พิมพ์หน้านี้ - (เรื่องสั้น) SINLESS#End by HAKURO 13/9/10
CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE
Boy's love => เรื่องสั้น => ข้อความที่เริ่มโดย: wan_sugi ที่ 02-09-2010 17:25:28
-
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
สรุปข้อสำคัญดังนี้
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์ และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม
5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
.....
เรื่องนี้จะออกแนวกึ่งบราค่อน และ กึ่ง 3P ให้ความรู้สึกที่แตกต่างจาก 2 เรื่องที่ผ่านมา ชอบไม่ชอบอย่างไร ติชมได้เสมอนะคะ
“Hilight & Deep shade”
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=17315.0
“ในค่ำคืนอันเงียบงัน”
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=17805.0
-
“นี่ ไอริ ฉันชวนนายมาเดทนะ ไม่ได้ชวนมางานศพ ดูทำหน้าเข้าสิ” ร่างสูงเจ้าของเรือนผมดำยาวประบ่าดวงหน้าเข้มรกครึ้มไปด้วยหนวดเคราบ่นขึ้นเมื่อผู้ที่นั่งอยู่ฟากตรงข้ามของโต๊ะเอาแต่หมุนถ้วยกาแฟเล่นพลางทำหน้าซังกะตาย
“ฉันรู้ ไค” คนถูกเรียกกว่าไอริตวัดตาขว้างค้อนเข้าให้วงใหญ่ก่อนจะยกมือขึ้นเสยผมที่ยาวถึงกลางหลังอย่างรำคาญ ๆ “แล้วก็นะ...ฉันบอกกี่ครั้งแล้วว่าให้เลิกเรียกฉันว่าไอริเสียที จะเรียกไอดะหรือจะเรียกชื่อจริงก็เอาสักอย่าง”
“ก็ไอริมันน่ารักดี เรียกแบบนี้แหละดีแล้ว” ไคยักไหล่พลางยกถ้วยกาแฟของตัวเองขึ้นจิบ
คิ้วเรียวของดวงหน้าสวยขมวดมุ่นแล้วเสมองออกไปนอกหน้าต่าง เขารู้ว่าเขามาเดท แต่ก็รู้อีกว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ในอารมณ์ที่ไม่เหมาะกับการเดทเท่าไรนัก
ไคมองหน้าคนที่เรียกได้ว่าเป็นคนรักแล้วก็ถอนใจเฮือกใหญ่ เขารู้ว่าไอริมักจะชอบทำหน้าเฉยเมยไร้อารมณ์อยู่เสมอจนเป็นนิสัย แต่ไอ้ความเป็นกังวลที่ฉาบอยู่บนใบหน้านั้นมันดูจะมากเกินกว่าเจ้าตัวจะสะกดเอาไว้ภายใต้ความเยือกเย็นได้
“คิดอะไรเรื่องน้องชายอีกแล้วใช่ไหม?” ร่างสูงเอ่ยขึ้นเบา ๆ แต่ถ้อยคำนั้นทำเอาอีกฝ่ายสะดุ้งน้อย ๆ
ดวงตากลมเหลือบกลับมามองหน้าไคเหมือนจะถาม
“อย่าถามนะว่าฉันรู้ได้ยังไง” ไคดักคอ “นายเป็นแบบนี้เมื่อไหร่...ก็มีอยู่แค่เรื่องเดียวเท่านั้นแหละที่นายจะคิด”
ไอริระบายลมหายใจยาว เขาถูกผู้ชายคนนี้มองทะลุมาตั้งแต่เจอกันได้ไม่นานนัก ทั้งที่ที่ผ่านมาเขามักจะถูกคนรอบข้างติงว่าเย็นชาเสียจนไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ แต่ไคดูเหมือนจะรู้ไปเสียทุกเรื่องที่อยู่ในใจเขา แถมยังมีวิธีล่อลวงให้เขายอมพูดเรื่องราวเหล่านั้นออกมาเสียด้วย...ที่จริงมันก็ดีที่มีคนเข้าใจ แต่บางทีเขาก็เกลียดคนรู้ทันแบบนี้ชะมัด
“มีอะไรกับน้องชายสุดที่รักอีกล่ะ?” ไคลากเข้าประเด็น
“ไม่มี...ก็แค่...มะรืนนี้วันเกิดยูก็เท่านั้น”
ไคพยักหน้าหงึกหงัก “แล้วไงอีก?”
“ก็ไม่อะไร...” ปากบอกอย่างนั้นแต่สีหน้ายังคงมีแววกังวล
“ยังไม่ได้ซื้อของขวัญเหรอ?”
“ซื้อแล้ว” ไอริบอกพลางล้วงมือลงไปควานในกระเป๋าเสื้อเชิ้ตตัวโคร่งแบบที่ชอบใส่เป็นประจำ “ซื้อไอ้นี่มา”
มือเรียววางแหวนเงินลงบนโต๊ะแล้วเลื่อนไปตรงหน้าไค มันเป็นแหวนเงินลงยาดำแกะเป็นรูปเถาหนามพันรอบตัวเรือน สำหรับคนที่ไม่รู้อะไรก็คงคิดแค่ว่ามันเป็นแหวนที่สวยดี แต่สำหรับไค...เขาหยิบมันไปพิจารณาแล้วก็พูดออกมาเบา ๆ เหมือนจะรำพึงกับตัวเอง
“กะจะพันธนาการเอาไว้เลยสินะ”
ไอริไม่พูดอะไร เขาเข้าใจความหมายที่ไคพูดดี...และเขาเองก็อยากจะทำอย่างที่ไคว่าเหมือนกัน แต่...ทั้งที่ตั้งใจจะทำแบบนั้น กลับไม่เคยทำได้สำเร็จ
“ไอริ...” ไคพูดขึ้นด้วยเสียงหนัก ๆ “ถ้าคิดถึงขนาดนั้นละก็...พูดออกไปเลยดีกว่านะ”
“เรื่องพรรค์นั้นน่ะนะ...จะบ้าหรือไง”
“ผิดเหรอ?”
“ไม่รู้...”
“ฉันจำได้ว่าบอกนายไปหลายครั้งแล้วนะว่ามันไม่ได้มีอะไรเสียหาย ในเมื่อนายกับเด็กนั่นไม่ใช่พี่น้องแท้ ๆ กัน” ไคเลื่อนแหวนคืนมาให้ไอริ
“พูดน่ะมันง่ายหรอก ถ้าทำแล้วมันง่ายเหมือนที่พูด ฉันทำไปนานแล้ว” ไอริยกมือขึ้นเสยผมอย่างหัวเสีย
“ก็ทำเสียสิ”
“อย่ามาพูดบ้า ๆ นะ” คราวนี้แหวเข้าให้...นาน ๆ ครั้งหรอกนะที่ไอริจะแสดงอารมณ์ฉุนเฉียวถึงขนาดนี้
“เฮ่อ...บรรยากาศไม่ดีเลยนะ อุตส่าห์เป็นวันหยุดแท้ ๆ” ไคแสร้งมองออกไปนอกหน้าต่าง “เปลี่ยนที่กันดีกว่า ไม่งั้นก็คงได้นั่งถอนใจใส่กาแฟจนจืดกันไปข้างหละ”
พูดแล้วก็ยกกาแฟขึ้นดื่มจนหมดถ้วยแล้วเรียกพนักงานมาคิดเงินโดยไม่สนใจว่าไอริจะเห็นด้วยหรือไม่ เรียบร้อยแล้วก็คว้ามือไอริจูงออกจากร้านไปตามประสาคนทำอะไรตามใจตัวเอง
ไคพาไอริเดินแหวกหมู่คนไปตามทาง วันนี้อุตส่าห์เป็นวันที่พวกเขาได้หยุด แต่ไอริดันอารมณ์ไม่ดีเสียนี่ ร่างสูงรู้ว่าอากาศต้นฤดูร้อนทำให้คนหงุดหงิดง่าย แต่จะว่าไปแล้วมันก็ไม่ได้ร้อนขนาดจะทำให้ไอริหงุดหงิดถึงขนาดนี้...สาเหตุก็มีอยู่แค่เรื่องนั้นเรื่องเดียวเท่านั้นแหละ
เรื่องของซึคาสะ ยูยะ...น้องชายสุดที่รักของไอริ
ถูกละ...น้องชายสุดที่รัก...รักมากเสียจนเจ้าตัวไม่อยากเรียกว่าน้องเสียด้วยซ้ำ แต่อะไรบางอย่างในหัวใจทำให้ไอริไม่สามารถก้าวข้ามกำแพงสุดท้ายนี้ไปได้
ในที่สุดไคก็พาไอริกลับมาที่ห้องพักของตน เครื่องปรับอากาศทำให้บรรยากาศในห้องที่อวลไปด้วยกลิ่นบุหรี่ที่เจ้าของห้องสูบเป็นประจำเย็นฉ่ำ แต่ไอเย็นนั้นไม่ได้เข้าไปถึงหัวใจของไอริเลย ร่างเพรียวพลิกแหวนในมือตัวเองเล่นอย่างไร้ความหมาย ดวงตากลมโตสีน้ำตาลเข้มเหม่อซึม นาน ๆ ทีก็จะถอนใจเสียครั้งหนึ่ง กระทั่งแก้วน้ำเย็นที่มีน้ำแข็งเต็มแก้วถูกวางลงตรงหน้า ไอริจึงได้เหลือบตาขึ้นมอง
“จะไม่ไหวแล้วใช่มั้ย? เรื่องยูยะน่ะ” ร่างสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้าถาม
ไอริจ้องหน้าไคนิ่งอยู่เป็นครู่ ก่อนที่จะหลบตาโดยไม่ตอบอะไร ชายหนุ่มจึงนั่งลงข้าง ๆ มือแกร่งโอบไหล่บางรั้งร่างนั้นให้เอนมาหาตัว ซึ่งไอริก็ไม่ได้ขัดขืน เขาเอนกายพิงไหล่หนาแล้วพริ้มตาลงเบา ๆ
“ไอริ ฉันบอกแล้วใช่มั้ยว่าอยากทำอะไรก็ให้ทำลงไปเลย” ไคเอ่ยด้วยเสียงต่ำ ๆ พลางลูบไล้เรือนผมสีดำยาวนิ่มมือเล่น
“และฉันก็บอกแล้วใช่มั้ยว่าทำไม่ได้” น้ำเสียงเรียบเรื่อยสวนตอบทันที
“แล้วจะปล่อยเอาไว้อย่างนี้เหรอ?”
“ฉันปล่อยมันไว้แบบนี้หลายปีแล้ว”
“ไอริ...นายกับยูยะน่ะ ยังไงก็คนละพ่อกันนะ ไม่ใช่พี่น้องแท้ ๆ กันเสียหน่อย ไม่มีอะไรเสียหายไม่ใช่หรือไง” ริมฝีปากที่ครึ้มไปด้วยหนวดจูบลงเบา ๆ ที่เส้นผมดกหนา
“แต่ยังไงก็ได้ชื่อว่าเป็นพี่น้อง...แม่เดียวกัน”
“ก็คนละนามสกุลอยู่ดี”
“นี่นายจะหาเหตุให้ฉันให้ได้ใช่มั้ย ไค?”
“ก็เพื่อตัวนายเอง”
มือใหญ่ช้อนปลายคางมนให้เงยหน้าขึ้นแล้วบรรจงจูบเบา ๆ ที่ริมฝีปากอิ่มนุ่ม เคล้าคลอบดคลึงอย่างอ่อนหวานก่อนจะค่อย ๆ ผละออก
“ไม่ได้เหรอ...ไอริ...นายจะมีความสุขมากกว่านี้ไม่ได้เหรอ?”
ดวงตาที่มักจะฉายแววเย็นชาอยู่เสมอ บัดนี้จ้องมองไคด้วยอารมณ์อันวูบไหว แม้จะดูเป็นผู้ชายกระด้าง ๆ แต่คำพูดของไคมักจะอ่อนโยนและกระทบใจเขาเสมอ...ความสุขของเขางั้นเหรอ...เป็นความสุขที่ต้องแลกมาด้วยอะไรมากมายเหลือเกิน
“ยัง...ไม่ใช่ตอนนี้...ยูยะน่ะ...”
“จะ 15 หรือมากกว่านั้น...ก็เหมือนกันแหละ ไอริ ถ้านายจะทำละก็นะ”
“มันผิด...”
“มันไม่ผิด ถ้านายรักเด็กนั่นจริง”
ไอริจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของคนรัก ดวงตาสีเข้มมีแววจริงจัง...ไคไม่เคยบอกว่าสิ่งที่เขาคิดอยู่มันผิด ไม่เคยบอกให้เลิกคิด ไม่เคยห้ามปราม...ที่ไคบอกอยู่เสมอคือให้เขาทำอย่างที่ใจอยาก เขาเองเสียอีกที่ไม่มีความกล้าพอจะก้าวข้ามเส้นกั้นเขตแดนแห่งศีลธรรมนี้ไป
“ไหน...ตอบมาซิ รักยูยะจริง ๆ หรือเปล่า?” คราวนี้มีรอยยิ้มระบายที่มุมปาก ทั้งแววตาที่มองมาก็แสนจะอ่อนโยน
“รักสิ...รักมาตลอด...รักเสียจนอยู่ข้าง ๆ ไม่ได้” ไอริตอบด้วยเสียงแผ่วหวิว...เขาออกจากบ้านมาตั้งแต่อายุ 18 หลังจากจบมัธยมปลาย เพราะรู้ตัวดีว่าถ้าขืนยังอยู่ที่บ้านต่อไป สักวันเขาจะต้องทำอะไรร้ายแรงลงไปเป็นแน่
“พร้อมที่จะอยู่เคียงข้างและปกป้องยูยะตลอดไปไหม?”
“นี่นายเป็นบาทหลวงหรือไง?”
“ตอบมาเถอะน่า...”
“...อือ”
“แบบนั้นก็ดี...เลิกคิดมากได้แล้ว” พูดจบ ริมฝีปากอุ่นร้อนก็ประทับแนบลงมาที่เรียวปากอิ่มอีกครั้ง
ไอริไม่ปฏิเสธที่จะตอบรับจุมพิตนั้น เขาพริ้มตาลงและตอบสนองจูบนั้นอย่างแสนหวาน ไคเป็นแบบนี้เสมอ...ทั้งที่เขาแน่ใจว่าเขาคงไม่สามารถรักใครได้มากไปกว่าน้องชายตัวเอง แต่เขาก็ชอบไค
...
ไอดะ ริทสึกะออกจากบ้านมาตั้งแต่จบมัธยมปลายและปฏิเสธที่จะเรียนต่อ เขาได้งานทำในกองบรรณาธิการของนิตยสารแห่งหนึ่ง งานที่เด็กอายุเท่าเขาจะทำได้ก็แค่ช่วยงานเบ็ดเตล็ดทั่วไปและจัดการเอกสารอะไรทำนองนั้น หรือไม่ก็ถ้าฝ่ายไหนขาดคนก็เข้าไปช่วยเสริมตรงนั้นให้ และครั้งหนึ่งที่ได้ไปช่วยงานฝ่ายถ่ายแบบ เขาก็ได้พบกับไค...
ไคเป็นตากล้องมืออาชีพที่อายุน้อยที่สุดในบริษัท แต่ด้านฝีมือแล้วไว้วางใจได้เลยทีเดียว แต่คงเพราะดวงหน้าที่รกครึ้มไปด้วยหนวดเคราละมั้งที่ทำให้ไอริรู้สึกว่าไคน่าจะอายุประมาณ 30 ไปแล้ว
ตอนที่เจอกันครั้งแรก ไคมองไอริตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างพินิจพิจารณาเสียจนไอรินึกอยากจะซัดลูกตาดำ ๆ นั่นให้สักเปรี้ยง แต่ก่อนที่จะได้ขยับตัวหรือขยับปากจะว่าอะไร ไคก็พูดขึ้นมาก่อน
“นายแบบใหม่เหรอ?”
ไอรินิ่งอึ้ง...เขาเนี่ยนะ?
“เปล่า ผมมาช่วยงานเฉย ๆ” ตอบกลับไปแบบนั้นทั้งยังงง ๆ
“ช่วยงานอะไร?” ไคถามต่อทั้งยังจ้องสำรวจไปตรงนั้นตรงนี้...เป็นสายตาที่น่ารำคาญใจจริง ๆ
“ก็...จัดฉาก ยกไฟ”
“เสียของเนอะ” ไคพูดแค่นั้นแล้วก็เดินจากไปยุ่งอยู่กับกล้องของตัวเอง ทิ้งไอริให้ยืนเหวออยู่คนเดียว
ไอ้ที่ว่าเสียของนั่นมันหมายถึงเรื่องอะไรกันแน่ ไอรินึกสงสัยอยู่ในใจตลอดการทำงาน แต่เมื่อเริ่มปฏิบัติงานจริง ๆ แล้ว ก็ดูราวกับว่าอิมเมจของตากล้องปากคันนั่นจะเปลี่ยนไปเป็นหน้ามือหลังมือ...ไคดูเงียบขรึมและเอาจริงเอาจังกับการทำงานจนไอริอดนึกไม่ได้ว่านั่นเป็นคนเดียวกับที่พูดกับเขาเมื่อครู่หรือเปล่า แต่ทั้งที่ดูเอาจริงแบบนั้น บรรยากาศรอบกายของร่างสูงก็ไม่ได้ทำให้คนที่ทำงานด้วยตึงเครียดแม้แต่น้อย คำสั่งกำกับท่าดูดุเข้มก็จริง แต่เมื่อลั่นชัตเตอร์เสร็จก็มักจะยิ้มอย่างถูกใจอยู่เสมอ กระทั่งการถ่ายแบบเสร็จสิ้น ไอริก็ช่วยสต๊าฟคนอื่นจัดการเก็บกวาดสถานที่ให้เรียบร้อย แต่ก็นึกแปลกใจว่าทำไมถึงยังมีเสียงชัตเตอร์ลั่นอยู่เป็นระยะ ๆ
“เฮ้ย เด็กยกไฟผมยาว ๆ คนนั้นน่ะ หันมานี่ซิ” เสียงห้าว ๆ ดังขึ้นลั่นสตูดิโอ
กลุ่มคนที่จัดไฟอยู่มองหน้ากันเลิกลั่ก และก็พบว่าคนที่ผมยาวก็มีแค่ไอริคนเดียวเท่านั้น ไอริทำตาปริบ ๆ เสียงนั้นก็เรียกซ้ำมาอีก
“เฮ้ย อย่ามัวทำเล่นตัว หันมานี่หน่อย”
...ใครวะ...ไอรินึกในใจแล้วหันกลับไปตามเสียงเรียก เสียงชัตเตอร์ลั่นแชะ แล้วไอริก็เห็นไคลดกล้องลงพร้อมกับยิ้มกว้าง
“สวย...” ไคหยิบแผ่นภาพโพลาลอยด์มาโบกเล่นพลางเดินเข้ามาใกล้ “ดูอะไรนี่นะ”
ร่างสูงหยิบเอาภาพโพลาลอยด์หลายใบในกระเป๋าออกมายื่นให้ไอริดู...ภาพของเด็กยกไฟที่กำลังทำงานยุ่งอยู่ ถูกแอบถ่ายไว้โดยไม่ให้รู้ตัว กระทั่งภาพสุดท้ายที่ถูกเรียกให้หันไปมองกล้อง
“สวยเนอะ” ตากล้องหนุ่มยิ้มกว้าง
ไอริเบิกตากว้าง...บ้าอะไรของหมอนี่เนี่ย แอบถ่ายรูปเขาไว้เนี่ยนะ...แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร ร่างสูงก็เดินเกร่ไปรอบ ๆ สตูดิโอพร้อมกับเอาภาพของไอริไปอวดคนนั้นคนนี้ ไอ้ถูกชมมันก็ดีหรอก แต่แบบนี้ไม่ชอบเลย...ไอริตรงรี่เข้าไปดึงเสื้อไค
“ขอรูปผม”
“หือ?” ไคหันมาทำหน้าแปลกใจ
“เอารูปให้ผม...ทั้งหมดเลย”
“อะไร...ไม่ให้หรอก จะเอาก็จ่ายค่าฟิล์มมา แพงนะ ไอ้แผ่นโพลาลอยด์เนี่ย ให้ฟรี ๆ ได้ไง” ภายใต้สีหน้าเหมือนจะพูดจริงจัง ไอริเห็นรอยยิ้มซ่อนอยู่ในดวงตาคู่นั้น
ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่น นึกอยากชกหน้าหมอนี่ให้สักเปรี้ยงจริง ๆ...แต่ถ้าทำอะไรลงไปมีหวังตกงานแน่ ๆ
“น่า...จะเอารูปตัวเองไปทำอะไร ให้ฉันเก็บไว้ดีกว่า ฉันมีคอลเลคชั่นของคนในกองถ่ายเก็บไว้เต็มเลย เห็นนายหน้าใหม่ก็เลยถ่ายไว้ไงล่ะ” พูดแล้วร่างสูงก็ยิ้มกว้าง
“ไหนว่าแพง”
“หือ? อะไรนะ?”
“ไหนว่าแผ่นโพลาลอยด์แพง แล้วเอามาถ่ายเล่น เงินบริษัทนะ” ไอริว่าเข้าให้
“เอ้อ...” โดนแบบนี้ก็แก้มุขไม่ออกเหมือนกันแฮะ
“ไม่ได้เรื่อง” จบสั้น ๆ แล้วเด็กยกไฟโดยหน้าที่ก็หนีกลับไปทำงานต่อ ปล่อยให้ไคยืนเกาหัวแกรก ๆ อยู่อย่างนั้น
แต่หลังจากนั้น ไอริก็ต้องไปช่วยงานที่กองถ่ายบ่อย ๆ อย่างไม่น่าเชื่อ อะไรมันจะขาดคนได้ตลอดแบบนั้น แต่ในเมื่อเป็นคำสั่ง แม้จะไม่ชอบขี้หน้าตากล้องนิสัยประหลาดนั่นก็ตามก็ต้องไปตามหน้าที่อยู่ดี
“วันนี้มาเป็นนายแบบ?” ไคถามทันทีที่เห็นหน้า
“มายกไฟ” คำตอบสั้นห้วนแล้วก็ทำท่าจะเดินหนี
“เดี๋ยวซี่ จะรีบไปไหน งานเขาเสร็จไปเยอะแล้ว ไม่ต้องรีบขนาดนั้นหรอกน่า” ตากล้องหนุ่มเรียกไว้
“แล้วจะให้อู้งานอย่างใครบางคนหรือไง?” ดวงตากลมตวัดมามองอย่างเคือง ๆ
“ไม่ได้อู้นะ แค่ยังไม่ถึงคิวฉัน” ไคยักไหล่ “ว่าแต่...ไม่สนใจเป็นนายแบบบ้างเหรอ?”
“ไม่” ไอริปฏิเสธสั้นห้วน “ตอนนี้คิวผมทำงาน ไม่ว่างคุยหรอกนะ”
“เฮ่อ...เสียของจริง ๆ” ไคส่ายหัวดุกดิก
“เสียของที่ว่านั่น...ได้ยินหลายหนแล้วนะ หมายความว่าไง?” คนโดนว่าหันมาถาม
“ถึงคิวนายแล้ว ไปทำงานไป๊ ว่างมาคุยด้วยเหรอ?” ไล่กันเห็น ๆ แล้วก็เดินหนีไปดื้อ ๆ
...คนอะไรอย่างงี้วะ!!?
แต่พอไอริสงบจิตสงบใจทำงานไปได้สักพัก ก็มีเสียงโวยวายลั่นมาจากด้านตากล้อง
"นี่นึกจะแคนเซิล ก็แคนเซิลงั้นเรอะ งานอั๊วะไม่ได้มีถ่ายแบบแค่เจ้าริวคนเดียวนะ ไหนต้องไปถ่ายนอกสถานที่อีก ถ้าไม่ได้ถ่ายวันนี้ งานก็ดีเลย์ ถูกเฉ่งกันฉิบหายหรอก" ไคตะโกนใส่สต๊าฟกลุ่มหนึ่งอยู่ลั่น ๆ...ดูท่าจะมีปัญหาเรื่องนายแบบกระมัง
จากนั้นก็เป็นเสียงโวยวายล้งเล้งและเสียงขอโทษขอโพยดังสลับกันดูวุ่นวายไปหมด
ไอริได้แต่ยืนกอดเสาไฟไว้ ไอ้ประเภทที่นายแบบไม่มานะ เขาก็เจอมาบ่อยเหมือนกัน แต่ทำไมครั้งนี้ถึงโกลาหลกันไปหมดแบบนี้นะ
"คาโนะซัง ทำไมวันนี้ถึงโวยวายกันน่าดูเลยล่ะครับ?" ไอริกระซิบถามผู้ช่วยกองบรรณาธิการคนหนึ่งที่พอจะสนิทกัน
"เออ ก็งานนี้นะต้องปิดเล่มมะรืนนี้" คาโนะบอกทั้งใบหน้าซีดเผือด "ถ้าไม่ถ่ายวันนี้ เผื่อซ่อมแก้พรุ่งนี้ก็ไม่ทันแล้ว แถมไคยังต้องไปถ่ายงานต่ออีกหลายคิวด้วย"
“อ่า...แบบนี้ก็แย่เลยสิครับ” ถึงจะพูดแบบนั้น แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาที่เขาจะช่วยแก้อะไรได้อยู่ดี
ในขณะที่ยังไม่มีใครรู้ว่าควรจะทำยังไง หัวหน้ากองบรรณาธิการก็กระหืดกระหอบมาถึงกองถ่าย แล้วเรื่องก็ดูเหมือนจะยิ่งวุ่นวายมากขึ้น
แต่เมื่อทุกคนเริ่มเอะอะขึ้นมาพร้อม ๆ กัน คนที่เริ่มโวยวายก่อนเป็นคนแรกกลับนิ่งเงียบไปอย่างใช้ความคิด ไคกอดอกแล้วนิ่งคิดอยู่เป็นนาน...ในที่สุดก็ทะลุกลางปล้องขึ้นมาดัง ๆ
"...ถ้าหาคนที่โอเคมาแทนได้ ถึงแม้จะโนเนมก็ไม่เป็นไรใช่มั้ยครับ บอส?"
“หือ? ก็...มันก็ได้หรอก ยังไงงานนี้ก็ถ่ายเน้นเสื้อผ้าอยู่แล้ว ไม่ได้เน้นนายแบบ” หัวหน้ากองบรรณาธิการบอก
“ถ้างั้น...” หางเสียงลากหายไปในลำคอ แล้วดวงตาคมกริบก็ปรายมาทางไอริ “หมอนั่นเป็นไง?”
“หา!?” คนถูกพาดพิงร้อง
คนทั้งกองถ่ายหันขวับมามองไอริเป็นตาเดียว ยิ่งหัวหน้ากองบรรณาธิการและฝ่ายแฟชั่นยิ่งแล้วใหญ่ พวกนั้นมองเขายังกับจะให้ทะลุไปถึงดีเอ็นเอกันเลยทีเดียว
“ใช้ได้นี่...ถ้าไคว่าโอเคก็ได้เลย” หัวหน้าสรุปเอาดื้อ ๆ
“เดี๋ยว! ผมยังไม่ได้ตกลงอะไรด้วยเลยนะ” ไอริโวย
“ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ตกลงไปเลยแล้วกัน ลงเรือลำเดียวกันแล้ว” นอกจากจะไม่ฟังแล้วยังทึกทักเอาเองดื้อ ๆ ไอริกำลังจะปฏิเสธอยู่แล้วเชียว ถ้าไม่มีประโยคต่อไปตามมา “นี่...ไอดะ ถ้าเธอช่วยครั้งนี้ ฉันจะให้ค่าตัวเท่านายแบบคนที่เบี้ยวเลย"
ไอริอ้าปากค้าง สมองด้านขวาที่ว่าด้วยหลักวิทยาศาสตร์ทำงานอย่างรวดเร็ว...เงินหลักหมื่นที่ทำแค่วันเดียว แถมเลขตัวหน้าก็คงไม่ต่ำกว่า 5 แน่ ๆ...นั่นมันเท่ากับเขาทำงานมาทั้งอาทิตย์เลยนะ...
แล้วจะด้วยเหตุผลอะไรก็ช่าง...ไอริก็รับงานถ่ายแบบงานนั้น
...สวย...สวยอย่างที่คิดไว้เลย ไม่สิ...ยิ่งกว่าที่คิดไว้อีก...ไคบอกกับตัวเองขณะมองผ่านเลนส์กล้อง แม้จะไม่เคยงานและดูแข็ง ๆ ขืน ๆ อยู่บ้าง แต่ไอริก็สามารถทำได้ดีมากสำหรับคนที่เพิ่งจะถ่ายแบบเป็นครั้งแรก
เรือนผมสีดำยาวและดวงหน้าหวานสวยนั้น รับกับเสื้อผ้าสไตล์ยูนิเซ็กส์อย่างเหมาะเจาะ และสีหน้ากับดวงตาคู่นั้นก็ให้บรรยากาศแปลกประหลาด สวย...แต่ก็ดุดันจนน่ากลัว...ทว่าในความน่ากลัวนั้น กลับมีอย่างสิ่งที่น่าค้นหา และ...มีบางอย่างที่คนอื่นไม่อาจเห็น...แต่ไคมองเห็นได้ผ่านดวงตาที่จ้องตอบเลนส์กล้อง
...อะไรบางอย่างที่ไอริเก็บงำไว้ในส่วนลึกที่สุดของหัวใจ...
...
-
อยากอ่านต่อแล้วค่ะ
อยากอ่านต่อแล้วค่ะ
อยากอ่านต่อแล้วค่ะ
(หงิงๆ Y_Y)
ตัวละครที่หลักที่ออกมาแล้วทั้งไอทั้งไค อิมเมจในสมองน้อยๆของข้าพเจ้าให้ความรู้สึก"น่าหลงใหล"ทั้งคู่เลยค่ะ
-
มาต่อเร็วๆนะคะ
ไคนี่น่าค้นคว้ายิ่งกว่าไอริอีกน้า
-
แล้วอะไรยังไง งงจังนะ รักน้องชายคนละแม่แต่ก็ชอบไค
-
+1 กำลังใจ จร้า หนุก ดี
อิอิ
:L2: :L2:
-
มาต่อแล้วคะ ขอบคุณสำหรับกำลังใจและการเข้ามาอ่าน
anajulia - ใช่เลยคะ อิมเมจทั้งคู่ดูดีไปคนละแบบ ^^
sukie_moo - หลงเสน่ห์ไคเข้าให้แล้วสินะคะ
iamnan - ดูสับสนและซับซ้อนสักเล็กน้อยเนอะ
Shock_n2n - ขอบคุณคะ ดีใจที่อ่านแล้วสนุก
...
เรือนผมสีดำยาวและดวงหน้าหวานสวยนั้น รับกับเสื้อผ้าสไตล์ยูนิเซ็กส์อย่างเหมาะเจาะ และสีหน้ากับดวงตาคู่นั้นก็ให้บรรยากาศแปลกประหลาด สวย...แต่ก็ดุดันจนน่ากลัว...ทว่าในความน่ากลัวนั้น กลับมีอย่างสิ่งที่น่าค้นหา และ...มีบางอย่างที่คนอื่นไม่อาจเห็น...แต่ไคมองเห็นได้ผ่านดวงตาที่จ้องตอบเลนส์กล้อง
...อะไรบางอย่างที่ไอริเก็บงำไว้ในส่วนลึกที่สุดของหัวใจ...
...
งานนั้นไม่ได้ทำให้ไอริดังเปรี้ยงปร้างทะลุฟ้าหรือเปลี่ยนชีวิตตามแบบฉบับนิยายน้ำเน่าอะไรแบบนั้น แต่ทั้งที่ตั้งใจจะทำงานถ่ายแบบแค่ครั้งนั้นครั้งเดียว ก็ดูเหมือนว่านายแบบที่นัดไว้ถ่ายแบบจะขยันป่วยกันเสียเหลือเกิน ไอริรับงานแทนนายแบบพวกนั้นจนบางทีก็นึกว่ามันเกิดโรคระบาดอะไรขึ้นในหมู่นายแบบหรือยังไงกัน...แต่ก็ดี อย่างไรเสียก็ได้เงินมากขึ้น ควบคู่กับที่ทำงานในกองบรรณาธิการไปด้วย ทั้งเงินเดือนและเงินรายได้พิเศษจากการถ่ายแบบทำให้ไอริสามารถขยับขยายชีวิตตัวเองให้มีสภาพดีขึ้น จากห้องพักเล็ก ๆ ที่ไม่มีทั้งครัวและห้องอาบน้ำ ก็สามารถมาอาศัยอยู่ในอพาร์ทเม้นต์ที่มีครัวและห้องอาบน้ำในตัวได้
และจากงานถ่ายแบบนี้ ก็ทำให้น้องชายสุดที่รักของเขารู้สึกปลาบปลื้มในตัวเขามากขึ้น
ดังนั้น...ไอริจึงไม่ได้เกลียดงานนายแบบนี้ เพียงแต่...การทำงานกับไคมันทำให้รู้สึกคันมือคันเท้าอยากออกแม่ไม้มวยไทยยังไงชอบกล
"ไค คุณเป็นตากล้องไม่ต้องมาคอยเทคแคร์อะไรผมมากมายขนาดนี้ก็ได้นะ บอกเฉย ๆ ก็พอ" ไอริพูดขึ้นอย่างเหลืออด เมื่อไคเข้ามาคอยป้วนเปี้ยน แตะผม แตะหน้าตอนที่ช่างแต่งหน้ากำลังแต่งตัวให้เขาอยู่ตลอดเวลา ยิ่งตอนถ่ายแบบยิ่งแล้วใหญ่ มือไม้เหมือนหนวดปลาหมึกไม่ผิด
"ก็ฉันอยากให้งานออกมาดี แล้วนายก็เป็นเด็กใหม่ เลยต้องช่วยๆ กันดูแลไง" ไคพูดแล้วก็เสยปอยผมที่ลงมาระอยู่บนใบหน้าขึ้นให้
...ทีนายแบบคนอื่นไม่เห็นจะยุ่งแบบนี้เลยฟะ...ไอรินึกค่อนอยู่ในใจ เขายอมรับละว่าภาพที่ไคถ่ายนั้นออกมาสวยจริง ๆ แต่ไอ้วิธีการพูดจากวน ๆ แถมท่าทางส่อแววแบบนั้น มันน่าอัดใช่ย่อยเสียเมื่อไร แถมหลังเลิกงาน ไคมักจะชอบชวนทุกคนไปดื่ม แล้วก็หาเรื่องเลี้ยงเขาตลอด โดยการอ้างเหตุว่าเขาเด็กที่สุด นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่เขารู้สึกไม่ดี
และวันนี้ไคก็ชวนเขาไปดื่มอีกแล้ว ไอริก็คร้านที่จะปฏิเสธไป เพราะถึงอย่างไรก็ปฏิเสธไม่ได้อยู่ดี ไคจะต้องหาเรื่องลากเขาไปด้วยจนได้ทุกครั้งนั้นแหละ
"ฉันเจอร้านดี ๆ อยู่ที่นึง วันนี้ไปดื่มกันดีกว่า" ไคบอกกับไอริในตอนที่นายแบบจำเป็นกำลังล้างเครื่องสำอางบนใบหน้าออก
"ก็ได้ครับ แต่ห้ามเลี้ยงผมอีกนะ"
"ขนหน้าแข็งชั้นไม่ร่วงหรอก เลี้ยงเด็กคออ่อนๆ แบบนายน่ะ" ไคว่าแล้วก็เดินหัวเราะลั่นสตูดิโอจากไป
...ใครก็ได้ ช่วยเอาหมาออกจากปากหมอนี่ทีเถอะ ไม่งั้นเขาต้องได้ตะบันหน้าหมอนี่เข้าสักวันแน่ ๆ...
ผ่านไปค่อนคืนแล้ว เหล้าตรงหน้าก็หมดไปหลายแก้ว แต่ดูเหมือนว่าไคจะยังไม่มีอาการมึนเมาแม้แต่นิดทั้งที่ดื่มเหล้าเพียว ๆ แบบออน เดอะ ร็อกมาตลอดแท้ ๆ ไอริที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เสียอีกที่โดนออน เดอะ ร็อกเข้าไปแก้วเดียวก็ถึงกับยกหัวไม่ขึ้น ได้แต่นั่งฟุบมองไคละเลียดเหล้าในมืออยู่อย่างนั้นมาร่วมชั่วโมงแล้ว
“คุณไม่เมาบ้างเหรอ ไค?” ในที่สุดไอริก็ถามขึ้นเบา ๆ เมื่อไคสั่งเหล้ากับบาร์เทนเดอร์เพิ่มอีกแก้ว
“ก็ไม่นี่ นี่ขนาดปกติของฉัน” ไคบอกพลางยกแก้วขึ้นเขย่าเบา ๆ ให้น้ำแข็งก้อนกลมในแก้วละลายบาง ๆ เพิ่มความเย็นให้น้ำสีอำพันโดยรอบก่อนจะจิบน้อย ๆ “นายนั่นแหละ ปกติก็ดื่มแต่เบียร์ตลอดไม่ใช่หรือไง วันนี้นึกยังไงอยากลองออน เดอะ ร็อกขึ้นมา?”
“...เพราะคุณนั่นแหละ” ไอริงึมงำเบา ๆ ให้อีกฝ่ายไม่ได้ยิน...ที่เขาดื่มออน เดอะ ร็อกทั้งที่แทบจะไม่เคยได้ดื่มอะไรนอกจากเบียร์หรือพวกคอกเทลเลยก็เพราะคำพูดของไคที่ว่าเขาคออ่อนนั่นแหละ นึกแล้วก็เจ็บใจ...ถือว่าอายุมากกว่าจะมาพูดอะไรก็ได้งั้นเหรอ ให้มันรู้เสียบ้าง อะไรที่ไคทำได้เขาก็ทำได้ทั้งนั้นแหละ...คิดแบบนั้นแล้วก็วางมือจากเบียร์หันไปสั่งเหล้าชนิดเดียวกับที่ไคดื่มเป็นประจำ ลืมตัวไปแล้วว่าที่จริงตัวเองอายุยังไม่ถึงเกณฑ์ที่จะดื่มเหล้าหรือเบียร์ได้ด้วยซ้ำ ที่มาดื่มกับทุกคนได้ก็เพราะไคซึ่งคุ้นเคยกับเจ้าของร้านดีเป็นคนพูดให้ต่างหาก...และโดนเข้าไปแก้วเดียวก็จอด ไม่ถึงกับเมาเสียสติอะไร แต่ยกหัวขึ้นไม่ไหวกันเลยทีเดียว
“...ขี้โกง”
“หา? อะไรนะ?” คราวนี้ดันหูดีได้ยินเข้าเสียอีก
“บอกว่าคุณขี้โกง ทำไมดื่มตั้งเยอะแล้วไม่เมา”
“เพราะฉันไม่ใช่เด็กคออ่อนอย่างนายไง” คำตอบมาพร้อมกับรอยยิ้มยียวนที่ไอริไม่เคยชอบ
...ไม่น่าถามให้หมอนี่แขวะเอาได้เลย...ไอริทำหน้ายุ่งแล้วหลับตาลง อีกเดี๋ยวคงจะรู้สึกดีพอจะกลับบ้านได้ละนะ
เวลาผ่านไปนานเท่าไรไม่รู้ กระทั่งมือใหญ่ ๆ มาเขย่าปลุก เด็กหนุ่มถึงได้ลืมตาขึ้น
“เขากลับกันหมดแล้ว เราก็กลับกันเถอะ” ไคนั่นเองที่เป็นคนปลุก
“เอ๊ะ กลับหมดแล้วเหรอ?” ไอริยันตัวขึ้นจากเคาน์เตอร์ก่อนจะฟุบลงไปอีก ในหัวหมุนติ้วยังกับขึ้นเครื่องเล่นที่สวนสนุกมาสักยี่สิบรอบอย่างนั้นแหละ
“ไม่ไหวสินะ เฮ่อ...เด็กก็แบบนี้นะน้า...” ไคบ่นกับตัวเอง แต่คนได้ยินเม้มริมฝีปากแน่น...คำก็เด็ก สองคำก็เด็ก...ไอ้ผู้ใหญ่บ้า หน้าแก่เกินวัย... “เอ้า มานี่”
โดยไม่พูดพร่ำทำเพลง มือแกร่งก็สอดเข้าใต้วงแขนของเด็กหนุ่มแล้วช้อนตัวให้ลุกขึ้นยืน จับแขนเรียวพาดไหล่ของเขาแล้วโอบประคองไว้อย่างนั้น
“อ่ะ...ทำอะไร...?” ไอริจ้องหน้าไคด้วยความตกใจ
“ถ้าแบบนี้ก็พอจะเดินไหวใช่มั้ย? ไม่เป็นไร พิงมาเถอะ กลับให้ถึงบ้านก่อนแล้วกัน”
ไอริได้แต่ซบหัวลงกับไหล่หนาและปล่อยให้ไคพาเดินออกจากร้านมา ทั้งรู้สึกดีและรู้สึกแย่ไปพร้อม ๆ กัน บนแท็กซี่ เด็กหนุ่มก็ได้แต่นั่งพิงร่างสูงอยู่อย่างนั้นไปตลอดทาง เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไคพาไปไหน...แต่ก็คงไม่ใช่บ้านของเขาหละ ก็ไคไม่รู้จักบ้านของเขานี่นา
แน่นอนว่าเป็นแบบนั้น ไคพาไอริกลับไปที่แมนชั่นของตัวเอง ห้องของไคเป็นห้องชุดที่ไม่กว้างมากนักและเรียบง่ายจนน่าแปลกใจ แต่ก็รกสมเป็นห้องหนุ่มโสด
“ยืนไหวมั้ย? ไปล้างหน้าล้างตาหน่อยไป จะได้รู้สึกดีขึ้น” ตากล้องหนุ่มบอกกับคนในอ้อมแขน “หรืออยากแหวะบ้างไหม ถ้าแบบนั้นก็เข้าห้องน้ำ”
“ไม่...แค่มึน” ไอริบอกก่อนจะค่อย ๆ ผละจากไคแล้วเดินเซแถ่ด ๆ ไปที่ห้องน้ำ
เมื่อกลับออกมาก็พบว่าไคได้ต้มน้ำชงชาเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ไม่น่าเชื่อ...คนอย่างหมอนี่ชงชาเป็นด้วย
“ชาร้อน ๆ ช่วยให้หายเมาเร็วนะ เอ้า ดื่มซะ คืนนี้นอนมันที่นี่แหละ เดี๋ยวเอาเสื้อให้เปลี่ยน” โดยไม่รอให้อีกฝ่ายตอบรับหรือปฏิเสธ ไคก็เข้าไปค้นเสื้อผ้าในห้องนอนออกมาให้
เอาเถอะ...จะยังไงก็ช่าง ใช่ว่าจะไม่เคยไปค้างบ้านคนอื่นเสียเมื่อไร...ไอริบอกกับตัวเอง พลางยกชาขึ้นจิบ...อืม...ชาร้อน ๆ นี่ทำให้รู้สึกดีขึ้นจริง ๆ ด้วย...ไคเองก็ดื่มชาของตัวเองจนหมดแล้วก็ขอตัวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า...ดื่มมาขนาดนี้ยังอาบน้ำ ถ้าเป็นเขาละก็ นอนมันทั้งอย่างนี้แหละ...ไอริคิด
คืนนั้น...บนเตียงของไค ไอรินอนพลิกตัวกระสับกระส่ายไปมา ไม่สบายตัวเพราะเหล้าก็ส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งก็คงเพราะเสื้อผ้าของไคที่เจ้าของให้ยืมมา พอถูกโอบล้อมด้วยกลิ่นอายของผู้ชายที่นึกอยากตะบันหน้ากันวันละหลาย ๆ รอบแบบนี้แล้ว มันสงบใจได้ยากยังไงบอกไม่ถูก...และอีกส่วนหนึ่งซึ่งเด็กหนุ่มรู้สึกได้จากส่วนลึกในหัวใจก็คือ...เขาไม่ได้นอนใกล้ชิดกับใครแบบนี้นานแล้ว ตั้งแต่ออกจากบ้านมา แม้จะไปค้างบ้านเพื่อนบ้าง ก็มักจะนอนที่พื้น แต่วันนี้ไคบอกให้นอนเสียด้วยกันเพราะไคไม่มีเครื่องนอนสำรอง เวลาใครมานอนที่บ้านก็นอนบนเตียงเดียวกันแบบนี้ทุกครั้ง...การมีไออุ่นของใครบางคนแนบชิดอยู่ข้างกายแบบนี้ มันทำให้ไอริคิดไปถึงใครอีกคนที่มักจะนอนอยู่ใกล้ ๆ เขาแบบนี้
ยูยะ...น้องชายสุดที่รักของเขา
“นอนไม่หลับเหรอ?” เสียงห้าวดังขึ้นเบา ๆ ทางด้านหลัง ทำเอาไอริสะดุ้ง เขาคิดว่าไคหลับไปแล้วเสียอีก
เด็กหนุ่มไม่ได้ตอบ หากคนถามค่อย ๆ ยันกายลุกขึ้นแล้วเอื้อมมือมาเกลี่ยเส้นผมที่ปรกระใบหน้าของเขาออกให้อย่างเบามือ
“ฉันทำให้ไม่สบายใจหรือเปล่า ที่ทึกทักให้นายค้างที่นี่แบบนี้”
“...เปล่า ผมแค่ไม่คุ้นกับการนอนกับคนอื่น” ไอริตอบโดยไม่หันไปมอง
“งั้นฉันไปนอนที่พื้นก็ได้นะ”
“ไม่ต้องหรอก คุณนอนไปเถอะ เดี๋ยวผมก็หลับ” ใช่...ปกติเขาเป็นคนหลับง่ายอยู่แล้ว เดี๋ยวอีกสักพักก็คงหลับได้เองแหละ
หากร่างสูงไม่ได้กลับลงนอน เขายังคงลูบไล้เรือนผมหนานุ่มมือเล่นอยู่อย่างนั้น
“มีอะไรในใจหรือเปล่า ไอดะ?” นั่นเป็นนาน ๆ ครั้งที่ไคจะเรียกชื่อของอีกฝ่าย
“ทำไมถามแบบนั้น?”
“ฉันเห็น...จากดวงตาของนายที่มองตอบกล้องมา” ไคเอ่ยเบา ๆ “อะไรบางอย่างที่นายไม่อยากให้คนอื่นรู้ อะไรบางอย่างที่นายเก็บไว้ในใจคนเดียว...มาตลอด”
ไอรินิ่งอยู่ชั่วครู่ “...คุณไม่ต้องรู้หรอก”
“ไม่อึดอัดเหรอ?”
“ถึงจะอึดอัด แต่ไม่จำเป็นจะต้องบอกคุณไม่ใช่หรือไง” คราวนี้เด็กหนุ่มหันมาจ้องตาร่างสูงที่อยู่ห่างออกไปไม่ถึงช่วงแขน ดวงตากลมโตเป็นประกายวาววับราวกับจะเตือนว่าจะเดือดร้อนแน่หากเข้ามาก้าวก่ายมากกว่านี้
“...นายอยากบอกใครสักคน ไอริ...อยากบอกใครสักคนมาตลอด อะไรบางอย่างที่นายซ่อนเอาไว้ อะไรบางอย่างที่นายรู้สึกผิด”
มือเรียวคว้าคอเสื้ออีกฝ่ายแล้วกระชาก “หุบปากนะ!!”
ริมฝีปากอิ่มใต้หนวดครึ้มกระตุกยิ้มน้อย ๆ “ฉันแทงใจดำเข้าสินะ ถึงได้ร้อนรนถึงขนาดนี้”
“ไค คุณ...!!”
ยังไม่ทันได้พูดอะไรมากกว่านั้น ริมฝีปากอุ่นก็ฉกวูบลงมาประกบปิดเรียวปากอิ่ม บังคับให้เก็บกลืนทุกถ้อยคำที่คิดจะพูดกลับไปในลำคอ
ไอริดิ้นขลุกขลักอยู่ใต้ร่างของไค ถูกขโมยจูบแบบไม่ให้ตั้งตัวแบบนี้ทำให้ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก แต่ก็มีสติพอที่จะต่อต้าน หากเรี่ยวแรงที่พยายามผลักไสไปดูเหมือนจะไม่มีผลอะไรกับไคเลย
แต่จูบนั้นก็ไม่ได้ล่วงล้ำเข้ามาและไม่ได้เคล้าคลออยู่นานนัก ผู้ร้ายขโมยจูบก็ค่อย ๆ ถอนริมฝีปากออก และยกมือขึ้นรับกำปั้นลุ่น ๆ ที่เจ้าตัวกะเอาไว้แล้วว่ามันจะต้องตามมา
“ไอ้หมาบ้า!! กล้าดียังไงทำอย่างนี้วะ!!” ไอริตะโกนใส่หน้าพลางพยายามดึงมือออกจากการจับกุมไว้
“แค่จูบน่า อย่าบอกนะว่าไม่เคย” ไคแค่ยิ้มกวน ๆ ตามนิสัย
“ไอ้...” อีกมือที่ว่างอยู่ปล่อยหมัดออกไปหมายจะให้ซัดไอ้รอยยิ้มกวนอารมณ์นั่นให้ยิ้มไม่ออกเข้าเสียทีหนึ่ง แต่ไคก็คว้ามือเขาเอาไว้ได้อีก
“ใจเย็น ๆ น่า ไอริ ฉันแค่ทำให้นายเลิกด่าฉันเท่านั้นเอง” พูดแล้วก็แนบริมฝีปากลงมาอีกก่อนที่ไอริจะได้โวยวายอะไรต่อ
“อื๊อ...” เด็กหนุ่มได้แต่ส่งเสียงทักท้วงอยู่ในลำคอ หากจูบของไคไม่เร้าหรืออยู่นาน ชายหนุ่มค่อย ๆ ถอนริมฝีปากออกอย่างนุ่มนวล
“จะเลิกโวยวายได้หรือยัง เจ้าเด็กดื้อ”
“อย่าให้ผมหลุดไปได้นะ ผมเล่นคุณแน่” ไม่เพียงแต่คำพูด หากดวงตาที่จ้องมาอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อบอกชัดว่าคนพูดเอาจริง...เป็นดวงตาที่ทำให้สะท้านวาบเอาได้ง่าย ๆ หากไคยังคงยิ้ม...นี่แหละ ความดุดันที่เขาได้เห็นมาตลอดนับตั้งแต่การถ่ายแบบครั้งแรก
“ไอริ...” ตากล้องหนุ่มแนบริมฝีปากร้อนเข้าที่หน้าผากมนสวย “จะไม่ลองพูดออกมาดูเหรอ เผื่อว่ามันจะไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอย่างที่นายคิด”
ไอริเม้มปากแน่น ผู้ชายคนนี้พูดอะไร...กำลังจะหลอกล่อให้เขาพูดอะไร...ความลับที่เขาเก็บงำเอาไว้ในใจมาตลอด จะให้เขาพูดออกไปงั้นเหรอ คิดว่าตัวเองเป็นใคร...
“ผมไม่มีอะไรจะพูดกับคุณ แล้วก็ปล่อยได้แล้ว ผมจะนอนเสียที”
“แล้วก็จะนอนไม่หลับ เพราะคิดถึงใครบางคน...แล้วก็รู้สึกผิดที่คิดถึงเขาอีก...ใช่ไหม?”
...เกลียด...เกลียดหมอนี่...เกลียดหมอนี่ที่สุด...ไอริร้องอยู่ในใจ ทำไมไคถึงได้รู้ไปหมดนะว่าเขาคิดอะไรอยู่ เขาไม่เคยพูด เขาไม่เคยทำตัวสนิทสนมกับหมอนี่ ก็แค่ร่วมงานกัน เป็นตากล้องกับนายแบบ เป็นตากล้องกับเด็กยกไฟ เคยดื่มด้วยกันไม่เท่าไร ไม่ได้สนิทสนมขนาดจะเรียกว่าเพื่อนร่วมงานด้วยซ้ำ...แล้วมันเรื่องอะไร ทำไมไคถึงได้รู้เรื่องที่เขาเก็บงำเอาไว้ในใจมาตลอดได้ รู้ได้ยังไงว่าเขารู้สึกผิดกับอะไรบางอย่างในใจ รู้ได้ยังไง...
อย่า...อย่าล่วงล้ำเข้ามาในหัวใจเขามากกว่านี้ อย่ามาขุดคุ้ยสิ่งที่เขาพยายามลืมมาตลอดได้ไหม...อย่ามาทำให้เขารู้สึกทรมานมากไปกว่านี้เลย
“ถ้าจะพูดอะไรมากกว่านี้...ก็ให้ผมกลับบ้านเถอะ” ไอริไม่รู้ว่าตัวเองทำหน้าแบบไหน แต่คนที่คร่อมอยู่เหนือร่างของเขาถึงกับสลดวูบ
“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ ไอดะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำให้นายรู้สึกไม่ดีขนาดนี้นะ”
“คุณ...ทำไปแล้ว” ไอริว่าพลางดึงมือออกจากการเกาะกุม ซึ่งคราวนี้หลุดมาได้ง่าย ๆ เพราะอีกฝ่ายยอมปล่อยโดยดี
“ขอโทษ...”
ขอโทษงั้นเหรอ...ไม่อยากจะเชื่อว่าจะได้ยินคำพูดนี้จากปากของผู้ชายคนนี้ ผู้ชายที่หาเรื่องแขวะกัดเขาได้ตลอดเวลาคนนี้...ขอโทษเขางั้นหรือ...
“อย่าร้องไห้นะ”
ร้องไห้อะไร...เขาไม่ได้ร้องไห้...ไคพูดบ้าอะไร...
หากร่างสูงแนบริมฝีปากลงมาจูบซับหยาดน้ำที่ปลายหางตาให้อย่างแผ่วเบา แล้วค่อย ๆ ขยับพรมจูบไปทั่วใบหน้า...แผ่วผิว...อ่อนโยน...และอ่อนหวาน...เป็นสัมผัสที่ไอริไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าผู้ชายอย่างไคจะทำได้ แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ไอริกลับไม่ได้ต่อต้าน หากหลับตาลงรับสัมผัสนั้นอย่างเต็มใจ
เด็กหนุ่มรู้อยู่เต็มอกว่าถ้าหากไม่หยุดเสียตอนนี้ ทุกอย่างจะต้องเลยเถิดแน่นอน...แต่เขาก็ไม่ได้ห้ามไค เขาปล่อยให้ไคทำตามใจชอบทุกอย่าง เรียวปากรุมร้อนที่แนบจุมพิตลงมาครั้งแล้วครั้งเล่ากระตุ้นให้ห้วงอารมณ์ลี้ลับบางอย่างโหมกระพือ ไอริไม่ได้ไร้เดียงสาเสียจนไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ แต่เพราะรู้...ถึงได้ยอมให้ไคพาเขาไปสู่จุดนั้น ก็ในเมื่อไคเป็นคนทำให้เขารู้สึกแย่ถึงขนาดนี้แล้ว ก็ควรจะเป็นคนทำให้เขารู้สึกดีถึงที่สุดไม่ใช่หรือ
ไอริปล่อยหัวใจและความรู้สึกให้เพริดไปกับห้วงแห่งความปรารถนา บิดกายเร่าเมื่อถูกโพรงปากอุ่นร้อนเข้าครอบครองส่วนที่อ่อนไหวที่สุด มือเรียวขยุ้มเรือนผมสีดำยาวของไคแล้วกดเข้าหาตัวอย่างเรียกร้อง จนในที่สุดก็พรั่งพรูทุกความต้องการออกมา
“หวาน...” ไคพึมพำขึ้นเบา ๆ หลังจากเก็บกลืนทุกหยาดหยดของเด็กหนุ่มเข้าไป
“...อย่ามาโกหก ไอ้ของพรรค์นั้น...มันจะหวานได้ยังไง”
“เคยชิม?”
“แหงอยู่แล้ว...ไม่งั้นจะยอมให้คุณทำแบบนี้เหรอ”
ไคทอดสายตามองร่างที่นอนระทดระทวยด้วยความเหนื่อยอ่อนจากการปลดเปลื้องอารมณ์ไปเมื่อครู่แล้วยิ้มบาง ๆ...เจ้าเด็กนี่ดื้อจริง ๆ ทั้งที่เมื่อกี้ครางเสียหวานขนาดนั้น พอเสร็จเรียบร้อยก็ปากดีได้อีกแล้ว
“มีแฟนแล้ว?” ไม่ถามเปล่า หากยังก้มลงไปจูบระไปตามดวงหน้าหวาน
“ก็ไม่เรียกว่าแฟน แค่นอนด้วยกัน”
“นอนกับคนอื่นมากี่คนแล้ว?” ริมฝีปากซุกซนไล้ลงมาถึงอกบางที่แอ่นขึ้นรับสัมผัสของเขาทันที
“จะกี่คน...ก็ไม่ใช่ธุระของคุณนี่นา”
“อยากรู้...” ก็ในเมื่อการตอบสนองดีถึงขนาดนี้ คงไม่ใช่แค่คนสองคนละมั้ง “แล้วก็อยากรู้ด้วยว่า...เคยโดนทำมากกว่านี้หรือเปล่า”
ยังไม่ทันที่ไอริจะได้ตอบอะไร ปลายนิ้วสากกร้านก็แตะลงกับช่องทางเร้นลับแล้วขยี้คลึงเบา ๆ
“ฮึก...อ่ะ...” เด็กหนุ่มผวาเกร็งขึ้นทั้งตัว
“ว่าไง เคยมั้ย?”
“...เคย...” ไอริตอบพลางหลบตา
“จริง?”
“นี่...ถ้าจะทำ ก็ไม่ต้องถามมากได้มั้ย” ดวงตาที่หรุบหลบด้วยความเขินอายเมื่อกี้กลับมาจ้องเขม็งราวกับจะกินเลือดกินเนื้ออีกครั้ง
“ครับ ๆ...ไม่ถามแล้ว” พูดแล้วก็ผละไปเปิดลิ้นชักของชั้นข้างหัวเตียง ควานหาอะไรกุกกักอยู่แป๊บหนึ่งก่อนจะหยิบอะไรบางอย่างออกมาได้ “ว้า...มีแค่ไอ้นี่นะ ได้มั้ย?”
ไอริจ้องซองคอนด้อมในมือไคอย่างงุนงงนิดหน่อย “แล้ว...ยังไง?”
“ไม่มีเจลช่วย ไม่เป็นไรนะ?”
“...คงงั้น” ไหน ๆ ก็จะทำอยู่แล้ว จะถามทำไมก็ไม่รู้
“หึ...เจ็บก็...ร้องดัง ๆ แล้วกัน” พูดจบก็ชิงจูบเข้าที่ริมฝีปากอิ่มเสียก่อนที่ไอริจะได้โวยวายอะไรเกี่ยวกับคำพูดของเขาอีก
และหลังจากนั้น ไคก็ไม่เปิดโอกาสให้เด็กหนุ่มได้พูดอะไรอีกนอกจากส่งเสียงครางเครือด้วยความหวามหวิวในอารมณ์ ไอริตอบสนองทุกสัมผัสที่ไคมอบให้อย่างเร่าร้อน ไม่ว่าจะด้วยมือหรือริมฝีปาก หากเป็นจุดที่พึงพอใจแล้วละก็ ไอริจะขยับเข้าหาอย่างเรียกร้องอย่างคนที่คุ้นเคยในเชิงกาม
เจลหล่อลื่นน้อยนิดในซองคอนด้อมถูกนำมาใช้ช่วยขยับขยายช่องทางเร้นลับที่หุบแน่นราวกับดอกตูม...แล้วแบบนี้จะให้เชื่อได้ยังไงว่าเคยผ่านมือใครมาแล้ว ถึงการตอบสนองทางกายอื่นใดจะบอกชัดว่าเคยผ่านเรื่องแบบนี้มามาก ก็ใช่ว่าจะเคยถูกล่วงล้ำมาไม่ใช่หรือไง...แต่ในเมื่อฝ่ายที่ถูกกระทำไม่ได้ห้าม ไคก็ไม่คิดจะหยุด
ในตอนที่ร่างอันแข็งขืนแทรกกายเข้ามา ไอริก็กรีดเสียงด้วยความเจ็บปวด เรียวเล็บจิกลงกับแผ่นหลังที่แน่นไปด้วยกล้ามเนื้อได้รูปเพื่อระบายความรวดร้าว สิ่งที่รุกล้ำเข้ามารุมร้อนและคับแน่นจนแทบหายใจไม่ออก อีกฝ่ายคงรู้ดีถึงความทรมานของเขา จึงค่อยประโลมจูบไปทั่วเพื่อช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดให้ แล้วความเครียดขึงทั้งมวลก็หายไปอย่างน่าอัศจรรย์เมื่อร่างนั่นล่วงล้ำเข้ามาจนสุดทาง หากที่ตามมาคือความร้อนแรงที่แทบจะเผาผลาญเด็กหนุ่มให้กลายเป็นจุล
เซ็กส์ของไคเร่าร้อนและดุดัน ทุกลีลาการเคลื่อนไหวกระชากอารมณ์ของไอริให้กระเจิดกระเจิง แต่แม้จะหนักหน่วงถึงขนาดนั้น ก็ไม่ได้รุนแรงจนทำให้เจ็บปวดแต่อย่างใด หนำซ้ำยังทำให้ผู้ที่ถูกครอบครองพึงพอใจอย่างประหลาด
“เจ็บหรือเปล่า?” เสียงห้าวต่ำถามมาปนหอบกระเส่า พลางดึงจังหวะให้เนิบช้าลง
“...ไม่...ไม่เป็นไร ต่อสิ...”
“ชอบแบบนี้เหรอ?”
ไอริไม่ตอบหากโอบรั้งลำคอของร่างสูงลงมาแตะจูบเบา ๆ ที่ริมฝีปาก ไคคลี่ยิ้มบาง ๆ...เจ้าเด็กปากแข็ง แต่ก็น่ารัก...
“เคยทำเรื่องแบบนี้มาแล้ว...ไม่น่าจะมีอะไรให้รู้สึกผิดได้เลยนะ” พูดพลางก็ขยับสะโพกเข้าออกช้า ๆ แต่หนักหน่วง
“อึ่ก...มะ...มันไม่เหมือนกัน...”
“ก็ที่ทำอยู่นี่มันก็ผิดไม่ใช่หรือไง” ...ถ้าในแง่ศีลธรรมละก็นะ...
“ไม่...เลิกพูดเรื่องนี้ได้แล้ว” ไอริแหวเอาอย่างขัดใจ
“หึ ๆ...ไม่พูดก็ได้ แต่ช่วยส่งเสียงเพราะ ๆ ให้ฟังอีกหน่อยได้มั้ย”
ขาดคำก็โถมกายเข้าหาชนิดไม่ให้ตั้งตัว ประเคนความเร่าร้อนราวกับเพลิงลาวาเข้าหาร่างเพรียวอย่างหนักหน่วง ไอริดิ้นทุรนอยู่ใต้ร่างสูง ได้แต่ส่งเสียงครวญครางไม่ขาดปาก ในหัวถูกย้อมเป็นสีขาวโพลนด้วยไฟราคะที่โหมกระพือราวกับไม่มีวันมอดดับ สองขาเกี่ยวกวัดสะโพกหนาเปิดทางรับเอาทั้งหมดของไคเข้าสู่ร่างของตนอย่างเต็มที่ เรียวแขนทั้งสองโอบกอดร่างสูงไว้แน่น กดเล็บจิกกรีดแผ่นหลังกว้างเป็นระยะเพื่อบรรเทาความกระสันเสียวที่ทวีขึ้นทุกขณะ
แล้วปลายทางแห่งห้วงอารมณ์ก็เดินทางมาถึง ในชั่วขณะที่ความตึงเครียดพุ่งถึงขีดสุด ไอริรู้สึกได้ถึงริมฝีปากอุ่นร้อนที่แนบจุมพิตลงบนริมฝีปากของเขา อ้อมแขนแกร่งที่โอบรัดร่างของเขาเข้าหาตัวราวกับจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน ก่อนที่โลกทั้งโลกจะดับวูบลง...
มารู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อผ้าขนหนูชุบน้ำเย็น ๆ แตะซับลงบนใบหน้า พอลืมตาขึ้นก็เห็นไคนั่งอยู่ข้างเตียงและค่อย ๆ เช็ดตัวให้เขาอย่างอ่อนโยน
ผู้ชายที่หยาบกระด้างและปากเสียคนนั้น...อ่อนโยนได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ...
บางที...ถ้าเป็นผู้ชายคนนี้...เขาอาจจะพูดออกไปได้ก็ได้
“ไค...”
“อ้าว รู้สึกตัวแล้วเหรอ? อยู่ ๆ ก็วูบไป ตกใจหมด”
“...คุณบอกว่ามันไม่ผิดใช่มั้ย?”
“หือ? เรื่องอะไร?”
“เซ็กส์...กับผู้ชายด้วยกัน”
“หึ ๆ ๆ...ไม่ผิดหรอก นายก็มีความสุขไม่ใช่เหรอ?” ถ้าบอกว่าผิด...เขาก็ผิดด้วยสินะ
“...แล้วถ้า...อีกฝ่าย...” ดวงตาสีเข้มไหววูบอย่างลังเล...จะพูดออกไปได้ไหมนะ...ถ้าพูดออกไป...ทุกอย่างที่เขาอุตส่าห์เก็บงำเอาไว้...ตัวตนของเขาจะถูกทำลายหรือเปล่า
ไครู้สึกได้ถึงความหวั่นไหวนั้น...และนั่นก็เป็นสิ่งที่เขาสัมผัสได้มาตลอด เด็กคนนี้มีอะไรบางอย่างที่อยากบอกใครสักคน แต่ไม่กล้าจะพูด...มันคงเป็นเรื่องที่ร้ายแรงมากในความรู้สึกของเจ้าตัวเอง...ถ้าจะช่วยแบ่งเบาอะไรได้ เขาก็ยินดีรับฟัง
“พูดออกมาเถอะ ถึงฉันไม่เห็นด้วยยังไง ฉันก็ไม่บอกใครหรอก เห็นฉันปากหมาแบบนี้แต่ฉันก็ปากหนักนะ”
“หึ...บ้า” คำพูดของไคทำให้ไอริอดหัวเราะออกมาไม่ได้
“ใช่ บ้า...ไหนลองเล่าให้คนบ้าคนนี้ฟังซิ...มีอะไรทุกข์ใจเหรอ?” มือใหญ่ลูบเรือนผมหนานุ่มอย่างอ่อนโยน
“ไค...ผม...รักน้องชายตัวเอง...”
เพียงแค่นั้นก็เหมือนเปิดสวิตช์ เรื่องราวทั้งหมดพรั่งพรูออกมาจากปากของเด็กหนุ่มอย่างหยุดไม่ได้...เขาหลงรักซึคาสะ ยูยะ...น้องชายต่างพ่อของตัวเอง ยิ่งยูยะเข้าใกล้เขาด้วยความไร้เดียงสา เขาก็ยิ่งอึดอัดทรมานจนแทบบ้า สุดท้ายก็ต้องออกจากบ้านมาก่อนที่จะพลั้งมือทำอะไรร้ายแรงลงไป...แต่แม้จะทำอย่างนั้น ความรู้สึกที่มีต่อผู้เป็นน้องก็ไม่ได้ลดน้อยลงเลย...เขารู้ว่ามันผิด และก็กลัวว่าใครจะมาล่วงรู้ความรู้สึกของเขาเข้า...ความกลัวนี้เองที่ทำให้เขากลายเป็นคนเก็บตัวและไม่ค่อยพูดค่อยจา ไม่กล้าที่จะยุ่งกับใคร...แต่ความต้องการทางกายเป็นเรื่องเกินระงับ ตั้งแต่ออกมาอยู่คนเดียว เขาก็หาคู่นอนเรื่อยไปทั้งชายและหญิง...และทุกคนล้วนแต่มีส่วนคล้ายน้องชายสุดที่รักทั้งสิ้น...มีบ้างที่ตกเป็นฝ่ายถูกกระทำ เพราะเผลอตัวลืมไปว่าอีกฝ่ายไม่ใช่น้องชายแถมยังเป็นผู้ใหญ่กว่า แต่ในเมื่อรู้สึกดีก็ไม่ได้แย่อะไรนัก เพียงแต่ไม่บ่อยนักที่เขาจะยอมรับบทนั้น...ไอริใช้ชีวิตแบบนี้มาจนกระทั่งไคเข้ามายุ่งกับเขา
ตลอดเวลาที่ไอริพูด ไคเพียงแต่รับฟังอยู่เงียบ ๆ พยักหน้ารับและคอยปาดเช็ดน้ำตาให้...ทรมานมามากสินะ ถึงขนาดกลั่นออกมาเป็นน้ำตาแบบนี้...กระทั่งไอริเล่าเรื่องทั้งหมดจบลง ชายหนุ่มถึงได้เอ่ยขึ้นเบา ๆ
“ไอริ...มันไม่ผิดหรอกนะ...ถ้าหากนายรักเด็กคนนั้นอย่างบริสุทธิ์ใจ ไม่มีอะไรผิดหรอก”
จากค่ำคืนนั้นคือจุดเริ่มต้นของการคบกับไค...ไอริก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงได้ยอมคบกับไคเหมือนกัน ทั้งที่ที่ผ่านมาเขาไม่เคยคบกับใครจริงจัง ไคเป็นคนแรกที่ได้ชื่อว่าเป็น “คนรัก” ของเขา...ถึงแม้จะไม่รู้เหตุผล แต่จะพูดว่าเพราะไคกุมความลับของเขาเอาไว้ก็ไม่ใช่ เพราะไคไม่เคยปริปากเรื่องนี้ออกไปเลยจริง ๆ
การเป็นคนรักของพวกเขาไม่ได้ราบรื่นหรือมีความสุขอะไรมากมายนัก ต่างก็มีเรื่องให้โต้เถียงและทะเลาะเบาะแว้งกันไม่ได้ว่างเว้น ไคเองก็ปากร้ายและไอริก็หัวดื้อ เป็นคนเอาแต่ใจสองคนที่คบกันได้ยาวนานจนคนรอบข้างก็แปลกใจ...ชื่อ “ไอริ” นี้ไคก็ทึกทักตั้งให้ บอกให้ใช้เป็นชื่อนายแบบ ซึ่งไอริไม่ได้เห็นด้วยเลยสักนิด ค่าที่มันน่ารักเกินไปในความรู้สึกของเขา...แต่...ยูยะก็ดันชอบเสียอีก
แต่ทั้งที่คบกันอย่างลุ่ม ๆ ดอน ๆ แบบนี้ ไอริก็ชอบที่จะอยู่กับไค จากจุดเริ่มต้นนั้นผ่านมาได้สามปีแล้ว ไคไม่เคยเปลี่ยนไปเลย ไคยังคงหาเรื่องแขวะกัดเขาได้ตลอดเวลา และในยามที่เขาซึมเศร้าเรื่องน้องชายจนถึงขีดสุด...ไคก็ยังยิ้มให้อย่างอ่อนโยนและบอกเขาอยู่เสมอว่า...มันไม่ผิด...
คำพูดของไคช่วยประคับประคองความรู้สึกของเขามาตลอด ดังนั้น...ถึงคนเดียวที่เขารักจะเป็นน้องชาย...แต่เขาก็ชอบไค
...
-
กระจ่างแจ่มแจ้งเลยค่ะ ว่าทำไมแฟนอย่างไคถึงยอมรับได้ที่คนที่ตัวเองรักอย่างไอริ
ทั้งพูดทั้งกระทำว่ารักผู้ชายอีกคนมากมายสุดหัวใจขนาดนั้น
เจ็บปวดมามากจนกลั่นออกมาเป็นน้ำตา....
นอกจากไคจะรักไอริ มันคงมีความรู้สึกที่ตอนแรกอยากค้นหา
ตอนนี้คงเป็นอารมณ์อยากปกป้อง อยากช่วยให้ไม่ต้องเสียน้ำตาอีกด้วยนะคะ
ปลื้มไคจังเลย แล้วก็.....รู้สึกเหมือนตอนหน้าอาจจะได้เจอน้องยูยะ
อยากจะรู้จักน้องยูยะแล้วค่ะว่าจะมีเสน่ห์และน่าหลงใหลแบบไคกับไอริอีกคนรึเปล่า
ปล.ตอนที่สองคนเขาเริ่มต้นนัวเนียกัน ไอริปล่อยให้ตัวเอง"เพริศ" ไปกับอารมณ์แบบนั้น ไม่ใช่"เพลิด"นะคะ
(แต่คุณHARUKO จะยอมให้แก้คำผิดรึเปล่าไม่รู้นะคะ แหะๆ)
-
กระจ่างแจ่มแจ้งเลยค่ะ ว่าทำไมแฟนอย่างไคถึงยอมรับได้ที่คนที่ตัวเองรักอย่างไอริ
ทั้งพูดทั้งกระทำว่ารักผู้ชายอีกคนมากมายสุดหัวใจขนาดนั้น
เจ็บปวดมามากจนกลั่นออกมาเป็นน้ำตา....
นอกจากไคจะรักไอริ มันคงมีความรู้สึกที่ตอนแรกอยากค้นหา
ตอนนี้คงเป็นอารมณ์อยากปกป้อง อยากช่วยให้ไม่ต้องเสียน้ำตาอีกด้วยนะคะ
ปลื้มไคจังเลย แล้วก็.....รู้สึกเหมือนตอนหน้าอาจจะได้เจอน้องยูยะ
อยากจะรู้จักน้องยูยะแล้วค่ะว่าจะมีเสน่ห์และน่าหลงใหลแบบไคกับไอริอีกคนรึเปล่า
ปล.ตอนที่สองคนเขาเริ่มต้นนัวเนียกัน ไอริปล่อยให้ตัวเอง"เพริศ" ไปกับอารมณ์แบบนั้น ไม่ใช่"เพลิด"นะคะ
(แต่คุณHARUKO จะยอมให้แก้คำผิดรึเปล่าไม่รู้นะคะ แหะๆ)
ขอบคุณคะที่ปรูฟให้ ตรวจดูในพจนานุกรมแล้วผิดจริงๆ ด้วย
-
ขอเป็นแฟนคลับด้วยคนครับ
-
เข้ามาด้วยชื่อเรื่อง
อ่านแล้ว ประทับใจไคมากๆ
ผิดไม่ผิด บาปไม่บาป ในระหว่างความรักและจิตใจ จะกำหนดอย่างไร
บวก 1 แต้มนะคะ ขอบคุณทั้งคนแต่งและคนโพสต์มากๆ
รอติดตามตอนต่อไปค่ะ
-
ขอบคุณ YAOIGIRL, anajulia, ordkrub, namtam ที่เข้ามาอ่านและเม้นท์กันนะคะ
และทุกคนๆ คนที่เข้ามาถึงจะไม่ได้เม้นท์ก็ตาม ทุกเม้นท์ ฮะคุโร่ได้อ่านหมดแน่นอน
ตอนจบนี้ออกแนวอิโรติคดราม่า แล้วจะได้เห็นว่ายูยะมันเป็นเด็กที่น่ารักน่าหมั่นไส้ + แก่แดดนิดๆ ซะด้วยซ้ำ
จะตรงใจกันแค่ไหนอ่านกันได้เลยค่ะ
อ้อ เรื่องนี้ฮะคุโร่ได้เขียนไว้แค่นี้จริงๆ แต่ถ้ามีคนชอบเยอะอาจจะเขียนต่อก็ได้นะคะ
...
“สุขสันต์วันเกิด ยูยะ” ชายหนุ่มสองคนพูดขึ้นพร้อม ๆ กันพลางชูกระป๋องเครื่องดื่มในมือขึ้นเป็นการอวยพร
“แหะ ๆ ขอบคุณครับ” หนุ่มน้อยเจ้าของวันเกิดยิ้มอาย ๆ พร้อมกับยกเครื่องดื่มของตัวเองขึ้นรับคำอวยพรนั้น
“เผลอแป๊บ ๆ ก็อายุ 15 แล้วเนอะ ตอนที่เจอกันยังตัวเท่าเห็ดอยู่เลย” ไคว่าพลางทำมือเป็นระดับสูงเกินพื้นมาสักฟุตหนึ่ง
“แหม...มากไป คุณไคก็...ไม่ได้เป็นเห็ดเสียหน่อย” ยูยะเถียงพร้อมตวัดตาค้อน...แบบเดียวกับไอริผู้เป็นพี่ชายไม่มีผิด
“เปล่า...แค่จะชมว่าโตเร็ว”
“ถ้าแบบนั้นก็บอกสิครับว่าสูงขึ้นเยอะอะไรแบบนี้”
“ความหมายเดียวกันแหละ” ไคทำไม่รู้ไม่ชี้
ยูยะทำแก้มป่องอย่างขัดใจแล้วก็หันไปฟ้องพี่ชาย “ริทจัง ดูแฟนพี่สิ”
“น่าจะชินแล้ว” ไอริบอกด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ยูยะรู้จักกับไคหลังจากที่พวกเขาคบกันได้ไม่นานนัก และก็ไม่ได้ต่อต้านอะไรกับการที่เขามีคนรักเป็นผู้ชายด้วยกัน
“มันก็ชินหรอก แต่แหม...” ยูยะส่ายหัวดุกดิก ไม่รู้ว่าพี่ชายของเขาทนปากไคได้ยังไง...แต่ก็นั่นแหละ เขารู้ว่าไคปากร้ายแต่ไม่มีอะไร แถมยังออกจะใจดีซะอีก...ดีไม่ดีจะใจดีกว่าไอริเสียด้วยซ้ำ
ไอริเพียงแต่ยิ้ม ๆ แล้วยกเครื่องดื่มมึนเมาของตัวเองขึ้นกระดก วันนี้เป็นวันเกิดของยูยะ และโชคดีที่พรุ่งนี้เป็นวันหยุดทำให้ยูยะสามารถมาฉลองและนอนค้างที่ห้องของเขาได้ พวกเขาซื้อเค้ก ของกิน และเครื่องดื่มเข้ามาเลี้ยงกันตามประสาผู้ชายที่ไม่มีใครอยากทำอาหาร การนั่งกินดื่มและพูดคุยกันด้วยบรรยากาศเป็นกันเองแบบนี้ก็สนุกอยู่ไม่น้อย...แต่ไอริไม่ได้รู้สึกดีขนาดนั้น ด้วยอะไรบางอย่างในหัวใจกดดันเขาเสียจนรู้สึกเครียด ไม่ใช่แค่ยูยะอยู่ใกล้ ๆ หรอก...แต่มากกว่านั้น...เพราะเขารู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้
หลังจากวันนั้น...ที่เขาได้ตัดสินใจแล้ว...
“ริทจัง เป็นอะไรไปเหรอ? เงียบไปเลย” พร้อมกับคำถาม ร่างบาง ๆ ก็ขยับเข้ามาหาพร้อมกับเอาคางเกยไหล่ ทำเอาไอริที่กำลังอยู่ในห้วงความคิดถึงกับสะดุ้ง
“ฮะ...เอ่อ...ไม่มีอะไร แค่คิดอะไรนิดหน่อย” ร่างกายที่สัมผัสแนบชิดจนรู้สึกได้ถึงไออุ่นทำให้หัวใจเต้นระรัว...จะดีหรือ...ถ้าก้าวข้ามไปแล้ว...จะดีจริง ๆ หรือ...
“คิดอะไรล่ะ? อย่านอกเรื่องสิ วันนี้วันเกิดผม คิดเรื่องผมก็พอแล้ว” พูดแล้วก็ยิ้มแต้ โดยไม่รู้เลยว่าคำพูดของตัวเองบาดลึกลงไปในหัวใจคนฟังมากแค่ไหน
...ก็คิดเรื่องของนายนั่นแหละ...ไอริอยากจะตอบอย่างนั้นออกไปใจจะขาด แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้...ไม่สิ...ทั้งที่ตัดสินใจไปแล้ว แต่ความหวั่นไหวนี้คืออะไร...ทั้งที่อยากกอดคนตรงหน้านี้จนแทบทนไม่ได้ แต่ถึงขนาดนี้แล้ว ก็ยังคงลังเล...หวั่นไหวจนเจ็บแปลบที่หัวใจ ทรมานยิ่งกว่าที่เคยทรมานมาทั้งชีวิตเสียอีก
ดวงตากลมเหลือบมองร่างสูงที่ได้ชื่อว่าเป็นคนรัก ไคสบตาคู่นั้นแล้วก็ถอนใจ...ศีลธรรมกำลังเล่นงานไอริอีกแล้ว ถ้าจะมาลังเลเอานาทีสุดท้ายแบบนี้ ก็อย่าชวนน้องชายมาฉลองที่ห้องเสียแต่แรกสิ...เพราะรู้อยู่แล้วว่าตัวเองคิดจะทำอะไร ถึงได้ชวนยูยะมาที่ห้องไม่ใช่หรือไง...แต่ก็นั่นแหละ ถ้าไม่เป็นแบบนี้ เรื่องทั้งหมดก็คงไม่ดำเนินมาจนถึงตอนนี้ได้
เอาเถอะ...ไหน ๆ ก็ทำตัวเป็นปีศาจชั่วร้ายที่คอยยุยงส่งเสริมมาตลอดอยู่แล้ว จะช่วยอีกสักหน่อยจะเป็นไรไป
“ยูคุง ลองนี่หน่อยมั้ย?” ไคพูดพลางยื่นกระป๋องเครื่องดื่มคอกเทลรสโคล่าให้
“เหอ? ผมอายุยังไม่ถึงเกณฑ์นะครับ”
“ดื่มกันเองในห้อง จะเป็นไรไปล่ะ ตำรวจมันไม่แล่นมาจับนายหรอก” ว่าแล้วก็ขยับกระป๋องเข้าไปใกล้อีกเป็นการเชิญชวน
“แต่...ง่า...” หนุ่มน้อยเหลือบมองพี่ชาย...ใจน่ะอยากจะลองอยู่แล้วตามประสาวัยรุ่นเพิ่งแตกเนื้อหนุ่ม แต่คนใกล้ตัวจะว่าอะไรหรือเปล่า
ไอริเม้มปากแน่น...ไครู้ว่าเขาลังเล และพยายามหาทางออกให้...การใช้แอลกอฮอล์เข้าช่วยจะทำให้เรื่องง่ายขึ้น ที่เขากำลังดื่มอยู่นี่ก็เพื่อย้อมใจเหมือนกัน แต่ถึงขนาดจะให้ยูยะดื่มด้วยมันก็...
แต่...ถ้าถอยกลับตอนนี้ ก็คงไม่มีวันได้อัญมณีเม็ดนี้มาไว้ในมือ...ไปตลอดชีวิต...
“เอาสิ นิด ๆ หน่อย ไม่เป็นไรหรอก” ไอริเอ่ยคำอนุญาตเบา ๆ รู้สึกได้ว่ามือของตัวเองเย็นเฉียบ...พูดออกไปแล้ว...
“แหะ ๆ...งั้น...ไม่เกรงใจนะครับ” ยูยะรับเครื่องดื่มในมือไคมาเปิดแล้วยกขึ้นจิบนิดหน่อย “หือ...เหมือนโคล่าเลยนี่ แค่มีรสขม ๆ นิดหน่อยเอง”
“ก็แบบเด็ก ๆ...เพิ่งหัดดื่มเอาแค่นี้ก็พอ อย่าทำอย่างพี่ชายนาย ขานั้นเปรี้ยว ริไปลองออน เดอะ ร็อก...เมากลิ้งไม่เป็นท่าเลย” ไคพูดพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ พลางพยักเพยิดไปทางไอริ
“ไม่ถึงขนาดนั้นซะหน่อย แค่ลุกไม่ขึ้น” นายแบบหนุ่มเถียง...ไคขุดเรื่องเมื่อตอนนั้นมาเผาเขาอีกแล้ว
“หึ ๆ...นั่นสินะ ลุกไม่ขึ้น...ข้ามวัน” ดวงตาสีดำเป็นประกายเจ้าเล่ห์ส่งมาพร้อมรอยยิ้มคันอารมณ์ที่มุมปาก
“ไอ้นั่นมัน...” ไอริที่ตั้งท่าจะโวยรีบกัดปากตัวเอง ใจจริงอยากจะบอกว่าที่เขาลุกไม่ไหวนั่นเพราะคืนนั้นไคเล่นเขาเสียหลายรอบต่างหาก...แต่ตอนนี้มียูยะอยู่ด้วย พูดออกไปไม่ดีแน่ “...จำไว้ละกัน ไอ้หมาบ้า”
“อื้ม จำแน่ จำได้ตลอดเลยหละ”
ไอริเข่นเขี้ยวอยู่ในใจ นี่ถ้าอยู่กันสองคนมีหวังได้ต่อยปากกันสักเปรี้ยงแล้ว...ฝากไว้ก่อนแล้วกัน...คิดแล้วก็ยกเบียร์ในมือตัวเองขึ้นกรอกเข้าปากเฮือกใหญ่
ไคมองอาการฉุนเฉียวของคนรักแล้วก็ยิ้ม ๆ ลองฟึดฟัดขึ้นมาได้แบบนี้ก็แปลว่าความเครียดลดลงบ้างแล้ว และก็เพราะไอริชอบทำหน้าเฉยเมยไร้อารมณ์น่ะสิ เขาถึงได้ชอบแหย่ให้ออกอาการบ่อย ๆ แบบนั้นมันดูเป็นธรรมชาติกว่านี่นา...แต่จะว่าไป ก็อยากจะเห็นตอนยิ้มให้บ่อยกว่านี้ละนะ
“ฮ้า...อร่อย” ในระหว่างที่พวกพี่ชายกำลังเถียงกัน ยูยะก็จัดการกับเครื่องดื่มของตัวเองจนหมดกระป๋อง “มีอีกมั้ยครับ?”
“เฮ้ย อะไรวะ หมดแล้วเรอะ?” ไคโวย ถึงมันจะเป็นรสโคล่าแต่มันก็เป็นคอกเทลเชียวนะ
“ก็มันอร่อยนี่นา ผมว่าอร่อยกว่าโคล่าธรรมดาอีก อันนั้นมันหวานเลี่ยน ๆ” พูดแล้วก็ไม่รอให้ใครหยิบให้แต่ลุกไปควานหาในตู้เย็นเองเลย
“อย่าให้มากนักนะ ยู” ไอริตั้งท่าจะห้ามแล้วก็นึกขึ้นมาได้ เลยเงียบไว้
“อ๊ะ มีแบบอื่นด้วย รสองุ่นเหรอ? ผมลองอันนี้ด้วยได้มั้ยฮะ?” ประโยคสุดท้ายยูยะหันมาถามไค
“บ๊ะ เอาเถอะ อยากดื่มอันไหนก็ตามสะดวกละกัน” ไคโบกมืออย่างไม่ใส่ใจแล้วก็ตักเค้กเข้าปาก ที่จริงเขาตั้งใจซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แบบเด็ก ๆ นี่มาเพื่อการนี้อยู่แล้ว...ถ้าไม่ใช้อะไรช่วยเลย ดูท่าความฝันของไอริจะเป็นจริงได้ยาก
คอกเทลสามกระป๋องของยูยะ และเบียร์อีกจำนวนไม่น้อยของไอริ ทำให้คนดื่มเริ่มจะตึง ๆ กันได้ที่ ไอริพูดน้อยลงทุกขณะ ความมึนเมานี้เองที่ช่วยให้โซ่ตรวนบางอย่างในหัวใจค่อย ๆ คลายตัวออก
“ฮื้อ...ดื่มเจ้าพวกนี้แล้วร้อนเนอะ” ยูยะเขย่าคอเสื้อยืดตัวเอง “แต่ก็อร่อย ริทจังชิมมั้ย?”
ไอริส่ายหน้าปฏิเสธกระป๋องเครื่องดื่มสีสวยที่ผู้เป็นน้องชายยื่นมาให้ ยูยะจึงเอามันกลับไปดื่มเสียเอง ชายหนุ่มมองเรียวลิ้นสีสดที่แลบเลียริมฝีปากเพื่อเก็บรสชาติหอมหวานของเครื่องดื่มเข้าไปให้หมด...จะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม แต่นั่นช่างเย้ายวนเหลือเกินในความรู้สึกของไอริ
ผู้เป็นพี่ขยับเข้าไปใกล้แล้วโอบไหล่รั้งร่างบางที่กำลังยกคอกเทลขึ้นดื่มอีกครั้งเข้าหาตัว ยูยะเหลือบตามองพี่ชายแล้วเลิกคิ้วเหมือนจะถาม
“ขอชิม...หน่อยนะ”
ขาดคำ มือเรียวก็ช้อนใบหน้าของยูยะขึ้น ริมฝีปากอิ่มฉกวูบลงแนบกับเรียวปากบางเฉียบอย่างรวดเร็วโดยไม่ให้ตั้งตัว แม้แต่ไคก็ยังตะลึงงัน เขาไม่คิดว่าไอริจะลงมือเร็วและอุกอาจขนาดนั้น
เรียวลิ้นร้อนลิ้มชิมความหวานหอมของเครื่องดื่มที่ตกค้างอยู่บนลิ้นนุ่มของอีกฝ่าย เท่านั้นไม่พอ...ยังกวาดควานไปทั่วเพื่อค้นหารสชาติที่แท้จริงของผลไม้ต้องห้ามที่เขาได้แต่เฝ้ามองและหักห้ามใจตัวเองมานานปี
ยูยะได้แต่ดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขนแกร่งที่โอบกอดเขาไว้ไม่ปล่อย ตกใจเกินกว่าจะตั้งสติได้ สองมือที่ควรจะผลักไสหรือหยุดยั้งการกระทำของผู้เป็นพี่ได้แต่เกาะยึดเสื้อเชิ้ตตัวโคร่งเอาไว้แน่น ความรู้สึกแปลกประหลาดแผ่ซ่านจากปลายลิ้นที่ถูกครอบครองและรุกราน...มันคืออะไร...ความหวามหวิวในอกนี้คืออะไร
หอม...หวาน...เรียวลิ้นไร้เดียงสาที่ได้แต่ตั้งรับและถูกเขาชักพาไปทั้งอุ่นและนุ่ม ดูเหมือนจะเกร็งไปหมดทั้งตัวเสียด้วยสิ น่ารักเกินไปแล้ว...ยูยะของเขา
ใช่...ของเขา...เป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น เขาจะไม่ยกยูยะให้ใครอื่นอีก
ไอริพลิกร่างในอ้อมแขนลงนอนกับพื้นทั้งยังไม่ยอมละริมฝีปากออก ถึงตอนนี้ร่างบางถึงได้พยายามผลักไส หนุ่มน้อยรู้สึกว่าตนกำลังจะขาดอากาศหายใจ ชั่วจังหวะที่ไอริถอนริมฝีปากออก ยูยะก็ผวาสูดอากาศเข้าไปเฮือกใหญ่ แต่ผู้เป็นพี่ชายไม่เปิดโอกาสให้เขาได้หายใจได้เต็มปอด ริมฝีปากนั้นก็เข้ามาครอบครองและช่วงชิงความหวานล้ำอีกครั้ง
...นี่มันอะไร...ริทจังกำลังทำอะไร...
จูบ...สมองอันมึนเบลอบอกกับตัวเองแบบนั้น ทำไมพี่ชายของเขาถึงทำแบบนี้...ไม่เข้าใจ...ยูยะไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นแม้แต่น้อย เพียงแต่...จูบที่เรียกร้องและเอาแต่ใจนั้นช่างแสนหวาน แม้จะดุดันและรุนแรงอยู่บ้าง แต่หนุ่มน้อยกลับรู้สึกได้ถึงรสชาติปร่าแปลกบางอย่างที่ซึมแทรกมากับการเคลื่อนไหวของปลายลิ้น...จนนึกอยากจะลิ้มลองให้มากกว่านี้
ไอริก็คิดแบบนั้น...แม้นี่จะเป็นผลไม้ต้องห้าม แต่นั่นจะสำคัญอะไรล่ะ หากใครเด็ดไปครอบครองแล้วมิได้ทะนุถนอมอย่างที่ควรจะเป็นแล้วจะทำยังไง...ยูยะกำลังเริ่มโตเป็นหนุ่ม ร่างกายนั้นยังไม่เป็นชายหนุ่มเต็มตัวเสียด้วยซ้ำ แถมลักษณะท่าทางและโครงหน้าก็ละม้ายผู้เป็นแม่เสียมาก ความเป็นชายและหญิงในคนคนเดียวกันบวกกับท่าทีที่ไม่เกรงกลัวใครนั้น เชิญชวนให้ใครต่อใครปรารถนาจะลิ้มลองอย่างไม่รู้ตัว...หากจะต้องเป็นแบบนั้นละก็ สู้เขาครอบครองไว้เองเสียดีกว่า...ก็ดูสิ ขนาดตกใจและตั้งตัวไม่ติดแบบนี้ ยูยะก็เริ่มจะตอบสนองเขาเสียแล้ว...อันตรายจริง ๆ...นี่ถ้าเป็นคนอื่นมาทำแบบนี้ จะว่ายังไง...
ไอริค่อย ๆ ถอนริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่ง ทอดสายตามองร่างที่นอนหอบระทวยอยู่ใต้ร่างของเขา ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของผู้เป็นน้องค่อย ๆ ปรอยปรือขึ้นมองเขา แววตานั้นเต็มไปด้วยคำถามและความสับสน...แต่เขาไม่สับสนอีกต่อไปแล้ว
“ยู...พี่รักยูนะ” เสียงทุ้มนุ่มกระซิบแผ่ว
“...ริทจัง...พี่...?”
“เป็นของพี่นะ...” เสียงกระซิบนั้นราวกับจะเว้าวอน
ไม่ใช่ไม่เข้าใจความหมาย ยูยะไม่ใช่เด็กที่ไร้เดียงสาขนาดนั้น จะว่าไปเขาร้ายและซนใช่เล่นเลยทีเดียว ไอ้เรื่องแอบดูหนังสือโป๊ที่เพื่อนแอบฉกของพี่ชายมาแบ่งกันดูนั่นก็ทำกันบ่อย ๆ เรื่องเปิดกระโปรงเพื่อนผู้หญิงหรืออะไรทำนองนี้ก็ทำมาแล้วทั้งนั้น...เขารู้ความหมายของคำพูดที่ไอริเอ่ยออกมาดี แต่ที่ไม่เข้าใจคือ...ไอริที่เป็นพี่ชายของเขา ทำไมถึงพูดคำนี้ออกมา...ทำไมถึงบอกกับเขาอย่างนี้
หากอะไรบางอย่างในดวงตาสีเข้มคู่นั้นสะกดหนุ่มน้อยให้นิ่งงัน พี่ชายของเขาเอาจริง...หมายความอย่างที่พูดจริง ๆ...
“...รัก...เหรอ?” ยูยะพึมพำออกไปอย่างเลื่อนลอย
“ใช่ รักมาก...รัก...จนอยู่ใกล้ ๆ ไม่ได้” นั่นคือสิ่งที่อยากบอกมาตลอด...นั่นคือเหตุผลที่เขาไม่สามารถให้ได้ในวันนั้นที่เขาตัดสินใจย้ายออกมาอยู่คนเดียวและยูยะถามเขาทั้งน้ำตา
“...ทำไม?”
“พี่...อยากให้ยูเป็นของพี่มาตลอด...ถ้าพี่อยู่ข้าง ๆ ยู พี่อาจจะทำอะไรร้ายแรงลงไปก็ได้...พี่ถึงได้หนีมา” แต่ถึงจะหนีไปไกลสักแค่ไหน ก็รู้ใจตัวเองดีว่าไม่เคยลืมได้...และปรารถนาที่จะทำเช่นนั้นมาตลอด
“เป็นของพี่เถอะนะ...พี่ทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว” ไอริกำรวบข้อมือน้องชายไว้แน่น...แน่นเสียจนยูยะนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวด
“ไอริ...นั่นนายคิดจะทำอะไรน่ะ?” เป็นไคที่ขัดขึ้นมาก่อนที่ไอริจะได้ทำอะไรลงไป
“อย่าห้ามฉัน ไค” ไอริพูดโดยไม่หันไปมอง น้ำเสียงนั่นสั่นพร่า “ฉันทรมานมาทั้งชีวิตแล้ว ถ้าจะให้ทนมากไปกว่านี้...ก็ฆ่าฉันเลยดีกว่า”
หยดน้ำอุ่น ๆ ตกลงมากระทบใบหน้าของหนุ่มน้อยที่ยังคงนอนนิ่งอยู่บนพื้น ยูยะเบิกตากว้าง...ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง ไอริกำลังร้องไห้...ไอริเนี่ยนะ ตั้งแต่เกิดมาเขายังไม่เคยเห็นพี่ชายของเขาร้องไห้แม้แต่ครั้งเดียว ขนาดตกต้นไม้บาดเจ็บอะไรแค่ไหนก็ไม่เคยร้องสักแอะ...แล้วนี่...ไอริคนนั้น...ร้องไห้อย่างนั้นหรือ...เพราะเรื่องของเขา...เพราะรักเขาอย่างนั้นหรือ...
“ริทจัง...อย่าร้องไห้...นะฮะ...อย่าร้อง...” มือเรียวดึงออกจากการเกาะกุมแล้วเอื้อมมาแตะที่ข้างแก้มของผู้เป็นพี่ชาย
ไอริจับมือนั้นมาจูบเบา ๆ ที่กลางฝ่ามือแล้วแนบมันเข้ากับแก้มอย่างแสนรัก...ยูยะที่รัก...น้องชายสุดที่รักของเขา
ริมฝีปากอิ่มแนบลงมอบจุมพิตแสนหวานให้อีกครั้ง คราวนี้ยูยะไม่ได้ขัดขืนหรือปฏิเสธ เรียวปากบางเผยอแย้มรับจูบนั้นอย่างเต็มใจเสียด้วยซ้ำ ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ได้ห้าม ไอริจึงไม่คิดจะหยุด...ไม่สิ...แม้จะห้ามได้ เขาก็หยุดตัวเองไม่ได้อีกแล้ว
ไม่เพียงแต่ปลายลิ้นจะลิ้มรสหวานล้ำของผลไม้ต้องห้ามนี้เท่านั้น มือเรียวยังลูบไล้สัมผัสไปทั่วเรือนกายบอบบางราวกับจะให้ตัวเองแน่ใจว่าร่างในอ้อมกอดนี่อยู่ตรงนี้จริง ๆ มิใช่เพียงความฝันที่เคยเห็นมาตลอด ร่างเล็กบิดเร่าด้วยไม่เคยกับการสัมผัสแบบนี้มาก่อน ปลายนิ้วกร้านที่แตะต้องเคลื่อนไหวอยู่บนผิวกายให้ความรู้สึกหวามไหวอย่างประหลาด ใช่เพียงแต่จะเสียวซ่าน...แต่ความรู้สึกที่ไม่เคยรู้จักนี้ดูจะลึกล้ำกว่านั้น
ริมฝีปากร้อนที่ระเรื่อยไปตามผิวเนื้ออ่อนบางราวกับเหล็กเผาไฟร้อนแดงที่ขบแนบตีตราความเป็นเจ้าของไปทั่วร่าง ลมหายใจอุ่นร้อนที่เป่ารดก็ราวกับเปลวเพลิงที่แผดเผาความรู้สึกสำนึกชั่วดีใด ๆ ให้มอดไหม้ไปสิ้น ยูยะได้แต่บิดกายไปมาและส่งเสียงครางเครือด้วยความหวั่นไหวในห้วงอารมณ์
จนเมื่อถูกครอบครองร่างแห่งอารมณ์ไว้ด้วยโพรงปากรุมร้อน หนุ่มน้อยก็หวีดเสียงออกมาเบา ๆ เอวบางเดาะขึ้นรับสัมผัสนั้นอย่างลืมตัว ไอริขบเลียและดูดดุนร่างนั้นราวกับเป็นขนมอันหอมหวาน ลงแรงหนักหน่วงราวกับจะกลืนกินร่างเล็ก ๆ นั้นเข้าไปทั้งตัว เพียงไม่นานนัก ก็ได้ลิ้มรสที่สุดแห่งห้วงอารมณ์ของร่างที่ครอบครองอยู่อย่างเต็มที่
...หวาน...
คำพูดในคืนนั้นของไคผุดขึ้นมาในหัว...ไม่ใช่แค่ลิ้มรสชาติด้วยลิ้นเท่านั้นสินะ หากต้องลิ้มรสด้วยความรู้สึกถึงจะเข้าใจได้ว่าความหอมหวานเช่นนี้เป็นเยี่ยงไร แม้จะผ่านใครต่อใครมามาก แต่ไอริก็เพิ่งจะได้เข้าใจเอาตอนนี้
หอมหวานเสียจนแทบมึนเมา...ไอริไม่สามารถหยุดตัวเองได้อีกแล้วจริง ๆ ทั้งที่รู้อยู่ว่ายูยะเพิ่งจะถึงจุดสุดยอดไปเมื่อครู่ หากชายหนุ่มก็ไล้เลียนิ้วของตัวเองจนเปียกชุ่มแล้วแตะมันลงไปที่ช่องทางเร้นลับ
ยูยะสะดุ้งผวาขึ้นทั้งร่าง ปลายนิ้วกร้านของผู้เป็นพี่ชายค่อย ๆ กดขยี้และบดคลึงบังคับให้กลีบดอกที่หุบแน่นของดอกตูมที่ยังไม่แย้มบานให้คลี่ออก ก่อนจะดุนดันจนมันผลุบหายเข้าไปภายใน หนุ่มน้อยหวีดร้องขึ้นมาในวินาทีนั้น มันไม่ได้เจ็บปวด หากซ่านเสียวเสียจนทนแทบไม่ได้
-
ตลอดเวลานั้น...ไคได้แต่เฝ้ามองทั้งสองอยู่เงียบ ๆ ภาพของไอริที่กำลังก้าวข้ามเส้นแบ่งเขตแดนศีลธรรมในหัวใจของตนนั้น ทำให้เขาไม่อาจละสายตาได้...ราวกับเทวดาที่ย้อมปีกของตนเป็นสีดำสนิทและค่อย ๆ จมดิ่งลงสู่ขุมนรก...หากสีหน้านั้นช่างเปี่ยมสุข
ไอริไม่เคยมีสีหน้าแบบนี้เลยตลอดเวลาที่อยู่กับเขา ไม่ว่าจะได้สัมผัสกันสักกี่ครั้ง แนบชิดกันสักกี่หน ก็ราวกับว่าไอริได้แต่มองไปยังที่ไกลแสนไกลและมีความสุขกับภาพฝันที่ไม่มีวันสัมผัสได้ ไม่ใช่มีความสุขกับเขาที่อยู่ตรงหน้า...แต่ในตอนนี้ ภาพฝันนั้นได้กลายเป็นความจริงและมาอยู่ในมือนั้นแล้ว...รอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความปรารถนาและความพึงใจในของขวัญต้องห้ามของไอริช่างแสนหวาน ไครู้ว่าคนรักของเขาเป็นคนสวย เครื่องหน้าของไอริสวยกว่าผู้หญิงบางคนเสียอีก...แต่ในตอนนี้...ณ วินาทีที่ไอริได้สัมผัสยูยะนั้น ใบหน้านั้นช่างงดงามอย่างประหลาดและเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกเร้นลับบางอย่างแบบที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
ตากล้องหนุ่มคว้ากล้องถ่ายรูปที่วางอยู่ข้างตัวขึ้นมาเก็บภาพตรงหน้า ยิ่งมองผ่านเลนส์กล้อง...ก็ยิ่งสวย...ไม่ใช่แค่ไอริเท่านั้น แต่หนุ่มน้อยที่ถูกครอบครองไว้ในอ้อมกอดก็งดงามไม่แพ้กัน
ความไม่ประสาของวัยเยาว์ทำให้แสดงความรู้สึกออกมาอย่างไร้จริต แม้ยูยะจะโตเป็นวัยรุ่นที่รู้ความแล้ว แต่นี่คือรสสัมผัสที่แท้จริงที่เจ้าตัวไม่เคยรู้จักมาก่อน รู้ทั้งรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพี่ชาย...แต่ด้วยความอยากรู้อยากลองแห่งวัยคะนองผลักดันให้ทุกอย่างดำเนินมาจนถึงจุดนี้ ทั้งที่หลบสายตาเขินสะเทิ้นอายเช่นนั้นแต่ก็ยังขยับกายเข้าหาทุกสัมผัสอย่างเรียกร้อง...กลัวทั้งกลัว แต่ก็ต้องการจะเรียนรู้ให้มากกว่านั้น
ทั้งที่เป็นพี่น้องกัน แต่ความงามของทั้งคู่ช่างแตกต่าง...ไอริกับเรือนผมสีดำยาวนั้นให้ความเป็นเอเซียแท้ ๆ ผิดกับยูยะที่มีเชื้อสายยุโรปผสมอยู่หนึ่งในสี่...ในชั่วขณะที่ความงามอันแตกต่างนี้กำลังจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน...ไครู้สึกราวกับว่าภาพตรงหน้านี้ไม่ใช่ความจริง
สุดจะห้ามแล้ว...อดทนต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว...ไอริรู้สึกราวกับอะไรบางอย่างในสมองขาดผึง เขาไม่อาจสะกดกลั้นความต้องการของตัวเองไปได้มากกว่านี้อีกแล้ว ชายหนุ่มถอนนิ้วออกจากร่างที่ครอบครองอยู่ จรดร่างแห่งความปรารถนาของตนเข้ากับช่องทางเร้นลับที่ไม่เคยมีใครได้ล่วงล้ำมาก่อนแล้วกดกายเข้าไปทันที
“อ๊า!!!!”
ยูยะกรีดร้องออกมาสุดเสียง ยกสองมือขึ้นผลักผู้เป็นพี่ชายออกห่างด้วยความเจ็บปวดอันยากจะทนทาน แต่ไอริคว้ามือนั้นไว้แล้วกดลงกับพื้น ขยับกายแทรกเข้าไปอย่างไม่ยอมหยุดยั้งหรือผ่อนปรนให้ ในหัวมันขาวโพลนไปหมด ไม่เห็น ไม่ได้ยินและไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว รู้เพียงความอ่อนนุ่มที่โอบรัดเขาไว้แน่นนี้ให้ความสุขสมเสียจนแทบจะทะลักทลาย
ต้องมากกว่านี้...ลึกเข้าไปมากกว่านี้...ต้องครอบครองร่างนี้เอาไว้ทั้งหมด...
แต่ในตอนที่รู้สึกแบบนั้น ทั้งร่างก็ถูกกระชากออกมา และเรียวปากร้อนของใครบางคนกดแนบลงมาบนริมฝีปาก สอดปลายลิ้นเข้ามากระหวัดพัวพันกับลิ้นของเขาอย่างเร่งเร้าดุดัน ลมหายใจของไอริสะดุดขาดห้วง ฟันเรียบของใครคนนั้นขบเข้าที่ริมฝีปากของเขาหนัก ๆ จนสะดุ้งผวา แล้วความเร่าร้อนนั้นก็ผละห่างออกไป
“ไอริ...ได้ยินมั้ย?”
เสียงห้าวทุ้มนั้นราวกับดังมาจากที่ไกลแสนไกล เสียงนั้นเรียกชื่อของเขาซ้ำอีก ไอริจึงได้กระพริบตาถี่ ๆ และพบว่าไคอยู่ตรงหน้า
“...ไค...?”
“ทำบ้าอะไรแบบนั้น น้องร้องไห้แล้วนะ เห็นมั้ย?”
...น้อง...
ดวงตากลมโตเหลือบมองร่างของยูยะที่นอนสะอื้นอยู่บนพื้น ซอกขาขาวมีคราบเลือดเปรอะเปื้อนอยู่ให้เห็น...ไอริเบิกตากว้าง...เมื่อกี้เขาทำอะไรลงไป มันเกิดอะไรขึ้น เขาทำร้ายยูยะอย่างงั้นเหรอ...
“ยู!!” ชายหนุ่มรีบคว้าร่างนั้นมากอดไว้แน่น “ยู...ขอโทษ...พี่ขอโทษ...”
ยูยะขยุ้มเสื้อของผู้เป็นพี่ชายไว้แน่น สะอื้นบอกด้วยเสียงสั่นพร่า “เจ็บ...เจ็บด้วย...”
“ขอโทษ...” ไอริกระซิบปลอบด้วยน้ำเสียงที่สั่นไม่แพ้กัน “ขอโทษ พี่ไม่ได้ตั้งใจจะให้มันเป็นแบบนี้...พี่...พี่...ขอโทษ...ขอโทษนะ...”
ยูยะรู้สึกได้ว่าร่างที่กอดเขาไว้สั่นสะท้าน ลมหายใจของพี่ชายสะดุดขาดห้วง
“ริทจัง...พี่ร้องไห้เหรอ?”
“พี่ขอโทษ...ขอโทษ...” ไอริได้แต่พร่ำบอกอย่างนั้น เขาไม่ได้ตั้งใจ เขาไม่ได้อยากทำร้ายคนที่เขารักที่สุดในชีวิต...แต่เขาต้องการยูยะมากเกินไป...มากเสียจนสูญเสียการควบคุมตัวเอง
เรียวแขนบอบบางยกขึ้นโอบกอดผู้เป็นพี่ชายไว้แน่น
“ริทจัง อย่าร้องไห้นะ...ผมไม่เป็นไร...ผมก็รักพี่นะ แต่...ไม่คิดว่าจะเจ็บขนาดนี้”
“ทำแบบนั้นมันก็ต้องเจ็บแน่หละ”
เป็นไคที่ขัดขึ้นมา เมื่อกี้เขาเห็นท่าไม่ดีแล้วถึงได้เข้ามาขวางไอริเอาไว้ เขารู้ว่าเขายุยงไอริมาตลอด แต่ไม่คิดว่าพอถึงเวลาจริงแล้วไอริจะถึงกับหน้ามืดไม่ฟังอะไรเลยแบบนั้น แต่ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว...ก็ช่วยให้ถึงที่สุดแล้วกัน
“เอ้า นี่” ไคโยนหลอดเจลหล่อลื่นเล็ก ๆ ที่ควานออกมาจากกระเป๋ากล้องให้ไอริ “ใช้นี่ซะ ยูคุงยังไม่เคย แค่ที่ทำเมื่อกี้น่ะไม่พอหรอก”
ไอรินิ่งอึ้งไป...นี่คนรักของเขามีของพรรค์นี้ติดตัวอยู่เสมอหรือไงเนี่ย...ว่าแต่ เมื่อกี้นี้...ต่อหน้าไค...ชายหนุ่มคว้าตัวน้องชายมากอดไว้แน่นกว่าเดิมอย่างหวงแหน
“ออกไปเลยนะ” ไอริแหวเข้าให้
“อ้อ...ทีแบบนี้มาไล่ ไปก็ได้...แล้วคราวนี้ระวังหน่อยล่ะ ค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปนะ เดี๋ยวจะกลายเป็นรังแกน้องเข้า”
“หุบปากแล้วออกไปได้แล้ว”
“ครับ...ครับ”
ร่างสูงลุกขึ้น แต่ไม่ได้ออกจากห้องไปไหน หากแต่เข้าไปในส่วนที่เป็นห้องนอนของไอริแล้วปิดประตูปังใหญ่ ตามมาด้วยเสียงโทรทัศน์ดังสนั่น
ไอริถอนใจเฮือกแล้วก้มลงมองหน้าน้องชายที่นั่งทำตาปริบ ๆ อยู่ในอ้อมกอด มือเรียวลูบเรือนผมสีน้ำตาลนุ่มมือเบา ๆ
“ยู...ขอพี่แก้ตัวได้มั้ย?”
หนุ่มน้อยเงยหน้าขึ้นมองพี่ชายแล้วก็รีบหลบตา...แววตาที่ไอริมองมานั้นอ่อนโยนเกินไป ไม่ต้องมองแบบนั้นก็ได้นี่นา...
“...ผม...ผมก็รักริทจังนะ...ริทจังเข้มแข็ง ทำอะไรได้ด้วยตัวเองทุกอย่าง...เป็นนายแบบ...เป็นอะไรทุกอย่างที่ผมภูมิใจ...ผมรักริทจังนะ แต่...แบบนี้...มันผิดหรือเปล่า?”
ใช่...นั่นเป็นคำถามที่น่ากลัวทีเดียว และเป็นคำถามเดียวกันกับที่ไอริถามตัวเองมาตลอดจนถึงวันนี้
“ไม่รู้...พี่รู้แต่ว่าพี่รักยู และจะไม่ยอมปล่อยมือจากยูอีกแล้ว”
นั่นคือคำตอบที่เขาให้กับตัวเอง ณ ตอนนี้...อย่างไม่ลังเลอีกต่อไปแล้ว
โดยไม่รอคำตอบใด ๆ อีก ไอริแนบริมฝีปากของตนเข้ากับเรียวปากบางเบา ๆ ก่อนจะค่อย ๆ กดแนบเข้าหา...และเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง...
ด้วยมือที่ช่ำชองในเชิงกาม ทำให้ห้วงอารมณ์ลี้ลับของยูยะถูกกระตุ้นขึ้นมาอีกครั้งได้ไม่ยากนัก เจลหล่อลื่นถูกนำมาช่วยขยับขยายช่องทางที่แม้จะยังเจ็บปวดจากบาดแผลที่ได้รับเมื่อครู่ แต่เมื่อเจ้าของร่างยอมเปิดกายรับ ความเจ็บปวดก็ถูกขจัดหายไปในที่สุด และถูกแทนที่ด้วยความซ่านเสียวเสียยิ่งกว่าที่ได้รับในครั้งแรกเสียอีก...เรื่องแบบนี้มันจะถูกต้องหรือไม่ ยูยะไม่รู้อะไรอีกแล้ว เขารู้แต่เพียงว่าสิ่งที่ไอริทำให้นั้นมันสุดยอดเหลือเกิน และหนุ่มน้อยก็อยากจะรู้ให้มากกว่านั้น
เมื่อแน่ใจว่าได้จัดการร่างกายของยูยะให้พร้อมดีแล้ว ไอริก็ถอนนิ้วออกและชโลมเจลลงบนแก่นกายของตน ก่อนจะจับมันจรดเข้ากับร่างของยูยะ พลันก็รู้สึกได้ถึงอาการเกร็งของผู้เป็นน้องชาย ชายหนุ่มก้มลงไปจูบเบา ๆ ที่ข้างแก้มและกระซิบปลอบ
“ไม่เป็นไรนะ...ไม่ต้องกลัว คราวนี้พี่จะค่อย ๆ ทำ”
“อะ...อื้อ...” แม้จะรู้ว่าใจของตัวรู้สึกกลัวความเจ็บปวดที่อาจจะเกิดขึ้นมากแค่ไหน แต่ยูยะก็ไม่ได้ปฏิเสธผู้เป็นพี่
หากทันทีที่ร่างนั้นล่วงล้ำเข้ามา ยูยะก็สะดุ้งขึ้นทั้งตัว กรีดร้องออกมาอย่างสุดระงับ...ความเจ็บปวดที่ได้รับไม่ได้น้อยไปกว่าครั้งก่อนเลย เจลหล่อลื่นเพียงแต่ช่วยให้ไอริแทรกกายเข้ามาได้สะดวกขึ้นเท่านั้น
พอได้ยินเสียงร้องด้วยความรวดร้าวของผู้เป็นที่รัก ไอริก็ชะงักการกระทำ...นี่เขาทำร้ายยูยะอีกแล้วสินะ...บางที...ยูยะอาจจะยังเด็กเกินกว่าจะรับเรื่องแบบนี้ได้
“ยู...หยุดมั้ย...” ถามออกไปเพราะไม่อยากเห็นยูยะต้องทรมานมากไปกว่านี้
หากยูยะส่ายหน้าทั้งน้ำตา และคำตอบที่เอ่ยออกมาทำเอาไอริถึงกับอึ้ง
“ไม่...ริทจัง...ทำเถอะ ทำแบบที่พี่อยากทำ...เผื่อยังไง...ครั้งหน้า...จะได้ไม่เจ็บอีก”
ร้ายกาจเกินไปแล้ว...ยูยะ...เล่นมาพูดแบบนี้ ในเวลาแบบนี้ ด้วยสีหน้าแบบนี้...ใครหน้าไหนมันจะทนต่อไปได้...และไอริก็ไม่ทน
ชายหนุ่มก้มลงไปประกบริมฝีปากบดจูบร่างบางที่ครอบครองอยู่แนบแน่นแล้วเสือกกายเข้าไปในครั้งเดียว ยูยะกระตุกเกร็งขึ้นทั้งตัวและกรีดเสียงอยู่ในลำคอด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส
หากเพียงแค่ไม่นานเท่านั้น ความเจ็บปวดที่คิดว่าจะตายเสียให้ได้ก็ค่อย ๆ บรรเทาลง และเมื่อไอริเริ่มขยับกายเคลื่อนไหว คลื่นความรู้สึกบางอย่างก็แผ่ซ่านจากจุดนั้นไปจรดปลายนิ้ว...ราวกับคลื่นทะเลที่ซัดเข้ากระแทกโขดหิน กระชากอารมณ์ให้โยกคลอนและสั่นไหวอยู่ตลอดเวลา ด้วยความรู้สึกที่ราวกับลอยคว้างอยู่กลางทะเลที่มีพายุโหมกระหน่ำ ยูยะโอบกอดร่างของผู้เป็นพี่ชายไว้เป็นหลักยึด ปล่อยตัวเองไปตามคลื่นอารมณ์นั้นสุดแต่ว่าไอริจะนำพาไปทางไหน
ช่างเป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาด ทั้งที่ทรมานราวกับร่างกายกำลังจะถูกบดขยี้เป็นผุยผงด้วยด้วยความปรารถนาที่รุนแรงและดุดันของผู้เป็นพี่ แต่ในส่วนลึกของหัวใจกลับรู้สึกอิ่มเอมเหมือนกับว่าช่องว่างบางอย่างในหัวใจได้ถูกเติมเต็มด้วยห้วงปรารถนานี้
ถูกละ...ยูยะรักไอริ...รักและชื่นชมพี่ชายคนนี้มาตลอด ไอริเป็นคนเก่ง สามารถยืนหยัดอยู่ด้วยตัวเองมาตลอด ยูยะรู้ดีว่าพ่อของเขาไม่ค่อยนำพาไอริเท่าไรนัก ค่าที่ว่าเป็นลูกติดของแม่ และยังถูกทางบ้านของพ่อแท้ ๆ ขอร้องให้ใช้นามสกุลไอดะเสียอีก สำหรับพ่อของเขาแล้ว ไอริเหมือนเป็นคนอื่นที่เพียงแค่อาศัยอยู่ในบ้านเท่านั้น...แต่สำหรับยูยะมันไม่ใช่ ไอริคือพี่ชายคนเดียวของเขา พี่ชายที่คอยดูแลเขามาตลอด พี่ชายที่คอยจูงมือไปไหนมาไหน พี่ชายที่อยู่เคียงข้างเสมอไม่ว่าเมื่อไร...และทั้งที่เป็นอย่างนั้น อยู่มาวันหนึ่งไอริกลับตัดสินใจออกจากบ้านไป ทิ้งเขาเอาไว้คนเดียว ไม่ว่าจะถามกี่ครั้งก็ไม่เคยมีคำตอบกลับมา...แต่ไอริที่ออกจากบ้านไปนั้น กลับทำให้ยูยะภาคภูมิใจยิ่งขึ้นไปอีก พี่ชายของเขาทำงานเลี้ยงตัวเอง พี่ชายของเขาเป็นนายแบบ แม้จะไม่มีชื่อเสียงอะไรมากมายนัก แต่ไอริเป็นคนสวย...เรือนผมสีดำยาวและรูปหน้าที่สวยหมดจดทำให้ใครต่อใครฉงนสงสัยและหลงใหลได้ปลื้ม นายแบบที่มีความเป็นหญิงและชายในคนเดียวกันอย่างยากจะมีใครเหมือน...และยูยะก็หลงใหลในตัวพี่ชายที่เป็นแบบนั้น
และวันนี้...ยูยะก็เพิ่งได้รู้สึกสาเหตุที่ไอริออกจากบ้านมา...ไอริรักเขา รักมากเสียจนอยู่ใกล้ไม่ได้...รักมากเสียจนต้องการทั้งหมดที่เขาเป็น...ไอริที่เขาหลงใหลคนนั้นต้องการเขา
เพราะแบบนี้ยูยะจึงยอมให้ทุกอย่างที่ไอริต้องการ และรับความรักทั้งหมดของไอริมาเป็นของตน
แม้ร่างกายจะเจ็บปวด แต่หัวใจจึงอิ่มเอม...ความรักและความต้องการที่มีต่อกันและกัน ได้รับการตอบสนองแล้ว...
“...ยู...อา...พี่รัก...ยูนะ...พี่รักยู...”
“อือ...ผมก็...รักริทจัง...อึ๊...อ๊า...”
แล้วความปรารถนาอันร้อนแรงก็ถูกเติมเต็มเข้าไปในร่างของยูยะ หนุ่มน้อยรู้สึกเหมือนโลกทั้งโลกหมุนคว้าง...ราวกับทะยานขึ้นสูงและร่วงหล่นลงมาในพริบตาเดียว...รู้สึกได้เพียงแต่อ้อมแขนอุ่นที่โอบกอดความรักของเขาไว้ไม่ให้พลัดหลงไปไหนอีกแล้ว...
ดีเหลือเกิน...ที่ร่างอันอ่อนระทวยที่นอนทอดกายอยู่ตรงหน้านี้ไม่ใช่ความฝัน ไอริได้ครอบครองยูยะไปแล้ว ได้ถ่ายทอดทุกความรักและรับเอาทุกความรู้สึกของยูยะมาแล้ว...ความฝันของเขาเป็นจริงแล้ว
ไอริลูบไล้เรือนผมสีน้ำตาลนุ่มมือของผู้เป็นน้องอย่างแสนรัก จูบซับหยาดน้ำตาที่คลอรื้นดวงตาสีอ่อนที่ปรอยปรืออย่างล้าแรงเบา ๆ ก่อนจะค่อย ๆ ถอนกายออกช้า ๆ ร่างบางสะอุ้งน้อย ๆ รู้สึกราวกับสูญเสียบางส่วนของตัวเองไป
“ริทจัง...” มือเล็กเผลอเอื้อมไขว่คว้าคนตรงหน้า
“พี่อยู่นี่ ยู...” ไอริจับมือนั้นมาแนบแก้ม
ยูยะมองพี่ชายเหมือนจะให้แน่ใจอีกครั้ง ก่อนจะยิ้มน้อย ๆ แล้วพริ้มตาลง ทั้งเจ็บทั้งเหนื่อยแต่กลับรู้สึกดีเกินจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ มือของไอริที่ลูบไล้เบา ๆ ราวกับจะปลอบโยนนั้นอบอุ่นเหมือนที่เคยเป็นมา หากมีความรู้สึกบางอย่างที่เพิ่มขึ้น ความรู้สึกลึกล้ำที่ไอริไม่เคยแสดงออกมาก่อน...รัก...
“เอาละ เข้าใจกันก็ดีแล้ว ถึงคิวของฉันหรือยัง?” เสียงห้าวต่ำดังขึ้นข้างหลังทำให้ไอริหันขวับไปดู
และโดยไม่ทันตั้งตัวไอริก็ถูกแขนแกร่งรั้งเข้าสู่อ้อมกอด ริมฝีปากอุ่นร้อนกดแนบลงบนเรียวปากอิ่มอย่างหนักหน่วง มือหยาบใหญ่ลูบไล้ไปตามเรือนร่างของนายแบบหนุ่มอย่างรวดเร็ว ไอริดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขนนั้น ในที่สุดก็หลุดมาได้
“ไค!! ทำบ้าอะไรของนาย!?”
“ทำอะไร...? ก็จะกอดนายน่ะสิ” ไคพูดทั้งยังกอดเอวบางไว้หลวม ๆ มือซนไล้เบา ๆ ไปบนสะโพกเปลือยเปล่า
“กอดบ้าอะไร! ปล่อยฉันนะ...ไค!!” ทั้งที่พยายามผลักไสให้ออกห่าง แต่ดูเหมือนจะไม่มีผลอะไรกับคนรักที่มักจะเอาแรงถึกมาใช้ในเวลาแบบนี้เลย
“ปล่อยไม่ได้แล้วละ ฉันทนมาตั้งนานแล้วนะ เห็นแบบนั้นอยู่ตรงหน้าเนี่ย...มันเกินจะกลั้นจริง ๆ...” พูดพลางก็พรมจูบไปตามใบหน้าและแผ่นอกของไอริ
“เห็นอะไร...ไค!...ปล่อยฉัน อย่าจับตรงนั้นนะ!!” พอหยุดตรงนั้นก็โดนจูบตรงนี้ พอหยุดตรงนี้ก็โดนจับตรงโน้น...นี่ไคมันเป็นปลาหมึกหรือไง
“ก็เห็นนาย...กับยูยะ...แบบนี้ไง” ไคหันไปหยิบภาพโพลาลอยด์ที่ถ่ายไว้โดยพรึ่บลงตรงหน้า
ไอริเบิกตากว้าง...นี่...ที่เขาทำกับยูยะเมื่อกี้นี้...ไคถ่ายไว้ทั้งหมดงั้นหรือ!?
“เห็นมั้ยล่ะ...สวยขนาดนี้ ทั้งพี่ทั้งน้อง...ฉันทนได้ขนาดนี้ก็สุดยอดแล้วนะ” ไคกระซิบแล้วขบเบา ๆ ที่ใบหูนุ่ม เบียดส่วนกลางกายเข้าหาสะโพกมน “รู้สึกใช่มั้ย?...ยังจะให้ฉันทนต่ออีกเหรอ”
ไอริหน้าแดงซ่าน แน่นอน...เขารู้สึกได้...ร่างที่แข็งอย่างกับท่อนไม่ที่เสียดสีอยู่ที่สะโพกนั้นบอกชัดว่าไคมีความต้องการมากจนทนไม่ได้อีกแล้ว เพราะดูเขากับยูยะถึงเป็นแบบนี้ก็พอจะเข้าใจ แต่...ถึงขนาดถ่ายรูปไว้นี่มัน...
“ไค...รูปพวกนี้ ถ่ายไว้ทำบ้าอะไร!?” ไอริแหวเอาแล้วหันขวับไปอย่างเอาเรื่อง
แต่นั่นเข้าทางไคพอดี ตากล้องหนุ่มปล้ำจูบร่างในอ้อมแขนได้อีกครั้ง คราวนี้ไม่เพียงแต่รุกรานหรือเรียกร้อง หากค่อย ๆ ตะล่อมเล็มลิ้มความหอมหวานและชักจูงให้ไอริคล้อยตามช้า ๆ จนเมื่ออาการขัดขืนหมดลงและลิ้นนุ่มเริ่มตอบสนองจึงถอนริมฝีปากออก
“ถ่ายเอาไว้ เพราะมันสวยมากยังไงล่ะ” เสียงทุ้มลอดออกมาจากริมฝีปากที่ยังเคล้าคลออยู่ที่ข้างแก้ม “ฉันก็เป็นแบบนี้ ชอบเก็บของสวย ๆ ไว้ในภาพถ่าย เหมือนที่ถ่ายรูปนายไว้ตั้งแต่เจอกันครั้งแรกไงล่ะ...สวยจนไม่อยากละสายตา สวยจนอยากเก็บไว้ดูนาน ๆ...”
“ไม่ต้องทำเป็นพูดดีเลย เจ้าคนลามก”
“ไม่ได้ลามกนะ แต่คนเราจะสวยที่สุดตอนมีเซ็กส์ ไม่รู้เหรอ” ไม่เพียงแต่ริมฝีปากที่พรมจูบไปทั่ว สองมือยังลูบไล้และคลึงเคล้นกระตุ้นจุดไวสัมผัสอย่างยั่วเย้า
“ไม่...หยุดนะ ไค...ยูดูอยู่...” แม้ปากจะพูดอย่างนั้น แต่ด้วยความที่เพิ่งจะถึงจุดสุดยอดไปเมื่อครู่ ประสาททั้งร่างเลยยังตื่นตัวเต็มที่ ทำให้ร่างกายเริ่มตอบสนองการกระทำของไคเสียแล้ว
“ดูอยู่ก็ดีสิ ยูยะจะได้รู้ไง ว่าพี่ชายของเขายอดเยี่ยมแค่ไหน...ไอ้ที่เห็นในนิตยสารน่ะมันเด็ก ๆ”
และโดยไม่พูดอะไรให้ยืดยาดมากไปกว่านั้น ไคจัดการกระตุ้นความต้องการของไอริขึ้นอีกครั้ง ซึ่งก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรด้วยร่างกายของไอริพร้อมจะสนองอยู่แล้ว แต่ดวงตาปรอยปรือของยูยะที่จับจ้องมาทำให้ไอริออกอาการขัดขืนไม่น้อย
หากสุดท้าย ไคก็แทรกกายเข้าไปจนได้
“อึก...อ๊า...” นายแบบหนุ่มส่งเสียงครางหวาน ทบท่าวลงคร่อมร่างของผู้เป็นน้องแล้วยกสะโพกขึ้นรับการรุกรานของไค ห้วงอารมณ์ที่ปั่นป่วนทำเอาสติกระเจิดกระเจิงจนลืมทุกอย่างไปเสียสิ้น
หนุ่มน้อยที่ยังนอนทอดร่างอย่างไร้เรี่ยวแรงมองภาพตรงหน้าแล้วก็ใจสั่น ใช่อย่างที่ไคพูด...ไอริของเขาสวยเหลือเกิน ใบหน้าหวานราวกับผู้หญิงแดงระเรื่อและเปี่ยมด้วยห้วงอารมณ์ลี้ลับ สวยยิ่งกว่าที่เคยเห็นภาพจากการถ่ายแบบ...และยิ่งกว่าพวกผู้หญิงที่เขาเคยเห็นในหนังพรรค์อย่างว่า อาจเพราะนี่คือสีหน้าและอารมณ์ที่เกิดจากความรู้สึกแท้ ๆ มิใช่การเสแสร้งแต่งปั้น...หรืออาจเพราะไอริเป็นผู้ชาย
ความรู้สึกของทั้งสองเพศในคนเดียวกันทำให้เกิดบรรยากาศอันแปลกประหลาด ซึ่งยูยะก็คุ้นเคยกับความบรรยากาศเช่นนี้ของพี่ชายดี แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นไอริอยู่ในห้วงอารมณ์พิศวาสและปลดปล่อยเสน่ห์ทางเพศออกมาเต็มที่อย่างนี้...เมื่อกี้เขาไม่ได้สังเกต อาจเพราะมัวแต่ปล่อยตัวเองไปตามที่ไอริชักพาไป หรืออาจเพราะคู่ของไอริตอนนี้เป็น...ไค
ลักษณะความแข็งแกร่งและความเป็นชายแท้ ๆ ของไคยิ่งขับให้ความสวยหวานของไอริให้โดดเด่นขึ้น ทั้งยังสามารถทำให้ไอริที่มักจะเยือกเย็นราวกับน้ำแข็งหลอมละลายลงได้ด้วยเพลิงราคะอันเร่าร้อน
ราวกับเห็นภาพฝัน... ดีแล้วที่เป็นไอริ...ดีแล้วที่เป็นไค เพราะเขารักสองคนนี้มากเหลือเกิน
ยูยะคลี่ยิ้มกับตัวเองแล้วหลับตาลง ก่อนจะผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อนในนาทีนั้นเอง...
แสงแดดยามเช้าลอดผ่านม่านหน้าต่างเข้ามากระทบลงบนเรือนผมสีน้ำตาลของร่างที่ขดซุกอยู่บนเตียง แสงที่สาดลงมาต้องใบหน้ารบกวนให้ต้องตื่นจากห้วงนิทรา แต่ยังไม่ทันที่หนุ่มน้อยจะลืมตาขึ้น มืออุ่นของใครบางคนก็วางลงบนศีรษะทุยแล้วลูบเบา ๆ
“ยู ตื่นแล้วเหรอ?” เสียงนุ่มคุ้นหูดังขึ้นใกล้ ๆ ตัวทำให้ยูยะค่อย ๆ ปรือตาขึ้นมอง
“ริทจัง...” เอ่ยเรียกชื่อคนตรงหน้าด้วยเสียงงัวเงีย
“เป็นไงบ้าง รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”
“ทำไมถามแบบนั้น...อุ๊บ...” เพียงแค่ขยับตัวเบา ๆ ก็ร้าวระบมไปทั้งสะโพก “อูย...เจ็บ...”
“ก็...ขอโทษนะ” ไอริบอกพลางยิ้มเจื่อน ๆ เขารู้ดีว่าเมื่อคืนเขาโหมแรงไปเต็มที่ ไม่ได้พยายามรั้งตัวเองไว้เลย ที่ยูยะจะเจ็บตัวมันก็ไม่แปลกหรอก
“...ริทจัง”
“หือม์?”
“เมื่อคืน...ผมไม่ได้ฝันไปใช่มั้ย?” ทั้งเรื่องระหว่างเขากับไอริ...และเรื่องระหว่างไอริกับไคด้วย
“...ไม่ได้ฝันหรอก ยูเป็นของพี่แล้วจริง ๆ” ไอริยิ้มบาง ๆ อย่างเปี่ยมสุขและอ่อนโยน “แล้วก็...เมื่อคืนพี่มีของที่จะให้ แต่ลืมให้”
“อะไรเหรอ?” แน่นอนว่าต้องเป็นของขวัญวันเกิดแน่...แต่อะไรล่ะ?
ไอริจับมือเล็กของผู้เป็นน้องขึ้นมากุมไว้แล้วบรรจงสวมแหวนเงินที่ตนเลือกมาเข้ากับนิ้วหัวแม่มือของยูยะ
“สุขสันต์วันเกิด ยูยะของพี่”
ยูยะมองแหวนในมือแล้วทำตาโต
“โห...สวยจัง นี่ริทจังซื้อให้ผมเหรอ?”
“ใช่...ตั้งใจเลือกเพื่อนายเลยละ” ไอริยิ้ม...ยูยะอาจจะไม่เข้าใจความหมายของลวดลายบนแหวนนั้น แต่อย่างน้อย เขาก็ได้มอบทุกความรู้สึกให้ยูยะไปแล้ว และยูยะก็เข้าใจความรู้สึกนั้น...มันดียิ่งกว่าอะไรทั้งสิ้น
“สวย...ชอบจัง” ยูยะลูบ ๆ คลำ ๆ แหวนวงนั้นอย่างตื่นเต้นยินดี แล้วก็ชะงัก “ว่าแต่...ทำไมเป็นนิ้วโป้งล่ะ?”
“นิ้วโป้งแล้วไงล่ะ?”
“ก็...แหวน...ที่ริทจังให้ผม...ก็น่าจะ...นิ้วนางไม่ใช่เหรอ?”
ไอรินิ่งอึ้งไปชั่วอึดใจ...ยูยะไม่รู้ความหมายของลวดลายบนแหวน แต่ไม่ใช่ไม่รู้ความหมายของแหวนวงนั้น...ใช่ นี่คือแหวนที่เขาจะใช้ผูกพันยูยะไปตลอดกาล มันควรจะอยู่ที่นิ้วนาง
มืออุ่นลูบลงบนเรือนผมนุ่มอีกครั้ง
“ไว้นายโตกว่านี้ ก็จะใส่ที่นิ้วนางได้เองแหละ...รอหน่อยแล้วกันนะ”
“อื้ม” ยูยะพยักหน้ารับพลางยิ้มกว้าง พลันก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ “ริทจัง...แล้ว...คุณไค...”
“ไค?...ทำไมเหรอ?”
“ก็...ผมกับริทจัง...แล้วคุณไคล่ะ...?”
“ฉันก็เป็นคนรักของไอริน่ะสิ” เสียงห้าวดังขึ้นหน้าประตูห้องนอน ร่างสูงที่สวมเพียงกางเกงยีนส์ตัวเดียวยืนพิงกรอบประตูอยู่ตรงนั้น “อ้อ...จะพูดให้ถูก ถึงนายจะเป็นของไอริ แต่ไอริก็เป็นของฉันอยู่ดีนั่นแหละ”
“เหอ?” ยูยะเบิกตากว้าง มองหน้าไอริกับไคสลับกันไปมา
ไอริได้แต่ถอนใจ “ไอ้หมาบ้านี่มันไล่ไม่ไปน่ะ ยู...พี่พยายามไล่มันไปแล้วน่ะนะ”
“พูดอะไรแบบนั้น ฉันก็สัญญาแล้วไงว่าจะเป็นหมาที่ดี ไม่แว้งกัดนายและยูยะ” ไคว่า
เมื่อคืนตากล้องหนุ่มถูกไอริเอ่ยตัดสัมพันธ์หลังจากที่ช่วยกันจับยูยะที่หลับไปแล้วอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ที่จริงจะถอยก็ได้หรอก...แต่ถึงขนาดนี้แล้ว เขาที่เป็นคนคอยผลักดันไอริมาตลอด ถึงตอนที่ตัวเองสมหวังแล้วจะมาถีบหัวส่งกันง่าย ๆ เนี่ย มันยอมไม่ได้...ด้วยศักดิ์ศรีของคนรักคนแรกของไอริ มันยอมไม่ได้...ชายหนุ่มก็เลยจัดการเกลี้ยกล่อมนายแบบหนุ่มทั้งด้วยวาจาและร่างกาย เอาจนไอริยอมลงให้จนได้...ใจจริง...ถ้าให้พูดแบบชั่วร้ายที่สุดก็คือ เขาอยากเห็นตอนที่สองพี่น้องคนสวยอยู่ด้วยกันแบบนี้ไปเรื่อย ๆ มันจะเป็นอิริยาบทที่มีเพียงเขาเท่านั้นที่ได้เห็น...เป็นความสวยงามที่เป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น
“ก็ลองแตะต้องยูดูสิ” ไอริหันไปจ้องหน้าไคพร้อมดวงตาเป็นประกายวาบ
“ครับ ๆ...ไม่แตะหรอกครับ จะแตะก็แตะนายคนเดียวเท่านั้นแหละ ก็สัญญาแล้วไง...ไม่แตะ แต่แค่ดูคงไม่เป็นไรใช่มั้ย?”
“อันไหนก็ไม่ได้โว้ย!!” ไอริแหวเข้าให้
“งก...อุตส่าห์ช่วยจนวินาทีสุดท้ายยังมางกอีก” ไคทำเป็นบ่น “บ๊ะ ช่างเหอะ หิวแล้ว มา ยูยะ ฉันจะอาบน้ำให้ ส่วนไอริก็ไปหามื้อเช้าไว้รอซะ มองอะไรล่ะ นายอุ้มยูยะไหวหรือไง ไปหาข้าวไป๊”
โดยไม่รอให้ไอริว่าอะไรได้ ไคก็อุ้มยูยะจากเตียงแล้วรีบเผ่นเข้าห้องน้ำไปทันที ไอริที่ได้แต่อ้าปากค้างอยู่กระทืบเท้าอย่างขัดใจ
ก็เป็นเสียแบบนี้ทุกครั้งสิน่า...ไอ้หมาบ้า...
End of part
-
:o8: :-[
จบแล้วก็จบได้อ้ะค่ะ แต่จะต่ออีกก็ดีนะคะฮะคุโร่ซัง
แบบว่า......ปลื้มทั้งสามตัวละครนี้มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
คุณไคก็เท่ห์ ไอริจังก็เสน่ห์เย้ายวนเกินห้ามใจ แล้วยังน้องยูสุดน่ารักอีก
โอย ใจละลาย
ขอบคุณมากนะคะ :กอด1:
-
แล้วก็จบอย่างมีความสุขแบบแปลกๆเล็กน้อย :m1:
ปลื้มไคที่สุด ใจกว้างดีนะ แต่ยังไงไคก็กำไรสุดอยู่ดี
ยังได้เป็นคนรักของไอริ และก็ได้เห็นความงดงามของไอริกับยูยะเพียงผู้เดียว
โชคดีของไอริที่ยูยะก็รักพี่ชายไม่น้อยเช่นกัน
ขอบคุณมากๆนะคะ
ตอนนี้มีหนังสือของ คุณ Hakuro อยู่ในมือสองเรื่อง Kousoku กับ Come closer
แต่อ่านเรื่องสั้นเรื่องนี้แล้วยิ้มปลี้ม มีความสุข :laugh:
อยากอ่านตอนพิเศษ ถ้ามีหวังนะคะ
บวกอีก 1 แต้ม ขอบคุณมากๆอีกครั้งค่ะ
-
บรรยายได้สวยงามมากครับ
-
น่ารักม๊าก เปงความรักที่แปลกดี สามพี 55
-
แปลกดี
แต่น่ารักเชียว มันไม่ค่อยจะสามพีแฮะ
เป็น...อะไรอ่ะ...ลูกโซ่มั้ง
-
เลือดไหลเลย
-
สมกะที่อ่านจนจบจริงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
-
:m3: ปลื้นไคค๊าาาาา
จริงๆก็น่ารักทั้งสามคนละเนอะ
อยากอ่านต่อจัง จะมีตอนที่สามพีแบบจริงจังไหมเน้อ
:haun4: :haun4:
รออ่าน part ต่อไปนะคะ
-
โหไค เสียชาติเสือว่ะ
เป็นเพ่ จะไม่ให้เหลือทั้งพี่ทั้งน้องเลย คริ คริ
-
--ขอบคุณค่ะ--
น่ารักทั้ง2คู่อ่ะ
เป็นความรักอีกแบบหนึ่งที่น่ารักดีค่ะ...
-
:L1:
-
o13 o13
กรี๊ด เรื่องนี้อ่านแล้วแบบ สุดยอดมากกกกกกกกกกกกกกกกก
-
ไคนี่เป็นคนรักที่เสียสละมากนะ ในเมื่อความรักเป็นเรื่องของคนสองคน
แต่ไคกลับคิดถึงความสุขของไอริมาเป็นอันดับหนึ่ง
ยอมให้คนรักของตัวเองสมหวังกับอีกคน เพื่อจะเห็นเขามีความสุข
แล้วสุดท้ายไคก็ได้ผลตอบแทนของความเสียสละที่คุ้มค่ามาก
ได้คนสวยมาอยู่ในครอบครองทั้งสองคน
คนหนึ่งได้ทั้งกาย ทั้งใจ
ส่วนอีกคนถึงจะได้แค่ภาพกับแตะนิดแตะหน่อย
แต่ก็คุ้มเกินคุ้มแล้วล่ะนะ :impress2:
-
สนุกเว่อร์อ่านเเค่สองบรรทัดรู้เลย ชอบ เเต่แปะไว้ก่อนยังอยากตามเรื่องอื่นๆของคุณนักเขียนต่อ ^^
-
อ่านแล้ว รู้สึกว่าเรื่องนี้...น่ารักจัง...
ไม่รู้เหมือนกันอธิบายไม่ถูก แค่รู้สึกว่ามันซิลๆ ไม่หนักเท่าไหร่
สรุปคือ o13... :bye2:
-
o13 o13 o13 o13 o13
-
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดพี่ไคน่ารักมาก ปลื้มมมม :o12:
อ่านไปนึกว่า2P พอเจอเป็น3P ปุ๊บถึงกับผงะ! :a5:
แต่ไม่เป็นไร :o8: เราก็อ่านต่ออย่างสบายใจเฉิบ 55555+ :laugh:
ขอบคุณมากค่า ไว้จะติดตามอ่านเรื่องต่อไปน๊า :call:
-
ก็ดีนะที่ไครับได้
กลายเป็นชอบไปซะด้วย
เลยไม่มีปัญหา 555
-
ชอบค่ะชอบ :mc4:
-
สนุกมากค่ะ่
ขอบคุณนะคะ
-
Omg how cute Kai !!!!