พิมพ์หน้านี้ - [เรื่องสั้น]คนสุดท้ายของหัวใจ[08/05/54]{จบ}
CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE
Boy's love => เรื่องสั้น => ข้อความที่เริ่มโดย: July_Moon ที่ 26-04-2011 16:09:15
-
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
สรุปข้อสำคัญดังนี้
1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้าม มิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์ และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม
5.ขอ ให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่ นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน
ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
6.อย่า พูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยาย ในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
เวปไซต์แห่งนี้เป็น เวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
************************************************************************************************
เรื่องนี้ดราม่าค่ะ!!!!
เกิดจากการที่น้องคนหนึ่งบอกให้ลองเขียนดู "kyoya11"
แต่รับรองจบแบบ Happy Ending ฝากด้วยนะคะ
-
Short Story :: คนสุดท้ายของหัวใจ
“คบกันดูไหม?”
เขาหันมามองหน้าของผมด้วยแววตาตกใจ เพียงครู่เดียวก็คลี่รอยยิ้มออกมาพร้อมกับเหม่อมองออกไปตรงจุดซึ่งมีรถจักรยานยนต์วิ่งเข้ามาจอด คงคิดว่าเป็นเรื่องพูดกันเล่นๆอย่างที่ใจผมเองก็คิดแบบนั้น วันนี้เป็นวันไม่ธรรมดาเพราะเหล่านักเรียนในโรงเรียนจะพากันจดจ้องเขาคนนี้ตรงหน้าของผม
ทุกคนมักเรียกวันนี้ว่าวันแห่งการเริ่มต้นใหม่....
“พิซซ่าที่สั่งได้แล้วครับ ทั้งหมดเป็นเงิน 599 บาทครับ” พนักงานส่งของยื่นกล่องพิซซ่ามาตรงหน้าของผมซึ่งผมรับมันมา แต่ตอนล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงก็พบว่ากระเป๋าสตางค์ของผมไม่ได้อยู่ในนั้น
แย่แล้ว...ผมคงลืมมันเอาไว้บนห้องเรียนแน่ๆ ทำยังไงดีล่ะทีนี้
“เอ่อ...ขอโทษนะครับ ช่วยรอตรงนี้สักครู่เดี๋ยวผมขอไปหยิบเงินมาก่อน” ผมส่งกล่องพิซซ่าคืนให้กับพนักงานส่งของคนนั้นก่อนเตรียมจะวิ่งไปเอากระเป๋าสตางค์บนห้องเรียน
“อ๊ะ! พี่ครับ ไม่ต้องครับ นี่ครับเงิน”
เขาส่งเงินให้กับพนักงานส่งของคนนั้นก่อนจะถือกล่องพิซซ่าเอาไว้ในมือ ผมจ้องมองเขาด้วยความสงสัยลึกๆในใจ บางอย่างซึ่งเขามีผมเองกลับไม่เคยมีมันมาก่อน สิ่งนั้นมันคืออะไรกันแน่
“ขอบใจนะ เดี๋ยวฉันไปหยิบเงินคืนให้ที่ห้อง นายอยู่ห้องไหนฉันจะได้เอาไปคืนให้ถูก”
“ผมอยู่ห้อง ม. 5/1 ครับ พี่จำผมไม่ได้หรือครับ” เขาส่งรอยยิ้มที่ทุกคนเรียกกันว่าสิ่งเติมเต็มความอบอุ่นสู่หัวใจนั่นมาให้กับผม
ผมขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางนึกว่าเคยเจอเขาที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า ผมก็แค่รู้จักเพราะเพื่อนของผมเองก็เคยเป็นแฟนกับผู้ชายคนนี้ จะว่าไป ม.5/1 มันก็รุ่นน้องสายรหัสของผมเองนี่นะ แต่ผมเองจำไม่ได้ว่าเคยคุยกับเขามาก่อนหน้านี้
“ไม่ได้ ขอโทษทีนะระบบความจำเรื่องชื่อกับหน้าคนฉันมันไม่ค่อยดีน่ะ” ผมแค่นรอยยิ้มฝืนๆส่งไปให้ มันคงเสียมารยาทอยู่เหมือนกันที่เขาอุตส่าห์ออกเงินให้ก่อนแล้วยังไปบอกว่าจำเขาไม่ได้อีก แต่ผมไม่ชอบการโกหกสักเท่าไหร่นี่นา
“ไม่เป็นไรครับ เพราะพี่คงไม่ได้มีเวลามาจดจำคนอย่างผมหรอกสินะครับ” ผมคิดไปเองหรือเปล่าที่เห็นใบหน้าของเขาดูหมองลงไป
“เฮ้อ...บอกแล้วไงว่าขอโทษ ต่อให้เป็นเพื่อนสนิทแล้วไม่ได้เจอกันเลยฉันยังลืม จะให้ทำยังไงล่ะก็เป็นแบบนี้นี่” ผมชักเริ่มหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก แต่พอพูดแบบนั้นออกไปหมอนั่นก็หันหน้ามาส่งรอยยิ้มให้ผมเหมือนเดิม
“ถึงห้องของผมแล้วล่ะครับ ไว้เจอกันนะครับพี่”
ผมรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องชอบกล ไอ้อารมณ์แปรปรวนของผมวันนี้ทำให้พูดอะไรแปลกๆออกไปกับรุ่นน้องที่ดังไปทั่วโรงเรียนอย่างเขา หลุดปากขอคบไปจนได้ แต่ดูท่าเจ้าตัวก็ไม่ได้ติดใจสงสัยอะไรนี่ คงไม่เป็นอะไรหรอกนะ
“โมเดล!!! ฉันเห็นนายเดินมากับฮิโระคุงด้วย ไปสนิทกันตอนไหนยะ!”
ปาล์มเด็กผู้หญิงซึ่งเคยเป็นหนึ่งในแฟนของฮิโรกิ หรือที่ทุกคนมักเรียกกันว่าฮิโระ เด็กรุ่นน้องที่มีข่าวลือเกี่ยวกับตัวของเขามากกว่าเรื่องราวใดๆ ในโรงเรียนนี้เสียอีก เด็กผู้ชายที่เปลี่ยนแฟนไปเรื่อยๆ แต่ไม่เห็นมีใครคนไหนที่คบกับเขาหลังจากเลิกกันจะเอาเขามาพูดในทางที่ไม่ดี อย่างปาล์มเองก็บอกว่าเป็นช่วงเวลาที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับ 1 สัปดาห์ที่ได้คบกับฮิโระ
คงเพราะแบบนี้ผมถึงได้อยากจะลองคบกับคนแบบเขาบ้างสักครั้ง เผื่อว่าอาจจะได้พบเรื่องราวที่ไม่น่าเบื่อในชีวิตโรงเรียนนี้บ้าง
“เปล่าหรอก ฉันลืมกระเป๋าสตางค์ไว้ในกระเป๋านักเรียน หมอนั่นเลยจ่ายให้ก่อนน่ะ หาว~!!!”
ผมง่วงนอนมากจนเผลอหาวกระทั่งน้ำตาไหล แต่พอปาล์มเห็นท่าทางแบบนั้นของผมก็ดูเหมือนว่าจะอารมณ์บูดขึ้นมาซะทุกครั้ง ทำให้ผมโดนทำร้ายร่างกายอยู่ประจำ
โป๊ก!!
“ฉันบอกนายกี่ทีแล้วยะให้สำรวมกิริยา!! เพราะแบบนี้นี่ล่ะแฟนๆของนายถึงบอกเลิกน่ะ คนปัจจุบันนี่จะทนได้นานเท่าไหร่เชียว”
“เลิกไปตั้งแต่เมื่อวานแล้วล่ะ”
ผมลูบหัวตัวเองป้อยๆตรงที่โดนฝ่ามือของปาล์มฟาดลงมา ก่อนจะตอบคำถามที่ดูเป็นการประชดด้วยความเรียบง่าย เด็กผู้หญิงพวกนั้นอยู่ๆก็มาขอคบ พอไม่เหมือนที่คิดก็มาขอเลิกจนผมเริ่มจะชินกับวงเวียนชีวิตแบบนี้ไปเสียแล้ว
“คบกันไปกี่วัน”
ไนท์เพื่อนผู้ชายที่สนิทกับผมเดินเข้ามาถามด้วยสีหน้าอยากรู้ ปาล์มเองก็จ้องหน้าผมเพื่อรอคำตอบเช่นกัน ผมลองนึกไปสักพักก่อนจะเอ่ยคำตอบซึ่งทำให้ปาล์มดูจะไม่พอใจเท่าไหร่
“ไม่รู้” สั้นๆง่ายๆได้ใจความ ผมไม่เคยจำว่าแต่ละคนคบนานเท่าไหร่ ผมไม่อยากนับถอยหลัง เพราะจะนานแค่ไหนก็จบลงที่ผมเป็นฝ่ายถูกบอกเลิกอยู่ดี มีแต่พวกเอาแต่ใจตัวเองทั้งนั้น
“หึ...แน่ล่ะสิ ดูท่าทางภายนอกของนายมันชวนคิดว่าเป็นเจ้าชายขี่ม้าขาวนี่ แต่พอเอาเข้าจริงๆนิสัยนายมันออกจะไม่สนใจโลกเลยด้วยซ้ำ พูดอะไรบางทีก็เหม่อไม่ฟัง ผู้หญิงที่ไหนเค้าจะทนนายไหวหา?!!”
“พอได้แล้วปาล์ม พูดอะไรไม่เกรงใจเดลมันบ้างเลย” ไนท์หันไปดุปาล์มซึ่งยืนชี้หน้าต่อว่าผมปาวๆในห้อง อ่อ...ไม่ต้องห่วงหรอกครับช่วงนี้ใกล้งานโรงเรียนอาจารย์เลยไม่เข้าสอนปล่อยพวกผมเตรียมงานกัน แต่ว่ายังไงกว่าจะเริ่มทำอะไรจริงจังคงใกล้ๆงานนู่น ปล่อยพวกผมแบบนี้ก็สบายเลยสิครับ
“เอาน่าๆ ไม่เป็นไรหรอก ปาล์มพูดความจริงนี่ ฉันมันแค่เปลือกนอกเท่านั้นล่ะ” ผมโบกมือบอกว่าไม่เป็นไรจริงๆไปให้ ไนท์มันเลยยอมลดสายตาดุๆ นั่น ก่อนจะนั่งลงกินพิซซ่าซึ่งผมสั่งมากินกัน
“ว่าแต่นายตกลงจะไปที่นั่นจริงๆเหรอ” ไนท์หยิบพิซซ่าขึ้นมากัดก่อนจะถามคำถามซึ่งผมเองไม่ค่อยได้ใส่ใจกับมันเท่าไหร่นัก
“นายคิดว่าไงล่ะ? ทำเหมือนฉันมีสิทธิ์เลือกหรือยังไง สุดท้ายทุกอย่างมันก็ต้องมาลงที่ฉันอยู่ดี ก็แค่เป็นตัวตายตัวแทนไม่เห็นน่ากังวลตรงไหน” ผมกัดพิซซ่าเข้าไปคำใหญ่ทำเหมือนกับมันเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่ผมต้องเจอกับอะไรแบบนี้
“เลิกทำเหมือนไม่ใส่ใจทีได้ไหม? นายคิดว่านายเป็นมนุษย์อยู่ไหม? สิทธิมนุษยชนเคยอ่านบ้างไหมหา?!! จะบ้าหรือยังไงไปตอบตกลงทำอะไรบ้าๆแบบนั้น พวกคนที่บ้านนายเองก็เหมือนกันเห็นนายเป็นอะไรทำไมทำกับนายแบบนี้ เรื่องมันตั้งกี่ปีมาแล้วยังไม่เลิกโทษนายอีก ไอ้สารเลวนั่นด้วยยังมีหน้ามาตีหน้าซื่อหลอกลวงคนอื่นได้อีก”
ผมยิ้มอย่างปกติมองดูปาล์มซึ่งระบายออกมายาวเหยียดจนผมฟังแทบไม่ทัน ผมคงตอบได้คำเดียวได้ว่าผมชินแล้ว แต่ขืนพูดแบบนั้นออกไปปาล์มคงได้ร่ายยาวใส่ผมเรื่องสิทธิมนุษยชนต่างๆให้ผมฟังอีกเป็นกระบุง ดังนั้นผมเลือกจะเงียบไว้มากกว่า
“นายเลือกแล้วจริงๆสินะเดล”
ผมพยักหน้าตอบรับคำพูดของไนท์ไป เพียงพักเดียวเท่านั้นพิซซ่าและของกินเล่นที่ผมสั่งมาทั้งหมดก็หายลงไปในกระเพาะของพวกผมสามคนอย่างรวดเร็ว
เลิกเรียนผมเดินตรงไปยังห้อง ม.5/1 แต่ก็ไม่เห็นเงาของฮิโรกิแม้แต่น้อย จึงตัดสินใจเดินไปยังชมรมทำสวนซึ่งอยู่ไม่ห่างจากห้องนั้นนัก วันนี้คิดว่าจะไปดูกุหลาบซึ่งเพิ่งทดลองปลูกใหม่ สายพันธุ์นี้ได้มาจากประเทศญี่ปุ่นเห็นว่าตัดต่อสายพันธุ์จนได้สีฟ้าสวยทีเดียว
“สวัสดีครับพี่ คิดอยู่แล้วว่าพี่ต้องมาอยู่ที่นี่” ฮิโรกิซึ่งนั่งพักอยู่บนเก้าอี้พักผ่อนในเรือนกระจกหันมาส่งยิ้มให้ผม
“เจอก็ดีแล้ว นี่เงินของนาย ขอบคุณที่ออกให้ก่อน”
“ไม่เป็นไรครับ ส่วนเงินขอไม่รับแล้วกัน” เขายัดเงินคืนใส่กระเป๋าเสื้อของผม
“แล้วจะเอายังไง ฉันพานายไปเลี้ยงข้าวแล้วกัน ตามมาสิ” ผมเดินนำออกมาอย่างไม่คิดอะไรมาก ไม่อยากติดเงินรุ่นน้อง แต่ดูท่าทางหมอนั่นคงไม่ยอมรับเงินคืนไปง่ายๆเหมือนกัน
“เดี๋ยวครับพี่...ผม...เอ่อ....” ฮิโรกิวิ่งมาดึงแขนของผมไว้ แต่พอผมหันไปสบตาเขากลับมาท่าทีอึกอักไปเล็กน้อย
“มีอะไรก็ว่ามาสิ หรือว่านายมีแฟนประจำอาทิตย์แล้วสินะ งั้นโทษทีไว้ฉันซื้อของตอบแทนให้แล้วกัน”
“หมายความว่ายังไงครับ? ไม่ใช่อย่างนั้นนะ....”
“งั้นก็ตามมาสิ ฉันหิวข้าว” ผมไม่สนใจอะไรทั้งนั้นเดินจูงมือฮิโรกิขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ซึ่งเพิ่งถอยมาหมาดๆของผมทันที
“เอ้านี่หมวกใส่ซะ ถ้ากลัวก็กอดเอวฉันแน่นๆเข้าใจนะ” ผมตีความท่าทางตะกุกตะกักไม่เป็นธรรมชาติของเขาว่าคงไม่เคยซ้อนมอเตอร์ไซค์มาก่อน เห็นปกติมีรถหรูๆมาเทียวรับเทียวส่งตลอด ไม่เคยเห็นไปไหนมาไหนเองคนเดียวสักที จะว่าไปก็ไม่เคยเห็นหน้าคนขับซะด้วยสิ
“คือว่าผม...”
“รังเกียจอย่างนั้นสินะ ช่างเถอะ...งั้นบายแล้วกัน” ผมสตาร์ทรถเตรียมจะออกแต่อยู่ดีๆก็รู้สึกถึงแรงกอดจากด้านหลัง ผมเผลอยิ้มออกมาแต่คงไม่มีใครเห็นเพราะผมสวมหมวกกันน็อคเรียบร้อยแล้ว
พอรถเริ่มเคลื่อนตัวออกสายสมก็ตรงเข้าปะทะอย่างรุนแรง ผมชินกับความเร็วระดับนี้เป็นธรรมดาที่ผมจะเร่งเครื่องเร็วๆ เหมือนกับได้ติดปีกบินไปในอากาศ มีอิสระ...
ผมรู้สึกได้ว่าแรงกอดที่เอวผมออกจะแน่นขึ้นมาเล็กน้อย แต่ผมก็ยังเป็นผมไม่ได้ใส่ใจจะลดระดับความเร็วต่ำลงไปกว่านั้น พวกเด็กผู้หญิงที่เคยคบกับผมปกติคงไม่แค่กอดแต่ร้องโวยวายลั่นไปหมด มีผู้ชายมานั่งซ้อนท้ายก็แปลกดีเหมือนกัน ไม่ต้องทนสียงกรีดร้องดีด้วย สบายหูสุดๆ
ผมจอดรถตรงหน้าร้านเค้กเล็กๆ ซึ่งมีเด็กผู้หญิงมากมายในนั้น ผมสังเกตว่าคนด้านหลังของผมดูจะงงๆ กับการที่ผมลากเขามาที่นี่
“ลงไปสิ ฉันหิวแล้วนะ” ผมถอดหมวกออกก่อนจะหันไปเตือนฮิโรกิ ดูท่าทางเขายังคงมึนๆ หรือว่าผมจะขี่เร็วเกินไปจนสมองเขากระทบกระเทือนไปแล้วนะ
“....” ผมเอื้อมมือไปสะกิดเขาก็ยังนิ่งอยู่แบบนั้นจนผมต้องลงมือถอดหมวกกันน็อคออกให้กับเขาเอง
“ไหวไหมนายน่ะ” ผมเริ่มจะใจไม่ดีเมื่อเห็นสีหน้าเหม่อลอยแบบนั้นของเขา สุดท้ายเลยตัดสินใจเอี้ยวตัวไปสุดๆ เพราะผมเองก็ลงจากมอเตอร์ไซค์ไม่ได้ในเมื่อหมอนี่มันนั่นซ้อนหลังผมอยู่ “นี่...!” ผมตะโกนสุดเสียง หมอนั่นหับขวับมาทันทีทำให้ริมฝีปากของเราสองคนเฉียดผ่านกัน
โครม!
อย่ามามองผมด้วยสายตาแบบนั้น ผมไม่ได้ชกหรือทำร้ายร่างกายสุดหล่อของใครๆแต่อย่างใด พอหมอนั่นหันหน้ามาแล้วรู้ว่าปากชนกับผมก็ถอยหลังร่วงลงไปนอนกับพื้นเองมากกว่า อะไรมันจะขี้ตกใจขนาดนั้น กับแค่ปากเฉียดกันไปหน่อยเดียว ทำอย่างกับเสียจูบแรกไปได้ นั่นถ้านับเป็นจูบก็จูบแรกของผมเหมือนกันล่ะมั้ง? แต่มันก็แค่เอาปากเฉียดกันซะหน่อยไม่เห็นจะมีอะไร
“ลุกไหวไหม? เร็วเข้าสิฉันหิวแล้วนะ” ผมดึงตัวฮิโรกิขึ้นมาก่อนหมอนั่นจะทำท่าปัดๆฝุ่นออกจากเสื้อผ้าและกางเกง
“ขอบคุณครับ” หมอนั่นเกาหัวเขินๆ พอมามองใกล้ๆแบบนี้หมอนี่ก็หล่อดีอยู่หรอก คิ้วเข้ม ตาคม จมูกโด่ง ผิวขาวละเอียดเทรนด์เกาหลีกำลังมาแรงเลย ตบท้ายริมฝีปากนุ่มๆนั่นด้วย จะถามหรือไงว่าผมรู้ได้ยังไง? ก็เมื่อตอนปากเฉียดกันนั่นล่ะอย่ามาทำไม่รู้เรื่อง
“ไปเถอะ ฉันไม่ชอบคนมอง” ผมเดินนำเข้าไปในร้าน ภายในมีเด็กผู้หญิงนั่งอยู่มากมาย เจ้าของร้านเองก็กำลังแจกรอยยิ้มดูแลลูกค้าที่มากันอย่างหนาแน่น
“เยลลี่ชาเขียวปั่น ไม่หวาน ดาร์คช็อกโกแลตเค้กด้วย นายเอาอะไร?” ผมหันไปมองฮิโรกิซึ่งยืนมองรอบๆตัวด้วยความงุนงง หมอนี่มันจะอะไรกันนักหนานะ
“ผมขอเป็นกาแฟดำดีกว่าครับ”
“ตามนั้นล่ะ” ผมเดินไปนั่งโต๊ะตัวที่ว่างซึ่งมันก็อยู่ติดกับเคาท์เตอร์ของร้านพอดี
“โมเดล...นายมาที่นี่ทำไม?!” เสียงตะโกนอย่างกราดเกรี้ยวดังออกมาจากหลังเคาท์เตอร์ ผมเงยหน้าขึ้นไปมองก่อนจะยิ้มเยาะโดยไม่พูดอะไร
“เดล...พี่ว่าเราคุยกันรู้เรื่องแล้วนะ ทานเสร็จแล้วก็รีบออกไปแล้วกัน” มาสเตอร์ของร้านออกมากล่าวผมแค่นรอยยิ้มส่งไปโดยไม่ลืมหันไปมองผู้ชายที่มีหน้าตาพิมพ์เดียวกับผม
“โฮมเพจ...นายรู้ไหมพ่อกับแม่ทำอะไรตอนนี้ เขาขายฉันยังไงล่ะ ขายให้กับพวกยากูซ่าในญี่ปุ่น ฉันต้องถูกตราหน้าว่าฆ่าพี่ชายของตัวเองจากคนในบ้าน แล้วนายล่ะรู้ไหมว่าใครฆ่าเขา?” ผมหัวเราะเหมือนคนเสียสติ “เพราะฉะนั้นสิ่งที่ฉันทนมาตลอด 6 ปีมันจะจบลงแล้ว ถ้าถึงที่นั่นเมื่อไหร่ฉันจะฆ่าตัวตายทันที น่าสนุกดีไหมล่ะ?”
“โมเดล!! นายอย่ามาพูดไร้สาระในร้านของฉันนะ!!” มาสเตอร์ของร้านตวาดใส่หน้าของผมลั่น พนักงานของร้านคนอื่นๆไล่ลูกค้าออกไปจนหมด พร้อมทั้งปิดร้านไม่ให้ใครเห็นเรื่องราวซึ่งเกิดขึ้นภายใน
ผมเองไม่ได้อยากจะมาหาเรื่องหรอกนะ... แต่พอเห็นคนสองคนนี้อยู่ด้วยกันราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วผมรู้สึกเหมือนถูกคุกคาม ทั้งๆที่คิดว่าไม่เป็นไรมาตลอดแท้ๆ ทั้งๆที่ไม่เจอมานานถึง 6 ปี แต่แผลในใจผมไม่ได้จางหายไปด้วยเลยสักนิดเดียว มันบาดและฝังลึกลงไปอยู่อย่างนั้นตลอดเวลา
“แก! อย่ามาพูดแบบนั้นนะ คนอย่างแกนั่นล่ะที่ถูกพี่ข่มขืน แกเลยฆ่าพี่ให้ตาย เพราะแกนั่นล่ะ!!” โฮมเพจตะโกนพร้อมตรงเข้ามากระชากคอเสื้อของผมเข้าไปหา แต่ผมกลับผลักเขาไปกระแทกโต๊ะข้างๆจนล้มลงไปได้อย่างง่ายดาย
“ผมฆ่าเหรอ....? หึหึ...รู้ไหมตอนนี้ตำรวจตรวจพบหลักฐานของจริงแล้วล่ะนะ สิ่งที่คุณเหลือมันไว้ในที่เกิดเหตุพร้อมลายนิ้วมือไงล่ะ พ่อกับแม่ก็รักคุณเหลือเกินนะ...พอรู้แบบนั้นก็สั่งตำรวจให้ปิดเรื่องเงียบ ปล่อยใครๆคิดว่าผมเป็นฆาตกร สนุกไหมล่ะพี่ชาย...ที่ทำลายชีวิตของผมตลอด 6 ปี คุณสนุกกับมันมากไหม?”
“พอได้แล้วโมเดล!!” มาสเตอร์ของร้านตะโกนก่อนจะปล่อยหมัดออกมา ผมหลับตาเตรียมพร้อมที่จะรับกับความเจ็บปวด แต่กลับไม่ใช่...
“ผมไม่รู้นะครับว่าพี่เขาทำอะไร แต่คุณเองไม่มีสิทธิ์มาทำร้ายร่างกายคนอื่นครับ” ฮิโรกิจ้องมาสเตอร์ด้วยแววตาน่ากลัว ผมได้ยินเสียงกระดูกลั่นกรอบแกรบ
“โอ๊ย!! สารเลวปล่อยเดี๋ยวนี้นะ” มาสเตอร์ร้องลั่น ฮิโรกิมองด้วยสีหน้านิ่งก่อนจะสะบัดมือของมาสเตอร์ทิ้งเอื้อมมือไปหยิบกระดาษทิชชู่มาเช็ดมือด้วยท่าทางเหมือนเพิ่งจับของสกปรกมา
“พี่ครับ กลับกันเถอะ ผมอยากไปทานร้านอื่นมากกว่าร้านนี้ท่าทางของจะสกปรก” ฮิโรกิดึงมือผมให้ออกจากร้าน กระทั่งลูกน้องในร้านของมาสเตอร์ก็ยังหลีกทางให้กับสายตาเย็นชาของเขา
“ขอโทษนะ ฉันไม่คิดว่าจะเจอคนพวกนั้นที่นี่” ผมแค่นรอยยิ้มส่งไปให้กับฮิโรกิ รุ่นน้องซึ่งผมเพิ่งจะได้คุยวันนี้ แต่กลับต้องมารับรู้เรื่องราวซึ่งแม้กระทั่งไนท์กับปาล์มยังเพิ่งรู้เมื่อไม่นานมานี้ ทั้งๆที่ทั้งสองคนเป็นเพื่อนสนิทของผมมาตั้งแต่สมัยประถม
“พี่ครับ... ผมตั้งใจเป็นที่พักให้พี่นะครับ ถ้าเหนื่อยผมมีไหล่ให้ซบ ถ้าพี่เดินไม่ไหวเมื่อไหร่ผมจะแบกพี่ไว้บนหลังแล้วเราเดินไปด้วยกันนะครับ ขออย่างเดียวอย่าฆ่าตัวตายอย่างที่พี่พูดเลยครับ มีอีกหลายคนที่รักพี่แม้พี่อาจจะไม่ได้มองทางพวกเขา ถึงอย่างนั้นก็รักตัวเองบ้างเถอะครับ”
ฮิโรกิกุมมือของผมเอาไว้แน่นมากตอนนั้น ผมรู้สึกอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก เหมือนหมอกสีดำในใจของผมค่อยๆจางลงไปเมื่อได้ฟังคำพูดเหล่านั้น บางทีผมอาจต้องการแค่ที่พักพิงก็ได้... แค่ใครสักคนที่เข้าใจผมอย่างแท้จริง
“นายขี่มอเตอร์ไซค์เป็นไหม?”
“เอ๋? อ...เอ่อ...เป็นครับ” ฮิโรกิตอบอย่างตะกุกตะกักผิดกับท่าทางมั่นใจเมื่อสักครู่
“ช่วยขี่ไปเรื่อยๆหน่อยได้ไหม? ขอร้องล่ะนะ” ผมฝืนยิ้มครั้งสุดท้ายก่อนจะสวมหมวกกันน็อคให้กับตัวเอง
ฮิโรกิสวมหมวกแล้วขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์ ผมเองก็ขึ้นไปนั่ง เขาหันมาสำรวจพร้อมดึงมือผมเข้าไปกอดเอวของเขาเอาไว้
“กอดผมแน่นๆ นะครับ” ฮิโรกิหันมายิ้มให้กับผม ก่อนจะเริ่มบิดคันเร่งออกตัวไปอย่างรวดเร็ว
มือของผมกอดเอวของฮิโรกิเอาไว้แน่น ศีรษะซบลงกับแผ่นหลังกว้างนั่นก่อนจะปล่อยให้น้ำตาที่ไม่เคยไหลตลอด 6 ปีไหลรินลงมาอย่างนั้น เสียงของผมฟังดูอื้ออึงไปหมด ผมไม่อายที่จะปล่อยเสียงสะอื้นออกมา หายจะมีใครสักคนรับรู้ถึงความอ่อนแอของผม เขาคนนั้นคงเป็นคนที่ผมกำลังใช้เป็นที่พักพิงอยู่ตอนนี้
ผมเหนื่อยเหลือเกินกับการปั้นหน้าว่าไม่เป็นอะไร เหนื่อยที่ต้องฟังคำว่าฆาตกรทั้งๆที่ผมไม่ได้เป็นคนทำ เหนื่อยกับการต้องทำตามคำสั่งของคนในบ้าน เหนื่อยกับการต้องฝืนทำในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบใจ ดังนั้นพออยู่โรงเรียนผมจะแสดงท่าทางออกมาอย่างไม่เกรงใจใคร เพราะผมทำแบบนั้นไม่ได้เมื่ออยู่ในบ้านหลังนั้น ที่ที่ผมไม่เคยคิดว่ามันคือบ้านสักครั้งเดียว มันคือกรงขังมากกว่า พันธนาการเดียวที่ผมอยากจะหนีจากไปให้ไกล
การที่ผมถูกขายไปให้พวกยากูซ่ามันเป็นเรื่องปกติ พวกเขาไม่เคยต้องการผม เด็กที่เกิดมาเป็นฝาแฝด เพราะการคลอดผมออกมาทำให้แม่ต้องตาย ไม่นานพ่อก็มีภรรยาใหม่ซึ่งผมถูกบังคับให้เรียกว่าแม่ แต่ไม่ว่าอย่างไรผมก็ถูกมองว่าเป็นตัวกาลกิณีของบ้าน เป็นคนที่ทำให้บ้านเปลี่ยนไปตั้งแต่ผมเกิดมา ทำให้ทุกคนสูญเสียคุณแม่ซึ่งเป็นที่รักไป เพราะผมคนเดียว... เป็นเพราะผมแค่คนเดียวเท่านั้นตลอดมา... บางทีก็อดคิดไม่ได้ว่าผมน่าจะตายๆไปซะ แต่สุดท้ายผมก็ยังรักคุณพ่อซึ่งตอนนี้นอนอยู่ในโรงพยาบาลไม่ได้สติอยู่ดี ท่านช็อคเพราะพี่ชายคนโตของบ้านตายจนกลายเป็นเจ้าชายนิทรา
ผมไม่เหลืออะไร สูญเสียทุกอย่างตั้งแต่วันที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นฆาตกรฆ่าพี่ชายตัวเอง...
เอี๊ยด!
เสียงของล้อรถมอเตอร์ไซค์เสียดสีกับพื้นถนน ผมหลุดจากภวังค์หันมองรอบๆ น้ำตายังไหลอยู่ภายใต้เครื่องปิดบัง ฮิโรกิถอดหมวกของตัวเองก่อนจะหันมาถอดหมวกของผมออก ผมถอยหนีอย่างตกใจลงมายืนบนพื้นหญ้าด้านข้าง ฮิโรกิดึงผมดึงผมซึ่งถูกเขาถอดหมวกกันน็อคออกไปเข้าไปกอด เขาตัวสูงกว่าผมทำให้ใบหน้าของผมถูกกดซบลงไปบนไหล่ของเขา
“ร้องออกมาให้หมดครับ ผมจะรับหยดน้ำตาของพี่เอาไว้เองทั้งหมด”
ผมยกแขนเข้าโอบกอดฮิโรกิเอาไว้แล้วปล่อยน้ำตาออกมาอย่างไม่อาย เสียงสะอึกสะอื้นของผมดังไปพร้อมกับคำปลอบโยนของฮิโรกิที่ว่าเขาจะอยู่กับผมตรงนี้ เขายังอยู่ไม่ได้ไปไหน ผมร้องระบายความเจ็บปวดตลอด 6 ปีที่ฝังจนกลายเป็นแผลเป็น แม้ว่าผมพยายามจะรักษามันเท่าไหร่ ผมกลับเห็นแผลของตัวเองชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆเท่านั้น
มีใครได้ยินคำขอของผมไหมครับ.... ผมขอแค่ได้อยู่กับคนตรงหน้าของผมไปอีกสักพักจะได้ไหมครับ ไม่ต้องตลอดไป ขอแค่เวลาตอนนี้ซึ่งผมอ่อนแอ ผมขอแค่นั้นคงไม่มากเกินไปใช่ไหมครับ...
*******************************************************************************************
:เฮ้อ: กว่าจะจบ 1 ตอน เล่นเอาเครียดเหมือนกัน
ฝากด้วยนะคะสำหรับเรื่องนี้ และเรื่องสั้น เรื่องยาวๆอื่นๆที่เขียนเอามาแปะๆไว้
ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ :L2:
-
:z13: :z13:
-
โอ้โหเฮะ - -
ดราม่ามาเชียว วันหลังจะไม่บอกให้แต่งแบบนี้และ
เดี๋ยวยุเรื่องใหม่ 55+
-
:mc4: เอามาลงใหม่อีกน้า สนุกๆ
-
ชอบฮิโระจัง
น่ารักว่ะ :sad4:
-
เสียงข้อความเข้าของโทรศัพท์มือถือของผมดังขึ้นมาในตอนเช้า เสียงนั่นปลุกให้ผมต้องตื่นจากห้วงความฝันอันแสนโหดร้าย ภาพในวันที่ทุกคนพบศพพี่อยู่กับผมตอนนั้นมันยังคงฝังลึกอยู่ในความทรงจำ ใบหน้าบูดเบี้ยวราวกับโกรธแค้นชิงชังนั้นยังตราตรึงอยู่ในมโนสำนึกของผม
ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนเอื้อมมือไปกดเปิดดูข้อความในยามเช้าแบบนี้
จาก ฮิโรกิ :: อรุณสวัสดิ์ครับพี่
ผมเริ่มขมวดคิ้วยุ่งเมื่อพบว่าข้อความที่ส่งมานั้นไมได้มีเนื้อหาสาระใดๆ เลยสักนิด ซ้ำยังส่งมาสั้นๆให้เปลืองค่าส่งข้อความเล่นเสียอีก ผมจึงลงมือกดปุ่มยุกยิกเพื่อส่งข้อความตอบกลับ
อย่ามาตลกตอนเช้า รู้ไหมนายทำฉันตื่นก่อนเวลาปกติ... รับผิดชอบมาซะด้วย
ได้โปรดอย่ามองผมด้วยสายตาหมั่นไส้ขนาดนั้น ผมไม่ใช่คนไม่สำนึกบุญคุณของใคร แต่ในกรณีปลุกผมในตอนที่ผมยังนอนไม่เต็มอิ่มนั่นมันก็อีกเรื่องหนึ่ง โรคความดันต่ำในตอนเช้าๆมันรักษาไม่หายจริงๆ
หลังจากวันนั้นที่ผมร้องไห้โดยมีฮิโรกิเป็นที่พึ่งนั้นผมก็เล่าเรื่องราวของผมให้เขาฟังหมดทุกอย่าง พอเล่าจบเขาก็ส่งยิ้มมาให้กับผมพูดว่าไม่เป็นไรนะ แค่นั้นน้ำตาที่หยุดไหลไปแล้วของผมก็ไหลรินลงมาอีกครั้ง รู้สึกเหมือนได้รับการปลดปล่อยจากพันธนาการตลอด 6 ปีที่ผ่านมา ต่อจากนี้ไม่ว่าจะยากเย็นแค่ไหน หรือจะต้องพบเจอกับอะไรในเส้นทางข้างหน้า ผมเองก็คงจะไม่ย่อท้อยอมแพ้ง่ายๆอีกต่อไป เพราะผมไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว
จาก ฮิโรกิ :: ขอโทษครับ ถ้าอย่างนั้นให้ผมออกไปให้ชกหน้าดีไหมครับ?
เส้นอารมณ์ของผมขาดผึงในทันที ไอ้บ้าฮิโรกิมันคิดจะเล่นอะไรของมันกัน จะว่าไม่คล่องภาษาไทยมันก็อยู่มาตั้งหลายปีแล้ว จงใจยั่วโมโหผมใช่ไหมนี่?! ผมไม่รอช้ากดต่อสายไปหาฮิโรกิทันที
“สวัสดีครับพี่” เสียงทุ้มของฮิโรกิถูกส่งผ่านมายังโสตประสาทของผม
“ไม่ต้องเลยนะ นายเป็นบ้าอะไรถึงได้ส่งข้อความมาปลุกฉันแต่เช้าตรู่แบบนี้ อีกอย่างหนึ่งไอ้ที่ว่าบอกให้ฉันชกคิดว่าฉันเป็นคนยังไงกันแน่หา?! คิดว่าฉันใจเป็นยักษ์มารขนาดนั้นหรือไง? นายจงใจสินะ” ผมเริ่มขั้นตอนการระบายอารมณ์ในยามเช้า
“อ....อ่าผมขอโทษครับ ผมแค่เห็นพี่โกรธเลยบอกไปแบบนั้น แต่ดีจังนะครับที่ได้ฟังพี่พูดเยอะขนาดนั้น อยากเห็นหน้าจังเลยครับ”
“โรคจิต! นี่ฉันว่านายอยู่นะ ยังจะมาหัวเราะอีก ทีนี้นายจะชดใช้ยังไงนอกจากให้ฉันชกหน้าหา?!” ผมรู้สึกว่าตัวเองเริ่มจะเขินกับคำพูดของฮิโรกิขึ้นมา ไม่รู้ทำไมประโยคเรียบๆแบบนั้นกลับทำให้หัวใจด้านชาของผมรู้สึกเหมือนได้รับชีวิตใหม่อีกครั้ง
“พี่ครับ...ไปเที่ยวกันนะ ที่ไหนก็ได้ที่พี่อยากไป”
“นายอยากไปไหนล่ะ?” ผมย้อนถามกลับไป ผมเองไม่มีที่ที่อยากไปเป็นพิเศษอยู่แล้ว แค่มีฮิโรกิจะเป็นที่ไหนก็ได้ทั้งนั้น ความรู้สึกนี้คงเพราะมีแค่คนๆนี้ที่ยอมรับฟังเรื่องของผมทั้งหมดอย่างเต็มใจ
“ผมเหรอครับ....”
“อืม...นายนั่นล่ะ”
“ที่ไหนก็ได้ที่มีพี่... ผมพูดจริงนะครับอย่าเคืองผมนะ”
“บ้า...นายมันบ้าจริงๆด้วย แต่ก็ขอบใจนะที่คิดแบบเดียวกัน” ผมยิ้มออกมาจนรู้สึกถึงแรงตึงบริเวณแก้มทั้งสองข้าง รู้สึกอบอุ่นในหัวใจอย่างอธิบายไม่ได้ว่าเพราะอะไร
“ประโยคหลังพูดอีกทีได้ไหมครับ? ผมจะอัดเสียงเก็บเอาไว้ฟังอีก”
“ไม่....อย่างนั้นไปดูหนังแล้วกัน เห็นปาล์มบอกมาว่าเรื่องนี้น่าสนุก” ผมเหลือบไปดูนาฬิกาบนหัวเตียงก็คิดว่ากว่าจะทำอะไรเสร็จก็คงได้เข้าดูหนังพอดี
“ตกลงครับ เจอกันที่โรงหนังนะครับ”
“อืม...สักบ่ายๆแล้วกันนะ แค่นี้ล่ะ” ผมดึงโทรศัพท์ออกห่างจากหูกำลังจะกดวางสาย แต่ประโยคที่ตามมานั้นผมกลับได้ยินอย่างชัดเจน
“ผมชอบพี่นะครับ แต่อีกไม่นานผมจะรักพี่ครับ”
ผมกดวางสายไปด้วยหัวใจที่เต้นรัว ผมไม่ใช่เด็กสาวแรกรุ่นที่จะตื่นเต้นดีใจเวลาถูกผู้ชายมาบอกชอบ แต่ตอนนี้ผมกลับรู้สึกแบบนั้น ยิ้มออกมาอย่างหยุดไว้ไม่ได้ นานแค่ไหนที่ผมไม่เคยได้ยินอะไรที่ทำให้ผมดีใจขนาดนี้มาก่อน
“ขอโทษที่มาสาย แต่ว่ายังไม่ถึงเวลานัดนี่? นายมานานหรือยัง” ผมเหลือบมองฮิโรกิซึ่งยืนยิ้มอยู่หน้าโรงหนังใกล้กับโรงเรียน วันนี้เข้าแต่งตัวสบายๆ เสื้อคลุมสีดำสลับขาวมีฮู้ด กับกางเกงยีนสีซีดๆ รองเท้าผ้าใบสีดำ
“ผมมาได้สักพักเองครับ ซื้อตั๋วแล้วด้วย เราเข้าไปกันเถอะครับ” ฮิโรกิชูตั๋วสองใบขึ้นมาให้ผมดู ก่อนจะถือวิสาสะจูงมือผมเข้าไปในโรงหนังโดยมีสายตาหลายคู่จับจ้องมาทางเรา
พอเข้าไปดูเท่านั้นอาการเบื่อ เซ็ง และง่วงของผมก็ตามมาอย่างหยุดไม่ได้ หนังบ้าอะไรไม่เห็นจะสนุกตรงไหน รอดูจบก่อนเถอะผมจะลากคอปาล์มให้มาจ่ายเงินค่าตั๋วหนังคืนให้ได้ เสียเวลาดูจริงๆ
“พี่ครับ...ไม่สนุกหรือครับ” ฮิโรกิเอียงคอหันมากระซิบ
“อือ...คอยดูนะจะไปตามเอาเงินคืน”
“หา? กับคนขายตั๋วหรือครับ?” หน้าตาตกใจของหมอนี่ทำให้ผมรู้สึกอยากหัวเราะอย่างไรไม่รู้
“เปล่า....ง่วงแล้วขอนอนได้ไหม?” ผมหาวรอบใหญ่ก่อนจะหันไปมองหน้าของฮิโรกิเป็นการขออนุญาต
“ครับ...” ฮิโรกิยิ้มก่อนจะยกที่พักแขนระหว่างผมกับเขาขึ้นแล้วดึงหัวของผมให้เอนไปซบกับไหล่ของเขา “นอนแบบนี้ดีกว่าครับ จะได้ไม่เมื่อคอเท่าไหร่ด้วย”
ตอนนี้ในโรงหนังมืดมาก มีแสงจากหนังบนจอส่องมาเพียงแค่รำไรเท่านั้น ผมหวังว่าฮิโรกิคงจะไม่เห็นหน้าของผมในเวลานี้ เพราะผมกำลังยิ้มอย่างที่แทบไม่เคยทำมาก่อน อยากจะขอบคุณนายจริงๆ....
กลิ่นแชมพูผสมกับกลิ่นสบู่อ่อนๆบนตัวของฮิโรกิทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลาย มือของเขาจับหัวของผมแล้วลูบอย่างอ่อนโยนเหมือนตอนที่ปลอบผมวันนั้น แล้วผมก็เผลอหลับไปอย่างง่ายดายภายในอ้อมกอดของเขา
ตอนนี้ผมกำลังถูกรบกวนด้วยสัมผัสนุ่มๆ บริเวณริมฝีปาก สัมผัสหยุ่นๆที่คล้ายกับเคยพบเจอมาแล้วปลุกให้ผมต้องตื่นขึ้นมาจากห้วงนิทราอีกครั้งของวัน ผมลืมตาขึ้นเห็นใบหน้าของฮิโรกิอยู่ห่างจากผมแค่เล็กน้อย ใบหน้านั้นยิ้มแย้มแต่ข้างแก้มนั้นเจือรอยแดงๆ
“อ...เอ่อ...หนังจบแล้วครับเราไปกันเถอะ” ฮิโรกิจูงมือผมซึ่งยังงัวเงียให้ออกมาจากในโรงหนัง ผมยังสงสัยอยู่ว่าสัมผัสเมื่อครู่ก่อนผมจะลืมตามันเป็นความฝัน หรือผมถูกฮิโรกิจูบ...กันแน่
“ฮิโรกิ นายจูบฉันใช่ไหม?”
“ไปบ้านผมกันนะครับ” ผมยังไม่ได้รับคำตอบที่ต้องการก็ถูกฮิโรกิลากไปขึ้นรถยนต์คันหรู ก่อนมุ่งหน้าตรงไปยังบ้านของเขา
พอไปถึงสิ่งที่ผมเห็นก็คือบ้านหลังใหญ่เหมือนพวกในละครโทรทัศน์หลังข่าวประมาณนั้น มันใหญ่จนอดคิดไม่ได้ว่าเวลาทำความสะอาดครั้งหนึ่งต้องใช้คนไปเท่าไหร่ ต้องมีคนดูแลกี่คนกันแน่
ฮิโรกิลากผมเดินผ่านห้องนั่งเล่นเข้าไปยังชั้นบนซึ่งมีห้องมากมายไม่รู้กี่ห้อง แต่ผมก็ถูกลากเข้าไปในห้องหนึ่งในนั้นซึ่งมีป้ายชื่อของฮิโรกิเป็นภาษาญี่ปุ่นติดเอาไว้
“พี่ครับ...ไปเล่นเกมกันนะ”
แน่นอนว่าผมถูกลากให้เข้าไปเล่นเกมกับโทรทัศน์จอใหญ่ยักษ์ X-box รุ่นใหม่ล่าสุดล่อตาล่อใจแบบเหนือความคาดหมายไปเลยเต็มๆ เล่นผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ แต่ไม่ว่าผลจะเป็นแบบไหนก็ยังจบลงด้วยเสียงหัวเราะเสมอ
สักพักเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา ผมเห็นเข้าเหลือบไปมองมันเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าไม่มีชื่อขึ้นเขาก็กดตัดสายทิ้งไปอย่างไม่สนใจอะไร
“ทำไมนายกดตัดสายทิ้งแบบนั้นกัน”
“เพราะเป็นเบอร์ที่ผมไม่ได้บันทึกเอาไว้ครับ อีกอย่างคนที่ผมเคยคบบางคนมักจะโทรมา ผมไม่อยากคุยในเมื่อมันจบไปแล้ว” ผมมองฮิโรกิใหม่อีกครั้ง คำพูดของเขามันดูเฉยชาจนไม่คิดว่าเป็นผู้ชายคนเดียวกับที่พูดปลอบใจผมก่อนหน้านี้
“แล้วปาล์มล่ะ นายไม่ได้เก็บเบอร์เธอไว้เลยเหรอ เธอเคยคบกับนายมาก่อนนะ” ผมถามถึงปาล์มเพื่อนสนิทของผมแต่ฮิโรกิกลับส่ายหน้า นั่นทำให้ผมรู้สึกแย่กับเขาขึ้นมากะทันหัน
“ผมบอกพี่แล้วครับ ผมไม่ชอบเก็บเบอร์ของคนที่จบกันไปแล้ว”
ผมนิ่งเงียบไปสักพัก เสียงโทรศัพท์ของฮิโรกิก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้มีชื่อขึ้นที่มือถือว่า “โมเดล” ผมตกใจมากแต่ทำเป็นเหมือนไม่ได้อะไร ฮิโรกินั่งคุยอยู่ตรงข้างๆผม ฟังดูก็รู้ว่าเขาดีใจแค่ไหนที่ได้คุยกับผู้หญิงในโทรศัพท์นั่น ผู้หญิงที่ชื่อเหมือนกับผมไม่มีผิด คุยไปสักพักก่อนวางสายฮิโรกิเหมือนพยายามจะยื้อเธอเอาไว้ แต่ดูเธอจะไม่ยอมให้เป็นไปเช่นนั้นตัดสายเขาไปทันที ในตอนนั้นผมเห็นฮิโรกิทำท่าทางเหมือนคนหมดแรงไปชั่วขณะหนึ่ง ส่วนผมเองก็เริ่มรู้สึกตัวว่าผมเปิดช่องว่างภายในใจให้เด็กคนนี้เข้ามามากเกินไปแล้ว
“นายเห็นแก่ตัวจังนะ เลือกเก็บแต่เบอร์ของคนที่ชอบเท่านั้น” ผมแค่นรอยยิ้มเล็กน้อย “ถ้าครบ 1 อาทิตย์ฉันเองคงอยู่ในจำนวนนั้นด้วยสินะ แต่ระหว่างนี้ช่วยอย่านอกใจกันไม่ได้หรือไง”
ฮิโรกิจ้องหน้าผมนิ่ง ผมเองตอนนั้นก็คงไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกไปมากมาย ผิดหวังก็เท่านั้นที่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ ทั้งๆที่ปาล์มบอกว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนดีและเอาใจใส่คนที่คบอยู่ด้วยมากๆ แต่สำหรับผมมันก็แค่สิ่งที่เคลือบเอาไว้ปิดบังความเลวร้ายลึกๆภายใน
“เหลืออีก 3 วันสินะ ถ้าอย่างนั้นวันนี้ฉันกลับก่อนล่ะ” ผมเก็บกระเป่าเดินออกมาจากห้องนอนของฮิโรกิ ระหว่างทางเดินก็พบกับเหล่าพ่อบ้านเดินโค้งตัวให้กับผม ซึ่งผมก็ยังพอจะมีมารยาทโค้งตัวกลับไปพอเป็นพิธี
“พี่หมายความว่ายังไงที่ว่า 1 อาทิตย์แล้วเราจะจบกัน?” ฮิโรกิวิ่งมากระชากแขนผมเอาไว้ทำให้ผมเกือบพลาดตกบันได เคราะห์ดีที่หันไปคว้าราวบันไดเอาไว้ได้ทัน
“หมายความอย่างที่พูด ระหว่างนี้ก็มามีความสุขกันเถอะนะ” ผมเอื้อมมือไปยีหัวฮิโรกิเล่น ก่อนจะผละออกจากเขาวิ่งสุดกำลังขาออกมาจากคฤหาสน์หลังใหญ่นั่น
ทั้งๆที่เพิ่งพบกันไม่นาน เวลา 4 วันที่เขาคอยดูแลเอาใจใส่มันก็มากมายจริงๆ จนเผลอลืมไปว่าผมเองก็แค่แฟนประจำสัปดาห์ของเขาอีกคน จะแปลกะไรหากเขาเลือกจะเดินหนีผมไปหลังจากนี้ ส่วนตัวผมเองหลังจากจบ 3 วันนี้ คงต้องไปอยู่กับพวกยากูซ่านั่นเสียที หมดแรงจะขัดขืนหรือดิ้นรน เพราะสุดท้ายผมเองก็ทำได้แค่ยอมรับแล้วทำใจ ไม่เคยจะมีอะไรต่างไปจากเดิมเลยสักนิดเดียว...
***********************************************************************************************
ไม่ค่อยได้รับความนิยมแต่ก็จะเขียนอ่ะ >< 55+ เพราะกานต์จาก หอพัก(รัก)ชายจะมาโผล่ด้วยล่ะ อิอิ
ฝากด้วยนะคะ
-
TToTT
-
:o12:
ไม่เอาแบบนี้ :z3:
:z6:พี่อย่าเพิ่งเตะอายจิ :sad4:
-
ชื่อก็น่าจะหวานนะ แต่ทำไมมันเครียดจังอ่ะ
-
ยากูซ่าที่ซื้อโมเดลคือ ฮิโรกิหรือเปล่านะ
แต่สงสารโมเดลจังเลย
:o12:
-
ต่อๆๆๆ
-
ฮิโระ นายคุยกับใครน่ะ ห๊ะ :angry2:
โป้งแล้ว ชิ งอนๆ
-
อ๋อยยยยยยยยยย
ไม่อยากจะบอกเลยค่ะว่าตอนแรกเห็นคำว่าดราม่าก็กะว่าจะไม่อ่านแล้วนะ แต่มาเจอต่อว่าสุดท้ายจะแฮปปี้เอน
เอาฟร๊ะ อ่านก็อ่าน
พออ่านแล้วมัน..............
โมเดลน่าสงสารมากๆเลยอ่ะค่ะ ปมเยอะจังเลยอ่ะ อยากรุ้ซะแล้วซิว่าตอนต่อไปจะเป็นยังไง แต่เดาว่ายากูซ่าคนนั้นคือบ้านฮิโรกิรึป่าวอ่า
ขอให้ใช่ทีเหอะนะ เพี๊ยง ไม่อยากให้โมเดลต้องเสียใจมากไปกว่านี้แล้วอ่าค่ะ
ส่วนโมเดลที่ฮิโรกิคุยโทรศัพท์ด้วย ก็ขอว่าอย่าให้เป็นแบบที่โมเดล((ชาย))คิดด้วยเหอะนะเพี๊ยง~~~~
สุดท้าย รออ่านตอนต่อไปอยู่ค่ะ แล้วก็รอน้องกานต์ด้วย คิคิคิ
ปล.อย่าไปคิดค่ะว่าเรื่องไม่ได้รับความนิยม เพราะเค้าก็เป็นคนนึงที่รออ่านค่ะ สู้ๆนะคะูู ^^
-
เพิ่งเห็นว่าชื่อตัวเองแดงแปร๋เลย -*-
อายคงไม่ถูกหั่นใช่มั้ย TT^TT
-
ง่ะฮิโระคุยกับใครอ่ะชื่อเหมือนกันเลย
ง่าฮิโระคงไม่ได้จะคบแค่อาทิตย์เดียวหรอกมั้ง
น่าสงสารจังอ่ะทำไมถูกขายเหมือนเป็นสิ่งของแบบนี้
รออ่านตอนต่อไปค้าบบบบบบบบบบบบบบบ
-
เริ่มมาก็ได้กินมาม่าแล้ว แต่ถ้าจบแฮปปี้ก็ไม่เป็นไร
แต่น่าสงสารโมเดลจัง :monkeysad:
-
แบมก็มารอตอนต่อไปนะพี่เฟิร์น 55
-
มาม่ามากมาย :sad4: :sad4:
เศร้าอ่ะ ไม่ไหวจะเคลียร์
-
กว่าจะถึงตอนแฮปปี้ๆ มันจะมาม่ากันไปถึงเมื่อไรล่ะ :เฮ้อ:
-
รีบมาต่อให้จบนะครับ ไม่อยากดราม่านาน
-
เครียดแฮะ :sad4:
-
o22ไปอยู่กับพวกยากูซ่าเลยเหรอ :เฮ้อ:
-
3 Days….
วันนี้ผมตื่นออกจากบ้านแต่เช้า ไม่อยากติดต่อหรือพบปะกับใครทั้งนั้น ความรู้สึกเหมือนตัวเองได้บินขึ้นสู่ท้องฟ้าแล้วถูกผลักให้ตกลงมาเพียงชั่วครู่ที่เริ่มบิน มันทำให้ผมจุกไปหมด ร่างกายปฏิเสธอาหารทุกอย่างที่เข้าปาก ผมอาเจียนตั้งแต่เมื่อวานก็ยังไม่ดีขึ้น โทรศัพท์มือถือถูกโยนวางเอาไว้ในลิ้นชัก มีเสียงโทรเข้ารวมทั้งข้อความดังมาไม่ขาดสายตั้งแต่เมื่อคืน จนสุดท้ายผมก็ตัดสินใจปิดเครื่องไปให้สิ้นเรื่อง
“จะไปไหนของแก” เสียงแม่เลี้ยงของผมตะโกนดังมาไล่หลัง ผมไม่ได้ใส่ใจอะไรเดินทิ้งระยะห่างออกมานอกบ้านเตรียมตัวจะออกไปงานเปิดรั้วมหาวิทยาลัยตามที่นัดกับไนท์และปาล์มเอาไว้
ทั้งๆที่ปกติเวลาได้บิดมอเตอร์ไซค์เร็วๆอารมณ์ผมจะถูกปลดปล่อยแท้ๆ แต่วันนี้ผมกับรู้สึกเหมือนถูกพันธนาการอีกเส้นซึ่งมองไม่เห็นด้วยตาเปล่าค่อยๆคืบคลานเข้ามัดดึงตัวและหัวใจของผมเข้าไปทีละน้อย บางทีก็รู้สึกอยากจะหยุดหายใจไปซะเฉยๆ เผื่อว่าจะได้ไม่ต้องมารับรู้เรื่องราวอะไรต่อไปอีก
“นี่! ทำไมมาช้านักนะ” ปาล์มเดินตรงเข้ามาตบบ่าผม วันนี้รู้สึกเธอจะแต่งตัวดูดีเป็นพิเศษ ผมที่ยาวก็ถูกปล่อยลงมาเคลียใบหน้ารูปไข่นั่น การแต่งตัวที่ปกติดูสบายๆ ก็ดูจะเรียบร้อยเป็นพิธีการมากขึ้น
“ขอโทษที...” ผมไม่รู้ว่าตอนพูดผมแสดงสีหน้าแบบไหนออกมาไนท์กับปาล์มถึงได้ดูมีท่าทีกังวลใจนัก
“ไม่เป็นไรนะเดล” ไนท์เอื้อมมือดึงมือผมเข้าไปกุมเอาไว้ ปาล์มเองก็ด้วย กลายเป็นว่าเราสามคนเดินจูงมือเที่ยวดูมหาวิทยาลัยกันสามคนเหมือนเด็กเล็กๆ แต่นั่นกลับทำให้ผมรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาบ้าง ถึงจะไม่มากก็เพียงพอจะทำให้ผมยังอยากหายใจต่อให้นานอีกสักหน่อย
“น้องครับ! น้องสามคนนั้นน่ะ ไม่ลองมาเล่นเกมกับพวกพี่หรือครับ!” เสียงผู้ชายในชุดนักศึกษาของมหาวิทยาลัยตะโกนเรียกพวกเราให้หยุดหันไปมอง
“ฉันอยากลองเล่นดูอ่ะ ไปเล่นกันนะ” ผมแอบเห็นว่าปาล์มจ้องรุ่นพี่คนนั้นตาไม่กระพริบสงสัยจะตกหลุมรักเข้าแล้วล่ะมั้ง?
“เดล...นายโอเคนะ?” ไนท์หันมาถามก่อนได้รับคำตอบจากผมเป็นการพยักหน้าเล็กน้อย
“มาๆเลยครับน้องทั้งสามคน เกมนี้เล่นเป็นคู่เพื่อสร้างความสนุกสนาน รางวัลของพวกพี่เป็นรูปถ่ายพร้อมลายเซ็นต์วงเกาหลีวงนี้เลย!” รุ่นพี่คนนั้นเอารางวัลออกมาล่อปาล์มเต็มที่ แต่ผมว่าถึงไม่ต้องเอาของรางวัลมายังไงปาล์มเองก็คงเล่นเพราะติดใจหน้าตาพี่เขาอยู่ดี
“แล้วกติกาล่ะครับ” ไนท์มองอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์ ไม่แปลกอะไรเท่าไหร่ก็ไนท์มันชอบปาล์มมาตั้งนานแล้ว มีแต่ปาล์มคนเดียวมั้งที่ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นสักที
“วิ่งสามขาไงครับน้อง วิ่งวิบากด้วยไปยังจุกเช็คพอยท์ตามที่เรากำหนดเอาไว้ แค่นั้นเองไม่ยากอะไรเลย เรามีป้ายบอกทางให้เสร็จเลยด้วยนะ ขาดอีก 2 คู่พอดีเลย” รุ่นพี่คนนั้นยิ้มพร้อมสาธยายจูงใจ
“ขอโทษนะครับ เพื่อนผมอีกคนคงไม่เล่นครับ” ไนท์หันไปบอกพวกรุ่นพี่ซึ่งเหมารวมเอาผมเข้าไปอยู่ในเกม อีกอย่างผมก็ไม่มีคู่...
“โธ่! น้องครับ อย่ายืนทำหน้าสวยอย่าเดียวสิ เดี๋ยวพี่คู่กับน้องเอง” มือของพี่คนนั้นเคลื่อนเข้ามาใกล้ใบหน้าของผมซึ่งถูกปิดด้วยฮู้ดเอาไว้บางส่วน แต่ยังไม่ทันจะโดนก็มีรุ่นพี่อีกคนเดินเข้ามาห้ามเอาไว้
“บอกกี่ครั้งว่าอย่าลวนลามผู้หญิง” ใบหน้านิ่งๆของรุ่นพี่อีกคนทำเอาคนที่คิดจะจับหน้าผมถอยหลังออกห่างอย่างรวดเร็ว
“ขอโทษครับ...ผมเป็นผู้ชาย” ผมถอดฮู้ดซึ่งใส่ไว้กันแดดกับหมวกออก ถึงหน้าผมจะสวยยังไงก็ไม่น่ามองเป็นผู้หญิงได้เลยให้ตายสิ
“ฮ่าๆๆ! ไอ้กานต์หน้าแตกหมอไม่รับเย็บเลยวุ้ย!” รุ่นพี่ที่เหลือยืนโห่รุ่นพี่คนที่เข้ามาช่วยผมเอาไว้ ผมเห็นว่าจากใบหน้านิ่งๆ กลายเป็นหน้าเหวอ สักพักก็กลับมายิ้มยืนเกาศีรษะอย่างเขินๆ ใบหน้านั้นเจือไปด้วยสีแดงอมชมพู สุดท้ายพอเห็นแบบนั้นผมก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้
“น้องครับ อย่าหัวเราะพี่แบบนั้นสิ ขอโทษที่พี่เข้าใจผิดครับ” พี่คนที่ชื่อกานต์ยิ้มกว้าง รอยยิ้มของพี่เขาดูดีมาก ถ้าถามว่าพี่เขาหล่อไหมก็คงต้องตอบว่าหล่อ แต่ถ้าเทียบกับรุ่นพี่ที่ยืนๆกันอยู่ในซุ้มแล้วก็แทบจะปกติ เพราะในนั้นมีผู้ชายหน้าตาดียืนเรียงอยู่เป็นแถว ก็พอจะเข้าใจว่าไนท์มันถึงได้หงุดหงิดเหลือเกิน
“ไม่เป็นไรครับ ผมเล่นด้วยก็ได้ครับ” ผมนึกอะไรไม่รู้คงแค่อยากจะปล่อยตัวเองบ้าง ในเมื่ออีกฝ่ายซึ่งผมคบอยู่ด้วยยังนอกใจผมได้ แล้วทำไมผมจะลองมองหาใครสักคนบ้างไม่ได้ล่ะ
“ฮิ้วววว~!! พี่กานต์หาคู่ได้แล้ว คราวหน้าจะได้ไม่มาจ้องเอ็กซ์ของพวกเราอีก” เสียงกลุ่มของผู้ชาย 5 คนในนั้นโห่ร้อง แต่ก็ถูกดุด้วยรุ่นพี่ซึ่งใส่แว่นท่าทางเป็นเด็กเรียนจนเงียบกริบ
“พวกนายน่ะ! ถ้าไม่เลิกพูดแบบนั้นคืนนี้อดจริงๆด้วย” ถึงแม้คำพูดนั้นจะดูคลุมเครือไปหน่อยก็เถอะนะ
“เดล นายไหวเหรอ?” ไนท์เดินเข้ามาจับหน้าผากผมเพื่อวัดไข้ ที่รู้สึกปวดหัวนิดๆคงเพราะพิษไข้
“อ้าว! พี่กานต์ครับน้องเค้ามีเจ้าของแล้วอ่ะ เสียใจด้วยนะพี่!” คราวนี้เสียงโห่ฮามาจากอีกมุม มีผู้ชาย 8 คนยืนเกาะกลุ่มกันอยู่
“เดลเป็นเพื่อนผม แต่คนนั้นน่ะของผม!” ประโยคหลังไนท์มันหันไปมองปาล์มซึ่งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“ไม่ต้องห่วงหรอกว่าพวกพี่จะแย่งของน้อง แต่ถ้าเพื่อนน้องโดนงาบไปก็ไม่แน่นะ” พี่เอ็กซ์กล่าวยิ้มๆ ก่อนจะยื่นผ้ามาให้ผมกับพี่กานต์ผูกขาเข้าด้วยกัน
“พี่ผูกให้นะครับ” พี่กานต์รับผ้านั้นมาก่อนจะก้มลงไปผูกขาของผมให้ติดกับของเขา แต่พอเริ่มจะเดินเท่านั้นผมก็แทบจะสะดุดล้ม โชคดีที่พี่กานต์โอบเอวผมเอาไว้ได้ทัน ใบหน้าของผมซึ่งเกือบได้ไปนาบกับพื้นซีเมนต์จึงมาแนบอยู่กับแผงอกของพี่กานต์แทน
“ฮิ้ววววว~! เดือนปี 3 เราจะมีคู่แล้วโว้ย!”
“เงียบไปเลย” พี่กานต์ค่อยๆ ปล่อยผมออกอย่างระวังพร้อมกับหันไปส่งสายตาอาฆาตให้พวกที่ร้องแซว แต่ทำไมใบหน้านั่นต้องมีรอยแดงที่แก้มด้วยล่ะ หรือจะเขินผมเหรอ?
“ฮิ้ววววว~! คนสวยครับระวังโดนพี่กานต์หม่ำนะครับ”
“ไอ้เวรโจ เดี๋ยวโดนถีบ!” ยิ่งโดนล้อหน้าพี่กานต์ก็ยิ่งแดงหนักขึ้นเรื่อยๆ
“ไปประจำที่ได้แล้ว คนอื่นรอแล้วเห็นไหม” พี่เอ็กซ์พูดก่อนดันหลังของพี่กานต์กับผมให้ออกไปตรงทางเดินซึ่งมีหลายคู่อยู่ก่อนหน้านี้แล้ว
ผมเดินไปกับพี่กานต์อย่างกระท่อนกระแท่นโดยมีแขนของพี่เขาคอยประคองผมให้เดินไปตลอด ถ้ามองจากสายตาคนอื่นผมกับพี่เขาก็คงเหมือนคู่รักที่ชวนกันมาเล่นเกมนี้ก็ได้ เล่นโอบผมไว้ขนาดนี้ ไม่แปลกใจเลยหากใครจะเข้าใจผิดเรื่องสถานะความสัมพันธ์
แดดตอนสายๆร้อนมากผมต้องเอาหมวกมาสวมแล้วคลุมฮู้ดไว้ตามเดิม พี่กานต์เองก็หยิบหมวกมาสวมไว้เช่นกัน ผิวขาวๆของพี่เขาพอโดนแดดแล้วดูเหมือนมีออร่าเปล่งประกายออกมาชอบกล แถมคนรอบๆทั้งนักเรียนที่มาเที่ยวชมงานกับพี่ๆ ในมหาวิทยาลัยเองก็จ้องมองมาทางพี่กานต์กันหมด ทำเอาผมที่ต้องมาคู่กับพี่เขารู้สึกประหม่าไม่น้อย เพราะพี่กานต์ท่าทางจะดังมาก เป็นถึงอดีตเดือนของมหาวิทยาลัย
ทันทีที่เสียงสัญญาณดังผมกับพี่กานต์ก็เริ่มเร่งฝีเท้าในการวิ่งสามขาไปยังจุดเช็คพอยท์แรก โดยผมเองไม่ได้กลัวที่จะล้มลงไปเลยเพราะพี่กานต์โอบเอวของผมเอาไว้แนบกับลำตัวของพี่เขา จนผมเหมือนกับถูกกึ่งอุ้มมากกว่าจะวิ่งสามขา
แต่ยังไม่ทันจะถึงจุดเช็คพอยท์ด้านหน้า ผมรู้สึกเหมือนกับโลกเหวี่ยงหมุนรอบตัวอย่างรวดเร็ว ขาที่วิ่งเริ่มก้าวไม่ออก หายใจติดขัด ได้ยินเสียงเรียงชื่อผมขณะที่ฝีเท้าหยุดวิ่ง ก่อนทุกอย่างจะหายไปกลายเป็นความมืดมิด
ผมลืมตาตื่นขึ้นมาอีกทีก็เห็นฝ้าเพดานสีขาวๆลอยเด่นอยู่ตรงหน้า คาดว่าคงไม่พ้นเป็นโรงพยาบาลที่ไหนสักที่ หันมองด้านข้างก็เห็นพี่กานต์กับเพื่อนอีกสองคนของผมกำลังคุยกับหมอด้วยสีหน้าโล่งอก แต่พอปาล์มหันมาเห็นผมฟื้นเท่านั้นล่ะ ผมแทบอยากจะหลับตาลงไปเสียเดี๋ยวนั้น
“โมเดล!! แกทำพวกฉันลำบากรู้ตัวไหม พ่อเจ้าประคุณนี่ไม่คิดจะดูสภาพตัวเองก่อนคิดจะเล่นอะไรเลยหรือไง ป่วยเป็นไข้แถมยังไม่ได้กินข้าวอีก แล้วไหนจะร่างกายอ่อนเพลียเพราะอดนอน คุณเธอคิดว่าตัวเองเป็นยอดมนุษย์ใส่เกราะเหล็กหรือยังไงหา?! ร่างกายเธอไม่ได้เสริมใยเหล็กนะยะจะได้แข็งแรงทนถึกสู้งานทุกสถานการณ์ หัดเอาสมองฉลาดๆคิดซะบ้าง ฉันเพื่อนแกนะโว้ย! มีอะไรทำไมไม่พูด” ผมได้แต่ส่งยิ้มแหยๆไปให้ไนท์ เผื่อจะช่วยห้ามปาล์มเหมือนกับครั้งที่แล้วแต่ดูเหมือนผมจะคิดผิดจริงๆ
“คราวนี้ฉันไม่ช่วยนาย ร่างกายขาดสารอาหารแถมยังเป็นไข้ ป่วยแล้วทำไมไม่โทรศัพท์มาบอกว่ามาไม่ได้ นี่ตอนนี้นายคิดว่าพวกฉันเป็นเพื่อนอยู่หรือเปล่า ฉันรู้ว่าชีวิตเป็นของนาย แต่ช่วยเห็นใจเพื่อนอย่างฉันสองคนได้ไหม? เห็นแกล้มไปต่อหน้าต่อตาแบบนั้นพวกฉันจะรู้สึกยังไง แล้วพี่กานต์อีก...พี่เขาตกใจมากรู้ไหม?” ไนท์ร่ายยาวใส่ผม ผมเลยต้องหันหน้าไปทางพี่กานต์ซึ่งยืนยิ้มอย่างอบอุ่นมาให้ผม อย่างน้อยคงไม่โดนพี่กานต์บ่นใส่ตั้งแต่วันแรกที่เจอ ก็ยังดี...มั้ง?
“ทีหลังอย่าฝืนตัวเองนะครับ” พี่กานต์ยิ้มก่อนจะเอื้อมมือมาลูบหัวผม แต่ผมกลับสะดุ้งทำให้พี่กานต์ต้องชักมือกลับพร้อมกับมีสีหน้าหมองลงไป
“ขอโทษครับ ผม...” ผมไม่รู้จะบอกพี่เขายังไงว่าผมไม่ชินเพราะกลัวจะถูกทำร้ายเหมือนตอน 6 ปีก่อนหน้านี้ ผมถูกคนในบ้านตัวเองทำร้ายเมื่อคิดว่าผมฆ่าพี่ชายตัวเอง อาการก็ไม่หนักหนาอะไร แค่ปางตาย...
“ไม่เป็นไรครับ ไม่ต้องขอโทษหรอกนะ” พี่กานต์ยิ้มอย่างอ่อนโยน ผมรู้สึกเหมือนพี่เขาคล้ายกับคุณพ่อของผมมาก ตอนเด็กๆ ท่านเองมักจะลูบศีรษะผมอยู่เสมอ กระทั่งเหตุการณ์วันนั้นท่านเองก็ไม่ได้ปักใจเชื่อว่าผมเป็นคนทำ แต่ด้วยความที่ท่านช็อคที่ต้องเสียลูกชายไปทำให้ล้มป่วยจนต้องนอนรักษาเป็นเจ้าชายนิทราในโรงพยาบาล ตั้งแต่นั้นมาผมก็ถูกทำร้ายมาโดยตลอด จนเมื่อผมเริ่มโตก็ไม่มีใครกล้าทำอะไรผม เพราะผมเริ่มจะสู้ แล้วด้วยความที่เป็นผู้ชายจึงมีน้อยครั้งนักที่จะถูกทำร้ายต่อหน้า ถ้าลอบกัดกันก็อีกเรื่องหนึ่ง
“หมอบอกว่าให้น้ำเกลือหมดถุงนี้ถึงกลับบ้านได้ แต่อยากให้แกนอนค้างที่นี่สักคืนดีกว่า กลับบ้านไปมีแต่จะทำให้ทรุดหนัก ทางที่ดีอยู่นี่มันซะ 2 คืนจะได้หายขาด” ปาล์มเขกหัวผมดังป๊อก ก่อนจะยิ้มเมื่อเห็นผมทำท่าลูบหัวตัวเองป้อยๆ
“เดี๋ยวฉันอยู่เฝ้าให้ไม่ต้องกลัวผีหรอกน่ะ” ไนท์แกล้งแซวผมเล่น ผมเลยส่งหน้ามุ่ยแก้มป่องไปให้มันแทน จนทั้ง 3 คนหัวเราะออกมาเสียงดัง
“พี่ว่างครับ ถ้ายังไงเดี๋ยวพี่ช่วยอยู่เฝ้าด้วย มีอะไรพี่จะได้ช่วยจัดการเรื่องโรงพยาบาลได้ด้วย” พี่กานต์ยิ้มก่อนจะเอ่ยประโยคที่ทำให้ผมอดสงสัยไม่ได้ว่าค่าห้องนี่จะเอายังไง ดูท่าทางแล้วโรงพยาบาลเอกชนแน่ๆ
“ขอโทษนะครับพี่กานต์ ไว้ผมจะหาเงินมาคืนให้นะครับ”
“คิดมากน่ะเรา ค่าห้องไม่เท่าไหร่หรอกนี่มันโรงพยาบาลในเครือของคุณพ่อพี่เอง ยังไงก็ไม่เสียค่าใช้จ่ายอยู่แล้ว” คราวนี้กลับเป็นผมที่ทำหน้าเหวออยู่คนเดียว เมื่อเพื่อนทั้งสองคนหันไปหัวเราะกันเหมือนรู้อยู่แล้ว
“อ่า...ผมเกรงใจครับ” ไม่รู้จะพูดอะไรจริงๆ เจอกันครั้งแรกเขายังดีกับผมขนาดนี้ ถ้าผมไม่เจอใครบางคนก่อนหน้าเขา บางทีผมคงตกหลุมรักเขาไปแล้ว
“ไม่ต้องเกรงใจครับ หลับตาพักผ่อนเถอะครับ เรื่องอื่นไว้เรามาคุยกันทีหลัง พักผ่อนมากๆจะได้หายเร็วๆไงครับ” ผมชอบจริงๆ รอยยิ้มของพี่กานต์แบบนั้น รู้สึกเหมือนกำลังชมแสงแดดอ่อนๆยามเช้า สว่างสดใสและเป็นมิตร
ไม่รู้เพราะความโล่งใจหรือเปล่าที่ได้มาอยู่ตรงนี้ เปลือกตาของผมถึงได้เริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นปิดสนิท เพียงแค่ไม่นานก็ยังดีขอให้ผมได้ลืมเรื่องราวของฮิโรกิไปสักพักหนึ่ง ขอให้หัวใจที่เผลอรักเขาไปได้หยุดพักเพื่อทบทวนความรู้สึกสักนิด แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ผมก็ยังอยากครอบครองเขาเอาไว้เพียงคนเดียว แต่เขาเองก็มีใครคนอื่นอยู่ในใจ ชื่อนั้นทำไมต้องเหมือนผม หรือผมเองก็แค่ตัวแทนของใครบางคนในหัวใจเขากันแน่
ถ้าเป็นแบบนั้น ผมคงอยากหยุดหายใจให้เร็วขึ้นอีกสักนิด...
************************************************************************************************
ตอนนี้ดูเรื่อยๆไปหน่อย แต่ตอนหน้ารับรองมีหึงโหดค่ะ!
ใครจำตัวละครได้บ้าง?ไหม 55+
มาจากหอพัก(รัก)ชาย กับเรื่อง หอพักไม่จำกัด(คน)รัก ค่ะ ใครยังไม่ได้อ่านฝากติดตามในหมวดนิยายที่โพสต์จบแล้วค่ะ
ตอนนี้กานต์ออกโรงอีกแล้ว 55+ หลังจากอกหักจากน้องเอ็กซ์ยังต้องมาซ้ำซ้อนด้วยโมเดลอีก เอาใจช่วยใครก็เชียร์ด้วยนะคะ ขอบคุณสำหรับทุก comment ค่ะ
จิ้มคนข้างล่าง :z13:
v
v
v
v
-
ตามมาเชียร์กานต์ครับ โมเดลเหมา 2 เลย จะได้ไม่ต้องมีใครเสียใจ
-
จิ้ม o22 ไม่ทัน
ตามมาด้วยคน มีใครจะมาดามใจน้อย ๆ ของพี่กานต์มั้ยน้า :เฮ้อ:
-
คิดถึงฮิโระ
-
ดีใจที่รีเฟรชมาเจอว่าเรื่องนี้อัพแล้ว
สงสารน้องโมเดลมากเลยอ่ะค่ะ ทำไมน้องต้องเจอเรื่องร้ายๆด้วยเนี่ย
แล้วอยากรู้จังว่าตกลงโมเดลจะคู่กับใคร
และภาวนาว่าขอให้กานต์และฮิโรกิไม่ต้องช้ำรักเลยนะคะ ส๊า~~~~ธุ
-
ที่บอกว่าเรื่องนี้มีกานต์โผล่มาแจม
คงไม่ได้หมายความว่าเป็นพระรองโดนหักอกหรอกนะ :serius2:
-
อยากอ่านอีกค่ะ...
มาต่อเร็วๆๆนะค่ะ
-
พี่กานต์อบอุ่นเหลือเกิน
ง่าฮิโรกิไปไหนแล้วววว
-
ง่าาา พี่กานต์จะอกหักจากเดลหรอ?
ฮิโรกิหึงโหดหรอตอนหน้าอ่ะ?? ต้องเตรีมทิชชู่มั๊ยเนี่ย 555++ [หื่นไปมั๊ยเรา?] :haun4:
-
ไม่รู้จะเลือกใครดี ขอทั้งคูเลยแล้วกัน :impress2:
-
เรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากseven days ใช่ไหมคะ
รู้สึกฉากมันคุ้นเยอะ
-
เรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากseven days ใช่ไหมคะ
รู้สึกฉากมันคุ้นเยอะ
ขอตอบว่าใช่ค่ะ แต่เนื้อหาไม่เหมือนกัน อันนั้นเค้าใสน่ารัก อันนี้...555 DRAMA(?)
**************************************************************************************************
Short Story คนสุดท้ายของหัวใจ
ผมออกจากโรงพยาบาลหลังจากนอนพักฟื้นไปสองคืนเต็มๆ ทีแรกว่าจะกลับตั้งแต่เช้า เพราะว่าคุณหมอสั่งให้ตรวจสภาพร่างกายอีกครั้งจึงกินเวลาไปพอสมควร พี่กานต์เองก็ดูแลผมตลอดทุกวันที่ผมอยู่โรงพยาบาล คอยหาเรื่องตลกมาเล่าให้ผมฟังทำให้ผมไม่เบื่อ บางครั้งพี่เขาก็เล่าเรื่องของพี่เอ็กซ์คนที่พี่เขารักมานาน แต่สุดท้ายก็อกหัก
พี่กานต์ไม่ได้เล่าเรื่องพี่เอ็กซ์ด้วยความเศร้า แต่กลับเล่าด้วยรอยยิ้มที่จริงใจ คล้ายกับว่าเขาทำใจได้แล้ว ถึงอย่างนั้นผมก็ยังชอบวิธีการเล่าเรื่องต่างๆของพี่กานต์ซึ่งบ่งบอกว่าเขาเป็นคนจริงจังกับทุกเรื่อง เป็นคนที่รักใครแล้วรักจริงไม่มีวันเปลี่ยนใจ จนบางทีผมก็แอบคิดอิจฉาพี่เอ็กซ์ที่มีคนแบบพี่กานต์มารัก
“เดล คิดอะไรอยู่หรือครับ” พี่กานต์ซึ่งขับรถมาส่งผมที่บ้านหันมาถามหลังเห็นผมเงียบไปพักใหญ่
“ผมคิดว่าพี่เอ็กซ์โชคดีที่มีคนอย่างพี่มารัก และคอยดูแล”
“แต่พี่ก็อกหักซ้ำซ้อนนะ เพราะเดลเองก็มีคนอื่นอยู่ในใจแล้วนี่นา” พี่กานต์ยิ้ม ผมรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นของเขาทั้งคำพูดและการกระทำ ถ้าเลือกได้ผมเองก็อยากรักเขาเหมือนกันกับที่เขารักผม
“คนสมัยนี้ชอบคนเลวครับ แบบพี่นี่เขาไม่นิยมหรอก” ผมสบายใจเวลาอยู่ข้างๆ กับพี่กานต์ สามารถพูดคุยหยอกล้อได้เหมือนชีวิตผมเป็นคนปกติเช่นคนอื่น
“ใจร้ายจังเลยนะ พูดตรงขนาดนั้นเดี๋ยวให้เลี้ยงข้าวพี่เลยนี่” พี่กานต์เอามือข้างที่จับเกียร์มายีหัวผมจนยุ่ง ช่วงเวลาสองวันที่พี่เขาดูแลผมทำให้ผมรู้สึกคุ้นเคยและวางใจมากขึ้น อาการสะดุ้งหรือหลบไม่ให้แตะตัวจึงน้อยลง
“ถ้าอย่างนั้นแวะร้านข้างทางนะพี่ ผมมีเงินไม่เยอะหรอก” ผมพูดพลางควักกระเป๋าสตางค์ออกมารื้อให้พี่กานต์ดู
“รู้สึกเหมือนพี่รังแกเด็กเลยแฮะ” พอเห็นเงินในกระเป๋าผมพี่กานต์ถึงกับหลุดหัวเราะออกมา
“ล้อเล่นน่า ไม่ได้มีแค่สองร้อยซะหน่อย ผมมีบัตรเครดิตนะพี่ อยากกินที่ไหนก็จอดเอาตามสะดวกเลยละกัน” วงเล็บในใจว่าท้องผมก็ร้อง
“ครับๆ เดี๋ยวพี่พาไปร้านอร่อยๆให้เราเลี้ยงพี่จนกระเป๋าฉีกไปเลย” พี่กานต์พูดจบก็เร่งเครื่องให้เร็วขึ้นก่อนจะพาผมไปยังร้านที่ผมคิดว่าไม่ว่ากินเท่าไหร่ผมก็ไม่มีวันกระเป๋าฉีกแน่
“พี่ครับ...ถ้าพี่ทำผมกระเป๋าฉีกได้ผมจะแปลกใจพี่มากเลยล่ะ”
ร้านที่พี่กานต์พามาเป็นร้านบุฟเฟต์ จ่ายแค่ค่าหัวแรกเข้าไม่จำกัดเวลา อยากทานอะไรทานเท่าไหร่ก็ไม่ว่ากัน แถมร้านนี้ยังเป็นร้านอาหารที่มีอาหารหลากหลายให้เลือก ไทย จีน ฝรั่ง หรืออะไรมีหมด บรรยากาศของร้านก็ดูสบายๆเป็นกันเอง ไม่ได้หรูหราอะไร แต่ก็ไม่ได้ธรรมดาจนเกินไป การตกแต่งร้านก็เน้นพวกเฟอร์นิเจอร์จำพวกไม้ ประกอบกับแสงไฟสีอ่อน
“ก็กลัวว่าจะกินไม่อิ่มเลยพามาที่นี่ยังไงล่ะ เราเองก็ทานเยอะๆร่างกายจะได้แข็งแรง” พี่กานต์เลือกนั่งมุมติดกับน้ำตก มีเสียงดนตรีคลาสสิกเบาๆคลอมา ร้านนี้จะถูกแบ่งออกเป็นโซนต่างๆ เพื่อแบ่งอาหารหลากหลายชนิดออกจากกันอย่างชัดเจน ถ้าอยากทานอะไรก็แค่เลือกเดินไปตักมาทานเท่านั้น
พี่กานต์เดินไปตักอาหารมาบริการผมทุกอย่าง ทั้งน้ำทั้งอาหารถูกทยอยลำเลียงด้วยฝีมือของพี่กานต์เพียงคนเดียว โดยให้เหตุผลว่างานนี้เจ้ามือไม่ต้อง ส่วนผมมีหน้าที่ทานไปอย่างเดียวก็พอ
ผมกับพี่กานต์ทานอาหารเข้าไปเยอะมากทีเดียว ทานบนโต๊ะถูกทยอยไปเก็บหลายรอบ กระเพาะของผมกับพี่กานต์รวมกันแล้วก็คงหลุมดำดีๆนี่เอง อิ่มจังตังค์ต้องจ่าย(ไปแล้ว)
“อยากไปไหนอีกหรือเปล่า? ค้างบ้านพี่ก่อนไหม?” พี่กานต์ถามด้วยความเป็นห่วงหลังจากได้ฟังสองเพื่อนสนิทของผมเล่าเรื่องราวคร่าวๆของบ้านผมให้ฟัง ยกเว้นเรื่องที่ผมถูกขายให้กับพวกยากูซ่า
“ไม่เป็นไรครับ ผมกลับบ้านดีกว่า ถ้าหายไปนานกว่านี้คงจะมีปัญหาเกิดขึ้นอีก” ใจจริงอยากจะหนีไปให้ไกล อยากจะไปให้พ้นจากที่นั่น แต่ยังไงก็หนีไปไม่พ้นอยู่ดี
“เข้าใจล่ะ อย่างนั้นพี่พาไปส่งที่บ้านแล้วกัน”
กว่าจะถึงบ้านก็ใกล้ค่ำท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเข้ม พระจันทร์เองก็เริ่มออกมาฉายแสงถัดจากพระอาทิตย์ พี่กานต์ลงมาส่งผมที่หน้าบ้าน เราคุยอะไรกันหลายๆอย่าง เนื้อความก็วนอยู่ที่เดิมว่าอยากให้ผมไปอยู่กับเขา ทั้งๆที่ผมกับพี่เขาเพิ่งรู้จักกันเพียงไม่กี่วัน แถมผมยังปฏิเสธความรักของพี่กานต์อีก แล้วแบบนี้จะให้ผมรับน้ำใจของเขาเอาไว้ได้ยังไงกัน
“พี่ว่าเดลน่าจะย้ายออกนะ มาอยู่กับพี่ก็ได้บ้านพี่มีพี่เป็นลูกคนเดียว คุณพ่อกับคุณแม่พี่เองวันนั้นที่เห็นหน้าเดลยังบอกเลยว่าอยากให้มาเป็นลูกชาย” พ่อกับแม่ของพี่กานต์แวะมาเยี่ยมผม ท่านทั้งสองคนเป็นคนยิ้มแย้มแจ่มใจไม่ถือตัว ผมไม่แปลกใจเลยว่าพี่กานต์ได้แบบอย่างที่ดีมาจากใคร
“ไม่เป็นไรครับ พี่กานต์กลับเถอะมืดค่ำแล้ว เดี๋ยวจะขับรถถึงบ้านดึกนะครับ”
“เฮ้อ...ก็ได้ครับ ถ้ามีอะไรโทรหาพี่นะ อย่าลืมว่าเราติดค้างพี่อยู่” ประโยคหลังพี่กานต์แกล้งแหย่ผมเรื่องค่ารักษาพยาบาล
“อย่างนั้นไว้ผมไปจ่ายนะครับ เลี้ยงข้าวพี่แบบวันนี้แล้วกัน คราวหน้าอยากทานอะไรก็อย่าลืมมาชวนผมนะครับ” ผมเดินเข้าไปกอดพี่กานต์อย่างไม่รู้สึกเขินแม้แต่น้อย พี่กานต์เหมือนคุณพ่อของผมมากจริงๆ เสียดายที่ท่านไม่สามารถมายืนกอดผมแบบนี้ได้อีกแล้ว
“ถ้าลืมเขาได้แล้วพี่จะรอนะครับ” พี่กานต์โอบกอดผมแน่น ผมเองก็เผลอร้องไห้ไปกับคำพูดนั้น ถ้าผมลืมได้ต่อให้ผมไม่ลืมผมก็ไม่มีสิทธิ์รักเขาอยู่ดี ชีวิตมันไม่ใช่ของผมอีกต่อไปแล้ว
“เดล!!” เสียงตะโกนเรียกชื่อผมดังมาจากมุมหนึ่งของความมืด ใบหน้าของฮิโรกิตอนนี้ดูน่ากลัวกว่าปกติ ไม่มีรอยยิ้มแบบเมื่อหลายวันก่อนให้เห็น หลงเหลือเพียงดวงตาซึ่งจ้องมาทางผมกับพี่กานต์ด้วยความขุ่นเคือง มือทั้งสองข้างกำหมัดแน่นจนผมอดกลัวว่าพี่กานต์จะโดนลูกหลงด้วยไม่ได้
“พี่กานต์กลับไปก่อนนะครับ!” ผมรีบผลักพี่กานต์ให้ขึ้นรถ แต่พี่กานต์เองก็ดูจะไม่เข้าใจในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นจึงฝืนตัวไว้ไม่ให้ผมทำอะไรได้โดยง่าย
“เกิดอะไรขึ้นน่ะเดล หรือคนนี้ที่ไนท์กับปาล์มเล่าให้พี่ฟัง” พี่กานต์หันกลับเอาตัวมาบังผมไว้แทน
“ไปเถอะครับพี่ ทางนี้ผมขอจัดการเองนะครับ รีบไปเถอะนะ” ผมใช้แรงที่มีหันไปเปิดประตูรถ แต่ไม่ว่ายังไงก็ไม่สามารถดันพี่กานต์ให้เข้าไปข้างในรถได้ ฮิโรกิเองก็เริ่มก้าวเท้าเข้ามาใกล้เต็มที แววตาแบบนั้นทำให้ผมรู้สึกหวาดกลัวเมื่อนึกถึงอดีตตอนที่ถูกทำร้าย
“ห่วงมันนักหรือไง!! ลืมไปหรือเปล่าว่าพี่เป็นแฟนผมอยู่!!” ผมก้าวเท้าถอยหลังตามพี่กานต์ซึ่งพยายามกันผมเอาไว้ ผมไม่รู้ว่าอะไรทำให้ฮิโรกิโกรธได้ขนาดนั้นแต่ผมไม่ชอบแววตานั้นเอาเสียเลย มันทำให้ผมรู้สึกขยะแขยง
“อย่ามายุ่งกับเดล!! นายไม่มีสิทธิ์ไปบังคับใครต่อใคร” พี่กานต์โต้กลับมือเกร็งกำหมัดแน่นพร้อมสู้ทุกเมื่อ
“มีสิ!! เพราะผมซื้อเดลต่อจากพวกยากูซ่าแล้วยังไงล่ะ!” ผมอึ้งไปกับคำพูดที่ได้ยิน... นี่ผมถูกซื้อขายต่ออีกแล้วใช่ไหม? ผมก็แค่สิ่งของอย่างนั้นสินะ
“หมายความว่ายังไง!! เดลเป็นคนนายไม่มีสิทธิ์มาซื้อขายแบบนั้น”
น้ำตาของผมไหลอีกแล้ว นี่เพราะผมอ่อนแอหรือเพราะเรื่องที่มันเกิดขึ้นกับผมมันหนักเกินกว่าผมจะแบกรับมันไหวกันแน่ ผมคือใคร? ผมเป็นอะไร? ผมต้องทำอะไร? ไม่รู้เลย... ผมไม่รู้ว่าควรต้องรับรู้แล้วรู้สึกอะไรอีกหรือเปล่า? ทำไมกันนะ? ทำไมผมไม่ตายไปซักที... ตายไปจะได้ไม่ต้องมาทนรับอะไรบ้าๆพวกนี้
“หึ! มานี่เดี๋ยวนี้เดล!!” ฮิโรกิตรงเข้ามากระชากผมให้ตามไป ร่างกายของผมหมดแรงตั้งแต่รับรู้เรื่องราวจากปากนั่น ทั้งๆที่ผมอุตส่าห์คิดว่าฮิโรกิจะไม่เหมือนคนอื่น ทั้งๆที่เป็นแบบนั้น...แต่ทำไมตอนนี้ผมเจ็บเหลือเกิน
“ปล่อยเดลนะโว้ย!” เสียงของพี่กานต์ร้องโวยวายแต่ถูกล้อมกรอบด้วยลูกน้องของฮิโรกิ ผมได้ยินเสียงการต่อสู่แต่แค่แรงจะหันกลับไปมองผมยังหมดไปแล้ว ยังเหลืออะไรที่ผมต้องทำนอกจากตาย...
ผมถูกพามายังบ้านของฮิโรกิด้วยสภาพไร้วิญญาณ ความจริงที่ผมรับรู้ทำให้ผมเหมือนคนสูญเสียทุกอย่างไป ศักดิ์ศรียังไม่มี จะมีชีวิตต่อไปได้ยังไง? อย่างน้อยผมก็ได้ทดแทนบุญคุณของพ่อ เพราะเงินที่ได้จากการขายผมนั้นจะนำไปยื้อชีวิตของคุณพ่อได้อีกนานพอสมควร
“ฮิโระนายพาใครมาน่ะ สวยดีนี่นา...” ผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาทางผมซึ่งถูกฮิโรกิประคองเข้ามาภายในบ้าน
“เมียผม! อย่าแตะต้องเขาเด็ดขาด!”
“หึ! แล้วอย่ามาร้องไห้ขอความรักจากฉันอีกล่ะ”
“ไม่มีวันนั้น! คุณมันก็แค่งูพิษโมเดล...คนแบบคุณสักวันพี่ต้องรู้ความจริง” ชื่อนั้นทำให้ผมต้องหลุดจากห้วงความคิด ผมสบสายตากับผู้หญิงคนนั้น คนที่ฮิโรกิคุยกับเธอตอนนั้น
“ไม่มีวันนั้นหรอก ฮิคารุน่ะเขาเองก็มีหลายคนจะตาย เธอเองก็ด้วยนะต่อไปฮิโระเองก็คงทิ้งเธอไปเหมือนกับฉันที่ถูกฮิคารุเก็บสะสมเป็นของเล่น ฉันเตือนด้วยความหวังดี...” ผมมองตามร่างของเธอคนนั้นไปด้วยความสงสัย ไม่เข้าใจในเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่ไม่ว่าตอนนี้หรือตอนไหนผมคงเป็นได้แค่ของเล่นฆ่าเวลาอยู่ดี
ฮิโรกิดูจะหงุดหงิดมากเขาแบกผมไว้บนบ่าก่อนจะพาผมไปยังห้องนอนของเขา พอเปิดประตูได้ร่างของผมก็ถูกเหวี่ยงลงบนเตียงอย่างรุนแรง ผมรู้สึกปวดร้าวตามตัวซึ่งเกิดจากแรงกระแทก ถึงแม้เตียงจะไม่ได้แข็งแต่การถูกโยนลงมาแรงๆก็ทำให้จุกได้เหมือนกัน
“บอกผมมาว่าไอ้หมอนั่นเป็นใคร?!” ผมคิดว่าฮิโรกิคงหมายถึงกานต์แต่ผมไม่สนใจจะตอบคำถามนั้น มันไม่จำเป็นอะไรที่เขาต้องรับรู้เรื่องราวของของเล่นอยู่ดี
“..................”
“ดี....เดี๋ยวมาดูกันว่าที่ไม่ยอมพูดกับผมแล้วจะครางเสียงดังแค่ไหน!!” ฮิโรกิตวาดลั่นก่อนกระชากเสื้อของผมออกเป็นชิ้นๆ นำไปผูกมัดแขนผมเอาไว้กับหัวเตียง ผมนิ่งเงียบแต่ก็ดิ้นรนขัดขืน แรงของผมสู้แรงของฮิโรกิในเวลาที่โกรธตอนนี้ไม่ได้เลยสักนิด แขนทั้งสองข้างของผมจึงถูกมัดอย่างง่ายดาย
ฮิโรกิก้มลงซุกไซ้ซอกคอของผมอย่างรุนแรง ผมไม่รู้สึกถึงความรักมีเพียงแรงโกรธเท่านั้นที่สัมผัสได้ในเวลานี้ ผมเจ็บใจและตอนนี้คงไม่พ้นต้องเจ็บตัวเพราะคนตรงหน้า
มือของฮิโรกิเลื่อนลงไปบีบแก่นกายของผมจากด้านนอกอย่างรุนแรง ผมเจ็บแต่ก็ฝืนกัดริมฝีปากเอาไว้ แต่นั่นยิ่งดูเป็นการยั่วโมโหฮิโรกิทำให้เขาก้มลงไปกระชากกางเกงผมออกเหลือแค่ชั้นในปกปิดความเป็นชายของผมเอาไว้ ใบหน้านั่นเลื่อนลงไปใช้ลิ้มโลมเลียแก่นกายของผมจากภายนอก ผมรู้สึกเสียวไปหมดกับการใช้ลิ้นของฮิโรกิ แต่เพียงไม่นานแก่นกายของผมก็ถูกฮิโรกิขบกัด ผมกัดริมฝีปากให้แน่นขึ้นไปอีกเมื่อรู้สึกถึงความเจ็บแปลบด้านล่าง มือของฮืโรกิกระชากสิ่งปกปิดชิ้นสุดท้ายของผมให้หลุดไป แก่นกายของผมถูกกลืนกินเข้าไปภายในโพรงปากของฮิโรกิ ผมปฏิเสธไม่ได้ว่ารู้สึกดีกับการกระทำแบบนั้น จนเผลอยกสะโพกขึ้นตามปากของฮิโรกิ
ฮิโรกิหยุดการกระทำนั้นทันที ถอนปากออกจากแก่นกายของผมก่อนจะยิ้มอย่างผู้มีชัยเหนือกว่า ผมเจ็บใจที่ทำอะไรไม่ได้ มือของผมก็ถูกมัดอยู่แบบนี้ ขาของผมก็ถูกฮิโรกินั่งกดทับเอาไว้ทำให้ขยับไม่ได้
“ผมไม่ปล่อยพี่ไปแน่ๆ ของของผมยังไงก็ต้องเป็นของของผม” ฮิโรกิก้มลงมากระซิบประโยคที่ทำให้ผมยิ่งดิ้รนขัดขืนมากขึ้น ไม่อยากต้องเป็นแบบนี้ ไม่อยากต้องมีอะไรกันทั้งๆที่อยู่ในสถานะแบบนี้ ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย...ผมไม่เข้าใจ...
******************************************************************************************************
:กอด1: ขอบคุณทุก comment ค่ะ ตอนหน้าได้ความช่วยเหลือจากการให้คำปรึกษาของน้อง kyoya11
อะแฮ่มๆ รับกระทิชชู่กับเลือดเพิ่มไหมคะ? ตอนนี้(คง)เรียกเลือด(มั้ง?)คะ ฮ่าๆๆๆ :laugh:
ฝากด้วยคะคะ ตอนหน้าเป็นตอนจบแล้ว ทีแรกจะลงเลยแต่ว่ายังปั่นไม่จบ ติดไว้ก่อนเนอะ~~
-
อ่าฮะ
แวะมาอ่านด้วยคน
กานต์ไม่มีใครเอา น้องขอนะ ><
-
ฮิโระ อย่าทำแบบนี้สิ
ยิ่งเลว ยิ่งดรามานะเฟ่ย ตูไม่ชอบ :angry2:
-
ฮิโระไมทำงี้อ่ะ เด๋วหันไปเชียร์พี่กานต์ซะเลย
-
เศร้าจังเลยย
สงสารเดล คนดีๆดันไม่รัก ดันมารักคนที่ค่อนข้างเลว :o12: :o12:
-
โกรธฮิโระมากกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ทำไมต้องทำกับเดลแบบนั้นด้วยละ พิษรักแรงหึงแรงนะนั่น
ถ้าเกิดเดลช้ำใจ หนีไปหากานต์อย่าหาว่าพี่ไม่เตือนละ!!!
ส่วนน้องกานต์......
เฮ้อออออออ น้องเฟิร์นจ๋า พี่ขอร้องเหอะนะ อย่าให้น้องกานต์ต้องอาภัพรักเลยนะ พี่สงสาร
ถ้าไม่รู้จะจับคู่น้องกานต์ให้ใคร จับกับพี่ก็ได้นะ พี่เต็มใจ๊ เต็มใจเลยละ 555555
พูดจบก็เผ่น กลัวรองเท้า ฟริ้วววววววววว
-
:เฮ้อ:สงสารราคาคงดีน่าดูถึงได้ซื้อขายเหมือนอีตัว
-
ขอกานต์ได้มั้ยอ่า เค้ายังว่างเน้อออออ :o8:
:เฮ้อ: คนดี ๆ ทำไมไม่รัก
-
อ้ากกกกฮิโรกิใช้อารมณ์มากไปแล้วคุยกันก่อนดิสงสารเดลอ่ะ
-
พี่กานต์ TT
ฉันเกลียดแกฮิโระ
(อินหนักมาก) 55
จุ้บๆพี่เฟิร์น อิอิ
-
พี่กานต์ขา ทางนี้ยังว่างนะ อิอิ
ส่วนแกฮิโระ ไปตายซะ :angry2: :angry2:
-
ฮิโรกิกระชากใบหน้าของผมเข้าไปจูบอย่างรุนแรง ลิ้นร้อนพยายามจะเข้ามาในปากของผม แต่ผมเม้มปากแน่นไม่ยอมให้เข้ามาพยายามเบือนหน้าหนี ฮิโรกิใช้มือบีบคางของผมอย่างแรงจนผมต้องเผลอปากออก ลิ้นของเขาจึงถูกส่งเข้าไปสำรวจภายในโพรงปากของผม ไร้ซึ่งความอ่อนโยนเต็มไปด้วยความใคร่และความหื่นกระหาย น้ำตาของผมไหลลงมาอีกครั้ง มือที่บีบคางของผมเอาไว้ถูกปล่อยออกไปบดบี้หน้าอกซึ่งชูชันด้วยแรงอารมณ์ของผม ร่างกายกับความคิดของผมกำลังสวนทางกัน
ถึงผมจะต้องการเซ็กซ์ในเวลานี้ แต่ผมไม่ต้องการมีเซ็กซ์ในเวลาที่ไม่น่ายินดีกับคนที่เห็นผมเป็นเพียงสิ่งของแบบเขา ผมใช้สติกับแรงที่พอมีเหลือกัดปากของฮิโรกิจนรับรู้ได้ถึงกลิ่นคาวเลือดนั้น ฮิโรกิถอนริมฝีปากออกทันทีก่อนจ้องหน้าผมด้วยแววตาโกรธเกรี้ยวกว่าเดิม
“ทำไม!! รังเกียจผมมากนักหรือไง ดี!! เรามาดูกันว่าคนที่พี่ขยะแขยงจะเอาพี่ได้แรงเท่ากับคนที่พี่รักไหม!”
ขาของผมถูกยกพาดบ่าของฮิโรกิจนเข่าของผมชิดกับอกของตัวเอง ผมสามารถเห็นช่องทางด้านหลังซึ่งถูกฮิโรกิกำลังใช้ลิ้นโลมเลียได้อย่างชัดเจน ทั้งอับอายแต่ก็รู้สึกเสียวจนขนลุกเมื่อเห็นลิ้นนั่นสอดแยงเข้าไปในร่องสีแดงที่ตอดถี่ ผมหลับตาแล้วเบือนหน้าหนีไม่อยากมองสิ่งที่กำลังเกิดกับร่างกายของผมเอง แต่ทำแบบนั้นผมยิ่งรู้สึกว่าเสียวมากขึ้นกว่าปกติ เพราะฮิโรกิยิ่งลงลิ้นหนักขึ้นเรื่อยๆ ผมอึดอัดที่ไม่ได้รับการปลดปล่อย น้ำสีขาวขุ่นจากแก่นกายของผมไหลเยิ้มติดปลาย ฮิโรกิไม่รอช้าใช้มือเขี่ยปลายสิ่งนั้นเบาๆทำเอาผมกลั้นเสียงครางเอาไว้ไม่ทัน
“อา....อ...อย่า....” ผมร้องไห้ไม่รู้เท่าไหร่ฮิโรกิไม่ได้ใส่ใจน้ำตาของผมเลยสักนิด ต่างจากวันนั้นที่เขายืนเป็นที่ซับน้ำตาให้กับผม ไหนว่าจะเป็นที่พักแล้วที่ทำนี่มันอะไรกัน โกหกทั้งหมดอย่างนั้นสินะ
“อย่าช้าหรืออย่าหยุดล่ะ? หืม?....”
ผมรู้สึกเหมือนร่างกายกำลังถูกควบคุมโดยคนตรงหน้า โคนขาของผมเริ่มมีรอยจ้ำสีแดงๆประปราย แก่นกายของผมปวดหน่วงอย่างมากเมื่อไม่ได้รับการปรนเปรอ ผมทรมาน ต้องการ แต่นั่นต้องไม่ใช่กับคนๆนี้ ไม่ใช่ในแบบนี้ ผมไม่อยากเป็นของของใครที่จะหยิบมาเล่นอย่างไรเมื่อไหร่ก็ได้
“ไม่ตอบ...อย่างนั้นผมจะเอาให้ร้องลั่นเลยคอยดู!”
แก่นกายของฮิโรกิเสียบเข้ามาทีเดียวมิดด้าม ผมทั้งเจ็บทั้งจุกจนร้องอะไรไม่ออก รู้สึกเหมือนร่างกายกำลังจะฉีกขาดออกเป็นเสี่ยงๆ น้ำตายิ่งไหลออกมามากขึ้นทุกที แรงกระแทกจากด้านหลังนั้นรุนแรงไม่ได้หลงเหลือความอ่อนโยน
“โอ๊ย!!! ไม่เอา เอาออกไปนะ” ผมเริ่มสะอื้นเสียงดัง ช่องทางซึ่งไม่ได้รับการเตรียมพร้อมแต่ถูกแก่นกายขนาดใหญ่นั่นแทงเข้ามาพรวดเดียวจนสุด ผมเห็นช่องทางด้านหลังกำลังตอดรัดถี่รัวคล้ายกับมันกลืนกินแก่นกายของฮิโรกิเข้าไป แก่นกายของผมเองหดตัวไปแล้วเพราะความเจ็บที่ได้รับ แต่ฮิโรกิไม่ได้ใส่ใจออกแรงถอดออกไปทีเดียว แล้วแทงย้ำเข้ามาอีกครั้ง
คราวนี้เขาไม่ได้หยุดค้างไว้แบบเมื่อครู่แต่กลับกระแทกตัวเข้าออกตามแรงอารมณ์ จากความเจ็บเริ่มเปลี่ยนเป็นอารมณ์แปลกๆเมื่อแก่นกายของผมเริ่มชูชันขึ้นมาอีกครั้ง ผมสัมผัสได้ถึงการเสียดสีภายในซึ่งไปสะกิดจุดกระสัน ฮิโรกิเริ่มยิ้มและออกแรงกระหน่ำแทงเข้ามาไม่ยั้ง
“อ๊า....ฮ....ฮิ....โระ” ผมครางเสียงหลงเมื่อแก่นกายนั่นตรงเข้าย้ำที่จุดเดิมๆนั้น บิดกายเร่าด้วยความต้องการที่เพิ่มขึ้นสูง
แต่อยู่ๆ ฮิโรกิก็หยุดการกระทำถอดแก่นกายของตัวเองออกทั้งๆที่ยังไม่ได้ปลดปล่อย ผมเองก็ทรมานหนักกว่าเดิมเมื่ออารมณ์ที่พุ่งใกล้จุดสูงสุดถูกหยุดกะทันหัน
“ผมรักพี่นะครับ....รักมากจนยอมเสียให้ใครไปไม่ได้ รักและอยากครอบครองเอาไว้แค่คนเดียว รู้ทั้งรู้ว่าพี่ไม่รักแต่ผมก็ยังทำแบบนี้ ผมมันเลว...เลวจนไม่น่าให้อภัย” ฮิโรกิร้องไห้ น้ำตาของเขาทำให้ผมเริ่มใจอ่อน คำพูดเหล่านั้นที่ผมอยากได้ยินมากที่สุด แต่รักนั้นไม่ใช่กับผมแค่คนเดียว
“ฮึก...อย่ามาพูดดี นายมีกี่คนฉันเองไม่รู้หรอกนะ อย่ามาพูดว่ารักทั้งๆที่ไม่รู้สึกได้ไหม!! ฉันไม่อยากเป็นควายเข้าใจไหม!!” ผมกลั้นก้อนสะอื้นต่อว่าฮิโรกิ แต่แล้วผ้าที่มัดมือทั้งสองข้างเอาไว้กับหัวเตียงก็ถูกแกะออก
“จะต่อยผมหรืออะไรก็เชิญครับ ผมรักพี่จริงๆ ผมไม่เคยรักใครเท่าพี่มาก่อน ไม่สิ...ผมไม่รู้ว่ารักเป็นอย่างไรด้วยซ้ำ แต่พอเห็นพี่กับไอ้หมอนั่นผมสูญเสียการควบคุมตัวเองไปอย่างสิ้นเชิง แต่น้ำตาของพี่ที่ไหลตอนนี้มันทำให้ผมคลั่ง ผมอยากเป็นที่พักแต่กลับมาเพิ่มปัญหาให้กับพี่ ผม...”
พลั่ก!
ผมสวนหมัดใส่หน้าของฮิโรกิไปทันที ร่างกายของผมยังหลงเหลือความต้องการอยู่รวมถึงของเขาเองก็ด้วย ผมอยาก... อยากทั้งๆที่รู้ว่ามันไม่สมควรจะเป็นแบบนี้ อยากถูกฮิโรกิกอดเอาไว้แล้วเติมเต็มช่องว่างทั้งหมดให้กับผม
“ฉันรักนาย...”
ผมพูดแล้วสะบัดหน้าหนีสายตาวิบวับจนน่าหมั่นไส้ของฮิโรกิ ร่างกายของฮิโรกิโถมเข้ามากอดผมเต็มที่ ใบหน้านั้นมีรอยยิ้มกลับคืนมาอีกครั้ง นี่ผมใจอ่อนกับคำบอกรักซึ่งผมต้องการจากใครสักคนมาตลอดใช่ไหม? หรือเพราะผมเองตกหลุมรักฮิโรกิตั้งแต่แรกเจอกันแน่ จะเพราะอะไรผมเองก็ไม่รู้ รู้แต่ตอนนี้อารมณ์ของผมถูกฮิโรกิเข้ามาก่อกวนอีกครั้ง
“ผมรักพี่มากกว่าครับ” นัยน์ตาพราวระยับนั่นจดจ้องร่างกายของผมด้วยสายตาโลมเลีย ผมรู้สึกว่าการโดนจ้องแบบนี้มันน่าอายกว่าโดนขืนใจเมื่อครู่ซะอีก
“อย่างนั้นก็เข้ามาเร็วๆสิ”
ฮิโรกิไม่รอช้ารูดแก่นกายของตัวเองให้กลับมาเตรียมพร้อมอีกครั้งก่อนสอดใส่เข้ามาในร่างกายของผม คราวนี้ต่างออกไปตรงที่เขาค่อยๆสอดมันเข้ามา แต่อารมณ์ของผมตอนนี้มันยังไม่พอ แค่ทำแบบนั้นยังไม่พอกับความต้องการที่ฮิโรกิสร้างเอาไว้ให้กับผม
“อา...กระแทกเร็วๆ ฉันจะไม่ไหวแล้ว”
“หึหึ! ยั่วจัง...ระวังโดนหลายรอบนะครับ” ผมหมั่นไส้กับใบหน้ายิ้มแบบกวนๆนั่นมาก แต่แก่นกายที่เริ่มขยับเข้าออกอย่างเร่งจังหวะขึ้นเรื่อยๆทำให้ผมละความสนใจจากรอยยิ้มนั้น บิดกายไปมามือจิกผ้าปูที่นอนไว้แน่นด้วยแรงอารมณ์ที่พุ่งขึ้นสูงเรื่อยๆ แรงกระแทกที่รับมาจากฮิโรกิทำให้เตียงนอนนั้นดังเอี๊ยดอ๊าดลั่นไปหมด ถ้าไม่แข็งแรงป่านนี้คงหักลงไปกองกับพื้นไปแล้ว
“อ๊า....ไม่ไหวแล้ว....โอว....” น้ำรักของผมพุ่งกระจากเปรอะไปตามลำตัวและหน้าของของผมเอง แต่ภายในนั้นฮิโรกิยังไม่เสร็จกิจกระแทกรัวเข้ามาไม่ยั้งด้วยสีหน้าเริ่มเหยเก
“ซี๊ด.....อ๊าววววว......” น้ำรักจำนวนมากถูกฉีดเข้ามาในช่องท้องของผม เสียงหอบหายใจของเราสองคนประสานกัน เสียงหัวใจเต้นถี่รัว
ฮิโรกิถอดแก่นกายออกก่อนจะตรงเข้ามาโลมเลียคราบน้ำรักของผมตามลำตัว ไม่วายหยุดหยอกล้อแกล้งผมโดยการขบเม้มเม็ดสีชมพูซึ่งเริ่มแข็งเป็นไตอีกครั้ง ผมแอ่นอกขึ้นตามแรงอารมณ์ แก่นกายของผมกับเขากำลังเสียดสีกันอย่างจงใจ จากที่หลับก็ตื่นขึ้นมาพร้อมสำหรับการปฏิบัติกิจ
ผมถูกจับไปยืนที่หน้ากระจก ตอนนี้ผมเห็นสภาพตัวเองซึ่งบิดกายเร่าเมื่อฮิโรกินำแก่นกายมาเสียดสีกับช่องทางด้านหลังโดยไม่ยอมสอดเข้ามา ลิ้นร้อนๆโลมเลียซอกคอและใบหู มือทั้งสองข้างก็สาละวนหยอกล้อเล่นกับเม็ดสีชมพูซึ่งแข็งเป็นไต แก่นกายของผมชูชันจนเห็นปลายซึ่งมีน้ำเยิ้มชี้ไปทางกระจก ใบหน้าที่มีคราบน้ำตา ริมฝีปากแดงซึ่งเจ่อออกมาเพราะรสจูบของฮิโรกิ ซ้ำยังรอยรักซึ่งถูกฮิโรกิฝากไว้ตามร่างกาย
“ดูดีๆนะครับ...พี่น่ะ...โคตรยั่วเลย”
ผมไม่ทันได้ตั้งตัวก็ถูกแก่นกายของฮิโรกิเริ่มกระหน่ำแทงเข้ามาอีกครั้ง มือของผมจึงต้องไปยันพิงกับกระจกเงาบานใหญ่ซึ่งถูกติดไว้กับฝาผนัง ผมเห็นร่างกายตัวเองกำลังสั่นไหวไปมาตามแรงกระแทกจากคนข้างหลัง นัยน์ตาปรือหรี่ลงกับใบหน้าแดงๆถ้าใครเห็นก็รู้ว่ามีอารมณ์มากแค่ไหน มองไปด้านล่างซึ่งมือของฮิโรกิช่วยปรนเปรอแก่นกายของผมใบหน้าของผมก็ยิ่งยั่วยวนมากกว่าเดิม เห็นรอยยิ้มกวนๆของฮิโรกิส่งมาจากด้านหลังแล้วก็หมั่นไส้ ออกแรงสวนตัวตามจังหวะเดียวกับที่เขากระแทกเข้ามา
“ซี๊ด.....พี่อย่ายั่วผมนะ ไม่อย่างนั้นคืนนี้พี่ไม่ได้นอนแน่!” ฮิโรกิกล่าวก่อนออกแรงกระแทกสะโพกเข้ามาซ้ำๆจนน้ำรักไหลเยิ้มเป็นทางเปรอะไหลลงมาตามเรียวขาของผม
“นี่เปลี่ยนท่ากันไหม?” ผมเห็นตัวเองในกระจกแล้วก็มีอารมณ์สูงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งๆที่เมื่อครู่ผมเองก็ปลดปล่อยก่อนฮิโรกิซะอีก ฮิโรกิค่อยๆถอนแก่นกายออกจากตัวผม ทำให้น้ำรักภายในไหลเยิ้มออกมาจนผมเหนียวเหนอะหนะไปหมด ก่อนผมจะผลักฮิโรกิขึ้นไปนั่งบนเตียงแล้วนั่งทับแก่นกายซึ่งชูชันขึ้นมาของฮิโรกิ
“ลามกนะนายน่ะ...ยังไม่ทันทำอะไรก็ตื่นอีกแล้ว” ผมแกล้งแหย่ฮิโรกิ ทำให้ใบหน้านั้นขึ้นสีแดงอย่างน่าเอ็นดู ฮิโรกิที่น่ารักของผมกลับมาแล้วสินะ
“อา....อูย....อย่าขมิบสิครับพี่...แค่เห็นพี่เปลือยกลางแสงไฟแบบนี้ผมก็มีอารมณ์จะแย่แล้วนะ” ผมเริ่มกลั่นแกล้งเอาคืนฮิโรกิที่คิดจะขืนใจผม แต่ใบหน้ากับท่าทางน่ารักนั่นผมอยากเห็นตอนมีอารมณ์แบบเมื่อครู่อีกครั้ง
“เหรอ...งั้นแบบนี้ล่ะ”
ผมกอดฮิโรกิใช้ไหล่ของเขาในการยันตัวเพื่อยกสะโพกขึ้น ระหว่างนั้นก็แกล้งขมิบจนฮิโรกิหลับตาพริ้มส่งเสียงครางอย่างน่ารักออกมา ผมขย่มตัวขึ้นลงบนแก่นกายของฮิโรกิ ยอดอกของเราเสียดสีกันไปมาเพิ่มอารมณ์สวาท เสียงเจาะแจะภายในตัวของผมคงเพราะน้ำรักของฮิโรกิยังค้างอยู่ แต่นั่นทำให้การเคลื่อนไหวของผมไม่ยากลำบากนัก ผมกับฮิโรกิแลกลิ้นพันกันไปมา น้ำลายของเราเชื่อมต่อเป็นสายเดียวกันยามถอนริมฝีปากเพื่อหายใจ เสียงครางระงมของผมกับฮิโรกิดังลั่นไปทั่วห้อง มือของฮิโรกิเองก็ช่วยกระแทกเข้าออกกับแก่นกายของผม
“ผ....ผมไม่ไหวแล้วครับ ขอนะ” ฮิโรกิอุ้มผมขึ้นจนตัวลอย ทำให้ผมต้องเอาขาไปรัดเอวฮิโรกิไว้ โดยแก่นกายของเขายังค้างอยู่ในตัวของผม ร่างของผมถูกดันไปติดฝาผนังก่อนฮิโรกิจะเริ่มกระแทกแก่นกายเข้ามา ท่านี้แก่นกายของเขาเข้าไปในตัวผมลึกไม่แพ้เมื่อครู่ ซ้ำยังกัดกระหน่ำได้รุนแรงกว่าตอนที่ผมโยกเองเสียอีก เพียงไม่นานเสียงครางของเราสองคนก็สงบลงพร้อมกับการปลดปล่อยครั้งสุดท้ายของคืนนี้
“พี่ครับผมพาไปอาบน้ำนะ” ฮิโรกิยิ้มหวานถอดแก่นหายของตัวเองออกจากร่างกายผมแล้วอุ้มผมเข้าไปในห้องน้ำให้ยืนเอามือยันผนังไว้ ก่อนจะลงมือใช้นิ้วกดๆควานเข้าไปเพื่อนำของเหลวซึ่งตัวเขาใส่ไว้ออกมาจนหมด ซึ่งขึ้นตอนนั้นผมก็ส่งเสียงครางออกมาเมื่อฮืโรกิแกล้งไปสะกิดจุดกระสันด้านในของผม
กว่าผมกับฮิโรกิจะชำระร่างกายกันเสร็จก็กินเวลาไปร่วมชั่วโมง เพราะร่างกายของผมโดนไปหลายทีเลยมีอาการอ่อนแพลียอย่างเห็นได้ชัด ฝ่ายฮิโรกิเองดูจะดีใจเกินหน้าเกินตาเมื่ออกมาพบว่าห้องที่เลอะเทอะไปด้วยคราบน้ำกามของผมกับเขาถูกเก็บกวาดเรียบร้อยแล้ว
“รักพี่นะครับ...รักมากกว่าใครทั้งนั้น พี่เป็นคนแรกและเป็นคนสุดท้ายของหัวใจผมครับ” ร่างของผมถูกวางลงบนเตียงอย่างนุ่มนวล อ้อมกอดที่ผมได้มาครอบครองทั้งอบอุ่นและเป็นอ้อมกอดที่ผมโหยมาตลอดจากใครสักคน
“ฉันรักนายนะฮิโระ นายเองห้ามไปรักคนอื่นนอกจากฉัน เพราะถ้าถึงวันนั้นฉันคงไม่อยากมีชีวิตอยู่”
“อย่าพูดแบบนั้นนะครับ เพราะมันจะไม่มีวันนั้น... ผมเคยผิดพลาดเพราะอารมณ์ชั่ววูบใช้ของร่วมกับพี่ชายมาครั้งหนึ่ง แต่ตอนนี้ผมมีคนที่ผมรักมากที่สุดนั่นคือพี่อยู่แล้ว ถ้าพี่ไม่อยู่ผมเองก็คงไม่อยากอยู่ต่อเหมือนกัน” ริมฝีปากนุ่มกดประทับบนหน้าผากของผม ฝากรอยความห่วงใยและความรักเอาไว้เข้ามาเติมเต็มหัวใจที่แห้งผากของผม
ไม่รู้...วันพรุ่งนี้จะดีหรือร้าย
ไม่รู้...ผมกับเขา เราจะรักกันตลอดไปหรือเปล่า
ไม่รู้...ว่าวันข้างหน้าจะมีเรื่องอะไรที่ทำให้เราทะเลาะกัน
แต่สิ่งหนึ่งที่ผมรู้ในเวลานี้ก็คือผมรักเขา และเขาเองก็รักผม สิ่งเดียวที่ผมเฝ้าหาจากคนรอบข้างมานาน ความรัก รักอย่างไม่มีเหตุผล รักอย่างไม่ต้องสรรหาถ้อยคำใดๆมาอธิบายให้เกิดความหมายหรือคำจำกัดความ รักของผมอาจไม่สวยหรูหรือไม่ดีอย่างของใคร รักของผมอาจไม่ยืนยาวตลอดทั้งชีวิต
แต่รักของเรา...จะมั่นคงจนกว่าจะถึงวันนั้น วันที่เราต้องแยกจากกัน
จะรักให้มากขึ้น มากขึ้น จนกว่าจะถึงวันนั้น....
“ฉันรักนาย คนสุดท้ายของหัวใจฉัน ฮิโรกิ”
******************************************************************************************************
:z6: ได้ยินแว่วๆมีคนด่าว่าไหนกานต์? เหะๆ หนูกานต์มีคู่แล้วนะเออบ่ต้องแย่งกัน~~~ :z2:
เรื่องสั้นเรื่องหน้า(ยังมีอีกเหรอ?) เป็นของหนูกานต์ เพื่อหนูกานต์ พัฒนาหนูกานต์ (เหมือนหาเสียงแฮะ)
แต่ปัญหาคือ!!!! ยังไม่ได้เขียนมีแต่พล็อตโล่งๆ ฮ่าๆ(หัวเราะอย่างภูมิใจ) o22
เอาล่ะ ขอบคุณที่อ่านมาจนจบถึงตอนนี้นะคะ รักคนอ่านทุกคนค่ะ(โบกมืออย่างหล่อ)
v
v
v
จิ้มคนข้างล่างนะเออ
-
^
^
แทงขึ้นไป
แว๊บไปอ่านก่อน
**********************
จบหวาน :-[
ฉากนั้นก็... :haun4:
:pig4:
-
ฮิโระกิ นายน่ารักมากๆ
:o8:
-
:impress2:เล่นอะไรกันไม่รุ้
-
หวานมากมายจะรักจนคนสุดท้ายของหัวใจ
ขอบคุณครับ
-
ฮืออออออออออออออออออออออออ !
จบแบบดราม่า น้ำตาท่วมจอ : )
ใช่ ๆ พี่กานต์มีคู่แล้วเค้าเอง โฮะ ๆ
แอร๊กกกก ! โดนถีบ 55555555555
ไว้เด่วว่าง ๆ จะเล่าเรื่องเค้ากับพี่กานต์ให้ฟังน้ะค้า โฮะ ๆ
+1 ให้ อิอิ
-
หวานมากมาย
ตอนแรกดร่ามาโครตๆๆ
สงสารโมเดลมากๆๆเลย
ทำไมถึงทำกับโมเดลด้ายยย~~
แต่ตอนจบนี้เลือดพุ่งปรี๊ดๆๆ
ทำเอาเลือดสาดหน้าคอม
ชอบมากๆๆ
ขอบคุนมากๆครับ
-
เย้ๆๆๆ สุดท้ายก็จบลงด้วยดี
รออ่านเรื่องสั้นของกานต์นะค่ะ :กอด1:
-
อยากจะบอกว่าสุดท้ายพี่ก็ยังไม่หายเคืองฮิโรกิหรอกนะ
หึงโหดรุนแรงกับโมเดลแบบนั้นได้ไงเนี่ย
โมเดลก็เหมือนกันอ่ะ แทนที่จะแกล้งให้ฮิโรกิคลั่งตายมากกว่านั้นหน่อย ดันยอมใจอ่อนง่ายๆอีก เฮ้ออออ ไม่ไหวๆ
สงสัยต้องจับมาอบรมที่บ้านซักอาทิตย์ละ ฮิโรกิจะได้ลงแดงตาย 5555555
ปล.น้องเฟิร์นเพรียกพี่กานต์ว่าหนูกานต์ อย่าบอกนะว่า..............
**ต้องไปรีสมองกลับใหม่ว่าหนูกานต์.....ไม่ใช่........****
อีดิท
=w= ชะอุ่ย...หนูกานต์ค่ะ เพราะอีกฝ่ายเค้าพี่นะ~~~
แอบมาสปอยเพื่อพี่ปอเลยนะเนี่ย 55+ >< แบบว่าๆ หนูกานต์ก็จริงนะ แต่หนูกานต์เป็น **** นะ
ปล.**** คืออะไรไม่เปิดเผย o22
น้องเฟิร์นอย่ามาสปอย เดี๋ยวพี่เก็บอาการไม่อยู่แล้วจะลำบาก 555
V
V
V
-
อยากจะบอกว่าสุดท้ายพี่ก็ยังไม่หายเคืองฮิโรกิหรอกนะ
หึงโหดรุนแรงกับโมเดลแบบนั้นได้ไงเนี่ย
โมเดลก็เหมือนกันอ่ะ แทนที่จะแกล้งให้ฮิโรกิคลั่งตายมากกว่านั้นหน่อย ดันยอมใจอ่อนง่ายๆอีก เฮ้ออออ ไม่ไหวๆ
สงสัยต้องจับมาอบรมที่บ้านซักอาทิตย์ละ ฮิโรกิจะได้ลงแดงตาย 5555555
ปล.น้องเฟิร์นเพรียกพี่กานต์ว่าหนูกานต์ อย่าบอกนะว่า..............
**ต้องไปรีสมองกลับใหม่ว่าหนูกานต์.....ไม่ใช่........****
=w= ชะอุ่ย...หนูกานต์ค่ะ เพราะอีกฝ่ายเค้าพี่นะ~~~
แอบมาสปอยเพื่อพี่ปอเลยนะเนี่ย 55+ >< แบบว่าๆ หนูกานต์ก็จริงนะ แต่หนูกานต์เป็น **** นะ
ปล.**** คืออะไรไม่เปิดเผย o22
-
พี่กานต์นี่น่าสงสารนะ
รักคนมีคู่ตลอดเลย 555555+
ส่วนฮิโระกับเดล...
ลุ้นระทึกจริงๆๆๆๆ
เดี๋ยวก็ดราม่า สุดท้ายมาแบบเร่าร้อน ><~~~~~
-
เหอๆ ยอดชายนายกานต์ อกหักอีกแล้ว แถมดูท่าจะเจ็บตัวฟรีเพราะความสุภาพบุรุษเสียด้วย แย่แฮะ
-
ดีนะจบหวาน นึกว่าหนูเดลจะฆ่าตัวตายซะแล้ว
-
ฮิดรกิว่าน่าสงสารแล้ว แต่กานต์น่าสงสารกว่า ก็เค้ายังไม่มีคู่ :laugh:
แล้วจะรอเรื่องของกานต์นะค่ะ o18
-
แหม คู่นี้ เดือดตอนแรก เร่าร้อนตอนหลัง เลือดจะหมดตัว :haun4:
รอคู่หนูกานต์ อยากให้มีคู่กับเค้าซะที อกหักมาหลายรอบแล้ว
-
เชอะ เคือง ฮาๆๆๆ
เอาพี่กานต์เค้าคืนมาน๊า
ทำไมน๊า คนเราถึงรักคนไม่ดี ฮิโระบ้าๆๆๆๆ
-
ตอนจบเลือดสาดกันเลยทีเดียว :pighaun: :pighaun: :pighaun:
พี่กานต์จะคู่กับใครน้า :impress2:
รอลุ้นต่อไปนะฮ๊าฟฟฟฟฟ
-
ชอบฮิโระแล้วนะ ชื่อเหมือนพระเอกสกายออฟเลิฟเลยอ่ะ
หล่อแน่เลยอ่า
-
นึกว่าฮิโรกิต้องเสียใจอีกนะเนี่ย แต่ดีแล้วล่ะ
-
โถ... กานต์ ผู้ชายดีๆ ที่ไม่มีใครเอา..
มาอยู่กับเค้าก็ได้นะตะเอง >.<
-
ขอบคุณนะค่ะ
แฮปปี้มากๆ เลยจ้า
ทั้งฮิโระ - โมเดล ผ่านอะไรร้ายๆ มามากมาย
แต่สุดท้ายก็ได้ค้นพบคนที่จะอยู่ด้วยไปจนวันตาย
เป็นกำลังใจให้นะจ๊ะ ^ ^
-
อ่านแล้วก็แบบว่า..ห๊ะ! รักง่ายจัง
แต่เอาเถอะ ถือซะว่ารักไม่มีเหตุผลล่ะเนอะ555
-
สงสารโมเดลอ่า
ฮิโรกิรุนแรงเกินไปหรือป่าว
ถ้าพูดกันดีดีก็น่าจะรู้เรื่อง
แล้วเมื่อไหร่พี่กานต์จะมีคนรักกับคนอื่นเขาสักทีอ่า
รออ่านตอนของพี่กานต์นะคะ
ิอิอิอิอิ
-
รักออนท็อปจังโว้ยยยยยย ><~
เรื่องนี้ดราม่าแต่น่ารักง่ะ! -w-
ชอบๆๆๆๆๆ ><'
-
ในที่สุดก็เข้าใจกัน แฮปปี้ๆๆๆ กันซะคนอ่านเลือดหมดตัวตามไปติดๆๆน่ะ อิอิ
(หนูกานต์อยู่ไหนหนอ ช่วงบอกทางทีจะตามไปอ่าน อิอิ)
-
หวานนนน บอกตามตรงอ่านตอนแรกๆคิดว่าฮิโระเคะค่ะ!!! 5555
แต่จบได้หวานมากมายเลย ตอนแรกอ่านแล้วนึกว่ามาม่าซะแล้ว
เมื่อไหร่การ์นจะมีคู่กันนะ หาคู่ให้การ์นด่วนค่ะ
-
กานต์น่าสงสารอ่า รักคนมีคู่ตลอด เมื่อไหร่จะหาคู่ให้กานต์ซักทีละค่ะ
รออ่านคู่ของกานต์อยู่น้า :serius2:
ส่วนคู่ของโมเดลกับฮิโรกิก็เฮปปี้เอนดิ้ง โอ้ยยยกว่าจะจบลุ้นแทบแย่
เฮ้ออออ ดีจังน้า ฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเป็นธรรมดาใช่มั้ยค่ะ อิ อิ :impress3:
-
อยากอ่านเรื่องของพี่กานต์ไวๆจังเลยอ่า สงสาร
ว่าอต่พี่กานต์อกหักจากพี่เอ๊กซ์มะไหร่อะ เรื่องไหน ไม่เหนเคยอ่านเลย
-
ดราม่า...เลือดสาดจริงๆ :pighaun:
-
สนุกมากเลยครับ นึกว่าจะเป็น 3p :กอด1: :L2:
-
นึกว่าจะเศร้า :sad4:
-
สนุกมากค่าาาาาาาาาาาาาา
-
มาอะฮิอะฮิตอนสุดท้ายยย เลือดจะหมดตัวอีกแล้วจร้า
-
เรื่องนี้เคยอ่านไปแล้ว แต่จำไม่ได้ว่าอ่านไปแล้ว
เพราะอ่านแล้วไม่ได้เมนต์ เหอๆๆ เลยอ่านใหม่อีกรอบ
คราวนี้เมนต์ด้วย คราวนี้อ่านแล้วรู้สึกว่าเข้าใจเรื่องมากขึ้นนะ
คราวที่แล้วจำได้ว่าอ่านแล้วงงๆ เพราะเรื่องปมปัญหาเยอะ
พล็อตเรื่องเขียนเป็นเรื่องยาวได้สบายๆเลยนะเนี่ย
แต่เอามาเขียนเป็นเรื่องสั้นแบบนี้ มันเลยกระชับจบเร็ว
เลยงงบ้างเพราะตามเรื่องไม่ทัน
ถึงประเด็นหลักจะไม่ได้ต้องการเน้นที่ปมปัญหาของนายเอก
แต่แค่ปูให้รู้ที่มาของบุคลิกของนายเอกเฉยๆ(รึเปล่า เพราะไม่ได้เน้นที่ปมปัญหานี่นะ)
แต่ก็ทำให้คนอ่านบางคน(เราเอง)อยากรู้ถึงปมปัญหานั้นนะ
เพราะรู้สึกว่ามันยังไม่ค่อยกระจ่างเท่าไร ถ้าเป็นเรื่องยาวคงได้ลงรายละเอียดมากกว่านี้
แต่ก็เป็นเรื่องที่ผูกปมได้ดีอ่ะนะ
ปล.คิดไม่ถึงว่าพระเอกที่ดูใจดีและออนโยน จะหึงโหดได้แบบนั้น
:L2: :pig4: :L2:
-
สงสารกานต์อ่ะ อกหักซ้ำซ้อน
:sad4:
-
พี่กานต์ตายไปแล้วมั๊ง :เฮ้อ:
ขอบคุณครับน่ารักดี :pig4: :L2:
-
โหย :m31: นึกว่าเปนเรื่องของพี่กานต์ซะอีก
เสียดายอ่ะ :serius2:
จะรอเรื่องต่อไปละกานนะคะ
ขอบคุนค่า o1
-
:pighaun: กรี๊ดดดด ตามมาอ่านทีหลังทีเดียว รวดเดียว >.,< สนุกมากมายค่าา
-
สั้นไปหน่อย เนื้อเรื่องดีมากเลยนะ แต่เนื้อหาที่น่าสนใจมีเยอะ พอจบแบบสั้นๆทำให้อารมค้าง
แต่ชอบมากจริงๆ
-
:jul1: :jul1:
รอคู่ น้องกานต์อยู่น้าค้าาา
:กอด1:
-
หนูกานต์ OoO
อยากอ่านๆ เรื่องนี้เหมือนจะไม่มีบทบาทเลยแหะ
ฮิโระจังหึงโหดเป็นบ้า 55
-
เหมือนจะจบลงด้วยดี
แต่เหมือนฮิโระจะไม่สนใจว่ากานต์เป็นใครแล้วสิ
-
จบแล้วๆ สนุกมากครับ แต่แอบสงสารกานต์อ่า เมื่อไหรคู้แท้จะมาเจอ :กอด1:
-
อะร๊าย ทำไมทำร้ายพี่กานต์ได้ลงคอตั้งสองเรื่องแบบนี้คะคนเขียน
นี่เข้ามากะจะอ่านพี่กานต์โดยเฉพาะเลยนะคะเนี่ย แต่ดู ดู๊ ดู
ไอ้เราก็อุตส่าห์จิ้นตอนหน้าว่าฮิโระคุงจะทิ้งน้องเดลของเราแล้วน้องเดลก็ไปหันไปซบอกพี่กานต์หรือไม่ก็หนูเดลถูกขายต่อไปหลายๆ มือเมื่อฮิโระคุงหมดรัก และในที่สุดก็ได้กลับมาเจอพี่กานต์แถมอีกฝ่ายก็ไม่รังเกียจอะไรงี้
แต่ดูคนเขียนทำ พลังจิ้นของสาววายอย่างเราหายหมดเลย แง T-T
-
:mew1: ขอบคุณค่ะ
-
งือ อยากอ่านต่อ o18
-
จบแล้ว เสียใจจัง น่าจะมีต่อนะ
-
ชอบครับ สนุกดี ฮิโระเท่ห์มาก
-
บางฉากเหมือนมาจากการ์ตูนป่ะครับ?
:hao4:
คือชอบเรื่องนี้มากก
-
:haun4: :haun4: :z1:
-
คู่นี้เร่าร้อนสุดๆ!!!!! :haun4: :haun4:
-
o13
-
:mew1: :mew1: :pig4: :pig4:
-
:pig4: :pig4: :pig4:
-
:monkeysad: เจ๊บปวด รักเลยยยยย
-
:haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :pig4: