พิมพ์หน้านี้ - [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 46 หนีตาย ! 3/4/14 - 18.50

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => ข้อความที่เริ่มโดย: Purple_Sky ที่ 24-10-2011 23:09:59

หัวข้อ: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 46 หนีตาย ! 3/4/14 - 18.50
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 24-10-2011 23:09:59
เก็บกระทู้ไว้  -------โมดุฯ

------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน

ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
 
*************************************************************************************

ชี้แจ้งแถลงไข
   นิยายเรื่องนี้ ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นจริงแต่อย่างใด ทั้งเนื้อเรื่อง ตัวละคร ชื่อ และราชสกุล รวมถึง สถานที่ ทั้งหมดล้วนแต่เป็นสิ่งที่ผู้เขียนสร้างสรรค์ขึ้นจากจินตนาการเท่านั้น หากมีชื่อของตัวละคร หรือบุคลิกของตัวละครบางตัวซ้ำกับคนที่คุณรู้จักที่มีอยู่จริงในสังคม ขอให้รู้ว่าเป็นเรื่องบังเอิญเท่านั้น
   คุณชายเป็นนิยายในแนวสมจริง หรือแนวชีวิตที่ผู้เขียน เขียนขึ้นเป็นเรื่องแรกทั้งๆที่ปกติจะถนัดเขียนในแนวลึกลับ สืบสวน หรือแม้แต่แฟนตาซีมาตลอด ด้วยความตั้งใจที่จะสื่อสารแนวความคิดเรื่อง “การตัดสินใจ ระหว่างสิ่งที่เป็นหน้าที่ กับสิ่งที่ตนเองพอใจ” ในความคิดของผู้เขียนเพื่อให้ผู้อ่านได้ย้อนถามตัวเองในชีวิตประจำวันว่า เรากำลังทำสิ่งที่ถูกต้องอยู่หรือเปล่า และสิ่งที่เราคิดว่าถูกต้องนั้นมันถูกจริงๆ หรือสังคมเป็นคนบอกว่าถูกกันแน่ รวมถึงสร้างความสัมพันธ์และความผูกพันระหว่างผู้อ่านและตัวละครในเรื่อง ให้เติบโตไปพร้อมๆกัน และแก้ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นพร้อมๆกัน จึงไม่แปลกเลยถ้าหากผู้อ่านบางกลุ่มจะรู้สึกว่า เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นได้กับตัวเอง ในชีวิตประจำวันเช่นเดียวกับที่มันเกิดขึ้นกับตัวละครในเรื่องนี้
   หากนิยายเรื่องนี้จะสามารถเป็นแรงบันดาลใจ และสะท้อนภาพของสังคมให้ผู้อ่านได้รับรู้ และซาบซึ้งไปกับมันได้ ผู้เขียนจะยินดีเป็นอย่างยิ่ง แต่หากมีใครเกิดไม่พอใจ หรือไม่ถูกใจในการตัดสินใจของตัวละคร และเหตุการณ์บางอย่างในเรื่อง ผู้เขียนต้องขอน้อมรับความผิดไว้ด้วยแต่เพียงผู้เดียว
ฟ้าม่วง

ปล. นิยายเรื่องนี้มีบางจุดที่ต้องใช้คำราชาศัพท์ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้เขียนไม่ถนัด จึงพยายามหลีกเลี่ยง และหากเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ก็จะพยายามค้นคว้ามาใช้ให้ถูก แต่หากมีข้อผิดพลาดไปบ้างก็ต้องขออภัยด้วยนะครับ

*************************************************************************************

ผลงานเก่าๆครับ

คุณชายภาค 1: http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=21986.0
ปางบรรพ์: http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=15938.0
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 39
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 24-10-2011 23:13:02
39
     
ชีวิตของภาสกรและนทีหลังจากนั้น ช่างไม่ต่างอะไรจากคู่สามีภรรยาข้าวใหม่ปลามันเลยแม้แต่น้อย
    ทั้งคู่ตัดสินใจ อยู่ภูเก็ตต่อเพียงไม่กี่วัน หนึ่งเพราะเกรงใจดาริกามาอยู่บ้านเขาฟรีๆแล้วค่าน้ำค่าไฟก็ไม่เสียไม่ควรจะอยู่นานนัก สองคือนทีก็ไม่ได้ป่วยมาก หัวที่แตกก็ไปเย็บแล้วไม่ได้เจ็บมากนักไม่นานก็คงหาย ส่วนความเจ็บปวดตามกายที่ถูกซ้อมก็ค่อยๆลดลงเรื่อยๆ เพราะมีคุณชายคอยช่วยประคบประหงม เพียงสองวันก็รู้สึกสบายขึ้นมากแล้ว
    คุณชายก็เลยโทรศัพท์จองตั๋วเครื่องบินพานที และปุยฝ้ายกลับกรุงเทพออกจากภูเก็ตแต่เช้าถึงกรุงเทพก็สายๆ นั่งรถไปจนถึงพัทยาก็เกือบเที่ยงทานข้าวกลางวันแล้วก็ไปส่งปุยฝ้ายที่แฟลต ส่วนนทีก็นั่งเถียงกับคุณชายอยู่ไม่นานสุดท้ายด้วยความใจอ่อนจึงย้ายมาอยู่ด้วยกันเสียที่วังพัทยา
    เวลานับจากวันที่เดินแฟชั่นมาจนถึงตอนนี้ก็เกือบอาทิตย์แล้ว แต่หม่อมวิไลวรรณก็ไม่ได้ติดต่อมาหาภาสกรเลยแม้สักครั้งเดียว พอๆกับทิฆัมพรก็หายเข้ากลีบเมฆไปพร้อมกัน ภาสกรมารู้เหตุผลก็ตอนที่กลับมาถึงวังพัทยาแล้วนั่นเอง จึงพบว่าแม่ของเขาโทรศัพท์เข้ามาฝากข้อความไว้ที่วังว่า
    “แม่ไปเที่ยวยุโรปกับหนูฟ้า อีกสองอาทิตย์กลับ ชายไปเยี่ยมท่านพ่อบ้างนะลูก แม่ให้นมอุ่นดูแลแล้วแต่ท่านพ่อคงจะบ่นถึงชายบ้าง พระชนม์มากแล้วคงจะทรงคิดถึงตามประสา ไปเฝ้าท่านบ้างเดี๋ยวจะน้อยหทัย”
    ภาสกรก็เลยคิดว่าจะต้องไปเยี่ยมท่านพ่อเร็วๆนี้ แต่ตอนนี้ขออยู่อย่างมีความสุขกับนทีไปก่อนสักระยะหนึ่งแล้วกัน
    
    หม่อมราชวงศ์หนุ่มยังจำได้ว่าวันแรกที่นทีมาอยู่กับเขาที่วังนั้น หนุ่มน้อยจะนอนห้องคนใช้ที่ชั้นล่างให้ได้ พอภาสกรบอกให้ขึ้นไปนอนห้องเดียวกับเขา อีกฝ่ายก็ทำท่าตกใจราวกับไปทำผิดกฏหมายมา
    “บ้าหรอคุณชาย จะให้ผมนอนห้องเดียวกับคุณชาย บนเตียงเดียวกันได้อย่างไรไม่เอาหรอกนะ”
    แต่พอภาสกรตอบกลับเท่านั้นนทีก็อายหน้าแดงเถียงไม่ออกอีก ยอมนอนร่วมเตียงกับคุณชายคนรัก ไม่บ่นอีกสักคำ
    “ไม่บ้าหรอก คุณไม่เคยนอนร่วมเตียงกับผมงั้นซี คุณเป็นคนรักของผมนะครับ เป็นของผมแล้วคุณก็ต้องนอนกับผมสิ จะให้ผมไปนอนกับคนอื่นหรือไง”

    ความสุขของคนมีความรักมันมีอยู่เท่านี้ แต่ก็เป็นความสุขที่มากล้นจนเปรียบกับอะไรไม่ได้ สำหรับนทีที่ไม่เคยสมหวังในความรักเลยสักครั้งพอมาได้มีคุณชายหนุ่มรูปหล่อเพอร์เฟ็คไม่มีใครเกินอย่างนี้ก็ยิ่งกว่าได้พรอันแสนประเสริฐเอาอะไรมาเปรียบไม่ได้เลย
    จะไม่มีความสุขเลยหรือเมื่อเวลาเข้านอน ได้มีใครอีกคนมากอดอยู่ข้างหลัง ต่อให้อากาศยามค่ำคืนจะหนาวแค่ไหน แต่เมื่อมีไออุ่นจากใครอีกคนอยู่ใกล้ๆกันนั้นก็เป็นยิ่งกว่าความสุขเสียอีก หลายครั้งที่นทีฝันร้ายถึงแม่หรืออดิสรณ์แล้วสะดุ้งตื่นขึ้นมาทีไร ภาสกรก็จะหยีตามองเขาในความมืด แม้จะง่วงงุนเพียงใดก็จะกระซิบถามอย่างเอาใจใส่ว่า
    “คุณฝันร้ายหรือ”
    พอนทีตอบเบาๆ ว่า“ครับ” ภาสกรก็จะดึงเขาเข้าไปกอดเอาไว้แนบอก ประคองใบหน้าของเขาให้แนบไปเหนือหัวใจที่เต้นเป็นจังหวช้าๆ ราวกับจะบอกว่า
    “ผมอยู่ตรงนี้แล้วคุณไม่ต้องกลัว”
    
    พอตื่นเช้ามาหากภาสกรตื่นก่อน คุณชายหนุ่มก็จะเตรียมอาหารเช้าไว้ให้นทีทุกครั้ง บางครั้งเป็นอาหารฝรั่ง บางครั้งก็เป็นข้าวต้มร้อนๆ อาจจะเป็นอาหารง่ายๆ แต่เมื่อมันมาจากฝีมือของคนที่เรารัก จะกินอย่างไรก็อร่อย นทีชินกับการที่ตื่นมาแล้วก็มีภาระทุกอย่างกองอยู่ตรงหน้าต้องให้มาครุ่นคิดวิตกจนต้องแก้ไปทีละเปลาะ แต่ตั้งแต่มีคุณชาย หนุ่มน้อยก็ไม่ต้องมาคอยกังวลอีกว่า วันนี้จะกินอะไร จะต้องหนีอดิสรณ์ไปไหน ต้องถูกใครตามล่าอีก มันมีแต่ความอุ่นใจ สบายใจ ตั้งแต่ตื่นมาแต่เช้าเลย
    หากวันไหนนทีตื่นก่อน หนุ่มน้อยที่ไม่ค่อยถนัดทำอาหารกินเอง ก็จะไปเดินเล่นใกล้ๆ กันนั้นที่มีตลาดอยู่ ซื้ออาหารเช้าแบบพิเศษที่ทำกินกันเองไม่ได้ทุกวันอย่างกระเพาะปลา ข้าวมันไก่ หรือกวยจั๊บน้ำข้นร้อนๆมาเตรียมไว้ให้ภาสกร พออีกฝ่ายอาบน้ำแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าทื่เขาเตรียมไว้ให้แล้วก็จะลงมานั่งกินข้าวด้วยกันกับเขาทุกเช้า
    ภาสกรให้นทีออกจากงานกะหนึ่ง แล้วให้ทำแค่กะเดียวคือทำที่ร้าน chez moi ตอนเย็นที่เดียวกับปุยฝ้ายเท่านั้น หนุ่มน้อยจะได้ไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยอีก ดังนั้นพอ กินข้าวกันเสร็จแล้วภาสกรก็จะออกไปทำงานที่ร้านรชตานันต์อัญมณี มีนทีตามไปด้วย ตอนแรกภาสกรไม่รู้ว่าจะให้หนุ่มน้อยอยู่ที่ไหน แต่ก็หาทางออกได้ว่าให้เขาอยู่กับดลนภาคอยช่วยทำงานอยู่หน้าร้าน
    เลขานุการสาวหน้าเก๋ ไม่คิดถามว่านทีเป็นใครมาจากไหน แรกๆหล่อนไม่ค่อยถูกชะตากับนทีนัก แต่เมื่อเห็นว่าหนุ่มน้อยขยันขันแข็ง มีสัมมาคารวะ ก็กลายเป็นรักเขาไปเอง พนักงานคนอื่นๆในร้านก็เช่นกัน
    ถึงจะสนิทกับภาสกร แต่นทีก็วางตัวอย่างลูกจ้าง เวลาพักกลางวัน เขาก็จะอาสาไปซื้อข้าวกล่องมาให้พวกพี่ๆพนักงานกินกันไม่ยอมออกไปกินอาหารแพงๆกับภาสกร ดังนั้นภาพที่ติดตาทุกคนก็คือ หนุ่มน้อยเดินเข้ามาในร้านพร้อมกับข้าวกล่องเรียงซ้อนกันเป็นชั้น
    “สวัสดีคร้าบ ข้าวกลางวันมาเสิร์ฟแล้วฮะ วันนี้มีกะเพราไก่ไข่ดาวของที่ดล ข้าวผัดแหนมของพี่นิด คะน้าหมูกรอบของ...”
    หน้าที่ของนทีมีเพียง ยืนรับลูกค้าเท่านั้น แต่เขาก็ไม่ปล่อยปละละเลยช่วงทำงานหลายๆอย่างในร้านอย่างบางครั้งที่ดลนภาหอบกองเอกสารปึกใหญ่มานทีก็จะต้องรีบวิ่งไปช่วยถือทุกครั้ง
    “พี่ดลครับให้ผมช่วย”
    “เอ่อ ขยะตรงนี้มันเต็มแล้วป้าแม่บ้านหายไปไหน เดี๋ยวผมเอาไปทิ้งให้นะครับ” หลายครั้งที่หลายๆคนจะมองนทีอย่างเอ็นดูแล้วก็เอาไปพูดกับภาสกรว่า
    “คุณชายคะ น้องน้ำนี่เป็นใครมาจากไหนคะ น่ารักเหลือเกินทำไมคุณชายไม่ให้ทำงานประจำอยู่ที่นี่เลยล่ะคะ พวกเราทุกคนเอ็นดู๊เอ็นดู เด็กอะไรนิสัยดีหาที่ติไม่ได้”
    พอได้ยินอย่างนี้ ภาสกรก็จะหน้าบานแล้วก็พูดเบาๆว่า
    “เพื่อนรุ่นน้องผมเอง” แต่ในใจหรือก็แสนจะภูมิใจว่า คนรักเข้าหน้าใคร ใครก็ติดรักใคร่กันเสียทุกคน

    หลังอาหารกลางวัน ภาสกรก็จะไม่ได้พบกับนทีอีกเลยไปจนถึงเย็น เพราะฝ่ายหนุ่มน้อยต้องออกงานไปเข้ากะเย็นที่ร้าน Chez moi ที่นั่นจะเป็นที่ที่เขาได้เจอกับเพื่อนเก่าอย่างปุยฝ้ายทุกวันจึงไม่ได้รู้สึกว่าห่างเหินอย่างไร
    “ไงยะ มาจากร้านเพชร เข้าร้านอาหารรู้สึกแตกต่างกันบ้างไหม” ปุยฝ้ายจะทักเพื่อนหนุ่มคล้ายๆอย่างนี้เสมอ พอลับหลังคนก็จะแอบถามอย่างหมั่นไส้แกมหยอกว่า “แปรพระราชฐานจากวังมาทำงานต๊อกๆอย่างนี้ ระวังคุณชายน้อยจะปรนนิบัติรับใช้คุณชายใหญ่ได้ไม่เต็มที่นะเพคะ”
    บ่อยครั้ง นทีจะไม่ทำอะไรนอกจากส่งสายตาขุ่นเคืองแกมตำหนิมาให้เท่านั้น บางครั้งถ้าทนไม่ไหวหนุ่มน้อยก็จะโวยวายออกมาว่า
    “แกจะล้ออะไรฉันนักหนา ถ้าไม่เลิกล้อฉันจะลาออก!”
    “ย่ะก็มีงานนับเพชร นับพลอยอยู่แล้วนี่”

    ประมาณสามครั้งต่อสัปดาห์ นทีจะกลับเข้าวังก่อนคุณชาย จะได้มีเวลาเตรียมอาหารเย็นเอาไว้ให้ พอคุณชายมาถึงบ้านเขาก็จะรินน้ำเย็นลอยมะลิหอมกรุ่นใส่แก้วเอามาให้คุณชายถึงห้องรับแขก
    “วันนี้คุณชาย เหนื่อยไหมครับ”
    “ไม่เหนื่อยเท่าไหร่” อีกฝ่ายส่งสายตาหวานซึ่งให้แล้วก็ดื่มน้ำหอมเย็นชื่นใจก่อนจะบอกว่า “กลับมารู้ว่ามีนทีรออยู่ก็หายเหนื่อยแล้วล่ะ”
    วันไหนที่นทีเลิกงานกะดึก ภาสกรก็จะเข้าไปหาหนุ่มน้อยที่ร้านอาหารที่นทีทำอยู่ สั่งเค้กมานั่งกิน มองหนุ่มน้อยทำงานอยู่ใกล้ๆ หลายๆครั้งปุยฝ้ายจะเปิดโอกาสให้นทีเข้ามารับรายการจากภาสกรด้วยตัวเอง
    “คุณชายจะรับอะไรดีครับ”
    “ขอเค้กแครอทที่หนึ่งแล้วกันครับ แล้วก็...”คุณชายจะลดเสียงลงเล็กน้อย “นทีจะรับอะไรก็สั่งกลับไปกินที่บ้านพร้อมผมหลังอาหารเย็นนะ คิดเงินที่ผม”
    นทียิ้มกว้างให้ภาสกรอย่างเต็มใจทุกครั้งไม่เกี่ยงกันเรื่องเงินอีก เพราะนทีเงินเดือนเยอะพอจะเลี้ยงภาสกรเป็นครั้งคราว จึงทำให้เจ้าตัวไม่รู้สึกว่าเอาเปรียบชายหนุ่มแต่อย่างใด

    ทั้งคู่รักษาระยะห่างระหว่างกันไว้ได้ดีจนใครต่อใครต่างก็เชื่อว่าเป็นเพื่อนรุ่นน้องคนหนึ่งจริงๆ ไม่มีใครระแคะระคายว่าเป็นคู่รักกันเลย เพราะต่อให้อยู่ที่บ้านภาสกรจะทำตัวหวานเยิ้มกับนทีขนาดไหน พอก้าวออกจากบ้านก็จะวางตัวเป็นปกติ คือไม่ได้ทำปั้นปึ่งใส่ราวกับคนไม่รู้จักกัน หรือว่าแกล้งทำมึงมาพาโวยเหมือนเป็นเพื่อนกันเฉยๆอย่างนั้น
    เขาก็ปฏิบัติกับนทีอย่างสุภาพ พอๆกับที่นทีก็พูดคุยปฏิบัติต่อคุณชายด้วยความเคารพเหมือนก่อนจะได้รู้ใจกัน แม้หลายๆครั้งภาสกรจะแอบมองหนุ่มน้อยด้วยความรักเวลาอยู่ที่ทำงานก็ตามแต่ก็ไม่ประเจิดประเจ้อจนใครรู้
    นับว่าวางตัวได้ดีพอกัน จะมีใครรู้บ้างก็คงเป็นดลนภาที่หัวไวเรื่องอย่างนี้ และพอจะเดาอะไรได้เองบ้าง หลายๆครั้งเมื่อมีโอกาสเลขานุการสาวก็จะพูดกับคุณชายทำนองว่า “วันนี้น้องนทีไม่มาหรือคะ”
    “ไม่มาหรอกพี่ดล เขาต้องไปทำธุระที่มหาวิทยาลัยน่ะ แหมแค่เขาไม่มาวันเดียวพนักงานในบริษัทก็บ่นถึงเขาสองสามครั้งแล้วนะ”
    “พวกเราคิดถึงไปก็เท่านั้นแหละค่ะ แต่คุณชายน่ะสิไม่คิดถึงแย่หรือคะ” จบประโยคก็จะส่งแววตารู้ทันมาพอภาสกรทำเฉไฉไม่รู้เรื่องหล่อนก็จะพูดลอยๆว่า “สมัยนี้เขารับกันได้แล้วค่ะคุณชาย ถ้าวางตัวดีอย่างคุณชาย แถมน่ารักอย่างน้องนที พี่ไม่ว่าอะไรหรอก แต่หม่อมวิไลวรรณ กับท่านชายเรืองเดชรู้หรือยังคะ”
    “ยังหรอกพี่” พูดถึงหม่อมแม่ขึ้นมาทีไร ภาสกรจะนิ่วหน้าแล้วก็ใจลอยไปทุกครั้ง ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่หม่อมแม่จะกลับจากยุโรป แล้วเมื่อไหร่ที่เรื่องของเขากับนทีจะแดงออกมา ... เมื่อถึงตอนนั้นจะวุ่นวายเพียงใด หม่อมแม่จะไม่อาละวาดแย่หรือ
    ภาสกรได้แต่กังวลไปอย่างนั้น เพียงไม่นานก็พยายามปัดความคิดทิ้งไป
    
    คุณหญิงดาริกา รวมถึงพี่ชายทั้งสองคนมาหาภาสกรเมื่อเย็นวันศุกร์ วันนั้นนทีอยู่บ้านจึงรับหน้าที่ชงกาแฟรวมทั้งเรียงคุกกี้และเค้กใส่จานให้หม่อมราชวงศ์ทั้งสี่คน ตัวเองนั่งข้างๆภาสกร ตอนแรกว่าจะไม่อยู่ร่วมวงแต่พอคุณชายใหญ่ของสุวรรณฉายบอกว่าเรื่องที่มาพูดนี้เกี่ยวข้องกับนทีหนุ่มน้อยก็เลยนั่งอยู่อย่างช่วยไม่ได้ โชคดีที่ดาริกา และนรัตพล ชวนคุยเรื่องสารทุกข์สุขดิบทั่วไปก่อนก็เลยไม่เครียดกันมาก
    “น้องกลับมาพัทยาสบายดีนะคะ”
    “ครับสบายดี”
    “ไม่ได้เจ็บตรงไหนแล้วใช่ไหมคะ”
    “ครับผม เป็นปกติดีครับไปทำงานได้เหมือนเดิมแล้ว ไม่ได้มีอาการแทรกซ้อนอะไรครับ” หนุ่มน้อยตอบ พลางก้มลงจิบกาแฟ
    “ดีแล้วล่ะค่ะ คุณชายก็คงดูน้องอย่างดีกระมังคะ” ดาริกายิ้มกว้าง ทำเอาสองหนุ่มตรงหัวโต๊ะเขินอายจนหน้าแดงมองเลยไปหนุ่มพี่ชายกลางของหล่อนก็ยิ้มอย่างรู้ทัน
    “โชคดีนะครับ ที่น้องนทีเป็นคนดีน่ารัก ไม่อย่างนั้นผมก็คงจะค้านหัวชนฝาเลยที่ให้น้องนทีมาอยู่ที่วังนี้” เขาเอ่ยเบาๆ “กลัวว่าหม่อมวิไลวรรณมาเจอเข้าเมื่อไหร่จะเป็นเรื่อง”
    จบประโยคทั้งภาสกรและนทีต่างก็หน้าเสีย หันมองกันเลิ่กลั่กทำตัวไม่ถูกจนดาริกาต้องตีแขนพี่ชายแล้วเรียกชื่อเขาเบาๆเป็นเชียงตำหนิ
    “พี่ไม่ได้จะว่าอะไรนะ” นรัตถพลว่า “แต่ชายภาสก็ควรเตรียมทางหนีทีไล่ไว้อธิบายหม่อมด้วย”
    “ท่านชายเรืองเดชก็ประชวรหนัก น่าจะไปเยี่ยมบ้าง” คุณชายใหญ่ของสุวรรณฉายเอ่ย “ผมเคารพชายภาสที่กล้าหาญ รักจริงถึงขั้นไปช่วยเขามาจากนายอดิสรณ์ทั้งที่รู้ว่าฝ่ายนั้นอันตรายแค่ไหน แต่ก็ต้องเตือนสติอย่างนที่อาวุโสกว่าว่าอย่างหลงคนรักเสียลืมท่านพ่อ และหม่อมแม่ รวมทั้งอย่างลืมว่าเราเป็นเจ้า เป็นนายทำอะไรอย่าให้ใครมาว่าเอาไว้”
    “ครับ ขอบคุณพี่ชายเต้มากที่กรุณาเตือน” ภาสกรรับหน้าตาขึงขังจริงจัง “ผมจะทำให้ใครก็ว่าผมไม่ได้ ผมจะพิสูจน์ว่าผมกับนทีไม่ได้ทำอะไรผิด อีกอย่างนทีก็เป็นคนดี น่ารัก ผมเชื่อว่าถ้าอาศัยโอกาสดีๆ สถานการณ์เหมาะๆ บอกคุณแม่แล้วก็ ทูลท่านพ่อดีๆละก็ ท่านต้องรับนทีได้แน่ครับ”
    “ดีแล้วล่ะค่ะคุณชาย” ดาริกาว่า “ให้น้องน้ำอยู่ที่นี่ หญิงเห็นด้วย ดีกว่าปล่อยออกไปผจญภัยอยู่คนเดียว น้องน้ำก็นับได้ว่าไม่มีใครคอยปกป้องดูแลนอกจากคุณชาย”
    ภาสกรแอบจับมือหนุ่มน้อยใต้โต๊ะ กระชับแน่นให้มั่นใจว่าเขาจะปกป้องดูแลคนรักของเขาได้จริงๆ
    “ที่พวกพี่ๆมาวันนี้ก็อยากจะมาเตือนเท่านี้แหละ” คุณชายรัตว่า “แต่เห็นว่าชายภาสเองก็โตแล้วมีเหตุมีผล แล้วก็รู้ตัวทำอะไรดีอยู่แล้วก็เลยไม่อยากพูดมาก เวลานี้ก็ไม่มีข่าวซุบซิบอะไรจากภายนอกเลย นับว่าวางตัวดีทีเดียว”
    ภาสกรยิ้มรับ
    “ส่วนข่าวเรื่องนายอดิสรนั่นณ์ ผมช่วยปิดไว้ได้ก็เลยไม่มีข่าวอะไรทางหน้าหนังสือพิมพ์ แต่ญาติพี่น้อง คนสนิทของนายอดิสรณ์ก็ต้องรู้กันบ้างจะมีคนแค้นน้องนที แค้นคุณชายเท่าไหนผมก็ไม่รู้ แต่ก็อยากให้ระวังตัวกันดีๆ”
    “นายอดิสรณ์จะไม่มีวันหลุดคดีได้ใช่ไหมครับ” ภาสกรถามเพื่อย้ำความมั่นใจ “หลักฐานแน่นหนาขนาดนั้น คงไม่มีใครประกันตัวเขาได้หรอกใช่ไหมครับ”
    “ยังไงเสียนายอดิสรณ์ก็ต้องติดคุกหัวโตตามกฏหมายบ้านเมืองแน่ๆ” เขาว่า “แต่ก็ยังมีอยู่อีกเรื่องหนึ่งที่เราต้องระวังกัน เพราะว่าถึงเราจะจับตัวลูกน้องของอดิสรณ์ได้หมดแล้ว แต่ส่วนใหญ่อ้างว่าไม่รู้จักนายอดิสรณ์กลับซัดทอดว่าได้รับคำสั่งต่างๆจากคนที่ชื่อไพศาล ทางเราพยายามก็สืบอยู่ว่านายไพศาลเป็นใครมาจากไหนจะได้ช่วยป้องกัน ว่าแต่คุณนทีรู้หรือเปล่าครับว่าไพศาลคนนี้เป็นใคร”
    “ไพศาลเป็นลูกน้องคนสนิทของคุณอดิสรณ์... เป็นมือขวามั้งครับ” หนุ่มน้อยขมวดคิ้วตอบอย่างไม่แน่ใจ จำได้รางๆเท่านั้นว่าชื่อนี้คุ้นหูอย่างน่าประหลาด

     ตรงข้ามร้าน Chez Moi ชายคนหนึ่งมองเข้าไปในร้าน ไม่เห็นเป้าหมายที่เขามาเฝ้า จึงโยนบุหรี่ทิ้งขยี้ด้วยปลายเท้าอย่างหงุดหงิดใจ
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 39 "เป็นของผมแล้วคุณก็ต้องนอนกับผมสิ" - 24/10/11 - 11.10
เริ่มหัวข้อโดย: from_mars ที่ 24-10-2011 23:41:46
ตามคุณชายมาจ๊ะ
นทีน่ารัก ไม่รักไม่หลงได้ไงจริงไหมคุณชาย...
ขอบใจจ้า...+1 + เป็ดด้วยจ้า
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 39 "เป็นของผมแล้วคุณก็ต้องนอนกับผมสิ" - 24/10/11 - 11.10
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 25-10-2011 00:33:29
มาบวกๆ ค่า ภาคนี้จะดราม่ากว่าเดิมมั้ยเอ่ย
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 39 "เป็นของผมแล้วคุณก็ต้องนอนกับผมสิ" - 24/10/11 - 11.10
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 25-10-2011 01:03:20
หง่า....ไม่อยากดราม่าแล้วอะ เมื่อไหร่จะรักกันแบบไม่มีอุปสรรคซักทีน้อ...
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 39 "เป็นของผมแล้วคุณก็ต้องนอนกับผมสิ" - 24/10/11 - 11.10
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 25-10-2011 03:00:54
เอาแล้วไง  ไอไพศาล
ตัวร้ายจะเปิดตัวแล้ว  สงสารนทีอ่ะ
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 39 "เป็นของผมแล้วคุณก็ต้องนอนกับผมสิ" - 24/10/11 - 11.10
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกกุญแจ ที่ 25-10-2011 03:04:43
ไม่นะกลัวดราม่าจัง  :o12:
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 39 "เป็นของผมแล้วคุณก็ต้องนอนกับผมสิ" - 24/10/11 - 11.10
เริ่มหัวข้อโดย: Still_14OC ที่ 25-10-2011 03:34:52
จะมีมาตามแก้แค้นด้วยเหรอ น้องน้ำ ต้องรับมือ ทั้งศึกนอก ศึกในเลยซิ  :เฮ้อ: เพลียแทน
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 39 "เป็นของผมแล้วคุณก็ต้องนอนกับผมสิ" - 24/10/11 - 11.10
เริ่มหัวข้อโดย: fffx ที่ 25-10-2011 07:51:54
อั่กอดิสรณ์ไปได้ไม่เท่าไรมีไพศาลมาอีกแล้ว โฮกก
น้องน้ำจะโดนอะไรอีกเนี่ย ไหนจะหม่อมวิไลอีก เฮ่ออ
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 39 "เป็นของผมแล้วคุณก็ต้องนอนกับผมสิ" - 24/10/11 - 11.10
เริ่มหัวข้อโดย: MoPPeT ที่ 25-10-2011 10:27:19
น้ำมีความสุขได้ไม่นาน เรื่องวุ่นๆตามมาอีกล่ะ ไหนจะหม่อมแม่อีก เฮ้อ...
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 39 "เป็นของผมแล้วคุณก็ต้องนอนกับผมสิ" - 24/10/11 - 11.10
เริ่มหัวข้อโดย: jeaby@_@ ที่ 25-10-2011 10:29:00
เค้าบอกว่าถ้าเจออุปสรรคหรือความลำบากแบบสุดสุดมากมาก จะได้รับผลตอบแทนที่มีค่าและยิ่งใหญ่

เป็นกำลังใจให้คุณชายกะน้องน้ำ
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 39 "เป็นของผมแล้วคุณก็ต้องนอนกับผมสิ" - 24/10/11 - 11.10
เริ่มหัวข้อโดย: boworange ที่ 25-10-2011 11:06:33
 :mc4: :mc4:  สนุกมากๆคะ.....รออยู่นะคะ... o13 o13
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 39 "เป็นของผมแล้วคุณก็ต้องนอนกับผมสิ" - 24/10/11 - 11.10
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 25-10-2011 12:38:28
ฟ้าม่วงอัพไม่ครบแน่เลย  ตอนท้ายมันขาด ๆ ไปนะ
ภาคนี้ต้องมาม่าชามโตแน่นอน  ไหนก็พรรคพวกอดิสรณ์
ไหนจะพวกหม่อมแม่อีก  ยิ่งกว่าช่องหลายสีแน่คราวนี้
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 39 "เป็นของผมแล้วคุณก็ต้องนอนกับผมสิ" - 24/10/11 - 11.10
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 25-10-2011 15:15:39
ที่ร้านทำไม
ค้างคาค่าา

ตอนแรกๆแอบหวาน อามร์แต่งงานใหม่
แต่พอท้ายตอนชักจะกรุ่นกลิ่นมาม่า
><
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 39 "เป็นของผมแล้วคุณก็ต้องนอนกับผมสิ" - 24/10/11 - 11.10
เริ่มหัวข้อโดย: ต่ายน้อย ที่ 25-10-2011 15:32:15
โอ๊ย ได้กลิ่นมาม่าลอยมาตามน้ำ
ติดตามต่อ  เอาใจช่วยนทีและคุณชายต่อครับ
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 39 "เป็นของผมแล้วคุณก็ต้องนอนกับผมสิ" - 24/10/11 - 11.10
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 25-10-2011 15:48:05
ใครมาทำอะไรที่ร้านอ่าาาา อยากรู้ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 39 "เป็นของผมแล้วคุณก็ต้องนอนกับผมสิ" - 24/10/11 - 11.10
เริ่มหัวข้อโดย: Rhythm ที่ 25-10-2011 17:20:25
รอต่อไปจ้า :z2:
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 39 "เป็นของผมแล้วคุณก็ต้องนอนกับผมสิ" - 24/10/11 - 11.10
เริ่มหัวข้อโดย: MM ที่ 26-10-2011 14:06:21
 :man1: น้องน้ำจะน่ารักอะไรปานนี้
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 39 "เป็นของผมแล้วคุณก็ต้องนอนกับผมสิ" - 24/10/11 - 11.10
เริ่มหัวข้อโดย: viky_mama ที่ 26-10-2011 15:58:23
เค้าไม่อยาก่านมาม่านะคุฌชาย
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 39 "เป็นของผมแล้วคุณก็ต้องนอนกับผมสิ" - 24/10/11 - 11.10
เริ่มหัวข้อโดย: naja-kitase ที่ 26-10-2011 18:14:37
ค้างงงงงงงงงงงง
บอกตามตรงนะคะ ไม่เคยอ่านเรื่องนี้ได้เต็มสุขซักที
ตอนหวานๆแต่มันเหมือนยังเต็มพอคิดไปถึงอุปสรรคที่รออยู่ เฮ้ออออออออ
รอวันฟ้าสดใสนะ สู้ๆคุณชายกับนที
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 39 "เป็นของผมแล้วคุณก็ต้องนอนกับผมสิ" - 24/10/11 - 11.10
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 26-10-2011 20:01:40
เค้าไม่เอามาม่า คุณหญิงเเม่นะ สงสารน้ำ
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 39 "เป็นของผมแล้วคุณก็ต้องนอนกับผมสิ" - 24/10/11 - 1
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 26-10-2011 21:56:09
ปักหมุด
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 39 "เป็นของผมแล้วคุณก็ต้องนอนกับผมสิ" - 24/10/11 - 11.10
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 26-10-2011 22:57:01
40

    หม่อมราชวงศ์หนุ่มตัดสินใจไปเข้าเฝ้าท่านพ่อในเช้าวันหนึ่งของวันอาทิตย์ นทีกับเขาเลือกผลไม้สดใส่ตะกร้าไปเยี่ยมท่านชายเรืองเดชอย่างเต็มความสามารถ แน่ใจว่าผลไม้สด สวยและสะอาดมากๆแล้วภาสกรก็มุ่งหน้าไปที่วังผกากรองโดยที่มีนทีนั่งเคียงกันไปที่เบาะหน้า
    เห็นนทีนั่งตัวเกร็งก็ทักว่า
    “นที กลัวหรือ”
    “ครับคุณชาย” เขาว่าเบาๆ “กลัวจะทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ท่านชายเรืองเดชจะรับผมได้หรือเปล่า”
    ภาสกรยิ้มกว้างให้นทีแล้วบอกว่า
    “ผมไม่ได้พาคุณไปเปิดตัวในฐานะสะใภ้เสียหน่อย คราวนี้ไปในฐานะเพื่อนก่อนคราวหน้าค่อยบอกว่าเนี่ยแหละคนรักของผม” หนุ่มน้อยส่งค้อนวงใหญ่ให้ภาสกรแล้วก็มองออกนอกหน้าต่าง อีกฝ่ายไม่ต้องเห็นก็เดาได้ว่า นทีกำลังยิ้มอย่างอบอุ่นใจอยู่

    ท่านชายเรืองเดชประทับอยู่ที่ศาลาไม้ที่ตั้งอยู่ในสวนดอกไม้ของวังผกากรอง ความชราภาพและโรคหทัยทำให้ดูว่าพักตร์สูบซีดมากกว่าครั้งที่ภาสกรเห็นครั้งก่อน เกศาขาวโพลนไปทั้งเศียรเมื่อทอดเนตรทรงเห็นโอรสเดินเข้ามาพร้อมกับเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ก็ทรงเลิกขนงด้วยความสงสัยพอโอรสนั่งลงฝั่งตรงข้ามพร้อมๆกับเด็กหนุ่มหน้าขาวสะอาด ผมสั้นดูดีเหมือนเด็กน้อยยกมือขึ้นประนมไหว้ทั้งคู่แล้ว ก็รับสั่งถามว่า
    “เป็นอย่างไรมาอย่างไรลูก ชายภาส ถึงมาเยี่ยมพ่อได้วันนี้”
    “ลูกหยุดงานกระหม่อม เห็นว่าไมได้มาเฝ้าท่านพ่อนานแล้ว เห็นสมควรว่าจะต้องมาเยี่ยมเยียนบ้างลูกกับเพื่อนจึงเอาผลไม้มาถวายกระหม่อม”
    ท่านชายเรืองเดชแย้มโอษฐ์น้อยๆ ก่อนจะเอ่ยว่า
    “ขอบใจ พ่อแก่แล้วกินอะไรไม่สะดวกนัก เห็นผลไม้ก็เปรี้ยวปากเหลือเกิน พ่อไม่เห็นมะม่วงสุกสวยขนาดนี้มานานแล้วเข้าใจเลือกนะ”
    “นทีเพื่อนของลูกเป็นคนเลือกเองกระหม่อม”
    หนุ่มน้อยได้ยินเสียงอีกครั้งก็ยกมือขึ้นประนมไหว้เป็นครั้งที่สอง
    “ชื่อนทีหรือพ่อหนุ่ม หน้าตาดูสะอาดสดใสดี ชื่อก็เพราะนะ”
    “กระหม่อม”
    “รู้จักชายภาสที่ไหน”
    นทีเงียบไป กลืนน้ำลายให้คล่องคอก่อนจะพูดสิ่งที่เตรียมมากับภาสกรว่า
    “กระหม่อมมาช่วยคุณชายภาสกรเรื่องงานแฟชั่นที่พัทยากระหม่อม จากนั้นมาเราก็ติดต่อกันมาตลอดกระหม่อม”
    “นทีเป็นคนเรียบร้อย ฉลาดแล้วก็มีสัมมาคารวะมากกระหม่อม ลูกติดใจว่าคุยสนุกถูกอัธยาศัยก็เลยคบกันไว้เห็นว่าไม่เสียหายอะไร”
    “เอาเถิด” ท่านชายแย้มโอษฐ์อย่างใจดีอีกครั้ง “พ่อเองก็ไม่เห็นด้วยแต่แรกว่าเราควรคบแต่ราชสกุลด้วยกัน หรือแม้แต่พวกเศรษฐี พวกนั้นคบเราก็หวังแต่ผมประโยชน์ ถ้าจะคบเป็นเพื่อนก็เลือกเอาคนที่ถูกใจ ไม่พาเราไปในทางที่เสื่อมเสียก็ดีแล้ว”
    ภาสกรยิ้มกว้างอย่างดีใจที่ท่านพ่อของตนไม่ได้รังเกียจคนรัก ทีนี้เรื่องอะไรต่างๆจะได้ค่อยๆง่ายขึ้น ถ้าผ่านทางพ่อก็เหลือทางแม่ที่แม้จะยากกว่าสักหน่อยแต่ก็คงจะง่ายขึ้นหากมีแรงสนับสนุนจากพ่อ
    “นที คุณไปปอกมะม่วงมาถวายท่านพ่อแทนผมหน่อยเถอะ”
    “ใช้พวกบ่าวไปซีลูก ไปเดือดร้อนพ่อนทีทำไม”
    “ไม่เดือดร้อนเลยกระหม่อม กระหม่อมเต็มใจ”
    “จริงกระหม่อม นทีเป็นเด็กกำพร้าก็เลยชอบดูแลผู้หลักผู้ใหญ่อย่างนี้แหละกระหม่อม” ภาสกรออกรับแทน ท่านชายจึงพยักพักตร์อย่างยอมรับ นทีก็เลยเดินไปกับนมอุ่นทีดูจะเอ็นดูเด็กน้อยไม่ต่างจากคนอื่นที่รู้จักเขา ปล่อยภาสกรอยู่กับท่านพ่อของเขาเพียงสองคน
    พอเหลือกันสองคน ท่านชายเรืองเดชก็รับสั่งถามว่า
    “ชายภาส เมื่อไหร่ลูกจะแต่งงาน”

     ภาสกรตกใจไปบ้างเมื่อได้ยินอย่างนั้น แต่ก็ทำนายไว้แล้วว่าอย่างไรก็ตามท่านพ่อก็ต้องรับสั่งถามเรื่องนี้ เพราะเขาเองก็จะอายุครบสามสิบในไม่กี่วันนี้ ท่านพ่อก็พระชนม์มากแล้วคงอยากทรงอุ้มนัดดา เร็วๆกระมัง แต่ในเมื่อคิดมาแล้วภาสกรก็เลยมีคำตอบมาตอบอย่างสมเหตุสมผล
   “ลูกเห็นว่าท่านพ่อประชวรมากอยู่ จึงคิดจะมาอยู่ดูแลท่านพ่อก่อนไม่อยากคิดเอาความสุขเข้าตัวด้วยการแต่งงานตอนนี้กระหม่อม”
    ท่านชายแย้มโอษฐ์รับอย่างเข้าใจแล้วก็รับสั่งเสียงเบาว่า
    “พ่อไม่ได้เร่งอะไรเจ้านะ ชายภาส แต่เจ้าก็จะสามสิบอยู่ไม่กี่วันนี้แล้ว พ่อเองก็ไม่รู้จะอยู่ไปได้นานแค่ไหน อยากจะเห็นหลานเร็วๆ”
    “กระหม่อม”
    “แม่หนูทิฆัมพรนั่น ไม่ถูกใจบ้างหรืออย่างไร แม่เจ้าดูจะเอ็นดูรายนั้นเป็นพิเศษ” ท่านชายรับสั่ง
    “ลูกเห็นว่าเรายังไม่รู้จักนิสัยใจคอกันดีพอกระหม่อม ขอเวลาศึกษาไปอีกสักพักเถิดกระหม่อม” ภาสกรตอบเสียงเบาลงเรื่อยๆ
    กระทั่งนทีมาพอดีนั่นแหละ ทั้งสองจึงหยุดพูดกันเรื่องเคร่งเครียดนี้ มะม่วงน้ำดอกไม้สุกใส่จานแก้วตั้งไว้ต่อพักตร์ท่านชายที่มองดูฝีมือปอกเสียเรียบร้อยของนที พอหนุ่มน้อยนั่งลงท่านชายก็แย้มโอษฐ์รับสั่งว่า
    “พ่อนทีปอกเสียสวยงามเรียบร้อยดี” จากนั้นก็เสวยมะม่วงเข้าไปได้หลายคำ นมอุ่นที่นั่งดูอยู่ห่างๆก็ยิ้มแย้มดีใจที่ท่านชายเสวยได้มากนักในวันนี้ ต่างจากทั้งอาทิตย์ที่ผ่านมาที่มักจะเสวยอะไรไม่ลงเลย ไม่นานนักท่านชายก็เสด็จกลับตำหนักบ่นว่าเสวยเสร็จก็โปรดบรรทมตามประสาคนแก่ ภาสกรก็เลยปล่อยตามเลย
    ก่อนกลับจากวังผกากรอง ภาสกรก็สวมกอดนมอุ่นอย่างรักใคร่ และคิดถึง ยิ้มให้แม่นมของตนก่อนจะบอกกับนทีว่า “นี่คือแม่นมของผม ผมรักมากเหมือนเป็นญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง คุณคงผมกับเธอแล้ว”
    “ครับ คุณอุ่นน่ารักแล้วก็ใจดีมาก กรุณาบอกผมทุกอย่างว่าในครัวนั้นข้าวของเครื่องใช้อะไรอยู่ตรงไหนบ้าง” หนุ่มน้อยยิ้มให้นมอุ่นอย่างน่าเอ็นดู “ผมไปรอคุณชายที่รถดีกว่าเผื่อมีอะไรอยากคุยกับแม่นม”
    แล้วนทีก็เดินจากไป ภาสกรมองตามหลังบางๆในชุดสุภาพสะอาดตาเดินห่างออกไปแล้วก็หันกลับมาหาแม่นมของตน เห็นอีกฝ่ายส่งสายตาแบบรู้ทันมาให้ก็รู้สึกร้อนๆหนาวๆ กลัวว่านมอุ่นจะจับได้ว่าตนคิดอะไรกับหนุ่มน้อยอยู่ในใจ
    “คุณชายของนม ดูมีความสุขเหลือเกินค่ะ” หล่อนว่า พลางออกเดินคู่กันไปกับภาสกรเพื่อไปส่งเขาถึงรถ “ตั้งแต่ไหนก็ว่าดูไม่ค่อยทุกข์อยู่แล้ว แต่คราวนี้ดูสดชื่น แล้วก็มีความสุขมากไม่ค่อยเศร้าหมองอมทุกข์เหมือนเวลามียัยหนูทิฆัมพรมาเที่ยวป้วนเปี้ยนนะคะ”
    ภาสกรหัวเราะ
    “นมนี่เห็นจะเป็นคนเดียวที่มองทิฆัมพรออก”
    “ปรุโปร่งเลยล่ะค่ะ เวลาหม่อมไม่เห็นยายนั่นก็แผลงฤทธิ์เอากับนมนี่แหละค่ะ” หล่อนว่าอย่างออกรส “สู้เพื่อนคุณชายคนนี้ไม่ได้นะคะ นมยังไม่เคยเห็นเพื่อนคนไหนของคุณชายจะน่ารัก เรียบร้อนเท่าคนนี้เลย ท่าทางพ่อแม่เขาจะสอนมาดีนะคะ มีสัมมาคารวะ เป็นลูกผู้ดีตะกูลไหนหรือคุณชาย”
    “ไม่ใช่คนใหญ่คนโต มีสกุลอะไรหรอกนม เป็นชาวบ้านธรรมดาๆ”
    “เอ๊ะ แล้วรู้จักกันได้ไงล่ะคะ” นมอุ่นถามอย่างสงสัย
    “เรื่องมันยาวน่านม วันหลังผมมีเวลาผมจะเล่าให้นมฟังก็แล้วกันนะ”
    “ได้ค่ะ แต่วันไหนมา พาเพื่อนคนนี้มานะคะ สบายอกสบายใจคุยด้วยแล้วสนุก ไม่เหมือนเพื่อนคนอื่นๆ ถ้าเป็นผู้ชายก็ข่มเราเสียอกสั่นขวัญแขวน ถ้าเป็นผู้หญิงก็เดี๋ยววี้ด เดี๋ยววี้ดนมปวดหัวนัก” ภาสกรหัวเราะถูกใจ “คุณนทีมีสัมมาคารวะเหมือนลูกผู้ดีสมัยก่อน เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้วค่ะเด็กแบบนี้ จะสูญพันธุ์ตามไดโนเสาร์ไปเสียแล้ว”
    ภาสกรยิ้มให้นมอุ่นก่อนจะบอกลาหล่อนอีกครั้ง แม่นมของภาสกรมองคุณชายของหล่อนเดินออกห่างไปเรื่อยๆ ก็ยิ้มกับตัวเองอย่างมีความสุข เห็นเขายิ้มแย้ม สดใสอย่างนี้คนเป็นแม่นมเลี้ยงมาแต่เด็กทำไมจะไม่เข้าใจ ทำไมจะรู้ไม่ทันว่าภาสกรคิดอะไรกับ “เพื่อน” คนนี้ ถึงหล่อนจะเป็นคนหัวโบราณในบางเรื่อง แต่เมื่อเป็นเรื่องความรัก อีกอย่างนทีก็เป็นคนดี น่ารักเหมาะกับคุณชาย หล่อนก็ไม่เห็นว่าจะขวางหูขวางตาแต่อย่างใด
    น่าเอาใจช่วยเสียด้วยซ้ำ
    แต่อุปสรรคก็ใช่ว่าจะน้อยเสียเมื่อไหร่ หล่อนรำพึงในใจอย่างคร่ำครวญ
    “โถ คุณชายของนม รักใครก็ไม่รัก มารักพ่อหนุ่มคนนี้ ถึงจะเหมาะกัน รักกันแค่ไหนแต่ท่านชายกับหม่อมก็คงจะยอมไม่ได้แน่ๆ คุณชายเอ๋ย นมเอาใจช่วยให้ฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆนี้ไปได้นะคะ”

     ภาสกรเดินมาถึงตัวรถ ก็พบว่านทียืนพิงประตูรถอยู่อย่างสบายใจ มองบรรยากาศรอบๆ อย่างสงบเห็นต้นผกากรองริมรั้วก็เข้าใจว่าทำไมวังนี้ถึงชื่อว่าวังผกากรอง พอได้ยินเสียงภาสกรเดินเข้ามาก็หันมามองยิ้มให้เขาแม้จะมีประกายโศกอยู่ในแววตาก็ตาม
    “นทีเป็นอะไร ยังไม่หายเกร็งจากท่านพ่อหรือทำหน้าเศร้าเชียว”
    หนุ่มน้อยเจ้าของชื่อส่ายหน้าตอบว่า “ตอนอยู่เฉพาะพักตร์ก็ยอมรับครับว่าเกร็ง กลัวพูดผิดพูดถูก แต่มาตอนนี้ไม่กลัวแล้ว” พยายามยิ้ม แต่เสียงก็ฟังดูเศร้าจึงตัดสินใจบอกเรื่องที่อยู่ในใจ “ผมเห็นคุณชายกอดกับนมแล้วก็อดคิดถึงแม่ไม่ได้”
    “โถ่” ภาสกรยิ้มให้กำลังหนุ่มน้อย ส่ายหน้าเบาๆแล้วก็รวบอีกฝ่ายเข้ามากอด “ไม่ต้องคิดมาก ผมกับนมสนิทกันอย่างนี้ แต่ก็สนิทกันแค่กับนมคนเดียว หม่อมแม่ และท่านพ่อต่างก็ดุและเข้มงวดกันทั้งคู่ ผมไม่เคยได้กอดพ่อแม่อย่างนี้เลย คุณกับผมไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอกคุณ”
    โชคดีที่ตรงนั้นไม่มีใครผ่านไปผ่านมา อีกทั้งรั้วไม้ก็สูงพอจะกีดกันสายตาคนที่มองมาตรงนั้นได้ดีพอควร สองหนุ่มจึงกอดกันได้นานหน่อยจนนทีพูดว่า
    “คุณชายเดี๋ยวใครมาเห็น”
    ภาสกรยิ้มให้นทีก่อนจะถอนตัวออกจากหนุ่มคนรัก
    “คุณก็รู้ใช่ไหม ว่าถ้าคุณอยากกอดใครคุณก็มีผมให้กอดอยู่ทั้งคน จะคิดถึงพ่อแม่ก็ได้ผมไม่ว่าหรอก แต่อย่าทำหน้าเศร้านะครับ... คนดี”
    ทั้งสองยิ้มให้กันอย่างเข้าใจ แม้ทั้งคู่จะจูบกอดพลอดรักกันในที่สาธารณะไม่ได้ ทั้งคู่ก็ไม่เก็บมาเป็นปมด้อย เพราะทั้งภาสกรและนทีต่างก็เห็นตรงกันว่า ความรักเป็นเรื่องของคนสองคน เขารักกันคนอื่นไม่จำเป็นต้องมารับรู้ จะกอด จะจูบกันก็ทำในที่ลับตาคนได้ไม่จำเป็นต้องทำอวดสายตาภายนอก
    ไม่ใช่เพราะทั้งคู่เป็นชายรักชายหรอก แต่เพราะทั้งคู่เป็นคนไทยสังคมไทยไม่เห็นด้วยกับการพลอดรักกันในที่สาธารณะอยู่แล้ว จะเป็นคู่ชายหญิงสังคมก็มองว่าไม่ดีเช่นกันถ้าจะแสดงออกมากอย่างนั้น ภาสกรและนทีเข้าใจสังคม  เขาจึงมั่นใจว่าสังคมก็จะเข้าใจพวกเขาด้วยเช่นกัน... ถ้าทำตัวเหมาะสมอย่างดีละก็
    
 หม่อมวิไลวรรณ และทิฆัมพรกลับถึงกรุงเทพก่อนวันเกิดของภาสกรหนึ่งวันพอดี เพราะทิฆัมพรมีคิวถ่ายละครที่พัทยาในวันนั้นด้วยถ่ายเสร็จก็มาเจอกับหม่อมที่วัง หม่อมโทรมาบอกลูกว่าจะมาเยี่ยมถึงที่วังพัทยาในเช้าวันถัดมาพร้อมท่านชายเรืองเดช และนมอุ่น ถือว่ามาพักตากอากาศ และในคืนนั้นซึ่งเป็นคืนวันเกิดของภาสกร ทั้งหมดก็วางแผนกันว่าจะทำอาหารเลี้ยงกันง่ายๆที่วังนี้ เชิญหมอมิ่งเมือง และ บ้านสุวรรณฉายมาด้วย ซึ่งข้อหลังทิฆัมพรไม่ค่อยเห็นด้วยนัก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากเออออตามหม่อมวิไลวรรณ
    โชคดีของภาสกรที่วันนั้นนทีไปทำงานที่ร้าน chez moi กะเช้าวัน เพื่อแลกกะให้ได้หยุดในเย็นนั้น มางานวันเกิดคุณชายได้ หม่อมวิไลวรรณก็เลยไม่ได้เจอกับหนุ่มน้อยนอนเอกเขนกอยู่ในบ้านราวกับเป็นบ้านของตัวเอง
    “ชายภาส” หม่อมแม่ กางแขนโอบเขาเข้าไปกอดทันทีที่เห็นลูกชาย “ท่านพ่อรับสั่งว่าอ้วนขึ้นดูมีน้ำมีนวลเห็นจะจริงตามที่ว่าดูสดชื่นมีความสุขมากทีเดียวจ้ะ งานไม่หนักนักใช่ไหมลูก ดีจริง สมกับที่เป็นเจ้าของวันเกิดดูมีความสุขดีจังเลยแม่เห็นก็ชื่นใจหรือเพราะรู้ว่าหนูฟ้ามากับแม่ด้วยจ๊ะ ถึงได้หน้าตาอิ่มเอมอย่างนี้”
    หล่อนว่าแล้วก็จูงทิฆัมพรเข้ามาในบ้านด้วย
    ภาสกรหน้าเจื่อนทันทีที่เห็นทิฆัมพรเดินเข้ามา หล่อนใส่เสื้อยืดสีขาวบางจนเห็นชุดชั้นในสีสดที่อยู่ข้างใน กางเกงยีนส์ขายาวฟิตเปรี๊ยะราวกับเอาสีมาทา เขาไม่เข้าใจว่าแต่งตัวอย่างนี้แล้วทำไมหม่อมแม่ของเขาถึงยังไม่ว่าอะไร ทั้งๆที่ฝ่ายนั้นเกลียดผู้หญิงแต่งตัวโป๊เสียยิ่งกว่าอะไร
    “สวัสดีค่ะพี่ชาย”
    “สวัสดีทิฆัมพร สบายดีหรือ” เขาถามไปอย่างนั้นเอง แต่ก็ไม่ได้รอคำตอบพอถามเสร็จก็หันไปหาแม่ แล้วบอกว่า   “คุณแม่ พรุ่งนี้เพื่อนผมจะมาทำกับข้าวเลี้ยงทุกคน ผมนัดเขาว่าจะออกไปซื้อของสดกันที่ตลาด ขออนุญาตคุณแม่ออกไปนะครับ คุณแม่กับทิฆัมพรพักผ่อนตามสบายเถอะครับ ผมไปละ”
    “อ้าว ได้ยังไงล่ะจ๊ะทำไมไม่ให้แม่กับหนูฟ้าไปด้วยเล่า จะได้ช่วยเลือก เพื่อนของชายคนนี้ชื่ออะไรล่ะจ๊ะ แม่รู้จักหรือเปล่า ใช่ตาปีเตอร์ที่อยู่ดอร์มเดียวกับชายตอนเรียนอยู่ลอนดอนหรือดปล่า”
     ภาสกรงงไม่รู้จะตอบคำถามไหนก่อน ก็เลยตอบเรียงทีละคำถามจากหลังสุดไปแรกสุดจะได้ไม่สับสน “ไม่ใช่เจ้าเตอร์หรอกครับ คุณแม่ไม่รู้จักหรอก เขาชื่อนทีเป็นคนพัทยาผมรู้จักเขาเพราะมาช่วยงานผมตอนจัดงานแฟชั่น เขาเป็นคนทำกับข้าวเก่งคงเลือกอาหารได้ดี แต่ถ้าคุณแม่กับทิฆัมพรอยากไปด้วยก็ไปซีครับ”
    “อ้อ พ่อที่ไปเยี่ยมพ่อวันนั้นหรือ” ท่านชายตรัสขึ้นหลังจากยังไม่ได้รับสั่งอะไร เพราะพูดไม่ทันหม่อมของท่าน ภาสกรรับคำหม่อมแม่ของเขาก็ชิงถามขึ้น
    “คนไหน เยี่ยมอะไรกันคะท่านพี่ หม่อมฉันไม่รู้เรื่อง”
    “เพื่อนตาชายคนนี้อุตส่าห์หามะม่วงน้ำดอกไม้สุก หวานหอมถูกใจฉันไปเยี่ยมถึงวังผกากรอง เป็นเด็กดีมีสัมมาคารวะ พ่อชอบใจเชิญเขามางานด้วยนะชายภาส เอาเพื่อนคนอื่นมาเมาเละเทะเสียงดังโฉงเฉงพ่อไม่ชอบ”
    “กระหม่อม”
    “เออ เพื่อนคนนี้เป็นคนสกุลไหนล่ะชาย” หม่อมวิไลวรรณถามเป็นคำถามแรกเสมอที่ลูกชายแนะนำใครให้หล่อนรู้จัก
    “เขาไม่ใช่คนใหญ่คนโต มียศมีศักดิ์หรอกครับคนธรรมดาเท่านั้น” วิไลวรรณคงลืมไปแล้วว่าหล่อนเคยพบนทีมาก่อนที่โรงพยาบาลจึงไม่ได้ว่าอะไร เพียงชักสีหน้าเหมือนดูแคลนว่าคนที่หล่อนกำลังจะไปพบที่ตลาดเพื่อช่วยเลือกของให้ลูกชายนี้ เป็นเพียงสามัญชนคนธรรมดาเท่านั้น หล่อนจำชื่อนทีไม่ได้เลยถ้าเป็นคนไม่มีสกุลใหญ่โตละก็หล่อนก็ไม่คิดจะจำชื่อให้เปลืองเนื้อที่สมองของหล่อนหรอก
    ภาสกรจึงยอมให้วิไลวรรณและทิฆัมพรตามไปด้วย โดยไม่รู้เลยว่าจะมีเรื่องเกิดขึ้นเมื่อทั้งสองได้พบนที ทำให้เขาและคนรักแทบเอาชีวิตไม่รอดทีเดียว!
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 40 นทีเข้าวัง เฝ้าท่านชายเรืองเดช - 26/10/11 - 11.00
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 26-10-2011 23:13:12
ยินดีที่ได้อ่านเรื่องนี้อีก
เอาใจช่วยคุณชายและนที
แน่นอนว่าต้องรวมถึงคุณฟ้าม่วงด้วย หวังว่าที่บ้านปลอดภัยจากวิกฤติน้ำท่วมนะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 40 นทีเข้าวัง เฝ้าท่านชายเรืองเดช - 26/10/11 - 11.00
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 26-10-2011 23:20:33
ทิ้งท้ายไว้ให้ค้าง
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 40 นทีเข้าวัง เฝ้าท่านชายเรืองเดช - 26/10/11 - 11.00
เริ่มหัวข้อโดย: MM ที่ 27-10-2011 00:01:57
จะมีดราม่ามาเร็วๆนี้ไหม๊หนอ ... คงต้องรอดุกันต่อไป
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 40 นทีเข้าวัง เฝ้าท่านชายเรืองเดช - 26/10/11 - 11.00
เริ่มหัวข้อโดย: Chiren ที่ 27-10-2011 01:00:54
ตอนหน้า ดราม่าชัวร์

ชายภาส จะเอาตัวรอดได้ไหม อ่ะ

มาต่อไวๆนะค่ะ อยากอ่านอีก
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 40 นทีเข้าวัง เฝ้าท่านชายเรืองเดช - 26/10/11 - 11.00
เริ่มหัวข้อโดย: Still_14OC ที่ 27-10-2011 03:55:43
ถึงขนาดแทบเอาชีวิตไม่รอดเลยเหรอ คุณฟ้าม่วง อะไร จะโหดจะใจร้ายกับคุณชายและน้องน้ำ ขนาดนั้น
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 40 นทีเข้าวัง เฝ้าท่านชายเรืองเดช - 26/10/11 - 11.00
เริ่มหัวข้อโดย: naja-kitase ที่ 27-10-2011 09:32:11
ตอนหน้านี่ เราจะได้ชิมน้ำมาม่ากันแล้วใช่มั้ย
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 40 นทีเข้าวัง เฝ้าท่านชายเรืองเดช - 26/10/11 - 11.00
เริ่มหัวข้อโดย: MoPPeT ที่ 27-10-2011 10:23:24
มาม่าอีกแล้ว  :z3:
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 40 นทีเข้าวัง เฝ้าท่านชายเรืองเดช - 26/10/11 - 11.00
เริ่มหัวข้อโดย: pochu52 ที่ 27-10-2011 11:52:33
ครั้งนี้คุณชายจับมือน้องน้ำแน่นๆ นะ นางมารตนนี้ไม่ธรรมดา
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 40 นทีเข้าวัง เฝ้าท่านชายเรืองเดช - 26/10/11 - 11.00
เริ่มหัวข้อโดย: viky_mama ที่ 27-10-2011 13:08:42
ลุ้นมาก มาตัดจบกันแบบนี้ได้ไงอ่า
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 40 นทีเข้าวัง เฝ้าท่านชายเรืองเดช - 26/10/11 - 11.00
เริ่มหัวข้อโดย: jeaby@_@ ที่ 27-10-2011 13:48:01
รักเรื่องนี้ค่ะ
จะเจออะไรบ้างเนี่ย ถ้าทุกคนรู้แล้ว น่้ำจะเป็นยังไง
ขอน้ำมีความสุขเร็วๆ
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 40 นทีเข้าวัง เฝ้าท่านชายเรืองเดช - 26/10/11 - 11.00
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 27-10-2011 14:25:51
มาทิ้งท้ายให้ได้ใจหายใจคว่ำเลยค่ะ รออ่านต่อนะคะ
+,+ ค่ะ
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 40 นทีเข้าวัง เฝ้าท่านชายเรืองเดช - 26/10/11 - 11.00
เริ่มหัวข้อโดย: ต่ายน้อย ที่ 27-10-2011 14:57:00
เอาใจช่วยนที และคุณชายต่อไป
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 40 นทีเข้าวัง เฝ้าท่านชายเรืองเดช - 26/10/11 - 11.00
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 27-10-2011 18:43:25
มาม่ากำลังจะมาแล้ว
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 40 นทีเข้าวัง เฝ้าท่านชายเรืองเดช - 26/10/11 - 11.00
เริ่มหัวข้อโดย: Non_stop ที่ 27-10-2011 21:52:33
 :เฮ้อ: :a5:

จะเกิดเรื่องไรขึ้นอีกน้อ

คุณชายอย่าปล่อยมือนทีน่ะ

ดูแลกันเอาใจช่วยสองคนเต็ม  :L2:
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 40 นทีเข้าวัง เฝ้าท่านชายเรืองเดช - 26/10/11 - 11.00
เริ่มหัวข้อโดย: nona159 ที่ 27-10-2011 22:03:36
อย่าแจกมาม่ามากซิคะ

เดี๋ยวไม่มีเอาไปช่วยผู้ประสบอุทกภัย
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 40 นทีเข้าวัง เฝ้าท่านชายเรืองเดช - 26/10/11 - 11.00
เริ่มหัวข้อโดย: DarknLight ที่ 28-10-2011 00:17:39
ลำน้ำที่กั้นกางระหว่างคุณชายภาสกร กับ นที
ทำไมกว้างใหญ่อย่างนี่หนอ
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 40 นทีเข้าวัง เฝ้าท่านชายเรืองเดช - 26/10/11 - 11.00
เริ่มหัวข้อโดย: K3n0 ที่ 28-10-2011 04:09:56
เอาใจช่วยนที
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 40 นทีเข้าวัง เฝ้าท่านชายเรืองเดช - 26/10/11 - 11.00
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 28-10-2011 10:22:25
มาม่าไม่เคยขาดแคลนเลยสำหรับเล้าของพวกเรา อยากเอาไปบริจาคให้หมดจริงๆ กาซิกๆ
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 40 นทีเข้าวัง เฝ้าท่านชายเรืองเดช - 26/10/11 - 11.00
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 28-10-2011 15:47:59
เอาชีวิตไม่รอดนี่ชีวิตจริงๆหรือชีวิตรัก ><

ไม่อยากมาม่าค่ะ น้ำท่วม อิ่มมาม่าแล้ว อืดแล้วด้วย
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 40 นทีเข้าวัง เฝ้าท่านชายเรืองเดช - 26/10/11 - 11.00
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 07-11-2011 21:41:28
ง่าาา เครียดอีกแร้วววววว
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 40 นทีเข้าวัง เฝ้าท่านชายเรืองเดช - 26/10/11 - 11.00
เริ่มหัวข้อโดย: fullmoon217 ที่ 07-11-2011 22:11:24
รอๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 40 นทีเข้าวัง เฝ้าท่านชายเรืองเดช - 26/10/11 - 11.00
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 07-11-2011 23:42:38
รอคุณชายกับนที ><
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 40 นทีเข้าวัง เฝ้าท่านชายเรืองเดช - 26/10/11 - 11.00
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 09-11-2011 01:02:05
เข้ามารอเรื่องนี้ !!!
><
กว่าจะได้อยู่ด้วยกันว่ายากแล้ว
การอยู่ด้วยกันตลอดไปยากยิ่งกว่า สินะ!!!!
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 40 นทีเข้าวัง เฝ้าท่านชายเรืองเดช - 26/10/11 - 11.00
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 12-11-2011 13:41:46
41

    ภาสกรหนักใจไม่น้อย เมื่อออกจากวังขับรถมาเรื่อยๆ จะไปรับนทีที่ร้าน Chez moi เมื่อตอนพูดชื่อเขาดูเหมือนว่าหม่อมแม่และทิฆัมพรจะจำนทีไม่ได้จริงๆแต่ก็ไม่แน่ใจอยู่ดีว่าเมื่อได้เจอกันแล้วจำได้หรือไม่ แม้เขาจะมั่นใจมากก็ตามว่าหม่อมแม่จำหน้าคนที่เห็นกันครั้งเดียวแถมเป็นคนที่นอนไม่รู้เรื่องอยู่บนเตียงไม่ได้คุยกันสักคำไม่ได้แน่ แต่เขาก็ไม่แน่ใจว่าหากเห็นปุยฝ้ายหม่อมแม่จะจำได้หรือไม่
    ในเมื่อฝ่ายนั้นทั้งคุยไปทั้งด่าไปแทบจะกินเลือดกินเนื้อกันอยู่แล้ว
    เขาจึงจงใจจอดรถไว้ในซอยเล็กๆ สตาร์ทเครื่องให้แม่และทิฆัมพรรอในรถไปก่อน อ้างว่าอากาศร้อน แดดจัดมากลงมาจะต้องร้อนจนแสบผิวแน่ สองสาวที่รักความงามของตนยิ่งกว่าสิ่งใดก็เลยยินยอมรอในรถที่เปิดแอร์ไว้จนเย็นฉ่ำ
    คุณชายหนุ่มเดินเข้าร้านมาก็มองหานทีเป็นคนแรก ปรากฏว่าเจอเจ๊เก๋เจ้าของร้านออกมาทักเสียก่อน
    “สวัสดีค่ะคุณชาย น้องน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ค่ะ”
    “ครับ” ภาสกรยิ้มให้ “แล้วปุยฝ้ายล่ะครับ”
    “อ๋อ น้องฝ้ายลาหยุดน่ะค่ะ” หล่อนตอบเท่าที่หล่อนรู้ พอนทีเดินออกมาพร้อมกับชุดลำลองแล้ว เขาก็เป็นฝ่ายชี้แจงว่า
    “ปุยฝ้ายหยุดกลับบ้านครับคุณชาย พ่อเพิ่งโทรมาเมื่อคืนเลยนั่งรถกลับพังงาไปแล้วเมื่อเช้า ฝากขอโทษคุณชายมาด้วยบอกว่าถ้าเจอกันเมื่อไหร่จะเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวคุณชายเป็นการไถ่โทษ” นทีผู้จบภาสกรก็ถอนใจอย่างโล่งอก
    “นที หม่อมแม่กับทิฆัมพรมาน่ะ พวกเขาไม่เคยคุยกับนที ก็คงจะจำนทีไม่ได้ ผมกำลังกลัวอยู่เลยว่าเขาจะจำปุยฝ้ายได้แล้วเราจะซวยกัน” เขาว่า ภาสกรเป็นคนเกรงใจแม่มาตั้งแต่ไหนแต่ไร นทีพอจะรู้ดีก็เลยไม่ได้ถือโทษโกรธเคือง บอกภาสกรว่า
    “แล้วบอกว่าผมชื่อนทีเขาจำไม่ได้หรือ”
    “จำไม่ได้หรอก เคยเจอกันครั้งเดียวหม่อมแม่ผมจำคนไม่ค่อยเก่งอยู่แล้ว” ภาสกรตอบคนรักก่อนจะลาเจ๊เก๋แล้วเดินออกจากร้านมา “นทีตัดผมสั้นอย่างนี้คงยิ่งจำไม่ได้ เอาแว่นผมไปใส่ก่อน อ้ะ จะได้ยิ่งจำไม่ได้เข้าไปอีก”
    เท่านั้น นทีก็พรางตัวไปได้ขั้นหนึ่งแล้วพอเดินมาที่รถก็ปรากฏว่าทั้งทิฆัมพร และวิไลวรรณต่างก็จำนทีไม่ได้จริงๆ พอนทีประนมมือไหว้ ก็รับไหว้อย่างดีถึงอย่างนั้นก็ไม่ชวนคุย หรือทักทายอย่างสนิทสนม นั่งคอตั้งอย่างไว้ตัวอยู่เบาะหลัง โชคดีอีกอย่างที่นทีค่อนข้างจะหน้าตาดี ยิ่งตัดผมสั้นมากอย่างนี้ยิ่งดูสะอาดหน้าตาสดใส สองสาวที่เบาะหลังจึงไม่ได้ใส่ใจไม่มีอะไรมาให้ค่อนขอดนัก
    ภาสกรออกรถไปในที่สุด โดยที่ไม่ได้สังเกตเลยว่า มีใครบางคนที่แสร้งเดินเลือกของอยู่ที่ร้านฝั่งตรงข้าม รีบเดินขึ้นรถของเขา แล้วขับตามภาสกรไปตลอดทางจนถึงตลาด

    หม่อมวิไลวรรณ ออกจะตกใจเล็กน้อยเมื่อเจอเพื่อนของภาสกร ปกติแล้วเพื่อนๆของลูกชายของหล่อนจะต้องเป็นเด็กชาติตระกูลสูงส่งพอกัน หรือไม่ก็พวกลูกเศรษฐี สำหรับวิไลวรรณแล้ว ถ้าจะเลือกให้ลูกคบเพื่อนคนที่เป็นเจ้าเป็นนายเป็น “ผู้ดี” จะถือว่ามาเป็นอันดับ1 ตามมาด้วยพวกราชสกุล ยิ่งมี ณ. อยุธยาจะยิ่งได้พิจารณาเป็นพิเศษ ต่อไปก็เป็นพวกลูกเศรษฐี เจ้าสัว พวกเจ้าของกิจการใหญ่โตหน่อย ถ้ามีเชื้อเจ๊กจีนผสมแล้วหล่อนจะยิ่งจัดไว้อันดับท้ายๆ
    สามัญชนให้คุยกันได้บ้างแต่ไม่ยอมให้ไปมาหาสู่บ่อยๆนัก
     เพราะหล่อนมั่นใจ อย่างคนเจ้ายศเจ้าอย่างถือตัวว่าสูงส่ง ตามประสาหล่อนว่า คนที่ชาติตระกูลดี มีการศึกษาย่อมได้รับการอบรมดี มีกิริยามารยาท แล้วก็ไม่หลอกลูกของหล่อนให้เสียเปรียบ เรื่องหน้าตา และเงินทองอยู่แล้ว ติดอยู่หน่อยตรงที่ พวกนี้บางคนจะเจ้ายศเจ้าอย่างพอกะหล่อน บางทีไม่มีสัมมาคารวะ อวดร่ำอวดรวย หล่อนก็ต้องมาคัดเลือกอีกทีว่าคนไหน “ควรคบ” คนไหน “ไม่ควรคบ” แต่อย่างน้อยถ้ารู้ว่า “ชั้นสูง” หน่อย หล่อนก็จะมั่นใจได้ว่าไม่น่าห่วงนัก
    แต่ถ้าเห็นชัดว่า “ชั้นต่ำ” หล่อนจะไม่มีวันยอมให้เข้าใกล้ลูกเด็ดขาด เพราะเชื่อมั่นเหลือเกินว่า พวกจนๆนี่ชอบเกาะลูกของหล่อนเพื่อเอาชื่อเสียง ไม่ก็เงินทอง อย่างนังตัวดำที่หล่อนเคยเจอที่โรงพยาบาลตอนโน้นนั่นไง เห็นแล้วก็นึกหมั่นไส้ว่าไม่ควรมาอยู่ใกล้ลูกของหล่อนเอาจริงๆ
    แต่กลับพ่อหนุ่มคนนี้กลับทำให้หล่อนไม่แน่ใจในความคิดของตัวเองที่มีมาแต่แรกเสียแล้ว ตอนชายภาสบอกว่าเป็นคนพัทยา ไม่ได้เจ้าใหญ่นายโต หล่อนก็จินตนาการไปว่าคงเป็นพวกคนตัวดำๆ ผอมแห้งแบบไม่มีอันจะกินเท่าไรนัก แต่คงนิสัยใจคอดีพออยู่ ลูกชายหล่อนถึงเลือกไปคบได้
    พอมาเจอตัวจริงเท่านั้นแหละหล่อนถึงกับหาเรื่องอะไรมาค่อนแคะไม่ออก หน้าตาหรือก็ดี ขาวสะอาดผิวเนียนยิ่งกว่าหล่อนอีกกระมัง ไม่ได้หน้าดำสิวเขรอะอย่างที่หล่อนปรามาสไว้ หุ่นก็ดูดีผอมเพรียวได้เก้งก้าง กิริยามารยาทก็ใช้ได้ พูดจาสุภาพเรียบร้อยไม่กระโดกกระเดกมึงมาพาโวย ถ้าชายภาสบอกว่าเป็นคุณชายวังไหนหล่อนก็คงปักใจเชื่อไปแล้ว
    ดูเอาเถอะ แค่ลงรถมาก็เดินมาเปิดประตูให้หล่อนบอกว่า
    “หม่อมครับ ระวังนะครับตรงนี้พื้นลื่น”
    พอหล่อนซื้อผักซื้อผลไม้อะไรก็อาสาช่วยถือ ตอนแรกๆหล่อนก็กะจะค่อนแคะว่าทำตัวเหมือนคนใช้ แต่พอเห็นรอยยิ้มสะอาดดูไม่เคอะเขินเวลาอยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่ แสดงให้เห็นว่าเข้าหาผู้ใหญ่ได้ดีหล่อนก็เลยไม่ว่าอะไรยื่นถุงใส่ของให้เขาถือเดินตามหล่อนอย่างว่าง่ายไม่มีบ่น หรือหงุดหงิดใส่เหมือนเพื่อนๆของชายภาสหลายๆคนที่หล่อนเคยพาไปเดินไหนต่อไหนด้วย
    “หนูฟ้า มาช่วยน้าเลือกกุ้งหน่อยสิจ๊ะ น้าเลือกไม่เป็นหรอก” วิไลวรรณพูดขึ้นเมื่อเดินมาถึงแผงขายอาหารทะเล มีกุ้งหอยปูปลากองเอาไว้ให้เลือกซื้อเยอะแยะไปหมด ทิฆัมพรส่งเสียง จิ๊ ในปากแบบรำคาญแล้วก็เดินเก้ๆกังๆเข้าไปหาวิไลวรรณอย่างไม่พอใจ
    “แหมคุณน้าคะ แบบไหนก็เหมือนกันแหละค่ะ ปกติฟ้าซื้อตามวิลล่าเขาก็จัดไว้ให้แล้ว ฟ้าไม่เคยมาเดินตลาดแบบนี้นะคะ ว้าย ป้าแม่ค้าทำอะไรน่ะน้ำปู น้ำปลากระเด็นโดนฉันหมดแล้ว! เดี๋ยวชุดฉันเลอะ!” ทิฆัมพรโวยวายเมื่อแม่ค้าในแผงเห็นหล่อนเดินเข้ามาก็พยายามเข้ามาขอลายเซ็น มือที่เปื้อนน้ำจากกะละมังใส่ปูใส่ปลายังเปียกอยู่ก็กระเซ็นใส่ทิฆัมพรจนหัวเสีย
    วิไลวรรณมองว่าที่ลูกสะใภ้อย่างตกใจ ไม่เคยเห็นทิฆัมพรเกรี้ยวกราดขนาดนี้มาก่อน ดารานางร้ายสาวก็เหมือนจะรู้ตัวว่าทำเสียงดังต่อหน้าหม่อมเข้าแล้วก็เลยหันไปพูดกับแม่ค้าเสียใหม่
    “แหมป้าจ๊ะ โดนฉันไม่เท่าไหร่หรอก เดี๋ยวจะโดนคุณหม่อม กับคุณชายเอาเธอไม่เคยเดินตลาดสดเดี๋ยวชุดเลอะจ้ะ ไหนจะขอลายเซ็นหรือ หลบมาทางนี้ดีกว่าหม่อมเธอเลือกกุ้ง เลือกปูอยู่เดี๋ยวจะโดนเธอเข้าจ้ะ” เท่านั้นทิฆัมพรก็หาวิธีหนีไปจากแผงขายอาหารเหม็นคาวคลุ้งแบบที่หล่อนรังเกียจไปได้
    นทีเห็นท่าทางเสแสร้งอย่างนั้นก็หันไปยิ้มให้ภาสกร ทั้งขำทั้งสมเพชดาราสาวเสียเต็มประดา แล้วก็ตัดสินใจเดินเข้าไปหาวิไลวรรณที่เลือกกุ้งไม่เป็นยืนงงอยู่หน้าแผง เพราะปกติ หน้าที่ทำอาหารเป็นของนมอุ่นหล่อนจึงไม่รู้เรื่องอะไรสักอย่าง
    “หม่อมครับ ให้ผมช่วยเลือกเถอะนะครับ ผมพอจะเลือกอาหารเป็นอยู่บ้าง” นทีพูดอย่างนอบน้อม วิไลวรรณเห็นว่าตนไม่มีทางเลือกก็พยักหน้าอย่างถือตัวแล้วก็เอ่ยว่า
    “ชายภาส ถ้าเป็นผัก เป็นผลไม้แม่พอจะเลือกได้บ้างแต่แม่ไม่ชอบเห็นสัตว์นอนตายเป็นตัวๆอย่างนี้ เอาเป็นว่าแม่ออกไปรออยู่กับหนูฟ้านะจ๊ะ ชายกับเพื่อนก็ช่วยกันเลือกเถอะเสร็จแล้วตามไปหาแม่” หล่อนว่าแล้วก็เดินพาชุดกรุยกรายระบายพลิ้วของหล่อนออกไปจากบริเวณของสดตรงนั้น
    ภาสกรไขว้มือไว้ที่หลังแล้วก็เดินเข้ามาข้างๆหนุ่มน้อย
    “ไหน พ่อครัวหัวป่าก์เลือกกุ้งให้ผมหน่อยซีครับ” ยิ้มกว้างส่งให้หนุ่มน้อย ฝากนั้นก็ยิ้มที่มุมปากแล้วก็จัดแจงเลือกกุ้งไปพลางภาสกรก็ว่าไปพลาง “คุณเก่งนะ ทำแม่ผมเงียบมาได้ตลอดตั้งแต่เริ่มเจอหน้ามาถึงตรงนี้ไม่บ่นไม่ว่า ค่อนแคะอะไรคุณสักคำ”
    นทีเลือกกุ้งตัวโต หัวไม่หลุดง่าย จับยืดแล้วหดหลับมางอเหมือนเดิมดูสดสะอาดดีไปเยอะพอประมาณ จากนั้นก็เลือกกรรเชียงปูไปผักผงกะหรี่ และปูเป็นตัวๆ ไปนึ่งจิ้มกับน้ำจิ้มซีฟู้ดด้วย คุณชายหนุ่มยิ้มให้คนรัก อีกฝ่ายก็ตอบว่า
    “ผมไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”
    “นั่นแหละ แต่ผมบอกแล้วว่านทีน่ารักอย่างนี้ ใครเห็นใครรู้จักก็ต้องรักต้องชอบนทีทั้งนั้น” ภาสกรพูดเรื่อยๆ เหมือนพูดกันเรื่องดินฟ้าอากาศ อีกฝ่ายก็ยิ้มเขินไปเฉยๆไม่ได้มีอาการอะไรชัดเจนให้ใครคอยจับผิดได้ สองหนุ่มเลือกซื้อกุ้งหอยปูปลาอย่างละนิดอย่างละหน่อยเสร็จแล้วก็เดินออกจากตลาดสดเดินตามหาทิฆัมพร และหม่อมวิไลวรรณ
   
    ตอนนั้นทิฆัมพรกำลังอารมณ์เสีย ถึงจะแสร้งยิ้มถ่ายรูปกับพนักงานในร้านแล้ว หล่อนก็กลับมาหน้าบึ้งตึงเหมือนเดิม หล่อนบอกไม่ถูกว่าทำไมถึงไม่ชอบหน้าเด็กที่ชื่อนทีนั่น ทั้งๆที่ฝ่ายนั้นก็ดูหล่อน่ารักดีด้วยซ้ำ แต่หล่อนรู้สึกหวงก้างไปเองว่าคุณชายดูจะสนิทสนมกับเด็กคนนี้เกินไปเสียหน่อย หล่อนยังไม่ลืมหรอกว่าคุณชายภาสกร เคยอุปถัมภ์เลี้ยงดูเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่เขาเป็นคนขับรถชนอยู่พักหนึ่ง แม้หล่อนจะไม่แน่ใจว่าใช่คนนี้หรือเปล่าแต่อีริคก็เคยบอกหล่อนอยู่ว่า คุณชายภาสกรดูจะสนิทกับเด็กคนนั้นเป็นพิเศษ
    คล้ายว่าหม่อมราชวงศ์ภาสกร เป็นชายรักร่วมเพศ
    หล่อนยังไม่อยากทำลายบรรยากาศวันเกิดของคุณชายด้วยการคุ้ยเอาเรื่องเด็กคนนั้นมาพูด แต่หล่อนก็อดไม่ได้ที่จะบ่นเรื่องนายนทีให้หม่อมวิไลวรรณฟัง
    “นายนทีนี่เป็นใครก็ไม่รู้นะคะคุณน้า” ทิฆัมพรเริ่มเมื่อทั้งคู่หาร้านกาแฟเล็กๆใกล้ๆตลาดนั้นได้ สั่งกาแฟแล้วนั่งรอคุณชาย “ดูไม่มีสกุลอย่างไรไม่รู้ค่ะ”
    “เฮ้อ น้ารู้จ้ะ แต่น้าว่าเขาก็น่ารักดี” หม่อมวิไลวรรณยอมรับ “มีสัมมาคารวะ ไม่ทำตัวกักขฬะน้าก็ว่าโอเคแล้วล่ะ ชายภาสไม่ได้เอามาเป็นเพื่อนรักเพื่อนสนิทเสียหน่อยก็แค่คบฆ่าเวลาตอนที่อยู่ที่นี่เฉยๆนี่จ๊ะ”
    ทิฆัมพรกำลังจะพูดอะไรอีก แต่พอดีเห็นภาสกรเดินเข้ามาเสียก่อนก็เลยปั้นหน้าสาวหวานตะโกนเรียกภาสกร
    “คุณชายขา ฟ้ากับคุณน้าวิไลอยู่ตรงนี้ค่ะ”
    ภาสกรได้ยินเสียงดาราสาวเรียกก็เดินตามไปหาสองมือถือของหนักพอๆกับนทีตรงเข้ามา แต่หม่อมวิไลวรรณคงไม่อยากเสียเวลาอยู่ที่นี่ต่อไปนัก หล่อนจึงเดินออกไปรวมกับภาสกรหน้าร้านเข้าไปเดินเคียงข้างลูกชาย
    “ชายภาสซื้ออะไรมาบ้างจ๊ะ”
    “ก็มีกุ้ง ปู ปลาหมึก หอยแครง แล้วก็ปลากะพงครับจะทอดน้ำปลาทำยำมะม่วงให้ท่านพ่อ” เขาตอบ
    “ดีจริงเลยลูกคนนี้จำได้ว่าท่านพ่อโปรดอะไร” หล่อนว่าพลาง โบกไม้โบกมือที่ถือกระเป๋าสตางค์เอาไว้ไปพลาง “จริงๆตลาดนี้ก็กว้างนะจ๊ะ เอ๊ะเราเดินไปทางนั้นหรือยัง เราจอดรถทางนั้น หรือทางโน้นจ๊ะ แม่จะไปเดินดูทางโน้นหน่อย เอ๊ะ!”
    หม่อมพูดไม่ทันจบประโยค ภาสกรก็ไม่ทันได้ตอบสักคำถามพอดีมีชายแปลกหน้าคนหนึ่งวิ่งเข้ามาชนหม่อมวิไลวรรณจนล้มลงไป กระเป๋าสตางค์ที่อยู่ในมือของหม่อมหลุดกระเด็นไปอย่างง่ายดายด้วยความที่เป็นสาวบอบบางไม่มีเรี่ยวมีแรงอยู่แล้ว ชายคนนั้นหันมาขอโทษขอโพยแล้วก็วิ่งหายเข้าไปในตลาด ภาสกรวิ่งเข้ามาช่วยแม่ของตน ไม่ทันได้รู้ว่ามีชายอีกคนหนึ่งวิ่งเข้ามาจากอีกทางคว้ากระเป๋าสตางค์แล้วก็วิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว!
    “ว้าย คุณชายคะโจรขโมยกระเป๋าสตางค์คุณน้า!” ทิฆัมพรกรีดร้องออกมาอย่างตกใจ “ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย โจรขโมยกระเป๋า”
    นทีก็เห็นทันกันกับทิฆัมพรพอดี แต่ไม่ได้เสียสติกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งกลับวิ่งตามนายคนที่ฉกกระเป๋าตามไปอย่างรวดเร็ซด้วยความที่เป็นคนตัวเบา ภาสกรมัวแต่ตกใจประคองหม่อมแม่อยู่หันไปเห็นนทีวิ่งตามไปก็ลังเลว่าจะตามไปช่วยคนรักหรืออยู่ช่วยหม่อมแม่ที่ล้มจนข้อเท้าพลิกลุกไม่ขึ้น
    “ชาย กระเป๋าแม่มีเงินไม่กี่หมื่น แต่พ่อคนนั้นอาจจะโดนทำร้ายก็ได้ แม่ไม่ติดใจกระเป๋าแต่ชายภาสต้องไปช่วยพ่อหนูนะลูก ไปเร็ว เดี๋ยวจะเป็นอันตราย” หม่อมวิไลวรรณร้องอย่างตกอกตกใจ ภาสกรก็รีบวิ่งตามนทีไป
    คนร้ายวิ่งอ้อมไปหลังตลาด นทีก็ออกวิ่งตามอย่างเร็วที่สุด ดีที่ขาหายเป็นปกติแล้วจึงวิ่งได้เต็มกำลังอีกครั้งไม่เหมือนครั้งที่วิ่งตามจักรยานคุณชายที่นครนายก จึงเกือบเข้าไปช่วยทันพอดี แต่จังหวะนั้นเองภาสกรก็ขี่หลังมอเตอร์ไซค์รับจ้างตามมาพอทันคนร้าย เข้าก็ปราดเข้าไปขวางหน้าไว้
    ไอ้คนขโมยของตกใจก็หันหลังกลับมาเจอนทีพอดี เห็นว่าเป็นคนร่างบางน่าจะสู้ได้ก็วิ่งเข้าไปจะผลักนทีให้พ้นทางแล้วหนีไปเสีย แต่ภาสกรไวกว่า กระโดดลงมาจากรถมอเตอร์ไซค์โถมเข้าตัวคนร้ายลงไปกองกับพื้นต่อยเข้าหน้าอย่างแรง แต่พอดีคนร้ายตัวใหญ่กว่าจึงเข่าเสยคุณชายเข้าที่ท้อง พลิกตัวขึ้นเป็นอิสระจากการคุกคามของคุณชายกำลังจะถลาหนีไป แต่กระเป๋าของวิไลวรรณก็ยังอยู่ในมือมัน ภาสกรจึงลากมันกลับมาต่อยซ้ำ
    “เอากระเป๋าคืนมา!” เขาร้องอย่างบ้าคลั่งพยายามจะแย่งของ
    คนร้ายคงคะเนแล้วว่าเจ็บตัวไม่คุ้มได้แล้ว อีกถ้ายังอยู่ตรงนั้นคงจะโดนจับได้ง่ายๆ ก็ปล่อยกระเป๋าเตรียมหนี ร้องออกมาว่า “กูไม่เอาด้วยแล้ว”
    ภาสกรไม่มีเวลาตกใจคำพูดที่หลุดปากออกมาอย่างนั้น เพราะนทีตะโกนก้องเรียกชื่อเขาแหวกอากาศมาพอดี “คุณชาย! ระวัง”
    เปรี้ยง!
    เสียงปืนดังสนั่นมาจากไหนไม่รู้ แต่โชคดีเหลือเกินที่มันพลาดเป้าไปอย่างหวุดหวิด เพราะนทีกระโดดเข้าไปรวบตัวภาสกรกดลงกับพื้นแทบจะทันทีที่เขาเห็นความเคลื่อนไหวที่ผิดสังเกต ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนแทบไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร
รู้อีกที ที่ฟากตรงข้ามกับที่เกิดเหตุชุลมุนนั้น ชายคนหนึ่งที่อยู่บนรถจักรยานยนต์ก็เก็บปืนลงกระเป๋ารีบบึ่งรถออกไปอย่างหัวเสีย
    พอดีกันกับที่คนร้ายขโมยกระเป๋าตะกายลุกขึ้นได้ รีบวิ่งหนีหายไปในตลาด และเป็นจังหวะเดียวกับที่หม่อมวิไลวรรณที่วิ่งตามขากะเผลก มีทิฆัมพรช่วยประคองมาพร้อมกับตำรวจเห็นเหตุการณ์พอดี!
    พ่อหนุ่มคนนั้น ไอ้คน “ชั้นต่ำ” อย่างนที กระโดดเข้าไปขวางภาสกรไว้จากกระสุนมรณะที่จะปลิดชีวิตลูกชายหล่อน! ลูกของหล่อนเป็นหนี้บุญคุณคนคนนี้ เด็กคนนี้เองที่ช่วยลูกของหล่อนไว้ ไม่ใช่สาวลูกเศรษฐีอย่างทิฆัมพรที่แทนที่จะเป็นห่วงภาสกรกลับขอให้หล่อนหนีเอาตัวรอดไปก่อน วิไลวรรณยกมือทาบอกก่อนที่จะได้ซาบซึ้งใจ และรู้สึกผิดในใจที่มีอคติกับนทีตั้งแต่ก่อนรู้จักกันไปกว่านั้น หล่อนก็หมดสติไป

    ห่างไปจากที่นั้นไม่มากนัก แต่เป็นที่ลับตาคนไม่มีใครจะมาเห็นความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติใดๆ หนุ่มในรถมอเตอร์ไซค์ก็ถอดหมวกนิรภัยออกแขวนที่แฮนด์รถ ยกมือขยี้หัวอย่างหงุดหงิด หนุ่มสองคนที่เขาจ้างมาฉกกระเป๋าวิไลวรรณเดินหน้าเสียเข้ามาทั้งหน้าตาตื่นตกใจ ทั้งตาขวางอย่างไม่พอใจพอกัน
    “พี่ ผมไม่เห็นรู้เลยว่าจะมียิงกันขนาดนี้ ทีหลังผมไม่เอาด้วยแล้วนะ”
    “ไม่มีทีหลังแล้วล่ะมึง!” ชายแปลกหน้ายกอาวุธสีดำทะมึนขึ้นชี้หน้า

************************
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 40 นทีเข้าวัง เฝ้าท่านชายเรืองเดช - 26/10/11 - 11.00
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 12-11-2011 13:49:53
ทุกคนครับ ผมกลับมาแล้ว

พอดีที่บ้านติดน้ำท่วมก็เลยย้ายไปโน่นไปนี่ แต่ละที่ก็ไม่มีเน็ต ตอนนี้เพิ่งมาได้ที่อยู่เป็นจริงเป็นจังที่เชียงใหม่ คงอยู่สักอาทิตย์ไม่ไปไหนละ แล้วก็จะมีเน็ตเล่น ก็จะพยายามมาโพสบ่อยๆนะครับ ขอโทษที่ปล่อยให้รอ แต่ก็ขอบคุณที่ยังรอคอยติดตามนิยายของผมนะครับ ขอบคุณมากๆ 

ตอนนี้ผมแฮปปี้กับชีวิตที่เชียงใหม่มาก มีนักอ่านคนไหนอยู่เชียงใหม่บ้างไหมครับ 555 ถ้าเห็นผู้ชายหน้าตาแปลกๆ แบกโน้ตบุคไปนั่งอยู่นานๆ แต่งนิยายทั้งวันก็อาจจะเป็นผมก็ได้นะครับ 555+

อย่างที่เคยบอกว่าเรื่องนี้ตั้งใจให้น้ำเน่ามากๆ ตัวละครแบนๆ ไม่มีมิตินัก ฉะนั้นก็จะสุดโต่งมากๆเลยครับ หลังจากนี้ก็จะมีอุปสรรคโน่นนี่ แต่คุณชายก็ผ่านอะไรมาพอจะเรียนรู้ได้แล้วว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาก็จะไม่ทิ้งนที ติดตามกันต่อนะครับ :)))

ขอบคุณมากครับ
<3
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 41 คุณชายถูกยิง ! - 12/11/11 - 1.50
เริ่มหัวข้อโดย: jeaby@_@ ที่ 12-11-2011 14:12:59
มาแล้ววว คุณฟ้าม่วง ดีใจมากค่ะ
ขอให้ได้กลับไปอยู่บ้านเร็วๆนะคะ
เราก็หนีน้ำท่วมมาอยู่ที่อื่น

ดีใจที่คุณชายไม่โดนยิง คุณชายกับน้องน้ำเป็นคนดี ฟ้ามีตาค่ะ
หม่อมแม่เห็นความดีน้องน้ำแล้ว
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 41 คุณชายถูกยิง ! - 12/11/11 - 1.50
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 12-11-2011 14:42:27
อ๋อยยยย  อ่านไปลุ้นไปด้วย  เหนื่อยเลย
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 41 คุณชายถูกยิง ! - 12/11/11 - 1.50
เริ่มหัวข้อโดย: puu142 ที่ 12-11-2011 20:39:33
             
                              ชอบมาก.................แต่งได้ดีมาก........................

                        .....................................................................................รีบมาต่อเร็วๆ นะครับ
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 41 คุณชายถูกยิง ! - 12/11/11 - 1.50
เริ่มหัวข้อโดย: MM ที่ 12-11-2011 22:07:47
กำลังรออ่านอยู่เลยไม่มาซักที 555+

 o13 ยกนิ้วให้หนูนทีซัหหนึ่งที ยอดมาก ใสซื่อเสมอต้น เสมอปลายดีจริงๆ จะมีอดีตเป็นคุณชายวังไหนไหมน้อ (แอบคิดเฉยๆ)
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 41 คุณชายถูกยิง ! - 12/11/11 - 1.50
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 13-11-2011 01:09:32
ฟู่ววว  โล่งอก  นึกว่าคุณชายจะเป็นอะไรเสียอีก
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 41 คุณชายถูกยิง ! - 12/11/11 - 1.50
เริ่มหัวข้อโดย: ต่ายน้อย ที่ 13-11-2011 01:29:13
คุณชายมาให้จูบปลอบขวัญที จุ๊บ
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 41 คุณชายถูกยิง ! - 12/11/11 - 1.50
เริ่มหัวข้อโดย: Chiren ที่ 13-11-2011 01:33:20
หม่อมแม่ต้องระลึกถึงความดีครั้งของน้องน้ำเข้าไว้ แล้วยกชายภาสให้น้องน้ำเป็นรางวัลจะดีมากเลย

คนเขียนหายไปนาน...ที่แท้หนีน้ำนี่เอง :กอด1:
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 41 คุณชายถูกยิง ! - 12/11/11 - 1.50
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 13-11-2011 19:11:56
นทีเอ้ย ตัวเล็กแต่ใจกล้าเหลือเกิน หวังว่าคุณหญิงคงตาสว่างได้มากขึ้น
ชอบแบบน้ำเน่ามากๆ นี่แหละคะ เน่าแบบน่าสนใจแบบนี้ชอบ ไม่ใช่เน่าไร้สาระ
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 41 คุณชายถูกยิง ! - 12/11/11 - 1.50
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 13-11-2011 19:16:00
เฮ้อออ หม่อมวิไลเริ่มเห็นความดีในตัวนทีแล้ว ยินดีด้วยจิงๆๆ คงจะง่ายขึ้นมาอีกนิดนึง

ใครจ้างมานะ ไอ้อดิสรณ์หรอ

รอตอนต่อไปเน้ออออ
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 41 คุณชายถูกยิง ! - 12/11/11 - 1.50
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 13-11-2011 21:37:27
ภาคใหม่
มาม่าอินเทรนด์รับน้ำท่วมมาเลย :sad4:
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 41 คุณชายถูกยิง ! - 12/11/11 - 1.50
เริ่มหัวข้อโดย: YMP ที่ 14-11-2011 00:37:15
 :L2:
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 41 คุณชายถูกยิง ! - 12/11/11 - 1.50
เริ่มหัวข้อโดย: โน๊อา ที่ 17-11-2011 14:36:23
ตามมานิยมชมชอบค่ะ
อ่านอยู่หลายวันกว่าจะตามทัน อย่ามาม่ามากนะคะ หัวใจอ่อนแอค่ะ
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 41 คุณชายถูกยิง ! - 12/11/11 - 1.50
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 20-11-2011 13:45:01
42

    หม่อมวิไลวรรณหน้ามืดปวดหัวแทบจะระเบิด หล่อนนั่งสูดยาดมอยู่บนโซฟาในห้องรับแขกมีนมอุ่นคอยบีบ หล่อนแทบจะหัวใจวายตายเอาเมื่อเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดหลังจากวิ่งตามลูกชายไป ไม่อยากเชื่อว่าจะมีเรื่องถึงจะฆ่าจะแกงกันขนาดนี้ หล่อนจึงตัดสินใจไม่ทูลท่านชายเรืองเดชสามีของหล่อนเรื่องนี้ โชคดีของหล่อนที่นายแพทย์มิ่งเมืองมาถึงบ้านก่อนเวลานัด ก็เลยทูลชวนท่ายเรืองเดชไปดำเนินเล่นริมหาด วิไลวรรณจึงไม่จำเป็นต้องเผชิญหน้ากับสามีตอนที่กำลังช็อกอยู่อย่างนี้
   “แม่ไม่อยากจะเชื่อเลยสักนิดเดียว” หล่อนพูดขึ้นเมื่อภาสกรเดินถือน้ำเย็นเข้ามาให้หล่อนจิบให้หายตื่นเต้น “โดนฉกกระเป๋าแม่ว่าตกใจแล้วนะ แต่ก็ยังคิดว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา นี่มียิงปืนจะฆ่าจะแกงกัน แม่ว่ามันออกจะเหลือเชื่อไปนะลูก อย่างกะอยู่ในหนัง”
    ลูกชายนั่งลงข้างๆหม่อมแม่ก่อนจะพูดเบาๆว่า
    “น่า คุณแม่เราปลอดภัยมาได้ก็ดีแล้ว แถมคุณแม่ก็ยังได้เงินคืนด้วยเท่ากับเราก็ไม่ได้เสียอะไรไปเลยนะครับ”
    “ก็ยังตกใจไม่หายนี่” พูดจบประโยคหล่อนก็หันไปมองหน้าเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่แทบจะสุดมุมห้อง มองต่ำราวกับจะรู้ว่าตนไม่ใช่คนในครอบครัวจึงไม่เข้าไปร่วมสนทนาด้วย พอรู้ตัวว่าหม่อมวิไลวรรณมองมาคล้ายมีเรื่องจะพูดด้วยหนุ่มน้อยก็เงยหน้าขึ้นเตรียมรับคำพูดไม่ว่าจะรูปแบบใดจากวิไลวรรณก็ตาม แต่แล้วเขาก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นหม่อมวิไลวรรณผู้ถือตัว เจ้ายศเจ้าอย่างเป็นที่สุดส่งยิ้มมาให้ “ต้องขอบใจพ่อหนุ่มเพื่อนลูกนะชายภาส ที่ช่วยลูกไว้ได้ทัน ทั้งวิ่งตามกระเป๋าแม่ไปทั้งกระโดดเข้าไปกันกระสุนปืนด้วย”
    วิไลวรรณยิ้มอย่างจริงใจ
    “ขอบใจหนูมากที่ช่วยชายภาสอย่างไม่ลังเลเลย ถ้าหนูช้ากว่านี้ชายภาสคงโดนยิงไปแล้ว” สตรีสูงศักดิ์ว่า หล่อนลอบถอนหายใจเมื่อเหลือบไปเห็นทิฆัมพรที่นั่งไขว่ห้างกอดอกไม่สนใจใคร ใบหน้าซีดเซียวบ่งบอกว่ายังตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่มาก แต่ก็มีแววไม่พอใจชายชัดให้เห็นกันได้ทุกคน
     หม่อมวิไลวรรณไม่อยากคิดเลยว่านายนทีคนนี้จะกล้าเสี่ยงชีวิตกระโดดเข้ากันภาสกรจากวิถีกระสุน ทั้งที่ตัวเองนั่นแหละเสี่ยงนักที่จะโดนยิงเสียเอง ในขณะเดียวกันกับทิฆัมพรที่มัวแต่ตกใจร้องโวยวาย ไม่คิดจะทำอะไรทั้งนั้นแม้ตอนภาสกรวิ่งตามนทีไปก็ไม่คิดจะเป็นห่วงเป็นไยตามไปดูหรือแม้แต่จะหาทางเรียกใครไปช่วย ดีแต่ยืนเก้ๆกังๆกลัวอันตรายไปเสียเอง
    ความเห็นแก่ตัวมันฉายออกมาจากหญิงสาวที่หล่อนหมายมั่นจะให้แต่งงานกับลูกชาย มากขึ้นทีละน้อยจนวิไลวรรณแทบจะพาลโกรธหล่อนไปด้วย
    “ไม่เป็นไรครับหม่อม” นทีตอบอย่างสุภาพ “เพื่อนเดือดร้อนก็ต้องช่วยเพื่อนอยู่แล้วครับ”
    หนุ่มน้อยตอบไปตามบทจนวิไลวรรณเชื่อ ถอนตากลับมาจากนที แม้คำพูดที่พูดถึงภาสกรจะฟังดูห่างเหินไปนิด แต่เมื่อพูดจบประโยคแล้วนทีก็หันไปสบตากับคุณชายหนุ่ม มีแววแห่งความเป็นห่วงเป็นไย ฉายชัดอยู่ในตายิ้มน้อยๆที่มุมปากให้ภาสกร ที่ยิ้มตอบมาเช่นกัน
    “แม่ละสงสัย ว่าใครเป็นคนยิงปืนนัดนั้น” วิไลวรรณเอ่ยขึ้นเสียงสั่น ยังคงตระหนกตกใจมากอยู่นั่นเอง สองสามคนในห้องต่างก็หันมองหน้ากัน เหมือนจะเห็นตรงกันว่าไม่อยากพูดเรื่องนี้นัก “แม่ไม่รู้ว่าเป็นพวกเดียวกับพวกฉกกระเป๋าหรือเปล่า แต่ถ้าแค่อยากขโมยของ มันไม่น่าจะต้องทำถึงขั้นจะฆ่ากันเลยนะ”
    ภาสกรบีบมือแม่เบาๆ แล้วก็เอ่ยว่า
    “คุณแม่อย่าคิดมากเลยครับ เรื่องมันผ่านมาแล้วถือว่าสะเดาะเคราะห์เถอะดีกว่าให้พวกเราคนใดคนหนึ่งไปเจ็บไข้ได้ป่วย” เขาว่าแล้วก็หันหน้าไปหาหญิงสาวหนึ่งเดียวในห้องนั้น “ทิฆัมพรคุณพาหม่อมแม่ไปเดินเล่นกับท่านพ่อดีไหม เผื่อว่าอยู่ริมหาดมีลมเย็นๆพัดมาจะทำให้สบายใจขึ้นได้บ้าง นมอุ่นตามไปดูคุณแม่เถอะครับ ชายยังไม่มีอะไรรบกวนนมตอนนี้”
    หญิงสาวคงรอคำถามเชิงอนุญาตอย่างนี้นานแล้วหล่อนจึงไม่รีรอที่จะลุกขึ้นประคองหม่อมวิไลวรรณ ค่อยๆเดินออกไปจากห้องนั่งเล่นพร้อมนมอุ่นไปที่นอกชานแล้วลงบันไดหินตรงนั้นเพื่อลงไปเดินเล่นริมหาด
    ทิ้งสองหนุ่มคู่รักอยู่กันสองคน
    “ขึ้นมาข้างบนเถอะนที” ภาสกรว่า แล้วก็เดินนำขึ้นไปที่ชั้นสอง นทีเองก็เดินตามเขาไปอย่างไม่มีคำถาม พอขึ้นมาสูงพอที่จะลับตาคนข้างนอกแล้ว ภาสกรก็จับมือเล็กนุ่มเข้าไปไว้ในอุ้งมือแข็งแกร่ง พาหนุ่มน้อยเข้าไปในห้องนอนของตน “เจ็บมากไหม เดินไหวหรือเปล่า”
    “เจ็บอะไรกัน ไม่เจ็บสักหน่อย” นทีก้มหน้าต่ำ ค่อยๆเดินกะเผลกเข้าไปในห้องนอนที่ปิดม่านไว้แล้วมิดชิด ชายหนุ่มที่แข็งแรงดีรอให้คนรักร่างบางเดินเข้าไปในห้องแล้วก็ปิดประตูตาม ก่อนจะเข้ามาสวมกอดนทีด้วยความเป็นห่วงเหลือเกิน
    “ผมรู้นะว่าเข่าคุณเจ็บน่ะ ไม่อยากให้ผมคิดว่าคุณต้องมาเจ็บตัวเพราะผมใช่ไหมล่ะแต่ถ้าจะหลอกแฟนตัวเองน่ะ ไม่มีทางหรอกนะ” ภาสกรยิ้มล้อๆ ในขณะที่คนเจ็บแกล้งเสมองไปทางอื่นอย่างไม่พอใจ แต่ก็พอจะดูออกว่าข้างในลึกๆรู้สึกอบอุ่นไม่น้อย “ถลอกหรือเปล่าไหนดูซิ”
    เขาจูงมือนทีไปนั่งบนเตียงก่อนที่ตัวเองจะคุกเข่าลงเลิกขากางเกงที่ยาวปิดเข่าไว้ขึ้น ก็เห็นว่าหนุ่มตรงหน้ามีแผลถลอกจนเลือดไหนขนาดใหญ่อยู่ตรงเข่านั้นเอง ภาสกรเหลือบตาขึ้นมามองนทีอย่างตัดพ้อ
    “แผลใหญ่อย่างนี้ยังจะไม่บอกผมอีก”
    “ผมไม่อยากให้คุณเป็นห่วง” หนุ่มน้อยเถียงเสียงอ่อน จนภาสกรอดเอื้อมมือมาขยี้ผมสั้นๆอย่างหมั่นไส้ไม่ได้
    “เห็นท่าเดินก็รู้แล้วน่าว่าเจ็บ” เขาว่าก่อนจะลุกไปค้นหากล่องปฐมพยาบาลที่เก็บไว้ในลิ้นชักตู้เสื้อผ้า “ทนเจ็บเอาโดยไม่ได้ทำแผลอย่างนี้เนี่ย ผมห่วงมากกว่าอีกนะ”
    พอหาเจอ ชายหนุ่มก็เดินเข้ามานั่งลงกับพื้นทำแผลให้หนุ่มคนรัก
    “เนี่ยดูซิแผลใหญ่อย่างนี้ นั่งเงียบมาได้ไงตลอดทาง” เขาพูดก่อนจะมองด้วยแววตาต่อว่าอีกครั้ง พอเห็นว่านทีไม่เถียงอะไรอีกก็ยิ้มอย่างพอใจทำแผลให้จนเสร็จก็ลุกมานั่งที่หัวเตียง หยิบหมอนมาตั้งรองหลังไว้แล้วเอนพิงหัวเตียงตาจับจ้องอยู่ที่นที “คุณเห็นหน้าคนยิงหรือเปล่า”
    หนุ่มน้อยเงียบไปพักหนึ่งคล้ายๆเรียบเรียงคำพูดในหัวก่อน แล้วจึงตอบว่า “ไม่เห็นครับ มันใส่หมวกกันน็อก”
    “คุณคิดว่ามันเป็นใคร” ภาสกรว่าขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิด “ไม่ใช่พวกคนลักกระเป๋าแน่ ถ้าจะลักกระเป๋าเอาเงินมันไม่ต้องลงทุนพกปืนมายิงเหยื่อหรอก”
    หนุ่มน้อยไม่รู้จะพูดอะไร เพราะก็มืดแปดด้านไปหมด ไม่รู้เหมือนกันว่าใครจะสามารถทำชั่วอย่างนั้น ไม่รู้ว่าใครมีความแค้นอะไรกับภาสกรขนาดต้องยิงกันอย่างนี้ จะว่าเป็นอดิสรณ์ฝ่ายนั้นก็ติดคุกอยู่แล้วไม่มีวันได้ออกมาเห็นเดือนเห็นตะวันอีก อย่าว่าแต่ออกมาตามล่าเขากับภาสกรเลย
    พอดีเสียงอบอุ่นของคุณชาย ดังขึ้นข้างหูพอดี นทีจึงพาตัวเองกลับออกมาจากห้วงความคิดของตน
    “ขอบคุณนะที่ช่วยผมน่ะ”
    นทีมองภาสกรด้วยรอยยิ้ม ดวงตากลมใสจับอยู่ที่ใบหน้าคมสัน ยังจำความรู้สีกได้ดีว่าใจหายเพียงใดเมื่อได้ยินเสียงปืนลั่น กลัวเหลือเกินว่าชายหนุ่มตรงหน้าจะเป็นอะไรขึ้นมาจริงๆ
    “ถ้าคุณไม่กระโดดมาทับผมจนหนักแทบหายใจไม่ออก แล้วตัวเองก็ได้แผลแต่ดื้อไม่ยอมบอกแล้วละก็ ผมคงไม่รอดมาได้”
    “เอ๊ะ” นทีโวย “นี่คุณจะขอบคุณ หรือจะหาเรื่องผมกันแน่เนี่ย”
    “ขอบคุณสิ ขอบคุณๆ ขอบคุณจริงๆครับผม” ภาสกรว่าส่งสายตาหวานเยิ้มมาให้หนุ่มน้อย “มาผมจะให้ของตอบแทน”
    พอพูดจบประโยคเข้าก็โน้มตัวลงมาจุมพิตที่แก้มเนียนใสของนที น่าแปลกตรงที่ต่อให้ไปเดินตลาดมาทั้งวัน แล้วต้องมาล้มลุกคลุกฝุ่นกับเขาตอนเกิดเรื่องอีก นทีก็ยังคงหอมอ่อนๆด้วยกลิ่นเฉพาะตัวที่ภาสกรได้กลิ่นทีไรก็จะรู้สึกเบาหวิวในอก ตัวแทบลอยไปติดเพดานทุกครั้ง

    งานเลี้ยงเริ่มราวๆหนึ่งทุ่ม เจ้าของวันเกิดให้นมอุ่น และเด็กอีกสองสามคนที่ตามมาจากกรุงเทพ จัดโต๊ะยาวสำหรับ แปดที่นั่งไว้ที่นอกชานเปิดไฟสีเหลืองนวลสว่างไสวไปหมด บนโต๊ะมีแจกันดอกไม้ และจานชามช้อนที่จัดไว้แปดชุดพอดีวางอยู่ แขกที่ได้รับเชิญมากันจนพร้อมหน้าแล้ว นทีและนมอุ่นก็ค่อยๆทยอยนำอาหารออกมาเสิร์ฟ ในขณะที่ภาสกรก็จองพื้นที่ส่วนหนึ่งของนอกชาน ตั้งเตาย่างอาหารทะเลอยู่อีกฟากหนึ่ง
    ท่านชายเรืองเดชประทับที่หัวโต๊ะฝั่งหนึ่งมีหม่อมของตนนั่งด้านซ้าย นายแพทย์มิ่งเมืองนั่งข้างขวา ถัดจากหม่อมวิไลวรรณเป็นทิฆัมพรที่บัดนี้เปลี่ยนมาอยู่ในชุดเกาะอกกระโปรงสั้นสีขาวสะอาดแบบสบายๆ แต่ยังทาปากไว้เสียแดงจัดเหมือนเดิม ถัดจากหล่อนมาก็เป็นที่ว่างเว้นไว้สำหรับนที ตรงข้ามหล่อนเป็นคุณชายนรัตถพล และคุณหญิงดาริกาที่นั่งคู่กัน ปลายสุดของโต๊ะตรงข้ามกับท่านชายเรืองเดช ก็เว้นที่ไว้ให้โอรสของท่าน... คุณชายภาสกร
    นมอุ่นเสิร์ฟ ต้มยำกุ้ง และปลาหมึกนึ่งมะนาวก่อนเป็นอย่างแรก ส่งกลิ่นหอมกรุ่นไปทั่วทั้งนอกชานนั้น ก่อนที่นทีจะยกปลากระพงทอดราดน้ำปลา และยำมะม่วงที่ทำเองกับมือมาไว้ตรงหน้าท่านชายเรืองเดช เด็กอีกสองคนที่ตามนทีออกมาก็วางปูนึ่งและหอยแครงไว้แทบจะกลางโต๊ะ จากนั้นภาสกรก็ยกกุ้ง และปลาหมึกที่ย่างจนสุกดีแล้วมาเสิร์ฟก่อนชุดแรก เป็นอันว่าอาหารครบทุกจานแล้วภาสกรก็นั่งลงที่หัวโต๊ะ ก่อนที่นทีจะเดินอ้อมมานั่งข้างทิฆัมพร
    ตาประสานกับนายแพทย์มิ่งเมืองก็แทบสะดุ้ง เพราะเขาไม่รู้มาก่อนว่าจะมาเจอในวันนี้ มิ่งเมืองเห็นนทีก็ประหลาดใจจ้องอยู่พักหนึ่งก่อนจะถอนตาออกไป แล้วก็หันไปคุยกับท่านชายเรืองเดชราวกับไม่ได้เห็นนทีเมื่อครู่
    นทีมั่นใจว่ามิ่งเมืองจำตนได้ ในเมื่อต้องมาตรวจอาการเขา ตรวจแล้วตรวจอีกแทบทุกวันจนเบื่อหน้ากันทีเดียว
    นมอุ่นค่อยๆเดินคดข้าวใส่จานให้แขกที่มาในงานทีละคนจนครบ ท่านชายเรืองเดชก็ทรงตักปลาเข้าใส่โอษฐ์เป็นคนแรก พอเห็นท่านชายเสวยแล้ว คนอื่นจึงเริ่มลงมือตักอาหารใส่จานของตนบ้าง
    “อาหารหอมน่าทานมากเลยค่ะคุณนม” ดาริกาเอ่ย “คุณนมทำได้สวยงามน่าทานจังค่ะ”
    “นอกจากจะสวยแล้ว ยังอร่อยด้วย” ท่านชายตรัสขึ้น “รสดีมากกว่าทุกครั้งที่ทำนะแม่อุ่น สงสัยจะอารมณ์ดีกระมังถึงได้ทำสุดฝีมืออย่างนี้ ปลาไม่ชุ่มน้ำมันจนเกินไปหนังกรอบเนื้อนุ่ม แล้วที่สำคัญไม่เค็มมากอย่างทุกครั้ง แถมน้ำยำมะม่วงก็ไม่เปรี้ยวเหมือนที่เธอมักจะทำบ่อยๆ”
    “ท่านชายเพคะ หม่อมฉันไม่ได้ทำเองหรอกเพคะอาหารมื้อนี้”
    ทุกคนที่ตักอาหารกินแล้วก็ตกใจหันมามองนมอุ่นเพราะทุกคนคิดตรงกันว่าอาหารแทบทุกจานนั้นช่างอร่อยเหลือเกินราวกับออกมาจากภัตตาคารหรูๆทีเดียว นมอุ่นเห็นทุกคนประหลาดใจก็อธิบายว่า
    “คราวนี้หม่อมฉันเป็นลูกมือเพคะ คุณชายภาสกรกับพ่อนทีเพื่อนเธอช่วยกันทำเสียส่วนใหญ่ หม่อมฉันและเด็กๆก็แค่นึ่งปู แกะเปลือกกุ้งเท่านั้นเพคะ”
    หม่อมเจ้าเรืองเดชแย้มโอษฐ์สรวลอย่างถูกหทัย รับสั่งว่า
    “ชายภาสทำหรือลูก อร่อยมากทีเดียวมีฝีมืออย่างนี้น่าจะกลับบ้านมาทำให้พ่อกินบ่อยๆนะ พ่อชอบมากปลากะพงนี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งยำมะม่วง”
   “ปลากะพงทอดราดน้ำปลา ลูกเป็นคนทำก็จริง แต่นทีเป็นคนยำมะม่วงกระหม่อม” ภาสกรยิ้มให้หนุ่มน้อย นทีจึงพูดขึ้นว่า
    “เห็นฝ่าบาทรับสั่งว่าน้ำยำไม่เปรี้ยว ต้องขอประทานอภัยด้วยกระหม่อม แม่ของกระหม่อมสอนว่า มะม่วงนั้นเปรี้ยวอยู่แล้ว อีกทั้งปลาก็ทอดมาเค็มแล้ว น้ำยำควรทำให้ออกหวาน เวลากินจะได้ครบทุกรส ถ้าฝ่าบาทไม่โปรด กระหม่อมจะกลับไปปรุงมาถวายใหม่กระหม่อม”
    ท่านชายเรืองเดช มองนทีอย่างพินิจพิจารณาก่อนจะรับสั่งเบาๆว่า
    “ฉันชอบมาก อร่อยถูกปากฉันเหลือเกินรสชาติเหมือนที่เสด็จแม่ของฉันเคยทรงทำให้ ไม่มีอะไรต้องขอโทษสักนิด” ท่านชายแย้มโอษฐ์อีกครั้งก่อนจะถามว่า “แล้วเธอทำอะไรอีก”
    “น้ำจิ้มซีฟู้ดกระหม่อม กระหม่อมทำอาหารไม่เก่ง ปรุงนิดปรุงหน่อยได้ ถ้าทำเองทั้งหมด เกรงจะไม่ไหวกระหม่อม”
    พอนทีพูดจบ ท่านชายเรืองเดชก็ทรงตักต้มยำทรงชิม ตามด้วยกุ้งจิ้มน้ำจิ้มซีฟู้ด พอทรงกลืนกระยาหารลงคอแล้วก็รับสั่งอีกทีว่า
    “แม่อุ่นคงได้ตกงานกันคราวนี้ ถ้าชายภาสจะกลับกรุงเทพอีกก็พาพ่อคนนี้ไปด้วยนะ ทำอาหารถูกปากฉันดีเหลือเกิน” สิ้นประโยคท่านชายก็ไม่รับสั่งอะไรอีก แต่เสวยอาหารบนโต๊ะนั้นไปมากกว่าปกติ ดูจะเจริญกระยาหารมากเป็นพิเศษ หม่อมวิไลวรรณเห็นอย่างนั้นก็ดีใจ เพราะท่านชายเรืองเดชเสวยอะไรไม่ได้มากมาพักใหญ่แล้ว ด้วยความที่พระชนม์มากด้วย ประชวรด้วย มามื้อนี้เสวยเอาเสวยเอา หล่อนก็พอใจ และยิ่งจะเอ็นดูนทีมากขึ้นไปอีก ถึงกับชวนคุยด้วยอย่างไม่ถือตัว
    “แต่ก็อร่อยใช้ได้นะพ่อนที เรียนทำอาหารหรือจ๊ะ”
    “อ๋อไม่ใช่ครับ” นทีว่า “ผมเรียนเอาจากแม่ครับ คุณแม่เคยสอนผมทำอาหารง่ายๆไม่กี่อย่าง คนที่ทำอาหารเก่งจริงๆคงเป็นคุณชายภาสกรครับ”
    หม่อมวิไลวรรณไม่เห็นสีหน้าไม่พอใจของทิฆัมพรที่ถูกแย่งความสนใจไปก็เลยปราศรัยกับนทีต่อเรื่องอาหารที่ทำเป็น และเรื่องที่หล่อนไม่เคยรู้เลยว่าภาสกรทำอาหารอร่อยไปอีกหลายประโยค กระทั่งวนมาเรื่องแม่ของนทีนั่นแหละ
    “แล้วแม่ของหนูไม่ทำงานหรือจ๊ะถึงมีเวลามาสอนหนูทำกับข้าว”
    “ครับคุณแม่เป็นแม่บ้าน”
    “แล้วคุณพ่อทำงานอะไรล่ะจ๊ะ”
    “คุณพ่อเป็นมัคคุเทศก์ครับ” นทีตอบเสียงเริ่มอ่อนไปเรื่อยๆเมื่อพูดถึงพ่อ
    “เหรอ ดีจ้ะวันหลังนำเที่ยวฉันบ้างนะ ฉันชอบเที่ยว แต่เดี๋ยวนี้ไปไหนไม่ค่อยไหว พอมันเริ่มแก่ก็เริ่มทำอะไรไม่ได้แล้วล่ะจ้ะ ทำอะไรนิดก็ปวดก็เมื่อย”
    “คุณพ่อของผมคงนำเที่ยวหม่อมไม่ได้แล้วล่ะครับ”
    ก่อนที่วิไลวรรณจะทันได้ถามว่าเพราะอะไรภาสกรก็บอกว่า
    “ทั้งพ่อและแม่ของนทีเขาเสียแล้วล่ะครับคุณแม่”
    “ตายแล้ว เสียใจด้วยจ้ะ” หล่อนว่า แต่ก็ไม่ลดความพยายามที่จะชวนคุยต่อไปอีก “แล้วนี่หนูพักอยู่กับใคร ที่ไหน กับญาติหรือจ๊ะ”
    นทีเหลือบมองหน้าภาสกรแวบหนึ่ง... หม่อมวิไลวรรณไม่รู้ว่าเขามาอยู่ที่นี่กับภาสกรมานานแล้ว! แต่ทั้งคู่ก็ยังไม่พร้อมเปิดเผยเรื่องนี้เสียด้วย นทีจึงตอบเลี่ยงๆไปว่า
    “ผมอยู่คนเดียวครับ” พูดจบแล้วก็เหลือบไปเห็นพอดีว่าต้มยำกุ้งนั้นพร่องไปมากแล้ว จึงเอ่ยขึ้นว่า “ต้มยำกุ้งหมดแล้ว ผมไปตักให้ดีกว่านะครับ”
    ภาสกรเองเห็นนทีรีบเดินเข้าบ้านไปก็ใจเสีย คิดว่าคงจะเสียใจเมื่อคิดถึงพ่อกับแม่กระมัง อยากเข้าไปปลอบก็ไม่รู้จะทำอย่างไรหาข้ออ้างอะไรไม่ได้ก็เอ่ยว่า “น้ำจิ้มของผมหมดพอดี ผมเข้าไปเติมนะครับ ใครจะเอาเพิ่มไหมได้ตักมาเผื่อ”
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 42 "ขอบใจหนูมากที่ช่วยชายภาส" - 20/11/11 - 14.07
เริ่มหัวข้อโดย: Non_stop ที่ 20-11-2011 14:11:52
 :monkeysad:

สงสารนทีเมื่อไหร่จะหมดเคราะห์ซักที

เหมือนเป็นลมสงบที่จะมาพร้อมกับพายุยังไงไม่รู้

ใครเป็นยิงน้อ  เอาใจช่วยทั้งสองคน  ขอบคุณผู้แต่งน่ะค่ะที่มาต่อให้หายคิดถึงกัน  :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 42 "ขอบใจหนูมากที่ช่วยชายภาส" - 20/11/11 - 14.07
เริ่มหัวข้อโดย: zeen11 ที่ 20-11-2011 14:29:03
อย่างน้อยตอนนี้นทีก็ทำให้แม่สามีเริ่มถูกใจได้แล้วละนะ สู้ๆ ต่อไปนที  o13 o13
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 42 "ขอบใจหนูมากที่ช่วยชายภาส" - 20/11/11 - 14.07
เริ่มหัวข้อโดย: lucifel ที่ 20-11-2011 14:44:09
ท่าทางยายมารร้ายฑิฆัมพรคงกัดไม่ปล่อย
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 42 "ขอบใจหนูมากที่ช่วยชายภาส" - 20/11/11 - 14.07
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 20-11-2011 14:47:06
+1
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 42 "ขอบใจหนูมากที่ช่วยชายภาส" - 20/11/11 - 14.07
เริ่มหัวข้อโดย: salemon ที่ 20-11-2011 14:48:01
ความดีชนะทุกอย่าง  สู้ๆนะพ่อนที (เห็นแบบนี้คิดถึงอรุณประไพ) 55+ :laugh:
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 42 "ขอบใจหนูมากที่ช่วยชายภาส" - 20/11/11 - 14.07
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 20-11-2011 14:49:55
อย่าไปสวีวี่วีในห้องครัวให้ใครมาแอบเห็นเข้าล่ะ  เดี๋ยวจะงานเข้าชุดใหญ่
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 42 "ขอบใจหนูมากที่ช่วยชายภาส" - 20/11/11 - 14.07
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 20-11-2011 15:14:21
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 42 "ขอบใจหนูมากที่ช่วยชายภาส" - 20/11/11 - 14.07
เริ่มหัวข้อโดย: jeaby@_@ ที่ 20-11-2011 22:57:57
นทีเอาความดีเข้าสู้

ชอบมากค่ะ
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 42 "ขอบใจหนูมากที่ช่วยชายภาส" - 20/11/11 - 14.07
เริ่มหัวข้อโดย: MM ที่ 20-11-2011 23:26:59
ชายภาส รอคืนนี้ๆ เดี๋ยวมีคนเห็น จะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นเอานะ .... อย่าพึ่งไปปลอบ อะไรแปลกๆกับหนูนทีเค้าหละ
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 42 "ขอบใจหนูมากที่ช่วยชายภาส" - 20/11/11 - 14.07
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 20-11-2011 23:34:05
ดีใจที่ทุกคนเปิดใจรับนที แต่ยังได้กลิ่นดราม่าอีกมากมายยังไงไม่รู้

บวกๆ ค่า
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 42 "ขอบใจหนูมากที่ช่วยชายภาส" - 20/11/11 - 14.07
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 21-11-2011 00:28:58
เป็นที่ถูกใจทั้งพ่อทั้งแม่แล้วนะนที
แต่ยังมีอะไรใหญ่ๆอย่างคุณฟ้ามาคอยขวางอีก
สู้เค้านะนที
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 42 "ขอบใจหนูมากที่ช่วยชายภาส" - 20/11/11 - 14.07
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 21-11-2011 03:46:55
นทีน่าสงสารที่สุดเลย
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 42 "ขอบใจหนูมากที่ช่วยชายภาส" - 20/11/11 - 14.07
เริ่มหัวข้อโดย: Panny ที่ 22-11-2011 20:12:24
เป็นกำลังใจให้น้ำอดทนคิดดีทำดีต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 42 "ขอบใจหนูมากที่ช่วยชายภาส" - 20/11/11 - 14.07
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 22-11-2011 23:25:53
น่าสงสารนทีจริงอะไรจริง
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 42 "ขอบใจหนูมากที่ช่วยชายภาส" - 20/11/11 - 14.07
เริ่มหัวข้อโดย: pochu52 ที่ 23-11-2011 08:07:38
อย่างน้อยท่านพ่อท่านแม่ของคุณชายก็ประทับใจนทีไปไม่มากก็น้อยแล้วล่ะ
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 42 "ขอบใจหนูมากที่ช่วยชายภาส" - 20/11/11 - 14.07
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 23-11-2011 20:19:59
ดาราสาวเธอจะแอบตามไปไหม

ปล. อาหารที่นทีกับคุณชายทำ ตอนนี้อยากกินมากกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 42 "ขอบใจหนูมากที่ช่วยชายภาส" - 20/11/11 - 14.07
เริ่มหัวข้อโดย: miniminiXD ที่ 01-12-2011 10:51:02
เพิ่งอ่าน คุณชาย1 จบ
ตามมาอ่าน ภาค2 ค่ะ  o13
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 42 "ขอบใจหนูมากที่ช่วยชายภาส" - 20/11/11 - 14.07
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 03-12-2011 21:56:36
หายไปน๊านเรยยย
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 42 "ขอบใจหนูมากที่ช่วยชายภาส" - 20/11/11 - 14.07
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 23-12-2011 23:08:15
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 42 "ขอบใจหนูมากที่ช่วยชายภาส" - 20/11/11 - 14.07
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 25-12-2011 20:31:30
คุณชายยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 42 "ขอบใจหนูมากที่ช่วยชายภาส" - 20/11/11 - 14.07
เริ่มหัวข้อโดย: jeaby@_@ ที่ 25-12-2011 21:09:10
Miss
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 42 "ขอบใจหนูมากที่ช่วยชายภาส" - 20/11/11 - 14.07
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 27-01-2012 23:19:01
 :call: :call: :call:

หายไปนานมากกอ่าาา
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 42 "ขอบใจหนูมากที่ช่วยชายภาส" - 20/11/11 - 14.07
เริ่มหัวข้อโดย: Peppermint ที่ 27-01-2012 23:25:46
คุณชายเจ้าค่า ท่านไปไหนน อยากอ่านค่า
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 42 "ขอบใจหนูมากที่ช่วยชายภาส" - 20/11/11 - 14.07
เริ่มหัวข้อโดย: pure_ka ที่ 05-02-2012 12:12:32
ไปเติมน้ำจิ้มนานแล้วนะค่ะ  ป่านนี้กุ้งหอย ปูปลา บนโต๊ะ แห้งหมดแล้วมั้ง
กลับมาต่อเถอะค่ะ  คิดถึง ^^
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 42 "ขอบใจหนูมากที่ช่วยชายภาส" - 20/11/11 - 14.07
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 06-02-2012 03:45:54
คิดถึงคุณชายค่ะ
คนเขียนด้วย ><
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 42 "ขอบใจหนูมากที่ช่วยชายภาส" - 20/11/11 - 14.07
เริ่มหัวข้อโดย: ~!!Ome!!~ ที่ 07-04-2012 14:06:06
คิดถึงคนเขียน คุณชาย และนทีมากกกกกก~ มาต่อไวๆนะค้าบบบบบ ^ ^
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 42 "ขอบใจหนูมากที่ช่วยชายภาส" - 20/11/11 - 14.07
เริ่มหัวข้อโดย: puu142 ที่ 07-04-2012 18:59:47
        หายไปไหน............นานมากครับ

                                                                             คิดถึง.................อยากอ่านแล้ว
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 42 "ขอบใจหนูมากที่ช่วยชายภาส" - 20/11/11 - 14.07
เริ่มหัวข้อโดย: «ƤȑǃǹĉΞḠ○ḺҒ™» ที่ 20-04-2012 13:10:00
คิดถึงคุณชายแล้ว
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 42 "ขอบใจหนูมากที่ช่วยชายภาส" - 20/11/11 - 14.07
เริ่มหัวข้อโดย: สายลม ที่ 29-04-2012 23:30:30
คุณฟ้าม่วงค่ะ  อย่าทิ้งเื่รื่องนี้น้าาาาาาาาาาาาาาาา

หนูรออยู่  :serius2:
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 42 "ขอบใจหนูมากที่ช่วยชายภาส" - 20/11/11 - 14.07
เริ่มหัวข้อโดย: pure_ka ที่ 01-05-2012 20:38:10
หายไปไหนนานจังเลยคะ่ คุณชาย  คิดถึงน้า...าาา
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 42 "ขอบใจหนูมากที่ช่วยชายภาส" - 20/11/11 - 14.07
เริ่มหัวข้อโดย: Homepage ที่ 11-08-2012 09:40:58
ตามอ่านต่อจากภาค 1 ครับผม อิอิ
ตอนแรกกะจะยังไม่อ่านกะจะรอให้พี่คนเขียนต่อเยอะ ๆ ก่อนค่อยอ่าน เพราะกลัวจะขาดตอน >,,<" แต่ก็รอตั้งแต่ก่อนไปต่างประเทศแล้วกลับมาก็ยังไม่มาเพิ่ม ก็เลยอ่านก่อนเลยครับเพราะกลัวอดใจไม่ไหว อิอิ
ผมชอบภาษากับสำนวนที่พี่ใช้มากเลยครับ ^ ^ จะตามอ่านต่อไปเรื่อย ๆ ช่วงนี้ก็มาให้กำลังใจพี่คนเขียน
มาต่อตอนต่อไปไว ๆ นะครับผม (:
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 42 "ขอบใจหนูมากที่ช่วยชายภาส" - 20/11/11 - 14.07
เริ่มหัวข้อโดย: Windyne ที่ 20-09-2012 11:41:38
ค้างงงงงง มาต่อไว ๆ นะคะ ^^
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 42 "ขอบใจหนูมากที่ช่วยชายภาส" - 20/11/11 - 14.07
เริ่มหัวข้อโดย: Saku Saku ที่ 03-10-2012 23:53:04
ตามมาจากปางบรรพ์ครับ (ช่วยไปติดตามคอมเมนต์ด้วยครับ) คือที่บอกว่าจะแต่งนิยายแนวย้อนยุคอีกอะครับ
เป็นเรื่องอะไรเหรอครับ อยากอ่านแนวนั้นอีกมาก รู้สึกว่ามันคลาสสิกดี สภาพสังคมสมัยนั้นมันทำให้ความรักของคนสองคนดูยิ่งใหญ่
อยากติดตามมากครับ ไม่ทราบว่าจะถามผู้เขียนได้จากไหน เลยตามมาที่เรื่องนี้ครับ (แต่ผมยังไม่อ่านเรื่องนี้เลยนะครับ)
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 42 "ขอบใจหนูมากที่ช่วยชายภาส" - 20/11/11 - 14.07
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 06-10-2012 22:31:02
คิดถึงเรื่องนี้มาก โหวตเซ็งเป็ดให้นะคะ ยังรอวันที่จะกลับมาแต่งต่อ :'(
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 42 "ขอบใจหนูมากที่ช่วยชายภาส" - 20/11/11 - 14.07
เริ่มหัวข้อโดย: honeystar ที่ 06-10-2012 22:43:20
ยังรอเรื่องนี้อยู่นะคะ ;___; ตามอ่านภาค 1 ตั้งแต่ยังไม่ได้สมัคสมาชิกเล้า
ยังไงก็จะรออยู่น้าค่า ♥
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 42 "ขอบใจหนูมากที่ช่วยชายภาส" - 20/11/11 - 14.07
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 23-10-2012 21:56:07
สวัสดีครับ

ผมหายตัวไปนานเลย คิดถึงกันไหมครับ?
อยากสำรวจว่ายังมีคนอยากอ่านเรื่องนี้อีกไหมครับ?
สาเหตุที่หายไปเลยก็เพราะชีวิตมีปัญหาเบาๆครับ
แล้วต้นฉบับเดิมที่แต่งไว้เยอะแล้วก็หายไปด้วย
จะแต่งใหม่ก็ท้อๆน่ะครับ เลยกะว่าจะไม่ต่อแล้ว
แต่เมื่อคืนฝันถึงคุณชาย (น่ากลัวมาก) ก็เลยคิดว่าเขาคงอยากรู้ว่าชีวิตเขาจะจบยังไง?
คุณผู้อ่านยังอยากติดตามเรื่องราวของคุณชายและนทีไหมครับ?
ถ้ามีจำนวนหนึ่งผมจะเข้ามาต่อให้จนจบครับ^^

ขอบคุณทุกคนที่ยังรักกันครับผม
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : 23/10/12 - 21.55 คิดถึงคุณชายกับนทีไหมครับ? . . . :)
เริ่มหัวข้อโดย: jeaby@_@ ที่ 23-10-2012 22:01:37
รอเสมอ
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : 23/10/12 - 21.55 คิดถึงคุณชายกับนทีไหมครับ? . . . :)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 23-10-2012 22:07:13
คิดถึงทางสามสายด้วยนะ  รอค่ะ
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : 23/10/12 - 21.55 คิดถึงคุณชายกับนทีไหมครับ? . . . :)
เริ่มหัวข้อโดย: honeystar ที่ 23-10-2012 22:09:26
ยังรออยู่เสมอค่ะ กลับมาต่อนะคะ อยากอ่านเเล้วค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ
รอค่าา~
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : 23/10/12 - 21.55 คิดถึงคุณชายกับนทีไหมครับ? . . . :)
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 23-10-2012 22:14:37
เป็นกำลังใจ รออ่านครับ
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : 23/10/12 - 21.55 คิดถึงคุณชายกับนทีไหมครับ? . . . :)
เริ่มหัวข้อโดย: vocaloid ที่ 23-10-2012 22:15:26
ยังรออยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : 23/10/12 - 21.55 คิดถึงคุณชายกับนทีไหมครับ? . . . :)
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 23-10-2012 22:20:36
คิดถึงคุณชายกับนทีมากกกกกกกก
แงๆๆๆ อยากอ่านๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : 23/10/12 - 21.55 คิดถึงคุณชายกับนทีไหมครับ? . . . :)
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 24-10-2012 10:48:19
แอบตกใจ

มาต่อเอะนะคะ
อยากอ่านต่อมากเลย
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : 23/10/12 - 21.55 คิดถึงคุณชายกับนทีไหมครับ? . . . :)
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 24-10-2012 12:19:40
คิดถึงค่ะ ถ้าคุณฟ้าม่วงมาต่อ จะดีใจมากๆ เลยค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : 23/10/12 - 21.55 คิดถึงคุณชายกับนทีไหมครับ? . . . :)
เริ่มหัวข้อโดย: DORAE_Mon ที่ 24-10-2012 15:20:56
ยังรักและคิดถึงผู้แต่งอยู่นะคร๊าบบบบบ  เฝ้าติดตามมาตั้งแต่ภาคเเรก จนมาภาคสอง
อยากให้แต่งจนจบอะครับ  มันจะค้างคาใจ อารมณ์ประมาณว่า ดูแรงเงา แล้วเกิดไฟดับ ประมาณนั้น  ยังไงก็เป็นกำลังใจให้ผู้แต่ง มาแต่งต่อให้จบนะครับ 
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : 23/10/12 - 21.55 คิดถึงคุณชายกับนทีไหมครับ? . . . :)
เริ่มหัวข้อโดย: khuan ที่ 24-10-2012 15:25:57
ยังรออยู่จ๊ะ......คิดถึงน้องนที :กอด1:
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : 23/10/12 - 21.55 คิดถึงคุณชายกับนทีไหมครับ? . . . :)
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 24-10-2012 16:31:45
กรี๊ดด ดีใจล่วงหน้า
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : 23/10/12 - 21.55 คิดถึงคุณชายกับนทีไหมครับ? . . . :)
เริ่มหัวข้อโดย: nakahiro ที่ 24-10-2012 17:33:15
มาต่อเถอะนะคะ มันค้างอย่างแรง อยากอ่านต่อมากๆ
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : 23/10/12 - 21.55 คิดถึงคุณชายกับนทีไหมครับ? . . . :)
เริ่มหัวข้อโดย: Windyne ที่ 24-10-2012 17:40:47
รอค่า ^^
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : 23/10/12 - 21.55 คิดถึงคุณชายกับนทีไหมครับ? . . . :)
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 04-11-2012 00:37:05
 
43


    นทีกำลังตักต้มยำกุ้งน้ำข้นใส่ถ้วยอยู่ ตอนที่ภาสกรตามเขาเข้าไปถึงในครัว หนุ่มน้อยได้ยินเสียงฝีเท้าก็หันหน้ามาพบกับคุณชายพอดี พอเห็นใบหน้าที่เรียบเฉย ออกจะอมยิ้มด้วยแล้วภาสกรก็อดประหลาดใจไม่ได้
    “คุณชายหวังจะเห็นผมร้องไห้ขี้มูกโป่งเข้ามาหลบในนี้ใช่ไหมล่ะ” เขาถามอย่างไม่อ้อมค้อมน้ำเสียงขี้เล่นอย่างเด็กๆ ยิ่งตัดผมทรงนี้ ภาสกรรู้สึกไม่ต่างกับว่าเขาได้มายืนคุยอยู่กับเด็กน้อยชั้นมัธยมต้นเลย
    “ก็ไม่รู้ซี ปกติคุณพูดถึงพ่อแม่ก็จะคิดถึงแล้วก็ร้องไห้ทุกทีนี่นา”
    นทีมองหน้าภาสกรยิ้มๆ ก่อนจะบอกว่า
    “ผมหนีเข้ามาก็เพราะขืนนั่งอยู่ต่อไป หม่อมแม่คุณซักหนักเข้าความจะแตกเอาสิว่าผมมานอนอยู่นี่”
    “อ๋อ กลัวแม่รู้ว่ามานอนกอดลูกชายเขาทุกคืนซีนะ” ภาสกรพูดกระเซ้า แล้วก็เห็นว่านทีทำหน้าเง้าใส่ ก็เลยเดินเข้าไปใกล้อีกนิด “อีกหน่อยก็ต้องรู้ ทำให้พวกท่านรักคุณให้ได้มากๆก่อน ถึงเวลาผมบอกจะได้ไม่ค้านมาก”
    “คุณชาย...” นทีเดินหนีออกมาเล็กน้อยไม่อยากให้ใครมาเห็นว่าชายหนุ่มมาอยู่ใกล้เขามากเกินไป “คนมันจะไม่ยอมรับ อย่างไรเสียก็ไม่ยอมรับ ถ้าท่านพ่อของคุณชายไม่พอหทัยขึ้นมา ทำอย่างไรเราจะไปฝืนหทัยท่านได้เล่าครับยิ่งทรงเป็นโรคหทัยยิ่งแย่เกิดรู้ความจริงแล้วทรงรับไม่ได้ ประชวรหนักขึ้นมาจะแย่”
    เงียบกันไปพักหนึ่งนทีก็พูดอย่างร้อนใจว่า “ผมเห็นคุณหมอมิ่งเมือง เหลือบมองผมหลายครั้งแล้ว... สงสัยเขาจะจำผมได้นะคุณชาย”
    “เอาน่า... เราอย่าเพิ่งคุยเรื่องนี้กันตอนนี้เลยนะ เข้ามานานกันเกินไปแล้วเดี๋ยวเขาจะผิดสังเกต” ภาสกรกระซิบ “เรื่องอาหมอ ผมว่าถ้าท่านพ่อไม่ระแคะระคายไม่ถาม เขาคงไม่พูดขึ้นมาเองหรอก เขาเป็นหมอเขารู้ว่าไม่ควรทำให้ท่านพ่อทรงเครียด ส่วนเรื่องท่านพ่อ ถ้าท่านไม่ทรงบังคับผมแต่งงาน เราก็ไม่จำเป็นต้องทูลความจริงท่านเร็วๆนี้เสียหน่อย”
    “ผมมีลางอย่างไรชอบกลครับคุณชายว่าท่านจะรับสั่งเรื่องนี้เร็วๆนี้”
    ขาดคำ นทีก็เดินนำภาสกรกลับไปยังโต๊ะอาหาร ชายหนุ่มนั่งลงแล้วมองอย่างหวาดๆไปที่ท่านชายเรืองเดช แต่ก็เห็นว่ายังคงเสวยกระยาหารอยู่เหมือนเดิมไม่ได้รับสั่งอะไรกับใครเป็นพิเศษจึงวางใจกินกุ้งเผาต่อไปโดยไม่ลืมที่จะตักโน่นตักนี่ให้ดาริกาบ้าง ให้นทีบ้าง เหลือบไปเห็นทิฆัมพรนั่งทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ตรงกลางระหว่างหม่อมแม่และนทีก็อดไม่ได้ที่จะพูดทักว่า
    “ทิฆัมพร อาหารไม่อร่อยหรือนั่งหน้าบึ้งเชียว”
    หล่อนหันมามองภาสกรอย่างตัดพ้อแล้วก็พูดว่า
    “ฟ้าไม่ชอบทานอาหารทะเลค่ะ ไม่ชอบแกะเปลือกแกะกระดอง มันเหมือนเรากำลังชำแหละศพควักเนื้อเขามากิน” ตอนแรกก็แค่คิดอยู่ในหัวเพราะไม่พอใจที่เห็นภาสกรแกะกุ้งให้กับดาริกา แต่พอหลุดปากไปแล้วก็รู้ตัวว่าทำไม่ควรเสียแล้ว จะพูดแก้เก้อก็สายไปเลยนั่งเงียบเฉยๆอย่างเสียหน้า ท่านชายเรืองเดชทอดเนตรทรงจ้องทิฆัมพรอย่างตำหนิ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาหันมารับสั่งกับ
ดาริกาแทน
    “คุณหญิงดาริกา ท่านเกรียงศักดิ์สบายดีหรือ”
    “เพคะ” หล่อนตอบอย่างอ่อนหวาน “ยังรับสั่งกับหม่อมฉันอยู่บ่อยๆว่ามีพระประสงค์เสด็จเยี่ยมท่านชายเรืองเดชอยู่เพคะ แต่ไม่ค่อยสบายองค์ไม่ทราบว่าประชวรเป็นโรคอะไร”
    “เอ แล้วไม่ไปโรงพยาบาลหรือ”
    “ท่านพ่อไม่โปรดเสด็จไปโรงพยาบาลเพคะ เคยรับสั่งว่าถ้าไม่ประชวรหนักจริงๆก็จะไม่เสด็จเข้าโรงพยาบาลเด็ดขาด ถ้าประชวรเล็กๆน้อยๆแล้วเพียงเข้าไปตรวจพระองค์อย่างนั้น ท่านพ่อไม่โปรดเพคะ”
    “ถ้าอย่างนั้น ส่งมิ่งเมืองไปตรวจอาการหน่อยไหมเล่า”
    “ครับ ถ้าท่านชายเกรียงศักดิ์ไม่ชอบเสด็จไปโรงพยาบาลก็ให้ผมไปวินิจฉัยพระอาการถึงที่วังได้ครับ”
    “จะดีหรือคะเกรงใจคุณหมอค่ะเห็นคุณชายเคยบอกว่างานเยอะ”
    “ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ เอาอย่างนี้ นี่นามบัตรของผมมีอะไรก็โทรศัพท์มาหาได้ครับ ถ้าจะให้ไปถึงวังของท่านชายเกรียงศักดิ์แล้วละก็นัดวันเวลาแล้วก็ให้ที่อยู่ผมได้เลยจะไปตรวจให้ถึงวังครับ”
    “ขอบคุณค่ะ” ดาริกาไหว้อย่างอ่อนช้อย แล้วรบนามบัตรจากมือของมิ่งเมืองไป ท่าทางทุกอิริยาบถของคุณหญิงสาวอยู่ในสายเนตรของท่านชายเรืองเดชหมดแล้ว ท่านพยักพักตร์ด้วยความพอใจ หญิงสาวคนนี้เห็นทีจะเรียบร้อยอ่อนหวาน ชาติตระกูลก็สูงส่งเหมาะกับภาสกรกว่าแม่ดาราสาวนี่เป็นไหนๆ

    งานเลี้ยงวันเกิดของภาสกรจบลงหลังจากนทีทำเซอร์ไพรส์ให้นมอุ่นยกเค้กออกมาให้ภาสกรเป่า แล้วตัดแบ่งไป ท่านชายเรืองเดช หม่อมวิไลวรรณ และมิ่งเมืองปฏิเสธไม่รับเค้กเพราะกลัวว่าคลอเรสเตอรอลจะขึ้น จึงกลายเป็นว่ากินเค้กกันอยู่สี่ห้าคนเท่านั้น นั่งคุยกันอยู่นาน นายแพทย์มิ่งเมืองก็ลากลับเป็นคนแรก ภาสกรเห็นสีหน้าของ อาหมอของเขาแล้วก็รู้ว่ามิ่งเมืองมีเรื่องจะคุยกับตนเป็นแน่ จึงเดินตามไปส่งถึงลานจอดรถหน้าบ้าน
    ทันทีที่พ้นเขตบ้าน ปลอดหูปลอดตาใครจะมาได้ยินแล้วมิ่งเมืองก็เอ่ยว่า
    “นายนทีนี่คนเดียวกันกับที่คุณชายขับรถชนแน่อาจำไม่ผิดหรอก” เขาว่าเสียงเรียบจนภาสกรเริ่มรู้สึกหนาวๆร้อนๆ “คุณชายยังติดต่อกับเขาอยู่อีกทำไม”
    “ชาย... ชายถูกใจเขาครับอาหมอ” เขาตอบอย่างเป็นกลางที่สุด ไม่โกหกแต่ก็ไม่พูดความจริงทั้งหมด “พอไปเยี่ยม ไปดูแลที่โรงพยาบาลบ่อยเข้าก็ถูกอัธยาศัย นิสัยใจคอเขาดีมากเลยนะครับอา ไม่ได้คิดจะมาหลอกหรืออะไรผมอย่างที่ใครหลายๆคนคิดเลยนะครับ”
    “เอาเถอะ อาไม่ห้ามหรอกคนเราจะคบกันก็เลือกที่นิสัยใจคอ ใช่เลือกยศฐาบรรดาศักดิ์ แล้วนี่เขาไม่มีญาติพี่น้องน่ะ เขาอยู่กับใครอยู่คนเดียวอย่างที่บอกแน่หรือ ชายส่งเสียเลี้ยงดูเขาหรือเปล่า”
    ภาสกรอึ้ง ถึงกับน้ำท่วมปากพูดไม่ออกบอกไม่ถูกเพราะที่มิ่งเมืองถามมานั้น ไม่รู้จะตอบได้อย่างไรนอกจากจะยอมรับว่าจริงทั้งหมด!
    “อาจะบอกให้นะชายภาส ถึงคุณชายจะเคยยอมรับกับอาแล้วทุกอย่างว่าเสียใจ รู้สึกผิดอย่างนั้นอย่างนี้ แต่มาวันนี้เขาหายดีแล้ว ก็น่าจะแยกกันไปได้แล้วไม่ควรจะคอยเลี้ยงดูปูเสื่อเขา ญาติเราก็ไม่ใช่”
    “ชายบอกคุณอาแล้ว” ภาสกรเถียงขึ้น “ว่าเราสองคนเป็นเพื่อนกันครับ ชายไม่ได้ไปเลี้ยงดูปูเสื่ออะไรเขา แล้วเขาก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรจากชายด้วย”
    “เขาไม่ได้เรียกร้องก็ดี” มิ่งเมืองว่า ทำท่าจะขึ้นรถไปในที่สุด “อาก็กลัวแต่ว่าชายภาสจะโดนเขาเอาเปรียบเท่านั้น ถ้าไม่มีอะไรก็ดีแล้วล่ะ”
     มิ่งเมืองขึ้นรถ สตาร์ทเครื่องกำลังจะออกไปแล้วก็ไขกระจกลงพูดกับภาสกรเป็นประโยคสุดท้ายก่อนจะออกไปจากวังพัทยา “ท่านชายเรืองเดชมารับสั่งกับอา ว่าโปรดให้ชายแต่งงานได้แล้ว วันนี้ก็อายุครบสามสิบพอดีแล้วคิดเรื่องอนาคตบ้างนะคุณชาย แม่ทิฆัมพรนั่นอาว่าไม่ไหวก็จริง แต่ถ้าเป็นความต้องการของหม่อมวิไลวรรณคุณชายก็คงจะเลี่ยงไม่ได้ นอกเสียจากว่า...”
    ภาสกรจำคำนั้นได้ขึ้นใจ
    “...คุณชายจะเลือกใครที่ดีกว่า ซึ่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลเลย”

    หม่อมราชวงศ์ดาริกา สุวรรณฉาย ล่ะสิไม่ใช่ใคร คุณชายหนุ่มนึกในใจขณะหมุนตัวกลับมาเตรียมพร้อมจะขึ้นบ้านก็เห็นว่าทิฆัมพรกำลังเดินออกจากบ้านมาพอดี คุณชายหนุ่มเห็นว่าหล่อนไม่ได้พยายามเข้ามาคลอเคลียเหมือนก่อน เพราะกำลังไม่พอใจอะไรอยู่ก็เลยถือเป็นโชคดี เอ่ยขึ้นด้วยเสียงเป็นการเป็นงานว่า
    “กลับแล้วหรือทิฆัมพร”
    “ค่ะ” หล่อนตอบสั้นๆ แล้วก็เดินผ่านตัวคุณชายหนุ่มไป เหมือนจะตรงไปขึ้นรถแล้วกลับออกไปเดี๋ยวนั้น แต่แล้วหล่อนก็หันกลับมาเอ่ยถามขึ้นในความเงียบนั้น “คุณชายคะ ฟ้าถามจริงๆคุณชายเคยรักฟ้าบ้างไหมคะ”
    ภาสกรถอนใจ
    “เป็นอะไรอีกทิฆัมพร”
    “ก็วันนี้พี่ชายพูดคุยปรนนิบัติทุกคนอย่างดี แม้แต่นายนทีนั่นพี่ชายก็คอยเอาใจสารพัด แต่พี่ชายกลับไม่พูดอะไรกับฟ้าสักคำ แล้วก็ยังไม่ดูแล ไม่สนใจฟ้าบ้างเลยด้วย” หล่อนพูดเสียงเบาอย่างกับว่าไม่ใช่เสียงหล่อน ปกติทิฆัมพรจะตวาดแว้ดใส่ภาสกรทุกครั้ง มีครั้งนี้เองที่หล่อนดูเหมือนจะเสียงใจเอาจริงๆ
    “เธอก็รู้ว่าพี่ไม่ได้รักเธอนี่ ทิฆัมพร”
    “พี่ชายรักยายคุณหญิงนั่นใช่ไหมคะ ฟ้ามันต้อยต่ำ ไม่ได้เป็นเจ้าเป็นนายสมกันกับคุณชายนี่ใช่ไหมคะ” หล่อนตัดพ้อ วันนี้เป็นวันที่หล่อนรู้สึกแพ้อย่างราบคาบจริงๆ ตั้งแต่ภาสกรกลับจากอังกฤษมา แล้วหล่อนก็พยายามเกาะแกะ เอาใจให้ได้แต่งงานกับเขา รู้ก็รู้ว่าเขาไม่เคยมีใจ จะพาไปส่งที่ไหน พาไปกินอะไรก็ทำเพราะจำใจ หาได้มีใจพิศวาสหล่อนไม่ แต่หล่อนก็ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองโดนเขี่ยทิ้งเท่าวันนี้เลย
    แม้แต่ท่านชายเรืองเดช และหม่อมวิไลวรรณเองก็ไม่สนใจไยดีหล่อน ที่โต๊ะอาหารก็ชวนคุยกันแต่กับดาริกา ไม่มีใครคิดจะพูดคุยกับหล่อนเลยแม้แต่น้อย
    “ทิฆัมพร พี่กับคุณหญิงเราเป็นเพื่อนกัน ไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้น เธอก็รู้ว่าพี่ไม่เคยคบกับใครที่ฐานันดรศักดิ์ หรือฐานะใดๆทางสังคมอยู่แล้ว พี่ถูกใจ พอใจใครพี่ก็คบคนนั้น เธอกับพี่แตกต่างกันเกิดไป พี่เข้ากับเธอไม่ได้เธอก็รู้ เราเคยอยู่ด้วยกันแล้วมีความสุขสักวันหรือทิฆัมพร ถ้าเธอไม่ชวนทะเลาะ เธอก็เอาแต่ใจคอยบังคับพี่ทุกอย่าง พี่ว่าเราคุยกันรู้เรื่องแล้วนะว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พี่ก็ไม่แต่งงานกับเธอ ต่อให้เธอเป็นหม่อมเจ้า หม่อมราชวงศ์ หรือเป็นเจ้าหญิงจากดินแดนไหนถ้าพี่ไม่รัก พี่ก็ไม่แต่ง”
    “ค่ะ” หล่อนรับ ไม่มีน้ำตาอย่างผู้หญิงคนอื่นๆ อาจเพราะความโกรธมันมากกว่าความเสียใจกระมัง หล่อนถึงไม่แม้แต่จะมีน้ำตาคอเบ้า “งั้นพี่ชายตอบคำถามฟ้าอีกคำเดียว พี่ชายกับนายนทีอะไรนั่นคบกันอยู่ใช่ไหม พี่ชายเป็นเกย์ใช่ไหมคะ!”
    เงียบ ภาสกรไม่ตอบอะไรสักคำ
    “อ้อ มิน่าเล่า มิน่าถึงเชียร์กันออกนอกหน้า ตอนที่ฟ้ากำจัดนายคนที่ถูกพี่ชายขับรถชนที่โรงพยาบาลนั่นก็ครั้งหนึ่งแล้ว สุดท้ายพี่ชายก็ไปตกเด็กหนุ่มๆมาอีกจนได้ ทำไมคะ เป็นผู้ชายดีๆไม่ชอบ ทำไมจะต้องมาทำตัววิปริต!”
    “ทิฆัมพร ระวังคำพูดของเธอบ้าง” ภาสกรว่าเสียงเรียบ “ขอให้เธอรู้ไว้ด้วยนะว่า พี่ไม่ได้เป็นเกย์... แล้วใช่พี่คบกับนทีอยู่อันที่จริงเธอก็รู้ หม่อมแม่ก็รู้ ท่านพ่อก็ทรงทราบ พี่ก็บอกทุกคนแล้วว่าพี่คบอยู่กับนที เราเป็นเพื่อนกันทิฆัมพร เข้าใจไหม”
    “ฟ้าไม่เชื่อ”
    “ตามใจเธอ พี่มีหน้าที่ชี้แจงกับเธอ พี่ก็ทำแล้ว แต่จะให้พี่ไปบังคับให้เธอมาเชื่อพี่อีก พี่เห็นจะไม่จำเป็นต้องทำกระมัง”
    ทิฆัมพรมองหน้าภาสกรอย่างเย็นชาที่สุด หล่อนไม่เชื่อสักคำว่าภาสกรกับนทีไม่มีอะไรกับ หล่อนรู้สึกระแวงตั้งแต่เห็นหน้านทีแล้วว่า ภาสกรกับนทีจะต้องเป็นคู่เกย์กันแน่ ยิ่งอีริคกิ๊กหล่อนเคยบอกด้วยว่าคุณชายเคยทำหวานเยิ้มกับไอ้เด็กที่ถูกรถชน หล่อนยิ่งฝังใจว่าภาสกรเป็นพวกรักร่วมเพศ
    หล่อนเคยกำจัดไอ้เด็กนั่นไปแล้ว ไม่คิดเลยว่าสุดท้ายภาสกรจะไปเร่หาเด็กหนุ่มๆ มาเลี้ยงอีก หล่อนอยากจะกรี๊ดใส่หน้าเขาเหลือเกินแต่ก็กลัวท่านชายเรืองเดชจะทรงทราบ เกิดมาเห็นเข้าหล่อนจะเป็นฝ่ายเสีย หล่อนจึงพูดทิ้งท้ายเอาไว้แต่ว่า
    “ช่างเถอะค่ะ พี่ชายจะเป็นอะไรกับนายนั่นก็แล้วแต่ พี่ชายตักตวงความสุขไปเถอะ เพราะท่านชายเพิ่งคุยกับฟ้าเมื่อตอนเดินทางจากกรุงเทพมาพัทยานี่เองว่ายังไงท่านก็ต้องให้พี่ชายแต่งกับฟ้าก่อนท่านสิ้นชีพิตักษัยแน่ ทีนี้รักหรือไม่รัก พี่ชายก็ต้องแต่งงานกับฟ้าค่ะ”
    ทิฆัมพรขับรถออกไปแล้ว เขาจึงถอนใจอีกครั้ง แล่วเดินใจลอยเปิดประตูกลับเข้ามาถึงด้านในก็รู้สึกไม่สบายใจเลย ถ้าท่านชายเรืองเดชคุยกับทิฆัมพรแล้วก็เท่ากับว่าท่านชายมั่นใจแล้วว่าอยากให้เขาแต่งงานจริงๆ ไม่ใช่แค่พูดไปอย่างนั้นตามประสาพ่อ คงคิดอยากให้เขาเริ่มสร้างครอบครัวของตัวเองเข้าแล้วจริงๆ
    เขาเคยได้ยินมาตั้งแต่ไหนแต่ไรว่า ท่านพ่อและหม่อมแม่ของเขาหมายมั่นจะให้ทิฆัมพรมาเป็นภรรยาเขาให้ได้ แต่ไม่ได้คิดเป็นจริงเป็นจังว่าท่านพ่อและหม่อมแม่จะคิดบังคับจิตใจเขา
    ถึงวันนี้ท่านพ่อจะยังไม่ได้รับสั่งออกมาตรงๆว่าเขาจะต้องแต่งกับทิหัมพรวันไหนก็เถอะ แต่ถ้าเริ่มเอาเรื่องไปพูดกับคนที่จะต้องเป็นเจ้าสาวแล้วก็แสดงว่าเริ่มมีความตั้งใจขึ้นมาบ้างแล้ว แล้วนี่เขาจะทำอย่างไรดี
    ทันทีที่เดินกลับขึ้นมาในบริเวณบ้าน เขาก็เห็นนทีนั่งคุยอยู่กับดาริกา และ
นรัตพล ท่านพ่อและหม่อมแม่ของเขาหายไปแล้วก็คงจะขึ้นไปพักผ่อนที่ชั้นบนแล้วกระมัง ภาสกรเห็นนทียิ้มข้ามห้องมาก็รู้สึกสบายใจขึ้น หากท่านพ่อยังไม่รับสั่งเรื่องแต่งงานตอนนี้ เขาก็ยังไม่อยากตีตนไปก่อนไข้
    ไว้เป็นไข้ขึ้นมาจริงๆค่อยหายากินคงพอจะหายได้อยู่บ้าง
    “นที” เขาว่า นั่งลงข้างๆหนุ่มน้อยรวบเอามือมากุมไว้ “ท่านพ่อ กับหม่อมแม่ไปนอนแล้วหรือ”
    “ครับ นี่ยังถามผมด้วยว่าจะกลับไปนอนที่ไหน ถ้าไม่อยากไปก็ให้ค้างเสียที่นี่” เขาเล่าให้ภาสกรฟัง สีหน้าดูมีสุขอย่างคนที่ภูมิใจในตัวเองว่ามีผู้ใหญ่รักใคร่
    “ผมบอกคุณแล้ว น่ารักอย่างคุณ ยังไงเสียท่านพ่อกับหม่อมแม่ผมก็ต้องรักคุณด้วย แล้วผมพูดผิดไหมเล่า”
    นรัตถพลและดาริกายิ้มให้ทั้งคู่
    “ที่ผมช็อกก็คือ น้องนทีทำอาหารเก่งเหลือเกิน” หม่อมราชวงศ์คนพี่ว่า “ระวังนะครับคุณชายภาส ถ้ารักษาไว้ไม่ดีระวังผมแย่งนะ”
    ทั้งสี่หัวเราะอย่างอารมณ์ดี แล้วดาริกาก็เอ่ยว่า
    “หญิงมีของขวัญให้คุณชายด้วยนะคะ ให้น้องนทีไปแล้วสงสัยจะทำเซอร์ไพรส์คุณชายทีหลังมั้งคะ” หล่อนยิ้มกว้างอย่างใจดี ภาสกรก็หันไปทำหน้าขอคำตอบจากหนุ่มน้อย แต่อีกฝ่ายกลับยักใหล่เหมือนจะบอกว่าไม่มีอะไรอย่างนั้น
    “เดี๋ยวเถอะคุณจะฮุบของขวัญผมไว้กับตัวคนเดียวหรือ”
    “เอาไว้ก็เท่านั้นแหละครับคุณชาย” นรัตถพลหัวเราะ “ผมกับน้องหญิงช่วยกันทำทั้งวันเลย จริงๆให้คุณชายก็เหมือนให้นที ยังไงก็เหมือนกันอยู่แล้ว”
    ภาสกรยิ่งงงหนักเข้าไปใหญ่ แต่พอดีนทีขยับตัวอย่างไรไม่รู้ ขากางเกงดันเลิกขึ้นทำให้ดาริกาสังเกตเห็นผ้ากอซแปะเอาไว้ ยังเห็นเลือดอยู่เป็นดวงแดงๆตรงกลางผ้าอยู่เลยจึงเอ่ยถามว่า “อุ๊ย เข่าน้องน้ำเป็นอะไรคะ ไปโดนอะไรมา”
    ภาสกรกับนทีมองหน้ากันแล้วภาสกรก็เป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน
    “จริงๆผมคิดว่าจะหาเวลาไปคุยกับคุณชาย และคุณหญิงวันอื่น แต่ไหนๆก็ถามมาแล้วผมเล่าเลยก็แล้วกัน แต่เตือนว่าเรื่องนี้ค่อนข้างจะซีเรียสหน่อย ใครเอากาแฟไหมครับ” ถามเสร็จนทีก็เลยต้องเดินไปชงกาแฟมาถึงสี่แก้วทีเดียว
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : 4/11/12 - 00.40 ความลับแตก!!!
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 04-11-2012 00:40:18
ผมตัดสินใจมาโพสให้จบนะครับ แต่อาจจะมาโพสได้ไม่บ่อยเท่าแต่ก่อน ตอนนี้งานผมเยอะมากจริงๆครับ
ยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะครับ ช่วยกันดันหน่อยนะ คนเขียนต้องการกำลังใจ 5555 :)
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : 4/11/12 - 00.40 ความลับแตก!!!
เริ่มหัวข้อโดย: jiw ที่ 04-11-2012 00:53:39
สู้ๆๆๆๆๆๆๆค่ะเป็นกำลังใจให้
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : 4/11/12 - 00.40 ความลับแตก!!!
เริ่มหัวข้อโดย: Giniz ที่ 04-11-2012 01:25:18
งื้อออออออออออออออ น้ำตาจะไหล
แทบจะลงไปกราบคนเขียนแล้ว ขอบคุณมากนะคะที่มาต่อ  :sad4:
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : 4/11/12 - 00.40 ความลับแตก!!!
เริ่มหัวข้อโดย: honeystar ที่ 04-11-2012 09:10:07
น้ำตาแทบไหลเหมือนรีบน คนเขียนมาต่อเเล้ว ขอบคุณมากน้าค่าที่กลับมาต่อง่ะ T[]T
แค่มาต่อก็ดีใจเเล้วววววววว~ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : 4/11/12 - 00.40 ความลับแตก!!!
เริ่มหัวข้อโดย: praseat ที่ 04-11-2012 09:30:57
นึกๆในใจ...ว่าท่านลืมเรื่องนี้ไปซะแล้ว...
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : 4/11/12 - 00.40 ความลับแตก!!!
เริ่มหัวข้อโดย: vocaloid ที่ 04-11-2012 09:38:21
เป็นกำลังใจให้  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : 4/11/12 - 00.40 ความลับแตก!!!
เริ่มหัวข้อโดย: vavacoco ที่ 04-11-2012 09:58:09
ยังคิดถึงเสมอค่ะ   :impress3: ขอบคุณที่กลับมาต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : 4/11/12 - 00.40 ความลับแตก!!!
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 04-11-2012 11:48:30
ดีใจจัง ได้อ่านต่อ
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : 4/11/12 - 00.40 ความลับแตก!!!
เริ่มหัวข้อโดย: puu142 ที่ 04-11-2012 12:05:49

รอนานมากครับ...

                             ถึงอย่างไรก็จะรอและติดตามต่อไป
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : 4/11/12 - 00.40 ความลับแตก!!!
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 04-11-2012 13:25:43
ขอบคุณค่ะที่มาต่อ  เดี๋ยวขออ่านย้อนก่อน  เริ่มลืม ๆ ไปบ้างแล้ว
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : 4/11/12 - 00.40 ความลับแตก!!!
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 04-11-2012 14:15:26
 :sad4:

เหมือนจะมีเมฆฝนอันหม่นครึ้มอยู่ข้างหน้า เอาใจช่วยนทีกับคุณชายนะคะ
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : 4/11/12 - 00.40 ความลับแตก!!!
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 04-11-2012 17:17:29
นทีมาแล้ว ขอให้ผ่านอุปสรรคนี้ไปให้ได้นะ
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : 4/11/12 - 00.40 ความลับแตก!!!
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 05-11-2012 16:00:06
นี่จะให้คุณชายแต่งกับยัยคุณฟ้านั่นจริงๆหรอเนี่ย
โอยยย ไม่ไหวนะ สงสารคุณชายกับนที
แล้วยังเหมือนมีอริมาตามอีก ปัญหามากันติดๆเลย
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : 4/11/12 - 00.40 ความลับแตก!!!
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 05-11-2012 22:42:57
ดัน
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : 4/11/12 - 00.40 ความลับแตก!!!
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 05-11-2012 22:48:47
รอเสมอคะ เอาใจช่วยทั้ง คุณชาย นที และคนแต่ง
คนรู้มีทั้งสนับสนุนและ ไม่ ...
บวกหนึ่งคะ :z2:
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : 4/11/12 - 00.40 ความลับแตก!!!
เริ่มหัวข้อโดย: tonsak ที่ 06-11-2012 16:19:40
ผมได้เข้ามาอ่าน ปางบรรพ์ ตั้งแต่ต้นจนจบ แล้วมาอ่านต่อ คุณชาย 1 แล้วต่อคุณชาย 2 จนทันแล้วตอนนี้
ตอนแรกๆอยากจะเม้นต์เป็นกำลังใจให้ ฟ้าม่วง แต่คิดแล้วว่าอ่านให้ทันก่อนแล้วค่อยขอเป็นแฟนขลับเพื่อเม้นต์ใก้กำลังใจ
คุณฟ้าม่วงนี่สุดยอดนักเขียนเลยครับ เขียนได้ชวนอ่านแบบไม่น่าเบื่อเลย ผมชอบมากครับ กรุณาได้โปรดอย่าหายไปนะคับ ถึงจะยุ่งแค่ไหน นานเท่าไหร่เมื่อว่างก้อขอมาต่อด้วยนะครับ คุณได้ผมเป็นกำลังใจติดตามเพิ่มมาอีก 1 คนแล้วครับ
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : 4/11/12 - 00.40 ความลับแตก!!!
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 06-11-2012 22:03:49
ดีใจแบบไม่มีอะไรจะเอ่ยเลยค่ะ
ขอบคุณนะคะที่แต่งมาลงต่อ
ขอบคุณจริงๆ ค่ะ
บวกๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : 4/11/12 - 00.40 ความลับแตก!!!
เริ่มหัวข้อโดย: Homepage ที่ 28-11-2012 10:15:59
คิดถึงเรื่องนี้มากเลยครับ นึกว่าจะไม่มาต่อซะแล้วอีัก ขอบคุณที่กลับมาต่อครับ อิอิ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะครับ
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : 4/11/12 - 00.40 ความลับแตก!!!
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 29-11-2012 22:11:35
คุณชายยยย
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : 4/11/12 - 00.40 ความลับแตก!!!
เริ่มหัวข้อโดย: honeystar ที่ 29-11-2012 23:32:58
แวะมารอคุณชายค่ะ :)
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : 4/11/12 - 00.40 ความลับแตก!!!
เริ่มหัวข้อโดย: kasarus ที่ 09-12-2012 19:15:30
เหมือนภาคนี้อะไรๆ ก็เข้าข้างเป็นใจกับนทีไปหมด
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : 4/11/12 - 00.40 ความลับแตก!!!
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 10-12-2012 15:24:10
44


    กาแฟใส่นมสามแก้วตั้งอยู่บนโต๊ะกระจกในห้องนั่งเล่นนั้นเอง มีกาแฟดำอีกแก้วของภาสกรวางไว้ข้างกัน เจ้าของกาแฟดำกำลังเล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อเย็นวันนั้นให้ดาริกา และนรัตถพลฟังเท่าที่จะจำได้ ขณะนั้นเกือบสี่ทุ่มครึ่งแล้วภาสกรก็เล่าไปได้ถึงตอนที่โจรขโมยกระเป๋าดิ้นหลุดออกจากภาสกรแล้ววิ่งหนีไปพร้อมกับพูดว่า “กูไม่เอาด้วยแล้ว” พอดี
    ภาสกรเอ่ยคำที่ขโมยคนนั้นพูดทิ้งท้ายเอาไว้เป็นครั้งที่สองเพราะพอเล่าไปอย่างไม่ใส่ใจ ดาริกาก็ถามให้ช่วยพูดซ้ำอีกครั้ง
    “ทำไมหรือ คุณหญิงสงสัยอะไรหรือเปล่าครับ”
    “ค่ะ คุณชายไม่คิดว่ามันแปลกๆหรือคะ”
    “นั่นสิครับ ตอนแรกผมก็ว่าอย่างนั้น แต่ไม่ทันได้จับผิดอะไร เรื่องมันเกิดเร็วมากผมเลยมัวแต่ระวังอันตรายนที ไม่ทันได้คิดว่ามันพูดด้วยน้ำเสียงอย่างไร”
    “ให้เดาว่าเสียงกลัว กึ่งๆโกรธหรือเปล่าคะ”
    ภาสกรจิบกาแฟดำ ขมวดคิ้วแน่นแล้วก็พยักหน้า
    “ผมว่าใช่ เหมือนมันจะตะโกนแบบหงุดหงิดหน่อยน่ะครับ” ภาสกรพูดเสียงอ่อนๆไม่แน่ใจในความคิดของตัวเองนักใน เมื่อวันนั้นอะไรต่ออะไรมันเกิดขึ้นเร็วจนแทบจะตั้งสติไม่อยู่ “ผมไม่แน่ใจว่า ไม่เอาด้วยแล้วนี่หมายความว่ายังไงครับ ทำไมต้องใช้คำว่า “ด้วย” เหมือนมันไม่ได้เต็มใจจะฉกกระเป๋าแต่ต้องให้ความร่วมมือกับใครอย่างไม่เต็มใจอย่างนั้นล่ะครับ”
    “พี่ว่า ก็คงเป็นคนทิ่วิ่งชนหม่อมนั่นละ” นรัตพลออกความเห็น “คงร่วมมือกันเป็นแก๊งค์ อาจจะไม่ได้ไม่เต็มใจหรอกคงคิดว่าแค่ฉกกระเป๋า ไม่น่าจะต้องมาเจ็บตัวละมั้ง ถึงได้บอกว่าไม่เอาด้วยแล้ว”
    “หญิงเห็นด้วยค่ะ ฟังจากที่คุณชายเล่าหญิงว่าเพราะน้องฟ้าทิฆัมพรนั่นล่ะ เรียกคุณชายๆ เสียเสียงดังทีนี้มันคงรู้ว่าเป็นคนมีเงินเลยวางแผนกันให้คนหนึ่งชนหม่อมให้ล้ม กระเป๋าตก อีกคนก็คงเล็งไว้แล้ววิ่งมาฉกกระเป๋าไป กะให้เราลังเลว่าจะตามใครดี กว่าจะตัดสินใจได้ก็คงหายไปแล้ว”
    “แล้วน้องน้ำไปได้แผลมาอย่างไรล่ะครับเนี่ย”
    “ก็กำลังจะเล่าต่อไงครับว่า...” แล้วภาสกรก็เล่าเรื่องต่อจากนั้น ว่านทีตะโกนเรียกเขาอย่างไร กระโดดไปรวบกดเขาลงจากพื้นให้พ้นวิถีกระสุนอย่างไร ไปจนจบเรื่องราวทั้งหมดขึ้นรถกลับมา
    “แล้วได้ไปแจ้งความหรือเปล่าล่ะครับ”
    “เปล่าครับ ก็เห็นว่าไม่มีใครเป็นอะไรมาก แล้วเงินคุณแม่ก็ยังอยู่ครบด้วย อีกอย่าง ทิฆัมพรก็ไปด้วย เขาก็ไม่อยากขึ้นโรงพักก็เลยโวยวายจะกลับมาที่นี่ให้ได้”
    นทีจำได้ดีว่าพอเขาแนะนำให้ภาสกรแจ้งความ หญิงสาวปากแดงแจ๋ก็โวยวายขึ้นมาแทบจะทันที ราวกับว่าไม่ต้องคิดหน้าคิดหลังอะไรเลย
     “โอ๊ย จะไปแจ้งทำไมคะ ตำรวจไทยน่ะคดีเล็กๆอย่างไล่ตามหาคนฉกกระเป๋าอะไรเนี่ย เขาไม่ทำกันหรอกค่ะมันเสียเวลา เขาเอาเวลาไปปราบยาบ้า จับฆาตรกรโรคจิตอะไรกันหมดแล้วค่ะ แจ้งไปเราก็เสียชื่อเปล่าๆ เสียเวลาด้วย วันนี้วันเกิดคุณชายนะคะ กลับวังไปพักผ่อนดีกว่า... นะคะ น้าวิไลเชื่อฟ้าซีคะ คุณน้าก็อาการหนักด้วยเพิ่งฟื้นจากเป็นลม กลับวังไปนอนพักนะคะ ไปค่ะเชื่อฟ้า”
     “แต่มันไม่ใช่แค่ฉกกระเป๋านะครับ มันมีการยิงกันด้วย อย่างนี้พยายามฆ่าเลยนะครับ” นทีจำได้ว่าภาสกรเถียงไปอย่างนี้ อีกฝ่ายก็เถียงเอาสีข้างเข้าถูจนภาสกรทนฟังเสียงหล่อนไม่ไหว ต้องกลับมาวังพัทยาจริงๆ
    “ผมเห็นด้วยกับคุณชาย” เสียงของนรัตถพล ปลุกนทีขึ้นมาจากห้วงความคิด ผมดำยาวสลวยรวบขึ้นไปมัดไว้ที่หลังศีรษะทำให้เห็นดวงหน้านั้นชัดเจน คิ้วเข้มสวยขมวดเข้าหากันอย่างใช้ความคิด “ผมว่านี่มันไม่ธรรมดาแล้ว”
    “ครับ ผมยังคุยกับนทีอยู่เลยว่าถ้าฉกกระเป๋ากันธรรมดาก็ไม่น่าจะถึงกับต้องมายิงกันจะฆ่าจะแกงกันอย่างนี้” ภาสกรตอบ
    “เป็นไปได้ไหมคะ ว่าทุกอย่างมันเป็นกับดัก” ดาริกาตั้งข้อสันนิษฐาน ทุกคนในห้องพากันมองหล่อนอย่างประหลาดใจ รอฟังคำพูดต่อมาอย่างใจจดใจจ่อ “เป็นไปได้ไหมว่าพวกนั้นฉกกระเป๋าหม่อมไปเพื่อให้คุณชายตาม ไปเจอกับมือปืนนั่น เป้าหมายที่แท้จริงไม่ใช่เงินแต่เป็นชีวิตคุณชาย!”
    เงียบกันไปชั่วขณะหนึ่ง ไม่ใช่เงียบเพราะไม่เชื่อหรืออย่างไร แต่เพราะต่างคนต่างก็พิจารณาอยู่ว่าข้อสันนิษฐานนี้มีน้ำหนักมากเหลือเกิน
    “น้องน้ำเป็นคนเห็นมือปืนใช่ไหมครับ”
    “ใช่ครับ” นทีตอบ “เขาอยู่บนมอเตอร์ไซค์ จอดอยู่ตรงแทบสุดซอยห่างจากพวกเราไปไม่ไกลนัก พอมองเห็นได้ครับ ผมเห็นมันถือปืนเล็งมาพอดีก็เลยช่วยไว้ได้ทัน”
    “จอดอยู่หรือ ไม่ใช่ว่าขับผ่านมาใช่ไหม” นรัตถพล ก็ยังเล่นบทเชอร์ล็อกโฮลมส์ถามต่อไป
    “ผมไม่แน่ใจ ความเคลื่อนไหวเดียวที่ผมจับได้คือ ไอ้คนนั้นมันล้วงปืนออกมาจากกระเป๋ากางเกง แล้วก็เล็งมาที่คุณชายเท่านั้นครับ”
    “แปลกจริงๆนะคะ” มิสมาร์เปิ้ล ดาริกาว่า “น้องน้ำบอกว่าจอดอยู่ แล้วใส่หมวกกันน็อคด้วย ทุกคนก็รู้ว่านี่เมษาแล้ว อากาศร้อนอย่างกับอะไร ใส่หมวกเอาไว้ทั้งที่ไม่ได้ขับไปไหนมาไหน อย่างนี้ก็จงใจปิดบังใบหน้าชัดๆค่ะ”
    “น้องนทีจำทะเบียนได้ไหมครับ”
    “ไม่ได้ครับ มันเร็วมาก จำได้แต่มีตัว ท.ทหารเท่านั้นเอง”
    “อย่างนี้เราก็ยังหาข้อสรุปไม่ได้ซีนะครับว่าเรื่องยิงกันนี่มันบังเอิญ หรือว่าจงใจจะล่อคุณชายไปเก็บจริงๆ” นรัตถพลออกความเห็น “ถ้าเป็นอย่างหลังคุณชายก็ต้องระวังตัวไว้เสียมากๆเลย”
    “แต่เราก็ไม่มีทางรู้อยู่ดีนี่ครับว่าความจริงมันเป็นอย่างไร” ภาสกรว่า
    “มันก็มีทางนะคะ” ดาริกายิ้มอย่างตื่นเต้น เหมือนเด็กน้อยรู้ว่าพ่อแม่จะพาไปเที่ยว “เราคงต้องเริ่มสืบกันดูละค่ะ”
    “ดีเหมือนกันครับ” ภาสกรว่า “ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญหรือมีคงจงใจจะฆ่าผมจริงๆ ถ้าเป็นอย่างหลัง นทีก็ไม่ปลอดภัย ครอบครัวผมเองก็ไม่ปลอดภัย เราก็คงต้องย้ายกลับกรุงเทพให้เร็วที่สุด”
    คุณชายเอื้อมมือมากุมมือหนุ่มน้อยขณะที่พูดไปด้วย
    “งั้นพรุ่งนี้ผมจะลองกลับไปที่ตลาด ลองถามพวกที่นั่นดูเผื่อจะมีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง” ภาสกรพูดอย่างตั้งใจจริงจนด้วงตาสะท้อนวาวเป็นประกาย
    “ไม่ได้นะครับ” นรัตถพลแย้ง “ถ้าหากมือปืนมันตั้งใจจะเก็บคุณชายจริงๆละก็ มันอาจจะยังอยู่ใกล้ๆแถวนั้นก็ได้ ถึงช่วงนี้กระแสของคุณชายกับทิฆัมพรจะแผ่วๆไปแล้ว แต่ผมเชื่อว่าพวกชาวบ้านร้านตลาดคงจะจำคุณชายอยู่ได้บ้าง”
    “เอาอย่างนี้ดีกว่าค่ะ เดี๋ยวหญิงกับพี่ชายรัตจะเป็นคนไปเอง รับรองว่ารู้เรื่องแน่” หล่อนว่า ยิ้มหวานให้เขาเหมือนเรื่องนี้เป็นเรื่องเล่นๆ
    “ไม่ได้นะครับ ถ้าคุณหญิงเป็นอะไรไป...”
    “จะเป็นอะไรไปได้ยังไงล่ะครับ มีผมทั้งคน” นรัตถพลว่า “แล้วเราก็ไม่ได้จะไปหาเรื่องใครก็แค่ไปสืบหาเรื่องนิดหน่อยรับรองเรื่องไม่แดงแน่ๆ ผมกับน้องหญิงก็ทำแบบนี้บ้างเวลาเราอยากรู้เรื่องอะไรของใคร คุณชายอยู่ดูแลน้องนทีดีๆแล้วกันนะครับ อ้อ! อย่าให้หม่อมรู้เด็ดขาดว่าเราจะสืบเรื่องนี้กัน เรื่องไปถึงกรรณท่านเรืองเดชขึ้นมาพวกเราจะโดนกริ้วแค่ไหนก็ไม่รู้”

    ภาสกรไม่ได้สังเกตเลยว่า ตอนที่เขาเข้ามาทำแผลให้นทีนั้น มันมีของบางอย่างวางอยู่ใต้เตียง พอหม่อมราชวงศ์สองพี่น้องกลับบ้านไปเรียบร้อยแล้ว ภาสกรก็พานทีขึ้นห้อง ปิดประตูห้องไม่ทันจะได้พูดหรือทำอะไรกันนทีก็สั่งเสียงเข้มว่า “คุณชาย หลับตาแล้วหันหลังให้ผมเลยครับ”
    “ทำไมล่ะ อยู่ดีๆให้หันหลังให้ผมคิดมากนะ”
    “นี่! คุณชาย” นทีส่งฆ้อนวงใหญ่มาให้ “จะทำหรือไม่ทำครับ ไม่ต้องทำตามที่ผมบอกก็ได้นะผมไม่ง้อแล้ว”
    “อ้าว ซะอย่างนั้น โอเคๆ ทำก็ทำครับผมไว้ใจนทีนะ คงไม่ได้คิดจะทำร้ายผมหรอกถูกไหม” พูดจบก็หัวเราะแล้วก็ยืนหันหลังให้กับนทีตามที่หนุ่มน้อยสั่ง ได้ยินเสียงกุกกักด้านหลังจนเงียบไปสักพักก็ถามว่า “ผมหันกลับไปได้หรือยัง”
    “หันมาครับ”
    เพียงภาสกรหมุนตัวกับมามองก็พบว่าในมือของนที เป็นกรอบรูปขนาดใหญ่ บังครึ่งตัวของนทีไปได้หมด ข้างในเป็นรูปของเขาและนทีกระจายอยู่เต็มไปหมด ใหญ่บ้างเล็กบ้างแต่เรียงประดับไว้จนเต็มพื้นที่ ตรงกลางของกรอบรูปนั้นเป็นคำอวยพรจากคุณหญิงดาริกา และคุณชายนรัตถพลให้สุขภาพแข็งแรง เจริญก้าวหน้าทั้งการงาน การเงิน และความรัก
    โดยเฉพาะข้อหลังเห็นแล้วก็เหลือบขึ้นมามองหน้านที เห็นรอยยิ้มของหนุ่มน้อยก็แย่งกรอบรูปเอาไปวางไว้เสียบนเตียงแล้วรวบตัวภาสกรไปกอด
    “ขอบใจมากนะนที”
    “ขอบใจผมทำไมครับ ขอบคุณคุณหญิงกับคุณชายบ้านโน้นเถอะ เขาช่วยกันทำทั้งวัน ส่วนผมน่ะไม่อยากบอกเดี๋ยวจะหาว่าอวด ว่าเป็นคนทำเค้กที่คุณชายกินไปแล้วเมื่อกี้นี้ให้เองด้วยมือ ผมไม่มีเงินซื้ออะไรให้ไม่ได้ แต่ก็ตั้งใจทำให้อย่างสุดความสามารถแล้วนะ”
    “แค่นี้ก็ดีแล้ว นที... มัน เป็นเค้กที่อร่อยมากเลยนะ จริงๆนะผมคิดว่าเป็นของเจ๊เก๋ทำจากร้าน มารู้ว่าคุณทำเองก็อึ้งเลย มันอร่อยมาก” คุณชายหนุ่มยิ้มกว้าง “อีกอย่างของขวัญของคุณหญิง และคุณชายก็จะไม่มีความหมายอะไรเท่าไหร่เลย หากในกรอบรูปไม่มีรูปคุณ”
    หนุ่มน้อยยิ้มกว้าง มองรูปถ่ายระหว่างเขาและคุณชายตั้งแต่ไปเที่ยวนครนายกด้วยกัน และอีกหลายๆครั้งที่พัทยาที่นทีเป็นคนถ่ายบ้าง ให้ปุยฝ้ายถ่ายบ้าง แล้วเอาไปล้างส่งให้คุณหญิงดาริกาด้วยตัวเอง
    “ขอบคุณนะครับ ที่อยู่ข้างผมมาตลอด” หนุ่มน้อยซบหน้าลงกับอกของภาสกร ได้ยินเสียงหัวใจของอีกฝ่ายมาดังก้องในหูแล้ว ให้ความอบอุ่นอย่างพิเศษเหลือเกิน ขาดคำของภาสกรคุณชายหนุ่มก็เชยคางนทีขึ้นจุมพิตแผ่วเบา
    “คุณชายเดี๋ยวท่านชายเรืองเดชก็ทรงทราบหรอกครับ ผมต้องลงไปนอนข้างล่างด้วย” นทีว่าทันทีที่ถอนปากออกมาจากปากของภาสกรได้
    “ไม่หรอกน่า ปิดประตูสนิทแบบนี้ พรุ่งนี้เราก็ตื่นกันให้ก่อนท่านพ่อตื่นบรรทมซีครับ แล้วเดี๋ยวไปเดินเล่นกัน” เขาว่า “กลับมาเรื่องของขวัญ เนี่ยผมทานเค้กไปหมดแล้ว... อีกอย่างเค้กก็แบ่งให้คนอื่นทานด้วย แต่ผมอยากได้ของขวัญอีกสักชิ้นหนึ่งได้ไหม”
    นทีเอียงหน้าหนี เขินจนหูแดงเพราะภาสกรค่อยๆเลิกเสื้อของเขาขึ้น ลูบไล้เนินเนื้อนุ่ม เนียนละเอียดข้างใน
    “ขอของขวัญที่ดีที่สุดในชีวิตผมเถอะครับ” คุณชายกระซิบแผ่วเบาที่ข้างหูขาวบางของหนุ่มน้อย “คราวนี้ผมทานได้คนเดียว ไม่แบ่งใครเด็ดขาด”

    เช้านี้ หม่อมราชวงศ์ภาสกร รชตานันท์ยังคงไม่ตื่น แต่นทีตื่นแล้วก็เลยลงไปเดินเล่นที่ชายหาดแต่เช้า ในวังมีนมอุ่น และเด็กสองสามคนที่ตื่นนอนแล้วกำลังทำอาหารเช้าอยู่ จึงไม่มีใครรู้ว่ามีรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งแล่นเข้ามาจอดที่หน้าวัง วางห่อของอันหนึ่งไว้แล้วก็กดออดเรียกสาวใช้ในบ้าน
    ไม่ทันที่ใครจะออกมารับของ รถมอเตอร์ไซค์คันนั้นก็ขับออกไปเสียแล้ว เด็กจิ๋มสาวใช้คนหนึ่งก็เดินออกมาพอดี ทันจะได้เห็นห่อของแต่ไม่เห็นคนให้ หล่อนชะเง้อซ้าย ขวาไม่เห็นว่ามีใครมาก็เลยหยิบเข้ามาในบ้านเสียเลย
    “ใครมารึแม่จิ๋ม” นมอุ่นถามเสียงเข้มอย่างน่ายำเกรง
    “ไม่มีใครค่ะ มีคนส่งของมาให้คุณชาย” หล่อนตอบ ยื่นห่อนั้นให้นมอุ่นดู ปรากฏว่าเขียนเอาไว้ว่า
       สุขสันต์วันเกิด คุณชายภาสกร
    “คุณชายของนม” นมอุ่นยิ้มที่มุมปาก “ดูซิมีเพื่อนส่งของมาให้ น่ารักเสียจริงเชียว นี่ขนาดโตแล้วยังมีคนส่งของขวัญมาให้ เมื่อวานนี้ก็หลายห่อ นี่ก็ส่งมาอีกสงสัยจะของดีนะนังจิ๋ม”
    “ของดีอะไรหรือจ๊ะ นม” ภาสกรเดินลงบันไดมาได้ยินบทสนทนาพอดีก็ถามขึ้น “ไหนใครส่งอะไรมาให้ผม”
    “ไม่ทราบค่ะ เขียนว่าสุขสันต์วันเกิดด้วยลองเปิดดูซีคะ” ภาสกรทำตามที่ว่า แกะห่อออกมาก็พบว่าข้างในเป็นนมสดบรรจุขวดที่ฉลากเขียนบ่งบอกยี่ห้อว่าเป็นนมคุณภาพจากนิวซีแลนด์ ภาสกรรู้ว่านทีชอบดื่มนมพอๆกับตนก็ยิ้มออก บอกแม่นมของตนว่าของในมือคืออะไรก่อนจะ มองซ้ายมองขวาพอเห็นว่าไม่เจอคนรักก็เอ่ยถามนมอุ่นว่า
    “นทีอยู่ไหนจ๊ะนม”
    “ลงไปเดินเล่นมังคะ นมตื่นมาก็ไม่เจอแล้ว แต่ประตูที่นอกชานเปิดเอาไว้ก็คงลงไปเดินเล่นที่ชายหาดจริงๆละมังคะ”
    “งั้นนมช่วยรินนี่ใส่แก้วให้ผมทีนะ 2 แก้ว แก้วหนึ่งมากหน่อยนทีเขาชอบดื่มนม เดี๋ยวผมมาไปตามนทีก่อน” ภาสกรว่า แล้วก็เดินทอดน่องออกไปตามนทีจากชายหาด พบว่าหนุ่มน้อยเดินไปไกลแล้วก็เลยเดินไปตาม ไม่อยากตะโกนเสียงดังเดี๋ยวหม่อมแม่ และท่านพ่อจะตื่นเอา
    ที่ในครัว
    นมอุ่นรินนมใส่แก้วสองใบ แล้วก็ใช้เด็กจิ๋มยกออกไปเสิร์ฟข้างนอก ตนจะทำอาหารเช้าต่อเสิร์ฟแล้วก็ให้รีบกลับมาช่วยทำงาน ไม่ได้ตามคุมไปด้วยเพราะคิดว่างานง่ายๆไม่น่าจะมีอะไรผิดพลาด เพราะห้องครัวกับนอกชานก็ไม่ไกลหันนัก
    เด็กจิ๋มเดินออกมาวางนมลงกับโต๊ะแล้วก็มองหาคุณชาย เห็นว่ายังเดินออกไปตามนทีที่อยู๋ไกลเหลือเกิน ก็มองไปรอบๆตัว เห็นว่าไม่มีใครอยู่ก็เอ่ยขึ้นกับตัวเองเบาๆ
    “ไหนว้า นมจากประเทศนอกมันจะต่างจากนมไทยตรงไหนเชียว”
    ขาดคำจิ๋มก็ยกแก้วของนทีที่มีนมเยอะกว่าแก้วของคุณชายอยู่แล้วขึ้นจ่อริมฝีปากดื่มไปอึกหนึ่ง ก็ประหลาดใจว่ามันหอมเหลือเกินมีกลิ่นคล้ายๆถั่ว
อัลมอนด์จางๆรสหวานอ่อนๆ อร่อยติดใจจนต้องยกขึ้นดื่มอีกอึกใหญ่
     จิ๋มกำลังจะเดินกลับเข้าไปในบ้าน เท่านั้นเองหล่อนก็รู้สึกวิงเวียนอึดอัดเหมือนจะหายใจไม่ออก หายใจติดขัดอยู่พักหนึ่งก็ล้มลงมือปัดแก้วนมตกลงมาแตกกระจาย ชักตาตั้งอยู่ที่พื้นราวกลับปลาถูกทุบ!
    “เสียงอะไรยะแม่จิ๋ม” นมอุ่นได้ยินเสียงแก้วแตกและเสียงแข้งขาของเด็กจิ๋มปัดป่ายไปทั่วจนเสียดังครึกโครมก็วิ่งออกมาตาม “ใช้ให้เสิร์ฟนมแค่นี้แกก็ต้องบกพร่อง... ว้าย”
    นมอุ่นกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจเมื่อเห็นสภาพของเด็กจิ๋มดิ้นไปมาอย่างน่ากลัวอยู่ที่พื้น ก็ตะโกนเรียนภาสกร
    “คุณชาย... คุณชายขา นังจิ๋มชักค่ะเป็นอะไรไม่ทราบ!”
    ภาสกรได้ยินเสียงโวยวายก็รีบวิ่งกลับมาที่ตัวตำหนัก มีนทีวิ่งกระหืดกระหอบตามมา เห็นสภาพของจิ๋มนทีก็ยกมือขึ้นปิดปาก ภาสกรไม่รอช้าตรงเข้าไปอุ้มสาวใช้ขึ้นมา โดยไม่เสียเวลาถามว่าเป็นอะไรไปเพราะเห็นชัดแน่อยู่แล้ว
    จิ๋มถูกวางยา ยาพิษอยู่ในนมขวดนั้น!
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : 4/11/12 - 00.40 ความลับแตก!!!
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 10-12-2012 15:24:53
  45 


    สองพี่น้องราชสกุลสุวรรณฉาย สวมใส่เสื้อผ้าธรรมดา อย่างเสื้อยืด กางเกงขาสามส่วน มัดผมเป็นมวยข้างหลัง ไม่แต่งหน้าทำตัวเหมือนเป็นชาวบ้านธรรมดา เดินไปเดินมาอยู่ในตลาดสดที่ภาสกรเขียนแผนที่ไว้ให้อย่างใจเย็น ไม่แสดงพิรุธว่าตั้งใจมาสืบเรื่องอะไร เหมือนมาจ่ายตลาดกันจริงๆหลังจากเพิ่งไปสืบเรื่องบางอย่างมาจากร้านกาแฟเมื่อครู่ ร้านเดียวกันกับที่วันนั้นหม่อมวิไลวรรณและทิฆัมพรมานั่งดื่มกาแฟสองแก้วใหญ่นั่นแหละ
    ดาริกายังจำได้ว่าตัวเองแกล้งเข้าไปสั่งกาแฟ ระหว่างรอกาแฟชงเสร็จก็กดโทรศัพท์เล่นอยู่พักหนึ่งแล้วก็เงยหน้าขึ้นมาพูดกับพี่ชาย ทำเสียงตื่นเต้นว่า
    “นี่ๆ เจ๊พล เห็นพี่ฟ้าทิฆัมพรโพสต์ในทวิตเตอร์ว่ามาถ่ายละครที่พัทยาแน่ะพี่” หล่อนเรียกพี่ชายว่า พล แทนที่จะเรียกว่าพี่ชายรัตอย่างเคย “ไม่รู้เราจะได้เจอเขาหรือเปล่าเนอะ โชคดีจังเราก็อยู่พัทยา ไปตามหากันเถอะ”
    “อุ๊ยจะเจอได้ยังไงล่ะ ดาก็” พี่ชายของหล่อนจีบปากมากกว่าปกติ เอ่ยขึ้น “พัทยานะยะ ไม่ใช่จตุจักร มันกว้าง เฮลโล กว้างมากด้วยคงไม่เผอิญเดินเจอกันกลางตลาดหรอกย่ะ”
    “นี่พี่สองคนก็ชอบพี่ฟ้าหรือคะ” ได้ผล พนักงานชงกาแฟหันมาพูด “นี่หนูก็ชอบพี่เขามากเลย คนอะไรทั้งสวย เซ็กซี่ เวลาเล่นเป็นนางร้ายนี่ก็เหมือนเด๊ะเลยนะคะทั้งๆที่ตัวจริงนี่แสนจะน่ารัก ใจดีมากด้วย”
    “คุณน้อง” นรัตถพลทำมือหัก จีบปากสืบต่อไป “รู้ได้ไงคะ ว่าตัวจริงเขาน่ารัก ทำอย่างกับเคยเจอ”
    “ก็เคยสิคะ คุณพี่” พนักงานสาวยังว่าต่อไป พลางยื่นมือถือให้ดูภาพที่หน้าจอ “นี่ไงรูปหนูถ่ายคู่กับพี่เขาเมื่อวาน เขาถ่ายละครเสร็จก็เข้ามาซิ้อของ”
    “ว้าย เมื่อวานพี่ฟ้ามาที่นี่หรือคะ” ดาริกาว่า
    “ใช่ค่ะอุ๊ยพี่หนูไม่อยากเม้า ตัวจริงสวยมาก” หล่อนลากเสียงคำว่ามากเสียดัง “เนี่ยแถมใจดี หนูขอถ่ายรูปก็ให้ถ่าย อุ๊ยแล้วรู้ไหมคะว่าเขามากับใคร”
    “คุณชายภาสกรหรือเปล่า” นรัตถพลแกล้งทำเสียงตื่นเต้นทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าความจริงเป็นอย่างไร แต่ต้องชวนคุยไปเรื่อยๆ เผื่อเด็กจะหลุดอะไรออกมาบ้าง
    “ใช่ค่ะ แหมรู้ได้ไง อ๊ะต้องรู้สิใครๆก็รู้ว่าพี่ฟ้าทิฆัมพรเป็นคู่หมั้นกับคุณชาย จะว่าไปเมื่อวานหม่อมวิไลวรรณแม่ของคุณชายก็มากินกาแฟร้านเรานะคะ” หล่อนว่าแจ้วๆอย่างเด็กช่างพูด
    “คุณชายนี่ดังพอๆกับพี่ฟ้าเลยนะพี่พล”
    “จริงค่ะ” เด็กชงกาแฟแย่งตอบ “ขนาดคนแถวนี้ยังรู้จักเลย เมื่อวานนี้ก็มีผู้ชายคนนึงมาสั่งกาแฟแล้วก็ถามหนูว่าเนี่ยใช่พี่ฟ้าแฟนคุณชายหรือเปล่า พอหนูบอกว่าใช่ก็ถามว่าคุณชายไม่มาด้วยหรอ พอดีหนูถามพี่ฟ้าไว้แล้วเชียวเลยรู้ค่ะ วงในค่ะ วงใน รู้ว่าคุณชายจะตามมาก็เลยบอกพี่ผู้ชายคนนั้น พี่เขาก็นั่งอยู่ในร้านตั้งนานเลยนะคะ หนูรวบรวมความกล้าออกไปถ่ายรูปกับพี่ฟ้า พอคุณชายมาพี่ฟ้าก็ออกไป พี่คนนี้ก็ตามไปค่ะ สงสัยจะตามไปขอลายเซ็น”
    ดาริกากับนรัตถพลแทบจะหันมามองหน้ากันทีเดียวเพราะได้ข้อมูลที่ต้องการมาแล้ว แต่ก็ได้แต่แกล้งกรี๊ดกร๊าดไปตามเรื่อง เดี๋ยวความจะแตกเสียก่อน ทั้งคู่ยืนรอจนเด็กสาวชงกาแฟเสร็จเห็นว่าอีกฝ่ายไม่พูดอะไรก็ออกมาก่อน
    “เห็นทีพี่จะต้องไปตามหาพี่ฟ้าซะแล้ว ถ้าเมื่อวานมาที่นี่ก็แสดงว่าวันนี้ก็ยังต้องอยู่แถวนี้เนอะคะเจ๊”
    “ค่ะคุณน้อง” นรัตถพลยิ้มกว้าง “ไปกันค่ะ ไปก่อนนะน้อง”
    “ค่ะ ขอให้พี่ๆเจอพี่ฟ้านะคะ ฝากบอกด้วยค่ะว่าเล็กร้านกาแฟฝากความคิดถึงมา”

    ทั้งสองเดินเข้ามาในบริเวณที่ขายของสด พยายามไม่ทำตัวให้ผิดสังเกตเดินไปซื้อโน่นนี่เสียให้สมบทบาท ดาริกากำลังภูมิใจในความสามารถด้านการสืบสวนของหล่อน ไม่เห็นว่านรัตพลส่งค้อนให้น้องสาวครั้งแล้วครั้งเล่า
    “หญิงบอกพี่ชายรัตแล้วไงคะ ว่าถ้าเราแกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้ ชวนคุยไปเรื่อยๆคนมันรู้อะไรก็บอกออกมาเองไม่ต้องเสียแรงถามเห็นไหมคะ ทีนี้เราก็รู้แล้วว่ามีคนคอยจับตาดูคุณชายจริงๆ นี่ถ้าถามไปอย่างพี่ชายรัตว่า ต่อให้ถามอ้อมๆยังไงเขาก็คงไม่อยากบอก ทีนี้ต้องสืบต่อว่าใช่คนที่ฉกกระเป๋าหรือเปล่าก็เสร็จเรียบร้อย”
    “พี่เข้าใจนะเรื่องนั้น” นรัตถพลกระซิบ “แต่ทำไมต้องให้พี่เป็นตุ๊ดล่ะเนี่ย”
    “ก็ถ้าเป็นผู้ชายธรรมดาใครเขาจะสนเรื่องดาราคะไม่สมเหตุสมผล เป็นตุ๊ดนี่ล่ะคะเวิร์ค” หล่อนหัวเราะคิก ที่พูดไปจริงๆก็มีเหตุผลดี แต่ความจริงหล่อนอยากเห็นพี่ของตัวเองทำตัวตุ้งติ้งมากกว่า ดาริกาเห็นว่าน่ารักกว่าที่เป็นอยู่เป็นไหนๆ “เอาล่ะค่ะ ต่อไปต้องเล่นให้ตรงข้ามกับเมื่อกี้”
    “ยังไงอีกล่ะ เป็นนักเลงรีดความจริงจากแม่ค้าหรือ” นรัตถพลประชดถาม
    ดาริกาหัวเราะ
    “เปล่าคราวนี้เป็นสามีหญิง”
    “โอ๊ะ” นรัตพลร้องขมวดคิ้วกำลังจะเถียง แต่น้องสาวกลับพูดก่อนว่า
    “ต้องทำเป็นไม่ชอบเดินจ่ายตลาด อยากกลับบ้านเร็วๆ ตอนหญิงชวนแม่ค้าคุย ทีนีฝ่ายนั้นจะได้เล่าอะไรที่อยากเล่าเร็วๆ เพราะขายของในตลาดมันหยิบใส่ถุงขายเลย ไม่มีเวลาเม้านานเหมือนรอกาแฟ เข้าใจไหมพี่ชายรัต”
    “ย่ะ เอ๊ย เออ นั่นแหละทำอะไรก็ทำเถอะให้ได้เรื่องแล้วกัน”
    
    ทั้งคู่เดินเลาะแผงขายของมาเรื่อยๆจนถึงท้ายตลาดบริเวณที่เกิดเหตุยิงกันเมื่อวานนี้โดยไม่มีพิรุธว่าจงใจมาแถวนี้ ดาริกาสวมบทแม่บ้านมาซื้อผักผลไม้เข้าบ้าน มีพี่ชายเล่นเป็นสามีคอยเร่งให้รีบกลับบ้านเร็วๆ
    “ขาดอะไรอีกล่ะเธอ เร็วๆพี่เมื่อยแล้วนะจะรีบกลับบ้าน”
    ดาริกาอมยิ้ม ถูกใจที่พี่ชายเล่นเสียสมบทบาท
    “เหลือผักเองจ้ะพี่ รอแปบเดียวอุ๊ย ร้านนั้นดูผักเยอะดีเราไปเลือกกันดีกว่าค่ะ ไปเร้ว” ดาริกาควงแขนพี่ชายตรงไปที่แผงขายผักที่อยู่ริมสุด มองออกไปเป็นลานกว้างสุดซอยของตลาดนั้น ตรงนั้นเองที่เกิดเรื่องขึ้นเมื่อนวาน โชคดีที่ดาริกาเคยมาเดินตลาดนี้อยู่บ้าง เลยพอรู้ที่ทาง ดูแผนที่ที่ภาสกรวาดมาให้ประกอบกันตอนเดินทางมานี่ก็พออยู่แล้วไม่ต้องเสียเวลาหาร้านนานนัก
    หญิงสาวแกล้งเอากระเป๋าสตางค์วางไว้ตรงที่ว่างของแผงผักทำท่าจะเดินไปเลือกผักที่อยู่ถัดออกไป นรัตถพลเห็นปุ๊บก็รู้ว่าน้องสาวเริ่มแผนเสียแล้วเลยเอ่ยขึ้นว่า “นี่ดาพี่เตือนเธอกี่ครั้งแล้วว่ากระเป๋าถือน่ะอย่าเที่ยววางเรี่ยราด รู้ไหมเดี๋ยวก็โดนใครมาฉกไปหรอก”
    ดาริกาหันมาหัวเราะ
    “พี่ก็ ไหนบอกรีบไงล่ะคะ ดาถือกระเป๋าไว้จะเลือกผักถนัดได้ไง วางไว้ตรงนี้ก็ใกล้ๆตัว ไม่มีใครมาฉกไปหรอกค่ะ ที่นี่ไม่ใช่กรุงเทพเสียหน่อย”
    “อู๊ยหนู” แม่ค้าประจำแผงปัดแมลงวันไป พูดไปลากเสียงท้ายคำเสียยาวอย่างออกรสออกชาติ “พัทยานี่ก็เมืองท่องเที่ยว แฟนเขาเตือนก็ฟังเขาเถอะ กระเป๋าหายมาป้าไม่รับผิดชอบหรอกนะจ๊ะ”
    “ป้าขา นี่ตลาดสดนะคะไม่ใช่ตามไนท์บาซาร์ไม่มีโจรหรอกมั้งคะ”
    “ถึงจะเป็นตลาดนี่ก็ขโมยกันได้นะหนูเอ้ย” ป้าจากร้านตรงข้ามตะโกนข้ามหัวมา “รู้ไหมเมื่อวานนี้เพิ่งจะมีเรื่องไปเอง ทั้งฉกกระเป๋า ทั้งยิงกันตาย”
    คำว่า “ตาย” กระทบหูดาริกาจนสะดุ้ง หันไปมองหน้าพี่ชายของตนที่ขณะนั้นรับบทเป็นสามีอยู่ทันที ไม่ไว้ท่าอีก พอหล่อนได้สติก็รีบถามแม่ค้าแผงตรงข้ามทันที “อุ๊ยถึงกับตายเลยหรือคะฉกกระเป๋าแค่นี้”
    “ยายหวี มึงก็พูดมาก เรื่องนั้นไม่เกี่ยวกับเรื่องฉกกระเป๋าหม่อมนั่นหรอก” แม่ค้าฝั่งที่ดาริกาเลือกผักบุ้งอยู่ว่าหน้าดำคร่ำเครียด สองแม่ค้าทำท่าอึกอัก ไม่กล้าพูดอะไรมากไปกว่านั้น นรัตถพลก็เอ่ยว่า
    “ดา กลับบ้านเถอะจะซื้ออะไรก็รีบซื้อ ไม่ได้ยินหรือว่าเขามีฆ่ากันด้วย”
    “อุ๊ย ไม่มีค่ะไม่มี ไม่ได้ฆ่ากันที่ตลาด” แม่ค้าร้านนี้มองหน้ายายฉวีร้านตรงข้ามเขม็งเพราะเกือบจะทำให้หล่อนขายของไม่ออกเสียแล้ว “ยายหวีก็พูดไปงั้นเอง เรื่องมันไม่มีอะไรเลย”
    “ไปเถอะดา...”
    “เดี๋ยวซีคะ ดาจะซื้อผักก่อนคืนนี้ต้องทำแกงเทโพให้แม่คุณนี่” ดาริกาว่า แล้วก็ก้มหน้าก้มตาเลือกผัก แกล้งทำเป็นไม่สนใจ ทำให้แม่ค้าช่างเม้าคันปากพูดออกมาเองว่า
    “จริงๆไม่มีอะไรหรอกคุณ ไม่ต้องรีบ เดินสบายๆก็ได้ เรื่องฉกกระเป๋าก็ไม่ได้มาเกิดในตลาดเสียหน่อยเขาฉกกันตรงโน้น ข้างนอกตลาดตรงลานหน้าร้านกาแฟน่ะ แล้วทีนี้ไอ้โจรมันก็วิ่งหนีไปสุดซอยโน่น คนโดนฉกเขาก็เข้ามาเอาของเขามีเรื่องชกต่อยกันนิดหน่อยค่ะ ถ้านั่งตรงที่ป้าขายของนี่จะเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างพอดีเลย”
    “ค่ะแล้วก็มีเสียงปืนดังขึ้น” ยายฉวีร้านตรงข้ามยังพูดต่อความยาวไปตามประสาคนช่างเม้า “แล้วทีนี้นะคะ ไอ้โจรมันก็วิ่งหนีเข้ามาทางนี้แหละค่ะ ตอนแรกก็ไม่รู้หรอกว่าเป็นใคร เอ้อ แล้วยายสำรวยรู้รึยังว่าไอ้โจรนั่นเป็นใคร”
    ยายสำรวย เจ้าของแผงที่ดาริกาซื้ออยู่คงจะยังไม่รู้ก็เลยตะโกนตอบไป
    “อุ๊ยจะไปรู้ได้ยังไง เขาก็ลือกันไปว่าเป็นพวกเด็กพ่อค้าในตลาดไม่ใช่หรือ แต่ก็ไม่ได้จับได้นี่ว่าเป็นใคร” แม่ค้าร่างท้วมส่งสายตาปรามเพื่อนแม่ค้าให้เงียบเสีย แต่ยายฉวีคงไม่เข้าใจสายตานั้นก็เลยพูดต่อ
    “ก็ไอ้อ๊อดไง ที่มันเป็นมอเตอร์ไซค์วินอยู่หน้าปากซอยน่ะ ที่เมื่อวานเขาหาตัวกันให้ควั่กเลยน่ะ” ฉวีว่า สำรวยก็ทำหน้าเอออวยไปตามเรื่อง ส่วนดาริกาเลือกผักไป ฟังแม่ค้าไปเห็นว่าจะไม่ตรงประเด็นก็เลยกระตุ้นหน่อย
    “แม่ค้าจ๊ะ ฉันว่าคงไม่เกี่ยวกับเรื่องกระเป๋าฉันจะโดนฉกหรอกนะ” ดาริกาหัวเราะคิกคักอย่างอารมณ์ดี
    “อุ๊ยเกี่ยวสิ” ฉวีตะโกนข้ามหัวมาคุยกับสำรวยต่อ “ก็ไอ้วินมอเตอร์ไซค์คนนั้นน่ะมีคนไปพบเป็นศพตายอยู่ที่ทิ้งขยะท้ายซอยถัดไปนี่ไง เพิ่งเจอเมื่อเช้าเองตอนฉันไปจ่ายค่าหวยน่ะ แม่สำรวยคงยังไม่รู้”
    นรัตถพลเข้ามาจับแขนน้องสาว
    “ดาไปกันเถอะ พี่ว่าเรื่องมันชักจะไปกันใหญ่แล้ว”
    “อุ๊ยอย่าเพิ่งไปค่ะซื้อผักก่อน เรื่องตายนี่ไม่น่าเกี่ยวกันนะคะ” สำรวยทำท่าจะฉุดดาริกาเอาไว้ “ยายฉวีแล้วแกรู้ได้ไงว่าไอ้อ๊อดที่ตายนี่คนเดียวกับคนที่ฉกกระเป๋า”
    “เอ๊า ก็เมื่อวานคนฉกกระเป๋ามันก็วิ่งผ่านร้านเราไปทางซอยที่มีคนไปเจอไอ้อ๊อดวันนี้ไง ตอนฉกกระเป๋าก็มีเสียงปืนใช่ไหมล่ะพวกเราก็ได้ยินกันทุกคน แล้วศพไอ้อ๊อดก็เป็นศพถูกยิง ฉันจำไม่ได้ว่าเห็นไอ้อ๊อดวิ่งผ่านไป แต่เสื้อน่ะใช่ของมันแน่ แฟนมันเป็นเพื่อนกับลูกสาวฉันเป็นคนบอกเองเลยว่าเสื้อที่มันใส่ตอนเจอศพน่ะ แฟนมันซื้อให้ เสื้อสีดำแล้วก็มีลายสีทองๆแบบนั้นแหละ ฉันเห็นแว้บๆตอนวิ่งผ่านร้านไป”
    ยายสำรวยยกมือปิดปาก
    “ว้าย จำได้แล้วมีคนใส่เสื้อสีดำลายทองวิ่งผ่านร้านเราไปฉันยังทักเลยว่า ลายสีทองอย่างกับจะไปเล่นลิเก ไอ้อ๊อดนี่เอง”
    ดาริกาปะติดปะต่อเรื่องราวในหัว คนที่ฉกกระเป๋าภาสกรใส่เสื้อสีดำลายทอง พอหลุดจากภาสกรมาแล้วก็วิ่งผ่านร้านนี้ไปทางที่เชื่อมกับซอยข้างๆ แล้วปรากฏว่ามาพบเป็นศพถูกยิงอยู่ เธอเข้าใจแล้ว
     “นี่แปลว่าไอ้อ๊อดมันโดนยิงตอนฉกกระเป๋า แล้วไปตายตรงนั้นทีหลังหรือ”
    “เปล่า” ฉวีตอบสำรวย “มันโดนยิงที่หัว ตายทันที ฉันว่าไอ้เจ้าของกระเป๋านั่นแหละตามไปเก็บมัน”
    “น้อยหน่อยคนโดนฉกกระเป๋าน่ะเป็นคุณชายนะยะ แฟนน้องฟ้าทิฆัมพรไง” ยายสำรวยพูดต่ออย่างสนุกปาก ดาริกาเห็นว่าทั้งคู่เริ่มคุยกันเป็นความเห็นส่วนตัวแล้ว ไม่ได้มีข้อเท็จจริงที่หล่อนจะเอามาเป็นประโยชน์ได้อีกก็เลยรีบจ่ายเงินออกไป พอจะเดินมาพ้นเขตร้าน หล่อนก็ได้ยินยายฉวีตะโกนคุยกับยายสำรวยต่อ
    “เอ้อแล้วมอเตอร์ไซค์ที่ไอ้อ๊อดขับปกตินี่ เขาไปเจออีกที่หนึ่งนะอยู่ไกลออกไปจากนี่เลย”
    “แกจำได้ไง ว่ามอเตอร์ไซค์ไอ้อ๊อด”
    “จำได้สิทะเบียน ทท 8396 เพิ่งไปเฉี่ยวมาวันก่อนแฟนไอ้อ๊อดเพื่อนลูกสาวฉันมาบอกฉันเลยไปแทงหวยไง 83 38 96 69 ถูกกินมาทั้งสี่เบอร์!”

    “คราวนี้ไม่ค่อยได้เรื่องนะหญิง” นรัตถพลว่าขณะ เดินออกมาจากร้านของสำรวย ดาริกากำลังขมวดคิ้วครุ่นคิด
    “พี่ชายรัตคะ หญิงขอไปดูหน่อยว่า ถ้าวิ่งไปทางนั้นจะไปถึงซอยข้างๆได้จริงหรือเปล่า” ดาริกาจูงมือพี่ชายเดินย้อนทางเดิมผ่านร้านป้าสำรวย แก้ตัวว่าทำของตกหายเลยเดินย้อนทางเดิมเผื่อจะเจอว่าตกตรงไหน เดินไปเดินมาก็เห็นว่า หากวิ่งจากร้านป้าสำรวย ต่อไปอีกสองสามล็อกจะมีตรอกเล็กๆ เชื่อมไปซอยตันซอยหนึ่งได้ ดาริกาชะโชกหน้าไปก็เห็นว่ามีคนมามุงดูกองขยะกองใหญ่ที่มีสายสีเหลืองคาดว่าที่เกิดเหตุห้ามเข้าเต็มไปหมด ก็พอจะเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร
    “เอาเป็นว่ามีผู้ชายคนนึงไปถามน้องร้านกาแฟว่าฟ้าทิฆัมพรใช่แฟนคุณชายรึเปล่า น้องบอกว่าใช่ คุณชายกำลังจะตามมาก็เลยนั่งดูอยู่นาน พอพวกคุณชายกลับออกมาแล้ว ผู้ชายคนนั้นก็ตามออกมาด้วย จากนั้นพอมีเรื่องฉกกระเป๋าป้าสำรวย ป้าฉวี เห็นเหตุการณ์ได้พอดีว่าคนร้ายวิ่งหนีผ่านร้านเขาไปทางซอยข้างๆ คนร้ายใส่เสื้อสีดำมีลายสีทองเหมือนจะไปเล่นลิเก แล้วตอนเช้าก็มีคนพบศพคนร้าย โดนยิงหัวตายอยู่ซอยนั้น”
    “เขาว่ากันว่า คุณชายส่งคนไปเก็บไอ้โจร เหลวไหลเปล่าๆ”
    “หญิงยังไม่แน่ใจ”
    สองพี่น้องเดินกลับไปหน้าปากซอย ดาริกา เห็นวินมอเตอร์ไซค์กำลังคุยกันซีเรียสอยู่คงจะเป็นเรื่องของคนชื่ออ๊อด ก็มองหน้าพี่ชายแล้วก็บอกว่า
    “พี่ชายรอตรงนี้ เดี๋ยวหญิงมา” ดาริกาเดินเข้าไปให้กลุ่มวินมอเตอร์ไซค์ หาคนที่ดูน่ากลัวน้อยที่สุดแล้วก็เลียบเคียงถาม ทักขึ้นก่อนว่า
    “ขอโทษนะคะ”  หล่อนส่งยิ้มหวานให้ คนขับส่วนมากก็หันมามองว่าสวยดีดูจะให้ความร่วมมือเต็มที่ “พอดีเมื่อวานซืน ฉันนั่งรถจากที่นี่ไปลง ตึกแถวข้างๆที่มีถ่ายหนังน่ะค่ะ แล้วทีนี้ฉันไม่มีเงินย่อยมีแต่แบงค์พันเขาไม่มีทอนก็เลยว่าจะให้เงินทีหลัง เมื่อวานมาก็เห็นมีคนบอกว่าหายไป มีใครเห็นไหมคะ คนที่ขับทะเบียน ทท8396 น่ะค่ะ”
    วินมอเตอร์ไซค์ทั้งกลุ่มมองหน้ากันเลิ่กลั่กแล้วก็บอกว่า
    “เขาถูกยิงตายแล้วคุณ เนี่ยเพิ่งพบศพกันเมื่อเช้ายังตกใจกันอยู่ไม่หายเลย” คนหนึ่งในกลุ่มนั้นพูด “เมื่อวานก็มีเรื่องแปลกๆ มีผู้ชายมาจ้างไอ้อ๊อดให้เงินไปพันนึงขอยืมรถ กับชุดวินบอกว่าจะเอาไปถ่ายหนังเหมือนกันครับทีนี้ไอ้อ๊อดมันก็เอาเพื่อนไปด้วยอีกคนหนึ่ง ไปคุยงานกับผู้ชายคนนั้นที่กองถ่าย เพื่อนมันก็หายไปทั้งวันเหมือนกัน ป่านนี้ยังไม่รู้เลยว่าอยู่ไหน”
    ดาริกายิ้มขอบคุณแล้วก็เดินออกมา หล่อนเข้าใจทุกอย่างแล้ว
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : 4/11/12 - 00.40 ความลับแตก!!!
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 10-12-2012 15:27:29
มาต่อให้สองตอนควบครับ แม้ว่างานจะเยอะ แต่ผมจะพยายามมาต่อให้ได้บ่อยขึ้นนะครับ
ตอนนี้คุณชายคุณหญิงบ้านสุวรรณฉายเล่นนักสืบกันเสียสนุกเลย มาลุ้นกันดีกว่าครับว่าความจริงเป็นยังไง
แล้วคนที่ตั้งใจฆ่าคุณชายและนที จะหยุดอยู่แค่นี้หรือเปล่า ครึ่งหลังนี้ จะมีแต่ความตื่นเต้นเร้าใจลุ้นระทึกละครับ

ขอบคุณที่ยังคงติดตามกันอยู่นะครับ :)
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 44-45 สองตอนควบรับวันหยุดครับ 10/12/12 - 15.25
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 10-12-2012 16:09:25
บวกหนึ่งคะ ดีใจจังเลย
แนะนำให้เปลี่ยนชื่อเรือ่งนะคะ

ดาริกา ยอดหญิงนักสืบ 555 แซวเล่น ชอบจัง ผญที่มีความคิด มีสติแบบนี้

อืม ๆ ใครนะคนร้าย ขอเดาว่า ยัยฟ้าดาราแน่ ๆเลย
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 44-45 สองตอนควบรับวันหยุดครับ 10/12/12 - 15.25
เริ่มหัวข้อโดย: supery ที่ 10-12-2012 17:59:39
คินดะริกา เยี่ยมมาก เก่งกว่าโคนันตรงที่เป้าหมายยังไม่ตายก็สืบได้แล้ว
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 44-45 สองตอนควบรับวันหยุดครับ 10/12/12 - 15.25
เริ่มหัวข้อโดย: pandorads ที่ 10-12-2012 19:24:10
ขอบคุณที่มาต่อนะคะ
สนุกมาก!! เรื่องกำลังเข้มข้นเลย >.<
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 44-45 สองตอนควบรับวันหยุดครับ 10/12/12 - 15.25
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 10-12-2012 23:18:45
เรื่องราวเริ่มเข้มข้นขึ้นทุกที
รออ่านต่อจ้า
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 44-45 สองตอนควบรับวันหยุดครับ 10/12/12 - 15.25
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 11-12-2012 08:05:07
ดาริกา ฉลาดมากอ่ะ
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 44-45 สองตอนควบรับวันหยุดครับ 10/12/12 - 15.25
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 15-12-2012 01:21:37
ของขวัญของคุณชายทำเอาเราเขินไปเลย
ของขวัญมันต้องให้ไม่ใช่ขอไม่ใช่เหรอคะคุณชาย >////<

คุณหญิงคุณชายบ้านนี้น่ารักกันทั้งพี่ทั้งน้องเลยนะ
มีน้ำใจ นิสัยดี แล้วยังฉลาดอีก
หาตัวคนร้ายให้ได้เร็วๆนะ เพื่อความปลอดภัย
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 44-45 สองตอนควบรับวันหยุดครับ 10/12/12 - 15.25
เริ่มหัวข้อโดย: ไก่จ้า ที่ 15-12-2012 14:49:07
อ่านไปอ่านมา ลุ้นมากเลย
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 44-45 สองตอนควบรับวันหยุดครับ 10/12/12 - 15.25
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 20-12-2012 09:13:39
ดัน
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 44-45 สองตอนควบรับวันหยุดครับ 10/12/12 - 15.25
เริ่มหัวข้อโดย: So_Da_Za ที่ 20-12-2012 15:31:14
ดาริกา ยอดนักสืบ นางเจ๋งจริงๆ o13
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 44-45 สองตอนควบรับวันหยุดครับ 10/12/12 - 15.25
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 20-12-2012 16:51:24
ใครหว่า  อย่าบอกนะว่าพวกอดิสรณ์
แต่ก็ดูว่าน่าจะเป็นไปได้มากที่สุดแล้วนะ
รออ่านตอนต่อไปอยู่เน้อ 
+1
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 44-45 สองตอนควบรับวันหยุดครับ 10/12/12 - 15.25
เริ่มหัวข้อโดย: automaton ที่ 11-01-2013 22:17:09
ของขวัญของคุณชายชิ้นสุดท้ายนี่คงถูกใจที่สุดในชีวิตซินะ
ลุ้นกับเรื่องราวต่อ ๆ ไป
ตีพุงรอ
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 44-45 สองตอนควบรับวันหยุดครับ 10/12/12 - 15.25
เริ่มหัวข้อโดย: l2_in* ที่ 08-04-2013 23:53:24
รอ ร๊อ รอ  :z2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 44-45 สองตอนควบรับวันหยุดครับ 10/12/12 - 15.25
เริ่มหัวข้อโดย: «ƤȑǃǹĉΞḠ○ḺҒ™» ที่ 09-04-2013 01:18:28
ลืมเรื่องนี้ไปแล้วนะเนี่ย  = =
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 44-45 สองตอนควบรับวันหยุดครับ 10/12/12 - 15.25
เริ่มหัวข้อโดย: Nano PL ที่ 12-04-2013 13:12:26
น่าสนุกมากเลยครับ รีบๆมาต่อน้าาา
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 44-45 สองตอนควบรับวันหยุดครับ 10/12/12 - 15.25
เริ่มหัวข้อโดย: AeRoMoZa ที่ 08-05-2013 01:30:53
เรื่องกำลังสนุกเลยค่ะเนี่ย อยากให้มาต่อเร็วๆจัง
คุณหญิงดาวิกาเก่งอีกแล้ว เป็นนักสืบเสียสนุกเลย
ห่วงเรื่องคุณชายกับนทีนี่แหละ กลัวเรื่องที่ต้องแต่งงานจริงๆ

รออ่านต่อยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 44-45 สองตอนควบรับวันหยุดครับ 10/12/12 - 15.25
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 30-07-2013 14:55:29
รอการกลับมาของคนเขียน อิอิ  :mew3:
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 44-45 สองตอนควบรับวันหยุดครับ 10/12/12 - 15.25
เริ่มหัวข้อโดย: honeystar ที่ 30-07-2013 15:37:36
คุณชายเจ้าขา ยังรออยู่เสมอนะเจ้าคะ :L2:
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 44-45 สองตอนควบรับวันหยุดครับ 10/12/12 - 15.25
เริ่มหัวข้อโดย: TiwAmp_90 ที่ 08-09-2013 04:25:21
ถ้าถามว่าประทับใจใครที่สุดในเรื่อง
จะขอตอบว่า คุณหญิงดาริกา นี่ล่ะค่ะ....
เหมือนแม่หญิงนักสืบ 555
เก่ง ฉลาด สวย ครบเครื่องจริงๆ
 :mew1:
ปล.ถ้าหม่อมวิไลวรรณรู้ความจริง จะยอมรับได้หรือ?
เอาใจช่วยชายภาสกับหนูน้ำ นะคะ
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 44-45 สองตอนควบรับวันหยุดครับ 10/12/12 - 15.25
เริ่มหัวข้อโดย: The_Beggar ที่ 11-09-2013 15:34:07
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 44-45 สองตอนควบรับวันหยุดครับ 10/12/12 - 15.25
เริ่มหัวข้อโดย: ToeyTato ที่ 15-09-2013 13:19:27
อยากอ่านต่อจังเลยค่ะ ชอบมากเลยสนุกดีค่ะ
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 44-45 สองตอนควบรับวันหยุดครับ 10/12/12 - 15.25
เริ่มหัวข้อโดย: chaWice ที่ 03-02-2014 09:54:18
มาต่อเถอะ
นะนะนะนะ
 :ling1:
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 44-45 สองตอนควบรับวันหยุดครับ 10/12/12 - 15.25
เริ่มหัวข้อโดย: VOODOO DOLL ที่ 20-03-2014 04:53:09
หายไปเลย...
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 44-45 สองตอนควบรับวันหยุดครับ 10/12/12 - 15.25
เริ่มหัวข้อโดย: Purple_Sky ที่ 03-04-2014 18:43:12
46


     ดาริกาเล่าเรื่องที่หล่อนเพิ่งได้ยินมาให้พี่ชายฟัง นรัตถพลก็ตั้งใจฟังอย่างดีแต่พอพูดจบ ชายหนุ่มก็ขมวดคิ้วแล้วออกความเห็นว่า
    “แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เราจะรู้ได้ยังไงว่าสองคนนั้นใช่สองคนที่มาฉกกระเป๋าหม่อมวิไลวรรณ”
    “แต่มันก็เข้าเค้านะคะพี่ชาย ถ้านายคนที่มาขอเช่าชุดวินและมอเตอร์ไซค์คือมือปืนจริงๆ อีกสองคนก็น่าจะเป็นคนที่ฉกกระเป๋าหม่อม ถ้าเกิดนายนั่นบอกว่าจ้างไปเป็นตัวประกอบในละครก็พอดีเลยนะคะ สมเหตุสมผลด้วยถ้าจ้างไปวิ่งราวเฉยๆ คนก็คงไม่ยอมแต่ถ้าบอกว่าเป็นตัวประกอบในละครแล้วก็ให้วิ่งไปฉกกระเป๋าเสียก็เป๊ะ”
    “นั่นสิ พี่ว่ามันก็ใช่นะ คนร้ายถึงร้องออกมาว่าไม่เอาด้วยแล้ว เพราะถ้าเขาคิดว่าถ่ายละครก็คงไม่คาดหวังว่าจะมีการยิงกันจริงๆ!” นรัตถพลร้องออกมา “ถ้าเพียงแต่ว่าเรามีข้อพิสูจน์ ว่าหนึ่งในสองคนนั้นเป็นอ๊อดจริงๆละก็นะ”
    “มันก็มีทางไม่ใช่หรือคะพี่ชาย”  หญิงสาวยิ้มให้กับพี่ชายของตนก่อนจะวิ่งไปทางร้านกาแฟ นรัตถพลกึ่งเดิน กึ่งวิ่งตามมาโดยไม่รู้เรื่องรู้ราว ตะโกนถามว่า
    “นี่หญิงจะไปไหน จะพิสูจน์ยังไง”
    “รูปที่น้องคนนั้นที่ร้านกาแฟถ่ายคู่กับฟ้าทิฆัมพร เป็นรูปที่ถ่ายหน้าร้าน เขาบอกว่าผู้ชายแปลกหน้าที่มาถามหาคุณชายนั่งอยู่ในร้าน เขาถึงกล้าไปถ่ายรูปหน้าร้าน ถ้าเราโชคดี เราก็จะได้เห็นละค่ะพี่ชายรัตว่ามีผู้ชายเสื้อดำลายทองอยู่ในร้านหรือเปล่า”

 
    คุณหญิงดาริกามาถึงร้านกาแฟร้านเดิมพร้อมกับพี่ชายของหล่อน เพียงเดินเข้าไปในร้าน เด็กพนักงานคนเดิมก็ยิ้มกว้างให้ทั้งคู่ พร้อมกับเอ่ยทักด้วยเสียงสดใสว่า “เอ้าคุณพี่ทั้งสองคน รับอะไรเพิ่มดีคะ”
    “พี่ไม่แน่ใจน่ะค่ะว่าทำของตกไว้ที่นี่หรือเปล่า”
    “เอ๊ะ ทำอะไรตกคะ หนูเพิ่งกวาดพื้นไปก็ไม่เห็นอะไรนะคะ”
    “ต่างหูน่ะค่ะ แบบที่พี่ซื้อให้พี่ฟ้าไปตอนที่เคยเจอกันในงาน มีทแอนด์กรี๊ดในกรุงเทพ” ดาริกาว่าตามบทยังแกล้งทำเป็นหาของไปเรื่อยอย่างไม่ใส่ใจ ตอนนั้นเองที่พนักงานสาวร้องขึ้น
    “ว้าย พี่เคยไปงานมีทแอนด์กรี๊ดพี่ฟ้าด้วยหรือคะ”
    “ใช่สิจ๊ะ เนี่ยตอนนั้นให้ไปใส่พี่ฟ้าก็ใส่นะ ชอบใส่อยู่บ่อยๆ เป็นต่างหูหินลายสวยๆ สีฟ้าๆส้มๆน่ะจ้ะ” ดาริกาว่า หล่อนจำได้ว่าทิฆัมพรใส่ต่างหูอย่างนี้เมื่อคืนที่งานเลี้ยง ถ้าหล่อนไม่ได้ถอดเปลี่ยน ตอนมาเดินตลาดเมื่อวานเย็นก็น่าจะใส่คู่เดียวกันนี้แหละ
    ได้ผล พนักงานสาวทำตาโตหยิบมือถือขึ้นมากดดูรูป
    “โอ้ยรูปที่ถ่ายคู่เห็นไม่ชัดค่ะ แต่รูปถ่ายเดี่ยวใช่เลยค่ะพี่” เด็กคนนั้นยื่นมือถือมาให้หล่อนดู ดาริกามองเห็นต่างหูก็พอใจว่าหล่อนจำได้ไม่ผิดจริงๆ แต่เท่านั้นเองไม่ตื่นเต้นดีใจไปอย่างเด็กสาวพนักงาน หล่อนมองไปยังด้านหลังของดาราสาว เห็นบริเวณในร้านชัดเจนว่า มีผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่ตรงโตะที่ใกล้กับประตูที่สุด
    ใส่เสื้อสีดำ ลายทองวูบวาบเหมือนชุดลิเกจริงๆ!
    ดาริกาชี้ต่างหูในรูปให้พี่ชายดู
    “เจ๊ดูสิค่ะ นี่แหละแบบนี้เลยที่หนูทำหาย” นรัตถพลเข้าใจดีเลยมองกวาดตาไปทั่วภาพเช่นกันคงจะเห็นคนที่ดาริกาตั้งใจให้ดูแล้วก็พูดขึ้นว่า
    “คุณน้องขา กลับกันเถอะค่ะ เจ๊ว่ามันหายก่อนมาที่นี่นะคะ ไปค่ะๆ รีบกลับบ้าน!” ยังไม่ทันจะได้ออกไปพ้นร้านดี ดาริกาก็พบว่าโทรศัพท์มือถือของตนดังขึ้น มองดูเบอร์ก็พบว่ามาจาก ภาสกร หญิงสาวรับสายไม่ทันพูดอะไรก็ได้ยินชายหนุ่มพูดตะกุกตะกัก แทบฟังไม่รู้เรื่องมาในสายแทบจะทันทีที่รับ
    ข่าวที่หล่อนได้ยินทำให้ต้องรีบบึ่งขึ้นรถไปหาคุณชายภาสกรทันที

    ภาสกรกำลังคุยกับหม่อมราชวงศ์ เตชวัฒน์พี่ชายของหล่อนอยู่หน้าห้องฉุกเฉินพอดี ตอนที่ดาริกาไปถึง ชายหนุ่มยืนหันหลังให้หล่อนคุยกับพี่ชาย ซึ่งเดาจากสีหน้าก็รู้ว่าคงเป็นเรื่องที่เพิ่งเกิดกับเด็กรับใช้ของคุณชายเมื่อเช้านี้นั่นแหละ พอหล่อนเข้าไปถึงตัวภาสกรชายหนุ่มทั้งสองก็หยุดพูดแล้ว
    “แม่เด็กคนนั้นล่ะคะ”
    เตชวัฒน์ส่งสายตาปราม แต่ภาสกรกลับพูดขึ้นว่า
    “ตายแล้วล่ะ เรามาส่งเขาช้าเกินไป”
    ดาริกายกมือขึ้นปิดปาก พอดีกับนรัตถพลที่เพิ่งวนรถไปจอดได้เสร็จวิ่งตามมาพอดี สามพี่น้องสุวรรณฉายใบหน้าเคร่งเครียดไม่ต่างกัน ภาสกรเองก็เม้มปากแน่นอย่างใช้ความคิด เหลือบมองนทีที่อยู่ห่างไปสักหน่อยครั้งสองครั้งก็พูดว่า
    “เราหาที่คุยกันเงียบๆดีไหมครับ”
    “ก็ดี” คุณชายเต้ พี่คนโตของดาริกาว่า “จะได้ไม่วุ่นวาย ผมจะให้คนติดต่อญาติของเด็กคนนี้มารับตัวไปทำศพก็แล้วกัน ถ้าญาติเขามาแล้วเราค่อยมารับหน้าก็ได้ครับ ป่านนั้นเราคงจะคุยกันเสร็จแล้ว”
    ขาดคำเตชวัฒน์ก็เดินนำหน้าไปก่อน ตามด้วยนรัตถพลและดาริกา ส่วนภาสกรรั้งท้ายอยู่หลังสุดเดินเข้าไปหานทีก่อน เอื้อมมือไปบีบที่บ่าเบาๆเหมือนพี่ชายปฏิบัติต่อน้องชาย
    “นทีหน้าซีดเชียว ไปหากาแฟดื่มกันนะครับ”
    “คุณชาย” หนุ่มน้อยกระซิบแผ่วเบา “ถ้าคุณชายได้ดื่ม...”
    “โธ่นที อย่าคิดมากเลยครับ” เขาลดเสียงลงให้ได้ยินกันสองคน “ยิ่งคุณคิดมากผมก็ยิ่งคิดมากตาม ถ้ายังคิดมากอยู่ผมก็ต้องอยากจะปลอบคุณนะเดี๋ยวก็กอดเสียตรงนี้หรอก”
    นทีอมยิ้มที่มุมปากก่อนจะบ่นว่า “บ้า” เบาๆ แล้วก็เดินนำหน้าชายหนุ่มไปทางเดียวกันกับพวกดาริกา
    ทั้งห้ามาที่ร้านกาแฟเล็กๆร้านหนึ่งในโรงพยาบาล เลือกที่ที่อยู่ด้านในถึงบรรยากาศจะดูสบายๆ แต่ทั้งห้ากลับเคร่งเครียดไม่สบายใจกันเสียส่วนใหญ่มีดาริกา และนรัตถพลเท่านั้นที่ค่อนข้างไม่สบายกายด้วยเพราะได้เดินมาทั้งวัน คนที่เริ่มบทสนทนาก็คือดาริกาที่ยังไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร รู้แต่ว่าภาสกรโทรมาบอกว่าคนใช้คนหนึ่งของเขาตายอย่างกระทันหันในบ้านให้รีบมาโรงพยาบาลเท่านั้น
    “เกิดอะไรขึ้นคะ คุณชายเล่าให้หญิงฟังเถอะค่ะ”
    “คืออย่างนี้ครับ เมื่อเช้ามีคนส่งนมสดจากนิวซีแลนด์มาให้ผม เป็นของขวัญวันเกิด เด็กในบ้านก็ออกไปรับมาผมเลยสั่งให้รินมาให้ผมและนทีดื่มด้วย ปรากฏว่าเด็กคนนั้นคงแอบชิมก่อน มาเจออีกทีก็มีแก้วนมแตกกระจายหกเต็มพื้นไปหมด เขาก็ลงไปชักหายใจไม่ออกแล้ว ขนาดผมรีบขับรถมาส่งที่โรงพยาบาลขนาดนี้ก็ยังไม่ทัน”
    ดาริกายกมือทาบอกอย่างตกใจ
    “ถ้าอย่างนี้ก็ชัดเลยนะครับ” นรัตถพลออกความเห็น “เป้าหมายของมันก็คือคุณชายจริงๆ จะเป็นคนเดียวกับเมื่อวานหรือเปล่าไม่รู้นะครับ”
    เตชวัฒน์หันขวับไปมองน้องชายอย่างไม่เข้าใจว่าพูดถึงอะไรอยู่ภาสกรเห็นจากท่าทางก็เข้าใจแล้วว่า นรัตถพลคงยังไม่ได้บอกเรื่องราววุ่นวายที่เกิดขึ้นให้ภาสกรฟัง คุณชายหนุ่มก็เลยเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้พี่ชายคนโตของราชสกุล สุวรรณฉายฟังอีกรอบ พยายามไม่ให้รายละเอียดใดตกหล่นไปได้
    พอเขาเล่าจบนรัตถพลก็เล่าเสริมว่า
   “วันนี้ผมกับน้องหญิงไปสืบเรื่องนี้มาครับพี่ชายเต้” เขาว่า ทีแรกเตชวัฒน์ก็ทำหน้าไม่พอใจ แต่ก็คงเห็นว่าเรื่องที่ไปสืบมานั้นมีความสำคัญอยู่ ควรจะรับรู้เสียก่อนตำหนิน้องๆ ก็ตั้งตัวตรงพร้อมฟังเรื่องราวทั้งหมดพอดีกับที่ชายคนหนึ่งเดินเข้ามานั่งโต๊ะใกล้ๆ ใส่หูฟังฟังเพลงอย่างไม่มีความหมายอะไร
    คุณชายกลางแห่งสุวรรณฉายเล่าเรื่องที่ไปสืบมาให้กับพี่ชายคนโต รวมถึงคุณชายภาสกรและนทีที่เป็นคู่เสียหายฟังด้วย ทั้งห้านั่งฟังอย่างตั้งใจจนจบ ต่างคนต่างก็เงียบไปเสียสนิท ไม่รู้จะพูดอะไรออกมา กระทั่งเตชวัฒน์เป็นฝ่ายถอนหายใจออกมาเสียก่อน คนอื่นจึงค่อยหายใจกันคล่องคอขึ้น
    “เอาเป็นว่าพี่จะส่งเรื่องนี้ไปให้ลูกน้องตำรวจสืบต่อดีกว่า น้องหญิงกับชายรัตไม่ควรไปเล่นเสี่ยงๆ แบบนี้” พี่ชายคนโตจ้องน้องสองคนด้วยแววตาอย่างผุ้ใหญ่ดุเด็ก จนสองคนนั้นรู้สึกตัวเล็กลงทันตา “แต่จากที่ฟังก็นับว่าเล่นกันได้สมบทบาทดี อย่างน้อยเราก็รู้ว่าเป้าหมายคือคุณชาย ถึงอย่างนั้นก็ไม่ควรทำอีกนะ เกิดพวกมันรู้ว่าพวกเธอรู้จักกับคุณชายภาสกร และตามมาถึงตัวเข้าละเป็นเรื่อง”
    “แต่มันส่งนม มาถึงที่วังพัทยานะคะ” ดาริกาว่า “ถ้ามันจะมาจัดการคุณชายจริงๆ อย่างไรมันก็ย้อนกลับมาได้"
    “ข้อเสียอยู่ตรงนี้แหละ ใครๆก็รู้ว่า บ้านของคุณชายหรือวังพัทยาอยู่ที่ไหน” เตชวัฒน์คนกาแฟก่อนจะยกจิบ “ตอนนี้มันคงยังไม่รู้หรอกว่าฆ่าผิดตัว ถ้าพี่เดาไม่ผิด มันคงดักซุ่มอยู่แถวปากทางเข้าเขตวังพัทยา คงเห็นรถคุณชายออกมาแล้วละ โชคดีที่คันนี้ติดฟิลม์มืด ไม่น่าจะรู้ว่าคนขับคือคุณชาย แต่ถ้ามันตามมาที่โรงพยาบาลละก็ ป่านนี้มันต้องรู้แล้วแน่ๆว่าคุณชายยังปลอดภัย”
    จะด้วยอุปาทานหรือไม่ ก็ไม่รู้ จู่ๆนทีก็รู้สึกว่ามีคนแอบมองพวกเขาอยู่ไม่ไกล หันขวับไปก็พบว่าไม่มีใครเสียหน่อย จึงหันมามองหน้าภาสกรเห็นคุณชายเลิกคิ้วเป็นคำถาม แต่นทีไม่ทันได้บอกอะไรเตชวัฒน์ก็สบโอกาสขัดขึ้นก่อน
    “คุณชายภาสกรอยู่ที่นี่ไม่ได้หรอก วังพัทยาไม่ปลอดภัยแล้ว ให้ท่านชายเรืองเดชและหม่อมวิไลวรรณกลับกรุงเทพเถอะครับ”
    “แต่ผมไม่อยากทิ้งนที” เขารีบปฏิเสธโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง ทำเอาหนุ่มน้อยข้างๆ ทั้งอุ่นใจ ทั้งลำบากใจในเวลาเดียวกัน
    “คุณชายพูดอย่างนี้ไม่ได้ ความปลอดภัยของคุณชาย รวมถึงท่านชายเรืองเดช และหม่อมวิไลวรรณ ต้องมาก่อนผม คุณชายเชื่อผมเถอะกลับไปกรุงเทพก่อน ไม่ใช่ว่าจะต้องจากกันตลอดไปเสียเมื่อไหร่ ผมไปหาคุณชายที่กรุงเทพบ่อยๆก็ได้เชื่อผมนะครับ เกิดคุณชายเป็นอะไรขึ้นมา...”
    ภาสกรยิ้มกว้างแม้จะมีแววกังวลใจอยู่ในตาแต่เขาก็กระซิบบอกคนรักของเขาเบาๆ ว่า “นทีไม่ต้องกลัวนะ ผมไม่ยอมเป็นอะไรไปหรอก กลัวจะไม่มีใครคอยดูแลนที”

    ท่านชายเรืองเดชคงทรงทราบเรื่องจากนมอุ่นแล้ว จึงเสด็จมาถึงโรงพยาบาล เมื่อทั้งหมดเดินกลับไปที่ห้องฉุกเฉิน ท่านชายก็ประทับอยู่ที่เก้าอี้หน้าห้องนั้นแล้ว ร่างไร้ชีวิตของจิ๋มนอนอยู่บนรถเข็นมีผ้าขาวคลุมไว้เรียบร้อยข้างๆนั้น คือพ่อและแม่ของหล่อนที่กอดร่างลูกสาวร้องห่มร้องไห้แทบจะขาดใจตายไปด้วยอีกคน หม่อมวิไลวรรณและทิฆัมพรยืนอยู่ไกลๆ ไม่กล้ามองศพและไม่อยากเข้าใกล้โรงพยาบาลเพราะกลัวเชื้อโรค ส่งสายตาตำหนิมาให้ภาสกรจนเสียวหลังวาบ
    เขากัดฟันเข้าไปขอโทษพ่อแม่ของจิ๋ม เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ฟัง มั่นใจว่าคงถูกด่าว่า ทุบตีบ้างที่เอาลูกเขามาตายแต่สองคนนั้นก็คุมสติได้ดีพอสมควรไม่ได้โวยวายหรือกรีดร้องใส่ภาสกร
    คนพ่อเอ่ยขึ้นเพียงว่า “ดีแล้วละ นังจิ๋มมันตายแทนคุณชาย อย่างน้อยมันก็ได้ทำประโยชน์ให้กับคนอื่น”
    “เรื่องงานศพเราขอเป็นเจ้าภาพเอง จะออกเงินให้ทุกอย่าง รวมถึงขอให้ช่วยรับค่าเสียหายไปด้วย” ท่านชายเรืองเดชรับสั่ง
    “มิได้พะย่ะค่ะ” คนพ่อพูดราชาศัพท์ผิดๆถูกๆ ระล่ำระลักขึ้น “ข้าพระพุทธเจ้า ไม่ทรงบังอาจ ให้ท่านชายมาออกค่าใช้จ่ายให้หรอก พะย่ะค่ะ เท่านี้ก็ทรงตื้นตันใจแล้ว”
    ท่านชายเรืองเดชคงนึกขันอยู่บ้างแต่ก็รับสั่งเพียงว่า
    “ไม่ต้องพูดราชาศัพท์กับเราหรอก เรายินดีให้เงินทำขวัญแล้วก็เป็นเจ้าภาพให้จริงๆ ไม่ได้พูดตามมารยาท จะปฏิเสธน้ำใจเราทีเดียวหรือ” เพียงนั้น สองตายายก็ไม่ได้ว่าอะไรอีก แต่ยังคงร้องไห้อยู่อีกนานกว่าจะกลับกันไป
   นทียืนมองด้วยความสงสาร ไม่รู้ว่าพ่อแม่ต้องมาเห็นลูกตายไปก่อนตนหรือว่าลูกเห็นพ่อแม่ตาย อย่างไหนมันน่าเศร้ากว่ากัน

    ความเศร้าโศกที่เพิ่งประจักษ์มา และความใจหายที่รอดตายไปอย่างน่าอัศจรรย์ถึงสองครั้งติดๆกันทำเอาภาสกรและนทีถึงกับกินข้าวไม่ลง ท่านชายเรืองเดชก็คงพอกัน แม้จะตัดสินใจหาร้านอาหารกินข้าวไปคุยไปก็นั่งฟังเรื่องของลูกชาย พร้อมกับกินข้าวไปไม่กี่คำเท่านั้น มีก็แต่ทิฆัมพรคนเดียวที่กินเอาๆ ชวนหม่อมวิไลวรรณกินบ้าง คุยเล่นเรื่องอื่นไม่สนใจภาสกรบ้าง จนท่านชายต้องปรายตามองอยู่บ่อยๆ พอ ทิฆัมพรเริ่มหมดฤทธิ์ ท่านชายเรืองเดชก็พูดขึ้นว่า
    “พ่อจะกลับกรุงเทพกับแม่เราเดี๋ยวนี้” ภาสกรแทบจะวางช้อนแล้วเงยหน้ามองด้วยความตกใจ แต่เมื่ออยู่กับพ่อ มารยาทเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด จึงได้แต่รับคำเท่านั้น “ให้มิ่งเมืองขับรถไปส่งเดี๋ยวอีกสองชั่วโมง อาหมอของชายก็ออกเวรแล้ว พ่อก็จะกลับทันที อยู่ต่อไปไม่ได้ อันตรายมาก ชายภาสและนทีเองก็ต้องไปกรุงเทพด้วยนะ พ่อไม่ให้อยู่ที่นี่”
     ภาสกรตกใจไม่คิดว่าจะได้ยินท่านพ่อพูดเหมือนอนุญาตให้นทีมาที่บ้านอย่างนี้เขากำลังคิดอยู่เลยว่าทำอย่างไรถึงจะชวนนทีไปด้วยกันได้ นทีเองได้ยินชื่อตัวเองก็เงยหน้ามองท่านชายแต่พอรู้ตัวว่าเสียมารยาทจึงรีบก้มหน้าหลบตา ภาสกรเห็นกิริยานั้นก็เข้าใจว่านทีเกรงใจไม่อยากไปกรุงเทพพร้อมท่านพ่อของเขา
    “หนูนทีมีธุระอะไรที่พัทยาหรือไม่ ถ้าไม่มี ฉันขอเชิญไปที่วังผกากรองนะไปเป็นแขกให้ฉันควบตำแหน่งพ่อครัวด้วย” ท่านชายเรืองเดชสรวล “บอกตามตรงว่าติดใจ แล้วก็เป็นห่วงเห็นชายภาสว่าเราตัวคนเดียว”
    “ท่านพ่อไม่เคยชวนเพื่อนคนไหนของชายภาสมาเที่ยวที่วังเลยนะจ๊ะหนูนทีอย่าปฏิเสธเลยจ้ะ” วิไลวรรณยิ้มให้กับหนุ่มน้อยเมื่อเห็นว่านทีเตรียมตั้งท่าจะปฏิเสธ  “อีกอย่างถ้าพวกมันต้องการฆ่าชายภาสจริงๆ วันที่หนูวิ่งจับโจรฉกกระเป๋า มันก็คงเห็นหนูแล้ว อยู่ที่นี่ต่อไปก็จะอันตรายไปอยู่ที่วังกับพวกเรานะจ๊ะ”
    “ถ้าเป็นประสงค์ของท่านชาย และหม่อม ผมก็ยินดีครับ”
   “ได้ยินแล้วนะชายภาส เราขับรถตามไปกับหนูนทีนะ” ท่านชายเรืองเดชรับสั่ง “ถ้าทำได้ก็กลับเลยคืนนี้”
   ทิฆัมพรหน้าบึ้งขึ้นทันทีรีบแย้งว่า
    “น้องนที ดูเด็กๆน่าจะยังเรียนไม่จบนะจ๊ะ ไปอยู่กรุงเทพได้ยังไง ไม่ต้องไปเรียนหรือ ให้พี่นั่งรถไปกับคุณชายดีกว่าเราน่ะอยู่นี่ล่ะจ้ะ”
    “ผมปิดเทอมแล้วครับ อีกนานกว่าจะเปิด” นทีตอบอมยิ้มแบบปากปราศรัยน้ำใจเชือดคอ “พี่ฟ้ามีถ่ายละครมะรืนนี้อีกฉากไม่ใช่หรือครับ ไปๆมาๆ เหนื่อยแย่เลย อยู่พักผ่อนที่พัทยานี่เถอะครับ จะได้สวยๆเวลาเข้ากล้อง”
    คำพูดแบบใบมีดอาบน้ำผึ้ง เฉือนหูทิฆัมพรจนแดงแปร๊ด สวยเวลาเข้ากล้องก็คือไม่สวยในชีวิตจริงนั่นแหละ! มือกำส้อมแน่นเข้าจนเจ็บมือ แทบจะยกขึ้นแทงนทีแล้วถ้าทำได้ ยิ่งท่านชายเรืองเดชรับสั่งเสริมอีกว่า “ฉันเห็นด้วย หนูฟ้าอยู่ที่นี่ไม่ต้องตามไปหรอก” ทิฆัมพรก็แทบจะกรี๊ดออกมาดังๆ ทีเดียว
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 46 หนีตาย ! 3/4/14 - 18.50
เริ่มหัวข้อโดย: Nano PL ที่ 03-04-2014 21:49:05
สมควร หึหึ
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 46 หนีตาย ! 3/4/14 - 18.50
เริ่มหัวข้อโดย: kasarus ที่ 03-04-2014 23:20:21
นานมาก ขอทวนความจำก่อนนะ
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 46 หนีตาย ! 3/4/14 - 18.50
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 07-04-2014 22:11:54
สงสาร นทีกับคุณชายนะ แต่ขำคุณฟ้าเธอจริงๆ
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 46 หนีตาย ! 3/4/14 - 18.50
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 08-04-2014 10:56:46
ตอนแรก้ศร้าๆ
พอมาตอนท้าย ฮาเลยจ้า
สมน้ำหน้ายัยฑิฆัมพร 555
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 46 หนีตาย ! 3/4/14 - 18.50
เริ่มหัวข้อโดย: mutoo ที่ 21-07-2014 20:59:33
อยากให้มาต่อค่ะ
อย่าเพิ่งเลิกแต่งเรื่องนี้นะ เค้าชอบ
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 46 หนีตาย ! 3/4/14 - 18.50
เริ่มหัวข้อโดย: xdevo2divx ที่ 10-12-2014 18:51:28
เมื่ออาทิตย์ที่แล้วอ่านปางบรรพ์ อาทิตย์นี้อ่านเรื่อง คุณชาย ยอมรับเลยครับว่าคนเขียนเขียนได้ดีจริงๆครับบบ ^^

มาอัพเร็วๆนะครับ เป็นกำลังใจให้  :-[

ปล. สมัครล็อกอินมาเพื่อเรื่องนี้เลยครับบ  :hao5:
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 46 หนีตาย ! 3/4/14 - 18.50
เริ่มหัวข้อโดย: noozzz ที่ 11-12-2014 00:05:09
ถ้าไม่ติดว่านี่เป็นนิยายวายนะ จะเชียร์ดาริกาเลยจริงๆ ทั้งสวย ฉลาด มีชาติตระกูล
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 46 หนีตาย ! 3/4/14 - 18.50
เริ่มหัวข้อโดย: แมลงมีพิษชนิดหนึ่ง ที่ 12-12-2015 13:01:28
ช่วยมาต่อให้จบทีเถอะ พลิสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส

 :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 46 หนีตาย ! 3/4/14 - 18.50
เริ่มหัวข้อโดย: akajinkame ที่ 19-02-2017 09:12:21
มาต่อเถอะค่ะเรื่องนี้ มันสนุกมากจริงๆ
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 46 หนีตาย ! 3/4/14 - 18.50
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 18-11-2017 10:16:22
จะรอ รอ รอ รอ รอ รอคนเขียนกลับมาต่อ  :mew2:
หัวข้อ: Re: [คุ ณ ช า ย ๒] : บทที่ 46 หนีตาย ! 3/4/14 - 18.50
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 16-05-2020 20:43:43
 :pig4:
 :katai2-1: