01-2012 14:41:54
บทที่ 7 ใครกันที่ ‘เขา’งอก


“สอง....มึงเลิกงอนกูยังเนี่ย?”

“........”

“สอง...กูถามน่ะได้ยินหรือเปล่า?”

“..........”

“สอง....”

“..........”

“นี่มึงแดกไปถาดที่หก แล้วมึงยังไม่คิดที่จะยกโทษให้กูอีกเรอะวะ!”

“ถาดที่สิบแล้วค่อยว่ากันก็ได้”ในที่สุดนายกมลินทร์ผู้ซึ่งหมกมุ่นอยู่กับถาดพิซซ่าก็เปิดปากพูดโดยที่ไม่มองหน้าคนที่กำลังง้อด้วยซ้ำ ตอนนี้เรียกได้ว่าตรฤณแทบจะปิดร้านเลี้ยงสองเพราะตอนนี้มีเหลืออยู่โต๊ะเดียวที่ยังสั่งพิซซ่าอย่างต่อเนื่อง และดูท่าว่าจะยังไม่หมดออร์เดอร์ง่ายๆหาก ผู้ชายตัวเล็กตรงหน้าของตรฤณยังไม่เลิกยัดพิซซ่าชิ้นสุดท้ายของถาดที่หกเข้าปากแบบไม่เกรงกลัวว่าจะเสียภาพพจน์

“พี่! เอาฮาวายเอี้ยนอีกถาด”พอเคี้ยวหมดปาก สองก็หันไปสั่งพนักงานในร้านพร้อมกับชูนิ้วหนึ่งนิ้วเพื่อเป็นการสั่ง ทำเอาคนที่บอกว่า “จะพามาเลี้ยงไถ่โทษ” ต้องรีบควักกระเป๋าตังค์มานับเศษตังค์กันเลยทีเดียวว่าจะพอกับพิซซ่าถาดที่เจ็ดที่กำลังจะถูกยกมาหรือไม่

แม่งแดกอย่างกับมีสี่กระเพาะ นี่ถ้าไม่ใช่ว่าเพราะกูผิดกูไม่คิดเลี้ยงมึงให้เสียกะตังค์หรอกเว้ย!

ตัวก็เล็ก แต่ยัดเข้าไปได้ยังไงหมดวะนั่น?

“สอง กูถามจริงเหอะมึงกินประชดตังค์ในกระเป๋ากูป่ะเนี่ย?”ตรฤณถามอย่างอยากรู้ในขณะที่มองสองที่กำลังดูเมนูอย่างสนอกสนใจ ราวกับว่าอยากจะสั่งอย่างอื่นกินอีกนอกเหนือจากพิซซ่าถาดที่เจ็ด

“เปล่า...มึงบอกจะเลี้ยงกูไถ่โทษ กูก็มากินตามความประสงค์ของมึง”สองยังคงพูดในขณะที่สายตาไล่ดูภาพเมนูไปเรื่อยๆ

“แต่มึงกินเยอะไปแล้วนะเว้ย...ยังไม่อิ่มอีกเหรอ? อย่างน้อยก็บอกว่าหายโกรธกูแล้วก็ยังดี”   ตรฤณยื่นหน้าเข้าไปหาเพื่อนตัวเล็กพร้อมกับเอามือลดเมนูในมือสองลงเพื่อให้มองตากันได้ชัดเจน

แล้วจะเห็นว่ากูอุตส่าห์ทำตาแบ๊วอ้อนวอนมึงได้อย่างที่ไม่เคยทำเลยนะเว้ย!

“กูชอบนะคนขี้อ้อน...แต่ถ้าปัญญาอ่อนเชิญป้ายหน้าเลยมึง” สองมองตรฤณอย่างเอือมๆก่อนจะชักเมนูกลับมาดูอย่างไม่สนใจคนที่กำลังง้อตัวเอง

“สองอ่า...กูง้อมึงแล้วนะ..เลี้ยงพิซซ่าของโปรดมึงก็แล้ว...ขอโทษมึงก็แล้ว...มึงจะเอาอะไรกะกูอีก....สอง” ตรฤณเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนใจในเมื่อทำไปทุกวิถีทางแต่ดูท่าทางว่าเพื่อนซี้คนนี้จะยังไม่มีท่าทีว่าจะยอมยกโทษให้ง่ายๆ ถึงตอนที่ชวนมาเลี้ยงพิซซ่าสองจะดี๊ด๊าอยากมาเป็นพิเศษ แต่พอมานั่งกินจริงๆสองกลับยังไม่ยอมพูดจาเหมือนเดิม ไม่รู้เป็นเพราะยังโกรธไม่หายหรือว่าเพราะสนใจแต่ของกินอยู่กันแน่

“มึงก็เอาเวอร์จิ้นกูคืนมาก่อนดิ”สองพูดด้วยสีหน้าเรียบๆ แต่ตรฤณรู้ดีว่าไอ้อาการแบบนี้แหล่ะที่เรียกว่ายังงอนไม่เลิก

“มึงพูดอย่างกับว่ากูปล้ำมึงอย่างนั้นแหล่ะ ไอ้เด็กนั่นต่างหากไม่ใช่เหรอที่มึงต้องไปทวงเอาน่ะ” ตรฤณรีบโยนความผิดไปให้เพราะตอนนี้เขาไม่เห็นอะไรสำคัญมากไปกว่าเพื่อนรักตัวเล็กของเขาที่อยู่ตรงหน้าอีกแล้ว

“ถึงมึงไม่ได้เอาไป แต่มึงก็เป็นผู้สมรู้ร่วมคิด!”สองรีบตอบกลับพร้อมกับที่พิซซ่าถาดที่เจ็ดถูกยกมาเสิร์ฟตรงหน้า
ดวงตาเรียวเล็กมองพิซซ่าในถาดก่อนจะเหลือบมองหน้าตรฤณอีกครั้งด้วยสายตาเจ้าเล่ห์

“กูอิ่มแล้ว...”

“อ้าว?”ตอนนี้กลายเป็นตรฤณบ้างที่มองหน้าสองสลับกันกับถาดพิซซ่าหอมฉุยตรงหน้าอย่างอาลัยอาวรณ์เพราะดูท่าทางมันจะไม่ได้ถูกกินอย่างที่แล้วมา

“มึงไปจ่ายตังค์ด้วยแล้วกัน” พูดจบก็ตีหน้าตายเดินออกจากร้านไปหน้าตาเฉย ทำเอาตรฤณรีบวิ่งตามไปไม่แทบทัน

มึงนะมึง! ถ้าเดือนนี้กูจนขึ้นมาจริงๆ กูจะมาเกาะมึงเป็นปลิงอยู่ที่ห้องมึงให้ดู!

ตรฤณได้แต่ค่อนขอดอยู่ในใจก่อนจะเดินไปเช็คบิลแล้วรีบวิ่งตามเพื่อนรักไปทันที

“สอง!...มึงหายงอนกูยังเนี่ย?”ตรฤณรีบวิ่งไปดักหน้าแต่ก็ถูกสองผลักออกแล้วเดินต่อไป แต่ตรฤณเองก็ไม่ละความพยายามเดินตามง้อได้อย่างไม่รู้จักคำว่าท้อถอย

“ไม่! พอใจยัง?”สองตอบลอยๆโดยมีการกระแทกเสียงใส่เล็กน้อยพอให้รู้ว่ายังโกรธอยู่

กูเจ็บปวดมากครับสอง กระเป๋ากูแบนแล้วมึงยังไม่คิดจะตอบแทนด้วยการยกโทษให้กูอีกเหรอ?!

“แล้วจะให้กูทำยังไง สองมึงบอกกูดิกูยอมทำทุกอย่างมึงก็รู้ว่าเรามีกันอยู่แค่นี้”

“เปล่า..มึงอย่าลืมว่าไอ้วินอยู่ข้างกู กูตัดมึงออกจากสารระบบไปละ”พอเมื่อสองพูดออกมาอย่างนั้นตรฤณก็พอจะเข้าใจอะไรลางๆได้ว่าที่สองยังโกรธเขาไม่เลิกเพราะมีไอ้คุณชวินให้ท้ายนี่เอง

“ไอ้วินอยู่ตั้งเมกา มันจะมาช่วยอะไรมึงได้?”

“มันจะกลับมาเดือนหน้า” สองตอบในขณะที่เดินไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย และตรฤณก็เดินตามไปเรื่อยๆเช่นกัน

“หา?..เดือนหน้าทำไมเร็วจัง” ตรฤณลองคำนวณเวลาในหัวคร่าวๆก่อนจะถามออกมาอย่างสงสัย แต่คำตอบคือการส่ายหัวของสองแทนคำว่า         “กูก็ไม่รู้เหมือนกัน” ตรฤณจึงทำได้แค่เพียงคิดอยู่คนเดียวต่อไป

“คราวนี้แหล่ะ..กูคงจะได้ฤกษ์ปิดฮาเร็มตามคำสั่งมึงสักที”สองหันมาพูดพร้อมด้วยรอยยิ้มที่มุมปาก ทั้งที่ตรฤณอยากจะโล่งใจที่ดูเหมือนคราวนี้สองยอมกลับมาพูดคุยกับตัวเองเหมือนเดิมแต่เพราะรอยยิ้มและคำพูดแบบนั้นของสองทำเอาตรฤณรู้สึกหนาวๆร้อนๆแทนใครบางคน..

ตายห่าล่ะครับคุณภูเบศธ์ บุญมีแต่กรรมบังแท้ๆเลยมึงเอ้ย!

ตรฤณทำได้แค่การถอนหายใจ เมื่อนึกขึ้นได้ว่าสองแอบหลงรักเพื่อนสนิทอย่างชวินมานานหลายปี แต่สุดท้ายความสัมพันธ์ของทั้งสองคนก็ต้องลงเอยด้วยคำว่าเพื่อน..เพราะมันคือมิตรภาพอันยาวนานที่สุด ต่างคนก็ไม่อยากให้มันจบลงเพราะมีคำว่า “รัก” เข้ามาขั้นกลางระหว่างความเป็นเพื่อนถึงตรฤณจะไม่เคยห้ามให้สองเปิดฮาเร็มเล็กๆเป็นของตัวเองตั้งแต่ที่วินไป ก็คงเพราะเห็นว่าเป็นความสุขของเพื่อนเลยไม่ได้อยากขัดอะไรมาก

   แต่เหตุผลที่แท้จริงของสองเอง...
   ก็คงเป็นเพราะหาเด็กแก้เหงาเพื่อรอใครบางคนกลับมา

ถ้าจะว่ากันตามความเป็นจริง ชวินก็เด็กกว่าพวกเขาตั้งสองปี แต่พอดีมันเสือกเกิดมาอัจฉริยะข้ามรุ่น มันถึงได้มาเรียนชั้นเดียวกันกับพวกเขา พอจบมัธยมปลายก็ได้ทุนไปเรียนต่อที่อเมริกาจนจบ ป.ตรี

ถ้าคราวนี้ไอ้วินกลับมา...แล้วเด็กปากหมาจะทำยังไง?

“นี่มึงจะปิดฮาเร็มเพื่อจะมาคบกับไอ้ภูจริงๆจังๆเหรอ?” ตรฤณพยายามหาคำพูดเพื่อเลี่ยงให้ห่างออกจากเรื่องของชวินให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้และเพราะคำพูดของตัวเองเลยทำให้สองกันมาทำตาขวางใส่ทั้งที่เมื่อกี้ก็พูดกันดีๆแล้วแท้ๆ

เด็กดันพรรค์นั้นกูไม่สนใจหรอก! เพราะตอนนี้กูแค่รอคนของกูกลับมา”

“สองมึงก็รู้ว่าไอ้วินคิดกับมึงแค่เพื่อน”ตรฤณเองก็ไม่อยากจะพูดประโยคที่มันทำร้ายจิตใจของสองสักเท่าไหร่ ในเมื่อเพื่อนคนนี้ยังพยายามที่จะเพ้อฝันหาทางเข้าข้างตัวเองอยู่อย่างนี้ ตรฤณก็เกิดอาการเป็นห่วงและกังวลขึ้นมา

“แล้วไง?..สี่ปีที่ห่างกันกูว่ามันน่าจะมีอะไรอะไร..ให้มันคิดถึงกูบ้างล่ะน่า”สองพูดไปก็ยิ้มไปแต่นั่นยิ่งทำให้ตรฤณยิ่งเป็นห่วง เพราะรู้ดีว่าชวินเพื่อนรักอีกคนคิดกับสองแค่เพื่อนอย่างที่ปากว่าจริงๆเรื่องนี้สองก็รู้อยู่เต็มอกแต่ดูเหมือนว่าไม่อยากรับความจริงเสียมากกว่า

“แต่กูว่าภูเบศธ์...”

“ถ้ามึงยังคิดที่จะยัดเยียดไอ้เด็กนั่นให้กูอีกที คราวนี้มึงกะกูขาดกันจริงๆ”สองขู่จนตรฤณต้องถอนหายใจเป็นรอบที่แปดสิบแปดของวัน สมองเองก็ขบคิดต่างๆนานาว่าจะทำอย่างไรดีถ้าหากวินกลับมา

ไม่อยากให้เพื่อนซี้อย่างสองผิดหวัง

แล้วยังไม่อยากให้เพื่อนรักชวินลำบากใจ

สุดท้ายก็คงไม่อยากให้หลานรหัสของกรอย่างภูต้องเจ็บปวด

แล้ว....ตรฤณคนนี้จะต้องทำเยี่ยงไร? ใครก็ได้ช่วยบอกกูที!

เฮ้อ!  -..-


______________



“กร...เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”

“หือ?...มีอะไรตรฤณวิ่งหน้าตั้งมาเชียว”กรที่กำลังจะเดินขึ้นไปเรียนต้องหยุดชะงักทันทีเมื่อได้ยินเสียงเรียกเอาไว้ ทำให้กรจำต้องเบนเส้นทางจากการเดินไปที่ห้องเรียนมาเป็นโรงอาหารของคณะแทน

“เป็นอะไรทำไมทำหน้าเครียดอย่างนั้น? สองยังไม่ยอมคบกับไอ้ภูเบศธ์อีกเหรอ?”ถามด้วยความสงสัย พร้อมกับมองร่างสูงที่ค่อยๆหย่อนก้นนั่งลงตรงกันข้ามอย่างจำใจหลังจากที่ตอนแรก ทำท่าจะนั่งแหมะแปะติดกับคนที่นั่งลงก่อน แต่โดนสายตาพิฆาตเข้าให้ ตรฤณเลยจำต้องเดินอ้อมไปนั่งอีกทางอย่างเลี่ยงไม่ได้

“ไอ้ไม่ยอมคบน่ะ..มันยังไม่เท่าไหร่หรอก”ตรฤณว่าด้วยสีหน้าเคร่งเครียดประหนึ่งว่าเพิ่งออกจากห้องสอบ แล้วเตรียมมาสารภาพผิดกับพ่อแม่ว่า “ผมทำข้อสอบไม่ได้”แต่คราวนี้ไม่ใช่...เพราะเป็นการสารภาพผิดกับแม่ทูนหัวแทน...

“หมายความว่ายังไง? เมื่อวานอุตส่าห์ส่งให้มันไปเคลียร์ด้วยตัวเองแล้วยังไม่ได้ผลอีกเหรอ?”

“เรื่องนั้นยังไม่ใช่ประเด็น”ตรฤณว่าพร้อมกับเอาคางเกยโต๊ะ

“แล้วอะไรคือประเด็นที่ว่า?”

“รักแรกของสองกำลังจะกลับมาแล้วไอ้สองเองก็พร้อมที่จะปิดฮาเร็มทันที”ตรฤณเปิดการแถลงข่าวทันทีที่กรสงสัย

“ห๊ะ? รักแรก..อะไรกัน...”

“ตัวพ่อกำลังจะมา ตอนนี้ฉันบอกได้แค่ว่าให้ภูเบศธ์จงทำใจ” ตรฤณพูดอย่างคนสิ้นหวังไร้หนทางแต่กรกลับไม่คิดอย่างนั้น

“ได้ยังไงกัน รักแรกก็ส่วนรักแรกสิ...รักครั้งใหม่สดใสยิ่งกว่า...นายไม่เคยได้ยินคำนี้เหรอ?” กรเองก็เริ่มกังวลนิดๆแต่ก็ยังพยายามที่จะดันหลนรหัสต่อไปเพื่อให้ไอ้คุณภูเบศธ์มันได้สมหวังในความรัก

โฮะ! ถ้าไอ้สองมันรักภูเบศธ์อย่างที่ว่าก็ดีสิ กูจะได้เลิกกังวลสักที

“แต่เท่าที่รู้มา เพื่อนฉันยังไม่มีทีท่าว่าจะรักหลานรหัสนายสักที”

“สักนิด?”

“ก็ไม่มี”

“นิด......เดียวก็ไม่มีเหรอ?”

“ไม่มีเลย...”ตรฤณย้ำทำเอากรต้องถอนหายใจ

ตั้งแต่กูอยู่กับมันมากูไม่เคยเห็นมันทำตาหวานใสมีแต่จะเตะใส่ไอ้ภูเบศธ์ทุกที

“งั้นคราวนี้ จับสองคนนั่นขังห้องนอนเอาแบบไม่ต้องมงต้องเมาแล้ว! เดี๋ยวฉันบอกให้ภูเบศธ์มันปล้ำเพื่อนนายเลย”กรว่าอย่างมาดมั่นแต่นั่นทำเอาตรฤณตกใจจนตาเหลือก

“เฮ้ย! ไม่ได้ๆ”
แค่นี้ไอ้สอง ก็โกรธกูจนง้อยากแล้วนะครับ กรุณาอย่ามาสร้างความร้าวฉานให้กูอีกรอบเลยครับกร

“ทำไมอ่ะ เพื่อนนายจะได้เลิกคิดถึงรักแรกไง?เอาแบบให้คิดถึงแต่ไอ้ภูเบศธ์ไปเลย”    ยังไงกรก็ยังเป็นนักวางแผนตัวยงที่ไม่เคยรู้เลยว่าตรฤณต้องได้รับเคราะห์กรรมกับแผนของตัวเองมาจนนับไม่ถ้วน

“แค่โดนไอ้สองมันงอนวันเดียวฉันก็จะตายอยู่แล้ว ขืนทำอย่างนั้นอีก ไอ้สองได้โกรธข้ามชาติแน่ๆ”

“แต่ถ้านายไม่ช่วยไอ้ภูเบศธ์มันก็จะอกหักนะนายไม่สงสารหลานรหัสฉันจริงๆเหรอ?”

ตอนนี้กูสงสารตัวเองมากกว่าครับคุณทิวากร

แน่ะ!  อย่ามาทำสายตาแบบนั้น ไม่รู้หรือไงว่ามันทำให้กูใจอ่อน!

“เอ่อ...”ทั้งที่อยากจะปฏิเสธใจแทบขาดว่าช่วยไม่ได้แล้วจริงๆ แต่พอหันไปเจอสายตาอ้อนๆของกรทำเอาตรฤณวางตัวลำบาก เลยทำได้แค่หลับหูหลับตาทำเป็นไม่อยากมอง

โรคหัวใจอ่อนแอกำเริบแน่ๆเลยครับงานนี้ !

“นะ..ตรฤณ ช่วยไอ้เด็กนั่นด้วยนะ  .”ได้ทีก็อ้อนอีก มือของกรเอื้อมไปวางทาบทับบนมือใหญ่ของตรฤณพร้อมกับส่งสายตาอ้อนๆให้ ทำเอาฝ่ายที่ถูกกุมมือต้องเบือนหน้าหนีเพราะไม่อยากใจอ่อน

แต่ทำไงได้ครับ ตาก็หวาน มือก็นุ่ม...แค่นี้ก็คุ้มสุดคุ้มแล้วเว้ยเฮ้ย!

“เอ่อคือ....”

“ตรฤณน้า~”

ยังคงอ้อนต่อไปให้ใจกูไหวหวั่นเล่นเหรอครับ?

“คือฉันกลัวว่าไอ้สองจะกะ..โกรธ”แต่พูดยังไม่ทันจบตรฤณก็ต้องรีบสงบปากสงบคำเพื่อเจอสายตาของกร

ชะอุ้ย! ตอนนี้กูควรจะกลัวกรโกรธมากกว่าใช่มั๊ยครับ ถ้าหากกูยังไม่รับทำตามคำสั่งอีก

 “โอเค..ฉันจะลองพยายามดูอีกที” ในที่สุดตรฤณก็ต้องยอมอีกจนได้ประกอบกับการที่เปลี่ยนจากการที่ให้มือนุ่มนั่นเกาะกุม มาเป็นจับมือเล็กนั่นมาแนบแก้มแทน

“ตรฤณ...มือ”

“มือ?”
ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เนียนจับเอาแนบแก้มต่อไป

เพี๊ยะ!

ถึงจะเกิดเสียงดังเล็กๆแต่ตรฤณรู้ดีว่าแรงไม่เล็กตามเสียง หลังจากที่กรสบัดมือจากการเกาะกุมจากมือใหญ่แล้วบังเอิญ (หรือว่าจงใจ) โดนแก้มของตรฤณพอดิบพอดี

“เอาเป็นว่าช่วยหน่อยแล้วกันนะตรฤณ”พูดจบก็รีบเก็บของแล้วเดินขึ้นตึกปล่อยให้ตรฤณนั่งลูบแก้มอยู่คนเดียวพร้อมด้วยสายตาละห้อย   

“ได้จับนิดจับหน่อย ก็ยังดีกว่าไม่ได้จับล่ะว้า~”ตรฤณปลอบใจตัวเองอยู่คนเดียวก่อนจะเดินขึ้นตึกเพื่อไปเรียนบ้าง แต่ระหว่างทางเดินกลับเจอเด็กในฮาเร็มของสองคนใหม่เดินเคียงคู่อยู่กับเจ้าของฮาเร็ม

“เฮ้ย สองไม่เข้าเรียนเหรอ?”เมื่อเห็นว่าสองกำลังจะเดินออกจากห้องพร้อมกับเด็กคนใหม่ที่ตรฤณไม่เคยเห็นหน้าค่าตามาก่อนเลยต้องถามขึ้น

“ไม่อ่ะ..พอดีจะออกไปดูหนังกับเด็กสักหน่อย”สองหันกลับมากระซิบก่อนจะยักคิ้วให้ตรฤณ ทำเอาตรฤณต้องถอนหายใจเพราะไม่รู้จะสรรหาคำอะไรมารั้งให้สองไม่ไป

“โดดเรียนมากๆ..ระวังเขาจะยาวเป็นวานะครับรุ่นพี่กมลินทร์” ประหนึ่งสวรรค์มาโปรดตรฤณจริงๆ น้ำเสียงแบบนี้ คำพูดแบบนี้หาไม่ได้ที่ไหนอีกแล้วนอกจากปากของภูเบศธ์

“ไอ้ภู! ”

ไม่ต้องมองหน้าให้เสียเวลาสองเองก็รู้เลยทันทีว่าใครเป็นคนพูด

“ใครเหรอครับพี่สอง”

และนี่ก็เป็นคำถามยอดฮิตจากปากเด็กของสองเมื่อเจอกันกับภูเบศธ์

“เลิกยุ่งกับฉันสักทีได้มั๊ย?!” เพียงสองพูดออกมาอย่างนั้นทำเอาเด็กใหม่ของสองเข้าใจ(ไปเอง)เลยทันทีว่าคนคนนี้คงเป็นเด็กเก่าของสองที่ยังคงมาตามตอแยไม่เลิก(เหรอ?)

“พี่เขาบอกว่าอย่ามายุ่ง ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือไง?”พอเด็กในสังกัดเริ่มออกอาการก้าวร้าวสองก็รีบรั้งแขนห้ามเอาไว้

“ต้อม.....ให้พี่จัดการเอง”
สองพูดแค่นั้นก่อนจะเดินไปยืนประจันหน้ากับตัวปัญหา ที่สองเองก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่าสายตาที่เขากำลังถูกมองอยู่นั้นพยายามจะสื่อความหมายอะไร

   จะโกรธก็ไม่ใช่จะว่าน้อยใจก็ไม่เชิง..สองยอมรับว่าอ่านสายตาคู่นี้ไม่ออกจริงๆ

“ระหว่างฉันกับนายให้มันจบไปเถอะนะ”

เป็นครั้งแรกในรอบประวัติศาสตร์หรืออย่างไร ที่คนอย่างสองยอมพูดเพราะกับไอ้เด็กเวรอย่างภูเบศธ์

“จบอะไร..ในเมื่อเรื่องของเรามันยังไม่เริ่มด้วยซ้ำ” ภูเบศธ์กดยิ้มที่มุมปากก่อนจะคว้าข้อมือของสองแล้วให้ออกเดินตามโดยมีเด็กใหม่อย่างน้องต้อมรีบวิ่งตามไป

เอาแล้วไงคราวนี้ ไอ้สองก่อเรื่องให้กูได้ตามเช็ดอีกแล้วครับ

ว่าแล้วตรฤณก็ต้องโดดเรียนแล้ววิ่งตามสามคนนั้นไปสมทบอีกทีอยู่ดี

“นี่ นายเป็นใคร จะพาพี่สองไปไหน!”

“นั่นก็อีกคน เขาจะงอกแล้วยังไม่รู้ตัว”ภูเบศธ์หยุดเดินแล้วหันไปบอกเด็กใหม่ของสองที่วิ่งตามมา

“หมายความว่ายังไงเขางอก? พูดมาดีๆเลยนะเว้ย”

“ก็พี่สองน่ะ...คบกับฉันอยู่ ไม่รู้จริงๆ หรือแกล้งโง่กันแน่”เพียงแค่ภูเบศธ์ประกาศความเป็นเจ้าของออกไปสองถึงขั้นสะบัดมือ แล้วตบหัวไอ้คนที่เพิ่งลากตัวเองมาทันที

“คบใคร?..ใครคบกับนาย? ห๊า! ไอ้เด็กนี่”สองขึ้นคำขู่แต่ภูเบศธ์เองก็ไม่เคยคิดที่จะเกรงกลัวแถมยังรั้งรุ่นพี่ตัวเล็กให้เข้ามาใกล้ แล้วรีบโอบเอวแสดงความเป็นเจ้าของโดยที่สองเองก็พยายามขัดขืนจนสุดท้ายภูเบศธ์ต้องยื่นมาตรการขั้นเด็ดขาดให้โดยการกอดรัดเอาไว้เลยจะได้ไม่ดิ้นหลุดไปหาเด็กทางไหนได้อีก

“ไม่ได้คบก็ได้แต่พี่สองเป็นของฉันแล้วเท่านั้นเอง”ภูเบศธ์พูดด้วยน้ำเสียงยียวนกวนประสาทใส่ต้อมพร้อมกับการรีบคว้ามือเล็กๆเอาไว้ป้องกันการโดนประทุษร้ายอีกครั้งส่วนบุคคลที่สี่ที่แอบมองอยู่ใกล้ๆ ถึงกับตบไม้ตบมืออย่างถูกอกถูกใจในคำพูดของภูเบศธ์

กูถือพู่เชียร์เด็กดันของคุณทิวากรอยู่ กรุณาอย่ามองกูด้วยสายตาแบบนั้นนะจ๊ะ ไอ้สอง~

“ไอ้ตรฤณ! มึงมาช่วยกูเดี่ยวนี้!”ในเมื่อดิ้นไม่หลุดแถมไอ้เพื่อนตัวดีก็ยังทำท่าดีใจยกใหญ่ที่ภูเบศธ์กล้าประกาศโต้งๆว่าเป็นเจ้าของสองแล้วอย่างนั้น แต่ถึงอย่างนั้นตัวช่วยตัวสุดท้ายที่สองต้องเอ่ยปากขอร้องก็ยังคงต้องเป็นตรฤณอยู่ดี

“ก็ให้เด็กมึงช่วยสิ  เด็กมึงเก่งไม่ใช่หรือไง”พอถูกวนประสาทกลับทำเอาสองไม่รู้จะพึ่งใคร พอลองหันไปมองเด็กใหม่ที่เพิ่งได้มาควง ดูก็รู้ว่ารายนั้นไม่ยอมมาช่วยแน่ๆ ในเมื่อไอ้คนที่อ้างว่าเป็นเจ้าของของตัวเองใช้สายตาขู่อยู่อย่างนั้น

“ต้อม..อย่าเข้าใจผิดนะ..พี่ไม่ได้เป็นอะไรกับไอ้เด็กนี่จริงๆ...”สองรีบหาทางแก้ตัวเมื่อดูเหมือนว่าน้องต้อมจะทำท่าถอดใจเมื่อรู้ว่าพี่สองมีเจ้าของแล้ว

“ผมว่าผมยังไม่อยากมีเขาตอนนี้หรอกครับพี่สอง”
พูดจบก็เดินจากไปทิ้งไว้แค่รอยยิ้มร้ายของไอ้เด็กเวรภูเบศธ์

“ฮ่าฮ่า....เป็นไงล่ะมึง”ในเมื่อเหตุการณ์สงบ ตรฤณก็หัวเลาะลั่นกับภาพตรงหน้าที่เพื่อนตัวเล็กเขายังอยู่ในอ้อมกอดของภูเบศธ์ที่พยายามดิ้นเท่าไหร่ก็ดิ้นไม่หลุด แถมยังโดนเด็กใหม่ตัดเยื่อใยก่อนอีกต่างหาก

   พูดตามตรงปรากฎการณ์ที่ไอ้สองถูกเด็กทิ้งหาดูได้ยากจริงๆนะครับกูขอบอก!

“ไม่ต้องมาพูดเลย อยากถูกเตะมากหรือไงไอ้ตรฤณ!”ร่างเล็กในอ้อมกอดของภูเบศธ์เดือดดาลพยายามเต็มที่ที่จะเตะเพื่อนตัวดี แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องหมดแรงเมื่อทำอย่างไรก็เตะไม่ถึงถ้าหากภูเบศธ์ยังรัดเอาไว้แบบนี้

“ก่อนจะมาเตะกู หลุดออกจากอ้อมกอดอันแสนอบอุ๊นนนนอบอุ่นของไอ้เด็กนั่นให้ได้ก่อนเหอะว่ะ! ฮ่าฮ่า”พูดทิ้งท้ายพร้อมกับส่ายตูดไปมาเพื่อล้อเพื่อนผู้ที่ไม่มีวันวิ่งมาเตะตูดของตรฤณได้

“ไอ้บ้าเอ้ย! ปล่อยสิวะบอกให้ปล่อยไงเล่า! ”ทั้งที่อยากจะวิ่งไปเตะก้นเพื่อนตรฤณใจแทบขาดแต่สุดท้ายก็ทำไม่ได้ในเมื่อมือปลาหมึกของไอ้เด็กปากหมารัดเอาไว้แน่นยิ่งกว่าลูกลิงเกาะแม่

“บอกมาก่อนว่าจะไม่โดดเรียน..แล้วผมจะปล่อย”ภูเบศธ์พูดเสียงเรียบแต่ทว่ากลับดูมีอำนาจต่อจิตใจของสองจนเจ้าตัวเองยังรู้สึกแปลกๆ

“ฉันจะโดดหรือไม่โดดเรียนแล้วมันเกี่ยวอะไรกับนาย...ปล่อยก่อนสิวะ!”ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่แก้มสองแก้มของสองกลับรู้สึกร้อนผ่าว เมื่อรับรู้ว่าตอนนี้หลังตัวเองอยู่ชิดติดอกแกร่งจนได้ยินเสียงหัวใจของอีกฝ่าย แถมด้วยแขนแกร่งที่ยังโอบรัดเอาไว้ถึงจะแน่น แต่ก็ไม่รู้สึกอึดอัดอะไร..กลับรู้สึกดีด้วยซ้ำ

เฮ้ย! กูต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ที่รู้สึกดีที่ได้อยู่ในอ้อมกอดของไอ้เด็กเวรนี่!

“อย่างน้อย..ผมก็ยังไม่อยากให้แฟนโดดเรียนแล้วไปหาแทะโลม เอ้ย! แทะเล็มหญ้าอ่อนที่อื่นหรอกนะครับ”

“ไอ้ภูเบศธ์! เมื่อไหร่จะเลิกว่าฉันเป็นควายสักที!”

“ครั้งนี้วัวครับ ไม่ใช่ควาย”

ครั้งนี้?! มึงบอกแค่ครั้งนี้? เออ ได้ทีเอาทั้งวัวทั้งควายมาหลอกด่ากูเชียวนะมึง!

กูควรจะขอบคุณมึงมั๊ยที่แถลงไขให้กูเข้าใจซะกระจ่าง..ไม่ว่าจะวัวหรือควาย มันไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่หรอก!

“เออก็ทั้งสองอย่างนั่นแหล่ะ!”สองสะบัดหน้าหนีเพราะไม่รูจะสรรหาคำอะไรมาด่าทอไอ้เด็กเวรปากหมาตรงหน้า

“ก็ถ้าพี่สองยอมเข้าเรียน แล้วเลิกไปเสาะหาหญ้าอ่อนตามคณะต่างๆ บริโภคแทนอาหาร...ก็เมื่อนั้นแหล่ะที่ผมจะยอมทำตัวเป็นเด็กดีของพี่สอง” สองยืนฟังอย่างอึ้งๆในขณะที่คนพูดเองก็ชักจะเขินจนหูแดงหน้าแดงที่กล้าพูดอะไรออกมาแบบนี้

อ่า..กูชักจะมั่นใจแล้วสิว่านี่คือคำที่มันกำลังสารภาพรักกับกู!

“ถามจริง? อยากจีบฉันจริงๆเหรอ?”สองถามพร้อมกับพลิกตัวไปประชันหน้ากับคนที่เคยบอกว่าอยากจีบ

 “โห่...ทำขนาดนี้..ไม่อยากจีบเลยเนอะ” ว่าพร้อมกับโอบคนตัวเล็กให้แน่นขึ้น โดยที่สองเองก็ดูเหมือนจะยังไม่รู้สึกตัวที่ยืนให้เด็กมันกอดอยู่ได้นานสองนานโดยที่ไม่ได้ขัดขืนอะไร

“ทำขนาดนี้!  ที่ด่ากูอยู่ทุกวันนี้เนี่ยนะ แล้วบอกว่าอยากจีบ กูจะบ้าตาย”สองยกมือขึ้นมาตบหน้าผากตัวเองดังแปะแต่ภูเบศธ์กลับส่ายหน้าไปมา

“อย่าพูดไม่เพราะแบบนั้นสิครับ..”

   เหอะ! ที่มึงด่ากูอยู่ทุกวันถึงไม่เคยมีคำหยาบ แต่กูว่ามันคมยิ่งกว่าดาบอีกนะมึง!

พูดขึ้นมาที กูงี้เจ็บร้าวไปถึงไต!

“แล้วจะทำไม! เป็นพ่อฉันหรือไงถึงได้มาสั่งสอนฉัน”

“เปล่า..ก็แค่บอก”ภูเบศธ์ยักไหล่ประหนึ่งว่าไม่ใส่ใจเรื่องนี้ก็ได้

ถึงเป็นพ่อไม่ได้ แต่เป็นผัว ให้ได้ แล้วจะเอาไหมครับ?
ภูเบศธ์เองก็ทำได้แค่คิด..เพราะถ้าเกิดพูดออกมาจริง..ชีวิตอาจจะไม่เหลือเศษซาก

“เออ แล้วก็ปล่อยฉันได้แล้ว..ฉันจะกลับไปเรียน”ในเมื่อบทสนทนาดำเนินจนมาถึงทางตัน การทะเลาะกันก็ดูเหมือนว่าจะสิ้นสุดลง สองจึงต้องตัดบทสนทนาง่ายๆ แล้วภูเบศธ์ก็ยอมคลายอ้อมกอดแต่โดยดี

“แล้วอย่าแวะไปเล็มหญ้าข้างทางนะครับ!” เมื่อปล่อยให้รุ่นพี่ตัวเล็กเป็นอิสระแล้วเดินกลับไป ภูเบศธ์ก็ยังไม่ลืมที่จะพูดอะไรทิ้งท้ายไว้ให้คนบางคนได้คิดถึงเวลาจากกัน


อ๊ากกกกกก กูอยากฆ่าหั่นศพมันจริงๆเลย ไอ้ตรฤณมึงเตรียมมีดหมอให้กูที!

___________________________________
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 6 เด็กปากหมา VS เด็กในฮาเร็ม [Up 11/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: ryoko_chan ที่ 12-01-2012 14:43:35
“ไง เคลียร์กับเด็กเรียบร้อย?”เมื่อสองเดินเข้าห้องเรียนมาแล้วนั่งแหมะลงข้างๆกับตรฤณที่จองที่เอาไว้ให้หัวเล็กก็เคาะลงกับพื้นโต๊ะโดยไม่กลัวว่าจะเจ็บแม้แต่น้อย แต่ก็ต้องรีบผงกหัวขึ้นมาเมื่อโดนถาม

“เคลียร์กับผี! จนถึงตอนนี้มันยังด่ากูเป็นวัวไม่เลิก”สองโวยวายอย่างใส่อารมณ์จนอาจารย์ที่กำลังสอนอยู่ที่หน้าห้องมองลอดแว่นเป็นเชิงตำหนิ ทำเอาสองต้องผงกหัวให้เป็นเชิงขอโทษแล้วหันมาทำตาขวางใส่ไอ้เพื่อนรักที่หัวเราะคิกคักอยู่คนเดียว

“แล้วไง..ก็มึงทำตัวอย่างนั้นจริงๆ..นี่กูบอกตามตรงนะ ถึงไอ้เด็กนั่นมันจะปากหมาไปหน่อย..”

ให้ตาย! ไอ้ตรฤณมันช่างกล้าใช้คำว่า “ไปหน่อย” เว้ยเฮ้ย! กูว่าอย่างนี้เขาเรียกว่าปากหมาตัวพ่อแล้วว่ะ!

“แต่มันก็ชอบมึงจริงๆนะ..ไม่ใช่คบมึงหวังอะไรอะไร~ แถมยังหล่อใช้ได้อีกด้วยนะ เด็กในฮาเร็มของมึงแต่ละคนกูว่าเทียบไม่ติดว่ะ”ตรฤณรีบเสนอสรรพคุณของภูเบศธ์ให้เพื่อนรักได้รับไว้พิจารณา

“ที่ว่าหวังอะไรอะไรนี่ มึงหมายถึงตัวกู?”

“อ้าว? นี่มึงไม่รู้จริงๆเหรอที่เด็กมาคบมึงเพราะหวังฟันมึงทั้งนั้น~ ผู้ชายบ้าอะไรตัวก็นิ่ม ตูดก็ใหญ่น่าฟัดกูไม่เชื่อหรอกว่าที่มาคบกับมึงน่ะบริสุทธิ์ใจ”

“ไอ้บ้านี่! กูบอกแล้วใช่มั๊ยว่าอย่าพูดถึงตูดกู”ถึงปากจะว่า แต่แก้มแดงของสองกลับแดงวาบขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้

“แล้วมันจริงมั๊ยล่ะ? ว่าไอ้ก้นมึงนี่ล่ะคือจุดขายเลย”

“จุดขายบ้าอะไร....อ่อ...นี่มึงก็มองก้นกูเหมือนกันใช่มะ ไอ้เวรนี่!”เหมือนนึกขึ้นได้ก็ยกครีบฟาดหัวเพื่อนที่บังอาจมาคิดลามก

“เฮ้ย! ไอ้นี่อย่างกูนี่ต้องทิวากรโอนลี่เว้ย อย่างมึงนี่กูไม่อยากจะแล”

แหม่ ทิวากรสวยเค้าเลือกได้ เค้าถึงไม่อยากจะแลมึงเหมือนกันล่ะวะ ไอ้ตรฤณ!

“แล้วไง? ที่มึงจะพูดนี่มีแค่นี้ใช่มะ? เพราะสุดท้ายแล้วเด็กดันของมึงก็จีบกูหวังฟันเหมือนเด็กคนอื่นๆในฮาเร็มกูเหมือนกันไม่เห็นจะมีอะไรแตกต่าง”

“ไม่ใช่นะเว้ย! มันจริงจังกับมึงจริงๆ กูยืนยันได้”

“แล้วที่มันปล้ำกูไปแล้วล่ะ?”

“แล้วใครบอกว่ามันปล้ำมึง.. เฮ้ย!” พูดออกมาได้แค่นั้นตรฤณก็ต้องรีบเอามือขึ้นมาตะครุบปากตัวเองเอาไว้ แต่ดูเหมือนว่าจะช้าเกินไปเมื่อหันไปเจอกับสายตาคาดคั้นเอาคำตอบสอง

“เมื่อกี้มึงพูดว่าอะไรนะ? ตรฤณ...กูรู้สึกว่ากูจะได้ยินไม่ชัด”ไม่ใช่ว่าแค่โดนขู่แต่ตอนนี้ตรฤณกำลังถูกกำคอเสื้อไปคาดคั้นซะแล้ว

“เอ่อ..คือ..เมื่อกี้กูพูดอะไร?...ไม่นี่กูไม่ได้พู๊ด!”ตรฤณยังคงทำใจดีสู้เสือพร้อมกับค่อยใช้มือแงะมือเล็กที่ยังคงกำคอเสื้อเขาเอาไว้แน่นอย่างหาเรื่อง

“กูให้โอกาสมึงอีกครั้ง...มึงจะพูดหรือไม่พูด!” สองขู่ฟ่อทำเอาตรฤณเหงื่อตกมองซ้ายแลขวาก็หาทางหนีไม่เจอก่อนจะกลับมามองตาร่างเล็กอีกครั้งที่จ้องตาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ

“คือเมื่อกี้..กูพูดว่า...ใครบอกว่ามันปล้ำมึง...”ในที่สุดตรฤณก็จำต้องพูดความจริงออกมา

“แล้ว!”

“เพราะมึงต่างหากที่ปล้ำมันน่ะ...สอง มึงรู้ตัวไว้ซะด้วย”

   
ตอนนี้ไอ้สองจะทำหน้ายังไงกูไม่รู้  รู้แต่ว่าตอนนี้กูรอดตายแล้วเว้ย!

ไปจัดการกันเอาเองนะเว้ย~ ตอนนี้ชายตรฤณขอเอาตัวรอดก่อนแล้วกัน


TBC
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 7 ใครกันที่ ‘เขา’งอก 83 [Up 12/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: หมูกระต่าย ที่ 12-01-2012 15:45:17
พี่ภูทำแต้มเร็วๆนะก่อนที่จะมีพายุลูกยักษ์มาอ่ะ
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 7 ใครกันที่ ‘เขา’งอก 83 [Up 12/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: pae666 ที่ 12-01-2012 15:57:42
ก๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก  :m20: :m20: :m20:  ชอบเพื่อนของสองซะจริง เกือบหลุดไปแล้วไม๊ล่ะ ..แต่ไปบอกว่าสองเป็นคนปล้ำภูนี่ สองจะเชื่อไม๊เนี่ยยยยยยยยยยยย ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 7 ใครกันที่ ‘เขา’งอก 83 [Up 12/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 12-01-2012 19:15:39
ร้ายกาจ สลับกานซะงั้น

ยังไงก้อมาต่ออีกน้า รอรอเหมือนดิมน้ออ

อย่าลืมละนี่ อิอิ^^!!
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 7 ใครกันที่ ‘เขา’งอก 83 [Up 12/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 13-01-2012 16:19:23
รักครั้งแรกกำลังมา
รักครั้งสุดท้ายกำลังสู้อย่างสุดใจ
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 7 ใครกันที่ ‘เขา’งอก 83 [Up 12/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 13-01-2012 17:12:19
ถ้ารักแรกกลับมามันจะเป็นยังไงต่อนะไม่อยากจะคิดเลย
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 7 ใครกันที่ ‘เขา’งอก 83
เริ่มหัวข้อโดย: IöLIKE ที่ 13-01-2012 19:38:01
ThankS
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 7 ใครกันที่ ‘เขา’งอก 83 [Up 12/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Alone Alone ที่ 13-01-2012 22:02:03
รักครั้งแรกจงมีเมียที่เมืองนอกเสียเถอะนะ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 7 ใครกันที่ ‘เขา’งอก 83 [Up 12/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 14-01-2012 18:45:14
 o13เอาละวะ   รอดูตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 7 ใครกันที่ ‘เขา’งอก 83 [Up 12/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 14-01-2012 19:48:36
กร๊ากกกกกกกกกกกกก...
ฮ่าๆๆๆๆๆ 
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 7 ใครกันที่ ‘เขา’งอก 83 [Up 12/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 14-01-2012 20:03:34
ชวินๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 7 ใครกันที่ ‘เขา’งอก 83 [Up 12/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: ryoko_chan ที่ 14-01-2012 21:32:43
บทที่ 8  หวั่นไหว



“เพราะมึงต่างหากที่ปล้ำมันน่ะ...สอง รู้ตัวไว้ซะด้วย”

กูเนี่ยนะปล้ำมัน....ขำขันเกินไปมั๊ยครับไอ้เพื่อนตรฤณ?



__________________


“ตลกละมึง...มึงใช้ส่วนไหนคิดว่ากูปล้ำมัน หัวแม่เท้า?” ถึงแม้ในตอนแรกสองจะทำตาโตเท่าไข่ห่านแถมด้วยใบหน้า(บาน)ตื่นตระหนกจนเกินกว่าเหตุก็ตามที แต่พอลองมานึกดูดีๆ คนอย่างสองเนี่ยเหรอจะปล้ำคนเป็น

ขอบอกตามตรง ตั้งแต่เกิดมาจนอายุปาไปยี่สิบสองกูยังไม่รู้วิธีทำเมีย!

แต่ถ้าวิธีเป็นเมีย.....อ่า....อันนี้ค่อยว่ากันหลังไมค์

“กูพูดจริง!”

ชายตรฤณย้ำทั้งทางสายตา พร้อมคำพูดคำจาที่แสนจะมั่นคง..แบบนี้ยังไม่เชื่ออีกเหรอ?

เดี๋ยวนี้ฉลาดขึ้นเยอะเว้ยเฮ้ย ไอ้สอง!

“กูว่า...เรื่องนี้มันชักจะยังไงๆแล้วล่ะ ”สายตาเรียวรีมองจ้องเพื่อนซี้อย่างจับผิดแต่ฝ่ายที่ถูกจับจ้องก็ทำได้แค่เพียงยกมือปัดป่ายไปมาราวกับปฏิเสธว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นว่าไม่ได้มีตื้นลึกหนาบางอะไรทั้งสิ้นอย่างที่ร่างเล็กเข้าใจ

“ช่วงนี้มึงชักจะไหลจนกูรู้สึกว่ามันแปลกๆ” ปากเล็กๆเม้มเข้าหากันเป็นปกติเวลาที่เจ้าของมันกำลังใช้ความคิด พร้อมกับที่คิ้วเรียวสวยเริ่มขมวดเข้าหากัน แววตาที่เคยสดใสเปลี่ยนเป็นแววสงสัยอย่างถึงที่สุดเท่าที่ตรฤณเคยเห็นมา

“มึงมีอะไรที่ปิดบังกูอีกใช่มั๊ย? นอกจากเรื่องที่มึงแปรพรรคไปหาคู่ปู่หลานรหัสนรกนั่นน่ะ ต้องมีเรื่องอื่นอีกแน่ๆเลยที่กูไม่รู้”

“ก็ไม่มีนี่~ มึงคิดมากไปหรือเปล่า”ตรฤณยังพยายามไหลไปตามน้ำเท่าที่สถานการณ์จะเอื้ออำนวย แต่ถึงกระนั้นสองผู้น่ารักก็ยังไม่หายข้องใจ

“แต่เรื่องที่กูปล้ำไอ้เด็กนั่น...มึงมั่วแน่ๆ!”

“เปล่า! กูไม่ได้มั่ว ไอ้ภูเบศธ์มันบอกกูมาอย่างนั้นจริงๆ..ว่ามึงน่ะยั่วมัน”

ยั่ว?  ไอ้เด็กชั่วกูไปยั่วมึงตอนไหนอีกล่ะ!

สองได้แต่นึกแล้ว....แล้วก็นึกอีกที..นึกยังไงก็จำอะไรไม่ได้ ให้ตายเหอะ!

“ไอ้บ้า! แล้วมึงเชื่อหรือไงว่ากูยั่วมันน่ะ..แล้ว..ถึงจะแค่ยั่วแล้วมันเกี่ยวอะไรกับการที่กูปล้ำมันล่ะ?”

“อ๊าว?..ก็มึงรุกก่อน เขาไม่เรียกว่าปล้ำเหรอ?”ตรฤณเองก็ชักจะสนุกเมื่อสองกำลังจะตกหลุมพรางอีกรอบ
กูล่ะชอบสมองกูจริงๆ..ที่คิดได้เร็วซะยิ่งกว่าลิงปีนต้นไม้

“โน๊ว!!! อย่างนั้นเข้าไม่เรียกว่าปล้ำเว้ย!...ว่าแต่กูยั่วมันจริงหรอ?”ถึงแม้ในคำแรกสองจะแหกปากลั่นปฏิเสธเสียงแข็งแต่พอมาประโยคที่พูดสุดท้ายกลับดูแผ่วเบาจนตรฤณต้องเอียงหูไปฟังพร้อมกับมุมปากแอบกดยิ้ม โดยที่สองไม่ทันได้สังเกตเห็น

“ถ้าไม่จริง..กูจะเอามาพูดทำเพื่อ?” ตรฤณแอบเข้าโหมดจริงจังตามสองไปเพื่อไม่ให้ผิดสังเกต เพราะดูๆแล้วคนตัวเล็กจะเริ่มคิดหนักอีกรอบ เพราะไม่ว่าจะหลบจะเลี่ยงไปทางใด ไอ้เรื่องนี้มันก็ไม่ไปห่างจากตัวสักที

“ก็เพื่อให้มึงกับกรสมหวังกันไง! นี่อย่าคิดว่ากูไม่รู้ มึงเอาเวอร์จิ้นกูไปติดสินบนกรเพื่อขอเขาเป็นแฟนใช่มะ?”

“หา?”ตรฤณถึงขั้นกับอ้าปากตาค้างกับความคิดของสอง

เพื่อนสอง..มึงช่างคิดไปได้ ไอเดียมึงบรรเจิดมากครับกูขอบอก

“ก็ถ้ากูกับไอ้เด็กนั่นเป็นแฟนกันได้ กรเขาถึงจะยอมคบมึงใช่มั๊ยล่ะ?..กูรู้นะว่ากรน่ะดันหลานรหัสตัวเองแค่ไหน”

 “นี่มึงคิดไปถึงไหน?..อย่ามโนไปเอง..กูขอร้อง เพราะถ้าเป็นอย่างที่มึงว่าจริงๆ กูจับมึงมัดหัวมัดหางผูกโบว์ถวายไอ้ภูเบศธ์ตั้งแต่วันที่กรมาขอให้กูช่วยแล้ว!”

กูซึ้งจนน้ำตาจะไหลกับความเป็นเพื่อนที่มึงให้กูเลย...ไอ้ส้นตรฤณ

“แล้วไง..ถึงไม่ใช่ก็เกือบใช่อยู่ดี วันนั้นพวกมึงมอมเหล้ากูแล้วจับกูยัดใส่ห้องไอ้ภูเบศธ์ใช่มะ?”

“ก็เปล่าอีกล่ะ..เด็กนั่นก็บอกไม่ใช่เหรอว่ามึงชวนมันขึ้นห้อง...”

เอ..เหมือนจะจำได้ลางๆแฮะ?

“ไม่ๆๆ! มึงอย่ารื้อฟื้น”พูดไปพูดมาชักเริ่มรู้สึกว่าอะไรหลายๆเริ่มเป็นหลักฐานมัดตัวเองจนเกือบดิ้นไม่หลุดเรื่อยๆ ทางที่ดีควรหยุดพูดเรื่องนี้ไปซะ

   ก็เคยบอกแล้วว่าเมาไม่นับ...เพราะฉะนั้นอย่ามาบังคับกูให้รับมันเป็นเด็กในฮาเร็ม!

“พอชวนขึ้นห้อง ก็ต่อด้วยการ..”พอเห็นอาการของเพื่อนตัวเล็กที่ดูจะไม่อยากรับรู้ว่าตัวเองทำอะไรพลาดไป  ก็ยิ่งเปิดช่องว่างให้ตรฤณหาทางกลั่นแกล้งได้มากขึ้นโดยการพยายามพูดรื้อฟื้นความหลัง(ที่ไม่เคยเกิดขึ้น)ให้เพื่อนได้รับรู้อีก
“สต๊อปไปเลยมึง..ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว กูไม่อยากฟัง!”พูดจบก็ลุกเดินหนีไปดื้อๆทำเอาตรฤณได้แต่หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็งอยู่ตรงนั้น

ภูเบศธ์...สงสัยต้องเคลียร์กันหน่อยซะล่ะมั้ง!

___________


“น้องครับ..เห็นภูบ้างมั๊ยครับ?”
เป็นเวลานานหลายนาทีที่สองเดินไปถามคนโน้นคนนี้ที่เดินออกมาจากห้องเรียนของเด็กปีหนึ่งเพื่อตามหาใครบางคน ที่อยากจะสะสางเรื่องราวที่ยังค้างคาสะสางไม่ได้สักที แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เจอ ถามใครก็มีแต่ส่ายหน้า ไม่รู้จักบ้าง ไม่เห็นบ้าง...

แล้วกูเป็นบ้าอะไรวะถึงต้องมาทนทุกข์ทรมานเดินให้เมื่อยขาเพื่อตามหามัน!
ปกติเวลาไม่อยากเจอล่ะชอบโผล่หน้ามาให้เห็น แต่พอถึงคราวจำเป็นหลบจนไม่เห็นแม้แต่หางเชียวนะมึง!

สองเองก็ได้แต่ถอนหายใจ เดินหาก็แล้ว ถามหาเอาจากคนอื่นก็แล้ว แต่ไม่มีใครเห็นแม้แต่เงาหัวของภูเบศธ์เลยสักคน แต่พอนึกอะไรบางอย่างออก แววตาน่ารักก็กลับดูซุกซนขี้เล่นขึ้นมาทันที

“น้องครับ?...คือพี่อยากถามว่าน้องรู้จักภูเบศธ์มั๊ยครับ?”  สองยิ้มหวานตามสไตล์ก่อนจะเอ่ยปากถามเด็กหนุ่มปีหนึ่งหน้าตาดีเข้าขั้นที่บังเอิญเดินผ่านมาตรงหน้าเป็นเหยื่อล่อสายตาของสองได้เป็นอย่างดี

“เอ่อ..ไม่รู้จักครับ”เด็กหนุ่มตอบ...ซึ่งเป็นคำตอบที่สองรู้ดีอยู่แล้วเพราะเข็มที่ติดอยู่ที่เนคไทเป็นตัวบอกยี่ห้อว่าไอ้เด็กหน้าหล่อนี่ยี่ห้ออะไร...

“อ่า..น้องอยู่ ‘สังคม’ นี่นาจะรู้จักได้ยังไง..โทษทีๆ”สองยิ้มหวานให้อีกครั้งพร้อมกับโค้งให้เล็กน้อยเพื่อเป็นการขอโทษแต่ดูท่าว่าหน้าตาของสองจะเตะตากรรมการเข้าอย่างจัง ทำเอาหนุ่มน้อยยิ้มหวานกลับคืนให้กับท่าทางน่ารักของรุ่นพี่คณะบริหาร คณะที่ตัวเองถ่อมาเรียนตัวนอกเมเจอร์ ก็เพราะเผื่อว่าจะได้เจออะไรดีๆเหมือนที่ตัวเองกำลังเจออยู่ ณ ตอนนี้

ฮ่าฮ่า! ติดเบ็ดอีกหนึ่งแบบไม่ต้องเปลืองแรง

แต่ยังไม่ทันที่จะได้ทำอะไรอีกตามใจคิด อย่างเช่นว่า รุกถามอีกสักนิด ให้เหยื่อที่ติดเบ็ดยอมตามมาง่ายๆอะไรทำนองๆนั้น ก็ดันมีเสียงสวรรค์อันแสนคุ้นเคยแว่วมาให้ได้ยินเสียก่อน

 “ปล่อยไว้ไม่ได้เลยนะ..ชอบหากินหญ้าตามข้างทางจริงๆ”

ฮ่าฮ่า ไอ้บ้านี่ก็ติดเบ็ดไปกับเขาอีกหนึ่งด้วย! แผนนี้ใช้ได้
เพราะถ้ากูเล็มหญ้าอ่อนเมื่อไหร่ ไอ้เด็กปากหมาก็โผล่มาเมื่อนั้น!

“โผล่หางมาได้สักทีนะ!”พอเมื่อคนที่อยากเจอมาอยู่ตรงหน้าปลาที่กำลังติดเบ็ดก็จำต้องปล่อยไปอย่างน่าเสียดาย

เอาไว้ไอ้เด็กเวรนี่ไปเมื่อไหร่ เราค่อยมาสานต่อทีหลังก็ได้..คงไม่สายไปหรอกครับ

สองขยิบตาให้หนุ่มน้อยหน้ามนอย่าขี้เล่น ก่อนจะโดนเด็กตัวใหญ่แรงเยอะลากออกไปให้ห่างจากอาหารที่ล่อตาล่อใจตรงหน้าทันที

“ตามหาผมมีอะไรหรือเปล่า?”
ในขณะที่ลากมือเล็กให้เดินตามมาเรื่อยๆ ริมฝีปากหยักก็เอ่ยตั้งคำถามขึ้นทำเอาคนถูกถามได้แต่หรี่ตามองแผ่นหลังกว้างอย่างสงสัย

“ก็รู้อยู่ว่าตามหา..แต่ก็ไม่เห็นจะโผล่หัวโผล่หางมาให้เห็น เล่นบ้าอะไรอยู่ห๊ะ!”สองเดือดขึ้นอย่างงายดาย เมื่อรู้ว่าคนที่ตัวเองตามหาก็รู้อยู่ว่าโดนตามแต่แค่ไม่ยอมโผล่ออกมาให้เห็นเท่านั้นเอง ถ้าเป็นไปตามที่คิดจริงๆภูเบศธ์คงจะหลบอยู่ใกล้ๆตัวเขานี่แหล่ะ ถึงได้ออกมาขัดขวางเวลาหากินของสองได้ทันท่วงทีเสียเหลือเกิน

“ก็แค่อยากรู้ว่ามาตามหาทำไมจู่ๆออกไป    แล้วโดนตีหัวขึ้นมาล่ะใครจะรับผิดชอบ? เลยต้องแอบดูสถานการณ์ก่อนว่าพี่สองมีอะไรกับผมกันแน่ ถึงได้มาตามหาเอาแบบนี้ เห็นทุกทีชอบขู่ไล่ให้ไปไกลๆ แต่ครั้งนี้กลับเรียกหามันก็ดูแปลกๆอยู่นา”ในที่สุดภูเบศธ์ก็หยุดเดินพร้อมกับการหันมาแถลงไขที่ต้องซ่อนตัวอยู่ใกล้ๆกับสองเพื่อดูสถานการณ์
“แล้วไง? ฉันอยากเจอนายบ้าง มันแปลกตรงไหนมิทราบ! เดี๋ยวปั๊ดต่อย”ได้ทีก็ขึ้นคำขู่ แต่ภูเบศธ์กลับทำได้แค่เพียงการหัวเราะเล็กน้อยกับท่าทางของรุ่นพี่ตัวเล็กตรงหน้า
ทำเป็นปากกล้า เดี๋ยวเผลอจับจูบขึ้นมา แล้วจะหาว่าไม่เตือน

“ว่าแต่อยากเจอผม คิดถึงเหรอ?”แววตาคมดูขี้เล่นขึ้นมาทันทีพร้อมกับไหล่กว้างกระแซะรุ่นพี่ตัวเล็กอย่างข้ามรุ่นราวกับว่าสนิทสนมกันมาก ซึ่งการกระทำเหล่านี้คนที่ถูกถามเองคงจะไม่ค่อยจะปลื้มเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้อยากพูดอะไรมากเพราะกลัวพูดไปแล้วจะโดนกัดกลับมาขี้เกียจวิ่งไปฟ้องไอ้เพื่อนตรฤณอีก

“ถ้าจะละเมอ ก็กลับไปนอนก่อนไป! ที่มาเนี่ยมีเรื่องอยากจะคุยด้วยหรอก”

“เรื่องอะไรน้าที่ทำให้รุ่นพี่สองถึงขั้นลงทุนตามหาผมด้วยตัวเอง”น้ำเสียงยียวนกวนส้นตีน ของภูเบศธ์ทำเอาเส้นเลือดตรงขมับของสองเต้นตุบๆแต่สองเองก็พยายามที่จะควบคุมตัวเองในอยู่ในสภาวะสงบ ไม่ให้พายุดีเปรสชั่นเข้าพาดผ่านพื้นที่ไม่งั้นเดี๋ยวภูเบศธ์จะไม่มีซากไว้ไห้คุย แล้วเรื่องจะไม่จบสักที

“ก็...เรื่องคืนนั้นน่ะ” สองหันซ้ายหันขวาก่อนจะพูดออกมาเมื่อไม่เห็นว่ามีใครอยู่แถวนั้น

“เรื่องคืนไหน? มีตั้งหลายคืน คืนวันจันทร์ อังคาร พุธ...”

มึงไม่ไล่ให้ถึงวันอาทิตย์เลยล่ะ?..อ่อ..ถึงวันตายเลยก็ได้นะ กูไม่ว่า!

“ไอ้ภูเบศธ์..กรุณาอย่ากวนตีน!” สองพยายามบังคับให้ดูปกติถึงแม่ว่ามือเล็กๆนั่นจะกำเอาไว้แน่นแล้วก็ตาม

“อ้าว? แล้วถ้าไม่บอกแล้วผมจะรู้มั๊ยล่ะว่าคืนไหน?”ถึงปากจะบอกว่าไม่รู้ แต่สายตาที่สื่อออกมาสองก็พอจะรู้เลยทันทีว่ากำลังโดนไอ้เด็กบ้านี่ปั่นหัวอยู่

“ก็เมื่อคืนวันเสี้ยงสายไง? หรือต้องให้พูดขยายความอีก!”

“แล้วมันคืนไหนล่ะ...ยังจำไม่เห็นได้เลย”

หรือว่าต้องให้กูตบหัวกระเตื้องเซลล์สมองอันฉลาดปราดเปรื่องของมึงถึงจะระลึกชาติได้?

“ก็คืนที่นายปล้ำฉันแล้วฉันก็ปล้ำนายไงที่นี้จำได้หรือยัง?!”

ในที่สุดความอดทนก็สิ้นสุดลง พายุดีเปรสชันโหมกระหน่ำพร้อมกับการพูดออกมาจนหมดเปลือกของสอง

“ไม่รู้สิ..สงสัยต้องลองปล้ำกันอีกสักครั้งล่ะมั้งถึงจะจำได้” ใบหน้าคมยกยิ้มที่มุมปากอย่างถูกใจกับคำพูดที่ตรงไปตรงมาของร่างเล็ก ถึงแม้จะขัดใจกับคำว่า “ฉันก็ปล้ำนาย”อยู่บ้างเพราะคำนี้มันหมือนว่าภูเบศธ์ถูกเปลี่ยนสถานะไปอย่างที่ไม่ควรจะเป็น

“ไอ้ภูเบศธ์! ฉันมาพูดดีๆกับนายนะ ทำไมถึงได้ชอบกวนประสาทฉันนัก!”

“ก็เพราะชอบไง ”

ช่างเป็นคำตอบที่ดูจะไม่ตรงกับคำถาม...
นี่มึงพูดเรื่องเดียวกันกับกูอยู่รึเปล่าเนี่ยไอ้ภูเบศธ์!


“แล้วถ้าชอบ ทำไมถึงได้ด่าฉันทุกทีล่ะวะ!”

“ก็เพราะพี่สองน่ารักยังไงล่ะ”

ดูท่าทางกูจะถามไม่ตรงคำตอบของมันซะล่ะมั้ง-“-

“แล้วทำไม.....”

แล้วทำไมกูถึงคิดคำถามต่อไม่ออก เพียงเพราะคำพูดไอ้เด็กนี่!

“ทำไม ผมถึงต้องชอบรุ่นพี่ขนาดนี้ด้วยนะ...ผมเองยังไม่รู้เลย”
ภูเบศธ์ถือโอกาสถามขึ้นมาเอง ก่อนจะคว้ามือเล็กๆเอามากุมไว้แล้วมองมือเล็กนั้นราวกับว่ามันคือลูกแมวน้อยที่น่าทะนุถนอมสองมองคนตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง การกระทำนี้ทำเอาสองใบ้รับประทานไปไม่รู้กี่รอบตั้งแต่ที่รู้จักกันมาช่างเป็นคนที่ให้ได้หลายความรู้สึกจริงๆ....

“อะแฮ่ม! นี่เลิกทำซึ้งแล้วมาคุยกันให้รู้เรื่องก่อน”ถึงจะไม่กล้าปฏิเสธว่ารู้สึกดีกับการกระทำของเด็กหนุ่มตรงหน้า แต่สองก็ดึงมือตัวเองกลับมาแล้วพยายามหาทางวกเข้าเรื่องจนได้

เกือบหวั่นไหวไปกับเสียงนุ่มๆ หน้าหล่อๆ ของไอ้เด็กนี่แล้วมั๊ยล่ะ!
เฮ้ยๆๆ! หยุดเต้นแรงสักทีได้มั๊ยวะ รำคาญ!


“เรื่องคืนนั้นน่ะ...ฉันอยากให้นายลืมๆมันไปซะ ถือว่าไม่เคยเกิดขึ้นเลยยิ่งดี”

“.........”คำพูดของร่างเล็กทำเอาร่างสูงที่ยืนฟังอยู่เงียบลงไปจนผิดสังเกต

“นะ..”สองเอ่ยคำสั้นๆเพื่อเป็นการขอร้อง

“ไม่...”

ทำไงล่ะ? พอดีคืนนั้นไม่มีอะไรให้จำ เลยไม่จำเป็นต้องลืม

“ภูเบศธ์ทางใครทางมันเหอะนะ..ฉันรู้ว่านายน่ะไม่ได้ชอบฉันจริงๆหรอกใช่ม้า~”

“มีใครเคยพูดหรือไงว่าผมไม่ได้ชอบรุ่นพี่จริงๆ”

“แต่ฉันไม่ได้ชอบนาย เพราะฉะนั้นก็ให้เรื่องนี้มันจบๆไปเหอะทางใครทางมัน ถึงนายจะจีบฉันต่อไป หรือว่าจะทำอะไรก็เชิญเถอะ ฉันไม่อยากจะสนแล้ว”สองพยายามหาคำพูดเพื่อให้จบเรื่องที่ดูเหมือนจะยิ่งยืดเยื้อเข้าไปทุกทีนี้ อาจเป็นเพราะบางทีหัวใจของเขากำลังเต้นแปลกไปเพราะเห็นสายตาของคนบางคน แล้วมันจะทำให้เรื่องนี้มันไม่จบไปอย่างที่ตั้งใจไว้

“ไม่อยากสนก็ไม่ต้องสน...ว่าแต่ว่ารูปพวกนี้จะให้ผมจัดการกับมันยังไงดีน้า~”ถึงจะน้อยอกน้อยใจที่โดนตัดความสัมพันธ์แต่ด้วยความมีไหวพริบดีทำให้ร่างสูงรีบควักโทรศัพท์ออกจากจากกระเป๋ากางเกง ก่อนจะรีบเอาเปิดดูหารูปบางรูปที่ถูกกรถ่ายเอาไว้เมื่อไม่นานและส่ง Bluetooth ให้เขามาเก็บไว้เชยชมดูเล่นคนเดียว...แต่ดูท่าทางว่าถึงคราวแล้วที่จะต้องนำมันมาใช้ให้เกิดประโยชน์ซะ

“รูป?”

แล้วมันก็ได้ผล เพราะมันทำให้ร่างเล็กที่จะเดินจากไปอย่างไร้เยื่อใยหยุดชะงักและหันมาถามอย่างสงสัยในท่าทางของร่างสูงที่กำลังกดดูรูปในโทรศัพท์อยู่ ราวกับว่าเป็นรูปภาพที่น่าสนใจนักหนา ทำเอาคนนอกอย่างสองเกิดอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาบ้าง เพราะเหมือนมีลางสังหรณ์แปลกๆว่ารูปที่อีกฝ่ายกำลังไล่ดูอยู่มันต้องมีอะไรเกี่ยวกับตนเองอยู่แน่ๆ

หรือว่า..มันถ่ายรูปเอาไว้แบล็คเมล์?

“นี่! รูปอะไรบอกมาเดี๋ยวนี้นะ”
ว่าแล้วร่างเล็กก็เดินอาดๆกลับไปหาร่างสูงก่อนจะใช้มือคว้าโทรศัพท์มือถือของอีกฝ่ายมาดูใกล้ๆจะได้เห็นเต็มๆตาว่ามันเป็นรูป

‘สองนอนซบไหล่ภูเบศธ์’

“อ๊ากกกก! รูปบบ้าอะไรเนี่ย?  ไม่ๆ ต้องเป็นรูปตัดต่อแน่ๆ!”สองมองดูรูปในโทรศัพท์ผลัดกับหน้าของไอ้เด็กเวรที่ยิ้มร้ายกลับมาให้

“ลบๆ..ต้องลบมันออก” ว่าแล้วมือเล็กก็กดโทรศัพท์ยิกๆโดยที่ร่างสูงที่ยืนมองอยู่ไม่ได้รู้สึกเสียดายรูปที่กำลังโดนลบ แถมยังเดินมาแล้วเอาหน้ายื่นเข้าไปใกล้ๆเพื่อดูร่างเล็กที่กำลังพยายามลบรูปอย่างเอาเป็นเอาตายพร้อมกับยิ้มที่มุมปาก

“ลบไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะรูปพวกนี้ยังมีอีกเยอะที่เครื่องคนอื่น”ภูเบศธ์ว่าทำเอาสองแทบจะเขวี้ยงโทรศัพท์ลงกับพื้นให้มันลงไปนอนตายอยู่ที่นั่น แต่ดูท่าว่าตอนนี้สองอยากจับไอ้เด็กบ้านี่ไปเผา เอาแบบให้ไม่เหลือแม้แต่ซากเลยยิ่งดี แต่พอลองคิดดูอีกที เอามันไปยัดลงชักโครกแล้วกดน้ำทิ้ง มันจะหายไปจากโลกนี้มั๊ยวะ?

“เครื่องคนอื่น! นี่แกส่งไปให้คนอื่นดูจนทั่วแล้วเหรอ ห๊า!”สองโกรธจนเลือดขึ้นหน้ามือเล็กกระชากคอเสื้อไอ้หน้าหล่อ ที่บังเอิญยื่นเข้ามาใกล้จนใกล้มือเลยคว้าได้ง่ายๆ และเจ้าของคอเสื้อเองก็ไม่ทันจะได้ตั้งหลักเลยเซถลาถามคอเสื้อไปได้ง่ายๆเช่นกัน

“ใจเย็นๆสิครับ...รูปนี้น่ะมีแค่ที่เครื่องผมกับกรเท่านั้นแหล่ะ”ภูเบศธ์เองก็เริ่มจะเป็นห่วงสวัสดิภาพของตัวเองขึ้นมาเลยจำต้องตอบดีๆ

เพราะหากตอบไม่เข้าหูกูอาจโดนสองงับหัวเอาได้ง่ายๆนะครับงานนนี้

“กร...ฮึ้ย! ฉันชักจะไม่อยากให้ไอ้เพื่อนรักฉันจีบคนนี้แล้วสิ!”สองสะบัดมืออกจากคอเสื้อรุ่นน้องก่อนจะสบถออกมาอย่างหัวเสียเพราะไม่ว่าจะเรื่องอะไร ก็ต้องมีชื่อ “กร” เข้ามาเอี่ยวด้วยทุกครั้ง

สงสัยสองต้องเอารายชื่อนี้เข้าแบล็คลิสต์ “ตัวอันตรายสำหรับสอง” ซะ

“ฉันล่ะเกลียดสายรหัสนี้จริงๆ” สองมองหน้าภูเบศธ์อย่างโกรธเคืองก่อนจะโยนโทรศัพท์กลับคืนให้เจ้าของของมันก่อนจะเดินหนีไป แต่ถึงอย่างนั้นภูเบศธ์ก็ยังทำต้องทำหน้าที่เดินตามรุ่นพี่สอง ที่ดูเหมือนว่าคราวนี้เขาจะทำให้คนคนนี้โกรธขึ้นมาจริงๆ

“จะตามมาทำไม?..กลับไปบอกกรเลยสิว่าจะส่งภาพนี้ให้ใครเชยชมก็เชิญเลยตามสบาย ฉันล่ะขี้เกียจจะยุ่งกับพวกนายแล้ว!”ดูก็รู้ว่าร่างเล็กกำลังประชด ภูเบศธ์ทำได้แค่ถอนหายใจแล้วเดินตามให้เร็วยิ่งขึ้นจนคว้าข้อมือเล็กนั้นเอาไว้ได้แล้วดึงให้สองหันหน้ามาหาตนเอง

“โกรธเหรอ?”

“ไม่มั้ง! แถวบ้านแกเขาเรียกอาการแบบนี้ว่าดีใจอยู่หรือไง?”สองเดาะลิ้นอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะเหลือบมองหน้าร่างสูงที่รั้งข้อมือตัวเองเอาไว้

“โอเค...ผมขอโทษ..ผมจะกลับไปบอกกรให้ลบรูปพวกนั้นออก...พอใจหรือยัง?”สุดท้ายคนที่ยอมก็ต้องเป็นภูเบศธ์

“ดี!ลบๆออกให้หมดซะเห็นแล้วรำคาญลูกตา”    สองพูดตามความรู้สึกของตัวเองจริงๆหรือว่าพูดเพียงเพราะกำลังอยากจะปกปิดความอายของตัวเองกันแน่...แต่ที่แน่ๆภูเบศธ์กำลังรู้สึกแย่มากๆกับคำพูดของสอง
“การที่เห็นตัวเองนอนซบไหล่ผมอยู่..มันเป็นรูปที่น่าเกลียดขนาดที่ดูไม่ได้เลยเหรอ?”

“แน่นอน..ถ้าคนที่ฉันซบอยู่ไม่ใช่นาย ฉันคงทำใจดูได้บ้างล่ะนะ”

“โอเค...ผมเข้าใจละ”

ภูเบศธ์เข้าใจทุกอย่าง ว่าสุดท้ายเขาก็เป็นเพียงแค่ไอ้เด็กปากหมาที่คนอย่างสองไม่เคยสนใจ

“งั้นต่อจากนี้...ผมจะเลิกยุ่งกับพี่สองตามคำขอ..จบเรื่องทั้งหมดไว้แค่นี้ แล้วเรื่องคืนนั้น ผมก็จะถือว่าไม่ได้เกิดขึ้นแล้วกัน”แววตาของร่างสูงดูเศร้าลงไปทันตาพร้อมกับการเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบๆแต่บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่ากำลังท้อแท้ใจอย่างถึงที่สุด

“ก็...ก็ดี..เลิกยุ่งกับฉันสักที” ถึงอยากจะโห่ร้องด้วยความดีอกดีใจที่ไอ้เด็กปากหมายอมเลิกราบอกว่าจะไม่มารบกวนอีก แต่พอเอาเข้าจริงสองกลับรู้สึกแปลกๆ...ไม่เห็นอยากดีใจอย่างที่เคยคิดเอาไว้เลยแฮะ?

สุดท้ายก็เอ่ยออกไปเช่นนั้นทำเอามือใหญ่ค่อยๆคลายมือออกจากข้อมือของสอง คล้ายจะบอกว่า... ‘ได้เวลาปล่อยมือจากคนที่ไม่เคยสนใจตัวเองสักที’

“ลาก่อนครับ...พี่สอง” ภูเบศธ์พูดขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะเอี้ยวตัวหันหลังแล้วเดินจากไปโดยที่สองไม่ได้เอ่ยรั้งเอาไว้เลย ทั้งที่ถ้าหากภูเบศธ์เพียงแค่หันหลังกลับมา ก็จะพบว่ามือเล็กๆถูกยกขึ้นเหมือนจะเป็นการห้ามว่า “อย่าเพิ่งไป” แต่สุดท้ายภูเบศธ์ก็ไม่ยอมหันมา และสองก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกพร้อมกับลดมือลง

เฮ้อ...สงสัยปลายปีนี้ผมคงต้องได้รางวัลตุ๊กตาทองแหงๆเลยครับท่านผู้ชม

_________________


“มึง....เป็นอะไรอีกล่ะเนี่ย~ “ตรฤณนั่งมองเพื่อนรักที่เขี่ยข้าวในจานไปมาอยู่นานสองนาน แถมยังเหม่อแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ก่อนจะเอ่ยทักขึ้นแต่ก็ดูเหมือนว่าเสียงนั้นจะไม่ได้เข้าไปกระทบโสตประสาทของสองเลยสักนิดเดียว

“ไอ้สอง!”

“หา? มึงมีอะไรเหรอ?”ในที่สุดสติสตางค์ของสองก็กลับเข้าสิงสู่ร่างเช่นเดิม

“กูยังไม่ได้ถามมึงเลยว่าเมื่อกี้หายไปไหนมา” ตรฤณถามพร้อมกับตักข้าวเข้าปากแล้วเคี้ยวมันอย่างเอร็ดอร่อยผิดไปจากสองที่ยังคงนั่งเขี่ยข้าวเหมือนเดิม

“ไปหาไอ้เด็กเวรนั่นมา...”

“ไปหามันทำไม..คิดถึงมันเหรอ?”ตรฤณยังคงถามเล่นแต่สองกลับส่ายหน้า ทำเอาตรฤณแปลกใจกับอาการของเพื่อนรัก เพราะถ้าหากเขากวนไปอย่างนี้มีเหรอที่สองจะยอมนั่งนิ่งๆ มีแต่จะเอาตะเกียบทิ่มตาเขาเสียก่อน แต่ครั้งนี้ไม่ใช่แฮะ...ไปโดนมนต์ดำไอ้เด็กปากหมามาเหรอวะ?

“เออกูมีเรื่องจะบอก ไอ้เด็กนั่นบอกว่าจะเลิกยุ่งกับกูแล้วล่ะ”

“อ้าวแล้วมึงไม่ดีใจเหรอ? ที่มันจะเลิกยุ่งกับมึง เห็นมึงเกลียดมันนักหนา”ตรฤณรีบถามกลับเพื่อสาวเอาคำตอบที่แน่ชัดมากกว่านี้

“ก็ดีใจสิ..กูดีใจแทบจะเต้นฮูลาฮูล่าแล้วเนี่ย”

แต่คำพูดมึงตรงข้ามกับท่าทางและการแสดงออกของมึงมากไปหน่อยมั๊ยวะสอง
บอกกูว่าอยากเต้นฮูลาฮูล่าแต่ทำหน้าอย่างกับจะไปงานศพ
กูชักจะไม่ค่อยเข้าใจมึงแล้วล่ะ!


“มึงแน่ใจเหรอ ว่ามึงดีใจที่ไอ้เด็กนั่นจะเลิกยุ่งกับมึงจริงๆ”ตรฤณเริ่มเข้าสู่โหมดจริงจังให้เข้ากับสถานการณ์ซึ่งคำพูดเหล่านั้นก็ทำให้เพื่อนตัวเล็กได้คิด..คิดไปถึงใบหน้าไอ้เด็กปีหนึ่งที่ชอบหาเรื่องด่าหาเรื่องว่าสองได้สารพัดจะสรรหาคำมาด่า

คิดไปถึงคำที่ไอ้เด็กปีหนึ่งเคยบอกเอาไว้ว่า “อยากจะจีบ”

ไหนจะคำว่า “ชอบ” ไหนจะคำชมว่า “น่ารัก”

แต่สุดท้ายกลับทำหน้าเศร้า แล้วมาบอกว่าจะเลิกยุ่ง

เฮ้อ! ตอนนี้ความคิดของสองยุ่งเสียยิ่งกว่ายุงตีกันอีก!

ชักไม่ค่อยจะแน่ใจตัวเองว่า “ดีใจ” จริงๆหรือเปล่าซะแล้วสิ

สุดท้ายสองก็เลือกที่จะเอาจานข้าวที่ไม่ได้พร่องลงไปแม้แต่น้อยไปเก็บแล้วชวนตรฤณเดินเข้าห้องเรียน แต่ก่อนเข้าห้องตรฤณกลับขอปลีกตัวไปเข้าห้องน้ำแล้วรีบเอาโทรศัพท์ออกมา

“นี่กร...ดูเหมือนแผนของนายจะได้ผลล่ะ^^”

_______________________


หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 7 ใครกันที่ ‘เขา’งอก 83 [Up 12/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: ryoko_chan ที่ 14-01-2012 21:33:13
 “ถ้ายังไม่ได้ผล มันก็ต้องลองด้วยวิธีนี้..”

“วิธีอะไร?” สองหนุ่มเอ่ยถามขึ้นพร้อมกันหลังจากนั่งสุมหัวปรึกษาปัญหาหัวใจกันอยู่นานสองนาน จนสุดท้ายนักวางแผนตัวยงก็คิดแผนสุดเด็ดออก

“แต่ไม่รู้ว่าจะได้ผลแค่ไหนกับเพื่อนของตรฤณนะ..ได้ข่าวว่าใจแข็งนักนี่”กรครุ่นคิดอีกครั้ง แต่ทั้งภูเบศธ์และตรฤณก็ยังรบเร้าให้บอกแผนอยู่ดี อย่างน้อยก็ต้องลองดูได้ผลไม่ได้ผลค่อยว่ากัน

“ลองทำเป็นไม่สนใจดูสักหน่อยมั๊ย?..แบบเลิกยุ่งเลิกตื๊อ อะไรทำนองนั้น..ลองให้สองรู้สึกตัวเองบ้างว่าถ้าไม่มีภูเบศธ์แล้วจะเป็นยังไง"กรร่ายยาวถึงวิธีการซึ่งภูเบศธ์เห็นด้วย แต่ตรฤณกลับรู้สึกไม่ค่อยแน่ใจกับวิธีนี้เท่าที่ควร

“ฉันกลัวว่าไอ้สองมันจะรู้สึกสบายอกสบายใจจนจะลืมภูเอาง่ายๆน่ะสิ แค่เด็กในฮาเร็มของมันที่คอยเอาใจอยู่ที่วี่ทุกวันมันยังจำชื่อไม่ค่อยจะได้เล้ย~ อย่าคิดจะหายหน้าหายตาไปจากวงจรชีวิตมันเลย รับรองได้เลยว่ามันลืมชัวร์ๆ”

“ไม่ลองก็ไม่รู้นะ”ดูเหมือนภูเบศธ์อยากลองวิธีนี้ใจจะขาดซะแล้วสิ

“ตามใจ..ฉันเตือนแล้วนะ”ตรฤณไหวไหล่ก่อนจะมองหน้ากรเพื่อขอความคิดเห็น

“ให้มันลองทำเถอะ... ลองดูว่าเพื่อนนายน่ะจะไม่เคยสนใจไอ้เด็กนี่อย่างที่ปากว่าเอาไว้จริงๆหรือเปล่า..”กรบอกกับตรฤณพร้อมกับมองภูเบศธ์ที่ดูเหมือนอยากจะสนุกกับวิธีการ “เมินเฉย” กับสองเต็มที่

“งั้นก็ต้องลองดูสักตั้งแล้วกัน..เอาใจช่วยนะไอ้น้อง ” ตรฤณตบบ่าภูเบศธ์เบาเพื่อให้กำลังใจซึ่งภูเบศธ์เองก็ยิ้มรับกำลังใจนั้น


________________________


“มึงจะรีบไปไหนน่ะ?”ตรฤณรีบถามเพื่อนตัวเองทันทีเมื่อจบคาบเรียนแล้วเห็นว่าสองรีบเก็บของลงกระเป๋า

“น้องบอลจะมารับกลับ”สองตอคำถามพร้อมๆกับการเก็บกระเป๋าดินสอลงกระเป๋าเป้เป็นชิ้นสุดท้าย

“นี่กลับไปคบน้องเขาอีกแล้วเหรอ?”

“ก็ไม่ได้เลิกคบนี่หว่า..ไปก่อนนะเดี๋ยวน้องเขารอนาน”ว่าแล้วก็รีบเดินออกจากห้องไปทันที แทบทำเอาตรฤณควักโทรศัพท์ออกมาไม่ทัน

“นี่ภู...ไอ้สองกำลังจะลงไปแล้วนะ”พูดแค่นั้นอีกฝ่ายก็ตัดสายไป...เอาเป็นว่ารู้กันใช่มั๊ยไอ้น้อง!

ร่างเล็กที่กำลังรีบเดินลงบันไดกลับต้องชะงักเมื่อเห็นใครบางคนยืนพิงกับราวบันไดอยู่ข้างล่าง ถึงจะเห็นเพียงแค่ด้านหลังแต่สองก็รู้ทันทีว่าเป็นใคร ทำเอาจังหวะในการเดินของสองค่อยๆช้าลง      พอร่างสูงที่ยืนอยู่ด้านล่างหันมาทำเอาขาเล็กชะงักไปเล็กน้อยแต่ก็เดินลงบันไดจนมาถึงขั้นสุดท้าย สายตาทั้งสองคู่ประสานกันโดยบังเอิญ ทำเอาหัวใจดวงน้อยกลับเต้นรัวอย่างไร้เหตุผล  บางทีสองอาจจะหวังไว้อยู่ลึกๆว่าไอ้เด็กนี่มารอตัวเอง..

“เฮ้! ไอ้กลองเย็นนี้ไปทำงานกันนะเว้ย” แต่กลับกลายเป็นว่าคนที่ร่างสูงเอ่ยทักไม่ใช่สองที่เดินลงมาก็เท่านั้นเองก็เป็นคนบอกไม่ให้เขาเลิกยุ่งกับตัวเองเอง.. แล้วจะหวังอะไร?..กมลินทร์..กำลังหวังอะไรอยู่นะ..

ในที่สุดร่างเล็กก็เดินผ่านภูเบศธ์ไป แล้วเดินขึ้นรถของน้องบอลที่มาจอดเทียบอยู่หน้าคณะเป็นที่เรียบร้อย ส่วนทางภูเบศธ์ที่แอบมองร่างเล็กเดินขึ้นรถคนอื่นต่อหน้าต่อตาก็ทำได้แค่เพียงยืนมองอยู่อย่างนั้นโดยมีตรฤณยืนอยู่ข้างๆคอยให้กำลังใจอีกที
“ไหนพี่ตรฤณบอกว่าได้ผลไง? แล้วไหงเดินไปขึ้นรถเด็กในฮาเร็มหน้าตาเฉยแบบนั้นล่ะ”ภูเบศธ์มองรถหรูที่เคลื่อนๆตัวห่างไปเรื่อยด้วยแววตาละห้อยก่อนจะถามตรฤณที่ยืนอยู่ข้างๆ

“ไม่รู้เหมือนกันว่ะ แต่เมื่อวานมันแปลกไปจริงๆนะ แทนที่มันจะดีใจที่นายบอกจะเลิกยุ่งกับมัน แต่มันกลับหงอยเป็นวัวน้อยขาดแม่เลยล่ะ”ตรฤณอธิบาย

“สงสัยจะไม่ได้ผลแฮะ”ภูเบศธ์พูดอย่าท้อแท้และหมดกำลังใจ

“ก็บอกแล้วว่าไอ้สองเป็นพวกความจำสั้นเป็นปลาทอง”

พูดตามตรงว่าตรฤณไม่ได้อยากพูดทำร้ายจิตใจไอ้เด็กนี่หรอกนะ...แต่ทำไมยิ่งตรฤณพูด ภูเบศธ์ยิ่งห่อไหล่ทำหน้าเหมือนอยากบรรลัยหายไปจากโลกใบนี้เสียเต็มประดา

“เฮ้! อย่าเพิ่งท้อสิ..แต่เท่าที่รู้มา สองเป็นพวกไม่ค่อยรู้ตัวด้วยนะ....บางทีมันอาจจะยังไม่รู้ตัวก็ได้”

พอพูดอย่างนี้ ไอ้เด็กปากหมานี่ค่อยดูดีมีชีวิตชีวาขึ้นมาสักหน่อย

“ก็ขอให้เป็นอย่างนั้นนะครับ..”

พูดแล้วก็ถอนหายใจ...ไม่ใช่อะไร แค่ตอนนี้คันปากที่ไม่ได้กัดคน

_______________

“พี่สองอยากไปดูหนังหรือเปล่าครับ..”

“.........”

“พี่สองครับ?”

“..............”

“พี่สอง”เด็กหนุ่มลองเร่งวอลลุ่มเสียงให้ดังยิ่งขึ้นในเมื่อเรียกคนที่นั่งอยู่ข้างๆอยู่นานสองนานเขาก็ไม่กันและดูเหมือนไม่รู้สึกตัวสักที

“หือ? บอลมีอะไรหรือเปล่า?”

“ผมถามว่าพี่สองอยากไปดูหนังหรือเปล่าครับ”

“อ๋อ...อยากสิ...อยากไป”สองหันกลับไปยิ้มให้หนุ่มน้อยสารถีส่วนตัวที่กำลังขับรถมุ่งหน้าเข้าสู่ตัวเมือง

“ดูพี่สองเหนื่อยๆนะครับ..นอนไม่พอหรือเปล่า?” บอลเอ่ยถามแต่สองกลับส่ายหน้าเป็นคำตอบ เพราะคำพูดของเด็กปากหมาบางคนมากกว่าที่ทำให้สองดูไม่ค่อยสู้ดีนัก

เห?...ที่กูเป็นบ้าเป็นหลังอยู่ตอนนี้เพราะไอ้เด็กปากดีนั่นเหรอ?

“ไม่มีอะไรหรอก..แค่ช่วงนี้มีอะไรให้คิดนิดหน่อยน่ะ”

อย่าให้ได้เจอหน้าอีกนะพ่อจะตั๊นหน้าให้!
โทษฐานทำให้สองผู้น่ารักดูเหนื่อยๆจนเหมือนคนนอนไม่พอ!

ว่าแต่คำพูดไอ้เด็กเวรนั่นมันมาทำอะไรให้กูเหมือนคนนอนไม่พอวะ?
(เห็นมั๊ยกูบอกแล้วว่าสองเป็นพวกไม่ค่อยรู้ใจตัวเอง! << ข้อความจากผู้หวังดี)

“ถ้ามีอะไรไม่สบายใจ เล่าให้ผมฟังได้นะครับ”น้ำเสียงอ่อนโยนของบอลทำเอาสองยิ้มแก้มปริ

โอ๊ยยยย กูล่ะปลื้มใจเด็กๆในฮาเร็มหล่อก็เท่านั้น เอาใจเก่งก็เท่านี้ แล้วทำไมตอนนี้ในหัวกูต้องมีแต่ “ภูเบศธ์” ลอยอยู่ในหัวด้วยวะ?
เห็นหน้ามันลอยมา แล้วเสียอารมณ์ปลื้มเด็กชะมัด! 

“ไม่มีอะไรใหญ่โตหรอกบอล เรื่องหมูหมากาไก่น่ะ อย่าสนใจเลย”

“งั้นพี่สองก็อย่าเครียดสิครับ..ผมรู้สึกไม่ค่อยดีเลย”

เด็กหนุ่มยิ้มให้กำลังใจสองอีกครั้ง ก่อนจะรู้สึกแปลกๆกับอะไรบางอย่างเมื่อมองกระจกส่องหลัง เพราะเหมือนก่อนหน้าก็เห็นว่ารถคันนี้ตามติดตลอด พอลองมองดูอีกครั้งก็ยังคงตามอยู่ ชักจะแปลกๆซะแล้วล่ะมั้ง

“พี่สอง...เหมือนมีคนตามเราอยู่เลย”บอลบอกเล่าถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น ว่าแล้วสองก็เอี้ยวหัวหันไปทางด้านหลังโดยไม่ต้องดูกระจกส่องหลังให้เสียเวลา

“พี่สองรู้จักรถคันที่ตามเรามาหรือเปล่าครับ?”บอลเองก็เริ่มใจไม่ดีเพราะไม่รู้ว่าตัวเองไปสร้างศัตรูอะไรไว้ทางไหนหรือเปล่า แต่ที่หวั่นๆก็คงจะเป็นเด็กของรุ่นพี่ตัวเล็กที่นั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถอยู่มากกว่า ไม่ใช่ไม่รู้ว่าสองฮอตขนาดไหน แต่ก็ถือว่าโชคดีที่เข้ามาจีบแล้วสองยอมเล่นด้วย ..แต่ถ้าหากรู้ว่าจีบแล้วโดนตามแบบนี้บอลก็ชักจะป๊อดๆขึ้นมาได้เหมือนกัน

“นั่นมัน....”แค่หันไปเจอยี่ห้อกับสีรถสองก็รู้ทันทีว่ารถใคร....

รถ Audi A4 สีน้ำเงินเข้ม ของไอ้ตรฤณ เพื่อนกูเอง

“พี่สองรู้จักใช่มั๊ยครับ?”

“ฮ่าฮ่า ...ไม่รู้จักหรอก รถใครก็ไม่รู้...ไม่รู้เลยจริงๆ” สองยิ้มร้ายอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ทำเอาบอลเกิดอาการหนาวๆร้อนๆกับรอยยิ้มเช่นนั้น

กูล่ะอยากจะรู้จริงๆว่ามึงเอา ไอ้เด็กปากหมาภูเบศธ์นั่นตามกูมาทำไม..

ไอ้ตรฤณ...



TBC



ขอบคุณที่ติดตามเรื่องนี้นะค้า
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 8 หวั่นไหว [Up 14/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 14-01-2012 22:00:56
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 8 หวั่นไหว [Up 14/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: หมูกระต่าย ที่ 14-01-2012 22:34:09
พี่ภูสู้ๆ
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 8 หวั่นไหว [Up 14/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: vi2212 ที่ 14-01-2012 23:01:12
ลุ้นๆเมื่อไหร่ภูจะจีบติด :impress2:
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 8 หวั่นไหว [Up 14/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 14-01-2012 23:04:37
เวรกรรม  นี่ก็เล่นตามซะรู้ตัวเลย  เฮ้อ
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 8 หวั่นไหว [Up 14/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: pae666 ที่ 14-01-2012 23:15:15
โอยยยยยยยยยย แผนจะแตกไม๊นั่นนนนพ่อภูเอ๊ยยยย!!  สู้ๆนะ ป้าเอาใจช่วยอยู่ห่างๆ  :laugh:  :laugh:
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 8 หวั่นไหว [Up 14/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 14-01-2012 23:48:54
มันจะเปงอารายยังไงน้อ อยากรุ็เหมือนกานนะนี่

รอรอต่อไปน้า++
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 8 หวั่นไหว [Up 14/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Alone Alone ที่ 15-01-2012 09:24:43
ภู ทำไมไม่ควงคนอื่นให้เห็นชัดๆไปเลย ฮิ้วๆ
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 8 หวั่นไหว [Up 14/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 15-01-2012 12:07:00
ภูเอ้ยไม่แน่จริงนี่นา
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 8 หวั่นไหว [Up 14/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 15-01-2012 12:27:06
ดูเหมือนอะไรๆก็เข้าข้างพระเอกเราจังเลยนะ  555 

ยกเว้น...รักแรกของสองที่กำลังจะกลับมา  อิอิ
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 8 หวั่นไหว [Up 14/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 15-01-2012 12:46:33
คึคึคึ  ชอบอ่ะ :impress2:
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 8 หวั่นไหว [Up 14/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 15-01-2012 14:37:17
แผนจะแตกก็คราวนี้หล่ะ..
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 8 หวั่นไหว [Up 14/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Allure-Q ที่ 15-01-2012 15:02:51
หวา~ ฉุกเฉินๆ สองรู้ตัวแล้ว เปลี่ยนแผนสำรองด่วน! :z2:
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 9 บรรยากาศมันพาไป~ [Up 15/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: ryoko_chan ที่ 15-01-2012 21:45:33
บทที่ 9 บรรยากาศมันพาไป ~

“เฮ้ย!”

“มึงตามกูมาทำไม?”


_______________


ชายหนุ่มสองคน คนหนึ่งตัวใหญ่ คนหนึ่งตัวเล็ก พากันเบียดเสียดยัดเยียดอยู่ในห้องน้ำของโรงภาพยนตร์ โดยที่คนภายนอกต่างก็พาสงสัยว่าสองคนนั้นเข้ากันไปในนั้นทำไม?

“กูตกใจหมด นึกว่ากระเทยควายที่ไหนฉุดกูเข้าห้องน้ำ!”ตรฤณรีบต่อว่าก่อนจะเอามือลูบอกช้าๆคล้ายปลอบใจตัวเอง   หลังจากที่เคยเจอเหตุการณ์ที่ไม่ค่อยน่าจดจำเกี่ยวกับห้องน้ำสาธารณะแบบนี้สักเท่าไหร่

แค่ลองนึกถึงวันนั้น...ใจกูก็ยังสั่นไม่หายเลยครับ!

“ทำไม? นึกว่าโดนกระเทยฉุดเหมือนเมื่อคราวนั้นหรือไง?”ดูเหมือนคำพูดของสองจะยียวนกวนประสาทตรฤณอยู่ไม่น้อยเมื่อตนเองก็เป็นผู้ร่วมเหตุการณ์ ทั้งที่วันนั้นสองก็เข้าห้องน้ำมาพร้อมกันกับตรฤณผู้เคราะห์ร้าย แต่สาวประเภทสองรายนั้นกลับฉุดคุณชายตรฤณเข้าห้องน้ำไปต่อน้าต่อตา ถึงตอนนั้นสองจะรู้สึกดีใจที่ไม่โดนฉุดเหมือนตรฤณ แต่ก็แอบน้อยใจไม่ได้ว่าตัวเองหน้าตาไม่ดี ไม่หล่อเตะตาใครบ้างหรืออย่างไร...แต่ก็ขอเก็บความน้อยใจเอาไว้แค่นั้นก่อนจะหาวิธีทะลุทะลวงประตูเพื่อเข้าไปช่วยชีวิตและพรหมจรรย์ของเพื่อน...สุดท้ายก็รอดกันมาได้ทั้งคู่

“ก็เออสิวะ! แม่ง สยอง~”ตรฤณลูบแขนตัวเองลวกๆเพื่อสยบเหล่าขนแขนที่พร้อมใจกันแสตนด์อัพเพียงแค่นึกถึงวันวานเก่าๆที่ตรฤณเกือบเสียตัวให้กับใครที่ไหนก็ไม่รู้

“ว่าแต่มึงตามกูมาทำไม! ไอ้ตรฤณ ” ในที่สุดสองก็วกเข้าเรื่องที่สงสัยอีกครั้ง แต่ตรฤณกลับมีท่าทีสบายๆ ไม่ได้เหมือนคนที่แอบตามมาแล้วโดนจับได้เลยแม้แต่น้อย

“ป๊าว! กูไม่ได้ตาม...”ฟังดูก็รู้ว่าแหลสด สองเดาะลิ้นอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะมองหน้าคนโกหกอีกรอบ

“แล้วที่มึงขับรถตามกูกับน้องบอล จนรถมึงจะจูบตูดรถกูอยู่รอมร่อมันหมายความว่าอะไร?!”

“มันก็หมายความว่า กูอยากมาดูหนังไง~”ตรฤณพยายามใช่วิมารเฉพาะตัวแถไปข้างๆคูๆ ทั้งที่รู้ตัวว่าโดนจับได้อยู่ก่อนหน้าแล้ว

“เหอะ! ตลก...ขับตามมาขนาดนี้มึงไม่นั่งติดรถน้องบอลมากะกูซะเลยล่ะ? จะได้ช่วยลดโลกร้อน!”สองประชดเข้าให้ แต่มันก็ไม่สามารถกระทบกระเทือนหนังหน้าหนาๆของตรฤณได้แม้แต่นิดเดียวเพราะคนถูกประชดประชันยังคงลอยหน้าลอยตาประหนึ่งว่าไม่ได้กระทำความผิดใดๆทั้งสิ้น

“ตอนแรกกูก็ว่าจะติดรถมาด้วยแล้วล่ะ..”

“ตรฤณมองปากกูนะ....‘กูประชด’...”

“โอเคๆ...กูรู้ว่ามึงประชดก็ได้”ตรฤณยกมือขึ้นเหมือนเป็นการยอมแพ้

เพราะดูจากสายตาของมึงตอนนี้ กูควรยกธงขาวเอาไว้ท่าจะดีต่อชีวิตกูเอง

“เมื่อกี้มึงบอกว่าอยากมาดูหนัง..มึงอยากมาดูหนังกับไอ้เด็กเวรนั่นน่ะนะ?ถึงได้หนีบมันติดรถมาด้วย”
ไม่รู้อะไรดลใจให้สองสนใจเรื่องของเด็กปากหมาอย่างภูเบศธ์ก็ไม่รู้ รู้แค่ว่าตอนนี้สองก็ถามออกมาซะแล้ว

“แน่นอน~ กูกับมันอยากมาเดทบ้างอะไรบ้าง...มึงหึงหรือไง?”

“มึงจะให้กูหึงใคร?”สองถามอย่างสงสัย

เพราะถ้าเป็นภูเบศธ์...สองตอบได้เลยทันทีว่าไม่มีทาง

“กูมั้ง..”ตรฤณตอบยิ้มๆแต่สองทำได้แค่การเบะปากใส่อย่างเอือมๆ

แต่ถ้าเป็นตรฤณ...คนอย่างกมลินทร์จะโห่ร้องด้วยความยินดีที่เพื่อนอย่างมึงเอาเด็กปากหมาอย่างนั้นออกไปจากชีวิตกูได้สักที

“ละเมอละมึง!งั้นก็คู่ใครคู่มันแล้วกัน เชิญมึงไปดูหนังก็ไอ้เด็กนั่นตามสบาย~”สองเองก็ขี้เกียจจะใส่ใจ ทั้งที่รู้สึกอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ที่ตรฤณเอ่ยปากออกมาว่ามา “เดท” กับภูเบศธ์

หลังจากที่เคลียร์ปัญหาร้อยแปดกันเสร็จเรียบร้อย ทั้งสองคนก็โผล่หัวออกมาจากห้องน้ำ แต่กลับต้องโดนสายตาหลายสิบคู่จับจ้องเมื่อเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมกันถึงสองคน

“เวรแล้วไหมล่ะ?...คนเขาเข้าใจผิดกันพอดี ”ตรฤณพูดเบาๆกับสองในขณะที่พากันรีบเดินทำตัวลีบออกมาจากห้องน้ำให้เร็วที่สุด

“เพราะมึงนั่นแหล่ะ!”สองกระทุ้งศอกเข้าที่ท้องของตรฤณเบาๆ

“มึงนั่นแหล่ะที่ฉุดกูเข้าไปในนั้นน่ะ”

“แล้วมึงอยากตามกูมาทำไมล่ะ?”

“กูจะมาเข้าห้องน้ำ กูไม่ได้ตามมึงมาสักหน่อย”

“เออ! กูผิด พอใจยัง?!”สองกระแทกเสียงใส่และยอมรับผิด แต่ดูจากน้ำเสียงแล้วตรฤณคิดว่ามันยังคงห่างไกลกับคำว่า “ยอมรับผิด” อีกหลายร้อยปีแสง...

“รู้ตัวก็ดี งั้นกูไปเดทกับเด็กใหม่กูนะ~”ตรฤณโบกมือลาส่งท้ายก่อนจะเดินหายวับไปท่ามกลางฝูงชน สองเลยต้องชะเง้อมองหาเด็กของตัวเองแทน

“พี่สองผมอยู่ทางนี้!”และไม่ต้องมองหาให้เสียเวลาไปมากกว่านี้ เด็กหนุ่มนามว่าบอลก็เดินเข้ามาหาพร้อมกับตั๋วหนังสองใบ

“ไปซื้อมาแล้วเหรอ?”

“ครับ...อีกสิบห้านาทีก็เข้าโรงหนังได้แล้วครับ”บอลว่า สองจึงทำได้แค่พยักหน้ารับก่อนจะเดินเคียงคู่กันไป พร้อมๆกับสายตาสองคู่ที่แอบมองตามอีกที





“แล้วเราจะทำยังไงดี...”

“นั่นสิ..ไม่รู้ด้วยว่าสองคนนั้นดูเรื่องอะไรและเลือกที่นั่งตรงไหน”

เสียงแรกเป็นเสียงของภูเบศธ์ และตามด้วยเสียงของตรฤณ

“ก็ดักตีหัวไอ้เด็กนั่น แล้วเอาไอ้ภูเบศธ์ไปสลับตัว แค่นี้ก็สิ้นเรื่อง”

แล้วนี่มันเสียงใครวะ? โหดสิ้นดี!

“กร?”ทั้งตรฤณและภูเอ่ยชื่อนี้ขึ้นมาพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย แล้วก็หันไปเจอกับหนุ่มหน้าหวานนามว่ากรที่มายืนแทรกกลาง ระหว่างตรฤณและภูเบศธ์ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่มีใครทราบได้

“ปล่อยให้ทำงานกันสองคนไม่ได้เลย ดูท่าทางแผนพวกนายจะล้มไม่เป็นท่า”กรวิเคราห์เหตุการณ์ก่อนหน้า ถึงได้ตามมาอีกที และยังไม่ทันที่ทั้งตรฤณและภูเบศธ์จะได้แย่งพูดอะไร กรก็ลากสองหนุ่มตัวใหญ่ไปยังช่องขายตั๋วชมภาพยนตร์เสียแล้ว

“แล้วเราจะดูเรื่องอะไร? อีกอย่างพวกเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสองคนนั้นจองที่นั่งอยู่แห่งหนใดของโรงหนัง”ตรฤณเอ่ยถามอย่างสงสัย แต่กรกลับไม่ใส่ใจในคำถามแล้วหันไปบอกพนักงานว่าขอเอาหนังเรื่องที่ตนเองอยากจะดู และขอแถวหลังสุด แถมท้ายด้วยการหันมาไถเงินกับตรฤณเพื่เป็นค่าตั๋ว ซึ่งตรฤณก็ยอมจ่ายแต่โดยดีไม่มีขัดข้อง

“เฮ้ย! นายรู้เหรอว่าสองมันนั่งแถวตรงนี้อ่ะ” พอได้ตั๋วมาสามใบตรฤณก็รีบยิ้มด้วยความดีอกดีใจที่กรเจ้าพ่อนักวางแผนแอบมาสือเสาะหาข่าวไว้แต่แรก

กูล่ะปลื้มจริงๆถึงจะสวยแล้วหยิ่งแต่ก็โคตรเก่งเหมาะสมกับการเป็นแม่พันธุ์ให้กูจริงๆเลยครับขอบอก!

“เปล่า”แต่กรกลับตอบสั้นๆแล้วเดินลากคอภูเบศธ์นำหน้าตรฤณไป

“อ๊าว?”ตรฤณหลุดคำสงสัยทันที

“เอาเหอะน่า..รับรองได้รู้แน่ๆว่าเพื่อนนายนั่งที่ไหน” พูดจบก็เดินไปยังลานนั่งก่อนทางเข้าโรงภาพยนตร์ ที่มีคนนั่งรออยู่เป็นจำนวนมหาศาล

“ตอนนี้พวกนายแค่หาสองให้เจอก็พอ”กรสั่งก่อนจะเผยยิ้มอย่างพึงพอใจ

“เจอละๆ”ในที่สุดตรฤณก็ตาไวมองเห็นเพื่อนสองเป็นคนแรก

“เอาล่ะ..แค่จับตาดูไว้ สองคนนั้นเดินเข้าไปเมื่อไหร่ก็ค่อยเดินตาม...”ตอนนี้ตรฤณและภูเบศธ์ทำได้แค่เพียงการทำตามคำสั่งของกรทีละขั้นตอน โดยไม่มีสิทธิ์มีเสียงใดๆในความคิดทั้งสิ้นและก็ไม่คิดที่จะถามอะไรต่อด้วยเดี๋ยวจะเป็นการรบกวนเอาเปล่าๆ   ในที่สุดเวลาที่รอคอยก็มาถึง เมื่อสองเดินเข้าไปในส่วนของโรงภาพยนต์ สามหนุ่มที่คอยแอบมองอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจึงต้องรีบวิ่งตามเข้าไปอย่างที่ไม่ให้สองรู้ตัว









“มีอะไรหรือเปล่า บอล”สองมองเห็นเด็กหนุ่มข้างๆตัวหันซ้ายหันขวาอยู่หลายที บ้างก็หันไปมองข้างหลังเหมือนระแวงอะไรสักอย่างจึงต้องถามขึ้น

“ผมรู้สึกว่าเหมือนมีคนตาม”แต่ก็อย่างที่บอก มันเป็นได้แค่ความรู้สึกเพราะพอลองหันไปทีไรก็ไม่เห็นว่าจะพบใครที่มีท่าทีมีพิรุธ

“คิดมากหรือเปล่า?”สองเองลองหันตามบอลบ้างแต่ก็ไม่พบเจอสิ่งผิดปกติเลยแม้แต่น้อย

“เข้าไปกันแถอะ..”สองยิ้มก่อนจะเดินนำหน้าบอลเข้าโรงหนังไปแล้วหาที่นั่งของตนเอง แต่พอหันมาอีกทีบอลกลับไม่ได้ตามมาเสียแล้ว ถึงจะนึกสงสัย แต่ก็เป็นไปได้ที่เด็กของตัวเองอาจจะปลีกตัวเพื่อไปเข้าห้องน้ำ สองจึงทำได้แต่นั่งรออยู่ตรงที่นั่ง โดยที่ไม่ได้นึกเอะใจกับความโกลาหลที่ทิ้งไว้เบื้องหลังเลยแม้แต่น้อย

_____________________



“มาแล้วเหรอ..หายไป.....ไหนมา” เมื่อรู้สึกว่ามีคนมานั่งข้างๆตัวเองก็รีบหันไปถามทันที แต่ทว่าคำพูดสุดท้ายกลับดูเหมือนว่าคนพูดเองจะตกใจกับอะไรบางอย่างมันถึงทำให้คำถามขาดช่วงไป
“ขอโทษนะครับที่เข้ามาช้าไปหน่อยรอนานหรือเปล่า?”
น้ำเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ของภูเบศธ์ทำเอาสองอึ้งไปไม่น้อยที่ไอ้เด็กนี่เข้ามาหาตนเองถึงในโรงหนัง แถมยังพูดเหมือนกับว่ามาด้วยกันอีกต่างหาก

“ใครรอนาย?..แล้วบอลล่ะ” สองทำท่าจะลุกขึ้นเพื่อมองหาเด็กของตัวเอง แต่กลับถูกมือแกร่งฉุดข้อมือแล้วรั้งเอาไว้ให้นั่งลงตามเดิม

น้องบอลของพี่สองเหรอครับ?
   โดนพี่ตรฤณพี่กรจับไปดูหนังโรงอื่นเป็นที่เรียบร้อย~


“หนังเริ่มแล้วจะไม่ดูหรือไงครับ?”
ภูเบศธ์ไม่ได้ตอบคำถามทั้งที่ในใจอยากบอกความจริง แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะเปลี่ยนเรื่องจนสองกลับมีท่าทีขัดขืนและไม่ค่อยพ่อใจอย่างเห็นได้ชัด

“ฉันไม่อยากดูกับคนอย่างนาย”น้ำเสียงของสองไม่ได้ฟังเหมือนคนโกรธ แต่กลับฟังดูเหมือนคนที่กำลังน้อยใจ

   มึงนะมึงเมื่อตอนบ่ายทำอย่างกับคนไม่รู้จักทีอย่างนี้ล่ะเข้ามาทักขอนั่งดูหนังด้วย

“คนอย่างผมมันเป็นยังไงเหรอครับ เลวร้ายถึงขั้นไม่อยากดูหนังด้วยเลยเหรอ?”ภูเบศธ์โน้มเข้าไปกระซิบถามเบาๆเมื่อภาพยนต์เริ่มฉาย

“ฉันเบื่อหน้านายเข้าใจมะ!”สองตอบกลับเสียงดัง แต่ก็ต้องตะครุบปากตัวเองเมื่อเพิ่งรู้ตัวว่าอยู่ในโรงหนัง แถมด้วยไอ้เด็กหน้าอ่อนทำมาเป็นเอานิ้วชี้ปิดปากสั่งสอน

“เบาๆหน่อยสิครับ..รบกวนคนอื่นเขาไม่รู้หรือไง”ถึงคำพูดของสองก่อนหน้านี้จะเป็นคำที่ดูจะทำร้ายจิตใจคนฟังอยู่ไม่น้อย แต่ภูเบศธ์กลับไม่เอามาคิดให้หนักใจเพราะโดนมาเยอะมากกว่านี้ก็เคยโดนมาแล้ว จึงหาเรื่องมากลบเกลื่อน

“เออ..ฉันรู้! แล้วก็ไม่ต้องให้เด็กอย่างนายมาสั่งสอนด้วย!”สองกัดฟันพูดด้วยความหมั่นไส้ และลดวอลลุ่มลงจากเดิม แต่ถึงอย่างนั้นเด็กปากหมาของสองก็ยังยิ้มรับจนเห็นฟันขาวๆในความมืด

“ครับ~รุ่นพี่กมลินทร์”ภูเบศธ์รับคำพร้อมกับหันไปยิ้มกวนๆให้ก่อนจะรีบรั้งข้อมือของร่างเล็กที่ทำท่าจะลุกขึ้นอีกครั้ง

“จะไปไหน?”เสียงทุ้มถามเบาๆ

“จะไปตามหาเด็ก! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ”

“อ้าว...ก็นั่งดูหนังเป็นเพื่อนอยู่นี่ไง”ภูเบศธ์แกล้งโง่ ทำเป็นตอบไม่ตรงคำถามทั้งที่รู้ว่า “เด็ก” ที่สองหมายถึงคงจะหมาย “บอล” ที่โดนตรฤณล็อคคอ(แถมด้วยแขนและขา )   ลากไปดูหนังกันสามคนแต่ก็ยังพยายามทำให้ตัวเองเป็นเด็กของ
สองจนได้

“ประสาทแกเนี่ยนะเป็นเด็กฉัน ฝันไปเหอะ อีกร้อยปีก็ไม่มีวันนั้น”สองขึ้นเสียงใส่พร้อมกับจะลุกขึ้นแล้วเดินออกจากโรงหนัง แต่สุดท้ายก็ไม่เคยสู้แรงไอ้เด็กตัวใหญ่ได้สักครั้ง เลยจำต้องนั่งจุมปุ๊กอยู่กับที่ตามเดิม

ก็จะให้ทำไงได้ เล่นล็อคแขนกูไว้อย่างนี้...
แต่นี่ก็ถือว่ายังโชคดีที่ยังไม่โดนล็อคขาเอาไว้ด้วย


“ผมอยากดูเรื่องนี้กับพี่สองมานานแล้วนะ”เพียงแค่ร่างสูงเอ่ยขึ้นมาทำเอาคิ้วของสองขมวดเป็นปมเข้าหากัน

“เรื่องนี้?”จนซูถามอย่างสงสัย

“ใช่”

“หนังผีเนี่ยนะ?”

“ใช่~”ภูเบศธ์ตอบสั้นๆ แต่ทำเอาสองยิ่งคิดหนัก

นี่มึงอยากทำให้โรแมนติก ด้วยการคิดดูหนังผีกับกูเนี่ยนะ?

และยังไม่ทันที่จะให้สองสงสัยอะไรไปมากกว่านี้คำพูดของภูเบศธ์ก็เป็นคำตอบได้เป็นดิบดีสำหรับข้อสงสัยในใจของสอง

“ก็เพราะเวลามีผีโผล่ออกมา พี่สองก็จะตกใจแล้วจะได้หันมาเกาะแขนซบไหล่ผม....ดีจะตายไป~”ภูเบศธ์ยังคงมองจอยักษ์อย่างไม่ได้สนใจว่าคำตอบของตนเองว่าจะทำเอาร่างเล็กที่นั่งข้างๆเดือดดาลแค่ไหน

“ไอ้ทะลึ่ง!”ถึงจะกัดฟันด่าเบาๆ แต่แรงมือที่ผลักหัวกลมๆของอีกฝ่ายไม่ได้เบาอย่างเสียงเลยสักนิด

“อ้าวหรือไม่จริง?”ใบหน้าคมยู่ไปด้วยความเจ็บแต่ก็ยังมีกะจิตกะใจหันกลับมาถาม แต่พอมองหน้าของร่างเล็กแล้ว ดูท่าว่าภูเบศธ์มีโอกาสสูงมากที่จะโดนตบหัวอีกรอบ

“ขอโทษที คนอย่างสอง กมลินทร์ ไม่กลัวผีเว้ย!”ประกาศออกไปให้โลกรับรู้ซึ่งภูเบศธ์ก็ได้แต่พยักหน้าแกนๆรับคำอย่างเสียไม่ได้

“แล้วอย่ามากรี๊ดทีหลังแล้วกัน”ภูเบศธ์พึมพัมกับตัวเองเบาๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็เรียกให้สองหันมาถลึงตาใส่ได้อย่างไม่ยากเย็น

“พูดอะไร?!”

“เปล่า...ดูหนังต่อเหอะ”

บอกอย่างเดียวว่ากูเซ็งครับ ที่สองไม่กลัวผีอย่างที่คิดเอาไว้ เพราะอย่างนี้ฝันเลยสลายละลายไปจากหัวหมด!

และแล้วเวลาในโรงหนังก็หมดไปอย่างรวดเร็ว ทั้งที่หนังบนจอไม่สามารถทำให้ภูเบศธ์สนใจได้ จะมีก็แต่ใบหน้าหวานๆของคนที่นั่งข้างๆพร้อมด้วยมือนุ่มๆที่ถูกมือใหญ่กุมเอาไว้....โดยที่คนตัวเล็กก็ไม่ได้ขัดขืนเหมือนในตอนแรก

“จบแล้ว...ไม่เห็นน่ากลัวเลย”ริมฝีปากเล็กบ่นเบาๆก่อนจะเหลือบมองไปยังมือของตนเองก่อนจะรีบชักมือออกเพราะเพิ่งรู้ตัวว่าโดนไอ้เด็กเวรข้างๆจับเอาไว้ตั้งแต่แรกจนลืมไปเลย

“ลามปามเกินไปแล้วนะมาจับมือฉันได้ยังไง!”
เมื่อคนเริ่มทยอยออกจากโรงหนัง สองและภูก็จำต้องเดินออกไปตามกลุ่มฝูงชนด้วย พร้อมกับการต่อว่าของสอง

“อ้าว..นึกว่าชอบ...ถ้าไม่ชอบก็ดึงมือออกตั้งแต่แรกก็ได้นี่นา”ร่างสูงลอยหน้าลอยตาพูดทำเอาสองอยากจะกระชากคอภูเบศธ์มาบีบซะให้ตายคามือ

“แล้วหมาตัวไหนมันล็อคมือฉันเอาไว้ล่ะวะ?”

“แล้ววัวแก่ตัวไหนล่ะที่ทำท่าจะลุกหนีลูกเดียว?”

“ไอ้ภูเบศธ์!!!! ”

“เรียกทำไมเหรอครับพี่สอง”

   ทำมาเป็นขานรับหน้าตาเฉย..กูละอยากจะเสยคางมึงให้ฟันร่วงจริงๆเหอะให้ตาย!

“ด่าฉันเป็นวัวอีกแล้วนะ!”

“พี่สองก็ว่าผมเป็นหมาอีกแล้วเหมือนกัน”

ดูท่าทางจะเกิดสงครามย่อมๆตรงทางออกของโรงหนังซะแล้ว

“แต่ฉันไม่ใช่วัว!”สองรีบเถียงกลับ

“ผมก็ไม่ใช่หมาเหมือนกัน”

หน้ามึงน่ะไม่เหมือนหรอกหมาน่ะ...แต่ปากมึงมีหมาเต็มคอกเลยกูรู้!

“ขี้เกียจเถียงด้วยแล้วเว้ย!”สองสบถทิ้งท้ายเพราะรู้ดีว่าไม่เคยเถียงชนะก่อนจะรีบเดินจ้ำอ้าวพยายามหนีให้พ้นจากรัศมีความยาวแขนของภูเบศธ์

แขนแม่งก็ยาวเหลือเกิ๊นน กูเดินเท่าไหร่ก็ไม่เคยหนีพ้นวงสวิงมึงสักที!

“จะไปไหน”ถามอีกครั้งพร้อมกับล็อคแขนร่างเล็กเอาไว้ แต่ดูท่าว่าสองจะไม่ยอมหันมาพูดคุยด้วยดีๆ

“ไปที่ไหนก็ได้ที่ไม่มีนาย!”สองหันมาตอบกระแทกเสียงใส่ พร้อมกับพยายามดึงมือตัวเองออก แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นว่าต้องเดินตามไอ้เด็กตัวใหญ่มันต้อยๆ เพราะดูเหมือนคำพูดของสองจะทำเอาภูเบศธ์อารมณ์ขึ้นได้ง่ายๆ

   จะพากูไปไหนอีกวะ? หวังว่าคงไม่คิดจับกูฆ่าหั่นศพแล้วทิ้งลงแม่น้ำหรอกนะเว้ย!

สองก็ได้แต่คิดหลังจากเห็นใบหน้าอันคร่ำเครียดของร่างสูงหลังจากที่สองพูดว่าไม่อยากอยู่ในที่ที่มีภูเบศธ์

สุดท้ายแล้ว...ภูเบศธ์ก็หยุดลง ณ ร้านอาหารแห่งหนึ่งในตัวอาคารของโรงหนังนั้นเอง
สองมองร้านอาหารตรงหน้าก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองภูเบศธ์ที่มองเข้าไปในร้านเหมือนอยากจะเข้าไป...แต่ก็ไม่ได้เดินเข้าไปเท่านั้นเอง

หรือว่าเมื่อกี้มึงโมโหหิวแต่ไม่มีตังค์กินข้าว เลยต้องมายืนจ้องเอาหน้าร้าน?

“เห็นผู้หญิงคนนั้นไหม?”ในที่สุดภูเบศธ์ก็เอ่ยขึ้นมาทำลายความเงียบและทำลายจินตนาการของสองเป็นที่เรียบร้อย สองมองเข้าไปในร้านก่อนจะหันมาสบตากับภูเบศธ์อีกครั้ง

“ผู้หญิงคนนั้นทำไมเหรอ?”

“แม่ผมเอง”

เฮ้ย แค่ได้ปล้ำกันคืนเดียว นี่มึงคิดจะพากูมาแนะนำกับครอบครัวเลยเหรอวะ?!

“แต่แม่กับพ่อเลิกกันไปตั้งนานแล้วล่ะ....”

แต่สุดท้าย....สองก็เข้าใจผิดเป็นรอบที่ร้อยแปดสิบแปดของวัน

“แล้ว...ไม่เข้าไปหาแม่หน่อยเหรอ?” ในเมื่อสีหน้าของคนข้างๆดูเรียบนิ่งแถมด้วยน้ำเสียงที่ไม่บ่งบอกความรู้สึกใดๆ สองก็ได้แต่มองหน้าภูเบศธ์พร้อมกับถามขึ้นมาเบาๆ...ด้วยความเห็นใจ

ยังว่า ภูเบศธ์ถึงได้ปากหมา เพราะครอบครัวมีปัญหานี่เอง!
(ทฤษฎีของศาสตราจารย์กมลินทร์ ผู้รอบรู้ไปทุกเรื่อง)

“ไม่หรอก...พ่อไม่ยอมให้ติดต่อกับแม่อีกเลย..เพราะแม่เป็นคนทิ้งพวกเรา...”น้ำเสียงของภูเบศธ์พร้อมกับเรื่องราวที่เล่ามาทำเอาฝ่ายที่รับฟังอยู่น้ำตาซึม หันกลับไปหาผู้หญิงคนนั้นก่อนจะหันกลับมามองภูเบศธ์ด้วยความสงสารปนเห็นใจ

“ทำไมแม่นายถึงใจร้ายจัง...พ่อนายเองก็ใจร้ายนะ..”น้ำใสปริ่มขอบตาพร้อมกับหันหน้าไปอีกทางเพื่อเช็ดน้ำตาลวกๆ เลยไม่ทันได้สังเกตเห็นรอยยิ้มร้ายของร่างสูงที่ยินอยู่ข้างๆ

“ถามจริง....เชื่อด้วยเหรอ?” ยังไม่ทันที่จะเช็ดน้ำตาออกหมดจากใบหน้ากลับมีเสียงทุ้มๆเข้ามากระซิบใกล้ๆใบหู ทำเอาสองรีบหันขวับไปทางต้นเสียงทันที

แหมมึง! ยืนยิ้มหน้าบานเชียวนะ...สะใจมากล่ะสิที่หลอกกูได้ ไอ้เด็กชั่ว!

“ไอ้บ้า! อย่าเล่นอย่างนี้อีกนะ มาหลอกว่าเป็นเด็กบ้านแตก เดี๋ยวจะจัดให้มึงหัวแตกแทนซะนี่!” สองถึงขั้นกับลมออกหูทั้งที่ดวงตาแดงก่ำหลังจากเข้าสู่โหมดซึ้งกับเรื่องราวหลอกเด็กที่ภูเบศธ์บรรจงสรรสร้างขึ้นมา เพื่อทดสอบอะไรบางอย่างสองผู้กล้าและเก่งไปซะทุกเรื่อง...แต่สุดท้ายก็อ่อนไหวในเรื่องแบบนี้อยู่ดี~

เจอจุดอ่อนละ คราวนี้ล่ะเสร็จแน่ๆ!

“ฮ่าฮ่า..ก็ไม่คิดว่าจะเชื่อจริงๆนี่นา~ นี่แค่พูดไปนิดเดียวก็ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อยู่แล้ว นี่ถ้าผมบอกว่าผมอยู่กับพ่อไม่มีความสุขเลย เพราะพ่อมีแม่ใหม่อะไรทำนองนี้ ท่าทางจะร้องไห้เป็นเขื่อนแตกแน่ๆ! ฮ่าฮ่า”

“ไอ้บ้า! อย่าเล่นแบบนี้อีกนะ..ฉันไม่ชอบ!”สองตวัดสายตามองร่างสูงอย่างขุ่นเคืองแต่ก็ทำได้แค่นั้น เพราะสุดท้ายก็รู้ตัวดีว่าโง่เองที่ให้คนอื่นเขาหลอกได้ง่ายๆ

“ก็เพราะพี่สองเป็นอย่างนี้ล่ะน้า ผมถึงได้ชอบมากๆยังไงล่ะ” เหมือนเป็นคำพูดที่พูดกับตัวเอง แต่บังเอิญว่าพูดดังไปหน่อยคนข้างๆเขาถึงได้ยินด้วย ถึงสองจะสงสัยในคำพูดของเด็กปากหมา แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นว่ารู้สึกหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ก็เท่านั้นเอง

“เป็นแบบนี้แล้วเป็นแบบไหนล่ะ?” เอ่ยถามเสียงห้วนทั้งที่ใบหน้าแดงราวกับลูกตำลึงสุก

“ก็แบบนี้แหล่ะ”ภูเบศธ์ตอบยิ้มๆ

“แบบไหนล่ะวะ!”

ถามดีๆไม่ค่อยจะยอมตอบ ชอบให้กูตะคอกมากกว่าใช่มะ?

“ก็แบบที่เป็นอยู่...”ภูเบศธ์ตอบอีกครั้งทั้งที่มันไม่ได้ไขข้อสงสัยของสองได้มากขึ้นจากเดิม และยังไม่ทันที่สองจะได้ถามอะไรอีก มือแกร่งก็คว้ามือเล็กนั้นพาเดินเข้าร้านอาหารตรงหน้าเสียแล้ว

“นี่! เมื่อกี้นายยังไม่ตอบคำถามฉันเลยนะ ตอบมาเลย มันข้องใจรู้มั๊ย?”เมื่อหาที่นั่งพร้อมกับการสั่งอาหารไปเสร็จสรรพสองก็อ้าปากถามอีกครั้ง

“ก็เพราะเป็นคนหัวอ่อนใครหลอกก็เชื่อยังไงล่ะ” ถึงจะตรงกับความเป็นจริง(?)แต่ภูเบศธ์ก็คิดว่าคำตอบที่ตัวเองพูดออกมานั้นเป็นคำตอบที่ไม่ได้ตรงกับความจริงในใจของเขา ที่ตอบออกไปอย่างนั้นเพียงเพราะกลบเกลื่นความเขินอายของตัวเองแถมยังได้แอบหลอกกัดบ้าง พอให้ได้ชื่นใจ

“เออ ขอบคุณที่ชม!”

แม่งหลอกด่ากู ไอ้เด็กเวร!

แต่พอลองนึกๆดูแล้ว...เพราะกูเป็นอย่างนี้หรือเปล่าถึงโดนไอ้เพื่อนชั่วปั่นหัวอยู่เช้าเย็น!

“ฮ่าฮ่า ผมล้อเล่นหรอก...ผมมีเหตุผลของผมแล้วกัน”ไม่รู้ว่าสายตาของสองผิดปกติไปตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะตอนนี้สองรู้สึกว่ารอยยิ้มของร่างสูงที่นั่งอยู่ตรงหน้านั้น..ดูดีเหลือเกิน

หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 9 บรรยากาศมันพาไป~ [Up 15/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: ryoko_chan ที่ 15-01-2012 21:46:45
______________


“ปล่อยผมเดี่ยวนี้เลยน้า~ ผมจะกลับไปหาพี่สอง!”บอลที่ถูกสองหนุ่มกรและตรฤณร่วมมือกันล็อคตัว แล้วให้ภูเบศธ์ไปเสียบแทนที่เมื่อสองชั่วโมงก่อนหน้ากำลังโวยวายอย่างเต็มกำลัง แต่สุดท้ายก็สู้แรงผู้ชายสองคนไม่ได้อยู่ดี

“ไม่ได้! ถ้าปล่อยนายไปนายก็จะกลับไปเป็น กขค. ระหว่างสอง กับเด็กของมันสิ!”ตรฤณตะคอกกลับพร้อมกับล็อคแขนขวาของบอลไว้อย่างแน่นหนาโดยมีกรช่วยอีกแรงในการล็อคแขนซ้าย

“แต่ผมมากับพี่สอง ไอ้หมอนั่นไม่ใช่เด็กของพี่สองด้วยซ้ำ”บอลเถียงเสียงแข็ง

“นี่ยังไม่ตาสว่างอีกเหรอ สองน่ะเป็นของภูไปตั้งนานแล้วนะ!..ยังจะไปตามราวีสองไม่เลิกอีก”ถึงคราวกรออกโรงบ้าง

“แต่พี่สองโทรหาผมก่อนนะ!”

“เอ่อ...นั่นก็เป็นเพราะว่าสองคนนั้นทะเลาะกันน่ะสิ เลยเอานายมาเป็นตัวแทนทำประชดไงล่ะ”แล้วตรฤณก็พยายามหาทางมาแย้งบอลจนสำเร็จ

“พี่สองคบกับไอ้หัวเถิกนั่นจริงๆเหรอ?”ยังไม่ทันที่จะได้รับคำตอบ ก็หลุดคำว่า “โอ๊ย”ออกมาเสียก่อนด้วยน้ำมือของกร

“มาด่าหลานรหัสฉันอย่างนั้นได้ยังไงหา! หา! หน้าผากตัวเองแคบนักนี่~ นี่ๆ จมูกก็บานได้อีก ยังไม่รู้ตัว!”กรด่าออกมาเป็นชุดพร้อมด้วยมือที่ยกขึ้นขู่ว่าจะฟาดลงกะบาลของเด็กปากไม่ดีอีกรอบ ถึงกรจะคิดว่าภูเบศธ์นั้นหัวเถิก...แต่โทษทีหลานรหัสกูด่าได้คนเดียว คนอื่นห้ามด่า!

“ก็มันจริงนี่~”

“กล้าเถียงเหรอห๊า!”กรขึ้นเสียงใส่ทำท่าจะฟาดลงอีกรอบทำเอาบอลต้องสงบปากสงบคำไป ตรฤณที่มองภาพตรงหน้าอยู่ก็ถึงกับหัวเราะขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้

“กร...นายชักจะเหมือนพวกมาเฟียขู่รีดไถเงินเอากับเด็กเลย รู้ตัวมะ? ฮ่าฮ่า”

หรือจะให้กูเป็นมาเฟีย..แล้วกรเป็นเมียมาเฟียดี?

“นี่ก็อีกคนอยากโดนมากหรือไงห๊า! ไม่พูดขึ้นมาก็ไม่มีใครหาว่าเป็นใบ้หรอก”
เอ่อ..กูคาดว่าถ้าเกิดมีคนอยากทำหนังเรื่อง “ขอโทษครับ เมียผมเป็นมาเฟีย” สงสัยผู้กำกับต้องมาทาบทามให้กูเป็นพระเอกแน่เลยว่ะ!

“ครับๆ...ไม่พูดก็ไม่พูด”สุดท้ายตรฤณก็ต้องยอมสงบปากสงบคำตามไอ้เด็กบอลไปติดๆ

“ไม่รู้ว่าฝั่งนู้นจะเป็นยังไงแล้ว...นี่ตรฤณโทรถามไอ้ภูเบศธ์มันหน่อยสิ”

พอเห็นกูสงบปากสงบคำดี ได้ทีก็สั่งๆๆ อย่างเนี้ยล่ะครับ เกิดเป็นสามีมาเฟียทั้งทีก็ต้องทนเอาหน่อย~
แต่อย่าได้แอบไปบอกกรเชียวนะครับ ว่าผมเรียกเขาว่า “เมีย” เพราะผมอาจโดนมาเฟียเผานั่งยางได้ง่ายๆ

ว่าแล้วมือใหญ่ก็ควักโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกงแล้วกดโทรออก

~เลขหมายที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ กรุณาติดต่อใหม่ค่ะ~

เสียงหวานๆของระบบตอบรับอัตโนมัติ ทำให้ตรฤณมองมือถืออย่างเซ็งๆ พลางคิดไปว่าภูเบศธ์คงจะปิดมือถือตอนอยู่ในโรงหนังแล้วลืมเปิดเครื่อง

“มันปิดเครื่องอ่ะ”ตรฤณหันไปบอกกรที่นั่งคุมบอลอยู่

“ก็โทรไปอีก...โทรจนกว่าจะติด..ถ้าไม่ติดไม่ต้องหันมาบอก!”

กูขอถามสักคำถาม...อะไรมันเข้าสิงร่างของทิวากรครับ?...กรุณาออกจากร่างทีเห๊อะ กูกลัวจนน้ำตาแทบเล็ดแล้ว!

“ฮัลโหลภูเบศธ์เหรอ?”  เวลาผ่านไปได้สามสิบสองนาทีกับอีกสี่สิบสี่วินาทีหลังจากที่ตรฤณพยายามโทรหาภูเบศธ์ ในที่สุดก็เปิดเครื่องแล้วรับสายได้สักที

“ครับ มีอะไรหรือเปล่า?”เสียงที่ตอบกลับมากดูเบากว่าปกติ ถ้าหากตรฤณเดาไม่ผิดคงแอบรับสายในขณะที่อยู่กับสอง

“กรให้โทรมาถามว่าเป็นยังไงบ้าง? โอเคดีหรือเปล่า? หรือว่าโดนไอ้สองเตะผ่าหมากเข้าให้แล้ว”ตรฤณรีบถามรัวหลายคำถามทันทีที่อีกฝ่ายเปิดทางให้พูด

“ไม่ต้องอวยพรขนาดนั้นก็ได้ครับ...เอาเป็นว่าพายุไม่เข้าลมสงบก็พอแล้ว”ภูเบศธ์ตอบกลับพร้อมกับเหลือบมองร่างเล็กที่กำลังเดินไปเรื่อยอย่างไร้จุดหมายตรงทางเดินริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ตนเองพามา

“ว่าแต่ตอนนี้อยู่ไหนล่ะ? ฉันจะปล่อยบอลได้หรือยัง”

“ปล่อยเถอะครับ..ตอนนี้ผมอยู่ที่แม่น้ำเจ้าพระยาไกลจากโรงหนังตั้งเยอะเลย”ภูเบศธ์ตอบพร้อมกับมองสองอีกครั้งแล้วตัดสายไป



“ชอบขนาดนั้นเลยเหรอ?”ร่างสูงเดินเข้าไปขนาบข้างร่างเล็กที่ดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษที่ได้มาเดินเล่นริมแม่น้ำยามกลางคืนเช่นนี้

“นายไม่ใช่เหรอที่ชอบน่ะ”สองไม่ตอบคำถามแต่กลับถามกลับเรียกรอยยิ้มจากภูเบศธ์ได้ไม่ยาก  เพราะว่าตนเองเป็นคนบอกเองว่าจะพาสองไปยังสถานที่ตัวเองชอบไป

“ก็แค่คิดไว้แล้วน่ะ...ว่าพี่สองต้องชอบเหมือนกัน”ภูเบศธ์ยิ้มกับคำพูดของตัวเอง แต่ก็ต้องรีบหุมบยิ้มเมื่อเจอสายตาดุๆของสอง
เมื่อกี้ก็อารมณ์ดีอยู่แท้ๆ...แต่จู่ๆมาตีหน้ายักษ์ใส่กูอีกละ!

“อย่าสำคัญตัวเองผิด แค่ลมมันเย็นเลยทำให้อารมณ์ดีเท่านั้นแหล่ะ”สองพูดขึ้นพร้อมกับการเร่งฝีเท้าให้เร็วยิ่งขึ้นก่อนจะไปเกาะเข้ากับราวเหล็กกั้น    แล้วโยกตัวไปข้างหน้าเพื่อให้ได้รับลมได้เต็มที่ แต่อาจจะเพราะสบายไปหน่อยเลยทำให้สองเผลอแล้วคลายมือจากราวเหล็กจนหน้าเกือบทิ่มลงแม่น้ำ

“อ๊ะ!”

“ระวังหน่อยสิ”แต่ดีที่ร่างสูงคว้าเอามาแนบกับอกตัวเองไว้ได้ทัน ใบหน้าหวานตกใจก่อนจะหันไปมองร่างสูงที่โอบตนเองเอาไว้ ทำให้ใบหน้าของคนทั้งสองห่างกันเพียงแค่คืบ พร้อมกับสายตาสองคู่ที่จ้องประสานกัน ทั้งคู่ต่างก็มองตากันโดยที่ไม่มีใครพูดอะไร จนกระทั่งใบหน้าคมเลื่อนลงไปใกล้กับร่างเล็กเรื่อยๆ....เรื่อยๆ...จนแทบจะแนบชิดติดกัน



~RRRRRRRRRRRR~

เสียงโทรศัพท์มือถือของใครสักคนดังขึ้น เรียกสติของคนทั้งสองให้ผละออกจากกัน ทั้งสองและภูเบศธ์ทำอะไรไม่ถูกจนไม่รู้ว่าเสียงโทรศัพท์ที่ดังนั้นเป็นของใครเพราะทั้งสองต่างก็ควานหามือถือในกระเป๋ากางเกงกันทั้งคู่

“สวัสดีครับ?”และแล้วมันก็คือโทรศัพท์ของสอง ภูเบศธ์เองก็หันหน้าออกจากสองไปมองน้ำมองฟ้าไปตามประสาของคนที่พยายามระงับความขุ่นเคือง   ที่โดนขัดจังหวะเวลาโรแมนติค

“มีไร?”

‘เป็นไงบ้าง..อยู่กับไอ้เด็กปากหมานั่น..มีความสุขดีมะ? เมื่อกี้กูเห็นมึงกะมันจะจูบกันอยู่รอมร่อ ฮ่าฮ่า!’

“อ่อ! ที่ไอ้เด็กนี่ระเห็จมาดูหนังกับกูได้เพราะมึงใช่มะ? แล้วนี่มึงอยู่ไหนเนี่ย บอกกูมาเดี่ยวนี้”สองพูดไปก็หมุนตัวรอบทิศเพื่อเสาะหาเจ้าของเสียง แต่แล้วก็พบแต่ความว่างเปล่า

‘เออ กูโทรมาขัดมึงแค่นี้ล่ะ..โอ๊ย โอ๊ย...เดี๋ยวกูขอเคลียร์กับเมียเดี๋ยว โอ๊ย!

เสียงร้องโอ๊ยเป็นคำสุดท้ายที่สองได้ยินจากปลายสาย และกำลังคิดอยู่ว่าจะได้ยินเสียงนี้อีกมั๊ยหลังจากได้ยินเสียงกรเล็ดลอดเข้ามาบ้าง ประมาณว่า ไปขัดๆ อะไรสักอย่าง เกรงว่าตรฤณจะจบชีวิตทันทีหลังจากที่วางสายไปก็เท่านั้น

“เอ่อ...อยากกลับแล้วล่ะ”พอวางสายไป ก็หันไปบอกกับภูเบศธ์เพราะตอนนี้ไม่รู้จะพูดอะไรอีกแล้ว แค่นึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หน้าก็แดงขึ้นมาซะแล้ว

เมื่อกี้นี้บรรยากาศพาไป...กูก็ไม่นับเหมือนเดิมเว้ย!

“ให้ไปส่งมั๊ย?”

ได้ข่าวว่ามึงเป็นคนลากสังขารกูมาถึงแม่น้ำเจ้าพระยามันก็สมควรแล้วไม่ใช่เหรอที่จะต้องไปส่งกู!

“ถ้าไม่ไปส่งจะให้ฉันเดินกลับเองหรือไง?”พูดจบก็เดินนำภูเบศธ์กลับไปที่รถของกรที่ภูเบศธ์ขับพาสองออกมา

ในที่สุด...ก็ถึงหอพักของสองโดยสวัสดิภาพ และไม่กัดกันตายคารถเสียก่อน

“ให้ขึ้นไปส่งมั๊ย?”

“ไม่จำเป็น..”
เพราะเกรงว่าถ้า “บรรยากาศ” มันพาไปอีก..จะเป็นการหาเรื่องเสียตัวอีกเปล่าๆ

“งั้น..ฝันดีนะครับ...พี่สอง” ภูเบศธ์ก้มลงมองลอดหน้าต่างฝั่งขวาก่อนจะยิ้มหวานและโบกมือลา ทำเอาสองใจสั่นอีกรอบโดยที่เริ่มจะรู้ตัวว่าตนเองต้องมีอะไรผิดปกติ ตั้งแต่เห็นว่าไอ้เด็กปากหมายิ้มแล้วดูดี แล้วไหนจะคำพูดบอกว่า “ฝันดี” แค่เนี้ยใจก็เต้นโครมครามจนจะออกมาเต้นอยู่นอกอก...งานนี้สองต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ

“เออ!”สองรับคำห้วนๆก่อนจะโบกมือลาทั้งที่ได้หันกลับไปมอง ภูเบศธ์ที่แอบยิ้มด้วยความสุขใจ

เข้าใกล้ได้อีกนิดนึงแล้วสินะ...หัวใจของสองน่ะ...
ภูเบศธ์ยิ้มค้างกับท่าทางของร่างเล็ก ก่อนจะออกรถไปด้วยรอยยิ้ม

___________________


“บ้าๆๆ ! สองมึงต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ”สองกุมหน้าอกข้างซ้ายของตัวเองเอาไว้แน่นเพื่อรับรู้เสียงหัวใจของตนเองที่เต้นตึกตักได้ดังเหลือเกิน

“แค่คำว่าฝันดี...เด็กมึงก็พูดออกบ่อย...อย่าหวั่นไหวสิ...อย่าหวั่นไหว..” สองพยายามพูดกับตัวเองอยู่คนเดียว เพื่อทำให้จิตใจสงบขึ้นมาพร้อมกับการหายใจเข้าออกลึกๆ แต่ถึงอย่างนั้นหัวใจดวงน้อยๆก็ไม่เคยคิดจะทำตามคำสั่งอยู่ดี

~RRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRR~

เสียงโทรศัพท์ร้องเรียกสติอีกครั้ง ทำให้สองต้องทิ้งเรื่องหัวใจเอาไว้สักครู่แล้วมองโทรศัพท์ที่ขึ้นเบอร์แปลกๆ

“สวัสดีครับ”

‘สอง...นี่ฉันเองนะ...’

“วิน...”

“ใช่กูเอง...กูถึงไทยแล้วนะ”

ทั้งที่ดีใจจนอยากร้องออกมาดังๆ    เพราะคนที่แอบรักมาตลอดได้กลับมาเสียทีแต่ทำไมตอนนี้สองถึงได้แปลกๆที่อกข้างซ้ายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

   เพราะว่าชวินกำลังจะกลับมา...
   หรือเพราะรู้ว่าภูเบศธ์กำลังจะหายไปจากใจกันแน่



TBC

คราวนี้ ชวิน กลับมาออกโรงจริงๆนะคะ ฮ่าฮ่า...เห็นชื่อโผล่มาหลายตอน แต่ตัวยังไม่โผล่..
ตอนหน้าชวินโผล่แน่ค่ะ ฮ่าฮ่า เดี่ยวมาคอยดูกันว่า...ชวินจะเป็นอย่างไร อิอิ o18
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 9 บรรยากาศมันพาไป~ P.4 [Up 15/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 15-01-2012 22:24:03
เริ่มหวั่นไหวแล้วกับชวินขอให้เป็นเพื่อนกันต่อไปนะ
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 9 บรรยากาศมันพาไป~ P.4 [Up 15/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 15-01-2012 23:21:02
ความซวยมาเยือนนายแล้วภู...

...เดอะวินเนอร์คนเก่าเขามาแล่วววว

เชียร์พระเอก!!!
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 9 บรรยากาศมันพาไป~ P.4 [Up 15/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 16-01-2012 00:03:27
ทำไมกลับมาเร็วนักฟระ
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 9 บรรยากาศมันพาไป~ P.4 [Up 15/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: vi2212 ที่ 16-01-2012 01:01:05
ภูจีบยังไม่คืบหน้าเลยยยย....แล้ววินจะกลับมาอีก...
ทำใจนะภู....
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 9 บรรยากาศมันพาไป~ P.4 [Up 15/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: หมูกระต่าย ที่ 16-01-2012 11:00:00
พี่ชวินพี่อย่ามาเปลี่ยนแนวเอาตอนนี้นะ ไม่งั้นบ้านพี่โดนเผาแน่ๆ o18
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 9 บรรยากาศมันพาไป~ P.4 [Up 15/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 16-01-2012 12:12:29
มาแล้วๆ
รักแรก ปะทะ รักสุดท้าย..
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 9 บรรยากาศมันพาไป~ P.4 [Up 15/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Bowbonk ที่ 16-01-2012 13:54:30
งานเข้าแล้วววววภูเอ๊ยยยยยยยยยยย :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 9 บรรยากาศมันพาไป~ P.4 [Up 15/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 16-01-2012 15:59:26
ร้ายกาจๆ........สองจะเลือกใครนะ

แอบสงสารภูเหมือนกานะนี่ ถ้าสองเลือกที่จะรักวินข้างเดียวเหมือนเดิม

ตายแระๆ ต้องตามอ่าน อิอิ

อย่าลืมมาต่ออีกน้า อิอิ ^^
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 9 บรรยากาศมันพาไป~ P.4 [Up 15/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 16-01-2012 16:30:26
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 9 บรรยากาศมันพาไป~ P.4 [Up 15/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: ryoko_chan ที่ 16-01-2012 22:41:48
บทที่ 10 เพื่อนสนิทคิดลักหลับ

“วิน...”

‘ใช่กูเอง...กูถึงไทยแล้วนะ’

______________


“เฮ้ย! มึงถึงไทยแล้วจริงๆเหรอ? ไหนบอกว่าอีกเดือนนึงไง?”ดวงตาเรียวเล็กเบิกโพลงด้วความตกใจเมื่อได้ยินคำบอกกล่าวของเพื่อนรักผ่านโทรศัพท์

‘เปล่า กูล้อเล่น  มึงเชื่อด้วยเหรอ?’สองกำมือแน่นพร้อมด้วยการกัดฟันระงับอารมณ์ตัวเองเอาไว้

แม่งคุยกับกูทีไร หาเรื่องทำให้กูโง่ได้ทุกที!!

จะว่าไปวันนี้กูโดนหลอกมากี่รอบแล้ววะ? นับรวมนิ้วมือนิ้วตีนยังไม่เท่ากับครั้งที่กูโดนหลอกเลย!

“เออ! แล้วโทรมามีไร?”

‘โทรมาหลอกให้คนบางคนดีใจเล่น’ น้ำเสียงขี้เล่นของชวินทำเอาสองยิ้มตามได้ไม่ยากนักถึงก่อนหน้านี้จะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟอยู่ก็ตามที

“ใครดีใจ! อย่ามาสำคัญตัวเองผิดนะเว้ย”ถึงจะถามกลับด้วยเสียงห้วนๆแต่ริมฝีปากบางกลับยกยิ้มด้วยความดีใจ

‘เหรอ?...มึงแน่ใจจริงๆเหรอว่ามึงจะไม่ดีใจที่กูกลับมา’ชวินถามลองเชิง

“ก็ตอนนี้มึงยังไม่กลับมา กูจะดีใจหาเป็ดอะไรล่ะ?”น้ำเสียงของสองก็ดูจะไม่ใส่ใจอะไรนักกับสิ่งที่ชวินพูด กลับเดินไปบนเตียงแล้วล้มตัวลงนอนแผ่ด้วยความสบายใจ

‘มึงเปิดประตูสิ แล้วมึงจะรู้’ ถึงสองจะรู้สึกแปลกๆกับคำพูดของวิน แต่ก็ยอมลากสังขารตัวเองไปยังหน้าประตูแล้วเปิดมันออกโดยที่ไม่ได้ส่องตาแมวก่อน

“Hi....My Friend”
เพียงแค่ประโยคสั้นๆ แต่ก็ทำให้สองทิ้งมือถือแล้วกระโดดกอดร่างสูงโปร่งที่ยืนรออยู่หน้าประตูทันที

“วิน...มึงกลับมาแล้วเหรอ? นี่มึงจริงๆใช่มั๊ย? แล้วไปอยู่ที่เมกาตั้งนานทำไมมึงยังดำเหมือนเดิมเลยวะ?”ได้ทีถามรัวเป็นชุดๆ แต่วินกลับไม่เลือกที่จะตอบแล้วดันให้สองเข้าห้องพร้อมกับสมภาระเยอะแยะที่วินหอบหิ้วติดตัวมาด้วยถึงไม่เยอะ...แต่ก็ไม่ได้น้อย

“กูอยากนอน..”พอเข้ามาในห้องปุ๊บวินก็ทำตาปรือปรอยคล้ายคนง่วงจริงๆ

“เดี๋ยวมึงยังไม่ตอบคำถามกูเลย...แต่ที่สำคัญมึงรู้ได้ไงว่ากูอยู่ที่นี่...   นี่วิน!”แต่ดูท่าว่าจะสายไปเสียแล้ว กับคนตัวใหญ่ที่เดินเข้ามาก็ทิ้งตัวลงบนเตียงคนอื่นอย่างไม่เกรงใจเจ้าของเตียงเลยสักนิด แต่ดวงตาคมยังปิดสนิทเป็นสิ่งยืนยันคำพูดได้ดีทีเดียว

“วิน....ไอ้คุณชวิ๊น! นี่เตียงกูนะ..ถ้ามึงนอนนี่แล้วกูจะนอนไหนเล่า!”ถึงจะโวยวายให้โลกแตก แต่ดูท่าว่าคุณชวินจะเข้าเฝ้าพระอินทร์เป็นที่เรียบร้อยโดยไม่อยากหันมาสนใจเสียงนกเสียงกาที่ดังอยู่รอบๆบริเวณ

“ไอ้ดำ!” สองตะโกนใส่คนที่นอนหลับอุตุบนเตียงตนเองอย่างเหลืออด แต่สุดท้ายก็ได้แค่เพียงความเงียบกลับคืนมา จนเจ้าของเตียงถึงกับถอนหายใจเตรียมหันหลังเดินหนี

“ก็นอนด้วยกันบนเตียงนี่แหล่ะ..ไม่เห็นจะเป็นไร” แต่เสียงของวินกลับรั้งให้สองหันกลับไปสนใจร่างที่นอนบนเตียงอีกครั้ง

“นี่มึงจะยั่วกูเหรอ?”สองหยั่งเชิงก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนเตียง

“.............”ใช้ความเงียบแทนคำตอบ

“นี่~ กูเคยปล้ำเด็กในฮาเร็มแล้วนะเว้ยอย่ามาท้า”   สองพูดขึ้นอีกครั้งแต่ดูท่าว่าชวินจะยังใช้ความเงียบแทนคำตอบเช่นเดิม

ว่าแต่กูไปนับไอ้เด็กเวรนั่นเป็นเด็กในสังกัดตั้งแต่เมื่อไหร่วะ?
หรือว่ากูลืมไปว่าเมาไม่นับ?(ว่าแล้วก็เกาหัว)

“นี่..กูพูดจริงนะวิน มึงไม่กลัวกูลักหลับมึงจริงๆเหรอ?”สองก้มลงไปใกล้ๆกับใบหน้าคมก่อนจะกระซิบถามเบาๆทั้งที่น้ำเสียงติดจะล้อเล่นอยู่ในที

“ทำเมียให้เป็นก่อนแล้วค่อยมาลักหลับกู”

ในที่สุดเสียงที่สองอยากได้ยินก็ดังขึ้นมา ริมฝีปากบางยกยิ้มอย่างพอใจที่วินยอมลืมตาตื่นแล้วหันมาสนใจตนเองสักที

“แล้วถ้ากูทำเมียเป็น มึงจะยอมเป็นเมียกูมั๊ยล่ะ?”สองเริ่มวกเข้าเรื่องสองแง่สามง่ามจนวินต้องเด้งตัวลุกขึ้นมาแล้วผลักหัวกลมๆของเพื่อนตัวเล็กเบาๆ

“อย่ามาทำกูขนลุกแถวนี้ไอ้สอง” วินมองหน้าเพื่อนตัวเล็กก่อนจะดีดหนาผากมนอีกครั้งเพื่อเตือนสติ แต่ถึงสองจะโดนผลักหัวบ้าง ดีดหน้าผากบ้าง กลับไม่ร้องโวยวายหรือโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง...หากแต่ตอนนี้สองกลับยิ้มจนแก้มแทบปริราวกับไม่ใช่สองของเพื่อน ที่คอยแต่จะหาเรื่องต่อยได้ทุกเมื่อหากตรฤณทำอะไรให้สองไม่พอใจ หรือสองรุ่นพี่ที่น่ารักของภูเบศธ์เด็กปากหมาที่เจอหน้าเมื่อไหร่ต้องเตรียมลับริมฝีปากไว้ปะทะต่อสู้....

แต่ถ้าเป็นวิน...สองกลับยิ้มรับราวกับไม่ใช่ตัวของตัวเอง

“ว่าแต่มึงรู้ได้ยังไงว่ากูอยู่ที่นี่?”ร่างเล็กถามเสียงเจื้อยแจ้วจนวินต้องอมยิ้ม

“โทรถามที่บ้านมึงกริ๊กเดียวก็รู้แล้ว” ชวินตอบความจริงเพราะตั้งแต่ลงเหยียบแผ่นดินไทยก็ไม่รู้ว่าจะติดต่อใครอยากทำเซอไพร์สเพื่อนเกลอสองหน่อ เลยจำต้องโทรกลับไปถามเอาถึงแม่ของสองรวมถึงแม่ของตรฤณ แต่ทว่ารายหลังนี้โทรไปหาไม่ติด พอลองโทรหาสองปรากฏว่ารับสาย วินจึงเลือกที่จะมาหาสองก่อนก็เท่านั้น

“แล้วมึงไม่กลับบ้าน?” สองรัวคำถามต่อทันทีเหมือนกับเป็นนักข่าวหัวเห็ดที่เจอดาราดังแล้วต้องรีบรัวคำถามเป็นชุดๆเผื่อดาราคนนั้นมีเวลาให้น้อย

“ถ้ากูกลับบ้านเกรงว่าจะไม่ได้โผล่หน้ามาให้พวกมึงเห็น พ่อกูจับกูยัดเข้าทำงานกับญาติเรียบร้อย...เห็นแบบนี้กูเลยรีบกลับมาก่อนกำหนดเพื่อจะมาอยู่กับพวกมึง” และประโยคนี้เองที่ไขข้อสงสัยให้สองได้หมดทุกคำถามจนเจ้าตัวไม่ต้องยิงคำถามอีก

“ยังไง..สงสัยต้องวานให้พวกมึงพากูเที่ยวสักหน่อยละ~ ฮ้า...ชีวิตหลังเรียนจบของกู”วินพูดด้วยท่าทีสบายๆก่อนจะเอนหลังลงบนเตียงอีกครั้ง

“แต่กูยังเรียนไม่จบสักหน่อย...”สองพูดพร้อมกับตีหน้าเศร้าเมื่อนึกไปถึงเกรดอันสวยงามของตนเองที่สั่งสมมาตั้งแต่ปีหนึ่งที่ดูท่าว่าจะได้สี่จุดเหมือนอย่างชาวบ้านเขาบ้างแต่หากต้องเป็นการเอาเกรดสักสองเทอมมารวมกัน...คิดแล้วก็เศร้า

ว่าแล้วร่างเล็กก็เอนหลังลงบนเตียงบ้าง แล้วบังเอิญว่าหัวกลมๆนั้นกลับนอนลงบนท่อนแขนของชวินราวกับตั้งใจ แต่ถึงอย่างนั้นชวินไม่ได้คิดเอาแขนออกแต่อย่างใดกลับให้สองนอนอยู่อย่างนั้น

“นี่..มึงให้กูนอนแขนมึงอย่างนี้..กูคิดลึกนะเว้ย~”

สองพูดยิ้มๆก่อนจะร้อง “โอ๊ย” ตามมาทันทีเมื่อฝ่ายที่เสียเปรียบดึงแขนตัวเองออกทำให้หัวทุยๆของสองกระแทกลงกับเตียงนอนโดยไร้หมอนนุ่มๆรองรับ

“เวรนี่! มึงเอาออกทำไมกูกำลังนอนสบาย”สองหันไปขึ้นเสียงใส่ชวินพร้อมกับลูบหัวทุยๆของตัวเองจนชวินต้องหลุดหัวเราะ

“ก็มึงอยากพูดจาส่อแบบนั้นเองนี่หว่า..ว่าแต่เจ็บมากมั๊ยวะ?” ถึงจะหัวเราะเยาะแต่วินกลับใช้มือใหญ่ๆของตนเองยีหัวสองเบาๆอย่างเป็นห่วง

“เจ็บดิ มึงมาลองมั๊ยล่ะ?!”    สองถลึงตาใส่วินอีกครั้งแต่ถึงอย่างนั้นตัวต้นเหตุก็กลับหัวเราะไม่หยุดและไม่มีทีท่าว่าจะกลัวสายตาดุๆราวกับลูกแมวตัวน้อยเลย จะมีก็แต่ตรฤณคนเดียวซะล่ะมั้งที่ทำท่ากลัวสองเสียเต็มประดาเวลาสองขึ้นเสียงขู่ ทั้งที่ความจริงคงไม่เคยมีคนบอกสองว่าไอ้ท่าทางโกรธหรือโมโหของสองนั้นไม่ได้ดูน่ากลัวเลยสักนิด แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตรฤณทำไปเพื่ออะไร..เวลาสองขึ้นเสียงใส่ล่ะทำเป็นหงอทุกที

“พอดีกูไม่ได้โง่ เลยไม่อยากจะลอง”ชวินยักคิ้วกวนๆให้หนึ่งทีก่อนจะโดนกำปั้นเล็กชกเข้าให้ที่ต้นแขนถึงไม่เจ็บจนต้องร้องออกมาแต่ก็ขอถลกแขนเสื้อดูสักหน่อยว่าแดงไปหรือเปล่า...

..ตัวเล็ก มือก็เล็ก แต่แรงไม่เล็กตามตัวเลยว่ะ..

“มึงนี่ชอบด่าว่ากูโง่เหมือนไอ้เด็กเวรนั่นเลย!”พอโดนตอกย้ำความทรงจำ สองกลับเห็นหน้าภูเบศธ์ลอยขึ้นมาทันที

“เด็กไหน?...ไอ้เด็กปากหมาที่มึงเคยเล่าให้กูฟังอ่ะนะ?”

“เออ ปากหมาเหมือนมึงอ่ะ! จำได้ยัง?”
มาว่าแต่กูปากหมา มึงนี่จะว่าไปก็ปากกรรไกรตัวพ่อเหมือนกันล่ะวะสอง!

“ที่ได้เวอร์จิ้นมึงอ่ะนะ?”

พอโดนคำถามนี้ยิงกลับแทบทำเอาสองลมจับได้ง่ายๆ

“อ๊ากกกก! อย่ารื้อฟื้น กูลืมไปหมดแล้ว!”ถึงปากจะโวยวายว่าลืมๆ แต่ใบหน้าหวานกลับแดงซ่านเหมือนสาวน้อยแรกรุ่นเวลานึกถึงเรื่องสวีทหวานแหว๋วกับคนรัก

“มึงนี่เขินน่ากลัวว่ะสอง มึงรู้ตัวบ้างมะ?”วินมองเพื่อนรักด้วยอาการกลั้นหัวเราะ เมื่อเห็นท่าทางของสองฟัดเหวี่ยงไปมาเหมือนกับพยายามทำเข้มปกปิดความเขินตัวเอง แต่คนอย่างสองนั้นมองออกง่าย เพราะคงเป็นคนตรงๆคิดอะไรสีหน้าท่าทางก็จะออกมาอย่างนั้น เลยกลายเป็นถูกแกล้งเอาอยู่บ่อยๆ

“ไม่รู้เว้ย! แล้วที่สำคัญกูไม่ได้เขิน! ”

แล้วไอ้ที่ตบป้าบๆที่ไหล่กูพร้อมด้วยแก้มแดงเป็นตูดลิง กูถามจริงๆว่านี่แถวบ้านมึงเขาไม่เรียกว่าเขิน?

แต่พอดีคงเป็นพวกเขินรุนแรงไม่เหมือนชาวบ้าน เพราะฉะนั้นเวลาสองเขินกรุณาอยู่ห่างให้พ้นรัศมีครีบ ชวินคนนี้ขอเตือนด้วยความหวังดี

“แน่ใจ?....หรือว่ามึงชอบเด็กนั่นเข้าแล้ว”

“หือ? กูเนี่ยนะชอบเด็กนั่น ตลกแล้ววิน สมองมึงมีไว้คิดน้า~ ไม่ใช่มีไว้ประดับอยู่บนหัว”

“แหม~ กูก็อยากจะรู้เหมือนกันว่ามึงมีสมองไว้ใช้หรือมีไว้ให้หนักหัวมึงเล่น?”

   """"................. .........""...มึงถึงได้โดนไอ้ตรฤณกับพรรคพวกรวมหัวหลอกได้ทุกวี่ทุกวัน!

“เจ็บอ่ะ! เจ็บจี๊ดเลยมึง”

สองทำหน้าบูดก่อนจะค้อนเข้าให้หนึ่งวงสวิงพอดิบพอดี

“ก็มึงอยากมาว่ากูก่อนเองช่วยไม่ได้~”พูดจบก็ล้มตัวลงนอนปิดท้ายด้วยการปิดเปลือกตาลงเสียสนิททำเอาสองไม่กล้ารบกวนอีกครั้งคงเพราะรู้ว่าวินคงจะเหนื่อยกับการเดินทางมาที่ไทยจริงๆ

อีกอย่างสิ่งที่ตัวเองสงสัย วินก็ไขให้กระจ่าง พร้อมด้วยการพูดเล่นกันอีกนิดหน่อย ก็ช่วยให้สองหายคิดถึงเพื่อนรักคนนี้ได้เยอะ

“จะนอนแล้วเหรอ?”แต่ถึงอย่างนั้นสองก็ยังอยากที่จะถามอีกสักหนึ่งคำถาม

“อือ....”พอได้รับคำตอบสองก็ถอนหายใจก่อนจะเดินลุกจากเตียงไปอาบน้ำ...แล้วค่อยมาคิดอีกทีว่าจะเอายังไงเรื่องที่นอน

______________



“โถ่..กร คืนโทรศัพท์ให้ฉันเหอะนะ..นะๆๆ” สีหน้าร่างสูงดูหวั่นวิตกพร้อมกับอาการพูดขอร้องอยู่นานหลายชั่วโมง เมื่อเห็นว่ากรถือเครื่องมือสื่อสารของตรฤณเอาไว้ในมือ แต่สาเหตุที่ทำให้ตรฤณขอร้องเสียงอ่อนเสียงหวาน อาจคงจะเป็นเพราะว่ามือข้างที่ถือโทรศัพท์ของตรฤณ กลับยื่นออกไปด้านนอก ถ้าปล่อยเมื่อไหร่ ก็ตกน้ำดังตู้ม! เมื่อนั้น

ทำไมสถานที่พลอดรักของไอ้ภู แต่พอถึงทีกูกลายเป็นสนามรบได้วะ?

เพราะตอนนี้กรประหนึ่งเป็นเครื่องบินรบอเมริการเตรียมหย่อนปรมาณูที่เมื่อฮิโรชิม่าแต่ทว่า ณ ประเทศไทย จากระเบิดก็ถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นมือถือของตรฤณก็เท่านั้นเอง

“รู้ใช่มั๊ยว่ามือถือเค้ามีไว้สื่อสารให้เป็นประโยชน์..ไม่ใช่ให้โทรไปขัดความสุขของคนอื่น...รู้ใช่มั๊ย!!” กรขึ้นเสียงถามแถมท้ายด้วยการทำท่าจะปล่อยโทรศัพท์ของตรฤณอยู่รอมร่อจนตรฤณต้องคอยลุ้นว่าสุดท้ายแล้วมือถือสุดรักของเขาจะตกลงแม่น้ำหรือว่าจะยังคงอยู่ในมือของกรต่อไป

“เฮ้ยๆๆ กรทำอย่างนั้นเดี๋ยวมันก็ตกน้ำหรอกมันแพงนะ~”
ตรฤณพยายามทำเสียงอ่อนเต็มที่เผื่อว่ากรจะเห็นใจ แต่สุดท้ายทุกสิ่งที่ตรฤณทำมายิ่งพยายามเท่าไหร่ผลลัพธ์กลับกลายเป็นเข้าใกล้ศูนย์ขึ้นทุกที

เพราะสุดท้าย...กรก็ปล่อยมันลงไปอยู่ดี ตรฤณได้แต่หลับตาปี๋ไม่อยากเห็นภาพอันน่าสลดที่เมือถือสุดรักต้องตกน้ำตายอย่างน่าเวทนา โดยที่เจ้าของมันก็ไม่สามารถช่วยเหลือชีวิตเอาไว้ได้

เอ๊ะ?  ทำไมไม่มีเสียง ตู้ม! วะ?

พอลืมตาขึ้นมาอีกที โทรศัพท์มือถือกลับยังคงอยู่ในมือของกรเช่นเดิม ตรฤณจึงคาดการณ์เอาว่า กรคงกะปล่อยให้เขาใจเสียเล่น    แต่สุดท้ายก็คงไปงมมันกลับมาให้ อ่า...ไม่สิคงยังไม่ถึงขั้นลงไปงมในน้ำ อาจจะถึงเพียงแค่ว่าพอปล่อยปุ๊บก็รีบเลื่อนมือลงไปคว้าปั๊บก่อนที่มันจะตกน้ำก็เท่านั้นเอง

เฮ้อ...โล่งอก...ลูกจ๋าเรายังมีบุญวาสนาต่อกันอยู่สินะ~
ตรฤณมองลูกในมือของกรด้วยความปลาบปลื้มใจ จนน้ำตาจะไหลเลยล่ะ

“ทีหลังอย่าโทรไปขัดคู่นั้นอีกเข้าใจ?”
ในที่สุดกรก็ยื่นมือถือกลับให้ตรฤณคืน แต่ตรฤณกลับคว้าทั้งมือถือ...และมือคนถือ แล้วยิ้มแก้มปริ ทั้งดีใจที่ได้มือถือคืน..และดีใจที่หาโอกาสจับมือนุ่มๆของกรได้

“ปล่อย...”ถึงน้ำเสียงของกรจะดูราบเรียบแต่ตรฤณคาดว่ามันคงคล้ายกับคลื่นสึนามิที่ก่อนเกิดลมมันจะสงบแล้วเตรียมโถมคลื่นยักษ์ได้ทุกเมื่อหลังจากนี้    เพราะฉะนั้นตรฤณจึงจำต้องปล่อยมือเสียตอนนี้ ก่อนที่จะโดนมืออีกข้างของกรที่ยังว่างอยู่ตะปบหูเข้าให้

“นี่กร....นายไม่คิด สนใจใครจริงๆเหรอ?”ในเมื่อลมสงบชวนหวาดเสียวเมื่อครู่กลายเป็นลมสงบจริงๆไม่ได้มีคลื่นยักษ์เตรียมถล่มแต่อย่างใด ทั้งตรฤณและกรก็พากันเดินเพื่อที่จะกลับไปที่รถของตรฤณ แต่เมื่อลมเย็นบรรยากาศสบายๆ จู่ๆตรฤณก็อยากนึกโรแมนติคสวีทหวานแหว๋วเหมือนสองกับภูเบศธ์บ้าง เลยกลั้นใจถามออกมา โดยที่ไม่รู้เลยว่าคำตอบนั้นจะออกมาในรูปแบบไหน จะเป็นการเตะก้านคอ ตบหัว หรือเหยียบเท้า..ก็คงต้องทำใจรับล่ะนะ..

ทำไงได้ ก็ตกหลุมรักคนโหดไปแล้วหมดใจ ดึงขึ้นก็ไม่ไหวแล้วล่ะตอนนี้~

“ถามทำไม..จะจีบเหรอ?”ตรฤณรีบหันไปมองใบหน้าหวานที่เดินอยู่ข้างๆด้วยความตกตะลึง

ตะลึงแรก กรไม่มีอาการที่เรียกว่า “พายุใต้ฝุ่น” เข้า

ตะลึงที่สอง ดันมาถามกลับว่าตรฤณจะ “จะจีบเหรอ?”

นี่กูส่งสายตาหวานๆให้ขนาดนี้.. นี่ยังไม่รู้ว่ากูจีบอีก?

“คงงั้น....มั้ง”ในที่สุดก็กล้าที่จะตอบตามความจริงถึงจะแอบสั่นบ้างเล็กน้อยถึงปานกลาง

“อือ”

“หือ?...ที่ตอบ ‘อือ’ เนี่ยหมายความว่ายังไง?”

“ก็หมายความว่า...อือ...ยังไงล่ะ”กรตอบคำถามอีกครั้งก่อนจะรีบเดินนำหน้าตรฤณไปทั้งที่แอบอมยิ้มเอาไว้แต่แค่ไม่อยากให้ตรฤณเห็นก็เท่านั้นเอง~

______________


“นี่ตรฤณ..ไปคณะยัง?...อ่อ..โอเค...กูมีอะไรเซอร์ไพร์ส”

พูดเพียงสองถึงสามประโยคสองก็ตัดสายไป  หลังจากที่ติดต่อตรฤณได้อีกทีในช่วงเช้าของอีกวัน หลังจากที่ตรฤณปิดมือถือไปทั้งคืน

“นี่กะไม่บอกตรฤณมันจริงๆเหรอ?” วินเดินเข้ามาถามหลังจากที่เห็นสองออกไปโทรศัพท์อยู่นอกระเบียงห้อง

“อือ...กะทำให้มันหัวใจวายตายไปเลย ฮ่าฮ่า มึงไปเข้าคณะกับกูนะ~”สองพูดยิ้มๆก่อนจะพูดแกมอ้อนเพื่อให้วินยอมตามตัวเองไป ทั้งที่ความจริงแล้ว...ก็ไม่ได้กะเซอร์ไพร์สเพื่อนเท่าไหร่ แต่กะควงไปโชว์ไปใครบางคนมากกว่า

ฮ่าฮ่า มึงตายห่าแน่ๆคราวนี้ไอ้เด็กปากเสียเอ้ย!

สองคิดไปก็ยกยิ้มอย่างมีความสุขจนเกินเหตุทำให้วินเองก็ไม่ค่อยจะเข้าใจนักว่าการพาเค้าไปเซอไพร์สตรฤณที่คณะมันน่าสนุกตรงไหนกัน?

“ว่าแต่เมื่อคืนมึงนอนไหน?” วินถามเรื่องที่สงสัยหลังจากที่ตื่นมาแล้วก็พบสองเดินวนไปวนมารอบห้องและดูจะไม่มีหลักฐานใดๆหลงเหลือเอาไว้เลยว่าเมื่อคืนสองใช้มุมไหนเป็นที่ซุกหัวนอน เพราะเตียงเดี่ยวของสองคงไม่พอกับการที่จะยัดผู้ชายสองคนลงไปแล้วทำให้นอนสบายๆได้

“ก็นอนทับมึงทั้งคืน ถามจริงไม่รู้สึกตัวเลยเหรอ?”สองพูดด้วยน้ำเสียงติดตลก แต่ถึงอย่างนั้นก็พยักเพยิดหน้าไปทางฟูกที่พับกองเอาไว้ข้างๆหัวเตียงที่วินไม่ทันได้สังเกตเห็น

“อ่อ...”

“ความจริงกูกะถีบมึงลงไปนอนข้างล่างแทนแล้วล่ะ...แต่ทำไงได้วะ ตัวก็หนักเยี่ยงควาย แค่จะพลิกมึงกูยังไม่มีแรงเลย” สองพูดออกไปตามความจริงแต่นั่นก็เรียกเสียงหัวเราะในยามเช้าของวันที่อากาศสดใสอย่างนี้ได้เป็นอย่างดี

______________________


ทันที่ที่ขาสองคู่ย่างก้าวเข้าผ่านทางหน้าคณะ ก็กลายเป็นที่จับตามองของคนในคณะอีกครั้งเมื่อสองเปลี่ยนคนควงแถมเด็กที่ควงมาใหม่วันนี้ก็ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน ดูจากท่าทางและการแต่งตัวเหมือนไม่ใช่คนแถวนี้ ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงแค่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ธรรมดาๆ แต่รัศมีเด็กนอกกลับเปล่งประกายแปลกๆจนสองเองยังนึกแปลกใจไอ้เพื่อนใหญ่สูงที่เดินข้างๆเหมือนกัน

แล้วพอทั้งคู่เดินเข้าไปสู่ใต้ลานของคณะ...เสียงนกเสียงกา ก็ออกหากินทันทีที่เห็นว่าสองควงคนใหม่

“ควงหญ้าอ่อนเข้าคณะแต่เช้าเลยนะครับ พี่สอง”พอเดินเข้ามาปุ๊บเสียงสววรค์ก็ลอยมาปั๊บราวกับรออยู่ก่อนหน้า   สองเพียงแค่ชายตามองภูเบศธ์ก่อนจะควงวินเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของแล้วคำพูดของภูเบศธ์และการกระทำของสองนั้นเองที่ทำให้วินพอจะรู้ๆขึ้นมาลางๆว่าไอ้เด็กหน้าหล่อตรงหน้า  คือคนที่สองออกปากว่าเกลียดนักหนา

“สอง..ไปเหอะ..หมามันก็แค่เห่า...รู้มั๊ยว่าถ้าหมามันเห่า...มันไม่กัดหรอก”   วินมองหนุ่มน้อยตรงหน้า ก่อนจะพูดขึ้นมาทำเอาสองยกยิ้มอย่างพอใจ เพราะรู้อยู่แล้วว่าฝีปากของชวินไม่เคยเป็นรองใคร...ที่ควงมานี่ก็เอามาเป็นไม้กันหมา

อ๊ะๆ! เป็นไงล่ะ โดนลูกในปากไอ้ชวินกัดเข้าไป....ลูกในปากของไอ้เด็กปากหมาตายห่ายกคอกเลย ฮ่าฮ่า!

สองมองภูเบศธ์ก่อนจะยิ้มเยาะแล้วเดินควงหนุ่มผิวเข้มเข้าคณะเพื่อเดินไปยังโต๊ะไม้หินอ่อนที่นั่งประจำกับตรฤณ เพราะคิดว่าตรฤณคงจะนั่งรออยู่ที่นั่น

“แต่โทษทีว่าหมาตัวนี้...มันทั้งเห่าทั้งกัด..หรือว่าอยากจะลองกัดกันดูสักหน่อย”
ภูเบศธ์รีบเดินตามพร้อมด้วยสายตาที่จ้องอย่างไม่เป็นมิตรไปยังร่างสูงโปร่งที่สองเดินควง

คราวนี้คนที่ตายห่าคือสองสิครับ..
เพราะภูเบศธ์ดันไม่ยอมง่ายๆซะด้วยสิงานนี้

จะเกิดศึกกลางลานอีกมั๊ยวะ? กูจะได้รีบถอย

“เด็กนี่แรงใช้ได้เหมือนกันนะเนี่ย”วินกระซิบบอกสองก่อนจะหันกลับไปยิ้มร้ายให้ภูเบศธ์

“พอดีผมไม่ใช่หมา....เลยไม่คิดอยากลองน่ะครับ” วินยังคงตอบตามสไตล์เสียงเรียบๆแต่เชือดเฉือนไปถึงขั้วปอด ถึงสองจะนึกอยากตบมือดังฉาดที่เจอคนที่พอจะมากำราบเด็กปากหมา แต่พอเอาเข้าจริงสองกลับหวั่นเสียเอง

“เอ่อ....วิน...ไปหาไอ้ตรฤณเหอะ..อย่าสนใจเลย” สองกระตุกแขนเพื่อนเบาๆเพื่อเรียกสติ เพราะดูจากท่าทางแล้วทั้งชวินและภูเบศธ์คงอยากจะเปิดศึกกันกลางโรงอาหารเสียเต็มประดา

สุดท้ายแล้ว...สองก็ต้องลากวินเพื่อเดินไปหาตรฤณ โดยไม่ลืมหันกลับไปมองภูเบศธ์ด้วยแววตารู้สึกผิด..แต่แค่ภูเบศธ์ไม่เห็นมันก็เท่านั้นเองเพราะคงจะโกรธที่เถียงไม่ขึ้นแล้วเดินเตะลมเตะฝุ่นจากไปซะแล้ว

“มึงนี่ปากหมาจริงเลย..”

“อ้าว..ที่มึงพากูมาเนี่ยก็เพื่อจะให้มากัดกับลูกในปากไอ้เด็กนั่นไม่ใช่เหรอ? กูทำตามความประสงค์มึงเลยนะเนี่ย”วินหัวเราะในลำคอก่อนจะนั่งลงตามสอง

“หือ?...มึงรู้ได้ไงว่ากูกะพามึงมากัดกับไอ้เด็กนั่น”สองมองวินด้วยความทึ่ง

โห...มึง! ฉลาดสุดยอดเลย~


 “ฮ่าฮ่า...ตอนแรกก็ไม่รู้หรอก..แต่พอโดนไอ้เด็กนั่นทักกูก็รู้เลยว่ามึงคงเอากูมาเป็นไม้กันหมา” สองเองก็รู้สึกเขินเล็กน้อยที่โดนเพื่อนจับผิดได้ แต่ก็ไม่ได้โวยวายหรือหาข้อแก้ตัวอะไร ก่อนจะชะเง้อมองหาตรฤณที่คิดว่าจะมานั่งรออยู่ก่อนแล้ว แต่พอมาถึงที่จริงๆกลับไม่เห็นแม้แต่เงาหัว

“จะว่าไป ไอ้ตรฤณมันไปไหนของมันวะ?”สองชะเง้อคอแล้วชะเง้อคออีกเพื่อมองหา แต่สุดท้ายก็ยังไม่พบจึงต้องคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาอีกรอบเพื่อโทรตามหาตัวอีกครั้ง

“มึงอยู่ไหนเนี่ย~” เพียงแค่อีกฝ่ายรับสายสองก็กรอกเสียงใส่อย่างเซ็งๆที่ต้องมารอเพื่อนอยู่นานสองนาน

“เออมึงเดี๋ยวกูไป...แค่นี้ก่อนนะ”เสียงตรฤณเหมือนคนรีบร้อนอะไรสักอย่าง คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัยก่อนจะมองโทรศัพท์มือถือ ที่จอดับสนับไปแล้วเนื่องจากอีกฝ่ายวางหูใส่

“อะไรเหรอ?”

“ไม่รู้สิดูไอ้ตรฤณแปลกๆ...”สองว่าก่อนจะนั่งทอดอารมณ์อยู่ใต้คณะกันสองคนกับวินเพื่อรอตรฤณ

---------


ความจริงตั้งแต่ที่สองเดินเข้าคณะมาตรฤณก็รู้แต่ทว่าโดนกรเรียกไปเสียก่อน เลยนั่งคุยสัพเพเหระเรื่อยเปื่อยอย่างคนไม่มีอะไรจะทำ กะให้หลานรหัสของกรจัดการก่อน แล้วค่อยเปลี่ยนมือ แต่พอตอนจะเปลี่ยนมือกลับกลายเป็นเห็นท่าทางของภูเบศธ์ที่กำมือแน่นมาแต่ไกล แต่ใบหน้ากับนิ่งเฉยเหมือนคนไม่มีความรู้สึก ตรฤณเองก็พอจะเดาได้คร่าวๆว่าทั้งกรและภูเบศธ์คงจะเหมือนกันตรงที่

ลมสงบเมื่อไหร่...เตรียมเจอคลื่นใหญ่สึนามิไว้ได้เลยครับ กูขอบอก!

“เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า...ภูเบศธ์”ตรฤณถามด้วยความเป็นห่วง แต่ทว่าภูเบศธ์กลับเดินเลยคนที่คอยเป็นห่วงแล้วไปทิ่มตูดลงกับเก้าอี้ข้างๆกรโดยไม่สนใจคนที่อุตส่าห์อ้าปากถามเลยแม้แต่สักนิด

“พี่ตรฤณ...ใครคือวิน?”เพียงแค่คำถามหลุดออกจากปากของภูเบศธ์ก็ทำเอาคนที่ได้ยินถึงกับตาโต

“นายว่าอะไรนะ?”กรกับตรฤณถามขึ้นมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมายกันไว้ล่วงหน้า ภูเบศธ์มองหน้ากรสลับกับตรฤณก่อนจะถามขึ้นอีกครั้ง

“รู้จักด้วยเหรอ?”

ตรฤณน่ะรู้จัก “วิน” ดีซะยิ่งกว่าใคร ส่วนกรรู้เพราะตรฤณเคยเล่าให้ฟัง...แต่พอดีลืมเล่าให้ภูเบศธ์ฟังก็เท่านั้นเอง

“เอ่อ....มีอะไรหรือเปล่าภูเบศธ์....วินมาที่นี่เหรอ?”ตรฤณพยายามถามอย่างที่คิด ทั้งที่ไม่อยากให้มันเป็นอย่างที่คิดสักเท่าไหร่
“เดินควงกันมาตั้งแต่หน้าคณะเลยล่ะ เด็กใหม่พี่สองเหรอ?”ถามด้วยความอยากรู้ แต่ยังคงทำหน้าบอกบุญไม่รับเช่นเคย

“ฮึฮึฮึ” ทำไมภูเบศธ์ถึงได้รู้สึกว่าเสียงหัวเราะของกรที่ดังขึ้นมาพร้อมกันกับตรฤณมันถึงได้ดูฝืดเหมือนแกล้งหัวเราะ

“คือ...อย่างนี้....วินน่ะไม่ใช่เด็กใหม่หรอก...”กรพูดขึ้น

“แต่เป็นเด็กเก่า...ที่พ่วงตำแหน่ง “ตัวจริง” มาตั้งแต่ต้น ก็เท่านั้นเอ๊งงงงง!”

แล้วต่อด้วยตรฤณ

“ทำไมพี่ตรฤณไม่เคยบอกผม!”ภูเบศธ์ขึ้นเสียงเหมือนคนหมดความอดทนตรฤณทำได้แค่มองหน้ากรเหมือนเป็นการถามกลายๆว่าจะเอายังไงต่อ และสุดท้ายเข้าที่เข้ามาชาร์ตตัวภูเบศธ์ก็คงต้องเป็นกรอยู่ดี

“ใจเย็นๆ ภู..ทุกอย่างมีทางแก้...เข้าใจมั๊ย...อีกอย่างวินน่ะเป็นรักข้างเดียว...เชื่อเถอะไม่สำเร็จหรอก”กรพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบ ถึงแม้จะรู้ว่าภูเบศธ์จะเป็นพวกควบคุมอารมณ์ได้เก่ง แต่ก็รู้ดีเหมือนกันว่าถ้าเมื่อไหร่ที่ภูเบศธ์จะเอาจริงใครหน้าไหนก็มาห้ามไม่ได้

“อะไรกันเนี่ย...ทุกคนรู้จักคนที่ชื่อวินกันหมด...แต่ฉันไม่รู้อยู่คนเดียวอย่างนั้นเหรอ?”ภูเบศธ์หันไปถามกรที่ตอนนี้ดูเหมือนจะง้อภูเบศธ์ยิ่งกว่าอะไร ซึ่งตรฤณเองก็ไม่เคยคิดว่าจะได้มาเห็นว่าคนอย่างกร...ง้อใครสักคนและอาการที่บ่งบอกว่ายอมทำได้ทุกเรื่องถ้าหากภูเบศธ์สั่งออกมา ในขณะนั้นเองที่สองก็โทรมาตามตรฤณ แต่ตรฤณก็รีบพูดแล้วหันมาดูสถานการณ์ตรงหน้าต่อไป..แล้วประเมินว่าจะเอายังไงต่อดี

“กร...ยังไงฉันฝากเล่าเรื่องที่ฉันเล่าให้นายฟังเกี่ยวกับวินด้วยนะ  ฉันต้องไปหาไอ้สองก่อน” ตรฤณเอ่ยขึ้นโดยที่กรก็พยักหน้ารับเบาๆเป็นเชิงรับรู้แล้วตรฤณเดินหายไปจนลับสายตา ก็ถึงคราวที่กรต้องสู้รบตบมือกับภูเบศธ์คนเดียวซะแล้ว

_____________


“นี่เหรอเรื่องที่มึงอยากทำเซอร์ไพรส์กู?” พอเดินมาถึงปุ๊บตรฤณก็เอ่ยถามสองทั้งที่เดินเข้าไปกอดวินแล้วตบหลังดังตั้บๆด้วยความคิดถึง

แต่กูดูจากท่าทางไอ้เด็กปากหมาของมึง กูรู้ซึ้งเลยล่ะวามึงคงไม่ได้กะมาเซอร์ไพร์สกู ไอ้สอง!

“ไงล่ะ...สะใจมึงเลยล่ะสิ...เด็กนั่นร้องไห้วิ่งโร่ไปฟ้องแม่เขาแล้ว” ทั้งที่วินเพิ่งมาใหม่แทนที่จะพูดจากันให้หายคิดถึง แต่ตรฤณกลับเลือกที่จะประชดสองที่นั่งอย่างสบายอกสบายใจ ไม่ได้รู้เลยว่าภูเบศธ์จะน้อยใจแค่ไหน

“ก็เรื่องของมัน..ใช่ว่ากูอยากจะสน”สองพูดอย่างไม่ยี่หระ แต่ทว่าแววตากับดูวูบไหวไปเล็กน้อยเมื่อตรฤณบอกว่าภูเบศธ์เป็นอย่างไรหลังจากที่ต้องปะทะริมฝีปากกันกับวิน

“ให้แน่เหอะมึง...ไม่ใช่ว่าให้กูมากัดเขาให้ แล้วมึงมานั่งเสียใจทีหลังนะ”แล้ววินก็ช่วยออกโรงเสริมทัพช่วยอีกหนึ่ง โดยที่ตรฤณไม่ต้องร้องขอความช่วยเหลือเลยแม้แต่น้อย เพราะเพียงแค่วินมองสองที่ดูแปลกไป..และตรฤณที่ดูเหมือนอยากจะพูดให้สองได้คิด วินก็เข้าใจว่าระหว่างสอง ตรฤณ และไอ้เด็กที่ชื่อภูเบศธ์นั่น ต้องมีซัมติงกันแน่ๆ

“ใครเสียใจ?!...กูออกจะดีใจที่หมาในปากไอ้เด็กนั่นตายห่าทั้งบาง...”

ถึงน้ำเสียงจะดูสะใจ แต่แววตาของสองกลับไม่ได้แสดงออกมาอย่างนั้น...

“ให้มันแน่...”ตรฤณพูดเบาๆจนทำให้สองไม่ได้ยิน แล้วทั้งสามคนก็พร้อมใจที่จะหยุดพูดเรื่องบุคคลอื่น แล้วหันมาสนใจเพื่อนที่เพิ่งกลับมาจากต่างแดนแทน


หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 9 บรรยากาศมันพาไป~ P.4 [Up 15/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: ryoko_chan ที่ 16-01-2012 22:42:48
_____________


หลังจากวันนั้น สองก็ทำตัวติดกับเด็กจบนอกตลอดเวลาโดยไม่เว้นช่องว่างให้ใครคนอื่นเข้ามาแทรก ถึงเวลาเดินจะเดินมาพร้อมกันสามคน แต่คนภายนอกดูก็รู้เลยว่าใครคู่ใคร...แล้วใครเป็นส่วนเกิน

แล้วทำไมกูต้องอยู่เป็นส่วนเกินด้วยวะ?

ตรฤณมองเพื่อนสองคนที่เดินมาด้วยกันกระหนุงหระหนิงกันตลอดเวลา ตรฤณรู้ดีว่าความรู้สึกของวินนั้นไม่มีทางให้สองเกินกว่าคำว่า “เพื่อน”แต่สำหรับสอง มันจะเกินกว่าคำว่าเพื่อนยังไงนั้น...ก็ไม่ค่อยแน่ใจเพาะปกติสองชอบอ้อนชวินอยู่แล้ว ในกลุ่มนี้เมื่อแต่ก่อนที่เคยอยู่ร่วมกันสามคน คนที่คอยตามใจสองจะมีแต่วินคนเดียวเพราะทนลูกอ้อนของสองไม่ได้ถึงปากจะด่าจะว่าไปบ้างสุดท้ายก็ยอมตามใจ  ส่วนตัวเขานั้นก็ใช่ว่าจะทนลูกอ้อนของสองได้ดีกว่าวิน..แต่แค่ว่าเคยทำใจแข็งแล้วพอสองรู้ว่าอ้อนไม่ได้เลยเลิกอ้อนไป แล้วไปเกาะวินเหมือนกับปลิง อย่างที่เห็นๆอยู่

กูล่ะสงสารไอ้เด็กปากหมานั่นลงตับ!
ตรฤณแอบเห็นภูเบศธ์มองดูคู่วินกับสองอยู่ห่างๆทุกวัน แล้วเหมือนจะได้ข่าวมาแว่วๆจากกรว่า...ไอ้เด็กปากหมาของสองกินไม่ได้ นอนไม่หลับเลยล่ะ

แล้วจะให้ทำยังไงล่ะ? ตรฤณพยายามคิดหาหนทางแยกวัวแก่กลายพันธุ์เป็นลูกลิงเกาะแม่(ชวิน)เอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อยง่ายๆ สุดท้าย..ก็เลยต้องยอมอยู่ด้วยให้มันเป็นคู่ 3P แทน เพราะยิ่งถ้าปล่อยให้วินอยู่กับสองแบบสองต่อสอง รับรองวินได้เสียตัวให้สองแน่ๆ

“นี่กูถามจริงสอง มึงไม่สงสารวินบ้างเหรอวะ?”เมื่อวินอาสาที่จะเดินไปซื้ออะไรมาให้สองนั่งทานเล่น ตรฤณก็ได้โอกาสถามเพื่อนรักอย่างอยากรู้

“ทำไม?”

“ก็มึงเล่นเกาะไอ้วินอย่างกับปลิงอย่างนั้น แล้วสาวหน้าไหนจะกล้าเข้ามาหามันวะ?”

“แล้วไง? ตอนนี้ไอ้วินมีกู...มันไม่สนใจใครหรอก”สองพูดหน้าตายทำเอาตรฤณตบหน้าผากตัวเองเบาๆด้วยความเอือมระอา

“มึงแน่ใจ...มันเคยบอกหรือไงว่ามันชอบมึง”ตรฤณรีบถามคำถามจี้จุด

“ถึงมันจะไม่เคยพูด..แต่กูก็รู้ว่าครั้งนี้ที่มันกลับมา..มันต้องการจะเริ่มใหม่กับกู”

เห็นไหม กูบอกแล้วว่าการห่างจากกันนาน..มันต้องมีอะไรบ้างให้คิดถึงกัน~

“แล้วมึงไม่สงสารไอ้เด็กนั่น...ไอ้ภูน่ะ”

ปึง!
เสียงสองตบโต๊ะทำเอาตรฤณผงะ

“กูกับเด็กนั่นไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกแล้ว แม่งพูดถึงเรื่องนี้ทีไรปวดฉี่ทุกทีเลย”สองพูดอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะเดินกระแทกเท้าไปทางห้องน้ำ แต่ระหว่างทางกลับโดนข้อมือของใครบางคนฉุดให้เดินตามเสียก่อน


“อ๊ะ...ไอ้ภู....นี่ปล่อยนะ”สุดท้ายภูเบศธ์ก็เหวี่ยงสองเข้าไปในห้องน้ำ แล้วล็อคประตูทันที

“นายจะทำอะไร?!”ในเมื่อโดนทั้งขังไว้ในห้องน้ำพร้อมกับภูเบศธ์ แถมยังยืนดักหน้าเอาไว้ สองก็รู้ตัวพอว่าไม่ควรที่จะขัดขืน เดี๋ยวจะโดนกัดเอา สองมองหน้าไอ้เด็กปากหมาตรงหน้าก่อนจะคิดไปว่า.. กี่วันแล้วนะที่ไม่ได้เห็นภูเบศธ์เพียงไม่กี่วันทำไมไอ้เด็กหน้าหล่อปากหมามันถึงได้โทรมเยี่ยงคนติดยา..เช่นนี้

“ไม่คิดถึงกันบ้างหรือไง”


ในที่สุดภูเบศธ์ก็ยอมเป็นฝ่ายปริปากพูด ทั้งที่ไม่ได้มองหน้าสอง

“ทำไมฉันต้องคิดถึงนาย”ถ้าเป็นไปได้สองอยากจะกลับคำพูดทันทีหลังจากที่ภูเบศธ์มองตา...แววตานั้นทำไมดูเศร้าได้ถึงขนาดนั้น..

“เพราะวินนั่นใช่มั๊ย?”น้ำเสียงของภูเบศธ์ยังคงราบเรียบ ฟังดูเหมือนไม่ได้เสริมแทรกอารมณ์ใดๆเอาไว้ แต่ถ้าแค่มองตา..ก็คงจะรู้ความรู้สึกของภูเบศธ์ทันที

เพราะฉะนั้นกูถึงได้พยายามหันไปมองทางอื่น...แค่นี้ก็ใจอ่อนมากเกินพอละ!

ไม่อยากจะยอมรับเลย...ว่ารู้สึกใจมันอ่อนเวลาเห็นสายตาแบบนั้น

“พอวินกลับมา...เลยไม่สนใจผมเลยใช่มั๊ย”

เอาอีกละ! อย่าใจอ่อนให้มันมาก กูชักรำคาญตัวเอง

“ขอโทษที...เพราะฉันไม่ได้สนใจนายมาตั้งแต่ต้น...ภูเบศธ์”สองพูดพร้อมกับรอยยิ้มฝืนๆ เพราะรู้สึกเจ็บคำพูดของตัวเอง

พูดเองเจ็บเอง...เป็นเอามากนะมึง สอง!!!!!

สองรู้สึกหงุดหงิดใจอย่างบอกไม่ถูกโดยหาสาเหตุไม่ได้

“งั้น...ผมก็คงต้องขอโทษนะครับ..ที่สำคัญตัวเองผิดไป” ภูเบศธ์พูดเอาไว้แค่นั้นก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำจากไป.. คล้ายจะเป็นสัญญาณว่าเดินไปแล้วจะไม่หันกลับมามองอีก สองเข่าอ่อนเสียดื้อๆ มือเล็กพยายามดันตัวเองกับผนังของห้องน้ำก่อนจะรู้สึกเจ็บแปลกๆตรงอกข้างซ้าย เพียงเพราะว่าอีกคนเดินจากไป

“ภูเบศธ์! หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”และไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้สองรั้งภูเบศธ์เอาไว้ แต่สุดท้ายภูเบศธ์ก็ไม่หันกลับมาอีกเลย

_______________





“อ๊ะ?”

“ขอโทษนะครับ...เอ่อ...ผมเช็ดให้นะครับ”ใครบางคนเดินมาชนเข้ากับร่างสูงใหญ่ของชวิน เอ่ยอย่างรู้สึกผิดแถมด้วยการเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับรอยเปื้อนที่ตัวเองเป็นคนชนทำให้น้ำผลไม้ในมือของวินหกเปื้อนเสื้อเล็กน้อย

“ไม่เป็นไรครับ...แค่นิดหน่อยเอง”วินยิ้มให้อย่างใจดีก่อนจะรู้สึกใจกระตุกเพียงแค่ร่างเล็กตรงหน้าเงยหน้าขึ้นมามอง

“ไม่ได้หรอกครับ...ผม...ผม...ขอโทษ”คนพูดดูเหมือนจะทำอะไรไม่ถูก มือเล็กนั้นก็ทำได้แค่เพียงการซับคราบน้ำที่เปื้อนอย่างเบามือ จนวินต้องยิ้มขึ้นมาอีกครั้งกับท่าทางของคนตรงหน้า

“ผมชวินครับ”ในเมื่อไม่รู้จะพูดอะไรต่อวินก็เป็นคนเอ่ยแนะนำตัวขึ้นมาเสียดื้อๆ ทำเอาอีกคนต้องเงยหน้ามองอีกฝ่ายอย่างสงสัย

“แล้วคุณล่ะ?”วินยิ้มให้อีกครั้ง อีกฝ่ายดูเหมือนจะครุ่นคิดอยู่สักพัก

“กร...ทิวากรครับ”เจ้าของผ้าเช็ดหน้ายิ้มให้บ้าง ก่อนที่สายตาที่เหลือบมองเห็นใครบางคนที่บังเอิญว่าเดินมาเจอ แล้วรีบหันหลังจากไปทันที

ขอโทษนะ...
ฉันไม่รู้ว่าจะทำยังไงจริงๆ นอกจากวิธีนี้~

TBC



ตอนนี้... :เฮ้อ: เห็น ชวิน กับภูเบศธ์ กัดกันแบบนี้แล้ว....อ๊ายยยยยยยย
ช่วยลุ้นกันต่อไปด้วยนะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 10 เพื่อนสนิทคิดลักหลับ P.4 [Up 16/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: vi2212 ที่ 16-01-2012 23:29:06
 o22..กรทำอย่างนั้นแล้วจะเอาตรฤณไปไว้ไหน
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 10 เพื่อนสนิทคิดลักหลับ P.4 [Up 16/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: boobooboo ที่ 16-01-2012 23:50:49
กร  ร้ายกาจมากอ่ะ
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 10 เพื่อนสนิทคิดลักหลับ P.4 [Up 16/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Bowbonk ที่ 16-01-2012 23:52:54
กร  ทำงี้ไมอ่ะ  สงสารตรฤณอ่ะ    แล้วชวินอีก  เฮ้อ  มันจะแย่ไปใหญ่แล้วนะ
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 10 เพื่อนสนิทคิดลักหลับ P.4 [Up 16/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 17-01-2012 00:09:59
น้องภูของช้านนนนนน  T^T

พี่สองทำแบบนี้ไม่เห็นใจเมะบ้างเลยอ่ะ  ฮือๆๆๆ
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 10 เพื่อนสนิทคิดลักหลับ P.4 [Up 16/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 17-01-2012 00:21:11
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 10 เพื่อนสนิทคิดลักหลับ P.4 [Up 16/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 17-01-2012 00:57:54
อ๊ะ หวังว่าคงไม่เกิดสงครามนะ ไม่นะไม่นะ

แล้วตอนนี้สองใจอ่อนแระหลอ ><~ จะเกิดอารายขึิ้นอีกน้า

ยังไงก้ออย่าลืมมาต่ออีกนะค๊าฟฟ

รอรอต่อเหมือนเดิมน้ออ^^
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 10 เพื่อนสนิทคิดลักหลับ P.4 [Up 16/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: looksorn ที่ 17-01-2012 02:04:01
กร...................................... o22
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 10 เพื่อนสนิทคิดลักหลับ P.4 [Up 16/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: หมูกระต่าย ที่ 17-01-2012 07:25:24
เป็นการตกลงปลงใจที่สั้นมากๆ อื้อ คำเดียวจบ
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 10 เพื่อนสนิทคิดลักหลับ P.4 [Up 16/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 17-01-2012 10:24:37
เนื้อเรื่องจะพันกันเป็น เกรียวเชือกแล้ว..
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 10 เพื่อนสนิทคิดลักหลับ P.4 [Up 16/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Allure-Q ที่ 17-01-2012 11:09:51
 o22 ทิวาก๊รรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรร
จะมา ซัมติง กันชวินเรอะ?!
ได้ไง๊!!!!!! ส่งตรฤณมาให้เค้าเลย  :z6:<<<โดนแม่ยกตรฤณเหยียบยอดหน้า
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 10 เพื่อนสนิทคิดลักหลับ P.4 [Up 16/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Alone Alone ที่ 17-01-2012 11:16:15
กรต้องคู่กับตฤนเด้ อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกก

หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 10 เพื่อนสนิทคิดลักหลับ P.4 [Up 16/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: pae666 ที่ 17-01-2012 17:07:07
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกก ตรฤณเอ๊ย!! โดนตีท้ายครัวแล้วไม๊ล่ะ สงสารตรฤณจริงๆอ่ะ  :laugh:  :laugh: ((แล้วหัวเราะทำม๊ายยยย)) 5555+

นายสองเสร็จแน่ เริ่มมีใจแล้วล่ะเซ่ ปากไม่ตรงกับใจเลยน๊าาาาาาา

รอตอนต่อไปนะคะ สู้ๆ นะนายตรฤณ!!!!  :fire:
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 10 เพื่อนสนิทคิดลักหลับ P.4 [Up 16/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 17-01-2012 17:47:44
อ้าวยังไงเนี่ยชุลมุนดีแท้ :sad4:
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 10 เพื่อนสนิทคิดลักหลับ P.4 [Up 16/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: ryoko_chan ที่ 17-01-2012 22:42:05
บทที่ 11 แกนนำผู้ก่อการร้าย


“ไอ้ภูเบศธ์! หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”

เฮ้ย! จะมากเกินไปแล้วนะที่กล้าขัดคำสั่งคนอย่างสองน่ะ!

 

“นี่! ฉันบอกให้หยุด ไม่ได้ยินหรือไงไอ้คุณภูเบศธ์”ร่างเล็กแหกปากตะโกนไล่หลังร่างสูงที่เดินจากไปเรื่อยๆราวกลับไม่ได้ยินเสียงเรียก ในเมื่อเรียกแล้วไม่หันก็ถึงคราวที่สอง กมลินทร์ต้องวิ่งตามต้อยๆ

แต่ทำไงได้รูปร่างและสรีระมันต่างกันลิบลับ วิ่งจนลมแทบจับยังตามมันไม่ทันเลยอ่ะคิดดู!

“ไอ้ภูเบศธ์!” วิ่งตามไปเรียกรั้งไปเรื่อยทั้งที่รู้ๆว่าคนที่เรียกไม่มีทางหันกลับมา ว่าแล้วคนที่ขาสั้นกว่าก็รีบติดสปีดเทอร์โบให้แรงและเร็วที่สุดเท่าที่สังขารจะเอื้ออำนวย

ไอ้ขาสั้นน่ะยังไม่เท่าไหร่ แต่เรื่องอายุเนี่ยช่วยเห็นใจกูบ้างสักนิดนึง!

กูอยู่ปีสี่แล้วนะเว้ยอายุอานามก็ไม่ใช่น้อยๆ..แค่เดินขึ้นบันไดไปชั้นสองยังหอบแฮ่กเลย

“ไอ้ภู!!!”ครั้งนี้จะเรียกเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว เพราะถ้ายังไม่หันอีกจะเลิกตามแล้ว สองได้เพียงแค่คิดเรื่องนี้อยู่เพียงเศษเสี้ยวนาทีพร้อมกับสปีดในการวิ่งยังคงที่(เพราะเร่งไม่ขึ้น)

อั่ก!!!
เสียงอะไรบางอย่างกระแทกเข้าอย่างจังกับแผ่นหลังกว้างของภูเบศธ์ด้วยความเร็วประมาณยี่สิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง

“โอ๊ย~ จะหยุด ทำไมไม่บอกเล่า!”มือเล็กยกขึ้นมาลูบหน้าตัวเองที่อัดเข้าไปเต็มหลังของภูเบศธ์ ที่ดูเหมือนว่าคนที่โดนชนก็ออกอาการเจ็บหลังอยู่ไม่น้อย

“ก็บอกให้หยุดๆ พอหยุดให้ก็มาว่ากัน จะเอายังไงกันแน่ พี่สอง”ภูเบศธ์หันหน้ามาปะทะฝีปากกับสองเช่นเคย ถึงแม้ในสถานการณ์แบบนี้สองไม่ควรอมยิ้ม แต่กลับพยายามหุบยิ้มไม่ได้ที่รู้ว่าไอ้เด็กเวรที่อุตส่าห์วิ่งตามมาจนเหนื่อยยอมหยุดคุยด้วยดีๆ(?)

ดีหรือไม่ดี อันนี้ก็ไม่รู้ รู้แค่ว่าตอนนี้ภูเบศธ์ยอมหันหน้ามาคุยด้วยก็แล้วกัน

“เออ! ไม่ว่าก็ได้! เจ็บชิบ”เรียวคิ้มขมวดเข้าหากันพร้อมกับการที่ยังคงลูบหัวตัวเองป้อยๆอย่างน่าสงสาร ทำเอาคนที่โดนชนกะว่าจะต่อว่าอีกสักหน่อย แต่ก็ต้องกลืนคำด่าลงคอแล้วเปลี่ยนเป็นห่วงใยแทน

กับคนคนนี้...ยังไงก็เป็นห่วงได้ทุกครั้ง...

“ไหนขอดูหน่อย..”มือใหญ่เอื้อมไปคว้ามือเล็กๆออกโดยอัตโนมัติเมื่อเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงห่วงใยแววตาคมไล่มองดูหน้าผากมนและปลายจมูกเล็กที่แดงเพราะกระแทกเข้ากับหลังแข็งๆของตนเอง ก่อนจะเผลอใช้มือของตนเองนั้นสัมผัสอย่างแผ่วเบาราวกับว่าสัมผัสนี้จะทำให้ความเจ็บปวดนั้นมลายหายไปได้

ร่างเล็กได้แต่ยืนอยู่นิ่งๆให้ภูเบศธ์พิจารณาหน้าผากของตนเอง ราวกับว่าทุกสิ่งรอบตัวกำลังหยุดนิ่งอยู่กับที่ จนบางครั้งก็ลืมตัวไปเลยว่า...กำลังโกรธคนตรงหน้าอยู่ ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรจากภูเบศธ์ ถึงแม้ก่อนหน้านี้จะรู้สึกน้อยอกน้อยใจร่างเล็กตรงหน้าจนอยากจะเดินหนีไปให้พ้น แต่พอรู้ว่าคนตัวเล็กกว่าตรงหน้านั้นเจ็บ ความน้อยอกน้อยใจเมื่อครู่ก็พลันหายไป เหลือแต่เพียงความห่วงใยที่คอยหยิบยื่นให้แทน

“แค่แดงนิดเดียวเอง..ไม่เจ็บมากหรอกน่า~” ถึงน้ำเสียงจะพูดราวกับตำหนิว่าฝ่ายที่เดินชนแผ่นหลังตนเองนั้นโอดครวญเกินเหตุ แต่ทว่าแววตาคมยังคงทอดมองคนตรงหน้าด้วยความห่วงใยและอ่อนโยน จนจังหวะหัวใจของสองเริ่มเต้นไม่ค่อยเป็นจังหวะ   

“อะ....เออ!ไม่เจ็บแล้ว..”ที่บอกว่าไม่เจ็บ สองเองก็บอกไม่เหมือนกันว่ามันเป็นเพราะฝ่ามือใหญ่ที่ลูบเบาๆที่หน้าผากของตนเองหรือเปล่า แต่ถึงอย่างนั้นสองก็ยังคงเป็นสอง เมื่อตั้งสติได้ มือเล็กก็ปัดมือใหญ่ๆที่มายุ่มย่ามอยู่กับใบหน้าของตนเองให้พ้นทาง ทำเอาร่างสูงต้องยักไหล่อย่างเสียไม่ได้

“เออ..คนเขาก็อุตส่าห์ดูให้ ยังมาปัดมือออกอีก น่าน้อยใจมั๊ยเนี่ย~”ภูเบศธ์พูดลอยๆแต่แววตานั้นบ่งบอกเต็มที่เลยว่าน้อยใจจนสองนึกหมั่นไส้ขึ้นมาตะหงิดๆ

“ฉันไม่ได้บอกให้นายช่วยดูสักหน่อย”

“โอเค~ ผมผิดเองล่ะที่ดันไปดูให้เองน่ะ”ภูเบศธ์ถอนหายใจทิ้ง...
แค่ความเป็นห่วงเขาก็ยังไม่อยากได้เลย …

“นี่!”
สองเรียกเสียงเข้มเมื่อเห็นภูเบศธ์ทำท่าจะหันหลังให้แต่เสียงเรียกนั้นก็ไม่ได้ทำให้ภูเบศธ์อยากจะหันกลับไปสนใจสักเท่าไหร่

“จะเดินหนีฉันไปถึงไหน!”

“คนที่เขาไม่ต้องการ จะอยู่ให้เขาเหม็นขี้หน้าทำไมล่ะ”น้ำเสียงภูเบศธ์ฟังดูแล้วเหมือนคนไม่อยากใส่ใจกับคำพูดของตัวเองสักเท่าไหร่ แต่สองจะรู้หรือไม่ว่า คนพูดเอง...ก็เจ็บปวดเอง..

“ใครไม่ต้องการนายกัน?”สองยังคงไม่ค่อยเข้าใจที่ภูเบศธ์สื่อความหมาย

“ก็คนที่พูดๆอยู่น่ะ..ไม่รู้จักหรือไง...คนที่ชื่อสองน่ะรู้จักใช่มั๊ย

ภูเบศธ์พูดประชดโดยที่ไม่หันหลังกลับมามอง

“ภูเบศธ์ มันจะมากไปแล้วนะ!”

บางครั้งคำพูดของภูเบศธ์ที่ดูเหมือนไม่มีอะไร และความเป็นจริงสองไม่ควรจะสนใจมันด้วยซ้ำแต่กลับกลายเป็นว่า ทนไม่ได้เสียเองเมื่อได้ยินสิ่งที่ภูเบศธ์พูดออกมา...

เด็กในฮาเร็มกูก็ไม่ใช่ ยังมีหน้ามาทำงอนใส่กูอีกนะ!
ว่าแต่..แล้วทำไมกูต้องเดินตามมัน อย่างกับคนกำลังง้อเด็กด้วยวะ!


 “ปากก็บอกว่าไม่เคยสนใจ..ถามจริงแล้วเดินตามมาทำไม..ให้ผมต้องเจ็บใจเล่นน่ะ!”
เพียงแค่ภูเบศธ์หันหน้ามาแล้วพูดใส่อารมณ์ มือเล็กที่เตรียมคว้าคอคนตัวใหญ่ก็ชะงักไปชั่วครู่แล้วลดมือลงอย่างรวดเร็ว

“เลิกตามผมสักทีถ้าไม่สนใจอย่างที่ปากว่าไว้”ภูเบศธ์กลั้นใจพูดด้วยความรู้สึกที่เจ็บปวด บางครั้งคนเราก็อยากเจ็บครั้งเดียวให้มันจบๆไป   ไม่ใช่ต้องมาเจ็บเรื้อรังเกรงว่าหัวใจมันจะไม่พร้อม

“แล้วหมาตัวไหนมันบอกไม่สนใจนายล่ะ!”
สองตะคอกกลับ ถึงเมื่อกี้จะยังรู้สึกกลัวๆภูเบศธ์โหมดโหดอยู่บ้างก็ตามที

หือ?...กูพูดอย่างนี้ก็หมายความว่า...กูสนใจมันเหรอ?
ไม่มั้ง?


“หา? หมาตัวไหนอย่างนั้นเหรอแล้วหมาตัวไหนมันพูดตอนอยู่ในห้องน้ำล่ะ?”ภูเบศธ์มองใบหน้าเล็กอย่างนึกสงสัยเพราะไม่แน่ใจจริงๆว่าสองกำลังจะพยายามสื่ออะไรกับเขา ทั้งที่พยายามจะทำให้เรื่องมันจบด้วยการเดินๆหนีไปซะให้พ้น แต่เจ้าตัวที่บอกว่าไม่อยากสนใจกลับเดินตามมารังควานอยู่ไม่ห่าง

“หมา?...ไม่รู้...แต่ฉันไม่ได้พูด”เหมือนจะกลืนน้ำลายตัวเอง สองเหมือนรู้สึกว่าตัวเองกำลังทำตัวไม่ถูกเมื่อโดนเด็กตรงหน้าเดินหนี แล้วพอรู้ว่าตัวเองเดินตามจนภูเบศธ์ยอมหันมาสนใจ..ก็กลับวางตัวไม่ถูกอีกเช่นกัน

“แน่ใจ?”ภูเบศธ์หัวเราะอยู่ในลำคอถึงแม้ก่อนหน้านี้จะประชดตัวเองเต็มที่ แถมอยากตะโกนบอกตัวเองว่าสองไม่เคยสนใจตัวเองแต่พอมาเห็นสองในตอนนี้ ภูเบศธ์กลับอยากคิดเข้าข้างตัวเองขึ้นมา
เรื่องที่ว่า....สองก็อาจมีใจให้แต่แค่ไม่เคยรู้ตัว

“เออ! ชัดมะ”

“แล้วเดินตามผมมามีอะไร?” ภูเบศธ์รีบถามกลับ จะถือเสียว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องน้ำนั้นไม่ได้เกิดขึ้นก็แล้วกัน ตอนนี้ได้มายืนต่อล้อต่อเถียงกับสองอยู่แบบนี้รู้สึกดีกว่าเยอะ

“เอ่อ......” สองครุ่นคิดทำเอาภูเบศธ์แอบลอบยิ้ม

เออ..นั่นสิวะ กูเดินตามมันหาพระแสงอะไร?

“คือ...”
สองเอียงคอพลางคิดหาข้ออ้าง      แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกว่าจะบอกว่าอะไร

ถ้าว่ากันตามความเป็นจริง กูก็เพิ่งรู้ตัวเหมือนกันนี่แหล่ะว่าเดินตามไอ้เด็กเวรนี่มา

“ไม่ใช่เพราะว่าอยากง้อผมหรอกนะถึงได้ตามมาน่ะ ”ภูเบศธ์ยิ้มกริ่ม โดยที่สองเองก็พยักหน้าคล้อยตามหลังจากที่คิดหาข้ออ้างอยู่นาน

“คงงั้นล่ะมั้ง...หา?! เมื่อกี้นายพูดว่าอะไรนะ...ง้ออย่างนั้นเหรอ?...ไม่นะฉันไม่ได้มาง้อนายสักหน่อย!”

เฮ้ย!กูหลงกลไอ้เดกเวรนี่อีกแล้วเหรอเนี่ย!
ยิ้มหน้าบานเป็นจานดาวเทียมเชียวนะมึง เมื่อกี้ก็แค่เผลอ(ใจ)บอกแล้วไงว่าเคสแบบนี้กูก็ไม่นับ!


“ก็ได้...ไม่ได้มาง้อก็ไม่ได้มาง้อ ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อยนี่”ภูเบศธ์ยังคงอมยิ้มจนร่างเล็กรู้สึกหงุดหงิดกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์แบบนี้ของอีกฝ่ายว่าแล้วมือเล็กๆก็ทุบดังอั่กๆเข้ากลางหลังภูเบศธ์เสียเต็มรัก

“นี่! อย่ามายิ้มเลยนะ บอกแล้วไงว่าไม่ได้มาง้อ...นี่! หยุดยิ้มไปเลยนะเว้ย!”ร่างเล็กทุบไปก็หน้าแดงไปเริ่มทำตัวไม่ถูก จะหาคำมาแก้ตัวก็รู้สึกว่าสมองจะหยุดสั่งการไปชั่วขณะ

“โอ๊ย..เชื่อแล้วๆ...หยุดทุบดิ เจ็บนะ มือคนหรือ..

มือควาย! นายจะพูดอย่างนี้อีกแล้วใช่มะ?”สองพูดเสริมให้โดยไม่ต้องรอให้ภูเบศธ์พูดจนจบประโยคพร้อมกับมือเล็กแต่แรงไม่เล็กฟาดไหล่เป็นการตบท้ายอีกหนึ่งดอก จนภูเบศธ์ต้องยู่หน้าด้วยความเจ็บ

“ไม่ได้จะพูดอย่างนั้นสักหน่อย~”

“ไม่ต้องมาแก้ตัวเลย! ด่าฉันแป็นวัวเป็นควายตลอดอ่ะ ไม่เคยหนีพ้นสายพันธุ์นี้เลย ให้ตายเหอะ!”

“ผมจะพูดว่า ‘มือคนหรือตีนควาย’ ต่างหาก  เพราะควายน่ะไม่มีมือหรอกนะครับพี่สอง”

“ไอ้ภูเบศธ์!”
สองขึ้นเสียงขู่พร้อมด้วยฝ่ามือฟาดลงไปบนท่อนแขนอีกฝ่ายอย่างไม่ยั้ง

   “พอได้แล้ว..ผมเจ็บนะ!”ในที่สุดความอดทนของภูเบศธ์ก็จบสิ้นลง พร้อมกับที่มือใหญ่รีบคว้ามือเล็กแล้วกระชากเข้ามาหาตัวเอง   ความจริงก็กะกระชากแต่มือ แต่ไหงมาทั้งตัวเลย

“ซาดิสม์หรือไง...นี่เพิ่งรู้เหมือนกันนะเนี่ยว่าพี่สองเป็นวัวแก่ซาดิสม์”ภูเบศธ์ล้อทั้งทางสายตาและคำพูด ทำเอาร่างเล็กในอ้อมกอดถลึงตาใส่เตรียมใช้มือตัวเองฟาดฟันแต่ติดที่ว่ามือเล็กทั้งสองข้างกลับถูกยึดเอาไว้ด้วยมือข้างเดียวของภูเบศธ์

“อย่าอยู่เลย!ไอ้ภูเบศธ์”ในเมื่อมือใช้การไม่ได้แต่เท้ายังว่างอยู่สองก็เตรียมยกเท้าขึ้นกะเหยียบเข้าที่เท้าของอีกฝ่ายเต็มที่ แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะรู้ตัวก่อนเลยเอาเท้าหลบฝ่าเท้าพิฆาตของสองได้ทันแบบเฉียดฉิวเส้นยาแดงผ่าแปด!

“โอ๊ะ? กระแทกเท้าใส่พื้นเล่นไม่เจ็บเหรอครับ?”ใบหน้าคมยังตีหน้ายียวนกวนประสาทสองไม่เลิก คนตัวเล็กในวงแขนก็ทำได้แต่เพียงการกัดฟันด่าแล้วดิ้นขลุกขลักไปมาราวกับลูกนกที่อยู่ในอุ้งเท้าของแมวเหมียวตัวใหญ่

“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!” สองพยายามรวบรวมกำลังที่มีอยู่ทั้งหมดเพื่อดิ้นให้หลุดออกจากอ้อมกอดของร่างสูง   แต่จนแล้วจนรอดที่ทำไปทั้งหมดมันก็เปล่าประโยชน์เพราะนอกจากภูเบศธ์จะไม่ยอมปล่อยแล้วแถมออปชั่นพิเศษด้วยการรัดตัวรุ่นพี่เอาไว้แน่นยิ่งกว่าเดิมจนทำให้ช่องว่างระหว่างคนสองคนหายวับไปทันตา

“นี่~ หน้าผากยังแดงไม่หายเลยรู้ตัวเปล่า?...แล้วดูยังจะดิ้นอีก เดี๋ยวจะดูให้”ในเมื่อความใกล้ชิดทำให้ภูเบศธ์มองเห็นหน้าผากมนใกล้ๆ เลยมองเห็นรอยแดงๆบนหน้าผากได้ชัดเจนภูเบศธ์ก็ทำเป็นพินิจพิจารณาราวกับว่าเป็นนักศึกษาแพทย์ที่กำลังศึกษาเคสอยู่

“นายเป็นหมอหรือไง!”ถึงคำพูดจะฟังคล้ายคนหงุดหงิด แต่สองก็ยอมยืนอยู่นิ่งๆเพื่อให้ภูเบศธ์ได้ดูรอยบนหน้าผากของตัวเองอีกครั้ง มือแกร่งปัดผมที่ลงมาปรกหน้าผากมนเบาๆก่อนจะค่อยๆนำมันไปทัดใบหู สายตาของภูเบศธ์ในตอนนี้ทำเอาอีกคนเคลิ้มไปได้ไม่ยากเลยทีเดียว

จุ๊บ!

   หือ? เมื่อกี้ไอ้เด็กเวรจุ๊บหน้าผากกูเหรอวะ?


“เพี้ยง! หายแล้ว~”ร่างสูงยิ้มกว้างพร้อมกับการเป่าหน้าผากมนเบาๆตบท้าย ทำเอาสองมองอีกฝ่ายอย่างงุนงงกับการกระทำของภูเบศธ์

ขอโทษทีกูไม่ใช่เด็กปอสี่ ที่พอเป่าเพี้ยงทีแล้วจะหายเจ็บนะเว้ย!

“ทำบ้าอะไรของนาย!”มือเล็กรีบยกขึ้นมาปิดหน้าผากตัวเองโดยอัตโนมัติ ทั้งที่เบิกตาโตมองอีกฝ่ายด้วยความตกใจ

“แล้วหายเจ็บมั๊ยล่ะ?”
ได้ข่าวกูบอกไปตั้งนานแล้วนะว่ากูหายเจ็บ...หรือว่ามันไม่ได้ยิน..มันถึงทำหน้ามึนหาเรื่องมาจุ๊บหน้าผากกูจนได้!

“ปัญญาอ่อน! แล้วก็ปล่อยฉันได้แล้ว”

“ไม่ปล่อย...มีปัญหาหรือไง?”ริมฝีปากยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ แต่ทว่าร่างเล็กกลับรู้สึกอยากสนใจอะไรบางอย่างที่มันบังเอิญแว๊บเข้ามาผ่านจุดโฟกัสสายตาก่อน

“ใช่...มีปัญหาแน่ๆ”แต่ดูท่าว่าคงไม่ใช่ปัญหาระหว่างภูเบศธ์และกมลินทร์ หลังจากที่ภูเบศธ์ลองมองตามสายตาของสองที่เหล่ไปทางซ้ายอย่างโกรธเคือง แล้วก็เจอกับต้นตอที่ทำให้สองเกิดอาการสวิซตัวเองเปลี่ยนเป็นอีกโหมดได้ภายในเศษเสี้ยววินาที

ทิวากร แกนนำผู้ก่อการร้าย!
ร้ายแรก...คือการเทียวกรอกหูให้ไอ้ตรฤณจับกูประเคนน้องมัน
ร้ายที่สอง...คือการเดินมาควงไอ้ชวินต่อหน้าต่อตากู

กูทนไม่ไหวแล้วนะเว้ย!

ไม่รู้ว่าสองไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนหลังจากเห็นภาพบาดตาบาดใจ ก็สลัดอ้อมกอดของภูเบศธ์ได้ภายในครั้งเดียว ก่อนจะเดินอาดๆตรงไปยังคู่ของชวินและทิวากรที่กำลังเดินกระหนุงกระหนิงผ่านหน้าผ่านตาไปแบบไม่แคร์สื่อ

ไอ้ส้นตรฤณมึงไปมุดหัวอยู่ที่ไหนรีบมาเก็บตัวทิวากรของมึงไปด่วน
ก่อนจะเจอกูเหวี่ยงนะเว้ย!


“เฮ้ย...กร...ทำบ้าอะไรวะนั่น?”
ถึงจะตกใจกับท่าทางของสองที่เดินอาดๆตรงไปยังกร แต่ภูเบศธ์ก็รู้สึกว่าจะแปลกใจกับท่าทางอ่อนหวานของกรเสียมากกว่า

เกิดมาจนโตเท่าควาย คนอย่างภูเบศธ์สาบานได้ว่าไม่เคยเห็นทิวากรโหมดยิ้มหวานแบบเน้!

แต่ก่อนจะคิดอะไรไปได้มากกว่านี้ ภูเบศธ์ก็ต้องทำหน้าที่รีบไปรั้งร่างเล็กเอาไว้ก่อน

แต่ดูท่าว่า....

“ไอ้ชวิน! กร!”

จะสายไปเสียแล้ว...

____________


“เฮ้ย ตรฤณๆ!!”
เสียงใครบ้างคนเรียกให้ตรฤณหลุดจากภวังค์หลังจากที่นั่งรอเพื่อนอยู่นานสองนานจนหนังตาเริ่มคล้อยต่ำจนเกือบปิดสนิท


“ห๊า?...ใครเป็นอะไร ร้องเรียกซะเสียงดัง...ตกใจหมด”ตรฤณหันไปมองต้นเสียงก่อนจะต้องรีบลุกออกจากโต๊ะแบบไม่คิดชีวิทันทีเมื่ออีกฝ่ายพูดจบ

“ไอ้กรกับไอ้สอง...เปิดศึกกันอยู่บนชั้นสอง รีบไปห้ามมวยด่วนเลยมึง!”

______________

“ไอ้วินมึงพูดมาเลยดีกว่า ว่าระหว่างกรกับกูมึงจะเลือกใคร”

“หือ?...อะไรของมึงเนี่ยไอ้สอง...กูแค่เดินมาพร้อมกับกร.. มึงมาหึงอะไรไม่เข้าเรื่อง”ชวินรีบไปดึงสองให้ออกห่างจากกรให้มากที่สุด โดยที่ทางกรเองก็มีภูเบศธ์คอยป้องกันเอาไว้อีกชั้น ซึ่งที่จริงก็คงไม่ใช่วิสัยของกรเท่าไหร่ที่ต้องทำท่ากลัวสองแล้วมาหลบอยู่หลังภูเบศธ์อย่างนี้ แต่ก็ขอแสดงละครตบตาไปตามกระแส ไหนๆก็กะแยกชวินออกจากสองเพื่อจับภูเบศธ์ไปเสียบกลางอยู่แล้ว

   ทำท่าอ่อนแอเรียกคะแนนความน่าสงสารจากชวินสักหน่อยไม่ดีกว่าเรอะ?

   “บอกไว้ก่อนเลยนะกร...คนนี้ของฉันห้ามยุ่ง!”สองประกาศเสียงดังก่อนจะควงแขนหนุ่มผิวเข้มหน้าหล่อแสดงความเป็นเจ้าของ ทำเอาภูเบศธ์ที่ยืนมองอยู่ต้องเบนสายตาไปทางอืนด้วยความรู้สึกที่ยากจะคาดเดา แต่กรกลับรู้ความหมายดีจึงต้องพยายามหาทาง..ทำยังไงก็ได้เพื่อไม่ให้ภูเบศธ์ต้องเจ็บปวดไปมากกว่านี้

“ไม่เห็นติดป้ายบอกเอาไว้นี่...ฉันเลยไม่รู้ว่าของใคร อ่อ...ทีหลังก็หาปลอกคอมาใส่ให้สิ จะได้รู้ว่ามีเจ้าของแล้ว


แต่ในที่สุดความปากร้ายของกรก็หลุดออกมาจนได้ ทำเอาชวินมองกรด้วยความอึ้งๆเพราะไม่คิดว่าท่าทางน่าสงสารเมื่อสักครู่ จะกลายเป็นลูกเสือดีๆไม่แพ้สองเลย

พูดไปพูดมา...กูชักจะเหมือนหมาตามไอ้เด็กปากหมาของ ไอ้สองเข้าไปทุกที..


“นายว่าอะไรนะ?!”สองขึ้นเสียงทำเอาชวินรีบตะครุบปากสองเอาไว้ ก่อนที่จะจะมีคนมามุงมากกว่านี้

“เอ่อคือ...กร..ฉันขอตัวก่อนนะ....สองไปเถอะ” ว่าแล้วก็ลากสองออกจากจุดเกิดเหตุ โดยได้ยินเสียงกรแว่วตามหลังจับใจความได้ว่า

“นายเองก็เหมือนกันชวินถ้าไม่ได้ชอบสองก็อย่าทำตัวเหมือนให้ความหวังสองนักสิ!”







“ไหนๆ...เกิดอะไรขึ้น ไอ้สองอยู่ไหน ทำไมเห็นแต่กร?”ตรฤณที่รีบวิ่งกระหืดกระหอบมายังสถานที่ ‘เคย’ เกิดเหตุ ก็รีบถามทันทีหันซ้ายหันขวา จะเห็นก็แต่กรและภูเบศธ์ยืนอยู่ด้วยกัน โดยที่ไม่มีอะไรผิดปกติเกิดขึ้น

“จบไปนานแล้วตรฤณ...ไม่มาซะพรุ่งนี้เลยล่ะ”กรแขวะเข้าให้ก่อนจะเดินผ่านหน้าตรฤณไปพร้อมกับภูเบศธ์ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

โดนแขวะมาเยี่ยงนี้ ชายตรฤณเจ็บปวดมากครับขอบอก

“แล้วไอ้วินกับไอ้สองล่ะ...นายเห็นมันหรือเปล่า?”
ตรฤณรีบเดินตามทั้งคู่พร้อมกับเอ่ยถาม

“ขอโทษทีฉันไม่ได้ตามติดก้นสองคนนั้นเลยไม่รู้ว่าพวกนั้นไปสวีทกันถึงไหน”กรพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินควงภูเบศธ์จากไป ทำเอาตรฤณยืนเกาหัวแกรกๆด้วยความงง เพราะไม่รู้ว่าไปทำอะไรให้กรไม่พอใจ

ได้ข่าวว่ากูยังงอนที่กรไปเดินเคียงคู่กับไอ้วินอยู่
แต่ไหงทำไมกูเหมือนกำลังกรงอนกลับล่ะครับงานนี้?


________________



“ฮึ้ย~ ปล่อยกู!”สองสะบัดตัวออกจากเพื่อนสนิททันทีหลังจากที่ชวินพามาสงบสติอารมณ์ในห้องเรียนห้องหนึ่งที่ไม่มีคนเรียนในเวลานี้

“มึงจะหึงกูให้ได้อะไร? ในเมื่อมึงไม่ได้เป็นแฟนกู มึงไปทำอย่างนั้นกับกรมันไม่ดีนะเว้ย”ชวินพยายามเตือนสติหลังจากที่เคยเกิดเหตุการณ์อะไรทำนองนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง  หากไม่มีตรฤณอยู่ในที่เกิดเหตุด้วย ชวินคาดว่าคู่กรณีของสองคงเละได้ไปนอนหยอดน้ำข้าวต้มเป็นแน่

แต่จะว่าไปกรณีของสองและกรนี่ท่าทางจะสูสี...
น่าลองให้ตีกันสักทีสองทีเหมือนกันแฮะ!


“เออ! กูไม่มีสิทธิ์หึงมึง..ใช่...กูไม่ได้เป็นแฟนมึง! เพราะมึงไม่ได้รักกูนี่ วิน....กู......ฮึก....กู” ในที่สุดน้ำตาหยดแรกก็ร่วงจากดวงตาดวงเล็กทำเอาชวินใจสั่นรีบเดินเข้าไปคว้าสองเอามากอดไว้ราวกับพี่ชายปลอบน้องชายที่ร้องไห้เพราะเล่นซนจนหกล้ม

“กูรักมึงนะสอง..แต่มันมากกว่าเพื่อนไม่ได้มึงเป็นเพื่อนที่กูรักที่สุดมึงรู้ใช่มั๊ย?”มือใหญ่ลูบหัวคนตัวเล็กอย่างเบามือโดยที่สองก็ยิ่งสะอื้นหนักเมื่อโดนปลอบ

“ มึง..อึก..ฮึก...มึงรักกูมากกว่าไอ้ตรฤณมันด้วยใช่มั๊ย?”
คำถามของสองทำเอาชวินนึกขำบางทีสองก็ชอบเอาแต่ใจเหมือนเด็กๆอยากได้ความรักจากคนอื่น อยากเป็นที่หนึ่งเสมอ เพราะเหมือนคำถามแนวนี้ชวินจะเคยได้ยินว่าสองก็เคยถามตรฤณเช่นกันสรุปสุดท้ายตรฤณก็ตอบว่ารักสองที่สุดก็คงเหมือนกับที่เขาอยากจะตอบ

“ใช่...กูรักมึงมากกว่าไอ้ตรฤณอีก”

“จริงนะ?” ดวงตาแดงก่ำของสองตวัดขึ้นมาร่างสูงโปร่งของเพื่อนรักอย่างคาดคั้นเอาความจริง แต่ถ้ามองเห็นสายตาของชวินแล้วจะรู้ได้ทันทีว่าคำตอบที่ออกมานั้น..ตรงตามคำพูดแบบไม่มีผิดเพี้ยน

ความจริงเพื่อนก็รักเท่ากันหมด..แต่ถ้าถามว่าห่วงใครมากกว่ากันชวินก็คงจะตอบว่า “สอง” และคาดว่าตรฤณก็คงจะหมายความเดียวกันเช่นกับชวิน จึงคอยบอกเสมอว่ารักสองมากที่สุดหากสองเอ่ยปากถาม

“เออ...มึงไม่เชื่อที่กูพูดหรือไง? หือ”ชวินถามพร้อมรอยยิ้มก่อนจะคว้าเพื่อนตัวเล็กมากอดอีกครั้งทำให้สองต้องหัวเราะทั้งน้ำตาในเมื่อร้องไห้ยังไม่หยุดแต่กลับโดนชวินกอดแล้วโยกไปมาราวกับแกล้งเลยทำให้มีเสียงหัวเราะของสองดังขึ้นจนเล็ดลอดออกไปนอกห้องให้คนที่กำลังเสาะหาอยู่ได้ยิน แล้วโผล่หัวเข้ามาทันทีตามเสียงหัวเราะอันเป็นเอกลักษณ์ของสอง

“อ่อ! มาสวีทอยู่ในนี้นี่เอง กูตามหาซะจนทั่ว....”
ถึงจะมีเสียงเข้ามาขัดจังหวะ แต่ทว่าคนสองคนยังไม่ยอมแยกออกจากกันบาครั้งสองก็รู้สึกอบอุ่นเวลาที่ชวินกอด
แต่มันช่างต่างกับอ้อมกอดของภูเบศธ์...

ต่างกันจนรู้สึกได้…

“นี่ๆ อย่าทำหวานแถวนี้...นั่นเพื่อนกู..กูหวง!”
ตรฤณรีบเดินไปแยกสองกับชวินออกจากกัน

“มึงหวงใคร? กูหรือสอง หา? มึงพูดมาเลย”ชวินลองแหย่ ทั้งที่รู้ทั้งรู้ว่าตรฤณหวงสอง....แทนภูเบศธ์

“กูหวงมึงดิวิน...แม่งโดนไอ้สองลวนลามไปเยอะแล้วนะมึงน่ะ เสียหายไปเท่าไหร่แล้ววะ?!” ตรฤณพูดติดตลกและก็ได้รับกำปั้นเล็กทุบเข้าให้ที่แขนจนหุบยิ้มแทบไม่ทัน

“ปากเสียแล้วมึงพูดอะไรออกมาแม่งไอ้วินก็รู้หมดดิว่ากูแอบลวนลามมัน!”สองว่าก่อนจะมองหน้าตรฤณสลับกับชวิน แล้วก็ต้องหัวเราะออกมาพร้อมกันสามคนอย่างไร้สาเหตุ

พวกเราสามคนไม่ได้หัวเราะด้วยกันมานานเท่าไหร่แล้วนะ?

___________________



“ถามจริง...เป็นอะไร?”

“.........”

“กร?”

“ฉันบอกกี่ครั้งแล้วให้เรียกพี่ก่อนน่ะ ห๊า!  ”

ไอ้เรารึอุตส่าห์ถามดีๆแต่งานนี้กูเกือบโดนทิวากรกัดหัวเอาแล้วมั๊ยล่ะ!

“โมโหอะไร?...เรื่องสองเหรอ?”

ถามไปงั้นๆเพราะรู้ดีว่ากรคงไม่โกรธสองง่ายๆ เห็นอย่างนี้ก็เถอะ แฟนคลับสองนัมเบอร์วันเลยนะครับ     ไม่งั้นไม่ดันให้กูได้สองอย่างทุกวันนี้หร๊อก!ก็เหมือนจะคุ้นๆว่าหวงสอง ในเมื่อตัวเองจีบไม่ได้ เลยส่งกูไปจีบแทน (บังเอิญว่าภูเบศธ์ก็รักสองหมดใจซะด้วยสิ)

   “ฉันโกรธหมอนั่นไม่ลงหรอก...ขนาดทำท่าทางโมโหยังน่ารักอย่างกับลูกแมว”เหมือนจะเห็นกรยิ้มนิดหน่อย แต่ก็หุบลงไปตามเดิม

“แล้วนอยด์เรื่องอะไร?”

“เปล่า...”

“แน่ใจ?”
ภูเบศธ์เอ่ยถามอีกครั้ง..ก่อนจะระลึกชาติไปถึงคราวที่ตรฤณวิ่งกระหืดกระหอบขึ้นมา แล้วเหมือนจะเห็นว่ากรอารมณ์เสียทันทีที่เห็นหน้าตรฤณ

“เออ! ถามมากน่า...น่ารำคาญ”กรพูดปัดๆ เพราะไม่อยากให้ภูเบศธ์ถามไปมากกว่านี้ เดี๋ยวจะจับได้พอดีว่ากรกำลังหงุดหงิดเรื่องอะไร

“เรื่องพี่ตรฤณ?”

นั่นไง! ทำไมตอนกูเดาข้อสอบมันถึงไม่ถูกอย่างนี้บ้างวะ?

“ไม่ใช่!”

“ตอแหล”

“ปากเสีย! มาด่าว่าฉันตอแหลได้ยังไงไอ้เด็กนี่ มาด่าว่าโกหกอะไรก็ว่าไปสิ..คำนี้มันแรงรู้มั๊ย?”กรถลึงตาใส่ภูเบศธ์ทันที

“นั่นไง..ยอมรับแล้วใช่มั๊ยว่าโกหก”

“ไอ้เด็กนี่..หัดฉลาดให้มันน้อยๆหน่อยได้มะ? เรื่องคนอื่นล่ะทำมาเป็นฉลาด แต่พอเรื่องสองล่ะขี้ขลาดขึ้นมาเชียว!”กรว่าเข้าให้ก่อนจะหันหน้าหนีไปอีกทาง

“มันคนละเรื่องกัน...เล่ามาสิว่าพี่ตรฤณทำไม...ทำอะไรให้ทิวากรคนนี้ต้องหงุดหงิดได้ขนาดนี้”

“จะทำอะไรล่ะ?..นั่นสิคนอย่างตรฤณจะทำอะไรได้! แม้แต่หึงยังไม่มี..แล้วดูสิ สองตามมาหึงชวินถึงที่ แต่ตรฤณกลับมองแล้วเดินผ่านไป มันน่าน้อยใจมั๊ยล่ะ?”

“เอ๊?...พี่ตรฤณเพิ่งมาถึงทีหลังนี่..ไม่หึงก็ไม่แปลกนี่นาในเมื่อพี่ตรฤณไม่ได้เห็นกรกับไอ้ชวินอะไรนั่นสักหน่อย”ภูเบศธ์ว่า

“เชื่อมั๊ย?...ตรฤณเห็นฉันกับชวินก่อนที่แกจะพาสองมาเจอฉันซะอีก!”กรว่าก่อนจะก้มลงไปเอาคางเกยโต๊ะ

“แล้วทำไมต้องอยากให้พี่ตรฤณหึงด้วยล่ะ?”ภูเบศธ์ลองเอาคางเกยโต๊ะตามกรบ้างก่อนจะเอ่ยถามขึ้น

“เรื่องของฉัน!”กรกระแทกเสียงก่อนจะหันไปมองภูเบศธ์ด้วยแววตาคาดโทษเนื่องจากถามคำถามไม่ดูกาลเทศะ

“ไม่ใช่ว่า กรชอบก็พี่ตรฤณมานานแล้วหรอกนะ ฮ่าฮ่า”ภูเบศธ์พูดยิ้มๆก่อนจะเด้งตัวออกจากโต๊ะทันทีเพื่อหลบฝ่ามือของกร

“พูดบ้าอะไรของแกภูเบศธ์! ฉันน่ะเหรอจะชอบคนอย่างตรฤณไม่มีวันซะหรอก!
แต่พอพูดจบกรกลับต้องอ้าปากค้างเมื่อภาพตรงหน้าคือ.....ตรฤณ

“ซวยหมาแล้วไง..”
ภูเบศธ์พึมพัมเบาๆก่อนจะค่อยๆปลีกตัวออกมา


หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 10 เพื่อนสนิทคิดลักหลับ P.4 [Up 16/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: ryoko_chan ที่ 17-01-2012 22:45:18
_________________


พอปลีกตัวออกมาเพื่อให้กรได้เคลียร์ ก็กลับต้องมาเจอภาพบาดตาบาดใจอีกตามเคย
เกิดเป็นภูเบศธ์ บุญน้อยจริงๆเลย!
ว่าแล้วก็เลี่ยงเดินไปอีกทาง..เพื่อไม่ให้สองต้องลำบากใจหากจะต้องเห็นเขาเวลาที่อยู่กับชวิน

“นี่...มึง...”เสียงแหบเล็กเอ่ยถามขึ้น

“อะไร?”

“กูขอถามอะไรมึงหน่อยสิ”สองพูดพร้อมกับกระแซะตัวเข้าหาชวินและชวินเองก็พยักหน้ารับเป็นเชิงอนุญาตว่าถามได้

“มึง...ชอบกรเหรอ?”

“ก็น่ารักดี..”

“เฮ้ยๆ!กรน่ะ...ตรฤณมันจองนะเว้ยมึงไม่รู้เหรอ?”สองรีบแถลงไข อย่างน้อยก็เป็นเหตุผลที่จะทำให้ชวินเลิกยุ่งกับกรไปได้ล่ะนะ

“จริงเหรอ?..ไม่เห็นมันเคยพูดอะไรนี่..แต่ถ้าจะว่ากันตามจริงกรก็ไม่ใช่สเป็คกูหรอก”ชวินพูดลอยๆพร้อมกับหยิบเลคเชอร์สองมาดูเล่นฆ่าเวลา

“ลายมือคนหรือลายไก่เขี่ยวะเนี่ย?”ชวินพึมพำกับสมุดโน้ตตรงหน้า

“เอามานี่อย่ามายุ่ง...ถามจริงอย่างกรไม่ใช่สเป็คมึงจริงเหรอแล้วสเป็คมึงเป็นแบบไหนอ่ะ?...แบบกูใช่ป่ะ?” สองแย่งสมุดโน๊ตของตนเองจากชวินคืนก่อนจะทำตาใสถามคำถามด้วยความอยากรู้

“เพ้อเจ้อว่ะไอ้สอง~   นี่ขนาดมึงลอกเลคเชอร์ไอ้ตรฤณ ลายมือมึงยังไก่เขี่ยได้ขนาดนี้เหรอวะ?”ชวินทำเป็นไม่สนใจคำพูดของสองแล้ววกเข้าเรื่องลายมืออีกจนได้

“มึงรู้ได้ไงว่ากูลอกของมัน”

“กูเดาถูกใช่มั๊ยล่ะ?”ชวินยักคิ้วราวกับมั่นใจในความคิดของตนเองมากซึ่งมันก็เป็นอย่างที่ชวินว่าเอาไว้ไม่มีผิดเพี้ยน

“แหม่..มึงนี่แสนรู้ใช้ได้เลยนะเนี่ย~ ”สองพูดแล้วยิ้มหวานพลางตบไหล่ชวินอย่างถือวิสาสะจนชวินต้องค่อยๆเลื่อนมือไปจับมือเล็กนั้นออก

“ฮ่าฮ่า ขอบคุณที่ชมว่ะสอง”ชวินหัวเราะเฝื่อนๆที่โดนสองเอาคืนเสียบ้าง

“เออวิน..กูมีเรื่องสงสัยอีกเรื่อง” จู่ๆสองก็โพล่งขึ้นมาทำเอาชวินเลิกคิ้วแล้วหันไปมอง

“อะไรอีก?..มึงนี่มีเรื่องสงสัยเยอะจริงๆเลย”ชวินบ่นแต่ก็พร้อมที่จะรับฟังคำถาม และเป็นผู้ตอบคำถามที่ดีสำหรับสอง

“มึงกอดกูอีกครั้งได้มะ?”

“หา?...มึงป่วยป่ะเนี่ย? สอง กอดอะไรอายคนอื่นเขา”ชวินหันซ้ายแลขวาก็พบว่าเห็นว่ามีผู้คนอยู่เยอะแยะ เกรงว่าถ้ามากอดกันหรือทำอะไรประเจิดประเจ้ออยู่แถวนี้ เห็นทีจะไม่เหมาะสมกับเยาวชนและสตรีมีครรภ์เสียเปล่าๆ

“จริงๆกูอยากรู้”พูดจบก็คว้าชวินเข้าไปกอดเอาไว้เสียแน่น โดยที่ชวินเองก็พยายามดันสองออก แต่สุดท้ายสองก็เป็นคนยอมปล่อยมือเสียเอง

“ไม่เหมือนจริงๆด้วย....เอ..หรือเป็นเพราะเมื่อกี้กูกอดมึง..เลยไม่เหมือนกับที่ไอ้เด็กนั่นมันกอดกู”

“หือ?..มึงหมายความว่ายังไง? เด็กนั่น?......อ่อ.....”

“.............”สองยังคงนั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยเพื่อเปรียบเทียบความรู้สึก

“มึงจะบอกว่า..เวลามึงกอดกูหรือเวลาที่กูกอดมึง..มันรู้สึกไม่เหมือนกับเวลาที่โดนไอ้เด็กนั่นกอดใช่มั๊ย?”ได้ยินมาอย่างนี้ก็เหมือนว่าชวินคงจะคาดเดาอะไรได้ลางๆ

“อือ...ตอนมึงกอดกู...กูรู้สึกเฉยๆนะ...แต่เวลาโดนไอ้เด็กนั่นกอดทีไร นึกโมโหทุกที”สองพูดไปเรื่อยตามความรู้สึกของตัวเองแต่ทำเอาชวินนั่งขำ

“สอง...มึงโมโหหรือว่า... ‘เขิน’.... กันแน่?”

“เขินเหรอ?...ไม่มั้ง ฮ่าฮ่าฮ่า”สองพูดอย่างมั่นใจพร้อมกับหัวเราะราวกับมันเป็นเรื่องตลก

นั่นน่ะสิ..คนอย่างสองจะเขินเหรอเวลาที่โดนไอ้เด็กนั่นกอด
ก็แค่หน้าแดง...เพราะว่าโมโหจนเลือดขึ้นหน้า
หายใจติดๆขัดๆเพราะว่าไอ้เด็กนั่นกอดแน่นเกินไปจนรู้สึกว่ามันอึดอัดหัวใจเต้นแรง...เพราะว่า.....เพราะว่า...ช่างมันเถอะคิดไม่ออก

ฮ่าฮ่า....รู้อย่างเดียวว่าไม่ใช่เพราะกูเขินแน่ๆ!


“ให้มันแน่เหอะสอง~”ชวินพูดทิ้งท้ายให้สองได้คิด..ก่อนที่เสียงหัวเราะของสองจะค่อยๆเงียบลงไปเมื่อคิดได้ว่า

“แน่สิ..กูมั่นใจ.....”

มั้ง!


TBC

คราวนี้เฉลยกันเรียบร้อยฮ่าฮ่า...ว่ากรแค่แกล้งที่จะแยกชวินออกจาสองเฉยๆ><
(แฟนคลับของตรฤณและกร ดล่งอกโล่งใจกันไป~~)

แต่ก็ยังอดกังวลไม่ได้ เพราะว่า กร กับ ตรฤณ ยังไม่ทันที่จะเคลียร์เรื่อง ชวิน แต่กลับมีเรื่องหลวงเข้ามาแทรกจนได้
มาคอยดูกันต่อไปนะคะว่า ตรฤณ จะทำอย่างไร ที่ได้ยินเต็มสองรูหูขนาดนั้น ว่ากรไม่ได้ชอบตัวเอง อิอิ (ว่าแล้วก็อยากหัวเราะ)


ส่วนเรื่อง ชวินกับสอง... ตอนนี้น่าจะดคลียร์แบบแจ่มแจ้ง...แต่เดี่ยวยังมีเรื่องมากกว่านี้แน่นอน
(มากในทางไหน คอยลุ้นกันนะคะ)

ปล. พระเอกของเรา บทน้อยยยยยยย ก๊ากกกกกก


___________

เนื้อเรื่องจะพันกันเป็น เกรียวเชือกแล้ว..

ฮ่าาาา นั่นสิคะ..คงไม่ใช่ ปีนเกลียว อย่างเดียวแล้วล่ะค่ะ เนื้อเรื่องความรักพันกันจนเป็นเกลียวอีก ฮ่าฮ่า
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 11 แกนนำผู้ก่อการร้าย P.4 [Up 17/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Allure-Q ที่ 17-01-2012 23:51:34
นั่นไง  งานงอกแล้วมั้ยล่ะกร  o18
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 11 แกนนำผู้ก่อการร้าย P.4 [Up 17/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: vi2212 ที่ 18-01-2012 00:37:26
ตอนนี้ตรฤณซวยสุด..
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 11 แกนนำผู้ก่อการร้าย P.4 [Up 17/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 18-01-2012 01:06:31
กรเริ่มใจอ่อนแระน้านี่ อิอิ

สองเองก้อดูเหมือนเริ่มคิดได้ อิอิ เล่นซะเขิลแทนเยย

ยังไงก้ออย่าลืมมาต่ออีกนะค๊าฟฟฟ

รอรอน้อ^^
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 11 แกนนำผู้ก่อการร้าย P.4 [Up 17/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Bowbonk ที่ 18-01-2012 01:18:17
เคลียร์จร้าาา  กร

เคลียร์ด่วนๆๆ
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 11 แกนนำผู้ก่อการร้าย P.4 [Up 17/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 18-01-2012 02:27:44
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 11 แกนนำผู้ก่อการร้าย P.4 [Up 17/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 18-01-2012 09:25:10
ผูกมาก แก้ยาก
รักยาก เข้าใจยาก..
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 11 แกนนำผู้ก่อการร้าย P.4 [Up 17/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: ooopimmyooo ที่ 18-01-2012 10:54:57
กร รู้ใจตัวเงอยังง่ะ?
งานงอกเลย สงสารตรฤนที่สุดอ่ะเรื่องนี้ T^T
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 11 แกนนำผู้ก่อการร้าย P.4 [Up 17/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: pae666 ที่ 18-01-2012 13:38:31
สองเริ่มมีใจแล้วใช่ม๊าาาาา งั้นภูก็มีสิทธิ์แล้วอ่ะเซ่!!! โอ้ยยยยยย ดีใจเว๊!!! สองจะมีสามีเป็นตัวเป็นตนวะที 555555555  :impress2:  :impress2:
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 11 แกนนำผู้ก่อการร้าย P.4 [Up 17/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: หมูกระต่าย ที่ 18-01-2012 19:55:30
งานนี้พี่กรตายเพราะลูกๆในปากตัวเองแท้ๆ
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 11 แกนนำผู้ก่อการร้าย P.4 [Up 17/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: aft22423 ที่ 18-01-2012 20:45:57
ชอบคู่ตรฤณค้า~. น่ารักน่าเชียร์มากมาย รอลุ้นอยู่ว่าจะเคลียร์กันยังไง
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 11 แกนนำผู้ก่อการร้าย P.4 [Up 17/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: ryoko_chan ที่ 18-01-2012 22:17:44
บทที่ 12 ปากเขามีไว้....


“พูดบ้าอะไรของแกไอ้ภูเบศธ์! ฉันน่ะเหรอจะชอบตรฤณ...ไม่มีวันซะหรอก!


_____________



“แต่ถ้าเป็น ‘รัก’ ก็ไม่แน่ใช่มั๊ยล่ะ?”ตรฤณเอ่ยพร้อมกับเหยียดริมฝีปากเผยยิ้มจนแก้มปริ ไม่ได้มีทีท่าว่าจะน้อยอกน้อยใจหรือว่าเจ็บปวดกับคำพูดของกรแม้แต่น้อย

พอดีรู้จัก “คนปากแข็ง” อย่างไอ้สองซะดิบดี...พอเจองานนี้กูถึงไม่เดือดร้อน!

“นาย..ว่าอะไรนะ?”กรถึงขั้นต้องใช้นิ้วแคะหูตัวเองอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าสิ่งที่กำลังได้ยินนั้นถูกต้อง ไหนจะรอยยิ้มกวนๆของตรฤณนั้นอีกที่ทำเอากรเริ่มหาทางไปต่อไม่ถูก

   จะด่าก็ปากไม่ขยับจะปฏิเสธก็ทำไม่ได้
   เพราะเกรงว่าหัวใจมันจะบอกว่าเป็นเรื่อง “จริง”


“มองหาอะไรอยู่เหรอ...กร?”ตรฤณยังคงมองอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม เมื่อเห็นว่ากรหันซ้ายหันขวาไปมาราวกับหาตัวช่วย แต่จะให้ทำยังไงได้ก็ภูเบศธ์หลานรักของกรเดินหายตัวไปตั้งแต่ที่ตรฤณปรากฏตัวเสียแล้ว เพราะถ้าจะว่ากันตามเป็นจริง ตรฤณเดินมาถึงบริเวณนี้ได้สักครู่แต่แค่ไม่ยอมปรากฏตัวให้คนอื่นเห็นเท่านั้นเอง

“คือ....”เหมือนสมองของกรจะถูกสตั๊ฟเอาไว้ชั่วขณะทำให้สมองหยุดคิดและต่อด้วยการที่ปากขยับพูดอะไรไม่ออก ในเมื่อยังโดนตรฤณจ้องตาเอาไว้อย่างนี้แถมยังเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆซะด้วยสิ

“ถ้าเป็นภูเบศธ์น่ะ..หายไปตั้งแต่ที่ฉันมา...แต่ถ้ามองหาตรฤณ..ก็เดินมาให้ถึงตรงหน้านี่แล้วไง”ตรฤณว่าพร้อมเผยยิ้มเจ้าเล่ห์

“ใครจะไปมองหาคนอย่างนายกัน”กรก้มหน้าก้มตาพูดก่อนจะเบี่ยงตัวไปอีกทางเพื่อหนีการรุกไล่ของตรฤณ

“อะไรกัน~ น้อยใจนะเนี่ย...ก็อุตส่าห์จะตามมา ‘หึง’ แต่คนจะให้หึงดันเดินหนีซะได้”ตรฤณพูดลอยๆทำเอากรทำตาโตเท่าไข่ห่านด้วยความตกใจ

นี่อย่าบอกนะว่าตรฤณ ได้ยินเรื่องที่กูพูดกับภูเบศธ์น่ะ?

“นายได้ยิน?”กรถามด้วยสีหน้าเลิ่กลั่ก

“เปล่าไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้นแหล่ะ”ตรฤณยังคงตอบพร้อมกับรอยยิ้มกวนประสาทและกรเองมองเลยก็รู้ว่าคนพูดมันโกหก

“ตอแหล! นายได้ยินใช่มั๊ย?”ในเมื่อเพิ่งโดนด่ามาหมาดๆยังเจ็บใจไม่หายก็ขอหาที่ลงสักหน่อยก็ท่าจะดี

“แล้ว..จะให้ได้ยินอะไรล่ะ?”คนตัวสูงกว่าทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ราวกับว่าตัวเองไม่รู้เรื่องอะไรทั้งสิ้น แต่มันเหมือนเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาบางอย่างในตัวของกรที่ทำให้ควันออกหูได้ไม่ยากกับท่าทางของตรฤณ

“ก็เรื่องที่ฉันน้อยใจเพราะนายไม่หึงฉันกับชวินยังไงล่ะ!” กรตะใกนใส่หน้าตรฤณอย่างหมดความอดทน แต่ทว่าคนโดนตะโกนใส่กลับไม่มีทีท่าว่าจะกลัวน้ำเสียงนั้นแต่กลับยิ้มจนเห็นฟันขาวๆเรียงกันอย่างสวยงามจนกรเองยังนึกแปลกใจ

ปกติพอโดนตะคอกใส่ก็ทำหงอยอย่างกับลูกหมีตามหาแม่ แต่คราวนี้กลับทำหน้าเปรมปรีอย่างกับหมีได้กินปลาทาโร่!

ก่อนที่กรจะรู้ตัวว่าตัวเองพูดอะไรออกไป ตรฤณก็หัวเราะออกมาซะดังลั่นอย่างชอบอกชอบใจ

“ฮ่าฮ่าฮ่า...ยอมรับว่าแอบรักฉันตั้งแต่แรกก็สิ้นเรื่อง”

กูจะได้ไม่เหนื่อยตามจีบอีกให้เสียเวลา!

“แอบรัก?...ฝันกลางวันอยู่เหรอ? ฉันแค่น้อยใจนะมันไม่ได้หมายความว่ารักสักหน่อย!”
ตอนนี้เลือดลมตีขึ้นหน้ากรอย่างที่เจ้าตัวเองก็แยกแยะไม่ออกว่าเป็นเพราะโมโหหรือว่าเขินที่หลุดปากพูดเรื่องที่ตัวเองน้อยใจให้ตรฤณรับรู้

“อ้าวแล้วถ้าไม่รักแล้วนายจะอยากให้ฉันหึงทำไม?”ตรฤณยังคงรุกถามเพื่อไม่ให้กรมีเวลาคิดคำตอบเพื่อแก้ตัว

“ไอ้คนหลงตัวเอง!” ริมฝีปากสีสดเอ่ยด่าอีกครั้งแต่ตรฤณก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหุบยิ้มง่ายๆ

“แน่นอน..ไม่งั้นคนอย่างกรจะหลงรักเหรอ?”

“ตรฤณ!”
ให้ตายเหอะไม่เคยโดยไอ้บ้านี่ต้อนจนมุมขนาดนี้เลย!

“เรียกชื่อหวานใจ อยู่เหรอครับ?”เพียงเพราะคำพูดของตรฤณทำเอากรไม่คิดอยากจะอ้าปากพูดอะไรอีกเลย

พูดอะไรมันก็หาเรื่องเข้าข้างตัวเองไปซะทุกครั้ง
นี่ขนาดแค่เรียกชื่อมันยังหาเรื่องเข้าข้างตัวเองได้อีกครั้งเลยคิดดู๊!

“........อะ....ไอ้...ไอ้.....”
กรรู้สึกได้เลยว่าตัวเองกำลังกำมือเอาไว้แน่น แถมด้วยใบหน้าที่ร้อนผ่าว แล้วตอนนี้กรเองก็มั่นใจเลยว่ามันเป็นเพราะโมโหแน่นอน หาได้เป็นเพราะความเขินไม่!

“จะบอกว่า ไอ เลิฟ ยู....เหรอครับ กร”

“.........”กรอ้าปากค้างหาทางไปต่อไม่เป็น ตรฤณก็ได้แต่ยิ้มทั้งที่ความเป็นจริงแล้วใจเต้นตุ้มๆต่อมอย่างคนที่กำลังกลัวอะไรบางอย่าง
ขอบอกตามตรงว่าการที่ทำเป็นปากกล้าอยู่ต่อหน้ากรในตอนนี้ ไม่ใช่ว่าอยากลองดี แต่เป็นเพราะอยากลองใจ

ไม่ใช่อะไร .... เพราะกูก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่จะโดนกรเอาหลุยส์หวดหัวกูเอา! ถ้ายังพูดจาไม่เข้าหูเขาอยู่แบบนี้
เอาวะ! ถ้าไม่โดนเอาหลุยส์ตีหัว....กูก็โดนเอาตัวไปชำแหละอยู่ดี หากทิวากรตั้งสติได้


“อ้าว...อึ้ง...แน่ะๆๆอย่าถือขึ้นมานะ ไม่งั้นฉันจะ....”ตรฤณเริ่มรับรู้ได้ถึงลางร้ายอะไรบางอย่างเมื่อเห็นกรไม่พูดไม่จาแต่เอามือคว้าหูกระเป๋าหลุยส์วิคตองใบโตเอาไว้ ทำให้ตรฤณต้องรีบยกมือขึ้นปรามก่อนที่มันจะเหวี่ยงมาโดนเข้ากับศรีษะของตัวเองอย่างที่กรตั้งใจเอาไว้

“จะทำไม?! หา! ถ้าฉันจะฟาดไอ้นี่ใส่คนปากดี นายจะทำไม?!”ในเมื่อไปไม่รอดกรก็ขอกู้สถานการณ์ด้วยการขึ้นเสียง แถมยังสลับโหมดเป็นพ่อเสือเตรียมขย้ำหมีตัวใหญ่ตรงหน้า

“ฉันก็.....จะวิ่งหนีน่ะสิถามแปลกๆ!” พูดจบก็ใส่เกียร์หมีวิ่งสุดแรงเกิดโดยที่สันกระเป๋าหลุยส์ของกรเฉียดหัวไปในระยะสองมิลลิเมตร

“ไอ้บ้าตรฤณเอ้ย ไม่น่าไปดีใจเล้ยที่โดนมันจีบ!”กรบ่นอยู่กับตัวเองก่อนจะรีบตะครุบปากตัวเองทันทีเมื่อรู้ว่าตัวเองหลุดพูดอะไรบอกไป

คราวนี้มันวิ่งไปไกล....คงไม่ได้ยินที่พูดแล้วล่ะมั้ง!
เฮ้อ~


_____________


    ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งสมส่วน ใบหน้าคมคายหล่อเหลาเข้าขั้นพระเอกหนัง แต่เจ้าตัวกลับไม่คิดจะสนใจภาพลักษณ์ของตัวเอง ในเวลาที่อารมณ์ไม่ดีอะไรๆก็ดูจะน่าหงุดหงิดไปซะทุกเรื่อง แม้แต่ผมหน้าม้าของตัวเองก็ยังรำคาญ มือใหญ่ถูกยกขึ้นมาเพื่อรวบผมหน้าของตนเองก่อนจะใช้มืออีกข้างควานหายางรัดผมในกระเป๋าเสื้อ ที่มักพกติดตัวไว้เสมอ
เมื่อรวบผมหน้าขึ้น ดูเหมือนทัศนียภาพในการมองสิ่งต่างๆตรงหน้าจะชัดเจนขึ้นมาทันตาแต่ทว่าอารมณ์หงุดหงิดก็ยังคงไม่จางหาย เลยต้องเดินทอดอารมณ์ไปเรื่อยๆจนมารู้สึกตัวอีกทีก็ถึงดาดฟ้าของตึกเสียแล้ว มือแกร่งเกาะราวกั้นเอาไว้แน่นก่อนจะชะโงกหน้าออกไปเล็กน้อยเพื่อรับลมเย็นๆบนตึก ก่อนที่สายตาจะเหลือบไปเห็นผู้คนที่เดินอยู่ด้านล่าง สายตาไล่มองไปเรื่อยตามประสาคนไม่มีอะไรจะทำหรือแม้แต่จะมอง จนกระทั่งสายตาเหลือบไปรถBMWที่มาจอดเทียบหน้าคณะ แล้วร่างสูงยาวเข่าดี หน้าตาหล่อเหลาเอาการเดินลงจากรถ ทำให้รอยยิ้มร้ายปรากฏขึ้นทันทีหลังจากที่ใบหน้าคมฉายแววเรียบเฉยอยู่นาน

“นั่นหมอเขม...เด็กเก่าสองนี่นา..”คิ้วเข้มเลิกขึ้นอย่างสงสัยแต่ก็พอจะเดาออกว่าหนุ่มน้อยคนนี้คงเป็นอีกคนที่สองลืมบอกตัดความสัมพันธ์ เพราะเขานั้นไม่ค่อยจะเห็นนักศึกษาแพทย์คนนี้มาป้วนเปี้ยนแถวคณะเท่าไหร่ ก็คงจะเป็นเด็กที่สองมีไว้แก้เหงานานๆทีในเวลาที่เด็กประจำไม่ว่าง อีกอย่างหมอเขมเองก็คงไม่ว่างมาหาสอง  อาจจะเป็นเพราะคณะที่เขาศึกษาอยู่ก็ได้

ดีกรีนักศึกษาแพทย์ปีสอง...คงบอกได้ไม่ยากว่าต้องเรียนหนักแค่ไหน

ภูเบศธ์ยกยิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะรีบวิ่งลงจากดาดฟ้าทันทีเมื่อคิดแผนดีๆที่จะแยกชวินออกสองได้ชั่วคราว(ก็ยังดี) ภูเบศธ์พยายามใช้เวลาให้น้อยที่สุดในการวิ่งจากดาดฟ้าลงมาชั้นล่างเพื่อวิ่งให้ลงมาทันใครบางคนที่กำลังจะเยื้องกรายเข้ามาสู่เขตตึกคณะบริหารธุรกิจ

“นาย...แฮ่ก...นาย..หมอเขม”
ภูเบศธ์วิ่งลงมาแล้วต้องหอบแฮ่กเนื่องจากระยะทางที่วิ่งลงมานั้นนับได้ว่าห้าชั้นที่ต้องติดสปีดใส่เกียร์หมาวิ่งลงมาแบบไม่คิดชีวิต และในที่สุดก็ทันจนได้แล้วรีบเรียกรั้งอีกคนเอาไว้ภูเบศธ์วิเคราะห์ภายนอกของ นักศึกษาแพทย์เขมชาติ คร่าวๆก่อนจะถอนหายใจทิ้ง เมื่อคิดว่าแผนที่เขาคิดไว้นั้นอาจไม่เป็นไปอย่างที่คิดเท่าไหร่การที่จะหาเรื่องให้เด็กแพทย์ลุกขึ้นมาบุ่มบ่ามหาเรื่องชวินนั้นเข้าขั้นว่ายาก เพราะจากหน้าตาที่ดูเรียบร้อย บวกกับอากัปกิริยาที่ภูเบศธ์คาดเดาได้เลยว่า “ไอ้เนี่ย พูดน้อยแน่ๆ” มันเป็นตัวเสริมว่าไม่มีทางเป็นไปได้เลยว่าแผนของเขานั้นจะสำเร็จ

แต่สุดท้ายภูเบศธ์ก็ยังเลือกที่จะลองอยู่ดี
“มีอะไรกับผมหรือครับ?”

แน่ะ!   ขนาดพูดยังดูดี ราคี เอ้ย! ราศีนักเรียนแพทย์พากันรุมจับแทบไม่ทันกันเลยทีเดียว 

“คือ...นายมาหารุ่นพี่สองเหรอ?”ภูเบศธ์ถาม แต่เขมกลับทำหน้าประหลาดใจ

“คุณรู้ได้ยังไงครับ? ว่าแต่คุณรู้จักพี่สองใช่มั๊ย?”เขมถามกลับทันที และก็ถือว่าเป็นไปตามแผนของภู

“ใช่...คือฉันเป็นน้องรหัสพี่สองเองแหล่ะแต่ฉันว่านายไม่ควรมาหาพี่สองตอนนี้หรอกนะ”ภูเบศธ์ทำหน้าลำบากใจจนอีกฝ่ายนึกสงสัย

“ทำไมเหรอ? พี่สองไม่ว่างเหรอครับ? ถึงฝากคุณมาบอกผม”หมอเขมถามกลับอย่างสุภาพเช่นเคยทำเอาภูเบศธ์นึกแสลงหูพิกลมือแกร่งยกขึ้นมาแคะขี้หูพร้อมด้วยสายตาที่บ่งบอกว่าเอือมกับคำพูดอันแสนไพเราะของพวกผู้รากมากดีแถวนี้
ก็ปกติต่อให้คุยดี ก็แค่ก็มึงกับกู อ่อ แต่ถ้าจะให้ดูดีมีชาติตระกูลขึ้นมาหน่อยก็ ฉันกับนาย...คุณกับผม...เหรอ?  คำพูดอันแสนไพเราะเพราะพริ้งฟังเสนาะหูเหล่านี้ไม่เคยอยู่ในสารระบบความคิดของภูเบศธ์หรอก

“เปล่าหรอก...แต่ว่าตอนนี้พี่สองน่ะกำลัง..”ภูเบศธ์เว้นระยะเพื่อยืดจุดไคล์แม็กซ์ไปสักนิดเพื่อดูปฏิกิริยาโต้ตอบของหมอเขม

“พี่สองทำไมเหรอครับ?”ถึงคำพูดจะไพเราะเสนาะหูแต่ภูเบศธ์กลับจับได้ถึงคลื่นความถี่ของเสียงที่ดังขึ้นมาอีกนิดเหมือนคนกำลังหงุดหงิดขึ้นมานิดหน่อย

อ๊ะอ๊ะ!หงุดหงิดล่ะสิที่ไม่รู้ในสิ่งที่ตัวเองอยากรู้ เอ๊ะ?หรือว่ามันหงุดหงิดกูที่ไม่ยอมบอกมันสักทีวะ-“-

“ก็ตอนนี้น่ะ...พี่สองกำลังพลอดรักกับเด็กใหม่เขาอยู่น่ะสิ ผมเลยมาเตือนคุณด้วยความหวังดีหากไม่อยากเจอภาพอันบาดตาบาดใจ” ภูเบศธ์นึกยิ้มกับคำพูดที่ดูจะไปยียวนกวนประสาทอีกฝ่ายได้ไม่น้อย เพราะหมอเขมดูจะชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆหลับตาลงราวกับคนที่พยายามข่มอารมณ์เอาไว้

ขนาดโมโหยังดูผู้ดีอีกเหอะ ไอ้หมอเขม

“อย่างนั้นเหรอครับ...งั้นผมไม่รบกวนพี่สองดีกว่า”
หมอเขมพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบแล้วเดินจากไป

หือ? มันง่ายขนาดนี้เลยเหรอวะ? เฮ้ย! ไม่รู้สึกอยากต่อยเด็กใหม่ของสองบ้างหรือไง?
เฮ้อ...คิดเอาไว้แล้วเชียวมาแบบผู้ดีมาดนิ่งแบบนี้ไม่น่าหาเรื่องใครเป็น

แต่ทว่าหลังจาทกที่ภูเบศธ์คิดสารตะอยู่คนเดียวอย่างไม่พอใจ หมอเขมกลับเดินย้อนกลับมาแถมยังเดินเลยหน้าภูเบศธ์ไป เพื่อไปยังจุดๆที่สองชอบนั่งอยู่เป็นประจำ

สนุกแน่..คราวนี้รุ่นพี่สอง ฮ่าฮ่า

“พี่สอง” หมอเขมเรียกชื่อรุ่นพี่ตัวเล็กที่ตัวเองปลื้มอยู่นานแถมได้ไปรับไปส่งอยู่หลายครั้งด้วยน้ำเสียงที่ยากจะอธิบาย ทำให้สองและชวินที่กำลังนั่งกระหนุงกระหนิงกันอยู่ที่โต๊ะต้องหันมาสนใจ โดยมีภูเบศธ์เป็นแบ๊คลอบสังเกตการณ์อยู่ใกล้ๆ

“หมอเขม....” สองเอยชื่ออีกฝ่ายก่อนจะเหลือบมองหน้าเด็กหนุ่มร่างสูงสลับกับชวินที่นั่งอยู่ข้างๆตัวเอง

“ใครเหรอครับพี่สอง” หมอเขมเหลือบมองชายหนุ่มหน้าตาคมเข้มที่นั่งอยู่ข้างๆสองอย่างไม่ค่อยเป็นมิตรนัก

“อ๋อ....คือ..นี่ชวิน..เป็น”

เพื่อนของสองครับ.....” แต่ยังไม่ทันที่สองจะพูดจบชวินก็ชิงตัดหน้าพูดต่อจนจบ     และปิดท้ายด้วยการลุกขึ้นยืนแล้วยื่นมือเพื่อหวังจะเช็คแฮนด์ทำความรู้จักทำเอาสองถึงขั้นงงกับอาการของเพื่อนรักที่ดูจะดี๋ด๋าเกินไปหน่อยแค่ได้รู้จักกับเด็กในฮาเร็มของสองอีกคน


ทีอีตอนเจอกับภูเบศธ์ไม่เห็นมันจะยื่นมือทำความรู้จักเลย
แล้วนี่อะไร?!ยื่นมือหวังจับพร้อมกับทำสายตาวิบวับที่ทำเอาคนมองอย่างกูขนลุก    ไอ้ชวิ๊น!


“เพื่อน?...แค่เพื่อนใช่มั๊ยครับพี่สอง ทำไมมีคนผมบอกว่าเป็นเด็กของพี่สองล่ะครับ” หมอเขมยังไม่หายคลางแคลงใจจึงต้องถามย้ำอีกครั้งซึ่งมันก็ทำเอาสองสะอึกไปไม่น้อย

หมาตัวไหนมันบังอาจคาบข่าวไปบอกเด็กในเครือกูอีกล่ะ! 

ไอ้ตรฤณเหรอ?!... ไม่น่าใช่มันจะมาหาเรื่องกูกับไอ้ชวินทำไม...แต่ถ้าไม่ใช่ไอ้ตรฤณ แล้วใครล่ะวะที่กล้าทำแบบนี้อีก

“ไม่ใช่หรอกครับ.ผมเป็นเพื่อนกับสองจริงๆ พอดีว่าเพิ่งกับมาจากอเมริกา คนอื่นที่ไม่รู้เพิ่งเห็นอาจจะเข้าใจผิดได้” ชวินอธิบายด้วยภาษาสุภาพทำเอาสองต้องถอยออกห่างเพื่อนคนนี้อีกสักก้าวด้วยความประหลาดใจ

ผีตัวไหนมันเข้าสิงไอ้ชวินเพื่อนกู กรุณาออกจากตัวเพื่อนกูที กูสยองครับ!

“อ๋อเหรอครับ...อย่างนี้นี่เอง ผู้ชายคนนั้น..อ่อ น้องรหัสของพี่สองถึงได้บอกผมอย่างนั้น สงสัยคงจะเข้าใจผิดสินะครับ”หมอเขมยิ้มกลับอย่างสุภาพ ทำเอาสองต้องยิ้มกลับแบบงงๆกับคำพูดของหมอเขม

น้องรหัส? ได้ข่าวว่าน้องรหัสกูเป็นผู้หญิง กูไม่อยากจะเชื่อจริงๆครับว่าไอ้หมอเขมมันจะแยกเพศคนไม่ออก ไม่งั้นมันเรียนหมอไม่ได้หรอกกูมั่นใจ!

“เอ่อ..คือ..น้องรหัสพี่เป็นคนบอกอย่างนั้นเหรอหมอเขม?”สองลองถามเพื่อความแน่ใจ ทั้งที่ก็แปลกใจกับไอ้ท่าทางของไอ้ชวินที่ทำเป็นสะกิดยิกๆอยู่ข้างๆแขน

“ครับ..เขาบอกอย่างนั้น..เอ เมื่อกี้ยังเห็นอยู่แถวนั้นอยู่เลยนี่นา”หมอเขมยืนยันและสองก็มั่นใจว่าอย่างหมอเขมคงไม่ได้โกหก แถมยังมีการหันไปทางด้านหลังราวกับว่าเคยเห็นคนที่ว่าเอาไว้จริงๆแต่แค่ตอนนี้ไม่เห็นแล้ว
กูว่ากูรู้แล้วล่ะว่าน้องรหัสกูคนไหน...เห็นหลังไวๆเพิ่งวิ่งหนีไปเมื่อกี้หลังจากที่รู้ตัวว่าจะถูกจับได้
ไอ้เด็กเวรภูเบศธ์ ตามราวีกูไม่เคยเลิกรา!

“เอ่อ..คือหมอเขมรอแป๊บนะ สงสัยพี่คงต้องไปเคลียร์กับน้องรหัสพี่นิดนึง..เข้าใจผิดแบบนี้ปล่อยไว้ไม่ได้จริงๆ”ถึงแม้น้ำเสียงจะหวานจ๋อย แต่ถ้าหากภูเบศธ์ได้ยินคงรู้สึกได้เลยทันทีว่าภัยกำลังจะเดินทางไปหาถึงที่เสมือน KFC ที่ส่งไก่แบบเดลิเวอรี่ให้ถึงหน้าบ้าน

มึงตายแน่ภูเบศธ์!

พอสองเดินหายไปจากสายตา ก็เหลือเพียงชายหนุ่มสองคนที่ความสูงไล่เลี่ยกัน แถมด้วยความหล่อที่ยังกินกันไม่ขาดยืนจ้องหน้ากันแบบไม่รู้ว่าจะพูดเรื่องอะไรต่อดี

ถ้ายังไงน้องเขม นั่งรอสองอยู่กับผมที่นี่ก็ได้นะครับ..ถ้าไม่รังเกียจ

_____________



“ไอ้ภู!”

“คร๊าบบบบ... ”หลังจากที่กำลังวิ่งๆอยู่ก็ต้องหยุดวิ่งทันทีแล้วหันหน้าไปยิ้มหวานเจี๊ยบให้คนที่ตามมา

“อ่อไม่สิ...นายเป็นน้องรหัสฉันนี่นา...ไม่บอกก็ไม่เคยรู้เลยนะเนี่ย แล้วข่าวที่ว่านายเป็นหลานรหัสกรน่ะ..โกหกหรือไง?”สองจ้องหน้าอีกฝ่ายก่อนจะค่อยๆเดินเข้าไปใกล้เด็กตัวโย่ง

“เปลี่ยนขั้นจากหลานรหัสกลายเป็นน้องรหัสเด็กปีสี่นี่ทำตัวแก่แดแก่ลมใช่ย่อยเลยนะนายเนี่ย~”     สองยังคงยิ้มหวานถึงภูเบศธ์จะรู้ดีว่ามันอันตรายขนาดไหนแต่ยังไงภูเบศธ์ก็ขอทำใจดีสู้เสืออยู่ดี

“ใครบางคนก็ชอบทำตัวเป็นวัวแก่แทะเล็มหญ้าอ่อนข้างทางไม่เลิกไม่ราเหมือนกัน....แล้วไง..รถไฟชนกันเป็นสิบยังไม่รู้จักเข็ดรู้จักหราบจำ!” ภูเบศธ์ประชดประชันด้วยท่าทางที่สูสีพอตัว

แหม่!นอกจากจะปากหมาตัวพ่อไอ้ปากปีจอยังพ่วงความสามารถในการประชดเข้าขั้นอัจริยะด้วย!


“เออ! แล้วไงอย่างน้อยก็ยังดีกว่าหญ้าอ่อนบางตัวที่แม้แต่วัวยังไม่อยากจะแล”สองตอกกลับด้วยท่าทางสบายๆแต่ภูเบศธ์กลับรู้สึกสนุกได้ต่อล้อต่อเถียงกับสองเป็นรอบที่สองของวัน

“ที่พูดมาน่ะแน่ใจเหรอ?” ยังไม่ทันได้ตั้งตัวภูเบศธ์ก็เดินเข้ามาประชิดติดกับตัวสองจนได้

“แน่ใจนะ...ว่าวัวแก่‘ตัว’นี้ไม่สนใจหญ้าอ่อน‘คน’นี้จริงๆ” พูดไม่พูดเปล่ามือใหญ่โอบเอวคนตัวเล็กเพื่อนรั้งเข้ามาหาตัวเองเบาๆ
ให้ตายเหอะ! พอได้ทีล่ะจงใจเรียกกูเป็น “ตัว” เชียวนะมึง!

“ปล่อยเลยนะ! ไอ้เด็กบ้านี่~”สองดิ้นขลุกขลักทั้งที่รู้ทั้งรู้ว่าไม่เคยดิ้นแล้วหลุดจากวงแขนนี้สักที อ่อ! ถ้าไม่นับตอนหึงไอ้ชวินจนหน้ามืดตามัวแล้วสะบัดไอ้เด็กนี่หลุดได้แบบไม่รู้ตัวอ่ะนะ

“ทำไมล่ะ?...ก็ตอบมาก่อนสิว่าพี่สองไม่ได้สนใจผมจริงๆ”ภูเบศธ์ยื่นหน้าเข้าไปถามใกล้ๆทั้งที่ความจริงโอบคนตัวเล็กเอาไว้ติดตัวก็ใกล้อยู่แล้ว แต่ภูเบศธ์ก็ยังจงใจก้มหน้าลงไปใกล้ๆ     เพื่อแกล้งให้ใบหน้าของคนในอ้อมกอดขึ้นสีแดงระเรื่อประดับบนใบหน้าเล่น

“ตอบไม่ได้ล่ะสิเพราะพี่สองก็สนใจผมเหมือนกัน”ในเมื่อสองเงียบภูเบศธ์ก็ขอเข้าข้างตัวเองโดยการตอบคำถามเสียเอง
“จะบ้าหรือไงเล่า! ปล่อยเลยนะเว้ย” สองยังคงพยายามปฏิเสธก่อนจะพยายามแกะมือใหญ่ที่โอบรัดเอวตนเองเอาไว้
จะว่าไปก็ไม่เชิงว่าจะเอ่ยปากด่าไอ้เด็กตรงหน้า แต่ตอนนี้สองอยากด่าตัวเองมากกว่าที่เดินมาหาเรื่องให้ไอ้เด็กเวรนี่เนียนกอดตัวเองอีกจนได้!

“ไม่ปล่อย...ชอบให้กอดไม่ใช่หรือไง? หือ...”ภูเบศธ์ยังคงพยายามยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆเพื่อหวังแกล้งคนตัวเล็ก แต่สองเองก็พยายามเบือนหน้าหนีเหมือนกัน

“ปล่อยเดี๋ยวนี้เลยนะเว้ย....”สองยังพยายามขึ้นเสียงขู่

“ไม่..”

ยังกอดไม่หนำใจจะยอมปล่อยมือง่ายๆได้ยังไงเล่า~

“ปล่อยเถอะนะภูเบศธ์~”
เอ๊ะ?..คราวนี้มาแปลกแฮะ พูดซะเสียงอ่อนเสียงหวานเชียว

“นะ...ภูเบศธ์”สองพยายามใช้ไม้เด็ดที่ทำให้ไอ้เพื่อนตัวดีสองตัวใจอ่อนมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง ลองมาใช้ดูกับภูเบศธ์ก็คงจะไม่ต่างกันเท่าไหร่

แต่ทว่า..ภูเบศธ์ต่างจากตรฤณและชวิน

“ไม่ยอมปล่อยง่ายๆหรอก”
แววตาอีกฝ่ายดูกรุ้มกริ่มจนทำให้ใจเต้นแปลกๆ แถมมือก็ใช้การไม่ได้ในเมื่อถูกรัดตัวเอาไว้อย่างนี้ เท้าก็คงใช้อีกไม่ได้เพราะว่าไอ้เด็กนี่รู้ไต๋เขาหมดไม่ว่าจะหาทางเอาตัวรอดยังไง 

เอาวะ! ทางรอดสุดท้าย

“อ๊ากกกกก!” ปากเล็กงับเข้าที่ไหล่ของคนตัวสูงทันทีหลังจากที่ร้องขออยู่นานแต่ภูเบศธ์ก็ไม่ยอมปล่อยสักทีก็คงต้องใช้ปากให้เป็นประโยชน์สักหน่อย แถมยังได้ผลเกินคาดอีกด้วย!

“กัดมาได้ยังไง ผมเจ็บนะ”ภูเบศธ์โวยวาย

“สมน้ำหน้า! พูดดีๆไม่ยอมปล่อยเอง”ในเมื่อหลุดจากอ้อมแขนของภูเบศธ์ได้อีกครั้งสองก็เดินถอยห่างออกมาสักสองสามก้าว แล้วจัดเสื้อผ้าหน้าผมให้เข้าที่ตามเดิม โดยที่ภูเบศธ์ก็ได้แต่มองไหล่ตนเองที่เพิ่งถูกกัดผ่านเสื้อเชิ๊ตไป รอยน้ำลายยังคงติดเอาไว้เป็นอนุสรณ์แต่ร่างสูงกลับทำท่าไม่ใส่ใจนักก่อนจะเดินไปคว้าข้อมือของคนตัวเล็กเอาไว้อีกครั้ง

“รู้อะไรมั๊ย? ปากน่ะเขาไม่ได้มีไว้กัด แต่เขามีไว้พูด...”ภูเบศธ์ใช้มืออีกข้างจิ้มๆที่ริมฝีปากสองอย่างนึกแกล้ง แต่สองก็พยายามเบือนหน้าหนีความรำคาญนั้น

“แล้วก็มีไว้จูบ เข้าใจมั๊ยครับ” พูดจบริมฝีปากของร่างสูงก็ประกบเข้ากับริมฝีปากเล็กทันที ดวงตาเรียวเล็กเบิกกว้างด้วยความตกใจ พอจะใช้มือดันอีกฝ่ายออกก็ดันช้าไปเพราะถูกรวบมือเอาไว้อีกแล้ว

“อื้อ....อือ...~” เสียงหวานครางในลำคอประท้วงอีกฝ่ายแต่มีหรือที่ภูเบศธ์จะใส่ใจแถมยังเป็นการเปิดโอกาสให้ลิ้นร้อนล่วงล้ำเข้าไปภายในเพื่อควานหาความหวานจากอีกฝ่ายได้อีกด้วย

“อะ...อ.....” ลิ้นอุ่นชื้นละเลียดริมฝีปากล่างของอีกฝ่ายอย่างเอาแต่ใจก่อนจะยอมผละออกอย่างนึกเสียดาย เมื่อรู้สึกว่าคนตัวเล็กเริ่มหายใจติดขัดราวกับคนขาดออกซิเจน

“ปากน่ะมีไว้จูบดีกว่ามีไว้กัดอีกนะครับ...พี่สอง”ริมฝีปากอิ่มพูดชิดแนบติดกับริมฝีปากของคนตัวเล็กอย่างยียวนก่อนจะเผยยิ้มอย่างผู้ชนะเมื่อมองเห็นร่างเล็กมีใบหน้าแดงซ่านด้วยความเขิน

“ฉันว่า....”สองเอ่ยขึ้นก่อนจะตวัดสายตามองร่างสูงตรงหน้า

“หน้านายก็เหมาะกับการที่มีไว้ให้ฉันต่อยเหมือนกัน นะไอ้ภูเบศธ์!”

พลั๊ว!
กำปั้นของสองเข้าเป้าแบบเต็มๆ ว่าแล้วก็เดินจากไป พร้อมกับใช้หลังแขนเช็ดริมฝีปากแรงๆ

เพราะกลัวว่าถ้าร่องรอยยังหลงเหลือ...แล้วหัวใจจะยิ่งหวั่นไหวไปมากกว่านี้

“มือหนักใช้ได้เลยแฮะ”ภูเบศธ์มองร่างเล็กที่เดินจากไปก่อนจะใช้หัวแม่มือเช็ดริมฝีปากตัวเองที่มีเลือดซิบออกมาเล็กน้อย

ได้ดีฟคิส แต่ต้องแลกกับหนึ่งหมัด...มันก็คุ้มแล้วล่ะวะ ภูเบศธ์เอ้ย!

_____________


“เฮ้ย! สอง”

“อะไร?...มึงหายหัวไปไหนมาเนี่ย?”สองหยุดเดินทันทีที่ถูกเรียกตัวเอาไว้ แถมด้วยการถามคำถามกลับทันทีเมื่อรู้ว่าตรฤณเป็นคนเรียกตัวเอง

“ไปหาเรื่องให้กระเป๋าหลุยส์เฉียดหัวเล่นไงมึง..ว่างๆมึงจะลองดูก็ได้นะ”ตรฤณพูดทีเล่นทีจริงแต่สองไม่อยากจะสนใจนักว่าไอ้เพื่อนตัวดีเขาไปหาเรื่องใครมาถึงได้โดนประทุษร้ายขนาดนั้น

“ขอโทษทีกูเป็นคนดี..ไม่มีใครอยากทำร้ายกูหรอก”

“นี่...ว่าแต่คนทำร้ายเหอะ มึงเองก็เดินเอาปากไปชนกับอะไรมามันถึงได้เจ่อแบบนั้น?”ตรฤณมองด้วยแววตาสงสัยก่อนที่สองจะรีบกัดปากล่างของตัวเองเอาไว้ทันที

“ไม่นี่..ไม่มี...กูเผลอกัดปากตัวเองอย่างนี้ไง..”สองส่ายหน้ารัวพร้อมกับกัดปากล่างตัวเองเอาไว้แน่นเพื่อพิสูจน์ว่าที่มันบวมแดงก็เพราะตัวเองกัดปากของตัวเอง ถึงตรฤณจะติดใจสงสัย แต่ก็ไม่มีหลักฐานอะไรนี่นาว่าสองไปโดนอะไรอย่างอื่นที่ทำให้ปากเล็กเจ่อได้ถึงเพียงนั้น

“ว่าแต่มึงเหอะ ยอมปลีกตัวออกจากไอ้ชวินด้วยเหรอ? ถึงไม่ได้เอยู่ด้วยกัน”ตรฤณถามอย่างสงสัยต่ออีกในขณะเดินไปเรื่อยๆพร้อมกับสอง

“เออ! กูลืมไอ้วินไว้ที่โต๊ะ...ตายห่าจะมีแมวตัวไหนมาคาบมันไปแดกหรือเปล่าก็ไม่รู้ แม่งยิ่งชอบนั่งทำหน้าหล่ออยู่ด้วย!”พูดจบก็รีบวิ่งกลับไปยังที่ประจำของตัวเองโดยมีตรฤณวิ่งตามไปติดๆ

______________

หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 11 แกนนำผู้ก่อการร้าย P.4 [Up 17/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: ryoko_chan ที่ 18-01-2012 22:18:06

“กูว่าแล้วไง...ว่ามันต้องมีแมวมาขโมยปลาย่างของกู! ”

“นั่นมันหมอเขม เด็กมึงไม่ใช่เหรอ?”

“เออ! เด็กในเครือกูนี่แหล่ะตัวดี!”พูดจบก็เดินไปนั่งกระแทกก้นลงข้างๆชวินที่ยังคงมองเด็กในฮาเร็มของสองด้วยสายตาเชื่อมแบบที่สองไม่เคยเห็น

“อ้าวสอง..มึงมาตั้งแต่เมื่อไหร่...”

“กูก็ต้องรีบมาก่อนที่มึงจะเขมือบเด็กในเครือกูสิวะไอ้วิน!”ถึงตอนแรกจะคิดว่ามีคนมาแย่งชวินไปต่อหน้าต่อตา แต่พอลงพื้นที่มาดูสถานการณ์ใกล้ๆแล้ว สองคาดว่าตัวเองมองไม่ผิดไป ที่เห็นว่าชวินกำลังสั่งขนมจีบให้เด็กของตนเองแบบไม่เกรงใจใคร

“อย่าขัดเวลาหากินกู! มึงมีเด็กเยอะแยะ ขอกูสักคนจะเป็นไร”ชวินแอบกระซิบกับสองเบาๆก่อนจะหันไปยิ้มให้หมอเขม

กูว่าไอ้ลักษณะท่าทางแบบนี้มันคุ้นๆแฮะ...แม่งลอกเลียนแบบไอ้สองมาเป๊ะๆเลยนะไอ้วิน!

ตรฤณกลายเป็นคนนอกอย่างเสียไม่ได้ในเมื่อ หมอเขมก็เคยเป็นเด็กของสองแถมตอนนี้มีโอกาสเป็นไปได้สูงที่ หมอเขมเด็กแพทย์ผู้เคราะห์ร้ายคนนี้จะต้องตกมาเป็นเด็กของไอ้ชวินอีกคน

จะว่าไป...ก็ไม่เคยเห็นไอ้วินมันสนใจใคร...
ก็เพิ่งรู้นี่แหล่ะว่าแบบน้องหมอเขมนี่เป็นสเป็คไอ้วิน-“-


“ได้ยังไง เด็กนี่ของกู..แล้วมึงก็เป็นของกู”สองขึ้นเสียง

เอาแล้วไง..องค์ลงเจ้าแม่สองอีกแล้ว...อะไรอะไรก็ของสองเขาหมดล่ะ!

“อ้าว?..ไหนพี่วินบอกว่าเป็นเพื่อนพี่สองยังไงครับ?”หมอเขมถามอย่างสงสัย

“ห๊า?..พี่...พี่วินอย่างนั้นเหรอ..หมอเขมเอ้ย นายถูกหลอกแล้วล่ะ ไอ้หมอนี่อายุยี่สิบเท่ากับหมอเขมนั่นแหล่ะ”สองเกิดอาการเคืองชวินขึ้นมาเลยหาเรื่องขัดคอ

“อ้าว...อายุเท่ากันอย่างนี้...ก็เป็นเพื่อนกันได้เลยสินะครับ...ก็เห็นบอกว่าเป็นเพื่อนพี่สองผมก็เลยนึกว่าอายุเท่ากัน”หมอเขมพูดต่อ

“พอดีผมเรียนเร็วไปสองปีน่ะครับ...”ชวินตอบอย่างสุภาพ

“อย่างนี้ก็เรียนเก่งน่ะสิครับ?”ดูท่าว่าหมอเขมจะสนใจชวินไม่น้อย

“ก็ได้ทุนไปเรียนต่อปริญญาตรีที่อเมริกา....โคตรโง่เลยล่ะมั้ง!”
สองประชดประชันใส่แต่หมอเขมกลับยิ้มกว้างราวกับปลื้มชวินเข้าไปใหญ่

   “จริงเหรอครับ...เก่งจังเลยนะครับ”    แววตาของหมอเขมเป็นประกายและชวินเองก็มองหมอเขมกลับด้วยความปลาบปลื้มทำเอาสองรู้สึกว่าตัวเองถูกถีบกระเด็นออกจากวงโคจร เลยจำต้องลุกขึ้นอย่างโมโหแล้วผลักหัวเพื่อนตัวดีไปหนึ่งดอก

“ผลักหัวกูทำไมเนี่ย สอง!”

มึงเอาไปเลย กูไม่อยากสนใจมึงแล้ว! หมอเขมด้วยเลิกยุ่งกับพี่ไปเลย!”สองว่าด้วยความโมโหก่อนที่จะถูกตรฤณจูงไปอีกทาง

“ใจเย็นๆเว้ยสองเด็กมึงมีเยอะแยะ ปล่อยให้ตกถึงท้องไอ้วินสักคนจะเป็นไรไป...”

“ฮึ้ย~ กูเกลียดไอ้วินมันจริงๆ“สองกัดฟันพูดและเหตุการณ์ในครั้งนี้เองที่เป็นตัวบอกอย่างดีว่าที่ผ่านมานั้นสองไม่ได้หึงชวิน แต่เพียงแค่หวงตามประสาเพื่อนเท่านั้น

แต่ครั้งนี้...จะยอมสักครั้งก็ได้วะ!

“มึงเองก็เลิกสนใจไอ้วินเหอะมึงควรจะหันไปสนใจเด็กของมึง ยกตัวอย่างเช่น ภูเบศธ์”

“แล้วทำไมมึงต้องยกตัวอย่างชื่อไอ้เด็กนี่ด้วยวะ?” สองถามกลับอย่างใส่อารมณ์ คนยิ่งกำลังหงุดหงิดที่เพื่อนกำลังจะมีแฟนอยู่ก็ตามที

“อ้าว...ก็ในฮาเร็มมึงเหลือใครบ้างล่ะนอกจากภูเบศธ์น่ะ น้องบอลเหรอ? ถูกกรขู่ไม่กล้าโผล่หน้ามาเจอมึงแล้วล่ะ”ตรฤณอธิบายด้วยความสบายๆ

“อะไรนะ? ไอ้แกนนำผู้ก่อการร้ายนั่นเองเหรอที่ขู่จนน้องบอลของกูไม่กล้าโผล่หัวมาให้กูเห็นอีกน่ะ!”

“แกนนำผู้ก่อการร้าย?”ตรฤณถามอย่างสงสัยในคำพูดของสอง

“ก็เออสิวะ! แม่ง ร้ายจริงๆ...มึงเลิกจีบไปเลยนะคนนี้กูไม่ปลื้ม!”

   สองพูดไปก็ฟัดเหวี่ยงไปมาตามประสาคนโมโห แต่นั่นทำเอาตรฤณหลุดขำกับคำที่สองเอามาตั้งเป็นฉายาให้กร
จะว่าไป “แกนนำผู้ก่อการร้าย” ก็เหมาะกับกรซะยิ่งกว่ากิ่งทองกับใบหยกซะอีกว่ามั๊ยครับ?

ไม่งั้นวันนี้กูก็คงไม่โดนกระเป๋าหลุยส์ประทุษร้ายแน่นอน!

“ไม่ได้ๆ...โหดๆแบบนี้ล่ะกูชอบนัก ได้ใจกูดี”

“กูเพิ่งรู้ว่ามึงโรคจิตชอบคนโหดๆ”สองมองตรฤณอย่างที่ไม่อยากจะคาดถึงนัก

“ส่วนกูก็รู้มานานแล้ว ว่ามึงโรคจิตที่ชอบคนปากเสีย” ตรฤณย้อนคืนเข้าให้ทำเอาสองต้องหันมาทำตาขวางใส่

“ไอ้ตรฤณ!”

“หยุดเลยมึง! กูกำลังจะบอกว่าก็พอกันนั่นแหล่ะ”ตรฤณรีบดักคอซึ่งมันก็เป็นจริงอย่างที่ตรฤณว่าไว้จริงๆ

“แต่กูว่าคนที่กำลังจะพอๆกันกับพวกเราอีกคน...คงจะเป็นไอ้วินซะละมั้ง”สองพูดพร้อมกับหันกลับไปมองชวินกับหมอเขม แล้วหันมามองตรฤณอย่างขอความคิดเห็น

“กูก็กำลังคิดเหมือนมึงอยู่พอดีเลย...”ตรฤณยักไหล่ก่อนจะคว้าคอเพื่อนตัวเล็กมากอดเอาไว้แล้วเดินไปด้วยกันอย่างสบายอารมณ์

“มีอีกเรื่อง...”ตรฤณพูดขึ้น

“เรื่องอะไร?”คิ้วเรียวเลิกขึ้นเป็นเชิงสงสัย

“กูไม่เชื่อหรอกนะว่าที่ปากมึงเจ่อเพราะกัดปากตัวเอง...คงไปเจอหมาที่ไหนกัดปากมาล่ะสิท่า ฮ่าฮ่า”



TBC

ดูท่าทางทุกคนจะเป็นกังวลเรื่องของตรฤณและกรมาก ฮ่าฮ่า
บอกแล้วว่าคู่นี้เค้าฮา ไร้ดราม่าแน่นอนค่ะ
แต่คู่หลัก...ก็ฮาตามกันไป ไร้ดราม่าอีกเช่นกัน
แต่ดูว่าตัวละครเรื่องนี้ จะวนเวียนกันไปกันมาอีกมากมาย....
เดี๋ยวคนนี้รักคนนั้น เดี๋ยวคนโน้นรักคนนู้น...ฮ่าฮ่า

ขอบคุณที่ติดตามเรื่องนี้นะค้าาา :-[
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 12 ปากเขามีไว้.. P.5 [Up 18/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Allure-Q ที่ 18-01-2012 22:39:14
กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ตามมาฮากระเป๋าหลุยส์  :jul3:

ดีจัง ไม่อืดมาม่า  :z2:
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 12 ปากเขามีไว้.. P.5 [Up 18/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: หมูกระต่าย ที่ 18-01-2012 22:51:42
พี่ภูน่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 12 ปากเขามีไว้.. P.5 [Up 18/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 19-01-2012 01:18:59
น่าร๊ากกกกกกกก.............อิอิ บทจะน่ารักก้อน่ารักกานหมดเยย อิอิ

ยังไงก้ออย่าลืมมาต่ออีกน้า

อ่านแระฮากับนิสัยของทุกคนเยย

รอรอน้า^^
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 12 ปากเขามีไว้.. P.5 [Up 18/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 19-01-2012 02:45:24
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 12 ปากเขามีไว้.. P.5 [Up 18/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: aft22423 ที่ 19-01-2012 05:58:00
มีคู่ใหม่อีกใช่ไหมจ๊ะ รอดูอยู่เน้อ
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 12 ปากเขามีไว้.. P.5 [Up 18/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Bowbonk ที่ 19-01-2012 07:44:51
 :m20: :m20: :m20: :m20:


เค้ารู้ทันอ่ะ  สอง  แก้ตัวไงดี
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 12 ปากเขามีไว้.. P.5 [Up 18/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: vi2212 ที่ 19-01-2012 09:28:32
ตรฤณ...สุดยอดเลยอะนาย o13
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 12 ปากเขามีไว้.. P.5 [Up 18/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: ooopimmyooo ที่ 19-01-2012 10:16:35
โธ่ นายตรฤณ
ไอเราก็นึกว่าจะก่อดราม่าซะแล้ว 5555

สองโดนหมากัดปากเจ็บมากมั้ย ตัวเองก็ไปกัดกับหมาด้วยเหมือนกันนี่
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 12 ปากเขามีไว้.. P.5 [Up 18/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 19-01-2012 10:42:41
อยากโดน หมา กัดปาก............
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 12 ปากเขามีไว้.. P.5 [Up 18/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: pae666 ที่ 19-01-2012 11:33:57
ก๊ากกกกกกกกกกกกก ตรฤณช่างแสนรู้จริงๆว่าปากของสองอ่ะต้องโดนหมาที่ไหนกัดอ่ะ  :m20:   :m20:   :m20:  อย่างฮาอ่ะ

แต่เค้าสงสัยอยู่เรื่องค่ะ ว่าทำไมเด็กๆในฮาเร็มของสองแต่ละคน มันดูท่าทางเคะๆ กันทุกคนเลยอ่ะคะ ไม่มีใครเมะซักคน หรือสองจะชอบคนน่ารักๆ คะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 12 ปากเขามีไว้.. P.5 [Up 18/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Meen_Emp ที่ 19-01-2012 12:54:20
55555
สองถูกหมากัดปาก.....

ภูจัดการสองเลย 
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 12 ปากเขามีไว้.. P.5 [Up 18/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 19-01-2012 16:51:11
หมากัดปากเหรอ :laugh:
ว่าแต่วินกับเขม :m28:
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 12 ปากเขามีไว้.. P.5 [Up 18/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: ryoko_chan ที่ 19-01-2012 22:50:39
บทที่ 13 พ่อ หรือ เพื่อน?

“กูไม่เชื่อหรอกนะว่าที่ปากมึงเจ่อเพราะกัดปากตัวเอง...คงไปเจอหมาที่ไหนกัดปากมาล่ะสิท่า ฮ่าฮ่า”

ฉลาดเกินควรอีกแล้วมั๊ยล่ะ ไอ้ตรฤณ!

___________________


“หรือว่าไม่จริง?”
ตรฤณถามอีกครั้งเมื่อเห็นเพื่อนตัวเล็กข้างๆทำหน้างอง้ำแถมด้วยการปิดปากเงียบสนิทราวกับว่าไม่อยากตอบคำถาม

“.........”ความเงียบคือคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับสองในตอนนี้

“ตอบกูมาตามตรง..ไม่งั้นขอให้ฮาเร็มมึงแตก!

ช่างเป็นคำแช่งที่กูรู้สึกเจ็บปวดเหลือเกินครับเพื่อนตรฤณ! ความสุขกูนะนั่น เอามาล้อเล่นได้ยังไง

“เออ!”เสียงเล็กกระแทกเสียงกลับอย่างเสียไม่ได้ ไม่ใช่กลัวว่าฮาเร็มตัวเองจะแตกอย่างที่ถูกสาปแช่ง แต่แค่คิดได้ว่าโกหกเพื่อนไปก็ไร้ประโยชน์

แสนรู้กว่าหมา แถมยังฉลาดยิ่งกว่าปลาโลมา ก็เลยขี้เกียจจะหาข้อแก้ตัว เพราะไม่ว่าจะแก้ตัวยังไงมันก็รู้ไต๋กูอยู่ดี!

“‘เออ’ในที่นี้หมายความว่ายังไง?”ทั้งสายตาและน้ำเสียงพากันพร้อมใจกันยียวนกวนประสาทเพื่อนตัวเล็กอย่างชัดเจน

“ก็เออ~..ไง!”สองตอบกำกวมแบบลากเสียง

“สรุปว่าโดนหมากัดปาก?”

“เอาชื่อหมาด้วยเลยมั๊ย?”สองถามทั้งที่รู้ว่าตรฤณรู้คำตอบดีอยู่แล้ว

“แน่นอน..เพื่อความมั่นใจ”

“หมาภูเบศธ์ไง? แม่งชิงเวอร์จิ้นกูแล้วยังมาชิงเฟริสคิสกูอีก เลวจริงๆ!”ถึงปากจะต่อว่าอีกฝ่ายเป็นเซ็ตคอมโบ แต่ทว่าใบหน้าหวานของสองกลับแดงซ่านขึ้นมาจนตรฤณต้องกลั้นขำเมื่อเห็นว่าสองออกอาการเขินอายอย่างเห็นได้ชัด

“มึงรู้ตัวมั๊ยว่าหน้ามึงแดง?”ตรฤณลองถาม

“กูรู้เว้ย! แม่งโมโหจนอยากเอาหัวมันมาเฉาะกินแทนลูกมะพร้าว”

“แน่ใจว่าไม่ใช่เขิน?”ตรฤณยังคงรุกถามอีก

ไม่แน่ใจเว้ย! มึงจะมาถามซักไซ้เอาอะไรกับกูมากวะตรฤณ....แค่นี้กูอายจะแย่อยู่แล้ว!”

ต้องมาเล่าว่าไปถูกใครกัดปากมา...ใช่ว่ากูเขินไม่เป็นนะเว้ย!
พอดีใบหน้ากูยังบอบบาง ไม่ถึงขั้นฉาบด้วยซีเมนต์แบบมึง!


“ที่มึงอาย เพราะมึงชอบเด็กนั่นล่ะสิ”น้ำเสียงตรฤณปรับเปลี่ยนเป็นราบเรียบ และแสดงเจตนาว่าคำถามที่ถามมานี้ไม่ได้กะว่าจะถามกวนประสาท..

แต่ที่ถามเพราะอยากได้ความจริง...กูจะได้รีบวิ่งไปบอกให้ทิวากรมาสู่ขอมึงให้หลานรหัสเขา!


“ไม่รู้ว่ะ....กูพูดจริงๆว่ากูไม่รู้ว่ากูรู้สึกยังไงกับเด็กนั่น น่ารำคาญก็เท่านั้น ปากหมาก็เท่านี้...ไม่มีข้อดีอะไรให้กูหลงมันสักอย่าง”สองบรรยายไม่เรื่อยตามแต่ใจจะคิดออก

“หน้าตา?”ตรฤณลองตั้งคำถาม

“หน้าผากก็เถิก จมูกก็บาน ไม่เข้าสเป๊ค ตัดไป”สองตอบหน่ายๆ พร้อมกับปัดข้อสันนิษฐานนี้ทิ้งไปอย่างไม่ใยดี

“เรียนเก่ง?”

“ข้อนี้กูว่ามันไม่ได้อยู่ในรายการสเป๊คในฝันกู เพราะฉะนั้นตัดไปอีกหนึ่ง”สองเดินไปคิดไปเรื่อยๆ จนตรฤณต้องรีบค้นหาข้อดูของเด็กหนุ่มปีหนึ่งนามว่าภูเบศธ์อีก

แหม่! มาว่าเรื่องเรียนเก่งไม่ใช่สเป๊ค! ได้ข่าวมาว่าแต่ละคนในสังกัดมึงเนี่ย เกรดเฉลี่ยอยู่ระดับขั้นว่าที่เกียรตินิยมกันทั้งน้าน~

“สูง?”

“มึงก็เห็นว่าเด็กกูสูงบ้างเตี้ยบ้าง เพราะงั้นตัดไปได้เลย”สองตอบสบายๆอย่างคนไม่คิดมาก แต่คนอย่างตรฤณเค้นสมองมาคิดจนจะหมดคำจะพูดอยู่แล้ว

“ปากหมา?”

“.........”

เฮ้ย? พอถามอย่างนี้ล่ะ ทำคิดนานเว้ย!

“ไอ้บ้า! เรื่องแบบนี้ เป็นเรื่องที่ทำให้กูชอบได้หรือไง..มึงไม่เห็นเหรอว่ากูไล่เตะไอ้เด็กนั่นอยู่เช้าเย็น”สองหันมาทำตาดุใส่

“อ้าว..ก็กูพูดแต่เรื่องดีๆมึงก็บอกว่าตัดไป กูก็ไม่รู้จะหาอะไรในตัวไอ้เด็กนั่นมาให้มึงชอบแล้ว”ตรฤณเริ่มหมดความอดทนจนได้

“ก็เพราะอย่างนี้น่ะสิกูถึงไม่ได้ชอบมันเข้าใจยัง?”   สองยิ้มเหมือนเป็นผู้ชนะใจตัวเองถึงจะเคยสับสนอยู่ในทีแต่พอสุดท้ายก็หาข้อมาลบล้างกลบหนี้ได้อย่างสมเหตุสมผล เพราะฉะนั้น สองไม่ได้ชอบเด็กเวรอย่างภูเบศธ์แน่นอน ชัวร์ป้าบ!

“เออ...ไม่ชอบก็ไม่ชอบ..ไอ้เด็กนั่นเปลี่ยนใจเมื่อไหร่แล้วอย่ามานั่งเสียใจทีหลังแล้วกัน!”ตรฤณถอนหายใจทิ้งก่อนจะเดินไปพร้อมกับสองที่เงียบไปจนสังเกตได้


_______________


“มาทำไม?!”

“คราวนี้มาดี เฮ้ย อย่าจับอาวุธสิกร!

ตรฤณค่อยเดินเข้าไปหากรอย่าสงบเสงี่ยมเจียมเนื้อตัว ก่อนจะทำตาโตร้องอย่างตกใจเมื่อกรใช้มือจับกระเป๋าสะพายที่อยู่ข้างๆตัวขึ้นมา

กูเกรงว่าครั้งนี้มันจะไม่หวุดหวิดเหมือนคราวที่แล้ว...เพราะไม่แคล้วว่ามันจะถูกหน้ากูจังๆถ้ายังยืนอยู่ในรัศมีสองเมตรนี้!

    “อาวุธบ้าอะไร?! นี่มันกระเป๋าฉัน ก็จะหยิบออกให้นายนั่งไง หรือว่าจะไม่นั่ง?”

โฮ่~ โล่งอกที่คราวนี้หลุยส์วิคตองไม่ใช่อาวุธที่จะทำร้ายกู แต่ถ้าเกิดกูไปตรงนั้น เห็นทีว่าอาวุธคงเปลี่ยนจากกระเป๋าเป็นมือของกรแทนซะละมั้ง

“ทีอย่างนี้ล่ะดุจัง~”ภูเบศธ์ที่กำลังนั่งก้มหน้าอ่านหนังสืออยู่ข้างๆเงยหน้าขึ้นมองกรที่ดูจะอารมณ์ไม่ดีไปทันตาทั้งที่เมื่อกี้  ยังหาเรื่องก่อกวนอารมณ์คนอื่นแล้วตัวเองนั่งขำอยู่แท้ๆ
นี่ถ้าคาบเรียนต่อไปไม่มีควิซ ภูเบศธ์ก็คงไม่มานั่งอ่านตำราราวกับเด็กคงแก่เรียนแบบนี้ แถมพอตั้งใจจะอ่านหนังสือ ก็ดันโดนญาติผู้พี่ที่พ่วงตำแหน่งปู่รหัสกวนประสาทจนอ่านหนังสือไม่ทะลุเข้าหัว

“อ่านหนังสืออยู่เหรอภู...”ในเมื่อตรฤณเห็นภูเบศธ์นั่งอยู่ใกล้ๆจึงทักไปตามมารยาท

“เปล่าครับ......ซักผ้า”ภูเบศธ์สบตาตรฤณครู่หนึ่งก่อนจะก้มหน้าก้มตาลงไปอ่านหนังสือต่อ ทำเอาคนที่ถามไปตามมารยาทอึ้งไปหนึ่งดอก แต่ก็ต้องแหล่มองคนสวยอย่างไม่ค่อยชอบใจเมื่อ กรแหกปากหัวเราะแบบไม่รักษาภาพพจน์ความสวยไว้เลย

ช่างปากหมาสมกับที่ไอ้สองด่าเช้าเย็น!

“เอาน่า~ มันกำลังเครียดปล่อยมันไปเหอะ ว่าแต่นายมาหาฉันมีอะไร?”ในเมื่อหัวเราะจนหมดแม็กซ์ กรก็เริ่มหันไปสนใจตรฤณพร้อมกับยอมพูดจาดีๆด้วย

“เรื่องสองน่ะ”พูดจบก็ทิ้งตัวลงนั่งลงตรงข้ามกับกร โดยที่ไอ้เด็กที่ขยันอ่านหนังสืออยู่ข้างๆหันขวับมาสนใจสิ่งที่ตรฤณจะพูดต่อทันทีหนังสงหนังสือปิดดังตั้บเลยคิดดูเอาแล้วกัน

    “ทีอย่างนี้ทำมาเป็นสนใจ..ไม่ซักผ้าต่อล่ะ?”ตรฤณได้ทีก็ตอกกลับคืนพอเป็นพิธี แต่ยังไม่ทันที่ภูเบศธ์จะเดือดดาล กรก็เป็นเดือดเป็นร้อนขึ้นมาแทนโดยการเอาสมุดของภูเบศธ์ที่วางอยู่ใกล้มือม้วนเป็นทรงกระบอก แล้วซัดเข้าให้ที่แขนของตรฤณ

“อย่าไปกวนน้องฉัน! เล่ามาว่ามีอะไร”กรเค้นถามทำเอาตรฤณและภูเบศธ์มองตากันแล้วพากันหันไปสนใจกร

“แล้วก่อนที่พี่ตรฤณจะมา...หมาตัวไหนมันกวนฉันจนไม่ได้อ่านหนังสือล่ะ?”

“ใช่สิคนนี้น่ะ..แตะต้องไม่ได้เลยนะ รักจังอ่ะ!”ภูเบศธ์และตรฤณรวมหัวกันประชดกรคนละเรื่องเดียวกัน ทำเอากรทำตาเขียวใส่สองหนุ่ม

“พอเลยทั้งสองคน...ตรฤณเล่ามาว่ามีอะไร” เหมือนคราวนี้ว่ากรจะแก้ตัวไม่ขึ้นเลยต้องทำเป็นวางอำนาจแล้วสั่งการให้ตรฤณพูดในเรื่องที่จะนำมาเสวนาในวันนี้ ในเมื่อครบองค์ประชุม ก็พร้อมที่จะชุมนุมได้

“คืองี้..เรื่องสองน่ะ...มันเพิ่งบอกกับฉันว่ามันไม่ได้ชอบภู”
ตรฤณพูดจบภูเบศธ์นั่งคอตกแต่กรยังถามต่อ

“แล้วไง?”

“แต่ฉันว่า..มันชอบภูนะ”ประโยคนี้ทำเอาเจ้าของชื่อชูคอขึ้นมาสนใจอีกครั้ง

“แต่แค่ว่า...มันยังไม่ยอมรับหัวใจของมันเอง”ตรฤณพูดต่อ

“งั้น....ฉันว่าฉันมีแผนนะ”กรรีบเสริมขึ้นมาพร้อมกับทำแววตาวิบวับราวกับคนคิดแผนเด็ดได้

“แผน?”ตรฤณและภูเบศธ์พูดพร้อมกันก่อนจะหนไปสนใจกรอีกครั้ง

“แผนที่ทำให้สอง...รู้ตัวว่าหลงรักไอ้เด็กปากหมาคนนี้เข้าแล้วยังไงล่ะ!”

กูว่าสมแล้วที่ที่กรได้ตำแหน่ง...แกนนำผู้ก่อการ‘ร้าย’ ของไอ้สอง!
แต่สำหรับกู เห็นทีว่าจะต้องเป็นผู้ก่อการ ‘รัก’ ซะมากกว่า!


“แล้วแผนที่ว่ามันคืออะไร?”กรรีบหันไปตามเสียงที่ถามขึ้นมาทันที

“พอถึงเวลาแล้วฉันจะบอก”กรว่าโดยที่ภูเบศธ์และตรฤณหันมองหน้ากันโดยมิได้นัดหมายเอาไว้ล่วงหน้าอีกครั้งด้วยความที่ไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่กรกำลังคิดอยู่

“แล้วเรื่องของเราล่ะ? เมือไหร่จะถึงเวลา”

“หือ? นายว่าอะไรนะ?”ถึงแม้เมื่อสักครู่กรจะได้ยินเต็มสองรูหู แต่ลองถามดูอีกครั้งเผื่อตรฤณจะเปลี่ยนคำถาม เพราะถ้าหากไม่เปลี่ยนคำถาม...ก็เตรียมโดนหนังสือเด็กปีหนึ่งตีหัวได้เลย

“เอ่อ ช่างมันเถอะไม่ใช่สาระสำคัญอะไรหรอก”ตรฤณยิ้มแก้มปริที่หาทางคงอยู่ของเงาหัวเอาไว้ได้...โดยมีภูเบศธ์แอบนั่งขำอยู่คนเดียว

เพราะหากยังถามซ้ำรอบสอง รับรองได้เลยว่าหัวพี่ตรฤณหลุดออกจากบ่าชัวร์!

________________________


ผ่านไปอีกหนึ่งสัปดาห์ คณะบริหารธุรกิจยังคงดูวุ่นวายเช่นเดิม ถึงแม้จะอยู่ในเวลาเรียน แต่บางคนที่ตั้งใจเรียนจนไปเข้าเฝ้าพระอินทร์ก็ต้องเดินออกจากห้องเรียนมาหาอะไรดื่มเพื่อถ่างตาอยู่ให้ครบสามชั่วโมงสำหรับการเรียนต่อหนึ่งคาบ บางคนที่ไม่มีเรียนก็นั่งเล่นคุยกันไปเรื่อยอยู่ใต้คณะเพื่อรอเวลาเรียน
ส่วนชวิน...คนที่ไม่ได้เรียนอยู่ในคณะนี้แต่ต้องมาคณะนี้ทุกวันตามคำสั่งของสอง พอเริ่มไม่มีอะไรทำ เพื่อนเข้าเรียนหมด ก็เริ่มเสาะหาบางสิ่งบางอย่างเพื่อทำฆ่าเวลา แต่คิดให้ตายก็คิดไม่ออก ก่อนหน้านี้ที่ตามเพื่อนมาที่มหาลัยด้วย ก็ไปนั่งเรียนด้วยตลอด แต่ทว่าหลังจากที่เจอน้องเขมที่คณะ ชวินกลับยืนยันว่าจะไม่ไปนั่งเรียนแต่จะนั่งเป็นเป้าสายตาอยู่ข้างล่างเผื่อน้องเขมจะแวะเวียนมาหาอีก

_______________


~RRRRRRRRRRrrr~

เสียงเครื่องมือสื่อสารแบบพกพาของใครบางคนดังขึ้น จนคนในห้องเรียนรับรู้อย่างทั่วถึงรวมไปถึงอาจารย์ที่กำลังเคร่งอยู่กับการสอนด้วย ถึงได้มองลอดแว่นมาทางหนุ่มน้อยที่กำลังเทเป้ตัวเองเพื่อหามือถืออย่างคนตกใจ เพราะตอนแรกเสียงมันดังขึ้นเจ้าตัวก็พยายามควานหาเพื่อนำมาปิดเสียง แต่สุดท้ายแล้วก็หาไม่เจอ และไม่อาจทราบได้ว่ากระเป๋าใบนั้นมันรกมากหรืออย่างไร “กมลินทร์” ถึงหามือถือที่ใส่ไว้ในกระเป๋าเป้ตัวเองไม่เจอ

“อ๊ะเจอแล้ว!    ” สองพูดขึ้นอย่างดีใจเมื่อเทกระเป๋าลงบนโต๊ะหมดแล้วก็เจอลูกรักดิ้นครืดๆพร้อมกับแผดเสียงเพลงดังลั่นจนลืมสนใจสิ่งรอบตัว ทั้งสายตาของเพื่อนทุกคนที่จับจ้องมายังสอง รวมถึงอาจารย์ที่สอนอยู่หน้าห้อง...และตรฤณที่เนียนเขยิบตัวออกห่างสองไปอีกสองเก้าอี้ราวกับว่าไม่ใช่คนรู้จักกัน สองรีบตัดสายทันทีเมื่อเห็นว่าชื่อใครปรากฏเด่นหราอยู่บนหน้าจอ  แล้วเงยหน้าขึ้นไปก้มหัวขอโทษอาจารย์ผู้สอนอย่างเกรงใจ แต่ยังไม่ทันไรเสียงโทรศัพท์ก็แผดเสียงขึ้นอีกครั้งราวกับกลั่นแกล้งเพราะสองยังไม่ได้ปิดเสียง

“ถ้ามันจะยังดังอยู่อย่างนั้น อนุญาตให้ออกไปคุยธุระร้อยล้านที่ด้านนอกได้นะ”ฟังดูก็รู้ว่าโดนอาจารย์ก่อนจะมีเสียงหัวเราะเบาๆจากทุกสารทิศของห้องเรียนดังขึ้นจนสองต้องรีบเอาลูกเดินออกจากห้องเรียนแล้วกดรับสายทันที

“โทรมาหาแป๊ะมึงเหรอ?  มึงก็รู้ว่ากูเรียนอยู่” ทันทีที่รับสายสองก็กรอกเสียงด่าไปตามสายทันที

“อ้าวถ้าเรียนอยู่ทำไมถึงรับโทรศัพท์กูได้?”

“ก็กูโดนไล่ออกมานอกห้องเป็นที่เรียบร้อยที่กูดันลืมปิดเสียง เพราะมึงคนเดียวเลย แม่งอายตายห่า”  สองบ่นงุ้งงิ้งพอเป็นพิธีก่อนจะถามต่อถึงสาระสำคัญที่ทำให้ชวินต้องโทรมากลางเวลาเรียนแบบนี้

“ว่าแต่มึงมีอะไรทำไมถึงโทรหากู”

“อย่ามาทำเป็นบ่นกูรู้หรอกว่ามึงกะว่าจะออกจากห้องเลยแล้วไม่กลับเข้าไปอีก”
“แน่นอน! มึงอย่ามาทำเป็นรู้มากรีบพูดมา”สองพูดไปก็เดินลงไปชั้นล่างกะว่าจะเดินลงไปสมทบกับชวินที่อยู่ด้านล่างส่วนกระเป๋าเป้ที่ทิ้งไว้บนห้องเดี๋ยวค่อยส่งเมสเสจไปบอกให้ตรฤณเอาติดมือมาด้วยตอนเลิกเรียน

“มึงมีเบอร์น้องเขมป่ะ?”

ห๊า! เพราะเรื่องนี้นี่นะที่มึงโทรมาทำให้โทรศัพท์กูดังแล้วต้องอายเพื่อนยกห้องน่ะ! ไอ้วิน กูลงไปถึงเมื่อไหร่จะชกหน้ามึง!

“ไม่มี!”

กูงอนนะเว้ย!  นอกจากมึงซึ่งเป็นรักแรกกูกำลังจะมีรักใหม่ แถมยังเป็นรักใหม่กับเด็กเก่ากูอีกต่างหาก! มันน่านัก

“โกหก!”

“ก็รู้ว่ากูโกหกแล้วจะถามกูทำเพื่อ?..แค่ขอเบอร์หมอเขมตั้งแต่แรกก็สิ้นเรื่อง”สองบ่น

“เออนั่นแหล่ะขอเบอร์!”

“เตรียมจดนะมึง”
สองว่าผ่านโทรศัพท์ทั้งที่เดินไปถึงข้างหลังชวินเป็นที่เรียบร้อย

“กูไม่มีกระดาษว่ะ”ชวินว่าเพราะมีแต่ปากกาอยู่ในมือ ซึ่งเป็นปากกาที่พกติดตัวเสมอ

“เอาตีนกูมั๊ย..มันยังพอมีที่ว่างให้มึงจดอยู่”
สองพูดพร้อมกับยกเท้าใส่วินอย่างหมั่นไส้

“กวนตีนแล้วมั๊ยมึง”พอได้ยินเสียงสองที่ไม่ใช่มาจากโทรศัพท์ชวินก็หันหลังไปเจอฝ่าเท้าของสองก่อนจะจับข้อเท้านั้นลงไปวางกับพื้นเช่นเดิม

บุญเท่าไหร่แล้วที่ไอ้สองไม่ฟรีคลิ๊กเข้าที่กลางหลังกูน่ะ

“ทำไมมาหึงอะไรเอาป่านนี้..มึงบอกกูเองนี่ว่าเด็กนี่มึงยกให้กู”

“ไม่ได้หึงแต่หมั่นไส้!” สองกระแทกก้นลงข้างๆชวินก่อนจะทิ้งหัวลงซบกับไหล่เพื่อนรักอย่างออดอ้อนไม่เข้ากับอารมณ์โมโหก่อนหน้าเอาเสียเลย

“หมั่นไส้แต่มาซบไหล่กู..มันหมายความว่ายังไงวะ?”ฝ่ายที่โดนซบไหล่ว่าขำๆก่อนจะดันหัวสองให้ตั้งตรงอย่างเดิมทั้งที่สองเองก็ไม่ค่อยพอใจ

“ก็มึงกำลังจะมีแฟน...” สองพูดเสียงอ่อนก่อนจะเอนหัวไปซบไหล่ชวินอีกครั้งราวกับมีแรงดึงดูดระหว่างหัวตัวเองกับไหล่ของอีกฝ่าย แล้วติดแปะไม่ยอมลุกถึงแม้ชวินจะพยายามดันออก..จนสุดท้ายจนปัญญาก็ต้องยอมให้ซบไหล่อยู่ดี

“มึงก็หาแฟนบ้างสิ..”ชวินว่าด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“ใครล่ะ?..เป็นมึงก็ไม่ได้..หมอเขมก็เพิ่งถูกมึงเคลมไป..น้องบอลก็ถูกกรร่ายมนต์ดำใส่จนไม่กล้ามาเจอหน้ากู”

“ภูเบศธ์ล่ะ?”ชวินเสนอเพราะเหมือนสองจะลืมไปอีกหนึ่งชื่อถึงบางคนที่สองเอ่ยขึ้นมาชวินจะไม่รู้จักก็ตามที

“โอย...ปล่อยมันไปตามบุญตามกรรมเหอะ..แค่นี้ยังจองเวรจองกรรมกันไม่พออีกหรือยังไง..ไม่ว่ากูจะหันไปทางไหนแม่งก็พากันพูดแต่ชื่อนี้...กูชักเซ็ง”สองบ่นยืดยาวแต่นั่นกลับทำให้วินหัวเราะ

“ก็เพราะมึงเหมาะกับไอ้เด็กนั่น มึงไม่รู้ตัวจริงๆเหรอ? ไม่งั้นน่ะไม่มีคนเชียร์หรอก”

เชียร์หรือจับกูใส่พานแล้วประเคนใส่ปากไอ้เด็กนั่นกันวะ?!

“แต่กูไม่ได้ชอบไอ้เด็กนั่นนี่!”สองรีบเถียงกลับ

“อ๋อ..ถึงว่า...เด็กนั่น....” ชวินพูดขึ้นเมื่อเห็นเด็กหนุ่มหน้าตาคุ้นๆกำลังเดินอยู่กับใครบางคนแล้วกำลังจะเดินขึ้นตึกโดยที่ไม่ได้สนใจคนที่นั่งอยู่ตรงนี้ทั้งที่ทุกทีจะต้องส่องหาเป็นอันดับแรก

“เด็กนั่นอะไร?”สองถามอย่าสงสัยแต่วินกลับไม่พูดอะไรทำแค่เพียงสะกิดให้สองมองเห็นเด็กที่ตัวเองกำลังพูดถึง

ภาพเด็กเวรภูเบศธ์ กำลังหัวร่อต่อกระซิกกับเด็กผู้หญิงต่างคณะตรงบันไดทางขึ้นตึก กระแทกเข้าสู่สายตาสองเต็มๆ!

“ถึงว่า เด็กนั่นถึงได้มีเป้าหมายใหม่ที่ไม่ใช่มึง”วินพูดเสริมภาพได้อย่างลงตัวพลางแอบสังเกตอาการของเพื่อนรัก
ไม่อยากจะบอกเลยว่ากูก็เป็นหนึ่งในผู้ก่อการร้ายของไอ้สอง..เมื่อวานนี้เอง!

“อ้าว..ไง...ดีใจใช่มั๊ยล่ะที่หมดเวรหมดกรรมกับเด็กนั่นได้สักที..ไปดื่มฉลองกันดีมั๊ย?”วินลองเสนอ...ตามแผนของกร(อีก)

“เออ! ไม่ถึงตีสองกูไม่กลับ!”สองพูดอย่างมาดมั่นพร้อมกับสายตาที่ยังคงมองเด็กหนุ่มที่เคยคุ้นและเด็กผู้หญิงแปลกหน้าเดินขึ้นตึกไป

สองพยายามบอกตัวเองไม่ได้ว่ารู้สึกอย่างไรกับภาพตรงหน้า ไม่ใช่ดีใจหรือว่าเสียใจทั้งสิ้น แต่บางทีมันเหมือนถูกหักหน้ามากกว่าก็ดันเห็นคนที่ตามจีบตัวเองอยู่ไปเดินหวานกับคนอื่นต่อหน้าต่อตาแบบนั้น มันน่านัก!

จะทำอะไร จะจีบใครใหม่ก็เชิญเล้ย ภูเบศธ์!
เพราะคืนนี้ กมลินทร์ จะดื่มฉลองสละโสด ไหนๆเด็กในฮาเร็มก็หายหมดแล้ว!


____________________


“คราวนี้ก็ต้องใช้ยานอนหลับอีก”

“แล้วก็จับสองขึ้นเตียงกับภูเบศธ์โอเคมะ? ”ทั้งประโยคแรกและประโยคที่สองกรเป็นคนพูดเองทั้งหมด โดยมีหนุ่มหน้าหล่อต่างสไตล์สามคนนั่งฟังอย่างตั้งใจ

หล่อแรก...ขาวตี๋อินเทรน มาแรงในกระแสวัยรุ่นผู้หญิงเดี๋ยวนี้..แต่ไม่ว่ายังไงกรก็มองว่าหน้าเหมือนหมีอยู่วันยังค่ำ

หล่อสอง...สูงยาวเข่าดีตาโตคิ้วเข้มแถมผิวเข้มเป็นของแถมถ้าบังเอิญว่ากรไม่ได้ชอบของขาวๆ ก็คงก็ชมได้เต็มปากว่าไอ้หนุ่มนี่หล่อลากดิน

หล่อสุดท้าย...บรรยายไม่ค่อยจะถูกเนื่องจากเห็นหน้ามันตั้งแต่อ้อนแต่ออก...แต่เท่าที่รู้หล่อที่สุดในบรรดาหนุ่มๆที่นั่งอยู่ตรงนี้!
(หาเรื่องเข้าข้างได้ตลอดอ่ะกูหมั่นไส้! : จากผู้คนที่หมั่นไส้ภูเบศธ์แต่ไม่เคยแสดงออก มีอักษรย่อ ต. นำหน้า)

“ไม่ได้!” เสียงของหนุ่มที่สองดังขึ้นห้ามถึงตอนแรกจะรู้ว่ากรจะใช้ยานอนหลับ แต่พอบอกถึงเรื่อง “ขึ้นเตียง” ชวินกลับร้องคัดค้านอย่างหัวชนฝา โดยที่มีตรฤณทำตาเหมือนจะเห็นด้วยแต่แสดงออกอะไรมากไม่ได้   เพราะยังมีความเกรงใจกรอยู่ไม่น้อย

“ทำไมจะไม่ได้ ก็ให้ภูเบศธ์รวบหัวรวบหางสองซะ จะได้เลิกซ่าแถมยังรู้ตัวว่ารักภูเบศธ์อ่ะ”กรเถียงคืนแต่วินก็ยังส่ายหน้าปฏิเสธ

“ไม่ได้ๆเพื่อนฉัน..ฉันก็หวง” ชวินพูดด้วยสีหน้าเคร่งเพราะรู้ถึงเรื่องที่สองโดนชิงเวอร์จิ้นไปรอบที่แล้วนั้นไม่เป็นความจริง แต่ถ้าครั้งนี้ยังสร้างสถานการณ์อย่างนี้อีกเกรงว่าจะได้เสียกันจริงๆน่ะสิ
“เอางี้...ถ้าวางยานอนหลับไอ้สองจริงๆ ภูเบศธ์อย่าทำอะไรไอ้สองมันได้ป่ะ? แค่นอนเฉยๆแบบคราวที่แล้วน่ะ”ในเมื่อเห็นทีท่าไม่ค่อยดีเพราะเดี๋ยวชวินจะเปิดฉากตีกันกับกรเสียก่อน ตรฤณเลยต้องหาทางอื่นมาแก้ขัดโดยหันไปตกลงกับภูเบศธ์แทน

“ผมไม่มั่นใจตัวเอง”ภูเบศธ์ตอบตามความจริงเพราะแค่ครั้งที่แล้วตอนตื่นขึ้นมาก็ยังเกือบเผลอทำอะไรต่อมิอะไรสองอยู่แล้ว ดีที่เจอลูกถีบก่อนเลยพอจะตั้งสติได้บ้าง

“แหม่~    หยวนๆเหอะโตๆกันแล้วเรื่องแบบนี้ก็ไม่ใช่ว่าร้ายแรงอีกอย่างภูเบศธ์น่ะมันรักจริงหวังแต่งนะ” ในเมื่อมองจากสถานการณ์กรก็พอมองออกเลยว่าตอนนี้กำลังตกลงทำสนธิสัญญาอยู่กับพ่อของสองถึงสองคนที่หวงลูกชายราวกับไข่ในหิน

อ้อ ถึงว่า ~ ตรฤณถึงชอบหาเรื่องขัดตลอดเวลาที่เห็นภูเบศธ์ถึงเนื้อถึงตัวสอง ถึงจะไม่ค่อยแสดงออกชัดเจนก็เหอะ แต่ชวินนี้..แสดงออกชัดเจนว่าหวงเพื่อนเกรงว่าหากยังเล่นไม้แข็งกับคนคนนี้ ภูเบศธ์จะไม่ได้ทั้งตัวและหัวใจของสองซะเปล่าๆ

“ก็เข้าใจนะ...ว่าถ้าให้ได้ใกล้ชิดกับคนที่รักมากๆแบบนั้นจริงๆมันอดใจยากแต่นายต้องทำเพื่อพิสูจน์สิว่ารักสองจริงๆไม่ใช่ว่าหวังแต่ตัว” ชวินเสนอซึ่งภูเบศธ์ก็ต้องตอบรับอย่างว่าง่าย

นั่นสินะ..ก็รักสองซะขนาดนี้..จะยอมทำตัวเป็นคนดีสักวันก็ได้วะ!

“โอเคนะ...ตกลงว่าวางยาสองอีกรอบ แล้วทำเหมือนเดิม”กรสรุปและทุกคนก็เห็นด้วย แต่ใครบางคนจากหนึ่งในสี่กลับเห็นด้วยและคิดแผนต่อยอดได้ขึ้นอีกหนึ่งแผนอย่างแยบยล~

_____________


“ไปกันเลยป่ะ?”วินกระทุ้งศอกถามเพื่อนตัวเล็กเบาๆเมื่อสองกำลังสนใจอย่างอื่นมากกว่าตัวเอง



แหม่! น่าหมั่นไส้ กระหนุงกระหนิงกันได้ใจกูจริงๆ!
แต่สองกลับไม่ได้ยินคำที่วินพูดเพราะมัวแต่จ้องปร์คภูเบศธ์กับเด็กผู้หญิงคนอื่นที่เพิ่งเดินผ่านหน้าไปหลังจากที่พวกเขากำลังจะเดินออกจากคณะ


“มึงว่าสองมันหึงภูเบศธ์เปล่าวะเพื่อน?”ในขณะที่สองจ้องจะกินเลือดกินเนื้อภูเบศธ์อยู่ลืมสนใจคนอื่น เพื่อนและเพื่อก็แอบกระซิบกระซาบกัน

“กูก็อยากคิดอย่างนั้นนะเพื่อน แต่แม่งสายตาเหมือนอยากแดกหัวไอ้เด็กนั่นมากกว่าหึงอีกว่ะ”เพื่อนพูดจากภาพที่เห็น

“ไอ้สองนี่แม่งเข้าใจยากจริงๆ”ตรฤณส่ายหน้าก่อนจะมองหน้าชวินที่เห็นด้วยกับคำพูดของตัวเอง

“ลองมอมเหล้ามันมั๊ยล่ะ? เผื่อมันจะยอมพูดอะไรบ้าง”ชวินลองเสนอ

“เอาสิถ้ามึงมอมไอ้สองได้อ่ะนะ~”ตรฤณกระซิบตอบกลับโดยที่ทำตายิ้มๆเพราะรู้กันดีว่าเห็นอย่างนี้สองก็ฉลาดกว่าที่คิดไว้เยอะ(ในบางเรื่องก็เท่านั้นแหล่ะ)

“พวกมึงกระซิบอะไรกัน?”

“อ๊าว! ก็มึงอยากเผลอ กูจะจีบกัน กับไอ้วินบ้างจะเป็นไร”ตรฤณทำตาหวานหยดย้อยพร้อมกับกระแซะตัวใหญ่ๆใส่เพื่อนร่างสูงโปร่งอย่างออดอ้อน เพื่อเสริมคำพูดทำเอาสองต้องปิดตาด้วยความอนาถใจ

ตัวก็ใหญ่ แต่แรดได้ใจจริงๆเลยมึงอ่ะ!

“พอเหอะตรฤณ..กูรับไม่ได้...ว่ามาอยากไปที่ไหน”ในเมื่อถามไปเห็นทีจะไม่ค่อยได้ความก็ขอวกกลับเข้าเรื่องที่วินถามเอาไว้ตั้งแต่ต้น

“ที่เก่ามั๊ยมึง...ที่เก่าที่เป็นต้นตอให้มึงเสียเวอร์จิ้นให้ไอ้เด็กนั่น”

“ความคิดมึงบรรเจิดมากครับสถานที่แห่งความหลังกูไม่อยากไปให้เสียความรู้สึกหรอกเว้ย!”สองรู้สึกหงุดหงิดทันที ยิ่งพูดถึงไอ้เด็กปากหมาเท่าไหร่สองก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดใจมากเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ

“งั้นไปที่ใหม่ก็ได้..”ตรฤณว่าก่อนจะควงพวงกุญแจรถเล่น

“ที่ไหน?”สองเลิกคิ้วถาม

“เดี๋ยวถึงแล้วมึงก็รู้เอง ตามมาเหอะ” ตรฤณยกยิ้มที่มุมปากก่อนจะเดินนำหน้าสองและวินไปที่รถทันที

_______________________________

หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 12 ปากเขามีไว้.. P.5 [Up 18/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: ryoko_chan ที่ 19-01-2012 22:51:03

.

ผ่านไปไม่ถึงสิบห้านาที รถออดี้สีน้ำเงินเข้มก็จอดเทียบหน้าร้านอาหารกึ่งร้านนั่งดื่มที่มีให้เห็นทั่วไป สองและวินลงจากรถก่อนที่ตรฤณจะขับรถไปหาที่จอดในลานจอดรถที่อยู่ข้างๆร้าน บรรยากาศดูสบายๆ เปิดเพลงคลอเบา แถมแสงไฟสลัวๆ แบบนี้สองล่ะชอบนัก! 
ว่าแล้วร่างของคนสองคนก็เดินเข้าไปภายในร้านโดยมีพนักงานออกมาต้อนรับอย่างอบอุ่น ก่อนจะเดินไปยังโต๊ะนั่งที่พนักงานเสิร์ฟจัดเตรียมไว้ให้ ไม่นานนักตรฤณก็ตามมาสบทบอีกหนึ่ง

“อยากสั่งอะไรมึงสั่งเลย..กูเลี้ยงปิดฮาเร็ม”สองพูดอย่างใจใหญ่ทำให้ตรฤณและวินต้องหันมามองหน้ากัน

“เฮ้ย~ หิมะตกเมืองไทยชัวร์ป้าบว่ะมึง! คนขี้งกอย่างไอ้สองออกปากเลี้ยงพวกเรา”


“จะกินไม่กิน?!” สองถือสมุดเมนูเตรียมฟาดหัวพร้อมคำขู่ทำให้ตรฤณผู้บังอาจแซวสองต้องสงบปากสงบคำ

“กินๆ...แม่งดุจริง ถึงว่าภูเบศธ์มันถึงทนจีบได้ไม่นาน”ตรฤณพูดลอยๆแต่ทำเอาสมุดเมนูลอยข้ามโต๊ะไปถูกหัวตรฤณราวกับจับวาง

“อย่าพูดถึงไอ้เด็กนั่น ไม่งั้นมีต่อยอีกแน่!”สองชี้หน้าขู่จนตรฤณต้องทำคอหดด้วยความกลัวจะมีก็แต่วินที่จิบเบียร์ที่พนักงานเพิ่งเสิร์ฟให้ไปพลางมองดูสองและตรฤณต่อปากต่อคำกันเล่น

“ถามจริงเหอะ มึงกลัวสองจริงเหรอวะ?”ในขณะที่สองกำลังจิ้มนู่นจิ้มนี่บนเมนูเพื่อสั่งอาหารกับพนักงาน วินก็ค่อยๆวางแก้วเบียร์ลงบนโต๊ะก่อนจะถามตรฤณ

“ท่าทางอย่างนั้นน่ากลัวตาย...”ตรฤณว่าขำๆก่อนจะยกแก้วขึ้นมาจิบเบียร์บ้าง

“ก็พอจะเข้าใจอะไรบ้างแล้วล่ะ..เพราะแต่ละคนที่มึงชอบ ดุๆทั้งนั้น”วินพูดยิ้มๆแต่กลับโดนตรฤณตบขาเข้าให้เพื่อเตือนสติก่อนจะเหลือบมองไปทางสอง แล้วก็ต้องโล่งอกเพราะดูเหมือนบุคคลที่กำลังพูดถึงไม่ได้ยิน

แต่ก่อนกูก็แค่หลงผิด อย่าได้คิดเชียวว่ากูเคยแอบชอบไอ้สองมันน่ะ!

   “มันไม่ได้ยินหรอกน่า...อย่างมันน่ะไม่รู้เรื่องหรอก” ชวินว่าก่อนจะมองไปยังสองที่ยังคงสั่งอาหารเจื้อยแจ้วอยู่คนเดียว จนพนักงานเสิร์ฟเริ่มอมยิ้มแปลกๆ

ติดใจความน่ารักของไอ้สองมันอีกคนแล้วล่ะสิ!

“มึงเลิกสั่งได้แล้วกูจะสั่งมั่ง!” ตรฤณรีบตัดไฟแต่ต้นลมด้วยการเรียกพนักงานเสิร์ฟมาใกล้ๆบ้าง เพราะอย่างนี้ไงพวกเขาถึงไม่ค่อยไว้ใจคนอื่น การเป็นเพื่อนกับสองก็เหมือนพ่วงตำแหน่งคุณพ่ออีกตำแหน่งต้องคอยระวังและหวงสองไม่ให้หนุ่มๆหน้าไหนมายุ่งด้วยถ้าไม่ผ่านการตรวจเช็คโดยตรฤณหรือไม่ก็วิน

“ก็เห็นแม่งนั่งคุยกันอยู่สองคน กูก็สั่งเองหมดเลย”ใบหน้าหวานติดจะรำคาญก่อนจะยกแก้วเบียร์ขึ้นมาดื่มตามเพื่อนอีกสองคนบ้าง

ไม่นานเกินรออาหารทั้งหมดที่สั่งก็ค่อยๆทยอยเสิร์ฟบนโต๊ะ ทั้งสามหนุ่มกินไปคุยไปอย่างออกรสชาติ สักพักพอเหยื่อเผลอ ตรฤณก็จัดการใส่ยานอนหลับลงในแก้วเบียร์ของสองอย่างแนบเนียนโดยที่สองไม่สังเกตเห็นแล้วสักพักแขกของร้านที่พนักงานพากันต้อนรับ แต่สำหรับสองอาจอยากจะเตะออกนอกร้านให้รู้แล้วรู้รอดก็โผล่เข้ามาในร้าน แถมเหมือนไม่เห็นพวกสองที่นั่งอยู่ที่โต๊ะเสียด้วย

“โลกกลมจริงๆ”สองออกอาการเซ็งอย่างเห็นได้ชัดพร้อมกับยกแก้วเบียร์ที่เพิ่งถูกใส่ยานอนหลับขึ้นดื่ม โดยที่ตรฤณเองก็ลุ้นจนตัวโก่งเช่นกัน

“อะไรของมึง?..นั่นกร ภูเบศธ์นี่...อ้าวแล้วมากับใครอีกคนล่ะนั่น?”ตรฤณมองตามสองก่อนจะเจอเป้าหมายที่นัดแนะไว้ก่อนแล้วล่วงหน้าแต่ก็ทำท่าทางประหนึ่งตกใจ จนวินอยากให้รางวัลตุ๊กตาทอง

“ไม่เรียกให้พวกนั้นมานั่งด้วยกันล่ะ?” วินพูดขึ้นบ้างหลังจากเงียบอยู่นานแต่สองกลับส่ายหน้ารัว

“ถ้ามึงอันเชิญพวกนั้นมานั่งโต๊ะด้วย กูกลับ!”สองไม่ได้พูดอย่างเดียวแต่ดูท่าว่าจะทำอย่างที่พูดด้วยจนตรฤณต้องปรามเอาไว้

“เออๆ..ไม่ชวนก็ไม่ชวน..แต่ว่ากูคงต้องไปทักพวกนั้นหน่อย..อีกอย่างกูอยากรู้ด้วยว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร..น่ารักซะด้วยสิ ” พูดจบก็ย้ายก้นออกจากโต๊ะโดยที่สองก็มองตามหลังไปพร้อมกับยกเบียร์ดื่มรวดเดียวจนหมดแก้ว

และเพียงไม่นานนัก..สองก็หมดสติดับคาโต๊ะ ก่อนที่วินจะหันไปเรียกตรฤณ มือใหญ่กลับใส่อะไรบางอย่างลงไปในแก้วตรฤณอีก พอเสร็จธุระวินก็เรียกตรฤณมาที่โต๊ะทันที

จะทำการใหญ่ทั้งที ต้องเตรียมการดีๆอย่าให้ใครรู้!

“หลับสนิทเลยแฮะ” ตรฤณสะกิดสองตั้งแต่เบาจนถึงแรงแต่สองก็ทำตัวอ่อนปวกเปียกไร้สติเหมือนอย่างเคย ทั้งกร ภูเบศธ์ และวินมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกที่แตกต่างกันไปหลังจากที่ให้น้องหน้าม้ามาเล่นละครตบตากลับไปแล้ว

“เอาล่ะ..นายก็เอาตัวสองไปได้เลย” กรหันไปสั่งภูเบศธ์ซึ่งเตรียมเดินเข้าไปแบกสอง แต่ทว่าโดนชวินตัดหน้า

“เดี๋ยวฉันหิ้วไอ้นี่ไปส่งที่รถให้ นายก็ตามมาแล้วกัน”ชวินพูดเรียบๆก่อนจะหิ้วปีกสองออกจากร้านไปโดยมีภูเบศธ์เดินตามไปติดๆ

“ภูเบศธ์...”เมื่อเดินมาถึงรถของภูเบศธ์วินก็นำตัวสองไปนั่งเบาะหน้าข้างคนขับก่อนจะเอ่ยชื่อภูเบศธ์เสียงเข้ม

“อย่าล่วงเกินไอ้สอง...เข้าใจ?”ถึงน้ำเสียงจะราบเรียบแต่ภูเบศธ์หลับรู้ดีว่านี่คือคำสั่ง ภูเบศธ์พักหน้าก่อนจะพูดว่า

“เพื่อคนที่ผมรัก...ผมทำได้ทุกอย่าง”ภูเบศธ์ยิ้มรับก่อนจะโค้งให้ชวินนิดๆแล้วก็ขับรถออกไป พอรถหายไปจากสายตา วินกลับยกยิ้มอย่าเจ้าเล่ห์เมื่อแผนหนึ่งสำเร็จก็ยังเหลืออีกแผนที่ยังคงต้องจัดการ


“อ้าว.....กรไปไหนซะล่ะ?”
เมื่อเดินมาถึงที่โต๊ะ กลับเห็นตรฤณนั่งอยู่คนเดียว
แหม่! โชคจะเข้าข้างกูไปถึงไหนวะเนี่ย?

“ไปเข้าห้องน้ำน่ะ”ตรฤณตอบพอได้ยินอย่างนั้น ชวินก็เตรียมเสิร์ฟแก้วใหม่ให้กรทันที       พร้อมกับแอบใส่อะไรบางอย่างที่เคยใส่ไว้ในแก้วตรฤณก่อนหน้านี้ด้วย สักพักกรก็กลับมาพร้อมกับที่สามหนุ่มนั่งฉลองกันครื้นเครงไป ปริมาณยาที่ชวินใส่นั้นน้อยมาก แต่จะค่อยๆออกฤทธิ์ ไม่ถึงขั้นดับสนิทอย่างสองทันที แต่จะค่อยๆเบลอ แล้วออกอาการง่วงนอนอย่างเห็นได้ชัด

“รู้สึกง่วงๆเนอะว่ามั๊ย?” ตรฤณสะบัดศรีษะเหมือนพยายามไล่ความง่วงแต่ทว่าสะบัดเท่าไหร่ก็ยังรู้สึกว่าเปลือกตาเตรียมจะปิดสนิทอยู่ดี

“นั่นสิ...ฉันก็รู้สึกว่าง่วงๆนะ..หรือว่าเมาแล้วล่ะเนี่ย?~” กรเองก็มีอาการไม่ต่างจากตรฤณเท่าไหร่ ชวินถึงกับลอบยิ้มด้วยความเจ้าเล่ห์

นี่แหล่ะรางวัลสำหรับแกนนำผู้ก่อการร้ายทั้งสองตัว รับรองตื่นเช้ามาได้เป็นผัวเมียกันชัวร์ๆ!..กูฟันธง!


:: TBC ::

 o18 << ชวินเป็นอย่างนี้เลยล่ะค่ะ หน้าหล่อ แต่แอบถือมีดอันแหลมคม ฮ่าาาาา
สรุปงานนี้ กรที่ว่าร้าย...เจอ ชวินเข้าไป....ฮ่าาาาาาาาาาาาาา(ไม่อยากจะคิดเล้ยยยยย)

ตอนนี้ก็มาถึง ตอนที่ 13 ล่ะค่ะ อยากรู้จังเลยว่า..คุณคนอ่านชอบใครกันมากที่สุด อิอิ เดี่ยวจะทำโพลด้วย เล่นกันนะค้า><  o13


มาคอยดูกันต่อไปนะคะว่า พรุ่งนี้ตื่นมา...ใครจะมีสภาพอย่างไรบ้างอิอิ
หัวข้อ: Re: “ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 13 เพื่อน หรือ พ่อ? P.5 [Up 19/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: changasa@hotmail.com ที่ 19-01-2012 22:57:13
เจ๋งๆ หัวหน้าผู้ก่อการโดนย้อนแผนตัวเอง เสร็จแน่ๆ ทั้งกรทั้งสอง  :impress2:
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 13 เพื่อน หรือ พ่อ? P.5 [Up 19/1
เริ่มหัวข้อโดย: Bowbonk ที่ 19-01-2012 23:25:16
แกนนำผู้ก่อการร้าย  เจอ   แกนนำผู้ก่อการร้ายกว่า  เข้าไป   จอดเลยทีเดียว



 :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:


 :z2: :z2: :z2: :z2: :z2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 13 เพื่อน หรือ พ่อ? P.5 [Up 19/1
เริ่มหัวข้อโดย: Allure-Q ที่ 19-01-2012 23:28:03
กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
นี่สิ แกนนำผู้ก่อการร้าย เอ๊ย ก่อการรัก ตัวจริงเสียงจริง :m20:
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 13 เพื่อน หรือ พ่อ? P.5 [Up 19/1
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 20-01-2012 00:14:11
ร้ายกาจม๊วกนายชวิน อิอิ

แล้วแบบนี่จะเปงไงน้อ อิอิ

อย่าลืมมาต่ออีกน้า^^

รอรอนะค๊าฟฟฟ :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 13 เพื่อน หรือ พ่อ? P.5 [Up 19/1
เริ่มหัวข้อโดย: pae666 ที่ 20-01-2012 11:10:52
555555+  วินแสบอ่ะ ขอให้ตำแหน่งวินเป็นหัวหน้าผู้ก่อการร้ายเลยล่ะ เสร็จวินล่ะ!! ขอให้ได้ขอให้โดน วี๊ดดดดวิ้วววววว!!  :oo1:   :oo1:   :oo1:
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 13 เพื่อน หรือ พ่อ? P.5 [Up 19/1
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 20-01-2012 11:35:15
ผู้ก่อการร้าย ตัวจริง มาแว้วววว..
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 13 เพื่อน หรือ พ่อ? P.5 [Up 19/1
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 20-01-2012 11:36:33
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 13 เพื่อน หรือ พ่อ? P.5 [Up 19/1
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 20-01-2012 11:55:17
เหอ เหอ เหอ  ชอบชวินสุด ๆ เลยเว้ยยย  ได้ใจจริง ๆ
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 13 เพื่อน หรือ พ่อ? P.5 [Up 19/1
เริ่มหัวข้อโดย: vi2212 ที่ 20-01-2012 13:31:53
วินนนนนนนน....มาม๊ะ :จุ๊บๆ:
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 13 เพื่อน หรือ พ่อ? P.5 [Up 19/1
เริ่มหัวข้อโดย: หมูกระต่าย ที่ 20-01-2012 14:13:00
พี่ชวินสุดยอดอ่ะ หัวหน้ากลุ่มก่อการร้ายชัดๆ
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 13 เพื่อน หรือ พ่อ? P.5 [Up 19/1
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 20-01-2012 20:18:25
งานนี้ตรฤณตายแน่ ๆ
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 13 เพื่อน หรือ พ่อ? P.5 [Up 19/1
เริ่มหัวข้อโดย: mild09 ที่ 21-01-2012 21:06:25
มาต่อเร็วๆน้าาาา
อยากอ่านต่อ  :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 13 เพื่อน หรือ พ่อ? P.5 [Up 19/1
เริ่มหัวข้อโดย: ryoko_chan ที่ 22-01-2012 11:40:22
บทที่ 14  หนัก...



“อือ....”

เสียงร่างเล็กที่นั่งหลับคอพับอยู่เบาะข้างๆครางในลำคอทำให้สายตาคมที่สนใจรถราบนท้องถนนในยามค่ำคืนต้องหันความสนใจมายังร่างเล็กแววตาของภูเบศธ์ดูอบอุ่นและดูเป็นผู้ใหญ่เวลาที่คอยแอบมองสองอยู่ห่างๆ รวมถึงครั้งนี้ด้วย ริมฝีปากหยักยกยิ้มขึ้นนิดๆอย่างมีความสุขที่เห็นรุ่นพี่ตัวเล็กที่แอบชอบมานานนอนหลับปุ๋ยอยู่ข้างตัว แถมยังเป็นภาพที่น่ารักในสายตาเหลือเกิน

   แต่อย่าทำให้ตื่นเชียวล่ะ!
   เดี๋ยวลูกแมวจะได้กลายเป็นแม่แมวแล้วถีบกูตกรถเอา!


ใช้เวลาไม่นานนัก เล็คซัสสีดำสนิทก็จอดอยู่บริเวณลานจอดรถของหอพักที่ภูเบศธ์อาศัยอยู่ สายตาคมเหลือบมองร่างเล็กที่ยังหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่ก็ต้องส่ายหน้าพร้อมกับรอยยิ้มบางๆให้กับความน่ารักของรุ่นพี่สองอีกครั้ง

ภูเบศธ์จัดการพาตัวเองลงจากรถก่อนจะเดินอ้อมไปประประตูทางที่สองนั่งเพื่อประคองสองให้ลุกขึ้นมาแต่ทว่า...

อึ๊บ! ..
ออกแรงอีกนิดสิวะ!

อื้อ....อึ๊บ!
กูเข้าใจแล้วว่าทำไม พี่ชวินถึงต้องแบกสองมาส่งให้กูถึงประตูรถ!


กูบอกตามตรงว่ากูแบกสองไม่ไหว!
ไม่ใช่ว่าสองตัวใหญ่...แต่ก็อาจจะแค่อวบไปเท่านั้นเอง!


ร่างสูงถอนหายใจอยู่หลายครั้งเมื่อพยายามจะช้อนตัวคนตัวเล็กแต่ตรงข้ามกับน้ำหนัก  จนแล้วจนรอดตัวของสองก็สูงจากเบาะรถที่นั่งอยู่ไม่เกินห้าเซนต์สักที ลำบากภูเบศธ์อีกตามเคย ร่างสูงหันซ้ายแลขวาก่อนจะตัดสินใจนั่งยองๆหันหลังให้สองก่อนจะพยายามใช้มือรั้งร่างเล็กที่หลับไหลอยู่ให้ขึ้นมาบนหลังอยากทุลักทุเล และสุดท้ายความพยายามของภูเบศธ์ก็เป็นอันสิ้นสุดลงเมื่อได้ร่างเล็กมาไว้บนหลังเป็นที่เรียบร้อย ถึงแม้ว่าตอนจะลุกขึ้นจะเซไปบ้างเล็กน้อยแต่ไม่ถึงกับล้มหน้าคะมำก็ถือว่าเป็นบุญหัว

มีใครอยากทำโล่ เพื่อเป็นเกียรติยศแห่งความพยายามของกูบ้างมั๊ยครับ?

ในเมื่อการที่แบกสองขึ้นหลังได้นั้นยังไม่ถึงขั้นสุดท้ายของแผนวิธี นี่ยังเป็นเพียงแค่การเริ่มต้น ภูเบศธ์เงยหน้ามองห้องพักตัวเองที่อยู่บนชั้นที่เจ็ดแล้วก็ต้องถอนหายใจอีกครั้งอย่างห้ามไม่ได้

นี่ถ้าเกิดหอกูไม่มีลิฟท์ กูคงคิดทิ้งคุณกมลินทร์ไว้ในรถจริงๆแล้วล่ะ!

ร่างสูงใหญ่กระโดดตัวเองนิดๆเพื่อกระชับคนตัวเล็กให้เข้าล็อคมากยิ่งขึ้นจะได้ง่ายต่อการแบก ก่อนจะเดินเข้าสู่บริเวณหอพักไปโดยมีคุณลุงยามหน้าหอแอบมองด้วยความเห็นใจ ที่เห็นพ่อหนุ่มหน้าตาดีแบกชายหนุ่มอีกคนขึ้นห้องด้วยความลำบาก

แค่เห็นสีหน้า ก็พอจะรู้ได้ทันที ว่าหนุ่มน้อยที่หลับอุตุอยู่บนหลังพ่อหนุ่มนั่น หนักใช่หยอก!

สุดท้ายความพยายามอย่างยากลำบากของภูเบศธ์ก็สิ้นสุดลง เมื่อตัวเองนั่งลงบนเตียงพร้อมกับปล่อยมือจากร่างเล็กให้หงายหลังทิ้งตัวลงบนเตียง โดยที่ลืมหันไปมองว่าอีฝ่ายจะมีสภาพเยี่ยงไร หลังจากที่ปล่อยทิ้งไว้อย่างนั้นเพราะมัวแต่หอบหายใจเพราะความเหนื่อยอยู่

“อุ้ย!”พอหายเหนื่อย ภูเบศธ์ก็หันหลังกลับไปดูผลงานของตัวเองก็พบว่าหัวของคนที่เพิ่งแบกขึ้นมานั้นเลยขอบเตียงจนหงายคอพับไป ทำให้คนที่แบกขึ้นมาลนลานกระโดดข้ามเตียงไปแล้วช้อนหัวทุยๆของคนที่หลับไม่รู้เรื่องขึ้นมา แล้วจัดวางคนตัวเล็กให้นอนอยู่บนเตียงในท่าที่สบายขึ้น

“เฮ้อ~”มือแกร่งถูกยกขึ้นมาปาดเหงื่อก่อนจะมองใบหน้าหวานที่ยังคงหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยายเพราะไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อไป

ปิ๊บๆ...
ยังไม่ทันได้คิดว่าจะทำอะไรต่อจากนี้ เสียงข้อความก็ดังขึ้นทำให้ภูเบศธ์ต้องล้วงเครื่องมือสื่อสารออกมาจากกระเป๋าเพื่อเปิดอ่านข้อความ

“กร?”
ภูเบศธ์อ่านชื่อผู้ที่ส่งข้อความมาด้วยความสงสัยก่อนจะกดเปิดอ่านข้อความ

‘อย่าคิดแม้แต่จะจูบ.. เข้าใจ๊?’

แต่ข้อความที่ได้อ่านมานั้น ทำให้ภูเบศธ์รับรู้ได้ทันทีว่าไม่ใช่กรแน่ๆที่เป็นคนพิมพ์ข้อความแล้วส่งมา แต่ดูท่าว่าเขาเองจะคุ้นๆกับประโยคทำนองนี้..เหมือนเพิ่งได้ยินมา..จาก

พี่วิน?! แล้วพี่วินเอามือถือกรมาใช้ได้ยังไง?

เมื่อคิดได้อย่างนั้น ก็รีบโทรกลับไปยังเบอร์ของกร แต่ทว่าไร้สัญญาณตอบรับทำให้ภูเบศธ์รู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายชิ่งปิดเครื่องตัดหน้าไปแล้ว ถึงแม้จะยังคงสงสัยอะไรอีกหลายๆอย่างทั้งเรื่องข้อความที่ถูกส่งมา และมือถือของกรที่ปิดไป ทั้งที่ร้อยวันพันปีกรไม่เคยปิดเครื่องนอกเสียจากแบตเตอรี่จะหมด แต่นั่นก็มีโอกาสน้อยมากเพราะกรมักจะพกแบตเตอรี่สำรองเอาไว้เสมอ

“ลองโทรไปอีกสักหน่อยท่าจะดี” ภูเบศธ์บอกกับตัวเองเช่นกันก่อนจะกดโทรออกอีกครั้ง แต่เสียงตอบรับอัตโนมัติทำให้ภูเบศธ์ถอนหายใจแล้วก็โยนมือถือทิ้งไปบนโต๊ะหนังสือเมื่อมันหมดประโยชน์
ร่างสูงโปร่งเดินลากเท้าไปยังเตียงของตนเองที่มีรุ่นพี่ตัวเล็ก(แต่น้ำหนักเยอะ)นอนอยู่ ก่อนจะค่อยๆทิ้งตัวลงนั่งบนขอบเตียงก่อนจะใช้มือเกลี่ยปอยผมที่ตกลงมาปิดใบหน้าหวานๆนั้นออกด้วยความเอ็นดู แววตาคมฉายแววอบอุ่นอย่างที่คนที่หลับอยู่เองก็ไม่เคยได้เห็น พร้อมกับการก้มลงไปมองใบหน้าของคนที่หลับไหลใกล้ๆ ก่อนจะมีการหยุดชะงักเล็กน้อย

‘อย่าคิดแม้แต่จะจูบสอง เข้าใจ๊?’

ประโยคที่อยู่ในข้อความทำให้ภูเบศธ์หยุดคิด แต่ทว่าคิ้วเรียวกับเลิกขึ้นอย่าเจ้าเล่ห์ แล้วก้มลงไปหอมแก้มใสๆของอีกฝ่ายตามที่ใจคิด

ไม่ได้จูบ แต่แค่หอมแก้ม เพราะนั้นไม่ได้ผิดสัญญา เข้าใจ๊!

ในเมื่อได้หอมแก้มข้างซ้ายแล้วยังไม่พอใจ ภูเบศธ์ก็ทำการชะโงกหน้าไปอีกทางเพื่อหอมแก้มขวา จะได้เก็บให้มันครบทุกเม็ด แล้วเผยยิ้มอย่างพออกพอใจ โดยที่คนที่ถูกขโมยหอมแก้มก็ยังคงไม่รู้เรื่องรู้ราว นอนหลับอุตุให้ไอ้เด็กเวรทำอะไรได้ตามอำเภอใจ พอได้หอมแก้มอีกฝ่ายจนสาแก่ใจภูเบศธ์ก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วผิวปากอย่างอารมณ์ดีเดินไปคว้าผ้าเช็ดตัวเพื่ออาบน้ำชำระร่างกาย แต่ทว่าขาเรียวยาวกลับต้องหยุดชะงักอีกครั้งเมื่อคิดบางอย่างขึ้นได้

ถ้ากูไปอาบน้ำ แล้วสองล่ะต้องอาบด้วยหรือเปล่า?

ภูเบศธ์หันไปมองร่างเล็กที่หลับอุตุอยู่บนเตียงอีกครั้ง ก่อนรอยยิ้มเจ้าเล่ห์จะปรากฏขึ้นอีกครั้ง

ถ้าอาบไม่ได้ ผมมีบริการเช็ดตัวให้ จะเอามั๊ยครับรุ่นพี่กมลินทร์~

ริมฝีปากหยักยกยิ้มขึ้นอีกครั้งก่อนจะเดินผิวปากอย่างอารมณ์ดีเข้าห้องน้ำไป และไม่นานเกินรอภูเบศธ์ก็เดินออกมาจากห้องน้ำด้วยร่างกายหอมฉุย พร้อมกับผ้าขนหนูผืนเล็กและน้ำในกะลังมังใบขนาดย่อม

ปฏิบัติการเช็ดตัวให้คนเมา(ยานอนหลับ) กำลังจะเริ่มขึ้น !

ทั้งที่ตอนอาบน้ำ ร่างสูงเองก็จินตานาการไปต่างๆนาๆว่าจะเช็ดตัวให้สองอย่างไร แล้วต้องถอดอะไรออกก่อน จะเป็นเสื้อ หรือกางเกง คิดไปก็นึกครึ้มอกครึ้มใจอยู่คนเดียว แต่พอเอาเข้าจริงกลับนิ่งเป็นหินเพราะไม่กล้าแม้แต่จะถอดเสื้อผ้าออกจากกายบาง ที่ไม่กล้าก็คงเป็นเพราะ “กลัวใจตัวเอง”

มือใหญ่ถือผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นค้างเอาไว้ในมืออยู่ได้ประมาณห้านาที ก่อนที่ภูเบศธ์จะสูดอากาศหายใจเข้าปอดลึกเพื่อเรียกสติ ว่าแล้วก็เริ่มลงมือเช็ดตัวให้คนนอนหลับโดยการเริ่มจากการเช็ดใบหน้าอีกฝ่ายเบาๆ แล้วต่อด้วยลำคอระหงส์ที่เริ่มทำเอาร่างสูงหายใจติดๆขัดๆ เพราะยิ่งได้จ้องมอง ภูเบศธ์รู้สึกได้เลยว่ายิ่งหลงไหลร่างเล็กตรงหน้ามากขึ้นจนยากที่จะห้ามใจ

“โถ่เว้ย!”ภูเบศธ์เขวี้ยงผ้าขนหนูทิ้งด้วยความโมโหตัวเองก่อนจะใช้มือกุมขมับเมื่อยิ่งเช็ดก็ยิ่งจะทำให้ตัวเองตบะแตก เหมือนกับเป็นการขุดหลุมฝังตัวเอง แล้วอาจจะทำให้ผิดสัญญาที่เคยให้ไว้กับพ่อทั้งสองของสอง ภูเบศธ์หันไปมองร่างเล็กที่พลิกตัวไปอีกทางอย่างคนไม่รู้เรื่องแล้วก็ถอนหายใจเป็นรอบที่ล้านแปด ก่อนจะเอื้อมมือไปคว้าผ้าห่มแล้วห่มให้สองจนถึงคอ

เพราะถ้าเกิดว่ายังมีช่องว่างให้กูได้มองร่างกายสองเกรงว่าเวอร์จิ้นของสองจะถูกกูขโมยจริงๆล่ะคราวนี้



____________________




“อือ....” แสงแดดในยามเช้าสาดส่องเข้ามาในตัวห้องเมื่อเจ้าของห้องลืมปิดม่านเอาไว้ตั้งแต่เมื่อคืน ทำให้ร่างเล็กที่นอนหลับอยู่บนเตียงรู้สึกตัวทันทีที่มีแสงส่องตาแต่เช้า

“ฮ้าวววววววว”สองยันกายลุกขึ้นจากเตียงมานั่งแล้วหาวหวอดใหญ่ มือเล็กเหยียดออกกว้างเพื่อบิดขี้เกียขก่อนจะเอามือมาขยี้หูขยี้ตาเพื่อให้ตื่นเต็มตาในเช้าอันแสนสดใสเช่นกับวันนี้

“หือ? ” แต่พอตื่นเต็มตาสองกลับเพิ่งรู้สึกตัวว่าเตียงที่ตัวเองนอน และห้องที่อยู่ในตอนนี้ไม่ใช้องของตัวเอง แต่ก็คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยมาห้องนี้แล้วหนหนึ่ง พอหันไปทางซ้ายก็เจอเจ้าของห้องนอนหลับน้ำลายยืดอยู่บนฟูกข้างเตียง สองมองร่างสูงด้วยความสงสัย และพยายามที่จะไม่โวยวาย   แล้วนั่งคิดทบทวนและเรียงลำดับเหตุการณ์ว่าทำไมเขาถึงมาอยู่ในห้องนี้อีกครั้งแล้วก็อยู่กับไอ้เด็กเวรปากหมานี้เหมือนเดิมกับคราวก่อนที่ไปดื่มมา

เฮ้ย! อย่าบอกนะว่ากูเมาแล้วชวนไอ้เด็กปากหมานี่ขึ้นห้องอีกน่ะ!

สองสะบัดหัวไล่ความคิดที่ไม่ควรจะเป็นจริงออกจากหัว แล้วปีนลงจากเตียงแล้วไปนั่งจุมปุ๊กอยู่ข้างล่างบนฟูกของภูเบศธ์ที่ยังคงนอนหลับอยู่ สองเอียงคอมองภูเบศธ์ที่ยังคงหลับสนิท ก่อนจะลองใช้มือสะกิดเรียกให้อีกคนตื่นขึ้นมา จะได้ถามคำถามเพื่อไขข้อข้องใจให้รู้เรื่องรู้ราว

“นี่~ ภูตื่นได้แล้ว”ในเมื่อสะกิดแล้วยังไม่ตื่นสองก็เริ่มเขย่าแขนเบาพร้อมด้วยการเรียกชื่อ แต่ทว่าเปลือกตาของร่างสูงยังปิดสนิทถึงแม้ว่าถ้าได้สังเกตดีๆจะเห็นว่าริมฝีปากอิ่มนั้นแอบอมยิ้มอยู่นิดๆ

เพี๊ยะ!
มือเล็กตีเข้าให้ที่แขนแกร่งของภูเบศธ์ จนร่างสูงสะดุ้งและยอมลืมตาขึ้นมาในที่สุด แล้วก็เจอกับร่างเล็กที่นั่งจุมปุ๊กทำปากยื่นๆด้วยความที่ไม่ค่อยพอใจ      ที่ต้องตื่นมาแล้วเจอว่าตัวเองอยู่ในห้องเดียวกันกับภูเบศธ์อีกแล้ว

“มาหาเรื่องตีคนอื่นอะไรแต่เช้าเล่า~” ภูเบศธ์ผุดตัวลุกขึ้นมาทำท่าหงุดหงิดใส่ร่างเล็กคืนบ้าง แต่ก็แอบลอบยิ้มอยู่ดีที่ร่างเล็กดูจะตกใจไปบ้างเล็กน้อยกับอาการหงุดหงิดของตัวเอง

“ก็...ก็ฉันมาอยู่ที่ห้องนี้กับนายได้ยังไงล่ะ?  ”
สองเอ่ยปากถามทั้งที่ควรจะโวยวายแต่คราวนี้สองกลับยอมเอ่ยถามดีอาจจะเป็นเพราะว่าครั้งนี้ไม่ได้ตื่นมาแล้วเจอหน้าไอ้เด็กเวรอยู่ในระยะใกล้ชิดก็เป็นได้

“จำไม่ได้อีกแล้วเหรอ?”ภูเบศธ์ลองถามคืนแต่สองกลับเอียงคอพลางครุ่นคิด

โฮะ! นี่จงใจจะยั่วกันตั้งแต่เช้าเลยเหรอ? แค่เมื่อคืนก็แทบควมคุมอารม์ไม่ได้อยู่แล้ว
นั่น! อย่ามาทำตาแบ๊วใส่นะ ถ้าเผลอจับจูบขึ้นมาแล้วอย่ามาหาว่าไม่เตือน!


“ไม่ได้อ่ะ”สองส่ายหน้าพร้อมกับพูด แววตาของร่างเล็กบ่งบอกได้ชัดเจนว่าจำอะไรไม่ได้จริงๆ จนภูเบศธ์นึกอยากสารภาพความจริงทั้งหมด แต่สุดท้ายก็ต้องกลืนคำพูดลงคอเมื่อร่างเล็กโพล่งออกมา

“ไม่ใช่ว่านายวางยาแล้วลากฉันขึ้นห้องหรอกนะ!”

เฮ้ย?..รู้แล้วเหรอวะ

“ไม่สิ..นายจะวางยาฉันได้ยังไง เมื่อวานทั้งกรทั้งนายไม่ได้นั่งดื่มกับพวกฉันสักหน่อย”คำพูดของสองทำเอาภูเบศธ์ถอนหายใจอย่างโล่งอก

มั่นใจได้ยังไงเล่าพี่สอง ว่าจะไม่มีหนอนบ่อนไส้ในกลุ่มเพื่อนของตัวเอง!

“หรือว่าไอ้ตรฤณ!” เมื่อสองถามอย่างนี้ภูเบศธ์ก็ทำได้แค่เพียงส่ายหน้าปฏิเสธ

“แล้วฉันมาอยู่กับนายได้ยังไงละ?”
เอ...หรือว่าเวลากูเมาชอบชวนคนอื่นขึ้นห้องแบบไม่รู้ตัว?

ตายแล้ว อย่างนี้กูไม่ได้ไอ้ตรฤณเป็นสามีเป็นรอบที่ร้อยแล้วเหรอวะ? แม่งเมาทีไรตื่นมาก็เห็นไอ้นี่แหล่ะคนแรกทุกที(ถ้าไม่นับระยะหลังนี้ล่ะนะ)

“................”พอโดนจี้ถามภูเบศธ์กลับหาข้ออ้างไม่ได้

“ไง?..ฉันมาอยู่ที่นี่กับนายได้ยังไง ภู”ในเมื่ออีกฝ่ายเงียบไป สองก็ได้ใจเลยรุกไล่ถามต่อพร้อมกับกำคอเสื้อของอีกฝ่ายเอาไว้คล้ายกับการขู่แต่ก็ไม่ได้กระชากรุนแรงแต่อย่างใด

“งั้นผมคงต้องใช้มุกเดิมซะล่ะมั้ง”ภูเบศธ์ยกยิ้มโดยไม่ได้มีทีท่าว่าจะเรงกลัวคนตัวเล็กตรงหน้าที่หรี่ตาลงด้วยความสงสัย

“รื้อฟื้นความทรงจำกันสักหน่อยดีกว่า...”

____________




“ฮึก....ฮึก....”

“อือ............”เสียงหวานครางต่ำด้วยความรำคาญก่อนจะพลิกตัวหนีไปอีกทาง

“ฮึก...ฮึก...! O_O”ถึงกำลังร้องไห้คร่ำครวญอยู่ แต่พอลองหันไปทางที่อีกคนนอนอยู่แล้วพลิกตัวหันหลังให้จนผ้าห่มหลุดไป จนเผยให้เห็นแผ่นหลังขาวนวลเนียนก็ทำเอาเสียงสะอื้นชะงักไปได้พร้อมกับตาของคนที่กำลังร้องไห้กระซิกๆเบิกกว้าง

อือ....เว้ย~ ตุ๊ดที่ไหนมาร้องไห้คร่ำครวญอยู่แถวนี้คนจะนอน!”ยังไม่วายส่งเสียงขู่ปิดท้าย แต่ก็ไม่ได้ทำให้คนที่ร้องไห้เพื่อนเรียกร้องความสนใจอยู่นั้นสนใจ เพราะตายังคงจับจ้องแผ่นหลังขาวของคนขู่อย่างที่ไม่อยากจะละสายตาไปทางไหน

“หือ?..ตุ๊ด!”คนบ่นลุกพรวดขึ้นมาทันทีที่นึกขึ้นได้ว่าตัวเองพูดอะไรไปทำให้ผ้าห่มร่วงไปกองบนพื้นทำให้ร่างกายที่ไร้อาภรณ์ใดๆปกปิดเผยสู่สายตาของคนที่กำลังจ้องอยู่ก่อนหน้านี้อยู่แล้วเต็มๆตา

ตายห่า! เลือดกำเกากูพุ่งเลยมั๊ยล่ะ?!
ตรฤณรีบใช้หลังมือเช็ดจมูกที่มีเลือดไหลออกมาโดยที่สายตายังคงจับจ้องร่างบางที่ลุกขึ้นมามองหน้าตัวเองอย่างตกใจ

“ตรฤณ!”

“หือ~”
กูบอกตามตรงครับ ใจกูสั่นจนพูดไม่เป็น...ถ้าหากยังเห็นอะไรขาวๆอยู่อย่างนี้

“นาย! อยู่ที่นี่ได้ยังไง!”กรตะโกนลั่นพร้อมกับชี้หน้าตรฤณอย่างเดือดดาลโดยที่ไม่ได้สนใจเลยว่าตัวเองจะอยู่ในสภาพไหน แต่ทว่าพอได้เห็นตรฤณเต็มสองตาแล้วพบว่าอีกฝ่ายเปลือยท่อนบนโดยมีผ้าห่มปิดแค่ช่วงล่าง ก็ถึงคราวที่กรต้องก้มลงสำรวจตัวเองบ้าง

“อ๊าก!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”

ว่าแล้วตรฤณก็เกือบปิดหูแทบไม่ทันแน่ะ!

______________________




“รื้อฟื้นความทรงจำกันสักหน่อยดีกว่า...”

“นายว่าอะไรนะ?”ยังไม่ทันที่สองจะได้ตั้งตัว เพราะพอรู้ตัวอีกทีก็โดนเด็กปากหมาฉุดลงแล้วพลิกตัวขึ้นคร่อมเป็นที่เรียบร้อย

“อยากรู้มากใช่มั๊ยครับ? ว่าเมื่อคืนทำไมพวกเราถึงอยู่ที่นี่...แล้วเมื่อคืนพวกเราทำ ‘อะไร’ กัน”

“ไอ้ภู ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!”สองดิ้นขลุกขลักอยู่ใต้ร่างของร่างสูงอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ทว่าข้อมือที่ถูกรัดไว้นั้น แน่นเกินกว่าที่สองจะทานแรงนั้นได้ แต่พอได้ดิ้นไปดิ้นมาก็ทำให้ร่างสูงที่อยู่ข้างบนเสียหลักแล้วล้มตัวกอดรัดตัวเองแทน

   “อื้อ~ปล่อยไง ไอ้บ้านี่หาเรื่องลวนลามฉันได้ตลอดเลยนะ!”สองโวยวายพร้อมกับการดิ้นทั้งตัวทั้งขาทำให้ภูเบศธ์ใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดโดยการใช้ขาของตัวเองก่ายรัดขาเล็กทั้งสองเอาไว้แน่น ราวกับกอดก้อนอะไรกลมๆอยู่ก็ไม่ปาน

“ก็อยากรู้นักไม่ใช่หรือไง ว่าเมื่อคืนมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงน่ะ”ภูเบศธ์ยังคงพยายามกอดรัดอีกฝ่ายอย่างทุลักทุเลเพราะสองยังมีฤทธิ์อีกเยอะอย่างที่เคยเจอๆมา

ปึ่ก!
ขนาดมือตีนไม่ว่าง แต่ก็เอาหัวกระแทกกับคางกูจนได้!


ภูเบศธ์ยู่หน้าด้วยความเจ็บเมื่อสองดิ้นไปมา จนหัวกลมๆเล็กกระแทกเสยคางเข้าอย่างจัง ถึงแม้ว่าจะเอามือขึ้นมาลูบคางสำรวจความเสียหาย แต่ในเมื่อมือทั้งสองข้างยังคงพยายามรัดร่างเล็กเอาไว้ ประเด็นความเจ็บปวดนี้จึงตกไป

“โอ๊ย~”
สองร้องเสียงอ่อน เพราะแรงกระแทกเมื่อสักครู่ก็ทำให้สองเจ็บหัวไม่น้อยแต่ก็ไม่มีเวลามานั่งอาลัยอาวรณ์กับหัวตัวเองขนาดนั้นจึงพยายามดิ้นต่อไปอย่างสุดความสามารถ จนทั้งตัวเองและภูเบศธ์ที่กอดรัดอยู่กลิ้งไปกลิ้งมาจนดูวุ่นวายไปหมด แต่ถึงอย่างนั้นมือปลาหมึกก็ยังไม่เลิกล้มความตั้งใจเพราะยังรัดร่างเล็กเอาไว้เสียแน่น

 จุ๊บ!
“หายเจ็บยัง?”
ภูเบศธ์ก้มลงจุ๊บศรีษะของอีกฝ่ายตรงบริเวณที่คาดว่าเอามากระแทกกับคางของตัวเองก่อนจะยิ้มอย่างอารมณ์ดีเมื่อได้กลิ่นแชมพูเด็กอ่อนๆจากผมของร่างเล็ก แล้วปล่อยให้ตัวเองกลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้นไปตามแรงที่สองดิ้น

“ไอ้บ้า!”เสียงแหบเล็กตะโกนด่า แต่ก็ทำได้แค่นั้นจริงๆ

“ผมจุ๊บหัวให้แล้ว...เพราะฉะนั้นพี่สองก็จุ๊บคางให้ผมบ้างสิ..จะได้เสมอกันน่ะ”น้ำเสียงของภูเบศธ์ดูออดอ้อนแต่สองไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะมาเคลิ้มตามน้ำเสียง

ปัญญาอ่อน! หาเรื่องให้แต่กูเสียกับเสียนะมึงหลุดออกจากอกได้เมื่อไหร่เตรียมใจไว้เลยว่าศพไม่สวยแน่!

“ใช่เรื่อง! ปล่อยนะเว้ย~”สองพยายามดิ้นด้วยแรงเฮือกสุดท้ายจนพลิกตัวเองขึ้นไปอยู่บนตัวของภูเบศธ์โดยไม่ได้ตั้งใจ

“ไม่ปล่อย~”ร่างสูงที่อยู่ด้านล่างยังตีหน้าทะเล้นจนสองนึกยากจะเอาหัวโหม่งอีกสักหรอบ แต่สุดท้ายกลับโดนมือแกร่งดันหัวกลมๆให้ซุกอกตัวเองดังอั่ก!

“ฉันเจ็บนะไอ้บ้า! อกคนหรือไม้กระดานแข็งชิบ!”สองบ่นอู้อี้ในเมื่อมือแกร่งยังกดศรีษะของตนเองให้แนบชิดกับอกของอีกฝ่าย

“เขาเรียกว่ากล้ามอกหรอก...มีหรือเปล่าตัวเองน่ะ?”

“มีโว้ย!”
กูออกจะแมนอาจไม่ถึงขั้นมีซิกส์แพ็คแต่อย่างน้อยก็น่าจะมีสักสองสามแพ็คล่ะว่ะ!

“แน่ใจเหรอ?...ทำไมตัวถึงนุ๊มนุ่มล่ะ?” ภูเบศธ์ยังพูดจาลวนลามร่างเล็กที่อยู่บนอกตัวเองไม่เลิกแถมอีกมือยังคงไล้วนที่หลังของอีกฝ่ายอย่างจงใจ

“ไอ้บ้า อย่าจับก้นฉันนะ!” สองขู่ ก่อนที่อกแกร่งจะกระเพื่อมขึ้นลงเพราะหัวเราะไปกับคำพูดของสอง ทั้งที่เค้าลูบแค่หลังแต่อาจจะไล้ต่ำไปบ้างแต่ก็ยังไม่ถึงสะโพกอันงอนงามสักหน่อย แต่เจ้าตัวดันขู่เสียงแข็งไม่ยอมให้จับ

“นี่อยู่นิ่งๆสิ~”ภูเบศธ์กระซิบเบาๆ ส่วนสองเองที่ปลุกปล้ำกับภูเบศธ์อยู่ได้นานสองนานก็เริ่มหมดฤทธิ์ยอมนอนแน่นิ่งอยู่บนตัวของภูเบศธ์ จนเริ่มได้ยินเสียงตึกตักของอะไรบางอย่างที่ดังมาจากอกข้างซ้ายของคนตัวใหญ่กว่า

“ได้ยินเสียงหัวใจผมมั๊ย?”ภูเบศธ์ถามเมื่อเหตุการณ์สงบแต่สองกลับส่ายหน้าไปมาทั้งที่ใบหน้ายังแนบอยู่กับอกแกร่ง พร้อมๆกับเลือดลมเริ่มสูบฉีดเมื่อเริ่มรู้ตัวว่ากำลังจะถูกบอกรัก

“รู้มั๊ยว่ามันบอกว่าอะไร?”น้ำเสียงของภูเบศธ์ยังคงฟังดูสบายๆไม่รีบร้อนอะไร แต่น้ำเสียงแบบนี้แหล่ะที่ทำให้สองยอมนอนแน่นิ่งอยู่บนตัวภูเบศธ์ได้นานสองนาน

แล้วกูจะรู้ได้ยังไง? ในเมื่อกูไม่ใช่หัวใจของมึงนี่!
สองบ่นอยู่ในใจ


“หัวใจของผมมันบอกว่า...”

“..........”ตอนนี้สองเองก็เริ่มรู้สึกว่าหัวใจของตนเองเริ่มเต้นแรงแข่งกับจังหวะหัวใจของอีกคน

เฮ้ย! จะรีบก็รีบพูด ก่อนที่หัวใจกูจะกระเด็นออกมาข้างนอก แล้วอย่าบอกมันเชียวล่ะว่ากูตื่นเต้น!

“ว่า....”

“ว่า....”สองพึมพำตามภูเบศธ์เบาๆ


“มันบอกว่าตัวพี่สองโคตรหนักเลยเหอะ!”
   

 นี่มันหาว่ากูอ้วนเหรอ?!


“ปากหมาจริงๆนะ!”ถึงคราวสองเฮี้ยนใครก็ห้ามไม่อยู่

ชอบชมกูเป็นสัตว์กินหญ้ายังไม่พอ นี่ยังล่อเอาสายพันธุ์กินแล้วนอนมาด่ากูอีก!

มือเล็กบิดเข้าให้ที่พุงของภูเบศธ์ จนภูเบศธ์ต้องร้องอย่างเจ็บปวดแล้วยอมปล่อยมือจนสองหลุดออกจากอ้อมอก แต่ทว่าแขนยาวๆก็รั้งร่างเล็กที่เตรียมลุกหนีให้ล้มทับตัวเองได้อย่างไม่ยากนักก่อนจะกอดรัดร่างเล็กเอาไว้อีกครั้งจากทางด้านหลัง

“จะหนีไปไหนครับ~”

“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้เลยนะเว้ย! แล้วอีกอย่างฉันไม่ได้อ้วน!”สองดิ้นอีกรอบ

“ก็ยังไม่ได้พูดเลย ว่าพี่สองอ้วน~”พูดยิ้มๆก่อนจะฉวยหอมแก้มยุ้ยของอีกฝ่ายเมื่อแก้มใสนั้นอยู่ใกล้ปากตัวเองมากเกินไป

“อ๊าก! มาหอมแก้มฉันทำไม!”สองร้องเสียงหลงจนภูเบศธ์ต้องเบือนหน้าออกห่าง ก่อนที่แก้วหูจะเสื่อมไปมากกว่านี้

“ก็อยากน่ารักเองช่วยไม่ได้”ภูเบศธ์พูดราวกับว่าไม่ใช่ความปิดของตัวเองแต่คนที่ผิดคือสองเองต่างหากที่บังอาจน่ารักจนคนมองห้ามใจไม่ได้

“แล้วเมื่อไหร่ที่คนน่ารัก...จะรักผมสักที” น้ำเสียงทะเล้นแปรเปลี่ยนเป็นนุ่มทุ้มทำให้สองต้องชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะหันหน้าไปทางด้านหลังเพื่อมองหน้าคนพูด แต่ทว่าพอหันกลับไป ใบหน้าคมกลับอยู่ห่างจากใบหน้าของตัวเองไม่ถึงระยะที่มดสามารถเดินผ่านได้

“จะจูบแล้วนะ”แต่แปลกที่ครั้งนี้ภูเบศธ์กลับไม่ทำอะไรตามอำเภอใจกลับเปล่งเสียงออกมาเพื่อขออนุญาติ  ในเมื่ออีกฝ่ายยังคงนิ่งภูเบศธ์ก็เดินหน้ารุกต่อเต็มที่  ใบหน้าคมยื่นเข้าใกล้เพื่อประทับริมฝีปากบางของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบาทำเอาหัวใจเต้นตึกตักจนเจ้าของมันรู้สึกรำคาญ  เพราะเกรงว่าอีกฝ่ายจะรับรู้ว่าตนเองนั้นตื่นเต้นมากเพียงใด แต่ร่างเล็กมีแต่กังวลเรื่องของตัวเอง เลยไม่ได้รับรู้ถึงเสียงหัวใจของภูเบศธ์ที่มันดูท่าว่าจะเต้นเสียงดังกว่าสองเสียอีก ริมฝีปากของคนทั้งคู่แนบชิดสนิทจนไร้ช่องว่างก่อนที่ริมฝีปากบางจะยอมเผยอขึ้นเล็กน้อยกะว่าจะตักตวงอากาศเข้าปอด แต่กลับเป็นโอกาสให้ร่างสูงส่งลิ้นร้อนชื้นเข้าไปสำรวจควานหาความวาบหวามจากภายใน ลิ้นเล็กพยายามโต้ตอบอย่างไร้เดียงสายิ่งทำให้ภูเบศธ์อดใจไม่ได้ที่จะกระหวัดเกี่ยวเรียวลิ้นของอีกฝ่ายอย่างเอาแต่ใจจนทำให้อีกฝ่ายครางอื้ออึงในลำคอ

"อือ.......อะ...”เสียงแหบเล็กขาดหายไปเป็นช่วงๆ ในเมื่อคนตัวสูงยังคงปล้ำจูบคนตัวเล็กจนเผลอล้มตัวลงทาบทับอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว ริมฝีปากยังคงจูบกันอย่างต่อเนื่องแถมมือใหญ่ยังไล้วนเลื่อยลงมาตามสีข้างของร่างเล็ก ก่อนจะสอดมือเข้าใต้ชายเสื้อของร่างเล็กเพื่อสัมผัสผิวขาวนุ่มราวกับผิวเด็กแรกเกิด

“อื้อ.....”เสียงหวานทักท้วง ริมฝีปากหยักจึงจำต้องผละออกมา ใบหน้าคมก้มมองใบหน้าของร่างเล็กที่แดงซ่าน ประกอบกับริมฝีปากเล็กที่เผยอขึ้นเพื่อตักตวงอากาศเข้าปวดยิ่งทำให้ร่างสูงอดใจไม่ได้ที่จะก้มลงไปกดจูบเบาๆอีกครั้ง ก่อนจะไล้สันจมูกไปตามซอกคอหอมกรุ่นของอีกฝ่าย โดยที่มือแกร่งเองก็พยายามเลิกชายเสื้อของร่างเล็กขึ้นจนเผยให้เห็นหน้าท้องที่แบนราบ ส่วนมือเล็กนั้นก็เกาะไหล่แกร่งเพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยว

ก๊อก! ก๊อก!ก๊อก!

เสียงเคาะประตูทำให้สองได้สติหลังจากที่เผลอไผลไปกับรสจูบของร่างสูงข้างบน พอรู้ตัวอีกที ก็กลายเป็นว่าตัวเองอยู่ในสภาพที่หมิ่นเหม่เสี่ยงต่อการเสียตัวอยู่มากโข เจ้าตัวจึงรีบลุกขึ้นจนหน้าผากของตนเองไปชนเข้ากับหน้าผากของภูเบศธ์

โป๊ก!

“โอ๊ย!”

ทั้งสองและภูเบศธ์ร้องออกมาพร้อมกันแต่กลับไม่มีใครใส่ใจกันเท่าไหร่ เพราะสองเองก็พยายามจัดเสื้อผ้าหน้าผมให้เข้าที่เข้าทาง ส่วนภูเบศธ์ก็ลุกขึ้นยืนเดินไปเดินมาราวกับคนทำอะไรไม่ถูก

โถ่เว้ย! เกือบปล้ำสองมั๊ยล่ะ

ภูเบศธ์ก่นด่าตัวเองในใจก่อนจะจัดแจงเสื้อผ้าแล้วรีบเดินไปเปิดประตู โดยก่อนเปิดก็ชำเลืองมองสองเพื่อดูความเรียบร้อย

ตายห่า พ่อเขามา!

ภูเบศธ์ลนลานทันทีที่ส่องตาแมวแล้วเจอหน้าของชวินเด่นชัด จึงต้องรีบเปิดประตูให้ทันที

“ฉันมารับสอง....สองตื่นหรือยัง?”
เมื่อประตูเปิดออกชวินก็เอ่ยความประสงค์ของตัวเองทันที พร้อมกับการมองเลยไหล่ภูเบศธ์เพื่อดูว่าเพื่อนรักเขาอยู่ในห้องหรือเปล่า

“ตื่นแล้ว~~ ” สองวิ่งออกมารับชวินก่อนจะเดินไปจับมือถือแขนชวินเอาไว้ทันที

“อ้าว?” ชวินเองก็อึ้งๆที่สองดูไม่ค่อยตกใจกับการที่ตัวเองตื่นมาแล้วพบว่าตัวเองอยู่ในห้องของภูเบศธ์ แต่ภูเบศธ์ส่ายหน้าเป็นเชิงว่าไม่มีอะไร ชวินจึงต้องพยักหน้ารับแกนๆ

“ไอ้เด็กนั่นโทรไปบอกให้มึงมารับกูใช่มะ?”

“เปล่า...ก็ไม่เห็นมึงกลับห้องเลยมาตามเอาถึงที่นี่...ไง? นอนกกเด็กถึงเช้าเลยมั๊ยมึง?”ชวินว่าแต่สองกลับหน้าแดงแป๊ด

“มึงพูดอะไรเนี่ย?...ไม่มี๊!ใครนอนกกนอนกอดมันไม่มีอ่ะ”สองมองหน้าภูเบศธ์เลิกลั่กราวกับเด็กแอบทำความผิดแล้วกลัวว่าพ่อจะจับได้ ซึ่งภูเบศธ์เองก็รีบพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของสอง

“ไม่มีอะไรเกิดขึ้นแน่นะ?”ชวินใช้สายตาขู่ภูเบศธ์ ทั้งที่เอ่ยปากถามสอง

กูกลัวพ่อสองคนนี้จนหัวหดเลยล่ะครับกูขอบอก!

“ไม่มี!”
ทั้งสองและภูเบศธ์พูดขึ้นมาพร้อมกันถึงจะดูแปลกไปบ้างแต่ชวินก็ต้องพยักหน้ารับส่งๆ เพราะถ้าเกิดเรื่องขึ้นจริงเด็กปากหมาภูเบศธ์คงไม่ได้ยืนยิ้มเผล่เป็นดอกทานตะวันอยู่อย่างนี้

“ป่ะงั้นกลับ...เหม็นว่ะ! ยังไม่อาบน้ำใช่มั๊ยเนี่ย กลับไปอาบน้ำเลยมึง”ชวินดันหลังสองให้ออกเดิน โดยที่สองแอบหันมาทำตาดุเพื่อเป็นการขู่ไม่ให้ภูเบศธ์พูดอะไรบ้าๆออกไป...แต่ทว่าภูเบศธ์กลับยิ้มหวานกลับคืน~

แล้วเจอกันนนะครับ...พี่สองที่น่ารักของผม~

“อุ้ย! แหะๆ....ลาก่อนครับพี่วิน”แต่ในเมื่อยิ้มหวานให้สองแล้วเจอสายตาดุๆของชวิน ภูเบศธ์จึงเปลี่ยนเป็นยิ้มแห้งๆแทน

พ่อใครวะ? ดุชิบหาย!

เออ..ลืมถามเลยว่ะ ว่าเมื่อคืนทำไมถึงใช้โทรศัพท์กรส่งข้อความมาหากูได้...



หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 13 เพื่อน หรือ พ่อ? P.5 [Up 19/1
เริ่มหัวข้อโดย: ryoko_chan ที่ 22-01-2012 11:41:46
______________



“มึง! เมื่อคืนกูมาอยู่กับเด็กนี่ได้ยังไง?”สองเอ่ยถามขึ้นในขณะที่ชวินกำลังขับรถ

“อ้าวเมื่อคืนมึงเมา แล้วขอกลับกับไอ้เด็กนั่นเองจำไม่ได้เหรอ?”

“ไม่นี่~ กูจำไม่เห็นได้เลย” สองยกมือขึ้นมากุมขมับก่อนจะพยายามลำดับเหตุการณ์ที่พอจำได้คร่าวๆเมื่อคืน

“เอาเหอะๆ...มึงกลับมาครบกูก็สบายใจ”

ถือว่าไอ้เด็กนี่ผ่าน....ใช้ได้เหมือนกันนะเนี่ย

“กูไปนอนกับไอ้เด็กนั่น ไม่ได้ไปรบถึงจะกลับมาไม่ครบสามสิบสอง”สองบ่นอุบอิบแต่นั่นกลับเรียกเสียงหัวเราะของชวิน

นี่มึงไม่รู้จริงๆเหรอ ว่ามึงจะถูกชิงเวอร์จิ้นไปหลายรอบแล้วน่ะสอง!

“อ้าวแล้วมึงจะไปไหนน่ะ?”ในเมื่อชวินหักพวงมาลัยรถแล้วเลี้ยวไปทางซ้ายซึ่งไม่ใช่ทางกลับหอพักของตนเองจึงถามขึ้นอย่างสงสัย

“กูต้องไปดูไอ้ตรฤณมันสักหน่อย”

“ไปดูมันทำไม?”
สองเอียงคอถามอย่างสงสัย ไอ้ตรฤณไม่ใช่หมีควายที่อยู่สวนสัตว์นะเว้ย ถึงต้องตามไปดูมัน

“ก็เมื่อคืน....”คนพูดพยายามกลั้นยิ้ม

“?”แววตาของสองยังคงส่อแววสงสัย

“เมื่อคืนไอ้ตรฤณถูกกรลากไปที่ห้องมัน..ไม่รู้ว่าป่านนี้ตกลงเป็นคู่ผัวตัวเมียกันไปหรือยัง ฮ่าฮ่าฮ่า!”

ถ้ากูไม่พูดว่ากูเป็นคนลากไอ้คู่นุ้นไปไว้ที่ห้องของไอ้ตรฤณ...ก็อย่าหวังเลยว่าความลับนี้จะถูกเปิดเผย!

________________



“โอ๊ยยยยยย กร พอแล้ว! พอแล้ว โอ๊ย!”ตอนนี้ทุกสรรพสิ่งในห้องของตรฤณ ไม่ว่าจะเป็นหมอน ผ้าห่ม หนังสือ ปากกาดินสอ ล้วนกับเป็นอาวุธที่จ้องจะสังหารโหดตรฤณผู้เป็นเจ้าของห้องได้ทุกเวลา

“ไอ้บ้า! นายทำกับฉันอย่างนี้ได้ยังไงอย่างนายน่ะสมควรตายไอ้หน้าหมี!!!!”กรโวยวายลั่นห้องพร้อมด้วยอาวุธครบมือที่ยังคงคอยเขวี้ยงใส่ตรฤณจับอะไรได้ ก็เขวี้ยงออกจากมือไปหมด ถูกหัวบ้างตัวบ้าง แต่ก็ยังไม่หายแค้นใจ

คนเสียหายน่ะคนชื่อกร!  แต่ไอ้หน้าหมีดันมานั่งร้องไห้กระซิกๆราวกับว่าตัวเองถูกปล้ำ โว้ย! มันน่าจับมาหักคอนัก!

“โอ๊ยย กรพอก่อน ฟังฉันก่อน...ฉันจะรับผิดชอบเอง...โอ๊ย!”ตรฤณพยายามเจรจาแต่เหมือนฝ่ายผู้ก่อการร้ายจะไม่ยอมจนกระทั่งรู้สึกเหมือนโดนสันหนังสือ กระทบเข้ากลางหน้าผาก


ตึง!

กรชนะน็อค!


ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจ เมื่อเห็นว่าหนังสือที่ตัวเองเขวี้ยงไปนั้นโดนกลางหน้าผากตรฤณทำเอาร่างสูงใหญ่หงายตัวล้มตึงจนเกิดเสียงดังแถมยังนอนแน่นิ่ง กรจึงต้องรีบวิ่งเข้าไปดูใกล้ๆด้วยความเป็นห่วง

กูยังไม่อยากขึ้นหน้าหนึ่ง ข้อหาฆาตกรรมคนที่ปล้ำกูหรอกนะ!

“เป็นห่วงฉันด้วยเหรอ?” เมื่อร่างบางเข้ามาใกล้มือใหญ่ก็รวบเอาร่างบางที่พันกายด้วยผ้าห่มลวกๆเอาไว้ในอ้อมอก ถึงหน้าผากจะโนเพราะสันหนังสือแต่ต่อมความกะล่อนของตรฤณยังคงทำงานได้ดีและมีประสิทธิภาพเหมือนอย่างเคย ไม่มีขาดตกบกพร่อง

“เฮ้ย ! ปล่อยฉันนะเว้ย!”กรขัดขืน แต่ตรฤณกลับรัดร่างบางไว้แน่นกว่าเดิม

“เมื่อคืนนายปล้ำฉันนะ...นายจะไม่รับผิดชอบสักหน่อยเหรอ?”ตรฤณทำแววตาเศร้าสร้อยราวกับคนตัดพ้อ แต่กรกลับพูดอะไรไม่ออกเพราะความหน้าหนาของตรฤณ

พูดมาได้หน้าไม่อายว่าโดนปล้ำ! โห~ ตัวใหญ่อย่างกับหมีควาย กูขอฆ่าตัวตายดีกว่าต้องมาปล้ำมึ๊ง!

“ใครปล้ำนายปล่อยฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ!”กรยังคงแสดงความโหดตามสไตล์ มือเล็ก(แต่ใหญ่กว่าไอ้สอง)ตีเข้าที่หลังดังอั่กๆ แต่ตรฤณก็ไม่ยอมปล่อย ได้แต่ร้องครวญครางด้วยความเจ็บ

“โอ๊ย!!!! กรพอก่อน โอ๊ย!”

“ก็ปล่อยฉันสิ!”

“ไม่ปล่อย โอ๊ย!!! ผัวจ๋า..อย่าตีเมียคนนี้สิจ๊ะ!”

“ไอ้บ้าใครเป็นผัวนายเล่า!”
กรโวยวายเถียงกับตรฤณจนเสียงดังเล็ดลอดออกมานอกห้องให้คนที่ตั้งใจแวะมา “ดู” ได้ยินเต็มสองรูหู






“หือ?...สองคนนั้น...เป็น....”

“ผัวเมียกันแล้ว~” ชวินต่อเติมประโยคของสองให้เต็มก่อนที่สองจะตัดสินใจเคาะประตูห้องเพื่อเรียกร้องความสนใจ

ที่เคาะห้องไม่ใช่อะไร...กูกลัวว่าไอ้ตรฤณมันจะตายไวกว่าที่เป็นอยู่ก็เท่านั้นเอง


ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“ตรฤณ..มึงตายหรือยังวะ?”
สองเคาะห้องส่วนชวินเป็นคนเอ่ยปากถาม แต่ทว่าคนที่เปิดประตูออกมากลับกลายเป็นกรที่มีเพียงผ้าห่มสีขาวพันรอบตัวเอาไว้แล้ววิ่งเลยหน้าผู้มาเยือนออกนอกห้องไปทันที

“เฮ้ย! มึง ช่วยจับกรไว้หน่อย...ออกไปในสภาพแบบนั้นเดี๋ยวคนได้มองทั้งเมืองแน่!”   ตรฤณรีบวิ่งตามออกมาก่อนที่ชวินวิ่งไล่ตามกรไปอีกคนเพื่อเอาตัวกรกลับคืนมาใส่เสื้อผ้าก่อนปล่อยตัวกลับบ้าน โดยมีสองแอบหัวเราะร้ายอยู่หน้าประตูห้อง

อยากยัดเยียดกูให้ไอ้เด็กปากหมานั่นดีนัก..โดนไอ้ตรฤณยัดเยียดความเป็นสามีให้บ้าง..รู้สึกหรือยังล่ะ คุณแกนนำผู้ก่อการร้าย!


:: TBC ::


รู้สึกเหมือนว่าคะแนนเสียงจะเทไปทาง ทิวากร เยอะสุดๆเลยนะค้า ฮ่าาาาาาาาา

ตอนนี้แอบวุ่นวายอยู่เล้กน้อยถึงปานกลาง ฮ่าฮ่า

ขอบคุณที่ติดตามเรื่องนี้กันนะค้า
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 14 หนัก P.6 [Up 21/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: vi2212 ที่ 22-01-2012 13:46:34
กรเสร็จตรฤณ...จริงหรอเนี้ยยย :a5:
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 14 หนัก P.6 [Up 21/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 22-01-2012 14:23:15
ชวินไอเดียเลิศจริง ๆ คริ คริ คริ
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 14 หนัก P.6 [Up 21/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: matilda.taon ที่ 22-01-2012 14:51:20
โอ้ย!!! วุ่นวายกันจริงๆ วิน เจ้าแผนการนักนะ ระวังตัวไว้เถอะ :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 14 หนัก P.6 [Up 21/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: หมูกระต่าย ที่ 22-01-2012 15:10:39
แผนของหัวหน้ากบฏนี่สุดยอดจริงๆ
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 14 หนัก P.6 [Up 21/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 22-01-2012 17:13:54
ร้ายกาจกานหมดเล๊ยยยย

แต่ก้อน่ารักซะไม่มี อิอิ

ยังไงก้ออย่าลืมมาต่ออีกน้า  รอรอน้อค๊าฟฟ^^
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 14 หนัก P.6 [Up 21/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 22-01-2012 19:05:41
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 14 หนัก P.6 [Up 21/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 22-01-2012 19:21:29
เสร็จสม อารมณ์หมาย ไป 1 คู่..
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 14 หนัก P.6 [Up 21/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 22-01-2012 19:36:49
น่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 14 หนัก P.6 [Up 21/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Allure-Q ที่ 23-01-2012 00:58:48
หึหึ...เยี่ยมมาก ชวิน o13
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 14 หนัก P.6 [Up 21/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: pae666 ที่ 24-01-2012 14:55:21
555555555555+ ขำคู่ตรฤณ กะกร อ่ะ  :m20:   :m20:   :m20: 

ส่วนคู่ของสองกับเด็กภู น่ารักม๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก  :o8:  :o8:
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 14 หนัก P.6 [Up 21/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: ryoko_chan ที่ 24-01-2012 15:40:28
บทที่ 15 อาการน่าเป็นห่วง


“ว่ามาสิ...จะเอายังไง?”

___________


หลังจากที่เกิดเหตุสงครามโลกครั้งที่สองจุดหนึ่งในห้องของตรฤณ เจ้าตัวผู้ก่อการร้ายก็รีบลี้ภัยออกจากสนามรบเนื่องจากรู้ดีว่ากำลังจะพ่ายแพ้สงคราม ทำให้นายพลทหารอย่างตรฤณและชวินต้องรีบติดสปีดเทอร์โบวิ่งตามผู้ก่อการร้ายเพื่อจับตัวมาลงโทษ

ส่วนสอง...ก็เดินเข้ามานั่งไขว่ห้างสบายๆรอผู้ก่อการร้ายกลับมารับกรรม!

ไม่นานเกินไปสำหรับการรอคอย สายตาเรียวเล็กก็เหลือบไปทางประตูห้องที่เปิดออกพร้อมกับเพื่อนทั้งสองกลับมา โดยที่เพื่อนมีร่างของใครบางคนพาดไหล่มาด้วย

“ไอ้วิน เฝ้าประตูไว้! เดี๋ยวรายนี้ได้วิ่งหนีไปฟ้องลูกเขา”

แล้วมึงกะกูจะตายเอา...เข้าใจใช่มั๊ยครับคุณชวิน ตระกูลนี้ดุยังกับหมากันทั้งตระกูล กูยืนยันได้!

ตรฤณสั่งการพลทหารชวินให้เฝ้าปราการเอาไว้ เผื่อผู้ก่อการร้ายที่คอยจะหาเรื่องวิ่งออกจากประตู ขี้เกียจหาเรื่องออกกำลังกายยามเช้าโดยการวิ่งไล่จับกันเป็นเด็กอนุบาลอีกรอบ

“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้เลยนะเว้ย! ไอ้หมีควาย”กรดิ้นไปมาก่อนจะถูกตรฤณวางลงกับพื้นตามคำสั่ง

 แต่ก่อนด่ากูแค่ไอ้หน้าหมี แต่เดี๋ยวนี้มาหาว่ากูเป็นหมีควายซะอย่างนั้น   
กูเซ็งมากครับขอบอก! 


“โถ่....ผัวจ๋า~มาด่าเมียอย่างนี้ได้ยังไง...เมียขารับไม่ได้!”มือแกร่งยังคงจับข้อมือเล็กของกรเอาไว้แน่นพร้อมกับดัดเสียงเล็กเสียงน้อยออดอ้อนผู้ที่กำลังเตรียมใช้มือที่ว่างอีกข้างฟาดลงเข้าที่ไหล่ใหญ่ๆของตรฤณ แต่ทว่าวิชามารของตรฤณได้ถูกฝึกปรือมาอย่างดี ทำให้ตรฤณต้านฝ่ามืออรหันต์ของอีกฝ่ายได้อย่างทันท่วงที

“ไอ้บ้า!  ใครเป็นผัวแก!”กรโวยวายเสียงดังส่วนสองที่นั่งมองอยู่ก็ถึงกับหลุดขำออกมาอย่างอารมณ์ดี ทั้งขำในความกระแดะของตรฤณเพื่อนตัวใหญ่อย่างกับหมี และสะใจดีที่กรโดนตรฤณดักหัวดักท้ายไว้ได้ทุกทางจนทิวการหนีไม่รอดอย่างนี้

“ไอ้ตรฤณนี่มันกระแดะจริงๆ”สองมองเพื่อนรักก่อนจะพูดออกมาเบาๆเมื่อชวินตามมานั่งสมทบอีกที ปล่อยให้ตรฤณกับกรจัดการกันเอง เพราะบางทีเรื่องส่วนตัวแบบนี้คนนอกอย่างเราๆไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยเท่าไหร่นั่งเฝ้ามองสถานการณ์อยู่ห่างๆท่าจะดี

“มึงยิ้มอะไร?”
เมื่อหันหน้าไปมองชวินที่นั่งมองไปยังตรฤณและกร ที่กำลังเถียงกันอย่างเอาเป็นเอาตายในเรื่องที่ว่า “ใครเป็นผัว..ใครเป็นเมีย” พร้อมกับยิ้มเล็กยิ้มน้อยอย่างอารมณ์ดี ทำให้สองเองก็นึกสงสัยในรอยยิ้มแบบนั้นของชวินขึ้นมาตะหงิดๆ

“อ้าว? ทีมึงยังขำได้เลย..ทำไมกูถึงจะยิ้มไม่ได้”ถึงแม้เรื่องที่ชวินยิ้มนั้นจะมีเรื่องที่ทำให้สองขำรวมอยู่ด้วย แต่บางทีก็มีอะไรมากกว่าที่คนอย่างสองไม่ควรรู้จะดีกว่า ปล่อยให้เป็นไปตามเวรตามกรรม กรรมใดใครก่อ ก็ควรได้รับผลกรรมนั้น

ช่วยไม่ได้อยากมาหาเรื่องรุมแกล้งไอ้สองเพื่อนที่น่ารักของกูเอง...
เพราะฉะนั้นก็จงรับกรรมไปซะ!


ชวินมองสองด้วยรอยยิ้มอบอุ่นก่อนจะลูบหัวสองเบาๆด้วยความเอ็นดู ซึ่งฝ่ายที่ถูกลูบหัวเองก็ไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่ก็ทำได้แค่การมองหน้านลูบหัวตาแป๋ว ส่วนชวินก็หันกลับไปมองตรฤณและกรต่อ สองจึงต้องเลิกสนใจชวินแล้วกลับไปสนใจตรฤณอีกเช่นกัน

“ว่ามาสิ...จะเอายังไง?” กรเปิดคำถามด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกหลังจากที่เถียงกันมาได้อยู่นานสองนานว่าใครอยู่ตำแหน่งอะไร

“ก็บอกแล้วว่าเมื่อคืนนายปล้ำฉัน...นายก็ต้องเป็นผัวฉันสิ”ตรฤณรีบตอบคำถาม และคำตอบที่ตอบมานั้นก็ยังดูเป็นคำตอบที่ไม่ค่อยจริงจัง ซึ่งไม่ค่อยเข้ากับสถานการณ์ตอนนี้เสียเท่าไหร่

“โอเคได้...งั้นนายจะได้เป็น ‘เมีย’ สมใจอยาก ตรฤณ..”พูดจบก็ผลักตรฤณล้มลงแล้วใช้ตัวเองทาบทับตามลงไปทันที พอผู้เฝ้าสังเกตการณ์เห็นฉากที่กำลังจะติด “ฉ” อย่างนี้ก็ทำให้ชวินรีบปิดตาสองเพื่อนรักที่นั่งอยู่ข้างๆทันทีด้วยความเป็นห่วงกลัวว่าสองจะมองเห็นอะไรที่ไม่ค่อยถูกหลักถูกการเท่าไหร่

“เฮ้ย! พวกฉันยังนั่งอยู่ตรงนี้นะเว้ย~ จะมาพิสูจน์อะไรกันตอนนี้”ชวินโวยวายพร้อมกับที่สองเองก็โวยวายเพราะโดนชวินปิดตา

“เฮ้ย ไอ้วิน! มึงปิดตากูทำไม!”สองขึ้นเสียงแต่ทว่าภาพที่เห็นอยู่ทำให้ชวินไม่ค่อยอยากเปิดตาสองให้เห็นเท่าไหร่

ภาพที่ทิวากรกำลังจะปลุกปล้ำตรฤณ
ถ้าเกิดไอ้สองเห็นเดี๋ยวมันจะสลับขั้วตามทิวากรเอาได้ง่ายๆนะเว้ย!


“แน่ใจเหรอ?...ว่าทำได้” ตรฤณเหยียดยิ้มมุมปากทั้งที่ไม่ขัดขืนปล่อยให้กรทำท่าจะรุกตัวเองต่อไป








และสุดท้าย


ก็ทำไม่ได้…..


“โถ่เว้ย! ไอ้บ้า เลิกเล่นได้แล้ว ฉันเสียหายนะเว้ย! แต่นายยังจะมาหาว่าฉันเป็นผัวนายอยู่นั่นแหล่ะ”กรลุกขึ้นจากตัวตรฤณก่อนจะเดินหงุดหงิดไปทางชวินและสอง แต่ทว่าตรฤณกลับรั้งข้อมือเอาไว้ก่อน และพอภาพติด “ฉ” หมดไป ชวินก็ถึงคราวยอมเปิดตามสอง

“แม่ง! ปิดตากูทำไมกูกำลังอยากดูของดี” สองบ่นอุบอิบไปตามประสาก่อนจะนั่งมองตรฤณที่กอดกรไว้ทางด้านหลัง

“อย่างนี้นายก็ยอมรับน่ะสิว่านาย..เป็นเมียฉัน”ตรฤณกระซิบเบาๆทำเอาใบหน้าหวานแดงซ่านขึ้นมา จะเอามือปิดก็ไม่ทันเพราะโดนตรฤณคว้ามือเล็กๆทั้งสองมากุมเอาไว้

ฮ่าฮ่า!  ถ้าไอ้มันรู้ว่าเมื่อคืนนอนหลับดับสนิทกันทั้งคู่ มึงยังจะหาเรื่องตู่ว่ากรเป็นเมียได้อีกมั๊ยวะ?

“พูดหมาๆฉันไม่ได้เป็นเมียนายนะ”กรขึ้นเสียงแต่ทว่าใบหน้ากลับแดงเพราะความเขินขัดกับอารมณ์โมโหของตัวเอง
“แล้วเรื่องเมื่อคืนล่ะ..จะให้ฉันคิดยังไง เพราะเราตื่นมาก็ไม่มีใครใส่เสื้อผ้าแถมยังนอนบนเตียงเดียวกันอีกต่างหาก”ตรฤณถามด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม

ก็ถ้าหากมึงรู้ว่าพวกมึงโดนวางยาพวกมึงก็จะรู้เองล่ะว่ามันหมายความว่ายังไง    ฮ่าฮ่า!

ชวินมองตรฤณกับกรด้วยรอยยิ้มขำๆส่วนสองก็อยากจะขำตามชวิน แต่ไม่รู้จะหาเรื่องอะไรมาขำ เพราะตอนนี้ไอ้เพื่อนกำลังหาทางต้อนให้กรยอมรับว่าเรื่องเมื่อคืนที่เกิดขึ้นนั้นมันเป็นอย่างที่ตรฤณว่าจริงๆจากสภาพที่เห็น

กูขำตามมึงไม่ออกว่ะวิน...มึงขำไรวะ?

“...........”หากแต่กรกลับหาคำตอบที่ดีเอาไว้ไม่ได้ เพราะการที่ตื่นขึ้นมาบนเตียงเดียวกันกับตรฤณ แถมยังไร้อาภรณ์ปกปิดร่างกายนั้น มันคงคิดเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้แน่ๆ

“หรือจะให้ฉันคิดว่าเมื่อคืนเราเล่นเป่ายิงฉุบถอดเสื้อผ้ากันเฉยๆ แล้วก็ง่วงหลับไปเลย?” ตรฤณถามด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะเพราะว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นไม่มีทางเป็นไปได้ดั่งคำถามที่ถามออกมา

“เออ! อาจจะเป็นอย่างนั้นไม่ใช่หรือไง?!”กรกระแทกเสียงใส่อย่างไม่ค่อยใส่ใจนัก แต่ตอนนี้หากมีคนบอกว่าระหว่างกรกับตรฤณไม่ได้มีอะไรกันจริงๆ กรก็พร้อมที่จะเออออห่อหมกตามนั้น

“ฉันเองก็ไม่แน่ใจด้วยสิ...เมื่อคืนฉันเมา..ส่วนนายก็เมา ฉันว่ามันน่าจะมากกว่านั้นนา~

แล้วมึงจะพูดทำไมว่ากูกะมึงแค่เล่นเป่ายิงฉุบถอดเสื้อผ้ากัน ไอ้หน้าหมี!

“ต่อจากนี้ ฉันจะรับผิดชอบนายเองกร”ตรฤณพูดก่อนจะค่อยๆยกมือขาวๆของอีกฝ่ายขึ้นมาประทับจูบอย่างแผ่วเบา แววตาเจ้าเล่ห์ก่อนหน้านี้หายไป เหลือเพียงแต่แววตาที่ฉายแววความจริงใจดั่งคำพูด

   ถ้ารับไอ้หน้าหมีนี่เป็นสามีก็คงจะดีกว่าที่เสียทีโดยไม่มีใครรับผิดชอบล่ะวะ!

“เออ! แล้วรับผิดชอบให้ตลอดชีวิตด้วยล่ะ”กรกระแทกน้ำเสียงอย่างไม่ค่อยใส่ใจนักทั้งที่ใบหน้าหวานยังคงขึ้นสีไม่จางหาย พอตรฤณได้ยินอย่างนั้นก็ยิ้มแก้มปริก่อนจะฉวยโอกาสหอมแก้มกรไปหนึ่งฟอด

อั่ก!

แล้วตรฤณก็ได้กำปั้นตอบแทนอีกหมัดทันทีเช่นกัน

“ฉันบอกให้นายรับผิดชอบ ไม่ใช่ให้มาหาเรื่องหอมแก้มฉัน!”กรประกาศกร้าวก่อนจะมองตรฤณด้วยสายตาแข็งๆ

“ครับ...”ตรฤณลูบจมูกของตัวเองเบาๆก่อนจะถอนหายใจ
มีเมียดุก็คงต้องทำใจ...เพราะอะไรกูว่าทุกคนก็คงรู้ดี

ก่อนที่ตรฤณและกรจะเคลียร์ปัญหากันเสร็จ สองและชวินก็ได้ออกมาจากห้องก่อนเพราะสองทนไม่ได้ที่จะเห็นเพื่อนมีความรัก

อิจฉาชิบ! อย่าให้กูได้มีแฟนนะมึงจะหวานใส่หน้าให้ดู ไอ้ตรฤณ!

สองดูอารมณ์เสียไปถนัดตาแต่ชวินกลับรู้ดีว่าสองกำลังอยู่ในช่วงสับสนตัวเอง และเหมือนกำลังอิจฉาอะไรบางอย่าง

   ไม่ใช่อิจฉาที่ตรฤณมีแฟนแต่อิจฉากรที่กำลังจะแย่งเพื่อนรักอย่างตรฤณไป(อีกแล้ว)

“เอาน่า~ มึงก็ยังมีกู อย่าหวงไอ้ตรฤณมันให้มาก”ชวินตบไหล่สองเบาๆ

“กูไม่ได้หวงมัน!”
สองขึ้นเสียงแต่ทว่าแววตากลับแสดงอาการอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด

“แต่พอคิดว่าไอ้ตรฤณกำลังจะมีแฟนขึ้นมาก็ใจหาย....”สองพูดต่อ
นั่นไง กูเคยเดาผิดที่ไหนล่ะ!

“มึงก็มีแฟนบ้างดิ..กูก็บอกมึงไปตั้งหลายหนแล้วไม่ใช่หรือไง?”ชวินว่าก่อนจะลูบศรีษะสองเบาๆด้วยความเอ็นดู

“ไม่หรอก..กูมีมึงคนเดียวก็พอแล้ว...ใช่มะ? ฮ่าฮ่า”สองพูดอย่างอารมณ์ดีก่อนจะกระโดดขึ้นหลังชวินราวกับเด็กขี้อ้อน

“เออ! ตอนนี้น่ะใช่ แต่ถ้ากูมีแฟนเมื่อไหร่มึงก็เตรียมตัวเป็นหมาหัวเน่าได้เลย สอง!”ชวินพูดหยอกเอินแต่สองกลับรู้ดีว่าชวินไม่มีทางทำอย่างที่พูดได้แน่ๆ

“กูไม่เชื่อหรอก...เพรามึงรักกูม๊ากกกมากใช่มั๊ยล่ะ? มึงไม่มีทางทิ้งกู กูรู้ แต่ถ้าเป็นไอ้ตรฤณ ช่างหัวมัน กูตัดมันออกจากกองมรดกไปนานแล้ว!”สองพูดก่อนจะจุ๊บแก้มชวินหนึ่งที โดยที่ชวินเองก็ตกใจไปเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ต่อว่าอะไร

“อย่ามาทำอะไรประเจิดประเจ้อแถวนี้.. เดี๋ยวเด็กมึงมาเห็นแล้วจะเข้าใจผิดเอาง่ายๆ”ชวินบ่น

“ช่างปะไรกูไม่สนใจอยู่แล้วฮ่าฮ่า”สองยังคงหัวเราะอย่างอารมณ์ดีโดยมีชวินแบกขึ้นหลังเดินไปจนออกจากตัวตึกหอพักของตรฤณ แต่กลับไม่มีใครสังเกตเห็น ไอ้เด็กปากหมาที่ยืนหัวโด่ มองชวินและสองหยอกล้อกันอย่างสนิทสนมกันเกินไป จนลับสายตา











“เฮ้อ......”ร่างสูงส่ายหัวช้าๆพร้อมกับการถอนหายใจ

สุดท้าย...หัวใจของสองก็ยังเป็นของพี่วินอยู่ดี


__________________


“ว่าแต่มึงเหอะ ทำไมไม่ยอมรับภู เหมือนที่กรเขารับไอ้ตรฤณมันบ้างล่ะ?”ชวินถาม

“ทำไมกูต้องเหมือนกร...อีกอย่างกูไม่ได้ชอบไอ้เด็กนั่น”สองว่า

“แล้วไง? มึงเห็นว่ากรมีทีท่าว่าจะสนใจไอ้ตรฤณมันบ้างมั๊ยล่ะ? แล้วดูสิพอได้เสียกับไอ้ตรฤณ กรก็ยอมรับเลยนะเว้ย”ชวินเริ่มปูลู่ทางเผื่อสองจะยอมเดินตามทางที่ชวินพยายามขีดไว้ง่ายๆ

“เพราะกรกลัวว่าจะไม่มีคนรับผิดชอบน่ะสิ...ฮ่าฮ่า”

เออ ส่วนตัวกูก็เพิ่งเสียเวอร์จิ้น แต่ไม่คิดที่จะหาใครมารับผิดชอบเลยเหรอวะ?

“แล้วมึงไม่คิดบ้างเหรอว่าจะไม่มีคนรับผิดชอบ?”

“พอดีกูยังไม่ท้อง...กูเลยยังไม่ต้องหาพ่อเด็ก”ว่าขำๆในขณะที่ชวินยังคงขับรถไปตามถนนเรื่อยๆ

“ให้มันแน่เหอะท้องป่องเมื่อไหร่อย่าไปคว้าเอาเด็กปากหมามาทำสามีล่ะฮ่าฮ่า”

“อ้าวถ้ากูท้องขึ้นมาจริงๆ ก็คงจะเป็นเพราะไอ้เด็กนั่น เพราะฉะนั้น มันก็ต้องรับผิดชอบกู”   สองว่าไปตามความเป็นจริงเพราะภูเบศธ์ได้เวอร์จิ้นสองไป หากสองท้องขึ้นมาจริง ไอ้เด็กปากหมานั่นแหล่ะคือพ่อเด็กแบบไม่ต้องตรวจ DNA ให้เสียเวลา

“ว่าแต่มึงมีมดลูกหรือไง? ไอ้บ้านี่”ชวินว่าเข้าให้

“ก็เพราะกูไม่มีเลยไม่เดือดร้อนไง ฮ่าฮ่า โง่จริงมึงนี่!”สองหัวเราะร้ายก่อนจะเดินลงจากรถเมื่อชวินนำรถมาเทียบหน้าหอพักของสอง



“นี่กูจะหาทางให้มึงยอมรับไอ้เด็กนั่นไม่ได้จริงเหรอวะ...สอง” ชวินพูดกับตัวเองเบาๆก่อนจะออกรถเพื่อนำรถเข้าไปจอดแล้วค่อยเดินตามสองขึ้นไปอีกที

_________________________


“เกิดอะไรขึ้นเนี่ย?”ภูเบศธ์ที่ตั้งใจมาหากรที่ห้องถามขึ้นมาอย่างสงสัยเมื่อเดินเข้ามาเห็นสภาพห้องที่เละจนไม่สามารถเอ่ยได้ว่านี่คือห้องนอน

“อ๋อ...ระเบิดลงนิดหน่อยน่ะ”ตรฤณตอบก่อนจะรีบเดินไปเก็บข้าวของต่อโดยมีกรนั่งชี้นิ้วสั่ง ทั้งที่ความรู้สึกของภูเบศธ์นั้นไม่ได้เชื่อเลยว่าระเบิดจะลงนิดหน่อยอย่างที่ตรฤณว่าเอาไว้

เพราะกูว่านิวเคลียร์ลงมันยังน้อยไปด้วยซ้ำ หากจะนิยามสภาพห้องในตอนนี้!

“พูดมากตรฤณ..เก็บของไปเลย”กรขู่ก่อนจะหันไปหาหลานรหัสที่เพิ่งมาหาเพราะกรโทรตามให้มารับที่หอของตรฤณ

“ป่ะ..ภู...ไปส่งฉันที่ห้องหน่อย...”กรพูดก่อนจะเดินไปหาภูเบศธ์

“อ้าว..จะไปแล้วเหรอที่รัก?”ตรฤณหันกลับมาถามทันทีที่กรกำลังจะเดินออกจากห้อง

“ที่รัก?”ภูเบศธ์สะดุดกับคำพูดของตรฤณจึงต้องเอ่ยทวนซ้ำ ทำเอากรรีบวิ่งไปปิดปากตรฤณพร้อมกับการตีไหล่ดังป้าบเป็นการขู่ แต่ทว่าภูเบศธ์กลับมองว่ากรไปสนิทกับตรฤณตั้งแต่เมื่อไหร่ถึงได้ถึงเนื้อถึงตัวกันขนาดนั้น

“คือ..ไม่มีอะไรหรอกภูอย่าไปสนใจหมีเหลือขอ ห้องน่ะจัดให้เรียบร้อยเลย!”กรหันไปยิ้มเจื่อนๆให้ภูเบศธ์ ก่อนจะหันไปขู่ตรฤณอีกครั้ง

“คนทำไม่ได้เก็บ คนเก็บไม่ได้ทำ กูน้อยใจโว้ย!”ตรฤณตะโกนไล่หลังตามกรและภูเบศธ์ที่เพิ่งเดินออกจากห้องไป พร้อมด้วยการยกไม้กวาดขึ้นเพื่อขู่กรคืน  แต่พอกรหันมา ก็ต้องรีบเอาไม้กวาดลงแล้วหันไปปัดกวาดเช็ดถูพร้อมเก็บหนังสือที่กระจายอยู่ทั่วห้องต่อ

เฮ้อ! เกือบโดนเมียกลับทำร้ายร่างกายอีกแล้วมั๊ยล่ะ ไอ้ตรฤณเอ้ย!
ว่าแต่...ถ้ากูโดนกรทารุณเอามากๆ กูจะวิ่งโร่ไปฟ้องปวีณาได้มั๊ยวะ?


________________


“ทำตัวติดเมียจริงนะ!”
สองค่อนขอดทันทีเมื่อเดินเข้ามาที่คณะพร้อมกับตรฤณ พอเห็นหน้าขาวใสของกรนั่งนิ่งเป็นตุ๊กตาอยู่โต๊ะไม้หินอ่อนโต๊ะประจำ ตรฤณก็รีบปรี่เข้าไปหาแบบไม่ต้องรอให้กรออกคำสั่ง

รู้งี้ไม่น่าให้ไอ้ตรฤณมีเมียเร็วซะก็ดี! 

สองมองเพื่อนรักที่เดี๋ยวนี้เริ่มทำตัวห่างเหินจากตัวเอง ไอ้เรื่องนี้ยังไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่ตอนนี้ไอ้เด็กนอกอีกคนก็โดนพ่อจับได้ว่ากลับมาเกาหลีแล้ว เลยต้องระเห็จกลับไปสิงสถิตที่บ้านพร้อมกับเตรียมตัวเป็นนักบริหารให้บริษัทของพ่อมัน

แล้วที่สำคัญ...ไอ้เด็กปากหมานั่นยังทำเป็นหลบหน้าหลบตา
เพราะเจอมันทีไร แม่งมันเดินหนีกูทุกที หน้ากูเหมือนผีมากหรือไงวะ!

สองเองก็ไม่ค่อยแน่ใจเมื่อในตอนนี้ไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็ไม่มีใคร เวลาของตรฤณส่วนใหญ่ก็อยู่จู๋จี๋กันกับกร หรืออยู่ให้โขกสับ อันนี้ก็ไม่ค่อยแน่ใจ ชวินจะมาหาได้ส่วนใหญ่จะเป็นช่วงเย็นไม่มารับไปกินข้าวก็รับกลับหอพักตามหน้าที่ แต่หน้าที่ของชวินที่มีมากกว่านั้น ก็คงเป็นการทำตัวสำออยเจ็บป่วยนู่นนี่แล้วหาเรื่องไปหาหมอเขมอยู่เช้าเย็น ส่วนไอ้เด็กปากหมานั่น เฮอะ! อย่าให้ได้พูดถึง...แค่หน้ามันยังไม่อยากมองเลย

เป็นอะไรกันไปหมด?...คนหล่อเซ็งว่ะ!


“นี่.. ภูเบศธ์!....ไอ้ภูเบศธ์!” แล้ววันนี้ก็เป็นอีกวันที่บังเอิญเดินไปเจอภูเบศธ์หลังจากที่แยกตัวออกมาจากตรฤณและกร

“หลบหน้าฉันทำไม?!”ในเมื่อคนที่ถูกเรียกไม่มีทีท่าว่าจะหันกลับมา สองจึงต้องพูดสิ่งตัวเองสงสัยออกมา

“…………”

“จะมากไปแล้วนะ!”แต่สุดท้ายภูเบศธ์ก็เดินหนีไปโดยที่ไม่ได้หันกลับมามองสองเลยแม้แต่น้อย สองถอนหายใจก่อนจะเดินหันหลังกลับไปยังที่ที่ตัวเองเดินจากมา

“อ้าว?..ไหนมึงบอกว่าจะขึ้นไปเรียน?”ตรฤณเอ่ยถามขึ้นทันทีเมื่อเห็นสองเดินกลับมากระแทกตัวลงนั่งข้างๆกร

“อารมณ์เสีย! ไม่ไปเรียนแม่งแล้ว!”สองมีสีหน้าหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัดจนกรและตรฤณต้องมองหน้ากันความจริงช่วงๆหลังๆมานี้ตรฤณก็คอยถามกรเรื่องของภูเบศธ์อยู่ แต่ทว่ากรเองก็ให้คำตอบไม่ค่อยจะได้ เพราะช่วงหลังมานี้ภูเบศธ์ค่อนข้างเก็บตัวเงียบไม่ค่อยเข้ามาสุงสิงเป็นลูกลิงเกาะแม่อย่างแต่ก่อน โทรไปก็ค่อยรับสายด้วย กรเองก็กลุ้มใจไม่แพ้กันที่เห็นหลานรหัสที่เป็นลูกพี่ลูกน้องคนตัวเองคนนี้เป็นเอามาก แต่ก็พอจะเดาได้ว่าที่ภูเบศธ์เป็นอย่างนี้อาจจะเป็นเพราะสอง แต่ก็ไม่สามารถรู้ได้ว่าเพราะเหตุอะไร จะว่าสองไปตัดความสัมพันธ์ก็คงไม่ใช่เพราะว่าเห็นเจ้าตัวบ่นอยู่บ่อยๆว่าหลังจากวันนั้น(วันที่สองเมายานอนหลับรอบที่สอง) ก็ไม่ได้เจอหรือคุยกับภูเบศธ์อีกเลย

อย่างนี้เรียกได้หรือเปล่า...ว่าอาการน่าเป็นห่วง
น่าเป็นห่วงทั้งสอง  และภูเบศธ์




___________________



หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 14 หนัก P.6 [Up 21/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: ryoko_chan ที่ 24-01-2012 15:40:52
“วันนี้ก็ไม่เจอภูเบศธ์เหรอ?”กรเอ่ยถามซึ่งสองก็รีบส่ายหน้าปฎิเสธ ก่อนจะฟุบใบหน้าลงกับท่อนแขนที่วางเอาไว้บนโต๊ะ

ถ้าไม่เจอ ก็คงไม่เป็นเอามากขนาดนี้หรอก...

“นายไม่ยิ้มอย่างนี้...ไม่น่ารักเลยนะ” กรว่าก่อนจะเอื้อมมือไปหยิกแก้มสองเบาๆอย่างเอ็นดูซึ่งสองก็ไม่ได้โวยวายอะไร เพียงแต่อยู่นิ่งให้กรหยิกแก้มตัวเองอยู่อย่างนั้น

“ไม่น่ารัก..ก็ไม่ต้องมารักสิ”พอพูดอย่างนี้ขึ้นมา กลับทำให้เจ้าของคำพูดนึกไปถึงประโยคที่เคยได้ยินจากปากของคนบางคนที่ตอนนี้พยายามหลบหน้าหลบตาตัวเอง

.....“แล้วเมื่อไหร่ที่คนน่ารัก...จะรักผมสักที”....

แล้วถ้ารัก...จะเลิกหลบหน้ากันมั๊ยล่ะ?

“หือ!” สองสะดุ้งกับความคิดของตัวเองโดยที่กรและตรฤณเองก็มองด้วยความสงสัย

“มีอะไรเหรอ?”กรเอื้อมมือไปโอบไหล่สองเอาไว้หลวมด้วยความห่วง แต่ทว่ากลับโดนตรฤณเหล่ตามองด้วยความขุ่นเคือง

เฮ้ย! คุณทิวากร กระผมยังไม่ลืมนะครับว่าคุณเคยเป็นแฟนคลับของไอ้สอง!
เมื่อกี้อย่าคิดนะว่าไม่รู้  แอบแต๊ะอั๋งเพื่อนกูอยู่ล่ะสิ!


ว่าแล้วก็จัดการเอามือของกรออกจากไหล่ของสอง ก่อนจะย้ายก้นมานั่งขั้นกลางระหว่างกรและสองอีกที  ถึงสองจะนึกสงสัย แต่ก็ไม่มีอารมณ์มาต่อว่าไอ้เพื่อนตัวดีเท่าไหร่ที่มานั่งเบียดตนเอง

“นายจะมานั่งเบียดฉันทำไม!”
เพราะถึงสองไม่ถาม ก็รู้อยู่ดีว่าต้องมีคนถามแทนอยู่แล้ว


“ไม่ได้..ฉันหึง!”ตรฤณนั่งกอดอกเชิดหน้าไปอีกทาง จนคนมองรู้สึกหมั่นไส้

“หึงใคร?”กรตีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ทั้งที่นึกเซ็งที่โดนไอ้หน้าหมีมันรู้ทัน

แตะนิดแตะหน่อยก็ไม่ได้เลยนะ หวงจริง!

“อย่าคิดว่าฉันหึงนาย เพราะฉันหึงไอ้สอง”ตรฤณว่าก่อนจะสะบัดหน้าไปอีกทาง โดยที่กรเองก็นึกอยากเอาหลุยส์ข้างตัวโขกหัวสักทีสองทีที่ตรฤณมันรู้ทันไปซะทุกเรื่อง

“หึงอะไรเล่าตรฤณ...ฉันเป็นห่วงสองนะ ไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่านั้นนี่นา”แต่ถึงอย่างนั้นกรกลับตีหน้าเศร้า ทำเอาตรฤณใจอ่อนขึ้นมา

“ก็...งั้นช่างเถอะ....ว่าแต่เมื่อกี้นายมีอะไรหรือเปล่า?” ตรฤณหันไปพูดกับกรก่อนจะหันมาถามสอง

“ไม่มีอะไรหรอก”   สองส่ายหน้าไปมาก่อนจะเอนหัวซบไหล่ตรฤณทำคนที่ไม่ได้มีส่วนร่วมในการอิงแอบแนบซบกันนั้นทำตาลุกวาว

ท่องนะโมเอาไว้ แล้วก็ท่องให้ขึ้นใจว่าสองและตรฤณเป็นแค่เพื่อนกัน

แต่แล้วทำไมกูถึงนึกอยากผลักหัวกลมๆของสองออกจากไหล่ตรฤณด้วยล่ะ?


“เอ่อ..สอง...โทษทีคือกรเขา...”ตรฤณเองก็เริ่มวางตัวลำบากเมื่อหันไปเจอกรสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง ส่วนสองก็ยังทำหน้าอย่างกับคนใกล้ตาย

เกิดเป็นตรฤณ ช่างวางตัวลำบากอะไรเยี่ยงนี้!
นี่ก็เพื่อน นั่นก็เมีย เจออย่างนี้แล้วกูจะง้อใคร?


“แล้วไง? กูเป็นเพื่อน กรต้องเข้าใจดิ”สองเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบทั้งที่สายตาเหม่อมองอย่างไร้ทิศทางและไร้จุดโฟกัสตรฤณจึงต้องหันไปทางกรที่หันกลับมาสนใจคำพูดของสอง

“เข้าใจใช่มั๊ย...จะ...กร?” ตรฤณเอ่ยอย่างกล้าๆกลัวๆเพราะเริ่มรับรู้ได้ถึงรังสีบางอย่างที่ค่อยๆแผ่ออกมาจากดวงตาของกร

“ใช่เข้าใจ~  แต่เย็นนี้ไม่ต้องไปส่ง ฉันจะกลับกับไอ้ภูเบศธ์!”พูดจบกรก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปทันทีโดยที่ตรฤณเองก็คว้าเอาไว้ไม่ทัน


“ สองมึงกำลังจะทำครัวกูแตกอีกแล้วนะ~”ตรฤณนั่งน้ำตาตกทั้งที่ยังคงทำหน้าที่เป็นไหล่ให้สองพักพิง

“กูเซ็งว่ะ...”แต่สองหาได้ใส่ใจในสิ่งที่ตรฤณพูดเพราะร่างเล็กลับเอ่ยขึ้นด้วยความเซ็งของตัวเอง

“เซ็งที่ไอ้เด็กนั่นหลบหน้ามึง?” ตรฤณช่างถามได้ตรงประเด็นและตรงจุด แต่ทว่าสองกลับส่ายหน้า

“ไม่รู้สิ...ตอนนี้กูไม่รู้อะไรสักอย่าง...”
สองค่อยๆหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน...ที่ไม่เคยบอกกับตัวเองได้เลยสักครั้งว่าเหนื่อยกับเรื่องอะไร

____________________


กรเดินปลีกตัวออกจากคู่เพื่อนสนิทพร้อมกับรอยยิ้มอารมณ์ดีที่ได้หาเรื่องแกล้งตรฤณได้ ความจริงกรเองก็ไม่ได้โกรธอะไรมากมาย ถามว่ามีหึงบ้างไหม? มันก็คงไม่ถึงขั้นนั้น แต่ก็รู้สึกแปลกๆไปบ้างเวลาที่เห็นคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเองอยู่ใกล้กับตรฤณ แต่สุดท้ายก็เพราะรู้ดีว่าทั้งสองและตรฤณเป็นเพื่อนรักที่สนิทกันมานาน เลยไม่มีเรื่องให้ต้องกังวลใจ ที่ทำเป็นโกรธก็เพราะเห็นหน้าตรฤณ ที่ทำหน้าหงออย่างกับลูกหมีหิวนม เลยนึกอยากแกล้งขึ้นมาเฉยๆ

แต่ทว่าเหตุผลที่เดินออกมา คงจะเป็นเพราะว่าอยากจะทำตัวมีประโยชน์ต่อสองซะบ้าง หลังจากได้กลายเป็น “แกนนำผู้ก่อการร้าย”สำหรับสองอยู่นาน

“โทรไปก็ไม่เคยจะรับไอ้เด็กนี่!”กรใช้มือถือโทรหาหลานรหัส แต่สุดท้ายก็รอจนสัญาณถูกตัดไป

“หายหัวไปไหนของมัน”กรพูดขึ้นอย่างหงุดหงิดก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้ แล้วพาตัวเองไปยังชั้นบนสุดของตึกเรียน พอขึ้นมาถึงดาดฟ้าของตึกเรียน กรก็กวาดสายตาไปซะทั่วลานกว้าง ลมเย็นๆปะทะเข้าใบหน้าทำให้กรรู้สึกดีขึ้นไม่น้อยหลังจากที่อุตส่าห์ลากสังขารของตนเองขึ้นมาจนถึงชั้นบนได้

“ให้ตายเหอะ! พระอาทิตย์ขึ้นสองดวง”กรบ่นพึมพัมเมื่อกวาดสายตาแล้วไปเจอเข้ากับไอ้เด็กคุ้นหน้า ที่ช่วงนี้ชอบหลบหน้าหลบตาจากประชากรชาวโลก ก่อนจะเงยหน้ามองท้องฟ้าที่แสนสดใสไร้เมฆบดบัง จะมีก็แต่ดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงเจิดจ้าราวปะทะหน้าผากเด็กหนุ่มที่นอนหงายโชว์เหม่งท้าทายพระอาทิตย์โดยมีแว่นกันแดดสีดำสนิทวางอยู่บนใบหน้าเพื่อป้องกันแสง เดาได้ไม่ยากว่าภูเบศธ์คงนึกครึ้มใจเลยมานอนตากแดดให้เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนังเล่น

“นอนฝันกลางวันอยู่หรือไง?” กรเดินไปนั่งห่างจากศรีษะของภูเบศธ์ที่นอนขอบตึกที่ยกตัวสูงขึ้นมาเล็กน้อยก่อนจะทักขึ้นทำเอาคนที่กำลังปล่อยอารมณ์ไปกับแสงแดดอยู่คนเดียวตกใจจนพลิกตกลงมา ถึงแม้ความสูงไม่มาก แต่ก็ทำเอาร่าสูงโปร่งโอดครวญได้ไม่ยากนัก

“กร?”

“หรือว่าเห็นหน้าฉันเป็นสองล่ะ?”กรพูดยิ้มๆก่อนจะยื่นมือไปตรงหน้าภูเบศธ์เพื่อให้ภูเบศธ์จับแล้วยันตัวเองให้ลุกขึ้นมา

“ถ้าสองมาหาฉันก็ดีสิ...”พึมพำเบาๆแต่ทว่ากรกลับได้ยินมันอย่างชัดเจน

“เห๊อะ! มาหา เค้าแทบจะวิ่งตามแกอยู่แล้ว แกน่ะสิหลบหน้าเขาเอง...แถมยังหลบหน้าชาวโลกคนอื่นอีก ทำไม! เป็นโรคติดต่อร้ายแรงมากหรือไงถึงไม่ยอมออกมาเจอหน้าผู้คนน่ะ!” กรร่ายยาวด้วยความอัดอั้นตันใจมานานก่อนจะมองหน้าไอ้ตัวดีที่หลบหน้าหลบตาได้แม้แต่ลูกพี่ลูกน้องของตัวมันเอง ซึ่งภูเบศธ์เองก็ไม่ได้ปฎิเสธออกจะยอมรับข้อกล่าวหานั้นด้วยซ้ำ

“กำลังพยายามทำใจ”ภูเบศธ์ตอบเรียบๆก่อนจะดึงยางมัดผมออกจากหัวก่อนจะยีๆศรีษะเพื่อให้ผมกลับเข้าทรงอย่างเดิม

“ทำใจ?...ทำใจอะไร?”กรเลิกคิ้วอย่างสงสัยก่อนที่ภูเบศธ์จะหันมามองหน้า

“เพราะต่อให้จีบต่อไป..คนอย่างสองก็ไม่มีทางหันมาสนใจฉัน”น้ำเสียงของภูเบศธ์บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเหนื่อยกับความรักครั้งนี้เต็มทน

“รู้ได้ไง? แกเอาอะไรมาคิดน่ะห๊ะ! แกนี่ฉลาดแต่เรื่องโง่ๆ ทีเรื่องที่ควรฉลาดนี่โง่ดีนัก!”กรตำหนิภูเบศธ์พร้อมกับผลักหัวกลมๆของหลานรหัสอย่างหมดความอดทน

นี่มึงโง่หรือมึงโคตรโง่ ที่ดูไม่ออกว่าสองมีใจให้มึงน่ะ!

“ก็พูดได้สิตัวเองสมหวังในความรักแล้วนี่...ฉลาดไปทุกเรื่องแหล่ะกรน่ะ”

“อย่ามาทำปากเสียแถวนี้ไอ้ภูเบศธ์...ฉันกำลังจะช่วยแกนะ!”

“ช่วยอะไร...นายจะช่วยอะไรฉันได้กร..ในเมื่อในใจของสองน่ะมีแต่พี่วิน...นายได้ยินใช่มั๊ย!!! สองน่ะ เขารักพี่วิน ไม่มีทางหันมาสนใจเด็กปากหมาอย่างฉัน!”ภเบศธ์พูดอย่างเหลืออดจนกรต้องเงียบไป

“ภูเบศธ์...”กรเอื้อมมือไปแตะไหล่ของเด็กหนุ่มเบาๆเพื่อปลอบใจ

“กร..อย่าช่วยฉันเลย..เพราะถ้าช่วยจะทำให้มีความหวัง”

“.......”

“แล้วพอมีความหวัง...แต่ไม่ได้ตามอย่างที่หวัง..รู้มั๊ยฉันจะเป็นยัง?”

“...........”กรกลับพูดอะไรไม่ออก ทำได้แต่การนั่งอยู่เงียบๆเพื่อรับฟังที่ภูเบศธ์ระบายความในใจ

“ฉันเจ็บเจียนตาย เพราะรักสอง เข้าใจหรือยังกร”ภูเบศธ์หันหน้าเข้าหากรที่ยืนขึ้นตาม ก่อนที่ร่างสูงจะซบลงกับไหล่เล็กของกรที่เป็นที่พึ่งของเขา

“แล้วนาย..เคยบอกรักสองแบบจริงจังสักทีหรือยังล่ะ?” กรตบบ่าแกร่งเบาๆทำให้ภูเบศธ์ต้องเงยหน้าขึ้นมามองกรอีกครั้ง

“ลองดูสิภูเบศธ์...ถือว่าเป็นครั้งสุดท้ายก็ได้ที่ฉันจะขอร้องให้นายทำ... แต่มันก็ไม่ใช่เพื่อตัวฉันหรอกนะ..แต่มันเพื่อตัวนายเอง น้องรัก”กรพูดเรียบๆแต่ดวงตากลับฉายแววห่วงใยอย่างเห็นได้ชัด ภูเบศธ์จึงต้องคว้าร่างบางตรงหน้ามากอดเอาไว้แน่น

“ฉันจะทำ..แต่ถ้าไม่สำเร็จ จะตัดใจจริงๆนะ”ภูเบศธ์ว่า โดยที่กรเองก็เห็นด้วย

“ขอให้ได้ลองก่อนแล้วกัน”
กรยิ้มหวานก่อนจะคว้าหลานรหัสเข้ามากอดอีกครั้ง

“ช่วงนี้อารมณ์ดีจริงนะ..ได้พี่ตรฤณมาเป็นแฟนสมใจอยากแล้วสิ”ภูเบศธ์ยกยิ้มที่มุมปากทั้งที่ยังอยู่ในอ้อมกอดของกร

“ปากเสีย! พูดอะไรของแก” ถึงปากจะด่าจะว่าแต่ใบหน้าของกรกลับขึ้นริ้วสีแดงระเรื่อบนแก้มใส

“อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ...วันนั้นน่ะ ชวนพี่ตรฤณขึ้นห้องจนได้เสียเป็นผัวเมียกันแล้วล่ะสิ อ่าฮ่า ร้ายจริงๆนะ ทิวากร”ภูเบศธ์ยิ้มกริ่มแต่กลับโดนกรฟาดเข้าที่ไหล่จนต้องหุบยิ้มแล้วกลายมาเป็นการแหกปากร้องแทน

“โอ๊ย! ฉันเจ็บนะกร แค่พูดความจริงทำไมต้องเขินรุนแรงด้วย”ภูเบศธ์บ่นอุบ แต่กรกลับถลึงตาใส่

“ทีอย่างนี้ล่ะฉลาดเชียว! อย่าทำเป็นรู้ให้มันมาก....”กรต่อว่าก่อนจะหันซ้ายหันขวาเพื่อดูว่าไม่มีใครอยู่ในบริเวณก่อนจะพูดประโยคถัดมา

“เดี๋ยวหมอนั่นจะได้ใจเอาเข้าใจ๋!”

“สรุปยอมรับแล้วเหรอว่าชวนเขาขึ้นห้อง?”ภูเบศธ์ลองถามด้วยรอยยิ้มปนขำ

“ไม่รู้โว้ย..รู้แต่ว่าวันนั้นฉันเมา!”

เอาแล้วไงไอ้พวกเมาไม่นับ มาโหมดเดียวกันกับสองเลยเว้ยเฮ้ย!




:: TBC ::

คราวนี้มีทั้งโหมดหวาน โหมดฮา โหมดดราม่า ในตอนเดียว ครบทุกรสชาติ ฮ่าฮ่า
ขอบคุณที่ติดตามอ่านเรื่องนี้กันนะค้า

เรื่องนี้มีทั้งหมด 20 บท กับบทพิเศษ อีก 2 ตอนค่ะ...ใกล้จะจบแล้ว
เป็นกำลังใจให้ภูเบศธ์ กับ กมลินทร์ ต่อไปด้วยนะคะ

ฮ่าฮ่า.. แต่งเอง ยิ่งหลงรักคู่รองเอง ฮ่าาา คู่เอก ยังไม่สมหวังกันสักที
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 15 อาการน่าเป็นห่วง P.6 [Up 24/1
เริ่มหัวข้อโดย: changasa@hotmail.com ที่ 24-01-2012 16:08:14
 :z13: จิ้มก่อนๆ

ใกล้จบแล้วเหรอ เร็วจังแฮะ

พระเอกเราถอดใจง่ายจัง ฮึดหน่อยๆ สู้ๆ :L2:
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 15 อาการน่าเป็นห่วง P.6 [Up 24/1
เริ่มหัวข้อโดย: pae666 ที่ 24-01-2012 16:19:30
กระซิก.....สงสารภูอ่  :sad4:   :sad4:   :sad4:   :sad4:  สู้ๆนะภู ยังไงสองก็ต้องเป็นของเราอยู่วันยังค่ำอ่ะ แต่ว่า.....คู่รอง กรกับตรฤณ ไวไปหนายยยยยยยยยยยย สมใจคนอ่านม๊ากกกกกกกกกกกกกกกค่ะ 555555  :impress2:
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 15 อาการน่าเป็นห่วง P.6 [Up 24/1
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 24-01-2012 17:02:10
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 15 อาการน่าเป็นห่วง P.6 [Up 24/1
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 24-01-2012 17:46:03
เฮ้อปากไม่ตรงกับใจจริง ๆนะสอง
อย่าพึ่งรีบจบสิขอคู่ชวินกับหมอเขมด้วย
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 15 อาการน่าเป็นห่วง P.6 [Up 24/1
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 24-01-2012 18:21:05
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 15 อาการน่าเป็นห่วง P.6 [Up 24/1
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 24-01-2012 18:34:47
สองนะสอง...  จะปากแข็งไปถึงไหน
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 15 อาการน่าเป็นห่วง P.6 [Up 24/1
เริ่มหัวข้อโดย: vi2212 ที่ 24-01-2012 18:40:55
โถ่..ภู :impress3:
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 15 อาการน่าเป็นห่วง P.6 [Up 24/1
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 24-01-2012 18:56:31
เดี๋ยวก็ได้กัน..
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 15 อาการน่าเป็นห่วง P.6 [Up 24/1
เริ่มหัวข้อโดย: hardened-boy ที่ 24-01-2012 20:08:57
 o18 o18 o18
เหอๆๆๆๆๆๆ
พี่สอง เสร็จแน่ๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 15 อาการน่าเป็นห่วง P.6 [Up 24/1
เริ่มหัวข้อโดย: manU007 ที่ 24-01-2012 22:25:00
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 15 อาการน่าเป็นห่วง P.6 [Up 24/1
เริ่มหัวข้อโดย: pae666 ที่ 26-01-2012 10:33:37
เข้ามารอพี่สองกับน้องภู แอนด์แอบดูคู่ชู้ชื่นตรฤณกับกร   :L2:  :L2:  :L2:
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 15 อาการน่าเป็นห่วง P.6 [Up 24/1
เริ่มหัวข้อโดย: ryoko_chan ที่ 27-01-2012 23:35:47
บทที่ 16 บอกรัก


“ท่าทางจะไม่ได้เรื่อง...สงสัยชวินคนนี้ต้องลงพื้นที่เองซะล่ะมั้ง”

_________________________

“ไอ้สองล่ะ?”
เมื่อย่างก้าวเข้ามาภายในคณะของเพื่อนรัก ชวินก็เอ่ยถามขึ้นทันทีเมื่อพบเจอหน้าเพื่อนตัวใหญ่ที่ยอมลงทุนเสียค่าโทรเพื่อโทรตามคนไม่ค่อยจะว่างงาน  ให้บุกมาถึงที่เพียงเพราะบอกว่า ‘ไอ้คุณสองกำลังแย่’ ชวินก็พร้อมที่จะทิ้งงานเอกสารตรงหน้าแล้วรีบคว้ากุญแจรถบึ่งมายังมหาวิทยาลัยด้วยความเร็ว 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงแต่ทว่าพอมาถึงจุดหมายคนที่ทำให้เป็นห่วงกลับไม่ได้นั่งอยู่ข้างๆตรฤณอย่างที่ควรจะเป็น

“นู่น~”ตรฤณใช้สายตามองเพื่อให้ชวินมองตามไปยังเป้าหมาย

กูก็นึกว่ากำลังแย่เพราะเรื่องหัวใจ แต่ที่ไหนได้ กูว่ามันกำลังจะแย่เพราะน้ำหนักที่ขึ้นพรวดพราดซะล่ะมั้ง!

ชวินมองเพื่อนตัวเล็กที่กำลังถือถุงอะไรต่อมิอะไรมาเต็มไม้เต็มมือ แล้วยังไม่รวมไอ้ที่เต็มปากอยู่ด้วย นี่ถ้าไม่ติดว่าบ้านไอ้สองเข้าขั้นคนมีจะกิน ชวินจะคิดว่าเด็กหลงที่ไหนที่เพิ่งได้ของกินยามหิวโซ

“มันแย่ตรงไหน?”ชวินเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย

เพราะเท่าที่เห็นมันก็ยังดูเหมือนคนกินอิ่มนอนหลับครบแปดชั่วโมงไม่เห็นทำท่าอยากจะตายโหงตรงไหน!

“แย่.. ก็เพราะมันกินไม่หยุดตั้งแต่เช้านั่นแหล่ะ กูบอกให้เข้าเรียนก็ไม่ยอมเข้า เอาแต่กินกับกิน” ตรฤณพูดด้วยน้ำเสียงที่ยากจะคาดถึง ไม่รู้ว่าหนักใจที่เพื่อนรักเกิดกระเพาะรั่วถึงกินไม่ยอมหยุด หรือเป็นเพราะขำกับท่าทางการยัดนู่นยัดนี่เข้าปากราวกับเด็กๆที่ไม่ได้กินขนมที่ชอบมานานแสนนาน

“แล้วใครทำมันน็อตหลุด? ถึงได้กินไม่สงสารกระเพาะขนาดนั้น”ชวินพูดเบาๆก่อนจะเดินเข้าไปหาสองที่กำลังเดินตรงมาหาตนเอง

“อ้าวไอ้วิน? มึงมารับกูกลับแล้วเหรอ?  ”เมื่อเห็นว่าใครเดินเข้าไปหาริมฝีปากเล็กก็เลิกยุ่งกับของกินชั่วคราว เพื่อให้ปากได้ว่างมาพูดคุยทักทายคนที่มาใหม่สะดวก แต่ถึงกระนั้นไอ้ที่ยังเคี้ยวไม่หมดก็มีหลุดออกมาบ้างตามประสาคนไม่ค่อยระวัง ลำบากชวินที่ต้องควักผ้าเช็ดหน้ามาให้เพื่อนตัวเล็กเช็ดปากที่เลอะเต็มไปหมด

“กระเพาะใกล้แตกยังมึง?    เห็นไอ้ตรฤณบอกว่ามึงแดกตั้งแต่เช้ายังไม่ยอมหยุด”ชวินพูดก่อนจะแย่งถุงขนมต่างๆที่อยู่ในมือของสองมาถือเอาไว้เองทั้งหมดพร้อมกับเอาไปซ่อนไว้ทางด้านหลังเพื่อไม่ให้เพื่อนตัวเล็กแย่งคืนได้

“มึงจะมาแย่งกูทำไมเนี่ยไอ้วิน! อยากกินก็ไปซื้อเองดิ นี่ของกู กูจะกิน!”สองโวยวายทันทีที่ถูกแย่งขนม

“แล้วมึงเป็นบ้าอะไร สอง!”แต่ทว่าชวินกลับตะคอกใส่สองเสียงดังแถมยังไม่ยอมคืนถุงขนมคืนให้สองด้วย
“.........”เพียงแค่ชวินขึ้นเสียงก็ทำเอาสองเงียบลงไปทันตา ก่อนจะพึมพัมขึ้นมาเบาๆว่า

“มึงไม่เคยตะคอกกูเลยนะ..วิน”

“แล้วมึงล่ะ? มีอะไรทำไมไม่บอกพวกกู....เวลามึงมีอะไรก็บอกพวกกูตลอด แล้วตอนนี้มึงเป็นอะไร ทำไมถึงไม่ยอมบอกไอ้ตรฤณ ไม่ยอมบอกกู เอาแต่กินกับกิน..มันไม่ได้ช่วยอะไรมึงหรอกนะ”ชวินลดเสียงลงหลังจากที่ขึ้นเสียงเมื่อกี้ทำให้สายตาหลายคู่เริ่มหันมาสนใจพวกเขามากขึ้น แต่ถึงอย่างนั้น สองก็ยังเงียบจนตรฤณที่เห็นทีท่าว่าไม่ค่อยดีจึงรีบมาดึงชวินและสองกลับไปที่โต๊ะเคลียร์กันดีๆ

“มึงไปด่าไอ้สองทำไมวะ วิน”พอกลับมานั่งที่โต๊ะกลับมีแต่ความเงียบ สองก็ยังไม่ยอมตอบ ส่วนชวินก็ไม่ยอมถามอะไรขึ้นมาอีกหากสองยังไม่กล้าเอ่ยปากที่จะตอบคำถาม ทำเอาคนที่นั่งอยู่ตรงกลางเริ่มรู้สึกอึดอัดเลยต้องหันไปถามชวินที่ทำหน้าเคร่งใส่สองทั้งที่ไม่เคยเห็นทำมาก่อน ปกติมีแต่โอ๋ มีแต่เข้าข้างตลอด

“มึงก็อีกคน....เอาใจกันเข้าไป..เพื่อนมึงเสียนิสัยแล้ว!”ชวินหันกลับไปด่าตรฤณแทนทำเอาตรฤณต้องสงบปากสงบคำ

   เวลาไอ้ชวินโมโหกูแทบไม่อยากจะโผล่หัวออกจากกระดองเลยว่ะ! น่ากลัวชิบ

“ได้ข่าวว่า...ส่วนใหญ่ก็มึงนั่นตามใจมัน”แต่ก็ยังไม่วายพึมพัมทั้งที่อยู่ในกระดอง จนชวินต้องหันมาทำสายตาดุๆปรามเอาไว้

“มึงบอกกูมาสิ ว่ามึงเป็นอะไร...”น้ำเสียงของชวินดูสงบลงเล็กน้อยไม่มีแววโมโห หรือแม้แต่ความไม่พอใจ เหมือนคราวก่อนทำให้สองต้องเงยหน้าขึ้นมามองหน้าเพื่อนหลังจากที่ก้มหน้าก้มตาอยู่นาน

“ไม่รู้....กูไม่รู้ว่ากูเป็นอะไร” น้ำเสียงอ้อมแอ้มของสองทำให้ชวินสนใจก่อนจะมองตาเพื่อค้นหาความจริง ซึ่งชวินเองก็คงไม่เชื่อในคำพูดนั้นเท่าไหร่หากไม่ได้เห็นแววตาที่ฉายแววสับสนของสองด้วยตาของตัวเอง ก่อนจะหันหน้าไปมองตรฤณเพื่อขอความคิดเห็น

“ตอนกูถาม..มันก็ตอบอย่างนี้”ตรฤณรีบตอบทันทีเผื่อจะช่วยอะไรได้บ้าง

ถ้าตอบอย่างนี้ไม่ต้องตอบก็ได้ว่ะครฤณ เพราะเมื่อกี้ไอ้สองก็เพิ่งบอกกับกู!

“มึงคืนถุงขนมให้กูได้ยังอ่ะ?”      แววตาน่าสงสารของสองถูกส่งมาให้ชวินพร้อมกับทำท่ายื่นมือมาแบตรงหน้าชวินเพื่อขอขนมคืน

เฮ้อ! ให้ตาย เห็นสายตาแบบนี้ทีไร ใจกูอ่อนทุกที!

มือใหญ่คว้าถุงขนมที่วางไว้ข้างตัว ส่งคืนให้สอง จนฝ่ายที่รับขนมต้องยิ้มกว้าง

“หมดถุงนี้ก็พอได้แล้วนะเว้ย! กูไม่อยากเห็นวัวแก่แถวนี้ท้องแตกตาย”ถึงจะหายโกรธสองแล้วแต่ก็ยังไม่วายขู่สอง แต่ฝ่ายที่ถูกขู่กลับรีบพยักหน้าพร้อมด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะลงมือหยิบนู่นหยิบนี่เข้าปากไม่หยุด

“กินมะ?  ” แถมยังมีอารมณ์ใจกว้างอยากเผื่อแผ่เพื่อนฝูงตอนขนมเหลือชิ้นสุดท้ายในถุงด้วยล่ะ
ไม่กินให้หมด แล้วค่อยถามพวกกูล่ะ?

“พวกกูไม่หิว มึงกินไปเถอะ”ตรฤณว่าก่อนจะมองหน้าชวินด้วยรอยยิ้มขำๆ
ถึงสองจะแปลกไป...แต่ความเป็นเพื่อน..ยังไงยังไง ก็มีให้กันเหมือนเดิม

ถ้าหากให้สองกินขนมแล้วลืมเรื่องเศร้าๆได้ ตรฤณและชวินก็พร้อมที่จะไปเหมาร้านขนมมาถวายให้แด่สองเพื่อนผู้น่ารัก
“เดี๋ยวกูไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”หลังจากที่สวาปามทุกอย่างหมดเรียบร้อย มือเล็กก็ปัดไปมาราวกับอยากให้เศษขนมหลุดออกจากมือให้หมด ก่อนจะยิ้มกว้างแล้วบอกเพื่อนๆว่าอยากไปเข้าห้องน้ำ

“บอกแล้วทำไมไม่ไป?”ชวินถามอย่างสงสัยเพราะคนที่บอกว่าจะไปแต่กลับยังนั่งหยั่งรากลึกตรงเก้าอี้ดังเดิม

“ไปเป็นเพื่อนหน่อย ”
น้ำเสียงของสองดูน่ารักเป็นพิเศษเนื่องจากกำลังอ้อนเพื่อน

“ไปเองเลยมึง...ขาไม่ได้ผูกติดกัน”ชวินพูดเสียงเข้ม ทำเอาเพื่อนตัวเล็กหน้าบูด  ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินกระฟัดกระเฟียดไปเข้าห้องน้ำ

“แล้วมึงจะไปไหนน่ะ?”ชวินถามทันทีเมื่อตรฤณทำท่าจะลุกขึ้น

“ตามไอ้สองไป เดี๋ยวมันงอน”

“ไม่ต้องเลยมึง นั่งอยู่นี่แหล่ะ ให้มันไปเอง....พอดีกูมีเรื่องต้องคุยกับมึง”ชวินรั้งคอเสื้อตรฤณเอาไว้ก่อนจะกดให้ตรฤณนั่งลงกับที่ดังเดิม

“เรื่องอะไร?”เสียงทุ้มเอ่ยถาม

“เรื่องเด็กของไอ้สองยังไงล่ะ”



_________________________


“ไม่ตามมาจริงเหรอวะ?”ริมฝีปากบางเชิดขึ้นด้วยความงอนเมื่อหันไปแล้วไม่เห็นว่าจะมีเพื่อนตัวไหนเดิมตามมาสักคน

อั่ก!!
ในเมื่อมัวแต่หันไปมองทางด้านหลังพอหันกลับมาก็ชนเข้ากับใครบางคนที่เหมือนจะวิ่งมาใส่สองด้วยความเร็วเหนือแสงแบบไร้การเบรค

“โอ๊ย~”เสียงหวานโอดครวญทันที

“ขอโทษ..คะ......ครับ” อีกฝ่ายเหมือนรู้ตัวว่าผิดก็รีบเอ่ยขอโทษแต่ทว่าปลายน้ำเสียงอาจจะดูตะกุกตะกักไปบ้างหลังจากที่เห็นว่าตัวเองวิ่งชนใคร
อะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้นวะ?  กูยิ่งกำลังวิ่งหนีคำสั่งแม่อยู่เชียว!

“ไอ้ภูเบศธ์!”
ส่วนทางสองเองเมื่อได้ยินเสียงอีกฝ่ายก็จำได้ทันทีแบบไม่ต้องมองหน้าให้เสียเวลา ปากบางเอ่ยชื่ออีกฝ่ายขึ้นโดยอัตโนมัติแบบไม่ต้องรอให้สมองสั่งการ

“คือ......”

“ไอ้ภูเบศธ์! อย่าหนีสิวะ? แค่บอกให้แกไปสารภาพรักกับสองแค่นี้ทำเป็นเขิน วิ่งหนีเป็นลิงลมเชียว ไอ้เด็กบ้า! ”และนี่คงเป็นสาเหตุที่ทำให้ภูเบศธ์วิ่งแบบไม่คิดชีวิตจนชนเข้าให้กับบุคคลที่สามที่ กรกำลังพูดถึง

“..........”แต่พอกรวิ่งมาถึงตัวภูเบศธ์กลับเจอแต่ความเงียบและคงรวมถึงตัวคนพูดเองด้วย

ถือว่าช่วยได้แค่นี้...ต่อจากนี้ไปลุยเองเลยน้องรัก!

 
    ว่าแล้วกรค่อยๆถอยตัวออกจากคู่กรณีที่กำลังยืนมองหน้ากันนิ่งๆโดยไม่มีทีท่าว่าฝ่ายไหนจะเริ่มพูดก่อน

____________________



“ช้าไปซะแล้วล่ะมั้ง?”

“เฮ้ย?!”

เสียงสองหนุ่มร้องขึ้นมาพร้อมกันหลังจากที่นั่งกระซิบกระซาบถึงแผนการลับอยู่นานก็ดันมีหัวกลมๆของใครบางคนโผล่ขึ้นมาแทรกกลางพร้อมกับรอยยิ้มอย่างภาคภูมิ

“กร? มาตั้งแต่เมื่อไหร่? ตกใจหมด”ตรฤณพูดพร้อมกับคว้าข้อมือเล็กเอาไว้ก่อนจะชวนให้กรนั่งลงตามแรงดึง

“ตัวก็ใหญ่ทำเป็นขวัญอ่อนไปได้~”
กรพูดยิ้มๆก่อนจะหันไปทักทายชวินบ้าง

“ไม่เจอนานเลยนะ..วิน...กำลังวางแผนอะไรอีกล่ะ?” ถึงจะดูเหมือนเป็นคำถามทั่วไป แต่คนอย่างชวินกลับคิดมากเกินไปว่าคำถามนั้นจะมีความหมายอื่นที่แฝงมาด้วย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังพยายามควบคุมตัวเองให้แสดงออกอย่างปกติและพยายามคิดว่า...ทิวากรคงไม่ได้รู้อะไรหรอก(มั้ง?)

“เรื่องของสอง กับภูน่ะ...”ตรฤณตอบแทนชวิน

“เรื่องนั้นน่ะเหรอ?”กรยิ้มที่มุมปาก

“ฉันจัดการเรียบร้อยแล้วล่ะ งานนี้ไม่ต้องลำบากไปถึงคุณชวินหรอก”กรส่งยิ้มให้ชวินโดยที่ชวินก็เหมือนจะรู้ความหมาย แต่ทว่าตรฤณกลับไม่รู้เรื่องอยู่คนเดียว

งานนี้แค่แผนของทิวากร...ก็พอแล้ว~
ไม่ต้องใช้ชวินเข้ามาช่วย เหมือนคราวนั้นหรอก



_______________________


“แฮ่ก....แฮ่ก....”

“อีกนิดเดียวเองพี่สอง....”

“ฉันจะไม่ไหวแล้วนะ.....”

“อีกนิดเดียวเอง...แฮ่ก...”

“เว้ย!!!! ฉันเหนื่อยแล้วนะ นายจะลากฉันไปถึงไหนเนี่ย!!!”

จะลากกูขึ้นบันไดไปถึงชั้นไหน ดูอายุไขกูหน่อยได้มั๊ย เห็นใจสักนิดนึงก็ยังดี!

“ดาดฟ้า”ภูเบศธ์หันมาตอบสั้นๆก่อนจะออกแรงดึงแขนเล็กๆให้เดินหอบอยู่ด้านหลังเดินตาม

ถ้าไม่ติดว่าเคยมีประสบการณ์ ภูเบศธ์ก็อยากให้สองขี่หลังแล้วพาขึ้นไปอยู่หร๊อก!

“ดาดฟ้า?...ขึ้นไปทำบ้าอะไรบนนั้นวะ?”สองพูดขึ้นอย่างหงุดหงิด

“ไปบอกรัก”

“ หา?”ดวงตาเรียวเล็กเบิกกว้าง

“ก็บอกอยู่นี่ไง...ว่าจะขึ้นไปบอกรัก...วัวแก่นี่หูตึงใช้ได้เลยนะเนี่ย~”

ไอ้เด็กปากหมา! หาเรื่องด่ากูเป็นวัวแก่หูตึงได้อีกนะมึง ทั้งที่กูกำลังอึ้งกับเรื่องที่มึงจะบอกรักกู!

“ถึงแล้ว”
เสียงเปิดประตูชั้นดาดฟ้าดังขึ้น      พร้อมๆกับการที่ภูเบศธ์เอ่ยปากพูดหลังจากเงียบกันมาได้สักพัก ร่างสูงคลายมือออกจากข้อมือเล็กก่อนจะเดินนำไปยังลานกว้าง ในยามบ่ายคล้อยถึงพระอาทิตย์จะยังคงเด่นอยู่คล้อยไปทางด้านทิศตะวันตกของท้องฟ้า แต่ก็ยังพอมีก้อนเมฆก้อนใหญ่ที่เข้ามาบดบังแสงแดดเอาไว้ เลยไม่ร้อนอย่างตอนกลางวันที่ภูเบศธ์ขึ้นมานอนอาบแดดดวงตาเรียวเล็กกวาดสายตาไปทั่วลานกว้างอย่างตื่นเต้น เพราะตั้งแต่ทีใช้ตึกนี้เป็นสถานที่ศึกษามานานนับเกือบจะสี่ปี แต่เจ้าตัวกลับไม่เคยขึ้นมาสถานที่แห่งนี้

แล้วนี่อะไร เรียนปีหนึ่งยังไม่ทันจบดีก็ดันอุตริ ริอาจขึ้นมาบนดาดฟ้าซะแล้ว!

“ไม่เคยขึ้นมาเหรอ?”ภูเบศธ์เดาจากอาการของสองได้ไม่ยากนักจึงเอ่ยถามขึ้น

“ใครจะอุตริเหมือนนายล่ะ!” สองพูดอย่างไม่ค่อยใส่ใจก่อนจะเดินไปเกาะราวกั้นเอาไว้เพื่อหวังจะดูวิว พร้อมกับลมเย็นๆปะทะกับใบหน้ายิ่งทำให้ร่างเล็กรู้สึกผ่อนคลายจนเผลอเผยยิ้มบางๆอย่างสบายใจ จะว่าไปเวลาหนังท้องตึง หนังตาก็เริ่มหย่อน แถมด้วยลมเย็นๆอีกต่างหาก น่าหาอะไรมาปูนอนจริงๆ~ สองคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยจนไม่ได้รับรู้ว่าใครบางคนเข้ามายืนข้างๆเป็นที่เรียบร้อย

“คิดอะไรอยู่?”เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยถามเบาๆ

“กำลังคิดว่าบรรยากาศแบบนี้มันน่านอน”ร่างเล็กพูดพร้อมกับหันไปมองคนถามที่ตอนนี้ยื่นหน้าเข้ามาใกล้เกินความจำเป็นนิดหน่อย มือเล็กจึงยกขึ้นมาดันคางอีกฝ่ายให้ออกไปจากหน้าของตัวเอง ก่อนจะเดินหลบไปอีกทาง ทำราวกับว่าสถานที่บนดาดฟ้าแห่งนี้เป็นพื้นที่ส่วนตัวอยากจะทำอะไร อยากจะเดินไปทางไหนก็สามารถทำได้ทุกอย่าง ลำบากภูเบศธ์ต้องเดินตามไปทุกที่อีกเช่นกัน

“อยากนอนมั๊ยล่ะ? จะให้ยืมตัก”ภูเบศธ์เอ่ยลอยๆ แต่ก็ทำเอาสองหันมาสนใจได้อีกครั้ง

“จริงเหรอ?”แววตาของสองดูเปล่งประกายขึ้นมาทันทีทำเอาคนถามต้องยิ้มตามได้ไม่ยาก

“จริงสิ...”ภูเบศธ์พูดก่อนจะนั่งลงเอาหลังพิงตรงขอบระเบียงกั้น ที่มีร่มเงาของอีกตึกบดบังแสงเอาไว้ ทำให้สองต้องยกยิ้มก่อนจะเดินกลับไปหาภูเบศธ์อย่างว่าง่าย แถมไม่ต้องรอให้พูดอะไรอีก เมื่อคนตัวเล็กเดินมาถึงร่างสูงที่นั่งเหยียดขารออยู่ สองก็ทิ้งตัวลงกับพื้นแล้วใช้หัวตัวเองหนุนกับต้นขาของอีกฝ่ายด้วยความสบายพร้อมด้วยรอยยิ้ม

“นี่!”
เมื่อล้มตัวลงนอน คนตัวเล็กก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าสีคราม

“หืม?...”

“ไหนบอกว่า.....”เสียงเล็กขาดหายไปทั้งที่ยังพูดไม่จบ

จะบอกรัก...อย่างนั้นเหรอ?”

“ไม่รู้สิ..หมาตัวไหนพูดเอาไว้ล่ะ”สองยื่นปากด้วยความงอนแต่ทว่ากลับโดนเด็กที่ให้ยืมตักตำหนิกลับด้วยสายตา

“หมาอีกแล้ว~”

“ก็นายอยากว่าฉันเป็นวัวแก่ก่อน..ช่วยไม่ได้!”สองยังคงพูดประหนึ่งว่าตัวเองไม่เคยผิด ภูเบศธ์ได้แต่ส่ายหน้าไปมา

“นี่~”

“อะไรอีก?”ภูเบศธ์เลิกคิ้วถามหลังจากที่เงียบไป

“นายหลบหน้าฉันทำไม?”สองเลิกมองท้องฟ้าแล้วหันมาสบตากับเจ้าของตักที่ตนเองกำลังหนุนอยู่แทน

“งั้นผมขอถามก่อน...พี่สองยังรักพี่ชวนอยู่ใช่มั๊ย?”

“ฉันถามนายก่อนไม่ใช่ให้นายมาถามฉัน! ฉันถามว่านายหลบหน้าฉันทำไม?!”สองรู้สึกยัวะขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุเมื่อเด็กปากดีตรงหน้าไม่ยอมตอบคำถามแถมยังถามคำถามกลับอีกต่างหาก

“ถ้าพี่สองไม่ตอบว่ายังรักพี่ชวินอยู่หรือเปล่า ผมก็ไม่ตอบคำถามพี่สอง”

ภูเบศธ์เองก็ยังยึดคติเอาแต่ใจไว้เหมือนกันเลยดูว่างานนี้จะไม่มีใครยอมใคร สองจึงคิดที่จะลุกพรวดพราดขึ้นมาด้วยความไม่พอใจ แต่ทว่าดันโดนมือใหญ่ๆของเด็กไม่รู้จักสัมมาคารวะ กดหัวให้นอนลงบนตักเหมือนเดิม

“ไอ้บ้า!  มากดหัวฉันไว้ทำไม!” สองดิ้นพล่านแต่ภูเบศธ์กลับหัวเราะกับท่าทางตลกๆของสองที่พยายามลุกขึ้นทั้งที่โดนจับหัวเอาไว้

“ก็ตอบมาก่อนสิว่ายังรักพี่ชวินอยู่หรือเปล่า?”

“ไม่! นายต้องตอบฉันก่อนว่าหลบหน้าฉันทำไม?!”
สรุปชาตินี้ใครจะได้คำตอบก่อนใคร...ลองทายดูเล่นๆกันมั๊ยครับ?

“นายอายุน้อยกว่าฉันหัดมีสัมมาคาระวะบ้างเซ่! ตอบคำถามฉันมาก่อนเลยนะ”เสียงหวานติดจะหงุดหงิดแต่ภูเบศธ์กลับไม่ใส่ใจ

“คนจะเป็นแฟนกันน่ะเขาไม่คิดเรื่องอายุกันหรอกรู้มั๊ย?” สายตาคมฉายแววกรุ้มกริ่ม จนคนมองรู้สึกหมั่นไส้คนที่ไม่ค่อยจะรู้จักกาลเทศะ ไม่รู้จักลำดับขั้นทางอายุ

อายุอานามก็ห่างถึงสามปี ไม่ทันไรคิดจะตีซี้กูแล้วเหรอ?

“นายว่าอะไรนะ ภูเบศธ์! ใครจะเป็นแฟนกับนาย”

“ก็ยังไม่ได้พูดชื่อสักหน่อย ทำไมต้องร้อนตัว? หรือว่าอยากเป็นแฟนกับผมล่ะ?”   ริมฝีปากอิ่มยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

“ภูเบศธ์ นายนี่มัน!”

“มันรักพี่สองน่ะสิ”

“........”
ทำไม๊...กูถึงไม่เคยถามคำถามให้ตรงคำตอบมันสักที เจอเข้าไปอย่างนี้ อึ้งแดกอีกที คงไม่เสียหายเท่าไหร่ล่ะมั้ง!

“บอกไปแล้วนะ”
มือแกร่งยกขึ้นมาเกาท้ายทอยแก้เขิน แถมสายตายังเสมองไปทางอื่นไม่กล้าสบสายตากับคู่กรณีที่ยังคงนอนอึ้งอยู่บนตักของภูเบศธ์ ให้หัวใจได้ทำงานอย่างเต็มที่
หยุดเต้นแรงสักทีได้มั๊ย กูรำคาญ!
ใบหน้าหวานพลันขึ้นสีแดงระเรื่ออย่างที่เจ้าตัวก็ไม่สามารถห้ามได้ ก่อนจะเสมองไปทางอื่นบ้างเผื่ออะไรๆจะทำให้ความเขินของคนทั้งสองลดลงได้บ้าง โดยที่ไม่ได้สังเกตเลยเช่นกันว่าใบหน้าคมของภูเบศธ์จะแดงซ่านจนลามไปถึงใบหูไม่แพ้กันกับร่างเล็กที่นอนหนุนตักอยู่

“ถ้าให้ตัดใจ...คงจะไม่ไหวแล้วล่ะตอนนี้”เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นเบาๆหลังจากสภาวะเขินเข้าแทรกอยู่นาน แต่ทว่าสองก็ยังคงเงียบนิ่งจนร่างสูงรู้สึกใจหาย

“จะ...ไม่พูด......อะ.......”

อะ...อึ้ง สิครับ...สอง กำลังจูบกู!!!

“แล้วใครจะให้นายตัดใจล่ะ?...ไอ้บ้า!”ริมฝีปากบางผละออกมาก่อนจะมองหน้าเด็กปากหมา แล้วด่าปิดท้าย ทั้งที่ใบหน้าของสองยังคงแดงไม่จางหาย หลังจากที่ร่างสูงตกใจกับการกระทำของร่างเล็กได้เพียงเสี้ยวนาที มือแกร่งก็คว้าท้ายทอยของคนที่เพิ่งลุกขึ้นมา เข้ามาประกบจูบอีกครั้ง

คราวนี้จะไม่ให้มันเป็นแค่จูบธรรมดา...แต่มันจะเป็นจูบที่ลึกซึ้งยิ่งกว่าความรักที่มีให้เลย

“รู้อะไรมั๊ย?..ฉันน่ะรักไอ้วินนะ”เพียงแค่ริมฝีปากอิ่มผละออกจากริมฝีปากสีสดของอีกฝ่าย ร่างเล็กก็เอื้อนเอ่ยออกมาเบาๆเกี่ยวกับคำถามที่ภูเบศธ์อยากได้คำตอบถึงแม้ว่าคำตอบของร่างเล็กจะทำให้ภูเบศธ์รู้สึกใจกระตุก แต่ทว่ารอยยิ้มที่ส่งกลับมาให้นั้น ภูเบศธ์กลับนึกอยากคว้าร่างเล็กเข้ามาจูบอีกสักรอบ

ไม่เคยรู้เลยใช่มั๊ย ว่ายิ้มแบบนี้แถวบ้านเขาเรียกว่ายิ้มยั่ว นะครับ~

“แต่แบบเพื่อนน่ะ...ดำๆ แถมยังปากหมาแบบนั้นให้เป็นแฟนฟรีๆ ยังต้องคิดดูอีกทีเลยล่ะ ฮ่าฮ่า”สองหัวเราะเสียงใสทั้งๆที่ใบหน้ายังคงห่างจากใบหน้าคมเพียงแค่คืบทำให้คนบางคนอดใจไม่ไหวยื่นหน้าเข้าไปจุ๊บริมฝีปากสีสดนั่นอีกสักครั้ง แต่เพียงแค่ริมฝีปากสัมผัสกัน มือเล็กก็กลับผลักอกแกร่งออก

“ลามปาม! แค่ถูกจูบก่อนล่ะได้ใจใหญ่ หาเรื่องจูบฉันอยู่นั่นแหล่ะไอ้เด็กบ้า!”สองเปิดปากต่อว่าทันที แต่ทว่าคนถูกด่ากลับไม่สะทกสะท้านหัวเราะได้อย่างหน้าตาเฉย

รู้ทันอีกแล้วนะ..

“ว่าแต่...เด็กบ้าๆแถมปากยังหมาเป็นของแถมแบบนี้...พี่สองยังอยากจะได้เป็นแฟนอยู่หรือเปล่า?” มือแกร่งคว้าเอวของคนที่นั่งอยู่ใกล้ให้เข้ามาแนบชิดแต่กระนั้นสองก็ยังพยายามที่จะดันตัวเองให้ออกห่าง

“ไม่!”พูดเสียงดังฟังชัดจนคนฟังรู้สึกหัวใจห่อเหี่ยว

“จริงอ่ะ?”ลองถามย้ำเผื่อว่าสองอยากจะเปลี่ยนใจ

“แน่น๊อน~ ”
สองลอยหน้าลอยตาตอบทั้งๆที่ภูเบศธ์ทำท่าจะร้องไห้อยู่รอมร่อ

“ใจร้ายจัง ”
ร่างสูงก้มหน้าก้มตาตอบในขณะที่ริมฝีปากบางเผยยิ้มอย่างอ่อนหวาน

“นายไม่คิดเหรอว่าเรามาไกลเกินกว่าคำว่าแฟนแล้วนะ”สองพูดเบาๆราวกับว่าไม่อยากให้คนอื่นได้ยินเรื่องนีอีกทั้งๆที่บนดาดฟ้าแห่งนี้ก็มีกันอยู่เพียงแค่สองคน ภูเบศธ์เลิกคิ้วอย่างสงสัยก่อนจะร้องอ๋อออกมาเบาๆเพราะเพิ่งนึกขึ้นได้
ออ! กูลืมไปเลยว่าเคยมีเรื่องราวที่เรา “เคยได้กันในวันที่เมา” มาแล้วถึงสองครั้ง


“ฮ่าฮ่า..นั่นสิ”ถึงปากจะหัวเราะแต่สีหน้าดูไม่แปรผันตรงกับคำพูดเอาเสียเลย
ทางที่ดี หาเรื่องให้กูได้เป็นสามีจริงๆสักที ท่าจะดีไม่น้อย~

“นายเล่นมาขอฉันเป็นแฟนเอาหลังจากที่ได้ฉันไปตั้งนายแล้วเนี่ยนะ...เฮ้อ...น่าน้อยใจชะมัด”

   งั้นกูขอถามกลับสักคำ วันนั้นคุณกมลินทร์มีอารมณ์มาฟังกูขอเป็นแฟนหรือเปล่าล่ะครับ?

เอะอะก็เตะ เอะอะก็ถีบ ตกเตียงไปไม่รู้กี่รอบ แถมยังปิดท้ายด้วยการลอบสังหารน้องภูน้อย..รอดมาได้ถือว่าบุญหัวกูมากครับ!


“ช่างมันเถอะ...”สองพูดอย่างไม่ใส่ใจนักเมื่อภูเบศธ์ไม่ยอมแก้ตัวอะไรก่อนจะลุกขึ้นยืนปัดเสื้อผ้า

“นั่นสิ เพราะต่อจากนี้เราก็จะเป็นแฟนกันแล้วนี่นา”ภูเบศธ์ยิ้มก่อนจะลุกขึ้นตาม

“ใครบอกว่าฉันจะเป็นแฟนนาย?”พูดขึ้นมาราวกับไม่รู้เรื่องทำเอาภูเบศธ์อยากลงไปดิ้นพราดๆอีกสักรอบ
ทำไมการทำให้สอง ยอมรับกูเป็นแฟนมันช่างยากเย็นได้ถึงเพียงเน้!

“ไม่อยากเป็นแฟน แต่อยากเป็น ‘เมีย’ผมหรือไง?”ภูเบศธ์ประชดด้วยอารมณ์เซ็งๆ แต่ทว่าสองกลับพนักหน้าหงึกหงัก ทำเอาภูเบศธ์ต้องหันไปมองด้วยความงุนงง

“อ้าว?..ก็ทีตอนไอ้ตรฤณมันนอนกับกรมันยังเรียกกรว่าเมียเลยอ่ะ..แล้วฉันกับนายอ่ะ? จะเป็นแค่แฟนเหรอ? ไม่ได้ๆ น้อยหน้าไอ้ตรฤณมันแย่~”พูดไปเรื่อยเหมือนไม่รู้ความหมาย จนภูเบศธ์ต้องกุมขมับ ก่อนจะส่ายหน้าช้าๆด้วยความไร้เดียงสาของรุ่นพี่ตัวเล็กที่อายุห่างถึงสามปี

เออ! อยากเป็นเมียใช่มั๊ย เดี๋ยวภูเบศธ์จะจัดให้สมใจอยากเลยคอยดู!

“มองอะไร?”สองหันกลับมามองภูเบศธ์ที่ยังยืนอยู่กับที่แถมรอยยิ้มแปลกๆที่สองเองก็ไม่ค่อยจะเข้าใจนัก

“เปล่า...แค่คิดว่าคืนนี้จะจัดการยังไงกับเมียดี”ภูเบศธ์อมยิ้ม แต่ทว่าสองกลับไม่ใส่ใจแล้วก็เดินนำภูเบศธ์ไป

“แล้วนั่นจะไปไหนน่ะ?”

“ไม่เห็นหรือไง ว่าแดดมันออก จะยืนโง่ตากแดดอยู่คนเดียวก็ตามใจนะ”พูดจบก็เดินเข้าไปข้างในโดยที่ภูเบศธ์เองก็ต้องทำหน้าที่วิ่งตาม

เดี๋ยวนี้ชักจะปากจัดเกินไปแล้วนะ...คอยดูเหอะจะจูบล้างปากให้หายจัดเลย!


หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 15 อาการน่าเป็นห่วง P.6 [Up 24/1
เริ่มหัวข้อโดย: ryoko_chan ที่ 27-01-2012 23:36:12
_______________________


“อยู่ไหนของมันวะ? หาจนทั่วแล้วนะเนี่ย”เพื่อนหันไปทางซ้าย เพื่อนหันไปทางขวา ก่อนที่เพื่อนจะเดินมาแทรกตรงกลาง

“หาอะไร?”

“ก็มึงไง...เฮ้ย!”ทั้งชวินและตรฤณร้องขึ้นมาพร้อมกันเมื่อเห็นสองมาอยู่ระหว่างกลางพวกเขาแบบไม่ให้ซุ่มให้เสียง

“อะไร? ทำหน้าอย่างกับเห็นผี”สองพูดขึ้นก่อนจะชกไหล่เพื่อนตัวใหญ่เบาๆ

“เปล่าๆ..มึงไปไหนมาอ่ะ? พวกกูหาตั้งนาน”ตรฤณเปิดคำถามทันที

“ดาดฟ้า”สองตอบสั้นๆ

“ดาดฟ้า? ไปกับใคร”

“เด็ก!  ” สองตอบยิ้มๆก่อนจะเดินนำสองเพื่อนเกลอที่ยังยืนนิ่งอยู่กับที่เพราะสงสัยในคำพูดของเพื่อนรักตัวเล็ก

“เด็กไหนวะครับ ไอ้สองกรุณาพูดให้กูเคลียร์”ตรฤณรีบเดินตามก่อนจะคว้าแขนสองเพื่อให้คนตัวเล็กหยุดเดินแล้วกหันมาตอบคำถามแต่ทว่าสองกลับทำแค่เพียงส่งยิ้มให้

“อย่าบอกนะว่ามึงคิดจะเปิดฮาเร็มใหม่น่ะ”

“ก็คง..จะประมาณนั้นมั้ง”สองยิ้มจนตาปิด

“เฮ้ย! แล้วภูเบศธ์ล่ะวะมันจะทำยังไงอ่ะ?”ตรฤณรีบถามกลับโดยที่มีชวินเองก็พยักหน้าเห็นด้วย

“ก็มันนั่นแหล่ะตัวตั้งตัวตีให้กูเปิดฮาเร็มอีกครั้ง..แต่คราวนี้ฮาเร็มกูอาจจะพิเศษหน่อย”

“พิเศษตรงไหน?”ชวินและตรฤณถามขึ้นพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย

“ก็ตรงที่ฮาเร็มกูจะมีเด็กแค่คนเดียวยังไงล่ะ...ฮ่าฮ่า” พูดจบก็เดินหัวเราะจากไป ทิ้งไว้ให้ชวินและตรฤณได้ขบคิด

ถ้ามีเด็กคนเดียว เขาไม่เรียกว่าฮาเร็มหรอกเว้ย ไอ้สอง!
สงสัยเมื่อกี้คงไปจู๋จี๋กันมาล่ะสิท่า ยิ้มหน้าบานเป็นจานดาวเทียมมาเชียวนะมึง


_____________________


“เป็นยังไงบ้างเจอสองมั๊ย?” ไม่นานนักกรก็เดินเข้ามาสมทบหลังจากที่ชวินกลับไปแล้ว แถมเจ้าตัวปัญหาก็ยังไม่รู้อีกเช่นเดิมว่าหายหัวไปไหน จะเหลือก็แต่ตรฤณที่ต้องนั่งประจำถิ่นเพื่อให้กรเดินมาหาถึงที่

“เจอ..แต่ตอนนี้ไม่รู้ไปกับเด็กถึงที่ไหน”ตรฤณพูดพร้อมกับคว้ากระเป๋าของกรมาไว้ข้างตัว ซึ่งเป็นสิ่งที่ตรฤณต้องทำอันดับแรกเวลาที่กรเดินมาถึง

เพราะไม่รู้ว่าวันดีคืนดี โดนทิวากรโมโห กูจะโดนหลุยส์นี่แหล่ะเป็นอาวุธดักตีหัว เพราะฉะนั้น ปลอดภัยไว้ก่อนเป็นอันว่าดี!

“เด็กไหน? นี่สองแอบไปมีเด็กอีกแล้วเหรอ?. ฉันล่ะสงสารไอ้ภูเบศธ์มันจริงๆ”กรพูดพร้อมกับทำท่าคิดหนัก แต่ตรฤณกลับยิ้มร่าเริง

“ก็เด็กที่ชื่อภูเบศธ์นั่นแหล่ะนายจะคิดมากอะไรเดี๋ยวหน้าแก่ก่อนวัยหรอก”ตรฤณกระแซะไหล่กรแต่กรกลับทำตาเขียวใส่

นั่นไง! ดีเท่าไหร่ที่กูเอาหลุยส์มาแนบข้างตัว ไม่งั้นกูโดนหลุยส์หวดหัวไปแล้วครับ!

“ชักจะมากไปแล้วนะตรฤณ! นายว่าฉันหน้าแก่หรือไง?”กรเริ่มขึ้นเสียง กวาดสายตามองหาอาวุธประจำกาย แต่ทว่ามันกลับโดนคนที่ทำมห้โมหั้นหนีบเอาไว้แน่น

รู้ทันกูดีจริงๆเชียวนะไอ้หน้าหมี!

“ไม่ได้ว่าสักหน่อย..แค่เตือนด้วยความหวังดีน่า ~ อย่าโมโหสิจ๊ะที่รัก ”ตรฤณโน้มตัวเข้าไปใกล้ แถมยังเอนหัวลงซบไหล่ของกรก่อนจะพูดออดอ้อนถึงแม้ว่ากรจะมีท่าทีไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้ห้ามหรือหาอะไรมาตีหัวตรฤณ

แล้วอย่าเงยหน้าขึ้นมาเชียวล่ะ..เดี๋ยวได้เห็นว่าคนอย่างทิวากรกำลังยิ้มแก้มปริอยู่!

ถ้าวันนั้นไม่ใช่เพราะแผนของชวินก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่กรจะได้คนหน้าหมีมานั่งออเซาะอยู่อย่างนี้ล่ะว้า~
สงสัยต้องหาเรื่องเลี้ยงชวินสักหน่อย คงจะดีไม่น้อย~

_____________________.


“จะกลับเลยหรือเปล่า?”
หลังจากที่นั่งคุยกันอยู่นานร่างสูงก็ก้มมองดูนาฬิกาก่อนจะถามขึ้น

“นี่! ยังเถียงกันไม่จบเลยนะ นายจะกลับได้ยังไง”

สรุปที่บอกว่าคุยกันเมื่อกี้คงไม่ใช่สินะ...เถียงกันอยู่เหรอ?

“ก็บอกแล้วไงว่าหมอเขมน่ะรุกแน่ๆ”ภูเบศธ์ตอบหน่ายๆ เพราะตอบคำตอบนี้มาเป็นร้อย แต่ก็ยังหาทางจบไม่ได้

“ฉันว่าไอ้วินนะ”สองเองก็แย้งขึ้นมาทันควัน

“นั่นไง? ต่อให้เถียงกันอีกเป็นชาติก็ไม่จบหรอกในเมื่อพี่สองก็บอกว่าพี่ชวิน ส่วนผมก็บอกว่าเป็นไอ้หมอเขมน่ะ”

“ไม่ไง..ก็ฉันอยากได้คำตอบอ่ะ”สองว่า

“งั้นก็ไปถามเองเลยสิ...เพื่อนพี่สองไม่ใช่เหรอ?”

“ไม่เอาอ่ะ ไม่อยากไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของมัน..แต่ว่าลองถามสักหน่อยคงไม่เป็นไรมั้ง”สองทำท่าเหมือนหนักใจก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม

“ทำเหมือนจะเกรงใจเลยเนอะ~”ภูเบศธ์พูดขึ้นลอยๆแต่ทำเอาสองมองตวัดสายตามองด้วยความขุ่นเคือง

“ปากดีจริงๆ...จะว่าฉันก็ว่ามาตรงๆเลยดีกว่าอย่าประชดไม่ชอบ!”สองขึ้นเสียง แต่ภูเบศธ์กลับอมยิ้ม

“ยังไม่ลองเลยรู้ได้ยังไงว่าปากดี”พูดพร้อมกับยื่นหน้าเข้าไปใกล้จนใบหน้าหวานต้องผงะออกด้วยความรวดเร็วด้วยความตกใจ

“เอาอีกแล้ว นายนี่ชอบเอาหน้ายื่นเข้ามาใกล้ๆ ฉันตกใจนะ!”
เผลอเมื่อไหร่ กูจะเสยคางเข้าให้แล้วอย่าหาว่ากูไม่เตือน! ไอ้เด็กบ้านี่

“ก็อยากทำหน้าน่ารักทำไมล่ะ?”

แล้วกูก็ใจอ่อนยวบกับคำมันทุกทีสิน้า...
ก็ว่าจะเสยคางเดี๋ยวเปลี่ยนเป็นจูบหวานๆซะเลยนี่!


“เออ! ขอโทษที่คนมันน่ารักไม่เกรงใจใคร ฮ่าฮ่า” พูดเองหัวเราะเองท่าทางสองโหมดนี้จะไม่ค่อยปกติเท่าที่ควร แต่ก็เพราสองเป็นอย่างนี้ล่ะน้า ถึงทำให้ภูเบศธ์หลงจนโงหัวไม่ขึ้นอยู่ทุกวันนี้

“กลับเหอะ เดี๋ยวไปส่ง”ภูเบศธ์ว่าก่อนจะเอากระเป๋าเป้สองมาถือไว้ แต่ทว่ากลับโดนสองแย่งกลับคืน

“ฉันไม่ใช่พวกผู้หญิงที่ต้องให้นายช่วยถือของ เดินไปสิจะไปส่งไม่ใช่หรือไง?”สองว่าก่อนจะบอกให้ภูเบศธ์เดินต่อหลังจากที่ภูเบศธ์ยืนนิ่งอยู่กับที่ แต่ทว่าจากนิ่งก็ต้องกลับกลายเป็นรอยยิ้ม

พี่สองเป็นยังไงก็ยังเป็นอย่างนั้น ถึงแม้ตอนนี้จะเปลี่ยนสถานะไปแต่สองก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง

_________________



“อ้าว..แล้วพี่ชวินไม่ต้องไปรับพี่สองเหรอครับ?”เสียงจากปลายเสียงบ่งบอกถึงความไม่ค่อยแน่ใจจนฟังออก

“ไม่ต้องแล้วเดี๋ยวนี้มันมีสารถีส่วนตัวคนใหม่แล้ว~ ว่าแต่วันนี้น้องเขมเอารถมาเหรอ?”ชวินถามผ่านทางเครื่องมือสื่อสารรุ่นใหม่ล่าสุดที่เพิ่งวางขายเมื่อสัปดาห์ก่อน

“ครับ ผมเอารถมาเอง...เอางี้ให้ผมไปรับพี่ชวินที่บริษัทดีกว่ามั๊ยครับ?”หมอเขมตอบกลับ ซึ่งชวินเองก็เหมือนจะพยักหน้าเออออเห็นด้วย ...ก็ดีทำงานเหนื่อยมาทั้งวันจะได้ไม่ต้องขับรถ ให้เด็กขับรถมารับท่าจะดีกว่าเยอะ

“ถ้างั้นรบกวนน้องเขมด้วยนะ ”
ตอบพร้อมรอยยิ้มถึงแม้ว่าหมอเขมจะเห็นก็ตาม

“ได้เสมอครับ ”

ขอบคุณมากนะไอ้สอง ที่โละเด็กในฮาเร็มมาให้กูเซ้งต่ออีกที!

:: TBC ::


มาต่ออีกตอนแล้วนะคะ.ตอนนี้เหมือนจะหวานแล้ววววววววว ฮิ้วววว

ขอบคุณที่ติดตามเรื่องนี้มาตลอดนะค้า
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 16 บอกรัก P.7 [Up 27/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: vi2212 ที่ 27-01-2012 23:59:39
สองเป็นแฟนกับภูแล้ว :m4:
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 16 บอกรัก P.7 [Up 27/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Gemm ที่ 28-01-2012 00:21:56
หมอเขม VS. ชวิน เค้าอยากอ่านบ้างอ่า
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 16 บอกรัก P.7 [Up 27/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 28-01-2012 00:33:44
เหลือกินเหลือใช้แบ่งมาแถวนี้บ้างก็ได้พี่สอง



 :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 16 บอกรัก P.7 [Up 27/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Allure-Q ที่ 28-01-2012 00:43:38
อะฮุ....ชักอยากเห็นคู่ หนุ่มวินกะหมอเขม แล้วล่ะ  :z1:
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 16 บอกรัก P.7 [Up 27/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 28-01-2012 01:40:04
ในที่สุดก้อสมหวังจนได้สิน้า

รอรอต่อไปน้อ อย่าลืมมาต่ออีกนะคับ^^!!
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 16 บอกรัก P.7 [Up 27/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: หมูกระต่าย ที่ 28-01-2012 08:19:17
เมื่อไร3คู่นี้จะเป็นของกันและกันสักที
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 16 บอกรัก P.7 [Up 27/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 28-01-2012 11:20:26
เชียร์ ชวิน + หมอเขม ...
+1 คืนให้นะครับ
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 16 บอกรัก P.7 [Up 27/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: pae666 ที่ 28-01-2012 12:23:21
ในที่สุดดดดดดดดดด เค้าก็เป็นแควนกันนนนนน!!!~ สมหวังซะทีเว๊ยเฮ้ย!!  :laugh:  :laugh:   :laugh:   :laugh: 

ปลื้มเป็นที่สุด ....แต่หาความหวานกันไม่เจอเลยนะคู่นี้ เอ้ย!! ต้องสองคู่สินะ ...จะมีหวานๆ มาให้คนอ่านชิมกันบ้างไม๊คร๊าาาาาา  :-[   :-[   :-[
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 16 บอกรัก P.7 [Up 27/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 28-01-2012 17:24:42
ถ้าสองรุ้ความจริงว่ายังไม่ได้เป็นเมียภูจะว่าไงล่ะ
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 16 บอกรัก P.7 [Up 27/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 28-01-2012 21:37:11
ฮิ้วววว ลงเอย กันสักที

ว่าแต่จะได้กันจริงๆๆเมื่อไหร่ละเนี่ยยยย 555555   :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 16 บอกรัก P.7 [Up 27/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 29-01-2012 07:24:40
โอ๊ย ฮ่าๆๆ

แปะไว้ก่อน เพิ่งอ่านได้ต้นตอน4 (ไม่น่าเล้ย ฮ่าๆๆ ขำไส้แตก :jul3:)

ที่จริงแอบติดนิดเดียว ตอนภูเรียกตัวเองว่าฉันกับกร... มันดูตุ๊ดๆ ยังไงพิกล (แต่สองกับกรนี่กระเทยแม่นบ่<<โดนเตะ)

ไม่รู้ว่าคุณRyokochanเขียนนิยายด้วย (ว่าแล้วว่ามันต้องตลก ฮ่าๆๆ :m20:)

ปล. วันหลังขอเกลียวใหญ่กว่านี้อีกสิคะ สัก..40-50<<เชิญหล่อนหลงใหลร่องแกมไปคนเดียวเถอะยะ!!!!!!!!!

วันนี้ต้องออกไปธุระ ไว้ว่างๆ (จะอู้)มาอ่านต่อนะคะ ฮ่าๆๆๆ รักน้องภูอ๊าาา  :impress2:

ปล.2 ที่จริงอิฉันเป็นคนคลั่งนิยายตลก มากถึงมากที่สุด (ประเด็นคือ ความตลกของอิฉันมักไม่ตรงกับของชาวบ้านน่ะสิ=[]=!!)
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 16 บอกรัก P.7 [Up 27/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: ryoko_chan ที่ 29-01-2012 09:53:31
โอ๊ย ฮ่าๆๆ

แปะไว้ก่อน เพิ่งอ่านได้ต้นตอน4 (ไม่น่าเล้ย ฮ่าๆๆ ขำไส้แตก :jul3:)

ที่จริงแอบติดนิดเดียว ตอนภูเรียกตัวเองว่าฉันกับกร... มันดูตุ๊ดๆ ยังไงพิกล (แต่สองกับกรนี่กระเทยแม่นบ่<<โดนเตะ)

ไม่รู้ว่าคุณRyokochanเขียนนิยายด้วย (ว่าแล้วว่ามันต้องตลก ฮ่าๆๆ :m20:)

ปล. วันหลังขอเกลียวใหญ่กว่านี้อีกสิคะ สัก..40-50<<เชิญหล่อนหลงใหลร่องแกมไปคนเดียวเถอะยะ!!!!!!!!!

วันนี้ต้องออกไปธุระ ไว้ว่างๆ (จะอู้)มาอ่านต่อนะคะ ฮ่าๆๆๆ รักน้องภูอ๊าาา  :impress2:

ปล.2 ที่จริงอิฉันเป็นคนคลั่งนิยายตลก มากถึงมากที่สุด (ประเด็นคือ ความตลกของอิฉันมักไม่ตรงกับของชาวบ้านน่ะสิ=[]=!!)

เรื่องนี้ถ้าจะว่ากันตามจริง ก็จะเป็นตุ๊ดกันหมดอยู่แล้วล่ะค่ะ วุ่นวาย ขี้น้อยใจ คำพูด ฮ่าาา (หรือเพราะเรามีเพื่อนเป็นตุ๊ดมากเกินไป?)
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 16 บอกรัก P.7 [Up 27/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: ryoko_chan ที่ 29-01-2012 20:41:10
บทที่ 17 เมาแดด!


“ถามจริง...คิดไงถึงจูบผมก่อน?”





พรืดดดดด~

ร่างเล็กที่นั่งอยู่เบาะข้างคนขับรถถึงกับสำลักน้ำส้มที่ใช้ปากดื่มจากขวดทันทีที่ได้ยินคำถามจากภูเบศธ์

“แค่กๆ..ไอ้บ้าถามอะไรของนาย!  ” สองวางขวดน้ำลงโดยใช้ขาหนีบเอาไว้เพราะเกรงว่ามันจะหกอีกพร้อมกับมองซ้ายขวา หากระดาษทิชชู่มาเช็ดคอนโซลรถตรงหน้าที่เปรอะน้ำส้มเต็มไปหมดโดยมีภูเบศธ์แอบเหลือบมองท่าทางลุกรี้ลุกรนของสองเป็นระยะเนื่องจากยังขับรถอยู่

“ก็อยากรู้~ ไม่งั้นจะถามทำไม”   ภูเบศธ์เผยยิ้มกรุ้มกริ่มทั้งทางสายตาและมุมปากแต่สองคงไม่สามารถมองทะลุแว่นตากันแดดสีดำสนิทนั้นได้จะเห็นก็แต่ริมฝีปากอีกคนที่ยกยิ้มขึ้นจนสองนึกอยากหาเอาอะไรไปตีด้วยความหมั่นไส้

“ไม่รู้!” สองกอดอกก่อนจะสะบัดหน้าไปทางกระจกด้านข้างทำเป็นสนใจสิ่งต่างๆนอกรถ

“ไม่รู้แล้วจูบทำไม?”ภูเบศธ์ยังคงรุกถามให้อีกฝ่ายจนมุมสองหันหน้ามามองอีกฝ่ายด้วยแววตาขุ่นเคือง

กรุณาอย่าถามว่าทำไม เพราะกูก็ไม่ค่อยเข้าใจตัวเองเหมือนกัน!

“เมาแดด!”

“หา?” ภูเบศธ์ถึงขั้นเลิกสนใจรถราบนท้องถนนชั่วครู่แล้วหันมามองหน้าคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้างๆแถมยังตอบคำถามหน้าตาย

ถ้าเมาแดดแล้วจูบกูสงสัยคงต้องจับสองตากแดดวันละหลายรอบซะแล้วล่ะมั้ง!

“ก็บอกว่าเมาแดด คิดอะไรมากเนี่ย!” ในเมื่ออีกฝ่ายยังคงทำท่าสงสัยสองก็เลยทำเป็นโมโหเพื่อปกปิดความเขินของตัวเอง

“เปล๊า~ เมาแดด ก็เมาแดด”ภูเบศธ์พยักหน้ารับพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูยังไงก็ไม่เชื่อในคำพูดของสองก่อนจะผิวปากขับรถอย่างสบายอกสบายใจ จะมีก็แต่คนตัวเล็กที่นั่งข้างทำท่าฮึดฮัด อย่างกับเด็กหงุดหงิดเวลาคับข้องใจ

   จะเชื่อไม่เชื่อกูไม่อยากรู้...
   รู้แต่ว่าหลังจากนี้คงต้องให้กูรูอย่างไอ้ตรฤณมาสอนให้กูแถเป็น!


“อย่ามาอมยิ้มนะ!” สองขึ้นเสียงใส่ทันทีเมื่อภูยังคงยิ้มที่มุมปากไม่เลิก ทำเอาความโมโหหรือไม่ก็ความเขินของสองพุ่งปรี๊ดจนใบหน้าหวานแดงไม่หยุด

“อมยิ้มก็ไม่ได้เหรอ?”ภูเบศธ์ตอบโดยที่ไม่ได้หันไปมองร่างเล็กด้วยซ้ำ

“ไม่ได้! ”
เสียงเล็กออกคำสั่งอย่างเอาแต่ใจแต่ภูเบศธ์กลับเผยยิ้มกว้างกว่าเดิม

“เขินหรือไง?”ภูเบศธ์ถามยิ้มๆอีกครั้ง

“ไม่ได้เขิน!”สองตอบเสียงดังฟังชัด ในขณะที่ภูเบศธ์หักพวงมาลัยรถเข้าใต้ตึกของหอพักที่สองพักอาศัยอยู่ ก่อนที่รถเล็คซัสสีดำจะจอดนิ่งสนิท

“ไม่ได้เขินก็ไม่ได้เขินครับ~ วัวแก่ปากแข็ง ปากไม่ตรงกับใจ~”ภูเบศธ์ถอดแว่นกันแดดสีดำสนิทออกก่อนจะส่งยิ้มละลายโลกให้แก่สอง พร้อมด้วยคำหยอกล้อแกมประชดประชัน

“นายก็ปากหมาเหมือนกันนั่นแหล่ะ!”

“ปากหมาแล้วรักมั๊ยล่ะ?   ” ภูเบศธ์ยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อในตอนนี้ไม่ว่าเขาจะพูดเข้าข้างตัวเองอย่างไรมันก็คงไม่ดูเป็นการเข้าข้างตัวเอง เพราะตอนนี้..สองยอมรับรักภูเบศธ์แล้ว

“ไม่รู้!”
ใบหน้าหวานแดงซ่านขึ้นมาอีกครั้งจนยากที่จะบังคับให้ใบหน้าของตัวเองกลับคืนสู่สภาพปกติ

   ก็ตั้งแต่เมาแดดแล้วจูบมันก่อน ไอ้ภูเบศธ์ก็คอยแต่จะหาเรื่องให้กูบอกรักมัน!


จุ๊บ! 

นั่น จุ๊บแก้มกูอีกแล้ว ไอ้เด็กปากหมาสันดานเสีย! 


“ให้ลงไปส่งมั๊ย?”

“ไม่ต้อง!” เพราะถ้าขึ้นห้อง มันคงไม่หาเรื่องจูบกูอย่างเดียวแน่นอน!

“แต่อยากไปส่งอ่ะ...นะ..เดี๋ยวเดินขึ้นไปส่ง”เสียงทุ้มออดอ้อนแต่สองทำใจแข็ง

“ก็บอกว่าไม่ต้อง ไม่ต้องไง กลับไปเลย!”สองทำเป็นโมโหก่อนจะปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วรีบคว้ากระเป๋าลงจากรถทันที โดยมีภูเบศธ์ได้แต่หัวเราะขำๆกับท่าทางของรุ่นพี่ตัวเล็กอยู่คนเดียว

“ไอ้เด็กบ้า! วันนี้โดนมันจูบไปกี่รอบแล้ววะเนี่ย~”

รู้งี้ไม่น่าไปเสียทีจูบมันก่อนเล้ย~
คิดแล้วก็โมโหตัวเองทั้งๆที่เผลอยิ้มออกมาแบบไม่รู้ตัว


ปิ๊บ ปิ๊บ... 
เสียงเตือนจากมือถือบอกให้เจ้าของเครื่องรู้ว่ามีข้อความใหม่เข้ามา มือเล็กจึงล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงก่อนจะหยิบเครื่องมือสื่อสารออกมาดู เบอร์ที่ขึ้นโชว์อยู่หน้าจอเป็นเบอร์แปลกที่สองไม่เคยเมมโมรี่เอาไว้ในตัวเครื่อง จึงทำให้ร่างเล็กขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความสงสัยก่อนจะเปิดอ่านข้อความ

‘พรุ่งนี้อย่าลืมตากแดดอีกนะ..เผื่อจะเมาแดดแล้วจูบผมก่อนอีก ’

“ไอ้เด็กบ้า!”
ไม่ต้องรอให้สมองประมวลผลความคิด ปากเล็กก็ก่นด่าออกมาทันทีเพราะเพียงแค่อ่านข้อความ ก็พอจะรู้ได้ทันทีว่าเจ้าของเบอร์นี้มันเป็นของใคร

ปิ๊บ ปิ๊บ...
ยังไม่ทันจะได้นึกโมโห ก่นด่าอะไรต่ออีก ข้อความก็เข้าอีกครั้ง พร้อมกับโชว์เบอร์เดียวกันกับเบอร์ที่ส่งข้อวามมาก่อนหน้านี้

‘ถ้ารู้ว่าด่าผมว่า ปากหมา อีก จะตามไปจูบถึงที่เลย ’

“โทษที ฉันไม่ได้ด่าว่านายปากหมา ฮ่าฮ่า”
สองเยาะเย้ยกับข้อความในมือถืออยู่คนเดียว จนรู้สึกว่าตัวเองแปลกๆก่อนจะหันซ้ายขวาพอไม่เห็นใคร ร่างเล็กก็เผยยิ้มขึ้นมาอย่างโล่งอก

“แต่จะว่าไป..ถ้ากูด่ามันตอนนี้มันจะมารู้ได้ไงว่าวะว่ากูด่ามันฮ่าฮ่า ”สองพูดอย่างอารมณ์ดีก่อนจะเอาเครื่องมือสื่อสารเก็บลงกระเป๋าก่อนจะเดินไปกดลิฟท์ โดยรู้สึกเหมือนว่ามีอีกคนที่มายืนข้างๆตัวเองเพื่อรอขึ้นลิฟท์ซึ่งมันก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอ แต่ถ้าหากคนที่ยืนอยู่ข้างๆสอง คือ ภูเบศธ์...มันจะยังปกติอยู่หรือเปล่านะ?

“ชั้น 3 เองอ่ะทำไมต้องขึ้นลิฟท์ให้เปลืองไฟ?”   

“ภูเบศธ์! ”สองหันขวับไปทางด้านซ้ายทันทีตามสัญชาติญาณเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นหู แล้วก็เห็นว่าเด็กของตัวเองยืนยิ้มหวานเป็นดอกทานตะวันเบิกบานยามเช้า

“อ๋อ..ลืมไปว่าแก่แล้วเนอะ” ภูเบศธ์ยกยิ้มกวนอวัยวะเบื้องล่างทำเอาสองต้องชี้นิ้วไปที่หน้าอีกฝ่ายเตรียมตัวด่าด้วยความโมโห

“ปาก....”

“อย่าพูดต่อเชียวนะ จำไม่ได้เหรอว่าผมบอกว่าอะไร?” เพียงแค่เสียงเล็กหลุดออกจากปาก ร่างสูงก็รีบพูดขัดพร้อมกับเดินไปประชิดร่างเล็กทันที
‘ถ้ารู้ว่าด่าผมว่า ปากหมา อีก จะตามไปจูบถึงที่เลย^^’

“ปาก.....เสีย!”
กูไม่ได้ด่ามึงว่าปากหมา..เพราะฉะนั้นอย่าหาเรื่องมาจูบกู!

ภูเบศธ์หัวเราะกับคำด่าของอีกฝ่าย พร้อมกับลิฟท์เปิดออกสองจึงต้องรีบวิ่งเข้าลิฟท์ แล้วกดปุ่มปิดประตูให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่สองกลับรู้สึกว่าประตูลิฟท์นั้นมันช่างปิดได้ช้าเหลือเกิน ช้าถึงขนาดที่ว่าภูเบศธ์เดินตามเข้ามาได้อย่างไม่เร่งรีบอะไร

สุดท้ายมึงก็หาเรื่องไปส่งกูถึงห้องจนได้!
สองเหล่มองเด็กตัวสูงโย่งที่ยืนอยู่ข้างๆตัวเองด้วยความโมโหแต่จะให้ทำอะไรได้นอกเสียจกยืนยิ่งๆอยู่กับที่ เพราะในสถานที่แบบนี้ไม่ควรแหย่หมาป่า เพราะจะตายห่าเอาได้ง่ายๆ สัญชาติญาณบอกไว้อย่างนั้น

ติ๊ง
สัญญาณของลิฟท์ดังขึ้นเมื่อลิฟท์ขึ้นมาถึงชั้นสาม โดยที่ร่างสูงเองก็รอให้คนตัวเล็กเดินออกก่อนแล้วตัวเองค่อยเดินตาม

“กลับไปได้แล้ว..จะตามมาทำไม?” สองหันไปไล่เด็กหนุ่มที่เดินตามติดตัวเองทุกฝีก้าวราวกับเป็นเงาตามตัว

“ก็ตามมาส่ง...เป็นห่วงก็ไม่ได้เหรอ?”
เหตุผลของภูเบศธ์ทำเอาสองใจอ่อน ถึงจะมีข้อโต้เถียงอยู่ในใจก็ตามที
กูก็กลับของกูอย่างนี้จนถึงปีสี่ ไม่เห็นว่ากูจะโดนฉุดสักที จะตามติดกูเป็นผีมีห่วงทำไม๊!

“เออๆ! ฉันถึงแล้วนายก็กลับไปสิ”

“จะไม่ชวนเข้าห้องหน่อยเหรอ ขับรถมาส่งเหนื่อยนะ ไม่ให้ไปพักบ้างเหรอ?”ภูเบศธ์ถามต่อพร้อมกับทำท่าอิดออดไม่ยอมไป

นั่นไง!  กูว่าแล้วว่ามันต้องมีอะไรแอบแฝง ไม่งั้นมันจะง้องแง้งหาเรื่องมาส่งกูถึงห้องหร๊อ?!

“กลับไปได้แล้ว! ห้องฉันรกอย่าเข้ามาเลย”

“ไม่เป็นไร ผมไม่ถือ ห้องผมก็รก”ภูเบศธ์ว่าพร้อมด้วยสายตาออดอ้อน 
ปัญหามากจริงเลยเว้ย! รู้งี้ไม่น่าโละเด็กในสังกัดซะก็ดีพอมีไอ้นี่คนเดียวหนักใจกว่ามีเด็กในฮาเร็มเป็นสิบอีก!

“เออ! เรื่องมากจริงนายนี่”สองบ่นไปตามเรื่องตามราวเพราะสุดท้ายก็ยอมเปิดห้องแล้วรับเด็กปากหมาเข้าห้องไปพ้อมตัวเองอยู่ดี พอร่างสูงเดินเข้าไปในห้องก็ต้องยิ้มกว้าง เมื่อสภาพของห้องไม่ได้รกอย่างที่ใครบางคนว่าเอาไว้ ออกจะเรียบร้อย ถึงบางมุมจะมีกองหนังสือระเกะระกะบ้าง แต่รวมๆแล้วก็ถือว่าโอเค

“ไหนบอกว่าห้องรกไง?” ภูเบศธ์ถามพร้อมกับย้ายตัวเองไปนั่งลงบนเตียงของเจ้าของห้องอย่างถือวิสาสะ แต่ถึงอย่างนั้นสองกลับไม่ใส่ใจแล้วเดินเอาเป้ตัวเองไปพาดไว้กับเก้าอี้ก่อนจะเดินมานั่งลงบนเตียงตามอีกที

“ก็มันรกจริงๆนี่นา”สองบ่นอุบอิบไม่รู้จะแก้ตัวอย่างไร

“ไม่เห็นรกเลย....” ภูเบศธ์พูดพร้อมกับส่งยิ้มอ่อนโยนให้รุ่นพี่ตัวเล็กที่เพิ่งเลื่อนสถานะเป็นแฟนกันเมื่อบ่ายนี้เองพอหมดคำจะพูด ทั้งสองก็ต่างนั่งเงียบโดยที่ไม่มีใครคิดจะหาเรื่องมาชวนพูดก่อน
ห้องมันเงียบ หรือเป็นเพราะพวกกูเงียบวะ?

สองมองรอบๆห้องแก้เขิน ก่อนจะสบตาเข้ากับร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างๆ

“หายเหนื่อยหรือยัง? ถ้าหายก็กลับไปได้แล้ว”

“ทำไมชอบไล่ผมนัก...ทีเมื่อก่อนล่ะไม่เห็นจะเคยไล่เด็กในฮาเร็มตัวเองอย่างนี้เลย”ภูเบศธ์พูดด้วยความงอน

“ก็นายไม่ใช่เด็กในฮาเร็มของฉันนี่  กลับไปได้แล้วอยากอาบน้ำ”สองเริ่มหาข้ออ้าง

“ถ้าผมไม่ได้เป็นเด็กในฮาเร็มพี่สองแล้วผมเป็นอะไร?”สายตาคมจ้องลึกเข้าไปในแก้วตาสีน้ำตาลเข็มของร่างเล็กตรงหน้าราวกับต้องการค้นหาคำตอบ แต่ทว่าร่างเล็กกลับหลบสายตา

“ขอไม่ตอบได้มั๊ยอ่ะ”สองลุกพรวดขึ้นทันที ทำเอาร่างสูงที่กำลังโน้มตัวกะจะหอมแก้มร่างเล็กต้องล้มตัวลงไปเกือบจูบกับเตียงแทนแก้มใสๆนั่น ร่างสูงกรอกตาไปมาด้วยความเซ็งในอารมณ์ก่อนจะลุกขึ้นตามรุ่นพี่ตัวเล็กอีกที

“ได้ยังไง...บอกมาสิว่าถ้าผมไม่ใช่เด็กในฮาเร็มของพี่สองแล้วผมเป็นอะไร”ร่างสูงเดินตามสองเพื่อไปคาดคั้นเอาคำตอบราวกับเด็กเอาแต่ใจ

“ก็บอกไปแล้วนี่!”

“ตอนไหนล่ะ?”

“ก็บนดาดฟ้าไงล่ะ”

“บอกว่าอะไรล่ะ?”
ภูเบศธ์ยังคงถามอย่างต่อเนื่องเมื่อคนตัวเล็กไม่ยอมตอบคำถามตรงๆ

“.........”สองไม่ยอมตอบ

“เรียกว่าเป็น ‘คนรัก’ ได้หรือเปล่า?”ภูเบศธ์ลองถาม แต่ทว่าร่างเล็กที่ยืนหันหลังให้กลับอมยิ้มด้วยความเขินอาย ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าให้เป็นปกติเมื่อหันกลับไปหาร่างสูง

“ก็รู้อยู่แล้วจะถามทำไมให้มากความ..กลับไปได้แล้วไป ฉันอยากพัก”สองดันร่างสูงให้ไปที่หน้าประตูโดยที่ร่างสูงก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร เพราะมัวแต่ดีใจที่สองยอมรับว่าตัวเองเป็น “คนรัก”

“โอเคๆ..กลับก็กลับ”ในเมื่อได้คำตอบที่อยากรู้ร่างสูงก็ขี้เกียจที่จะหาเรื่องแกล้งอะไรคนตัวเล็กตรงหน้าอีก

“ล็อคห้องดีๆนะ...แล้วก็....ฝันดีครับ”ภูเบศธ์ออกไปยืนหน้าห้องเป็นที่เรียบร้อย ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงอบอุ่น

“อือ! ไปได้แล้ว..ไม่ต้องมายิ้ม!”สองว่าก่อนจะปิดประตูทันทีเมื่อรู้สึกตัวเองกลั้นรอยยิ้มไม่ไหว

ไม่เคยคิดเลยนะว่าไอ้เด็กปากหมา...จะน่ารักได้ขนาดนี้
ก็คงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะมาบอกว่า...สองไม่ได้รักภูเบศธ์อีกต่อไป
เพราะตอนนี้ตกหลุมรักไอ้เด็กปากหมาไปหมดใจ...ทำไงได้!

_______________


“กรมองอะไรอยู่?”ตรฤณที่เพิ่งลงมาจากชั้นบนหลังเรียนเสร็จก็เดินเข้ามาถามกรที่กำลังจดจ้องกับบางสิ่งบางอย่างอยู่นานสองนาน

“ภูเบศธ์กับใครน่ะ?”ในเมื่อกรไม่ยอมตอบตรฤณเลยต้องใช้สายตาตัวเองมองไปตามทิศทางที่กรมองบ้าง แล้วก็พบว่าภูเบศธ์กำลังยืนคุยกับผู้หญิงคนหนึ่งด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“อาจารย์สุรีพรไง...กำลังสงสัยว่ามันไปคุยกับอาจารย์ทำไม” กรยังคงย่นคิ้วด้วยความสงสัย จนตรฤณต้องเอานิ้วมาจิ้มหว่างคิ้วของกรด้วยความเอ็นดู

“เดี๋ยวพอภูเบศธ์กลับมาค่อยถามก็ได้นี่นา.....คิดมากทำไม?” กรปัดมือตรฤณออกอย่างนึกรำคาญก่อนจะมองหน้าตรฤณด้วยแววตาที่ยากจะสื่อความหมาย

“เคยได้ยินมันพูดนะ..ว่ามันสอบชิงทุน.....กำลังคิดว่ามันคงสอบติด”

“เฮ้ยจริงดิ? อย่างนี้ต้องฉลองสักหน่อยว่ามั๊ย?”ตรฤณตื่นเต้นจนออกนอกหน้า มือใหญ่เลื่อนไปโอบไหล่บางด้วยความเนียน แต่แสดงออกประหนึ่งว่าดีอกดีใจจนลืมตัวแต่ถึงอย่างนั้นกรกลับไม่มีทีท่าว่าจะกระทุ้งศอกใส่ หรือไม่ก็แผ่รังสีอำมหิตทางสายตาจนตรฤณนึกแปลกใจ

เฮ้ย ใครเอาอะไรให้ทิวากรกินวะ...ถึงได้หายดุเป็นล็อตไวเลอร์ป่วย!

แหม่ๆ! อย่าได้หาว่าคนอย่างตรฤณ กล้าเอากรไปเทียบเรื่องความดุกลับล็อตไวเลอร์ เพราะความเป็นจริง กรดุกว่านั้นเยอะ ล็อตไวเลอร์ยังเทียบไม่ติด คิดดู! พอไม่ดุ เลยลดดีกรีเหลือเพียงล็อตไวเลอร์ คงเหมาะสมกันขึ้นมาหน่อย

“อย่างนี้ฉันก็คิดถึงมันแย่ดิ ฉันอยู่กับมันมาตั้งแต่จำความได้นะ~”กรห่อไหล่แก้วตาใสดูหม่นไปจนตรฤณนึกเป็นห่วง
“หมายความว่ายังไง?”ตรฤณถามขึ้นมาอย่างสงสัย

“เพราะทุนที่มันสอบ...มันสอบชิงทุนไปเรียนต่อที่อังกฤษน่ะสิ”

“นายว่าอะไรนะ?”ตรฤณเบิกตากว้างมากที่สุดเท่าที่กรเคยเห็นมาก็ได้

ตายห่า!  ไอ้สองเป็นหม้ายขันหมากก็งานนี้ล่ะวะ!

_______________


“ภู..ดีใจด้วยนะ”เพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งในบรรดากลุ่มเพื่อนของภูเบศธ์เอ่ยขึ้น ในขณะที่เดินลงไปชั้นล่างด้วยกันหลังเรียนเสร็จแววตาของเด็กสาวดูเป็นประกายเวลาได้อยู่ใกล้กับภูเบศธ์อย่างเห็นได้ชัด ทั้งที่เพื่อนในกลุ่มก็รู้กันหมดว่า มายด์ชอบภูเบศธ์ แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไร เพราะรู้ดีอยู่แล้วว่า ภูเบศธ์ วิ่งตามจีบรุ่นพี่ปีสี่อยู่

“ขอบใจนะมายด์...ไม่คิดว่าจะได้ ข้อสอบยากโคตรๆ”ภูเบศธ์ยิ้มพร้อมกับตบไหล่หญิงสาวเบาๆอย่างเป็นกันเอง

“นี่ภู...ว่างหรือเปล่า...พอมีเวลาให้เรามั๊ย?”

“ทำไมล่ะ? ว่างสิ..”ภูเบศธ์ก้มลงมองดูนาฬิกาข้อมือก่อน เมื่อนึกได้ว่ายังไม่ใช่เวลาที่สองเลิกเรียน ภูเบศธ์ก็ว่างเสมอ

“เรามีเรื่องอยากคุยด้วย”

“ได้สิ”
ภูเบศธ์ยิ้มรับก่อนจะเดินเคียงคู่กับหญิงสาวไป โดยไม่รู้เลยว่า คนที่ภูเบศธ์คิดว่าเรียนอยู่ในห้อง จะออกมาเดินเตร็ดเตร่อยู่แถวนี้







“ภู...คือเรา...”
บนชั้นสี่ไม่ค่อยมีใครเดินพลุกพล่านอย่างชั้นหนึ่งกับชั้นสอง หญิงสาวที่ภูเบศธ์เดินมาด้วยก็หยุดเดินเมื่อไม่เห็นว่ามีใคร

“มีอะไรเหรอ?”เสียงทุ้มถามราวกับคนไม่รู้เรื่อง
แต่ภูเบศธ์เองไม่ใช่คนโง่ที่ตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้จะเดาไม่ออกว่าหญิงสาวกำลังสารภาพรักแต่ตัวเองก็ไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไร อย่างน้อยก็ต้องอยู่รับฟังแล้วจะหาทางปฏิเสธให้เธอเจ็บปวดน้อยที่สุด

“ที่จริง...เราก็พอรู้นะว่าภู..กำลังจีบรุ่นพี่ปีสี่อยู่”



ไม่ใช่กำลังจีบเว้ย...แต่เป็นคนรักแล้ว...กรุณาพูดใหม่ด้วย! 
สองแอบหลบอยู่ตามเสาตึกเพื่อมองดูภูเบศธ์อยู่ห่างๆ เนื่องจากชั้นนี้เงียบ จึงทำให้สองได้ยินบทสนทนาของทั้งคู่อย่างชัดเจน แต่ก็ทำได้แค่เพียงเถียงอยู่ในใจ

“แต่เราก็ยังอยากจะบอก...”

“................”ภูเบศธ์ไม่ตอบอะไรเพียงแต่ให้หญิงสาวพูดอยู่คนเดียว

“ฉันชอบภูนะ....”

“................”เจ้าของชื่อทำได้แค่เพียงนิ่งเงียบ

“เฮ้อ โล่งชะมัดเลยฉันได้พูดแล้วนะ”เธอพูดก่อนจะถอนหายใจระบายความเครียด เธอรู้อยู่แล้วว่าภูเบศธ์คงไม่มีทางหันมาชอบเธอ แต่เธอก็เลือกที่จะบอก

“ขอบคุณสำหรับความรู้สึกดีๆนะ....” ภูเบศธ์ยิ้มให้อย่างอบอุ่นซึ่งเป็นรอยยิ้มที่สองคิดว่าเคยได้มันอยู่คนเดียว แต่วันนี้ภูเบศธ์กำลังส่งยิ้มแบบนี้ให้คนอื่น แค่คิดก็เจ็บแปลกๆที่อกด้านซ้ายจนรู้สึกทนไม่ได้ขึ้นมาเอง

“แต่ว่า....”ภูเบศธ์อ้ำอึ้ง

“แต่ว่า....ตอนนี้ภูเบศธ์ชอบพี่ ขอโทษนะที่ต้องทำให้เสียใจ”สองเดินออกจากเสาที่หลบซ่อนตัวอยู่นาน พร้อมกับประกาศเสียงดังพร้อมกับการเดินไปเคียงข้างภูเบศธ์

จะได้รู้กันไปเลย ว่าไอ้นี่น่ะเด็กใคร...กมลินทร์น่ะใหญ่รู้ไว้ซะด้วย!

“พี่สอง?”
คนที่กำลังเพิ่งถูกสารภาพรักหันไปมองคนที่เพิ่งมาใหม่อย่างตกใจ  ซึ่งฝ่ายหยิงเองก็คงจะตกใจไม่แพ้กัน

“ทำไม? กลัวโดนจับได้หรือไงว่านายนอกใจฉันน่ะ หา! ภูเบศธ์ กำลังจะนอกใจฉันใช่มั๊ย!”สองตะคอกเสียงใส่ภูเบศธ์ทันทีทำเอาภูเบศธ์วางตัวไม่ถูก

“คือไม่ใช่อย่างนั้น ผมกับมายด์ไม่ได้มีอะไรกันจริง”
แล้วคนที่แอบมีชู้ที่ไหนเขายอมรับว่าตัวเองนอกใจเมียตัวเองน่ะหา!

“ไม่มีอะไรได้ยังไง? ที่กับน้องมายด์อะไรนี่ทำเป็นพูดเพราะ แต่กับฉันไม่ด่าว่าวัวก็สัตว์สปีชี่คล้ายวัวแต่ตัวสีดำ!”

“พี่สอง....”
ภูเบศธ์อ่อนใจในเมื่อถึงคราวสองจะเฮี้ยน หมอผีที่ไหนก็ปราบไม่อยู่

“คือพี่สองคะ....คือมายด์ไม่ได้ตั้งใจทำให้พี่ทะเลาะกันกับภูนะคะ... ภูเขาบอกกับเพื่อนทุกคนว่าเขาชอบพี่สอง แต่มายด์ก็ยังชอบภูเ...พอดีวันนี้ภูเขาสอบชิงทุนได้ มายด์เลยอยากบอกความในใจน่ะค่ะ”มายด์พยายามอธิบายให้สองได้เข้าใจ

เพล้ง!~
คลับคล้ายคลับคลาว่าจะเป็นเสียงของใบหน้าใครบางคนแตกออกเป็นเสี่ยงๆจนหมอไม่อยากรับเย็บ
แต่ว่า...สอบชิงทุน...ชิงทุนอะไร?

“มายด์ขอโทษนะคะที่ทำให้ต้องเข้าใจผิดกัน....ภู....มายด์ขอโทษนะต่อจากนี้เราจะยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อใช่มั๊ย?”

“อืม...”ภูเบศธ์ตอบก่อนที่มายด์จะเดินจากไป เหลือแต่สองที่ยืนทำหน้าเหรอหราเพราะไปต่อไม่ถูกหลังจากวีนแตกเพราะเข้ใจผิด


“อะไรกัน...หึงผมขนาดนั้นเลยเหรอ?”ภูเบศธ์กระแซะไหล่ถามรุ่นพี่ตัวเล็กที่ทำตัวน่ารักจนอยากจับมาจูบ
คนอะไร~ ขนาดหึงยังน่ารักขนาดนี้!

“ไม่ได้หึง!”สองปฏิเสธเสียงแข็ง แต่ภูเบศธ์กลับไม่ใส่ใจในคำปฏิเสธ
คนปากแข็ง สงสัยต้องจูบบ่อยๆเผื่อมันจะหายแข็งบ้าง

“แน่ใจหรอว่าไม่ได้หึง?”

“ไม่แน่ใจเว้ย!”
สองทำหน้างอพร้อมตอบคำถามทำเอาภูเบศธ์ต้องอมยิ้มก่อนจะโน้มใบหน้าเข้าไปฉวยจูบริมฝีปากแดงเบาๆ โดยที่เจ้าของริมฝีปากเล็กก็หลับตาลงรับสัมผัสอุ่นชื้นที่ริมฝีปากก่อนที่ลิ้นร้อนจะละเลียดฝีปากบางอีกฝ่ายอย่างพอใจมือใหญ่ก็ค่อยๆดันท้ายทอยของคนตัวเล็กให้รับจูบของตนเองได้แนบแน่นยิ่งขึ้น

“อะ....อือ.......”เสียงหวานครางในลำคอแผ่วเบามือลิ้มร้อนกวาดความหวานพร้อมกับเกี่ยวกระหวัดลิ้นเล็กอย่างเอาแต่ใจ โดยที่สองเองก็พยายามที่จะตอบสนองจูบของร่างสูง  แต่ยิ่งทำก็ยิ่งทำให้ร่างสูงได้ใจจนค่อยๆดันร่างเล็กติดกำแพง
“อื้อ....อะ..”ลิ้นร้อนยังคงรุกล้ำอยู่ภายในโพรงปากเล็กจนคนตัวเล็กเริ่มครางอื้ออึงไม่เป็นภาษาทั้งที่รู้สึกดี  แต่ก็เหมือนกับว่าตัวเองจะขาดใจตายได้ง่ายๆ


“เฮ้ย! สองมึงอยู่ที่นี่มั๊ยวะ?”
เพียงแค่เสียงเรียกที่คุ้นเคย ทำให้ภูเบศธ์ต้องผละตัวออกจากร่างเล็กโดยอัตโนมัติก่อนจะหันหลังให้สองเพื่อดูว่าใครมา ร่างเล็กรีบใช้หลังมือเช็ดริมฝีปากตัวเองลวกๆก่อนจะเดินนำหน้าภูเบศธ์ไปหาต้นเสียง

“มีอะไรมึง...เรียกกูซะเสียงดัง”สองเดินออกมารับหน้าทันทีที่ตรฤณเดินพ้นขั้นบันไดขั้นสุดท้าย

“คือว่ากูจะมาบอกว่าภูเบศธ์ อ้าวภูเบศธ์ก็อยู่เหรอ?”ตรฤณที่อุตส่าห์เดินตามหาเพื่อนตัวเล็กจนถึงชั้นสี่ เพื่อจะบอกข่าวด่วน แต่ทว่าเจ้าของข่าวดันอยู่กับสองอยู่แล้ว

“มีอะไรเหรอมึง...ภูมันทำไม?”  สองหันไปถามตรฤณก่อนจะหันกลับไปมองภูเบศธ์อีกครั้งด้วยแววตาสงสัย

“ภูเบศธ์มันสอบทุนได้...”ตรฤณว่า

“อ้าว..เฮ้ยจริงดิภู อย่างนี้ต้องฉลองสักหน่อยว่ามั๊ย?”สองเผยยิ้มกว้างให้ภูเบศธ์ ซึ่งภูเบศธ์เองก็ยิ้มตอบกลับ

เป็นไงล่ะ เด็กกูเก่งครับเด็กกูเก่ง...
กูเองก็ไม่ค่อยอยากจะอวดเท่าไหร่เลยนะเนี่ย~


“ไปฉลองกันนะคืนนี้ ”สองเดินเข้าไปควงแขนภูเบศธ์ทันที โดยที่ภูเบศธ์ก็พยักหน้ารับก่อนจะชวนกันเดินลงไปข้างล่าง โดยที่ไม่ได้ทันสังเกตสีหน้าของตรฤณเลยสักคน

“ถ้ามึงรู้ว่าเด็กมึงสอบชิงทุนไปอังกฤษมึงจะยังยิ้มอยู่อย่างนี้หรือเปล่าวะสอง~”
ตรฤณส่ายหน้าช้าๆก่อนจะเดินตามสองคนนั้นลงไปเช่นกัน

________________


“ทำไมภูเบศธ์ไม่บอกฉันล่ะว่าภูเบศธ์สอบทุนได้?”สองถามอย่างตื่นเต้นในขณะที่เดินลงมาพร้อมกันกับภูเบศธ์ และตรฤณที่เดินตามมาทัน

“ก็รอพี่สองเลิกเรียนค่อยบอก..แล้วนี่อะไรเล่นตามไปหึงถึงชั้นสี่”ภูเบศธ์ว่าขำๆทำเอาตรฤณนึกสนใจ

“เฮ้ย..ภู ไอ้สองมันไปเฮี้ยนอะไรไว้อีกล่ะ”ตรฤณถามขึ้น

“กูไม่ใช่ผีไอ้นี่! ”สองมองตาขวางแต่สองหนุ่มกลับหัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน

“ก็พี่สองน่ะ ตามไปหึงผมเพราะมีคนมาสารภาพรักกับผมน่ะสิ”ภูเบศธ์รีบอวด แต่สองกลับเขินจนหน้าแดง

“ว่าแต่ไปหึงกันอีท่าไหนวะ? ปากมึงถึงได้เจ่อกลับมาอย่างนี้อ่ะ?”ตรฤณทำเป็นถามทั้งที่รู้ๆอยู่แล้วว่า…..
สองคงไปหาเรื่องกัดปากกันกับภูเบศธ์แน่นอน!

“ไม่รู้โว้ย! มึงจะถามทำซากอะไรวะ?..กลับไปหาเมียมึงเลยไป!”คราวนี้ไม่ใช่แต่สองที่หน้าแดง เพราะภูเบศธ์ก็หน้าแดงจนลามไปถึงใบหูจนตรฤณนึกขำ

“ไม่ต้องบอกกูก็จะไปหาอยู่แล้วเว้ย~”ตรฤณพูดพร้อมกับยักคิ้วให้เพื่อนตัวเล็ก

“หมั่นไส้! จะไปไหนก็ไปเลยไป ไอ้หมีกระแดะ!”สองว่าเข้าให้ก่อนที่ตรฤณจะรีบหลบหนีฝ่าเท้าของสองไปหลบข้างหลังกร


 “มาหลบอะไรอยู่หลังฉันตรฤณ น่ารำคาญ!”ตรฤณน้ำตาตกใน เพราะไม่ว่าจะหนีไปทางไหนก็โดนรุมทำร้ายร่างกายและจิตใจ!

“เจอตัวพอดีเลยภูเบศธ์”กรเลิกสนใจตรฤณก่อนจะสนใจบุคคลที่เพิ่งเดินเข้ามาใหม่

“มีอะไรกร?”ภูเบศธ์ถามกลับ

“ได้ข่าวว่าสอบทุนได้...”กรเข้าประเด็นทันทีโดยที่ภูเบศธ์ก็พยักหน้าหงึกหงักเป็นอันว่าข่าวที่กรได้ยินมาคือเรื่องจริง

“ทำไมจะพาไปเลี้ยงเหรอ?”ภูเบศธ์ยักคิ้วกวนๆ

“แน่นอนหลานรหัสฉันทั้งคน”กรยิ้ม...ซึ่งเป็นรอยยิ้มอ่อนโยนอย่างที่ภูเบศธ์ไม่เคยได้รับมานานมาก จนนึกแปลกใจ

หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 16 บอกรัก P.7 [Up 27/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: ryoko_chan ที่ 29-01-2012 20:41:29
_____________________


“สองไม่รู้ใช่มั๊ยว่า ภูเบศธ์มันสอบได้ทุนไปอังกฤษ”กรถามเบาๆหลังจากที่ออกมาจากคณะพร้อมกับตรฤณ

“คิดว่าไม่นะ...ฉันว่าภูเบศธ์คงไม่อยากบอกสองหรอก”ตรฤณถอนหายใจให้กับความรักของสองและภู ทั้งที่เพิ่งรักกันได้แต่ก็ตั้งจากกันไกลซะแล้ว!

กว่าจะรักกันได้  กูต้องถูกไอ้สองเตะถูกไอ้สองมันงอนไปไม่รู้กี่รอบ
แล้วนี่อะไรจะหาเรื่องตีจากสองเพื่อนที่น่ารักของกูอีกละ
กูชักจะเคืองน้องเมียตะหงิดๆแฮะ~

“แล้วถ้าเกิดภูเบศธ์...ไปอังกฤษจริง...สองจะทำยังไงล่ะ?”กรเริ่มเป็นกังวล

ไม่รู้สิ....ขนาดตัวสองเอง...ยังไม่รู้เลยว่าจะทำยังไง

“อังกฤษอย่างนั้นเหรอ?” สองพึมพัมเบาๆหลังจากที่เพิ่งเดินตามตรฤณกับกรออกมาคนเดียวเพราะว่าภูเบศธ์โดนอาจารย์เรียกตัวไปคุยเรื่องทุนที่สอบได้

__________


“อ้าว? สองไม่ได้อยู่กับนายเหรอภู?” กรกรอกเสียงไปตามเครื่องมือสื่อสารทันทีเมื่อภูเบศธ์โทรมาถามว่าสองอยู่ที่ไหน

“ไม่นี่..เห็นเดินตามกรกับพี่ตรฤณออกมาแล้วนี่นา ฉันโดนอาจารย์เรียกน่ะ สองเลยบอกว่าจะตามพวกนายไปก่อน”   คำพูดของภูเบศธ์ทำเอากรต้องเบนหน้าไปหาตรฤณที่กำลังขับรถอยู่ทันที

“หรือว่า....สองจะได้ยินที่พวกฉันพูดกัน”กรเอ่ยขึ้นอย่างวิตกพอตรฤณได้ยินเรื่องที่กรพูดก็ถึงขั้นเลี้ยวรถจอดข้างทางทันทีเพื่อรอดูสถานการณ์ กรจึงต้องกดเปิดลำโพงเพื่อให้ตรฤณได้ยินด้วย

“เรื่องอะไร?”ภูเบศธ์ถามกลับอย่างสงสัย

“ก็เรื่องที่นายสอบชิงทุนไปเรียนต่อที่อังกฤษน่ะสิ”

_________________


“วิน....กูจะทำยังไงดี ”สองนั่งอยู่ในรถของวินเป็นที่เรียบร้อยหลังจากเพียงโทรหากริ๊กเดียว วินก็รีบบึ่งรถมารับสองที่มหาวิทยาลัยทันที

“มึงก็ตามมันไปดิ คิดไรมาก”วินก็เป็นกังวลที่เห็นเพื่อนรักดูแปลกตาไปจนน่าใจหาย แววตาที่เคยสดใสกลับหม่นจนรู้สึกสงสาร รอยยิ้มสดใสที่เคยอยู่บนใบหน้าของสอง ก็หายไปจนวินไม่รู้ว่าจะกลับมาได้หรือเปล่า แต่ที่พูดออกไปอย่างนั้นเพราะไม่อยากให้สองคิดมาก

“มึงหนีกูไปแล้วคนนึง..แล้วนี่อะไร ไอ้เด็กนี่จะหนีกูไปอีกคนงั้นเหรอ?!”สองพูดอย่างโมโห

“กูไม่อยากรอแล้วนะ!” น้ำตาใสไหลอาบแก้มโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัวและไม่คิดจะเช็ดมันออกด้วย

“สอง...กูรู้ว่าถ้ามึงได้รัก..แล้วมึงรอได้”วินว่าก่อนจะยกมือขึ้นไปลูบหัวคนตัวเล็กเบาๆเพื่อปลอบโยน

“แล้วเด็กนั่นมันไปกี่ปี?”

“ไม่รู้! ฮึก..จะไปกี่ปีหรือกี่ชาติ...กูก็จะไม่รอ!”สองพูดอย่างน้อยอกน้อยใจ ทั้งที่ถ้าว่ากันตามความเป็นจริง สองคงไม่สามารถทำได้อย่างที่พูดเอาไว้


____________

“หา?!! กรว่าอะไรนะ?”ภูเบศธ์ร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ ก่อนจะถามต่อด้วยน้ำเสียงที่ดังขึ้นจนกรต้องดึงโทรศัพท์ให้ไกลตัวจากเดิม

แต่มันก็ช่วยแต่แก้วหูของกร เพราะรายนั้นยื่นโทรศัพท์ใส่หน้าหมีๆ อย่างไอ้ตรฤณคนนี้เต็มๆเลยครับ!
“ก็นายสอบชิงทุนไปอังกฤษไม่ใช่หรือไง? นายคิดจะทิ้งสองไปเรียนต่อที่นู่นจริงๆเหรอ?”

“นายพูดอะไรของกร ใครสอบชิงทุนไปอังกฤษ?”น้ำเสียงของภูเบศธ์บ่งบอกเต็มที่เลยว่าไม่รู้เรื่อง

“ก็นายไง นายเคยบอกว่านายจะสอบชิงทุนไปเรียนต่อที่อังกฤษ”กรรีบถามกลับทันที

“ก็ใช่...แต่ครั้งนี้ฉันสอบชิงทุนเรียนฟรีจนจบป.ตรี ฮึ้ย~ ป่านนี้สองไปร้องไห้ขี้มูกโป่งที่ไหนแล้วก็ไม่รู้”น้ำเสียงของภูเบศธ์ดูหงุดหงิดราวกับคนทำอะไรไม่ถูก

ฮึ๊ย~ กูชักหมั่นไส้ไอ้หลานรหัส ไอ้ฉลาดไอ้รูปหล่อแถมไอ้พ่อรวย...แต่มึงจะสอบชิงทุนเรียนฟรีทำไม แค่ทุน พ.ก.ยังไม่พอใช้อีกเหรอวะ? *(พ.ก. = พ่อกู)

“หรือว่าอยู่กับวิน?”กรว่า

ก็วินนั่นแหล่ะ..คือคำตอบสุดท้ายของสอง


:: TBC ::

อย่าได้คิดว่าเรื่องนี้จะดราม่านะคะ....ฮ่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา :laugh:


ขอบคุณที่ติดตามเรื่องนี้ค่า
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 17 เมาแดด P.7 [Up 29/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 29-01-2012 20:50:39
ทำไมมี "จุนซุ"  โผล่มาด้วย  จะทักตั้งแต่ตอนที่แล้วแหละ  ลองเช็คดูนะ
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 17 เมาแดด P.7 [Up 29/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 29-01-2012 21:18:56
เอ่อ!พี่กรกับแฟนเมากาวหรือเปล่า

คิดได้เป็นตุเป็นตะ คิดไปเองทั้งนั้น ดูดิเขาเข้าใจผิดกันหมดเลย


 :m16: :m16:
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 17 เมาแดด P.7 [Up 29/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: vi2212 ที่ 29-01-2012 21:22:12
กรก็พูดไป...สองก็คิดไป อะนะ o16
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 17 เมาแดด P.7 [Up 29/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: หมูกระต่าย ที่ 29-01-2012 21:24:00
กรรม!!! พี่ภูเคลียร์ ด่วน!!!
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 17 เมาแดด P.7 [Up 29/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 29-01-2012 22:19:28
อ้าวกะลังจะเศร้าหักมุมซะงั้นแต่ก็ดี
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 17 เมาแดด P.7 [Up 29/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: AllRiseApril ที่ 29-01-2012 22:25:39
แล้วไป  :เฮ้อ: :เฮ้อ:
แต่พี่สองมันโวยวายไปแล้ววววววววววววววว  ภูตามด่วนจ้า
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 17 เมาแดด P.7 [Up 29/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: ryoko_chan ที่ 29-01-2012 22:43:08
ทำไมมี "จุนซุ"  โผล่มาด้วย  จะทักตั้งแต่ตอนที่แล้วแหละ  ลองเช็คดูนะ

ขอบคุณมากๆเลยนะค้า แก้แล้วค่ะ
(พอดีเรื่องนี้เป็นฟิคชั่น แล้วเราเอามารีไรท์ให้เป็นชื่อไทยน่ะค้าาา)
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 17 เมาแดด P.7 [Up 29/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 29-01-2012 23:06:45
อ๊ายยย  พลิกล็อคอ่ะ

คิดว่าจะดราม่าจริงๆซะอีก  5555

+1 จ้า
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 17 เมาแดด P.7 [Up 29/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: omyim_jjj ที่ 30-01-2012 00:56:51
มารอตอนไป
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 17 เมาแดด P.7 [Up 29/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 30-01-2012 01:33:11
อร๊ากกก.........เกลียดประเทศอังกฤษ เกลียดๆ ดีนะที่ภูไม่ได้สอบไปจิงๆ

แต่งานงอกแน่ละน้อ 555++

ยังไงก้ออย่าลืมมาต่ออีกนะค๊าฟ

รอรอน้อ^^
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 17 เมาแดด P.7 [Up 29/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 30-01-2012 14:57:02
คิดมาก แก้ยาก เรื่องเยอะ คิดแยะ
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 17 เมาแดด P.7 [Up 29/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: pae666 ที่ 30-01-2012 15:01:39
สองรอไม่ไหวแล้วเน่อออออออ ภูรวบหัวรวบหางเลยเร๊ววววว สงสารสองจริงๆ  :sad4:
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 17 เมาแดด P.7 [Up 29/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 31-01-2012 01:01:02
สะใจค่า ที่คนเขียนบอกว่าอย่าคิดว่าเรื่องนี้จะดราม่า
ก๊ากๆๆๆๆๆๆๆๆ o18
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 17 เมาแดด P.7 [Up 29/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 31-01-2012 18:14:28
อ่านจนทัน (และงานการไม่ทำ ตายแน่ๆ อ๊ากกกก)

เจอคำผิดและหลุดดังนี้ค่ะ


บท4 มีจุนซูโผล่มานะคะ

รื่นหู (แต่ถ้าเป็นมุกไม่เป็นไรค่า)

แบล็กเมล์ ค่ะ

บท9มีจุนซูหลุดมานะคะ

มีแม่น้ำฮันค่ะ

มีเกาหลีหลุดมานะคะ

**ยังไงๆ เราก็ชอบภูเบศร์นะ.. เพราะเด็กที่สุด ฮ่าๆๆ นอกจากคนแก่(วัยกลางคนแล้ว) ดั้นก็ชอบเด็กหนุ่มกรุบกรอบ20ต้นๆ ด้วยล่ะค่า (ไม่ค่อยเลยนะเจ๊)

โอ๊ย บางตอนหัวเราะเป็นบ้าหน้าคอม<<ประสาท

ขอบคุณนะคะ

ปล. เรื่องนี้เรท13+สินะคะ น่ารักดีอ๊ะ ฮ่าๆๆ

แอบลุ้นเรื่องน้องเขมกับอีตาวินมาก เราว่าวินเป็นรับนะ สองจะได้ตัดใจได้ไง ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ (หัวเราะโฉดสุดๆ)
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 17 เมาแดด P.7 [Up 29/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: ryoko_chan ที่ 31-01-2012 19:51:21
อ่านจนทัน (และงานการไม่ทำ ตายแน่ๆ อ๊ากกกก)

เจอคำผิดและหลุดดังนี้ค่ะ


บท4 มีจุนซูโผล่มานะคะ

รื่นหู (แต่ถ้าเป็นมุกไม่เป็นไรค่า)

แบล็กเมล์ ค่ะ

บท9มีจุนซูหลุดมานะคะ

มีแม่น้ำฮันค่ะ

มีเกาหลีหลุดมานะคะ

**ยังไงๆ เราก็ชอบภูเบศร์นะ.. เพราะเด็กที่สุด ฮ่าๆๆ นอกจากคนแก่(วัยกลางคนแล้ว) ดั้นก็ชอบเด็กหนุ่มกรุบกรอบ20ต้นๆ ด้วยล่ะค่า (ไม่ค่อยเลยนะเจ๊)

โอ๊ย บางตอนหัวเราะเป็นบ้าหน้าคอม<<ประสาท

ขอบคุณนะคะ

ปล. เรื่องนี้เรท13+สินะคะ น่ารักดีอ๊ะ ฮ่าๆๆ

แอบลุ้นเรื่องน้องเขมกับอีตาวินมาก เราว่าวินเป็นรับนะ สองจะได้ตัดใจได้ไง ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ (หัวเราะโฉดสุดๆ)

ขอบคุณมากๆเลยนะค้า ไล่แก้ไขแล้วค่ะ><
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 17 เมาแดด P.7 [Up 29/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: ryoko_chan ที่ 31-01-2012 20:17:27
บทที่ 18 ผีแม่ลูกอ่อน



“ติดสักทีสิวะ!!”



“รถหรือโทรศัพท์?”ใบหน้าหวานของผู้เป็นลูกพี่ลูกน้องที่อายุมากกว่าหันหน้าไปมองภูเบศธ์ที่มือหนึ่งถือโทรศัพท์แนบหูส่วนอีกมือใช้บิดกุญแจเพื่อสตาร์ทรถ แต่ทว่าดูเหมือนตอนนี้จะไม่มีอะไรเป็นใจเลยสักอย่าง

รถก็สตาร์ทไม่ติด โทรศัพท์ก็เสือกได้ยินแต่คำฮิตเวลาที่โทรไปติดเครื่องคนที่ปิดมือถือ!

เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ ~

ตั้งแต่เกิดมาชาตินี้กูเพิ่งรู้สึกไม่ดีกับเสียงหวานๆก็ตอนนี้ล่ะวะ! คิดแล้วอยากจะเขวี้ยงมือถือทิ้งจริงๆ

“แล้วคิดว่ามีอะไรติดสักอย่างมั๊ยล่ะ? มือถือก็มีแต่เสียงตอบรับอัตโนมัติ ส่วนไอ้รถก็ดันสตาร์ทไม่ติด...โว้ย! ” ภูเบศธ์เขวี้ยงมือถือทิ้งไปเบาะหลังโดยไม่ได้หันไปดูผลการกระทำของตัวเองที่พอโยนไปได้เพียงสองวิ ก็เกิดเสียงดัง “ปั้ก!” ตามมาติดๆ

จะโยนอะไรมากรุณามองด้วยจะได้มั๊ย ถึงไม่เห็นใจแต่ก็เห็นแก่หน้าผากใสๆกูบ้าง!

ตรฤณที่ยื่นหน้ามาตรงกลางระหว่างเบาะหน้าได้ไม่เท่าไหร่เพียงเพราะอยากเข้าไปร่วมวงสนทนาและตามติดสถานการณ์จากภูเบศธ์แต่ทว่ากลับได้เครื่องมือสื่อสารราคาแพงที่ดูเหมือนเจ้าของไม่ให้ความสำคัญถึงได้โยนทิ้งโยนขว้าง โดนหน้าผากของตรฤณพอดิบพอดี

“เสียงอะไร”
เสียงนุ่มหวานของใครบางคนที่นั่งอยู่ทางด้านหน้าเอ่ยขึ้น พร้อมกับหันไปทางเบาะหลังแล้วก็ปรากฎว่าพบใครบางคนกำลังกุมหัวก้มหน้างุดอยู่เบาะหลังคนเดียวดวงตากลมเบิกกว้างอย่างตกใจเพราะเหมือนกำลังนึกขึ้นได้ว่ายังมีใครอีกคนบนรถคันนี้

“เสียงหัวฉันกระแทกกับมือถือของหลานรหัสนายล่ะมั้ง!”
ตรฤณยังคงกุมหน้าผากตัวเองเอาไว้พร้อมกับเงยหน้าขึ้นมาตอบคำถาม พอสบสายตากับคนสวยตรฤณก็ทำตาละห้อย พร้อมกับค่อยๆเปิดมือออกเพื่อให้เห็นรอยแดงๆบนหน้าผาก

“ตรฤณ เลือด!”
   อ้าว กูก็นึกว่าแค่แดงเฉยๆ....อ๊ากกกก! เลือด!
ตรฤณครวญครางในใจไม่เป็นภาษา ได้แต่อ้าปากพะงาบๆราวกับคนขาดอากาศหายใจจนกรถึงขั้นตกใจรีบปีนไปเบาะหลังเพื่อดูอาการของตรฤณ

“ภูเบศธ์ สตาร์ทรถ!”กรรีบออกคำสั่งกับคนที่นั่งอยู่ตำแหน่งคนขับ

“ก็มันสตาร์ทไม่ติด!”ภูเบศธ์ดูเหมือนจะหัวเสียไม่น้อยกับเหตุการณ์อะไรหลายๆอย่างจนควบคุมอารมณ์ไม่ค่อยจะอยู่

“เอ่อ...ฉันว่า ก็ขับรถฉันไปสิ...รถสตาร์ทไม่ติด ก็ยังจะดันทุรังสตาร์ทมันอีกเนอะ~” ตรฤณพูดเสียงอ่อยแต่ยังแอบมีประชดประชันเล็กน้อยตามความเจ็บใจและเจ็บหน้าหน้าผาก

สมกับที่กรเคยว่าเอาไว้ภูเบศธ์นั้นไซร้
ฉลาดแต่เรื่องที่ควรโง่...และโง่ในเรื่องที่ควรฉลาด!

เฮ้ย! กูไม่ได้พูด...แต่กรเคยพูดเอาไว้อย่างนั้นจริงๆ!


เพียงแค่ตรฤณพูดจบทั้งกรและภูเบศธ์ก็ทำหน้าตาเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ ก่อนจะรีบเปิดประตูแล้วลงจากรถ โดยที่กรเองก็ไม่ลืมที่จะลากเจ้าของรถเป้าหมายใหม่ลงมาด้วย

คราวนี้กรเป็นคนขับ
เพราะถ้าให้ภูเบศธ์ขับเห็นทีว่าตรฤณจะไม่ได้ไปโรงพยาบาล

รถออดี้สีน้ำเงินเข้มที่มีเจ้าของนั่งกุมหน้าผากอยู่เบาะหลังคู่กับภูเบศธ์เพราะถูกสั่งให้ไปดูแล อย่างน้อยคนกระทำความผิดก็พอมีความรับผิดชอบอยู่บ้างโดยการหากระดาษมาซับเลือดให้ อย่างน้อยก็พอทำให้ตรฤณหายโกรธเคืองเจ้าของโทรศัพท์ที่ปาฝ่าอากาศแสกหน้าตรฤณได้บ้าง

“พี่ตรฤณผมขอโทษ..ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ..”ภูเบศธ์พูดด้วยน้ำเสียงสำนึกผิดจริงๆ ซึ่งตรฤณก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะเลือดออกนิดหน่อยไม่ได้เป็นอะไรมากแต่ก็ไม่วายคิดประชดประชันอยู่ในใจ

ไม่ได้ตั้งใจ? แค่ไม่ได้ตั้งใจหัวกูยังแตก  ถ้าตั้งใจไม่วายกระโหลกกูจะร้าวซะล่ะมั้ง!
คิดๆแล้ว...ตั้งแต่ที่ไอ้เด็กเวรนี่จีบสอง กูต้องเจ็บตัวมาแล้วกี่ครั้งแล้ววะ?

“ช่างมันเถอะ..นี่กรไม่ต้องไปโรงบาลก็ได้เลือดหยุดไหลแล้ว~”ตรฤณสำรวจกระดาษทิชชู่ในมือที่ไม่มีคราบเลือดให้เห็น ก่อนจะบอกคนขับที่ขับแบบไม่คิดชีวิตราวกับเรื่องที่ตรฤณหัวแตกเล็กน้อยเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย

กูแค่หัวแตกครับ...ไม่ใช่หัวใจล้มเหลว เพราะฉะนั้นช่วยลดความเร็วด้วยเดี๋ยวจะได้ม้วยมรณากันทั้งคัน! 

“ได้ยังไงตรฤณ! นายเลือดออก นายเป็นแผล ถ้าเกิดเป็นบาดทะยักล่ะ? ถ้าแผลมันอักเสบนายจะเป็นยังไง อีกอย่างแผลยิ่งอยู่ใกล้หัวด้วย ไม่รู้ว่ากระทบกระเทือนไปถึงสมองหรือเปล่า”กรร่ายยืดยาวในขณะที่หักพวงมาลัยเข้าโรงพยาบาล ส่วนตรฤณที่ฟังกรบ่นก็ถึงขั้นต้องเกาหัวก่อนจะเหลือบมองภูเบศธ์ที่นั่งหัวเราะอยู่ในลำคอ

“ผีแม่ลูกอ่อนเข้าสิง อย่าใส่ใจเลย”ภูเบศธ์กระซิบเบาๆซึ่งตรฤณเองก็เถียงไม่ออก
ถึงคราวผีแม่ลูกอ่อนเฮี้ยน  ตรฤณเลยต้องเนียนทำเป็นว่านอนสอนง่ายให้เข้ากับคอนเซ็ปต์

พอรถจอดตรงทางจอดฉุกเฉินของโรงพยาบาล กรก็รีบลงมาเรียกบุรุษพยาบาลหน้าตาตื่น จนบุรุษพยาบาลแถวนั้นต้องรีบกรูกันเข้ามาเพราะนึกว่ามีคนบาดเจ็บสาหัส

“พี่ครับ..รีบเลยครับ...”พูดด้วยความร้อนรนก่อนจะไปเปิดประตูรถด้านหลังฝั่งที่ตรฤณนั่ง

“พี่ครับเอาตัวลงมาเลยครับ...ระวังๆนะครับเดี๋ยวเขาเจ็บ”ตรฤณถูกบุรุษพยาบาลตัวใหญ่ค่อยๆประคองลงไปนั่งกับรถเข็นที่ถูกเตรียมมาเพราะไม่รู้ว่าชายหนุ่มตรงหน้าได้รับบาดเจ็บอะไรมา ส่วนคนถูกพยุงก็ทำได้แค่ทำสีหน้าบอกไม่ถูก

เออ...จะอุ้มก็อุ้มเลย พอดีกูขี้เกียจเดิน
ตรฤณทำตัวอ่อนไปตามน้ำ ใครจะแบกจะหามก็ทำไป ใครจะตื่นตระหนกตกใจก็ไม่อยากขัดศรัทธา
แค่รู้ว่ากรเป็นห่วง กูก็ปลื้มอกปลื้มใจจนทำอะไรไม่ถูกแล้วครับ!
“เอ่อ...ว่าแต่ไปโดนอะไรมาครับ? เกิดอุบัติเหตุหรือเปล่าครับ?”บุรุษพยาบาลเข็นตรฤณที่นั่งนิ่งเป็นเด็กเอ๋อเพราะไม่รู้จะตอบคำถามอย่างไร ทำได้แค่การนั่งอยู่บนรถเข็นโดยมีกรเดินตามมาติด

กูโดนโทรศัพท์ปาใส่หัวมาครับ แต่ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าเป็นอุบัติเหตุได้หรือเปล่า

“หัวแตกครับ”กรตอบ

“ไปโดนอะไรมาครับ?”

“โดนมือถือปาแสกหน้ามาครับ” คราวนี้ตรฤณตอบจนบุรุษพยาบาลมองหน้าตรฤณด้วยความงงๆ เพราะถ้าไม่บอกบุรุษพยาบาลคนที่เข็นตรฤณมาคงจะนึกเสียว่าตรฤณหัวแตกจนได้รับความกระทบกระเทือนทางสมอง

ขอโทษ! อย่ามามองกูอย่างนั้น แค่โทรศัพท์กระแทกหัวนิดหน่อย สมองกูยังไม่เป็นง่อยครับขอบอก! 

_____________________


“ขอร้อง...ติดสักที”หลังจากที่ตรฤณถูกบุรุษพยาบาลหิ้วตัวเข้าโรงพยาบาลภูเบศธ์ก็รีบลงจากรถแล้วฉวยเอากุญแจรถจากแล้วเดินอ้อมมาทางฝั่งคนขับ ก่อนจะขับออกไปทันทีที่ตรฤณและกรเข้าไปในตึกของโรงพยาบาล แล้วใช้เครื่องมือสื่อสารโทรออกหมายเลขเดิมอีกครั้ง

ตอนนี้ภูเบศธ์คิดอะไรไม่ออกเลย แต่มือข้างซ้ายก็ยังคงถือโทรศัพท์แนบหู เพราะตอนนี้แค่คิดว่าสองต้องไปนั่งร้องห่มร้องไห้อยู่กับพี่วิน ความรู้สึกหึงก็ประดังประเดเข้ามาแบบที่เจ้าตัวห้ามไม่อยู่ทั้งที่รู้ว่าเป็นแค่เพื่อนแล้วสองเองก็ยอมรับว่า “รัก” เด็กปากหมาอย่างภูเบศธ์ แต่ทำไมคนอย่างเขาถึงได้รู้สึกโมโหได้ถึงขนาดนี้

บางครั้งคำว่า “ไม่แน่ใจ” มันก็มีวนผ่านความคิดของเขาเสมอ 
ภูเบศธ์ไม่เคยอยากคิดว่าบางครั้ง...เขาอาจจะเป็นแค่ตัวแทนของพี่วิน
ไหนบอกว่าไม่อยากจะคิด...ได้ข่าวว่าคิดจนเตลิดไปไกลแล้วล่ะมั้ง

ในเมื่อโทรศัพท์ยังคงมีแต่เสียงตอบรับอัตโนมัติ ภูเบศธ์ก็ลองโทรเบอร์อื่น

“มีอะไร? เจอสองยัง”เสียงของกรดังขึ้นทำให้ภูเบศธ์รู้ว่าโทรศัพท์ของตัวเองยังไม่ได้เสียหายแต่อย่างใดทั้งที่ก่อนหน้านี้คิดว่าการที่โทรหาสองไม่ติดอาจจะเป็นเพราะมือถือคงไปกระแทกกับศรีษะของตรฤณเข้า เลยอาจจะทำให้เครื่องเอ๋อไปบ้าง แต่พอกรรับสายทฤษฎีโยนความผิดให้หน้าผากของตรฤณจึงตกไป

“ยัง....กรขอเบอร์พี่วินกับพี่ตรฤณให้หน่อย”
ภูเบศธ์กรอกเสียงผ่านเครื่องมือสื่อสาร

“อือ..แป๊บนะ” กรว่าก่อนจะหายไปสักพักในขณะที่ภูเบศธ์ยังคงขับรถไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย ไม่นานเกินรอกรก็บอกหมายเลขก่อนจะรีบวางสายไป แต่ก่อนวางสายภูเบศธ์แอบได้ยินกรบ่นแว่วๆว่า
“ปล่อยเอาไว้กับนางพยาบาลไม่ได้เลยนะ!”เพียงเท่านี้ภูเบศธ์ก็ไม่อยากที่จะจิตนาการเรื่องราวต่อ รอดูสภาพตรฤณพรุ่งนี้เลยแล้วกันเพราะบางทีพรุ่งนี้ตรฤณอาจจะมีผ้าพันแผลรอบหัวเลยก็ได้

_________________


“สวัสดีครับ..”น้ำเสียงสุภาพที่เป็นเอกลักษณ์ทำให้ภูเบศธ์มั่นใจเลยว่าที่โทรมานั้นไม่ผิดตัวแน่นอน

“พี่วิน...ผมภูเบศธ์นะครับ” พออีกฝ่ายรับสายมือแกร่งก็หักพวงมาลัยเข้าข้างทางก่อนจะผ่อนความเร็วจนรถจอดสนิทในที่สุด

“จะไปกี่ปี”น้ำเสียงทุ้มต่ำดูเบาไปแต่ก็ฟังดูออกว่าคนพูดไม่ค่อยพอใจ แถมยังถามขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ภูเบศธ์เลยเดาได้ไม่ยากว่าสองคงไปบ่นอะไรไว้เกี่ยวกับเรื่อง ‘เข้าใจผิดของกร’

“ผมไม่ได้ไปไหนทั้งนั้น กรเข้าใจผิด..สงสัยพี่สองได้ยินก็เลยเข้าใจผิดตาม”ภูเบศธ์รีบอธิบายกับพ่อ(?)ของสองด้วยน้ำเสียงสุภาพแต่ก็ดูร้อนรนอยู่ในที

“อย่างนั้นเหรอ?”ปลายเสียงดูครุ่นคิดจนคนฟังลุ้นระทึก ลองจินตนาการไปว่างวินคงพยักหน้ารับรู้

“พี่สองอยู่กับพี่วินใช่มั๊ยครับ?”เมื่ออีกฝ่ายเงียบ ภูเบศธ์ถึงได้ถามต่อ

“อยู่..แต่ตอนนี้หลับไปแล้ว”ภูเบศธ์พยักหน้ารับบ้าง และพอจะเข้าใจว่าที่วินพูดเสียงเบานั้นคงเป็นเพราะว่าสองกำลังหลับ แต่ก็แอบรู้สึกแปลกๆไม่ได้กับความห่วงใยที่วินมีให้สอง

“ร้องไห้จนเหนื่อยเลยเผลอหลับไป”ในเมื่อภูเบศธ์ยังคงเงียบวินก็พูดทำลายความเงียบ แต่คำพูดของชวินทำเอาหน้าอกด้านซ้ายของภูเบศธ์เจ็บแปลบ

“ผมขอโทษ”เสียงทุ้มเอ่ยเบาๆ

“นายอยู่ไหน...ฉันจะเอาสองไปส่งให้”

“พี่วินพาพี่สองไปส่งที่หอเลยก็ได้เดี๋ยวผมตามไป”ภูเบศธ์ว่าก่อนที่วินจะตัดสายไปก่อน

____________________


“มึง..ถึงแล้ว~”ชวินเขย่าตัวสองเบาๆ ทำให้คนขี้เซาก็รู้สึกตัวขึ้น

“หือ?...หอกูเหรอ?...กูไม่ได้อยากกลับหอสักหน่อย”สองลืมตาตื่นขึ้นมาขยี้หูขยี้ตาราวกับเด็กน้อยเพิ่งตื่นนอน ชวินเลยเผลอยิ้ม
“ก็เด็กมึงอยากเจอมึง..รู้มั๊ยที่มึงหนีมาหากูน่ะเขาตามหาตัวมึงให้วุ่น”วินลูบผมสองที่ชี้ขึ้นมาเพราะมือเล็กยีหัวตัวเองก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่น แต่คนตัวเล็กกลับฉายแววดื้อขึ้นมาทันตา

“ตามหาทำไม! จะหนีกูไปอยู่รอมร่อ จะตามหากูให้เหนื่อยทำไม!”

“ไม่เอาน่าสอง..มึงกำลังเข้าใจผิด”ชวินว่า

“เข้าใจผิดอะไร?”สองหันไปถามชวินพร้อมกับการที่วินลดกระจกหน้าต่างฝั่งสองลงเมื่อเห็นใครบางคนเดินเข้ามาโดยที่สองยังไม่ทันได้สังเกตเห็น

“ก็เรื่องที่พี่สองเข้าใจผิดว่าผมจะไปอังกฤษน่ะสิ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นทำเอาสองต้องหันไปทางด้านกระจกด้วยความตกใจ จนจมูกโด่งรั้นชนกับใบหน้าคมที่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้หลังจากที่ชวินเปิดโอกาสให้ภูเบศธ์โผล่หน้าเข้ามา

“ไอ้บ้า! ยื่นหน้าเข้ามาทำไม?!”ริมฝีปากเล็กโวยวายขึ้นมาทันที พร้อมกับฝ่ามือเตรียมฟาด เลยทำให้ภูเบศธ์ที่เพิ่งเคลิ้มไปกับกลิ่มหอมอ่อนเวลาที่ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้าหวานตกใจจนต้องรีบถอยหน้าห่างออกมาจากตัวรถจนไม่ทันระวัง

โป๊ก
เสียงศรีษะของภูเบศธ์โขกเข้ากับเพดานตัวรถเพราะตกใจ แต่นั่นกลับเรียกเสียงหัวเราะจากคนสองคนที่นั่งอยู่ในรถได้เป็นอย่างดี

สงสัยพี่ตรฤณคงกะแช่งจองเวรจองกรรมกูแน่นอน! หลังจากที่กูปามือถือแสกหน้าพี่เขามาอ่ะ

“ฮ่าฮ่าฮ่า....เจ็บมากมั๊ย?”
สองหัวเราะเสียงใสก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะในขณะที่ภูเบศธ์ยังคงลูบหัวตัวเองป้อยๆเลยไม่ค่อยแน่ใจว่าที่สองถามมานั้นเพราะห่วงจริงหรือถามไปตามมารยาท

“นิดหน่อย”ภูเบศธ์เบ้หน้าด้วยความเจ็บก่อนจะส่งยิ้มให้สอง แต่พอลองได้มองหน้าของรุ่นพี่ตัวเล็กชัดๆแล้ว ภูเบศธ์กลับรู้สึกผิดขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ ดวงตาเรียวเล็กดูบวมแดง คาดว่าก่อนหน้านี้คงได้มีการน้ำตานองบ้างเล็กน้อยถึงปานกลาง สภาวะจิตใจคงไม่ค่อยปกตินัก

“ร้องไห้เหรอ?”น้ำเสียงของภูเบศธ์ดูจริงจังขึ้นมาก่อนที่สองจะหลบตา

“เปล่า...”

“เขื่อนแตกเลยล่ะ”ประโยคแรกสองเป็นคนตอบ แต่ประโยคที่สองชวินเป็นคนเสริมเลยทำให้ทั้งสองและภูเบศธ์เงียบไป ที่สองเงียบคงไม่รู้ว่าจะหาเรื่องอะไรมาเถียง เพราะที่ชวินพูดมานั้นใกล้เคียงกับเรื่องจริง ส่วนภูเบศธ์คงจะรู้สึกผิดจนพูดอะไรไม่ออก

“เอาล่ะ..มาส่งให้ถึงที่ หมดหน้าที่กูละ กูจะได้หาเรื่องไปรับเด็กบ้างอะไรบ้าง”วินเข้าเคลียร์สถานการณ์ภูเบศธ์จึงเปิดประตูรถฝั่งสองเพื่ออันเชิญองค์หญิงตัวน้อยลงมา แต่ดูท่าทางสองจะอิดออดไม่ยอมลงง่ายๆไม่รู้ว่าเพราะความเขินอายหรือเพราะความขี้เกียจ วินจึงต้องผลักหัวกลมของเพื่อนตัวเล็กเบาๆเพื่อไล่ส่ง

“โอ๊ย~ มึงผลักหัวกูทำไม !”สองร้องเสียงหลงก่อนจะหันหน้ากลับไปหาเรื่องชวิน

“ไม่ต้องมาทำเป็นร้อง เพราะกูไม่ได้ผลักแรงเลย รีบๆลงไป เด็กมึงเตรียมอุ้มมึงส่งขึ้นหอแล้ว”วินว่าอย่างรำคาญทั้งที่ในใจนึกขำอาการของสอง

“ผมคงไม่คิดจะอุ้มพี่สองขึ้นไปหรอกครับพี่วิน”ภูเบศธ์ว่า

“หือ? ทำไมล่ะ..รีบๆอุ้มมันลงไปเลย..ไม่ต้องมอง...ตัวมึงน่ะหนักรถกู!”  วินมองหน้าภูเบศธ์ด้วยความสงสัย ก่อนจะหันไปไล่สอง

“ขนาดรถยังว่าพี่สองหนัก...ถ้าเป็นผมก็คงจะบ่นว่าโคตรหนักเลยล่ะมั้งครับ โอ๊ย!!!”ยังพูดไม่ทันจบดีสองก็ลงจากรถแล้วเอาเป้ฟาดเข้าให้ที่ไหล่ของเด็กปากดี

“ปากหมา! มาด่าว่าฉันอ้วนอีกแล้วนะ”สองเป็นคนปากไวพูดอะไรไม่ทันได้คิด ภูเบศธ์เลยรีบกระชากเป้คนตัวเล็กจนเจ้าของเป้เซถลาเข้ามารับจูบจากปากของภูเบศธ์โดยไม่ทันตั้งตัว ส่วนคนที่ยังนั่งอยู่ในรถได้แต่มองภาพนั้นด้วยความที่ทำอะไรไม่ถูก จะลงไปแยก..ก็ไม่ได้เขาเป็นแฟนกันนี่หว่า?

เฮ้ย! แต่กูก็หวงเพื่อนนะเว้ย~

“ไอ้ภูเบศธ์!!!!”เสียงเรียกชื่อดังทวีคูณเนื่องจากไม่ได้มีแต่สองคนเดียวที่เอ่ยชื่อนี้ แต่หากชวินที่นั่งอยู่ในรถก็พูดขึ้นมาพร้อมกับสอง ดูท่าทางว่าจะถลาออกมานอกรถเสียให้ได้ แต่พอดีติดเข็มขัดนิรภัย ภูเบศธ์จึงรอดตัว

“นาย...จูบฉันทำบ้าอะไร!!!”สองยังคงใช้หลังมือเช็ดริมฝีปากเล็ก ทั้งที่เมื่อกี้แค่โดนจุ๊บ พร้อมกับที่วินลงจากรถมายืนประจันหน้ากับภูเบศธ์

ตายโหง...ใครก็ได้เตรียมจองโลงให้กูที  เพราะกำลังจะโดนดีที่ไปขโมยจูบลูกรักของพี่วิน!

“คือ ผมมีข้อตกลงกับพี่สองเอาไว้...ว่าถ้าพี่สองด่าผมว่า ‘ปากหมา’ ผมจะจูบ”ภูเบศธ์รีบอธิบายต่อวินผู้ซึ่งเตรียมขย้ำคอภูเบศธ์ได้ทุกเมื่อ

“ข้อตกลงอะไร?! ไอ้บ้า ใครตกลงกับนาย” สองรีบเถียงทั้งที่ใบหน้าแดงก่ำเพราะนึกขึ้นได้ว่าตัวเองพูดอะไรออกไปซึ่งเป็นเหตุทำให้โดนจูบต่อหน้าสาธารณชน ในขณะที่วินเองก็ได้แต่พยายามควบคุมอารมณ์ไม่ให้โมโหไอ้เด็กเวรของสองให้มากนัก

“ก็เข้าใจว่าพวกนาย..คบกันแล้ว...แต่ว่า...”

แต่ว่า...อะไรดีวะ? ชักจะเริ่มรู้สึกว่าตัวเองทำตัวเป็นพ่อหวงลูกสาวเข้าไปทุกที

“แต่ว่า?”ภูเบศธ์ถามกลับเมื่อวินค้างคำเอาไว้ไม่ยอมพูดต่อ

“ช่างเถอะ! แต่อย่าให้เห็นว่านายจูบสองต่อหน้าฉัน...ไม่งั้นจะหาว่าไม่เตือน!”ชวินหงุดหงิดอย่างไร้สาเหตุ ก็พอจะรู้ตัวว่าเป็นแค่เพื่อนจะหวงเพื่อนกับแฟนเขาไม่ได้ แต่ทำไงได้ก็เพื่อนคนนี้ประคบประหงมมาตั้งนาน ถึงตัวไม่อยู่ที่ไทยแต่ก็ยังเพื่อนคอยเฝ้าไม่ห่างก็พอได้โล่งใจ

แล้วนี่อะไร! มาจูบโชว์ต่อหน้า คนมันหวงเว้ย!

“มึงจะกลับแล้ว?”สองหันไปถามเพื่อนที่รีบเดินเข้ารถแถมปิดประตูเสียงดัง

“เออ น้องเขมโทรตาม กูไปละ”พูดจบก็ออกรถด้วยความเร็วทำเอาสองนึกฉงนขึ้นมา เพราะไม่เห็นว่าจะมีเสียงโทรศัพท์ของวินดังอย่างที่ว่าเอาไว้

ก็แค่ไม่อยากอยู่นานกว่านี้ เดี๋ยวเด็กปากดีของมึงจะได้ไปนอนหยอดน้ำข้าวต้มในโรงพยาบาล

“ไหนๆพี่วินก็กลับไปแล้ว..ถ้าผมจูบตอนนี้ผมก็คงไม่โดนพี่วินว่าใช่มั๊ย?”

“เดี๋ยวก็โทรเรียกไอ้วินหรอก!”

แหม่! พอพ่อกูไม่อยู่ ก็ทำตัวเป็นหนูร่าเริงเชียวนะมึง!

“อะไรกัน...จะเดินไปไหนอุตส่าห์มารอตั้งนาน..หายไปไหนไม่ยอมบอกกล่าว”ภูเบศธ์รีบเดินตามง้อคนตัวเล็กที่รีบเดินจ้ำอ้าวเข้าหอพัก

“ถามจริง...เสียใจมากเลยเหรอตอนที่รู้ว่าผมจะไปอังกฤษ” ภูเบศธ์กระแซะไหล่รุ่นพี่ตัวเล็กพร้อมด้วยรอยยิ้มกวนอารมณ์ แต่สองไม่ได้อยู่ในสภาวะที่จะมาเล่นด้วย

ตอนนี้อาจพยากรณ์อารมณ์สองได้ว่ามีฝนฟ้าคะนองเป็นบางแห่งร้อยละ 10 ของพื้นที่หัวใจ ถ้าถึง 100 เมื่อไหร่ เตรียมใจโดนพายุลูกใหญ่ไว้ได้เลย!

“ดีใจมากกกก จนน้ำตาไหลเลยล่ะ!”สองตอบกระแทกเสียง ก่อนจะรีบเดินเข้าลิฟท์เมื่อประตูเปิดออก

“ไม่เชื่อหรอก”ภูเบศธ์พูดด้วยความงอนๆแต่ก็เดินตามสองเข้าลิฟท์

“ไม่เชื่อก็ไม่ต้องเชื่อ! ...ไม่ได้อยากให้เชื่อสักหน่อย”
อ๊าว? สรุปเมื่อกี้หลอกกู

“ทำเป็นงอนเพราะอยากให้ง้ออ่ะดิ~”ภูเบศธ์พูดลอยๆ

“รู้นี่!”เชิดหน้าพูดกระแทกเสียง จนคนถามต้องมองด้วยความงงระคนสงสัย?

ช่วงนี้สองชักจะแรงโดนใจกูเกินไปมั๊ยครับ?

“โอเคๆ...ง้อก็ได้...หายงอนน้า~”ภูเบศธ์ทำเป็นเต้นดุ๊กดิ๊กไปมา หวังว่าจะให้รุ่นพี่ตัวเล็กหลุดขำออกมาได้บ้าง แต่ยังไม่ทันที่สองจะได้หลุดขำหรือแม้แต่กระทั่งการอมยิ้มอย่างที่เจ้าตัวตั้งใจ เสียง ‘ติ๊ง~’ ของลิฟท์ก็ดังขึ้นพร้อมกับประตูลิฟท์เปิดออกในขณะที่ภูเบศธ์ก็ยังคงเต้นทำคะแนนหัวใจ แต่ดูว่าหลังจากลิฟท์เปิดออก ภูเบศธ์คงจะได้คะแนนความฮาจากพี่น้องชาวหอพักเสียมากกว่า
ตายห่า   มายืนออดูตลกคาเฟ่กันหรือไงครับแต่พอดีตอนนี้กูยังไม่รับงานเพราะฉะนั้นไม่ต้องมาต่อคิวรอดู!

ภูเบศธ์หันหลังกลับไปมองเสียงคิกคักที่ดังอยู่ด้านนอก ก่อนจะหันกลับมามองรุ่นพี่ตัวเล็กที่ยิ้มกริ่มพร้อมกับเดินปาดหน้าภูเบศธ์ออกจากลิฟท์ แถมยังทิ้งระเบิดลูกใหญ่เอาไว้ว่า

“ผมไม่รู้จักคนบ้านี้หรอกนะครับ”
สองไหวไหล่อย่างไม่ใส่ใจแต่ก่อนไปยังมีการขยิบตาให้ภูเบศธ์

จำเอาไว้เลย สอง...คอยดูจะหาเรื่องเอาคืนทั้งต้นทั้งดอกเลย!
ร่างสูงได้แต่บอกกับตัวเองในใจ     ก่อนจะรีบฝ่าฝูงชนที่ปิดปากหัวเราะออกมาแล้ววิ่งตามรุ่นพี่ตัวเล็กไปยังห้องพัก แต่ก็ดูเหมือนจะช้าไปเพราะสองเล่นปิดประตูใส่แถมตามด้วยเสียงกริ๊กกรั๊กที่คาดเดาได้ว่า เจ้าของห้องคงกะล็อคห้องขังตัวเอง

“พี่สองเปิดประตูให้ผมหน่อย~”ขอลองอ้อนก่อนเป็นอย่างแรก

ผลที่ได้รับคือ.....ประตูไม่เปิด

“พี่ส๊องงงงงง เปิดประตูให้ผมหน่อยน้า~ นะนะนะนะ~”ทำเสียงออดอ้อนราวกับเด็กแปดขวบแถมด้วยการเพิ่มดีกรีความแรดลงไปอีกเล็กน้อยพอเป็นกระสัย

แต่ประตู...ก็ยังไม่เปิด แถมเสียงภายในห้องยังเงียบสนิท
ร่างสูงที่ยืนค้างเติ่งอยู่หน้าห้องมานานประมาณสิบนาที ก็เริ่มหันซ้ายหันขวา
ถ้ามาไม้นี้ สงสัยต้องเจอดีแบบมาตรการขั้นสุดท้าย!


ปัง  ปัง  ปัง
ไม่ใช่ว่าใช้มือเคาะ...แต่ใช้ตีนเคาะดูท่าจะเหมาะกว่า!


“โว้ย~ นายจะพังประตูห้องฉันหรือไง!”เสียงหวานคำรามมาจากภายในทำให้คนที่อยู่ด้านนอกยิ้มกริ่ม

นี่แหล่ะฝีตีนกู สุดท้ายสองก็ต้องหันมาสนใจ!

“ก็เปิดให้ผมสิ..ถ้าไม่เปิดจะพังประตูจริงๆด้วย”

อย่าคิดว่ามันเป็นแค่คำขู่ เพราะตอนนี้กูเตรียมพังประตูจริงๆด้วย

“เออๆๆ! เรื่องมากจริงนายนี่ เจ้าของห้องไม่ต้อนรับ ก็ยังจะหาเรื่องเข้ามาอีกเนอะ”สองบ่นเสียงดังจนคนอยู่ด้านนอกได้ยินเต็มสองรูหู 

แต่ด้านอย่างกูมีหรือจะใส่ใจ?

“ไอ้เด็กนิสัยไม่ดี!”เปิดประตูออกมาปุ๊บก็เปิดปากด่าปั๊บตามแบบฉบับของสอง

“ก็อยากไม่ให้ผมเข้าห้องทำไม?”พูดจบก็แทรกตัวเข้าไปในห้องโดยที่เจ้าของห้องยังไม่ได้อันเชิญ

“ก็แล้วทำไมต้องให้นายเข้าห้อง บ้านช่องห้องหับไม่มีให้กลับหรือไงนายน่ะ!”สองยังคงเดินตามไปบ่นร่างสูงที่เดินเข้าห้องอย่างถือวิสาสะแถมตบท้ายด้วยการล้มตัวลงนอนแผ่หลาอยู่กลางเตียงคนอื่น

“มีกลิ่มพี่สองด้วย”ภูเบศธ์เงยหน้าขึ้นมา อ่อ ลืมบอกว่าไอ้การนอนแผ่หลาบนเตียงนั้นเป็นการนอนคว่ำลง จนจมูกคมสูดกลิ่นของเตียงเต็มจมูก ได้กลิ่นหอมของน้ำยาปรับผ้านุ่ม พร้อมๆกับกลิ่นหอมอ่อนๆที่เคยได้กลิ่นเวลาที่อยู่ใกล้กับสอง ว่าแล้วก็เอาจมูกฝังลงกับเตียงอีกสักรอบสองรอบเพื่อความชื่นใจ~

“ลุกขึ้นมา!..ตัวก็เปื้อนมานอนเตียงคนอื่นได้ยังไง” บ่นไม่บ่นเปล่ามือเล็กเอื้อมไปหยิบหมอนข้างแล้วตีเข้าที่หลังร่างสูงจนต้องร้อง ‘อั่ก’ออกมาเพราะความจุกพอตั้งตัวได้ร่างสูงก็พลิกตัวกลับขึ้นมาพร้อมกับการดึงหมอนข้างที่ร่างเล็กพยายามจะประทุษร้ายอีกรอบ

“อ๊ะ!”พลาดท่าเสียแล้วสำหรับสอง เพราะการดึงหมอนข้างของภูเบศธ์ ทำให้ทั้งหมอนข้างและตัวของสองร่วงไปกองบนอกภูเบศธ์พอดิบพอดี โดยที่มือแกร่งก็ปัดหมอนข้างออกอย่างรำคาญ...แต่กลับรวบคนตัวเล็กเอาไว้ในอ้อมกอด

“แต่ดมจากตัวเลย...ท่าจะชื่นใจกว่าเยอะว่ามั๊ย?”พูดจบก็ฝังจมูกลงต้นคอระหงส์อีกฝ่ายอย่างจงใจทำเอาคนตัวเล็กถึงกับขนลุกซู่

“ทะลึ่ง! จะทำอะไรน่ะ?!”ด่ายังไม่ทันขาดคำ ร่างสูงก็พลิกตัวขึ้นคร่อมร่างเล็กเสียแล้วพร้อมด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

“ผมยังจำได้นะ...ว่าพี่สองอยากเป็นเมียผม”

“พะ...พูดอะไรของนาย..ลงไปเดี๋ยวนี้เลยนะภูเบศธ์..นี่!ฉันบอกให้ปล่อย!”ร่างเล็กขึ้เสียงขู่ แต่มีเหรอว่าคนอย่างภูเบศธ์จะกลัวแถมด้วยการจับล็อคข้อมือเล็กทั้งสองข้างด้วยมือข้างเดียว ส่วนคนตัวเล็กก็ได้แต่ดิ้นขลุกขลักอยู่ใต้ร่างคนตัวใหญ่

“ไม่ปล่อยหรอกจะเอาคืนตั้งต้นทั้งดอก ดอกเบี้ยเนี่ยต้องเป็นแบบทบต้นด้วยนะ ทบแล้วทบอีก...ทับแล้วก็ทับอีก ”ภูเบศธ์ยิ้มกริ่มในขณะที่สองยิ้มตามไม่ออก

ทบ กับ ทับ ไม่เห็นจะเกี่ยวกันตรงไหน! ไอ้เด็กเวรนี่ 

“ภูเบศธ์! ปล่อยฉันนะ....อื้อ~”ยังไม่ทันจะได้โวยวาย ริมฝีปากสีสดก็ถูกคนด้านบนประทับจูบช่วงชิงลมหายใจจนทำได้แค่การร้องท้วงอยู่ในลำคอ ร่างเล็กดูมีท่าทีขัดขืนในตอนแรก แต่สุดท้ายก็โอนอ่อนไปตามรสจูบอ่อนหวานที่ภูเบศธ์เป็นคนหยิบยื่นให้

“อะ...อือ..”กลีบปากบางยังคงถูกบดเบียดจนแทบไม่มีช่องว่างระหว่างริมฝีปากของคนทั้งสอง พอปากเล็กเผยอขึ้นเพื่อจะตักตวงอากาศเข้าปอดก็กลับกลายเป็นลิ้นร้อนของอีกฝ่ายที่รุกล้ำเข้าไปแทน ไม่จาบจ้วง แต่ก็ไม่ได้อ่อนโยน จนคนตัวเล็กรู้สึกมือไม้อ่อนขึ้นมาดื้อๆ จากที่ขัดขืนข้อมือ ก็กลับกลายเป็นผ่อนแรงลงจนร่างสูงรู้สึกได้ จึงยอมคลายข้อมือที่พันธนาการข้อมือเล็กเอาไว้ ก่อนจะเปลี่ยนเป้าหมายเป็นเอวคอดของร่างเล็กด้านเล่างแทน

“อื้อ~”เสียงเล็กครางประท้วงทั้งที่ยังคงถูกบดเบียดริมฝีปาก เมื่อเริ่มรู้สึกว่าตัวเองหายใจไม่ทันร่างสูงจึงต้องถอนริมฝีปากออกมาอย่างเสียไม่ได้ ก่อนจะก้มมองใบหน้าหวานที่กำลังแดงซ่าน พร้อมกับริมฝีปากสีสดที่เผยอออกเล็กน้อยเพื่อตักตวงเอาอากาศเข้าปอด ทำให้ภูเบศธ์เองก็อดใจไม่ได้ที่จะก้มลงไปประทับจูบอีกครั้ง ก่อนจะถอนออกมาแล้วเปลี่ยนเป็นซอกคอหอมกรุ่นของอีกฝ่าย มือใหญ่เริ่มลูบไล้ไปตามเอวของร่างเล็กก่อนจะชอนไชเข้าไปใต้ร่มผ้าอย่างถือสิทธิ์พร้อมกับการเลิกขึ้นช้าจนร่างเล็กไม่รู้สึกตัว

“อ๊ะ! ภู.....อื้อ...”ใบหน้าหวานส่ายไปมาเพื่อผ่อนคลายอารมณ์บางอย่างที่ค่อยก่อตัวขึ้นเมื่อริมฝีปากอุ่นชื้นของภูเบศธ์ค่อยๆไล้จูบลงไปตั้งแต่ลำคอจนกระทั่งถึงแผ่นอกบาง ก่อนจะครอบครองยอดอกสีหวานจนร่างเล็กต้องครางออกมาแถมด้วยการที่เสื้อนักศึกษาของทั้งสองฝ่ายหลุดรุ่ยออกจากตัวโดยไม่มีใครรู้สึกตัว


   

หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 17 เมาแดด P.7 [Up 29/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: ryoko_chan ที่ 31-01-2012 20:17:46
~RrrrrrrrrrrrrrrrrRrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr~

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นแข่งกับเสียงครางหวานๆของสองแต่ดูท่าว่าจะไม่มีใครใส่ใจกับเสียงที่ดังจนน่ารำคาญจะมีก็แต่เสียงของสองเท่านั้นที่ภูเบศธ์ควรจะสนใจ

   ~Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr~

เสียงเครื่องมือสื่อสารยังคงร้องไม่หยุด จนเหมือนว่าคนตัวเล็กที่กำลังถูกร่างสูงปรนเปรอต้องหลุดออกจากภวังค์แล้วสนใจเสียงรอบตัว

“อ๊ะ..ภ ภู...เสียงโทรศัพท์ อื๊อ~”ร่างเล็กพยายามทักท้วงในขณะที่มือใหญ่เริ่มซุกซนไล้ลงต่ำไปยังสะโพกมนก่อนจะเค้นคลึงผ่านกางเกงสแล็คสีดำที่สองสวมใส่

“ไม่ต้องไปสนใจหรอก...อืม..”ภูเบศธ์ตอบอย่างไม่ใส่ใจเพราะสิ่งที่ตนเองสนใจมากกว่าอยู่ตรงหน้าอยู่แล้ว

“แต่ว่า..”สองเหมือนจะสองจิตสองใจแต่สุดท้ายก็ผลักไหล่คนที่อยู่ด้านบนออก ก่อนจะเด้งตัวลุกขึ้นไปรับโทรศัพท์ ทำเอาภูเบศธ์ต้องล้มตัวลงกับที่นอนทำได้แค่การสูดกลิ่นหอมของสองผ่านเตียงนุ่มสีอ่อนแทน มือใหญ่ทุบลงเตียงอย่างไม่ค่อยพอใจก่อนจะยันตัวเองขึ้นไปมองคนตัวเล็กที่วิ่งไปรับโทรศัพท์ด้วยกางเกงนักศึกษาตัวเดียว

“วินเหรอ? มีอะไร”เสียงหวานกรอกเสียงผ่านเครื่องมือสื่อสาร แต่ชื่อที่ร่างเล็กเอ่ยออกมาทำเอาภูเบศธ์หน้าซีดขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ

ตายห่า   ถ้าพ่อเขารู้ กูจะมีชีวิตรอดถึงวันพรุ่งนี้มั๊ยวะ?

“ไม่มีอะไร?...โทรมาเช็คเฉยๆอย่างนั้นเหรอ?”เสียงหวานเพิ่มวอลลุ่มถามกลับด้วยความสงสัย แต่พอได้ยินคำพูดนี้เข้าไปทำเอาภูเบศธ์ต้องเขวี้ยงหมอนข้างลงกับพื้นอย่างเซ็งอารมณ์

จากตอนแรกที่กลัวพี่วิน...ถ้าเปลี่ยนเป็นเกลียดชีวิตกูจะเฉียดความตายไปมากกว่านี้มั๊ยวะ!

ก็นึกว่ามาหาถึงห้อง รู้งี้ล็อคตัวไม่ให้ไปรับโทรศัพท์ซะก็ดี! โอกาสทองหลุดลอยเลยเว้ย~

“ภูเบศธ์เหรอ?..”สองพูดพร้อมกับหันไปมองเจ้าของชื่อที่ส่ายหน้ายิกๆราวกับรู้คำถาม

ถามอะไรกูไม่รู้ รู้แต่ว่าให้ตอบปฏิเสธไว้ก่อนพ่อกูสอนไว้! เดี๋ยวจะได้มีงานไว้อาลัย ก่อนวัยอันควร

“ไม่นี่กลับไปแล้ว”สองตอบกลับไปทำเอาภูเบศธ์ถอนหายใจอย่างโล่งอก

“อือ...แน่ใจสิ...อือๆ..แค่นี้นะ”สองพูดเหมือนกับจะว่าเป็นประโยคสุดท้ายของการสนทนาก่อนวางสาย

“หา?...ไม่ต้องมา!ไม่มีอะไรจริงๆวิน”แต่พอสองพูดออกมาเช่นนี้ ภูเบศธ์ก็หันซ้ายหันขวาเตรียมเก็บข้าวของออกจากห้อง

“อือๆ...ไม่ต้องห่วง...เด็กนั่นไม่ได้อยู่แล้ว บาย~”ในที่สุดก็ได้ฤกษ์ได้ยามวางสายกันสักที ภูเบศธ์จึงถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอกโล่งใจ

“มาต่อกันเถอะ” พอสองวางสายแล้วหันมาสบตากับภูเบศธ์ ร่างสูงก็เอ่ยถามทันทีพร้อมด้วยการอ้าแขนเตรียมรับร่างเล็กสู่อ้อมกอด แต่ทว่าจะมีก็แต่เครื่องมือสื่อสารนั่นแหล่ะที่เขวี้ยงมา บุญเท่าไหร่ที่ภูเบศธ์รับทัน ไม่งั้นคงได้หัวแตกเพราะโดนมือถือแสกหน้าอย่างตรฤณ

เดี๋ยวนี้เวรกรรมติดจรวด แถมยังรวดเร็วซะยิ่งกว่าอินเตอร์เน็ตไฮสปีด

“ทะลึ่ง! กลับไปได้แล้ว..เดี๋ยวไอ้วินมา”

“อ้าวไหนบอกว่าไม่มาแล้วไง?”

“เชื่อได้ที่ไหนหมอนั่นต้องกลับมาเช็คแน่ๆ..รีบกลับไปเลย”สองรีบเดินไปเก็บเสื้อเชิ้ตนักศึกษาของตัวเองและของภูเบศธ์ที่ร่วงหลุดออกจากร่างกายตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่มีใครรู้ แต่ตอนนี้ควรแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนที่พ่อจะมาถึง

สัญชาติญาณความเป็นพ่อสูงจริ๊ง!
รู้อีกแน่ะว่าลูกสาวกำลังจะเสียตัวถึงได้โทรมาขัดจังหวะ!


“ไม่หรอก...มาต่อเหอะ”ภูเบศธ์ว่าอย่างไม่ใส่ใจแถมยังไม่มีทีท่าจะเอาเสื้อที่สองส่งให้มาสวมใส่อีกต่างหาก

“กลับไปเลย  ไปๆ   เดี๋ยวไอ้วินมาแล้วจะซวยทั้งคู่”  สองรีบเดินมาดันหลังภูเบศธ์ให้ลุกขึ้นจากเตียง แต่ร่างสูงก็ทำตัวหนักฝังรากลึกกับที่นอนอิดออดไม่ยอมลุกขึ้น

“แต่เราเป็นแฟนกันแล้วนี่นา..มีจุดจุดจุดกันบ้างจะเป็นไร”ภูเบศธ์ยังพยายามหาข้อโต้แย้ง แต่สองก็ไม่ยอมฟังดันจนภูเบศธ์ออกไปยังประตูห้องได้

“ไม่จ่งไม่จุดแล้วเดี๋ยวไอ้วินมาฉันจะตายเอา ไม่สินายนั่นแหล่ะที่จะตายโหงก่อนวัยอันควร เข้าใจมั๊ยภูเบศธ์”สองพูดด้วยความอ่อนใจ โดนไอ้วินหวงยิ่งกว่าไข่ในหิน ส่วนไอ้เด็กนี่ก็หาเรื่องแอ้มอยู่นั่นแหล่ะ จนไม่รู้จะตามใจใคร

“โอเค~ วันอื่นก็ได้ยังไม่สายหรอก”ภูเบศธ์ยิ้มปลอบใจตัวเองก่อนจะเดินออกจากห้องสองด้วยแววตาละห้อย

“จะให้กลับจริงอ่ะ?”ไม่วายหันหน้ากลับมาทำสายตาออดอ้อน

“อือ! รีบกลับไปเลย”สองยืนส่งอยู่หน้าประตู

“งั้นเป็นพรุ่งนี้ได้ป่ะ?”ภูเบศธ์ถามพร้อมแววตากรุ้มกริ่ม

“พรุ่งนี้อะไร?..ไปเลย เฮ้ย! นั่นวินมาแล้ว!”สองถามกลับทั้งที่รู้ว่าร่างสูงหมายความว่าอะไร ก่อนจะนึกหาเรื่องมาหลอกให้ไอ้เด็กนี่ยอมกลับ แล้วมันก็ได้ผล ภูเบศธ์รีบวิ่งลงบันไดทั้งที่ยังไม่ทันได้มองอะไรเลย

ฝากไว้ก่อนเหอะพี่มีโอกาสอีกเมื่อไหร่จะแอบปิดเครื่องไม่ให้โทรเช็คได้เลย   คอยดู! 


:: TBC ::



ฮ่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา วิ่งมาลงแล้วจากไป
ถ้ามีคำผิดหรือชื่อแปลกๆหลุดมาบอกได้เลยนะค้า อ่านไปอีกรอบก็มึนเองงงง ฮ่าฮ่า
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 18 ผีแม่ลูกอ่อน P.8 [Up 31/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 31-01-2012 20:38:58
คนแรก (มั้ย??)

เกลียดอีตาวิน ฮ่าๆๆ (ดีแล้วที่ไม่เคยนึกกดโหวตมันเลย<<เป็นคนแบบนี้)

เรื่องสามีภรรยา พ่อไม่เกี่ยว!!!  ไม่โตเลย ดูพี่ภูมิเป็นตัวอย่างสิ รายนั้นยุเอาๆ<<จริงเดะ

โดนขัดใจ ฮึ้ยๆๆๆ (โมโหแทนภูหรือแทนสองดี ฮ่าๆๆๆๆๆ คนเขาจะนอนทับกัน จะอะไรนักหนา ไปทับน้องเขมโน้นไป๊<<รายนี้ก็ดันชื่อเหมือนอ.ที่ปรึกษาสมัยเรียน จิ้นเป็นหมอไม่ออกเลยทีเดียว (ฮา)

โอ๊ย ฮ่าๆๆ ขำกร ให้อารมณ์รุ่นพี่กระเทยคนหนึ่งมาก สวย เช้ง เด้ง (แต่หิ้วกระเป๋าหลุยส์มั้ย ไม่แน่ใจ)

ยังไม่เจอคำผิดนะคะ (มัวแต่ลุ้นฉาก<<อ้าว อีนี่)

 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 18 ผีแม่ลูกอ่อน P.8 [Up 31/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: หมูกระต่าย ที่ 31-01-2012 21:52:53
พี่ชวิน พี่จะเป็นมารขัดความสุขแล้วนะ ว่างมากๆพี่ก็ไปจัดหมอเขมเหอะ
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 18 ผีแม่ลูกอ่อน P.8 [Up 31/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 31-01-2012 22:28:15
ชวินอยากทำแต้มกับหมอเขมก็อยาก  หวงลูกก็หวง  บ๊ะ  จะเอาแบบไหน
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 18 ผีแม่ลูกอ่อน P.8 [Up 31/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 31-01-2012 22:30:16
ชวิน..เก่งที่สุด
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 18 ผีแม่ลูกอ่อน P.8 [Up 31/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: vi2212 ที่ 31-01-2012 22:40:44
แหมคุณพ่อวิน...จังหวะแม่นราวตาเห็น o18
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 18 ผีแม่ลูกอ่อน P.8 [Up 31/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: pae666 ที่ 31-01-2012 23:50:03
อ๊ากกกกก ด้ายกำลังจะเข้าเข็ม วินนี่ล่ะก็นะ มันบาปปปปปปปรู้ไม๊!!!!!  :z3:
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 18 ผีแม่ลูกอ่อน P.8 [Up 31/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 01-02-2012 00:16:03
หลอกง่ายดีเน๊อะ :jul3:
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 18 ผีแม่ลูกอ่อน P.8 [Up 31/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 01-02-2012 06:35:39
เอาเพลงมานำเสนอ (มันยังไม่เลิก)

http://www.youtube.com/watch?v=r3z4ePivkvQ

เราให้เพลงนี้กับน้องภู น่าร๊ากกก

มาเป็นเด็กในฮาเร็มป้ามา จะตบให้ปากขวิดเลย (ที่จริงเราชอบSM!!!!  :z10:)
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 18 ผีแม่ลูกอ่อน P.8 [Up 31/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: greensnake ที่ 01-02-2012 13:06:22
อ่านเรื่องนี้แล้วหัวเราะตลอดเลย :m20:
สนุกดีค่ะ อ่านแล้วไม่เครียดดี ชอบๆๆๆ
ตามอ่านอยู่สองวัน ทันแล้วก็เลยเม้นท์
ทุกคนในเรื่องน่ารักมากๆๆๆเลยค่ะ :-[
แถมความเจ้าเล่ห์ไม่ยิ่งหย่อนกว่ากันเลย
ตัดสินไม่ได้เลยว่าใครมากกว่าใคร
ชอบน้องสองและน้องกรเป็นพิเศษ
บรรยายได้น่ารักน่าเอ็นดูมากเลย
จะติดตามต่อเรื่อยๆนะคะ
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 18 ผีแม่ลูกอ่อน P.8 [Up 31/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 02-02-2012 18:02:45
ภูเอ้ยอดอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 18 ผีแม่ลูกอ่อน P.8 [Up 31/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Bowbonk ที่ 02-02-2012 19:14:06
วินนนนนนนน  เด๋วโดนขัดบ้างจะรู้สึก
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 18 ผีแม่ลูกอ่อน P.8 [Up 31/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: ryoko_chan ที่ 02-02-2012 23:20:16
บทที่ 19 ยานอนหลับดับชวิน


“ปิดเครื่องแล้วแน่นะ?”

“แน่ใจสิ”

“ถอดสายโทรศัพท์ห้องออกด้วย!”

“ถอดแล้ว~”

“ห้องล่ะล็อคยัง?”

“ล็อคแล้ว ใครหน้าไหนก็เข้ามาไม่ได้”

“แล้ว...”

“เรื่องมากน่ะภูเบศธ์! จะทำไม่ทำ?” เสียงแหบเล็กคล้ายมีน้ำโหในเมื่ออีกฝ่ายยังคงถามซักไซ้จนน่ารำคาญ

“ทำดิ!”ตอบเสียงดังฟังชัดพร้อมกับการถลาเข้าหาร่างเล็กตรงหน้า ก่อนที่จะผลักร่างของสองลงกับเตียงเบาๆซึ่งสองก็โอนอ่อนไปตามแรงผลัก ทำให้ร่างสูงกว่ารีบตามลงไปคร่อม แต่ดูเหมือนจะช้าไปนิดหน่อยเพราะเพียงแค่ภูเบศธ์โน้มตัวลง ร่างเล็กก็พลิกกายให้พ้นวงแขนแกร่งจนร่างสูงต้องล้มตึงลงบนเตียงแทน

“แต่คราวนี้ให้ฉันทำนะภูเบศธ์~”ริมฝีปากเล็กยิ้มยั่วก่อนจะทิ้งตัวลงทาบทับร่างสูง

   สายตาของสองไม่ได้บ่งบอกว่าอยากออนท็อป แต่กะอ๊อปกูทำเมียเสียมากกว่า!

“เฮ้ย? พี่สองจะทำอะไรน่ะ?”ดวงตาคมเบิกโพลงอย่างตกใจเมื่อร่างเล็กทาบทับลงบนตัว แถมมือไม้เริ่มไม่อยู่สุข ชอนไชไปตามสาบเสื้อพร้อมรอยยิ้มร้าย

“อ้าว~ ก็นายเป็นเด็กฉัน...นายก็เลยต้องเป็นเมียฉันด้วยไงภูเบศธ์”ร่างเล็กขยิบตาส่งให้ภูเบศธ์ที่อยู่ใต้ร่างของตนเอง ก่อนจะโน้มตัวลงเข้าใกล้จนภูเบศธ์ต้องหลับตาปี๋ด้วยความกลัว









“ไม่!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
ร่างสูงสะดุ้งสุดตัวจนลุกขึ้นมานั่งบนเตียงใบหน้าคมมีเหงื่อซึมตามไรผมพร้อมกับที่หน้าอกแกร่งกระเพื่อมขึ้นลงราวกับคนวิ่งจนเหนื่อยหอบทั้งที่สะดุ้งตื่นเพราะฝันร้าย

“หือ?....กูฝันบ้าอะไรวะเนี่ย?”

สงสัยเพ้อเจ้อว่าอยากได้เมีย...จนเก็บไปฝันว่าจะได้เป็นเมียซะเองล่ะมั้ง!
(ไม่เห็นจะเกี่ยว!)

________________



“นอนไม่พอหรือไง?”คำแรกที่หลุดออกจากปากก็ทำเอาคนที่ถูกถามเขวี้ยงกระเป๋ากระแทกกับโต๊ะไม้หินอ่อนที่หนุ่มหน้าหวานนามว่ากรจับจองพื้นที่ตั้งแต่ไก่ยังไม่โหเนื่องจากวันนี้มีเรียนแต่เช้า ก่อนจะกระแทกก้นลงตามกระเป๋าบ้าง

“อือ ฝันร้ายอ่ะ”ภูเบศธ์ตอบสั้นๆก่อนจะทิ่มหน้าลงกับโต๊ะดัง ‘โป๊ก’ ความจริงภูเบศธ์ก็ไม่ได้อยากทิ่มหน้าลงกับพื้นโต๊ะแข็งๆสักเท่าไหร่เพราะตอนแรกกะเอาหน้าซบลงกระเป๋าตัวเองที่วางไว้บนโต๊ะ แต่เสือกโดนทิวากรดึงกระเป๋าออก จนหน้าผากกว้างๆของภูเบศธ์กระแทกโต๊ะอย่างที่เจ้าตัวก็เบรกไม่ทัน

“กร! เอากระเป๋าออกทำไม!”มือใหญ่กุมหน้าผากก่อนจะหันไปทำตาดุใส่ปู่รหัสตัวเองที่ตอนนี้ยิ้มเยาะอย่างสะใจ

   บุญเท่าไหร่ที่กูไม่ทำให้หน้าผากมึงเลือดไหล
   เหมือนที่มึงทำเอาไว้กับตรฤณของกูอ่ะ!

“อ้าว? ก็ยังพูดกันยังไม่จบเลย จะนอนได้ยังไง”กรตีหน้าตายทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ทั้งที่ก่อนหน้านี้ แทบจะแหกปากหัวเราะด้วยความสะใจอยู่แท้ๆ

“กวนตีนว่ะกร”ภูเบศธ์ว่าเข้าให้โดยไม่ได้คำนึงถึงอายุอานามที่ห่างกันถึงสามปี ก่อนจะคว้ากระเป๋าเป้ตัวเองคืนมาแล้วทิ้งหัวลงหนุนกับกระเป๋าตามความเคยชิน

“กล้าด่าฉันรึ ไอ้เด็กนี่!”กรตวาดแต่ภูเบศธ์กลับทำท่าไม่ใส่ใจ กรเองก็รู้อยู่แก่ใจว่าต่อให้ไอ้เด็กตรงหน้าสรรหาคำมาด่าตัวเองอีกเท่าไหร่ ก็โกรธไม่ลงอยู่ดีเลยหาเรื่องมาถามต่อเพื่อไขข้อข้องใจ

“ว่าแต่...ฝันว่าอะไร? เมียทิ้ง?
ถ้าเป็นอย่างที่ว่า ทิวากรจะขอหัวเราะให้ฟันหักสักสามซี่

“ฝันว่าโดนเมียทิ้ง ยังดีกว่าฝันว่าถูกจับทำเมีย”ภูเบศธ์พูดก่อนจะเด้งหัวขึ้นมาตั้งตรงแหน่วตามเดิมพร้อมกับการทุบโต๊ะดัง “แป๊ะ!” ทั้งที่กะทำให้มันดัง “ปัง!”

เจ็บชิบ! อ่อ...กูลืมไปว่านี่โต๊ะไม้หินอ่อน ไม่ใช่โต๊ะไม้ธรรมดา

“สมน้ำหน้า อยู่ดีไม่ว่าดีเอามือไปทุบโต๊ะเล่น!”กรหัวเราะในลำคอเมื่อเห็นสีหน้าเหยเกของภูเบศธ์

“เออ! ก็คนมันเจ็บใจอ่ะ....เจ็บใจที่ในฝันจะโดนสองจับทำเมีย!”ภูเบศธ์พูดอย่างโมโหแถมยังดูจริงจังจนกรเองยังนึกหวั่นใจ

กูเริ่มไม่ค่อยมั่นใจว่าไอ้เด็กนี่ เคยมีประวัติเข้ารักษากับจิตแพทย์หรือเปล่า...
แค่ฝันมันยังคิดจริงจังอย่างกับว่าตกเป็นเมียสองแล้วนั่นแหล่ะ!


“ก็แค่ความฝัน...จะคิดมากให้หน้าผากมันเถิกมากไปกว่านี้หรือไง?”

“ก็มันเจ็บใจอ่ะ!”
เพราะความเป็นจริงกูยังไม่สามารถจับสองทำเมียได้ แล้วยังจะเสือกฝันว่าโดนสองจับทำเมียอีก คนหล่อเครียดว่ะเฮ้ย!

“ก็แค่ฝันเองคิดไรมากในเมื่อความจริงยังไงนายก็ต้องได้สองเป็นเมียอยู่แล้ว”

“ได้อย่างที่ว่าก็ดีสิ”ภูเบศธ์ถอนหายใจ

“ทำไม?”กรเลิกคิ้วถามขึ้นมาอย่างสงสัย

“ก็พี่วินอ่ะดิ! แค่จูบก็แทบจะโดนต่อย อย่าว่าแต่จับลูกเขาทำเมียเลย! สมองฉันจะเละก่อนได้เมียแน่นอน”ภูเบศธ์บ่นไปตามเรื่องตามราว ก่อนจะเปิดเผยเรื่องเมื่อวานว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้างให้กรฟัง

“ฮ่าฮ่าฮ่า”เมื่อฟังเรื่องเล่าเช้านี้ที่รายงานโดยปาร์รภูเบศธ์ กรก็หัวเราะร่าจนภูเบศธ์อยากนึกย้อนเวลากลับไปก่อนหน้า.....รู้งี้ ไม่เล่าให้ฟังซะก็ดี!

“ไม่เห็นน่าขำ”ภูเบศธ์ทำหน้าบูดก่อนจะเอาคางเกยโต๊ะอย่างที่ชอบทำเวลาที่นึกเซ็งๆ จู่ๆกรก็เผยยิ้มออกมาก่อนจะวาดแขนไปโอบไหล่หลานรหัสสุดรัก

ถ้างานนี้มีมารผจญ เดี๋ยวคนอย่างทิวากรนี่แหล่ะจะจัดการให้เอง! 

“รับรอง...คืนนี้นายได้สองเป็นเมียแน่ๆ”กรพึมพัมกับตัวเอง และเหมือนภูเบศธ์จะได้ยินแต่ไม่ค่อยชัดเท่าไหร่จึงได้แค่หันไปถามด้วยสายตา แต่ก็ได้รอยยิ้มกลับมาจนภูเบศธ์ต้องเอ่ยปากถามเพราะไม่เข้าใจ

“เมื่อกี้นายว่าอะไรนะ?”

“ฉันแค่คิดว่า..คืนนี้ไปฉลองที่นายสอบได้ทุนก็ดีเหมือนกัน...เมื่อวานยังไม่ได้ฉลองเลยไม่ใช่เหรอเพราะเจอแต่เรื่องวุ่นๆ”กรยิ้มร้ายแต่กลับพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มจนภูเบศธ์เองก็ยากที่จะเข้าใจทั้งที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่จำความได้

“เออพูดถึงเรื่องวุ่นๆ...พี่ตรฤณล่ะ?”เรื่องวุ่นๆที่ภูเบศธ์หมายถึงก็คงจะเป็นเรื่องที่เครื่องมือสื่อสารของภูเบศธ์ลอยไปกระแทกหน้าผากของตรฤณโดยไม่ตั้งใจ จนเลือดตกยางออกเป็นเดือดเป็นร้อนถึงขั้นเข้าโรงพยาบาล

“อยู่โรงพยาบาล...ออกเย็นนี้แหล่ะ”จู่ๆกรก็เปลี่ยนรอยยิ้ม ทั้งที่ความจริงก็ฉีกปากยิ้มเหมือนเดิมนั่นแหล่ะแต่แค่ดูเหมือนว่าจุดประสงค์ของการยิ้มครั้งนี้มันต่างออกไป

“แค่หัวแตกนิดหน่อยถึงขั้นต้องนอนโรงพยาบาล?”ภูเบศธ์ขมวดคิ้ว ก่อนจะเริ่มรู้สึกผิด

เฮ้ย!  มือถือกูแข็งขนาดทำเอาคนหัวแข็งอย่างพี่ตรฤณต้องนอนรอดูอาการที่โรงพยาบาลเลยเหรอวะ?

“อ๋อเปล่าหรอกพอดีมีอาการช้ำในแทรกซ้อนนิดหน่อยเลยต้องนอนโรงพยาบาลสักคืน”กรยิ้มใสซื่อ ซึ่งภูเบศธ์เองก็ไม่ได้อยากจะคิดว่ารอยยิ้มนั้นจะใสซื่อตามที่แสดงออกมาจริงๆ

อ่อ! ไอ้อาการแทรกซ้อนที่ว่า ดูท่าจะเป็นฝีมือของคุณทิวากรมากกว่าล่ะมั้ง!

“ได้ข่าวว่าโดนมือถือฉันกระแทกหน้าผาก...ไม่ใช่ว่าไอ้อาการแทรกซ้อนที่เพิ่มขึ้นมาน่ะเป็นฝีมือของกรหรอกนะ?”ถามไปงั้นๆเพราะรู้คำตอบอยู่แก่ใจ

“ฉลาดนี่!  นี่ไงใครๆเขาถึงได้บอกว่าแกฉลาดแต่เรื่องโง่ๆ”

เรื่องโง่ๆที่ว่าของกรก็คงจะเป็นการอัดตรฤณซะน่วมหลังจากเห็นว่าตรฤณนั่งส่งสายตาหวานเยิ้มให้พยาบาลสาวที่ทำแผลให้ บุญเท่าไหร่ที่แค่ช้ำในน่ะ!

“จะถือว่าเป็นคำชมแล้วกัน”ภูเบศธ์ยกยิ้มกวนอวัยวะต่ำสุดของร่างกาย ก่อนจะหัวเราะออกมาพร้อมกันกับกร

แหม่~  มันก็กวนตีน พอกันทั้งปู่ทั้งหลานล่ะวะ!!!

___________________


“หือ?...ไปฉลองเหรอ?อือ...เอางั้นก็ได้กี่โมงล่ะ?”สองใช้ไหล่พร้อมกับการเอียงศรีษะไปทางขวาเพื่อหนีบโทรศัพท์ไว้แนบหู จากที่มีโทรศัพท์เข้ามาทันทีหลังจากที่อาจารย์ปล่อย สองเลยต้องทำทั้งการรับโทรศัพท์พร้อมกับการเก็บหนังสือเข้ากระเป๋า

“อ่อ...งั้นเอาของไปเก็บก่อนได้ป่ะ?... อีกอย่างจะได้โทรชวนไอ้วินมันด้วย”สองถามก่อนจะเปลี่ยนมือมาถือเครื่องมือสื่อสารไว้แทนเมื่อหนังสือทุกอย่างลงไปอยู่ในกระเป๋าเป้เป็นที่เรียบร้อย ก่อนจะรีบเดินออกจากห้องโดยไม่ต้องรอใครเพราะวันนี้สองนั่งเรียนคนเดียวเนื่องจากเพื่อนเกิดอุบัติเหตุจนต้องเข้าโรงพยาบาล

“เออเพิ่งนึกได้..ไปรับไอ้ตรฤณออกจากโรงพยาบาลก่อนสิ จะได้ไปฉลองครบพร้อมกันหมดเลย”สองถามก่อนจะพยักหน้ากับตัวเองเมื่ออีกฝ่ายตอบกลับมา พอสื่อสารกันลงตัวก็กดวางสายไป ไม่ทันไรไอ้คนที่เพิ่งสนทนาผ่านเครื่องมือสื่อสารก็มาปรากฎอยู่ตรงหน้า
“มารับไง”ตอบคำถามทั้งที่สองยังไม่เอ่ยปากถามใดๆ อาจจะเป็นเพราะสีหน้าของคนตัวเล็กที่บ่งบอกชัดเจนว่าสงสัยเลยทำให้ภูเบศธ์ต้องรีบตอบออกมา

“ไม่ใช่...ฉันจะถามว่าทั้งที่จะมาหาอยู่แล้วจะโทรมาทำไมให้เปลืองตังค์”

อ่อ...สงสัยกูลืมไปว่าบ้านมันรวย แถมยังได้ทุนเรียนฟรียันปีสี่ คงจะมีเงินเหลือเยอะเนอะ!
สองค่อนขอดอยู่ในใจ แต่ดูท่าว่าภูเบศธ์จะอ่านสีหน้าออก

“ก็คนมันคิดถึงอ่ะ...อยากได้ยินเสียงก่อนเจอหน้าก็ไม่ได้”
ร่างสูงแสร้งทำเป็นสลดแถมยังพูดด้วยความน้อยอกน้อยใจ ทั้งที่ก็รู้ดีว่าร่างเล็กตรงหน้าจับได้ว่าภูเบศธ์ทำไปด้วยความกระแดะที่มีติดตัวมาพอๆ กับความปากหมาที่เกิดมาเป็นของคู่กัน แต่ถึงอย่างนั้นสองก็กลับรู้สึกว่าเลือดลมมันวิ่งขึ้นมากองอยู่ที่ใบหน้าจนรู้สึกว่าร้อนผ่าว ถ้าเอากระจกมาส่องดูก็คงจะเห็นรอยแดงๆบนแก้มใสได้อย่างชัดเจน

“เออ! อยากจะทำอะไรก็ทำ”สองกระแทกเสียงปกปิดความเขินอายของตัวเองพร้อมกับเดินนำหน้าร่างสูงไป

“จะกลับก่อนใช่ป่ะ?...จะได้ไปส่งหอ”ร่างสูงเดินมาเทียบเคียงก่อนจะถามขึ้น

“ไปรับไอ้ตรฤณก่อน...มันโทรมาบอกว่าหมอไล่มันกลับแล้ว” สองตอบ ทั้งที่ความจริงเพื่อนบอกว่าหมอที่โรงพยาบาลอนุญาติให้ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว

แล้วไอ้การอนุญาตให้กลับกะการไล่กลับบ้านมันต่างกันตรงไหน?!  เอ๊ะ? หรือว่ากูเข้าใจผิดไปเอง?

“ก็ได้..งั้นไปรับพี่ตรฤณก่อนแล้วเอาของไปเก็บ แล้วค่อยไปฉลองโอเค๊?”ภูเบศธ์วางแผนให้เสร็จสรรพโดยที่สองก็พยักหน้ารับรู้

“ภูเบศธ์..พาสองเอาของไปเก็บเหอะ...ตรฤณน่ะฉันจัดการเอง”ยังไม่ทันจะได้ทำตามแพลนที่วางไว้กรก็เดินเข้ามาขัดก่อน

ให้ไปรับนะครับทิวากร..ไม่ใช่ให้คุณไปทำให้พี่ตรฤณช้ำในไปมากกว่าเดิม!

“งั้นฝากด้วยนะกร ไอ้นี่ก็สำออยแค่หัวแตกถึงขั้นต้องนอนโรงพยาบาล”สองบ่นอุบก่อนจะเดินออกไปพร้อมกับภูเบศธ์

ถ้าแค่หัวแตกอย่างเดียว ก็คงไม่ต้องนอนโรงพยาบาลล่ะมั้ง~ ถ้าไม่เจอเลือดคั่งตามเนื้อตามตัว ตรฤณก็คงจะโผล่หัวมาเรียนได้แล้วล่ะ!
______________


ร้านนั่งร้านเดิมที่สองชอบ ก็ได้เป็นสถานที่ที่ถูกเลือกให้เป็นที่ฉลองเพื่อภูเบศธ์ที่สอบได้ทุนเรียนฟรีตลอดสี่ปีในรั้วมหาวิทยาลัย คราวนี้กรและตรฤณมาถึงก่อน ตามด้วยชวินที่สองโทรจิกให้มา ส่วนเจ้าภาพของงานกลับยังไม่โผล่หัวมาให้เห็น รวมไปถึงแฟนของเจ้าของงานด้วย

หายหัวกันไปทั้งคู่ ไม่รู้ไปมุดหัวอยู่รูไหนถึงได้ยังไม่โผล่หน้ามาที่ร้านสักที!

ชวินนึกหงุดหงิดที่มารอคนที่เป็นตัวตั้งตัวตีที่ทำให้เกิดอาหารมื้อค่ำมือนี้ขึ้น ชวินยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกาเป็นระยะเพราะรอภูเบศธ์กับสองมาถึงที่ร้าน แถมคนที่นัดนอกรอบก็ยังไม่มาด้วย    แต่เหตุผลหลักที่ทำให้ชวินหงุดหงิดอาจจะไม่ใช่เพราะนั่งรอภูเบศธ์และสองมานานนับเกือบครึ่งชั่วโมง แต่อาจเป็นเพราะภาพคู่รักตรงหน้าต่างหากที่ทำให้ชวินนึกหงุดหงิด

อย่าให้กูเจ็บจนน้องเขมต้องมาประคบประหงมบ้างเชียวนะ ไอ้ตรฤณ!
นึกแล้วก็ก้มมองดูนาฬิกาข้อมืออีกรอบ แล้วถอนหายใจเมื่อก่อนหน้านี้เขมชาติโทรมาบอกว่าจะมาตอนหกโมง แต่นี่ก็ปาไปหกโมงครึ่งแล้วยังไม่โผล่มาอีก

เฮ้อ! ไอ้คู่ตรฤณกรก็เลิกหวานกันซักทีได้มั๊ยวะ ไม่รู้หรือไงว่ากูอิจฉา 

“ไหนมึงบอกว่าหัวแตกนิดหน่อยไง? แล้วไอ้ที่แขนช้ำเป็นจ้ำๆนั่นอะไร?”ในเมื่อนั่งอยู่เฉยๆไม่มีอะไรทำ ก็เลยถามขึ้นมาเพื่อขัดความหวานของคู่รักขึ้นมาเสียดื้อๆ

“อ๋อ..นี่เหรอ..กูโดนกอ....เอ่อ...กูหกล้ม..ใช่กูหกล้ม!”ตอนแรกก็กะว่าจะตอบไปตามความเป็นจริง แต่พอหันไปเจอสายตาของทิวากร ตรฤณก็รู้ตัวในทันทีว่าควรพูดว่าอะไร

ขืนกูปากโป้งฟ้องเพื่อนว่าโดนเมียทำร้ายมีหวังชีวิตคู่กูโดนทำลายในบัดดลแน่นอน   กูขอบอก!

“หกล้มที่โรงพยาบาลเนี่ยนะ?”ชวินถามอีกคำถาม

“ใช่...ตรฤณนี่ซุ่มซ่ามเนอะหกล้มเป็นเด็กๆเลย”กรหัวเราะทำให้ตรฤณได้แต่มองตาปริบๆ

ถ้าวันนั้นกูโดนทิวากรใส่หมัดแบบไม่ยั้งไปตามเนื้อตัวเขาเรียกว่า   “หกล้ม”
กูก็คง..จะบอกว่าวันนั้นกู “ซุ่มซ่าม” จริงๆอย่างที่กรว่าไว้ล่ะ!


“นายก็หึงเป็นเด็กๆเหมือนกันนั่นแหล่ะ”ตรฤณบ่นอุบถึงเหตุผลของการ“หกล้ม” จนเนื้อตัวเขียวเป็นจ้ำๆ

“หึงอะไร?ฉันไม่ได้หึงสักหน่อยแค่เป็นห่วงไม่อยากให้นายอยู่กับคนอื่นนานๆ”
เพราะขนาดอยู่กับนางพยาบาลไม่ถึงสองนาทีกูยังน่วมขนาดนี้ ถ้าอยู่ถึงสี่นาที กูคงซี้ม่องเท่งคาโรง’บาล!

“ตามนั้นครับตามนั้น”ตรฤณว่าอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัว
สามีดีเด่นก็เงี้ย เถียงเมียไม่เคยขึ้นครับ !

“ว่าแต่ตรฤณอยากกินอะไรอีกหรือเปล่า?เดี๋ยวฉันสั่งให้อีก”กรพูดเสียงหวานหลังจากที่ตรฤณยอมทำตัวว่านอนสอนง่าย พอโดนถามมาอย่างนี้ตรฤณเองก็ไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดลอย รีบอ้อนต่อทันที

ทิวากรมาโหมดน่ารักแบบนี้ คนหน้าหมีก็พอจะให้อภัย อ้อนเท่าไหร่ก็ไม่เคยพอล่ะว้า~

“เฮ้ย! ทำไมไอ้คู่นั้นมันยังไม่มาอีกวะ?”พอสองคนตรงหน้าเริ่มทำท่าจะหวานกันอีกรอบชวินก็หาเรื่องมาพูดขัดอารมณ์และดูเหมือนว่ากรเองจะมีปฏิกิริยาโต้ตอบกับเรื่องที่ชวินบ่นทันทีเมื่อเห็นว่าชวินเริ่มมีน้ำโห แถมเตรียมควักโทรศัพท์โทรตามตัวคู่รักที่ยังมาไม่ถึงสักที กรก็รีบแก้ปัญหาเฉพาะหน้าโดยการดึงความสนใจของชวินออกจากโทรศัพท์

“นั่น หมอเขมหรือเปล่า?”

“ไหน ไหน?”ได้ผลเกินคาดเมื่อชวินวางโทรศัพท์แล้วหันไปมองตามที่กรชี้ พอชวินหันไปหาน้องเขมที่กร มโนขึ้นมาเอง มือเรียวก็หยิบซองกระดาษแล้วยื่นไปเทใส่แก้วเบียร์ของชวินโดยมีตรฤณมองพร้อมด้วยสีหน้างงๆ แต่ยังไม่กล้าถามอะไรออกไป

“ไหนล่ะ กร...น้องเขมอยู่ไหน?”ชวินหันกลับมาถาม กรเองก็เกือบยื่นมือกลับไม่ทัน

“อะ..อ๋อฉันนึกว่าหมอเขม...แต่ไม่ใช่เหรอ  สงสัยหน้าคล้ายๆฉันเลยเข้าใจผิด”กรยิ้มหวานกลับทำท่าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เนียนจนได้โล่ห์....ตรฤณเลยได้แต่นึกชมอยู่ในใจ

“ทำไมยังไม่มาอีกนะ”เหมือนบ่นอยู่กับตัวเองก่อนจะคว้าแก้วน้ำสีอำพันตรงหน้ายกขึ้นดื่ม พร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของกรที่ค่อยๆเผยขึ้นมาช้าๆ

“นายใส่อะไรให้ไอ้วินกิน?”ตรฤณกระซิบถามคนที่กำลังยิ้ม

“เดี๋ยวก็รู้ ”กรยักคิ้วให้หนึ่งทีก่อนจะมองดูผลงานของตนเอง ไม่นานเกินรอ ชวินก็ล้มคอพับกับเก้าอี้ทำเอาตรฤณต้องรีบมองกรด้วยความตกใจ

“ยานอนหลับ? นายให้ไอ้วินมันกินทำไม๊~” ตรฤณตาลีตาเหลือกอ้อมโต๊ะไปหาเพื่อนรักอีกฝั่งที่หลับคอพับไร้สติ

“คราวนี้แหล่ะภูเบศธ์ได้ฉลองกับสองกันสองต่อสองตลอดทั้งคืนแน่นอน”รอยยิ้มร้ายเผยออกมา ในขณะที่ตรฤณยังคงมัวแต่ตบหน้าชวินเพื่อเรียกสติเพื่อน แต่ดูเหมือนว่าทำไปก็ไร้ประโยชน์เพราะชวินหลับสนิท ชนิดที่ว่าพรุ่งนี้สิบโมงก็ไม่รู้จะตื่นหรือเปล่า

“อ๊ะ?..นั่นหมอเขมมาพอดี”กรกวักมือเรียกคนที่มาใหม่

“มีอะไรเหรอครับ?...ทำไมพี่วินคอพับอย่างนั้นล่ะ?” หมอเขมที่เพิ่งเดินมาถึงตามที่นัดหมายหลังจากเคลียร์ธุระของตัวเองเสร็จ ก็ถามขึ้นอย่างสงสัยเมื่อเหลือเห็นชวินหลับคอพับไปกับเก้าอี้ที่นั่ง

“ชวินมันเมาน่ะ....ยังไงฝากหมอเขมพากลับด้วยนะ...พอดีพี่กับตรฤณเราจะไปต่อกันนิดหน่อย” กรพูดพร้อมกับเก็บข้าวของโดยมีตรฤณมองกรด้วยสีหน้าฉงนงงงัน

“หรือไม่อยากไปต่อล่ะ ตรฤณ~”เสียงหวานคล้ายเอ่ยยั่วแล้วมีหรือตรฤณจะไม่ตอบตกลง

ไอ้วินเอ้ย! พอดีกูเป็นคนเห็นเมียสำคัญกว่าเพื่อน...เพราะฉะนั้นเพื่อนชั่วอย่างกูจะทิ้งมึงให้กับคนอื่นแล้วล่ะน้า~  จะว่าไปหมอเขมก็ไม่ใช่คนอื่นนี่หว่า ฮ่าฮ่า
ว่าแล้วตรฤณก็เดินเคียงคู่กับกรออกจากร้านไปทิ้งระเบิดลูกใหญ่ให้หมอเขมจัดการ

“ว่าแต่จะพาไปห้องเรา...หรือห้องพี่วินดี?”
มีใครอยากช่วยผมคิดหรือเปล่าล่ะครับ?


_________________________


หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 18 ผีแม่ลูกอ่อน P.8 [Up 31/1/12]
เริ่มหัวข้อโดย: ryoko_chan ที่ 02-02-2012 23:20:35
“ฉันแค่เปลี่ยนเสื้อผ้านะ จะลงไปนอนทำไมลุกขึ้นมาภูเบศธ์”ร่างเล็กพยายามดึงแขนคนตัวใหญ่ให้ลุกจากเตียงที่ดูเหมือนจะขี้เกียจลุกหลังจากที่นอนรอคนตัวเล็กเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่จนเหมือนจะเผลอหลับไป

ไม่ใช่ว่าสองเปลี่ยนเสื้อผ้านาน แต่กูว่า ‘โคตรนาน’ ไม่งั้นไม่ถึงขั้นเผลอหลับอย่างนี้หรอก!

“ขี้เกียจอ่ะ..อยากนอนแล้วไม่ไปไม่ได้เหรอ?”ภูเบศธ์ทำตัวหนักฝังรากลึกกับที่นอน แต่สองก็ไม่ยอมง่ายๆเช่นกัน จนกระทั่งเสียงเครื่องมือสื่อสารของภูเบศธ์ดังขึ้นสองเลยเลิกยื้อยุดฉุดกระชากแขนร่างสูงเพื่อให้ภูเบศธ์ได้ล้วงเครื่องมือสื่อสารออกมาดู

“ข้อความน่ะ”ภูเบศธ์บอกทั้งที่สองไม่ได้ถาม ก่อนจะเปิดอ่านข้อความที่เพิ่งถูกส่งมาโดยเบอร์ของ “กร”

‘Clear ’
ข้อความสั้นๆถูกอ่านทำให้ภูเบศธ์ยกยิ้มได้ไม่ยากก่อนจะเงยหน้ามองหน้าเล็กที่ยังคงทำหน้าไม่รู้ชะตากรรมของตัวเอง

“ยิ้มทำไม? ป่วยทางจิตเหรอ?”

ปากชักจะจัดเกินไปแล้วมั๊ยครับ?...

“ไม่ต้องไปแล้วล่ะ”ภูเบศธ์ตอบไม่ตรงคำถาม

“ไม่ต้องไป?...หมายถึงไปร้านนั่นอ่ะนะ?”

“ใช่...เพราะคนอื่นเขาอยากให้เราฉลองกันที่ห้องสองต่อสองยังไงล่ะ~”
ภูเบศธ์อ้อนทั้งคำพูดทั้งสายตาทำเอาสองรู้สึกหนาวๆขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

“ฮ่าฮ่าฉลองที่ห้องแต่ห้องฉันไม่มีอะไรเลยนะไม่ได้ซื้ออะไรมาเลยไม่ใช่เหรอ?...จะลงไปซื้ออะไรมากินมั๊ยล่ะ” เหมือนสองจะเริ่มรู้ชะตาตัวเองกลายๆว่ากำลังจะเข้าสู่ภาวะวิกฤตเลยพยายามพูดเลี่ยงไปประเด็นอื่นแถมยังค่อยๆถอยหลังมองหาทางหนีทีไล่ที่จะทำให้ชีวิตตัวเองปลอดภัยจากภูเบศธ์ที่เริ่มเดินเข้ามาหาตนเองเรื่อยๆ พอถอยหลังจนหลังติดกำแพงสองก็รู้ตัวทันทีว่าหมดทางหนี

“ฉลองน่ะ...แค่ผมกับพี่สองก็พอไม่ต้องมีอะไรมาเพิ่มหรอก...ว่ามั๊ย?”

กูไม่ ‘ว่ามั๊ย’ ไปกับมึงหรอก~ ภูเบศธ์!

“เอ่อ...ฉันว่ามีเบียร์สักกระป๋องสองกระป๋องท่าจะดี นะ”พูดยังไม่ทันจบลำแขนแกร่งก็คร่อมร่างเล็กเข้ากับกำแพงจนสองไม่รู้ว่จะหนีไปทางไหน เพราะถูกแขนคนตัวใหญ่คร่อมเอาไว้

“เมื่อวานผมพูดว่าอะไรจำได้มั๊ย?”มือใหญ่ข้างหนึ่งเปลี่ยนมาลูบคางมนของร่างเล็กเบาๆพร้อมกับสายตากรุ้มกริ่มที่ทำเอาร่างเล็กเริ่มรู้สึกไม่ค่อยดี

“พะ...พูดอะไร?”สองเฉไฉจนภูเบศธ์ยกยิ้มที่มุมปาก

“ก็บอกแล้วไงว่าพรุ่งนี้...พรุ่งนี้ของเมื่อวานก็คือวันนี้ไม่ใช่เหรอ?”

“พูด..อะไรไม่เห็นจะจำได้” ร่างเล็กก้มหน้าหลบสายตาทำเอามือแกร่งต้องเชยคางมนขึ้นเพื่อมองใบหน้าหน้าเล็กได้ชัดขึ้น

“เอาอีกแล้ว วัวแก่ความจำสั้น สงสัยต้องย้ำสักรอบถึงจะจำได้” ยังไม่ทันที่สองจะได้อ้าปากด่าไอ้เด็กตรงหน้าที่หาเรื่องด่าว่าสองเป็นสัตว์สี่เท้าตัวสีขาวที่ชอบบริโภคหญ้าอ่อนเป็นชีวิตจิตใจ ริมฝีปากอุ่นของภูเบศธ์ก็ก้มลงประทับจูบแผ่วเบาบนริมฝีปากสีสดของสองเสียแล้ว ร่างสูงบดเบียดริมฝีปากเข้าหาคนตัวเล็กโดยที่สองเองก็ไม่ได้มีท่าทีขัดขืนถึงจะดูตกใจไปบ้างแต่สุดท้ายก็โอนอ่อนไปตามรสจูบแสนหวานของภูเบศธ์ ที่ไม่ว่าจะโดนจูบกี่ครั้งก็ทำเอาสองรู้สึกว่าหัวใจของตนเองเต้นถี่รัวแถมยังรู้สึกว่าตัวเองตอบรับจูบนั้นอย่างอัตโนมัติทันทีเช่นกัน ถึงจะเป็นการจูบตอบแบบไม่ประสีประสา แต่นั่นยิ่งกลับทำให้ร่างสูงได้ใจจนอยากแกล้งหนักกว่าเก่าโดยการส่งลิ้นร้อนเข้าไปตวัดเกี่ยวลิ้นเล็กที่เริ่มตอบสนองกลับคืนอย่างกล้าๆกลัวๆ เป็นการจูบที่ไม่เร่งรีบ แต่กลับเร่าร้อนอยู่ในที

“อือ...”เสียงแหบหวานครางอืออาในลำคอทำให้ร่างสูงยอมคลายจูบ ส่งผลให้คนตัวเล็กรีบเผยอปากตักตวงอากาศเข้าปอดพร้อมกับอาการเข่าอ่อน ที่เจ้าตัวรู้สึกว่ามันจะเกิดขึ้นมาดื้อๆไม่รู้ด้วยความเขินหรือเพราะอะไร แต่มือแกร่งก็กลับคว้าเอวเล็กเอาไว้แนบกับลำตัวของตนเองได้ทันเวลา ก่อนจะกระซิบข้างใบหูเล็กเบาๆว่า

“คืนนี้พี่สองเป็นรางวัลที่ผมสอบทุนได้นะ” เสียงทุ้มกระซิบแผ่วเบาทำเอาร่างเล็กรู้สึกขนลุก แถมยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองตอบตกลงไปหรือเปล่า พอมารู้ตัวอีกทีร่างเล็กก็ถูกวงแขนใหญ่รวบตัวขึ้นพาดบ่า แล้วค่อยๆวางร่างเล็กที่หิ้วมาลงบนเตียงอย่างนุ่มนวล   

“เฮ้ย! ภูเบศธ์ปล่อยเดี๋ยวนี้เลยนะ...ฉันไม่ได้อยากเป็นรางวัลให้นายสักหน่อย!”สองโวยวายทันทีที่ร่างสูงโน้มตัวลงไปทาบทับร่างเล็ก มือเล็กเองก็ทุบบ่าของคนด้านบนเพื่อเรียกร้องสิทธิ์ แต่ดูเหมือนว่าภูเบศธ์จะไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่

“ได้ยังไง~ ไหนบอกว่าจะฉลองกับผม?”แขนแกร่งคร่อมร่างเล็กเอาไว้ก่อนจะถามพร้อมด้วยแววตาเป็นประกาย

“ฉลองก็ฉลองไปสิ ไม่ใช่ว่าให้นายมา ‘จุดจุด’ กับฉันสักหน่อย ลงไปเดี๋ยวนี้เลยน้า~”สองโวยวายแถมยังดิ้นขลุกขลักไปมาใต้วงแขนของภูเบศธ์ แต่นั่นกลับทำภูเบศธ์ยิ้มร่าเริง

“ก็นี่ไงกำลังจะฉลอง”พูดจบก็ก้มลงไปจูบริมฝีปากสีสดที่เตรียมจะโวยวายก่อนจะผละออกมา

“อื๊อ ไอ้บ้าปล่อยเลยนะอย่าจูบนะ!” พอร่างสูงผละริมฝีปากออกร่างเล็กก็โวยวายอีกรอบ ร่างสูงเลยกะใช้มาตรการเดิมหากโวยวายก็จะจูบจนกว่าจะเลิกโวยวาย สองเองก็เหมือนจะรู้ทันเลยต้องขู่ห้ามขึ้นมาก่อน

“อะ..~”เสียงเล็กครางประท้วงเมื่อร่างสูงก้มลงฉกฉวยริมฝีปากเล็กอีกรอบโดยไม่ฟังคำขู่ แล้วก็ผละริมฝีปากออกอีกครั้งราวกับกลั่นแกล้ง

“ถ้าโวยวายอีกก็จะจูบอีก โอเคมั๊ย?”

ใครจะไปโอเคกับมึ๊ง! มีแต่เสียกับเสียล่ะวะกมลินทร์อ้ย!

“ไม่!”ร่างเล็กดื้อแพ่งไม่เลิกราทั้งที่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองตกเป็นรองจนน่าเป็นห่วง แต่ภูเบศธ์ก็ยังหาเรื่องแกล้งรุ่นพี่ตัวเล็กอีกจนได้

“..........”และดูท่าว่าคราวนี้ภูเบศธ์จะไม่ยอมผละริมฝีปากออกง่ายๆ เพียงแค่ร่างเล็กจะเปิดปากร้องห้าม ก็กลับกลายเป็นการเปิดโอกาสให้ลิ้นอุ่นชื้นเข้าไปสำรวจความหวานภายในโพรงปากเล็กอย่างง่ายดาย ลิ้นร้อนเกี่ยวรัดลิ้นเล็กอย่างเอาแต่ใจ จนเผลอจูบนานไป มือเล็กเลยเริ่มทุบไหล่เพื่อให้ร่างสูงยอมคลายจูบ

“แฮ่ก...แฮ่ก...”ร่างเล็กหอบจนตัวโยน คนที่มองก็ได้แต่ยิ้มให้กับผลงานของตัวเองก่อนจะก้มลงขบเม้มเบาๆที่ซอกคอหอมกรุ่น ที่ยากเกินจะห้ามใจไม่ให้ฝากรอยสีแดงจางๆเอาไว้เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ ก่อนที่มือจะไล้ไปตามสาบเสื้อเพื่อพยายามจัดการปลดกระดุมเสื้อเชิ๊ตตัวบางออกจนหมดอย่างรวดเร็ว พร้อมกับการแหวกเสื้อเชิ้ตออกเพื่อให้ใบหน้าคมสามารถจูบฝังไปตามผิวเนื้ออ่อนของร่างเล็กตรงหน้า ได้ทุกซอกทุกมุมอย่างที่ร่างสูงตั้งใจเอาไว้

“อะ...อือ....” ริมฝีปากบางเผยอออกปลดปล่อยเสียงเพื่อระบายความเสียวซ่านที่ร่างสูงมอบให้ จูบร้อนที่ยังคงไล้วนตามเนินอก ก่อนจะครอบครองยอดอกสีหวานจนร่างเล็กต้องครางเสียงหวาน ร่างสูงยิ่งได้ใจนึกยิ้มอยู่ในใจจึงใล้มืออีกข้างขึ้นมาเพื่อเค้นคลึงยอดอกเล็กอีกข้างเพื่อปรนเปรอให้ร่างเล็กจนพอใจ ร่างเล็กหอบเพราะรู้สึกหายใจไม่ทันเมื่อร่างสูงจูบไล้ไปทั่วแผ่นอก แถมด้วยมือแกร่งเองก็เริ่มซุกซนไล้ลงต่ำไปยังสะโพกพร้อมกับเค้นคลึงสะโพกมนพร้อมกับการปลดกางเกงสแล็คเนื้อดีออกจากกายบางอย่างง่ายดาย จนเหลือเพียงชั้นในตัวเดียวบนร่างเล็กก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองใบหน้าหวานที่แดงก่ำด้วยแรงอารมณ์ ที่ตนเองเป็นคนปลุกปั่นขึ้นมา

“ชอบล่ะสิ~”พูดเหมือนหยอกเอิน แต่ได้รับกลับเพียงแค่การตวัดสายตามองอย่างเคืองๆจนภูเบศธ์หลุดขำ

“เดี๋ยวจะทำให้ชอบมากกว่านี้อีก”ร่างสูงยักคิ้วให้ก่อนจะก้มลงจูบร่างเล็กโดยที่ร่างเล็กเองก็ยังไม่ทันจะได้เถียงอะไร

“อื้อ.....อืม...ดะ..เดี๋ยวภูเบศธ์”เพียงแค่ร่างสูงยอมปล่อยให้ริมฝีปากเล็กเป็นอิสระอีกครั้ง ร่างเล็กก็เอ่ยทักขึ้นมาโดยที่ภูเบศธ์ก็ยังคงทำเป็นไม่สนใจ ริมฝีปากอุ่นร้อน ไล้ลงไปตามลำคอพร้อมกับมือแกร่งที่เริ่มล้วงผ่านชั้นในตัวเล็กของสองก่อนใช้มือครอบครองส่วนอ่อนไหวที่ค่อยๆตื่นตัวรับสัมผัสกับมือใหญ่

“ยะ..อื้อ...ภูเบศธ์.....ตรงนั้น.......”ร่างเล็กครางกระเส่าเมื่อมือใหญ่ทำการปลดเปลื้องชั้นในออกจากกายบางให้พ้นทางก่อนจะลูบไล้แก่นกายแล้วเปลี่ยนเป็นรูดจนตั้งชันขึ้นมา

“อือ...”มือแกร่งเร่งจังหวะให้ถี่ขึ้นกระตุ้นอารมณ์ร่างเล็กจนตรงส่วนปลายเริ่มฉ่ำเยิ้ม โดยที่สองเองก็ได้แต่ครางเสียงหวานเพื่อคลายความเสียวซ่านให้ตนเอง

“อ๊ะ!”เสียงหวานครางทันทีเมื่อปลดปล่อยความปรารถนาออกมาจนเปรอะเปื้อนมือใหญ่ที่ยังคงลูบไล้ส่วนนั้น โดยที่ร่างเล็กเองก็ยังคงครางหอบจนภูเบศธ์นึกเห็นใจจนต้องจูบขมับปลอบร่างเล็ก

“แฮ่ก...แฮ่ก...ภู...ถ้า..ถ้า...ไอ้วิน”
มาถึงขั้นนี้ยังจะพูดถึงพี่ วินให้กูเสียวสันหลังเล่นอีกเหรอ?

ภูเบศธ์มองร่างเล็กก่อนจะจูบปิดปาก เพราะไม่อยากให้ร่างเล็กพูดอะไรไปเพื่อย้ำความรู้สึกผิดของตัวเองไปมากกว่านี้

ก็เล่นวางยาพ่อเพื่อหลอกล่อให้ได้เสียกับลูก ถ้าพ่อเขารู้กูนี้แหล่ะจะตายห่าคนแรก!

“พี่วินน่ะ.....ไม่มีทางมาขัดเราได้หรอก”พอคลายจูบภูเบศธ์ก็ตอบคำถามเพื่อให้สองมั่นใจว่า ‘จุดจุด’ ครั้งนี้ชวินมาขัดไม่ได้แน่นอน ล้านเปอร์เซ็นต์

“ทำไมล่ะ?” เสียงเล็กเอ่ยถามพร้อมกับใบหน้าหวานยังคงแดงซ่านหลังจากเพิ่งปลดปล่อย ดูแล้วยิ่งเหมือนเป็นการยั่วยวนร่างสูงด้านบนอย่างที่เจ้าตัวก็ไม่เคยรู้

“ไม่ต้องรู้หรอกรู้แค่ว่าคืนนี้มีผมกับพี่สองเท่านั้นก็พอ”พอพูดจบร่างสูงก็ประทับจูบอ่อนโยนลงบนหน้าผากมน โดยที่ร่างเล็กเองก็เผลอรับตาพริ้มไปเมื่อรู้สึกผ่อนคลายเวลาได้รับจูบเบาๆบนหน้าผากก่อนจะครางอือเบาๆเมื่อร่างสูงสอดขาเข้าแนบชิดระหว่างเรียวขาเล็ก

“อ๊ะ...”ร่างเล็กผวาเมื่อร่างสูงทิ้งน้ำหนักลงตรงระหว่างขาเรียวเล็กพร้อมกับการยกเรียวขาขึ้นพาดบ่าใบหน้าหวานดูเหยเกไปเล็กน้อย เมื่อร่างสูงส่งนิ้วแทรกเข้าช่องทางด้านหลังช้าๆ

“อื้อ...ภู...จะ...เจ็บ!”ร่างเล็กสะดุ้งสุดตัวเมื่อนิ้วแรกแทรกผ่านเข้าไปภายในช่องทางอุ่นร้อนจนสุดความยาว โดยที่ร่างสูงเองก็ไม่ลืมที่จะก้มลงไปจูบหน้าผากอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบาเป็นการปลอบโยน และพยายามให้อะไรๆเป็นไปทีละขั้น ทั้งที่ตอนนี้อารมณ์ของตนเองไม่ได้อยู่ในสภาวะที่จะมาทำอะไรตามสเต็ป ในเมื่อเสียงหวานยังคงครางอื้ออึง แถมกายบางยังแดงระเรื่อก็ยากที่จะห้ามใจไม่ให้กระทำรุนแรงกับร่างเล็กใต้ร่าง

“ขอโทษนะ อย่าเกร็งสิ...หายใจลึกๆนะ” ทั้งที่ปากก็พร่ำบอกกับร่างเล็กแต่บางครั้งก็ดูจะเป็นการเตือนสติตัวเองกลายๆ ไม่ให้ผลุนผลันแทรกกายเข้าหาร่างเล็กอย่างที่อยาก กลับต้องแทรกนิ้วเพิ่มอีกนิ้ว จากหนึ่งเป็นสองจากสองเป็นสามเพื่อให้ช่องทางร้อนได้ปรับตัว

“อื้อ...ภูเบศธ์เจ็บ~”ร่างเล็กยังคงร้องท้วงใบหน้าหวานส่ายไปมาราวกับไม่อยากยอมรับสิ่งแปลกใหม่ที่กำลังแทรกเข้ามาในร่างกายจนภูเบศธ์เกือบใจอ่อน หยุดทุกอย่างลง แต่สุดท้ายก็ทำไม่ได้ในเมื่อ ณ ตอนนี้อารมณ์มันอยู่เหนือการกระทำ

“ทนหน่อยนะ...” เสียงทุ้มกระซิบปลอบก่อนจะจูบริมฝีปากบางเพื่อดึงความสนใจจากร่างเล็ก ลิ้นร้อนเกี่ยวกวัดกับลิ้นเล็ก แลกเปลี่ยนความวาบหวามจนร่างสูงรู้สึกได้ว่าร่างเล็กเริ่มผ่อนคลาย นิ้วแกร่งจึงเริ่มขยับเข้าออก

“อะ...อื้อ!...” เสียงหวานส่งเสียงครางเมื่อสิ่งที่แทรกเข้ามาไม่ได้ทำให้รู้สึกเจ็บปวดอย่างเดียวแต่มันกลับทำให้รู้สึกรัญจวนใจจนยากที่จะปฏิเสธ เพราะพอร่างสูงเห็นว่าร่างเล็กพร้อมที่จะรับกับสิ่งใหม่ที่ไม่ใช่นิ้ว จึงค่อยถอนนิ้วออกมา ก่อนจะแหวกเรียวขาออกกว้าง แล้วค่อยๆแทรกกายผ่านเข้าไปแทน

“อ๊า!”ร่างเล็กร้องทันทีเมื่อรู้สึกว่าร่างสูงค่อยๆแทรกกายผ่านเข้ามาเรื่อยๆ ฟันซี่คมกัดลงบนริมฝีปากจนห้อเลือดเพื่อระบายความเจ็บปวด พร้อมๆกับมือเล็กที่ขยุ้มผ้าปูที่นอนจนยับยู่ ทำเอาร่างสูงต้องคว้ามือเล็กทั้งสองข้างขึ้นมาเกาะหลังแกร่งของตนเอง

“ถ้าเจ็บก็ระบายมาได้เลย”เสียงทุ้มแหบพร่าพร้อมกับการแทรกกายจนสุดความยาวโดยที่มือเล็กเองก็จิกลงแผ่นหลังแข็งแรงจนเกิดรอยแดง

“อะ...อ๊ะฮ่ะ....อา.....”เสียงครางปนหอบดังขึ้นอีกครั้งเมื่อร่างสูงเริ่มขยับสะโพก คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเพราะความเจ็บ แถมยังไม่ชินกับสิ่งแปลกปลอมที่แทรกเข้ามาในร่างหายตนเองร่างสูงพยายามบดเบียดร่างกายเข้าหายกายบาง ไม่ต่างกับร่างเล็กที่พยายามแอ่นสะโพกรับกับการขยับกายของร่างสูงจนเริ่มเป็นจังหวะเดียวกัน

“อือ....อะ..อา”เสียงครางของคนทั้งสองผสมปนเปกันจนยากที่จะแยกเสียงแถมยังมีเสียงเนื้อที่เสียดสีกระทบกัน ร่างสูงเริ่มเร่งจัวหวะขยับกายเข้าออกแรงและเร็ว ร่างเล็กหอบสะท้านอยู่ใต้ร่างถึงจะรู้สึกเจ็บแต่ก็กลับรู้สึกดีจนยากที่จะปฏิเสธ ทำได้แค่เพียงการแอ่นกายรับกับจังหวะขยับกายที่ร่างสูงส่งมา

“อ๊า.......”

“อา....พี่สอง...”ในที่สุดก็มาถึงปลายทาง ร่างสูงปลดปล่อยความปรารถนาเข้าสู่กายบางทุกหยาดหยด พร้อมๆกับการที่ร่างเล็กเองก็ปลดปล่อยความสุขออกมาอีกรอบ  ร่างสูงหอบก่อนจะซบใบหน้าลงบนแผ่นอกบางของร่างเล็กใต้ร่างอย่างออดอ้อน

“แฮ่ก..แฮ่ก.....อื้อ...ภูเบศธ์~”ร่างเล็กพูดเบาหวิวเมื่อรู้สึกอึดอัดเบื้องล่างที่คนบนตัวไม่ยอมถอนกายออก แถมยังมานอนทับจนหายใจแทบไม่ออก

แค่หอบเฉยๆก็เกือบจะตายแล้วนี่อะไรมานอนทับ ตัวไม่ได้เล็กๆเลยนะไอ้เด็กนี่!

“ขออยู่อย่างนี้ไม่ได้เหรอ?...”ใบหน้าคมยังคมซบกับแผ่นอกของร่างเล็กจนได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นถี่รัวของสอง

“หนัก~” คำสั้นๆที่เอ่ยออกมาทำเอาภูเบศธ์จำต้องยอมถอนกายออกจากกายบาง แล้วพลิกตัวลงนอนข้างๆสองโดยที่ไม่ลืมคว้าร่างเล็กเข้ามาไว้ในอ้อมกอด ก่อนจะลุกขึ้นเอาผ้าห่มมาคลุมกายทั้งตอนเองและร่างเล็กในอ้อมกอดที่ทำตาปรือปรอยราวกลับคนง่วงนอน

“ฝันดีนะครับ”ริมฝีปากอุ่นจุบประทับลงบนกลุ่มผมของร่างเล็กที่ค่อยๆหลับตาลงด้วยความเหนื่อยอ่อน

“อือ~”ครางในลำคอเพื่อเป็นการตอบกลับ ก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบไป

ความจริงก็อยากจะฉลองถึงเช้า แต่พอเห็นนอนหลับปุ๋ยไปอย่างนี้ ก็เกิดใจดี...ยอมให้นอนจนได้ล่ะว้า~


:: TBC ::



รีบมาลงก่อนที่จะหายไปอีก 3 วัน (ไปเข้าค่ายT^T)
ไม่คิดว่า จะเร็วขนาดนี้ มาถึงตอนที่ น้องภูได้เสียกับพี่สองจริงๆสักที ฮ่าฮ่าาา ลุ้นกันนานคู่นี้

เรื่องราวความฮายังมีต่อค่ะ ฮ่าฮ่าาาา
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 19 ยานอนหลับดับชวิน P.8 [Up 2/2/
เริ่มหัวข้อโดย: vi2212 ที่ 02-02-2012 23:49:12
และแล้วสองก็ตกเป็นของภูโดยสมบูรณ์...แล้ววินกับเขมจะเป็นไงบ้างน้อ :z1:
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 19 ยานอนหลับดับชวิน P.8 [Up 2/2/
เริ่มหัวข้อโดย: pae666 ที่ 03-02-2012 00:07:56
 :haun4:  :haun4: กรี๊สสสสสสสสสสส ในที่สุดภูก็ได้สองเป็นเมียแล้วเว๊!!! โย่วววววว
ว่าแต่ชวินเหอะ ห่วงลูกสาว ไม่รู้กลับมา จะกลายร่างเป็นคุณพ่อ หรือจะเป็นคุณแม่ หวงลูกสาวแทนน๊ออออออ อิอิอิ  :impress2:
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 19 ยานอนหลับดับชวิน P.8 [Up 2/2/
เริ่มหัวข้อโดย: หมูกระต่าย ที่ 03-02-2012 08:32:08
รวมร่างกันไดัสักที
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 19 ยานอนหลับดับชวิน P.8 [Up 2/2/
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 03-02-2012 08:56:43
เอิ่มม  ชวิน  ไม่ใช่ว่าจะต้องเสียประตูชัยให้หมอเขมเหรอเนี่ยะ
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 19 ยานอนหลับดับชวิน P.8 [Up 2/2/
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 03-02-2012 09:57:49
ลุ้นคู่วินเขมมากกว่าอีก...

เสียให้หมอแน่ ฮ่าๆๆ หมอตรวจร่างกายคนไข้เลยค่ะ คนไข้จะได้เลิกดื้อหวงก้างสักที ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

(หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง)
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 19 ยานอนหลับดับชวิน P.8 [Up 2/2/
เริ่มหัวข้อโดย: Bowbonk ที่ 03-02-2012 10:28:02
 :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1:
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 19 ยานอนหลับดับชวิน P.8 [Up 2/2/
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 03-02-2012 10:54:30
แล้วชวินจะไปนอนไหนอ่ะ
..มามะ มาเลย มานอนที่นี่มั๊ย..
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 19 ยานอนหลับดับชวิน P.8 [Up 2/2/
เริ่มหัวข้อโดย: greensnake ที่ 03-02-2012 11:05:29
ในที่สุดน้องสองก็ตกเป็นของภูจริงๆ
เจ้าเล่ห์ขนาดนี้ก็คงต้องยอมเค้าล่ะ
แถมมีผู้ช่วยระดับปรมาจารย์อย่างกร
รอดมือไปได้ก็ให้มันรู้กันไป :z1:
เป็นห่วงก็แต่ทางฟากคุณพ่อนั่นแหละ
จะเป็นคุณพ่อต่อไปหรือจะกลายเป็นคุณแม่
อันนี้ก็ต้องรอติดตามตอนต่อไป :laugh:
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 19 ยานอนหลับดับชวิน P.8 [Up 2/2/
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 03-02-2012 17:10:57
เสร็จไอ้เด็กปากหมาจนได้นะสอง
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 19 ยานอนหลับดับชวิน P.8 [Up 2/2/
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 03-02-2012 18:38:37
หึหึหึ และแล้ววันนี้ที่เฝ้ารอก็มาถึง :z1:
และยังจะเฝ้ารอต่อไป :haun4:

แอร๊ย เขินอ่ะ :-[

กอดคนเขียน :กอด1: รีบกลับจากค่ายมาอัพไวไวนะตัว :L2:
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 19 ยานอนหลับดับชวิน P.8 [Up 2/2/
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 03-02-2012 21:51:32
5555 เสดกันสักที ถ้าชวินตื่นมารู้เรื่องนี้ ภูเบศธ์จะมีชีวิตรอดอยู่มั้ยน๊าาา
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 19 ยานอนหลับดับชวิน P.8 [Up 2/2/
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 04-02-2012 18:41:23
จนแล้วจนรอดก้อเส็ดจนได้สิน้า อิอิ

ยังไงก้ออย่าลืมมาต่ออีกน้อค๊าฟ อิอิ รอรอน้อ^^
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 19 ยานอนหลับดับชวิน P.8 [Up 2/2/
เริ่มหัวข้อโดย: ryoko_chan ที่ 08-02-2012 00:05:47
บทที่ 20 ก็แค่ด่า..เพราะว่าอยากโดนจูบ




“หือ?.....ที่ไหนวะเนี่ย~”



“ตื่นแล้วเหรอครับ?”เสียงทุ้มของใครบางคนเอ่ยทักขึ้นในขณะคนที่อยู่บนเตียงลุกขึ้นมานั่งมองซ้ายขวาทำหน้าเหรอหราในแบบฉบับที่หาดูได้ยาก

เพราะชวิน ไม่ค่อยจะหลุดมาดเข้มแบบนี้สักเท่าไหร่ หรือว่าไม่จริง?

“เขม?”มองหน้าคนที่เพิ่งเข้ามาในห้องก่อนจะหันไปมองรอบๆห้องอีกทีเพื่อย้ำอะไรบางอย่าง ก่อนจะนึกขึ้นได้แล้วก้มลงมองสำรวจตัวเอง

เสื้อ....ก็ครบแถมกระดุมยังติดทุกเม็ด
กางเกง...ก็ยังอยู่ในสภาพที่ดี ถึงจะหมิ่นเหม่ไปบ้างก็อาจเป็นเพราะการนอนที่ไม่ค่อยจะปกติของตัวเอง
เสื้อผ้าก็อยู่ครบ...แต่ทว่าเพิ่งค้นพบข้อเท็จจริง!!

“นี่พี่ใส่ชุดนอนนายเหรอ เขม!”
โฮ่.... กูไม่อยากจะคิดสภาพ ตอนที่กูนอนแผ่พังพาบให้น้องหมอเขมเปลี่ยนชุดให้กูเล้ย!

“อือ ผมเปลี่ยนให้พี่วินเองแหล่ะ” รุ่นน้องร่วมสถาบันของสองยิ้มสบายๆสไตล์นักศึกษาแพทย์ใจดีก่อนจะวางแก้วน้ำผลไม้ที่ชวินเดาว่าน่าจะเป็นน้ำส้ม พร้อมกับขนมปังไว้โต๊ะข้างหัวเตียง     ในขณะที่ชวินกลับคว้าผ้าห่มแล้วถอยกรูดออกห่างอย่างไม่ไว้วางใจ

“นี่....หวังว่า..คงไม่ได้มองอะไรหรอกใช่มั๊ย?”ชวินเอาผ้าห่มมาคลุมตัวเองถึงอกพร้อมด้วยสายตาระแวง แต่หมอเขมกลับหลุดหัวเราะกับอาการของชวิน

“เปลี่ยนเสื้อผ้า...ก็ต้องมองสิครับ ถ้าไม่มองแล้วผมจะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้พี่วินได้ยังไง?”หมอเขมพูดยิ้มๆ
กูสาบานได้ ว่าไม่เคยเห็นรอยยิ้มของน้องเขมเจ้าเล่ห์แบบนี้!

“เฮ้ย~ เขมอย่าล้อพี่เล่นสิ..พี่ใจไม่ดี”ชวินเองก็เพิ่งรู้สึกว่าตัวเองหวาดกลัวอะไรสักอย่าง อาจจะเป็นเพราะเขิน? ที่ตั้งแต่เกิดมาไม่มีใครได้เห็นผิวกายของตนเองนอกจากบิดามารดาผู้ให้กำเนิด แม้แต่ไอ้สองผู้คอยลวนลามเช้าเย็นก็ไม่เคยมีบุญได้เห็น แต่น้องหมอเขมนี่ไม่ทันไรก็ได้เห็นร่างกายอันกำยำของชวินซะแล้ว!

จะว่าไปก็หาทางเห็นร่างกายน้องหมอเขมสิ จะได้เสมอภาคกัน!!

“โถ่...พี่วิน”หมอเขมยิ้มอย่างอ่อนใจก่อนจะเดินมานั่งลงบนเตียงโดยมีชวินกระเถิบห่างออกอีกนิด เพื่อมีระยะปลอดภัย จนหมอเขมต้องก้มหน้าขำอีกรอบ

   ขอบอกตามตรงตั้งแต่จีบหมอเขมมา กูก็ไม่เคยรู้ว่าระหว่างเราใครจะอยู่ตำแหน่งอะไร?!

“ผมจะบอกอะไรให้”

“อะไร?”ชวินเริ่มไม่ค่อยไว้วางใจ

“ใหญ่กว่าพี่วินน่ะ...ผมก็เคยเห็นมาแล้ว” หมอเขมยิ้มเหมือนเป็นการยั่วกลายๆแถมสายตายังไล้ต่ำลงไป ทำเอาชวินเบิกตากว้าง ก่อนที่มือจะรวบรวมเอาผ้าห่มทั้งมาปิดส่วนล่างของลำตัวไว้

ใหญ่?....อะไรที่ว่าใหญ่...บอกกูมาเดี๋ยวนี้นะครับน้องเขม!!!

ท่าทางของชวินทำเอาหมอเขมขำแล้วก็ขำอีก จนชวินนึกหงุดหงิดใจ ที่ว่าตัวเองไม่ใหญ่พอ(?)

“ผมหมายถึงตัวใหญ่...พี่วินคิดไปถึงไหนเนี่ย~ อีกอย่างผมเรียนหมอนะอย่าลืมสิ”หมอเขมกลั้นยิ้มเพื่อตอบให้ชวินได้โล่งใจ

มากกว่านี้ก็เคยเห็นมาแล้ว...แค่การเปลี่ยนเสื้อผ้าไม่ทำให้ผมหลงเผลอตัวเผลอใจ จนทำอะไรพี่วินหรอก~

“วันนี้ผมมีเรียนบ่ายต้องเข้าไปศึกษาเคส   ยังไงพี่วินก็ทานอาหารแล้วก็อาบน้ำนะ..ผมจะไปส่ง” หมอเขมพูดอย่างสุภาพก่อนจะเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาวางพาดที่ปลายเตียงก่อนจะยิ้มปิดท้ายอีกหนึ่งที

รู้งี้ กูจับน้องหมอเขมกินแทนขนมปังแต่เช้าก็ดี

ชวินบ่นกับตัวเองในใจก่อนจะเผลอยิ้มแล้วหยิบผ้าเช็ดตัวที่หมอเขมหยิบมาให้ขึ้นมา ก่อนที่ความทรงจำบางอย่างจะแว๊บเข้ามาให้หัวสมองทำให้ต้องผลุนผลันลุกขึ้นจากเตียงแล้ววิ่งตามหมอเขมออกมา

“เดี๋ยวสิ เขม”

“ครับ?”หมอเขมหันมาถามอย่างสงสัย

“พี่มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
นี่แหล่ะประเด็นร้อน ที่ชอนไชเข้ามาในเซลล์สมองกูยามปลอดโปร่ง!

“ก็เมื่อวานพี่วินเมา พี่กรก็เลยวานให้ผมพาพี่กลับ”หมอเขมตอบตามที่รู้ที่เห็น แต่ชวินกลับกำมือแน่นแถมขบกรามเสียงดังกรอดๆ

ไอ้แกนนำผู้ก่อการร้าย สุดท้ายกูก็ตกม้าตายเพราะทิวากรจนได้! 
แถมสมองยังประมวลเรื่องราวอะไรบางอย่างต่อไป

“เมื่อคืน นายไม่เห็นภูเบศธ์กับสองใช่มั๊ย?”

“ไม่นี่ครับผมไปถึงก็เห็นแต่พี่ตรฤณกับพี่กร แล้วก็พี่วินที่เมาหลับคอพับกับโต๊ะ”หมอเขมว่าตามที่เห็นอีกเช่นเคย แววตาไม่มีอะไรบ่งบอกได้เลยว่าหมอเขมกำลังโกหก เพราะฉะนั้นเรื่องที่หมอเขมพูดมา ชวินสามารถเชื่อได้เต็มร้อย

“เมือวานพี่ไม่ได้เมาหรอก...”

“เอ๊ะ?”หมอเขมเลิกคิ้วด้วยความสงสัย

“เพราะสงสัยว่าจะโดนไอ้แกนนำผู้ก่อการร้ายมันวางยาต่างหาก”

ชวินพูดพร้อมรอยยิ้มร้ายทำเอาหมอเขมอยู่ข้างๆพลอยกลัวขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ
วางยากูเพื่อให้ลูกได้กับไอ้สอง….เจอะแบบนี้กูแทบจะปรี่เอาปืนไปเป่าหัวทั้งปู่ทั้งหลานรหัส!  เจ็บใจนัก!

เรื่องบางเรื่องชวินก็แค่คาดการณ์ไปว่าที่กรวางยาเขาเพื่อที่จะให้ภูเบศธ์ได้อยู่กับสองโดยไม่มีมารมาขัดขวาง แต่เพื่อให้แน่ใจ....ต้องลองโทรเช็คอีกที เมื่อคิดได้ก็วิ่งกลับเข้าไปในห้องแล้วก็เจอโทรศัพท์มือถือตัวเอง พร้อมกับสมบัติพัสถานกองอยู่รวมกันเพราะคาดว่าตอนเปลี่ยนเสื้อผ้าหมอเขมคงจะเก็บของออกแล้วเอามากองไว้ตรงนี้

เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้

ชวินลองกดโทรออกซ้ำอีกรอบเมื่อได้ยินเสียงตอบรับอัตโนมัติ พร้อมกับพยายามคิดไปในทางที่ดี บางทีเครือข่ายอาจจะไม่ว่างมีคนใช้เยอะอะไรก็ว่ากันไปแต่จนแล้วจนรอด

เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้~
เออ! จะพูดให้ทะลุแก้วหูกู กูก็จะโทรจิกหาตัวลูกอยู่อย่างนี้แหล่ะวะ

“โถ่เว้ย! ” ชวินสบถก่อนจะกดโทรออกเบอร์ใหม่ที่คิดว่าเบอร์นี้น่าจะเปิดเครื่องสแตนด์บายไว้ตลอดเวลา

ตู๊ด.......ตู๊ด......

   เสียงสัญญาณโทรศัพท์แบบนี้ค่อยน่าชื่นใจ ถึงมันจะด่าจะว่ากูเป็น‘ตุ๊ด’ กูก็ยอม!


“โหล~”เสียงยานครางกรอกผ่านมาตามสายทำเอาชวินต้องรีบสนทนากลับ

“ไอ้ตรฤณ...สองอยู่กับมึงหรือเปล่า?”ชวินถามอย่างร้อนรน ไม่ได้รู้เลยว่าอีกฟากฝั่งของสายจะมีลักษณะอาการและท่าทางอย่างไร

‘หือ? ม่าย~....นี่ ไม่...มันไม่ได้อยู่กับกู’

“มึงเป็นอะไรมากป่ะวะ?”แต่น้ำเสียงของตรฤณกลับทำให้ชวินสงสัย เลยลืมอาการห่วงสองไปชั่วครู่แล้วหันมาสนใจตรฤณแทน

‘กูคิดว่า คอกูคงเคล็ด’ พูดจบก็เอามือไปจับๆแถวต้นคอโดยที่ชวินไม่มีทางได้เห็นและจินตนาการได้

“คอเคล็ด?...ช่างมึงเหอะ...แต่ว่าเมื่อวานไอ้สองไม่ได้ไปหาพวกมึงที่ร้านใช่มั๊ย?”ชวินถามอีกครั้งทั้งที่คำถามนี้ก็ได้คำตอบจากน้องหมอเขมไปแล้ว

‘อือ....เอ้อ! กูลืมไปเลย!’ดูเหมือนตรฤณเองจะได้สติเหมือนกัน

‘คือเมื่อคืนกร..’

ตู๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด~

จบอยู่ที่คำว่า‘กร’แล้วสัญญาณก็ดับหายไป...บางทีสติของตรฤณก็อาจจะดับตามไปได้ง่ายๆเช่นเดียวกัน

“โถ่เว้ย! ทิวากรร้ายนักนะ”ชวินสบถเพราะรู้ดีว่าที่สัญญาณหายไปอย่างนี้ไม่ได้เป็นเพราะเกิดเหตขัดข้องทางเทคนิคแต่ประการใด แต่เป็นเพราะเหตุขัดข้องที่เกิดจาก ‘กร’เอง ซะมากกว่า

พอคิดได้ ก็รีบอาบน้ำแต่งตัว แล้วรบเร้าให้น้องหมอเขมพาตัวเองไปหาสองทันที



__________________


“อือ~........”


เสียงแหบครางต่ำในลำคอ ขยับตัวเล็กน้อยเมื่อรู้สึกตัว ดวงตาคมค่อยๆเปิดออกเมื่อรับรู้ว่าแสงแดดเริ่มสาดส่องเข้ามาทางด้านหน้าต่าง ก่อนจะหันมาสนใจสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆที่นอนอยู่ข้างๆตนเองแล้วถ้าแขนแกร่งไม่ได้เกาะที่เอวของสอง คาดว่าเมื่อคืนภูเบศธ์คงได้นอนอยู่บนเตียงคนเดียวส่วนสองก็คงจะกลิ้งตกไปแหมะอยู่กับพื้นด้านล่าง

ภูเบศธ์เผยยิ้มบางๆ เมื่อมองดูร่างเล็กที่นอนเอาแขนไปทางขาไปอีกทาง บุญเท่าไหร่ที่ไม่นอนดิ้นจนเอาหัวไปนอนด้านปลายเตียงน่ะ ว่าแล้วก็ค่อยๆจัดเรียวขาและแขนของคนตัวเล็กให้อยู่ในท่าทางปกติให้มากที่สุด แต่ถึงอย่างนั้นรุ่นพี่ตัวเล็กก็ไม่มีทีท่าว่าจะลืมตาตื่นขึ้นมา ยิ่งทำให้ภูเบศธ์ได้ใจ เอาหัวทุยๆดันเข้ามาซบอกตัวเองได้ย่างง่ายดาย ถึงแม้ลำตัวจะโดนกอด แต่ภูเบศธ์คงชะล่าใจไป เลยทำให้เรียวขาเล็กยกขึ้นก่ายขาของตนเองได้อย่างสวยงาม

ไม่เอาแขนก่ายหน้ากูด้วยเลยล่ะ!

ถ้านึกจริง..สอง กมลินทร์ ก็เลยอยากจะทำจริง เพียงแค่ภูเบศธ์ผละมือออกจากการกอดเพื่อจะไปปลดระวางขาแข้งของสองออกให้พ้นทาง ก็โดนแขนเล็กที่ไม่รู้มาจากไหนเสยเข้าให้ที่คางเต็มๆ

นอนดิ้นได้ใจกูจริงๆว่ะเฮ้ย!

ภูเบศธ์หันกลับมามองร่างเล็กที่ยังก่ายแข้งขาปัดป่ายแขนไปมาเหมือนคนรำคาญตัวอะไรสักอย่างที่มาทำให้รู้สึกตัว แต่พอภูเบศธ์ลองหยุดอยู่นิ่งๆสองก็หยุดนิ่งตามราวกับแกล้ง

“ปกติเป็นคนนอนดิ้นเหรอไง?” ถามไปก็ไม่รู้ว่าใครจะตอบ แต่เท่าๆที่ได้หลับนอนกันมาถึงสามครั้งสามครา(รวมเมื่อคืน)ก็เพิ่งจะเห็นเช้านี้แหล่ะที่สองวาดลวดลายยามหลับได้น่าอัศจรรย์ใจ

   เอ...หรือว่าคราวก่อนๆโดนยานอนหลับเครื่องถึงได้ดับสนิทแบบไม่มีการซึมเปื้อน(?)

“พี่สอง...”
พูดพร้อมกับเขย่าตัวปลุกอีกฝ่ายๆเบาๆ ป้องกันการโดนทำร้ายร่างกายจากสองยามหลับ

“อือ~”ครางในลำคออย่างขี้เกียจเบาๆก่อนจะพลิกตัวหนีไปอีกทาง แต่คราวนี้คิ้วเรียวกลับขมวดเข้าหากันแบบอัตโนมัติเมื่อร่างกายส่วนล่างประท้วงแปลกๆ เหมือนจะรู้สึกเจ็บจนต้องลืมตาตื่น

“ตื่นสักทีน้า แมวขี้เซา”มือใหญ่ยกขึ้นลูบหัวรุ่นพี่ตัวเล็กเบาๆด้วยความรักความเอ็นดู แต่กลับโดนคนตัวเล็กหันมาหรี่ตามองด้วยความไม่พอใจ

“ชักจะมากนะ ลูบหัวคนอายุมากกว่าได้ไง” เสียงหวานดูงัวเงียแต่ก็จับจากน้ำเสียงได้ไม่ยากว่าไม่พอใจ แต่ภูเบศธ์กลับยิ้มรับคำด่าก่อนจะกอดรัดคนตัวเล็กให้แน่นขึ้น จนสองต้องโอดครวญ

“อื้อ~ เจ็บ”สองครางเสียงอ่อย แต่ทำเอาอีกคนตาลีตาเหลือกระคนตกใจ หันมองตามเนื้อตัว ยกแขนขึ้นดูว่าตัวเองไปทำอะไรทำไมสองถึงได้ร้องออกมาอย่างนั้น

“ข้างล่าง...”ใบหน้าหวานแดงซ่านขึ้นมาเมื่อพูด เพราะคงจะรู้ตัวว่าไอ้อาการเจ็บจนทำให้ตื่นขึ้นมานั้นอาจจะมีผลพวงมาจากเหตุการณ์บางอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อคืน

“ขอโทษนะ...”ใบหน้าคมดูเจื่อนไปเล็กน้อยอย่างรู้สึกผิดเมื่อทำอะไรไม่ถูก เพราะรู้ทั้งรู้ว่า ‘ครั้งแรก’ ของสองต้องเจ็บเป็นธรรมดา

“เจ็บมากหรือเปล่า?”มือใหญ่เกลี่ยแก้มใสเบาๆเพื่อปลอบโยนแต่กลับโดนสองจ้องเขม็ง จนรู้สึกเกร็งๆ

“นี่ ภูถามอะไรหน่อยสิ”สองไม่ได้ตอบคำถามแต่กลับเป็นคนถามสวนกลับ

“หือ?”

“เวลา..เอ่อ...‘จุดจุด’กันอ่ะ...มันจะเจ็บเหรอ?...แล้วนายล่ะเจ็บหรือเปล่า?”สองถามอย่างไร้เดียงสาทั้งแววตาและคำพูด ทำเอาภูเบศธ์นึกขำ

 “ก็ถ้าครั้งแรก..อาจจะเจ็บล่ะมั้ง”ภูเบศธ์ตอบด้วยความที่ไม่ค่อยแน่ใจ ในเมื่อครั้งนี้ต่างก็เป็นครั้งแรกของสองและภูเบศธ์แต่ในเคสของภูเบศธ์อาจจะมีความรู้บ้างเล็กน้อยตามความสนใจในเรื่องอย่างว่าที่มีมากกว่าสองอย่างเห็นได้ชัด

“ครั้งแรก?”สองทวนคำตอบ ก่อนจะหลับตาลงเหมือนพยายามสงบสติอารมณ์

ตายห่า! กูว่ากูคงเผลอพูดอะไรที่ไม่น่าจะพูดซะแล้วล่ะมั้งงานนี้~

“เอ่อ...คือ”เริ่มคิดไม่ออกว่าจะแก้ตัวอย่างไร

“แสดงว่าครั้งนี้เป็นครั้งแรกของฉันงั้นเหรอ?”สองกัดฟันถาม เค้นเอาความจริง

“เอ่อ....”ชักไม่แน่ใจว่าควรจะโกหกต่อไปดีหรือไม่ เพราะเกรงว่าจะไม่เหลือเงาหัวกลับไปให้ทิวากรได้เห็น

“ยังว่า...ทำไมไอ้สองครั้งก่อนฉันถึงจำอะไรไม่ได้... ไม่สิ ที่จำไม่ได้ก็เพราะมันไม่มีอะไรเกิดขึ้นใช่มั๊ย!!! ไอ้ภูเบศธ์!  ”สองขึ้นเสียง ก่อนจะดีดตัวลุกขึ้นด้วยความโมโห แต่ทว่าสุดท้ายก็กลับร้องโอดครวญจนภูเบศธ์ต้องลุกขึ้นตามดูแล

   ก็ว่าทำไมไอ้คราวก่อนๆมันจำอะไรไม่เคยได้~ ทีเมื่อคืนล่ะจำได้ทุกช็อตทุกท่วงท่าเชียว!

สองนึกโมโหตัวเองในใจ ก่อนจะโดนมือใหญ่โอบจากทางด้านหลังพร้อมกับเอาตัวเข้าแนบชิดให้ความอบอุ่น แล้วก็ไอ้ความอบอุ่นแบบนี้แหล่ะที่สองหวั่นไหวได้ทุกครั้งจริงๆ

“อย่าโกรธสิ...ที่ผมต้องทำอย่างนั้นก็เพราะผมรักพี่สองจริงๆนะ...ไม่อยากให้พี่สองมีคนอื่นอีกแล้ว”

“ก็เลยหาเรื่องวางแผนให้ฉันเป็นของนายคนเดียวงั้นสิ!” ถึงจะต่อว่า แต่ก็ดูไม่ค่อยจริงจังเท่าที่ควร เพราะไม่เห็นว่าจะมีท่าทีขัดขืนอ้อมกอดของภูเบศธ์เลยแม้แต่น้อย จะมีก็แต่การเชิดใบหน้าไปอีกทางก็เท่านั้น

“โถ่~ถ้าพวกผมไม่ทำอย่างนั้น ถามจริงเหอะ พี่สองจะยอมหันกลับมามองเด็กปากหมาอย่างผมบ้างมั๊ยล่ะ?” ภูเบศธ์ถามด้วยน้ำเสียงออดอ้อนพร้อมกับเอาคางเกยไหล่บางเอาไว้

“พวกผมงั้นเหรอ??! ห๊า นี่อย่าบอกนะว่ากรฮึ้ย~ พวกนายมันนี่น่านักไอ้ตรฤณอีกตัวด้วยใช่มั๊ย?!”ถึงจะเป็นจริงอย่างที่ภูเบศธ์ว่าแต่สองนึกโมโหขึ้นมากับคำว่า‘พวกผม’ เพราะมันหมายความว่าไม่ใช่ฝีมือของภูเบศธ์คนเดียวแน่นอน ภูเบศธ์เลยต้องกอดรัดสองเอาไว้แน่นยิ่งขึ้นเพื่อป้องกันสองฟาดงวงฟาดงาขึ้นมาแล้วจะเจ็บตัวเอาได้ง่ายๆ

“จะว่าอย่านั้นก็ได้”มาถึงขั้นนี้ภูเบศธ์ก็ขี้เกียจจะโกหกอีกต่อไป

“พวกนายมัน…เจ้าเล่ห์!”สองหันไปว่าก่อนจะหันหนีไปอีกทางด้วยความงอนเพื่อให้อีกคนต้องคอยง้อ

“ไม่เอาน่า..ไม่งอนน้า....ผมขอโทษ~” ภูเบศธ์ทำหน้าน่ารักง้อสองพร้อมกับหอมแก้มใสเบาๆ

“........”สองไม่ยอมพูดอะไร นั่งทำหน้าบึ้งอยู่อย่างเดิม

“ผมขอโทษจริงๆนะพี่สอง”น้ำเสียงขี้เล่นของภูเบศธ์หายไปและเปลี่ยนเป็นน้ำเสียงที่ดูจริงๆจังและยอมรับผิด

“ถ้าผมไม่ทำอย่างนั้น...ต่อให้อีกสิบชาติพี่สองก็ไม่หันมาสนใจผม... ผมเจ็บนะเวลาที่ต้องเห็นพี่สองอยู่กับคนอื่น ยิ้มให้คนอื่น หัวเราะอยู่กับคนอื่น...มันเจ็บตรงนี้...มากๆเลย” ภูเบศธ์พูดพร้อมกับค่อยๆพลิกร่างเล็กหันเข้าหาตัวเองก่อนจะคว้ามือเล็กๆขึ้นมาแนบอกซ้ายของตนเองเอาไว้ ทำเอาหัวใจของใครบางคนเต้นไม่เป็นส่ำเมื่อรับรู้ถึงเสียงหัวใจของอีกฝ่าย

“ก็นายมัน...ปากหมา....”

จุ๊บ~

“ผมยังไม่ลืมหรอกนะว่าผมเคยตกลงอะไรเอาไว้^^”

ไอ้ตัวที่ทำหน้าอย่างกับลูกหมาถูกทิ้งเมื่อกี้มันหายไปไหน? ทำไมกูเห็นแต่ไอ้จิ้งจอกเจ้าเล่ห์อยู่ตรงหน้าอีกแล้ววะ! 

“ไอ้บ้า!”

“ฮ่าฮ่า~ ไม่ด่าว่าปากหมาอีกล่ะ?”

“ด่าให้นายจูบฉันอีกหรือไงเล่า!”ถึงจะโวยวายแต่ใบหน้าหวานกลับแดงซ่าน

ตั้งแต่กูเอาไอ้เด็กปากหมาย้ายเข้ามาในสังกัดกู ก็โดนมันหาเรื่องกัดปากได้ทุกสามนาทีเลย ให้ตายเหอะ!

“หายโกรธแล้วเหรอ?”เมื่อสองโหมดเก่ากลับมา ภูเบศธ์ก็ขอยิ้มด้วยความดีอกดีใจที่คิดว่าสองอาจจะหายโกรธแล้ว

“ใครบอก!”พูดกระแทกเสียงแล้วก็ผลักอกอีกฝ่ายออก

“ไม่เอาน่า~ พี่สอง”ภูเบศธ์ยังคงตามออดอ้อนทั้งที่ก็กึ่งนั่งกึ่งนอนกกกอดกันอยู่บนเตียง

“ก็ตอนนั้นนายโกหกว่าได้เวอร์จิ้นฉันนี่!”

ไม่งั้นครั้งนี้กูไม่มีทางยอมให้มันจุดจุดอีกรอบหรอก! เจ็บใจอ่ะ!

“ก็ไม่ว่าจะตอนนั้นหรือตอนนี้สุดท้ายผมก็เป็นคนได้เวอร์จิ้นพี่สองอยู่ดี...ไม่ใช่หรือไง?”ภูเบศธ์พูดอย่างคนเจ้าเล่ห์จนสองเถียงไม่ออกแถมด้วยการขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิด

เออ~ จะว่าไปไม่ว่าจะตอนนั้นหรือตอนนี้ กูก็เสียจิ้นให้มันอยู่ดีคิดไรมาก?
เฮ้ย~


“ได้ไง! นายนี่มัน...อ๊าก! ไม่รู้จะสรรหาคำอะไรมาด่าแล้วเว้ย!”สองพูดอย่างเหลืออดแต่สุดท้ายก็ดิ้นออกจากอ้อมกอดภูเบศธ์ไม่ได้อยู่ดี     ทั้งที่แต่ก่อนเรื่องแค่นี้สองเอาตัวรอดได้ไม่ยาก แต่หลังๆมาเริ่มรู้สึกจะ(หัวใจ)อ่อนแอทุกทีที่อยู่ในอ้อมกอดนี้

เฮ้อ~ เบื่อตัวเองจริงๆ

“ด่าเข้าไปเหอะ ไม่ว่ายังไงพี่สองก็รักผมอยู่ดี ใช่มั๊ยล่ะ?”ภูเบศธ์ยิ้มกรุ้มกริ่มถามคนตัวเล็กที่ออกอาการฮึดฮัดอยู่ในอ้อมกอด

“เออ!”

เป็นการยอมรับว่า “รัก” ที่ดูดิบเถื่อนสมกับสอง กมลินทร์ดีแท้~

คำตอบของสองทำเอาภูเบศธ์ต้องยิ้มหน้าบาน จนยากที่จะหุบได้ภายในสองสามนาที พร้อมด้วยการกอดรัดคนตัวเล็กเอาไว้แน่น แล้วโน้มตัวไปหอมแก้มใสอีกฟอดเพื่อเป็นรางวัลสำหรับคำตอบน่ารักๆของสอง

“อึ๊ย~ น้ำลายติด!”พอโดนคนตัวใหญ่จุ๊บแก้มสองก็รีบเอามือขึ้นมาเช็ดแก้มออกราวกับรังเกียจ แต่ภูเบศธ์กลับยิ้มกริ่ม

“ทีตอนจูบปากไม่เห็นจะบ่น~”แววตาของร่างสูงดูหยอกเย้า ทำเอาคนตัวเล็กต้องหันมาถลึงตาใส่พร้อมกับยกมือขึ้นมาตีปาก

แป๊ะ!

“เจ็บนะ~”ภูเบศธ์โวยวายคืนบ้าง

“เจ็บสิจะได้จำ ทีนายยังทำฉันเจ็บกว่านี้ฉันยังไม่บ่นเลย!”
   ใช่ครับ! สองไม่เคยบ่น เพราะการตบคืนแต่ละหนไม่เคยบ่นให้กูได้เตรียมตัวหลบสักที

“ก็ได้ๆ ไม่บ่นก็ได้..แต่ต้องให้ผมจูบโอเคมั๊ย? ”
ทีงี้ ล่ะทำหน้าระริ้กระรี้ ยังกะปลากระดี่ได้น้ำเชียวนะมึง!

“ไม่~ .. ถอยไปเลยจะไปอาบน้ำ”สองพูดอย่างไม่รักษาน้ำใจก่อนจะผลักอกกว้างออกแล้วพยายามพยุงตัวให้ลุกขึ้น

“ให้อาบให้ป่ะล่ะ?”

“ฉันไม่ใช่เด็กสองขวบที่อาบน้ำไม่เป็น โอ๊ย~ ”หันมาทำตาดุใส่ แต่พอได้ลงน้ำหนักลงขาทั้งสองข้างพลันร่างเล็กก็แข้งขาอ่อนจนร่างสูงที่นั่งอยู่บนเตียงต้องรีบปราดมาคว้าเอาไว้
“เห็นมั๊ยล่ะ?ขนาดเดินยังจะเดินไม่ไหวเลย อุตส่าห์ถามด้วยความหวังดี~”ภูเบศธ์ทำเสียงออดอ้อน แต่สองกลับกัดฟันแน่น เพราะไอ้ความหวังดีของภูเบศธ์อาจจะเป็นลางร้ายสำหรับสองก็ได้ใครจะไปรู้

“หวังดี?! แค่มองตาก็รู้แล้วว่าคิดอะไร”

“รู้เหรอ? งั้นบอกมาสิว่าผมคิดอะไร” ภูเบศธ์ท้าทายพร้อมกับการยักคิ้วให้อีกหนึ่งที

“ก็..เรื่องทะลึ่งๆน่ะสิ..อย่างนายน่ะคิดเรื่องอื่นไม่เป็นหรอก!”สองว่า ถึงแม้ยามพูดใบหน้าหวานจะแดงซ่านก็ตามที

“รู้อย่างนี้แล้วทำไมพี่สองไม่คิดให้เหมือนผมซะล่ะ?”
ภูเบศธ์พูดเล่นกวนประสาทสอง

“จะบ้าเหรอ! อ๊ะ?”ด่ายังไม่จบภูเบศธ์ก็ช้อนตัวสองขึ้นพร้อมกับเดินไปทางห้องน้ำ

“ปล่อยเดี๋ยวนี้เลยน้า~”สองพยายามขัดขืน แต่ดิ้นไปเท่าไหร่ภูเบศธ์ก็ไม่มีทีท่าว่าจะวางตัวเองลง แถมยังเจ็บตัวเองอีกต่างหาก สองเลยจำต้องอยู่นิ่งๆให้ภูเบศธ์อุ้มไปส่งถึงหน้าห้องน้ำ

“อาบน้ำเหอะ...เดี๋ยวจะลงไปหาอะไรมาให้กิน...หิวแล้วยัง?”ภูเบศธ์ไม่ได้ทำท่าว่าจะอยากเข้าห้องน้ำพร้อมกับสองยามที่นำตัวคนตัวเล็กมาส่งถึงหน้าห้องน้ำ แถมยังยิ้มอบอุ่นพร้อมกับถามด้วยความมีน้ำใจ

“อื้อ...หิวเหมือนกัน”

“จะกินอะไรล่ะ?”ถึงสองจะทำหน้าครุ่นคิด  แต่ก็ตอบออกมาว่า

“อะไรก็ได้”
ทำหน้าอย่างกับกำลังทำโจทย์คณิต เห็นครุ่นคิดจนคิ้วแทบจะชนกัน!

    “งั้นจะไปหาดูมาให้แล้วกัน ไอ้‘อะไรก็ได้’น่ะ..ร้านสะดวกซื้อข้างล่างจะมีหรือเปล่าน้า~”ภูเบศธ์ยังคงกวนโมโหสองไม่เลิกไม่รา

“อย่ากวน! ไปเลยไป”สองออกปากไล่ ก่อนที่ภูเบศธ์จะเอี้ยวตัวหันกลับเพื่อมุ่งหน้าไปยังประตูโดยมีสองมองตามแผ่นหลังนั้นไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย เพราะบางครั้งภูเบศธ์ก็ชอบทำตัวไร้สาระไปวันๆ ปากหมาบ้าง หื่นบ้างเล็กๆน้อยพอให้ชีวิตไม่ขาดรสชาติ แต่พอเอาเข้าจริงๆก็ดูจริงจัง แถมบางครั้งยังดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่าตัวเองเสียอีก เพราะถ้าเขาเอ่ยปากว่าไม่..ภูเบศธ์ก็พร้อมที่จะตอบว่าไม่ตามทุกครั้งเหมือนครั้งนี้ที่เขาเองก็กลัวว่าภูเบศธ์อาจจะอยากเข้ามาอาบน้ำให้เขาอย่างที่ปากว่าไว้ แต่สุดท้ายก็แค่ทำเป็นพูดเล่นกวนประสาทเขาเล่นก็เท่านั้นเอง

“นี่ภู~”

“อะไร?...หรือว่าเปลี่ยนใจอยากให้ผมอาบน้ำให้?” แววตาทะเล้นของภูเบศธ์ทำเอาสองต้องถอนหายใจ
ที่คิดไว้เมื่อกี้..กูขอไม่นับอีกสักทีจะได้มั๊ยวะ? 

“ไม่ต้อง! แค่จะบอกว่าซื้อนมสตอเบอร์รี่มาให้ด้วย”สองรีบยกมือห้ามให้คนยืนอยู่หน้าประตูที่เตรียมจะวกกลับมาได้ทุกเมื่อหยุดอยู่ที่ตรงนั้น ก่อนจะบอกความต้องการของตนเอง ซึ่งภูเบศธ์เองก็พยักหน้ารับก่อนจะเดินผิวปากอย่างคนอารมณ์ดีออกจากห้องไป

“ไอ้เด็กบ้าเอ้ย~”
สองบ่นอยู่กับตัวเองทั้งที่ยิ้มจนแก้มจะฉีกก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอารมณ์ดีไม่แพ้กับใครบางคนที่เพิ่งออกจากห้องไป

_____________________

หลังจากที่ตอนแรกชวินกะบึ่งรถ (โดยมีน้องหมอเขมเป็นคนขับรถจำเป็น)ไปหาสองถึงที่หอพัก แต่ทว่าดันมีโทรศัพท์สายด่วนแทรกเข้ามาเลยทำให้ชวินต้องเปลี่ยนจุดมุ่งหมายไปหาเพื่อนอีกคนแทน

‘กรไปเรียนแล้ว...มึงมารับกูด้วย เพราะตอนนี้กูถูกยึดรถ’
ข้อความเสียงจากตรฤณทำให้ชวินนึกขำ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะไปหัวเราะเยาะให้ถึงที่ เอ่อ..ไม่ใช่สิ เป็นรับถึงที่ ตามคำขอร้องของตรฤณ

มีเมียเป็นถึงแกนนำผู้ก่อการร้าย (ของไอ้สอง) กูก็ขออวยพรให้มึงโชคดีสุขขีสโมรสรแล้วกันว่ะเพื่อน!

ไอ้สาเหตุที่โดนยึดรถ ก็คงเป็นเหตุผลบางประการที่ทำให้เพื่อนตรฤณตะลอนไปไหนไม่ได้ อย่างเช่น อยากจะไปหาสอง เหมือนอย่างกับที่ชวินกำลังเป็น พอถึงที่หมาย(ใหม่) ชวินก็รีบขึ้นไปที่ห้องพักของตรฤณ ก่อนที่ตรฤณจะเปิดประตูเพื่อต้อนรับบุคคลที่เพิ่งมาใหม่

“มึงเพิ่งอาบน้ำเสร็จ?”เมื่อเห็นสภาพตรฤณนุ่งผ้าขนหนูตัวเดียวชวินก็มองด้วยความสงสัยแต่ก็เดินเข้าห้องไปพร้อมกับที่น้องหมอเขมตามหลังมาอีกคน

“อาบน้ำ?  กูอาบน้ำเสร็จตั้งแต่ไก่ยังไม่โห่แต่ที่กูต้องนุ่งผ้าอยู่อย่างนี้เพราะกรน่ะสิเอาเสื้อผ้ากูไปส่งซักหมดเลย” ตรฤณว่าพร้อมกับเปิดตู้เสื้อผ้าอันว่างเปล่าให้เพื่อนรักอย่างชวินดูจนชวินต้องหัวเราะออกมาเสียงดังส่วนน้องหมอเขมก็ได้แต่ขำตามแบบฉบับผู้ดี

“พอรู้ว่ากูจะไปขัดไอ้ภูนะ ยึดกุญแจรถกู แถมยังขนเอาเสื้อผ้ากูไปส่งซักป้องกันกูเรียกแท็กซี่ไปหาไอ้สอง มึงคิดดูเอาแล้วกัน”ตรฤณนั่งหมดอาลัยตายอยากอยู่บนเตียงจนชวินต้องตบบ่าเบาๆเพื่อปลอบใจ แต่ก็ไม่วายหลุดหัวเราะออกมาจนได้

“กูก็กำลังจะด่ามึงว่าพ่อมือวางอันดับสองอย่างมึงทำไมถึงไม่ห่วงไอ้สอง...เออ..กูหายโกรธละกัน ฮ่าฮ่า”

พูดไปก็เหมือนปลอบใจแต่ไอ้การหัวเราะตบท้ายนี่มันอะไรครับไอ้ดำ?! กูไม่เคลียร์

“ถ้ามึงรู้ถึงสปิริตกู แล้วจะจะรีบไปหาโล่ให้กูเลยล่ะ”

“ทำไม? อยากเป็นพ่อดีเด่นแทนกู?”

“เปล่า..แต่แค่เมื่อคืน ......”ว่าแล้วตรฤณก็เริ่มเล่า

_________________________



หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ... (นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 19 ยานอนหลับดับชวิน P.8 [Up 2/2/
เริ่มหัวข้อโดย: ryoko_chan ที่ 08-02-2012 00:06:08
“หรือไม่อยากไปต่อล่ะ ตรฤณ~”

“ไปสิ”เป็นคำตอบที่ไม่ต้องผ่านกระบวนการทางทางสมองเลยล่ะ ใช้ไขสันหลังตบล้วนๆ

“นี่กร”เมื่อขับรถออกมาได้สักพักตรฤณก็เอ่ยถามขึ้น เมื่อกรหันมาสนใจตรฤณจึงถามต่อ

“แล้วถ้าเกิดสองคนนั้นมาแล้วไม่เห็นใครจะไม่เป็นอะไรเหรอ?”

“เขาเป็นแฟนกันให้เขาฉลองกันสองคนดีกว่าไม่ใช่เหรอ?”กรไม่ตอบคำถามแต่กลับถามกลับ

“มันก็ดี...แต่ฉันก็เป็นห่วงสอง หลานรหัสนายมันน่าไว้วางใจนักนี่” ตรฤณพูดไปเรื่อยตามประสา และตามความรู้สึกนึกคิด

“ไม่น่าไว้ใจน่ะสิดี...ก็เด็กมันอยากมีเมียจะไปขัดอะไร”กรพูดอย่างมีความสุขแต่นั่นทำเอาตรฤณเบรกรถดังเอี๊ยด! ดีเท่าไหร่ที่ทั้งสองต่างก็คาดเข็มขัดนิรภัยเอาไว้ไม่งั้นหัวของกรอาจจะพุ่งทะลุกระจกหน้ารถก็เป็นได้

“นายว่าอะไรนะ?!”ตรฤณดูโมโหในแบบที่กรไม่เคยได้เห็น

“ก็...ภูเบศธ์มันอยากฉลองกับสองแบบสองต่อสอง”

“อ๋อ~ ที่นายวางยาไอ้วินเพราะจะปล่อยให้ภูกับไอ้สองอยู่ด้วยกันแบบไม่มีใครมาขัดงั้นสิ”ตรฤณชักโกรธคนที่ตัวเองรักซะแล้ว

“ตรฤณน่า~ ฉันก็แค่เป็นตัวช่วย ภูเบศธ์กับสองรักกัน...เรื่องอย่างนั้นมันจะเกิดบ้าง ก็เป็นเรื่องธรรมชาติไม่ใช่หรือไง?”กรเริ่มพูดเสียงอ่อน

“ไม่ได้...ฉันจะไปหาไอ้สอง”ตรฤณพูดเสียงเข้ม

“ตรฤณ....นายไม่อยากไปต่อกับฉันแล้วเหรอ?”กรออดอ้อน

แต่ตอนนี้เวอร์จิ้นไอ้สองสำคัญกว่า...ซะล่ะมั้ง!

“ไม่ล่ะ...เพราะครั้งนี้นายทำเกินไปแล้วจริงๆ”ตรฤณพูดด้วยน้ำเสียงผิดหวังก่อนจะออกรถด้วยความเร็วเพื่อมุ่งหน้าไปสู่หอพักของสอง ใช้เวลาเพียงไม่นานออดี้สีน้ำเงินเข้มก็จอดอยู่หน้าหอพักของตรฤณพร้อมกับที่คนขับเปิดประตูแล้วลงจากรถทันที โดยมีกรวิ่งตามไปติดๆ

“ตรฤณ...”ในเมื่อเรียกแล้วไม่หัน แถมตัวพ่อมือวางอันดับสองกำลังจะเข้าไปขัดความสุขลูกรัก กรก็จำเป็นต้องใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดกับตรฤณ

ผลัวะ!!
เสียงท่อนแขนฟาดลงตรงท้ายทอยของร่างสูงใหญ่จนตรฤณทรุดตัวล้มหมดสติไปทันที กรทำหน้ารู้สึกผิดก่อนจะลูบแขนตัวเองเบาๆด้วยความเจ็บที่ฟาดเข้ากับท้ายทอยของตรฤณโดยไม่ยั้งแรง

ถึงใบหน้ากูจะสวยใส แต่อย่าได้ลืมไปว่ากล้ามกูก็ใหญ่ไม่ใช่หยอก! 

“ขอโทษด้วยนะตรฤณ...ที่ครั้งนี้ฉันทำเกินไปจริงๆ”กรรีบพยุงร่างสูงของตรฤณเพื่อนำกลับรถ ก่อนจะขับรถกลับหอพักของตรฤณ

___________________


“เรื่องทั้งหมดก็เป็นอย่างที่กูว่า”ถึงตรฤณจะเล่าด้วยสีหน้าเศร้าสลดแต่ทว่าคนฟังกลับหัวเราะแบบนอนสต๊อปตั้งแต่เริ่มยันจบเรื่อง

“เฮ้ย กูว่ากูฟังมึงเล่าแล้วเสียเวลาว่ะ..กูไปหาไอ้สองก่อนแล้วกัน”ชวินพูดจบก็ชักชวนหมอเขมออกจากห้อง

“อ้าวเฮ้ยมึง แล้วกูล่ะ?”

“มึงน่ะอยู่นี้แหล่ะไม่ต้องตามไปเป็นผีผ้าขนหนูหรอก ขืนผาหลุดมากูอายแทน!”ชวินพูดยิ้มๆก่อนจะเดินพาน้องหมอเขมออกจากห้องให้ตรฤณร้องโอดครวญอยู่คนเดียว

“อ่อ!”
ชวินวกกลับมาอีกครั้ง

“ส่วนมึง...ก็มีหน้าที่โกรธกรไปแล้วกัน...ทำตามที่กูบอกไม่ต้องถามอะไร เข้าใจ๊?”ชวินสั่งปิดท้ายแล้วปิดประตูห้องลงตามเดิม

“แค่กรคนเดียว กูจัดการได้แต่กูว่าใช้มึงร่วมด้วยอีกคนท่าจะมันส์กว่าเยอะ!” ว่าแล้วชวินก็เหยียดยิ้มที่มุมปาก

_______________________

“ภูเบศธ์!” เสียงเรียกจากทางด้านหลังทำเอาเจ้าของชื่อสดุ้งแถมรู้สึกเสียวสันหลังวาบๆขึ้นมาเมื่อเหมือนจะรู้ว่าคนที่เรียกชื่อตนเองนั้นเป็นใคร

“คะ...ครับ”แต่ภูเบศธ์ก็ต้องทำใจดีสู้เสื้อแล้วหันหลังกลับไปขานรับ

ทำใจดีสู้เสือไว้ ไหนๆก็ได้ลูกเสือมาแล้วนี่!
ชวินเดินเข้ามาประชิดภูเบศธ์ จนภูเบศธ์ต้องรีบถอยกรูดพร้อมกับส่งยิ้มแห้งๆให้

“มาทำอะไรอยู่แถวนี้ นายไม่ได้อยู่หอนี้ไม่ใช่เหรอ?”น้ำเสียงเย็นยะเยือกของชวินทำเอาภูเบศธ์เริ่มสั่นๆ แต่ถึงสั่นก็เป็นสั่นสู้ก่อนจะกลั้นใจตอบคำถาม

“มาหาพี่สองครับ”    ภูเบศธ์ตอบเจ้าของคำถามอย่างสุภาพ ชวินเองก็อดยิ้มอยู่ในใจไม่ได้ที่ไอ้เด็กตรงหน้ามีท่าทางกลัวเขาอย่างเห็นได้ชัดจริงๆแล้วชวินเองก็ไม่ได้กะจะมาต่อว่าอะไร เพราะความจริงแล้วเพื่อนตัวเล็กของเขาต่างหากที่รักเด็กผู้ชายตรงหน้า เพื่อนสนิทอย่างชวินและตรฤณจะมาว่าอะไรได้ อีกอย่างทั้งชวินและตรฤณต่างก็รู้ดีว่าถ้าสองมันไม่ชอบมันไม่ยอมซะอย่าง ป่านนี้ภูเบศธ์คงไม่ได้มาเดินเล่นแถวนี้หรอกเพราะเกรงว่าคงต้องไปนอนแหม็บกับเตียงที่โรงพยาบาล ฤทธิ์ของสองค่อนข้างเยอะ เพื่อนๆนั้นต่างก็รู้ดี

เอ๊ะ?...หรือว่าเมื่อคืนสองคนนี้ไม่ได้มีอะไร คงเป็นเพราะกูอาจหวงสองมากเกินไปซะล่ะมั้ง!

หรือเพราะถ้าเกิดภูเบศธ์มันเกิดหาเรื่องปล้ำสองขึ้นมาจริงๆภูเบศธ์คงไม่ได้มาเดินลอยหน้าลอยตาเป็นลิงแฮปปี้อยู่แถวนี้หรอกว่ามั๊ย?

“เพิ่งมาหาหรืออยู่ด้วยกันตั้งแต่เมื่อคืน?”ชวินรุกถามต่อ ส่วนคนถูกถามก็ได้แต่อ้ำอึ้งตอบคำถามไม่ออก

ถ้าเกิดกูตอบว่าอยู่ตั้งแต่เมื่อคืน กูจะโดนพี่วินเอาปืนยิงแสกหน้ามั๊ยวะ?!

“เมื่อคืน...ครับ” แต่สุดท้ายก็จำเป็นต้องตอบความจริงพอพูดจบก็โดนกระชากคอเสื้อ ความเป็นจริงภูเบศธ์ไม่ใช่ว่าจะไม่มีทักษะในการต่อสู้ เพราะมีดีกรีถึงคาราเต้สายดำ แค่โดนกระชากคอเสื้อยกมือขึ้นมาบิดนิดเดียวก็สามารถจับชวินทุ่มลงกับพื้นได้ง่ายๆ..แต่ภูเบศธ์เลือกที่จะไม่ทำไม่ใช่เพราะเกรงใจ...แต่เป็นเพราะรู้สึกผิดต่อชวินตอนนี้ภูเบศธ์เองก็พร้อมที่จะประกาศกับคนอื่นว่า เขาพร้อมที่จะรับสองในทุกๆอย่างที่ตนเองได้กระทำเอาไว้ โดยเฉพาะกับเพื่อนรักทั้งสองของสองด้วยแล้ว ตอนนี้ภูเบศธ์อยากให้ทั้งชวิน และตรฤณยอมรับเขาในฐานะแฟนของสองอย่างเปิดเผย

“นายทำอะไรสองหรือเปล่า?” ถึงจะเป็นคำถามแต่ภูเบศธ์รู้ดีว่าเหมือนเป็นคำขู่อยู่ในตัว

“.................”ภูเบศธ์หลบตาพร้อมกับแลบเลียริมฝีปากอย่างประหม่า เพียงเท่านี้ชวินก็คาดเดาได้ว่าเมื่อคืนคนสองคนที่อยู่ด้วยกันทั้งคืนคงไม่ได้‘นอน’เฉยๆกันทั้งคืนแล้วล่ะ เพราะว่าอาจจะมีกิจกรรมบางอย่างเข้ามาแทรกก่อนนอนแน่ๆ

“บอกฉันได้มั๊ยภูเบศธ์...ว่านายจะรักสอง..รักสองให้มากๆและจะไม่ทำให้สองของพวกพี่ต้องเจ็บ”น้ำเสียงของชวินแปรเปลี่ยนเป็นจริงจังไม่ได้แฝงความโกรธเคืองใดๆเอาไว้เหมือนตอนต้น ภูเบศธ์จึงสบตากับชวินเพื่อย้ำความรู้สึกของตนเอง

“ถ้าผมทำพี่สองเจ็บ...พี่ลากคอผมไปฆ่าได้เลย”
ถือว่าเป็นคำสัญญาจากเด็กปากหมาแล้วกัน

“แล้วอย่าหาว่าพี่ไม่เตือน ถ้าสองร้องไห้เพราะนาย พี่ฆ่านายแน่”ชวินพูดยิ้มๆไม่ได้มีทีท่าจริงจังกับสิ่งที่ตนเองพูดเสียเท่าไหร่ เพราะรู้สึกมั่นใจไอ้เด็กตรงหน้าเหลือเกินว่า ภูเบศธ์จะไม่มีวันทำให้เพื่อนรักของเขาต้องเจ็บ

“มันจะไม่มีวันนั้นครับ”ภูเบศธ์ยิ้มให้ชวินที่คว้าคอภูเบศธ์เข้ามากอดเอาไว้

“เอ่อ..คุณภูเบศธ์ครับผม ‘หึง’ พี่วินของผมครับ”เมื่อสองหนุ่มเข้าใจกันเลยมีเสียงๆหนึ่งขัดขึ้น
ขนาดไอ้นักศึกษาแพทย์เขมชาติมันหึง...มันยังพูดเพราะได้อีกอ่ะ! จะผู้ดีไปไหนวะ?

“ไม่เอาน่าเขม...” ชวินปล่อยมือจากไหล่ของภูเบศธ์ก่อนจะคว้ามือของหมอเขมมากุมเอาไว้

“หึงมากเหรอ?”ชวินถาม แต่หมอเขมกลับส่ายหน้า

“ผมก็พูดไปอย่างนั้นล่ะครับ” ก่อนที่ทั้งชวินและหมอเขมจะสร้างโลกส่วนตัวขึ้นมาแล้วถีบภูเบศธ์กระเด็นออกจากวงโคจร

กูกลับห้องไปสวีทต่อกับสองก็ได้วะ~

“นี่...ภูเบศธ์”พอภูเบศธ์จะปลีกตัวกลับห้องสอง ชวินก็รั้งไว้

“ฉันขอถามอะไรบางอย่างสิ”ชวินพูดจบก็โน้มเข้าไปกระซิบกับภูเบศธ์ ก่อนที่ภูเบศธ์จะกระซิบตอบคำถามคืน โดยที่ชวินเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา

“คิดไว้แล้วเชียว ”ชวินพึมพำก่อนจะพูดต่อ

“นี่ฝากบอกสองด้วยว่า...มีแฟนแล้วอย่าลืมเพื่อนล่ะ”ภูเบศธ์ยิ้มกับคำบอกกล่าวของชวินก่อนจะพยักหน้ารับ ในขณะที่ชวินและหมอเขมเดินออกจากหอไป ความจริงชวินเองก็อยากจะเจอสองก่อนเช่นกัน...แต่ทว่าตอนนี้ชวินต้องกลับไปสะสางไอ้แกนนำผู้ก่อการร้ายซะก่อน

_____________________________


‘มึง...ทำไงดี..กรง้อกูจนกูจะอดใจไม่ไหวแล้วนะเว้ย’
ข้อความที่ตรฤณส่งมาหาชวิน ทำให้ชวินต้องรีบกลับไปสู้ศึกที่ตรฤณกำลังจะเจอ

“มึงก็ใจแข็งต่อไปเว้ย!กูอยากแกล้งกรซะบ้าง”ชวินพูดพร้อมกับพิมพ์ข้อความส่งกลับคืนให้ตรฤณ

“เขมรีบขับกลับไปหอไอ้ตรฤณเลย”พูดจบหมอเขมก็เร่งความเร็วจนในที่สุดทั้งสองคนก็กลับมาถึงที่หอพักของตรฤณอีกครั้ง

____________________


“ตรฤณ...อย่างอนสิ..ฉันขอโทษนะ..ตรฤณพูดกับฉันหน่อยสิ”
กูหายงอนตั้งแต่ที่กรกลับมาหากูพร้อมด้วยรอยยิ้มแล้วครับ แต่พอดีเพื่อนกูมันบังคับให้งอนใส่อ่ะทำไงได้!

“ตรฤณ~ น้า..ถ้าฉันไม่ทำอย่างนั้น แล้วเมื่อไหร่ คู่นั้นจะสมหวังล่ะ..เห็นใจฉันหน่อยสิ”
งั้นคุณทิวากรก็ช่วยเห็นแก่ท้ายทอยกูบ้างก็ได้ครับ กระแทกมาได้ คอกูไม่หักก็บุญเท่าไหร่แล้ว!

ท่าทางของกรยังดูร้อนรน เพราะเรื่องทั้งหมดกรเองจะบอกว่าไม่ได้ตั้งใจก็คงจะไม่ใช่ แต่พอทำแล้วโดนตรฤณโกรธขนาดนี้กรก็กลับรู้สึกผิดขึ้นมา

จะมีใครเคยรู้บ้างมั๊ย ว่าตลอดชีวิตในรั้วมหา’ลัย หัวใจของกรมีไว้สำหรับตรฤณคนเดียว.....ถึงได้ครองโสดมาตลอดสี่ปีเพื่อรอให้คนหน้าหมีมาสอยลงเอาจากคานตอนปีสี่นี่แหล่ะ!

“ตรฤณจะว่า จะด่าฉันยังไงก็ได้ แต่ขอให้นายแค่พูดกับฉัน...”ดวงตากลมโตเริ่มแดงก่ำจนตรฤณต้องเบือนหน้าหนีก่อนที่โรคหัวใจ(อ่อนแอ)จะกำเริบ

ไอ้วิน! ถ้ามึงยังมาไม่ถึง...กูจะเลิกงอนทิวากรแล้วนะเว้ย!

“ไงล่ะ?....แกนนำผู้ก่อการร้าย”
แล้วก็เหมือนมีเสียงสววรค์มาโปรด เมื่อชวินเดินเข้ามาในห้องของตรฤณที่ไม่ได้ล็อค ตรฤณลอบถอนหายใจก่อนจะรีบเดินไปหาชวิน

“วิน!”กรหันไปมองคนที่เข้ามาใหม่ทันที

“แผนนายเหรอ? ที่ตรฤณโกรธฉันเพราะนายใช่มั๊ย?”กรถามเสียงดังในขณะที่ชวินหาได้เกรงกลัวแมวน้อยที่ออดอ้นตรฤณอยู่เมื่อครู่แล้วแปรสภาพตัวเองเป็นเสือสมิงเตรียมตะปบคอชวิน

“ก็แค่อยากเห็นนายโดนเอาคืนซะบ้าง”ชวินพูดสบายๆในขณที่ตรฤณทำคอหดทำตัวเล็กที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้วหลบอยู่หลังชวินเพราะโดนกรใช้สายตาคาดโทษ

แต่การได้เห็นทิวากรหัวหมุนบ้าง ก็สนุกดีใช่หยอก!

“เอาคืนอะไร?”กรทำเป็นไขสือ

“อย่าคิดว่าคนอื่นไม่รู้...ว่าตัวเองทำอะไรไว้กับไอ้สองบ้าง”ชวินว่า

“ก็ฉันแค่ช่วยหลานรหัสฉัน...ฉันหวังดีหรอกนะ”

“อ๋อเหรอ?  หวังดี?  ขอบคุณมากนะที่หวังดีกับเพื่อนฉันเพราะฉะนั้นฉันก็อยากจะหวังดีกับนายบ้างเหมือนกัน” ชวินยิ้มร้ายโดยที่กรคาดเดาความหมายรอยยิ้มนั้นไม่ถูก

“หวังดี?”กรสงสัย

“นี่ตรฤณมึงรู้ตัวบ้างมั๊ย? ว่ามึงโดนใครบางคนจองตัวตั้งแต่ปีหนึ่งแล้ว”เพียงแค่ชวินเปรยขึ้นมา กรก็เริ่มแสดงอาการรุกรี้ลุกลนจนตรฤณสังเกตได้และก็ได้แต่ภาวนาอยู่ในใจว่าเรื่องที่ชวินจะพูดต่อไปนั้น คงไม่ใช่ความลับที่เขานั้นเก็บเอาไว้มานานหลายปี

“ใครวะ?”ตรฤณถามเหมือนอย่างคนไม่รู้จริงๆ

“ก็คนสวยของมึงไง”ชวินยิ้มร้ายก่อนจะเดินออกจากห้องเพื่อให้คู่รักได้เคลียร์กันเอง แต่ก่อนออกจากห้องก็ไม่วายแอบกระซิบกับกร

“นายรู้ใช่มั๊ยว่าฉันวางยานายแล้วจับนายลากขึ้นเตียงพร้อมกับไอ้ตรฤณ”

“ถ้าไม่รู้ก็คงไม่ใช่กรล่ะมั้ง~”กรยักคิ้วกวนๆ จนชวินอดยิ้มไม่ได้

“รู้งี้ไม่น่าเปิดโอกาสให้นายได้ไอ้ตรฤณมันซะก็ดีจะได้เห็นคนสวยแถวนี้ขึ้นคาน”
ชวินพูดปิดท้ายก่อนจะเดินออกจากห้องไป ทิ้งไว้ให้ตรฤณได้แต่มองอย่างสงสัยคนทั้งสอง

สงสัยต้องไปขอบคุณเด็กไอ้สองที่บอกความลับสุดยอดของกูจนเอามาเป็นเรื่องแกล้งทิวากรได้!

“คุยอะไรกันเหรอ?”ตรฤณเดินเข้าไปกระแซะตัวเข้าหากรพร้อมด้วยคำถามที่ข้องใจ

“คุยว่าฉันจะเอายังไงกับนายดีน่ะสิ..กล้าทำมาเป็นงอนฉันหรือไงห๊า!!!” กรหันไปขู่ฟ่อใส่ตรฤณ แต่คราวนี้ตรฤณไม่กลัวและรีบรวบคนตรงหน้าเข้ามาไว้ในอ้อมกอด

“แล้วฉันควรจะทำยังไงกับกรดีล่ะ ที่ปล่อยให้ฉันแอบชอบนายมาตั้งนานโดยที่ไม่เคยรู้เลยว่านายก็ชอบฉันมาตลอดเหมือนกัน”ตรฤณพูดพร้อมกับกดจูบลงกับแก้มใสของกร

“ก็นายไม่เคยคิดจะจีบฉันแล้วจะให้ฉันไปจีบนายก่อนหรือไง?...นี่ถ้าวินไม่จับฉันกับนายลากขึ้นเตียงวันนั้น ฉันก็คงไม่ได้นายมาเป็นแฟนสักทีน่ะสิ อุ๊บ!”กรบ่นยืดยาวแต่สุดท้ายก็เพิ่งรู้ตัวว่าหลุดความลับอะไรออกมาเลยยกมือขึ้นมาปิดปาก แต่ก็ดูท่าว่าจะสายไปเสียแล้ว ดูได้จากรอยยิ้มของตรฤณได้เลย

“นายก็รู้เหรอ?...ว่าวันนั้นเราไม่ได้มีอะไรกันจริงๆ...แต่ที่นายไม่ปฏิเสธก็เพราะ....รักฉันใช่มั๊ยล่ะ?”ตรฤณพูดพร้อมรอยยิ้มกว้างเพราะความลับนี้ตรฤณเองก็เพิ่งรู้จากชวินมาไม่กี่วันก่อนนี้เอง

   “ร้ายนักนะ..กร” ตรฤณยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะช้อนตัวกรขึ้นมาเมื่อกรไม่ยอมพูดปฏิเสธข้อกล่าวหาใดๆ

“แต่ถึงร้าย...ฉันก็จะรัก”ตรฤณพูดเบาๆ

“อือ”กรรับคำพูดในลำคอ

“ไหนๆวันนั้นนายยังไม่ได้เป็นเมียฉัน..ถ้าอย่างนั้นก็เป็นมันวันนี้ซะเลยแล้วกันนะ ”พูดจบก็อุ้มคนสวยขึ้นเตียง...

โดยที่ไม่มีเสียงร้องขัดขืน จะมีก็แต่เสียงครางหวานๆของทิวากรแทน~

______________________


“ไปนานจัง...”เมื่อภูเบศธ์เข้ามาห้องสองก็ถามขึ้นทันที แต่พอสายตาเหลือบไปเห็นของที่ภูเบศธ์ซื้อมา เจ้าตัวก็เลิกคิดจะเอาคำตอบจากภูเบศธ์      แล้วเดินมาหยิบถุงของที่ภูเบศธ์ลงไปซื้อมาให้ทันที

“แซนด์วิซเหรอ?”สองถามพร้อมกับแกะถุงเพื่อจะได้กินแซนด์วิซได้ โดยมีภูเบศธ์หยิบขวดนมขึ้นมาเปิดฝาแล้วยื่นให้สอง

“อร่อยเหมือนกันแฮะ~”สองกัดไปเคี้ยวไปยิ้มไปอย่างมีความสุขส่วนคนที่มองอยู่ก็ได้แต่ยิ้มตาม ก่อนจะเริ่มลงมือทานส่วนของตนเองบ้าง

“อร่อยหรือหิว?” ภูเบศธ์ถามอย่างขำๆก่อนจะเอื้อมมือไปเช็ดมุมปากที่เปรอะเปื้อนเศษขนมปังให้สอง ก่อนที่มือเล็กจะยกขวดนมขึ้นมาดื่มจนคราบนมสีขาวติดที่ขอบปากบน ภูเบศธ์มองแล้วก็ต้องยิ้ม มือแกร่งกะจะเอื้อมไปเช็ดให้อีกครั้งแต่ทว่ากลับเปลี่ยนใจ  ใช้ปากเช็ดให้คงจะดีกว่า~

ร่างสูงประทับจูบ ก่อนจะใช้ลิ้นเช็ดริมฝีปากให้ร่างเล็กแทนมือ คนตัวเล็กทำตาโต พอรู้สึกตัวก็ผลักอกกว้างออกจากตัว

“ทำบ้าอะไรของนาย!”ร่างเล็กใช้หลังมือเช็ดปากก่อนจะก่นด่าร่างสูงพร้อมด้วยใบหน้าหวานที่เริ่มขึ้นสีระเรื่อด้วยความเขิน

“นมจากปากพี่สอง อร่อยเหมือนกันแฮะ”ภูเบศธ์ยิ้ม แต่สองกลับยิ่งหน้าแดง
แค่นมเปื้อนปาก มันก็หาเรื่องจูบปากกูอีกจนได้!

“พี่สอง”ภูเบศธ์เรียกชื่ออีกฝ่ายจนสองต้องให้ความสนใจ

“หือ?”

“รักนะ... ”ภูเบศธ์พูดพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น

“อื้อ~”สองตอบรับในลำคอเพราะปากยังเคี้ยวแซนด์วิซอยู่เต็มปาก

“เหมือนฝันเลยรู้มั๊ย?..”ภูเบศธ์นพูดพร้อมกับแย่งแซนด์วิซออกจากมือสอง เพราะดูเหมือนสองจะสนใจของกินมากกว่าตนเอง

“มาแย่งแซนด์วิซฉันทำไม?!”สองโวยวาย

“ก็สนใจผมบ้างสิ”ภูเบศธ์ว่าด้วยน้ำเสียงงอนๆ

“ก็สนใจอยู่นี่ไง..เอาแซนด์วิซคืนมา”
นี่ขนาดปากบอกว่าสนใจ แต่ก็ยังแย่งแซนด์วิซกลับไปจนได้~

“รักผมหรือเปล่า?”

“ก็รู้อยู่แล้วจะให้พูดทำไม?”

“ก็อยากได้ยินจากปากนี่”ภูเบศธ์ตีหน้าเศร้า จนสองต้องเหลือบมองก่อนจะวางแซนด์วิซลงกับโต๊ะ แล้วยื่นมือไปจับใบหน้าคมให้หันมองตนเอง

“บางครั้ง....การกระทำก็สำคัญกว่าคำพูด....เข้าใจหรือเปล่าภูเบศธ์”สองพูดก่อนจะจับใบหน้าคมให้ก้มลงแล้วจูบเบาๆที่หน้าผากของภูเบศธ์

“เพิ่งเห็นว่าวัวแก่พูดจาเข้าท่าก็วันนี้แหล่ะ”ภูเบศธ์อมยิ้มทั้งที่รู้สึกดีกับจูบแผ่วเบาบนหน้าผากของตัวเองแต่ก็ไม่วายแอบจิกกัดตามประสาคนปากหมา

ไม่ชมกูเป็นวัวสักวัน มันจะตายหรือไงห๊า! ไอ้เด็กนี่

“ไอ้เด็กปากหมาเอ๊ย~!”
เพียงแค่ด่าจบประโยค ริมฝีปากสีสดก็ถูกริมฝีปากอุ่นชื้นของภูเบศธ์ทาบทับทันที ตามข้อสัญญาที่คนทั้งสองมีต่อกัน
(กูว่ากูไม่เคยไปตกลงสัญญานี้กับมันนะ..มันพูดเองเออเองตลอดอ่ะ!)


แต่ภูเบศธ์จะรู้หรือเปล่าว่า....

สอง กมลินทร์ก็แค่อยากด่า..ทั้งๆที่รู้ว่าจะโดนจูบนี่แหล่ะ! 

.





…..






The End!





















   เฮ้ย~ อย่าลืมกูสิครับ! 



“นี่เขม”

“ครับ?”

“ไหนๆสองคู่นั้นก็ลงเอยกันด้วยดี...งั้นเราก็มาลงเอยบ้างกันบ้างดีมั๊ย?”

“อ้าวตอนนี้เรายังไม่ได้คบกันอีกเหรอครับ?”

“ไม่ใช่อย่างนั้น ก็อย่างตรฤณกับกรเค้าก็รู้ใช่มั๊ยล่ะว่าใครเป็นอะไร ส่วนภูเบศธ์กับสองนี่คงไม่ต้องพูดถึง รู้ไปถึงไหนต่อไหนแล้ว....แล้วเราล่ะ?”

“หมายถึง?”

“ใคร..เอ่อ....คือ....”ชวินกลับรู้สึกเขินขึ้นมานิดๆแฮะทั้งที่คิดว่าหน้าตัวเองฉาบปูนซีเมนต์มาหลายชั้นแล้วนะ

“จะผลัดกันบ้างก็ได้ ผมไม่มีปัญหา”

เฮ้ย~ กูเพิ่งรู้ว่านักศึกษาแพทย์ก็แรงได้ใจ!


“เฮ้ย~เอางั้นเหรอ?...เอาจริงอ่ะ?”

“ทำไมต้องทำเสียงตกใจขนาดนั้นด้วยล่ะ? ก็ผลัดกัน ‘ขับรถ’ ไงไม่ดีตรงไหนล่ะครับ?

อ้าวก็จริงมั๊ยล่ะ? ก็อย่างคู่พี่ตรฤณพี่กร   พี่ตรฤณก็เป็นคนขับรถ
พอคู่ ภูกับพี่สอง ก็ต้องเป็นภูอยู่แล้วเพราะพี่สองขับรถไม่เป็น...

แต่พอดีคู่เราก็ขับรถเป็นทั้งคู่  ก็ผลัดกันไปรับไปส่งสิ.....แฟร์ดี....ว่ามั๊ยครับ^^
(ว่าแล้วก็ยิ้มร้ายปิดท้าย)



Happy Ending~~


เย้ๆๆๆๆ ในที่สุดเรื่องนี้ก็จบแล้ววววววววว :impress2: ดีใจๆๆๆ
แต่ว่ายังมีตอนพิเศษอีก ถึง 2 ตอนนะค้า
รู้สึกว่า คู่ของ หมอเขมกับชวิน จะฮอต...ฮ่าฮ่าาา ก็เลยกำลังคิดว่าอาจจะแต่งคู่นี้เพิ่ม อิอิ :-[ (เพราะที่แต่งไว้ไม่มีของคู่นี้เป็นพิเศษ)

ขอบคุณที่ติดตามอ่านมาตลอดเลยนะค้า
ขอบคุณมากๆค่ะ
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 20 P.8 [Up 8/2/12]
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 08-02-2012 00:28:34
 :3123:
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 20 P.8 [Up 8/2/12]
เริ่มหัวข้อโดย: pae666 ที่ 08-02-2012 00:38:58
ฮิ๊วววววววววววววววววว  :-[ ในที่สุดก็แฮฟฟฟฟฟฟปรี้!! สมหวังกันทุกฝ่ายแล้วน๊าาาา

ขอบคุณที่แต่งเรื่องสนุกๆ มาให้อ่านนะคะ จะติดตามตอนพิเศษ ของหมอเขมกับชวิน แต่ไม่รู้ใครจะรับหรือใครจะส่งก่อนกันน๊าาาาา รุกๆ รับๆ  :haun4:  น่ารักอ่ะ    o13

 :bye2:
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 20 P.8 [Up 8/2/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Bowbonk ที่ 08-02-2012 01:12:15
จบซะงั้น

 o22 o22 o22 o22 o22
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 20 P.8 [Up 8/2/12]
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 08-02-2012 02:31:04
 :L2: เย้ จบแบบไม่ทันตั้งตัว :a5:

น่ารักทุกคู่เลย รอตอนพิเศษนะจ๊ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 20 P.8 [Up 8/2/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 08-02-2012 10:19:37
อ่านเหมือนรู้ว่าเป็นตอนจบ
พออ่านจบก็รู้ว่าเป็นตอนจบจริงๆ
แต่ก็ยังไม่อยากให้จบ..
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 20 P.8 [Up 8/2/12]
เริ่มหัวข้อโดย: หมูกระต่าย ที่ 08-02-2012 11:01:39
ง่า คู่พี่หมอๆด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 20 P.8 [Up 8/2/12]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 08-02-2012 12:24:41
รักกานแบบรุ่นแรงจิงๆ 555++

แต่ก้อน่ารักไปอีกแบบ ยังไงก้ออย่าลืมมาต่ออีกน้า

รอรอค๊าฟ
หัวข้อ: Re: [Poll สำรวจ]“ปีนเกลียว” ...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 20 P.8 [Up 8/2/12]
เริ่มหัวข้อโดย: AllRiseApril ที่ 08-02-2012 14:22:56
5555555555555555 อยากได้ตอนพิเศษของหมอเขมกะพี่วินจ้าาา
พี่สองน่ารักอ่าาา
หัวข้อ: Re: [ใกล้จบ]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 20 ก็แค่ด่า..เพราะว่าอยากโดนจูบ P.8 [U
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 08-02-2012 17:59:46
จบแล้วเหรอสองน่ารัก :กอด1:
หมอเขมอ่ะร้ายลึกจริง ๆเลยคาดว่าวินคงเสร็จหมอเขมแน่ ๆ
หัวข้อ: Re: [ใกล้จบ]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 20 ก็แค่ด่า..เพราะว่าอยากโดนจูบ P.8 [U
เริ่มหัวข้อโดย: ryoko_chan ที่ 08-02-2012 19:44:37
บทพิเศษ



“กูล่ะเกลียดกรจริงๆ ไอ้แกนนำผู้ก่อการร้าย!!!

“แต่กูล่ะชอบกรจริงๆ คุณแกนนำผู้ก่อการรัก


______________________


“ไอ้ตรฤณ!!!!”

“มีอะไรหรอ~...” ดวงตารีเหลือบมองเพื่อนตัวเล็กที่ขึ้นเสียงอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะเหม่อมองไปยังท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ ปลดปล่อยอารมณ์และจิตใจล่องลอยไปในอากาศ....จนคล้ายๆกับอาการของผู้ป่วยที่อยู่ในโรงพยาบาลผู้ป่วยทางจิต

กูยืนยันได้ว่าไม่ได้พูดเกินจริง ไม่รู้ผีบ้าอะไรเข้าสิง ทำเอาเพื่อนกูนั่งเพ้อเป็นลิงถือลูกท้อ!(?)

สองมองเพื่อนรักตัวเองพร้อมกับการขมวดคิ้ว ทั้งที่เขากำลังบ่นเรื่องนู้นเรื่องนี้เกี่ยวกับทิวากรให้ไอ้เพื่อนหน้าหมีฟัง ไม่ว่าจะด่าจะว่าอะไร ไอ้ก็หาเรื่องมาขัดได้ทุกครั้ง

“ไอ้ตรฤณ! มึงฟังกูบ้างมั๊ยเนี่ย? กรน่ะหาเรื่องให้เด็กมันปล้ำกูอีกแล้วนะ!”ตอนนี้สองกำลังหาทางเล่นงานกรโดนการเอาคืนผ่านทางตรฤณ

“ปล้ำหรือสมยอม?”ตรฤณถามกลับ

“สมยอม.. เฮ้ย! ไม่ใช่”ตรฤณยิ้มก่อนจะนั่งเหม่อมองท้องฟ้าจนสองนึกอยากจะโทรไปปรึกษาหมอเขมเกี่ยวกับอาการทางจิตของตรฤณ ไม่รู้ว่าอาการทางจิตเหล่านี้อาจจะมีผลกระทบไปถึงการมีชีวิตอยู่เพราะการที่ตรฤณเป็นอยู่อย่างนี้ อาจจะไม่มีชีวิตรอดถึงสามวัน...

ไม่ใช่ตายเพราะโรคเพ้อ...แต่คงเพราะเจอตีนกูก่อนนี่แหล่ะ!นั่งละเมอถึงทิวากรอยู่ได้ กูรำคาญ! 

“เลิกๆคบไปเหอะคนอย่างนี้น่ะเจ้าเล่ห์!”
สองเริ่มพูดยั่วยุ เผื่อบิงโกเพราะตรฤณคล้อยตามในขณะที่ไร้สติ

“แต่กูว่ากรน่ะเจ้าเสน่ห์~”ตรฤณก็หาคำพูดมาขัดได้ทุกทีสิน่า~
   โว๊ย!กูขี้เกียจจะใสไฟเพราะไม่ว่าจะพูดยังไงไอ้ก็ไม่คิดจะตัดใจจากทิวากรอยู่ดี!

“เออ....ก็เพราะเจ้าเสน่ห์น่ะสิ...มึงถึงโดนสวมเขาไม่รู้ตัว”สองหาเรื่องพูดไปเรื่อยแบบไร้แก่นสารแต่คำพูดกลับไปแทงใจดำของตรฤณเต็มๆ เพราะรู้ๆกันทิวากรนั้นมีหน้าตาเป็นอาวุธใครเห็นก็เป็นต้องเจ็บเพราะความสวยมัน ‘บาดตาและบาดใจ’ มีหนุ่มเล็กหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่จนลามไปถึงหนุ่มแก่เข้ามาเกาะแกะก็มีมันก็น่าโดนว่าอย่างนี้อยู่บ้าง

“มึงว่าอะไรนะ?”
ตรฤณดูเหมือนะมีสติกลับคืนมาพร้อมกับหันกลับไปถามสอง

“เขามึงยาวเป็นวา จนจะทิ่มหัวกูอยู่แล้วยังไม่รู้ตัวอีก”สองพูดพร้อมกับกลั้นยิ้มพร้อมกับที่ตรฤณยกมือขึ้นมาลูบๆคลำศีรษะตัวเองเพื่อเช็คว่ามีสิ่งที่เรียกว่า “เขา” ประดับอยู่บนศรีษะตามคำบอกเล่าของเพื่อนรักจริงหรือเปล่า

“กูก็ว่ากูคันๆหัว..สงสัยเขาเพิ่งจะงอก”ตรฤณเองก็ตอบกลับแบบติดตลก

“รู้ด้วยนี่~”สองพูดแกมประชดในขณะที่สายตาเรียวรีของตรฤณหันไปเจอะกับชายหนุ่มที่คุ้นหน้าค่าตากันเดินเข้ามาในรัศมีของสายตาพร้อมกับเด็กสาวน่าตาน่ารัก

“แต่คงไม่ใช่หรอก...กูว่าเพราะเขามึงต่างหากที่ทิ่มหัวกูมันเลยทำกูคัน
ตรฤณยิ้มร้ายพร้อมด้วยการยักคิ้วให้หนึ่งครั้งตามคอนเซ็ปต์ เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นเป้าหมายบางอย่าง

“ไอ้ตรฤณ! มึงพูดอย่างนี้หมายความว่าไง!”สองหยัดตัวยืนขึ้นก่อนจะถลึงตาขู่เพื่อนที่นั่งหัวเราะจนท้องคัดท้องแข็งอยู่กับโต๊ะ

“ก็ไม่หมายความว่ายังไง มึงแค่ลองหันหลังกลับไปแล้วมึงจะรู้ว่าเขามึงยาวกว่าเขากูเยอะเลย”พูดจบสองก็หันไปตามคำพูดของตรฤณ

ชิชะ! ไอ้เด็กปากหมา ควงสาวน้อยผมหน้าม้าเดินเสร่อกลางโรงอาหาร!
จะหยามกันมากเกินไปแล้วนะไอ้เด็กนี่ เป็นเด็กในฮาเร็มกูดีๆไม่ชอบใช่มั๊ย?


ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลง สองก็เดินปราดเข้าไปหาต้นตอที่ทำให้เขางอกโดยไม่ทันกล่าวลาเพื่อนแม้แต่คำเดียว
ในขณะที่ตรฤณก็ทำได้แค่การเหยียดยิ้มที่มุมปาก พร้อมด้วยการนั่งพิงโต๊ะแล้วไขว่ห้างอย่างสบายอารมณ์เตรียมดูละครน้ำเน่าหลังข่าว ที่นางเอกหวงหึงพ่อพระเอกจนต้องไปตบ “น้องชายของพระเอก”

กูพูดตามตรง กูก็เคยงี่เง่าจนเขาโผล่ เนื่องจากไปหึงกรกับแม่สาว(?)น้อยคนนี้...

เอาล่ะพอโฆษณาจบ...ก็คงต้องตัดเข้าละคร
เพื่อดูความสำเร็จเต็มรูปแบบของคำว่า “แกนนำผู้ก่อการร้าย” ที่สองเคยได้กล่าวยกย่องกรเอาไว้

“จะควงพี่ทำไมเนี่ยภี” ใบหน้าคมติดจะแสดงออกอย่างชัดเจนว่ารำคาญ แต่คนที่หึงจนหน้ามืดตามัวอย่างสองมีเหรอจะทันสังเกต พุ่งหลาวมาด้วยความเร็วสูง ปราดไปปัดมือสาวน้อยคนนั้นออกจากมือเด็กของตัวเอง แล้วควงเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ

“ภูเบศธ์ เป็นเด็กของฉัน! แล้วก็รู้ไว้ซะด้วยว่าไอ้เด็กนี่ชอบคนอายุมากกว่า ไม่ใช่เด็กน้อยอ่อนต่อโลกอย่างเธอ”คำประกาศตัวของสองทำเอาคนทั้งโรงอาหารหันมาสนใจ แต่สองก็ทำเป็นไม่รู้ซะอย่าง ตอนนี้โมโหหึงใครก็ห้ามไม่ได้เด็กผู้หญิงที่เพิ่งโดนปัดมือออกมองสองด้วยอาการงงๆ ก่อนจะกดยิ้มที่มุมปากอย่างนึกสนุกเมื่อนึกขึ้น

รู้แล้วว่าพี่กรสั่งให้ตัวเองเดินควงไอ้พี่ภูทำไม~

“พี่ภู...ลุงนี่เป็นใครเหรอคะ?..”

“ห๊า! ลุง?..ใครเป็นลุงเธอ เสียมารยาท!”สองตะโกนด่าข้ามหัวภูเบศธ์ พร้อมกับพยายามเอื้อมมือไปแกะมือของเด็กสาวออกจากแขนภูเบศธ์ แต่ก็ดูจะไม่สำเร็จเท่าไหร่นัก เพียงแต่ภูเบศธ์จะเอ่ยปากพูด เด็กสาวก็พูดขัดขึ้น

“อ้าว?..ถ้าไม่ให้เรียกว่าลุงจะให้เรียกว่าตาก็ได้นะคะ”สาวน้อยตอบหน้าทะเล้นแต่ทำเอาสองเดือดพล่าน

“อ๊ากกก! ไอ้ภูเบศธ์ นายไปขุดเอาเด็กนรกนี่มาจากไหน!”
สองตะโกนใส่หน้าภูเบศธ์เต็มๆจนภูเบศธ์ต้องสงยิ้มแห้งๆกลับคืน พอจะอ้าปาก(อีกรอบ)เพื่อพูดสิ่งที่ใจต้องการก็โดนสองขัด

“เดี๋ยวนี้นายมีกิ๊กเหรอ?! นี่..มีฉันคนเดียวไม่พอหรือไงห๊า!”สองโวยวาย แต่กลับกลายเป็นเรื่องขำขันกันทั้วโรงอาหาร เพราะนอกจากเด็กสาวที่เกาะแขนอยู่อีกฝากฝั่งจะหันหลังไปแอบหัวเราะแล้ว ก็ยังมีตรฤณที่นั่งหัวเราะชอบใจตบเข่าดังฉาดๆอย่างสนุกสนานอีกคน

“พี่สอง...”

“ไม่ต้องมาแก้ตัว ”

โห~ กูแค่เรียกชื่อยังไม่เอ่ยบริบท ก็หยั่งรู้อนาคตซะแล้วว่ากูจะพูดอะไร

“นี่คือ...”ภูเบศธ์พยายามจะพูดต่อเวลาที่สองหยุดหายใจ

“กิ๊กใช่มะ? ห๊า!”
ถึงจะดีใจว่าโดนหึงแต่การที่โดนสองถลึงตาใส่แบบนี้ มันไม่ได้น่ารื่นพิรมณ์สักนิดจริงๆครับ

 “ไม่ใช่~”ภูเบศธ์เลยได้แต่ปฏิเสธ

“ไม่ใช่กิ๊กแล้วอะไร?..เมียน้อย?!” คำพูดของสองทำเอาภูเบศธ์ตบหน้าผากกว้างตัวเองดังฉาด ในขณะที่ ภี หลุดหัวเราะออกมาอย่างไม่เกรงใจใครแล้วงานนี้ จนสองนึกแปลกใจ เหลือบมองเด็กสาวด้วยความขุ่นเคือง

“เมียพี่นี่สุดยอดจริงๆเลยอ่ะ..นับถือๆ ขอจับมือหน่อยสิ”ในที่สุดภีร์ก็เลิกดัดเสียงเล็กแล้วมองสองด้วยอาการที่เรียกว่ากลั้นหัวเราะ แถมปิดท้ายด้วยการถอดวิคผมออกจนสองเบิกตากว้างด้วยความตกใจ

ตายห่า!   ไอ้เด็กปากหมามีคู่แฝด หน้าตาถอดแบบกันมาเป๊ะเลยอ่ะ!

“น้องชายผมเอง” ภูเบศธ์รีบไขข้อข้องใจให้สองที่ดูว่าจะอ้าปากตาค้างเพราะเห็นหน้าภี น้องชายที่พลัดพรากกันมานานหลายสิบปี เพราะไปเรียนต่อที่อเมริกากับคุณพ่อ...เนื่องจากพ่อแม่ของภูเบศธ์และภีมพลเลิกกัน พ่อเลยเอาน้องไปอยู่ด้วยที่อมเริกา ส่วนภูเบศธ์ก็อยู่กับแม่ที่ไทย

แต่ทฤษฎี ปากหมาเพราะครอบครัวมีปัญหาของสองที่เคยรู้มา ขอยืนยันว่ามันไม่จริงล้านเปอร์!

“โอ๊ะ?...ฉันก็นึกว่านายมีคู่แฝดเห็นหน้าผากเถิกเหมือนกันเป๊ะ!”เพียงแค่ภีถอดวิคผมออกสองก็เกิดอาการตกใจจนลืมความโมโห เมื่อสาวน้อยตรงหน้าเมื่อสักครู่กลายเป็นหนุ่มน้อยที่หน้าตาคล้าย..ไม่สิ เรียกว่าเหมือนภูเบศธ์แบบถอดกันมาตั้งแต่หัวจรดเท้า

“ชักจะไม่ค่อยปลื้มแล้วสิโดนทักอย่างนี้”
ภีมพลใช้มือลูบผมลงมาปิดหน้าผากของตัวเองก่อนที่ภูเบศธ์จะนึกขำ

“แล้วนี่มันอะไรกัน?..ทำไม..อะไรยังไง? ทำไมน้องนายต้องแต่งตัวเป็นผู้หญิง”สองถามด้วยความสงสัย

“ก็.....” แต่พอภูเบศธ์เห็นว่าน้องชายเตรียมจะพูด มือใหญ่ก็ตะครุบปากคนน้องพร้อมกับส่งยิ้มหวานให้สอง

“งานอดิเรกมันน่ะ” ภูเบศธ์ยิ้มกลบเกลื่อนแต่คำตอบของคนพี่ทำเอาคนน้องตวัดสายตามองพี่ชายด้วยความขุ่นเคือง    

   จะพูดแก้ตัวก็ไม่ได้ เพราะโดนไอ้คนพี่ปิดปากเอาไว้อยู่ กูอยากบอกว่าเซ็งมากครับ

“งั้นน้องนายก็เป็นตุ๊ด?”

ช่างเป็นคำถามทำเอาทั้งสองศรีพี่น้องสะอึกได้อย่างพร้อมเพรียง
เมื่อได้ยินอย่างนั้นภีมพลพยายามส่ายหน้าปฏิเสธ แต่ภูเบศธ์กลับหัวเราะอย่างเอาเป็นเอาตายเพราะถูกใจ

“อ้าว? ถ้าไม่งั้นจะชอบแต่งตัวผู้หญิงทำไม”
สองเริ่มหน้าเสียเมื่อทฤษฎีของตนเองผิดพลาดจนโดนหัวเราะเยาะ พร้อมๆกับการที่ภีมพลสลัดตัวออกจากมือของภูเบศธ์ที่ปิดปากตนเองเอาไว้ได้ ก็รีบพูดปฏิเสธ

“ไม่ใช่อย่างนั้นพี่สอง...ผมไม่ได้เป็นตุ๊ด!”
ภีมพลพูดความจริงก่อนจะหันไปมองคนพี่พร้อมด้วยสายตาอาฆาตแค้น

ฝากไว้ก่อนเหอะไอ้พี่ภู! เดี๋ยวสักวันจะยุให้พี่สองจับทำเมีย

“แล้วแต่งตัวเป็นผู้หญิงทำไม?”สองถามอย่างสงสัยอีกครั้ง

“ก็เพราะพี่กร.. อุ๊บ!”

“พี่ตรฤณมาเก็บตัวไอ้ภีด่วน!”
เพียงแค่ภีมพลหลุดคำบางคำออกมาภูเบศธ์ก็ต้องรีบเรียกหน่อยปฏิบัติการพิเศษมาเก็บตัวพยานปากเอกไปอยู่ในที่ที่ปลอดภัย เพราะคาดว่าอีกไม่กี่นาทีพายุทอร์นาโดที่ทางกรมอุตุวิทยาให้ชื่อว่า “วัวแก่พิฆาต” ถล่มเอาด้วยความเร็วลม 300 ไมล์/ชั่วโมง!

“พี่กร?.......ทิ..วา...กร!”สองเน้นตั้งแต่แซ่ยันชื่อที่จะพยางค์ด้วยความชัดเจน เมื่อสมองน้อยๆประมวลผลชื่อนี้ออกมาเป็นตัวอักษรสีแดงหราในสมอง

หาเรื่องแกล้งกูอีกจนได้ ไอ้แกนนำผู้ก่อนการร้ายเอ้ย!  เพราะอย่างนี้ไงกูถึงแช่งให้ไอ้ตรฤณมันเลิกกับกรอยู่เช้าเย็น!

“คือว่า....”

“ไม่ต้องมาแก้ตัว ไอ้ผู้สมรู้ร่วมคิด!”สองรีบสวนกลับทำเอาภูเบศธ์ต้องหุบปากและสงบเสงี่ยมเจียมตัว

“สอง มึงจะโมโหอะไร? ก็แค่กรจับภีมพลแต่งตัวเป็นผู้หญิงเท่านั้นเอง มึงนั่นแหล่ะเข้าใจผิดไปเอง”

กูว่าเพราะกรรู้มากกว่าว่ากูขี้หึง เลยกะดึงเอาเด็กมาร่วมหลอกกูให้ลมออกหูเล่นมากกว่าซะล่ะมั้ง!

“เออ! กูผิดเองที่เข้าใจผิด ผิดเองที่หึงไม่ดูตาม้าตาเรือ...หึงได้แม้กระทั่งน้องชายของภูเบศธ์! กูผิดเองที่โง่เกินไปพวกมึงถึงได้หาเรื่องหลอกกูอยู่ได้ทุกวัน!”สองพูดอย่างหมดความอดทนก่อนจะเดินหนี ทำเอาบุคคลผู้สมรู้ร่วมคิดทั้งหลายได้แต่ยืนมองกันปริบๆด้วยความรู้สึกผิด จะมีก็แต่ภูเบศธ์ที่ได้สติก่อนคนอื่นจึงรีบเดินตามสองไปโดยมีภีมพลและตรฤณมองตามไปพร้อมกับส่งใจไปช่วย เพราะทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว ถ้าสองว่าตัวเองโง่มากที่หึงได้แม้แต่กระทั่งน้องชายที่แต่งตัวเป็นผู้หญิง อย่างนั้นตรฤณไม่โง่กว่าเหรอ ที่หึงได้แม้แต่กระทั่งไอ้เด็กผู้ชายแต่งหญิงยื่นยิ้มอยู่กับกรน่ะ~
เพราะกูหึงได้แม้แต่เพศเดียวกัน(?)! เฮ้อ~

________________________________

“ตรฤณเป็นอะไรไป?”

...ไม่รู้ไม่ชี้!...

“ทำไมพูดด้วยก็ไม่ยอมพูด”

...ไม่เอาไม่อยากพูด...

“ตรฤณ...งอนอะไรอีกล่ะ?ถ้ากับไอ้เด็กวิศวะคนนั้นน่ะนายก็รู้ว่าฉันไม่สนใจหรอก”กรยังคงถาม ส่วนตรฤณก็เอาแต่ส่ายหน้า

...ไม่ใช่...กูไม่ได้หึงไอ้วิศวะลูกครึ่งแขกตาคมคนนั้น....

....เพราะกูคาดว่าพ่อมันคงเป็นแขก...ส่วนแม่มันคงเป็นเจ้าของบ้าน!...

“ไม่ใช่แล้วตรฤณเป็นอะไร?”

....กูก็ไม่รู้ว่ากูหึงทำไม….
…แค่เห็นกรอยู่กับเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งก็เท่านั้นเอ๊ง!...

“ตรฤณ~”

“วันนี้กรมากับใคร?”ในเมื่อเห็นกรกำลังจะถอดใจตรฤณเลยต้องรีบชิงพูดต่อให้บทสนทนาดำเนินไปต่อ
เพราะขืนกูยังเล่นตัวต่อไปมีหวังหลุยส์คู่ใจกรพุ่งใส่หัวแน่นอนครับ กูขอบอก!

“อ๋อ...ภี....ภีมพล น้อง ‘ชาย’ ภูเบศธ์กลับมาเที่ยวที่ไทยน่ะ...นี่อย่าบอกนะว่านายหึงภี?”

“แน่นอน! น่ารักขนาดนั้น เป็นใคร ใครก็ต้องหึง! .... แต่เมื่อกี้นายว่าอะไรนะ? น้องชาย?”ตรฤณพูดด้วยความไม่พอใจส่วนตัว แต่ก็ดันระลึกได้ถึงคำว่า ‘น้องชาย’ ที่กรพูดออกมา

   ได้ข่าวว่ากูเห็นเด็กนั่นใส่กระโปรง สมองกูคงไม่กลวงโบ๋ขนาดแยกเพศไม่ออกหรอกมั้ง! 

“ใช่น้องชาย....อ๋อ นายเห็นว่าหมอนั่นแต่งตัวเป็นผู้หญิงใช่มะ?”กรร้องอ๋อก่อนจะอธิบายต่อ

“ก็แค่เมื่อคืนพวกเราเล่นเกมส์กัน ใครแพ้จะต้องแต่งเป็นผู้หญิง พอดีภีมันแพ้น่ะ”ตรฤณฟังคำบอกเล่าของกร พลางครุ่นคิด

เกมส์แบบนี้ เห็นทีว่ากูคงอยากจะให้ทิวากรแพ้ว่ะ! ฮ่าฮ่า 

“ก็ใครจะไปรู้เล่า แล้วเด็กนั่นก็น่ารักใช่หยอก แถมเป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้ หึงนะ เข้าใจมั๊ยว่าหึงน่ะ!”ตรฤณพูดด้วยความงอนจนริมฝีปากล่างยื่นย้อยกรก็ทำได้แค่การขำกับท่าทางของตรฤณ

“ก็บอกอยู่นี่ไงว่าเด็กนั่นเป็นผู้ชาย แถมยังเป็นน้องชายของภูเบศธ์มัน แล้วก็เป็นลูกพี่ลูกน้องของฉัน...ทีนี้หายงอนได้หรือยัง?”กรจับใบหน้าคมให้หันมองหน้าตัวเองก่อนจะก้มลงไปใกล้ๆให้ตรฤณตื่นเต้นเล่น

“ไม่หาย! จูบก่อนสิแล้วจะหายงอน”ตรฤณยื่นข้อต่อรอง แต่กรกลับเหยียดยิ้มจนตรฤณรู้สึกว่าอยากถอนคำพูดตัวเองขึ้นมาตะหงิดๆ เมื่อรับรู้ถึงรอยยิ้มหวานเคลือบยาพิษของกร
คราวนี้กูคงโดนสันกระเป๋าหลุยส์กระแทกปากแน่นอนครับ!

“อยากให้จูบจริงอ่ะ?” กรยิ้มยั่วพร้อมกับนิ้วเรียวเล็กลูบริมฝีปากหนาอีกฝ่ายแผ่วเบา แต่ตรฤณกลับรู้สึกสั่นๆอยู่ในใจ
ถ้ายังอยากโดนจูบ กูคาดว่างานนี้กูคงไม่ใช่หลุยส์อย่างเดียวที่จูบปากกู แต่อาจมีของกำนัลตามมาติดๆ ......ยกตัวอย่างเช่นฝ่ามือ..

“เอ่อ....คิดว่าคงไม่แล้วล่ะ”ตรฤณยกมือขึ้นปาดเหงื่อก่อนจะค่อยๆจับมือเล็กอกจากใบหน้าตัวเองอย่างเบามือ
เดี๋ยวถ้าจับแรง เดี๋ยวโดนตะปบหน้า ข้อหาทำมือคนสวยเจ็บอีก!

“งั้นก็แล้วไป....”รอยยิ้มของกรแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเคลือบน้ำตาลเหมือนดังเดิม ตรฤณก็เลยได้แต่ถอนหายใจดังเฮือก! ด้วยความโล่งอกโล่งใจ แต่ไม่ทันไร...รอยยิ้มหวานของกรก็เปลี่ยนเป็นเจ้าเล่ห์จนตรฤณตามไม่ทัน

“จะว่าไปขนาดนายยังหึง...แล้วสองล่ะ..จะเป็นยังไง”
พูดจบประโยคก็วิ่งหายวับท่ามกลางฝูงชน จนตรฤณเริ่มไม่ถูกว่าควรจะทำอะไร

_________________


“พี่สอง! หยุดก่อนฟังผมก่อนได้มั๊ย?”ภูเบศธ์ยังคงพยายามวิ่งตามสองที่วิ่งหนีไปอย่างไร้ทิศไร้ทางแต่ดูเหมือนว่าเรียกเท่าไหร่ สองก็ไม่สนใจแถมยังเร่งความเร็วเหมือนอยากหนีไปไกลๆอีกต่างหาก

ความจริงภูเบศธ์เองไม่รู้ด้วยซ้ำ   ว่ากรวางแผนให้ภีมพลมาแกล้งหลอกให้สองหึงเพราะตอนแรกที่ภูเบศธ์ไม่ยอมให้ภีมพลพูด เพราะอยากหาเรื่องแกล้งน้องชายตัวเองให้คนอื่นเข้าใจผิดเล่นๆ แต่กลายเป็นว่าสองกลับคิดไปไกล คิดว่ากรให้ภีมพลแต่งตัวเป็นผู้หญิงเพื่อมาหลอกสอง

แต่จะว่ากันตามความเป็นจริง กรก็คงหาเรื่องแกล้งสองจริงๆนั่นแหล่ะ~

ภูเบศธ์เองก็ไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมทุกคนถึงชอบรุมแกล้งสอง(ทั้งที่ตัวเองก็เป็นหนึ่งในขบวนการบ้าง~) แต่อาจจะเป็นเพราะสองเป็นคนไม่ค่อยคิดอะไร แกล้งทีก็สนุก ...แต่ถ้าเป็นเรื่องขึ้นมาความสนุกก็หดหายไปได้เช่นกัน
แล้วดูนะ ไอ้คนก่อเรื่องไม่ได้ง้อ แต่ไอ้คนง้อก็ไม่ได้ก่อเรื่อง...
เฮ้อ~เกิดเป็นภูเบศธ์กรรมเยอะจริงจริ๊ง! 

“พี่สอง!”ภูเบศธ์ใช้แรงเฮือกสุดท้ายเร่งสปีดจนถึงตัวสองแล้วคว้าข้อมือเล็กนั้นไว้ก่อนจะจับให้เจ้าของมือเล็กหันหน้าเข้าหาตนเอง

“จะตามมาแกล้งอะไรฉันอีก”  สองพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาจนบาดลึกไปถึงขั้วหัวใจของภูเบศธ์ ตอนนี้สองไม่ได้ร้องไห้ฟูมฟายเหมือนเด็กๆเวลาโกรธหรือเสียใจ...แต่ถ้าเย็นชาอย่างนี้สู้ให้ร้องไห้ออกมาภูเบศธ์คงจะรู้สึกดีกว่านี้เยอะ เพราะการที่สองเป็นอย่างนี้ภูเบศธ์เดาความคิดอีกฝ่ายไม่ออก

“พี่สอง...ผมไม่รู้จริงว่ากรใช้ภีมา”

“เหรอ?...”สองถามกลับด้วยคำสั้นๆทั้งที่เบือนหน้าหนี

“อย่าโกรธผมได้มั๊ย?...พี่สองโกรธผมอย่างนี้ ผมรู้สึกไม่ดี”ภูเบศธ์บีบฝ่ามือนุ่มของอีกฝ่ายเบาๆเป็นการขอร้อง แต่สองกลับทำเฉย เหมือนไม่ได้ยินภูเบศธ์พูดเลยสักนิด

“โอเค ฉันอาจจะเคืองๆบ้างเรื่องน้องภีแต่งตัวเป็นผู้หญิงแล้วมายั่วให้ฉันโมโหตามแผนของกร...”

“.......”

“แต่ที่ฉันโมโหมากกว่า..ก็เพราะเรื่องที่นายมีน้องนี่แหล่ะ”

อ๊าว? กูเพิ่งรู้ว่าการที่ภูเบศธ์มีน้องชายมันผิด

“นายไม่เคยบอกฉันเลยภู...นายรู้เรื่องของฉันทุกอย่าง...แต่ฉันไม่เคยรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับนายเลย...ทั้งที่นายเป็นแฟนฉัน” สองพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆพยายามปิดกั้นความรู้สึกน้อยอกน้อยใจของตนเอง แต่สุดท้ายภูเบศธ์ก็รู้อยู่ดี

“วัวแก่น้อย~ ขี้น้อยใจซะด้วยสิ หัวก็ยังไม่เถิกเท่าผมคิดมากอะไรเนี่ย~”ภูเบศธ์คว้ารุ่นพี่ตัวเล็กตรงหน้ามากอดก่อนจะลูบหลังเบาๆ

ตั้งแต่จีบ ยันคบ...จะมีสักวันมั๊ยที่มันไม่ชมกูว่าเป็นวัวแก่ ไอ้เด็กผีนี่! 

“ก็มันจริงมั๊ยล่ะ ฉันไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับนายเลยภู”สองเงยหน้ามองเด็กที่ตัวสูงกว่าก่อนะจเอ่ยขึ้นมาเบาๆเรียกรอยยิ้มของภูเบศธ์

“ผมเกิดวันอะไร?”เสียงทุ้มเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงและแววตาที่อ่อนโยน

“พุธ”

“ที่?”ภูเบศธ์ถามต่อ

“ 4 มิถุนา”สองตอบสั้นๆ ส่วนเรื่องปีที่เกิดก็รู้คำตอบเหมือนวันเกิด แต่แค่ไม่อยากพูดให้เป็นหอกทิ่มแทงตัวเอง เพราะไอ้เด็กตรงหน้าอายุน้อยกว่าตัวเองถึงสามปี ถ้าพูดออกมาทีจะรู้สึกว่าตัวเองแก่อย่างไร้เหตุผล

“ชอบสี?”

“ขาว”ริมฝีปากสีสดเอ่ยตอบสั้นๆ พอกับคำถาม แต่ภูเบศธ์กลับหลงเสน่ห์มันจนยากที่จะถอนสายตา

“กลัวอะไร?”

“แมงมุม”สองตอบพร้อมกับสบตาภูเบศธ์

“ไม่ใช่...”ภูเบศธ์พูดพร้อมกับเผยยิ้ม แต่คำตอบของภูเบศธ์ทำเอาใบหน้าหวานหงอลง เพราะทายผิด

“เห็นมั๊ย...ฉันรู้เรื่องของภูไม่กี่อย่างเอง”

“เปล่า...แมงมุมผมก็กลัว...แต่ตอนนี้ที่กลัวมากที่สุด...คือกลัวการที่ชีวิตนี้ขาดความรักและความเอาใจใส่จากวัวแก่ตรงหน้าต่างหาก

ก็กะว่าจะซึ้ง กับคำพูดที่ซึ้งตรึงใจ  แต่ไม่ทันไรก็มาสะดุดกับไอ้คำว่า “วัวแก่” นี่แหล่ะ! 

“ด่าฉันเป็นวัวแก่อีกแล้วนะ!”สองโวยวายทันที

“อ้าว?...ไม่ซึ้งเลยเหรอ?”ภูเบศธ์ถามขำๆ

“ซึ้งบ้าอะไร ไอ้เด็กนี่ หาเรื่องด่าอยู่นั่นแหล่ะ”

“งั้นก็เอางี้สิ ถ้าผมพูดว่าพี่สองเป็นวัวแก่...ผมให้จูบบวกหอมแก้มเลย เปลี่ยนกันไงเวลาที่พี่สองด่าผมว่าปากหมาผมยังจูบเลยจะได้เท่าเทียมกัน ไม่สิ พี่สองได้เปรียบด้วยนะ ได้หอมผมเพิ่มด้วย”ภูเบศธ์เสนอในสิ่งที่สองรู้อยู่เต็มอกว่างานนี้สองมีแต่เสียกับเสีย

เอากับมันสิพูดจาอย่างกับตัวเองเสียเปรียบทั้งที่ถ้าลองเทียบกับกู...ยังมองไม่เห็นลู่ทางเลยว่ากูจะได้เปรียบมัน

    “ตลก! ใครจะทำอย่างที่นายบอก”

   สองพูดกระแทกเสียงใส่หน้าเป็นการประชดกลายๆ

“เฮ้ย?...ไม่ตลกนะ จริงจัง ดูหน้าสิ”ภูเบศธ์มองสองก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเป็นเคร่งขรึม ในขณะที่สองก็รู้ทั้งรู้ว่าไอ้เด็กผีนี่เก๊กอยู่

“อย่ามาทำเป็นเก๊ก ไม่ได้หล่อขึ้นเลย หน้าผากก็เถิก จมูกก็บาน ไม่มีอะไรให้น่าพิศวาสสักอย่าง”

“แน่ใจ๊? แล้วเมื่อคืนใครขออีกรอบ”ภูเบศธ์เริ่มพาย้อนความหลัง ในขณะที่ใบหน้าของสองเริ่มแดงซ่าน

“ไอ้บ้า! ใคร?..ใครอะไร..อย่ามามั่ว!”สองเริ่มพูดติดขัด แถมด้วยการกระพริบตาถี่ๆอย่างมีพิรุธทำเอาภูเบศธ์ได้แต่ยิ้มอยู่ในใจกับความน่ารักของสองความจริงถ้าที่นี่ไม่ใช่ที่สาธารณะภูเบศธ์คงจับกดสองไปนานแล้วเช่นกัน

“ไม่รู้สิ รู้สึกจะเป็นคนแถวๆนี้ล่ะมั้ง”พอพูดจบริมฝีปากอิ่มก็โดนมือเล็กปิดปาก พร้อมกับใบหน้าหวานหันซ้ายแลขวาไปมาราวกับกลัวว่าจะมีใครมาได้ยิน

“อย่าพูดเชียวนะเดี๋ยวไอ้ตรฤณมาได้ยิน...มันได้หาเรื่องด่าฉันพอดี”สองทำหน้าบูดก่อนส่งสายตาเคืองๆให้ภูเบศธ์ที่แทบจะทนกับความน่ารักของสองไม่ไหว ทำอะไรก็น่ารักจนอยากจะหอมอยากจะกอดเอาไว้แน่นๆ

โอ๊ย.....จะน่ารักไปไหนครับ..สอง แค่นี้ยังทำกูเครซี่ไม่พออีกเหรอครับ!

“พี่ตรฤณจะด่าพี่สองเรื่องอะไร?”ภูเบศธ์ปลดมือเล็กที่ปิดปากตัวเองออกก่อนจะเอ่ยถาม

“ก็เรื่องที่ฉันชอบไปขลุกอยู่ที่คอนโดนนาย แค่นี้ก็มันหาว่าฉันแรดอยู่เช้าเย็น!”สองพูดด้วยความไม่พอใจ แต่ภูเบศธ์กลับหัวเราะออกมาก่อนจะก้มลงแวยหอมแก้มใสฟอดใหญ่ด้วยความหมั่นเขี้ยว

“แต่ว่าอย่างฉันไม่ได้แรดใช่มั๊ยภู? ”สองถามภูเบศธ์ตาแป๋วจนภูเบศธ์ต้องกัดปากตัวเองเพราะภูมิต้านทานความน่ารักของสองมันเริ่มต่ำลงทุกที

“ไม่สักหน่อย...ผมเองนี่นาที่ขอร้องให้พี่สองไปอยู่ด้วย”

ขอร้องเหรอ?..เข้าใจผิดไปหรือเปล่าครับภูเบศธ์ทุกครั้งมึงก็ลากกูขึ้นรถพากลับคอนโดมึงแบบไม่ถามความเห็นกูสักคำ! เพราะฉะนั้นกูไม่ได้แรด เข้าใจใช่มั๊ยไอ้เพื่อนตรฤณ! 

________________________



หัวข้อ: Re: [ใกล้จบ]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทที่ 20 ก็แค่ด่า..เพราะว่าอยากโดนจูบ P.8 [U
เริ่มหัวข้อโดย: ryoko_chan ที่ 08-02-2012 19:45:46
“อ้าว..มึงรู้จักภีก่อนกูอีกเหรอ?”สองเอ่ยถามขึ้นมา

“ถ้ากูไม่รู้กูจะหาเรื่องให้มึงไปเปิดศึกโมโหหึงทำไม ใช่มั๊ยภู?”ตรฤณพูดจากวนอวัยวะเบื้องล่างสองที่รู้สึกว่ามันจะกระตุกๆเมื่อได้ยินในสิ่งที่ตรฤณพูด

กูล่ะซึ้งเพื่อนกูจริงๆ รู้ก็ไม่บอกตั้งแต่แรกแถมยังหาเรื่องแกล้งกูได้อีก มันน่าจับมาฉีกเป็นชิ้นๆ ให้สิ้นชีพไปซะ!

“เอ่อ...ผมไม่เห็นด้วยกับพี่ตรฤณนะ”ภูเบศธ์เองก็รีบปฏิเสธเมื่อโดนตรฤณโยนความผิดมาให้

“กูจะไปฟ้องไอ้ดำ!”สองขู่พร้อมกับชี้หน้า ในขณะที่ตรฤณลอยหน้าลอยตาทำเป็นไม่รับรู้ จนสองต้องเขวี้ยงยางลบใส่หน้าตรฤณ แต่ตรฤณก็รับเอาไว้ได้ทัน ที่จริงสองก็หยิบดินสอกะเขวี้ยง แต่ภูเบศธ์มาเปลี่ยนเป็นให้ถือยางลบแทน ไม่งั้นตรฤณคงได้มีเลือดตกยางออกไปแล้ว พอเห็นว่าสองเขวี้ยงยางลบแทนดินสอ ภูเบศธ์ก็โล่งใจ....ไม่ใช่อะไร เพราะหากพี่เจ็บขึ้นมา เดี๋ยวผีแม่ลูกอ่อนจะเข้าสิงใครบางคน จนเกิดเรื่องวุ่นๆอีกแน่นอน!

“เชิญขี่เด็กของมึงไปฟ้องเลย กูไม่กลัว~”ตรฤณยังคงหาเรื่องแกล้งสองอย่างสนุกสนาน จนกรต้องเริ่มปราม

“อย่าไปแกล้งสองนักสิตรฤณ”กรออกโรง แต่กลับโดนสายตาอขงสองตวัดสายตามอง

ถึงพี่ตรฤณจะแกล้งบ่อยแต่ก็ไร้พิษภัย แต่ถ้ากรออกโรงเมื่อไหร่กูเกือบตายโหงทุกที!
(ภูเบศธ์ขอแทรกแซงทางความคิด!)

“ว่าแต่เขาไม่ดูตัวเองเลยเนอะ~”ตรฤณเหลือบมองคนรักที่นั่งอยู่ข้างๆพร้อมพูดแกมประชด แต่คำพูดมันโดนใจจนสองต้องยื่นมือมาขอจับมือ

“มึงพูดถูกใจว่ะ..เพราะฉะนั้น..เชื่อกู....เลิกกับกรซะ”

“โห..สองใจร้ายอ่ะ!”กรว่า

“ก็นายชอบหาเรื่องแกล้งฉันนักนี่!ให้ไอ้ตรฤณมันทิ้งซะก็ดีจะได้เข็ดใช่มั๊ยไอ้ตรฤณ”

“คราวนี้กูขอไม่ “ใช่มั๊ย” กับมึงได้มั๊ยวะสอง?”ตรฤณเหลือบเห็นสายตาดุๆของกร จึงจำใจต้องปฏิเสธสองไป

กูขอโทษว่ะสอง เพื่อชีวิตคู่ที่สดใส กูไม่กล้าพอที่จะปฏิเสธ
มึงเห็นสายตามั๊ยล่ะ เพราะถ้ากูตอบว่าจะทิ้ง รับรองกูโดนยิงชัวร์ป้าบ!
เห็นหน้าหวานๆอย่างนี้ มีปืนซุกซ่อนไว้ตามกระเป๋าหรือเปล่าก็ไม่รู้~


“อย่างนี้ทุกทีอ่ะมึง กูเลยหาเรื่องเอาคืนกรไม่ได้สักที~”สองบ่นอุบพร้อมกับเอนหัวลงซบกับไหล่ภูเบศธ์

“ก็เพราะนายน่ารัก...ฉันก็เลยชอบแกล้งนายไงใช่มั๊ยภูเบศธ์ ”กรเริ่มขอความคิดเห็นจากภูเบศธ์เพื่อหาแนวร่วมบ้าง

“ใช่..น่ารัก ”ภูเบศธ์เสริมคำ แต่ทำสองถึงรู้สึกว่าตัวเองมีปฏิกิริยากับคำว่า‘น่ารัก’ที่ออกมาจากปากของภูเบศธ์มากกว่าคำพูดของกรก็ไม่รู้ทั้งๆที่เป็นคำเดียวกันแท้ๆ
“ไม่เห็นจะเกี่ยวตรงไหนเลย กรน่ะมั่ว!”สองว่า

“อ้าวแล้วที่ไอ้เด็กปากหมาที่นั่งข้างๆด่านายทุกวัน...มันยังบอกเลยว่าจะจีบนาย แล้วอย่างฉันเห็นว่านายน่ารักแล้วอยากแกล้งบ้างก็ไม่เห็นจะต่างกันตรงไหน?" กรพูดยิ้มๆพร้อมกับแท็คมือกับภูเบศธ์อย่างรู้กัน

นอกจากคนน้องจะปากหมาคนพี่ก็ยังดุยิ่งกว่าหมา แล้วดูท่าว่าจะเป็นพวกชอบทำอะไรบ้าๆกันทั้งตระกูล
มึงคิดเหมือนกูมั๊ยครับเพื่อนตรฤณ


________________________

“เดินทางปลอดภัยนะภี”สองส่งยิ้มให้ภีมพลในขณะที่ภูเบศธ์เป็นคนพูดดกับน้องชายตัวเอง

“ครับ..กลับไปครั้งนี้ไม่รู้ว่าจะได้กลับมาอีกเมื่อไหร่เนอะ”ภีมพลยิ้มทั้งที่ทุกคนมองออกว่าเด็กชายกำลังเสียใจที่ต้องจากพี่ชาย

“เดี๋ยวพี่ไปหาเอง”ภูเบศธ์ลูบหัวน้องชายเบาๆ

“จริงเหรอ?พี่ภูไปหาผมจริงๆนะ”ภีมพลรีบถามกลับอย่างตื่นเต้นในขณะที่ภูเบศธ์พยักหน้ายืนยัน

“อืมไม่นานหรอก..ปีหน้าเองแป๊บเดียว”ภูเบศธ์ตอบพร้อมกับที่เดินมาส่งภีมพลถึงหน้าเกท พร้อมกับทุกคน ทั้งกร พี่ตรฤณ พี่ชวิน และ...สุดที่รักของภู...สองนั่นเอง

อ่อ...ส่วนหมอเขม มาไม่ได้เพราะติดเทสต์ย่อย..เรียนหมอนี่ลำบากจริงๆ

เวลาสองสัปดาห์ที่ภีมพลอยู่ที่ไทยเวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก ทั้งที่ยังจำรอยยิ้ม เสียงหัวเราะทุกคนที่อยู่ร่วมกันได้อยู่เลย แต่พรุ่งนี้ภีมพลก็จะไม่อยู่ด้วยกันแล้ว คิดแล้วมันก็น่าใจหายจริงๆ

“พี่จะไปเรียนต่อที่นั่นเหรอ?”ภีมพลถามต่อ แต่สองกลับเงียบไปจนภูเบศธ์จับสังเกตได้

“อืม...”ภูเบศธ์ตอบทั้งที่ความจริงไม่ใช่

“จะไปเรียนต่อแล้วทิ้งคนบางคนไว้ที่นี่แหล่ะ”ภูเบศธ์พูดทีเล่นทีจริงแต่ดูเหมือนว่าสองจะไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะมาเล่นด้วยสักเท่าไหร่

“อยากไปก็ไปเลยไป..”สองพูดด้วยความงอน ภูเบศธ์ยิ้มกว้างก่อนจะคว้าไหล่คนตัวเล็กเข้ามาโอบเอาไว้ พร้อมกับมือแกร่งอีกข้างบีบแก้มสองเบาๆด้วยความเอ็นดู

“ล้อเล่นน่า~ ผมจะทิ้งพี่สองอยู่ที่นี่ได้ยังไง ถ้าจะไปก็ไปด้วยกันนี่แหล่ะ^^”

“ใครอยากไปกับนายกัน!”สองออกอาการโวยวายทั้งทีดีใจว่าภูเบศธ์จะไม่ทิ้งตัวเองอย่างที่พูดก่อนหน้า

“แล้ววัวแก่ที่ไหนทำหน้าอย่างกับจะร้องไห้ตอนรู้ว่าผมจะไปเรียนต่อที่นู่น”

“ไหน? วัวแก่ตัวไหนไม่เห็นสักตัว”สองทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้แต่ท่าทางแบบนั้นกลับเรียกเสียงหัวเราะได้จากทุกคน

“ไม่รู้ล่ะ ถ้าผมไปผมจะพาพี่สองไปด้วย”ภูเบศธ์มุ่งมั่นแต่กลับโดนเบรคโดนชวินที่เงียบอยู่นาน (เพราะเพิ่งเข้ามาร่วมวงสนทนาหลังจากโทรเช็คหมอเขมที่เพิ่งสอบเสร็จ)

“ไปไหน?! ไม่ให้ไป นายจะเอาไอ้สองไปไหน”มาถึงก็โวยวายเรียกเสียงหัวเราะอีกรอบ ทำเอาสองมองหน้าเพื่อนอย่างไม่พอใจ

แหม่! กูก็กะว่าจะหนีตามกันไป แต่เจอพ่อกูเบรคเอาไว้ มีเคืองนะเว้ยงานนี้!

“ไปอเมริกา...ผมจะพาพี่สองไปด้วย”ภูเบศธ์ตอบ

“แล้วก็อีกอย่าง...ผมไม่ได้ไปเรียนหรอก แค่จะไปเที่ยว แล้วหาเรื่องไปหาน้องบ่อยๆเท่านั้นเอง ”ภูเบศธ์เติมประโยคจนได้ใจความและเข้าใจตรงกันทุกคน

“งั้นก็ไป”สองตอบอ้อมแอ้มทั้งที่ก่อนหน้านี้บอกว่าจะไม่ไป หากไม่ใช่เพราะอาการของคำว่า ‘เล่นตัว’ สองก็คงเซย์เยสไปนานแล้ว

“เฮ้ยย มึงชักจะง่ายไปแล้วนะจะหนีตามผู้ชายไปอเมริกาเลยเหรอ?”ตรฤณแซวขึ้นบ้าง ทั้งที่เพราะความจริงก็ไม่อยากให้สองไป..เพราะถ้าชีวิตนี้ตรฤณขาดสองที่อยู่ด้วยกันมาตั้งนานไป คงทนคิดถึงเพื่อนรักไม่ไหวแน่ๆ ซึ่งมันก็คงไม่ต่างอะไรจากชวิน

“กูไม่ได้หนี นี่ไงกำลังประกาศว่ากูจะไปกับมัน พอใจยัง?”สองเกาะแขนภูเบศธ์เอาไว้แน่นก่อนจะมองหน้าแฟนเด็กของตัวเอง

“ไหนๆภีก็จะกลับแล้ว เราก็ไปส่งภีถึงที่นู่นเลยดีมั๊ยภู?”เสียงหวานเอ่ยอย่างออดอ้อน จนภูเบศธ์แทบจะปรี่วิ่งไปซื้อตั๋วเครื่องบินเอา ณ ตอนนั้น

“เอาจริงเหรอ?”ภูเบศธ์ลองถามย้ำเพื่อความแน่ใจเพราะสองมาโหมดนี้เมื่อไหร่ เดาใจไม่เคยออกสักที!

“จริงๆ”สองยิ้มหวาน พร้อมกับควงภูเบศธ์วิ่งหนีเพื่อนซี้สองคนที่โวยวายไม่ยอมให้ไปท่าเดียว..และรวมถึงกรด้วย

“ภูวิ่ง!”สองออกคำสั่งก่อนจะวิ่งหนีตัวพ่อและตัวแม่(จำเป็น) เพื่อไปซื้อตั๋วเครื่องบินกับภูเบศธ์ โดยมีทั้งชวิน ตรฤณ และกรวิ่งตามไปติด

“เฮ้ย อย่าหนีนะเว้ยไอ้สอง!”ตรฤณตะโกนคนแรก

“ตรฤณมึงรีบวิ่งไปจับตัวลูกสาวมึงเลยนะเว้ย เดี๋ยวลูกสาวมึงหนีตามผู้ชายไปอเมริกา!”ชวินที่วิ่งตามมาติดๆเอ่ยกับตรฤณบ้าง


และปิดท้ายด้วยคนสุดท้าย...กร


“เฮ้ย! ภูเบศธ์....ถ้าแกเอาสองไป แล้วฉันจะหาเรื่องแกล้งใครวะ กลับมาก่อนเลยนะเว้ย!!!!” 
ส่วนหนุ่มน้อยภีมพลที่ยืนอยู่หน้าเกทก็ทำได้แค่เพียงส่ายหน้าช้า แล้วเข้าไปในเกตด้วยความสุขใจ...

“สองมึงอย่าหนีนะ..!”คุณพ่อมือวางอันดับหนึ่งพูดก่อนในขณะที่ยังคงวิ่งตามสองและภูเบศธ์ไปติดๆ

“กูไม่ได้หนี~ กูแค่จะไปเที่ยว!”สองหันกลับมาตอบในขณะที่โดนภูเบศธ์ลากสังขารวิ่งหนี

“ไม่ได้! พวกกูไม่อนุญาต”คุณพ่อมือวางอันดับสองตะโกนฝ่าอากาศตามมาอีก

ถ้าชีวิตขาดไอ้สอง พวกกูคงเหงาแย่ มึงไม่รู้หรือไง๊ ไอ้วัวแก่กมลินทร์~~~

“เดี๋ยวตอนกลับจะพาหลานกลับมาด้วยนะครับ พี่ตรฤณพี่วิน!” ภูเบศธ์หันมายิ้มก่อนจะยิ้มให้คนตัวเล็กที่ตัวเองจับแขนพาวิ่งหนี อย่างมีความสุข

บ๊ายๆ ซียูอะเกนเน็กซ์ไทม์ นะไอ้วิน...และไอ้ตรฤณ  เพราะตอนนี้กูขอลาบินไปฮันนีมูนก่อน

______________________


“นี่ว่าแต่..นายจะพาหลานกลับมาหาพวกนั้นเหรอ?นี่นายยังมีหลานที่อเมริกาด้วย?”

“เปล่า..หลานพวกพี่ตรฤณกับพี่วินก็คือลูกของเราไง”

“ลูกของเรา?”ถามกลับด้วยตาใสแป๋วตามคอนเซปต์

“อื้อ! ก็ไปปั๊มลูกกันที่เมกายังไงล่ะ ฮ่าฮ่า”คำพูดของภูเบศธ์ทำเอาสองรู้สึกว่าตัวเองคิดผิดที่หลงเชื่อหนีตามมันมา

ฮือ...  ไอ้ วินไอ้ตรฤณ  มึงมาช่วยกูด้วย ! ไอ้เด็กเวรปากหมามันจะหาเรื่องปล้ำกูอีกแล้ววววววว!!!


~ THE END ~

เย้ๆ รีบมาลงให้เลยค่ะ
ส่วนตอนหน้า จะลัลล้าพาไปเที่ยวอเมริกากันนะค้าาาาาาาา

ขอบคุณสำหรับการติดตามเรื่องนี้นะค้า>< o13
หัวข้อ: Re: [ใกล้จบ]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ น้องชาย P.9 [Up 8/2/12]
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 08-02-2012 20:32:33
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: [ใกล้จบ]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ น้องชาย P.9 [Up 8/2/12]
เริ่มหัวข้อโดย: bytoey ที่ 08-02-2012 20:56:00
 o13 o13
หัวข้อ: Re: [ใกล้จบ]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ น้องชาย P.9 [Up 8/2/12]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 09-02-2012 00:09:34
จบแล้วสินะเนี่ย หว่า!!

แล้วจะทำไงให้ได้เหงวัวแก่อีกน้า อิอิ

ขอบคุณที่มาต่อให้อ่านน้า  :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: [ใกล้จบ]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ น้องชาย P.9 [Up 8/2/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Bowbonk ที่ 09-02-2012 10:44:14
 :m20: :m20: :m20: :m20: :m20: :m20: :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: [ใกล้จบ]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ น้องชาย P.9 [Up 8/2/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 09-02-2012 12:51:13
แล้ว หมอเขมหล่ะ.. จะได้ไปด้วยหรือป่าว
หัวข้อ: Re: [ใกล้จบ]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ น้องชาย P.9 [Up 8/2/12]
เริ่มหัวข้อโดย: greensnake ที่ 09-02-2012 16:43:16
จบแล้วเหรอเนี่ย ยังสนุกอยู่เลยอ่ะ
แล้วเราจะหัวเราะใครล่ะเนี่ย :jul3:
ไม่ได้ดูบรรดาเพื่อนๆแกล้งสองอีก
แต่ยังมีตอนพิเศษอยู่นี่เนาะ
ตอนหน้าเราจะไปอเมริกา~
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: [ใกล้จบ]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ น้องชาย P.9 [Up 8/2/12]
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 09-02-2012 17:52:19
น่าจะมีตอนที่กรโดนแกล้งมั่ง
หัวข้อ: Re: [ใกล้จบ]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ น้องชาย P.9 [Up 8/2/12]
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 10-02-2012 06:32:00
555555555555+

ปัญหาคาใจเราตอนนี้

หมอเขมกับวิน ใครรุกใครรับคะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

สลับกันเราก็ไม่ว่าหรอกนะ ก๊ากกกกกกกกกกกกกกก :laugh:
หัวข้อ: Re: [ใกล้จบ]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ น้องชาย P.9 [Up 8/2/12]
เริ่มหัวข้อโดย: ryoko_chan ที่ 12-02-2012 18:48:41
ปีนเกลียว ... พากันเที่ยวอเมริกา


   “อื๊อ~ ภู...ไม่เอา อ๊ะ~”
   เสียงแหบเล็กดังอู้อี้ด้วยความงัวเงียหลังจากที่เพิ่งรู้สึกตัวเพราะโดนใครบางคนมาป้วนเปี้ยนซุกไซร้ซอกคอรับอรุณ ทั้งที่สองไม่อาจจะนับได้ด้วยซ้ำว่าเมื่อคืนได้นอนกี่ชั่วโมง ไม่ทันไรไอ้ตัวต้นเหตุที่ทำให้สองได้หลับนอนเอาตอนเกือบรุ่งสาง ก็ยังหาเรื่องปลุกให้ตื่นได้ทั้งที่นอนยังไม่ครบสามชั่วโมงดีด้วยซ้ำ

   “ภู~”น้ำเสียงแหบแห้งเอ่ยติดจะรำคาญ
   จำได้ว่ากูเรียกชื่อมาสองครั้ง ถ้ายังไม่หยุดกระทำ ได้ช้ำในแน่ ไอ้ภูเบศธ์!

   แต่เจ้าของชื่อกลับทำไม่สนใจ มือใหญ่ยังคงลูบไล้ไปตามหน้าท้องขาวเนียนของร่างเล็กด้านล่าง แถมด้วยใบหน้าคมซุกไซร้ซอกคอหอมกรุ่น ถึงการกระทำเหล่านี้อาจจะทำให้คนตัวเล็กเผลอใจเคลิ้มไปกับสัมผัสบ้างเป็นครั้งคราว แต่บางครั้งไอ้อาการที่เรียกว่า “นอนไม่พอ” ก็ทำเอาสองนึกหงุดหงิด

   “ไอ้ภูเบศธ์!”
   เอ่ยชื่ออีกฝ่ายเป็นครั้งที่สามแบบเต็มยศ(?) ตามมาด้วยการกระทำที่สองตั้งมั่นไว้ในใจมาก่อนหน้านี้ มือเล็กทั้งสองประคองใบหน้าคมเอาไว้ให้สบตากับตนเอง แล้วส่งยิ้มหวาน..พร้อมฝ่าเท้าที่ภูเบศธ์ไม่อยากได้รับเหมือนรอยยิ้ม

   ตุ้บ!

   “โอ๊ย~ พี่สอง”เสียงทุ้มครางโอดครวญเมื่อโดนลูกฟรีคลิ๊กเข้าที่ช่วงเอวจนกลิ้งตกเตียงแบบตั้งหลักไม่ทัน พอลุกขึ้นมาได้ก็เอาคางเกยกับเตียงเพื่อมองอีกฝ่ายพร้อมกับสังเกตสถานการณ์ไปในตัว

   เพราะขืนปีนขึ้นเตียงไปสานต่อ...มีหวังโดนเอาปืนจ่อหัวแน่ๆ

   “เมื่อคืนก็ตั้งหลายรอบแล้วนะ มากวนอยู่ได้คนจะนอน!”สองใช้สายตาขู่คนรักที่ทำสายตาละห้อยอยู่ขอบเตียง

   “หลายรอบตรงไหนก็แค่...สี่รอบ”ภูเบศธ์หาเรื่องเถียงพร้อมด้วยการนับนิ้ว

   “สี่รอบ?...สี่รอบบ้านนายสิ...หกรอบ!” สองขมวดคิ้วเมื่อรู้สึกว่าจำนวนที่ภูเบศธ์บอกมามันน้อยกว่าความเป็นจริง พอลองนึกไปนึกมาก็พอบอกได้ว่าสรุปแล้วมันกี่รอบ

   “ก็สี่รอบผมทำ..อีกสองนั่นพี่สองขอต่อ เพราะฉะนั้นผมยังไม่หมดโควต้า!”พูดจบก็เผยยิ้มเจ้าเล่ห์ แถมด้วยการบุ่มบ่ามปีนขึ้นเตียงในลักษณะอาการที่ไม่หวั่นเกรงสองเหมือนคราแรก

   “ไอ้บ้า! ไม่เกี่ยวเลย อื๊อ.....ปล่อยนะ ไอ้เด็กบ้านี่ ฉันบอกให้ปล่อย อ๊ะ...ฮ่าฮ่าฮ่า”สุดท้ายทั้งสองก็ปลุกปล้ำกันไปมาอยู่บนเตียง พร้อมด้วยเสียงหัวเราะ เพราะภูเบศธ์หาเรื่องแกล้งสองด้วยการหอมแก้มใสสลับไปมาทั้งสองข้างแถมมือแกร่งก็ยังไล้ไปตามเอวคอดเรียกเสียงหัวเราะของคนสองคน และพอรู้ว่าสองเริ่มเผลอริมฝีปากอิ่มก้มลงไปจูบริมฝีปากสีสดเพียงเสี้ยววินาที ก่อนจะอมยิ้มเมื่อโดนร่างเล็กย่นคิ้วใส่ด้วยความไม่พอใจ

   “ทำไมผมถึงได้รักพี่สองขนาดนี้นะ~”น้ำเสียงนุ่มทุ้มฟังดูจริงจังแต่ก็ดูขี้เล่นในเวลาเดียวกัน ทำเอาเจ้าของชื่อต้องเผลอยิ้มบางๆส่งคืน

   “ฉันจะไปรู้กับนายเหรอ~”แต่เมื่อโดนร่างสูงจ้องมองร่างเล็กก็กลับหลบสายตาเพราะเริ่มรู้สึกได้ถึงความร้อนผ่าวบนใบหน้าของตนเอง และเหมือนภูเบศธ์จะได้ใจ เลยก้มลงไปประทับจูบริมฝีปากเล็กๆนั่นอีกครั้ง

   “อื้อ......” ครั้งนี้สองไม่ได้ขัดขืนแถมยังหลับตาพริ้มรับสัมผัสอันอ่อนโยนที่ภูเบศธ์เป็นคนมอบให้ แต่ก่อนที่จะเลยเถิดไปมากกว่านี้ เผอิญว่าภูเบศธ์เกิดมาบุญมีแต่กรรมบัง เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นขัดบรรยากาศโรแมนติกเสียก่อน

   “พี่ภู~  พี่สอง~”
   คนที่จะมาเรียกในยามเช้าแบบนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเสียงของคนน้องที่ชอบมารบกวนเวลาแห่งความสุขของคนพี่เสียเหลือเกิน ภูเบศธ์ผละริมฝีปากออกจากสองอย่างอ้อยอิ่งนึกเสียดายจนต้องทำเสียงจิ๊เบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นไปเปิดประตูห้องอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก

   “ลูกกูอยู่ไหน?!” แต่ทว่าพอเปิดประตูมากลับเจอเจ้าของเสียงดุๆของคนที่คุณก็รู้ว่าใคร ซึ่งคนคนนี้จะดุมากเป็นพิเศษเวลาที่ภูเบศธ์อยู่ใกล้กับสองเกินปกติ

   “พี่วิน!” ภูเบศธ์หน้าซีดเผือดอย่างเห็นได้ชัดเจนบุคคลแวดล้อมแถวนั้นพากันส่งเสียงหัวเราะ
   คิดดู๊! นี่ขนาดกูลักพาตัวลูกมาไกลถึงอเมริกากูยังโดนพ่อเขาตามฆ่าได้ถึงที่อีกอ่ะ!

   “มึงดูต้มยำกุ้งมากไปเปล่าวะวิน? ฮ่าฮ่า”เหมือนตรฤณมาช่วยชีวิต เพราะเพียงแค่ตรฤณเอ่ยทักเพื่อนตัวเอง ชวินก็หลุดหัวเราะออกมาทันที

   เฮ้อ~ โล่งอก ที่กูไม่โดนชกจนหน้าแหก! แต่ก็เคืองที่หน้าต้องแตกเพราะโดนพี่วินแกล้งให้กูกลัวจนหัวหด!

   “ฉันล้อเล่นน่ะภู~”ชวินพูดยิ้มๆก่อนจะตบบ่าคนรักของเพื่อนเบาๆ

   “ไอ้สองมันตื่นยังวะ?”ตรฤณเอ่ยถามขึ้นมาบ้าง พร้อมด้วยการชะโงกหน้าหาเพื่อนตัวดีที่คาดว่าจะหลับนอนอยู่ในห้อง

   “ตื่นแล้ว...เข้ามาก่อนครับ...”ภูเบศธ์ต้อนรับอย่างเป็นกันเอง พร้อมด้วยการเดินนำกลุ่มพ่อ(?) เอ้ย! กลุ่มเพื่อนของสองเข้าไปหาบุคคลที่พูดถึง

   ตื่น....ตรงไหนวะ?  ได้ข่าวว่านอนหลับตาพริ้มแถมด้วยเสียงเอฟเฟค ฟี้~ ฟี้~ เนี่ย

   พอหันกลับมาอีกทีกลายเป็นว่าสองหลับไปอีกครั้ง จนภูเบศธ์ต้องส่ายหน้าช้าๆพร้อมกับยิ้มแก้มปริกับความน่ารักของสอง ที่หลับได้แม้แต่มีเสียงโหวกเหวกโวยวายอยู่หน้าห้อง
   ท่าทางจะเหนื่อยจริงๆแฮะ~

   “เฮ้ย! มึงตื่นๆๆๆๆๆ ตื่นมาดูซิว่าใครมาหา”ตรฤณมุดตัวเข้าไปในห้องได้ก็กระโดดปีนขึ้นเตียงเลิกผ้าห่มออกแกล้งคนนอนหลับทันที

   “อื๊อ! ภูบอกแล้วไงว่าอย่ากวนคนจะนอน!”สองไม่แม้แต่จะลืมตาขึ้นมามองว่าตัวเองยกเท้าถีบใครจนตกเตียง

   ตุ้บ!

   ไอ้สอง! มึงเตะไม่ได้ดูเลยนะว่ากูน่ะเพื่อนไม่ใช่ผัวมึง!


   “ฮ่าฮ่า...”เมื่อเพื่อนรักนามว่าตรฤณกลิ้งตกเตียงเพราะโดนลูกฟรีคลิ๊ก แทนที่บุคคลที่อยู่ร่วมเหตการณ์กันประมาณสามสี่คนจะวิ่งเข้ามาช่วยเหลือ แต่กลับพร้อมใจกับอ้าปากหัวเราะเสียงดัง

   คนที่ชื่อตรฤณงอน...ส่วนคนชื่อสองยังคงหลับต่อไป

   ลำบากคนใกล้ชิดต้องเดินเข้าไปหาสองพร้อมกับจุ๊บแก้มใสของคนนอนหลับเบาๆ

   “ตื่นได้แล้ว เพื่อนมาหาแน่ะ”ภูเบศธ์กระซิบข้างหูเบาๆเพื่อเรียกคนตัวเล็กให้ตื่นจากห้วงนิทรา
   ป้าบ
   แต่ทว่าสองคงนึกว่าเป็นแมงหวี่แมงวันที่ชอบบินวนแถวหู เลยปัดมือไล่ความรำคาญจนโดนแมลงวันตัวใหญ่เข้าให้ดังป้าบ ทำให้ใบหน้าคมเกิดรอยแดงขึ้นอย่างที่ภูเบศธ์ก็ทำอะไรกับมันไม่ได้

   ตายซะ!  ช่วยไม่ได้ก็คนจะนอนอยากมาเห่ามาหอนแถวหูกูเอง!

   ไอ้แมลงวันเอ้ย~(สองนึกอยู่ในใจ)


   “ร้ายกาจจริงๆไอ้นี่”ชวินมองเหตุการณ์ตรงหน้าพร้อมกับส่ายหน้า ก่อนจะเดินไปทำหน้าที่เป็นคนปลุกสองคนที่สาม หลังจากที่ตรฤณละภูเบศธ์เป็นหน่วยกล้าตายมาก่อนหน้านี้

   “เฮ้ย! ตื่น! เด็กมึงมีกิ๊ก!”ชวินเอ่ยเรียกเสียงดังพร้อมกับการยื่นเท้าไปสะกิดขาเพื่อนรักแรงๆเพื่อป้องกันท่าไม้ตายสองที่ตบเตะโดนหัวหูไอ้หน่วยกล้าตายมาแล้ว

   เฮ้ยได้ผลแฮะ! เด้งขึ้นมาทำตาสว่างเชียว!

   “ว่าอะไรนะ?!”เด้งตัวลุกขึ้นมาพร้อมกับถามทันทีแบบอัตโนมัติ แต่พอดวงตาเรียวรีมองเห็นคนที่ยืนยิ้มแฉ่งอยู่ตรงหน้าก็รีบกระโดดลงจากเตียง

   “เฮ้ย! ชวิน~”สองโผกอดชวินไว้เสียแน่น ก่อนที่พ่อมือวางอันดับสองจะเกิดอาการน้อยใจขึ้นมาตงิด

   ได้ข่าวว่ามึงมีเพื่อนสนิทอยู่สองคน  แต่ทำไมถึงรู้สึกว่ากูกลายเป็นคนที่มึงรักน้อยกว่าวะ  ไอ้สอง!

   “สองกูก็มานะ”ตรฤณร้องเรียกพร้อมกับอ้าแขนออกกว้างเพื่อให้ลูกได้วิ่งมาสู่อ้อมอก แต่สองแค่หันไปตามเสียงเรียกแล้วหันกลับมายิ้มและพูดคุยกับชวินต่อ

   สงสัยช่วงนี้ดวงตก ... เป็นหมีหัวเน่าตกกระป๋อง ทั้งกับเพื่อนและกับเมีย!

   “โอ๋~ กูล้อเล่น~”พอสองและชวินเห็นว่าตรฤณยืนทำหน้าเศร้าคอตกหางตก สองเลยต้องเดินไปกอดตรฤณเบาๆ ซึ่งเรียกรอยยิ้มจากตรฤณ แถมด้วยการยกมือใหญ่ๆของตนเองไปหยิกแก้มเพื่อนรักตัวเล็กด้วยความคิดถึง

   “คิดถึงมึงจังเลย~”ตรฤณพูดพร้อมกับรอยยิ้มอบอุ่น

   “กูก็คิดถึงมึง ตรฤณ..ว่าแต่คุณแกนนำผู้ก่อการร้ายไม่มาด้วยเหรอ?”
   เออ..ก็เพิ่งจะสังเกตเนอะ!

   “กรเหรอ รายนั้นเขาไม่อยากมากับฉันหรอก”พูดจบไอ้ก็ทำหน้าเศร้าราวกับไอ้ทุย เอ้ย! ไอ้ขวัญรออีเรียม สองเลยต้องหันไปถามชวินด้วยสายตาแต่ชวินกลับส่ายหน้าเพราะไม่รู้เรื่องเหมือนกัน

   “เออ..เลิกๆกันก็ดี กูจะได้สบายใจ ฮ่าฮ่า”สองตบไหล่ปลอบตรฤณเบาๆ พร้อมเสียงหัวเราะ ตรฤณจึงพยายามที่จะยิ้มตาม

   “ฮ่าฮ่า..สมใจมึงล่ะสิ ที่กูจะเลิกกับกรได้สักทีน่ะ ใช่มั๊ย?”ตรฤณพูดยิ้มๆเหมือนเป็นเรื่องตลกอย่างที่สองว่า แต่สองกลับรู้ดีว่าตรฤณไม่ได้อยากยิ้มเหมือนที่ปากยิ้มอยู่ ณ ตอนนี้ สุดท้ายก็พร้อมใจที่จะเปลี่ยนเรื่องเปลี่ยนราว เพราะถ้าเกิดตรฤณพร้อมที่จะเล่าเมือไหร่ เดี๋ยวก็เล่าเอง ไปถามเอาตอนนี้ก็ลำบากใจกันไปเปล่าๆ

   “พอเพื่อนมาละลืมผมเลยนะ” บุคคลที่ยืนมองภาพความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนแบบไม่ให้สุ่มให้เสียงอยู่นาน ก็เริ่มอยากมีส่วนร่วมขึ้นมาบ้างโดยการเดินไปโอบเอวสองเอาไว้

   “เออใช่! เมื่อกี้มึงบอกกูใช่มั๊ย? ว่าเด็กกูมีกิ๊ก”แต่พอภูเบศธ์เริ่มเข้ามามีบทบาท สองก็จำความที่ชวินพูดตอนก่อนตื่นได้ทันที

   อ๊าว? ซวยกูแล้วมั๊ยล่ะ

   “ผมเปล่านะพี่สอง~”ภูเบศธ์รีบแก้ตัว แต่ชวินกลับหัวเราะในลำคอ

   “ถ้ากูไม่พูดอย่างนี้มึงจะยอมตื่นหรือเปล่าล่ะ?..ว่ามั๊ยภู...แต่ว่าถ้านายไม่ได้มีกิ๊กก็ไม่เห็นต้องร้อนตัวรีบปฏิเสธนี่”ชวินยักคิ้วกวนๆ โดยที่ตอนแรกคุยกับสอง และหันมาต่อท้ายประโยคด้วยการพูดกับภูเบศธ์

   โฮะ! ถ้ากูไม่รีบปฏิเสธ มีหวังกูเด๊ทคาห้องแน่! วัวแก่ยิ่งขี้หึงอยู่ พี่วินก็รู้นี่!
   “ใช่! ไม่ได้มีแล้วทำไมต้องร้อนตัว”สองหันมาทำตาดุใส่เด็กในปกครอง จนภูเบศธ์ต้องหลับตานึกหาหนทาง

เวลาชีวิตที่ขาดทิวากรช่วยเหลือ ภูเบศธ์ก็เหมือนไร้แขนขาหาทางรอดไม่เคยได้!

   “ไม่ใช่อย่างนั้น~ พี่สองอ่ะไม่เชื่อใจผมเหรอ?”ภูเบศธ์บีบมือเล็กๆเบาๆพร้อมด้วยอาการที่เรียกว่า “ออดอ้อนทางสายตา” จนเพื่อนอีกสองคนชักจะเลี่ยนกับความหวานที่คู่รักตรงหน้ามีให้แก่กัน

   “เชื่ออ่ะ..มันก็เชื่อ..แต่ฉันขี้หึงนายก็รู้~”

   “แต่ผมก็ไม่เคยมีคนอื่นนอกจากคนที่ชื่อสอง ใช่หรือเปล่าล่ะ?”

   “ก็ใช่...”ยิ่งพูดใบหน้าของคู่รักก็เริ่มจะเข้าใกล้กันเรื่อยๆ

   “STOP!”ชวินรีบเดินมาขวางตรงกลางจับแยกภูเบศธ์กับสองออกจากกัน ห่างมากเท่าไหร่ยิ่งดี ไอ้คู่รักคู่นี้ยิ่งสปาร์คกันง่ายๆอยู่ด้วย

   “พากูไปเที่ยวหน่อยสิ”ยังไม่ทันที่คู่รักที่เพิ่งถูกจับแยกจะโวยวาย ชวินก็รีบพูดขัด

   “นะสอง..ภูด้วย มาอยู่เมกาหลายอาทิตย์แล้วนี่...พาพวกฉันไปเที่ยวหน่อยนะ ”ตรฤณรีบเสริม

   “จะให้พวกผมพาพี่ตรฤณเที่ยวทำไม ผมว่าให้พี่วินที่เรียนอยู่ที่นี่มาตั้งหลายปีพาเที่ยวไม่ดีกว่าเหรอ?”ภูเบศธ์รีบถามกลับทำเอาตรฤณและชวินมองหน้ากัน

   มึงจะพูดอะไร ช่วยคิดสักหน่อยก็ดีไอ้ตรฤณ! สมองมึงทำด้วยขี้เลื่อยหรือไงไอ้นี่!

   เพราะที่จริงทริปการมาอเมริกาครั้งนี้ของตรฤณและชวิน ไม่ได้มีจุดประสงค์ที่จะมาเที่ยว...แต่เป็นการลักพาตัวลูกสาว(?)กลับต่างหาก!

   “อ่อ..กูลืมไป”ตรฤณเริ่มเหงื่อตก แต่ก็กลับหันไปยิ้มแห้งๆส่งกลับคืนคู่รักสวีทหวานแหว๋วตรงหน้า พอดูเหมือนว่าทั้งสองและภูเบศธ์จะเลิกสนใจ พ่อทั้งสองก็มองหน้ากันพร้อมกับกระซิบกระซาบ

   “แล้วมึงจะเอายังไงต่อ? มึงดูลูกมึงซิทำตัวติดไอ้ภูอย่างกับตังเม กูอยากจะรู้จริงๆว่าจับแยกสักสองนาทีไอ้คู่นี้จะขาดใจตายมั๊ย?”ตรฤณเหล่ตามองคู่รักที่ตอนนี้นั่งยิ้มหวานคุยกันกระหนุงกระหนิงไม่ได้สนใจเลยว่าเพื่อนรักอุตส่าห์ข้ามน้ำทะเลมาหา แถมพร้อมด้วยการนั่งเครื่องบินจนเจ็บตูด แต่คุณลูกสองก็หาได้สนใจพ่อมันทั้งสองที่ยืนหัวโด่อยู่ไม่ ไอ้ตอนแรกก็ตื่นเต้นดีใจอยู่หรอกแต่พอโดนภูเบศธ์ทำตัวเรียกร้องความสนใจเข้าหน่อย ก็วิ่งกลับไปหาอ้อมอกเขสซะแล้ว
   พอมีผัว ก็ลืมพ่ออย่างพวกกูเชียวนะสอง! พวกกูล่ะน้อยใจจริงๆ!

   “มึงก็ลองสิถ้าไม่โดนไอ้สองกัดหัวมึงก่อน”ชวินออกความเห็นด้วยความน้อยใจอยู่ลึกๆ

   “ทีเมื่อก่อนล่ะผลักไสไล่ส่งไอ้ภู...เดี๋ยวนี้นะ ถ้าได้ห่างกันสักสามนาที กูว่ามันคงชักตาย หมั่นไส้!”ตรฤณถลึงตามองเพื่อนรักกับคนรักของเพื่อนโดยที่ไม่ให้คู่รักเห็น

   “หมั่นไส้หรืออิจฉา?”ชวินเลิกคิ้วถาม เพราะเหมือนจะรู้ๆๆมาว่าตรฤณกำลังมีคดีอยู่กับกร

   “ทั้งสอง! คิดแล้วกูเจ็บปวด..ช่างเหอะ มาคิดดีกว่าว่ามึงจะพาลูกมึงกลับไทยยังไง...ไม่มีไอ้สองให้กอดทุกวันกูอยู่ไม่ได้~”ตรฤณรีบเปลี่ยนเรื่องและเริ่มทำตัวโยเยเป็นเด็กๆใส่ชวิน จนชวินต้องมองท่าทางของตรฤณด้วยความรำคาญ

   กูว่างานนี้ เพราะไอ้ตรฤณสติไม่ดี กรถึงได้คิดตีจาก..จนมันต้องมาเรียกร้องอ้อมกอดจากเพื่อนแทนแน่ๆเลยว่ะ!

   “อ้าว! แล้วไม่กอดกรล่ะ?”

   “เขาให้กูกอดก็ดีสิ! ไอ้บ้านี่วกเข้าเรื่องนี้อีกแล้ว ไม่รู้หรือไงว่ากูเจ็บตับเพราะอาภัพรัก มึงน่ะไปแย่งลูกมึงกลับคืนมาเลย”ตรฤณดุนหลังชวินเพื่อเป็นกองหน้าไปบุกแย่งลูก ส่วนตรฤณขอเป็นโกลด์อยู่กับที่รอลูกมาแล้วค่อยรับดีกว่ากันเยอะเลย

   “สอง...พวกกูมาหาถึงที่ก็สนใจพวกกูหน่อยไม่ได้หรือไง?”พูดจบก็ทิ้งตัวลงนั่งแทรกกลางระหว่างภูเบศธ์และสอง จนภูเบศธ์ต้องเขยิบตัวหนีแทบไม่ทัน

   ถ้ากูไม่ย้ายก้นหนี ดีไม่ดีกูโดนพี่วินทับกูแบนแน่นอนครับ!

   ภูเบศธ์มองเพื่อนของคนรักด้วยความงงงันแต่ก็ยอมเขยิบตัวออกห่างมองชวินใช้แขนโอบไหล่สองอย่างสนิทสนม

   เชื่อมั๊ยครับว่าทุกวันนี้ กูก็ยังหึงพี่วินกับสองอยู่ดี~ ให้มันได้อย่างนี้สิ!

   ภูเบศธ์คิดอยู่ในใจพร้อมกับมองเพื่อนของคนรัก ที่เข้ามาแทรกแซงด้วยแววตาขุ่นเคือง แต่ก็ทำอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้
   ก็รู้ๆกันอยู่ ว่าพ่อ(หรือเพื่อน)คนนี้เค้าดุ ถ้ากูขัดขึ้นมากูโดนชกหน้าแน่นอน!

   “เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ไปเที่ยวกัน?”หลังจากที่นั่งคิดสารตะกับตัวเองอยู่นานพอออกจากณานความคิด ภูเบศธ์ก็ได้ยินประโยคนี้จากปากชวินเสียแล้ว แถมสองยังพยักหน้ารับพร้อมด้วยรอยยิ้มสดใส

   “ไปกันทั้งหมด?”ภูเบศธ์รีบถาม ส่วนตรฤณและชวินก็รีบพยักหน้า

   “เอ...หรือว่าจะไปกันแค่สามคนดี..ส่วนนายอยู่บ้านเลี้ยงน้องไปเหอะ เพื่อนก็อยากเที่ยวกันตามประสาเพื่อนบ้างจะเป็นไรใช่มั๊ย?”ชวินพูดพร้อมกับกลั้นยิ้มเมื่อเห็นท่าทางของภูเบศธ์ที่ทำปากพะงาบๆเตรียมแย้งเต็มแม๊กซ์ แต่เพราะชวินพูดไม่มีเว้นวรรคเลยทำให้ขัดไม่ได้

   “ได้ยังไง~ ภูไปด้วยกันนี่แหล่ะเนอะ   ”สองส่งยิ้มให้ภูเบศธ์ใจชื้น อย่างน้อยก็ทำให้รู้ว่าสองไม่ทอดทิ้งภูเบศธ์ ถึงจะโดนกลุ่มเพื่อนสกัดดาวรุ่งก็ตามที ทำเอาสองพ่อทำหน้ามุ่ยตามๆกันไป...แต่ก็ส่งซิกส์ให้อย่างรู้กัน

เออ! ไปก็ไป แต่ไก่อย่าเผลอ พ่อจะลักตัวเพื่อนเกลอกลับบ้านเกิดทันทีที่มีโอกาส..จำไว้!

_____________________________


   ไหนๆก็พากันดั้นด้นมาอเมริกา สอง ผู้ซึ่งออกความเห็นก็เจาะจงลงไปว่าอยากไปเที่ยวสวนสนุกพร้อมกับเพื่อนสองคน มีชวิน ตรฤณ แฟนอีกหนึ่งคือภูเบศธ์และแถมท้ายด้วยน้องชายของภูเบศธ์อีกหนึ่ง สรุปรวมแล้วทริปการเที่ยวสวนสนุกครั้งนี้...มีกันถึง 5 คน พอดิบพอดี(ใครนับเกินกว่านี้...ลองดูดีๆว่านับคนข้างๆมาด้วยหรือเปล่า?)

   “เอาไงละทีนี้~”ตรฤณถามพร้อมกับการมองสองที่ถูกขนาบข้างด้วยภูเบศธ์และภีมพล ส่วนตัวเองและเพื่อน เดินตามหลังแบบเงียบๆ

   “ก็ไม่เอาไงล่ะ..ก็ทำตามแผนเดิม” ชวินมองคนสามคนที่เดินอยู่ข้างหน้าอย่างใช้ความคิด

   “แผนไหน?”ตรฤณทำหน้างง จนชวินอยากจะทึ้งหัวตัวเอง
   ตั้งแต่ไอ้ตรฤณมันมีเรื่องทะเลาะกับทิวากร ดูเหมือนว่ามันจะโง่ขึ้นเยอะเลยเว้ย!

   “อ๊าวไอ้นี่! ก็ที่บอกว่าไอ้ภเผลอเมื่อไหร่ก็รีบแยกสองออกมาแล้วพาหนีเลยทันทีไงละวะ!”ชวินตอบอย่างมีน้ำโห

   “แล้วภีล่ะ?”

   เออ...กูลืมคิดถึงคนนี้เลยว่ะเพื่อน!

   “เอางี้ กูจะไปตีสนิทกับเด็กนั่นส่วนมึงก็พยายามทำให้ภูเผลอโอเคมั๊ย?”

   “มึงล่อภี ส่วนกูล่อภู แล้วใครจะพาไอ้สองหนีวะ?”ตรฤณถามอย่างสงสัยขึ้นมาอีกครั้ง

   “ใครมีโอกาส ก็คว้าตัวลูกมึงหนีไปเลย โอเค๊!”ชวินเริ่มจะหมดความอดทนกับความขี้สงสัยของเพื่อน

   “เออๆ...งั้นเริ่ม!”ตรฤณมองหน้าชวินพร้อมด้วยการสบสายตาอย่างมั่นใจ
   ภารกิจ...ลักพาตัวลูก...กำลังจะเริ่มขึ้น ณ บัดนาว!

   “ภี ชอบเล่นรถไฟเหาะมั๊ย?”ชวินเริ่มทำตามแผนเป็นคนแรก

   “ชอบสิครับ”ภีเองก็ตอบรับอย่างใสซื่อเด็กๆอย่างนี้หลอกพาไปไหนก็ง่าย..ส่วนตรฤณรู้สึกหนักใจนิดหน่อยที่ต้องจัดการกับภูเบศธ์

   แหม่! มึงฉลาดนี่ทำทีเป็นเลือกก่อน...แล้วผลักไอ้ภูเบศธ์ให้กูจัดการ..งานหนักเลยนะนั่น!

   ตรฤณมองชวินที่กำลังล่อลวงเด็กอยู่ใกล้ๆด้วยความหมั่นไส้

   “งั้นไปเล่นกัน..”ชวินพูดพร้อมกับจูงมือภีแยกออกมาซึ่งตอนแรกก็ถามทั้งหมดทั้งมวลแล้วว่าใครอยากเล่นรถไฟเหาะบ้าง..แต่ทว่าไม่มีใครที่มีความคิดว่าอยากไปเล่นด้วย เอาเป็นว่าชวินทำสำเร็จไปหนึ่ง ส่วนตรฤณ ก็ต้องลุ้นเอาอีกที

   สองไม่ใช่พวกที่ชอบเล่นเครื่องเล่นอะไรหวาดเสียวมากมาย แต่ก็ไม่หน่อมแน้มถึงขั้นต้องพาไปเล่นม้าหมุน แต่เดาเอาจากความชอบส่วนตัว ตรฤณเลยเสนอว่าจะพาสองไปดูสระน้ำและลานหญ้ากว้างๆ ไว้ให้ครอบครัวและเด็กๆนั่งพักผ่อนหย่อนใจ หรือให้เด็กๆวิ่งเล่น

   “สอง..ไปเดินทางนู้นดีกว่ามีสนามหญ้าด้วยเผื่อมึงอยากเจอญาติ”ตรฤณชี้ไปทางสวนน้ำขนาดใหญ่ที่มีสนามหญ้าเขียวชอุ่ม ใจกลางสวนสนุก

   “ญาติ? กูไม่มีญาติที่นี่”สองมองตรฤณอย่างสงสัยในขณะที่เดินไปเรื่อยๆเพื่อไปให้ถึงจุดหมายที่ตรฤณชี้

   “วัวไงมึง”พูดจบก็หัวเราะอย่างมีความสุขคนเดียว แต่สองไม่ได้มีทีท่าว่าจะขำตามเลยเดินกระหนุงกระหนิงไปกับภูเบศธ์สองคน หลังจากที่เพิ่งเล่นเครื่องเล่นจำพวกเกมส์ชกต่อย และเกมส์ทุบหัวหนูที่มีเครื่องตั้งอยู่ตามข้างทางแข่งกับภูเบศธ์บ้างตรฤณบ้างตามประสา

   “นี่..ภู..หิวน้ำอ่ะ” พอหาที่นั่งริมน้ำได้สองก็ออกปากเหมือนเป็นคำสั่งกลายๆ ภูเบศธ์มองสองยิ้มๆก่อนจะปล่อยมือนุ่มที่กุมเอาไว้ตลอดออก

   “น้ำก็อยู่ตรงหน้าไง..สระออกจะใหญ่นอนแช่ในน้ำไป กินไปยังได้...”ภูเบศธ์พูดอมยิ้มในขณะที่สองเองก็ชักจะตะหงิดๆกับคำพูดของภูเบศธ์

   “หมายความว่าไง? ลงไปนอนแช่?”
   ครั้งนี้กูเกรงว่ามันจะไม่ได้หาเรื่องด่ากูว่าเป็นวัวแก่ แต่แค่กลัวว่ามันจะหลอกด่าว่าเป็นสัตว์สายพันธุ์หนึ่งที่ชอบนอนแน่นิ่งแช่ในน้ำแถมเคี้ยวเอื้องได้ก็เท่านั้นเอง!

   “ไม่เอาน่า~ เลิกกินหญ้ามาก็นาน น่าจะคิดออกนะ”ภูเบศธ์ยิ้มแก้มปริในขณะที่สองเตรียมเอาเท้านำหน้าออกก่อน เมื่อเห็นอย่างนั้นภูเบศธ์ก็ต้องกระโดดหนีลูกถีบของสอง

   “ภู!”สองเริ่มเดือด

   “ท่าทางจะอากาศร้อน วัวแก่ใกล้บ้าแล้วแฮะ”ภูเบศธ์เองก็ยังคงหาเรื่องแกล้งไม่เลิก แต่สุดท้ายก็วิ่งหนีไปตามหาซื้อน้ำมาใหอยู่ดี

   “ไอ้เด็กบ้าเอ้ย~”สองก่นด่าไล่ไปตามหลัง แต่กลับมีรอยยิ้มประดับบนใบหน้า พร้อมกับส่ายหน้าช้าๆหลังจากที่แผ่นหลังของภูเบศธ์ลับตาไปท่ามกลางฝูงชน
   ต้องหาเรื่องกัดกันวันละนิดสิน่า...ไม่งั้นดูท่าว่าจะนอนไม่หลับกันทั้งคู่!

   “อ้าว? แล้วนี่มึงจะพากูไปไหน?”ยังไม่ทันหุบยิ้มกับความคิดของตัวเองตรฤณก็มาฉุดเพื่อนรักตัวเล็กให้ลุกขึ้นแล้วออกเดิน

   “หนีไอ้ภูไง...กูกับไอ้วินถ่อมาถึงเมกาเพราะจะลักพาตัวมึงกลับไทยนี่แหล่ะ”ตรฤณหันมาบอกก่อนจะมองไล่หลังไปดูว่าภูเบศธ์ไม่ได้ตามมา

   “หือ?...อ่อ..กูก็ว่า...”พอตรฤณแถลงไขสองก็ถึงบางอ้อ ถึงเรื่องราวหลายๆอย่าที่เกิดขึ้นตั้งแต่เพื่อนซี้สองตัวโผล่หัวมาให้เจอถึงอเมริกาพร้อมกับท่าทางอาการหวงตนเองแปลกๆ แล้วไหนจะภูเบศธ์...ที่แอบโทรตามตัวใครบางคนตั้งแต่เมื่อวาน...ที่ชวินและตรฤณมาถึงแบบไม่ให้รู้ตัว

   “ว่าอะไร?”ตรฤณหันมาถาม...ก่อนที่จะเจอรอยยิ้มร้ายของสองใบหน้าหวานของเพื่อนพยักเพยิดให้ตรฤณหันไปดูด้านหลัง

   “ว่าการที่มึงมาลักพาตัวกูกลับ มึงจะต้องโดนสกัดโดย...”

   “กร?!”ตรฤณหันไปด้านหลังแล้วก็ต้องเจอกับเจ้าของชื่อที่ตรฤณเรียกออกมาเสียเต็มเสียงด้วยความตกใจ
   แม่มึงมา...กูเลยต้องขอลาไปหาภูเบศธ์นะ ไอ้เพื่อนตรฤณ~

   ในเมื่อตรฤณก็มัวแต่ตะลึงอึ้งปากค้าง สองก็ค่อยๆแกะมือใหญ่ของเพื่อนออกจากแขน พร้อมด้วยการค่อยๆเดินจากคู่รักที่มองหน้ากันแบบไม่มีใครพูดอะไรต่อ

_____________________

   
หัวข้อ: Re: [ใกล้จบ]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ น้องชาย P.9 [Up 8/2/12]
เริ่มหัวข้อโดย: ryoko_chan ที่ 12-02-2012 18:50:04
   “เอ่อ...พี่วินก็มาใช่มั๊ยครับพี่ตรฤณ ถ้ายังไงผมขอตัวไปตามหาพี่วินแล้วกันนะครับ”หมอเขมทำลายความเงียบขึ้นมาหลังจากที่สองทิ้งเพื่อนเอาไว้กับกร และเขม หมอเขมเริ่มรู้สึกเป็นส่วนเกิน และรับรู้ได้ถึงบรรยากาศมาคุแปลกๆจึงขอตัวเลี่ยงออกมาเมื่อตรฤณพยักหน้าเป็นคำตอบ

   สุดท้ายก็เหลือกันแค่เพียงสองคน
   กร และ ตรฤณ

   “มาอเมริกาทำไมไม่บอกฉัน”กรเป็นคนเริ่มพูดก่อนเพื่อทำลายบรรยากาศอันชวนอึดอัด   แต่ในความรู้สึกของตรฤณกลับรู้สึกว่ายิ่งกรพูดยิ่งทำให้บรรยากาศโดยรอบแย่ลงกว่าเดิมเป็นร้อยเท่า เพราะกรกำลังพูดถึงความผิดของตรฤณที่แอบหนีมาที่อเมริกาโดยที่ไม่บอกกรสักคำ

   “ภูโทรไปบอกล่ะสิ..”ตรฤณเสมองไปทางอื่น แต่ปากก็เอ่ยถามออกมาอย่างนึกเซ็งในอารมณ์

   ท่าทางชีวิตของภูเบศธ์คงขาดกรไม่ได้ซะล่ะมั้ง พอมีมารมาขัดความสุข ก็รีบโทรหาตัวแม่ให้มารุกฆาตกูทันที!

   “เราถามว่ามาอเมริกาทำไมไม่บอกเราตรฤณ”กรถามย้ำเป็นรอบที่สองโดยที่ไม่ตอบคำถามของตรฤณ

   “ทีนายจะไปไหนกับใคร ยังไม่เห็นจะบอกฉันสักคำ”ตรฤณหันตัวกลับก่อนจะออกเดิน

   “ตรฤณ! มีอะไรก็พูดมาตรงๆ อย่าทำตัวแบบนี้สิ”กรไม่ได้เดินตามตรฤณไป เพียงแต่ตะโกนถามกลับในขณะที่ตรฤณก็ไม่ได้คิดที่จะหยุดเดิน และไม่คิดที่จะใส่ใจ กรก็ได้แต่ถอนหายใจแล้วเดินไปนั่งพักลงกับม้านั่งด้วยความอ่อนใจ ทั้งๆที่ตัวเองถ่อสังขารแถมด้วยการไปลากหมอเขมมาอเมริกาแบบเร่งด่วนเป็นเพื่อน เพื่อมาตามหาคนรักที่หายตัวออกไปจากสารระบบมาสองสามวันโทรไปก็ปิดเครื่อง ไปหาที่หอก็ไม่เจอตัว แต่จู่ๆเมื่อวันก่อนก็ได้รับโทรศัพท์จากทางไกล ว่าเจอตัวตรฤณที่อเมริกา กรแทบจะปรี่ไปขึ้นเครื่องเอาตอนนั้น แต่ติดที่ว่ายังไม่มีไฟล์ทไปต้องรอตอนเช้า การที่กรนั่งเครื่องบินนานถึง 13 ชั่วโมงเพื่อมาที่นี่ ก็ถือว่าเก่งพอตัวแล้ว แต่พอมาเจอคนที่อยากเจอ...กำลังใจก็หายไปเกินกว่าครึ่งเสียแล้ว

   กรมองตามหลังตรฤณไปเรื่อยๆแต่ตรฤณก็ไม่ได้เดินไปไหนไกล...เพียงแค่ไปนั่งลงกับริมสระน้ำห่างจากกรประมาณห้าร้อยเมตรเท่านั้น สุดท้ายกรก็ต้องเดินตามตรฤณไปนั่งลงข้างๆ พอตรฤณเตรียมจะลุกเดินหนีกรก็ต้องเรียกรั้งเอาไว้

   “นายเป็นบ้าอะไรกันตรฤณ! เราอุตส่าห์มาหานายถึงที่นี่....ทั้งที่เราเพิ่งมาถึง เหนื่อยก็เหนื่อย...กว่าจะได้มาเจอ..แต่พอเจอนายก็เอาแต่หนีฉัน นายเป็นบ้าอะไร!”กรพูดออกมาอย่างหมดความอดทน แต่ตรฤณกลับยิ่งรู้สึกเจ็บปวดทำตัวดราม่าเข้าขั้นแอดวานซ์ไปแล้วเรียบร้อย

   “เป็นบ้าอะไรมันก็เรื่องของฉัน!  ถ้านายเหนื่อยมากนักจะตามฉันมาที่นี่ทำไม”

   “ก็เพราะรักไง! ไอ้บ้าหน้าหมี ถ้าไม่รัก แล้วจะถ่อมาง้อนายถึงที่นี่ทำบ้าอะไร!”กรตะโกนกลับเสียงดังทำเอาฝรั่งหัวทองที่เดินผ่านไปมาเริ่มรู้สึกงงนอกจากจะฟังภาษาไทยไม่รู้เรื่องแล้ว แต่ที่แปลกใจมากกว่าเพราะว่าสองคนนี้นั่งห่างกันไม่ถึงเมตรแต่กลับตะโกนคุยกันซะเสียงดังอย่างกับอยู่ห่างกันเป็นสิบไมล์

   “ทั้งที่ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเราผิดเรื่องอะไร..แต่ก็มาง้อนายถึงที่นี่ ตรงนี้!”เสียงนุ่มหวานของกรเริ่มสั่นเครือ แต่กลับไม่มีน้ำตาออกมาสักหยด

   “นายรักฉันจริงๆเหรอ...กร...แล้วกับผู้ชายคนนั้นล่ะ” ตรฤณถามกลับเสียงดังเช่นเคย

   “คนไหนล่ะ!”กรเองก็ชักจะนึกไม่ออกเพราะว่าตั้งแต่ที่คบกันมาตรฤณก็ชักจะหึงไม่เลือกหน้า แม้แต่เด็กผู้หญิงยังเคยหึงมาแล้วด้วย

   ท่าทางจะมีหลายคน เลยสับสนล่ะสิว่ากูหมายถึงใคร (ตรฤณของอนต่อ!)

   เขาว่ากันว่า..เพื่อนกันคงไม่ต่างกันเท่าไหร่ในกรณีนี้ใช้ได้กับตรฤณและสองเป็นอย่างดี สงสัยแกล้งให้สองหึงภูเบศธ์บ่อยๆ..จนเจอกรรมตามสนองเข้าให้ โดนตรฤณบ้าหึงได้ตลอดเวลาบ้าง

   “ก็เมื่ออาทิตย์ก่อนนายไปดูหนังกับใครมาล่ะ! ฉันถามนายก็บอกว่าไปทำงาน แต่ฉันเห็นนายเดินเข้าโรงหนังกับใครก็ไม่รู้”

   “..............”กรไม่เถียงอะไร

   “นายโกหกฉันกร..”ตรฤณตัดพ้อ

   “เราไม่ได้โกหก...ตรฤณ..เราไปทำงานจริงๆนะ”กรอธิบายทั้งที่พยายามกลั้นหัวเราะ

   “กร ฉันไม่ได้โง่นะฉันแยกออกว่าระหว่างทำงานกับดูหนังมันต่างกัน”ตรฤณยังคงพูดประชดประชันเลิกรา

   “ฮ่าฮ่า..”สุดท้ายกรก็กลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่ได้ ร่างบางก้มลงหัวเราะจนน้ำตาเล็ด แต่ตรฤณกลับยังไม่เก็ทอะไรสักอย่าง

   “นี่นาย..ง้อฉันจนบ้าไปแล้วเหรอ?”ตรฤณมองซ้ายขวาด้วยความกังวลทั้งที่เมื่อกี้เข้าสู่โหมดดราม่ามาหยกๆ แค่กรกลับผลิกโผให้กลายตลกคาเฟ่ได้ในชั่วพริบตา

   “ฮ่าฮ่าฮ่า..นายนี่น้า...นายจะทำฉันเป็นบ้าไปแล้วจริงๆนั่นแหล่ะตรฤณ” พูดจบก็โผตัวเข้ากอดตรฤณไว้เสียแน่นในขณะที่ตรฤณเองก็ไม่ทันได้ตั้งตัว
   ได้ข่าวว่ากระผมยังไม่หายงอนคุณเลยนะครับคุณทิวากร มากอดอย่างนี้กะหาทางลัดยัดเยียดให้กูหายงอนเร็วๆล่ะสิ!

   “นี่ๆ ฉันยังไม่ทันหายโกรธนายนะ นายมากอดฉันทำไม?”ถึงปากจะถามออกไปอย่างนั้น แต่ไม่ได้มองดูมือตัวเองเลยว่าลำแขนแกร่งก็โอบกอดแผ่นหลังของกรเอาไว้เช่นกัน

   “นายลืมไปหรือเปล่าว่าคุณน้าของฉันทำธุรกิจโรงภาพยนตร์?” กรผละออกจากอ้อมกอดก่อนจะเงยหน้าถามตรฤณ ซึ่งตรฤณเองก็พยักหน้า เพราะจำได้ว่ายังไปดูหนังฟรีบ่อยๆกับกรเพราะใช้เส้นสายเป็นลูกหลานโรงภาพยนตร์แห่งนั้น

   “วันนั้น..ฉันไปดูงานจริงๆนะ...ไปดูงานในโรงหนังกับน้าต้นยังไงล่ะ”

   “คนนั้นอ่ะนะคือน้าต้น?”ตรฤณขมวดคิ้วถาม เพราะผู้ชายที่เดินกับกรวันนั้นอายุอานามไม่น่าจะเกินยี่สิบกว่าๆ ห่างจากพวกเขาบวกลบไม่เกินสองสามปีเห็นจะได้...ไม่น่าจะเป็นคุณน้าหรอกมั้ง

   “นั่นแหล่ะน้าต้น...เพราะเราจะไปดูแลกิจการช่วยน้าหลังเรียนจบยังไงล่ะ”กรยิ้มพร้อมกับตอบ แต่ตรฤณก็ยังไม่เลิกสงสัย

   “แต่น้าต้นอะไรนั่นยังหนุ่มอยู่เลยนะ....”
   ไอ้เราก็นึกไว้ว่าอย่างน้อยน่าจะอายุสักสามสิบกว่าๆ..โถ่เอ้ย!

   “น้าต้นอายุ 26 เท่านั้นแหล่ะ..แต่มีศักดิ์เป็นคุณน้า เราเลยต้องเรียกน้าทั้งที่ความจริงอายุห่างกันแค่นี้จะเรียกว่าพี่ก็ได้”กรยังคงอธิบายต่อไปอีก จนตรฤณเริ่มโล่งอกโล่งใจจนนึกอยากตบหัวตัวเองที่ชอบหึงไม่ดูตาม้าตาเรือเอาเสียเลย ครั้งที่แล้วก็หึงลูกพี่ลูกน้องกรไปหนึ่ง มาคราวนี้หึงขั้นรุนแรงกับคุณน้าของกรซะอีก..เฮ้อ..ชักจะไปกันใหญ่

   ทำไงได้มีแฟนสวยเกินความจำเป็นก็งี้มันก็ต้องมีหึงบ้างเป็นธรรมดาว่ามั๊ยครับ?

   “ทีนี้หายงอนได้หรือยัง?”

   “ยัง...”ตอบพร้อมท่าประกอบด้วยการเชิดหน้าหนีไปอีกทาง
   ขอเล่นตัวให้กรง้อต่ออีกสักนิด...ชีวิตกูคงจะไม่สั้นลงใช่มั๊ยครับ?

   “ว่ายังไงนะ?! นี่เราอธิบายจนหมดเปลือกแล้วยังไม่หายโกรธอีกเหรอ!”
   กูว่าแล้วมั๊ยล่ะ! ว่าผีที่สิงร่างกรอยู่ต้องเฮี้ยนขึ้นมาทันที ถ้ากูยังอยากลองดีแบบเมื่อกี้!

   “ฮ่าฮ่า...ฉันล้อเล่นน่า~อย่าโกรธสิ”ว่าแล้วก็รีบคว้าตัวกรเข้ามากอดพร้อมกับการแย่งกระเป๋าหลุยส์วิคตองมาแล้วโยนทิ้งไว้ข้างๆตัวเอง

   ต้องรีบปลดอาวุธ เป็นสโลแกนที่ตรฤณท่องไว้ในใจตลอดเวลาที่อารมณ์ของกรไม่ค่อยปกติ...แบบเมื่อสักครู่

   “ไอ้หมีขี้หึงเอ้ย!” พอโดนกอดจนหมดหนทางสู้กรก็ทำได้แค่การบ่นกระปอดกระแปดอยู่ในอ้อมอกของตรฤณ

   “ทำไงได้..มีแฟนสวยเกินความจำเป็น..นี่! ลดความสวยลงบ้างก็ได้นะ ฉันไม่ว่า”ตรฤณทำเป็นดุ แต่ดูก็รู้ว่าพูดเล่น

   ไอ้บ้าหน้าหมี ความสวยมันลดดีกรีลงได้ที่ไหนล่ะวะ?

   “อย่างนั้นเหรอ~”ตรฤณรู้สึกหมั่นเขี้ยวกับอาการเหวี่ยงของกรเลยบีบจมูกอีกฝ่ายเล่น

   “อือ! ..ถ้าเราสวยลดลง แล้วนายเลิกชอบเราขึ้นมา...เราก็แย่น่ะสิ”ถึงจะรำคาญที่โดนแกล้งบีบจมูกจนแก้มใสพองลม แต่ก็ยังมิวายแอบพูดความรู้สึกของตัวเองจนตรฤณต้องรัดร่างบางในอ้อมอกให้แน่นขึ้นกว่าเดิมเพื่อถ่ายทอดความรู้สึกที่มีอยู่ในใจ

   “ไม่หรอก..สำหรับฉันนายจะไม่มีวันสวยน้อยลง และความรักของฉันก็จะมีแต่มากขึ้นทุกวัน.......และทุกวัน”พูดจบริมฝีปากอุ่นก็ค่อยๆทาบทับลงบนริมฝีปากบางอย่างอ่อนโยน ท่ามกลางน้ำพุกลางสระน้ำที่จู่ๆก็เปิดขึ้นมาทำเอาบรรยากาศรอบด้านดูจะโรแมนติกขึ้นมาทันตา

กูนึกแล้วเชียว.... ว่ามันต้องเลิก!





เลิกรักกรไม่ได้สักทีสิน่า ไอ้ตรฤณเอ้ย!

   สองแอบมองคู่รักที่ทะเลาะกันก่อนหน้าและจบลงด้วยความรักอันสวยงาม...และภูเบศธ์ที่ยืนหอบอยู่ข้างๆเพราะเพิ่งวิ่งไปปฏิบัติภารกิจอันใหญ่หลวงมา

   “มาแล้วเหรอ?....นายพลาดฉากจูบของคู่นั้นแค่สองวิเองนะ”
   แล้ววัวแก่ตัวไหนล่ะที่สั่งให้กูวิ่งไปหาสวิตซ์เปิดน้ำพุตามคำบัญชาน่ะครับ! กูเลยอาภัพไม่ได้ดูฉากหวานๆเล้ย~

   “ถึงผมจะพลาดฉากจูบคู่นั้น...แต่ผมไม่พลาดที่จะจูบวัวแก่ที่ชอบสั่งแน่!” พูดจบก็ยื่นหน้าเข้าไปจุ๊บริมฝีปากแดงๆที่ชอบสั่งนู่นสั่งนี่ ก่อนจะเผยยิ้มเผล่อย่างอารมณ์ดี ทั้งที่คนโดนจุ๊บไม่ได้นึกอารมณ์ดีตามไปด้วยเลย

   “ภู! เด็กบ้าเอ้ย”ว่าแล้วก็วิ่งไล่ตามภูเบศธ์ที่วิ่งหนีลูกเตะของสอง

   “หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ! มาให้ฉันเตะก้นซะดีๆ!”สองได้แต่วิ่งไล่ ส่วนภูเบศธ์ก็วิ่งนำสองไปไกลหลายสิบเมตรแถมยังมีการหยุดแล้วส่ายก้นเยาะเย้ยสองซะด้วย

   ไอ้เด็กเวรนี่! อย่าให้กูขายาวนะ จะวิ่งตามไปเตะตูดให้ถึงที่แน่!

   วิ่งไล่กันเป็นเด็กมาได้สักระยะสุดท้ายภูเบศธ์ก็ตัดสินใจหยุดอยู่หน้าชิงช้าสววรค์อันใหญ่ยักษ์ โดยมีสองวิ่งตามมาถึงพร้อมกับอาการก้มลงเอามือยันกับเข่าหอบแฮกด้วยความเหนื่อย

   “ขึ้นมั๊ย?”ภูเบศธ์หันมาถามก่อนจะมองไปยังชิงช้าสวรรค์ตรงหน้า

   “ไอ้นี่เนี่ยนะ?”สองมองตามบ้าง ก่อนจะหันกลับมามองหน้าภูเบศธ์อีกครั้ง

   “อือ! ขึ้นไปนั่งกัน ”พูดจบก็จูงมือคนตัวเล็กขึ้นชิงช้าสวรรค์ทันที พอได้ที่นั่งสองก็เอ่ยปากถาม

   “นายกลัวความสูง?” สองหรี่ตามองอาการแปลกๆของภูเบศธ์เมื่อชิงช้าสวรรค์เริ่มเคลื่อนตัวสูงขึ้นและสูงขึ้น มือใหญ่กำเบาะนั่งเสียแน่น แต่ยังทำหน้ายิ้มที่ดูยังไงก็มองออกว่าฝืนยิ้ม

   “เปล่า~”ภูเบศธ์ส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มหวานให้ร่างเล็กแต่สองกลับอมยิ้มด้วยความขำ

   อยากทำโรแมนติกโดยการพาแฟนนั่งชิงช้าสวรรค์..แต่ภูเบศธ์ก็ดั๊นนนนมากลัวความสูง มันน่าขำขันหรือน่าดีใจมากกว่ากันล่ะเนี่ย?

_____________

   
    “พี่วิน~ พาไปเล่นอันนั้นนะ?”ภีชี้นิ้วไปทางเครื่องเล่นเฮอริเคนที่บนเครื่องเล่นมีคนส่งเสียงกรี๊ดดังสนั่นด้วยความหวาดเสียว พร้อมกับพูดออดอ้อนเพื่อนของแฟนของพี่(?)เพื่อให้ชวินที่กลายเป็นพี่เลี้ยงจำเป็นพาไปเล่นเครื่องเล่นที่ว่า หลังจากที่ภีและชวินตะลอนเล่นเครื่องเล่นหวาดเสียวในสวนสนุกแห่งนี้เกือบจะครบทุกอัน แต่เพียงแค่ชวินเห็นในสิ่งที่เด็กน้อยชี้ใบหน้าที่เคยคมเข้มกลับซีดเผือด แถมใบหน้าที่ชื้นเหงื่อเป็นทุนเดิมก็ยิ่งหลั่งเหงื่อออกมามากยิ่งขึ้นเพราะคาดการณ์ไปถึงอนาคตอันใกล้ที่กำลังจะเกิด

   ไอ้ตรฤณ!!! มึงมาเป็นพี่เลี้ยงเด็กแทนกูที...เพราะตอนนี้หัวใจกูคงจะวายถ้าได้ขึ้นเฮอริเคนเป็นเครื่องเล่นสุดท้ายของวัน!

   “เอ่อ..ภียังจะเล่นอีกเหรอ?”ชวินถามอย่างชั่งใจเมื่อตอนนี้สภาพร่างกายเริ่มไม่ค่อยไหวกับการที่ต้องเล่นเครื่องเล่นหวาดเสียวติดๆกัน แต่ทว่าเด็กน้อยกลับเตรียมทำท่างอแงเมื่อชวินเริ่มอิดออด

   “ก็พี่วินบอกผมเองนี่ ว่าจะเป็นเพื่อนพาผมไปเล่นทุกอย่างที่อยากเล่น...จะผิดสัญญาหรือไงครับ?”ภีว่า ทำเอาชวินต้องเกาหัวแกรกๆเมื่อหาทางออกไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องเดินตามแรงฉุดเด็กน้อยไปจนหน้าเครื่องเล่นอันใหม่ที่ภีอยากเล่นจนได้

   สงสัยกูคงได้หัวใจวายตายก่อนลักพาตัวไอ้สองกลับแน่นอนเลยว่ะ-“- เฮ้อ~
   ไอ้คนพี่ล่ะจัดการง่าย ใช้สายตาขู่นิดเดียวมันก็หดจนไม่เห็นหัวหาง แต่ดูท่าทางว่ากูจะแพ้ทางไอ้คนน้องซะแล้วสิ

   “อันนี้..สุดท้ายแล้วนะ” ชวินหันมาบอกเด็กน้อยที่ยิ้มแก้มปริเมื่อชวินตอบรับ ก่อนจะก้าวขาขึ้นไปยังเครื่องเล่น แล้วนั่งรัดเข็มขัดเตรียมพร้อม ก่อนที่เครื่องเล่นจะเริ่มขับเคลื่อน แล้วหมุนๆๆอย่างเอาเป็นเอาตายไม่ได้สนใจว่าคนที่เล่นจะรู้สึกอย่างไร

   พ่อแก้วแม่แก้ว....ชวินขอลาตาย~ แต่เพราะมันไม่ตายนี่สิถึงหนักใจอยู่ตอนนี้ เฮ้อ~

   พอเครื่องเล่นหยุดการทำงาน ชวินก็เดินโซซัดโซเซลงมาอย่างหมดสภาพ และตามด้วยเสียงหัวเราะของภี

   “แค่นี้ก็เหนื่อยแล้วเหรอครับ?”

   ....แค่นี้?...ไอ้เด็กนี่พากูเล่นเป็นหลายสิบเครื่องเล่น...มันบอกว่า “แค่นี้”!

   “อือ...”ชวินนั่งพิงเก้าอี้อย่างหมดสภาพถึงจะเป็นพวกชอบเครื่องเล่นหวาดเสียวอยู่ไม่น้อย แต่กำลังวังชาไม่ได้มีมากเหมือนเด็กวัยรุ่น อายุก็มากโขแต่ต้องมาเล่นแบบนอนสต๊อป ชวินก็แทบสลบได้เหมือนกัน

   “โถ่~ พี่วินทำตัวเป็นคนแก่ไปได้...”พูดจบก็หย่อนตัวลงนั่งข้างๆชวิน พร้อมกับทำมือโบกพัดให้ชวินเหมือนเป็นการอ้อนในตัว แต่ชวินกลับเหลือบตามองไอ้เด็กที่เพิ่งนั่งลงด้วยหางตา

   เออ! กูก็แก่จริงนี่หว่า..! อย่าย้ำให้มันมากจะได้มั๊ยวะ?

   แต่ทว่า ...
   คนที่มาเห็นภาพเหล่านั้นกลับไม่ได้รู้สึกรื่นภิรมณ์ไปด้วยนักกับบรรยากาศน่ารักๆของคู่วินและภี

   เขมชาติยืนมองชวินและภีอยู่ห่างๆก่อนจะเดินจากไป...


   ถ้าอย่างนั้นก็คงไม่ใช่หมอเขมน่ะสิ!

   ชวินหลับตาพริ้ม หลังจากพักเหนื่อยได้สักพักก็เริ่มรู้สึกแปลกๆเมื่อโดนมือเล็กสะกิดยิกๆอยู่ข้างๆ จนในที่สุดชวินก็ต้องลืมตาขึ้นมาพร้อมกับถามว่า

   “มีอะไรเหรอ?..ภี.....เขม!”ในตอนแรกว่าจะเอ่ยชื่อเด็กที่สะกิดเรียก แต่พอลืมตาขึ้นมาเห็นหมอเขมอยู่ตรงหน้า ปากก็เปลี่ยนเป็นเรียกชื่ออีกฝ่ายอัตโนมัติ เขมชาติมองแขนเล็กที่ยังคงเกาะแขนชวินเอาไว้แน่นอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวเลย ว่าการทำแบบนี้กำลังจะทำหมอเขมโมโหหึง...แต่ก็นะหมอเขมเขาเป็นผู้ดี(ตามคำบอกเล่าของภูเบศธ์) เก็บอาการเก่งแน่นอนอยู่แล้ว

   “เขม?! มาที่นี่ได้ยังไง?”อารามชวินยังคงงงงันที่ได้มาเจอหน้าเขมชาติถึงอเมริกาเลยถามออกมาตามที่คิดไว้ แต่ดูท่าว่าหมอเขมจะไม่ค่อยสนใจคำถามสักเท่าไหร่ เพราะสายตากลมโตของหมอเขมยังคงจับจ้องไปยังมือเล็กที่ยังจับแขนชวินเอาไว้แน่น

   “มาอเมริกาแป๊บเดียว...ได้แฟนใหม่แล้วเหรอครับ?”หมอเขมยังคงรักษาภาพพจน์ได้ตั้งแต่ต้นจรดปลายในน้ำเสียงไม่ได้บ่งบอกอารมณ์ใดๆและยังเป็นน้ำเสียงเหมือนปกติทุกครั้งเวลาพูดคุยกันกับชวินอีกด้วย

   “เอ่อ..คือ..ไม่ใช่แฟน..เข้าใจผิดนะเขม”
   หมอเขมได้แต่มองชวินแกะมือเล็กออกจากแขน...

   “ปากบอกว่าไม่ใช่แฟน...แล้วที่ควงแขนกันอยู่นี่....แม่พี่เหรอครับ?”

    ชวินเจอหมัดนี้เข้าไป...หมอเขมชนะน็อคใสๆเลยครับงานนี้

   “เขม!!! มันไม่ใช่อย่างนั้นนนนนนนนน~”พูดจบก็ปราดเข้าไปหาหมอเขมทันที โดยมีเด็กน้อยนั่งหัวเราะอยู่ที่เดิม

   โดนซะบ้างจะได้รู้สึก...อยากหาทางชิงตัวพี่สองกลับดีนัก!
   เห็นผมอย่างนี้..ก็เข้าข้างพี่ ช่วยพี่เสมอนะคร้าบบบบ!


   พอเห็นว่าท่าไม่ค่อยจะดี ภีก็ขอปลีกตัวไปแท๊คมือกับภูสักหน่อยแล้วกัน ที่คราวนี้สองศรีพี่น้องแห่งตระกูล หาทางแก้เผ็ดคุณพ่อจอมหวงของพี่สองได้! ฮ่าฮ่าฮ่า

   “เขม...มันไม่ใช่อย่างนั้นนะ...”

   “ไม่ใช่ก็ไม่ใช่สิครับ..ผมยังไม่ได้ว่าอะไรสักคำ”

   แล้วที่แดกดันกูอยู่เมื่อกี้..มันเรียกว่าอะไรกันครับน้องหมอเขม!

   “พี่ก็แค่เป็นพี่เลี้ยงเด็กจำเป็นแค่วันนี้เท่านั้นแหล่ะ.. ไม่งั้นจะแยกสองพี่น้องออกจากไอ้สองได้ยังไง..”ชวินยังคงพยายามอธิบายโดยมีหมอเขมยืนฟังแบบตั้งใจ แต่ชวินกลับรู้ดีว่าหมอเขมไม่ได้รับฟังคำอธิบายของตนเองเข้าสู่เซลล์สมองให้ต้องคิดเลยสักนิด

   “ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่”หมอเขมตอบน้ำเสียงราบเรียบแต่ทำเอาชวินถอนหายใจ เริ่มไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรให้หมอเขมเข้าใจตัวเอง

   “เขม~”

“......”

   “หมอเขม...เชื่อพี่นะ”เริ่มพูดพร้อมด้วยการออดอ้อน จนหมอเขมต้องมองหน้า

   “แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะครับ...”หมอเขมยื่นคำขาด ทำให้ชวินเข้าใจความหมายทันทีว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งเดียวที่ชวินจะทำให้หมอเขมหึงขนาดนี้

   “ครับ..จะไม่มีครั้งอื่นอีกแล้ว”พูดจบก็โผเข้ากอดหมอเขมเอาไว้แน่น

   “หึงล่ะซี๊~”ชวินถามพร้อมกับรอยยิ้ม และหมอเขมก็ยิ้มตามพร้อมกับพูดว่า

   “ไม่ได้หึง....แต่ถึงตายง่ายๆนะครับถ้าไม่ระวังตัวดีๆ”
   แต่กลับเป็นรอยยิ้มที่ชวินรู้สึกว่าไม่อยากให้หมอเขมยิ้มอย่างนี้เอาเสียเลยสิน่า~

__________________________________

   
หัวข้อ: Re: [ใกล้จบ]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ น้องชาย P.9 [Up 8/2/12]
เริ่มหัวข้อโดย: ryoko_chan ที่ 12-02-2012 18:51:24
   กึก!!!  กึก!

   “เฮ้ย!”
   โอ้วไม่นะ..พระเจ้าครับช่วยลูกด้วย! 

____________________
   
   “นี่ ตรฤณนายไปสั่งเค้าหยุดชิงช้าทำไม!”เสียงกรตวาดแว๊ดทันทีเมื่อตรฤณวิ่งเข้าไปสั่งโดยมีสินบนเล็กน้อยกับผู้คุมชิงช้าสวรรค์ พร้อมกับเงยหน้ามองกระเช้าที่สองและภูเบศธ์นั่งอยู่อย่างเป็นกังวล

   “อ๊าว! ไม่รู้หรือไง..โรแมนติกน่ะโรแมนติก..ให้สองคนนั้นค้างเติ่งอยู่ข้างบนน่ะดีแล้ว...น้องนายจะได้อยู่กับสองนานๆไม่ดีหรือไง?”ตรฤณยิ้มพราว แถมยังแสดงอาการภาคภูมิใจเพราะแผนไหนที่ทำให้ภูเบศธ์ได้อยู่ใกล้สอง กรมักจะเป็นปลื้มเสมอ

   แต่ทว่าแผนนี้คงไม่ใช่.....
   ตรฤณเลยต้องหุบยิ้มแล้วทำหน้าเศร้าสลดด้วยความรู้สึกผิด

   “นายจะบ้าเรอะ! แค่ไอ้เด็กนั่นขึ้นชิงช้าสวรรค์ฉันก็ยังอึ้งไม่หายแล้วนะ...แล้วนายยังไปทำให้ชิงช้าสววรค์มันหยุดอยู่บนนั้นอีก..ฮึ้ยย นายนี่จริงๆเล้ย!”กรยังคงบ่นรัวเป็นชุดให้ขณะที่ตรฤณได้แต่ยืนเอ๋อรับประทานด้วยความไม่เข้าใจ

   “ไม่ต้องมาทำหน้าหมีเอ๋อ! ไอ้เด็กนั่นมันกลัวความสูง นายไม่รู้หรือไงเล่า!”
   ถ้ากูรู้ตั้งแต่แรก...คูคงจะกระแทกให้เครื่องจักรมันพังแล้วให้ภูเบศธ์ติดอยู่กับสองทั้งวันแน่นอน! ฮ่าฮ่า

   “บอกให้เขาทำให้ชิงช้าสวรรค์มันหมุนเหมือนเดิมเลยนะ.. ป่านนี้ไม่รู้ช็อคตายหรือยัง”กรกระวนกระวายแหงนมองกระเช้าที่ภูเบศธ์นั่งแกว่งไปมาแล้วก็เริ่มรู้สึกใจคอไม่ดี ทั้งที่กระเช้าอื่นๆเขาหยุดนิ่งกันหมด

________________________________

   ภูเบศธ์ได้แต่ภาวนาอยู่ในใจ เมื่อจู่ๆชิงช้าสวรรค์เกิดขัดข้อง แล้วทำให้กระเช้าที่ตนเองนั่งอยู่กับสองแกว่งต่องแต่งไปมาในอากาศ สายตาคมสอดส่ายไปมาทางด้านบนเพื่อดูน็อตดูอะไรที่มันทำให้กระเช้ามันเชื่อมติดกับโครงเหล็กขนาดใหญ่อย่างเป็นกังวล

   “เราจะไม่ตกใช่มั๊ย?”เสียงภูเบศธ์เริ่มสั่น เมื่อทุกอย่างเริ่มเข้าสู่ความเงียบและนิ่งหลังจากที่ชิงช้าสวรรค์หยุดกลางคัน ก็ก่อให้เกิดเสียงกรีดร้องบ้างโวยวายบ้างตามมา แต่พอสายตาคมหันกลับมามองร่างเล็กที่นั่งอยู่ตรงข้ามกลับรู้สึกว่าตนเองคงจะวิตกจริตมากเกินควร เพราะนอกจากสองจะไม่ร้องโวยวายใดๆแล้ว ใบหน้าหวานกลับแย้มยิ้มแล้วมองออกไปข้างนอกอย่างอารมณ์ดี

   เอ่อ..พี่สองครับ..ไม่คิดจะเป็นเดือดเป็นร้อนยามคับขันบ้างเลยเหรอคร๊าบบ!

   “จะตกได้ใง กระเช้านี้ออกจะแข็งแรง ไฟคงตกน่ะ อย่ากังวลเลยแป๊บเดียวเดี๋ยวไฟก็คงมา”สองเผยยิ้มปลอบใจ แต่การกระทำไม่ได้ปลอบใจภูเบศธ์เอาเสียเลย

   ทำไมน่ะเหรอ? ก็พี่สองดั๊นโยกตัวไปมาเพื่อทดสอบสมรรถภาพของกระเช้าเหล็กอวดภูเบศธ์
   แค่มันอยู่นิ่งๆกูก็กลัวจนฉี่แทบราดแล้วครับ! แล้วยังจะมาหาเรื่องให้มันขยับทำม๊าย! 

   “พี่สอง...อย่า..อย่า..” มือแกร่งยังคงหาที่ยึดเหนี่ยวเอาไว้แน่นพร้อมกับเอ่ยปากบอกด้วยน้ำเสียงสั่นๆ แต่ถึงอย่างนั้นสองก็ยังไม่เลิกคิดที่จะหยุดแกล้ง

   “ทำไมล่ะ? สนุกดีออกน้า...นี่ภูเบศธ์ลองมองดูข้างนอกสิ...เหมือนว่าเรากำลังจะบินได้เลยล่ะ!”สองยังพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นพยายามชักชวนให้ภูเบศธ์ได้ตื่นเต้นตาม...

   แต่ตอนนี้ดูเหมือนภูเบศธ์จะตื่นตูมมากกว่าตื่นเต้นซะล่ะมั้ง~

   “พี่สอง~”เรียกชื่ออีกฝ่ายอย่างอ่อนใจ สุดท้ายสองก็ต้องหัวเราะออกมาก่อนจะกางแขนออกเพื่ออ้ารับให้ใครบางคนเข้ามาสู่อ้อมกอด แต่อีกฝ่ายกลับมองด้วยสีหน้างงงัน

   “?”

   “กอด~”สองพูดสั้นๆก่อนที่ภูเบศธ์จะโผเข้ากอดสองทันที
   คราวนี้ไม่ใช่เพราะอยากอ้อนพี่สอง  แต่กูกอดเพราะกูกลัวครับ!

   “ไม่เห็นน่ากลัวตรงไหนเลย”สองลูบหลังภูเบศธ์เบาๆ พร้อมกับที่มือแกร่งเองก็ลูบไล้แผ่นหลังบางช้าๆเหมือนตอบรับสัมผัสที่สองมีให้ตัวเอง

   “ถ้ามีพี่สองให้กอดอย่างนี้ ก็ไม่น่ากลัวแล้วล่ะ”  ภูเบศธ์ใช้ใบหน้าซุกลงกับแผ่นอกบางที่กระเพื่อมขึ้นลงเป็นจังหวะการหายใจ แถมยังแอบได้ยินเสียงตึกตักเบาๆเป็นตัวกล่อมให้ภูเบศธ์เริ่มรู้สึกผ่อนคลาย

   “นี่...เรามา...จูบกันมั๊ย?”คำพูดของร่างเล็กฟังดูขี้เล่น แต่ดูท่าว่าคนพูดจะคิดจริงขัดกับน้ำเสียงเลยทำให้ใบหน้าหวานซับสีเลือดขึ้นมานิดหน่อย ร่างสูงเงยหน้าขึ้นมองคนที่ตัวเองกอด ก่อนจะค่อยๆโน้มใบหน้าลงแนบชิดกับริมฝีปากเล็กๆตรงหน้าโดยการหลับตาพริ้ม

   เพราะไม่อยากลืมตาตื่นมาว่าตอนนี้ อยู่ห่างจากผืนดินมากแค่ไหนต่างหาก...

   จุ๊บ~
   เมื่อร่างสูงผละริมฝีปากออกทำให้เกิดเสียงจุ๊บให้ความรู้สึกน่ารักจนคนโดนจูบต้องอมยิ้ม แล้วไปจุ๊บปากร่างสูงอีกรอบให้เกิดเสียงดัง ‘จุ๊บ’อีกครั้งอย่างนึกสนุก

   “นี่...เรามาจูบกันอีกรอบ..แล้วอธิษฐานดีมั๊ย?” สายตาคมจ้องมองลึกเข้าไปในแก้วตาใสอย่างถามความเห็น(ความจริงไม่อยากมองไปทางอื่นเพราะยังกลัวอยู่ใช่มั๊ยล่ะ!)

   ไหนๆก็ไหนๆ อยากโรแมนติกให้ครบสูตรมันก็ต้องจูบแล้วอธิษฐานให้ความรักของสองเรายั่งยืน ยาวนาน..ตลอดไป..ว่ามั๊ยครับ?

   “แล้วจะอธิษฐานว่าอะไร?”ศีรษะกลมเอียงเล็กน้อยพร้อมกับสายตาของร่างเล็กฉายแววสงสัย
   “ก็ขอให้ผมและวัวแก่คนนี้รักกันตลอดไปยังไงล่ะ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นจนคนฟังรู้สึกอบอุ่นไปทั่วหัวใจ ถึงจะตะหงิดกับสรรพนามที่ภูเบศธ์ใช้เรียกตัวเองอยู่ก็ตามที แต่ในยามนี้..ความโรแมนติกมันมีมากกว่าเลยค่อยๆโน้มใบหน้าเข้าหากันอีกรอบ

   กึก! กึก!

   และแล้วไฟก็มา..ทั้งที่ภูเบศธ์และสองยังไม่ได้จูบแล้วอธิษฐานใดๆเลย

______________________________

   “บอกเขาสิ! บอกให้เขาเดินเครื่องเหมือนเดิมตรฤณ”

   “จุ๊บก่อนแล้วจะไปบอก”ตรฤณเสนอด้วยท่าทางเจ้าเล่ห์ ส่วนกรก็ได้แต่สงบสติอารมณ์โดยการหลับตาโมโหก็โมโหไอ้หน้าหมี สงสารก็สงสารลูกพี่ลูกน้องของตัวเอง แต่จะไปบอกเองก็ไม่ได้เพราะความรู้ภาษาอังกฤษยิ่งมีอยู่มากมาย(แต่มันอยู่กับคนอื่นที่ไม่ใช่กร)มันทำให้กรไม่สามารถไปพูดคุยกับชาวอเมริกันได้รู้เรื่อง


   เอาวะ!
   จุ๊บ~

   “แล้วก็ไปบอกเขาเปิดเครื่องได้แล้ว!”กรสั่งเสียงเข้ม ก่อนที่ตรฤณจะเดินยิ้มหน้าบานไปบอกผู้คุมเครื่องเล่นชิงช้าสวรรค์ให้เล่นตามเดิม


________________

   
   “ให้มันได้อย่างนี้สิ~”
   ภูเบศธ์มองหน้าร่างเล็กตรงหน้าพร้อมกับการบ่นอย่างเสียดายแต่สุดท้ายก็หัวเราะออกมาพร้อมกันทั้งคู่

   “ช่วยไม่ได้อยากปากหมาที่มาด่าฉันเป็นวัวแก่เอง อะไรๆเลยไม่เป็นใจ”สองประชด แต่ก็โดนภูเบศธ์รั้งศีรษะเข้ามาแล้วจูบอีกครั้งอารามตกใจทำให้สองตั้งใจจะเปิดปากร้อง แต่นั่นกลับเป็นการเปิดทางให้ลิ้นอุ่นแทรกเข้ามาหาความหวานได้อย่างง่ายดาย และดูเหมือนว่า...สองเองก็พยายามจะตอบรับลิ้นร้อนอยู่เช่นกัน

   “อะ...อือ ”เสียงหวานครางต่ำเมื่อริมฝีปากยังคงบดเบียดแลกลิ้นกันกับเด็กหนุ่ม  แถมมือไม้เริ่มอยู่ไม่เป็นสุขรั้งท้ายทอยของอีกฝ่ายเข้ามาหาตนเองให้แนบชิดมากขึ้นกว่าเดิม แถมยังเอียงศีรษะเพื่อให้เข้ากับองศาใบหน้าของร่างสูงอีกด้วย!

   เคร้ง
   เสียงอะไรบางอย่างกระทบกระเช้าเหล็กที่สองและภูเบศธ์(กำลังจูบกัน)อยู่ทำให้ร่างทั้งสองร่างรีบผละออกจากกันแล้วรีบหันไปตามต้นเสียง

   อ่อ! เสียงตีนไอ้ตรฤณกระทบกระเช้าที่กูนี่เอง!

   สองมองไปยังประตูก็พบกับเพื่อนๆรวมไปถึงหมอเขมและภีที่ยืนมองด้วยสายตาอิจฉาปนหมั่นไส้กับคู่รักที่หวานไม่เกรงใจชาวบ้าน

   ขนาดกระเช้าเทียบท่ามึงยังไม่รู้ตัว มัวแต่จูบกันอยู่นั่นแหล่ะ! กูล่ะหมั่นไส้!

   “ลงมาได้แล้ว...นึกว่ากูจะได้ดูหนังสดบนกระเช้าชิงช้าสวรรค์ซะแล้ว!”

   ตรฤณพูดประชด แต่ชวินลงมือกระทำด้วยการรีบเปิดกระเช้าแล้วดึงตัวสองออกมาทันที

   “มึงก็พูดเวอร์ไป...”สองแย้งทั้งที่ใบหน้าแดงก่ำด้วยความเขิน
   แต่ถ้ามึงมาช้ากว่านี้อีกสักหน่อยก็ไม่แน่ใจเหมือนกันล่ะว้า~

   “ทิ้งมึงไว้กับเด็กนี่ไม่ได้จริงๆ หาเรื่องแอ้มเพื่อนกูได้ตลอดเวลา”ชวินพูดกับสองแต่ฟังดูก็รู้ว่าพูดกระทบภูเบศธ์

   “แต่เมื่อกี้พี่สองชวนผมจูบก่อนนะ”  ภูเบศธ์พูดตามความจริงแต่สองรีบกระโดดไปปิดปากไอ้เด็กปากสว่างทันที

   ไม่เห็นหรือไงว่าพ่อกูดุ...นั่น! มองกูอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้ออีก...กูเปล่าแรดนะเว้ย!

   “สอง......”ชวินเรียกชื่อเพื่อนด้วยน้ำเสียงเข้มทำเอาสองต้องรีบไปออดอ้อนก่อนจะโดนด่า

   “ก็บรรยากาศมันพาไป ไฟก็ตก กูเลยชวนไอ้เด็กนั่นจูบ”สองตอบอ้อมแอ้ม...แต่ก็ดูเหมือนว่าจะยอมรับผิดกลายๆ

   “แต่กูไม่ได้แรดนะ!”แต่พอสองประกาศออกมาอย่างนี้ก็เรียกเสียงฮาได้เป็นอย่างดี แถมรอยยิ้มอบอุ่นจากเพื่อนๆอีก

   “กูก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย~ เห็นพวกมึงรักกันพวกกูก็อิจฉา..เอ้ย  พวกกูก็ดีใจ...ความสุขของมึง พวกกูไม่ขัดหรอกว่ามั๊ยไอ้ตรฤณ” ชวินขยี้หัวสองเบาๆก่อนจะพูดแล้วหันไปถามความเห็นกับตรฤณ

   ที่ดูเหมือนว่า....ตอนนี้จะงานเข้า

   “โอ๊ยๆกรพอได้แล้ว ฉันเจ็บนะ”ตรฤณพยายามเอามือไม้ปิดร่างกายตัวเอง แต่ไม่ว่าจะปิดซ้ายกรก็ตีเข้าด้านขวา พอปิดทางด้านขวากรก็ยักย้ายมาตีซ้ายได้อย่างสวยงามเช่นเดิม

   “เฮ้ยๆ กรใจเย็นๆมีอะไรค่อยๆพูดสิ”ชวินรีบไปห้ามทัพ

   “ไอ้หมีควายนี่! กล้ามองสาวอื่นหรือไง!”

   นั่นไง...ตอนอารมณ์ดีก็เรียกก็ว่าหมีน้อยน่ารัก..แต่พอเตียงใกล้หักก็ด่ากูซะว่าหมีควาย  หัวใจกูแทบวายครับขอบอก!

   “ไม่ได้มอง! จริงๆนะกร...”มองหรือไม่มองขอปฏิเสธไว้ก่อนล่ะ

   “ไม่ได้มองเหรอ?! ห๊า! แล้วเมื่อกี้ไอ้ขี้หลีตัวไหนมันมองนมชาวบ้านเค้าจนตาละห้อยกัน”

   ใคร๊! ไม่ใช่กูนะครับทิวากร....เมื่อกี้กูก็แค่เหลือบมอง แต่ไม่ได้จ้องจนตาละห้อยขนาดน้าน อย่ากล่าวหาเกินความจริงสิครับ!

   “ไม่ใช่จริงๆนะกร...โอ๊ยๆ” ว่าแล้วตรฤณก็ขอตัววิ่งหนีโดยชวินคนดีส่งหมอเขมไปช่วยห้าม เพราะตอนนี้ชวินและสองขอยืนหัวเราะเยาะไอ้ตรฤณที่มีเมียโหดสักหน่อย

   “ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า...”แล้วเสียงบุคคลที่สามก็ขอหัวเราะร่วมวง...สองหันไปมองคนรักตัวเองที่หัวเราะตามก่อนจะค่อยๆลดเสียงหัวเราะลง..จนกลายเป็นปิดปากสนิทเมื่อเจอสายตาของสอง

   “ถ้านายเป็นอย่างไอ้ตรฤณ...รับรองโดนหนักกว่ามันแน่..เข้าใจ๊?!”สองขู่โดยมีภูเบศธ์ได้แต่ยืนหัวเราะแห้งๆกลับคืน

   ท่าทางจะจริงอย่างที่ตรฤณเคยว่าเอาไว้..มีเมียก่อนวัยนั้นไซร้ต้องทำใจ...และรู้จักยอมรับชะตากรรม!


The End!

เพิ่งรู้ว่าตอนนี้มันยาวมาก ต้องแบ่งถึง 3 รีพลายกันเลยทีเดียว โอ้ววววววว

ขอโทษนะค้าที่มาต่อช้า งานแอบเยอะ วุ่นวายไปหมดเลยค่ะ
ขอบคุณนะค้าที่ติดตามมาจนถึงตอนสุดท้าย
ส่วนตอนคู่ ของหมอเขม กับ ชวิน...ฮ่าฮ่า ขอเวลานิดนึงนะคะ อิอิ o13
หัวข้อ: Re: [ใกล้จบ]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ พากันเที่ยวอมเริกา P.9 [Up 12/2/12]
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 12-02-2012 19:41:54
ถึงตอนนี้ก็ยังน่ารักกันเหมือนเดิม  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [ใกล้จบ]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ พากันเที่ยวอมเริกา P.9 [Up 12/2/12]
เริ่มหัวข้อโดย: หมูกระต่าย ที่ 12-02-2012 21:47:33
อิจฉาง่า
หัวข้อ: Re: [ใกล้จบ]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ พากันเที่ยวอมเริกา P.9 [Up 12/2/12]
เริ่มหัวข้อโดย: vi2212 ที่ 12-02-2012 22:41:08
ตั่งแต่สองเป็นแฟนภู...น่ารักขึ้นมากมาย :impress2:
หัวข้อ: Re: [ใกล้จบ]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ พากันเที่ยวอมเริกา P.9 [Up 12/2/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 13-02-2012 16:22:39
อเมริกา พาเพลิน..
หัวข้อ: Re: [ใกล้จบ]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ พากันเที่ยวอมเริกา P.9 [Up 12/2/12]
เริ่มหัวข้อโดย: greensnake ที่ 13-02-2012 16:34:13
ขนาดไปกันไกลถึงอเมริกาก็ยังวุ่นวายกันไม่เลิก
แล้วก็หวานกันไม่เปลี่ยน มากกว่าเดิมด้วยซ้ำ
สงสัยได้เปลี่ยนบรรยากาศ :z1:
น่ารักทั้งสามคู่เลยอ่ะ :-[
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: [ใกล้จบ]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ พากันเที่ยวอมเริกา P.9 [Up 12/2/12]
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 13-02-2012 21:05:59
อิจฉาคู่รัก
หัวข้อ: Re: [ใกล้จบ]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ พากันเที่ยวอมเริกา P.9 [Up 12/2/12]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 14-02-2012 10:41:17
narak narak  o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: [ใกล้จบ]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ พากันเที่ยวอมเริกา P.9 [Up 12/2/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Bowbonk ที่ 14-02-2012 23:15:00
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [ใกล้จบ]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ พากันเที่ยวอมเริกา P.9 [Up 12/2/12]
เริ่มหัวข้อโดย: pae666 ที่ 20-02-2012 13:38:49
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกก น่ารักอ่าาาาาา

ขออีกซักตอนของหมอเขมกับวิน ด้วยได้ไม๊ค๊าาาาา าอยากรู้ใครรุกใครรับอ่า าาา หรือผลัดกัน 55555   :z1:   :z1:
หัวข้อ: Re: [ใกล้จบ]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ พากันเที่ยวอมเริกา P.9 [Up 12/2/12]
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 20-02-2012 17:53:51
หนุกมากจ้า
หัวข้อ: Re: [ใกล้จบ]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ พากันเที่ยวอมเริกา P.9 [Up 12/2/12]
เริ่มหัวข้อโดย: bluerose ที่ 20-02-2012 21:42:25
แอบมาดันค่ะ มารอคู่หมอเขมกับชวินนะค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: [ใกล้จบ]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ พากันเที่ยวอมเริกา P.9 [Up 12/2/12]
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 22-02-2012 13:29:23
น่ารักเชียว  :m1:
หัวข้อ: Re: [ใกล้จบ]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ พากันเที่ยวอมเริกา P.9 [Up 12/2/12]
เริ่มหัวข้อโดย: pae666 ที่ 23-02-2012 16:02:28
"มึงล่อภี กูล่อภู........." คำพูดมันส่อซะจริ๊งงงงงงง 5555555
ว่าแต่ว่า...ตอนพิเศษนี้มีทั้งคู่ที่น่าอิจฉา และน่าสงสารเหลือเกิ๊นนนนน  :m20:  :m20:  :m20:
หัวข้อ: Re: [ใกล้จบ]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ พากันเที่ยวอมเริกา P.9 [Up 12/2/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 27-02-2012 10:38:18
ตกมาอยู่ที่หน้า 4 ยังไม่มาต่ออีกหรือ
ไหนว่าใกล้จบ..
หัวข้อ: Re: [ใกล้จบ]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ พากันเที่ยวอมเริกา P.9 [Up 12/2/12]
เริ่มหัวข้อโดย: ryoko_chan ที่ 27-02-2012 17:56:50
ตกมาอยู่ที่หน้า 4 ยังไม่มาต่ออีกหรือ
ไหนว่าใกล้จบ..

ขอโทษค่าาาา ติดสอบT^T ไม่เกินพรุ่งนี้ค่ะ ฮือออออออ
หัวข้อ: Re: [ใกล้จบ]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ พากันเที่ยวอมเริกา P.9 [Up 12/2/12]
เริ่มหัวข้อโดย: ryoko_chan ที่ 27-02-2012 21:43:32
บทพิเศษ ชวิน VS หมอเขม



ผมจำไม่ได้ความรักของเราเริ่มจากตรงไหน เมื่อไหร่ และอย่างไร
พอรู้ตัวอีกทีผมก็เคลมเด็กเก่าของไอ้สองติดไม้ติดมาด้วยซะแล้ว


“ช้าจัง...”ผมบ่นพึมพำของผมอยู่คนเดียว ขณะนั่งอยู่ในรถฟังเพลงจากแผ่นซีดีที่เปิดคลอเอาไว้เบาๆรอเวลานัด แต่ถึงแม้ว่าจะเลยเวลานัดไปแล้วถึงสิบห้านาที ผมก็ทำได้เปิดปากบ่นเบาๆกับตัวเอง พร้อมกับชะเง้อคอไปมารอบุคคลที่มาไม่ตรงตามนัด

ผมจอดรถไว้ข้างริมฟุตบาท ซึ่งห่างจากป้ายหินอ่อนสลักขนาดใหญ่ที่สลักคำว่า ‘คณะแพทยศาสตร์’ เพื่อบ่งบอกให้รู้ว่าผมมาถูกตามสถานที่นัด ไม่ใช่ว่ามารอคนที่นัดแต่ดันไปผิดที่

ในเมื่อไม่รู้วาจะทำอะไร พูดกับตัวเองมากๆเดี่ยวคนเดินผ่านไปผ่านมาจะหาว่าเป็นบ้า เลยทำได้แค่ก้มลงมองนาฬิกาข้อมือ สลับกับมองออกไปนอกรถ


ติ๊ด...ติ๊ด...

เสียงร้องของเครื่องมือสื่อสารข้างตัวดังเบาๆ เรียกสายตาของผมให้หันไปสนใจเจ้าตัวเปล่งเสียง ก่อนที่จะหยิบมันขึ้นมาดู ก็พบว่าเป็นข้อความจากบุคคลที่ผมมารอได้เกือบครึ่งชั่วโมง

‘หมอเขม’
ตัวอักษรมันโชว์ไว้บนหน้าจอเครื่องมือสื่อสารไว้อย่างนั้น ผมก็เลยไม่ค่อยเป็นกังวลเท่าไหร่ ทั้งที่ก่อนหน้าที่จะหยิบมันขึ้นมา แอบรู้สึกวูบๆนิดหน่อย เพราะอะไรน่ะหรือ? ก็เพราะผมกลัวว่าอาจจะมีเจ้าเพื่อนผมไม่คนใดก็คนหนึ่งเห็นรถของผมในมหาวิทยาลัยของมัน โดยที่ผมไม่ได้บอกล่วงหน้า แต่ก็นั่นแหล่ะ เรื่องราวการคบกันแบบไม่ลับระหว่างผมกับหมอเขม ไม่ใช่ว่า ไอ้ตรฤณ หรือ ไอ้สอง ไม่รู้...แต่ผมคิดว่า ถ้าผมถ่อมาถึงมหาวิทยาลัยของพวกมัน แต่กลับมาจอดรออยู่แค่คณะแพทยศาสตร์ ผมคงโดนไอ้สองบ่นไปสามวันสี่คืน ข้อหาเห็นแฟนดีกว่าเพื่อน อะไรทำนองๆนั้น

ทั้งที่ความเป็นจริง....ก็จริงอย่างที่พวกมันคิดจริงๆนั่นแหล่ะ!


แต่ทว่า ข้อความที่ผมเปิดอ่าน ดันทำให้ผมตกใจมากกว่าที่คิดไว้ตอนแรกเสียอีก

‘ขอโทษด้วยนะครับ พี่วิน ผมติดเคสด่วน กลับไปก่อนก็ได้นะครับ’

ถึงอยากจะเขวี้ยงมือถือในมือทิ้งเท่าไหร่ แต่ก็ทำใจทิ้งไม่ได้ เพราะราคามันไม่ใช่บาทสองบาท ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วส่งข้อความกลับไปว่า

‘ครับ อย่าเรียนหนักมาก เป็นห่วงครับ’

ผมทำได้แค่นั้นจริงๆ

ว่าแล้วก็ได้เวลาที่ผมต้องบังคบรถให้เคลื่อนที่ย้ายออกจากคณะแพทยศาสตร์ โดยที่ไม่มีใครเป็นตุ๊กตาหน้ารถเลยสักคน

ผมไม่เคยมีแฟนเป็นหมอ หรือแม้แต่เรียนหมอ จะมีก็แต่หมอเขมคนแรก ตอนแรกก็พอจะเข้าใจ แต่ไปๆมาๆ ชักไม่ค่อยจะเข้าใจซะแล้วล่ะครับ ว่าจะติดเทสแลปเทสย่อยอะไรมากมายนักหนา นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หมอเขมเบี้ยวนัดผม แล้วผมก็คิดว่ามันคงไม่ใช่ครั้งสุดท้ายซะด้วย ถ้าหากหมอเขมยังเรียนคณะที่ว่านี้อยู่


Rrrrr Rrrrrr

ถึงแม้ว่าจะยังอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ชื่อที่เด่นหราอยู่บนหน้าจอเครื่องมือสื่อสารทำให้ผมต้องรีบรับสายทั้งที่ขับรถอยู่

“ว่าไง ไอ้สอง” ผมพูดก่อนจะได้ยินเสียงไอ้สองโวยวายสวนเข้ามา แค่เสียงไอ้สองคนเดียวไม่พอ รู้สึกว่าจะมีเสียงไอ้ตรฤณเป็นเสียงรบกวนแทรกมาด้วยจนตีกันให้วุ่น แยกไม่ออกว่าพวกมันต้องการจะพูดเรื่องอะไร สุดท้ายเลยตัดสินใจหักพวงมาลัยรถเพื่อเอารถจอดข้างทาง แล้วจดจ่อสมาธิกับเสียงของเพื่อนสองคน ที่ตีกันจนแทบแยกไม่ออกว่าเสียงใครเป็นเสียงใคร


‘วินๆๆๆๆ! มึงรู้หรือยังว่า.......คนใหม่....หล่อ......ควง....เขา.....ควาย...’

นี่น่าจะเป็นเสียงของไอ้สอง ที่ผมจับใจความได้ประมาณนี้ เพราะมันมีเสียงไอ้เพื่อนตัวดีอีกคนร้องเพลงแทรก

‘เมียพี่มีชู้....คนรู้กันทั่ว แต่ตาพี่ถั่วเหลือทน รักละลาย เมื่อปลายหน้าฝน ต้องหนาวตรม ยอมทนหนาวทรวง’


“พวกมึงนั่นแหล่ะควาย...เห่าตีกันจนกูฟังไม่รู้เรื่อง!”


‘ฮ่า ฮ่า ฮ่า’
พอผมด่ากลับ พวกมันดันประสานเสียงหัวเราะกลับคืนมาให้ผมที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวว่าพวกมันต้องการจะสื่อสารอะไรกับผมกันแน่

‘ก็หมอเขมอ่ะ’ นี่เสียงไอ้สอง

‘ล่อเด็กวิดวะหน้าหล่อ เดินควงให้ว่อนกลางคณะพวกกู’ นี่เสียงไอ้ตรฤณ

‘ไม่รู้ว่าตอนนี้ เขามึงยาวเป็นวาหรือยัง...ระวังเขาแม่งจะเลยออกมานอกหน้าต่างรถที่มึงขับนะ!’ เสียงไอ้สองว่าขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่ทั้งไอ้สองและไอ้ตรฤณจะผสานเสียงหัวเราะราวกับหมาไฮยีน่ากันอีกครั้ง

ผมไม่ได้อยากเปรียบเพื่อนๆว่าเป็นหมาไฮยีน่า แต่ถ้าเปรียบพวกมันเป็นตัวเงินตัวทองผมก็ไม่แน่ใจเพราะผมไม่เคยได้ยินเสียงพวกมันหัวเราะซะด้วย...เลยเปรียบๆไปงั้นล่ะ!

“สรุปใจความสั้นๆ ว่าหมอเขมนอกใจกู?”

‘โอ้ว เยส!’

“อือ” ผมครางรับในคอแบบเข้าใจก่อนจะกรอกตาไปมาอย่างเซ็งๆ...

ไม่ใช่เซ็งที่รับรู้ว่าแฟนมีชู้ แต่กูเซ็งที่มีเพื่อนอยู่สองคนก็ดันสู่รู้ไม่เข้าเรื่อง แถมยังไม่เคยคิดจะปลอบใจเพื่อนเลยสักคำ

‘อ๊าวววว? มึงไม่โกรธ?’ สงสัยน้ำเสียงของผมจะแสดงออกมาว่าอย่างนั้น เลยทำให้ไอ้สองกรอกเสียงมาถามด้วยความสงสัย

“อ๊าว? แล้วพวกมึงไม่คิดจะปลอบกูสักคำ...แล้วกูจะตีโพยตีพายทำซากอะไร?”

‘...................’ พวกมันเงียบแทนคำตอบ

“แล้วอีกอย่างกูโดนแฟนนอกใจ แต่ก็ไม่มีใครเห็นใจกูสักคน...กูว่ากูเจ็บยิ่งกว่ารู้ว่าหมอเขมสวมเขากูอีกนะ”เอาล่ะใครจะว่ายังไงไม่รู้ ผมรู้สึกว่าเวลาแบบนี้ผมควรจะต้องการกำลังใจจากใครสักคน แต่เพื่อนสองคนก็ดันซ้ำเติม ผมเลยรู้สึกว่า ผมเจ็บเรื่องนี้มากกว่าเรื่องที่โดนน้องหมอเขมแอบนอกใจอีก

ถามว่ารักหมอเขมไหม?...บอกแล้วว่าความรักของพวกเราเกิดขึ้นแบบไม่มีที่มาที่ไป ยอมรับตามตรงก็ได้ว่าผมต้องการอยากจีบหมอเขม เพื่อให้ไอ้สองตัดใจจากผมแล้วหันไปสนใจภูเบศธ์ แล้วก็ไม่รู้อีกนั่นแหล่ะ ว่าเมื่อไหร่ที่ผมต้องโทรศัพท์หาหมอเขมทุกวัน ต้องคอยมารับไปทานข้าวบ้าง หรือไม่ก็หมอเขมมารับผมไปบ้าง จนเหมือนว่าเรามีกันและกันแบบที่ไม่รู้สึกตัวเลยว่าความรักของเรา เริ่มขึ้นเมื่อไหร่

แต่ถ้าถามว่าระหว่างเพื่อน กับ แฟน....มองภายนอกอาจจะเหมือนคนติดแฟน แต่สุดท้ายแล้วผมกลับรู้สึกว่าผมติดเพื่อนมากกว่าอยู่ดี

หรือว่าผมรักหมอเขมมากไม่พอที่จะหึงกันนะ?


‘นี่กูถามจริงๆนะวิน...มึงไม่ได้รักหมอเขมเหรอ?’ เสียงไอ้ตรฤณดูเครียดแปลกๆตอนถามคำถามนี้ แล้วผมควรจะตอบว่าอะไรดีล่ะ?
“ไม่รู้สิ กูไม่อยากรั้งน้องเขาไว้หรอก ถ้าเค้าหมดใจกับกูแล้วน่ะ” คำตอบของผมฟังแล้วดูดีเกินความจำเป็น เหมือนพระเอกในละครน้ำเน่าที่ทำตัวดีเกินเหตุ จนนางเอกโดนหมาคาบไปแดกทุกที แต่ว่าก็ว่านะ ผมรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ

‘วิน...มึงไม่เคยแม้แต่หึงหมอเขม...แล้วพอคราวนี้มึงรู้ว่าหมอเขมนอกใจ มึงยังไม่เสียใจอีก...สรุปว่า...พวกมึงคบกันจริงๆป่ะวะ?’คราวนี้เสียงไอ้คุณสอง กมลินทร์ สลับตัวกับไอ้คุณตรฤณอีกรอบ ถ้าเกิดว่าการสนทนาครั้งนี้มันทำให้ เครื่องมือสื่อสารของไอ้สอง ถูกแย่งไปๆมาๆ ผมว่าผมควรเลี้ยวรถกลับไปที่มหาวิทยาลัย แล้วไปจอดรถทิ้งไว้ที่คณะบริหารธุรกิจ เพื่อให้มันซักถามได้เต็มที่สินะ?

“คบดิ...คิดว่าคบนะ”

แต่......เอ๊ะ??

“พวกมึงรู้ได้ยังไงว่ากูไม่เคยหึงหมอเขมเลยสักครั้ง?”

ผมคิดว่าถ้าผมฉลาดพอ...ผมก็ควรรู้ได้แล้วล่ะว่าตัวต้นเหตุทั้งหมดน่าจะเล่าอะไรให้ไอ้พวกเพื่อนตัวดีของผมฟัง แล้วถ้าเดาไม่ผิดอีก อาจจะนั่งอยู่ข้างๆไอ้พวกนั้นเลยด้วยซ้ำ

‘อ่อ...หมอเขมเขาเคยมาบ่นๆให้ฟัง...ว่าเหมือนมึงไม่ได้รักอ่ะ...หึงก็ไม่เคยหึง ผิดนัดก็ไม่เคยว่า ปล่อยเลยตามเลยตลอด จนเหมือนมึงไม่เคยใส่ใจเรื่องของหมอเขม’
คราวนี้เป็นเสียงไอ้ตรฤณ...จับจากน้ำเสียง เดาได้ไม่ยากว่าไอ้สองดันมือถือให้ไอ้ตรฤณแถแทน ในขณะที่ตอบคำถามพวกมันไปมาอีกสองสามประโยค รถของผมก็มาถึงลานจอดรถคณะบริหารฯ แล้วใช้เวลาอีกไม่ถึงสองนาที ผมก็หาตัวไอ้สองและไอ้ตรฤณเจอ และบุคคลที่คาดการณ์เอาไว้ก่อนหน้าก็นั่งอยู่ด้วยจริงๆ

“กูไม่เห็นว่าแฟนกูจะควงเด็กวิดวะที่ไหน...จะมีก็แต่นั่งสุมหัวอยู่กับพวกหน้าตาน่าเกลียดที่อยู่คณะบริหาร”

“ไอ้วิน!!!” คราวนี้คงไม่ต้องพึ่งเครื่องมือสื่อสารเป็นเครื่องนำพาเสียงของผม และของเพื่อนๆผม ให้ได้พูดคุยกันอีกต่อไป ในเมื่อผมมายืนอยู่ข้างหลังพวกมัน เพื่อให้ได้ถามไถ่แบบถึงเนื้อถึงตัว(?)

“กูว่า...กูไปส่งไอ้สองที่คอนโดภูดีกว่า พวกกูไปละ!” ทั้งไอ้สองและไอ้ตรฤณมองหน้าแบบรู้กัน ก่อนจะปลีกตัวลุกออกจากโต๊ะไม้หินอ่อน ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ว่าพวกมันอยากให้ผมกับหมอเขมคุยกันเป็นการส่วนตัว หรือหาเรื่องเอาตัวรอดก่อนที่ผมจะเอาระเบิดลงเพื่อนตัวดีสองคนกันแน่ แต่เอาเถอะ เพียงแค่ผมเห็นหน้าของหมอเขม ผมเองก็รู้สึกว่าเพื่อนเอาไว้เคลียร์ทีหลัง แต่คนนี้ขอเคลียร์ก่อนแล้วกัน


“ว่าไงครับ?..ติดเคสด่วนเสร็จแล้วหรือ?”

กูว่ากูไม่ได้ตั้งใจประชด แต่ทำไมท่าทางของหมอเขมอยากทำให้กูหมดอนาคตแบบนั้นล่ะครับ!

“ทำไมพี่วินถึงไม่เคยว่าหรือด่าผมเลยสักคำ! ทั้งที่ผมผิดนัดบ่อย พอจะไปไหนด้วยกันทั้งที ส่วนใหญ่ก็เป็นเพราะผมไม่ว่าง...แต่ทำไมพี่วินไม่เคยแสดงอาการอะไรเลย? หรือว่าผมไม่สำคัญ?!”

เอาแล้วไง...ท่าทางผมจะถามไม่ตรงคำตอบของหมอเขมเข้าซะแล้ว

แถมผมยังโดนถามกลับอีกยืดยาว จนคิดไม่ออกเลยว่าผมควรตอบคำถามไหนก่อนดี

“พี่ขอที่ละคำถามนะ...”ผมพูดพร้อมกับยกมือคล้ายกับจะปรามไม่ให้หมอเขมถามคำถามผมเพิ่ม เพราะเดี๋ยวผมจะลืมคำถามก่อนหน้านั้น แล้วจะโดนหมอเขมหาว่าผมตอบไม่ตรงคำถามเอา

“ทำไมพี่ถึงไม่เคยว่า หรือบ่นอะไรหมอเขมเลยสักคำ...อือ...ที่จริงพี่บ่นนะ แต่บ่นกับตัวเอง เพราะพี่รู้ว่าถึงบ่นกับหมอเขมไป หมอเขมก็ไม่มีทางที่จะไม่ยอมเข้าสอบหรือเลื่อนสอบหรืออะไรก็ตามแต่เพื่อออกมากับพี่...โอเคมั๊ย?”ผมคิดว่าคำตอบผมค่อนข้างเคลียร์ แต่หมอเขมกลับทำหน้าไม่พอใจ

“พี่ไม่คิดว่าที่ผมอ้างว่าติดสอบ ติดนู่นนี่นั่นน่ะ แต่จริงๆแล้วไม่ได้ติดอย่างที่ผมว่าเลยเหรอ?”

อ๊าว กูไม่ใช่ทิวากรนะครับ ที่จะจินตนาการเก่ง ขนาดที่หาเรื่องหึงไอ้ตรฤณได้เช้าเย็นน่ะ!

กูชักไม่ค่อยแน่ใจ ระหว่างที่ไอ้ตรฤณมีเมียขี้หึง กับ กูที่มีแฟนอยากให้คอยหึง อะไรมันเลวร้ายกว่ากัน?


“พี่ถือว่าพี่เชื่อใจหมอเขมนะ .... ทั้งที่พี่เองก็ไม่เคยรู้เลยเหมือนกันว่าหมอเขมเชื่อใจพี่อย่างที่พี่เชื่อใจหมอเขมหรือเปล่า?”ผมไม่ได้ต้องการเพิ่มความดราม่า แล้วผมก็ไม่ได้มีปัญหากับการที่หมอเขมเคยหึงผมกับภีน้องชายของภูเบศธ์ เมื่อครั้งไปอเมริกา แต่ผมต้องการรู้ต่างหากว่า ถ้าผมเชื่อใจหมอเขม แล้วหมอเขมเลือกที่จะเชื่อใจผมกลับบ้างหรือเปล่า?

“พี่วิน...”

“ส่วนที่ถามว่า หมอเขมสำคัญกับพี่มั๊ย?..พี่ไม่รู้หรอกว่าคำจำกัดความของคำว่า ‘สำคัญ’ เนี่ยมันต้องทำยังไงบ้าง หมอเขมถึงจะรับรู้ได้ว่าหมอเขมสำคัญกับพี่ พี่รู้แค่ว่าระหว่างกินข้าวคนเดียว กับกินข้าวกับน้องหมอเขมมันต่างกัน ถ้าเลือกได้พี่ก็อยากกินข้าวกับหมอเขมมากกว่าที่จะกินคนเดียว”

“หรือแม้แต่เวลาขับรถ ระหว่างขับรถคนเดียว กับการที่มีหมอเขมนั่งไปไหนมาไหนด้วย ไม่ว่าจะพี่ขับหรือหมอเขมขับ พี่ก็รู้สึกดีกว่าแน่ที่มีหมอเขมไปด้วย”

“อย่างนี้..เรียกว่าหมอเขมสำคัญกับพี่มากพอหรือเปล่าล่ะ?” ผมรู้สึกเลยว่าคราวนี้ผมตอบคำถามไม่ค่อยตรงประเด็นเท่าไหร่แถมยังถามหมอเขมกลับเสียอีก แล้วผมก็อยากจะรู้จริงๆซะด้วยว่าหมอเขมจะตอบผมว่าอะไร

“พี่มีความสุขใช่มั๊ยเวลาที่อยู่กับผม?”

ผมเริ่มรู้สึกว่าระหว่างผมและหมอเขม ไม่ค่อยจะถามตรงคำตอบ และตอบไม่ตรงคำถาม แถมยังชอบเพิ่มคำถามให้กันอีกแน่ะ!

“ไม่เลย......”คำตอบของผมทำเอาดวงตาคมโตของหมอเขมวูบไหว

“ยิ่งพี่อยู่กับหมอเขมมากเท่าไหร่ พี่ยิ่งรู้สึกเป็นห่วงมากกว่ามีความสุข...แต่ไม่ถึงกับทุกข์หรอกนะ...เข้าใจใช่มั๊ย?...เวลาพี่ชวนเราไปทานข้าว พี่ก็รู้สึกผิดว่าเวลาที่หมอเขมต้องมากับพี่ ควรจะเป็นเวลาที่เราต้องพักผ่อน เพราะหมอเขมเรียนหนักมาทั้งวัน บางครั้งหมอเขมต้องขับรถไปหาพี่ที่บริษัท พี่เองก็เป็นห่วงว่า หมอเขมเรียนมาทั้งวัน ถ้าเกิดหลับในตอนขับรถจะเป็นยังไง...พี่คิดอะไรเยอะแยะเต็มไปหมด...อย่างนี้เรียกว่าความสุขได้เหรอ?”ผมรู้สึกว่ายิ่งตัวเองพูดเท่าไหร่มันก็ยิ่งทำให้ผมหยุดที่จะพูดความรู้สึกที่เก็บไว้ข้างในไม่ได้เสียแล้ว

“งั้น..เราเลิกกันดีมั๊ยครับ? พี่วินจะได้ไม่ต้องคอยเป็นห่วงผม”

อ่า...ผมไม่คิดว่าคำพูดของผมเป็นประโยคที่ชวนบอกเลิกสักหน่อย ผมกำลังคิดว่าประโยคที่ผมร่ายยาวมามันเป็นประโยคบอกรักนะครับ!!

แต่ถ้าหมอเขมต้องการแบบนั้น...

“ก็ได้...งั้นเราเลิกกัน”

ผมตอบสั้นๆ ก่อนจะค่อยๆแอบปล่อยมือที่แอบจับมือหมอเขมเอาไว้ก่อนหน้าอย่างนึกเสียดาย








ดูท่าทางว่าหมอเขมจะยอมเล่นละครตบตาไอ้เพื่อนตัวดีของผมได้แบบร้ายกาจและหาตัวจับได้ยากเลยนะครับงานนี้!




ผมว่าเราเข้าใจกันตั้งแต่ที่ผมอธิบายเรื่องของคำว่า ‘สำคัญ’ แล้วล่ะครับ ผมรู้ว่าหมอเขมไม่ใช่คนโง่ แถมยอมรับเหตุผลเก่งผมอธิบายอะไรนิดหน่อยก็คงจะเข้าใจแล้วล่ะ...แถมพอผมแอบส่งสายตาไปทางพวกกลุ่มเพื่อนๆผม แล้วมองตาหมอเขมอีกนิดหน่อยหมอเขมก็รู้แล้วล่ะว่าผมต้องการอะไร จะเหลือก็แต่ไอ้ก๊วนผู้ก่อการร้าย ที่พากันร่วมสร้างให้คนเกือบเป็นควายอย่างที่หลอกผมเอาไว้ว่าน้องหมอเขมสวมเข้าให้ เพียงเพราะอยากให้ผมใส่ใจหมอเขมมากขึ้น


เอาล่ะ คราวนี้ก็ถึงตาที่ผมกับหมอเขมจะร่วมมือกัน ทำให้ควายกลายเป็นคนบ้างล่ะ!



“เฮ้ย!! นี่พวกมึงเลิกกันจริงๆเหรอ?..”พอเหตุการณ์สงบพวกควายก็เริ่มเข้าแทรกแซง

“แล้วพวกมึงได้ยินมาว่ายังไงล่ะ? แอบฟังอยู่ไม่ใช่หรือไง...อีกอย่างกูก็เพิ่งรู้ว่าคอนโดภูมันย้ายมาอยู่คณะมึงละ เห็นบอกว่าจะไปคอนโดภู แต่กลับยืนทนโท่ครบเซ็ต” ไอ้ครบเซ็ตที่ผมว่ามาก็คงจะหมายถึงเซ็ตที่มีไอ้สอง ไอ้ตรฤณ แฟนไอ้สองก็คือภูเบศธ์ และแฟนไอ้ตรฤณก็คือทิวากร

“อ้าว?? กูก็ทำตามประสงค์พวกมึงไง ใส่ไฟว่าหมอเขมมีคนใหม่ ไงล่ะกูก็เลยเลิกให้สมใจอยาก!”ผมพยามพูดทั้งที่กลั้นยิ้มเอาไว้ ที่จริงผมว่าผมเล่นละครเก่งนะ แต่เห็นสีหน้าของไอ้สองกับไอ้ตรฤณที่ทำเหมือนว่ารู้สึกผิดเสียเต็มประดาแล้วมันอดไม่ได้ที่จะหัวเราะจริงๆสิ

“มันไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย วิน...ที่พวกเราแกล้งบอกว่าหมอเขมควงคนใหม่ เพราะอยากให้นายสนใจหมอเขม และหึงหมอเขมบ้างก็เท่านั้น..นายนี่มันโง่...หรือโคตรโง่กันแน่ห๊า!”
ถึงแม้ว่าเริ่มประโยคมาของทิวากรจะเหมือนคนอธิบายเรื่องราว แต่ทำไมตอนท้ายๆน้ำเสียงเหมือนขู่กรรโชกยังไงก็ไม่รู้ มันเลยแอบทำให้ผมเคยถามกับไอ้ตรฤณเล่นๆอยู่ว่า “มึงมีเมียหรือเลี้ยงหมาวะ? ชอบขู่ชาวบ้านอยู่เรื่อย” จนโดนไอ้ตรฤณฝากตีนมาแล้วครั้งหนึ่ง

“อ้าว...ก็นึกว่าอยากให้เข้าใจผิดกันซะอีกฮ่าฮ่า...แล้วอีกอย่าง ไอ้การสร้างคนให้เป็นควายของพวกมึงอ่ะ ใช้ไม่ได้ผลกับกูหรอกนะ...พอดีว่ากูฉลาดพอ”ผมพูดพร้อมกับยกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ แต่ดูเหมือนว่า ควายทั้งหลายจะยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก

“ไม่ได้ผล?...แต่พวกมึงก็เลิกกันนี่นา...กูว่านะ มึงรีบไปง้อหมอเขมเหอะ”ไอ้ตรฤณมันว่างั้น แถมยังชะเง้อคอมองหาหมอเขมที่เดินลับตาไปแล้วอีกต่างหาก

“ง้อทำไม?” ผมทำไขสือ แต่ไม่วายแอบอมยิ้ม

“เฮ้ย! คนดีๆอย่างหมอเขมมึงปล่อยมือง่ายๆแบบนี้ได้ยังไงล่ะไอ้วิน...มึงทำแบบนี้เพื่ออะไรวะ? แสดงว่าที่ผ่านมามึงไม่เคยรักหมอเขมเลยใช่มั๊ย” ไอ้สองโวยวายใส่หูผม โดยมีแฟนเด็กมันพยักหน้าทำท่าเออออห่อหมกตามมันไปด้วย

“ถ้าหมอเขมดีขนาดนั้น แล้วมึงหันมาแดกหมา เอ้ย เด็กปากหมาทำไม?”คราวนี้ผมว่าผมตั้งใจกัดไอ้สองและแฟนมันที่เข้ากันเป็นปีเป็นขลุ่ยจนน่าหมั่นไส้เกินความจำเป็น ยังไงยังไงผมก็ยังหวงไอ้สองอยู่ดี ไม่รู้ทำไม

“ความดีมักจะแพ้ลีลาครับพี่วิน!” ภูเบศธ์มันว่ามาอย่างนั้นอ่ะนะ ผมเองก็ไม่เคยลิ้มลองลีลาของเด็กไอ้สองมันด้วยเลยไม่รู้จะเถียงอะไร จะมีก็แต่ไอ้สองที่เขินหน้าแดงเหมือนตูดลิง ตีหลังภูเบศธ์ดังอั่กๆ แบบไม่กลัวว่าชะตาเด็กมันจะสั้นถ้าหากมันยังไม่ยั้งแรงอยู่แบบนี้

“ผมหมายถึงลีลาการจีบ...พี่สองคิดถึงลีลาอะไรเนี่ย???!!”อันนี้ผมเริ่มไม่ค่อยเห็นด้วยแล้วล่ะ ถ้าเด็กไอ้สองจะบอกว่าเป็นลีลาการจีบ เพราะลีลาการจีบของภูเบศธ์นั้น ผมคิดว่าควายยังยอมแพ้ เพราะฉะนั้น มันพูดหาทางเอาตัวรอดจากเงื้อมือไอ้สองมากกว่า

“จริงเหรอ?”ผมได้ยินเสียงไอ้สองตอบมาว่าอย่างนั้น แถมยังยอมหยุดการทำร้ายร่างกายอีกฝ่ายด้วย...ผมเลยชักคิดว่า...นั่นแหล่ะ ไม่พูดดีกว่า เพราะยิ่งพูดก็ยิ่งเหมือนว่าด่าเพื่อนตัวเองให้เลวร้ายลงทุกที เพราะฉะนั้นผมขอหาเรื่องวกกลับมาที่เรื่องของหมอเขมอีกครั้งดีกว่า

“แต่กูว่ามึงควรไปง้อหมอเขม” ทั้งที่ผมว่าจะเป็นคนวกกลับเข้ามาเรื่องนี้ แต่ว่าไอ้ตรฤณดันเป็นคนวกกลับมาให้ ก็ดี ไม่ต้องเปลืองน้ำลาย แล้วแถมยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไรตอบกลับมันไป เสียงคุ้นหูพวกผมก็ดังขึ้นมาจากทางด้านหลังพวกเราซะแล้ว

“พี่วิน...ผมได้ตั๋วหนังมาสองใบแล้วล่ะ..ไปกันเถอะครับ”ผมยิ้มรับ...กับคนที่พูดกับผม แต่ผมก็แอบเหลือบมองกลุ่มเพื่อนอยู่หน่อยๆเหมือนกันล่ะ เพราะอยากรู้ว่าควายจะได้กลายเป็นคนหรือยัง..

“นี่มันหมายความว่าไงวะ ไอ้วิน!”แน่นอนว่าเสียงแรกที่โวยวาย คือเสียไอ้คุณสอง แล้วหลังจากนั้นก็เป็นเสียงเสริมจากทั่วสารทิศ ด้วยน้ำเสียงงงงวยไม่ต่างกัน

ผมเองก็ทำได้แค่ยิ้มแล้วโอบเอวหมอเขมไว้หลวมๆ

“ทีพวกมึงยังรวมหัวหลอกกูว่า หมอเขมมีคนใหม่ แล้วทำไมกูจะหลอกพวกมึงว่ากูเลิกกับหมอเขมบ้างไม่ได้ล่ะ?”
 พูดจบก็ยักคิ้วกวนตีนส่งคืนผองเพื่อนไปหนึ่งที แล้วหันหลังกลับ โบกมือลาเพื่อนๆโดยที่ไม่หันมามองพวกมันเลยด้วยซ้ำ ว่าแต่ละคนจะอาฆาตแค้นผมขนาดไหน

เรื่องนี้สอนให้ผมรู้ว่า ขนาดคนยังเป็นควายไม่ได้..แล้วควายจะกลายเป็นคนได้ยังไงกัน ใช่มั๊ยครับทุกคน!!!




เอาล่ะ...พอละจากกลุ่มเพื่อนได้ ก็เหลือเรื่องที่ผมกับหมอเขมต้องเคลียร์กัน


“เราจะไปดูเรื่องอะไรกันเหรอครับ?”ในขณะที่เราทั้งสองนั่งอยู่บนรถเมอร์เซเดสเบ๊นซ์ CL550 คูเป้ ที่กำลังมุ่งหน้าไปยังโรงภาพยนต์ที่ใกล้มหาวิทยาลัยที่สุด โดยที่มีผมเป็นคนขับ และมีหมอเขมนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถด้วยรอยยิ้ม

“It gets better” อืม...สำเสียงภาษาอังกฤษของหมอเขมฟังดูรื่นหูดี แล้วผมก็รู้ด้วยว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์แนวไหน ผมพยักหน้ารับก่อนจะปล่อยให้ความเงียบครอบงำ

“ขากลับให้ผมขับนะครับ...พี่วินจะได้เป็นตุ๊กตาหน้ารถของผมบ้าง” ผมเลิกคิ้วนิดหน่อยกับคำพูดของหมอเขมที่พูดขึ้นราวกับรู้ความในใจของผม แต่ก็ทำได้แค่หยักหน้ารับ ก็ดีเหมือนกันบางทีก็รู้สึกขี้เกียจขับรถอยู่เหมือนกัน

“ฮ่าฮ่า พี่ให้เราขับก็ได้ แต่พี่ไม่เป็นตุ๊กตาหน้ารถของหมอเขมหรอกนะ...เพราะหมอเขมต่างหากที่เป็นตุ๊กตาหน้ารถพี่”

“พี่วินรู้ได้ยังไงครับ?” บอกตามตรงว่าพอผมเจอคำถามนี้จากหมอเขมแล้วผมเริ่มคิดหาคำพูดไม่ออก...นั่นสิผมรู้ได้ยังไงกัน?

“นี่ๆ เรายังไม่ตกลงเรื่องนี้กันเลยสินะ..อืม..เอาไงดี”ผมทำท่าครุ่นคิด ซึ่งผมก็คิดจริงๆนั่นแหล่ะนะ ตอนแรกก็คิดแค่เรื่องที่ว่า คนสองคนรักกันเฉยๆจะเพศไหนขั้วไหนไม่ได้ใส่ใจตั้งแต่แรก ผมก็เป็นของผมแบบนี้อยู่แล้ว แค่รักกัน คุยกันรู้เรื่อง เข้าใจกันก็พอ...แต่ถ้าจะให้พูดถึงเรื่องนั้นล่ะก็...

“นั่นสิเอาไงดีครับ?”ดูท่าทางว่าหมอเขมจะกังวลกับเรื่องนี้ไม่น้อย...ทั้งที่จริงแล้ว ผมคิดว่าผมกังวลมากกว่าเขาอีกล่ะ

ทำไงดีทุกทีเคยแต่รุก...แต่ถ้างานนี้ฉุกละหุก จากรุกจะได้กลายเป็นรับแบบง่ายๆเลยนะเนี่ย!

ท้ายที่สุดผมก็ควรจะบอกเจตนาผมไปตรงๆ

“พี่รุก...”พูดจบก็กลั้นหายใจรอฟังคำตอบจากคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าตัวเองจะกลั้นหายใจทำไม?

“ผมก็รุก”น้ำเสียงของหมอเขมหนักแน่นพอที่จะทำให้ผมไหวหวั่นได้...

เอาล่ะทีนี้ประสบปัญหาที่ว่า...ขั้วเดียวกัน...โคจรมาเจอกัน..แต่ดันดูดกันแทนที่จะผลักกัน..มันชักจะผิดหลักผิดการไป(ไม่)นิดซะแล้วล่ะ

เอาไงดีล่ะทีนี้? ผมควรจะพูดอะไรต่อดี?


“ผมว่า...ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติเถอะครับพี่วิน...ไปวัดกันหน้างาน...ผมว่าก็ไม่สายหรอกครับ”หมอเขมพูดจบก็ยักคิ้วให้ผมหนึ่งที ทำเอาใจผมหล่นวูบแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเลยล่ะครับ


ทำไงได้..ผมกลัวจะใจอ่อน.. เพราะคำพูดอ้อนๆของหมอเขมซะล่ะมั้ง!


ผมยอมรับก็ได้วะ!!!



















ยอมรับว่าเราจะไปวัดกันหน้างาน!

ไม่ได้ยอมเป็น “ฝ่ายรับ” รู้ไว้ซะด้วย!




:: The End ::


แล้ว..แล้วมันก็จบ!! กรี๊ดดดดดดดดดดด
ขอโทษนะค้าที่หลังๆมามาต่อช้ามาก เพราะ โปรเจ็ค เพราะใกล้สอบ ตีกันวุ่นวายกันไปหมดน่ะค่ะ
ตอนนี้จบได้จริงๆแล้วค่ะ ขอบคุณที่ติดตามเรื่องนี้กันนะคะ


ปล. เดี่ยวคลอดเรื่องใหม่แน่ค่ะ รอติดตามได้เช่นเดิมเลยนะค้า
คอมเมดี้เหมือนเคยค่า อิอิ

ว่าแต่ตอนนี้ถูกใจกันมั๊ยคะ?
คือ ไปจิ้นกันเอานะคะว่าใครรับใครรุก สำหรับคุ่นี้ เพราะเราต้องการให้มันคลุมเครือจริงๆสำหรับคู่นี้
เราชอบอารมณ์ที่แบบว่า แมนๆกันทั้งคู่ (แล้วออกแนวตกลงกันไม่ได้สักที) ซึ่งความจริงก็เหมือนจะมีให้เห็นอยู่เหมือนกันนะคะ ฮ่า

อ่อ อีกหนึ่งความฟิน ฮ่าฮ่า พูดถึงเรื่อง it gets better เนื่องจากเราไปดูเรื่องนี้ กับเพื่อนที่เป็นเกย์
แล้วพอเข้าไปในโรง ก็ควงกันไปแบบเหมือนแฟน แต่พอเข้าไปแทบดิ้น เพราะว่าในโรงมีแต่คู่ๆ  มาเป็นคู่ๆ คู่ชายๆด้วย ไม่ได้อยากจะคิดในแง่ร้าย แต่ก็นะ หนังแบบนี้ เพื่อนชายๆคงไม่ถ่อมาดูด้วยกันหรอกใช่มั๊ยคะ?
ฮ่าฮ่า แล้วคู่ข้างๆนะคะ ทำอะไรไม่ได้เกรงใจ ดูๆไป หันไปอีกที นอนซบไหล่กันซะงั้น แทยจะกรี๊ด ดีที่ซุกหน้าใส่เพื่อนทัน ฮาค่ะ
แต่ชอบหนังเรื่องนี้จริงๆ ><
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ ชวิน VS หมอเขม P.10 [Up 27/2/12]
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 27-02-2012 22:16:01
พุ่งเข้ามาเพราะเห็นชื่อชวินกับหมอเขม..

แต่ พอไม่มีภูิเบศร์มาเล่นมุกควาย(?) ความขำมันลดลง

ม่ายยยย สองคนนี้ฉลาดเกินไป


ฟายตัวน้อยๆ อย่างดั้นฟังไม่รู้เรื่อง รอดูอย่างเดียว!!!

ใครจะชนะ หน้างาน ฮ่าๆๆ

(นึกถึงกว่าจะรู้ของคุณหลันหลินยังไงๆ ฮ่าๆๆๆๆๆ อาลี อาลีเอ๊ย!!!!! :jul3:)
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ ชวิน VS หมอเขม P.10 [Up 27/2/12]
เริ่มหัวข้อโดย: september ที่ 28-02-2012 01:13:16
 :laugh: :3125:


เปลี่ยน กัน ดิ    :z1: :z1: :z1:

น่าจะมัน 555
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ ชวิน VS หมอเขม P.10 [Up 27/2/12]
เริ่มหัวข้อโดย: greensnake ที่ 28-02-2012 16:42:28
555 ชอบค่ะ จบแบบนี้เหมาะกับคู่นี้ดี วัดกันหน้างาน
ก็ไม่เห็นยากเลย เปลี่ยนกันสิเนาะ ยุติธรรมดีออก :o8:
ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษสนุกๆค่ะ  :L2:
ป.ล. จะรอติดตามเรื่องต่อไปนะคะ
ป.ล.2 แอบกรี๊ดดด อิจฉาอ่ะ อยากไปดูโรงนั้นบ้างงงงง
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ ชวิน VS หมอเขม P.10 [Up 27/2/12]
เริ่มหัวข้อโดย: pae666 ที่ 28-02-2012 17:06:27
อ๊ากกกกกกกกกกกก ถูกใจจริงๆ ค่ะ (แต่ไม่สุดน๊าาาา) หมอเขมกะชวินน่ารักจริงๆ ..แต่เชียร์ให้ผลัดกันรุกผลัดกันรับ ไม่มีใครได้ไม่มีใครเสียนะคะงานนี้ มีแต่ได้กับได้กับได้ ฮี่ๆๆๆๆ  :impress2:

เรื่อง It Gets Better เพิ่งไปดูมาเหมือนกันค่ะ เป็นหนังที่ดีอีกเรื่องนึง แต่คนดูน้อยจัง (หรือเพราะหนังเข้ามาหลายอาทิตย์แล้วก็ไม่รู้) ....ชอบพี่ไม้ หน้าตาเกาหลีม๊ากมากกกกกก  :o8:
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ ชวิน VS หมอเขม P.10 [Up 27/2/12]
เริ่มหัวข้อโดย: หมูกระต่าย ที่ 28-02-2012 18:38:01
งานหน้าท่าทางจะมีเฮ :z1:
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ ชวิน VS หมอเขม P.10 [Up 27/2/12]
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 28-02-2012 19:02:49
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ ชวิน VS หมอเขม P.10 [Up 27/2/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 01-03-2012 19:01:51
สลับกันได้ ไม่น่าเบื่อ..
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ ชวิน VS หมอเขม P.10 [Up 27/2/12]
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 02-03-2012 11:24:36
จิ้นไปเรื่อยละกู :jul1:
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ ชวิน VS หมอเขม P.10 [Up 27/2/12]
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 03-03-2012 07:49:33
อ๊ากกกกกก มันสนุกมากมายกับเรื่องนี้
อ่านจบแล้ว เหลือตามอ่านตอนพิเศษ
ขอบคุณคนแต่งมากๆนะคะ เลิศๆค่ะ  o13
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ ชวิน VS หมอเขม P.10 [Up 27/2/12]
เริ่มหัวข้อโดย: bobby_bear ที่ 03-03-2012 20:42:18
เห็นชื่อเรื่องตกใจมาก นึกว่า ryoko_chan จะโดนทำร้ายโดยการก้อปฟิค 55+
ไม่ได้ดูชื่อคนโพสท์ว่าคนเดียวกัน

ตอนเป็นยูซูก็สนุก มาที่นี่เป็นชื่อปรับเรื่องก็จะอ่านอยู่ดีแหละ อิอิ
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ ชวิน VS หมอเขม P.10 [Up 27/2/12]
เริ่มหัวข้อโดย: omelordkung ที่ 04-03-2012 00:24:47
สนุกมากมายครับ
ครบทุกรสทุกคู่
ขอบคุณไรเตอร์มากๆ เลยครับ ที่แต่งเรื่องสนุกๆ มาให้อ่านกัน ^^
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ ชวิน VS หมอเขม P.10 [Up 27/2/12]
เริ่มหัวข้อโดย: skynotebook ที่ 04-03-2012 09:18:22
จบแล้วจริงๆหรอ เรื่องนี้น่ารักมากเลยค่ะ ภูก็ปากหม๊าปากหมามากเลย ช่วงแรกก็กลัวสองจะเกลียดมาก
ไม่คิคว่าสองจะชอบคนปากหมาซะอีก พอรู้ว่าชวินที่เป็นรักแรกของสองปากเป็นแบบไหนเลยลุ้นไม่ยากเลยที่จะให้ภูเข้าไปอยู่ในใจสอง

ชอบ(พ่อ)ชวินกับ(พ่อ)ตรฤณที่หวงสองซะขนาดนั้น ถ้าไม่มีกรคอยช่วยภู สงสัยงานนี้คงไม่ได้เข้าใกล้สองแน่เลย
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ ชวิน VS หมอเขม P.10 [Up 27/2/12]
เริ่มหัวข้อโดย: naamsomm ที่ 04-03-2012 14:40:34
 o13
กว่าตามอ่านทัน
จบซะแล้ววววววววว
เรื่องนี้สนุกมากกกกกกกกกกกเลยค่ะ
แอบอิจฉาพี่2เนอะ
มีเด็กๆในฮาเร็มเพียบเลย

แอบลุ้นหมอเขมกับชวิน
ไปวัดกันหน้างาน
สงสัยชวินจะแพ้หมอเขมแน่เลย
^ ^
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ ชวิน VS หมอเขม P.10 [Up 27/2/12]
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 04-03-2012 16:00:13
555
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ ชวิน VS หมอเขม P.10 [Up 27/2/12]
เริ่มหัวข้อโดย: jincool ที่ 07-03-2012 22:11:42
อ่านจบแล้ววววววววววว
สนุกมากกกกกกกกกกกกกกก
ฮา  เศร้า  เกร็ง  กวง  มึน  ซึน  มีทุกรสชาติจริงๆ 
ไม่เบื่อเลยอ่ะ  ขอบคุณมากๆ สำหรับเรื่องสนุกๆ แบบนี้
จะรอผลงานเรื่องต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ ชวิน VS หมอเขม P.10 [Up 27/2/12]
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 08-03-2012 18:30:33
ใครจะรุกจะรับไม่สำคัญขอแค่เรารักกันก็พอ(รึเปล่า)
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ ชวิน VS หมอเขม P.10 [Up 27/2/12]
เริ่มหัวข้อโดย: July_Moon ที่ 08-03-2012 22:35:25
อ่านรวดเดียวจบ สนุกดีค่ะ
แต่อ่านแล้วทำไมรู้สึกหน่วงๆ พิลึกไม่ทราบ
รู้สึกเหมือนหงุดหงิดกับชวิน และหมอเขมเล็กๆ = = จะฉลาดกันไปไหน!! ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ ชวิน VS หมอเขม P.10 [Up 27/2/12]
เริ่มหัวข้อโดย: maykiz ที่ 09-03-2012 13:26:40
แอร๊ยยยยย!!!! สนุกมากกกกกกกกก น่ารักที่สุดเลย แล้วเรื่อง It gets better เราก็ไปดูกะเพื่อนมา โอ้ว!! สนุกมาก จริงจัง ร้องไห้ด้วย ขอบคุณสำหรับนิยายนะคะ
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ ชวิน VS หมอเขม P.10 [Up 27/2/12]
เริ่มหัวข้อโดย: witchhound ที่ 06-04-2012 05:27:33
ในที่สุดก็อ่านจบแล้ววว
เรื่องนี้ชอบกรกับชวินมากเลย
วางยานอนหลับใส่กันไปกันมาฮาดี
ขอยกให้นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายที่เปลืองยานอนหลับมากที่สุดเลย เอ้า!! :call:

คู่พี่วินกับหมอเขมเราเชียร์ให้หมอเขมรุกนะไม่ก็สลับกันก็ได้
เห็นพี่แกวางแผนเล่นคนอื่นตลอดอยากให้โดนบ้าง
 :laugh:
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ ชวิน VS หมอเขม P.10 [Up 27/2/12]
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 01-05-2012 01:43:43
สนุกดีค่ะ
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ ชวิน VS หมอเขม P.10 [Up 27/2/12]
เริ่มหัวข้อโดย: qoxity ที่ 04-05-2012 18:46:21
ว๊ากกกกก อยากอ่านต่อๆ
จริงๆเชียร์ให้หมดเขมรับนะ

แต่ก้นะ ไปวัดกันหน้างาน.. 55555555555555555
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ ชวิน VS หมอเขม P.10 [Up 27/2/12]
เริ่มหัวข้อโดย: tummy22 ที่ 05-05-2012 19:20:23
ขอบคุณครับผม..................................
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ ชวิน VS หมอเขม P.10 [Up 27/2/12]
เริ่มหัวข้อโดย: aezac ที่ 08-05-2012 10:11:25
 o13 o13 o13

[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ ชวิน VS หมอเขม P.10 [Up 27/2/12]
เริ่มหัวข้อโดย: aezac ที่ 13-05-2012 12:26:49
 :a5: :a5: :a5:

ค้างๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

 :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ ชวิน VS หมอเขม P.10 [Up 27/2/12]
เริ่มหัวข้อโดย: ไอ้หัวแห้ว ที่ 15-05-2012 22:52:21
อ่านจบแล้ว เย้ๆๆ

อ่านตั้งแต่เมื่อคืนครับ

น่ารักมาก

ชอบเด็กหมากับวัวแก่ กัดกันตลอดจริงจิ๊ง แต่สุดท้ายก็นะ...ไม่แคล้ว

กรก็ มาดนางพญามากกกก ระหงสุดๆ อิอิ นายตรฤณเลยไปไหนไม่รอดอย่างช่วยไม่ได้

่ส่วนคู่้สุดท้าย...เชียร์ให้หมอเขมรุกวินยังไงก็ไม่รู้สิ 5555555555
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ ชวิน VS หมอเขม P.10 [Up 27/2/12]
เริ่มหัวข้อโดย: sanri ที่ 19-05-2012 01:57:20
วู้ อ่านรวดเดียวจบ  :-[  น่ารักทุกคู่เยยอ๊า
แต่ชอบคู่ของวินสวดๆแว้ว  น่าจะมีต่ออีกนิดนุง  :z1:
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ ชวิน VS หมอเขม P.10 [Up 27/2/12]
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 19-05-2012 21:22:16
 :L2:  :pig4:
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ ชวิน VS หมอเขม P.10 [Up 27/2/12]
เริ่มหัวข้อโดย: akeins ที่ 22-05-2012 13:48:18
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ ชวิน VS หมอเขม P.10 [Up 27/2/12]
เริ่มหัวข้อโดย: IöLIKE ที่ 20-08-2012 00:42:41
ThankS
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ ชวิน VS หมอเขม P.10 [Up 27/2/12]
เริ่มหัวข้อโดย: fannyking ที่ 07-07-2013 21:13:21
อยากให้เขียนคู่ชวินกับหมอเขมแบบฉบับเต็มอะ
แต่ขอชวินเปงรับน่ะ
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ ชวิน VS หมอเขม P.10 [Up 27/2/12]
เริ่มหัวข้อโดย: fannyking ที่ 07-07-2013 21:13:44
ขอบจัยมาก
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ ชวิน VS หมอเขม P.10 [Up 27/2/12]
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 11-07-2013 16:21:44
สนุกมาก ขอบคุณค่ะ

 :pig4:
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ ชวิน VS หมอเขม P.10 [Up 27/2/12]
เริ่มหัวข้อโดย: raviiib❁ ที่ 13-07-2013 00:29:16
ชอบมากกกกกกกกกกก
สนุกค่ะ อ่านละขำกลิ้งงงง :hao7:
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ ชวิน VS หมอเขม P.10 [Up 27/2/12]
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 14-07-2013 18:29:53
อ่านจบแล้ววววว
สนุกมากค่ะ ฮาจริงๆแต่ละคู่
ขอบคุณผู้เขียนเจ้าค่ะ ^o^
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ ชวิน VS หมอเขม P.10 [Up 27/2/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Chk~a ที่ 27-07-2015 10:29:04
อยากอ่านต่อจัง
วัดกันหน้างาน
ค้างงงง
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ ชวิน VS หมอเขม P.10 [Up 27/2/12]
เริ่มหัวข้อโดย: มะปรางเปรี้ยว ที่ 27-07-2015 11:29:30
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ นะคะ  :กอด1: :pig4:
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ ชวิน VS หมอเขม P.10 [Up 27/2/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Sohso ที่ 08-08-2015 23:34:00
อยากอ่านคู่วินกับเขมอ่ะ อยากรู้ๆ 555
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ ชวิน VS หมอเขม P.10 [Up 27/2/12]
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 09-08-2015 18:03:54
ทำไมเรื่องนี้ย้ายมาห้องนี้อ่ะคะ
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ ชวิน VS หมอเขม P.10 [Up 27/2/12]
เริ่มหัวข้อโดย: packy ที่ 19-10-2015 18:57:56
 :mew1:
ชอบคู่หมอเขม ชอบตอนพี่ชวินบอกรัก
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ ชวิน VS หมอเขม P.10 [Up 27/2/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Persoulle ที่ 04-01-2016 09:29:06
ไม่เป็นไรค่าา คู่นี้ผลัดกันก็ได้ อิอิ  :o8:
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ ชวิน VS หมอเขม P.10 [Up 27/2/12]
เริ่มหัวข้อโดย: แมลงมีพิษชนิดหนึ่ง ที่ 23-03-2016 09:23:14
ผลัดกันไปเลย เพื่อความเท่าเทียม  :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ ชวิน VS หมอเขม P.10 [Up 27/2/12]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 23-03-2016 20:44:54
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ ชวิน VS หมอเขม P.10 [Up 27/2/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Quasar77 ที่ 25-10-2017 21:32:39
 :-[ :-[  น่ารักกกกก    :mew1:
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ ชวิน VS หมอเขม P.10 [Up 27/2/12]
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 25-03-2019 15:23:05
 :pig4: