พิมพ์หน้านี้ - [พิเศษ:My neighbor.&นกยูงแดง] การไถ่บาปของสุนัขจิ้งจอก2(จบ) p2 (13/12/2554)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: juon ที่ 18-11-2011 22:37:14

หัวข้อ: [พิเศษ:My neighbor.&นกยูงแดง] การไถ่บาปของสุนัขจิ้งจอก2(จบ) p2 (13/12/2554)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 18-11-2011 22:37:14
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
หัวข้อ: Re: [พิเศษ:My neighbor.&นกยูงแดง] การไถ่บาปของสุนัขจิ้งจอก1 (18/11/2554)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 18-11-2011 22:45:22
** ในที่สุดก็ต้องแบ่งตอนนี้ออกเป็นสองตอนจนได้ :jul1:

อนึ่ง อันที่จริงตอนนี้เป็นตอนพิเศษที่จะลงในรวมเล่มฉบับพิเศษซึ่งเป็นเล่มปิดท้ายของนิยายเรื่องยาว My neighbor is a spy. คนข้างห้องผมเป็นสายลับ

แต่เผอิญว่าเนื้อหามันมีบางส่วนเกี่ยวข้องกับหงคงฉ่วย เลยจับมาพาดหัวไว้ด้วยกันซะเลย (เผื่อว่าใครอยากรู้เบื้องหลังเหตุการณ์ที่เผิงเผิงถูกทั้งนกยูงกับจิ้งจอกหลอกต้มซะจนเปื่อย)

อันที่จริงต้องบอกว่ามีเนื้อหาของYes!Master.มาพ่วงด้วย เพราะตอนนี้จะมีการกล่าวถึงอีตามิลเลอร์ด้วยเช่นกัน

สรุปแล้วนี่มันเป็นการยำรวมมิตร3เรื่องซ้อนเลยสินะ...!! :a5:

อนึ่ง ตอนแรกเขียนความสัมพันธ์ระหว่างหงคงฉ่วยกับเถียนซานเยอะกว่านี้ แต่เพิ่งมาเห็นว่า ไทม์ไลน์มันผิดไปไกล สุดท้ายลบทิ้ง ก็ดีไปอีกอย่าง สโคปเนื้อหาได้เข้ากับหัวเรื่องมากขึ้น (ก่อนที่มันจะกลายเป็นประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างหงคงฉ่วย เถียนซาน เว่ยจินหยินแทน... อืม... ทำไมคู่นี้ต้องไปเข้าสามเส้าอยู่เลยเลยนะ!!)

เขียนตอนนี้แล้ว(แม้ยังไม่จบ) ก็คิดขึ้นมาว่า อยากจะเขียนตอนพิเศษระหว่างหงคงฉ่วยกับเถียนซานลงในเรื่องนกยูงแดงด้วย (ทุกคนกรีดร้อง ม่ายย ฉันจะอ่านลู่อี้เผิง) แหม... ก็มันอยากจะเขียนนี่นา.... /โดนโบก :beat:

ยังไงก็ขอขอบคุณที่แวะมาอ่านค่า :pig4:

------------------------------------------------------

My neighbor is a spy ตอนพิเศษ การไถ่บาปของสุนัขจิ้งจอก1

   “คุณท่านครับ ท่านใหญ่มาถึงแล้วครับ”
   เว่ยจินหยินเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะทำงาน มองลูกน้องที่เพิ่งเดินเข้ามา ก่อนจะพยักหน้า “อืม บอกเขาว่าเดี๋ยวฉันลงไปก็แล้วกัน”
   “ครับ” ผู้เป็นลูกน้องพยักหน้า แล้วเดินออกไป คนเป็นเจ้านายเอนตัวลงบนเก้าอี้ ถอนหายใจเฮือก
   สองวันที่แล้วเว่ยฟู่ฉินโทรมาหาเขา บอกว่ามีธุระอยากจะคุยด้วย ขอให้เขาหาเวลาว่างให้สักวันหนึ่ง พอสอบถามว่าเป็นธุระอะไร ทางนั้นก็ไม่ยอมอธิบายรายละเอียด บอกแต่ว่าเป็นธุระที่สำคัญกับเขามาก สุดท้ายเว่ยจินหยินก็ตอบตกลง เว่ยฟู่ฉินจึงนัดจะมาหาเขาที่ตักในวันนี้

“พี่ชายใหญ่ สวัสดีครับ” เว่ยจินหยินเอ่ย พลางดันแว่นตากรอบทองให้เข้าที่ ขณะเดินเข้ามายังห้องรับรองภายในตัวตึกต้าเหยิน ซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่ของกลุ่มธุรกิจตระกูลเว่ยที่เขาเป็บผู้บริหารสูงสุดอยู่ เว่ยฟู่ฉินนั่งอยู่บนโซฟา เขาเป็นผู้ชายตัวใหญ่พอสมควร สวมชุดเสื้อเชิ้ตสบายๆ สีน้ำเงินเข้ม พอเห็นเขาเดินเข้ามาก็ยิ้มบางๆ ให้ “สวัสดี ธุรกิจตอนนี้เป็นไงบ้าง”
   “ก็ปกติครับ” เว่ยจินหยินตอบ และนั่งลงที่โซฟาฝั่งตรงข้าม “พี่มีธุระอะไรหรือ?”
   เว่ยฟู่ฉินมองหน้าน้องชายพักหนึ่ง แล้วจึงพูดออกมา “ไปโรงพยาบาลกับพี่หน่อยสิ”
   คิ้วของเว่ยจินหยินเลิกขึ้นหน่อยหนึ่ง แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรตอบ ฝ่ายนั้นก็พูดต่อ “ไปเยี่ยมน้องห้ากัน”
   “!?!”
-----------------------------------------------------
   นับลำดับพี่น้องในตระกูลเว่ย น้องห้าที่เว่ยฟู่ฉินพูดถึง คงเป็นเว่ยปิงเซียง ชายหนุ่มซึ่งประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเก้าปีก่อน จนกลายเป็นเจ้าชายนิทราอยู่ในโรงพยาบาล ผู้อยู่เบื้องหลังอุบัติเหตุนี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นพี่ชายคนรองของเขาที่มีชื่อว่าเว่ยจินหยินนั่นเอง
   เว่ยจินหยินอยู่ในรถลีมูซีนตอนยาวของตน ซึ่งปกติแล้ว นอกจากลูกน้องคนสนิท กับพวกผู้บริหารที่มีเหตุจำเป็นให้ต้องมาคุยธุระกันในรถแล้ว เว่ยจินหยินไม่เคยนั่งรถคันนี้ร่วมกับใครอีก โดยเฉพาะบรรดาญาติพี่น้องของตัวเอง นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนซึ่งมีสายเลือดร่วมกับเขานั่งอยู่ในรถคันเดียวกัน
   เว่ยฟู่ฉินนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม พี่ชายวัยห้าสิบกว่าของเขาคนนี้กำลังมองออกไปด้านนอก ในบรรดาคนในตระกูล เว่ยจินหยินให้ความเกรงใจกับพี่ชายคนโตคนนี้มากกว่าใครเพื่อน คงเพราะทั้งคู่ไม่เคยมีเรื่องบาดหมางขัดแย้งในตระกูล และเว่ยฟู่ฉินเคยสั่งสอนอบรมเขาในวัยเด็ก ดังนั้น แม้เว่ยจินหยินอยากจะอ้าปากถามออกไปขนาดไหน ก็ยังต้องเก็บคำพูดเอาไว้อยู่ดี
   ทำไมจู่ๆ ฟู่ฉินถึงได้มาชวนเขาไปเยี่ยมปิงเซียงนะ....
   ตั้งแต่เว่ยปิงเซียงกลายเป็นเจ้าชายนิทรา เว่ยจินหยินไม่เคยคิดจะไปเยี่ยมน้องชายคนนี้เลย ตลอดเก้าปีที่ผ่านมา เขาลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่ามีน้องชายคนนี้อยู่ ลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าหน้าตาเป็นยังไง ซึ่งจะว่าไปแล้ว เว่ยจินหยินไม่เคยสนใจเลยด้วยซ้ำ ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อของเขาวางแผนจะแต่งตั้งน้องชายคนนี้ให้มาแย่งตำแหน่งกับเขา
   แต่ตอนนี้ เว่ยจินหยินได้รับทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาเคยคิดหวัง ที่เขาเคยแย่งชิงมาไว้ในมือจนหมดแล้ว การที่จู่ๆ ก็ถูกเว่ยฟู่ฉินชวนให้ไปเยี่ยมน้องชายที่เขาวางแผนฆ่าในตอนนั้น เว่ยจินหยินอธิบายความรู้สึกตัวเองไม่ออกจริงๆ
   เขาควรจะต้องไปในฐานะอะไร และด้วยความรู้สึกอย่างไรกันแน่นะ.....

   “น้องรอง” จู่ๆ เว่ยฟู่ฉินที่มองออกไปนอกหน้าต่างก็เบือนหน้าเข้ามา แล้วเรียกหาคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม เว่ยจินหยินเงยหน้าขึ้นมองพี่ชาย “ครับ?”
   “ยังอยากกำจัดน้องห้าอยู่อีกมั้ย?”
   คนถูกถามเบิ่งตาสีดำหลังแว่นตากรอบทองขึ้นหน่อยหนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจออกมา “มาถามอะไรตอนนี้ล่ะครับ เขาไม่มีวันตื่นขึ้นมาอีกแล้ว อีกอย่าง ผมไม่มีเหตุผลจะกำจัดเขาแล้วล่ะ”
   เว่ยฟู่ฉินมองหน้าน้องชายอีกพัก แล้วพูดต่อ “งั้นหรือ... อืม... ได้ยินแบบนี้พี่ก็วางใจล่ะ”
   คิ้วของเว่ยจินหยินเลิกขึ้นสูงอีกครั้ง แต่เพราะเว่ยฟู่ฉินหันหน้าออกไปมองนอกกระจกอีก เขาจึงไม่กล้าถามอะไรต่อ สองพี่น้องได้แต่นั่งเงียบๆ ในรถลีมูซีน จนกระทั่งถึงโรงพยาบาล
-----------------------------------------------------
   รอบตัวของเว่ยจินหยินยังคงเต็มไปด้วยบอดีการ์ดเช่นเดิม เขาลงจากรถพยาบาล พร้อมด้วยพี่ชาย และบอดีการ์ดจำนวนมากก็เข้ามาห้อมล้อมในทันที เว่ยจินหยินเงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่อโรงพยาบาลอย่างแปลกใจ เขาไม่เคยรู้เลยว่าน้องชายคนที่ห้า นอนหลับอยู่ในโรงพยาบาลที่อยู่ใต้จมูกของเขานี่เอง หรือไม่บางทีเขาอาจจะลืมไปแล้วก็ได้
   เว่ยฟู่ฉินพาน้องชายคนรองของเขาขึ้นไปบนตึก แต่แทนที่จะตรงไปยังห้องผู้ป่วย เว่ยจินหยินกลับถูกพามายังห้องพักแพทย์แทน ยังไม่ทันจะได้อ้าปากถามอะไร เว่ยฟู่ฉินก็เปิดประตูเข้าไปในห้อง
   ชายหนุ่มอายุราวๆ สามสิบปีนั่งอยู่บนเก้าอี้ในห้อง พอเห็นพวกเขาสองคนเปิดประตูเข้าไป ก็รีบลุกขึ้นทันที
   “สวัสดีครับ พี่ชายใหญ่... พี่รอง…”
   เว่ยจินหยินถึงกับกลืนน้ำลายเฮือก เขาจ้องชายหนุ่มตรงหน้าผ่านแว่นตากรอบทองเขม็ง
   ว่าไงนะ...? พี่รอง...? นี่คือ ปิงเซียงรึ?!
   ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเขาจ้องตอบมาด้วยดวงตาสีดำสนิท คิ้วเรียว สันจมูกนั้นชวนให้นึกถึงผู้เป็นพ่อซึ่งล่วงลับไปอยู่บ้าง
   ปิงเซียง....
   น้องชายที่เขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเกิดจากภรรยาคนที่เท่าไหร่ของผู้เป็นพ่อ น้องชายที่เขาวางแผนฆ่า น้องชายที่เขาเชื่อว่ากำลังนอนหลับอย่างไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว หลับมาตลอดเก้าปี…
   ปิงเซียง...
   ลมหายใจของเว่ยจินหยินติดขัดขึ้นมาทันที นี่มันเรื่องอะไรกัน?! ทำไมคนที่น่าจะนอนหลับเป็นตายถึงมายืนอยู่ตรงนี้ได้ หรือว่าฟู่ฉินจงใจจะทดสอบอะไรเขา เว่ยจินหยินหันกลับไปหาพี่ชายใหญ่ และเห็นอีกฝ่ายยืนยิ้มอยู่
   “ปิงเซียง... น้องห้าของเราไงล่ะ”
   “ผมเองนะพี่...”
   เว่ยจินหยินก้าวเท้าถอยหลังอย่างไม่รู้ตัว ในตอนที่ผู้ชายคนนั้นสืบเท้าเข้ามาหา “พี่คิดว่าผมยังหลับอยู่ใช่ไหมล่ะ?”
   ดวงตาของเว่ยจินหยินเบิ่งกว้างทันที เขามองคนตรงหน้าราวกับเห็นสัตว์ประหลาด
   “ขอโทษที่ไม่ได้บอกเธอล่วงหน้านะ” เว่ยฟู่ฉินพูดขึ้นบ้าง ก่อนจะเดินมาแทรกระหว่างคนทั้งสอง “น้องห้าน่ะ ฟื้นนานแล้วล่ะ”
   “?!” เว่ยจินหยินหันมองผู้เป็นพี่ชายทันที “ว่าไงนะครับ?!”
   “น้องรอง..” เว่ยฟู่ฉินเรียกอีกฝ่าย แล้วจ้องตรงเข้ามา “ไม่ต้องตกใจหรอก พี่เป็นคนปิดข่าวเอาไว้เองล่ะ”
   เว่ยจินหยินได้ยินเสียงตัวเองพูดออกไป “พี่ชายใหญ่.....”
   “พี่รอง” เว่ยปิงเซียงพูดขึ้นมาอีก “ไม่ต้องกังวลไปหรอกนะครับ ผมน่ะ แกล้งทำเป็นว่าหลับอยู่มาตลอดทั้งเก้าปีนั่นแหละ เจ้าพวกนั้นไม่รู้หรอกว่าผมฟื้นแล้ว พี่สิ ลำบากแย่เลย  ทั้งๆ ที่เป็นฝีมือของแก๊งตรงข้ามแท้ๆ แต่ทุกคนกลับเชื่อว่าพี่เป็นคนทำหมด มีแต่พี่ชายใหญ่นี่แหละที่รู้ว่าเป็นฝีมือใคร”
   เว่ยจินหยินเงยหน้าขึ้นมองพี่ชาย ฝ่ายนั้นมองกลับมา แล้วยิ้มบางๆ ให้เขา “ก็อย่างนั้นแหละ”
   คนได้ฟังเม้มปากเข้าหากัน มองพี่ชายอยู่อีกพัก สุดท้ายก็ถอนหายใจออกมา “พี่น่ะ... สมเป็นพี่จริงๆ”
   จากนั้นก็ค่อยๆ เบือนหน้ากลับมามองน้องชายซึ่งเขาลืมไปแล้ว น้องชายที่เขาวางแผนฆ่า น้องชายที่เขาเข้าใจว่าหลับอยู่เสมอมา
   เก้าปีแล้ว....
   “เธอฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่น่ะ...” เว่ยจินหยินได้ยินเสียงตัวเองถามออกไปหลังจากนั้น
   “อืม... หลายปีแล้วล่ะ” อีกฝ่ายตอบ “พี่ใหญ่เล่าว่าผมอยู่ในห้องไอซียู ตั้งเกือบปีแน่ะ พอผมฟื้น พี่ก็เลยบอกผมว่า ให้ผมแกล้งทำเป็นหลับไปก่อน เพราะกลัวเจ้าพวกนั้นย้อนกลับมาเล่นงานผมอีก ผมเห็นด้วยล่ะ เพราะฟื้นแล้วผมต้องทำกายภาพบำบัดอยู่อีกเกือบปี ถึงจะพอกลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติได้”
   “เหรอ...” เว่ยจินหยินพูด แล้วถามต่อ “จากนั้นล่ะ?”
   “พี่ใหญ่บอกว่า พวกนั้นคงไม่เลิกเล่นงานเราง่ายๆ แน่ เลยแนะนำให้ผมใช้ชีวิตเงียบๆ อยู่ในโรงพยาบาล ตอนแรกผมก็นึกไม่ออกหรอกว่าจะใช้ชีวิตยังไง แต่พอเห็นขบวนบอดีการ์ดพี่แล้ว ผมก็เริ่มคิดทันทีเลยว่า ผมแกล้งทำเป็นหลับจะปลอดภัยกว่า” เว่ยปิงเซียงเล่าด้วยสีหน้าจริงจัง “สุดท้ายผมเลยตัดสินใจ เรียนแพทย์ต่อเสียเลย อาศัยเรียนเอาในโรงพยาบาลนี้แหละ ผมเก็บตัวอยู่ในโรงพยาบาลหลายปี เปลี่ยนชื่อแซ่ใหม่ แล้วก็ออกไปข้างนอกบ้าง ที่จริงแล้ว ถ้าไม่นับว่าผมไปหาพวกพี่กับคุณพ่อไม่ได้ ชีวิตผมก็ค่อนข้างจะสะดวกสบายพอสมควรเลยล่ะ”
   “อ้อ.....” เว่ยจินหยินครางออกไป ไม่อยากเชื่อเลยว่าน้องชายที่เขาเคยพยายามจะฆ่าให้ตาย และเชื่อสนิทใจว่าหลับไม่ฟื้นอีกแล้ว จะใช้ชีวิตอยู่ใต้จมูกเขามาได้ถึงเก้าปี
   เก้าปีที่ต้องหลบซ่อน จากเงื้อมมือพี่ชายแท้ๆ ของตัวเอง......
   เว่ยจินหยินจ้องลงไปในดวงตาสีดำสนิทของผู้เป็นน้องชาย หมอนี่เชื่อจริงๆ หรือ... เชื่อจริงๆ หรือว่าอุบัติเหตุครั้งนั้นเป็นฝีมือของแก๊งตรงข้าม ไม่รู้เลยหรือว่าอุบัติเหตุครั้งนั้นเป็นแผนการของเขาเอง
   เชื่อที่พี่ชายคนโตบอกอย่างสนิทใจเลยอย่างนั้นหรือ.....?
   “น้องห้า...” เว่ยจินหยินพูดออกไปช้าๆ “ก่อนหน้าที่เธอจะเกิดอุบัติเหตุ เราไม่เคยคุยกันเป็นการส่วนตัวมาก่อนเลยนะ ใช่ไหม?”
   เว่ยปิงเซียงมองเขา ก่อนจะพยักหน้าตอบ “อืม... อย่าว่าแต่คุยเลย ผมเพิ่งได้เห็นหน้าพี่ชัดๆ ก็วันนี้แหละ ก่อนหน้าที่ผมจะไปเรียน เราแทบจะไม่เคยเจอกันด้วยซ้ำ”
   “นั่นสินะ...” อีกฝ่ายพูดตอบ แล้วถอนหายใจออกมา “นอกจากพี่ใหญ่แล้ว มีใครรู้หรือยังว่าเธอฟื้นนานแล้ว?”
   เว่ยปิงเซียงสั่นศีรษะ “ไม่มีครับ มีพี่นี่แหละที่รู้เป็นคนที่สอง พี่ใหญ่คุยกับผมว่า บอกพี่แล้ว จะค่อยๆ ทยอยบอกคนอื่นต่อ พี่ว่าพวกเขาจะดีใจมั้ยที่ผมฟื้นน่ะ?”
   เว่ยจินหยินนิ่งไปพักหนึ่ง ก่อนจะสั่นศีรษะ “ไม่รู้สิ”
   “อืม... งั้นพี่ล่ะ ดีใจรึเปล่า?”
   นัยน์ตาสีดำใต้แว่นตากรอบทองเงยขึ้นมองคนตรงหน้าอีกครั้งทันที
   ได้เห็นคนที่ตัวเองเคยพยายามฆ่า มายืนพูดอยู่ตรงหน้า คนที่บงการฆ่าอย่างเขา สมควรจะดีใจหรือ.....?
   เว่ยจินหยินเงียบไปนาน ท้ายที่สุดก็เค้นคำพูดพร้อมรอยยิ้มออกมาได้ “ดีแล้วล่ะ... ดีแล้วล่ะที่เธอไม่เป็นอะไร.... ดีแล้วล่ะ ดีจริงๆ”
   คนเป็นน้องชายยิ้มกว้างออกมา “ผมรู้ พี่ไม่ใช่คนเลวอะไรหรอก พี่แค่พยายามแบกรับทุกอย่างไว้คนเดียว โดยไม่บอกใครเท่านั้นเอง ต่อจากนี้ไป พี่ไม่ต้องแบกรับข้อกล่าวหาว่าฆ่าน้องชายตัวเองอีกแล้วล่ะ”
   เว่ยจินหยินมองหน้าน้องชาย แล้วได้แต่สั่นศีรษะ
   เขาไม่เคยนึกเสียใจกับเรื่องที่ทำลงไป และพร้อมจะยืดอกรับผลของมันเสมอ เขาไม่เคยต้องการให้ใครมาช่วยแก้ข้อกล่าวหาให้ ไม่ว่าจะเพราะความเข้าใจผิด ถูกหลอก หวังดี หรืออะไรก็ตาม
   เว่ยจินหยินแค่นรอยยิ้มได้ที่มุมปาก ก่อนจะพูดตอบไป “ไม่ต้องหรอก เธอไม่จำเป็นต้องแก้ตัวให้พี่”
    “พี่รอง....” เว่ยปิงเซียงเอ่ยเรียกพี่ชาย แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร อีกฝ่ายก็ชิงพูดขึ้นต่อ “จริงสิ ได้ยินว่าเธอเรียนแพทย์ในโรงพยาบาลนี่ เป็นยังไงบ้างล่ะ”
   “ผมกำลังจะได้เลื่อนเป็นศัลยแพทย์ล่ะ” คนถูกถามตอบ และพูดต่อ “ไม่รู้ว่ามันเป็นโชคดีหรือโชคร้ายนะพี่ ผมน่ะตั้งใจจะเรียนแพทย์ต่อ แต่คุณพ่อก็เรียกตัวผมกลับมา จะให้ผมนั่งตำแหน่งบริหาร พอดีเกิดอุบัติเหตุ ผมเลยได้เรียนแพทย์ต่อสมใจเลย เสียดายนะที่คุณพ่อไม่ได้อยู่เห็น”
   เว่ยจินหยินชะงักไปหน่อยหนึ่ง ก่อนจะพูดออกมาอย่างนึกได้ “นั่นสินะ เธอคงไม่ได้ไปงานศพคุณพ่อ”
   “อ้อ เปล่าครับ” เว่ยปิงเซียงปฏิเสธทันที “ผมไปมาแล้วล่ะ เพียงแต่ไม่ได้แสดงตัวเท่านั้นเอง”
   “..................”
   “พี่รอง... พี่ใหญ่” ชายหนุ่มพูดขึ้นอีก “ถ้าพวกพี่ไม่รีบล่ะก็ ผมได้เวลาพักกลางวันพอดี ไปทานข้าวด้วยกันไหมครับ”
-------------------------------------------
   เพราะไม่สะดวกจะออกไปทานที่โรงอาหาร และปิงเซียงก็ติดเข้าเวรช่วงบ่าย สุดท้ายสามพี่น้องเลยต้องให้คนสั่งอาหารเที่ยงมาทานกันในห้องพักแพทย์ ซึ่งเปิดให้เป็นพิเศษ เพราะโรงพยาบาลที่เว่ยปิงเซียงอยู่ เว่ยฟู่ฉินมีหุ้นอยู่ครึ่งหนึ่ง
   “พี่รอง” จู่ๆ เว่ยปิงเซียงก็เอ่ยเรียกพี่ชายคนรองของตนระหว่างที่คนทั้งสามกำลังทานอาหารมื้อเทียงกันอยู่ เว่ยจินหยินเงยหน้าขึ้นมองน้องชาย “มีอะไรหรือ?”
   “ได้ยินว่าพี่มีธุรกิจเกี่ยวกับท่าเรือเยอะ เคยได้ยินเรื่องแก๊งค้าอวัยวะที่ลักลอบขนถ่ายกันที่ท่าเรือรึเปล่าครับ?”
   เว่ยจินหยินหรี่ตามองน้องชาย “ถามทำไมน่ะ?”
   เว่ยปิงเซียงเม้มริมฝีปาก มองตอบพี่ชาย “พี่รอง ผมไม่รู้ว่าจะขอร้องพี่มากไปรึเปล่านะ แต่ผมอยากขอให้พี่ช่วยสืบเรื่องนี้ให้หน่อย ผมจะได้เอาข้อมูลไปให้ตำรวจ”
   “น้องห้า...” เว่ยจินหยินเรียกน้องชาย “อย่าหาเรื่องใส่ตัวเลย แก๊งพวกนี้น่ะอันตราย เผลอๆ เธอจะถูกฆ่าเอานะ”
   “พี่รอง... กระทั่งพี่เอง ก็จะไม่ยอมทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยเหรอ พี่คงไม่รู้ว่าปีๆ หนึ่งมีคนบริสุทธิ์มากมายถูกฆ่าตายหรือว่าถูกขโมยอวัยวะไปขาย” เว่ยปิงเซียงพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “พี่ไม่ต้องห่วงผมหรอก ผมแค่อยากได้ข้อมูล ถ้าพี่พอจะหาให้ผมได้โดยไม่ลำบาก ช่วยผมหน่อยเถอะนะ”
   เว่ยจินหยินมองน้องชายอยู่พัก ก็ถอนหายใจออกมา “น้องห้า เธอรอดตายมาได้ครั้งหนึ่งแล้ว ทำไมถึงต้องหาเรื่องใส่ตัวอีก”
   “ผมเห็นว่าตัวเองพอจะมีทางช่วยได้” เว่ยปิงเซียงตอบ “แต่ถ้ารบกวนพี่มาก ก็ไม่เป็นไรหรอก ผมรู้ว่าพี่งานยุ่ง”
   เว่ยจินหยินสูดหายใจลึก สุดท้ายก็พูดออกมา “น้องห้า... เรื่องนี้พี่จะจัดการให้ก็แล้วกัน เธอไม่ต้องเอาตัวเข้าไปเสี่ยงหรอก”
   “พี่รอง....”
   เว่ยจินหยินโบกมือ แล้วพูดตัดบท “ทานข้าวเถอะ เดี๋ยวไปเข้าเวรไม่ทันนะ”
---------------------------------------------------
   “จะจัดการเรื่องแก๊งค้าอวัยวะให้ท่านห้าหรือครับ?!” เถียนซานที่ถูกเรียกตัวเข้ามาพบ หลังเว่ยจินหยินกลับจากโรงพยาบาลเอ่ยขึ้น เขานั่งอยู่ตรงข้ามโต๊ะทำงานของเว่ยจินหยิน ผู้เป็นเจ้านายผงกศีรษะ ก่อนจะมองผ่านแว่นตากรอบทองมายังเขา “อาซาน ดูนายไม่ค่อยตกใจเรื่องปิงเซียงเลยนะ รู้อยู่ก่อนแล้วสิ”
   คนถูกถามพยักหน้า “ขออภัยที่ต้องปิดเอาไว้ด้วยนะครับ ผมเป็นคนเสนอแผนนี้ให้ท่านใหญ่เอง”
   “อ้อ.....” เว่ยจินหยินครางในลำคอ จากนั้นก็เงียบไปพักใหญ่ เถียนซานเองก็นั่งนิ่งไม่พูดอะไร สุดท้ายคนเป็นเจ้านายก็พูดขึ้นก่อน “เอาเถอะ ฉันรู้ว่านายหวังดี ดีแล้วล่ะ ถ้านายไม่ทำแบบนี้ ไม่แน่หรอกนะว่าน้องห้าอาจจะถูกฉันฆ่าตายไปจริงๆ ก็ได้”
   “คุณท่าน....” เถียนซานเรียกเจ้านาย เว่ยจินหยินเงยหน้าขึ้นมองเขาแล้วสั่นศีรษะ “ฉันไม่ได้รู้สึกว่านายหักหลังหรอก... ที่จริงตอนที่ฟังพี่ใหญ่เล่า ฉันเองก็นึกๆ แล้วล่ะว่าอาจจะมีคนในรู้เห็น เพราะลำพังพี่ใหญ่คนเดียวคงทำอะไรแบบนี้โดยที่ฉันไม่รู้ไม่ได้แน่” หยุดไปพักหนึ่ง เว่ยจินหยินจึงพูดต่อ “นี่ อาซาน... นายเป็นคนตกลงกับพี่ใหญ่รึเปล่า ว่าจะบอกเรื่องนี้กับฉันวันนี้น่ะ”
   “เปล่าครับ ผมเป็นธุระจัดการให้แค่ช่วงต้นๆ ส่วนระยะหลัง ท่านใหญ่จัดการเองทั้งหมดครับ”
   “อืม... อย่างนั้นเหรอ...” เว่ยจินหยินพูดแล้วถอนหายใจเฮือก “คราวหลังถ้ามีเรื่องแบบนี้อีก ฉันอยากให้นายเป็นคนแรกที่บอกฉัน สัญญาได้ไหม?”
   “ครับ... ขอโทษด้วยนะครับ” อีกฝ่ายตอบ เว่ยจินหยินมองเข้าไปในดวงตาสีหินน้ำตกคู่นั้น แล้วยิ้ม “อาซาน ฉันน่ะ มีเรื่องอยากจะวานให้นายช่วยอยู่”
   “ครับ?”
   “น้องห้าอยากจะจัดการกับแก๊งค้าอวัยวะ ฉันว่าจะช่วยเขาหน่อย ลำพังตัวเขาเองไม่มีทางจะจัดการเจ้าพวกนี้ได้หรอก ต่อให้มีข้อมูลไปบอกตำรวจก็เถอะ”
   “ครับ... คุณท่านวางแผนยังไงหรือครับ” อีกฝ่ายถาม เว่ยจินหยินหรี่ตาลงหน่อยๆ แล้วพูดตอบ “งานนี้คงต้องขอความร่วมมือจากอาจารย์น้อย”
   “!” เถียนซานชะงักไปทันที อีกฝ่ายกล่าวสืบต่อ “นายเองก็รู้ อาจารย์น้อยน่ะ ถึงไม่ได้ออกชื่อถือหุ้นเอง แต่ก็คุมธุรกิจท่าเรือไม่น้อย เจ้าพวกแก๊งค้าอวัยวะน่ะ พักนี้กำลังถูกทางการกวาดล้าง เลยต้องหาท่าเรือส่งของกันให้ควัก โดนไล่บี้หนักขนาดนี้ คงจะหาคนกล้าอาสาให้ใช้ท่าเรือขนถ่ายได้ลำบาก คิดว่ารออีกสักพักอาจจะมาขอใช้ท่าเรือที่ฉันคุมก็ได้ แต่ไม่แน่เหมือนกัน ถ้าเกิดไปขอพึ่งบารมีอาจารย์น้อยได้ล่ะก็ เรื่องมันจะลำบากขึ้นทันที”
   “นั่นสินะครับ โดยนิสัยแล้ว เขาเองก็รับผิดชอบคนในสังกัดตัวเองอย่างเข้มงวดเสียด้วย คุณท่านจะขอความร่วมมือจากเขาเพื่อต้อนให้แก๊งพวกนั้นมาใช้ท่าเรือเราสินะครับ”
   “อืม... นายนี่รู้ทันแผนฉันทุกที” เว่ยจินหยินว่า เถียนซานพูดยิ้มๆ “เปล่าหรอกครับ แล้วเรื่องหมายจับล่ะครับ? หรือว่าคุณท่านจะจัดการเรื่องเองทั้งหมด”
   “อ้อ เปล่า” เว่ยจินหยินปฏิเสธ “น้องห้าคงอยากเห็นพวกนี้เข้าคุก แต่หวังพึ่งแค่ตำรวจฮ่องกงคงลำบาก เพราะเจ้าพวกนี้ก็มีสายอยู่ในกรมตำรวจเยอะ ฉันว่าจะประสานกับทางสก็อตแลนยาร์ด เพราะยังไงทางนั้นก็อยากจะจับไอ้เจ้าพวกนี้อยู่เหมือนกัน เดี๋ยวฉันจะให้คนลองสืบดูก่อน ว่าพวกที่เคลื่อนไหวอยู่ตอนนี้ มีอยู่ในหมายจับของทางนั้นบ้างไหม จะได้รวบเสียทีเดียว”
   “ครับ ผมจะจัดการให้” อีกฝ่ายตอบ แต่คนเป็นเจ้านายกลับโบกมือวูบ “ไม่ต้อง เรื่องสก๊อตแลนยาร์ตกับหมายจับ ฉันจัดการเอง นายน่ะไปจัดการคุยกับอาจารย์น้อยเถอะ”
   “!!” เถียนซานเงยหน้าขึ้นมองเจ้านายของเขาทันที เห็นเว่ยจินหยินยิ้มน้อยๆ ที่มุมปาก “ไม่ค่อยจะเห็นนายทำหน้าลำบากใจแบบนี้เท่าไหร่เลยนะ ทำไมล่ะ อาจารย์น้อยก็เป็นศิษย์รุ่นพี่ของนายไม่ใช่หรือ? นายไม่ชอบเขาขนาดนั้นเลยหรือไง?”
   “เปล่าหรอกครับ จะให้ผมไปพูดกับเขาเรื่องท่าเรือใช่ไหมครับ?”
   เว่ยจินหยินพยักหน้า “อืม บอกเขาว่าฉันจะใช้เขาเป็นตัวล่อ ส่วนรายละเอียด เดี๋ยวฉันจะไปคุยด้วยตัวเองอีกที ฉันรู้ว่าถ้าเป็นนายไปขอร้อง เขาต้องตกลงแน่”
   คนถูกสั่งพยักหน้า “ครับ ผมจะไปจัดการให้” จากนั้นก็เดินออกประตูไป เว่ยจินหยินถอนหายใจเฮือก นั่งหมุนปากกาไปมาอยู่อีกพัก ถึงเรียกคนสนิทเข้ามาสั่ง “ต่อสายไปสก็อตแลนยาร์ดให้ฉันหน่อย ขอพูดกับเจ้าหน้าที่มิลเลอร์นะ”
-------------------------------------------
   “ว้าว! คุณจินหยิน นั่นเสียงคุณจริงๆ เหรอครับ” เสียงปลายสายตอบกลับมาอย่างร่าเริง ขณะที่เว่ยจินหยินพยักหน้าอย่างอ่อนอกอ่อนใจ “ฉันเอง สวัสดีมิลเลอร์ ดีใจนะที่ยังไม่ถูกไล่ออกจากงานน่ะ”
   “อืม... เจ็ดปีที่แล้วคุณทำผมไว้แสบ ผมยังจำไม่ลืมเลยล่ะ ที่จริงคุณน่าจะดีใจนะ ที่ผมยังไม่ถูกไล่ออก คุณเลยได้โทรมาหาผมอีก ว่าแต่ มีอะไรให้รับใช้หรือครับ คุณชาย”
   “ฉันไม่ใช่คุณชายแล้ว” เว่ยจินหยินตอบกลับไป ได้ยินเสียงอีกฝ่ายร้องอุทานอีก “งั้นเป็นอะไรล่ะครับ คุณนาย?”
   “มิลเลอร์!” เว่ยจินหยินเอ็ดทันที “พูดจาระวังปากหน่อยเถอะ ฉันได้นั่งตำแหน่งประธานกลุ่มแล้ว แทนคุณพ่อที่เสียไปเมื่อสองปีก่อน”
   “อ้อ.... เสียใจด้วยนะครับ แล้วก็ดีใจด้วย งี้คุณก็ได้เป็นคุณท่านแล้วสิ”
   “อืม...” เว่ยจินหยินกรอกเสียงกลับไป พลางคิดว่าเวลาผ่านมาตั้งเจ็ดปีแล้ว เขายังต้องเสียเวลาปวดประสาทในการโทรศัพท์คุยกับไอ้หมอนี่อยู่อีกรึเนี่ย
   “มิลเลอร์ นายมีรายชื่อแก๊งค้าอวัยวะข้ามชาติที่มีการขนถ่ายที่ฮ่องกงมั้ย?”
   “มีเพียบเป็นกระบุงเลย” อีกฝ่ายตอบ แล้วพูดต่อด้วยความแปลกใจ “นี่คุณไปสืบรู้มาจากไหนเนี่ย ว่าผมกำลังตามไอ้คดีพวกนี้อยู่”
   เว่ยจินหยินเลิกคิ้วขึ้นหน่อยหนึ่ง ก่อนจะกรอกเสียงกลับไป “อืม คงเป็นโชคของฉันล่ะมั้ง จะให้รายชื่อฉันได้เร็วสุดเมื่อไหร่น่ะ?”
   “หา!!” คนปลายสายร้องเสียงหลง “เดี๋ยวสิครับ นี่โทรมาก็จะสั่งๆ เลยหรือไง คุณไม่ใช่เจ้านายผมที่สก็อตแลนยาร์ดนะ”
   “อ้อ... งั้นขอสายเจ้านายนายด้วยสิ ฉันกำลังวางแผนจะจัดการกับแก๊งค้าอวัยวะที่นี่ เลยจะสืบดูว่ามีคนที่นายต้องการอยู่บ้างรึเปล่า เอารายชื่อมาก่อนก็แล้วกัน ถ้ามีฉันจะประสานงานไปอีกที”
   “นี่คุณไม่ได้หลอกต้มอะไรผมนะ?” เสียงปลายสายถามอย่างไม่แน่ใจ เว่ยจินหยินมุ่นคิ้วหน่อยๆ “งั้นฉันวางแล้วกัน เดี๋ยวจะต่อสายตรงเข้าหาเจ้านายของนายอีกที น่าจะคุยกันรู้เรื่องกว่า”
   “เดี๋ยวครับ บอกแล้วครับ บอกแล้ว” อีกฝ่ายละล่ำละลักตอบมาทันที “คุณมีอีเมลมั้ยล่ะ? เดี๋ยวผมส่งรายละเอียดเข้าไปให้ มีหลายหน้าอยู่ล่ะ”
   “อืม... ตกลง” เว่ยจินหยินตอบ และบอกอีเมลไป
---------------------------------------------
หัวข้อ: Re: [พิเศษ:My neighbor.&นกยูงแดง] การไถ่บาปของสุนัขจิ้งจอก1 (18/11/2554)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 18-11-2011 22:51:55
   ทั้งชีวิตห้าสิบปีที่ผ่านมา เถียนซานไม่ค่อยลำบากใจที่จะไปพบใครนัก ยกเว้นเสียแต่คนที่เว่ยจินหยินเรียกว่าอาจารย์น้อยคนนี้คนเดียวนี่แหละ...
   อาจารย์น้อยที่ว่านี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นศิษย์รุ่นพี่ร่วมสำนักกังฟูกับเขาตั้งแต่เมื่อหลายสิบปีก่อน ซึ่งมีเหตุให้มาสนิทชิดเชื้อกัน จนได้มาสอนกังฟูให้เว่ยจินหยินในเวลาต่อมา เอาเถอะ ถึงผู้ชายคนนี้จะไม่ใช่ศิษย์รุ่นพี่เขา เว่ยจินหยินก็สมควรจะต้องรู้จัก เพราะนี่คือผู้ชายที่เป็นเหมือนตำนานในวงการมืดของฮ่องกง
   หงคงฉ่วย (นกยูงแดง)
   มีไม่กี่คนที่ได้เคยพบหน้าผู้ชายคนนี้และสามารถรอดชีวิตกลับไปได้แบบครบสามสิบสองประการ โดยไม่มีแผลเป็นหรืออะไรเป็นสัญลักษณ์เลย และมีคนน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย ที่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของผู้ชายคนนี้
   เผอิญว่าเถียนซานเป็นหนึ่งในคนน้อยเสียยิ่งกว่าน้อยพวกนั้น และตอนนี้เขาก็กำลังก้าวเท้าเข้ามาในคฤหาสน์ที่แทบจะไม่มีใครเคยก้าวเท้ากลับออกไปเลย
   “อาซานจริงๆ ด้วย” เสียงเอ่ยทัก และอ้อมกอดที่พุ่งเข้ามาอย่างกับจะกระแทกกันให้ตาย ทันทีที่เถียนซานเปิดประตูไม้บานใหญ่เข้าไปในส่วนที่เป็นห้องรับแขก ทำให้ชายวัยห้าสิบต้องรีบเบี่ยงตัวหลบออกข้างไปทันที แขนคู่นั้นเลยคว้าพลาดเกือบจะกอดเอาประตู “อะไรกันเล่า อาซานทำไมใจร้ายกับฉันแบบนี้”
   “ผมมาพบรุ่นพี่เพราะคำสั่งของคุณท่านครับ”
   “ฉันรู้แล้ว แต่ขอกอดให้ชื่นใจหน่อยไม่ได้หรือไง?” อีกฝ่ายตอบ เถียนซานทำหน้าลำบากใจ ก่อนจะยืนนิ่งๆ ยอมให้ทางนั้นกอดแต่โดยดี ฝ่ายที่กอดตัวเล็กกว่าเขาพอสมควร พอกอดแล้วก็ให้ความรู้สึกเหมือนเด็กกอดผู้ใหญ่พิกล ติดแต่ว่าเด็กคนนี้ออกจะตัวหนาแล้วก็แข็งแรงไปเสียหน่อย
   “พอได้แล้วล่ะครับ” เถียนซานพูด หลังจากที่อีกฝ่ายเริ่มลูบมือไปตามแผ่นหลังของเขา ลามปามไปที่เอวและสะโพก แน่นอนว่าเถียนซานไม่ได้พูดเฉยๆ เขาดึงตัวฝ่ายนั้นออกอย่างกับจะผลักทิ้ง แต่คนตรงหน้าก็ดูจะมีชั้นเชิงอยู่พอสมควร ถูกผลักแบบนั้นยังมีจังหวะจะคว้าแขนของเขาแล้วดึงเข้าไปหาได้อีก
   “ขอจูบด้วยสิ”
   “ไม่ได้เด็ดขาดเลยครับ” เถียนซานพูดเสียงเรียบ แล้วยกมือขึ้นปิดปากของอีกฝ่ายไว้ ร่างนั้นส่งเสียงอู้อี้ “อาซานใจร้ายจริงๆ”
   “ขอร้องล่ะครับรุ่นพี่ ช่วยยืนหรือนั่งพูดกับผมดีๆ หน่อยเถอะ ผมมาคุยธุระนะครับ” ร่างสูงกล่าวอย่างอ่อนอกอ่อนใจ ได้ยินเสียงอีกฝ่ายพูดทั้งๆ ที่ยังมีมือปิดปากอยู่ “งั้นให้จูบก่อนสิ”
   “ไม่ได้ครับ”
   “จินหยินไม่รู้หรอกน่า”
   “ไม่รู้ก็ไม่ได้ครับ ผมอายุห้าสิบแล้วนะ”
   “ห้าสิบแล้วไง? ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยให้จูบสักครั้งเลยนี่”
   “ตอนนี้กับหลังจากนี้ก็ไม่ให้เหมือนกันล่ะครับ นี่ผมมาคุยธุระนะครับ” เถียนซานว่า หคงฉ่วยพ่นลมหายใจออกมาอย่างไม่สบอารมณ์นัก
   “เหอะ น่าเบื่อจริงๆ เลย” ฝ่ายนั้นกล่าว แล้วยอมถอยหลังในที่สุด “จินหยินใช้ให้มาสินะ มีเรื่องใหญ่ล่ะสิ ร้อยวันพันปี ให้พายุเข้าฟ้าถล่ม ก็ไม่เคยอยากให้นายมาหาฉันนี่นา”
   เถียนซานมองดูคนตรงหน้า ที่ยืนอยู่เป็นผู้ชายที่ดูจากภายนอกคงอายุราวๆ สักยี่สิบสามสิบ หวีผมแสกข้าง หน้าตาหมดจดชวนมอง สวมเชิ้ตสีแดงคล้ำ และกางเกงสีน้ำตาลเหล็ก มีไม่กี่คนที่รู้ว่า ผู้ชายคนนี้แหละ คือตำนานที่อยู่คู่ฮ่องกงมาหลายปี ในฐานะของหงคงฉ่วย
   “คุณท่านต้องการขอความร่วมมือจากคุณเกี่ยวกับเรื่องแก๊งค้าอวัยวะน่ะครับ” เถียนซานพูดธุระออกไป ทั้งๆ ที่ตัวเองยังไปไม่ถึงเก้าอี้รับรองด้วยซ้ำ แล้วคนที่คุยธุระก็ยังยืนเต๊ะท่าอยู่หน้าประตู หงคงฉ่วยเลิกคิ้วขึ้นสูง “เห... นี่จินหยินคิดจะหันมาค้าอวัยวะแล้วหรือ ท่าทางต้องมีคนตายเพิ่มขึ้นมากแน่ๆ” พูดพลางทำหน้าตื่นตกใจจนน่าหมั่นไส้ ทำเอาคนตรงข้ามต้องย่นคิ้วตอบ
   “อย่าพูดอะไรเดาสุ่มแบบนั้นได้ไหมครับ” เถียนซานพูดอย่างมีน้ำอดน้ำทน “คุณท่านอยากจะจัดการกับแก๊งพวกนั้น เลยให้ผมมาขอความร่วมมือจากคุณ”
   “หา?!” หงคงฉ่วยร้องเสียงดัง แล้วทำหน้าตกอกตกใจเหมือนเห็นปิศาจผุดขึ้นมาตรงหน้า “เกิดอะไรขึ้นน่ะ ปกติจินหยินไม่น่าจะสนใจเรื่องพวกนี้นี่ หรือว่าใครไปสะกิดตาปลาเขา”
   “รุ่นพี่ครับ.... เลิกเดามั่วสักทีเถอะครับ คุณท่านมีเหตุผลส่วนตัว”
   หงคงฉ่วยหรี่ตาลง “ใครขอร้องมาล่ะสิ อยากรู้จริง ใครนะขอรองจินหยินได้... เออ แล้วนายน่ะ เลิกเรียกจินหยินว่าคุณท่านทีเถอะ ฟังแล้วฉันนึกถึงพ่อเขาทุกที จินหยินยังไม่แก่ขนาดนั้นเสียหน่อย ทำไมนายถึงไม่เรียกว่าจินหยินน้อยแทนนะ”
   “ผมเป็นลูกน้องนะครับ” อีกฝ่ายตอบ หงคงฉ่วยทำหน้าขัดใจ “ลูกน้องแล้วไงเล่า จินหยินไม่ถือนายเป็นลูกน้องสักหน่อย แล้วนี่มีอะไรกันบ่อยรึเปล่าล่ะ อุตส่าห์มาถามเทคนิคไปตั้งหลายอย่าง ไม่ใช้ให้คุ้มฉันจะแช่งให้ลุกไม่ขึ้นเลย”
   “เราเข้าเรื่องกันสักทีเถอะครับ” เถียนซานพูดอย่างอดทนอดกลั้น หงคงฉ่วยมองเขา แล้วยักไหล่ “ว่ามาสิ”
   “ผมมาเพื่อขอร้องให้คุณตกลงร่วมมือกับคุณท่าน ส่วนเรื่องรายละเอียดแผนการ คุณท่านกำลังจัดการอยู่ และจะมาบอกกับคุณเองหลังจากนี้”
   “โอ้... ถึงกับขอร้องเลยเหรอ แปลว่ายังไงฉันก็ต้องตกลงให้ความร่วมมือสินะ” หงคงฉ่วยพูด แล้วหรี่ตามองร่างสูงใหญ่เกือบสองเมตรตรงหน้า อีกฝ่ายผงกศีรษะ “ครับ ผมมาขอร้องให้คุณตกลง”
   “อืม..........” อีกฝ่ายส่งเสียงอย่างใช้ความคิด “ถึงกับส่งนายมา แล้วยังคำพูดที่จะเอาให้ได้แบบนี้อีก ใครกันน่ะที่ทำให้จินหยินลงทุนขนาดนี้ เขารู้ใช่ไหมว่าฉันต้องการอะไรในการตกลงถึงได้ส่งนายมา”
   “ครับ”
   “บอกฉันหน่อยสิว่าใครขอจินหยินเรื่องนี้ บางทีฉันอาจจะยอมตกลงโดยไม่มีเงื่อนไขก็ได้”
   เถียนซานเงียบไปพักใหญ่ สุดท้ายก็ยอมตอบออกไป “ท่านห้าครับ... น้องชายที่คุณท่านพยายามฆ่าเมื่อเก้าปีที่แล้ว คุณคงจำได้”
   “หืม?!” คิ้วของหงคงฉ่วยเลิกขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ท่าทางเขาจะตกใจจริงๆ “ว่าไงนะ ปิงเซียงน่ะนะ เขาฟื้นแล้วเหรอ เมื่อไหร่น่ะ?”
   “นานแล้วครับ” เถียนซานตอบ และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น ฝ่ายตรงข้ามพยักหน้าหลายครั้ง “อืม... ฉันพอเข้าใจคนที่ต้องแกล้งตายเพื่อรอดชีวิตเลยล่ะ แล้วนี่ปิงเซียงเชื่อจริงๆ หรือว่าทั้งหมดน่ะไม่ใช่ฝีมือพี่ชายเขาน่ะ”
   “คิดว่านะครับ... เพราะท่านใหญ่ยืนยัน และก็หาเหตุผลทำให้ดูน่าเชื่อถือมาก”
   “อืม.. อันที่จริงแผนจินหยินก็แนบเนียนอยู่แล้วล่ะ ฟู่ฉินเสริมนิดเสริมหน่อยก็คงน่าเชื่อถือหรอก เฮ้อ.. งี้จะทำยังไงกับคำว่าอำมหิตที่ต่อท้ายชื่อเขาดีล่ะ”
   “เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหาหรอกครับ” เถียนซานพูด “เป็นอันว่าคุณตกลงยอมให้ความร่วมมือในเรื่องนี้นะครับ”
   “ไม่ล่ะ อาทิตย์หน้าฉันจะต้องไปอเมริกา ตกลงอะไรตอนนี้ไม่ได้หรอก”
   “?!” ร่างสูงใหญ่เงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย เห็นหงคงฉ่วยยิ้มลี้ลับที่มุมปาก “แต่ถ้านายตกลงก่อนล่ะก็ไม่แน่” จากนั้นก็ยื่นมือมาจับคางของเถียนซานเอาไว้ “นายมานอนกับฉันสักคืนสิ ฉันอยากรู้ว่าลีลานายเด็ดขนาดไหน แล้วฉันจะตอบตกลง”
   “...............” เถียนซานยืนนิ่ง ขณะที่หงคงฉ่วยขยับตัวเข้ามาใกล้ ฝ่ายนั้นเลื่อนมือจากคางลงลูบอกเสื้อของเขา “นี่เป็นเหตุผลที่จินหยินส่งนายมา นายเองก็รู้ไม่ใช่หรือไง”
   “ครับ”
   “อืม... งั้นก็แปลว่าตกลงสินะ ไปกันเถอะ จะเอาที่ห้องนอนฉัน หรือว่าในอ่างดี หรือว่าตรงระเบียง แต่คนหน้าบางแบบนาย บนเตียงดีกว่ามั้ง”
   “ไม่ตกลงสักที่ล่ะครับ” อีกฝ่ายตอบทันใจ คิ้วของหงคงฉ่วยขมวดเข้าหากันทันที “นี่... จินหยินสั่งให้นายมาตกลงกับฉันไม่ใช่หรือไง เขาก็รู้อยู่ว่าฉันอยากทำอะไรนาย เพราะงั้นนะ นายยอมๆ เถอะน่า เรื่องจะได้จบๆ”
   “ผมว่าเรื่องมันจะยิ่งยุ่งน่ะสิครับ” เถียนซานพูด และยึดมือของหงคงฉ่วยที่เลื่อนต่ำลงไปจนแทบจะอยู่ใต้เข็มขัดของเขาเอาไว้ “คุณท่านรู้ก็จริง แล้วก็คงคิดว่ารุ่นพี่ต้องทำแบบนี้แน่ แต่รุ่นพี่คิดหรือครับว่าคุณท่านจะไม่วางแผนจัดการอะไรสักอย่างหลังจากนี้ รุ่นพี่เองก็รู้จักคุณท่านมาตั้งแต่เด็กเหมือนกันนี่ครับ”
   “....................” ถึงคราวหงคงฉ่วยเงียบไปบ้าง เถียนซานได้จังหวะจึงพูดสืบต่อ “ที่ผมปฏิเสธ เพราะหวังดีกับรุ่นพี่นะครับ รู้ใช่ไหมครับ ว่าต่อให้เป็นนกยูงแดง ถ้าคุณท่านไม่พอใจก็คงจะหาเรื่องเด็ดปีกเอาได้ ต่อให้บินหนีไปที่อเมริกาก็ไม่พ้นหรอกครับ”
   หงคงฉ่วยทำหน้ายู่ ท้ายที่สุดก็พ่นลมหายใจออกมา “นายพูดซะฉันฝ่อเลย แต่มันก็จริงล่ะนะ ฉันไม่อยากตอแยกับจินหยินนักหรอก ยิ่งถ้ามีนายช่วยเสริมอีกแรง ท่าทางชื่อนกยูงแดงของฉันคงพังแน่ๆ” พูดแล้วก็ทำหน้าสยดสยอง “ซวยจริงๆ ทำไมนายถึงต้องถูกเจ้าเด็กจิ้งจอกนั่นยึดเอาไว้ด้วยนะ”
   “รุ่นพี่นั่นแหละครับ ทำตัวเรียบร้อยหน่อยเถอะ อายุก็เยอะๆ กันแล้ว” เถียนซานว่า หงคงฉ่วยทำหน้าหงิกอีก “อายุเยอะน่ะแค่นายต่างหากล่ะ ฉันยังไม่แก่สักหน่อย”
   เถียนซานทำหน้าอ่อนอกอ่อนใจ แล้วพูดต่อทันที “เป็นอันว่าตกลงนะครับ ผมจะได้ไปบอกคุณท่าน”
   หงคงฉ่วยถลึงตาใส่ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีหน้าน่าสงสาร เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายดูจะไม่ให้ความสนใจ แล้วครางออกมา “อะไรกัน ขู่กันแบบนี้ ยังจะให้ฉันตกลงอีกหรือ ฉันแก่แล้ว ขอกันดีๆ ไม่ได้หรือไง”
   เถียนซานสูดหายใจอย่างอดทน “ยอมตกลงเถอะนะครับ ผมขอร้องล่ะ”
   หงคงฉ่วยย่นจมูกหน่อยๆ “งั้นจูบปากก่อนสิ”
   “ไม่ได้ครับ”
   “หอมแก้ม”
   “ไม่ได้ครับ”
   “จูบจมูก”
   “ไม่ได้ครับ”
   “งั้นก็ทำอะไรสักอย่างก็ได้ ฉันจะได้ตกลงสักที” อีก่ฝ่ายโพล่งขึ้นอย่างหัวเสีย เถียนซานพยักหน้า ก่อนจะก้มลงจูบหน้าผากเบาๆ “เป็นอันตกลงนะครับ”
   หงคงฉ่วยกะพริบตาปริบๆ สักพักก็ยอมพยักหน้า “อืม... ฉันตกลงก็ได้ นายนี่มันจริงๆ เลยน้า... เฮ่อ....”
   “ขอบคุณนะครับ” เถียนซานพูด แล้วยิ้มออกมา “ผมลาล่ะ”
   “เออ ไปไหนก็ไปเถอะ” หงคงฉ่วยออกปากพลางโบกมือไล่ “บอกจินหยินด้วยว่าวันหลังจะขออะไรฉันให้ส่งคนอื่นมา ถ้าให้นายมาฉันจะไม่ยอมตกลงอะไรอีกแล้ว”
   “ครับ แล้วผมจะบอกให้ครับ” เถียนซานพูดด้วยสีหน้าจริงจัง แล้วทำท่าจะเดินออกไป ได้ยินหงคงฉ่วยพูดขึ้นอีก “เดี๋ยวก่อน!”
   “ครับ?!” เถียนซานหันกลับมาอีกครั้ง เห็นคนเรียกทำหน้ายุ่งยากใจ “เมื่อกี้ฉันพูดผิด เปลี่ยนใหม่แล้วกัน บอกเขาว่าวันหลังมีอะไรให้เขามาเอง ถ้าส่งนายมาอีกแล้วทำเอาฉันคลั่งใจตายล่ะก็ ฉันจะตามไปบีบคอเขาถึงในห้องนอนเลย”
   “ครับ” ร่างสูงใหญ่รับคำ แล้วออกจากห้องรับแขกไป ทิ้งให้หงคงฉ่วยยกมือกดหน้าผาก แล้วถอนหายใจเฮือก
-----------------------------------------------------
   “อาจารย์น้อยว่างั้นหรือ?” เว่ยจินหยินพูดระหว่างอยู่บนโต๊ะอาหารมื้อค่ำ ซึ่งมีแค่ลูกน้องคนสนิทเก่าแก่ของเขาเพียงคนเดียวนั่งร่วมโต๊ะอยู่อีกฝั่ง เถียนซานพยักหน้า เว่ยจินหยินยิ้มออกมา “เขาขอแต๊ะอั๋งนายเพียบเลยล่ะสิ”
   “ครับ” อีกฝ่ายพยักหน้ารับ ได้ยินเสียงอีกฝ่ายถามต่อ “แล้วนายทำยังไงเขาถึงยอมตกลงล่ะ”
   “ผมจูบหน้าผากเขาไปน่ะ”
   “...............”
หัวข้อ: Re: [พิเศษ:My neighbor.&นกยูงแดง] การไถ่บาปของสุนัขจิ้งจอก1 (18/11/2554)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 18-11-2011 22:56:36
   “คุณท่าน...” เถียนซานเรียกเจ้านายของเขา เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบไป เว่ยจินหยินกะพริบตาปริบๆ แล้วจึงพูดออกมา “แค่นั้นหรือ?”
   “ครับ”
   คิ้วได้รูปขมวดเข้าหากันทันที จากนั้นเว่ยจินหยินก็พึมพำออกมา “เหลือเชื่อ”
   “อะไรหรือครับ?”
   “อืม.... ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่นึกว่าอาจารย์น้อยไม่น่าจะปล่อยนายออกมาง่ายๆ แบบนี้ ท่าทางข่าวลือจะจริงสินะเนี่ย”
   “?!”
   เว่ยจินหยินหันหน้าไปทางลูกน้อง แล้วยิ้มอีกครั้ง “ได้ยินมาว่าอาจารย์น้อยกำลังหลงเด็กใหม่อยู่ ที่ว่าไปอเมริกาน่ะ จริงๆ อาจจะไปเที่ยวกับเด็กใหม่ก็ได้นะ”
   “อ้อ... ที่เป็นตำรวจน่ะหรือครับ”
   เว่ยจินหยินพยักหน้า “ได้ยินว่าเชื่อลู่อี้เผิงหรืออะไรนี่แหละ วันนี้ฉันได้ข้อมูลหมายจับของสก็อตแลนยาร์ดมาแล้ว เลยให้คนเข้าไปประสานงานที่กรมตำรวจมา”
   “แล้วได้เจอเขาไหมครับ ตำรวจที่ชื่อลู่อี้เผิงน่ะ?” เถียนซานถามต่อ อีกฝ่ายสั่นศีรษะ “เปล่า แต่เห็นว่าเขากำลังจะลาพักร้อน ไม่แน่นะ อาจจะไปกับอาจารย์น้อยก็ได้”
   “อืม... ไม่รู้ว่าเขาจะวางแผนอะไรเอาไว้อีกรึเปล่าน่ะสิครับ รุ่นพี่ยิ่งเชื่อไม่ค่อยได้อยู่” เถียนซานตั้งข้อสังเกต เว่ยจินหยินหัวเราะออกมา
   “นายไม่ต้องกังวลหรอก ฉันคิดแผนไว้แล้ว ยังไงเขาต้องยอมตกลงเล่นตามบทที่ฉันเขียนแน่”
   “ครับ” เถียนซานพยักหน้า แล้วตักกับข้าวให้เว่ยจินหยิน ได้ยินอีกฝ่ายพูดต่อ “งั้นระหว่างอาจารย์น้อยไปอังกฤษ ฉันจะล่อให้ลีไป๋หู่หันมาใช้บริการท่าเรือของฉันแล้วกัน”
   “ลีไป๋หู่?” เถียนซานทวนคำ ก่อนจะพูดต่อ “นายหน้าลักลอบค้าของเถื่อนที่เคยถูกตระกูลฟงสั่งเก็บน่ะหรือครับ?”
   “อืม เดี๋ยวนี้เขาหันมาเป็นพ่อค้าคนกลางขนอวัยวะแล้วล่ะ ฉันก็เห็นด้วยหรอกนะ เพราะท่าทางเงินจะดีกว่า แถมเขาเองก็เชี่ยวชาญเรื่องท่าเรืออยู่แล้ว เห็นว่าทำมาได้สักสองสามปีแล้วล่ะ ที่สำคัญเขามีหมายจับอยู่ทั้งของสก็อตแลนยาร์ดแล้วก็กรมตำรวจที่นี่ด้วย แบบนี้น้องห้าคงพอใจ”
   “คุณท่าน....”
   เว่ยจินหยินเงยหน้าขึ้นมา แล้วยิ้มบางๆ “ทำไมล่ะ แปลกใจเหรอที่ฉันทำเรื่องนี้เพราะน้องห้าน่ะ”
   เถียนซานจำต้องพยักหน้า “ขอโทษด้วยนะครับ ผมไม่คิดว่าคุณจะ...”
   “อืม  ฉันรู้ ฉันไม่เคยคิดจะทำอะไรเพื่อใครหรอก นอกจากตัวเอง” เว่ยจินหยินกล่าว แล้วถอนหายใจเฮือก “อาซาน เรื่องนี้น่ะ ฉันก็ไม่ได้ทำเพราะน้องห้าหรอก ฉันทำเพราะตัวเอง”
   “............”
   “นายคิดว่าฉันควรจะรู้สึกยังไงกับน้องชายที่ฉันเคยพยายามจะฆ่า แล้วมารู้อีกทีว่าเขายังไม่ตาย แถมทำหน้าเชื่อถืออย่างจริงๆ จังๆ ว่าฉันไม่ผิดล่ะ”
   “...............”
   “ฉันไม่รู้หรอกนะว่าพวกนายตกลงกันว่ายังไง ไม่อยากจะคิดด้วยว่าปิงเซียงเชื่อจริงๆ รึเปล่าว่าฉันไม่ผิด ฉันแค่รู้สึกว่า ฉันควรจะทำอะไรเพื่อไถ่บาปเรื่องนี้บ้าง” พูดพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ เว่ยจินหยินจึงกล่าวสืบต่อ “ฉันอยากทำอะไรสักอย่างให้เขา เพื่อชดใช้ความรู้สึกผิดในใจของตัวเองก็เท่านั้นแหละ”
   “คุณท่าน.....” เถียนซานเรียกเจ้านายตัวเอง เว่ยจินหยินยิ้มบางๆ บนริมฝีปาก “ฉันไม่ใช่คนไม่ดีอะไรใช่ไหม?”
   เถียนซานเม้มริมฝีปาก แล้วเอื้อมไปดึงมือของเว่ยจินหยินมากุมไว้ “คุณเป็นคนดีที่สุดของผมเสมอครับ”
   เว่ยจินหยินมองมือสากหยาบของอีกฝ่าย เลื่อนขึ้นไปจนถึงสายตาอบอุ่นมั่นคงที่มองมายังเขา ก่อนจะยิ้มอีกครั้ง “ขอบใจนายมากนะ ขอบใจนายมากจริงๆ”
-----------------------------------------
   หงคงฉ่วยเลิกคิ้วขึ้นสูง ขณะเห็นหน้าผู้ที่เปิดประตูเข้ามาในห้องรับรอง นกกระตั้วสีขาวที่เกาะอยู่บนคอนข้างโต๊ะทำงานที่เขานั่งอยู่ถึงกับตีปีกด้วยความตื่นตระหนก “ตัวร้ายมาแล้ว! ตัวร้ายมาแล้ว!”
   ผู้ที่ก้าวเข้ามาใหม่ขยับแว่นตากรอบทองหน่อยหนึ่งแล้วยิ้มออกมา “สายันต์สวัสดิ์ครับ อาจารย์น้อย”
   หงคงฉ่วยหันหน้าไปหาลูกน้องที่ยืนเรียงกันอยู่ทางด้านขวา ก่อนจะออกคำสั่ง “พาเสี่ยวชิกไปที่ห้องก่อนซิ ฉันกลัวเสี่ยวชิกจะขนร่วง”
   “ขนมันไม่ร่วงหรอกครับ ถ้ามันไม่ใช่ปากดึงขนตัวเองน่ะ” เว่ยจินหยินกล่าว แล้วเดินตรงมายังเก้าอี้รับรองหน้าโต๊ะทำงาน หงคงฉ่วยขมวดคิ้ว รีบโบกมือให้คนเอานกไปเก็บ “ฉันกลัวเธอจับเสี่ยวชิกถอนขนด้วยสายตาน่ะ”
   เว่ยจินหยินหัวเราะเบาๆ อีกครั้ง ก่อนจะหรี่ตามองคนตรงหน้า “ถ้ามันพูดจาดีๆ ผมก็ไม่ทำอะไรมันหรอกครับ แต่ช่างเถอะ อาจารย์น้อย ผมมาคุยรายละเอียดเรื่องที่ให้อาซานมาพบคุณวันก่อน”
   หงคงฉ่วยชะงักไปพักหนึ่ง แล้วพูดตอบออกไป “อ้อเหรอ.. บอกตรงๆ นะ ฉันคิดว่าเธอจะมาคุยกับฉันเรื่องนี้ หลังฉันกลับจากอเมริกาซะอีก”
   “ผมกลัวอาจารย์น้อยไปแล้วไม่ได้กลับมาน่ะครับ ได้ยินว่าพักนี้อเมริกามีทอนาโดเข้าอยู่ เลยว่าจะมาคุยไว้ก่อน เผื่อมีอะไรแผนการผมจะได้ไม่เสียหาย”
   หงคงฉ่วยจ้องหน้าเว่ยจินหยิน ก่อนจะครางออกมา “ดีแล้วล่ะที่เสี่ยวชิกไม่ได้อยู่ฟังคารมเธอ ฉันล่ะกลัวจริงๆ ว่ามันจะติดนิสัยปากเสียของเธอเข้าสักวัน”
   เว่ยจินหยินยิ้มหวานกว่าเดิม “ไม่หรอกครับ ผมว่าคารมผมน่ะยังไม่เท่าไหร่หรอก ยังเทียบคารมของอาจารย์น้อยไม่ติดเลย”
   หงคงฉ่วยถลึงตามองอีกฝ่ายเหมือนเห็นสัตว์ประหลาด ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องพูด “ไหนว่าแผนการของเธอมาซิ ทำไมจู่ๆ ถึงได้อยากจะเล่นงานพวกแก๊งค้าอวัยวะนักล่ะ เกิดสำนึกผิดเรื่องปิงเซียงหรือไง?”
   “ทำนองนั้นแหละครับ”
   “ห๊ะ!” หงคงฉ่วยร้องขึ้นมาอย่างไม่เกรงใจอีกฝ่าย ก่อนจะพูดสืบต่อ “เธอกินอะไรมาผิดขนานรึเปล่าน่ะ?”
   เว่ยจินหยินยิ้มตอบไปอย่างใจเย็น “มาว่าเรื่องแผนกันเถอะครับ ผมว่าจะขอยืมแรงจากอาจารย์น้อยเสียหน่อย”
   หงคงฉ่วยได้แต่อ้าปากพะงาบๆ เมื่อเจออีกฝ่ายเปลี่ยนเรื่องกะทันหัน กินลมอยู่พักถึงจะหาประโยคตอบโต้ไปได้ “ยืมแรงอะไรน่ะ บอกเลยนะว่าถ้าไม่ใช่อาซานล่ะก็ ฉันไม่ตกลงออกแรงอะไรทั้งนั้นหรอกนะ ฉันไม่ไปช่วยเธอจับเจ้าแก๊งพวกนั้นหรอก”
   “ก็ไม่ได้จะให้ออกแรงไปจับใครหรอกครับ” เว่ยจินหยินตอบ “ที่จริงผมมีเรื่องจะมาตกลงสองอย่าง เรื่องแรกไม่กินแรงอาจารย์น้อยแน่นอน”
   “อืม... งั้นก็ลองว่ามาสิ”
   “ผมอยากให้อาจารย์น้อยสั่งท่าเรือในสังกัด ไม่ให้ตกลงทำสัญญาส่งของกับลีไป๋หู่ อาจารย์น้อยคงรู้จักชื่อเขานะครับ”
   “อ้อ... เจ้าเด็กลีที่หน้าเหมือนหนูคนนั้นน่ะนะ พอจะจำได้อยู่หรอก ที่หักหลังบ้านตระกูลฟงจนได้เรื่องใช่ไหมล่ะ?”
   “ครับ” อีกฝ่ายผงกศีรษะ “ตอนนี้เขาหันมาลักลอบค้าอวัยวะแทนแล้ว และพอดีว่าเขามีรายชื่อในหมายจับของทั้งทางตำรวจฮ่องกง และสก็อตแลนยาร์ด ผมเลยว่าจะจัดการเขาเสีย”
   “หืม?” คิ้วของหงคงฉ่วยเลิกสูงขึ้น “เสี่ยวจินหยินจะทำงานตัดหน้าตำรวจหรือนี่ เกิดอะไรขึ้นน่ะ จะแย่งผลงานตำรวจหรือไง?”
   “เปล่าครับ ผมแค่จะจัดการให้เขาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามปกติเฉยๆ”
   “?!!” หงคงฉ่วยชะงัก ก่อนจะยื่นคอมาจ้องหน้าคนนั่งตรงข้ามราวกับไม่เคยเห็นกันมาก่อน “เธอต้องกินยาผิดแน่ๆ”
   เว่ยจินหยินยิ้มให้กับคำพูดนั้น แล้วพูดต่ออย่างไม่ใส่ใจ “ผมอยากให้อาจารย์น้อยสั่งท่าเรือในสังกัดไม่ให้รับงานจากเขา จะปฏิเสธหรือบ่ายเบี่ยงยังไงก็ได้ บีบให้เขาเข้ามาใช้ท่าเรือของผม”
   “อืม... ฉันพอจะช่วยเธอเรื่องนั้นได้อยู่หรอก แต่นอกจากฉันกับเธอแล้ว ก็ยังมีคนอื่นที่คุมท่าเรืออีกนะ แน่ใจได้ยังไงน่ะว่าเขาจะยอมไปใช้ท่าเรือในสังกัดของเธอน่ะ”
   “เรื่องนั้นคงต้องขอยืมแรงอาจารย์น้อยล่ะครับ” เว่ยจินหยินตอบยิ้มๆ “เขาต้องมาใช้ท่าเรือของผมอยู่แล้ว เพราะผมจะบีบพวกที่เหลือเอง แต่เพื่อให้เป็นการแน่นอน ผมจะบอกเขาว่า ผมจะใช้อาจารย์น้อยเป็นเหยื่อ ทำนองว่าให้ข่าวกับตำรวจว่าอาจารย์น้อยเป็นผู้อยู่เบื้องหลังแก๊งค้าอวัยวะ แล้วจะหลอกให้ตำรวจหันมาติดตามอาจารย์น้อย เขาจะได้ขนของกับผมได้อย่างสะดวก”
   หงคงฉ่วยพยักหน้า “อืม หลังจากนั้น เธอก็จะมาตลบหลังเขาอีกที ทำให้เขาเชื่อว่าเธอสามารถคุ้มกะลาหัวเขาจากตำรวจได้ ทำให้การขนส่งของเขาปลอดภัย แล้วค่อยติดต่อตำรวจอีกชุด เพื่อจัดการจับเขาให้ได้คาหนังคาเขาสินะ”
   “ใช่ครับ อาจารย์น้อยนี่เยี่ยมจริงๆ” เว่ยจินหยินกล่าวชื่นชม แต่อีกฝ่ายไม่ยักมีสีหน้าภูมิใจด้วย หงคงฉ่วยตีหน้าเซ็งใส่ “ฉันไม่ตกลงกับเงื่อนไขนี้ เพราะแผนเธอคงไม่ใช่แค่ปล่อยข่าวธรรมดาแน่ จะให้เจ้าเด็กลีนั่นเชื่อใจ ต้องให้ทางฉันมีรีแอคชั่นด้วยใช่ไหมล่ะ อย่างน้อยก็ต้องทำให้รู้ว่าตำรวจแอบจับตามองฉันอยู่ นี่ จินหยิน คฤหาสน์กับเด็กๆ ฉัน ไม่ได้มีไว้ให้เธอใช้เป็นหนูทดลองให้แมวไล่จับหรอกนะ มีวิธีอื่นจะเสนอฉันอีกมั้ย?”
   ฟังหงคงฉ่วยจบ แทนที่เว่ยจินหยินจะมีสีหน้าไม่พอใจ กลับปรากฏรอยยิ้มงดงามราวกับเทวดาขึ้นแทน “อาจารย์น้อยฟังรายละเอียดก่อน จะบอกไม่ตกลงก็ยังไม่สายนะครับ”
   “เหอะ! จะเล่นลิ้นกับฉันแบบไหนอีกล่ะ”
   “ผมจะให้ตำรวจที่ชื่อลู่อี้เผิงมาเป็นทาสอาจารย์น้อยสักสี่ห้าวัน สนใจไหมครับ”
   “?!” ดวงตาของหงคงฉ่วยเบิกโพลง ก่อนจะหรี่นัยน์ตาลง “ไปเอาชื่อเขามาจากไหนน่ะ?”
   “รู้จักก็แล้วกันครับ” เว่ยจินหยินตอบเลี่ยงๆ แล้วยกมือขึ้นขยับแว่นตากรอบทองบนหน้า “ผมจะทำให้เขาลากเท้ามาขอรับใช้อาจารย์น้อยอย่างไม่มีข้อแม้ อย่างนี้อาจารย์น้อยจะยังไม่ตอบตกลงหรือครับ”
   หงคงฉ่วยจ้องเว่ยจินหยินเหมือนเห็นสัตว์ประหลาดอยู่พักใหญ่ สุดท้ายก็หัวเราะออกมา “จินหยินน้อยนี่ร้ายกาจจริงๆ นอกจากจะส่งอาซานมาล่อฉันแล้ว ยังจับจุดฉันได้ถูกอีก ถ้ารู้ว่าโตมาเธอจะร้ายขนาดนี้นะ ฉันจับเธอหักคอไปตั้งแต่ตอนที่ยังไม่รู้ประสีประสาแล้ว”
   เว่ยจินหยินหัวเราะเบาๆ “น่าเสียดายนะครับ คิดจะมาหักคอผมตอนนี้ คงสายไปสักหน่อย”
   “สายไปจริงๆ นั่นล่ะ” หงคงฉ่วยพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนจะพูดต่อ “เป็นอันว่าฉันตกลงก็แล้วกัน แต่ขอให้จัดการหลังฉันกลับมาจากอเมริกาล่ะ”
   “เรื่องนั้นทราบอยู่แล้วล่ะครับ” เว่ยจินหยินพยักหน้า ก่อนจะเงยขึ้นสบดวงตาสีดำของฝ่ายตรงข้ามที่จ้องมองมา หงคงฉ่วยจ้องเว่ยจินหยินได้สักพักก็ถามขึ้นอีก “จินหยิน ถามจริงๆ เถอะ ที่ทำทั้งหมดนี่ ก็เพื่อน้องชายที่เธอเคยฆ่าจริงๆ หรือ?”
   เว่ยจินหยินไม่ตอบอะไร ได้แต่ยิ้มบางๆ ที่มุมปาก
------------------------------------------------
หัวข้อ: Re: [พิเศษ:My neighbor.&นกยูงแดง] การไถ่บาปของสุนัขจิ้งจอก1 (18/11/2554)
เริ่มหัวข้อโดย: K2KARN ที่ 18-11-2011 23:33:33
+1 ไว้ก่อนนะคะ :)
หัวข้อ: Re: [พิเศษ:My neighbor.&นกยูงแดง] การไถ่บาปของสุนัขจิ้งจอก1 (18/11/2554)
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 19-11-2011 00:04:21
คุณ juon คะ แป๊งมีคำถาม
เว่ยจินหยินนี่มี อีกเรื่องเป็นของตัวเองรึป่าวคะ แต่ไม่เห็นคุณอัพเท่าไรแล้ว คุ้นๆว่าเคยอ่าน แล้วคู่ของเว่ยจินหยินใช่ มิลเล่อร์มั้ยคะ
หรือว่า อาซาน? พอมาอ่านตอนพิเศษตอนนี้กลายเป็นว่า มิลเล่อร์กลับไปไหนแล้วไม่รู้ ไม่ได้อยู่ด้วยกัน? งงอ่ะค่ะ
หัวข้อ: Re: [พิเศษ:My neighbor.&นกยูงแดง] การไถ่บาปของสุนัขจิ้งจอก1 (18/11/2554)
เริ่มหัวข้อโดย: Heisei ที่ 19-11-2011 00:20:29
คิดว่าจะไม่มีให้อ่านซะแล้ว

บอกตามตรงเราอยากอ่านเบื้องหลังของตอนนี้มากๆเลยค่ะ
เราชอบนกยูงกับจิ้งจอกน้อยที่สุดเลย ~
(เรียกซะน่ารักน่าเอ็นดูผิดกับความจริงเกินไปสินะ -*-)

คุณ juon ทำให้เราเสียนิสัยแล้วล่ะ
ชอบอ่านแต่เรื่องแก่ๆ 5555555555555555555555555
หัวข้อ: Re: [พิเศษ:My neighbor.&นกยูงแดง] การไถ่บาปของสุนัขจิ้งจอก1 (18/11/2554)
เริ่มหัวข้อโดย: ake2533 ที่ 19-11-2011 00:34:50
 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: [พิเศษ:My neighbor.&นกยูงแดง] การไถ่บาปของสุนัขจิ้งจอก1 (18/11/2554)
เริ่มหัวข้อโดย: kazhiki ที่ 19-11-2011 00:51:30
คิดถึงนกยูงที่สุดเลยยย  ขอบคุณมากจ้า  :pig4:
หัวข้อ: Re: [พิเศษ:My neighbor.&นกยูงแดง] การไถ่บาปของสุนัขจิ้งจอก1 (18/11/2554)
เริ่มหัวข้อโดย: หัดดิน เอ้ยหัดกิน ที่ 19-11-2011 00:52:04
เย่ๆๆๆๆๆๆ
ชอบมากครับ มาตามอ่าน ^^
หัวข้อ: Re: [พิเศษ:My neighbor.&นกยูงแดง] การไถ่บาปของสุนัขจิ้งจอก1 (18/11/2554)
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 19-11-2011 01:25:39
เห็นชื่อตอนพิเศษว่ามีก๋งก๋งมาเอี่ยวด้วย
เลยต้องรีบมากดดูอยากวัย คิดถึหงคงฉ่วยกับเผิงเผิงที่สู๊ดดดดดด
หัวข้อ: Re: [พิเศษ:My neighbor.&นกยูงแดง] การไถ่บาปของสุนัขจิ้งจอก1 (18/11/2554)
เริ่มหัวข้อโดย: milkshake✰ ที่ 19-11-2011 01:28:41
อ่านแล้วรู้สึกเหมือนคงฉ่วย
"ไม่น่าเชื่อ จิ้งจอกคนนั้นจะใจดีขนาดนี้เลยหรอ?
ถึงจะบอกว่าทำเพื่อให้ตัวเองได้ไถ่บาปก็เถอะ"
แต่ก็ดีนะคะ เราอยากเห็นเว่ยจินหยินมุมอื่นดูบ้าง
♥ สู้ๆนะคะ จะเป็นกำลังใจให้ค่า
หัวข้อ: Re: [พิเศษ:My neighbor.&นกยูงแดง] การไถ่บาปของสุนัขจิ้งจอก1 (18/11/2554)
เริ่มหัวข้อโดย: entirom ที่ 19-11-2011 01:57:01
งั้น

จินหยินก้อฆ่าพี่น้องจริงๆๆสิน่ะ

ไอ้เรารึอุตส่าห์ลุ้นในอีกเรื่อง ไม่ให้เปงจริง

ชิ
หัวข้อ: Re: [พิเศษ:My neighbor.&นกยูงแดง] การไถ่บาปของสุนัขจิ้งจอก1 (18/11/2554)
เริ่มหัวข้อโดย: puchi ที่ 19-11-2011 06:12:33
โถๆ เผิงๆน้อย ถูกจับไป(บูชายันณ์)ให้ท่านนกยูง เพราะเหตุผลนี้นี่เอง

555 น่าสงสารดีมั้ยเนี่ย ><
หัวข้อ: Re: [พิเศษ:My neighbor.&นกยูงแดง] การไถ่บาปของสุนัขจิ้งจอก1 (18/11/2554)
เริ่มหัวข้อโดย: วิหคท่องนภา ที่ 19-11-2011 08:19:19
 o18เหมือนจิ้งจอกจะชนะนกยูงได้นะ  แพรวพราวจริงๆ
หัวข้อ: Re: [พิเศษ:My neighbor.&นกยูงแดง] การไถ่บาปของสุนัขจิ้งจอก1 (18/11/2554)
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 19-11-2011 08:42:29
ยาวววจุใจ

คิดว่าเป็นเรื่องที่อายุเฉลี่ยของตัวละครมากที่สุดแน่ๆ = ="

ว่าแล้วว่าตอนนี้ต้องมีเบื้องหลัง  กลับไปอ่านคงฉ่วยอีกรอบก่อนดีก่าาาา
หัวข้อ: Re: [พิเศษ:My neighbor.&นกยูงแดง] การไถ่บาปของสุนัขจิ้งจอก1 (18/11/2554)
เริ่มหัวข้อโดย: flawless ที่ 19-11-2011 08:50:17
คิดถึงๆ....คิดถึงนางพญาเคะของเราที่สุดเลย
แถมยังนายท่านจิ้งจอกเจ้าเล่ห์อีก อ่า....คุ้มค่า
กับการรอคอย จะให้ดีเมะน้อยเผิงเผิง รีบออกมานะ
อิๆ เป็นการรวมมิตร สองหรือสามเรื่องหว่า? ที่สนุกสนาน
น่าติดตามมากๆ ค่ะ แถมเป็นการอธิบายรายละเอียด
ในตอนที่เรา ก๊ง ได้อีกด้วย

ปล. อยากเห็นจินหยินน้อย หึงเถียนซานกับคงฉ่วย อ่ะ
คงอาฆาต ร้ายลึกตามสไตล์นายท่านจิ้งจอกไม่น้อย
ถ้าเป็นไปได้อยากอ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: [พิเศษ:My neighbor.&นกยูงแดง] การไถ่บาปของสุนัขจิ้งจอก1 (18/11/2554)
เริ่มหัวข้อโดย: Jaajaa ที่ 19-11-2011 09:47:57
 o13
จะมีต่ออีกมั้ยคะ :m13:
หัวข้อ: Re: [พิเศษ:My neighbor.&นกยูงแดง] การไถ่บาปของสุนัขจิ้งจอก1 (18/11/2554)
เริ่มหัวข้อโดย: fay_13 ที่ 19-11-2011 10:12:22
 :mc4: :mc4: ฮูเร่~! คิดถึงนกยูงมากเลยค่ะ นึกว่าจะไม่มีมาให้ยลโฉมอีกซะแล้ว
หัวข้อ: Re: [พิเศษ:My neighbor.&นกยูงแดง] การไถ่บาปของสุนัขจิ้งจอก1 (18/11/2554)
เริ่มหัวข้อโดย: yuuki ที่ 19-11-2011 13:14:31
วิ้ว~
แม้แต่นกยูงยังไม่อยากจะต่อกรกะจินหยินเลย บระเจ้า!!

อ่านๆไป แล้วรู้สึกนกหื่นมากอ่ะ พอเอา ผช.มาแลกนี่ยอมอย่างง่ายดาย ฮ่าๆ

ฮาชิกๆด้วย ขนาดนกยังต้องหลบให้จินหยิน >__<~

แต่จินหยินก็เป็นคนดีที่สุดในสายตาอาซานเลยน้า~ อ๊ายยย

รอตอนต่อไปคะ
หัวข้อ: Re: [พิเศษ:My neighbor.&นกยูงแดง] การไถ่บาปของสุนัขจิ้งจอก1 (18/11/2554)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 19-11-2011 13:50:38
นี่ถ้าไม่ใช่ เถียนซาน สงสัยโดนฆ่าหั่นศพหมกอ่าวฮ่องกงแน่นอน เล่นปิดเรื่องไว้แบบนี้ บรื๋ออออออ

อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกว่า หงคงฉ่วยของเราจะขี้เล่นขี้อ้อน จนน่าตกใจ 

 
หัวข้อ: Re: [พิเศษ:My neighbor.&นกยูงแดง] การไถ่บาปของสุนัขจิ้งจอก1 (18/11/2554)
เริ่มหัวข้อโดย: pochu52 ที่ 19-11-2011 15:29:58
จับสามเรื่องมายำรวมกันเลยอ่ะ ชอบๆๆๆ ค๊าคุณ Juon
คงฉ่วยเนี๊ยเหมือนตาแก่หื่นเลย อ้อนเถียนซานแบบนั้นอย่า่ให้เผิงเผิงก็รู้แล้วกัน
จิ้งจอกจินหยินคงจะร้ายจริงๆ เสี่ยวชิกยังรู้เลย นกยูงก็ยังไม่อยากจะตอแยมากมาย 
หัวข้อ: Re: [พิเศษ:My neighbor.&นกยูงแดง] การไถ่บาปของสุนัขจิ้งจอก1 (18/11/2554)
เริ่มหัวข้อโดย: nn~~NN ที่ 19-11-2011 16:40:21
ดีใจที่สุดกับตอนพิเศษ
ว่าแต่คงฉ่วยดูหื่นกามติงต๊องไปเลยอ่ะ  นี่คิดจะทำไรนอกใจเผิงเผิงๆจริงๆเหรอ  :z3:

รอเผิงเผิงน้อยออกมาปราบ (?) ตาเฒ่าอยู่นะคะ   :กอด1:
หัวข้อ: Re: [พิเศษ:My neighbor.&นกยูงแดง] การไถ่บาปของสุนัขจิ้งจอก1 (18/11/2554)
เริ่มหัวข้อโดย: Cherry Red ที่ 19-11-2011 19:27:31
ท่าทางเว่ยจินหยิน ลูกสุดที่รักของคุณ juon จะร้ายกาจที่สุดในสามโลกซะกระมั้ง ?
ขนาดหงคงฉ่วย ผู้ไร้เทียมทานในโลกหล้า ยังไม่อยากจะมีเรื่องด้วยสักเท่าไร
ที่น่าสงสารที่สุดคงไม่พ้น ลู่อี้เฝิง โดนใช้เป็นหมาก กลายเป็นเบี้ย ตกเป็นของสังเวย โดยที่เจ้าตัวไม่ได้รู้เรื่องเลยจริง ๆ
หัวข้อ: Re: [พิเศษ:My neighbor.&นกยูงแดง] การไถ่บาปของสุนัขจิ้งจอก1 (18/11/2554)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 19-11-2011 21:14:40
รวมพลคนอายุเยอะสินะ  5555  ลงชื่อไว้ก่อน  เดี๋ยวค่อยอ่าน
หัวข้อ: Re: [พิเศษ:My neighbor.&นกยูงแดง] การไถ่บาปของสุนัขจิ้งจอก1 (18/11/2554)
เริ่มหัวข้อโดย: Allure-Q ที่ 20-11-2011 14:29:53
 :กอด1:
รีบวิ่งขาขวิดมาเม้น...อ่านแล้วชักน้อยใจแทนเผิงเผิง
เจ้าตัวรู้จะงอนขนาดไหนเนี่ย โธ่~
หัวข้อ: Re: [พิเศษ:My neighbor.&นกยูงแดง] การไถ่บาปของสุนัขจิ้งจอก1 (18/11/2554)
เริ่มหัวข้อโดย: soda ที่ 20-11-2011 16:01:21
แหม~~~ขนาดเสี่ยวชิก
ยังพูด“ตัวร้ายมาแล้ว! ตัวร้ายมาแล้ว!”
เอ่อร้ายถึงขนาดนกยังรู้เลยนะฮะนั่น :a5: :a5:
ดูคงฉ่วยตอนนี้แล้วมีคำถามขึ้นมาว่า คงฉ่วยแอ๊บแบ้วขึ้น? :-[
แอบสงสารเผิงๆๆจังเลยอ่าโดนเอาเข้ามาในแผนการโดยไม่รู้ตัวเนี่ย
รอตอนต่อไปฮะ :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: [พิเศษ:My neighbor.&นกยูงแดง] การไถ่บาปของสุนัขจิ้งจอก1 (18/11/2554)
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 20-11-2011 16:26:41



   แหมๆๆๆ อ่านแล้วคิดถึงหงคงฉ่วยจังเลยนะ
   ว่าแต่ว่าเสี่ยวจินหยินนี่ร้ายกว่าที่คิดเยอะเลยนะเนี่ย



หัวข้อ: Re: [พิเศษ:My neighbor.&นกยูงแดง] การไถ่บาปของสุนัขจิ้งจอก1 (18/11/2554)
เริ่มหัวข้อโดย: moobarpalang ที่ 20-11-2011 16:52:31
เริดค่ะ :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: [พิเศษ:My neighbor.&นกยูงแดง] การไถ่บาปของสุนัขจิ้งจอก1 (18/11/2554)
เริ่มหัวข้อโดย: zomtum ที่ 20-11-2011 16:58:10
 :L2: :L2: :L2:


อุ้ย ยคิดถึง หงคงฉ่วย ย จังง งอิอิ   อยากอ่านอีกคค๊าบ บ บบ  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [พิเศษ:My neighbor.&นกยูงแดง] การไถ่บาปของสุนัขจิ้งจอก1 (18/11/2554)
เริ่มหัวข้อโดย: zhiki ที่ 20-11-2011 17:43:38
อย่างยาวเลยพ่อแก้วแม่แก้วค๊าบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ
นี่ขนาดแค่ตอนพิเศษนะ.. สมแล้วที่เนื้อเรื่องมันจะยาวเป็นชาดกสามไตรภาค  o18


 :กอด1: กอดเจ๊
หัวข้อ: Re: [พิเศษ:My neighbor.&นกยูงแดง] การไถ่บาปของสุนัขจิ้งจอก1 (18/11/2554)
เริ่มหัวข้อโดย: zitronen-tee ที่ 20-11-2011 19:39:32
คงฉ่วยจอมลวนลาม
หัวข้อ: Re: [พิเศษ:My neighbor.&นกยูงแดง] การไถ่บาปของสุนัขจิ้งจอก1 (18/11/2554)
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 20-11-2011 20:09:43
สองคนนี้โผล่พร้อมกันเนี่ย...เตรียมยิ้มจิต ๆ ได้เลย
อ่าน yes master กับเรื่องนี้แล้วรู้สึกจินหยินน่ารักดีนะ :)
หัวข้อ: Re: [พิเศษ:My neighbor.&นกยูงแดง] การไถ่บาปของสุนัขจิ้งจอก1 (18/11/2554)
เริ่มหัวข้อโดย: fayala ที่ 21-11-2011 20:46:45
กระจ่างเลยค่า.. แหม.. อ่านๆ ไป ชักสนใจเว่ยจินหยินซะแล้ว ^^
หัวข้อ: Re: [พิเศษ:My neighbor.&นกยูงแดง] การไถ่บาปของสุนัขจิ้งจอก1 (18/11/2554)
เริ่มหัวข้อโดย: PRiiNZE ที่ 22-11-2011 22:06:26
อั๊ยยะะ คิดถึงคงฉ่วยและผู้กอง T________T จะมีต่ออีกไหมฮะเนี่ย?
หัวข้อ: Re: [พิเศษ:My neighbor.&นกยูงแดง] การไถ่บาปของสุนัขจิ้งจอก1 (18/11/2554)
เริ่มหัวข้อโดย: Cc-kun ที่ 23-11-2011 17:42:41
Testหนึ่งฉอง

คนแต่งหายเจ้าค่าเอ้ยยย
หัวข้อ: Re: [พิเศษ:My neighbor.&นกยูงแดง] การไถ่บาปของสุนัขจิ้งจอก1 (18/11/2554)
เริ่มหัวข้อโดย: Alone Alone ที่ 30-11-2011 18:12:51
ประกาศๆ คุณจูออนกลับมาเถอะ

ทางเล้าให้อภัยแล้ว :call:

(อยากอ่านต่ออ่ะ :sad4:)
หัวข้อ: Re: [พิเศษ:My neighbor.&นกยูงแดง] การไถ่บาปของสุนัขจิ้งจอก1 (18/11/2554)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 30-11-2011 20:10:44
เครื่องคอมพ์ที่ใช้เขียนนิยายเสียค่ะ กำหนดซ่อมยังอีกหลายวันมาก (เพราะว่าบ.ที่รับเคลมปิดหนีน้ำท่วมเปิดวันพ่อโน่นเลย แล้วก็ยังไม่แน่ใจว่าจะมีของรึเปล่าค่ะ)

เดี๋ยวได้คอมพ์แล้วจะพยายามต่อให้นะคะ เพราะตอนนี้ต้องเร่งเขียนลงรวมเล่มอยู่แล้วค่ะ

ขอบคุณค่ะ^^
หัวข้อ: Re: [พิเศษ:My neighbor.&นกยูงแดง] การไถ่บาปของสุนัขจิ้งจอก1 (18/11/2554)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 13-12-2011 10:03:36
**กลับมาต่อแล้วค่ะ ตอนนี้กำลังวนเวียนกับสายลับเป็นโค้งสุดท้าย.... และในที่สุด รวมเล่มก็เลทจนได้ ฮื้อๆๆๆๆ :o12:

ภาคจบของตอนพิเศษนี้แล้ว ยาวมากจริงๆ จบตอนนี้ เราคงไม่มีอะไรคาใจเกี่ยวกับเว่ยจินหยินอีกแล้วล่ะ

ไว้ไปต่อกันในผีเสื้ออีกที (ยังจะมีอีกเร้ออออ :a5:)
-------------------------------------------------

My neighbor is a spy ตอนพิเศษ การไถ่บาปของสุนัขจิ้งจอก2(จบ)

   เก้าปีก่อน....
   ตรงโต๊ะทำงานไม้มะฮอกกานีสีแดงฉลุลายสวย เว่ยจินหยินนั่งอ่านเอกสารอยู่บนเก้าอี้ทำงาน ดวงตาสีดำตวัดเงยขึ้นมา ทันทีที่ประตูห้องทำงานถูกเปิดออก ไมเคิลเดินเข้ามาในห้อง แล้วพูดขึ้น
   “รถยนต์ของคุณชายห้าเกิดอุบัติเหตุที่ทางหลวงหมายเลขสิบหกครับ เห็นว่าคุณชายห้าบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้รถพยาบาลมารับตัวไปแล้ว ไม่ทราบว่าคุณชายจะ....”
   คนถูกเรียกว่าคุณชายยกมือขึ้นเป็นสัญญาให้อีกฝ่ายเงียบ ก่อนจะพูดตอบ “รอดูสักพักก่อนแล้วกัน ฉันไม่อยากให้เรื่องมันเป็นที่สงสัยมากกว่านี้”
   ผู้เป็นลูกน้องพยักหน้า เมื่อไม่เห็นว่าเจ้านายจะสั่งอะไรเพิ่มเติมอีก จึงกลับออกไปอย่างเงียบๆ รอจนประตูปิดลง เว่ยจินหยินจึงถอนหายใจออกมา
   คุณชายห้า....
   นัยน์ตาสีดำสนิทลุกวาวราวกับดวงตาของสุนัขจิ้งจอกหลังกรอบแว่นหลับลง ก่อนจะถอนหายใจออกมาอีกเฮือกหนึ่ง
   เว่ยปิงเซียง.....
   เว่ยจินหยินนึกถึงเค้าหน้าลางๆ ของน้องชายที่เขาเพิ่งเคยเจอหน้าเพียงไม่กี่ครั้ง น้องชายที่เขาเกือบจะจำชื่อไม่ได้ด้วยซ้ำ และคงไม่จำเป็นจะต้องใส่ใจจดจำอีกหลังจากนี้ น้องชายที่จู่ๆ ก็ถูกเรียกตัวกลับมา แล้วถูกแต่งตั้งเตรียมจะเข้ามาแทนตำแหน่งของเขา ด้วยผู้ที่เขาเรียกว่าพ่อ
   พ่อแท้ๆ ที่ไม่เคยใส่ใจดูดำดูดีเขามาตลอดหลายสิบปี แถมยังพยายามจะเลื่อยขาเก้าอี้เขาอีก
   เว่ยจินหยินลืมตาขึ้น แล้วถอนหายใจอีกครั้ง
   เพื่อให้คนคนนั้นเห็นความสำคัญของตัวเขา ต่อให้ต้องลงมือฆ่าคนที่มีสายเลือดร่วมกับตัวเอง เขาก็ยินดีกระทำ
   ระหว่างเขากับเว่ยปิงเซียง นอกจากใช้แซ่ร่วมกันและเรียกผู้ชายคนนั้นว่าคุณพ่อเหมือนกันแล้ว เว่ยจินหยินไม่เคยมีความรู้สึกอื่นใดให้น้องชายคนนี้อีก ก็แค่คนคนหนึ่งที่เผอิญถูกลากเข้ามาขวางทางเขา เมื่อกีดขวางก็ต้องกำจัดทิ้ง ก็แค่นั้นเอง
   ก็แค่นั้นเอง.....
----------------------------------------------
   “คุณเถียน”
   เถียนซานหันหน้ามามองชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งหวีผมเรียบร้อย ในชุดเสื้อเชิ้ตลำลองสีชมพูอ่อน กับกางเกงลูกฟูกสีครีม ที่เดินเข้ามาในตัวตึกต้าเหยิน ก่อนจะโค้งให้ “สายันสวัสดิ์ครับท่านห้า คุณท่านออกไปธุระข้างนอก ยังไม่กลับครับ”
   เว่ยปิงเซียงกะพริบตาครั้งสองครั้ง แล้วยิ้มออกมา “ฉันไม่ได้มาหาพี่รองหรอก ฉันมาหานาย”
   “?”
   “พอจะให้ฉันคุยกับนายเป็นการส่วนตัวได้มั้ย?”
   เถียนซานมองดูผู้ชายตรงหน้า ก่อนจะผงกศีรษะ “งั้นขอเชิญที่ห้องเล็กนะครับ”

   ครั้งสุดท้ายที่เถียนซานพบเว่ยปิงเซียง คือเมื่อสามปีก่อน ในช่วงเวลาที่การแย่งชิงอำนาจในตระกูลเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยมีผู้ชายที่ชื่อเว่ยจินหยินเป็นจุดศูนย์กลาง เดินตาหมากซ้ำซ้อนเพื่อแย่งชิงความรักจากคนที่เขาเรียกว่าพ่อ
   ที่เถียนซานไปในครั้งนั้น เพื่อให้แน่ใจว่า เว่ยปิงเซียงจะไม่เปิดเผยตัวออกมา จนกว่าสถานการณ์ทั้งหมดจะคลี่คลาย ด้วยคำสั่งลับๆ ของเว่ยฟู่ฉิน
   ในตอนนั้นเขาไม่ได้คุยอะไรกับผู้ชายคนนี้มากไปกว่าการไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบ และการเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในตระกูลให้ฟัง อย่างที่เว่ยปิงเซียงสมควรจะรับรู้ อย่างที่เขาได้ตกลงกับเว่ยฟู่ฉิน
   ไม่ว่าเว่ยจินหยินจะถูกมองจากสังคมภายนอกอย่างไร แต่สำหรับเว่ยปิงเซียงแล้ว เว่ยจินหยินจะต้องดูเป็นคนดีที่สุด เป็นพี่ชายที่ดีที่สุด
   แม้ว่าความเป็นจริงจะตรงกันข้ามราวฟ้ากับเหวก็ตาม
   แน่นอนว่านี่ไม่ใช่เพื่อเว่ยจินหยิน แต่เพื่อตัวของเว่ยปิงเซียงเอง หากว่าผู้ชายคนนี้จำต้องมีชีวิตอย่างหลบๆ ซ่อนๆ โดยรู้เหตุผลว่าถูกพี่ชายแท้ๆ ตามล่าตัวแล้วล่ะก็ แนวโน้มที่อาจจะเกิดขึ้นตามมาคือการวางแผนแก้แค้น นั่นหมายถึงความวุ่นวายที่จะตามมาไม่จบไม่สิ้น
   ทั้งเขาและเว่ยฟู่ฉินเห็นพ้องกันในจุดนี้ ดังนั้นทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับอุบัติเหตุในครั้งนั้น และตัวของเว่ยจินหยิน ที่บอกกล่าวกับเว่ยปิงเซียง จึงเป็นไปในแง่มุมที่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่สังคมภายนอกรับรู้อย่างสิ้นเชิง และดูเหมือนเว่ยปิงเซียงจะเชื่อถือแบบนั้นจริงๆ….

   “คุณเถียน?”
   เถียนซานชะงัก ก่อนจะยิ้มให้คนเรียก “ครับ ผมกำลังคิดว่า ไม่ได้เจอท่านห้านานมาก ท่านห้าดูไม่เปลี่ยนไปเลยนะครับ”
   เว่ยปิงเซียงมองหน้าคนนั่งตรงข้าม ทั้งเขาและเถียนซานนั่งอยู่บนเก้าอี้มีพนักบุหนังโดยมีโต๊ะกระตกตัวเล็กๆ คั่นกลาง ในห้องรับรองเล็กซึ่งใช้สำหรับต้อนรับแขกอย่างไม่เป็นทางการ ชายหนุ่มวัยสามสิบเศษจ้องคนตรงหน้าอยู่พัก ก่อนจะพูดออกมา “ขอบใจนะ คงเพราะฉันไม่ต้องใช้ชีวิตเสี่ยงภัยแบบพวกนายล่ะมั้ง”
   เถียนซานพยักหน้า ก่อนจะถามออกมาบ้าง “ท่านห้ามีธุระอะไรกับผมหรือครับ?”
   “อ้อ..” เว่ยปิงเซียงโพล่งเหมือนนึกขึ้นได้ “จริงๆ ก็ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่อยากจะมาคุยเรื่องเกี่ยวกับพี่รองน่ะ”
   “?” เถียนซานเงยขึ้นมองคนตรงหน้า ดวงตาสีดำสนิทของเว่ยปิงเซียงจับจ้องมาทางเขาเช่นกัน นี่เป็นครั้งแรกที่เขาสบตากับคนคนนี้ และเป็นครั้งแรกที่คนคนนี้มาพูดกับเขาเป็นการส่วนตัว เกี่ยวกับเรื่องของเว่ยจินหยิน
   “นายเองก็คงเคยได้ยินข่าวลือที่ว่าพี่รองเป็นคนวางแผนฆ่าฉันในอุบัติเหตุครั้งนั้นใช่มั้ย?”
   “ครับ..........” คนถูกถามรับคำ ก่อนจะจ้องเข้าไปในดวงตาสีดำคู่นั้น ดวงตาของเว่ยปิงเซียงนิ่งสนิท ดูมุ่งมั่นกับสิ่งที่ตัวเองกำลังจะพูดต่อ แต่สิ่งที่เขาจะพูดคืออะไรกันนะ...
   คงไม่ใช่.....
   “คุณเถียน” เว่ยปิงเซียงพูดขึ้นอีก “ฉันอยากให้ทุกคนได้รู้ความจริงเรื่องนี้ ว่าพี่รองไม่ได้วางแผนฆ่าฉัน”
   “!!”
   “คุณเถียน ฉันตั้งใจว่าฉันจะประกาศตัว บอกให้ทุกคนรู้ว่าทั้งหมดมันเป็นแค่ข่าวลือ พี่รองน่ะ รับภาระกับข้อกล่าวหานี้มานานเกินไปแล้วล่ะ”
   เถียนซานมองดูคนตรงหน้าอยู่ครู่หนึ่ง แล้วค่อยๆ พูดออกมา “ท่านห้าครับ ผมว่าเรื่องนี้ไม่จำเป็นหรอกครับ”
   “?!” เว่ยเปิงเซียงเบิ่งตามองฝ่ายตรงข้ามอย่างแปลกใจ ก่อนจะโพล่งออกมา “ทำไมล่ะ? มันน่าจะเป็นเรื่องที่ดีไม่ใช่เหรอ? หรือนายพอใจที่เขาถูกกล่าวหาแบบนั้น”
   เถียนซานสั่นศีรษะ อีกฝ่ายจึงพูดต่อ “งั้นก็ไม่เห็นจะต้องคัดค้านนี่ ฉันว่ามันจำเป็นนะ เขาไม่ได้ทำ แต่ต้องมาทนรับเสียงประณามแบบนี้ มันไม่ใช่เรื่องถูกต้องเลย ฉันไม่อยากให้พี่ชายตัวเองมีมลทินว่าเป็นคนสั่งฆ่าน้องชายหรอกนะ”
   “ท่านห้า....”
   ยังไม่ทันที่เถียนซานจะได้พูดอะไร เว่ยปิงเซียงก็ลุกพรวดขึ้น “ฉันกลับล่ะ ไว้จะลองปรึกษาวิธีกับพี่ชายใหญ่อีกที นายเองก็ดูแลพี่ชายฉันให้ดีๆ ล่ะ”
   “ครับ....” ร่างสูงใหญ่รับคำ ก่อนจะเดินออกไปส่งอีกฝ่ายจนถึงนอกตัวตึก
------------------------------------------
   “น้องห้าว่าอย่างนั้นเหรอ?” เว่ยจินหยินพูดขึ้นหลังจากฟังเรื่องราวจากลูกน้องคนสนิทจนจบ เถียนซานพยักหน้า ขณะช่วยเจ้านายถอดเสื้อนอกออก ได้ยินเสียงอีกฝ่ายระบายลมหายใจออกมา “หาเรื่องจริงๆ อยู่เฉยๆ ก็สบายดีแล้วแท้ๆ”
   “คุณท่าน....” เถียนซานเรียกเจ้านายตัวเอง เว่ยจินหยินนิ่งคิดอยู่พัก สุดท้ายก็พูดออกมาต่อ “ต่อโทรศัพท์ให้ฉันที ฉันจะคุยกับน้องห้าเอง”
   
   “สวัสดีครับพี่รอง” เสียงปลายสายดังตอบกลับมาหลังปล่อยให้ดังอยู่สักพัก เว่ยจินหยินกรอกเสียงลงไป “สวัสดี ยังไม่นอนใช่ไหม?”
   “ครับ” อีกฝ่ายตอบ เว่ยจินหยินพูดต่อ “ได้ยินว่าตอนเย็นมาหาอาซานที่ตึกฉันหรือ คุยกันเรื่องอะไรล่ะ?”
   “..............” อีกฝ่ายเงียบไปพัก สุดท้ายก็พูดออกมา “ผมกำลังวางแผนจะประกาศความบริสุทธิ์ของพี่อยู่”
   เว่ยจินหยินกะพริบตาปริบๆ อึ้งไปพักหนึ่ง “ไม่ต้องหรอก”
   “ไม่ได้นะครับพี่” อีกฝ่ายตอบกลับมาทันที “ถึงพี่จะบอกว่าไม่เป็นอะไร แต่ว่าลึกๆ แล้วพี่เองก็ไม่ได้พอใจกับข่าวลือนี้เลยใช่ไหมล่ะ? พี่ไม่ได้ทำสักหน่อย ผมเองก็อยู่ตรงนี้แล้ว ทำให้เรื่องมันเคลียร์เถอะครับ ต่อไปผมจะได้ยืดอกพูดได้เต็มปากว่าผมมีพี่ชายดี คอยช่วยปกป้องผมมาโดยตลอด”
   “.........................”
   พอเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบไป เว่ยปิงเซียงจึงพูดขึ้นอีก “พี่รองไม่ต้องห่วงนะครับ ผมไม่ทำอะไรล่อเป้าแน่ เดี๋ยวผมจะปรึกษากับพี่ชายใหญ่อีกที”
   “อืม.... ถ้าพี่ชายใหญ่แนะนำอะไรก็ให้ทำตามเขาแล้วกัน.. อันที่จริงพี่ไม่อยากให้เธอยุ่งเรื่องนี้เลย เรื่องมันผ่านมาแล้วแท้ๆ ข่าวลือน่ะไม่ใช่ว่าจะแก้กันได้ง่ายๆ หรอกนะ”
   “แต่ก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลยนี่ครับ พี่รอง พี่ไม่ได้สั่งฆ่าผมจริงๆ ใช่มั้ย?”
   เว่ยจินหยินเงียบไปพัก เขาเหลือบตามองเถียนซาน ก่อนจะกรอกเสียงตอบกลับไป “พี่ไปพักผ่อนก่อนนะ ระวังตัวเองด้วยล่ะ อย่าทำอะไรเสี่ยงๆ”
   “พี่รอง...”
   เว่ยจินหยินวางสายโทรศัพท์ โดยไม่รอฟังว่าปลายสายจะพูดอะไรต่อ เถียนซานเดินเข้ามารับโทรศัพท์จากมือเขา ก่อนจะพูดเสียงเบา “คุณท่าน....”
   เว่ยจินหยินเงยหน้าขึ้นมองร่างสูงใหญ่ แล้วฝืนยิ้มออกมา “อาซาน นี่เขาเชื่อจริงๆ หรือว่าฉันไม่ได้เป็นคนทำ?”
   เถียนซานเม้มริมฝีปาก ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร เว่ยจินหยินก็ชิงพูดขึ้นอีก “พรุ่งนี้ฉันจะให้มิลเลอร์เข้ามาพบที่ตึก นายช่วยเตรียมห้องด้านล่างซีกขวาเอาไว้หน่อยแล้วกัน มันดูไม่สะดุดตาดี ฉันอยากให้เป็นการคุยกันลับๆ”
   “ครับ” คนถูกสั่งพยักหน้า ก่อนจะหันไปเตรียมชุดนอนให้เจ้านาย
--------------------------------------
   เจ้าหน้าที่มิลเลอร์ คอยล์มาถึงตึกต้าเหยินในช่วงเวลาสักสิบโมงกว่า เขาเดินปะปนเข้ามากับบรรดาพนักงานในตึกและตรงไปยังห้องที่นัดแนะกันไว้ ณ ที่นั่น เว่ยจินหยินนั่งรอเขาอยู่แล้ว บนโซฟาบุหนังสีครีมอ่อนที่มีโต๊ะหินอ่อนสีชมพูม่วงคั่นกลาง พอเห็นหน้าคนที่นั่งอยู่ รอยยิ้มของมิลเลอร์ คอยล์ก็กว้างขึ้นทันที
   “อรุณสวัสดิ์ครับ คุณท่าน แหม... ไม่เจอกันนาน คุณกลายเป็นคุณท่านไปซะแล้ว แต่หน้าตายังน่ารักเหมือนเดิมเลยนะครับ”
   เว่ยจินหยินกระตุกรอยยิ้มบนริมฝีปากตอบไปหน่อยหนึ่ง ก่อนจะพูดตอบ “อืม... นายเองไม่เจอกันนาน ก็ไม่เปลี่ยนไปเลยนะ ท่าทางดูไร้มารยาทเหมือนเดิม”
   “โธ่... คุณท่านคร๊าบ” มิลเลอร์ คอยล์ครางออกมา “เพิ่งคุยกันได้คำเดียวก็หาว่าผมไร้มารยาทอีกแล้วหรือ  หกปีที่ผ่านมา ผมยังคิดถึงคุณตลอดเลยนะ”
   เว่ยจินหยินรีบโบกมือขึ้นห้ามทันที “นั่งก่อนสิ มิลเลอร์ ฉันมีเรื่องสำคัญจะคุยกับนาย”
   “อืม... เบื้องหลังแก๊งค้าอวัยวะสินะครับ” มิลเลอร์ คอยล์ว่า จากนั้นก็เดินเข้ามา หย่อนก้นนั่งลงบนโซฟา ข้างๆ ตัวเว่ยจินหยิน คนเป็นเจ้านายใหญ่ของตระกูลเว่ยชำเลืองมองเขาหน่อยหนึ่ง แล้วแค่นเสียง “มิลเลอร์....”
   “ครับ!” มิลเลอร์ คอยล์ส่งเสียงพลางทำหน้าตาจริงจัง ตั้งใจฟังเรื่องที่อีกฝ่ายจะพูดเต็มที่ เว่ยจินหยินเหลือบมองเขาอีกพัก “ไร้มารยาทจริงๆ”
   คนถูกว่าไม่ตอบโต้อะไร เพียงแต่ยิ้มกว้างจนเห็นฟันแทบครบทุกซี่ ก่อนจะพูดตอบไป “เล่ามาสิครับ คุณท่านของผม”
   เว่ยจินหยินหรี่นัยน์ตาลงหน่อยหนึ่ง “ฉันจะวางกับดักต้อนลีไป๋หูให้เข้ามาใช้บริการท่าเรือฉันในการขนส่งอวัยวะ แล้วค่อยล้อมจับเขา”
   คนฟังพยักหน้า คนพูดจึงพูดต่อ “นายมีหน้าที่ค้ำคอตำรวจที่นี่เอาไว้ ไม่ให้พวกเขาทำแผนของฉันเสียหาย”
   “อืม..........” มิลเลอร์ คอยล์ครางในคอ “งานนี้คุณออกโรงประสานตำรวจเอง คราวนี้อะไรอีกล่ะครับ อย่าบอกนะว่าเจ้าลีไป๋หู่นั่นเคยเป็นรูมเมทของคุณเหมือนกันน่ะ”
   “เปล่า ไม่ใช่หรอก” เว่ยจินหยินปฏิเสธ “ฉันกับเขาไม่เคยรู้จักมักจี่กันเลยด้วยซ้ำ”
   “อ้าว!?” คนได้ฟังทำหน้าแปลกใจอย่างเห็นได้ชัด “งั้นทำไมจู่ๆ ถึงนึกอยากเล่นงานเขาล่ะ คนอย่างคุณถ้าไม่มีผลประโยชน์ หรือไม่มีส่วนได้เสียอะไร ไม่น่าลงทุนทำขนาดนี้นี่นา”
   เว่ยจินหยินหรี่ตามองคนนั่งข้าง แล้วพูดตอบไป “เจ้าหน้าที่มิลเลอร์ อยากจะจับคนร้ายมั้ย?”
   “อยากสิครับ” คนถูกถามตอบทันที “แต่ก็อยากรู้เหตุผลด้วยน่ะ แหม... คุณท่านครับ จู่ๆ ก็โทรไป ขอรายชื่อ ประสานงานเองเสร็จสรรพแบบนี้ บอกเหตุผลให้ผมรู้สักหน่อยไม่ได้หรือครับ”
   “เรื่องส่วนตัวน่ะ” อีกฝ่ายตอบเลี่ยงๆ แต่กลับถูกอีกฝ่ายถามสวนอย่างรวดเร็ว “เรื่องส่วนตัวหรือครับ? เกี่ยวกับเถียนซานหรือไง?”
   “มิลเลอร์...........” เว่ยจินหยินลากเสียง “หัดหุบปากแล้วใช้สมองคิดเรื่องงานเถอะ นายมีหน้าที่ตามจับตัวลีไป๋หู่ตามแผนของฉัน ความดีความชอบทุกอย่างจะเป็นของนาย แค่นี้ก็พอแล้วล่ะ”
   “คุณนี่ชอบทำตัวลึกลับจริงๆ” มิลเลอร์ คอยล์ว่า “ไม่ใช่ว่าวางแผนตลบหลังอะไรอีกนะครับ ถามจริงๆ เถอะ คุณแค่อยากจับลีไป๋หู่เพราะเหตุผลส่วนตัวแค่นั้นจริงๆ หรือ หรือว่าเจ้าหมอนี่ไปทำเรื่องอะไรไม่น่าให้อภัยเข้า นี่ คุณท่าน บอกหน่อยเถอะน่า... รับรอง ผมไม่ขยายผลต่อหรอก”
   เว่ยจินหยินปรายตามองคู่สนทนา ก่อนจะพูดเสียงเรียบ “อืม... งั้นฉันจะลองติดต่อเจ้าหน้าที่คนอื่นดู คงมีคนอยากทำงานนี้มากกว่านาย”
   พูดแล้วก็ทำท่าจะลุกออกไปจากห้อง มิลเลอร์ คอยล์รีบพูดรั้งไว้ “เดี๋ยวก่อนครับ โอเคๆ ผมไม่เซ้าซี้ก็ได้ เป็นอันว่าผมยอมทำตามที่คุณว่าแล้วกัน แล้วรายละเอียดมากกว่านี้ล่ะครับ คุณจะคุยเอง หรือว่าให้ผมไปคุย”
   เว่ยจินหยินหันกลับมา แล้วคลี่ยิ้ม “ฉันยกเรื่องนี้ให้นายเจรจา แต่ฝากอย่างหนึ่ง นายต้องเกลี้ยกล่อมทางนั้นให้ใช้นายตำรวจที่ชื่อลู่อี้เผิงเป็นนกต่อ อืม... ฉันอธิบายแผนให้นายฟังคร่าวๆ ดีกว่า”
   จากนั้นเจ้านายใหญ่แห่งตระกูลเว่ยก็อธิบายแผนการที่เขาจะร่วมมือกับหงคงฉ่วย เพื่อต้อนลีไป๋หู่ให้มาใช้ท่าเรือในสังกัด มิลเลอร์ คอยล์ฟังแล้วก็ผิวปากหวือ “โห... ผมชักอยากเห็นหน้านายตำรวจที่ชื่อลู่อี้เผิงซะแล้วสิ ท่าทางดวงเขาจะกุดสุดๆ กว่าผมอีก ถูกคุณกับคนที่ชื่อหงคงฉ่วยรวมหัวกันหลอกเนี่ย”
   เว่ยจินหยินไม่ตอบโต้อะไร พูดต่อเสียงเรียบ “ก็อย่างนั้นแหละ นายต้องพูดให้แนบเนียน อย่าให้เขารู้ว่าฉันเสนอไป คิดว่านายเองคงมีปัญญาจะหาข้ออ้างอยู่หรอก”
   “คุณนี่ร้ายจริงๆ” มิลเลอร์ว่า “เล่นโยนงานยากมาให้ผมอีกแล้ว พวกคุณวางแผนอะไรกันนะ เอาเถอะ ผมจะทำอย่างคุณว่า มีอะไรอีกไหมครับ?”
   “เท่านี้ก่อนแล้วกัน เดี๋ยวรอหงคงฉ่วยกลับมาร่วมแผน ฉันจะแจ้งนายอีกที”
   “อืม...” มิลเลอร์ คอยล์พยักหน้า แต่ก็ยังนั่งนิ่งไม่ขยับ จนเว่ยจินหยินต้องปรายตามองอีกครั้ง “ไม่กลับที่พักหรือไง เดี๋ยวก็มีคนสงสัยหรอก”
   คนถูกถามตอบยิ้มๆ “ผมน่ะ อยากจะกลับอยู่หรอกนะ ติดแต่ว่ายังกลับไม่ได้นี่สิ”
   “?”
   “นี่ คุณจินหยิน... ไม่ได้เจอกันตั้งหกปีแน่ะ ผมมองรูปคุณมาตั้งนานแล้ว มีโอกาสได้เจอกันทั้งที ขออะไรที่มากกว่านี้หน่อยสิ”
   เว่ยจินหยินหรี่ตามองคนตรงหน้า ก่อนจะเค้นเสียงช้าๆ “คราวก่อนยังไม่เข็ดอีกหรือไง?”
   สีหน้าของมิลเลอร์ คอยล์หงิกลงทันใด ก่อนจะตัดพ้อออกมา “จะว่าไปแล้ว คุณต้องรับผิดชอบผมเรื่องจดหมายโคมลอยนั่นด้วย คุณรู้ไหมว่าคอร์สอบรมความประพฤติมันแย่ขนาดไหน”
   “อ้อ... ฉันว่าคงไม่แย่เท่าไหร่หรอก ดูจากที่นายยังมีพฤติกรรมแบบนี้อยู่น่ะนะ” เว่ยจินหยินว่า อีกฝ่ายหน้าหงิกกว่าเก่า “คุณท่านครับ นี่กะจะใช้งานผมฟรีๆ เลยเหรอครับ ไม่เห็นแก่ที่ผมอุตส่าห์ดั้นด้นมาหรือไง?”
   “มันเป็นหน้าที่ของนายนี่”
   “ผมมาเพราะอยากเจอคุณส่วนหนึ่งด้วยนะ”
   “.........................”
   “ขอจูบสักทีให้ชื่นใจได้ไหม?”
   “....................................” เว่ยจินหยินไม่ตอบอะไร แต่ยื่นมือข้างขวาขึ้นมา มิลเลอร์ คอยล์มองหน้าเขา ก่อนจะถอนหายใจเฮือก “มาแบบนี้อีกล่ะ”
   อีกฝ่ายปรายตามองเขา “หรืออยากจะจูบรองเท้า แล้วสาบานว่าจะภักดีกับฉันอีกสักครั้งล่ะ”
   มิลเลอร์นิ่งไปพัก ก่อนจะสูดหายใจลึก “นี่แปลว่าคุณกับเถียนซานไปด้วยกันได้ดีแล้วสิ”
   เว่ยจินหยินไม่ตอบคำถาม มิลเลอร์ คอยล์ถอนหายใจเฮือก “งั้นผมไม่จูบล่ะ ไม่อยากยุ่งกับคนมีเจ้าของ”
   ว่าแล้วก็ผุดลุกจากโซฟา ได้ยินเสียงเว่ยจินหยินดังขึ้นด้านหลัง “ฝากด้วยนะ”
   นายตำรวจจากอังกฤษพยักหน้าหน่อยๆ ก่อนจะเดินออกประตูไป คนนั่งในห้องได้แต่ถอนหายใจ
-----------------------------------------------
หัวข้อ: Re: [พิเศษ:My neighbor.&นกยูงแดง] การไถ่บาปของสุนัขจิ้งจอก1 (18/11/2554)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 13-12-2011 10:07:45
   หนึ่งสัปดาห์ต่อมา....
   หงคงฉ่วยก้าวเท้าออกจากอาคารผู้โดยสารขาเข้าภายในสนามบิน พร้อมกับบรรดาลูกน้องขนาบซ้ายขวา ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นหน่อยหนึ่ง เมื่อพบกับคนมารับที่ไม่ได้คาดหมาย
   “สวัสดีครับ เดินทางเหนื่อยไหมครับ” คนที่พูดทักทายเป็นชายวัยราวๆ สามสิบปลายๆ ปล่อยผมสีดำปรกหน้าครึ่งหนึ่ง ดวงตาสีดำสนิท วาววับสะท้อนแสงไฟในสนามบิน เขาสวมเสื้อสูทลำลองสีน้ำตาลอ่อน กับเสื้อยืดสีสนิม ด้านล่างสวมกางเกงยีนส์สีเดียวกับเสื้อ พอเห็นผู้ชายคนนี้ หงคงฉ่วยถึงกับนึกคำพูดไม่ออกไปชั่วขณะ
   “....... เอ่อ... เอ้อ........ ฮ่ะๆๆๆ” ผู้มีอิทธิพลระดับตำนานของฮ่องกงได้แต่หัวเราะเฝื่อนๆ ก่อนจะพูดตอบไป “ก็ดี เธอแต่งตัวได้แปลกตาดีนะ มาคนเดียวหรือไง?”
   “ครับ มาเพื่อพบคุณโดยเฉพาะเลย ให้ผมไปที่รถด้วยได้มั้ย?”
   “อืม” หงคงฉ่วยพยักหน้า จากนั้นคนมารับโดยไม่ได้รับเชิญก็เดินตามขบวนไปจนถึงรถลีมูซีนกันกระสุนที่ด้านหน้ามีรูปหล่อโลหะรูปนกยูงสีแดงประดับอยู่
   “ให้ตายสิ จินหยิน ฉันล่ะแทบช็อกตายทุกครั้งที่เห็นเธอปลอมตัวจริงๆ” หงคงฉ่วยโพล่งออกมาทันทีหลังจากขึ้นรถเรียบร้อยแล้ว พลางมองคนตรงหน้าด้วยสายตาประหนึ่งได้เห็นกุ้งมังกรใส่เสื้อขนสัตว์ คนถูกมองยิ้มออกมา แล้วพูดตอบ “อาจารย์น้อยไม่ชอบหรือครับ?”
   คนถูกถามสั่นศีรษะอย่างเอาเป็นเอาตาย “ไม่ล่ะ ไม่เด็ดขาดเลย วันหลังเธอช่วยหวีผมใส่น้ำมันเรียบๆ แล้วใส่แว่นตาเชยๆ นั่นมาหาฉันเถอะ ฉันขี้เกียจเก็บไปฝันผวาอีก”
   เว่ยจินหยินไม่ตอบโต้อะไร ได้แต่ยกมือขึ้นดันแว่นตาด้วยความเคยชิน แต่พอพบว่าไม่มีแว่นตา ก็เลยอ้าปากพูดต่อ “อาจารย์น้อย ไหนว่าไปอเมริกาไงครับ แล้วไหงไฟล์ทบอกว่าไทยล่ะ”
   “อ้อ....” หงคงฉ่วยคราง ก่อนจะรีบเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว “เธอแอบมาหาฉันแบบนี้ทำไมน่ะ อย่าบอกนะว่าทะเลาะกับอาซานอีก”
   “ถึงผมทะเลาะกับอาซานจริง ก็ไม่หลบมาหาอาจารย์น้อยแบบนี้หรอกครับ” เว่ยจินหยินว่า “อาจารย์น้อย ตำรวจที่ชื่อลู่อี้เผิงน่ะ ระวังไว้หน่อยก็ดีนะครับ”
   “?!” หงคงฉ่วยหรี่ตามองคนที่นั่งเบาะตรงข้าม ก่อนจะเค้นเสียงรอดไรฟัน “อยากจะพูดอะไรกันแน่น่ะ...”
   เว่ยจินหยินมองตอบ “เปล่าหรอกครับ ผมแค่เป็นห่วงอาจารย์น้อย ไม่เห็นอาจารย์น้อยหลงใครมานานแล้ว แถมอีกฝ่ายเป็นตำรวจด้วย แต่เอาเถอะครับ ผมรู้ว่าอาจารย์น้อยระวังตัวดีเป็นที่สุดอยู่แล้ว อีกอย่าง ใครจะกล้าทำอะไรคนของอาจารย์น้อยล่ะ”
   หงคงฉ่วยจ้องคนตรงหน้าเขม็ง “จินหยิน... เธอต้องการพูดอะไรกันแน่.....?”
   รอยยิ้มงดงามปรากฏขึ้นบนใบหน้าของคนนั่งเบาะตรงข้าม “พรุ่งนี้ผมจะเริ่มแผน ต้องขอบคุณจริงๆ ระหว่างที่อาจารย์น้อยไปพักผ่อน เครือข่ายของอาจารย์ทำงานได้ดีมากเลย เหลือแค่ให้อาจารย์เล่นละครตบตาอีกนิดๆ หน่อยๆ ลีไป๋หู่คงจะหลงกลผม เขาเพิ่งมาติดต่อผมเมื่อสองวันก่อนนี้เอง”
   “อืม... น่าสงสารเขาจริงๆ” หงคงฉ่วยว่า และทำหน้าประหนึ่งได้เห็นเด็กยากจนกำลังถูกหลอกไปค้าแรงงานนรกอยู่ “แล้วสัญญาที่ให้ไว้คราวที่แล้วล่ะ”
   รอยยิ้มของเว่ยจินหยินนุ่มนวลกว่าเดิม “แน่นอนครับ ผมรับปากอาจารย์น้อยแล้ว ไม่ผิดคำพูดแน่นอน”
   “ฉันจะรอดูแล้วกัน” หงคงฉ่วยว่า แล้วพูดอย่างแปลกใจ “นี่... อย่าบอกนะว่าอุตส่าห์หลบออกมาเพราะจะพูดแค่นี้น่ะ?”
   คนถูกถามพยักหน้ายิ้มๆ “จริงๆ ก็ว่าจะมาคุยรายละเอียดแผนการด้วยน่ะครับ แต่ได้มาเห็นว่าอาจารย์น้อยไปเที่ยวกับใครแบบนี้ ถือว่าผมได้กำไรหน่อยหนึ่ง”
   “...............”
   “วางใจเถอะครับ ผมแค่อยากรู้เอาไว้เฉยๆ ไมได้วางแผนไม่ดีอะไรหรอก ผมไม่กล้าตอแยกับอาจารย์น้อยหรอกครับ”
   หงคงฉ่วยนิ่งไปอึดใจหนึ่ง สุดท้ายก็พูดออกมา “นี่ จินหยิน... บอกเธอไว้อีกสักครั้งแล้วกัน ฉันกับอาซานไม่มีอะไรในกอไผ่ เขารักนวลสงวนตัวให้เธอจะตาย เพราะงั้นนะ เลิกคิดเรื่องวางแผนหรือหาจุดอ่อนของฉันได้แล้ว”
   “ก็ไม่ได้คิดอะไรทำนองนั้นหรอกครับ” เว่ยจินหยินว่า หงคงฉ่วยมองเขาอีกพัก “จินหยิน ฉันว่านะ เธอรีบกลับไปที่ตึกดีกว่า ดอดออกมาคนเดียวแบบนี้ เจ้ายักษ์นั่นรู้คงอยู่ไม่เป็นสุขแน่ๆ”
   “ผมโทรบอกให้เขาไปรับที่บ้านอาจารย์น้อยแล้วล่ะครับ” เว่ยจินหยินว่า แล้วยิ้มอีก “ขอผมติดรถกลับไปด้วยนะครับ อาจารย์น้อย”
   หงคงฉ่วยขยับตัวเหมือนมีแมลงอะไรมาเกาะ ก่อนจะพยักหน้าอย่างเสียไม่ได้
   “ให้ตายสิ ทำไมฉันถึงไม่รีบเอาขี้เถ้ายัดปากเธอตอนเด็กๆ นะ”
   เว่ยจินหยินไม่ตอบอะไร ได้แต่หัวเราะเบาๆ
----------------------------------------------------
   ตอนที่รถของหงคงฉ่วยแล่นกลับมาถึงคฤหาสน์ หัวหน้าหน่วยดำของตระกูลเว่ยก็นั่งรออยู่ในห้องทำงานแล้ว สิ่งแรกที่เขาทำเมื่อเห็นหน้าของเจ้านายที่เปิดประตูเข้ามาพร้อมกับเจ้าของคฤหาสน์ คือขมวดคิ้วจนแทบจะผูกติดกันเป็นโบว์ แล้วเอ่ยปากขึ้นทันที “คุณท่านครับ แบบนี้มันอันตรายนะครับ เกิดเป็นอะไรขึ้นมา พวกผมจะทำยังไงล่ะครับ”
   ยังไม่ทันที่เว่ยจินหยินจะได้พูดอะไรตอบ หงคงฉ่วยก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างไม่เกรงอกเกรงใจ
   “แหม... คุณท่านของเธอก็ดื้อมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว ถ้าหวงนักล่ะก็ กลางค่ำกลางคืนก็ขยัน ทำให้มันหนักหน่อยสิ จินหยินน้อยจะได้ลุกหนีไปไหนไม่ได้ไง”
   “รุ่นพี่! หยุดพูดอะไรที่มันไม่ตรงประเด็นสักทีเถอะครับ” เถียนซานเอ็ดใส่คนพูด ก่อนจะหันไปหาเจ้านายอีกครั้ง “คุณท่านครับ ผมขอร้องล่ะ ให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่คุณแอบออกมาคนเดียวนะครับ”
   เว่ยจินหยินทำท่าจะขยับปาก แต่เสียงของหงคงฉ่วยก็ดังขึ้นแทรกอีก “ไม่ตรงประเด็นอะไรกันเล่า ฉันน่ะพูดตรงประเด็นจะตาย ใช่ไหมจินหยิน”
   คนถูกถามชะงักไปหน่อยหนึ่ง ก่อนจะยิ้มออกมา “ผมกับอาซานไม่ได้ฟิตอย่างอาจารย์น้อยหรอกนะครับ”
   หงคงฉ่วยทำหน้ายุ่ง “อะไรกัน อายุยังไม่เท่าไหร่แท้ๆ อาซานนี่ไร้น้ำยาจริงๆ”
   เถียนซานมีสีหน้าอ่อนอกอ่อนใจเสียเต็มประดา เขาระบายลมหายใจออกมาแล้วพูดตอบ “คุณท่านครับ กลับกันเถอะครับ”
   หงคงฉ่วยเชิดหน้าขึ้นๆ นิดๆ เมื่อพบว่าอีกฝ่ายเมินเขาสนิท ขณะที่เว่ยจินหยินยิ้มอีก “ไม่ต้องรีบกลับก็ได้ ไหนๆ นายก็มาแล้ว เรามาว่าเรื่องแผนการกันให้จบคืนนี้เลยดีกว่า”
   “อืม... ก็ดี ฉันจะได้อาซานมาเป็นคู่สักที”
   เถียนซานหันควับไปมองคนพูดทันที หงคงฉ่วยหัวเราะคิกคัก แต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อ เว่ยจินหยินก็ชิงพูดขึ้นบ้าง “พูดให้ครบด้วยสิครับอาจารย์น้อย คู่ต่อสู้ไม่ใช่หรือครับ”
   “มันก็คู่เหมือนกันนั่นล่ะน่า” หงคงฉ่วยตอบอย่างรำคาญ เถียนซานจึงถามขึ้นบ้าง “วางแผนอะไรกันน่ะครับ ผมต้องสู้กับรุ่นพี่หรือ?”
   “อืม.... ก็แค่อาจจะล่ะนะ” เว่ยจินหยินว่า “ก็แค่แผนเผื่อๆ น่ะ เพราะดูท่านายลีไป๋หู่คนนี้จะระวังตัวน่าดู จะตะล่อมให้ยอมตกลงอาจจะต้องแสดงละครฉากใหญ่หน่อย ฉันจะสร้างเรื่องว่าได้หลอกตำรวจให้ไปจับตาดูอาจารย์น้อยแล้ว แต่เพื่อให้แน่นอน ฉันจะให้อาจารย์น้อยแสร้งทำว่ารู้ตัวว่าโดนป้ายสีอยู่ แล้วหันกลับมาเล่นงานพวกเรา ตอนนี้เราก็ต้องแสดงบทผู้ปกป้องเต็มที่ ให้ไอ้หมอนี่มันลงมือขนของตอนที่ยังอยู่ในสายตาของฉัน ก็อย่างว่านั่นล่ะ เจ้าพวกนี้ไว้ใจอะไรไม่ค่อยได้ ฉันไม่อยากเสียเวลาฟรี อาจจะใช้ฉากใหญ่ เปลืองมือเปลืองเท้าอยู่สักหน่อยก็ต้องทำล่ะ”
   เถียนซานนิ่งไปพักหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้า “ตกลงครับ ผมรับเป็นคู่มือให้เขาก็ได้”
   “แบบนี้สิเรียกว่ารักกันจริง” หงคงฉ่วยว่าแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “งี้ฉันก็จะได้นัวเนียกับนายอีกแล้วสินะ”
   เถียนซานกะพริบตาปริบๆ แล้วถอนหายใจอีก “รุ่นพี่ครับ ผมว่ารุ่นพี่เพลาๆ หน่อยก็ดี อายุปูนนี้แล้ว ไม่ใช่เด็กๆ กันแล้วนะครับ”
   “อ้อ ใช่ จริงสิ” หงคงฉ่วยทำท่าเหมือนนึกขึ้นได้ “ฉันหันไปสนใจเด็กหนุ่มๆ แทนตาแก่ห้าสิบอย่างเธอดีกว่า ใช่มั้ยจินหยิน?”
   ตอนที่หันกลับมาถาม บนสีหน้าของเว่ยจินหยินก็ปรากฏรอยยิ้มอย่างที่เรียกได้ว่าชวนให้ขนลุกแล้ว คนถูกถามพยักหน้า “นั่นสิครับ ผมเห็นด้วยกับอาจารย์น้อยทุกประการเลย”
   หงคงฉ่วยมองเว่ยจินหยินอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะพูดต่อ “แล้ว... เธอวางแผนยังไงกับเจ้าเด็กบ๊องตื้นนั่นล่ะ?”
   “?” เว่ยจินหยินทำหน้าแปลกใจ อีกฝ่ายจึงพูดขยายความต่อ “เจ้าเด็กที่ชื่อลู่อี้เผิงน่ะ อืม... นี่อย่าหาว่าฉันหลงเด็กไม่ลืมหูลืมตาเลยนะ แต่เจ้านั่นตื้อจะตายไป ถ้าเธอให้เขามาอยู่กับฉันได้ เขาก็คงต้องตามฉันไปเจอเธอเหมือนกันนั่นล่ะ แล้วก็คงไม่อยู่เฉยๆ หรอก”
   “อ๋อ...” อีกฝ่ายครางออกมาทันที “เรื่องฉันผมจะจัดการเองครับ อาจารย์น้อยไม่ต้องห่วงหรอก ผมไม่ฆ่าเขาแน่ รับรองได้”
   “ยาแปลกๆ ก็ห้ามใช้ด้วยล่ะ” หงคงฉ่วยพูดอย่างรู้ทัน พลางเหล่มองแหวนสีเงินเกลี้ยงๆ บนนิ้วมือของเว่ยจินหยิน คนถูกมองหัวเราะร่วน “ครับๆ ผมรับรองกับอาจารย์แล้วกันว่าจะไม่ใช้ลูกไม้อะไรกับเขา แต่ถ้าเขาเล่นผมหนักมือ ผมอาจจะต้องมีป้องกันตัวบ้าง”
   หงคงฉ่วยหรี่ตาลงทันที “นี่ฉันขอแลกคู่ยังทันไหม ให้เจ้ายักษ์นี่ไปลุยกับเด็กบื้อนั่น แล้วเปลี่ยนเธอมาเป็นคู่มือฉันแทน”
   “ไม่เหมาะมั้งครับ” อีกฝ่ายพูดกลั้วหัวเราะ “ผมรับมืออาจารย์น้อยไม่ไหวหรอก เอางี้แล้วกัน ถ้าเขาเกิดเล่นงานผมได้จริงๆ อาจารย์น้อยรีบแกล้งแพ้เลยนะครับ เขาจะได้หันไปสนใจอาจารย์น้อยแทนผม”
   “อืม... ฉันชักนึกอยากให้เธอแพ้เขาซะแล้วสิ อยากรู้จริงว่าเขาจะหันมาสนใจฉันจริงรึเปล่า” หงคงฉ่วยว่า เว่ยจินหยินหัวเราะอีก “แหม... อาจารย์น้อยดูท่าทางจะเอ็นดูเด็กคนนี้น่าดูเลยนะครับ แต่เอาเถอะ ผมว่าคงไม่มีอะไรผิดคิวหรอก เอาว่าขอให้ทำตามแผนเดิมไว้ก่อนนะครับ”
   “ก็ได้ จะกลับแล้วล่ะสิ” หงคงฉ่วยว่า เมื่อเห็นเว่ยจินหยินยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู อีกฝ่ายพยักหน้า “ครับ ได้เวลานอนของผมแล้ว”
   “เออ อนามัยเหมือนเดิมไม่มีผิด มีพี่เลี้ยงมาด้วยแบบนี้กลับดึกไม่ได้อยู่แล้วนี่นะ”
   “กลับเถอะครับคุณท่าน” เถียนซานที่เงียบไปนานพูดขึ้น ขณะเดินเข้าไปหาเว่ยจินหยิน ได้ยินหงคงฉ่วยแค่นเสียง “ออกกันไปเองนะ ฉันจะไปอาบน้ำล่ะ ไม่อยากมองภาพบาดตาบาดใจ”
   พูดจบก็เดินฉับๆ เข้าไปในตัวคฤหาสน์ ปล่อยให้ลูกน้องสองสามคนเดินออกมาส่งแขกไม่ได้รับเชิญที่อุโมงค์ด้านหลัง ซึ่งเถียนซานเอารถมาจอดไว้
   “อ้าว เอามอเตอร์ไซค์มาหรือเนี่ย?” เว่ยจินหยินเอ่ยถามอย่างแปลกใจ เมื่อเห็นอีกฝ่ายเดินตรงไปที่มอเตอร์ไซค์สีดำคันใหญ่ เถียนซานพยักหน้า “ครับ ผมไม่อยากให้สะดุดตาคนน่ะ”
   “อืม ก็จริงหรอก เอามอเตอร์ไซค์เข้าคฤหาสน์อาจารย์น้อยทางอุโมงค์มันไม่เป็นที่สังเกต แต่ว่าความสูงของนายน่ะมันเด่นสะดุดตาอยู่นะ”
   คนถูกแซวไม่พูดอะไร ได้แต่ยิ้มบางๆ บนใบหน้า ก่อนจะคว้าเสื้อแจ๊กเก็ตสีดำแถบขาวขึ้นมาสวม แล้วส่งอีกตัวให้ผู้เป็นเจ้านาย เว่ยจินหยินรับมาสวมทับเสื้อแล้วพูดขึ้นต่อ “อืม... แบบนี้นึกถึงตอนเด็กๆ ยังไงไม่รู้สิ ตอนนั้นนายเป็นคนขี่ แล้วมีฉันกับอาจารย์น้อยนั่งซ้อนท้ายนี่นะ”
   “เพราะคุณเอาแต่เซ้าซี้ว่าอยากจะขึ้นมอเตอร์ไซค์นี่ครับ” เถียนซานว่า พลางส่งหมวกกันน็อคสีดำให้อีกฝ่าย “จะให้รุ่นพี่ขี่เองก็อันตราย ผมก็เลยต้องเป็นคนขี่แล้วให้คุณซ้อนตรงกลางแทน”
   “อืม... ตอนนั้นฉันยังตัวเล็กๆ อยู่นี่นะ” เว่ยจินหยินว่า แล้วรับหมวกกันน็อคมาสวม
   
   “นี่ อาซาน” เว่ยจินหยินพูดขึ้น ขณะที่ซ้อนมอเตอร์ไซค์ซึ่งมีเถียนซานเป็นคนขี่ ทั้งคู่กำลังออกจากคฤหาสน์เขาวงกต โดยผ่านอุโมงค์ที่เชื่อมต่อกับถนนหลวงเส้นหนึ่ง คนอยู่หน้าส่งเสียงตอบรับ “ครับ?”
   “นายเจอตำรวจที่ชื่อลู่อี้เผิงแล้วหรือยัง?”
   “เคยเห็นหน้าอยู่บ้างครับ เขาเป็นตำรวจสายตรวจด้วย”
   “อืม... เป็นคนที่รอดจากบ้านอาจารย์น้อยได้ในรอบหลายปีเลยนะ”
   “ครับ.. ดูรุ่นพี่จะถูกชะตาเขามากด้วย”
   “เหมือนอย่างที่ถูกชะตานายล่ะมั้ง” เว่ยจินหยินว่า “ฉันเห็นเขาแล้ว คิดว่ามีส่วนคล้ายๆ นายอยู่สักหน่อยเหมือนกันนะ”
   เถียนซานหัวเราะแข่งกับเสียงลมที่พัดอยู่รอบตัว เว่ยจินหยินพูดขึ้นต่อ “อาซาน ฉันเป็นห่วงนะ ท่าทางอาจารย์น้อยจะมีจุดอ่อนเสียแล้วล่ะ”
   “...........” ร่างสูงใหญ่ด้านหน้าเงียบไปพักหนึ่ง แล้วถึงพูดขึ้นมา “ไม่เป็นไรหรอกครับ รุ่นพี่น่ะ เคยผ่านนรกมาแล้ว เขาไม่ใช่คนที่ไม่มีจุดอ่อนหรอก เพียงแต่เขารู้ว่าควรจะจัดการกับจุดอ่อนของตัวเองยังไง คุณไม่ต้องกังวลหรอกนะครับ”
   “อืม...” เว่ยจินหยินส่งเสียงในคอ ก่อนจะพิงศีรษะเข้ากับแผ่นหลังกว้าง “ฉันรู้ เขาเป็นคนเก่ง เก่งที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมาเลยล่ะ อาซาน... ถ้าฉันไม่ได้ชอบนายแบบนี้ นายจะไปกับเขารึเปล่า?”
เถียนซานระบายลมหายใจ แล้วยิ้มบางๆ ภายใต้หมวกกันน็อค “คุณเป็นคนเดียวที่ผมจะอยู่เคียงข้างรับใช้ไปจนวันตาย เรื่องนี้น่ะ ไม่ว่าใครก็มาเปลี่ยนไม่ได้หรอกครับ”
เว่ยจินหยินสวมกอดปั้นเอวของอีกฝ่ายแน่นขึ้น ขณะที่รถมอเตอร์ไซค์คันนั้นแล่นออกไปอย่างรวดเร็ว
--------------------------------------------------
   เช้าวันรุ่งขึ้น เว่ยจินหยินออกจากสำนักงานตั้งแต่เช้า เพื่อไปที่กรมตำรวจ ตามหมายเรียกที่เขาให้ลูกน้องแอบไปเตี๊ยมกับกรมตำรวจเอาไว้ และดึงตัวหมากทั้งหมดเข้าสู่แผนการในการจัดการกับลีไป๋หู่ โดยมีนายตำรวจที่ชื่อลู่อี้เผิงร่วมอยู่ด้วย
   แผนการหลอกซ้ำหลอกซ้อนของเขาดำเนินไปได้ด้วยดีภายในห้าวันต่อมา ลีไป๋หู่หลงกลสนิท กระทั่งวิ่งขึ้นเรือส่งของเอง โดยที่เขากับเถียนซาน รวมถึงหงคงฉ่วยเปลืองมือเปลืองเท้ากันเพียงเล็กน้อย โดยมีนายตำรวจหนุ่มคนนั้นเป็นเครื่องประกอบฉาก
   ในที่สุดลีไป๋หู่ก็โดนจับได้คาหนังคาเขา และมีการขยายผลจับกุมเครือข่ายเพิ่มเติมในอีกหนึ่งสัปดาห์ต่อมา โดยมีเจ้าหน้าที่ประสานงานจากสก็อตแลนยาร์ดที่ชื่อมิลเลอร์ คอยล์เป็นกำลังหลัก
   เว่ยจินหยินตัดสินใจว่าจะไปส่งนายตำรวจจากอังกฤษด้วยตนเอง หลังจากเสร็จเรื่อง แต่แล้วเขาก็ต้องแปลกใจ เมื่อในเช้าวันหนึ่ง คนที่เปิดประตูเข้ามาในห้องทำงานของเขากลับไม่ใช่ลูกน้องคนสนิทที่เคยคุ้นหน้า แต่เป็นนายตำรวจจากอังกฤษคนนั้น
   “อรุณสวัสดิ์ครับ กำลังคิดอยู่ล่ะสิ ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมผมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ ใช่ไหมล่ะ?” มิลเลอร์ คอยล์พูดเร็วปรื๋อหลังจากเปิดประตูเข้ามา และเห็นเว่ยจินหยินเลิกคิ้ว มองเขาผ่านแว่นตากรอบทอง และอ้าปาก ทำท่าเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง
   คนถูกทักเลิกคิ้วอยู่อีกพัก สุดท้ายก็พูดออกมา “อืม... ใช่ ฉันกำลังจะถามว่านายมาได้ยังไง?”
   มิลเลอร์ คอยล์ยิ้มกว้างจนแทบเห็นฟันครบสามสิบสองซี่ แล้วพูดชัดถ้อยชัดคำ “ผมมาหาคุณน่ะ เดินผ่านประตูเข้ามา ผมอยากจะพบคุณเป็นการส่วนตัวเสียหน่อย”
   เว่ยจินหยินหรี่ตามองคนที่เดินเข้ามาใกล้ “อาซานให้นายเข้ามาหรือ?”
   อีกฝ่ายยิ้มให้เขาแทนคำตอบ คนนั่งอยู่ถอนหายใจเฮือก “อืม... มีธุระอะไรล่ะ”
   “ก็ไม่มีอะไรหรอกครับ แค่จะมาลาคุณก่อนกลับอังกฤษน่ะ”
   “?!”
   “ผมถูกเรียกตัวกลับกะทันหันเมื่อคืนนี้เอง ท่าทางคุณจะยังไม่รู้ล่ะสิ” มิลเลอร์ คอยล์ว่า เมื่อเห็นสีหน้าแปลกใจของเว่ยจินหยิน ผู้เป็นนายใหญ่แห่งตระกูลเว่ยพยักหน้ายอมรับ “อืม.. ฉันกำลังคิดอยู่พอดีว่าจะไปส่งนายที่สนามบิน”
   “หา?!” คราวนี้นายตำรวจจากอังกฤษเป็นฝ่ายมีสีหน้าแปลกใจบ้าง “คุณว่าจะไปส่งผมที่สนามบินเหรอ ว้าว! พูดจริงๆ เหรอครับเนี่ย”
   เว่ยจินหยินพยักหน้า “อืม... ก็เห็นว่านายอุตส่าห์มาน่ะ เลยคิดว่าต้องไปส่งสักหน่อย”
   “ไม่ได้มีแผนหรือจะส่งจดหมาย หรืออีเมลอะไรนะครับ?” อีกฝ่ายถามอย่างไม่แน่ใจ คนถูกถามสั่นศีรษะ “ยังไม่ได้คิดหรอก แต่มันก็ต้องดูพฤติกรรมโดยรวมของนายด้วยน่ะนะ”
   มิลเลอร์ คอยล์อึ้งไปพักหนึ่ง แต่สุดท้ายก็ยิ้มออกมา “แค่คุณบอกว่าจะไปส่งผมก็น่าดีใจสุดๆ แล้วล่ะ แต่ไม่ต้องไปหรอกครับ เพราะไงๆ ผมก็มาหาคุณแล้ว”
   “อืม..” เว่ยจินหยินส่งเสียงในคอ แต่แล้วจู่ๆ ก็ต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อมิลเลอร์ คอยล์ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ แล้วขโมยหอมแก้มเขาอย่างรวดเร็ว
   !!
   เว่ยจินหยินคว้ามือตะปบคอเสื้ออีกฝ่ายไว้ แต่ก็ไม่วายถูกขโมยหอมแก้มอีกข้าง คราวนี้เขาเลยผลักฝ่ายนั้นออกไปเต็มแรง
   “ฮะๆ คุณนี่ร้ายเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนจริงๆ” มิลเลอร์พูดกลั้วหัวเราะ ขณะยันตัวเองเอาไว้ได้ทัน ก่อนจะเสียหลักหงายหลังไปชนกับตู้ใส่เอกสารไม้ที่วางอยู่ด้านหลัง เว่ยจินหยินหรี่ตามองเขา “มารยาททรามไม่มีเปลี่ยนจริงๆ”
   คนถูกด่าหัวเราะชอบใจ แล้วพูดยิ้มๆ “มารยาททรามอะไรกันครับ คุณเคยอยู่อังกฤษน่าจะรู้ดีนี่ หอมแก้มก็เป็นการทักทายอย่างหนึ่งนะ”
   “นั่นมันวัฒนธรรมฝรั่งเศส ไม่เกี่ยวอะไรกับอังกฤษเลยสักนิด” เว่ยจินหยินแย้งทันที อีกฝ่ายยักไหล่ “มันก็ทักทายเหมือนกันล่ะครับ”
   “นี่นายใช่คนอังกฤษจริงๆ รึเปล่าเนี่ย”
   มิลเลอร์ คอยล์หัวเราะอีก “ผมกลับล่ะนะครับ เดี๋ยวจะไปเช็กอินไม่ทัน แล้วไม่ต้องส่งจดหมายรายงานความประพฤติ หรืออะไรไปหาหัวหน้าผมอีกนะ เพราะคราวนี้ผมมีพยานว่าอยู่ทำงานตลอด จดหมายโคมลอยของคุณใช้ไม่ได้ผลหรอก”
   เว่ยจินหยินสูดหายใจลึก ก่อนจะพยักหน้าอย่างอ่อนอกอ่อนใจ “เอาล่ะ ฉันเข้าใจ ยังไงก็ขอบใจที่มาช่วยแล้วกันนะ”
   มิลเลอร์ คอยล์ยิ้มอีก “แบบนี้ค่อยคุ้มค่าหน่อย ผมไปนะครับ รักษาตัวด้วยนะ”
   “อืม โชคดีแล้วกัน” เว่ยจินหยินว่า และโบกมือลาให้อีกฝ่ายพอเป็นพิธี หลังจากมิลเลอร์ คอยล์ออกไปได้พัก เถียนซานก็เดินเข้ามาในห้อง เว่ยจินหยินกำลังจะอ้าปากพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับถูกอีกฝ่ายชิงจังหวะพูดขึ้นก่อน
   “คุณท่านครับ ท่านห้ามาครับ”
----------------------------------------
   “พี่รอง อรุณสวัสดิ์ครับ” เว่ยปิงเซียงเอ่ยปากทักทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้อง เว่ยจินหยินพยักหน้า แล้วตอบกลับไป “อรุณสวัสดิ์ ไม่มีเข้าเวรหรือไง?”
   “ผมแลกเวรมาน่ะ” เว่ยปิงเซียงตอบ แล้วพูดต่อ “ผมดูข่าวแล้ว เรื่องแก๊งค้าอวัยวะน่ะ ฝีมือพี่ใช่มั้ยครับ?”
   เว่ยจินหยินไม่ตอบคำถาม ได้แต่ยิ้มๆ แล้วถามกลับ “เขาออกข่าวแล้วหรือ?”
   “ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วล่ะครับ ผมดูข่าวรอบดึกเอา” เว่ยปิงเซียงว่า “เห็นว่าจับรายแรกได้ตั้งแต่เกือบสัปดาห์ก่อน แต่ปิดข่าวเอาไว้ รอจนขยายผลจับได้ทั้งแก๊งเลยมาแถลงข่าว พี่รอง พี่ช่วยเรื่องนี้ใช่มั้ย?”
   “เธอสบายใจขึ้นบ้างหรือยังล่ะ?” เว่ยจินหยินถามโดยเลี่ยงที่จะตอบ ผู้เป็นน้องชายเม้มริมฝีปาก แล้วพยักหน้า “ครับ ขอบคุณมากนะ พี่รอง”
   “อืม..” เว่ยจินหยินส่งเสียงในคอ แล้วหันไปสนใจกับเอกสารตรงหน้าต่อ แต่พอเห็นว่าเว่ยปิงเซียงยังคงยืนอยู่ในห้อง เหมือนกับรีรออะไรสักอย่าง เลยเงยหน้าขึ้นมาอีก “มีอะไรอีกหรือ?”
   “พี่รอง... เรื่องอุบัติเหตุรถชนที่เกิดขึ้นกับผมน่ะ” เว่ยปิงเซียงพูดออกมาอย่างช้าๆ เขาเงยหน้าขึ้นมองผู้เป็นพี่ชาย “ผมคุยกับพี่ชายใหญ่แล้ว....”
   “อ้อ... เขาว่าไงล่ะ” เว่ยจินหยินวางมือจากเอกสาร หันมาใช้สายตาคมวาวจับจ้องน้องชายที่ยืนอยู่ เว่ยปิงเซียบขบริมฝีปากบน สูดหายใจลึก ในที่สุดก็พูดออกมา “พี่ชายใหญ่ให้ผมมาถามพี่ ว่าอยากให้ผมพูดเรื่องนี้มั้ย?”
   “............” เว่ยจินหยินหรี่ตามองน้องชาย “เธออยากจะพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ล่ะ”
   เว่ยปิงเซียงนิ่งไปพัก เขามองตรงไปยังพี่ชาย “ผมอยากให้คนอื่นรู้ว่า พี่ไม่ได้วางแผนฆ่าผม พี่ไม่ใช่คนที่ลงมือฆ่าน้องชายตัวเอง”
   “....................”
   “พี่รอง... พี่ให้ผมอธิบายเรื่องนี้เถอะ.. พี่จะได้ไม่ต้องถูกใครตราหน้าอีก”
   เว่ยจินหยินเพ่งสายตามองน้องชาย หลังจากเงียบไปพักใหญ่ เขาก็พูดออกมา “เรื่องนี้น่ะเธอไม่ต้องแก้แทนพี่หรอก”
   เว่ยปิงเซียงเม้มริมฝีปาก มีสีหน้าไม่สบายใจอย่างเห็นได้ชัด “ทำไมล่ะ... เพราะอะไรหรือ?”
   ฝ่ายถูกถามเงียบไปพัก สุดท้ายก็ถอนหายใจออกมา “แค่เห็นว่าเธอยังมีชีวิตอยู่แบบนี้ ก็ดีสำหรับพี่แล้วล่ะ เธอไม่ต้องทำอะไรเพื่อพี่หรอกนะ ดูแลตัวเองให้ดีก็พอ”
   “พี่รอง....”
   “เชื่อที่พี่พูดเถอะ เธอกลับไปทำงานได้แล้วล่ะ อยากได้อะไรอีกก็บอกพี่แล้วกัน”
   เว่ยปิงเซียงยืนมองพี่ชายเขาอยู่อีกพักใหญ่ ก่อนจะสูดหายใจลึก “งั้นผมกลับนะครับ”
   เว่ยจินหยินพยักหน้า คนเป็นน้องชายหมุนตัว ทำท่าจะเดินออกไปจากห้อง ทันใดนั้นเองฝ่ายที่นั่งอยู่ก็พูดขึ้นอีก
   “น้องห้า”
   “ครับ?”
   “พี่ขอโทษด้วยนะ”
   ริมฝีปากของเว่ยปิงเซียงเม้มเข้าหากัน ก่อนจะผงกศีรษะ “ไม่เป็นไรหรอกครับพี่ พี่ชายใหญ่เล่าให้ผมฟังแล้ว.... พี่ไม่ต้องกังวลอะไรอีกแล้วนะ”
   เว่ยจินหยินอ้าปาก เหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่ไม่มีเสียง เว่ยปิงเซียงยิ้มให้เขา แล้วก้าวเท้าออกจากห้องไป สักพัก เว่ยจินหยินถึงหันหน้ากลับมามองลูกน้องคนสนิทที่ยืนอยู่ “อาซาน”
   “ครับ”
   คนเรียกกะพริบตาปริบๆ อยู่พัก แล้วจึงพูดออกมา “นายกับพี่ชายใหญ่น่ะ.....”
   เถียนซานพยักหน้าโดยที่อีกฝ่ายยังพูดไม่จบ เว่ยจินหยินอ้าปากค้าง ทำท่าเหมือนจะพูดอะไรอีก แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ “ช่างเถอะ แต่เรื่องมิลเลอร์น่ะ...”
   “ขอโทษด้วยนะครับ” อีกฝ่ายพูดสวนออกมา เว่ยจินหยินหรี่ตามองลูกน้องตัวเอง ก่อนจะถอนหายใจเฮือก “นายนี่มัน........ จริงๆ เลยนะ ให้ตายสิ”
   เถียนซานไม่ตอบโต้อะไร ได้แต่ยิ้มออกมา “เย็นนี้อยากจะทานอะไรเป็นพิเศษหรืออยากไปไหนรึเปล่าครับ?”
   เว่ยจินหยินหลับตาอย่างใช้ความคิด ก่อนจะพูดออกมา “ฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ จะไปด้วยกันไหมล่ะ?”
   คราวนี้เถียนซานเป็นฝ่ายเลิกคิ้วบ้าง คนเป็นเจ้านายพูดต่อ “ไปกันแค่สองคนนะ ฉันอยากไปนั่งรถไฟเหาะ”
   “............”
   “ทำไมเงียบไปล่ะ ไหนถามว่าฉันอยากไปไหนไง?”
   เถียนซานเงียบไปพัก สุดท้ายก็ยิ้มออกมา “ผมกำลังคิดอยู่นะ ว่าคุณจะแต่งตัวยังไงไม่ให้สะดุดตาคนดี แต่งแบบนี้ถือสายไหมกับลูกโป่งไม่เหมาะแน่”
   เว่ยจินหยินหันมาถลึงตาใส่คนพูด “ฉันจะขี่คอนายไป จะได้เห็นอะไรชัดๆ หน่อย ไม่อยากจะเบียดคนเยอะๆ”
   “งั้นต้องเกาะแน่นๆ นะครับ ผมกลัวคุณตกระหว่างทาง เดี๋ยวจะหากันไม่เจอ”
   “ฉันรู้ ยังไงนายต้องหาฉันจนเจอได้แน่ๆ”
   เถียนซานไม่ตอบอะไร ได้แต่ยิ้ม เว่ยจินหยินมองหน้าเขา จากนั้นก็ยิ้มออกมา
------------------------------------------------------
**สงสารลู่อี้เผิงจริงๆ ให้ตายสิ (พิมพ์ว่างั้น แต่ใจกลับหัวเราะอย่างสะใจ :laugh: ถือเป็นการเอาคืนที่ในเรื่องนกยูงแดง เผิงเผิงบังอาจมองเว่ยจินหยินเป็นเซลขายตรงไปได้ วะฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ)

ตอนนี้คาดว่าจะสะเทือนใจแฟนคลับมิลเลอร์ (ที่ถุกหลอกให้ลุ้นตั้งกะเรื่องYes!Master. และมาถูกตอกย้ำความไม่สมหวังในตอนพิเศษนี้อีกที<<โดนคนอ่านบุกกระทืบ :z6:) เอาน่า มิลเลอร์ก็ให้เป็นมิลเลอร์แบบนี้แหละ นี่แหละมิลเลอร์ (เลิกหวังเรื่องหาคู่ให้มิลเลอร์ไปได้ เพราะพระเอกกะล่อนปราบยาก ดูอย่างรูฟัสสิ..... ให้มีหมอนั่นคนเดียวพอแล้ว=[]=)

ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะคะ ส่วนตอนพิเศษที่เหลือของเรื่องนี้ (My neighbor is a spy.) จะลงเฉพาะในรวมเล่มเท่านั้นค่ะ เดี๋ยวจะแจ้งอีกทีว่ามีตอนของใคร เกี่ยวกับอะไรบ้างนะคะ^^
หัวข้อ: Re: [พิเศษ:My neighbor.&นกยูงแดง] การไถ่บาปของสุนัขจิ้งจอก1 (18/11/2554)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 13-12-2011 10:13:26
**ต่ออีกนิด ที่จริงหงคงฉ่วยกับเถียนซานมีซัมติงรอง... (อาจจะเป็นคงฉ่วยซัมติงอยู่คนเดียว......)

เดี๋ยวไ้ว้ค่อยไปเขียนเป็นตอนพิเศษในนกยูงแดงอีกที (โดนโบก :beat:)

แถมรูปอดีตของสามเส้าสามคนนี้... (ใครเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊กน่าจะเคยเห็นแล้ว)

(http://i45.photobucket.com/albums/f68/juonkung/My%20neighbor%20is%20spy/1-1-1.jpg)

เถียนซานสมัยหนุ่มๆ หล่อและนิสัยดีกว่าลู่อี้เผิง คอนเฟิร์ม!!!

(http://i45.photobucket.com/albums/f68/juonkung/My%20neighbor%20is%20spy/1-2-1.jpg)

คุณชายจิ้งจอกน้อย.... วรั้ยย คุณชายขาาาาาาาาาาาาาาาา (คงฉ่วยคงนึกในใจ ทำไมฉันไม่ฆ่าไอ้เด็กนี่ไปตั้งแต่มันยังเล็กๆ ฟระ!!)

และ..........

(http://i45.photobucket.com/albums/f68/juonkung/My%20neighbor%20is%20spy/1-3-1.jpg)

ก๋งก๋งคงฉ่วยสมัยเอ๊าะๆ (เอ๊าะอีกมั้ย ใกล้สามสิบแล้วอ่ะ แต่ยังเลข2อยู่นะ อิอิ)

ภาพนี้แบบว่า.......... ก๋งก๋งผมยาวววว (คาดไม่ถึงมาก่อน) แน่นอนว่าลู่อี้เผิงคงไม่มีวันได้เห็น เพราะก๋งก๋งไม่ถ่ายรูปตัวเอง (ว่าไปก็สงสารหงคงฉ่วยเหมือนกันนะเนี่ย)

ซัมติงรองระหว่างคงฉ่วย เถียนซาน... เดี๋ยวไว้เฉลยในนกยูงแดง (เฉลยในนี้มันจะผิดเรื่องไป)

//วิ่งหนีไปเผาต้นฉบับต่อ =[]=
หัวข้อ: Re: [พิเศษ:My neighbor.&นกยูงแดง] การไถ่บาปของสุนัขจิ้งจอก2(จบ) p2 (13/12/2554)
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 13-12-2011 10:33:17
อยากอ่าน เถียนซานหวานหรือกุ๊กิ๊กกับจินหยินม่าง  :z1:
หัวข้อ: Re: [พิเศษ:My neighbor.&นกยูงแดง] การไถ่บาปของสุนัขจิ้งจอก2(จบ) p2 (13/12/2554)
เริ่มหัวข้อโดย: flawless ที่ 13-12-2011 18:27:54
ชอบคุณท่านจิ้งจอกกับเถียนซานอ่ะ ในความเย็นชาก็แอบมีความหวานแทรกอยู่(ประปราย)
อยากอ่านแบบฉบับหวานสุดๆ ของคู่นี้แหะ ไม่รู้เป็นไงแอบชอบคู่พี่เลี้ยงและคุณชายรองที่สุด
หัวข้อ: Re: [พิเศษ:My neighbor.&นกยูงแดง] การไถ่บาปของสุนัขจิ้งจอก2(จบ) p2 (13/12/2554)
เริ่มหัวข้อโดย: Cc-kun ที่ 13-12-2011 18:34:23
เหมือนรูปนี้จะดูโตกว่าตอนเป็นตาเฒ่าอีกแหะ

คงฉ่วยนี้ยิ่งแก่ยิ่งเด็กแน่ๆเลย 55

กำลังคิดอยู่นิดนึงว่าน่าจะมีบทพี่ใหญ่กับคุณชายห้าอีกสักสี่ห้าบรรทัด เรื่องอาจจะอิ่มกว่านี้

ยิ่งเคลียร์ทุกมุมมองยิ่งดี /กะไม่จิ้นเองเลยว่างั้นแฮ่ๆ
หัวข้อ: Re: [พิเศษ:My neighbor.&นกยูงแดง] การไถ่บาปของสุนัขจิ้งจอก2(จบ) p2 (13/12/2554)
เริ่มหัวข้อโดย: Pepor ที่ 14-12-2011 20:30:31
สรุปแผนการนี้ คนที่น่าสงสารที่สุด คือเผิงเผิงที่ถูกหลอกจากทุกคนใช่มะ แต่คงฉ่วยก็ห่วงเผิงเผิงนะ
ส่วนจินหยินกะอาซานมีแอบหวานตอนขี่มอไซค์ด้วย น่ารัก
หัวข้อ: Re: [พิเศษ:My neighbor.&นกยูงแดง] การไถ่บาปของสุนัขจิ้งจอก2(จบ) p2 (13/12/2554)
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 14-12-2011 21:15:58
เอ แล้วตอนพิเศษ ny neighbor ล่ะคะ แหะๆ
หัวข้อ: Re: [พิเศษ:My neighbor.&นกยูงแดง] การไถ่บาปของสุนัขจิ้งจอก2(จบ) p2 (13/12/2554)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 14-12-2011 21:21:16
จินหยินหวงอาซาน  ส่วนคงฉ่วยก็หวงเผิงเผิง น่ารักจริงๆ เลยแต่ละคู่

ปล. รูปเว่ยจินหยินน่ารักมากกกกกกกกกกเลยอะ ส่วนคงฉ่วยนี่มามาดนางพญาตาจิกกัดมาเลย
หัวข้อ: Re: [พิเศษ:My neighbor.&นกยูงแดง] การไถ่บาปของสุนัขจิ้งจอก2(จบ) p2 (13/12/2554)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 14-12-2011 21:23:07
เอ แล้วตอนพิเศษ ny neighbor ล่ะคะ แหะๆ

ตอนนี้ล่ะค่ะ ฮ่ะๆๆๆๆ ที่พูดถึงเรื่องคุณชายห้าไงคะ... (แหม๊ ใจความมันน่าจะอยู่ที่เรื่องฆ่าน้องชายของเว่ยจินหยินนะเนี่ย ตอนนี้อ๊ะ)
หัวข้อ: Re: [พิเศษ:My neighbor.&นกยูงแดง] การไถ่บาปของสุนัขจิ้งจอก2(จบ) p2 (13/12/2554)
เริ่มหัวข้อโดย: moobarpalang ที่ 14-12-2011 21:33:09
-*- อะไรกันๆ
พี่รองทำไมไม่ยอมรับความหวังดีของน้องห้า
แล้วทำไมน้องห้าถึงซื่อขนาดนี้นะ
กดบวกๆ
หัวข้อ: Re: [พิเศษ:My neighbor.&นกยูงแดง] การไถ่บาปของสุนัขจิ้งจอก2(จบ) p2 (13/12/2554)
เริ่มหัวข้อโดย: entirom ที่ 14-12-2011 22:51:56
งืมมมมม


จิ้งจอกเจ้าเล่ย์
จิ้งจอกแสนงาม
และ
จิ้งจอกทีมีจิตใจอันดี? งาม

หัวข้อ: Re: [พิเศษ:My neighbor.&นกยูงแดง] การไถ่บาปของสุนัขจิ้งจอก2(จบ) p2 (13/12/2554)
เริ่มหัวข้อโดย: Heisei ที่ 14-12-2011 23:44:44
โอ้ววว ยาวสมใจจริง...
ทำไมอ่านไปอ่านมาชักอยากเปลี่ยนไปเชียร์มิลเลอร์ล่ะ
ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ปล. ไม่สงสารเผิงเผิงหรอก บังอาจมาก!!!
หัวข้อ: Re: [พิเศษ:My neighbor.&นกยูงแดง] การไถ่บาปของสุนัขจิ้งจอก2(จบ) p2 (13/12/2554)
เริ่มหัวข้อโดย: pochu52 ที่ 15-12-2011 07:56:57
น่าสงสารเผิงเผิงน้อยจริงๆ โดนรวมหัวหลอก น่าๆๆ มีคงฉ่วยรอปลอบอยู่แล้วนิ คิคิคิ
ความน่ารักของจินหยินคงมีแต่อาซานซินะที่ได้เห็น 555
หัวข้อ: Re: [พิเศษ:My neighbor.&นกยูงแดง] การไถ่บาปของสุนัขจิ้งจอก2(จบ) p2 (13/12/2554)
เริ่มหัวข้อโดย: inspirer_bear ที่ 15-12-2011 09:57:39
ก๋งก๋งผมยาววว *0*

เวลา จิ้งจอกกับนกยูงมาเจอกันนิ ไม่ไหวนนะ

ต่อให้ตำรวจทั้งกรมมารวมกันคงทำอะไรไม่ได้ 5555

ทำไมก๋งก๋งไม่ชอบถ่ายรูปตัวเองล่ะคับ
หัวข้อ: Re: [พิเศษ:My neighbor.&นกยูงแดง] การไถ่บาปของสุนัขจิ้งจอก2(จบ) p2 (13/12/2554)
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 15-12-2011 11:22:44
ขนาดตอนพิเศษยังยาววววววขนาดนี้

บ่งบอกเลยว่าเรื่องยาวจะยาวววววววววววววววววขนาดไหน

555

+1  จ้าา
หัวข้อ: Re: [พิเศษ:My neighbor.&นกยูงแดง] การไถ่บาปของสุนัขจิ้งจอก2(จบ) p2 (13/12/2554)
เริ่มหัวข้อโดย: akanae ที่ 15-12-2011 19:20:44
ลู่อี้เผิง ว่าแสบแล้ว ก้อยังสู้ นกยูงแดง กับ จิ้งจอกไม่ได้เสี้ยวเลย
555
หัวข้อ: Re: [พิเศษ:My neighbor.&นกยูงแดง] การไถ่บาปของสุนัขจิ้งจอก2(จบ) p2 (13/12/2554)
เริ่มหัวข้อโดย: kisssky ที่ 15-12-2011 20:31:33
หลังจากเห็นภาพสามเส้าเชื่อแล้วว่า เถียนซาน หล่อจริง อะไรจริง

ส่วนอาก๋งก๋ง ปล่อยเค้าไปเหอะคนเนี้ยอ่ะ  :z2: เดี๋ยวให้เผิงเผิงจัดการ
หัวข้อ: Re: [พิเศษ:My neighbor.&นกยูงแดง] การไถ่บาปของสุนัขจิ้งจอก2(จบ) p2 (13/12/2554)
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 23-05-2012 13:28:40
มีตอนพิเศษช่วยให้หายคิดถึงเผิงเผิงกับคงฉ่วยหน่อย
จะรอตอนพิเศษของนกยูงแดงนะคะ
ขอบคุนค่า
หัวข้อ: Re: [พิเศษ:My neighbor.&นกยูงแดง] การไถ่บาปของสุนัขจิ้งจอก2(จบ) p2 (13/12/2554)
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 24-06-2012 14:26:02
เถียนซานนน~ I love u na~ :-[
รูปวาดอาซานหล่อง่า เท่ง่า :จุ๊บๆ:
จินหยินดูเนิร์ดร้ายๆ
คงฉ่วยสวยค่า
เนื้อเรื่องตอนนี้ทำให้อดเอ็นดูจินหยินไม่ได้จริงๆเนอะ
ขอกรี๊ดอาซานอีกรอบ กรี๊ดดดด :impress2:
หัวข้อ: Re: [พิเศษ:My neighbor.&นกยูงแดง] การไถ่บาปของสุนัขจิ้งจอก2(จบ) p2 (13/12/2554)
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 20-12-2012 15:29:05
เบื้องหลังการจับมือกันของหมาจิ้งจอกกับนกยูงแดงสินะ
หัวข้อ: Re: [พิเศษ:My neighbor.&นกยูงแดง] การไถ่บาปของสุนัขจิ้งจอก2(จบ) p2 (13/12/2554)
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 07-05-2013 19:45:39
สนุกมากเช่นเคย แล้วจะติดตามผลงานเรื่องอื่นๆต่อไปนะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [พิเศษ:My neighbor.&นกยูงแดง] การไถ่บาปของสุนัขจิ้งจอก2(จบ) p2 (13/12/2554)
เริ่มหัวข้อโดย: kannipa ที่ 29-12-2013 21:11:38
ชอบคงฉ่วยๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [พิเศษ:My neighbor.&นกยูงแดง] การไถ่บาปของสุนัขจิ้งจอก2(จบ) p2 (13/12/2554)
เริ่มหัวข้อโดย: rayaiji ที่ 07-05-2014 15:25:11
อร๊าาาาาา  คิดถึงก๋งก๋งกับเผิงเผิงจังเลยยยยย
หัวข้อ: Re: [พิเศษ:My neighbor.&นกยูงแดง] การไถ่บาปของสุนัขจิ้งจอก2(จบ) p2 (13/12/2554)
เริ่มหัวข้อโดย: meanmena ที่ 16-01-2016 03:12:51
สนุกมาก