พิมพ์หน้านี้ - ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: sabishiikant ที่ 21-04-2007 17:25:02

หัวข้อ: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: sabishiikant ที่ 21-04-2007 17:25:02
เอาผลงานของน้องฮิเอะมาลงให้ติดตามกันนะครับ

**************************************************

บทนำ
ทิวไผ่หนุ่มรูปหล่อหน้าคมเข้ม มีลักยิ้มแก้มบุ๋ม เป็นเด็กใหม่เข้ามาเรียน ตอน ม. 6  ต้นข้าว หนุ่มหน้าใส ร่างบาง เจ้าถิ่น นิสัยเอาแต่ใจตัวเอง และเขม่นทิวไผ่ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาเรียนร่วมชั้นกับเขา ทั้งคู่เลยไม่ค่อยจะกินเส้นกัน มีการกระทบกระทั่งกันตลอดมา แต่ดั๊น.... เลือกเอนท์เข้าคณะและมหาวิทยาลัย เดียวกันโดยบังเอิญ ทั้งที่เหม็นขี้หน้ากัน
สายฟ้าหนุ่มน้อยร่างเล็ก นิสัย ค่อนข้างเงียบขรึม เป็นเพื่อนสนิทผู้คอยปรามนิสัยเอาแต่ใจของต้นข้าวมาตลอด สายฟ้าแอบชอบทิวไผ่ตั้งแต่แรกพบ แต่เก็บเงียบไว้เพราะไม่แน่ใจในสถานะของทิวไผ่นัก
พี่น้ำ สายชล เป็นรุ่นพี่ในคณะ ชอบสายฟ้า ....ปานฝัน เพื่อนสาวในคณะ หลงรักทิวไผ่อย่างบ้าคลั่ง

เรื่องราวรักวุ่นๆ จึง บังเกิดขึ้น





หมายเหตุ : นิยายเรื่องนี้เขียนขึ้นมาเพื่อความบันเทิงเท่านั้น มิได้มีเจตนาให้มีผลกระทบพาดพิงถึงสถานที่หรือบุคคลใดทั้งสิ้น / (ฮิเอะ คุราซาว่า)...ผู้เขียน



ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย ? (Mate become True love)
: Hie KunG

อารัมภบท

...........เนิ่นนานทีเดียว แล้วต้นข้าวก็รู้สึกเหมือนกับว่าตนเองกำลังตัวลอย ขึ้นไปในอากาศ เพราะเท้าเขาไม่ได้สัมผัสกับพื้นหญ้าสีเขียวนั่นอีกแล้ว เขาล่องลอยไปอย่างอิสระไร้จุดหมาย เหมือนตัวเองเบาดั่งปุยนุ่นที่ลอยละล่องไปอย่างช้า ๆ ตามกระแสลมอ่อนที่พัดโชยในห้วงเวหา

“สบายจริง ๆ สบายที่สุด ไม่เคยสบายอะไรอย่างนี้มาก่อนเลย” ต้นข้าวพึมพำกับตัวเองเบา ๆ

ทันใดนั้นต้นข้าวก็รู้สึกได้ด้วยสัมผัสว่ามีร่าง ๆ หนึ่ง สอดแทรกเข้ามาทางเบื้องหลัง เขาชั่งดูแข็งแกร่ง และอบอุ่นยิ่งนัก สองมือหนาแกร่งคู่นั้นสอดเข้ามาเกาะกุมที่เอวคอดกิ่วน้อย ๆ ของหนุ่มร่างเพรียวบาง แล้วเลื่อนเข้ามากอดรัดตัวเขาไว้อย่างหลวม ๆ ต้นข้าวรู้สึกว่าตนไม่ได้ล่องลอยอย่างอิสระอีกแล้ว เมื่อถูกตะกองกอดไว้ด้วยท่อนแขนแข็งแรงและกำยำ ด้วยความอบอุ่นที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างนั้นถ่ายทอดเข้าสู่ตัวเขา มันเหมือนกับแม่เหล็กที่มีแรงดึงดูดมหาศาลดูดดึงตัวเขาเอาไว้ ต้นข้าวโน้มตัวพิงอกแกร่ง พร้อมปล่อยน้ำหนักตัวให้ร่างนั้นรองรับไว้ อย่างลืมตัว ลมหายใจอุ่น ๆ เป่ารดใบหูของเขาจนรู้สึกจั๊กจี้และเสียวซ่านอย่างแปลก ๆ

ต้นข้าวลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ ภาพทุ่งหญ้าเขียวชอุ่มก่อนหน้านี้มันหายไปแล้ว แต่กลับกลาย เป็นทุ่งดอกบัวสวรรค์ สีชมพูหวาน ชูช่อสลอน รองรับน้ำค้างและไอหมอกที่ลอยระเรื่อพื้นในยามเช้า แต่ความสดชื่นกลับไม่ได้จากหายไปด้วย กลับยิ่งรู้สึกว่ามันชุ่มชื้นขึ้นไปอีก

“เป็นไงมั่งครับ สุดที่รักของผม”

…………………………………………………………….


หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 21-04-2007 18:20:50
หุหุ เรื่องใหม่  :yeb:  :yeb:
คนแรก เย้  :loveu:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ^*+KYLE+*^ ที่ 21-04-2007 18:29:15
เข้ามาเป็นกำลังใจให้คนโพส

และก็นายฮิจังคนแต่งคับผม

 :110011: :เชิป2: :110011:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Hie_KunG ที่ 21-04-2007 18:42:37


 :yeb:....หวัดดีคับ ฝากเรื่องราวของต้นข้าว ทิวไผ่ สายฟ้า พี่สายชล หนุ่ม ๆ ทั้ง 4 คนไว้ในอ้อมใจของชาว thaiboyslove ทุกคนด้วยนะคับ....

 :monkeysad:....นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกและเรื่องเดียวของผมคับ ซุ่มเขียนมาครึ่งปี ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว แล้วคับ (ตั้งแต่ติดตามให้กำลังใจ พี่โบ กะ พี่อาร์ต อยู่เรยอ่ะ อิอิ) เล่นเอาเลือดตาแทบกระเด็น...  :dont2:

....วันนี้โอกาสดี พี่กานต์ เสนอที่จะนำเรื่องราวกุ๊กกิ๊ก ๆ ของพวกเขามาลงให้แฟน ๆ ที่นี่อ่านกัน ผมต้องขอขอบคุณพี่กานต์เป็นอย่างสูงมา ณ ที่นี้ด้วยนะคับ  :myeye: ต่อไปคงต้องรบกวนพี่กานต์เป็นคนอัพเรื่องราวให้แฟน ๆ ได้อ่านกันแล้วล่ะฮะ....ส่วนผมโพสต์อยู่อีก 2 บอร์ดคับ แล้วก็ยุ่ง ๆ เรื่องเรียนซัมเมอร์อยู่อ่ะ เดี๋ยวว่าง ๆ จะแวะเข้ามาเยี่ยมทุกคนบ่อย ๆ นะคับ....

_______________________________________________________________________

...ขอบคุณกำลังใจ จาก คุณ เชลล์ กะ คุณ ไคล์ มาก ๆ คับ.... :myeye:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 21-04-2007 19:27:28
เป็นกำลังใจให้ทั้งคนแต่ง คนโพสต์ครับ

สู้ๆ  :yeb:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 21-04-2007 20:41:18
ติดตามมาให้กำลังใจครับ
คนโพสน่ารักจัง ไปบีบคอคนเขียนมาป่าว
กร๊าก
 :laugh5:

ตามเรื่องนี้อยู่อ่ะ มันโคตร
 :loveu:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Shumi ที่ 21-04-2007 22:20:03
รอตอนต่อไป ๆ หึ ๆ ๆ วะฮะฮ่า  :laugh3:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: longer_85 ที่ 21-04-2007 22:55:34
ได้เรื่องอ่านตามติดอีกแล้ว


อืมม 


คนเขียนสู้ๆๆ :110011: :เชิป2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 21-04-2007 23:11:22
สู้ๆค๊าบบบบบ

ตามมาให้กำลังใจคนแต่งกะคนโพสต์ :yeb:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 21-04-2007 23:41:16
จะรอติดตามนะคร้าบบบบบบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: sabishiikant ที่ 22-04-2007 06:00:13
ชิส์ ตาเรย์มาหาว่าเราไปบีบคอน้องเขามาอีก
รุ่นนี้ไม่ต้องบีบคอหรอก พูดนิดเดียวน้องเขาก็เคลิ้มแล้ว  :laugh5:

****************************************************************

บทที่ 1 : เพื่อนใหม่

“แม่เกดค้าบ... พ่อนพค้าบ... ต้นไปโรงเรียนก่อนนะครับ หวัดดีครับ”

เสียงอันสดใสเจื้อยแจ้วสำเนียงปนออดอ้อนบุพการีอันเป็นที่รัก ของหนุ่มน้อยหน้าใสวัยสิบเจ็ดปี ดังแว่วมาแต่ในครัว เมื่อต้นข้าวจัดการขนมปังกับนมสด อาหารเช้าที่ มารดาของตนจัดเตรียมไว้ให้ทุกเช้า ลงไปอยู่ในท้องเรียบร้อย

“จ้ะ ลูกต้น มา หม่ามี้หอมแก้มก่อนนะคะ”

เกศสินี หญิงสาววัยเกือบสี่สิบ แต่ยังดูสาวกว่าวัยเพราะเธอเป็นสาวออฟฟิศไม่เคยกรำแดดกรำฝนอะไร  ตอบรับลูกชายสุดที่รักของเธอ พร้อมกับที่ หนุ่มน้อยเอียงแก้มอันเกลี้ยงเกลา บนใบหน้าใส ๆ หล่อเหลานั้น ไปให้มารดาหอมฟอดใหญ่

“เดินทางดี ๆ นะลูก ระวังตัวด้วยล่ะ”

คุณ อรรณพ หนุ่มใหญ่วัยสี่สิบ ต้น ๆ พูดตบท้ายพร้อมกำชับลูกชายของตนให้รักษาตัวดี ๆ ระหว่างทางเดินไปโรงงเรียน ต้นข้าวเป็นบุตรชายหัวแก้วหัวแหวนเพียงคนเดียวของเขากับเกศสินี จึงกลายเป็นที่รักของบุคคลทั้งสองเป็นอย่างมาก  เลยถูกตามใจทุกอย่าง แต่ต้นข้าวก็ไม่เคยสร้างปัญหาเดือดร้อนอะไรใหญ่โตจากการเอาแต่ใจตัวเองเลย แถมยังชั่งจ้อขี้อ้อนอีกต่างหาก

   “ค้าบ พ่อ ต้นไปแล้วนะครับ...”

วันนี้เป็นวันแรกของการเปิดเทอมในภาคการศึกษาแรกของปี หลังจากที่เด็ก ๆ ต้องห่างจากเพื่อน ๆ และสังคมที่ตนคุ้นเคยในโรงเรียนไปเป็นเวลาถึงสอง เดือนเต็ม  ต้นข้าวก็ไม่ต่างไปจากเด็กในวัยเดียวกัน เขาดีใจมากที่โรงเรียนเปิด เพราะจะได้ พบปะ กับเพื่อนฝูง และจะได้เจอกับ สายฟ้า เพื่อนสนิทของเขาที่ไม่ได้เจอกันนาน เพราะสายฟ้าเดินทางไปอยู่อเมริกากับมารดาของตนที่ทำธุรกิจร้านอาหารไทยอยู่ที่ลอสแองเจลิส ระหว่างปิดเทอม
สายฟ้า เป็นเพื่อนสนิทของต้นข้าวมาแต่อยู่ ม.ต้น หนุ่มน้อยผิวขาวตัวเล็ก ๆ น่ารัก ๆ อาศัยอยู่กับตาและยาย สายฟ้าจะคอยเป็นที่ปรึกษาและให้กำลังใจต้นข้าวเวลามีปัญหาเสมอมา คอยห้ามปราม ทัดทานเวลาที่ต้นข้าว วู่วามหุนหันพลันแล่นและเป็นเพื่อนที่จริงใจและดีที่สุดที่ต้นข้าวไว้ใจ

‘ดีล่ะ จะซักเจ้านั่นให้เล่าว่า อเมริกาเป็นไงมั่ง น่าอยู่รึเปล่า คอยดูนะไอ้เพื่อนยาก ไปเมืองนอกทั้งทีไม่มีของฝากเพื่อนฝูงล่ะ น่าดู หึหึ’

ต้นข้าวปรารภกับตัวเองระหว่างนั่งรถเมล์เดินทางไปโรงเรียน

และที่สำคัญ คือ ปีนี้ดูจะเป็นปีที่ภูมิใจเป็นพิเศษสำหรับต้นข้าว เพราะรุ่นเขาเป็นรุ่นพี่ชั้นสูงสุดในโรงเรียน ดูเหมือนเป็นความภาคภูมิใจของเด็กม.ปลายที่ไม่ต้องมีรุ่นพี่มาคอยค้ำหัวพวกเขาอยู่อีกแล้ว

ก้าวย่างแรกที่เท้าแตะพื้นฟุตบาท เมื่อลงจารถเมล์ สายตาเขาจับจ้องเข้าไปในโรงเรียน สถานที่ ที่เขารักและคุ้นเคย เป็นอย่างดี เพราะอยู่มาตั้งแต่เริ่มเข้าชั้น ม.ต้น ต้นข้าวจึงเป็นที่รู้จักจากรุ่นน้องและเป็นที่รักครูอาจารย์เป็นอย่างดี เพราะเขาค่อนข้างเป็นเด็กกิจกรรมช่วยงานโรงเรียนและครูอาจารย์อยู่เสมอ และผลการเรียนอยู่ในเกณฑ์ดี
มันชั่งดูคึกคักไม่น้อยสำหรับการเริ่มต้นเทอมใหม่  เขาเดินจ้ำอ้าวขึ้นสู่ห้องเรียนสายชั้น ม.6 ทันที

‘ดีใจจัง ไม่เจอกันนาน วันนี้เจอหน้าพวกนั้น คงมีไรมาเม้าส์กันมันส์แน่ ๆ’

“เฮ้ ! พวกเราไอ้ต้นมาแล้ว”

เสียงหนึ่งดังขึ้นในกลุ่มเพื่อนชายหญิงที่จับกลุ่มสนทนากันอยู่มุมหนึ่งของห้องเรียนชั้น ม.6/6  ต้นข้าวเดินเข้าไปรวมกลุ่มด้วยในทันที พลางคิดว่า พวกนั้นนินทา อะไรเขาอยู่รึเปล่า  และพบว่า สายฟ้า กำลังเป็น จุดศูนย์กลางของการรวมกลุ่มนั้น ซึ่งต้นข้าวก็พอจะทราบจุดประสงค์เป็นอย่างดี

“หวัดดี”   ต้นข้าวกล่าวทักทายเพื่อน ๆ ทุกคน

“เป็นไง ไอ้เพื่อนยาก แหมกลับมาจากเมกาเนื้อหอมเชียวนะ ดูเป็นฝรั่งดองขึ้นมาเชียว ไปอยู่แค่ สองเดือน น่าไปอยู่มั่งจังเนอะ”

   ต้นข้าวทักทายสายฟ้าเพื่อนสนิทคู่หูของเขาแบบแกมหยิกแกมหยอกและค่อนขอดนิด ๆ พร้อมกับเดินไปตบไหล่เพื่อนเบา ๆ

“โม้อะไรให้พวกนี้ฟังไม่รอกันมั่งเลยน้า ไหนล่ะของฝาก... อ๊ะ ๆ อ๊า อย่าบอกนะว่าไม่มี ไม่งั้นนายโดนรุมยำแน่”

“เออน่า ไม่มีแล้วจะทำไม อยากกระแนะกระแหนดีนัก” สายฟ้าตอบกลับ

“อ้าว พูดงี้เดี๋ยวโดน เบิ๊ดกะโหลกจริง ๆ เลยนี่ ไอ้นี่”

“เฮ่ย ๆ ๆ พูดเล่นน่ะ...เอ้า! เอาไป ทวงอยู่ได้คิดถึงเพื่อนมั่งป่าวเนี่ย รึว่าห่วงแต่ของฝาก”

สายฟ้าโยนหมวกคาวบอยใบเก๋ให้ต้นข้าว พร้อมทั้งพูดแบบน้อยใจนิด ๆ

“ป่าวน้า ห่วงดิ คิดถึงด้วย หายไปซะนานเลยนะ ขอบคุณค้าบบบ สำหรับของฝาก มามะ มาจุ๊บทีดิ”

ต้นข้าวพูดจบทำท่าจะเข้าไปจูจุ๊บสายฟ้าจริง ๆ ท่ามกลางสายตาและเสียงเชียร์ในกลุ่มเพื่อน ๆ

“เฮ่ย อย่า อายเพื่อนมั่งดิ เล่นไรเนี่ย” สายฟ้าหน้าแดง ออกอาการเขินน้อย ๆ แม้ว่าต้นข้าวจะชอบเล่นแบบนี้กับตนบ่อย ๆ จนเป็นที่เคยชินในหมู่เพื่อน ๆไปซะแล้ว

   ต้นข้าว สายฟ้า และเพื่อน ๆ คุยกันอย่างสนุกสนาน ถึงสิ่งที่ทุกคนได้ทำและเจอะเจอมาในระหว่างปิดภาคเรียน โดยเฉพาะสายฟ้า เล่าเรื่องที่ตนเองไปอยู่อเมริกามาอย่างออกรสชาติ เพื่อน ๆ ต่างนั่งตั้งใจฟังกันอย่างหน้าสลอนทำตาปริบ ๆ เหมือนเด็กอนุบาลกำลังนั่งล้อมวงฟังครูเล่านิทานเรื่องหมาป่ากับลูกแกะ ให้ฟังก็ไม่ปาน

‘กริ๊งงง’ เสียงอ็อด บอกเวลา ที่จะต้องเข้าแถวเคารพธงชาติ กรีดร้องดังลั่นทำลายวงสนทนาลงอย่างสิ้นเชิง

“ว้า! กำลังมันส์เลย  ไปเข้าแถวกันเถอะพวกเรา เดี๋ยวอาจารย์มาไล่ แล้วค่อยมาฟังสายฟ้าเล่าต่อกันนะ”

   ต้นข้าวเสนอ แล้วทุกคนก็ทยอยลงไปเข้าแถวกันที่สนามฟุตบอลหน้าอาคารเรียน


……………………………………………………………………………………………………………………..
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 22-04-2007 08:22:13
หุหุ เปิดตัวมาสองคนแล้ว ต้นข้าวกับสายฟ้า
ชื่อเท่ห์เนอะ  :yeb:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: jammy ที่ 22-04-2007 09:08:43
เป็นกำลังใจให้อีกคนนะคับเหอๆ  :give2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ไอ้หัวแห้ว ที่ 22-04-2007 10:26:24
 :laugh3:


แอบมาติดตามด้วยคนครับ

เป็นกำลงใจให้คนเขียนและคนโพสครับ


 :yeb:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 22-04-2007 11:16:41
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: A GE ที่ 22-04-2007 17:05:12
ครับ  มารออ่านด้วยคนครับผม :yeb: :yeb:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: kYos ที่ 22-04-2007 21:28:25
ติดตามด้วยคน  :110011: :เชิป2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: zen_micro_zen ที่ 22-04-2007 21:57:35


มาต่อไว ๆ นะค้าบบบ  :kikkik:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 23-04-2007 00:13:16
ชื่อต้นซะด้วย เอิ๊กๆ

 :really2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 23-04-2007 02:01:11
อ่านะ คนแต่งชื่อคุ้นๆ โมฯจากบอร์ดกูซ่าส์อ่ะจิเนี่ย   :5555:

ชิส์ ตาเรย์มาหาว่าเราไปบีบคอน้องเขามาอีก
รุ่นนี้ไม่ต้องบีบคอหรอก พูดนิดเดียวน้องเขาก็เคลิ้มแล้ว  :laugh5:


พูดไงหรือจ๊ะกานต์น้องเค้าถึงได้เคลิ้มได้อ่ะ รึว่าให้ดูรูปกันแน่จ๊ะ  :kikkik:




ปล. ให้กะลังจายทั้งคนแต่งคนโพสเลยจ้า... :yeb:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: sabishiikant ที่ 23-04-2007 07:38:03
   หลังจากเคารพธงชาติเสร็จ คาบแรก เป็นคาบที่ปรึกษาในการเปิดภาคเรียนใหม่ที่อาจารย์ที่ปรึกษา จะมาพบปะนักเรียนประจำชั้นของคน เพื่อพบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและให้คำปรึกษาตลอดจนการถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ ระหว่างอาจารย์กับศิษย์

อาจารย์นาถวดี หญิงวัยกลางคนเดินเข้ามา พร้อมกับเด็กหนุ่มหน้าตาคมเข้มคนหนึ่ง ในห้องเรียนที่กำลังวุ่นวาย ของเด็กนักเรียนที่ได้ชื่อว่าเป็นพี่ใหญ่ในโรงเรียน  บ้างกำลังจับกลุ่มคุยกันเสียงดัง บ้างวิ่งไล่เตะกันไปมา
นักเรียนหญิง และนักเรียนชายทั้งแท้และเทียมภายในห้องต่างหันไปมองเป็นตาเดียวกัน

“ว้าย นั่นเธอเด็กใหม่เหรอยะ แหมหล่อเชียว”
“หยุดเลยหล่อนชั้นจองแล้วนะ ห้ามยุ่งด้วย”
“อะไรนี่พวกเธอ ของชั้นต่างหากย่ะ”

เสียงซุบซิบกันดังขึ้นเซ็งแซ่ อย่างไม่เกรงใจหญิงวัยกลางคนที่ได้ชื่อว่าเป็นอาจารย์ประจำชั้นที่ยืนหัวโด่อยู่หน้าห้อง หนุ่มหน้าคมเข้มได้แต่ยิ้มแหยะ ๆ หน้าแดงก่ำ อย่างอาย ๆ ที่ตนเองกลายเป็นสาเหตุการสนทนาในลักษณะแย่งชิงกันในเชิงชู้สาวอย่างซึ่ง ๆ หน้า ของบรรดาสาวแท้และสาวเทียมในห้องตั้งแต่ ก้าวแรกที่ย่างกายเข้ามาไปซะแล้ว

‘จะภูมิใจดีมั้ยเนี่ย’ เขาพึมพำในใจ

 “เงียบกันได้แล้วค่ะนักเรียน เอ๊ ! พวกเธอนี่อะไรกัน เล่นกันเป็นเด็ก ๆ เราน่ะ เป็นพี่ใหญ่ที่สุดในโรงเรียนกันแล้วนะ ทำให้เป็นตัวอย่างที่ดี ให้รุ่นน้องยำเกรงกันมั่งสิ แล้วพวกสาว ๆ นี่ด้วยเห็นผู้ชายเป็นไม่ได้ สงบสติอารมณ์เก็บอาการกันมั่งสิ รักษามารยาทงามของหญิงไทยไว้มั่ง อาไร เหนื่อยใจกับเด็กสมัยนี้จริง ๆ เลย ต้องให้ด่าตั้งแต่วันแรกเลยนะ”

“...สวัสดีค่ะ นักเรียน ....แหม เด็กสมัยนี้ ต้องให้ครูสวัสดีก่อนนะ”

“นักเรียนเคารพ” “สวัสดีครับ/ค่ะ อาจารย์”

“ว่าแล้วมั้ยล่ะโดนยายแก่มาบ่นแต่เช้าของวันเปิดเทอมวันแรกเลย”

ต้นข้าวพึมพำ พร้อมกับความไม่ชอบหน้าหมอนั่นขึ้นมาในบัดดล ไม่รู้ว่าเพราะเป็นอะไร แต่ท่าทาง เก๊ก ๆ ของเจ้านั่น มันขวางหูขวางตาเขาเอาเสียมาก ๆ

“เอาน่า ปล่อยแกเถอะ แกแก่แล้ว”

สายฟ้าตอบรอดไรฟันมาอย่างแผ่วเบา แต่สายฟ้าหาได้คิดอคติกับหนุ่มเด็กใหม่นั่นอย่างต้นข้าวไม่

‘ดูเท่ห์ดีนะ หน้าคมเข้มหล่อเหลา ร่างกายกำยำสมส่วนแข็งแกร่งนั่น ชั่งดูอบอุ่นยังไงไม่รู้...’

สายฟ้าพึมพำในใจ พร้อมจ้องมองใบหน้าหล่อเหลา คมเข้มนั้น อย่างเคลิบเคลิ้ม

   “วันนี้ครูมีเพื่อนใหม่มาแนะนำให้รู้จัก เค้าจะมาเรียนกับพวกเรา เอ้า พ่อหนุ่มแนะนำตัวซิ”

   อาจารย์นาถวดีกล่าวแนะนำเด็กใหม่คนนั้น

   “หวัดดีครับทุกคน ผม ชื่อทิวไผ่ครับ ชื่อเล่น ไผ่ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ”

   สิ้นเสียงแนะนำตัว เสียงเซ็งแซ่ ของสาว ๆ ทั้งแท้และเทียมในห้อง ก็ดังขึ้นอีกครั้ง 

“ชื่อทิวไผ่เหรอ น่ารักจัง อร๊ายยยย น่ารักมากมาย” เสียงยายบ๊อบสาวเทียมในห้องคนหนึ่งออกจะเสียงดังกว่าใครเพื่อน ทิวไผ่ได้แต่โยกมือขึ้นเกาหัวแก้เขิน ที่ถูกแซวอย่างออกนอกหน้า ชนิดที่เรียกว่า แทรกแผ่นคอนกรีตหนีได้คงทำไปแล้ว

**********************************************************

ใครแซวเด๋วจดลงบัญชีไว้ก่อน
หายปวดหัวแล้วจะมาเอาคืน  :serius2:  :interest:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: jammy ที่ 23-04-2007 08:39:42
ติดตามกันต่อปายยย :interest:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 23-04-2007 14:47:32
   

ใครแซวเด๋วจดลงบัญชีไว้ก่อน
หายปวดหัวแล้วจะมาเอาคืน  :serius2:  :interest:

มะกล้าแซวค้าบบบบ

กัวกัว

 :kikkik:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ไอ้หัวแห้ว ที่ 23-04-2007 15:27:35
 :laugh3:

ติดตามๆ

ไม่ชอบหน้าตั้งแต่แรกเลยแฮะ

อิอิ

 :yeb:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 23-04-2007 18:42:48
ขอบคุณครับ  เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 23-04-2007 19:38:39
ตอนแรกนึกว่าต้นข้าวกับสายฟ้าจะชอบกันซะอีก  นี่มีทิวไผ่สุดหล่อมาอีกคนซะแว้ววว :จ้อบจัง1:
รออ่านต่อจ้า

ปล  ใครแอบแซวกานต์  เราเป็นพวกกานต์นะตัวเอง  ปกป้องๆ อิอิ (รอดพ้นจากบัญชีดำของกานต์  :laugh5:)
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 23-04-2007 20:13:12
หุหุ ไม่ชอบหน้ากันตั้งแต่แรกนี่แหละ ตัวดี  :kikkik:  :kikkik:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: taebin7 ที่ 23-04-2007 21:05:25
น่าติดตามอย่างแรง รีบมาต่อเร็วๆน๊า   :yeb:


หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 23-04-2007 22:59:10
ครายแซวกานต์เย๋อออ เรย์แซวกานต์ทะมายยยย  :haun5:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: kYos ที่ 24-04-2007 01:05:43
 :haun5: ไม่ชอบขี้หน้ากันแบบนี้ล่ะ เด๋วก็ร๊ากกันดี  :kikkik:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: sabishiikant ที่ 24-04-2007 05:38:50
มาต่อให้แว้วนะจ๊ะ  : 222222:

**************************************************

“เชอะ ไอ้ขี้เก๊ก เนื้อตัวร่างกายของใครก็ดูแลเอาเองดิ มาฝากคนอื่นทำไม” ต้นข้าวพึมพำอย่างพาล ๆ
   
   ‘ชื่อทิวไผ่ เหรอ เก๋ดีจัง’ สายฟ้า พึมพำเบา ๆ อย่างลืมตัว

   “นี่ ๆ ฟ้า....... เป็นไรไปนั่งเหม่อเชียว พูดคนเดียวอีกต่างหาก แปลก ๆ แฮะ เพื่อนเรา”

 ต้นข้าวเรียกสายฟ้าที่นั่งอยู่โต๊ะข้าง ๆ ที่ดูเหม่อลอยอย่างชอบกล

สายฟ้าสะดุ้งตื่นจากภวังค์เมื่อโดนต้นข้าวทักอยู่หลายครั้ง  “เอ้อ...เปล่านี่ ไมเหรอ มีอะไรหรือต้น”

“เปล่า เปิดเทอมวันแรกก็ทำตัวแปลกนะเรา ไปอยู่อเมริกาสองเดือน กลับมาไม่เหมือนเดิม เป็นไรไปเปล่าเนี่ย อย่าบอกน้า ว่าไปแอบชอบหนุ่มฝรั่งดองเข้าแล้ว หึหึ คิดถึงเค้าเหรอ...” ต้นข้าวแหย่เยาะ ๆ

“บ้าดิ ไม่มี้ ไปช่วยแม่ทำงาน ไม่ค่อยได้เที่ยวเลยนะ อืม...ก็มีได้เที่ยวครั้งเดียวเอง เป็นวันหยุดน่ะ แม่พาไป
แกรนด์แคนยอน มา” สายฟ้าตอบ

“อ่าเหรอ ไมตอบเสียงสูงจัง นอกประเด็นอีกต่างหาก แก้เก้อป่าว...เอ๊ รึว่า เหม่อเพราะไอ้ขี้เก๊กนั่น” ต้นข้าวยังแหย่ไม่เลิก จนสายฟ้า หน้าแดงก่ำ เพราะต้นข้าวดันพูดแทงใจดำเข้าอย่างจัง

“ไอ้เพื่อนบ้า คิดไรบ้า ๆ” สายฟ้าตอบอย่างเขินอาย พร้อมทั้งหันหน้าหนีทำไม่รู้ไม่ชี้ ในสิ่งที่ต้นข้าวกระเซ้าเย้าแหย่

“แน้.........แน่จ๊าย... แล้วไมต้องเขินแบบนั้นด้วย ล่ะ” ต้นข้าวรุกต่ออย่างไม่หยุดยั้งหวังต้อนเพื่อนรักให้จนมุมให้ได้
“เออ... แล้วแต่จะคิด ไม่คุยด้วยแล้ว ไอ้ต้นบ้า ประสาท” สายฟ้าตอบกลับแบบงอน ๆ เข้าให้

ต้นข้าวเองรู้จักคนตัวเล็กเป็นอย่างดี เพราะเป็นเพื่อนกันมานาน ซึ่งต้นข้าวพอจะดูออก เพราะความที่สายฟ้าค่อนข้างเรียบร้อย และดูขรึม ๆ ไม่เคยมีแฟนเลย ต้นข้าวจึงชอบแหย่สายฟ้าเล่นแบบนี้อยู่บ่อย ๆ แต่สายฟ้า ก็ไม่ได้โกรธอะไร เพราะต้นข้าวเป็นเพื่อนสนิทที่คบกันมานาน และมีความจริงใจต่อกัน ส่วนตัวต้นข้าวเองก็เห็นสายฟ้าเป็นเพื่อนที่ดีเสมอมา และเขาก็ไม่เคยนึกชอบผู้ชาย แต่ก็ไม่เคยมีแฟนผู้หญิงเลย มีสาว ๆ รุ่นน้องรุ่นพี่ในโรงเรียนมาจีบมากมาย แต่ต้นข้าวกลับไม่ใส่ใจกับสาว ๆ เหล่านั้นแม้แต่น้อย และคิดแค่เพียงว่า มันยังไม่ถึงเวลา จนมีคนเอาไปลือกันว่า เพื่อนซี้คู่นี้เป็นคู่เกย์กันไปแล้วซะงั้น  และทั้งสองก็ไม่เคยสนใจในข่าวลือนั่นเลย เพราะมันคือข่าวลือ ยังไงก็เป็นข่าวลือ ยิ่งปฏิเสธ ยิ่งแก้ข่าวยิ่งจะโดนใส่สีตีไข่ หาว่า กินปูนร้อนท้อง กลายเป็นว่าข่าวมีมูลความจริงไปซะอีก จึงได้แต่ปล่อยมันไป แล้วแต่ใครจะพูดยังไง ในไม่ช้ามันก็จางหายไปจากลมปากของเหล่าแมงเม้าส์ประจำโรงเรียนทั้งหลาย เพราะยังไงก็ชงข่าวไม่ขึ้น  ซึ่งทั้งสายฟ้าและต้นข้าวเองก็ไม่เคย ไปมีข่าวกับสาว ๆ หนุ่ม ๆ ที่ไหนเลย กลับเป็นเด็กเรียนเด็กกิจกรรมของโรงเรียน เป็นที่รักของอาจารย์มากกว่า จนบางครั้งโดนเขม่นมาบ้าง

“เนื้อหอมไม่เบานะเราพ่อหนุ่ม เอาล่ะนะ เด็ก ๆ รู้จักชื่อเพื่อนกันแล้ว ดูแลเพื่อนด้วยละกันนะ เค้ายังไม่คุ้นเคยสถานที่ เอ้อ...ต้นข้าวเราน่ะเป็นหัวหน้าห้อง เทคแคร์เพื่อนด้วย ทิวไผ่เราไปนั่งเก้าอี้ว่างข้าง ๆ นายเศกพิภพ นะ นายเศก ดูแลเพื่อนด้วยล่ะ เอาล่ะ ครูจะไปสอนล่ะนะ มีธุระอะไรก็ติดต่อได้ที่ห้องพักครูนะคะ หวัดดีค่ะ”

“ขอบคุณครับอาจารย์” ทิวไผ่ตอบรับ แล้วเดินไปนั่งข้าง ๆ สายฟ้า แล้วส่งยิ้มอวดลักยิ้มแก้มบุ๋ม ให้เจ้าถิ่นอย่างเป็นมิตร สายฟ้ายิ้มตอบอย่างเนือย ๆ ปั้นหน้าให้เป็นปกติที่สุด เพราะภายในนั้น หัวใจได้ละลายไปกับรอยยิ้มแก้มบุ๋มของหนุ่มหน้าหล่อคมเข้มคนนี้ไปแล้ว เพียงแต่ต้องเก็บอาการอย่างสุดความสามารถที่มีอยู่

‘ไอ้ฟ้าเอ๋ย... นี่หรือที่เค้าเรียกว่ารักแรกพบ เกิดมาพึ่งประสบพบเจอ’ สายฟ้านึกรำพันภายในใจอย่างร้อนรุ่ม

“นักเรียน เคารพ” “ขอบคุณครับ/ค่ะ อาจารย์”


“โอ๊ย กลุ้ม ๆๆ ไมซวยงี้วะ ยิ่งเกลียดขี้หน้าอยู่ยิ่งมาให้เราเทคแคร์ดูแลมันอีก โตเป็นควายอยู่แล้ว อาจารย์นะอาจารย์”

ต้นข้าวกุมขมับแล้วสบถอย่างหัวเสีย
……………………………………………………………………………
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 24-04-2007 07:45:17
อิอิ  จาเข้าทำนอง  เกลียดอารายได้อย่างนั้น  อะป่าวเนี่ย

กร้ากๆๆๆๆ  :kikkik:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: เลิฟลี่ ที่ 24-04-2007 11:18:42
แหม  ไม่ชอบขี้หน้ากันด้วยอะ   :haun5:

สายฟ้าก็เป็ยงี้  เอาไปเอามาแล้วจาแย่งไผ่กันกับต้นข้าวอ๊ะเป่า :interest:





ขอบคุณคนแต่งกับคนโพสค่า :myeye:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 24-04-2007 12:20:26
มาเป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 24-04-2007 19:12:21
สงสัยเข้าทำนอง สามคนอลเวงม้างงงงงงงงง  :kikkik:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 24-04-2007 19:46:21
 :o มีสามคนได้ไง   ยังไม่ครบคู่เยยย
สายฟ้าชอบทิวไผ่  ทิวไผ่ชอบต้นข้าว ต้นข้าวชอบสายฟ้าป่าวเนี่ย  สามคนอลเวง เหอ เหอ

รออ่านต่อจ้ากานต์  :loveu:  :loveu:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: kYos ที่ 24-04-2007 21:14:56
เหอะๆ.. รักสามเส้า  :serius2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: taebin7 ที่ 24-04-2007 21:54:58
เรื่องราวมันจะเป็นยังไงน๊า  รออ่านอยู่นะงับ :yeb:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: A GE ที่ 24-04-2007 22:52:43
 :impress: :impress:  ผมยังไม่ได้แซวนะครับ  มารออ่านเฉยๆ :call: :call:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: sabishiikant ที่ 25-04-2007 05:38:07
มาต่อแล้ว อีตาเรย์หายไปเลย ใครเจอลากเข้ามาที
บอกที่บ้านให้อภัยแล้ว อย่ามัวแต่หลงไปทางอื่น  :laugh5:

********************************************************

บทที่ 2 : คู่กัด

   ทิวไผ่ เป็นหนุ่มนักกีฬาบาสเกตบอล ร่างกายแข็งแรงกำยำสมส่วน สูง 179 เซนติเมตร พ่อของ ทิวไผ่เป็นตำรวจ พึ่งย้ายมาประจำอยู่ที่นี่ เขาจึงต้องย้ายตามพ่อมา การที่มีพ่อเป็นข้าราชการตำรวจ ต้องลำบากย้ายที่ทำงานบ่อย ๆ ตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา ทำให้ทิวไผ่ต้องย้ายตามพ่อไปด้วย เพราะแม่ของเขาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ไปเมื่อหลายปีก่อน ส่วนพี่สาวกับพี่เขยก็ไปทำงานอยู่ที่อังกฤษจึงจำเป็นที่จะต้องย้ายโรงเรียนบ่อย ทำให้ไม่ค่อยมีเพื่อนฝูง แต่เขาก็ชินกับสภาพแบบนี้เสียแล้ว และนี้คงเป็นครั้งสุดท้ายที่จะต้องย้ายตามพ่อ เพราะปีหน้าเขาก็คงจะเข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัย และเขาก็เริ่มเบื่อการย้ายบ้านและเปลี่ยนโรงเรียนบ่อย ๆ แล้ว ซ้ำยังไม่ค่อยลงรอยกับแม่ใหม่ซะอีก หล่อนทั้งจู้จี้จุกจิก ชอบหาเรื่องด่าว่า ทิวไผ่ประจำ คอยฟ้องพ่อเขา ว่าเขาชอบหนีเที่ยว ไม่ช่วยงานบ้าน กลับบ้านมืด ๆ ค่ำ ๆ จนถูกพ่อด่าว่าเป็นประจำ ซึ่งที่จริงแล้ว เขาก็แค่ไปซ้อมบาสเกตบอล ตามประสาเด็กผู้ชายกับเพื่อน ๆ เท่านั้น

   “ดีครับ ผมไผ่นะ นายล่ะ”

 ทิวไผ่พูดคุยแนะนำตัวและทำความรู้จัก เจ้าถิ่นเด็กหนุ่มผิวขาว ตัวเล็กที่นั่งอยู่โต๊ะตัวติดกัน เขามองดูสายฟ้าอย่างพินิจพิจารณา

‘หนุ่มน้อยคนนี้ตัวเล็กกว่าเรายังกับพ่อลูกกันแน่ะ เอ รึว่าเราตัวใหญ่เองตะหาก อืม... ก็น่าจะใช่นะ เราเป็นนักบาสนี่ เผอิญ นายคนนี้คงตัวเล็กเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เลยยิ่งดูตัวเล็กลงอีกเมื่อเทียบกับเรา’

   “เอ่อ...ฟ้า ครับ ยินดีที่รู้จัก” หนุ่มน้อยตีหน้านิ่งเก็บอาการตื่นเต้นอย่างสุดฤทธิ์

   ‘ทำไมเค้า ตัวใหญ่อย่างนี้นะ สูงมากด้วย’ สายฟ้าคิด พลางใจเต้นแรงไม่เป็นส่ำ คับแน่นอยู่ในอก เหมือนจะระเบิดออกมาเสียให้ได้
   ‘ไม่ได้ ๆ ไอ้ฟ้านายจะ ประหม่าแบบนี้ไม่ได้ เดี๋ยวความแตก เค้าดูออกล่ะก็ นายอับอายขายหน้า สู้หน้าเค้าไม่ได้แน่ ๆ’

สายฟ้า พยายามพร่ำบ่นปลอบประโลมตัวเอง พลางทำสมาธิ ท่อง พุทโธ...พุทโธ... อยู่ในใจ เพื่อสงบสติอารมณ์ ให้เย็นลง ดูเหมือนว่า มันจะ ไม่ได้ผลตามที่หวังไว้เลยแม้แต่น้อย

“ฟ้านะฟ้า ไปพูดดีกับไอ้หมอนั่นทำไม หมั่นไส้ โว้ย...”

ต้นข้าวซึ่งนั่งอยู่อีกโต๊ะหนึ่งของแถวข้าง ๆ ทำปากขมุบขมิบพึมพำรอดไรฟัน ลอบมองเพื่อนรัก สนทนาอยู่กับเด็กหน้าใหม่นั่น อย่างไม่ค่อยพอใจนัก เพราะตั้งป้อมแง่มาแต่แรกพบแล้ว ‘จะให้คนอย่างต้นข้าวญาติดีด้วยเหรอ อย่าฝันไปเลย ไอ้ขี้เก๊กเอ๊ย…’

……………………………………………………………………………………………………..

ตลอดคาบเรียนภาคเช้าวันแรกของการเริ่มต้นเทอมใหม่ สายฟ้ายอมรับกับตัวเองว่าไม่มีสมาธิในการเรียนเลย คงเป็นเพราะอิทธิพลของทิวไผ่กระมังที่ทำให้คนเงียบขรึม อย่างสายฟ้ายิ่งดูเงียบเข้าไปใหญ่ บทสนทนา กับเพื่อนร่วมชั้นคนใหม่ ส่วนใหญ่จะเป็นทิวไผ่เสียอีกที่เป็นคนชวนคุย ซึ่งก็เป็นเพียงการสนทนาทั่วไปตามมารยาททางสังคมของคนที่พึ่งรู้จักกัน

‘ทำไมเราถึงได้ประหม่าขนาดนี้นะ เฮ้อ... เป็นเอามากนะเรา’ สายฟ้าบ่นกับตัวเอง

   ‘กริ๊งงง…’ เสียงอ็อดบอกเวลาพักเที่ยงดังขึ้น ทุกคนในห้องต่างลุกขึ้นเพื่อจะไปกินข้าวกลางวัน หลังจากอาจารย์ผู้สอนเดินออกจากห้องไปแล้ว

   “ไผ่จ๋า ไปกินข้าวกับพวกเรามั้ยคะพ่อรูปหล่อ...” เสียจีบปากจีบคอเดินนวยนาดกรีดกรายของสาวเทียมนางหนึ่งภายในห้องมาพร้อมกับสาว ๆ กลุ่มหนึ่ง

   “เอ่อ...ขอบคุณครับ คนสวย แต่ผมจะไปกับสายฟ้าน่ะครับ” ทิวไผ่ตอบปฏิเสธแบบเติมน้ำตาลหยอดคำหวานนิด ๆ โดยดึงสายฟ้ามาเป็นไม้กันหมาอย่างไม่ทันตั้งตัว

เจ้าหล่อนคนชวน รวมทั้งสาว ๆ กลุ่มนั้น ทำหน้าผิดหวังนิด ๆ มิวายจะบ่นขมุบขมิบตบท้าย การสนทนาของพวกเขานั้น อยู่ในสายตาของต้นข้าวตลอด

“เฮ้...นายน่ะ สายฟ้าจะไปกินข้าวกับเราต่างหาก ใช่มั้ยเพื่อน” ต้นข้าวแย้งอย่างเคือง ๆ ที่คนพูดโมเมเอาเองกับเพื่อนรักของเขาอย่างนั้น

“นายน่ะ เนื้อหอมนักนี่ สาว ๆ ชวนไปกินข้าวด้วย ทำไมไม่ยอมไปล่ะ มาเกาะเพื่อนเราทำไม ไม่ทราบ”

“ไม่เอาน่า ต้น ให้ไผ่เค้าไปกับพวกเราก็ได้ เค้ายังไม่รู้จักโรงอาหารโรงเรียนเราเลยนะ แล้วนายต้องดูแลไผ่ด้วยไม่ใช่เหรอ เห็นอาจารย์นาถวดีบอกไว้นี่”

“จ้า...พอหน้าหวาน แหม....ไม่ทันไรออกรับแทนกันแล้วนะ นายนี่ก็ออกตัวโตขนาดนี้ยังต้องให้ใครมาคอยดูแลอีกเหรอ ถ้านายนี่ไปด้วย งั้นพวกนายไปกินกันสองคนละกันนะ” ต้นข้าวตอบแบบลากเสียงประชด ทำท่าค่อนขอดเพื่อนรัก

   “ไม่เอาน่า ต้น อย่าง้องแง้ง ไม่มีเหตุผลดิ ไปกันสามคนนี่แหละ” สายฟ้าเอาน้ำเย็นเข้าลูบในการเกลี้ยกล่อมต้นข้าว ที่มักเอาแต่ใจตามประสาลูกคนเดียวเสมอ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: jammy ที่ 25-04-2007 07:43:51
เริ่มกัดกันละ  :kikkik:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 25-04-2007 10:41:33
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: taebin7 ที่ 25-04-2007 11:19:12
สงครามกำลังจะเริ่มแล้วช่ายมั้ยเนี้ยยยยยยย :kikkik:

รออ่านนะงับ  :yeb:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: A GE ที่ 25-04-2007 19:46:40
 :เฮ้อ: :เฮ้อ:  ผมว่าทิวไผ่ยังมะได้ทำไรต้นข้าวสักกะหน่อย  ทำไมต้นข้าวต้องเกลียดด้วยอ่ะคับ  :o หรือว่าเปนไปตามคำโบราณ   :fox2: เกลียดอะไรก็มักจะได้อย่างนั้น  :laugh3: :laugh3:  แต่สายฟ้าก็ดูน่ารักดีนะครับ  เอาเปนว่าเชียร์หมดเลยแล้วกันคับ  เลือกไม่ถูก  :give2: :give2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 25-04-2007 19:50:33
เดาเหตุการณ์ไม่ค่อยออกเลยแฮะ  :haun5:
สามคนอย่างนี้ เรื่องจะออกแนวไหนนี่  :kikkik:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: sabishiikant ที่ 26-04-2007 04:36:11
คงจะเหมือนโบราณเขาว่าแหละครับ
บางทีก็เคยเป็นนั เห็นหน้าทีแรกไม่ถูกชะตา
แต่ไม่ยักจะเหมือนในเรื่องนี้แฮะ
เต้มที่ก็เป็นเพื่อนกันแค่นั้นเอง  :kikkik:

***************************************************************

   ตลอดเวลาที่สองหนุ่มคุยกันอยู่นั้น ทิวไผ่ ได้แต่ยืนมองหนุ่มหน้าใส กับ หนุ่มหน้าหวานตัวเล็ก ๆ คุยกันสลับกันไปมา พร้อมทั้งประเมินหนุ่มคนที่ชื่อต้นข้าว ที่ค่อนข้างจะตั้งแง่กับตัวเขาเอาเสียมาก ๆ

   ‘ทำไมหมอนี่ ถึงตั้งป้อมใส่เราอย่างนี้นะ เฮ้อ วันแรก ก็เจอเจ้าถิ่นไม่ชอบหน้าซะแล้ว เอาไงดีวะเนี่ย’ ทิวไผ่คิด

   “ใช่ครับต้น ไปด้วยกัน สามคนดีออก มีเพื่อนนั่งกินเป็นเพื่อนกันเยอะ ๆ” ทิวไผ่ตัดสินใจพูดหยั่งเชิง หนุ่มหน้าเชิดนั่น

   “ใครบอกจะให้นายไปด้วยไม่ทราบ เราจะไปกันแค่สองคนต่างหาก แล้วมีสิทธิ์อะไรมาเรียกเราว่า ต้น เราเคยรู้จักกันด้วยเหรอ” ต้นข้าวตอบ

‘รู้จักต้นข้าวน้อยไปซะแล้ว ไอ้ขี้เก๊กเอ๋ย...ไม่รู้ซะแล้วว่าใครเป็นใคร อย่าคิดมาแหยมกับเจ้าถิ่นนะเฟร้ย หึหึ...’ ต้นข้าวกระหยิ่มยิ้มย่องอย่างสะใจที่ได้ตอกหน้าหนุ่มหน้าคมเข้มอย่างเต็ม ๆ พลางทำหน้าเยาะ ๆ

   เจอเจ้าถิ่นสวนกลับจนหน้าหงายไม่เป็นท่าเข้าให้ซะแล้ว ‘เหรอ แล้วนายจะได้รู้จักทิวไผ่มากกว่านี้ ฝากไว้ก่อนเถอะ ไอ้หน้าใสเอ๊ย ให้เราคุ้นเคย กับที่นี่ก่อนเถอะ พ่อจะเอาคืนให้หงอไปเลย’

ทิวไผ่แฝงความคิดไว้ภายใต้ใบหน้าหล่อเหลาที่เรียบเฉยนั้น โดย ไม่สะทกสะท้านต่อคำพูด ของต้นข้าวแต่อย่างใด  ทิวไผ่เองก็เป็นคนไม่ยอมใครเช่นกันลองให้ใครมาลูบคมแบบนี้สิ มีการเอาคืนแน่ แต่จะเจอแบบไหน ก็เท่านั้นเอง

   “นี่ต้น ไม่น่ารักเลยนะ พูดกับไผ่เค้าแบบนั้นได้ยังไง” สายฟ้าปรามต้นข้าว

   “ไม่เป็นไรหรอกครับ ฟ้า ผมไม่ถือสาคำพูดของคนพรรค์นั้นอยู่แล้ว ใช่มั้ยครับ คุณ...ต้นข้าว”

ทิวไผ่พูดแบบกระแทกเสียงตอนท้าย อดที่จะแหว กลับคืนไม่ได้

“นี่นาย จะมากไปแล้วนะ พรรค์นั้นน่ะพรรค์ไหนไม่ทราบ”

“เอ่อ...ล็อตไวเลอร์มั้ง” ทิวไผ่กัดไม่ปล่อย

“เฮ้ย...พูดงี้มีต่อยดิ”

 “อ่ะเหรอ ตัวกระเปี๊ยกแบบนี้จะทำอะไรเราได้” ทิวไผ่ตอบอย่างยิ้มเยาะบ้าง

“ทำไม ไม่ตัวโตอย่างนายแล้วจะทำไม ไม่ใช่หุ่นบึกบึนเหมือนควายอย่างนายนี่ แต่ยังไงเราก็สูงกว่าสายฟ้ามันล่ะ”

‘ดันทุรังไปจนได้นะ เจ้านี่’ ทิวไผ่คิด อดที่จะขำในความเถียงคำไม่ตกฟาก ของหนุ่มหน้าใสคนนี้ไม่ได้ และพยายามกลั้นหัวเราะจนท้องเกร็ง
“ขำอะไรไม่ทราบ” ต้นข้าวทำหน้าบึ้งตึง

“ป๊าว...” ทิวไผ่ปดไปอย่างยอม ๆ พร้อมทั้งหัวเราะออกมาก๊ากใหญ่ ‘ชักมันส์กับการต่อปากต่อคำกับหมอนี่แล้วสิ’

“เฮ้ย ๆ ๆ...พอได้แล้ว หิวข้าว จะกินช้างได้ทั้งตัวแล้ว กัดกันอยู่ได้อะไรกันพวกนายนี่ ขนาดเจอหน้ากันวันแรกนะเนี่ย แล้วนี่ลากเราไปเกี่ยวไรด้วย”

สายฟ้า พูดจบก็เดินจ้ำอ้าวไปอย่างหัวเสียนิด ๆ กับการที่เพื่อนรักจอมแสบที่เอาแต่ใจของเขา ชอบสร้างปัญหาจุก ๆ จิก ๆ แบบนี้ อย่างไม่มีเหตุผล

“ฟ้า รอด้วยสิ...ฝากไว้ก่อนนะนาย...” 

“ไม่รับฝาก มีไรมะ” ทิวไผ่สวนกลับ

ต้นข้าวเดินกึ่งวิ่งจนทันกับสายฟ้า แล้ว เปิดฉากจ้อต่อทันที

“นี่ฟ้า นาย ไปสนิทกับอีตานั่นทำไม เห็นที่มันต่อปากต่อคำกับเราปะ ดูดินิสัยก็ไม่ดี” ต้นข้าวได้ทีใส่ไฟแบบไม่ยั้ง

“ก็นายไปหาเรื่องไผ่เค้าก่อนนี่นา ช่วยไม่ได้” สายฟ้า ตอบเพื่อนรัก แบบหน่าย ๆ

“อีกแล้ว นายนี่ยังไงเห็นคนอื่นดีกว่าเพื่อนตัวเอง นายนั่นน่ะ เป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้ ระวังนะ มันจะมาก้อล้อก้อติดหลอกเอาล่ะ อย่างไว้ใจให้มากนัก ตัวก็โตยังกะควายน่ากลัวออก”

ต้นข้าวพรั่งพรูคำก่นด่าออกมาโดยไม่ได้สนใจเลยว่า คนที่ตนกำลังนินทาเดินตามหลังมาอย่างติด ๆ ในระยะเผาขน

‘น่าอบอุ่นมากกว่านะ’ สายฟ้าพึมพำในใจ แล้วอยู่ ๆ หัวใจก็ชุ่มชื้นอย่างแปลก ๆ เมื่อนึกถึงใบหน้าคมเข้มหล่อเหลาเปื้อนลักยิ้มของทิวไผ่ลอยเข้ามาในห้วงภวังค์แห่งความคิด

“ผมเป็นลูกคนนะค้าบ ไม่ใช่ควาย พ่อผมเป็นตำรวจ พึ่งย้ายมาประจำที่นี่ เลยต้องย้ายตามมาด้วย ทีนี้ไว้ใจได้ยังล่ะ” ทิวไผ่แย้งตอบไปแบบตัดพ้อนิด ๆ 

สายฟ้าหันกลับไปมองต้นเสียงนั้น ต้นข้าวสะดุ้งนิด ๆ ไม่คิดว่าทิวไผ่จะยังตามมาอีก ก่อนจะโต้กลับไปบ้าง

   “ใครถามไม่ทราบครับคุณทิวไผ่...แล้วนี่ตามมาทำไม” ต้นข้าวเน้นเสียงประชดประชันเต็มที่

   “ก็ ใครไม่รู้นะ นินทาเราแบบเสีย ๆ หาย ๆ ก่อนนี่นา ช่วยไม่ได้…และเปล่าตามนายด้วย จำเป็นอะไรที่จะต้องตามล่ะ ทางนี้ไปโรงอาหารไม่ใช่เหรอ ก็จะไปกินข้าวไง ถามได้ แปลกคนแฮะ” ทิวไผ่ตอบกวน ๆ แถมทำหน้ายียวน ไม่รู้ไม่ชี้ล้อเลียน คนต่อปากต่อคำด้วย
   
   สายฟ้า ได้แต่ลอบถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย กับคนทั้งสอง สงสัยจะกลายเป็นคู่กัดประจำห้องกันไปซะแล้ว ‘วันแรกยังขนาดนี้ ต่อไปจะเป็นยังไงบ้างไม่อยากจะคิดเลย เฮ้อ กลุ้ม...’

   ...
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 26-04-2007 19:37:23
 :เฮ้อ: กลุ้มแทนสายฟ้าง่ะ คนหนึ่งก็เพื่อนรัก อีกคนก็แอบรัก  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 26-04-2007 19:51:16
ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 26-04-2007 20:22:09
 เหอ เหอ ท่าทางจะเป็นรักซ้อนซ่อนเงื่อนซะแย้วววว 

รออ่านต่อจ้า  :yeb:

ปล  ดูแลสุขภาพด้วยนะจ๊ะกานต์
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 26-04-2007 20:41:16
สงสารคนกลาง :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: taebin7 ที่ 26-04-2007 22:37:42
คนกลางปวดหัวเลยอ่ะ  :laugh3: :laugh3:

หนุกจังๆ รออ่านนะงับ :yeb:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 27-04-2007 00:02:00
คนอ่านก็พลอยปวดหัวตามไปด้วย :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: kYos ที่ 27-04-2007 00:46:16
เหอะๆ นายต้นทำเป็นเกลียดขี้หน้าไผ่กลบเกลื่อนความรู้สึกจริงๆป่าวเนี่ย อิอิ.. :kikkik:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: sabishiikant ที่ 27-04-2007 04:41:52
   ทั้งสามคนแยกย้ายกันไปซื้อข้าวตามร้านค้าที่มีอยู่สิบกว่าร้านภายในโรงอาหารของโรงเรียน สายฟ้า และต้นข้าว มานั่งที่โต๊ะมุมหนึ่ง ต้นข้าวลงมือโซ้ยก๋วยเตี๋ยวหมูน้ำตก ในชามตรงหน้าด้วยความหิว ทันทีที่ได้ที่นั่ง ส่วนสายฟ้ายังคงสอดส่ายสายตาไปรอบ ๆ มองหาใครคนหนึ่งซึ่งคุณก็รู้ว่าเป็นใคร …

   “มองหาใครอ่ะ รอใครอยู่ ทำไมยังไม่กิน อย่าบอกนะว่าเป็นนายนั่น” ต้นข้าวเงยหน้าขึ้นถามสายฟ้าที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ทั้งที่เส้นก๋วยเตี๋ยวยังเต็มปากอยู่เลย เมื่อเห็นว่าสายฟ้ายังไม่ลงมือกินข้าวที่ตนเองซื้อมา แล้วก้มหน้าก้มตากินต่ออย่างเอร็ดอร่อย

   “เปล่า ไม่มี กินไปเถอะนายน่ะ” สายฟ้าตอบปฏิเสธ เมื่อต้นข้าวรู้ทัน

   ซักพักต้นข้าวก็ต้องละจากการสนใจกินก๋วยเตี๋ยวในชามอีกกครั้ง เมื่อรู้สึกได้ว่ามีใครคนหนึ่งหย่อนก้นลงในตำแหน่งตรงข้ามกับเขาพอดี 
ต้นข้าว วางช้อนวางตะเกียบเกือบจะในทันที มือเท้าสะเอวมองหน้าคน ๆ นั้นอย่างเอาเรื่อง

“มานั่งตรงนี้ทำไม หมดอารมณ์กินเลย”

“ก็ที่มันว่างตรงนี้นี่ จะให้เราไปนั่งที่ไหนล่ะ รึว่านายมาซื้อไว้รึไงถึงห้ามใครเขามานั่งได้น่ะ…แล้วนายจะมีอารมณ์กินหรือไม่ มันเกี่ยวอะไรกับเราด้วยล่ะ”

ตอบหน้ากวน ๆ ยียวน ไม่รู้ไม่ชี้ตามเคย ซึ่งมันเป็นการยั่วโมโหต้นข้าวได้เป็นอย่างดี

   “นี่เราเบื่อแล้วนะ หิวมากด้วย กินกันได้แล้ว” สายฟ้าพูดสวนขึ้นมาบ้าง

   “อ๋อเหรอ...เพื่อนรัก รอนายคนนี้อยู่ล่ะสิ เมื่อกี้ถึงไม่ยอมกิน ใช่ซี้ เดี๋ยวนี้ลืมเพื่อนคนนี้ไปแล้วนี่” ต้นข้าวกระแนะกระแหนแกมน้อยใจ

   “พอเลย นายนี่นะ ชอบคิดเองเออเอง เราก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่นี่ไง กิน ๆ ๆ หิว....” พูดจบสายฟ้าก็ลงมือตักข้าวในจานของตนใส่ปากอย่างเอร็ดอร่อย

   “ไม่กิน หมดอารมณ์”

ต้นข้าวพูดจบ เบ้ปากทำหน้าบูดบึ้ง มือหนึ่งเท้าคาง อีกมือกำตะเกียบจิ้มลูกชิ้นในชามก๋วยเตี๋ยวเล่นไปมา อย่างกับเด็กงอนเมื่อถูกผู้ใหญ่ขัดใจ

ทิวไผ่ก็ลงมือตักข้าวในจานของตนใส่ปากบ้าง แต่สายตายังจับจ้องการทำตัวเป็นเด็ก ๆ ของต้นข้าวที่ทำตัวง้องแง้งอยู่ตรงหน้า

“มองอะไร ไม่เคยเห็นคนรึไง” ต้นข้าวแหวไปทันทีที่เงยหน้าขึ้นมาพบว่าตนเองโดนสายตาคู่นั้นจับจ้องอยู่
‘นั่น โดนเข้าให้อีกแล้วมั้ยล่ะ’ ทิวไผ่ปรารภในใจพร้อมตอบกลับไป อย่างหมั่นไส้

“คนน่ะเคยเห็น แต่คนที่โตเป็นควายแล้วทำตัวเป็นเด็กไม่รู้จักโตแบบนี้น่ะ พึ่งเคยเห็นนี่แหละ”

“หุบปากไปเลยนะนาย อยากมีปากไว้กินข้าวต่อมั้ย” ต้นข้าวสวนกลับอย่างเอาเรื่อง

“อื้ม ได้ ๆ เงียบแล้ว กินข้าวดีกว่า เอ้อ...วันหลังอ่ะ มาโรงเรียนเอาตะกร้อมาด้วยนะนายน่ะ จะได้ครอบปากตัวเองไว้ ต้องกันไว้ก่อน เดี๋ยวเที่ยวไล่กัดชาวบ้านเค้าไปทั่ว ฉีดยากันหมาบ้ารึยังไม่รู้” ทิวไผ่ยังไม่เลิกตอแยง่าย ๆ
‘ไอ้หน้าใสเอ๊ย ปากดีงี้ อย่าคิดว่าเราจะยอมแพ้นะ เดี๋ยวเจออะไร ๆ เยอะกว่านี้แน่นาย คอยดูเถอะ... ’
   
“สวมปากนายดิ ไอ้บ้า ไอ้ผู้ชายปากจัด ไปแล้ว หงุดหงิดโว้ย...” พูดจบต้นข้าวก็ผลุนผันลุกขึ้นเดินออกไปทันที

“ยังกับตัวเองไม่ปากจัดงั้นแหละ...คุณ ต้นข้าว” ไม่วาย ทิวไผ่ส่งเสียงไล่หลังตามไปแขวะจนได้

“เฮ้ย...ไอ้ต้น เดี๋ยว ! เฮ้อ....อีกแล้ว ตามง้อมันอีกแล้วเวรกรรม ฟ้าขอโทษไผ่แทนมันด้วยนะครับ ที่มันพูดไม่ดีด้วยน่ะ มันนิสัยแบบนี้แหละครับ ฟ้าล่ะปลงจนเบื่อแล้ว”

“ไม่เป็นไรหรอกครับฟ้า ผมเองก็มีส่วนผิดที่ไปแหย่ให้ต้นข้าวเค้าโกรธ ผมต่างหากที่จะต้องขอโทษที่ทำให้เพื่อนของฟ้าโกรธน่ะครับ” 

อยู่ดี ๆ สายฟ้า ก็หน้าแดงขึ้นมาอีกครั้ง เพียงเพราะคำพูดเพราะ ๆ ลื่นหู ของหนุ่มเพื่อนร่วมห้องเรียนคนใหม่นี้ เสียงของเขาชั่งไพเราะ ทุ้ม นุ่ม ลุ่มลึก มีเสน่ห์เหลือเกิน ได้ยินแล้วมันทำให้หัวใจอ่อนระทวยลงไปดื้อ ๆ จนต้องก้มหน้างุด ตักข้าวใส่ปากแก้เขิน


...


มาต่อให้แล้วนะจ๊ะ  :-[
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 27-04-2007 14:00:54
สงสารสายฟ้าจังเยย

 :impress:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 27-04-2007 14:38:10
 :เฮ้อ: ฟ้าจะมีคู่กะเค้ามั้ย น่าสงสารจัง  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 27-04-2007 15:46:10
ขอบคุณครับ  เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: taebin7 ที่ 27-04-2007 20:00:06
สายฟ้า ทำไมตกหลุมรักง่ายจังอ่ะ   :laugh3: :laugh3:

ขอบคุงที่มาต่อนะงับ   :yeb:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 27-04-2007 20:47:21
เชียร์สายฟ้าค่ะ เผื่อจะมีลุ้นกับเขามั่ง  :yeb:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: kYos ที่ 27-04-2007 21:16:27
ปากดีจริงวุ้ยนายทิวไผ่เนี่ย.. :โหลๆ:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Shumi ที่ 28-04-2007 02:37:57
อ้าว สายชล ไม่ได้คู่กับ สายฟ้า เรอะ  :serius2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: sabishiikant ที่ 28-04-2007 05:47:33
แหมมมมมมมมมม
รู้สึกมีแต่คนเชียร์สายฟ้า ไม่มีใครเชียร์คนโพสท์มั่งหรอครับ  :laugh3:

******************************************************************

สายฟ้าคุยเกี่ยวกับครอบครัวของแต่ละคน กับทิวไผ่อย่างเรื่อยเปื่อยขณะเดินขึ้นมาบนห้อง เพื่อเตรียมตัวเรียนในภาคบ่าย...

   ต้นข้าวนั่งหน้างอกระเง้ากระงอดอยู่มุมหนึ่งของห้อง ส่งสายตาตัดพ้อเพื่อนรัก สลับกับสายตาอาฆาตแค้นปานจะกินเลือดกินเนื้อที่จ้องมองทิวไผ่

   “เดี๋ยวนี้เราคงหมดความหมายไร้ประโยชน์ไม่ใช่เพื่อนนายอีกแล้วใช่มะ ใช่สิ เรามันคนไม่ดีนี่ เอาแต่ใจ สู้นายยักษ์นั่นไม่ได้หรอก ปากหวาน เสน่ห์แรง เอาใจเก่งนี่นา”

ต้นข้าวเปรยออกไปอย่างงอน ๆ ตีหน้าเศร้าน้อยใจสุดฤทธิ์ ดูซิ ไอ้ฟ้า มันจะเห็นคนอื่นที่เพิ่งรู้จักกันแค่วันเดียว ดีกว่าเพื่อนรักที่คบกันมาหลายปีรึเปล่า

สายฟ้าลอบมองแววตาที่ซ่อนเร้นอยู่นั้นก็ทราบแผนการของต้นข้าวทันที เพราะรู้จักกันมานานแล้ว เรื่องแค่นี้ทำไม่เขาจะดูไม่ออกว่าต้นข้าวจะมาไม้ไหน ‘ต้นนะต้น คิดว่าเราไม่รู้แผนการของนาย เหรอ....อ๊ะ ๆ ๆ จะไม่ง้อก็ใช่ที่ เดี๋ยวพาลงอนไปใหญ่ ตามง้อลำบากอีก’ สายฟ้าใจอ่อนอีกตามเคย ตั้งแต่คบกันมาเขาจะเป็นฝ่ายตามง้อต้นข้าวมาโดยตลอด

“เดี๋ยวฟ้าไปคุยกับต้นก่อนนะครับ เดี๋ยวเราค่อยมาคุยกัน”

“ครับฟ้า ผมขอโทษนะ ที่เป็นสาเหตุให้เพื่อนต้องมาผิดใจกันเอง”

“อย่าโทษตัวเองเลยครับไผ่ ไอ้นี่เป็นแบบนี้ประจำแหละ ลูกคนเดียวน่ะครับ” พูดจบสายฟ้าก็เดินแยกออกไปหาต้นข้าว

ทิวไผ่ได้ยินคำพูดประโยคสุดท้ายที่หลุดออกจากปากของสายฟ้า ทันใดแผนการบางอย่างก็ผุดขึ้นในความคิด ทิวไผ่สะแหยะยิ้มที่มุมปากจนแก้มเป็นร่องบุ๋มจากลักยิ้ม ‘อ๋อ เจ้านี่เป็นลูกคนเดียวหรอกรึ มิน่าล่ะ เอาแต่ใจตัวเองโคตร เข้าทางไอ้ไผ่ล่ะ สนุกแน่งานนี้’ แววตาบนดวงหน้าคมเข้ม คู่นั้นวาวโรจน์ ทิวไผ่คิดจะทำอะไรของเขานะ

สายฟ้าเดินทำหน้ายิ้ม ๆ เข้าไปหาเพื่อนรัก

“โอ๋ ๆ ๆ หายงอนน้า กิ๊ว ๆ ... อ่ะ เราซื้อฝรั่งมาฝากด้วย” สายฟ้าพูดเสียงอ้อน ปลอบโยนคนที่นั่งหน้าเง้าหน้างออยู่ตรงหน้า

“ป๊าว ใครงอน ไม่มี้” ต้นข้าวทำหน้าเหรอหราตอบกลับสายฟ้า ดีใจนิด ๆ ที่คิดว่า แผนการของตัวเองได้ผล แล้วส่งสายตาเยาะ ๆไปยังหนุ่มหน้าเข้มที่มองมาทางเขาพอดี สายตาสองคู่ประสานกันอย่างจัง ต่างฝ่ายต่างยิ้มเยาะอย่างมีเลศนัยที่ซ่อนเร้นไว้ในดวงตาคู่สวยนั้น

“อ่ะหรอ ไม่งอนแล้วเดินสะบัดก้นหนีมาก่อนทำไม ปากแข็งตามเคยนะนาย”

“เปล่างอนนะ แค่ไม่ชอบขี้หน้าไอ้หมอนั่น กับความปากหมาของมันต่างหาก”

“แน้ ไปว่าไผ่เค้าอีกแล้ว ก็นายเป็นซะอย่างนี้”

“นี่ เข้าข้างกันอีกแล้วนะ ไปเลยสิ ไปอยู่กับมันเลย อย่ามายุ่งกับเรา”

“อ้าว.... เฮ้อ... พอแล้ว ๆ ไม่พูดก็ได้ มากินฝรั่งกัน อุตส่าห์ซื้อมาฝาก กินก๋วยเตี๋ยวยังไม่อิ่มเลยไม่ใช่เหรอ”

สายฟ้าพยายามเบี่ยงเบนประเด็นหลีกเลี่ยงความ งี่เง่าไร้ขีดจำกัดของเพื่อนรักของเขา ถึงแม้ว่าต้นข้าวจะเอาแต่ใจเพียงใด แต่ก็เป็นเพื่อนสนิทที่เข้าใจกันและไว้ใจได้มากที่สุด ของสายฟ้า


...
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: taebin7 ที่ 28-04-2007 12:43:14
ต้นข้าวขี้งอนจังเลย   :laugh3:

ขอบคุณที่มาต่อได้ทันใจนะงับ :yeb:

หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 28-04-2007 12:59:30
ไม่ชอบต้นข้าวอย่างแรงงงง

เป็นกำลังใจให้หนูกานต์นะครับ

 :yeb:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 28-04-2007 13:26:54
แต่เราว่าต้นข้าวก็น่ารักดีออก  อิอิ 

รออ่านต่อนะกานต์  :yeb:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: kYos ที่ 28-04-2007 15:11:28
ทิวไผ่มีแผนการอะไรหว่า?
อยากกินฝรั่งมั่งจัง  :impress:  เพิ่มวิตามินซี  ว่าแล้วก็หิว.. :เฮ้อ:
ปล.ร่วมด้วยช่วยเชียร์คนโพสต์ อิอิ.. เด๋วไม่มาโพสต่อยุ่งเลย  :yeb:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: sabishiikant ที่ 29-04-2007 05:38:32
หลังเลิกเรียน ทิวไผ่บอกลาสายฟ้า เพื่อนร่วมห้องที่นั่งข้าง ๆ ก่อนขอตัวกลับก่อน เนื่องจากวันแรก ๆ พ่อจะมารับเพราะยังไม่ชำนาญทางที่จะนั่งรถเมล์มาเรียนเอง เขาพักอยู่แฟลตตำรวจ หลังโรงพักที่พ่อเขาทำงานอยู่ ก่อนลุกเดินออกจากห้องห้องไป ทิวไผ่ก็หันมายักคิ้วหนาเข้มคู่นั้นให้ต้นข้าว ซึ่งต้นข้าวได้แต่ มองตอบค้อน ๆ เพราะหากต่อปากต่อคำด้วยมันคงไม่จบลงง่าย ๆ เป็นแน่   
ต้นข้าวลุกเดินมาหาสายฟ้าทันทีที่ทิวไผ่ออกจากห้องไป แล้วชวนกันลงไปรอรถเมล์ที่หน้าโรงเรียน

“ไอ้หมอนั่นมาพูดอะไรกับนายเหรอ” ต้นข้าวถามขึ้นระหว่างทาง

“อ้าว เห็นเกลียดขี้หน้ากันนี่สนใจเค้าด้วยเหรอ” สายฟ้าเย้าเพื่อนรัก

“สนใจบ้าอะไร แค่อยากรู้ว่ามันมาคุยไรเท่านั้น”

“ไม่มีอะไรหรอก แค่บอกว่า เดี๋ยวพ่อจะมารับ เลยขอตัวกลับบ้านน่ะ”

“อ่อ ลูกแหง่ หึหึ” ต้นข้าวกลั้วหัวเราะในลำคอ

“นี่ ต้น เราถามอะไรหน่อยสิ” สายฟ้าพูดขึ้นบ้าง

“ทำไมนายเกลียดขี้หน้า ไผ่ เค้านักหนา เจอหน้ากันวันแรกก็กัดกันซะแล้ว” สายฟ้ายิงคำถามตรงด้วยความสงสัย

“ไม่รู้สิ เห็นหน้าครั้งแรกที่เดินเข้าห้องมาก็เก๊กซะ คิดว่าตัวเองหล่อมากมายมาจากไหน ยิ่งพวกผู้หญิง ส่งเสียงแซว ยิ่งทำเก๊กเข้าไปใหญ่...เอาเป็นว่าเราไม่ชอบหน้านายนั่นก็แล้วกัน”

 ตอบออกไปอย่างหาเหตุผลที่คิดว่าดีที่สุดแล้ว ในการตั้งป้อมใส่คนที่ตนเองไม่ชอบหน้าเอาอย่างมาก

“เค้าหล่อกว่าตัวเอง ป๊อบกว่าว่างั้น” สายฟ้าเย้าต่อ

“อะไร นี่นายกำลังจะพูดให้เราโกรธขึ้นมาอีกแล้วนะ เลิกพูดถึงไอ้ขี้เก๊กนั่นซะที เกลียดมัน ๆ ๆ”

ต้นข้าวตอบไม่ตรงคำถาม แบบพาลเพื่อนรักนิด ๆ

“อะนะ นายนี่เหลือเกิน ยอมแพ้แล้ว เอาล่ะ ไปก่อนนะ บ๊ายบาย เจอกันพรุ่งนี้” สายฟ้า ตอบอย่างยอมจำนนแล้วขอตัวขึ้นรถเมล์ แยกย้ายกันกับบ้าน ต้นข้าวยกมือขึ้นโบกลาเพื่อนรักของเขา


...................................................................................................

“กลับมาแล้วค้าบ แม่ครับ พ่อยังไม่กลับหรอครับ” ต้นข้าวส่งเสียงบอกมารดา แล้วปลดเป้ออกจากหลัง ถอดรองเท้าถุงเท้า ออกอย่างรวดเร็ว

“อืมจ้ะลูก พ่อเค้ามีประชุมตอนเย็นน่ะจ้ะ ไปโรงเรียนวันแรกเป็นไงมั่งจ๊ะลูก เหนื่อยมั้ย หม่ามี้ทำน้ำแตงโมปั่น เย็น ๆ ไว้รอจ้ะ ดื่มแก้กระหายนะจ๊ะ” เกศสินียกแก้วน้ำแตงโมปั่นมาส่งให้ลูกชายสุดที่รัก

“นิดหน่อยครับ แม่...ขอบคุณครับ แม่ผมน่ารักที่สุดในโลกเลย” ต้นข้าวหอมแก้มมารดาฟอดใหญ่ แล้วรับแก้วน้ำหวานมาดื่ม อย่างกระหาย

“ชื่นใจจังครับ ฝีมือแม่ผมนี่สุดยอดไม่เคยตกเลย ทำกับข้าวก็อร่อย” ต้นข้าวตอบผู้เป็นมารดาอย่างประจบประแจง เธอยิ้มอย่างรักใคร่ ในความขี้ชั่งประจบของลูกชาย

“ปากหวานจังน้าเรานี่ หวังว่าคงหวานกันหม่ามี้คนเดียว ไม่ไปหวานกับสาวที่ไหนล่ะ” เธอแซวลูกชายผู้น่ารัก อย่างเอ็นดู

“ไม่หรอกครับ ผมมีสาวคนเดียวที่ผมรักที่สุดในโลก ก็คือแม่ผมนี่ไงครับ” ลูกชายสุดที่รักหยอดคำหวานไม่ยอมลดละ

“ให้มันจริงเถอะ เดี๋ยวเจอสาวถูกใจแล้ว หม่ามี้ก็คงหมดความหมายล่ะสิไม่ว่า” เกศสินีพูดเสียงสูงหยอกเย้าลูกชายอย่างหยอกล้อ

“แหม ไม่มีทางซะล่ะครับ ที่ผมจะลืมผู้หญิงที่แสนดีของผมคนนี้ ได้ลง ผมขอตัวขึ้นไปทำการบ้านก่อนนะครับ แม่” พูดจบหนุ่มหน้าใสเดินมาจุ๊บที่แก้มมารดาเบา ๆ ก่อนเดินขึ้นห้องชั้นบนของบ้าน

“จ้า เสร็จแล้วเย็น ๆ ลงมากินข้าวนะลูก”
“ค้าบ... แม่” เสียงเจื้อยแจ้วดังลงมาขณะที่ตัวนั้นเดินขึ้นข้างบนไปแล้ว
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 29-04-2007 06:53:46
ต้นข้าวอ้อนเก่งจัง  :kikkik:
เชียร์กานต์ด้วยคน เดี๋ยวคนโพสต์น้อยใจ คนอ่านจะแย่  :yeb:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: A GE ที่ 29-04-2007 13:06:34
 :kikkik: :kikkik:  ยิ่งเกลียดมาก ยิ่งรักมากอะป่าวครับ  :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 29-04-2007 13:57:10
ขอบคุณและเป็นกำลังใจให้กับคนโพสท์นะครับ
แล้วก็แถม  จุ๊บ จุ๊บ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: taebin7 ที่ 29-04-2007 14:01:31
เป็นกำลังใจให้นะคนโพสนะงับ  :yeb:

รีบๆมาต่อด้วยน๊า :kikkik:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: sabishiikant ที่ 30-04-2007 05:08:25
มาต่อให้แว้วนะครับ  :myeye:

******************************

ต้นข้าวเปิดประตูก้าวเข้าสู่โลกส่วนตัวของเขา ถึงแม้ว่าขนาดของห้องจะไม่ใหญ่โตมากมายนัก แต่ภายในก็มีเฟอร์นิเจอร์ และเครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน ผนังห้องทาด้วยสีฟ้าอ่อนดูเย็นตา หน้าต่างตกแต่งด้วยผ้าม่านสีฟ้าใส มีโต๊ะเขียนหนังสือตั้งติดกับชั้นวางหนังสือ ถัดไปเป็นโต๊ะคอมพิวเตอร์จัดวางไว้ที่มุมผนังชิดหน้าต่างของห้อง เมื่อมองลอดหน้าต่างออกไปจะเห็นสวนหย่อมและสนามหญ้าข้างบ้านสีเขียวขจีชวนมอง ถัดจากหน้าต่างมาอีกด้านหนึ่งของห้อง เป็นกระจกใสไว้คอยรับแสงสว่าง โดยมีชุดผ้าม่านสีเดียวกัน ไว้คอยปิดกั้นสายตาของคนภายนอกที่จะมองทะลุปรุโปร่งเข้าไปภายในห้องได้ และมีประตูเลื่อน เปิดออกสู่ระเบียงด้านหลังห้องซึ่งทำราวรั้วกั้นเป็นอะลูมิเนียมทำให้สามารถมองเห็นทัศนียภาพของสวนหย่อมหลังบ้าน และศาลาทรงไทยเล็ก ๆ กลางสวนได้ แม้นอนอยู่บนเตียง ซึ่งเป็นมุมพักผ่อนที่ต้นข้าวชอบไปนั่งอ่านหนังสือและเล่นกับเจ้าสี่ขาสองตัวสุนัขตัวโปรด มุมระเบียงนี้เป็นมุมโปรดที่ต้นข้าวชอบมายืนรับไออุ่นจากแสงแดดในยามเช้า ด้านในสุดของห้อง เป็นห้องน้ำในตัว ตกแต่งด้วยกระเบื้องสีฟ้าใสและชุดสุขภัณฑ์ชั้นหรูดูเข้าชุด มีโต๊ะเครื่องแป้งและตู้เสื้อผ้าตั้งอยู่ด้านหน้าห้องน้ำนั้น ตรงกลางห้องมีเตียงนอนขนาดกลางปูด้วยผ้าปูที่นอนสีฟ้าอ่อนดูสดใสหวานแหววเข้ากับชุดเครื่องนอนสีเดียวกัน มีตุ๊กตาหมีพูห์ตัวโปรดตัวใหญ่อยู่บนเตียง ถัดจากหัวเตียงมีโต๊ะสำหรับตั้งโคมไฟแบบคลาสสิกอยู่หนึ่งตัว ตรงข้ามกับเตียงนอนมีทีวีสีจอแบนขนาด 21 นิ้ว พร้อมชุดเครื่องเล่น MP3 สเตอริโอจัดวางอยู่ในชั้นใต้ทีวี อีกทีหนึ่ง บนผนังห้องประดับตกแต่งด้วยภาพเขียนสีน้ำมันเป็นทัศนียภาพของท้องนาในชนบท บนเพดานเป็นชุดพัดลมและโคมไฟแบบคลาสสิก สวยงาม มีแอร์คอนดิชั่นติดอยู่บนผนังเหนือขอบหน้าต่าง ไว้คอยปรับอากาศภายในห้องให้เย็นฉ่ำในวันที่อากาศร้อนอบอ้าว

ต้นข้าวทิ้งตัวลงบนที่นอนหนานุ่มนั้น อย่างสบายตัว สมองโล่งปลอดโปร่งยิ่งนักเมื่ออยู่ในโลกส่วนตัวใบนี้ ห้องของเขาดูจะเป็นที่ที่สะดวกสบายที่สุดสำหรับเขา

   ต้นข้าวหยัดตัวลุกขึ้นนั่งแล้วคว้ากระเป๋ามารื้อค้นเอาหนังสือวิชาที่อาจารย์สั่งงานไว้ออกมากองไว้ที่พื้นห้องตรงหน้าเตียง ก่อนเดินไปเปิดเพลงจากเครื่องเล่น MP3 แล้วกลับมานั่งกึ่งนอนทำการบ้าน ฮัมเพลงคลอไปด้วยเบา ๆ อย่างสบายอารมณ์


คืนนั้น หลังจากลงไปกินข้าวเย็นพร้อมหน้าสามคนพ่อแม่ลูกแล้ว ต้นข้าวขึ้นมาอาบน้ำ แต่งชุดนอนลายหมีพูห์เนื้อผ้าบางเบาสบาย ๆ แล้วหาหนังสือวิชาที่จะต้องเรียนในวันพรุ่งนี้มาอ่านล่วงหน้า และจัดกระเป๋า เตรียมตัวไปเรียนในวันรุ่งขึ้น ก่อนจะเข้านอน ในเวลา สี่ทุ่มเศษ ๆ


‘เอ๊ะ นี่มันที่ไหนนะ เรามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แปลกจัง’

ต้นข้าวสวมชุดนอนลายหมีพูห์ตัวบางเบาที่ตนเองใส่นอน เขาไม่ได้นอนอยู่บนที่นอนอันหนานุ่ม ในห้องอันคุ้นเคย แต่กำลังยืนอยู่ท่ามกลางทุ่งกว้างสุดลูกหูลูกตาที่ปกคลุมด้วยผืนหญ้าอันเขียวชอุ่ม ตัดกับขอบฟ้าสีครามสดใส มันดูเวิ้งว้างจนทำให้ใจเริ่มฝ่อหวิว แต่อากาศอันบริสุทธิ์ และทัศนียภาพที่สวยงามตรงหน้า ก็ทำให้ต้นข้าวสดชื่นอย่างสุดจะพรรณนา เขากางแขนออกจนสุดเหยียด ดวงตาคู่สวยนั้นค่อย ๆ หลับพริ้มลง อย่างสุดที่จะควบคุมและห้ามใจได้ พลางแหงนหน้าเชยคางขึ้นสูดรับอากาศบริสุทธิ์นั้นเข้าไปจนเต็มทุกอณูปอด ลมเย็น ๆ พัดโชยมาปะทะร่างบอบบางจนชุดนอนบางเบานั้นปลิวพลิ้วไสวไปตามแรงลม

เนิ่นนานทีเดียว แล้วต้นข้าวก็รู้สึกเหมือนกับว่าตนเองกำลังตัวลอย ขึ้นไปในอากาศ ได้ เพราะเท้าเขาไม่ได้สัมผัสกับพื้นหญ้าสีเขียวนั่นอีกแล้ว เขาล่องลอยไปอย่างอิสระไร้จุดหมาย เหมือนตัวเองเบาเหมือนปุยนุ่นล่อยลอยไปอย่างช้า ๆ ตามกระแสลมอ่อน ๆ ที่พัดโชยในห้วงเวหา

“สบายจริง ๆ สบายที่สุด ไม่เคยสบายอะไรอย่างนี้มาก่อนเลย...” ต้นข้าวพึมพำกับตัวเองเบา ๆ

ทันใดนั้นต้นข้าวก็รู้สึกได้ด้วยสัมผัสว่ามีร่าง ๆ หนึ่ง สอดแทรกเข้ามาทางเบื้องหลัง เขาชั่งดูแข็งแกร่ง และอบอุ่นยิ่งนัก สองมือหนาแกร่งคู่นั้นสอดเข้ามาเกาะกุมที่เอวคอดกิ่วน้อย ๆ ของหนุ่มร่างเพรียวบาง แล้วเลื่อนเข้ามากอดรัดตัวเขาไว้อย่างหลวม ๆ ต้นข้าว รู้สึกว่าตนไม่ได้ล่องลอยอย่างอิสระอีกแล้ว เมื่อถูกตะกองกอดไว้ด้วยท่อนแขนแข็งแรงและกำยำนั้น ด้วยความอบอุ่นที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างนั้นถ่ายทอดเข้าสู่ตัวเขา มันเหมือนกับแม่เหล็กที่มีแรงดึงดูดมหาศาล ดูดดึงตัวเขาเอาไว้ ต้นข้าวโน้มตัวพิงอกแกร่ง พร้อมปล่อยน้ำหนักตัวให้ร่างนั้นรองรับไว้อย่างลืมตัว ลมหายใจอุ่น ๆ เป่ารดใบหูของเขา มันทำให้รู้สึกจั๊กจี้จนเสียวซ่านอย่างแปลก ๆ

ต้นข้าวลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ ภาพทุ่งหญ้าเขียวชอุ่มก่อนหน้านี้มันหายไปแล้ว ภาพเบื้องหน้าเป็นทุ่งดอกบัวสวรรค์ สีชมพูหวาน ชูช่อสลอน รับน้ำค้างและไอหมอกที่ล่องลอยระเรื่อพื้นในยามเช้า แต่ความสดชื่นกลับไม่ได้จากหายไปด้วย ยิ่งรู้สึกว่ามันชุ่มชื้นขึ้นไปอีก

“เป็นไงมั่งครับ สุดที่รักของผม”

เสียงทุ้ม ๆ ซึ่งฟังดูคุ้นหู ดังขึ้นอย่างแผ่วเบาที่ข้างหู ใช่... มันมาจากร่างนั้น ต้นข้าวตื่นจากภวังค์ในทันที เขายันตัวขึ้นยืนด้วยเท้าของตัวเอง สองมือแกะมือหนาแกร่งที่เกาะกุมตะกองกอดเอวเขาอยู่ออกอย่างพัลวัน เมื่อหลุดพ้นเป็นอิสระจากการพันธนาการ ต้นข้าวหันไปมองหน้าคน ๆ นั้น อย่างรวดเร็ว

ต้นข้าวถึงกับตะลึง ดวงตาคู่สวยเบิกกว้าง   “ไอ้ขี้เก๊ก นาย…ไอ้คนฉวยโอกาส ใครที่รักของนายไม่ทราบ”

แล้วกำปั้นน้อย ๆ ก็ส่งหมัด ลอยละลิ่วตรงใส่ใบหน้าคมเข้มนั่นอย่างรวดเร็ว

‘หมับ’ มือใหญ่ ๆ นั่นกุมกำหมัดเล็ก ๆ นั้นจนเกือบมิด ต้นข้าวสะบัดอย่างสุดแรงเกิด แต่มันหาได้หลุดพ้นออกมาไม่ แถมโดนแรงบีบรัดจนปวดหนึบไปหมด เมื่อ หมัดแรกไม่ได้ผม อีกข้างยังมีนี่ และแล้วมันก็พุ่งตรงเข้าสู่เป้าหมายเดิมที่ทำหน้ายียวนลอยเด่นอยู่นั้น ‘หมับ’ ผมออกมาเช่นเดิม

“ปล่อยนะเว้ย” ต้นข้าวพยายามเตะถีบไปที่ร่างแข็งแกร่งนั้นแต่ทิวไผ่หาได้สะทกสะท้านแต่อย่างใด

“ไม่ปล่อย ซ่าดีนัก เล่นกับใครอยู่ไม่ทราบ หึหึ” พลันจับสองมือน้อย ๆ พลิกขัดหลังอย่างฉับพลัน

“โอ๊ย” ต้นข้าวส่งเสียงร้องออกมาอย่างเจ็บปวด ร่างบางนั่นถูกรวบแบกขึ้นบ่าอย่างรวดเร็ว

“ปล่อยนะเว้ย ไอ้บ้า... นายไม่มีสิทธิ์มาทำกับฉันอย่างนี้นะ นายจะพาฉันไปไหน ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะไอ้บ้า”
ต้นข้าวได้แต่ดิ้นขยุกขยิก ไปมา สองมือน้อย ๆ กำ กำปั้นทุบหลังทิวไผ่ดังตุบตับ ๆ

“ไปไหนเดี๋ยวก็รู้เอง หยุดบ้าได้แล้ว” ทิวไผ่พูดสวนมาอย่างห้วน ๆ

ต้นข้าวขัดขืนจนเริ่มหมดแรง เมื่อไม่มีทางที่จะหลุดพ้นเป็นอิสระได้อย่างง่าย ๆ เพราะโดนแบกห้อยอยู่บนบ่าอย่างนั้น เขามองสำรวจไปรอบ ๆ ตัวอีกครั้ง

เอ๋... สภาพแวดล้อมรอบข้างเริ่มเปลี่ยนไปอีกแล้ว ทุ่งดอกบัวสวรรค์อันสวยงามหายไปไหน มันเปลี่ยนเป็นทุ่งทิวลิปสีม่วงสด ไปแล้ว

ทิวไผ่ยังคงก้าวเดินไม่หยุด ต้นข้าวขยี้ตากับสิ่งที่พบเห็นอย่างงุนงง แต่แล้ว ต้นข้าวยิ่งแปลกใจหนักเข้าไปอีก เมื่อลืมตาขึ้นจากการขยี้ต้องพบกับทุ่งดอกป๊อบปี้สีแดงสด ลามออกไปเต็มท้องทุ่งอย่างรวดเร็ว

‘มันอะไรกันเนี่ย’ ต้นข้าวงุนงงอย่างหนัก พลางบอกให้ทิวไผ่ปล่อยตัวเองลงได้แล้ว ซึ่งก็ได้รับการปลดปล่อยอย่างว่าง่าย ต้นข้าวมองสำรวจ ไปรอบตัวอย่างแปลกใจ อยู่ ๆ ท้องฟ้าก็เริ่มมืดครึ้ม หมู่เมฆดำทะมึนลอยเข้ามาปกคุมไปทั่วบริเวณ เหมือนพายุฝนห่าใหญ่กำลังจะเทลงมาในไม่ช้า มันดูน่ากลัวยิ่งนัก ความแจ่มใส่ลบเลือนหายไปหมด เหมือนอากาศจะน้อยลงอย่างรวดเร็ว ต้นข้าวรู้สึกอึดอัด จนหายใจแทบไม่ออก

แล้วทันใดนั้น ทุ่งดอกป๊อบปี้สีแดงสดที่อยู่ตรงหน้าพลันพากันหลอมละลายกลายเป็นน้ำเลือดสีแดงฉานท่วมไปทั่วบริเวณ ส่งกลิ่นคาวคละคลุ้งชวนอ้วก อย่างน่าสยดสยองยิ่งนัก
ต้นข้าวขนลุกซู่ รู้สึกจุกเหมือนลำคอตีบตัน กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากเหมือนกับกลืนก้อนอะไรแข็ง ๆ ลงคอ
“ทิวไผ่” ต้นข้าวใจเต้นแรงไม่เป็นส่ำ ส่งเสียงเรียกเพื่อน พลางก้าวถอยหลังอย่างช้า ๆ รู้สึกว่าขาทั้งสองข้างดูจะอ่อนแรงลงอย่างฉับพลัน เงียบ! ไม่มีเสียงตอบรับ และแล้วก็ปะทะเข้ากับร่าง ๆ หนึ่ง

ต้นข้าว ต้องตกใจสุดขีด! หน้าซีดเผือด เมื่อหันไปพบว่า ทิวไผ่ใบหน้ามองคล้ำ ร่างกายชุ่มไปด้วยเลือด หัวใจที่เต้นแรงอยู่แล้วร่วงลงไปอยู่แทบเท้า รู้สึกว่าจะเป็นลมเสียให้ได้ แต่ก็กล้ำกลืนฝืนทนยืนหยัดไว้ด้วยสองขาที่ดูเหมือนจะหมดเรี่ยวแรงไปเสียแล้ว เขาลากขาที่หนักอึ้งเหมือนมี ก้อนหินก้อนใหญ่มาถ่วงไว้ พยายามถอยกรูดด้วยความหวาดกลัว จนสะดุดล้มลงก้นจ้ำเบ้า ต้นข้าวยกมือขึ้นกุมหน้าท้องเมื่อรู้สึกว่าจุก ๆ เอ๊ะ! ทำไมมีน้ำอะไรแฉะ ๆ

“ไม่!!!...” ต้นข้าวร้องออกมาอย่างสุดเสียง เมื่อพบว่าตามร่างกายเขาเองก็เต็มไปด้วยเลือดสีแดงฉาน


...
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 30-04-2007 05:26:34
ค้างเลยคุณกานต์ ต่ออีกหน่อยจิ :dont2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 30-04-2007 09:54:53
ขอบคุณครับ  เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 30-04-2007 15:45:29
เหอเหอ

ค้างอย่างแรง

 :serius2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 30-04-2007 22:06:45
 :o ต้นข้าวฝันไปใช่มะ  :serius2:
ฝันได้น่ากลัวมากกกกกกกกกกก   :call:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 30-04-2007 22:57:35
อุตส่าห์ลุ้นว่าจะมีงูออกมาอ่ะป่าว :kikkik:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 30-04-2007 23:35:09
รอต่อจ้า :อกหัก:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: sabishiikant ที่ 01-05-2007 05:19:36
มาต่อแล้วนะครับ
ลงวันละรอบน้อยไปมั้ยเนี่ย  :yeb:

/////////////////////////////////////////////////////////////////

   “ลูกต้น ๆ เป็นอะไรมากรึเปล่าลูก ลูกต้นตอบหม่ามี้สิ” เกศสินี เขย่าตัวลูกชายของเธอเบา ๆ เพื่อเรียกสติให้ต้นข้าวกลับคืนมา

   “แม่จ๋า ต้นฝันร้าย” เมื่อรู้สึกตัวตื่นจากนิทรารมย์ ต้นข้าวผวาเข้าสวมกอดเกศสินีผู้เป็นมารดาทันที เธอกอดตอบลูกชายสุดที่รักพลางลูบหัวและแผ่นหลังเบา ๆ เป็นการปลอบโยน

   “ไม่เป็นไรจ้ะลูก มันเป็นแค่ความฝันน่ะ ไม่ใช่เรื่องจริงหรอก อืม...ลูกไม่นอนฝันร้ายมานานแล้วนี่นา คิดอะไรมากไปรึเปล่าจ๊ะ กลุ้มใจเรื่องอะไรอยู่หรือเปล่า บอกหม่ามี้ได้นะ แล้ว...ลูกฝันว่าไงเหรอ หม่ามี้เห็นร้องลั่นเลย นึกว่าเกิดอะไรขึ้นซะอีก” เกศสินี ถามไถ่ลูกชายคนเดียวของเธอด้วยความเป็นห่วง

   “เปล่าหรอกครับแม่ สงสัยต้นดูหนังสยองขวัญ มากไปหน่อย ....ต้นฝันว่า...มีเลือดท่วมตัวต้นเลยครับ”

ปดไปแล้ว ไม่บ่อยครั้งนัก ที่ต้นข้าวจะพูดโกหก แต่สิ่งที่มันอยู่ในความฝันนั่น จะให้เขาพูดกับมารดา ตรง ๆ ไปได้อย่างไรล่ะ แต่ยังไงสิ่งที่เขาบอกมารดาไปก็ใช่จะโกหกเสียทั้งหมดเมื่อไหร่ เพียงแต่ไม่บอกความจริงทั้งหมดเท่านั้นเอง

“งั้นลูกก็อย่างดูบ่อยนักนะจ๊ะ เดี๋ยวติดตา เก็บมาฝันร้ายอีก อื้ม...ไปอาบน้ำซะ จะได้สดชื่น เหงื่อโชกท่วมตัวเลย ดึกแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปโรงเรียนไม่ทันนะ งั้นหม่ามี้ไปนอนก่อนนะจ๊ะ ราตรีสวัสดิ์จ้ะ” เกศสินี หอมแก้มลูกชายฟอดใหญ่ ก่อนเดินออกจากห้องต้นข้าวไปยังห้องนอนของตน

“บ้าชิบ...ไอ้ขี้เก๊กนั่นตามมาราวีเราถึงในฝันเลยหรือเนี่ย อ๊าก......” ต้นข้าวขยี้ศีรษะตัวเองอย่างหงุดหงิด ก่อนลงจากเตียงนอน ถอดชุดนอนที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อโยนลงตะกร้า

สายน้ำฉ่ำเย็น พุ่งออกจากฝักบัวกระทบกับผิวกายเปล่าเปลือยที่ยืนรับการชำระล้างร่างกายจากสายธาร แห่งความสดชื่น  ต้นข้าวเงยหน้าขึ้นรับกระแสน้ำที่พุ่งออกมาเป็นสาย จนศีรษะเปียกชุ่ม ‘หวังว่าสายน้ำอันเย็นฉ่ำนี้ จะช่วยลบเลือนความทรงจำร้าย ๆ ในความฝันนั่นให้หมดไปนะ’


………………………………………………………………………………………………………


วันนี้ เป็นเช้าวันใหม่ที่ไม่ค่อยจะสดใสนักของต้นข้าว  เพราะเป็นผลมาจากการฝันร้าย ถึงแม้จะลุกมาอาบน้ำ ให้สดชื่นแต่หลังจากนั้นก็ทำให้ต้นข้าวนอนหลับได้ไม่เต็มที่นัก

“หวัดดีต้น” เสียงเพื่อนคนหนึ่ง ทักทาย เมื่อต้นข้าวเดินขึ้นมาบนอาคารเรียน

“ดี” ต้นข้าวตอบกลับเสียงห้วน ๆ จนคนทักหน้าเสีย

“เฮ่ย มันไปกินรังแตนที่ไหนมาแต่เช้าวะนั่น” เพื่อนอีกคนที่เห็นใบหน้าโทรม ๆ บึ้งตึง ของต้นข้าวเดินเข้ามาคุยกับคนที่ทักทายต้นข้าว

“ไม่รู้มัน คงไม่ได้นอนมั้ง ดูหน้ามันสิ” เพื่อนคนเดิมพูดเสริม

ต้นข้าวเดินจ้ำอ้าว ขึ้นห้องมาอย่างอารมณ์บูดค้างมาแต่เมื่อคืน ‘เจ็บใจนัก ในฝันทำอะไรนาย นั่นไม่ได้ดูซิ เจอตัวจริง ๆ จะตั๊นหน้าเข้าให้’ เมื่อก้าวเข้าไปในห้องก็พบว่าสายฟ้า กำลังคุยกับทิวไผ่อยู่ก่อนแล้ว ยิ่งทำให้อารมณ์โกรธที่มีอยู่เป็นทุนเดิมก็มากพอแล้ว กลับพุ่งพล่านเดือดทะลุองศาปรอท

สายฟ้าเหลือบมาเห็นต้นข้าวเข้าพอดี

“อ้าว ต้นมาแล้วเหรอ เป็นไงมั่ง ทำไมวันนี้หน้าโทรม ๆ เมื่อคืนนอนน้อยเหรอ อ่านหนังสือมากล่ะสิ อย่าหักโหมนักนะ เดี๋ยวหน้าใส ๆ หมองคล้ำ ได้หมดหล่อกันพอดี” สายฟ้าทักทายถามไถ่เพื่อนรัก ด้วยความเป็นห่วง แกมกระเซ้าเย้าแหย่

“เปล่าหรอก อยากตั๊นหน้าคนบางคน” ต้นข้าวตอบ สายตาจับจ้องทิวไผ่ที่นั่งมองมาอย่างจะจับฉีกเนื้อออกเป็นชิ้น ๆ แล้วพยายามปรับสีหน้าให้ดูเรียบเฉย เพื่อระงับอารมณ์โกรธให้สงบลง ‘ไม่ได้ ต้นข้าว นายต้องหาเหตุผลที่ดีกว่านี้ ที่จะเอาคืนนายนี่ แค่เรื่องในความฝันมันดูไร้สาระเกินไป ฝากไว้ก่อนเถอะ ไอ้ขี้เก๊ก’

“พาลแต่เช้าเลยนะต้น เฮ้อ...” สายฟ้าย้อน พร้อมกับถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายนิสัยของเพื่อนรัก

“หวัดดี คุณต้น มาซะเช้าเชียวนะครับ” ทิวไผ่เปิดฉากการสนทนาด้วยการทักทายต้นข้าวก่อน แต่ไม่วายมีการแดกดัน นิด ๆ

“เช้ากะผีอะไรล่ะ นี่จะเคารพธงชาติอยู่แล้ว ก็ใครล่ะที่...” ต้นข้าวชะงัก ‘เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ เกือบหลุดปากถึงสาเหตุที่ทำให้เรามาสายวันนี้ไปซะแล้ว จะให้ไอ้บ้านี่รู้ไม่ได้เสียฟอร์มหมด’

“ใครอะไรเหรอ” สายฟ้าถามอย่างสงสัย ขณะที่ทิวไผ่ก็ทำหน้าอยากรู้ในสิ่งที่ต้นข้าวกำลังจะพูดต่อไป

“เปล่า...ไม่มีอะไร เอาเป็นว่า มาสายก็ยังทันเคารพธงชาติละกัน ไม่ได้มาเช้าเพื่อลอกการบ้านเพื่อนเหมือนใครบางคน”

“ไม่ได้ลอกนะ แค่คุยกันเรื่องโจทย์เลขที่ไม่เข้าใจเท่านั้นเอง ใช่มั้ยครับฟ้า” ทิวไผ่ส่งสายตาเยาะต้นข้าว

“อ่าใช่ เราคุย เรื่องโจทย์เลขที่อาจารย์ให้ไปดูมาที่จะเรียนในวันนี้อยู่น่ะต้น มาดูด้วยกันสิ จะได้ช่วยกันคิด” สายฟ้าพูดเสริมทิวไผ่

“นั่นมันเรื่องของพวกนาย เชิญ ไม่อยากเสวนากับคนบางคน” ต้นข้าวตอบปฏิเสธอย่างพาล ๆ สายฟ้ามองหน้าทิวไผ่อย่างทำใจ กับนิสัยขวางโลกของต้นข้าว

ต้นข้าวเดินไปยังโต๊ะของตัวเอง แล้วหย่อนก้นลงนั่งบนเก้าอี้ แกล้งทำเป็นเอาหนังสือขึ้นมาอ่าน แต่สายตาแอบลอบมองสายฟ้ากับหนุ่มหน้าคมเข้มอยู่เนือง ๆ ต้นข้าวรู้สึกไม่ค่อยพอใจนักที่เพื่อนรักไปสนิทสนมกับเด็กใหม่นั่น ‘ฟ้านะ ฟ้า รู้ก็รู้ว่าเราไม่ชอบหน้ามันยังไปทำดีกับมันอยู่ได้ ค่อยดูนะ คนอย่างไอ้ต้นไม่ยอมเสียเพื่อนให้คู่อริแน่’

“อืม ฟ้าครับ ต้นข้าวเขาเป็นอย่างนี้กับทุกคนที่เค้าไม่ชอบเหรอ” ทิวไผ่ถามสายฟ้าอย่างสงสัยใคร่รู้ เพราะเพื่อนสนิทกันน่าจะรู้จักนิสัยกันดี

“ก็เปล่าหรอกนะครับ ถ้าบางที คน ๆ นั้น เขานิ่งเฉยเสีย ไม่เล่นด้วย ต้นมันก็เลิกยุ่ง ไม่สนใจ แบบว่าเป็นคนไม่ยอมคนง่าย ๆ น่ะครับ ถ้ามีใครมาตอแยด้วย ต้องตายกันไปข้างหนึ่งเลยล่ะ ฟ้าล่ะเซ็ง ทำใจแล้ว คงแก้ไม่หาย” สายฟ้าสาธยายถึงนิสัยของเพื่อนรักที่เจ้าตัวเองก็ค่อนข้างที่จะเอือมระอานิด ๆ

……………………………………………………………………………………………………..
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 01-05-2007 06:10:55
 :laugh3: แค้นจนเอาไปฝัน  :laugh3:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 01-05-2007 08:21:05
หุหุ ต้นข้าวฝันร้าย โอ๋ ๆ ๆ ฝันร้ายจะกลายเป็นดีนะ เกลียดอะไรจะได้สิ่งนั้น  :call:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: jammy ที่ 01-05-2007 09:36:20
ในฝันอาบเลือด    ในความจริงจะอาบอะไร    อิๆ  :kikkik:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 01-05-2007 11:28:15
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 01-05-2007 17:21:52
เลียดอย่างไหน มักได้อย่างนั้น จิงๆ นะ

 :serius2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 01-05-2007 17:26:05
ฝันบอกเหตุป่าว  โชกเลือดเลยอ่า   :kikkik:

รออ่านต่อจ้า  :yeb:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: sabishiikant ที่ 02-05-2007 03:51:32
บทที่ 3 : คู่ปรับตัวจริง

   ‘อย่างนี้นี่เอง ลูกคนเดียว เอาแต่ใจตัวเอง ไม่ยอมคน... ดีล่ะไอ้ไผ่ก็ไม่ยอมคนเสียด้วยสิ ถึงจะไม่ใช่ลูกคนเดียวก็เถอะมีอะไรให้เล่นสนุกๆ คลายเครียดแล้วว่ะเรา สร้างวีรกรรมปราบพยศเจ้าถิ่นให้ขึ้นชื่อลือชาไปทั้งโรงเรียน คงจะสนุกพิลึก’ แผนการต่าง ๆ หลั่งไหลโลดแล่นเข้ามาในหัวสมองของทิวไผ่
   ‘สายฟ้าจะเป็นกุญแจสำคัญให้ทุกสิ่งทุกอย่างสำเร็จลุล่วง’

   “กรี๊ดดด! ...” เสียงกรีดร้องแสบแก้วหูของเพื่อนสาวในห้องคนหนึ่ง ดังมาจากมุมหลังห้อง เธอวิ่งด้วยอาการตื่นตระหนกตกใจและกระโดดเข้าสวมกอดทิวไผ่ที่นั่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก อย่างลืมตัว ทุกสายตาในห้องนั้น ต่างจับจ้องมาที่เด็กสาวที่กอดทิวไผ่อยู่ รวมทั้งสายฟ้า และต้นข้าวด้วย  สายฟ้าที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ จับจ้องใบหน้าคมเข้มของทิวไผ่ และแม่สาวคนนั้นอย่างงงงวย ทิวไผ่ได้แต่ยิ้มแหยง ๆ
   
   “เกิดอะไรขึ้น เหรอ” ทิวไผ่ถามออกไปเมื่อเพื่อนสาวคลายอาการหวาดวิตกลงไป

   “งู ๆ งูมันอยู่หลังห้องในซอกถังขยะนั่น เรากำลังจะเอาขยะไปทิ้งมันชูคอออกมาจากถังขยะเลย ฮือ ๆ น่ากลัวที่สุดเลย” เธอละล่ำละลักออกมาเสียงสั่น

 “เอ่อ...งูเหรอ” ทิวไผ่หน้าถอดสีอย่างเห็นได้ชัด รู้ทั้งรู้ว่าตัวเองไม่ถูกกับงูนัก เพราะสมัยเด็ก ๆ ทิวไผ่โดนงูกัดมาแล้ว และกลัวงูจนฝังใจมาตลอด แต่จะให้บอกไปตามตรงก็ใช่ที่ เสียฟอร์มหมด แถมซ้ำเดี๋ยวจะกลายเป็นจุดอ่อนให้ต้นข้าวเอามาเล่นงานเขาอีก และจะโดนเพื่อน ๆ ล้อว่า ตัวใหญ่ซะเปล่า กลับกลัวงูซะนี่

“เอ่อ ปล่อย...เราได้แล้ว” ทิวไผ่พูดเสียงเนือย ๆ และสะกิดตัวเพื่อนสาวเบา ๆ เธอคลายวงแขนออกทันทีที่ตื่นจากภวังค์เมื่อรู้สึกว่าตัวเองทำอะไรอยู่ แล้วหน้าแดงก่ำเขินอายอย่างสุดขีด

ต้นข้าวซึ่งจับตาดูเหตุการณ์มาตลอด ก็จับสีหน้าของทิวไผ่ได้ทันที

“โธ่เอ๊ย...กะอีแค่งูก็กลัว ตัวโตซะเปล่า” พูดเสียดสี ออกไปอย่างสะใจ พลางหัวเราะเย้ยหยัน

“ใคร... ใครกลัว ไม่ทราบ” ทิวไผ่ตอบโต้ออกไปอย่างเสียฟอร์ม

“ไม่กลัวแล้วนั่งทึ่มอยู่ทำไม ดูทำหน้าเข้าสิ ยังกับเห็นผีงั้นแหละ หมั่นไส้ว่ะ กกสาวอยู่ได้ ทุเรศ มานี่ฉันจัดการเองกะอีแค่งู ไหน มันอยู่ไหน” ต้นข้าวคว้าได้ด้ามไม้กวาดแล้วเดินตรงดิ่งเข้าไปยังถังขยะต้นเหตุ

“เออ... ทำเป็นเก่ง... เดี๋ยวโดนงูกัดตายขึ้นมาคนเขาคงสรรเสริญเป็นวีรบุรุษหรอกนะคุณต้นข้าว” ทิวไผ่แดกดันกลับอย่างฉุน ๆ ‘พลาดท่าให้ไอ้หน้าใสนี่แล้วมั้ยล่ะเรา แสบชะมัดยาด คอยดูนะจะเก่งได้ซักกี่น้ำ’

“ค้าบ...คุณทิวไผ่ แค่งูเขียวธรรมดาตัวเท่านิ้วก้อยเอง ไม่มีพิษด้วยจ้างให้ก็กัดไม่ตายหรอก สงสัยเข้ามาตามกิ่งไม้ที่พาดเข้ามาในระเบียงตึกมั้ง ช่วงนี้ฝนตกบ่อยมันคงมาหลบฝน”

ต้นข้าวตอบกลับ พลางเอาด้ามไม้กวาดเขี่ยเจ้างูน้อยตัวนั้นโยนออกไปทางระเบียงด้านหลังอาคารเรียน

   ยิ่งรู้ว่าเป็นแค่งูเขียวยิ่งทำให้ทิวไผ่รู้สึกเสียหน้าหนักเข้าไปอีก มาเรียนที่นี่ได้ไม่ถึงสองวัน กลับโดนเจ้าถิ่นตัวร้ายจับไต๋ได้ซะแล้ว ‘แค้นนี้ต้องชำระ นายต้องโดนเอาคืนแน่ไอ้คุณต้นข้าว โทษฐานที่บังอาจหักหน้าคนอย่างทิวไผ่’

   “ต๊ายตาย น่าอิจฉาแม่นั่นจัง ได้กอดสุดหล่อของห้องด้วย แต่เสียดายจัง เป็นชั้นหน่อยไม่ได้ จะทั้งกอดทั้งหอมแก้มไม่ปล่อยเลยล่ะย่ะหล่อน” มีเสียงผู้หญิงและสาวเทียมจับกลุ่มกันทั้งแซว ทั้งนินทาให้ได้ยินอย่างโจ่งแจ้งอีกแล้ว ทิวไผ่ได้แต่ทำหน้าแหย ๆ

   “ฟ้าครับ ต้นข้าวเค้าเก่งจังเนาะ เห็นตัวผอม ๆ บาง ๆ อย่างนั้น ไม่กลัวงูด้วย”

 “ไม่รู้มันสิครับไผ่ ไอ้เจ้านี่มันแปลก ๆ ฟ้าคบกับต้นมาหลายปีก็ไม่เข้าใจอ่ะ” สายฟ้าตอบอย่างพาซื่อ

“ยังไงหรอครับ” ทิวไผ่ทำเสียงอย่างอยากรู้ ท่าทางสนอกสนใจ

“ก็ แบบว่า... ต้นมันจะกลัวในสิ่งที่ชาวบ้านเค้าไม่ค่อยจะกลัวกันน่ะ อย่างพวกงูเงี้ยวเขี้ยวขอ พวกแมลงแปลกๆ แมลงสาบ หนอนบุ้ง อะไรนี่ มันไม่กลัวหรอกครับ”

“เหรอครับ แล้วเค้ากลัวอะไรหรอ” ทิวไผ่รุกต่อ

“อืมน่าจะเป็นจิ้งจกอ่ะ ต้นมันบอกไม่ค่อยชอบ เห็นแล้วแหยง ๆ จั๊กจี้” สายฟ้าตอบไปตามตรงอย่างไม่ระแคะระคายว่า ทำไมทิวไผ่ถึงสนใจในสิ่งที่ต้นข้าวกลัวนัก

‘หึหึ เจ้านั่นกลัวจิ้งจกหรอกเหรอ ดีล่ะ นายต้นข้าวเอ๋ย อยากจะรู้นัก นายจะทำหน้ายังไงเมื่อเจอคู่ปรับสี่ขาของนาย’ ทิวไผ่แสยะยิ้มที่มุมปากน้อย ๆ กระหยิ่มยิ้มย่องกับแผนการเอาคืนเจ้าถิ่นของตนเอง

“แล้วไผ่ถามทำไมหรอครับ” สายฟ้า ถามกลับทิวไผ่ด้วยความสงสัย

“อ้อ...เปล่าหรอกครับ เห็นต้นเค้าไม่กลัวงู แล้วฟ้าเปรยว่าต้นไม่ค่อยกลัวอะไร เลยนึกว่าจะกลัวอะไรไม่เป็นเหมือนชาวบ้านเค้า”

“อืม...แล้วไผ่ไม่ชอบงูหรอครับ” สายฟ้าถามกลับ เพื่อยืนยันความเข้าใจของเขาในสิ่งที่เห็นจากสีหน้าท่าทางและอาการของทิวไผ่ที่แสดงออกก่อนหน้านี้

“อ่า... ใช่ครับ” ทิวไผ่ตอบหน้าเจื่อน ๆ อย่างจนมุม เพราะจำนนต่อหลักฐาน พลางโทษตัวเองที่เก็บอาการไม่อยู่เพราะความกลัวที่ฝังใจ
“คือตอนเด็ก ๆ สมัยผมอยู่ชั้นอนุบาลกำลังวิ่งเล่นอยู่ในสนามหญ้าแถวสนามเด็กเล่น เผอิญวิ่งไปเหยียบเอาหางงูเข้ามันเลยแว้งมากัดเข้าที่น่องน่ะครับ ผมตกใจมากร้องไห้ลั่นเลย ถึงหมอจะว่าไม่ใช่งูผิดแต่มันก็กัดเจ็บมาก ๆ เลยนะ เลยกลัวมาจนถึงทุกวันนี้ล่ะครับ แถมโดนฉีดยากันบาดทะยักอีก ทั้งงู ทั้งเข็มเลย” ทิวไผ่พูดเจือหัวเราะอย่างอาย ๆ

“เฮ้อ...เดี๋ยวนี้ได้เพื่อนใหม่แล้วนี่ เพื่อนคนนี้ก็คงหมดความหมายแล้วซินะ คุยกันสนิทสนมกันจ๊าง... เมื่อวานยังไม่จ้อเก่งขนาดนี้นี่นา” ตาทำเป็นอ่านหนังสือ แต่ปากยังส่งเสียงแดกดันแกมตัดพ้อดังมาจากโต๊ะอีกมุมหนึ่งของห้อง หารู้ไม่ว่าความลับของตัวเองโดนเพื่อนรักเปิดเผยไปโดยไม่ตั้งใจไปซะแล้ว

“อีกแล้วนายต้น นายนี่จะไม่ให้เราคบเพื่อนคนอื่นนอกจากนายคนเดียวเลยหรือไงนะ เราแค่นั่งคุยกับไผ่เท่านั้นเองนะ” สายฟ้าแหวเพื่อนอย่างเอือม ๆ

“จ๊า...พ่อเพื่อนยาก เราไปจำกัดสิทธิของนายเมื่อไหร่ไม่ทราบ ไปก็ได้วะ ไม่อยู่เป็นก้างขวางคอแล้ว เชิญตามสบายเหอะ จะทำอะไรกันก็เชิญ”
 ต้นข้าวพูดจบ ลุกจากเก้าอี้พร้อมหนังสือเล่มที่ถืออยู่ในมือเดินออกจากห้องไปอย่างขัดใจ

“เฮ้ย...ไอ้ต้น พูดอะไรของนายวะ พูดแบบนี้หมายความว่ายังไงไม่ทราบ เฮ่ย... อย่างพึ่งไปสิ มาคุยกันให้รู้เรื่องก่อน” สายฟ้าตะโกนตามหลังเพื่อนไปอย่างเคือง ๆ และคาใจในสิ่งที่ต้นข้าวพูดทิ้งท้าย

สายฟ้าหันมาสบตากับทิวไผ่ซึ่งทำหน้างง ๆ จ้องมองตัวเขาอยู่ พอดี จนสายฟ้า ต้องเป็นฝ่ายหลบสายตาแหลมคมจากดวงตาเรียวสวยภายใต้แนวคิ้วโก่งได้รูปบนใบหน้าคมเข้ม คู่นั้น

“มีอะไรหรอครับไผ่ จ้องฟ้าทำไมอ่ะ”

สายฟ้าพูดออกไปอย่างพยายามสะกดน้ำเสียงให้ดูเรียบเฉยที่สุดเท่าที่จะทำได้ หันหน้าออกไปด้านข้าง มือไม้เริ่มที่จับนู่นจับนี่ทำแก้เขิน เลือดฝาดสูบฉีดบนใบหน้าจนตึงไปหมด 

“คือ... ผมงงอ่ะครับ นายต้นนี่แปลก ๆ นะ อารมณ์แปรปรวน ได้ตลอดเวลา” ทิวไผ่ตอบเลี่ยง ๆ อย่างไม่ตรงคำถาม

“เอ่อ...ไผ่ครับ อย่าไปถือสาคำพูดไร้สาระของต้นมันเลยนะครับ มันก็บ้า ๆบอ ๆ แบบนี้แหละ” สายฟ้าแก้เก้อ และเบี่ยงเบนประเด็นให้ออกห่างตัวเอง

“ครับผมไปถือคนบ้า ไม่ว่าคนบ๊องหรอก” ทิวไผ่ตอบ แล้วหัวเราะอย่างมีเลศนัย จนสายฟ้าได้แต่ยิ้มตอบมาอย่างหน้าเจื่อน ๆ

‘เพื่อนรักคู่นี้แปลก ๆ แฮะ คนหนึ่ง มนุษย์สัมพันธ์ดี อีกคน เอาแต่ใจ ท่าทางร้ายกาจ...แล้วเมื่อกี้นายนั่นพูดอะไรของเขา มันหมายความว่าไง หนุ่มหน้าหวาน ตัวเล็กนี่คิดอะไรกับเรางั้นหรือ...บ้าน่า เป็นไปได้ไง’ ทิวไผ่ตั้งคำถามกลับตัวเอง แต่ใจเจ้ากรรมก็เกิดขัดแย้งกันขึ้นซะนี่

‘แต่เมื่อกี้หนุ่มน้อยหน้าหวานนั่น ทำท่าทางเขินเรานะ’


………………………………………………………………………………………………………..

 : 222222:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 02-05-2007 04:08:12
 :laugh3: เพิ่งจารู้ตัวเหรอทิวไผ่  :laugh3:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 02-05-2007 15:29:05
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 02-05-2007 19:23:50
ไผ่จ๋า ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย  :-[  :-[
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 02-05-2007 20:28:24
หุหุ คนมันไม่ค่อยจะเห็นผงเข้าตา
 :myeye:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: taebin7 ที่ 02-05-2007 20:47:23
 :-[ :-[ :-[


เป็นกำลังใจให้คนโพสนะงับ :yeb:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: kYos ที่ 02-05-2007 21:35:19
เหอะๆ.. แล้วไผ่จะทำไงต่อไปหว่า เริ่มรุ้ว่าฟ้าชอบแล้วแบบนี้
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 02-05-2007 23:12:09
ตามมาเชียร์จ้า :fox2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 02-05-2007 23:37:43
ไผ่ต้องรู้แล้วแน่ๆ เลย :kikkik:
แล้วอย่างนี้จะเลือกใครดีล่ะ
หรือว่าจะเหมาสอง :fox2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 03-05-2007 03:37:05
เป็นกำลังใจให้ครับ :yeb:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: sabishiikant ที่ 03-05-2007 04:35:49
ทิวไผ่ยืนขวางประตูห้องเมื่อต้นข้าวกำลังจะเดินเข้ามา แต่กลับถูกคนหน้าใสร่างบางนั้นผลักจนเซถลา

“จะไปไหน มาคุยกันก่อน เมื่อกี้พูดอะไร หมายความว่าไง” ทิวไผ่พูดจบ แล้วคว้าต้นแขนของต้นข้าวไว้ก่อนที่จะเดินผ่านไป

“นายเป็นใครมาจากไหน คิดว่าตัวเองตัวใหญ่แล้วจะทำอะไรก็ได้งั้นรึไง” หนุ่มหน้าใสตะคอกใส่คนจับแขนอย่างฉุนเฉียว พลางสะบัดอย่างแรง แต่หาได้หลุดจากอุ้งมือแข็งแรงนั้นไม่ กลับยิ่งโดนบีบแน่นเข้าไปอีกจนปวดหนึบ

“ก่อเรื่องแล้วคิดจะหนีรึไง ไม่ใช่ลูกผู้ชายนี่นา” ทิวไผ่พูดอย่างยั่ว ๆ

“ก่อเรื่องอะไรไม่ทราบ แล้วที่นายรังแกคนอื่นแบบนี้คิดว่าตัวเองแมนนักรึไง ปล่อยนะโว้ย เจ็บแล้วนะ”

ต้นข้าวแสดงสีหน้าท่าทางเจ็บปวด และเลิกที่จะขัดขืน ทิวไผ่จึงคลายอุ้งมือออกอย่างหลวม ๆ ต้นข้าวจึงสะบัดแขนนั้นจนหลุด แล้วยักไหล่ดึงเสื้ออย่างฟอร์ม ๆ ยืนเต๊ะจุ๊ยกอดอกหันข้างปรายตามองทิวไผ่อย่างเคือง ๆ

“มีอะไรว่ามาสิ” ต้นข้าวพูดเสียงห้วน ๆ อย่างไม่พอใจ

ทิวไผ่ยืนกอดออกหลังพิงประตู “ก็ที่นายพูดว่า ไม่เป็นก้างขวางคอเรากับสายฟ้าแล้ว ไรนั่นน่ะ มันคืออะไร”

“ก็อย่างที่พูด ไม่ได้หมายความว่าอะไร แล้วแต่จะคิด” ต้นข้าวตอบไปอย่างกวน ๆ

“นี่อย่ามายั่วโมโหกันนะ” ทิวไผ่ทำเสียงดุดัน ทำท่าจะเดินเข้าหาอย่างเอาเรื่อง

“ทำไม นายจะทำอะไรเราได้ เข้ามาดิ จะต่อยให้คว่ำเลย” ต้นข้าวหันหน้าเข้าสู้ พูดตอบโต้กลับไป สายตาแหลม คม จับจ้องคนตรงหน้าเขม็งอย่างไม่วางตา

“อ๋อเหรอ...พ่อหน้าใส แค่เราจับต้นแขนเมื่อกี้ยังร้องเจ็บจะเป็นจะตาย แล้วนี่จะทำอะไรเราได้” ทิวไผ่พูดพลางเดินย่างสามขุมเข้าใส่อย่างช้า ๆ สายตาสองคู่จับจ้องกันไม่ปล่อยวาง

“ได้เล๊ย...ไอ้ขี้เก๊ก” หมัดน้อย ๆ ก็พุ่งตรงเข้าใส่ใบหน้าคมเข้มตรงหน้าอย่างจัง

คนร่างบางโดนอุ้งมือแข็งแกร่งจับข้อมือเรียว ๆ ที่พุ่งออกไปนั้นดึงกระชากเข้าหาลำตัวหนาแกร่งตรงหน้าอย่างรวดเร็ว พลันโดนจับพลิกไขว้หลังไว้

“โอ๊ย...” ต้นข้าวร้องด้วยความเจ็บปวด

“หึหึ ไม่ได้กินเราหรอกไอ้คุณต้นข้าว บอบบางแบบเนี้ยะ จะทำอะไรคนอื่นเขาได้ ไปนอนกินนมแม่ที่บ้านดีกว่ามั้ง” ทิวไผ่ เน้นเสียงอย่างเยาะเย้ย

“อร๊าย ทำอะไรกันน่ะ พ่อหนุ่มสองคนนี่” สาวเทียมคนหนึ่งในห้อง ส่งเสียงโวยวายขึ้น ตามสัญชาตญาณของหล่อน เมื่อเดินเข้ามาเห็นเพื่อนหนุ่มสองคนกำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอยู่ ทิวไผ่ หน้าเจื่อน ปล่อยมือที่จับข้อมือต้นข้าวไขว้หลังออกทันที เมื่อหลุดพ้นเป็นอิสระ หมัดน้อย ๆ ก็พุ่งตรงเข้าใส่ใบหน้าคมเข้มนั้นอย่างรวดเร็ว เมื่อหนุ่มหน้าเข้มเผลอ จนใบหน้านั้นสะบัดไปตามแรงกระแทกเล็กน้อย

“นี่สำหรับสิ่งที่นายดูถูกฉัน” ต้นข้าวหันหลังเดินจากไปด้วยใบหน้าบึ้งตึงอย่างโมโห

“ว้าย...ชอบซาดิสม์ กันด้วยเหรอ มีชกส่งท้ายด้วย...” หล่อนคนเดิมยังแซวไม่เลิก

‘คนบ้าอะไรวะตัวออกผอม บอบบาง แต่หมัดหนักชิบ’ ทิวไผ่ยกมือขึ้นลูบที่ข้างแก้มและริมฝีปาก รับรู้ได้ถึงรสเค็มแปร่ง ๆของเลือดอย่างชัดเจน ‘ชั้นยังไม่ได้เอาคืนกับนายเลยนะต้นข้าว คอยดูเถอะนายเจอดีแน่’

สายฟ้าเองก็รู้เหตุการณ์ทุกอย่างหมดแล้ว เพราะเจ้าหล่อนคนโวยวาย หัวกระจายข่าวประจำโรงเรียนได้ทำการแพร่ข่าวจนเป็นที่ซุบซิบนินทาไปอย่างรวดเร็ว สายฟ้าก็ได้แต่มองหน้าทิวไผ่ อย่างงง ๆ สงสัย ในสิ่งที่เพื่อน ๆ ซุบซิบกัน แต่ไม่กล้าถามเพราะเกรง ๆ อยู่ ทิวไผ่เองก็ไม่ได้พูดอะไร ครั้นจะถามต้นข้าวเพื่อนรักถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ก็เห็นอารมณ์ไม่ดี หมอนั่นหน้าบูดบึ้งบอกบุญไม่รับ ตลอดทั้งวันรอให้อารมณ์เย็นลงดีกว่าแล้วค่อยถามละกัน แม้แต่ข้าวเที่ยงยังไม่ยอมลงไปกิน สายฟ้าจึงได้แต่ซื้อผลไม้ขึ้นมาฝากเพื่อให้ประทังความหิว เพราะเป็นห่วง แต่ใจหนึ่งก็หวั่น ๆ ว่าข่าวลือนั่นจะเป็นความจริง ‘นี่ ต้นกับไผ่ คิดอะไรกันงั้นหรือ ไม่น่านะต้นไม่กินเส้นกับไผ่นี่’

“ต้น วันนี้นายเป็นไรเหรอ อารมณ์ไม่ดีทั้งวันเลย”

สายฟ้าแกล้งถามไปทั้งที่รู้สาเหตุอยู่ ระหว่างทางที่เดินไปรอขึ้นรถเมล์กลับบ้านด้วยกันที่หน้าโรงเรียนในตอนเย็น

“ก็ใช่น่ะสิ เกลียดมันนัก ไอ้บ้านั่น เกลียด ๆ ๆ ๆ เกลียดที่สุดในโลกเลย...” ต้นข้าวพูดออกมาอย่างโมโห

“อืม...เกิดอะไรขึ้นเหรอ เราเห็นพวกผู้หญิงคุยกันว่า ยัยบ๊อบมันเข้ามาเห็นนายกับไผ่กำลัง เอ่อ...กอดกันอยู่น่ะ” สายฟ้าตัดสินใจพูดออกไปเพื่อหยั่งเชิงและดูปฏิกิริยาตอบสนองจากเพื่อนรัก

“บ้าน่ะสิ เมื่อเช้าเราต่อยปากนายนั่นไปตะหาก แต่ยังไม่สาแก่ใจเลยนะ นี่ ๆ มันเอาไปลือกันแบบนั้นเลยเหรอ ทำไม่เราไม่รู้...หนอย ยัยพวกนี้ชักจะปากมากไปแล้วนะคอยดูพรุ่งนี้จะฉะเรียงตัวเลย”

ต้นข้าวอุทานออกมาอย่างฉุนเฉียว นึกโมโหกับสิ่งที่ได้รู้จากปากของเพื่อนรัก

สายฟ้าตกใจเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าต้นข้าวชกหน้าทิวไผ่ไป แต่ก็โล่ง เหมือนยกภูเขาออกจากอก เมื่อรู้ว่าสองคนนั้นไม่ได้กอดรัดฟัดเหวี่ยงกันในเชิงพิศวาสอย่างที่เพื่อน ๆ ลือกัน

“จะรู้ได้ยังไงล่ะ ก็พ่อคุณ ดันหน้าบึ้งบอกบุญไม่รับอย่างนั้นใครจะกล้าไปสุงสิงด้วย เดี๋ยวพาลโดนหางเลขไปด้วยพอดี ว่าแต่มีเรื่องอะไรกันล่ะนายไปต่อยไผ่เค้าทำไม”

สายฟ้ากระแนะกระแหนเพื่อนรัก แล้วถามต่ออย่างใคร่รู้

“ใช่ซี้...เรามันปากร้าย เอาแต่ใจขนาดเพื่อนสนิทแท้ ๆ ยังหวาดเกรง เพื่อนมีปัญหาไม่ยอมถามไถ่ซักคำ มีเพื่อนใหม่แล้วนี่ เอ...ใช่เพื่อนเหรอ...”

   ต้นข้าว ตอบไม่ตรงคำถาม แต่กลับ ยอกย้อนแดกดันคนตัวเล็กอย่างตัดพ้อ

   สายฟ้าหน้าตึงทันทีที่ถูกคำพูดของต้นข้าวสะกิดใจ แล้วตอบกลับไปเพื่อเบี่ยงประเด็นให้ออกนอกตัวเอง

“เอาอีกแล้วนายต้น ชอบเป็นแบบนี้ทุกที ถ้าเราไม่แคร์ไม่ห่วงนาย เราจะคบกับนายมาจนถึงทุกวันนี้ได้ยังไง”

“นั่นมันก่อนที่นายนั่นจะมา” ต้นข้าวไม่เลิกพาลง่าย ๆ

“ห่วงสิ ทำไม่เราจะไม่ห่วง เราเป็นเพื่อนกันนะ แต่ตอนนั้น เห็นนายหงุดหงิดอยู่ จะทำให้อารมณ์เสียมากขึ้นเปล่า ๆ เลยมาถามตอนนี้ไง นายอย่าคิดเล็กคิดน้อยสิ”

สายฟ้าพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบ “ยังไม่ตอบเราเลย ที่ถามน่ะ”

“ก็...ไอ้บ้านั่นมันมาขวางประตูไม่ให้เราเข้าห้องเลยกระทบกระทั่งกันนิดหน่อย แล้วยัยกระทิงนั่นมันมาจ๊ะเอ๋ เข้าพอดี ...หึหึ ที่ถามคาดคั้นขนาดนี้ หึงเหรอ อ๊ะ ๆ อ๊า...นั่นแน่...”

ต้นข้าวตอบอย่างหงุดหงิดในทีแรก ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นกระเซ้าเย้าแหย่เพื่อนรัก

   “บ้าดิ เรากับไผ่เป็นเพื่อนกันนะ อ้อ...แล้วเมื่อเช้าที่พูด หมายความงี้ ใช่มั้ย เดี๋ยวก็ทำให้ไผ่เขาเข้าใจผิดกันพอดี”

สายฟ้าตอบอย่างหน้าซื่อ ทั้งที่จิตใจข้างในนั้นกลับอายม้วนต้วน เสียนี่

ต้นข้าวกำลังจะอ้าปากพูดต่อ แต่เหมือนกับโชคจะเข้าข้างสายฟ้าให้รอดพ้นจากการโดนเพื่อนรักต้อนจนมุม

“อ่ะ รถมาแล้ว เราไปก่อนนะต้นเจอกันพรุ่งนี้ บาย...”

ต้นข้าวเสียดายนิด ๆ ที่อดแกล้งเพื่อนรักต่อ แล้วก็อดยิ้มกับตัวเองไม่ได้ ยามเขาเศร้า เหงา มีปัญหาอะไร จะมีเจ้านี่คอยทำให้เขาร่าเริงและมีความสุขได้ โดยที่สายฟ้าจะตกเป็นเหยื่อให้เขาแกล้งเล่น ๆ อย่างนี้ เสมอ

...

 :loveu:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 03-05-2007 05:45:09
เมื่อไหร่นายไผ่จะจัดการนายต้นอะ รออยู่นะ  :kikkik:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: taebin7 ที่ 03-05-2007 11:49:11
สู้ๆๆ เชียร์ทั้งคู่เลย (ให้รักกันเร็วๆนะ ไม่ช่ายให้ฆ่ากัน :laugh3:)

เป็นกำลังใจให้คนโพสนะงับ :yeb:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 03-05-2007 12:00:25
สงสารสายฟ้าอะ

 :เศร้า1:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 03-05-2007 14:02:07
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 03-05-2007 14:13:08
แล้วมันสองตัวเนี่ยจะรักกันได้ไงหว่า

มีต่อยแล้วทีนี้ก็เหลือจูบล่ะว่ะ อิอิ :beat: :จุ๊บๆ: :beat: :จุ๊บๆ:

เป็นกำลังใจให้ครับ :yeb:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 03-05-2007 16:31:00
มาให้กะลังใจคนโพสจ้า...  o15
 
คนแต่งด้วย... o13
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 03-05-2007 19:33:05
 เชียร์สายฟ้าต่อปายยยยยยย  o7
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 03-05-2007 21:10:57
แล้วอย่างนี้ถ้าต้นกะไผ่รักกันก็สงสารสายฟ้าแย่อ่ะดิ่
เพราะดูท่าทางจะชอบนายไผ่เหลือเกินนิ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 04-05-2007 00:19:04
จะเป็นไงต่อไปน๊า :give2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: kYos ที่ 04-05-2007 01:06:43
เหอะๆ.. นายไผ่เอาคืนแน่ต้นเอ้ย.. :fox2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: sabishiikant ที่ 04-05-2007 02:24:16
“เอ้าเด็ก ๆ เอาหนังสือขึ้นมาค่ะ” เสียงอาจารย์ประจำวิชาบอกให้นักเรียนหยิบหนังสือเรียนขึ้นมา ในคาบเรียนแรกของเช้าวันใหม่ ต้นข้าวหันไปรื้อค้นเอาหนังสือในเป้ของตนที่พิงพนักเก้าอี้อยู่ด้านหลัง ซึ่งเขาวางไว้ก่อนลงไปเข้าแถว ทันใดนั้น!

“อ๊ากกก...!”

ต้นข้าวกรีดร้องอย่างตกใจสุดขีด เมื่อ ฝูงจิ้งจกไม่ต่ำกว่าสิบตัว พากันวิ่งกรูออกมาจากกระเป๋าของเขาทันทีที่เปิดมันออก ต้นข้าวหน้าซีดเผือด กระโดดออกจากเก้าอี้อย่างรวดเร็วจนล้มคว่ำ มีตัวหนึ่งวิ่งไต่ขึ้นมาตามแขนของต้นข้าว เท้าเหนียว ๆ ของมันทำให้เขาขนลุกซู่ รีบสะบัดมันออกอย่างขยะแขยง จิ้งจกพากันวิ่งวุ่นไปทั่วห้องจนเด็กนักเรียนหญิงในห้องต่างส่งเสียงวี๊ดว้ายไปด้วย

ตามมาด้วยเสียงหัวเราะของเด็กผู้ชายดังลั่นห้อง โดยเฉพาะทิวไผ่ที่เห็นสีหน้าเจื่อน ๆ ของต้นข้าวแล้วถึงกับหัวเราะตัวงอ จนท้องคัดท้องแข็ง ส่วนสายฟ้าที่นั่งข้าง ๆ ได้แต่นั่งหน้าถอดสี อย่างสงสารเพื่อนที่โดนแกล้ง

ต้นข้าวหยัดตัวยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อเรียกสติคืนมาได้ ดวงตาคู่สวยนั้นจับจ้องหนุ่มหน้าเข้มเหมือนกับแค้นเคืองกันมาสิบชาติ ที่หัวเราะเยาะเขาอย่างเก็บอาการไม่อยู่จนออกนอกหน้าซะขนาดนั้น ทิวไผ่ กลั้นหัวเราะแล้วมองตอบพลางยักคิ้วหลิ่วตาใส่ อย่างยั่ว ๆ

“เล่นอะไรกันเนี่ยคะนักเรียน พวกเธอโต ๆ กันแล้วนะ เล่นกันเป็นเด็กไปได้ นายต้นข้าว นั่งที่ของตัวเองได้แล้ว อย่าให้ครูเจอแบบนี้อีกนะคะ นี่เวลาเรียนด้วย ถ้าคราวหน้าเจอแบบนี้อีก ครูจะรายงานให้ฝ่ายกิจการนักเรียน ตัดคะแนนความประพฤติพวกเธอทุกคนทั้งคลาสเลย ถ้าไม่อยากให้เพื่อนเดือดร้อนด้วยก็อย่าเล่นพิเรนทร์ ๆ อย่างนี่อีก... เอาล่ะ เรามาเรียนกันต่อค่ะ”

“ต้องเป็นนายแน่ ๆ ฝากไว้ก่อนเถอะ ไอ้ทิวไผ่ คราวนี้ไม่ใช่แค่โดนต่อยปากแน่” ต้นข้าวสบถเบา ๆ อย่างอาฆาตแค้น สายตาแหลมคมนั้นยังคงจับจ้องดุจจะฉีกร่างคนตรงหน้าออกเป็นหมื่น ๆ ชิ้น

ตลอดคาบเรียนแรกของภาคเช้านี้ ต้นข้าวไม่เป็นอันจะเรียนแต่อย่างใด เพราะความขุ่นข้องมองใจผนวกกับความเจ็บแค้น คนก่อเหตุที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันอยู่แต่เดิม ยิ่งพลอยทำให้ไม่มีแก่จิตแก่ใจจะเรียน ได้แต่นั่งฟังอาจารย์อย่างกระวนกระวายใจ และลุ้นให้เมื่อไหร่จะหมดเวลาซักที

สิ้นเสียงอ็อด เปลี่ยนเวลา อาจารย์เดินออกจากห้องปั๊บ ต้นข้าวลุกขึ้นพุ่งถลาปราดเข้าหาทิวไผ่อย่างรวดเร็ว
“นี่สำหรับนาย ไอ้ขี้เก๊ก” หมัดน้อย ๆ พุ่งเข้าใส่ใบหน้าและริมฝีปากของทิวไผ่ดั่งสายฟ้าแลบ จนคนตัวใหญ่นั้นล้มคว่ำตกจากเก้าอี้ เป็นที่ตกตะลึงแก่เพื่อน ๆ ภายในห้อง โดยเฉพาะสายฟ้า ตั้งแต่คบกันมา เขาไม่เคยเห็นต้นข้าวโกรธจัดขนาดนี้มาก่อนเลย

“หยุดนะต้น นายจะทำอะไร พอได้แล้ว นี่มันอะไรกัน” สายฟ้ากระโดดเข้าขวางต้นข้าวที่กำลังจะตามเข้าไปกระทืบทิวไผ่ซ้ำ

“นายถามมันดูสิ ใครล่ะที่เอาไอ้จิ้งจกบ้านั่นมาใส่กระเป๋าเรา” ต้นข้าวตะโกนออกมาด้วยความโกรธ

“นี่ ยังไม่รู้เลยว่า ไผ่เป็นคนทำหรือเปล่า นายจะมาตัดสินคนอื่นตามอำเภอใจแบบนี้ไม่ได้นะ วันนี้นายงี่เง่ามากไปแล้ว เรารับไม่ได้” สายฟ้าตอบโต้เพื่อนรักกลับไปอย่างเหลืออด

“ใช่สิ ใช่ เรามันงี่เง่ามาตลอดแหละ ตั้งแต่มีนายนี่มา นายไม่เคยแคร์เราหรอก เรามันเป็นคนแบบนี้แหละ ไม่มีเหตุผล ชอบทำตามใจตัวเอง เดี๋ยวนี้เรามันหมดความหมายแล้ว ไม่ใช่เพื่อนนายอีกต่อไปแล้ว
อ้อ...พึ่งนึกขึ้นได้ ไอ้เด็กใหม่นี่จะรู้ว่าเรากลัวจิ้งจก ได้ยังไงพึ่งมาเรียนได้ไม่ถึงอาทิตย์ ถ้ามันไม่รู้มาจากนาย… เห็นสนิทสนมกันออกนี่... ที่แท้ พวกนายก็รวมหัวกันแกล้งเรา นี่เหรอเพื่อนกัน...”

ต้นข้าวตอบโต้เพื่อนรักอย่างกระแทกกระทั้นด้วยอารมณ์ที่กำลังเดือดพล่าน

สายฟ้าถึงกับสะดุ้ง เจ็บจี๊ดที่หน้าอก เมื่อได้ยินคำพูดตัดพ้อต่อว่าของต้นข้าว นี่มิตรภาพอันยาวนานที่เราสร้างสมกันมาตลอดหลายปีจะพังครืนลงเพราะเรื่องแค่นี้เองหรือ

“นายพูดอะไร ต้นข้าว เราไม่รู้เรื่องอะไร นี่มันอะไรกัน ร่วมมืออะไร ไผ่ พูดอะไรบ้างสิ เรางงไปหมดแล้วนะ” สายฟ้าพูดออกไปอย่างสับสนในสิ่งที่เกิดขึ้น

“เหรอ... ไม่รู้เรื่องอะไรเลยใช่มั้ย แล้วสิ่งที่มันเกิดขึ้นเนี่ย มันหมายความว่าไง ปัดความรับผิดชอบงั้นเหรอ ได้ ๆ งั้นก็ได้ ต่อไปนายไม่ใช่เพื่อนของเราอีก” พูดจบต้นข้าวก็หันหลังเดินออกไปอย่างรวดเร็ว

“เดี๋ยว...ต้น...” ไม่มีเสียงตอบกลับ ต้นข้าวไม่หันหลังกลับมามองแม้แต่น้อย “นี่มันบ้าอะไรวะเนี่ย” สายฟ้าสบถอย่างงุนงง

ตลอดเวลาที่เพื่อนรักสองคนตอบโต้กันไปมา ทิวไผ่ได้แต่ยืนหน้าเจื่อน เอามือลูบบาดแผลที่ริมฝีปากบวมเจ่อ มีเลือดซึมซิบ ๆ ที่มุมปากม่อย ๆ

“เอ่อ...ผมขอโทษนะครับ ผมคึกคะนองไปหน่อย แค่อยากจะเอาคืนนายนั่นเท่านั้นเอง ไม่นึกว่า เรื่องมันจะบานปลาย จนถึงขั้นทำให้เพื่อนต้องมาทะเลาะกันเพราะความเข้าใจผิด ไผ่ขอโทษนะครับ ฟ้า”

ทิวไผ่พร่ำขอโทษขอโพยสายฟ้าอย่างสำนึกผิดในสิ่งที่ตนได้กระทำลงไป

ในตอนแรกสายฟ้าก็นึกโกรธที่ทิวไผ่ทำแบบนี้ แต่เมื่อเห็นคนตัวใหญ่ ที่ตนกำลังมีใจให้ ตีหน้าเศร้าแบบเด็กสำนึกผิด ใบหน้าหล่อเข้มนั้นดูเศร้าหมองลงไปถนัดตา ก็อดไม่ได้ที่จะยอมให้อภัย

แล้วต้นข้าวล่ะ เพื่อนที่คบกันมาตั้งหกปี ที่สนิทกันมากที่สุด จะง้อยังไงดี หมอนั่นรู้ ๆ กันอยู่ ว่านิสัยเป็นยังไง ยิ่งคิดสมองยิ่งตื้อ ‘โอ๊ย...กลุ้มโว้ย...’ สายฟ้าตะโกนก้องในใจอย่างหงุดหงิด

“แต่คนที่ไผ่ควรจะไปขอโทษน่ะ คือต้นนะ ไผ่ทำเพื่อฟ้าได้ไหม เห็นแก่มิตรภาพของเรา นะครับ”

“เอ่อ...ผมจะพยายามครับฟ้า” ทิวไผ่รับปากสายฟ้าอย่างไม่เต็มเสียงนัก เพราะไม่รู้ว่าตัวเองจะสามารถทำได้หรือเปล่า

................................................................................................

 :pandalaugh:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: taebin7 ที่ 04-05-2007 11:16:26
เรื่องราวใหญ่โต ขึ้นมาแล้วอ่ะ  :เฮ้อ:

ขอบคุณที่มาต่อนะงับ o1

เป็นกำลังใจให้คนโพสนะงับ :yeb
:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 04-05-2007 15:39:53
เหอเหอ

Go So Bigggggggggggggg

แล้วมันจะยังงัยต่อไปละครับ

หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 04-05-2007 18:03:44
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 04-05-2007 20:42:15
ไม่รู้จะสงสารใครดีอ่า
จะสงสารต้นดี...ไผ่ดี...หรือว่าฟ้าดี
 o2 o2 o2 o2 o2

สับสน :serius2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: A GE ที่ 04-05-2007 21:54:51
 :sad4: :sad4:  สงสารคนกลางอย่างสายฟ้าคับ  :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: kYos ที่ 05-05-2007 00:13:57
เหอะๆ.. ไปกันใหญ่เลยวุ้ย..
เพื่อนทะเลาะกันนี่มันไม่ดีเลย แย่ๆ  :sad2:..
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: sabishiikant ที่ 05-05-2007 05:05:52
บรรยากาศระหว่างสองเพื่อนสนิทชั่งดูอึมครึมยิ่งนัก สายฟ้าพยายามมองไปทางโต๊ะที่ต้นข้าวนั่งตลอดเวลา แต่ฝ่ายหลังกลับไม่ยอมมองตอบ มิหนำซ้ำกลับพยายามหลบหน้า ไม่ทัก ไม่คุยด้วย ราวกับว่าไม่เคยรู้จักกันมาก่อนมันทำให้สายฟ้ายิ่งอึดอัดอย่างมาก

‘ต้นข้าว อย่าทำแบบนี้ได้มั้ย เราจะบ้าตายอยู่แล้วนะ’ สายฟ้ารำพึงรำพันกับตัวเอง

หลังเลิกเรียนต้นข้าวเก็บกระเป๋าเดินออกจาห้องไปอย่างรวดเร็ว

“เดี๋ยว ต้น รอด้วยสิ” ต้นข้าวกับเดินจ้ำอ้าวไปอย่างรวดเร็ว จนสายฟ้าตามไปไม่ทัน เห็นแต่หลังไว ๆ ขึ้นรถเมล์ไปแล้ว “เฮ้อ…” สายฟ้าถอนหายใจอย่างอ่อนล้าใจ



   ‘กริ๊ง....กริ๊ง....กริ๊ง....’  “สวัสดีค่ะ บ้านหทัยรัตนกุลค่ะ เกศสินีกำลังพูดอยู่ค่ะ ขอสายใครคะ”

   “หวัดดีครับ คุณแม่...ผมสายฟ้านะครับ ต้นกลับมารึยังครับ”

   “อ๋อ หวัดดีจ้ะลูกฟ้า ต้นกลับมาแล้วจ้ะ แต่เห็นขึ้นไปบนห้องแน่ะ เดี๋ยวแม่เรียกให้นะคะ” “ลูกต้น ๆ สายฟ้าเพื่อนลูกโทรมาแน่ะจ้ะ”

“บอกเค้าด้วยครับแม่ ต้นจะทำการบ้านแล้ว ไม่ว่างคุย ครับ มีอะไรไว้ไปคุยกันที่โรงเรียน ดีกว่าครับ” ต้นข้าวตะโกนตอบกลับมาจากชั้นบนของบ้าน

   “เอ่อ...ฟ้าจ๊ะ ต้นกำลังทำการบ้านอยู่น่ะจ้ะ สงสัยท่าทางจะอารมณ์ไมค่อยดีด้วย แม่เห็นสีหน้าเค้าตอนกลับมาบึ้งตึงแปลก ๆ มีปัญหาอะไรกันรึเปล่าจ๊ะ”

เกศสินี ถามเพื่อนของลูกชายด้วยความเป็นห่วงเป็นไย

“เอ่อ...ไม่มีอะไรหรอกครับคุณแม่ ผมมีเรื่องจะคุยกับต้นนิดหน่อยน่ะครับ” สายฟ้าตอบมารดาของต้นข้าวไปอย่างเลี่ยง ๆ

“อืม... ลูกมีอะไร ฝากแม่ไว้ได้นะจ๊ะ”

   “ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณคุณแม่มากครับ”

“ไอ้ต้น นะไอ้ต้น จะงอนไปถึงไหนวะ” สายฟ้าสบถอย่างหัวเสีย

...

ต้นข้าวเดินเข้ามาในห้องในตอนเช้าและพบกับโน้ตแผ่นหนึ่งที่แปะไว้บนโต๊ะตัวที่เขานั่ง

“...เอ่อ ต้น เราขอโทษนะ ที่ทำให้นายกับสายฟ้าต้องผิดใจกัน ที่จริงสายฟ้าเค้าไม่รู้
เรื่องนี้ด้วยหรอกนะ เราหลอกถามสายฟ้าเอง เพื่อที่จะได้แก้แค้นนาย สายฟ้าเป็น
คนดีมากนะ เป็นห่วงและ แคร์นายเสมอ นายสองคน ก็คบกันมาตั้งหลายปี
จะปล่อยให้มิตรภาพ ดี ๆ ระหว่างกันที่สร้างมาหลายปีต้องสูญสิ้นพังทลาย
ไปงั้นหรือ นายจะยอมเสียเพื่อนดี ๆ แบบนี้ไปได้ยังไง อย่าให้เรื่องของเรามา
ทำลายสิ่งดี ๆระหว่างนายสองคนเลยนะ หวังว่านายคงรับความหวังดีนี้ /ทิวไผ่...

เมื่ออ่านจบต้นข้าวก็ขยำมันขว้างทิ้งลงถังขยะทันที

“เตรียมกันมาล่ะสิไม่ว่า อย่าคิดจะมาหลอกคนอย่างไอ้ต้นได้ง่าย ๆ เล๊ย...” ต้นข้าวพึมพำ เพราะยังไม่หายโกรธเพื่อนรักที่เขาคิดว่ารวมมือกับคู่อริมาแกล้งเขา ต้นข้าวค้นเอาหนังสือในกระเป๋าขึ้นมานั่งอ่านทบทวนแก้เซ็ง ระหว่างที่รอเข้าแถวเคารพธงชาติในตอนเช้า

“หวัดดีต้น อ่านหนังสืออยู่หรอ” สายฟ้าทักทายเพื่อนทันทีที่เดินเข้ามาในห้อง เงียบ... ไม่มีเสียงตอบกลับจากต้นข้าวซึ่งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เหมือนกับมองไม่เห็นและไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น จนทำให้คนทักทายได้แต่ทำหน้าเจื่อน ๆ

“นี่ ต้น คุณยายเราทำคุกกี้เนยสดน่ะ ท่านฝากมาให้นายด้วยแน่ะ ลองชิมดูสิ อร่อยมากเลยนะ” สายฟ้าตัดสินใจเปิดฉากรุกต่อไป
หลังจากที่ต้นข้าวไม่ยอมมาคุยโทรศัพท์กับเขาเมื่อเย็นวานนี้ สายฟ้าจึงไปอ้อนวอนให้คุณยายทำคุกกี้ให้เพื่อเอามาง้อต้นข้าวโดยเฉพาะ
‘หวังว่ามันจะได้ผลนะ ขอให้ต้นข้าวรับมันด้วยเถอะ…’ สายฟ้าลุ้น ภาวนาอยู่ในใจอย่างใจจดใจจ่อ

“อืม ฝากขอบพระคุณ คุณยายนายด้วย วางไว้ตรงนั้นแหละ หมดธุระรึยัง เราจะอ่านหนังสือ กรุณาอย่ากวนสมาธิ” ต้นข้าวพูดอย่างเสียงราบเรียบ สายฟ้าหน้าเจื่อนเข้าไปอีก เมื่อคนที่สนทนาด้วยตอบกลับมาอย่างไม่เป็นมิตรนัก

“เอ่อ...งั้น...เราไปนะ ไม่กวนนายและ” สายฟ้าใจชื้นขึ้นมาบ้าง ที่ต้นข้าวไม่ได้ปฏิเสธคุกกี้ของตน เขาวางกล่องคุกกี้ที่มุมโต๊ะ และก้าวเดินออกไปอย่างช้า ๆ สายตายังจ้องมองไปที่ต้นข้าว แต่เขาไม่ปรายตาหันมามองแม้แต่น้อย

แม้แต่ขณะที่นั่งเรียนอยู่ สายฟ้ายังคอยสอดส่องสายตามองไปทางต้นข้าวบ่อย ๆ ซึ่งต้นข้าวเองก็แสดงความเฉยชาตามเดิม มันทำให้สายฟ้า ไม่ค่อยจะสบายใจนัก
ทิวไผ่ลอบมองอาการของสองเพื่อนรักอยู่ เมื่อเห็นความไม่สบายใจของสายฟ้า หนุ่มหน้าเข้มก็ส่งยิ้มแก้มบุ๋มอย่างให้กำลังใจ สายฟ้ายิ้มตอบเนือย ๆ แต่ก็เป็นปลื้มกับรอยยิ้มที่แฝงด้วยกำลังใจล้นเหลือนั้น
แต่เมื่อเหลือบมองไปเห็นกล่องคุกกี้ที่อยู่ในลิ้นชักใต้โต๊ะของต้นข้าวมีรอยเปิด สายฟ้าถึงกับดีใจอย่างบอกไม่ถูก จิตใจที่ห่อเหี่ยวอยู่นั้นกลับกระชุ่มกระชวยขึ้นมาในทันใด ทิวไผ่หันไปมองทางต้นข้าวก็ยังเห็นใบหน้าเนียนใสนั้นเรียบเฉยและเย็นชาอยู่เหมือนเดิมซึ่งเขาเองก็ไม่เข้าใจ ‘สายฟ้าดีใจอะไรงั้นหรือ’

ขณะพักเบรกต้นชั่วโมง ต้นข้าวเดินลงบันไดเพื่อไปเข้าห้องน้ำ อย่างเร่งรีบโดยไม่ได้สนใจเลยว่า มีใครคนหนึ่งกำลังเดินตามหลังมา

เมื่อทำธุระเสร็จ ต้นข้าวปลดกลอนประตูออกมาก็ต้องตกใจ เมื่อทิวไผ่ มายืนขวางประตูห้องน้ำไว้

“นี่นายจะทำอะไร รึยังไม่เข็ด อยากโดนแบบเลือดกบปากอีกใช่ไหม จะได้สงเคราะห์ให้”

ต้นข้าวตวาดออกไปอย่างฉุนสุดขีด

“เมื่อไหร่นายจะหายงอนสายฟ้าซะที เล่นตัวอยู่ได้ คิดว่าตัวเองเป็นนางเอกนิยายน้ำเน่ารึไง”

ทิวไผ่ถามออกไปอย่างแดกดัน

“แล้วมันเรื่องอะไรของนายไม่ทราบ” ต้นข้าว เน้นเสียงสวนกลับอย่างมีอารมณ์

“ก็ เราเป็นต้นเหตุให้นายสองคนเข้าใจผิดกันนี่ สายฟ้าเค้าไม่ได้ยุ่งเกี่ยวอะไรด้วย ทำไมต้องไปโกรธสายฟ้าด้วย” ทิวไผ่ยกเหตุผลขึ้นมาอ้าง

“อ๋อเหรอ ฉันกับสายฟ้าน่ะ เราเคลียร์กันเองได้ ทำไมนายต้องเข้ามาจุ้นจ้านด้วย อ้อ...ขอบอกไว้อีกอย่างนะ ถึงยังไงสายฟ้าก็เป็นเพื่อนรักของฉัน โกรธกันให้ตายก็ไม่มีวันงอนกันเป็นสิบปีร้อยปีหรอก ไม่ใช่ นาย…”

ต้นข้าวตอบโต้ทิวไผ่อย่างกระทบกระเทียบ

“นี่ นึกว่าเราอยากยุ่งเรื่องของพวกนายนักรึไง พูดไม่รู้เรื่องแบบนี้ เดี๊ยะ...” ทิวไผ่ขึ้นเสียงอย่างฉุน ๆ ขึ้นมาบ้างแล้ว อะไรกันนักนะนายนี่ ปากร้ายนัก

“รึไม่จริง…ทำไม จะทำอะไรฉันได้ เข้ามาสินายไม่ใช่แค่เลือดกบปากแน่” ต้นข้าวเยาะ

“ได้...เดี๋ยวเจอต้องไอ้ไผ่สั่งสอนซักหน่อยซะแล้ว ปากสวย ๆ เรียว ๆ จัดจ้านแบบนี้ น่าตบด้วยริมฝีปากนัก ปลอดคนซะด้วยสิ หึหึ”

พูดพลางแลบลิ้นเลียริมฝีปาก สายตาจ้องมองสำรวจร่างกายของต้นข้าวอย่างหื่นกระหาย

ต้นข้าวหน้าถอดสี ก้าวถอยหลังจนชนประตูห้องน้ำ หัวใจเขาเต้นโครมคราม เหงื่อเริ่มซึมผุดขึ้นเป็นเม็ดตามใบหน้า ‘อะไรกัน จะมาไม้ไหนเนี่ย เฮ้ย ! หรือว่า...ไอ้หมอนี่เป็น....... ไม่นะ ออกจะแมน’ ต้นข้าวปรารภในใจอย่างวุ่นวาย
ทิวไผ่ขยับตัวเข้าหาอย่างช้า ๆ ด้วยใบหน้าหื่นกระหายสุดขีด มือข้างหนึ่งปลดกะดุมเสื้อ อีกข้างพยายามดึงเข็มขัดออกจากเอว
ทันใดนั้น ต้นข้าวตัดสินใจผลักเข้าที่หน้าอกทิวไผ่อย่างแรงจนเซถลา สองขาก้าวออกวิ่งอย่างรวดเร็ว เพื่อให้หลุดพ้นจากสถานการณ์ล่อแหลมนั้น จนเกือบจะชนกับร่าง ๆ หนึ่ง ที่หน้าประตู

“อ้าว ต้น ทำไมวิ่งออกมาซะรีบร้อน มีอะไรรึเปล่า” สายฟ้าถาม อย่างงง ๆ เมื่อเห็นต้นข้าวผลุนผันออกมาอย่างรวดเร็ว

ต้นข้าวปรับสีหน้าและพูดเสียงเรียบ

“เปล่า...จะรีบขึ้นห้องเผื่ออาจารย์เข้าแล้ว” พูดจบ ต้นข้าวก็กึ่งวิ่ง กึ่งเดินขึ้นอาคารเรียนไปทันที สายฟ้ามองตามหลังอย่างงุนงง

ทิวไผ่หัวเราะ หึหึ อย่างสะใจที่สามารถแกล้งคนหน้าใสปากร้ายได้สำเร็จ จนเผ่นแน่บไปเลย  ‘เข้าทางซะแล้วสิ กลัวแบบนี้หรอกเหรอ คงไม่เคยซินะ’ ทิวไผ่พึมพำและหัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง

“ไผ่ เป็นไรไปเหรอ ขำอะไร แล้วมะกี้ ต้น.....” สายฟ้าถามทิวไผ่อย่างสงสัย เมื่อเห็นหัวเราะอย่างสะใจแปลก ๆ และยิ่งแปลกใจหนักเข้าไปอีก

“อ้าว ฟ้ามาเข้าห้องน้ำเหมือนกันเหรอครับ ตามสบายนะ” ทิวไผ่ไม่ตอบตามที่ถามแต่กลับพยายามกลั้นหัวเราะแล้วเดินออกไป ปล่อยให้สายฟ้า งงเป็นไก่ตาแตกอยู่คนเดียว

‘ต้น...กับ ไผ่... ทำไมต้นวิ่งออกไปอย่างร้อนรน แล้วทำไมไผ่ หัวเราะแปลก ๆ สองคนนี่ไม่ถูกกันนี่นา แล้วเมื่อกี้ก็อยู่ในนี้กันสองคนสิ เกิดอะไรขึ้น รึว่า... โอ๊ย....อะไรกันเนี่ย ไผ่ไม่น่าจะเป็นอย่างว่านี่นา’

สายฟ้ากุมขมับครุ่นคิดอย่างวุ่นวายใจ ไปต่าง ๆ นานา


...


 :o10:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: A GE ที่ 05-05-2007 11:04:30
 :o12: :o12:  แล้วสายฟ้าจะทำยังไงดีล่ะครับเนี่ยะ  :o11: :o11:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 05-05-2007 11:12:08
เรื่องจะเป็นยังงัยต่อไปหวา

ลุ้นโคดดดดดดด

 :o9:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 05-05-2007 11:36:17
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: jammy ที่ 05-05-2007 11:41:48
ก็สงสารสายฟ้านิดๆนะ ได้เเต่หวังว่าจะเข้าใจกันไม่กลายเป็นตัวร้ายในภายหลัง งืมๆ  :sad4:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 05-05-2007 13:13:02
ตกลงไผ่จะช่วยให้ดีขึ้น หรือเลวร้ายลงกัแน่  :o11:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 05-05-2007 14:46:28
แกล้งกันไปแกล้งกันมา จนรักกันป่าวเนี่ย อิอิ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 05-05-2007 15:27:28
มาลุ้นต่อ  o14
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 05-05-2007 17:30:40
ลุ้นด้วยคนค้าบ :like6:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: kYos ที่ 05-05-2007 21:19:17
เหอะๆ.. ต้นกลัวไผ่ตอนหื่นๆ อิอิ.. o3
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: sabishiikant ที่ 06-05-2007 02:08:41
ในชั้นเรียน ทิวไผ่จะยักคิ้วหลิ่วตา ทำหน้าหื่น ๆ ยียวนกวนประสาท ใส่ต้นข้าวตลอดเวลาที่หันหน้ามาสบตากันอย่างบังเอิญ โดยที่ต้นข้าวปรายหางตามองอย่างเคือง ๆ บ้าง จ้องตอบอย่างเอาเรื่องบ้าง ซึ่งอยู่ในสายตาของสายฟ้าทั้งหมด  หนุ่มน้อยร่างเล็ก ได้แต่เก็บมาคิดกลุ้มใจอยู่ฝ่ายเดียว
‘ได้เพื่อนรักกลับมา พร้อมศัตรูหัวใจในคราวเดียว หรอกหรือ... บ้าน่า... สองคนนั้นไม่กินเส้นกันนี่ แล้วเรื่องในห้องน้ำนั่นล่ะ อะไร ๆ มันก็เป็นไปได้ทั้งนั้นแหละ เฮ้อ...คิดมากไปเปล่าเรา’ สายฟ้าพร่ำรำพันสับสนวุ่นวายใจ

“ต้น ปะ เราไปกินข้าวกัน” สายฟ้า ลุกเดินมาชวนเพื่อน เมื่อถึงเวลาพักเที่ยง

“อืม...เราไม่ไปกับนายหรอก” ต้นข้าวตอบอย่างเสียงเรียบเฉย จนสายฟ้าปรับสีหน้าไม่ค่อยจะถูกกับอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ ของเพื่อนรัก

 “อ้าวทำไมล่ะ นายยังไม่หายโกรธเราเหรอ” สายฟ้าถามเพื่อนรักด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย

“เปล่า ถ้านายนั่นไปด้วย นายก็ไปกันสองคนเถอะ” ต้นข้าวพูด พร้อมกับ ทำท่าโบ้ยบ้าย ไปทางทิวไผ่

“เปล่า...ใครว่าฉันจะไปกับพวกนายล่ะ” ทิวไผ่ทำปากเบ้ พูดสอดขึ้นมา เมื่อเห็นอาการท่าทางของต้นข้าวที่ทำท่าทางรังเกียจเกลียดชังตัวเขา

“ใช่จ้ะ วันนี้ไผ่เค้าจะไปกินข้าวกับพวกเราต่างหากล่ะ ใช่มั้ยจ๊ะ พ่อรูปหล่อ...” เสียงจีบปากจีบคอ สอดแทรกขึ้นมาท่ามกลางวงสนทนาเพิ่มขึ้นอีกคน ยัยบ๊อบนั่นเอง พูดจบเจ้าหล่อนก็ตรงเข้าคล้องแขนทิวไผ่ กึ่งจูงกึ่งลากไปเข้ากลุ่มทั้งสาวแท้และสาวเทียม เพื่อพาไปกินข้าวกลางวันด้วย

“โชคดีน้า...พ่อหนุ่มเนื้อหอม หึหึ” ต้นข้าวพูดเสียงเยาะ ๆ พร้อมแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ทิวไผ่อย่าง สะใจ
ทิวไผ่ ยิ้มเนือย ๆ ยกมือขึ้นเกาะศีรษะอย่างเขิน ๆ ขณะเดินไปกับกลุ่มสาว ๆ ‘ตกกระไดพลอยโจนซะแล้วเรา’ ทิวไผ่พึมพำ

   ขณะสายฟ้ามีสีหน้าเรียบเฉย แต่ใจกลับเป็นห่วงทิวไผ่และนึกเสียดายที่อดนั่งกินข้าวกับคนที่ตนแอบปลื้ม เพราะตลอดหลายวันมานี้ การมีทิวไผ่นั่งร่วมโต๊ะกินข้างกลางวันด้วย มันทำให้โลกของเข้าดูสดใส เพียงเพราะแค่ได้แอบมองคนที่ตนแอบชอบมันทำให้ใจชื้นและมีความสุขอย่างมากมาย หากแต่ใจหนึ่งยังชุ่มชื้นอยู่บ้างเมื่อเห็นปฏิกิริยาของต้นข้าวเพื่อนรักกับทิวไผ่ ก็ทำให้เบาใจได้ในระดับหนึ่งว่าเพื่อนรักคงไม่มาเป็นศัตรูหัวใจของตน

   “ฟ้า ฟ้า! ไปกินข้าวกันได้แล้ว นายมาชวนเราเองนี่นา ทำไมยืนทึ่มเหม่อลอยเชียว เป็นอะไรไปอีก รึว่าเสียดายที่นายนั่นไม่ได้ไปด้วย” ต้นข้าว เรียกชื่อสายฟ้าหลายครั้ง อย่างอารมณ์ดี และเย้าแหย่เพื่อนรักนิด ๆ

   “ปะ...เปล่า ปะ ไปกันเถอะ หิวแล้ว” สายฟ้าตอบต้นข้าวอย่างเก้ ๆ กัง ๆ เมื่อเรียกสติกลับคืนมาได้

   สายฟ้าตักข้าวเข้าปากอย่างเหม่อลอย จ้องมองไปทางโต๊ะที่กลุ่มสาว ๆกับทิวไผ่นั่งอยู่ ไม่ได้ใส่ใจกับอาหารตรงหน้าของตนเลยซักนิด จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เพราะมันไปอยู่กับหนุ่มหน้าคมเข้มนั่นซะแล้ว   
ต้นข้าวเฝ้ามองอาการของสายฟ้าเพื่อนรักอย่างเป็นกังวล และห่วงใย ‘ไอ้เจ้าตัวเล็กนี่ เป็นอะไรมากหรือเปล่านะ วันนี้แทนที่จะดีใจร่าเริงแจ่มใส ที่เรากลับมาคุยด้วย ไหงกับเหม่อลอยทำตัวแปลก ๆ พิกล

   ในขณะที่ทิวไผ่นั่งทำหน้าแหย ๆ มีสาว ๆ ทั้งสาวแท้และสาวเทียมนั่งรายล้อมอ้อมข้างอ้อมเอว โดยที่เขาไม่ต้องทำอะไรเลย เพียงแค่นั่งอยู่เฉย ๆ ก็มีคนป้อนข้าวปลาอาหาร จนถึงปาก ทั้งขนมนมเนย ไอศกรีม ผลไม้นานาชนิด เขาได้แต่นั่งอ้าปากรับของเหล่านั้นตามการคะยั้นคะยอของพวกหล่อน และได้แต่พยักหน้าหงึก ๆ เมื่อถูกถามว่า อร่อยมั้ย  เขากินเข้าไปจนอึดอัดไปหมด รู้สึกปวดจุกที่ท้องจนอยากจะอ้วกเอาของเหล่านั้นออกมาเสียให้ได้ จนต้องยกมือขึ้นป้องปากและห้ามไม่ให้สาว ๆ พวกนั้นป้อนต่อ และบอกว่า เขาอิ่มแล้ว แต่ยังไม่วายความซ่ายักคิ้วหลิ่วตาใส่ต้นข้าว ทำฟอร์มเก๊กอย่างภูมิอกภูมิใจในเสน่ห์ของตน เมื่อหนุ่มหน้าใสมองมาทางโต๊ะที่เขาและกลุ่มสาว ๆ นั่งอยู่ ซึ่งต้นข้าวก็ยิ้มตอบอย่างเย้ยหยัน กลับไป


………………………………………………………………….....................................................................

 o14
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 06-05-2007 03:20:32
เชียร์สายฟ้า เชียร์สายฟ้า  :give2:  :give2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 06-05-2007 12:24:36
ทิพย์เชียร์สายฟ้าออกนอกหน้าเชียวนะ อิอิ
ฟ้าก็น่ารักดี  ดูเป็นหนุ่มน้อยน่ารัก  นิสัยดี  แต่ว่ามันจืดๆไปน่ะ
สรุป  เชียร์ต้นดีกว่า (จาโดนใครด่ามั้ยเนี่ยตรู)  ท่าทางจะมันส์กว่านา   ตบจูบๆๆ ด่ากัน โกรธกัน จบด้วย... ไง  :laugh:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 06-05-2007 12:28:35
จะยียวนกวนกันไปมาถึงไหนเนี่ย

แต่ก็น่ารักดีเนอะ อิอิ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 06-05-2007 15:50:10
อยากดูตอนสวีมกันจังเลยอิๆ :confuse:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 06-05-2007 16:22:19
 :เฮ้อ: เมื่อไหร่จาลงตัวนะ  :o8:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: kYos ที่ 06-05-2007 20:51:49
นายไผ่นี่ก็กวนทีนจริงๆวุ้ย  o12
เอาเต๊อะ กวนกันไป กวนกันมา เดี๋ยวก็รักกันเองแหละ 55+  :laugh3:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Shumi ที่ 06-05-2007 22:34:13
มันต้องมีโกรธกัน ละตบจูบ ๆ แน่ ๆ  :impress2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 06-05-2007 23:12:00
อย่างงี้ก็น่าสงสารสายฟ้าแย่อ่ะดิ่
ก็หลงรักไผ่เข้าไปซะขนาดนั้นี่นา  :o12:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 07-05-2007 00:06:33
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 08-05-2007 01:04:47
เชียร์ต้นข้าวกับทิวไผ่สุดใจขาดดิ้น :like6:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: dokebi ที่ 08-05-2007 13:43:27
 :laugh: :laugh3: :laugh: จะเป็นอย่างไรต่อไป .........
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 08-05-2007 17:53:09
เหอเหอ

เมื่อไหร่จะรักกันหนา

  :impress2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: taebin7 ที่ 08-05-2007 20:53:41
ยิ่งอ่านยิ่งมันวุ้ย   :laugh3:


รออ่านน๊า o15
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: sabishiikant ที่ 10-05-2007 12:29:50
บทที่ 4 : ความห่วงใย

   
   หลังจากเปิดภาคเรียนได้สองเดือนกว่า ๆ ทิวไผ่ก็เริ่มคุ้นเคยและสนิทสนมกับเพื่อนร่วมชั้นมากขึ้น เขาเริ่มที่จะไปไหนมาไหนกับเพื่อน ๆ  หลายคน โดยไม่จำกัดอยู่ในวงแคบอีกต่อไป เพราะเขาเป็นคนอัธยาศัยไมตรีดีและมีมนุษย์สัมพันธ์ คุยสนุกเป็นกันเองกับทุกคน จึงทำให้เขาเข้ากับทุกคนได้ง่าย แต่กับต้นข้าวแล้ว คงเป็นไปไม่ได้เลย เพราะสองคนนี้เจอหน้าค่าตากันทีไรมีอันต้องปะทะคารมกันทุกครั้ง ซึ่งต้นข้าวเป็นคนตั้งป้อมที่จะไม่ยอมญาติดีกับทิวไผ่เอาเสียเลย เพราะความไม่ชอบหน้ากันมาแต่แรกเริ่ม และวีรกรรมที่ทั้งสองสร้างไว้แก่กันมันทำให้ความเกลียดชังในหัวใจก่อตัวจนจับแน่นเหมือนคราบหิวปูนที่ฉาบเกาะอยู่ตามอ่างน้ำประปาไปซะแล้ว
จนทำให้คนกลางอย่างสายฟ้า ต้องลำบากใจ เพราะวางตัวไม่ถูก คนหนึ่งก็เป็นเพื่อนรักที่สนิทกันมานานถึงเกือบหกปีตั้งแต่สมัยเรียนม.ต้น  อีกคนก็เป็นหนุ่มที่ตนเองนั้นมีใจให้ตั้งแต่วันแรกที่ได้พบเจอ แต่เขา ก็ได้แต่เก็บงำความรู้สึกนี้ไว้กับตัวคนเดียว ไม่กล้าที่จะแสดงออกมากนัก เพราะไม่มั่นใจในสถานภาพของตัวเองหากเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงออกไป และอีกอย่างเขาเองไม่มั่นใจว่า ทิวไผ่อาจจะคิดกับเขาแค่เพื่อนเท่านั้น เพราะทิวไผ่เองก็เสน่ห์แรงใช่ย่อยมีสาว ๆ ทั้งรุ่นเดียวกันและรุ่นน้องมาจีบมากมาย ไม่มีอะไรบ่งบอกได้เลยว่าเขาจะเป็นแบบตนเองซักนิด   
   
   “นี่ เพื่อน ๆ อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันแม่แห่งชาติแล้วนะครับ โรงเรียนเราจัดกิจกรรมปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ กันทุกปี ปีนี้ พวกเราทุกคนเป็นรุ่นพี่กันแล้ว และจะต้องไปช่วยอาจารย์ดูแลน้อง ๆ ชั้น ม.4 กับ ม. 5 ที่แปลงปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติด้วย ฉะนั้น เราจึงอยากให้ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อมนะครับ ดูแลสุขภาพกันด้วยเดี๋ยวนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย เดี๋ยวฝน เดี๋ยวร้อน ถ้าเกิดป่วยขึ้นมา อดไปนะ กิจกรรมนอกสถานที่แบบนี้หาโอกาสไม่ได้ง่าย ๆ สนุกท้าทายดีออก และเป็นการทำประโยชน์ให้แก่สังคมด้วยการคืนป่าต้นน้ำธารให้แก่ธรรมชาติอีกด้วย” ต้นข้าวพูดกับเพื่อน ๆ ในห้อง

   “ตั้งแต่มาเรียนที่นี่เกือบสองเดือนกว่า พึ่งเห็นนาย พูดดีวันนี้แหละ มีหลักการ ซะ... ดูแลตัวเองให้ได้ก่อนเถอะ ก่อนจะมาบอกคนอื่น หน้าใส ๆ หุ่นออกจะบอบบางเป็นคุณหนูขนาดนั้น” ทิวไผ่แขวะต้นข้าวทันทีที่พูดจบ

   “ฉันพูดในฐานะหัวหน้าชั้น มันผิดตรงไหน หนักส่วนไหนของนาย” ต้นข้าวตอบโต้อย่างฉุน ๆที่ถูกทิวไผ่หาเรื่องก่อน

“รับทราบค้าบ... คุณหนูต้นข้าว ข้าน้อยน้อมรับคำสั่ง” ทิวไผ่พูดอย่างประชดประชัน

“และในฐานะหัวหน้าห้อง ฉันของสั่งให้นายหุบปากพล่อย ๆ ของนายเสียที” ต้นข้าวเน้นเสียงอย่างผู้มีอำนาจ เพราะโดนยั่วโมโหแต่เช้า ก่อนเดินกระแทกเท้าออกจากห้องไปด้วยอารมณ์เดือดพล่าน

ทิวไผ่ทำปากเบ้ ไล่หลัง และล้อเลียน ต้นข้าวกับเพื่อน ๆ ในห้องอย่างสนุกสนาน

โรงเรียนจะจัดกิจกรรมเนื่องในวันแม่แห่งชาติในวันที่สิบเอ็ดสิงหาคมของทุกปี ดังนั้นกิจกรรมปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติจึงจัดขึ้นก่อนเป็นเวลาสองวัน
เช้าวันที่ 9 สิงหาคม นักเรียนชั้นม.ปลายทุกคนมารวมตัวกันที่หอประชุมของโรงเรียนกันแต่เช้าตรู่ ตามที่อาจารย์ได้นัดหมายไว้ เพราะรถจะออกจากโรงเรียนเวลาเจ็ดโมงเช้า เพื่อไม่ให้แดดร้อน โชคดีที่เช้าวันนี้ยังไม่มีแดด ทุกคนอยู่ในชุดรัดกุมเสื้อแขนยาวกางเกงขายาว รองเท้าบู๊ตหรือผ้าใบ และหมวกกันแดด

รถที่ใช้เดินทางเป็นรถยนต์บรรทุกของทหารที่ทางโรงเรียนติดต่อประสานงานมา จึงมีลักษณะค่อนข้างสูง ยากแก่การปีนขึ้นอยู่พอสมควร แต่เหมาะกับสภาพพื้นที่ที่จะเดินทางไปซึ่งค่อนข้างทุรกันดาร
ต้นข้าวนั่งรถคันเดียวกันกับเพื่อน ๆ ในห้อง ท้ายรถเป็นกระบะสูงมีรั้วไม้ด้านข้าง ที่นั่งเป็นแคร่ไม้สองแถวหันหน้าเข้าหากัน และมีแคร่เสริมอยู่ตรงกลางอีกหนึ่งแถว หลังคาคลุมด้วยผ้าใบ
รถวิ่งออกจากโรงเรียนเป็นขบวน มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออก สู่พื้นที่แปลงปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติในเวลาเจ็ดโมงเศษ ๆ
ภูหินร่องกล้า ดินแดนที่ครั้งหนึ่งในอดีตเมื่อเกือบ 30 ปีก่อน เคยเป็นสมรภูมิที่คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือดของนักรบผู้กล้า และทหารหาญมากมาย ที่พลีชีพจากการลุกขึ้นจับอาวุธเข้าประหัตประหารกัน เพียงเพราะความแตกต่างของอุดมการณ์ทางการเมืองเท่านั้น ทั้ง ๆ ที่ทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นคนไทยด้วยกันทั้งนั้น
บัดนี้ ภาพความโหดร้าย ทารุณ และความขมขื่นในอดีต ได้จางหายไปแล้ว คงเหลือไว้แต่เพียงประวัติศาสตร์และธรรมชาติที่สวยงาม รอให้ทุกคนขึ้นไปสัมผัสกับความงดงามและความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าที่ธรรมชาติได้สร้างสรรค์ขึ้นมาอย่างวิจิตรบรรจง ด้วยตนเอง
อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ตั้งอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ไปทางทิศเหนือ ระยะทาง 500 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์ ประมาณ 6 ชั่วโมง ห่างจากตัวเมืองพิษณุโลก 120 กิโลเมตร จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธิน) แยกเข้าทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 32 ผ่านจังหวัดพระนครศรีอยุธยา สิงห์บุรี ชัยนาท นครสวรรค์ จากนั้นแยกขวาเข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 117 ระยะทาง 130 กิโลเมตร ถึงตัวเมืองพิษณุโลก จากตัวเมืองพิษณุโลก เส้นทางที่สะดวกที่สุด คือใช้ทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 12 สายพิษณุโลก - หล่มสัก จากนั้นแยกซ้ายเข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2013 ไปทางอำเภอนครไทย ก่อนถึงตัวอำเภอนครไทย มีทางแยกขวามือตามทางหลวงหมายเลข 2331 มุ่งหน้าสู่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า สภาพเส้นทางสูงชัน และคดเคี้ยวเป็นบางช่วง
 เมื่อรถออกจากตัวเมือง ทัศนียภาพสองข้างทางเต็มไปด้วยท้องนาที่เขียวขจี หลังจากรถวิ่งผ่านชุมชนและท้องทุ่งพื้นราบมาแล้วก็เข้าสู่พื้นที่สูง รถเริ่มวิ่งไต่ระดับไปตามไหล่เขาอย่างช้า ๆ สองข้างทางเขียวชอุ่มไปด้วยป่าไม้ในฤดูฝน ประกอบกับลมที่พัดโชยขณะรถวิ่งด้วยความเร็วทำให้รู้สึกสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก ทุก ๆ คน ต่างเพลิดเพลินกับความสวยงามที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ขึ้น ชั่งเป็นการเดินทางที่แสนวิเศษจริง ๆ
เมื่อรถเคลื่อนเข้าสู่พื้นที่ป่าเขา ถนนเริ่มคดเคี้ยวไปมา และเริ่มสูงชันขึ้นเรื่อย ๆ มิหนำซ้ำ ล้อรถตกหลุมที ทุกคนถึงกับจุกหน้านิ่วคิ้วขมวดไปตาม ๆ กัน แถมก้นกระแทกกับแคร่ไม้จนระบมไปหมด

ต้นข้าวและเพื่อนผู้หญิงส่วนใหญ่ เกิดอาการหน้ามืดตาลายขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่จนต้องดมยาคลายอาการวิงเวียนศีรษะที่เกิดจากการเหวี่ยงตัวโยกไปมาตามสภาพภูมิประเทศ ของรถ

“ฟ้า...เราไม่ไหวแล้ว ขอถุงที จะอ้วก....” ต้นข้าวหน้าซีดเผือด ร้องขอถุงพลาสติกจากสายฟ้าที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ซึ่งรู้สึกเวียนหัวเหมือนกันแต่ไม่หนักหนาสาหัสนัก ไม่ทันขาดคำ อาหารที่กินเข้าไปเมื่อเช้าก็ทะลักพรั่งพรูออกมาจากปากของต้นข้าวจนแทบจะเบี่ยงตัวหันหน้าออกนอกรถแทบไม่ทัน สายฟ้าได้แต่ลูบหลังบรรเทาอาการให้

“เป็นยังไงบ้างต้น ดีขึ้นบ้างยัง” สายฟ้าถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วง พลางส่งขวดน้ำให้ดื่มและบ้วนปาก

“ค่อยยังชั่วแล้วล่ะ” ต้นข้าวตอบอย่างเสียงเนือย ๆ

“โธ่เอ๊ย...นึกว่าจะแน่ยังไม่ถึงปลายทางเลยด้วยซ้ำ น็อกซะแล้ว” ทิวไผ่ที่นั่งมองอาการของต้นข้าวอยู่ฝั่งตรงข้าม ทำหน้าเยาะ ๆ พูดอย่างเย้ยหยัน

“หุบปากไปเลยนาย...อุ๊บ…”ต้นข้าวพยายามจะอ้าปากเถียงกลับไป แต่ต้องเอามือป้องปากไว้เมื่อรู้สึกว่าจะอ้วกขึ้นมาอีก ทิวไผ่ทำท่าล้อเลียนกลับมา ต้นข้าวได้แต่จ้องมองด้วยความขุ่นเคือง

“แน้...ตัวเองจะแย่อยู่แล้วยังไปต่อปากต่อคำกับเค้าอีก” สายฟ้าพูดอย่างตำหนิ และลอบมองทิวไผ่อย่างฉงน ‘ทำไมพักนี้ไผ่ชอบตอแยต้นข้าวนักนะ’ สายฟ้า ครุ่นคิดอย่างสงสัย
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 10-05-2007 12:44:18
มันเหมือนจะต้องมีต่อใช่ไหมคับนี่
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 10-05-2007 12:45:32
อิอิ ยังกัดกันเหมือนเดิมเลย รออ่านต่ออีกนะค้าบบบบบบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 10-05-2007 14:39:52
กัดกันไปกัดกันมา รักกันเลย o3 o3 o3

รออ่านต่อครับ :yeb:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 10-05-2007 15:03:38
เป็นกำลังใจให้นะครับบบบ

พี่กานต์สู้ๆ

 o13
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Jingjoh ที่ 10-05-2007 15:55:40
หนุกๆ

 o13
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 10-05-2007 22:48:27
ท่าทางตาไผ่นี่จะเป็นเอามากเหมือนกันแฮะ o13
สงสัยจะชอบเค้าอ่ะดิ๊ ก็เลยต้องคอยหาเรื่องเค้าบ่อยๆ
จะได้มีโอกาสคุยกัน ใช่ป่ะๆ :o9:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: kYos ที่ 10-05-2007 23:29:30
ไผ่ชอบต้น โดยไม่รู้ตัวอ่าซิ 55+ :laugh3:

ว่าแต่..ภูหินร่องกล้านี่ไม่เคยไปเลยอ่ะ ทั้งๆที่ก็อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล  :onion_asleep:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Shumi ที่ 10-05-2007 23:32:56
เอ้า อินู๋ รักกันไว ๆ นะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: sabishiikant ที่ 11-05-2007 06:29:29
ใช้เวลาเดินทางเกือบสองชั่วโมง ไม่นานนักรถก็ถึงจุดหมายในเวลาเก้าโมงเศษ ๆ เด็ก ๆ ลงรถในสภาพอิดโรย แต่เมื่อได้สัมผัสกับความงดงามของธรรมชาติเบื้องหน้า ก็ทำให้หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง ถึงแม้จะสายถึงเก้าโมงแล้ว แต่บรรยากาศค่อนข้างเช้ากว่าปกติ แตกต่างจากสภาพแวดล้อมในเมืองเป็นอย่างมาก พื้นที่เป็นภูเขาสูง อากาศค่อนข้างเย็น มีสายหมอกสีขาวนวลล่องลอยระเรื่อไปตามทิวยอดไม้ นกป่าน้อยใหญ่นานาพันธุ์ส่งเสียงเจื้อยแจ้วดังก้องสะท้อนไปตามแนวป่าเขา ดั่งเสียงดนตรีจากธรรมชาติที่ไพเราะเสนาะหูยิ่งกว่าเสียงรถราที่วิ่งกันขวักไขว่ในเมืองใหญ่เป็นไหน ๆ

แต่ทุกอย่างใช่จะดีไปทั้งหมด เจ้าหน้าที่อุทยานบอกว่า เมื่อวานฝนพึ่งตกลงมาทำให้สภาพพื้นดินเปียกแฉะกลายเป็นโคลนเหนียวไปหมด เจ้าหน้าที่และอาจารย์บอกให้ทุกคนเดินอย่างระมัดระวังเดี๋ยวหกล้มเอาได้ โชคดีที่ทุกคนใส่ร้องเท้าผ้าใบกันมา
ต้นข้าวถึงจะสดชดชื่นขึ้นบ้างกับสภาพธรรมชาติที่เขียวชอุ่มแต่ก็แหยง ๆ สภาพพื้นดินที่กลายเป็นโคลนเละ เดินเหินไม่ดีจะลื่นล้มเอาได้ง่าย ๆ จนต้องจับแขนสายฟ้าเดินเขย่งไปมาอย่างยากลำบาก ทิวไผ่ก็คอยจ้องแต่จะแซวและกระแนะกระแหนอาการคุณหนูจ๋า ของต้นข้าวอยู่ตลอดเวลา

ต้นข้าวจ้องตอบใบหน้าเหยียด ๆ ของหนุ่มหน้าเข้ม “มองอะไรอยู่ได้น่ารำคาญ”

“ไหนก่อนมาบอกเก่งนักเก่งหนา ทำเป็นมาเตือนคนอื่น ดูตัวเองสิ เอาตัวก็ไม่รอดตั้งแต่ยังไม่ถึงแล้ว ยังจะมาทำปากเก่งอีก” ทิวไผ่อดที่จะแหวกลับไม่ได้

“ฟ้าปล่อยเรา เราเดินเองได้ไม่ต้องมาพยุงหรอก” ต้นข้าวบอกเพื่อนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ สายฟ้าถึงกับงง และยิ้มเจื่อน ๆ ในความอวดเก่งและต้องการเอาชนะ ของต้นข้าว ทั้งที่ตัวเองจับแขนเขาอยู่แท้ ๆ

“ทำไมเราจะเดินเองไม่ได้ นี่ไง ไม่เห็นเป็นไรเลย เดินง่ายดีออก” ต้นข้าวพูดพลางก้าวเดินฉับ ๆไปบนพื้นดินที่เปียกแฉะ อย่างไม่ระมัดระวัง ทันใดนั้นรองเท้าเจ้ากรรมก็ลื่นไถล จนคนหน้าใสล้มลงก้นกระแทกพื้น ท่ามกลางสายตาทิวไผ่ สายฟ้า และเพื่อนฝูง
    
   “เฮ้ย...” ต้นข้าวอุทานออกมาอย่างตกใจ ตามด้วยสีหน้าบึ้งตึง หงุดหงิดเพราะเสียงหัวเราะเย้ยหยันของทิวไผ่ และโมโหตัวเองที่เสียท่าอย่างน่าอาย ต้นข้าวกำก้อนดินโคลนขว้างใส่ทิวไผ่อย่างพาล ๆ สายฟ้ารีบเข้าไปช่วยพยุงต้นข้าวลุกขึ้นและพาไปล้างตัวที่ลำธาร ใกล้ ๆ

   “สมน้ำหน้าคุณหนูจัง อวดเก่งดีนัก” ทิวไผ่ส่งเสียงเยาะเย้ยไล่หลัง

   “หุบปากไปเลย” ต้นข้าวสวนกลับมาอย่างโมโห

...


   เจ้าหน้าที่อุทยาน ที่ดูแลแปลงปลูก พาพวกเราเดินเข้าไปยังพื้นที่แปลงปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ ลักษณะพื้นที่เป็นภูเขาหัวโล้น รกทึบไปด้วยป่าหญ้าคาสูงเกือบท่วมหัว มันมีหน่อแหลมคมเหมือนเข็มแท่งใหญ่โผล่ขึ้นมาจากพื้นดิน ใบของมันคมราวกับใบมีดโกน ถ้าไม่ใส่เสื้อแขนยาวกับรองเท้าผ้าใบมารับรองกลับบ้านไปด้วยสภาพเท้าพรุน และตัวลายเลือดไหลซิบ ๆ แสบไปทั้งตัวเป็นแน่
   มีการใช้การใช้รถแทรกเตอร์ไถปราบพื้นดิน ไว้เป็นแถว ๆ สำหรับลงกล้าไม้ ต้นกล้าที่จะใช้ปลูกมี สนสามใบ กระถินณรงค์  ประดู่ แดง และมะค่า เป็นต้น โดยการแบ่งโซนกันปลูกตามกล้าพันธุ์แต่ละชนิด โดยแต่ละแถวและแต่ละหลุมห่างกันสองเมตรครึ่ง
   
   เราจับคู่กัน ในการทำงาน โดยมีจอบและช้อนตักดินเป็นอาวุธประจำกาย โชคดีที่ฝนตกเมื่อวานนี้ถึงจะทำให้ดินแฉะแต่ก็ทำให้ขุดง่าย และยังไม่ต้องหาน้ำมารดตอนปลูกเสร็จอีกด้วย ต้นข้าวจับคู่กับสายฟ้าผลัดกันขุด ผลัดกันปลูก ส่วนสายฟ้านั้นใจจริงแล้วมันบอกว่าอยากคู่กับทิวไผ่ซะมากว่า แต่มันก็เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งที่เก็บงำไว้ในก้นบึ้งลึก ๆ ของหัวใจ
ทุกคนต่างทำงานด้วยความขยันขันแข็งและสนุกสนาน ก่อนจะเปลี่ยนเป็นความเหนื่อยล้าเข้ามาแทนที่ เมื่อเริ่มสาย แดดเริ่มร้อนขึ้นเรื่อย ๆ ต้นข้าวและสายฟ้าเหงื่อชุ่มกายจนเปียกไปหมด ส่วนต้นข้าวรู้สึกจะเหนื่อยอ่อนเป็นพิเศษเพราะข้าวที่กินเข้าไปตอนเช้า มันออกมาระหว่างทางหมดแล้ว แต่ก็ยังฝืนทน เพราะเดี๋ยวจะโดนทิวไผ่ล้อว่าเป็นคุณหนูอีก
อาจารย์เรียกทุกคนมาพักเหนื่อยดื่มน้ำเย็น ๆ และกินอาหารวางกันก่อน ให้หายเหนื่อยแล้วค่อยเริ่มทำงานกันต่อ ซึ่งทุกคนเหนื่อยเร็วกว่าช่วงเช้าอย่างเห็นได้ชัด เพราะแดดที่ร้อนจัด ทำให้อากาศอบอ้าว คล้ายกับว่าฝนกำลังจะเทลงมาในช่วงบ่ายนี้ จนมีเพื่อนผู้หญิงหลายคนถึงกับเป็นลม ต้องหามเข้าไปนั่งพัดวี กันใต้ร่มไม้ ที่มีลมพัดโชยเย็นสบาย
    ก่อนจะถึงเวลาพักเที่ยงพวกเราก็ช่วยกันเอาต้นกล้าทั้งหมดลงดินเสร็จพอดี อาจารย์เรียกทุกคนมาพักเหนื่อย เพื่อรอรับประทานอาหารกลางวันด้วยกัน

   ระหว่างพักเหนื่อยต้นข้าวชวนสายฟ้า ไปล้างหน้าล้างตา กันที่ลำธารเพื่อให้สดชื่น สายธารธรรมชาติ เล็ก ๆ จากแหล่งต้นน้ำไหลเอื่อยลัดเลาะไปตามโขดหินใหญ่น้อยที่ขวางกั้น  เสียงน้ำซ่านกระเซ็นเมื่อกระทบกับโขดหิน ทำให้ต้นข้าวและสายฟ้าหยุดฟังอย่างหลงใหลในเสียงดนตรีแห่งธรรมชาตินั้น ก่อนจะพากัน ลงไปวิดน้ำล้างหน้า
   สายน้ำเย็นยะเยียบจนขนลุกซู่ ต้นข้าวกวักมันขึ้นประพรมใบหน้าเนียนใส ที่มีรอยแดงเพราะแดดเผา ความเย็นจากสายน้ำแพร่ซ่านไปทั่วทั้งใบหน้า ด้วยความสดชื่นดุจน้ำทิพย์จากสวรรค์ เหมือนกับว่าอาการเมื่อยล้าเมื่อสักครู่ได้พลันมลายหายไปอย่างสิ้นเชิง

   “แหม แอบมาเล่นน้ำกันสองคนไม่ชวนเราเลยนะฟ้า” เสียงหนึ่งดังขึ้นทำลายบรรยากาศเงียบสงบลง
   
   “ทำไมต้องชวนนายด้วยไม่ทราบ” ต้นข้าวสวนขึ้นอย่างทันควัน

“อ้าวไผ่ ขอโทษนะเราลืมชวน” สายฟ้า ตอบทิวไผ่ อย่างเนือย ๆ

ทิวไผ่ไม่ต่อล้อต่อเถียง เดินลงไปในลำธารวิดสายน้ำเย็นฉ่ำชโลมใบหน้าคมเข้ม และศีรษะ จนเปียกชุ่ม

“มาเล่นน้ำกันเถอะ” พูดจบก็วิดเข้าน้ำใส่ต้นข้าว และสายฟ้าอย่างไม่ยั้งทันที

“เฮ้ย ไอบ้าเดี๋ยวเปียกหมดไม่มีชุดเปลี่ยนนะโว้ย” ต้นข้าวตะโกนด่ากลับไป พลางวิ่งหนี ส่วนสายฟ้าเองก็อยากเล่นด้วยอยู่หรอก แต่ติดที่ไม่มีชุดเปลี่ยนเช่นกันอีกนานกว่าจะถึงบ้านได้เป็นหวัดกันพอดี

“ไม่เอาน่ะไผ่ เราไม่มีชุดเปลี่ยนกันนะเดี๋ยวจะเป็นหวัดเอา” สายฟ้าปราม

ต้นข้าวเดินกลับมาพร้อมกับยกก้อนหินขนาดเขื่อง  “อยากเล่นนักใช่มั้ยได้ จัดให้” แล้วโยนก้อนหินลงไปในลำธารอย่างรวดเร็ว ก้อนกินกระทบกับผิวน้ำ พร้อมกับสาดสายน้ำกระเซ็นไปรอบ ๆ ถูกทิวไผ่จนเปียกโชกไปทั้งตัว ทิวไผ่ยืนนิ่ง ขณะที่ต้นข้าวหัวเราะลั่นอย่างสะใจ สายฟ้าทำหน้าเจื่อน ๆ ตามเคย
ทิวไผ่ทะลึ่งพรวดขึ้นจากลำธารวิ่งเข้าหาต้นข้าวอย่างรวดเร็ว ขณะที่หนุ่มหน้าใสมัวแต่ยืนหัวเราะจนท้องคัดท้องแข็งไม่ทันได้ตั้งตัว กว่าจะรู้ตัวหันหลังออกวิ่งทิวไผ่ก็เข้ามาจวนจะถึงตัวอยู่แล้ว

“จะไปไหน...” ทิวไผ่ส่งเสียงคำราม

ต้นข้าวสะดุดก้อนหินเกือบหัวคะมำ ทิวไผ่คว้ามือไว้ได้และดึงหนุ่มร่างบางเข้าหาตัวอย่างรวดเร็ว แล้วรวบตัวต้นข้าว อุ้มไว้ในอ้อมอกอย่างง่ายดาย คนถูกอุ้มดิ้นรนขัดขืนอย่างสุดฤทธิ์

“ปล่อยฉันนะโว้ย ไอ้ขี้เก๊ก นายจะทำอะไรฉัน ไอ้บ้า ปล่อย...” ต้นข้าวโวยวายและดิ้นไปมาอยู่ในลำแขนแข็งแรงนั้น

“เดี๋ยวก็รู้” พูดจบ ทิวไผ่ก็พุ่งตัวลงสู่ลำธารพร้อมคนในอ้อมกอดอย่างรวดเร็ว ทั้งคู่อยู่ในสภาพเปียกปอนเหมือนกับลูกหมาตกน้ำ สายฟ้ายืนมองอย่างตกตะลึง

ทิวไผ่ส่งเสียงหัวเราะอย่างสะใจสุดขีดที่สามารถเอาคืนต้นข้าวได้อย่างทันท่วงที ต้นข้าวหน้าบูดบึ้งวิดน้ำใส่ทิวไผ่อย่างโมโห แล้วพรวดพลาดขึ้นไปจากลำธารในสภาพเปียกโชกไปทั้งตัวอย่างหัวเสีย
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 11-05-2007 09:04:38
เหอเหอ

รอลุ้นอยู่นะค้าบบบบบ

 :o10:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 11-05-2007 11:32:33
อุ๊ยยย มีอุ้มแหละ :laugh3:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: TheVOshow ที่ 11-05-2007 12:41:02
 o8 เออให้มันได้งี้สิ  เห็นใจสายฟ้าว่ะ เห็นภาพตำตาตำใจ :o12:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 11-05-2007 16:25:59
มาต่อหน่อยสิคร้า

ปล. เจ้ยืนยันนะเคอะว่า ภูหินร่องกล้าสวยน่าไปมากเคอะ  อิอิ  :impress2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 11-05-2007 16:52:15
สงสัยเรื่องนี้จะรู้ตัวพระเอก นายเอกซะแล้วสิ  เป็นต้นข้าวกับไผ่รึเปล่า  แกล้งกัดกันเพื่อปิดความรู้สึกตัวเองอะ  สายฟ้าก็รับบทเพื่อนที่แสนดีไป  น่าสงสารจริงๆ  เห็นเค้าแกล้งกันอ่า

ชอบเรื่องนี้มากๆ ดำเนินเรื่องน่าติดตามดี  เหมือนมีอะไรให้คอยลุ้นอยู่ตลอด 

รออ่านต่ออยู่นะ  เป็นกำลังใจให้กานต์คนโพสกับคนแต่งจ้า  o15
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 11-05-2007 17:48:09
ว้า . . . อุตส่าห์ลุ้นว่าจะไปทำอะไรกันในน้ำ อยู่ในอ้อมกอดแล้วเชียว :haun5:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 11-05-2007 20:08:39
ม่ายนะ ต้นข้าวคู่กับไผ่เหรอ   :serius2:  :serius2:
เชียร์สายฟ้า  เชียร์สายฟ้า  :like6:  :like6:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: kYos ที่ 11-05-2007 21:52:12
 :impress2: ว้าววว.. ถึงเนื้อถึงตัวกันสุดๆ  o3 o3
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Shumi ที่ 12-05-2007 00:36:36
รู้สึกเค้าจะเฉลย ตั้งแต่ตอนแรกสุด ก่อนเข้าเนื้อเรื่องนะ  :sad3:
ดูท่า คงอีกนาน นะเรื่องนี้  :sad2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: sabishiikant ที่ 12-05-2007 06:24:40
ซักพักอาจารย์ก็เรียกทุกคนไปรับข้าวกล่อง

“อ้าว นายต้นข้าวกับนายทิวไผ่ไปทำอะไรกันมาน่ะ เปียกปอนกันมาเชียว ไม่มีชุดเปลี่ยนด้วยระวังเป็นหวัดล่ะ” อาจารย์นาถวดี ที่ปรึกษาประจำชั้นสอบถามด้วยความเป็นห่วง

“เราไปเล่นน้ำกันมาน่ะครับอาจารย์” ทิวไผ่ตอบอย่างยิ้ม ๆ ขณะที่ต้นข้าวหนาวจนปากสั่น เพราะน้ำในลำธารเย็นมาก เขายิ้มเจื่อน ๆ ให้อาจารย์ก่อนจะหันไปค้อนควับใส่ทิวไผ่อย่างแค้นเคือง

เมนูอาหารวันนี้ คือ กระเพราไข่ดาว ทุกคนกินกันอย่างเอร็ดอร่อยด้วยความหิว และเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานกันมา หลังจากนั้นอาจารย์ ปล่อยให้ทุกคนพักผ่อนเดินเล่นชื่นชมความงดงามของธรรมชาติ ก่อนจะกลับอาจารย์เอากล้องมาถ่ายภาพหมู่ไว้เป็นที่ระลึก รถออกเดินทางกลับในเวลาบ่ายโมงเศษ ๆ

ต้นข้าวนั่งกอดอกตัวซีดปากเขียวอย่างหนาวเหน็บเมื่อรถวิ่งด้วยความเร็วทำให้ลมพัดประทะเข้ากับเสื้อผ้าเปียก ๆ ของเขา จนร่างกายบอบบางนั้นสั่นสะท้านจนเห็นได้ชัด แถมซ้ำระหว่างทางฝนดันตกลงมาอีก โชคยังดีอยู่บ้างที่รถยังมีหลังคาผ้าใบช่วยกันฝนได้บ้าง เสื้อผ้าที่เปียกปอนบวกกับไอฝนที่ถาโถมเข้ามาตามแรงปะทะของรถที่กำลังวิ่ง ยิ่งทำให้ต้นข้าวหนาวเหน็บจับขั้วหัวใจ
ทิวไผ่ลอบมองต้นข้าวและนึกสงสารขึ้นมาอย่างจับใจ นี่เขาแกล้งหมอนี่รุนแรงไปหรือเปล่านะ สายฟ้าถอดเสื้อแขนยาวให้เพื่อนรักใส่อีกตัวเมื่อเห็นอาการของต้นข้าวไม่สู้ดีนัก ด้วยความหนาวและเมื่อยล้า ต้นข้าวจึงผล็อยหลับไปบนตักของสายฟ้าในที่สุด
สภาพของทุกคนตอนนี้ ไม่ต่างอะไรไปจากต้นข้าวมากนัก ทุกคนมีอาการเมื่อยล้าและอ่อนเพลีย นั่งหลับกันโงนเงนไปมาเกือบทั้งคันรถ แม้แต่สายฟ้าเองก็ฟุบหลับไปกับต้นข้าว และเพื่อน ๆ ด้วย
ทิวไผ่นั่งมองสองเพื่อนรักนอนหลับไปด้วยกันอย่างอ่อนเพลีย และนึกเอ็นดูในสภาพเหมือนกับเด็ก นอนหลับยังไงอย่างงั้น ลมพัดน้ำฝนเข้ามาปะทะร่างทิวไผ่จนหนาวสะท้านเช่นกัน แต่สำหรับเขาแค่นี้ไม่มีปัญหาอะไร เพราะเป็นนักกีฬาร่างกายแข็งแรง ไม่เจ็บไข้ได้ป่วยง่าย ๆ อยู่แล้ว

รถกลับมาถึงโรงเรียนประมาณบ่ายสามโมงเย็น ทุกคนต่างแยกย้ายกันกลับบ้านด้วยอาการเมื่อยล้า บางคนมีผู้ปกครองมารับ หลายคนกลับเองตามปกติ

“ต้น...ต้น...ตื่นได้แล้ว ถึงแล้ว” สายฟ้าปลุกต้นข้าวโดยเขย่าร่างเบา ๆ

“อืม...ถึงแล้วเหรอ ปวดหัวจัง” ต้นข้าวสะลึมสะลือลุกขึ้นยืนอย่างช้า ๆ ทันใดนั้นก็เซถลาจนเกือบจะล้ม

“ต้น...ไหวมั้ย ให้เราไปส่งบ้านดีกว่า” สายฟ้าพูดอย่างเป็นห่วง และขันอาสาไปส่งบ้านเมื่อเห็นว่าเพื่อนอาการไม่ดีเอาเสียเลย

“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวแม่มารับน่ะ” ต้นข้าวตอบมาอย่างเนือย ๆ ใบหน้าซีดเซียว

“เอางั้นเหรอ อืม...เรานั่งรอแม่นายเป็นเพื่อนละกัน อ๊ะ นั่นแม่เกดมาพอดีเลยปะ เราไปส่งขึ้นรถ” สายฟ้ากุลีกุจออย่างห่วงใย

“หวัดดีจ้ะลูกฟ้า ลูกต้น เอ๋...ทำไม่ลูกต้นของหม่ามี้น่าซีดจังล่ะจ๊ะ” เกศสินีสังเกตอาการของลูกชายสุดที่รักของเธอ และพูดอย่างเป็นห่วง

“หวัดดีครับคุณแม่ รู้สึกว่าต้นจะไม่ค่อยสบายน่ะครับ สงสัยทำงานหนักแล้วโดนฝนเข้าไปอีกนะครับ”

สายฟ้าบอกอาการของต้นข้าวให้มารดาเพื่อนรักของตนฟัง

“ตายแล้ว งั้นเดี๋ยวหม่ามี้พาไปหาหมอนะคะ”

“ไม่เป็นไรหรอกครับแม่กลับไปกินยาแล้วนอนพักต้นคงดีขึ้นครับ” ต้นข้าวตอบมารดาด้วยอาการเหนื่อยอ่อน

“ขอบใจลูกฟ้ามากนะจ๊ะ ที่ช่วยดูแลต้นข้าวของแม่น่ะจ้ะ”

“ไม่เป็นไรครับคุณแม่ ต้นกับผมเราเป็นเพื่อนกันครับ เพื่อนต้องดูแลเพื่อนอยู่แล้วครับ คุณแม่ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ งั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ หวัดดีครับ”

“จ้ะลูก เดินทางดี ๆ นะจ๊ะ” เกศสินีพูดกับเพื่อนรักของลูกชายอย่างเป็นห่วง

 
...



“หวัดดีไผ่” สายฟ้าทักทายทิวไผ่ เมื่อก้าวเดินเข้ามาในห้องในเช้าวันใหม่

“ดีครับฟ้า ทำไมเสียงฟ้าแปร่ง ๆ ไปอ่ะ ไม่สบายเหรอ” ทิวไผ่ถามเมื่อได้ยินเสียงสายฟ้าที่ทักทายตัวเองผิดปกติไป

“ครับ ก็ทำงานตากแดดทั้งวันแถมมาโดนฝนอีก เลยเป็นหวัดนิดหน่อยน่ะครับ”

“กินยารึยังครับเนี่ย มาเรียนด้วย ไหวเหรอ ทำไมไม่นอนพักอยู่ที่บ้านซักวันก่อนล่ะครับ” ทิวไผ่ถามอย่างห่วงใย

“กินแล้วครับ” สายฟ้าตอบอย่างใจชื้นเป็นพิเศษ ที่ทิวไผ่เป็นห่วงตนเอง

“อืม...นี่สายแล้วยังไม่เห็นต้นข้าวมาโรงเรียนเลย” ทิวไผ่พูดเปรยขึ้นเมื่อไม่เห็นต้นข้าวคู่กัดของเขาโผล่เข้ามาซักที

“สงสัยจะนอนซมอยู่บ้านเพราะพิษไข้มั้งครับ ต้นอาการไม่ค่อยจะสู้ดีตั้งแต่ตอนกลับมาแล้วนะ ฟ้ายังไม่ได้โทรไปถามที่บ้านต้นเลย ว่าเป็นยังไงบ้าง” สายฟ้าสันนิษฐาน

เมื่อได้ยินสิ่งที่สายฟ้าพูด จิตใต้สำนึกของทิวไผ่ก็หวนกลับเข้ามาในห้วงความคิด ‘จริงเหรอ ถ้าหมอนั่นป่วยถึงขั้นนอนซมอยู่ที่บ้านเราก็มีส่วนผิดด้วยซินะ ที่ไปแกล้งเจ้านั่นหนักไปหน่อย ยิ่งบอบบางอยู่ด้วยสิ เป็นอะไรมากรึเปล่านะ’

“อื้ม...เอ่อ...สายฟ้าครับ เย็นนี้เราไปเยี่ยมต้นข้าวที่บ้านกันดีไหม” ทิวไผ่พูดด้วยสีหน้าที่ดูเรียบเฉย

“…ดีเหมือนกันครับไผ่ ฟ้าก็เป็นห่วงต้นมันเหมือนกัน” สายฟ้าตอบ ‘เดี๋ยวนี้ไผ่เป็นห่วงต้นด้วยเหรอเห็นเกลียดกันจะตายเจอหน้ากันกัดกันตลอดนี่นา’

หลังเลิกเรียน สองหนุ่มพากันขึ้นรถเมล์ไปบ้านของต้นข้าวทันที โดยสายฟ้าเป็นคนนำทาง ระหว่างทางสายฟ้า ลอบมองหน้า ทิวไผ่อย่างสับสน ทำไมทิวไผ่ แปลก ๆ ไป เขาห่วงใยต้นข้าวตั้งแต่เมื่อไหร่ ทั้งที่โดยปกติแล้วสองคนนี้ไม่มีทางญาติดีกันได้เลย ยิ่งคิดยิ่งทำให้ความหวาดกลัว และความหวาดระแวงเดิม ๆ ของสายฟ้า ในความสัมพันธ์ของเพื่อนทั้งสองกลับคืนมาอีกครั้ง

“ถึงแล้วครับไผ่...เดี๋ยวฟ้ากดกริ่งเรียกคนในบ้านก่อนนะครับ” สายฟ้าบอกทิวไผ่ เมื่อมาหยุดยืนอยู่หน้าบ้านเดี่ยวหลังหนึ่งซึ่งตั้งอยู่กลางซอย

“ครับ”
‘นี่เหรอบ้านนายหน้าใสนั่น น่าอยู่ดีนะ’ ทิวไผ่มองผ่านรั้วอัลลอยด์เหล็กดัดเข้าไปภายในบ้านทรงยุโรปโมเดิร์นสองชั้นตั้งอยู่ถัดเข้าไปจากสนามหญ้าหน้าบ้าน รอบ ๆ ตัวบ้านมีสวนหย่อมเล็ก ๆ และไม้ยืนต้นให้ร่มเงาช่วยทำให้บ้านร่มรื่นน่าอยู่มากขึ้น ทันใดนั้นมีสุนัขพันธุ์โกลเด้นรีทีฟเวอร์ กับไวท์ลาบาดอร์ สองตัววิ่งออกมาต้อนรับแขกที่หน้าบ้านพร้อมกับส่งเสียงทักทายด้วยการเห่าเสียงดัง จนทำให้แขกผู้มาเยือนครั้งแรกอย่างทิวไผ่สะดุ้งตกใจนิด ๆ

“เฮ้ จอห์นนี่ บ๊อบบี้ จำกันไม่ได้รึ” สายฟ้าส่งเสียงทักทายเจ้าสี่ขาสองตัวนั่น มันกระดิกหางร้องครางหงิง ๆ ทันทีอย่างคนคุ้นเคย แต่กลับจ้องมองทิวไผ่ซึ่งเป็นคนแปลกหน้าอย่างไม่เป็นมิตรนัก
 
“นี่ทิวไผ่เพื่อนฉันเอง เพื่อนต้นข้าวเจ้านาย ของแกด้วยนะ” สายฟ้าพูดกับเจ้า สองตัวนั่น ดูเหมือนว่ามันจะเข้าใจ ด้วยการกระดิกหางให้กับทิวไผ่ด้วย

“หวัดดี จอห์นนี่ บ๊อบบี้ ฉันมาเยี่ยมเจ้านายแกน่ะ” ทิวไผ่กล่าวทักทายเจ้าสองตัวนั้นบ้าง มันตอบมาด้วยการเห่าเบา ๆ หนึ่งครั้งและกระดิกหางไม่หยุด

   “อ้าว...ลูกฟ้า มาเยี่ยมต้นกันเหรอจ๊ะ” เกศสินีส่งเสียงทักทายผู้มาเยือน

   “หวัดดีครับ คุณแม่ ผมกับไผ่มาเยี่ยมต้นกันครับ เห็นไม่ไปโรงเรียนเลยคิดว่าต้องไม่สบายแน่ ๆ”

   “หวัดดีครับ เอ่อ...คุณน้า” ทิวไผ่ทักทายมารดาของต้นข้าว อย่างเกรง ๆ

   “เรียกแม่เหมือนลูกฟ้าก็ได้จ้ะลูกไผ่” เกศสินีทักทายด้วยความเป็นกันเอง

   “ครับ คุณแม่ ผมไม่เห็นต้นเค้าไปเรียนเลยเป็นห่วงน่ะครับ จึงชวนฟ้ามาเยี่ยม”

   “อ้าว...ยืนคุยกันตั้งนานเข้าบ้านกันก่อนดีกว่าจ้ะลูก ลูกฟ้าพาเพื่อนเข้ามาในบ้านก่อนนะจ๊ะ” เกศสินีชี้ชวนให้แขกของลูกชายเข้ามาคุยกันในบ้าน

   สายฟ้าและทิวไผ่เข้าไปนั่งกันที่ห้องรับแขก ที่ดูโอ่โถง บ้านของต้นข้าวถึงไม่ใหญ่โตนักแต่ก็เป็นครอบครัวที่ค่อนข้างมีฐานะอยู่พอสมควร เจ้าสี่ขาสองตัวเข้ามาคลอเคลียแขกผู้คุ้นเคยอย่างไม่ห่าง เพราะสายฟ้ามาที่บ้านนี้ทีไรเขาจะต้องพาจอห์นนี่ กับบ๊อบบี้ วิ่งเล่นกันที่สนามหญ้าหน้าบ้านจนหอบแฮ่ก ๆ ไปกันทั้งหมาและคน

   “วันนี้ฉันไม่ได้มาเล่นกับแกนะ ไว้วันหลังละกัน” สายฟ้าพูดและลูบหัวมันสองตัวที่มานั่งอยู่ตรงหน้า ท่าทางมันดูเหงา ๆ ลงอย่างเห็นได้ชัด

   “จอห์นนี่ บ๊อบบี้ มาหาฉันสิ” ทิวไผ่พูดและทำเสียงเรียกเจ้าสองตัวนั่น มันเดินมาหาและให้ลูบหัวอย่างว่าง่าย

   “จอห์นนี่ บ๊อบบี้ ออกไปวิ่งเล่นข้างนอกกันดีกว่าไป อย่ามากวนแขกสิ” เสียงสาวใหญ่เจ้าของบ้าน ไล่พวกมันออกไปเล่นข้างนอก เจ้าสองตัวนั่น วิ่งคลอเคลียกันออกไปนอกบ้านอย่างว่าง่าย

   “ลูก ๆ ดื่มน้ำหวานเย็น ๆ กับกินผลไม้ไปก่อนนะจ๊ะ เดี๋ยวแม่ขึ้นไปตามต้นให้จ้ะ”

   “ไม่เป็นไรครับแม่ ไม่ต้องให้ต้นลงมาก็ได้ครับ ให้ต้นนอนพักผ่อนดีกว่า” สายฟ้าตอบมารดาของเพื่อนรัก

   “เอางั้นเหรอจ๊ะ” เกศสินีนั่งลงที่โซฟาเดี่ยวตรงข้ามกับเด็ก ๆ

   “ต้นเป็นยังไงมั่งครับ คุณแม่” ทิวไผ่ถามถึงต้นข้าวอย่างเป็นห่วง จนสายฟ้าอดแปลกใจเสียไม่ได้

   “เมื่อวานที่แม่ไปรับเค้าที่โรงเรียนน่ะจ้ะ ต้นเค้าบอกว่า กลับบ้านกินยาเดี๋ยวคงหาย แต่พอมาอาบน้ำแล้วกินยา กลับตัวร้อนขึ้นกว่าเดิม แม่จึงพาไปหาหมอที่คลินิก ไปให้หมอตรวจ เพราะแม่กลัวต้นเป็นไข้ป่า หมอฉีดยาลด และบอกว่า แค่ไข้ขึ้นเพราะร่างกายปรับตัวกับสภาพอากาศไม่ทันเลยเป็นหวัดจ้ะ นอนพักซักสองสามวันคงหาย”

   “ขอเราขึ้นไปเยี่ยมต้นซักประเดี๋ยวได้มั้ยครับ” สายฟ้าขออนุญาตผู้เป็นเจ้าของบ้าน

   “ได้ซิจ๊ะ งั้น ตามแม่มานะ” เกศสินี เดินนำทางเพื่อน ๆ ของลูกชายขึ้นไปบนห้องชั้นสองของบ้าน

   “ลูกต้นจ๊ะ หลับอยู่รึเปล่า”

 “เปล่าครับแม่” ต้นข้าวตอบมารดา พร้อมกับขยับตัวขึ้นนั่งพิงหัวเตียงโดยใช้หมอนรองหลังไว้ เขาอยู่ในชุดนอน มีผ้าห่มคลุมช่วงล่างของลำตัวตั้งแต่เอวลงมา ใบหน้าของหนุ่มหน้าใสค่อนข้างซีดเซียวเพราะยังไม่ฟื้นตัวจากพิษไข้ดีนัก

“สายฟ้าพาเพื่อนมาเยี่ยมลูกแน่ะ”

“ไง ต้น เป็นยังไงบ้างดีขึ้นรึยัง” สายฟ้าส่งเสียงทักทายถามไถ่อาการด้วยความห่วงใย เมื่อเห็นใบหน้าซีดเซียวของเพื่อน

“ตามสบายนะจ๊ะ” เกศสินีพูดแล้วเดินลงไปข้างล่างให้ลูกชายกับเพื่อน ๆ ได้คุยกันเป็นการส่วนตัว

“อื้ม... ก็ค่อยยังชั่วขึ้นแล้ว พรุ่งนี้คงไปเรียนได้ แล้วเห็นแม่บอกว่า นายพาใครมาเหรอ”

“หวัดดี ว่าไงคุณหนู หายรึยัง” ยังไม่ทันสิ้นเสียงของต้นข้าวทิวไผ่ก็โผล่เข้าไปทักทายด้วยเสียงยียวน กวนประสาท เช่นเคย
   
   “ใครอนุญาตให้นายเข้ามาในบ้านและห้องของฉัน” ต้นข้าวแหวออกมาอย่างพาล ๆ เมื่อเห็นหน้าคนที่เขาไม่ชอบขี้หน้านัก

   “ก็ แม่นายไง อะไร นี่ คนอุตส่าห์เป็นห่วงมาพูดงี้ได้ไง ป่วยจริงเปล่าเนี่ยปากเก่งไม่หายเลยนะ”

   “ใครไปขอร้องให้นายเป็นห่วงฉันไม่ทราบ ถ้าจะมาปากมอมแถวนี้ ออกจากห้องฉันเดี๋ยวนี้นะ”

“ทำไม กลัวเราปล้ำมากรึไง สายฟ้าก็อยู่ทั้งคนกลัวอะไร” ทิวไผ่เยาะคนป่วยที่นอนอยู่บนเตียง

“ไอ้บ้า ถ้าคิดจะมาหาเรื่องกันล่ะก็ออกไปเลย ออกไปเดี๋ยวนี้” ต้นข้าวนึกฉุนคำพูดห้วน ๆ กวน ๆ นั้นอย่างระงับอารมณ์ไม่อยู่ เขาขว้างหมอนใส่คนยั่วโมโหอย่างไม่ยั้ง ทิวไผ่ยกมือขึ้นปัดป้องพัลวัน

   “ฟ้าครับ ผมลงไปรอข้างล่างนะ อยู่บนนี้เดี๋ยวโดนหมาบ้ากัดตาย” ทิวไผ่กระแทกเสียงใส่ต้นข้าวแล้วเดินลงไปข้างล่างทันที
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 12-05-2007 07:44:12
เมื่อไหร่จาได้ฉากเข้าพระเข้านางล่ะถ้ายังทะเลาะกันแบบนี้  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 12-05-2007 08:19:52
หุหุ พาไผ่ไปเยี่ยมนี่นะ คงจะหายเร็วหรอก  :sad2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 12-05-2007 09:15:54
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Jingjoh ที่ 12-05-2007 11:02:57
 :-[ :o8: :give2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 12-05-2007 12:11:10
อยากอ่านหวานนเหมือนกันรอๆๆ :sad2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 12-05-2007 12:36:17
มารอฉากหวานอีกคน
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 13-05-2007 02:12:26
สงสัยจะอีกนานม้างเนี่ย กว่าจะได้หวานกัน :เฮ้อ:

ขอบคุณมากครับ :yeb:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: sabishiikant ที่ 13-05-2007 11:09:58
สายฟ้าได้แต่ยืนมองทั้งคู่ปะทะคารมและโต้เถียงกันอย่างงง ๆ ไหนทิวไผ่เป็นห่วงต้นนักหนาแล้วทำไมเจอหน้ากันยังกัดกันไม่ยอมลดราวาศอก แล้วที่ทิวไผ่บอกว่า ปล้ำ มันคืออะไร สายฟ้าครุ่นคิดด้วยความขุ่นข้องใจ

ต้นข้าวหันมามองหน้าเพื่อนรักอย่างคาดคั้น
 “นายพานายนั่นมาทำไมพามาเยาะเย้ย มาหาเรื่องเราถึงบ้านเลยนะ นายเป็นเพื่อนเรารึเปล่า เพื่อนตัวเองนอนป่วยอยู่แท้ ๆ กลับพาคนอื่นที่นายก็รู้ว่าเราไม่ชอบหน้ามาก่อกวน รึว่าเห็นคนอื่นดีกว่าเพื่อนคนนี้ไปซะแล้ว” ต้นข้าวพูดด้วยเสียงตัดพ้อน้อยอกน้อยใจเพื่อนอย่างสุดฤทธิ์
 
   “ต้นพูดแบบนั้นไม่ถูกนะ แล้ว นายก็ไม่น่าพูดแล้วก็แสดงกริยาแบบนั้นกับไผ่ด้วย รู้ไหมใครชวนเรามาเยี่ยมนาย”

   “อย่าบอกนะว่าไอ้ขี้เก๊กนั่นชวนนายมา”

   “ใช่ ท่าทางเค้าเป็นห่วงนายมากด้วย”

   “ใครใช้ให้นายนั่นมาห่วงเราล่ะ สำนึกผิดอ่ะดิ แต่เราว่าไม่ คงต้องการมาเยาะเย้ยเรามากกว่านายก็เห็นนี่ ตายห่าล่ะ...ทีนี้นายนั่นก็รู้จักบ้านเราน่ะสิ แถมเข้าถึงห้องเราด้วย สงสัยมีแผนอะไรแน่ ๆ โอ๊ย... ฟ้านะฟ้า นายตกเป็นเครื่องมือให้นายนั่นหลอกใช้มาแกล้งเราอีกแล้ว...โอ๊ย ปวดหัว...” ต้นข้าวกุมขมับ พร่ำบ่นอย่างฟุ้งซ่าน

   “บ้าน่า ต้น อย่างมองโลกในแง่ร้ายสิ ไผ่เค้าอาจจะเป็นห่วงนายจริง ๆ ก็ได้ ที่เค้ามีส่วนทำให้นายนอนซมอย่างนี้ไง แล้วเมื่อกี้นายก็ไปยั่วโมโหไผ่เขาก่อนนะ คนเค้าอุตส่าห์มาเยี่ยม กลับไปด่า ไปว่าเค้าเสีย ๆ หาย ๆ แบบนั้น”

   “นี่นายกำลังโทษเราอยู่นะ ไม่เห็นรึไง นายนั่นทักเราคำแรกพูดดีด้วยซะที่ไหนล่ะ”

   “อ่ะ ๆ ๆ พอแล้ว ไม่พูดแล้วเรื่องนี้ เดี๋ยวจะกลายเป็นมาเยี่ยมคนป่วยกลับมาทำให้ป่วยหนักลงไปอีก ดูแลตัวเองดี ๆ แล้วกัน กินข้าวกินยาพักผ่อนเยอะ ๆ อย่าคิดมาก แล้วหัดมองโลกในแง่ดีซะบ้าง หวังว่าพรุ่งนี้คงได้เจอนายที่โรงเรียนนะ เรากลับก่อนล่ะค่ำแล้ว บ๊ายบายนะ”
สายฟ้าตัดบทสนทนาเพราะคุยกันไปเรื่องคงไม่จบง่าย ๆ รังแต่จะทะเลาะกันเสียงเปล่า ๆ อีกอย่างตอนนี้ ต้นข้าวยังไม่ฟื้นไข้อยู่ด้วย

   “ขอบใจนายมากนะสายฟ้าที่เป็นห่วงเรา”

   “อื้ม...ไปล่ะ”

   “เดี๋ยวฟ้า...เอ่อ...ฝากขอบใจนายนั่นด้วยละกันที่อุตส่าห์เป็นห่วง”

   “ได้ เดี๋ยวบอกไผ่ให้ นอนได้แล้วจะได้หายเร็ว ๆ” 

   สายฟ้าเดินลงบันไดอย่างช้า ๆ ในหัวสับสนวุ่นวายไปหมดเพราะความคิดที่แตกแยกออกเป็นสองฝ่ายกำลังต่อสู้ห้ำหั่นกันอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่ในสมองของเขา  สองคนนี้สร้างภาพแกล้งทะเลากันรึเปล่า เพราะในส่วนลึกก็ยังเป็นห่วงกันและกันอยู่ จะใช่หรือ ในเมื่อพบหน้ากันก็ทะเลาะกันทุกที ไม่มีอะไรที่จะลงรอยกันได้ แถมต้นข้าวยังเคยชกทิวไผ่จนเลือดกบปาก แล้วที่ทิวไผ่บอกจะปล้ำต้นข้าวล่ะ แล้วก็ตอนในห้องน้ำนั่นด้วย  ถ้าเกิดสองคนนั้นคิดอะไรกันจริง ๆ แล้วเราล่ะ... คนที่จะเจ็บปวดรวดร้าวคือเราสินะ ยิ่งคิดยิ่งสับสนวุ่นวายข้อมูลความคิด ตีกันยุ่งเหยิงพัลวันไปหมด จนหัวแทบจะระเบิดออกเป็นเสี่ยง ๆ เสียให้ได้

   “แม่ครับ ผมกับไผ่ขอตัวกลับกันก่อนนะครับ” สายฟ้าส่งเสียงกล่าวลาเกศินีที่กำลังวุ่นกับการหุงหาอาหารเย็นอยู่ในครัว

   “อ้าวลูกจะกลับกันแล้วหรือจ๊ะ ทำไมไม่รอทานข้าวเย็นกันก่อนล่ะ แม่กำลังทำกับข้าวเลย” เธอวางมือจากงานครัวชั่วคราวแล้วเดินมาคุยกับเด็ก ๆ ที่ห้องรับแขกที่ทิวไผ่นั่งเล่นรออยู่ก่อนแล้ว

   “เอ่อ...เราไม่รบกวนดีกว่าครับอีกอย่างเย็นมากแล้ว ไม่ได้บอกทางบ้านไว้ด้วยครับ ไว้โอกาสหน้าละกันครับ รับรองผมจะมากินอาหารฝีมือคุณแม่แน่นอนครับ” สายฟ้าพูดกับมารดาของต้นข้าวอย่างสนิทสนม

   “งั้นพวกเราลาก่อนนะครับ หวัดดีครับคุณแม่ขอให้ต้นหายเร็ว ๆ นะครับ” ทิวไผ่กล่าวลาเจ้าของบ้าน

   “จ้า เดินทางดี ๆ นะจ๊ะลูก ๆ โชคดีจ้ะ”

   สองหนุ่มเดินออกจากบ้านของต้นข้าว โดยมีสองสหายสี่ขาตามมาส่งถึงประตูรั้ว พวกมันส่งเสียงครางหงิง ๆ ทำตาม่อย ๆ เมื่อคนคุ้นเคยที่เคยพาพวกมันวิ่งเล่นเป็นประจำกำลังจะจากไป สายฟ้าและทิวไผ่สั่งลาเจ้าสองตัวนั้นโดยการลูบหัวเบา ๆ เจ้าบ๊อบบี้กระโดดขึ้นใช้สองขาหน้าเกาะเอวสายฟ้าเพื่อเหนี่ยวรั้งไว้เป็นเชิงอ้อนวอน เจ้าตัวร้ายอีกตัวก็นั่งทำหน้าเศร้าอย่างเหงาหงอย แววตาดำขลับของมันบ่งบอกถึงความอาลัยอาวรณ์

   “เดี๋ยวว่าง ๆ ฉันจะมาเล่นกับพวกแกน้า วันนี้จะกลับแล้ว ดูแลบ้านและเจ้านายของพวกแกดี ๆ ล่ะ”

สายฟ้าสั่งลา พลางลูบหัวมันสองตัวเบา ๆ เจ้าบ๊อบบี้ได้แต่ครางหงิง ๆ ส่วนเจ้าจอห์นนี่เห่าเสียงดังสองครั้ง เชิงว่าเข้าใจที่สายฟ้าพูด สายฟ้าและทิวไผ่จ้องมองในความแสนรู้ของพวกมันอย่างเอ็นดู

   “นี่ไผ่ครับ ต้นฝากขอบคุณมาสำหรับความห่วงใยด้วยนะ” สายฟ้าตัดสินใจบอกสิ่งที่ต้นข้าวฝากมา หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่นาน ระหว่างเดินออกไปหน้าปากซอยเพื่อขึ้นรถเมล์กลับบ้าน

   “ใครห่วงนายนั่นเหรอ.... แน่ใจนะ ว่านายนั่นฝากขอบคุณมาจริง ๆ เห็นอยู่ต่อหน้ายังกับจะฆ่ากันซะให้ได้ยังงั้นแหละ” ทิวไผ่ทำหน้าเหรอหราพูดอย่างไม่อยากจะเชื่อที่สายฟ้าพูดนัก

   “จริง ๆ ต้นบอกฟ้าตอนที่ฟ้ากำลังจะออกจากห้องน่ะ เอ่อ...ถ้าไผ่ไม่ห่วงต้น แล้ว...ไผ่ชวนฟ้ามาเยี่ยมต้นทำไมเหรอ...”

สายฟ้าตัดสินใจพูดในสิ่งที่ตนเองครุ่นคิดทบทวนมาหลายรอบอย่างสงสัยเพื่อหยั่งเชิงปฏิกิริยาตอบสนองของทิวไผ่ซึ่งเดินอยู่ข้าง ๆ หนุ่มหน้าคมเข้มผู้ขโมยหัวใจเขาไปตั้งแต่วันแรกที่พบกัน

   “ก็ เรามีส่วนทำให้นายนั่นป่วยนี่นาที่ไปอุ้มนายนั่นโยนลงน้ำด้วย ไม่นึกว่าจะไข้ขึ้นจนนอนซมขนาดนี้” ทิวไผ่ตอบไปตามความจริงที่กลั่นกรองออกมาจากจิตใจ ซึ่งเป็นคำตอบที่สายฟ้าพอใจและไม่ได้นึกคลางแคลงใจอะไรแต่อย่างใด

...
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 13-05-2007 11:19:27
กว่าจะยอมคุยกันเนอะ
 :try2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 13-05-2007 11:28:17
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Hie_KunG ที่ 13-05-2007 13:02:02


 :laugh3:...หวัดดีค้าบบบบ ทุกคน ...สอบเสร็จแล้วฮะ (2-3 วันแล้วอ่า อิอิ หนีไปรีแล็คมา มะได้ไปไหนหรอกกิน ๆ นอน ดูหนังฟังเพลง อ่ะคับ).... เลยได้โอกาสแว๊บเข้ามาทักทายแฟน ๆ และคนโพสต์อ่าจ้ะ อิอิ o18
...ดีใจมากมาย ที่มีแฟน ๆ ตามให้กำลังใจอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง เปงปลื้มมากมายเรยอ่า.....  :-[


เดี๋ยวผมจะเขียน ตอนพิเศษ ของ 4 หนุ่ม ฝากพี่กานต์ไว้ให้นะคับ...อิอิ... :teach:


...มะวานผลแอดฯ ออกแล้ว  น้อง ๆ เปงไงกันบ้างเอ่ย ใครสมหวังก็ยินดีด้วยครับ ใคร ผิดหวังก็ขอเป็นกำลังใจให้สู้ต่อไปคับ สู้โว้ยยยย!!!!... o7
...แล้วก็เตรียมตัวโดนรับน้องจากรุ่นพี่ได้เร๊ยยยย  เหอๆ...อีก 2 อาทิตย์ ก็จะเปิดเทอมแล้ว อิอิ ส่วนน้อง ๆ ที่อยุ่มัดยมก็จะเปิด เทอม อีก 2-3 วัน กันนี้แล้วจิ เตรียมตัวพร้อมกันยังเอ่ยยยย... o3



 ...วันนี้บ๊ะบาย มีความสุขทุกคนนะค้าบบบ ... :bye2:


หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 13-05-2007 13:07:46
เจ้เข้ามาติดตามตัวละครที่ชื่อ สายฟ้า เคอะ  อยากรู้ว่าเขาจะทำไงต่อไป
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 13-05-2007 13:24:25
อ่ะ ฮีจังมาด้วย ว่างกับเขาแล้วหรอ
จะมีใครได้เจอเรื่องรับรองแบบนี้จริงๆมั่งป่าว
 :impress2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 13-05-2007 15:43:58
ยิ่งอ่าน ยิ่งเห็นใจสายฟ้า โถพ่อคุณ (เริ่มเหมือนแม่ยกเข้าไปทุกที) ซื่อจริง ๆ  :try2:  :try2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 13-05-2007 19:23:06
สรุปสายฟ้าเรา จะกินแห้วมั้ยเนี่ย
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 13-05-2007 19:39:37
คุณฮิจัง ชื่อน่ารักจังอ่า  :give2:

สงสารสายฟ้าเหมือนกันเนอะ กลายเป็นเพื่อนที่บอกความรู้สึกตัวเองก็ไม่ได้  o7
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Jingjoh ที่ 13-05-2007 23:33:32
คุณฮิเอะ อย่าใจร้ายกับสายฟ้านะงับ
จิงโจ้ขอร้อง
 :dont2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: kYos ที่ 13-05-2007 23:45:30
ว้าววว คนเขียนเข้ามาทักทายกานด้วย  :like6:
ชอบเรื่องนี้มากเลย น่าติดตามได้ตลอด  o17
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 14-05-2007 01:20:09
เลิศศ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 14-05-2007 02:01:55
ดีกันไวๆน๊า . . . แอบลุ้นแอบเชียร์ :like6:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 14-05-2007 03:37:13
รออ่านต่อจ้า  :teach:

คนเขียนคงไม่ใจร้ายให้สายฟ้าต้องอยู่โดดเดี่ยวหรอกนะ  :dont2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: sabishiikant ที่ 14-05-2007 07:37:59
บทที่ 5 : มหา’ลัยในฝัน

   ต้นข้าวนอนพักรักษาตัวด้วยพิษไข้ จากการโดน คู่กัดตัวแสบแกล้งจนนอนซม อยู่ 2-3 วัน ก็หายเป็นปกติ เช้านี้ อากาศดูสดชื่นอย่างมาก หนุ่มน้อยหน้าใสตื่นนอนอย่างกระปรี้กระเปร่า ลุกจากที่นอนอาบน้ำแปรงฟัน เพื่อเตรียมตัวไปโรงเรียนตามปกติเช่นทุกวันที่ผ่านมา หลังจากนอนซมอยู่บ้านทนอุดอู้น่าเบื่อมาสามวันเต็ม ๆ

นี่ก็ใกล้ปลายฝนต้นหนาวแล้ว ปิดเทอมนี้ ฤดูกาลแห่งการสอบคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยรอบโควตา คงจะเริ่มขึ้น เด็ก ๆ รุ่นราวคราวเดียวกับต้นข้าวต่างเตรียมตัวอ่านหนังสือ และเรียนกวดวิชากันมาแต่เนิ่น ๆ เพื่อชิงความได้เปรียบในการสอบแข่งขัน ซึ่งใครที่พร้อมเท่านั้นที่จะสามารถสอบเข้าไปเรียนในคณะ และมหาวิทยาลัยที่ตนใฝ่ฝันและปรารถนาไว้ได้สำเร็จ
ต้นข้าวกับสายฟ้าเคยพูดคุยกันว่า สายฟ้าอยากเรียนทางด้านสาขาวิทยาศาสตร์สุขภาพ แต่ต้นข้าวกับไม่ชอบทางนี้เอาเสียเลย เขาอยากเรียนกลุ่มมนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ซะมากกว่า เพราะเป็นอะไรที่ไม่น่าจะปวดหัว และสนุกสนานมากว่าสายแพทย์ที่ต้องท่องตำราภาษาอังกฤษมากมายและยังมีการคำนวณอีกนักต่อนัก
ซึ่งพ่อแม่ของเขาก็ไม่ได้ห้ามปรามหรือคัดค้านแต่อย่างใด เพราะการได้เรียนในสิ่งที่ชอบและรัก จะทำให้ประสบผลสำเร็จในชีวิตและหน้าที่การงานมากว่าที่ถูกครอบครัวบังคับหรือการเลือกเรียนตามเพื่อนเสียอีก ซึ่งบางครั้งทำให้ค้นหาเป้าหมายในชีวิตไม่เจอ หรือเจอเมื่อช้าและสายไปแล้ว

ที่โรงเรียนของต้นข้าว มีการจัดติวให้นักเรียนจากอาจารย์ฝ่ายแนะแนวและสาขาวิชาต่าง ๆ ของโรงเรียน เป็นประจำช่วงหลังเลิกเรียน และหนึ่งเดือนก่อนสอบ จะเป็นการติวเข้มมากขึ้น ซึ่งต้นข้าวจะเข้าติวบ้างเมื่อมีโอกาส ส่วนใหญ่จะอ่านหนังสือเองส่วนสายฟ้าและทิวไผ่ จะเข้าติวสม่ำเสมอกว่า และทิวไผ่อาจเป็นแรงจูงใจและเหตุผลหนึ่ง ที่ทำให้สายฟ้าจะได้ใกล้ชิดคนที่ตนแอบปลื้มอยู่ ถึงแม้มันจะเป็นความรู้สึกฝ่ายเดียว แต่มันก็ทำให้สายฟ้ามีความสุขและร่าเริงแจ่มใสอย่างบอกไม่ถูก ในบางครั้งสองเพื่อนรักก็นัดติวกันเองที่บ้านของใครคนใดคนหนึ่งในช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์

“ต้น เย็นนี้ไปติวกับเราไหม” สายฟ้าถามเพื่อนรัก

“อืม ไปดิ ไม่ติดธุระอะไรหลังเลิกเรียนหรอก เข้าฟังอาจารย์พูดบ้างก็ดีเหมือนกัน อ่านเองบางทีไม่เข้าใจอ่ะ” ต้นข้าวตอบ

หลังจากเลิกเรียนแล้ว ต้นข้าว สายฟ้า และเพื่อน ๆ ต่างเข้าฟังอาจารย์บรรยายกันที่ห้องประชุมอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา โดยที่คู่กัดสองคนยังคอยส่งสายตาจิกกันไปมาเช่นเคย จนคนนั่งคั่นกลางซึ่งทำหน้าที่คอยเป็นกรรมการห้ามมวยเกิดอาการเบื่อหน่ายชาชินเสียแล้ว

วันนี้มีการติววิชาภาษาอังกฤษ โดยอาจารย์ฝรั่งชาวอเมริกันที่สอนประจำอยู่ที่โรงเรียนของพวกเขามาหลายปีแล้ว อาจารย์พูดไทยค่อนข้างคล่อง และสนิทสนมเป็นกันเองกับเด็ก ๆ ทั้งโรงเรียน การเรียนการสอนจึงเป็นไปอย่างสนุกสนาน ทำให้เด็ก ๆ ไม่เกิดเบื่อหน่าย

การติววันนี้จบลงที่เวลาหนึ่งทุ่มเศษ เด็กทุกคนต่างพากันแยกย้ายกันกลับบ้าน สายฟ้าและต้นข้าว ได้นัดติวและอ่านหนังสือด้วยกันที่สวนหลังบ้านของต้นข้าวในวันเสาร์นี้ก่อนที่จะแยกย้ายกันกลับ


...

ในวันเสาร์ หลังจากทำกิจวัตรธุระประจำวันเสร็จเรียบร้อย ต้นข้าวลงมานั่งดูทีวี ที่ห้องรับแขก เพื่อรอสายฟ้ามาติวหนังสือด้วย

“อื้ม วันนี้ลูกนัดสายฟ้ามาติวหนังสือกันใช่ไหมจ๊ะ หม่ามี้เตรียมของว่างไว้ให้แล้วนะคะ มีผลไม้สด กับ คุกกี้ค่ะ”

“ขอบคุณครับแม่ เดี๋ยวสาย ๆ ฟ้าคงมาน่ะครับ สงสัยตอนเช้าคงพาคุณยายไปทำบุญที่วัดอยู่ฮะ”

ต้นข้าวกล่าวขอบคุณมารดาคนสวยของตน  ซักพักเสียงกริ่งหน้าบ้านก็ดังขึ้น พร้อมกับเสียงอันดังในการทักทายแขกผู้มาเยือนของเจ้าสี่ขาคู่หูเพื่อนยาก ต้นข้าวกำลังจะลุกออกไปเปิดประตูแต่เกศสินี บอกว่าเดี๋ยวจะออกไปเปิดเอง แล้วให้ต้นข้าวไปเตรียมหนังสือ และอาหารว่างที่เธอจัดไว้คอยรับรองเพื่อนที่ศาลานั่งเล่นกลางสวนหลังบ้าน ซึ่งเป็นมุมสงบและร่มรื่นมีลมพัดเย็นสบายตลอดเวลาท่ามกลางสนามหญ้าและสวนหย่อมเขียวชอุ่ม เหมาะที่จะเป็นมุมนั่งเล่นพักผ่อนหย่อนใจ และอ่านหนังสือยิ่งนัก

ต้นข้าวกลับเข้ามาที่ห้องรับแขก เห็นสายฟ้านั่งพูดคุยอยู่กับทิวไผ่และมารดาของตนก็ให้รู้สึกแปลกใจกับแขกที่ไม่ได้รับเชิญ และนึกฉุนและเคืองเพื่อนรักขึ้นมาในทันทีที่กล้าพาคู่อริของเขาเข้าบ้านเป็นครั้งที่สอง ซึ่งทิวไผ่ส่งสายตาให้อย่างท้าทาย แต่ด้วยความเกรงใจมารดาของตน ต้นข้าวได้แต่มองตอบด้วยสายตาขุ่นมัว สลับกับมองสายฟ้าอย่างเคือง ๆ ที่ไม่ยอมบอกว่าจะมีคนอื่นมาด้วย ซึ่งแน่ล่ะ ถ้ารู้ว่าทิวไผ่จะมาด้วยต้นข้าวต้องไม่ยอมอย่างแน่นอน สายฟ้าจึงไม่บอกให้ต้นข้าวรู้ล่วงหน้า

“เอ่อ ต้น ไผ่โทรมาหาฟ้าเมื่อเช้า เค้าขอมาติวกับพวกเราด้วยน่ะ” สายฟ้าพูดแก้ต่าง

“อื้ม ดีจ้ะลูก ๆ หลาย ๆ คน ช่วยกันแชร์ความรู้กัน งั้นตามสบายนะคะ แม่ขอตัวไปทำงานบ้านก่อนนะ”

ไม่ทันที่ต้นข้าวจะอ้าปากเอ่ย เกศสินีก็ชิงพูดตัดหน้าเสียก่อน แล้ว แยกไปทำงานบ้านที่คั่งค้างไว้

“ใครอนุญาตให้นายมาบ้านฉันอีก” ต้นข้าวทักทายหนุ่มหน้าเข้มด้วยเสีย ห้วน ๆ

“ก็แม่นายไง ไม่ได้ยินที่แม่นายพูดเมื่อกี้หรอ รึว่าหูตึง” ทิวไผ่แขวะกลับมาอย่างเจ็บแสบ

“นี่สองคนนี้ จะพูดกันดี ๆ ชาตินี้จะมีซักครั้งไหมกัดกันอยู่ได้ มาติวหนังสือนะไม่ใช่มาปะทะคารมหรือโต้วาทีกัน”

สายฟ้าชิงห้ามมวยก่อนที่ต้นข้าวจะทันได้ตอบโต้กลับคำพูดของทิวไผ่ พร้อมกับลุกขึ้นเดินออกไปที่สวนหลังบ้านทันทีอย่างคนคุ้นเคย โดยที่มีทิวไผ่ลุกเดินตามไปด้วย แต่ไม่วายทำยักคิ้วหลิ่วตาใส่หนุ่มร่างบาง อย่างผู้เหนือกว่าจนฝ่ายหลังโกรธจนแทบเต้นที่ทำอะไรไม่ได้ทั้งที่อยู่ในบ้านตัวเองแท้ ๆ ทั้งยังเกรงใจมารดาของตนด้วย
“ไผ่จะเลือกเรียนอะไรหรอ ครับ” สายฟ้าถามทิวไผ่ขึ้นระหว่างที่นั่งอ่านหนังสือด้วยกันอยู่

“อืม ยังไม่แน่ใจเลยครับฟ้า ไผ่ว่า จะคอยดูคะแนนก่อนน่ะครับ” ทิวไผ่ตอบ

“แต่คนเราก็ต้องมีเป้าหมายบ้างนะครับ ว่าชอบอะไร อะไรที่เหมาะกับเรา” สายฟ้าแย้ง

“ก็มีบ้างครับ ไผ่ อยากเรียนทางสังคมศาสตร์น่ะ คิดว่ามันคงไม่หนักเกินไป”

“หรอครับ เหมือนต้นเลย ต้นชอบสายมนุษย์สังคม แต่ฟ้าชอบสายวิทย์สุขภาพน่ะ จะได้ช่วยเหลือชาวบ้านที่เจ็บป่วย”

“เหมือนตรงไหน สายมนุษย์สังคมมีตั้งหลายคณะ หลายเอก อย่ามาโบ้ยน่า” ต้นข้าวหาเหตุง้องแง้งขึ้นมาอย่างข้าง ๆ คู ๆ เมื่อโดนว่าชอบอะไรที่เหมือนกับทิวไผ่ คนที่ตนไม่กินเส้นด้วยเอามาก ๆ

“เราหมายถึงสายงานอาชีพกว้าง ๆ น่ะ นายนี่ เฮ้อ....” สายฟ้าถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย ส่วนต้นข้าวก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้อ่านหนังสือของตนต่อไป

ตลอดทั้งวันการติวหนังสือรู้สึกจะไม่เต็มที่นัก เพราะสายฟ้าต้องคอยอย่าศึกปะทะฝีปากเป็นระยะ ๆ เพราะต้นข้าวและทิวไผ่มักจะมีความเห็นไม่ลงรอยกันเสมอ ๆ จนบางครั้งก็เบื่อที่จะห้าม แต่ก็ยังโชคดีบ้างที่บางจังหวะมารดาต้นข้าวยกน้ำหวานมาเสิร์ฟพอดี ทำให้สงครามน้ำลายสงบลงไปได้ชั่วขณะหนึ่ง
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 14-05-2007 09:42:01
ต้นข้าวกับทิวไผ่จะได้อยู่คณะเดียวกันมหาลัยเดียวกันมั้ยอ่ะ อิอิ นึกแล้วน่าสนุก :laugh3:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 14-05-2007 11:34:16
ขอบคุณครับ  เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 14-05-2007 11:53:05
แล้วจะเป็นไงต่อไปนะ  :confuse:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: dokebi ที่ 14-05-2007 12:00:19
 o13 o13 o13 อิอิ สงครามหัวใจ หุหุ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 14-05-2007 14:36:19
หนุกกมารอคับ :impress:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 14-05-2007 14:46:15
รออ่านต่อไป  :teach:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: TheVOshow ที่ 14-05-2007 16:44:04
 :onion_asleep:  ดูแล้ว  ไม่รู้มานจาชอบกันตรงไหน  :teach: พยายามเข้าล่ะไอ้คนแต่ง  o3
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 14-05-2007 18:03:03
แล้วเมื่อไหร่จะได้รักกันละคร้าบบบบบบบบบบบบบ

 :o
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 14-05-2007 19:21:43
เอาละ ถ้าอยู่มหาลัยเดียวกัน คงได้ปะทะกันสนุกแน่  o8
ปล. เชียร์สายฟ้า เชียร์สายฟ้า  :give2:  :give2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Jingjoh ที่ 14-05-2007 21:10:44
เมื่อไหร่จะฮักกันอ่ะ

ฮักๆๆ

 :o10:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 15-05-2007 03:45:25
ถ้าทิวไผ่กับต้นข้าวได้รักกัน . . .

สงสัยจะเป็นรักที่หนักหน่วงและดูดดื่มน่าดู o3
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: taebin7 ที่ 15-05-2007 10:13:19
ตามอ่านทันชาวบ้านซะที o2
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: sabishiikant ที่ 16-05-2007 02:31:10
   หลังจากสอบปลายภาคเรียนเสร็จ โรงเรียนก็ปิดเพื่อให้นักเรียนได้เตรียมตัวสอบเอนทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัยกันเป็นเวลาหนึ่งเดือน และแล้วฤดูกาลสอบแข่งขันในรอบโควตาก็มาถึง โดยเป็นการรับตรงของมหาวิทยาลัยในเขตพื้นที่บริการ สนามสอบคือมหาวิทยาลัยในพื้นที่ การสอบใช้เวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์ โดยสอบวันละหนึ่งถึงสองวิชา

   “เป็นไงบ้างจ๊ะลูก ทำข้อสอบได้ไหม” เกศสินีถามไถ่ลูกชายเมื่อกลับมาจากสนามสอบ

“ก็พอทำได้ครับแม่” ต้นข้าวตอบมารดา

‘ทำข้อสอบได้ไหม’ เป็นคำถามที่เพื่อน ๆ ทุกคนทักทายกันเมื่อเจอหน้ากันในวันเปิดเทอมภาคเรียนที่สอง สายฟ้าและต้นข้าวเองก็เช่นกัน แต่มีบางวิชาที่สายวิทย์และสายสังคมสอบไม่เหมือนกัน
   หลังจากนั้น เดือนกว่าถึงสองเดือนก็จะมีการประกาศคะแนนผลสอบเอนทรานซ์ ก่อนจะมีการประกาศ ผลโควตาของแต่ละมหาวิทยาลัยตามมา

   “ฟ้า คะแนนเป็นไงมั่ง มั่นใจไหม เอาใจช่วยนะ” ต้นข้าวถามไถ่เพื่อนรัก

“ก็น่าพอใจนะ แต่เราไม่รู้ว่า คนอื่นที่เลือกเอนท์คณะเดียวกับเราคะแนนจะเป็นยังไงมั่ง ต้องรอลุ้นต่อไปแหละ นายล่ะ”

“ก็ พอใช้อ่ะ ต้องรอลุ้นเหมือนกัน”

“อืมครับ เออ... ไม่รู้ว่าไผ่จะเป็นยังไงบางนะ” สายฟ้า พูดถึงทิวไผ่อย่างเป็นห่วง

“ก็ไปถามเค้าสิ สนิทกันออกนี่” ต้นข้าวตอบกลับเสียงเรียบ จนสายฟ้าเข้าใจอารมณ์และความรู้สึกของต้นข้าว ว่าจะเป็นแบบนี้ทุกทีที่สายฟ้าเอ่ยถึงทิวไผ่ แต่สายฟ้าก็ไม่ได้ใส่ใจ เพราะชินเสียแล้ว

สองสัปดาห์ต่อมา การประกาศผลโควตาของแต่ละมหาวิทยาลัยที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง ซึ่งมันจะเป็นจุดเปลี่ยนผัน และผ่อนคลายความตึงเครียดตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาบางคนอาจจะสมหวังบางคนอาจจะผิดหวัง ระคนแตกต่างกันไปตามแต่ความถนัดและความสามารถของแต่ละคน

ต้นข้าว สายฟ้า และทิวไผ่ต่างก็รอคอยอย่างเช่นเพื่อน ๆ ทุกคน เมื่อถึงวันประกาศผลโควตา ต้นข้าวจดจ่ออยู่กับการเปิดเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยที่ตนสมัครไว้และลุ้นผลอย่างใจจดใจจ่อ โดยมีเกศสินีผู้เป็นมารดายืนให้กำลังใจลูกชายสุดที่รักของหล่อนอยู่ข้าง ๆ

“เย้! ต้นทำได้ครับแม่ ต้นทำได้ ต้นเอนท์ติดครับ” ต้นข้าวร้องออกมาอย่างดีใจและโผเข้าสวมกอดมารดา เธอกอดตอบลูกชายสุดที่รัก อย่างดีใจไปกับความสำเร็จในขั้นต้นของบุตรชายหัวแก้วหัวแหวนของครอบครัว

“จ้า ลูกชายหม่ามี้เก่งมาก ๆ เลยค่ะ” พูดจบเกศสินีก็หอมที่ข้างแก้มลูกชายสุดที่รักคนเดียวของเธอฟอดใหญ่
“เดี๋ยว ต้นโทรหาสายฟ้าก่อนนะครับ” ต้นข้าวผละจากมารดา แล้วรีบกดโทรศัพท์หาเพื่อนรักของเขาทันที 
“แม่ครับ สายฟ้าติดแพทย์ครับแม่ เย้ ! ต้นจะมีเพื่อนเป็นหมอแล้ว ดีใจจังเลย” ต้นข้าวพูดกับมารดาอย่างตื่นเต้น เมื่อคุยโทรศัพท์กับเพื่อนเสร็จ

“เดี๋ยวต้น ลงไปบอกพ่อก่อนนะครับ” ต้นข้าวดีใจเหมือนกับเด็กที่ได้ในสิ่งที่ตนเองคาดหวังและถูกใจอย่างที่สุด
“พ่อค้าบ...ต้นติดโควตานิติด้วยล่ะ” ต้นข้าวพูดอย่างอารมณ์ดีเข้าไปสวมกอดบิดาที่นั่งดูทีวีอยู่ที่ห้องรับแขก
“จริงเหรอ ลูก” อรรณพถามลูกชาย

“จริงครับพ่อ สายฟ้าเพื่อนผมติดแพทย์ด้วย ต้นจะได้มีเพื่อนเป็นหมอกับเค้าแล้ว” ต้นข้าวแนบหน้ากับอกของผู้เป็นบิดา

“หึหึ ลูกพ่อเก่งจัง ไอ้เจ้าเพื่อนเราก็ใช่ย่อย งั้นก็ตั้งใจเรียนด้วยกันล่ะ จะได้นำความรู้ที่ได้มาพัฒนาสังคม และประเทศของเรา” อรรณพสั่งสอนลูกชายอย่างรักใคร่ โดยที่มีสายตาของเกศสินีจ้องมองมาที่สองพ่อลูกอย่างเอ็นดู

...

วันรุ่งขึ้นต้นข้าวเดินทางไปโรงเรียนอย่างสดชื่น และเบิกบานอย่างสุดๆ ต้นข้าวเข้าสวมกอดเพื่อนรักทันทีที่เจอหน้า พร้อมแสดงความยินดีซึ่งกันและกัน ซักพักต้นข้าวก็ตีหน้าเศร้า จนสายฟ้าอดสงสัยไม่ได้
“นี่นายติด เพื่อนติด แล้วเศร้าอะไรล่ะเนี่ย” สายฟ้าถามเพื่อนรักที่อารมณ์แปรปรวนจนเขากำลังปรับอารมณ์ตามไม่ถูก

“ก็ต่อไปนี้ เราก็จะไม่ได้เรียนด้วยกันแล้วสิ คิดดูแล้วมันน่าใจหายนะ เคยเรียน ด้วยกันมาตั้งหกปี อยู่ ๆ ก็จะต้องมาแยกกัน” ต้นข้าวพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย

“เอาน่า อย่าคิดมากสิ เราก็เรียนที่มหาวิยาลัยเดียวกันนี่นา เพียงแต่คนละคณะเท่านั้นเอง ไม่ได้ไปเรียนไกลกันที่ไหนซะหน่อย อีกอย่าง ปีหนึ่งก็เรียนวิชาพื้นฐานด้วยกันด้วย” สายฟ้าพูดปลอบเพื่อน แต่ความคิดแวบหนึ่งก็ให้ใจหายเพราะต่อไปเขาจะไม่ได้ใกล้ชิดทิวไผ่ คนที่เขาแอบชอบตั้งแต่แรกพบอีกต่อไปแล้ว

“เอ้อ มันก็จริงเนอะ จะเศร้าทำไม บ้านเราก็อยู่ในตัวเมืองเหมือนกัน เรียนก็ที่ ม. เดียวกัน ปะ งั้นเราไปฉลองกัน ดีกว่า โย่ว...” ต้นข้าวกลับมาลิงโลดอีกครั้ง จนสายฟ้าส่ายหัวอย่างปลง ๆ ในความแปรปรวนของเพื่อน

“อืม ชวนไผ่ไปฉลองด้วยกันสิ” สายฟ้าเสนอ แบบหยั่งท่าทีของต้นข้าว

“อ้าว หน้าอย่างไอ้หมอนั่นมันติดด้วยเหรอ คณะอะไรล่ะ หวังว่าไม่ใช่คณะเดียวกับเรานะ ถ้าใช่มีหวังเราสละสิทธิ์ แน่ ...แต่ถึงยังไงเราก็ไม่ไปฉลองกับนายนั่นเด็ดขาด” ต้นข้าวพูดใส่อารมณ์อย่างจริงจัง

“ไม่รู้สิ ว่าคณะอะไร แต่สายเดียวกับนายแหละ โอเค ไม่ชวนก็ไม่ชวน งั้นไปกันสองคนนี่ล่ะ”

สายฟ้าตัดสินใจไม่บอกความจริงเมื่อต้นข้าวยื่นคำขาดแบบนั้น เพราะเขาเองก็ไม่อยากให้เพื่อนรักของเขาต้องสูญเสียในสิ่งที่รักและกำลังจะได้มันมาอยู่แค่เอื้อม ‘อะไรจะเกิดต่อไปค่อยว่ากันทีหลัง เฮ้อ...’ สายฟ้าปรารภกับตัวเองอย่างหนักใจ


“เอ้อต้น อาทิตย์หน้าคณะเรากับคณะนายนัดตรวจร่างกายและสัมภาษณ์วันเดียวกันนี่นา ตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลใน ม. วันเดียวกัน ส่วนสัมภาษณ์ที่คณะของตัวเองในวันถัดไปน่ะ” 

สายฟ้าชวนต้นข้าวคุยระหว่างพักรับประทานอาหารกลางวัน

“อืม งั้นเราก็ไปด้วยกันเลยสิ เจอกันที่หน้าโรงเรียนละกันนะวันนั้นน่ะ ต้องนั่งรถเมล์ออกไปที่ ม. เกือบยี่สิบกิโลฯ เลย” ต้นข้าวนัดแนะกับเพื่อนรักของเขา


อีกสองอาทิตย์ต่อมา สายฟ้ามายืนรอต้นข้าวตามนัดหมายอยู่ที่ป้ายรถเมล์รอบเมืองตั้งแต่เช้าตรู่

“ฟ้ารอนานไหม เราขอโทษนะที่มาสาย” ต้นข้าวลงรถเมล์อีกสาย แล้วกึ่งวิ่งกึ่งเดินมาหาเพื่อน

“ไม่เป็นไรหรอก เราก็พึ่งมาถึงเมื่อกี้เองเหมือนกัน เหลือเวลาอีกตั้ง ชั่วโมงครึ่งกว่าจะถึงกำหนดนัดตรวจร่างกาย นั่งรถออกไป ม. ไม่เกิน 30 นาทีหรอก” สายฟ้าตอบต้นข้าว

“นั่นรถเมล์สาย 12 มาพอดี งั้นเราไปกันเถอะ ไปรอที่หน้าตึกโรงพยาบาลดีกว่า” ต้นข้าวเสนอ

“เดี๋ยวสิ รอไผ่ก่อน” สายฟ้าตอบ พลางมองหาทิวไผ่ที่ยังไม่มาตามนัดหมาย

“นี่ นายอย่าบอกนะว่านัดนายนั่นมาด้วยน่ะ ฟ้านายนัดนายนั่นโดยที่ไม่บอกเราก่อน ครั้งนี้เป็นครั้งที่สามแล้วนะ ทำไมนายไม่เห็นเราเป็นเพื่อนอีกต่อไปแล้วใช่ไหม”

ต้นข้าวต่อว่าสายฟ้าอย่างขุ่นเคืองเมื่อรู้ว่าเพื่อนรักของเขานัดทิวไผ่ไว้ด้วย

“นี่ต้นมีเหตุผลหน่อยสิ ไผ่เค้าไม่ใช่คนพื้นที่เหมือนเรา เค้าพึ่งมาอยู่ใหม่ นั่งรถเมล์ออกไป ม. ไม่ถูกน่ะ” สายฟ้าตอบแบบเลี่ยง ๆ เพราะเมื่อต้นข้าวโกรธแล้วการเผชิญหน้าตรง ๆ ไม่เป็นผลดีแน่ ๆ ซึ่งเขารู้นิสัยเพื่อนคนนี้ดี
“โตเป็นควาย ไปไม่ถูกให้มันรู้ไปสิ อายเด็กอนุบาลรึเปล่า เด็กมันยังนั่งรถเมล์เป็นเลย” ต้นข้าวยังไม่หายหงุดหงิด เพราะรอใครไม่รอยิ่งมารอคนที่ไม่เคยพูดดีด้วยเลย ตั้งแต่รู้จักกันมา

“อ้าวนั่น ไผ่มาพอดีเลย” สายฟ้า พูดขึ้น

“แหม นายนั่นสำคัญกว่าเพื่อนคนนี้แล้วสิ” ต้นข้าวตัดพ้ออย่างไม่พอใจนัก

“ฟ้า ต้น เราขอโทษด้วยที่ให้รอนาน รถเมล์สายบ้านเราขาดคิวน่ะ เลยช้า ขอโทษนะครับ” ทิวไผ่พูดอย่างรู้สึกผิด และเหนื่อยหอบที่วิ่งลงรถมา

“ไม่เป็นไรหรอกครับ อีกตั้งชั่วโมงกว่า ยังทันน่า.... ไผ่ไม่ต้องขอโทษหรอกครับ” สายฟ้าพูด

“ไม่เป็นไรได้ยังไง รู้ไหม การรอนายทำให้เราตกรถเมล์ที่จะไป ม. ไปแล้ว” ต้นข้าวหันมาต่อว่าต่อขานทิวไผ่ชนิดที่ว่าได้ทีขี่แพะไล่

“ก็เราขอโทษแล้วไง ถ้ารีบนักทำไมไม่ไปก่อนล่ะ มายืนรอเราทำไม ไม่ได้จ้างให้รอซักหน่อย” ทิวไผ่สวนกลับคนปากร้ายกลับมาอย่างทันควัน

“เฮ้ย...เพลา ๆ กันหน่อยได้ไหม กัดกันอยู่นั่นแหละ ต้นก็นะ ไผ่เค้าไม่ตั้งใจมาสายหรอกนะ แล้วรถเมล์ ไป ม. ใช่ว่าจะมีคันเดียวเสียเมื่อไหร่ ไม่ถึง 30 นาที ก็มาแล้ว”

สายฟ้ายื่นตัวเข้าห้ามศึกตามเคย เมื่อสองคู่กัดมาเจอกัน จนมันกลายเป็นหน้าที่ของเขาไปโดยปริยายเสียแล้ว

“พูดแบบนี้เข้าข้างกันใช่ไหม” ต้นข้าวพูดด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ

“นั่นรถมาแล้ว จะไปไหมถ้าไม่ไปคันนี้ไปไม่ทันเวลานัดตรวจร่างกายแน่ ๆ” สายฟ้าพูดขึ้นและกวักมือโบกรถให้จอดแล้วเดินขึ้นรถไป ทิวไผ่ผายมือให้ต้นข้าวเดินขึ้นรถไปก่อนอย่างสุภาพบุรุษ แต่ต้นข้าวยืนหน้าหงิกหน้างอกระเง้ากระงอดจะไม่ยอมขึ้นรถง่าย ๆ

“นี่คุณชายค้าบ จะให้ผมอุ้มขึ้นรถไหม” ทิวไผ่พูดแล้วทำท่าจะเดินเข้าไปหา ต้นข้าวจึงได้ก้าวเดินไปขึ้นรถอย่างขัดใจ

ตลอดทางทั้งสามหนุ่มไม่ได้พูดคุยกันเลย ต้นข้าวก็ได้แต่นั่งหน้างอมาตลอดทาง  รถเมล์วิ่งเข้าประตูหน้า ม. มา และจอดตรงข้ามทางเข้าโรงพยาบาลภายในมหาวิทยาลัย ซึ่งต้องเดินเข้าไปอีกประมาณ 100 เมตร    หรือต้องข้ามถนนไปนั่งรถไฟฟ้าที่วิ่งภายในมหาวิทยาลัย

ที่หน้าโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยเป็นที่ตั้งของสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์เพื่อสุขภาพ มีรุ่นพี่ของแต่ละคณะมาคอยต้อนรับน้อง ๆ คณะตัวเองที่เดินทางมาตรวจร่างกายในวันนี้เป็นจุด ๆ 

สายฟ้าขอตัวจากต้นข้าวและทิวไผ่ก่อนจะแยกไปพบรุ่นพี่คณะแพทยศาสตร์และลงชื่อก่อนเข้าไปตรวจร่างกาย ซึ่งต้องไปฟังคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ ถึงขั้นตอนต่าง ๆ ในการตรวจร่างกายที่ห้องประชุมเอกาทศรถชั้น 4 ของโรงพยาบาล

สายชลนิสิตแพทย์ปี 2 หนุ่มหน้าตี๋สวมแว่นที่เข้ากับใบหน้าหล่อเหลากำลังง่วนอยู่กับการลงทะเบียนรายชื่อของน้อง ๆ ที่มาตรวจร่างกายในวันนี้ หนุ่มน้อยร่างเล็กหน้าหวานเดินเข้าไปหากลุ่มรุ่นพี่ที่ยืนชูป้ายเรียกน้อง ๆ สาขาแพทย์อยู่ด้านหนึ่งของลานหน้าโรงพยาบาล
 
“น้อง คณะแพทย์ใช่มั้ยคะ” เสียงใส ๆ ของรุ่นพี่สาวสวยคนหนึ่งกล่าวทักทายสายฟ้า

“ครับพี่ สวัสดีครับ” สายฟ้ากล่าวตอบ แล้วยกมือไหว้สวัสดีทักทายรุ่นพี่ก่อนที่รุ่นพี่สาวสวยจะแนะนำให้ไปเข้าแถวลงทะเบียนกับกลุ่มเพื่อน ๆ

“เอ่อ น้องคนต่อไปชื่ออะไรครับ” สายชลเอ่ยถามรุ่นน้องที่ยืนรอลงทะเบียนนอยู่ตรงหน้า

“เศกพิภพ สิทธินนทกานต์ ครับ”

เสียงเพราะ ๆ นุ่ม ๆของหนุ่มน้อยหน้าหวานวิ่งตรงเข้าสู่โสตประสาทของคนฟังจนจับใจ สายชลเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของต้นเสียงนุ่มลึกมีเสน่ห์นั่นทันที หนุ่มน้อยหน้าหวานส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร จนคนตรงหน้าแทบละลายเหมือนกับน้ำแข็งในเตาอบก็ไม่ปาน สายชลหลงใหลหนุ่มร่างเล็กคนนี้เสียแล้ว เด็กคนนี้ชั่งน่ารักน่าทะนุถนอมเสียเหลือเกิน เขาจ้องมองสำรวจใบหน้าใส ๆ ไร้ริ้วรอยนั้นอย่างลืมตัว

หนุ่มน้อยเซ็นชื่อเสร็จ และเงยหน้าขึ้นก็ต้องหน้าแดงกร่ำเมื่อพบว่าถูกสายตาของรุ่นพี่จ้องมองอยู่

“พี่ครับ ๆ เสร็จแล้วครับ” เสียงเรียกของสายฟ้าทำให้สายชลตื่นจากภวังค์ และเอามือเกาศีรษะแก้เก้ออย่างอาย ๆ

“เอ่อ ขอโทษครับ พี่ลืมตัวเหม่อไปหน่อย เรียกพี่น้ำก็ได้ครับ น้อง.....”

“สายฟ้าครับ เรียกฟ้าเฉย ๆ ก็ได้ครับ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับพี่” สายฟ้าพูดแนะนำตัวกับรุ่นพี่ รุ่นพี่ที่นั่งอยู่โต๊ะลงทะเบียนอีกคนเขียนชื่อเล่นใส่ป้ายกระดาษสำหรับแขวนคอยื่นส่งให้หนุ่มร่างเล็ก

“เฮ้ย น้อง พี่ไม่รับประกันนะว่าฝากเนื้อฝากตัวกับไอ้น้ำนี่น้องจะเหลือครบสามสิบสองรึเปล่า เพราะเดี๋ยวจะโดนมันแทะโลมแทะเล็มไม่เหลือแม้แต่กระดูกน่ะสิ พี่ว่า ฮ่าฮ่าฮ่า”
 
เสียงเพื่อนสาวในคณะแซวสอดแทรกขึ้นระหว่างการสนทนา เล่นเอารุ่นพี่รุ่นน้องอายกันไปตาม ๆ กัน

“นี่แซวอะไร เห็นมั้ยน้องเค้าอายหมดแล้ว เอ๊อ...แกนี่” พูดปรามเพื่อนจบ สายชล ก็พูดแนะนำหนุ่มน้อยหน้าหวานโดยเทคแคร์ดีเป็นพิเศษ เพราะหนุ่มน้อยหน้าหวานผู้นี้ได้ขโมยหัวใจเขาไปซะแล้ว จนเพื่อน ๆ ต้องแซวเป็นระยะ ๆ ก่อนที่สายฟ้าจะขอตัวแยกไป ลงทะเบียนผู้มาตรวจร่างกายกับเจ้าหน้าที่ภายในอีกต่อหนึ่งและรอฟังคำอธิบายจากเจ้าหน้าที่ ที่ห้องประชุมชั้น 4 ของโรงพยาบาล

...
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 16-05-2007 07:41:15
เรื่องนี้ท่าทางจะต้อง "ตบจูบ" ซะแล้วล่ะมั้ง o3

งั้นขอแนะนำไผ่นะว่า "อย่างนี้ต้องปล้ำ"  :laugh3: :laugh3: :laugh3:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 16-05-2007 08:23:25
ในที่สุดสายฟ้าก็เจอสายชล จะได้ไม่ต้องมานั่งกลุ้มเรื่องรักสามเส้าระหว่าง ทิวไผ่กับต้นข้าวแล้ว อิอิ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 16-05-2007 10:38:05
ขอบคุณครับ  เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: N o R n A e ที่ 16-05-2007 12:15:40
บรรยากาศคุ้นๆ อ่ะ เหมือนสถาบันเก่าไงมะรุ

ทั้งรถเมล์สาย 12, โรงบาล, สถาบันวิทยาศาสตร์สุขภาพ, รถไฟฟ้า
 o8 o8

ถ้าใช้ก้อดี   o13 เป็นรุ่นน้องมหาลัย
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 16-05-2007 15:56:15
สายชล คู่กะ สายฟ้าาาาา

วี้ดวิ้ววว

 :o9:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 16-05-2007 19:35:41
หุหุ สายฟ้าเจอสายชลแล้ว  :like6:
ปล่อยคู่นั้นเขากัดกันต่อไปเถอะ  :try2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 16-05-2007 20:45:20
ว่าแล้วสายฟ้าต้องมีคู่ :teach:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 17-05-2007 03:22:08
ต้นกับไผ่นี่จะทะเลาะกันอีกนานมั้ยน้อ :onion_asleep:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: sabishiikant ที่ 17-05-2007 04:04:19
เมื่อสายฟ้าแยกตัวออกไปพบรุ่นพี่คณะของตนแล้ว ต้นข้าวก็เดินแยกไปหากลุ่มรุ่นพี่คณะนิติศาสตร์ของตนเช่นเดียวกัน

“นี่ นายเดินตามเรามาทำไม” ต้นข้าวพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าทิวไผ่ก็กำลังเดินตามหลังตัวเองมา

“เปล่านี่ ใครตามนาย เราก็จะไปคณะเราสิ” ทิวไผ่ย้อน

“น้อง ๆ คะ คณะนิติฯ ใช่มั้ยคะ” เสียงสาวรุ่นพี่คนหนึ่งพูดทักทายขึ้น

““ครับ”” สองหนุ่มตอบสาวรุ่นพี่ไปเกือบจะเป็นเสียงเดียวกัน

““เฮ้ย อย่าบอกนะว่านาย....”” หนุ่มหน้าหล่อเข้ม กับหนุ่มหน้าใสร่างบางจ้องมองหน้ากันและพูดขึ้นเกือบจะพร้อมเพรียงกันเป็นครั้งที่สอง และสะบัดหน้าหนีจากกันทันทีที่พูดจบ
เล่นเอาสาวรุ่นพี่คนถามและบรรดารุ่นพี่ทั้งหลายในคณะถึงกับ งง กับที่สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าจนสองหนุ่มกลายเป็นเป้าสายตาทุกคู่ในบริเวณนั้นไปเสียแล้ว

“เอ่อ น้องคะ น้องเล่นอะไรกันคะ พี่งงนะคะ” สาวรุ่นพี่พูดเสียงเจื่อน ๆ พลางยกมือขึ้นเกาหัวอย่างงงสุดขีด
สองหนุ่มยังไม่หันหน้ามามองกันและกัน จนพี่ ๆ ทำอะไรไม่ถูก

“นี่ น้อง ๆ มาจากโรงเรียนเดียวกันนี่คะ เอางี้ ไปลงทะเบียนกับพี่ฝ่ายทะเบียนก่อนนะคะ” รุ่นพี่สาวคนเดิมเสนอแนะทางออกเพื่อผ่อนคลายสถานการณ์ตึงเครียดที่เกิดขึ้น ‘มาจากโรงเรียนเดียวกันไหงกัดกันยังกะแมวงี้วะ’ รุ่นพี่สาวคิดอย่างมึนงงไม่หาย

หลังจากลงทะเบียนเสร็จ น้อง ๆ ทุกคนก็ต้องเข้าไปลงทะเบียนกับเจ้าหน้าที่รับตรวจร่างกายก่อนไปนั่งรอฟังคำอธิบายแนะนำขั้นตอนการตรวจร่างกายในห้องประชุมรวมกันที่ชั้น 4 ทุกเอกทุกคณะโดยพร้อมเพรียงกัน โดยการแยกนั่งเป็นคณะ เพื่อง่ายในการจัดการ และจะมีการแจกแบบสอบถามและแบบขอเปิดใช้บัตรสวัสดิการนิสิตไปด้วย

“นี่นายเลือกเรียนกฎหมายตามเราทำไมไม่ทราบจะตามราวีกันไปถึงไหน” ต้นข้าวแหวใส่ทิวไผ่ทันทีแบบไม่ยั้ง

“นี่คุณชายครับ ผมเลือกตามคุณตอนไหนไม่ทราบ อีกอย่างผมมีสิทธิเสรีภาพของผมตามรัฐธรรมนูญ ที่จะสามารถเลือกเรียนอะไรก็ได้ ทำไมต้องตามชาวบ้านด้วยโดยเฉพาะนาย มีเหตุผลอะไรที่จะต้องตาม แล้วอีกอย่างนะ พ่อผมเป็นตำรวจผิดด้วยหรือที่ผมจะเลือกเรียนกฎหมาย… แล้วนายล่ะ” ทิวไผ่ตอบกลับอย่างไม่ยอมอ่อนข้อ

“เราก็มีสิทธิของเราเหมือนกัน เราชอบกฎหมายเราก็เลือกเรียนกฎหมาย ทำไม มีปัญหาอะไร”

“เปล๊า” ทิวไผ่พูด และทำหน้ายียวน

เมื่อฟังคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่แล้ว เจ้าหน้าที่ก็ให้เด็ก ๆ แยกย้ายกันออกมาโดยเรียกเป็นคณะไป เพื่อความสะดวก ขั้นตอนแรกทุกคนชำระค่าตรวจร่างกายคนละ 450 บาท แล้วรับอุปกรณ์ที่จะใช้ในการตรวจร่างกาย 1 ชุด ประกอบด้วย หลอดใส่เลือด 1 หลอด หลอดทดลองขนาดเล็กอีก 1 หลอด แก้วสำหรับใส่ปัสสาวะ 1 หลอด และถาดรองอุปกรณ์
มีการชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง เอ็กซเรย์ปอดและทรวงอก เก็บตัวอย่างปัสสาวะ วัดสายตา วัดความดันโลหิตและอัตราการเต้นของหัวใจ เจาะเลือด และพบแพทย์เป็นขั้นตอนสุดท้าย ดูเหมือนการเจาะเลือดจะเป็นด่านและขั้นตอนที่หลายคนแหยงที่สุด เพราะว่ามีหลายคนเป็นลมล้มพับ บ้างก็ร้องไห้โฮ ยังกับเด็ก ๆ บ้างหน้ามืดตาลายแตกต่างกันไปไม่เลือกหญิงหรือชาย

ทิวไผ่กลืนน้ำลายลงคออย่างอยากลำบาก ขณะที่เข้าแถวรอเจาะเลือดอยู่ ซ้ำยังเห็นเพื่อน ๆ หลาย ๆ คนเกิดอาการหน้ามืด เป็นลมบ้าง ร้องไห้บ้าง เพราะเขาเองก็กลัวเข็มฉีดยาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
‘เอาวะ ไอ้ไผ่แกต้องสู้จะใจเสาะไม่ได้ คนเยอะแยะมากมายขืนเป็นไรขึ้นมาได้อับอายขายหน้าเค้ากันหมดพอดี’ ทิวไผ่ปรารภให้กำลังใจตัวเอง ขณะที่ใจเต้นแรงไม่เป็นส่ำเพราะใกล้จะถึงคิวตัวเองแล้ว

ทิวไผ่นั่งลงตรงหน้าเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นพยาบาลสาวสวย ที่กำลังส่งยิ้มให้หนุ่มหน้าเข้มอย่างเป็นกันเอง
ดูเหมือนพยาบาลสาวสวยจะรู้อาการตื่นเต้นของหนุ่มน้อยหน้าคมเข้มที่นั่งอยู่ตรงหน้า

“ไม่ต้องเครียดนะคะ นิดเดียว แค่มดกัดเอง” เธอพูดให้กำลังใจและเพื่อเป็นการผ่อนคลายความเครียด

“ยื่นแขนมาให้พี่สิคะ” เธอพูดยิ้ม ๆ เมื่อทิวไผ่นั่งตัวแข็งทื่อ ทิวไผ่วางแขวนพาดไปบนโต๊ะ พยาบาลสาวจับวัดชีพจร และรัดสายรัดที่ต้นแขนเพื่อหาเส้นเลือดดำที่แขนพับ

“ใจเต้นแรงเชียวนะหนุ่มน้อย” เธอพูดเย้าแหย่อย่างอารมณ์ดีพลางตบที่ต้นแขนเบา ๆ เพื่อกระตุ้นเส้นเลือดให้ชัดเจน แล้วก็เอาสำลีชุบแอลกอฮอล์มาเช็ดทำความสะอาดที่เส้นเลือดบริเวณแขนพับที่จะทำการเจาะ ความเย็นของแอลกอฮอล์ทำเอาทิวไผ่ขนลุกซู่ไปทั้งสรรพางค์

แล้วทันใดนั้นพยาบาลสาวสวยก็หยิบเอาเข็มฉีดยาขนาดเขื่องเสียบต่อเข้ากับเซริ้ง ขนาด 5 ซีซี เธอถอดปลอกเข็มออกปลายเข็มแหลมคมปรากฎแก่สายตาทิวไผ่ เหมือนกับว่ามันกำลังวิ่งชนหัวใจเขาจนเจ็บแปลบไปทั้งตัว จนต้องหันหน้าหนี เขากำมือแน่นใจสั่นรัว

“อย่าเกรงค่ะ น้อง ไม่เจ็บนะค้า นิดเดียวเอง มดกัดจริง ๆ ถ้าเกร็งมาก ๆ พี่เจาะไม่ได้นะ เดี๋ยวเข็มหัก อีกอย่างเดี๋ยวเลือดไหลไม่หยุดนะคะ”
พยาบาลสาวพยายามปลอบใจให้หนุ่มน้อยหน้าคมเข้มให้หายกลัว เมื่อทิวไผ่ผ่อนคลายลง เข็มฉีดยาขนาดเขื่องนั้นก็ปักลงที่เส้นเลือดของเขาทันที จนเจ้าตัวสะดุ้งเฮือก เลือดสด ๆ ถูกดูดออกจากร่างกายอย่างช้า ๆ จนเต็มเซริ้ง พยาบาลสาวจึงกดบาดแผลด้วยสำลีชุบแอลกอฮอล์ ก่อนที่จะดึงเข็มและสายรัดออก แล้วปิดพลาสเตอร์ให้
“เสร็จแล้วค่ะ ที่นี่เรารับบริจาคโลหิตนะคะ เชิญได้ตามสะดวกค่ะ” เธอพูดยิ้ม ๆ แล้วหันไปฉีดเลือดเก็บไว้ในหลอดสุญญากาศสำหรับเก็บตัวอย่างเลือด

“ขนาด 5 ซีซี ยังแย่เลยครับพี่ แล้วบริจาคเลือด 300 ซีซี ผมจะไหวเหรอ” ทิวไผ่พูดแกมหยอกกับพยาบาลสาว
“แหม พ่อหนุ่ม ตัวออกโต หุ่นล่ำสูงใหญ่ขนาดนี้ กลัวเข็มฉีดยา ไม่อายสาว ๆ เหรอจ๊ะ” พยาบาลสาวกระเซ้ายิ้ม ๆ จนทิวไผ่หน้าเจื่อนอย่างอาย ๆ

ทิวไผ่รู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก เมื่อเหตุการณ์ตื่นเต้นหวาดเสียวในชีวิตของเขาได้ผ่านพ้นไป แต่ก็รู้สึกได้ว่าตัวเองเหงื่อชุ่มไปทั้งตัวเสียแล้ว ทั้งที่ภายในห้องเปิดแอร์คอนดิชั่นเย็นฉ่ำ  พลันเหลือบไปเห็นสายตาแหลมคมคู่หนึ่งของใครบางคนมองอย่างยิ้มเยาะเข้าอย่างจัง ทิวไผ่มองตอบอย่างไม่ยอมละสายตา

“อาร๊าย คนเรา ตัวโตยังกับควาย กลัวเข็มฉีดยา” ต้นข้าวพูดลอย ๆ ขึ้นมาเมื่อทิวไผ่เดินผ่านเพื่อที่จะไปเข้าห้องน้ำ
“ซ่านัก เดี๋ยวเจอจิ้งจกจากห้องน้ำโรงพยาบาลหรอก คอยดูซิว่า จะกรี๊ดลั่นโรงพยาบาลขนาดไหนแล้วใครจะน่าอายกว่ากัน หึหึ” ทิวไผ่กัดฟันพูดขู่สำทับหนุ่มร่างบางที่แอบกัดเขาก่อน จนต้นข้าวรู้สึกสะดุ้งนิด ๆ เพราะกลัวว่าทิวไผ่จะทำอย่างที่พูดจริง ๆ


...
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 17-05-2007 04:10:20
คณะเดียวกันซะด้วยวุ้ย :laugh3:

คงจะอีกไม่นานแล้วม้างเนี่ย o3
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 17-05-2007 04:32:38
อยู่คณะเดียวกันซะด้วย ฟ้าคงส่งต้นข้าวมาให้ทิวไผ่ไว้เปงคู้รักคู่กัดกันแน่ๆเยย  :o9:  แต่สงสัยว่าเราจะเข้าใจผิดมะใช่ฟ้าซะหน่อยแต่เป็นคนแต่งตะหาก   :laugh:




กานต์สู้สู้น๊า.. o13
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: taebin7 ที่ 17-05-2007 09:39:23
จะมีการฆ่ากันตายใน มหาลัยมั้ยเนี้ยยยยย :laugh3:

ยิ่งอ่านยิ่งมันวุ้ย o7

ขอบคุณที่มาต่อนะงับ o15
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 17-05-2007 16:51:43
รู้จุดอ่อนของกันและกันแล้ว  :laugh:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 17-05-2007 19:40:02
เหอ เหอ คณะเดียวกัน เรียนด้วยกัน จะรอดเร้อออ  o18
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Jingjoh ที่ 17-05-2007 20:49:47
เฮ้อ เหนื่อยจาย
เมื่อไหร่จะร๊ากกกกกก...กันอ่ะ
 :sad4:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 17-05-2007 22:12:02
ขอบคุณครับ  ยังคงเป็นกำลังใจให้เสมอครับ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 17-05-2007 23:00:59
ยิ่งเกลียดเธอ ยิ่งเจอรัก

 :o10:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: sabishiikant ที่ 18-05-2007 07:12:18
หลังจากตรวจร่างกายเสร็จ ก็ลงทะเบียนจองหอพักและจ่ายเงินค่ามัดจำ คนละ 500 บาท แล้วสามหนุ่มออกมาเจอกันที่หน้าตึกโรงพยาบาล เพื่อเดินทางกลับบ้าน และเตรียมตัวมาสัมภาษณ์อีกทีในวันรุ่งขึ้น

“นี่ สายฟ้า นายทำไมไม่บอกเราแต่แรกว่านายนี่ ติดคณะเดียวกับเรา” ต้นข้าวต่อว่าต่อขานเพื่อนรักทันทีระหว่างทางกลับบ้านหลังจากที่ทิวไผ่แยกตัวกลับไปแล้ว

“ก็เราไม่อยากให้นายต้องสละสิทธิ์คณะที่นายชอบเพียงเพราะสาเหตุมาจากความไม่ชอบหน้ากันนี่นา นายมีเหตุผลหน่อยสิ ไผ่เค้าก็มีสิทธิของเค้า นายก็มีสิทธิของนายที่จะเลือกเรียนอะไร เมื่อไหร่พวกนายจะเลิกมีอคติต่อกันซะที” สายฟ้าใช้เหตุผลบวกความรู้สึกเพื่อหว่านล้อมให้เพื่อนรักเข้าใจ

“เราสละสิทธิ์ตอนนี้ยังไม่สายนี่ ถ้ามีนายนั่นเรียนด้วยเราคงไม่มีความสุขในการเรียนแน่ ๆ” ต้นข้าวพูดทีเล่นทีจริง

“อย่านะต้น อย่าทำแบบนี้ มันไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย เราขอร้องล่ะ”

“ไม่รับปาก ขอคิดดูก่อน” ต้นข้าวพูดอย่างคนถือไผ่เหนือกว่า จนสายฟ้าต้องหนักใจเพราะความดื้อรั้นของเพื่อนคนนี้ เขาภาวนาขออย่าให้ต้นข้าวทำอะไรบ้า ๆ ไร้เหตุผลก็แล้วกัน ‘ยังไงพรุ่งนี้ต้องลากต้นข้าวไปสัมภาษณ์ก่อนให้ได้ส่วนวันรายงานตัวค่อยว่ากันอีกที’ สายฟ้าครุ่นคิดอย่างกลัดกลุ้ม

หลังจากสัมภาษณ์เสร็จสิ้นแล้ว อีกหนึ่งเดือนถัดมาก็มีการนัดหมายให้นิสิตใหม่ในรอบโควตาเข้ารายงานตัวและจ่ายค่าเทอม เทอมต้นล่วงหน้าในปีการศึกษาแรก และเป็นจุดเริ่มต้นก้าวแรกของนิสิตใหม่สู่ร่มเสลา เทา-แสด เป็นลูกองค์สมเด็จอย่างเต็มตัว
สายฟ้าต้องหว่านล้อมและพูดเกลี้ยกล่อมอยู่นานกว่าจะสามารถทำให้ต้นข้าวหายงอแง และยอมมารายงานตัว โดยให้เหตุผลว่า ถึงอยู่คณะเดียวกันก็ใช่ว่าจะได้เรียนด้วยกันเสมอไปแบบในสมัยมัธยม เพราะเอกหนึ่งอาจมีหลายเซคชั่นหรือหลายกลุ่มเรียน และชีวิตในมหาวิทยาลัยก็มีความเป็นอิสระมากกว่า จึงใช่ว่าจะมีโอกาสเจอหน้ากันทุกวัน และการเรียนก็ค่อนข้างที่จะเป็นคลาสใหญ่ ดังนั้นทิวไผ่คงไม่ได้มาสร้างปัญหา หรือโผล่หน้ามาให้ต้นข้าวรำคาญใจทุกวันแบบมัธยมหรอก
ถึงมันจะเป็นเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ อยู่บ้าง แต่ก็แปลกที่มันสามารถใช้ได้ผลกับคนที่ค่อนข้างไม่มีเหตุผลและเอาแต่ใจอย่างต้นข้าว แล้วมันจะเป็นอย่างที่สายฟ้าพูดหว่านล้อมให้ต้นข้าวเชื่อจริงหรือ


...

   วันเวลาผ่านไป ไวเหมือนโกหก หลังจากเป็นนิสิตใหม่ของมหาวิทยาลัยไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่พวกเขายังเรียนไม่จบหลักสูตรการศึกษาภาคบังคับ ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ซึ่งยังเหลือภาคเรียนสุดท้ายอีก 1 ภาคเรียน ที่ทุกคนจะต้องเรียนให้จบ เพื่อที่จะไปศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาได้อย่างเต็มภาคภูมิ

   เทศกาลวันคริสต์มาส และปีใหม่ผ่านพ้นไป ภารกิจหนึ่งที่ชายชาติทหารจะต้องปฏิบัติภารกิจของตัวเองให้ลุล่วง นั่นคือการเข้าค่ายการฝึกภาคสนามของนักศึกษาวิชาทหารชั้นปีที่ 3 โดยจะจัดขึ้นในห้วงเดือนมกราคม ถึงกุมภาพันธ์ของทุกปี

   ต้นข้าว และสายฟ้าเรียน รด. มาตั้งแต่เริ่มขึ้น ม.ปลาย  ส่วนทิวไผ่ก็เรียน รด.มาจากโรงเรียนเก่าเหมือนกันก่อนที่จะย้ายมาเรียนที่นี่ โดยการฝึกเบื้องต้นของศูนย์ฝึกนักศึกษาวิชาทหาร ศูนย์ในเมืองจะฝึกสัปดาห์ละหนึ่งวัน คือทุกวันพุธนักศึกษาฯ จะต้องไปฝึกที่ค่ายทหารในเมืองเป็นประจำ หรือฝึกแบบไปเช้าเย็นกลับในห้วงการฝึกที่กำหนดขึ้น แต่ในชั้นปีสุดท้ายคือปี 3 จะมีการเข้าค่ายฝึกภาคสนามในป่าเป็นเวลา 5 วัน ก่อนที่จะจบหลักสูตรและนำปลดประจำการเป็นทหารกองหนุนต่อไป

   โรงเรียนของต้นข้าว ได้รับกำหนดการฝึกในห้วงกลางเดือนมกราคม ค่ายฝึกเป็นป่าและภูเขาซึ่งอากาศค่อนข้างหนาวเย็น เพราะยังเป็นช่วงฤดูหนาวและภูมประเทศเป็นภูเขาสูงและป่าโปร่ง ก่อนจะถึงกำหนดการฝึกอาจารย์ผู้กำกับนักศึกษาวิชาทหารประจำสถานศึกษาได้ประกาศให้นักเรียนที่เป็นนักศึกษาวิชาทหารชั้นปีที่ 3 ทุกคน เตรียมตัวให้พร้อมเพื่อรับการฝึกจากครูฝึกซึ่งเป็นทหารอาชีพโดยตรงในสภาพเหมือนจริง และการฝึกจะแยก ห้วง นศท.หญิง และชาย ออกจากกันอย่างสิ้นเชิง

   เกศสินีฝากฝังต้นข้าวและสายฟ้าให้ดูแลซึ่งกันและกันให้ดี ๆ เพราะต้องออกจากบ้านไปอยู่ในป่านอนกลางดินกินกลางทรายไม่มีที่นอนนุ่ม ๆ ผ้าห่มอุ่น ๆ หรืออาหารรสเลิศ ถึง 5 วันเต็ม

   ในวันถึงกำหนดเดินทาง อาจารย์ผู้กำกับฯ นัดหมาย นศท.ชั้นปี 3 มารวมพลกันที่โรงเรียนตั้งแต่เช้าตรู่ เพราะถ้าไปรายงานตัวเข้าค่ายสายจะโดนครูฝึกลงโทษ การเดินทางมีรถจีเอ็มซีมารับถึงโรงเรียน เมื่อทุกคนตรวจตราอุปกรณ์เครื่องใช้และสัมภาระส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว รถก็ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่จุดหมาย บรรยากาศยามเช้าในฤดูหนาว สายหมอกยังไม่จางหายไป ตราบใดที่แสงแดดยังไม่สาดส่องลงมา คลื่นความเย็นแทรกซึมเสื้อผ้าชุดฝึกที่ค่อนข้างหนาเข้าสู่ผิวกาย จากกระแสลมปะทะเข้ามาเมื่อรถวิ่งด้วยความเร็ว ไม่นานนักรถก็วิ่งมาถึงและจอดที่ทางเข้าค่ายฝึก โดยมีครูฝึกมาไล่ลงจากรถและเรียกแถวอย่างฉับพลันจนทุกคนไม่ทันตั้งตัวจึงชักช้าเก้ ๆ กัง ๆ กัน ซะส่วนใหญ่ เมื่อปฏิบัติตามคำสั่งไม่ได้ดั่งใจ การลงโทษจึงเริ่มขึ้น

“หมอบ” เมื่อสิ้นเสียงสั่งของครูฝึก นศท.ทุกคนต้องถลาลงนอนหมอบกับพื้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะมีการเรียกแถวใหม่อีกครั้ง โดยครูฝึกจะเปลี่ยนทิศทางการตั้งแถวไปเรื่อย ๆ ทุกคนต้องปฏิบัติตามคำสั่งให้ทันและรวดเร็วที่สุด
ครูฝึกพา นศท. ไปกราบนมัสการ ขอพรเจ้าป่าเจ้าเขา ให้คุ้มครองระหว่างการฝึก ก่อนที่จะมาฟังคำแนะนำในการปฏิบัติ โดยทุกคนต้องแบกกระเป๋าอันหนักอึ้งของตัวเองเดินข้ามเขาสองถึงสามลูก ต้องลัดเลาะไปตามทางเดินป่าแคบ ๆขึ้นเขาลงห้วยเป็นระยะ ๆ แบบแถวตอนเรียงหนึ่งจนกว่าจะถึงค่ายฝึกระยะทาง 2 กิโลเมตรเศษ ๆ โชคดีที่มาถึงกันแต่เช้าแดดยังไม่ร้อนมากนัก จึงไม่เหนื่อยเท่าไหร่
พอถึงค่าย มีการลงทะเบียนรายงานตัว ก่อนที่จะถูกจับแยกเฉลี่ยออกคละกันหลายโรงเรียน เพื่อเข้าสังกัดกองร้อย โดยจะใช้การสุ่มเป็นกลุ่มช่วงเลขที่รหัส นศท.ที่ติดต่อกัน และมันเป็นโชคดีอย่างมากสำหรับสายฟ้า ที่รหัส นศท. อยู่ช่วงเดียวกับทั้งเพื่อนรักและหนุ่มหล่อหน้าเข้มที่ตนแอบปลื้ม แต่มันเป็นทั้งโชคดีและโชคร้ายเสียมากกว่าสำหรับต้นข้าว
พวกเขาอยู่กองร้อยที่ 3 จากนั้นครูฝึกประจำกองร้อยก็พา นศท.ที่แยกกองร้อยแล้วมาจัดหมวด หมู่ ต่ออีกทอดหนึ่ง โดย นศท. ไม่จำเป็นต้องคละโรงเรียนอีกต่อไปในระดับหมวดและหมู่ทั้งสามหนุ่มเลยได้อยู่หมู่และหมวดเดียวกัน จากนั้นมีการจับคู่บั๊ดดี้กัน ก่อนที่ครูฝึกจะแจกจ่ายเป้สนามคนละหนึ่งชุด ซึ่งข้างในประกอบด้วย ผ้าเต็นท์สนาม เข็มขัดสนาม และกระติกน้ำสนาม
ต้นข้าวรีบจับคู่กับสายฟ้าเพื่อนรักของตนทันทีที่มีคำสั่งให้จับคู่บั๊ดดี้ ส่วนทิวไผ่จับคู่กับเพื่อนชายภายในห้องอีกคนหนึ่ง

จากนั้นครูฝึกจะสั่งให้กลางเต็นท์ โดยการนำผ้าเต็นท์ของคู่บั๊ดดี้สองผืนมาประกบติดกันด้วยกระดุมที่ขอบชายผ้า แล้วพาดบนเชือกที่ขึงไว้ระหว่างต้นไม้ ตรึงหมุดที่ชายผ้าเต็นท์กับพื้นดินให้แน่น ปูพื้นภายในเต็นท์ด้วยใบไม้แห้งเพื่อกันความชื้นก่อนปูทับด้วยเสื่อหรือผ้ายางอีกชั้นหนึ่ง
เมื่อกางเต็นท์เสร็จก็มีคำสั่งให้ขนสัมภาระเข้าเต็นท์ ก่อนที่ครูฝึกจะเรียกมาฟังระเบียบปฏิบัติประจำวัน(รปจ.) ของวันนี้

การเข้าฝึกแต่ละฐานของ 3 วันแรกจะหมุนเวียนเข้าฝึกเป็นกองร้อย ๆ วนกันไปจนครบแต่ละฐาน เช่น ฐานทดสอบกำลังใจ ฐานยิงปืนด้วยกระสุนจริง ฐานเดินทางไกลด้วยการใช้เข็มทิศ ฐานซุ่มโจมตี ฐานลาดตระเวน เป็นต้น แต่ละฐานจะกระจายกันออกไปตามภูเขาลูกต่าง ๆ กินพื้นที่ทั้งค่ายหลายตารางกิโมเมตร การเข้าฐานฝึกแต่ละฐานใช้การเคลื่อนที่ด้วยการเดินเท้า ถ้าใครร่างกายไม่ฟิตพอก็ลำบากพอดู เพราะต้องเดินตลอดทั้ง 5 วัน เลยทีเดียว ส่วนใน 2 วันสุดท้าย จะเป็นการฝึกกระบวนทัพทางยุทธวิธีในการเข้าตีกลางวัน-กลางคืน และตั้งรับ-ร่นถอย กลางวัน-กลางคืน ซึ่งจะเป็นการฝึกรวมทุกกองร้อย อาวุธประจำกายของ นศท. ได้แก่ ปืนเล็กยาวรุ่นคุณปู่ ปลย.66 หรือ ปลย.88 สมัยสงครามโลก ครั้งที่ 2 ที่ปลดประจำการแล้ว สำหรับใช้ฝึกโดยเฉพาะ และที่สำคัญโดยที่จะขาดไม่ได้คือช้อนสำหรับกินข้าวนั่นเอง เพราะบางมื้ออาจมีการรับประทานอาหารกันในสนามฝึกตามฐานต่าง ๆ

   วันนี้หลังจากจัดกองร้อย หมวด หมู่ เข้าเต็นท์ที่พักเสร็จเรียบร้อย หลังจากพักรับประทานอาหารกลางวันเสร็จ กองร้องที่ 3 ของต้นข้าวจะต้องเข้าฝึกในฐานทดสอบกำลังใจในช่วงบ่าย
   เริ่มโดยการแนะนำขั้นตอนการปฏิบัติของครูฝึกประจำฐานและทุกคนโดนจับทาหน้าด้วยฝุ่นพลางจนมอมแมมกันไปหมดส่งเสียงหัวเราะคิกคักกันอย่างอดไม่ได้ เมื่อมองหน้าเพื่อนฝูงแต่ละคน
   ฐานนี้จะคล้าย ๆ กับการเข้าค่ายลูกเสือทั่วไป ซึ่ง นศท. ได้เคยผ่านค่ายลูกเสือมาแล้วในระดับ ม.ต้นจึงไม่มีปัญหาอะไรมากนัก เช่น การไต่สะพานเชือก ข้ามสิ่งกีดขวาง บ่อทราย ข้ามกำแพงสูง เป็นต้น แต่จะเพิ่มความลำบากเข้าไปเพื่อทดสอบความพร้อมและกำลังใจของ นศท. ที่เข้ารีบการฝึก และจะมีการฝึกที่เข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ
   ด่านสะพานเชือก ก็มีนศท. หลายคนที่ทรงตัวไม่ดีพลัดตกจากสะพานเชือกหลายคน สายฟ้าและต้นข้าว 2 หนุ่ม ร่างน้อยผู้บอบบางก็ผ่านมาได้อย่างทุลักทุเล
ส่วนการข้ามกำแพงสูงระดับ 3 เมตร จะใช้วิธีการให้ นศท. 2 คน ยืนหันหน้าเข้าหากัน ประสานมือ คอยส่งเพื่อนขึ้นไปบนกำแพง แล้ว ให้ 2 คนที่ขึ้นไปก่อน นั่งคอยดึงเพื่อนอยู่ด้านบน การกระโดดลงจากกำแพงต้องมีจังหวะไม่งั้นจะเท้าเคล็ดเท้าแพลงได้ หรือไม่ก็ก้นจ้ำเบ้าจุกไปทั้งตัวเลยทีเดียว
สายฟ้าข้ามกำแพงขึ้นไปก่อนต้นข้าวโดยมีทิวไผ่คอยรับมืออยู่ข้างบน ส่วนต้นข้าวเป็นคนสุดท้ายที่เพื่อนที่อยู่ข้างล่างจะช่วยส่งขึ้นไปบนกำแพง ในตอนแรกต้นข้าวก็ทำท่าอิดออดที่มีทิวไผ่คอยรับอยู่ด้านบน แต่ก็กลัวครูฝึกทำโทษจึงยอมขึ้นไปแต่โดยดี

“ส่งมือมาสิ” ทิวไผ่บอกต้นข้าวพร้อมยักคิ้วให้ นัยน์ตาเปล่งประกายอย่างมีเลศนัย จนคนร่างบางลังเลใจกลัวว่าจะโดนแกล้ง แต่ก็ต้องยอมส่งมือให้ทิวไผ่ เจ้าของใบหน้าใส ๆ ที่ตอนนี้เปรอะเปื้อนไปด้วยผงฝุ่นพรางสีดำเหมือนถ่าน แต่ก็ยังเหลือเค้าหน้ารูปงามนั้นให้ชวนมองอยู่ ส่งมือให้หนุ่มหน้าเข้มดึงมือนุ่ม ๆ ของเขาขึ้นไปบนกำแพงโดยมีเพื่อนอีก 2 คนด้านล่างช่วยส่งขึ้นไปได้สำเร็จ

“ขอบใจ” ต้นข้าวพูดห้วน ๆ โดยไม่ยอมมองใบหน้าหล่อเหลาที่เปื้อนฝุ่นผงสีดำนั้นเช่นกัน

“พูดเพราะ ๆ หน่อยสิ คนอุตส่าห์ช่วยเหลือ” ทิวไผ่ตอบกลับโดยที่มือแกร่งนั้นยังกอบกุมมือนุ่ม ๆ ของต้นข้าวไว้โดยไม่ยอมปล่อย จนหนุ่มร่างบางพยายามแกะมันออก

“เพราะแล้ว จะให้พูดยังไงอีก ปล่อยซะทีสิ” เมื่อเห็นทิวไผ่ไม่มีทีท่าว่าจะยอมปล่อยง่าย ๆ ต้นข้าวจึงหุนหันกระโดดลงจากกำแพงสูง 3 เมตร นั้นโดยทันที ทิวไผ่จึงรีบปล่อยมือ แต่ต้นข้าวลงผิดจังหวะทำให้แก้มก้นน้อย ๆ กระแทกพื้นทรายเบื้องล่างอย่างจัง

“โอ๊ย!” หนุ่มร่างบางส่งเสียงร้อง ขึ้นมาพร้อมกับความจุกไปทั่วช่องท้อง สายฟ้ารีบวิ่งเข้ามาพยุงเพื่อนรักอย่างรวดเร็ว พร้อมถามไถ่อาการด้วยความเป็นห่วง พอลุกขึ้นยืนได้ต้นข้าวหันควบมองหนุ่มหน้าเข็มตัวต้นเหตุอย่างแค้นเคือง

 “ช่วยไม่ได้ ทำตัวเองนี่นา” ทิวไผ่ทำหน้าเหรอหรา และเบ้ปากตอบ จนต้นข้าวโกรธจัด เดินหนีออกไปจากสถานการณ์ตรงนั้นอย่างหัวเสีย

หลังจากฝึกเสร็จ นศท. ทุกคนก็เดินข้ามเข้าอีกลูกมายังกองร้อยที่พักของตนเองเพื่อรอรับประทานอาหารเย็น ก่อนที่จะแยกย้ายไปอาบน้ำ ที่ห้องน้ำรวมของกองร้อย ที่ใช้สังกะสีกั้นไว้ มีอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง

“ต้น ปะเราไปอาบน้ำกัน” สายฟ้าชวนเพื่อนหลังจากกินข้าวเย็นเสร็จ

“นี่มืดแล้วค่อยไปไม่ได้หรอ” ต้นข้าวอิดเอื้อน

“เดี๋ยวครูฝึกเรียกรวม จะไม่ทันน่ะสิ มีเวลารีบไปอาบไว้ดีกว่า ตอนกลางคืนหนาวด้วย” สายฟ้าให้เหตุผล ต้นข้าวจึงยอมไปอาบน้ำพร้อมกับเพื่อนรัก สองหนุ่มเดินนุ่งผ้าเช็ดตัวไปถึงบริเวณห้องอาบน้ำรวม มีเพื่อน นศท.มาอาบน้ำกันหลายคนทุกคนอยู่ในสภาพเกือบเปลือย เหลือเพียงกางเกงลิงตัวน้อยหรือบ็อกเซอร์ตัวเดียวเท่านั้น โดยไม่ค่อยมีใครสนใจใคร ต่างคนต่างรีบอาบ มีแต่กลุ่มสาวเทียมที่จับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์เพื่อนชายอยู่ที่มุมหนึ่งอย่างสนุกสนาน เด็กหนุ่มบางคนเฮี้ยวหน่อยก็วิ่งไล่หยอกล้อกอดปล้ำให้พวกหล่อนส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดวี้ดว้ายดังลั่นอย่างชอบอกชอบใจ
สองหนุ่มเดินเข้าไปที่มุมหนึ่งแล้ววางอุปกรณ์เครื่องอาบน้ำลงที่ขอบอ่าง และมีเสียงหนึ่งทักทายขึ้น

“อ้าว ฟ้ากับคุณชายต้นก็มาอาบน้ำด้วยเหรอ มาอาบด้วยกันสิครับ” ทิวไผ่ทักทาย แกมแขวะต้นข้าวนิด ๆ ตามเคย
ต้นข้าวและสายฟ้าหันไปมองทางเจ้าของต้นเสียง ทันใดนั้น ต้นข้าวตาเบิกกว้างและหันหน้าหนีอย่างรวดเร็ว สองหนุ่มหน้าแดงก่ำ สายฟ้าเบือนหน้าไปมองทางอื่นเช่นกัน เมื่อเห็นหนุ่มหล่อเหลาหน้าคมเข้มตัวสูงใหญ่ร่างกายกำยำสมสัดส่วนนักกีฬาบาสเกตบอลอยู่ในสภาพเกือบเปลือยเปล่า เรือนกายแข็งแกร่งสวยงามด้วยมัดกล้ามและส่วนโค้งเว้าประกอบกันอย่างลงตัว มีคราบสบู่ติดตามเรือนร่างสวยนั้นอยู่ประปราย ชวนให้จ้องมองอย่างน่าหลงใหล มีเพียงกางเกงในสีขาวตัวบางปกปิดความเป็นชายเอาไว้ แต่เมื่อมันเปียกน้ำจึงเผยความกำยำของส่วนนั้นเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาอย่างชัดเจน

“อ้าว ไผ่ก็มาอาบตอนนี้หรอ กลัวว่าถ้ามืดแล้วมันอาจจะหนาว เลยรีบมาอาบกันน่ะครับ” สายฟ้าดูเหมือนจะปรับอาการได้เร็วกว่า เพราะหันไปตอบรับทิวไผ่ก่อนที่จะลงมือล้างหน้าแปรงฟัน

“นี่ทำอะไรอายผีสางเทวดา เจ้าป่าเจ้าเขาบ้างดิ” ต้นข้าวพูดขึ้น หลังจากตั้งสติได้

ทิวไผ่ ทำหน้าสงสัยมึนงง เมื่อเห็นอาการของหนุ่มน้อยหน้าใสสองคนนั้น เขากางแขนออกมองสำรวจตามร่างกายตัวเองว่ามีอะไรผิดปกติ ที่ทำให้สองหนุ่มนั่นจับผิดสังเกตอยู่หรือเปล่า และแล้วสายตาก็มาสะดุดหยุดลงตรงส่วนกลางลำตัวแข็งแกร่งของเขาเอง พร้อมกับส่งเสียงหัวเราะในลำคอ ทิวไผ่เงยหน้าขึ้นสายตามองมาทางต้นข้าวอย่างมีเลศนัย

“เรื่องแค่นี้ ทำไมต้องอายด้วยล่ะ ผู้ชายด้วยกันใคร ๆ ก็มีเหมือนกันทั้งนั้น รึว่านาย...” ทิวไผพูดอย่างยั่วเย้าหนุ่มหน้าใส
“นายอะไร ถึงยังไงเราก็ดีกว่าคนไร้ยางอายอย่างนายละกันเที่ยวอวดชาวบ้านเค้าไปทั่ว” ต้นข้าวตอบกลับไป

“แหมมีดีก็ต้องโชว์บ้างดิ ปากดีนักนะเดี๋ยวคืนนี้มุดเต็นท์เลยหนิ ระวังตัวไว้เหอะอย่าเผลอหลับละกัน ดูซิจะปากดีอย่างนี้อีกรึเปล่า หึหึ” ทิวไผ่ยั่วยุ หนุ่มหน้าใส คนตรงหน้าของตนอย่างไม่ลดละ

“ถ้าจะมุด ไปเลยเต็นท์แม่พวกสาว ๆ นู่น ลองมามุดเต็นท์เราสิ เดี๋ยวได้โดนคอมแบทหัวแบะแน่” ต้นข้าวตอบโต้

“โหย โหดร้าย” ทิวไผ่ แกล้งพูดพลางทำหน้าหงอ ๆ

“นี่อาบน้ำกันได้แล้ว เดี๋ยวโดนเรียกรวม อาบไม่ทันช่วยไม่ได้นะ มัวแต่เถียงกันอยู่นั่นแหละ” สายฟ้าแย้งขึ้น ในที่สุดก็ตองเป็นหน้าที่ของกรรมการเจ้าเก่าเข้ามาห้ามมวยฝีปากเอกอีกตามเคย

หลังจากอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้วประมาณ 1 ทุ่ม ครูฝึกประจำกองร้อยเรียกรวมเพื่อฟังคำชี้แจงและจัดเวรยามแต่ละผลัดประจำกองร้อย โดยจัดประจำทุกหมวด ผลัดละ 2 คน ยืนยาม 2 ชั่วโมงต่อ 1 ผลัด ก่อนรวมพลทุกกองร้อยที่สนามหญ้า เพื่อรับการอบรมและชี้แจงสรุปผลการฝึกและฟังระเบียบปฏิบัติในวันถัดไปจากผู้พัน ซึ่งเป็นผู้บังคับค่ายฝึกอีกทีหนึ่ง ก่อนที่จะปล่อยให้ นศท. ได้พักผ่อนอิริยาบถหรือคนที่ยังไม่ได้ไปอาบน้ำก็สามารถ ไปอาบได้ แต่ช่วงกลางคืนคนจะน้อยและน้ำเย็นมาก ๆ เพราะหลังจากพระอาทิตย์ตกดินแล้ว บรรยากาศของความเย็นจะคืบคลานเข้ามาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะมีการเป่านกหวีดให้เข้านอนกันในเวลา 3 ทุ่ม
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 18-05-2007 10:44:51
ทิวไผ่มุดเต้นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน ต้นข้าวไปเลย
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 18-05-2007 11:09:35
อ่านแล้วนึกถึงความหลังครั้งมุดเต็นท์

กร้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

 o8
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: dokebi ที่ 18-05-2007 11:40:39
 :laugh3: o3 o17 o3 :laugh: :laugh3: หุหุ มุดมุด
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: tsukihime ที่ 18-05-2007 12:52:19
รั้วเทา - แสด...
ลูกสมเด็จ...


ม. ที่เอามาเป็นแบ็กกราว์นของเรื่องใช่ มน. เปล่าเนี่ย?
เด็กโรงเรียนสหฯ ในตัวเมืองนี่...
จร. ?
ตอ. ภาคเหนือ?



น่าติดตามๆ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 18-05-2007 16:48:57
มารอลุ้น ใผ่มุดเต็นท์เข้าหาต้น  :haun5:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: A GE ที่ 18-05-2007 20:11:26
 :haun5: :haun5: ก่อนที่ไผ่จะมุดเต็นท์ต้นข้าวได้เนี่ยะ  ผมสงสัยว่าจะโดนสาวๆมุดเข้าเต็นท์ก่อนน่ะซิครับ o17 o17
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 18-05-2007 20:18:31
เหอ เหอ พูห์เคยไปมุดเต็นท์ครายเหรอ    :teach:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 18-05-2007 22:10:33
มุดเต็นท์ มุดเต็นท์ มุดเต็นท์ มุดเต็นท์ มุดเต็นท์ มุดเต็นท์
 :laugh3: :laugh3: :laugh3: :laugh3: :laugh3:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Shumi ที่ 19-05-2007 00:37:28
รับไม่ได้มีแต่คนหื่น ๆ  :sad2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: sabishiikant ที่ 19-05-2007 07:27:34
ในวันแรกการฝึกยังคงไม่หนักมากนัก เป็นเพียงการเตรียมความพร้อมและทดสอบกำลังใจของ นศท. ที่เค้ารับการฝึก บรรยากาศ จึงยังครึกครื้นสนุกสนานอยู่ ยังไม่มีใครเหนื่อยอ่อนหรือหมดแรง  สิ้นเสียงนกหวีด ครูฝึกประจำกองร้องปิดไฟแล้ว ในตอนแรกทุกอย่างดูเหมือนจะเงียบเชียบวังเวง เพราะอยู่ท่ามกลางป่าเขาที่ค่อนข้างเงียบสงัดในเวลากลางคืน แต่หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีเสียงซุบซิบคุยกันลอดออกมาจากเต็นท์ทีละเต็นท์สองเต็นท์ มีเสียงก็อบแกรบจากการเปิดห่อขนมขบเคี้ยว จนเสียงดังฟังชัด บางคนถึงกับออกมานั่งคุยกันนอกเต็นท์ มีกลุ่มสาวเทียม และ เด็กหนุ่มเฮี๊ยว ๆ หลายคนวิ่งวุ่นมุดเต็นท์หยอกล้อกันไปมาส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดอย่างสนุกสนาน

“เฮ่ย... นังบ๊อบมุดเต็นท์ไอ้ไผ่เว้ย พวกเรา”  เสียง นศท. คนหนึ่งดังขึ้น พร้อมกับการเฮโลไปรุมล้อมกันที่เต็นท์ของทิวไผ่ เพื่อน ๆ ต่างเชียร์ให้ทิวไผ่กอดปล้ำบ๊อบกันอย่างสนุกสนาน เจ้าหล่อนก็ส่งเสียงครวญครางตามจริตจกร้านเล็ดลอดออกมาเป็นระยะ ๆ จนเพื่อน ๆ สนุกสนานล้อเลียนกันใหญ่ แม้แต่สายฟ้าและต้นข้าวเองก็อดที่จะอยากรู้อยากเห็นไม่ได้

“นี่ ๆ ต้น ต้นคิดว่าไผ่จะปล้ำยัยบ๊อบมันจริง ๆ หรอ” สายฟ้าลุกขึ้นถามความเห็นของต้นข้าวอย่างกระวนกระวาย แต่ก็พยายามเก็บอาการเป็นห่วงและสงสัยคลางแคลงใจไว้

“ห่วงกันมากนักรึไง นายนั่นจะทำอะไรก็ชั่งเค้าสิ ไม่เกี่ยวกับเรา ถึงขนาดยัยบ๊อบมันมุดเข้าไปหาขนาดนั้น อะไรจะเกิดขึ้นก็คิดดูเองละกัน” ต้นข้าวตอบมาอย่างหงุดหงิด เพราะส่วนหนึ่งของจิตใต้สำนึก ที่ลึกลงไปในก้นบึ้งของหัวใจก็อยากรู้เหมือนกันว่า ทิวไผ่ทำอะไรกับยัยบ๊อบกันแน่ โดยที่ต้นข้าวเองก็ไม่ทราบสาเหตุ แต่รากลึกแห่งความเกลียดชังก็กลบเกลื่อนมันหายไปอย่างรวดเร็ว

สายฟ้าได้รับคำตอบของต้นข้าวกลับมาในแบบที่เขาคาดไว้จริง ๆ และคิดว่าไม่น่าถามต้นข้าวเลย เพราะ มันยิ่งทำให้เขาวุ่นวายใจหนักขึ้นไปอีก จนอดที่จะโผล่หน้าออกนอกเต็นท์มองไปทางเต็นท์ของทิวไผ่ที่มีกลุ่มเพื่อน ๆ รุมล้อมกันอยู่อย่างอดใจไม่ได้ ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น

“เฮ้ย ! บอกให้นอนก็นอนซิวะ พวกเอ็งอยากลุกขึ้นมาวิ่งรอบกองร้อย ซัก10 รอบ แก้หนาวก่อนรึไง...เดี๋ยวเถอะ พวกนี้ เจอเล่นทั้งกองร้อยเดี๋ยวจะรู้สึก” สิ้นเสียงตวาดคำแรกของครูฝึกประจำกองร้อยดังขึ้น สรรพสำเนียงทั้งปวงที่เคยดังระงมเซ็งแซ่ พลันเงียบกริบไปในบัดดล คนที่อยู่นอกเต็นท์วิ่งเข้าเต็นท์ตัวเองถูกบ้างผิดบ้างกันอย่างโกลาหลวุ่นวาย
สิ้นสุดคำขู่ของครูฝึก ทุกอย่างจึงเงียบลงเข้าสู่ภาวะปกติ มีเสียงพูดคุยเล็ดลอดออกมาบ้าง ไม่นานเสียงพูดคุยต่าง ๆ ก็เงียบหายไป ทดแทนด้วยเสียงลมหายใจอย่างสม่ำเสมอ และมีเพียงเสียงหรีดหริ่งเรไรสรรพสำเนียงจากธรรมชาติส่งเสียงร้องดังระงมขับกล่อมเซ็งแซ่ไปทั้งราวป่าเขาลำเนาไพร ยิ่งดึกมากขึ้นเท่าไหร่ ความเงียบสงัดยิ่งเข้าปกคลุมมากขึ้นเท่านั้น เสียงเพลงขับกล่อมจากเหล่าแมลงป่าทั้งหลายจางหายไปเรื่อย ๆ จนเงียบกริบ เวลาล่วงเข้าสองยาม พระจันทร์คืนเดือนแรมชั่งมืดมิดสนิทดำ มีแต่เพียงเสียงลมพัดใบไม้แห้งดังหวีดหวิวนำพาความเหน็บหนาว มาเป็นระยะ ๆ สลับกับเสียงสุนัขจิ้งจอก ส่งเสียงร้องหอนอย่างโหยหวนลอยมาตามลม จน นศท. ที่เข้าเวรยามผลัดดึก ถึงกับผวาสั่นสะท้านไปทั้งสรรพางค์ ด้วยอากาศที่หนาวเย็นอยู่แล้วบวกกับบรรยากาศสุดแสนจะวิเวกวังเวงจนชวนขนหัวลุก มันยิ่งทำให้หนาวเหน็บเหมือนกับหัวใจจับตัวกันเป็นเกล็ดน้ำแข็งไปเลยทีเดียว

ผ้าเต็นท์ถึงแม้จะช่วยกำบังความหนาวเย็นจากกระแสลมไปได้บ้าง แต่พื้นดินที่เคยอบอุ่นในตอนกลางวัน กลับกลายสภาพเป็นเตียงน้ำแข็งไปเสียแล้ว ยิ่งดึก ไอความเย็นจากก้อนหินภูเขาและผิวดินก็ส่งผ่านขึ้นมาตามเสื่อและแผ่นผ้าใบแผ่ซ่านเข้าสู่ร่างกายของสิ่งมีชีวิตที่กำลังหลับใหลอยู่ในห้วงราตรีกาล ถึงแม้จะมีใบไม้แห้งกันความชื้นและความเย็นแล้วก็ตาม
ต้นข้าวนอนขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม ภายในถุงนอน แต่กระนั้นไอความเย็นจากชั้นหินก็ยังเล็ดลอดเข้ามาได้ ต้นข้าวรู้สึกหนาวจนจับขั้วหัวใจ ริมฝีปากสั่นสะท้านเหมือนกับว่ากำลังอยู่ท่ามกลางดงน้ำแข็งขั้วโลก

แต่ความอบอุ่นก็แผ่ซ่านเข้ามาแทนที่ เมื่อมีร่างกายอุ่น ๆ เข้ามาเบียดแนบชิดและกกกอดต้นข้าวไว้ในอ้อมกอด เสียงลมหายใจอุ่น ๆ ของคน ๆ นั้นเปล่ารดที่หูและต้นคออย่างแผ่วเบา เขากระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น ความอบอุ่นจากร่างกายแผ่ซ่านส่งผ่านให้กันและกัน จนต้นข้าวรู้สึกหายหนาวเป็นปลิดทิ้ง นอนหลับตาพริ้มและอมยิ้มอย่างมีความสุข

“ต้นครับ ไผ่มาหาต้นตามสัญญา แล้วนะครับ หายหนาวรึยังจ๊ะที่รัก” พูดจบทิวไผ่ก็ก้มลงจุมพิตที่หน้าผากของหนุ่มร่างบางนั้นก่อนจะแนบศีรษะลงนอนเคียงข้าง

แต่ทว่าเสียงนั้นมันกลับเหมือนเสียงของปีศาจร้ายที่ทำให้ต้นข้าวตื่นจากภวังค์ในทันที พร้อมกับงอเข่าและถีบออกไปอย่างสุดแรง

“โอ๊ย!” สายฟ้าส่งเสียงร้องขึ้นอย่างเจ็บปวด เมื่อโดนถีบเข้าที่หน้าท้องอย่างจัง จนทำให้ต้นข้าวลืมตาตื่นขึ้นอย่างตกใจในเสียงร้องของเพื่อนรัก
“ฟ้า ฟ้า เป็นอะไร” ต้นข้าวถามไถ่สายฟ้าอย่างเป็นห่วง

“ก็นายน่ะสิ ถามได้ ถีบเราเข้าอย่างจังเลย คนอุตส่าห์สงสารเห็นนอนหนาวสั่นอยู่ เลยเข้ามากอดหวังว่าจะช่วยให้อุ่นขึ้น แล้วไง ผลตอบแทน โดนถีบเข้าให้ จุกนะเนี่ย” สายฟ้าหน้านิ่วตอบกลับไปอย่างตัดพ้อ

“อ้าว นายหรอกเหรอ... เราขอโทษเราไม่ได้ตั้งใจนะ ขอโทษจริง ๆ เรานึกว่าเป็น....” ต้นข้าวหน้าเสีย เฝ้าขอโทษขอโพยเพื่อนรักเป็นการใหญ่ เมื่อรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

“เป็นอะไรของนาย ฝันร้ายรึไง ถ้ารู้ว่าจะโดนแบบนี้ปล่อยให้นอนหนาวตายก็ดีหรอก” สายฟ้าพูดอย่างน้อยใจ

“แหมเพื่อนรักของเราไม่ปล่อยให้เรานอนหนาวตายหรอก เรารู้ ขอบใจนะที่อุตส่าห์เป็นห่วงเรา มามะ มานอนกอดกันดีกว่า จะได้อุ่น ๆ ถุงนอนเราก็นอนได้สองคนเลยนะ นายย้ายมานอนกับเราเลยดีกว่า จะได้รวมผ้าห่มกันด้วยทีนี้จะได้หายหนาวซะที” ต้นข้าวสวมกอดสายฟ้าที่กำลังงอน และพูดเย้าแหย่เพื่อนรักอย่างสำนึกผิดพร้อมกับเสนอให้สายฟ้าย้ายมานอนในถุงนอนเดียวกัน
ตลอดคืน ต้นข้าวต้องเป็นฝ่ายกอดสายฟ้าแทน เพราะตัวโตกว่า และตัวเขาเองไปทำร้ายเพื่อนก่อนจึงเป็นการไถ่โทษไปด้วยในตัว

……………………………………………………………………………………………….


‘ปรี๊ดดด! ปรี๊ดดด! ปรี๊ดดด! ปี๊ด!’
“อีก 15 นาทีรวม” เสียงนกหวีดดังลั่น ปลุกให้  นศท. ทุกคนตื่นขึ้นมาประกอบภารกิจส่วนตัว ล้างหน้าแปลงฟัน และเข้าห้องน้ำ ก่อนรวมพลกองร้อย เพื่อประกอบกิจกรรมกายบริหาร ในเวลา ตี 5 ครึ่ง
ยามเช้าตรู่ในฤดูหนาว บรรยากาศภายนอกยังมืดสลัวปกคุมไปด้วยสายหมอก และความหนาวเย็นยะเยือก จนทำให้ทุกคนอิดเอื้อนที่จะต้องตื่นแต่เช้ามืด แต่ทหารต้องปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด ไม่เช่นนั้น แล้วจะถูกลงโทษ สายฟ้าปลุกต้นข้าวที่กำลังงัวเงียสุดขีดให้รีบตื่นไปล้างหน้าล้างตา
สายน้ำที่ถูกกวักขึ้นกระทบผิวหน้าถึงกับทำให้หน้าชาเหมือนถูกตบเข้าฉาดใหญ่ เพราะน้ำในอ่างซีเมนต์เย็นยะเยือกยังกับน้ำแข็งเลยทีเดียว

จากนั้นก็มีเสียงนกหวีด รวมพล จัดแถวยืนระยะห่างพอประมาณในการทำกายบริหารและอบอุ่นร่างกายเพื่อเรียกเหงื่อซึ่งจะช่วยผ่อนคลายความหนาวเย็นลงไปได้บ้าง ก่อนจะมีการแยกย้ายไปบำเพ็ญประโยชน์ทำความสะอาดบริเวณรอบ ๆ กองร้อย ในเวลา 6 โมง 15 และปล่อยให้ไปทำภารกิจส่วนตัว แต่งเครื่องแบบฝึก เวลา 6 โมง 30 และรอรับประทานอาหารเช้า ในเวลา 7 โมงเช้าต่อไป

“ตกลงเมื่อคืนฝันร้ายอะไรหรือเปล่า” สายฟ้าถามต้นข้าวขณะที่กำลังแต่งตัวกันอยู่ภายในเต็นท์

“เปล่าหรอก แค่เราเป็นคนนอนดิ้น แล้วก็ไม่ชินเมื่อมีคนมากอดก็เท่านั้นเอง” ต้นข้าวหลีกเลี่ยงที่จะพูดความจริงกับเพื่อนรัก

“จริงอ่ะ” สายฟ้าซักไซ้ อย่างไม่อยากจะเชื่อคำพูดของเพื่อนรักเท่าไหร่นัก

“จริงสิ” ต้นข้าวยืนยันคำพูดของตน ครั้งนี้ก็เป็นครั้งที่สองแล้ว ที่ทิวไผ่ตามมารังควาน เขาถึงในความฝัน คิด ๆ ก็ให้เจ็บใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ‘แค่คำพูดของนายนั่นว่าจะแอบมามุดเต็นท์เรา ทำไมต้องเก็บมานอนฝันร้ายด้วยวะ’

และนี่เป็นสาเหตุที่ทำให้ต้นข้าวอารมณ์เสียขึ้นมาอีกครั้ง


...
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 19-05-2007 07:49:40
หุหุ สายฟ้าเจอลูกหลงซะงั้น  o16  o16
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 19-05-2007 11:26:41
สรุปว่าต้นข้าวโกรธที่ทิวไผ่ไม่มามุดเต้นเหรอ  :impress:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 19-05-2007 11:45:28
หุหุหุหุ

เกือบไปแล้นนน เกือบจะฝัน...แฉะแล้นนนนน

5555555

เหอ เหอ พูห์เคยไปมุดเต็นท์ครายเหรอ    :teach:

ไม่เคยมุดเต็นท์ใครครับ

มีแต่เต้นท์โดดมุด

555555555

 :laugh3:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 19-05-2007 20:21:56
ขอบคุณครับ  เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: taebin7 ที่ 19-05-2007 21:07:20
ฟ้าเจ็บตัวฟรีซะงั้นอ่ะ o6   


ขอบคุงที่มาต่อนะงับ o15
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 20-05-2007 00:03:33
มารอลุ้นต่อ  o15
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: sabishiikant ที่ 20-05-2007 08:40:05
ในวันที่สอง กองร้อยที่ 3 จะเข้าฝึกในฐานทดสอบกำลังใจ ฐานสุดท้าย คือ การกระโดดหอสูง 50 ฟุต เมื่อผ่านด่านนี้ นศท. จะได้รับใบประกาศนียบัตร และได้รับการติดปีกให้
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว มีการปล่อยให้ นศท.พักผ่อนอิริยาบถซักพักก่อนเรียกรวมแถวอีกครั้งหนึ่ง

“เป็นไงบ้างครับฟ้า เมื่อคืนหนาวไหมครับ” ทิวไผ่เดินเข้ามาทักทายสายฟ้า ขณะที่นั่งรอรวมอยู่กับต้นข้าว
“ก็ไม่เท่าไหร่ครับไผ่ แต่ฟ้าจุกเกือบตาย” สายฟ้าพูดตอบทิวไผ่ พร้อมแดกดันเพื่อนรัก และมองต้นข้าวอย่างค้อน ๆ
“อ้าว ทำไมหรอครับ” ทิวไผ่ถามอย่างสงสัย

“ก็ไอ้ต้นมันน่ะสิ ถีบฟ้าอย่างแรงเลย ไม่รู้เป็นอะไรของมัน บอกว่าไม่ชินที่มีคนมากอดเลยลืมตัว”

“เอ้อ ฟ้องกันเข้าไปสิ เห็นคนอื่นดีกว่าเพื่อนแล้วนี่ ก็เราขอโทษแล้ว ยังไม่หายงอนอีกเหรอ ก็เพราะใครล่ะที่ต้องถีบถ้าไม่ใช่เพราะ...” ต้นข้าวเกือบหลุดปากเพราะความโกรธและหงุดหงิดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่สายตาแหลมคมคู่สวยยังจับจ้องหนุ่มตรงหน้าอย่างโกรธเคือง ซึ่งมันก็ทำสายฟ้าพอที่จะเดาได้ว่าเมื่อคืนต้นข้าวเป็นอะไรกันแน่ ซึ่งทิวไผ่ก็ได้แต่ทำหน้างง ๆ

“เป็นไงล่ะ เมื่อคืนกับยัยบ๊อบคงสนุกมากเลยสินะ” ต้นข้าวได้ทีเริ่มที่จะแขวะทิวไผ่บ้าง พร้อมมองด้วยสายตายิ้มเยาะ
“ก็ดีนะ ทำไมหรอ อยากโดนมั่งล่ะสิ” ทิวไผ่ตอบแบบประชดประชันและยอกย้อนกลับมา ด้วยใบหน้าหื่น ๆ ใส่ต้นข้าว

“บ้าสิ ฉันไม่ใช่พวกโรคจิตวิปริตอย่างนายนะ”

“อ๋อเหรอ กล้าพิสูจน์มั้ยล่ะว่านายไม่ใช่”

“พิสูจน์อะไร ทำไมต้องพิสูจน์ ก็เราไม่ใช่”

“เดี๋ยวก็รู้อย่าเผลอละกัน”

ตลอดเวลาที่ทิวไผ่และต้นข้าวตอบโต้กันไปมาอย่างเผ็ดร้อน ทุกอย่างอยู่ภายใต้สายตาของสายฟ้าทั้งหมด และสายฟ้าเองก็เริ่มที่จะไม่แน่ใจเสียแล้วว่าเพื่อนรักที่คบกันมาตลอดหกปีของเขา และเพื่อนชายร่วมห้องที่ตนแอบชอบตั้งแต่พบหน้ากันครั้งแรก ในจิตใจส่วนลึกจะไม่มีความรู้สึกอะไรเกินเลยไปกว่าที่จะเป็นคู่กัดกันเท่านั้น เพราะยิ่งนานไปพฤติกรรมการแสดงออกของสองคนนี้เริ่มที่จะแปลก ๆ และเปลี่ยนไปทุกที ซึ่งทิวไผ่ไม่เคยรู้สึกและทำกับตนมาก่อนเหมือนกับต้นข้าวเลย ทั้งที่สายฟ้าเองควรจะดีใจที่สองคนนี้อาจจะใยดีกันได้ในเร็ววัน แต่มันกลับทำให้เขาเองต้องรู้สึกเหมือนกับว่า มีหนามแหลมคอยทิ่มแทงหัวใจอยู่ และนับวัน มันจะยิ่งฝังลึกลงไปเรื่อย ๆ จนยากยิ่งที่จะบ่งออกได้ง่าย ๆ คงต้องปล่อยให้มันอักเสบช้ำเลือดช้ำหนองไปเพียงฝ่ายเดียวแบบนี้

ขณะที่สายฟ้านั่งเหม่อลอยอยู่นั้นครูฝึกก็เรียกรวมแถว เพื่อออกเดินทางข้ามเขาไปอีกลูกหนึ่งซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานีกระโดดหอ ในฐานทดสอบกำลังใจ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที พวกเขาก็เดินมาถึง พื้นที่ลานแคบ ๆ บริเวณเชิงเขา มีหอสูงราว 34 ฟุตตั้งตระหง่านอยู่มุมด้านหนึ่ง มีสายลวดสลิง  ขนาดใหญ่สองเส้นขึงจากเสาด้านข้างหอทั้งสองฝั่ง แล้วค่อย ๆ ลดระดับลงไปยังเนินดินฝั่งตรงข้ามของลานนั้น
ครูฝึกประจำฐานแนะนำวิธีการติดเข็มขัด ของสายร่มชูชีพเข้ากับตัวเองอย่างปลอดภัย และวิธีวางตำแหน่งของร่างกายเมื่อกระโดดลงมาจากที่สูง ที่จะไม่ให้ตัวเองได้รับอันตรายจากสายร่ม โดยที่ครูฝึกได้กล่าวติดตลกว่าทุกรุ่นจะมีการปล่อยฝนเทียมและลูกเห็บอยู่เป็นประจำ
ฐานนี้เป็นฐานสร้างความเข็ดขยาดให้แก่คนที่กลัวความสูง เพราะเมื่อขึ้นไปบนหอแล้วมองลงมาเบื้องล่างดูเหมือนมันจะสูงกว่าการที่เรามองจากด้านล่างขึ้นมาเสียอีก เวลาลมพัดมาเพียงแผ่วเบาก็รู้สึกว่าหอโครงเครงอย่างไม่มั่นคงเอาเสียเลย ก่อนที่จะมีการกระโดด ครูฝึกบนหอจะค่อยเช็คความเรียบร้อยของเส้นเชือก สายร่ม สลิง และการเรียกกำลังใจ โดยการให้ตะโกนคำรายงานตัวบนหอด้วยเสียงอันดัง เพื่อผ่อนคลายความตึงเครียด แล้วจึงให้มานั่งยอง ๆ ที่ขอบหอ เมื่อครูฝึกสั่งให้กระโดด นศท. ต้องตะโกน เอี้ยยย! อย่างสุดเสียง ถ้าไม่ยอมกระโดด จะโดนคอมแบทของครูฝึกช่วยส่งลงมาโดยปริยาย
เมื่อกระโดลงไปแล้วต้องเก็บขาคู้เข้าหาลำตัวเพื่อป้องกันอันตรายจากการถูกสายร่มรัดต้นขา มือจับสายร่มสองข้างให้แน่น สายร่มจะไหลไปตามลูกรอกของสลิงลงไปเรื่อย ๆ จนสุดสาย และจะมีจุดเบรกลูกรอกที่ปลายสายโดยมีเพื่อน ๆ นศท. หรือ ครูฝึกค่อยรับอยู่อีกที
แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีคนกระโดดลงมาผิดท่าทางอยู่จนได้ จนถูกสายร่มรัดเป้าหน้าเขียวไปหลายราย หลายคนไม่กล้ากระโดดลงมาต้องให้ครูฝึกช่วยถีบส่ง บางคนกลัวจนตัวสั่นหน้าซีด ดูเหมือนว่าพวกสาวเทียมทั้งหลายจะเป็นสีสันในฐานนี้อย่างมาก เพราะสามารถเรียกเสียงเฮฮาได้ตลอดเวลาที่เจ้าหล่อนแต่ละคนแสดงอาการต่าง ๆ นานาออกมาระหว่างการกระโดดลงจากหอ

ต้นข้าวเกือบจะเป็นคนสุดท้ายในการทดสอบด่านนี้อีกตามเคย โดยมีสายฟ้าคอยให้กำลังใจอยู่ข้าง ๆ หลังจากตะโกนคำรายงานตัวเสร็จแล้วครูฝึกสั่งให้มายืนและนั่งยอง ๆ ลงที่ริมขอบหอ ต้นข้าวเผลอเหลือบมองลงไปด้านล่างแบบตรง ๆ ความรู้สึกเสียววูบวิ่งแผ่ไปทั่วสันหลัง มันหวิว ๆ อย่างบอกไม่ถูก ร่างกายอ่อนแรงลงอย่างฉับพลัน อาการหน้ามืด มึนงงเข้าครอบงำอย่างรวดเร็ว รู้สึกเหมือนกับว่า หอกำลังหมุนติ้วและลอยเคว้งคว้างและเหมือนมันกำลังจะล้มลงในเดี๋ยวนั้น 
ต้นข้าวหันมามองหน้าเพื่อนรักอย่างหวาดหวั่น แต่สายตามาดมั่นของสายฟ้าที่มองตอบกลับมาก็ช่วยให้ต้นข้าวมีความมั่นใจขึ้นมาว่าตัวเองต้องทำได้
เมื่อครูฝึกสั่งให้กระโดด ต้นข้าว นึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่ตนนับถือ พร้อมทั้งพ่อและแม่ของเขาที่รอคอยอยู่ที่บ้าน ต้นข้าวสูดหายใจลึก ๆ เข้าเต็มปอด ก่อนจะหลับตาปี๋ ตะโกนเอี้ยยย! สุดเสียง พร้อมทั้งกระโดดลงไปเบื้องล่าง
ต้นข้าวรู้สึกว่าตัวเองเหมือนกับเป็นก้อนหินถูกโยนลงมาจากที่สูงยังไงยังงั้น ความกดดันมหาศาลในจิตใจแน่นคับอยู่เต็มอกเมื่อร่างลอยละลิ่วลงสู่เบื้องล่างตามแรงโน้มถ่วงของโลก แต่เมื่อสายเชือกร่มตึงและกระตุกดึงร่างบอบบางกระเด้งขึ้น เหมือนกับมีใครมาฉุดรั้ง ยื้อชีวิตเขาจากเงื้อมือของมัจจุราชร้ายเอาไว้ ต้นข้าวถอนหายใจเฮือกใหญ่ โล่งวาบเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก และลืมตาขึ้นหลังจากความกดดันทั้งหมดผ่านพ้นไป มั่นใจได้ว่ารอดแน่ ๆ แล้วในเมื่อเชือกไม่ขาดผึงลง แล้วลูกรอกก็ไหลไปตามเส้นลวดสลิงจนสุดปลายสาย
ส่วนสายฟ้าก็กระโดดตามต้นข้าวลงมาจากสลิงอีกฝั่งหนึ่งของหอ

ทุกคนกระโดดเสร็จสิ้นก็เกือบถึงเวลาพักรับประทานอาหารกลางวันแล้ว ครูฝึกจึงสั่งเรียกแถวเพื่อเดินกลับไปกินข้าวกลางวันกันที่กองร้อย ก่อนจะเริ่มการฝึกในภาคบ่าย

“เป็นไงบ้างต้น” สายฟ้าถามเพื่อนรักระหว่างเดินทางกลับกองร้อย

“เฮ่อ โล่งมาก ๆ เลยล่ะฟ้า เหมือนรอดตายมายังไงยังงั้น ขอบใจนายมากนะ ที่ให้กำลังใจเรา”

“ไม่เป็นไรหรอก เราเพื่อนกันนี่นา” สายฟ้าโอบไหล่เพื่อนรักแล้วตบเบา ๆ

“เป็นไงล่ะพ่อคนเก่ง เหมือนตายแล้วเกิดใหม่เลยใช่มั้ยล่ะ กว่าจะลงมาได้ลีลาซะ” เสียงยียวนกวนประสาท ของใครบางคนอันแสนจะคุ้นเคย ดังสอดแทรกเข้ามาในโสตประสาทของต้นข้าว

“แล้วไง ก็ดี ตื่นเต้นดีออก” ต้นข้าวตอบกลับไปห้วน ๆ อย่างไม่ค่อยอยากจะเสวนาด้วยเท่าไหร่นัก

สายฟ้ารู้สึกน้อยอกน้อยใจอยู่ลึก ๆ ที่ดูเหมือนทิวไผ่จะสนใจใยดีแต่ต้นข้าวถึงแม้มันจะเป็นการแขวะเสียมากกว่าก็ตามที
 “แล้วไผ่ล่ะครับเป็นไงบ้าง” สายฟ้าตัดสินใจที่จะเป็นฝ่ายเริ่มการสนทนาก่อน

“ก็สนุกดีครับฟ้า แล้วฟ้าล่ะ”

“ก็ เหมือนกันครับ” สายฟ้าตอบกลับไปอย่างเสียงเรียบเป็นปกติ ทั้งที่ใจจริงนั้นมันอยากจะตัดพ้อเสียเหลือเกิน


...


การฝึกในภาคบ่าย หลังรับประทานอาหารกลางวันเสร็จ ครูฝึกกองร้อยได้แจกจ่าย ปลย.66 อาวุธประจำกายให้แก่ นศท. ทุกคนเพื่อใช้ในการฝึก ซึ่งกองร้อยที่ 3 จะเข้าฝึกในฐานการซุ่มโจมตี โดยการจำลองสถานการณ์ เป็นการซุ่มโจมตีการลาดตระเวนของฝ่ายตรงข้าม และต้องเดินเท้าไปยังภูเขาอีกลูกหนึ่ง
โดยทางยุทธวิธีการซุ่ม จะซุ่มบนเนินเขาบริเวณช่องทางแคบคอเขาที่ฝ่ายตรงข้ามต้องเดินผ่านมา มีการกระจายกำลังออกเป็นจุด ๆ ตลอดข้างทาง และจะวางกำลังฝั่งเดียวของช่องเขา เพื่อป้องกันการยิงกันเอง นศท.แต่ละคนต้องวางตัวห่างกันคนละ 5-10 เมตร หาที่กำบังตามภูมิประเทศ เช่น ต้นไม้ ก้อนหิน เป็นต้น ในลักษณะสลับฟันปลาสูงต่ำ จากนั้นแต่ละคนก็ต้องถากถางพื้นที่การยิงกำจัดสิ่งกีดขวางวิถีกระสุน ด้านตรงหน้าในรัศมี 45 องศา ซึ่งรัศมีด้านข้างแต่ละคนจะทับซ้อนกัน ทำให้การยิงมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่จะต้องคำนึงถึงการซ่อนพรางไม่ให้ข้าศึกรู้ตัวว่าถูกซุ่มโจมตีด้วย
ขั้นการปฏิบัติ จะมีการฝังทุ่นระเบิดไว้ที่ทางเดินที่ข้าศึกจะเดินผ่านโดยครูฝึกจะกดระเบิดเอฟเฟค ซึ่งทำจากพลุ ส่งเสียงดังสนั่นก้องหุบเขาเหมือนกับเสียงระเบิดจริง เมื่อขบวนแถวของข้าศึกเดินมาถึงตรงกลางพอดีเป็นการให้สัญญาณเริ่มการระดมยิงโดยทันที เมื่อการปะทะสิ้นสุดลงก็จะเป็นการเคลียร์พื้นที่ ตรวจสอบความเสียหายของทั้งฝ่ายเราและฝ่ายตรงข้าม โดยจะส่งหน่วยระวังป้องกัน ออกวางกำลังไปราว 200 เมตร ตรงด้านหน้าที่ข้าศึกล่าถอยไป เพื่อป้องกันการตีโต้ตอบจากฝ่ายข้าศึก เมื่อเคลียร์ทุกอย่างเรียบร้อย ก็จะมีการถอนตัวออกจากพื้นที่อย่างรวดเร็วเพื่อความปลอดภัยจากการถูกตอบโต้กลับด้วยกระสุนปืนใหญ่ เมื่อฝ่ายตรงข้ามทราบพิกัดการวางกำลังของเราแล้ว

เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจการฝึกครูฝึกก็มีคำสั่งเรียกแถวเดินทางลัดเลาะภูเขาจากพื้นที่การฝึกเพื่อกลับกองร้อยในช่วงเย็น ในวันนี้ทุกอย่างดูจะสงบเรียบร้อยขึ้นกว่าวันแรก เพราะ นศท. ทุกคนเริ่มล้า กันบ้างแล้ว เพราะต้องมีการเดินลัดเลาะข้ามเข้าไปมาระหว่างฐานฝึกต่าง ๆ กับกองร้อย ความปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เริ่มเข้ามาเยือนอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะส่วนขาที่ปวดหนึบไปหมดจากการเดินทั้งวัน แถมเท้ายังแดงระบม เพราะต้องใส่คอมแบทตลอดเวลา
จนต้นข้าวบ่นปวดน่องและต้นขาอย่างทรมาน เท้าอันบอบบางของของสองหนุ่มหน้าใส บวมแดงอย่างเห็นได้ชัด โชคดีที่สายฟ้านำครีมสำหรับนวดบรรเทาอาการอักเสบและคลายกล้ามเนื้อติดตัวมาด้วย สองหนุ่มผลัดกันบีบนวดให้กันและกัน ช่วยผ่อนคลายความเจ็บปวดลงไปได้บ้าง
ตกกลางคืนเมื่อถึงเวลานอน เสียงเจี๊ยวจ๊าวจากการพูดคุยกัน มีเพียงเบาบางประปราย แตกต่างจากวันแรกอย่างแทบจะสิ้นเชิง ต้นข้าวและสายฟ้าผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็วจากความเหนื่อยล้าและอ่อนเพลียมาตลอดทั้งวัน

...
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 20-05-2007 09:22:09
หลับสนิทแบบนี้ จะมีใครมามุดเต็นท์มั๊ยนี่  :interest:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 20-05-2007 11:15:39
สมัยผมเข้าค่ายนี้ เข้าตอนปี1 กับปี3 ก็สนุกแบบนี้แหละทั้งกลัว ทั้งตื่นเต้น

แล้วไอ้เรื่องมุดเต้นเนี่ย ก็น่ะ..................... อิอิ

แล้วรออ่านต่ออีกนะค้าบบบบบบบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: A GE ที่ 20-05-2007 14:59:47
 :give2: :give2:  เริ่มกัดแขวะกันด้วยความรักแล้วชะมะคับ  ไม่ใช่ด้วยความหมั่นไส้เหมือนเมื่อก่อน :haun5: :haun5:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 20-05-2007 18:16:31
สงสารสายฟ้าหง่ะ

 :sad4:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: taebin7 ที่ 20-05-2007 18:44:34
อ่านตอนนี้แล้วเหนื่อยแทน เลยอ่ะ  ลำบากลำบน เจงๆเลย


ขอบคุงที่มาต่อนะงับ o15
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 20-05-2007 23:20:22
บทสนทนาระหว่างต้น - ไผ่ กับ ฟ้า - ไผ่ ช่างแตกต่างกันลิบลับ

แล้วอย่างนี้เมื่อไรต้นจะยอมพูดดีๆ กะไผ่สักที
หรือต้องรอให้มุดเต้นท์จริงๆ  :haun5:

 :laugh3: :laugh3: :laugh3: :laugh3: :laugh3:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ฟันเฟืองน้อย ที่ 21-05-2007 01:32:05
ยิ่งร๊ายย ก็ยิ่งร๊ากกก

 o3 o3

สงสารสายฟ้าจางเยย

 o7 o7
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: sabishiikant ที่ 21-05-2007 08:38:31
   ย่างเข้าสู่วันที่ 3 ของการฝึกภาคสนามประจำปีของนักศึกษาวิชาทหาร ชั้นปีที่ 3 เสียงนกหวีด กรีดร้องอย่างบาดแก้วหูแต่เช้ามืดเช่นทุกวัน หลังผ่านพ้นราตรีกาลอันหนาวเหน็บไปอีกหนึ่งคืน ภารกิจในการฝึกเช้าวันนี้ของกองร้อยที่ 3 คือ การฝึกยิงปืนด้วยกระสุนจริง เมื่อรับประทานอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ครูฝึกสั่งเรียกแถวและพา นศท. เดินจากกองร้อย ลัดเลาะไปตามทางเดินป่าเล็ก ๆ ในร่องเขาไปยังสนามยิงปืนซึ่งห่างจากที่ตั้งกองร้อยประมาณ 2 กิโลเมตรเศษ ใช้เวลาประมาณ เกือบ 30 นาที ก็มาถึงลานโล่งกว้าง มีสันเนินดินสูง ๆ อยู่ชายป่าฝั่งตรงข้าม ตรงหน้าเนินมีป้ายปักเป้ากระดาษสีขาวขนาด เอ4 ซึ่งตรงกลางมีจุดดำ ๆ อยู่ ห่างกันเป็นระยะ ประมาณ 40 จุด ถัดออกมา 25 เมตร เป็นแนวยิง โดยมีเต็นท์ผ้าใบกันแดดปลูกวางไว้เป็นแนวยาวเรียงกัน ในเต็นท์มีฐานรอง ปลย.11 หรือ เอชเค 33 จำนวน 40 กระบอก ด้านหลังแนวยิงเป็นหออำนวยการยิง และถัดมาเป็นเต็นท์กองอำนวยการฝึกประจำฐาน
   ครูฝึกสั่งให้ทุกคนเข้าแถวและจับคู่บั๊ดดี้กัน ก่อนนั่งฟังคำแนะนำในการปฏิบัติ อย่างเคร่งครัด เพราะ การยิงปืนด้วยกระสุนจริง หากประมาทเลินเล่อแล้วย่อมหมายถึงชีวิต จากกนั้นทุกคนลุกขึ้นไปรับแผ่นเป้ากระดาษ และกล่องกระสุน ขนาน 5.56 มิลลิเมตร ที่เจ้าหน้าที่จัดไว้ให้ คนละ 1 กล่อง  ซึ่งบรรจุกระสุนจำนวน 10 นัด กระสุนหัวทองแดงแหลมเพี๊ยว บ่งบอกถึงอำนาจการทำลายล้างของมันอย่างชัดเจนเมื่อเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเหนือเสียงเข้ากระทบเป้าหมาย
   “ประจำปืน” นักศึกษาวิชาทหาร 40 คู่แรก เข้าประจำปืนเมื่อได้รับคำสั่งจากเจ้าหน้าที่อำนวยการยิง โดย คนหนึ่งเป็นพลยิง พลยิงนอนหมอบลงในท่านอนยิง บั๊ดดี้นอนหมอบอยู่ทางด้านขวา ทำหน้าที่บรรจุกระสุนลงไปในซองกระสุน และคอยใช้หมวกเหล็กรองใน ในการป้องรับปลอกกระสุนที่ทำการยิงแล้ว หลังจากถูกคัดออกจากรังเพลิงโดยอัตโนมัติ
   
   “ใส่ซองกระสุน”  นศท. ที่ทำหน้าที่พลยิง นำซองกระสุนที่บรรจุกระสุนแล้วใส่เข้าไปในช่องใส่ซองกระสุน พร้อมทั้งเช็คความแน่นหนาถาวร

   “เตรียมยิง” พลยิงดึงชุดลูกเลื่อนเพื่อขึ้นนกปืนและตบกลับเข้าที่พร้อมกับปลดล็อคปุ่มห้ามไก และยกปืนขึ้นเล็งตรงไปยังเป้าหมาย

   “ยิงหาพิกัด ครั้งที่ 1 จำนวน 1 นัด ยิง !”  สิ้นสุดคำสั่งจากเจ้าหน้าที่หออำนวยการยิง พลยิงกั้นหายใจชั่วขณะเพื่อไม่ให้ปืนกระเพื่อม และเป็นการเพิ่มความแม่นยำ เมื่อนิ้วของพลยิงกระตุกไกปืนเบา ๆ เจ้ามัจจุราชร้ายก็แผดเสียงดัง ปัง! อย่างกึกก้อง คลื่นเสียงดังสะท้านไปทั้งหุบเขาเป็นระยะ ๆ
กระสุนวิ่งตรงเข้าหาเป้าหมายอย่างรวดเร็ว พร้อมกับฝุ่นฟุ้งขึ้นที่หน้าเนินดินหลังเป้าหมาย มีแรงถีบของปืนเข้าที่ซอกไหล่และข้างแก้มพลยิงจนรู้สึกได้ นศท.หลายคนถึงกับตื่นตกใจ จากเสียงอันดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นพลยิงเองหรือพลกระสุนคู่บั๊ดดี้แม้แต่ นศท. กลุ่มที่ยิงไม่ได้ทำการยิง หลายคนก็เอามืออุดหูแทบไม่ทัน ถึงแม้ว่าจะผ่านการยิงปืนเกเกอร์ด้วยกระสุน .22 มาแล้วในชั้นปี 1 และปี 2 แต่ความรุนแรงและเสียงแตกต่างกันอย่างมาก จนต้นข้าวและสายฟ้าถึงกับสะดุ้งเฮือกหัวใจหล่นวูบอย่างตกใจ จนทิวไผ่ยิ้มเยาะมาทางต้นข้าวอย่างขำ ๆ สร้างความไม่พอใจให้ต้นข้าวเป็นอย่างมาก

   “เอ้อ ดี ทหารไทย กลัวแม้แต่เสียงปืน แล้วพวกเอ็งจะไปรบได้ยังไงวะ ได้ยินเสียงปืนเสียงระเบิดจะไม่หัวใจวายตายก่อนที่จะถูกข้าศึกยิงตายเรอะ”
 ครูฝึกคนหนึ่งพูดกระทบกระแทกแดกดันขึ้น เมื่อเห็นกริยา อาการตกใจกลัวของ นศท. หลาย ๆ คน

“ห้ามไก ตรวจเป้าหมาย” เสียงจากหอควบคุมการยิง สั่งให้พลยิงห้ามไกปืน และตรวจเป้าหมาย ว่ากระสุนเข้าตรงเป้าหรือไม่ เพื่อที่จะได้ทราบวิถีและแนวกระสุนของปืนที่ตนยิง

“เตรียมยิง ครั้งที่ 2 ยิงติดต่อกัน ทีละนัด จนหมดซองกระสุน ยิง!” สิ้นสุดคำสั่ง มัจจุราชทั้ง 40 กระบอก ก็ร่วมแรงร่วมใจกันแผดเสียงรัวกึกก้องไปทั่วทั้งหุบเขา เสียงสะท้อนกลับจากทิวเขาลูกต่าง ๆ ดังกังวานไปทั่วทั้งป่า เหล่าสิงสาราสัตว์ต่างแตกตื่นตกใจวิ่งหาที่หลบซ่อนกันอย่างจ้าละหวั่น

จากนั้น ครูฝึกก็จะสั่งเปลี่ยนตำแหน่งพลยิงและพลกระสุน และเปลี่ยนแผ่นเป้ากระดาษต่อไป

ต้นข้าว สายฟ้า และทิวไผ่ เป็นชุดที่ 2 ที่จะทำการยิงต่อจาก นศท. ชุดแรก โดยที่ต้นข้าวจับคู่กับสายฟ้าเหมือนเช่นเคย ซึ่งสายฟ้าเป็นฝ่ายยิงก่อน จากนั้นจึงเป็นหน้าที่ของต้นข้าว เขารู้สึกว่าประหม่ามาก ๆ จนหายใจไม่ทั่วท้องเมื่อได้ทำการยิงด้วยตนเอง ต้นข้าวยกปืนขึ้นเล็งอย่างเก้ ๆ กัง ๆ ไม่ค่อยมีสมาธิในการยิงนัก เพราะความกลัวและเสียงอันดังจนแสบแก้วหูของมัน

เมื่อทุกคนทำการยิงเสร็จเรียบร้อยแล้ว ครูฝึกก็จะตรวจเป้ากระดาษของแต่ละคน มี นศท. คนหนึ่งเป้าขาวสะอาดไม่มีริ้วรอยของกระสุนแม้แต่รอยเดียว ขณะที่เพื่อนนศท. ที่ทำการยิงด้วยกันข้าง ๆ เขา มีกระสุนเข้าเป้าถึง 2 เท่าของจำนวนกระสุนที่ทำการยิงจริง ๆ
   “เฮ่ย เอ็งทำได้ไงวะ เก่งจริง ๆ ว่ะ เป้าตัวเองมี ไม่ยิง ไปช่วยชาวบ้านเขายิง ดันพื้น 20 ครั้ง ปฏิบัติ เอ็งด้วย โทษฐานที่มีกระสุนเข้าเป้าเกินความจริง ดันพื้น 10 ครั้ง ปฏิบัติ” เสียงครูฝึกสั่งทำโทษ จนเรียกเสียงเฮฮาสนุกสนานจากครูฝึกคนอื่น ๆ และเพื่อน ๆ ได้ทั้งกองร้อย

   สายฟ้าขอแลกเป้าดูกับทิวไผ่ และชมทิวไผ่เป็นการใหญ่ว่ายิงปืนแม่นมาก ๆ จนเจ้าตัวยืดอกรับอย่างภูมิใจ พลางเหล่ตายักคิ้วใส่ ต้นข้าวอย่างกวน ๆ
เป้าของทิวไผ่ กระสุนเข้าเป้าหมาย ครบทุกนัด คะแนนอยู่ในเกณฑ์ดี และรอยกระสุนเกาะกลุ่มกันกลางเป้าหมาย ส่วนของสายฟ้ากระสุนเข้าเป้าจำนวน 9 นัด หายไป 1 นัด คะแนนอยู่ในเกณฑ์ พอใช้

“พ่อไผ่เคยสอนยิงปืนมาบ้างแล้วน่ะครับฟ้า ของฟ้าก็ใช้ได้นะครับ เข้าเป้าเกือบทุกนัดเลย ขาดไปนัดเดียวเอง ว่าแต่ว่า ของคุณชายต้นข้าวจะเป็นยังไงบ้างน้า ยิงโดนเป้าบ้างรึเปล่า รึว่ายิงลมยิงแล้งไปหมดแล้วสงสัยจะขาวสะอาดอีกราย ล่ะสิ”

ทิวไผ่ยั่วยุเยาะเย้าต้นข้าวอย่างครึ้มอกครึ้มใจ เขารู้สึกว่าตัวเองอารมณ์ดีอย่างแปลก ๆ ไปซะแล้วเมื่อได้แหย่หรือโต้ตอบกับหนุ่มหน้าใสคนนี้

 “ทำไมจะไม่โดน กะอีแค่ยิงปืน” ต้นข้าวสวนกลับมายังคนที่ชอบยั่วยุเขา อย่างหงุดหงิด แต่ต้นข้าวเองก็รู้สึกว่า วันไหนที่ไม่ได้ยินเสียงยียวนกวนโมโห ของหนุ่มคนนี้แล้ว เหมือนกับว่าชีวิตของเขาขาดอะไรไปอย่างไม่ทราบสาเหตุ
ต้นข้าวโชว์เป้ากระดาษให้ทิวไผ่ดูอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก ในเป้าของต้นข้าว กระสุนเข้าเป้าหมาย 7 นัด หายไป 3 นัด เป็นเส้นคะแนนรอบนอกเกือบทั้งหมด อยู่ในเกณฑ์ ปรับปรุง เพราะความประหม่าของเขาและการกำหนดลมหายใจขณะยิงไม่ดีพอ จึงทำให้ยิงได้ค่อยไม่ดีนัก

“อื้ม ก็ดีนี่ ยังพอมีรอยเขม่าดินปืนอยู่บ้าง นึกว่าจะสะอาดหมดจดไร้ริ้วรอย”

“ขอบใจที่ชม ทีหลังไม่ต้อง” ต้นข้าวตอบรับคำพูดของทิวไผ่อย่างไม่ใยดีนัก

สายฟ้ารู้สึกห่อเหี่ยวและเจ็บแปลบ ที่ใจอย่างบอกไม่ถูก เมื่อเห็นเพื่อนรักของเขา พูดคุยโต้ตอบกับทิวไผ่ โดยสายฟ้าสังเกตเห็นอาการของเพื่อนรักของเขาจะค่อนข้างเงียบเหงา หากว่าวันใดไม่มีการปะทะคารมกับทิวไผ่แล้ว ขณะที่ทิวไผ่เองดูเหมือนจะสดใสและอารมณ์ดีเมื่อได้ยั่วแหย่ต้นข้าว
สายฟ้ามั่นใจอย่างแน่แท้ว่า ในส่วนลึกของจิตใจแล้ว สองคนนี้ต้องมีอะไรแอบแฝงอยู่อย่างแน่นอน เหมือนกับวันไหนที่เขาเองไม่ได้เห็นหน้าหรือได้ยินเสียงทุ้ม ๆ นุ่มลึก ของทิวไผ่แล้ว ก็จะรู้สึกเหงาอย่างแปลก ๆ



    …………………………………………………………………………………….
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 21-05-2007 10:02:03
อ่านแล้วเศร้าแทนสายฟ้าอะ

เป็นกำลังใจให้สายฟ้าคร้าบบบบบบบบบ

 :impress:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 21-05-2007 18:55:46
สงสารสายฟ้าจัง  :sad2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: A GE ที่ 21-05-2007 20:11:32
 o2  o2  เชียร์ไม่ถูก  สายฟ้ากะทิวไผ่  หรือว่า ต้นข้าวกะทิวไผ่ :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 21-05-2007 20:20:58
สายฟ้าเดี่ยวก็มีพี่สายชลมาดามใจแล้วนี้

มาลุ้นให้ทิวไผ่กับต้นข้าวลงเอยกันดีกว่า อยากอ่านฉากหวานแหววแล้ววววววววววววววววววววววววว
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 21-05-2007 20:42:00
ขอบคุณครับ  ยังคงเป็นกำลังใจให้เหมือนเดิมครับ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 21-05-2007 20:53:16
เอาล่ะสิ
ต้นกะไผ่เริ่มรู้ใจตัวเองทีละนิดแล้ว :haun5: :haun5: :haun5:
ทีนี้ก็เหลือแต่ฟ้าล่ะ
น่าสงสารนู๋ฟ้าจริงๆ  :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: sabishiikant ที่ 22-05-2007 08:48:23
   จากนั้น ช่วงบ่าย กองร้อยที่ 3 จะฝึกการจำลองการเข้าตีตะลุมบอน ณ ที่หมาย แล้วฝึกการเดินทางไกลโดยการใช้ เข็มทิศเลนเซติค  โดยใช้การเล็งอ้างอิงวัตถุตามสภาพภูมิประเทศ ตามพิกัดที่ครูฝึกกำหนดไว้ เพื่อค้นหาสิ่งของที่ครูฝึกทำการซ่อนไว้ในป่า และมีการจัดขบวนแถวการเดินออกเป็นลักษณะของการเดินลาดตระเวน หลังฟังคำแนะนำวิธีใช้เข็มทิศแล้ว ครูฝึกแบ่งกลุ่ม นศท. ออกตามหมวด โดยแต่ละหมวด จะมีพลเล็งเข็มทิศและพลพิกัด นับก้าวเดินไปตามทิศทางที่วัดได้ ซึ่งการเดินจะเดินไปหยุดวัดหาพิกัดไปเรื่อย ๆ ครั้งละ 50 ก้าว ซึ่งบาง หมวด หาพิกัดผิด คนนำเดินพาหลงป่า ไปก็มี
   เดินลัดเลาะ ไปตามป่าเขาลูกแล้วลูกเล่า บุกป่าฝ่าดง ไปตามสภาพป่าโปร่งในฤดูหนาว ต้นไม้ส่วนใหญ่เริ่มสลัดใบ ป่าจึงโล่งโปร่งไม่หนาทึบ ทำให้เดินง่ายพอสมควร หมวดของต้นข้าว สายฟ้า และทิวไผ่ ก็สามารถหาของที่ครูฝึกซ่อนไว้เจอ คือ เป้สนามใส่แผนที่แขวนไว้บนต้นไม้ เมื่อเวลาจวนเจียนใกล้จะพลบค่ำพระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้าอยู่พอดี ซึ่งกองร้อยที่ 3 ทั้ง 3 หมวด หาของเจอ 2 หมวด และหลงทาง 1 หมวด
   
หลังจากภารกิจการฝึกเสร็จสิ้นแล้ว ครูฝึกจึงพาเดินลัดเลาะกลับมายังกองร้อยที่พัก ก็เกือบมืดพอดี พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว กว่าจะรับประทานอาหารเย็นเสร็จ ความมืดและความหนาวเย็นก็เริ่มคืบคลานเข้ามาอย่างรวดเร็ว นศท. บางคนกลัวหนาว จนยอมที่จะไม่อาบน้ำ ทั้งที่อาบเหงื่อต่างน้ำมาทั้งวัน ตัวเหนียวเหนอะหนะ ไปหมด ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีต้นข้าวรวมอยู่ด้วย แต่ครูฝึกบอกว่า ถ้าใครไม่อาบก็จะไม่ได้อาบไปอีก 2 วัน เพราะนี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ทุกคนจะได้อาบน้ำ
ต้นข้าวจึงยอมไปอาบน้ำกับสายฟ้า สายน้ำเย็นเฉียบกระทบผิวกายอัน ความเย็นแพร่ซ่านผ่านผิวหนังเข้าสู่ทุกอณูของร่างกาย จนสั่นสะท้านขนลุกซู่เป็นเกรียว ต้นข้าวปากสั่นตัวซีดไปหมดเพราะความเย็นประดุจน้ำแข็งของน้ำในอ่าง ทิวไผ่ยืนมองอาการของต้นข้าว อย่างอดขำไม่ได้ จนหนุ่มร่างบางได้แต่มองตาเขียว

วันนี้ ต้นข้าวกับสายฟ้าจะต้องเข้าเวรยามกองร้อย ผลัดที่ 2 ตั้งแต่เวลา 4 ทุ่ม ถึง เที่ยงคืน ระหว่างนั้น สองหนุ่มเพื่อนรัก ก็ชวนกันคุยถึงเรื่องราวต่าง ๆ เพื่อเป็นการแก้ง่วงและคลายความหนาวเย็น แล้วอยู่ ๆ ความเงียบก็เข้าปกคลุม เมื่อเวลาใกล้เที่ยงคืน จนบรรยากาศวังเวง ๆ ชอบกล

“ฟ้า เราปวดท้อง พาเราไปเข้าห้องน้ำหน่อยสิ” ต้นข้าวพูดขึ้นทำลายความตึงเครียดจากความเงียบลง

“อืม แล้วใครจะเฝ้ายามล่ะ” สายฟ้าแย้งขึ้นอย่างลังเล เพราะว่าเขาเองยังอยู่ในการปฏิบัติหน้าที่อยู่

“น่านะ ไปเป็นเพื่อนหน่อยสิ” ต้นข้าวคะยั้นคะยอ เพื่อที่จะให้สายฟ้าไปเป็นเพื่อน

“ก็ได้” สองหนุ่มเดินไปยังห้องน้ำที่อยู่ติดกับชายป่าบริเวณเชิงเขา ถัดจากห้องอาบน้ำรวมเข้าไปด้านใน ซึ่งห่างจากกองร้อยและลานเต็นท์ที่พักไปประมาณ 100 เมตร มีเพียงแสงไฟสลัว ๆจากหลอดนีออนเล็ก ๆ หน้าห้องน้ำให้แสงสว่างพอลาง ๆ เท่านั้น
สายฟ้ายืนรออยู่ที่หน้าห้องน้ำ เพื่อรอเพื่อนรักของเขาที่เข้าไปทำธุระส่วนตัวอยู่ โดยต้นข้าวส่งเสียงพูดคุยตอบโต้กับสายฟ้าไปมาเพื่อเช็คว่าเพื่อนยังอยู่ ซึ่งมันทำให้คนขี้กลัวอย่างเขาอุ่นใจขึ้น

“ฟ้า ทำไมเงียบไปล่ะ ฟ้า อยู่รึเปล่า เฮ่ย…สายฟ้า นายอย่ามาอำเรานะ เราไม่ชอบนะ ตอบมาสิ ฟ้า”

   ต้นข้าวส่งเสียงโวยวาย เมื่ออยู่ ๆ เสียงของเพื่อนรักคู่สนทนาของเขาขาดหายไปเฉย ๆ จนต้นข้าวเกิดอาการกระสับกระส่าย และเร่งรีบทำธุระให้เสร็จสิ้น ก่อนจะผลุนผันออกมาจากห้องน้ำอย่างรวดเร็ว และร่างผอมบางก็ปะทะเข้ากับร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่หน้าห้องน้ำอย่างจัง จนหนุ่มร่างบางเซถลา เมื่อเงยหน้าขึ้นเห็นเงาสลัวของคนตัวใหญ่ไม่ชัดนัก ต้นข้าวเบิกตากว้าง อ้าปากร้องตะโกนอย่างตกใจสุดขีด แต่โดนอุ้งมือของคนร่างใหญ่ปิดปากไว้อย่างรวดเร็ว
   “อย่าร้องสิ เดี๋ยวชาวบ้านเค้าก็ตื่นกันหมดหรอก” ทิวไผ่ร้องปรามขึ้นมาอย่างแผ่วเบา

   เมื่อต้นข้าวตั้งสติได้ว่าคนตรงหน้าไม่ใช่สิ่งที่เขาหวาดกลัว ก็พยายามแกะอุ้งมือหนาแกร่งนั้นออกอย่างรวดเร็ว
   “นายมาได้ไง แล้วนี่สายฟ้าหายไปไหน” ต้นข้าวถามกลับทิวไผ่อย่างเสียงแข็ง

“ก็มาเข้าห้องน้ำน่ะสิ สายฟ้า กลับไปยืนยามแล้ว ฟ้าฝากเราอยู่เป็นเพื่อนนี่ไง แล้วเมื่อกี้ร้องทำไม กลัวอะไรเหรอ” ทิวไผ่ตอบหนุ่มน้อยร่างบาง แกมยั่วเย้าตามเคย

“กลัวอะไรล่ะ มีอะไรต้องกลัว ไม่เห็นต้องกลัวเลย”

“แล้วลากเพื่อนโดดเวรมาเฝ้าประตูส้วมให้เนี่ยนะ”

“แล้วมันเรื่องอะไรของนาย”

 “ปากดีไม่เลิกนะ แบบนี้ต้อง...” ไม่ทันสิ้นเสียง ร่างบอบบางถูกผลักเข้าแนบชิดผนังห้องน้ำอย่างรวดเร็วจนยากที่จะขัดขวาง สองมือแกร่งจับกดหัวไหล่ของหนุ่มน้อยยึดไว้ ทันใด ริมฝีปากอุ่น ๆ ของทิวไผ่ก็ฉกลงประกบริมฝีปากอวบอิ่มเรียวสวยได้รูปของต้นข้าวอย่างรวดเร็ว เขาบดขยี้เบา ๆ อย่างทะนุถนอม หนุ่มร่างบางยืนตัวแข็งทื่อ นัยน์ตาเบิกโตอย่างตกใจ เสียงหัวใจเต้นดังโครมครามอย่างไม่เป็นจังหวะ ร่างกายอ่อนระทวยลงอย่างไม่ทราบสาเหตุ ดูเหมือนว่ามันเนิ่นนานทีเดียว
“หอมหวานดีนะ ไม่ผิดหวังจริง ๆ” ทิวไผ่ถอนปากออก และแลบลิ้นเลียริมฝีปาก สายตาจ้องมองดวงหน้าใสที่กำลังมึนงง ของต้นข้าวอย่างพออกพอใจ
‘อุ๊บ’ ทิวไผ่ร้องแทบไม่ออก หน้าเขียวตัวงอ ยกมือกุมที่หว่างขาแน่น เมื่อโดนเข่าน้อย ๆ ลอยขึ้นกระทบที่กล่องดวงใจของเขาเข้าอย่างจัง ความจุกวิ่งกระจายไปทั่วทั้งช่องท้อง
“นี่สำหรับไอ้โรคจิต คนฉวยโอกาส อย่างนาย” ต้นข้าวกล่าวเสียงเรียบระคนด้วยความโกรธจัด พลางใช้มือเช็ดริมฝีปากไปมาอย่างแขยะแขยง แล้วเดินจากไปอย่างอารมณ์เสีย ทิ้งให้ทิวไผ่นั่งคุกเข่าด้วยความจุกอยู่หน้าห้องน้ำเพียงคนเดียว

“อ้าวต้นเสร็จแล้วเหรอ แล้วไผ่ล่ะ” สายฟ้าทักทายเมื่อเห็นต้นข้าวเดินมาจากห้องน้ำ พร้อมใบหน้าบ่งบอกว่ากำลังหงุดหงิดอย่างสุด ๆ แต่ไม่เห็นทิวไผ่เดินตามออกมาด้วย

“เออดิ นายทิ้งเราไว้คนเดียวทำไม” ต้นข้าวตอบกลับสายฟ้าอย่างอารมณ์เสีย

“อ้าวไผ่ก็อยู่นี่นา” สายฟ้าตอบเพื่อนรักอย่างซื่อ ๆ พลางจ้องมองสังเกตสีหน้าเพื่อนรักว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

“แล้วปล่อยเราไว้กับนายนั่นเนี่ยนะ นายเป็นเพื่อนเรารึเปล่า รู้อยู่ว่าเราไม่ชอบหน้านายนั่น นี่ก็จะถึงเที่ยงคืนแล้ว เดี๋ยวพวกผลัดต่อไปคงมาเปลี่ยนเวร เราไปนอนแล้วนะ” ต้นข้าวพูดอย่างหงุดหงิดก่อนตัดบท แล้วเดินเข้าเต็นท์ไปอย่างหัวเสีย
ต้นข้าวเปลี่ยนชุดฝึกออกเป็นชุดนอนและเสื้อกันหนาวตัวหนา เขาพยายามข่มเปลือกตาลงให้หลับ แต่กลับต้องนอนกระสับกระส่ายไปมา เมื่อภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อซักครู่มันลอยวนเวียนหลอกหลอนเขาไปมาไม่ยอมหยุด จนจิตใจว้าวุ่นไปหมด ‘ไอ้บ้านั่นจูบเรา แล้วทำไมเราต้องอ่อนไหวไปกับมันด้วยวะ โอ๊ย’

   ทิวไผ่หน้าซีด เดินตัวงอออกมาจากบริเวณห้องน้ำ

   “อ้าว ไผ่ เป็นอะไรไปเหรอครับ ปวดท้องรึเปล่า ทำไม...” สายฟ้าส่งเสียงทักทายหนุ่มร่างใหญ่ด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นใบหน้าของทิวไผ่ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก

   “เปล่าครับฟ้า แค่หกล้มในห้องน้ำเลยจุกนิดหน่อยน่ะครับ เอ่อ แล้วต้นข้าวไปนอนแล้วเหรอครับ” ทิวไผ่ตอบหนุ่มร่างเล็กกลับมาเสียงเนือย ๆ และถามถึงคู่กรณีของเขาเมื่อซักครู่ที่ผ่านมา

   “ต้นไปนอนแล้วครับ ทำไมหรอ” สายฟ้าเอ่ยถามด้วยความสงสัยที่ทิวไผ่เอ่ยถึงต้นข้าว

   “เปล่าครับ งั้นไผ่ขอตัวไปนอนนะครับ” ทิวไผ่ปฏิเสธคำถามของสายฟ้า เขามองไปทางเต็นท์ของต้นข้าวด้วยแววตาสำนึกผิดอยู่ลึก ๆ ที่ทำอะไรผลีผลามกับหนุ่มหน้าใสเกินไป แล้วตัดบทขอตัวเดินเข้าเต็นท์ตัวเองไป

   อาการแปลก ๆ ของทั้งเพื่อนรัก และหนุ่มหน้าเข้ม ที่ได้แสดงออกมา เมื่อครู่ มันทำให้ความคิดต่าง ๆ นานา ในหัวสมองของสายฟ้าโลดแล่นพันกันไปมาอย่างวุ่นวาย มันต้องมีอะไรเกิดขึ้นระหว่างที่เขาปล่อยให้ต้นข้าวกับทิวไผ่อยู่ด้วยกันตามลำพังเมื่อกี้แน่ ๆ การแสดงออกของทิวไผ่และต้นข้าวนับวันมันยิ่งทำให้เขาระแคะระคายใจมากขึ้น ในเมื่อคนหนึ่งคือรักแรกพบที่ตนเทใจให้จนหมด แต่เขาเองกับไม่กล้าและไม่มั่นใจที่จะแสดงออกมาให้ทิวไผ่ได้รับรู้ความรู้สึกของตนเอง ส่วนอีกคนคือเพื่อนที่แสนดี คบหากันมานานหลายปี มันยิ่งตอกย้ำทิ่มแทงหัวใจ สายฟ้ามากขึ้นทุกวัน

   หลังจากเปลี่ยนเวรยามเสร็จแล้ว สายฟ้าเดินกลับมาที่เต็นท์ของตน พร้อมกับความคิดที่สับสนวุ่นวายที่ประทังกันเข้ามาในหัวสมอง สายฟ้ามุดเข้าไปในเต็นท์เห็นต้นข้าวนอนตะแคงหันหลังมาทางเขาอยู่ก่อนแล้ว

   “ต้น หลับรึยัง” ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา มีแต่เสียงผ่อนลมหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ

   “เราขอโทษนะ ที่ทำให้นายอารมณ์เสีย” สายฟ้าขอโทษเศร้าสร้อย ก่อนเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดฝึกออก แล้วล้มตัวลงนอนข้าง ๆ หันหลังให้ต้นข้าว และพยายามทำสมาธิสู้กับความคิดฟุ้งซ่าน ซึ่งความอ่อนเพลียจากการฝึกมาทั้งวันก็ช่วยให้เขาเข้าสู่ห้วงนิทราได้อย่างไม่ยากมากนัก

ที่จริงแล้วต้นข้าวเองก็ยังไม่ได้หลับเช่นกัน และเขาเองก็ไม่ได้ถือโทษโกรธเคืองสายฟ้าแต่อย่างใด เพราะสายฟ้าคือ เพื่อนที่รัก และห่วงใยเขาเสมอ

...
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: taebin7 ที่ 22-05-2007 10:39:09
สายฟ้า น่าสงสารจังเลย  :impress:


ขอบคุงที่มาต่อนะงับ o15
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 22-05-2007 11:09:13
ต้นข้าวโดนทิวไผ่จูบแล้วแอบหวั่นไหวเหรอเนี่ย อิอิ

ท่าทางคู่นี้จะตบจูบๆๆๆๆๆ อิอิ น่าลุ้น
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: dokebi ที่ 22-05-2007 11:33:49
 o3 :laugh3: :laugh3: :laugh: หุหุ ต้น ไผ่
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 22-05-2007 13:02:00
เมื่อไหร่ พระเอกขี้ม้าขาวจะมาช่วยสายฟ้าหนอ

  :o11:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 22-05-2007 18:57:56
ท่าทางคู่นี้จะไม่รักกันง่าย ๆ มั๊ง ต่อยจูบ กันอย่างนั้น  :amen:
เชียร์สายฟ้าต่อไป  :give2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: A GE ที่ 22-05-2007 19:03:28
 o12 o12  ทำไมไผ่ไม่นุ่มนวลกะต้นหน่อย  เล่นอย่างนี้ก็ต้องโดนอย่างที่โดนแหละครับ  :haun5: :haun5:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 22-05-2007 21:26:04
โถๆ หนูฟ้า หาคนมาดามหัวใจด่วนๆ เลย :undecided:
สองคนนั้นเค้าเริ่มรู้ใจตัวเองแล้วนา o18
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 23-05-2007 02:18:59
เสียดาย น่าจะต่อให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย

อยากรู้นักจะยังทะเลาะกันอยู่มั้ย o3
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: sabishiikant ที่ 23-05-2007 06:40:56
วันที่ 4 ของการฝึก ทุกคนถูกปลุกแต่เช้ามืดด้วยเสียงนกหวีดผู้ซื่อตรงต่อเวลาเช่นเคย วันนี้ไม่มีการทำกายบริหารเช่นวันที่ผ่าน ๆ มา ครูฝึกสั่งให้ นศท. แปรงฟันและล้างหน้าล้างตาเสร็จแล้วให้เก็บเต็นท์ผ้าใบ พร้อมทั้งผ้าห่มและสัมภาระที่จำเป็นใส่เป้สนาม ส่วนอุปกรณ์ใช้สอยอื่น ๆ ให้จัดใส่กระเป๋าของตนเองที่นำมา เอาไปฝากไว้ที่ทำการกองร้อย เมื่อรับประทานอาหารเช้าเสร็จ ทุกคนรับอาวุธประจำกาย พร้อมทั้งแบกเป้สนาม เตรียมน้ำใส่กระติกน้ำสนามให้เต็ม ก่อนจะมีการเรียกรวมพลทุกกองร้อยเพื่อสนธิกำลังกัน ในการฝึกรวมทั้ง 3 กองร้อย

“ต้น กรอกน้ำใส่กระติกให้เต็มนะ วันนี้เราต้องลงภาคสนามกันทั้งวัน เดี๋ยวไม่มีน้ำกิน แดดยิ่งร้อน ๆ อยู่”
สายฟ้าบอกเพื่อนรักก่อนออกจากเต็นท์ เอาของไปเก็บที่กองร้อย ด้วยความเป็นห่วง

“โหย ขนาดใส่แค่ครึ่งกระติก ก็เดินกระเตง ๆ หนักจะแย่อยู่แล้ว ไม่ไหวอ่ะ เรากินน้ำไม่เยอะหรอก ไม่ต้องห่วงน่า สบายมากแค่นี้เหลือเฟือ”

“อืม ตามใจ อย่าเป็นลมแดดก็แล้วกัน” สายฟ้าตอบไปอย่างปลง ๆ ในนิสัย ดื้อรั้นของต้นข้าว

ผู้พันหัวหน้าชุดครูฝึกเป็นผู้ชี้แจงขั้นตอนการฝึกในวันนี้ และเป็นผู้อำนวยการในการฝึกด้วย โดยในวันนี้ ช่วงกลางวันจะเป็นการฝึกการเข้าตีที่หมายในเวลากลางวัน ส่วนกลางคืน จะเป็นการเข้าตีในเวลากลางคืน พื้นที่การฝึก คือ พื้นที่ป่าด้านข้างสนามยิงปืน หลังจาก มีการชี้แจงรายละเอียดแล้ว นศท.ทุกคนได้รับแจกผงฝุ่นพราง ที่ใช้ในการพรางใบหน้า โดยการพรางแบบกลางวันจะทาฝุ่นพรางเป็นริ้ว ๆ ที่ข้างแก้ม ใบหู หน้าผาก สันจมูก คาง ลำคอ และที่หลังมือ
ครูฝึกก็พา นศท. เคลื่อนย้ายกำลังด้วยเท้าไปทางทิศเหนือเข้าสู่พื้นที่ซึ่งห่างจากฐานกองร้อย ประมาณ 2 กิโลเมตรครึ่ง ลัดเลาะไปตามร่องเขาและชายป่า ตามทางเดินแคบ ๆ ในลักษณะ แถวตอนเรียงหนึ่ง

เมื่อเดินทางไปถึงพื้นที่การฝึกเข้าสู่ ที่รวมพล โดย จะต้องนำสัมภาระและเป้สนามทิ้งไว้ที่ ที่รวมพล จะมีเพียง อาวุธประจำกาย และกระติกน้ำติดตัวไปเท่านั้น ในที่รวมพล จะมีการฝึกการวางแผนการเข้าตี โดยการใช้โต๊ะทราย ซึ่งทำจากทรายหลายสี เทลงบนพื้นที่ราบโล่งเตียน จำลองสภาพภูมิประเทศที่จะใช้ในการรบ เช่นภูเขา ลำห้วย ที่ราบ ต่าง ๆ จากสถานที่จริง เป็นลักษณะการวางแผนการเข้าตีในระดับกองร้อยทหารราบ รูปขบวนการเข้าตีจะลักษณะหน้ากระดาน 2 หมวดเข้าตี 1 หมวดสนับสนุน โดยหมวดที่ 1 และที่ 3 จะเป็นหมวดเข้าตีหลัก อยู่ปีกซ้ายและขวา ส่วนหมวดที่ 2 จะอยู่ด้านหลัง ตรงกลางระหว่าง หมวดที่ 1 และ ที่ 3 อีกทีหนึ่ง เพื่อเป็นกองหนุนช่วยส่วนรวมเมื่อหมวดเข้าตีด้านใดเพลี่ยงพล้ำหรือถูกต้านทานจากฝ่ายตรงข้ามอย่างหนัก
โดยแต่ละหมวดจะมี 3 หมู่ทหารราบ หมู่ละ 11 คน 1 หมู่อำนวยการ 8 คน และ 1 หมู่ปืนกลเอ็ม 60 หมู่ละ 9 คน แต่ละหมู่จะจัดกำลัง แบบสามเหลี่ยมเปิดหน้า ผู้บังคับหมู่จะอยู่ส่วนยอดด้านหลังสุดของลูกหมู่ และการจัดรูปขบวนก็จะจัดเหมือนระดับหมวดของกองร้อย แต่จะลดขนาดลงมาระดับหมู่ของหมวด ซึ่งหมู่ปืนกลจะคอยตั้งยิงสนับสนุนในพื้นที่ของหมู่ที่มีการปะทะกันอย่างหนักหน่วง ในการรบจริงการวางตัวของแต่ละคนจะไม่เป็นกลุ่มก้อน แต่จะอยู่ห่างกัน 5-20 เมตร ตามความกว้างและที่กำบังของลักษณะภูมิประเทศ เพื่อป้องกันการสูญเสีย จากการโดนระดมยิงด้วยอาวุธหนัก ซึ่งในระดับกองร้อยแล้ว ความกว้างด้านหน้าของแนวเข้าตีจะยาวราว ๆ 1-2 กิโลเมตรเลยทีเดียว โดยขึ้นอยู่กับสภาพภูมิประเทศของพื้นที่การรบเป็นสำคัญ
หลังจากวางแผนการบุก และจัดรูปขบวนเรียบร้อยแล้ว ก็มีการพักรับประทานอาหารกลางวัน กันกลางป่า ในที่รวมพลของแต่ละหมู่ หมวด  และรอสัญญาณการเข้าตี ในช่วงบ่าย ต่อไป

เมื่อตะวันบ่ายคล้อย แดดร่มลมตก หนังท้องตึง หน้าตาเริ่มหย่อน นศท. หลายคน เริ่มจับจองพื้นที่ใต้ต้นไม้เพื่อพักผ่อนเอาแรงที่จะใช้ในการฝึก แต่ยังไม่ทันที่ทุกคนจะได้เคลิบเคลิ้มดีนัก เสียงเอฟเฟค ระเบิดก็ดังกึกก้องสนั่นป่า จนทุกคนสะดุ้งโหยง ต้นข้าวรีบควานหาอาวุธประจำกายโดยสัญชาตญาณ ถึงแม้มันจะเป็นเพียงปืนโบราณสมัยสงครามโลก แต่มันก็ยังมีผลในทางจิตวิทยาการป้องกันตัวอยู่ ครูฝึกสั่งให้ ทุกคนประจำที่ตามตำแหน่งของตนเองที่มีการซักซ้อมกันไว้ก่อนหน้านี้ จากนั้น ก็มีคำสั่งให้เคลื่อนที่สู่แนวออกตี โดยการเคลื่อนที่จะประสานงานกันผ่านทางวิทยุสนาม  เมื่อหมวดหนึ่งยิงสนับสนุน อีกหมวดหนึ่ง จะดำเนินกลยุทธ์ในการเคลื่อนที่ไปข้างหน้า สลับกันไปมา บางครั้งสภาพภูมิประเทศ และสถานการณ์ยากแก่การเคลื่อนที่ในระดับหมวดก็จะลดขนาดการดำเนินกลยุทธ์ลงมาในระดับหมู่ เพื่อง่ายแก่การเคลื่อนที่ไปข้างหน้า ด้วยการหมอบ โผ วิ่ง กลิ้ง คลาน เป็นระยะทางไปข้างหน้ากว่า 2 กิโลเมตร ตามพื้นที่ป่าโปร่งในหุบเขา  จนต้นข้าว และสายฟ้า สองหนุ่มน้อยร่างบางเริ่มมีอาการเหนื่อยล้า ลงอย่างเห็นได้ชัด แม้สีหน้าเหนื่อยอ่อนจะถูกซ่อนพรางด้วยผงฝุ่นสีดำก็ตาม

“ฟ้า น้ำนายเหลือมั้ย ของเราหมดแล้ว เราหิวน้ำอ่ะ” ต้นข้าว พูดด้วยสีหน้าซีดเซียว หยาดเหงื่อเกาะพราว เต็มใบหน้า เขากลืนน้ำลายที่เหนียวหนืดลงคออย่างยากลำบาก ด้วยความกระหายน้ำ

สายฟ้าส่ายหัวอย่างเหนื่อยหน่าย รู้ล่วงหน้าแล้วว่ามันจะต้องเกิดขึ้น ก่อนจะส่งกระติกน้ำ ที่เหลือค่อนกระติกให้กับเพื่อนรักของเขาดื่มแก้กระหาย เพราะอีกนาน ก่อนที่การฝึกจะเสร็จ จึงจะได้เติมน้ำอีกที เดี๋ยวต้นข้าวจะเป็นลมไปเสียก่อน
ต้นข้าวรับมาดื่มอย่างกระหาย จนน้ำหมดกระติกอย่างลืมตัว
“แหะ ๆ เราขอโทษนะ ลืมไปว่านายยังไม่ได้กิน” ต้นข้าวจับกระติกที่ว่างเปล่าคว่ำลงเขย่า แล้วพูดอย่างหน้าเจื่อน ๆ
สายฟ้าทำหน้าเซ็งอีกครั้ง ก่อนพูดขึ้น “ไม่เป็นไร เพื่อเพื่อนเราอดได้”

 ซึ่งทำให้ต้นข้าวรู้สึกผิดขึ้นมาอย่างจับใจ ก่อนที่จะพร่ำขอโทษเพื่อนรักอีกครั้ง


เมื่อเข้าใกล้ฐานข้าศึกสมมติ ผ่านดงกับระเบิดจำลอง และรั้วลวดหนาม ครูฝึกสั่งให้ทุกคนเตรียม พร้อมตะลุมบอน โดยการกวาดล้างคูสนามเพลาะด้วยระเบิดมือ จากนั้น ทุกคนลุกยืนขึ้นพร้อมกันระดมยิงและวิ่งไปข้างหน้าเข้าสู่ฐานของข้าศึก เพื่อกวาดล้างให้สิ้นซาก ส่วนระวังป้องกันจะตีลึกเข้าไปด้านหลังฐานที่ยึดได้ออกไป 200 เมตร แล้ววางกำลังป้องกันการตีโต้ตอบ เมื่อเคลียร์พื้นที่เรียบร้อย ก็สถาปนาความมั่นคง ณ ที่หมาย โดยการกระจายกำลังตรึงฐานไว้อย่างแข็งแรง
การฝึกเข้าตีกลางวันจบลงตอนใกล้จะพลบค่ำ พร้อมกับความโล่งอก และหมดแรงของ หลาย ๆ คน จนล้มตัวลงนอนแผ่หลากลางพื้นดินอย่างเหนื่อยอ่อน ครูฝึกปล่อยให้ นศท. พักเหนื่อยซักครู่ก่อนจะมีการรับประทานอาหารเย็นกันที่หน้ากองอำนวยการฝึกด้านข้างสนามยิงปืน

“เหนื่อยไหม ต้น” สายฟ้า ทักทายเพื่อนรักอย่างเหนื่อยหอบ

“เหนื่อยเหมือนกันแฮะ นายล่ะ ไหวไหม” ต้นข้าวตอบคำถามสายฟ้า มาแบบหอบ ๆ เช่นเดียวกัน

“ก็โอเค” สายฟ้า ตอบพลางส่งสายตามองหาทิวไผ่ ไปรอบ ๆ ก่อนที่จะเห็นหนุ่มร่างใหญ่นั่งอยู่มุมหนึ่งของสนามมองมาทางเขาและต้นข้าวอยู่ก่อนแล้ว ทิวไผ่ส่งยิ้มเห็นฟันขาวตัดกับใบหน้าดำก่ำด้วยฝุ่นพราง กลับมาอย่างให้กำลังใจ ก่อนที่จะมองไปที่ต้นข้าว ซึ่งไม่ได้สนใจใยดีเขาเลย จนทิวไผ่ต้องหุบยิ้มลง ตีสีหน้าเรียบเฉย สายฟ้ามองหน้าทิวไผ่สลับกันกับต้นข้าวไปมา อย่างสงสัยในอาการของสองหนุ่ม ความคิดต่าง ๆ เริ่มพรั่งพรู เข้าสู่หัวของเขาอีกแล้ว

อาหารเย็นมื้อนี้ เป็นไข่พะโล้ กับไก่ทอด และมีบัวลอยเป็นขนมหวาน ปิดท้าย คงเพราะความเหนื่อย และความหิว ทุกคนจึงกินข้าวกันอย่างเอร็ดอร่อย เมื่ออิ่มแล้ว สายฟ้า และต้นข้าวไปเข้าแถวเติมน้ำใส่ประติกน้ำสนามประจำกายให้เต็มเพื่อดื่มในการฝึกช่วงกลางคืน
ประมาณ 6 โมงเย็น ครูฝึกสั่งเรียกแถว และแจกจ่ายฝุ่นพราง อีกครั้ง เพื่อทำการพรางกลางคืน โดยจะทาผงฝุ่นทุกส่วนของร่างกายที่โผล่พ้นเสื้อผ้าให้ดำสนิท เพื่อป้องกันการสะท้อนแสงในเวลากลางคืน คนไหนที่พรางไม่สนิท หรือไม่ยอมพรางจะโดนครูฝึกทำโทษ โดยครูฝึกจะพรางให้เอง จนมืดสนิทมองเห็นแต่ตากับฟันเวลายิ้มเท่านั้น ทุกคนกลายสภาพเป็นเงาะป่าซาไก หัวเราะคลิกคักกันอย่างครื้นเครง

“ห้ามยิ้ม ใครเห็นฟันจะพรางปากมัน” ครูฝึกยศจ่าสิบเอกคนหนึ่งพูดหยอกล้อกับ นศท.อย่างสนุกสนานเป็นกันเอง แต่ก็มีคนกล้าลองของหัวเราะขึ้นจึงโดนครูจับไปพรางฟันเข้าจริง ๆ

“อ้าปาก ๆ เอ็งจะอ้าไม่อ้า ลองดีใช่ไหม อ้าปาก”  นศท. ตัวดีทำหน้าหยี เมื่อโดนครูฝึกบังคับให้อ้าปากขึ้น ก่อนจะโดนฝุ่นพรางทาฟันจนดำปี๋ แล้ววิ่งไปบ้วนปากที่อ้างน้ำทันที  เพื่อน ๆ หัวเราะคนโดนแกล้งกันยกใหญ่
 “ใครหัวเราะอีก อยากโดนเหมือนมันเหรอ เฮ่ย ไอ้นั่นล้างออกเหรอ มาพรางใหม่เลยเอ็ง”

ไม่นานก็มีเสียงนกหวีดเรียกรวมพลดังขึ้น ก่อนจะมีการตั้งแถวเดินกลับไปเอาสัมภาระยังที่รวมพลก่อนการออกตี รูปขบวนในการเข้าตีกลางคืนจะแตกต่างจากการเข้าตีกลางวันอย่างสิ้นเชิง โดย ทุกคนจะรอคำสั่งอยู่ที่รวมพล ในระดับหมู่ มีเพียงผู้ที่ทำหน้าที่ ผบ.หมู่  นายสิบประจำหมู่ และพลนำทาง เท่านั้นที่ออกมาสำรวจแนวออกตีที่หน้าฐานข้าศึกหลังจากพระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว เมื่อทราบพิกัด และแนวการวางกำลังแล้ว พลนำทางและ ผบ.หมู่ จะกลับไปนำกำลังที่รออยู่ในที่รวมพลเดินเข้าสู่แนวออกตี ที่มีนายสิบประจำหมู่รออยู่ก่อนแล้ว จากนั้น จึงมีการกระจายกำลังกันออกเป็นหน้ากระดาน ก่อนจะทำการจู่โจม เข้าตะลุมบอนเพื่อยึดที่หมายให้ได้อย่างรวดเร็ว ไม่ให้ข้าศึกได้ทันตั้งตัวติดโดยการใช้ความมืดให้เป็นประโยชน์ในการซ่อนพราง
นศท. มีเพียงอาวุธประจำกายรุ่นคุณปู่สมัยสงครามโลก ที่ใช้กระสุนจากปาก นั่นคือ เสียงตะโกน ปัง ๆ ๆ เท่านั้น ในการสู้รบปรบมือกับครูฝึกที่เป็นข้าศึกสมมติซึ่งมี ปลย. เอ็ม 16 และ เอชเค 33 เป็นอาวุธและใช้กระสุนจริง หรือกระสุนซ้อมรบ ยิงขึ้นฟ้า ส่งเสียงดังกังวานก้องสนั่นป่าในยามวิกาล บางครั้งใช้กระสุนส่องวิถีจะเห็นแสงไฟสีแดงเป็นทางยาวจากปากกระบอกปืนขึ้นสู่ท้องฟ้าเป็นระยะกว่า 300 เมตร เป็นความสวยงามซึ่งแฝงไว้ด้วยความโหดเหี้ยมทารุณ เมื่อเป้าหมายของมันคือสิ่งมีชีวิตที่จะโดนปลิดชีพ

การฝึกภาคกลางคืนจบลง ประมาณเกือบ 4 ทุ่ม คืนนี้เป็นคืนแรกที่ไม่มีการอาบน้ำ นศท. ต้องนอนทั้งชุดฝึกที่ใส่อาบเหงื่อต่างน้ำ เปรอะเปื้อนดินโคลนมาตลอดทั้งวัน ครูฝึกกำหนดพื้นที่บริเวณลานกว้างหน้าสนามยิงปืนเป็นสถานที่พักแรม และสั่งห้ามออกนอกพื้นที่อย่างเด็ดขาด เพราะพื้นที่ป่าด้านข้างเป็นพื้นที่ฝึกซ้อมใช้อาวุธของทหารและตำรวจตระเวนชายแดน ซึ่งอาจมีลูกระเบิดตกค้างหลงเหลืออยู่ และอาจเป็นอันตรายได้
กลางลาน มีการก่อกองไฟขนาดใหญ่ เพื่อไล่ความหนาวเย็น การนอนจะใช้ผ้าเต็นท์ผืนหนึ่งปูที่พื้น สำหรับนอนกับคู่บั๊ดดี้ของตน แล้วใช้อีกผืนคลุมทับผ้าห่มอีกชั้นหนึ่งเพื่อกันความหนาวเย็น 
บรรยากาศยามค่ำคืนของคืนเดือนแรม เมื่อมองไปรอบข้างมีแต่ความมืดมิด มีเพียงหมู่ดาวสาดแสงส่องรัศมี ระยิบระยับแพรวพราว อย่างสวยงาม เต็มไปหมดทั่วทั้งแผ่นฟ้า

‘ถ้าได้นอนดูดาวเคียงข้างทิวไผ่ก็คงจะดีสินะ’ สายฟ้า รำพันนอนมองหมู่ดาวเหล่านั้นและยิ้มที่มุมปากอย่างมีความสุข

“ต้น นั่นดาวตก” สายฟ้า ชี้ไม้ชี้มือ ไปทางทิศตะวันตกเหนือขอบฟ้า เพื่อให้ต้นข้าวเพื่อนรัก มองดูสะเก็ดดาวตกที่ตนเห็น สายฟ้าอธิษฐานของพรเป็นการใหญ่
ต้นข้าวมองตามสายฟ้าอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้น ใบหน้าคมเข้มของคนตัวใหญ่คู่กัดของเขาก็โผล่ขึ้นมาในมโนสำนึก ดวงหน้าหล่อเหลาลอยเด่นบนท้องฟ้า แวดล้อมไปด้วยหมู่ดาวจรัสแสงสว่างไสว ทิวไผ่ฉีกยิ้มหราอวดฟันขาว จนเห็นลักยิ้มคู่สวยเปื้อนเสน่ห์ที่มุมปากทั้งสองข้าง สอดส่งสายตาหวานซึ้งมายังเขา

 “เฮ่ย....” ต้นข้าวอุทาน สะดุ้งเฮือกตื่นจากภวังค์ พลางตบหน้าตัวเองเบา ๆ เพื่อเรียกสติให้กลับคืนมา

“ต้น เป็นไรเหรอ มี อะไรอ่ะ” สายฟ้าลืมตาขึ้นจากการอธิษฐาน เมื่อได้ยินเสียงอุทานของเพื่อนรักที่นอนอยู่ข้าง ๆ

“เปล่า ๆ ไม่มีอะไร นอนได้แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้ามาฝึกหนักกันต่ออีก” ต้นข้าวกลบเกลื่อน

สองหนุ่มนอนหันหลังชนกัน เพื่อให้ไออุ่นจากร่างกายส่งผ่านกันและกันต่อสู้กับความหนาวเย็นของอากาศที่ยิ่งดึก ยิ่งเย็นยะเยือกลงเรื่อย ๆ กระแสลมพัดพาความเย็นโชยมาจากทิวเขา แต่ละครั้งกระทบผิวกายจนขนลุกซู่ร่างกายสั่นสะท้านไปทั้งสรรพางค์ เพราะไม่มีผ้าเต็นท์ช่วยกันลมเหมือนตอนอยู่กองร้อย ต้องนอนห่มฟ้าอวดสายตาดวงดาวที่คอยส่งแสงแวบวับอย่างไม่เคยหลับใหล

...
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: mumumama ที่ 23-05-2007 07:47:00
 o15 ขอบคุณนะคร้าบ ตามติดต่อไป  o15
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 23-05-2007 09:49:53
ต้นข้าวเอาเปรียบสายฟ้าจังเลย

 :angry2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 23-05-2007 11:15:40
รออ่านต่ออีกนะคร้าบบบบบบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: taebin7 ที่ 23-05-2007 11:44:49
ขอบคุงที่มาต่อนะ o15

แล้วจะรออ่าน :impress:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 23-05-2007 19:16:13
ชักเซ็ง ๆ กับต้นข้าว ดื้อไม่เข้าเรื่องจริง ๆ  :try2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: sabishiikant ที่ 24-05-2007 18:04:11
นกหวีดน้อยผู้ซื่อตรง กรีดร้องแผดเสียงบาดแก้วหู ทำหน้าที่ปลุกตั้งแต่เช้ามืดอีกเช่นเคย  ทุกคนกุลีกุจอลุกขึ้นเก็บสัมภาระใส่เป้สนามอย่างเร่งด่วน ไม่มีโอกาสแม้แต่การแปรงฟัน ได้แต่เพียงล้างหน้าและบ้วนปากด้วยน้ำที่เหลืออยู่ในกระติกน้ำประจำตัวเท่านั้น
วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการฝึก โดยจะเป็นการฝึกการตั้งรับและร่นถ่อย ซึ่งตรงกันข้ามกับการฝึกที่ผ่านไปเมื่อวานที่เป็นการฝึกการเข้าตี หลังจากรับประทานอาหารเช้าและฟังคำชี้แจงแล้ว นศท. ทุกคนรอคำสั่งจากครูฝึกในการปฏิบัติต่อไป โดยช่วงเช้า จะเป็นการวางแผนการรับมือการเข้าตีของฝ่ายข้าศึก และเสริมสร้างความมั่นคงในฐานที่มั่นของตนให้ต้านทานกำลังฝ่ายตรงข้ามที่จะบุกเข้ามาให้ได้ หรือให้นานที่สุด ซึ่งการรบจริงส่วนใหญ่จะเป็นการรบในคูสนามเพลาะ และที่กำบังในฐานที่มั่นของตน มีการเสริมสร้างความแข็งแรงของรังปืนกล แนวป้องกันการบุก สนามทุ่นระเบิด รั้วลวดหนามต่าง ๆ  และวิธีการร่นถอยอย่างเป็นระบบให้สูญเสียน้อยที่สุด เมื่อไม่สามารถรักษาฐานที่มั่นไว้ได้

ในช่วงบ่าย นศท. ทุกคนเข้าสู่ที่มั่นประจำตำแหน่งของตน รอรับการเข้าตีของครูฝึกที่เป็นข้าศึกสมมติ ในสถานการณ์จริง ทหารทุกคนห้ามร่นถอยหรือทิ้งฐานที่มั่นของตนเด็ดขาด จนกว่าจะได้รับคำสั่งของ ผู้บังคับบัญชา ถึงแม้ว่าจะต้องพลีชีพ เป็นคนสุดท้ายก็ตามที
จากสถานการณ์สมมติ เมื่อไม่สามารถรักษาฐานที่มั่นของตนไว้ได้ และมีคำสั่งให้ร่นถอย เพื่อป้องกันความเสียหายไม่ให้มากไปกว่าเดิม การร่นถอยจะทำอย่างเป็นระบบ เหมือนเช่นการเข้าตี มีส่วนยิงคุ้มกัน ให้อีกส่วนหนึ่งถอยลงไปตั้งหลัก เมื่อส่วนที่ร่นถอยไปก่อนเข้าที่กำบังได้สำเร็จก็จะทำการยิงคุ้มกันให้ส่วนหน้าร่นถอยลงมา สลับกันไปมาจนกว่าจะพ้นจากพื้นที่ที่ปะทะกัน การร่นถอยลักษณะนี้เหมาะสมกับการร่นถอยในเวลากลางวัน
ในการเข้าตี ตั้งรับและร่นถอย อาจมีหลายรูปแบบ จะนำมาใช้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และสภาพภูมิประเทศว่าเอื้ออำนวยหรือเปล่า การร่นถอยอีกวิธีหนึ่งคือ การทิ้งกำลังไว้คอยปะทะ โดยจะเป็นการร่นถอยของกองกำลังระดับหมวด หรือขนาดใหญ่ระดับกองร้อยขึ้นไป เพื่อความรวดเร็วและความปลอดภัยของกำลังส่วนใหญ่ โดยจะมีการเหลือกำลังไว้ประมาณ 1 หมู่ หรือ 1 หมวด ซุ่มรอไว้ปะทะกับฝ่ายข้าศึก เพื่อหน่วงเวลาข้าศึกที่ทำการติดตามโจมตีการร่นถอย ให้กำลังส่วนใหญ่ที่ร่นถอยไปเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย จากการรบกวนการร่นถอยของข้าศึก เหมาะสมสำหรับการร่นถ่อยในเวลากลางคืน เพราะข้าศึก ไม่สามารถประมาณกำลังที่เหลือไว้ปะทะได้อย่างแน่ชัด โดยการใช้ความมืดในการซ่อนพรางกาย ทำให้เคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็ว

การฝึกวันสุดท้ายสิ้นสุดลงกับสภาพหมดแรงของ นศท. เกือบทุกคน และคืนนี้ ทุกคนต้องนอนที่สนามยิงปืนเป็นคืนที่สอง ก่อนจะเดินทางกลับบ้านกันในวันรุ่งขึ้น 
ต้นข้าวดูเหมือนว่าจะเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้าเนียนที่เคยสดใสเปล่งปลั่งด้วยเลือดฝาด กลับซีดเผือดลงอย่างถนัดตา ถึงแม้จะมีฝุ่นพรางปิดบังไว้

“ต้น ไม่สบายรึเปล่า ทำไมหน้าซีดจัง” สายฟ้าสอบถามเพื่อนรักอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นใบหน้าซีดเซียวของต้นข้าว

“ไม่เป็นไรหรอก สงสัยเหนื่อยมากไปหน่อยน่ะ ขอบใจที่เป็นห่วงเรานะ” ต้นข้าวตอบขอบคุณเพื่อนรักที่ห่วงใยเขา เสียงเนือย แต่เมื่อจะก้าวเดินต้นข้าวกลับหน้ามืด พื้นดินรอบ ๆ ตัวเขาหมุนติ้วไปหมด และเซเกือบจะล้ม สายฟ้ารีบวิ่งเข้ามาประคองต้นข้าวไว้

“ไหนบอก ไม่เป็นไรไง ไปกินยาหน่อยมั้ย รู้สึกว่าที่ครูฝึกจะมียาอยู่นะ” สายฟ้าพูดด้วยน้ำเสียงห่วงใย

“ไม่ต้องลำบากหรอก เดี๋ยวนอนพักก็คงหาย พรุ่งนี้เช้าก็กลับบ้านกันแล้ว” หนุ่มหน้าใส ตอบกลับเพื่อนรักมาอย่างดื้อรั้น จนสายฟ้าต้องยอมตามใจ

คืนนี้หมู่ดาวยังคงทอแสงประกายแวววาวระยิบระยับ อย่างเช่นเคย แต่ขอบฟ้ากลับมีเมฆหมอกมืดมัว จนดูไม่ค่อยสดใสเท่าใดนัก สายฟ้าหลับตาลง และผล็อยหลับเข้าสู่นิทรากาลไปอย่างเหนื่อยอ่อน สายลมยังคงพัดโชยพาความหนาวเย็นมาปะทะผิวกายเป็นระยะ ๆ แต่สายฟ้าก็ไม่ได้รู้สึกเหน็บหนาวแต่อย่างใด เพราะได้ไออุ่นจากแผ่นหลังเพื่อนรักที่นอนแนบชิดกันอยู่

สายฟ้าต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก เมื่อรู้สึกว่าร่างกายหนุ่มร่างบางเพื่อนรักของเขากำลังจะลุกเป็นไฟขึ้นมาในไม่ช้า สายฟ้าอังมือที่หน้าผากต้นข้าวแต่ก็ต้องชักมือกลับอย่างรวดเร็วเพราะมันร้อนรุ่มเหมือนกับเตาไฟ ต้นข้าวนอนขดตัวสั่นสะท้าน ใบหน้าและริมฝีปากซีดเซียว

“ต้น ๆ ไม่สบายใช่ไหม” สายฟ้าถามอย่างเป็นห่วง

“หนาว หนาวจัง” ต้นข้าวตอบมาอย่างปากคอสั่น

“เดี๋ยวเราจะพานายไปหาครูฝึกเอง” สายฟ้าคว้าผ้าห่มมาคลุมให้ต้นข้าวเพิ่ม และพยายามจะอุ้มและแบกเพื่อนรักไปยังเต็นท์สนามของครูฝึกที่อยู่อีกด้านหนึ่ง

“อึ๊บ... เอาไงดีเนี่ย หนักชะมัดยาดเลย ตัวนิดเดียวเอง” สายฟ้าเซถลาเมื่อพยายามแบกต้นข้าวขึ้นหลังแต่ ไม่เป็นผล เพราะความเหนื่อยอ่อนจากการฝึกทำให้เขาหมดแรงเช่นกัน และอีกอย่างต้นข้าวเองก็ตัวใหญ่กว่าเขา

“ทิวไผ่ ไผ่ต้องช่วยได้” สายฟ้าอุทานเบา ๆ แล้ว วิ่งไปที่ทิวไผ่นอนอยู่ทันที

“ไผ่ ไผ่ครับ ช่วยต้นด้วย” สายฟ้าพูดอย่างหน้าตาตื่น

“หือ ต้นข้าวเป็นไรหรอครับฟ้า” ทิวไผ่ลุกขึ้นนั่ง แล้วถามกลับอย่างสงสัย

“ต้นตัวร้อนมากเลย สงสัยไข้ขึ้น ฟ้าแบกมันไม่ไหวไผ่ช่วยทีนะครับ” สายฟ้าพูดเชิงขอร้อง ทิวไผ่รีบลุกขึ้นและวิ่งนำหน้าสายฟ้า ไปอย่างร้อนรน เมื่อไปเห็นหนุ่มร่างบางนอนหนาวสั่นอยู่ใต้ผ้าห่ม ทิวไผ่ยื่นมือไปอังที่หน้าผากต้นข้าว แล้วช้อนอุ้มหนุ่มร่างบางขึ้นสู่อ้อมอกอย่างง่ายดาย ก่อนที่จะเดินกึ่งวิ่งไปที่เต็นท์ของครูฝึก โดยมีสายฟ้าตามหลังมาติด ๆ

“ครูครับ ๆ เพื่อนผมไม่สบายครับ” ทิวไผ่ส่งเสียงปลุกครูฝึกที่นอนอยู่ในเต็นท์

“มีอะไรกัน ดึก ๆ ดื่น ๆ รอพรุ่งนี้เช้าไม่ได้เหรอ” ครูฝึกส่งเสียงงัวเงียออกมาจากในเต็นท์

“รอไม่ได้แล้วครับ เพื่อนผมตัวร้อนมาก” ทิวไผ่พยายามให้เหตุผล จนครูฝึกลุกขึ้นมาดู

“ไหนดูซิ โห หนักขนาดนี้ สงสัยต้องส่งโรงพยาบาลแล้ว เป็นนานรึยังเนี่ย ทำไมพึ่งมาปลุก เกิดเพื่อนเราตายขึ้นมาครูไม่แย่เรอะ”
ครูฝึกคนเดิมโบ้ยหน้าตาเฉย จนทิวไผ่ทำหน้าเซ็ง ๆ จากนั้นจึงแจ้งไปยังผู้บังคับการฝึกให้ทราบ แล้วเอารถออกพาต้นข้าวส่งโรงพยาบาลในเมืองซึ่งอยู่ห่างลงเขาไปประมาณ เกือบ 20 กิโลเมตร โดยมีสายฟ้านั่งไปเป็นเพื่อนและ ผู้กำกับ นศท. อีกคนหนึ่ง
 ระหว่างทางสายฟ้าเฝ้าดูอาการของเพื่อนรักด้วยความเป็นห่วง แต่ใจหนึ่งก็ครุ่นคิดอยู่กับสิ่งที่ได้พบเห็น พร้อมกับอาการเจ็บแปลบที่ใจขึ้นมาอีกครั้ง ‘ทิวไผ่เป็นห่วงต้นข้าวขนาดนี้เชียวหรือ’



...

หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: NewcoolstaR ที่ 24-05-2007 18:19:32
 :impress: แวะมาทักทายพี่นัท เพราะเป็งกะละจัยให้ ครับ  o13
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 24-05-2007 18:37:53
อ่ะนะ สายฟ้านี่ช่างสังเกตจริง ๆ   :teach:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 24-05-2007 20:30:34
น่าสงสารสายฟ้า เฮ้ออออออออออออออ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 25-05-2007 00:38:57
สังเกตุมากขึ้นเรื่อยๆ ชักจะกลายเป็นจับผิดซะแล้วแฮะ :try2:

ขอบคุณครับ :yeb:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: sabishiikant ที่ 25-05-2007 08:04:23
“ตื่นแล้วหรือจ๊ะลูกต้น เป็นไงมั่งหายปวดหัวยังเอ่ย” เกศสินีส่งเสียงทักทายลูกชายสุดที่รักของเธอ

“อ้าว ผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ครับแม่” ต้นข้าวถามอย่างสงสัย และมึนงง กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเอง

“ก็ลูกไม่สบาย สายฟ้าเพื่อนลูกกับครูฝึกเลยพามาส่งโรงพยาบาลน่ะค่ะ เดี๋ยวหม่ามี้ป้อนข้าวต้มร้อน ๆ จะได้หายป่วยเร็ว ๆ นะคะ”

“ขอบคุณครับ แต่ต้นทานเองไหวคับ แล้วฟ้าล่ะครับแม่” ต้นข้าวกล่าวขอบคุณมารดา และถามหาสายฟ้าทันที

“ลูกฟ้ากลับบ้านไปแล้วจ้ะ วันนี้ออกค่ายกันนี่นา”

“ต้นนี่แย่จังนะครับ อีกไม่กี่ชั่วโมงแท้ ๆ ยังทำให้คนอื่นวุ่นวายจนได้ เฮ้อ…” ต้นข้าวพูดเชิงตำหนิตัวเองด้วยเสียงเศร้าสร้อย

“อย่าโทษตัวเองซิจ๊ะ เรื่อยป่วยไข้ มันไม่เข้าใครออกใครหรอกนะ” เกศสินี พูดปลอบใจลูกชายของตน

“ขอบคุณครับแม่”

ต้นข้าวนอนโรงพยาบาลอยู่ 1 คืน หมอก็อนุญาตให้สามารถ กลับบ้านได้ และวันถัดไปก็สามารถ ไปโรงเรียนได้ตามปกติ

“ต้น หายดีแล้วเหรอ เราขอโทษนะที่ไม่ได้ไปเยี่ยมน่ะ เผอิญเพลียมากไปหน่อย กลับถึงบ้านก็หลับเป็นตายเลย” สายฟ้าทักทายถามไถ่อาการของเพื่อนรัก

“อืม หายดีแล้ว บอกแล้วเราไม่เป็นไรมากหรอก ขอบใจนายนะที่พาเราส่งโรงพยาบาล” ต้นข้าวขอบคุณเพื่อนรักของเขาอีกครั้ง

“นี่ ยังจะมาทำปากเก่ง ตอนนั้นน่ะ นอนสั่นเป็นเจ้าเข้าเลยนะนายอ่ะ ตัวร้อนยังกับเตาไฟแน่ะ ถ้าไม่ได้ไผ่นะ ป่านนี้นายจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้”

“อะไรนะ นายนั่นทำไม เกี่ยวอะไร” ต้นข้าวถามสายฟ้าอย่างงุนงง และเริ่มหงุดหงิด เมื่อได้ยินชื่อของคนที่ปล้นชิงจูบแรกจากเขา

“ก็อุ้มนายไปหาครูฝึกน่ะสิ” ทิวไผ่พูดสอดขึ้นมา เมื่อเข้ามาพบว่าสองหนุ่มกำลังสนทนาเกี่ยวกับตนอยู่

“นายมีสิทธิอะไรมายุ่งกับตัวเรา” ต้นข้าวตอบไปด้วยความโกรธ

“โหย ถ้ารู้ว่าทำคุณบูชาโทษแบบนี้นะ ปล่อยให้นอนไข้ขึ้นตายกลางป่าก็ดีหรอก ขอบคุณซักคำไม่มี”
ทิวไผ่พูดแดกดันขึ้นมาอย่างตัดพ้อ

‘หึหึ ขนาดจูบยังทำมาแล้ว แค่อุ้มทำไมจะไม่กล้าล่ะ ไอ้เจ้าหน้าอ่อนเอ๊ย...’ ทิวไผ่ได้แต่พึมพำคำนี้อยู่ในใจหากไม่มีสายฟ้าอยู่ด้วย เขาคงพูดมันสะกิดให้ต้นข้าวเจ็บใจเล่น ๆ ไปแล้ว

...


ย่างเข้าสู่เดือนกุมภาพันธ์เทศกาลวาเลนไทน์  ดูจะคึกคัก มีชีวิตชีวาสำหรับหนุ่มสาววัยรุ่น ดอกกุหลาบ และ ช็อกโกแลต ดูจะเป็นของขวัญยอดฮิตสำหรับเทศกาลวันแห่งความรักนี้ โดยหนุ่มสาวส่วนใหญ่ ที่จับจ้องหมายปองใคร มักจะใช้โอกาสทองนี้ในการสารภาพและบอกรักคนที่ตนแอบชอบอยู่ หนุ่มรูปหล่อขวัญใจสาว ๆ อย่างทิวไผ่ ดูจะเนื้อหอมที่สุดในห้อง และโรงเรียน
เช้าวันที่ 14 กุมภา สายฟ้ามาโรงเรียนแต่เช้าตรู่ นำช็อกโกแลตกล่องใหญ่ห่อด้วยกระดาษสีสันสวยงามผูกด้วยริบบิ้นสายรุ้งอย่างลงตัว เพื่อมอบให้คนที่ตนแอบปลื้มอยู่ เขานั่งทบทวนคิดคำพูดหวาน ๆ ซึ้ง ๆ ที่จะสารภาพความในใจของเขา เพื่อเขียนแนบการ์ดใส่ไปด้วย แต่จนแล้วจนรอดใจเจ้ากรรมก็กับเกิดอาการลังเล เพราะเขาเองก็ไม่มั่นใจในตัวของหนุ่มคนนั้นเช่นกัน จึงได้แต่เขียนถ้อยคำธรรมดา ๆ เท่านั้น เพื่อปกปิดไม่ให้ทิวไผ่รู้ว่าเป็นใคร แล้วสอดมันไว้ใต้โต๊ะของหนุ่มหน้าคมเข้ม ก่อนที่จะมีใครมาพบเข้าเสียก่อน
ทิวไผ่ก้าวเข้ามาในห้องก็ต้องตะลึงกับกองกล่องของขวัญ และช่อดอกกุหลาบ หลากสี มากมายอยู่บนโต๊ะของเขา พร้อมการ์ดที่เจ้าของ ช่อดอกไม้และของขวัญ เหล่านั้น  แถมมีสาว ๆ ทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องมาดักรอมอบให้ด้วยตัวเองอีกหลายคน ตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะยัยบ๊อบ สาวเทียมคนสวยประจำห้อง ถึงกับกอดคอหอมแก้มทิวไผ่โชว์ต่อหน้าเพื่อน ๆ ทั้งห้อง เป็นที่ฮือฮาสนุกสนานกันใหญ่ จนทิวไผ่เขินอายหน้าแดงก่ำ จนเพื่อนชายในห้องต่างอิจฉากันใหญ่
สายฟ้าและต้นข้าวเองก็แอบมีแฟนคลับให้ของขวัญและดอกไม้บ้างคนละช่อสองช่อ

“ไผ่นี่ เนื้อหอมจังนะครับ” สายฟ้าพูดพลางส่งยิ้มให้หนุ่มที่นั่งอยู่โต๊ะข้าง ๆ เขา ทิวไผ่ส่งยิ้มตอบกลับมาแบบเขินอายนิด ๆ ก่อนที่จะลอบมองไปทางต้นข้าว ซึ่งฝ่ายหลังทำเป็นไม่สนใจใยดีเช่นเคย

ก่อนจะกลับบ้าน ต้นข้าวก็ต้องแปลกใจที่มีกล่องของขวัญขนาดเล็กกะทัดรัด อยู่ในลิ้นชักโต๊ะของเขา มีการ์ดใบเล็ก ๆ แนบอยู่ข้างกล่อง ต้นข้าวหยิบมันใส่กระเป๋าเพื่อนำไปแกะที่บ้าน
หลังเลิกเรียนทิวไผ่หอบถุงของขวัญและช่อดอกไม้มากมายกลับบ้านไปอย่างทุลักทุเล เป็นที่จับจ้องของสายตาผู้คนตลอดทางกลับบ้านจนให้นึกรู้สึกอึดอัดนิด ๆ
ทิวไผ่นำดอกไม้ทั้งหมด ไปจัดช่อใส่แจกันตั้งตามมุมต่าง ๆของบ้าน จากนั้น ก็มานั่งอ่านการ์ด อย่างสบายอารมณ์และเริ่มแกะกล้องของขวัญ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นช็อกโกแลต ‘โหย ถ้ากินช็อกโกแลตพวกนี้หมดนะ คงพุงกางเป็นหมูแน่ ๆ’ ทิวไผ่ปรารภกับตัวเองและหัวเราอย่างอารมณ์ดี จนมาถึงของขวัญกล่องสุดท้ายที่กล่องใหญ่ที่สุด ห่อด้วยกระดาษสีสันสวยงามผูกด้วยริบบิ้นลายสายรุ้งตัดกลับสีกระดาษอย่างลงตัว มีการ์ดลายสวยใบเล็ก ๆ แนบอยู่ ทิวไผ่เปิดออกอ่านข้อความด้านใน “ขอบคุณนะ สำหรับสิ่งดี ๆ ที่มีให้” แต่ไม่มีลงชื่อกำกับไว้แต่อย่างใด
“หึหึ คิดคำได้ห่วยมากเลยนะนายนี่ ไม่กล้าขอบคุณด้วยตัวเองนี่นา หยิ่งซะ นายเบื๊อกเอ๊ย” ทิวไผ่พึมพำ ถึงเจ้าของใบหน้าใส ๆ ผู้ไม่เคยยอมพูดดีกลับเขาเลยแม้แต่ครั้งเดียว พร้อมทั้งยิ้มกริ่มอย่างพออกพอใจ เพราะอะไรไม่รู้ที่ทำให้เขาเข้าใจว่าเป็นหนุ่มหน้าใสปากร้ายอย่างไม่ทราบสาเหตุไปเสียแล้ว

ต้นข้าว กลับมาถึงบ้าน ขึ้นไปห้องแล้วเอากล่องของขวัญน่ารักนั้นออกมาเปิดทันที “ขอโทษนะ หวังว่าคงไม่โกรธ” ลงชื่อ ‘คนใกล้ตัว’

“ใครเนี่ย ใช้นามแฝงแปลก ๆ แล้วขอโทษอะไรของเค้า รึว่าจะเป็น... บ้าน่า ไอ้หมอนั่นคงไม่ทำอะไรงี่เง่าแบบนี้มั้ง”
 ต้นข้าวครุ่นคิดอย่างสับสน ถึงเจ้าของการ์ดและกล่องช็อกโกแลตที่แท้จริงกล่องนี้


...


เดือนกุมภาพันธ์ ถือเป็นเดือนสุดท้ายของภาคเรียนสุดท้ายในชีวิตของเด็กมัธยมปลาย ก่อนที่จะจบหลักสูตรภาคบังคับและแยกย้ายไปสมัคร หรือสอบแข่งขันเข้าศึกษาต่อในสถาบันการศึกษาที่สูงขึ้น หรือออกไปหางานทำต่อไปสำหรับคนที่ไม่คิดที่จะเรียนต่อ
โรงเรียนของต้นข้าวจะจัดสอบปลายภาคในเทอมสุดท้ายในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ถึงต้นเดือนมีนาคม จากนั้น จะมีการมอบประกาศนียบัตร และกิจกรรมปัจฉิมนิเทศ อำลาอาลัย ให้แก่นักเรียนชั้น ม.3 และ ม.6 ที่กำลังจะจบการศึกษา โดยคณะครูอาจารย์และรุ่นน้องในโรงเรียน
ช่วงเช้าจะเป็นพิธีกล่าวให้โอวาท และมอบประกาศนียบัตรโดยผู้อำนวยการของโรงเรียน จากนั้นจะมีการบายศรีสู่ขวัญขอพร ผูกข้อต่อแขนด้วยด้ายผูกข้อมือสีขาวบริสุทธิ์ ให้แก่ศิษย์รักของคณะครูอาจารย์ และด้ายสีสันต์สวยงามหลากสี ทั้งการ์ดอวยพร ดอกไม้ สร้อยคอร้อยลูกอม ฮาร์ทบีต และอีกมากมาย ของเด็ก ๆ ด้วยกันเอง  ซึ่งหนุ่มป๊อบประจำรุ่นอย่างทิวไผ่ก็โดนสาว ๆ รุมทึ้ง แย่งกันเข้าหาจนเพื่อนชายร่วมรุ่นต่างมองมาเป็นตาเดียวกันด้วยความอิจฉา และส่งเสียงแซวอย่างคึกครื้น โดยมีสายตาของสายฟ้าคอยจับจ้องหนุ่มหล่อหน้าคมเข้มอยู่ห่าง ๆ อยากจะเข้าไปหาบ้าง แต่ก็ต้องตัดใจสู้เก็บงำความรู้สึกไว้อย่างคับอก ทิวไผ่เหลือบมองมายังต้นข้าวขณะโดนรุมล้อมด้วยบรรดาสาว ๆ ทั้งรุ่นเดียวกันและรุ่นน้อง แต่หนุ่มหน้าใสกลับทำทีท่าไม่ได้สนใจใยดีเขาตามที่ทิวไผ่คาดหวัง เช่นเคย จนคนมองแอบมีสีหน้าและแววตาเศร้าสร้อย ความที่เคยใกล้ชิดจากการเป็นคู่กัดกันตลอดมามันกลับกลายมาเล่นงานกัดกร่อนหัวใจของเขาเข้าเองซะแล้ว
สายฟ้าเห็นอาการของทิวไผ่อยู่ตลอดเวลา และมันทำให้เขาเจ็บแปลบบาดลึกที่ขั้วหัวใจดวงน้อยอีกครั้ง

จากนั้นมีการมอบของที่ระลึกรุ่นด้วยโซฟาชุดรับแขก 1 ชุด แก่ทางโรงเรียนของตัวแทนนักเรียน และมีการถ่ายภาพร่วมกันระหว่างคณะอาจารย์และนักเรียนที่กำลังจะจบการศึกษาทั้งม.ต้น และ ม. ปลาย  รวมทั้งภาพหมู่กับอาจารย์ที่ปรึกษาของแต่ละห้อง เก็บที่ระลึกกันด้วย
ในช่วงบ่ายมีการแสดงของตัวแทนรุ่นน้องในระดับชั้นต่าง ๆ เพื่อมอบเป็นของขวัญแก่รุ่นพี่ที่กำลังจะอำลาสถาบันไปในไม่ช้า ต่อด้วยการแสดงละครขำขันของคณะอาจารย์หนุ่มสาว ในเรื่อง แผลเก่าภาคพิสดาร ซึ่ง ขวัญ และ เรียม เรียกเสียงหัวเราะเฮฮาอย่างสนุกสนานจากเด็ก ๆ และคณาจารย์ด้วยกันเอง

หลังการแสดงจบลง อาจารย์พิธีกร เชิญให้ตัวแทนนักเรียน ออกมาอ่านกลอนอำลาอาลัยสถาบัน

เมื่อตัวแทนนักเรียนชั้น ม.3 ออกมาและเริ่มอ่านบทกลอนในแผ่นกระดาษสีขาวตรงหน้า สรรพสำเนียงที่เคยดังเซ็งแซ่สอดแทรกกันไปมาอย่างวุ่นวายพลันเงียบลงในทันใด  ทุกคนต่างอยู่ในอาการสงบ ความเงียบเข้าปกคลุมไปทั้งหอประชุม มีเพียงเสียงจากเครื่องขยายเสียงที่ช่วยถ่ายทอดถ้อยคำสำนวนกลอนของตัวแทนนักเรียนออกมาเท่านั้น ........จากเสียงที่ดูปกติในตอนแรก เมื่อเริ่มอ่านไปเรื่อย ๆ เสียงนั้นกลับเริ่มสั่นเครือ ขึ้นเรื่อย ๆ ตามมาด้วยเสียงสะอึกสะอื้นเริ่มดังระงมขึ้นทีละน้อย ๆ ยิ่งสร้างความสะเทือนอารมณ์มากยิ่งขึ้นไปอีก บางคนก้มหน้านิ่ง บ้างตาแดงก่ำน้ำตาคลอเบ้าและเริ่มไหลรินอาบสองแก้ม บรรยากาศรอบข้างเริ่มเต็มไปด้วยความโศกเศร้า เพื่อน ๆ เริ่มเข้าสวมกอดกัน ปล่อยเสียงโฮกันจนเสียงสะอื้นดังระงมไปทั้งงาน ต้นเสียงคนอ่านเริ่มขาด ๆ หาย ๆ เนื่องจากต้องหยุดสะอื้นไห้ไปตามบรรยากาศตรงหน้า
ไม่เพียงแต่เหล่าเด็ก ๆ เท่านั้น อาจารย์หลายคนก็พลอยมีน้ำตารินไหลร่วมไปด้วย

หลังจาก ตัวแทนนักเรียนชั้น ม.3 กล่าวจบ ตัวแทนนักเรียนชั้น ม.6 ก็ขึ้นมากล่าวต่อ บรรยากาศรอบข้างที่เศร้าอยู่แล้ว ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเหมือนกับกระพือ กองไฟให้รุกโชน เด็ก ๆ หลายคน สวมกอดเพื่อน และอาจารย์ที่ตนเคารพนับถือพลางร้องไห้ไปด้วยกันอย่างยากที่จะสะกดกลั้นอารมณ์เอาไว้ได้

แด่...............หมู่มิตรมากมายในวันเก่า
เพื่อน..........พ้องเราคือภาพฝันอันสดใส
ครั้ง.............ยังอยู่พร้อมหน้าคราเยาว์วัย
ก่อน............จากไกลในเส้นทางที่ต่างกัน
 
ที่................แห่งนี้คงควรค่าระลึกถึง
สอน............ให้ซึ้งถึงความหมายชีวิตนั้น
ให้...............รู้ว่านอกตำราที่เรียนกัน
รู้.................สำคัญคือเพื่อนแท้ไม่แปรไป

จัก...............เติบใหญ่ก้าวไปในวันหน้า
คำ...............นึงหากันบ้างอย่าร้างหาย
ว่า...............ครั้งหนึ่งเคยมีมิตรสนิทใจ
อำลา...........ไปไกลเพียงกาย ใจคงเดิม…

ต้นข้าว และสายฟ้าสองหนุ่มหน้าใส เพื่อนรักที่คบกันมาถึง 6 ปีเต็ม ต่างสวมกอดกันกลมร้องสะอื้นไห้  ถึงแม้ว่าจะสอบเรียนต่อได้ในที่เดียวกัน แต่บรรยากาศตอนนี้แสนจะเป็นใจให้อารมณ์รู้สึกอ่อนไหวคล้อยตามจนยากที่จะฉุดรั้งห้ามไว้ได้เสียแล้ว ทิวไผ่มองไปรอบ ๆ ด้วยจิตใจที่ห่อเหี่ยว เห็นเพื่อน ๆ และอาจารย์ร้องไห้แล้วก็อดไม่ได้ เขาพยายามสะกดกลั้น อารมณ์ความรู้สึกจากบรรยากาศความเศร้ารอบตัวที่แผ่ซ่านเข้าสู่จิตใจของเขาไว้ให้ได้ แต่ก้อนแข็ง ๆ กลับวิ่งมาจุกอยู่ที่คอหอย จนต้องก้มหน้านิ่งกัดริมฝีปากแน่น น้ำตาลูกผู้ชายหยดติ๋งลงสู่หน้าตักอย่างสุดที่จะทัดทานไว้ พลางคอยตบหลังเพื่อนชายร่วมห้องที่นั่งสะอื้นอยู่ข้าง ๆ เบา ๆ อย่างปลอบโยน
ถึงแม้ว่าทิวไผ่จะเพิ่งย้ายมาเรียนอยู่ที่นี่ ไม่ถึงหนึ่งปีเต็ม แต่ความผูกพันในหลาย ๆ สิ่ง หลาย ๆ อย่างที่นี่มันได้พันธนาการจิตใจเขาไว้เสียแล้ว

เมื่อตัวแทนนักเรียน ม. 6 กล่าวจบ เสียงสะอื้นไห้ระงมเซ็งแซ่ทั่วงานทั้งศิษย์ทั้งอาจารย์ ซึ่งเมื่ออาจารย์เปิดเพลงอำลาอาลัยซึ้ง ๆ เข้าบรรยากาศ ยิ่งดูเศร้าหมองเข้าไปอีก

นึกไปแล้วให้รู้สึกใจหาย เวลาแค่ไม่กี่ปี...ไม่ใช่สิ สำหรับหลายคน มันนานถึง 6 ปี แต่ ทำไมเวลา 6 ปีมันถึงได้ผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็วเช่นนี้  ตลอดหลายปีที่ผ่านมา กาลเวลาได้ช่วยหล่อหลอม สร้างสายใยความสัมพันธ์ผูกพันกันไว้อย่างแน่นแฟ้น ระหว่างผองเพื่อนด้วยกันเอง ที่เคยได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา ครูอาจารย์ที่เคยพร่ำบ่นสั่งสอนลูกศิษย์รักของตนหวังให้มีวิชาความรู้ติดตัวไปเพื่อหาเลี้ยงชีพในภายภาคหน้า รวมถึงความผูกพันกันสถานที่ ที่เคยอยู่อาศัยพักพิงเล่าเรียนมา จนสำเร็จไปอีกขั้น
แล้วสุดท้าย กาลเวลา และคำว่า ลาจาก ก็มาพรากทุกสิ่งทุกอย่างออกจากกัน ไปตามวัฏจักรชีวิตของคนเราที่จะต้องสู้กันต่อไปตามหนทางของตน


...
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 25-05-2007 11:37:41
เดี่ยวก็จะถึงตอนมหาลัยแล้วใช่มั้ยเนี่ย อิอิ

จะได้เห็นตั้ง สองคู่แนะ อิอิ  :-[

ปล.นึกถึงสมัยตอนเรียนจบ ร้องไห้ซึ้งมากๆ ยิ่งโรงเรียนชายล้วนแบบผมด้วยน่ะ ซึ้งโคตรๆ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 25-05-2007 14:52:12
รอลุ้นต่อ o15
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 25-05-2007 15:44:23
ว่าแล้วก็คิดถึงสมัยมัธยมจัง จำได้ว่าร้องไห้จนตาบวมเลย :sad4:

คิดถึงเพื่อนๆจัง ไม่รู้เมื่อไหร่จะได้มีโอกาสรวมตัวกันอีก :impress3:

ขอบคุณมากนะครับ o1
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 25-05-2007 16:27:33
ก้าวพ้นวัยเด็กมาแล้ว

ก้าวเป็นผู้ใหญ่ต่อไป

เป็นกำลังใจให้ครับ

 :teach:

หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 25-05-2007 17:43:53
ขอบคุณครับ  มารอเป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: nanao ที่ 25-05-2007 18:49:27
มารออ่านคร้าบ  :impress:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 25-05-2007 19:52:34
ไม่รู้จะเม้นท์อะไร รออ่านต่อแล้วกันค่ะ  :impress:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 25-05-2007 21:09:16
เยี่ยม ปูพื้นความสัมพันธ์แบบคู่กัด  แอบสนใจใส่ใจกันและกัน แต่ไม่แสดงออก o13

รออ่านต่อภาคมหาลัยจ้า เป็นกำลังใจให้กานต์กับคุณฮิคุงนะ  o15
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: sabishiikant ที่ 26-05-2007 18:33:46
    หลังจากปิดภาคเรียนไปแล้ว เด็ก ๆ ที่ยังหาที่เรียนไม่ได้ ก็เข้าสู่สนามสอบโอเน็ท เอเน็ท หรือแอดมิดชั่นส่วนคนที่ได้ที่เรียนเป็นที่แน่นอนแล้ว ตั้งแต่ในรอบโควตา บ้างก็ไปเที่ยวพักผ่อนกับครอบครัวบ้าง หางานพิเศษทำบ้าง เพื่อรอวันเปิดเรียนพร้อมกันในราวปลายเดือนพฤษภาคม
 
   ต้นข้าวดีใจเป็นพิเศษ เพราะเขาจะได้ ไปเที่ยวอเมริกาครั้งแรกกับสายฟ้าซึ่งจะเดินทางไปหามารดาที่ทำร้านอาหารไทยอยู่ที่ แอลเอ เป็นประจำอยู่ทุกปี

   สายฟ้าแอบชวนทิวไผ่ไปด้วย โดยไม่บอกให้เพื่อนรักของเขารู้ตามเคย แต่ว่าทิวไผ่ต้องทำงานพิเศษในช่วงปิดเทอม เลยต้องอดไปอย่างน่าเสียดาย แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ถ้าทิวไผ่ไปได้จริง ๆ แล้วเจ้าตัวร้ายเพื่อนรักของเขาจะก่อความวุ่นวายขนาดไหน อาจจะไม่ยอมขึ้นเครื่องจนต้องติดอยู่ที่สนามบินไปตาม ๆ กันเสียมากกว่า

   ตลอด 2 เดือนเต็ม สองหนุ่มน้อยต่างสนุกสนานในต่างแดนกันอย่างเต็มที่ ในวันทำงานปกติ จันทร์ถึงเสาร์ พวกเขาจะช่วยทำงานในร้าน เป็นเด็กเดินออเดอร์รับเมนูและเสิร์ฟอาหารเครื่องดื่มตามที่ลูกค้าสั่ง ส่วนวันอาทิตย์ซึ่งเป็นวันหยุดพักผ่อน แม่ของสายฟ้าก็จะพาทั้งสองไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ แต่ถึงจะสนุกสนานเพียงใด บางครั้งพวกเขาสอง คนก็รู้สึกเหงา ๆ อย่างบอกไม่ถูกเหมือนขาดอะไรอย่างหนึ่งไปในชีวิต จากที่เคยมีมาก่อน

   ทิวไผ่เองก็เหมือนกัน ระหว่างที่เขาว่างจากการทำเอกสารบนโรงพักที่ทำงานของพ่อก็ต้องมานั่งเหม่อลอย จนบางครั้งพี่ ๆ ตำรวจทั้งชายและหญิงแซวเล่นว่านั่งคิดถึงแฟนอยู่รึเปล่า จนหนุ่มหน้าเข้มต้องเขินอายหน้าแดงอยู่บ่อย ๆ

   ...


   และแล้ววันเปิดเรียนก็มาถึง วันที่พวกเขาจะต้องย่างก้าวเข้าสู่รั้วสถาบันเป็นเฟรชชี่นิสิตใหม่อย่างเต็มตัวจริง ๆ

ก่อนเปิดภาคเรียนประมาณ 1 สัปดาห์ นิสิตใหม่ทุกคนจะต้องเข้าหอพักให้เรียบร้อย ยกเว้นนิสิตใหม่ที่มีบ้านอยู่รอบมหาวิทยาลัยภายในรัศมี 7 กม. จึงไม่ต้องพักหอใน แต่บ้านของต้นข้าว สายฟ้าและทิวไผ่ ต่างอยู่ในเมืองซึ่งห่างจากในมหาวิทยาลัยเกือบ 20 กม. จึงต้องเข้าหอพักตามกฎระเบียบของมหาวิทยาลัย พวกเขาขนของไปรอกันที่หน้าหอพักกันแต่ช่วงเช้า ในวันที่ทางมหาวิทยาลัยประกาศให้นิสิตใหม่ทุกคนเข้าหอ เพื่อรับกุญแจหมายเลขห้องของตน ซึ่งแต่ละตึกจะมี 4 ชั้น แบ่งเป็นชั้นละ 2 ฝั่ง ๆ ละ 11 ห้อง ตั้งอยู่ด้านหลังของมหาวิทยาลัย

“ถ้าเราได้อยู่ห้องเดียวกันก็ดีสินะ เฮ้อ...จะเจอใคร ก็ไม่รู้” ต้นข้าวพร่ำบ่นกับสายฟ้าอย่างวุ่นวายใจ

“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีสิ แต่ไม่รู้สินะ ว่าทาง ม. เค้ารันห้องกันยังไง” สายฟ้าตอบกลับต้นข้าวระหว่างเข้าคิวรอรับกุญแจห้องและบัตรประจำตัวหอพักอยู่ ซึ่งใจหนึ่งลึก ๆ แล้ว เขาก็อยากอยู่ห้องเดียวกับทิวไผ่ด้วยเหมือนกัน

“ฟ้า ๆ นายได้ห้องไหน” ต้นข้าววิ่งหน้าตาตื่นมาอย่างตื่นเต้น

“11-411 น่ะ อาคาร 11 ชั้น 4 ห้อง 11” สายฟ้าตอบพร้อมกับยื่นกุญแจที่มีป้ายเลขห้องกำกับอยู่ให้ต้นข้าวดู

“ฮ้า...จริงดิ โหยดีใจจังเลยว่ะ” ต้นข้าวตื่นเต้นเมื่อทราบคำตอบ แล้วโผเข้ากอดสายฟ้าอย่างดีใจสุด ๆ จนหนุ่มตัวเล็ก ถึงกับทำหน้า งง ๆ

“นี่ เราได้อยู่ห้องเดียวกันจริง ๆ ด้วยรู้ไหม” ต้นข้าวเฉลยในสิ่งที่ทำให้สายฟ้าสงสัยและมึนงงอยู่เมื่อซักครู่ ก่อนจะมีสีหน้าเบิกบานอย่าดีใจขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะกลับเป็นเรียบเฉย และมองหาใครคนหนึ่งอยู่ด้วยความเป็นห่วง” แต่ก็ถูกต้นข้าวลากแขน ดึงขึ้นห้องไปก่อน

“ปะ เร็วฟ้า เราขึ้นห้องกันเถอะ จะได้รีบจ้องเตียงจองตู้กัน เพราะยังไม่รู้เลยว่า อีก 2 คนที่จะมาอยู่กับเราเป็นใครขึ้นห้องไปรึยังก็ไม่รู้
2 หนุ่มน้อย ลากกระเป๋าใบใหญ่ของตนขึ้นตึกไปอย่างถูลู่ถูกัง โดยเฉพาะกระเป๋าของต้นข้าวแล้วดูมันหนักมากเป็นพิเศษ

“โอย ไม่ไหวแล้ว ทำไมต้องได้อยู่ชั้นบนสุดงี้วะ โอ๊ย...เหนื่อย” ต้นข้าวสบถบ่นด้วยความหนักระหว่างปีนขึ้นบันไดไปได้แค่ชั้นที่ 3 เท่านั้น ทั้งที่มีสายฟ้าช่วยพยุงสายกระเป๋าอีกข้างหนึ่งไว้

“ก็นายขนอะไรมามากมายล่ะเนี่ย ยังกะจะย้ายบ้านถาวรงั้นแหละ ทำไมไม่รอให้พ่อขนมาส่งอีกทีตอนเอาคอมฯ มาล่ะ” สายฟ้าพูดประชดไปด้วยความหมั่นไส้

“แหะ ๆ ก็มันของจำเป็นทั้งนั้นนี่นา” ต้นข้าวตอบกลับมาอย่างหน้าแหย ๆ

“อ้าว ไผ่ อยู่ตึกนี้ด้วยหรือครับ” สายฟ้ากล่าวทักทายอย่างดีใจลึก ๆ เมื่อเห็นทิวไผ่ถือกระเป๋าเดินตามขึ้นมา
“ครับ อยู่ชั้นสี่น่ะ” ทิวไผ่ตอบ

“ชั้นเดียวกันด้วย ดีจัง” สายฟ้าตอบ แต่กับต้นข้าว มันดูเหมือนจะเป็นข่าวร้ายเสียมากกว่า

“เน่ะ มาหยุดยืนขวางทางชาวบ้านเค้าอยู่ได้รีบเดินไปสิ” เมื่อทักทายสายฟ้าเสร็จหนุ่มหน้าเข้มก็หันไปเล่นงานต้นข้าวต่อทันที

“ก็คนมันเหนื่อยนี่หว่า นายจะเดินไปก่อนก็ขึ้นไปสิ ใครห้ามไว้ล่ะ” ต้นข้าวตอบออกมาอย่างหงุดหงิด ก่อนจะแขวะกลับไปบ้าง

“แค่นี้น่ะนะ จะเป็นจะตาย แล้วหอบอะไรมาเยอะแยะกระเป๋าใบเท่าบ้านงี้ มานี่ถือให้ นายไปช่วยฟ้าถือใบนู้นไป” ทิวไผ่แขวะกลับ แต่ก็มีน้ำใจเสนอความช่วยเหลืออย่างสุภาพบุรุษจนสายฟ้าแอบเป็นปลื้ม

“ไม่ต้องมีปัญญาถือเองได้” อวดเก่งไปซะงั้น

“ก็ตามใจ ถ้าคิดว่าไหวก็เชิญ ไปล่ะ” ทิวไผ่หันหน้ากลับก้าวเดินไปอย่างไม่ยีหระ ในความอวดดีของหนุ่มหน้าใส

“โหย ใจดำโคตร คนไรวะ” ต้นข้าวตัดพ้อนิด ๆ

“ก็เล่นตัวอยู่ได้ส่งมาสิ จะถือให้” ต้นข้าวส่งกระเป๋าให้ทิวไผ่ถือให้ แล้วมาช่วยสายฟ้าถือกระเป๋าของสายฟ้าอีกใบแทน

“โห มิน่า หนักโคตร ๆ ขนมาหมดบ้านมั้งเนี่ย” ทิวไผ่บ่นเพราะสภาพกระเป๋าที่หนักอึ้ง ก่อนจะพยายามทั้งแบกทั้งลากขึ้นไปถึงชั้น 4 อย่างทุลักทุเล

“บ่นทำไม อยากช่วยเองไม่ใช่หรอ ถือไปสิ” ต้นข้าวกระหยิ่มยิ้มย่องอย่างสะใจ พร้อมแอบขำนิด ๆ จนสายฟ้าแอบค้อน

“ไผ่เค้าอุตส่าห์มีน้ำใจ ไปว่าเค้า”

“ช่วยไม่ได้ อยากยุ่งเอง” 2 หนุ่มกระซิบกระซาบกันเบา ๆ ขณะเดินตามหลังทิวไผ่ขึ้นไป

“นายอยู่ห้องไหน” ทิวไผ่ถามหนุ่มหน้าใสเจ้าของกระเป๋าใบใหญ่ที่กำลังเดินตามขึ้นมา

“สิบแอ็ด” ต้นข้าวตอบมาขณะที่ทิวไผ่กำลังอึ้งนิด ๆ ก่อนจะแสยะยิ้มที่มุมปากเผยลักยิ้มให้เห็นอย่างมีเลศนัย แล้วลากกระเป๋าที่มีฐานล้อไปหยุดอยู่ตรงหน้าห้องหมายเลข 11 ตรงมุมสุดของชั้น 4

“ขอบใจ หมดธุระของนายแล้วนิ กลับไปห้องของนายสิ รึรอทริปค่าเดินกระเป๋า จะเอาเท่าไหร่” ต้นข้าวขอบคุณอย่างห้วน ๆ แล้วไล่คนตัวใหญ่หน้าคมเข้มที่ยืนหอบ นิด ๆ เหงื่อไหลโชกอยู่ ก่อนที่ต้นข้าวจะหันหลังไขกุญแจเปิดประตูเดินเข้าไป เขามองสำรวจภายในห้องที่กว้างขนาด 6x 7.5เมตร มีเตียงเดี่ยว 4 เตียง ตั้งอยู่ฝั่งละ 2 เตียง และตู้เสื้อผ้าพร้อมโต๊ะเขียนหนังสือครบชุด อยู่หัวเตียงฝั่งละ 2 ชุด ถัดออกไปนอกระเบียง เป็นห้องน้ำ อยู่ด้านข้าง ครึ่งหนึ่งเป็นระเบียงห้อง เหนือประตูสู่ระเบียงมีเครื่องปรับอากาศ แขวนอยู่บนเพดานห้อง 1 เครื่อง

ถึงมันจะไม่กว้างขวางเท่าห้องส่วนตัวที่บ้านซึ่งเขาเคยอยู่ เพราะต้องอยู่กันถึง 4 คน แต่มันก็น่าอยู่ทีเดียว เพราะเป็นหอพักที่พึ่งสร้างใหม่เพื่อรองรับนิสิตในปีการศึกษานี้พอดี
ต้นข้าวก้าวเดินออกไปยืนรับลมที่ระเบียง มองออกไปรอบ ๆ เห็นท้องทุ่งสีเขียวขจี เต็มไปด้วยนาข้าว เขาสูดหายใจเข้าเต็มปอดอย่างสดชื่น มันชั่งแตกต่างจากในเมืองที่วัน ๆ สูดดมแต่ควันพิษจากท่อไอเสียรถยนต์มากมายที่วิ่งกันอย่างคลาคล่ำ

“ต้นนี่เสียมารยาทอีกแล้ว ฟ้าขอบโทษแทนต้นมันด้วยละกัน ครับไผ่ ขอบคุณนะครับที่อุตส่าห์มีน้ำใจช่วยพวกเรา” สายฟ้าต้องเข้ากู้หน้าตามหน้าที่เพื่อนที่ดีอีกตามเคย
“ฟ้าอยู่ห้องเดียวกับต้นนะ แล้วไผ่อยู่ห้องไหนครับ เนี่ย” ทิวไผ่อมยิ้มเผยให้เห็นลักยิ้มคู่สวยที่มุมปากก่อนจะ ส่งป้ายหมายเลขกุญแจให้สายฟ้าดู

“สิบแอ็ด - สี่ หนึ่ง หนึ่ง” สายฟ้าอ่านออกเสียงแล้วทวนคำอย่างช้า ๆ เพื่อให้แน่ใจในสิ่งที่ตนเห็น ก่อนจะเงยหน้าส่งยิ้มหวานฉ่ำให้หนุ่มหน้าเข้มอย่างแฝงไว้ด้วยความดีใจสุดขีด ใจจริงนั้นอยากกระโจนเข้าสวมกอดหนุ่มหน้าเข้มที่ยืนอยู่ตรงหน้าไว้เลยด้วยซ้ำ

“นายเข้ามาในห้องเราทำไม ใครอนุญาต กลับห้องนายไปสิ” ต้นข้าวส่งเสียงมาอย่างไม่เป็นมิตรเช่นเคย เมื่อหันหลังกลับมาเห็นหนุ่มหน้าเข้มถือกระเป๋าเดินตามสายฟ้าเข้ามาในห้อง

“คุณชายครับ นี่แหละห้องผม คุณจะไล่ผมไปไหนไม่ทราบครับ” ทิวไผ่ทำหน้าเหรอหราไม่รู้ไม่ชี้ตอบกลับมาอย่างกวน ๆ

“เฮ้ย อย่าบอกนะว่า...” ต้นข้าวอุทาน

“ใช่ต้น ไผ่เค้าอยู่ห้องเดียวกับเรา” สายฟ้าตอบเน้นในสิ่งที่ต้นข้าวเข้าใจ

“งั้นเราจะขอย้ายห้อง” พูดจบหนุ่มหน้าใสจอมวุ่นวายและเอาแต่ใจก็หุนหันออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว

“ต้น เดี๋ยว...” สายฟ้าต้องวิ่งตามออกไป ปล่อยให้ทิวไผ่ยืนมึนงงอยู่อย่างเดียวดาย

สายฟ้าต้องพูดเกลี้ยกล่อมอยู่นาน กว่าจะสามารถสยบอารมณ์คลั่งของเพื่อนรักลงได้อย่างยากเย็น โดยให้เหตุผลว่า มหาวิทยาลัยรันห้องตามรายชื่อผู้จองหอพักและพวกเขา 3 คน ลงชื่อจองพร้อมกันจึงได้อยู่ห้องเดียวกันและทางมหาวิทยาลัยก็คงไม่เปลี่ยนห้องพักให้นิสิตใหม่ง่าย ๆ เพราะจะทำให้เกิดความวุ่นวายเกิดขึ้นได้ เดี๋ยวยังไงเทอมหน้าค่อยย้ายห้องเลือกเมทกันใหม่อีกที
 สายฟ้าเดินจูงมือต้นข้าว ซึ่งหน้าบูดบึ้งกลับเข้ามาในห้องอย่างขัดใจ

“นายไปอยู่เตียงฝั่งโน้นเลย เราจะนอนกับฟ้าฝั่งนี้” เมื่อกลับเข้าห้องมาได้ก็จัดแจงเจ้ากี้เจ้าการทันทีโดยเลือกเตียงมุมประตูฝั่งเดียวกันสายฟ้า ทิวไผ่หิ้วกระเป๋าไปยังเตียงฝั่งตรงข้ามมุมในติดทางเดินสู่ห้องน้ำและระเบียง เขากำลังจะจัดข้าวของเข้าที่ แต่

 “เฮ่ย... ไม่ ๆ ๆ นายมาอยู่เตียงเรานี่ เดี๋ยวเราจะไปอยู่เตียงนั้นเอง” ‘...จะให้นายนี่อยู่ใกล้ฟ้าไม่ได้ ไม่ดี ๆ...’ ทิวไผ่หิ้วกระเป๋ากลับมาเพราะไม่อยากมากเรื่อง

‘อ๊า...แบบนี้เวลานายนั่นเข้าห้องน้ำตอนกลางคืนก็ต้องเดินผ่านเตียงเราดิ’
“ไม่เอา... เปลี่ยนใจแล้ว นายไปอยู่เตียงนั้นน่ะแหละ”

“อารายของนายเนี่ย” ทิวไผ่อุทานออกมาอย่างเซ็ง ๆ แต่ก็ยอมทำตาม ลากกระเป๋ากลับไปยังเตียงเดิม ต้นข้าวยิ้มพยักพะเยิบอย่างพออกพอใจ

‘แต่ว่า...ถ้าเราเข้าห้องน้ำล่ะ ก็ต้องเดินผ่านเตียงนายนั่น’
“........”

“หยุดเลย ไม่ต้องเรื่องมากแล้ว อยู่เตียงนั้นแหละนาย ไม่ต้องเจ้ากี้เจ้าการเปลี่ยนเตียงให้คนอื่นอีก เวียนหัวไปหมดแล้ว” สายฟ้าพูดสวนขึ้นมาก่อนที่ต้นข้าวจะได้ขยับปากพูด หลังจากยืนมองความงี่เง่าของต้นข้าวอยู่นานแล้ว
ทิวไผ่หันไปยิ้มเชิงขอบคุณกับหนุ่มร่างเล็ก ก่อนหันมายิ้มเยาะให้กับหนุ่มหน้าใสจอมเจ้ากี้เจ้าการ และลงมือจัดเก็บข้าวของเข้าตู้เสื้อผ้าอย่างไม่สนใจคนที่กำลังง้องแง้งอยู่
ต้นข้าวนั่งอยู่บนเตียง ฝั่งตรงข้าม สายตาจับจ้องไปที่ทิวไผ่ ซึ่งกำลังง่วนเก็บของเข้าที่อยู่ที่เตียงเยื้องไปอีกฝั่งหนึ่งของห้อง ขณะที่สายฟ้าก็เริ่มลงมือจัดเก็บข้าวของของตนเข้าที่บ้างแล้ว

“มาอยู่ร่วมห้องกับนายนี่ ซวยจริง ๆ เลย” ต้นข้าวสบถอย่างอารมณ์เสียเบา ๆ แต่มันไปเข้าหูหนุ่มหน้าเข้มเข้าจนได้

“พูดยังกับเราอยากอยู่ร่วมห้องกับนายยังงั้นแหละ” พูดไปงั้น แต่ใจจริงลึก ๆ แล้ว เขาก็แอบดีใจตั้งแต่แรกที่รู้ว่าอยู่ห้องเดียวกับจอมวุ่นวายนี่ตั้งแต่ขึ้นมาจากบันไดแล้ว และสะใจที่ได้แหย่หนุ่มหน้าใสเล่น มันทำให้เขาอารมณ์ดีอย่างบอกไม่ถูก

“เรอะ.....ฟ้า นายระวังนายนั่นด้วยนะ ยิ่งนอนตรงข้ามกับเตียงนายอยู่” พูดพลางจิกหางตาไปยังคนที่กำลังจัดข้าวของเข้าเก็บในตู้และล็อกเกอร์อยู่ฝั่งตรงข้ามของห้อง

“ระวังอะไรหรอ” สายฟ้า งง ๆ ในคำพูดของเพื่อนรัก

“นั่นสิ กลัวอะไร รึว่ากลัว....” ทิวไผ่พูดเสริมขึ้นพร้อมกับส่งสายตาแวววาวมายังหนุ่มหน้าใส แต่ยังไม่ทันที่จะพูดจบต้นข้าวก็สวนขึ้นมาทันควัน อย่างรู้ทันว่า ทิวไผ่จะพูดอะไรต่อไป

“หุบปากไปเลยนะ ก็ลองดูสิ จะเจอดีมิใช่น้อย....เราไม่กลัวอะไรทั้งนั้นล่ะ ก็แค่บอกให้ฟ้าระวังคนนอนเสียงดังหนวกหูแค่นั้นล่ะ” ต้นข้าวพูดกลบเกลื่อนไปมา จนสายฟ้า งง แต่เป็นอันว่า เป็นที่เข้าใจของหนุ่มหน้าเข้ม ก่อนฝ่ายหลังจะยักคิ้วใส่อย่างเป็นต่อ

“อ่ะเหรอ เราไม่ใช่คนนอนกรนเสียงดังซักหน่อย แต่ระวังคนพูดมากจะโดนจิ้งจกตกลงมาใส่ตอนนอนหลับอยู่ล่ะ หึหึ” ทิวไผ่แหย่ต่อแล้วแสยะยิ้มที่มุมปาก

“ไอ้บ้า จิ้งจกที่ไหนไม่เห็นมีซักตัว” ต้นข้าวหน้าเจื่อนนิด ๆ ก่อนมองไปรอบ ๆ ห้องอย่างค้นหา สองหนุ่มตอบโต้กันไปมาโดยไม่มีทีท่าว่าใครจะยอมกันจนสายฟ้าต้องเข้ามาสอดแทรก

“ต้น มาจัดของได้แล้ว สายแล้วหิวข้าวจะได้ลงไปหาอะไรกินกัน” สายฟ้าเรียกต้นข้าวลุกจากเตียงมาจัดของเข้าตู้และล็อกเกอร์ของตัวเอง

“โห อะไรเนี่ย” ทิวไผ่ร้องขึ้นขณะที่สายฟ้าก็ยังอึ้ง เมื่อต้นข้าวจัดแจงรื้อกระเป๋าของตนออกมาและพบกับกองเสื้อผ้ามากมาย น้ำหอมเครื่องสำอาง โฟมล้างหน้า โลชั่นต่าง ๆ มากมาย แม้แต่หมอนข้างใบโปรดคู่ใจของเขาก็โดนจับยัดมาในกระเป๋าด้วย ต้นข้าวดึงมันออกมาปัด ๆ สะบัดให้หายยับก่อนจะวางไว้ที่ข้างเตียงของเขา
ทิวไผ่และสายฟ้า จัดของเสร็จเรียบร้อยไปก่อนแล้ว  สายฟ้าจึงเข้ามาช่วยเพื่อนรักจัดของที่กองพะเนินอยู่ตรงหน้า หากให้ต้นข้าวจัดคนเดียวคงได้กินข้าวกลางวันตอนบ่ายแก่ ๆ กันพอดี

“นี่ขนอะไรมานักหนาก็ไม่รู้ ทำไมไม่เก็บไว้ที่บ้านบ้าง เหมือนกับจะไม่กลับบ้านเลยยังงั้นแหละ หรือ ยังไงค่อยให้คนที่บ้านขนมาให้วันหลังก็ได้นี่นา” สายฟ้าอดที่จะต้องบ่นไม่ได้

“อย่าบ่นน่า ก็เอามาแล้วนี่ ช่วย ๆ เก็บเหอะ” ต้นข้าวข่มเพื่อนรักที่กำลังนั่งบ่นอยู่ข้าง ๆ

“ธรรมดาล่ะครับฟ้า ลูกคุณหนูนี่นา ยังไงก็ต้องอู้ฟู่ไว้ก่อนล่ะ” ทิวไผ่ส่งเสียงสอดแทรกแขวะมาจนได้ และโดนหนุ่มหน้าใส ขว้างค้อนกลับเข้าให้ฉาดใหญ่

ก่อนที่จะได้ลงไปหาอะไรกินกันที่โรงอาหารหน้าหอหัก ก็ปาเข้าไปเที่ยงกว่า โดยต้นข้าวงอแงอย่างขัดใจตามเคย ที่มีทิวไผ่ห้อยสอยตามไปด้วยอีกคน เขาอดที่จะนึกขำไม่ได้เมื่อเห็นหนุ่มหน้าใสทำตัวง้องแง้งเอาแต่ใจ กระฟัดกระเฟียดคล้ายกับเด็กถูกผู้ใหญ่ขัดใจอยู่ตลอดเวลา มองไปแล้วมันก็น่ารักไปอีกแบบ หนุ่มหล่อหน้าคมเข้มแอบยิ้มอย่างอารมณ์ดี

   หลังจากกินข้าวกลางวันเสร็จ สายฟ้าก็ชวนต้นข้าวกับทิวไผ่ ไปสำรวจอาคารสถานที่ โดยนั่งรถไฟฟ้าที่แล่นวนอยู่รอบ มหาวิทยาลัย ไปตามคณะต่าง ๆ เพื่อสร้างความคุ้นเคยกับสถานที่ที่กำลังจะกลายทั้งโรงเรียนและบ้านหลังใหญ่ของพวกเขา  แต่ทิวไผ่ขอตัวขึ้นไปจัดของและทำธุระบนห้องต่อ 2 หนุ่มเพื่อนรักเลยไปกัน 2 คน เป็นที่พอใจของต้นข้าวยิ่งนักที่ไม่มีคนไปคอยขวางหูขวางตาเขาตลอดเวลา

   ...
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 26-05-2007 18:40:57
หุหุ เริ่มเข้ากับชื่อเรื่องแล้ว เป็นรูมเมทกันนี่เอง  o8
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Daow ที่ 26-05-2007 18:51:14
กรี๊ดดด นอนห้องเดียวกันซะด้วย... o13
แบบนี้มีย่องเข้าหาแน่แน่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ o8
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 26-05-2007 19:38:38
น่าจะเป็นห้องนอนสองเตียงนะ แล้วต้นกะไผ่อยู่ห้องเดียวกัน แค่คิดก็เฉียวแว้ว o3
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 26-05-2007 22:11:52
อยู่ห้องเดียวกันซะด้วย  :o8: :o8: :o8:

แค่คิดก็หนุกแล้ว
 o3 o3 o3 o3 o3
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: taebin7 ที่ 26-05-2007 22:13:48
ขอบคุงที่มาต่อนะงับ o15
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 27-05-2007 00:20:03
 :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2:

คิดถึงคนอ่าน คนแต่ง คนโพสต์นะเคอะ  :impress:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 27-05-2007 02:37:34
เมื่อไหร่สองคนนี้จะคุยกันดีๆน๊อ :onion_asleep:

ขอบคุณมากครับ :yeb:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: sabishiikant ที่ 27-05-2007 08:35:59
   คืนนี้เป็นคืนแรก ที่นิสิตใหม่จะได้อยู่ร่วมกันในหอพักของการเริ่มต้นเข้าสู่การใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย
หลายคนสนุกสนานกับการได้พบปะเพื่อนใหม่ แต่หลายคนก็ยังไม่ชินกับวิถีชีวิตที่ถูกเปลี่ยนแปลงไปจากที่เคยอยู่บ้านกับครอบครัว กลับต้องแยกออกมาอยู่หอพักกับเพื่อนที่พึ่งรู้จักกัน มีเพียงวันเวลาเท่านั้น ที่จะช่วยให้ทุกอย่างดูเข้าที่เข้าทางยิ่งขึ้น
   การอยู่หอพักของมหาวิทยาลัยมีกฎอยู่ว่า จะต้องเข้าหอ ก่อน 5 ทุ่ม ไม่เช่นนั้น จะต้องเซ็นชื่อเข้า เพราะหอปิดแล้ว และจะมีการบันทึกประวัติไว้ด้วย

   ต้นข้าวอาบน้ำเสร็จ ทาโลชั่นบำรุงผิว แต่งตัวปะแป้งใส่ชุดนอนลายหมีพูห์ตัวเก่ง นอนอ่านหนังสือการ์ตูน อย่างสบายอารมณ์อยู่บนที่นอนของตน ส่วนสายฟ้าใส่เสื้อยืดกับกางเกงผ้าขาสามส่วน สบาย ๆ นั่งเขียนไดอารี่อยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือข้างเตียงของเขา

ทิวไผ่เปิดประตูห้องเข้ามาด้วยร่างกายเปลือกโชกไปด้วยเม็ดเหงื่อ หลังกลับมาจากไปเล่นบาสเกตบอลกับเพื่อน ๆ

“อี๋ย์ เหม็นว่ะ เปิดแอร์แล้วนะ รีบไปอาบน้ำเลยนาย ชิ่ว ๆ” ต้นข้าวทำท่าปิดจมูกสูดลมหายใจฟุตฟิต ๆพลางอ้าปากพูดอู้อี้ ๆ ไล่หนุ่มหน้าเข้ม

“เวอร์ไปละ เดี๋ยวเอาเต่าให้ดมเลยนิ” ทิวไผ่พูดพร้อมกับถอดเสื้อกล้ามที่ชุ่มเหงื่อออก เผยให้เห็นแผงอกแกร่ง และมัดกล้ามสวยสมวัยที่เปียกเหงื่อสะท้อนแสงหลอดฟลูออเรสเซนต์เป็นประกาย

“ไอ้บ้า โรคจิต” ต้นข้าวสบถด่าเสียงต่ำเบา ๆ ก่อนจะรีบหันไปสนใจการ์ตูนที่ตนกำลังอ่านอยู่ทันทีที่เห็นทิวไผ่ถอดเสื้อและกางเกงบอลบอลโยนลงตะกร้า เหลือเพียงกางเกงในสีขาวห่อหุ้มส่วนสงวนเพียงตัวเดียวก่อนที่จะดึงผ้าเช็ดตัวมานุ่งปิดมันไว้อีกชั้นหนึ่ง

“ฟ้าทำอะไรอยู่ครับ” ทิวไผ่ทักทายเพื่อนร่วมห้องอีกคนที่นั่งเขียนหนังสืออยู่ที่โต๊ะมุมห้อง ขณะที่เขาเดินผ่านไปเข้าห้องน้ำ

“เขียนไดฯ อยู่ครับไผ่”

“ขยันจังเลยครับ ผมไม่ได้เขียนไดอารี่เลยอ่ะ ไม่ค่อยจะว่างเขียนเท่าไหร่เลย”

“ไม่ว่างหรือขี้เกียจกันแน่ะล่ะนาย” เสียงสอดแทรกดังมาจากเตียงมุมหนึ่งของห้อง ซึ่งเจ้าของเสียงยังคงก้มหน้าก้มตาสนใจหนังสือการ์ตูนของตนต่อไป

“แล้วนายล่ะ ขยันจ๊าง” ทิวไผ่สวนกลับอย่างยิ้มเยาะ

“เราก็เขียนนะเฟ้ย แต่ไม่ได้มานั่งเขียนทุกวันแบบไอ้ฟ้ามันนี่นา ไม่ใช่ไม่เขียนเลย อย่างนาย” ‘ชนะแล้วตรู เหอ ๆ’ ต้นข้าวเงยหน้าผละจากหนังสือการ์ตูนตอบมาอย่างผู้มีชัยบ้าง ซึ่งมันจะมีน้อยครั้งนักก็ตาม แต่เขาก็ชนะล่ะ ครั้งนี้

“จ้า พอคนขยัน ก็เรามันคนขี้เกียจนี่” ทิวไผ่ตอบอย่างประชดนิด ๆ แล้วเดินเข้าห้องน้ำไป ก่อนจะมีเสียงน้ำไหลซู่จากฝักบัวตามมา

‘ประชดเป็นด้วยเว้ย’ ต้นข้าวพึมพำเบา ๆ

“เอ้อฟ้า ตกลงอีกคนที่จะมาอยู่ห้องเดียวกับเราเป็นใคร” ต้นข้าวถามเพื่อนรักอย่างสงสัย

“อ๋อ...เราถามพี่เจ้าหน้าที่ ที่กองกิจฯ มา เค้าว่านายคนนั่นสละสิทธิ์ไปแล้ว ห้องเราเลยเหลือแค่ 3 คนน่ะ” สายฟ้าตอบเพื่อคลายข้อสงสัยของเพื่อนรัก

 “เย้ ดีใจจัง คนน้อยลงไปอีกคน ก็ยังดีไม่วุ่นวายแต่ถ้าเหลือเรา 2 คน ก็ดีสิเนอะ” พูดพลางมองตาเขียวไปทางห้องน้ำที่หนุ่มหน้าเข้มกำลังอาบน้ำอยู่

“ลับหลังแป๊บ นินทาไร” ทิวไผ่อาบน้ำเสร็จเปิดห้องน้ำออกมาเจอกับสายตาและปากขมุบขมิบของหนุ่มหน้าใสเข้าอย่างจัง
 
“ป๊าว” ต้นข้าวทำทีเป็นสนใจหนังสือการ์ตูนของตนอย่างจดจ่อ

“อย่าให้รู้นะว่าแอบว่าอะไรเรา เดี๋ยวเจอดี” ทิวไผ่ขู่สำทับ ด้วยน้ำเสียงและสายตาแอบแฝงเลศนัยไว้ก่อนจะหันไปจัดแจงเช็ดตัวที่หน้าตู้เสื้อผ้าของเขา
สายฟ้ามองหน้า 2 หนุ่มสลับกันไปมา ก่อนจะกลับไปสนใจกับการเขียนบันทึกประจำวันของเขาในไดอารี่ต่อ

ทิวไผ่ใส่กางเกงบอลเพียงตัวเดียว ก่อนจะล้มตัวลงนอนฟังซาวนด์เบาท์ อ่านหนังสือพิมพ์กีฬาอยู่บนเตียงอีกฟากหนึ่งของห้อง อย่างสบายอารมณ์ โดยมีสายตาคนบนเตียงอีกด้านหนึ่งคอยมองมาด้วยหางตาเป็นระยะ จนเขารู้สึกได้ แต่ก็แกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น เพราะไม่อยากต่อปากต่อคำให้มากความ

เมื่อสายฟ้าเขียนไดอารี่เสร็จ ก็มานอนคุยกันกับต้นข้าวอยู่ที่เตียงของเขา โดยต้นข้าวนอนตะแคงโผล่หน้าหลบพ้นจากมุมตู้เสื้อผ้าที่คั่นระหว่างกลางของ 2 เตียงออกมา 2 หนุ่ม คุยกันถึงคณะ และกิจกรรมที่จะต้องทำ ก่อนเปิดภาคเรียน หนุ่มตัวเล็กพยายามที่จะชวนทิวไผ่คุยด้วย แต่เห็นหนุ่มหน้าเข้มกำลังสนใจอ่านหนังสือพิมพ์กีฬาอยู่เลยไม่อยากรบกวน

“ฟ้า ง่วงแล้วล่ะ เพลียจังเหนื่อยมาทั้งวัน นอนกันเถอะ หรี่แอร์หน่อยได้มั้ยอ่ะ มันหนาวไปนิด” ต้นข้าวพูดขึ้นเมื่อเหลือบดูนาฬิกาแขวนที่ผนังห้องบอกเวลา 5 ทุ่มเศษ ๆ เข้าไปแล้ว หลังจากคุยกันมาเสียยืดยาวราวกับคนพึ่งเจอกันครั้งแรก

“ได้ ๆ เดี๋ยวเราหรี่ลงซัก 27 องศา พอมั้ย” สายฟ้าลุกขึ้นไปปรับอุณหภูมิแอร์คอนดิชั่นที่ข้างคัตเอ๊าท์มุมห้อง

“โอเค กำลังสบาย นอนกันเถอะ” ต้นข้าวดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวและล้มตัวลงนอน ผ่อนลมหายใจเข้าออกอย่างสบายตัว

“อืม อย่านอนดิ้นล่ะ เดี๋ยวตกเตียงเอา”

“เออน่า ไม่ตกหรอก” ต้นข้าวตอบกลับ ก่อนจะปิดเปลือกตาลงด้วยความง่วง

‘อ้าว ไผ่หลับไปแต่เมื่อไหร่เนี่ย’ สายฟ้าพึมพำเบา ๆ เมื่อเห็นทิวไผ่ นอนหลับปุ๋ยทั้งที่ยังมีหูฟังครอบอยู่ที่ข้างหู และหนังสือพิมพ์วางพาดอยู่ที่หน้าออก สายฟ้าถอดหูฟังอย่างเบามือ และเก็บหนังสือพิมพ์ไปวางไว้ที่โต๊ะเขียนหนังสือของทิวไผ่ด้านหัวเตียง หน้าอกเปลือยเปล่าของหนุ่มหน้าเข้มสะท้อนขึ้นลงตามจังหวะการหายใจอย่างสม่ำเสมอ สายฟ้าจ้องมองใบหน้าคมเข้มมีเสน่ห์ชวนมอง อย่างหลงใหล ดวงตาที่หลับพริ้มเข้าสู่ห้วงนิทรา และริมฝีปากที่เผยอน้อย ๆ น่าทะนุถนอม และแอบยิ้มอย่างรักใคร่

“เสื้อก็ไม่ใส่ เดี๋ยวได้เป็นหวัดกันพอดี” สายฟ้าพูดพลางดึงผ้าห่มที่วางพาดอยู่ข้างเตียงขึ้นมาคลุมอกเปลือยของหนุ่มหน้าเข้มอย่างแผ่วเบา ก่อนจะเดินไปปิดไฟ แล้วกลับมาล้มตัวลงนอนบนเตียงของตน
สายฟ้านอนตะแคงมองใบหน้าคมเข้มหล่อเหลาที่กำลังหลับสบายอยู่ในความมืดสลัวบนเตียงฝั่งตรงข้ามของเขาอย่างพึงพอใจ เสียงลมหายใจของต้นข้าวเริ่มดังมาอย่างแผ่วเบาสม่ำเสมอ สายฟ้าจึงปิดเปลือกตาลง และหลับผล็อยไปอย่างปริ่มเปรม

…………………………………………………………………………………………..
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 27-05-2007 08:59:44
รู้สึกว่าสายฟ้าเริ่มชอบไผ่มากขึ้นเรื่อยแล้วนะเนี่ย o16 o16
แล้วถ้ารู้ว่าสองคนนี้(จะ)รักกัน(ในอนาคต)จะทำไงอ่ะ
น่าสงสารจริงๆ  :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 27-05-2007 09:05:20
สงสารสายฟ้าง่า  :sad4:  :sad4:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 27-05-2007 12:53:13
ฟ้าจ้าฟ้า อยากรู้ว่าขอบฟ้าเริ่มตรงที่ใด

ฟ้าจ้าฟ้า อยากรู้ว่าขอบฟ้าสิ้นสุดที่ใด

 :o11:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 27-05-2007 13:52:08
สายฟ้าน่ารักจังเลยโนะ แสนดี้แสนดี

แต่เราไม่ชอบอ่า เราชอบแบบใช้ความรุนแรงอ่ะ :haun5:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: nunyy ที่ 27-05-2007 14:20:40
 :o ง่า งั้นก้เราอ้ะจิ  :impress: ชอบพูดจาเถื่อนๆอ่ะ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 27-05-2007 21:18:15
5555  ดีๆ ไม่ชอบค๊าบบ ขอเถื่อนๆ 
แต่เราชอบแบบเถื่อนด้วย ดีด้วยอะ   มีปะ  o3

รออ่านต่อจ้ากานต์  o15
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 27-05-2007 22:01:54
ฟ้าก็น่าสงสาร  :o11:

แต่ก็อยากให้ไผ่กะต้นรักกันสักที  o15
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 27-05-2007 23:31:13
อยู่ห้องเดียวกันแบบนี้ มีหวัง อิอิ  :o9:

แต่สงสารสายฟ้าจังเลยอ่ะคับ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: sabishiikant ที่ 28-05-2007 07:04:23
2 วันต่อมา หลังจากมีการปฐมนิเทศนิสิตใหม่ ของคณะนิติศาสตร์ที่ห้องสโลป ตึกคณะ ส่วนคณะแพทย์ ของสายฟ้า จะมีการปฐมนิเทศในวันถัดไป
หลังจากคณบดีและคณาจารย์ในคณะกล่าวต้อนรับนิสิตใหม่ของคณะและแนะนำวิธีการศึกษาเล่าเรียน ตลอดจนการใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยแล้ว รุ่นพี่ก็ได้นัดแนะให้น้อง ๆ ปี 1 เตรียมตัวมาเข้าค่ายบีกินนิ่งแคมป์ในอีก 2 วันถัดไป เป็นเวลา 3 วัน 2 คืน ที่ทางสภานิสิตจัดขึ้นทุกปี เพื่อเป็นการต้อนรับน้องใหม่ เป็นการสานสัมพันธ์และปรับความคุ้นเคย ให้น้อง ๆ ทำความรู้จักกันระหว่างเพื่อนร่วมสถาบันในแต่ละคณะ ตลอดจนถึงการแนะนำการใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย
โดยจะจัดนิสิตใหม่คละกันทุกคณะ แบ่งออกเป็นบ้านต่าง ๆ ตั้งแต่บ้านหนึ่งถึงบ้านสิบ กระจายไปตามคณะต่าง ๆ มีพี่เลี้ยงชั้นปีที่ 2 และ 3 ที่เรียกว่าพี่บ้านคละไปเหมือนกับน้อง ๆ

เมื่อถึงวันเข้าค่าย นิสิตปี 1 ทุกคนต่างกุลีกุจอ แต่งตัวด้วยชุดลำลอง เสื้อเฟรชชี่คอปกสีเทาอ่อน ตัวเสื้อสีแสดอ่อน ๆ ออกจากหอแต่เช้าเพื่อไปรายงานตัวตามคณะที่เป็นที่ตั้งของแต่ละบ้าน

“อ้าวน้อง เอ่อ น้องสายฟ้า ใช่มั๊ยครับ” เสียงทุ้ม ๆ กล่าวทักทายอย่างตื่นเต้นลึก ๆ อยู่ในทีเมื่อเห็นหนุ่มน้อยหน้าใสเดินเข้าไปลงเชื่อรายงานตัวที่โต๊ะลงทะเบียนเพื่อรับป้ายชื่อ และสมุดบันทึก รวมถึงกำหนดการกิจกรรมต่าง ๆ ของบ้าน เอ ใต้ถุนตึกคณะศึกษาศาสตร์

“ใช่ครับ สวัสดีครับพี่ พี่จำชื่อผมได้ด้วย” สายฟ้าตอบกลับไปด้วยสีหน้าทึ่งนิด ๆ ไม่คิดว่ารุ่นพี่คนนี้ที่เคยเจอกันแค่ครั้งเดียวตอนมาตรวจร่างกายจะยังจำชื่อเขาได้ เพราะวันที่มารายงานตัวที่คณะหรือปฐมนิเทศเขาก็ไม่เห็นหรือได้คุยกับรุ่นพี่คนนี้อีกเลย

“น้องจำพี่ได้มั้ยครับ เนี่ย”

“จำได้สิครับ อืม พี่น้ำใช่ไหมครับ แหม รุ่นพี่ในคณะตัวเองจำไม่ได้นี่ โดนไซโคลตายเลย” หนุ่มรุ่นน้องตอบกลับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“ดีใจจังที่จำพี่ได้ แต่พี่ไม่ได้โหดร้ายอย่างที่คิดหรอกนะครับ โดยเฉพาะคนน่ารัก ๆ แล้วล่ะก็...” สายชลชวนคุยด้วยสายตากรุ้มกริ่ม

“ล่ะก็ ไรหรอ...ล่ะก็พี่รักตายเรยใช่ม๊า” เสียงใส ๆ ของเพื่อนสาวตัวดีที่เคยแซวในวันที่มาตรวจร่างกายดังสอดแทรกขึ้นมากลางวงสนทนา เล่นเอาหนุ่มรุ่นน้องถึงกลับยืนนิ่ง

“โหยไอ้บ้า น้องโว้ย แหมรุ่นพี่ก็ต้องเอ็นดูรุ่นน้องสิว้า” สายชลกลบเกลื่อนตอบโต้เพื่อนสาวกลับไปอย่างอาย ๆ เลือดลมสูบฉีดวิ่งพล่านไปทั่วใบหน้า

“ฮั่นแน่...เจงเร๊อ...เอ็นดูรึดูเอ็น แกนี่เห็นเด็กน่ารัก ๆ หน่อยไม่ได้นะเมิง หัวพญานาคโผล่เชียว” รุ่นพี่สาวยังไม่หยุด ยิ่งทำให้หนุ่มน้อยหน้าแดงก่ำเข้าไปใหญ่ที่ตกเป็นส่วนหนึ่งของเป้าโจมตีไปเสียแล้ว

‘เราโดนรุ่นพี่ผู้ชายจีบเหรอเนี่ย’ สายฟ้าครุ่นคิดอย่างมึนงงในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า “พี่ครับเดี๋ยวผมขอตัวไปเข้ากลุ่มเพื่อนนะครับ”

“ครับ มีอะไรก็บอกพี่ได้นะ”

สายฟ้าโล่งออกอย่างบอกไม่ถูกหลังจากพาตัวเองออกมาจากสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกมาได้ ‘รุ่นพี่หนุ่มคนนี้ดู ๆ ไปก็น่ารักดีนะ เป็นกันเองด้วย สบาย ๆ ไม่ถือเนื้อถือตัว...ฟุ้งซ่านแระ บ้าป่าววะเรา...’

“เห็นมั๊ย แกมาทำให้ไก่ตื่นเลย แถมพูดจาสองแง่สองง่ามไอ้นี่นิ” สายชลตัดพ้อต่อว่าเพื่อนสาวคนสนิทที่กำลังแลบลิ้นปลิ้นตาล้อเลียนเขาอย่างสะใจ

สายชลไม่เคยปิดบังตัวเองในสิ่งที่เขาเป็น แต่ก็ไม่ได้แสดงออกอะไรมากมาย มีเพียงเพื่อนในกลุ่มที่เป็นที่รู้กัน และหยอกล้อกันสนุกสนานอยู่เป็นประจำ โดยที่เขาไม่ถือสาอะไร


...

‘อ๊ากกก...อารายวะเนี่ย เจอนายนี่อีกแล้ว โอ๊ย..... จะบ้าตาย.....’ ต้นข้าวตะโกนด้วยเสียงอันดังคับแน่นอยู่ในอก

“เฮ้อ...ซวยเจงเจ๊งงง ไม่รู้ทำบาปทำกรรมอะไรไว้นักหนาว้า” ต้นข้าวพูดเปรยขึ้นมาลอย ๆ แต่จงใจให้มันลอยไปกระทบหูของหนุ่มหน้าคมเข้มเข้าอย่างจัง

“เห็นเค้าว่า เกลียดอะไรมักจะเจออย่างนั้นนะ” ทิวไผ่ตอบกลับมาอย่างลอย ๆ เช่นกัน

“เออ ๆ จะพยายามเลิกเกลียดก็ได้วุ้ย แต่คงยากกว่าบังคับให้เราไปตายซะอีกล่ะ”

“เอ้อ งั้นอย่าเลย เกลียดเค้าต่อไปเหอะ เกลียดมาก ๆ ด้วย จะได้เจอกันทุกวินาทีเลยไง” ทิวไผ่พูดพลางยิ้มกรุ่มกริ่มอย่างพออกพอใจ

“โหย แค่เห็นหน้าไอ้บ้านั่นก่อนนอนทุกวันก็ฝันร้ายทุกคืนแล้ว”

“น่า เดี๋ยวฝันร้ายก็จะกลายเป็นดีเอง หึหึ” ใบหน้าหนุ่มหล่อเข้มยิ้มแย้มแฝงไว้ด้วยเลศนัย ส่วนหนุ่มร่างบางกับมีสีหน้าบึ้งตึงอย่างขุ่นเคืองใครมาเป็นสิบปีสิบชาติ

ดูเหมือนสองหนุ่มกำลังพูดคุยกัน แต่กลับไม่ยอมมองหน้ากันซะงั้น จนคนรอบข้างที่เห็นเหตุการณ์ต่างมึนงงไปตาม ๆ กัน โดยเฉพาะพี่บ้านที่รับลงทะเบียนอยู่โต๊ะบ้าน ซี



วันแรกของการเข้าค่ายบิกินนิ่งแคมป์ในช่วงเช้าจะเป็นกิจกรรมนันทนาการต่าง ๆ เพื่อให้นิสิตทั้งใหม่และเก่า รุ่นพี่รุ่นน้องและเพื่อน ๆ ได้ทำความรู้จักสนิทสนมกัน จากนั้นช่วงบ่ายรุ่นพี่ประจำบ้านทุกบ้าน จะพาน้อง ๆ เข้าร่วมพีเปิดโครงการค่ายเตรียมความพร้อมสู่รั้วมหาวิทยาลัยจากอธิการบดีและรับการอบรมและฟังคำบรรยายจากวิทยากรรับเชิญผู้มีความรู้และทรงคุณวุฒิจากที่ต่าง ๆ ก่อนจะมีกิจกรรมสนุกสนานเฮฮาร่วมกัน แล้วแยกย้ายกันกับที่ตั้งของบ้านตนเอง เพื่อทำกิจกรรมประจำบ้านต่อไป
ในเวลาทุ่มเศษ ๆ ก่อนปล่อยกลับหอ พี่บ้านจะแนวนำและชี้แจงกิจกรรมและกำหนดการต่าง ๆ ในวันถัดไป
ในปีการศึกษานี้ นิสิตใหม่ที่เข้าค่ายไม่ต้องนอนค้างแรมกันเป็นกลุ่มเป็นบ้านเหมือนปีที่ผ่านมา โดยมีการปล่อยให้น้อง ๆ เฟรชชี่กลับไปนอนที่ห้องพักของตนเองได้

“ต้นกับไผ่เป็นไงบ้างบ้าน ซี สนุกไหม เราเจอรุ่นพี่คณะเราตอนที่เคยมาตรวจร่างกายด้วยล่ะ เค้าเป็นพี่บ้านนั้นด้วย” สายฟ้าถามไถ่เพื่อนร่วมห้อง

“อืม ไอ้สนุกมันก็สนุกนะ และจะสนุกมากกว่านี้ ถ้าไม่มี....” ต้นข้าวพูดพลางตวัดหางตาไปทางหนุ่มหน้าเข้มที่กำลังเตรียมตัวไปอาบน้ำ

“ก็สนุกดีครับฟ้า สาว ๆ สวย ๆ น่ารักเยอะแยะเลย” กลบเกลื่อนรึเปล่าไม่รู้ แต่ทิวไผ่รู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ เขาชอบมองสาว ๆ สวย ๆ แต่พักหลังมานี้ ทำไมไม่รู้เขาถึงไม่พร้อมที่จะรับใครเข้ามาในห้องหัวใจ แม้เพียงเพื่อจะพิจารณาก็ตาม รึว่า หัวใจเขามีเจ้าของ ถูกจับจองจนเต็มห้องใจไปเสียแล้ว...? แล้วเค้าคนนั้นคือใครล่ะ?


วันที่ 2 ของค่าย ทุกคนต้องตื่นเช้ากว่าปกติ ตั้งแต่ตี 5 แต่งตัวชุดนิสิตปกติ กางเกงสแล็คสีดำ ผูกไทร์สีเทา ติดติ้งสมเด็จสีเงิน ต่างจากปีที่แล้วที่ใส่ชุดพิธีการกางเกงสแล็คสีเทา สามหนุ่มหันรีหันขวามองตัวเองในกระจกอย่างพินิจพิจารณา ก่อนลงไปพบรุ่นพี่ประจำบ้านของตัวเองที่มารอรับที่หน้าหอพัก เดินทางไปลานสมเด็จ เพื่อประกอบพิธีบวงสรวงสมเด็จ ของนิสิตใหม่ที่ปฏิบัติกันมาเป็นประจำทุกปี ซึ่งเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของทุก ๆ คนในรั้วสถาบันแห่งนี้ โดยเฉพาะช่วงสอบแล้วเหล้าขาวจะขายดีเป็นพิเศษ
ช่วงสายก็เข้ารับการอบรมและฟังบรรยายร่วมกันที่อาคารอเนกประสงค์ หรือโดม และช่วงบ่ายก็มีการแยกย้ายกันตามบ้าน เพื่อนประกอบกิจกรรมนันทนาการ และซ้อมโชว์สปิริตบ้านในวันถัดไป

วันสุดท้ายทุกคนต้องตื่นแต่ไก่โห่เหมือนเช่นคืนแรกเพื่อร่วมทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งร่วมกันในช่วงเช้าที่ลานจอดรถข้างหอพัก ช่วงสายมีการโชว์สปิริตของแต่ละบ้าน ซึ่งทั้งรุ่นพี่ประจำบ้านและรุ่นน้องเฟรชชี่ต่างทุ่มเทกันอย่างสนุกสนานเฮฮากันดังลั่นจนเหมือนกับว่าโดมจะแตกออกเสียเป็นเสี่ยง ๆ ก่อนมีพิธีปิดค่าย และปล่อยน้องปี 1 กลับหอพักกันก่อนช่วงบ่าย

เด็ก ๆ ต่างแยกย้ายกันกลับหอหลายคนพากันกลับบ้าน ก่อนที่มหาวิทยาลัยจะเปิดทำการเรียนการสอนในภาคต้น อีก 2-3 วันข้างหน้า
สามหนุ่มเองก็เหมือนกัน หลังจากมาถึงห้องพักเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วก็ชวนกันนั่งรถไฟฟ้ามารอขึ้นรถเมล์กลับบ้านในเมืองกันที่ป้ายรถเมล์หน้าร้าน 7-11

...
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: taebin7 ที่ 28-05-2007 10:17:08
เฮ้ออออออ คิดว่า  ไผ่+ต้น จะได้นอนกัน 2คนซะอีก  :laugh3:

ขอบคุงที่มาต่อนะงับ o15
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 28-05-2007 11:25:56
อิอิ น่ารักจังเลย ชอบๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 28-05-2007 11:49:59
มาเป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 28-05-2007 20:17:15
จะมีตอนไหนที่สองคนนี้เขาไม่ทะเลาะกันบ้างมั๊ยนี่  :o7:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 28-05-2007 22:42:02
เมื่อไรจะรู้ใจตัวเองกันสักทีละสองหนุ่มเนี่ย o16 o16 o16
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: sabishiikant ที่ 29-05-2007 07:27:14
   วันเสาร์ หลังจากบีกินนิ่งแคมป์ผ่านพ้นไป กิจกรรมรับน้องของคณะก็ถูกจัดขึ้นที่อาคารอเนกประสงค์ เป็นกิจกรรมการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างรุ่นพี่และรุ่นน้องภายในคณะ โดยมีกิจกรรมต่าง ๆ ให้ได้ร่วมกันทำอย่างสนุกสนาน กิจกรรมหลัก ๆ ได้ถูกแบ่งออกเป็น 10 ฐาน มีการแบ่งกลุ่มน้อง ๆ ออกเป็นบ้านคละกันไป 10 บ้าน หรือ 10 กลุ่ม มีพี่บ้านเป็นพี่เลี้ยงคอยร่วมหัวจมท้ายกับน้องในบ้าน หมุนเวียนผลัดเปลี่ยนกันเข้าร่วมกิจกรรมตามฐานต่าง ๆ โดยมีหลักอยู่ว่า น้องโดนอะไรพี่บ้านต้องโดนด้วย

   บุพเพอาละวาดไม่ยอมหยุดหย่อนลดละหรือความซวยที่เกลียดมากชังมากเลยเจอมากกันแน่ก็ไม่รู้ เมื่อ ทิวไผ่กับต้นข้าวจับฉลากแบ่งกลุ่มได้บ้านเดียวกันเช่นเคย
   เขาวงกตด่านแรกผ่านไปอย่างทุลักทุเล ทุกคนถูกแป้งมันผสมสีผสมอาหารแต่งแต้มบนใบหน้าจนกลายเป็นตัวตลกกันไปหมด แล้วถูกปิดตาด้วยผ้าดำ ก่อนจับมือกันเดินไปตามทางที่รุ่นพี่กำหนดให้ ผ่านบ่อโคลนสะพานไม้ ต่าง ๆ
   ต้นข้าวรู้สึกมีมือหนาแกร่งแข็งแรงมาเกาะกุมมือเขาไว้แน่น ด้วนประสาทสัมผัสมันบอกว่าใช่แน่ ๆ เป็นมือใครไปไม่ได้นอกเสียจาก... แต่ครั้นจะสะบัดแรง ๆ ให้หลุดก็กลัวผิดสังเกตของพี่ ๆ และเพื่อน ๆ เขาพยายามขืนมือดิ้นรนอยู่นานเพื่อให้หลุดก็ไม่เป็นผล แถมมีเสียงหัวเราะ หึหึ อย่างพอใจจากเจ้าของมือนั่น แล้วพวกเขาก็โดนต้อนเข้าเส้นทางเขาวงกตไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
   ตลอดเส้นทางอันดูลึกลับคดเคี้ยวและยากลำบาก ต้นข้าวกับรู้สึกอบอุ่นอย่างแปลก ๆ ดูเหมือนเจ้าของมือที่เกาะกุมแน่นนั้นจะคอยปกป้องและช่วยเหลือเขาอยู่ตลอดเวลา

   “คนอุตส่าห์ช่วยไม่ให้ตกบ่อโคลน ขอบคุณซักคำไม่มี” ทิวไผ่แกล้งพูดลอย ๆ อย่างตัดพ้อ เขาจำใจต้องปล่อยมือนุ่ม ๆ เมื่อถูกสะบัดจนหลุดหลังจากออกจากฐานมาแล้ว

   “ใครขอร้องนายไม่ทราบ” ต้นข้าวกระแทกเสียงพูดรอดไรฟัน ก่อนเดินแยกออกไปอย่างรวดเร็ว


   และแล้วด่านที่เป็นไฮไลท์ของงานก็มาถึง

   “เฮ่ย...พวกเมิงเดินแบบกันอยู่รึไง กรูรอนานแล้วนะโว้ย...” เสียงตวาดแว้ดดังมาจากซุ้มผ้าใต้โคนต้นจามจุรีต้นใหญ่ริมล่องน้ำหลังอาคารอเนกประสงค์

   “เร็ว ๆ น้องเจ้าแม่ลงแล้ว เดี๋ยวเจ้าแม่แช่งเอาอย่าขัดใจท่านล่ะ ท่านสั่งอะไรก็ต้องทำ เข้าใจไหม” พี่ประจำฐานคนหนึ่งพูดสำทับ

   “พวกเมิงนั่งลง...เร็ว ๆ อย่าชักช้า”

   “น้อง ๆ กราบเจ้าแม่ด้วย” พี่ฐานพูดแนะ

   “กรูชื่อเจ้าแม่อี๋ดี ตูมดี กินแตละที ดอโตโต” เสียงหัวเราะก๊าก ดังลั่นจากกลุ่มน้อง ๆ และพี่บ้านอย่างสุดขำ แต่ก็ต้องสงบลงอย่างรวดเร็วเมื่อโดนตวาดเข้าให้

   “ขำอะไร!....พวกเมิงกล้าหัวเราะชื่อกรูเหรอ” เจ้าแม่กรีดนิ้วชี้กวาดไปที่กลุ่มรุ่นน้องที่นั่งอยู่ตรงหน้า

   “น้อง ๆ อย่างหัวเราะชื่อเจ้าแม่นะครับ เดี๋ยวโดนเจ้าแม่สาปเอานะ” พี่ฐานพูดสำทับ

   “ลงมาจากนครเย็นตะละปุระ อาซ่าซะงะ บนสรวงสวรรค์ชั้นที่ 16 ครึ่ง แดนดึงส์ป่าหีมมะพาน เพื่อมาโปรดพวกเมิงในวันนี้”

 “เอ้านี่ ไอ้ลอยเมิงเอาธูปให้พวกมันคนละดอก แล้วพนมมือขึ้น”...” เสียงแหบห้าวของเจ้าแม่สาวเทียมร่างแกร่งที่แต่งตัวด้วยผ้าหลากสี สวมแว่นดำ ปะแป้งหน้าขาววอก ทาลิปสติกสีแดงแปร๊ด ร้องสั่งอย่างห้วน ๆ ดุดัน บรรยากาศเงียบกริบ และกดดันอย่างมาก
   
“พูดตามกรู.... โอมมมมมมมม โอมมมมมมมมม โอมมมมมมมม”
 
“เจ้าแม่จะโอมอีกนานมั้ยครับ” มีผู้กล้าเกิดขึ้นแล้ว

“บังอาจ เมิงอยากตายรึไง ถึงกล้าขัดพิธีศักดิ์สิทธิ์ของกรู”
“ว่าตามกรู.... โอมมมมมมม....ตะละขาโต อกโตนมโต อี๋โต” และแล้วก็มีเสียงหัวเราะคิกคักเกิดขึ้นอีกจนได้
“คราย!...ไอ้อีหน้าไหน” เสียงนั้นเงียบกริบอย่างฉับพลัน
“โอมมมมมมม....ตะละขาโต อกโต นมโต อี๋โต ….นอนแผ่หลาอ้าซ่าลมพัดใส่อี๋ตูมเย็นดี เย็นดี มีแฮง มีแฮง”
“โอมมมมมมม...ตะเละเขโต เคโต เหโต เคโต .....ยืนก็โด่ นั่งก็โด่ เวลานั้นก็โด่ โจ่งโจ๊ะโยกหน้าโยกหลัง มีแฮง มีแฮง”
“โอมมมมมมม...ตะละขอโต นมโต อี๋โต เคโต ....จ่างจ๊ะยกโย้ยกโย๋ ผลุบโผล่ ผลุบโผล่ มีแฮ้ง มีแฮง แต๊ว่า”
 “ผม/หนู...ใส่ชื่อของพวกเมิง เป็นนิสิตคณะนิติศาสตร์แล้ว จะรักกัน สามัคคีกัน ช่วยเหลือกัน จะไม่ทะเลาะเบาะแว้งกัน ไม่แบ่งพรรคแบ่งฝ่ายกันเด็ดขาด ...ผม/หนู ขอสาบานว่า ถ้าทำไม่ได้ตามที่ให้วาจาไว้ ขอให้ F course เรียนไม่จบ โดนไทร์ สาธุ สาธุ สาธุ ....”

…………………………………………………………………………………………………………………….

   (ข้อความข้างต้นนี้ เป็นเพียงการแต่งขึ้นเพื่อความบันเทิงในเนื้อหาเท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องอ้างอิง เหตุการณ์จริง และไม่มีเจตนาพาดพิง หรือสร้างความเสื่อมเสียให้แก่ผู้ใด หรือหน่วยงานใด แต่ประการใด / ผู้เขียน)
…………………………………………………………………………………………………………………….

   “เอ้า...เอากระถางธูป ไปให้พวกมันปัก เอาผ้าดำผูกตามันทุกคนด้วย”
   “พวกเมิง อธิษฐานกับกรูแล้ว ต้องกินของเซ่นสาบาน ไม่งั้นพวกเมิงจะผิดผี น้ำนี้คือน้ำอมฤต ของนี้คือของสวรรค์ พวกเมิงจงกินเข้าไป เร็ว!.....”

   ความเงียบครอบคลุม อย่างกดดัน มีเพียงเสียงตวาดอย่างหน้าเกรงขาม แต่ทันได้ก็มีเสียงเล็ก ๆ ขึ้นสอดแทรก เจ้าแม่

   “พี่คะ หนูอยากรู้ว่าอะไรที่พี่ให้พวกหนูกินน่ะค่ะ”
    
   “เอ๊ะ อีนี่ ไม่ต้องถาม เมิงกล้ารังเกียจ ของศักดิ์สิทธิ์ของกรูเหรอ และตอนนี้กรูเป็นเจ้าแม่ ไม่ใช่พี่พวกเมิง อย่าริบังอาจตีสนิทกรู ไอ้อีหน้าไหนคิดจะหือกับกรู เดี๋ยวเมิงจะเจอดี หึหึ” เจ้าแม่กำมะลอ ออกอาการฉุนกึก เมื่อมีรุ่นน้องสาวใจกล้า คิดจะลองดีด้วย
   
   “กิน ๆ ไปเถอะน้อง ของวิเศษเจ้าแม่ กินแล้วไม่ตายหรอก ถ้าเป็นไรขึ้นมา โรง’บาล ม. อยู่ใกล้แค่นี้เอง ถ้าตายจริง ๆ เลยหลัง ม. ไปนิด ก็มีวัด สวดฟรีด้วย เรามีพร้อมทุกอย่าง น้องไม่ต้องกลัว” รุ่นพี่ประจำฐานช่วยพูดผ่อนคลายความตึกเครียด หรือช่วยเพิ่มความกดดันกันแน่

   “ไอ้อีพี่บ้าน เมิงไม่ต้องแอบขำ กรูไม่ใช่ตลก ไอ้ลอย เมิงเอาของทิพย์ของกรูให้ไอ้อีพี่บ้าน 4 ตัวนั่น กินด้วย” กรรมของพี่บ้านโดนเข้าให้ เมื่อแอบขำอย่างกลั้นไม่อยู่ในความจริงจังของเจ้าแม่กำมะลอ เพื่อนของตน แต่ รุ่นน้องผู้ร่วมชะตากรรมดูจะซีเรียสเสียมากกว่า ทั้งพี่บ้านและน้อง ๆ ต่างต้องกล้ำกลืนฝืนกินของที่ไม่รู้ว่าเป็นอะไร ลงคอไปอย่างเลี่ยงไม่ได้

    “ไอ้เบี้ยว เมิงยืนขึ้นเดียวนี้ ทำไมเมิงยังไม่กิน แถมแอบเปิดผ้าดูหน้ากรูอีก แม่เมิงชื่ออะไร บอกกรูมา......”

   “.......” รุ่นน้องคนโดนแจ๊คพ็อต หน้าซีดเผือดทันทีที่เจ้าแม่จับได้

   “เร็ว....เมิงจะบอกไม่บอก เดี๋ยวกรูสาปแม่งติดเอฟ ทุกวิชา ตั้งแต่ เทอมแรกเลยนี่.....” เจ้าแม่จอมโหดคาดคั้นอย่างเอาเป็นเอาตาย

   “...เอ่อ....อ้อย คับ...” สุดท้ายก็ต้องฝืนพูดออกไปเสียงอ่อย ๆ อย่างยากเย็น

   “ไม่ได้ยิน เอาใหม่....”

“อ้อย คับ....” ดังขึ้นมาอีกนิด

“ดังอีกกก....ตะโกนไปเลย กรูไม่ได้ยิน......”

“อ้อยยย ค้าบบบ...” เจ้าแม่หูตึงรึไงวะ

“....พวกเมิงทุกคน ด่าชื่อแม่มัน เร็ว....” เงียบ ไม่มีสัญญาณตอบรับคำสั่งของท่าน

   “พวกเมิงอยากเอฟครอสกันทั้งเซค ใช่ไหม....ห๊า....”

   “เพื่อน ๆ พูดเถอะ ครับ ผมไม่ถือ...” รุ่นน้องคนเดิมหน้าเจื่อนพูดเสียงอ่อย ก่อนจะเริ่มมีเสียงอ่อย ๆ จากเพื่อน ๆ ดังอย่างแผ่วเบา จนเจ้าแม่ต้องตะคอกให้ตะโกนเสียงดัง ๆ ก่อนที่รุ่นน้องจะทำตาม และมีเสียงกล่าวขอโทษ ตามมา

   “ไอ้ไผ่ เมิงคนเดียวไม่ยอมด่าเชื่อแม่ไอ้เบี้ยว เมิงมานี่ มานั่งข้างกรูนี่ ไอ้ลอย จูงมือมันมาเดี๋ยวมันเหยียบคอเพื่อนมัน”
   “เออ...นั่งลง กอดกรู...” ทิวไผ่ตะลึงในคำสั่งแกมตวาดที่ได้ยิน มีเสียงซุบซิบจากกลุ่มเพื่อน ๆ (แม่งเจ้าแม่หาเศษหาเลยกับรุ่นน้อง)

   “กรูบอกให้กอดไง กอดสิ เร็ว ๆ แน่น ๆ ด้วย แล้วพวกเมิงซุบซิบไรกัน อิจฉากรูเหรอ หึหึ” ทิวไผ่เงอะงะ ก่อนจะสวมกอดเจ้าแม่ไว้จากด้านหลัง

   “ดีมาก...เด็กน้อย...” เจ้าแม่เอื้อมมือมาจับศีรษะทิวไปกดซบลงที่ต้นคอ แล้วลูบผมอย่างแผ่วเบา ทิวไผ่ ได้แต่ยิ้มแหย ๆ เจ้าแม่จอมหื่นเมื่อได้ไออุ่นจากร่างหนาแกร่งที่กอดซบแผ่นหลังแล้วดูจะเคลิบเคลิ้ม และเสียงอ่อนลงไปมาก แต่ก็ไม่วายสิ้นฤทธิ์ หันไปตวาดและเทศนารุ่นน้องในกลุ่มต่ออย่างยืดยาว

“เน่ะ ให้กอด ไม่ใช่ให้ลูบให้ล้วง มืออย่าซุกซนสิ ถ้าเจ้าแม่ปั่นป่วนขึ้นมานี่ จะรับผิดชอบไหวมั้ยเอ็ง แล้วไม่ต้องเอาหนวดถูไถซุกไซ้คอเจ้าแม่ด้วย เจ้าแม่สยิว เอ้ย...จั๊กกะเดียม” เจ้าแม่พูดปรามอย่างรักษาภาพพจน์สุดขีด ทั้งที่ใจนั้นชอบ ที่หนุ่มรุ่นน้องแกล้งแหย่เล่นอย่างนั้น
ต้นข้าวเกิดอาการหวิวอย่างบอกไม่ถูกเมื่อรู้ว่าหนุ่มหน้าเข้มกำลังโดนรุ่นพี่เล่นงานอยู่ และหงุดหงิดนิด ๆ เมื่อหนุ่มหน้าเข้มแกล้งเล่นกันรุ่นพี่สาวเทียมนั่น
เพราอะไรกันแน่ ทำไมเขาถึงรู้สึกอย่างนี้นะ

“ไอ้ลอย เปิดตาไอ้เบี้ยวออก ...เอาของทิพย์ให้มันดู” หนุ่มรุ่นน้องชะเง้อมองถังน้ำกับอาหารทิพย์ ที่คนของเจ้าแม่ยกมาให้ดู
“เมิงเห็นอะไร บอกเพื่อน ๆ เมิงดัง ๆ”

“น้ำเฮลบลูบอยส์ แช่ผ้าอนามัย... กับ เส้นมาม่าต้มผสมกล้วยบด...” เบี้ยวยังไม่ทันพูดจบประโยค เพื่อน ๆ ที่นั่งมีผ้าปิดตาอยู่ก็ถึงกับคอแข็งพะอึดพะอม โดยเฉพาะเพื่อนผู้หญิงจะพากันอ้วกออกมาเสียให้ได้

   “หยุด อย่า!...นะ พวกเมิงอย่าอ้วกออกมาเด็ดขาดนะ ไม่งั้นกรูจะให้เลียกินของที่พวกเมิงสำรอกออกมาเข้าไปอีก” คำสั่งอาญาสวรรค์ (นรกชัด ๆ) สิ้นสุดลง พร้อมกับอาการปิดปากปิดจมูก ฝืนไว้อย่างสุดๆ ของรุ่นน้องผู้ถูกปู้ยี้ปู้ยำอย่างน่าสงสาร

   กว่าจะหลุดพ้นจาดฐานนรกนี้ได้เล่นเอาทุลักทุเล วิงเวียนศีรษะไปกับภาษาพ่อขุนบวกกับความเครียดเพราะแรงกดดันไปมากทีเดียว ก่อนจะมีการสรุปผล และกิจกรรมผูกข้อต่อแขนจากอาจารย์ในคณะ ปิดท้ายด้วยข้าวต้มรอบดึกก่อนปล่อยกลับหอ ในเวลาเกือบ 3 ทุ่ม

   “ไผ่ ต้น รับน้องสนุก ไหม”

   “สนุกมากเลยล่ะ ฟ้า โดยเฉพาะบางคนนะ ได้กอดสาวรุ่นพี่ด้วยล่ะ”

   “ก็สนุกดีครับฟ้า มีคนเกือบจะตกบ่อโคลนด้วยล่ะ ดีนะที่เราช่วยไว้ทัน”

   สองหนุ่มพูดแขวะกันไปมาให้สายฟ้าฟัง หนุ่มร่างเล็กมองหน้าเพื่อนสลับกันไปมา ในใจก็นึกอิจฉาเพื่อนรักที่ได้อยู่ใกล้ชิดกับหนุ่มหน้าเข้มมากกว่าตน ถึงภายนอกจะแสดงออกว่าไม่ถูกกันเท่าไหร่ก็เถอะ

...
Comment by writer: แอบทราบมาว่าเจ้าแม่ตัวแสบจัดการเขมือบรุ่นน้องหนุ่ม ๆ น่ารัก ๆ ชนิดเตียนเรียบเสียทุกบ้านไม่มียกเว้น บ้านไหนหน้าตาดีหลายคนก็โดนกันทั่วทุกถ้วนหน้าไปตาม ๆ กัน (อิจฉามันว้อย....อิอิ) / ผู้เขียน /(คนโพสท์ขอแจมอิจฉาด้วยคน)  :laugh:
...
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 29-05-2007 09:23:45
อิอิ ต้นข้าวเริ่มใจหวิวๆแล้วละสิ อิอิ  :laugh3:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 29-05-2007 09:46:31
ยังไม่เลิกทะเลาะกันอีกน๊า :try2:

ขอบคุณครับ :yeb:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 29-05-2007 11:37:55
ขอบคุณครับ  มารอเป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Daow ที่ 29-05-2007 12:05:21
เว้ยๆๆๆๆ เริ่มมีหึงมีหวงเว้ย จะรู้ตัวมั้ยนั่นหนูไผ่เอ๋ยยยยย  o8
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 29-05-2007 15:00:46
น้ำเฮลบลูบอยส์ แช่ผ้าอนามัย.

  :sad5:

ของผมเจอฟักทองบดใส่ที่ล้างโถส้วมก็ไม่ไหวแล้นนนนนนน

จาโอ้กกกกกกกกกกกก

 :oak:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Hie_KunG ที่ 29-05-2007 15:30:28


 :o9:....หวัดดีทุกคนค้าบบ ดีใจ และขอบคุณทุกคนที่ติดตามให้กำลังใจฮะ (ตอนนี้ที่ ม. ก็กำลังมีค่ายบีกินนิ่งแคมป์อยู่ เหอๆ)....



 o18....ส่วนกรณี น้ำเฮลบลูบอยส์แช่ผ้าอนามัย เราแยกเป็นสองถังครับ คือ ถังที่ให้น้องกินก็เป็นน้ำเฮลบลูบอยส์ธรรมดา ส่วนอีกถังที่เอามาอำน้องจะใส่ผ้าอนามัย อิอิ / ผู้ขียน....  o3


....แอบไปเหล่เดะปี 1ต่อแระ บ๊ะบายค้าบบบบ.. :laugh3:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 29-05-2007 18:47:00
 :oak: รุ่นพี่นี่ช่างคิดจริง ๆ  :oak:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: A GE ที่ 29-05-2007 23:36:27
 o12 o12  ทิวไผ่ทำไมไปเล่นอย่างนั้นกะเจ้าแม่ละครับ  เด๋วก็มีคนอกแตกตายพอดี :laugh3: :laugh3:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Daow ที่ 30-05-2007 10:41:07
ต๊าย เพิ่งจะรู้ตัวว่าเม้นท์ชื่อผิด จริงๆ ต้องคอมเมนท์ว่า

"เว้ยๆๆๆๆ เริ่มมีหึงมีหวงเว้ย จะรู้ตัวมั้ยนั่นหนูต้นเอ๋ยยยยย " o8
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: sabishiikant ที่ 31-05-2007 08:35:54
   หลังจากเปิดภาคเรียนได้ 3 วัน ก็เป็นวันแรกของการเปิดห้องเชียร์และจับสายรหัสของคณะนิติศาสตร์ การขึ้นห้องเชียร์ของคณะ คือ 3 วัน ต่อสัปดาห์ ในวันจันทร์ วันพุธ และวันศุกร์ เวลา 5 โมงเย็น ถึง 3 ทุ่ม โดยใส่เสื้อซ้อมเชียร์ของคณะ กางเกงวอร์มสีดำ รองเท้าผ้าใบสีขาว การซ้อมเชียร์จะใช่เวลาในช่วงเดือนแรกของภาคเรียนต้น ก่อนการเปิดการแข่งขันกีฬาภายใน
   รุ่นพี่ปี 2 ในคณะต่างพากันเตรียมของมากมายเพื่อนรับขวัญน้องรหัสของตัวเอง ในปีนี้ทางคณะรับนิสิตใหม่เพิ่มขึ้นจึงทำให้น้องปี 1 มีมากกว่ารุ่นพี่ปี 2 ทางสโมสรนิสิตคณะจึงได้ทำฉลากรายชื่อและเบอร์โทรศัพท์ รุ่นพี่ปี 2 จำนวน 2 ชุด ทุกคนจะมีน้องรหัส อย่างน้อย 1 คน แต่บางคนอาจจะได้ถึง 2 คน
และในวันนี้ก็มีการคัดตัว เชียร์ลีดเดอร์ และนักกีฬาประเภทต่าง ๆ ด้วย ต้นข้าวและทิวไผ่เองก็ติดโผในรายชื่อนั้นด้วย แต่ทิวไผ่ยื่นความจำนงว่า เขาจะต้องลงกีฬาบาสเกตบอลจึงหลุดโผไปแต่หนุ่มหน้าใสไม่มีข้ออ้างใดเลยที่จะปฏิเสธหรือขัดขืนรุ่นพี่ได้ เพราะเขาไม่ถนัดกีฬาซักอย่าง ถ้าจะโกหกว่ามีโรคประจำตัวก็เกิดความละอายแก่ใจ จึงต้องรับหน้าที่นี้ไปอย่างไม่มีทางเลี่ยง
ก่อนเลิกห้องเชียร์ พี่ ๆ คณะกรรมการห้องเชียร์ถือกล่องฉลากขึ้นไปบน อัฒจันทร์ ที่น้องปี 1 นั่งรออยู่ ช่วงเวลานี้ เป็นช่วงเวลาแห่งความตื่นเต้นของทั้งรุ่นน้องและรุ่นพี่ บางคนนั้นหมายตากันไว้แล้ว แต่มันจะเป็นไปตามที่หวังหรือเปล่า ก็ต้องขึ้นอยู่กับโชคชะตาแล้วล่ะ

“พี่จุ๊บแจง 089-8765432” ต้นข้าวอ่านเบา ๆ (เลขหมายโทรศัพท์สมมติ)

“อ้าวน้อง ๆ ครับ ลงมาจากอัฒจันทร์ได้แล้ว พี่รหัสรอรับอยู่หน้าประตูด้านหลังสแตนด์นะครับ” เสียงพี่ฝ่ายวินัย คนหนึ่งบอกให้น้อง ๆ ทยอยลงจากสแตนด์เชียร์
เหตุการณ์ด้านนอกค่อนข้างชุลมุนวุ่นวายเล็กน้อยเพระเพิ่งเปิดภาคเรียนใหม่น้องปี 1 ยังไม่รู้จักรุ่นพี่กันมากนัก เสียงเรียกหาพี่รหัสน้องรหัสจึงดังระงมเซ็งแซ่

“พี่จุ๊บแจง....ต้องเป็นผู้หญิงสินะ” ต้นข้าวพึมพำ พรางเดินสอดส่องสายตาและตะโกนเรียกชื่อพี่รหัสของตนไปท่ามกลางกลุ่มเพื่อน ๆที่แน่นขนัด

“พี่ครับ ๆ พี่จุ๊บแจงคนไหนครับ”

“นู่นเลยค่ะน้อง ยืนโด่เด่อยู่มุมนู้น.... เห็นยัง ยัยตัวเล็ก ๆ ใส่เสื้อสีดำถือถุงขนมกระโดดเหยงๆ อยู่นั่นล่ะ” ต้นข้าวมองตามที่พี่คนนั้นชี้ไม้ชี้มือไป เขาก็มองเห็นคนตัวใหญ่หน้าคมเข้มที่เคยเห็นจนชินตายืนคุยอยู่กับพี่คนที่ชื่อจุ๊บแจงนั่นอยู่ก่อนแล้ว ต้นข้าวขยี้ตาเพื่อให้แน่ใจว่าเขาไม่ได้ตาฝาด ความคิดโลดแล่นประทังเข้ามาสุมในหัวแน่นไปหมด ต้นข้าวกล่าวขอบคุณพี่คนนั้นก่อนที่จะตัดสินใจเดินไปหาพี่จุ๊บแจง ในใจภาวนาขออย่าให้เป็นอย่างที่เขาคิด

“เอ่อ พี่จุ๊บแจงใช่มั้ยครับ” ต้นข้าวยกมือไหว้ทักทายรุ่นพี่สาวตัวเล็กที่ยืนอยู่ตรงหน้า

“ใช่จ้ะน้อง...”

“ต้นข้าวครับพี่ เรียกต้นเฉย ๆ ก็ได้ครับ” หนุ่มหน้าใสตอบแล้วส่งกระดาษฉลากที่มีชื่อและเบอร์โทรให้พี่จุ๊บแจงเพื่อยืนยัน

รุ่นพี่สาวยิ้มหวาน แล้วส่งขนมถุงใหญ่และของที่ระลึกให้หนุ่มหน้าใส ก่อนจะมีการแลกเบอร์โทรศัพท์กัน
“เฮ่ย...ไอ้แจงแมร่งน่าอิจฉาโคตรเลยว่ะ ได้น้องที 2 คน คนนึงก็รูปหล่อ อีกคนก็น่ารักซะ ขอจีบน้องแกซักคนได้มั้ยว้า...” รุ่นพี่สาวอีกคนส่งเสียงแซวเข้ามา

“เหอะ... ไม่ได้โว้ยน้องชั้นใครอย่าแตะ โดยเฉพาะพวกโคแก่ ฮ่าฮ่าฮ่า”

“โห หวงก้างว่ะ ระวังจะได้ชื่อว่าเป็นสมภาร ไม่ใช่สิ...แม่ชีกินไก่วัดนะเฟร้ยแก.........” เพื่อนสาวรุ่นพี่ลากเสียงยาว ทำท่าล้อเลียน

“บ้าสิ น้องโว้ยน้อง”

“ให้มันเจง เฮอะ....ไปแล่ว หาน้องชั้นก่อนยังไม่เจอซักคนเลย”

“เออ ไปเลยแก น้องชั้นอายหน้าแดงหมดแล้ว”

“เอ่อ พี่ครับ...” ต้นข้าวงอ้ำอึ้ง สายตามองไปทางหนุ่มตัวสูงที่ยืนอมยิ้มทำสีหน้ากวน ๆ ยียวนอยู่อีกฟากหนึ่งอย่างไม่เชิงเป็นมิตรนัก

“น้องมีอะไรหรอคะ...เอ้อ พี่ลืมแนะนำไปเลย นี่น้องทิวไผ่ หรือน้องไผ่ค่ะ นี่น้องรหัสพี่อีกคนรู้จักกันรึยังเราสองคนเนี่ย” รุ่นพี่สาวพูดพลางมองหน้าสองหนุ่มสลับกันไปมาอย่างสงสัย (ชั่งไม่รู้อะไรบ้างเลย....)

“รู้จักครับ รู้จักดีด้วย” หนุ่มหน้าใสเน้นเสียงตอบ ‘อ๊ากกก.... ทำไมฟ้าเล่นตลกอย่างนี้ฟระ เซ็งว้อย...’

“งั้นก็ดีเลย รู้จักกันไว้ เดี๋ยวต่อไปมีปัญหาอะไรจะได้ปรึกษากัน อื้มอีกอย่างหนังสือตำราเรียนที่พี่จะให้จะได้ไปแบ่งกันอ่านได้” รุ่นพี่สาวชวนสองหนุ่มรุ่นน้องพูดคุยเพื่อทำความสนิทสนมคุ้นเคย และแนะนำเรื่องต่าง ๆ อยู่อีกซักพัก ก่อนจะให้รุ่นน้องได้กลับไปพักผ่อนเตรียมตัวไปเรียนในวันรุ่งขึ้น


...

(ใต้ตึกคณะแพทย์ วันพบหน้าพี่รหัส)

สถานการณ์วุ่นวายของการตามหาพี่รหัสน้องรหัสจะเกิดขึ้นไม่แพ้กันในแต่ละคณะ แต่สำหรับคณะแพทย์แล้ว จะไม่มีการจับสายรหัสรุ่นน้องกับรุ่นพี่ แต่จะฟิกไปตามหมายเลข 3 หลักสุดท้ายของรหัสนิสิตที่ตรงกัน หรือเรียงตามลำดับก่อนหลังตามรายชื่อทั้งรุ่นน้องและรุ่นพี่จับคู่กันไปเลย และพี่รหัสน้องรหัสจะเจอกันก่อนขึ้นห้องเชียร์ หนุ่มน้อยตัวเล็กไม่ได้รู้เอาเสียเลยว่าตนเองได้ตกเป็นเป้าหมายของรุ่นพี่หนุ่มในคณะที่หมายปองในตัวเขาไปเสียแล้ว
สายฟ้ายืนหันรีหันขวาอยู่ท่ามกลางผองเพื่อนที่กำลังวุ่นวายกันอยู่

สายชลใจเต้นโครมคราม นึกภาวนาให้สมกับที่ตนหวังไว้ แต่โชคชะตามักจะเล่นตลกเสมอทำให้คนไม่ค่อยสมในสิ่งที่ตนหวัง และในครั้งนี้มันก็เกิดขึ้นกับสายชลนิสิตแพทย์หนุ่มหล่อคนนี้ เพราะหลังจากไปตรวจเช็ครหัสนิสิต 3 ตัวสุดท้ายแล้วหนุ่มน้อยร่างเล็กขวัญใจของเขามีเลขรหัสตรงกับเพื่อนสาวคนสนิทของเขาแทนที่จะเป็นตัวเขา รุ่นพี่หนุ่มสายหน้าอย่างเสียดาย แต่แล้วความคิดอันแยบยลก็ผุดพรายขึ้นมาในหัว นี่เป็นโอกาสเดียวที่เขาจะได้ตีสนิทหนุ่มรุ่นน้องผู้น่ารักคนนี้
“น้องฟ้าครับ เจอพี่รหัสรึยังครับ” สายชลตรงปรี่เข้ามาทักทายรุ่นน้องทันทีหลังจากที่เข้ามองหาเป้าหมายอยู่นาน

“ฟ้ายังไม่รู้จักพี่ขวัญเลยครับพี่” สายฟ้าส่งเสียงใส ๆ ตอบกลับมา

“ปะ ไปกับพี่ ยัยนี่พี่รู้จักดีเลยล่ะ” สายชลคว้าข้อมือหนุ่มร่างเล็กเดินออกไปจากกลุ่มฝูงชน สายฟ้าได้แต่ทำหน้างง ๆ

“เฮ่ย ไอ้ขวัญ พาน้องรหัสมาส่งแกแน่ะ เอ้ารับขวัญน้องซะ” สายฟ้าถึงบางอ้อ ที่แท้พี่ขวัญก็คือเพื่อนสนิทของพี่น้ำที่เคยแซวเขากับพี่น้ำบ่อย ๆ เพราะก่อนหน้านั้นเขายังไม่รู้จักชื่อรุ่นพี่สาวคนนี้เลย

ขวัญคือเพื่อนสนิทของเขาถ้าจะจีบน้องรหัสเพื่อนคนนี้คงไม่ยากเท่าไหร่ เพราะรู้ไส้รู้พุงกันดีอยู่แล้ว
สายฟ้ายกมือไหว้รุ่นพี่สาว ก่อนจะรับตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ที่พี่รหัสเตรียมไว้ให้ สายฟ้าเขินอายนิด ๆ รับตุ๊กตามากอดไว้แนบอก

“อืม ก็เข้ากับหน้าเราดีนี่ ดีไปถึงไม่ใช่น้องผู้หญิงแต่ก็ไม่ใช่พวกหน้าเถื่อน มีหวังมันเอาตุ๊กตาพี่ไปเป็นเป้าซ้อมมวยแทนกระสอบทรายแหง ๆ” สายฟ้าฉีกยิ้ม ยิ่งหน้าแดงหนักเมื่อพี่รหัสพูดเชิงล้อ ๆ

“แหม...พ่อ... มองซะหยาดเยิ้มเลยนะแกน้องชั้นโว้ย แกอย่าหวัง ชั้นรู้ว่าแกคิดอะไรอยู่ ไม่มีทางซะล่ะ” ขวัญหันไปแขวะเพื่อนหนุ่มเข้าให้ เมื่อเห็นยืนมองหนุ่มน้อยอยู่อย่างหวานเยิ้มไม่วางตา

“อาราย ๆ ชั้นก็มองน้องชั้นสิโว้ย น้องแกก็เหมือนน้องชั้น จริงมะ...” สายชลตอบโต้เพื่อนสาวจอมก๋ากั่นของเขา

“ไม่ต้องเลย ๆ รีบไปหาน้องรหัสแกเลย ป่านนี้คงตามหาแกหัวซุกหัวซุนแล้วมั้ง เดี๋ยวน้องมันก็น้อยใจเอาหรอก มัวแต่มาป้อน้องชั้นอยู่ได้ เด็กมันอายนะเว้ย ไปเลย ๆ” ขวัญมณีรุนหลังให้สายชล รีบเดินไปตามหาน้องรหัสของตนเอง ก่อนจะมาชวนสายฟ้าคุยทำความคุ้นเคยตามประสาพี่น้อง

“น้องอย่าไปสนใจมันเลย ไอ้นี่มันเป็นแบบนี้ล่ะ อย่าไปถือสาคนบ้าเลยนะ”

“นินทาอะไรให้น้องฟังวะ เดี๋ยวเหอะ แก...”

“เฮ่ย อยู่ตั้งไกลยังมีหน้าได้ยินอีกนะ”

“เซ้นส์มันบอกน่ะว่าแกนินทาชั้นอยู่ อีกอย่าง ใช้หูฟังเว่ย ไม่ได้ใช้หน้าฟัง”

สายฟ้าเลยกลายเป็นฝ่ายนั่งฟังรุ่นพี่แขวะกันไปมาซะมากกว่า


...
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 31-05-2007 09:45:03
หุหุ ได้พี่รหัสคนเดียวกันด้วย  o22  o22 สนุกแน่งานนี้  :amen:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 31-05-2007 10:18:23
 :o9: :o9: :o9: :o9: :o9: :o9:
เรื่องมันส์กำลังจะเริ่มต้นนับจากนี้
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: FOAM ที่ 31-05-2007 15:09:35
ลุ้นๆๆๆ คูรักอีกคู :like6: :like6: :like6: :like6:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 31-05-2007 15:37:38
มารอลุ้นด้วยคนครับ  พร้อมด้วยกำลังใจมาฝากครับ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 31-05-2007 16:04:35
ลุ้นต่อปายยยยย

 :o11:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: taebin7 ที่ 31-05-2007 19:52:57
รออ่านต่อไป 

ขอบคุงที่มาต่อนะงับ o15
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 31-05-2007 23:59:55
ทิวไผ่กับต้นข้าว กวว่าจะรักกันได้ ต้องรบกันตายแน่ๆ

แต่เอ๊ะๆๆๆๆ ก็พรหมลิขิตนะเนี่ย ให้ได้พี่ รหัสคนเดียวกันเนี่ย อิอิ

แหมแต่สงสารสายชลพลาดอดได้ สายฟ้าเป็นน้องรหัส
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: sabishiikant ที่ 01-06-2007 10:47:38
(หอพัก)

“ต้น ไผ่ กลับมากันแล้วหรอ” สายฟ้าทักทายเมื่อเห็นเพื่อนรักเดินหน้าบึ้งตึงเข้ามาในห้องและหนุ่มหน้าเข้มเดินผิวปากตามเข้ามาอย่างอารมณ์ดี สองคนนี้ต่างกันพิลึก

“อืม แล้วนายล่ะ กลับมานายยัง” ต้นข้าวเดินเข้ามาทิ้งตัวนอนบนเตียง
   
“อ๋อ มาถึงมะกี้เองพึ่งอาบน้ำเสร็จเนี่ย จับสายรหัสเป็นไงมั่ง”

“ก็ดี นายล่ะพี่ให้อะไร”

“นั่นไง บนเตียง หอบกลับหออายคนแทบแย่” สายฟ้าตอบเสียงเจื่อน ๆ สื่ออารมณ์ ขณะยืนเช็ดผมอยู่หน้ากระจก

“โห หมีตัวใหญ่เชียว คงกอดอุ่นน่าดู” ต้นข้าวหยัดตัวลุกขึ้นแล้วโถมตัวไปที่เตียงของสายฟ้า ที่มีตุ๊กตาหมีตัวใหญ่วางอยู่ เขาคว้ามันมากอดไว้แน่น ดูเหมือนอารมณ์บูดเมื่อครู่จะเบาบางลงบ้างแล้ว

“แล้วไผ่ ล่ะครับ” สายฟ้าถามทิวไผ่ ขณะที่หนุ่มร่างสูงวางของไว้ที่โต๊ะ และกำลังเตรียมตัวเข้าไปอาบน้ำ

“วันแรกก็ สนุกดีครับ แล้วฟ้าล่ะ เป็นไงมั่ง”

“เช่นกันครับ พี่ ๆ ที่คณะใจดีมาก”

“งั้นผมขอตัวอาบน้ำก่อนนะครับเหนียวตัวมาทั้งวันเลย”

“ครับ แต่คนบางคนดิ น้ำไม่อาบเกลือกกลั้วที่นอนคนอื่นเค้าไปทั่วเลยนะ”

“โหยไร เราไม่ได้ตัวเหม็นแบบนายนั่นซะหน่อย” ต้นข้าวทำท่างอนหนุ่มร่างเล็กที่แขวะเขา

“แหม ล้อเล่นก็ไม่ได้ เอ้อ พึ่งเห็น ทำไมของขวัญจากพี่รหัสของนายสองคน เหมือนกันเลย รึว่า....”

“ก็ใช่อ่ะดิ ถึงหงุดหงิดอยู่เนี่ย ไม่รู้จะตามรังคราญไปถึงไหนก็ไม่รู้” ต้นข้าวชิงตอบตัดหน้าเหมือนรู้ล่วงหน้าว่าสายฟ้าจะพูดอะไร

“คงเป็นวาสนามั้ง ดีออก หอก็ห้องเดียวกัน เรียนด้วยกัน พี่รหัสคนเดียวกัน หนังสือที่พี่เค้าให้จะได้ใช้ด้วยกันได้สะดวกไง”

“ดีกับผีอะไร นายก็รู้ว่าเราไม่ชอบหน้านายนั่น”

“ก็ชอบ ๆ ซะสิ จะได้ไม่ต้องเจออีก เห็นเค้าว่ายิ่งเกลียดยิ่งเจอไม่ใช่หรอ”

“ให้ตายเหอะ จะให้เราไปชอบพอกะนายขี้เก๊กนั่น ขนาดจะพูดกันยังยากเล้ย”

สายฟ้าถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ทำไมนะ ทำไมไม่เป็นเขาบ้าง ทิวไผ่คงไม่ได้เกิดมาคู่เขากระมัง ชาตินี้ถึงไม่มีวาสนาต่อกัน ซ้ำยังดูเรียบเฉยกันตนเสียมากกว่าที่ทำกับต้นข้าว ถึงจะออกแนวคู่กัดกันมากกว่าก็เถอะ หัวใจเขาเจ็บจี๊ดขึ้นมาอีกแล้วสิ

“เอ้อฟ้า เราโคตรเซ็งเลย โดนจับเป็นหลีด จะปฏิเสธก็ไม่มีข้ออ้าง”

“จริงดิเหมือนกันแหละ สงสัยเรา 2 คน คงน่ารักกันมั้ง จึงเข้าตากรรมการ ฮะฮะฮะ” สายฟ้าทำเอาบทสนทนาที่ดูจะมีแววตรึงเครียดกลายเป็นเสียงหัวเราะอย่างขำขันไปซะแล้ว

“แล้วไผ่ล่ะ”

“เหอะ นายนั่นเหรอ จะว่าเข้าตากรรมการบ้างก็ใช่นะ แต่เอาตัวรอดไปลงกีฬาบาสได้อ่ะดิ ว่าแต่...ห่วงกานจางเลยน้า....” ต้นข้าวลากเสียงล้อเลียน

“ก็....แค่เพื่อนถามถึงเพื่อน...” สายฟ้าทำหน้าอาย ๆ ‘นายนี่เวลาเขินอายเก็บอารมณ์ไม่อยู่จริง ๆ น้า’

“คุยไรกันอยู่หรอครับ 2 หนุ่มท่าทางสนุกสนานเชียว”
 
“นินทาคนบางคนอยู่”

“บ้าดิต้น คุยเรื่องห้องเชียร์กับสายรหัสกันน่ะครับ ดีใจด้วยนะครับไผ่ที่ได้พี่รหัสคนเดียวกันกับต้นน่ะ”

“ขอบคุณครับฟ้า แต่ใครคนนั้นเค้าจะดีใจด้วยรึเปล่าสิ” ทิวไผ่เช็ดผมอยู่หน้ากระจกเขามองผ่านกระจกมาทางต้นข้าว เพื่อดูท่าทีตอบโต้ของหนุ่มหน้าใส โดยที่สายฟ้าก็สังเกตเห็นสายตาคู่นั้น

“..............”
“ขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะฟ้า วันนี้เพลียมากมาย เหนื่อยมาทั้งวันเมื่อยไปทั้งตัว จะได้นอนกันซะที เดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นไปเรียนไม่ไหว”

ทุกอย่างผิดคาด สายฟ้ากับทิวไผ่หันมามองหน้ากันอย่างงง ๆ เพราะต้นข้าวจะไม่ยอมอะไรง่าย ๆ แบบนี้ ทุกครั้งต้องจบด้วยคำพูดของเขาเสมอ ซึ่งมันทำให้ทิวไผ่รู้สึกหวิว ๆ เพราะถ้าต้นข้าวตอบโต้เขาแล้วมันดูเหมือนมีชีวิตชีวาอย่างบอกไม่ถูก แต่นี่กลับเงียบ และดูเหมือนจะเฉยชาเสียด้วยซ้ำ ทำไมต้นข้าวไม่ต่อปากต่อคำเขาอย่างที่เคย
‘แต่เอ๊ะทำไมเราต้องมาคิดมากเพราะเรื่องอะไรแค่นี้วะ เราไปแคร์นายปากร้ายนั่นตั้งแต่เมื่อไหร่ ดีซะอีก ที่ไม่มีคนมาคอยกัดตลอดเวลา’


…………………………………………………………………………………………………….
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 01-06-2007 11:17:06
เป็นกำลังใจให้คนโพสต์ กับคนเขียนครับ

 :yeb:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: taebin7 ที่ 01-06-2007 12:00:28
ขอบคุงที่มาต่อน๊า o15
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 01-06-2007 12:31:54
รอลุ้นอยู่จ้า  :teach:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 01-06-2007 13:03:05
หุหุ พอไม่ทะเลาะกัน กลับเหงา ๆ ยังไงไม่รู้เนอะ  :try2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 02-06-2007 01:22:28
นั่นดิ่
พอไม่เถียงกันแล้วรู้สึกเหงาๆ น่าดู
เริ่มรู้สึกแปลกๆ กันแล้วอ่ะดิ่
 :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 02-06-2007 01:44:07
นั่นดิเนอะ พอไม่เถียงกันก็รู้สึกแปลกๆ :try2:

รออ่านต่อครับ ขอบคุณครับ :yeb:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: sabishiikant ที่ 02-06-2007 06:56:20
“ต้น คณะนายใครเป็นดาว เดือนหรอ” สายฟ้าเอ่ยขึ้นขณะนั่งทำการบ้านอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือข้างเตียง ขณะที่ต้นข้าวนอนอ่านหนังสืออยู่บนเตียง

“ก็พ่อขวัญใจของนายไงล่ะ กรรมการสโมฯ กับพวกเพื่อน ๆ ที่เลือก ตาต่ำกันรึเปล่าไม่รู้ ที่เลือกนายนี่ ส่วนดาวน่ะหรอ เห็นเค้าว่าชื่อเข็มนะ ก็น่ารักดี คนนี้คนเลือกคงไม่ตาต่ำ”

“ใครตาต่ำ คนเค้าเลือกเราทั้งคณะเห็นมีแต่นายคนเดียวมั้งที่ไม่ยอมเลือกใคร รึอยากเสนอตัวเองล่ะไอ้หนู” เสียงหนุ่มหน้าเข้มสอดแทรกขึ้นมาขณะเดินเหงื่อชุ่มเข้ามาในห้องหลังจากไปซ้อมบาสกับเพื่อน ๆ กลับมา

“อะไร ๆ เกินไปมั้ง แหมคนเค้าเลือกเราทั้งคณะ พูดมาได้ อย่างน้อยก็มีเราและอีกหลายคนล่ะที่ไม่เลือกนาย และอีกอย่างกะอีแค่เดือนคณะทำไมเราจะต้องอยากเป็นด้วย แถมเป็นแล้ว ต้องไปขึ้นเวทีประกวดโดนแสงไฟส่องหน้า ทำบ้า ๆ บอ ๆ ต่อหน้าคนเกือบทั้ง ม. น่าเบื่อจะตาย”

“ต้นก็เกินไป เค้าโชว์ความสามารถ และความกล้าแสดงออกตะหาก ใช่ทำบ้า ๆ บอ ๆ ที่ไหน.... ยินดีด้วยครับไผ่ เดี๋ยวฟ้าจะช่วยโหวตให้นะครับ”

“ขอบคุณครับฟ้า ฟ้าใจดีจังไม่เหมือนคนบางคน คณะตัวเองแท้ ๆ กลับไม่คิดที่จะช่วยกันบ้างเล้ย แล้วฟ้าล่ะครับไม่ได้เป็นเดือนคณะหรอ”

 “อาราย ๆไม่เกี่ยวกันเลย ช่วยไม่ช่วยอะไร เกี่ยวกับคณะตรงไหน” ต้นข้าวสอดแทรกขึ้นมาทันที

“โหยไผ่ ฟ้าไม่ได้หน้าตาดีมีความสามารถขนาดนั้นหรอกครับ คนเก่งกว่าฟ้าในคณะมีเยอะออก”

“ใครว่าล่ะ ฟ้าก็น่ารักออกนะครับ แถมเก่งอีกตะหากไม่งั้นจะสอบติดแพทย์หรอ” สายฟ้าเกิดอาการเลือดสูบฉีดทั่วใบหน้าอย่างฉับพลัน จนต้องหลบสายตาหันไปทำเป็นสนใจกับงานตรงหน้าต่อ

“หวานกันจ๊าง...” เสียงคลื่นแทรกจากบุคคลที่สามดังขึ้นมาในทันใด ทิวไผ่ลอบมองไปยังบุคคลเจ้าของเสียงนั้นที่นอนอยู่บนเตียงดูเหมือนกำลังใส่ใจกับหนังสือตรงหน้า ทิวไผ่เผยอยิ้มที่มุมปากอย่างพึงพอใจ ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดตัวเดินผิวปากเข้าห้องน้ำไปอย่างอารมณ์ดี

‘ร้อยวันพันชั่วโมงทิวไผ่ไม่เคยจะพูดป้อยอเขาเลยนี่นา จะว่าไปก็ดีใจนะ ใจชื้นอย่างบอกไม่ถูกเลยล่ะ รึว่าเรายังพอมีความหวังอยู่บ้าง ถึงจะน้อยนิดก็เถอะ บ้าแล้วไอ้ฟ้า ไผ่เป็นผู้ชายนะ แต่ว่า...เมื่อกี้ต้น.... รึไผ่จะต้องการดึงความสนใจจากต้น…’
กระแสไฟฟ้าแรงสูงวิ่งตรงเข้าสู่หัวใจดวงน้อยของเขาอย่างจัง
‘โอ๊ย...เราฟุ้งซ่านอะไรกันเนี่ย ทำงาน ๆ ๆ เดี๋ยวไม่เสร็จกันพอดี’ สายฟ้ากุมศีรษะไว้พยายามสยบความคิดที่กำลังปั่นป่วนวุ่นวายในหัว

“ฟ้าเป็นอะไรรึเปล่า”

“เปล่าหรอกต้น ปวดหัวกับการบ้านนิดหน่อย”

“มีไรให้เราช่วยได้ปะ”

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปถามอาจารย์ก็ได้ ขอบใจนะ”

“อืม มีไรที่เราช่วยได้ก็บอกละกัน”

ช่วงเปิดเทอมภาคเรียนแรก กิจกรรมของนิสิตใหม่ค่อนข้างจะเยอะแยะไปหมด โดยจุดมุ่งหมายหลักเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดี และความคุ้นเคยต่อสถานที่และเพื่อนรวมสถาบันเดียวกัน หลังจากกิจกรรมเทิดไท้องค์ราชันในงานฉลองสิริราชสมบัติ 60 ปี แล้ว ก็มีกิจกรรมวันเปิดโลกกิจกรรม จากนั้นเป็นวันไหว้ครูและบายศรีสู่ขวัญ เพื่อเป็นการรับขวัญนิสิตใหม่ โดยมีอธิการบดีมาเป็นประธาน นิสิตปี 1 ทุกคนใส่ชุดพิธีการกางเกงสแล็คสีเทาเข้ารวมกิจกรรม
และหลังจากนั้นกิจกรรมที่น้องใหม่ทุกคนรอคอยก็มาถึง นั่นคือ กิจกรรมเฟรชชี่ไนท์ ที่ทุกคณะจะส่งตัวแทนดาวเดือนของคณะเข้ามาประกวดแข่งกันกันด้านความสามารถและไหวพริบปฏิภาณ

กิจกรรมถูกจัดขึ้นในช่วงกลางคืน มีการเดินโชว์ตัว เพื่อเปิดตัวผู้เข้าประกวดจากคณะต่าง ๆ ทั้งในชุดนิสิต และชุดลำลอง รวมทั้งการโชว์ความสามารถพิเศษ ตลอดจนการตอบคำถามจากซองคำถามที่ผู้เข้าประกวดจับฉลากได้ เป็นการทดสอบไหวพริบปฏิภาณ และทัศนคติของผู้เข้าประกวดโดยตรง ซึ่งทุกคนตอบคำถามได้ดีบ้างไม่ดีบ้างแล้วแต่ความยากง่ายของคำถามที่ตนสุ่มมาได้

“ชมการแสดงจบไปแล้วนะคะ สนุกกันรึเปล่าเอ่ย... ต่อไปก็จะเข้าสู่ช่วงคำถามกันแล้วนะคะ”
   “ครับ การตอบคำถาม จะเป็นการทดสอบปฏิภาณไหวพริบ และความสามารถในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของน้อง ๆ ที่เข้าประกวดกันครับ”
   “ว่าทุกคนจะมีความสามารถขนาดไหน ตอบคำถามได้ตรงใจกรรมการผู้ชมและกองเชียร์กันรึเปล่านะคะ”
“เรามาเริ่มกันเลยนะครับ เริ่มจาก หมายเลข 1 น้อง........” เสียงพิธีกรหนุ่มสาวผู้ดำเนินรายการพูดนำเข้าสู่รายการตอบคำถามของผู้เข้าประกวดเฟรชชี่บอย แอนด์ เกิร์ล ในค่ำคืนนี้
.
.
 “คนต่อไปที่จะตอบคำถามกับเราวันนี้นะคะ คือน้อง นันทกร หรือน้องทิวไผ่ จากคณะนิติศาสตร์ค่ะ เชิญน้องหยิบซองคำถามในพานเลยค่ะ...”
“ได้มาแล้วนะคะ....ซองคำถามอยู่ในมือดิชั้นแล้ว เรามารู้พร้อมกันเลยค่ะว่า น้องทิวไผ่ของเราได้คำถามว่าอย่างไร...”
“คำถามมีอยู่ว่า........” ทุกคนจดจ้องอยู่ที่ริมฝีปากของพิธีกรสาวสวยบนเวที

“....หากคุณเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม คุณจะทำอย่างไรกับปัญหาเรื่องสาวประเภทสองและการรักร่วมเพศที่กำลังระบาดอยู่ในสังคมไทยขณะนี้.....ฟังคำถามอีกครั้งค่ะ....” สิ้นเสียงพิธีกรสาว เสียงซุบซิบพูดคุย วิพากษ์วิจารณ์ ก็ดังระงมเซ็งแซ่ไปทั้งโดม

“โห คำถามปราบเซียนจริง ๆ ครับ ...น้องทิวไผ่มีเวลาในการตอบคำถามไม่เกิน 3 นาที นะครับ พร้อมรึยังครับ ถ้าพร้อมแล้ว เชิญเลยครับ...” พิธีกรหนุ่มส่งไมค์ ให้หนุ่มหน้าคมเข้มที่ขับกับแสงไฟและเครื่องสำอางตอนนี้ยิ่งดูหล่อเหลาคมคายไม่เบา

“...ถ้าผมมีโอกาสได้เป็นรัฐมนตรีนะคับ....” เสียงนุ่มทุ้มลึกดั่งมนต์สะกดเสียงเซ็งแซ่ให้เงียบกริบลงทุกสรรพสำเนียงในพริบตา
“…อันดับแรกที่ผมจะทำ คือ ต้องยอมรับในความเปลี่ยนแปลงที่มันได้เกิดขึ้นแล้ว เราคงจะไปควบคุมหรือบังคับเขาไม่ได้หรอกครับ เพราะมันเป็นสิทธิส่วนบุคคล ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพของตนเอง แต่ที่จะสามารถทำได้คือการรณรงค์ให้ความรู้แก่เยาวชนและประชาชนทั่วไปตระหนักถึงพิษภัยจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ครับ โดยแนะนำวิธีป้องกันตนเองที่ถูกต้อง และสิ่งที่ผมอย่างจะทำต่อไปก็คือ ...”
“…ผลักดันให้มีกฎหมายรองรับการสมรสระหว่างชาวรักร่วมเพศในประเทศไทยครับ...”

เสียงดังเซ็งแช่เริ่มกระหึ่มขึ้นเรื่อย ๆ อีกครั้ง

“…เพราะในต่างประเทศก็มีกฎหมายนี้ในหลายประเทศแล้ว และอยากให้ทุกคนยอมรับว่า สาวประเภทสอง หรือชาวรักร่วมเพศทุกคน ก็คือคนๆ หนึ่ง คือพลเมืองคนหนึ่งของประเทศ พวกเขาควรที่จะได้รับสิทธิเท่าเทียมเหมือนคนปกติทั่วไปในสังคม ครับ ขอบคุณครับ”

สิ้นเสียงหนุ่มรูปหล่อมาดเข้ม เสียงตบมือเกรียวกราวก็ดังขึ้นอย่างกึกก้อง พร้อมทั้งเสียงกรี๊ดกร๊าดของสาวเทียมทั้งหลาย จนแสบแก้วหู ดูเหมือนการตอบคำถามของเขาจะโดนใจพวกหล่อนเข้าอย่างจัง

“ตอบคำถามได้สมกับที่เป็นต้นกล้าของนักกฎหมายจริง ๆ ครับ” เสียงพิธีกรหนุ่มกล่าวชมเชย

‘ไอ้หมอนี่ตอบคำถามได้บ้าบิ่นดีแฮะ’ ต้นข้าวพึมพำ ขณะยืนอยู่กับกลุ่มเพื่อนในคณะ ทุกคนส่งเสียงเชียร์ และตบมือกันดังสนั่น

สายฟ้าเองก็รู้สึกทึ่งในสิ่งที่ทิวไผ่ตอบ และก็ได้รู้ทัศนคติของทิวไผ่ เขาตบมือให้หลังทิวไผ่พูดจบ และแอบเชียร์หนุ่มหน้าเข้มอย่างสุดใจ อยู่อีกมุมหนึ่งของเวทีกับกลุ่มเพื่อน ๆ ในคณะของเขา
.
.
จบรายการตอบคำถามก็มีการคั่นรายการด้วยการแสดงต่าง ๆ และมีการแสดงจากวงสตริงของ ม. สลับไปด้วย
 “รายการชวนระทึกตื่นเต้นรายการแรกของค่ำคืนนี้ได้มาถึงแล้วนะครับ”
“ต่อไปเป็นการประกาศผลรางวัล Popular Vote ที่เราได้เปิดโอกาสให้โหวตผ่านทางอินเตอร์เน็ตกันมาล่วงหน้าแล้วรวมกับผลโหวตหน้างาน มี 2 รางวัล คือ Boy Popular Vote และ Girl Popular Vote นะคะ”
“และผลก็อยู่ในมือผมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เรามาลุ้นพร้อมกันเลย...รางวัลแรก Popular Vote ฝ่ายหญิงปีนี้ ได้แก่............”
“น้องแพท จากคณะสังคมศาสตร์ คร้าบ”

“และรางวัลที่สาว ๆ รอคอย รางวัล Popular Vote ฝ่ายชาย ปีนี้ได้แก่........”
“ตึ้ม....ตรึม ๆๆๆ ๆ....” ซาวนด์เอฟเฟคชั่งชวนระทึกตื่นเต้นบีบหัวใจเหลือเกิน

   เสียงกองเชียร์แต่ละคณะส่งเสียงเชียร์ผู้เข้าประกวดจากคณะตัวเองกันดั่งกระหึ่มแข่งกับเสียงลำโพงบนเวทีประกวดแล้วค่อย ๆเงียบลงจดจ้องรอคำพูดที่จะหลุดออกจากปากพิธีกรสาวบนเวที

   ‘ขอให้เป็นไผ่ทีเท๊อะ... ซ๊าธุ…’ สายฟ้าประสานมือกำแน่น พร้อมอธิษฐาน แล้วเฝ้าลุ้นด้วยใจระทึก

   “ได้แก่ น้องนันทกร หรือน้องทิวไผ่ จากคณะนิติศาสตร์ ค่า....”

สิ้นเสียงประกาศ เสียงเฮลั่นโดมของเหล่ากองเชียร์คณะนิติศาสตร์ก็ดั่งกระหึ่มอย่างดีใจสุด ๆ ส่วนกองเชียร์คณะที่ผิดหวังกลับมีอาการตรงกันข้าม นั่นคือ เงียบกริบ แต่ก็ใช่จะหมดความหวังซะทีเดียว เพราะรางวัลใหญ่ของงานยังไม่ออก ดังนั้นผู้เข้าประกวดทุกคนยังคงมีลุ้นถึงจะได้ปอบปูล่าโหวตไปแล้วก็มีสิทธิ์ควบ 2 ตำแหน่งได้

สายฟ้าถึงกับร้องเย้ กระโดดจนตัวลอยอย่างลืมตัว จนเป็นเป้าสายตาของเพื่อนในคณะที่ยืนอยู่รอบข้าง
   “เอ่อ...เพื่อนเราเองน่ะ” สายฟ้าหน้าเจื่อนตอบแหย ๆ ก่อนจะหันไปสนใจทางเวที ยืนอมยิ้มแก้มป่องอย่างปริ่มเปรมหัวใจ

   ต้นข้าวยืนตะลึงนิด ๆ อยู่ท่ามกลางกลุ่มเพื่อนในคณะที่กระโดดโลดเต้นและส่งเสียงไชโยโห่ร้องกันด้วยความดีใจ เขาไม่คิดว่าหนุ่มมาดเข้มจะได้รางวัลนี้ แต่ก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมาอย่างประหลาดใจ
‘ยังไงนายนั่นก็ในตัวแทนคณะเราล่ะว้า...’ คิดเข้าข้างตัวเองไว้ก่อน
   
   หลังจากประกาศรางวัล Popular Vote เสร็จ ก็มีการแสดงมาคั่นก่อนจะถึงการประกาศรางวัลใหญ่ของงานโดยผู้เข้าประกวดทุกคนขึ้นไปยืนโชว์ตัวบนเวที และมอบรางวัลทุกตำแหน่งในคราวเดียวกัน ซึ่งเฟรชชี่เกิร์ล หรือดาวมหาวิทยาลัยปีนี้ได้แก่ตัวแทนจากสโมสรนิสิตคณะมนุษยศาสตร์ และเฟรชชี่บอย หรือเดือนมหาวิทยาลัย ได้แก่ตัวแทนจากสโมสรนิสิตคณะวิทยาศาสตร์ภาคพิเศษ จากนั้นปิดท้ายรายการด้วยคอนเสิร์ตของวงสครับ ให้ทุกคนได้สนุกสนานกันสุดเหวี่ยง จนถึงเที่ยงคืน
   
...
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 02-06-2007 09:27:37
เหอ เหอ พลาดตำแหน่งเดือนมหาลัยเหรอนี่ แต่ตอบคำถามได้ดีเนอะ  :haun5:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 02-06-2007 11:50:25
ได้ ป็อบโหวต ด้วย ยินดีด้วยนะค้าบบบบบบ น้องไผ่

 o13
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 02-06-2007 12:11:00
สงสัยคนในเล้าจะช่วยกันโหวตด้วยแน่ๆ ทิวไผ่ถึงได้ตำแหน่งป๊อบปูล่าโหวต
 :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: FOAM ที่ 02-06-2007 12:30:16
VOTE ครับ VOTEๆๆๆๆๆ :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 02-06-2007 13:20:57
เรื่องนี้น่ารักดี  คุณฮิคุงแต่งเก่งมาก 
มันดึงดูดให้อยากอ่านไปทุกตอนสิน่า  อิอิ

ได้เป็นมิสเตอร์ป๊อปปูล่าเหรอ  คนแต่งตอบคำถามได้ดีเนอะ  :laugh:  :laugh:

รออ่านต่อจ้ากานต์  เมื่อไหร่จะมีอะไรมาทำให้รู้ใจกันเนี่ย   

ปล  คิดถึงกานต์นะ  :impress:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 02-06-2007 17:38:59
ได้ป๊อปปูล่าโหวตกับได้เป็นเดือนคณะนี้ก็สุดยอดแล้วคับ

แต่สายฟ้านี้ เจ็บหัวใจแปล้บๆบ่อยจัง น่าไปให้หมอสายชลตรวจมั้งนะเนี่ย อิอิ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 02-06-2007 23:19:00
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 03-06-2007 01:25:31
ว๊า . . .

นึกว่าต้นข้าวได้เป็นดาวคณะซะอีก o17

ขอบคุณครับ รออ่านต่อครับ :yeb:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: sabishiikant ที่ 03-06-2007 05:59:29
   “ตอบคำถามได้สุดยอดไปเลยครับไผ่ คิดได้ไงอ่ะ ยินด้วยนะครับ ดีใจจังมีเมทร่วมห้องเป็นถึง บอย ปอบปูล่าโหวตของมหา’ลัย”
   
   “น่าดีใจตรงไหนเนี่ย กะอีแค่ปอบปูล่าโหวต กินไม่ได้ซักหน่อย” เสียงใส ๆ สอดแทรกขึ้นมาด้วยความหมั่นไส้เพื่อนรักและหนุ่มหน้าเข้ม ทิวไผ่ทำเป็นไม่สนใจใยดี และหันไปคุยกับหนุ่มร่างเล็กต่อ

   “ขอบคุณครับ ฟ้าที่ช่วยโหวตให้ผม งั้นของขวัญกล่องนี้ผมยกให้ฟ้าเลยละกัน”

   “โฮ่ย ไม่เป็นไรครับไผ่ ฟ้าแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นเอง ไผ่ต้องขอบคุณทุกคนที่ช่วยโหวตต่างหากล่ะครับ ของขวัญนั่นไผ่เก็บไว้เถอะครับ มันเป็นของที่ไผ่ควรจะได้”

   “ทีนี้สาว ๆ คงรู้จักนายเยอะขึ้นเลยสินะ คงหว่านเสน่ห์ได้สะดวกขึ้นโดยเฉพาะกับพวกสาวแกร่งทั้งหลาย ตอบคำถามได้ถูกใจเค้าดีนี่ แถมมีรุ่นพี่สาวสวยขับรถมาส่งถึงหออีกตะหาก” ต้นข้าวอดที่จะหาเรื่องแขวะอีกไม่ได้ ก่อนจะคว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไป
   
‘เมื่อกี้เราเป็นอะไรไป อ๊าก...ไอบ้าต้น นายนั่นจะเป็นอะไร จะทำอะไร จะไปกับใครแล้วมันเกี่ยวอะไรกับแกวะ’ สายน้ำเย็นฉ่ำไหลซู่ออกจากฝักบัวกระทบร่างเปลือยเปล่า ช่วยชำระล้างเหงื่อไคลและความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า และไล่ความคิดฟุ้งซ่านต่าง ๆ ให้หายไป ต้นข้าวแหงนหน้าหลับตาพริ้มให้สายน้ำกระทบใบหน้า ไอเย็นแผ่ซ่านไปทั่วทุกอณูของผิวขาวเนียน ‘รู้สึกสบายตัวขึ้นเยอะเลย จะได้นอนหลับสบาย ๆ หน่อย เฮ่อ...’


…………………………………………………………………………………………….


“ประตูล็อค ...วันนี้ต้นไปซ้อมหลีดหรอ ไผ่ก็คงไปซ้อมบาสยังไม่กลับสินะ” หนุ่มน้อยหน้าใสพึมพำขณะเปิดประตูและก้าวเดินเข้ามาในห้องที่ว่างเปล่า เขาวางกระเป๋าบนโต๊ะอ่านหนังสือ แล้วเดินไปเปิดหาน้ำดื่มในตู้เย็น พลันสายตาก็มองเห็นกล่องของขวัญเล็ก ๆ วางอยู่บนโต๊ะมุมหัวเตียงของทิวไผ่
‘เอ๋....ของขวัญอะไร’ สายฟ้าเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ ‘มีการ์ดด้วย สีชมพูหวานเชียว’

และสงครามระหว่างธรรมะ กับอธรรมก็ก่อตัวขึ้นในใจเขาอย่างฉับพลัน ดูเหมือนอธรรมจะเป็นฝ่ายมีชัยในครั้งนี้ ‘ขอดูหน่อยละกันนะไผ่ คงไม่โกรธเรานะ’

“....ให้ไผ่นะ....หวังว่าไผ่คงชอบนะคะ..../ เข็ม…..”

“ฟ้าทำไรอยู่หรอคับ” สายฟ้าสะดุ้งโหยงมือไวเท่าความคิดการ์ดสีชมพูใบเล็กถูกหย่อนลงข้างเตียงอย่างรวดเร็ว

“เอ่อ...ฟ้าหาปากกาอยู่ครับไผ่ เผอิญของฟ้าหมึกหมดอ่ะครับเลยจะมาขอยืมของไผ่ไปใช้ก่อน ฟ้าขอโทษนะครับที่แอบมาหยิบโดยพลการ” สายฟ้าใจเต้นแรงเหมือนคนปิดบังความผิด เขาพยายามปรับสีหน้าให้ดูเรียบเฉยที่สุด

“ไม่เป็นไรหรอกครับฟ้า มัวแต่เกรงใจงานก็ไม่เสร็จกันพอดี”

“ขอบคุณครับไผ่ งั้นฟ้าขอตัวไปทำงานต่อก่อนนะครับ” สายฟ้าหยิบปากกาในกล่องบนโต๊ะของทิวไผ่แล้วรีบกลับไปทำทีหางานขึ้นมาทำที่โต๊ะของตนเองทันที แต่ความคิดไม่ได้จดจ่ออยู่กับงานบังหน้านั่นแต่อย่างใด ‘ของขวัญนั่น....... เข็ม…..? ’

‘หืม ไมการ์ดนี่ถึงมาตกอยู่ข้างเตียงได้ล่ะ’ ทิวไผ่ก้มลงหยิบการ์ดสีชมพูใบเล็กที่วางนิ่งอยู่ที่พื้นก่อนจะสอดไว้กับกล่องของขวัญใบเล็กนั่นแล้วเก็บเข้าลิ้นชักไป

………………………………………………………………………………………………………...


กิจกรรมทุกอย่างจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จก่อนการสอบกลางภาคเรียนแรก เฟรชชี่ไนท์ผ่านไปอย่างสนุกสนาน สัปดาห์ที่สอง ของเดือนกรกฎาคมก็เป็นช่วงของการแข่งขันกีฬาภายในห้องมหาวิทยาลัย ซึ่งจะแข่งขันกันในช่วงเย็นและวันหยุดเพื่อไม่ให้กระทบกับการเรียนการสอน

“ต้น วันนี้ว่างไหม มีซ้อมหลีดปะ”

“ไม่มีอะ วันนี้งดพักผ่อน มีไรหรอ”

“อืม วันนี้เราก็ไม่มีซ้อมเหมือนกัน เย็นนี้บาสคณะนายแข่งไม่ใช่หรอ จะชวนไปดูไผ่แข่งบาสกัน” บางทีอาจจะเจอยัยเข็มอะไรนั่นก็เป็นได้

“อ่ะนะ รู้ดีจัง ขนาดคณะเราเองยังไม่รู้เลยว่ากีฬาอะไรแข่งวันไหน”

“ก็ไผ่บอกไว้นี่นา ให้ช่วยไปเชียร์เค้าหน่อย”

“ทำไมไม่ไปบอกพวกสาว ๆ นู่นล่ะ”
“ไม่ไปอะ ขี้เกียจ นอนอยู่หอดีกว่า หลีดคณะเราซ้อมหนักมาก อุตส่าห์ได้หยุดทั้งที อีกอย่าง เบื่อหน้าคน”

“น่านะ นะ ต้นน้า.... ไปเป็นเพื่อนหน่อยดิ คณะนายเองนี่นา นะ ๆ ๆ” สายฟ้าทำหน้าอ้อนสุดฤทธิ์

“อ้ะ ๆ ๆ ก็ได้ ๆ แต่ไม่ใช่อยากเชียร์นายนั่นนะ” ต้นข้าวทำสีหน้าตอบอย่างเสียไม่ได้

“เออน่า แหม ฟอร์มจัดซะ” สายฟ้าพูดล้อ ๆ

“พูดงี้เปลี่ยนใจละ นายไปคนเดียวเหอะ” หนุ่มร่างบางออกอาการง้องแง้งทันทีเมื่อโดนเพื่อนรักเย้าแหย่

“อ่า ล้อเล่น......น้า ไปเป็นเพื่อนเราน้า....” สายฟ้าลากเสียงยาว

“อืม ๆ เห็นแก่เพื่อนนะเนี่ย”


...

(บนอัฒจันทร์ริมสนามบาสเกตบอลข้างโดม)


สายฟ้านั่งมองหนุ่มร่างสูงเคลื่อนที่พาลูก หลบคู่ต่อสู้ในสนามอย่างคล่องแคล่วทะมัดทะแมน ร่างกายแข็งแกร่งเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ ใบหน้าคมเข้มหล่อเหลามีเม็ดเหงื่อเกาะพราวดูมุ่งมั่นจริงจัง เส้นผมเปียกชุ่มต้องแสงไฟสปอร์ตไลท์เป็นมันวาวนั่นชั่งมีเสน่ห์น่าหลงใหล หนุ่มน้อยร่างเล็กจับจ้องการเคลื่อนไหวของทิวไผ่อย่างเคลิบเคลิ้ม และคอยตบมือและส่งยิ้มให้กำลังใจเมื่อเขาทำแต้มให้กับทีมได้
ทิวไผ่จะหันมาส่งยิ้มโชว์แก้มบุ๋มเชิงขอบคุณ ให้กับหนุ่มน้อยหน้าหวาน แต่ในแววตากลับมีความเศร้าหมองนิด ๆ เมื่อเห็นหนุ่มหน้าใสไม่ได้สนใจเขาเลย แต่ขอแค่ได้เห็นหน้าก็ใจชื้นแล้ว
ต้นข้าวดูจะไม่ใส่ใจการแข่งขันตรงหน้าและคนในสนามซักเท่าไหร่ หนุ่มร่างบางเอาแต่นั่งอ่านหนังสือการ์ตูนที่หยิบติดตัวมาก่อนออกจากห้อง ไม่รู้อ่านรู้เรื่องได้ไงเสียงกองเชียร์ออกดังกระหึ่ม รึแค่แกล้งทำเป็นอ่านกันแน่ ?

“ต้น ผู้หญิงคนนั้นใช่ดาวคณะนายที่ชื่อเข็มใช่มั้ย” สายฟ้าชี้มือไปทางหญิงสาวรุ่นราวคราวเดียวกับเขาที่ยืนเชียร์อยู่ข้างสนามอย่างออกรสออกชาติ เมื่อเห็นทิวไผ่หันไปส่งยิ้มให้แม่สาวน้อยคนนั้นอยู่บ่อย ๆ

“อืมใช่ เป็นหลีดด้วย ไมหรอ…” ต้นข้าวเงยหน้าขึ้นมาดู แล้วก้มลงไปสนใจหนังสือการ์ตูนต่อ

“เปล่าหรอก สวยดีนะ”  ‘...เจ้าของกล่องของขวัญกับการ์ดนั่น.......’ ความห่อเหี่ยวมากมายมาจากไหนไม่รู้วิ่งเข้ามาสุมกองรวมกันอยู่ในอก แน่นคับไปหมด จนหายใจไม่ออก ไม่ใช่เพราะตื้นตัน แต่มันกลับเป็นความทรมานเหมือนกับว่าสิ่งที่รักและหวงแหนจะหลุดลอยไป หนุ่มน้อยมองพ่อหนุ่มนักกีฬาขวัญใจของเขาที่กำลังอยู่ในสนามสลับไปมากับแม่สาวน้อยที่ยืนเชียร์อย่างสุดใจขาดดิ้นอยู่ข้างสนาม
สายฟ้าก้มหน้านิ่งพยายามสะกดน้ำตาที่มันเริ่มที่เอ่อคลอเบ้าเอาไว้ไม่ให้มันไหลออกมา นี่หรือที่เค้าเรียกว่า ‘อกหัก’
อกหักเพราะแอบชอบเขาฝ่ายเดียวมาตลอด ‘ทิวไผ่เป็นผู้ชาย เขาคือผู้ชาย อย่างเรามันหมดหวังตั้งแต่คิดแล้ว ที่ผ่านมาเราระแวงไผ่กับต้นมาตลอดเพราะอะไร ทั้งที่ต้นเป็นเพื่อนรักเราแท้ ๆ ....นี่คือบทลงโทษของเพื่อนที่ไม่เคยไว้ใจเพื่อนใช่ไหม.... กับการที่ต้องเสียเขาไป’

สายฟ้าลุกขึ้นและวิ่งไปเข้าห้องน้ำในโดมอย่างร้อนรน จนต้นข้าวมองตามอย่างสงสัย

‘เรามันบ้า....บ้าที่สุด....คิดแต่เรื่องบ้า ๆ ทิวไผ่เค้าเป็นผู้ชายเค้าก็ต้องชอบผู้หญิงสิ รึจะให้เค้าเป็นแบบเราล่ะ ที่ต้องทนทุกทรมานกับการเก็บงำ ปิดบังตัวเองอยู่อย่างนี้น่ะหรือ....’ หนุ่มน้อยตาแดงกร่ำ หยดน้ำใส ๆ ไหลรินอาบสองแก้ม ทรวงอกสะท้อนขึ้นลงตามแรงสะอื้น เขากวักน้ำในอ่างสาดใส่หน้าจนเปียกโชกไปทั้งศีรษะ

“ฟ้า...เป็นอะไรมากหรือเปล่า นายเป็นอะไรไป...” เสียงนั้นทำให้สายฟ้าสะดุ้งอีกครั้ง

“เอ่อ...เปล่าหรอกต้น แมงเข้าตาอ่ะ” สายฟ้าพยายามกลบเกลื่อนและปรับน้ำเสียงให้เรียบเฉยที่สุด
“ต้นมีไรหรอ”

“อืม เป็นห่วงน่ะ เห็นอยู่ ๆ วิ่งพรวดออกมาเลย ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว เนี่ยบาสแข่งจบพอดีเลย จะ 2 ทุ่มแล้ว ปะเรากลับกันเถอะ หิวละไปหาไรกินกัน”

“อือ แล้วผลเป็นไงมั่ง”

“ชนะ แต่ไม่รู้สกอร์เท่าไหร่ ไม่ค่อยได้สนใจ”

“ดีใจด้วยนะ นายออกไปรอข้างนอกก่อนก็ได้เดี๋ยวเราทำธุระแป๊บ”

“เร็ว ๆ ล่ะ ท้องร้องแล้ว” ต้นข้าวเดินออกไปรอข้างนอกแล้ว ขณะที่สายฟ้าพยายามปรับสภาพร่างกายสีหน้าและอารมณ์ตอนนี้ให้ดูปกติให้ได้มากที่สุด ‘หยุดขี้แยได้แล้วไอ้ฟ้า...หายบ้าซะที... นายต้องเข้มแข็งสิ ต้องสู้ต่อไป ในเมื่อเค้าไม่ใช่ของเราก็ควรตัดใจซะ’

“ไปกันเถอะต้น” สายฟ้าเอ่ยปากชวนต้นข้าวที่นั่งอ่านการ์ตูนเล่มเดิมรออยู่ม้าหินอ่อน พลันสายตาเจ้ากรรมที่พึ่งเสียน้ำตามาหยก ๆ ก็ซุกซนไปเห็นภาพบาดตาบาดใจเข้าให้อีกอย่างจัง
‘ในสนามก็ส่งยิ้มหวานให้กันตลอดยังไม่พอใช่ไหม ยังแอบมาจู๋จี๋กันในที่ลับหูลับตาคนอีก’ สายฟ้าหันหลังควบ แล้วก้าวเดินหนีจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว

“เฮ่ย...ฟ้า รอด้วย” ต้นข้าววิ่งตามมาอย่างกระหืดกระหอบ “จะรีบไปไหนเนี่ย”

“ก็หิวข้าวไม่ใช่หรอ”

“ใช่หิว แต่เดินเร็วขนาดนี้หอบรับประทานกินข้าวไม่ลงพอดี วันนี้แปลก ๆ นะ ไม่สบายเปล่า”

“เปล่า ๆ รีบไปเหอะหิว” ….กำลังจะเริ่มทำใจแล้วเชียว ทำไมมันยากเย็นแบบนี้.....


...
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 03-06-2007 06:11:25
ฟ้าน่าสงสารจัง  :sad4:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 03-06-2007 07:23:38
สู้เค้านะฟ้า นะ  :impress: :impress:

 :undecided:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 03-06-2007 12:33:58
สายฟ้า สู้ ๆ  :give2:  :give2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 03-06-2007 12:37:31
สงสารสายฟ้ามากๆเลย เศร้าๆๆๆๆๆๆๆ :sad4:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: A GE ที่ 03-06-2007 16:20:02
 o12 o12  เมื่อไหร่พี่สายชลจะลงมือบุกเข้ามาดามหัวใจให้น้องสายฟ้าซะทีละครับ  มัวแต่เขินอยู่ได้  คุณน้องแกร้องไห้เสียใจจะแย่อยู่แล้ว :sad5: :sad5:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: FOAM ที่ 03-06-2007 17:11:38
เห็นด้วยกะรีบนเป็นที่สุดค๊าบบบบบบบบบบ   o13 o13 o13 o13 :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 03-06-2007 17:17:26
ง่า... :o11:
ตอนนี้ฟ้าน่าสงสารสุดๆ ไปเลยอ่ะ :sad4: :sad4:
ต้องลุ้นให้พี่สายชลรุกเร็วๆ ซะแล้ว :o9: :o9: :o9: :o9:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: sabishiikant ที่ 04-06-2007 04:50:13
(มุมหนึ่งของโดม)

“เข็มมีอะไรหรอคับ ถึงลากผมมาคุยตรงนี้อ่ะ ที่จริงเราคุยกันตรงข้างสนามก็ได้นี่”

“มันเสียงดังน่ะค่ะ คุยกันไม่รู้เรื่องหรอก ตรงนี้ล่ะดีแล้ว เป็นส่วนตัวดีด้วย” สาวน้อยพูดจาอย่างจัดจ้าน แต่ทิวไผ่เองได้แต่ยกมือขึ้นลบหัวม่อย ๆ แก้เขิน
“อาทิตย์นี่เข็มไม่มีซ้อมหลีดพอดี ไผ่ว่างมั้ยคะ” ดวงตาใสแป๋วดูเหมือนจะไร้เดียงสาจับจ้องใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังเคอะเขินและไม่กล้าสบตาด้วย

“คือ...วันอาทิตย์นี้มีแข่งครับ” หนุ่มหน้าเข้มตอบไปตามจริง

“ว้า....เสียดายจัง เข็มไม่ได้ดูตารางแข่งอ่ะค่ะ ขอโทษนะคะ งั้นเดี๋ยวเข็มจะมาช่วยเชียร์ไผ่เหมือนเดิมนะ”
“ครับ...เอ่อ...เข็มครับ ของขวัญ............” ทิวไผ่ยังไม่ทันได้พูดจบเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือของปานฝันก็ดังขึ้นขัดจังหวะ

“...........”
“ขอตัวแป๊บนะคะ ไผ่” ‘โอ๊ย...จะโทรมาทำไมตอนนี้วะเนี่ย’ เธออุทานเบา ๆ อย่างหัวเสียก่อนจะหันไปกดรับโทรศัพท์ และเดินออกไปคุยห่าง ๆ

“โหล อีอ้อม มีไรวะ”
“.......อีเข็มมรึงอยู่ไหน........”

   “..........”
ทิวไผ่ทำหน้าเหวอ ‘สาว ๆ สมัยนี้พูดเพราะแฮะ’

“เออ เมิงโทรมาได้จังหวะมากนะเว้ย เมิงรู้มั้ยว่ากรูทำไรอยู่”
“………เมิงกำลังปล้ำผู้ชายอยู่รึไง.... กรูมีเรื่องสำคัญ มรึงมาหากรูด่วนเลย……...”
“บ้านเมิงดิ ไม่ต้อง ๆ ....สำคัญอะไร ว่ามา เร็วเลย อารมณ์เสียนะเว้ย”
“.....ไอ้พี่บอยแฟนเมิงมันหิ้วอีเด็กมนุษย์ไปนั่งคั่วอยู่ร้านเหล้าหลัง ม. แน่ะ...สำคัญยัง เมิงรีบมาเลย ไปจัดการมัน.......”
“เออ ๆ ๆ กรูจะไปเดี๋ยวนี้แหละ ...บ้าชิบ.... ” ดวงหน้าสวยดูบูดบึ้งผิดไปจากก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง


“เอ่อ ไผ่คะ วันนี้เข็มมีธุระสำคัญต้องไปทำน่ะค่ะ วันหลังค่อยคุยกันนะคะ เดี๋ยวคืนนี้เข็มโทรหาค่ะ” ปานฝันก็รีบเดินกึ่งวิ่งไปที่รถมอเตอร์ไซค์ขับออกไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ทิวไผ่จะร้องตามได้ทัน

“เข็ม เดี๋ยว...” ให้ตายสิ แล้วของขวัญนั่น จะเอาไงดีล่ะเนี่ย พูดกันยังไม่รู้เรื่องเลย ไอ้เราตอนแรกก็ซื่อบื้อรับไว้ซะ และจะหาทางทางคืนยังไงดีว้า ถึงจะไม่ให้เสียน้ำใจ ถ้าเก็บไว้ก็เหมือนเป็นการให้ความหวังซะมากกว่า แต่เข็มก็ดูน่ากลัวเกินไปจริง ๆ เอ้อ…เข็มไปเอาเบอร์โทรเรามาจากไหน...

“วีดวิ้ว ๆ ...ไอ้ไผ่มรึงทำอะไรเข็มวะ วิ่งแจ้นออกมาจากมุมอย่างนั้น นั่นแน่ ไม่เบานะเมิงเนี่ย” เสียงแซวดังมาจากกลุ่มเพื่อนทีมบาสของเขาที่นั่งพักรวมกันอยู่ข้างสนามหลังจากที่เห็นเขาเดินตามหลังเข็มออกมา
“บ้าน่า พวกเมิง ไม่มีอะไร แค่คุยกันเฉย ๆ”

“เฉย ๆ เจี้ยรายวะ เข็มวิ่งแจ้นอกมาอย่างนั้น หน้าตายิ่งดูไร้เดียงสาอยู่ด้วย เมิงค่อยเป็นค่อยไปดิ อย่าเพิ่งผลีผลามเดี๋ยวไก่ตื่น...”

ไร้เดียงสา …?
“ไก่ตื่นบ้านเมิงเดะ ไอ้พวกนี้นี่ กลับแล้วโว้ย แล้วเจอกัน....” ยังมีเสียงแซวตามมาอย่างไม่ยอมหยุด แต่หนุ่มหน้าเข้มไม่ได้หันไปสนใจแต่อย่างใด

...


“ฟ้า ถึงแล้ว ลงมาดิ นั่งเหม่ออยู่ได้หิวข้าวไม่ใช่เหรอ” ต้นข้าวเรียกให้สายฟ้าลงจากรถไฟฟ้าเมื่อรถมาจอดที่หน้าศูนย์อาหารหน้าหอพัก

“กินไรกันดี”

“แล้วแต่นายละกัน”

“มาแปลกแฮะ.....ป้าเอาข้าวกะเพราะหมูกรอบ 2 จาน ค้าบ...”
“นี่เป็นไรมากเปล่าเนี่ย เพื่อนชั้น ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นเป็นแบบนี้นี่น่า...กลางวันก็เห็นดี ๆ อยู่ ค่ำมาไหงเป็นงี้ไปได้อ่ะ” ต้นข้าวพูดพลางจ้องมองแววตาเหม่อลอยไร้จุดหมายของเพื่อนรักที่นั่งอยู่ตรงข้าม
“เอ๊ะ รึว่า... ใช่ ชัวร์เลย อาการแบบนี้เป็นอื่นไปไม่ได้นอกเสียจาก.... อกหัก”

คำว่า ‘อกหัก’ จากปากเพื่อนรัก เหมือนหอกแหลมที่ปักลงกลางใจอย่างฉับพลัน แต่มันก็ช่วยปลุกให้เขาตื่นจากภวังค์ได้อย่างน่าประหลาดใจ

“เฮ่ย อกหักบ้าไร ไม่มี้...นายพูดไรเนี่ย” ต้องปฏิเสธไว้ก่อน ‘เออ แล้วนี่บ้าเฮิร์ตอะไรนักหนาวะไอ้ฟ้า แกนี่’
“อ่ะ ข้าวมาแล้วกินกันเถอะ เหนื่อย จะได้ขึ้นห้องอาบน้ำ แล้วก็นอนซะที” ได้เวลาเปลี่ยนเรื่องคุยอย่างทันทีทันใด ขอบคุณคุณป้าที่ยกข้าวมาเสิร์ฟได้ทันเวลาพอดีนะครับ

“เหอะ กระปรี้กระเปร่าขึ้นผิดหูผิดตาเชียว กลบเกลื่อนไรปะ” ต้นข้าวทำหน้างง ๆ

“กิน ๆ ๆ อย่าพูดมาก หิว” แต่เมื่อข้าวเข้าปากได้เพียงคำเดียวก็เหมือนมีก้อนอะไรแข็ง ๆ มาจุกอยู่ที่ลำคอ ของเขา การกลืนข้าวลงคอแต่ละคำดูชั่งจะยากเย็นซะเหลือเกิน

“อ้าว อิ่มแล้วหรอ ไหนบอกหิวมากมายไง ข้าวยังไม่พร่องจานเลย” ต้นข้าวเงยหน้าขึ้นถาม เมื่อเห็นสายฟ้าวางช้อน แล้วดื่มน้ำไปเกือบหมดแก้ว

“อิ่มอ่ะ สงสัยตอนกลางวันกินเยอะไปหน่อย” สายฟ้าพยายามตอบด้วยสีหน้ายิ้ม ๆ แต่แววตากลับฉายแววหม่นหมองอย่างเห็นได้ชัด

“อืม คิดว่า นึกอยากจะเพี้ยนอะไรขึ้นมาอีก... เออ เดี๋ยวขึ้นห้องมีไรจะคุยด้วยหน่อยนะ” ต้นข้าวหันกลับไปลงมือกินข้าวในจานของตนเองต่อ

...

หลังจาก 2 หนุ่มกินข้าวเสร็จ เดินขึ้นมาบนห้องก็พบกับร่องรอยเสื้อผ้าชุดที่ทิวไผ่ใส่เล่นบาส กับร้องเท้าผ้าใบวางอยู่ที่ชั้น แต่ไม่เห็นร่างเจ้าของของมันแต่อย่างใด

‘สงสัยไอ้หมอนั่นลงไปกินข้าวมั้ง คงคลาดกันเมื่อซักครู่ ดี จะได้มีเวลาส่วนตัวคุยกับฟ้าได้’

‘ออกไปกินข้าวกับแม่สาวคนนั้นล่ะมั้ง เฮ่อ....ยิ่งคิด ยิ่งเห็น ยิ่งเจอ ยิ่งห่อเหี่ยว ถ้าไม่ได้อยู่ด้วยกันคงทำใจได้ง่ายหน่อย ...แต่นี่เจอกันเกือบจะตลอด 24 ชั่วโมงเชียวนะ’

บรรยากาศอึมครึม ชวนอืดอัดเข้าปกคลุมห้องอย่างรวดเร็วเมื่อประตูปิดลง 2 หนุ่มนั่งอยู่บนขอบเตียงของตนเอง หันหน้าเข้าหากัน ต้นข้าวพยายามจ้องหน้าเพื่อนรักแต่สายฟ้ากลับเอาแต่ก้มหน้า

“ฟ้า วันนี้ฟ้าเป็นอะไร บอกเราได้ไหม”

“ไม่มีอะไรหรอกต้น แค่เครียด ๆ นิดหน่อย” สายฟ้าก้มหน้าตอบเสียงเนือยเบา

“นี่เครียดอะไรบอกเราสิ เผื่อเราจะช่วยแบ่งเบาความทุกข์ของนายได้บ้าง”
“..........”
“ฟ้า เราเป็นเพื่อนกันนะ คบกันมาตั้ง 6 ปีกว่าแล้ว นายเป็นอะไรทำไมเราจะไม่รู้ นายเป็นแบบนี้เราไม่สบายใจรู้ไหม”

“ต้น......” เสียงหนุ่มน้อยร่างเล็กเริ่มสันเครืออย่างชัดเจน ทรวงอกสะท้อนขึ้นลงตามแรงสะอื้น เป็นจังหวะ แรงขึ้น ๆ หยดน้ำใส ๆ หยดติ๋งลงพื้นห้อง

“เพราะนายนั่นใช่ไหม...”

“ต้น.....หยุดเถอะ เราขอร้องอย่าซักเราอีกเลย...ฮือออ” สายฟ้าโถมตัวเข้าสวมกอดเพื่อนรัก ปล่อยโฮออกมาอย่างสุดที่จะทานไหว
“เค้าไม่เกี่ยวอะไรด้วยหรอกนะต้น เค้าไม่เกี่ยว ไม่เกี่ยวเลยซักนิด ...เรามันบ้า เราคิดไปเองคนเดียว เราผิดเอง อย่าโทษเค้าเลยนะต้น...”

ต้นข้าวกอดตอบเพื่อนรักของเขา หยดน้ำใส ๆ เริ่มที่จะเอ่อล้นออกมาคลอพร้อมที่หยดลงทุกเมื่อ หนุ่มร่างบางเงยหน้าขึ้นพยายามกลั้นน้ำตาไว้ให้มันไหลย้อนกลับอย่างสุดความสามารถ ไม่ได้สิ เวลานี้เพื่อนของเขาต้องการคนปลอบใจ
‘นายจะอ่อนแอไปอีกคนไม่ได้นะต้น นายต้องเข้มแข็งเข้าไว้’

“ตลอดเวลาที่ผ่านมา...เค้าไม่เคยมีทีท่าอะไรกับเราเลยแม้แต่น้อย แต่เรากลับเหมารวมเอาว่ามิตรภาพและไมตรีที่เค้ามีให้ มันเป็นอะไรที่มากกว่านั้น ทั้งที่จริงมันไม่ใช่ ไม่ได้พิเศษอะไร มันก็เหมือนกับเค้ามีให้กับทุกคน แต่วันนี้เรารู้แล้ว ว่ามันไม่ใช่ เค้าก็แค่คนปกติคนนึง แต่เราพยายามจะดึงให้เค้ามาเป็นเหมือนเรา เรามันบ้า เรามันไม่ดี...เราจะทำลายชีวิตเค้ารึไง....” สายฟ้ายังคงพูดด้วยเสียงสะอื้น

“อืม...เราเข้าใจนะ ว่ามันยาก มันเจ็บ แต่ฟ้าต้องเข้มแข็ง รู้ไหม...นายยังมีเรานะฟ้า คนที่พร้อมจะเคียงข้างนายเสมอ” ต้นข้าวจับต้นแขนสองข้าง ของหนุ่มตัวเล็กกว่าผลักออกจากลำตัว เขาใช้นิ้วหัวแม่มือ ปราดหยดน้ำตาที่ไหลนองแก้มออกอย่างแผ่วเบา

“ต้น....เราตัดสินใจแล้ว เราจะตัดใจจากเค้าล่ะ เราสัญญา เราจะเข้มแข็งเราจะทำให้ได้...” เสียงพูดยังสะอื้นสั่นเครือไม่หยุด แต่แฝงไว้ด้วยความหนักแน่นและเด็ดเดี่ยว

“จ้า...พ่อคนเก่ง....งั้นก็หยุดขี้แงซักทีสิ ดูสิทำเสื้อเราเปียกหมดแล้ว มิหนำซ้ำเกือบพาลพาเราร้องไห้ไปด้วยอีกคน”
ต้นข้าวพูดลากเสียงเชิงล้อเลียน พลางใช่นิ้วหัวแม่มือหยิกสองแก้มป่องเปื้อนคาบน้ำตาของหนุ่มเพื่อนรักขยี้ไปมาเบา ๆ อย่างเอ็นดู

“ทำยังกับนายเป็นพี่ชายเรายังงั้นแหละ”

“อ๊ะ เป็นให้ก็ได้นะ ไอ้คุณน้องฟ้าจอมขี้แยสุดที่รักของพี่ต้น...”
   
   “ไอ้พี่ต้นแก....บังอาจเรียกเราจอมขี้แย แบบนี้ต้องจับจี้เอวซะให้เข็ด”
 “....ฮะฮะฮะ...” บรรยากาศตอนนี้ กลายเป็นเสียงหัวเราะทั้งน้ำตา แบบว่าขำ ๆ น้ำตาเล็ดไปซะแล้ว กว่าจะหยุดวิ่งไล่กวดกันได้ก็เล่นเอาหอบแฮ่ก ๆ กันไปทั้งคู่

“ไปอาบน้ำได้แล้วน้องฟ้าของพี่ เดี๋ยวไอ้หมอนั่นกลับมารู้ว่ามีคนขี้แงร้องไห้ขี้มูกโป่งจะโดนล้อเอานะ”

“จ้ะ ไอพี่ต้น...เดี๋ยวเหอะ ยังไม่หยุดเล่นอีกนะ....ไปอาบน้ำแล่ววว... ช่วยเก็บของด้วยละกัน กระจัดกระจายเกลื่อนห้องไปหมด”

“ค้าบ เจ้านาย...” ยอมเป็นเบ๊ซักวันวะ ยังไงก็ยังโล่งอกที่ทำให้เจ้าตัวเล็กหัวเราะได้ จะได้หายเศร้าได้บ้าง ไม่มากก็น้อยล่ะ

........สายน้ำเย็นฉ่ำจากฝักบัวซ่านเซ็นกระทบผิวกายจนเปียกชุ่ม ความเย็นจากสายน้ำแผ่ไปทั่วทุกอณูผิว ช่วยให้จิตใจที่ดูหดหู่ และเหี่ยวเฉาของสายฟ้าได้สดชื่นขึ้นมาบ้าง แต่จะให้กลับคืนสู่สภาพปกติเลยทีเดียวคงต้องใช้เวลาอีกซักระยะ นอกเสียจากว่า จะมียาสมานแผลขนานเอกค่อยเยียวยาแผลใจดวงน้อยของเขาให้หายวันหายคืนอย่างรวดเร็วเท่านั้น

ภายใต้ความมือสนิทที่ปกคลุมไปทั้งห้อง มีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศครางอย่างแผ่วเบา และเสียงหายใจเป็นจังหวะสม่ำเสมอของหนุ่มหน้าเข้มที่หลับใหลไปอย่างรวดเร็วเพราะความเพลียจากการแข่งบาสมาช่วงหัวค่ำ
แต่ยังมีแววตาดวงน้อยที่ยังเบิกโพลง กับความคิดสับสนวุ่นวายโลดแล่นไปมาอยู่ในหัวสมอง ‘อีกนานเท่าไหร่นะ อีกนานแค่ไหน ที่จะลืมเขาได้ มันยากเหลือเกิน’ สายฟ้ามองผ่าความมืดไปยังร่างแกร่งที่นอนอยู่บนเตียงฝั่งตรงข้ามอย่างอาลัยอาวรณ์ ก่อนถอนหายใจเฮือกใหญ่ กว่าหนุ่มน้อยจะหยุดความคิดวุ่นวายและบังคับจิตใจที่ว้าวุ่นให้สงบลงได้ และย่างก้าวเข้าสู่ห้วงนิทราก็เลยเวลาสองยามเศษเข้าไปแล้ว

ยังมีสายตาอีกคู่ ที่ยังไม่ยอมหลับใหล เขาเฝ้ามองอาการกระสับกระส่ายของเพื่อนรักอยู่ท่ามกลางความมืดของรัตติกาล เมื่อเพื่อนของเขายังไม่หายทุกข์ใจ เขาจะหลับตาลงได้อย่างไร ‘นายต้องทำได้นะฟ้า เราเชื่อมั่นในตัวนาย นายต้องทำได้ อีกไม่นาน นายจะกลับมาเป็นสายฟ้าน้อย ผู้สดใสร่าเริงเหมือนเดิม’
‘แล้วไอ้หมอนั่น มีใครคนนั้นจริง ๆ น่ะหรือ ทำไมอยู่ดี ๆ ใจมันถึงวูบแบบนี้ล่ะ เพราะอะไร ....อ๊าก....ปลอบเพื่อนมาหยก ๆ กลับเป็นซะเองตรู’
เมื่อเห็นว่าเพื่อนตัวน้อยของเขา เข้าสู่ห้วงนิทรารมย์อย่างแท้จริง ต้นข้าวจึงถึงคราปิดเปลือกตาลงและผล็อยหลับไปอย่างง่วงงัน


…………………………………………………………………………………………………
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 04-06-2007 09:32:10
น้องเข็มแรงมากกกกกกกกก ต่อไปต้องกลายเป็นตัวปัญหาแน่ๆ

แล้วประทับใจความรักระหว่างเพื่อนของต้นข้าวกับสายฟ้ามากเลยคับ ซึ้งๆๆๆ :impress:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 04-06-2007 11:38:59
มาเป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: FOAM ที่ 04-06-2007 12:13:43
สู้เค้าน้า ทั้งต้น และ ฟ้า o12 o12 o12 o12 o12 o12
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 04-06-2007 18:12:49
แปะไว้ก่อนนะครับ

เดี๋ยวมาอ่าน

คิกคิก

 :kikkik:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 04-06-2007 18:59:56
ยัยเข็มแรงจริงๆ  แต่ขอขำเธอหน่อยเถอะ  แบบจินตนาการภาพสาวสวยดาวคณะ  พูดแบบนั้นแทบไม่ออกเลย  หน้ามือเป็นหลังมือจริงๆ 55

โธ่  สงสารสายฟ้าอะ  รักเขาข้าวเดียว  ตอนนี้ต้นน่ารักดี   :like6:

รออ่านต่อจ้า  :impress:

ปล กานต์เรื่องที่ฝากถาม อืม.. ไปดูในลิสต์มาแย้วว  เหมือนไม่มีตัวนี้เพียวๆให้ซื้ออะ มีแต่ในอาหารเสริม  :sad2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 04-06-2007 19:36:19
อกหักกับแอบรักเขา อย่างใดเล่าจะช้ำกว่ากัน  :sad2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: A GE ที่ 04-06-2007 19:54:16
 :impress2: :impress2:  หวังว่าคุณพี่สายชลจะมาเปนยาสมานใจให้คุณน้องสายฟ้าเร็วนะครับ o17 o17 

 :o :o แล้วอาการใจหายวูบๆขอบคุณต้นเนี่ยะ  มันยังไงๆอยู่นา :haun5: :haun5:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 04-06-2007 23:58:49
โอ๋ๆ นู๋ฟ้าอย่าร้องไห้นะ
เดี๋ยวพี่สายชลก็มาปลอบแล้ว :haun5: :haun5: :haun5: :haun5:

ยัยเข็มนี่แรงนะ
ท่าทางจะป่วนไปได้หลายฉากเลยนะเนี่ย
 o16 o16 o16
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 05-06-2007 00:26:32
อกหักกับแอบรักเขา อย่างใดเล่าจะช้ำกว่ากัน  :sad2:

เฮ้อ มันมีแต่ช้ำกับช้ำ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: sabishiikant ที่ 05-06-2007 06:48:16
“นี่ต้น เธอเป็นเมทของไผ่ใช่มะ ได้ข่าวว่าเป็นเพื่อนกันมาแต่โรงเรียนเก่าด้วยนี่” สาวสวยดาวคณะเดินเข้ามาคุยกับหนุ่มหน้าใส ระหว่างหยุดพักเหนื่อยจากการซ้อมเชียร์ลีดเดอร์

“อืม ไมหรอ”

“ไผ่ มีแฟนรึยัง” คำถามนี้เล่นเอาหนุ่มร่างบางแทบสำลักน้ำที่กำลังดื่มอยู่ เพื่อนสาวคนสวยดาวคณะคนนี้ชั่งกล้าถามแบบตรง ๆ อย่างไม่อ้อมค้อมเลยซักนิด

“ไม่รู้สิ ไม่ได้สนใจ ทำไมไม่ถามเค้าเองล่ะ” ถามถึงใครไม่ถาม มาถามถึงคนที่เขาไม่ชอบขี้หน้าอยู่แล้วถึงจะมาจากโรงเรียนเดียวกัน พักห้องเดียวกันก็เถอะ

“อะไรเนี่ย เป็นเพื่อนกันภาษาไร ไม่รู้เรื่องของเพื่อนซักอย่าง...งั้น ขอบใจไม่กวนละ” ถึงมีก็คงไม่แปลกอะไรและคงไม่หนักหนาสาหัสถ้าปานฝันคิดจะแย่งมาซะอย่าง

‘เหอะ ก็ตรูไม่รู้นี่ฟระ นายนั่นจะเป็นจะตายก็ไม่ได้สนใจอยู่แล้วนี่ แต่...เข็มสนใจนายนั่นหรอ...’ แล้วทำไมหัวใจเขาเกิดหวิว ๆ ขึ้นมาอย่างพิกลล่ะ

“...เอ้าน้อง ๆ คะ มาตั้งแถวกันต่อเลยค่ะ รีบ ๆ ด้วย ถ้าไม่ได้ท่านี้ เดี๋ยวดึกนะ...” เสียงพี่ที่คุมซ้อมหลีด ตะโกนเรียกรุ่นน้องไปเข้าแถวซักซ้อมกันต่อ ช่วยปลุกหนุ่มหน้าใสตื่นจากภวังค์น้อย ๆ แล้วรีบกุลีกุจอ ไปร่วมซ้อมกับเพื่อน ๆ ต่อทันที

ใกล้วันปิดการแข่งขันกีฬาภายในเข้ามาทุกทีแล้ว สแตนเชียร์และเชียร์ลีดเดอร์ของทุกคณะต่างโหมซ้อมกันอย่างหนักโดยเฉพาะเชียร์ลีดเดอร์จะแยกซ้อมต่างหากจากสแตนด์ บางวันซ้อมกันจนดึกจนดื่น ก่อนจะมีการนำหลีดไปซ้อมเข้ากับสแตนด์บ้างเป็นบางครั้งและในวันซ้อมใหญ่ของแต่ละคณะ
“วันนี้ฟ้าเลิกซ้อมรึยังนะ” ต้นข้าวบ่นพึมพำขณะเดินออกมาจากคณะหลังเลิกซ้อมเวลาเกือบ 5 ทุ่มแล้ว
“....ตู๊ดดด.....ตู๊ดดด....ตู๊ดดด ๆ ๆ ๆ” ตรูไม่ช่ายตุ๊ดว้อย..... ‘รับสิฟ้า ปล่อยให้ไอ้โทรศัพท์บ้านี่ด่าเราอยู่ได้’ “....ท่านกำลังเข้าสู่บริการฝากหมายเลขโทรกลับ....Welcome to ………”

“ไม่รับโทรศัพท์ สงสัยยังซ้อมอยู่มั้ง ไปรอที่ห้องดีกว่า” ต้นข้าวเดินมาขึ้นรถไฟฟ้าที่หน้าคณะเพื่อเดินทางกลับห้องพัก


“โอ๊ย....” ขณะที่ต้นข้าวกำลังจะเปิดประตูเข้าห้องไปก็ชนโครมเข้ากับร่างหนาแกร่งอย่างจังจนคนร่างบางเซถลาเกือบจะล้ม แต่ทิวไผ่คว้ามือหนุ่มหน้าใสไว้ได้ทัน

“จะรีบไปตายที่ไหนเนี่ย เดินไม่ดูตาม้าตาเรือเลย เจ็บนะเฟร้ย” เมื่อตั้งตัวได้คำพูดมากมายก็พรั่งพรูออกมาสาดใส่อย่างไม่ยั้ง
“ปล่อยซะทีเดะ” เมื่อเห็นว่าหนุ่มหน้าเข้มตัวแสบมีทีท่าจะไม่ยอมปล่อยมือเขาง่าย ๆ

“ไม่ปล่อย ขอบคุณซักคำก่อน” ทิวไผ่ทำสีหน้ากรุ้มกริ่มมือแข็งแรงกำข้อมือน้อย ๆ ของหนุ่มหน้าใสไว้แน่น

“ปล่อยยย.....”  ต้นข้าวสะบัดข้อมืออย่างแรง จนรู้สึกเจ็บแปรบที่ท่อนแขน แต่หาได้หลุดพ้นจากเกาะกุมไม่

‘.........ยิ่งร้ายก็ยิ่งรัก รัก เธอ ไม่รู้ทำไมไม่เคย คิดจะเกลียดเธอซักครั้ง ส่วนลึกมันเรียกร้อง ให้เธอรับฟัง แอบหวังคงมีสักวัน เราจะเข้า ใจกัน ซักที...........’

เสียงเรียกเข้ามือถือของทิวไผ่ดังลั่น เขาสะดุ้งน้อย ๆ ก่อนปล่อยมือออกอย่างรวดเร็วเพื่อรับโทรศัพท์ เมื่อหลุดพ้นพันธนาการ ต้นข้าวสะบัดข้อมือเบา ๆ คลายอาการเคล็ด

“หวัดดีครับเข็ม...เดี๋ยวไผ่จะลงไปเดี๋ยวนี้ละครับ บายจ้ะ เดี๋ยวเจอกันครับ...” เขาวางสายไป
“ฝากไว้ก่อนนะ เดี๋ยวจะมาเอาคืน...ไปล่ะ” ทิวไผ่ทำหน้ายียวน ก่อนหันหลังรีบเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับถุงกระดาษที่ติดมืออยู่ก่อนแล้ว
   
   “ไม่รับฝากเว้ย....” ต้นข้าวตะโกนตามหลังไปแต่กลับได้รับการตอบกลับมาเป็นเสียงปิดประตูดังปังเบา ๆ
   ‘ยัยเข็ม....อย่างนี้นี่เอง ซ้อมหลีดเสร็จก็นัดผู้ชายออกไปหาเลยนะ...’ ต้นข้าวพึมพำพร้อมความคิดว้าวุ่นสับสนวุ่นวายเกี่ยวกับหนุ่มหน้าคมเข้ม ประทังเข้ามาในหัวอย่างไม่ทราบสาเหตุ ‘หึงแทนเพื่อน...รึเปล่า…? เพราะอะไรล่ะ ในเมื่อสายฟ้าบอกจะตัดใจอย่างเด็ดขาดแล้วนี่....อ๊าก....บ้าอีกแล้วไอ้ต้น เพราะแก ไอ้ขี้เก๊ก ตัวสร้างปัญหา...’ เมื่อหาสาเหตุไม่ได้ การกล่าวโทษดูจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดในเวลานี้
   
ต้นข้าวเดินหน้าบึ้งตึงอย่างหงุดหงิดออกไปเอาผ้าเช็ดตัวที่ผึ่งลมไว้ที่ระเบียงเพื่อเตรียมตัวอาบน้ำ แต่แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นชายหญิงคู่หนึ่งยืนคุยกันอยู่ข้างถนนหน้าหอพักเบื้องล่าง
‘เฮ่ย มาหาถึงที่เลยเหรอ’ แบบนี้มันช่วยไม่ได้ ต่อหน้าต่อตาต้องแอบดู การกระทำไวเท่าความคิดต้นข้าวพยายามเพ่งสายตาไปที่คนทั้งคู่ อย่างไม่ยอมคลาดสายตา แต่หัวใจเขากลับเต้นตุบ ๆ แรงขึ้นเรื่อย ๆ
 ‘พูดอะไรกันเนี่ย ไม่ได้ยินเลย อยากรู้ว้อย.....’ เพราะอยู่ไกลเกินไป ต้นข้าวจึงไม่ได้ยินการสนทนาของคนทั้งคู่ มันยิ่งทำให้เขาหงุดหงิดมากขึ้นไปอีกเป็นเท่าตัว
‘อ๊าก...มีการจับมือถือแขนกันด้วย ให้ของกันอีกตะหาก แล้วในถุงนั่น มีอะไร.....ยัยนั่นก็เล่นตัวซะยื้อยุดอยู่ได้” อะไรเข้าสิงเขาไม่รู้ถึงได้เกิดอารมณ์เป็นเดือดเป็นแค้นบ้าบอได้ขนาดนี้
‘โอ๊ย....ไปอาบน้ำแล้วว้อย ไม่ดงไม่ดูมันแล้ว ยังกะดูละครใบ้ รมณ์เสีย…’ หนุ่มร่างบางดึงเอาผ้าเช็ดตัวที่พาดอยู่บนราวตากผ้าที่ใช้กำบังตัวเมื่อซักครู่เดินเข้าห้องไปอย่างหงุดหหงิด

สายน้ำเย็น ๆ จากฝักบัวในคราวนี้คงจะช่วยบรรเทาอารมณ์เดือดพล่านของเขา จากภาพที่เห็นเมื่อซักครู่ให้เย็นลงได้ ‘อย่างนี้นี่เอง วันนั้นไอ้ฟ้ามันคงไปเห็นภาพอะไรบาดตาบาดใจมาแน่ ๆ เลย’ มือเรียวลูบไล้สบู่เหลวไปตามส่วนของร่างกาย แต่สมองกับครุ่นคิดอยู่กับอีกเรื่องอย่าง ไม่ได้ใส่ใจกับการอาบน้ำเลยแม้แต่น้อย
‘แล้วนี่ฟ้ามันจะตัดใจแล้ว มันบอกเป็นมั่นเป็นเหมาะ แล้วเรามาบ้าคิดมากแทนมันทำไมวะ’ คิดมากแทนเพื่อนรึเปล่า หรือเพราะใจดวงน้อยของเขาสั่งมาเองก็ไม่รู้ แต่ตอนนี้น้ำแชมพูสระผมที่ฟอกไว้บนหัวไหลอาบลงมาเข้าตาเขาเข้าให้แล้ว
“อ๊าก...แสบ ๆ ๆ” ต้นข้าวกวักน้ำในอ่างล้างหน้าขึ้นล้างดวงตาเป็นพัลวัน

“ต้น ๆ เป็นอะไร ร้องลั่นเชียว” สายฟ้าเดินเข้าห้องมาได้ยินเสียงร้องของเพื่อนรักเขาเข้าพอดี

“ไม่มีไร แชมพูเข้าตาน่ะ” ต้นข้าวตอบกลับออกมาจากในห้องน้ำ

“วันนี้กลับดึกจัง แล้วก่อนขึ้นมานายเจออะไรไหม” ต้นข้าวยิงคำถามลองเชิงเพื่อนรักทันทีที่ออกมาจากห้องน้ำ

“พี่เค้าอยากให้ฟิต ๆ ไว้น่ะ.....อืมเจอ เจอยามหน้าตึก ทำไมหรอ”

“เออนะอารมณ์ยังดีอยู่ หายห่วงละ”

“นี่มีอะไรหรอ อย่ามาทำให้อยากแล้วจากไปดิ”

“เปล่า..... เออ ๆ ก็ได้ ไผ่กะเข็ม เจอไหม”

“ก็....เจอ” สายฟ้าตอบแผ่วเบา กับใบหน้าเรียบเฉย แต่สายตามันฟ้อง ต้นข้าวหันมาสบตาเพื่อนรักขณะกำลังเช็ดผมให้แห้ง

“เอ่อ....เราขอโทษนะ ไม่น่าถามนายแบบนี้เลย” หนุ่มหน้าใสแววตาหม่นลงทันทีอย่างรู้สึกผิด

“ไม่เป็นไรน่า...อย่าคิดมากดิ เราบอกกับนายแล้วไม่ใช่เหรอ นายมั่นใจเถอะ เราต้องทำได้แน่ ถึงมันจะยากและนานซักเท่าใดก็ตาม ขอเวลาเราหน่อยนะต้น”
หนุ่มร่างเล็กตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แล้วเสียงก็เปลี่ยนเป็นแผ่วเบาลงพร้อมแววตาฉายความเศร้าสร้อย
ต้นข้าวเดินเข้ามานั่งเคียงข้างหนุ่มน้อยแล้วโอบไหล่ไว้พลางตบเบา ๆ อย่างให้กำลังใจ

“สองหนุ่มซึ้งไรกันอยู่หรอครับ ผมขัดจังหวะปะเนี่ย” เสียงทุ้ม ๆ ดังขึ้นมาหลังจากเสียงประตูห้องเปิดออก

“ใช่ ขัดมาก ๆ เพื่อนรักเค้าคุยกันอยู่คนอะไรไม่มีมารยาท” อารมณ์หงุดหงิดที่ค้างเก่าชั่งถึงเวลาเข้าผสมโรงระบายออกได้เหมาะเจาะเสียงจริง ต้นข้าวตอบไปแต่ไม่หันไปมองใบหน้าคมเข้มนั้น แล้วเด้งตัวลุกขึ้นไปแต่งตัวต่ออย่างรวดเร็ว

“งั้นต้องขอโทษด้วยนะครับ เอ่อ...ว่าแต่ว่าวันนี้ฟ้ากลับดึกจังนะครับ”

“พี่เค้าสอนท่ายากให้น่ะครับ เลยเลิกช้า” สายฟ้ายิ้ม แล้วตอบไปอย่างไม่ยอมสบตาด้วย กลัวว่าคนที่ตนสนทนาด้วยรู้ความในใจที่แอบซ่อนไว้

“ว่าแต่นายล่ะ ดาว เดือนคณะ ชั่งเหมาะสมกันจังนะ” ต้นข้าวค่อนขอดกลับทันควัน ทิวไผ่ทำหน้างงนิด ๆ
“ทำไมขึ้นมาเร็วจังจ๊ะ นึกว่าจะออกไปต่อข้างนอกกันซะอีก อุ๊บ...” ไม่ทันแล้ว พูดไปแล้ว

 “อ่านะ อะไรหรอ เอ๋...รึว่านายแอบดู” ทิวไผ่พูดเสียงเล็กเสียงน้อย

“แอบดูบ้าไร เราอาบน้ำอยู่ว้อย ไม่ใช่โรคจิตนะ จะได้ไปถ้ำมองชาวบ้านจู๋จี๋กันข้างถนนน่ะ...อุ๊บ...” อ๊าก....อีกแล้วตรู ไอ้ต้น......ดูเหมือนยิ่งพูดอารมณ์จะยิ่งพาไปเผยไต๋ตัวเองซะหมดล่ะทีนี้ ยิ่งพูดยิ่งมัดตัวเอง แถมมันยังรู้สึกจี๊ดที่หัวใจแปลก ๆ อีกตะหาก ไม่เอา ๆ งั้นเลิกพูดดีกว่า

“นั่นสิครับไผ่ ต้นแอบดูอะไรหรอ” สายฟ้าทำหน้าฉงนได้เนียนมาก ๆ

‘เอาตัวรอดเก่งนะนาย เออเนอะ เรามันแกว่งปากหาเสี้ยนเองนิ’

“ฟ้าอยากรู้ก็ถามเพื่อนของฟ้าดูสิครับ ว่าแอบดูอะไร ใช่มั้ยต้น…” หนุ่มหน้าเข้มลากเสียงล้อ ยิ้มกรุ้มกริ่ม อย่างอารมณ์ดี แล้วหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไป

“ไอ้ ๆ ๆ ไอ้บ้า” หมดปัญญา แพ้ภัยปากตัวเองอย่างราบคราบ ได้แต่ก่นด่าตามหลังไป

สายฟ้ายักคิ้วและยิ้มให้กำลังใจ ในความผิดพลาดจนตกเป็นรองของเพื่อนรัก

...
(ถนนหอพักเมื่อซักครู่ก่อนหน้านี้)


“หวัดดีค่ะ ไผ่ เข็มต้องขอโทษด้วยนะคะที่ไม่ได้โทรหาเมื่อคืนก่อน” สาวสวยดาวคณะกล่าวทักทายเพื่อนหนุ่ม

“ดีครับ แหม เข็มไม่ต้องลำบากก็ได้ครับ” หนุ่มหน้าเข้มกล่าวทักทายตอบตามมารยาท และเขาก็สังเกตเห็นริ้วรอยจาง ๆ บนใบหน้าสวยนั้นด้วยแสงจากหลอดไฟข้างถนน ถึงแม้เธอจะพยายามแต่งหน้าให้เข้มเป็นพิเศษก็ตามที ‘คงมีเรื่องมาคืนนั้นสินะ’

“เข็มโทรนัดผมออกมามีอะไรหรือเปล่าครับ”

“อ๋อ ไม่มีหรอกค่ะ แค่คิดถึงเลยมาหา ได้เจอหน้าไผ่ก่อนนอนเข็มจะได้นอนหลับฝันดีน่ะค่ะ” ทิวไผ่เกิดอาการเหวอเข้าให้อีกแล้วกับวาจาและสายตายั่วยวนเชิญชวน ของแม่สาวคนนี้ เธอชั่งดูจัดจ้านเหลือเกินไม่ค่อยเข้ากับใบหน้าสวยแววตาไร้เดียงสาของเธอเวลาอยู่ต่อหน้าคนส่วนใหญ่เลยสักนิด

“เหอะๆ…ครับ” หนุ่มหน้าเข้มหน้าเจื่อน ไม่กล้าสบตาคู่สวยและร้อนแรงนั้นแบบตรง ๆ

“เอ้อ...เข็มครับ เรื่องของขวัญนี่... ผม....รับไว้ไม่ได้จริง ๆ ครับ อย่าหาว่าผมรังเกียจที่ไม่ยอมรับมันไว้เลยนะครับ” ทิวไผ่พยายามรวบรวมความกล้า และเอ่ยปากพูดอย่างยากเย็น แต่กระนั้นก็ไม่วายประหม่าอยู่ดี

“อ้าว ทำไมล่ะคะ เข็มอุตส่าห์ซื้อให้คุณด้วยใจจริงนะ” สาวเจ้าทำหน้างุนงง

“แต่.....”

“น่า.... รับไว้เถอะค่ะ นึกซะว่า เพื่อนให้เพื่อนก็ได้นี่คะ” เธอพยายามบ่ายเบี่ยงที่จะยอมรับของคืน ‘เสียฟอร์มหมดสิยะ ผู้ชายเอาของมาคืน มันเป็นการปฏิเสธเยื่อใยกันชัด ๆ’

“คือ....มันดูไม่ค่อยเหมาะสม ยังไง ไม่รู้น่ะครับ ผมต่างหากที่ควรจะให้ของขวัญเข็มมากกว่า ไม่ใช่เข็มมาให้ผม แบบนี้” หนุ่มหน้าเข้มพูดเก้ ๆ กัง ๆ ด้วยเสียงเนือยเบา อย่างเขินอาย

หาว่าชั้นแรดเหรอเนี่ย ? “งั้น.....ไผ่ จะให้อะไรเข็มดีล่ะคะ” ไม่บอกก็คงรู้ว่าความหมายของเธอ ว่าต้องการอะไรจากเขากันแน่ สาวเจ้าจีบปากจีบคอ ยั่วยวนสุดฤทธิ์ มิหนำซ้ำยังกรีดนิ้วลูบไล้ตนแขนเขาไปมา จนทิวไผ่ขนลุกเกรียว

‘ไม่ได้การละ เล่นกับใครไม่เล่น มาเล่นกับแม่เสือสาวซะนี่.... ต้องชิงตัดไฟตั้งแต่ต้นลม’
“เข็มครับ... ผมขอโทษนะครับ ผมรับไว้ไม่ได้จริง ๆ นะ หอจะปิดแล้ว เดี๋ยวผมขอตัวขึ้นห้องก่อนนะครับ”
ทิวไผ่ฉวยมือหล่อนขึ้นมาแล้วยัดเยียดถุงกระดาษที่มีกล่องของขวัญที่หล่อนให้เขาอยู่ภายในใส่มือเธอไว้ ซึ่งเขายังไม่ได้เปิดดูว่าเป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย

“เดี๋ยวสิคะไผ่....”

“ไว้เจอกันพรุ่งนี้ครับ วันนี้ดึกแล้ว ราตรีสวัสดิ์ครับ” เขากล่าวลาแล้วรีบหันหลังเดินขึ้นหอไปโดยไม่ได้หันกลับมามองอีกเลย สาวน้อยหน้าบูดบึ้งอย่างขัดใจ

“ไอ้ผู้ชายทึ่มเอ๊ย หล่อซะเปล่า แม่อุตส่าห์หอบ...มาเสนอถึงที่ เจือกไม่เอาอีก โง่แบบแกฉันไม่เอาแล้วโว้ย เสียเวลาว่ะ แต่อย่าหวังว่าคนที่ปฏิเสธอีเข็ม จะได้เสวยสุขกับอีหน้าไหนได้อย่างมีความสุขนะเมิง...”
คราบสาวน้อยผู้ใสซื่อไร้เดียงสา ที่สร้างภาพมามันหดหายไม่มีเหลือ ตอนนี้ปานฝันเหมือนกับนังเสือร้ายที่พลาดหวังจากเหยื่ออันโอชะไปต่อหน้าต่อตา หล่อนเขวี้ยงถุงกล่องของขวัญที่ทิวไผ่คืนให้ลงพื้น กระทืบอย่างแค้นเคือง ก่อนเตะมันกระเด็นเข้าป่าหญ้าข้างทางไปอย่างไม่ใยดี ก่อนจะสตาร์ทรถออกไปอย่างรวดเร็ว

ปานฝันบึ่งรถไปจอดอยู่หน้าบาร์แห่งหนึ่งข้าง ม. แล้วเดินเข้าไปนั่งข้างในสั่งมิกเซอร์มาดื่ม เพื่อบรรเทาอารมณ์เสีย  ท่ามกลางเสียงเพลงที่ดังอย่างอึกทึกคึกโครม จนปวดแก้วหู
“เฮ่ย... อีอ้อม มรึงออกมาหากรูที่บางกอกด่วน คืนนี้ไม่ข้งไม่เข้าหอแมร่งมันแล้วโว้ย เซ็ง... นั่งแดร๊กเหล้า คอยหิ้วอีพวกผู้ชายจอมหื่นไปสนุกกันดีกว่า....”
นังเสือสาวโทรจิกเพื่อนคู่ใจออกไปท่องราตรีเป็นเพื่อนหล่อน บรรยากาศภายในบาร์นั้นดูมืดสลัว แสงไฟลากสีกระพริบสลับกันไปมาอย่างน่าเวียนหัว แต่กลับดูแสนจะศิวิไลซ์สำหรับนักดื่มนักเที่ยวทั้งหลายไม่น้อย


…………………………………………………………………………………………………

หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 05-06-2007 12:28:18
ตามมาทันแล้นนนน

สงสารฟ้าจังเลย

ท่าทางเรื่องจะไม่จบง่ายๆ

รอดูต่อปายยยยยย

 :o11:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 05-06-2007 13:23:13
อิอิ นายต้น ตายเพราะปากแท้ๆ

แต่แม่เข็มนั้นก็ อีด-อก มากเลยนะ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Daow ที่ 05-06-2007 19:43:10
ต๊ายยยยยยยยยยยยย ไผ่จ๋า ฉลาดมาก นึกว่าจะไม่รู้เท่าทันมารยาหญิงซะอีก
ดีแล้วตัดให้ขาดดัง ฉับๆๆๆ

เค้ามีตัวจริงอยู่แล้วย่ะ ยัยเข็มทู่ เชอะๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 05-06-2007 19:54:35
ยายเข็มที่แรงเกินจริงไปรึเปล่า  :try2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: RN ที่ 05-06-2007 20:49:42
ตามมารออ่านนนนนนน

ขอบคุณนะ ที่มาลงให้อ่านอ่ะ..อิอิ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 06-06-2007 00:12:05
ยัยเข็ม...แรงนะยะหล่อน :try2:
ชิ o12 o12 o12

หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: sabishiikant ที่ 06-06-2007 03:40:08
   หลังจากแต่ละคณะทุ่มเทกำลังแรงกายแรงใจซักซ้อมกันมาอย่างหนัก ก็ถึงเวลาโชว์สปิริตเชียร์ หรือสแตนเชียร์กันแล้วในเย็นวันสุดท้ายของสัปดาห์ที่สอง ในการแข่งขันกีฬาภายในของมหาวิทยาลัย
   18 สโมสรนิสิต ต่างผลัดเปลี่ยนกันขึ้นโชว์พลังความสามัคคี ความคิดสร้างสรรค์และความสวยงามของทีมเชียร์ของตนอย่างเต็มความสามารถ
ถึงแม้ว่าจะไม่มีการประกวดประชันขันแข่งอะไรกัน เพราะเป็นธรรมเนียมของทางมหาวิทยาลัยที่ต้องการให้ทุกคณะรู้จักความสามัคคีกลมเกลียวกันมากกว่า ไม่ใช่แต่จะมุ่งเอาชนะกันและกัน แต่กระนั้นทุกสโมสรฯ ก็ทุ่มเทอย่างสุดกำลังความสามารถ เพราะมันคือศักดิ์ศรีของคณะนั่นเอง
คณะแรกขึ้นโชว์ตั้งแต่ 4 โมงเย็น จนถึงคณะสุดท้ายขึ้นโชว์จบลงตอน 4 ทุ่ม เสียงเชียร์ เสียงกรีดร้อง ตบมือชื่นชมของรุ่นพี่และผู้ชมคือยาชูกำลังขนานเอก ทุกคนต่างไชโยโห่ร้องอย่างดีใจหลังจากทีมของตนเองโชว์จบลง ดูเหมือนมันจะเป็นวันแห่งความสุขของรุ่นน้องปี 1 เกือบทุกคน เพราะเป็นวันที่พวกเขาได้โชว์ความสามารถที่ได้ทุ่มเทกับการซ้อมมาตลอดหนึ่งเดือนเต็มให้รุ่นพี่ได้เห็น และที่สำคัญมันยังเป็นวันปลดแอกห้องเชียร์อีกต่างหาก จะไม่มีการต้องมาขึ้นห้องเชียร์ซ้อมตามวันเวลาที่กำหนด นั่งแหง็กตั้งแต่ 5 โมงเย็น ถึง 3 ทุ่ม อีกต่อไป ไม่มีการลงวินัยในห้องเชียร์ที่รุ่นน้องทุกคนแสนจะเกลียดอีกต่อไปแล้ว

“ฟ้ากับต้นเต้นเก่งทั้งคู่เลยนะครับ” ทิวไผ่เอ่ยปากชมสองหนุ่มหน้าใส

“ขอบใจ ที่ชม” ต้นข้าวตอบห้วน ๆ
 “ขอบคุณครับไผ่ ดีใจจังครับที่ไผ่ไปดูด้วย ที่จริงก็ไม่ได้เต้นเก่งอะไรหรอกครับ เพราะฟ้าก็ไม่เคยเป็นหลีดมาก่อน ก็แค่ทำท่าตามให้เข้ากับจังหวะ และเสียงกลองเชียร์เท่านั้นแหละครับ” สายฟ้าพูดอย่างถ่อมตัว

“อย่างนี้แหละครับเรียกว่าเก่งขนาดไม่เคยเป็นหลีดมาก่อนยังทำได้สุดยอดขนาดนี้” หนุ่มหน้าเข้มยังชมไม่หยุด จนสายฟ้าออกอาการเขิน

“เอ้อนี่ต้น เย็นวันเสาร์พี่แจงนัดเลี้ยงสายรหัสเรานะ ทำตัวให้ว่างด้วยล่ะ พี่เค้าสั่งห้ามเบี้ยวเด็ดขาด ไม่งั้นมีเคือง”

“เออน่า... รู้แล้ว พี่เค้าโทรมาบอกแล้ว”

“อ้าว...แล้วก็ไม่ยอมบอกว่าพี่บอกแล้ว หน้าแตกหมดเลย...” ทิวไผ่ทำหน้าเจื่อน พูดแหย ๆ

‘ดีสม ใครจะไปอยากเสวนากับนายนักหนาล่ะ’ ต้นข้าวกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจ

“แล้วฟ้าล่ะครับ ไปด้วยกันไหม”

“เอ่อ...ไม่รบกวนดีกว่าครับ เกรงใจพี่รหัสไผ่กับต้นน่ะ”

“ฟ้าไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ พี่เค้าให้ชวนเมทไปได้นะ”

“คือ...อีกอย่างฟ้าต้องไปทำรีพอร์ตที่บ้านเพื่อนด้วยน่ะครับ อาจมีค้างด้วย...”

“ว้า...เสียดายจัง”

“งั้น...เดี๋ยวฟ้าให้ต้นกินเผื่อนะครับ”

“แอ๊...เราเกี่ยวไรด้วยไอ้ตัวเล็ก ใครชวนก็ให้คนนั้นกินเผื่อดิ บังอาจชวนตัดหน้าเราก่อนทำไม หึ” ต้นข้าวแย้งขึ้นมาทันทีที่ถูกพาดพิงถึง

“.......ได้ ๆ เดี๋ยวห่อกลับมาฝากฟ้าละกัน” ทิวไผ่เงียบไปพักหนึ่งก่อนตอบกลับมาอย่างทีเล่นทีจริง

“บ้าดิไผ่...ทำแบบนั้นน่าเกลียด...แต่ถ้าห่อมาได้ก็ดีนะครับ” สายฟ้าตอบกลับทีเล่นทีจริงบ้าง ก่อนตามมาด้วยเสียงหัวเราะคิกคักของทั้งสองฝ่าย

...

(งานนี้เพื่อพี่รหัส ต้องสงบศึกไว้ก่อน)

เย็นวันเสาร์ในตอนแรกทิวไผ่จะเอามอเตอร์ไซค์ไป เพราะพี่รหัสบอกจะเลี้ยงที่ร้านหมูกระทะหลัง ม. แต่พี่แจงโทรมาแคนเซิลก่อนว่าจะมารับ เพราะแฟนพี่เค้าและพวกเพื่อน ๆ จะไปร่วมแจมด้วย เลยจะพาเข้าไปเลี้ยงในเมือง

รถเก๋งโตโยต้าวีออสสีบอร์นเงินเคลื่อนมาจอดอยู่หน้าร้านแห่งหนึ่ง ต้นข้าวมองสำรวจบรรยากาศภายในแล้วมันดูไม่เหมือนร้านอาหารหรือร้านหมูกระทะบุพเฟ่ต์เลยซักนิด เหมือนร้านเหล้าเสียมากกว่ามีวงดนตรีเพื่อชีวิตบรรเลงขับกล่อมแขกเหรื่ออยู่ภายในร้าน

พอเดินไปถึงโต๊ะมุมหนึ่งมีพี่ผู้ชาย 3 คน และพี่ผู้หญิงอีก 2 คน นั่งรออยู่แล้ว พี่แจงแนะนำให้ต้นข้าวกับทิวไผ่รู้จัก พี่ทั้ง 3 คน ซึ่งเป็นเพื่อนแฟนพี่เค้าเอง
หลังจากทุกคนนั่งลงทุกอย่างก็เฉลยขึ้น เมื่อวงดนตรีเล่นเพลงแฮปปี้เบิร์ทเดย์ แล้วพี่ ๆเกือบทุกคนก็ตบมือและร้องตาม ทิวไผ่กับต้นข้าวได้แต่ทำหน้างง ๆ

“วันนี้วันเกิดแฟนพี่น่ะ ช่วยหน่อยนะ” พี่แจงมากระซิบที่ข้างหูน้องรหัส ก่อนสองหนุ่มจะรีบรับมุขตามอย่างรวดเร็ว จากนั้นอาหารก็ถูกสั่งมาวางจนเต็มโต๊ะ ก่อนจะตามมาด้วยเครื่องดื่ม น้ำอักลม ประเภทน้ำส้มถูกเสิร์ฟให้ผู้หญิง แก้วเหล้าถูกตั้งลงตรงหน้าของสองหนุ่ม ทิวไผ่ดูจะไม่แปลกใจอะไรนัก แต่หนุ่มหน้าใสถึงกับนิ่งอึ้ง เขาหันไปสบตากับพี่รหัสเชิงถามอย่างสงสัยทันที

“อ้าว...น้องต้นไม่ดื่มเหล้าหรอจ๊ะ งั้น...ยายอิ๋วเปลี่ยนเป็นน้ำอัดลมให้น้องละกัน” พี่แจงพูดขึ้นแล้วหันไปบอกให้เพื่อนสาวเปลี่ยนแก้วให้ต้นข้าว

“เฮ่ย...ไม่ได้ ๆ ดูถูกกันเกินไปแล้วแกนี่ น้องเค้ายังไม่เห็นปฏิเสธอะไรเลยนะ” เสียงพี่ผู้ชายคนหนึ่งแย้งขึ้นมา

‘เอาล่ะสิ ไอ้ต้นแก เจอเข้าให้แล้วมั้ยล่ะ จะทำยังไงดีว่ะเนี่ย ถึงจะไม่ให้เสียฟอร์ม’ หนุ่มหน้าใสครุ่นคิดหาทางออกอย่างสับสนทิวไผ่เริ่มสังเกตเห็นอาการกังวลของหนุ่มร่างบางที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เขา
“เอ่อ...”

“ใช่มั้ยครับน้อง เป็นผู้ชายก็ต้องหัดกินเหล้าเป็นธรรมดาบ้างสิ ถึงจะเรียกว่าลูกผู้ชาย” ไอ้พี่คนเดิมสวนขึ้นมาก่อนที่ ต้นข้าวจะได้ทันพูดอะไร ‘ผมไม่เคยกินเหล้าจริง ๆ ครับพี่ จะทำไงดี ๆๆ…’ ต้นข้าวกระวนกระวายใจ เหมือนทิวไผ่จะรู้ใจ

“พี่ครับ คือ เพื่อนผม....”

   ‘เอาวะ...ตายเป็นตาย อย่างมากแค่น็อก ลองซักตั้งจะเป็นไร’ หนุ่มหน้าใสตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวทั้งที่ไม่แน่ใจว่าตัวเองจะทำได้หรือไม่
“....ผ...ผมกินได้ครับพี่.....ไม่ต้องเปลี่ยนแก้วหรอกครับ...ขอบคุณครับ” ต้นข้าวตอบแบบไม่เต็มเสียงสวนขึ้นมาอย่างรวดเร็วก่อนที่ทิวไผ่จะได้พูดจบประโยค
หนุ่มหน้าใสจ้องมองแก้วเหล้าตรงหน้าด้วยสีหน้าเจื่อน ๆ พลางกลืนก้อนแข็ง ๆ ลงคออย่างยากเย็น ‘ทำไมมันดูแก้วใหญ่นักวะ...เฮ้อ...’

‘หึหึ คงกลัวเสียฟอร์มสินะ คอยดูซิว่านายจะไปได้ซักกี่น้ำ ไอ้หน้าอ่อน...เอ๊ย....คนอุตส่าห์จะช่วยพูดอยู่แล้วเชียว’ หนุ่มหน้าคมเข้มลอบมองคนข้าง ๆ อย่างสบประมาท แต่เหมือนต้นข้าวจะรู้ตัวว่าถูกมองอยู่

‘นายดูถูกชั้นเรอะ เดี๋ยวจะโชว์ให้ดูว่าคนอย่างไอ้ต้นก็กินได้ว้อย แค่เหล้าเนี่ย

>>> คุยกันด้วยกระแสจิต ซะงั้น อิอิ.......

บทสนทนาบนโต๊ะอาหารดูจะออกรสชาติ และมีสีสันอย่างมาก 2 หนุ่มน้อยเป็นที่สนใจ ของรุ่นพี่สาว โดยเฉพาะ ทิวไผ่ ถูกชวนคุยอยู่ตลอดเวลา จนรุ่นพี่หนุ่มทั้งหลายอิจฉาไปตาม ๆ กัน

เวลาผ่านไปนานจนอาหารและกับแกล้มในจานพร่อง แต่เหล้าผสมในแก้วของต้นข้าวยังไม่พร่องแม้แต่หยดเดียว และเริ่มเจือจางเพราะน้ำแข็งละลาย ขนาดข้าวติดคอ หนุ่มร่างหน้าใสยังอุตส่าห์เร่งรีดน้ำย่อยมาช่วยหล่อลื่นคออย่างเต็มที่จนปวดกรามไปหมด
ทิวไผ่ดูจะไม่ยุ่งยากอะไรนัก เพราะเขาเคยดื่มกับเพื่อนฝูงมาแล้วเล็ก ๆ น้อย ๆ

แต่แล้วสวรรค์ฤาจะไม่ช่วยเขาไปตลอด เมื่อต้นข้าวกินพริกเม็ดโตที่ติดไปกับกับข้าว เข้าไปอย่างไม่รู้ตัวความเผ็ดวิ่งจี๊ดขึ้นสู่สมองจนแทบน้ำตาเล็ด จะคายทิ้งก็ดูจะเสียมารยาท เหล้าไม่เหล้าไม่สนแล้วตอนนี้ หนุ่มหน้าใสคว้าแก้วได้ก็ยกกระดกลงคอทันที เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด แทนที่จะหายเผ็ด กับมีรสชาติออกแนวขม ๆ ของเหล้าเข้ามาอีก แต่ก็ต้องทนกล้ำกลืนลงท้องไปเกือบจะหมดแก้ว
‘แหวะ ขมชะมัด อร่อยตรงไหนวะ ทำไมคนถึงชอบกินกันนัก’ ต้นข้าวก้มหน้าเหยเก สบถในใจตามประสาคนพึ่งเคยกินเหล้าครั้งแรก

“หึหึ” หนุ่มหน้าเข้มกลั้วหัวเราะในลำคอ กับสีหน้าหนุ่มหน้าใส แต่คนข้าง ๆ ก็ยังอุตส่าห์ได้ยิน
“อะ...โอ๊ะ...” เท้าของทิวไผ่ถูกกระทืบอย่างจัง ใบหน้าเริ่มออกอาการเจ็บปวดนิด ๆ แต่เขาพยายามกั้นเสียงร้องเอาไว้ ‘….นี่คือ โทษฐานที่หัวเราะเยาะ....’ ต้นข้าวมีสีหน้ากรุ้มกริ่มอย่างสะใจ

“น้องไผ่เป็นอะไรหรอคะ ทำไม....”

“อ่อ...เปล่าหรอกครับ ผมจะบอกว่าต้นเขาต้องการเติมเหล้าเพิ่มน่ะครับพี่” แผนการแก้เผ็ดเริ่มขึ้นอย่างทันควัน พร้อมกับยกเท้าหนีคลาดจากการโดนกระทืบซ้ำไปนิดเดียว

“แหมน้องต้นเนี่ยผลัดจะดื่มก็ไม่เบานะคะ เร่งเชียว ทีแรกพี่เห็นนั่งมองแก้วมาตั้งนานสองนาน” ต้นข้าวยิ้มแห้ง ๆ ให้กับรุ่นพี่ ก่อนจะหันไปหน้าบึ้งมองคนข้าง ๆ ตาเขียวปั้ด มือน้อย ๆ ตรงเข้าบิดสีข้างหนุ่มหน้าเข้มอย่างแรง ทิวไผ่นั่งบิดตัวงอไปตามแรงบิด เข้ากั้นเสียงร้องจากการเจ็บปวดอย่างเต็มที่

“น้องไผ่เป็นไรอีกคะ นั่งบิดไปบิดมาเชียว”

“ไม่มีอะไรคับพี่ ยุงกัดน่ะคับ” หนุ่มหน้าเข้มตอบรุ่นพี่สาวเสียงแหย ๆ
‘ยุงกัดเหรอ งั้นต้องเอาให้หนักกว่านี้….’ ต้นข้าวยิ่งบิดหนักมือขึ้น จนหนุ่มหน้าเข้มส่งสายตาอ้อนวอนอย่างน่าสงสาร ต้นข้าวมองตอบด้วยแววตาบ่งบอกความสะใจอย่างสุด ๆ

‘ฝากไว้ก่อนเหอะ เดี๋ยวจะเอาคืนให้สาสม’
‘ยังไม่เข็ดใช่มั้ย จะเอาอีกเรอะ’
‘…อ๊ากกก....ม่ายเอ๊า...ยอมแว้วค้าบบบ...’ >>> ส่งสายตาคุยกันด้วยกระแสจิตอีกละ โฮะ ๆ ๆ....


ยิ่งดึก โต๊ะอาหารเริ่มกลายเป็นวงเหล้าและวงสนทนา พี่ ๆ ผู้ชายเริ่มออกอาการคุยเฮฮาหัวเราะเสียงดัง บ้างโยกย้ายร่างกายตามเสียงเพลง เพราะแอลกอฮอล์เริ่มออกฤทธิ์แล้ว รุ่นพี่สาวบางคนเริ่มเปลี่ยนจากแก้วน้ำอัดลมมาเป็นแก้วเหล้ากับเขาบ้าง

“น้อง ค้าบบบ เหล้าในแก้วน้องสองคนไม่ค่อย พร่องกันเลย ให้เกียรติพวกพี่หน่อยจิค้าบ...วันเกิดเพื่อนพี่ท้าง...ที” เสียงพูดอ้อแอ้ ๆ ของรุ่นพี่คนหนึ่ง

“นี่อย่ามาบังคับน้องชั้นดื่มมากนักนะ เดี๋ยวได้เมากันพอดี” พี่รหัสรีบออกรับหน้าให้อย่างน่ายกย่อง

ทิวไผ่หมดไปสองสามแก้วแล้วเขาเริ่มมีอาการมึน ๆ นิดหน่อย ส่วนหนุ่มหน้าใส แก้วแรกที่ดื่มเข้าไปเพราะความเผ็ดก็เล่นเอามึน หัวหมุนติ้วซะแล้ว ตอนนี้ยังโดนพี่ ๆ คะยั้นคะยอดื่มอีก จนบางทีเกรงใจต้องยกแก้วขึ้นจิบอยู่บ่อย ๆ

ซักพักเสียงโทรศัพท์พี่แจงดังขึ้น รุ่นพี่สาวเดินออกไปคุยอยู่หน้าร้าน ก่อนเดินเข้ามาบอกว่าขอตัวกลับก่อนมีธุระต้องไปทำ และฝากให้แฟนเค้าไปส่งน้องรหัสให้ด้วย แล้วพี่รหัสก็เดินออกไปพร้อมกับเพื่อนสาวอีกคน

‘ทีนี้ล่ะหมดกันแม่ไก่ผู้เคยสยายปีกปกป้องลูกเจี๊ยบ กลับไปซะแล้ว...ตายห่าสิ ไอ้ต้นแก.....’ ยังพอมีสติครุ่นคิด ทั้งที่เริ่มมีอาการปวดหัวตุบ ๆ จากเหล้าแก้วที่สองที่ทยอยไหลลงคอไปจนหมดแก้ว แล้วแก้วใหม่ก็ผลัดเปลี่ยนมาตั้งแทนที่อย่างรวดเร็ว
ทิวไผ่ดูจะคอแข็งกว่ามาก เพราะยังไม่แสดงอาการออกมาให้เห็นถึงจะดื่มมากกว่าเขาไปหลายแก้ว ต่างกับต้นข้าวที่เริ่มโงนเงน ๆ ไปมาอย่างเห็นได้ชัด หนุ่มหน้าเข้มเริ่มเป็นห่วงคนข้าง ๆ แล้วสิ ตัวเขาน่ะพอไหว แล้วนายอวดเก่งนี่ล่ะเริ่มออกอาการแล้ว รุ่นพี่สาวที่เหลืออยู่คนเดียวก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย กับร่วมดื่มไปด้วยเสียอีก
แล้วทางรอดสุดท้ายก่อนจะพากันเมาไปมากกว่านี้ก็ผุดขึ้นมาในสมอง

“เอ่อ....พี่ครับ พวกผมอยู่หอในกัน ต้องเข้าหอกันก่อน 5 ทุ่มนะครับ นี่ 4 ทุ่มครึ่ง แล้วครับพี่” ทิวไผ่พูดขึ้นเมื่อเริ่มเห็นอาการของต้นข้าวไม่สู้จะดีนัก

“ค้าบ ๆ เดี๋ยว พี่ไปส่ง แป๊บ ๆ...” พี่กอล์ฟ แฟนพี่รหัสของเขาตอบกลับมา แต่ยังคงสนุกสนานเฮอากับเพื่อน ๆ ต่อตามเดิม แถมยังถูกชวนแกมบังคับให้ดื่มเหล้าอยู่เรื่อย ๆ

เวลาปาไป 5 ทุ่มเศษแล้ว ทิวไผ่เริ่มออกอาการอึดอัด เป็นห่วงต้นข้าวมากขึ้น เพราะดูเหมือนจะเหม่อไปซะแล้ว เพราะไม่ได้กระวนกระวายสนอกสนใจเวลาเหมือนที่เขาเป็นอยู่เลย ครั้งจะเร่งให้ไปส่งบ่อย ๆ ก็เกิดอาการเกรงใจรุ่นพี่

“พี่ครับ เอ่อ เลยเวลาเข้าหอแล้ว…” ทิวไผ่พูดเสียงแผ่วเบาอย่างเกรงอกเกรงใจปนกระวนกระวายกลัวขึ้นหอพักไม่ได้ พี่กอล์ฟคนที่จะไปส่งเองก็ไม่ได้ดูเมาอะไร เพราะดื่มไม่มาก เพียงแต่ยังห่วงสนุกอยู่กับเพื่อน ๆ ของเขา

“น่านะ...เพื่อพวกเพ่ และ มิตรภาพ ของเรา หมดแก้วนี้...กลับได้” เสียงพี่ผู้ชายคนหนึ่งที่ออกอาการเมาอย่างเห็นได้ชัด พูดขึ้น

‘จะให้ตรูดื่มหมดได้ยังไง กระดกพร่องแก้วที่ไร แมร่งก็เติมใหม่ให้จนเต็มทุกที แล้วมันจะมีโอกาสได้หมดมั้ยเนี่ย....เอาล่ะวะ แก้วนี้ ต้องเอารวดเดียวหมดโว้ย.....’ ทิวไผ่สบถในใจ ก่อนยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มปล่อยให้เหล้าในแก้วไหลผ่านลำคอลงท้องรวดเดียวหมด จนรู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัวด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ แล้วอาการมึน ๆ ที่มีอยู่เป็นทุนเดิมแล้ว ยิ่งทวีหนักขึ้นเรื่อย ๆ

“หมด...แล้วพี่ กลับได้ยังครับ...”

“ม่าย ๆ น้องต้นยังไม่ยอมดื่มเลย...เอางี้... ถ้าน้องต้น... กินเหล้าแก้วนี้หมดดดด... เพ่จะให้ไอ้กอล์ฟ ไปส่งเลย....ไม่งั้นก็ไม่ต้อง...กลับบบ นั่งต่ออยู่กับพวกเพ่นี่ล่ะ เอิ้กกก....” ไอ้รุ่นพี่ขี้เมาคนเดิมเริ่มหันมาเล่นงานต้นข้าวบ้างแล้ว

หนุ่มหน้าใสที่เหม่อลอยอยู่ตื่นจากภวังค์เมื่อถูกรุ่นพี่เรียกชื่อ

“เอ้า น้องต้นดื่ม.....” ไอ้พี่ขี้เมาคะยั้นคะยอไม่ยอมหยุด ทิวไผ่มองใบหน้าแดงกร่ำจากฤทธิ์เหล้าของต้นข้าวและนัยตาที่พร่ามัวนั้นอย่างอดเป็นห่วงไม่ได้

ด้วยความเกรงใจ บวกกับจะได้กลับหอซะที ต้นข้าวกำแก้วแน่นกลั้นหายใจไว้ แล้วเหล้าแก้วที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ล่ะ (ลืม) ก็ถูกยัดเยียดลงคอจนหมดแก้วรวดเดียวเช่นกัน เสียงเฮฮา ตบมือเกรียวกราวดังมาจากกลุ่มรุ่นพี่ขี้เมาทั้งหลายหลังหนุ่มหน้าใส กินเหล้าแก้วนั้นหมด

ต้นข้าวรู้สึกเย็บวาบไปทั้งตัว กับอาการมึน ๆ จนหัวหมุนติ้วไปหมด มองหน้าหนุ่มหน้าเข้มที่นั่งมองเขาอยู่ข้าง ๆ ก็ยิ่งรู้สึกมึนงง เมื่ออยู่ ๆ คนตรงหน้าที่เขามองอยู่ก็แยกร่างเป็น 2 คน จาก 2 เป็น 4 วิ่งขวักไขว่กันไปมาอย่างวุ่นวายจนต้องขยี้ตาที่พร่ามัวนั้น แล้วมองไปทางกลุ่มรุ่นพี่ ก็ยังเป็นเหมือนเดิม ทันใดนั้นก็เหมือนกับว่า ตัวเขาเบาหวิว แล้วทุกอย่างก็หมุนติ้วเคว้งคว้างไปมาราวกับว่าเขากำลังนั่งอยู่บนรถไฟเหาะตีลังกาใน ดิสนีย์แลนด์ไม่มีผิด
และแล้วเปลือกตาที่หนักอึ้งสุดที่ฝืนให้ลืมไว้ได้ ก็ปิดสนิทลงมา สติสัมปชัญญะของเขาดับวูบไปในทันที

“ต้น ๆ...ต้นเป็นอะไรมากเปล่า”.....ไม่มีเสียงตอบรับจากคนที่คุณเรียก.....ทิวไผ่เขย่าร่างหนุ่มหน้าใสไปมาเบา ๆ เมื่อเห็นต้นข้าวฟุบลงกับโต๊ะต่อหน้าต่อตา จนหัวใจเขาหล่นวูบลงไปอยู่ที่เท้าทั้ง 2 ข้าง กลัวว่าคนตรงหน้าจะเป็นอะไรไป

“อ้าว...น็อกซะแล้วเหรอ เพราะเมิงเห็นมั้ยไอ้โอ๊ต เมิงไปบังคับน้องเค้าดื่มจนแฮงค์ไปเลย ดีนะไม่อ้วกเรี่ยราดร้านเค้าเอา” พี่กอล์ฟพูดขึ้นเมื่อเดินกลับจากเข้าห้องน้ำ และพบกับสภาพต้นข้าวที่เป็นอยู่อย่างที่เห็น

“...เอาแล้วไอ้เน่ โบ้ยกรูซะง้าน...เมิงก็เห็นดีเห็นงามไม่ได้ห้ามกรูนิ แล้วน้องมานก็แดร๊กของมานเองกรูมะได้จับกรอกปากมันซะมะหร่าย...”

‘ถ้าเพื่อนต่อยปากกันเองตรูกะต้นจะได้กลับหอมั้ยเนี่ย รึจะโดนหางเลขติดคุกไปด้วยวะ...’

“กรูไม่ห้ามแต่ไม่ได้หมายความว่าเห็นดีเห็นงามด้วยนะโว้ย” รุ่นพี่คนที่ดูมีสติมากกว่าสวนกลับทันควัน

“........”

“พี่ครับ พอเถอะครับ อย่าเถียงกัน ผมขอน้ำแข็งกับผ้าทีครับ” ทิวไผ่ชิงห้ามก่อนที่อีกฝ่ายจะตอบโต้กลับ รุ่นพี่ผู้หญิงคนเดียวที่เหลืออยู่รีบเดินไปขอผ้าเย็นจากร้านมาให้ทิวไผ่เช็ดหน้าต้นข้าว

ทิวไผ่ประคองศีรษะหนุ่มหน้าใส่พิงไหล่ข้างหนึ่งของเข้าแล้วค่อย ๆ ใช้ผ้าเย็นเช็ดหน้าให้อย่างเบามือ

“ปะ เดี๋ยวพี่ไปส่ง เราแบกเพื่อนไหวมั้ย”

“ไหวครับพี่” ทิวไผ่ผลักร่างบอบบางวางพาดไว้บนเก้าอี้ตัวที่ต้นข้าวนั่งกึ่งนอนอยู่ มือประคองศีรษะไว้ cแล้วลุกขึ้นยืน และรู้สึกว่าตัวเขาเองก็เซนิด ๆ จนต้องหยุดยืนให้นิ่งก่อนที่จะเคลื่อนไหวร่างกายต่อ
ทิวไผ่สอดแขนแข็งแรงช้อนร่างไร้สติของต้นข้าวอุ้มไว้แนบอกก่อนจะเดินกึ่งเซ ไปยังรถที่พี่กอล์ฟเปิดประตูรออยู่ก่อนแล้ว


   ทิวไผ่นั่งอยู่เบาะหลังโดยมีหนุ่มร่างบางนอนหลับใหลไม่ได้สติหนุนตักเขาอยู่ หนุ่มหล่อเหลาใช้ผ้าเย็นเช็ดหน้าให้เป็นระยะเผื่อต้นข้าวจะได้สบายตัวขึ้นบ้าง เขาจ้องมองใบหน้าเนียนขาวที่แดงระเรื่อด้วยพิษเหล้าผ่านแสงไฟตามท้องถนนที่สาดส่องเข้ามาในตัวรถเป็นระยะ ๆ ดวงตาปิดสนิทขนตางอนงามตามธรรมชาติอย่างน่าหลงใหล คิ้วโก่งได้รูป ริมฝีปากเรียวสวยน่าจูบ เขาอดไม่ได้ที่จะไล้นิ้วเล่นกับปอยผมสลวยนุ่มมือนั่น ก่อนจะเลื่อนนิ้วลงมาไล้ที่ดวงแก้มเนียน ไปมาเบา ๆ อย่างทะนุถนอม
‘ทำไมนายน่ารักยิ่งกว่าผู้หญิงซะอีกนะ’

   “...อืมมม...เวลาเข้าหอ 5 ทุ่ม ใช่ไหม…” เสียงพี่กอล์ฟกระแอมไอดังขึ้น ปลุกทิวไผ่ให้ฟื้นคืนสติกลับมา
   
   “ครับพี่” ทิวไผ่มองสบตาพี่กอล์ฟที่มองมาจากกระจกมองหลัง

   “โห...จะตี 1 แล้วเนี่ย ทำไงล่ะจะเข้าหอได้”

   “เข้าน่ะเข้าได้ครับพี่ แต่ต้องลงชื่อเข้าล่วงเวลา ถ้าเมามานี่สิ ยุ่ง.....”

   “...อืม...แล้วเราล่ะไหวมั้ย พี่เห็นเราคอแข็งเหมือนกันนี่ ไม่เหมือนเพื่อนนาย...” พี่กอล์ฟถามต่อ

   “ผมน่ะพอไหวครับ....แต่ ต้นไม่เคยกินเหล้าเลยครับพี่...แต่กลัวเสียฟอร์มที่ ถูกสบประมาท...” ทิวไผ่ตอบพลางหัวเราะแห้ง ๆ

   “งั้นเราแบกเพื่อนขึ้นหอไหวมั้ย อยู่ชั้นไหนล่ะ”

   “ชั้น 4 ครับ ไหวครับพี่ ไอ้เจ้านี้ตัวเล็ก ๆ เอง สบายมากครับ”

   “โห...ชั้นบนสุดเลยเหรอ ถ้าไม่ไหวบอกพี่ล่ะ”

   “ขอบคุณครับพี่ ยังไงถ้าไม่ไหวผมให้ยามช่วยก็ได้ครับ”

   “งั้นเดี๋ยวพี่เคลียร์ยามให้ละกัน”

รถเคลื่อนมาจอดที่หน้าป้อมยามทางเข้าหอพัก จากนั้นพี่กอล์ฟระงับกลิ่นเหล้าด้วยน้ำยาฉีดดับกลิ่นปากจนแน่ใจว่าไม่มีแน่ แล้วจึงเดินลงจากรถไปคุยกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำหอพัก อยู่ ซักพัก ก่อนจะเดินมาบอกว่าเข้าหอล่วงเวลายังไงก็ต้องลงชื่อเข้า นิสิตใหม่ครั้งแรก ยังไม่มีการตัดคะแนนความประพฤติเพียงแต่ลงชื่อไว้เป็นหลักฐานเท่านั้น และวันนี้เป็นวันหยุด เด็กส่วนใหญ่ที่อยู่หอพักบ้างก็กลับบ้านกัน จึงมีการอนุโลมเป็นพิเศษ ทิวไผ่สะบัดศีรษะไล่ความมึนงง แล้วเดินให้ตรงที่สุด ลงไปแสดงบัตรนิสิต และบัตรหอพัก พร้อมทั้งลงชื่อให้ต้นข้าวด้วย เขากล่าวขอบคุณพี่กอล์ฟ แล้วพยายามปลุกต้นข้าว แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าหนุ่มหน้าใสจะรู้สึกตัว

“ต้นนะต้น ถ้าใครหลอกไปมอมเหล้าจะเป็นยังไงเนี่ย...ปลุกยังไงก็ไม่ยอมตื่น...เฮ้อ...” ทิวไผ่ตัดสินใจแบกต้นข้าวขึ้นหลัง แล้วพยายามเดินขึ้นหอไปให้โซซัดโซเซน้อยที่สุด โดยมีสายตายามและพี่กอล์ฟมองตามไปจนลับมุมบันได

“เด็กเป็นอะไรมาหรอ” ยามถามอย่างสงสัย

“เมา... เอ้ย !...หลับขี้เซาไปหน่อยน่ะครับ ลูกคุณหนูไม่เคยนอนดึกน่ะ” เกือบตอบว่าเมาจนน็อกไปแล้วมั้ยล่ะ

“อืม....คนแบกก็เดินโซเซยังกะคนเมานะ” ยามคนเดิมยังคลางแคลงใจไม่หายสงสัยง่าย ๆ

“คงหนักมั้งครับ ตัวเล็กแน่นใน เหอะๆ งั้นผมกลับล่ะครับ ฝากดูแลน้องผมด้วยละกัน” เมื่อมั่นใจว่า 2 หนุ่มรอดพ้นด่านยามไปได้แล้วรุ่นพี่หนุ่มก็ขึ้นรถขับมุ่งหน้าไปกินเหล้าต่อกับเพื่อน ๆ ทันที



ทิวไผ่แบกหนุ่มหน้าใสขึ้นบันไดมาจนถึงชั้น 4 อย่างทุลักทุเล ซ้ำอาการมึน ๆ จาก ฤทธิ์เหล้า เกือบจะทำให้ทั้งคู่ตกบันไดไปตั้งหลายครั้ง ทุกห้องปิดไฟนอนกันเกือบหมดแล้วเหลือแต่ความเงียบสงัดกับแสงไฟตรงบันไดมุมตึกเท่านั้น
ประตูห้องพักถูกเปิดออกและปิดลง ทิวไผ่พยายามจะวางร่างหนุ่มน้อยที่เขาแบกขึ้นตึกมาลงบนเตียง แต่ก็ต้องทรุดฮวบอย่างหมดเรี่ยวแรงลงไปกองอยู่บนเตียงด้วยกันทั้งคู่
ทิวไผ่พลิกตัวลงนอนข้าง ๆ ต้นข้าว หลับตาพักอย่างเหนื่อยหอบ ทันใดนั้น ก็มีแขนขาคู่หนึ่งพาดขึ้นมาบนลำตัวของเขา ทิวไผ่ตาเบิกโพลง!!! ใจเขาเต้นไม่เป็นส่ำ
‘กลายเป็นหมอนข้างไปซะแล้ว ....อืมนะ นายนี่ติดหมอนข้างนี่นา’ หนุ่มหน้าเข้มหันไปมองใบหน้าเนียนใสข้าง ๆ ผ่านแสงไฟสลัวจากหน้าระเบียงห้อง

เหมือนสวรรค์จะกลั่นแกล้งหรือเปล่าไม่รู้ อยู่ ๆ หนุ่มหน้าใสที่นอนก่ายกอดเขาอยู่ก็พลิกตัวปีนขึ้นมานอนทาบทับบนตัวเขาซะแล้ว ‘นอนดิ้นพิสดารอีกแน่ะ’ กลิ่นกายหอมกรุ่นของหนุ่มน้อยผิวเนียนผ่องยั่วเย้าอารมณ์ของเขาให้กระเจิดกระเจิง

   ใบหน้าเนียนสวยที่แดงระเรื่อซบอยู่ที่หน้าอกของเขา เสียงหัวใจสองดวงเต้นเป็นจังหวะพร้อมกันอย่างหน้าแปลกใจ ไม่เพียงแค่จะนอนอยู่เฉย ๆ หนุ่มร่างบางซุกไซ้จมูกฟุดฟิด ๆ อยู่ที่ต้นคอเขา เล่นเอาทิวไผ่ถึงกับขนลุกซู่ เสียวซ่านไปทั้งตัว เขาเริ่มหัวใจเต้นแรงอย่างสะเปะสะปะ

หนุ่มร่างบางบนตัวเขายังดิ้นไม่ยอมหยุด หน้าขาสองหนุ่มเสียดสีกันไปมาจนเจ้ามังกรน้อยของทิวไผ่เริ่มสำแดงเดช มันเริ่มพองตัวอย่างควบคุมไม่ได้ ไอร้อนผ่าวแผ่ซ่านออกจากส่วนนั้น ทิวไผ่พยายามกอดรัดต้นข้าวไว้แน่นเพื่อให้หยุดดิ้นก่อนที่เขาจะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้

‘ต้นอย่า...หยุดยั่วผมซะที ผมจะไม่ไหวแล้ว.......อ๊าก...’ ในที่สุดตบะที่สั่งสมมาอย่างแก่กล้าก็แตกกระเจิง ทิวไผ่พลิกร่างบอบบางลงมาอยู่เบื้องล่างอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่าเจ้าของร่างที่ทำให้เขาปั่นป่วนจะสงบลงแล้ว แต่เจ้ามังกรตัวร้ายของเขาสิ มันผงกหัวหงึก ๆ ไม่ยอมหยุดอยู่ตลอดเวลา มันไม่ยอมสงบลงง่าย ๆ ซะแล้ว

ทิวไผ่จ้องมองดวงหน้าเนียนขาวที่หลับตาพริ้มไม่ได้สติด้วยความเอ็นดูและน่าทะนุถนอม แต่หนึ่งในความรู้สึกนั้นคือความหื่นกระหาย ดวงตาวาวโรจน์ของเขาบ่งบอกถึงลาวาในกายที่พร้อมจะปะทุออกมาได้ทุกเมื่อ เขาเลื่อนสายตาลงมาจับจ้องอยู่ที่ริมฝีปากเรียวบางสวยได้รูป ริมฝีปากคู่ที่เขาเคยได้ลิ้มรสความหอมหวานมาแล้วครั้งหนึ่ง และโหยหามันมาตลอดแต่ไม่มีโอกาสอีกซักครั้ง คราวนี้สวรรค์ได้มอบของขวัญล้ำค่านี้ให้แก่เขาอีกครั้งแล้ว
หนุ่มหน้าเข้มก้มลงประกบริมฝีปากนั้นอย่างแผ่วเบา เขาบดขยี้ริมฝีปากอย่างนุ่มนวลทะนุถนอม ไม่นานก็สามารถเปิดริมฝีปากต้นข้าวให้เผยอออกได้สำเร็จ เขาฉกลิ้นเข้าไปแล้วเริ่มลงมือสำรวจภายในอย่างละเอียดทุกซอกมุม รสเหล้าที่ตกค้างหลงเหลืออยู่ช่วยให้จุมพิตนี้หอมหวานกลมกล่อมไม่น้อย เนิ่นนานทีเดียว แล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นจนทิวไผ่รู้สึกตกใจ เมื่อต้นข้าวมีอาการตอบสนองด้วยการแลกลิ้นกับเขาทั้ง ๆ ที่ยังนอนหลับใหลไม่ได้สติอยู่ในอ้อมกอดของเขา

“นายยังหอมหวานเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนเลย” ทิวไผ่ถอนริมฝีปากออก พูดกระซิบเบา ๆ ที่ข้างหู
“งั้น ผมขอนะคับที่รัก” ต้นข้าวสะดุ้งน้อย ๆ เหมือนจะรู้สึกตัว แต่ไม่ แถมซ้ำท่อนแขนยังกอดรัดร่างหนาแกร่งของเขาไว้ ตอนนี้อารมณ์พิศวาสครอบงำเขาอย่างเต็มตัวแล้วทิวไผ่เริ่มฉกลิ้นตวัดซุกไซ้ที่ใบหูและลำคอหนุ่มหน้าใส และบรรเลงประพรมจูบไปทั่วใบหน้าใส มือสองข้างของเขาเริ่มอยู่ไม่เป็นสุข เขาสอดมือลูบไล้เข้าไปใต้เสื้อยืดของต้นข้าวสะกิดเม็ดติ่งที่ยอดอกทั้งสองข้างจนแข็งเป็นไตสู้มือ แล้ววนนิ้วรอบยอดอกนั้นไปมา ทิวไผ่เริ่มไล้ริมฝีปากเลื่อนมาจุมพิตอย่างดูดดื่มอีกครั้ง เขาใช้มือเกี่ยวขอบชายเสื้อยืดของต้นข้าวดึงขึ้นไปจนอยู่เหนือยอดอก ลิ้นแข็ง ๆ ฉกตวัดลงที่หัวนมสีชมพูสวยที่กำลังแข็งเป็นไตจนหนุ่มหน้าใสสะดุ้งแอ่นอกสู้ลิ้นอย่างลืมตัว อาการตอบสนองของต้นข้าว มันเป็นการยั่วยุให้เขายิ่งหน้ามืดเข้าไปอีก

“อย่า.....” เสียงครางกระเส่าเบา ๆ ดังเล็ดรอดไรฟันของหนุ่มร่างบางที่นอนหลับตาปรืออย่างเซ็กซี่ด้วยอารมณ์พิศวาส เมื่อทิวไผ่ลงลิ้นและดูดดุนที่ยอด อก ของต้นข้าวอย่างหนักหน่วง แอลกอฮอล์ในเลือดบวกแรงปรารถนาที่โหยหามานาน มันทำให้ทิวไผ่ไม่สนใจอะไรอีกต่อไปแล้วนอกจากความต้องการปลดปล่อยของตัวเอง

เสื้อยืดถูกดึงออกจากตัวไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ เหลือแต่เพียงหน้าอกเปลือยเปล่ากันทั้งคู่ ทิวไผ่ยังคงจูบพรมไปทั้งตัวของต้นข้าวอย่างหิวกระหายเหมือนจะกลืนกินชนิดไม่ให้เหลือหรอ ต้นข้าวนอนบิดตัวไปมาอยู่บนเตียง สองมือตะกองกอดศีรษะหนุ่มหน้าเข้มไว้ไม่ยอมปล่อย
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 06-06-2007 04:38:40
วายยยยยยยยย  :-[

คงไม่มีใครมาขัดจังหวะนะ  o3

คุณกานต์ต่ออีกหน่อยจิ อยากรู้ผล  :laugh:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 06-06-2007 08:26:04
ขอบคุณครับ  เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 06-06-2007 11:17:56
อ้ากกกกกกกกกกกกกกก นายทิวไผ่อดใจไม่อยู่เหรอเนี่ย ตายแล้วๆๆๆๆๆลุ้นๆๆๆๆๆ  :-[
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 06-06-2007 16:39:53
X กันแว้ววววววววววววววววววววววววววววววววววววว

 :pighaun: :pighaun: :pighaun: :pighaun:

 :จ้อบจัง1: :จ้อบจัง1: :จ้อบจัง1: :จ้อบจัง1: :จ้อบจัง1:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: FOAM ที่ 06-06-2007 19:43:01
และแล้วก้อมาถึงบทอัศจรรย์ที่รอคอย                 เอ..........ว่าแต่ สร่างเมาแล้วจาเป็นไงน้า :try2: :try2: :try2: :try2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 06-06-2007 19:45:41
หุหุ และแล้วก็.... จนได้  :haun5:  :haun5:
ต่อด่วนเลยคร้าบบบบบบบบบบบบบ  o11  o11
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Daow ที่ 06-06-2007 21:06:28
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ค้างเติ่งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง :sad2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 06-06-2007 21:45:54
 :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8:
และแล้วก็ถึงฉากที่ทุกคนรอคอย
หวังว่าคงไม่มีใครหรืออะไรมาขัดหรอกนะ
 :haun5: :haun5:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: A GE ที่ 07-06-2007 01:26:36
 :amen: :amen:  สุราพาไปเหรอครับเนี่ยะ  สงสารต้นนิดนึง  แต่เชียร์บทนี้เหมือนกัน :haun5: :haun5:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: sabishiikant ที่ 07-06-2007 06:55:49
ทิวไผ่เลื่อนลิ้นเลื่อนต่ำลงมาฉกวนรอบสะดือไปมา กระดุมกางเกงยีนส์ของต้นข้าวถูกปลดออกที่ละเม็ด ๆ แล้วมันก็ถูกรูดลงไปจนหลุดพ้นปลายเท้า แล้วถูกโยนออกไปมุมห้องอย่างไม่ใยดี ทิวไผ่ละสายตามองเจ้าหนูน้อยของต้นข้าวยังคงนอนสงบนิ่งอยู่ในกางเกงในสีขาวอย่างน่าเอ็นดู ทันใดนั้นมันก็ถูกกอบกุมด้วยมือหนาแกร่งอย่างรวดเร็ว

“อืมมม....” เสียงครวญคราง อย่างซ่านเสียวของต้นข้าวดังขึ้นขณะที่ดวงตายังหลับสนิทมีเพียงใบหน้าเหยเย เท่านั้น เมื่อถูกทิวไผ่ใช่มือบีบคลึง และขยับมือไปมากับเจ้าหนูของเขาเบา ๆ

สองขาของหนุ่มร่างบางเหยียดเกร็ง นอนบิดตัวเร่า ๆ อยู่บนเตียงไปมา ยิ่งเป็นการกระตุ้นอารมณ์กระสันของทิวไผ่อย่างมาก เขาจ้องมองใบหน้าบิดเบี้ยว และร่างกายที่นอนดิ้นทุรนทุรายอยู่นั้นอย่างพึงพอใจ
ไม่นานกางเกงในสีขาวตัวน้อยก็ถูกดึงลงไปกองที่ปลายเท้า เจ้าหนูขนาดพอเหมาะที่เริ่มพองตัวจากการถูกกระตุ้นก็ดีดผงาดออกมาทันทีที่มันถูกปลดปล่อยให้เป็นอิสระ และมันก็ถูกคว้าไว้ด้วยมือหนาแกร่งอีกครั้ง ทิวไผ่ฉกปลายลิ้นลงที่ส่วนปลายหัวของมันแล้วตวัดเบา ๆ ต้นข้าวสะดุ้งเฮือก ตัวเกร็ง ขนลุกซู่ไปทั้งตัว ร้องครางออกมาอย่างเสียงดัง

ทิวไผ่จัดการลงลิ้นอย่างหนักหน่วงไปทั่วทั้งตัวเจ้าต้นน้อย เขาเซาะซอนปลายลิ้นไปตามรอยร่องสลับกับการดูดคลึงพวงสวรรค์ไปมา แล้วก็ครอบมันเข้าไปในช่องปากจนมิด ก่อนจะดูดดุนจนต้นข้าวดิ้นพล่านสองมือพยายามผลักศีรษะหนุ่มร่างแกร่งออกด้วยความเสียวสุดขีด ทว่าทิวไผ่ไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้น เขาเงยหน้ามองเจ้านายของเจ้าหนูน้อยนอนหลับตาปรือบิดตัวไปมา ส่งเสียงร้องครวญครางออกมาอย่างไม่เป็นภาษา ใบหน้าเนียนสวยแดงระเรื่อด้วยอารมณ์พิศวาสบวกกับฤทธิ์ของแอลกอฮอล์บิดเบี้ยวเหยเก บ่งบอกถึงความเสียวกระสันอย่างสุด ๆ หนุ่มหน้าเข้มกระหยิ่มยิ้มย่องอย่างพอใจแล้วรูดปากเข้าออกอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหยุดแล้วดูดแรง ๆ ที่ส่วนหัว

“อ๊า....” ต้นข้าวร้องเสียงหลง ร่างขาวเนียนกระตุกเกร็ง สองมือกดศีรษะทิวไผ่ไว้แน่น พร้อมกับการปลดปล่อยธารลาวาสวาทสีขาวขุ่นพุ่งเข้าสู่โพรงปากของหนุ่มหล่อเข้มอย่างมากมาย เขากลืนกินมันโดยไม่ได้รู้สึกรังเกียจ ก่อนจะเล็มเลียทำความสะอาดเจ้าหนูให้จนหมดจรด

สภาพของต้นข้าวตอนนี้นอนแผ่หลาหลับตาพริ้มอย่างหมดแรง ร่างเปลือยเปล่าหอบกระเส่ามีเหงื่อเกาะพราวชุ่มกาย ทิวไผ่เลื่อนตัวตามขึ้นทาบทับ พร้อมกับประกบจูบที่ริมฝีปากเบา ๆ ก่อนหอมที่ข้างแก้มอีกฟอดใหญ่

“คราวนี้ตาผมนะครับ ต้น” เขากระซิบที่ข้างหูหนุ่มหน้าใสเบา ๆ

ทันใดนั้น ท่อนขาเรียวสองข้างของต้นข้าวก็ถูกยกขึ้นพาดบ่าไว้ มีท่อนเนื้อร้อน ๆ เสียดสีถูไถไปมาอยู่ที่หน้าขา นิ้วมือแกร่งมีของเหลวเหนียว ๆ อะไรซักอย่างกำลังชโลมลูบไล้ไปทั่วทั้งช่องทางนั้น ทิวไผ่พยายามเปิดทางด้วยนิ้วค่อย ๆ ขยับเข้าไปจนสุด ต้นข้าวต้องสะดุ้งเฮือกอีกครั้งเมื่อหนุ่มหน้าเข้มเริ่มที่จะควานนิ้วไปมาในตัวเขา ก่อนจะชักกลับออกมา

ซักพักต้นขาของหนุ่มหน้าใสก็ถูกดันมาข้างหน้าจนสุด และแล้วเจ้ามังกรตัวเขื่องของทิวไผ่ก็เริ่มเคลื่อนที่เข้าสู้เป้าหมายทันที แต่มันเข้าไปได้แค่เพียงส่วนหัวเท่านั้น ก็ต้องหยุดเคลื่อนที่ เพราะมันฟิตแน่นมาก ๆ

ต้นข้าวสะดุ้งเฮือก ลืมตาโพลงด้วยความเจ็บปวด เหมือนร่างกายจะฉีกออกเป็นเสี่ยง ๆ และเขาต้องตกใจสุดขีดกับสภาพที่เห็น

ทิวไผ่ก้มลงประกบจูบริมฝีปากเรียวสวยนั้นไว้ทันทีเมื่อต้นข้าวมีทีท่าว่าจะร้องออกมา ทิวไผ่ตกใจระคนกับความแปลกใจ เมื่อซักครู่นี้ต้นข้าวยังไม่ได้รู้สึกตัวอีกหรือ

หนุ่มร่างบางพยายามดิ้นรนเพื่อให้หลุดพ้นการเกาะกุมอย่างเต็มที่ แต่มีหรือจะสู้แรงมหาศาลของร่างกายแข็งแกร่งที่กดทับเขาเอาไว้ ข้อมือสองข้างถูกมือหนาใหญ่จับตรึงไว้กับที่นอน ต้นข้าวแทบขยับเขยื้อนตัวไม่ได้เลย หยดน้ำใส ๆ ไหลพรั่งพรูออกมาจากดวงตาคู่สวย ต้นข้าวสะอื้นจนตัวโยน ทิวไผ่ยิ่งตกใจอย่างมาก นี่เขาทำร้ายร่างกายและจิตใจหนุ่มหน้าใสได้ถึงขนาดนี้เชียวหรือ ตอนแรกนึกว่าต้นข้าวโอนอ่อนผ่อนตามแล้วเสียอีก

ทิวไผ่ปล่อยข้อมือต้นข้าวให้เป็นอิสระ แต่มันกลับแน่นิ่งอย่างสิ้นเรียวแรง เขาใช้นิ้วหัวแม่มือปราดน้ำตาออกจากดวงหน้าสวยแล้วจูบซับให้อย่างปลอบโยน

“ต้น ผมขอโทษ ผม....” แววตาทิวไผ่เศร้าสร้อยสำนึกผิดแต่เปี่ยมด้วยความรักและความอ่อนโยน

“...ผมรักต้นนะครับ”

“รักมานานแล้ว รักมากด้วย”

“ผมรับรองผมจะรับผิดชอบ ผมไม่มีวันทอดทิ้งต้น ผมจะรักต้นตลอดไปนะครับ”

“ต้นเชื่อใจผมนะ ผมรักต้นจริง ๆ นะ”

‘…ผมรักต้น ...ต้น ...ต้น ...ต้นนน .....’ คำ ๆ นี้ ดังสะท้อนก้องอยู่ในโสตประสาตของต้นข้าว น่าแปลกใจที่มันทำให้อาการสะอื้นไห้บรรเทาลงอย่างรวดเร็ว

ทิวไผ่กอดกระชับร่างบางนั้นให้แน่นขึ้น พร้อมกับมอบจุมพิตอันดูดดื่มอย่างทะนุถนอมอย่างเนิ่นนาน เหมือนจะเป็นการการันตีคำพูดของเขาเมื่อซักครู่ สองแขนที่วางนิ่งอยู่บนที่นอนขึ้นมากอดกระชับตัวเขาไว้
สำหรับต้นข้าว นี่เป็นคำหวานที่เพียงเพื่อปลอบประโลมรึเปล่าไม่รู้ แต่มันทำเขารู้สึกดีขึ้นอย่างมาก ไอ้เจ้ามังกรตัวร้ายมันแอบมุดเข้าไปจนสุดตัวตั้งแต่เมื่อไหร่เขาเองยังไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ รู้สึกแต่ว่าความเจ็บปวดตอนแรกกลับกลายเป็นความตึง ชา และคับแน่นมากกว่า
ขณะที่รสจูบหอมหวานเนิ่นนานไม่มีทีท่าว่าจะจบลงง่าย ๆ ทิวไผ่เริ่มขยับส่วนกลางของร่างกายเข้าออกไปมาอย่างช้า ๆ และเร่งจังหวะขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมกับจุมพิตที่หอมหวานเปลี่ยนแปรเป็นเร่าร้อนและรุนแรงขึ้นตามจังหวะการเคลื่อนไหวของส่วนนั้น

“ไผ่รักต้นครับ...” เขาถอนปากออกแล้ว ครางกระเส่ากระซิบที่ข้างหูเบา ๆ ต้นข้าวหลับตาพริ้ม ตัวโยนไปมาตามแรงกระแทกกระทั้น หยดน้ำเล็ก ๆ เล็ดรอดออกมา มันเป็นหยดน้ำตาแห่งความเจ็บปวดหรือความสุข หรือความสับสนเขาเองก็ยังไม่สามารถตอบตัวเองได้ในตอนนี้

“อา...อืมมม......ไผ่รักต้นที่สุดในโลกเลย.............” ทิวไผ่ครางกระเส่าครวญครางพร่ำคำรักอย่างเสียวสุด ๆ ต้นข้าวกอดกระชับร่างแกร่งชุ่มเหงื่อนั้นไว้แน่น หนุ่มหน้าใสหลับตาพริ้ม
ทิวไผ่แหงนหน้ามองเพดานห้อง กอดหนุ่มหน้าใสไว้แน่น เขาเร่งจังหวะเร็วขึ้น ๆ ก่อนที่ร่างหนาแกร่งชุ่มเหงื่อจะกระตุกเกร็งโชว์มัดกล้ามและเส้นเลือดปูดโปน ต้นข้าวลืมตาขึ้นมองผมเปียกเหงื่อจนชุ่มระคนใบหน้าหล่อเหลาชวนหลงใหลนั้น
“ผม...รักกก......ต้นนน...........” ทิวไผ่อัดส่วนกลางลำตัวไว้แนบแน่นฉีดธารธาราแห่งรักอันอบอุ่นเข้าสู่ตัวต้นข้าวอย่างมากมายจนหนุ่มหน้าใสอุ่นวาบไปทั้งช่องท้อง ก่อนทิวไผ่จะหันมามองสบตาอย่างรักใคร่ ต้นข้าวหลบสายตานั้น แล้วหนุ่มหน้าเข้มก็หมดแรงทรุดลงนอนข้าง ๆ ต้นข้าว พร้อมดึงตัวหนุ่มร่างบางเข้ากอดไว้แนบอก ต้นข้าวซุกใบหน้าที่หน้าอกแกร่งนั้นแล้วผล็อยหลับไป ด้วยความอ่อนเพลีย


...
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: nanao ที่ 07-06-2007 07:05:54
เขิลล  :-[
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 07-06-2007 08:35:51
ว้าวววววววววววววววววว ดุเดือดมาก ไผ่สารภาพไปแล้ว แล้วต้นล่ะ จะรับรักรึเปล่าอยากรู้แล้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  :o8:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: FOAM ที่ 07-06-2007 10:51:14
โอวววววววววว.................ในที่สุด ไผ่ก้อสารภาพรักออกมา

แล้วจาเป็นไงต่อน้า   ลุ้นๆๆๆๆๆๆๆ :impress2: :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 07-06-2007 15:14:24
 :เหอะ1:  ในที่สุดก็เป็นของกันและกันแล้ว  :เหอะ1:


แล้วอย่างนี้ต้นข้าวจายอมรับรักไผ่มั้ยน๊า ลุ้น ลุ้น  :haun5:

หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Daow ที่ 07-06-2007 19:57:52
วี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด หลับคาอกเลยเว้ยยยยยยยยยยยยยยยย
ตื่นมาละทีนี้ได้มีเฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮออ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 07-06-2007 20:13:32
  :o8:  :o8:  :o8:  :o8:  :o8:  :o8:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 08-06-2007 00:11:27
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
เขินอ่า มีบอกรักด้วย
 :like6:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: sabishiikant ที่ 08-06-2007 03:34:02
 “แย่แล้ว ๆ สายจนได้เรา” สายฟ้าบ่นพึมพำขณะวิ่งขึ้นบันไดหอพัก เขาทำงานดึกจนตื่นสาย และต้องรีบกลับมาเอางานบางส่วนที่หอไปพรีเซนท์อาจารย์ก่อน 10 โมงวันนี้ แต่ถึงจะสายเขาก็ยังเป็นห่วงเพื่อนโดยซื้อโจ๊กร้อน ๆ 2 ถุง มาเผื่อทิวไผ่ กับต้นข้าวด้วย

 “ต้นกับไผ่ตื่นกันรึยังนะ เมื่อคืนพี่รหัสพาไปเลี้ยงมานี่นา”

‘หืม เสื้อผ้าทำไมกระจัดกระจาย เกลื่อนแบบนี้.....’ สายฟ้า งุนงง เมื่อเปิดประตูห้องเข้ามาเจอกับรองเท้าและเสื้อผ้าที่เกลื่อนกลาดกระจายอยู่ตั้งแต่หน้าประตูห้อง
‘รองเท้า.... ถุงเท้า.... เสื้อ....กางเกงยีนส์... เฮ่ย...นั่น ....กางเกงใน…’

“...........”  สายฟ้าใจหายวูบ เหมือนหัวใจโดนกระชากออกจากอก รู้สึกเหมือนมีก้อนแข็ง ๆ ขึ้นมาจุกตีบตันลำคอ อย่างฉับพลัน จนแน่นหน้าอกไปหมด หนุ่มร่างเล็กยื่นตัวแข็งทื่อตัวสั่นจนทำอะไรไม่ถูก กับภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า...ต้นข้าว กับทิวไผ่ นอนหลับใหลกอดกันกลมอยู่บนเตียง มีเพียงผ้าห่มปกปิดร่างเปลือยเปล่าไว้เท่านั้น....

‘นี่มันอะไรกัน...’ ถึงจะรู้ระแคะระคาย อาการแปลก ๆ ของเพื่อนรักและหนุ่มหน้าเข้มที่เขาเคยหลงรัก และเคยตั้งปณิธานอย่างแน่วแน่แล้วว่าจะตัดใจจากเขาให้ได้ แต่ถึงกระนั้น สิ่งที่เห็นในตอนนี้มันก็เกินความรู้สึกที่หัวใจดวงน้อย ๆ และบอบบางของเขาจะรับได้ทัน
สายฟ้าเบือนหน้าหนีจากภาพบาดตาบาดใจตรงหน้า ด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว แววตาใส ๆ จากดวงตาคู่สวยดูหมองหม่นและเศร้าสร้อย สิ่งที่เห็นและได้รับรู้มันทำให้เจ็บแปลบที่ช่องอกอย่างแสนทรมาน เหมือนมีมีดเล่มใหญ่ปักคาอกอยู่
หนุ่มร่างเล็กพยายามก้าวเดินอย่างยากเย็นด้วยท่อนขาที่ดูอ่อนเรี่ยวแรง ก่อนจะวางถุงโจ๊กไว้บนโต๊ะมุมหนึ่งของห้อง แล้วรีบก้าวเดินออกจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว

สายฟ้านั่งฟุบอยู่ที่ม้าหินอ่อนมุมหนึ่งข้างหอพัก พร้อมกับความคิดต่าง ๆ ที่กำลังฟาดฟันกันอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่ในหัวเขาจนแทบจะระเบิดออกเป็นเสี่ยง ๆ
‘ทำไม...ทำไมนายทำแบบนี้นะต้น นายก็รู้ว่าเรา....ชอบไผ่’
‘ไม่สิ เราโทษต้นก็ไม่ถูก เพราะเราเองก็ดูออกอยู่ว่า ต้นกับไผ่มีความรู้สึกอะไรบางอย่างต่อกัน ถึงแม้ต้น หรือไผ่เองจะไม่ยอมรับความรู้สึกนั้นก็เถอะ’
‘รึ เพราะอย่างนี้ไม่ใช่หรอ ตอนที่เราผิดหวังมา ต้นถึงไม่ได้รู้สึกรู้สา เดือดร้อนอะไรมากนัก ทั้งที่เราเป็นเพื่อนสนิทกัน แถมอาจจะแอบดีใจเสียด้วยซ้ำ’
‘ไม่ แบบนี้เห็นแก่ตัวเกินไป ถึงยังไงต้นก็เป็นเพื่อนเรา เค้าสองคนชอบกัน รักกัน เราก็ควรที่จะร่วมยินดี และดีใจกับเค้าไม่ใช่เหรอ’
‘ในเมื่อเราเองแอบรักเค้าอยู่ข้างเดียว ก็ต้องมานั่งเศร้าเสียใจแบบนี้ล่ะ มันสมควรแล้วไม่ใช่หรอ แล้วใครล่ะ ที่เคยพูดว่า จะตัดใจจากเค้าคนนั้นแล้ว อย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะ...แต่ว่า....ทำไมมันปวดหัวใจอย่างนี้.... คนหนึ่งก็เพื่อน อีกคนก็คนที่เรารัก โอ๊ย....’

สายฟ้ายกมือขึ้นกุมขมับ ภาพต่าง ๆ ของทิวไผ่กับต้นข้าว ทั้งที่ผ่านมาในอดีต และที่พึ่งเห็นจนติดตามาสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อซักครู่ พากันประทังเข้ามาในห้วงความคิดเขาจะแน่นหัวไปหมด
ความรู้สึกเคว้งคว้าง เหงา และว้าเหว่บวกกับความน้อยเนื้อต่ำใจตัวเองมันบีบคั้นหัวใจดวงน้อยของเขาอย่างสุดแสนทรมาน หยดน้ำใส ๆ ไหลรินลงอาบสองแก้มเนียนอย่างห้ามไม่อยู่

“......Love I need somebody love อยากขอซักคนเพื่อรัก ให้หัวใจไม่ว่างงาน มีคนที่รักกัน มีคืนวันที่ดีด้วย Love I need somebody love อยากขอซักคนเพื่อเลิฟ ให้หัวใจได้รักใคร มีบางคนที่แคร์ คนที่มีรักแท้คือใคร....”

เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือดังขึ้นปลุกสายฟ้าให้หลุดพ้นจากวังวนความคิด ดูมันจะเข้ากับบรรยากาศและตอกย้ำความรู้สึกเสียเหลือเกิน
สายฟ้าปราดน้ำตาทิ้ง ก่อนกดรับสาย และปรับเสียงพูดให้ดูปกติที่สุด “ฮัลโหล...”

“ฟ้าหรอ อยู่ไหนเนี่ย ทำไมไม่มาซักที ใกล้จะถึงคิวกลุ่มเราพรีเซนต์แล้วนะ”

“อืม ๆ ขอโทษนะ มีธุระฉุกละหุกนิดหน่อย เดี๋ยวจะรีบไปเดี๋ยวนี้ล่ะ” สายฟ้านั่งเรียกสติ และทำสมาธิอยู่ชั่วครู่ก่อนจะขึ้นห้องไปเผชิญความจริงอีกครั้ง ขณะที่ทิวไผ่และต้นข้าว ยังไม่มีใครรู้สึกตัวเลย

...

“อืออ...อืมม... ปวดหัวจังเลย.....” ต้นข้าวรู้สึกตัวงัวเงียลืมตาอย่างช้า ๆ ตื่นตอนใกล้จะเที่ยง

“เอ๋...แขนใคร มาพาดเราอยู่เนี่ยหนักชิบหาย...เฮ่ย...” ต้นข้าวร้องขึ้นอย่างตกใจกับสภาพของตัวเองที่เห็นในตอนนี้

“หือ...ตื่นแล้วหรอครับต้น” ทิวไผ่งัวเงียตื่นตามเมื่อตนข้าวขยับตัว เขากระชับวงแขน แล้วซุกไซ้จมูกที่ซอกคอหนุ่มร่างบาง แต่สิ่งตอบแทนที่ได้รับกลับมาในทันทีคือ ตุ๊บ...โครม....
“โอ๊ย...” คนตัวใหญ่กระเด็นตกเตียงจากแรงถีบเต็มเหนี่ยว จนรู้สึกจุกช่องท้อง

“แก...ไอ้สารเลว ไอ้คนฉวยโอกาส...” ต้นข้าวพูดเสียงสั่นเครือ เขาดึงผ้าห่มมาพันกายไว้ก่อนหยัดตัวลุกขึ้นยืน
“โอ๊ย....” แต่ก็ต้องทรุดฮวบลง ด้วยสีหน้าเจ็บปวดและเสียวแปลบที่ก้นจนน้ำตาเล็ด

“ต้น....เจ็บมากมั้ย ผมขอโทษ เดี๋ยวผมจะพาต้นไปหาหมอเองนะ” ทิวไผ่หน้าตาตื่นกุลีกุจอเข้ามาช่วยพยุง

“ไม่ต้องมายุ่ง...” ต้นข้าวตวาดกลับมา พร้อมปัดมือที่จะช่วยพยุงออกอย่างแรง แล้วกลั้นใจลุกขึ้นยืนอีกครั้ง เพื่อหาเสื้อผ้ามาใส่ ก่อนจะมีอาการหน้ามืดจนเกือบล้ม ทิวไผ่พยายามจะเข้าช่วยเหลือ แต่ก็โดนตะเพลิดออกมาเช่นเดิม
ต้นข้าวพาร่างที่บอบช้ำอ่อนแรงเดินโซเซออกจากห้องและลงบันไดไปอย่างอยากเย็นจนเกือบตกหลายครั้ง แต่ก็ยังพยุงตัวกับราวบันไดไว้ได้ ก่อนจะลากสังขารขึ้นรถไฟฟ้าไป โดยมีทิวไผ่ตามมาคอยช่วยเหลืออยู่ห่าง ๆ
ทิวไผ่ มองตามรถไฟฟ้าคันนั้นวิ่งออกไปจนลับสายตา ตอนนี้เขาทำอะไรไม่ถูกแล้ว เขาสับสนวุ่นวายจนหัวสมองกลัดกลุ้มอย่างหนัก ได้แต่เฝ้าโทษตัวเองที่ทำอะไรลงไปโดยไม่ยั้งคิด หนุ่มหน้าเข้มเดินกระวนกระวายเป็นหนูติดจั่นไปรอบห้อง
“หืม...ถุงโจ๊กนั่น ใครซื้อมาตอนไหน หรือว่า....” ‘โอ๊ย...ความวัวไม่ทันหายความควายเข้ามาแทรก ต้นโกรธมากจนหนีไปอย่างนี้ ก็ยุ่งยากพอแล้ว ยังจะต้องมานั่งอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟ้าเข้าใจอีก เครียดโว้ยยย...’

 ‘ต้นไปไหนนะ โอ๊ย...ทำไมต้องเป็นแบบนี้ ไอ้ไผ่เมิงทำอะไรลงไป ไอ้สารเลวเอ๊ย....โทรเข้ามือถือก็ปิด เอ้อ...ลองโทรไปที่บ้านดีกว่า’
ปลายนิ้วสัมผัสปุ่มโทรศัพท์ตามหมายเลขที่เคยจดไว้ในสมุดโทรศัพท์
 “........ตึ๊ดดดดดดดดด.......ตึ๊ดดดดดดดดด......ตึ๊ดดดดดดดด.....”
“รีบ ๆ รับซิโว้ย..... ไม่มีคนอยู่บ้านรึไงเนี่ย”

“สวัสดีดีค่ะ...เกศสินีพูดค่ะ”

“สวัสดีครับ คุณแม่หรอครับ ผมไผ่นะครับ ไม่ทราบว่าต้นอยู่รึเปล่าครับ”

“จ้ะ แม่พูดเองลูกไผ่ ลูกต้นพึ่งมาถึงเมื่อกี้เองจ้ะ หน้าซีดเซียวดูอิดโรยมากเลย เดินขึ้นห้องไปแล้ว ลูก ๆ ไปทำอะไรกันมาหรอ โดนรุ่นพี่แกล้งมารึเปล่า” ‘เฮ่อ....โล่งออกไปทีที่กลับบ้าน’

“เอ่อ...ปะ เปล่าครับคุณแม่ รู้สึกว่าต้นจะไม่ค่อยสบายน่ะครับ ผมจะพาไปหาหมอแล้วก็ไม่ยอม ฝากคุณแม่ช่วยดูแลด้วยนะครับ”

“จ้ะลูก เดี๋ยวแม่จัดการเองจ้ะ ขอบใจนะจ๊ะที่เป็นห่วงลูกของแม่”

“ไม่เป็นไรครับคุณแม่ ขอบคุณครับ”

เมื่อทราบข่าวคราวก็ยังช่วยให้เขาใจชื้นขึ้นเปราะหนึ่ง ถึงปัญหาหนักอกจะยังคงค้างคาขวางกั้นอยู่ก็ตามที

………………………………………………………………………………………………………
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 08-06-2007 04:23:04
ฟ้าน่าสงสารจังเลย  :o11:

รอวันต้นกะไผ่ดีกัน  :o9:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: FOAM ที่ 08-06-2007 08:37:20
ฟ้าอย่าโกรธต้นน้า   :impress: :impress: :impress: :impress: :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 08-06-2007 09:14:58
เข้าใจกันเร็วๆน้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  :impress:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: A GE ที่ 08-06-2007 13:11:25
 :o :o  แล้วตอนกลางคืนยังรับรู้ความในใจของไผ่อยู่เลยมะช่ายเหรอครับ  พอตื่นแล้วทำไมกลายเปนอย่างนี้ล่ะครับต้น :confuse: :confuse:

 :o7: :o7: สงสารฟ้า  แต่ว่าคงต้องให้ยอมรับความจริงน่ะครับ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: taebin7 ที่ 08-06-2007 14:19:37
สงสารฟ้าจังเลย    :o7:


ขอบคุงที่มาต่อนะงับ o15
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 08-06-2007 16:21:30
เจ็บปวดหัวใจมากมาย

 o7 o7 o7 o7 o7 o7
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 08-06-2007 19:35:23
คนหนึ่งก็เพื่อน อีกคนก็คนที่เรารัก  :sad2:
สงสารสายฟ้าจับใจ  :o12:  :o12:  :o12:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Daow ที่ 08-06-2007 19:38:17
อ๊าวววววววววววววววววว ตื่นมาคนละอารมณ์เลยอ้ะ  :serius2:

สงสารน้องฟ้าด้วย มีคนมาดามใจน้องสักที  :sad2:

สองคนนั้นเค้าจะได้เปิดจ๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยย  o9
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: RN ที่ 08-06-2007 19:44:41
ส่งใครมาดามใจให้น้องฟ้าด้วยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 08-06-2007 22:10:20
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Electrolyte ที่ 09-06-2007 00:05:15
ใจหนึ่งก็สงสารฟ้านะคร้าบ
อีกใจหนึ่งก็อยากให้ทิวไผ่กะต้นรักกัน
อีกใจหนึ่งก็สงสารต้น
 o14      o15
เฮ้อ....สรุปให้ฟ้ารักกะพี่น้ำและต้นรักกะไผ่แล้วกันนะเหอะๆๆๆ
สรุปง่ายไปป่าวเรานี่ :like6:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 09-06-2007 03:27:06
จะดีกันด้วยวิธีไหนน๊อ เอาใจช่วยนายไผ่เน้อ o13

ขอบคุณครับ o14
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: A GE ที่ 09-06-2007 19:12:13
 :impress: :impress:  เอาใจช่วยนะครับให้พี่ชลมาดามใจน้องฟ้าไวๆ :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 09-06-2007 21:21:10
โอ๋ๆ ไม่เป็นไรนะนู๋ฟ้านะ
เดี๋ยวพี่สายชลก็มาปลอบใจให้หายเศร้าเองแหละ :teach:
 :give2: :give2: :give2: :give2: :give2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 09-06-2007 21:37:44
ติดตามมาเป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: A GE ที่ 10-06-2007 13:32:34
 :impress: :impress:  มารออยู่นะครับ  :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: sabishiikant ที่ 10-06-2007 18:04:50
“ฟ้า ฟ้า......”

“หะ หา....มีอะไรหรอ”

“เป็นไรมากรึเปล่าเนี่ย ทำไมวันนี้นายแปลก ๆ เมื่อคืนนั่งทำงานด้วยกันยังดูดี ๆ อยู่นี่นา”

“ไม่มีไรนี่ ก็สบายดี”

“นั่งมองจานข้าวมาตั้งนานเนี่ยนะสบายดี แล้วเมื่อไหร่จะกินซักทีล่ะ ตอนพรีเซนต์งานก็เหมือนกัน ดูนายไม่มีสมาธิเลย”

“เอ่อ...เราขอโทษนะ ที่ทำให้กลุ่มเราต้องถูกตัดคะแนนโดยใช่เหตุ”

“ไม่เป็นไรหรอก แค่นี้เล็กน้อยเพื่อนกัน แต่คราวหลังตั้งใจหน่อยละกัน เป็นแบบนี้บ่อย ๆ ก็ไม่ดีเหมือนกันนะ”
“อืม ว่าแต่มีเรื่องไม่สบายใจไรรึเปล่าบอกเราได้นะ”

“ไม่มีไรหรอก แค่ปัญหาจุกจิกเล็กน้อยเท่านั้นน่ะ ขอบใจนายมากนะที่เป็นห่วง”

“ปัญหาจุกจิกอะไร นายถึงได้คิดมากจนเหม่อลอยได้ขนาดนี้วะ”

“เอาน่า ไม่มีไรจริง ๆ ซักพักเดี๋ยวคงดีขึ้นเองแหละ ไม่ต้องห่วง”

“อืม ๆ...รักษาสุขภาพด้วยล่ะ เดี๋ยวอีกสองอาทิตย์คณะเราจะมีออกค่ายนอกสถานที่นะ กิจกรรมบังคับด้วยเดี๋ยวไม่สบายเอาจะลำบาก”

“ค้าบ ๆ ท็อปดีกับเราจัง ขอบใจนายมากนะ”

“เหอะ ๆ โหย...เพื่อนกันน่า อย่าคิดมาก”

……………………………………………………………………………………………..


“ลูกต้นจ๊ะ หม่ามี้เข้าไปนะคะ”

“ครับ แม่.......” ต้นข้าวพยายามส่งเสียงตอบมารดาอย่างเหนื่อยอ่อน

“เป็นไรมากรึเปล่า อยู่ ๆ ถึงกลับมาบ้านในสภาพแบบนี้น่ะ”

“เปล่าครับ แค่รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว ปวดหัวนิดหน่อยน่ะครับ”

“อื้ม...ตัวร้อนนะเรา แล้วพรุ่งนี้มีเรียนนี่ ทำไมไม่ไปหาหมอที่โรงพยาบาลใน ม. แล้วนอนพักผ่อนที่หอล่ะลูก กลับบ้านมาแบบนี้เดี๋ยวก็เสียการเรียนกันพอดี”

“เดี๋ยวต้นยืมแล็คเชอร์เพื่อนดูก็ได้ครับแม่”

 “เออ...เมื่อกี้ทิวไผ่เพื่อนลูกโทรมาแน่ะ เค้าบอกว่าลูกไม่ยอมไปหาหมอ น่าตีมาก ๆ เลยนะเรา ทำไมดื้อแบบนี้ล่ะคะ ไม่น่ารักเลยรู้มั้ย”

“แม่หยุดพูดถึงนายคนนั้นได้มั้ยครับ ต้นไม่ชอบ” ต้นข้าวพูดพร้อมกับเอาหมอนแนบหูไว้แน่น

“ลูกทะเลาะกันเหรอ มีอะไรค่อยพูดค่อยจากันนะจ๊ะ เพื่อนกันทั้งนั้น”

‘...เพื่อนเหรอ เพื่อนเค้าทำกันแบบนี้เหรอ...’ ต้นข้าวสบถอย่างคับแค้นใจ

“ครับ ๆ แม่ค้าบ ต้นง่วงนอนแล้ว....”

“จ้า จ้ะ อย่าพึ่งหลับล่ะ เดี๋ยวหม่ามี้จะทำข้าวต้มมาให้นะ จะได้ทานยาแล้วนอนพักผ่อน รอแป๊บจ้ะ”

   ...


   “หวัดดีครับฟ้า...กลับมานานแล้วหรอครับเนี่ย” ทิวไผ่ทักทายสายฟ้าด้วยอาการประหม่านิด ๆ

   “ดีครับ ก็กลับมาตั้งแต่ก่อนเที่ยงแล้วครับ มาเอาชาร์ตงานไปพรีเซนต์อาจารย์ที่คณะน่ะครับ” สายฟ้าพูดตอบไปโดยไม่ได้สบตาคนที่คุยด้วยเลยแม้แต่น้อย เพราะกลัวหนุ่มหน้าคมเข้มจะจับสงสัยแววตาที่หมองหม่นของเขาได้

   “ฟ้าซื้อโจ๊ก มาฝากด้วยนะครับ กินกันรึยัง”

   “เรียบร้อยไปแล้วครับ แล้วฟ้าล่ะ” ‘...กินไรไม่ลงหรอก แต่จะบอกว่าเททิ้งไปแล้วได้ไงล่ะ...’

   “ฟ้าไปกินข้าวกับเพื่อนมาแล้วล่ะครับ แล้วเมื่อคืนสนุกไหมครับ”

   “ก็นิดหน่อยครับ เผอิญตรงกับวันเกิดแฟนพี่เค้าด้วย เลยโดนพี่ ๆ ผู้ชายบังคับกินเหล้าเป็นเพื่อนไปโดยปริยายอ่ะครับ เลยออกอาการมึน ๆ จน...จนเป็นอย่างที่เห็น นะครับ แหะ ๆ”
‘โอ๊ย….พูดไกด์เข้าประเด็นแบบนั้นทำไมมันยากนักวะ’

“หรอครับ...” จะบอกว่า เพราะเมายังงั้นหรอ “แล้วต้นไปไหนแล้วล่ะครับ”

“เอ่อ...ต้น กลับบ้านไปแล้วล่ะครับ” ทิวไผ่ก้มหน้าตอบอย่างแผ่วเบา

“ท่าทางจะไม่ค่อยสบายน่ะครับ ผมจะพาไปหาหมอก็ไม่ยอม” ทิวไผ่ตอบเลี่ยงประเด็นหลักอย่างให้ใกล้เคียงที่สุด ‘ถึงขนาดนี้แล้วยังไงก็ต้องพูดกันให้เคลียร์ล่ะวะ’

“เอ่อ....ฟ้าครับ ฟ้าเห็น....แล้ว ใช่ไหม ครับ....” คำพูดกว่าจะผ่านพ้นออกจากริมฝีปากได้มันช่างยากเย็นอะไรอย่างนี้

สายฟ้า นิ่งเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยปากตอบรับเบา ๆ “........ครับ........”

“ฟ้า...ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำกับต้นแบบนั้นนะครับ ที่ผมทำลงไปเพราะ ผม...ผม เมา แล้ว แล้วก็... ก็...ผมรู้สึกว่า ผม...แอบชอบต้นมานานแล้วครับ...”
มันเป็นคำสารภาพที่คนฟังรู้สึกขมขื่นซะเหลือเกิน แถมมันยังมีอนุภาพทำลายล้างหัวใจดวงน้อยของสายฟ้าให้แตกสลายอย่างไม่มีชิ้นดี ไม่สิ...เขาต้องยินดีกับเพื่อนรักต่างหากล่ะ ส่วนตัวเขาเองคงได้แค่เพียงทำใจ ยอมรับชะตากรรมและตัดใจให้ได้ก็เท่านั้น

“ผมก็เลย...หน้ามืดทำลงไป... ทั้งที่ ต้นเมาไม่มีสติเลย แต่ผม...ผมผิดเอง” ใบหน้าคมเข้มฉายแววเศร้า อย่างคนสำนึกผิด
“ผมขอโทษ ที่ทำกับเพื่อนของฟ้าแบบนั้น ...ตอนนี้ ต้นคงเกลียดผมมาก ๆ แล้วล่ะครับ ผมกลุ้มจนจะคลั่งอยู่แล้ว ไม่รู้จะทำยังไงดีแล้วครับ ที่จะทำให้ต้นหายโกรธผม ผมไม่น่าทำแบบนั้นเลย”

การทำให้เพื่อนรักและคนที่เขารักสมหวังกันคงจะต้องเป็นหน้าที่ของเขาสินะ ใช่ มันเป็นสิ่งที่เขาต้องทำถึงมันจะทำให้เขาปวดใจอย่างแสนสาหัสก็เถอะ เพราะเขาไม่อยากให้เพื่อนรัก และคนที่เขารักต้องมาทุกข์ใจอย่างที่เขาเป็นอยู่อีกแล้ว

สายฟ้านิ่งเงียบก่อนตัดสินใจ “....งั้น...เดี๋ยวฟ้าช่วยไผ่ปราบพยศไอ้ต้นอีกแรงละกันครับ”

“จริงหรอครับ...ฟ้าน่ารักที่สุดเลย” ทิวไผ่โผเข้ากอดหนุ่มร่างเล็กไว้อย่างดีใจและเป็นปลื้มสุด ๆ

นี่เป็นกอดแรก สัมผัสแนบแน่นสนิทใจครั้งแรกที่เขามอบให้ มันดูอบอุ่นยิ่งนัก แต่ความรู้สึกจากไออุ่นที่ได้รับได้สัมผัสมันคงเป็นได้แค่มิตรภาพที่เพื่อนมีให้แก่กันเท่านั้น

“ก็ไผ่ ขึ้นขี่ม้าพยศตัวร้ายตัวนี้ได้แล้วนี่นา ที่เหลือก็แค่ทำให้เชื่องก็เท่านั้น แต่คงจะยากกว่าขึ้นขี่ซะมากกว่าล่ะมั้งครับ” สายฟ้าพูดหยอกล้อเย้าแหย่ทิวไผ่ จนหนุ่มหน้าเข้มยิ้มอย่างเขินอาย

…………………………………………………………………………………………………..



“ไง ไอ้หนุ่ม พี่รหัสพาไปเลี้ยงยังไงของนาย ถึงขนาดได้ซมซานมานอนพักพื้นอยู่ที่บ้านโดยไม่ยอมบอกเพื่อนฝูงเลยนะ”

“ดีฟ้า... มาได้ไงเนี่ย”

“มีคนบอกว่า มีคนป่วยโซเซกลับบ้านมา เลยตามมาดูใจ” ยังไม่ตายง่าย ๆ หรอกว้อย ไอ้เพื่อนบ้า เฮ่ย...แต่อย่าบอกนะว่า ไอ้นั่นบอกฟ้าหมดทุกอย่างแล้ว...
 “อืม...มาคนเดียวเหรอ...” คงไม่ตามมาด้วยหรอกนะ

“อื้อ มาคนเดียว รึอยากให้ใครมาด้วยล่ะ” …พูดงี้หมายความว่าไงฟระ

“เปล่า ๆ” ...เฮ่อ...โล่งอก ถ้าไอ้บ้านั่นมามีหวังบ้านแตกแน่ๆ

“ยังไม่ตอบเราเลย ที่ถาม”

“ก็...โดนรุ่นพี่มอมเหล้าอ่ะดิ คนไม่เคยกินนี่หว่า....ก็เลย....เป็นอย่างที่เห็นนี่ไง” ….จะให้ฟ้ารู้เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้...

“แล้วทำไมไม่นอนพักผ่อนที่ห้องล่ะ ให้ไผ่ดูแลก็ได้” สายฟ้าพูดให้สะกิดใจต้นข้าวเพื่อดูท่าที “แล้วอีกอย่างบ่าย ๆ เราก็กลับมาแล้ว กลับมาบ้านแบบนี้พรุ่งนี้จะไปเรียนมั้ยเนี่ย”

นายคงยังไม่รู้อะไรสินะ แล้ว...จะพูดไงดีเนี่ยไม่ให้ฟ้าสงสัย เดี๋ยวจะเข้าใจเราผิดอีก….ว่าต่อหน้าทำเป็นร้าย ทำเป็นเกลียด แต่ลับหลังกลับแอบเก็บไว้กินเอง ฟ้าเจ็บมามากพอแล้ว เราจะทำให้นายเจ็บอีกไม่ได้
 “เอ่อ...ก็เราอยากกลับบ้านนี่...”....เอางี้ล่ะวะ คงไม่ขุ่นคลักขนาดมองไม่เห็นตอใต้น้ำนะ
“ส่วนพรุ่งนี้คงไม่ไปเรียนล่ะ ยังไม่หายมึนเลย เดี๋ยวยืมแล็คเชอร์เพื่อนจดก็ได้”...โดนไอ้บ้านั่นทำซะยังเจ็บก้นไม่หายเลย นายรู้ไว้ด้วย....อ๊าก....เกลียด ๆ ๆ โว้ย...

“อืม เอางั้นหรอ” ...นายคงลำบากใจอยู่สินะต้น ถึงเราจะเจ็บมากแค่ไหน แต่เรายังเป็นเพื่อนกันเสมอ ไม่ต้องห่วงเราหรอก อย่าคิดมากสิต้น ซักวันนายคงจะรู้ใจตัวเองนะ....
“ไงดีขึ้นแล้วก็รีบ ๆ กลับไปเรียนนะ เย็นมากแล้ว เดี๋ยวเรากลับ ม. ก่อนละกัน”

“ขอบใจที่มาเยี่ยม ถ้าหายแล้วเราจะรีบกลับไปนะ บาย...”

สายฟ้าออกจากห้องไปแล้ว ทิ้งหนุ่มร่างบาง นอนครุ่นคิดอย่างฟุ้งซ่าน อยู่บนเตียงคนเดียว ‘จะปิดเรื่องนี้กับฟ้าได้อีกนานแค่ไหนนะ ถ้าฟ้ารู้ เราคงเข้าหน้าฟ้าไม่ติดแน่ ๆ แล้วเราจะต้องกลับไปเผชิญหน้ากับไอ้บ้านั่น โดยที่ต้องเก็บงำความแค้นความเกลียดชังเอาไว้ เพราะถ้าจะหลบหน้าต่อไปคงไม่ได้ ฟ้าจะยิ่งสงสัย......อ๊าก กลุ้ม ๆ...เพราะแกคนเดียว’

…………………………………………………………………………………………….


ทิวไผ่ยิ้มหน้าระรื่น เมื่อเห็นต้นข้าวกลับมา แต่สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นเศร้าสร้อยอย่างรวดเร็ว เมื่อสิ่งที่เขาได้รับกลับมากลายเป็นความเฉยชา ที่มากเสียจนเขาต้องกลัดกลุ้มอย่างหนัก ใบหน้าที่สดใสกลับดูเรียบเฉย น้ำเสียงใส ๆ ร้าย ๆ และเจ็บแสบที่เคยแขวะเขามาตลอดกลับดูราบเรียบและเหินห่าง จากแววตาคู่สวยที่เคยสดใสมีชีวิตชีวากลับดูขุ่นเคือง มันทำให้เขารู้สึกกลัว และอึดอัดมาก ๆ
หนุ่มหน้าเข้มได้แต่มองตาปริบ ๆ กับสายฟ้า แต่แววตาที่คอยให้กำลังอย่างเปี่ยมล้นของหนุ่มร่างเล็กก็ทำให้ประกายความมุ่งมั่นเกิดขึ้นในดวงตาที่ดูเศร้า ๆ นั้น


หนึ่งอาทิตย์เต็ม ๆ แล้วที่บรรยากาศชวนน่าอึดอัดเข้าปกคลุมโลกของพวกเขา 7 วันเต็ม ๆ ที่ต้นข้าว ไม่ยอมคุยกับเขา ถามคำตอบคำ 7 วัน เต็ม ๆ ที่ใบหน้าใส ๆ นั้นไร้รอยยิ้ม 7 วันเต็ม ๆ กับแววตาขุ่นเคืองและหมองหม่น 7 วันที่ทิวไผ่ต้องทุกข์ทรมานใจอย่างแสนสาหัส ซึ่งมันทำให้สายฟ้าพลอยเป็นทุกข์ ไปกับบรรยากาศแบบนี้ไปด้วย เพราะเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะช่วยยังไงดี นอกจากให้กำลังใจทิวไผ่ต่อไป แต่มันจะไม่เป็นประโยชน์อะไรเลย เพราะทิวไผ่พยายามทำทุกอย่าง ทั้งขอโทษและตามง้อทุกอย่างแต่อะไร ๆ ก็ยังไม่ดีขึ้นเลย สงสัยว่าจะต้องทำอะไรซักอย่างแล้วล่ะ


“ต้น ว่างไหม...เราขอคุยอะไรด้วยหน่อยสิ”

“อืม...มีไรหรอว่ามาดิ”

“ทำไมพักนี้นายแปลก ๆ ไป ตั้งแต่ กลับมาจากที่พี่รหัสเลี้ยงแล้วนะ”

“แปลกยังไงหรอ เราก็ยังเป็นต้นข้าวคนเดิมนี่”

“ไม่ใช่ล่ะ นายไม่ใช่ต้นข้าวผู้ร่าเริงแจ่มใสคนเดิม นายเย็นชามาก ๆ โดยเฉพาะกับไผ่ ขนาดเรายังรู้สึกได้เลยนะต้น มีปัญหาอะไรกันรึเปล่า”

“..........” จะให้บอกได้ไงล่ะ ว่าเราโดนปล้ำ
 
“….ต้น.... เรายังเป็นเพื่อนนายเสมอนะ และจะเป็นตลอดไปไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นก็ตาม เราก็ยังคือเพื่อนของนาย”

“ไม่มี เราไม่ชอบหน้านายนั่นยังไง ก็ยังไม่ชอบเหมือนเดิมนายก็รู้ ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ ไม่ต้องมาคอยพูดจาเสียดสีให้เสียสุขภาพจิตเปล่า ๆ ต่างคนต่างอยู่แบบนี้น่ะ” เราบอกนายไม่ได้หรอก ขอโทษนะฟ้า

“อืม ๆ... แต่ถ้านายมีเรื่องไม่สบายใจอะไร เรายังพร้อมที่จะรับฟังเสมอนะ” ....ตอนนี้นายคงกำลังกังวลสับสนอยู่สินะ เราทำใจได้แล้วล่ะต้น ไม่ต้องห่วงความรู้สึกเราหรอก
สายฟ้าตบไหล่ให้กำลังเพื่อนเบา ๆ


...
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 10-06-2007 18:23:58
สายฟ้าของช้าน  :o7:  :o7:  :o7:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 10-06-2007 18:53:19
สายชลอยู่ไหนเนี่ยมาปลอบใจหนูฟ้าเร็วเข้าดิ่ o12
นี่เป็นช่วงทำคะแนนนะเว้ย
รีบมาเร็วเข้า
 :haun5: :haun5: :haun5:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: RN ที่ 10-06-2007 19:06:33
สงสารสายฟ้า..............ใครก็ได้..มาปลอบน้องฟ้าที..กระซิกๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 10-06-2007 19:23:12
มาส่งแรงใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 10-06-2007 19:34:48
คนที่น่าสงสารที่สุดก็คือ สายฟ้า นั่นเอง  o7
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 10-06-2007 22:55:35
ขอให้ผลบุญที่สายฟ้าทำส่งกลับไปถึงตัวสายฟ้า

ให้เจอคนมารักษาแผลใจเร็วๆด้วยนะค้าบบบบบ

ปล.แต่เอ๊ะไปออกค่าย ก็จะได้เจอกับสายชลละซี้ อิอิ  :o9:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 11-06-2007 01:22:13
รอวันที่ฟ้าจะมีความสุข  :undecided:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: sabishiikant ที่ 11-06-2007 18:47:23
‘เกือบทั้งอาทิตย์แล้วสินะที่เรียนอะไรไม่รู้เรื่องเอาเสียเลย ความคิดมันสับสนวุ่นวายไปหมด ทั้งห่วงความรู้สึกของฟ้า ถ้าฟ้ารู้เรื่องเข้า ฟ้าจะคิดยังไงนะ ความเป็นเพื่อนของเราตั้ง 6 ปีกว่ามันคงพังครืนลงมาอย่างไม่เป็นท่าแน่ ๆ ทั้งกลัว กลัวมาก ๆ ว่านายนั่นจะเอาเรื่องนี้ไปแบล็คเมล์เพราะยิ่งเราไม่ค่อยชอบหน้านายนั่นอยู่
อ๊ะ...ถ้าคิดจะทำจริง ๆ นายนั่นก็คงทำไปแล้วสิ คงไม่รอนานขนาดนี้ แถมถ้าทำ ตัวเองก็เสียหายด้วยอีกแล้ว...ตอนนั้น...จำได้ว่า เค้าบอกว่า...ร ระ รัก...เรา....
ไม่จริงมั้ง มันก็เป็นแค่ลมปากของคนที่ความหื่นบังตาเท่านั้นแหละ ...แต่ว่า...เค้าก็ดูแคร์เราอยู่นี่.....แคร์กะผีอะไรล่ะ ก็แค่คนรู้สึกผิดชั่ววูบแค่นั้น ถ้าแคร์จริง จะปล่อยเฉยไม่ทำอะไรจนมาถึงทุกวันนี้เหรอ โอ๊ย...แล้วจะเอายังไงของนายวะเนี่ย.....’
ต้นข้าวกวักน้ำจากก๊อกสาดใส่ใบหน้าใส ๆ นั่นอย่างบ้าคลั่ง เพื่อดับความฟุ้งซ่านในหัว... ‘อ้าว...เลอะหมดเลย...ไม่เป็นไร ชั่งแมร่ง คาบสุดท้ายแล้วว้อย...’

   “เฮ่ย...” ต้นข้าวสะดุ้งโหยงสุดตัว เมื่อมีมือใหญ่ ๆ ของใครคนหนึ่งบีบเข้าที่แก้มก้นเขาอย่างแรง แล้วก็ต้องอ้าปากค้าง เมื่อหันไปเจอ เจ้าของร่างสูงแกร่งยืนประกบอยู่ด้านหลังเขา

...อย่างนี้สินะ สิ่งที่กลัวมันกำลังเกิดขึ้นแล้ว เมื่อเขาเป็นต่อหลายขุม เขาก็กล้าที่จะทำอะไรแผลง ๆ มากกว่าเดิม ตายห่าล่ะ ทีนี้...

   “นาย...” ต้นข้าวยืนตัวแข็งทื่อ ตาขวางถมึงทึงอย่างเอาเรื่อง

   “ อะไร นายอะไร” ทิวไผ่แสยะยิ้มที่มุมปาก จ้องมองหนุ่มหน้าใสตรงหน้าอย่างมีเลศนัย ‘...ในเมื่อใช้ไม้นวมกับนายไม่ได้ผล ก็คงต้องใช้ไม้แข็ง ห่าม ๆ แบบนี้สิ ชอบซาดิสม์ก็ไม่บอกแต่แรก...หึหึ’

   “...นี่มันห้องน้ำคณะนะ ถ้าคนอื่นมาเห็นจะว่าไงเนี่ย” ต้นข้าวตวาดแว้ดด้วยเสียงแผ่วเบาที่พอได้ยินกัน แค่สองคน (รึเปล่า)

   “ก็ดีสิ คนอื่นเค้าจะได้รู้ให้หมดว่าเราเป็นอะไรกัน” สายตาหื่นกรุ้มกริ่มแบบมีเลศนัยอีกแล้ว “เอ๋...หรือว่า ที่นี่ไม่สะดวก งั้นเราไปต่อที่ห้องกันดีกว่าที่รัก” ไม่พูดเปล่าเขากุมข้อมือน้อย ๆ แน่น พยายามจะลากเดินไปยังจุดหมายตามที่พูดทันที

   “เฮ่ย...ไม่ใช่นะเว้ย ใครเป็น...เป็นอะไรกะนาย” ต้นข้าวขึ้นเสียงดังแต่ท้ายประโยคกลับแผ่วเบาจนแทบจะไม่ได้ยิน “แล้วเราก็ไม่ใช่ที่รักของนายด้วย”

   “นี่ อย่าเล่นตัวได้ไหม ก็นายเป็นเมียเราแล้วนะ รึจะเถียง”

   “.............”

‘เพี๊ยะ!....’

“.............”
   
   “...เมีย งั้นเหรอ...” ต้นข้าวนัยน์ตาแดงก่ำจ้องมองใบหน้าหนุ่มร่างสูงแกร่งตรงหน้าอย่างเจ็บแค้น ‘…มันน่าภูมิใจนักใช่มั้ยกับคำว่า เมีย ที่ผู้ชายคนหนึ่งได้ขึ้นชื่อว่าเขาเป็น เมีย ของผู้ชายด้วยกัน....’ เขายังรับไม่ได้กับคำ ๆ นี้ มันเลวร้ายเกินไป...

   ทิวไผ่หน้าชาจากแรงกระแทกของฝ่ามือที่กระทบใบหน้าคมเข้มของเขาอย่างจัง แววตาที่ดูดุดันและหื่นกระหายแฝงเลศนัยปรับเปลี่ยนเป็นเศร้าสลดระคนความสำนึกผิดในทันที เขาสบตากับดวงตาคู่สวยที่แดงก่ำของหนุ่มร่างบางที่ยืนอยู่ตรงหน้าอย่างขอโทษ
มันเริ่มมีหยดน้ำใส ๆ เอ่อล้นออกมา ทิวไผ่ดึงร่างบอบบางนั้นเข้ามากอดแนบอก พลางกระชับวงแขนแกร่งให้แน่นขึ้น ต้นข้าวไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด เข้าซบใบหน้าที่อกแกร่ง พร้อมกับปล่อยให้หยดน้ำตาไหลอาบแก้ม ต้นข้าวสะอื้นจนตัวโยนอย่างอัดอั้น ทิวไผ่ลูบไล้เส้นผมสลวยนั้นอย่างปลอบประโลม

“ผมขอโทษนะ ที่พลั้งปากพูดทำร้ายน้ำใจต้น” ทิวไผ่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาอย่างสำนึกผิด เขาจับร่างนั้นผลักออกเบา ๆ พร้อมใช้นิ้วหัวแม่มือปราดคาบน้ำตาออกจากสองแก้มใส ก่อนจะก้มลงจูบปลอบขวัญที่หน้าผากหนุ่มร่างบางไปหนึ่งที

“หยุดร้องได้แล้ว...คนขี้แง ทำเสื้อผมเปียกหมดแล้วเนี่ย” ทิวไผ่พูดล้อ ๆ แต่ต้นข้าวยังคงยืนก้มหน้าสะอื้นอยู่

‘ขลุกขลัก เคร้ง โครมมม!....’

“.................”
 
เสียงเก้าอี้ชำรุดที่นักการขนมากองรวมกันไว้ที่ห้องเก็บของมุมตึกล้มครืนลงมา พร้อมกับเงาของร่าง ๆ หนึ่งวิ่งออกจากมุมตึกหายเข้าไปในความมืดอย่างรวดเร็ว

‘…แย่ล่ะสิ มีคนแอบดูเรา แถมไฟในห้องน้ำตอนค่ำ ๆ ก็สว่างจ้าซะ อุตส่าห์ดูแล้วนะว่าไม่มีใครอยู่แล้วเชียว...’ ทิวไผ่ครุ่นคิด
 
“มี อะไรหรอ ...รึว่ามีคนแอบดู ห๊า....ตายล่ะ โอย ไอ้คนฉวยโอกาส เป็นเรื่องแล้วมั้ยล่ะ...” อ้าว ไหงงี้... ได้โอกาสตีโพยตีพายทันที ทั้งที่ยังไม่หายสะอื้นดีเลยนะ

   “...ปะ เปล่า ไม่มีอะไร ต้นอย่าคิดมากดิ เสียงแมวน่ะ เราเห็นมันกระโดดลงจากกองเก้าอี้วิ่งไปทางนู้น...”

   “...เชื่อตายล่ะโอ๊ย....ทีนี้ ทำไงดี ๆ เพื่อน ๆ ทั้งคณะ คนทั้ง ม.ได้รู้กัน แน่ ๆ” ต้นข้าวยังไม่หยุดกระวนกระวาย

   “เชื่อผมดิ มืดป่านนี้แล้ว ใครจะมาเดินเพ่นพ่านอยู่ล่ะ วันนี้เราเรียนชดเชยนะ มันค่ำแล้ว ไม่มีใครเค้าพิเรนทร์มาเที่ยวแอบดูชาวบ้านหรอก ตอนผมตามต้นเข้ามาก็ไม่มีคนแล้ว” ทิวไผ่ชักแม่น้ำทั้งห้ามาเพื่อปลอบใจคนตรงหน้า ‘เดี๋ยวเรื่องนั้นค่อยสืบต่อไปว่าเป็นใคร ไม่นานมันคงแสดงตัวมาแบล็คเมล์กับเราล่ะน่า’

   “นั่น แอบตามสะกดรอยเรามาล่ะสิ คิดว่าตัวเองเป็นเจมส์บวม 008 รึไง” ‘...เป็นไม่เป็นเดี๋ยวก็รู้ ว่าไอ้คนนั้นมันเป็นใคร ถ้ากล้าทำให้ต้นเดือดร้อนล่ะก็... ชั้นไม่ปล่อยแกไว้แน่’

   “เปล่า ไม่ได้เป็นเจมส์บอลเจมส์บวมไรทั้งนั้นอ่ะ แค่คนธรรมดาที่ทำตามหัวใจเรียกร้อง”

   “โหย...แหวะ เสี่ยวว่ะ ไม่ได้ปลื้มนะว้อย หลีกไป จะกลับห้อง”

   “ผมไม่ใช่ชวน หลีกภัยนะ ทำไมต้องหลีก” แน้... ยังไม่หยุด...

“จะกินหมัดเจ็บ ๆ ซักป้าบมั้ย”... ฉุนแล้วนะ… ทิวไผ่แอบอมยิ้ม เมื่อเห็นหนุ่มหน้าใสทำสีหน้าปั้นปึ่งเก็บอาการเขินสุดขีด

   “กลับมอไซค์กับผมสิ หอก็อยู่ห้องเดียวกันด้วย”

   “ไม่เอา นั่งรถไฟฟ้ากลับเองได้ ร้อยวันพันปีไม่เคยมาด้วยกัน แถมไม่กินเส้นกันอีก ถึงจะอยู่ห้องเดียวกันก็เหอะ อยู่ ๆ ไปไหนมาไหนด้วยกันคนเค้าจะได้สงสัยเอาเด่ะ”

   “เหอะน่า เราจะดีกันใครจะคิดยังไงก็ชั่งเค้าดิ เมทกัน เรียนด้วยกัน ไปไหนด้วยกันอีกซักอย่างจะเป็นไร”

   “แต่....”

   “อย่าดื้อนะ รึอยากจะประจานตัวเองให้ชาวบ้านเค้ารู้กัน ได้ ๆ เดี๋ยวอุ้มโชว์ออกไปหน้าคณะเลย”

“เฮ่ย...อย่านะ” ทิวไผ่ทำท่าจะอุ้มจริง ๆ เล่นเอาหนุ่มร่างบางร้องเหวอ ถอยหลังกรูด ก่อนรีบเดินนำออกมาจากห้องน้ำอย่างรวดเร็ว

   ...


   “นี่ นั่งหมิ่นเหม่ขนาดนั้น เดี๋ยวก็ตกรถตายพอดีหรอก ขยับ เข้ามาสิ ผมไม่กัดหรอกน่า...”

   “........”

   “อื้ม... ดีมาก เกาะเอวผมสิ”

   “จะบ้าเรอะ ได้คืบจะเอาศอก เดี๋ยวศอกกลับเข้าให้”

   “อ่า ๆ ล้อเล่น.... อย่าน้า เดี่ยวรถล้ม” ใจชื้นแปลกๆ พิกลแฮะ ดูเหมือนต้นจะกลับมาเป็นเหมือนแต่ก่อนแล้วสิ ไม่ล่ะ ดีกว่าแต่ก่อนซะอีก จะหายโกรธเรารึยังน้า รึเพราะโดนเราบังคับ แต่ก็ยังดีวะ

   “ต้น เดี่ยวเราไปหาไรกินกันก่อนค่อยกลับห้องนะ” พูดจบทิวไผ่ก็เลี้ยวรถออกหลัง ม. ไปทันที

   “นี่ เลี้ยวกลับเลย เราจะกลับหอ ฟ้ารอกินข้าวอยู่”

   “ฟ้าบอกว่าไปกินกันเหอะ แล้วค่อยซื้อข้าวกล่องไปให้ก็ได้”

   “รู้ได้ไง”

   “ก็เราโทรบอกฟ้า ตั้งแต่ตอนเดินออกจากห้องน้ำตามนายมาแล้ว”

   “โหย...นักวางแผน เดี๋ยวเหอะ ไอ้เพื่อนทรยศก็อีกคน”

   
   ………………………………………………………………………………………………….

   
   “ต้น กินอะไรดีครับ” สุภาพซ้า...ไม่ใช่สาวคู่ดินเนอร์นายนะเว้ย

   “ไม่อ่ะ ไม่หิว นายจะกินอะไรก็รีบกินสิ อยากกลับห้องไปอาบน้ำแล้ว เหนียวตัว”

   “..............” ‘จะกินไหม รึอยากดัง’ ....ความสุภาพหนีหายเข้ากลีบเมฆไปอย่างรวดเร็ว

   “อ๊ะ ๆ....กินก็ได้” ตอบเสียงอ่อย ๆ อย่างขัดขืนไม่ได้ ‘…ชิชะบังอาจบังคับกันด้วยสายตา นึกว่ากลัวเรอะ แต่ถ้าไม่กลัวก็ อ๊ากกก........’

“เอาข้าวกะเพราไก่ไข่ดาวสุก ๆ 2 จานนะครับป้า แล้วก็ราดหน้าทะเลเส้นใหญ่ใส่กล่องให้กล่องนึงนะครับ” ......ถือวิสาสะสั่งให้เราอีก... ก็นะ กะเพราไข่ดาวของชอบเรายังรู้อีก...

“อ่ะ ไข่ดาวของชอบต้น ผมยกให้ กินให้หมดนะ จะได้แข็งแรง ๆ” ....จะซึ้งน้ำใจดีมั้ยเนี่ย....

“นี่ หยุดทำหน้าเซ็งกระบ๊วยได้แล้ว ไม่น่ารักเลย รีบ ๆ กินเข้าสิ อยากกลับหอไม่ใช่หรอ รึจะให้ป้อน” ........โหยพูดออกมาได้ อายนะว้อย คนเค้ามองกันแล้ว เดี๋ยวลุกหนีซะเลยนี่.... (ถึงของโปรดก็ต้องฟอร์มไว้ก่อนเดี๋ยวนายนี่จะได้ใจว่าเราดีด้วย อิอิ)
.......แต่เล่นมาไม้นี้ ถ้านายนี่บ้าจริง ๆ ล่ะ จะว่าไง.......นอกเสียจากตักข้าวใส่ปากอย่างรีบเร่งให้หมดก่อนจะโดนตักป้อน.....

“มองมาย กิงของนายเข้าปายเสะ ” พูดทั้งที่ข้าวยังยัดแน่นเต็มปาก เมื่อเห็นหนุ่มหน้าเข้มหยุดกินแต่กลับนั่งจ้องเขาแทน

“มองคนมูมมาม กินดี ๆ ไม่เป็นรึไง เดี๋ยวก็ติดคอตายหรอก ขี้เกียจเก็บศพอ่ะ” …..ตกลงจะเอายังไงของนายวะ ไอ้นี่......บังคับอยู่ได้ (ก็อยากทำประชดเองนี่เนอะ เหอๆ)

“แคร่ก ๆๆ ....” เอาแล้วตรูตาย ๆ

“ว่าแล้ว ไม่ทันขาดคำ เอ้านี่น้ำ กินเข้าไป”

“เฮ่อ....ขอบใจ อิ่มเลย หมดอารมณ์กิน ป่ะ กลับกันเถอะ”

“เดี๋ยว ไข่ดาวที่เราให้ยังไม่กินเลย ถ้าไม่กินจะป้อนจริง ๆ นะ”........ ‘...เง้อ...’ ......ในที่สุดต้นข้าวก็จำใจกินไข่ดาวฟองที่เหลือจนหมด

“เท่าไหร่”

“ไม่เป็นไรเราเลี้ยง”

“ไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณ”

“บุญคงบุญคุณอะไรกัน แหมแฟนตัวเองแค่นี้เราเลี้ยงได้น่า”

“นี่ อย่าโมเมนะ”

“ไม่ให้แฟน งั้นจะให้เรียก .......”

“หุบปากพล่อย ๆ ของนายเลย” ต้นข้าวฉุนขึ้นมาอีกแล้ว เมื่อทิวไผ่จะเล่นไม้นี้

“อ๊ะ ๆ อ๊า...คิดไรอยู่ ผมจะบอกว่า จะให้เรียก สุดที่รักของผม รึไงค้าบ”

“..............”

 ...... ‘สุดที่รักของผม..... บ้าสิ แต่เอ๊ะ...คำนี้เคยได้ยินที่ไหนนะ’……


……………………………………………………………………………………………………


“ว่าไงต้น กินข้าวอร่อยไหม”

“หร่อยตายห่าเลยล่ะ นายนะ ไม่ช่วยกันบ้างเลย หึ” ต้นข้าวพูดอย่างงอน ๆ ก่อนจะจัดแจงของไปอาบน้ำอย่างรวดเร็ว
‘….ก็เราช่วยอยู่นี่ไง...ช่วยไผ่น่ะ เหอ ๆ แต่ก็เป็นการช่วยนายทางอ้อมนะ นายจะได้รู้ใจตัวเองซะทีไง ไอ้เพื่อนรัก...’

“ดีใจ ด้วยนะครับไผ่ ว่าแต่ไผ่ทำไงเนี่ย ถึงอยู่หมัดได้น่ะ สุดยอดไปเลยครับ” สายฟ้ากล่าวทักทายหนุ่มหน้าเข้มที่เดินตามเข้ามาในห้องหลังจากต้นข้าวเดินเข้าห้องน้ำไป

“ขอบคุณครับฟ้า แต่ยังไม่อยู่หมัดหรอกครับ ยังพยศไม่ยอมหยุดเลย ขนาดใช้ไม้แข็งยังได้แค่นี้เองครับ”

“ไม้แข็งยังไงเหรอ… อืม แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรดีขึ้นเลยนะครับ”

“หึหึ.... นี่ครับฟ้า ผมซื้อราดหน้ามาฝาก” ทิวไผ่ไม่ตอบแต่เปลี่ยนเรื่องคุยทันที

“ขอบคุณครับ เท่าไหร่ครับไผ่”

“ไม่เป็นไรครับ”

“ขอบคุณอีกครั้งครับ แหมใจดีจัง ก็น่าจะนี่เนอะ วันนี้มีอะไรดี ๆ เกิดขึ้นตั้งมากมาย...”

“ทิวไผ่ตอบรับยิ้ม ๆ อย่างพอใจ”

...
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: A GE ที่ 11-06-2007 19:04:28
 :haun5: :haun5: ที่แท้ต้นก็ชอบแบบพิศาลนี่เอง  เอาใจช่วยไผ่ให้ง้อสำเร็จนะครับ  แต่ว่าดูท่าจะอีกไม่นานแล้วหล่ะครับ o17 o17

แล้วใครที่มาแอบมองอ่ะ  :sad3: :sad3: อย่าบอกว่ายัยดาวเถื่อนนั่นนะครับ  เด๋วเปนเรื่องตายเลย  o22 o22
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: tor13 ที่ 11-06-2007 19:26:05
ได้อ่านตอนนี้แล้วมันชื่นในอก :like6:ซะจิงจิง :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 11-06-2007 20:03:04
นู๋ต้นเริ่มทำตัวน่ารักขึ้นมาบ้างแล้ว
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
ดีแล้วล่ะ
อย่างอนมาก
เดี๋ยวไผ่จะสวมบทโหด
ตบจูบๆ นะจ๊ะ
 :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 11-06-2007 20:33:49
หุหุ บุคคลต้องสงสัย คือ ยายดาว  o18 คิดจะทำอะไรเนี่ย  o8
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: FOAM ที่ 11-06-2007 21:16:05
น่าร้ากกกกกกกกกซะมากมาย

ว่าแต่คู่ของฟ้าอ่าคับ  สงสารฟ้าแล้วอ่ะ

 :o10: :o10: :o10: :o10: :o10: :o10:

 :o11: :o11: :o11: :o11: :o11: :o11:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: kei_kakura ที่ 11-06-2007 21:47:39
เชียร์ไผ่เต็มที่  โฮะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  :-[

แม้ว่าจะสงสารนู๋ฟ้าบ้างก็ตาม  แต่ว่า อะไรที่ใช่ของเรามันก็ใช่นะ  อะไรที่มันไม่ใช่ให้พยายามยังไงก็ไม่ได้มาหรอก

เลือกคนที่เขาร๊าก + รอเราดีก่านิ   :teach:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 11-06-2007 22:27:20
กว่าจะมาญาติดีกันได้ก็เล่นเอาซะเหนื่อยเหมือนกันนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 11-06-2007 22:30:44
คู่นี้น่ารักจิงจิ้งๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อิอิ ชอบๆๆๆๆ  :like6:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 12-06-2007 00:40:25
ใครนะที่แอบดู เป็นยายดาวรึเปล่า  :confuse:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Electrolyte ที่ 12-06-2007 03:48:56
ใครนะที่แอบดูอ่า
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: tor13 ที่ 12-06-2007 10:54:44
ยังไม่มารอต่อไป o1
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 12-06-2007 14:25:15
สายฟ้าเข้มแข็งกว่าที่คิดเยอะเลย

สู้ๆ ค้าบบบบ คนโพสต์ คนแต่ง

 :yeb:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 12-06-2007 16:59:13
มาเป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: A GE ที่ 12-06-2007 17:30:17
 :impress: :impress:  มารออยู่นะครับ  :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 12-06-2007 19:01:34
ยังไม่มาหรอคับ

รออยู่น้า  :impress:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: sabishiikant ที่ 13-06-2007 04:00:24
“ไปแล้วนะต้น”

“อื้ม ๆ โชคเอ ๆ ตอนกลางคืนนอนคนเดียวระวังผีหลอกน้า เหอๆ ได้ข่าวว่าที่จะไปน่ะสนามรบเก่านี่นา”

“ไม่กลัวว้อย มีคนนอนเป็นเพื่อนเยอะแยะ”

“ครายหรอ...ใช่รุ่นพี่คนที่พักนี้คอยมารับมาส่งบ่อย ๆ รึเปล่าน้า...”

“ไอ้บ้าต้น เดี๋ยวเหอะ ๆ มาแซว นายก็ดูแลตัวเองดี ๆ ละกันล่ะ เราไม่อยู่หลายวัน” ....นั่น โดนแซวจนหน้าแดง แล้วยังมีหน้ามาแขวะตอบ แต่ที่พูดหมายความว่าไงอ่ะ แววตามีเลศนัยแบบนี้ไม่ชอบว้อย..... (เจอใครบางคนทำสายตาแบบนี้ใส่บ่อย ๆ อ่ะดิ)


“ฟ้าไม่อยู่ 3 วัน อย่าปล่อยให้โอกาสดี ๆ หลุดลอยไปนะครับไผ่ ฟ้าไปล่ะครับ บาย...” ทิวไผ่ตอบรับยิ้ม ๆ เป็นอันว่ารู้กัน

“ซุบซิบรายกาน...รีบไปดิ๊...ปล่อยให้พี่เค้ารอนานไม่ดีนะ หึหึ” สายฟ้าตอบกลับด้วยการเขวี้ยงค้อนวงใหญ่เข้าให้ ก่อนยกมือบ๊ายบาย แล้วสะพายเป้ขึ้นหลังเดินออกจากห้องไป

“เน่ะ มะกี้ซุบซิบอะไรกัน บอกมั่งดิ”

“ความลับ...ไม่บอก” ทิวไผ่ทำสีหน้ากรุ้มกริ่ม ยียวนกวนประสาท แววตามีเลศนัยที่ต้นข้าวรู้สึกเกลียดมาก ๆ แล้วเดินเลี่ยงไปอาบน้ำแต่งตัว ทิ้งหนุ่มร่างบางไว้กับความอยากรู้ และสงสัยอย่างที่สุด

“อะโด่ ไม่เห็นอยากรู้เล้ย....” ต้นข้าวตะโกนตามหลังไป ปากกับใจไม่ได้ตรงกันเลยซักนิด ที่จริงอยากรู้ใจจะขาด แต่ปากเก่งไปงั้นเพื่อรักษาฟอร์มเอาไว้ก่อน
‘….ไอ้ฟ้า แกแสบมาก มันต้องมีอะไรเกี่ยวกับเราแน่ ๆ ซ้า....ธุ! ไปออกค่ายเจอผีหลอกทีเทอะ... กลับมาจะหัวเราะให้ท้องแข็งเลย โทษฐานที่มีลับลมคมในกับเรา ว่าแต่ว่า 3 วันนี้ฟ้าไม่อยู่ เอาไงดี ขืนอยู่กับไอ้หื่นนี่สองคนไม่ปลอดภัยแน่ กลับไปนอนที่บ้านในเมืองดีไหม แล้วจะตื่นมารอขึ้นรถเมล์มาเรียนทันมั้ยเนี่ยเรา...ถ้าให้พ่อหรือแม่มาส่งอาจจะทัน แต่มีหวังท่านไปทำงานสายอีก ไม่ดี ๆ...’

“นี่ นั่งบื้อไรอยู่ รีบ ๆ เข้าไปอาบน้ำแต่งตัวสิ สายแล้ว” ทิวไผ่พูดขึ้นขณะยืนแต่งตัวอยู่หน้าตู้ของเขาซักพักแล้ว แต่ต้นข้าวไม่มีท่าทีว่าจะลุกไปอาบน้ำง่าย ๆ
“เดี๋ยวต้องไปกินข้าวกันก่อนอีก ยิ่งคาบแรกวันนี้อาจารย์เช็คชื่อด้วย เดี๋ยวเข้าเลทกันพอดี”

“พอเลย บ่นเป็นตาแก่ไปได้ แล้วใครว่าวันนี้เราจะไปกับนาย”

“นี่ขนาดฟ้าไม่อยู่ยังกล้าหือเหรอ ไม่มีใครช่วยนะ จะบอกให้”

“ฟ้าไม่อยู่แล้วไง ก็เราอยากจะไปคนเดียวใครจะทำไมสบายใจดีออกไม่ต้องมีใครมาเดินหนีบ เดินประกบ อึดอัดตายห่า”

 “อ๋อเหรอ งั้นก็ดีเลย คงถึงเวลาแล้วสินะ ที่เรื่องของเราจะถูกเปิดเผยซะที เพื่อน ๆ เค้าจะได้หายสงสัยกันไปเลย หึหึ” ....มาไม้นี้อีกแล้ว เบื่อ ๆ ๆ....

“...น นึกว่ากลัวเหรอ อยากประจานตัวนายเองด้วยก็เอาดิ” พูดออกไปแล้ว หวังว่ามันคงได้ผลนะ แต่ชักจะไม่มั่นใจเลยแฮะ ถ้าไอ้นี่เกิดบ้าขึ้นมา...

“แน่จ๊าย... สำหรับเราไม่แคร์หรอกนะ เพราะเราไม่ใช่ฝ่ายเสียหาย แต่นายสิ แน่ใจเหรอว่าจะรับได้ ถ้าคนอื่นเค้ารู้แล้วเค้าจะมองนายยังไงน้า ผู้ชายที่เป็น จุด จุด จุด ของผู้ชาย” เจตนาเลี่ยงคำ แต่มันก็คงสะกิดความรู้สึกของต้นข้าวได้มากอยู่

“กะ แก...ไอ้บ้าไผ่ ไอ้คนนิสัยไม่ดี”

“ด่าสามีตัวเองแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะจ๊ะ ไปอาบน้ำด่วนเลย ไม่งั้นจะอาบให้จริง ๆ ด้วย ฟ้าก็ไปแล้ว เหลือเราสองคน ดูซิใครจะช่วยนายได้”

ต้นข้าวกระฟัดกระเฟียดเดินเข้าห้องน้ำไปอย่างหัวเสีย

 ....เขาจะต้องใช้วิธีนี้บังคับต้นข้าวไปถึงเมื่อไหร่นะ ... เพราะเขาเองก็ไม่ชอบเหมือนกัน มันเหมือนเป็นการบังคับจิตใจกันมากกว่าแล้วถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปเมื่อไหร่เขาจะได้หัวใจต้นข้าวมาครอบครองซักทีล่ะ...

…………………………………………………………………………………………….


รถบัสคณะเคลื่อนที่มาถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งใน ต.เข็กน้อย อ.เขาค้อ จ. เพชรบูรณ์ นำนิสิตแพทย์ออกค่ายอาสาพัฒนาสุขภาพชุมชนเพื่อบริการด้านสุขภาพแก่ชาวเขาเผ่าม้งในพื้นที่ และเป็นกิจกรรมเสริมหลักสูตรการปฏิบัติงานชุมชนให้กลับนิสิตอีกด้วย

สายชลรุ่นพี่หนุ่มที่คอยเป็นสารถีไปรับไปส่งรุ่นน้องหน้าใส เพื่อทำคะแนนพิชิตใจหนุ่มร่างเล็ก เขารีบกระวีกระวาดมาช่วยขนสัมภาระต่าง ๆ ลงจากรถจนเพื่อนสาวพี่รหัสของสายฟ้าเอง อดค่อนขอดเพื่อนไม่ได้
“โห เพื่อนเป็นผู้หญิงแท้ ๆ แกไม่ช่วยนะ ดูมันไปช่วยน้องชั้นแทน”
“อย่างแกน่ะ มันแรงควายอยู่แล้ว คงไม่ต้องช่วยมั้ง น้องเค้าออกจะตัวเล็กบอบบาง ก็เลยมาช่วย” สายชลยักคิ้วหลิ่วตาใส่เพื่อนสาว
“แค่นั้นเจงเร้อ....”

“ไม่เป็นไรครับพี่ ผมถือไหวครับ พี่ไปช่วยพี่ขวัญเถอะครับ” โดนแซวหนักเข้าก็เล่นเอารุ่นน้องหนุ่มร่างเล็กหน้าแดงก่ำ

กิจกรรมกลางวันจะเป็นการพบปะชาวบ้าน และชุมชน รวมทั้งการแนะนำให้ความรู้ในเรื่องสุขภาพ ไปตามหมู่บ้านและชุมชนต่าง ๆ

“น้องฟ้าเหนื่อยมั้ยครับ” สายชลถามไถ่ระหว่างเดินเล่น เพื่อรีแล็คหลังจากเสร็จมื้ออาหารเย็น

“ก็นิดหน่อยครับพี่น้ำ แต่สนุกมากกว่า”

“อื้ม เห็นเราผ่อนคลายอารมณ์ดีขึ้น ไม่เหงา ๆเหมือนช่วงที่ผ่านมาพี่ก็ดีใจแล้วล่ะ”

“ขอบคุณครับพี่ที่เป็นห่วงผม ที่นี่พอค่ำอากาศเย็นเร็วจังเลยนะครับ” สายฟ้าพูดพลางยกมือขึ้นกอดอก ขณะยืนมองพระอาทิตย์กำลังจะลับขอบเขา 

…อยากช่วยกอดให้อบอุ่นจัง แต่...เดี๋ยวไก่ตื่นพอดี....“พี่ก็ว่างั้นล่ะ แล้วคืนนี้ เรานอนไงครับ มานอนเต็นท์กับพี่มั้ย”

 ....แล้วผมจะแน่ใจได้ไงว่าจะปลอดภัย แหะ ๆ …“ก็นอนเต็นท์รวมกับเพื่อน ๆ ครับ พอดีผมเอาถุงนอนมาด้วย”

....ว้า....อดเลยสิตรู ต้องนอนคนเดียวเลย เง้อ... ผิดแผน ๆ….“เหรอคับ อืม พี่ว่าเรารีบไปอาบน้ำกันเถอะ เดี๋ยวมืดแล้วจะหนาวมากกว่านี้”

“ก็ดีครับ ว่าแต่ว่า เราอาบกันที่ไหนอ่ะ”

“อ๋อ เห็นผู้ใหญ่บ้านบอกว่าผู้หญิงอาบที่ห้องน้ำของโรงเรียนที่เราพัก ส่วนผู้ชายต้องไปอาบที่ลำธารท้ายหมู่บ้านนะครับ”

“โห งั้นเราไปกันเถอะครับ ท่าทางจะไกล เดี๋ยวมืดพอดี”

สองหนุ่ม เดินถือชุดสำหรับเปลี่ยนและอุปกรณ์ทำความสะอาดร่างกายเดินตรงไปที่ลำธาร และก็พบว่า เพื่อน ๆ เริ่มทยอยกลับกันแล้ว บรรยากาศหลังพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าเริ่มมืดอย่างรวดเร็ว

“เราเดินเล่นกันนานไปหน่อย เลยมืดเลย รีบ ๆ อาบกันเถอะ” สายชลพูดขึ้น แล้วถอดเสื้อผ้าออก เผยร่างกายสมส่วน กับกางเกงบ๊อกเซอร์เดินลงลำธารที่มีน้ำใสสะอาดจนมองเห็นพื้นกรวดทรายเบื้องล่าง

...เอาวะ ค่าย รด. ก็ผ่านมาแล้ว กะอีแค่แก้ผ้าต่อหน้าเพื่อน ๆ และรุ่นพี่....สายฟ้าตั้งสมาธิ ก่อนจะค่อย ๆ ถอดเสื้อออก ร่างขาวเนียนน่าทะนุถนอมปรากฏ แก่สายตาสายชลหนุ่มรุ่นพี่ที่แอบลอบมองมาอย่างไม่วางตา
สายฟ้าหย่อนขาลงจากโขดหินแต่ก็ต้องชักเท้ากลับอย่างรวดเร็ว เมื่อเท้าสัมผัสกลับความเย็นยะเยือกของน้ำ

“น้องฟ้ารีบลงมาสิครับ ไม่ต้องอายพี่หรอกนะ”

...ไม่ได้อายซักหน่อย พูดงี้เดี๋ยวคนอื่นก็เข้าใจผิดหรอก โดนเพื่อน ๆ ที่อาบอยู่ใกล้ ๆ เอาไปแซวกันพอดี....“เปล่าครับพี่ คือน้ำมันเย็น...”
หลายคนอาบอย่างเร่งรีบตัวยังไม่ทันเปียกน้ำ ยังไม่ทันได้ถูสบู่ด้วยซ้ำเพราะสู้กับความหนาวเย็นของสายน้ำไม่ไหว ต่างคนต่างรีบทยอยขึ้น จากลำธารและรีบกลับที่พักเมื่ออาบเสร็จ
ก่อนจะทำใจยอมลงน้ำได้ก็เล่นเอาเพื่อน ๆ กลับกันเกือบหมดแล้ว เหลือเพียงสายชายชลที่ยังแข็งใจสู้ความหนาวเย็นแหวกว่ายในลำธารรออยู่เป็นเพื่อน

“แถวนี้วังเวง ๆ ยังไงไม่รู้เนอะ พี่น้ำ” สายฟ้าพูดปากสั่น ด้วยความเหน็บหนาวจากความเย็นของน้ำ เมื่อบรรยากาศความมืดเข้ามาเยือนระคนกับความเย็นยะเยือกของอุณหภูมิที่ลดลงอย่างรวดเร็ว.... (ไม่วังเวงได้ไงฟระ ก็คนกลับหมดแล้ว)...แต่เอ๊ะ ไม่มีเสียงตอบจากพี่น้ำ.....
ทันใดนั้นความคิดบ้า ๆ ที่ต้นข้าวพูดแหย่เขาก่อนออกจากห้องพักก็ผุดขึ้นตามมาหลอกหลอนทันที สายฟ้าหันซ้ายหันขวาอย่างลุกลนแล้วก็ต้องสะดุ้งโหยงและตกใจสุดขีด เมื่อมีมือซีด ๆ เย็นชืดมาแตะที่ไหล่ของเขา
“ผะ ผี ๆ หลอกกก......” สายฟ้ากระโดดขึ้นจากลำธารและสาวเท้าวิ่งอย่างรวดเร็ว

   “ฟ้า เดี๋ยว... พี่เอ๊งงง...กลับมาก่อน”

“โหย... พี่น้ำอ้ะ เล่นไรก็ไม่รู้ ตกใจแทบตาย” สายฟ้าเดินกลับมาอย่างเหนื่อยหอบ

“นี่ใจจะวิ่งโป๊เข้าหมู่บ้านแบบนั้นหรอ” สายชลแอบหัวเราะคิกคัก แต่คนร่างเล็กคงจะไม่ขำเท่าไหร่

“หายหนาวเลย เหนื่อยแทน ตกใจมากด้วย”

“ถ้ายังไม่หายหนาวนะ เดี๋ยวพี่จะกอดให้เราร้อนลุกเป็นไฟเลยล่ะ”

......ยังมีหน้ามาพูดจาหื่น ๆ ใส่อีก...“.......โกรธแล้ว......” สายฟ้าพูดด้วยน้ำเสียงน้อยใจ ก่อนจะเก็บของและเปลี่ยนเสื้อผ้าเดินกลับที่พัก

“โอ๋ ๆๆ พี่ขอโทษน้า หายงอนนะกิ๊ว ๆ” …..ไม่มีเสียงตอบรับ แต่กลับเดินจ้ำอ้าวออกไปอย่างรวดเร็ว
“นี่ เดินคนเดียวน่ะ ระวังเจออะไรข้างทางนะ” สายฟ้าชะงักฝีก้าวทันที แล้วเดินช้า ๆ ลงอย่างเห็นได้ชัด....มุกเดิมได้ผลแฮะ...

ตามมาด้วยเสียงเร่งเร้า “ก็รีบตามมาเร็ว ๆ สิ โอ้เอ้อยู่ได้”


กิจกรรมในเวลากลางคืนจะมีการจัดกลุ่มเสวนาพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ความรู้ และปัญหาสุขภาพ และการปฏิบัติงานกันกับผู้นำชุมชนและอาสาสมัครสาธารณสุขท้องที่
ก่อนจะมีการแยกย้ายกันไปพักผ่อน เพื่อประกอบภารกิจและกิจกรรมในวันรุ่งขึ้น

“น้องฟ้าครับ แน่ใจนะว่าจะไม่มานอนกับพี่”

....ไปก็เสร็จดิ...“แน่ใจครับ นอนเต็นท์ใหญ่กับเพื่อนหลายคนอุ่นดี”

“เหรอ งั้นพี่นอนด้วยคนได้ม้า... เต็นท์ใหญ่น่ะ แต่ขอนอนข้าง ๆ เรานะ”

“เสียใจครับ เต็มพอดีเลย นอนคนเดียวระวังน้า... อิอิ”

“พูดได้นิ อยู่กันหลายคน ปล่อยเรานอนคนเดียวใจร้าย...”

“สมน้ำหน้า อยากมาแกล้งเราก่อนทำไม”

“ราตรีสวัสดิ์ครับพี่ ไปนอนแล่ว”

“ค้าบ ฝันดีครับ อย่าลืมฝันถึงพี่ล่ะ”

“ไม่ล่ะ ไม่ชอบฝันร้าย”

“อ่านะ ใจร้ายจัง คนอะไร น่ารักแต่ใจด๊ำดำ”

“ใจดำมานานแล้ว พี่พึ่งรู้เหรอ ฟ้าไปล่ะออกมานานแล้วเดี๋ยวเพื่อนมันสงสัย บายครับ”


...
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: FOAM ที่ 13-06-2007 08:29:22
คูฟ้า ก น้ำ น่าร้ากกกกกกก    :like6: :like6: :like6: :like6: :like6:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Electrolyte ที่ 13-06-2007 10:25:16
ฟ้าน่ารักจังเลย
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: RN ที่ 13-06-2007 10:45:04
เข้ามาดูความคืบหน้า...เหอๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 13-06-2007 11:06:26
น่ารักทั้งสองคุ่เลย กิ้วๆๆๆๆๆๆๆๆ :impress2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 13-06-2007 11:39:51
โฮะๆๆ

ลุ้นทั้งสองคู่เลยยยยยย

เอาใจช่วยอยู่นะค้าบบบบบบ

 :yeb:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 13-06-2007 11:45:12
คู่สายฟ้าน่ารักง่ะ  :-[  :-[  :-[
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: A GE ที่ 13-06-2007 11:56:59
 :haun5: :haun5: พี่สายชลเริ่มรุกแล้วชะมะคับ  รอก็แต่สายฟ้าเมื่อไหร่จะใจอ่อนซ้าที  :o9: :o9:

แล้วตกลงต้นจะรอดมือไผ่มั๊ยครับเนี่ยะ  ตั้ง3วัน o17 o17
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Daow ที่ 13-06-2007 20:41:44
ตั้งสามวัน น้องต้นเสร็จเรียบร้อยโรงเรียนไผ่อีกแน่ๆ...ไผ่เอ้ย เอาใจหนูต้นมาให้ได้นะจ๊ะ

และสามวันนี้พี่น้ำ ดามใจน้องฟ้าด้วยนะค้า
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 13-06-2007 20:44:51
มาเป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 13-06-2007 21:27:09
เอาล่ะ
พี่น้ำเริ่มทำแต้มพิชิตใจน้องฟ้าแล้ว
 o17 o17 o17 o17 o17
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 13-06-2007 22:14:44
คู่ฟ้ากะน้ำ น่ารัก  :o8:

คู่ต้นกะไผ่ ต้องตบจูบ ตบจูบ  :laugh:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 13-06-2007 22:27:17
แหมๆ น่าอิจฉาทั้ง 2 คู่เลยอ่ะ อยากมีบ้าง  o18
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: sabishiikant ที่ 14-06-2007 05:28:39
....โอ๊ย....ไมฟระ ทำไมอาจารย์ต้องมานัดเรียนชดเชยอีกวันนี้ด้วยกว่าจะเลิกก็ทุ่มสองทุ่ม แล้วแบบนี้ก็ต่อรถเมล์เข้าในเมืองไม่ทันพอดี แผนการหนีกลับไปนอนบ้านของเราพังหมดเลย แล้วจะทำไงดีล่ะเนี่ย....
ต้นข้าวครุ่นคิดอย่างกลัดกลุ้ม เมื่อรู้ว่าคืนนี้จะต้องอยู่ห้องกับทิวไผ่สองต่อสอง ไม่มีสายฟ้าคอยเป็นไม้กันหมาให้เหมือนทุกคืน

หลังจากเลิกเรียนตอนสองทุ่มเศษ ๆ หนุ่มร่างบางก็ถูกหนีบไปกินข้าว และกลับหอด้วยกันเหมือนเช่นเคย ต้นข้าวออกอาการสะดุ้งน้อย ๆ เมื่อได้ยินเสียงลงกลอน หลังประตูห้องปิดลง เมื่อทิวไผ่ก้าวเข้าห้องตามหลังเขาเข้ามา

“ทำไมต้องล็อคด้วย”

“กลัวไรหรอทุกวันก็ล็อคอย่างนี้นี่นา เอ รึว่านายคิดอะไรอยู่” ...เอาอีกแล้ว ไอ้ท่าทางเย้าแหย่ ยียวนกวนบาทาที่สุดในโลกของนายนี่...

“ปะ เปล๊า กลัวไร ไม่มี๊ ไปอาบน้ำดีกว่า จะได้รีบมาทำการบ้าน” ต้นข้าวรีบชิงตัดบทออกจากสถานการณ์ที่เสียเปรียบไปในทันที ตามมาด้วยเสียงหัวเราะในลำคอของทิวไผ่อย่างครึ้มใจที่เห็นอาการหวาด ๆ ของหนุ่มหน้าใส

‘...เอาไงดีว่าเนี่ย ทำไงถึงจะรอดปากเสือปากตะเข้ผ่านพ้นคืนนี้ไปได้วะ โห... อีกตั้งเกือบ 10 ชั่วโมง ถึงจะสว่าง ตาย ๆ ๆ ฮือ ๆ แม่จ๋าช่วยหนูด้วย แง ๆ...’ ต้นข้าวยืนบ่นพึมพำ พลางนับเวลาไปด้วย (เป็นเอามาก)

.......เอาวะ ลองขืนปล้ำเราดิ พ่อจะทุบไข่ให้เละ หมดประโยชน์ไปตลอดชีวิตเลย คอยดู......

“นี่ อาบน้ำอะไรของนายน่ะ ตัวเปื่อยหมดแล้วมั้ง หรือว่าตกส้วมตายไปแล้ว เข้าไปเป็นชั่วโมงแล้วนะ ไหนบอกจะรีบทำการบ้านไง ออกมาซะทีสิเราจะได้อาบมั่ง”

“รู้แล้ว ๆ กำลังเช็ดตัวอยู่” …ไม่ได้อาบน้ำหรอกนั่งกลุ้มอยู่ตะหากล่ะ เพราะใครไม่รู้ ที่ทำให้ต้องกลุ้ม....

“รู้งี้เข้าไปอาบด้วยแต่แรกก็ดีหรอก จะได้ช่วยกันอาบ จะได้เสร็จเร็ว ๆ” พูดไม่พูดเปล่า ทิวไผ่ส่งสายตาหื่น ๆ แทะโลมต้นข้าวที่เดินออกจากห้องน้ำมา (ขนาดเปลี่ยนชุดนอนเรียบร้อยออกมาแล้วนะเนี่ย)
.......เสร็จไวกะผีดิ ยิ่งจะนานกว่านี้ซะล่ะมั้ง...

“หยุดเลย ๆ ถ้าทำหื่นใส่เราอีกนะนายโดนดีแน่ะ” ต้นข้าวขู่ด้วยน้ำเสียงจริงจังพร้อมด้วยสายตาเอาเรื่อง ทิวไผ่ทำท่าล้อเลียนตอบกลับมา เลยโดนต้นข้าวขว้างด้วยม้วนผ้าเช็ดตัวแต่ทิวไผ่ปิดประตูห้องน้ำทันเสียก่อน
หลังจากทำการบ้านเสร็จ ต้นข้าวก็หาหนังสือการ์ตูนมานั่งอ่านฆ่าเวลาต่อทันที คืนนี้ชั่งเป็นคืนที่แสนจะยาวนานของเขาเอามาก ๆ ต่างจากทุก ๆ คืนที่ดูแสนสั้นจนรู้สึกว่านอนไม่ค่อยจะเต็มอิ่มเอาซะเลย
ง่วงนอนแทบตาย จะหลับก็หลับไม่ได้ ได้แต่นั่งหาวเป็นดาวเป็นเดือนนับครั้งไม่ถ้วน สายตามองนาฬิกากับลอบมองหนุ่มหน้าเข้มสลับกันไปมาอยู่แทบทุก 5 ทุก 10 นาที เพราะกลัวจะถูกจู่โจมโดยไม่รู้ตัว เข็มนาฬิกาก็เดินต๊อกแต๊ก ๆ ไปตามสเต็ปของมันอย่างเชื่องช้าจนน่ารำคาญอยากจะจับหมุนติ้ว ๆ ให้เดินเร็ว ๆ ตามที่ใจต้องการ

...ห้าทุ่มครึ่งแล้ว ง่วงเหลือเกิน ห๊าววววว.....ฮู่ววว...เมื่อไหร่จะสว่างซักทีว้อย...

เมื่อหันไปมองทางเตียงทิวไผ่ อ้าว...อีตานั่นหลับไปซะแล้ว....
“หลับจริงหรือแกล้งหลับวะ” ต้นข้าวค่อย ๆ ย่อง ไปชะเง้อดูก็พบว่าหนุ่มหน้าเข้มหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอเข้าเฝ้าพระอินทร์ไปเรียบร้อยแล้ว

‘.... สงสัยจะหลับจริงไม่ได้แกล้ง เฮ่อ...โล่งอกไปเปราะ....แต่ก็ไม่วางใจอยู่ดี ถ้าเราหลับแล้วนายนี่แอบมาลักหลับเราจะทำไง เง้อ....’

.....งั้นแกก็นั่งแหง็กทรมานตัวเองต่อไปรอจนสว่างเส่ะ....

...


ค่ำคืนอันเหน็บหนาวและเนิ่นนานผ่านพ้นไปอย่างช้า ๆ สายฟ้านอนริมสุดของเต็นท์ เพราะรู้สึกอึดอัดและไม่ค่อยชินกับการนอนเป็นหมู่คณะ ถึงแม้ข้างนอกเต็นท์จะมีกองไฟให้ความอบอุ่น แต่เมื่อลมหนาวพัดโชยมาระลอกแล้วระลอกเราก็เล่นเอาผวาสั่นสะท้านจนต้องขยับเบียดท็อป เพื่อนที่นอนข้าง ๆ เข้าไปอีก

พลันสายฟ้าก็ได้ยินเสียงที่น่าสะพรึงกลัวลอยมาตามลม เมื่องัวเงียรู้สึกตัวตื่นกลางดึก เสียงสุนัขจิ้งจอกหอนอย่างโหยหวน ดังแว่วลงมาจากภูเขา เล่นเอาหนุ่มร่างเล็กขนกายลุกซู่ไปทั้งสรรพางค์ แล้วแสงไฟลาง ๆ จากกองไฟนอกเต็นท์ ก็สาดส่องให้สายตาเหลือบไปเห็นเงาตะคุ่มของร่าง ๆ หนึ่งยืนทะมึนปรากฏอยู่ข้างนอกเต็นท์ฝั่งที่เขานอนอยู่ สายฟ้าหายง่วงเป็นปลิดทิ้งหลับตาปี๋กระเถิบชิดแน่นเข้าหาเพื่อน ๆ แล้วพยายามสะกิดเพื่อนที่นอนอยู่ข้าง ๆ ให้รู้สึกตัว

“หือ... อืม ๆมีไรหรอฟ้า” เสียงท็อปพูดอย่างงัวเงียโดยไม่ลืมตา

“ผะ ผี ๆ หลอก...” สายฟ้าพูดเสียงสั่นขดตัวมุดอยู่ในถุงนอน

“ผีเผอที่ไหน”

“อยู่นอกเต็นท์นั่นไง ไม่เห็นหรอ” หนุ่มร่างเล็กนอนตัวสั่นไม่ยอมโผล่หัวออกมา

“ไม่เห็นมีนี่ นายตาฝาดแล้ว นอนต่อเถอะ” พูดจบเพื่อนก็ล้มหัวลงนอนต่อทันที สายฟ้าลืมตาแล้วค่อย ๆ โผล่หัวออกมา ก็พบว่าเงาที่ว่านั้นหายไปแล้ว แต่กว่าจะทำให้เขาข่มตาหลับลงได้อีกหนก็เล่นเอาเกือบค่อนคืนทีเดียว”


...


‘เฮ่ย...ทำไมเรามานอนบนเตียงได้ฟระ จำได้ว่าเมื่อคืนเรานั่งอ่านการ์ตูนอยู่ที่โต๊ะนี่นา รึว่า....ไม่นะอ๊าก....’ ต้นข้าวสะดุ้งตื่นและตกใจเมื่อมานอนอยู่บนเตียงโดยไม่รู้ตัว

‘เฮ่อ...โล่งอกนึกว่าโดนซะแล้ว’ หนุ่มร่างบางถอนหายใจเฮือกใหญ่ เมื่อควานมือคลำสำรวจจุดยุทธศาสตร์ของตน พบว่ามันยังอยู่ในสภาวะปกติดี ‘เผลอหลับไปตอนไหนเนี่ย ตอนตีหนึ่งกว่า ๆ ยังรู้สึกตัวอยู่นี่’

เมื่อหันไปมองทางเตียงทิวไผ่ ก็เห็นหนุ่มหน้าเข้มนอนหลับปุ๋ยอยู่บนเตียงเหมือนเดิม ‘รึว่าเราละเมอเดินมานอนเองวะ’ 

..... ตอนนี้ ตีสองสามสิบห้า อ๊าก....ทำไมไอ้นาฬิกาบ้ามันเดินช้าโคตร ๆ งี้วะ อีกตั้งหลายชั่วโมงกว่าจะสว่าง เฮ่อ.....
“แล้วจะนอนต่อดีมั้ยเนี่ย มะหวาย แล้ว... ง่วงมากมาย คร่อก!...” ในที่สุดต้นข้าวก็ต้องหมดสภาพอย่างสิ้นท่า เพราะฝืนสังขารตัวเองไม่ไหว
.
.
……ติ๊ด ๆๆ ติ๊ด ๆๆ ติ๊ด ๆๆ …… เสียงนาฬิกาปลุกที่หัวเตียงของทิวไผ่ทำหน้าที่ตามปกติของมันในตอนเช้า เพื่อเรียกให้คนที่ยังคงหลับใหลอยู่ให้ตื่นขึ้นเตรียมตัวไปปฏิบัติภารกิจและทำหน้าที่ประจำวันของตนเอง

“โอย... เสียงไร หนวกหูชิบหาย ปิดที !!!....” ต้นข้าวนอนคุมโปงพูดงัวเงียอยู่ในลำคอโดยไม่ยอมลืมตา...

“ตื่นได้แล้วต้น...” ทิวไผ่บิดขี้เกียจ ก่อนจะเก็บที่นอน แล้วเดินเข้าห้องน้ำไปเพื่อทำความสะอาดและชำระร่างกายเพื่อความสดชื่นในการไปเรียนในเช้าวันใหม่

“..อือ......”

 “ต้น ต้น...อะไรเนี่ยยังนอนขี้เซาอยู่อีก สายแล้ว ตื่น ๆ ๆ” ทิวไผ่เดินมาปลุกต้นข้าวหลังจากเดินออกจากห้องน้ำมา ยังพบว่าหนุ่มร่างบางยังคงนอนอุดอู้อยู่บนเตียงเหมือนเดิม

“งือ... อาราย คนจานอน อย่ากวนด้ายม้าย ง่วง...” สภาพต้นข้าวตอนนี้เหมือนกับเด็กประถมที่ง้องแง้งพ่อแม่ ไม่ยอมตื่นไปโรงเรียนไม่มีผิด จนทิวไผ่แอบขำ ยืนยิ้มกริ่มในความงอแงแกมน่ารักของหนุ่มร่างบาง

“จะตื่นดี ๆ มั้ย...ถ้าไม่ตื่นเดี๋ยวจะโดนปลุกแบบเจ้าหญิงนิทรานะ” ต้นข้าวรีบดีดตัวออกจากที่นอนอย่างรวดเร็วก่อนที่ทิวไผ่จะได้ทำอย่างที่เขาพูด
คำขู่แบบนี้ได้ผลดีนักเชียว ทิวไผ่อมยิ้มส่ายหัวเบา ๆ แต่บางครั้งเขาก็อยากให้หนุ่มร่างบางดื้อบ้างเหมือนกันจะได้ทำอย่างที่พูดจริง ๆ ซักครั้ง


...


“อรุณสวัสดิ์ครับ น้องฟ้า”

“อรุณสวัสดิ์ครับพี่น้ำ อากาศยามเช้าที่นี่เย็นสบายดีนะครับ เย็นจนหนาวเลย”

“ครับ อากาศบริสุทธิ์กว่าในเมืองเยอะเลย แล้วเป็นไงบ้างครับ เมื่อคืนหลับสบายไหม”

“...ก็ ไม่สบายเท่าไหร่ครับ”

“อ้าว...ทำไมล่ะครับ หนาวหรอ”

“หนาวน่ะ ไม่เท่าไหร่หรอกครับ แต่...เจอผี”

“หา จริงดิ...ทำไมคนอื่นเค้าไม่เห็นเจอกันเลยล่ะ”

“จริงครับ ผมเจอจริง ๆ แต่ปลุกเพื่อนมาดูมันบอกว่าไม่เห็นอ่ะ แบบว่ามาพร้อมเสียงหมาหอนด้วย แถมมายืนเงาตะคุ่มอยู่นอกเต็นท์ด้านที่ผมนอนด้วยนะ น่ากลัวโคตร ๆ จนไม่กล้าลุกมาเข้าห้องน้ำเลยอ่ะ”
“หึหึหึ...” สายชลแอบกลั้วหัวเราะในลำคอ ผีเหรอ...สงสัยคงเป็นตอนที่เขาลุกมาเข้าห้องน้ำ แล้วเดินไปแอบดูหนุ่มรุ่นน้องที่เต็นท์ละมั้ง

“สมน้ำหน้า อยากแกล้งว่าพี่ดีนัก เจอกับตัวเองเลย คืนนี้มานอนเต็นท์กับพี่ดิ รับรองไม่มีผีมารังควานแน่ แถมจะกอดให้หายหนาวเลยล่ะ” ...ป้อไม่หยุดไม่หย่อนเลยนะอีตาพี่น้ำ...

“ขอบคุณครับ แต่คงไม่รบกวนล่ะ นอนกับเพื่อนหลายคนก็อุ่นดีครับ เกรงใจพี่เปล่า ๆ”  ... รู้ทันนะจะบอกให้...

...แง่ว... “ค้าบ ๆ แหมเกรงใจอะไรกัน พี่เต็มใจนะ พี่ว่าเราไปเดินเล่นดูพระอาทิตย์ขึ้นทางท้ายหมู่บ้านดีกว่าครับ เดี๋ยวสาย ๆ จะได้กลับมากินข้าวเช้า ก่อนออกตระเวนทำงานตามหมู่บ้านต่าง ๆ กัน”

“ก็ดีครับ” สายฟ้าตอบรับคำชวนของรุ่นพี่หนุ่มก่อนจะเดินคุยกันไปตามทางเดินของหมู่บ้านชาวม้งเพื่อไปชมพระอาทิตย์ขึ้นในยามเช้ากัน

...
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 14-06-2007 08:50:57
555 ดูไปดูมาสายชลนี้ก็ร้ายเหมือนกันนะเนี่ย นึกว่าจะหงิมๆซะอีก  :o9:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Electrolyte ที่ 14-06-2007 10:40:08
พี่น้ำนี่นะ.....ป้อจริงๆๆเลย..เหอะๆๆๆคนเรา
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 14-06-2007 11:43:04
ขอบคุณครับ  เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 14-06-2007 14:08:52
สายชลรุกน่าดู เอาใจช่วย  o3
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: FOAM ที่ 14-06-2007 20:02:04
พี่น้ำ ส้เค้านะครับ   :o9: :o9: :o9: :o9: :o9: :o9: :o9:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 14-06-2007 20:24:03
คู่สายฟ้า น่ารักมากกกกกกกกกกก  :give2:  :give2:  :give2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 14-06-2007 23:11:20
พี่น้ำหูดำ...หน้าหม้อ
 o3 o3 o3 o3 o3
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 14-06-2007 23:39:23
พี่น้ำก็จ้องฟ้าสุดๆ  :laugh3:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: A GE ที่ 15-06-2007 00:54:11
 :haun5: :haun5:  ทริปนี้ฟ้าจะได้มีคนมาปลอบใจเปนของตัวเองแย้วววววว :laugh3: :laugh3:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: sabishiikant ที่ 15-06-2007 03:49:26
........ตี๊ด ๆ ... ตี๊ด ๆ........เสียงข้อความโทรศัพท์มือถือดังขึ้นกลางห้องเรียนขณะที่อาจารย์กำลังบรรยายเข้าเนื้อหาสาระประจำวันอยู่พอดี การบรรยายต้องหยุดชะงัก อาจารย์และเพื่อน ๆ ในห้องพร้อมใจกันเงียบกริบ ทุกสายตาต่างมองมายังจุดหมายเดียวกัน
ต้นข้าวสะดุ้งตัวตื่นอย่างฉับพลัน ความง่วงหายไปหมดแล้ว เพราะมันถูกแทนที่ด้วยความอาย หนุ่มร่างบางยิ้มแหย ๆ เชิงขอโทษ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ตัวต้นเหตุขึ้นมากดดูหมายเลขของคนจอมป่วน

‘ข้อความใหม่จาก ทิวไผ่’ <<<…ชื่อผู้ต้องหาโชว์หราบนหน้าจอเป็นหลักฐานมัดตัวอย่างดิ้นไม่หลุด สายตาคมกริบฟาดฟันไปยังเป้าหมายที่นั่งอยู่อีกฟากของห้องเข้าอย่างจัง....หนุ่มหน้าเข้มทำทีไม่รู้ไม่ชี้ตั้งหน้าตั้งตาจดแล็คเชอร์ต่อไปอย่างไม่สนใจ

‘...อ่านเดี๋ยวนี้...’ >>> ‘นอนน้ำลายยืดเชียว ตั้งใจเรียนหน่อยดิ’

.....ก็ใครล่ะว้อยที่ทำให้ไม่ได้นอนไปค่อนคืน ..... (รู้นะคนอ่านคิดไรอยู่ อิอิ)  โบ้ยไว้ก่อนล่ะ ที่จริงเพราะอาการวิตกจริตของตัวเองแท้ ๆ
.
.
   “ส่งแมสเสจมาทำไม เสียงดังลั่น”  ....ไอ้เราก็ลืมปิดมือถือ ซวยไป...

   “ก็ปลุกคนแอบหลับในห้องเรียนไง อดหลับอดนอนมาจากไหน”...จากนายไงไอ้เบื้อก...

   “แกล้งกันนี่ปลุกแบบนี้...”
   
   “โทษฐานที่ไม่ตั้งใจเรียนต้องโดนแบบนี้ล่ะ” ...นายเป็นพ่อเราตั้งแต่เมื่อไร่วะ... “แล้ว ถ้าเห็นหลับอีกก็จะปลุกแบบนี้อีก” ....เง้อ...

   “เสียใจ จะปิดมือถือเวลาเข้าเรียนล่ะ” ...ฮ่าฮ่าฮ่า...

   “งั้นเปลี่ยนใจละ นายต้องมานั่งข้างเรา ทุกคาบทุกวิชาด้วย” ...เวรกรรม พระเจ้าช่วยกล้วยตากชุบแป้งทอด เมืองสองแคว...

   “อ่ะ ๆ จะไม่หลั -....”

   “ห้ามปฏิเสธ นี่คือคำสั่ง ขัดขืนคงรู้นะ จะเป็นยังไง” ...เออ ๆ ท่านพ่อบังเกิดเกล้า....เซ็งจิต...
   “..............”
.
   .
เย็นนี้ไม่มีนัดเรียนชดเชย เลิกเรียน 5 โมงเย็น ตามปกติ แต่แผนการที่จะกลับไปนอนบ้านในคืนที่สอง ก็ถูกยกเลิกไปเพราะถูกหนีบตามแจตลอดเวลา ปลีกตัวไม่ได้เลยแม้แต่ตอนเข้าห้องน้ำ และที่สำคัญพรุ่งนี้มีเรียนแต่เช้าอีก ถ้าไปนอนบ้านในเมือง ขี้เกียจตื่นเช้ามาก ๆ อีกอย่างเมื่อคืนเราก็อยู่รอดปลอดภัยมาได้นี่นา คืนนี้ คงไม่ทำอะไรเรา (มั้ง)
.
.
“นั่งอ่านการ์ตูนอยู่นั่น เดี๋ยวก็หลับในห้องเรียนอีกหรอก” ...รอให้นายหลับก่อนไง ถึงจะกล้านอน (ขอความมั่นใจแบบว่าปลอดภัยไว้ก่อนล่ะ)

“แป๊บ ๆ อ่านตอนนี้จบก่อน เดี๋ยวก็นอนแล้ว” ...ข้ออ้างทั้งนั้น เล่มนี้อ่านจบมาเป็น 10 รอบแล้ว เบื่อจะตายชัก แต่ทำไงได้ล่ะ

“ให้มันจริงละกัน ไม่ใช่กลัวอะไรหรอ เอ...หรือว่ากลัวใจตัวเอง” ...กลัวใจตัวเองรึเปล่าไม่รู้แต่ที่แน่ ๆ กลัวนายล่ะ....

“พล่ามอะไรของนาย ประสาท” ...กลบเกลื่อนไปเรื่อย…

“ค้าบ ๆ คนปากแข็ง ห้ามฟุบคาโต๊ะล่ะ ขี้เกียจลุกไปอุ้มมานอนบนตียง”

“...........”...หะ หา เราไม่ได้ละเมอมานอนเองหรอกเหรอ อ๊าก....พลาดท่าอีกแล้ว...

“เงียบทำไม อึ้งอะไร แค่อุ้มมานอนไม่ได้ทำไรซะหน่อย หรือว่า....นายอยากให้ทำล่ะ คืนนี้ ก็ได้นะ” .....เอาอีกแล้ว อาการหื่นไม่เลือกเวลาเข้าสิงนายนี่อีกแล้ว.... (ก็เวลานี้นี่ไง)

“บ้าดิ อ่านตูนโว้ย... ไม่ได้บ้ากามเหมือนนายหรอก รีบ ๆ หลับไปเลย จะได้นอนมั่ง อุ๊บ...” ต้นข้าวเผลอหลุดปากอะไรบางอย่างออกไปแล้วล่ะสิ ทิวไผ่แอบอมยิ้มและทำเป็นไม่ได้ยิน ก่อนจะล้มตัวลงนอนคลุมโปง

.....เวรล่ะ ปากทรยศอีกแล้ว หวังว่านายนั่นคงไม่ได้ระแคะระคายอะไรนะ.....

เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมง ‘…ไม่ไหวแล้ว เมื่อคืนได้นอนไม่กี่ชั่วโมงเอง...ดูซินายนั่นหลับรึยัง...’ และแล้วปฏิบัติการย่องเบาก็เกิดขึ้น อกหนาแกร่งกระเพื่อมขึ้นลงเป็นจังหวะสม่ำเสมอ หนุ่มร่างบางชะเง้อไปดูเพื่อความแน่ใจ
“…วันนี้ไมนอนคลุมโปงเนี่ย ดูยากชิบเลย แกล้งหลับรึเปล่าวะ” ต้นข้าวพึมพำเบา ๆ ด้วยความชะล่าใจ หนุ่มหน้าใสก้มลงไปฟังเสียงลมหายใจใกล้ ๆ

“ฮั่นแน่...จะแอบมาลักหลับเราหรอ....” ทิวไผ่พุ่งพรวดขึ้นรวบร่างบอบบางด้วยวงแขนแข็งแรงแล้วโถมตัวลงนอนบนเตียงอย่างรวดเร็ว ต้นข้าวตกใจสุดขีด

“ปล่อยนะโว้ย...ไอ้บ้า” พยายามร้องตะโกนและดิ้นรนอย่างสุดแรงเกิด แต่ถูกปิดปากไว้ด้วยมือหนาใหญ่แข็งแรง และวงแขนที่รัดแน่นไว้

“หยุด...ถ้าไม่หยุดจะปล้ำจริง ๆ นะ” ทิวไผ่ขึ้นเสียงขู่ และทำสีหน้าดุดัน ได้ผล แรงต่อต้านขัดขืนอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด

ต้นข้าวหน้าซีดเผือด นอนตัวสั่นด้วยความกลัว เพราะถ้าทิวไผ่คิดจะทำอะไรเขาจริง ๆ แล้วล่ะก็ ถึงขัดขืนยังไงเขาก็คงสู้เรี่ยวแรงไม่ไหวแน่ ๆ คนเพลี่ยงพล้ำส่งสายตาละห้อยน่าสงสารอ้อนวอนขอชีวิต ???
ทิวไผ่คลายฝ่ามือและแรงกอดรัดออก เขาจ้องมองใบหน้าเนียนและริมผีปากสวยที่สั่นเทานั้นด้วยแววตาที่อ่อนโยนลง

“ย่ะ อย่า...ทำไรเราเลยนะไผ่ เรา...กลัว” น้ำเสียงสั่นเครือออกจากปากคอที่สั่นเทาของหนุ่มร่างบาง เมื่อรู้ตัวว่าตกอยู่ในกรงเล็บของพยัคฆ์ร้ายเสียแล้ว การยอมสยบแต่โดยดีแล้วใช้ไม้นวมอาจจะมีทางรอดบ้าง

“ผม ไม่ทำร้ายน้ำใจต้นอีกแล้วล่ะครับ ต้นออกจะน่ารักน่าทะนุถนอมขนาดนี้ ผมทำร้ายคนที่ผมรักไม่ลงหรอก” ทิวไผ่พูดพลางไล่นิ้วไปบนแก้มขาวเนียนอย่างเอ็นดู น้ำเสียงนุ่มนวลอ่อนหวานของเขาชั่งดูมีมนต์เสน่ห์สะกดใจให้ดิ่งลึกลงสู่ห้วงแห่งความสุขและความอิ่มเอมใจได้อย่างมหาศาล

ต้นข้าวนอนหลับตานิ่งหัวใจเต้นรัวเมื่อทิวไผ่พลิกตัวลงมานอนเคียงข้างและดึงตัวเขาเข้ามากอดกระชับแนบแผ่นอกหนาแกร่ง ไออุ่นแผ่ซ่านถ่ายเทสู่ร่างกันและกัน ลมหายใจอุ่น ๆ ของต้นข้าวเป่ารดต้นคอหนุ่มหน้าเข้มจนเขารู้สึกขนลุกซู่

ทิวไผ่จุมพิตที่หน้าผากของต้นข้าวหนึ่งที ก่อนจะเชยคางหนุ่มร่างบางขึ้นจูบเปลือกตาที่หลับปี๋ และบรรจงมอบรสจูบอันอบอุ่นและแสนหวานให้ เหมือนต้องมนต์สะกด ต้นข้าวเผยอริมฝีปากเรียวสวยรับอย่างไม่รู้ตัว ร่างบอบบางถูกวงแขนแกร่งกอดรัดแน่นขึ้นจนรู้สึกมีไออุ่นร้อนผ่าวเสียดสีไปมาอยู่ที่ช่วงกลางลำตัว
....ไม่นะ อย่า.....
ใจบอกอย่า แต่ร่างกายกลับไม่ตอบสนองตามคำสั่งเอาเสียเลย ทิวไผ่ยังคงมอบรสจูบที่แสนหวานและเนิ่นนานให้อย่างไม่หยุดขณะที่มือไม้ของเขาเริ่มที่จะอยู่ไม่เป็นสุขแล้ว สองแก้มก้นน้อย ๆ ของต้นข้าวพอดีกับมือหนาใหญ่ของทิวไผ่ มันถูกกอบกุมบดขยี้กับส่วนกลางร่างกายที่กำลังจะลุกเป็นไฟของเขา จนเจ้าหนูของต้นข้าวเริ่มจะมีอาการตอบสนองเมื่อโดนรุกหนัก ๆ เข้า
...และก่อนที่ทุกอย่างจะหยุดไม่อยู่ ต้นข้าวรวบรวมกำลังเฮือกสุดท้ายผลักอกแกร่งและถอนปากออกจากจุมพิตที่กำลังติดพันจนหลุดพ้น ทิวไผ่จะขยับเข้าประกบปากต่อ

“ไผ่อย่า...เรากลัว” ...ต้นข้าวส่งสายตาอ้อนวอนอย่างรู้สึกกังวล

“กลัวเจ็บหรอครับ เดี๋ยวผมจะทำเบา ๆ นะ จะนุ่มนวลกับต้นที่สุดเลยครับ ที่รัก” ...กรรม โดนดักทาง... (กลัวห้ามใจตัวเองไม่อยู่ตะหากล่ะ เหอ ๆ)

“ไม่ใช่...กลัวตื่นสาย เดี๋ยวไปเรียนไม่ทันอ่ะ มันดึกแล้ว” ...เหอะ ๆ แผนสองรองรับ...

“ว้า...น่านะ นะค้าบ แป๊บเดียวเอง...” ....นั่น เล่นงอแงเป็นเด็ก ๆ ไปได้ ตายห่าล่ะ แผนสามเฉพาะหน้าในสถานการณ์คับขัน เอาไงดี ๆ

“...ไม่...ไหนบอกรักเราไง ไหนบอกจะทะนุถนอมไม่ทำร้ายน้ำใจเราอีก” ...หึหึ ยื่นคำขาดตามด้วยเหตุผล (ข้ออ้าง) ร้อยแปด... (ข้ออ้างก็คำพูดนายเองทั้งนั้นนะ หุหุ)

“ง่า...ใจร้าย......” .....ขอโทษนะ นี่คือทางรอดของเรา เพราะยังเข็ดไม่หายกับคราวที่แล้วเลย ระบมอยู่นาน ขอทำใจอีกซักหน่อยละกัน เหอๆ... “งั้น คืนนี้ผมขอนอนกอดต้นอย่างงี้ได้มั้ยครับ” ...แน้ ยังมีการต่อรอง...

“นะค้าบ...ไม่งั้นผมนอนไม่หลับแน่เลยคืนนี้” ....อ๋อเหรอ ไม่ใช่ว่านอนกอดเราแล้วจะยิ่งข่มตาไม่ลงหรอกเหรอ (ข่มอย่างอื่นมากกว่ามั้ง)...

“อ่ะ ๆ ก็ได้ แต่...ห้ามลักหลับเด็ดขาด” ...ปรามไว้ก่อนล่ะ เหอะๆ...

“แง่ว... ให้ผมนอนกอดต้นเฉย ๆ แบบนี้ ก็ขาดใจตายพอดีสิครับ” ....ทำเสียงและแววตาละห้อยน่าสงสารเชียว แต่ขอโทษ ไม่สงสารล่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า....

“พูดงี้ หมายความว่าคิดจะทำจริง ๆ ใช่มั้ยเนี่ย งั้นเปลี่ยนใจละ นอนคนเดียวไปเลย ไปนอนเตียงเราดีกว่า” ต้นข้าวทำท่าว่าจะลุกไปจริง ๆ

“อ๊ะ ๆ ๆ ล้อเล่นนะค้าบ...” ทิวไผ่รั้งร่างของต้นข้าวเข้ามากอดกระชับไว้ เหมือนกับว่ากลัวจะหนีหายไปไหน

“ให้มันแน่นะ...ถ้ารู้ว่าแอบทำจะบี้ให้เละเลย” ...ขู่สำทับไว้อีกชั้น โฮะ ๆๆ...

“จ้า จ้ะ นอนกันเถอะนะ” ทิวไผ่ก้มลงจุมพิตที่หน้าผาก และหอมที่สองแก้มเนียนข้างละฟอดใหญ่ก่อนหลับตาลงนอนอมยิ้มโชว์แก้มบุ๋มจากลักยิ้มคู่สวยอย่างอิ่มเอมใจ
ขณะที่ต้นข้าวกลับกำลังสับสนกับความคิดว้าวุ่นอย่างหนัก ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมอยู่ ๆ เขาเกิดยอมเอาง่าย ๆ และรู้สึกแปลก ๆ กับนายคนนี้ ทั้งที่เคยเกลียดและไม่ชอบหน้ากันมาก่อน ....แต่ตอนนี้ง่วงแล้วล่ะ ขอนอนซุกอกอุ่น ๆ นี้ให้สบายละกัน....

...



ในคืนสุดท้ายของการออกค่ายจะเป็นกิจกรรมนันทนาการ ของชาวค่ายกับเด็ก ๆ และชาวบ้าน มีการเล่นรอบกองไฟคลายความหนาวเย็นสนุกสนานเฮฮาปนสาระ

วันสุดท้ายเป็นวันเดินทางกลับ ก่อนกลับมีการถ่ายภาพหมู่ร่วมกันและมอบของที่ระลึกแก่ชาวบ้านและผู้นำชุมชน
รถบัสเคลื่อนออกจากหมู่บ้านในตอนสาย หลังจากรับประทานอาหารเช้าร่วมกัน ประธานกล่าวปิดค่ายและล่ำลากันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และมุ่งหน้าลงทางใต้ เพื่อนำนิสิตแวะพักผ่อนระหว่างทางที่น้ำตกธารทิพย์ก่อนจะเดินทางกลับ

“เฮ้...พวกเราไปเล่นน้ำกัน...”เสียงใครคนหนึ่งตะโกนขึ้น ก่อน เพื่อน ๆ จะพากันเฮโลลงรถเมื่อมาถึงจุดหมาย หลายคนพากันลงเล่นน้ำอย่างสนุกสนาน บางคนก็เดินเล่นพักผ่อนชมธรรมชาติที่สวยงามไปรอบ ๆ บ้างถ่ายภาพเก็บเป็นที่ระลึก
น้ำตกธารทิพย์เป็นน้ำตกชั้นเดียวมีแอ่งน้ำขนาดใหญ่เหมาะแก่การเล่นน้ำ มีน้ำใสสะอาดเย็นฉ่ำตลอดทั้งปีรายรอบไปด้วยแมกไม้เขียวชอุ่มนานาพันธุ์เหมาะแก่การพักผ่อนและศึกษาธรรมชาติ

“นี่แก สามวันสองคืนนี้ แกทำคะแนนกับน้องรหัสชั้นไปถึงไหนแล้ววะ เห็นตามกันแจไม่ยอมห่างเชียวนะ ไอ้เราแทบไม่ได้คุยกับน้องเลยกลัวจะเป็น กขค.โดยใช่เหตุ” ขวัญมณีแอบกระแซะแซวเพื่อนหนุ่มเบา ๆ ขณะเดินลงจากรถ

“ดีมากเลยเพื่อนรู้หน้าที่ดีนี่ ขอบใจแกว่ะ ก็ดีนะ น้องเค้าคุยสนุกเป็นกันเองดี ไม่ถือตัว เหมือนมีใจกับเราด้วยล่ะ” สายชลทำท่าเขินอาย “แต่...เสียดายไม่ได้นอนเต็นท์เดียวกัน”

“แหมๆ ๆ หมั่นไส้ว้อย แค่นี้คนเค้าก็เพ่งเล็งกันแล้ว แกอย่าทำให้น้องชั้นลำบากใจสิ ได้คืบจะเอาศอก”

“ไม่เอาศอกเว้ย จะเอาน้องสายฟ้า”

“เออ ๆ พูดไรก็ห่วงหน้าน้องชั้นหน่อยละกัน แกนี่นับวันยิ่งออกแววจอมหื่นขึ้นทุกวัน ๆ แล้ว” สองเพื่อนรุ่นพี่หนุ่มสาวปลีกตัวมายืนคุยกันอยู่มุมหนึ่งท้ายรถ

“อ้านั้น น้องฟ้ามาแล้ว ไปก่อนนะแก”

“จ้า.....แหมน่าอิจฉาจ๊าง...” สายชลแยกตัวออกจากเพื่อนสาวเดินไปหาหนุ่มรุ่นน้องที่เดินลงรถมาทีหลัง โดยมีเพื่อนสาวส่งเสียงแซวตามหลังมาติด ๆ
.
.
“น้องฟ้าจะเล่นน้ำมั้ยครับ เดี๋ยวพี่ลงเป็นเพื่อน”

“ไม่ล่ะครับ ขี้เกียจเปลี่ยนเสื้อผ้าอีก มีแต่พวกไอ้ท็อปกับเพื่อน ๆ ผมที่เหลือมันจะเล่นกัน พี่น้ำจะเล่นกับพวกเพื่อน ๆ ก็ได้นะครับ”

“งั้นพี่ไม่ลงเป็นเพื่อนเราดีกว่า เดี๋ยวเราไปเดินเล่นแถวน้ำตกดีกว่านะครับ รอน้อง ๆ ที่เล่นน้ำกัน”

“เน่ะ...แอบปลีกตัวไปเดินป่าสองต่อสองเลยนะแกระวังจะพาน้องหลงป่าล่ะ เอ๊ะหรือจะจงใจแกล้งพาหลงดี” เพื่อนสาวตัวแสบแอบลอบมากระซิบกระซาบแซวเบา ๆ

“พูดดีไปเดี๋ยวก็ผิดป่าหรอกแก จะแซวอะไรก็ดูขอบเขตมั่งดิ” สายชลแอบดุเพื่อนสาว

“จ้า ๆ แหม แค่แหย่เล่นน่า ขอให้สนุกนะ ไปดูน้อง ๆ เล่นน้ำทางนู้นดีกว่า” สายชลมองตามเพื่อนสาวห้าวของเขาไปอย่างเอือม ๆ ในความก๋ากั่น

...
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย :

* ผิดป่า คือการกระทำที่ไม่ควรเมื่อเข้าไปในป่า เช่น พูดไม่ดีเมื่อเข้าป่า ด่าว่าป่าเขา ทะเลาะกับผู้ร่วม เดินทาง พูดเป็นลางร้าย เป็นต้น อาจเกิดอาเพศแก่บุคคลและคณะที่เดินทางไป เช่น หลงป่า มีสัตว์ป่ามาทำร้าย หรือได้รับความเจ็บป่วย เป็นต้น ทั้งนี้เชื่อกันว่าในป่ามีผี คือผีเจ้าป่าเจ้าเขาซึ่งจะคอยดูแลสถานที่แห่งนั้นหากมีการละเมิดจะถูกผีป่าทำร้ายได้
……………………………………………………………………………………………………….....


สองหนุ่มเดินชมธรรมชาติลัดเลาะ ไปตามธารน้ำตกที่ใสเย็นขึ้นไปทางต้นน้ำห่างจากกลุ่มเพื่อน ๆ ที่กำลังเล่นน้ำกันอยู่ที่แอ่งด้านล่าง
แมกไม้นานาเขียวชอุ่มตลอดจนความเย็นชุ่มฉ่ำจากผืนป่าและสายน้ำ ประกอบกับเสียงนกป่านานาชนิดส่งเสียงเจื้อยแจ้วอย่างไพเราะ ทำให้สายฟ้าและสายชลเดินชมป่ากันอย่างเพลิดเพลิน โดยไม่รู้ว่าเดินมาห่างจากกลุ่มเพื่อนมานานและไกลแค่ไหนแล้ว จนสายฟ้ารู้สึกคอแห้งขึ้นมา .....เราเดินมาไกลแค่ไหนแล้วเนี่ย สายฟ้าหันซ้ายหันขวา โชคดีที่ยังมองเห็นลำธารอยู่ แต่ไม่ได้ยินเสียงน้ำตกกับเสียงเพื่อน ๆ แล้วล่ะ....

“พี่น้ำครับ ฟ้าหิวน้ำแล้วล่ะเรากลับกันเถอะ”

“อ๊ะ พี่น้ำก็อยู่นี่ไง ฟ้าหิวพี่ก็กินสิครับ สำหรับน้องฟ้าพี่ให้กินได้ทั้งตัวเลยล่ะ” ....ไม่ตลกล่ะ ป่าแถวนี้ยิ่งทึบ ๆ ไม่รู้เราเดินมาได้ไง สงสัยเพลินไปหน่อย...

“อ่า พี่ล้อเล่นค้าบ...” สายชลรีบบอกปัดเมื่อเห็นใบหน้าเงียบขรึมแกมกังวลของหนุ่มรุ่นน้อง ...เพราะสภาพรกทึบของป่าแถวนี้หรือว่าคำพูดของเขากันล่ะ...

“เดี๋ยวฟ้าขอลงไปล้างหน้าที่ลำธารก่อนนะครับ เหนียว ๆ หน้าอ่ะ”

“ครับ เดี๋ยวพี่ไปเป็นเพื่อน” สายชลเดินตามสายฟ้าฝ่าดงหญ้าข้างลำธารลงไปที่ตลิ่ง

“โอ๊ย....” สายฟ้าร้องขึ้นเมื่อรู้สึกเจ็บแปลบที่น่องขวาเหนือข้อเท้า สายชลหน้าตาตื่นอย่างตกใจ รีบเข้าประคองหนุ่มรุ่นน้องลงไปที่โขดหินริมลำธารทันที เขายกข้อเท้าที่สายฟ้ากุมอยู่ขึ้นมาดู ก็พบกับรอยเขี้ยวเล็ก ๆหลายรูเรียงกัน มีเลือดสีแดงสดไหลซึมออกมา

“สงสัยงูครับน้องฟ้า แต่โชคดีคงไม่ใช่งูพิษ”

“แต่ฟ้าปวดจังเลยครับพี่น้ำ…” สายฟ้าพูดพร้อมสีหน้าเจ็บปวด

“…เดี๋ยวยังไงพี่ จะดูดเลือดที่ปากแผลออกก่อนนะครับ เพราะอาจจะมีเชื้อโรคอยู่”

“เดี๋ยวครับ...” พูดจบสายชลก็ก้มลงดูดเลือดที่ข้อเท้าของหนุ่มรุ่นน้องทันทีอย่างไม่ลังเลหรือรู้สึกรังเกียจโดยที่สายฟ้าไม่อาจร้องห้ามได้ทัน

“เสร็จแล้ว... น้องฟ้ายังปวดอยู่ไหมครับ” สายชลเงยหน้าขึ้นพูดหลังจากดูดเลือดออกจากบาดแผล 2-3 รอบก่อนที่จะพันบาดแผลด้วยผ้าเช็ดหน้าของเขา

“..ก็ นิดหน่อยครับ พี่น้ำบ้วนปากก่อนดีกว่าครับปากแดงเชียว เดี๋ยวคนอื่นจะว่าพี่ไปดูดเลือดใครมา อีกอย่างเดี๋ยวเชื้อโรคมันจะเข้าสู่ตัวพี่เองนะครับ”

“ขอบคุณครับที่เป็นห่วงพี่ สำหรับน้องฟ้าแล้ว พี่ไม่กลัวหรอกครับ ให้ตายแทนยังได้เลยนะ”

“ตายเตยอะไรกันพี่ อยู่กลางป่าเขาไม่พูดเรื่องนี้กันดีกว่า เรากลับกันเถอะครับ” สายฟ้าหยัดตัวลุกขึ้นยืน และพยายามเดินกระเผลก เพราะยังรู้สึก เคือง ๆ และปวดหนึบ ๆ ที่แผลอยู่”

“น้องฟ้าเดินไหวมั้ยครับ เอางี้ ขี่หลังพี่ดีกว่า จะได้รีบกลับไปทำแผลกัน” สายชลไม่รอให้สายฟ้าปฏิเสธ หนุ่มรุ่นพี่รีบเข้าแบกคนตัวเล็กขึ้นขี่หลังทันที

ความอบอุ่นแผ่ซ่านผ่านแผ่นหลังจนสายฟ้ารับรู้ได้หนุ่มร่างเล็กรู้สึกอบอุ่นและมีความสุขอย่างแปลก ๆเมื่อได้พูดคุยกับรุ่นพี่หนุ่ม มันทำให้เขาเหมือนกำลังโลดแล่นอยู่ในโลกส่วนตัวและมีความสุขอย่างมากเมื่อมีรุ่นพี่คนนี้อยู่เคียงข้าง ชวนพูดคุยหยอกล้อสนุกสนานให้คลายเหงา ถึงจะออกแนวหื่นนิด ๆ และคอยช่วยเหลือปกป้องเขาอยู่ตลอดเวลา ความรู้สึกนี้มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะไม่รู้สิ แต่ตอนนี้ก็สบายมาก ๆ เลยล่ะ  ที่มีคนแบกไม่ต้องเดินเองให้ต้องเจ็บแผล


...
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 15-06-2007 04:19:38
ซึ้งน้ำใจสายชลจิง จิง  :o8:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 15-06-2007 09:20:05
ทั้งสองคู่เริ่มยอมรับและเข้าใจซึ่งกันและกันแล้วล่ะ น่ารัก อิอิ

ตอนนี้น่ะอ่านเรื่องนี้แล้วแฮปปี้ที่สุดเลยเนี่ย  :impress:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: FOAM ที่ 15-06-2007 10:16:12
กำลัง หวีดหวาน ทั้งสองคู่เลยแฮะ   :like6: :like6: :like6: :like6: :like6: :like6:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 15-06-2007 12:34:30
พี่สายชลนี้พวกแซ่หวัง - - -  หวังปี้เจ้า

ส่วนน้องสายฟ้าก็แซ่เจ้า - - - เจ้าอย่าหวัง

 :laugh3:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 15-06-2007 16:35:21
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 15-06-2007 19:14:40
 :impress: อยากมีคนดูแลอย่างนี้บ้างจังเลย
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: A GE ที่ 15-06-2007 19:28:51
 :haun5: :haun5:  ทั้งฟ้าแล้วก็ต้นเริ่มจะใจอ่อนแล้วชะมะคับ  :laugh3: :laugh3:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 15-06-2007 19:48:58
2 คู่นี้ คนละอารมณ์เลยวุ้ย  :give2:  :give2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 15-06-2007 20:38:57
สองคู่
สวีทวี้ดวิ้ววววววววววววววววววววววว
 :impress2: :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Shumi ที่ 17-06-2007 04:21:30
 :impress2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: sabishiikant ที่ 17-06-2007 11:33:54
‘...ก๊อก... ก๊อก... ก๊อก...’

“ค้าบ...มาแล้วครับ”
ต้นข้าวรีบเดินไปเปิดประตูห้องและก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นรุ่นพี่หนุ่มคนที่เคยมารับมาส่งสายฟ้าบ่อย ๆ แบกหนุ่มร่างเล็กเพื่อนของเขามายืนรออยู่หน้าประตู ต้นข้าวส่งยิ้มทักทายและกล่าวสวัสดีรุ่นพี่ ก่อนจะส่งสายตาใคร่รู้ไปที่เพื่อนรักที่ยังอยู่บนหลังของรุ่นพี่ สายฟ้ายิ้มตอบแห้ง ๆ อย่างเขินอาย
สายชลวางกระเป๋าเป้ลงข้างเตียงก่อนจะวางคนตัวเล็กลงบนขอบเตียง

“พี่ฝากดูแลเพื่อนเราด้วยนะครับ”

“ได้ครับพี่ ไม่มีปัญหาครับ เดี๋ยวผมดูแลให้อย่างดีเลยครับ” ต้นข้าวตอบรับยิ้ม ๆ ก่อนหันไปแซวสายฟ้าด้วยสายตาเย้าแหย่ จนคนตัวเล็กหน้าแดงก่ำ

“แล้วถ้าพรุ่งนี้ยังไม่หายเจ็บ เราก็ไม่ต้องไปเรียนก็ได้นะครับ ไว้ขอแล็คเชอร์เพื่อนจด หรือฝากเพื่อนอัดเทปเอาล่ะกัน”

“ครับ ฟ้าต้องขอบคุณพี่น้ำมาก ๆ เลยครับ ลำบากแย่เลย”

“ไม่เป็นไรครับ พี่ไปล่ะ เดี๋ยวเย็น ๆ โทรมาหานะ” สายชลส่งสายตาหวานฉ่ำให้จนสายฟ้าต้องก้มหลบ โดยมีต้นข้าวยืนยิ้มมองอาการเขินของเพื่อนรักอยู่

“อ่ะ ๆ ๆ มาเลย เข้าเรื่อง ๆ” ต้นข้าวลากเก้าอี้มานั่งต่อหน้าเพื่อนรัก.... แล้วกระบวนการสอบสวนผู้ต้องหาก็เริ่มขึ้น ณ บัดนี้.....

“เป็นไงมาไง ขานายไปโดนอะไรมาถึงได้ให้รุ่นพี่แบกขึ้นมาส่งถึงห้องได้เนี่ย”

“โดนงูกัดที่น้ำตกตอนแวะเที่ยวเมื่อเช้านี้น่ะ โชคดีที่ไม่ใช่งูพิษ”

“อื้ม ๆ ดีแล้ว ๆ โชคดีมากเลยล่ะถ้าเป็นงูพิษล่ะแย่ สงสัยเจ้างูตัวนั้นจะเป็นงูบุพเพอาละวาดซะล่ะมั้ง...” ต้นข้าวทำท่าทางกรุ้มกริ่มเย้าแหย่เพื่อนรักให้หน้าแดงเล่น ๆ

“บ้าดิ ขนาดไม่ใช่งูพิษนะยังปวดแทบแย่”

“ถึงขนาดได้ให้พี่เค้าแบกขึ้นตึกมาเนี่ยใช้ม้า...”

“เปล่า ๆ หายปวดนานแล้ว เหลือแต่อาการแปลบ ๆ นิดเดียวเอง แต่พี่เค้าไม่ยอมอ่ะ บอกว่ากลัวแผลจะอักเสบไม่อยากให้เดินมาก ก็เลย...โดนแบก ขึ้นมา...”

“โห... เป็นปลื้มแทนเลย ห่วงกันขนาดนี้ อิจฉาว้อย”

“อิจฉาไร อายแทบแย่ ตั้งแต่ยามหน้าหอตลอดจนคนที่เขาเดินผ่านไปผ่านมา มองกันใหญ่เลย แทบเอาหน้าซุกกระสอบเดินแล้ว”

“ซบไหล่กว้าง ๆ มากกว่าม้าง ...”

“บ้าดิ ว่าแต่นายเหอะ เราไม่อยู่ 2-3 วัน ไม่มีอะไรที่ทำให้เราอิจฉามากกว่าเหรอ...”

“อ๋อ นี่ใช่มะ ที่ซุบซิบกันวันนั้นน่ะ ไอ้เพื่อนตัวแสบ”

“นั่นแน่...แบบนี้ แสดงว่ามีอะไรที่ทำให้เราอิจฉามากกว่าจริง ๆ ใช่ม้า...”

“โว้ย...ไม่มี้...” จริง ๆ นะ แค่เกือบ.....

“แล้วทำไมต้องอายจนหน้าแดงด้วยน้า.... แล้วไผ่ไปไหน ล่ะ”

“ไปเล่นบาสกับเพื่อน ๆ น่ะ  ......นี่ พี่เค้าออกไปยังไม่ทันไร ถามถึงคนอื่นเลยนะ จะนอกใจรึไง”

“อ่านะ มีหึงกับเพื่อนฝูงด้วยเว้ย...แบบนี้มันไม่ธรรมดาแล้ว...”

“หึงเหิง อะไรกัน พอ ๆ ๆ ขืนแซวกันไปแซวกันมาอยู่อย่างนี้ ไม่ได้ทำอะไรแน่ ๆ... เดี๋ยวเราเอาของในกระเป๋าไปเก็บให้ นายนอนพักก่อนเถอะ”

“ค้าบ... ขอบใจนะต้น”

   

...


ทิวไผ่นั่งเรียนอย่างไม่ค่อยจะเป็นสุขนัก แม้ว่าพักนี้เขาจะดีใจและมีความสุขที่มีต้นข้าวค่อยนั่งเรียนอยู่ข้าง ๆ เสมอ แต่ความรู้สึกมันบอกว่า มีสายตาของใครซักคนที่คอยจับจ้องมายังเขาอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเขาเองก็พยายามสังเกตมาหลายวันแล้วแต่ก็ไม่เห็นสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นแต่อย่างใด
...หรือว่า ไอ้โม่งคนนั้นมันจะเริ่มดำเนินการตามแผนร้ายของมันแล้ว และมันต้องเป็นใครซักคนในห้องนี้แน่ ๆ แล้วใครล่ะ เขาไม่เคยมีปัญหากับเพื่อนหรือรุ่นพี่คนไหนในคณะนี่...
...ได้โปรด...ช่วงเวลาที่เขาและต้นข้าวกำลังจะเริ่มไปกันด้วยดี ขออย่างให้มีเหตุการณ์แย่ ๆ อะไรมาขวางกั้นเลย...

“ต้น เย็นนี้เราไปเดินเล่นที่เทเลทับบี้กันนะ” (ชื่อสถานที่จริงนะ อย่าคิดลึก อิอิ...อยากรู้เหมือนกันใครตั้งชื่อนี้ฟระ...)

“อืม ๆ...”....พูดอะไรของนาย คนกะลังฟังอาจารย์อยู่.... (โดนนั่งประกบตั้งใจเรียนเชียว) แต่ไหงคนประกบสมาธิแตกซ่านซะล่ะ (หรือเพราะใกล้เกิน เหอๆ)
.
.
หลังเลิกเรียนคาบสุดท้ายประมาณ 5 โมงเย็นเศษ ต้นข้าวแปลกใจที่ทิวไผ่พาขับรถออกทางประตู 4 ข้าง ม. ไม่ได้กลับหอ หรือไปหลัง ม. กันเหมือนเช่นที่ผ่าน ๆ มา ปกติถ้าทิวไผ่จะไปเล่นบาส เขาจะพาต้นข้าวกลับหอ แล้วเปลี่ยนชุดออกมาที่สนามบาส ตอนค่ำจึงจะซื้อข้าวกล่อง ไปกินกันที่หอ หรือไม่ก็ไปรับออกมากินอีกที แต่วันนี้ออกนอกเส้นทางอย่างมีพิรุธ ...เพราะปกติไม่ค่อยมาทางนี้นี่นา...

“จะไปไหน”

“ไปหาซื้ออะไรกินกัน”

“แต่หัววันเนี่ยนะ...แล้ววันนี้นายไม่ไปเล่นบาสหรอ”

“ไม่ล่ะ บอกแล้วไงว่าจะไปเดินเล่นกันเย็นนี้ แล้วนายก็ตกลงแล้วนะ ลืมแล้วหรอ” ...ตอนไหนวะ...อ๋อ สงสัยตอนนั้น...

“เฮ่ย...แค่พึมพำในคอเนี่ยนะ เราฟังอาจารย์พูดอยู่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่านายพูดอะไร”

“ยังไงก็แล้วแต่ ถือว่านายโอเคแล้ว ห้ามปฏิเสธ” ....ว่าแล้ว ผลต้องออกมาอย่างนี้ ไม่น่าพูดมากให้เปลืองน้ำลายเล้ย...

“แล้วซื้ออะไรมาเยอะแยะไปหมด...” ต้นข้าวมองถุงพะรุงพะรังที่ทิวไผ่หอบหิ้วมาเต็มไม้เต็มมือ

“นิดหน่อยเอง กลัวต้นไม่อิ่มอ่ะ” ...นายหรือเรากันแน่ ดูหุ่นก่อนดิ๊…

“มีของโปรดต้นด้วยนะ ข้าวเหนียวห่อ หมูปิ้ง ลูกชิ้น ผลไม้ก็มีฝรั่ง สาลี่ สับปะรด แล้วก็น้ำสตอเบอรี่ปั่น”

“โห จะกินหมดมั้ยเนี่ย”

“ไม่ต้องห่วงน่า ถ้าเหลือเอาไปฝากสายฟ้าด้วย” …เพื่อนเรากลายเป็นเจ้าตูบไปซะละ....

“ล้อเล่นน่า...ต้นข้าวของผมกินเก่งจะตาย ต้องบำรุงให้เต็มที่” ...ไม่ใช่หมูขุนนะว้อย...

ทิวไผ่ขับมอเตอร์ไซค์ไปจอดไว้ที่ลานจอดรถหน้าหอสมุดก่อนจะพาต้นข้าวเดินลัดเลาะตามทางเดินและสวนหย่อมมานั่งที่พื้นหญ้านุ่ม ๆ มุมหนึ่งริมหนองน้ำ
บรรยากาศยามเย็นเวลาแสงอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้าของสวนสาธารณะประจำมหาวิทยาลัยแห่งนี้ชั่งดูโรแมนติกสำหรับหนุ่มสาวที่มาจับคู่จู๋จี๋ดี๋ดู๋ดูดดื่มและดื่มด่ำกันเป็นประจำ แต่ผู้คนค่อนข้างจะพลุกพล่านซักหน่อย เพราะมีทั้งคนมาวิ่งออกกำลังกาย และทำกิจกรรมนันทนาการต่าง ๆ

“คิดยังไงถึงอยากมาที่นี่น่ะ” ...ไม่เห็นมีทีท่ามาก่อนว่าอยากมา....

“ก็พาแฟนมาสวีตกันไง ถามได้ คนอื่นเค้าก็พาแฟนมากันเยอะแยะ” ...ข้าวเหนียวติดคอเลย เกลียดนักไอ้โรคจอมโมเมพูดเองเออเองเนี่ย...เงียบไว้ดีกว่าขืนต่อปากต่อคำด้วย มีหวังหาคำพูดเลี่ยน ๆ เสี่ยว ๆ มาให้สำลักน้ำตายอีกแน่ ๆ...
“การเงียบ คือการแสดงเจตนาโดยการนิ่ง ดีใจจังในที่สุดต้นก็ยอมเป็นแฟนผมแล้ว...” ....น้าน ขนาดอยู่เฉย ๆ ยังไม่วายโดนเข้าจนได้ เอาหลักกฎหมายมาอ้างเชียว เกี่ยวกันตรงไหนวะ...

“รีบ ๆ กินไปเลย ขืนพูดมากอีก เดี๋ยวเอาไม่เสียบลูกชิ้นทิ่มพุงเลยนี่”
.
.
“....สบายจังเลย....” ทิวไผ่พูดออกมาหลังจากสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ การได้มาพักผ่อนกับต้นข้าวแบบนี้มันก็คงช่วยทำให้เขาหายเครียดและหายกังวลลงได้บ้าง เป็นการผ่อนคลายความเครียดจากการเรียนไปด้วยในตัว
หนุ่มหน้าเข้มล้มตัวลงนอนแผ่หลา ประสานมือรองศีรษะบนพื้นหญ้าที่ลาดเอียงลงสู่หนองน้ำ โดยมีต้นข้าวนั่งเหยียดขาอยู่ข้าง ๆ

“ต้นครับ”

“อะราย...” ...ฝรั่งเต็มปากอยู่เลย…

“ต้นชอบบรรยากาศแบบนี้มั้ย ผมว่ามันโรแมนติกดีนะ”

“อืม...ก็ดีนะ นั่งเล่นคิดอะไรเพลิน ๆ ดี” พูดไปก็กินฝรั่งไปเรื่อย (ทีซื้อตัวเองไม่ออกตังค์นะ แถมบ่นจั๊ง แต่เวลากิน ไม่ได้หยุดปากเลย)

“ต้นครับ”

“ไรอีก...เรียกอยู่ได้” ...กำลังเมามันกับการกิน...

“ขอฝรั่งผมซักชิ้นดิ” ต้นข้าวจิ้มฝรั่งส่งให้

“ไม่เอา...ป้อนด้วย” ต้นข้าวจับฝรั่งยัดปากให้แบบไม่เต็มใจนัก

“ใจร้ายกับแฟนตัวเองที่สุดเลย ป้อนดี ๆ ไม่ได้หรอ” ทิวไผ่หยัดตัวขยับเล็กน้อยกระเถิบเข้าไปเอาศีรษะหนุนต้นขาของต้นข้าวไว้

“ทำอะไรของนายเนี่ย....เดี๋ยวเอาไม้จิ้มฝรั่งจิ้มตาเลย คนอื่นผ่านมาเห็นเข้าจะทำไง” หนุ่มร่างบางพยายามขยับตัวถอยหนี แต่ถูกทิวไผ่ใช้วงแขนแข็งแรงรั้งเอวไว้

“น่า นะครับ มุมนี้ไม่มีใครเห็นหรอก แถมฟ้าเริ่มมืดแล้วด้วย” ต้นข้าวจึงปล่อยเลยตามเลย ยกประโยชน์ให้จำเลยซักครั้ง

“คราวนี้ขอสาลี่หวาน ๆ ซักชิ้นนะจ๊ะ” ต้นข้าวหยิบสาลี่ป้อนให้

“ไม่เอา ไม่ป้อนแบบนี้”

“ป้อนแรง ๆ ไม่เอา ป้อนดี ๆ ก็ไม่ชอบ งั้นอย่ากินเลยดีกว่ามั้ย เอาใจยากจริง คนอาไร...”

“น๊ะค้าบ เอาใจกันหน่อยจิ ป้อนด้วยปากสิครับ สาลี่ชิ้นนี้จะได้หอมหวานยิ่งขึ้น” ….พูดแต่ละคำสะอึกเลย ได้คืบจะเอาศอก พอได้ศอกจะเอาวา ถ้าตามใจไม่นานคงได้เป็นโยชน์ งั้นก็เอาเหมือนเดิมนี่แหละ.... ว่าแล้วต้นข้าวก็ทิ่มสาลี่ชิ้นนั้นเข้าปากไปอย่างแรง

“อ๊อก...แคร่ก” สาลี่เจ้ากรรมติดคอสิครับท่าน

“โหย... ใจร้ายมาก แบบนี้ต้องทำโทษ”

“เฮ่ย อย่า...”

ทิวไผ่ผุดลุกขึ้นจับหนุ่มร่างบางนอนราบลงกับพื้นหญ้าอย่างรวดเร็ว เขาจ้องมองดูตาคู่สวยบนใบหน้าเนียนอย่างรักใคร่

“ไผ่ปล่อยเรานะ อย่าทำไรบ้า ๆ แบบนี้ คนอื่นมาเห็นเข้าจะคิดยังไง”

“ก็คิดว่าเราเป็นแฟนกันสิครับ” ...ยังไม่สำนึก เห็นแก่หน้าเราบ้างสิว้อย...

ดวงตาหยาดเยิ้มของเขามันทำให้ต้นข้าวเกิดอาการหวิว ๆ อย่างบอกไม่ถูก แววตาที่ดูเข้มแข็ง แต่อ่อนโยน เป็นแววตาที่ฉายแววความจริงใจอย่างเปี่ยมล้น เขาจ้องอยู่อย่างนั้นนานจนต้นข้าวต้องเบี่ยงหน้าหนีอย่างเขินอาย ทิวไผ่จับใบหน้าสวยให้หันมาสบตาเขาอีกครั้ง แล้วค่อย ๆ โน้มศีรษะลงประกบริมฝีปากอวบอิ่มบดจูบอย่างทะนุถนอม ต้นข้าวหลับตานิ่งเผยอปากรับการสัมผัสอย่างอบอุ่นนั้น หนุ่มหน้าใสรู้สึกตัวลอยเบาหวิวอยู่ในห้วงแห่งความสุข ปฏิกิริยาของร่างกายตอบสนองโดยอัตโนมัติ เขาแลกลิ้นกับทิวไผ่อย่างลืมตัว แล้วอยู่ ๆ ทิวไผ่ก็ถอนริมฝีปากออกทันที ต้นข้าวหลุดพ้นห้วงเสน่หาอย่างทันใด ความอายและความเสียดายระคนกันจนแยกไม่ออก

ทิวไผ่ส่งสายตาหวานฉ่ำจ้องมองมาอีกแล้ว

“ต้นครับ ต้นรักผมมั้ย”….รัก เหรอ....

 ต้นข้าวนิ่งเงียบก่อนจะตอบ อย่างแผ่วเบา และหลบสายตาที่จ้องมองมานั้น

“.......ไม่รู้สิ.......”.....ตอนนี้ยังตอบไม่ได้ระหว่างรัก ชอบ หรือ แค่รู้สึกดีด้วย.... แต่นายทำให้เราเริ่มหวั่นไหวมาก ๆ แล้วนะ....

แววตาหวานฉ่ำของเขาแปลเปลี่ยนเป็นความเศร้า และเจ็บปวดเมื่อได้ยินคำตอบจากปากคนที่ตนรัก จนต้นข้าวเองรู้สึกเจ็บแปลบที่หน้าอกเมื่อเห็นแววตานั้น .....ทำไมเรารู้สึกแบบนี้ ทำไมเราเจ็บ และ สับสน.....

“…ก็คง.....รัก มั้ง....” มันยากเย็นมาก กว่าคำพูดจะหลุดออกจากปากได้แต่ละคำ แต่ก็พูดออกไปแล้ว และมันรู้สึกโล่งอย่างแปลก ๆ เหมือนได้ปลดปล่อยของหนัก ๆ ที่แบกไว้ลงจาบ่า

ดวงตาของทิวไผ่ฉายแววแห่งความสุขที่สุดในชีวิต เขาฉีกยิ้มกว้างโชว์รอยบุ๋มของลักยิ้มกระชากใจสาว (และหนุ่ม) เด่นชัดบนใบหน้า ทิวไผ่ดึงร่างบางขึ้นมากอดไว้แนบอก แนบชิดแน่นซะจนต้นข้าวรู้สึกอึดอัด

“ผมรักต้นที่สุดในโลกเลย......” ทิวไผ่พูดออกมาอย่างดีใจสุด ๆ

“ไผ่....”

“ครับต้น…มีไรหรอ ที่รัก”

“เราหายใจไม่ออก...”

“แหะ ๆ...ผมลืมตัวดีใจมากไปหน่อย” ทิวไผ่ยิ้มแหย ๆ และคลายวงแขนแข็งแรงที่รัดแน่นออก ก่อนจะหอมที่แก้มต้นข้าวไปอีกหนึ่งฟอกใหญ่

“พอแล่ว... ประเจิดประเจ้อมากไปแล้ว เดี๋ยวคนอื่นมาเห็นเข้าได้ตายห่ากันพอดี ไม่อยากเป็นขี้ปากคนทั้ง ม. นะ”

“ค้าบ... อื้มมม....นอนลงแบบนี้จะได้ไม่ต้องมีคนเห็น” ทิวไผ่ทิ้งตัวลงนอนกับพื้นหญ้าโดยมีต้นข้าวอยู่ในอ้อมแขน “ต้นดูดาวดวงนั้นสิครับ สวยมากเลย...”

“.............”
ตามองตามที่เขาชี้ชวนให้ดู แต่ปากก็ยังปิดเงียบเอาแต่นอนนิ่งในอ้อมแขนอบอุ่นนั้น.....เขินว้อย จะให้พูดอะไรฟระ....


“ถ้ามีดาวตก ต้นจะขออะไรครับ.... ส่วนผมจะขอให้เรารักกันนาน ๆ ตราบชั่วฟ้าดินสลาย...”

“...ขอให้สอบผ่านทุกวิชา”

“ว้า....ไม่ขออะไรเกี่ยวกับเราบ้างหรอ” ทิวไผ่ทำปากเบ้แววตาเศร้าสร้อย แต่ไม่ยักกะน่าสงสารเลยแฮะ หน้าหมั่นไส้ซะมากกว่า ทำเหมือนเด็ก ๆ ไปได้

“ไม่ล่ะ...เดี๋ยวจะซ้ำกะใครบางคน” หยอดกับเค้าเป็นด้วยเว้ยตรู อิอิ แต่...ไมเขินเองอ่า... ดูอีตานั่นดิยิ้มจนปากจะฉีกถึงรูหูแล้ว...

   “มีความสุขจังเลย.......” ทิวไผ่หลับตาพร้อมกระชับวงแขนแน่นขึ้น ถ้าหากทำได้จะขอหยุดเวลาไว้ตรงนี้ตลอดไป

“แต่ก่อนต้นเหนื่อยมากพอแล้ว เห็นทีต่อไปต้นคงเหนื่อยหนักขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัวแน่ ๆ”

“...เหนื่อยไร ไม่เห็นจะเหนื่อยตรงไหนซักหน่อย อย่าคิดไรลามกนะ”

“ก็ต้นมาวิ่งอยู่ในหัวใจผมนานแล้วไง ต่อไปคงวิ่งตลอดทั้งวันแน่ ๆ.... ไม่ได้คิดอะไรซักหน่อย อ๊ะอ๊า หรือว่าต้นคิด....”

…..โหยเสี่ยวแดก.... เอาอีกแล้วไอ้ทำตาเยิ้ม ๆ มีเลศนัยเนี่ย ไม่ได้คิดว้อย ก็พูดซะสองแง่สองง่าม.......

“แต่ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมจะเข้าไปวิ่งในใจต้นทั้งวันเหมือนกันนะ เราจะได้เหนื่อยเป็นเพื่อนกัน...” ....ภูมิใจจังเนอะ...

“ปิดประตูลงกลอนแล้ว” ....ฮ่าฮ่าฮ่า ทีนี้นายก็เข้ามาป่วนใจเราไม่ได้แล้ว...

“อ๊า... คิดจะขังผมไว้ในนั้นตลอดไปเลยหรอ... ดีจัง ผมจะปกป้องและดูแลรักษาทั้งสี่ห้องใจของต้นตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยล่ะ”.....เง้อ.... หาช่องไปต่อจนได้......

“ไผ่...กลับกันเถอะ ดึกแล้ว”

“ดึกที่ไหน ทุ่มสองทุ่มเอง อยากนอนกอดต้นแบบนี้ไปจนสว่างเลย”

“ได้นอนตากน้ำค้างเป็นปอดบวมตายกันล่ะ”

“ค้าบ....ที่รัก”

“หยุดเรียกที่รักได้แล้ว เรียกต้นเฉย ๆ ก็ได้ อายคนเค้าเผื่อใครได้ยิน”

“จ้าจ้ะ....ต้นครับ วันอาทิตย์นี้ว่างไหม”

“อืม...ก็ไม่ได้ไปไหนนะ ถ้าไม่กลับบ้าน”

“จะชวนไปดูหนังกัน ถ้ากลับบ้านเดี๋ยวผมไปรับที่บ้านก็ได้”
“....ต้นจะชวนฟ้าไปด้วยกันก็ได้นะครับ ไปกันหลายคนสนุกดีออก”

ทิวไผ่เดินจูงมือต้นข้าวอย่างมีความสุข ออกมาตามทางเดินของสวนหย่อม

“ปล่อยมือได้ไหมอายคนอื่นเค้า...” ต้นข้าวมีสีหน้าเนือยอาย มองไปรอบ ๆ ก็มีคนอยู่มากมาย ถึงจะไม่ค่อยได้สนใจกันนักก็เถอะ

“กลัวต้นหนีผมไป ฮึ่ ฮึ่...” ....ดูข้ออ้างฟังขึ้นซะ.....

...
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 17-06-2007 12:25:58
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
สวีทกันไปคู่นึงแล้ววววว

ทีนี้ก็เหลืออีกคู่ล่ะ
 :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 17-06-2007 12:52:36
วิ้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ หวานจังเลย :impress:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Electrolyte ที่ 17-06-2007 13:21:46
แง่วๆๆๆในที่สุดต้นก็บอกรักไผ่เหอะๆๆๆหวานซะไม่มี
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 17-06-2007 13:26:20
เง้อ ไปเดทกันหวานซ้า  :-[  :-[
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: FOAM ที่ 17-06-2007 13:37:06
ในที่สุดต้นก้อรับรักไผ่ซะที 

แต่ะมีเรื่องร้ายตามมารึปล่าวนะ

ลุ้นต่อครับๆๆ o8 o8 o8 o8 o8 o8 o8 o8
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Daow ที่ 17-06-2007 14:45:06
ว้ายๆๆๆๆๆๆๆๆ หวีดกันน่ารักมากกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 17-06-2007 16:53:08
หวานกันจังเลย ต้นบอกรักไผ่แล้วด้วย  :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: tor13 ที่ 17-06-2007 16:54:18
 :like6: :like6: :like6: :like6: :like6: :like6: :like6: :like6: :like6: :like6:
อิจฉา
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: kei_kakura ที่ 17-06-2007 18:04:43
เพิ่งได้เข้ามาอ่าน....หวานกันแล้วเหรอ?? 

 :impress2: :impress2: :impress2:

ดีจาง   :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 17-06-2007 18:51:28
อ่านแล้วแอบเขิลมากมาย

อยากมีแบบนี้บ้างจังเลยอ่ะ  :o8:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: CorNnE PRiNCeS ที่ 17-06-2007 20:25:12
ฮิจัง :sad5: ก้อมาด้ว :sad3:ย หรอ  :confuse:


มาอยู่ด้วยกัน ที่นี่สนุกดี


 :give2: :impress2: :like6:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: A GE ที่ 17-06-2007 20:35:36
 o22 o22  เข้าข่าย  ทะเลก่อนพายุรึป่าวครับเนี่ยะ  :laugh3: :laugh3:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Hie_KunG ที่ 17-06-2007 22:02:48
ฮิจัง :sad5: ก้อมาด้ว :sad3:ย หรอ  :confuse:


มาอยู่ด้วยกัน ที่นี่สนุกดี


 :give2: :impress2: :like6:


....หวัดดีคับ โจลี่.... อิอิ ผมมะได้เข้ามาบ่อยหรอกคับ นาน ๆเข้ามาดูที พี่กานต์เค้าเอามาโพสต์ให้อ่ะคับ.... :laugh3:

....หวัดดีทุก ๆ คนด้วยนะค้าบบบ...ไงว่าง ๆ จะเข้ามาบ่อย ๆ นะฮะ....เทอมผมเรียน เสาร์-อาทิตย์ หยุดวันศุกร์วันเดียว เหนื่อยมากมาย....เฮ่อ.... :o11:

หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: sabishiikant ที่ 18-06-2007 03:39:34
ห้างบิ๊กซีในวันอาทิตย์ผู้คนพลุกพล่านมากมายเหมือนเดิม เพราะเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ จึงพากันมาพักผ่อนและชอปปิ้งจับจ่ายใช้สอยเลือกซื้อสินค้ากัน
THANA ซีนิเพล็กซ์ ชั้น 2 คลาคล่ำด้วยผู้คนไม่เคยว่างเว้น ทิวไผ่เลือกรอบค่ำ ไม่หัววันหรือดึกเกินไปเพราะต้องกลับเข้าหอ เพื่อเริ่มต้นการเรียนสัปดาห์ใหม่ในวันรุ่งขึ้น ทิวไผ่จึงต้องโทรจองตั๋วไว้ก่อนไม่งั้นจะต้องมารอเข้าคิวแต่เนิ่น ๆ ไม่เช่นนั้นก็จะพลาดโอกาสรอบ และที่นั่งมุมดี ๆ ไปอย่างน่าเสียดายเพราะรอบนี้เป็นรอบยอดฮิตที่คนเลือกกัน

ทิวไผ่กุมมือของต้นข้าวไว้ตลอดเวลา หนุ่มหน้าใสพยายามสลัดและขัดขืนยังไงก็ไม่ยอมปล่อยติดหนึบเป็นปลิงดูดเลือด คอยส่งแป๊บซี่ ป๊อบคอร์นและขนมขบเคี้ยวป้อนให้อยู่ตลอดเวลา แถมยังชอบคะยั้นคะยอให้ต้นข้าวป้อนป๊อปคอร์นให้บ่อย ๆ ทิวไผ่มองสบตาและส่งสายตาหวานเยิ้มให้ตลอด ต้นข้าวรู้สึกเขินอย่างบอกไม่ถูก จนไม่กล้าที่จะมองสบตาด้วย แต่ทิวไผ่ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นและมีความสุขเมื่อได้อยู่ใกล้ ๆ

“ต้นสนุกมั้ยครับ” หนังจบอารมณ์ไม่จบอย่างว่า เขาไม่อยากลุกออกจากที่เลย คงไม่มีอะไรที่จะพิเศษสุดสำหรับเขาเท่ากับการได้อยู่กับต้นข้าวอีกแล้ว ทิวไผ่คว้ามือต้นข้าวมากุมไว้ขณะเดินออกจากโรงหนัง

....แอบแต๊ะอั๋งอีกแล้ว...อีตานี่หนิ.... (แต่ก็ยอมให้เค้าจับซะงั้น ชอบอาดี๊....อิอิ)

“ก็ ซึ้งดีอ่ะ...” ...ซีซันเชนจ์ ...เรื่องราวความรักใส ๆ ของหนุ่มสาวในวัยเรียน เหมือนทิวไผ่จะจงใจเลือกเรื่องนี้รึเปล่านะ ทำไมมันใกล้เคียงกับชีวิตจริงของเราจัง หนึ่งชายสองหญิง ที่ทุกคนเป็นเพื่อนกัน แต่พระเอกก็เลือกเพียงคนเดียว....ไม่สิ เราไม่ใช่ผู้หญิง มันสามชายตะหาก....

เสียดายที่สายฟ้าไม่ได้มาด้วย เพราะพี่รหัสนัดเลี้ยงสังสรรค์กัน เห็นบอกว่าพี่น้ำของเขาเป็นตัวตั้งตัวตีงานนี้ด้วยนี่นะ เจ้าตัวเล็กเลยขัดไม่ได้ด้วยล่ะ แถมยังแอบแขวะว่า ไม่อยากมาเป็น กขค.  เหอๆ ไอ้ตัวแสบ....

“ไปกินไอติมกันนะ....”
.
.
“ต้นกินอะไรดีครับ” ทิวไผ่ถามขึ้น เมื่อเลือกที่นั่งได้มุมหนึ่งภายในร้านสเวนเซ่น

“อืม...เอาไรดี งั้นเอา Fifty nine STICKY CHEWY CHOC 3 ลูก อัลมอนด์บด ไม่ใส่กล้อย เพิ่มวีฟครีมกับเชอรี่ครับ”

“ผมเอา Banana-Split เพิ่มอัลมอนด์บด สตอเบอรี่สด วีฟครีมเหมือนกันครับ” ทิวไผ่หันไปบอกพนักงานสาวที่มารับออเดอร์ ต้นข้าวมองคนตรงหน้าอย่างเคือง ๆ ที่สั่งคล้ายตัวเอง
ไอศครีมมื้อนี้คงจะหอมหวานที่สุดในชีวิตเท่าที่เขาเคยกินมาเพราะมีหวานใจมานั่งกินเป็นเพื่อน แค่ได้นั่งส่งสายตาหวานฉ่ำให้แล้วเห็นท่าทางเขินอายของหนุ่มร่างบางเขาก็มีความสุขอย่างบอกไม่ถูกแล้ว

“อ้าม......อ้าปากซิ ผมป้อน” ทิวไผ่ตักไอศกรีมในถ้วยของตนจะป้อนต้นข้าว

“ไม่เอ๊า...อายคน” ต้นข้าวทำท่าเขิน ๆ มองซ้ายมองขวาไปยังโต๊ะข้าง ๆ

“น่านะ คนอุตส่าห์ป้อน” ทำท่าทางงอนๆ เป็นเด็กอีกแล้ว

“คำเดียวนะ แต่ไม่เอากล้วยอ่ะ ขอเชอรี่ ได้ปะ”

“อ้าว...ต้นไม่ได้ชอบกินกล้วยหรอกเหรอ” ... ขนาดเวลากินยังมีหน้ามาพูดจาทำท่าทางหื่น ๆ อีก ไม่เลือกเวลาเลยนะนาย....

“ก็สั่งอยู่มะกี้บอกไม่ใส่กล้วย ไม่ได้ยินหรอ” ต้นข้าวต่อว่าหนุ่มหน้าเข้ม แล้วอ้าปากรับเอาลูกเชอรี่สีแดงสดรสหวานเจี๊ยบแล้วรีบหลุบตาต่ำหลบสายตาที่ทิวไผ่จ้องมองทันที

“ป้อนผมมั่งสิ” ทิวไผ่ส่งสายตาออดอ้อน

“ไม่...กินกล้วยของนายไปสิ”

“โหย กล้วยตัวเองผมกินไม่ถึงหรอกครับ เก็บไว้ให้ใครบางคนกินดีกว่า” ...นั่น ๆ ๆ...เห็นเราทำดีด้วยหน่อย หื่นมากไปแล้ว ย๊ากส์...เดี๋ยวควักลูกตาด้วยช้อนตักไอติมเลย....

“ถ้าไม่หยุดหื่นอีกนะ จะตัดให้เป็ดกินคอยดูสิ”

“ใจร้าย....ของรักของหวงเค้านะ”....ตีหน้าเศร้าเข้าไป หึหึ สม....

“นะ ๆ ๆ ป้อนผมหน่อยสิ คำเดียวก็ได้” ...อ้อนเข้าไป....

“ไอติมจะละลายหมดแล้ว รีบ ๆ เข้าสิ”

“ไม่ยอมป้อนใช่ไหม” พูดจบทิวไผ่ก็คว้ามือที่ต้นข้าวกำลังตักไอติมค้างไว้ แล้วยื่นหน้าข้ามโต๊ะไปอ้าปากงับไอติมในช้อนนั้น ก่อนถอยกลับมานั่งยิ้มกริ่มในที่ของตน
ต้นข้าวอึ้งอยู่อย่างนั้นพักนึง ก่อนจะกวาดสายตาไปรอบ ๆร้าน ก็พบว่ากำลังตกเป็นเป้าสายตาของใครต่อใครไปซะแล้ว แม้แต่พี่พนักงานสาว ๆ ที่เค้าท์เตอร์ของร้านก็ไม่เว้น เค้าคงคิดว่า ไอ้สองตัวนี่มันเล่นอะไรกันมั้ง อายว้อย......


………………………………………………………………………………………………………..



วันเวลาแห่งความสุขผ่านไปอย่างรวดเร็ว หนึ่งวันเหมือนหนึ่งนาที หนึ่งปีเหมือนหนึ่งวัน ต่างจากช่วงเวลาที่เรามีความทุกข์ มันแสนจะทรมานและยาวนานกว่าวันเวลาจะผ่านพ้นไปในแต่ละวินาทีราวชั่วกัปชั่วกัลป์
ทิวไผ่รู้สึกว่ายิ่งเขากับต้นข้าวเข้ากันได้ดีมากขึ้นเท่าไหร่ ดวงตามารปริศนาคู่นั้นยิ่งเพ่งเล็งพวกเขามากขึ้น ต้นข้าวจะรู้สึกอย่างเขามั้ยนะ แต่เจ้าหนุ่มหน้าใสนั่นไม่เห็นมีแววทุกข์ร้อนอะไรเลยนี่นา หรือว่าเราหวาดระแวงคิดไปเองหรือเปล่า ที่กลัวว่าจะเสียเขาไป

“ต้นครับ เย็นนี้เราไปกินข้าวที่ Eat me กันไหม เดี๋ยวชวนพี่น้ำกับสายฟ้าไปด้วย จะได้มีเพื่อนคุยกันสนุก ๆ”
 ...ชวนจ๊าง...ไอ้ชวนพอเป็นพิธีตามมารยาทสุภาพบุรุษขาหลุดลุ่ยของนายเนี่ย เห็นชวนที่ไรขัดไม่ได้ซักที แต่เอ๊ะ...วันนี้มาแปลก ปกติอยากไปกันแค่สองคนนี่นา ไข้ขึ้นหรือเปล่า ต้นข้าวเอามืออังหน้าผากทิวไผ่ทำท่าทางจริงจังเชิงล้อเลียน

“ตัวก็ไม่ร้อนนี่”

“ทำไร ผมไม่ได้เป็นไข้ซักหน่อย”

‘........คนธรรมดาหนึ่งคน คนนี้ ไม่มีอะไรเลยไม่มีซักอย่าง เพราะทุกสิ่งและก็เพราะทุกอย่าง มันเป็นของเธอ จะอยู่รอเธอเป็นคนสุดท้าย ถ้าเธอต้องการใครให้ส่งสายตา เรียกให้ไป ใจฉันก็จะมา เป็นผู้ชายของเธอ......’
‘...เข็ม...’ เพื่อนสาวตัวอันตรายคนนี้ต้องมีอะไรแน่ ๆ เพราะไม่ได้ติดต่อกับเขามานานแล้วนี่นา

“ต้นแปบนะครับเดี๋ยวผมโทรศัพท์แปบ” “ฮัลโหล....................” ทิวไผ่เดินแยกออกไปยืนคุยโทรศัพท์ห่าง ๆ

......น่าแปลก ปกตินายนี่คุยโทรศัพท์ไม่เคยทำท่าทางปกปิดเรานี่นามีอะไรหรือเปล่า แต่ว่า...แอบไปเปลี่ยนริงโทนมาเมื่อไหร่ฟระ.....

.
.
“ฮัลโหล ไผ่เหรอคะ ไม่ได้คุยกันตั้งนานคิดถึงจัง” ...แล้วเวลาเจอกันที่คณะเรายิ้มให้ทำเป็นเมินใส่นี่นะ...

“หวัดดีครับ เข็มมีอะไรหรอครับ”

“แหม...ไม่มีอะไรจะโทรหาไม่ได้หรือไงคะ หรือว่ากลัวแฟนเข้าใจผิด ...ว่าแต่ไผ่สบายดีหรือเปล่าคะ อุ๊ยตาย ไม่น่าถาม ไม่สบายสิแปลก คนกำลังอินเลิฟนี่เนอะ โฮะ ๆ ๆ ...ยังไงก็ขอให้มีความสุขกันมาก ๆ นะคะ...”

“...............” ทิวไผ่ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรที่ปานฝันรู้เรื่องของเขากับต้นข้าว เพราะเขาไม่ได้ปิดบังอะไร เพียงแต่ไม่ได้แสดงออกอย่างโจ่งแจ้งต่อหน้าเพื่อนฝูงเท่านั้น มีเพียงเพื่อน ๆ ในกลุ่มที่รู้สึกระแคะระคาย และแซวกันบ้าง ส่วนเพื่อนในคณะคนอื่น ๆ ก็เฉย ๆ แต่ที่ปานฝันโทรมากระแนะกระแหนเขา มีจุดประสงค์อะไรกันแน่

“เงียบทำไมล่ะคะ อึ้งอะไรเหรอ....”

“เปล่าหรอกครับ ขอบคุณนะครับสำหรับคำอวยพร” ถึงแม้มันจะไม่ได้ออกมาจากใจจริงเลยซักนิดก็เถอะ

“เข็มมีอะไรอีกหรือเปล่าครับ ถ้าไม่มี.....”

“จะรีบไปไหนกันเหรอคะ อืม...พาแฟนไปดินเนอร์สินะ”

“งั้นแค่นี้นะครับ”

“เดี๋ยว....” ‘...ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด...’ “หึ ไอ้บ้าเอ๊ยยังไม่สะใจเลย...เดี๋ยวก็รู้ว่าจะมีความสุขกันไปได้ซักกี่น้ำ...”


...


“นี่นาย...มีอะไรหรือเปล่า ไม่ค่อยพูดค่อยจา” ต้นข้าวตัดสินใจถามขึ้นหลังจากเห็นทิวไผ่ เงียบ ๆ มาตั้งแต่หลังจากคุยโทรศัพท์เมื่อตอนเย็นจนกระทั่งบนโต๊ะอาหารค่ำตอนนี้

“ปะเปล่า...กำลังคิดว่าอาทิตย์นี้จะพาต้นไปเที่ยวไหนดีน่ะครับ” ทิวไผ่พูดและยิ้มแบบฝืน ๆ ‘...จริงเหรอ...’

“น้องสองคนนี่ท่าทางรักกันดีนะครับ น่าอิจฉาจัง ไม่เหมือนพี่เลย คนบางคนใจด๊ำดำ เราชวนไปเที่ยวไหนบอกไม่ค่อยว่างเลย ....ต้องแอบเอาพี่รหัสมาบังหน้าถึงจะยอม...”
สายชลพูดเชิงตัดพ้อ ก่อนจะทำเสียงกระซิบกระซาบในตอนท้าย แต่สายฟ้าทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ก้มหน้าก้มตากินอย่างเดียว

“เหอะ ๆ รักกันมากกก....เลยครับพี่ แบบว่าถ้าคิดจะชวนไปไหนแล้ว เราขัดไม่ได้หรอกครับ” ต้นข้าวกัดฟันพูดเน้นเสียง พลางชำเลืองไปยังทิวไผ่ที่นั่งยิ้มแหย ๆ อยู่ข้าง ๆ

“แหม น่าปลื้มออกนะครับ มีคนคอยเทคแคร์ดีขนาดนี้ แต่ของพี่สิ ไม่รู้ทำไมใจแข็งนัก จะทรมานพี่ไปอีกนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ ฮือ ๆ ๆ...”

“ช่วยไม่ได้.... ถ้าเบื่อ ก็ไปหาคนที่เค้าง่าย ๆ สิ” สายฟ้าประชดรุ่นพี่หนุ่ม

‘...ตี๊ด ๆ ตี๊ด ๆ…’ เสียงข้อความเข้าโทรศัพท์มือถือดังขึ้นกลางวงสนทนา

....ใครส่งแมสเสจมาตอนนี้นะ....

ข้อความ MMS ใหม่
จากเบอร์ : ส่วนตัว
อ่านเดียวนี้ ............

“ขอตัวแปบนะครับ” ทิวไผ่ลุกขึ้นเดินออกไปนอกร้านโดยมีต้นข้าวมองตามหลังไป ....แค่อ่านแมสเสจทำไมต้องลุกออกไปด้วยนะ วันนี้นายนี่ท่าทางแปลก ๆ มีพิรุธขึ้นทุกที.....
.
.
ทิวไผ่โมโหจนตัวสั่น สิ่งที่เขากลัวและไม่เคยปารถนา ในที่สุดมันก็เกิดขึ้นแล้ว เมื่อเห็นภาพที่เขาและต้นข้าวกำลังยืนกอดกันกลมอยู่ในห้องน้ำของคณะในเย็นวันนั้น
ใครกันนะที่ทำแบบนี้ ต้องเป็นมันแน่ ๆ ไอ้คนมุมตึกนั่น แล้วมันเป็นใคร ต้องการอะไร หรือว่าจะเป็น......

“ฮัลโหล หวัดดีค่ะไผ่ คิดถึงเข็มมากเลยเหรอคะ ถึงโทรมาได้น่ะ” ปานฝันรับสายและพูดเสียงระรื่น

“เข็มทำแบบนี้ทำไม ผมทำอะไรให้เข็มไม่พอใจหรือเปล่า ทำไมเข็มต้องทำแบบนี้” ทิวไผ่ตอบกลับดุดันท่าทางเอาเรื่อง

“...ไผ่พูดอะไรคะ เข็มงง”

“อย่ามาทำบ้องแบ๊ว ถ้าไม่ใช่เข็มแล้วจะเป็นใคร เป็นเพราะผมปฏิเสธเข็มใช่ไหม ถ้าเข็มโกรธผม เกลียดผม ก็ทำกับผมคนเดียวสิ ทำไมต้องทำร้าย..... ทำร้าย คนอื่นที่เค้าไม่เกี่ยวข้องด้วย” หนุ่มหน้าเข้มบริภาษเพื่อนสาวชุดใหญ่

“นี่ไผ่คะ มีหลักฐานอะไรมาโบ้ยเข็มอย่างนี้ได้ไงคะ ตัวเองไปสร้างศัตรูหรือทำให้คนเค้าหมั่นไส้ไว้ที่ไหนบ้างก็ไม่รู้ อยู่ ๆ มาด่า ๆ ๆ เข็มแบบเนี๊ยะ ไม่แฟร์เลยนะคะ ส่วนอีเรื่องนั้นน่ะ เข็มไม่เคยเก็บมาใส่หัวให้รกสมองเปล่า ๆ หรอกค่ะ แล้วเข็มก็ไม่ได้รู้เรื่องทำร้ายใครคนนั้นของไผ่อะไรนั่นด้วย มาด่าผู้หญิงแบบนี้ไม่ค่อยแมนเลยนะคะ อ้อ...ลืมไป ไผ่ก็ไม่ได้แมนจริง ๆ นี่นะ หึ หึ หวัดดีค่ะ” ‘…ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด...’
 ปานฝันตอกกลับจนทิวไผ่ได้แต่นิ่งอึ้ง

“ปั๊ดโธ่เว้ย...อะไรกันนักกันหนาวะ”...ถ้าไม่ใช่เธอแล้วจะเป็นใคร ก็ทุกอย่างมันทำให้เชื่ออย่างนั้นนี่.... หนุ่มหน้าเข้มสบถอย่างหัวเสีย
.
.
ทิวไผ่พยายามควบคุมสติอารมณ์ให้เย็นลง ก่อนเดินกลับเข้ามาในร้าน

 “ต้น เรากลับกันเถอะ” ...ยังไงของนายเนี่ย....
“.............” หนุ่มนายใสได้แต่ทำหน้างง ๆ

“ขอโทษนะครับพี่น้ำ ผมมีธุระด่วนต้องไปทำ ฝากพี่ดูแลฟ้าด้วยนะครับ” ทิวไผ่ล่ำลาก่อนจะจูงมือต้นข้าวเดินออกมาอย่างรวดเร็ว
ทิวไผ่ขับรถมอเตอร์ไซค์พาต้นข้าวตรงดิ่งมายังสวนสาธารณะประจำมหาวิทยาลัย บรรยากาศยามค่ำคืนที่นี่ค่อนข้างเย็นสบาย มีดวงไฟสปอร์ตไลท์บนเสาขนาดใหญ่ให้แสงสว่างเล็ดลอดทิวหมู่แมกไม้พอเลือนราง
เขาพาหนุ่มร่างบางมานั่งยังมุมสงบมุมหนึ่ง

...เนี่ยนะธุระด่วนของนาย...  ต้นข้าวพึมพำในใจ และชำเลืองมองหนุ่มหน้าเข้มที่นั่งกอดเข่าแหงนหน้ามองดวงดาวบนท้องฟ้าอย่างเหม่อลอย  หนุ่มหน้าใสถอนหายใจ ทิวไผ่ต้องมีอะไรไม่สบายใจแน่ ๆ เขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน และมันคงจะเป็นปัญหาใหญ่หนักอกของเขาทีเดียว

ต้นข้าวเลือกที่เงียบไม่พูดอะไร ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของสายลมเย็นพัดโชยทำให้เขาสบายใจขึ้นเองดีกว่า ส่วนเขาจะขอนั่งเป็นกำลังใจอยู่เคียงข้าง
หนุ่มร่างบางขยับเข้าไปนั่งชันเข่าข้าง ๆ เขา แล้วโน้มศีรษะลงพิงไหล่หนาแกร่งนั้น ทิวไผ่ยกแขนข้างนั้นโอบไหล่ต้นข้าวไว้ ก่อนจะหันมาสบตา แววตาเศร้า กังวล และสับสนวุ่นวาย ของเขาทำเอาต้นข้าวห่อเหี่ยวใจและรู้สึกทุกข์ไปกับเขาด้วยอย่างบอกไม่ถูก แต่ต้นข้าวก็ส่งกำลังใจอย่างเปี่ยมล้นผ่านดวงตาคู่สวยนั้นตอบกลับไป

“ต้นครับ ไม่ว่าอะไรเกิดขึ้นก็ตาม ผมจะรัก และพร้อมที่จะปกป้องต้นเสมอนะครับ” ทิวไผ่พูดขึ้นหลังจากนิ่งเงียบอยู่นาน แววตาเมื่อซักครู่ดูเปี่ยมด้วยความรักและความห่วงใย เปล่งประกายความเข้มแข็งและมั่นคง ก่อนจะแปลเปลี่ยนเป็นความไม่แน่ใจ

“เรา ก็จะ...รัก ไผ่ตลอดไปนะ” และแล้วแววตาแห่งความมุ่งมั่นก็เข้ามาแทนที่ในดวงตาของหนุ่มหล่อ เขากระชับวงแขนแน่นขึ้น สองหนุ่มมองขึ้นไปบนฟากฟ้า หมู่ดาวน้อยใหญ่ในฟ้ากว้างกำลังส่งแสงระยิบระยับให้กำลังใจพวกเขา พร้อมที่จะฝ่าฟันอุปสรรคขวากหนามต่าง ๆ เพื่อ ไปให้ถึงจุดหมายแห่งรักด้วยกัน


...
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 18-06-2007 05:45:21
ความรักที่มั่นคง จะเป็นยันต์ป้องกันภัยที่มาทำลายรัก  o13
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: CorNnE PRiNCeS ที่ 18-06-2007 06:42:32
ฮิจัง :sad5: ก้อมาด้ว :sad3:ย หรอ  :confuse:


มาอยู่ด้วยกัน ที่นี่สนุกดี


 :give2: :impress2: :like6:


....หวัดดีคับ โจลี่.... อิอิ ผมมะได้เข้ามาบ่อยหรอกคับ นาน ๆเข้ามาดูที พี่กานต์เค้าเอามาโพสต์ให้อ่ะคับ.... :laugh3:

....หวัดดีทุก ๆ คนด้วยนะค้าบบบ...ไงว่าง ๆ จะเข้ามาบ่อย ๆ นะฮะ....เทอมผมเรียน เสาร์-อาทิตย์ หยุดวันศุกร์วันเดียว เหนื่อยมากมาย....เฮ่อ.... :o11:





จำได้ด้วยว่าเราเป็นใคร

 :impress: :impress: :impress:

แสนรู้จังนะ

 :sad3: :sad3: :sad3:

แซมมี่ที่รัก

 o13 :give2: :like6: :o8:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 18-06-2007 08:54:05
เฮ้อ เมฆดำเริ่มคืบคลานเข้ามาแล้วอ่ะ

หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: tor13 ที่ 18-06-2007 10:20:27
ไม่อาวไม่ชอบให้เขียนแบบนี้ไม่อาวไม่อาว o9 o9 o9 o9 o9 o9
 :angry2: :angry2: :angry2: :angry2: :angry2: :angry2:
 น่ะอ่านมาหลายเรื่องแล้วแบบนี้เอารูปมาแบล็กเมแล้วก็บังคับผู้ชายไปนอนด้วยหรืออะไรซักอย่าง
ที่ทำให้ต้นข้าวเสียใจไม่เอาน่ะ :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 18-06-2007 15:10:01
ชิส์

ชะนีนี่นี้จิงๆ

แล้วชะนีแรดๆ นี้ก็น่านัก

 :pigangry2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Daow ที่ 18-06-2007 19:11:06
ฆ่านังชะนีนั่นหมดส้วมซ๊าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :angry2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: A GE ที่ 18-06-2007 19:19:53
 o12 o12  ตกลงเปนใครส่งรูปมากันแน่ครับเนี่ยะ  หวังว่าไผ่คงไม่ต้องทำอะไรที่มันฝืนใจตัวเองเกินไปนะครับ :เฮ้อ: :เฮ้อ:

จริงๆผมว่ามีเรื่องอย่างนี้น่าจะปรึกษากะต้นให้รับรู้ไว้  ดีกว่าพยายามแก้ไขคนเดียว  เหนไม่รอดสักราย :try2: :try2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 18-06-2007 20:23:12
หุหุ ลางร้ายมาแล้ววววววววววว  o22  o22
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 18-06-2007 20:44:49
มาเป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: sabishiikant ที่ 19-06-2007 04:40:19
เช้าวันนี้บรรยากาศสลัว ๆ พิกล ท้องฟ้าค่อนข้างมืดครึ้ม เต็มไปด้วยเมฆหมอก หรือว่าฝนจะตกในฤดูหนาว ไม่ต่างอะไรกับจิตใจของทิวไผ่ เขาไม่รู้สึกสบายใจกับวันใหม่นี้อย่างบอกไม่ถูก เพราะตื่นเช้ามาตาขวาก็กระตุกรับอรุณซะแล้ว มันมีลางสังหรณ์ยังไงไม่รู้
ทิวไผ่มองไปยังเตียงต้นข้าว หนุ่มร่างบางกำลังหลับปุ๋ย คอยให้คนอื่นปลุกเช่นทุกวัน พร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ จะเผชิญกับเรื่องเลวร้ายอะไร ตัวเขาเองไม่เคยหวั่นวิตก แต่เขาแคร์และเป็นห่วงความรู้สึกคนที่เขารักมากกว่า
ถัดมาข้าง ๆ เป็นเตียงสายฟ้า หนุ่มร่างเล็กเริ่มรู้สึกตัวตื่นบ้างแล้ว

“อรุณสวัสดิ์ครับฟ้า”

“รุณสวัสดิ์ครับ ไผ่ตื่นนานแล้วเหรอครับ”

“พึ่งตื่นเมื่อกี้เองครับ”

“บรรยากาศเช้าวันนี้ไม่อยากจะตื่นเลยนะครับ ท้องฟ้าไม่แจ่มใสเลย ดูเจ้าต้นสิ ยิ่งแบบนี้คงไม่ตื่นง่าย ๆ ล่ะ” สายฟ้าหันไปมองเพื่อนรักที่กำลังนอนอุตุไม่ยอมลุก

“หึ หึ ครับ...” ทิวไผ่หัวเราะในลำคออย่างยอมรับนิสัยขี้เซาของหนุ่มหน้าใส

“ต้น ๆ ตื่นได้แล้ว จะมีซักวันไหมที่ไม่ต้องปลุกนายเนี่ย สงสัยวันนั้นคงฝนตก แดดออก ลมหนาวพัดกระหน่ำในวันเดียวกันแน่ ๆ”

“งือ...บ่นไรแต่เช้าของนายนะฟ้า...ง่วง...”

“จะลุกไหม เดี๋ยวอุ้มไปอาบน้ำต่อหน้าฟ้าเลยนี่” ไม้เด็ดยังคงใช้ได้เป็นผลสำเร็จเช่นเคย ทิวไผ่พูดไม่ทันขาดคำ ต้นข้าวลุกงัวเงีย นั่งหน้าบึ้งไม่ยอมลืมตาและค่อย ๆ เก็บที่หลับที่นอนอย่างขัดใจ
.
.
ทิวไผ่และต้นข้าวเดินเข้าตึกคณะก็ต้องพบกับแปลกใจที่ทุกคนที่เดินผ่านต่างมองเขาสองคนด้วยสายตาแปลก ๆ และความสงสัยยิ่งหนักเข้าไปอีกเมื่อเห็นคนอื่น ๆ กำลังมุงดูอะไรบางอย่างอยู่ที่ป้ายประกาศประชาสัมพันธ์ของคณะ

“ต้นรออยู่ตรงนี้นะ เดี๋ยวผมเข้าไปดูเองว่ามีอะไร”  ...ถึงได้มุงกันนักกันหนา.....

เพื่อน ๆ ทั้งรุ่นพี่ รุ่นน้อง ชายหญิงที่มุงอยู่เมื่อเห็นหน้าเขา ต่างพากันจ้องมองอย่างแปลก ๆ หลายคนรีบเดินเลี่ยงหลบออกไปจากวงไทยมุงทันที โดยเฉพาะผู้หญิง ส่วนผู้ชายบางคนก็เดินออกไปแบบไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก ....มีอะไรกันแน่....

‘....อะไรกัน....ภาพพวกนี้มาได้ไง....’ ทิวไผ่นิ่งอึ้ง สิ่งที่เห็นทำให้ ความโกรธ ความโมโห และความสับสนวุ่นวายวิ่งเข้าปะทะเขาอย่างหนัก ถึงแม้มันจะเป็นภาพขาวดำปริ๊นส์ด้วยกระดาษ เอ4 และคาดตาคนในภาพด้วยแถบดำก็ตาม แต่ทุกอย่างมันก็บ่งบอกอยู่ว่าเป็นเขากับต้นข้าว ตั้งแต่อยู่ในห้องน้ำเย็นเมื่อวันนั้น กินข้าวด้วยกันที่ร้านหลัง ม. คลอเคลียกันที่เทเลทับบี้ ตลอดจนที่ร้านสเวนเซ่น บิ๊กซี ที่เขารู้สึกว่ามีใครคอยจ้องมองตลอดเวลา ทั้งตอนที่เขาเรียนและตอนไปไหนมาไหนกับต้น มันเป็นอย่างนี้เองใช่ไหม และมันต้องเป็นคนในเอกเดียวกับเขาด้วย

....เข็ม ทำแบบนี้มันจะมากไปแล้ว....

ทิวไผ่กระชากภาพพวกนั้นออกจากบอร์ด แล้วขยำทิ้งจนไม่เป็นชิ้นดี เขาจ้องตอบคนที่จ้องมองและจับกลุ่มกันซุบซิบ ด้วยใบหน้าเรียบเฉย แต่สายตากลับฉายแววเกรี้ยวโกรธอย่างมาก จนคนพวกนั้นต้องหลบตากันไปตาม ๆ กัน โชคดีที่ยังเช้าอยู่คนยังไม่ค่อยเยอะ แต่ถ้าพูดปากต่อปากคงรู้กันทั้งคณะ แล้วก็ทั้งมหา’ลัยในไม่ช้าแน่

“ไผ่มีอะไรเหรอ ทำไมทุกคนมองเราแบบแปลก ๆ” ต้นข้าวเอ่ยถามขึ้นอย่างสงสัย เมื่อทิวไผ่เดินกลับมาหา เขาไม่ตอบ แต่กลับจูงมือต้นข้าวเดินออกไปสตาร์ทรถเครื่องขับออกจากคณะไปอย่างรวดเร็ว ต้นข้าวรับรู้ได้ถึงแววตาที่น่ากลัวของเขา ….มันต้องมีอะไรที่เกิดขึ้นแน่ ๆ...

“ไผ่ เราจะไปไหนกัน” ต้นข้าวถามขึ้นหลังจากนิ่งเงียบอยู่นาน...

“กลับหอ” หนุ่มหน้าเข้มตอบเสียงห้วน และเย็นชา แต่น้ำเสียงแฝงไว้ด้วยความขุ่นเคือง
.
.
“ไผ่ อธิบายให้เราเข้าใจหน่อยได้ไหม ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่” ต้นข้าวยิงคำถามทันทีที่กลับมาถึงห้องพัก เขาจะไม่ปล่อยให้ทุกอย่างเงียบต่อไปอีกแล้ว

ทิวไผ่เงียบขรึม เขานั่งลงที่ขอบเตียงก้มหน้านิ่ง ความคิดสับสนวุ่นวายปนเปกันในสมองตีกันให้ยุ่งไปหมด
“….ไม่มีอะไร วันนี้เราจะไม่ไปเรียนกัน”

“ทำไม!... เพราะอะไร มีอะไรกันแน่ ไผ่บอกเราสิ อย่าปิดหูปิดตากันได้ไหม” ต้นข้าวเริ่มเสียงดัง เขารู้สึกอึดอัดที่ตัวเองเหมือนถูกปิดบังอะไรบางอย่างอยู่

“บอกว่าไม่มีอะไรก็ไม่มีอะไรสิ หูแตกรึไง” ทิวไผ่เงยหน้าตวาดใส่หนุ่มหน้าใสที่ยืนอยู่ตรงหน้าอย่างเสียงดัง จนต้นข้าวสะดุ้ง

“.....................”

‘...นายนี่ตวาดเราเหรอ...’ ต้นข้าวสะอึก รู้สึกปวดหัวใจเหมือนถูกบดขยี้ เขายืนจ้องหน้าทิวไผ่นิ่ง ดวงตาคู่สวยฉายแววโกรธ น้อยใจ และตัดพ้อ หนุ่มร่างบางกัดริมฝีปากแน่น น้ำอุ่น ๆ เริ่มเอ่อล้นออกมาปริ่มที่ขอบตา และหยดติ๋งลงบนพื้นห้อง พร้อมกับอาการสะอื้นที่พยายามสะกดกั้นไว้

ทิวไผ่ใจหล่นวูบ เขาถลาเขากอดร่างบางนั้นไว้แน่น เขาพลาดอีกแล้ว พลาดที่ผิดสัญญาว่าจะไม่ทำร้ายน้ำใจของต้นข้าวอีกเป็นครั้งที่สอง

“ต้น...ผมขอโทษ ผมผิดไปแล้ว ที่ทำให้ต้นร้องไห้อีก ผมรักต้นนะครับ” ทิวไผ่ปลอบประโลมด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยอย่างสำนึกผิด

“แล้ว...แล้วทำไม ทำไมนายต้องตะคอก ใส่หน้าเราด้วย....ฮึ่ก ๆ” ต้นข้าวพยายามพูดสะอึกสะอื้นทั้งน้ำตาที่ตอนนี้ปล่อยให้มันไหลพรั่งพรูออกมาอย่างไม่อาจกั้น จนทิวไผ่น้ำตาคลอด้วยความรู้สึกผิด

“ผ ผม...ผมขอโทษ ผมโมโห มันสับสนวุ่นวายปวดหัวจนตื้อไปหมด ผมสาบานผมจะไม่ทำให้ตนเสียใจอีก” ทิวไผ่พูดละล่ำละลัก พร้อมกระชับอ้อมกอดแน่นเข้า

“แล้วนายมีเรื่องกลุ้มใจอะไร ทำไมไม่บอกเรา”

“ผมไม่อยากให้ต้นต้องไม่สบายใจไปด้วย เพราะตอนนี้ ผมก็ทำอะไรไม่ถูกแล้ว” ต้นข้าวพยายามผลักร่างหนาแกร่งที่กอดแน่นนั้นออกแล้วเงยหน้าที่เปื้อนคาบน้ำตาและดวงที่แดงก่ำขึ้นสบตากับเขา

“ไผ่... ไผ่รักเราใช่ไหม ไผ่เชื่อใจเราไหม”

“ครับ ผมเชื่อใจต้นเสมอ”

“งั้นนายก็บอกมาสิ มันเกิดอะไรขึ้น”

“คือ...” ต้นข้าวรอคอยคำพูดที่จะหลุดออกจากริมฝีปากนั่นอย่างใจจดใจจ่อ เขาพร้อมที่จะแชร์ความรู้สึกกับทิวไผ่เสมอ คิดจะรักกันแล้ว ไม่ว่าจะทุกข์หรือสุข ก็ต้องฝ่าฟันและเสพสมมันไปด้วยกันสิ

“คือ มีคนแบล็คเมล์เรา มันเอารูปของเราไปแปะบอร์ดคณะ” ต้นข้าวถึงกับหน้ามืดเข่าอ่อนยวบ
“ต้น ต้น...” ทิวไผ่รีบประคองร่างของต้นข้าวไว้
“ผมขอโทษ ที่ทำให้ต้นต้องเสียหายและถูกคนดูถูกดูแคลนไปกับผมด้วย ผมมันแย่ ผมมันเห็นแก่ตัว ถ้าไม่ใช่เพราะผม ต้นคงไม่ต้องมาลำบากแบบนี้ แถมยังปกป้องต้นไม่ได้เลย ฮึ่ก ๆ...”

ต้นข้าวพยายามตั้งสติถึงแม้ว่าตอนนี้สมองของเขาจะด้านชาไปชั่วขณะ คิดอะไรไม่ออกทำอะไรไม่ถูกไปอีกคนแล้วก็ตาม
“ไผ่...อย่าร้องไห้สิ นายต้องเข้มแข็งนะ นายจะต้องปกป้องเราได้” ต้นข้าวเงยหน้าสบตากับทิวไผ่ สองมือเรียว ประคองดวงหน้าหล่อเหลานั้นไว้ แล้วปลอบประโลมทิวไผ่ ทั้งที่ตัวเองก็ยังตาแดงก่ำ หนุ่มร่างบางเขย่งตัวขึ้นจูบที่ริมฝีปากเขาเบา ๆ อย่างให้กำลังซึ่งกันและกัน ก่อนสวมกอดร่างแกร่งนั้นไว้ แล้วซบใบหน้าเนียนกับอกอบอุ่นของเขา

“เราจะสู้ด้วยกันนะ ไม่ว่าเราจะต้องเผชิญกับอะไรที่หนักหนาสาหัสเพียงใดก็ตาม”

ทิวไผ่ยิ้มทั้งน้ำตาเมื่อเห็นคนที่เขารัก ไม่โกรธ และไม่ทอดทิ้งเขา เหมือนมีแรงบันดาลใจมหาศาลที่จะช่วยให้เขาพร้อมที่จะลุกขึ้นสู้ต่อไป

...


‘……ตึ๊ด ตึ๊ด ตึ๊ด ตึ๊ด .....I need some--- .....’  ......ใครโทรมาตอนนี้วะ คนกำลังเรียนอยู่ แม่ง.....

“หวัดดีนาย เราทำงานเรียบร้อยแล้วนะ เย็นนี้เอาค่าจ้างส่วนที่เหลือมาจ่ายด้วย ที่เก่าเวลาเดิม”

“เออ ๆ ๆ....” ...หึ หึ ดูซิจะรักกันมากขนาดไหน...

...
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 19-06-2007 06:27:08
 o12 o12 o12 o12
ฝีมือใครเนี่ย
น่าจับโบกปูดถ่วงทะเลจริงๆ
 :angry2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: nanao ที่ 19-06-2007 07:30:05
ใครหว่า - -"
ตัวละครลึกลับ   o12
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 19-06-2007 08:53:08
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: tor13 ที่ 19-06-2007 09:34:20
ใคร ใคร ใคร ใคร ใคร ใคร ใคร ใคร ใคร ใคร ใคร ใคร ใคร
ไม่ต้องไปแคร์เปิดตัวไปเลยน้อง :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 19-06-2007 12:37:32
ใครหว่า  :confuse:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 19-06-2007 16:58:51
ใครฟร่ะ

เลวมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

 :angry2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: A GE ที่ 19-06-2007 18:58:24
 :confuse: :confuse:  จริงๆก็ไม่เห็นต้องสนใจคนอื่นนี่ครับ  ไหนๆก็รู้แล้วทำไมไม่เปิดตัวไปเลยอ่ะครับ  น่ารักดีออก :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 19-06-2007 19:06:53
บุรุษปริศนา  :m7:  :m7:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 19-06-2007 20:51:10
ร้ายกาจมากมายเลย

อย่าให้คนที่ทำนะ ไม่งั้น................

สงสารทั้งคู่จังเลย  :m15:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 19-06-2007 20:53:43
ใครอ่ะที่ทำแบบนี้เข็มเหรอ แต่ทำไมโดนเรียกว่านายล่ะ

ยังกับผู้ชายเลย โอ้ย งง!! ใครกันแน่ว่ะเนี่ย o12 ที่ทำแบบเนี่ย
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: FOAM ที่ 19-06-2007 20:58:05
ใครบังอาจทำแบบนี้กับต้นไผ่  ??????

อย่าให้เจอนะ น่าดู.....

ว่าแต่น้องเข็มนี่  น่ากลัวแฮะ  เห็นใสซื่อ ไม่น่าเล้ยยยยย  o12 o12 o12 o12 o12 o12 o12
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: sabishiikant ที่ 20-06-2007 03:35:06
“หวัดดีครับพ่อ เรียกผมกลับบ้านด่วนมีอะไรหรือเปล่าครับ”

“เอาไป แหกตาดูซะ” ร้อยตำรวจเอกหัสเทพ นายตำรวจวัยสี่สิบปลาย ๆ หน้าตาเคร่งขรึม โยนซองกระดาษสีน้ำตาลลงตรงหน้าบุตรชายของเขา

ทิวไผ่หยิบซองนั้นขึ้นมาเปิดออกดู

“...........” หนุ่มหล่อเบิกตาโพลงอย่างตกใจ เขานิ่งอึ้ง นี่มันรูปชุดเดียวกันกับที่เขากระชากมันลงจากบอร์ดที่คณะเมื่อเช้านี้ แต่ที่ต่างกันคือ มันไม่ได้เซ็นเซอร์คาดแถบดำที่ตาไว้ ทำให้เห็นใบหน้าคนในภาพอย่างชัดเจน

“แกจะแก้ตัวยังไง หลักฐานโจ่งแจ้งขนาดนี้ จะให้ชั้นเอาหน้าไปไว้ไหน” ผู้กองหัสเทพเริ่มขึ้นเสียงใส่บุตรชายอย่างควบคุมอารมณ์ไม่อยู่

“เอ่อ....คือ....เรา รัก กัน ครับพ่อ” ทิวไผ่ก้มหน้า พยายามเค้นคำพูดออกมาอย่างยากลำบาก

“เป็นไง งามหน้ามั้ยล่ะ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของพี่” แม่เลี้ยงตัวแสบพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน

“ไอ้ลูกไม่รักดี...” ‘ผั๊วะ!!!!...’ ทิวไผ่หน้าสะบัดไปตามแรงฝ่ามือหนา ๆของผู้เป็นบิดา เขารู้สึกปวดหนึบไปทั้งใบหน้าจนมึนชา และรับรู้ได้ถึงรสฝาดปะแล่ม ๆ ของเลือดที่ไหลซึมออกมาที่มุมปาก

“ไอ้ลูกทรพี เสียชาติเกิด ทำให้วงศ์ตระกูลเสื่อมเสียป่นปี้ย่อยยับหมด ถ้าชั้นตายไป แกจะให้ชั้นมองหน้าบรรพบุรุษได้ยังไง หากรู้ว่าโตมาแกจะเป็นแบบนี้ชั้นให้แม่แกเอาขี้เถ้ายัดปากแกไปนานแล้ว”

“...............” น้ำตาแห่งความน้อยเนื้อต่ำใจไหลอาบสองแก้มราวกับทำนบแตก

“ไม่ต้องมาทำสำออย ชั้นจะให้โอกาสแกไถ่บาปเป็นครั้งสุดท้าย เลิกยุ่งกับมันซะ แล้วชั้นจะไปทาบทามสู่ขอลูกสาวท่านรองผู้กำกับให้แกเอง”

“เสียเวลาเปล่าค่ะ ลองถ้าหมามันได้กินขี้แล้ว คงยากที่มันจะหันกลับมากินข้าวล่ะค่ะพี่” แม่เลี้ยงซึ่งไม่ค่อยจะชอบหน้าเขาอยู่แล้ว ได้ทีทับถมใหญ่

“เธอหุบปากไป พ่อลูกเค้าจะคุยกัน”

“มันทำงามหน้าถึงขนาดนี้แล้ว พี่ยังจะนับมันเป็นลูกอีกเหรอคะ”

“เธอไม่เกี่ยว ขึ้นไปดูลูกบนบ้านเลย ก่อนที่ชั้นจะเหลืออดกับเธอ”

“เชอะ...ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนคนเดียว กลายเป็นพวกวิปริตผิดเพศ คงภูมิใจมากซินะ”

“ปานวาด!” ผู้กองหัสเทพตะคอกชื่อภรรยาเสียงดัง ก่อนที่หล่อนจะเดินปัดตูดขึ้นไปดูแลลูกสาววัย 5 ขวบของตนอย่างขัดใจ

“ส่วนแกจะเอายังไง”

“.....พ่อครับ อย่าบังคับผมได้ไหม”

“ถ้าแกไม่เลิกกับมัน แกกับชั้นก็ไม่ต้องมาเรียกพ่อลูกกันอีก!...”

“พ่อครับ......” ทิวไผ่ทรุดลงนั่งคุกเข่าแทบเท้าผู้เป็นพ่อ ผู้กองหัสเทพไม่ยอมมองหน้าลูกที่กำลังส่งสายตาอย่างอ้อนวอน “…เรารักกันนะครับพ่อ พ่ออย่างบังคับจิตใจผมได้ไหม ฮึ่ก ๆ...”

“งั้น แก ก็ ไส หัว ไป” ผู้กองผู้สูงวัยพูดเน้นคำช้า ๆ อย่างเย็นชา ก่อนจะเปล่งเสียงตวาดลั่นตามมา
“ออกไปจากบ้านชั้นเดี๋ยวนี้!...”

“พ่อ.......” ทิวไผ่เกาะขาพ่อโอดครวญทั้งน้ำตา

“อย่างมาเรียกชั้นว่า พ่อ ชั้นไม่เคยมีลูกเป็น ตุ๊ด อย่างแก!...”

ผู้กองหัสเทพตะคอกเสียงดังลั่น ก่อนจะสะบัดขาอย่างแรงแต่ทิวไผ่ก็ไม่ยอมปล่อย กลับยิ่งกอดแน่นเข้า จนผู้สูงวัยเกิดอาการอ่อนแรง และหน้ามืด หนุ่มหน้าเข้มตกใจและเป็นห่วงผู้เป็นพ่อ เขาปล่อยมือและพยายามจะประคองบิดาไปนั่งที่โซฟา แต่กลับถูกผลักจนเซถลาออกมาก่อนที่ผู้กองจะเดินออกไปที่หน้าบ้านแล้วขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว
ทิวไผ่มองตามรถไปอย่างรู้สึกเป็นห่วง ก่อนจะหันไปมองรอบ ๆ บ้านที่เป็นห้องแฟลตอย่างอาลัยต่อไปเขาคงจะไม่ได้กลับมาที่นี่อีกแล้ว ทิวไผ่หันไปเจอแม่เลี้ยงตัวแสบยืนยิ้มเยาะมองมาทางเขาอย่างดูแคลนอยู่ที่บันได
“ฝากคุณน้าดูแล คุณพ่อผมด้วยนะครับ”

ก่อนทิวไผ่จะเดินก้มหน้าออกไปอย่างเศร้าสร้อย ขับมอเตอร์ไซค์ไปตามท้องถนนอย่างใจลอยไร้จุดหมาย

หนุ่มหน้าเข้มนั่งกอดเข่ามองกระแสน้ำในแม่น้ำน่านที่บิดตัวม้วนเป็นเกลียวไหลเอื่อย ๆ อย่างใจลอย ตอนนี้ไม่เหลือใครอีกแล้วเขา ถูกพรากแม่ผู้เป็นที่รักไป ด้วยอุบัติเหตุเมื่อหลายปีก่อน วันนี้เขาต้องเสียพ่อที่เขารักและเคารพ ผู้ที่คอยอุปถัมภ์ค้ำชูเขามาตลอดไปอีกคน เพียงเพราะเขาเลือกที่จะแคร์ความรู้สึกของตัวเอง มากกว่าครอบครัวหรือสังคมรอบข้าง
ทิวไผ่รู้สึกเหงาและว้าเหว่เหลือเกิน เวลาแบบนี้เขาต้องการใครซักคอยคอยให้กำลังใจอยู่ข้าง ๆ จริงสิ ต้น....

ลืมไปสนิทเลยตอนเราออกมา เราทิ้งต้นไว้ที่ห้องคนเดียวนี่

“..............” ต้นไปไหนนะทำไมไม่รับสาย ลองโทรหาฟ้าซิ

“หวัดดีครับฟ้า ต้นอยู่ห้องไหม”

“อ๋อ ไม่อยู่ครับ ตอนฟ้ากลับมาไม่เห็นมีใครอยู่ห้องเลย แต่มีโน้ตทิ้งไว้ว่ากลับบ้านนะ”

.......หืม กลับบ้านเหรอ..........

...


“ทำไมแกทำแบบนี้ ห๊ะต้น ทำไมแกไม่คิดจะที่รักษาหน้าพ่อกับแม่บ้าง” อรรณพตวาดลูกชายอย่างกราดเกรี้ยว จนต้นข้าวหวาดกลัวเพราะไม่เคยเห็นพ่อของเขาเป็นแบบนี้มาก่อน

“.... ต้น ต้นไม่รู้...ฮึ่ก ๆ...” ต้นข้าวสวมกอดผู้เป็นแม่ร้องไห้โฮ เขาตกใจมากและสับสนไปหมดเมื่อได้เห็นภาพพวกนั้น เขาไปทำอะไรให้ใครจงเกลียดจงชังที่ไหน ทำไมต้องทำลายกันถึงขนาดนี้

“ภาพก็เห็นอยู่ทนโท่ กอดจูบกับผู้ชาย แล้วแกยังจะบอกว่าไม่รู้อะไรอีก...”

“พอเถอะคุณ อย่าคาดคั้นลูกได้มั้ย ชั้นขอร้อง แค่นี้ลูกก็เสียขวัญมากพอแล้ว” เกศสินีออกรับหน้าแทนลูกชายสุดที่รักของเธอ พร้อมลูบหัวปลอมประโลมเบา ๆ

“ก็คุณเป็นซะอย่างเงี๊ยะ ให้ท้ายลูกมันทุกอย่าง แล้วเป็นไง ถึงขนาดนี้แล้วยังจะโอ๋อีกเหรอ”

“....พ่อครับ แม่ครับ ต้นขอโทษ ต้นสับสน ไม่รู้เพราะอะไร แต่เวลาต้นอยู่กับเขา ไผ่เค้าทำให้ต้นมีความสุข ต้น ๆ ต้นก็เลย.....”

“ความสุขบ้าอะไรของแก ที่พ่อกับแม่ให้แกทุกอย่างมาแต่เล็กจนโตนี่ไม่ใช่ความสุขใช่มั้ย”

“คุณ ลูกน่ะเราเลี้ยงได้แต่ตัวเค้านะคะ เราเลี้ยงจิตใจและความรู้สึกเค้าไม่ได้หรอกค่ะ”

“พอ! เกด ให้ลูกมันพูดเอง”

“...พ่อครับ ต้น... ต้นรักเค้า...ต้นขอโทษ แต่ต้นรู้สึกอย่างนั้น....” ต้นข้าวตัดสินใจพูดความรู้สึกที่ออกมาจากใจจริงให้ผู้เป็นพ่อได้รับรู้

“แก!...ไอ่...!”  อรรณพสะอึก เมื่อได้ยินคำพูดแสลงใจจากปากลูกชายคนเดียวของเขา

‘.........กริ๊งงง..... กริ๊งงง........’

“เกด ออกไปดูซิใครมาทำอะไรตอนนี้ ไล่กลับไปได้ยิ่งดี ไม่มีอารมณ์จะรับแขก”
.
.
เกศสินีจ้องมองหนุ่มร่างสูงที่ยืนแววตาเศร้าสร้อย ดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าและริมฝีปากมีรอยบวม นายคนนี้ที่เคยมาหาต้นข้าวกับสายฟ้าที่บ้าน คนเดียวกับคนในรูปนั่น “นาย... ไผ่ใช่ไหม”

“สวัสดีครับคุณแม่ ต้นอยู่มั้ยครับ”

“เอ่อ...ต้น”

‘...เพล้ง!!!...’ เกศสินีและทิวไผ่สะดุ้งเกือบจะพร้อมกัน เธอหันหลังวิ่งเข้าบ้านทันที ทิวไผ่ถือวิสาสะวิ่งตามเข้ามาด้วยความเป็นห่วงต้นข้าว

“คุณอรรณพ!...คุณตีลูกชั้นทำไม”

เกศสินีอุทานเสียงดัง เมื่อเห็นเศษแจกันดอกไม้บนโต๊ะรับแขกแตกกระจัดกระจายเกลื่อนพื้น ขณะที่ต้นข้าวนั่งกองอยู่กับพื้น เกศสินี ถลาเข้าหาลูกชาย โดยมีทิวไผ่ตามเข้ามาคุกเข่าอยู่ข้าง ๆ อย่างห่วงใย เธอลูบไล้ใบหน้าเนียนที่บวมแดงเป็นรอยฝ่ามือ

“ทำไมผมจะตีมันไม่ได้ มันก็ลูกผมเหมือนกัน ลองถามลูกชายคุณดูสิ เพราะอะไร”

“...ฮึ่ก ๆ ฮืออ... พ่อจะให้ต้นเลิกกับไผ่…” ต้นข้าวสวมกอดมารดา และแปลกใจที่เห็นทิวไผ่มานั่งอยู่ข้าง ๆ
“คุณพ่อครับ อย่าทำร้ายต้นเลยนะครับ ผมขอร้อง ถ้าจะทำ ทำผมแทนดีกว่า” ทิวไผ่ลุกขึ้นยืนเผชิญหน้ากับผู้เป็นเจ้าของบ้าน

“แล้วแกเป็นใคร มายุ่งอะไรกับเรื่องภายในครอบครัวชั้น อ้อ หน้าคุ้น ๆ แกเองซินะ ที่ทำให้ลูกชายชั้นเป็นแบบนี้ ได้ งั้นแกต้องรับผิดชอบ” ‘…ผั๊วะ...’ หมัดลุ่น ๆ วิ่งเข้ากระทบใบหน้าหล่อเหลานั่นซ้ำรอยบวมที่มีอยู่ก่อนแล้ว จนทิวไผ่เซถลา ปวดหนึบไปทั้งใบหน้า เลือดสด ๆ สีแดงเข้มไหลย้อยออกมาเป็นทางที่มุมปาก

“พ่อ อย่า....ฮืออ... ต้นขอ อ อ ร้อง ง ง ง....อย่าทำไผ่....ฮึ่ก ๆ ๆ ไผ่ไม่เกี่ยว ว ว ...ฮือ...ฮือออ...” ต้นข้าวร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างหนักกระโดดเข้าขวางอรรณพที่กำลังเดินเข้าไปจะต่อยซ้ำ

“นี่แกกล้า ออกรับแทนมันเหรอ ไอ้ลูกไม่รักดี!...” ดวงหน้าเนียนสะบัดไปตามแรงมือ คราวนี้ต้นข้าวรับรู้ถึงรสเค็มของเลือดได้อย่างชัดเจนเมื่อถูกตบเข้าอีกฉาด ทิวไผ่เหวี่ยงตัวต้นข้าวหลบออกไป

“คุณ อย่า.... อย่าทำร้ายลูกกับใครอีกเลย...” เกศสินี วิ่งปราดเข้ารั้งตัวสามีไว้ทั้งน้ำตา หลังจากยืนอึ้งอยู่กับเหตุการณ์เมื่อชั่วครู่ ก่อนที่อรรณพจะได้ทันต่อยซ้ำเข้าที่ใบหน้าหล่อเข้มนั้นเป็นครั้งที่สอง

อรรณพโมโหสุดขีด แต่ก็อดสงสารลูกชายไม่ได้ที่เขาทำรุนแรงลงไป

“ไผ่...เป็นอะไรมากไหม ไผ่มาที่นี่ทำไม ฮึ่ก ๆ...” ต้นข้าวเข้าไปเช็ดเลือดที่มุมปากให้ทิวไผ่

“ผมเป็นห่วงต้น เลยตามมา”

อรรณพทนไม่ได้กับภาพบาดตาบาดใจที่ลูกชายสุดที่รักคนเดียวของเขา เข้าไปดูแลไอ้หนุ่มคนนั้นอย่างห่วงหาอาทรต่อหน้าต่อตา
“แกออกจากบ้านชั้นไป ก่อนที่ชั้นจะเรียกตำรวจ ส่วนแกมานี่” อรรณพฉุดข้อมือของต้นข้าวแล้วลากขึ้นไปบนบ้าน
“ไม่ไป๊....ไผ่ ช่วยเราด้วย ...ฮือ ๆ” หนุ่มร่างบางรั้งใช้อีกข้างรั้งมือของทิวไผ่ไว้ เขารู้สึกสงสารต้นข้าวอย่างจับใจจนน้ำตาไหลนองสองข้างแก้ม แต่ก็ต้องจำใจปล่อยมือออก เพราะเชื่อว่ายังไงอรรณพคงไม่ทำร้ายลูกชายตัวเองไปมากกว่านี้ เขาได้แต่มองคนรักถูกผู้เป็นพ่อลากขึ้นบ้านไปอย่างอาลัยอาวรณ์

เกศสินีปราดคาบน้ำตาออกก่อนจะหันไปพูดกับคนรักของลูกชาย “แม่ว่า ลูกไผ่กลับบ้านไปก่อนนะ เดี๋ยวแม่ดูแลต้นเอง”

“ผมไม่มีที่ไปแล้วครับคุณแม่ พ่อไล่ผมออกจากบ้านแล้ว...” ทิวไผ่บอกความจริงไปทั้งน้ำตา มันยิ่งทำให้เกศสินีสะเทือนอารมณ์และเกิดความสงสารลูกชายและหนุ่มน้อยร่างสูงอย่างจับจิต

“....งั้น....ลูกกลับหอพักไปก่อนก็ได้ แล้วเรามีตังค์ใช้ไหม เดี๋ยวเอากับแม่ไปก่อนแล้วกัน” เกศสินีหยิบธนบัตรแบงค์พันออกจากกระเป๋าตังค์ส่งให้เด็กหนุ่ม

“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่รบกวนคุณแม่ดีกว่า ฝากดูแลต้นด้วยนะครับ” ทิวไผ่เดินก้มหน้าออกไปอย่างเศร้าหมอง โดยมีเจ้าจอห์นนี่ กับบ๊อบบี้มายืนหน้าสลอนคอยส่งอยู่ที่หน้าประตูบ้าน

“ฝากดูแลเจ้านายแกด้วยนะ” มันสองตัวตอบรับโดยการเห่าแล้วกระดิกหางร้องหงิง ๆ เขายืนมองไปทางห้องนอนของต้นข้าวอยู่นาน ....รอเดี๋ยวนะเดี๋ยวเราจะมาหาใหม่.....ก่อนจะขับรถมอเตอร์ไซค์ออกไป
.
.
“ลูกเป็นไงบ้าง” อรรณพถามภรรยาถึงลูกชายของเขาด้วยความเป็นห่วง

“ร้องจนหลับไปแล้วล่ะค่ะ เฮ้อ....ทำไมมันวุ่นวายอย่างนี้นะ แล้วเราจะทำยังไงต่อไปดีคะ ชั้นว่าเราบังคับจิตใจลูกไม่ได้หรอก”

อรรณพนิ่งเงียบ เขาเสียใจที่พลั้งมือทำอะไรรุนแรงลงไป แต่ก็ยังรับไม่ได้อยู่ดีกับสิ่งที่มันเกิดขึ้นกับลูกชายคนเดียวของเขา


...
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 20-06-2007 11:28:01
 :dont2: :dont2: :dont2: :dont2: :dont2:

ไม่น่ะ ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย

ใคร..............มันเป็นใคร ทำแบบนี้ทำไม

 :fire: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: tor13 ที่ 20-06-2007 14:44:00
มันเป็นใครพวกเราบุก
 :fire: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire:
 :fire: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 20-06-2007 16:07:55
มาเป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Electrolyte ที่ 20-06-2007 17:16:50
สงสารต้นและไผ่จัง
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 20-06-2007 21:15:21
โอ้ยยยยยยยยยยยย เศร้าสุดๆเลยอ่ะ ทำไมความสุขมันผ่านไปเร็วแบบนี้ล่ะ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 20-06-2007 21:24:29
อุปสรรคครั้งใหญ่ที่ทิวไผ่และต้นข้าวต้องผ่านมันไปให้ได้
 :m2: :m2: :m2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 20-06-2007 21:28:30
น่าสงสารจังเลย  :dont2: ทำไมทำกันแบบนี้  :o12:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: FOAM ที่ 20-06-2007 22:20:31
ใครวะ   ใครๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ใครมันช่างกล้า  ทำแบบนี้

อย่าให้รู้นะเมิงงงงงงงงงงง        :fire: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire:

พ่อไม่เข้าใจลูกกันเล้ยยยยยยยยยยยยยย  เฮ้อ  ว่าแต่ พอ่เราก้อคงไม่เข้าใจเหมือนกันแฮะ  :m12: :m12: :m12: :m12: :m12:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 20-06-2007 22:26:00
น่าสงสารมาก

ทำไมเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นเนี่ย

สงสารทั้งคู่เลย อยากร้องไห้  :m15:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: A GE ที่ 21-06-2007 01:29:46
 :amen: :amen: สงบสติอารมณ์ก่อนเพื่อให้ต้นกะไผ่ผ่านพ้นช่วงนี้ไปได้  จากนั้น :angry2: :angry2: ค่อยสืบหาตัวต้นเรื่องแล้วก็เจี๋ยนซะเลยนะครับ :m12: :m12:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: sabishiikant ที่ 24-06-2007 18:01:32
“หวัดดีครับน้องฟ้า เย็นนี้ว่างไหมครับ พี่ว่าจะชวนเราไปกินข้าวน่ะครับ”

“เอ่อ....ขอโทษครับพี่น้ำ เผอิญตอนเย็นฟ้ามีธุระต้องไปทำ ไว้วันหลังละกันนะครับ” สายฟ้ารับโทรศัพท์ของรุ่นพี่หนุ่มก่อนจะปฏิเสธคำชักชวนไป

“ว้า...งั้นก็ได้ครับ เดี๋ยวเย็น ๆ พี่โทรหาอีกทีนะจ๊ะ”

“ครับพี่”
รุ่นพี่จอมตื๊อวางหูไปแล้ว พร้อมกับที่ทิวไผ่พาร่างค่อนข้าวสะบักสะบอมเข้ามาในห้อง

“ไผ่กลับมาแล้วหรอครับ นั่นหน้าไผ่ไปโดนอะไรมาครับ”

“....อุบัติเหตุนิดหน่อยนะครับ...” …ทำไมมันเหมือนโดนต่อยมามากกว่า ไปมีเรื่องกับใครมาหรือเปล่า...

“แล้วเป็นอะไรมากเปล่าครับเนี่ย”

“...แค่นี้ไกลหัวใจไม่ตายง่าย ๆ หรอกครับ”

“ต้นล่ะครับ เห็นบอกกลับบ้าน ไม่ได้กลับมาด้วยกันเหรอ”

“....... ต้นค้างที่บ้านน่ะครับ......” ทิวไผ่ นิ่งเงียบก่อนจะตอบไป เขายังไม่กล้าตัดสินใจบอกทุกอย่างกับสายฟ้า เพราะกลัวว่าจะพลอยทำให้หนุ่มร่างเล็กต้องพลอยเป็นทุกข์ กับเรื่องวุ่น ๆ นี้ไปด้วยอีกคน

“อืม...ครับ ไผ่ครับเดี๋ยวฟ้าออกไปธุระก่อนนะครับ ไผ่กินไรมายัง เดี๋ยวฟ้าจะซื้อมาฝาก”

“ไม่ล่ะครับ ขอบคุณครับ” ผมกินอะไรไม่ลงแล้ว เป็นห่วงต้นมากกว่า ลองโทรเบอร์ต้นดูซิ
.
.
“หวัดดีจ้ะ ลูกไผ่เหรอ”

“หวัดดีครับคุณแม่” โล่งออก...ยังดีที่เป็นคุณแม่รับ “ต้นเป็นไงมั่งครับ”

“เอ่อ...นอนอยู่บนห้องจ้ะ โดนคุณพ่อกักบริเวณ”

“คือ...ผมอยากคุยกับต้นน่ะครับ รบกวนคุณแม่....ได้ไหมครับ”

“อื้ม ๆ รอ แปบนะจ๊ะ แม่กำลังจะยกข้าวต้มขึ้นไปให้ต้นพอดี”

“ใครโทรมาน่ะคุณ”

“เอ่อ...ลูกสายฟ้าค่ะ เค้ามีเรื่องจะคุยกับเพื่อนเค้า”

“อืม คุณอยู่ฟังมันคุยกันด้วยละกัน เผื่อมีคนแอบอ้างโทรมา” ทำยังกับเป็นคุณพ่อหวงลูกสาวยังงั้นล่ะ

เกศสินีพึมพำขณะยกข้าวต้มขึ้นไปบนห้องนอนของลูกชายสุดที่รักของเธอ
“ลูกต้น ตื่นยังจ๊ะ หม่ามี๊เอาข้าวต้มร้อน ๆ มาให้ซดค่ะ”

ต้นข้าวนอนนิ่งอยู่บนเตียงแววตาเหม่อลอยอย่างไร้จุดหมาย “......ไม่หิวครับ ขอบคุณ” หนุ่มร่างบางตอบกลับมาอย่างเรียบเฉยแผ่วเบา

“มีคนอยากคุยกับลูกแน่ะ” ...พ่อละสิ....

“บอกเค้าด้วยครับ ไม่มีอารมณ์คุยด้วย” ...ผมเกลียดพ่อ พ่อใจร้ายพ่อทำร้ายไผ่ แถมจับผมมาขังไว้อีก อย่าหวังว่ามาง้อเรา แล้วจะให้อภัย หึ...

“อืม...ได้จ้ะ....”
“ฮัลโหล ลูกไผ่จ๊ะ”.....ไผ่.... ต้นข้าวตาลุกวาว
“คือต้นเค้าบอกว่าไม่มีอารมณ์คุยด้วยน่ะค่ะ.....”

“แม่ ต้นจะคุย” ต้นข้าวกระวีกระวาดลุกขึ้นจากเตียงวิ่งมารับโทรศัพท์ที่มารดาถือรออยู่อย่างดีอกดีใจ

 ‘....ถึงลูกจะเป็นยังไง คนเป็นแม่ก็ยอมรับได้เสมอ ขอเพียงลูกมีความสุข แม่ก็ดีใจและมีความสุขด้วยแล้ว แต่ขอเวลาปรับตัวนิดนึง....’
เกศสินี อมยิ้มที่มุมปาก เธอวางถาดข้าวต้มไว้ที่โต๊ะมุมห้องก่อนจะกลับลงไปเตรียมกับข้าวมื้อเย็นที่ทำค้างคาไว้ในครัว โดยไม่ได้ใส่ใจคำพูดกำชับของสามีเลยแม้แต่นิด

“ไผ่หรอ... ตอนนี้ไผ่อยู่ไหน เป็นไงมั่งอ่ะ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า เลือดหยุดไหลหรือยังครับ” ต้นข้าวยิงคำถามมากมายทันทีด้วยความดีใจและเป็นห่วง

“...เดี๋ยว ๆ ทีละคำถามครับ ต้น....”

“เหอะๆ ก็คนเป็นห่วงนี่นา อยู่ดี ๆ โผล่มาให้คนใจร้ายต่อยหน้าเอา เดี๋ยวหมดหล่อพอดี” หนุ่มหน้าใสพูดอย่างเขินอาย

“ตอนนี้ผมอยู่หอครับ สบายดี ไม่เจ็บตรงไหนแล้วล่ะ (ขี้จุ๊... ยังปวดกรามหมุบ ๆ อยู่เลย) แค่โดนคุณพ่อตาซ้อมมวยให้แค่นี้เองจิ๊บ ๆ จะได้มั่นใจว่า ลูกเขยคนนี้จะปกป้องลูกสาว เอ้ยลูกชายของแกได้ไงครับ” ทิวไผ่พูดหยอกล้อปลายสายอย่างยิ้มกริ่ม แต่ตัวเองกลับเอามือลูบรอยบวมแดงบนใบหน้าและริมฝีปากม่อย ๆ

“อ๋อเหรอ...ทำปากเก่งไปเหอะ เลือดกบปากขนาดนั้น เดี๋ยวช่วยซ้ำรอยเดิมให้อดพูดไปเลยนี่”

“อ๊า...ใจร้าย ผมล้อเล่นน่า...” เวลาแบบนี้ยังมีหน้ามาทำอารมณ์ดีให้เรายิ้มได้อีก แล้วจะไม่ให้รักได้ยังไงเล่า.... “แล้วต้นเป็นไงบ้างครับ คงไม่....โดนคุณพ่อตีอีกนะครับ” ทิวไผ่ชั่งใจก่อนจะตัดสินใจถามออกไป

“ไม่แล้วล่ะ แต่โดนจับขัง ออกไปไหนไม่ได้เลย” ต้นข้าวทำเสียงละห้อย จนคนปลายสายอดสงสารไม่ได้ ทิวไผ่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาเองโดนไล่ออกจากบ้าน ต้นข้าวก็มาโดนกักบริเวณอีก ทำไมความรักของพวกเขาถึงมีอุปสรรคใหญ่หลวงอย่างนี้นะแล้วแบบนี้เขาจะทำยังไงต่อไปดี....

“....เดี๋ยวคุณพ่อก็คงอารมณ์เย็นลงนะครับ กินอะไรรึยังครับ”

“แม่เกดพึ่งยกข้าวต้นขึ้นมาให้เมื่อกี้เองครับ แล้วไผ่ล่ะ”

“ผมแค่ได้ยินเสียงต้น แค่รู้ว่าต้นสบายดีก็อิ่มอกอิ่มใจอย่างบอกไม่ถูกแล้วล่ะครับ” ...แน้ หยอดเข้าไป.....

…………………………………………………………………………………………………………


“นึกว่านายจะเบี้ยวซะแล้ว ว่าไง ให้เรารอนานเลยนะ”

“ไม่ได้คิดจะเบี้ยวหรอกน่า แค่หาโอกาสออกมาไม่ได้เท่านั้นเอง อ่ะนี่ 2,500 ครึ่งที่เหลือ เอาไป ขอบใจมากนะ”

“ไม่เป็นไรหรอก เราก็ไม่ค่อยชอบหน้าไอ้ขี้เก๊กนั่นเหมือนกัน หมั่นไส้ว่ะ อยากป๊อบดีนัก คอยดูซิว่า พวกผู้หญิงที่กรี๊ดกร๊าดคลั่งไคล้ไอ้นั่นรู้ว่าขวัญใจตัวเอง ชอบไม้ป่าเดียวกันจะเฮิร์ตแตกกันขนาดไหน แล้วไอ้สองคนนั่นมันคงเต้นอยู่ไม่สุขกับผลงานของเราสองคนชัวร์ หึหึหึ รับรองมันต้องถูกใจนายแน่ ๆ”
“เฮ่ย...ขนาดนั้นเลยหรอ เราไม่อยากให้พวกเค้าเดือดร้อนกันขนาดนั้น แค่คบกันต่อไม่ได้ก็พอแล้ว” หนุ่มตัวเล็กออกอาการหวั่น ๆ

“เออน่า เดี๋ยวก็รู้ คงไม่หนักหนาสาหัสเท่าไหร่หรอกมั้ง แค่อาจจะต้องเลิกคบกันอย่างถาวรเลยล่ะ” ... ‘ให้ไอ้ขี้เก๊กนั่นมันเด้งออกจากคณะไปได้สิยิ่งดี บังอาจมาทำให้แฟนเราไปหลงแอบปลื้มมันอีกคน’.... คนพูดทำสีหน้าเหี้ยมเกรียม

“อืม อย่าให้รู้นะว่านายสองคนทำอะไรนอกเหนือคำสั่ง อีกอย่าง ต่อไปเราไม่เคยรู้จักกันอีกนะ แล้วหวังว่าเรื่องนี้คงจะเป็นความลับตลอดไป ถ้าเรื่องแดงขึ้นมา พวกนายสองคนก็ต้องเดือดร้อนกับเราแน่”

“รับรองได้น่า... นายไม่ต้องห่วง เราก็ห่วงตัวเองเหมือนกัน ถ้าเกิดเรื่องถึงอาจารย์หรือตำรวจ มีหวังพวกเราทั้งหมดโดนไล่ออก แถมต้องย้ายบ้านเข้าไปอยู่ซังเตแน่ ๆ”

“เออ ขอบใจ งั้นไปล่ะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้าจะสงสัยเอา” พูดจบก็หันหลังเดินออกจากมุมมืดตรงลานจอดรถไปอย่างรวดเร็ว
.
.
.
‘เอ๊ะ...! นั่น….. มืด ๆ ค่ำ ๆ มายืนคุยกับใครอยู่ตรงนั้น ไหนบอกมีธุระจะไปทำไม่ใช่เหรอ....’ สายชล ชะลอรถมองตรงไปยังบริเวณมุมลานจอดรถหน้าตู้เอทีเอ็มอย่างแปลกใจ

“ดีครับน้องฟ้า จะกลับหอเหรอครับ ปะ พี่ไปส่ง” รุ่นพี่หนุ่มเข้าไปทักทาย หลังจากสายฟ้าเดินออกมาจากลานจอดรถ สายฟ้ามีอาการตกใจนิด ๆ แต่ก็พยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติอย่างรวดเร็ว

“หวัดดีครับพี่น้ำ ขอบคุณครับ” สายฟ้าเปิดประตูรถเก๋งคันหรูขึ้นไปนั่งข้างคนขับ

“เมื่อกี้ยืนคุยกับใครอยู่ตรงมุมลานจอดรถนั่นหรอครับ”....แย่แล้วสิพี่น้ำเห็นซะแล้ว ซวยแล้วมั้ยล่ะ...

“เอ่อ....คือ ฟ้าเอาของมาให้เพื่อนน่ะครับพี่น้ำ” ...หวังว่าคงจะเชื่อนะ....

....เอาของมาให้ ทำไมต้องหลบยืนคุยกันในมุมมืดขนาดนั้นนะ..... “แล้วไม่ได้ไปธุระไหนหรอครับ”

“อ๋อ ไปมาแล้วล่ะครับ มีนัด consult group project กับเพื่อน ๆ น่ะครับพี่”

“ครับ ๆ แล้วนี่เรากินไรมารึยัง”

“เรียบร้อยมาแล้วครับ”

“พี่ซื้อโมจิมาฝากด้วยนะ เอาไว้กินยามหิวเวลาอ่านหนังสือตอนดึก ๆ ล่ะกัน”

“ขอบคุณครับ”

...


“ผมตัดสินใจแล้วนะคุณ เราจะให้ลูกลาออก” อรรณพพูดเปรยขึ้นกับภรรยาบนโต๊ะอาหารค่ำ

‘....ลาออก....’ ต้นข้าวใจหล่นวูบ เมื่อได้ยินคำพูดของบิดา ขณะเขาย่องลงมาเอาขนมที่ห้องครัว เพราะแม่ของเขาไม่ได้ล็อกห้องไว้ ก่อนจะแอบฟังพ่อกับแม่คุยกันต่อที่บันไดบ้าน

“หมายความว่าไงคะ อนาคตของลูกทั้งคนนะคะ คุณจะให้ลูกหยุดเรียนกลางคันไม่ได้ ชั้นไม่ยอมหรอกค่ะ”

“ฟังให้จบก่อนสิ ผมจะส่งตาต้นไปอยู่กับเจนภพที่ออสเตรเลีย พรุ่งนี้ ไปเก็บข้าวของลูกย้ายออกจากหอพักได้เลย”

‘....ออสเตรเลีย....’ หนุ่มหน้าใสเริ่มนั่งไม่ติด ทำไมพ่อใจร้ายกับเขาขนาดนี้ ต้นข้าววิ่งขึ้นห้องไปอย่างร้อนรน

“แล้วลูกจะไม่เสียเวลาไปเปล่า ๆ ตั้งหนึ่งปีเหรอคะ”

“เสียเวลาแค่นี้ ดีกว่าลูกเราเสียอนาคตเสียคนน่าคุณ” ...เกศสินีถอนหายใจอย่างจำนน เธอคงขัดขวางการตัดสินใจของสามีไม่ได้แล้ว....

“แล้วจะให้ลูกไปเมื่อไหร่คะ”

“อีก 2 อาทิตย์ หรือเร็วกว่านั้น ถ้าวีซ่าเสร็จเร็ว”

“ชั้นคงคิดถึงลูกต้นแย่เลย”

“เดี๋ยวเราบินไปเยี่ยมลูกบ่อย ๆ ก็ได้นี่”
.
.
ต้นข้าวนอนกระสับกระส่ายอย่างว้าวุ่นใจ ถ้าเขาต้องแยกจากไผ่ไกลชนิดไม่ได้มีโอกาสเจอกันได้เลยเขาคงขาดใจตายแน่ ๆ
....จะทำยังไงดี โทรหาไผ่ก็ไม่ได้ เพราะโทรศัพท์ก็ไม่มีเงินซักบาท แถมไผ่พึ่งจะวางหูไปหยก ๆ แต่ยังพอมีทางโทรศัพท์บ้าน แต่ว่ามันอยู่ในห้องรับแขกข้างล่าง โอ๊ย...หัวจะระเบิดตายอยู่แล้ว

เขาแอบย่องลงไปดูที่เชิงบันไดอีกครั้ง แต่ก็พบว่า พ่อกับแม่ยังนั่งคุยกันอยู่หน้าจอทีวีในห้องรับแขกเหมือนเดิม อ๊าก...ต้องจำใจเดินคอตกขึ้นมานอนเกลือกกลิ้งอย่างใจจะขาดอยู่บนเตียง เฝ้าภาวนาให้ไผ่โทรหา หรือ ไม่ก็ให้พ่อกับแม่รีบขึ้นไปนอนเร็ว ๆ ซักที ทันใดนั้น ‘ตึ้ด ๆ ๆ...’โทรศัพท์สั่น อ๊า...สวรรค์ทรงโปรด

“ฮัลโหลไผ่ แย่แล้วพ่อจะ...”

“ขอโทษครับ โทรผิด” ‘...ตู๊ด ๆ ๆ.....’

“ไอ่เจี้ย....” ต้นข้าวสบถอย่างหัวเสียสุดขีด

....เฮ่อ...หมดหวังแล้วสิ  ม่ายยย....ขืนเป็นแบบนี้เราต้องใจขาดตายก่อนถูกส่งไปออสเตรเลียแน่ ๆ ... แอบย่องลงไปดูที่เชิงบันไดเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ แต่ก็ต้องเดินคอตกกลับมาในสภาพเดิม

“ไม่ไหวแล้ว...ฮือ ๆ ๆ...หัวเด็ด ตีนขาดยังไงเราก็จะไม่ไปออสเตรเลียเด็ดขาด...” ต้นข้าวซบหน้ากับหมอนปลดปล่อยสายน้ำแห่งความคับแค้นแน่นออกออกมาจนเปียกโชก

‘ตึ๊ด ๆ ๆ ๆ ....นี่ใช่ไหมคือความรัก ใช่หรือเปล่า ขอบฟ้าที่ดูสีเทา ๆ ดูสดใสขึ้นทันใด ชั้นไม่รู้เรียกว่ารักได้หรือเปล่า ยังไม่แน่ใจ เพียงแค่รู้ว่าเป็นไปเพราะเธอ....’

“ฮาโหล... ฮึ่ก ๆ”

“หวัดดีครับต้น ผมนอนไม่หลับน่ะ ก็เลยโทรหา เอ๊ะ...ต้นร้องไห้ ใครทำอะไรต้น บอกผมซิ...” ทิวไผ่ถามอย่างคาดคั้นสงสัยด้วยความเป็นห่วงเมื่อได้ยินเสียงสะอื้นมาตามสายโทรศัพท์

“...พ่อจะส่งเราไปอยู่ออสเตรเลียกับอาภพ... ไผ่ เราจะทำยังไงดี เราไม่อยากไป เราจะอยู่กับนาย กับแม่ กับฟ้า แล้วก็เพื่อน ๆ ฮึ่ก ๆ ฮืออออ….”

“............”  ....ออสเตรเลีย.... ไม่จริงใช่ไหม เขาหูฝาดไปแน่ ๆ....

“พรุ่งนี้พ่อจะให้คนไปเก็บของออกจากหอพักแล้ว ไผ่ ช่วยต้นด้วย...” ...อะไรจะรวดเร็วปานนี้....ไม่ได้การแล้ว ในเมื่อเข้าตามตรอกออกตามประตูไม่ได้ งั้นตายเป็นตายล่ะ...

“ต้น คุณ พ่อ กับคุณแม่นอนยัง”

“ไม่รู้...เมื่อกี้ยังนั่งคุยกันอยู่ข้างล่างอยู่เลย”

“เดี๋ยวผมไปหานะครับ อย่าพึ่งนอนล่ะ”

“เดี๋ยว...” ทิวไผ่วางสายไปแล้ว ...จะมาตอนกลางคืนเนี่ยนะ ถ้ามาเจอพ่อยังไม่นอนอีกจะทำไงเนี่ย คงไม่โดนยิงไส้แตกนะ....



………………………………………………………………………………………………………..
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 24-06-2007 18:17:00
 :sad5: รึว่าเป็นฟ้าที่วางแผนนี้

ขอให้เราเข้าใจผิดเถอะ  :m5:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Electrolyte ที่ 24-06-2007 18:26:29
 :angry2:เกลียดสายฟ้าแล้วคร้าบ....ไม่ชอบเลย...ไม่น่าวางแผนทำลายเพื่อนได้ลงคอ :angry2:เกลียดฟ้าๆๆๆเกลียดมากๆๆๆๆ

สงสารไผ่กะต้นมากๆเลย.... :m15:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 24-06-2007 18:47:04
หวังว่าคงไม่ใช้ฝีมือสายฟ้าหรอกนะ
สาธุ  :amen: :amen: :amen:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: nanao ที่ 24-06-2007 18:55:26
อ่าร้ายกาจ ตอนอ่านลงมาเรื่อย ๆ ก็เริ่มคิดแล้วว่าจะใช่ไหม

และแล้ววว......  :angry2:

เอ๊ะ หรือจะไม่ใช่ คนแต่งแค่หลอกให้เข้าใจผิด   o9
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 24-06-2007 19:38:38
ม่ายเจงงงงงงงงงงงงงงงง  :m2:  :m2:  :m2:
สายฟ้าไม่ทำอย่างนั้นหรอกกกกกกกกกกกก  :o12:  :o12:  :o12:  :o12:  :o12:  :o12:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 24-06-2007 21:01:18
ทำไม เพราะอะไร เกิดอะไรขึ้น ทำไมต้องเป็นแบบนี้

 :o7: :sad4: :m15:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 24-06-2007 21:56:12
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: A GE ที่ 24-06-2007 22:28:05
 :o :o  หวังว่าคงจะแค่เข้าใจผิดเรื่องสายฟ้านะครับ  เปนเพื่อนกันมาตั้งนานแล้วคงไม่ทำร้ายกันอย่างนี้หรอกนะครับ o7 o7
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 24-06-2007 23:31:36
ความรักทำให้คนตาบอด
ถ้าไม่จริงเขาคงไม่พูดกั
 :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 25-06-2007 12:55:34
ไม่น่าเชื่อว่าสายฟ้าจะกล้าทำกับเพื่อนรักได้แบบนี้

ทำได้ก็เลวเกินคนแล้วละ

 :โป้ก1: :โป้ก1: :โป้ก1: :โป้ก1: :โป้ก1: :โป้ก1:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: sabishiikant ที่ 25-06-2007 18:52:09
‘ฮึ่มมม! ’ เสียงเจ้าจอห์นนี่ สุนัขพันธุ์โกลเด้นรีทีฟเวอร์ คำรามก้องในลำคอ เมื่อเห็นสิ่งผิดปกติและความไม่ชอบมาพากล บริเวณริมรั้วหน้าบ้านในเวลาค่ำคืนดึก ๆ ดื่น ๆ โดยมีเจ้าบ๊อบบี้สุนัขพันธุ์ไวท์ลาบาดอร์ เพื่อนคู่หูคอยเงี่ยหูฟัง และจับจ้องสิ่งต้องสงสัยอยู่อย่างไม่วางตา เตรียมพร้อมที่จะส่งเสียงเห่าและทะยานเข้าจู่โจมผู้บุกรุกได้ทุกเมื่อ

“ชู่ววว...จอห์นนี่ บ๊อบบี้ ชั้นเอง จำกันไม่ได้หรอ” สองสหายจ้องมองเจ้าของเสียง แล้วเอียงหัวครุ่นคิดไปมาอยู่พักหนึ่งก่อนจะวิ่งตรงรี่ กระดิกหางเข้าไปหาเด็กหนุ่ม ส่งเสียงหงึด ๆ หงิง ๆ ทักทายและคลอเคลียอย่างคนเคยรู้จักคุ้นเคยกันมาก่อน ทิวไผ่ลูบหัวมันทั้งสองตัวอย่างเอ็นดู

“ชั้นมาหาเจ้านายของพวกแก ห้องเจ้านายแกอยู่ด้านไหนพาชั้นไปหน่อยสิ” เหมือนจะเข้าใจในความหมายเจ้าสองสหายเพื่อนยากออกวิ่งนำ พาแขกผู้มาเยือนโดยไม่ได้รับเชิญในยามวิกาลวิ่งอ้อมสวนไปยังหลังบ้าน ก่อนจะมาหยุดตรงมุมหนึ่งของบ้าน ทิวไผ่เงยหน้ามองขึ้นไปยังระเบียงห้องชั้นสอง ที่น่าจะเป็นห้องนอนของต้นข้าว

ต้นข้าวเดินวนไปวนมารอบห้องเหมือนกับหนูติดจั่นด้วยความเป็นห่วงไม่รู้ว่าทิวไผ่คิดจะทำอะไรกันแน่ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงเศษก้อนหินเล็ก ๆกระทบเข้าที่กระจบหน้าต่างตรงระเบียงห้อง หนุ่มน้อยร่างบางตรงเข้าไปแง้มผ้าม่านดูด้วยความสงสัย

“ไผ่! เข้ามาได้ไง” ต้นข้าวถามไถ่ด้วยความสงสัยและแปลกใจ ทันทีที่เปิดประตูออกไปยืนตรงระเบียง เมื่อเห็นทิวไผ่มายืนโบกมือไหว ๆ อยู่กับเจ้าสุนัขตัวโปรดของเขาทั้งสองตัว

“อย่าพึ่งถามตอนนี้ช่วยผมขึ้นไปข้างบนก่อน เราค่อยคุยกัน” ต้นข้าวเดินไปปลดผ้าม่านออกจากราวก่อนจะมัดปมหนึ่งกับราวระเบียงทอดชายลงไปเบื้องล่าง

“ขึ้นได้ไหม เบา ๆ นะ เดี๋ยวพ่อกับแม่ได้ยิน” ทิวไผ่สวมวิญญาณโรบินฮู้ด ตะเกียกตะกายปีนป่ายขึ้นไปบนระเบียงชั้นสองอย่างทุลักทุเล โดยมีต้นข้าวคอยส่งมือช่วยเหลืออยู่
เมื่อขึ้นไปได้สำเร็จ สองหนุ่มตรงเข้าสวมกอดกันอย่างแนบแน่น ราวกับคู่รักที่จากกันไปแรมปีพึ่งได้กลับมาพบเจอกันอีกครั้ง ทิวไผ่ผลักร่างบางออกหนุ่มหน้าเข้มจับจ้องดวงหน้าเนียนอย่างโหยหาและทะนุถนอม จนคนถูกจ้องหน้าแดงก่ำ พลันทิวไผ่ก็มอบจุมพิตอันหอมหวานลงบนริมฝีปากเรียวสวยน่าจูบอย่างอดใจไม่ไหว ต้นข้าวผลักอกหนุ่มร่างแกร่งออก แสดงอาการเขินอายอย่างสุดขีด
“นี่ไม่ใช่เวลามาทำแบบนี้นะ อายเจ้าสองตัวนั่นมันบ้างสิ” ทิวไผ่หันไปมองเจ้าจอห์นนี่ บ๊อบบี้ที่นอนกระดิกหางให้อยู่เบื้องล่าง
“อายทำไมล่ะ มันกำลังเชียร์เราอยู่เห็นมั้ย” ทิวไผ่หยอกเย้า

“เข้าไปคุยกันข้างไหนดีกว่า คุยตรงนี้เสียงมันกังวานเดียวพอกับแม่ได้ยิน” ต้นข้าวเสนอก่อนจะเดินนำทิวไผ่เข้าไปในห้อง
“แล้วตกลงไผ่เข้ามาได้ไง ไม่กลัวพ่อกับแม่เราเห็นรึไง” ต้นข้าวยิงคำถามทันที

“ก็ปีนรั้วเข้ามา ส่วนคุณพ่อตากับคุณแม่ยายคงไปนอนแล้วมั้ง เห็นข้างล่างปิดไฟหมดแล้ว” หนุ่มหน้าเข้มพูดยิ้มกริ่ม

“พ่อตากับแม่ยายอาราย พ่อแม่เราไปเป็นพ่อตาแม่ยายนายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เดี๋ยวเสี่ยว เดี๋ยวกวนได้ตลอดเลยนะนาย” ต้นข้าวแก้ต่างด้วยสีหน้าเคือง ๆ พลางส่ายศีรษะอยู่ในใจเบา ๆ คงเพราะความอารมณ์ขันขี้เล่นของเขานี่กระมังที่ทำให้อยู่ด้วยแล้วทำให้เขามีความสุขมากมาย

“ก็...ตั้งแต่ที่เรา สองคน.....” ทิวไผ่ทำสายตาหยาดเยิ้ม

“หยุด... หยุดเลย นี่ไม่ใช่เวลามาหื่นนะ” หนุ่มร่างบางรีบเบรก “แล้วแถมตอนเจ้าสองตัวนั่นก็ไม่ยอมเห่าอีกนะ”

“สงสัยพวกมันรู้ว่าผมเป็นเขยบ้านนี้” ...เง่ะ ทิวไผ่เล่นไม่ยอมหยุด ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น สองหนุ่มหัวใจหล่นวูบ

“ลูกต้น ยังไม่นอนอีกหรอจ๊ะ เปิดประตูให้หม่ามี๊หน่อยสิ”

“ค้าบแม่....รอเดี๋ยวนะครับ”  “ไผ่แย่แล้ว ทำไงดี” สองหนุ่มวิ่งวุ่นกันทั่วห้องเพื่อหาที่หลบ ก่อนที่ต้นข้าวจะรีบเปิดตู้เสื้อผ้าให้หนุ่มหน้าเข้มแทรกตัวเข้าไปยืนนิ่งอยู่ข้างใน ต้นข้าวรีบพยายามปรับอาการให้เป็นปกติที่สุด ก่อนเดินไปเปิดประตูและส่งยิ้มให้มารดา “แม่ยังไม่นอนหรอครับ”
“หม่ามี๊ลงไปหาน้ำดื่มน่ะจ้ะ เดินผ่านห้องเราได้ยินเสียงลูกคุยกะใครอยู่ ทำอะไรอยู่เหรอจ๊ะ มาเปิดประตูช้าจัง เกศสินีทักทายลูกชายสุดที่รักก่อนพยายามลอบส่งสายตาสำรวจภายในห้อง ‘...แหะ ๆ....’ ต้นข้าวเหงื่อแตกพลั่ก ก่อนจะแก้ต่างไปว่า “ต้นฝึกท่องบทสนทนา เตรียมพรีเซ้นท์งานวิชาภาษไทยอยู่น่ะครับ” ไม่บ่อยครั้งนักที่เขาจะโกหกมารดาตัวเอง แต่ครั้งนี้มันคับขันจริง ๆ นี่นา

“จ้ะ แต่ปกติลูกไม่เคยล็อคประตูนี่นา” เกศสินีถามอย่างสงสัย

“ก็ ใครบอกให้พ่อเค้าล็อคด้านนอกล่ะ ต้นก็ล็อคด้านในได้บ้างสิ” ต้นข้าวตอบอย่างหงุดหงิด

“งั้นก็รีบนอนนะจ๊ะ อย่านอนดึกนักล่ะ พรุ่งนี้เรามีเรื่องต้องไปทำกัน” ไม่บอกก็คงรู้ล่ะว่าเรื่องอะไร แต่เขาจะไม่ให้มันเกิดขึ้นซะล่ะ
.
.
“ไผ่ ออกมาได้แล้ว แม่ไปแล้ว” หนุ่มร่างแกร่งจะออกมาจากตู้ก่อนจะยิ้มแห้ง ๆ “บอกแล้วว่าอย่าคุยเสียงดัง” ต้นข้าวพูดเชิงตำหนินิด ๆ “มาเข้าเรื่องของเราดีกว่า แม่มาสร้างบรรยากาศได้ถูกจังหวะจริง ๆ” ต้นข้าวเกริ่น
“ไผ่ เราไม่อยากไปออสเตรเลีย” หนุ่มร่างบางถอนหายใจเฮือกใหญ่ พลางจดจ้องใบหน้าคมเข้มของคนตรงหน้าที่กำลังเข้มขรึมอย่างครุ่นคิดอยู่ในตอนนี้
“นายนี่นะ บทจะขำก็ฮากลิ้ง บทจะเสี่ยวก็เลี่ยนโคตรชนิดมดเอียน พอจะจริงจังก็ขรึมซะจนน่ากลัว” ต้นข้าวพยายามพูดลดบรรยากาศความตึงเครียด หลังจากเงียบกันมานาน แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้อะไร ๆ ดีขึ้นเลย เมื่อทิวไผ่เอาแต่นั่งเงียบจ้องมองใบหน้าเขาอย่างเคร่งขรึมไม่วางตา ส่วนต้นข้าวเองก็ได้แต่ก้มหน้านิ่งอย่างกลัดกลุ้ม

“ต้น” ทิวไผ่เรียกชื่อเขา

“หืม” ต้นข้าวตอบรับ

“พรุ่งนี้แล้วใช่ไหม”

“อืม.... เฮ้อ....” หนุ่มร่างบางถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนหมดหนทางที่จะทัดทานความคิดของผู้เป็นพ่อไว้ได้
“ต้นรักผมรึเปล่า”

“รักสิ รักมากด้วย” ต้นข้าวกล้าตอบอย่างไม่ลังเลอีกต่อไปแล้วทิวไผ่ดึงร่างบางเข้ามาสวมกอดแนบแน่น

“ผมก็รักต้นมากเหมือนกัน และจะไม่ยอมเสียต้นไปด้วยแม้ว่าจะแลกด้วยชีวิตก็ตาม” ต้นข้าวเป็นปลื้มจนน้ำตารื่น ทิวไผ่ผลักร่างบางออก จ้องมองใบหน้านั้นอย่างทะนุถนอมรักใคร่ และมอบจุมพิตหวานฉ่ำนุ่มนวลแฝงด้วยความเร่าร้อนอีกครั้ง
“ต้น เราไปกันเถอะ”

“หา ไปไหน” ต้นข้าวถามกลับอย่างงุนงงสงสัย

“ไปที่ที่เรามีกันและกัน ที่ที่เราจะเป็นตัวของตัวเอง” ทิวไผ่รูดตัวลงมาตามผ้าม่านที่ต้นข้าวผูกไว้กลับลงมาจากระเบียงชั้นสอง คอยรับต้นข้าวอยู่ข้างล่างอีกที

ทิวไผ่เดินจูงมือกันออกมาอย่างเงียบ ๆ โดยมีเจ้าตูบสองตัวตามมาส่งถึงหน้าประตูบ้าน ทิวไผ่ส่งให้ต้นข้าวข้ามรั้วออกไปก่อนที่เขาจะกระโดดตามออกไป ต้นข้าวยังพะว้าพะวงในการตัดสินใจ เขายืนมองเข้าไปในบ้านอย่างอาวรณ์ “ต้นขอโทษที่ต้องทำแบบนี้เพราะพ่อบังคับต้นเอง” ต้นข้าวถอนหายใจยาว ๆ เป็นครั้งที่ร้อยแปด “แกสองตัวดูแลบ้านและพ่อกับแม่ชั้นดี ๆ นะ” หนุ่มร่างบางลูบหัวจอห์นนี่และบ๊อบบี้ สองเกลอเพื่อนยากตัวโปรดของเขาโดยมีทิวไผ่เดินเข้ามาลูบหัวมันเบา ๆ เป็นการอำลาอีกคน
“ไปกันเถอะต้น” ทิวไผ่เดินนำต้นข้าวไปนั่งมอเตอร์ไซค์ ที่เขาจอดไว้ตรงหัวมุมถนน หนุ่มน้อยร่างบางทอดสายตามองตัวบ้านที่ค่อย ๆ เล็กลง ๆ จนลับสายตาไปกับความมืด จิตใจของเขาตอนนี้กำลังวุ่นวายสับสนอลหม่านอย่างบอกไม่ถูก ต้นข้าวกระชับมือกอดเอวหนุ่มตรงหน้าไว้ซบหัวลงบนไหล่หนาแกร่งนั้นอย่างเหนื่อยอ่อนทั้งกายและใจ ลมเย็น ๆ ยามค่ำคืนที่พัดโชยมาปะทะหน้าเบา ๆ มันช่วยผ่อนคลายได้ไม่น้อยจนทำให้ต้นข้าวผล็อยหลับไปบนบ่าที่แสนอบอุ่นนั้นในที่สุด


...
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: A GE ที่ 25-06-2007 19:03:04
 :o11: :o11:  แล้วจะอยู่กันยังไงล่ะครับ  ยังเรียนกันทั้งคู่นี่นา :เฮ้อ: :เฮ้อ:

หวังว่าจะผ่านพ้นช่วงนี้ไปได้ด้วยดีนะครับ :m5: :m5:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: FOAM ที่ 25-06-2007 19:13:55
ทั้งสองคน  แนใจนะ ที่ทำแบบนี้

ต่อจากนี้จะเจออะไร ก้อต้องทนให้ได้นะครับ  เอาใจช่วย   :m5: :m5: :m5: :m5: :m5:

ว่าแต่  คนที่เป็นตัวการของเรื่อง คงไม่ใช่ฟ้านะครับ ... ยังเชื่อใจฟ้าอยู่นะครับ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 25-06-2007 19:56:25
มัวแต่ทำใจเรื่องสายฟ้าอยู่  :m15: คงไม่ใช่สายฟ้าหรอกนะ คนเขียนไม่ใบ้อะไรสักนิดเลย  :m15:  :m15:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 25-06-2007 20:24:09
ยังไงทั้งคู่ก็ต้องร่วมกันฝ่าฟันอุปสรรคไปด้วยกันนะ อย่าทิ้งกันนะคับ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 25-06-2007 23:03:57
ไม่เห็นจะยาก
ก็แกล้งทำเป็นไม่รักกันจิ
แล้วดึกๆว่างๆก็ไปเจ๊าะ พรึ่ม พรึ่ม ทีหลัง
 :m3:

ใครจะมารู้ 
ควมรักเป็นเรื่องของคนสองคน
 :m1:

ไม่จำเป็นที่พ่อแม่ต้องมารู้ทุกเรื่อง
ชีวิตของใครก็ของใคร
 :m14:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Electrolyte ที่ 26-06-2007 01:49:54
 :m13:ป็นกำลังใจให้ทั้งสองคนเลยนะคร้าบ..... :m5:.

 :angry2: :angry2:เกลียดสายฟ้า...เกลียดๆๆๆ :angry2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 26-06-2007 04:25:44
อูยย หนีตามกันแล้วจะมาขอขมาทีหลังอะจิ   :m3:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 26-06-2007 06:09:53
แล้วจะอยู่ยังไงอ่ะ
ไหนจะเรื่องเรียน
เรื่องที่อยู่อีกอ่ะ
...
หวังว่าอะไรๆ คงผ่านไปได้ด้วยดี
 :undecided: :undecided:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 26-06-2007 16:21:42
 :m11: :m11: :m11: :m11: :m11: :m11:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 26-06-2007 22:56:48
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 26-06-2007 23:04:11
แซดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด   :sad2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: taebin7 ที่ 27-06-2007 00:19:30
 o7 o7 o7 o7 o7 o7 o7 o7 o7 o7 o7
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: sabishiikant ที่ 27-06-2007 03:57:12
“อ้าวนี่ไผ่ มากับต้นได้ไงครับ ดึก ๆ ดื่น ๆ แบบนี้ ไหนว่าตอนแรกต้นค้างที่บ้านไม่ใช่หรอ” สายฟ้ายิงคำถามเป็นชุดด้วยความสงสัย ขณะที่ต้นข้าวผวาเข้ากอดเพื่อนรักทันทีที่พบหน้า ก่อนจะสะอื้นไห้ปล่อยน้ำตาร่วงรินอย่างอัดอั้น “ต้นเป็นอะไรมากหรือเปล่า ต้นมีอะไรบอกเราได้ไหม” สายฟ้าพยายามถามไถ่ ขณะที่จิตใจกำลังว้าวุ่นอย่างหนัก

“เอ่อ...คือ เรื่องมันยาวน่ะครับฟ้า” ทิวไผ่ตอบแทนต้นข้าวที่กำลังสะอึกสะอื้นอยู่ในอ้อมกอดของหนุ่มร่างเล็ก ก่อนจะก้มหน้าบอกเล่าเรื่องราวที่แสนเจ็บปวดรวดร้าวใจ “คือเราสองคนมีปัญหาทางบ้านน่ะครับ มีคนส่งรูปเราสองคนไปที่บ้าน แล้ว...” ทิวไผ่หยุดพูด ขณะที่สายฟ้าหัวใจหล่นวูบ ‘รูปพวกนั้นไปโผล่ที่บ้านต้นกับไผ่งั้นเหรอ พวกนั้นทำเกินคำสั่งมากไปแล้ว แต่ถ้าเราไม่คิดจะทำตั้งแต่แรก เรื่องยุ่ง ๆ ก็คงไม่เกิดขึ้น’

“...แล้ว ที่บ้านก็เรียกเราไปเคลียร์ ยื่นคำขาดให้เลิกติดต่อกัน แต่...เราสอง คน ยืนยันในความบริสุทธิ์ใจที่มีต่อกัน ก็เลย.....” สายฟ้าลุ้นรอฟังคำบอกเล่าจากปากหนุ่มหน้าเข้มตรงหน้า อย่างพะว้าพะวงต่อสิ่งที่จะได้ยินต่อไป
“....พ่อไล่ผมออกจากบ้าน” สายฟ้าทรุดฮวบอย่างอ่อนแรงจนต้นข้าวรู้สึกได้ “....ส่วนต้นจะต้องลาออกจากที่นี่ และถูกส่งไปอยู่กับอาที่ออสเตรเลีย” หนุ่มร่างเล็กปากสั่นสะท้าน หยดน้ำใส ๆ ร่วงรินด้วยความสำนึกผิดที่ตัวเองได้สร้างบาปมหันต์ จิตใจเย็นชาต่ำช้าทำร้ายได้แม้กระทั่งเพื่อนรักของตนและคนรัก

“ฟ้า เราอยู่นี่ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว พรุ่งนี้พ่อจะมาเซ็นลาออก และให้คนมาเก็บของออกจากหอ เราต้องไป เราจะไม่ยอมถูกบังคับอีกต่อไปแล้ว” ต้นข้าวละล่ำละลักทั้งยังสะอื้นอยู่

“...ต้น ...ไผ่ เราขอโทษ...” สายฟ้าก้มหน้าสะอื้นพร้อมกระชับอ้อมกอดเพื่อนรักแน่นขึ้น เขาพยายามกลั้นสะอื้นปริ่มใจจะขาดในสิ่งเลวร้ายที่สุดที่ได้ทำลงไป โดยที่ไม่สามารถที่จะแก้ไขความผิดพลาดใหญ่หลวงครั้งนี้ได้เลย

“เราขอโทษ ที่...ที่ไม่สามารถช่วยอะไรพวกนายได้เลย...”

“ไม่เป็นไรหรอกครับฟ้า ต้องขอบคุณฟ้ามากนะครับที่เป็นห่วงเราสองคน” คำขอบคุณอย่างจริงใจของทิวไผ่ยิ่งตอกย้ำความรู้สึกผิดให้ติดแน่นในจิตใจ ‘ถ้าเค้ารู้ว่าเราเป็นคนทำ ยังจะดีกับเราอย่างนี้อีกมั้ยนะ’

“เราจะต้องไปจากที่นี่ในคืนนี้” ทิวไผ่เอ่ยขึ้น

“ไปไหน...” สายฟ้าถามขึ้นอย่างสงสัย

“ยังไม่รู้ แต่จะต้องไป” พูดจบทิวไผ่ก็ลงมือจัดการเก็บเสื้อผ้าและของใช้ที่จำเป็นทั้งของตัวเองและคนรัก แพ็คใส่กระเป๋าทันที สายฟ้าไม่เห็นด้วยนักที่สองหนุ่มจะเดินหนีปัญหา แต่ทำไงได้ เมื่อเขาไม่อาจจะมีหน้าไปทัดทานหรือเสนอทางออกที่ดีไปกว่านี้ได้อีกแล้ว เพราะสมองก็มืดแปดด้านด้วยความรู้สึกผิด แถมตัวเองยังเป็นตัวต้นเหตุทั้งหมดของเรื่องอีกด้วยซ้ำ
.
.
“เดี๋ยวไง นายสองคนเซ็นใบรักษาสภาพนิสิตระหว่างพักการเรียนไว้นะ เดี๋ยวเราจะไปยื่นเดินเรื่องให้ ยังไงถ้าทุกอย่างลงตัวแล้วจะได้กลับมาเรียนต่อได้ จะได้ไม่เสียเวลาที่ผ่านมาไปโดยเปล่าประโยชน์” นี่คงเป็นข้อเสนอให้ความช่วยเหลือที่สายฟ้าสามารถจะทำให้เพื่อนได้อย่างหนึ่ง ถึงมันจะช่วยไถ่โทษที่เขาได้ทำไปแล้วไม่ได้เลยก็ตามที
สามหนุ่มล่ำลากันอย่างอาลัยอาวรณ์ โดยเฉพาะเพื่อนรักทั้งสองคนต่างห่วงหาอาทร กันเป็นพิเศษ เพราะเรียนด้วยกันมาตั้งแต่สมัยมัธยม หนุ่มร่างเล็กนั้นต้องมีตราบาปแห่งความรู้สึกผิดติดข้องหมองมัวไปอย่างที่เจ้าตัวเองก็ไม่อาจรับได้กับการกระทำของตนเองในฐานะคนทำลายชีวิตทั้งชีวิตของเพื่อนรักถึงสองคนในคราวเดียวกัน
“ได้ที่อยู่แล้วยังไงก็ติดต่อมาบ้างนะต้น ส่วนทางนี้เราจะคอยรายงานผลให้ทราบเอง ไผ่ดูแล้วต้นดี ๆ นะครับ ถือซะว่าหนีความวุ่นวายไปซักพัก อะไร ๆ ดีขึ้นแล้วค่อยกลับมา ไม่ใช่ไปแล้วไปลับซะหน่อย”

“ขอบใจนายมากนะ” ต้นข้ามพูดกับเพื่อนรัก ก่อนที่สามหนุ่มจะสวมกอดกันเป็นการล่ำลาครั้งสุดท้าย

ทิวไผ่กับต้นข้าวแอบย่องออกจากหอขณะที่ยามหน้าหอเผลอโดยมีสายฟ้าคอยดูต้นทางให้


...


สายฟ้ากลายเป็นผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่งไปทันที ในฐานะมีส่วนรู้เห็น เมื่อเพื่อนร่วมห้องทั้งสองคนหายออกจากห้องไป แถมยังเป็นเพื่อนรักที่สนิทคุ้นเคยกัน จนญาติผู้ใหญ่ของทั้งฝ่ายต้นข้าวและสายฟ้าให้ความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน สายฟ้าเองก็ได้แต่แก้ตัวว่าวันนั้นเขาทำกิจกรรมที่คณะมา ด้วยความเพลียจึงหลับสนิทไปด้วยความเหน็ดเหนื่อย ไม่รู้ว่าทิวไผ่กับสายฟ้าย่องออกจากห้องไปตอนไหน และไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะเรื่องทางบ้านของต้นข้าวกับทิวไผ่เอง เขาก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำ ถึงมันจะเป็นการโกหกสร้างเรื่องอย่างที่ไม่ควรทำ แต่ทำไงได้ล่ะ ในเมื่อเขาไม่อยากจะเป็นคนทำลายชีวิตและความรักของเพื่อนเป็นครั้งที่สองอีกแล้ว ครั้งที่ผ่านมาเพราะความเห็นแก่ตัวและความอิจฉาริษยาของเขาแท้ ๆ เชียว ที่ทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายบัดซบนี่ขึ้นมา
‘นี่ก็จะครบหนึ่งสัปดาห์เข้าไปแล้ว ต้นกับไผ่ทำไมยังไม่ติดต่อมาซักทีนะ เป็นยังไงกันบ้างก็ไม่รู้ ชักเป็นห่วงแล้วสิ’

“น้องฟ้าครับ น้องฟ้า.....”

“หะ หา.... ว่าไงครับพี่น้ำ” สายฟ้าตื่นจากภวังค์อย่างเงอะงะ เหมือนคนไม่มีสติอยู่กับเนื้อกับตัว เมื่อถูกรุ่นพี่หนุ่มเรียกขาน

“พี่เห็นเรานั่งเขี่ยข้าวในจานเล่นอยู่นานแล้วนะครับ ทำไมไม่กินหรอ รึว่าไม่อร่อย”

“เปล่าหรอกครับพี่ ก็อร่อยดีนี่ครับ”

“พักนี้พี่เห็นเราซึม ๆ เหม่อลอยแบบนี้อยู่บ่อย ๆ นะ มีอะไรหรือเปล่าครับ ปรึกษาพี่ได้นะครับ เห็นเราเป็นแบบนี้แล้วพี่ไม่ค่อยสบายใจเลย” สายชลถามไถ่หนุ่มร่างเล็กด้วยความเป็นห่วง
 “แล้วเพื่อนเราสองคนพักนี้พี่ก็ไม่ค่อยเห็นหน้าเลยนะครับ อืม...ชื่อ... ต้นกับไผ่น่ะ ที่รู้สึกว่าเป็นเมทเรา เค้าไปไหนกันหรอครับน้องฟ้า รึว่าช่วงนี้มีค่ายนอกสถานที่” สายฟ้ารู้สึกจุกที่ลำคอจนแน่นหน้าออกไปหมด น้ำตาเจ้ากรรมกำลังเอ่อท้นที่ขอบตา เขาพยายามก้มหน้านิ่งและสกัดกั้นมันอย่างสุดฤทธิ์

“ฟ้าขอตัวแป๊บนะครับพี่น้ำ” สายฟ้ารีบลุกขึ้นเดินกึ่งวิ่งตรงไปยังห้องน้ำหลังร้านทันที โดยมีรุ่นพี่หนุ่มมองตามหลังไปด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะตัดสินใจลุกตามไปในที่สุด

สายฟ้าเท้าแขวนที่ขอบอ่างล้างหน้า ก้มหน้าปล่อยให้น้ำตาร่วงรินไหลอาบแก้มอย่างสุดที่จะห้ามไว้ได้ สายชลรู้สึกตกใจที่เห็นรุ่นน้องคนรักของเขายืนสะอึกสะอื้นอยู่  ก่อนเดินไปยืนข้าง ๆ และตบที่ไหล่หนุ่มน้อยเบา ๆ เชิงปลอบโยน
“น้องฟ้า เป็นอะไรมากรึเปล่าครับ”

“พี่น้ำ....ฮือออ.... ฟ้ามันเลวฟ้ามันแย่ที่สุด” สายฟ้าปรี่เข้าสวมกอดรุ่นพี่ไว้แน่น ก่อนพร่ำเพ้อความอัดอั้นตันใจออกมา สายชลยืนนิ่งก่อนจะค่อย ๆ ยกมือขึ้นกอดตอบพลางลูบที่หลังและที่ศีรษะ หนุ่มน้อยในอ้อมอกเบา ๆ อย่างอ่อนโยน

“น้องฟ้าอย่าว่าตัวเองแบบนั้นสิครับ เกิดอะไรขึ้น มีเรื่องไม่สบายใจอะไรหรือเปล่า บอกพี่ได้ไหม”

“ฟ้า... ฟ้าทำให้เพื่อนต้องหนีออกจากบ้าน ฟ้าทำร้ายแม้กระทั่งเพื่อนตัวเอง ฮือ ๆ” สายฟ้าสะอื้นไห้ปริ่มใจจะขาด น้ำตาเอ่อนองจนเสื้อของสายชลเปียกชุ่มไปหมด

“มีเรื่องอะไรกันหรอ บอกพี่ได้ไหม”

“ฟ้ากลัว...ถ้าบอกแล้วพี่น้ำจะเกลียดฟ้า ฮึ่ก ๆ ฮือออ...”

“ไม่หรอก ยังไงถ้าฟ้าคิดว่าตัวเองทำผิดแล้วสำนึกผิด ก็ควรที่จะให้อภัยนะ เดี๋ยวเราไปคุยกันต่อข้างนอกดีกว่าตรงนี้คงไม่สะดวกเท่าไหร่”

สายชลปลอบหนุ่มรุ่นน้อง ก่อนที่สายฟ้าจะปราดน้ำตาทิ้งและล้างคาบตาออก แต่ดวงตาก็ยังแดงก่ำให้เห็นอยู่เนื่องจากการร้องไห้มาอย่างหนัก
ระหว่างทางกลับหอสายฟ้าเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้รุ่นพี่หนุ่มฟังอย่างหวาดหวั่นว่าสายชลจะไม่เกลียดเขาอย่างที่รับปากไว้หรือเปล่า เพราะรุ่นพี่หนุ่มเอาแต่นิ่งเงียบระหว่างที่สายฟ้าบอกเล่าเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่คิดที่จะให้อภัยตัวเองซะด้วยซ้ำ

สายชลเองรู้สึกน้อยใจตัวเองอยู่ลึก ๆ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาทุ่มเททุกอย่าง แต่เขาไม่สามารถพิชิตใจสายฟ้าได้เลยหรือ หนุ่มน้อยคนนี้กลับไม่สนใจใยดีเขาเลย แถมยังคงอาลัยอาวรณ์คนที่ตนแอบรักเขาอยู่ข้างเดียว มันคงเหมือนกับตัวเขาตอนนี้ มิตรภาพที่ได้รับกลับมาคงเป็นความเกรงใจระหว่างรุ่นพี่กับรุ่นน้องกระมัง แต่ยังไงซะ ต่อไปนี้เขาก็ควรจะพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสสินะ เพราะไม่มีศัตรูหัวใจอีกต่อไปแล้ว

รถเคลื่อนมาหยุดอยู่หน้าหอพัก สายชลยิ้มอย่างให้กำลังใจก่อนจะเอื้อมมือไปลูบผมหนุ่มน้อยอย่างเอ็นดูและโน้มศีรษะมาจุมพิตที่หน้าผากเบา ๆ หนึ่งครั้งช่วยให้สายฟ้าใจชื้นขึ้นมาบ้าง

“เดี๋ยวพี่ว่าเรามาช่วยกันคิดหาทางช่วยเหลือไผ่กับต้นให้ครอบครัวเค้าเข้าใจและยอมรับกันดีกว่านะ”

“ยังไงหรอครับพี่ ฟ้ามือแปดด้านมองไม่เห็นหนทางเลย” สายฟ้าพูดอย่างยอมจำนน

“นั่นน่ะสิ คงยากน่าดูแต่ไม่ลองไม่รู้นะ มันต้องมีหนทางดี ๆ ซักทางสิน่า เอาไปคิดเป็นการบ้านละกัน ในฐานะการทำคุณไถ่โทษ” สายฟ้าก้มหน้านิ่ง จนสายชลรู้สึกผิดในสิ่งที่พูดออกไปเมื่อสักครู่ “เอ่อ....เดี๋ยวพี่ช่วยคิดอีกแรงนะ”
“แต่เอ....แบบนี้ทั้งห้องเราก็อยู่คนเดียวน่ะสิ เหงาแย่เลย ไงเดี๋ยวพี่มานอนเป็นเพื่อนดีกว่า” สายชลยิ้มกริ่มส่งสายตาหยาดเยิ้มอย่างมีเลศนัย จนสายฟ้าหน้าแดงอย่างเอียงอาย ช่วยเปลี่ยนให้บรรยากาศซีเรียสหมดไปอย่างได้ผล

“ไม่ต้องเลย ฟ้าอยู่คนเดียวได้ ขืนพี่มาอยู่ด้วยมีหวังฟ้าโดนพรากเวอร์จิ้นกันพอดี”

“อ๊ะอ๊า...คิดอารายอยู่ พี่แค่จะมาอยู่เป็นเพื่อน ไม่ได้คิดอะไรซักหน่อย เอ... แบบนี้ ครายหื่นกันแน่น้า...” สายชลยั่วเย้าจนหนุ่มร่างเล็กเขินอายหนักเข้าไปอีก

“บ้าสิ ไปแล่... ขอบคุณที่มาส่งและขอบคุณที่ยืนเคียงข้างฟ้าครับ” สายฟ้าก้าวลงจากรถ ก่อนโบกมือลารุ่นพี่ แล้วเดินขึ้นหอไปอย่างสบายใจขึ้นมาอย่างมากที่ได้ระบายความอึดอัดในใจที่เก็บงำมาคนเดียวตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาออกไป และยังมีคนพร้อมที่จะยืนเคียงข้างเขาหาทางแก้ไขในสิ่งผิดพลาดที่เขาได้ทำลงไป

...
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 27-06-2007 04:08:51
เป็นสายฟ้าจิงๆ  เพราะความอิจฉา ริษยาแท้ๆ  :m15:

ต้นกะไผ่จะเป็นงัยบ้างนะ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 27-06-2007 06:33:53
สายฟ้าพลาดไปแล้ว... :เฮ้อ: :เฮ้อ:


แต่ไม่เป็นไร
อย่างน้อยก็ยังสำนึกผิดอ่ะนะ
 :m2: :m2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: FOAM ที่ 27-06-2007 08:34:49
ฟ้าครับ

ผมผิดหวังในตัวฟ้า มากครับ

แต่ก้อพอเข้าใจได้ครับ มาเริ่มกันใหม่ดีกว่านะ

 :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 27-06-2007 12:37:14
ฟ้าเปลี่ยนไป

 :m5: :m5: :m5:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 27-06-2007 15:15:41
มาเป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: leau_dissey ที่ 27-06-2007 15:56:22
 :m15: ซื้อหวยทำไมไม่ถูกแบบนี้เนี่ย ว่าแล้วว่าต้องเป็นน้องฟ้า เพราะเสียงริงโทนมันบอกตั้งแต่แรกแล้ว
Love I need somebody love

อุตส่าห์ชอบ เฮ้อ............. :impress:

ยังไงมาต่อไวๆนะคะ o13
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Electrolyte ที่ 27-06-2007 18:03:48
เกลียดฟ้า...ยังไงก็ :angry2:เกลียดฟ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


ต้นข้าวกะไผ่จะเป็นไงบ้างนะเป็นห่วงจัง :m15:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 27-06-2007 19:31:34
ม่ายจริงใช่มั๊ย สายฟ้าเขา.... เขาเปลี่ยนไป  :m2:  :m2:  :m2:  :m2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: mumumama ที่ 27-06-2007 21:52:04
 o8 สิ่งที่ฟ้าทำ จะเป็นบททดสอบให้ไผ่กะต้นเห็นถึงรักที่มีให้กันจริงๆ
และรักกันมากขึ้น :o9:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 27-06-2007 21:57:39
ไม่น่าเลย แค่เพราะความอิจฉาเอง

 :m15:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: taebin7 ที่ 27-06-2007 22:28:20
เพื่อนนะเพื่อนไม่น่าทำกันได้เลย   :m15:

สู้สู้ :m4:


ขอบคุณที่มาต่อน๊า o15
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 27-06-2007 23:16:39
แก้วเวลาแตกมันหลอมใหม่ เป่าใหม่ได้
แต่เพชรอ่ะ ถ้ามีรอยร้าว ก็ไม่มีทางกลับเป็นได้เหมือนเดิม

สำหรับคนอื่นทำแบบนี้คงพอเข้าใจ
แต่คนที่เราไว้ใจที่สุด มันยากเกินจะอภัย
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: sabishiikant ที่ 28-06-2007 07:05:14
ภูเก็ตคือที่ที่จะสามารถหางานทำเพื่อเลี้ยงตัวเองได้ง่ายที่สุด ทิวไผ่และต้นข้าวถอนเงินจากธนาคารแบบปิดบัญชีก่อนมาอยู่ที่นี่ เพื่อป้องกันการถูกติดตามจากการทำธุรกรรมทางการเงิน บวกกับเงินที่ทิวไผ่ขายรถมอเตอร์ไซค์ รวมแล้วได้ประมาณ สามหมื่นกว่าบาท เพื่อใช้ในการยังชีพและเช่าห้องพักระหว่างที่ตระเวนหางานทำยังไม่ได้
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปนับจากที่สองหนุ่มหันหลังก้าวเดินออกจากบ้านมา ต้องพากันระหกระเหเร่ร่อนเปลี่ยนที่อยู่กันทุกวันไปตามแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ พวกเขาเข้าไปขอทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟตามร้านอาหารที่ตั้งเรียงรายริมชาดหาดมากมายมาเกือบสิบร้านแล้ว แต่ยังไม่มีร้านไหนยอมรับเข้าทำงานเลยเพราะเห็นว่าไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งที่แน่นอน สองหนุ่มช่วยกันขอร้องอ้อนวอนยังไงก็ไม่เป็นผล หนักเข้ายังถูกไล่ตะเพริดออกมาเหมือนหมูเหมือนหมา
ซ้ำร้ายวันก่อนต้นข้าวยังโดนพวกแก๊งมิจฉาชีพล้วงกระเป๋าไปหมด เหลือเงินติดตัวอยู่ไม่กี่พันบาทที่จะยังชีพทั้งสองคนได้อีกไม่กี่วันเท่านั้น ถ้ายังหางานทำไม่ได้คงแย่แน่ ๆ

“ต้น ไผ่ว่า...เราลองไปสมัครโชว์ตามบาร์ดูไหม” ทิวไผ่ตัดสินใจพูดขึ้น หลังชั่งใจอยู่นาน

“หา.... ไผ่ว่าไงนะ โชว์อาโกโก้น่ะเหรอ ไม่เอาอ่ะ ไผ่คิดได้ไง หัวเด็ดตีนขาดยังไงต้นก็ไม่ยอมทำเด็ดขาด ให้ต้นไปเที่ยวเก็บขยะขายยังจะดีกว่าซะอีก” ต้นข้าวพูดขึ้นมาอย่างฉุน ๆ

“เอ่อ...ไผ่ขอโทษนะ ก็มันไม่มีใครรับเราทำงานแล้วนี่นา ทั้งเด็กเสิร์ฟ โบกรถ แม้แต่เด็กล้างจานก็ลองมาหมดแล้ว แถมอีกอย่าง งานนี้มันเงินดีนะ”

“แต่ต้นรักเกียรติรักศักดิ์ศรีตัวเองมากกว่ารักเงิน อดตายก็ชั่งปะไร แต่ถ้าไผ่เห็นว่าเงินดีไผ่ก็ไปทำเหอะต้นจะไปหาคุ้ยขยะขายก็ได้” ต้นข้าวพูดอย่างประชดประชัน

“เอ๋ จริงหรอ....ไม่หึงผมหรอ ไม่กลัวผมจะโดนพวกแขกฝรั่ง พวกอาเสี่ยหื่น ๆ ลวนลามแทะโลมจริง ๆ อ่ะ” ทิวไผ่กระเซ้าเย้าแหย่

“เออ.... ทำไมต้องหึง ถ้าอยากได้เงินเยอะ ๆ นักก็ไปเป็นเด็กขายเลยสิ”

“โอ๋ ๆ ๆ แหมที่รักก็...ผมไม่ทำหรอกค้าบ ก็แค่ล้อเล่นเฉย ๆ น่า ถ้าต้นว่าไม่แล้วไผ่ก็ไม่ทำหรอก ขี้งอนขี้ประชดแบบนี้น่าตบด้วยริมฝีปากนักแฟนเรา”

“ลองดิ จะสวนด้วยหมัดเข้าให้ โกรธแล้วนะ”

“อ่ะโอ๋ ๆ หน้าแดงเชียว โกรธหรือว่าเขินกันแน่อ่า....”

“พอเลย ๆ หมดอารมณ์เล่นแล้วต้นว่าเราลองเข้าไปของานร้านนั้นทำดีกว่า ป้าเจ้าของร้านท่าทางแกคงจะใจดี”
“อื้ม ร้านนี้ร้านที่สิบเอ็ดแล้วสินะ ซ้าธุ....ขอให้ได้งานทำทีเท๊อะ ลูกช้างจะให้แฟนแก้ผ้ารำแก้บนถวาย” ทิวไผ่พูดทีเล่นทีจริงก่อนยกมือท่วมหัวไหว้ศาลพระภูมิหน้าร้านก่อนเดินเข้าไปในร้าน โดยถูกต้นข้าวบิดเข้าที่สีข้างจนหนุ่มร่างแกร่งตังงอซี๊ดปากด้วยความเจ็บปวด
.
.
“หวัดดีครับป้า” สองหนุ่มกล่าวทักทายหญิงวัยกลางคนที่นั่งอยู่เค้าน์เตอร์หน้าร้านอาหารตามสั่งร้านหนึ่งริมหาด

“หวัดดีจ้ะ พ่อหนุ่ม มีอะไรหรอจ๊ะ”

“เอ่อ...คือเราสองคนมาหางานทำน่ะครับ ป้าพอจะมีงานให้เราสองคนทำไหมครับ เด็กเสิร์ฟ ล้างจาน โบกรถ พนักงานทำความสะอาด เราทำได้หมดครับ” ทิวไผ่บอกกับหญิงเจ้าของร้านไป

“อืม ร้านป้ามีคนทำครบทุกอย่างแล้วล่ะ คงรับเธอสองคนเพิ่มไม่ได้หรอก ตั้งแต่มีสึนามิมา เดี๋ยวนี้นักท่องเที่ยวน้อย ลูกค้าก็น้อยตามไปด้วย เศรษฐกิจไม่ค่อยดีเลย ค่าใช้จ่ายก็สูง หนูลองไปถามร้านอื่นดูนะเผื่อเค้าอาจจะขาดคนอยู่” หญิงเจ้าของร้านสาธยายเหตุผลซะยืดยาว

“แต่ป้าครับ เราสองคนถามมาหมดทุกร้านตั้งแต่หัวถนนจนท้ายถนนแล้วครับ ขอร้องเถอะครับป้า รับเราสองคนด้วยนะครับ วันก่อนผมก็พึ่งจะโดนล้วงกระเป๋าไป ไม่มีเงินจะเช่าห้อง จะซื้อข้าวกินแล้วครับ นะครับป้า” ต้นข้าวรีบพูดขอร้องทันทีเมื่อได้รับการปฏิเสธจากเจ้าของร้าน แต่หญิงเจ้าของร้านกับนิ่งเงียบ

“นะครับป้า เราสองคนไม่มีที่พึ่งอีกแล้ว ไม่งั้นเราอดตายแน่ ๆ” ทิวไผ่รีบช่วยขอร้องทันที

“เฮ้อ...เอาไงดีล่ะ ป้าสงสารเราสองคนนะแต่...”

“ป้าครับ นะครับ” สองหนุ่มหน้าเศร้าสลดอย่างวิงวอน

“......อือ ก็ได้ ป้ายิ่งขี้สงสารอยู่ เอาเป็นว่า ทำทุกอย่างนะ ตั้งแต่เสิร์ฟ ล้างจานทำ ความสะอาด แล้วแต่จะเรียกใช้ เริ่มงาน 9 โมงเช้า เลิก 5 ทุ่ม ค่าแรงวันละ 180 มีข้าวให้กิน 3 มื้อ โอเคไหม” หญิงวัยกลางคนตอบรับหลังชั่งใจอยู่นานพลางส่ายหัวเบา ๆ อย่างเสียไม่ได้

“เย้! ขอบคุณ คุณป้ามากครับ” สองหนุ่มกระโดดตัวลอยเข้าสวมกอดกันอย่างดีใจ ถึงแม้ว่างานจะค่อนข้างหนัก ค่าแรงค่อนข้างน้อยก็ตามที ถึงยังไงมันก็เป็นงานสุจริตล่ะ แถมไม่ต้องซื้อข้าวกินอีก ทุ่นค่าใช้จ่ายไปได้เยอะเลย

“ป้าถามอะไรอย่างนะ เราสองคนดูท่าทางไม่เหมือนคนไม่ได้เรียนหนังสือเลย หน้าตาไม่น่าจะเกิน 20 กันด้วยซ้ำ ทำไมออกมาหางานทำกันล่ะ” หญิงเจ้าของร้านถามอย่างสงสัยใคร่รู้

“เอ่อ...เราไม่ได้เรียนหนังสือหรอกครับ อยู่บ้านก็เป็นภาระพ่อแม่เปล่า ๆ ก็เลยพากันออกมาหางานทำกัน” ทิวไผ่พูดโกหกออกไปเพื่อปิดบังฐานะของตัวเอง

“ อืมนะ แล้วทางบ้านไม่ส่งเรียนหรอ”

“คือที่บ้านขัดสนนิดหน่อยครับ” ทิวไผ่ตอบ

“หือ สมัยนี้เค้ามีทุนให้ยืมเรียนนี่ เราสองคนคิดจะกลับไปเรียนก็ยังไม่สายนะ อนาคตเป็นสิ่งสำคัญรู้หรือเปล่า” สองหนุ่มนิ่งเงียบ ....ป้าคนนี้ชั่งขี้สงสัยจริง ๆ ท่าทางเป็นคนดี แถมฉลาดอีกตะหากขืนซักต่อไปความได้แตกกันแน่ ๆ ว่าหนีออกจากบ้านมา มีหวังโดนไล่กลับบ้านชัวร์ ...ทิวไผ่คิด

“แล้วเป็นคนที่ไหนกันล่ะ”

“พิดโ-….”

“เพชรบุรีครับป้า” ทิวไผ่รีบแย่งตอบก่อนที่ต้นข้าวจะพูดจบคำ ....เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ...

“อืม ๆ อีกอย่างป้าแปลกใจเราสองคน ปกติเด็กหนุ่มเด็กสาวหน้าตาดี ๆ ส่วนมากมาหางานทำ ไอ้ประเภทเด็กเสิร์ฟเด็กล้างจานตามร้านอาหารแบบนี้เค้าไม่สนกันหรอกนะ สมัยนี้ต้องนู่น ตามผับ ตามบาร์ ใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้นขึ้นเวทีดิ้นพล่าน ๆ เหมือนหมาโดนน้ำร้อน โยกหน้าโยกหลังโชว์เนื้อหนังมังสาให้พวกฝรั่งบ้ากามมันดูกัน หรือไม่ก็ขายตัวกันไปเลย เพราะเงินมันดี แถมบางคนควบ 2 เด้งอีกตะหาก” ...เกือบได้ทำไปแล้วครับป้า....ต้นข้าวคิดพลางมองไปทางหนุ่มร่างแกร่งที่ยืนอยู่ข้าง ๆ “ป้าดีใจที่หนูสองคนไม่หลงมัวเมาในสิ่งเหล่านั้น”

“ขอบคุณครับป้า” ต้นข้าวตอบรับ

“จ้า.... ยังไงก็ขยันทำงานกันล่ะ พรุ่งนี้มาเริ่มงานได้เลย ว่าแต่หนูสองคนพักที่ไหนกัน”

“ตอนนี้พักอยู่บังกะโลริมหาดด้านโน้น น่ะครับป้า เริ่มสู้ค่าเช่าไม่ไหวแล้วกะว่าจะหาที่พักกันใหม่อยู่ ครับ เห็นเค้าว่าอีกสองหัวถนนถัดไปมีห้องเช่าถูก ๆ อยู่จะลองแวะไปดูกันวันนี้น่ะครับ” ทิวไผ่ตอบ

“พวกห้องเช่าถูก ๆ บางทีมันก็ไม่ค่อยปลอดภัยนะ มีพวกวัยรุ่นมามั่วสุมกันเยอะ แต่เราสองคนเป็นผู้ชายคงไม่มีปัญหาเท่าไหร่ ยังไงก็ดูแลตัวเองดี ๆ ล่ะ”

“ขอบคุณครับป้า งั้นเราสองคนลาล่ะครับเดี๋ยวพรุ่งนี้จะรีบมาทำงานแต่เช้าครับ”

“จ้ะ”

ทิวไผ่กับต้นข้าวกล่าวลาป้าเจ้าของร้านก่อนจะพากันเดินออกมาอย่างเบิกบานด้วยความดีใจที่พวกเขาสามารถหางานทำได้สำเร็จ
“สงสัยว่าต้นจะต้องแก้ผ้ารำถวายพระภูมิเจ้าที่จริง ๆ ซะแล้วสิ” ทิวไผ่หยอกล้อหนุ่มร่างบางอย่างยิ้มกริ่ม

“ไม่มีทาง ใครบนคนนั้นก็ทำเองสิ” ต้นข้าวพูดทำไม่รู้ไม่ชี้ 
.
.
สองหนุ่มเดินมาหยุดอยู่หน้าแมนชั่นเก่า ๆ ดูซอมซ่อแห่งหนึ่ง ที่อยู่ลึกจนสุดซอย “จะไหวหรอไผ่ ดูท่าทางน่ากลัวยังไงพิกล” ต้นข้าวคว้ามือทิวไผ่ไว้ก่อนที่จะเดินเข้าไปข้างใน

“ต้องเข้าไปดูข้างในกันก่อนนะต้น นี่ก็ที่สุดท้ายแล้ว ที่ดูดีหน่อย มันก็ค่อนข้างแพง เราไม่มีปัญญาจ่ายค่าเช่าหรอก ที่มันท่าทางจะโอเค ๆ พอจ่ายได้ มันก็เต็มหมดแล้ว” ทิวไผ่เดินนำเข้าไปยังเค้าท์เตอร์โทรม ๆ ในห้องเล็ก ๆ โกโลโกโสที่ใช้เป็นสำนักงานของตึก มีลุงแก่ ๆ คนหนึ่งนั่งหลับคอพับคอเหวี่ยงน้ำลายไหลยืดอยู่ที่เค้าท์เตอร์

“เอ่อ...ลุงครับ” ทิวไผ่ทักขึ้น

“เฮ่ย ๆ อะไร ใคร ห้องไหนตีกันอีก เดี๋ยวแจ้งตำรวจจับเลย” ตาลุงตื่นขึ้นพร้อมกับแสดงอาการโหวกเหวกโวยวาย ....เฮ่อออ ที่อยู่ก็ไม่ค่อยสมประกอบ คนดูแลก็ไม่สมประกอบพอกัน ชั่งวิเศษแท้ ๆ...ต้นข้าวคิดอย่างถอดใจ

“เปล่าครับไม่มีใครตีกันอะไรทั้งนั้น คือเราจะมาขอเช่าห้องน่ะครับ ไม่ทราบว่าที่นี่พอมีห้องว่างไหม” ทิวไผ่บอกจุดประสงค์ลุงคนดูแลไป

“อ้อ เหลืออยู่ห้องหนึ่งพอดีเลยพ่อหนุ่ม อยู่ชั้น 3 ห้องริมสุดด้านในนะ ห้อง 13” ....โหย นึกว่าเน่า ๆ แบบนี้ห้องจะว่างบานเบอะ ยังมีคนมาอยู่อีกนะเนี่ย....ต้นข้าวพึมพำในใจ
“จะขึ้นไปดูห้องก่อนไหม นี่กุญแจ”

“ขอบคุณครับลุง ปะต้น เราขึ้นไปดูห้องกันดีกว่า” ทิวไผ่รับกุญแจมาถือไว้แล้วรีบชวนต้นข้าวขึ้นไปดูสภาพห้อง สองหนุ่มเดินขึ้นบันไดแคบ ๆ ผ่านทางเดินอับ ๆ ก่อนไปหยุดอยู่หน้าห้อง หมายเลข 13 ตามคำบอกของลุงคนดูแล

“โห น่าอยู่มากเลย” ต้นข้าวอุทานออกมาดัง ๆ หลังจากทิวไผ่ไขกุญแจห้องเข้าไป แต่สีหน้ากลับคำพูดมันชั่งตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง สภาพตู้เก่า ๆ เตียงโทรม ๆ มันไม่ได้เสี้ยวหนึ่งของห้องส่วนตัวที่บ้านเขาเลยซักนิด แถมหอพักที่ มหา’ลัยยังดูดีกว่าหลาย 10 เท่า

“เอาน่า ต้น เดี๋ยวเราช่วยกันทำงานเก็บเงินได้เพิ่มขึ้นแล้วค่อยหาที่อยู่ใหม่ที่มันดีกว่านี้กันอีกที ตอนนี้ทน ๆ ไปก่อนก็แล้วกัน” ทิวไผ่เดินเข้ามาสอดแขนสวมกอดต้นข้าวทางด้านหลัง แล้วกระชับวงแขนแน่นขึ้น ต้นข้าวเอนตัวพิงกับอกหน้าแกร่งนั้นอย่างอบอุ่น
“ผมก็ไม่อยากให้สุดที่รักของผมต้องมาลำบากแบบนี้หรอกนะครับ แต่ตอนนี้มันจำเป็น เราต้องสู้ ต้องทำงานเก็บเงินก่อน อะไรประหยัดได้ก็ต้องประหยัด เดี๋ยวไงพอเรามีเงินเก็บหาที่อยู่ใหม่ที่มันดีกว่านี้ได้แล้ว ผมสัญญาว่าจะพาต้นเที่ยวให้ฉ่ำปอดไปเลย” ทิวไผ่พูดกระซิบที่ข้างหูอย่างแผ่วเบา

“สัญญาแล้วนะ”

“ครับสัญญาลูกผู้ชาย มัดจำไว้ก่อนด้วยสิ่งนี้” ทิวไผ่ล้วงเอาสร้อยลูกปัดสีฟ้าน้ำทะเลออกมาจากกระเป๋ากางเกง คล้องสวมให้หนุ่มร่างบาง แล้วกอดกระชับเหมือนเดิมก่อนจะหอมที่ข้างแก้มเนียนฟอดใหญ่
“ชอบไหม”

“ชอบสิ สวยดี สีโปรดเราด้วย” ต้นข้าวตอบรับอย่างพอใจ

“น่ารักจัง แฟนใครหว่า” ทิวไผ่หอมที่ข้างแก้มใส ๆ นั้นอีกหนึ่งฟอดอย่างชื่นใจ

“งั้นเดี๋ยวไงต้นจะได้โทรหาฟ้าซักที ว่าเราได้ที่อยู่ได้งานทำแล้ว สงสัยฟ้าคงเป็นห่วงแย่ เพราะตั้งแต่ขายโทรศัพท์ไปก็ไม่ได้โทรหาเลย”

“อืมใช่ มัวแต่ยุ่ง ๆ ลืมส่งข่าวฟ้าไปซะสนิทเลย ทางนู้นเป็นไงกันบ้างนะ”

“เฮ้อออ...นั่นสิ ต้นเป็นห่วงฟ้า แล้วก็พ่อกับแม่จัง โดยเฉพาะแม่ ต้นเป็นห่วงยังไงไม่รู้” ต้นข้าวพูดอย่างห่อเหี่ยว ทิวไผ่กุมมือเขาไว้อย่างปลอบโยนและให้กำลังใจ
.
.
“ค่าเช่าห้องเท่าไหร่ครับลุง” ทิวไผ่ถามขึ้นเมื่อเดินลงมาที่เค้าท์เตอร์

“รายวัน วันละร้อย รายเดือน เดือนละสองพัน มัดจำล่วงหน้าเดือนแรกสองพัน ค่าน้ำค่าไฟจ่ายตามจริง”
มิน่าล่ะ ถูกอย่างนี้ถึงว่า คนถึงทนอยู่กันเต็ม

“งั้นผมเช่ารายเดือนละกัน” ทิวไผ่เซ็นชื่อในสัญญาเช่าก่อนจะจ่ายค่ามัดจำล่วงหน้าไปสองพันบาท “เดี๋ยวเย็นนี้ผมขนของเข้ามาอยู่เลยนะครับ”

ต้นข้าวและทิวไผ่กลับไปที่บังกะโลที่พักก่อนจะเช็คเอ้าท์แล้วเก็บข้าวของมาอยู่ที่ห้องเช่าใหม่ แต่สภาพไม่ได้ใหม่แถมเก่าซอมซ่ออีกตะหาก ระหว่างที่สองหนุ่มกำลังวุ่นอยู่กับการทำความสะอาดให้ให้มันดูดีขึ้นบ้าง และจัดเก็บข้าวของเข้าที่อยู่นั้น

“หวัดดีครับ มาอยู่ใหม่เหรอครับ” สองหนุ่มหันไปมองทางต้นเสียงที่มาทักทายทันที ชายหนุ่มรูปร่างสันทัด อายุประมาณ 30 ต้น ๆ ตัดผมสกินเฮด ไว้หนวดเครา ใส่กางเกงยีนส์ขาด ๆ เสื้อยืดสีเทา สายตาหลอกแหลกไม่น่าไว้ใจ ยืนอยู่ที่ประตูห้องที่เปิดทิ้งไว้

“หวัดดีครับ เราพึ่งย้ายเข้ามาอยู่ใหม่น่ะครับ พี่ก็อยู่ที่นี่เหมือนกันเหรอครับ” ทิวไผ่ตอบกลับไป เขาเริ่มชักไม่ชอบหน้าไอ้หมอนี่ซะแล้วสิ ไม่ถูกชะตาเอาซะเลย

“ครับ เรียกพี่เสือก็ได้ พี่อยู่ห้องเยื้อง ๆ ไปนี่เอง” ชายแปลกหน้า หรือว่าเพื่อนบ้านกล่าวแนะนำตัวเอง ...ชื่อน่ากลัวเหมือนตัวมันอิ๊บอ๋าย....
“แล้วน้อง...”

“ผมไผ่ครับ ส่วนนั่นต้น เพื่อนผมครับ” ทิวไผ่แนะนำตัวเองและต้นข้าว ก่อนที่ต้นข้าวจะกล่าวสวัสดี

“ยินดีที่ได้รู้จักครับน้องไผ่น้องต้น ชื่อน่ารักกันจัง แหมตอนแรกพี่นึกว่าเป็นแฟนกันซะอีก แบบนี้พี่ก็....” ชักจะเผยอาการมากไปรึเปล่า ไอ้หื่น

“ก็อะไรหรือครับ” ทิวไผ่แกล้งทำเป็นไร้เดียงสา

“ก็ไม่ต้องเกรงว่าจะมารบกวนความเป็นส่วนตัวของน้อง ๆ น่ะครับ” โห คำตอบแกไม่ช่วยให้ดูดีขึ้นเลยนะ ชั่งบ่งบอกถึงมารยาทเพื่อนบ้านที่ดีจัง ความเกรงใจไม่มีเอาซะเลย

“ให้พี่ช่วยไหม” เสือถือวิสาสะเดินเข้ามาในห้อง พยายามทำทุกอย่างและชวนคุยเพื่อตีสนิท จนสองหนุ่มต้องหยุดเก็บข้าวของตรงหน้า แล้วนั่งคุยด้วย ไม่ใช่เพราะเกรงใจคนที่จะช่วย แต่เพราะมีคนมาวุ่นวายต่างหาก

“แล้วน้อง ๆ ทำงานอะไรหรอครับ” ถามซ่อกแซ่กไปรึเปล่า

“ทำงานอยู่ร้านอาหารตรงริมหาด น่ะครับ” ต้นข้าวตอบไปอย่างไม่มีทางเลี่ยง

“ว้า น่าเสียดาย หน้าตาดี ๆ อย่างเราสองคนนี้น่าจะไปทำงานที่มันเงินดีกว่านี้นะ อย่างเช่น.....”

“ไม่ล่ะครับเราไม่ชอบอะไรแบบนั้น งานร้านอาหารนี่ก็รายได้ดีพอมีพอกินแล้ว” ทิวไผ่รีบตอบทันทีเมื่อรู้ว่าหมอนี่จะพูดอะไรต่อไป

“อืม อุดมการณ์สูงแฮะ น่ายกย่อง ส่วนพี่ขับมอไซค์รับจ้าง อยู่วินหัวหาดนู้นนะครับ ไปไหนเรียกใช้บริการพี่ได้นะ คนรู้จักกันพี่ไม่คิดตังค์”

“ขอบคุณครับ แต่คงไม่หรอกครับ เกรงใจ” ทิวไผ่พยายามเน้นเสียงคำลงท้ายอย่างเนียน ๆ “แล้วนี่วันนี้พี่ไม่ไปเข้าคิวรับลูกค้าหรอครับ” หนุ่มหน้าเข้มถามไปอย่างรู้สึกเริ่มรำคาญว่าเมื่อไหร่หมอนี่จะออกจากห้องไปซะที

“วันนี้ขี้เกียจไปน่ะ เซ็ง ๆ เลยนอนเล่นอยู่ห้อง เห็นพวกน้องขนข้าวของเข้ามาเลยแวะมาทักทาย” “น้องต้นไม่ค่อยคุยเลยนะครับปล่อยให้เพื่อนจ้ออยู่คนเดียว” เสือพยายามหันมาชวนต้นข้าวคุย

“เอ่อ....”

“ต้นคุยไม่เก่งน่ะครับ” ทิวไผ่รีบแย่งบทไปทันที
.
.
กว่าที่เพื่อนบ้านที่แสนดีจะก้าวออกจากห้องไปก็เกือบจะมืดค่ำแล้วสองหนุ่มรีบกุลีกุจอเก็บข้าวของต่อทันที
“ไผ่ว่า ไอ้หมอนี่ท่าทางไม่น่าไว้ใจนะ”

“ต้นก็ว่างั้นแหละ ดูไม่ค่อยมีมารยาทเอาซะเลย แถมท่าทางหลอกแหลกยังไงไม่รู้”

“ใช่ แล้วตอนที่มันมองต้นนะ สายตาแพรวพราวเชียว” ทิวไผ่พูดพลางทำตาเขียวปั๊ด

“เอ๋ ๆ ๆ...หึงเค้าหรอตะเอง....” ได้เวลาต้นข้าวแหย่กลับหนุ่มหน้าเข้มเข้าแล้ว

“แหม แฟนตัวเองน่ารักแบบนี้ ไม่หึงได้ไงจ๊ะ” ทิวไผ่ทำสายตาหยาดเยิ้มกลับไป

“แล้วตอนแนะนำตัวไม่บอกมันไปเลยล่ะว่าเราเป็น...แฟนกัน” ต้นข้าวพูดอย่างไม่ยอมสบตา

“ก็นะ ไผ่กลัวต้นจะอายคนอื่นเค้านี่นา แต่ถ้าขืนมันจะมาแสดงอาการเกาะแกะแฟนเราแบบนี้ คงต้องประกาศความเป็นเจ้าของซักวัน” พูดจบทิวไผ่ก็โถมตัวเข้ารวบตัวต้นข้าวที่นั่งอยู่ขอบเตียงไว้ในอ้อมแขน ก่อนทิ้งตัวลงบนที่นอนด้วยกัน
“แบบนี้” ทิวไผ่หอมที่แก้มฟอดใหญ่ แล้วซุกไซ้ที่ซอกคอหนุ่มร่างบาง ต้นข้าวดิ้นพล่าน หัวเราะคิกคักด้วยความจั๊กจี้ก่อนส่งเสียงประท้วง

“นี่ ไม่เอา ตัวเหนียวเหม็นเหงื่อจะแย่แล้ว หิวด้วย รีบจัดของให้เสร็จ ๆ จะได้อาบน้ำแล้วลงไปหาอะไรกินกันดีกว่า”

ทิวไผ่หยัดตัวลุกขึ้นนั่ง “ก็ด่ะ แต่ยังไงคืนนี้ ไม่รอด......เหอ ๆ” หนุ่มหน้าเข้มทำตาหยาดเยิ้ม ต้นข้าวคว้าหมอนเขวี้ยงเข้าให้อย่างอาย ๆ

…………………………………………………………………………………………………………
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 28-06-2007 07:38:56
 :เฮ้อ: ชีวิตจริงไม่ใช่นิยาย  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 28-06-2007 09:00:44
เศร้า รันทด ปวดใจ โกรธแค้น สงสาร อารมณ์สับสนมากมายเลยคับ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 28-06-2007 14:41:07
เหอเหอ

กัดก้อนเกลือกินจริงๆ

 :เศร้า1: :เศร้า1: :เศร้า1:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 28-06-2007 14:57:12
 :เฮ้อ: หวังว่าคงผ่านชีวิตช่วงนี้ไปได้เร็วๆนะ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 28-06-2007 17:05:42
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: aumzaa ที่ 28-06-2007 19:17:19
 :dont2:น่าสงสารจริงๆๆทั้ง 2 คนเรยอะ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: FOAM ที่ 28-06-2007 19:25:22
เห็นต้นกะไผ่ลำบากแบบนี้แล้ว

ฟ้าจะรู้บ้างมั้ยอ่ะ ว่าทำให้เพื่อนลำบากขนาดนี้

เฮ้อ.............

สู้ๆ ครับ ทั้งสองคน      :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 28-06-2007 20:34:13
น่าสงสารจังเลย
จากลูกคุณหนูที่ไม่เคยทำอะไร
กลับต้องมาลำบากแบบนี้ :sad4: :sad4:


สายฟ้าจะสำนึกบ้างมั้ยเนี่ย :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: A GE ที่ 28-06-2007 21:09:20
 :confuse: :confuse:  อ่านไปอ่านมา  นึกถึงหนังเรื่อง "กว่าจะรู้เดียงสา" :m15: :m15:

หวังว่าคงจะไม่เศร้าเหมือนเรื่องนั้นนะครับ :o11: :o11:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: taebin7 ที่ 29-06-2007 21:50:00
สู้สู้  :m11:


ขอบคุงที่มาน๊า o15
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: sabishiikant ที่ 30-06-2007 06:17:05
เกือบเดือนเข้าไปแล้วที่สองหนุ่มช่วยกันทำงานหามรุ่งหามค่ำกันอย่างขยันขันแข็ง ไม่เคยอู้งาน หรือเข้างานสายซักครั้ง จนป้าเจ้าของร้านเอ่ยปากชม ที่ไม่เสียแรงรับพวกเขาเข้าทำงาน
 ต้นข้าวเองถึงจะบ่นบอกว่าเหนื่อยเพราะไม่เคยทำงานหนัก ชนิดเริ่มเช้าเลิกดึกมาก่อน แต่เขาก็ไม่เคยเอ่ยปากผลัดหรือลางานเลยซักครั้ง  เพราะยังมีกำลังใจที่ดีอย่างทิวไผ่ที่คอยช่วยเหลือแบ่งเบางานในส่วนของเขาอยู่เสมอจนบางครั้งต้นข้าวรู้สึกเกรงใจที่เห็นทิวไผ่ทำงานหนักมากกว่าตน แต่หนุ่มหน้าเข้มจะบอกเขาเสมอว่า เขากับต้นก็เหมือนคน ๆ เดียวกัน ที่จริงเขาอยากให้ต้นอยู่สบายให้เขาทำงานเองคนเดียวก็ได้ แต่ต้นข้าวก็พร้อมที่จะยืนหยัดทำงานเคียงข้างเขาเสมอเช่นกัน
เลิกงานทุกวันก็ 4 ทุ่ม 5 ทุ่ม กลับห้องมานอนก็ไม่ค่อยจะได้หลับเต็มอิ่มซักครั้ง เพราะเสียงโหวกเหวกโวยจากห้องข้าง ๆ ซ้ายทีขวาที จนน่ารำคาญไปหมด เดี๋ยวผัวเมียห้องนั้นทะเลาะกัน เดี๋ยวห้องโน้นตั้งวงก๊งเหล้า แถมบางครั้งยังเปิดเพลงเสียงดังอึกทึกคึกโครม พอเมาได้ที่ เปิดเวทีมวยดวลหมัดกันก็บ่อย
สองหนุ่มได้แต่กล้ำกลืนฝืนทน เพราะพวกเขาไม่คิดที่จะอยู่ที่นี่ตลอดไปอยู่แล้ว ส่วนไอ้พี่เสือร้ายนั่นก็คอยหาโอกาสเข้ามาเจ๊าะแจ๊ะเสวนาด้วยทุกเมื่อที่มีโอกาส ถึงไม่ค่อยจะได้เจอกันก็ตามที เพราะ ต้นข้าวกับทิวไผ่เข้างานเช้า เลิกก็เกือบเที่ยงคืน และไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ ไม่ค่อยจะได้อยู่ติดห้องมากนัก วันไหนถึงคิวพวกเขาได้หยุดพักผ่อน ก็จะชวนกันออกไปเดินเล่น หรือเล่นน้ำทะเลกันซะมากกว่า ที่จะอยู่อุดอู้ในห้องเช่าโทรม ๆ ที่ใช้เป็นที่ซุกหัวนอนนี่
แต่ไม่วายไอ้พี่เสือก็หาทางมาชวนไปร่วมวงชนแก้วกันจนได้ สองหนุ่มพยามบ่ายเบี่ยงไปเสียทุกครั้งว่าไม่อยากจะทำให้เสียงาน จนคนชวนได้แต่ฮึดฮัดกลับไปอย่างไม่สบอารมณ์นัก

“จะไปได้ไง มันหลอกเราไปมอมเหล้ารึเปล่าไม่รู้ ท่าทางยิ่งไม่น่าไว้ใจอยู่ แถมเพื่อนพวกมันก็ดูหน้าตาน่ากลัวกันทุกคน” ทิวไผ่เอ่ยขึ้นกับต้นข้าว

“ถึงหน้าตาน่าไว้ใจ ต้นก็ไม่ยอมให้ไผ่ไปหรอก เข้าวงเหล้ามีแต่ทางฉิบหาย ผลาญเงินผลาญทองโดยเปล่าประโยชน์มิหนำซ้ำพาลจะทำให้เสียงานเสียการอีกตะหาก”

“แหม แฟนใครว้า ชั่งน่ารักจริงจริ๊ง น่ารักที่สุดในโลกเลย” ทิวไผ่กระชับอ้อมแขนดึงหนุ่มร่างบางที่นอนอยู่ในอ้อมกอดเขาให้แน่นขึ้น พลางเอาจมูกไซ้ ยีที่ผมอย่างรักใคร่

“ต้นว่าเรานอนกันเถอะง่วงแล้ว วันนี้เพลียมาก ๆ แถมมึนหัวหมุบ ๆ ยังไงไม่รู้ สงสัยมันสะสมกันมานานแล้วมั้ง เลยจะมาแสดงอาการเอาตอนนี้”

“อืมหรอ ไผ่ว่าต้นกินยากันไว้ก่อนดีไหม เกิดไม่สบายขึ้นมาจะแย่ เดี๋ยวไผ่ออกไปซื้อมาให้แป๊บเดียว”

“ไม่ต้องหรอก ดึกแล้ว นอนพักเดี๋ยวคงหายเองแหละ”

“เอางั้นหรอ อืมก็ได้ แต่พรุ่งนี้เช้าต้นต้นต้องกินยาด้วยนะครับ ต้องป้องกันไว้ก่อน เดี๋ยวจะเป็นอะไรมาก”
“ค้าบ พ่อคุณทูนหัว....”

ด้วยความอ่อนเพลียจากการตราตรำทำงานที่ร้านกันมาทั้งวัน เพราะวันนี้มีทัวร์มาลงหลายคณะ ลูกค้าจึงเยอะเป็นพิเศษ สองหนุ่มจึงหลับใหลสู่ห้วงนิทราไปอย่างรวดเร็ว

‘ไผ่ช่วยต้นด้วย อย่า!!!.........’
‘ไอ้เสือ ไอ้สารเลวมึงจะทำอะไรต้น มึงปล่อยแฟนกูเดี๋ยวนี้นะ’
‘พระเอกเหรอไอ้หน้าหล่อ งั้นต้องเจอนี่...ผลั๊วะ!!!...แฟนน้องน่ะ พี่ขอนะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า....’

 “ไผ่ ต้นหนาว....” ทิวไผ่สะดุ้งตื่น พร้อมกับอาการตกใจที่เห็นคนในอ้อมกอดกำลังสั่นเทาอย่างหนาวเหน็บเขาเอามือไปอังที่หน้าผากของหนุ่มร่างบางแต่ก็ต้องเกือบชักมือกลับเพราะมันร้อนผ่าวเหมือนเตาไฟ ยาก็ไม่มี จะออกไปซื้อแต่พอเหลือบไปดูนาฬิกาที่หัวเตียงก็ปาไปตี 3 กว่าแล้ว

“อดทนหน่อยนะครับต้น อีกไม่นานก็จะสว่างแล้ว” ทิวไผ่กระชับอ้อมแขนดึงร่างบอบบางเข้ากอดไว้แนบอกอย่างห่วงใย
.
.
“หืม นี่กี่โมงแล้วนี่ โอ๊ย....ปวดหัวชิบ” ต้นข้าวงัวเงียตื่นขึ้นมาตอนตะวันสายโด่งพร้อมด้วยอาการหัวหมุนติ้ว ห้องทั้งห้องดูเคว้งคว้างไปหมด
“แล้วนี่ไผ่ไปทำงานแล้วหรอ ไม่ได้การแล้วต้องรีบไปทำงาน เราหยุดงานแบบนี้ไผ่ทำงานหนักแย่” ต้นข้าวรีบหยัดตัวลุกจากเตียงอย่างรวดเร็วแต่ก็ต้องหยุดชะงักเพราะหน้ามืดจนรู้สึกวูบเซถลาลงไปนั่งที่ขอบเตียง และต้องยกมือขึ้นกุมขมับที่กำลังปวดหนึบ ๆ ขึ้นมาอีกครั้ง
“หือ” ต้นข้าวพยายามพยุงตัวก้าวเดินไปที่โต๊ะมุมห้องด้วยความสงสัย บนโต๊ะมีโจ๊ก 1 ชาม ขนมปังแยมโรล นมโฟร์โมสต์รสจืด ที่เขาชอบดื่ม แล้วก็มีแก้วน้ำใส่ไว้น้ำเต็มแก้ว ข้าง ๆ มีถุงยาแก้ปวดลดไข้อยู่หนึ่งชุดพร้อมกับโน้ตเล็ก ๆ วางอยู่ ต้นข้าวหยิบมันขึ้นมาอ่านทันที

‘อรุณสวัสดิ์ที่รัก ตื่นขึ้นมาอย่าลืมกินโจ๊กในชามที่ผมซื้อมาไว้ให้แล้วกินยาด้วยนะครับ ถ้ามันเย็นแล้วก็ต้องขอโทษด้วย ที่จริงผมอยากอยู่ดูแลต้นด้วยตัวเองนะ แต่กลัวป้าแกขาดคนทำงานทีเดียวไปตั้งสองคน ยังไงเดี๋ยวตอนเที่ยงผมจะขออนุญาตป้าซื้อกับข้าวร้อน ๆ ไปฝากนะครับ ยังไงตอนเย็นผมก็จะรีบขอป้ากลับก่อนด้วย ที่ร้านไม่ต้องเป็นห่วงผมจะทำงานแทนในส่วนของต้นเอง ต้นนอนพักผ่อนมาก ๆ นะครับ เป็นห่วงนะ /ไผ่

ปล.อย่าลืมกินยาล่ะ จะได้หายไว ๆ จุ๊บ ๆ
      เอ้อ....อีกอย่าง อย่าเปิดประตูให้คนแปลกหน้าเด็ดขาด’


ต้นข้าวอมยิ้มกับคำสั่งที่แฝงไว้ด้วยความห่วงใยของหนุ่มหน้าเข้ม ก่อนจะลงมือทานโจ๊กที่เกือบเย็นชืดหมดแล้ว แต่ก็พยายามกินได้ไม่ถึง 10 คำ เพราะมันรู้สึกขมไปหมด เลยหันไปดื่มนมแทน หมดไปเกือบครึ่งกล่องแล้วกินยาแก้ปวดลดไข้ตามที่ทิวไผ่กำชับไว้ ถึงเขาจะไม่ค่อยชอบการกินยานักก็เถอะ ก่อนจะก้าวขึ้นเตียงล้มหัวลงแล้วผล็อยหลับไปด้วยพิษไข้


...ก๊อก ๆ ๆ... “น้องต้น อยู่รึเปล่า” เสียงเคาะประตูค่อนข้างดังทำให้ต้นข้าวสะดุ้งตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย ก่อนนอนเงี่ยหูฟังสิ่งที่เกิดขึ้น
ตึง ๆ ๆ “น้องต้น เปิดประตูหน่อย....พี่มีเรื่องจะคุยด้วย” จากเสียงเคาะกลายเป็นเสียงทุบประตู อย่างไม่เกรงใจเหมือนคนไร้มารยาท ไม่มีใครนอกเสียจาก
พี่เสือที่ยืนพูดค่อนข้างอ้อแอ้คล้ายคนเมาอยู่หน้าห้อง  “พี่รู้นะว่าวันนี้ต้นอยู่ห้อง เพราเมื่อเช้าพี่เห็นไอ้ -...... เห็นน้องไผ่ออกไปทำงานคนเดียว ไม่สบายหรือเปล่า มีอะไรให้พี่ช่วยไหม เปิดประตูหน่อยสิ”

ด้วยความรำคาญ ต้นข้าวพยายามลุกที่จะเดินไปเปิดประตู แต่‘ห้ามเปิดประตูให้คนแปลกหน้าเด็ดขาดดด...’ ถ้อยคำกำชับของทิวไผ่ดังก้องอยู่ในหู....ยิ่งเป็นไอ้พี่เสือแล้วยิ่งอันตราย...ตัวเองยิ่งไม่สบายอยู่เผื่อเกิดอะไรขึ้นจะเอาแรงที่ไหนไปต่อกรกับมัน...
ต้นข้าวจึงตัดสินใจล้มตัวลงนอนต่อทำเป็นไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น ก่อนเสียงเคาะและเสียงพูดจะเงียบหายไป จนต้นข้าวผล็อยหลับไปอีกครั้ง
.
.
“อีเด็กบ้านี่กูรู้นะว่ามึงนอนอยู่ในห้อง สงสัยคู่ขามันสั่งไว้ห้ามเปิดประตูให้ใครล่ะสิ หน็อยยย...ทำเป็นมาบอกว่าเพื่อนกัน แค่มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าพวกมึงเป็นอะไรกัน แถมไปไหนมาไหนตัวติดกันแจ คอยดูนะ วันนี้ผัวมันไม่อยู่กูต้องเอามันให้ได้ ขืนกูปล่อยโอกาสดี ๆ ลอยนวลกูก็ไม่ใช่ไอ้เสือแล้ว” ไอ้เสือสบถอย่างหัวเสียก่อนกระแทกแก้วเหล้าลงกับพื้น

“แล้วจะเอาไงดีพี่” ไอ้โจ้เด็กหนุ่มวัย 20 กว่า ๆ ถามหาหนทางสู่แผนชั่วช้ากับลูกพี่ของมัน

“โหย...ไอ้โง่ เอาน่ะ เอา มึงจะให้กูบอกมึงรึไงว่ากูจะเอามันยังไงท่าไหน” เสือตวาดลูกน้องจอมทึ่มไปอย่างฉุน ๆ

“ไม่ใช่อย่างงั้นพี่ ไอ้โจ้มันหมายถึง จะทำยังไงเราถึงจะเข้าไปเอามันได้” ไอ้ป้อม เพื่อนคู่หูนรกส่งมาเกิดของไอ้โจ้รีบแก้ต่างแทนเพื่อนทันทีที่ลูกพี่พวกมันเข้าใจผิด เพราะความเมาหรือว่าโง่ ก็ไม่แน่ใจนัก

“พังประตูเลยดีไหมพี่” ไอ้โจ้เสนออีกครั้ง

“มึงเอาหัวแม่เท้าคิดรึไงวะ พังประตูบ้านพ่อมึงสิ คนจะได้แตกตื่นกันมาทั้งตึก”

“คราวนี้สมควร มึงทึ่มเองกูช่วยไม่ได้โว้ย” ไอ้ป้อมช่วยซ้ำเติมจนเพื่อนมันน่าหงอ “เอางี้ดีไหมพี่ ในเมื่อผัวมันไม่อยู่เราก็เอาผัวมันมาเป็นตัวล่อสิ” ไอ้เลวป้อมเสนอความคิดสุดชั่วของมัน

   “เออออ.... มึงนี่ความคิดเข้าท่าว่ะ หึ หึ หึ แล้วมึงจะเข้าท่าไหน เลือกเอา แต่ต้องให้กูเข้าก่อน ส่วนไอ้โจ้มึงคนสุดท้าย” ไอ้เสือแสยะยิ้มอย่างหื่นกระหาย
.
.
...ปัง ๆ ๆ... “น้องต้น ๆ” ต้นข้าวสะดุ้งตื่นทันทีจากเสียงทุบประตูดังสนั่น เป็นเสียงไอ้พี่เสืออีกแล้ว คราวนี้จะมาไม้ไหนอีก ฝันไปเถอะ จ้างให้ก็ไม่มีวันเปิดประตูให้หรอก แต่เอ๊ะทำไมซุ่มเสียงมันร้อนรนพิกล
“น้องต้นพี่มีเรื่องจะบอก น้องไผ่โดนรถชน”

‘อะไรนะ... เราหูไม่ฝาดใช่ไหม ไผ่ โดน รถ ชน!....’ ต้นข้าวตื่นตะลึงในคำพูดที่ได้ยินเมื่อซักครู่ ความมึนงงจากพิษไข้ในหัวหายไปหมด กลับโดนแทนที่ด้วยความหวั่นวิตกด้วยความเป็นห่วงหนุ่มหน้าเข้ม เขาลุกขึ้นจากเตียงเกือบจะในทันที พุ่งถลาไปที่ประตูก่อนกระชากลูกบิดเปิดมันออกอย่างรวดเร็ว แล้วยิงคำถามทันทีด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
“ไผ่เป็นไงมั่ง”
แต่หนุ่มร่างบางต้องหน้าถอดสีเมื่อเห็นไอ้เสือกับชายฉกรรจ์อีก 2 คน ยืนแสยะยิ้มอย่างหื่นกามขวางประตูห้องอยู่

“หึหึหึ แผนแกนี่ ได้ผลจริง ๆ ว่ะไอ้ป้อม” มือไวเท่าความคิด ต้นข้าวรีบดึงประตูเพื่อจะกระแทกปิดกลับไปทันที แต่สายไปเสียแล้วเมื่อไอ้เสือยกเท้าขึ้นถีบสวนกลับเข้ามาอย่างเต็มเหนี่ยวจะแรงกระแทกเหวี่ยงคนตัวเล็กกระเด็นล้มลงไปกองกับพื้นห้อง ต้นข้าวถอยหลังกรูดเมื่อพวกมันก้าวย่างสามขุมเข้ามาในห้อง หัวสมองเจ้ากรรมตอนนี้ยิ่งปวดหนึบ ๆ ด้วยพิษไข้ประดังประเดประทังกันเข้ามา สภาพต้นข้าวตอนนี้เหมือนกับลูกหมาจนตรอกคิดหาทางรอดโอกาสสุดท้ายของชีวิต ...ระเบียง ไม่ นี่ชั้น 3 สูงไป...ประตูเท่านั้น...
...แก๊ก... เสียงหนึ่งในสองของลูกน้องไอ้เสือกดล็อคลูกบิดประตู เล่นเอาต้นข้าวสะดุ้งจนตัวโยน โอกาสรอดริบหรี่เต็มที

“กลัวพี่ทำไมหรือจ๊ะน้อง...เดี๋ยวพวกพี่จะมาช่วยทำให้น้องมีความสุขจนน้องลืมแฟนน้องไปเลยล่ะ” ไอ้เสือเอ่ยปากขึ้นอย่างหื่น ๆ

“ความสุขบ้านพ่อมึงสิ” ต้นข้าวถอยหลังไปจนมือคว้าไปโดนผ้าเช็ดเท้าที่อยู่พื้นห้องต้นข้าวจับมันขว้างใส่หน้าไอ้เสือหื่นทันทีแล้วตัดสินใจลุกขึ้นวิ่งอย่างรวดเร็วไปที่ประตูห้อง

“จับมันไว้” ไอ้เสือออกคำสั่ง ไอ้โจ้สมุนจอมโฉดของไอ้เสือกระโดดเข้าขวางไว้ ต้นข้าวชักเท้าหวดเข้าที่หว่างขามันสุดแรงเกิด

“อุ๊ก!....” ไอ้สมุนชั่วเดนตายหน้าเขียวเป็นจาระบีตราจระเข้ ทรุดฮวบลงกองกับพื้นทันที แต่แล้วก็มีมือสาก ๆ น่าขยะแขยงของไอ้ป้อมคว้าข้อมือต้นข้าวเหวี่ยงกลับเข้าไปกลางห้องจนตัวลอยไปปะทะเข้ากับหน้าอกไอ้เสืออย่างจัง  มันใช้วงแขนแกร่งกอดรัดต้นข้าวไว้แน่นจนหายใจแทบไม่ออก

“ปล่อยกู...ไอ้บ้ากาม กูบอกให้ปล่อยยย.....” ต้นข้าวพยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต จนอ่อนแรงแต่ก็ไม่มีวี่แววว่าหลุดพ้นจากการพันธนาการของวงแขนปีศาจไปได้

“ไหนว่าป่วยไง ทำไมฤทธิ์เยอะจัง มาเป็นของพวกพี่ดี ๆ เถอะน่า ว่าง่าย ๆ สนุกด้วยกัน จะได้ไม่ต้องเจ็บตัว”

“เชิญพวกมึง 3 ตัวสนุกกันไปเองเถอะกูไม่เกี่ยว” พูดจบ เข่าเหน่ง ๆ ก็ลอยขึ้นกระแทกกล่องดวงใจไอ้เสืออย่างแรง จนมันทรุดลงไปกองกับพื้น นอนกุมเป้าบิดไปบิดมาอีกราย เมื่อต้นข้าวหลุดพ้นเป็นอิสระและเอี้ยวตัวจะวิ่งไปที่ประตูอีกครั้ง ทันใดนั้น
....ผลั๊วะ.... “ฤทธิ์มาก ปากดีนักใช่ไหม” ต้นข้าวโดนฝ่ามือหนาแกร่งของไอ้ป้อมหวดเข้าจนเซถลาล้มลงนั่งที่ขอบเตียว ริมฝีปากบวมเจ่อรู้สึกได้ถึงรสเค็มของเลือดที่ซึมออกมาตามมุมปาก

ทางเลือกสุดท้ายแล้วที่จะรอดจากปากเสือปากสิงห์พวกนี้ไปได้ ต้นข้าวลุกพรวดพร้อมตะโกนอย่างสุดเสียง “ช่วยยยย ด้ว-......อ๊อก!!!” แต่แล้วก็ต้องทรุดลงนอนกุมหน้าท้อง รู้สึกจุกไปทั้งช่องท้องจนต้องนอนตัวงอ ใบหน้าเนียนบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด แทบน้ำตาเล็ด เสียงตะโกนขอความช่วยเหลือทางรอดสุดท้ายของเขามันหมดไปแล้ว ถึงจะแหกปากให้ตาย ก็ไม่มีแม้แต่เสียงกระซิบเล็ดลอดออกมาจากไรฟันได้เลย

“ทีนี้สิ้นฤทธิ์ได้ยัง สงสัยจะชอบซาดิสม์ ต้องรุนแรงก่อนถึงจะช่วยสร้างอารมณ์ได้” ไอ้ป้อมพูดอย่างกระหยิ่มใจ

“ไอ้เจี้ยป้อม มึงตีเด็กกูหาหอกไรวะ แต่ก็ดีมันจะได้เงียบ ขัดขืนแบบนี้สิ ได้อารมณ์ไอ้เสือนัก มามะ มาเป็นเมียของพี่เสือซะดี ๆ นะจ๊ะ รับร้องน้องจะเสียวจนครางลั่นห้องเลยล่ะ หึ หึ” ไอ้เสือสร่างจากความเจ็บปวดพยายามคลานปีนขึ้นไปบนเตียงที่ต้นข้าวนอนตัวงออยู่ แต่ก็ถูต้นข้าวยกขาคู้ถีบกระเด็นตกลงมาอีกครั้ง
“เฮ้ย...พวกเมิงยืนบื้อทำไรอยู่วะ มาช่วยจับแขนจับขามันให้กูหน่อยสิโว้ย แหกปากไม่ได้แต่ขามันยังมีแรงอยู่ กูอยากเสียบรูไอ้หน้าอ่อนนี่เต็มทนแล้ว”

ไอ้สมุนเลวสองตัวปฏิบัติตามคำสั่งลูกพี่ชั่วของมันทันที  แขนขาต้นข้าวตอนนี้ถูกตึงกับที่นอนอย่างไม่มีทางที่จะดิ้นหลุด การต่อสู้เพื่อเอาตัวรอดเมื่อซักครู่บวกกับพิษไข้มันตัดกำลังเขาลงไปจนไม่เหลือหลอ แม้แต่เสียงร้องขอชีวิตยังเปล่งออกมาเป็นคำพูดให้ได้ยินไม่ได้ เสื้อและกางเกงของเขาถูกไอ้เสือกระชากฉีกออกจากร่างขว้างทิ้งไปคนละทิศละทาง เผยเรือนร่างขาวเนียนให้ไอ้สัตว์นรกสามตัวจับต้องแทะโลมด้วยความหื่นกระหาย พวกมันส่งเสียงซี้ดซ้าดอย่างพออกพอใจ ต้นข้าวกลับรู้สึกรังเกียจและขยะแขยงอย่างเป็นที่สุด แต่จะทำอะไรได้ นอกจากนอนหลับตาปี๋สะอื้นไห้ปริ่มจะขาดใจ เพราะไม่มีแม้แต่แรงจะดิ้นหรือขยับตัวได้แม้แต่น้อย
ไอ้เสือเริ่มลงมือยุ่มย่ามสำรวจเรือนร่างเปลือยเปล่าของเขาอย่างตามอำเภอใจ มันซุกไซ้กอดจูบร่างขาวเนียนไปทั่ว ต้นข้าวรู้สึกขยะแขยงจนสุดจะทานทน ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกว่าขาสองข้างถูกยกขึ้นสูง และมีอะไรแข็ง ๆ อุ่น ๆ มาป้วนเปี้ยนอยู่ตรงซอกขา

ด้วยแรงอธิษฐาน และกำลังใจเฮือกสุดท้าย

“ไม่!!!....ไผ่ ช่วยต้นด้วยยย อย่า!!!....”

……………………………………………………………………………………………………….
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 30-06-2007 06:58:17
ม่ายนะ    :dont2:  :dont2: จะมีใครมาช่วยมั๊ย  :o7:  :o7:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 30-06-2007 12:33:13
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 30-06-2007 13:22:01
อ๊ากซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซ

ไม่น่ะ

อะไรจะเคราะห์ซ้ำกรรมขนาดนั้น

 :serius2: :serius2: :serius2: :serius2: :serius2:




ทิวไผ่ช่วยต้นข้าวด้วยคร้าบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ

 :dont2: :dont2: :dont2: :dont2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 30-06-2007 14:54:36
ไม่นะ  o9


เดี๋ยวไผ่ก็มา  :amen:

หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Electrolyte ที่ 30-06-2007 17:56:48
ไผ่รีบกลับมาช่วยต้นด้วย...............เร็วๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 30-06-2007 18:26:07
มายก๊อด
 :serius2: :serius2: :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: taebin7 ที่ 30-06-2007 20:29:48
โหดร้ายสุดๆ

ไผ่ กลับมาเร็วๆจิ o9 o9 o9 o9 o9 o9 o9 o9 o9
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 30-06-2007 20:35:17
ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยย

ไผ่มาช่วยต้นเร็วเข้า
 :serius2: :serius2: :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: A GE ที่ 30-06-2007 20:47:44
 :serius2: :serius2:  อย่านะครับ  ไผ่กลับมาช่วยให้ทันนะครับ  ถ้าจะให้ดีก็เอาไอ้พวกเวรเข้าคุกให้หมดเลยดีทีสุด :m14: :m14:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 01-07-2007 00:06:52
พระเจ้า ชีวิตรันทดมากๆๆ

ไผ่กลับมาช่วยด้วยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย   :dont2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 01-07-2007 00:58:03
อะไรกันนักหนาเนี่ย ทำไมคนเราถึงเจอเรื่องร้ายๆได้ไม่หยุดหย่อนแบบนี้เนี่ย
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: FOAM ที่ 01-07-2007 17:06:19
แมร่ง เลวววววววววววววววววววววว

ไผ่รีบกลับมานะครับ

 :angry2: :angry2: :angry2: :angry2: :angry2: :angry2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Shumi ที่ 01-07-2007 22:07:23
เอาแล้วพี่น้อง ไผ่ ช่วยต้นด้วยยย  :serius2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: kook_kai ที่ 01-07-2007 23:15:53
 :serius2: ไผ่มาช่วยต้นข้าวเร็ว ๆ นะ
 :angry2: ไอ้พี่เสือ เลว จริง ๆ เลย
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: sabishiikant ที่ 02-07-2007 06:07:33
 “นี่น้องไผ่ มาช่วยพี่ยกกับข้าวออกไปเสิร์ฟลูกค้าที วันนี้เราเป็นอะไรเนี่ย ท่าทางเหม่อ ๆ แต่เช้าแล้ว รึว่าคู่หูไม่มาทำงานด้วยเลยคิดถึงกันจนไม่เป็นอันทำงาน” พี่ก้อยเด็กในร้านคนหนึ่งส่งเสียงเรียก ทำให้ทิวไผ่หลุดจากอาการเหม่อลอยและรีบกุลีกุจอไปช่วยงานทันที

“แหะๆ เป็นห่วงต้นมันนิดหน่อยครับพี่ ตอนผมออกมามันยังไม่ตื่นเลย ไข้ขึ้นตั้งแต่เมื่อคืน ซื้อยาลดไข้กับโจ๊กทิ้งไว้ให้ แต่ไม่รู้จะยอมกินยารึเปล่า” ทิวไผ่พูดด้วยความเป็นห่วง

“น่ารักกันจริง ๆ สองหนุ่มเป็นห่วงเป็นใยกันด้วย”

“ก็เรามีกันแค่สองคนนี่ครับพี่ คนบ้านเดียวกันด้วย”

“จ้า ยังไงตอนบ่ายก็ขอป้าติ๋มแกแล้วแวะกลับไปดูเพื่อนก็ได้นะ บ่าย ๆ ลูกค้าคงไม่เยอะเท่าไหร่ เดี๋ยวพี่ดูทางนี้รอ”

“ขอบคุณมากครับพี่ที่แนะนำ แต่ผมร้อนใจยังไงไม่รู้สิ อยากกลับไปดูมันเดี๋ยวนี้เลย” ทิวไผ่รู้สึกร้อนรุ่มกระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งคิดถึงความฝันเมื่อคืนนี้ยิ่งทำให้เขาเป็นกังวลด้วยความเป็นห่วงต้นข้าวอย่างไม่มีกะจิตกะใจจะทำงาน”

“พี่ว่า รอซักพักดีกว่ามั้ง ช่วงนี้ใกล้เที่ยงลูกค้าแน่นร้านเลยนะ เกรงใจป้าแก”

“ครับ” ตอบรับไปแต่กลับทำให้จิตใจเขาฟุ้งซ่านเข้าไปอีก อีกหลายชั่วโมงกว่าจะบ่ายลูกค้ายังแน่นร้านอยู่เลย

‘ไผ่...ช่วยต้นด้วยยย...’ เสียงเรียกของต้นข้าวในความฝัน ก้องกังวานขึ้นมาในหูของเขา

ทิวไผ่ทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ความรู้สึกมันบอกว่า เขาต้องกลับไปหาต้นข้าวที่ห้องเดี๋ยวนี้

“พี่ ผมต้องไปหาต้นเดี๋ยวนี้ ฝากขอโทษป้าติ๋มด้วย วันนี้ไม่ต้องให้ป้าคิดค่าแรงให้ผมก็ได้” หนุ่มหน้าเข้มส่งถาดจานอาหารให้พี่ก้อย เขาจะช้าไม่ได้ มันต้องมีอะไรเกิดขึ้นกับต้นแน่ ๆ ‘...รอผมนะต้น ไผ่กำลังจะไปหาต้นแล้ว... ’ ทิวไผ่หันหลังออกวิ่งกลับห้องพักไปอย่างรวดเร็ว ถึงจะไกลเกือบกิโล ต้องวิ่งฝ่าแดดร้อน ๆ ก็ต้องวิ่ง เขาจะหยุดพักไม่ได้เด็ดขาด ยิ่งใกล้เข้าไปเท่าไหร่ เขายิ่งรู้สึกว่าต้องวิ่งให้เร็วยิ่งขึ้นเท่านั้น

“เฮ่ย...ไผ่ เดี๋ยว.... ไอ้นี่หนิ แปลกแฮะ มันจะรีบอะไรนักหนา ถ้าจะไปทำไมไม่ตักเอากับข้าวไปฝากเพื่อนมันด้วย”
.
.
“ต้น!!!...”

“...ไม่!!!!......” ต้นข้าวกรีดร้องอย่างสุดเสียง เมื่อไอ้เสือขยับตัวเดินหน้าอย่างรุนแรง ส่วนหนึ่งของร่างกายมันผลุบหายเข้าไปในช่องทางคับแคบของเขา จนต้องสะดุ้งเฮือกด้วยความจุกและความเจ็บปวด ต้นข้าวปล่อยให้สายธารแห่งความเจ็บปวดรวดร้าวไหลนองอาบสองข้างแก้มเนียน ด้วยความ ขยะแขยงสุดแสนรังเกียจจนเหลือจะรับได้ ก่อนเจ้าของร่างนั้นจะแน่นิ่งไปในที่สุด

ทิวไผ่สะดุ้งตื่นจากการผล็อยหลับไป เมื่อได้ยินเสียงร้องของคนที่นอนอยู่บนเตียง ก่อนกระชับมืออบอุ่นกุมมือเรียวนั้นแน่นเข้า
 “ต้น ต้น...ไผ่อยู่นี่”
ต้นข้าวเบิกตาโพลง ก่อนผวาเข้ากอดหนุ่มหน้าเข้มที่โน้มตัวเข้ามาหา แล้วปล่อยโฮออกมา ด้วยความดีใจระคนกับความเจ็บปวดรวดร้าวใจอย่างที่สุด

“ไผ่...ฮือออ...”

“ไม่เอาน่า ไม่ร้องนะครับคนดี ต้นปลอดภัยแล้วนะครับ” ทิวไผ่ลูบไล้มือหนาแกร่งไปตามศีรษะและแผ่นหลัง พยายามปลอบโยนและให้กำลังใจคนในอ้อมกอดของเขา

“ที่นี่ที่ไหน...” ต้นข้าวเอ่ยถามอย่างสงสัยและกวาดสายตาไปรอบ ๆ ห้อง

“เราอยู่โรงพยาบาลครับ รู้ไหม ต้นหลับไปสองวันเต็ม ๆ เลยนะ”

ต้นข้าวพยายามผลักคนที่สวมกอดอยู่ออกก่อนจะละล่ำละลัก “ไผ่....เราไม่เหลืออะไรอีกแล้ว...เรา เรา .....” หนุ่มร่างบางสะอื้นไห้ฟูมฟายอีกยกใหญ่ “เราไม่คู่ควรกับไผ่อีกต่อไปแล้ว ต้นกลัว...กลัวไผ่จะรักเกียจต้น ที่......ฮึ่ก ๆ”

“จุ๊ ๆ ๆ ...ไม่เอาไม่พูด ผมจะรักเกียจแฟนตัวเองได้ยังไงล่ะครับ แล้วอีกอย่างต้นก็ไม่ได้เสียอะไรไปซักหน่อย ยังอยู่ครบนี่จ๊ะ” ทิวไผ่ปลอบประโลม พลางแกล้งทำมองสำรวจร่างหนุ่มร่างบางอย่างค้นหา

“ไม่รู้สิ... ต้นไม่รู้สึกตัวเลยตอนที่พวกมัน........แต่เมื่อกี้ต้นฝัน.....ฮือ ๆ ๆ” ทิวไผ่ดึงต้นข้าวเข้ามากอดไว้แนบอกอีกครั้ง

“ต้นไม่ต้องกังวลนะครับ มันเป็นแค่ฝันร้ายเท่านั้น ลืมมันซะ ต้นข้าวของทิวไผ่ไม่ได้ถูกไอ้พวกสารเลวพวกนั้นทำอะไรทั้งนั้น…”
“มีคนได้ยินเสียงต่อสู้โวยวาย แล้วก็เสียงต้นร้อง...” ทิวไผ่หยุดพูด พยายามสกัดกั้นความเจ็บปวดรวดร้าว เขารู้ว่าต้นข้าวเจ็บปวดมากขนาดไหนในตอนนั้น แต่เขา กลับช่วยอะไรคนรักของตัวเองไม่ได้เลย
“...และแจ้งตำรวจมาช่วยไว้ได้ทัน หลังจากที่ต้นโดนพวกมันตีสลบไปแล้ว” ทิวไผ่พยายามเค้นคำพูดออกมาอย่างแสนเจ็บปวด แต่เขาก็ต้องพูดเพื่อให้คนในอ้อมกอดสบายใจขึ้น

ทิวไผ่กำมัดแน่น นัยน์ตาบ่งบอกถึงความโกรธแค้น ก่อนกัดฟันพูดเสียงสั่นอย่างเจ็บปวดใจ “ผม...ผมต้องขอโทษด้วยที่มาช่วยต้นด้วยตัวเองไม่ทัน ผมไม่น่าทิ้งต้นไว้ที่ห้องคนเดียวเลย ไม่งั้นเรื่องระยำบัดซบนี่คงไม่เกิดขึ้นแน่ ๆ ...ฮึ่ก ๆ” และแล้วน้ำตาลูกผู้ชายก็ต้องไหลพรากอย่างสุดจะกลั้นไว้ได้อีกครั้ง ทิวไผ่กระชับอ้อมกอดแน่น พูดด้วยเสียงสั่นเทาพลางสะอื้นจนตัวโยน

“ไหนบอกเราไม่ให้ร้องไง แล้วตัวเองร้องไห้ทำไม” ต้นข้าวพยายามกลั้นสะอื้น แล้วพูดเยาะเย้าหนุ่มหน้าเข้ม

“ก็มันเจ็บใจนี่นา ยังไม่ได้เอาคืน กระทืบไอ้ระยำที่มันริบังอาจย่ำยี่จิตใจแฟนเราให้จบตีนซักแอะเลย” คนตัวใหญ่ยิ้มอย่างอาย ๆ ทั้งน้ำตา

“ชั่งมันเถอะ ปล่อยให้ตำรวจเค้าจัดการไปตามกฎหมายดีกว่า แฟนเรานี่ยังไง เรียนกฎหมายมา คิดจะมาทำผิดกฎหมายซะเองนะ” ต้นข้าวพูดพลางยีผมหนุ่มหน้าเข้ม ที่กำลังเงยหน้าจ้องมองดวงตาแดงกร่ำของเขาเล่นเบา ๆ

“แหะ ๆ ไม่ผิดน้า ถ้ามันเป็นการกระทำที่พอสมควรแก่เหตุเพื่อป้องกันสิทธิของเรา” ทิวไผ่ยกข้อกฎหมายขึ้นยอกย้อนกลับอย่างหยอกล้อ

“ตกลงจะถกกฎหมายกันต่อใช่ไหมเนี่ย”

“เออใช่...ต้นหิวไหมครับ กินข้าวต้มร้อน ๆ ก่อนไหม ยังไม่ได้กินอะไรมาตั้งสองวันเต็ม ๆ นี่นา แม่บ้านพึ่งยกมาให้เมื่อซักครู่นี่เอง เดี๋ยวจะได้กินยาแล้วนอนพักผ่อน จะได้หายเร็ว ๆ นะครับ”

“ก็ดีเหมือนกัน เราชักหิวแล้วล่ะ แต่ยังรู้สึกตึง ๆ ที่ริมฝีปากอยู่เลย”

“งั้นค่อย ๆ กลืนนะครับ เดี๋ยวผมป้อนให้ เอ้า อ้ามมมม.....”

สองหนุ่มหยอกล้อกันอย่างสนุกสนานช่วยสร้างความเฮฮา รอยยิ้ม และเสียงหัวเราะ ทำให้ลืมเลือนเรื่องราวร้าย ๆ ที่ผ่านมาในอดีตไปได้บ้าง

...


หลังจากนั้นสองวันหมอก็อนุญาตให้ต้นข้าวออกจากโรงพยาบาลเพื่อไปนอนฟักฟื้นที่บ้านได้ ทิวไผ่ตัดสินใจที่จะไม่พาต้นข้าวหวนกลับไปอยู่ห้องเช่าเน่า ๆ โทรม ๆ ที่ปลูกฝังความเจ็บปวดและความแค้นให้พวกเขาอีกแล้ว

“จะไปกันจริง ๆ เหรอ แล้วใครจะช่วยงานที่ร้านป้าล่ะ ทำงานกันขยันขันแข็งทั้งสองคนแบบนี้ ป้าก็เสียดายพวกเธอแย่เลยสิ” ป้าติ๋มเจ้าของร้านพยายามพูดโน้มน้าวใจให้ทิวไผ่กับต้นข้าวอยู่ช่วยงานที่ร้านต่อไป

“เอ่อ...เราก็อยากอยู่ช่วยป้านะครับ แต่ผมว่าพาต้นย้ายออกจากที่นี่น่าจะปลอดภัยกว่า เห็นตำรวจบอกว่าแก๊งนี้มันมีพวกพ้องเยอะ ลูกพี่มันถูกจับ แต่สมุนมันยังลอยนวลอยู่อีกเพียบ” ทิวไผ่บอกเหตุผลที่จำเป็นแก่ป้าเจ้าของร้าน

“อืม ก็ใช่นะ ดีเหมือนกัน เพื่อความปลอดภัยของเราสองคน ไอ้พวกนี้เดนสังคมจริง ๆ สร้างปัญหาวุ่นวายให้ชาวบ้านเค้าไปทั่ว เห็นเค้าว่า พวกมันมีคดีติดตัวยาวเป็นหางว่าวเลยนะ โดนตำรวจจับได้เจ้าทุกข์วิ่งตามชี้ตัวเป็นพรวนเลย”
“นี่ก็ทำงานกับป้ามาเกือบเดือนแล้วสินะ อีก 4-5 วันจะครบเดือนแล้ว ยังไงป้าจะคิดค่าจ้างให้เราเต็มเดือนเลย เดี๋ยวช่วยค่าหมอค่ายาด้วย”

“เอ่อ...จะดีหรอครับ เราเกรงใจป้าจัง ที่ป้ายอมให้เราทำงานที่ร้านก็เป็นพระคุณอย่างมากแล้วครับ” ต้นข้าวพูดอย่างเกรงอกเกรงใจ

“แหม ไม่เป็นไรหรอก ถือซะว่าเป็นสินน้ำใจ ตอบแทนความดีและความขยันของเราสองคนแล้วกัน จะได้ใช้ทำทุนระหว่างหางานใหม่ทำ”

“ขอบคุณคุณป้ามาก ๆ เลยครับ ถ้ามีโอกาส เราสองคนจะกลับมาตอบแทนพระคุณคุณป้านะครับ”

“แล้วนี่จะพากันย้ายไปอยู่ที่ไหนกันเหรอ”

“ผมกะว่าจะพาต้นไปหางานทำแถวภาคตะวันออกแทนน่ะครับ หางานร้านอาหารเหมือนเดิม หรือไม่ก็ทำงานโรงงานแทนครับ”

“อืม ย้ายกันทีไปไกลเลยนะ แต่ก็ดีแถวนั้นทั้งสถานที่ท่องเที่ยว นิคมอุตสาหกรรมก็เยอะ จะได้มีตัวเลือกหลาย ๆ อย่าง แล้วจะไปกันเมื่อไหร่ล่ะ”

“คงพรุ่งนี้เลยล่ะครับป้า ตอนนี้ผมกับต้นย้ายมาเช่าบังกะโลอยู่ ค่าเช่าต่อคืนค่อนข้างสูง อยู่นานคงสู้ค่าเช่าไม่ไหว”

“อืมจ้ะ งั้นก็ขอให้โชคดีกันนะ”

“ขอบคุณครับป้า เราไปนะครับ” ทิวไผ่และต้นข้าวยกมือไหว้ลาป้าติ๋ม เจ้าของร้านผู้ใจดีและใจบุญ ที่เคยช่วยรับพวกเขาเข้าทำงาน เมื่อครั้งเข้าตาจน ก่อนจะแวะลาพี่ ๆ และเพื่อนๆ ในร้านที่เคยทำงานด้วยกัน

จากนั้นทิวไผ่ชวนต้นออกไปเดินเล่นกินลมชมวิวที่ชายหาดอย่างสบายใจ ก่อนที่จะต้องกลับไปเผชิญชะตากรรมในการต่อสู้ชีวิตดิ้นรนหางานและที่อยู่แห่งใหม่ต่อไป


...


ทิวไผ่และต้นข้าวก้าวลงจากรถทัวร์ที่ท่ารถ อ.บางละมุง ก่อนจะพากันนั่งรถสองแถวมุ่งตรงสู่ชายหาดจอมเทียน พัทยา สองหนุ่มเดินตะเวนหาที่พักไปตามรีสอร์ทและบังกะโลต่าง ๆ ก่อนะเช็คอินที่บังกะโลแห่งหนึ่ง
หนุ่มหน้าเข้มตัดสินใจแล้วว่า ระหว่างนี้ เขาจะพาต้นข้าวเที่ยวผักผ่อนจะได้เป็นการผ่อนคลาย ลืมเรื่องราวเลวร้ายต่าง ๆ ให้หมดไป เพราะยังมีเงินก้อนของเขาและต้นข้าวรวมกันอยู่หมื่นกว่าบาทจากค่าแรงที่ป้าติ๋มให้มา พอแบ่งเป็นค่าที่พักและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ระหว่างพักผ่อนซัก 2-3 วัน คงจะยังพอเหลือเก็บเป็นทุนระหว่างหางานทำต่อไปได้อีกซักระยะหนึ่ง

“ต้นครับ พรุ่งนี้เราจะไปเที่ยวไหนกันดี อืม...เอาเป็นว่า ต้นอยากไปเที่ยวไหนดีกว่า” ทิวไผ่พูดขึ้นระหว่างอาหารเย็น ในร้านอาหารตามสั่ง นั่นคือดินเนอร์อย่างหรูที่สุดตามอัตภาพในขณะนี้

“เราอยากไปนั่งเรือท้องกระจกดูปะการัง น่ะ” ต้นข้าวรีบตอบทันที เพรามันเป็นความฝันของเขามานานแล้วว่าไปเที่ยวทะเลต้องได้นั่งเรือดูปะการังซักครั้ง “เอ่อ....แต่ว่า...ไปไหนก็ได้ที่มันประหยัด ๆ หน่อย เดี๋ยวเงินเราจะหมดก่อนได้งานทำพอดี แบบว่า เล่นน้ำทะเล แล้วสั่งซีฟู้ดมากินกันที่ชายหาดก็พอแล้ว” หนุ่มร่างบางรีบเปลี่ยนแนวคิด เมื่อฉุกนึกขึ้นถึงเงินในกระเป๋าที่มีอยู่

“งั้น...เราจะไปดูปะการังกัน เล่นน้ำกินซีฟู้ดไว้เมื่อไหร่ก็ได้” ทิวไผ่ตัดสินใจที่จะเอาใจคนรักของเขาให้มากที่สุด แค่นั่งเรือดูปะการังคงไม่แพงมากเท่าไหร่นัก

“จะดีหรอ...” ต้นข้าวทำสีหน้าเรียบเฉย แต่ในใจแฝงไว้ด้วยความดีใจอย่างมาก ซึ่งทิวไผ่เองก็ดูออก

“ดีสิ มันคงไม่แพงเท่าไหร่หรอก อะไรที่ทำให้ต้นมีความสุข ไผ่ทำให้ได้หมดล่ะครับ” ทิวไผ่สบตาหยอดคำหวานจนต้นข้าวต้องก้มหน้า หลบสายตาคมเข้มคูนั้นอย่างเหนียมอาย
“แต่ต้องมีสิ่งตอบแทนนะ” แววตาของหนุ่มหน้าเข้มเปล่งประกายวาวโรจน์อย่างมีความหมาย

“ตอบแทนอะไรหรอ” ต้นข้าวทำเป็นก้มหน้าก้มตาตักข้าวใส่ปากต่ออย่างไม่รู้ไม่ชี้
.
.
หลังอาหารเย็น สองหนุ่มแวะไปเดินเล่นกันที่ชายหาดก่อนจะกลับที่พักเพื่อนพักผ่อน ต้นข้าวฮัมเพลงอยู่ใต้ฝักบัวอย่างสบายอารมณ์
“ขอผมอาบน้ำด้วยคนสิครับที่รัก” ทิวไผ่เดินตัวเปลือยเปล่าอวดมัดกล้ามแกร่งที่กระทบแสงไฟเป็นประกาย เปิดประตูห้องน้ำเข้าไปยืนเบียดใต้ฝักบัวกับหนุ่มร่างบาง

“ไม่เอ๊า!...เราอายนะ” ต้นข้าวหน้าแดงเมื่อสายตาไปปะทะกับส่วนกลางร่างกายหนุ่มหน้าเข้มจนต้องรีบพลิกตัวหันหน้าเข้าผนังอย่างเอียงอาย

ทิวไผ่เดินเข้าไปสวมกอดร่างขาวเนียนนั้นทางด้านหลัง ผิวกายเปลือยเปล่าสัมผัสกันจนเกิดการสปาร์คแปลบปลาบ ก่อนหนุ่มหน้าเข้มจะฝังจมูกซุกไซ้ที่ต้นคอเบา ๆ จนต้นข้าวจั๊กจี๋ปนเสียวซ่านไปทั้งสรรพางค์
“เดี๋ยวผมช่วยต้นถูสบู่นะ” พูดจบหนุ่มหน้าเข้มก็หยิบสบู่มาถูไถลูบไล้ไปตามส่วนต่าง ๆ ทุกซอกทุกมุมของร่างขาวเนียน แต่รู้สึกว่าเจ้ามือจอมซนจะป้วนเปี้ยนอยู่ตรงจุดนั้นนานเป็นพิเศษ จนมันเกิดอาการปั่นป่วนเมื่อถูกปลุกเร้า

“ไผ่ อย่าสิ....” ต้นข้าวพูดเสียงกระเส่า เพื่อประท้วงการกระทำของหนุ่มหน้าเข้ม แล้วต้นข้าวก็รู้สึกว่าส่วนกลางลำตัวของทิวไผ่ที่บดขยี้อยู่กับสะโพกของเขามันกำลังขยายพองตัวขึ้นอย่างอบอุ่นวูบวาบ ทิวไผ่ขบฟันที่ใบหูเขาเบา ๆ อย่างหมั่นเขี้ยว

และแล้วร่างบางก็ถูกจับหมุนหันมาเผชิญหน้ากับร่างแข็งแกร่งนั้น ทิวไผ่เชยคางหนุ่มหน้าเนียนใสขึ้นก่อนจะมอบจุมพิตที่ร้อนแรงด้วยไฟพิศวาส บทขยี้กับริมฝีปากเรียวสวยอย่างเร้าร้อน ฝ่ามือหนาใหญ่ของเขากอบกุมสองแก้มก้นเหมาะมือของคนตัวเล็กกว่าคลึงเค้นบดเข้ากับส่วนกลางที่ร้อนรุ่มของเขา ไฟแห่งแรงเสน่หาแผดเผาต้นข้าวจนอ่อนระทวยแทบจะทรงตัวไม่อยู่ต้องยกแขนขึ้นกอดรัดเอวของหนุ่มคนรักไว้แน่น

เนิ่นนานที่เดียวก่อนที่ทิวไผ่จะถอนปากออก เข้าประคองดวงหน้าสวยนั้นพลางส่งสายตาจ้องมองอย่างรักใคร่ทะนุถนอมบวกกับแรงปรารถนา
“ต้นช่วยผมหน่อยนะครับ” ทิวไผ่ขอร้องเสียงกระเส่า ก่อนจะกดไหล่หนุ่มร่างบางให้นั่งลงบนชักโครก เจ้าไผ่น้อย แต่มันไม่ยักกะน้อยผงกตัวหงึกหงักอยู่ตรงหน้าของเขา ต้นข้าวใช้มือกำมันรูดเข้ารูดออกพลางจองมองอย่างรักใคร่ ก่อนจะตัดสินใจก้มลงครอบครองมันไว้ในอุ้งปากเล็ก ๆ จนตุงคับปาก แล้วขยับศีรษะผงกรูดมันเข้าออกอย่างช้า ๆ และเร่งจังหวะขึ้น สลับช้าเร็วไปมา จนทิวไผ่ยืนแอ่นสะโพกร้องซี้ดซ้าดอย่างเสียวซ่าน เขากุมศีรษะต้นข้าวขยับเข้าออกไปตามจังหวะสลับกับซอยสะโพกเบา ๆ อย่างเมามันส์
“อา !!!....ต้น ผมไม่ไหวแล้ว” ทิวไผ่เสียวกระสันจนต้องรีบถอนเจ้าทิวไผ่น้อยออกมาก่อนที่มันจะพ่นพิษเอาเสียก่อน
ทิวไผ่ดึงร่างของต้นข้าวลุกขึ้นมาบดจูบอย่างกระหายหิว แล้วพาไปยืนบดเบียดกันใต้ฝักบัวอีกครั้ง หนุ่มร่างบางถูกจับพลิกตัวเกาะผนัง บั้นท้ายถูกยกสูงขึ้น เท้าถูกแยกออกจากกันกว้าง หนุ่มหน้าเข้มยืนเกาะเอวเล็กคอดไว้ก่อนจะบดอัดสะโพกพาเจ้าทิวไผ่น้อยเคลื่อนไปข้างหน้า มันผลุบหายเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายต้นข้าวอย่างช้า ๆ สองหนุ่มส่งเสียงครวญครางอย่างเสียวกระสัน ทิวไผ่ยืนนิ่งซักครู่เพื่อให้ร่างกายของต้นข้าวพยายามปรับตัวกับการที่มีเขาเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย ก่อนจะเริ่มเคลื่อนไหวช้า ๆ และเพิ่มจังหวะเร็วขึ้น ๆ จนหนุ่มร่างบางตัวโยนไปมา เสียงหน้าขากระทบแก้มก้นบวกกับเสียงครวญครางดังระงมไปทั้งห้องน้ำแคบ ๆ นั้น

ทันใดนั้นทิวไผ่ก็หยุดเคลื่อนไหวแล้วถอนตัวออกมา จับร่างต้นข้าวพลิกกับมามอบจุมพิตหอมหวานสลับกับร้อนแรงให้อีกครั้ง ขาข้างหนึ่งของหนุ่มร่างบางถูกทิวไผ่ยกขึ้นมาพักไว้ที่ท่อนแขน แล้วต้นข้าวก็ต้องรองรับการบุกรุกอีกครั้ง เขากอดรัดร่างหนาแกร่งของหนุ่มหน้าเข้มไว้แน่น ขณะที่ทิวไผ่เริ่มเคลื่อนไหวตัวเป็นจังหวะอย่างเร้าร้อน ซักพักขาอีกข้างของต้นข้าวก็ถูกยกขึ้น หนุ่มร่างบางตวัดขาทั้งสองข้างรัดเอวของเขาไว้ส่วนมือก็เกาะกุมต้นคอทิวไผ่ยึดไว้ หนุ่มหน้าเข้มประคองสะโพกกลมกลึงพอดีมือของต้นข้าวขยับเข้าออกอย่างเป็นจังหวะ แล้วพาเดินออกไปที่เตียงนอนกลางห้อง

   ต้นข้าวถูกวางลงที่ขอบเตียง ทิวไผ่เริ่มเคลื่อนไหวตัวอย่างเร้าร้อนรุนแรงสลับนุ่มนวลอีกครั้ง พร้อมกับซี๊ดปากร้องอย่างเสียวซ่าน ขณะที่มือก็ช่วยสาวรูดเจ้าต้นน้อยไปพร้อมกันอย่างเป็นจังหวะจะโคน ต้นข้าวแอ่นสะโพกสอดรับการเคลื่อนไหวทั้งมือและสะโพกของทิวไผ่อย่างสุดเสียว
ไม่นานสองหนุ่มก็ต้องซี้ดปากร้องครางออกมาเกือบจะพร้อมกันอย่างสุขสม ทิวไผ่ทรุดฮวบลงนอนทาบทับคนตัวเล็กกว่า เขาหายใจเหนื่อยหอบอย่างหมดแรง

“ลุกเลย หนักนะ เนี่ยอาบน้ำยังไม่เสร็จเลยเห็นมั้ย”

“แหมขอผมนอนพักซักแป๊บมะได้หรอ...” ทิวไผ่พูดเสียงออเซาะ พลางหอมที่ข้างแก้มเนียนชุ่มเหงื่อข้างละหนึ่งฟอดใหญ่ “เดี๋ยวผมหายเหนื่อยแล้วเรามาต่อยกสองกันนะ” หนุ่มหน้าเข้มทำสายตากรุ้มกริ่ม

“ไม่เอาแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ลุกไปดูปะการังกันไม่ไหวพอดีสิ” ต้นข้าวทำสีหน้าเอียงอาย และหาทางเลี่ยง

“ใจร้าย...กะด่ะ...” ทิวไผ่ทำหน้างอน ๆ พูดอย่างขัดใจ แล้วขโมยจูบอีกครั้ง ก่อนจะหยัดตัวลุกขึ้น แล้วช่วยดึงตัวต้นข้าวลุกขึ้นด้วย ก่อนจะจูงมือกันเข้าห้องน้ำไปอีกครั้ง แต่ต้นข้าวประท้วงไว้ก่อน “เดี๋ยว....เราจะอาบคนเดียว ขืนนายอาบด้วยมีหวังคืนนี้ได้อาบน้ำกันทั้งคืนสิ”

“น่านะ...” หนุ่มหน้าเข้มทำหน้าออดอ้อน ก่อนทำตัวเป็นชีเปลือยยืนตรงยกมือชูสองนิ้ว แล้วพูดว่า “ด้วยเกียรติของลูกเสือสำรอง ป๋มเด็กชายทิวไผ่ ขอสัญญาว่า จะอาบน้ำเท่านั้น ไม่ทำอะไรมากกว่านี้ครับป๋ม”
คนตัวโต ๆ หน้าตาเข้ม ๆ ทำตัวคิกขุนี่ก็น่ารักไปอีกแบบ จนต้นข้าวต้องใจอ่อนยอมให้อาบน้ำด้วยกันอีกครั้ง
แต่แล้ว แม้แต่เกียรติของลูกเสือสำรองทิวไผ่ก็ยังไม่อาจจะรักษาไว้ได้ ต้องยอมปล่อยให้มันเป็นไปตามแรงปรารถนาอีกรอบหนึ่ง กว่าสองหนุ่มจะเข้านอนกันได้ก็ปาเข้าไปเกือบเที่ยงคืนเข้าให้แล้ว
.
.
....ต้นข้าวกำลังวิ่งหยอกล้อไล่จับกับทิวไผ่อย่างสนุกสนานอยู่บนหาดทรายขาวสะอาดตัดกับน้ำทะเลสีฟ้าใส
อยู่ ๆ ท้องฟ้าที่ปลอดโปร่งแจ่มใส กลับมืดครึ้มลงอย่างฉับพลัน หมู่เมฆดำทะมึนลอยเข้ามาปกคุมไปทั่วบริเวณราวกับพายุฝนห่าใหญ่จะเทลงมาในไม่ช้า ทันใดนั้น ต้นข้าวก็หันไปเห็นชายรูปร่างสูงใหญ่ตัวดำเมื่อม นัยน์ตาแดงเถือกวาวโรจน์ดุดันดูน่ากลัว แต่งกายแปลก ๆ ด้วยเสื้อผ้าสีแดงคล้ายเลือด ยืนถือไม้กระบองมีหัวกะโหลกติดอยู่  พร้อมกับสมุนอีกสองคน
ชายน่ากลัวพวกนั้น ไม่ใช่คน! เท้ามันพ้นพื้น! มันลอยได้!  พวกนั้นลอยตรงเข้าหาเขาอย่างรวดเร็ว ต้นข้าวเหงื่อกาฬแตกพลั่กถอยหลังกรูดอย่างรวดเร็ว
 “ไผ่” ต้นข้าวใจเต้นรัว ส่งเสียงเรียกหนุ่มคนรัก พลางก้าวถอยหลังอย่างช้า ๆ รู้สึกว่าขาทั้งสองข้างดูจะอ่อนแรงลงอย่างฉับพลัน เงียบ! ไม่มีเสียงตอบรับ และแล้วก็ปะทะเข้ากับร่าง ๆ หนึ่ง
ต้นข้าว ตกใจสุดขีด! หน้าซีดเผือด เมื่อหันไปพบว่า ทิวไผ่ยืนนิ่งอยู่เบื้องหลัง ใบหน้ามองคล้ำ ร่างกายเต็มไปด้วยเลือดแดงฉาน แล้วชายสามคนก็เข้าคุมตัวทิวไผ่ไว้ ก่อนจะพาลอยออกไปอย่างช้า ๆ ต้นข้าวคว้าขาทิวไผ่พยายามยื้อยุดไว้อย่างสุดชีวิต....
.
.
หนุ่มร่างบางสะดุ้งตัวตื่นขึ้นมากลางดึก จนทิวไผ่รู้สึกได้

 “ต้น มีอะไรหรือเปล่า” ทิวไผ่เอ่ยถามอย่างเป็นห่วง

“ปะ เปล่า...ไม่มีอะไร นอนต่อเถอะ” ทิวไผ่หลับตาลงและกระชับอ้อมแขนแน่นเข้า ซักพักก็ปล่อยลมหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ แต่ต้นข้าวกลับต้องนอนเบิกตาโพลง ครุ่นคิดอย่างเป็นกังวลกับความฝันที่เกิดขึ้นเมื่อซักครู่ ...มันชั่งคล้ายกับฝันคราวนั้นเหลือเกิน แต่มันนานจนเขาเกือบจะลืมไปแล้วซะอีก แล้วจู่ ๆ มันก็กลับมาอีก
ต้นข้าวพยายามพลิกตัวในอ้อมแขนของทิวไผ่เพื่อหันมามองใบหน้าคมเข็มที่กำลังหลับอย่างเป็นสุขอยู่ให้ถนัดยิ่งขึ้น ถึงจะเป็นการมองฝ่าความมืด แต่เค้าหน้าของหนุ่มคนนี้ก็บ่งบอกถึงความหล่อเหลาอย่างเห็นได้ชัด ต้นข้าวยกมือขึ้นเขี่ยเส้นผมที่ตกลงมาปกหน้าเขาออกอย่างแผ่วเบา หนุ่มหน้าใสมองพินิจพิจารณาใบหน้าคมเข้มมีเสน่ห์นั้นอย่างรักใคร่ ต้นข้าวถอนหายใจยาว ๆ อย่างแผ่วเบาเฮือกใหญ่ ก่อนจะแอบจุมพิตที่ริมฝีปากได้รูปของเขาเบา ๆ หนึ่งที แล้วซุกตัวเข้าหาอ้อมอกหนาแกร่งที่แสนอบอุ่นนั้น พยายามฝืนใจให้หยุดคิดฟุ้งซ่านก่อนจะสามารถข่มตาหลับไปได้อีกครั้งหนึ่ง

...
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 02-07-2007 06:22:08
ลางไม่ดีอีกและ 

เมื่อไหร่จะพ้นทุกข์สักทีคู่นี้

ชาติก่อนทำกรรมอะไรไว้นักหนานะ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 02-07-2007 08:27:16
นี้ยังโชคร้ายได้กว่านี้อีกมั้ยเนี่ย
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 02-07-2007 14:14:16
ฝันร้ายผ่านไป

แล้วก็มาถึงฝัน

.

.

.

.

.

เปียก

กร้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

 :m11: :m11: :m11: :m11: :m11:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: FOAM ที่ 02-07-2007 19:38:02
จะมีไรไม่ดีเกิดขึ้นรึเปล่าน้า

เฮ้อ  ชีวิตรันทด

เอาใจช่วยครับ    :m5: :m5: :m5: :m5: :m5: :m5: :m5: :m5:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 02-07-2007 19:59:04
ทำไมต้องเจอเรื่องราวที่โหดร้ายด้วยเนี่ย

สงสารนะคับ  :m15:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 02-07-2007 20:43:07
เขาบอกว่าฝันร้ายจะกลายเป็นดี

 :serius2: :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 02-07-2007 20:49:43
เมื่อไรคู่นี้จะพ้นทุกข์พ้นโศกสักทีเนี่ย
 :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: aumzaa ที่ 02-07-2007 20:58:04
 :dont2: :dont2: :dont2: :dont2: :dont2: :dont2: :dont2: :dont2:ม่ายยยยยยยยยยย......
แค่นี้ยังน่าสงสารไม่พออีกหรอครับ.... :angry2: :angry2: :angry2: :angry2:คนเขียนอย่าใจร้ายนักเลยครับ :o12: :o12: :o12:สงสารต้นกะไผ่จัง :sad5: :sad5:มาต่อไวๆๆนะครับ :-[ :-[รักนะจูบๆๆ :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: taebin7 ที่ 02-07-2007 21:14:49
 :dont2: :dont2:


ขอบคุณที่มาต่อน๊า o15
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 02-07-2007 22:15:19
อย่านะ

อย่าใจร้ายกะตัวละครอีกเลย

เจ้ใจจะขาดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด  :m15:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: A GE ที่ 03-07-2007 01:38:25
 o21 o21ลางมะดีเหรอครับ  แต่เค้าบอกว่าฝันร้ายจะกลายเปนดีมะช่ายเหรอครับ :m5: :amen: :m5:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: chiaki ที่ 03-07-2007 15:21:36
 :m5: ขอร้องล่ะน๊า
อย่าทรมานตัวละครอีกเลยยย
น่าสงสารอะ :m8:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Shumi ที่ 03-07-2007 21:46:31
เอาหละสิ จะเกิดอะไรขึ้นกันนะ  o8
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 04-07-2007 01:29:40
ขอฝากให้ทุกคนเข้าไปอ่านหน้านี้

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2023.0

หน่อยนะ  เรื่องด่วนจริงๆ  เจ้ขอร้อง  :m5: :m5:

เรื่องที่YOUTUBE  ได้เผยแพร่เรื่องราว ที่ลบหลู่ดูหมิ่นพระเจ้าอยู่หัวของพวกเราคนไทย

ด่วนมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  นะเคอะ  ทุกคน  ขอแรงจริงๆ

 o12 o12 o12  :angry2: :angry2: :angry2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: nunyy ที่ 04-07-2007 08:18:26
 :serius2: โอ้ว ม่ายยยยย อย่า ได้โปรด ขอร้องล่ะ ม่ายยยยยย o9
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 04-07-2007 10:10:33
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ~prince™~ ที่ 04-07-2007 11:04:39
ชอบมากๆเลยล่ะคับ  มาต่อเร็วๆนะอยากอ่านใจจะขาดอยู่แล้ว  :m11: :m11:
 :m5: :m5: :m5:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 04-07-2007 19:46:27
ลางร้าย  :m2:  :m2:  :m2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: sabishiikant ที่ 04-07-2007 21:36:06
ช่วงสายของวันใหม่ สองหนุ่มช่วยกันจัดข้าวของสัมภาระที่ไปทัวร์นั่งเรือท้องกระจกดูปะการังกัน วันนี้ ต้นข้าวและทิวไผ่ แต่ตัวแบบสบาย ๆ สวมเสื้อเชิ้ตลายดอกสีสันสดใส กางเกงขาสั้น หมวกแก๊ปและร้องเท้าผ้าใบ พร้อมเป้ใบเล็ก ๆ เดินออกจากที่พักไปอย่างกระตือรือร้น
ต้นข้าวดูจะรู้สึกตื่นเต้นกับการทัวร์ครั้งนี้มาก เพราะมันเป็นความฝันในวัยเด็กครั้งหนึ่งของเขา และที่สำคัญยังได้ไปกับคนที่เขารัก มันเป็นอะไรที่พิเศษสุด ๆ แบบนี้เค้าเรียกว่าอะไรน้า อืม...อ๋อ ฮันนีมูนไง โฮะ ๆ ๆ...

“ต้น เดี๋ยวเราแวะซื้ออะไรไปกินกันบนเรือกันก่อนดีมั๊ยครับ” หนุ่มหน้าเข้มเสนอความคิดเห็นระหว่างเดินไปตามถนนเรียบชายหาด มุ่งหน้าสู่ท่าเรือ ที่อีกฝั่งมีร้านค้าขายของที่ระลึก ร้านอาหาร และแหล่งบริการนักท่องเที่ยวต่าง ๆ มากมาย ส่วนอีกฝั่งของถนนเป็นชายหาด มีทิวต้นมะพร้าวยาวไปสุดลูกหูลูกตา ถัดออกไปมีเปลผ้าใบสีสัดสดใสวางเรียงรายอยู่ดูสวยงามตัดกับน้ำทะเลสีครามสดใสในวันที่อากาศปลอดโปร่ง เช่นวันนี้

“อื้ม ดีเหมือนกัน เผื่อหิวท้องร้องจ๊อก ๆ ขึ้นมา เที่ยวไม่สนุกพอดีเลย” หนุ่มหน้าใสตอบรับพลางเดินเคียงข้างกันแวะดูของที่ระลึกตามร้านค้าริมทางอย่างสบายอารมณ์
ก่อนต้นข้าวจะมาหยุดอยู่หน้าร้านขายของที่ระลึกและเครื่องประดับแห่งหนึ่งเพราะสะดุดตากับแหวนเนื้อมุกสีฟ้าอ่อน ดูแวววาวน่าเป็นเจ้าของยิ่งนัก

“พี่ครับผมขอดูแหวนวงนี้หน่อยครับ” ต้นข้าวบอกเจ้าของร้านสาว ก่อนเธอจะหยิบแหวนวงนั้นยื่นให้ ต้นข้าวลองมันที่นิ้วนางข้างขวา...อะไรจะเหมาะเหม็งพอดีอย่างนี้... ต้นข้าวมองมันบนนิ้วมือเรียวสวยของตัวเองอย่างพิสมัย โดยมีทิวไผ่ยืนยิ้มอยู่ข้าง ๆ

“ต้นชอบเหรอ เดี๋ยวผมซื้อให้” หนุ่มหน้าเข้มเอ่ยถามคนรัก ต้นข้าวพยักหน้าเบา ๆ เชิงยอมรับ “เท่าไหร่ครับ” ทิวไผ่ถามหญิงเจ้าของร้าน

“990 จ้ะน้อง ทำจากเนื้อมุกแท้เชียวนะจ๊ะ” หญิงสาวตอบกลับมา ต้นข้าวอึ้งนิด ๆ ก่อนจะรีบถอดแหวนนั้นออกจากนิ้วอย่างรวดเร็ว

“เอาไว้โอกาสหน้า จะแวะมาดูใหม่นะครับ ปะไผ่ เรารีบไปกันเถอะ เดี๋ยวไม่ทันลงเรือนะ” ต้นข้าวรีบออกเดินนำไปอย่างรวดเร็ว

“ตกลงเอาวงนี้ครับพี่” ทิวไผ่รีบจ่ายเงินแล้วรีบเดินตามเพื่อให้ทันหนุ่มร่างบางที่เดินจ้ำอ้าวออกมาก่อน

“ต้น รอผมด้วยสิ เหลือเวลาอีกตั้งหลายชั่วโมงเราเดินดูของเล่น ๆ ไปก่อนได้”

“ไม่เอาอะ ขืนยิ่งดูยิ่งเกิดกิเลส เงินยิ่งไม่มีอยู่”
 
“แฟนเราเป็นคนงกไปตั้งแต่เมื่อไหร่แฮะ” ทิวไผ่พูดทำเสียงหยอกล้อจนคนข้าง ๆ ค้อนควับเข้าให้

“ต้นเดี๋ยวแวะดูไรนี่ก่อนสิ” ทิวไผ่ดึงความสนใจต้นข้าวไปที่ร้านขายสัตว์น้ำแห่งหนึ่ง สองหนุ่มหยุดดูให้ความสนใจกับพวกปลา เต่า ปะการัง และปูเสฉวนที่ไต่ไปมาอยู่ในกระบะทรายภายในร้าน
....มนุษย์นี่ก็แปลก แทนที่จะปล่อยให้สัตว์พวกนี้มันมีชิวิตอยู่กับธรรมชาติ ช่วยให้ระบบนิเวศสมบูรณ์สวยงาม กลับมาทำลายมันให้หมดคุณค่าเพียงเพราะแค่ผลประโยชน์ทางการค้าเท่านั้น เจ้าหน้าที่ควรจะกวดขันจับกุมคนพวกนี้ให้มากขึ้น หนทางที่จะตัดวงจรการค้าของพวกนี้คือ เลือกที่จะไม่อุดหนุนมันซะ ไม่ใช่ว่าซื้อไปเพราะความสงสารเพราะมันยิ่งจะเป็นการส่งเสริมให้พวกพ่อค้าลักลอบจับสัตว์เหล่านี้มาขายมากยิ่งขึ้นไปอีก....ต้นข้าวครุ่นคิดในใจ พลางจ้องมองสัตว์เหล่านั้นด้วยความเวทนา
ขณะที่ทิวไผ่เข้ามายืนเบียดอยู่ข้าง ๆ เขาค่อย ๆ สอดมือหนาแกร่งกุมมือเรียวสวยนั้นไว้ ก่อนจะสวมแหวนวงที่ซื้อมาที่นิ้วนางข้างซ้ายของต้นข้าวอย่างนุ่มนวล

“หือ...” ต้นข้าวยกมือขึ้นมาดู ก่อนจะมองหน้าหนุ่มหน้าเข้มที่ยืนยิ้มอวดลักยิ้มที่แสนมีเสน่ห์น่าหลงใหลอยู่
“ไผ่ซื้อมาทำไม มันแพงออกนะ เรายิ่งต้องประหยัดกันอยู่” หนุ่มร่างบางต่อว่าคนตรงหน้าด้วยสีหน้าเครียด ๆ
“ก็เห็นต้นอยากได้นี่นา” ทิวไผ่หน้าสลดลงทันที เชิงน้อยใจนิด ๆ ที่ไม่ได้คำขอบคุณจากคนรักแถมยังโดนต่อว่าเข้าให้อีก
“แต่...”


“ลูกแม่!!!....” หญิงคนหนึ่งร้องขึ้นอย่างสุดเสียง ทุกคนในบริเวณนั้นหันไปมองทางต้นเสียงเกือบจะพร้อมกัน
หนูน้อยคนหนึ่งวิ่งออกไปเก็บลูกโป่งที่ปลิวออกไปกลางถนน ขณะที่รถสองแถวคันหนึ่งวิ่งมาด้วยความเร็วสูง ทิวไผ่ตัดสินใจกระโดดออกไปดึงตัวหนูน้อยเข้ามาทันที แต่เขา

 เอี๊ยดดดดดดดดด!!!!!!!!......... โครมมมมมม!!!!!!!!

“ไผ่ผ่ผ่ผ่ผ่ผ่!!!!!!.........”

ร่างของทิวไผ่ลอยละลิ่วขึ้นไปบนอากาศตามแรงปะทะก่อนจะตกลงกระแทกกับพื้นถนนอย่างแรง ต้นข้าวผวาวิ่งเข้าสวมกอดร่างที่เปียกชุ่มไปด้วยเลือดสด ๆ สีแดงฉานของเขาไว้
“ไผ่...ทำใจดี ๆ ไว้ เราจะพาไผ่ไปหาหมอแล้ว....” ต้นข้าวพูดด้วยเสียงสั่นเทาปนสะอื้น มือข้างหนุ่มกุมมือหนาแกร่งของเขาไว้แน่น

“ต ต ต้นนน...ผม รัก ต้น!” ทิวไผ่พยายามสะกดกั้นความเจ็บปวดไว้ พูดออกมาอย่างยากเย็น แล้วสำลักเลือดสด ๆ ออกมา ก่อนแน่นิ่งไป

“ไม่ ไผ่ ตื่นสิ .... ไผ่ นายต้องไม่เป็นอะไร ถ้ารักเราก็ต้องอยู่กับเราสิ นายจะทิ้งเราไม่ได้นะไผ่ ไผ่....ไม่ม่ม่ม่!!!!!......” ต้นข้าวกรีดร้องอย่างสุดเสียงปริ่มจะขาดใจ พลางกอดกระชับร่างนั้นไว้แนบแน่น
.
.
หลายชั่วโมงผ่านไป ต้นข้าวยังคงนั่งนิ่งอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน เขานั่งจ้องแหวนวงที่ทิวไผ่พึ่งซื้อให้ในนิ้วนางข้างซ้ายของตัวเอง แหวนที่เขายังไม่ได้เอ่ยปากขอบคุณคนซื้อเลยแม้แต่คำเดียว แล้วดวงตาบวมเป่งเจ้ากรรมก็ปล่อยให้ธารน้ำตาไหลลงอาบสองแก้มอีกหนหนึ่ง ต้นข้าวสะอื้นด้วยความเจ็บปวดทรมานใจอย่างแสนสาหัส พลันหยดน้ำใส ๆ ก็หยดติ๋งลงที่แหวนวงนั้นพอดี พร้อมกับประตูห้องฉุกเฉินเปิดออก

“ไผ่เป็นไงบ้างครับคุณหมอ” ต้นข้าวปรี่เข้าถามอาการของหนุ่มหน้าเข้มทั้งน้ำตา

“เอ่อ...คือ หมอพยายามช่วยเหลืออย่างเต็มความสามารถนะครับ แต่...คนไข้เสียเลือดมาก มีอาการสมองบวมและอวัยวะภายในได้รับความกระทบกระเทือนอย่างหนัก....”

ต้นข้าวรอคอยคำพูดของคุณหมออย่างใจจดใจจ่อ

“เรากำลังระดมทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอยู่ หมออยากแนะนำให้คุณ ทำใจ” ....ทำใจ....คำพูดนี้มันชั่งบีบคั้นจิตใจและความรู้สึกคนฟังด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวยิ่งนัก

“คุณหมอคะ ตอนนี้คนไข้ช็อกหัวใจหยุดเต้นค่ะ!” เสียงพยาบาลสาวหน้าตาตื่นออกมารายงาน ก่อนคุณหมอจะรีบกลับเข้าไปในห้องฉุกเฉินทันที

สิ่งที่ได้ยินเมื่อซักครู่ ต้นข้าวรู้สึกเหมือนถูกกรีดขั้วหัวใจด้วยมีดคมกริบ ก่อนมันจะถูกควักกระชากออกจากร่างไปอย่างเจ็บปวดรวดร้าวสุดแสนจะทานทนได้ ทันใดหนุ่มร่างบางก็รู้สึกวูบ หน้ามืดอย่างฉับพลัน แล้วหมดแรงทรุดฮวบลงกับพื้นแน่นิ่งไปอีกคน

………………………………………………………………………………………………………….
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 04-07-2007 21:44:28
 :dont2: ม่ายยยยยย ไผ่ต้องม่ายยยเป็นไรนะ

  :o12:  :o12:  :o12:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 04-07-2007 21:53:14
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 04-07-2007 22:13:39
หมายความว่ายังไงกันเนี่ย
 :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: b_hihi ที่ 04-07-2007 22:20:30
 :impress: ไม่เอานะ อย่าจบแบบนี้
รับไม่ได้จิงๆ หือๆ :impress:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 04-07-2007 22:52:26
ทำไปได้นะคนเรา
 :m2: :m2: :m2: :m2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: FOAM ที่ 05-07-2007 00:00:13
 :m15: :dont2: :serius2: o9 :o12:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: A GE ที่ 05-07-2007 00:42:59
 :serius2: :serius2:  ม่ายยอมมมมมมมมมมมมม  ฟันฝ่ากันมาตั้งขนาดนี้  ฟ้าคงไม่ใจร้ายแยกทั้งคู่หรอกนะครับ :m5: :m5:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ~prince™~ ที่ 05-07-2007 15:47:49
 o9 o9 o9 o9 o9 o9 o9 o9 o9 o9 o9 o9 o9 o9 o9 o9 o9 o9 o9 o9 o9 o9
                       
                             :o11: ว้า ยังมะได้มาลงหรอกหรอเนี่ย :o11:

     เร็วน้าคร้าบ   แต่ไผ่คงไม่เป็นไรหรอกใช่มั้ยครับอย่าใจร้ายกับต้นมากนักสิคับมะอยากอ่านเรื่องเศร้าๆอีกแล้วอะ
                                    :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 05-07-2007 16:04:57
 :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: ทำม้ายยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Electrolyte ที่ 05-07-2007 16:28:19
ไม่นะเราไม่อยากให้มานเป็นอย่างนี้เลยไม่เอา :m15:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: tsuyu ที่ 05-07-2007 16:50:23
 o9 ไม่นะ ไผ่อย่าตายนะ

หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 05-07-2007 17:26:52
ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

คนแต่งใจร้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

 :m11: :m11: :m11: :m11: :m11: :m11: :m11:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: nanao ที่ 05-07-2007 19:10:41
มันไม่เป็นความจริงใช่หม้ายยยย  :o12:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 05-07-2007 20:08:53
ม่ายจริงช่ายม้ายยยยย  :o12:  :o12:  :o12:  :o12:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 05-07-2007 23:16:30
Oh My God....  :o

เคราะห์ซ้ำ กรรมซ้อน  o6

ชีวิตนี้จะไม่มีเรื่องอะไรดีๆเลยแล้วใช่มั๊ยเนี่ย  :sad4:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 06-07-2007 23:05:48
รอเป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: sabishiikant ที่ 07-07-2007 04:05:45
โปรดอย่าทิ้งฉันไป

ดวงตาเรียวสวยบนใบหน้าเนียน ค่อย ๆ เผยอลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ ภาพเลือนรางที่ปรากฏแก่สายตาเริ่มค่อย ๆ ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ใบหน้าหล่อเข้มของคนคุ้นเคยลอยเด่นยิ้มแฉ่งโชว์แก้มบุ๋มอย่างดีใจ

“ตื่นแล้วหรอต้น” เสียงนุ่มทุ้มของเขาดังทักทายแว่วเข้ามาในโสตประสาทของหนุ่มหน้าใส ความปลาบปลื้มปริ่มเปรมใจท่วมท้นมากมายจนเอ่อล้นทะลักออกมานอกอก ต้นข้าวยิ้มตอบคนตรงหน้าอย่างมีความสุข

“ที่รักของผมไม่เป็นอะไรแล้ว ผมก็สบายใจแล้วล่ะ จะได้หมดห่วงซะที” หนุ่มหน้าเข้มพูดต่อด้วยเสียงนุ่มทุ้มจับใจ ก่อนจะค่อย ๆ โน้มตัวลงมอบจุมพิตที่หน้าผากของคนที่นอนอยู่บนเตียง ต้นข้าวหลับตาพริ้ม ความอบอุ่นแผ่ซ่านเมื่อริมฝีปากอวบอิ่มของทิวไผ่สัมผัสกับหน้าผากของเขา แต่แล้วอยู่ ๆ ความรู้สึกนั้นมันกลับเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว ต้นข้าวลืมตาขึ้นแต่ต้องพบกับความว่างเปล่า

เขาสวมชุดคนไข้ของโรงพยาบาล มีสายน้ำเกลือเสียบอยู่ที่หลังมือซ้าย นอนอยู่บนเตียงกลางห้องสีขาว ต้นข้าวหัวใจเต้นรัว เมื่อครู่นี้ทิวไผ่มาหาเขาใช่ไหม

“ไผ่!” ต้นข้าวกระชากสายน้ำเกลือออก ตะเกียกตะกายลงจากเตียงอย่างรีบเร่ง แล้ววิ่งออกไปยังเค้าท์เตอร์ประชาสัมพันธ์ของโรงพยาบาล

“พี่ครับ คนไข้ที่ชื่อทิวไผ่พักอยู่ห้องไหนครับ” หนุ่มร่างบางสอบถามประชาสัมพันธ์สาวอย่างร้อนรน

“รอซักครู่นะคะ” ต้นข้าวรอคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ “เอ่อ...ยังไม่มีรายชื่อเข้าพักในแผนก IPD นะคะ”

“เป็นไปได้ไงครับ ตอนสายวันนี้ผมพาเค้ามาส่งที่โรงพยาบาลนี้ด้วยตัวเองนี่” ต้นข้าวกระวนกระวายใจอย่างมาก

“คนไข้ฉุกเฉินใช่ไหมคะ สงสัยยังไม่ออกจากห้องผ่าตัดรึเปล่าคะ”

“ขอบคุณครับพี่” ต้นข้าววิ่งตรงไปที่ห้องผ่าตัดที่เขาเคยรอทิวไผ่อยู่หน้าห้องก่อนจะหมดสติไปเมื่อเช้าทันที โดยที่ใจของเขาไปรออยู่ก่อนแล้ว

“ไผ่....ไม่!!!” ต้นข้าวไปถึงพร้อมกับที่เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลคนหนึ่งเข็นเตียงคนไข้ที่คลุมด้วยผ้าสีขาวสวนออกมา เขาหัวใจหล่นวูบ หัวใจดวงน้อยเหมือนถูกสายฟ้าฟาดลงมาอย่างฉับพลัน หนุ่มร่างบางตรงเข้าสวมกอดร่างภายใต้ผ้าคลุมสีขาวนั้น พลางร้องไห่คร่ำครวญปริ่มใจจะขาด

“ไผ่ ไผ่ ตื่นสิไผ่ นายจะให้เราอยู่คนเดียวไม่ได้นะไผ่ ฮือ ๆ ๆ...” หัวใจของต้นข้าวแตกสลายไปพร้อมกับลมหายใจของร่างที่เขาสวมกอดคร่ำครวญอยู่

“เอ่อ เมื่อกี้น้องเรียกว่าไผ่ใช่ไหมครับ คือ นี่ไม่ใช่คุณไผ่ครับ รู้สึกว่าคุณทิวไผ่ที่ถูกรถชนมา ถูกย้ายไปที่ห้องไอซียูตั้งแต่บ่ายแล้วนะครับ” เจ้าหน้าที่คนเข็นเตียงยืนทำหน้างง ๆ และอธิบายให้หนุ่มร่างบางที่กำลังร่ำไห้ฟูมฟายอยู่ฟัง

ต้นข้าวหน้าเหวอ คลายอ้อมกอดจากร่างไร้วิญญาณของใครก็ไม่รู้ก่อนถอดกรูดออกมาอย่างรวดเร็ว เขาคอแห้งผากน้ำตาและเสียงสะอื้นหดหายไปอย่างทันทีทันใด ยิ้มเจื่อนทั้งใบหน้าเปื้อนคาบน้ำตาด้วยความเขินอายจากการหน้าแตกชนิดหมอไม่รับเย็บ ให้เจ้าหน้าที่คนนั้น ก่อนจะขอโทษขอโพย และปล่อยให้เจ้าหน้าที่เข็นเตียงต่อไปยังห้องดับจิตต่อไป

   เมื่อตั้งสติได้หนุ่มร่างบางก็รีบตรงไปยังห้องไอซียูทันที ตอนนี้เขาใจชื้นขึ้นมาบ้างที่รู้ว่าหนุ่มหน้าเข้มยังมีลมหายใจอยู่ แต่เขาต้องการเห็นกับตาว่าคนรักของตัวเองปลอดภัยแล้วจริง ๆ


ร่างไร้ความรู้สึกปราศจากปฏิกิริยาตอบสนองใด ๆ ของหนุ่มหน้าเข้มที่คุ้นเคยนอนอยู่นิ่งอยู่บนเตียง มีสายยางระโยงรยางค์เชื่อมกับอุปกรณ์ต่าง ๆ มากมาย ศีรษะของเขาถูกพันด้วยผ้าพันแผลสีขาวบริสุทธิ์
มีเพียงลมหายใจที่แผ่วเบาผ่านเข้าออกร่างกายเบา ๆ เบาเสียจนแทบจะไม่สามารถสังเกตเห็นแรงสะท้อนของทรวงอกขยับขึ้นลงได้เลย ดูเหมือนเขากำลังนอนหลับใหลอย่างสบาย แต่ที่จริงกลับต้องจมอยู่ภายใต้ความรู้สึกเจ็บปวดที่ไม่อาจจะส่งผ่านออกมาให้ใครรับรู้ได้

หนุ่มร่างบางนั่งเงียบ ๆ อยู่ข้าง ๆ เตียงหนุ่มหน้าเข้ม เมื่อได้รับอนุญาตให้เข้าเยี่ยมได้  สองมือเนียนนุ่มกุมมือหนาใหญ่ของเขาที่ไม่อาจจะสัมผัสได้ถึงชีพจรที่เต้นอย่างแผ่วเบาไว้พลางลูบไล้ไปมาเบา ๆ เพื่อส่งผ่านกำลังใจทั้งหมดที่มีมอบให้เขา และหวังว่าเขาจะรับรู้ถึงความห่วงใยของคนที่อยู่เคียงข้าง
เสียงเครื่องช่วยหายใจดัง ตี๊ด ๆ อย่างสม่ำเสมอ พร้อมกับกราฟแสดงคลื่นการเต้นของหัวใจขยับขึ้นลงอยู่ตลอดเวลา ต้นข้าวเหม่อหมองใบหน้าคมเข้มที่เปลือกตาปิดสนิทของทิวไผ่ ที่มีหน้ากากออกซิเจนครอบอยู่ที่จมูกของเขา สลับไปมากับลูบไล้แหวนที่เขาซื้อให้ในนิ้วนางข้างซ้ายของตัวเองไปมา น้ำตาเริ่มไหลรินออกจากดวงตาคู่สวยนั้นอย่างช้าๆ อีกครั้ง

“ขอบคุณมากนะไผ่..... มันสวยมากเลย” หนุ่มร่างบางพึมพำออกมาเบา ๆ ทั้งน้ำตา ก่อนจูบเบา ๆ ที่มือของคนที่ตนเองรักสุดใจ คนที่โชคชะตากำลังจะพรากชีวิตเขาไปจากโลกใบนี้อย่างไม่มีวันหวนกลับ

ต้นข้าวปล่อยให้น้ำตาไหลรินเป็นทางยาวไม่เหือดแห้ง เขาไม่มีแรงแม้กระทั่งจะเช็ดมันออกไปอีกแล้ว หนุ่มร่างบางกระชับมือกุมมือของคนที่นอนแน่นิ่งไร้ความรู้สึกอยู่ตรงหน้าให้แน่นขึ้น พลางบีบเบา ๆ อย่าทะนุถนอม เขาเฝ้าภาวนาให้หลวงพ่อใหญ่ องค์สมเด็จฯ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่เคารพนับถือช่วยดลบันดาลให้หนุ่มหน้าเข้มหายเป็นปกติในเร็ววัน ถึงแม้ว่าสภาพของคนรักของเขาในตอนนี้จะยังอยู่ในภาวะห้าสิบห้าสิบที่จะรอดชีวิตก็ตามที

หยดน้ำอุ่น ๆ หยดลงบนมือแข็งแรงที่เขากุมไว้ ทันใดนั้น ต้นข้าวก็รับรู้ได้ว่านิ้วมือทิวไผ่กระดิกได้

ใช่! ใช่จริง ๆ ด้วย ไผ่รู้สึกตัวแล้ว ไผ่ขยับนิ้วมือได้แล้ว ความรู้สึกดีใจอย่างสุดขีดวิ่งตรงเข้าสู่หัวใจหนุ่มร่างบางอย่างเปี่ยมล้น  ไม่มีอะไรที่จะทำให้ต้นข้าวดีใจไปมากกว่านี้ได้อีกแล้ว เขากุมมือคนบนเตียงไว้แนบอกแล้วจับจ้องใบหน้าคมเข้มที่ยังนอนหลับตานิ่งอยู่อย่างไม่วางตา และยิ้มให้อย่างเบิกบานทั้งใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยคาบน้ำตาที่แปลเปลี่ยนเป็นไหลรินด้วยความปลาบปลื้มเข้าแทนที่

แต่แล้วเหมือนกับโชคชะตาเล่นตลก หลังจากที่เขาดีอกดีใจได้ไม่ถึงนาที เมื่อจู่ ๆ เสียงเครื่องวัดคลื่นการเต้นของหัวใจดังถี่ขึ้น ๆ ก่อนจะกรีดร้องเป็นเสียงยาว เหมือนกับเสียงมัจจุราชร้ายที่มาพรากคนรักไปจากเขา พร้อมกับเส้นกราฟชีพจรชีวิตของหนุ่มหน้าเข้มกลายเป็นเส้นตรง ชีพจรที่แผ่วเบาแน่นิ่ง ลมหายใจที่เบาบางเหือดหาย

เหมือนกับคนที่เพิ่งขึ้นไปสู่จุดสูงสุดของยอดเขาที่สูงเสียดฟ้าได้สำเร็จ แต่กลับถูกกระชากลงสู่หุบเหวลึกในฉับพลัน หัวใจดวงน้อยแตกสลายจมลงสู่ก้นสมุทรไปพร้อมกับลมหายใจเฮือกสุดท้ายของคนที่เขารักดับวูบลงไปต่อหน้าต่อตา

“ไม่ม่ม่ม่ม่!!!.....” ต้นข้าวร้องออกมาอย่างสุดเสียง เมื่อดวงใจของเขาถูกพญามัจจุราชฉุดกระชากออกจากร่างไปแล้ว เขาผวาเข้ากอดร่างแข็งแกร่งที่นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียง ปริ่มใจจะขาดตามไปด้วยอีกคน พยาบาลสาว 2-3 คนรีบวิ่งตรงมายังเตียงของหนุ่มหน้าเข้ม และเชิญให้ต้นข้าวออกมารอที่หน้าห้อง ก่อนจะพยายามปั้มหัวใจและตามหมอกันอย่างฉุกละหุกวุ่นวายไปหมด

ต้นข้าวนิ่งเงียบ น้ำตาร่วงรินเกือบจะเป็นสายเลือด ยืนเฝ้ามองตรงไปข้างหน้าทะลุกระจกใสบานเล็กที่ประตูห้องเข้าไปยังคนที่ตนเองรักสุดหัวใจ และกลุ่มหมอและพยาบาลที่กำลังพยายามยื้อแย่งชีวิตของหนุ่มหน้าเข้มจากพญามัจจุราชไว้อย่างเต็มที่
สายตาของหนุ่มร่างบางเริ่มพร่ามัว เหนื่อยเหลือเกิน ทรมานเหลือเกิน เจ็บปวดอะไรอย่างนี้ เขาไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ร่างกายเริ่มไร้เรี่ยวแรงที่จะหยัดตัวยืนอยู่ได้ แต่หัวใจยังเปี่ยมล้นไปด้วยกำลังใจที่ส่งให้ทิวไผ่ใช้ต่อสู้กับเหล่ามัจจุราชร้ายที่หมายปองชีวิตของเขา

และแล้วทุกอย่างก็ดับวูบเข้าสู่ความมืดมิดอีกครั้ง


...
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 07-07-2007 04:39:34
ทำไมยังเศร้าไม่สร่างซา  :m2:  :m2:  :m2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 07-07-2007 07:08:45
ยังมีให้ลุ้นไม่เลิก  :m2:  :m2:  :m2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: nanao ที่ 07-07-2007 08:35:11
ไม่จริงใช่ไหมนี่  o9
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 07-07-2007 10:02:37
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: FOAM ที่ 07-07-2007 10:38:30
เศร้าจัง

สู้เค้านะครับ ต้น ไผ่

 :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 07-07-2007 11:56:31
เวลาช่างเหลือน้อยเหลือเกิน
เมื่อมีความสุขได้จงทำปัจจุบันให้ดีที่สุด
 :m1: :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: aumzaa ที่ 07-07-2007 14:58:08
 :o12: :o12: :o12:สู้นะครับไผ่  :dont2: :dont2:เป็นกำลังใจใครับ :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 07-07-2007 15:44:04
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า....


มีความสุขกับปัจจุบันให้มากที่สุด
เพราะเราไม่รู้ว่าฟ้าจะพรากความสุขไปจากเราเมื่อไร :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ~prince™~ ที่ 07-07-2007 17:02:41
 :dont2:ไม่จริงหรอกใช่มั้ยคับ   ทิวไผ่ต้องไม่เป็นอะไรแน่ๆ
ผมเชื่ออย่าลนั้นและก็จะเชื่อต่อไป   สวรรค์ย่อมมีตา :teach:

จริงมั้ยคับทุกๆคน :call: :call:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 07-07-2007 17:24:45
 :o
ไม่จริงใช่มั๊ย อย่าเป็นความจริงเลยนะ  :m5: :m5:
ยังไงก็พยายามเข้านะต้น  :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: A GE ที่ 07-07-2007 20:18:23
 o22 o22  ชะตากรรมมักจะเล่นตลกกับชีวิตเสมอๆนะครับ   :impress: :impress: เอาใจช่วยไผ่ครับผม :amen: :amen:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ~prince™~ ที่ 08-07-2007 12:19:25
 :o7: :o7:ชะตาคนเขียนลิขิต   เฮ่อ  เศร้า :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: kei_kakura ที่ 08-07-2007 18:59:06
 :o  เข้ามาอ่านอีกทีไมมันเศร้าแล้วอ่ะ  :sad2:

 :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: sabishiikant ที่ 08-07-2007 19:02:39
บทส่งท้าย

แสงแดดอันอบอุ่น ท้องฟ้าสีครามสดใส ไร้เมฆหมอก ความงามของธรรมชาติชั่งเป็นทัศนียภาพที่สวยงามดุจใดเหมือน อากาศอันแสนบริสุทธิ์ในยามเช้า ช่วยสร้างสดชื่นอย่างสุดจะพรรณนา

“ตื่นได้แล้วครับน้องฟ้า เดี๋ยวเราจะไปสนามบินไม่ทันเครื่องลงนะครับ” สายชลกระซิบเบา ๆ ที่ข้างหูหนุ่มร่างเล็กที่นอนขี้เซาหลับอุตุอยู่ในอ้อมกอดของเขา

“หือ อือใช่ ...ตาย ๆ ๆ สายแล้ว พี่น้ำ ตื่น ๆ เดี๋ยวอาบน้ำไม่ทันกันพอดี เครื่องลง 7 โมงครึ่งใช่ไหมครับ ไม่น่านอนตื่นสายเลยเรา เพราะพี่น้ำแหละมะคืนชวนทำอะไรไม่รู้ซะดึกเชียว ขืนไปช้ามีหวังโดนโกรธตายแน่ ๆ” คนตัวเล็กรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาพร้อมกับการโวยวายชุดใหญ่ทั้งที่ตัวเองต่างหากที่เป็นคนนอนตื่นสาย

“โหย โบ้ยนะ ถ้าเราไม่ยอมเล่นด้วยแล้วมันจะดึกมั๊ยล่ะ” สายชลยอกย้อนกลับ นี่ก็เดือนกว่าแล้วสินะ ที่เขาย้ายเข้ามาอยู่เป็นเพื่อนสายฟ้า หลังจากต้นข้าวและทิวไผ่จากไป เพราะอดสงสารและเป็นห่วงไม่ได้ที่เกิดปัญหาขึ้นในตอนนั้น สายฟ้าต้องการเพื่อน คนให้กำลังใจและยืนเคียงข้างเขาในการต่อสู้กับปัญหาและความรู้สึกผิดที่เกิดขึ้นในใจ แต่กว่าเขาจะเข้ามาอยู่ด้วยได้ ก็เล่นเอาเลือดตาแทบกระเด็น ประเด็นเป็นหอพักในไม่เท่าไหร่ แต่เจ้าตัวเล็กเองนี่สิ ต้องตามตื๊ออยู่นานกว่าจะใจอ่อนได้

สายชลกับสายฟ้าเดินทางไปถึงท่าอากาศยานประจำจังหวัดประมาณ 7 โมงเศษ ๆ โดยมีผู้กองหัสเทพพร้อมกับคุณปานวาดและลูกสาวคนเล็ก พร้อมทั้งคุณอรรณพยืนรออยู่ที่ฝั่งผู้โดยสารขาเข้าแล้ว สองหนุ่มยกมือไหว้และกล่าวทักทายผู้หลักผู้ใหญ่ตามมารยาทที่ดีงามของสังคมไทย ก่อนจะพูดคุยถามไถ่สารทุกข์สุขดิบเพื่อฆ่าเวลาระหว่างรอเครื่องบินแตะพื้นรันเวย์
ไม่นานนักเครื่องบินโบอิ้ง 737 ของสายการบินแอร์เอเชีย ก็แลนดิ้ง ลงสู่พื้นทางวิ่งแล้วแท็กซี่เข้ามาจอดที่ด้านหน้าอาคารผู้โดยสาร

ทั้งหมดตรงออกไปที่ลานจอดเครื่องบินทันที ต่างคนต่างชะเง้อหาบุคคลที่ตนมาคอยรับอย่างจดจ่อ จนผู้โดยสายคนสุดท้ายเดินลงบันไดมา แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะโผล่ออกมาจากประตูเครื่องบิน ทันใดนั้นพนักงานชายของสายการบินสองคนก็ช่วยกันพยุงยกเก้าอี้รถเข็นเดินลงบันไดมาอย่างทุลักทุเล โดยมีคุณเกศสินีและหนุ่มหน้าใสเดินถือสัมภาระตามลงมา

 ต้นข้าวตรงเข้าสวมกอดบิดาตัวเองอย่างดีใจ ก่อนจะหันไปสวัสดีทักทายคนอื่น ๆ และเข้าไปสวมกอดสายฟ้าเพื่อนรักของเขาอย่างคิดถึง
ผู้กองหัสเทพเองก็เข้าสวมกอดลูกชายคนเดียวของตนที่นั่งอยู่บนรถเข็น ด้วยอาการน้ำตาซึมอย่างดีใจ ระคนกับสงสารลูกชายในสภาพตอนนี้ แต่เขาก็ดีใจที่ลูกชายของเขารอดตายมาได้อย่างปาฏิหาริย์


“ลุงขอบใจหนูต้นมากนะที่ช่วยดูแลลูกชายของลุงอย่างดี สงสัยมันได้กำลังใจจากหนูนี่ล่ะ มันถึงมีแรงฮึดต่อสู้ยื้อแย่งชีวิตกลับคืนมาจากพญามัจจุราชได้” ผู้กองหัสเทพพูดกับหนุ่มร่างบางพร้อมกับตบที่ไหลเขาเบา ๆ ต้นข้าวยิ้มตอบอย่างรู้สึกอบอุ่น

“ดีแล้วล่ะ ที่ลูกไผ่ปลอดภัย ต่อไปจะได้กลับมาทำกายภาพบำบัดที่บ้านเรา” อรรณพพูดเสริม “ยังไงพี่เทพก็ให้ลูกชายพี่ย้ายไปอยู่บ้านผมก็ได้นะครับ จะได้ให้ตาต้นกับแม่เค้าดูแลได้สะดวกขึ้น เพราะพี่เองก็คงยุ่งงานประจำ ส่วนพี่วาดก็ต้องดูแลหนูส้มอีกคน” อรรณพเสนอระหว่างทั้งหมดเดินคุยกันออกไปที่ลานจอดรถ

“เอ่อ งั้นก็ต้องรบกวนคุณนพ แล้วล่ะครับ เกรงใจจัง”

“เกรงจงเกรงใจอะไรกันครับพี่ เราก็เหมือนบ้านเดียวกัน ลูกชายพี่ก็เหมือนลูกชายผมคนหนึ่งเหมือนกัน” สองคุณพ่อพูดคุยกันอย่างเป็นกันเอง “เดี๋ยวเราต้องฉลองกันหน่อยแล้ว เนื่องในโอกาสต้อนรับลูกชายของเราทั้ง 2 คน กลับบ้าน เย็นนี้เชิญทุก ๆ คนที่บ้านผมนะครับ หนูสองคนด้วย” อรรณพหันมาพูดกับสายชลและสายฟ้า สองคนตอบรับอย่างยิ้ม ๆ

“เราไม่พลาดอยู่แล้วครับคุณพ่อ” สายฟ้าตอบรับ พลางหันไปมองทางต้นข้าวที่เข็นรถให้ทิวไผ่อยู่ข้าง ๆแล้วยิ้มให้

“ขอบคุณนายกับพี่น้ำมากนะที่ช่วยเป็นธุระปรับความเข้าใจให้พ่อกับแม่ของเราและทิวไผ่เข้าใจ” ต้นข้าวพูดและยิ้มตอบให้อย่างจริงใจ ขณะที่ทิวไผ่ก็เลื่อนมือขึ้นมากุมมือหนุ่มหน้าใสไว้พลางยิ้มไม่หุบอย่างมีความสุขที่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเข้าใจพวกเขา

“คนเป็นพ่อเป็นแม่ยังไงก็รักลูกตัวเองอยู่วันยังค่ำ สายเลือดมันตัดกันไม่ขาดหรอกจ้ะลูก” เกศสินีพูดพลางตบเบา ๆ ที่ไหล่ของสองหนุ่มอย่างรักใคร่เอ็นดู


..................................................................จบบริบูรณ์........................................................................
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 08-07-2007 19:07:27
จบแบบแฮปปี้เอนดิ้งจิงๆ ดีใจจัง แต่อยากให้มีภาคต่อจังเลยคับ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 08-07-2007 19:10:07
จบแว้ววววว :m11:

ตกลงว่าไผ่ไม่ตายช่ายป่ะ :m4: :m4:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 08-07-2007 19:41:04
ขอบคุณครับ  จะรอเป็นกำลังใจให้สำหรับเรื่องต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: A GE ที่ 08-07-2007 19:43:36
 o7 o7  ค่อยยังชั่วครับ  ที่จบแบบนี้  ถ้าไม่งั้นสงสัยพริกกะเกลือคงขายดี :haun5: :haun5:

ขอบคุณนะครับทั้งคนแต่งทั้งคนโพสท์นะครับ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Hie_KunG ที่ 08-07-2007 19:54:47

...ผมมีตอนพิเศษให้นะครับ เดี๋ยวพี่กานต์คงเอามาโพสต์ให้ครับ.... :haun5:

...ขอบคุณทุกคนที่คอยเป็นกำลังใจให้เสมอมาครับ....เป็นปลื้มมากมาย  o7 ขอบคุณมาก ๆ ๆ ๆ ค้าบบบบบบบบบบบบ.....
 :-[
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ~prince™~ ที่ 08-07-2007 23:55:47
 :laugh3: :laugh3:ในที่สุดไผ่ก็ไม่ตายเห็นมั้ยบอกแล้วว่าชะตาคนเขียนเป็นผู้ลิขิต  อิอิ
 แล้วจะรอตอนพิเศานะครับ
เอ  แต่ก็ยังไม่เข้าใจทำไมรอดมาได้หว่า   อยากรู้เหตุการณ์วันนั้นจังเลยครับว่ารอดมาได้ยังไง  แล้วก็พ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายยอมรับต้นกับไผ่ได้ยังไงแล้วไปยอมรับกันตอนไหนอะ  งง  งง  ช่วยตอบทีนะคับ  อยากรู้ง่ะ :confuse:

 :laugh: :laugh:จารอตอนพิเศษต่อไป     :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 09-07-2007 00:35:08
อ้าว จบเร็วจังเลย

เอาตอนพิเศษมาให้อ่านด้วยน้าคับ  :m1:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 09-07-2007 21:13:44
จบแบบแฮปปี้ซาด้วย อิอิ  :m4:  :m4:  :m4:
จาบอกว่าชอบเรื่องมาก แต่แอบน้อยใจเพราะแต่งให้สายฟ้าเราเป็นตัวโกงไปซะได้  :o12:  :o12:
ขอบคุณคนแต่ง ขอบคุณคนโพสต์ สำหรับเรื่องราวดี ๆ
จะรออ่านตอนพิเศษน้า
ขอบคุณมากค่ะ  o1  o1
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 09-07-2007 21:25:08
ในที่สุดก็แฮปปี้  :m3:

ขอบคุณคนแต่ง และคนโพสมากๆจ้า  :m4:

รออ่านตอนพิเศษอยู่นะ  :m9:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 10-07-2007 18:35:50
ค่อยหายใจทั่วท้องหน่อย
อิอิ

นึกว่าจะติดตาให้สลดไปอีกเรื่อง

 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:


รออ่านตอนพิเศษต่อๆ
 :m3: :m3: :m3: :m3: :m3:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 10-07-2007 20:02:37
มารอตอนพิเศษครับ  เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: aumzaa ที่ 12-07-2007 15:07:51
 o14 o14 o14 o14
ขอบคุณครับ...นึกว่าจะต้องน้ำตาร่วงอีกแระ
รอตอนพิเศษครับ :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 12-07-2007 17:30:14
อ้าววจบไปตอนไหนแล้ว

แงแงแงแง

ไม่ยอมอะ

จาอ่านอีกอะ

 o9 o9 o9 o9 o9 o9 o9 o9
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ~prince™~ ที่ 13-07-2007 13:01:09
 :confuse:ตอนพิเศษจามาเมื่อไหร่นอ :confuse:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: FOAM ที่ 13-07-2007 14:40:26
ขอบคุณครับ

ไม่ผิดหวังที่ติดตามอ่านเรื่องนี้

 o13 o13 o13 o13 o13 o13

ปล. รอตอนพิเศษด้วยคน
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: sabishiikant ที่ 13-07-2007 21:47:06
 (Special Chapter) : Nothing gonna change my love for you.


   สายน้ำไหลไปย่อมไม่มีวันไหลกลับฉันใด ชีวิตคนเราก็ฉันนั้น เมื่ออดีตมันผ่านล่วงเลยไปแล้วเราก็ย่อมที่จะไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขมันได้อีก เพราะฟ้าได้ลิขิตให้มันเกิดขึ้นแล้วต้องจำยอมปล่อยให้สิ่งที่มันเกิดขึ้นแล้วผ่านเลยไปกลายเป็นความทรงจำ ทำใจยอมรับกับมันให้ได้ และเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับมันให้ได้อย่างไม่เป็นทุกข์ แต่ทั้งนี้ถึงแม้ว่ามนุษย์เราจะไม่สามารถแก้ไขอดีตได้ แต่เราก็ยังสามารถนำมันมาเป็นบทเรียนเป็นประสบการณ์ในการใช้ชีวิตต่อไปในภายภาคหน้าได้อย่างเข้มแข็งมากขึ้น

เสียงนกกระจอกตัวน้อย ๆ ตามชายคาบ้านเริ่มส่งเสียงเจื้อยแจ้วอย่างเบิกบานต้อนรับอรุณรุ่งของวันใหม่ เมื่อแสงแดดอ่อน ๆ  เริ่มโผล่พ้นขอบฟ้าด้านทิศตะวันออก บรรดาเหล่าสรรพสัตว์ทั้งหลายต่างเริ่มฟื้นคืนตื่นจากการหลับใหลในห้วงทิวาราตรีกาลที่ผ่านพ้นไป เพื่อที่เตรียมตัวออกหาอาหารเพื่อการดำรงชีวิตและเผ่าพันธุ์ของตนให้อยู่คู่โลกสวยใบนี้ต่อไป

ต้นข้าวนอนทอดหายใจอย่างแผ่วเบาสม่ำเสมอขดตัวอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่มร่างแกร่ง บนเตียงนอนหนานุ่มในห้องที่จัดไว้ชั้นล่างของบ้าน ตั้งแต่เกือบ 2 เดือนที่แล้วที่ทิวไผ่ย้ายออกจากโรงพยาบาลและมาพักฟื้นอยู่ที่บ้านของต้นข้าว เพราะทิวไผ่ยังเดินด้วยตนเองไม่ได้จึงไม่สะดวกเวลาขึ้นลงระหว่างชั้นล่างกับชั้นบน
ทิวไผ่อาการดีขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยการหมั่นทำกายภาพบำบัดอย่างสม่ำเสมอ จากที่ต้องนั่งรถเข็นตลอดเวลา ตอนนี้เขาเปลี่ยนมาใช้ไม้ค้ำยันแทนแล้ว เพราะสามารถที่จะขยับขาก้าวเดินได้มากขึ้น แรงใจสำคัญที่ทำให้เขาฟื้นตัวได้เร็วขนาดนี้ก็คงเป็นเพราะมีคนรู้ใจคอยอยู่เคียงข้างดูแลช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง อย่างไม่เคยนึกรังเกียจหรือย่อท้อแม้แต่น้อย
มันยิ่งทำให้เขารักต้นข้าวมากขึ้นอย่างหาที่สุดมิได้ เพราะคนเราจะพิสูจน์รักแท้ได้ก็เพราะยามตกทุกข์ได้ยากนี่แหละ และต้นข้าวก็ไม่คิดที่จะตีจากเขาไป ในช่วงแรกที่เขาช่วยตัวเองไม่ได้เลย ต้นข้าวจะช่วยเขาแทบทุกอย่าง ทั้งที่เขาตัวโตกว่า และการดูและคนที่ช่วยเหลือตัวเองแทบไม่ได้มันเป็นอะไรที่หนักหนาสาหัสเอาการ แต่หนุ่มร่างบางก็ไม่เคยแสดงอาการเหนื่อยหน่ายหรือปริปากบ่นให้เขาได้ยินซักคำ ทิวไผ่เองก็รู้ว่าคนรักของเขาเหนื่อยและลำบากเพราะเขามากขนาดไหน เขาจึงมีความมุ่งมั่นอย่างมากที่จะช่วยเหลือตัวเองให้ได้มากที่สุดเพื่อแบ่งเบาภารต้นข้าวให้น้อยลง
และอีกส่วนหนึ่งก็คือครอบครัวของทั้งคู่ที่ยอมรับและเข้าอกเข้าใจพวกเขา คอยช่วยเหลือให้กำลังใจเขาเสมอมา
ใจจริงของทิวไผ่นั้น ถึงแม้ว่าเขาจะไม่อยากเป็นแบบนี้ แต่ก็อดนึกขอบคุณไม่ได้ที่เขาต้องเจอกับอุบัติเหตุครั้งนี้ เพราะมันช่วยทำให้ผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายเกิดความเห็นใจและสงสารพวกเขา คงไม่มีพ่อแม่คนใดที่จะไม่มีวันยอมลดทิฐิ และอยากให้ลูกของตนเองต้องตายไป หรือต้องพิกลพิการ ทุกข์ช้ำระกำใจ ดั่งที่ว่า ลูกก็คือดวงใจของพ่อแม่ ถึงลูกจะเป็นอย่างไรก็คือสายเลือดที่พ่อแม่ไม่อาจจะตัดเยื่อขาดใยไปได้


ดวงตาคู่สวยบนใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มของเขากำลังจ้องมองดวงหน้าสวยที่เปลือกตายังปิดสนิทของคนร่างบางที่นอนคุดคู้อยู่ในวงแขนแกร่งของเขาอย่างเอ็นดู  จนเขาอดอมยิ้มโชว์ลักยิ้มแก้มบุ๋มคู่สวยบนดวงหน้าคมเข้มไม่ได้อีกครั้ง
ทิวไผ่ไล้นิ้วมือไปบนดวงแก้มเนียนนุ่มนั้นอย่างทะนุถนอม ก่อนก้มลงมอบจุมพิตฟอดใหญ่ไปบนแก้มนุ่ม ๆ นั้นอย่างรักใคร่ มีปฏิกิริยาตอบสนองด้วยการขยับตัวเล็กน้อย จากคนตรงหน้า ก่อนที่เขาจะกระซิบเบา ๆ ที่ข้างหูของหนุ่มร่างบาง

“ตื่นได้แล้วครับที่รัก สายแล้วนะ เดี๋ยวคุณแม่ก็มาเคาะประตูเรียกอีกหรอก”

ต้นข้าวทำท่างัวเงียบิดขี้เกียจโดยไม่ยอมลืมตาและไม่มีทีท่าว่าจะยอมตื่นง่าย ๆ  แต่คำขู่เดิม ๆ ของทิวไผ่มันก็ไม่ได้ผลอีกแล้ว เพราะโดนทำตามคำขู่จนต้นข้าวเองก็ชาชินซะแล้ว

“ต้นครับ ตื่นได้แล้ว พาผมไปอาบน้ำหน่อยสิ วันนี้เดี๋ยวฟ้ากับพี่น้ำ จะมารับเราออกไปเที่ยวกันนะครับ เดี๋ยวสายน้า”

“คร้าบบบ....ที่คะยั้นคะยอเราตื่นแต่เช้าเพราะอยากเที่ยวนอกบ้านจนเนื้อเต้นนี่เองใช่มั้ยเนี่ย แล้วทีเมื่อคืนนะ โหยชวนเราเล่นไรมะรู้ซะจนดึกดื่น ทั้งที่รู้อยู่ว่าจะต้องตื่นแต่เช้า แถมขาก็ยังไม่หายดีเลย ถ้าจะเป็นแบบนี้นะ ตอนรถชน มันน่าจะตายด้านไปด้วยเลย นี่อะไร เจ้าตัวไม่สบายแต่ไอ้นั่นกลับคึกอยู่ได้ทุกวี่ทุกวัน”

“โหย ใจร้ายอ่า แฟนใครเนี่ย แหม....แล้วเมื่อคืนนี้ใครล่ะคร้าบ ที่ขึ้นขย่มเราซะเตียงโยกเลย”

ทิวไผ่ทำหน้างอน ๆ ก่อนจะพูดล้อ ๆ ทิ้งท้าย จนคนร่างบางค้อนควบอย่างตาขวางพลางหลบสายตาเจ้าเล่ห์เย้าแหย่ของทิวไผ่อย่างเอียงอาย

“เดี๋ยวเหอะ พูดงี้งั้นไปอาบน้ำคนเดียวเลยไป อาบเองเลยไม่ช่วยแล้ว”

ต้นข้าวตัดพ้ออย่างงอน ๆ แต่ก็ไม่วายต้องยอมแพ้แววตาเศร้าสร้อยวิงวอนอย่างน่าสงสาร ก่อนจะแปลเปลี่ยนเป็นกรุ้มกริ่มเมื่อต้นข้าวยอมช่วยพยุงเขาเข้าห้องน้ำไป การอาบน้ำให้คนรักคงเป็นหน้าที่ที่เคยชินของต้นข้าวไปเสียแล้ว ทั้งที่ตอนแรกออกจะเคอะ ๆ เขิน ๆ กันอยู่ซักหน่อย แต่ก็มีที่ทิวไผ่แอบเล่นซุกซนกับต้นข้าวในระหว่างอาบน้ำด้วยกันอยู่บ่อยครั้ง
ซึ่งตลอดช่วง 2 เดือนที่ผ่านมากิจกรรมอย่างว่าต้นข้าวต้องกลายเป็นคนคุมเกมตลอด ด้วยความจำใจเพราะสงสารและเห็นใจคนรักของเขา และด้วยความเต็มใจเพราะคนรักของเขาจะได้มีความสุขโดยไม่ต้องเจ็บตัวมากนัก จากนักเรียนขี่ม้าฝึกหัดที่ทำเก้ ๆ กัง ๆ กลายเป็นจ๊อกกี้มืออาชีพควบม้าห้อด้วยความชำนาญและช่ำชองไปในไม่กี่คืน เพราะมีเทรนเนอร์ฝีมือดีคอยกำกับอยู่ตลอดเวลา อิอิ

“ลูกต้นลูกไผ่จ๊ะ อาบน้ำแต่งตัวกันเสร็จรึยังเอ่ย สายฟ้ากับพี่น้ำมารอแล้วนะจ๊ะ แม่อุ่นนมร้อน ๆ กับแยมโรลเตรียมไว้ให้แล้วจ้ะ จะได้ทานรองท้องก่อนออกไปปิ๊กนิคกัน

“ครับคุณแม่ เดี๋ยวพวกเราออกไปเดี๋ยวนี้ล่ะครับ” ทิวไผ่ส่งเสียงตอบ (แม่ยาย) มารดาของต้นข้าว

 “หวัดดีครับพี่น้ำ หวัดดีฟ้า ขอโทษนะครับที่ต้องให้รอ” ทิวไผ่ทักทายสายชลกับสายฟ้า

“ไม่เป็นไรหรอกครับน้องไผ่ พี่กับฟ้า ก็พึ่งมาถึงเมื่อกี้นี่เอง”

“ดีครับไผ่ ฟ้าดีใจจังที่เห็นไผ่แข็งแรงขึ้นช่วยเหลือตัวเองได้มากขึ้น สงสัยต้องยกความดีความชอบให้ไอ้ต้นมันแล้วล่ะครับงานนี้”

สายฟ้ากล่าวทักทายหนุ่มหน้าเข้มก่อนหันไปยิ้มกริ่มกับเพื่อนรัก ต้นข้าวยิ้มตอบกลับ แบบเขินอายนิด ๆ โดยที่ทิวไผ่เองก็แอบลอบมองอาการเขินอายของต้นข้าวอย่างรักใคร่

“เราไปกันเถอะครับเดี๋ยวสายมาแดดจะร้อน ไปแล้วนะครับคุณน้า เดี๋ยวเย็น ๆ จะพาลูกชายทั้งคู่กับมาส่งนะครับ” สายชลกล่าวลาเกศสินีเจ้าของบ้าน

“จ้า ขับรถดี ๆ นะลูก เที่ยวกันให้สนุกน้า”



...
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: A GE ที่ 13-07-2007 21:53:33
 :m4: :m4:  น่ารักกันเหมือนเดิมครับ  o14 o14  ขอบคุณนะครับสำหรับตอนพิเศษ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 13-07-2007 21:56:51
หุหุ ออกเดทพร้อมกัน 2 คู่  :m1:  :m1:  :m1:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 13-07-2007 21:59:32
น่ารักจังเลยอ่ะคับ

คู่รักในฝัน อิอิ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 13-07-2007 22:08:32
สองคู่ชู้ชื่น
 :m11: :m11:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 13-07-2007 22:30:50
น่ารัก  :-[  :-[  :-[
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 13-07-2007 22:43:55
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ~prince™~ ที่ 14-07-2007 13:40:30
 :-[น่ารักมากเลยคับ :o8:

 o1 o1ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงที่นำตอนพิเศษมาลงให้อ่านนะครับ  o1o1
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 14-07-2007 14:34:21
หุหุ

ไปเที่ยวกันด้วย

 :m4: :m4: :m4: :m4:


ลป.

ยังไม่หายโกรธสายฟ้า

ชิส์

 :m14:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: sabishiikant ที่ 14-07-2007 17:08:52
4 หนุ่มเดินทางมาถึงน้ำตกแห่งหนึ่งในอำเภอวังทอง สายฟ้าจัดแจงนำเสื่อปิ๊กนิคออกมาปูบนลานหินที่ราบเรียบริมตลิ่งซึ่งเป็นมุมสงบมุมหนึ่ง พวกเขามากันแต่เช้า จึงหาทำเลนั่งเล่นพักผ่อนสบาย ๆ ได้ไม่ยากนักเพราะผู้คนยังไม่ค่อยพลุกพล่าน บรรยากาศเย็นสบายเพราะไอเย็นของสายน้ำและหมู่แมกไม้สีเขียวนานาพันธุ์
 สายชลและสายฟ้าช่วยกันขนถุงขนมขบเคี้ยว ลงมาจากรถ ส่วนต้นข้าวก็กำลังช่วยประคองคนตัวใหญ่เดินไปตามทางเดินเรียบน้ำตกอย่างระมัดระวัง

ตั้งแต่เขากลับมาพักฟื้นอยู่ที่บ้านต้นข้าว ทิวไผ่ไม่ค่อยได้ออกไปพักผ่อนที่ไหนเลยนอกจากอยู่แต่ภายในบริเวณสวนหลังบ้าน จะได้ออกนอกบ้านบ้างก็มีแต่ไปทำกายภาพบำบัดในช่วงแรกที่โรงพยาบาลเท่านั้น

การออกมาปิ๊กนิค  คราวนี้จึงเหมือนกับเขาได้ออกมาโบยบินภายนอกโลกกว้างอีกครั้ง ถึงเขาจะยังไม่แข็งแรงดีนักก็ตามที มันก็เป็นสิ่งที่วิเศษสุด ๆ สำหรับเขาแล้ว

 “อากาศสดชื่นจังเลยนะต้น เสียดายจัง ถ้าขาผมเดี้ยงแบบนี้นะ จะกระโจนลงน้ำตกเย็น ๆ ให้ฉ่ำปอดไปเลย”

ทิวไผ่พูดกับหนุ่มร่างบางที่อยู่ข้าง ๆ ระหว่างเดินมายังจุดที่สายฟ้าปูเสื่อรอไว้

“อยากโดดก็โดดไปสิ ไม่ห้ามนะ แต่ขอเตือนไว้ก่อนนะว่า ถ้าเดี้ยงมากกว่าเดิมล่ะก็ จะไม่สนใจแล้วด้วย” ต้นข้าวพูดเชิงประชดประชัน

“แหม ล้อเล่นคร้าบ แฟนเรานี่นับวันยิ่งใจร้ายขึ้นทุกทีเลยนะเนี่ย” หนุ่มหน้าเข้มทำสายตาเศร้าสร้อย เชิงล้อเลียน

“ใจร้ายมานานแล้ว ไม่รู้รึไง ลองดื้อเข้าสิ เดี๋ยวจะรู้ว่าต้นข้าวโหดขึ้นมาจะเป็นยังไง นายได้เป็นไอ้โข่งก้นลายแน่ หึหึ”


“จ้า กลัวแล้วคร้าบ แหม...ผมรู้น้า ว่าต้นเป็นห่วงผม อยากให้หายไว ๆ” ทิวไผ่หยอดทิ้งท้าย จนหนุ่มร่างบางแอบหน้าแดงอีกครั้ง


4 หนุ่มนั่งทานของว่างและคุยกันอย่างสนุกสนานตามประสาหนุ่ม ๆ สายชลและทิวไผ่ผลัดกันจับกีตาร์
ดีดเพลงหวาน ๆ ซึ้ง ๆ  มอบให้คนรักของตัวเอง จนสองหนุ่มน้อยเพื่อนรักต่างหน้าแดงเขินอาย ระคนเป็นปลื้มไปตาม ๆ กัน

ก่อนที่สายชลจะชวนสายฟ้าลงไปเล่นน้ำเย็น ๆ คลายร้อนกันอย่างสนุกสนาน โดยมี ต้นข้าวและทิวไผ่นั่งมอง 2 หนุ่มอยู่บนตลิ่ง สลับกับดีดกีตาร์ร้องเพลงและคุยกันกะหนุงกะหนิง จนสายฟ้าแอบวิดน้ำใส่อย่างอิจฉาในความหวานของทั้งคู่

“เฮ่ย...ไม่เอาฟ้า เดี๋ยวเปียกกันหมด” ต้นข้าวประท้วง

 “ต้นกับไผ่ลงมาเล่นน้ำด้วยกันสิครับ แหมมาน้ำตกทั้งทีไม่เปียกกลับไปจะเรียกว่ามาถึงน้ำตกได้ไงล่ะครับ” สายฟ้าเชิญชวน

“ต้นไม่อยากลงไปเล่นน้ำกับฟ้ากับพี่น้ำหรอครับ” ทิวไผ่ถามคนนั่งข้าง ๆ

“ไม่ล่ะ สงสารคนบางคนจะอิจฉาเปล่า ๆ เพราะตัวเองเล่นไม่ได้อยู่คนเดียว” ต้นข้าวตอบกลับ ถึงมันจะเป็นคำตอบแบบกวน ๆ แต่มันก็ทำให้ทิวไผ่แอบยิ้มได้อีกครั้ง

“ต้นเค้าเป็นโรคกลัวน้ำน่ะครับฟ้า หึหึ” ทิวไผ่ตอบสายฟ้าที่กำลังแช่น้ำอยู่ในลำธารเบื้องล่าง และก็มีปฏิกิริยาตอบกลับด้วยสายตาเขียวปั๊ดจากคนข้าง ๆ ทันควัน

“สายฟ้าครับเล่นน้ำกับพี่น้ำให้สนุกนะครับ เดี๋ยวผมกับต้นขอตัวไปเดินเล่นกันก่อนนะครับ”

“ครับไผ่ ต้นดูแลไผ่ดี ๆ ด้วยนะ”

“ไม่ต้องห่วงหรอกฟ้า ตัวโตขนาดนี้นะ ถ้าดูแลตัวเองไม่ได้ก็ไม่รู้ว่าทำยังไงแล้ว” ปากแข็งไปงั้น แต่ก็ยังช่วยพยุงหนุ่มร่างใหญ่ลุกขึ้นยืนและส่งไม้คำยันให้ ก่อนสองหนุ่มจะค่อย ๆ เดินคุยกันไปเรื่อย ๆ ตามทางเดินในสวนข้างน้ำตกที่ทางอุทยานจัดทำไว้

“เราไม่ได้ออกมาเที่ยวแบบนี้กันนานแล้วนะต้น บรรยากาศสดชื่นดี”

“ไผ่ชอบหรอ งั้นเดี๋ยวต้นจะให้พี่น้ำพามาทุกเสาร์อาทิตย์เลยดีมั้ย”

“ไม่เป็นไรหรอก นาน ๆ ทีก็ได้ เกรงใจพี่น้ำ กับฟ้าเค้า”

“อืม เสียดายจัง ต้นขับรถไม่เป็นด้วยสิ สงสัยคงต้องให้คุณพ่อหัดให้แล้ว จะได้พาไผ่ออกมาเที่ยวได้ทุกวันเลย”

“หึหึ แต่กว่าต้นจะขับเป็น ผมก็คงหายแล้วมั้งครับ”

“เออเนอะ แต่ไม่เป็นไรหรอก ก็ฝึก ๆ ไว้ไง”

สองหนุ่มเดินคุยกันไปช้า ๆ  ตามร่มเงาของแมกไม้  ไอเย็นของสายน้ำ ช่วยให้บรรยากาศรอบตัวเย็นสดชื่นอยู่ตลอดเวลา

“ไผ่เราไปนั่งพักกันตรงม้าหินริมห้วยนั่นดีกว่า เดินมาก ๆไม่ดี เพราะขาไผ่ยังไม่หายดีเลย”

 ต้นข้าวพยุงพาทิวไผ่เดินไปนั่งพักที่ม้าหินอ่อนริมลำธาร สองหนุ่มนั่งลงมองสายน้ำที่ไหลเอื่อย ๆ อย่างเพลิดเพลิน

“อีกไม่ถึงกี่เดือนแล้วสินะเราจะได้กลับไปเรียนกันแล้ว ต้นตื่นเต้นไหมครับ”

“อืม ก็นิดหน่อย เราจาก ม. ไปเกือบปีเลย สงสัยเรียนตามเพื่อน ๆ ไม่ทันแล้วมั้ง คงต้องไปลงเรียนกับรุ่นน้อง”
“แต่...”

“แต่อะไรหรอ...” ทิวไผ่ถามอย่างสงสัยเมื่อเห็นแววตากังวลฉายขึ้นมาบนใบหน้าสวยของต้นข้าวที่เขากำลังจ้องมองอยู่

“เรากลัว...กลัวพวกเพื่อน ๆ และคนใน ม. จะมองเราเป็นตัวประหลาด”
“ไผ่ เราขอคุณพ่อคุณแม่ย้ายที่เรียนกันดีไหม”

ทิวไผ่ดึงร่างของต้นข้าวเข้ามาสวมกอด ความอบอุ่นแผ่ซ่านถึงกันและกัน เป็นการแชร์ความรู้สึก และความห่วงใยที่มีให้กันและกัน

“ต้นไม่ต้องกลัวนะครับ อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด เราเป็นตัวของตัวเองดีกว่า อย่าไปแคร์สายตาชาวบ้านนักเลย เราไม่ได้ไปสร้างความเดือดร้อนให้ใครนี่นา ขอเพียงพ่อแม่ของเราเข้าใจเราสองคนก็พอแล้ว คนรอบข้างจะคิดยังไงก็ช่างเค้าเหอะ ยังไงต้นก็จะยังมีผมและคุณพ่อคุณแม่ยืนอยู่เคียงข้างเสมอ”

“อีกอย่างคนไทยลืมง่ายจะตายไป เรื่องของเราก็คงเงียบหายไปแล้วล่ะ หรือว่าถ้าต้นอยากจะเปลี่ยนที่เรียนใหม่จริง ๆ เดี๋ยวเราค่อยปรึกษาคุณพ่อกับคุณแม่ก็ได้นะครับ”

 ต้นข้าวโน้มศีรษะลงบนไหล่หนาแกร่งและอบอุ่นนั้น เขารู้สึกคลายกังวลลงไปได้บ้าง เมื่อได้กำลังใจจากคนที่ตนรัก และครอบครัว

“อืม...งั้นเราก็คงต้องสู้กันต่อไปล่ะ เพื่ออนาคตของเรา ต้นก็พร้อมที่จะยืนเคียงข้างไผ่เสมอเช่นกันครับ”

ทิวไผ่ยกมือขึ้นลูบผมหนานุ่มของต้นข้าวอย่างแผ่วเบา ก่อนจะยีเล่นและก้มลงสูดดมกลิ่นหอมของเส้นผมอย่างหมั่นเขี้ยวและรักใคร่

พวกเขาตัดสินใจแล้ว ที่จะยืนหยัดและสู้ต่อไปเพื่ออนาคตที่ดีกว่าในวันข้างหน้าโดยที่จะไม่ยอมให้ความหวาดกลัวใด ๆ มาทำลายหรือเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของเขาสองคนอีกอย่างแน่นอน และพร้อมที่จะอยู่เคียงข้างกันและกันตลอดไป

“ต้นครับ”

“หืม...มีไรหรอ”

“ขอ....จุ๊บ ทีได้ม๊า....”

“เฮ่ย ตอนนี้เนี่ยนะ ไม่เอ๊า เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า อย่า......”


...............................................................The End Complete ..............................................................
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 14-07-2007 17:20:45
จบตอนพิเศษแล้ว น่ารักจริง ๆ  :-[  :-[  :-[
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 14-07-2007 18:01:04
จบได้น่ารักจังเรย  :-[ :-[

ขอบคุณคนแต่ง คนโพสมากๆนะจ๊ะ  :m3:  :m3:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 14-07-2007 18:21:58
 :o8: :o8: :o8: :o8:


น่ารักจัง
 :m3:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: aumzaa ที่ 14-07-2007 20:33:32
 o14 o14 o15 o15
จบแบบน่ารักจังเลยครับ o14 o14 o15 o15
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวที่แสนดีและแสนจะสนุกครับ
 :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 14-07-2007 20:45:19
ขอบคุณครับ  เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Hie_KunG ที่ 14-07-2007 22:40:49


 :-[....ขอบคุณทุกคนมากครับ ที่คอยติดตามให้กำลังใจ ผลงานของผมตลอดมา อยากจะบอกว่าเป็นปลื้มมาก ๆ เลยครับ ที่ทุกตคนช่อบผลงานของผม...

...ขอได้รับ ความขอบคุณอย่างสูงจากผมด้วยนะครับ ขอบคุณค้าบบบบบบบบ.... :give2:

....แล้วก็ ขอขอบคุณพี่กานต์ มาก ๆ ครับ ที่ช่วยนำเรื่องของผมมาลงที่นี่ อยากจะบอกว่า...ที่นี่ รู้สึกอบอุ่นมาก ๆ เลยครับ... o7


...ไงว่าง ๆ ผมจะแวะเวียนเข้ามาทักทายทุกคนบ่อย ๆ นะคับ ..... :bye2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: kei_kakura ที่ 15-07-2007 00:44:32
 o15  สนุกน๊า..... :impress2:

ชอบเรื่องนี้มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :m11:

จะเปงกำลังใจให้น้อ หุหุหุ    :m13:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ~prince™~ ที่ 15-07-2007 02:09:48
จบแล้วหรอคับ

ว้า เสียดายจัง  อยากอ่านต่ออะ

แต่ก็ดีคับสนุกมากมายเลย :m11: :m11:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 15-07-2007 23:07:11
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆครับ
ขอบคุณคนเขียน คนโพสที่น่ารักนะครับ
 :m4: :m4: :m4:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: nunyy ที่ 19-07-2007 08:43:00
 :o8:จบน่ารักดีจัง :-[
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 20-07-2007 15:05:13
ตามลุ้นกันจนนาทีสุดท้าย


 :m11: :m11: :m11: :m11:


-----------------------------------------------

ขอบคุณ Hie_KunG สำหรับเรื่องดีๆ

ขอบคุณ กานต์ : 愛 を さでぼう。 ที่นำเรื่องราวดีๆ มาให้อ่านกัน

ขอบคุณ เรย์โก๊ะ สำหรับที่วิ่งเล่น

ขอบคุณ เซ็งเป็ด ที่ทำให้เรารู้จักกัน

ขอบคุณเพื่อนๆ สำหรับมิตรภาพ

ขอบคุณครับ

 o14 o15
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Oḇlivïaté℠ ที่ 22-07-2007 21:00:23



ว้าวๆๆๆ
สนุกมากเลยค๊าบบบบบ บ บ บ

คุณ Hie แต่งได้ดีมักๆๆ

แอบร้องไห้ตามเลยนะเนี่ย
 :m2: :m2: :m2:



ปล.ขอคารวะ :m4: :m4: :m4:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 22-07-2007 23:08:21
อิอิ ยังแอบมีหวานกันเลย

อิจฉา  :m3:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 22-07-2007 23:10:00
อยากอ่านเรื่องต่อๆไปแล้ว น่ารักมากๆเลยคับ ชอบๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: foammynaruk ที่ 25-07-2007 14:17:13
 :teach:สนุกดีคร่า  แต่ตอนจะจบอ่ะ  มันขาดช่วงไปอ่ะ

อยู่ๆก็จบซะงั้นอ่ะ


ไม่มีที่มาที่ไป

อ่านแล้วมันค้างค่าใจอ่ะ o8
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: FOAM ที่ 03-08-2007 08:45:35
ขอบคุณครับ

ตามอ่านมาตั้งแต่ต้น

เสียดาย จบเร็วไปนิด  แต่ก้อสนุกมากครับ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ^ - ^A s A v I n * o * ที่ 07-08-2007 00:52:30
ชอบมากเลยครับ

สนุกมากๆเลย

รักของทั้งคู่ฝ่าฝันอุปสรรคไปได้ ดีใจจริงๆๆๆ

อิจฉาอ่า

 :m3: :m1:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: moonleaf ที่ 07-08-2007 07:10:29
 o13 จบอย่างน่ารักเลยครับ ดีที่มีตอนพิเศษนะเนี่ย

ขอบคุณสำหรับเรื องน่ารักๆ ที่นำมาให้อ่านครับ :impress:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: taebin7 ที่ 08-08-2007 22:36:45
น่ารักดีน๊า   ขอบคุณ ที่ขยันมาต่อให้อ่าน กันแบบรวดเร็ว  o13


 o15 o15 o15 o15 o15
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: theera ที่ 14-08-2007 14:18:44
ขอบคุณคับ :a11:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: jomjai ที่ 15-08-2007 23:02:46
 o1 o1ขอบคุณก๊าบ o1 o1
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Ferfa ที่ 16-08-2007 22:54:53
 :m3: ่น่ารักกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: นางมารร้าย ที่ 22-08-2007 14:25:21
จบไปอีกเรื่องแล้ว

น่าร้ากกกกกกกกกกกกมากๆ ค่ะ

ขอบคุณคนเขียน คนโพสต์

ขอบคุณเล้าเป็ดนะคะ

หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 03-09-2007 00:12:12
เข้ามาดันจ้ายังอ่านไม่จบเลยลุ้นอยู่เนี่ย :a11: :a11: :a11: :a11:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 06-09-2007 17:09:18
 :impress:

สนุกมาก ๆ คับเรื่องนี้

ขอบคุณผู้แต่งด้วยนะครับ เรื่องของคุณสนุกมาก ๆ คับ

ขอบคุณคนโพสด้วยครับ ที่เสียเวลามาโพสให้พวกเราได้อ่านกัน

ขอบคุณทุก ๆ คนแทนผู้แต่ง และ คนโพสด้วย ไม่มีพวกคุณคงเหงาน่าดู

แล้วจะรออ่านเรื่องต่อ ๆ ไปนะครับ

 o15

ปล. น้ำเน่าจิงเรา (แอบบวกให้คนแต่ง คนโพส คนละหนึ่งแล้วนะ)
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Amamiya ที่ 15-09-2007 09:20:56
น่าร๊ากกกกกกกกก

แต่งได้ประทับใจมั่กๆ :m3:

บทจะหวานกันก็หวานซะนะ....

บทกระชากอารมณ์ก็เอาซะอิน.....

แล้วก็ขอบคุณที่ทำให้เรื่องนี้จบแบบ Happy end  :m5:

ขอบคุงค๊าฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ o15
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: antoniorey ที่ 18-09-2007 20:25:32
 :amen:อ่านแล้วปรับอารมณ์แทบไม่ทัน  นายเอกโดนข่มขืน พระเอกเกือบพิการ  ต้องพากันดรอปเรียนหนีตามกันไป
โอ้ยยย มีทุกอารมเลยอ่าๆๆๆ :m30: 

แต่ก็ขอบคุณนะครับทั้งคนเขียน :m18:  และคนโพสต์ๆๆๆๆ :m3:

หามาอีกนะคราบจาตามมาอ่านอีก  อุๆๆ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: kYos ที่ 29-09-2007 20:39:52
 :m2: :m2: :m2:  อ่านจบแว้ววววว 

ลุ้นแทบแย่ ว่าจะจบแฮปปี้ม๊ายยย

ขอบคุณ คนแต่ง คนโพส ที่ทำให้ได้อ่านเรื่องรักหลากอารมณ์  อิอิ...
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 02-10-2007 17:10:49
น่ารักอะ น่าอิจฉาจัง อิอิ กว่าจะผ่านพ้นมาได้ลุ้นแทบแย่อะ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: baros ที่ 14-02-2008 00:15:36
 :o8:อ่านรวดเดียวจบเลย คุ้มจิงๆ o13
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Ryuse ที่ 31-03-2008 21:20:49
อ่านรวดเดียวจบเหมือนกันฮับ อยากให้มีภาคต่อตอนที่ทั้งสองคนกลับไปเรียนแล้ว

จริงๆนะ รู้สึกเลยว่าคนเขียนเอาใจใส่กับรายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่บางที ถ้าอ่านผ่านๆอาจจะคิดว่าไม่สำคัญ

แต่พอมาอ่านอีกทีกลับคิดว่าขาดไปไม่ได้ ชอบมากมาย :-[ :-[ :-[

ถ้าชีวิตจริงของใครซักคนเป็นเหมือน2คนนี้ เราคงได้แต่หวัง...

ให้ทั้งคู่มีความสุขกับความรักและความผูกพันของพวกเขาจนกว่าจะถึงวันที่ต้องจากลาจริงๆละกัน
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: I Love You.L ที่ 13-04-2008 22:10:27
อย่างแรกต้องขอขอบคุณผู้แต่ง

ซึ่งสามารถแต่งได้เข้าถึงความรู้สึกของตัวละครอย่างแท้จริง

บรรยายได้เก่งแบบสุด ๆ

สนุกมากค่ะ สนุกจนไม่อยากจะให้มันจบไป

สุดท้าย สุขสันต์วันปีใหม่ค่ะ :สงกรานต์3:

..........................................................................................

วันนี้ไปเล่นน้ำมาที่พิดโลก

กระเทยที่เจอทุกคนสวยมาก

เราเป็นหญิงแท้ ๆ สวยสู้ไม่ได้ซักคนเลย

แบบอายมาก

เป็นผู้หญิงแท้ ๆ แต่ดันไม่สวยแหะ ๆ

ไปเล่นที่ไหนบ้างคะทุก ๆ คน
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: sirasyung ที่ 18-04-2008 00:52:57
อ่านรวดเดียวจบเหมือนกันฮะ

สนุกมาก ๆ เลย

 
อยากให้มีตอนพิเศษอีก....อยากอ่านอีกคร๊าบ  นะนะนะนะนะ  :oni2:

ขอบคุณคนแต่ง.....ขอบคุณคนอัพนะคร๊าบบบบบ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: kijah ที่ 18-05-2008 02:13:13
อ่านแล้วชอบมากเลยค่ะ อ่านรวดเดียวตั้งแต่ต้นจนจบ
อ๊าก ตามึนเบลอไปเลย แต่ก็ดีใจที่ความรักของทั้งคุ๋ผ่านพ้นอุปสรรคมาได้
แต่สงสัยอยู่อย่างนึงคร้าบบ ตกลงทั้งสองคนรู้หรือยังเนี่ยว่าที่แท้แล้วเป็นฟ้าเองที่แอบแบล๊คเมล์
เนี่ยๆๆแอบเคืองๆๆๆๆ o12
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: sharp2 ที่ 20-05-2008 13:59:13
 :เฮ้อ: เดี่ยวมาอ่านต่อน้า
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: zaphir ที่ 21-05-2008 02:45:31
อ่ารวดเดียวอ่ะ ตาลายเลย o2 แต่น่ารักดีคับ
ขอบคุณเรื่องดีๆนะคับ :m4:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: sharp2 ที่ 21-05-2008 18:23:01
อ่านรวดเดียวจบ

ลุ้นแทบใจจะขาดเลย

ตาแทบบวมเลย

อยู่หน้าคอมตลอดเลย

แต่ก้ดีใจที่ได้อ่านเรื่องนี้

ชอบจังเลย

มหาลัยที่เคยได้มีชื่อ แต่ไม่ได้ไปเรียน

อ่านแล้วอยากไปเรียนเลยเสียดาย

ขอบคุนมากนะคับที่แต่งรื่องดีๆๆมาให้อ่าน

อ่านแล้วมีความสุขจัง

รักคนเขียนที่สู๊ดดดดดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: nanalonely ที่ 03-06-2008 00:50:03
 :เฮ้อ: :เฮ้อ:อ่านจบซะที

อ่านทั้งวันเลย

ซึ้งสำหรับรักที่ต้องฝ่าฝัน

ดีจัยที่จบแบบhappy ending

แถมจบแบบน่ารักซะด้วย

+1 ให้กับความน่ารักของเรื่อง

หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: patiharn ที่ 06-06-2008 00:46:09
 :pig4:อ่านรวดเดียวจบเหมือนกัน..น่ารักดีแต่ช่วงเครียดก็เครียดหนักเหมือนกันเน๊อะ

แต่ก็ขอบคุณน๊าที่แต่งมาให้อ่าน....จะรอติดตามต่อค่ะ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Doodleberry® ที่ 23-08-2008 16:58:09
สนุกมากเลยค่า

 :m4: :m4: :m4: :m4: :m4: :m4:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: marchmenlo ที่ 24-08-2008 08:32:52
คืนเดียวรวดเดียวจบเลยอ่ะ ปวดตา
แรก ๆ ฮา ๆ สนุกสนานคับ แต่พอจะจบโอ๊ย หายใจไม่ทั่วท้องให้ตายซิ แต่โชคดีที่จบเอาซ่ะหวาน OK.หายกัน :laugh:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: HaLF333 ที่ 24-08-2008 16:42:27
สนุก ฮา หวาน เสียเลือด เครียด ซึ้ง สรุปว่า  o13
ลุ้นกันตลอดทั้งเรื่อง..
ขอบคุณคนเขียนและคนโพสต์มากค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: A-ram 70 ที่ 25-08-2008 05:04:07
เย้ในท่สุดก็อ่านจบแล้วอ่านม่ทั้งคืนเลยเนี่ยยังไม่ได้นอนเลน

เช้าแล้วนี่หว่า
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: echisen ที่ 25-08-2008 20:59:07
อ่านจบแล้วฮับ ซึ้งจัง เศร้าด้วย ฮาด้วย หวานด้วย สรุปชอบฮับบบบ o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: loveorlike ที่ 26-08-2008 02:03:07
 o13 o13 o13 o13 o13

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

อ๊าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
เข้ามาอ่านรวดเดียวเหมือนกันนะค่ะ
ชอบมากๆเลยอ่านแล้วติดมากมายนั่งอ่าน
ตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้เลย
ชอบความรักของทั้งคู่มากๆเลย
แบบนี้สิถึงจะเรียกว่ารัก เน๊าะ
ขอบคุณมากๆเลยนะค่ะ
สำหรับเรื่องที่ดีๆอย่างงี้
อ่านแล้วอิ่มเอมหัวใจมากๆเลยนะ :m1:


 o13 o13 o13 o13 o13

 :oni1: :oni1: :oni1:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: L.P.jalilar ที่ 22-09-2008 17:32:35
สนุกมากค่ะ

 :m4:

ขอบคุณที่นำเรื่องดีๆมาให้อ่านนะคะ

 :L2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: SheRbEt ที่ 01-10-2008 23:08:26
                           




                                                                             o1








ขอบคุณที่มาลงเรื่องดีดีให้อ่าน
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Akiizz ที่ 13-10-2008 03:14:22
ขอบคุนสำหรับเรื่องดีๆที่นำมาไห้อ่านนะคับ


เป็นเรื่องที่มีครบหลากหลายอารม มากเลยคับ


สนุกดี


อ่านไปก้มีทั้งสนุก หวาน และ เศร้า


ครบจริงๆ


ถ้ามีมาต่ออีก ก้จารอนะคับ


มันจบแบบค้างๆ อ่ะ หุหุ


หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Cloud~ ที่ 26-11-2008 00:42:32
 :กอด1:ชอบมากเลย  อ่านไป ใจระทึก  ลุ้นทุกฉากเลย

 :impress2:ขอบคุณมกๆเลยนะคะ ที่เอามาแบ่งกันอ่าน  :pig4:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: bababeer ที่ 21-01-2009 23:16:31
สนุก เศร้า ซึ่ง หลายรสในเรื่องเดียวเลยคร๊าบ

คุงคร๊าบ o13 o13 o13

หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: nickudez ที่ 12-02-2009 21:05:49
สนุกๆๆๆๆๆๆๆ

กำลังต้องการเรื่องสั้นหน่อยอ่าน คลายเครียดพอดี

ตอนอ่่นปลายเรื่องนี่ แอบเครียดนะ

แต่ก็ดีละ

มีความสุขก็ดีแล้ว  :3123:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: zefelozxxx ที่ 22-02-2009 15:19:12
สนุกมาก ๆ คับเรื่องนี้

ขอบคุณผู้แต่งด้วยนะครับ เรื่องของคุณสนุกมาก ๆ คับ

ขอบคุณคนโพสด้วยครับ ที่เสียเวลามาโพสให้พวกเราได้อ่านกัน

ขอบคุณทุก ๆ คนแทนผู้แต่ง และ คนโพสด้วย ไม่มีพวกคุณคงเหงาน่าดู

แล้วจะรออ่านเรื่องต่อ ๆ ไปนะครับ :bye2::bye2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Ken Ken ที่ 06-03-2009 12:22:19
ขอบคุณ :L1:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: vk_iupk ที่ 09-04-2009 19:52:11
 :L2: :pig4:
อิอิอ่านจบแล้วคร้า อ่านรวดเดียวจบรุยย
ขอบคุณนะคร้าที่แต่งนิยายดีๆๆมาให้อ่านกัน รวมทั้งคนโพสโตย
สนุกดีจ้าา
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: pimkihae ที่ 05-01-2010 07:42:57
ขอแปะไว้ก่อน
เพิ่งอ่านได้แค่ตอนแรกเอง
เดี๋ยวคืนนี้มาอ่านต่อจ้า
------------
เย้ อ่านจบแล้วค่ะ
สนุกมากๆเลย
มีครบทุกอารมณ์เลยอ่า
ตอนแรกๆ ทั้งคู่กัดกันตลอด
แอบผิดหวังกับฟ้าอ่า ที่ทำกับเพื่อนรักได้
มันเป็นความคิดที่ผิดและชั่ววูบจริงๆ
ทำให้ผลที่ตามมา เอิ่มมม เกินความคาดหมาย
แต่สุดท้ายก้อแฮปปี้เอ็นดิ้ง
ดีใจแทนทั้งคู่ที่ทั้งพ่อแม่ยอมรับแล้ว
ยิ่งตอนพิเศษยิ่งหวานนนกันใหญ่เลย ชอบๆๆๆ
ขอบคุณทั้งคนแต่ง และคนโพสมากๆนะค่ะ  :pig4:
เป็นกำลังใจให้แต่งเรื่องต่อๆไปค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 05-01-2010 19:26:45
ชอบต้นข้าวมากเลยยยย
น่าร๊ากกกก
ตอนหลังแอบเศร้าด้วยอ่า
แต่สุดท้ายก็แฮปปี้เอ็นดิ้ง
ขอบคุณนะคร้า ที่มีเรื่องน่ารักอย่างนี้ให้ได้อ่าน :L1:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 05-01-2010 21:33:40
ว๊าา

กำลังจะเข้ามาอ่าน

อ่านแล้วแหะ

จากที่เว็บอื่น

เรื่องอื่นชอบนะครับ

กัดใจตอนช่วงท้ายๆด้วย
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 06-01-2010 03:53:42
ชอบ สนุกมาก
แต่ตอนจบรวบรัดไปนะ
น่าจะมีอีกซักสองสามตอน
ความรู้สึกมันค้างพิกล

เกลียดสายฟ้ามากมาก   :m16:

ไม่มีอะไรทดแทนสิ่งที่ทั้งสองคนได้สูญเสียไป
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: OhJa ที่ 07-01-2010 21:33:12
สนุกดีค่ะ
ตอนแรกๆออกแนวน่ารักใสๆ มาบีบคั้นหัวใจเอาตอนท้ายๆเรื่อง
แต่ในที่สุดก็ happy ending :L2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: enjoy101 ที่ 09-01-2010 02:23:39
เรื่องนี้เห็นลงเมื่อ3ปีที่แล้ว  แต่เราเพิ่งจะมาได้อ่าน :a6:

ตอนแรกนึกว่าเรื่องจะชิวๆเพราะเห็นมามุขพระเอกนายเอกไม่ถูกกัน  ไอ้เราก็คิดว่า  เออ  ตอนหลังมันก็มีเหตุการณ์ให้รักกัน  แล้วอาจมีมือที่3มาทำเข้าใจผิดนิดหน่อย  ตอนหลังเข้าใจกันแล้วก็จบ

อ่านๆไปที่ไหนได้ ........เรื่องมันดราม่าโคตรอ่ะ 

แต่เราว่าเรื่องนี้มันก็สะท้อนให้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมจริงๆ  ...เฮ้อ  เศร้า :sad2: :sad2:
แต่ก็ยังดีที่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น  ทั้งสองคนก็ยังรักกัน  ไม่ทิ้งกัน  :m1:

เรื่องนี้จบแบบแฮปปี้เอ็นดิ้ง  อ่านแล้วค่อยสุขใจหน่อย

เราสงสารฟ้าจัง  :o11: เพราะถูกคนแต่งสร้างให้กลายเป็นตัวละครที่เป็นชนวนให้เกิดเรื่องราวรันทดตามมา  ทั้งที่คาแรกเตอร์ของตัวฟ้าสร้างมาให้เป็นคนสุภาพอ่อนโยน  นิสัยเสมอต้นเสมอปลายมาตั้งแต่เริ่มเรื่อง   แต่เราก็เข้าใจแหละว่าคนแต่งต้องการให้เป็นตัวปมของเรื่อง  ให้คนอ่านแปลกใจ


ขอบคุณคนแต่งเรื่องนี้ที่ทำให้เราได้อ่านเรื่องราวดีๆ  ให้เราได้ความรู้หลายเรื่อง  เช่นพวกสถานที่ท้องเที่ยว   และโดยเฉพาะมน.  ที่เราอยากไปเที่ยวซักครั้ง  เพราะมีคนบอกว่าเป็นม.ที่สวยไม่แพ้ที่อื่น  แล้วก็พวกการใช้ชีวิตในม.อีก  อ่านแล้วเพลินดี o13 o13

ขอบคุณคนโพสที่เอาเรื่องนี้มาลงให้เราได้อ่านกันด้วยครับ :pig4:


P.S.  อ่านเรื่องนี้แล้วนึกถึงเพลง ทะเลสีดำ  ที่LULAร้องกับต้าร์paradox

หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: EunSung87 ที่ 09-01-2010 23:07:00
อ่านรวดเดียวจบเลยค่ะ

ขอบคุณมากๆนะค่ะที่นำเรื่องสนุกๆมาให้อ่าน

อยากจะบอกว่าตอนที่หวานกันก็น่ารักทำเอายิ้มไปด้วยเลยค่ะ

แล้วตอนที่เศร้าน้ำตาก็ไหลจิตใจหดหู่

เรื่องนี้เยี่ยมจิงๆค่ะ

 :L2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 10-01-2010 01:57:13
มาแปะไว้ก่อนอ่านถุงหน้า 9 แหละ

สู้ ๆ  ไปนอนละคร้าบบบ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 10-01-2010 13:34:03
มาแปะไว้หน้า 18 แล้วเด้อ  :call:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: kny ที่ 10-01-2010 17:17:22
 :pig4: :bye2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: fluk5510 ที่ 20-02-2010 01:48:49
นิยาย เรื่องนี้ น่ารักดีคั๊บ !!  o18
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: faareeyong ที่ 25-03-2010 02:41:54
จบแล้วววววว  เย่ๆๆ  ปลื้มจังเลย  :-[

ตอนแรกๆ  กัดกันมันจังเลย  ถ้าเป็นปลากัดคงท้องตั้งแต่ตอนแรกแล้วแหละ   :laugh:

แอบผิดหวังเพื่อนสนิทหักหลัง ทำกันได้ลงคอเนอะ

แม้ทั้งสองคนจะมีอุปสรรคก็ผ่านพ้นมาได้ด้วยดี  เฮ้อออ

เป็นกำลังใจให้คนเขียนด้วย  ขอบคุณง้าบบบบบ :call:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ๋JEFF ที่ 27-03-2010 09:49:34
โอ๊ยย พึ่งมาอ่านนี่

สนุกโคตร ๆ ..

รักต้นน กะไผ่มากอ่ะ

น่ารัก

จะเป็นไรไหม หมั่้นไส้อีสายฟ้าา รู้สึกไม่ชอบขี้หน้ามันแต่แรก เหอะๆๆ  :z6:   :beat:
สุดท้ายย

กอด     :กอด1:   คนแต่งง
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ice99 ที่ 29-03-2010 00:47:21
ชอบมาครับเรื่องนี้

แอบเศร้าตอบจบ

รวบไปนิดนึงอ่า

แล้วเรื่องบางอย่างก้อยังค้างๆคาๆ

แต่เขียนได้ดีนะคับ

อยากบอกว่าเรื่องนี้เป็นนิยายแนว Y เรื่องแรกในชีวิตที่อ่านจบ

และประทับใจมากครับ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Nabee ที่ 29-03-2010 12:54:32

ขอบคุณสำหรับนิยายเรื่องนี้ด้วยนะฮะ
สนุกมาก ๆ เลยอ่ะ...มีทั้งรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ แล้วก็น้ำตา
แต่ก็เป็นอีกเรื่องที่ทำให้รู้สึกว่า ชีวิตคนเรามีคุณค่า
อยากทำอะไรก็ต้องรีบทำซะก่อนที่มันจะสาย และไม่มีโอกาสที่จะได้ทำอีก

ชอบทั้งไผ่ และต้นมากเลยนะ....เวลาทะเลาะกันก็น่ารัก น่าหยิก
เวลาจะหวานกันก็หวานซะจนคนอ่านอิจฉาในความรักของทั้งคู่เลย
ชอบตอนที่เค้าอยู่เคียงข้างกันเสมอ ไม่ว่าจะเจออุปสรรคอะไร
จะทุกข์จะสุข มือทั้งของข้างของทั้งสองคนก็ไม่ได้ปล่อยกันไปไหน
อ่านแล้วอิ่มเอมในความรักของคนทั้งคู่มากเลยฮะ

เสียดายก็ตรงที่มารู้ว่า ฟ้าเป็นคนทำลายไผ่และต้นนี่แหล่ะ
ตอนแรกก็คิดว่าเป็นเข็มเหมือนกัน แต่พอมารู้ว่าเป็นฟ้าเนี่ย
ทำให้เสียความรู้สึกไปมากเลยทีเดียว เพื่อนกันไม่น่าจะทำกันแบบนี้เลย
แล้วก็ สิ่งที่ฟ้าทำเนี่ย....เราไม่ขอเรียกมันว่าความรักหรอกนะ
เพราะการที่ฟ้ารักไผ่ แต่สุดท้ายก็ทำให้คนที่เรารักต้องเสียใจเนี่ย
มันไม่ใช่ความรักเลย แต่มันเป็นความเห็นแก่ตัวต่างหาก
ก็เข้าใจถึงความเสียใจของฟ้านะ...แต่ก็ถ้าเรารักใครแล้ว เราก็ต้องอยากเห็นคนที่เรารักมีความสุขต่างหาก

แต่สุดท้ายเรื่องนี้ก็จบลงอย่างนี้มีความสุขจนได้
และครอบครัวของทั้งสองฝ่ายก็เข้าใจกันได้ อย่างที่แม่ของต้นว่านั่นแหล่ะ
ไม่มีพ่อแม่ที่ไหนจะตัดขาดลูกได้หรอก สายเลือดยังไงก็ข้นกว่าน้ำอ่ะนะ


ขอบคุณทั้งคนแต่ง และคนโพสต์ด้วยนะฮะ...ที่นำเรื่องราวดี ๆ มาถ่ายทอดให้ได้อ่านกัน
เป็นนิยายอีกเรื่องที่เราประทับใจมากเลยฮะ...*ยิ้มหวาน*

 :L2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: tum_utcc ที่ 08-04-2010 19:29:03
ถึงเรื่องจะจบแบบ Happy แต่ก็ยังไม่หายโกรธสายฟ้าอยู่ดี

มีเพื่อนที่ไหนบ้างคิดร้ายกับเพื่อนของตัวเองที่คบกันมา 6 ปีได้

ถ้ามีจริงก็คงไม่ใช่เพื่อนที่จริงใจกันแล้วล่ะ เกลียด ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ  ๆๆ ๆ ๆ ๆ สายฟ้า
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Overdose ที่ 14-04-2010 09:20:49
อ่านตั้งแต่เมื่อคืนเพิ่งจบ ฮ่าๆๆ

รอบสองแล้ว ลุ้นอยู่ดี

แต่น่าจะยาวกว่านี้ *-*

ขอบคุณ นะคะที่เอาเรื่องดีๆมาให้อ่านกัน
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: popeye ที่ 07-05-2010 18:39:53
ชอบจัง,,ขอบคุณที่นำเรื่องราวดีๆมาให้อ่านกันนะ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: bellity ที่ 27-06-2010 00:14:00
สนุกมากเลยครับ

อ่านแล้วผู้แต่งนี่เรียนนิติศาสตร์ มน.เปล่าครับเห็นบรรยายซ่ะคิดถึงพี่บางคนกับการรับน้อง(เอาซ่ะครบตั้งแต่ค่ายแรก อยากบอกว่าลืมค่ายแรกพบนะครับที่จัดก่อนบีกินนิ้ง o22 o22 o22 o22)

อยากบอกว่าพอเห็นคณะตัวเองมาเป็นโลเคชั่นแล้วมันก็ขำๆ ดีครับ ^^  :a5: :a5: :a5: :a5: :a5:

เรื่องนี้สนุกมาก แบบรันทดสุดๆ ทั้งฟ้าที่ดีแผ่วปลาย (ดีแตกตอนปลายซ่ะงั้น o22 o22 o22 o22) และไผ่ที่ไม่ต้องตายครับ :really2: :really2: :really2:

ปล.รับน้องคณะนิติไม่ได้ให้กินน้ำอะไรนั่นจริงๆ หรอกน่ะครับ ที่เห็นมีบอกว่าเป็นแฮลลูบอย+เส้นผม+ผ้าอนามัย นั่นรุ่นพี่แกล้งครับ ที่ให้กินน่ะผสมข้างนอก :z2: :z2: :z2: :z2: :z2: :z2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: yotsaput ที่ 01-07-2010 09:04:03
อ่านจบนานแล้วแต่ยังไม่ได้มาเม้นต์

วันนี้วันดีเลยมาเม้นให้ครับ  :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: nunam ที่ 03-07-2010 12:24:55
ไม่มีเวลาอ่าน ขอติดไว้ก่อน  :serius2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: yamasal ที่ 11-07-2010 21:53:21
ม่ายๆๆๆอารัยมันจะเศร้าขนาดนี้


ต้องไม่เป็นแบบนี้ :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: yamasal ที่ 11-07-2010 22:27:02
ในที่สุดก็มีความสุขกันสักที


น่ารักเป็นที่สูดดดด.. :pig3: :pig3:
 :c3:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: kungfoopungpon ที่ 31-07-2010 18:31:54
เล่าเรื่องได้น่าสนุก และประทับใจมากคับ
ขอบคุณมากคับสำหรับนิยายที่สนุกๆเรื่องนี้ :bye2:




 :L3:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: kawana ที่ 07-11-2010 21:01:36
อ่านรวดเดียวจบเลย...
สงสารต้นกับไผ่มากๆ แอบบ่อน้ำตาตื้นไปสามรอบ...แฮะๆ (อินฟ่ะตรู)
ส่วนสายฟ้า ก้อเข้าใจอารมณ์ของคนที่คิดว่าตัวเองโดนเพื่อนหักหลัง เลยทำไปยังงั้น แต่เขาก้อไม่ได้อยากให้เรื่องร้ายแรงขนาดนั้น +สำนึกแะลช่วยเคลียร์ได้ในที่สุด
ดีจังที่ happy ending อ่านจบแล้วมีความสุข
 :pig4: :pig4: :pig4: มากๆที่เอามาโพสให้อ่านกัน

ปล. ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าเป็นเรื่องจริงแล้วทิวไผ่จะรอดกลับมามั้ย 
 
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 09-11-2010 14:49:54
ครบทุกรสจิงๆเลย  แอบเคืองสายฟ้า เชอะ  แต่สนุกดี
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: yaya_nana ที่ 16-11-2010 00:48:39
น่ารักมากจริงๆอ่ะเรื่องนี้
ตัวเอกสู้ชีวิตกันมากมาก

แต่จริงๆอยากให้เรื่องของฟ้าเคลียร์ดวยอ่ะ
สรุปต้นกับไผ่ก้อยังไม่รู้ว่ใครเป็นต้นเหตุ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: AvrilCutie ที่ 07-12-2010 17:43:46
ชอบมากๆเลยคร้าบบบบ
ลุ้นแทบแย่อ่ะ ><
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: momoko_1144 ที่ 12-12-2010 04:06:34
 :sad4: :sad4:

เศร้า ซึ้ง สนุก หวาน น่ารัก

อ้าย ยย มีกันทุกรสชาตินะคะเนี่ย

สุดยอดค่ะ ชอบๆๆๆ

 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: gkyoai ที่ 15-12-2010 08:12:05
 :L3: ชอบมาก:-D
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: rainy_naja ที่ 25-12-2010 07:50:01
merry★ 。 • ˚ ˚ ˛ ˚ ˛ •
•。★Christmas★ 。* 。
° 。 ° ˚* _Π_____*。*˚
˚ ˛ •˛•*/______/~\。˚ ˚ ˛
˚ ˛ •˛• | 田田|門| ˚★ 。 • ˚ ˚ ˛ ˚ ˛ •
Jaaaaaaaa \\(^^)//
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: tookta ที่ 13-04-2011 21:38:33
ขอบคุณนะค่ะ
อ่านรวดเดียวจบเลย เป็นเรื่องที่อ่านแล้ว
น่าติดตาม อยากอ่านให้จบ ความเป็นไปของ
เรื่องสนุกดี แต่รู้สึกเหมือนทั้ง ไผ่+ต้น ยังไม่
รู้ความจริงของสายฟ้าเลยใช่ไหมเอ่ย ???
แต่บางทีคนเราก็ต้องเก็บความลับนี้ไปตลอด
แบบมีอะไรติดค้างใจไปจนวันตายอย่างเช่น
สายฟ้า ^ ^ เป็นกำลังใจให้นะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Still_14OC ที่ 15-06-2011 17:33:15
สนุกมาก ตอนต้นข้าวโดนจับตัวไป ร้องไห้เลย  :m15:สงสารแบบ สะเทือนอารมณ์ คนอ่านเป็นที่สุด :o12: แต่ ก็ จบแบบมีความสุขจนได้
พี่หมอน้ำ น่ารักที่สุด ทั้งให้ อภัย และเป็นกำลังใจให้สายฟ้าด้วย ส่วนทิวไผ่ กลายเป็นเขยรักขวัญใจพ่อตา แม่ยายไปเลย  :L1:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: kakashiget ที่ 13-08-2011 21:42:16
อ่าน 2 วันจบแล้ว เย้ๆ  แอบลุ้นมาตั้งนานแล้ว ต้นข้าว-ทิวไผ่  อยากมีแฟนอย่างนี้มั่งจังเลย     ส่วนอีฟ้ากรูเกลียดมึงมากอีเลว ทำกับเพื่อนรักกันได้ลงคอเพราะความริษยา กิเลศ ตันหา   เจริญมากๆๆเลยมรึง   ขอบคุณไฮคุงและพี่กานมากๆนะคับ ที่เอานิยายดีๆสนุกมาแบ่งให้อ่านกัน  o13 o13 :bye2: :bye2: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :z2: :z13: :z13: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: earnearn ที่ 20-08-2011 05:45:26
สวัสดีค่ะ ขอเม้นรวบยอดเลยละกัน  :m23:
ไม่รู้ว่าคนเขียน+คนโพสจะเข้ามาอ่านเม้นไหม? แต่เราก็จะเม้น  :laugh: (แกจะบอกเพื่ออะไรว่ะ  :undecided:)
สิ่งแรกที่อยากจะบอกหลังจากที่อ่านจบแล้ว คือ ขอบคุณมากๆค่ะ ที่แต่งนิยายดีๆเรื่องหนึ่งมาให้เราได้อ่าน
ถึงแม้ว่า ว่ามันจะโพสมาตั้งแต่ 3 ปี ที่แล้วก็ตาม ฮาๆๆ :laugh: :laugh:

ตอนที่กำลังหานิยายอ่านอยู่นั้นก็มาเจอเรื่องนี้เข้า ตอนแรกคิดว่าคงเป็นอะไรที่ กัดๆกัน แล้วก็งอลๆ และจบลงที่
ทั้งคู่รักกัน ซึ่งอาจจะมีมือที่สามและสี่บ้าง
แต่เมื่อได้มาอ่านจริงๆแล้ว  :a5: :a5: มากๆๆอ่ะ ฮาๆๆ อึ้งไปเลยทีเดียว
มันเป็นอะไรที่มักจะไม่ค่อยพบในนิยายทั่วไป (รึเพราะเราอ่านไม่เจอหว่า :confuse:)
จะยังไงก็แล้วแต่ นิยายเรื่องนี้บรรยาได้ละเอียดมาก แสดงให้เห็นว่าคนเขียนตั้งใจหาข้อมูลมากๆเลย
สุดยอดมาก o13 o13 o13 o13 เรานับถือจริงๆๆ ส่วนอีกเรื่องที่เราว่าเจ๋งมาก
คือเรื่องของการสะท้อนภาพของสังคมปัจจุบัน ซึ่งจากที่อ่านมา ก็มีจริงในสังคมเป็นส่วนมาก
ชีวิตจริงไม่สวยหรูอย่างนิยาย แต่เรื่องนี้ต้องเปลี่ยนคำใหม่เป็น นิยายไม่สวยเท่าชีวิตจริง(ของบางคน :laugh:)
ว่าไปนั้น  o3 นับถืออุปสรรคของทั้งคู่ที่ฟันฝ่ามาด้วยกัน ยอมรับเลยว่าเหมือนชีวิตจริงมาก
จนทำให้เรานึกถึง คำพูดของอาจารย์เลยว่า ละครคือชีวิต ชีวิตคือละคร สุดๆๆจริงๆ o13 o13 o13 o13 ขอยกนิ้วให้เลย
และอีกสิ่งที่ประทับใจมากๆจากตัวละครคือ ความคิดที่ว่าทำงานเด็กเสิร์ฟดีว่าพวกอาโกโก้ เราว่าความคิดนี้ดีนะ
(ไม่คิดจะกล่าวว่าอาชีพใคร เป็นความคิดเห็นส่วนตัว  :try2:) ทั้งสองคนตั้งใจทำงานมาก สู้ชีวิตสุดๆๆ
เป็นสิ่งหนึ่งที่เราประทับใจ จากตัวละครทั้งสอง
และอีกอย่างคือ  o3 o3 เราแอบทายถูกด้วยละ ว่าต้องเป็นฟ้าแน่เลย เพราะในความเป็นจริง
ถึงเราจะรักเพื่อนแค่ไหน อยากให้เพื่อนมีความสุขมากเท่าไหร่ แต่สุดท้ายในส่วนลึกของจิตใจ
ก็ต้องมีบ้างที่อิจฉาอยู่ และคอยที่จะเอาคืนอะไรเทือกนั้น  :o11: :o11:
แต่เราดีใจมาก ที่สุดท้ายฟ้าก็กลับใจได้ และไม่คิดที่จะเล่นแรงขนาดนั้น ฟังดูแล้วเหมือนเด็กจะแกล้งกัน
แต่ดันไปหยิบยืมอาวุธของผู้ใหญ่มาใช้ เรื่องมันเลยไปกันใหญ่ แทนที่จะเล็กๆ ก็เลยใหญ่เว่อร์ซะงั้น  :laugh: :laugh:

เอาเป็นว่า สรุปเรื่องนี้ดีทุกอย่างอ่ะ (พูดเพื่อ แกติกติงด้วยเราะ  :try2:) ประทับใจในการบรรยา และ
ลักษณะของตัวละครมาก แต่ที่ยังคาใจคือ เรื่องที่พ่อแม่เข้าใจเร็วมาก รึอาจจะเพราะมันดูรวบรัดไป
เราเลยยังมึนๆๆอยู่ ฮาๆๆ :laugh: :laugh:

ปล.ทิ้งท้ายอีกอย่าง เราเป็นคนภูเก็ตเน่อ จะบอกว่าพวกอย่างนั้นมันมีเฉพาะแหล่งมั่วสุมเท่านั้นและ
เพื่อบางท่านจะเข้าใจผิด คิดว่ามีทุกที่ๆเป็นหอพักโซมๆ อีกอย่างเห็นด้วยกะเนื้อเรื่องว่า หางานพิเศษทำยากมาก
 :laugh: :laugh: จำได้ว่าเคยหางานกับเพื่อน สองเดือนแล้วยังไม่ได้ เพราะส่วนมากเป็นแบบเต็มเวลา
แต่ตอนนี้ก็ดีขึ้นแล้ว หลังจากผ่านสึนามิมา  :เฮ้อ: :เฮ้อ: ยังไงก็ขอขอบคุณที่คนเขียนนำเรื่องลาวดีๆ
ที่แต่ขึ้นมาให้อ่านกันนะค่ะ สนุกแต่ตื่นเต้นทุกตอนเลย ลุ้นมากว่าจะเป็นไง ทายพล็อกก็ไม่ค่อยจะถูก  :laugh: :laugh:

ขอบคุณจริงๆๆค่ะ  :L2: :L2: :กอด1: :กอด1: ปล.ของปล. ที่เราพ่ำๆๆไปอย่าคิดมากเลยค่ะ เราคิดถึงบ้านอ่ะ ตอนนี้มาอยู่หอ เหอะๆๆ :try2: :try2: :try2:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: armlovebos ที่ 29-08-2011 02:22:31
อ่านรวดเดียวจบเลย..

น่ารักมากกกกกกกก


อ่านไปอมยิ้มไป..

เรื่องนี้เปงเรื่องที่ดีทำให้เรายิ้มได้ทั้งวันเลย

แต่แอบเสียน้ำตาให้ตอนหลังด้วยอะ

ซึ้งมากเปงเหตุการพิสูทรักแท้มาก

ยังงัยเรื่องนี้ก้ยุในใจเสมอ

กะโดดกอดผู้แต่ง..สองครั้งฮ่าๆๆๆ

 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: 20227ple ที่ 01-09-2011 21:30:26
หนุกมากค่าาาาาา :z1:
แต่แอบเส้าตอนกลางเรื่องจนจะจบอ่ะ :o12:
 o13
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Mickii ที่ 24-10-2011 12:47:51
เย้... อ่านจบแล้ว ชอบไผ่กะต้นมากกก

อ่านไปยิ้มไป มาตอนท้ายๆ เรียกอารมณ์เต็มที่

แต่ก้อดีใจที่จบอย่างมีความสุข แอบเคืองฟ้ามากๆ

ที่ทำให้ทั้งไผ่กะต้นเจอแต่เรื่องร้ายๆ แต่ก้อเปงบทพิสูจน์ความรักของทั้งคู่

ขอบคุนที่นำนิยายดีๆ มาให้อ่านนะคะ ทั้งคนเขียนและคนโพสต์
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: keem ที่ 25-10-2011 17:12:21
ยังแอบเคืองฟ้า และก็โกรธคนแต่ง ที่ทำให้ต้น เสียตัวให้คนร้ายไม่น่าเลย
ขอบคุณสำหรับเรื่องดีนะครับ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Eshardy ที่ 27-10-2011 09:22:42
อ่านจบแล้ววันเดียวรวด    ชอบ  ต้น กับ ไผ่    รักกันดี ตอนสุดท้าย ไผ่ทำหน้าที่ได้ดีมาก และต้นกธ ดูแล ไผ่ดีมากเหมือนกัน
มีบางช่วงไม่ชอบฟ้าไม่น่าทำกับเพื่อนเบบนี้เลย  เห้อ 
แต่ ฟ้ากับสายชลก้ โอเค นะ 
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ladymoon_yy ที่ 29-10-2011 17:37:12
แอบไม่พอใจฟ้า.....ไม่คิเดว่าจะร้ายกับเพื่อนรักได้ขนาดนี้  :m16: :m16: :m16:
ส่วนต้น ตกลงโดนพวกไอเสือข่มขืน สงสารอะแต่ไผ่ก็ยังรักต้น  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: nammy ที่ 07-12-2011 16:04:34
 o13 o13 o13 กด live 1000 ครั้ง
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: londoneye ที่ 08-12-2011 17:35:58
น่ารักอ่ะ  อ่านรวดเดียวจบเลย

มีครบทุกอารมณ์จริงๆ 

ตอนหนีีออกจากบ้านนี่  เคราะห์ซ้ำกรรมซัดมากกกกกกกกกกกกก

แต่สุดท้ายก็จบแบบแฮปปี้  ดีจังเลย^^

 :กอด1:ทั้งคนแต่งคนโพสต์เลยนะคะ  ที่ทำให้ได้อ่านนิยายน่ารักๆแบบนี้
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 09-12-2011 00:11:21
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: aezac ที่ 09-12-2011 21:56:32
 :-[ :-[  ดีีีีจังงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง  เลยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: puchi ที่ 11-12-2011 18:15:12
โอ้ยยังไม่อยากให้จบเลย กำลังหวานเลย กว่าจะผ่านมรสุมมาได้ น้ำตาจะไหล สงสารมากๆ

ฟ้าหนอฟ้า ใจคนยากที่จะหยั่งถึงจริงๆ ริษยาได้แม้กระทั่งของที่ไม่ใช่ของตัวเอง

หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: stdvic ที่ 17-03-2012 00:52:02
เพิ่งมาอ่านสนุกๆมากคราบบ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวเล็ก ที่ 25-03-2012 16:00:08
เรื่องนี้อ่านวันเดียวจบเลยค่ะ
เห็นว่าชื่อเรื่องน่าสนใจ เลยลองเข้ามาอ่าน
และก็ไม่ผิดหวังจริงๆค่ะ
เนื้อเรื่องสนุกมากๆๆเลย
ใช้คำ และภาษาในการบรรยายได้ดีมากๆๆเลยค่ะ
เห็นภาพ เลย อยากให้มีตอนพิเศษอีกเยอะๆๆจังเลยค่ะ
สนุกๆๆ ปลื้มๆๆ กดไลค์เลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: AvrilCutie ที่ 13-08-2012 10:52:38
ไม่ว่าจะกลับมาอ่านกี่ครั้งก็ฟินเหมือนเดิม เป็นนิยายุคแรกๆที่แต่งได้เลิศมากๆ
ชอบในความสมจริง ชอบที่ความน่ารักของต้นข้าว และความเป็นพระเอก(จอมหื่น)ของทิวไผ่ 55
แม้ตอนจบจะหักดิบไปหน่อย แต่ก็รักนิยายเรื่องนี้

 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 13-08-2012 22:30:37
ขอบคุณค่ะ แฮปปี้ ๆ ^^

แต่เคืองฟ้าจริง ๆ ทำให้ไผ่กับต้นต้องตกระกำลำบาก - -
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: memoryheart ที่ 14-08-2012 00:06:21
ชอบมากครับอ่านไปร้องไห้ไป  แต่ผิดหวังตอนจบครับ เล่นจบแบบตัดบทอะ 

ผมว่ายังต่อไดอีก

ตอนไผ่ฟื้น  ตอนสองครอบครัวเจอตัวไผ่ต้นยังไง รุ้เรื่องไผ่โดนรถชนแล้วจะเปนยังไงรุ้สึกยังไง

ตอนสองครอบครัวปรับความเข้าใจกันกับลูกๆ  ยอมรับสิ่งทึ่ลูกเป็น


ตอน ให้ฟ้าได้แสดงความรู้สึกผิดกับไผ่ต้น  ให้เพื่อนได้ให้อภัยฟ้า (เราว่าคงจะซึ้งกับคำว่า เพื่อน ได้อีก)

กลับมาแต่งเพิ่มได้ไหม เราชอบมากๆเลยนะ




หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: vutloor ที่ 14-08-2012 21:36:16
ค้างครับ มันพลิกผันเร็วไปอะ สา่ยฟ้าสำนึกผิด  ทิวไผ่ รอดตาย แบบเร็วไปนิด น่าจะขยายซักหน่อยนะว่าสายฟ้าไปช่วยให้ครอบครัวเขาไปยอมรับลุกได้อย่างไร
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 15-08-2012 20:08:01
ชอบๆๆๆ o13
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: obab ที่ 16-08-2012 00:11:01
แรกๆรักวัยใส ทำหลังๆดราม่าจัง 555
แต่สนุกค่ะ :,)
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 17-08-2012 08:07:56
ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 19-08-2012 13:54:12
ชอบต้นข้าว ยิ่งอ่านยิ่งชอบ :)
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: kamikame ที่ 20-08-2012 13:46:03
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดี  นะฮ๊าฟฟฟฟ
สนุกมากมาย
แอบเสียน้ำตาด้วย ^^'
 o13
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Petch0132 ที่ 21-08-2012 05:17:30
 สนุกมาเลยคับ


ได้หลายอารมณ์ดั ทั้ง สนุก ลุ้นไปด้วย น่ารัก แอบเขินนิดๆ>///<  ช่วงหลังๆนี้ดราม่ามากเลย  ร้องจะเปงจะตายเลย  :o12:


ชอบเรื่องนี้มาดกเลยนะคับ  เปงกำลังใจให้คนแต่งนะคับ^^



แต่บทส่งท้ายเนี่ยก็เล่นเอาน้ำตาคลอเลยอ่ะคับ  :m15:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: ชินจังไม่กินหัวหอม ที่ 23-08-2012 00:22:46
 o13 o13 o13  :pig4: น่ารักเนอะ เขียนเรื่องใหม่อีกนะครับ จะรอติดตามผลงาน ...
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyFG ที่ 24-08-2012 01:04:28
เพิ่งเข้ามาอ่านนี่เราพลาดเรื่องนี้ไปได้อย่างไร

ตอนแรกก็อ่านไปยิ้มไป แต่มาตอนท้ายเล่นเราไปไม่เป็นเลย

แต่ก็ผ่านมาได้เนอะๆ เหมือนพิสูจน์รักแท้ แต่ตอนนี้ก็ยังเคืองฟ้าไม่หาย

อ๊ายอิน เรื่องนี้จะอยู่ในใจไปอีกนานเลย :z3:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: cokebundit ที่ 26-12-2012 14:15:47
 :impress2: ในที่สุดก็ลงเอยด้วยดี :กอด1:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: GGG24 ที่ 01-01-2013 13:27:20
อ่านรวดเดียวจบ

ขอบคุนคนเขียนที่เขียนเรื่องดี ๆมาให้อ่าน

มีครบทุกรสจริง ๆ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: BankkunG23 ที่ 09-01-2013 22:05:53
สนุกจริงๆ ขอบคุณมากนะครับ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 02-11-2014 20:47:44
อ่านจบแล้ว สนุกมากเลยครับ ช่วงแรงตลกและน่ารัก ช่วงท้ายเศร้าซะะะะะ แต่จบได้ซึ่งครับ ขอบคุณครับ  o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Baruda ที่ 20-08-2015 14:51:03
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 25-08-2015 02:40:10
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: am_am ที่ 26-08-2015 20:44:07
ขอบคุณค่ะ อ่านยาวเลย อ่านชื่อเรื่องแล้ว มาอ่าน
ไม่คิดเลยว่า 2 หนุ่ม จะตกระกำลำบากขนาดนี้
ตัดจบไวซะจนงงเลย วนอ่านอยู่ว่าอ่านข้ามรึเปล่า
ตอนลำบากบรรยายซะละเอียดเลย
ตอนมีความสุข มีนิดเดียวเอง
แต่ก็ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Ningg.Destiny ที่ 30-08-2015 23:27:20
 :impress2:  :ling1:

ไม่ยอมๆๆๆๆๆๆๆ
อ่านแรกๆ คือชอบมาก
คู่กัดประจำห้อง ทะเลาะกันตลอด
สุดท้ายมาลงเอยกันจนได้

แต่ไหงอยู่ๆ ตัดฉับแบบรีบๆจบอ่ะ
เสียใจนะ แง TT ชีวิต 2 หนุ่มรันทดมาก
ผ่านแต่เรื่องร้ายๆ กว่าพ่อแม่จะยอมรับก็เกือบตาย
คิดจะจบก็จบเฉยเลย

แต่ก็ต้องขอบคุณฉากหวานๆ ตอนสองคนนี้เข้ามหาวิทยาลัย
อ่านแล้วคิดถึงสถาบัน  เราเพิ่งจบจากที่นี่มากำลังรอรับปริญญา
แล้วก็ขอบคุณความรู้ตอนค่าย นศท. ทรหดกันมากจริงๆ
อ่านแล้วรู้สึกเหมือนได้ไปค่ายด้วย อิอิ

อยากหยุดเรื่องให้จบแค่ตอนที่เค้าสวีทกันจัง

 :katai4:
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 03-09-2016 20:24:14
ขอบคุณค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
เริ่มหัวข้อโดย: Charmy ที่ 05-09-2016 06:24:48
ลุ้นแทบตาย :sad4: