พิมพ์หน้านี้ - [เรื่องสั้น][Before-Now-After]flood ตอนพิเศษ+แถม10/01/12 จบแล้วววเฮ!
CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE
Boy's love => เรื่องสั้น => ข้อความที่เริ่มโดย: Jaajaa ที่ 22-11-2011 19:19:16
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ สรุปข้อสำคัญดังนี้ 1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด 2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ 3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ 4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม 5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว 6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน 7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง 7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด 7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ 7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่ http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
เป็นเรื่องสั้นเรื่องแรกที่เขียนค่ะ อาศัยเหตุการณ์จริงเล็กน้อย คิดพล็อตออกตอนช่วยแม่ขัดบ้านหลังน้ำท่วม :z3: กล้าเอามาลงเพราะเห็นว่าสถานการณ์ดีขึ้นแล้ว :o8: ติชมกันได้เลยนะคะ Before flood แฟนผมโรคจิต?!! “บ้านเฮียท่วมแล้วเหรอ?! ทำไมพึ่งโทรมาบอกปุยอ่ะ ไม่งั้นจะได้ไปช่วย อือ จะไปเชียงใหม่เลยใช่มั้ย? ครับ ดูแลตัวเองดีๆนะเฮีย…” ปุยวางมือถือลงก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ ฟังจากที่เจ้าตัวคุยโทรศัพท์บ้านพี่เขยผมคงเจอน้องน้ำไปเยี่ยมแล้วแหงๆ “บ้านเฮียผิงท่วมแล้วเหรอปุย?” ถามขณะดึงร่างบางเข้ามานั่งใกล้ๆ ซึ่งเจ้าตัวก็ยอมแต่โดยดี อันที่จริงบรรยากาศดีขนาดนี้ไอ้เฮียไม่น่าโทรมาขัดจริงๆ=_= “อือ จู่ๆก็มาเลย พี่กรีน บ้านเราจะท่วมป่าววะ?” “ไม่หรอกน่า จะท่วมได้ไง น้ำอยู่ตั้งไกล” “แต่บ้านเฮียก็เป็นเขตเฝ้าระวังเหมือนเรายังท่วมเลยนะ” “แล้วบ้านเฮียใช่บ้านเราเหรอ?” “กวนตีน ปุยจะนอนละ ไม่ต้องมายุ่งด้วย” คนในอ้อมกอดผมด่าสามีตัวเองหน้าตาเฉยก่อนจะล้มตัวลงนอนอย่างไม่แคร์ว่าคนที่เหลือรออะไรอยู่ และด้วยความเกรง(กลัว)ผมจึงเลือกที่จะนอนกอดปุยเฉยๆแทน แม่ง….ชะตากรรมคนกลัวเมีย=_= แต่ผมไม่รู้เลยว่า….ผมควรจะคุยกับปุยมากกว่านั้น…. “สถานการณ์น้ำท่วมในหลายๆพื้นที่ยังคงวิกฤติหนัก…..” ผมตื่นเช้ามาพร้อมเสียงโทรทัศน์ข่าวน้ำท่วม ผมละเซ็งจริงๆนะ เกาะติดแม่ง24ชม.อย่างกับเรียลลิตี้โชว์พร้อมผู้ว่าออกมาประกาศว่าบ้านไหนต้องอพยพออก ไม่ใช่ว่าผมไม่เห็นใจคนที่โดนน้ำท่วม แต่ยิ่งประโคมข่าวอย่างนี้มันไม่ยิ่งน่าตื่นตระหนกเหรอไง? เผลอๆทำให้คนที่ยังไม่โดนคิดมากอีก เมื่อลงมาชั้นล่างก็พบปุยกำลังนั่งจิบกาแฟดูข่าวอยู่ในห้องอาหาร ใบหน้าขาวใสฉายแววอิดโรยอย่างเห็นได้ชัดเหมือนเมื่อคืนไม่ได้นอนทั้งที่หลับไปก่อนผมอีกมั้ง แถมยังดูกังวลแปลกๆ… เหอะ มีเรื่องอะไรทำให้เมียผมกังวลได้ด้วยเหรอ?=_= “พี่กรีน ปุยเตรียมกาแฟไว้ให้แล้ว ใส่น้ำได้เลยนะ”เจ้าตัวพูดขึ้นหลังจากที่เราจูบรับอรุณกันไป มีภรรยาดีอย่างนี้ใครจะไม่หลงเนี่ย?ผมเดินเข้าไปในครัวก็พบแก้วกาแฟวางอยู่ข้างๆกระติกน้ำร้อนจึงยกขึ้นกดน้ำร้อนใส่ตามปกติ “วันนี้พี่กรีนเข้าเวรกี่โมง?” “10โมงถึงทุ่มนึงมั้ง ทำไม?” “อ่อเปล่า วันนี้ปุยแค่จะไปที่สำนักพิมพ์” ผมพยักหน้าก่อนจะนั่งลงตรงข้ามร่างบาง ผมกับปุยฝ้ายเราแต่งงานกันมา3ปีแล้ว เราเจอกันครั้งแรกสมัยผมอยู่ปี3ส่วนปุยก็ปี2น่ะแหละแล้วก็คบกันมาเรื่อยๆถึงตอนนี้ ผมเป็นหมอตามพ่อแม่ เพราะงั้นทันทีที่หาเลี้ยงตัวได้ผมก็ให้ปุยเลิกทำงานมาอยู่บ้านเฉยๆทันที แต่มีเหรอเจ้าตัวฟัง-_- อยู่บ้านก็จริงแต่เขียนนิยายไปด้วยบวกตรวจบัญชีให้บริษัทรับเหมาของเฮียผิง เหอะ เผลอๆยุ่งกว่าผมอีกมั้ง ผมออกจากบ้านพร้อมปุยที่วันนี้พูดน้อยผิดปกติ สงสัยจะเครียดเรื่องนิยาย ยิ่งอาร์ทๆอยู่ด้วยเมียกุ-_- เราออกจะต่างกันขนาดนี้ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงคบกันได้โคตรๆนาน นานจนไม่น่าเชื่อเลย ถึงเพื่อนบ้านบางคนจะมองแปลกๆก็เหอะ ผมไม่แคร์อยู่แล้ว ยังไงก็ทำได้แค่มอง ผมกลับมาถึงบ้านตอนทุ่มกว่าๆก่อนจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่างกองอยู่รอบประตูเข้าบ้าน… ชัดเลย กระสอบทราย=_=! กระสอบทรายหลากหลายสีสันวางกองรอบเป็นป้อมกันน้ำอยู่รอบประตูบ้าน สูงประมาณเกือบเมตร พระเจ้า!! ใครเข้าฝันเมียผมวะเนี่ย?!!! “กลับมาแล้วเหรอพี่กรีน~?” ร่างบางเดินยิ้มร่ามาทางผมไม่เหลือคราบเครียดเหมือนเมื่อเช้าแม้แต่น้อย ผมที่กำลังจะถามเรื่องกระสอบทรายจึงหุบปากลงอย่างอัตโนมัติ เอาเหอะ ถ้าทำแล้วมีความสุขก็เชิญ ถ้าน้ำไม่มาก็หาที่เก็บด้วยละกัน ……แต่มันไม่หยุดแค่นั้น…. วันต่อมาพร้อมสถานการณ์น้ำที่ดูไม่ทุเลาลง ผมกลับบ้านมาพบว่าของทุกอย่างในบ้านถูกหนุนไปแล้วกว่าครึ่ง-0- ผมจะอ้าปากถามแต่พอเห็นหน้าที่แสนสุขของปุยแล้วผมมิกล้าจะพูดอะไรจริงๆ…. ครับ…ผมยอมรับว่าผมกลัวเมีย :amen: -1อาทิตย์ต่อมา- บ้านผมกำลังจะกลายเป็นตัวอย่างป้องกันน้ำท่วมอย่างแท้จริงด้วยฝีมือภรรยาสุดที่รัก=_= เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นในบ้านถูกหนุนสูง ปลั๊กไฟที่อยู่ต่ำๆถูกย้ายขึ้นสูงกว่าเมตรทั้งสิ้น ของเล็กๆน้อยๆถูกยกไปเก็บบนห้องเก็บของข้างบน มีปั๊มสูบน้ำสองตัว กระสอบทรายอีกจะร้อยถุงและสภาพจิตของปุยที่เครียดขึ้นทุกวันเพราะไอ้ข่าวน้ำท่วมที่มีทั้งวันทั้งคืน ผมอยากจะพูดนะแต่ไม่รู้จะเริ่มตรงไหน พูดตรงๆผมไม่คิดว่าน้ำจะมาอยู่แล้ว เพราะทุกคนเขาก็บอกว่าเอาอยู่ๆทั้งนั้น อีกอย่างหมู่บ้านนี้ไม่เคยท่วมมาก่อนเลยด้วย เปอร์เซนต์ที่จะท่วมแทบจะเป็นศูนย์-_- ปุยของผมเครียดเกินไปแล้วมั้งเนี่ย :o11: วันนี้ผมหยุดเลยลงมาข้างล่างสายๆก่อนจะพบว่าเมียผมกำลังนั่งก่อปูนอยู่ที่ประตูด้านข้างซึ่งจะต่อไปที่สระว่ายน้ำของบ้าน….ซึ่งไม่มีน้ำเหลือแล้ว จะใครปล่อยน้ำซะอีกถ้าไม่ใช่ปุย=_= พระเจ้าช่วยเหอะ มันจะมากไปแล้วมั้ง “ปุย…” “อ้าว มาพอดีเลย ช่วยปุยก่อพนังหน่อยดิ” ใบหน้าน่ารักเงยขึ้นมายิ้มให้ผมทำให้ผมลงไปช่วยอย่างไม่รู้ตัว-_-‘ ได้ไงล่ะ ผมต้องพูดอย่างอื่นสิ! “ปุย….พี่ว่าเลิกเตรียมเหอะ น้ำไม่มาหรอก” พูดไปด้วยฉาบปูนไปด้วย ไม่กล้าจะมองหน้าอีกฝ่าย เดี๋ยวจะใจอ่อนเอง คราวนี้คงได้ก่อปูนล้อมทั้งบ้านแน่ “รู้ได้ไงว่าจะไม่มา?” “แล้วปุยรู้ได้ไงว่ามันจะมา?” “ก็ดูในข่าวเค้าก็บอกอยู่ว่าเราเป็นพื้นที่เฝ้าระวัง พี่กรีนไม่เชื่อใช่มั้ย? ไม่เชื่อก็ไปเลย ปุยทำคนเดียวได้” งอนอีก=_= ผมถอนหายใจอย่างอ่อนใจก่อนจะลุกออกมาจริงๆ ก็ผมไม่เชื่อนี่นา ไม่คิดด้วยว่ามันจะมา งั้นก็ปล่อยให้คนเชื่อทำไปละกัน “มันไม่มาหรอกปุย ในหมู่บ้านนี้มีแค่บ้านเรานะที่เตรียมขนาดนี้” “พี่กรีนแน่ใจเหรอ?” ผมหัวเราะในลำคอก่อนจะเดินเข้าบ้านไปหาอะไรกิน ถ้าในหมู่บ้านมีคนขี้ตื่นตระหนกเยอะคนที่เตรียมขนาดนี้ก็เยอะแหละ! ผมไม่ได้ใจร้าย แต่บางทีคนดื้อๆก็ต้องเจออย่างนี้….ถึงจะเลิกดื้อ…หึๆ.. สถานการณ์ในบ้านเริ่มเป็นไปตามน้ำคือแย่ลงเรื่อยๆ ปุยงอนผมครับและผมก็ไม่ยอมง้อ เหอะๆ ก็ผมไม่ผิดนี่นา อยากรู้จริงๆถ้าน้ำไม่มาปุยจะทำหน้ายังไง แต่พูดตรงๆผมคง…สะใจ :laugh:(เลวมาก!) วันนี้พอผมกลับมาถึงบ้านก็พบว่าในห้องนั่งเล่นของเราที่ชั้นบนเต็มไปด้วยเสบียงอาหารทั้งข้าว ไข่ น้ำ ขนม ของกิน อาหารแห้ง ในตู้เย็นเล็กก็มีของสดอยู่บ้าง=_= นี่กะจะอยู่ข้างบนไปเดือนนึงเลยนะเนี่ย และยังมีปุยนั่งเช็คของอยู่ข้างๆก่อนจะเงยหน้าขึ้นค้อนผม “ไม่ต้องพูดเลย นี่เงินปุย ไม่ได้ใช้เงินพี่” “ก็ไม่ได้ว่าอะไร เงินพี่ยังไงก็คือเงินปุย บอกว่าแล้วว่าพี่ให้ปุยดูแลทุกอย่างทั้งเงิน ตัว..และก็หัวใจ”ผมพูดหน้านิ่งทำให้อีกฝ่ายเหวอก่อนจะก้มเช็คของต่อทันทีทั้งๆที่หน้าแดงก่ำ ผมหัวเราะก่อนจะเดินไปอาบน้ำในห้องน้ำในห้องนอนเช่นเคย ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นผมจึงตะโกนบอกให้ปุยรับไปเลย ยังไงผมก็ไม่มีความลับกับปุยอยู่แล้ว …แต่นั่นคือเรื่องที่ผมคิดผิดเรื่องแรก… วันต่อๆมาปุยยิ่งหมกมุ่นกับเรื่องน้ำท่วมมากกว่าเดิม คราวนี้จริงจังเพราะแทบไม่คุยกับผมเลย ถ้าไม่เปิดทีวีดูข่าวน้ำท่วมก็เปิดเน็ตดูข่าววิธีป้องกันน้ำต่างๆ บ้าบอขึ้นทุกที ให้ตาย ผมที่ไม่เครียดเลยกลายเป็นเครียดไปด้วยนะเนี่ย “ไอ้กรีน พรุ่งนี้ไปแดกเหล้ากันป่ะ?” ไอ้ต้องชวนขึ้นทันทีที่ผมรับสาย หมอนี่เป็นจิตแพทย์ครับ อยู่คนละโรงพยาบาลกับผม เรารู้จักกันมาตั้งแต่มัธยมแล้วก็เลยโคตรสนิทกัน “ไม่แน่ใจว่ะ …..เอ่อ…มึง… พักนี้มึงเจอคนไข้ที่เครียดเรื่องน้ำท่วมเยอะป่าววะ?” “ก็มีบ้าง ทำไม?” “ก็ปุยอ่ะดิ โคตรหมกมุ่นกับเรื่องไอ้เชี่ยน้องน้ำเนี่ย=_=” “อ้าว ไอ้เวร มันเรื่องปกติ” “ปกติตรงไหนวะ? กุโคตรเครียดเลยเนี่ย มันมากจนจะเหมือนคนโรคจิตอยู่ละ” “ถ้าปุยโรคจิตคนไข้กุคงบ้าเต็มขั้นอ่ะ ถ้าหนักจริงๆเดี๋ยววันหลังกุโทรไปคุยให้ก็ได้” “เออ ขอบคุณว่ะ” ผมถอนหายใจขณะกดวางสาย ผมกังวลจริงๆนะเนี่ย…. “นี่ปุยกลายเป็นคนโรคจิตในสายตาพี่กรีนไปแล้วใช่มั้ย?” จู่ๆปุยก็เปิดประตูเข้ามาในห้อง สายตาตัดพ้ออย่างรุนแรงจนผมพูดไม่ออก ช็อคอ่ะ อย่าบอกนะว่าปุยได้ยินเมื่อกี๊?!! “ปุย พี่…..” “ไม่ต้องพูดเลย!!แค่ปุยห่วงทำไมต้องว่าอย่างนั้นด้วยวะ พี่กรีนว่าน้ำไม่มาก็ไม่ต้องสนใจอะไรดิ! แต่ปุยว่ามันมาแน่ๆ!ถ้าทนกันไม่ได้ก็ไม่ต้องมายุ่งเลย!!” ปุยปัดมือผมที่จะเอื้อมไปแตะแขนออก ชิบแล้วไง=_= “ปุย…” “ถามจริงแค่ปุยทำอย่างนี้มันผิดตรงไหน? ทุกอย่างก็เงินปุยทั้งนั้น พี่กรีนไม่เห็นเดือดร้อนอะไรเลย…!” “ทำไมพี่จะไม่เดือดร้อน! ปุยไม่รู้ตัวเหรอไงว่าหลายวันมานี่เราคุยกันแทบจะนับคำได้ ปุยเอาแต่สนใจแต่ไอ้เวรน้องน้ำนั่น! เป็นอาทิตย์แล้วนะปุย ถามตัวเองซิว่าเราจูบกันครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่! ปุยหมกมุ่นเกินไปแล้วนะ!” “ก็ใช่สิ! ปุยไม่ใช่พยาบาลแพรนี่! ที่จะเอาใจพี่กรีนได้ทุกอย่าง ชอบมากนักนี่ถึงขนาดโทรมาถึงบ้าน นอกเวลางานยังกล้าโทรมาอีก!” ปุยพูดเป็นชุดขณะที่ผมงง เกี่ยวอะไรกับแพร? “อะไรของปุย?” “พี่กรีนไม่รู้เหรอไงว่าแพรอะไรนั่นชอบโทรมาเวลาพี่อาบน้ำอยู่ วันนั้นก็ทีนึงละ!” “มันไม่เกี่ยวเลยนะปุย! ปุยก็รู้ว่าพี่รักปุยคนเดียว แล้วมันเกี่ยวกับที่ปุยทำตัวอย่างนี้ตรงไหน?!” “ทำตัวยังไง?!” “หมกมุ่นกับน้ำท่วมไง! มันเกินไปแล้วนะปุย อย่างี่เง่าเหอะ น้ำไม่มีมาหรอก ไม่มีทาง!!” ผมแทบจะจับตัวอีกฝ่ายมาเขย่าแต่ก็เพียงแต่จับแขนเรียวไว้เท่านั้น ดวงตาสีน้ำตาลมองผมนิ่งพร้อมหยดน้ำตาที่คลอเอ่อ ใจผมวูบลงไปอยู่ตาตุ่มเมื่อนึกขึ้นได้ว่าพูดอะไรออกไปบ้าง ให้ตาย….จะมีอะไรแย่ไปกว่านี้อีกวะ…..? ผมอ้าปากขยับจะขอโทษก่อนเสียงอะไรบางอย่างจะแทรกขึ้นมาจากหน้าบ้าน… “แฮ่มๆ! ชาวหมู่บ้านรังสิมาทุกคนโปรดทราบ ขณะนี้ทางรัฐบาลได้ประกาศมาแล้ว….อีก24ชม….น้ำจะเข้าท่วมหมู่บ้านเราแล้วค่ะ ใครจะอยู่ก็อยู่ ใครจะไปก็รีบไป จึงเรียนมาเพื่อให้ทราบกัน…..” ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ จบเลยดีมั้ยยยย :z2: ตอนแรกตั้งใจให้มันเป็นไตรภาค before-now-after แต่กลัวมันจะยาวไป :m29:
เป็นไงหล่ะ น้ำมาเห็นมั้ยๆ โบราณถึงว่าไว้ให้เชื่อเมียแล้วจะเจริญ
พี่กรีน สมน้ำหน้า ไม่ยอมเชื่อฟังปุย
เนี่ยแหละนิสัยของคนเป็นภรรยา 555+
เป็นภรรยาที่ดีจริง ๆ พี่กรีนไม่ช่วยปุยก่ออิฐเลยอ่ะ
เป็นไงล่ะๆๆ ง้อยาวล่ะทีเนี้ยย +1 จ้าา
อูยยยยยย อารมณ์เดียวกับพ่อแม่เพื่อนเลยค่ะ คู่นั้นสามีเขาโดนภรรยาบัญชาจนต้องทำคันกั้นน้ำรอบบ้านให้ แต่ก็ทำไปบ่นไปว่าไม่ท่วมหรอก พอทำเสร็จก็สามีก็งอนสะบัดหนีไปทำงานที่ฝรั่งเศส สุดท้ายตอนนี้อพยพไปฝรั่งเศสกันทั้งครอบครัวแล้วค่ะ
อย่าเพิ่งจบค่า ให้อิพี่กรีนง้อน้องปุยเสียให้เข็ดก่อน ไม่งั้นไม่ยอมจริงๆด้วย o9
ง้อกันให้เสร็จก่อน ค่อยจบนะคะ
อย่าเพิ่งจบเลยนะ ! รอตอนต่อไปจ้า~ :-[
เรื่องชะนีพยาบาลแพรยังไม่เคลียร์ด้วยนะคะ :L2: :L2:
:fire:เอาเข้าไป หนักกว่าเดิมอีก เกิดน้องน้ำมาจริงซะงั้น :เฮ้อ:
เจิมเรื่องใหม่ค่ะ :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:
Now, Flooding แฟนผมลั้ลล้า?!!! ผมตื่นขึ้นมาตั้งแต่ตี5เพื่อมาดูน้ำ ส่วนไอ้พี่กรีนยังหลับอุตุอยู่เลย=_= ก็ยังดีที่เมื่อคืนช่วยผมอุดท่อชั้นล่างในบ้าน ไม่งั้นคงไม่ได้มานอนบนเตียงหรอก- -+ โว้ยยย!!!แต่เรื่องเมื่อคืนผมโมโหจริงๆนะ!! มาว่าผมโรคจิตได้ไงวะ!!! ที่ทำไปไม่ใช่ว่าเพราะห่วงเหรอ?! บ้านนี่มันก็บ้านพี่กรีน ถึงผมจะช่วยออกค่าเฟอร์นิเจอร์(บ้าง)ก็เหอะ แต่นั่นมันก็แค่เศษเสี้ยวราคาบ้านด้วยซ้ำนะเว้ย แล้วถามจริงถ้าน้ำมาจะอยู่ยังไง? ที่เครียดนี่เรื่องพี่กรีนทั้งนั้นเลยนะ อุตส่าห์เตรียมพร้อมทุกอย่าง…..แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือการกลายเป็นคนโรคจิตใช่มั้ย? ถามจริงๆ…..ผมผิดมากเลยเหรอ….? ผมเลิกคิดแล้วโฟกัสไปที่เรื่องน้องน้ำอย่างเดียวแทน ไม่ได้ๆ ตอนนี้น้องน้ำสำคัญที่สุด-_-+ ผมเดินลงมาที่ชั้นล่างก่อนจะออกไปดูที่หน้าบ้าน ประตูรั้วผมเป็นไม้ซี่ๆจึงมองเห็นข้างนอกไม่ชัดต้องไปเปิดประตูรั้ว….. น้องน้ามมมมมมมมม-0-!!!!!!! ผมยืนเหวออยู่หน้าประตู ภาพตรงหน้าคือคลองแสนแสบ…ไม่ใช่ ถนนหน้าบ้านผมน่ะแหละ แต่ที่แปลกไปคือน้ำที่ขึ้นมาท่วมประมาณซัก10เซนต์ได้เพราะบ้านผมอยู่สูงกว่าถนนประมาณ20เซนต์มันก็ขึ้นมาครึ่งนึงแล้วอ่ะ นี่ขนาดยังไม่ถึง24ชม.เลยนะ แล้วมันจะขึ้นสูงถึงเท่าไหร่วะเนี่ยยยย!! “ปุยๆ!”เสียงเรียกผมดังผมเลยต้องโผล่หน้าออกไปก็พบว่าเป็นพี่สองที่อยู่ข้างบ้าน ขณะนี้พี่แกยืนอยู่หน้าบ้านตัวเองพร้อมกระเป๋าเดินทางในมือ ใส่รองเท้าบู๊ตเรียบร้อย ดูจากทรงผมแล้วคงจะพึ่งตื่นได้ไม่นาน=_= “ค…ครับ…?” “พี่จะย้ายไปอยู่กาญจนบุรีซักพักนะ ฝากบ้านด้วย=_=” อ้าวววววว!!!! “เฮ้ยพี่ มันท่วมแค่นี้เองนะ….” “ก็แป้งเขาบอกว่าเดี๋ยวมันจะขึ้นเรื่อยๆ เนี่ยในห้องน้ำพี่ก็ขึ้นละเพราะพี่ไม่ได้อุด พี่ว่ารีบออกก่อนจะออกไม่ได้ดีกว่า จะให้พี่จองห้องที่นั่นเผื่อมั้ย?” ไปกันใหญ่แล้วววววว-0- “ไม่เป็นไรฮะ เดินทางดีๆนะพี่” “อ้าวคุณสอง จะไปแล้วเหรอคะ?” เสียงทักดังมาจากฝั่งตรงข้าม พี่นุชในชุดกางกันน้ำและรองเท้าบู๊ตเดินฝ่าน้ำมาใกล้ๆเราสองคน ผมมีบู๊ตอยู่นะ แต่ตอนนี้ขอช็อคแป๊ป น้ำท่วมแถมเพื่อนบ้านยังจะทิ้งไปอีก o22 “ครับ พอดีบ้านผมไม่ได้อุดท่อ แป้งเขาเป็นเพื่อนกับเจ้าของรีสอร์ทในกาญฯก็เลยจะไป แล้วพี่นุชล่ะครับ?” “โฮะๆๆๆ บ้านพี่สู้ตายค่ะ พนังก็มี กระสอบทรายก็มี เสบียงในบ้านก็เยอะ อุดท่อเรียบร้อยหมดแล้ว ปั๊มสูบน้ำมีอยู่สามตัว เราเตรียมพร้อมมานานแล้วค่ะ โฮะๆ” อยากให้ไอ้พี่กรีนมาฟังพี่นุชจริงๆ=_= ผมยืนคุยต่อประมาณ10นาทีก็ขอตัวเข้าบ้านมาเตรียมการต่อก็พบพี่กรีนเดินหน้ามุ่ยเข้ามาในครัว “วันนี้ป้าอิ่มกับสมชายมาไม่ได้นะ แววด้วย ติดน้ำท่วม” ผมพยักหน้าเฉยๆ ป้าอิ่มกับแววเป็นคนมาทำความสะอาดบ้านผมเอง ส่วนสมชายก็เป็นคนทำสวนที่อีกไม่นานคงไม่มีสวนให้ทำเพราะมันคงท่วมเรียบ โว้ยยยย!! เกิดมา25ปีพึ่งจะเจอน้ำท่วมเนี่ยแหละ จะอยู่ได้มั้ยวะเนี่ย ผมถอนหายใจอย่างเครียดๆ เดี๋ยวต้องเดินเช็ครอบบ้านอีก พูดตรงๆว่าตอนนี้พี่กรีนไม่อยู่ในสายตา จะทะเลาะอะไรไปเป็นหลังน้ำท่วมละกัน ตอนนี้ผมต้องป้องกันบ้านก่อน จะอยู่ยังไงและจะทำยังไงต่อไป ถึงมีกระสอบทรายแต่ผมก็ไม่ไว้ใจหรอก-_-+ เดี๋ยวต้องไปห่อตู้เย็น เครื่องซักผ้าผมยกไปข้างบนแล้ว อะไรอีก? อ่อใช่ ต้องไปสับคัทเอาต์ข้างล่าง อยู่แม่งแต่ข้างบนน่ะแหละ…….. “ปุย เครียดไปมั้ย? น้ำก็มาแล้วไง” ไอ้พี่กรีนครับ นั่งจิบกาแฟเฉยอย่างโคตรลั้ลล้าหลังจากออกไปดูหน้าบ้านมาเรียบร้อย แม่ง…กวนตีนจริงๆ ได้ข่าวว่าเมื่อคืนเรายังทะเลาะกันไม่จบนะ :m16: “ก็ใช่สิ ปุยมันโรคจิตนี่ ประสาทกับเรื่องน้ำท่วม จะเลิกมั้ยล่ะปุยจะได้เก็บของไปอยู่กับเฮียเลย” “ปุย…..น้ำมันก็มาแค่นั้นแหละ ไม่ขึ้นหรอก จะไปเครียดกับมันทำไม?” กุเครียดเพราะมีมึงอยู่ด้วยนี่แหละ!!! :m31: อยากจะพูดออกไปเต็มทีแต่ผมก็ทำแค่เงียบแล้วหันหน้าไปอีกทาง รองจากเรื่องปกป้องบ้านแล้วอีกเรื่องที่ผมเป็นห่วงคือพี่กรีนจะอยู่ยังไงจะกินยังไงน่ะแหละ ซึ่งมันก็….ไม่ได้รู้ตัวเลย ผมน่ะไม่ได้โกรธอะไรมากมายหรอกนะแต่เสียใจมากกว่า คบกันมาตั้ง6ปีเลยนะ ผมยอมรับว่าผมอาจจะไม่ได้สนใจอีกฝ่ายเท่าที่ควรก็จริง แต่ก็น่าจะเข้าใจกันบ้าง….. ใช่….แค่เข้าใจผมบ้าง… จิตตกได้ไม่นานผมก็ต้องกลับสู่โลกความเป็นจริงอีกครั้ง ไอ้พี่กรีนไปทำงานเงียบๆไม่ได้พูดอะไรเพราะคงจะรู้ว่าผมโกรธอยู่ รู้ก็ดี! หลังจากสำรวจบ้านแล้วผมก็พบว่าสวนผมเริ่มจะท่วมเพราะน้ำมันเอ่อมาจากดิน จากการคาดการณ์ว่าน่าจะเข้าบ้านผมเลยเอาพาเลทมาปูเป็นทางเดินในบ้านต่อด้วยยกหม้อหุงข้าว ไมโครเวฟ แก๊สปิกนิกและกระทะขึ้นข้างบน กล้ามจะขึ้นเอาจริงๆนะเนี่ย=_= หลังจากเช็คเรียบร้อยแล้วว่าคงมีชีวิตอยู่ที่ชั้นบนได้สบายๆผมก็ขึ้นไปบนห้องทำงานแต่งนิยายต่อ ผมแต่งนิยายรักโรแมนติกคู่ธรรมดาๆชายหญิงน่ะแหละ ไม่ค่อยเข้ากับนิสัยผมเท่าไหร่แต่ก็แต่งเพลินๆดีเหมือนกัน ทะเลาะกับพี่กรีนแทบตายกว่าจะได้ทำงานนี้…. นึกแล้วโมโห ไอ้พี่กรีน!!!! :m31: พี่กรีนกลับบ้านมาตอนทุ่มนึง น้ำเสมอขอบรั้วพอดี=_= คงจะเอารถออกไม่ได้แล้วเพราะเครื่องดับแหงๆ แต่รู้มั้ยครับว่ามันพูดว่าอะไร…. “เดี๋ยวมันก็ลดน่าปุย คิดมากแล้วนะเรา^^” ที่ผมโกรธนี่มันเรื่องเล่นๆเหรอ?!!! ผมแทบจะกระชากคอเสื้อไอ้พี่กรีนลงมาคุย เรื่องแพรอะไรนั่นก็ยังไม่เคลียร์นะ พยาบาลบ้าอะไรไม่รู้ โทรมาตรงเวลาแทบทุกวันอย่างกับนาฬิกาปลุก แล้วผมก็รับทุกครั้งไง พอถามว่ามีอะไรก็หัวเราะงุงิแล้วบอกว่าจะคุยกับพี่กรีนเอง ก็คงไปคุยที่โรงพยาบาลน่ะแหละ เพราะผมไม่เคยให้พี่กรีนโทรกลับเลย แล้วจะให้ผมคิดยังไง ดูก็รู้ว่ายัยนี่ตั้งใจสร้างความร้าวฉาน “คิดมากอะไร? ดูก็รู้ว่าเดี๋ยวน้ำมันก็ขึ้น แล้วไม่ต้องเลยนะพี่กรีน เรื่องเมื่อวานยังไม่เคลียร์เลย” ผมว่าขณะติดตั้งปั๊มสูบน้ำที่กลางบ้านให้สายยางออกไปที่นอกกระสอบทราย ยังไงน้ำเข้าบ้านแหง เครียดโว้ยยยยย ผมจะบ้าตาย ไหนจะน้ำไหนจะพี่กรีน ไม่รู้จะสนใจเรื่องไหนก่อน รู้งี้ไปเชียงใหม่กับเฮียผิงก็ดี บางทีมันคงจะดีกว่ามานั่งเป็นไอ้โรคจิตอย่างนี้!! “เคลียร์อะไร? พี่ก็พูดไปหมดแล้ว โอเค พี่ขอโทษที่พูดอย่างนั้น พี่แค่เป็นห่วงว่าปุยจะเครียดเกินไปเลยคุยกับไอ้ต้องอย่างนั้น…..พี่ไม่ได้ตั้งใจ…” อีกฝ่ายดึงผมให้หันหน้าไปคุยกัน เสียงเว้าวอนที่ไม่ทำให้ผมรู้สึกอะไรมากไปกว่าเฉยชาเท่าเดิม ในหัวมีแต่คำถามว่าทำไมๆๆๆเต็มไปหมด ผมเหนื่อยแล้ว เหนื่อยทั้งกายทั้งใจ ทั้งเรื่องน้ำ เรื่องงานของเฮียผิง นิยาย แล้วไหนจะพี่กรีนอีก ทุกอย่างมันรุมเร้าจนผมคิดอะไรไม่ออก ไม่อยากจะรับรู้อะไรซักพัก “ปุย…..” “ช่างมันเถอะพี่กรีน ปุยเหนื่อยแล้ว เราห่างกันซักพักละกัน อาทิตย์นึงแล้วที่ผมกับพี่กรีนใช้ชีวิตอยู่ที่ชั้นสองเนื่องจากน้ำมันเข้ามาในบ้านถึงบันไดขั้นที่สาม นี่ขนาดสูบออกนะเนี่ย แต่พูดตรงๆว่าผมรู้สึก…..เรียกว่าไงดี ปลอดโปร่งกว่าตอนที่น้ำยังไม่มาอีก ไม่รู้สิ คงเพราะไม่ต้องมาคอยพะวงล่ะมั้งว่าน้ำจะมาเมื่อไหร่ แต่แน่นอนว่าสถานการณ์ของผมกับพี่กรีนยังเหมือนเดิม เราไม่ได้คุยกันเลย นอนผมก็นอนที่ห้องทำงานเพราะจะปั่นนิยาย ไอ้บ.ก.ก็เร่งตอนต่อไปยิกๆทั้งที่รู้ว่าบ้านผมน้ำท่วมน่ะแหละ-_- ผมไม่รู้จริงๆว่าจะทำยังไงต่อไป….ถ้าน้ำไม่ท่วม….ผมก็คงออกจากบ้านไปแล้ว เรื่องของแพรอะไรนั่น…ความจริงผมก็รู้ๆมาบ้างอยู่แล้วและก็แน่ใจว่าพี่กรีนไม่ได้คิดอะไร แต่ที่ผมโมโหคือที่พี่กรีนไม่พูดชัดๆต่างหาก แค่พูดชัดๆให้ผมแน่ใจ….ยังทำไม่ได้เลย โมโห เครียด เซ็งงงงงงงงงงงงง :angry2: ผมก้มหน้าก้มตาเขียนนิยายต่อ ไม่ได้ๆ งานต้องมาก่อนอารมณ์ รู้ตัวอีกทีฟ้าก็มืดแล้ว ผมเดินลากเท้าไปที่ห้องเก็บของซึ่งกลายเป็นห้องครัวชั่วคราว กะจะชงกาแฟกินก็เจอร่างสูงของใครบางคนยืนอยู่แล้ว ดวงตาสีเข้มหันมามองทำให้ผมเบือนหลบทันที “ปุย….จะไม่คุยอะไรกันเลยใช่มั้ย?” ผมเลือกที่จะเงียบแล้วเดินออกมาจากห้องนั้น แต่ตอนนั้นเองที่จู่ๆไฟทั้งหมดก็ดับวูบลง… “แฮ่มๆ ประกาศ ทางหมู่บ้านจะตัดไฟฟ้าตั้งแต่ทุ่มนึงถึงเที่ยงคืนเป็นต้นไปเพื่อกันไฟรั่ว ขอให้ทุกคนอยู่ในความสงบด้วยนะคะ…” สงบบ้าอะไรล่ะ?!!! ผมยืนตัวแข็งท่ามกลางความมืด มือชื้นไปหมด ใจเต้นรัวจนเหมือนจะหลุดออกมาจากอก มันมืดจริงๆนะ มองไม่เห็นอะไรซักอย่าง… มืด…ทำไมมันมืดอย่างนี้… “ปุย…ปุย…อยู่ไหน?” ผมพูดไม่ออกได้แต่ยืนนิ่งๆอย่างนั้น รู้สึกว่าอะไรบางอย่างมันขึ้นมาจุกที่คอก่อนจะกลั่นมาเป็นน้ำตา ได้ยินเสียงเหมือนคนเดินมาใกล้ๆตามมาด้วยอ้อมกอดที่คุ้นเคยที่ทำให้ผมซุกแน่นอย่างอัตโนมัติ หัวใจค่อยเต้นแผ่วลงจนเป็นปกติ “ไม่เป็นไรนะปุย…พี่อยู่นี่….” ครับ…ผมกลัวความมืด ที่ระเบียงริมห้องนอน ผมกับพี่กรีนนั่งกันคนละฝั่งโดยมีตะเกียงไฟฟ้าอยู่ตรงกลาง มองไปข้างล่างก็เห็นอดีตสวนที่กลายเป็นคลองลางๆ=_= ดีที่วันนี้ยุงไม่มี ไม่งั้นได้แต่นั่งร้อนอยู่ในบ้านแน่ ผมถอนหายใจขณะมองดาวนั่นนี่เรื่อยเปื่อย ภาวนาให้เวลาผ่านไปเร็วๆ น้ำท่วมแล้วยังไฟดับอีก นึกไม่ออกว่าจะมีอะไรแย่ไปกว่านี้แล้วผมก็ดันกลัวความมืดไง ถ้ามีคนอยู่ด้วยก็เฉยๆแต่ถ้ารู้สึกว่าอยู่คนเดียวจะทนไม่ได้เหมือนบวกโรคกลัวการอยู่คนเดียวไปด้วย โรคบ้าๆที่ดูโคตรอ่อนแอ…พี่กรีนก็รู้ ถึงมานั่งด้วยไง “นึกถึงตอนที่เราเจอกันครั้งแรกเนอะ…ปุยจำได้มั้ย?” ผมเงียบยังคงมองดูดาวเช่นเคยทั้งๆที่ข้างในแน่ใจว่าไม่มีวันลืม… เราเจอกันครั้งแรกที่ค่ายอาสาฯ ตอนนั้นผมอยู่ปี2เศรษฐศาสตร์ ส่วนพี่กรีนก็แพทย์ฯปี3 แรกๆกัดกันอย่างกับอะไรดี คนอะไรไม่รู้โคตรกวนตีน แต่ไปๆมาๆจากการทะเลาะมันก็กลายเป็นใส่ใจกันได้ไงไม่รู้ ตอนนั้นผมไม่ได้คาดหวังอะไรเลยนะเพราะรู้อยู่แล้วว่าความรักระหว่างผู้ชายกับผู้ชาย มันไม่น่าจะยืนยาวอยู่แล้ว มีหลายครั้งที่ทะเลาะจนเลิกกันแต่ที่สุดแล้วเราต่างก็รู้ดีว่าขาดกันและกันไม่ได้ มันอาจจะดูน้ำเน่าแต่มันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ…พี่กรีนคือส่วนนึงในชีวิตของผม…เป็นส่วนสำคัญที่ขาดไม่ได้… แล้วพี่กรีนล่ะ….จะคิดเหมือนผมรึเปล่า…? “ตอนที่พี่เจอปุยครั้งแรก…พี่นึกว่าเด็กมัธยมตามพี่มาเข้าค่ายซะอีก เด็กบ้าอะไรไม่รู้โคตรปากจัด” คนข้างๆผมหัวเราะครับขณะที่ผมอยากจะหันไปค้อนซักที เอาเข้าจริงเราก็ไม่ได้นั่งห่างกันมากหรอก ผมนั่งชิดริมแต่พี่กรีนนั่งค่อนมาจนจะถึงตะเกียงอยู่แล้ว “ดีแต่สร้างปัญหา ดื้อไม่เลิก ชอบทำให้คนอื่นเป็นห่วงแล้วยังหว่านเสน่ห์ไปทั่วอีก บอกตามตรงว่าน่าหมั่นไส้” ยังคงมาเป็นชุดจนผมชักอยากจะเดินเข้าบ้าน นี่ตกลงว่ากุไม่มีอะไรดีเลยใช่มั้ย? :m16: “แต่สุดท้ายแล้ว….ไม่รู้ทำไมถึงกลายเป็นว่าพี่ห่วงปุยมากกว่าใครๆ รู้อีกที…พี่ก็มองแต่ปุยแล้ว” ใบหน้าหล่อเหลาที่ผมเคยปรามาศว่าก็งั้นๆหันมายิ้มที่ชวนใจสั่นให้ผม ยิ้มที่ทำให้ผมได้แต่นิ่งอย่างนั้น “คนเดียวที่พี่จะรัก….มีแค่ปุยคนเดียวเท่านั้น…” “…..แล้วแพร?” ลำคอผมตีบตันไปหมดด้วยความตื้นตัน น้ำตาจะไหลออกมาทั้งๆที่มันไม่สมกับเป็นผู้ชายซักนิด ขอสาวแตกกับพี่กรีนซักครั้งละกัน คำพูดอย่างนี้ใช่ว่าจะหลุดออกมาจากปากพี่กรีนบ่อยๆที่ไหน รายนั้นไม่ชอบพูดแต่ชอบทำเลยมากกว่า แล้วก็นะ…แต่ละครั้งผมก็แทบจะลุกไม่ขึ้น :m29: “พี่เป็นเจ้าของไข้แม่ของเขาเฉยๆ…” “แล้วทำไมต้องโทรมาบ่อยขนาดนั้น?” “เขาชอบพี่มั้ง แต่ปุยก็รับทุกรอบนี่ แล้วจะเครียดทำไม? ไม่ไว้ใจพี่เหรอ?” ผมหรี่ตามองอีกฝ่ายที่ตอนนี้เขยิบมานั่งข้างๆผมแล้ว ทีอย่างนี้ล่ะไว “จะรู้ได้ไงในเมื่อพี่กรีนไม่บอกอะไรซักคำ” “ก็บอกแล้วไงว่ารัก แล้วจะไปมีคนอื่นได้ไง หืม?”พี่กรีนว่าขณะยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนลมหายใจเป่ารดหู ขนลุก=_= ไม่ได้! ยังเคลียร์กันไม่จบ! “แล้วที่พี่ว่าปุยโรคจิต?” “นั่นมันพี่ไม่ได้ตั้งใจ ปุยถามตัวเองเหอะว่าตอนนั้นเครียดจริงรึเปล่า แล้วจะให้พี่ทำไง ปุยไม่สนใจพี่เลย” สรุป ผมผิด?-0- “ยังมีอีกเยอะนะพี่กรีน ไหนบอกว่าไม่ท่วมไง? แล้วนี่อะไร? ถ้าปุยไม่เตรียมจะอยู่กันได้เหรอ?” ผมพยายามดันอีกฝ่ายออกแต่พี่กรีนก็ใกล้ผมเท่าเดิม ใบหน้าขาวดูยียวนจนน่าถีบเพราะรู้แล้วว่าผมไม่ได้โกรธเท่าเดิม “ก็ดีแล้วไงที่ปุยเตรียม พี่คิดผิดเอง” เหรอ แต่หน้าตาไม่สำนึกเลยนะ- -+ ผมปั้นหน้านิ่งทำให้อีกฝ่ายยกนิ้วขึ้นจิ้มแก้มผมทันที ไม่ใช่เด็กนะเว้ยยยย “พี่กรีน…..!!!” “โอ๋ น้องปุย อย่างอนพี่กรีนนะครับ พี่กรีนขอโทษ” ผมชะงักมือทันทีเมื่อเห็นท่าทางหงอยๆน่าขำของอีกฝ่าย จนผมหลุดหัวเราะอ่ะ ไม่ดีเลย ผมควรจะโกรธต่อสิ….!! แต่ประโยคถัดมาของคนเป็นหมอก็ทำให้ผมชะงักได้อีกครั้ง…. “น้ำจะท่วมไม่ท่วมมันไม่สำคัญหรอกปุย….มันสำคัญที่ว่าปุยอยู่กับพี่รึเปล่าก็แค่นั้นเอง” -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- จบภาคที่สองแล้วววว :mc4: อาจจะมีภาคต่อสุดท้ายให้ครบไตรภาค555 พยายามเขียนโดยเปรียบเทียบกับสถานการณ์จริง อย่างพี่สองกับพี่นุชคือตัวแทนคนสองประเภทเวลาน้ำท่วม คือจะอยู่หรือไป55 :laugh: กะจะให้เรื่องสั้นนี้มีข้อคิดซักเล็กน้อยเลยพยายามแทรกๆมาตั้งแต่ภาค1 ไม่รู้มันจะชัดจนมีใครสังเกตเห็นรึเปล่า เพราะแต่งเองยังคิดว่ามันแอบไร้สาระ :m29: สุดท้ายขอบคุณทุกคนที่คอมเมนต์และ+มานะคะ รักทุกคน :กอด1:
พี่กรีน + น้องปุย น่ารักมากกกกกกก ชอบๆๆ อยากให้แต่งต่อยาวๆๆ เลย 555
ตอนหน้าพาน้องไปโรงพยาบาลไปป๊ะหน้ายัยแพรเลยเหอะ นิสัยว่ะรู้อยู่ว่าเค้าแต่งงานกันแล้ว ชิชะ
:L2: :L2: :L2:
จบเรื่องได้ลงตัวดี... อยากอ่านต่อจัง
เออ แฟนเธอลั้ลลามากอ่ะปุย!!!!! แหม่ มันน่า!! เราเป็นประเภทพี่สองค่ะ ออกจากบ้านก่อนน้ำมาอีก เห็นเพื่อนบ้านบอกว่าน้ำที่หมู่บ้านขึ้นเร็วมาก ไม่ถึง24ชั่วโมง จากแห้งๆน้ำขึ้นมาถึงเอวเลย=w= ตอนที่สูงที่สุดมันมิดหัวเลยอ่ะ แต่ตอนนี้เริ่มลดแล้ว เย่!
:กอด1:
เออ แฟนเธอลั้ลลามากอ่ะปุย!!!!! แหม่ มันน่า!! เราเป็นประเภทพี่สองค่ะ ออกจากบ้านก่อนน้ำมาอีก เห็นเพื่อนบ้านบอกว่าน้ำที่หมู่บ้านขึ้นเร็วมาก ไม่ถึง24ชั่วโมง จากแห้งๆน้ำขึ้นมาถึงเอวเลย=w= ตอนที่สูงที่สุดมันมิดหัวเลยอ่ะ แต่ตอนนี้เริ่มลดแล้ว เย่! ขอให้เข้าบ้านได้ไวๆนะคะ :กอด1: ตั้งใจจะมาอัพตอนสุดท้ายยยยยย แต่ได้มาแค่นี้555 After flood ครับ..คนนี้แฟนผม!!1 “ขัดเลยครับ ทั้งบ้านเลยนะ” ปุยที่รักของผมยืนคุมคนงานที่มีอาวุธครบมือ…..ไม้ถูพื้นและแปรงขัดครับ เหอะๆ น้ำบ้านผมลงไปได้สามวันแล้ว หลังจากที่ท่วมอยู่เกือบเดือน-_- แต่ผมว่าก็ไม่ได้ลำบากอะไรมากนะ ไม่รู้เพราะปุยเตรียมตัวดีรึเปล่าทุกอย่างเลยเหมือนใช้ชีวิตกันตามปกติแต่แค่ลงมาชั้นล่างไม่ได้ น้ำท่วมอาจจะเป็นเรื่องใหญ่ก็จริง…แต่ผมเชื่อว่ามันก็เป็นแค่วิกฤต ณ จุดๆนึงในชีวิตก็แค่นั้น แล้วมันก็จะผ่านไป กลายเป็นแค่ประสบการณ์นึงในชีวิต และมันก็ทำให้เห็นด้วยว่าน้ำใจของคนไทย….มีมากกว่าน้ำท่วมเป็นล้านเท่า ผมรู้สึกโชคดีจริงๆที่เกิดเป็นคนไทย แต่ถึงยังไงอนุสรณ์มันก็ยังอยู่คือรอยคราบระดับน้ำที่มีรอบผนังบ้าน ซึ่งถ้าขัดไม่ออกจริงๆก็ต้องทาสีทับ ถ้าผมอยู่คนเดียวคงเซ็งอยู่หรอก แต่เพราคู่ชีวิตผมแค่ยิ้ม…แล้วพูดขำๆ “ได้เปลี่ยนสีห้องใหม่ก็ดีเนอะ” บอกที….แล้วจะไม่ให้ผมรักปุยได้ยังไง? น้ำท่วมทำให้เราได้คุยกันมากกว่าเดิมในหลายๆเรื่อง ปรับความเข้าใจในรอบหลายปีที่ผ่านมา บางทีผมว่านี่มันก็เป็นข้อดีของน้ำท่วมนะ ทำให้เรามีเวลาให้คนที่รักมากขึ้น ถ้าลองมองแต่ข้อดีของมัน…นี่อาจจะเป็นของขวัญจากพระเจ้าก็ได้เพื่อทดสอบจิตใจคนเรา ทดสอบหลายๆอย่างเพื่อให้เราแกร่งมากขึ้น ความจริงผมก็ไม่ใช่คนที่มองโลกในแง่ดีได้ขนาดนี้หรอกนะ แต่เพรามีปุยต่างหาก ยิ่งเจ้าตัวลั้ลล้าหลังช่วงน้ำมา จิบกาแฟ แต่งนิยาย มองคลองที่หน้าบ้านเห็นคนพายเรือแล้วหัวเราะ=_= แค่นั้นแหละครับที่ผมต้องการ แค่มีปุยอยู่ด้วยก็พอ ในช่วงแรกนั้น…ผมยอมรับว่าผมประมาทไปอย่างแรง แถมยังทำตัวมือไม่พายเอาเท้าราน้ำ ต้องขอบคุณปุยที่อุตส่าห์ทนผมมาได้ แล้วไหนจะเรื่องแพรอีก ผมผิดเองที่ไม่ยอมพูดให้มันชัดๆจนปุยไม่แน่ใจกลายเป็นเรื่องใหญ่อย่างไม่รู้ตัว ความจริงผมก็พอจะรู้ๆอยู่นะว่าแพรคิดยังไง ก็เล่นแซวกันจะทั้งแผนกแล้ว แล้วยิ่งผมเป็นเจ้าของไข้ให้แม่แพรก็เลยยิ่งไปกันใหญ่ ทุกคนก็รู้นะว่าผมแต่งงานแล้ว…แค่ยังไม่รู้ว่าเป็นผู้ชายแค่นั้นแหละ=_= เฮ้ยยยย ผมหวงหรอก ปุยโคตรของโคตรน่ารักขนาดนี้ หมอในนั้นก็เป็นไบฯไม่ใช่น้อยๆ จะส่งกระต่ายเข้าปากเสือง่ายๆเหรอไง? o16 “ปุยสบายดีครับแม่ ครับ ปุยไม่อยากให้แม่เป็นห่วงไง ครับบบ555 รักแม่จัง คิดถึงด้วย” ปุยยืนคุยโทรศัพท์อยู่ขณะที่ผมเดินเข้ามาในบ้านหลังจากไปสำรวจสวน ต้นไม้ผมขึ้นอืดหมดอ่ะ ต้องหาคนมาขัดสระด้วย ไม่งั้นภรรยาที่รักต้องให้ผมลงไปขัดเองแน่ข้อหาไม่ทันใจ :try2: “คุยกับแม่เหรอ?” “อือ ปุยพึ่งบอกแม่ว่าบ้านเราน้ำท่วม” ผมพยักหน้าเข้าใจ แม่ผมน่ะแหละ รายนั้นทั้งรักทั้งหลงลูกสะใภ้อย่างกับอะไรดี=_= ตอนนี้พ่อกับแม่ผมอยู่แคนาดา คงไม่คิดมั้งว่าบ้านผมน้ำจะท่วมเลยไม่ได้โทรมา ส่วนแม่ของปุยพึ่งโทรมาเมื่อวานเอง “พี่กรีน วันนี้มีเข้าเวรใช่ป่ะ? ปุยไปด้วยดิ จะไปสำนักพิมพ์พอดี” งานหมอไม่ได้หยุดครับ พอน้ำลดแล้วผมก็ต้องเข้าเวรตามปกติ ส่วนปุยเห็นว่าแต่งนิยายจบแล้ว ภายในระยะเวลาที่น้ำท่วมน่ะแหละ ผมเคยเห็นปุยแต่งนิยายรัวคีย์บอร์ดไม่หยุด สีหน้านี่แบบสะใจมากจนผมไม่กล้าขัด ไม่ค่อยแน่ใจแล้วว่าที่อีกฝ่ายแต่งมันนิยายรักโรแมนติก เพราะเหมือนจะเป็นฆาตกรรมอะไรอย่างนี้มากกว่า “ปุยจะไปนั่งที่โรงพยาบาลได้เหรอ? ไม่มีอะไรให้ทำนะ” “ไม่เป็นไร เดี๋ยวปุยเอาโน้ตบุ้คไปแต่งนิยาย นั่งที่โรงอาหารก็ได้” ปุยยิ้มกว้างแต่ผมว่ามันดูแอบเจ้าเล่ห์ยังไงชอบกล=_= แต่ช่วยไม่ได้ในเมื่อปุยพูดเอง ผมฝากบ้านกับป้าอิ่มที่ตอนนี้มีหน้าที่คุมคนทำความสะอาดไปแล้วก่อนจะออกมาจากบ้านกับปุย ดีที่โรงรถผมยกสูงตามความปรารถนาของปุยตั้งแต่ซื้อบ้านรถเลยไม่เป็นไร เหอะๆ ต้องขอบคุณความรอบคอบของปุยนะเนี่ย แต่ผมควรจะฉุกใจซักนิดว่า…อาการAfter flood……มีอยู่จริง!! ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- จะจบแล้วค่ะ ขอบคุณทุกคนที่หลงเข้ามาอ่านกันนะคะ :z2:
อยากอ่านต่อ ท่าทางน่าจะสนุกนะเนี่ย รอหนูปุยไปปะฉะดะกะยัยแพรพยาบาลจอมจุ้น
สงสัยงานนี้ กระต่ายน้อยจะแปลงร่างเป็นแม่เสือ ที่โรงพยาบาลแน่ๆ เลย ตายแน่อิพี่กรีน 555
หนูปุยมีแผนอะไรเนี่ยยยย อิอิ อยากรู้ๆๆๆ
ตบยัยแพรให้คว่ำเลยนะปุย :z6: :z6:
อูยยยยย พี่กรีนคิดไปเอ๊งงง ไม่มีเจ้าล่งเจ้าเล่ห์อะไรร๊อก! ดีเหมือนกันนะ...ที่โรงพยาบาลเก็บศพสะดวกดี55555
ตอนสุดท้าย :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: ผมเดินเข้าไปในสำนักพิมพ์พร้อมสายตาของทุกคนที่จับจ้องมายังคนข้างๆผมซึ่งผมก็แอบภูมิใจนิดๆ รู้ไปเลยยยยยว่าคนของใคร ไอ้พี่กรีนมันหล่อครับผมยอมรับ หล่อมากด้วย แล้วยิ่งเป็นหมอใครจะไม่สน…หึๆ… ใช่…ใครๆก็อยากได้…. ผมปัดเรื่องนั้นออกจากหัว ยังไงเดี๋ยวได้เจอกันแน่อีกไม่นาน-_-+ ผมเดินเข้าไปในห้องบ.ก.อย่างคุ้นเคยก็พบพี่ป้องนั่งรออยู่แล้ว ผมส่งต้นฉบับมาให้พี่แกแล้วน่ะ นี่แค่มาคุยกันอีกที พี่ป้องทักทายคุยกับพี่กรีนนิดหน่อยก่อนเราจะนั่งลงคุยกัน อ้อ ที่สำนักพิมพ์น้ำมาไม่ถึงครับ ถึงได้เร่งนิยายยิกๆไง :m16: “โหยปุย งานรอบนี้แกสุดยอดว่ะ พี่อ่านแล้วโคตรลุ้น” พี่ป้องเริ่มพูดก่อนครับในขณะที่พี่กรีนทำหน้าแอบงงประมาณว่าเรื่องรักธรรมดาๆมันน่าลุ้นตรงไหน “ครับ?” “เนี่ยนะเปิดเรื่องมาเป็นนิยายรักหวานแหววฮาหน่อยๆกำลังดีจู่ๆพระเอกก็ตายซะงั้น ทำให้นางเอกต้องมาเป็นคนหาตัวฆาตกรเอง ทั้งต้องทนสภาพการถูกบับคั้นจากสังคม ไหนจะเรื่องที่พระเอกตายอีก แต่ปุยก็ใส่มุขได้อย่างฮา ไปๆมาๆไอ้คนที่มาชอบพระเอกก็ตายไปด้วย ยิ่งตามหาฆาตกรก็ยิ่งลุ้น ตอนแรกพี่นึกว่าพี่ชายนางเอกเป็นคนฆ่านะ ดันหักมุมว่านางเอกเป็นคนฆ่าเองเพราะเบื่อนิสัยชอบให้ความหวังของพระเอกจนมีพยาบาลหลายคนมาชอบ แถมนางเอกยังหนีไปอยู่แคนาดาได้อีก เจ๋งมากอ่ะปุย สนุกโคตรๆเลย” ผมยิ้มเย็นขณะที่พี่กรีนช็อคอย่างกับอะไร ยัง…มันยังไม่ชัด “พี่ป้องว่าปุยต้องแก้อะไรมั้ย? แบบอาชีพพระเอกนางเอกเงี้ย” “ไม่ต้องนะ พระเอกเป็นหมอ นางเอกเป็นนักเขียนก็โอเคอยู่แล้ว พี่ชอบตอนที่นางเอกโยนปั๊มสูบน้ำใส่พระเอกอ่ะ ฮาดี” ผมหัวเราะไปกับพี่ป้องขณะที่อีกคนในห้องขำไม่ออก 5555 ขำออกก็บ้าแล้ว ไอ้สารพันวิธีฆ่าหรือแกล้งพระเอกในหนังสือผมเอามาจากชีวิตจริงทั้งนั้น คิดจะฆ่าไอ้พี่กรีนเมื่อไหร่ก็จัดเต็มในหนังสือเลย หึๆ ผมถึงบอกไงว่างานต้องมาก่อน o18 เราคุยกันต่อซักพักก็ออกมาจากสำนักพิมพ์ สรุปงานนี้ผมผ่านใสๆเลย เพราะพระเอกตายและคนที่ฆ่าคือนางเอก555 เป็นนิยายที่สุดยอดมากสำหรับผม “ปุย….” “ครับ?” ผมหันไปทางร่างสูงหลังจากที่ใส่เซฟตี้เบลท์เรียบร้อยแล้วก็พบว่าพี่กรีนหน้าอย่างซีด “ปุยโกรธพี่มากจนไปลงกับนิยายเลยเหรอ?=_=” “ปุยเปล่า ทั้งหมดนั่นมันพรสวรรค์ล้วนๆ :m13:” ผมทำตาปริบๆทำให้อีกฝ่ายนิ่งก่อนจะออกรถโดยไม่ได้พูดอะไร หึๆๆ พรสวรรค์บ้าอะไรล่ะ เอ๊ะหรือว่าผมพึ่งค้นพบตัวเอง ก๊ากกก ผมนี่มันเทพว่ะ555 ไม่นานเราก็มาถึงโรงพยาบาลเอกชนไฮโซโอ้ลั้ลล้า ขอบอก ณ ตรงนี้ว่าผมคิดจะทำอะไรแน่ๆไม่งั้นคงไม่ถ่อมาถึงที่นี่อันเป็นที่ที่ผมโคตรเกลียด มันเหม็นกลิ่นสะอาดอ่ะ แต่ก็นะ ยังไงสามีผมก็ทำงานที่นี่….รวมถึงคนนั้นด้วย เราเดินเข้าไปในโรงพยาบาลพร้อมกันโดยที่ในมือผมมีโน้ตบุ้คและสายชาร์ตพร้อม กะว่าได้พล็อตใหม่แน่ๆ วันนี้ผมใส่กางเกงยีนส์แค่เข่ากับเสื้อกล้ามธรรมดาที่เพ้นท์ลายเอง พร้อมด้วยรองเท้าผ้าใบสีเจ็บๆ มันก็ดูกระชากวัยนะผมรู้ แต่ผมยังมีวัยให้กระชากนี่ หึๆ พี่กรีนจับมือผมแน่นไปจนถึงแผนกของอายุรกรรมอันเป็นที่ทำงาน ทันทีที่เห็นพวกพยาบาลก็แทบจะเข้ามารุมล้อมผมจึงปั้นหน้ายิ้มทันที “หวัดดีค่ะหมอกรีน นี่ใครเอ่ยย??” “อ่อ นี่….” “สวัสดีครับ ผมชื่อปุยฝ้ายฮะ เป็นรุ่นน้องและก็เป็นลูกพี่ลูกน้องของพี่กรีน พอดีจะเขียนนิยายเลยขอตามพี่กรีนมาเก็บข้อมูลหน่อยครับ” ผมฉีกยิ้มขณะที่บรรดาป้าๆพี่ๆมองผมด้วยสายตากึ่งแปลกใจกึ่งเห่อ “ต๊ายย อายุแค่นี้มีงานเสริม เรียนปีอะไรแล้วเรา น่ารักจริงๆ” จะบอกยังไงดีว่าผมจบมา4ปีแล้ว เหอะๆ แต่มันก็เข้าแผนน่ะนะ “ปีสองครับ ปีสอง เศรษฐศาสตร์” “ยังเด็กอยู่เลย พี่นึกว่าม.6ซะอีกตอนแรก” นี่ผมดูเด็กหรือเด็กสมัยนี้โตไวกันแน่เนี่ย? “ปุย….” พี่กรีนดึงแขนผมเบาๆเมื่อเห็นว่าผมยังไม่เลิกแอ๊บแบ๊วเป็นเด็กมหา’ลัย หึๆ ไม่แคร์ ผมทนมาทั้งน้ำท่วม มันไม่มีทางจบง่ายๆแน่! “พี่กรีนอ่ะ ปุยไม่กวนพี่ๆเขาหรอก แค่หาข้อมูลแต่งนิยายหน่อยเดียวเอง” ทำหน้าอ้อนๆเข้าไว้ พี่กรีนมองผมประมาณว่าเมียกูบ้าไปแล้ว=_= เอาเหอะ เชิญ บ้าไม่บ้าเดี๋ยวได้รู้กัน “นั่นสิคะหมอกรีน น้องปุยไม่วุ่นวายหรอก” ผมมีพันธมิตรมาแล้วหนึ่งก่อนจะตามด้วยอีกมากมาย ยิ้มอย่างผู้ชนะครับ555 พี่กรีนถอนหายใจก่อนจะเดินเข้าไปในห้องตัวเอง แล้วก็ส่งข้อความมากำชับว่าห้ามป่วน=_= เหอะ แค่นี้ออกมาพูดเองไม่ได้เหรอไง? ผมแอบเบะปากก่อนจะประจบป้าๆพยาบาลต่อ พวกแกก็น่ารักดีนะครับ หาที่ให้ผมนั่ง ชวนคุย บอกข้อมูลต่างๆที่ผมโม้ถามสดๆ แหม ไม่ต้องทำงานกันเหรอไงเนี่ยถึงมานั่งกับผมได้ แต่มันก็ตรงกับจุดประสงค์ที่ผมมาพอดี “พี่รันครับ แล้วเรื่องความรักในโรงพยาบาลเนี่ยมีมั้ยครับ?” ผมถามพี่รันที่ท่าทางอายุมากกว่าผมประมาณสิบปีได้ ที่นั่งกับผมก็มีแต่อาวุโสสามท่านนี่แหละครับ เพราะสามารถโยนงานไปให้พวกเด็กๆได้ “จะว่าไปก็ไม่ค่อยมีหรอก หมอในนี้ส่วนมากก็ไบฯทั้งนั้น หมอกรีนก็แต่งงานแล้วนี่นา…” ผมแอบรู้สึกหัวใจพองฟูเล็กๆ พี่กรีนบอกที่ทำงานด้วยเหรอเนี่ยว่าแต่งงานแล้ว ไม่น่าเชื่อแฮะ แต่ขนาดนี้ยัยแพรอะไรนั่นยังกล้ายุ่งอีก-_-+ “มันจะสำคัญอะไรล่ะแกว่าแต่งไม่แต่ง ยังไงยัยแพรก็อยากได้จนตัวสั่น” พี่ปลาแทรกขึ้นทำให้ผมหูผึ่งทันที ในที่สุดผมก็ได้รู้เรื่องซักที o18 “ยัยนั่นมันหน้าด้าน พูดตรงๆนะว่าฉันไม่ได้สนับสนุนเลย” พี่วาพูดขึ้นบ้างทำให้พี่รันต่อทันที “ใครจะไปสนับสนุนยะ อ่อยผัวชาวบ้าน แถมยังกล้ามาเล่าให้ฟังอีก” “ฉันล่ะสงสารแฟนหมอกรีน=_=” สงสาร…ผม?-0- “ยัยแพรนี่ไม่ไหวเลย….” “เอ่อ….แล้วพี่แพรนี่อยู่ไหนเหรอครับ?” เหมือนป้าๆทั้งสามเริ่มกลับมาระลึกได้ว่ามีผมอยู่ในวงสนทนาด้วย น่าดีใจจัง อู้งานมาเม้าท์เนี่ย “วันนี้ยังไม่เห็นเลย…อ๊ะ นั่นไง ที่กำลังเดินมาน่ะ” ผมมองตามมือที่พี่รันชี้ไปก็พบผู้หญิงคนนึงพึ่งเดินลงมาจากบันได จัดว่าสวยเลยล่ะ ตัวบางร่างน้อยอยู่ในชุดขาวยิ่งดูดี คุณเธอหันมาทางเราแวบนึงก่อนจะเดินดุ่มๆมาทันที “พี่รัน หมอกรีนมายังอ่ะ?” ผมจิกมือลงกับเบาะที่นั่งอยู่ ยัยนี่สินะที่โทรมาตอนที่พี่กรีนอาบน้ำตลอด ยัยนี่ใช่มั้ยที่คิดจะแย่งแฟนชาวบ้าน…. มาเจอกันหน่อยเหอะ!! “ยัยแพรนี่ มาถึงก็ถามถึงผู้ชายเลยนะ นี่ปุยฝ้าย น้องหมอกรีน” ผมส่งยิ้มให้เฉยๆทั้งที่ข้างในร้อนดั่งไฟเออร์ ไม่มีความจำเป็นต้องไหว้ในเมื่อผมคงอายุมากกว่าอยู่แล้ว ยัยแพรอะไรนั่นเหวอไปพักนึงก่อนจะนั่งลงทันที “แหม น้องหมอกรีนนี่เอง พี่ชื่อแพรนะจ๊ะ เป็นพยาบาลผู้ช่วยของหมอกรีนน่ะแหละ” “ฉันก็เป็นนะยะ” พี่วาขัดขึ้นแต่ยัยแพรไม่สนใจ ผมยังคงฝืนยิ้ม ในหัวคิดภาพตัวเองทุ่มเครื่องสูบน้ำใส่ร่างบางๆนี่ โอ๊ยยยยย แค้นนนนนน “ครับ” “งี้ปุยก็ต้องเคยเจอแฟนหมอกรีนใช่มั้ย? เป็นยังไงบ้างเหรอ?” พี่ปลาทำปากขมุบขมิบด่าคนที่แทรกเข้ามากลางวงหน้าตาเฉยส่วนผมก็ยังยิ้มมมมม “เป็นผู้ชายครับ” “ฮะ?” ทั้งสี่คนไม่ใช่แค่ยัยแพรมองหน้าผมทันทีอย่างอึ้งๆ หึๆ ฟังไว้เลยยยย!! “แฟนหมอกรีนเป็นผู้ชายครับ อายุ25 อาชีพแต่งนิยาย แต่งงานกับหมอกรีนมาแล้ว3ปี คบกันมา6ปี ทำอาหารเก่ง น่ารักมากกกกก” ผมสาธยายด้วยใบหน้าแสนสุขขณะที่ตาจับจ้องไปที่ยัยแพรที่ทำหน้าเหมือนฝันสลายอยู่คนเดียว “อ้าว งี้ที่แพรโทรไปแฟนหมอกรีนก็เป็นคนรับตลอดเลยน่ะสิ” รู้ก็ดี-_-+ “แย่จังเนอะ ถ้ารู้แพรจะบอกไปเลยว่าอยากได้ผัวเขา5555” ร่างบางหัวเราะร่วน ผมยิ้มเย็น มองผู้หญิงไร้ยางอายตรงหน้าด้วยความรู้สึกเกินกว่าจะโกรธ ไร้จิตสำนึกมากๆ คงไม่สำคัญแล้วว่าผมต้องแอ๊บมาเป็นน้อง “ไม่ต้องบอกเขาก็คงรู้แล้วล่ะครับ” “หืมม น้องปุยจะไปบอกให้พี่เหรอ?” “หึๆ ก็นั่งอยู่ตรงนี้ไง….” “ปุย…?” “เมียหมอกรีน…นั่งอยู่นี่ไงครับ” ผมยิ้มขณะที่ทุกคนทำท่าอึ้งกว่าเดิม ดี!! รู้ไปเลยว่าผมเป็นใคร! ผมสูดลมหายใจก่อนจะพูดต่อชัดๆขณะสบตาสีน้ำตาลนั่น “แพร….น้องคงไม่รู้ว่าพี่กับพี่กรีนยังรักกันดีอยู่ แถมช่วงน้ำท่วมที่ผ่านมามันยังทำให้เรารักกันมากขึ้นม๊ากมาก เพราะฉะนั้นถ้าคิดจะแย่งผัวชาวบ้านก็เลิกคิดเถอะนะ หน้าตาอย่างน้องคงหาผัวได้ไม่ยากนี่” ผมเน้นที่คำว่าผัวก่อนจะอาศัยช่วงอึ้งพูดต่อ “แล้วอีกอย่างนะ เลิกโทรมาตอนที่พี่กรีนอาบน้ำได้แล้ว มันเป็นเวลาส่วนตัวน่ะนะ แพรก็คงเข้าใจใช่มั้ยเวลาสามีภรรยาเขาแสดงความรักกัน…..ไม่มีใครอยากรับโทรศัพท์หรอกนะ ปากไม่ว่าง” ผมยิ้มเช่นเดิมก่อนจะลุกขึ้นตอนที่พี่กรีนเดินมาพอดีผมจึงคว้าแขนนั้นแน่นแล้วดึงอีกฝ่ายลงมาจูบจะๆกลางโรงพยาบาล เสียงฮือฮาดังขึ้นแต่ผมไม่สนใจ พี่กรีนดูจะอึ้งๆแต่ก็ตอบสนองผมซะดี… “ครับ….คนนี้แฟนผม!!” ผมนั่งมองต้นไม้ด้วยใจห่อเหี่ยวเล็กน้อย เน่าตายแทบจะหมดเลยเพราะน้ำที่ท่วมไปเกือบเดือนนั่น อุตส่าห์ปลูกมาตั้งนาน…..นั่นก็โป๊ยเซียน คุณนายตื่นสาย หอมเจ็ดชั้น หอมหมื่นลี้ ตายหมด…เพราะน้ำท่วมแท้ๆ… “ปุย…!! ต้นไม้มาส่งแล้ว” เสียงพี่กรีนดังขึ้นทำให้ผมวิ่งไปที่หน้าบ้านทันทีก็พบรถหกล้อที่ขนต้นไม้มาเต็มคัน แหม มันจะเรื่องใหญ่อะไร ตายได้ก็ปลูกใหม่ได้ จะกี่น้ำท่วมผมก็ไม่แคร์หรอก ผมช่วยพี่กรีนเล็งหาที่ปลูก เราขุดดินด้วยกัน ใส่ปุ๋ยด้วยกัน หัวเราะเหมือนไม่เคยมีอุทกภัยที่หนักหนาสาหัสเกิดขึ้น ครับ…ชีวิตคนเรามันก็แค่นี้ จะมีประโยชน์อะไรถ้าไปมัวเศร้าเสียใจกับสิ่งที่ไม่มีวันกลับมา ถ้าบ้านพังเราก็ซ่อม ต้นไม้ตายก็ปลูกใหม่ อย่าคิดว่าอยู่คนเดียวเพราะยังมีพี่น้องทั่วประเทศพร้อมช่วยคุณอยู่เสมอ แล้วซักวันนึง….ความทรงจำที่สาหัสแบบนี้มันก็จะกลายเป็นแค่ฉากนึงในชีวิตไปเอง o13 บทเรียนสำคัญที่ผมจากได้ครั้งนี้….คือไม่สำคัญเลยว่าเตรียมพร้อมอยู่ขนาดไหน มันสำคัญที่ว่าคนที่เดินข้างๆเขาพร้อมเดินไปด้วยกันรึเปล่า ก็นะ สำหรับผม ต่อให้ไอ้พี่กรีนไม่เดินผมก็จะฉุดกระชากไปด้วยกันอยู่ดี…. o18 …ก็คนนี้แฟนผมนี่นา!! ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- จบแล้วค่าาาาาา :laugh: ขอโทษที่ทำให้ผิดหวังที่ไม่มีฉากนองเลือด หนูปุยเขาไม่ใช้ความรุนแรง(เหรอ :z6:) น้องแพรเขาไม่โวยวายนี่เนอะ :เฮ้อ: ห้องเก็บศพเลยไม่ต้องใช้5555 ขอบคุณสำหรับทุกคนที่อ่าน เ้ม้นท์ +1และ+เป็ดกันมานะคะ น่ารักที่สุด :กอด1: ถ้ามีโอกาสคงได้เจอกันต่อเรื่องหน้านะคะ :bye2: ฝาก[เรื่องสั้น]Cry cry cry-http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,30098.msg1734963.html#msg1734963 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,30098.msg1734963.html#msg1734963) [เรื่องสั้น...มั้ง?]I’m a refugee. หนีน้ำมาเจอรัก http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,30225.msg1745784.html#msg1745784 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,30225.msg1745784.html#msg1745784) :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
น่ารักมากๆค่ะ
คนนี้แฟนผม!!! ปุยแรงได้ใจมาก....เดี๋ยวไป + เป็ดให้ค่ะ
แรงๆๆๆ ชนะเลิศครับ ชอบจัง
ยัยต้องเจอแบบนี้ แต่น่าจะเอาให้หนักกว่านี้อีก :z6: :z6:
เป็นเรื่องสั้นที่อ่านไปยิ้มไป เข้ากับสถานการณ์ ฮาแบบน่ารักๆ o13
ปุยโหดมาก...5555 สุดยอดเลยคุณพี่นับถือๆ
สมน้ำหน้ายัยแพร :m14:
น่าจะมีตอนพิเศษจัดหนักยัยแพรหน่อยนะ ยังไม่สะใจเท่าไรเลย
น่าจะมีตอนพิเศษจัดหนักยัยแพรหน่อยนะ ยังไม่สะใจเท่าไรเลย อาจจะมีค่ะ ถ้าแพรยังไม่เลิกยุ่ง :m13: แอบรู้สึกว่ามันก็น้อยไปหน่อยจริงๆ(ซาดิสม์จริงๆชั้น :z3:) ปล.อยากรู้วิธแจ้งจบแล้วอ่ะค่ะ จะได้ย้ายไปห้องจบแล้วกับใครเขามั่ง :m11: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
ชอบอ่ะ เรื่องนี้
แร๊งงงงงงงงงงงง!
ชอบๆปุย 55555555555
ปุยเเรงมากก ชอบอ่ะ o13
ตามมาอ่าน...แรง ชอบ นายเอกทันคน o13 รออ่านตอนพิเศษ :call:
อ๊ากกกก . . . . กก อยากเห็นหน้าตอนแพรอึ้งอะ อยากอยู่ในเหตุกาลบ้างอะ :serius2:
ก่อนอื่นเลยน่ะ จะบอกว่าเข้าใจม๊ากมาก สถานการณ์ตอนน้องน้ำคืบคลานเข้ามา มันเครียดดดด ต้องตามข่าว เช้า สาย บ่าย เย็น มันเป็นบรรยากาศ ที่สุดแสนจะบรรยายเลยอ๊ะ :o211: ชอบคำบรรยายของปุยแต่ละช่วงจังเลย เป็นคำที่น่าน้อยใจน่ะ แต่ฮาจริงๆ :jul3: บทตบท้ายด้วยคุณแพร (ที่ผิวหน้าหนาเกินชะนี) ปุยทำได้นิ่งสงบ ชนะชะนีแบบใสใส เลยอ๊ะ o13
อาฟเตอร์ฝลัด ของเค้าแรงจริง ๕๕๕๕ โหหหเรื่องสั้นน้ำท่วม ต้องเก็บไว้เป็นหน้าหนึ่งประวัติศาสตร์ไทยแบบวายๆ(?) ปล.เค้าสะใจนิยายพี่ปุยมากเลยอ้ะ สุโก้ย +๑ ถึงสิบเลยเอ้าาา ฮ่าๆ
แว๊กก น้องปุยชนะเลิศ หึหึ ชาติเมียต้องไว้ลาย อิพวกนี้ไม่เจอของจริงไม่เข็ดไม่จำ +1
สนุกมากเลยค่ะ ฮามากเลย ปุยน่ารักมาก ขอบคุณที่แต่งมาให้อ่านนะค่ะ ถึงจะเป็นเรื่องสั้นแต่ความสนุกไม่สั้นเลย ขอบคุณมากค่ะ^^
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านกันนะคะ :กอด1: :กอด1: อยากจะตอบทุกคอมเม้นท์แต่กลัวจะโดนข้อหาปั่นกระทู้ :o12: มาคอนเฟิร์มว่าตอนพิเศษมาแน่ๆค่ะ แต่คงเป็นเสาร์-อาทิตย์นี้ จะมีซัน-นับเงินจากcry cry cryมาด้วย(ได้โปรดไปอ่านกันนะพลีสส :sad4:) ขอบคุณอีกครั้งกับทุกคำชมนะคะ แต่อยากรู้อ่าว่ามันฮาตรงไหน แต่งเองยังเบลอ :m23: สุดท้าย ฝากเรื่องหนีน้ำมาเจอรักด้วยนะคะ ป.ล.ถ้าแต่งดราม่าจะมีคนอ่านมั้ยย??? :m13:
ตอนพิเศษ Mutualism “......ฮะ...ขอบคุณมากนะฮะพี่รัน.....” ผมกดวางสายก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องนั่งเล่นหลังจากที่คุยกับพี่รันจบ ตั้งแต่วันวิปโยคคราวนั้นผมก็ให้เบอร์ตัวเองกับพี่รันเผื่อไว้ซึ่งก็ไม่คอดว่ามันจะเป็นประโยชน์จริงๆ=_= ผมไม่เข้าใจผู้หญิงสมัยนี้จริงๆนะว่าทำไมถึงหน้าด้านกันสุดๆ ขนาดเจอเมียเขาแล้ว เห็นจูบกันจะๆแล้วก็ยังไม่เลิกยุ่ง โว้ยยย น่าโมโห! “มีอะไรเหรอปุย?” เฮียผิงทักขึ้นทันทีที่เห็นหน้าผม วันนี้เฮียผิงพาเฮียบวกมาให้ผมดูตัวน่ะ เห็นว่าไปเจอกันตอนหนีน้ำ(โรแมนติกมากกก=_=) แต่เฮียบวกน่ารักมากเลยนะ ผิวขาวๆ ตาสีฟ้า แต่ไม่รู้ทำไมผมกลับนึกถึงแมวเปอร์เซียซะงั้น-_- “อ่อ....พี่รัน พยาบาลที่โรงพยาบาลพี่กรีนโทรมาบอกว่ายัยแพรยังไม่เลิกอ่อยพี่กรีนอ่ะ” ผมพูดเรื่อยๆเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ทั้งๆที่ความจริง......มันใหญ่มากกก!!! ก็รู้น่ะแหละว่าพี่กรีนไม่คิด แต่ใครจะชอบให้แฟนตัวเองไปอยู่ใกล้ๆผู้หญิงที่พร้อมจะพลีกายให้เสมอล่ะจริงมั้ย? “ปล่อยไว้อย่างนี้จะดีเหรอปุย?” เฮียบวกพูดเรื่อยๆแต่ไม่รู้ทำไมผมกลับรู้สึกว่านัยย์ตาเฮียบวกวิบวับชอบกล “ปุยก็เคยไปคุยแล้วนะ....” “ก็ไปอีกสิ” ผมเดินขึ้นไปที่แผนกเด็กจากความช่วยเหลือของพี่รันที่ว่าพี่กรีนกับยัยแพรขึ้นไปด้วยกัน ลิฟท์เปิดออกเผยให้เห็นทางเดินสีขาวสะอาดตา มีป้ายชี้ทางไปที่แผนกอย่างชัดเจน พูดง่ายๆก็คือเป็นสนามเด็กเล่นที่สร้างขึ้นเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของเด็กน่ะแหละ ผมเดินสวนกับผู้ปกครองหลายคู่ก่อนจะมาถึงสนามเด็กเล่นย่อมๆที่รอบด้านเป็นกระจกใส เมื่อมองเข้าไปก็พบพี่กรีนนั่งเล่นอยู่กับเด็กคนนึงโดยที่ข้างๆคือยัยแพร ใบหน้าหล่อเหลายิ้มแย้มดี ภาพที่ทำให้ผมไม่อยากจะยอมรับ.... ....ไม่อยากจะยอมรับว่าสามคนนั้น...ดูเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์ราวกับภาพวาด... ผมยืนนิ่งอย่างนั้น เจ็บหน่วงๆในอกแบบที่บอกไม่ถูก ความคิดที่จะเดินเข้าไปหายไปไหนก็ไม่รู้ ผมหันหลังหนีให้กับภาพนั้น สิ่งที่ผมรู้ดีมาตลอดว่าให้พี่กรีนไม่ได้.... “น้องคริสน่ารักดีนะคะ....พี่ปุย” เสียงหวานดังขึ้นข้างๆเมื่อผมหันไปก็พบเจ้าของใบหน้าหวานที่เมื่อกี๊นั่งอยู่ข้างๆพี่กรีนกำลังส่งยิ้มมาให้ผมทำให้ผมได้แต่ยิ้มบางๆกลับไป “คริส?” “เด็กที่หมอกรีนเล่นอยู่ด้วยไงคะ น้องคริสเป็นโรคหัวใจเลยต้องอยู่ในโรงพยาบาลตั้งแต่เด็กๆ แย่จัง หมอกรีนไม่เคยบอกเรื่องน้องคริสกับพี่ปุยเหรอคะ?” “.....พี่กรีนคงคิดว่าไม่สำคัญมั้ง...” “หมอกรีนอยากมีลูกมากนะคะ พี่ปุยรู้มั้ย?” ร่างบางยังคงส่งยิ้มมาให้ผม....ยิ้มที่เหมือนจะทับถมผมลงไป “ผู้หญิงกับผู้ชาย....อาจจะเหมือนกันก็จริง....หมอกรีน...อาจจะรักพี่ก็จริง....แต่ยังไง...ผู้ชายก็มีลูกไม่ได้.....ในขณะที่แพร....ให้หมอกรีนได้ทุกอย่าง...” แพรพูดเรื่อยๆ คำพูดเหมือนมีดคมที่ค่อยๆกรีดลงไปในใจผม สิ่งที่ผมรู้ดีและพยายามจะไม่คิดมาตลอด “แพรมีลูกได้....แต่พี่...มีไม่ได้” ยัยนั่นเดินกลับเข้าไปในนั้นอีกครั้งขณะที่ผมได้แต่ยืนอยู่ที่เดิม มองครอบครัวสุขสันต์นั่น ผมยิ้มขื่นกับตัวเอง พี่กรีนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมมาที่นี่ แต่ก็ไม่เป็นไรนี่จริงมั้ยในเมื่อพี่กรีนรักผม.....พี่กรีนรักผม... ...รักผม....จริงเหรอ?... “พี่ปุย?....พี่ปุยจริงๆด้วย!” เสียงเรียกดังขึ้นเมื่อผมหันไปก็พบผู้ชายในชุดกาวน์คนหนึ่งกำลังเดินมาทางผม ใบหน้าหล่อเหลาค่อนไปทางน่ารักยิ้มกว้างขณะที่ผมคบคล้ายคับคลาว่าเคยเจอ... “...นับ...?” “อ่อ....นับอยู่คนละแผนกกับพี่กรีนเลยไม่ค่อยรู้เรื่อง...” นับเงินพูดขณะจิบกาแฟหลังจากที่ผมเล่าโศกนาฏกรรมยัยแพรจบ ขณะนี้เราอยู่ด้วยกันที่คอฟฟี่ช็อปในโรงแรม นับเป็นรุ่นน้องของพี่กรีนและเป็นแฟนของพี่ซันที่เป็นหมอและก็เป็นเพื่อนของพี่กรีนด้วย นับน่ารักเราเลยสนิทกัน แต่ก็ห่างๆกันไปตามงานที่ยุ่งขึ้น “พี่ไม่รู้จะทำยังไง พี่มีลูกให้พี่กรีนไม่ได้...แต่พี่ไม่อยากเสียพี่กรีนให้ใคร...” “อ่านะ...ใครจะอยากเสีย คนดีๆหายากจะตาย ยัยนั่นก็ร้าย” นับเงินยักไหล่ขณะที่ผมถอนหายใจอย่างเซ็งๆ ผมยังโกรธนะ...แต่ตอนนี้มันรู้สึกเฟลมากกว่า เพราะที่ยัยนั่นพูดมันจริงทั้งนั้น พี่กรีนอยากมีลูก....แต่ผมไม่มีทางให้ได้... และไม่มีวันให้ได้.... ตอนนี้พี่กรีนอาจจะรักผมก็จริงแต่เราจะรักกันไปถึงเมื่อไหร่ในเมื่อไม่มีอะไรยึดเหนี่ยวให้อยู่ด้วยกัน ถ้ามันถึง ณ จุดๆนึงเราก็คงต้องเลิกกัน....แล้วผมก็ต้องเสียพี่กรีนไป.... “พี่ปุยคิดจะทำไง?” “กลับบ้านดิ=_=” “ไม่ใช่เรื่องนั้น นับหมายความว่า...จะแก้แค้นมั้ย?” นับเงินส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ผมขณะที่ผมมองอย่างมึนงง “ร้ายมา....ก็ต้องร้ายกลับ ยัยแพรคิดจะแย่งพี่กรีน....งั้นก็ทำให้ยัยนั่นแย่งไม่ได้สิ” “นับ?” “หึๆๆ เรามาวางแผนกันเถอะพี่ปุย”
ง่ะ...แผน..แผนอะไร? ลุ้นๆๆๆ ฝ่ายรับเรื่องนี้มาร้ายกันทุกคนเลยแฮะ ว่าแต่ เรามาคั่นหรือเปล่าเนี่ย?
แผนอะไรกันอะ อยากรุ้จังเลย รอน่ะ
แผนไรหว่าาา จัดมาเล้ยยยย
รอแผนการ
อ่านแล้วหน่วงแทนปุย
มากระปิดกระปอยมาก :z3: ยุ่งมากค่ะช่วงนี้ ขอโทษจริงๆนะคะ :sad4: -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- “วันนี้คุณหมอพีทขอแลกเวรค่ะ หมอกรีนกลับได้เลย” แพรพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าผมกำลังจะถือชาร์ตขึ้นไปตรวจผู้ป่วย งั้นก็แปลว่าพรุ่งนี้ผมต้องอยู่วอร์ดใช่มั้ยเนี่ย? ผมพยักหน้ารับรู้โดยไม่พูดอะไรต่อก่อนจะเตรียมตัวกลับบ้าน มองนาฬิกาก็พบว่าตอนนี้6โมงกว่าๆแล้ว แปลกดีที่วันนี้ปุยไม่โทรหา=___= จะว่าไป.....2-3วันมานี้ผมแทบไม่ได้คุยกับปุยเลย “หมอคะ แพรก็ออกเวรแล้ว....คุณหมอไปกินข้าวเป็นเพื่อนแพรหน่อยได้มั้ย?” แพรพูดยิ้มๆส่วนผมก็แค่ยิ้มบางๆกลับไป ทั้งๆที่ผมอยากจะบ้าตายจริงๆ รู้ก็รู้อยู่แล้วว่าผมมีแฟนเป็นตัวเป็นตน แถมแฟนผมก็เป็นผู้ชายด้วยไม่ใช่ผู้หญิง เจอก็เจอปุยแล้วด้วย ยังกล้ามายุ่งกับผมต่อได้ไง แต่เพราะผมเป็นสุภาพบุรุษมากพอ..... “วันนี้ผมจะกลับไปกินข้าวกับปุย ลองไปชวนพวกพี่รันดูนะแพร” “แต่แพรอยากไปกับหมอกรีนมากกว่า นะคะ....” ผลั่ก! “พี่กรีน...?” จู่ๆประตูก็เปิดออกพร้อมร่างบางที่ผมคุ้นเคยดีเดินเข้ามา ปุยมองผมสลับกับแพรอย่างงงๆ “อ้าว พี่กรีนยังไม่ออกเวรเหรอ?” “อ้าว....พี่ปุย” แพรยิ้มทำให้ปุยนิ่งทันทีผมจึงเอื้อมมือไปจับมือนุ่มนั่น “พี่กำลังจะกลับบ้านพอดีเลย แล้วนี่ปุยมีอะไร? ทำไมถึงมาหาพี่ที่นี่?” ผมยิ้มบางๆขณะเดินจูงมือปุยออกมาโดยไม่ได้สนใจอีกคนที่อยู่ในห้อง ทำไมผมต้องสนในเมื่อแพรไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผมเลย “ปุยไปสำนักพิมพ์มา พอดีพี่รันโทรมาบอกว่าวันนี้พี่ไม่มีเวรต่อปุยก็เลยแวะมาหา” ปุยพูดเรื่อยๆ ใบหน้าน่ารักยังคงนิ่งบ่งบอกถึงความไม่สบอารมณ์ มันมากพอที่จะทำให้ผมถามออกไป “ปุย? เป็นอะไร?” “แพร....ยัยนั่น...” “ปุยยังคิดมากอยู่อีกเหรอ?” “ปุย....เปล่าหรอกพี่กรีน งั้นพี่กรีนกลับไปก่อนเลยละกัน ปุยขอไปหานับก่อน” ปุยหันมายิ้มให้ผมก่อนจะเดินตรงไปที่ลิฟท์โดยไม่ให้ผมคัดค้าน ไม่รู้ว่าทำไมแต่ผมกลับรู้สึกว่าควรจะเดินตามไป....แต่สุดท้ายผมก็เลือกที่จะกลับบ้านตามที่ปุยบอก... ความจริงก็คือ....ผมคิดผิด ผมก้าวเข้ามาในโรงพยาบาลด้วยความรู้สึกแปลกๆ เหมือนทุกอย่างดูจะวุ่นวายผิดปกติ พยาบาลที่เดินไปเดินมาต่างซุบซิบกันทุกคน เมื่อผมเดินเข้ามาในแผนกก็พบว่าทุกอย่างมันวุ่นวายยิ่งกว่าข้างนอก ก่อนที่ผมจะพูดอะไรพี่รันก็เดินมาหา “หมอกรีน แพรโดนประจานทั้งโรงพยาบาลเลย!” “ฮะ? อะไรนะพี่รัน?” ผมมองหน้าอีกฝ่ายอย่างงงๆก่อนพี่รันจะยื่นกระดาษอะไรบางอย่างมาให้ เมื่อผมก้มดูก็พบว่าเป็นภาพของแพรจูบกับพี่วิชัยที่เป็นหมอผ่าตัดรุ่นกึ๊ก เห็นหน้าผู้ชายไม่ค่อยชัดแต่ผมก็พอจะรู้ ส่วนหน้าของผู้หญิงในรูป..ชัดทุกองศา=-= แต่ปัญหามันก็คือ....พี่วิชัย....แต่งงานแล้ว เฮ้ยยยยยย!!!! o22 “มีไอ้แบบนี้ติดอยู่ทุกห้องน้ำในโรงพยาบาลเลย หมอชัยคงไม่โดนอะไรมากแต่แพรนี่สิ....” “แพรยังไม่มานี่นา ใช่มั้ยพี่รัน? แล้วใครเป็นคนทำ..?” “จับไม่ได้หรอกค่ะ คนเข้าห้องน้ำเยอะเป็นมด=_= แถมคนที่เกลียดยัยนั่นก็แทบจะมากกว่าครึ่งของพยาบาลที่นี่เลยมั้ง ตอนนี้ทางผอ.กำลังยุ่งกันเลย เดี๋ยวเขาอาจจะมาสืบสวนด้วย..” ผมได้แต่ช็อกค้างอย่างนั้น ใครทำแบบนี้ได้ลง? นี่มันยิ่งกว่าประจานอีกนะ แพรทำผิดก็จริงแต่คนที่ทำอย่างนี้ก็ไม่ต่างกับตัดอาชีพแพรชัดๆ หมอวิชัยเป็นหมอที่เก่งมากและท่าทางเรียบร้อยอย่างพี่ชัย..คนที่เสนอตัวก่อนคงเป็นฝ่ายหญิง พยาบาลแค่คนเดียว...โรงพยาบาลให้ออกได้โดยไม่คิดอะไรอยู่แล้ว... ถึงจะไม่ค่อยชอบแต่ผมก็อดเป็นห่วงแพรไม่ได้.... ผมยังไม่ทันจะคิดอะไรออกพยาบาลที่เคาน์เตอร์ก็วิ่งกระหืดกระหอบมา “แย่แล้วค่ะหมอกรีน!! พอแม่ของแพรรู้เรื่องก็โวยวายจะดึงสายน้ำเกลือท่าเดียว ใครพูดก็ไม่ฟังเลยค่ะ!” นี่มันเช้านรกชัดๆ..... :a5: “นี่แน่ะนังลูกหน้าไม่อาย!! แกทำอย่างนี้ได้ไง?!” “คุณป้าครับ ใจเย็นๆ” ผมกับพวกพยาบาลพยายามดึงแม่ของแพรให้พ้นจากแพรที่นั่งร้องไห้อยู่ที่พื้นอย่างยากลำบาก น่าเห็นใจ....ตั้งแต่แพรขึ้นมาคุณป้าก็ด่าไม่ขาดปากเลย ทั้งด่าทั้งตีจนพวกผมต้องคอยห้าม แต่ก็พูดอะไรมากไม่ได้ในเมื่อมันเป็นเรื่องจริงชัดๆ “ใจเย็นเหรอหมอ?!!!....” “แพร ออกไปก่อนไป พี่รันพาแพรออกไปหน่อย” ผมพยักเพยิดให้พี่รันประคองแพรออกจากห้องพักผู้ป่วย ไม่น่าเชื่อว่าคุณป้าจะอายุเข้าวัยทองแล้วเพราะแรงเยอะมาก.....มากจนผมจะห้ามไม่ไหวอยู่แล้ว=___= หลังจากปลอบกันอยู่พักใหญ่คุณป้าก็ยอมลงนอนอีกครั้ง ผมถอนหายใจอย่างเหนื่อยๆก่อนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ หมอวิชัยเป็นหมอผ่าตัด แน่นอนว่าคุณป้าที่ไม่ได้ผ่าตัดย่อมไม่รู้จัก แล้วทำไมถึงรู้ว่าหมอวิชัยมีเมียแล้ว? แถมจะเห็นภาพนั่นได้ไงในเมื่อภาพมันติดอยู่ที่ห้องน้ำไม่ใช่ห้องพักผู้ป่วย.... เอาง่ายๆ....คุณป้าไม่น่าจะรู้เรื่องนี้ด้วยซ้ำ! “คุณป้าครับ.....คือ....คุณป้ารู้เรื่องทั้งหมดนี่ได้ยังไงเหรอครับ?” ผมไม่ได้คิดว่ามันจะเป็นเรื่องสำคัญ แต่สิ่งที่ออกมาจากปากอีกฝ่ายก็ทำให้ผมตัวชาวาบ “มีหมอคนนึงเข้ามาคุยกับป้า เขาไม่ผิดหรอกนะที่มาบอกพฤติกรรมแย่ๆของลูกสาวป้าให้ฟัง ป้าเลยรู้ทุกอย่าง แล้วหมอเขาก็บอกด้วยว่าลูกป้าจะแย่งหมอกรีนมาจากแฟนของหมอ.....ป้าขอโทษแทนยัยแพรด้วยนะหมอ...” แฟนของผม? “ป้า...ป้ารู้มั้ยครับว่าหมอคนนั้นชื่ออะไร?” “รู้สึกว่าจะชื่อนับ....นับเงินจ้ะ”“แพร....ยัยนั่น...” “ปุย....เปล่าหรอกพี่กรีน งั้นพี่กรีนกลับไปก่อนเลยละกัน ปุยขอไปหานับก่อน” ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้.....? ตอบพี่หน่อยสิ......ปุย
เรื่องของพี่ชายปุยชื่อ อะไร จำไม่ได้ หาไม่เจอว่าจะอ่านต่อ ไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้
เรื่องของพี่ชายปุยชื่อ อะไร จำไม่ได้ หาไม่เจอว่าจะอ่านต่อ ไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้ พี่ชายของปุยชื่อขนมผิงค่ะ ชื่อเรื่องก็นี่เลย-[เรื่องสั้น...มั้ง?]I’m a refugee. หนีน้ำมาเจอรัก http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,30225.msg1745784.html#msg1745784 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,30225.msg1745784.html#msg1745784) ตามไปอ่านได้เลยค่ะ :-[
หมอกรีน ดีเกินอีกแล้ว...เคือง เคือง จัดน้อยไปด้วย....คนเราทำอะไร ย่อมต้องรับผลการกระทำนั้นด้วย +1+เป็ด
สุดยอดอะ เล่นเอาดังทั้งโรงพยาบาลเลย
หวังว่าคงไม่เข้าข้างผู้หญิงคนนั้น ถ้าใช่ก็เลิกแม่งเหอะ ! . รู้สึกค้างมากๆครับ
หมอกรีน จะเข้าข้างใคร เอาดีๆนะ ถ้าเลือกเข้าข้างยัยแพรละก็ แยกกกกก... :angry2: เลิกเลยปุย แพร...กรรมตามสนองหล่อนแล้ว โทษฐานที่คิดว่าตัวหล่อนแน่ ฮึ :beat:
ถ้ากรีนเข้าข้างนังอสรพิษ เชียร์ปุยให้เลิก คงไม่เห็นคนที่คิดจะทำลายครอบครัวตัวเองมากกว่าเมียตัวเองหรอกนะ ไม่เข้าใจว่าจะเป็นสุภาพบุรุษกับคนไม่คู่ควรทำไม บ้ารึเปล่า??
ชาตินี้ตอนพิเศษจะจบมั้ยเนี่ย :sad4: ป.ล.กระแสเกลียดพี่กรีนรุนแรงมาก ขอขอบคุณแทนน้องปุยละกันนะคะ :laugh: ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- “นับ มันไม่เกินไปหน่อยใช่มั้ย?” ผมคนกาแฟในแก้วตรงหน้าอย่างไม่แน่ใจ วันนี้ทั้งวันที่โรงพยาบาลคงวุ่นวายมากแน่ๆจากแผนการของนับ...ที่มีผู้สมคบคิดเกือบครึ่งของพวกพยาบาล=___= มันเป็นอารมณ์ชั่ววูบของผมที่คิดทำอย่างนั้นลงไป ยอมรับนะว่าผมสะใจ.....แต่ก็รู้สึกผิด.....มาก “งั้นพี่ปุยลองคิดถึงตอนที่ยัยนั่นมาพูดหน้าด้านๆกับพี่สิว่าจะแย่งพี่กรีนมา แค่นี้ยังน้อยไปด้วยซ้ำ” นับเบะปาก วันนี้หมอนี่ลางานครึ่งวันเพื่อมานั่งคุยกับผมโดยเฉพาะ=_= โว้ยยยย!!!ผมไม่รู้จริงๆนะว่าควรจะรู้สึกยังไงกันแน่ ผมควรจะสะใจสิจริงมั้ย มันเป็นสิทธิ์ของผมอยู่แล้วในเมื่อยัยนั่นคิดจะแย่งพี่กรีนหน้าด้านๆ โดนอย่างนี้ก็สมควรแล้ว อีกอย่างมันไม่ใช่แค่พี่กรีนที่ยัยนั่นอ่อยแต่รวมถึงหมออีกหลายๆคนในนั้นด้วย รูปที่เอาไปประจานนี่ยังน้อย แพรทำตัวอย่างนั้นเอง...ช่วยไม่ได้... มันก็สมควรแล้ว... ..จริงๆน่ะเหรอ?... นั่นมันอาชีพของคนทั้งคนเลยนะ ผมทำลายชื่อเสียงและศักดิ์ศรีของผู้หญิงคนนึงลงง่ายๆด้วยเหตุผลที่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะมาแย่งแฟนผม โอเค ผมยอมรับว่าผมร้ายที่สะใจโคตรๆกับสิ่งที่ทำลงไป แต่ในความยินดีนั้นมันก็เจือความร้สึกผิดอยู่ แล้วผมจะดูเลวไปกว่านี้หรือเปล่า....ถ้าจะบอกว่าต่อให้ย้อนเวลากลับไปได้.... .....ผมก็จะทำแบบเดิม“อะไรของนายน่ะ? ผู้หญิงคนนั้นมันก็สมควรโดนแล้ว!” “พลอย!!! นี่เธอเป็นคนอย่างนี้เหรอ?!! นั่นมันชีวิตของคนคนนึงเลยนะ!!” “แต่ยัยนั่นจะสาดน้ำกรดใส่ฉันนะภาค!!” “งั้นเธอก็ต้องแก้แค้นด้วยการปล่อยคลิปสกปรกๆนั่นเหรอ?!!! เธอเป็นผู้หญิงเหมือนกันก็น่าจะรู้ว่ามันน่าอายแค่ไหน!” “.....ฉัน...... ผมชะงักนิ้ว พิมพ์ต่อไม่ออก ความเครียดแล่นปราดจนสมองตื้อไปหมด หันไปมองนาฬิกาก็พบว่าตอนนี้5ทุ่มกว่าๆแล้ว พี่กรีนน่าจะแลกเวรกับใครซักคนถึงยังไม่กลับ หรือไม่ก็กลับแล้วแต่ผมไม่รู้ มองไปที่มือถือก็พบว่ายังคงเงียบสนิท ผมถอนหายใจก่อนตัดสินใจลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องทำงานไปที่ครัวเพื่อหาน้ำเย็นๆกินกระตุ้นประสาท วันนี้สมองผมล้าเต็มทน ทั้งนิยาย.....และเรื่องของแพร..... “.....ยัยนั่นอาจจะถูกไล่ออกแหละพี่ปุย พี่ซันบอกว่าท่าจะรอดยาก.....” คำพูดของนับที่โทรมาช่วงหัวค่ำลอยเข้ามาในหัว ผมยืนพิงเคาน์เตอร์ครัว หลับตาแล้วนวดหัวเบาๆให้ผ่อนจากความเครียด ตกลงว่าผมทำผิด.....ใช่มั้ย? “ยังไม่นอนเหรอปุย?” เสียงเรียบๆทักขึ้นจากด้านหลังทำให้ผมสะดุ้งทันที เมื่อผมหันไปก็พบพี่กรีนยืนอยู่ ท่าทางเหนื่อยมาก “ก็....ก็ปุยทำงานอยู่ แล้ว....พี่กรีนเป็นไงบ้าง? เหนื่อยมั้ย?” ผมอ้อมแอ้มถามขณะที่อีกฝ่ายทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ผมจึงรีบรินน้ำให้ทันทีซึ่งพี่กรีนก็ยกขึ้นจิบเล็กน้อย “เหนื่อย......” ดวงตาสีดำสนิทช้อนขึ้นมองผมแปลกๆ “วันนี้ที่โรงพยาบาลมีเรื่อง” .....เรื่อง.....แพรสินะ.... “เรื่องอะไรเหรอพี่กรีน?” ผมแกล้งถามต่อตามปกติขณะเทน้ำให้ตัวเองบ้าง พี่กรีนยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อเมื่อเห็นผมดื่มน้ำหมดแก้วแล้ว เสียงเรียบที่ทำให้ผมชะงัก“ปุยก็น่าจะรู้อยู่” . . . “....พี่กรีน...” “สนุกมั้ยปุยที่ได้ทำลายอาชีพคนอื่น? ทำไมล่ะปุย? พี่ไม่เข้าใจว่าปุยเกลียดแพรขนาดนั้นเลยเหรอ? โอเค แพรอาจจะผิดก็จริงที่เข้ามายุ่งกับพี่แต่ปุยไม่เชื่อใจเลยเหรอไงว่าพี่รักปุยและไม่มีวันมองคนอื่น ปุยทำอย่างนี้มันอาจจะสาสมกับสิ่งที่แพรทำลงไป แต่ปุยคิดบ้างมั้ยว่าแพรเค้าจะมีชีวิตอยู่ในสังคมยังไงต่อจากนี้ ถ้าไม่โดนไล่ออกก็ต้องโดนคนทั้งโรงพยาบาลประณามจนสุดท้ายก็คงต้องลากออกเองอยู่ดี.....” “...........” “พี่ไม่คิดเลยนะว่าปุยจะเป็นคนแบบนี้” . . .“แล้วพี่คิดว่าปุยเป็นคนแบบไหนล่ะ?” ผมเม้มริมฝีปากแน่น ขอบตาร้อนผ่าวเหมือนจะร้องไห้ออกมาได้ทุกเมื่อ เจ็บร้าวในอกเหมือนถูกขยี้หัวใจจนแหลก เจ็บยิ่งกว่าทุกครั้งที่ทะเลาะกัน.... คนแบบนี้? คนแบบนี้คือคนแบบที่พี่กรีนคิดว่าจะไม่มีทางรักใช่มั้ย?.... “ที่แน่ๆพี่ไม่คิดว่าปุยจะเล่นสกปรกขนาดนี้...” พี่กรีนยังคงนิ่งเหมือนเดิมแต่แววตากลับมองผมอย่างทิ่มแทงจนผมอยากจะหายไปจากตรงนั้น ถ้าให้ดี....ก็หายไปจากโลกนี้เลย แต่สิ่งที่ผมกลับแค่ฝืนแค่นยิ้มทั้งๆที่เล็บจิกลงไปบนอุ้งมือตัวเองเต็มแรง ได้....ผมเลวสินะ ผมเลวที่เก็บทุกอย่างไว้กับตัวเอง ผมเลวที่เกลียดนังมารร้ายแพรนั่นสุดหัวใจ ผมเลวที่เลือกที่จะจัดการปัญหาเอง.... ....และผมเลว....ที่ดันเป็นคนแบบนี้! “งั้นแปลว่าปุยต้องรอยัยนั่นมาเล่นสกปรกใส่ก่อนใช่มั้ยถึงจะมีสิทธิ์เอาคืน? หรือปุยต้องรอจนถึงวันที่ยัยนั่นแย่งพี่กรีนไปได้เลย?” “ปุย....” “หึ....คนแบบนี้? ปุยก็เป็นคนแบบนี้แหละพี่กรีน เป็นคนที่มีลูกไม่ได้แต่บังเอิญมีแฟนที่อยากมีลูกมาก แล้วก็ดันมีชะนีที่ไหนไม่รู้ประกาศตัวว่าจะแย่งแฟนตัวเองไปให้ได้ ด้วยเหตุผลง่ายๆว่ายัยนั่นมีลูกได้...เหอะ รู้มั้ยว่าปุยไม่แคร์หรอกนะ..แต่ปุยแคร์พี่กรีนต่างหาก” “......” “...ในเมื่อปุยมันมีลูกไม่ได้แถมยังสันดานแย่.....ก็เชิญพี่กรีนไปหาคนที่มีลูกได้ละกัน!”
ค้างอีกแล้วววว
ขอบคุณมากครับมาต่อให้แล้ว . ถามครับ ทำไมไม่แต่งและลงให้เรื่องตอนพิเศษให้เคลียร์เลยล่่ะครับ ใกล้ปลายปีแล้วไม่อยากอ่านอะไรค้างๆคาๆเลยครับ
ค้างกว่าเดิม
เง่อ มาทะเลาะกันเองซะแระ แล้วจะเป็นงัยต่ออะเนี้ย
ค้างสุดๆๆๆๆ :serius2: :serius2: +1
ใช่แล้วปุย มันสาสมกับแพรแล้วล่ะ พี่กรีน แย่มาก :beat: :beat: :beat: :beat: เลิกกับคนเลวแล้ว ดีใจมั้ยละพี่กรีน ฮึ :fire: :fire:
เอาจริงๆนะ ต่อให้ปุยไม่ทำ สักวันมันก็ต้องมีใครสักคนทำเหอะ ในเมื่อเขาทำตำหนิให้ตัวเองด้วยตัวเอง แล้วพยามปกปิดเอาไว้ การที่อยู่ๆมันจะถูกเปิดเผยออกมามันก็เป็นเรื่องธรรมดา แพรทำตัวเองนะงานนี้ ไม่ใช่ปุยทำหรอก ไอ้รูปที่จูบก็ไม่ใช่ว่าไปบังคับให้จูบไม่ใช่เหรอ แล้วทั้งๆที่อ่อยหมอกรีนอยู่แต่ก็ยังจะไปจูบกับหมอคนอื่นที่เขามีเมียแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำชั่วเองชัดๆ ปุยผิดตรงไหน ในเมื่อผู้หญิงคนนี้พยามจะทำลายชีวิตคู่ของปุย ปุยทำลายแค่อาชีพเขาแล้วมันผิดตรงไหน หมอกรีนเห็นมนุษยธรรมสำคัญกว่าคนที่รักได้ขนาดนั้นเลย? หรือเพราะเป็นหมอ? ถ้าเห็นมนุษยธรรมสำคัญกว่าจริงๆก็ช่วยย้อนกลับไปนึกด้วยเถอะว่าผู้หญิงที่หน้าด้านขนาดอ่อยคนมีเมียแล้ว แถมยังประกาศต่อหน้าเมียเขาตรงๆ นี่มันยังพอเห็นมาตรฐานของสังคมมีค่าอยู่บ้างมั้ย แล้วจะไปสนใจอะไรในเมื่อเธอถูกเขี่ยออกจากสังคมเพราะความตกมาตรฐานของเธอเอง เคืองหมอกรีนวุ้ย เป็นหมออย่ามาทำตัวโง่กับเรื่องโง่ๆ!! ถ้าอยากจะเป็นคนดีแต่เป็นคนดีที่ไม่ฉลาด ชาตินี้ทั้งชาติมันก็ได้แต่คิดว่าตัวเองทำสิ่งดีทั้งๆที่จริงๆแล้วมันไม่ใช่เลยนั่นแหละ!!! ก็เป็นได้แค่คนโง่ที่กำลังหลอกตัวเองว่าทำสิ่งที่ถูกต้องเพื่อปกปิดการตัดสินใจโง่ๆที่จะทำให้ต้องเสียใจก็เท่านั้นแหละ!!!!!! ตอนหน้าถ้ากรีนยังมีหน้าติปุยอีกสักคำเดียวก็เอาเครื่องสูบน้ำเขวี้ยงใส่มันให้โคม่าเลยเหอะ=^=
มันค้างง่ะ มาต่อเลยน๊า
ขอบคุณมากครับมาต่อให้แล้ว . ถามครับ ทำไมไม่แต่งและลงให้เรื่องตอนพิเศษให้เคลียร์เลยล่่ะครับ ใกล้ปลายปีแล้วไม่อยากอ่านอะไรค้างๆคาๆเลยครับ เช่นกันค่ะ ใกล้ปลายปีแล้วคนแต่งก็ไม่อยากให้มันค้างคาเหมือนกัน :z3: ขอโทษจริงๆนะคะ แต่มันไม่ว่างเลยง่ะ :o12: ------cotone----- ชอบเม้นคุณcotoneจัง วิเคราะห์ดีมาก ขำตรงเครื่องสูบน้ำ :laugh:
เอาจริงๆนะ ต่อให้ปุยไม่ทำ สักวันมันก็ต้องมีใครสักคนทำเหอะ ในเมื่อเขาทำตำหนิให้ตัวเองด้วยตัวเอง แล้วพยามปกปิดเอาไว้ การที่อยู่ๆมันจะถูกเปิดเผยออกมามันก็เป็นเรื่องธรรมดา แพรทำตัวเองนะงานนี้ ไม่ใช่ปุยทำหรอก ไอ้รูปที่จูบก็ไม่ใช่ว่าไปบังคับให้จูบไม่ใช่เหรอ แล้วทั้งๆที่อ่อยหมอกรีนอยู่แต่ก็ยังจะไปจูบกับหมอคนอื่นที่เขามีเมียแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำชั่วเองชัดๆ ปุยผิดตรงไหน ในเมื่อผู้หญิงคนนี้พยามจะทำลายชีวิตคู่ของปุย ปุยทำลายแค่อาชีพเขาแล้วมันผิดตรงไหน หมอกรีนเห็นมนุษยธรรมสำคัญกว่าคนที่รักได้ขนาดนั้นเลย? หรือเพราะเป็นหมอ? ถ้าเห็นมนุษยธรรมสำคัญกว่าจริงๆก็ช่วยย้อนกลับไปนึกด้วยเถอะว่าผู้หญิงที่หน้าด้านขนาดอ่อยคนมีเมียแล้ว แถมยังประกาศต่อหน้าเมียเขาตรงๆ นี่มันยังพอเห็นมาตรฐานของสังคมมีค่าอยู่บ้างมั้ย แล้วจะไปสนใจอะไรในเมื่อเธอถูกเขี่ยออกจากสังคมเพราะความตกมาตรฐานของเธอเอง เคืองหมอกรีนวุ้ย เป็นหมออย่ามาทำตัวโง่กับเรื่องโง่ๆ!! ถ้าอยากจะเป็นคนดีแต่เป็นคนดีที่ไม่ฉลาด ชาตินี้ทั้งชาติมันก็ได้แต่คิดว่าตัวเองทำสิ่งดีทั้งๆที่จริงๆแล้วมันไม่ใช่เลยนั่นแหละ!!! ก็เป็นได้แค่คนโง่ที่กำลังหลอกตัวเองว่าทำสิ่งที่ถูกต้องเพื่อปกปิดการตัดสินใจโง่ๆที่จะทำให้ต้องเสียใจก็เท่านั้นแหละ!!!!!! ตอนหน้าถ้ากรีนยังมีหน้าติปุยอีกสักคำเดียวก็เอาเครื่องสูบน้ำเขวี้ยงใส่มันให้โคม่าเลยเหอะ=^= ^ ชอบ ชอบ ขอบคุณตรงใจมาก :laugh: +เป็ด
จะจบแล้ววววว :mc4: :mc4: :mc4: ------------------------------------------------------------------------------------------- Pui’s Part “นี่ตกลงว่าปุยผิดเหรอเฮียบวก? ปุยผิดเหรอที่รักพี่กรีนและก็ไม่อยากให้ใครที่ไหนมายุ่ง ปุยผิดใช่มั้ย?!!” ผมจิกทึ้งหมอนในมืออย่างระบายอารมณ์โดยที่มีเฮียบวกนั่งอยู่ข้างๆ พี่บวกชวนผมมาที่บ้านแหละ บ้านพี่บวกนะไม่ใช่บ้านเฮียผิง สองคนนี้ยังไม่ได้อยู่ด้วยกันอย่างเป็นทางการ=___= แต่ประเด็นก็คือ....ผมอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว!! พอทะเลาะกันยังไม่ทันจะจบดีพี่กรีนก็เดินหนี ผมเลยประชดขับรถมาที่นี่แม่งเลย ตอนแรกก็ไม่ได้กะมาที่นี่หรอก แต่บังเอิญตอนนั้นเฮียบวกโทรมาพอดีผมเลยได้ที่หลบซ่อนซะงั้น-_- พี่กรีนก็โทรมานะ แต่แน่นอนว่าผมไม่มีทางรับแน่ กร๊าซซซ!!!! ถ้าถามว่าผมเสียใจมั้ย มันก็แค่ตอนนั้นแหละ แต่หลังจากนั้นสิ่งเดียวที่ผมรู้สึกคือโกรธ โกรธมาก โกรธที่สุด! โกรธที่พี่กรีนพูดอย่างนั้น โกรธที่พี่กรีนเข้าข้างแพร โอเค ผมมันแพ้แล้วพาล ผมยอมรับผมมันชั่ว แต่พี่กรีนจะลองคิดหน่อยได้มั้ยว่าทำไมผมอย่างนั้นลงไปถ้าไม่ใช่เพราะว่าผมรัก ถ้าไม่ใช่เพราะว่ารักมาก มากจนเสียให้ใครไปไม่ได้.... ถ้าไม่รัก...ผมจะทำอย่างนั้นทำไม? “ปุยไม่ผิดหรอก ใครจะอยากโดนแย่งแฟน..”เฮียบวกพูดเรื่อยๆทำให้ผมเสริมทันที “ใช่มั้ยล่ะ...?” “แต่ปุยก็ต้องลองคิดในแง่ของกรีนด้วยนะ” “....ฮะ?” ดวงตาสีฟ้ามองตรงมายังผม ขณะที่ผมยังคงงง แง่ของพี่กรีน?อะไร?... “เฮียบวก....?” “ก็แง่ของกรีนไง ปุยลองคิดดูสิว่าถ้าปุยเป็นกรีน ปุยจะรู้สึกยังไงถ้าแฟนของปุยมาทำอย่างนี้” “ที่แน่ๆปุยคงไม่พูดอย่างพี่กรีน.....” “ปุยไม่รู้เหรอว่าที่กรีนทำไม่ใช่เพราะห่วงแพรนะ.....แต่เพราะห่วงปุยต่างหาก” เหมือนมีสายฟ้าฟาดลงโครมใหญ่ทันทีที่จบประโยคของเฮียบวก ผมมองคนตรงหน้าอย่างนิ่งอึ้ง หมายความว่าไง? เพราะห่วงผมเนี่ยนะถึงพูดแบบนั้น?!... เพราะห่วงผมเนี่ยนะ?!!! “อย่ามาขำเหอะเฮีย....” ผมหัวเราะฝืดเฝื่อนแต่เฮียบวกกลับทำหน้าจริงจัง “เฮียไม่ได้เล่นมุกซักหน่อย เพราะห่วงน่ะแหละถึงทำอย่างนั้น ฟังนะปุย ปุยไม่ผิดก็จริงแต่ถ้าคนนอกที่เขาไม่รู้ตื้นลึกหนาบางอะไรมารู้เรื่องก็ต้องคิดว่าปุยผิดอยู่แล้ว กรีนเขาห่วงปุยนะ รู้มั้ยว่าทำอย่างนี้ถ้าแพรรู้เขาไปแจ้งความได้ข้อหาหมิ่นประมาท เอาเรื่องของเขาไปประจานทำให้เสียชื่อเสียง กรีนคงรู้....ลึกๆกรีนไม่ได้โกรธปุยหรอก.....” “........” “กรีนน่ะแค่สงสารแพร แต่กรีนรักปุย ไม่ใช่แพร” Green’s Part “ไอ้ควาย!!!! มึงไปพูดอย่างนั้นทำไมวะ?!!!” ไอ้พีทแทบจะตบหัวผมคว่ำเมื่อได้ฟังการทะเลาะกันของผมกับปุยเมื่อคืน มันรุนแรงมากผมรู้ แถมอยู่ๆปุยก็ขับรถออกไปจากบ้าน โทรไปก็ไม่รับอีก ผมต่อสายถึงเฮียผิงทั้งคืนถึงพึ่งรู้ว่าปุยไปอยู่บ้านบวก และที่แน่ๆ...ไม่ยอมกลับง่ายๆแน่ ที่ผมพูดอย่างนั้นไป ผมไม่ได้ตั้งใจจะว่าปุยเลยนะ แต่ตอนนั้นผมแค่ห่วงปุย แล้วเรื่องมันก็รุมเร้าทั้งวันจนไม่รู้จะคิดยังไงต่อ ถ้าปุยโดนจับได้มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆเลยนะ!!! แต่ไม่ว่ายังไง.....วิธีที่ผมพูดมันก็คงแรงไปหน่อย.... “ก็กุเครียดนี่หว่า มึงลองคิดดูดิ ถ้าจู่ๆแฟนมึงก็ไปมีส่วนในการประจานผู้หญิงคนนึงเฉย แถมผู้หญิงคนนั้นยังเป็นพยาบาลที่อยู่แผนกเดียวกันกับมึงอีก มึงจะเครียดมั้ย!” “เครียดแค่ไหนกุก็ไม่พูดอย่างนั้นหรอกไอ้โง่!!! เป็นหมอซะเปล่ามึงไม่คิดบ้างเลยเหรอไงวะว่าปุยจะรู้สึกยังไง สัส รอดน้ำท่วมมาได้เสือกมาทะเลาะกันเรื่องโง่ๆอีก”ไอ้พีทบ่นขณะที่ผมถอนหายใจอย่างไม่รู้จะทำยังไง ผมจะมีหน้าไปง้อปุยเหรอไงเนี่ยยยย โว้ยยยย!!! “กุไม่ได้ตั้งใจ.....” ผมบ่นพึมพำย้ำกับตัวเองและย้ำกับคนตรงหน้า ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆนะ…. “ปุยคงเชื่อมึงหรอก” ไอ้พีทว่าขณะเกาที่บริเวณต้นคอ ผมจึงดึงมือมันออกทันทีตามประสาหมอที่ดี “คันเชี่ยไรวะ? ให้กุดูให้ป่ะ?” “คันหูมั้งสาสสสส!! มึงไม่ต้องยุ่งหรอก-_-” มันปัดมือผมออกอีกที ทำอย่างนี้ผมก็ยิ่งอยากรู้สิครับ=___= คันอะไรวะ?! “ไอ้พีท มาให้กุดูเลยมึง” ผมลุกขึ้นจากหลังโต๊ะแล้วเดินไปหาคนที่นั่งอีกฝั่ง ขณะนี้พวกเราอยู่ในห้องทำงานของผมดังนั้นพวกพยาบาลก็พอจะรู้อยู่แล้วว่าห้ามกวน ไอ้พีทขยับจะหนีทันทีที่เห็นผมเดินไป “เฮ้ยยยย กุไม่เป็นไร!!” “ไม่เป็นไรก็ให้กุดูหน่อยดิ!! มึงมีความลับกับเพื่อนเหรอไง?” ผมจะคว้าคอเสื้อมันไว้แต่ไอ้เพื่อนเวรกลับหลบไปอีกทางผมเลยคว้าเสื้อกาวน์ไว้ ไปๆมาๆก็ลงไปกองที่พื้นทั้งคู่ ไอ้พีทโวยวายขณะที่ผมชักจะบ้ากับการกระชากเสื้อดูรอยของมันสุดๆ เป็นคุณคุณจะคาใจมั้ยล่ะถ้าอยากรู้แล้วไม่ได้รู้น่ะ! “ไอ้สัส ให้กุดูตั้งแต่แรกก็จบ” ในที่สุดผมก็ขึ้นคร่อมมันสำเร็จ รู้สึกเหมือนได้รางวัลโนเบล5555 ผมจับแขนทั้งสองข้างมันไว้ก่อนจะก้มลงดูรอยแดงๆที่ซอกคอคนตรงหน้าโดยที่เจ้าตัวได้แต่ทำหน้าบึ้ง “เชี่ยไรของมึงเนี่ยกรีน อกหักแล้วมาแกล้งกุเหรอไง?!” “อกหักพ่อมึงสิ! แค่รอยยุงกัดนี่หว่า.....” “ก็ใช่ไง.....” ครืด....! “....พี่กรีน....” เสียงเลื่อนประตูดังขึ้นพร้อมเสียงที่กระตุกให้ใจผมหายวาบไปที่พื้น ผมค่อยๆเงยหน้าขึ้นก็พบเจ้าของใบหน้าน่ารักที่ผมรักนักรักหนามองมาทางผม ดวงตากลมโตเบิกกว้าง ชิบหายแล้ว.... ปุย!!! “ปุย.....” “ทำไมพี่กรีนทำแบบนี้?!! เบื่อปุยแล้วใช่มั้ยถึงต้องมาหาพี่พีทน่ะ!!!” ผมยังไม่ทันจะแก้ไขความเข้าใจปุยก็สะบัดหน้าแล้วก้าวขาออกไปทันทีทำให้ผมรีบลุกแล้วตามออกไป โว้ยย แม่ง สภาพผมกับไอ้พีทก็ส่อจริงๆน่ะแหละ แต่มันไม่ใช่อย่างนั้นนะ!! ผมวิ่งตามออกมาก็พบว่าปุยเดินจนแทบจะออกจากโรงพยาบาลแล้ว ผมคว้าแขนเรียวนั่นไว้ทันที ไม่สนแล้วว่าใครจะมองยังไง “ปุย! ฟังพี่ก่อนนะ นะปุย” “ฟังอะไร? ที่พี่ว่าปุยเมื่อวานเพราะปุยรักคนอื่นแล้วใช่มั้ย?! พี่กรีนทำอย่างนี้กับปุยได้ไง?!” ปุยแทบจะร้องไห้แต่เห็นได้ชัดว่าคงโกรธมากกว่า ไม่จริงนะ....มันไม่ใช่อย่างนั้นซักหน่อย! “ปุย พี่ขอโทษ เรื่องเมื่อวานพี่ไม่ได้ตั้งใจ เมื่อกี๊มันก็ไม่ใช่อย่างที่ปุยคิดนะ ฟังพี่เถอะนะปุย” ผมขอร้องจนแทบจะเป็นวิงวอน ปุยหลบสายตาผมก่อนจะค่อยๆบิดแขนออกจากการเกาะกุม วินาทีนั้นเองที่ผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะตายลงไปตรงนั้น.... “เราค่อยคุยกันทีหลังเถอะนะพี่กรีน” โดนคนอ่านตบ :beat: :beat:มันใกล้จะจบแล้วแน่เหรอออออ :m31:
อัยย๊ะ พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก อิอิ
เรื่องเก่ายังไม่ทันเคลียร์เลย นี่มีเรื่องใหม่เข้ามาอีกแล้ว เฮ้อ! :เฮ้อ:
เหอเหอเหอ คู่นี้มันจะไปรอดไหม มีแต่เรื่อง
.....ตอนพิเศษมันจะจบจริงอะ???? นิยายมากเลยฉากนี้ เอ๊ะ แต่นี่มันก็นิยายนี่เนอะ?5555 รอตอนต่อไปค่ะๆ ปล.ที่เม้นตอนที่แล้วนี่เคืองมากเลยนะขอบอก ก็หมอกรีนพูดจาแบบนั้นนี่นา ดูมุมไหนมันก็เหมือนไดอาล็อกพระเอกละครโง่ๆซื่อๆชัดๆ!!><
มีเรื่องมาเพิ่มอีกแล้วพี่กรีน ของเดิมยังไม่ทันเคลีย ของใหม่มาจ่อก้นอีกเรื่องซะและ
โง่
อีดอัด --- :seng2ped: น้องปุยงอนนานๆๆๆ ให้สำนึก
ค้างงงง ปุยดันมาเจอซะนี่
.....ตอนพิเศษมันจะจบจริงอะ???? นิยายมากเลยฉากนี้ เอ๊ะ แต่นี่มันก็นิยายนี่เนอะ?5555 รอตอนต่อไปค่ะๆ ปล.ที่เม้นตอนที่แล้วนี่เคืองมากเลยนะขอบอก ก็หมอกรีนพูดจาแบบนั้นนี่นา ดูมุมไหนมันก็เหมือนไดอาล็อกพระเอกละครโง่ๆซื่อๆชัดๆ!!>< กร๊ากกก :laugh: ยอมรับค่ะว่านี่มันนิยาย555 หมอกรีนเปล่าโง่นะ แค่เป็นคนดีและสื่อสารไม่เก่ง(เหรอ? :z3:)เพราะพี่กรีนเชื่อมั่นในตัวเองมากกว่าว่าไม่มีทางเปลี่ยนใจจากปุยเลยไม่โกรธเคืองแพรเท่าที่เป็น อโหสิกันละกันนะคะ :กอด1:(จบง่ายไปมั้ยยัยนี่ :beat:) ประเด็นของปุยกับพี่กรีน....คงง้อกันยากล่ะค่ะ แต่คงจบก่อนปีใหม่แน่ๆ ไม่กล้าดองนาน55 แต่คุณcotoneเคืองได้น่ารักมาก มาเคืองในนิยายคนแต่งบ่อยๆนะคะ :L2: :L2:
เชียร์ปุยค่ะ :3123:
Pui’s Part“กรีนน่ะแค่สงสารแพร แต่กรีนรักปุย ไม่ใช่แพร” . . . เพราะคำพูดนั้นของเฮียบวกแหละครับที่ทำให้ผมมายืนอยู่ในโรงพยาบาลตอนนี้ ผมตั้งใจจะมาขอโทษ......ขอโทษพี่กรีนนะไม่ใช่ยัยแพร-_-+ กรณีนั้นผมมั่นใจว่าผมไม่ผิด แต่กับพี่กรีนผมผิดที่....ทำอะไรโดยพลการล่ะมั้ง ถึงผมจะรู้ก็เถอะว่าไม่มีใครสืบได้แน่ว่าใครเป็นคนทำเพราะผู้ต้องสงสัยคงมีเป็นสิบ แต่ถึงยังไงมันก็เสี่ยงต่องานของพี่กรีนอยู่ดี โอเค ผมคิดได้แล้ว....งั้น.... “หมอกรีนคุยกับหมอพีทอยู่ในห้องค่ะ ให้พี่ไปตามให้มั้ย?” ผมยิ้มค้าง อ้าว ไม่ว่างซะงั้น-*- ผมแค่ส่งยิ้มให้พี่รันแล้วบอกว่าจะนั่งรอเองซึ่งอีกฝ่ายก็ตกลงแล้วเดินไปทำงานต่อ ผมทรุดตัวลงนั่งที่หน้าห้องพี่กรีน หัวก็คิดอะไรวุ่นวายไปตามประสานักเขียนที่ดี(?!) แต่สิ่งที่คิดย้ำๆคือคำพูดที่ควรจะพูดออกไปกับพี่กรีน ผมไม่รู้ว่าพี่กรีนโกรธแค่ไหนหรือไม่พอใจแค่ไหน.....แต่มันก็น่าจะยากพอดู... ตุบ! “เฮ้ย.....!!” เสียงโวยวายดังลอดออกมาเบาๆจากในห้องทำให้ผมสะดุ้งทันที มันเกิดอะไรขึ้นในห้องเนี่ย?=__= ผมลุกขึ้น มองซ้ายมองขวาพอเห็นว่าปลอดคนจึงกล้าเอาหูไปแนบประตู เสียงข้างในมันก็ยังจับไม่ได้ศัพท์อยู่ดี แต่ที่จับใจความได้ก็อะไรอกหักๆ........? โอเค ผมอยากรู้แล้วว่าในห้องมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่....!! ไวเท่าความคิด ผมออกแรงดึงประตูออก....เพื่อจะพบกับภาพที่ทำให้ทุกอย่างดิ่งวูบลงพื้น... ครืด....! “....พี่กรีน....” ผมก้มลงซุกหน้าลงกับหมอน ปล่อยให้น้ำตามันไหลจนชุ่มปลอกผ้า ให้มันไหลอย่างนั้นจนกว่าจะพอใจ ความรู้สึกเจ็บจี๊ดในอกยังคงไม่บรรเทาลงไปและภาพนั้นมันก็ยังคงติดตา เปล่า.....ผมไม่ได้โกรธพี่กรีนขนาดนั้น เพราะมันอาจจะเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดก็ได้ แต่เพราะความรู้สึกผมมันไม่มั่นคงอยู่แล้ว....ยิ่งมาเจอภาพอย่างนี้มันก็ไม่ยากเลยที่จะโอนเอนไปทางไม่เชื่อ แม้จะรู้ดีอยู่ลึกๆก็เถอะ ตอนนี้ผมแค่อยากอยู่คนเดียว....แค่อยากอยู่คนเดียวซักพักจนกว่าอะไรๆมันจะดีขึ้น....ถึงจะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เวลานั้นมันจะมาถึงก็ตาม หลังจากร้องไห้จนสาแก่ใจผมก็พึ่งจะระลึกได้ว่าตอนนี้มันปาเข้าไปบ่าย4แล้ว บ่าย4จากเที่ยงกว่า=_= ร้องให้มันได้อะไรวะเนี่ยยยย!!!!กุปวดตา!!!!! ผมขยี้ตาอย่างเซ็งๆ ขอบอกว่าปวดตามากกกกก แถมพอเข้าห้องน้ำไปส่องกระจกมันดูจะบวมอีกต่างหาก ทำไมชีวิตผมเป็นอย่างนี้เนี่ย? ทะเลาะกับสามีไม่พอตายังมาบวมอีก กร๊าซซซ!! หมดเวลาเวิ่นเว้อ=_= ผมถอนหายใจอย่างเซ็งๆก่อนจะล้างหน้าแล้วกลับมานอนขดอยู่บนเตียง คิดว่าควรจะทำยังไงต่อ ถ้าให้ทำตัวเหมือนเดิมมองหน้ากันเหมือนเดิมผมคงทำไม่ได้จริงๆ ตอนนี้ความรู้สึกคืออยากจะหลบหน้ากันไปซักพัก......ให้ต่างคนได้คิดทบทวนทุกอย่าง.... .....ถ้าหากเราจะห่างกันซักพัก.....? Green’s Part ผมกลับบ้านมาด้วยอาการมึนหนัก วันนี้คุยกับคนป่วยแทบไม่รู้เรื่องซักราย=___= เพราะเรื่องของปุยน่ะแหละที่มันค้างคาใจ ตั้งใจว่าพอกลับมาผมจะคุยกับปุยให้รู้เรื่อง สภาพบ้านหลังน้ำท่วมที่ดูดีเหมือนใหม่ของผมโผล่เข้ามาในกรอบสายตา ภายในบ้านเปิดไฟสว่างเฉพาะที่ห้องรับแขกซึ่งผมก็เดาว่าปุยน่าจะอยู่ที่นั่น ผมคิดทบทวนคำพูดอีกครั้ง สูดลมหายใจก่อนจะก้าวเข้าไปในบ้าน หวังจะได้เจอเจ้าของใบหน้าหวานสมชื่อปุยฝ้าย แต่สิ่งที่ผมเห็นคือความว่างเปล่า.... “ปุย?” เสียงผมดังแหวกความเงียบที่น่าอึดอัด นี่มันแปลกเกินไป...ปุยอยู่ไหน? ในเมื่อปุยกลัวความมืดแล้วจะอยู่ที่อื่นในบ้านได้ไง…..? ผมเริ่มหวั่นวิตกแปลกๆ กำลังจะเดินไปหาปุยก็เหลือบไปเห็นกระดาษแผ่นนึงวางอยู่บนโต๊ะ หัวใจเต้นรัวจนเจ็บอกขณะที่หยิบขึ้นมาอ่านด้วยความลุ้น..... ......มันไม่จริงใช่มั้ย?-ถึง พี่กรีน ตอนที่พี่กรีนกลับมาปุยก็คงไม่อยู่ที่นี่แล้ว ไม่ต้องห่วงนะเดี๋ยวปุยก็คงกลับ ปุยแค่คิดว่าเราควรจะห่างกันซักพัก เปล่า ปุยไม่ได้โกรธพี่กรีน....แต่พี่กรีนคิดบ้างมั้ยว่าพักนี้มีหลายเรื่องเข้ามาในชีวิตคู่ของเราสองคน ปุยคิดว่า....มันมากเกินไป ปุยคงทำใจให้เป็นเหมือนเดิมไม่ได้เร็วขนาดนั้น เรื่องของพี่พีทปุยก็เข้าใจแล้วนะ พี่กรีนไม่ต้องค้างคาใจอะไรอีกหรอก ปุยรักพี่กรีน ถ้าปุยพร้อม....ปุยจะกลับไป จาก ปุย- . . . ครับ....ปุยจากผมไปแล้ว..... ทุกตัวอักษรในกระดาษยิ่งเน้นย้ำ ผมไม่อยากจะรับรู้สิ่งที่มันเกิดขึ้น ไม่อยากให้มันเป็นเรื่องจริง...ทำไมปุยต้องไป? รู้มั้ยว่ามันเจ็บขนาดไหน? ยิ่งคิดว่าปุยอาจจะไม่ได้กลับมาหาผมอีกแล้ว... ...ทำไมไม่ฆ่าผมไปเลยล่ะ?... นิยายมากตอนนี้5555 :laugh: จะง้อกันยังไงล่ะที่นี้ :a5:พิเศษ มาเดากันหน่อยมั้ยว่าปุยหนีไปไหน?~ 1.กลับบ้านที่น่าน 2.ไปอยู่กับเฮียผิง 3.ไปแคนาดา 4.ไปอยู่กับบวก 5.อยู่ในกรุงเทพฯเนี่ยแหละ แต่เป็นห้องของปุยเอง 6.เชียงใหม่ รีสอร์ทพี่ไม้เจ้าเก่า ตัวเลือกเยอะ :z3: ใครเดาถูกอยากได้อะไรว่ามาเลยยยย5555 :m11:
เดาว่าไปอยู่เชียงใหม่ ฤดูหนาวแบบนี้ต้องขึ้นเหนือ ถือโอกาสไปเที่ยวงานพืชสวนโลก :laugh:
5.อยู่ในกรุงเทพฯเนี่ยแหละ แต่เป็นห้องของปุยเอง
.............?????? ......!
ไปอยู่กับบวก
ไม่รู้ว่าใครเป็นเหมือนเรารึเปล่านะคะ แต่เวลาเจอเรื่องแย่มากๆนี่แบบ ไม่อยากจะพูดถึงมันเลยจนกว่าอารมณ์จะดีขึ้น อารมณ์ประมาณหนีมันไปให้ไกลลลล555 พร้อมเมื่อไหร่แล้วจะกลับมาเอง เพราะงั้นมันเลยมาลงที่พฤติกรรมของปุยในตอนนี้(คนเขียนเก็บกด=_=) มันอาจจะดูไม่สมจริง หรือ ปุยงี่เง่าเกิ๊น หลายๆคนคงจะคิดว่าเรื่องแค่นี้.....มันจะงอนกันทำซากอะไร(นั่นสิ :z3:) แต่ในชีวิตความเป็นจริงแล้ว เรื่องเล็กๆของใครบางคนอาจจะเป็นเรื่องใหญ่มากของอีกคนก็ได้ หมอกรีนมองว่าทุกเรื่องมันเป็นเรื่องเล็ก แต่พอรวมกันมันก็กลายเป็นปัญหาใหญ่สำหรับปุย….. ยอมรับค่ะว่าแก้ตัว(กล้ามาก :z6:) อย่าพึ่งเลิกอ่านกันเลยนะพลีสสสส :o12: Pui’s Part “ปุยส่งต้นฉบับให้พี่แล้วนะ” ผมว่าขณะกดน้ำร้อนลงในแก้ว หูก็หนีบมือถือไปด้วย ก่อนจะคนๆให้ผงกาแฟเข้ากับน้ำ “อือ พี่ได้รับแล้ว แต่ทำไมรอบนี้นางเอกตายตอนจบวะ? ไหนบอกจะเขียนจบให้มันแฮปปี้บ้างไง” ผมหัวเราะเฝื่อนๆ แฮปปี้บ้าอะไร? คนเขียนเศร้ารากเลือดอยู่เนี่ย เขียนนิยายได้จบนี่ถือว่าเก่งแล้วนะ=__= “ก็นึกพล็อตได้พอดี....” “แล้วเชียงใหม่เป็นไง? สวยมั้ยวะ?” “ก็อากาศดีนะพี่ เย็นดี” ผมว่าก่อนจะซดกาแฟเข้าปากช้าๆ มองเหม่อไปทางทะเลหมอกเบื้องหน้า รีสอร์ทพี่ไม้สวยสมกับที่เฮียผิงแนะนำว่าต้องมา! ก็นะ ถ้าเป็นไปได้....ถ้าไม่ได้มาคนเดียวก็คงจะดีกว่านี้.... ผมหนีมาอยู่ที่เชียงใหม่ได้เกือบเดือนแล้ว เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ ห้ามทุกคนบอกพี่กรีนว่าผมไปไหน สิ่งเดียวที่พี่กรีนทำได้คือส่งเมล์ให้ผม....ซึ่งผมก็ไม่เคยตอบ แต่พี่กรีนก็ยังคงส่งมาทุกวันทั้งๆที่งานหมอมันก็ยุ่งขนาดนั้นผมรู้ดี ไม่ใช่ว่าผมไม่เหงาหรือหมดรักไปแล้ว ตรงกันข้าม.... .....ผมแม่งโคตรเหงาเลย ทั้งเหงา.....ทั้งรัก... แต่ไม่รู้สิ....มันยังตะขิดตะขวงใจถ้าผมจะกลับไป ผมไม่ได้คิดเรื่องศักดิ์ศรีหรอกนะ เพราะความรักมันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับศักดิ์ศรีเลย แค่ความรู้สึกบางอย่างมันยังติดอยู่ในใจลึกๆ ผมกลัวว่าถ้าผมกลับไป.....เราจะเหมือนเป็นคนแปลกหน้าต่อกัน.... ซึ่งผมรับไม่ได้....รับไม่ได้แน่ๆ.... “แล้วปุยคิดจะกลับกรุงเทพเมื่อไหร่? หมอกรีนเขามาที่สำนักพิมพ์ทุกอาทิตย์เลยนะ” ผมชะงักนิดนึงกับคำว่าหมอกรีน ช่วงนี้ผมหลีกเลี่ยงทุกอย่างที่จะเกี่ยวข้องกับพี่กรีนหมดเลย ทั้งหมอ ทั้งชื่อ ความทรงจำทุกอย่าง.....แม้แต่พยาบาล.... “เหรอ พี่กรีนจะเขียนหนังสือเหรอ....” “เปล่า เขามาถามถึงปุยต่างหาก” “....แล้วพี่ป้องว่าไง?” “พี่ก็ต้องบอกว่าไม่รู้สิ ปุย....มันจะเดือนนึงอยู่แล้วนะ นานพอแล้วสำหรับคนที่ยังรักปุยขนาดนี้....” “....ครับ” ผมเลือกที่จะไม่พูดอะไรก่อนพี่ป้องจะบอกลาสองสามคำแล้ววางไปเอง ผมถอนหายใจก่อนจะนั่งที่ระเบียงมองวิวทิวทัศน์ต่อไป ผมรู้...ว่าผมทำไม่ถูกที่หนีมา และก็ยังผิด....ที่ไม่ยอมกลับไปซักที ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผมหวังอะไรอยู่....ทะเลหมอก..... ความรู้สึกของคนที่เหมือนอยู่เหนือฟ้ามันมหัศจรรย์ดีเนอะพี่กรีน เหมือนภาพตรงหน้าไม่ใช่สถานที่บนโลก....บางแวบปุยก็เผลอคิดว่าเราอาจจะตายไปแล้ว.... แต่ยังตายไม่ได้หรอกใช่มั้ย?ในเมื่อพี่กรีนยังไม่เคยมากับปุยเลย.... ถ้าพี่กรีนต้องการจะรู้ ปุยสบายดี มันก็ผ่านมาเกือบเดือนแล้ว ดูไม่นานเลย แต่สำหรับคนที่ต้องใช้ทุกวันไปกับความสำนึกผิดมันก็ยาวนานพอๆกับคนที่รอการกลับไป ปุยรู้...และปุยก็ขอโทษ ปุยคงไม่มีอะไรจะแก้ตัว แค่ส่งอีเมล์กลับก็ล้ำเส้นตัวเองมากแล้ว บางทีปุยคงจะเมาอากาศล่ะมั้งถึงได้มานั่งเขียน ดูแลตัวเองดีๆนะพี่กรีน เข้าหน้าหนาวแล้ว ปุยดูพยากรณ์อากาศเมื่อวาน กรุงเทพฯจะหนาวพอดูเลย ถ้าพี่กรีนป่วย.....ปุยคงเป็นห่วง... คงจะได้เจอกันเร็วๆนี้ ปุย ผมกดแนบรูปแล้วคลิกส่งเป็นอันเสร็จ ขณะนี้เวลาเที่ยงคืนกว่าแต่ผมกลับนั่งเขียนอีเมล์ถึงคนที่ผมไม่เคยคิดจะเขียนกลับ คงเพราะวิวที่ดอยอ่างขางมันสวยจับใจ....สวยจนความอ้างว้างทุกอย่างมันเด่นชัด บางทีอาจจะดีก็ได้ถ้าพี่กรีนรู้ว่าผมอยู่ไหน....พี่คิดถึงปุย.... ทะเลหมอกสวยมาก บางทีเราคงจะได้ไปด้วยกันซักวัน พี่ตื่นเต้นมากที่ปุยยอมตอบกลับ เดือนนึงมันก็นานจริงๆน่ะแหละ พี่ไม่เรียกร้องให้ปุยกลับมา เพราะถ้าปุยพร้อม....ปุยก็คงกลับมาเอง แต่พี่อยากให้ปุยรู้....ว่าพี่คิดถึงปุยจริงๆ พี่ไม่เคยคิดจะโทษอะไรปุย เรื่องทั้งหมดพี่ผิดเอง ไม่ใช่ปุย อย่ารู้สึกผิด ถ้าพี่ยืนยันกับแพรชัดๆว่าพี่ไม่คิดอะไร ถ้าพี่จะแค่ทำให้ปุยมั่นใจมากกว่านี้....เราก็คงไม่กลายเป็นแบบนี้ พี่อยากจะขอโทษทุกอย่างและหวังว่าปุยจะให้โอกาสพี่อีกครั้ง ดูแลตัวเองดีๆนะ พี่คิดถึงปุย พี่กรีน ผมยิ้มบางๆก่อนจะกดปิดหน้าจอโน้ตบุ้ค ยังหรอก.....มันยังไม่ใช่เวลาที่จะตอบกลับ บางที...เราคงจะใกล้กันมากขึ้นได้ด้วยวิธีนี้.... ...เราจะได้ไม่ใช่คนแปลกหน้าต่อกัน... มีใครเดาถูกบ้างงงง???555 :laugh:
^ จิ้มทะลุหน้า 55555 เดาถูกแต่เม้นไม่ทันค่า :o12: (นี่อาศัยตรรกะว่าปุยต้องไปอยู่คนเดียว แล้วก็ต้องไปไกลๆแต่ยังเป็นที่ๆพอตามไปได้เพื่อความนิยายขั้นสุดยอดเลยนะ><)ตั้งแต่ปิดปีใหม่นี่เที่ยวทุกวัน เช้ายันเย็น คนเขียนเป็นไงบ้างคะ? นั่งปั่นนิยายอย่างเดียวหรือได้ออกไปไหนด้วยหรือเปล่า?? ไม่บอกว่าปุยงี่เง่าหรืออะไรหรอกค่ะ เรื่องบางเรื่องมันก็ต้องใช้เวลาจริงๆ หมอกรีนตื๊อใช้ได้ๆ ให้อภัยๆ55 ตอนแรกนี่แอบเชียร์ให้ปุยหนีไปแคนาดาเลยนะเนี่ย ไปสักปีสองปีให้หมอกรีนมันรู้ไปเลยว่าชีวิตที่ขาดปุยมันเป็นยังไง ปุยไม่น่ารีบใจอ่อนเล้ย :เฮ้อ: //โดนFCหมอกรีนตบ และแล้วตอนพิเศษก็ยังไม่จบ :z1: ...แต่งต่อเอาให้ถึงวันโลกแตกเลยก็ได้นะคุณคนเขียน แบบ ปุยยอมกลับมาเพราะกลัวว่าอาจจะเป็นวันสุดท้ายที่มีโอกาสได้อยู่กับหมอกรีนไรงี้ เอิ้กๆๆๆๆ (เพ้อ)
^ ^ ^ จิ้มกลับ555 :laugh: ไม่ได้ไปไหนค่ะ ปีใหม่นอนตีพุงอยู่บ้าน นั่งปั่นนิยายดั่งเช่นที่เห็นในเฮียผิงและน้องบวก :m29: กะจะให้ปุยหนีไปไกลๆเหมือนกัน แต่กลัวจะกลับมาไม่ทัน หมอกรีนเปลี่ยนใจซะงั้น(โดนตบ :beat:) ว่าแต่หมอกรีนมีfcด้วยเหรอ? :m21: อ่านแต่ละเม้นแล้วเหมือนอยากจะโยนเครื่องสูบน้ำใส่หมอกรีนกันหมดเลย555 :m20:
เวลาเดือนนึงแล้วไม่สื่อสารกันเนี่ยนะ ถ้าเราเป็นพี่กรีน คงคิดว่าปุยขอเลิกแล้วอ่ะ
กลับไปคุยกันซะให้เรียบร้อยก็สิ้นเรื่องแล้ว
เมื่อไหร่จะมีความสุขซักที
มันจะยังไงกันเนี่ยยยยย
ค้างอีกแล้ว :serius2: ฝากให้หมอกรีนกับยัยแพรคนละเครื่อง :beat: :beat:
Green’s Partพี่คิดถึงปุย.... ทะเลหมอกสวยมาก บางทีเราคงจะได้ไปด้วยกันซักวัน พี่ตื่นเต้นมากที่ปุยยอมตอบกลับ เดือนนึงมันก็นานจริงๆน่ะแหละ พี่ไม่เรียกร้องให้ปุยกลับมา เพราะถ้าปุยพร้อม....ปุยก็คงกลับมาเอง แต่พี่อยากให้ปุยรู้....ว่าพี่คิดถึงปุยจริงๆ พี่ไม่เคยคิดจะโทษอะไรปุย เรื่องทั้งหมดพี่ผิดเอง ไม่ใช่ปุย อย่ารู้สึกผิด ถ้าพี่ยืนยันกับแพรชัดๆว่าพี่ไม่คิดอะไร ถ้าพี่จะแค่ทำให้ปุยมั่นใจมากกว่านี้....เราก็คงไม่กลายเป็นแบบนี้ พี่อยากจะขอโทษทุกอย่างและหวังว่าปุยจะให้โอกาสพี่อีกครั้ง ดูแลตัวเองดีๆนะ พี่คิดถึงปุย พี่กรีน ผมกดส่งก่อนจะจิบกาแฟในมือ รู้ดีว่าปุยคงไม่ส่งกลับมาในเร็วๆนี้ ถึงจะปุยจะอยากส่ง...แต่ปุยก็คงไม่ทำตามใจตัวเองแน่... 1เดือนที่ผ่านมาผมไม่ได้กลับเข้าไปในบ้านเลย ยิ่งอยู่ก็มีแต่จะยิ่งทำให้ผมคิดถึงปุยในเมื่อทุกๆที่ในบ้านมีแต่ความทรงจำระหว่าง‘เรา’ แม้แต่เรื่องตอนน้ำท่วมยังทำให้ผมมีแต่คิดถึงมากขึ้น ผมคิดถึงใบหน้าน่ารักนั่น....ผมคิดถึงความพารานอยด์สุดๆก่อนน้ำท่วม...ผมคิดถึงเสียงใสๆที่มักจะเถียงผมอยู่เสมอ....ผมคิดถึงทุกอย่าง....ทุกอย่างที่มากจนไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ ผมแค่คิดถึงมาก มากจนรู้ตัวว่าผมรักปุยมากแค่ไหน.... และมันก็เกือบจะสายเกินไป... ความผิดของผมคือทำตัวโง่ๆอย่างนั้นออกไป ผมรู้ตัว...แต่ไม่เคยคิดว่ามันจะกระทบทุกอย่างเป็นลูกโซ่ไปหมด ผมไม่ยอมพูดกับปุยให้เข้าใจ ไม่ได้ปฏิเสธแพรอย่างจริงจัง โทษปุยเรื่องปัญหาของแพร โอเค ที่ผมควรจะทำคือแค่เงียบซะ ทำเป็นไม่รู้เรื่อง แต่ผมกลับว่าปุยออกไปอย่างนั้น.... บางทีก็สมควรแล้วที่ปุยจะหนีผมไป.... กริ๊งงงง!! เสียงโทรศัพท์ในห้องดังขึ้นปลุกผมจากภวังค์ก่อนผมจะวางแก้วกาแฟในมือแล้วเดินไปรับ “ฮัลโหล?” “หมอกรีนคะ อีก10นาทีจะถึงเวลามีทติ้งแล้วนะคะ รันโทรมาคอนเฟิร์มน่ะค่ะ เพราะตอนนี้มากันจะครบแล้วเหลือแค่หมอกรีน.....” “อ่อ....เดี๋ยวผมลงไป” ผมรับคำก่อนจะวางสายลง ตอนนี้ผมอยู่เชียงใหม่....เรามาสัมมนาพิเศษกัน ถึงผมจะไม่มีอารมณ์มาก็เถอะ อากาศดีๆไม่ได้ทำให้ความเหงาผมน้อยลงหรอกนะ ยังไงผมก็ยังคิดถึงปุย....คิดถึงปุยอยู่ดี.... “เป็นไงบ้างกรีน? ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ” ครีมยิ้มหวานให้ผมหลังจากที่ทรุดตัวลงนั่งตรงข้าม ใบหน้าหวานเปล่งปลั่งเช่นเคย.... “ได้ข่าวว่าเธอนัดฉันบ่ายสอง นี่มันบ่ายสองสี่สิบห้าแล้วนะ=_=” ผมมองอีกฝ่ายอย่างเซ็งๆขณะที่ครีมยิ้มเจื่อนๆ ช้าตลอดอ่ะ ผมนั่งรอจนกินกาแฟหมดไป6แก้วแล้วเนี่ย คืนนี้นอนไม่หลับแหง-_- “ก็แหม มันยุ่งๆนี่นา พึ่งกลับมาจากทะเลหมอกเอง พอดีไปเที่ยวกับน้องของเพื่อนไม้แล้วเพลินไปหน่อย” ผมชะงักเล็กน้อยกับคำว่าทะเลหมอก....ที่ๆปุยพึ่งไป....บังเอิญดี “มันไม่ใช่ข้ออ้างเลยนะ” “สายนิดหน่อยเอง ช่างมันเหอะ555 แล้วตกลงว่านายเป็นไง? เห็นยุ่งตลอด” ยัยนี่=___= ตัวเองเป็นคนมาสายก็พูดได้สิว่าไม่เป็นไร แต่ถึงอย่างนั้นผมก็เลือกที่จะไม่เถียงต่อเพราะยังไงก็ไม่ชนะแหงๆ ผมกับครีมเราเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันตั้งแต่สมัยมัธยม โนอินเลิฟเพราะตอนนั้นยัยนี่ออกจะห้าว ไม่เชิงทอมหรอกแต่กล้าทำสิ่งที่ผู้ชายกล้าแต่ผู้หญิงไม่อ่ะ มาแต่งงานได้ไงผมยังไม่รู้เลย=__= พอขึ้นมหา’ลัยเราก็ไปกันคนละที่ ครีมกลับมาที่เชียงใหม่ส่วนผมอยู่ที่กรุงเทพฯ ก็ห่างๆกันไปแหละครับ โทรคุยกันบ้างแต่ก็ไม่บ่อย มารู้อีกทีครีมก็แต่งงานกับเจ้าของรีสอร์ทที่ผมมาพักตอนนี้แล้ว แต่ผมก็ไม่ได้ไปงานแต่งนะ เพราะวันก่อนแต่งงานวันนึงยัยนี่ดันชวนผมไปเมา และใช่ ผมเมา ทุกคนเมา แต่ไอ้คนชวนดันไม่เมา สรุปคือรูปงานแต่งของครีมจะไร้เพื่อนเก่าเจ้าสาวไปเลย เหอะๆ=_= “ก็เป็นหมอ ไม่ยุ่งสิแปลก” “แต่ก็ได้ข่าวว่าแต่งงานแล้วนี่ คนนั้นที่นายเคยเล่าให้ฉันฟังป่ะ? เด็กเศรษฐศาสตร์คนนั้นอ่ะ” แทงใจดำมากครีม=_=!!! ผมเงียบไปทันที แต่ยังครับ ยัยนั่นยังไม่หยุด เสียงหวานๆยังคงพูดเจื้อยแจ้วต่อ “ชื่ออะไรนะ...? ปุยป่ะ? เป็นไงบ้างอ่ะ? ตอนนี้ไม่ได้มาด้วยเหรอ? น่าเสียดายเนอะตอนนี้เชียงใหม่อากาศกำลังดีเลย แล้วรักกันดีมั้ย? แต่งงานกันมากี่ปีแล้ว? ปุยน่ารักป่ะ? อยากเห็นจัง~....” “....ทะเลาะกันอยู่” “0.0!!!” ครีมปิดปากฉับขณะที่ผมถอนหายใจ ใช่ ทะเลาะกันอยู่ เป็นเรื่องที่น่าบอกเพื่อนเก่ามากเลย “ขอโทษอ่ะ ฉันไม่รู้ว่าแกกับปุยทะเลาะกันอยู่.....” “ช่างมันเหอะ” “งั้น....งั้นเย็นนี้ไปกินข้าวกันมั้ย? มีร้านนึงในเชียงใหม่เนี่ยแหละ อร่อยมากกก แล้วคุณสุนทรีจะมาร้องเพลงตั้งแต่สองทุ่มครึ่งด้วย นะ ไปเหอะ นานๆทีจะได้มากินข้าวด้วยกัน” ครีมกระพริบตาปริบๆใบหน้าอ้อนวอนจนผมต้องพยักหน้า ยังไงก็ได้ คงดีกว่าอยู่คนเดียวแล้วนึกถึงปุย.... “อ้อ....น้องของเพื่อนไม้จะไปด้วยนะ” Pui’s Part ผมเดินเรื่อยๆมาที่คอฟฟี่ช็อปในโรงแรมซึ่งเป็นที่ประจำของผมไปแล้ว การตกแต่งแนวล้านนาทำให้ร้านดูอบอุ่นน่านั่ง....น่านอนจนบางทีผมเผลอหลับ=_= ปกติผมมานั่งที่นี่แทบจะทั้งวันแต่วันนี้ผมกินมื้อเที่ยงนานไปหน่อย คิดพล็อตอีกซักพัก กว่าจะมาก็สามโมงกว่าแล้วอ่ะ=_= “อ้าว พี่ครีม?” เมื่อผมเข้ามาในร้านก็พบพี่ครีมนั่งอยู่ก่อนแล้ว ผมเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ ก็ปกติพี่ครีมมานั่งนี่ที่ไหน=_= “ปุยยยย มาๆๆๆ มานั่งด้วยกัน” พี่ครีมลากผมไปนั่งด้วยกันซึ่งผมก็ตามไปอย่างงงๆก็พบว่าที่ตรงข้ามพี่ครีมมีถ้วยกาแฟที่เหลือกาแฟติดก้นวางอยู่ แต่พี่ครีมไม่กินกาแฟนี่นา....? “เมื่อกี๊พี่ครีมนั่งกับใครเหรอ?” “อ่ออ เพื่อนสมัยมัธยมอ่ะ มันพึ่งกลับไปเมื่อกี๊เอง ที่เป็นหมอไง ปุยสนใจป่ะ? เพื่อนพี่หล่อนะ” พี่ครีมยักคิ้วซึ่งผมก็ส่ายหัวยิ้มๆ หมอ? แค่คนเดียวก็พอแล้วมั้ง.....แค่คนเดียวก็ไม่ต้องการใครอีกแล้ว.... “แหมม ไปเจอก่อนดิ เย็นนี้ไปกินข้าวกัน นะปุย ที่ร้านเฮือนสุนทรี บรรยากาศดีมากกก แล้วปุยจะชอบ” “ขอปุยคิดดูก่อนนะ...” “ถ้าปุยไม่ไปพี่โกรธจริงๆด้วย”พี่ครีมดึงแก้มผมอย่างเมามันขณะที่ผมได้แต่หัวเราะและเริ่มเจ็บแก้มTT’ ร้านอาหารงั้นเหรอ?.... คิดดูอีกทีละกัน.... จะเจอกันยังไงดีน้อออ :o8: :o8: ให้ปุยไปด้วยดีมั้ย?555
Pui’s Part “ขอโทษจริงๆนะพี่ครีม พี่ป้องโทรมาทวงต้นฉบับอ่ะ ปุยต้องปั่นงานก่อน” “ไม่เป็นไรๆ แต่เสียดายอ่ะเพื่อนพี่อุตส่าห์มา ไว้คราวหน้าละกันนะ ปุยต้องมาให้ได้นะ” “ครับๆ” ผมวางสายก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอก ต้นฉบับบ้าอะไรล่ะในเมื่อผมส่งให้พี่ป้องตั้งแต่เมื่อวานแล้ว นั่นมันแค่ข้ออ้างต่างหาก ผมไม่มีอารมณ์จะไปไหนจริงๆ อยู่คนเดียวคงสบายใจซะกว่า.... รออีกซักพักค่อยไปกินข้าวที่ห้องอาหารละกัน.... Cream’s Part “อะไรนะ? ขี้เกียจไป? มันข้ออ้างของคนเป็นหมอเหรอกรีน?!” ฉันแทบจะวีนแตกใส่โทรศัพท์กับไอ้เพื่อนหมอบ้า อ๊ากก!!พ่นไฟ!! ตกลงกันแล้วแท้ๆดันโทรมาบอกว่าขี้เกียจไป ไปตายซะเหอะ!!! “ฉันเหนื่อยมาแทบทั้งปีแล้วนะครีม=_= เธอไปเหอะ ก็ดีออกไม่ใช่เหรอ?” “ดีอะไร....?!” “ได้ไปกินข้าวกับไม้สองต่อสอง....ไม่ดีตรงไหนล่ะ?” ฉันเงียบทันทีก่อนจะเม้มริมฝีปากอย่างขัดใจ กรีนรู้ดีทุกอย่าง..จนอาจจะมากเกินไปแล้วด้วยซ้ำ! “งั้นก็ตามใจ แค่นี้แหละ” ฉันกดวางสายก่อนจะหันไปทางไม้ที่ยืนรออยู่แถวๆนั้น ใบหน้าคมมองฉันเป็นเชิงถามว่าได้เรื่องยังไง “กรีน..ขี้เกียจ ปุย....ไม่ว่าง=_= เราคงต้องไปกันสองคนแล้วมั้ง” “ก็ดี ไม่เห็นเป็นไร” “ฉันกะจะจับคู่นี่นา.....” “เราไปกันสองคนก็ดีไม่ใช่เหรอครีม?” ไม้ยิ้มบางๆก่อนจะจับมือฉันไปกุมไว้หลวมๆ ดวงตาสีดำสนิทจ้องลึกอย่างสื่อความหมาย.... “อื้อ...ไปกันสองคนก็ดี....” กรีนปุย....รอพรุ่งนี้ให้ฉันไปคิดแผนใหม่ก่อนละกันเนอะ... Green’s Part “งั้นก็ตามใจ แค่นี้แหละ” ผมอมยิ้มขำๆกับคนที่พึ่งวางสายไป เหอะๆ แม่คนชอบวางแผน หัดไปสวีทกับแฟนซะบ้างเหอะ- - ขณะนี้ผมอยู่ในร้านอาหารในโรงแรมน่ะแหละ อาหารก็โอเคแหละครับ แต่เพราะผมนั่งคนเดียวมันเลยออกจะ....เหงามั้ง ในขณะที่โต๊ะอื่นถ้าไม่ได้มาเป็นคู่ก็มาเป็นกลุ่ม แถมตอนนี้คนยังแน่นสุดๆด้วย.... “ขอโทษนะคะ คุณผู้ชายมาคนเดียวใช่มั้ยคะ?” จู่ๆก็มีบริกรเดินมาหาผมทำให้ผมพยักหน้าอย่างงงๆ “ก็...ครับ” “งั้นถ้ามีคนมาร่วมโต๊ะคนนึงจะรังเกียจมั้ยคะ? คือตอนนี้ห้องอาหารแน่นมาก....ก็เลย....” “อ่อ ไม่เป็นไรครับ ผมกินเสร็จแล้ว ลงบิลไว้ที่ห้องผมเลยละกัน” ผมพูดขณะรวบช้อนทำให้อีกฝ่ายขอบคุณซ้ำๆแล้วรีบมาลงบิลให้ผม ไม่นานผมก็เดินออกมาจากโต๊ะ เมื่อหันกลับไปอีกทีก็พบกลุ่มครอบครัว3-4คนนั่งอยู่ที่โต๊ะที่ผมเคยนั่ง..... ....เมื่อกี๊บริกรคนนั้นบอกว่าร่วมโต๊ะแค่คนเดียวไม่ใช่เหรอ....?.... ช่างเถอะ....ไปที่บาร์หน่อยดีกว่า.... Pui’s Part “ขอโทษนะคะ ตอนนี้คนแน่นมากเลยค่ะ” ผมพยักหน้าอย่างเข้าใจ มองไปในร้านก็พอจะเห็นอยู่ว่าเต็มทุกโต๊ะ ให้ตาย ผมไม่น่าแบกหนังสือมาด้วยเลย=_= “แต่ว่า....งั้น....คุณผู้ชายนั่งร่วมโต๊ะกับคนอื่นได้มั้ยคะ? คือมีโต๊ะนึงคุณผู้ชายคนนั้นเขามากินคนเดียว....” พนักงานทำหน้าลำบากใจขณะที่ผมยิ้มน้อยๆ “ไม่เป็นไรครับ แต่เขาจะยอมนั่งกับผมรึเปล่า...?” “งั้นเดี๋ยวดิฉันไปคุยให้ค่ะ กรุณารอซักครู่นะคะ” แล้วคุณเธอก็จ้ำอ้าวไปซักที่ในร้านนั้นน่ะแหละ เฮ้ออ รู้งี้ผมมาเร็วกว่านี้ซักพักก็ดี=___= “ขอโทษนะคะ โต๊ะเต็มแล้วค่ะ” เสียงหวานๆของพนักงานดังขึ้นเมื่อผมหันไปก็พบครอบครัวหนึ่งยืนอยู่ด้วยท่าทางผิดหวัง นี่มันก็6โมงกว่าแล้วล่ะนะ แล้วเด็กๆจะไม่หิวเหรอไงนั่น....?... ....ความจริงผมก็ไม่ได้หิวอะไร.... “น้องครับ พี่ไม่กินแล้ว ให้คิวครอบครัวนั้นไปเลยก็ได้” ....ถ้าไม่ได้กินข้าว.....ก็ขอผมไปที่บาร์หน่อยเหอะ=_= Green’s Part ผมเดินทอดน่องเรื่อยๆ กินบรรยากาศเย็นๆ สวนสวยๆ ที่นี่อากาศดีมากครับ บางทีผมน่าจะมาสัมมนาที่นี่ซักปีนึงเลย(มากไปป่ะ?=_=) ขณะที่ผมกำลังเดินไปตามทางนั่นเองก็เห็นหนังสือเล่มนึงตกอยู่ เมื่อเก็บขึ้นมาก็พบว่าเป็นนิยายแนวสืบสวน ให้ตาย เล่มหนาขนาดนี้ ทำตกได้ไงวะเนี่ย? มองไปรอบๆก็เห็นแค่คนที่เดินนำหน้าผมอยู่แค่คนเดียว ไหล่บางชวนให้คุ้นแต่ที่ผมทำก็แค่บอกตัวเองให้เลิกเวิ่นเว้อ.... ไม่มีทางหรอกน่ะ....ไม่มีทางใช่ปุย.... “คุณ! คุณครับ!”ผมตะโกนเรียกขณะวิ่งไปหา อีกฝ่ายหยุดเดินตอนที่ผมวิ่งไปถึงพอดี “หนังสือคุณตกน่ะครับ....ปุย....” ดวงตาสีน้ำตาลตรงหน้ามองผมอย่างอึ้งๆ หัวใจผมเต้นรัวไม่หยุดเมื่อเห็นหน้าอีกฝ่ายชัดๆ ไม่ต้องคิดอะไรเพิ่ม ผมดึงตัวปุยเข้ามากอดแน่นทันที ความอบอุ่นที่ได้รับยังคงเหมือนเดิม.... “พี่คิดถึงปุย” เจอกันซักที มีใครจะฝากเครื่องสูบน้ำไปให้พี่กรีนอีกซักเครื่องมั้ยคะ?555 :really2:
คิดได้แล้ว เจอปุยแล้วก็อย่าพลาดอีกแล้วกันพี่กรีน
+1
ตอนนี้อารมณ์แบบพรหมลิขิตบันดาลมากเลย555 แต่สุดท้ายก็เจอกันน้า นึกว่าจะไปเจอในบาร์แบบสภาพกึ่มๆง้อไปง้อมาไปง้อถึงเตียงไรงี้ //โดนคนเขียนกระซวก จริงของพี่คนเขียนอ่ะเนอะ มีแต่คนประเคนเครื่องสูบน้ำใส่หมอกรีนทั้งนั้นแหละ555
เเล้ว????
:a5: :serius2:มาต่อเลยนะ
อารมณ์อยากรุเรื่องต่อ
ตอนนี้อารมณ์แบบพรหมลิขิตบันดาลมากเลย555 แต่สุดท้ายก็เจอกันน้า นึกว่าจะไปเจอในบาร์แบบสภาพกึ่มๆง้อไปง้อมาไปง้อถึงเตียงไรงี้ //โดนคนเขียนกระซวก จริงของพี่คนเขียนอ่ะเนอะ มีแต่คนประเคนเครื่องสูบน้ำใส่หมอกรีนทั้งนั้นแหละ555 พี่คนเขียนนน?? :a5: หนูยังเด็กอยู่น้า(นี่ดูแก่ขนาดนั้นเลย :really2:) ยังเด็กจริงๆค่ะ ห้ามใครเรียกพี่ เคืองงงง :m19:
ทำร้ายจิตใจสุดๆกำลังลุ้นเลยน๊า
Pui’s Part “พี่กรีน.....” ผมได้แต่พึมพำในคอ รู้สึกว่าทุกอย่างมันดูเพ้อๆชอบกล นี่ผมไม่ได้ฝันแน่นะ?....คนที่กอดผมอยู่ตอนนี้...คือพี่กรีนจริงๆใช่มั้ย? หัวใจผมเต้นแรงจนเหมือนจะหลุดออกมาจากอก อ้อมกอดของคนตรงหน้ายังกระชับแน่นเหมือนกลัวผมจะหนีหายไปอีก ชวนให้คิดว่าจากนี้ไปผมกับพี่กรีนจะเป็นเหมือนเดิม..... ....แต่มันจะง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ....? จากทุกเรื่องที่ผ่านมาด้วยกัน มันไม่มีเรื่องไหนเลยที่ง่ายจะลืม ทั้งเรื่องดีและไม่ดี ผมจำได้ทุกอย่าง ความรักของผมมีมาก....ความรักของพี่กรีนมันก็มาก.... แต่จากนี้ไปล่ะ....? “เอ่อ....พี่กรีน” ผมพยายามดันคนตรงหน้าออกแม้จะโหยหาอ้อมกอดนี้แทบตาย แต่ไม่รู้สิ....มันยังมีบางอย่างที่ยังติดอยู่ในใจของผม.... “ปุย...” “พี่กรีนมานี่ได้ไงเหรอ? บังเอิญจังเนอะ” ผมฝืนยิ้มขณะที่พี่กรีนหน้าเจื่อนลงไปเล็กน้อย ปกติเวลาไม่เจอหน้าใครนานๆเรามักจะรู้สึกแปลกๆเวลาเจอกันอีกที แต่กับพี่กรีนแล้วผมกลับรู้สึกปกติธรรมดาสามัญเหมือนเจอกันอยู่ทุกวัน แต่ความรู้สึกข้างๆในลึกๆมันก็บอกชัด....ว่าผมคิดถึงพี่กรีน....คิดถึงจริงๆ... “พี่....มาสัมมนาพอดี แล้ว...ปุยเป็นไงบ้าง?” “ปุยสบายดี พี่กรีนล่ะ?” “.....พี่สบายดี แต่พี่ไม่สบายใจ” ไม่ต้องให้ถามต่อว่าเรื่องอะไร ผมเลือกที่จะหลบสายตาของคนตรงหน้า ใช่ผมผิดที่หนีมา ผมน่ะกลับไปแน่ๆแค่ตอนนี้มันรู้สึกเหมือนยังไม่ถึงเวลา ผมยังไม่อยากจะกลับไป....แต่ความรู้สึกผมมันกลับเรียกร้องให้ผมเลิกสนใจความรู้สึกทิฐิบ้าๆนั่นแล้วกลับไปรักกับคนที่ผมรักจนหมดใจ แล้วทำไมผมถึงไม่ทำ....? พี่กรีนก็อยู่ใกล้แค่นี้..... “ปุย....” “.......” “....กลับมา....ได้มั้ย?” . . . “ขอเวลาปุยหน่อยได้มั้ย?” ผมจะเอาเวลาไปทำอะไร? เอาเวลาไปใช้เพื่ออะไร?ในเมื่อคนที่ผมรักก็ยืนอยู่แค่ตรงนั้นแท้ๆ..... ผมได้แต่นั่งโกรธตัวเองกับความโง่เง่าในการตัดสินใจ ถ้าเพียงแต่ผมพูดออกไปว่า...ได้ ปุยจะกลับไป แล้วเราจะรักกัน ถ้าเพียงแค่นั้น....แค่นั้นจริงๆ นี่ก็ผ่านมา3วันแล้วจากวันนั้น พี่ครีมมาคุยกับผมเป็นระยะๆ และวันพรุ่งนี้คือวันสุดท้ายแล้วที่พี่กรีนจะอยู่ที่เชียงใหม่ จากนั้นก็จะกลับกรุงเทพฯ....แล้วเราก็จะไกลกันเท่าเดิม...กว่าเดิม แล้วพี่กรีนจะไม่คิดไปแล้วเหรอเนี่ยว่าผม...ขอเลิก.... โว้ยยยย!! แล้วผมจะทำไงดี?! ผมอยากกลับไปนะไม่ใช่ไม่อยาก แต่ความรู้สึกบางอย่างมันรั้งอยู่ ความรักมันไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนขายคุ้กกี้ที่แค่มาเคาะประตูบ้าน ไม่ซื้อก็ไปบ้านถัดไป ถ้าซื้อก็แค่ขาย มันต้องใช้ความรู้สึกมากกว่านั้น จะให้ผมไปเคาะประตูแล้วบอกพี่กรีนว่า คืนดีกันนะ อย่างนี้เหรอ? แล้วแกล้งทำเป็นว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น ผมไม่เคยหนีมาเชียงใหม่ พี่กรีนไม่เคยว่าผม มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอกนะ.... ....ถึงผมจะภาวนาให้มันง่ายอย่างนั้นก็ตาม.... ในที่สุดผมก็แค่เลือกให้เวลาผ่านไปเรื่อยๆโดยไม่สนใจจะใช้มันให้คุ้มค่า โอเคถ้ามันจะจบอย่างนี้ผมก็ต้องทำใจยอมรับ เวลาที่ผมเคยคิดว่าเหลือเยอะกลับย่นมาจนเหลือแค่ไม่กี่24ชม.นี้.... ....ถ้ามันจะเป็นอย่างนั้น.....มันก็ต้องเป็นอย่างนั้น... ก๊อกๆ! “ปุย! ไปกินข้าวเย็นหน่อยเหอะ! ไม่คิดจะออกมานอกห้องเหรอ?” เสียงพี่ครีมดังอยู่หน้าประตูทำให้ผมเดินไปเปิดอย่างช่วยไม่ได้ก่อนจะถูกคนที่อยู่ตรงหน้าดึงออกไปทันที “ต้องกินข้าวนะปุย กินข้าวววว!!” นี่พี่หรือแม่วะเนี่ย?=_=! ถึงพี่ครีมจะยุ่งวุ่นวายแค่ไหนแต่ผมก็เข้าใจว่าเพราะห่วง...มาก ถึงทำทุกอย่างลงไป มือนุ่มยังคงจับแขนผมแน่นเป็นเชิงว่าถ้าไม่ไปกินข้าวก็ห้ามไปไหนทั้งสิน- -+ จะให้ไปกินข้าวน่ะมันก็ได้...แต่.... “ไม่ต้องห่วงนะปุย วันนี้กรีนไปกินข้าวกับทางโรงพยาบาลเพราะพรุ่งนี้ก็จะกลับแล้ว” พี่ครีมพูดดักคอเหมือนรู้ว่าผมรู้สึกยังไง ผมจึงแค่พยักหน้าตกลงทั้งๆที่ในใจไม่ได้ยินดีไปกับคำพูดนั้นเลย จะไม่ได้เจอกันแล้วงั้นเหรอ.....จะจากกันไปตลอดกาลแล้วใช่มั้ย....? ผมไม่ได้อยากอ่อนแอ.....แต่มันช่วยไม่ได้เลย... อาหารรสชาติดีละลานตาอยู่บนโต๊ะเคล้าเสียงเพลงจากนักร้องแต่ผมก็ไม่ได้มีอารมณ์กินมากไปกว่าทำตามคำสั่งของพี่ครีม ผมไม่ได้อยากทำตัวมีปัญหาแต่ความรู้สึกนึกคิดของผมมันลอยไปกับไฟล์ทบินกลับกรุงเทพฯวันพรุ่งนี้ของใครบางคนหมดแล้ว พี่ครีมก็เหมือนจะรู้ว่าผมไม่ได้มีอารมณ์จะเอ็นจอยอะไรจึงไม่ได้กวนมากแค่ตักอาหารให้เป็นพักๆ จนตอนที่ผมตัดสินใจจะกลับห้องนั่นเอง...... “ปุย ฟังพี่ก่อนนะ” จู่ๆเสียงเพลงก็เงียบลงแทนที่ด้วยเสียงพูดของใครบางคนที่ผมแสนจะคุ้นแทน หัวใจผมเต้นผิดจังหวะไปแวบนึงขณะที่มองไปที่ร่างสูงที่นั่งอยู่หลังเปียโนบนเวที คนที่ควรจะไปกินข้าวกับทางโรงพยาบาล.... .....พี่กรีน... ดวงตาสีดำสนิทจับจ้องมายังผมขณะที่คนอื่นๆในห้องอาหารเริ่มสนใจ ผมขยับจะหนีแต่พี่ครีมก็จับผมไว้แน่น “ฟังก่อนสิปุย....โอกาสมันไม่ได้มีทุกวันนะ” ....ผมไม่รู้ว่าพี่กรีนคิดจะทำอะไร..... เสียงเปียโนดังขึ้นตามการกดคีย์ของคนเล่น พี่กรีนไม่ชอบเล่นเปียโนถึงผมจะชอบฟัง เพราะงั้นบ้านเราจึงไม่มีเปียโน(ซึ่งก็ดีแล้ว ไม่งั้นตอนน้ำท่วมจะขนขึ้นยังไง=_=) ไม่นานเสียงทุ้มก็ร้องขึ้น เพลงที่ทำให้ผมได้แต่นั่งอย่างนั้น... “Sometimes we wish for the better When we have it good as it gets Sometimes the grass isn't greener As soon as we find out, we forget Sometimes a fool doesn't know he's a fool Sometimes a dog, he don't know he's a dog Sometimes I do stupid things to you When I really don't mean it at all Sometimes a man is gon' be a man Its not an excuse, its just how it is Sometimes a wrong, don't know that they wrong Sometimes the strong, ain't always so strong Sometimes a girl is gon' be a girl She don't want to deal with all the drama in your world God knows I don't mean to give it to you So girl, I'm sorry for the stupid things I wish I didn't do but I do......” “เฮ้ยปุย ร้องไห้ทำไม?” พี่ครีมหยิบกระดาษทิชชู่มาซับตาผมทันทีก่อนผมจะรีบปาดน้ำตาลวกๆ เสียงเพลงยังคงดังต่อไปขณะที่ผมได้แต่ยิ้มทั้งน้ำตา ความรู้สึกตะขิดตะขวงใจมลายหายไปหมดเหลือเพียงความรักที่เด่นชัด ทุกอย่างที่ผ่านมา.....ผมพึ่งรู้ตัวว่าผมต้องการแค่คำขอโทษต่อหน้าแค่ซักคำ คำขอโทษที่มาจากจริงจังและพร้อมจะยอมรับผิด แค่นี้...ผมก็ยอมอย่างไม่มีเงื่อนไขแล้ว... ผมไม่รู้ว่าเพลงจบลงเมื่อไหร่รู้แต่ว่าเสียงปรบมือมันดังมากพอๆกับหัวใจผมที่เต้นรัวเมื่อเห็นพี่กรีนเดินมาอยู่ตรงหน้าแล้วทรุดตัวนั่งลงระดับสายตา ใกล้...จนรู้สึกถึงไออุ่นของกันและกัน.... ....แต่รอบนี้ผมไม่คิดจะหนีแล้ว.... “พึ่งรู้ว่าแฟนพี่ขี้แง” พี่กรีนยิ้มบางๆขณะเช็ดน้ำตาให้ผม ให้ตาย...ผมรู้นะว่าผู้ชายร้องไห้มันไม่น่าดูเลย แต่ผมกลับห้ามตัวเองไม่ได้จริงๆ “รับไม่ได้เหรอไง?” “...พี่ขอโทษ” ตาสบตา สื่อความถึงความจริงจังขณะที่ความวาบหวามแผ่ไปทั่วอก ผมยิ้ม...ยิ้มทั้งน้ำตาอีกครั้ง แต่หลังจากนี้ไป...ผมจะไม่มีน้ำตาอีกแล้ว... “...ปุยไม่ใช่ผู้หญิงซักหน่อย....” “พี่รู้....”พี่กรีนยิ้มขณะจับมือผมเบาๆ “แต่ปุยก็รักพี่ใช่มั้ยล่ะ?” “ปุยควรจะโกรธต่อมั้ยล่ะ?” “ถ้าปุยยังโกรธพี่ก็จะง้อจนกว่าปุยจะหาย.....” “.......” “กลับกรุงเทพฯกับพี่นะปุย.....” “....อืม”End
แถมๆๆๆ :mc4: :mc4: :mc4: “ปุยบอกว่าจะกินไวน์ พี่กรีนเอาน้ำส้มมาทำไม?” ผมแทบจะฟ้อนเล็บใส่คนข้างๆ กวนมากกกก!! ผมขอไวน์แต่ไหงได้น้ำส้มวะเนี่ย?!! “มันไม่ดีนะปุย ลงไปค่อยกินก็ได้ ปุยจะเมาตอนนั่งเครื่องบินเหรอไง? มันไม่สนุกหรอกนะ” “ปุยไม่ได้อยากสนุกซักหน่อย!” “ปุย....” “ก็แค่ไวน์ จะห้ามทำไมฮะ?!” เสียงทะเลาะที่สวนขึ้นมาจากที่นั่งข้างๆทำให้ผมกับพี่กรีนหันไปมองทันที คือผมกับพี่กรีนนั่งริมหน้าต่างน่ะ(แน่นอนว่าผมอยู่ด้านใน) เมื่อผมหันไปก็พบผู้ชายคนนึงขาวๆ ตัวก็ไม่ได้เล็กบอบบางอะไรออกจะดูสมเป็นผู้ชายด้วยซ้ำ หน้าตาจัดว่าดูน่ารักมากถึงมากที่สุดแบบผู้ชาย กำลังโวยวายกับคนข้างๆโดยที่ในมือถือแก้วน้ำส้มอยู่ โดยที่คนที่โดนด่าเป็นชาวต่างชาติคนนึง ผมสีน้ำตาลช็อคโกแลต หน้าตาหล่อมากกกกกแบบชาวตะวันตก ผมไม่ได้ประชดนะ หล่อจริงๆ หมอนั่นกำลังหัวเราะอย่าง....สะใจ.... อะไรวะ?=_= “ไม่เอาน่าน้ำ ดื่มไวน์มันไม่ดีนะ” ฝรั่งคนนั้นพูดไทยชัดแจ๋วก่อนจะกระดกแก้วไวน์ในมือเข้าปากยิ่งทำให้คนข้างๆโมโหเข้าไปอีก แน่สิ ผมก็โมโหเหมือนกัน เพราะไอ้พี่กรีนก็ดื่มไวน์ไง!! “พี่กรีน! เอาไวน์ปุยคืนมาเดี๋ยวนี้! ไม่ขำนะ!” ผมหันไปวีนใส่พี่กรีนต่อซึ่งเจ้าตัวก็รีบยืดแก้วไวน์ในมือออกไปนอกรัศมีมือผมทันที โว้ยยยย!! “ปุย....ฟังพี่บ้างดิ” “ทำไมพี่กรีนเป็นคนอย่างนี้อ่ะ? รู้งี้ปุยนอนจิบไวน์ต่อที่เชียงใหม่ซะก็ดี!” “ใช่ รู้งี้น้ำไม่มากับพี่ซะก็ดี!!” ....ฮะ?! ผมกับผู้ชายขาวๆน่ารักๆคนนั้นที่น่าจะชื่อน้ำมองหน้ากันโดยมิได้นัดหมาย อ่อออ ชะตากรรมเดียวกันนี่เอง... “หวัดดี ผมชื่อปุย แล้วคุณ?^^” “ผมชื่อน้ำ คงต้องเรียกพี่ปุยใช่มั้ย? พี่ปุยมาทำอะไรที่เชียงใหม่เหรอ?” ไปๆมาๆน้ำก็แลกที่กับพี่กรีนเพื่อมาคุยกับผม กร๊ากกก ได้แนวร่วมใหม่อ่ะ น้ำเป็นคนเชียงใหม่ อายุน้อยกว่าผมปีนึง ส่วนแฟน...ก็คือฝรั่งนั่นแหละ เหมาะสมกันนะผมว่า เราคุยกันถูกคอมาก.... ....มากจนผมไม่สนใจพี่กรีนทั้งทริปเลย 5555 ป.ล..... “แฟนคุณร้ายมากนิค=___=” หมอกรีนของปุยหันไปกระซิบกับคนข้างๆอย่างกลุ้มๆ “แต่ผมว่าแฟนคุณร้ายกว่านะกรีน=____= ถ้าเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆเราต้องกลายเป็นหมาหัวเน่าแน่” นิคพนักหน้าประกอบคำพูดตัวเองขณะที่คนฟังเริ่มคล้อยตาม.... “เราต้องมีแผน” .....แล้วสองหนุ่มก็คุยกันเคร่งเครียดจนลืมเวลาไปเช่นกัน..... จบแล้วค่า ตื้นตันมากกก5555 ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านนะคะ รักทุกคนอ่ะ :กอด1: :กอด1: ไม่รู้ว่าจะมีตรงไหนแปลกๆไปบ้างรึเปล่า ฝากคนอ่านดูด้วยนะคะ พอดีตอนนี้คนเขียนมึนนน55 :m13: เรื่องของปุยกับหมอกรีนจบแล้วค่ะ สำหรับคนเขียนเอง....คิดว่าจบดีกว่าเฮียผิงกับน้องบวกนะ :m29: สำหรับเฮียผิงกับน้องบวก อาจจะมีตอนพิเศษค่ะ เพราะมันยังจบไม่คอมพลีตเลย แต่ไม่รู้ว่าจะลงได้รึเปล่าเพราะตอนนี้มันย้ายไปห้องจบแล้วเรียบร้อย(ใช่มั้ย?=_=) ถ้าใครรู้ช่วยวานบอกทีนะคะ จะได้แต่งเลยยย o3 สุดท้ายก็ขอขอบคุณทุกคนที่อ่านจนถึงบรรทัดนี้อีกครั้งนะคะ ร้ากกกกก :กอด1: :กอด1: เจอกันในเรื่องหน้าค่ะ :pig4:
พี่กรีนซึ้งมากกก
ปุย น่ารักดีจัง 555 อยากอ่านเนื้อหาในนิยายที่ปุยเขียนอะ ท่าจะฮาอย่างแรงง 555
เรื่องนี้อ่านแล้วเพลินๆค่ะ พ่อแง่แม่งอนไปตามปกติ ขอกราบอณุญาติเรียนว่า 'ปริ้นท์อ่าน' นะคะ เนื่องจากสายตาไม่ดีมากๆเลย อ่านนานๆ ก็ต้องตายแหงมๆ รักคนแต่งค่ะ
ขอบคุณมากสำหรับตอนพิเศษ :L2: จะรออ่านพี่ผิง น้องบวก หรือถ้าสงสารคนอ่าน จะขยายน้องน้ำ พี่นิค ก็ขอบคุณล่วงหน้า :mc4: +1
ขอบคุณคนเเต่งครับ
ตอนนี้นี่ยกให้พี่กรีนไปเลย ง้อด้วยเปียโน ใช้ได้ๆ555 แอบชอบนายน้ำตอนหลังแฮะ หาแนวร่วมได้ก็ได้ทีเฉดหัวแฟนกันเลยนะพี่คนเขียนนน?? :a5: หนูยังเด็กอยู่น้า(นี่ดูแก่ขนาดนั้นเลย :really2:) ยังเด็กจริงๆค่ะ ห้ามใครเรียกพี่ เคืองงงง :m19: จริงอ่ะ=o= เห็นคนเขียนที่นี่ส่วนใหญ่จะอายุมากกว่าเราทั้งนั้น ลืมนึกไปว่าตัวเองก็ไม่ได้เอ๊าะขนาดนั้นแล้ว /มองบัตรประชาชนอย่างช้ำใจ/ อ๊ะ แต่คนเขียนต้องม.ต้นเป็นอย่างมากนะคะ ไม่งั้นเราอาจจะรุ่นเดียวกันได้ อิอิ
สองคนแถวหลังจะวางแผนอะไรอีกมั้ยเนี่ย ขนาดจบแล้วความสนุกยังไม่จบเลยนะเนี่ย
หวานมากกก น่ารักมากเลยอะ
เรื่องนี้อ่านแล้วเพลินๆค่ะ พ่อแง่แม่งอนไปตามปกติ ขอกราบอณุญาติเรียนว่า 'ปริ้นท์อ่าน' นะคะ เนื่องจากสายตาไม่ดีมากๆเลย อ่านนานๆ ก็ต้องตายแหงมๆ รักคนแต่งค่ะ ตามสบายค่ะ ดีใจจังมีคนปริ๊นท์ของเราอ่าน :กอด1: :กอด1:ตอนนี้นี่ยกให้พี่กรีนไปเลย ง้อด้วยเปียโน ใช้ได้ๆ555 แอบชอบนายน้ำตอนหลังแฮะ หาแนวร่วมได้ก็ได้ทีเฉดหัวแฟนกันเลยนะ จริงอ่ะ=o= เห็นคนเขียนที่นี่ส่วนใหญ่จะอายุมากกว่าเราทั้งนั้น ลืมนึกไปว่าตัวเองก็ไม่ได้เอ๊าะขนาดนั้นแล้ว /มองบัตรประชาชนอย่างช้ำใจ/ อ๊ะ แต่คนเขียนต้องม.ต้นเป็นอย่างมากนะคะ ไม่งั้นเราอาจจะรุ่นเดียวกันได้ อิอิ งั้นเราก็รุ่นๆเดียวกันแล้วมั้งงง555 เราไม่กล้าบอกอายุอ่ะเพราะยังดูเด็ก...มากกกกในบอร์ดนี้ :m17:(แต่ถ้าเล่นบอร์ดเด็กดีเราจะอยู่ในอายุเฉลี่ยเลย55) ถ้าบอกอายุจริงๆไปกลัวทุกคนจะช็อก :a5: แต่เราไม่ได้เด็กที่สุดในบอร์ดนะ อายุมากกว่า13ค่ะ :-[ขอบคุณมากสำหรับตอนพิเศษ :L2: จะรออ่านพี่ผิง น้องบวก หรือถ้าสงสารคนอ่าน จะขยายน้องน้ำ พี่นิค ก็ขอบคุณล่วงหน้า :mc4: +1 ขอบคุณสำหรับ+1ค่ะ :กอด1: น้องน้ำกับพี่นิค....ถ้ามีโอกาสจะนำไปขยายในเฮียผิงกับบวกนะคะ(ถ้ามีโอกาสนะ ตอนนี้ยังมึนเหอๆ :really2:) ตอนนี้เราอาจจะไม่ว่างไปอีกซักพักใหญ่ๆเลย สอบครั้งนี้มันใหญ่หลวงนัก o7 ถ้าคาดไม่ผิดอาจจะมาต่อประมาณอาทิตย์หน้าของอาทิตย์หน้านะคะ(งงเนอะ o6) สุดท้ายขอขอบคุณทุกคอมเม้นท์ค่ะ มันเป้นแรงผลักดันมากที่ทำให้จบจนได้ :กอด1: :กอด1: o1 o1 o1
ชอบๆ สองตอนแรกอ่านแล้วนึกถึงบ้านเราตอนน้ำท่วม ตอนนั้นเครียดมากกกกกก ท่วมเกือบๆ 3 เมตรเลย แต่พอมันผ่านไป มันก็เป็นแค่อีกฉากของชีวิต มานั่งเล่าบรรยากาศตอนเก็บของหนีน้ำตอนนี้ยังขำๆเลย ปล. ปุยน่ารัก มากอดที
คือขอสารภาพเลยว่า ตอนอ่านเรื่องนี้ ตอนแรก ๆ รู้สึกหงุดหงิดโคตร ๆ อะ แบบว่า จะตัดตอนไปไหน ? 555555
วางเรื่องได้เร้าใจมากเลยเจ้าค่ะ
สนุกมาก ชอบพี่กรีนกับพี่ปุยจัง ติดตามค่ะ อยากอ่านตอนต่อไปเเล้วสิ :impress2:
ปุยน่าัรัก
ปุยกับพี่หมอ...คู่นี้น่ารัก :impress2:
ปุยน่ารักอ่ะ เด็ดขาดดี :z1:
ปุยน่ารักง่ะ เด็ดขาดดีค่ะชอบบบบ o13
เรื่องนี้น่ารักมากอ่ะ อร๊ายยย เขินนนหมอกรีนกวนบาทาแต่ตอนง้อนี่โรแมนติกมากกกกกกกก เหนือเมฆมาตลอดดดดด :-[