พิมพ์หน้านี้ - (เรื่องสั้น)ริมฝั่งน้ำ
CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE
Boy's love => เรื่องสั้น => ข้อความที่เริ่มโดย: Serin ที่ 25-04-2010 12:52:05
-
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้ เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณา กดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
สรุปข้อสำคัญดังนี้
1.ห้าม ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้ โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์ และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
3.การ นำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม
5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่า โกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
ส่วน คนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน
ก็ไม่ต้องไปอิน มากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
6.อย่า พูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยาย ในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
เวปไซต์แห่งนี้เป็น เวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
*****************************************************************
-
มาเจิมเรื่องใหม่ครับ
:mc4: :mc4:
-
..ริมฝั่งน้ำ
Warning: เน่า..และหวานแบบไม่มีลิมิต
ยามย่ำสนธยาค่อยๆมาถึงอย่างเชื่องช้า เงาของดวงอาทิตย์ดวงโตที่พาดลงบนผืนน้ำสายใหญ่ จนเกิดประกายช่างงามระยับจับตา แม่ค้าวัยกลางคนกำลังพายเรือแจวละเลียบมาตามฝั่งคลอง สายตาสอดส่องเลาะมองไปทั่วหมู่เรือนแพและห้องแถวสำหรับเช่าราคาไม่แพงนัก มองหาเหล่าลูกค้าทั้งชายหนุ่มหญิงสาวซึ่งจะมาซื้อหาของกิน ปากก็ส่งเสียงร้องเรียกหาลูกค้าด้วยสีหน้าแจ่มใส..บางครั้งก็จะออกแรงเอ็ดเจ้าเด็กน้อยแสนทโมนที่กระโดดพรวดลงน้ำอย่างไม่ดูตาม้าตาเรือ หากแต่เจ้าเด็กเหล่านั้นกลับยิ่งหัวเราะร่า พลางว่ายน้ำตัดหน้าลำเรือ จนฝ่ายแม่ค้าต้องยกๆไม้พายขึ้นมาง้างใส่กบาลพวกมันเป็นการขู่ พร้อมๆกับเสียงเอ็ดของผู้ใหญ่ในบ้าน..เมื่อนั้นแหละ..พวกลูกลิงทโมนทั้งหลายจึงได้ย่นลำคอแล้วว่ายหนีไปเล่นกันเสียอีกที่หนึ่ง..
หูแว่วเสียงปี่พาทย์รำวงแว่วมาในสายลม ชะรอยว่าวัดแถวนี้จะจัดงานรำวงขึ้นมากระมัง..จึงได้มีเสียงสรวลเสเฮฮาไม่หยุด ผู้คนหลายคนสัญจรผ่านไปมา..บ้างก็นั่งเรือเมล์ บ้างก็แจวเรือกันเอง มีทั้งไปสมทบกับพรรคพวกด้วยสีหน้าเปี่ยมสุขต่างใส่เสื้อผ้าสีสันสดใส พูดคุยหัวเราะไม่หยุดปาก..
“..พ่อหนุ่มเนื้อทองตรงกระไดนั่น..จะทำหน้าเศร้าอยู่ไยพ่อคุณ..ไม่ไปสังสรรค์กับพรรคพวกกับเหล่าสาวๆเหล่านี้บ้างรึ?..ป้าเห็นเขาชะเง้อมองเจ้าตั้งแต่เรือยังไม่พ้นหัวคุ้งจนลับตาเลยเชียว...” เสียงทายทักของแม่ค้าบนเรือแจวเรียกสติให้กลับมาอยู่กับตัวอีกครา..หันไปมองรอยยิ้มที่จริงใจไร้สิ่งใดแอบแฝงก็อดยิ้มกลับไม่ได้..
“..ป้าวันนี้ขายอะไรรึครับ...” ออกปากถามไปอีกเรื่อง เฉไฉไม่ตอบคำถามนั้นเสีย ว่าแล้วกวาดสายตามองกระจาดบนลำเรือนั้นไปพลาง หญิงวัยกลางคนยิ้มกวาง มองชายหนุ่มตรงหน้าแล้วเจรจาเสียงอ่อน..
“..ปลากริมไข่เต่าจ๊ะพ่อคุณ ..แล้วก็ขนมสอดไส้..นั่นก็เกือบจะขายหมดแล้ว..ป้าก็ว่าประเดี๋ยวจะพายกลับเรือนแล้ว..จะไปดูงานวัดที่ภูเขาทองเสียหน่อย..”
“..วันนี้มีงานที่พระบรมบรรพตรึครับ..ดูท่าคนจะคึกคักกันดีทีเดียว.. “ ตอบพลางชี้มือไปยังห่อใบตองสีสดที่กลัดห่ออย่างดีเรียงกันสองตับ
“..ซื้อขนมสอดไส้สักสองห่อครับ..แล้วก็ปลากริมไข่เต่า.. “
“..จ้า..” ออกปากรับพลางเงยหน้ามองคนพูด เจ้าหนุ่มตรงหน้ามีใบหน้านวลเนียนงามละออกตา จมูกโด่งสันริมฝีปากหยักยิ้มน้อยๆดูหน้ามอง หากแต่ดวงตาคู่นั้นฉายแววเศร้าหมองอยู่ไม่น้อย ทั้งใบหน้าที่มีเพียงรอยยิ้มบางๆพาดอยู่เป็นรอยยิ้มที่คนมากประสบการณ์เช่นตนรู้ว่ามันไม่ได้มาจากใจจริง..แต่หากใบหน้านี้หัดยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เสียบ้างละก็..คงไม่พ้นสาวรักสาวหลงกันทั้งคลอง..
“..พ่อนี่ชอบกินจริงน่ะ...ซื้อของป้าทุกวันเทียว..แต่ไฉนใบหน้าหมองนัก..อย่ากระไรไปเลย..ออกไปเที่ยวเสียบ้างสิ ตัวเองงามอย่างกับพระสังข์รูปทอง..มานั่งหงอยอยู่บนกระไดทุกวี่ทุกวันทำไมเล่า...สงครามก็จบไปแล้ว ผู้คนก็ยินดีปรีดา..เคราะห์ร้ายผ่านไปแล้วเจ้าเอย...”
ฝ่ามือกร้านและแขนเกรียมแดดเล็กน้อยลูบข้อมือเลยขึ้นไปยังปลายศอกอย่างนุ่มนวล..ใบหน้าสลักรอยยิ้มอาดูรเช่นผู้ใหญ่เอ็นดูลูกหลานตัวน้อยๆ ทำให้อดยิ้มเสียไม่ได้...
“..ขอบคุณครับ...นี่ครับค่าขนม..คุณป้า...แวะมาอีกน่ะขอรับ..ผมรอซื้ออยู่ทุกวันเลย..”
“..พ่อคุณนี่ปากหวานจริงเทียว...” หญิงวัยกลางคนแย้มยิ้ม ก่อนจะอำลาแล้วจรดฝีพายพาเรือเล็กลอยผ่านคุ้งน้ำไป...ดวงตาคมหวานทอดมองตาม ก่อนจะก้มลงมองขนมสองสามห่อในมือ...
....มองดูมันเงียบๆด้วยสายตาที่ไร้แวว..
สงครามจบแล้ว... แต่ความทรมาร ความขมขื่นและฝันร้ายของผู้คนละ จะจบลงไปด้วยหรือ..รึต้องให้เวลาผ่านไปอีกสักแค่ไหน...ความรวดร้าวที่เป็นดังฝันร้ายนี้จะบรรเทา..
ชายหนุ่มถอนหายใจแผ่วเบา มองขนมในห่ออีกคราอย่างหนักใจไม่น้อย..
....แล้วจะกินอย่างไรให้หมดล่ะนี่..
แสงสุดท้ายของอโนทัยลาลับไปอย่างช้าๆ..ทิ้งเพียงลำแสงทอดกลางลำน้ำสายยาว..เจ้าเด็กที่เคยวิ่งร่าเล่นน้ำกระโดดเรือนชานกันเสียงดังโครมครามต่างถูกเรียกให้ขึ้นจากน้ำกันหมด แสงจากไต้ไฟที่มีคนถือบนลำเรือวับวามชวนมอง เมื่อยามผู้คนหลากหลายต่างก็พากันแต่งตัวออกมาเพื่อไปชมงานวัดที่บัดนี้มีเสียงดังอึกทึก..
..ทว่าเจ้าของชานเรือนเล็กๆ ในห้องเช่าริมคลองยังนั่งนิ่งมิไปไหน แม้จะมีไฟฟ้าใช้กันแล้ว แต่การจุดไต้ไฟตรงระเบียงก็ยังทำกันอยู่..ทั้งประหยัดไฟและไล่ยุงไปในตัว..
เสียงเรือเมล์เทียวสุดท้ายดังแว่วตรงปลายคุ้ง....สักพักสะพานไม้ใกล้ห้องแถวก็มีเสียงคนย่ำโครมครามมิได้ขาด นัยน์ตาวาววามจ้องมองแสงไต้สะท้อนเปลวไฟระยับอย่างลอยเหม่อ..หากแต่พอแว่วเสียงย่ำตึกตักเป็นจังหวะพร้อมกับเสียงเปิดดาลลั่นเบาๆ..ร่างทั้งร่างก็ลุกพรวด..ผวาหา..
“..คุณนิล...กลับมาแล้วหรือจ๊ะ....” ออกปากทักร่างสูงใหญ่ในชุดเสื้อผ้าขาว มีปลอกข้อมือเป็นสักหลาดสีแดง มีแถบทองและกางเกงขายาวสักหลาดสีดำ ชุดเครื่องแบบของ โรงเรียนนายร้อยทหารบก " ขาดก็แต่หมวดและพู่ทองเท่านั้นจึงจะเรียกว่าชุดทางการ เจ้าของร่างสูงก้มลงถอดรองเท้าหนังมันปลาบแล้วเงยหน้ามามอง..
“..อืม...นทีกินข้าวรึยัง?..”
“..เออ....ฉันยังไม่ได้กินจ๊ะ..แต่ฉันซื้อปลากริมไข่เต้าที่คุณนิลชอบไว้ด้วย มากินด้วยกันน่ะจ๊ะ...” เจ้าของใบหน้าที่เคยนิ่งเรียบยามพบพานผู้อื่น บัดนี้แย้มยิ้มรื่นเริงขึ้นทันตา..กุลีกุจอไปหยิบชามสังกะสีและถ้วยกะลาสีขาวมาใส่ของคาวของหวานอย่างรวดเร็ว..
นิลกาฬถอดถุงเท้าเสร็จก็ค่อยแกะกระดุมเสื้อคอปกตั้งสูงที่ทำให้ร้อนอ้าวอย่างรวดเร็ว..เดินลงเท้าเบาๆไปยังห้องอีกฝั่งไปคว้าเสื้อยืดสีขาวตัวเก่าทว่าเนื้อนิ่มใส่สบายมาลำลอง เอาชุดเครื่องแบบพาดตรงราวแล้วคว้ากางเกงขาสั้นสีน้ำตาลเข้มมาใส่ลวกๆแล้วเดินออกไปยังนอกห้อง...
มองเห็นร่างผอมกำลังคดข้าวสวยใส่จานทั้งสองใบ ใบหน้าที่เคยเครียดเคร่งก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย..เดินกรายไปยังนอกชานเรือน..และเห็นเรือแจวยังสัญจรไปมาไม่ขาดสาย พร้อมเสียงดนตรีปี่พาทย์กระหึ่มดัง..จึงเอ่ยปากถามออกไป..
“..นที..วันนี้มีงานวัดหรือ?..”
“..วันนี้ที่ภูเขาทองเขาจัดงานน่ะจ๊ะ..คุณนิลจะไปดูไหม..” เสียงตอบกลับมาพร้อมคำถามแว่วๆทำให้ผู้ฟังอดยิ้มไม่ได้ แววตาคมเหลือบมองคนที่กำลังขะมักเขม้นกับการพยายามทำตัวเป็น “ แม่ศรีเรือน “ แล้วอดจะอมยิ้มไม่ได้ เพราะท่าทางของเจ้าตัวช่างน่ามองเสียนี่กระไร..
“..ทำไมไม่เปิดไฟล่ะ...” ออกปากถามเมื่อห้องเช่าแคบๆยังมีแต่แสงตะเกียงจ้าวพายุที่เขาแขวนไว้บนขื่อหน้าห้อง..
“..ขอโทษจ๊ะ..ฉันลืมไป...พอดีชินกับแสงตรงประตูเสียแล้ว..” ตอบเบาๆ ก่อนจะเป็นฝ่ายลุกขึ้นไปเปิดไฟบนหลอดกลมสีนวลตาทันควัน..นิลกาฬส่ายหัวคล้ายระอา ก่อนจะหยิบเสื่อมาปูบนพื้นห้อง..แล้วคว้ากับสามสี่อย่างที่เตรียมเสร็จแล้วมาวาง กวักมือเรียกเจ้าตัวที่กระหย่องกระแหย่งพยายามปิดตะเกียงยิกๆ
“..เดี๋ยวฉันไปปิดเอง..มากินข้าวกันก่อน...”
ลุกขึ้นไปเปิดประตูตรงชานที่ยาวถึงลำน้ำให้เปิดกว้างขึ้น จนสายลมเย็นๆชายโชยขณะที่คนรอก็นั่งพับเพียบแต้..มองร่างสูงใหญ่ตาใสวับ...
“..นที...นที...ทำตาแบบนั้น..เดี๋ยวฉันก็อดใจไม่ไหวหรอก..”ออกปากล้อเลียนจนคนตรงหน้าสะดุ้ง แก้มแดงจัด..นิลกาฬหัวเราะเบาๆ หยิบช้อนมาตักข้าวทานไปพลาง..
“....คุณนิลนี่ลามก...” เสียงบ่นอุบอิบยิ่งชวนให้เงี่ยหูฟังดังจะแกล้ง..นทียิ่งหน้าแดง ค้อนใส่ด้วยหางตาชนิดขวักใหญ่..
“..แล้วนทีอยากไปเที่ยวดูงานวัดบ้างไหม?..” ออกปากถามเรื่องที่คุยกันค้างอยู่..นทีชะงักก่อนจะเงยหน้ามามองคนถาม แสงนวลจากหลอดไฟส่องกระทบใบหน้าคมสัน ตาสีนิลคู่คมเข้มจากที่เคยจ้องมองมาด้วยความกราดเกรี้ยว ไม่พอใจจนน่าขยาดนัก บัดนี้ทอแววอุ่นหวาน.. ริมฝีปากที่ไม่เคยยิ้มปรากฏรอยหยักมุมปากน่ามอง พร้อมกับโครงหน้าสมบูรณ์แบบหล่อเหลา ถ้ารวมกับชาติตระกูลและการศึกษา..คุณนิลกาฬ..ก็คือชายที่สาวๆทั่วเมืองกรุงใฝ่ฝัน..
“..มองทำไม..หรือว่าหลงในความหล่อของฉันเข้าแล้ว..” เสียงสัพยอกหยอกเย้านั่นดังขึ้นเมื่อเห็นว่าหน้าหวานๆยังจดจ้องมิห่าง.. นทีสะดุ้งสุดตัว ยิ่งได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอแผ่วเบากับแววตาเย้าหยอกนั่นแล้วนึกอายนัก..
“..คุณนิล....นี่....” ริมฝีปากเม้มแน่น..ก้มหน้างุดออกอาการงอนหน้าง้ำให้เห็น..
“..นี่...ตกลงอยากไปเที่ยวงานวัดไหม..ไม่เอาแล้วน่ะนทีคนดี..อย่าทำหน้าง้ำสิ..” ออกปากถามเมื่อเห็นคนตัวเล็กไม่พูดจา นทีเงยหน้ามาสบมองแววตาหวาน..ก่อนจะส่ายหัวช้าๆ..
“..ฉันอยากอยู่กับคุณนิล....”
............................................................................... .....................................................................................
นิลกาฬนั่งเคาะโป๊กๆปรับสัญญาณคลื่นเสียยกใหญ่ เมื่อเจ้า ‘ทรานซิดสะเต้อ’ ของนทียังไม่มีแววเคลื่อนไหว..โดยมีเจ้าตัวนั่งมองอยู่ไม่ห่างกาย ด้วยความอยากรู้อยากเห็นนักว่าไอ้กล่องดำๆที่คุณนิลขนมาจาก “บ้านใหญ่ “นี่จะใช้งานได้ดังที่กล่าวอ้างจริงหรือ นทีเคยเห็นแต่เครื่องเล่นแผ่นเสียงอันใหญ่โต ที่มีอะไรงอกออกมาแล้วเสียงจะออกมาจากนั่น ‘ นายญี่ปุ่น ‘เป็นคนทำให้ดูเมื่อไม่นานมานี้เอง...
แกร่กๆๆๆๆ...
เวลาผ่านไปได้นานพอดู...มีชาวบ้านเริ่มพายเรือกลับมาบ้างประปราย..ท่าทางจะดึกบ้างแล้ว..
เสียงแกร่กกรากยังดังสลับกับเสียงซ่าๆไม่หยุดหย่อน ทำให้คนคอยเริ่มเบื่อเสียแล้ว นทีขยับกายลุกหันไปหยิบรองเท้าหนังของนายร้อยหนุ่มมา นั่งลงตรงพื้นห้องที่ยกสูงจากไม้กระดานหน้าห้องแล้วลงมือขัดด้วยผ้าอย่างขะมักเขม้น เป็นการฆ่าเวลาเพื่อรอให้กล่องสีดำๆนั่นส่งเสียงเพลงมาอย่างที่คุณนิลบอก..
“..เฮ้อ.... คงต้องให้ช่างมาดูเสียแล้วล่ะ...อ้าว....นที....ทำอะไรอยู่ตรงนั้น...” ออกปากทักเมื่อเห็นเจ้าตัวนั่งขัดรองเท้าของตน นิลกาฬลุกไปหาแล้วลากปีกคนตัวเล็กไปยังห้องอีกฝั่ง..
“..คุณนิล...ปล่อยฉันซีจ๊ะ...เดี๋ยวชาวบ้านร้านตลาดมาเห็นเข้า..เขาจะเอาไปลือ...” เหลียวซ้ายแลขวาเมื่อพบว่ายังเปิดประตูฝั่งที่ติดกับแม่น้ำไว้อยู่..เสียงบอกอุบอิบนอกนั้นไม่ได้ทำให้คนฟังหยุดเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามกลับกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้นราวกลับจะกลั่นแกล้ง..
“...ก็ช่างเขาประไร...”สำเนียงหยิ่งยโสไม่สนใจใครนั้นไม่ว่าอย่างไรก็ช่างเหมือน คุณนิลกาฬ คนเดิมเสียเหลือเกิน พอคิดแบบนั้นแล้วเงยหน้าขึ้น กลับได้สบมองดวงตาพราวระยับงดงาม..ไม่ได้แข็งกร้าว หยามเหยียดเช่นคุณนิลคนเก่าแม้แต่น้อย...และนั่นก็ลดทอนแรงดิ้นที่เคยมีได้...นทีจ้องมองใบหน้าหล่อเหลานั้น..อมยิ้ม...
...ได้อยู่กับคุณนิลแบบนี้....มีความสุขเหลือเกิน
ตุ๊บ...
ร่างตกกระทบฟูกนอนเบาๆด้วยคนทำนั้นวางลงอย่างอ่อนโยนนัก นิลกาฬใช้มือข้างหนึ่งแหวกมุ้งออกแล้ววางคนตัวเล็กลงไปช้าๆ..ด้วยสายตาหวานฉ่ำ เจ้าตัวมุดเข้ามาในมุ้งอีกคนสบตาคู่หวานที่เสหลบ แผ่นอกกว้างในเสื้อยืดสีขาวทาบลงกับแผ่นอกบางในเสื้อสีน้ำตาลอ่อน แขนหนาแน่นด้วยกล้ามเนื้ออย่างคนฝึกมาดีและอกหนาหนั่นแน่นทำเอาหัวใจเต้นระรัว..นทีเสหลบตาทันควัน..ขณะที่หูก็แว่วเสียงหัวเราะแผ่วเบาในลำคอ...
“..เจ้านทีตัวน้อย..จะเสหลบไปไหนกันเล่า..เดี๋ยวก็จับตีก้นซะหรอก..” เสียงทุ้มเอ่ยเย้าหยอกอย่างขบขันเรียกรอยแดงข้างแก้มสะท้อนกับแสงสลัวของดวงจันทร์ที่สาดส่อง เสียงน้ำกระทบฝั่งดังเบาๆเคล้าคลอกับความเงียบที่มีเพียงเสียงลมหายใจของคนสองคน..
“..คุณนิล...ฉันตัวเหม็น ยังไม่ได้อาบน้ำเลย... “
“...ไม่เป็นไร..ฉันก็ยังไม่ได้อาบเหมือนกัน...”
“...อือ....แต่..........” แขนผอมออกแรงง้างไว้ก่อนปลายคางสากระคายจะแนบแก้มนิลกาฬชะงัก..มองใบหน้าที่ขมวดคิ้วไม่หายของเจ้าตัวแล้วทอดถอนใจ
ท่าทีที่ยังดูเงอะงะ..เมินเฉยบ้าง..กล้าๆกลัวๆเป็นครั้งคราวของเจ้าตัวอดจะสะกิดใจเขาไม่ได้..
ดวงตาสีเข้มหม่นแสงลงยามจ้องมองคนในอ้อมกอด รู้ตัวว่าผิด รู้ตัวว่าไม่น่าให้อภัยสักนิดกับสิ่งที่เคยทำกับนทีไว้ แต่นทีให้อภัยแล้วไม่ใช่หรือ รึว่ายังไม่อาจทำใจลืมสิ่งที่ทำลงไปกันน่ะ..
..ดวงตาสีเข้มแสนหมองหม่น ทอดมองไปยังเจ้าตัวน้อยในอ้อมอก..อกสะท้อนสะท้านใจเสียไม่ได้...
“..นที...รักฉันบ้างไหม?..รักคุณนิลบ้างหรือยัง..?.....”
“.......................”
หลังคำถามนั้นความวังเวงก็พลันเกิดขึ้นยาวเหยียด นิลกาฬจ้องมองใบหน้าของคนถาม..นที....เจ้าสายน้ำไหลเย็นระเรื่อยน่าจับต้องจากเมืองเหนือ..ดอกเอื้องแซะสีเหลืองอ่อน..กลิ่นหอมบางๆยวนใจ..ดูบอบบางน่าทุนะถนอมหากแต่เข้มแข็งถึงเพียงนี้..เพราะเป็นเฉกนั้น..ตนจึงอยากได้มาครอง..จึงแย่งยื้อถือมาด้วยความใคร่อยาก..ถือได้ครองเหมือนเช่นเป็นของตลาด..เจ้าดอกไม้แห่งขุนเขาจึงบอบช้ำ จนแทบจะร่วงหล่นลงจากขั้ว..
...กระทั่งเอาเจ้าตัวมาเคียงข้าง..แม้จะมิได้ยื้อยุดรึขืนใจว่าเจ้าตัวมิจำยอม..หากแต่เพียงเพราะหมดที่พึ่ง มิฉะนั้น เจ้าตัวจะยอมมาหรือ..
...แม้ผ่านมานานวัน ก็ไม่อาจแน่ใจได้ว่าเจ้าตัวเป็นเช่นไร รอยยิ้มหวานอ่อนนั้นยังแฝงแววเศร้าอาลัย..แววตานี้ยังมิแปรเปลี่ยนไปจากวันวาน..จนอดระทดระท้อใจเสียมิได้..
“....นที........”
“..................”
ดวงตาสีเข้มฉายแววรวดร้าว..แม้จะเอ่ยปากถามไถ่เพียงไร เจ้าตัวก็มิพักจะตอบบ้างเลยหรือ..กระทั่งสบตาให้รู้ความนัยสักนิดก็ยังไม่มี..เบือนหน้าหนีราวกับหวาดกลัวคำถามนี้เสียเหลือเกิน...
ฝ่ามือเย็นเฉียบแนบแก้มขาว ใบหน้าที่บิดเบี้ยวด้วยความหวาดหวั่นสะดุ้งไหว ดวงตาสีนิลน้ำงามค่อยเบือนสบตาคมตามแรงบังคับของฝ่ามือ แววตาร้าวไหวสะกดให้ต้องนิ่ง...จ้องมองดวงตาคู่นั้นอย่างตะลึงลาน..หากผู้ที่สัมผัสนั้นมิได้เอ่ยคำใด..จ้องมองนิ่งๆราวกับจะถามไถ่บางสิ่งที่อยากรู้นัก..แล้วเจ้าตัวก็ถอนใจ..เสหลบตาไปเสียง่ายๆ..
“...ฉันขอโทษที่ถามอะไรแบบนี้..นทีหลับซะเถอะ..เดี๋ยวฉันจะไปทำการบ้านที่จะส่งพรุ่งเสียก่อน..” ดวงตาเสหลบไม่สบมอง มือประคองที่เคยเย็นจัดบัดนี้อุ่นขึ้นแล้วก็ผละจาก ทั้งกายกำยำใหญ่ซึ่งเคยแนบทับทั้งกายก็ผุดลุกผลุนผลันไปเสียด้วย..ทิ้งให้คนนอนนิ่งมองตาอย่างไม่เข้าใจ..ตาสีนิลคู่โตทอดมองตาม..เมื่อร่างใหญ่โตหายไปจากสายตา..ก็พลันแปลบเจ็บในอก..
“..คุณนิล......” น้ำเสียงแผ่วต่ำเบาแค่ในลำคอ..ใบหน้าหวานก้มต่ำ...จะให้เป็นอย่างไรก็ไม่เคยกล้าเอ่ยสิ่งที่ควรพุดออกมาได้เสียที..
...ภาพอดีตยังหลอกหลอน... จนมิกล้าเอ่ยสิ่งใดออกมาสักคำ..
บรรยากาศร้อนอ้าว..ด้วยย่างเข้าหน้าร้อนแล้ว..ทำให้เม็ดเหงื่อไหลย้อยออกมาตามข้างขมับ..นิลกาฬเปิดตะเกียงเจ้าพายุ วางไว้ข้างกายให้มันส่องแสงสว่างแก่ตน สายตาทอดมองไปยังกระดาษสีเหลืองเบื้องหน้า..มือจับปากกาแท่งละสามสิบสตางค์ไว้แน่น นั่งทำการบ้านของตนไปเงียบๆ..แต่ถึงแม้จะนั่งเงียบๆไม่อยากคิดอะไร ทำท่าเหมือนสนใจการบ้านของตนหนักหนา..แต่ทว่าสมองก็ยังไม่อาจละวางได้อย่างใจ..เฝ้าครุ่นคิดถึงแต่สิ่งที่ถามไถ่คนๆนั้นไว้..คนสำคัญที่ตนอยากจะปกป้องคอยรักษา..
...เจ้าสายน้ำใสไหลเย็นที่พี่อยากโอบประคองแนบกายมิให้เว้นวาง..
...เหตุไฉน จึงเพิกเฉยเย็นชา...
...แม้ไม่ได้เป็นเช่นแต่เก่าก่อน มิได้ร้างไกล มิได้ห่างเหิน ทว่าชิดใกล้..แต่กลับดูกริ่งเกรงอยู่ในที..
....เหมือนมิได้มีใจปฏิพัทธ์ หากแต่ตามมาด้วยเพียงไร้ที่พึ่ง..
แกร่ก...
เสียงพื้นไม้ไหวยวบ..พร้อมกับร่างที่ก้าวผ่านไปยังหน้าเรือนทำให้นายทหารหนุ่มนิ่งชะงัก สายตามองผ่านตะเกียงเจ้าพายุไปยังร่างเพรียวในชุดกางเกงผ้าขายาวสีตุ่น และเสื้อแพรสีน้ำตาลอ่อน เส้นผมสีนิลยาวระต้นคอถูกตัดเล็มออกเพียงเล็กน้อยด้วยเจ้าตัวตั้งใจจะเก็บมันไว้ระลึกถึง”ผู้มีพระคุณยิ่ง”ผู้นั้น ฝ่าเท้าเปล่าเปลือยเหยียบลงบนผืนกระดานไม้ ก้าวเท้าออกไปหลังประตูบานพับอันโต ทำอะไรบางอย่างกุกกัก...
...ก้มลงไปมองแผ่นกระดาษในมือ จรดปากกาลงเขียนอีกครั้ง แม้ในหูจะเงี่ยฟังเสียงกุกกักเป็นระยะก็ตาม นิลกาฬนึกเคืองใจอยู่ไม่น้อยกับท่าทีผ่านเลยนั้น วิสัยเดิมของตนก็ใช่จะเป็นคนใจเย็น ที่ยอมอ่อนลงไปมากกับคนตรงหน้าก็ด้วยใจรักแต่ทว่าเมื่อการรอคอยและยั้งใจที่ผ่านมาได้รับผลตอบแทนเช่นนี้ ก็อดจะคิดเคืองขุ่นไม่ได้..
แกร่ก...
ร้อน...เพราะแสงจากตะเกียงเจ้าพายุที่ส่องจ้า ทว่าความเย็นที่แผ่ออกมาทำให้ชะงัก เหลือบไปเห็นแผ่นสังกะสีฉาบน้ำมันหมูที่โบกไปมาช้าๆในมือบางก็ชะงัก...นัยน์ตาสีเข้มนิ่งงันไปด้วยความยินดี ทว่าความเคืองขุ่นก็ไม่หายไปแต่อย่างใด..
“...ฉันไม่ร้อน..”
“..แต่คุณนิลเหงื่อออกตั้งขนาดนี้...”เสียงท้วงไม่ได้ทำให้อารมณ์ดีขึ้นเลยสักนิด หันไปจับปากกาอย่างไม่ต่อความใดๆ ท่าทีนั้นทำให้ร่างเพรียวชะงักงันไป ก่อนจะก้มหน้าก้มตาพัดโฉบไปมา ไล่ยุงแมลงและให้ความเย็นกับร่างหนาต่อไป..
.............
เสียงหรีดหริ่งเรไรดังชัดเจนขึ้นเรื่อยๆเมื่อดวงจันทร์ยิ่งลอยขึ้นสูง เสียงร้องร่าพูดคุยทายทักจากผู้คนที่พายเรือผ่านไปเงียบหายลงแล้ว เสียงมหรสพที่เคยดังแว่วๆตอนนี้เงียบกริบ...น้ำเซาะฝั่งขึ้นสูงกว่าเดิม แสงไต้ที่เคยจัดจ้าค่อยๆมอดมิดตามเวลาที่นานยาว...
แกร่ก...
ฝาสังกะสีถูกวางลงช้าๆ...ดวงตาสีนิลมองฝ่าเบื้องหน้าไปยังผืนน้ำที่เป็นประกายระยับตามแสงจันทร์งดงามนักหนา..สายตามองมายังแผ่นหลังกว้างในเสื้อยืดสีขาว มือเรียวยกขึ้นช้าๆ...ห่างจากแผ่นหลังหนาเพียงไม่เท่าไหร่ นิ่งงันไป..ราวกับจะคิด จะรอคอย อะไรสักอย่าง..
ดวงตาคู่โตทอดมองแผ่นหลังกว้าง การจะแตะลงไปนั้น ทั้งที่ทำได้แสนจะง่ายดาย แต่กลับเสมือนมีบางอย่างฉุดรั้งให้ต้องนิ่งเงียบอยู่แบบนี้..กำแพงบางๆที่มองไม่เห็น แต่กลับหนาแน่นยิ่งนักในความคิดความรู้สึก..
นทีรู้..รู้ดี ว่าคุณนิลรัก...
...นทียินดี..ดีใจเหลือเกิน ที่มีโอกาสได้รู้จักกับความรักแบบนี้...
...แต่..นทีกลับขี้ขลาด..และหวาดกลัวเหลือเกิน ที่จะเอื้อมมือไปรับ...
...เพราะกลัว...กลัวว่าสักวัน...จะต้องหลุดลอยไปอีกครั้ง...
“..คุณนิล....”
“...............”
“...ฉัน.....” ไม่กล้าเอ่ยคำใดออกไป ไม่กล้าจะพูดอะไรมากกว่านี้ ..ทำไม...ทำไมถึงพูดอะไรอย่างที่ใจคิดไม่ได้สักที..
“..อย่าฝืน...ไปนอนเสีย...”
“...ฉัน...ฉัน...”
“...ฉันจะอยู่ตรงนี้..ตลอดนั่นล่ะ...”
หมับ....
แปลกไหม..ที่ทำแบบนี้...
ประหลาดไหม?..ที่แค่ได้ยินคำพูดนั้น..กลับตัดสินใจได้ง่ายดาย...
แก้มขาวแนบลงบนไล่กว้าง แขนโอบรอบเอวหนา..เอนตัวพิงแผ่นหลังหนาไว้เพื่อซึมซับความอบอุ่นที่น่ายินดีนี้ไว้...รอยยิ้มบางๆบนริมฝีปากหยักขึ้นช้าๆ..เอ่ยคำพูดออกมาแผ่วเบา...
“..นที...ก็จะอยู่ตรงนี้..เหมือนกัน...”
.
-
.......................................................................................
เสียงไก่แก้วขันขานดังแว่วอยู่หัวคุ้งน้ำ และเสียงขับขานนี้ก็ดังต่อกันมาเป็นทอดๆ แว่วจากไกลๆมาจนใกล้หู..ทำให้สติที่เรือนลางเริ่มก่อขึ้น..นัยน์ตาสีนิลค่อยๆเปิดขึ้นมาช้าๆ แพขนตาขยับไหวสองสามคราจึงเปิดออก..
“..อือ.... “ครางในลำคอเบาๆยามขยับกาย หูแว่วได้ยินเสียงอะไรแกรกกรากไม่เคยคุ้น มือเรียวงมสะเปะสะปะเมื่อพบว่าข้างกายว่างเปล่า ทั้งที่ความมืดยังปกคลุมทำให้เห็นภาพในห้องเพียงรางๆ..
..ขณะนี้..เป็นเพลาห้าโมงเช้า..สถานีวิทยุแห่งประเทศไทยขอออกอากาศรายการ....
เสียงดังแว่วๆเบื้องนอกทำให้คนที่ยังง่วงงงตื่นเต็มตา นทีผุดลุกขึ้น ใบหน้าหวานนิ่วน้อยๆเมื่อรู้สึกปวดยอกบริเวณเบื้องล่าง แก้มร้อนวาบยามเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืน..แต่พอลองเหลียวมองคนข้างกายไม่เห็นก็ต้องขมวดคิ้วเงี่ยหูฟังเสียงเบื้องนอกที่ดังออกมา เป็นเสียงคนพูด..ปะปนกับเสียงก๊อกแก๊กบางอย่าง..ทำให้ต้องคว้าเสื้อผ้ามาใส่แล้วลุกจากที่นอนไปดูด้วยความฉงน..
“ ....หากจะรักแล้ว รักใคร ก็จง รักเถิด
ความรักบรรเจิด พริ้งเพริด หนักหนา
ชีวิตคนเรา นั้นสั้น เหลือคณา
อย่า รอ ช้า ปล่อยเวลาให้ผ่านเลยไป..”
เสียงครวญเพลงแปลกหูยิ่งทำให้ต้องขมวดคิ้ว นทีนึกตำหนิตนเองที่วันนี้ตื่นสายแต่..พอคิดถึงสาเหตุแล้วก็ได้แต่ทอดถอนใจ..จึงค่อยเปิดประตูบานพับออกไปช้าๆ ระวังไม่ให้เกิดเสียงเพราะอาจรบกวนห้องข้างๆที่พื้นกระดานเป็นแผ่นเดียวกัน แสงอาทิตย์ที่ยังไม่ขึ้นจับตาดีทำให้ต้องเปิดตะเกียงเจ้าพายุแขวนไว้ตรงปลายชาน
และเสียงกุกกักนั่น ก็มาจากร่างสูงที่กำลังทำอะไรสักอย่างอยู่ นทีจะเดินไปหา แต่สายตาก็พบกับเจ้ากล่องดำๆที่วางไว้ใกล้ประตูหน้าชาน ที่ตอนนี้มันส่งเสียงเป็นเพลงออกมาเบาๆคลอเคล้ากับบรรยากาศเบื้องนอก..ผสานกับเสียงไก่ขันอย่างน่าฟังนัก...
..ร่างบางยืนนิ่ง..ฟังเสียงเพลงที่ครวญออกมา พร้อมกับจ้องมองแผ่นหลังของร่างสูงที่เดินย่ำไปมา..
หากมีหนี้แล้ว ขอให้ เป็นหนี้ รักเถิด
ดอกเบี้ยที่เกิด คือพลังรัก พิไล
รักเธอเสมอ รักเธอ จากดวงใจ
ยอดพิศมัย หลอมอยู่ใน กาย เธอ
ดวงตาคู่งามหรี่ลงช้าๆ..ยามได้ฟังบทเพลงที่นักร้องเสียงหวานผู้นี้ได้บรรเลง.. มันคลอไปกับสายลม..เคล้ากับเสียงตั้งกระทะจุดไฟของร่างสูงเบื้องหน้า...
และ...สะเทือนมายังหัวใจของตนด้วย..
หากวันใด ที่แสงทองของ ชีวิตผ่าน
โลกตระการ จะมืดครึ้ม หมองเหม่อ
วาระนั้น จะได้อดีตไฟรักปรนเปรอ
หล่อเลี้ยง บำเรอ ต่อชีวิตให้ชื่น บาน
สายตามองเหม่อไปยังสายน้ำเบื้องหน้า ภาพสายน้ำระริกไหวเริ่มเด่นชัด..พอๆกับแสงอาทิตย์ที่เริ่มทอประกายจับผืนน้ำ..สีของท้องฟ้าเริ่มแปรจากสีหม่นเป็นสีแสด..สีชมพู..สีฟ้าเข้มๆ...อาบไล้จับอาคารบ้านเรือนโดยรอบที่เริ่มตื่นขึ้นมา..
...เสียงเพลงดังสอดประสาน..
ร่างสูงเบื้องหน้ากำลังตั้งหน้าตั้งตราทำอาหารอย่างตั้งอกตั้งใจ..ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม และแววตามุ่งมั่น..ชวนให้ผู้พบเจอหลงรัก...หลงไหล...
หากเป็นหนี้แล้ว ขอให้ เป็นหนี้ รักเถิด
หนี้รักบรรเจิด พริ้งเพริด แสนหวาน
รักกันเสมอ แม้เวลา ผัน ผ่าน
สองเราสราญ เพราะหนี้รัก สลัก ใจ
เสียงเพลงทอดยาวมาถึงท่อนสุดท้าย..และดนตรีก็จบลงช้าๆ..ประจวบเหมาะกับร่างสูงที่หันขวับมา..สบกับนัยน์ตาสีนิลกลมโตที่น้ำใสคลอเอ่อ..
“..นที..เป็นอะไรไปหรือ?... “ มือหน้าทาบแก้มขาว ร่างสูงมาถึงตัวเมื่อไหร่ไม่ทราบแน่..รู้แต่ว่ายามนี้กำลังทาบฝ่ามือกับแก้มขาว..ด้วยความอาดูร..แลอบอุ่นนัก..
“..ไม่เป็นไรจ๊ะ..คุณนิล..วันนี้ลำบากคุณนิลมานั่งทำกับข้าวเสียแล้ว..พักเถิดจ๊ะ..เดี๋ยวฉันจะทำเอง..” นทีออกปากพลางเอื้อมมือคว้าตะหลิวที่นิลกาฬถือติดมือมา..แต่คนทำส่ายหน้า พร้อมกับดึงแขนหนี..
“..ไม่ได้จ๊ะนทีที่รัก..วันนี้ฉันทำเอง..นทีไปล้างหน้าล้างตาเสียเถิด..อาบน้ำด้วย..” ออกปากสั่งด้วยรอยยิ้ม “ วันนี้ฉันลงมือทำกับข้าวเองเลยน่ะ จะขอเป็นบ่าวน้อยๆรับใช้คุณนทีคนดีเอง..”
“..คุณนิล.. “ คนฟังหน้าแดงก่ำ บ่นอู้..ค้อนเสียจนตาขวางกับถ้อยคำหวานกึ่งหยอกล้อนั้น นิลกาฬคว้าผ้าขาวม้ายัดใส่มือคนงอนด้วยรอยยิ้ม..
“..อาบน้ำน่ะขอรับ คุณนที..” เอ่ยปากแล้วก็เดินไปหากระทะที่ตั้งอยู่ ส่งเสียงล้งเล้งออกมาเมื่อเห็นท่าว่าน้ำมันจะกระเด็นใส่..ทำให้ผู้ที่ทอดมองอดจะอมยิ้มไม่ได้..
..นัยน์ตาสีนิลมองร่างสูงที่กำลังกุลีกุจอทอดปลาทูเบื้องหน้าอย่างกึ่งอาดูรกึ่งขบขัน ร่างสูงๆของนิลกาฬบัดนี้มีเหงื่อชุ่มโชกไปทั้งตัวเพราะความร้อน ท่อนบนเปลือยเปล่าไร้อาภรณ์อาบไล้ไปด้วยหยาดเหงื่อจากหน้าเตาถ่าน ท่อนบนอันเต็มไปด้วยมัดกล้าม ดูงดงามราวกับรูปปั้นอาบไล้แสงสีทองของดวงอาทิตย์ที่สาดแสง ดูราวกับเทพยดา ส่วนท่อนล่างพันผ้าขาวม้าตัวโปรดไว้เสียดิบดี มือหน้าข้างหนึ่งถือจานสังกะสีเปล่าไว้ ส่วนอีกข้างกำด้ามจับของตะหลิวไว้แน่น ด้วยสีหน้าจริงจัง ยามที่เอื้อมไปพลิกปลาทูที่ทอดด้วยน้ำมันหมูบนกระทะก็ค่อยๆย่องไปพลิกเสียทีหนึ่ง ถ้าน้ำมันกระเด็นใส่ก็ร้องโอดโอย..แล้วรีบคว้าเอาฝาหม้อมาปิดไว้เสียคราหนึ่ง..
...ผู้เฝ้ามองลอบยิ้ม อย่างไรเสีย คุณนิลก็ไม่ใช่ผู้ที่จะมาชำนาญงานครัวไปได้
นัยน์ตาสีนิลกลมโตเหลือบแลไปข้างกายอีกนิด..และเบิกกว้างขึ้นน้อยๆด้วยความอาดูร..
ใกล้ๆตัวมีผักบุ้งกำหนึ่งที่ไม่รู้ว่าเจ้าตัวไปหามาตอนไหนแช่น้ำอยู่ในเปลดำ แถมถัดมาก็ยังมีครกหินที่ใส่พริกสด กะปิ กระเทียม และเกลือไว้รอตำ..แล้วหม้อเล็กๆที่ถูกนำผาปิดไปใช้ปิดน้ำมันบนกระทะไม่ให้กระเด็น ก็มีข้าวสวยที่หุงเสร็จแล้วควันฉุย บ่งชัดว่าวันนี้จะทำอะไรทาน..
ย่ำเท้าลงมาที่ชาน นั่งลงข้างๆร่างสูงที่กำลังกระโดดเหยงไปมาแล้วคว้าเอาครกหินมาใกล้ตัว มือเรียวจับสากหินออกแรงตำพริกและเครื่องปรุงทั้งหลายให้เข้ากันด้วยความชำนาญ..
แต่ผู้ที่กำลังตักปลาทูที่เกรียมไปนิดออกมาจากกระทะกลับขมวดคิ้ว เอาจานปลาทูวางลงบนพื้นห้องที่ยกสูงขึ้นแล้วหาอะไรมาปิด เอาน้ำมันเทลงไปอีกนิดและระหว่างรอมันร้อนอีกคราก็หันมาหาร่างบางที่ก้มหน้าก้มตาตำน้ำพริกอยู่..
“..นทีจ๋า..คุณนิลบอกขอทำเองไงล่ะ...ทำไมดื้อจริงคนดี.. “ ถามออกไปด้วยสีหน้ายุ่งยากใจ..ให้ผู้ฟังแย้มรอยยิ้ม ใบหน้าหวานเงยขึ้นมาสบด้วยรอยยิ้มบางๆ
“..กินด้วยกัน ทำไมจะทำด้วยกันไม่ได้ล่ะจ๊ะ มื้อนี้ที่คุณนิลทำคนเดียว กับมื้อที่”เรา”ช่วยกันทำน่ะ...มันอร่อยกว่าไม่ใช่หรือ?.. “ ถามออกไปเบาๆ “ ฉันไม่ได้ว่าคุณนิลทำแล้วจะไม่อร่อยน่ะจ๊ะ..แต่ทำสองคน..ช่วยกันทำสองคน...ไม่ดีกว่าหรือ?..”
รอยยิ้มใส และใบหน้ากึ่งออดอ้อนทำให้ผู้ฟังชะงัก..เดิมทีตั้งใจจะทำอาหารให้คนตรงหน้าทานเสียหน่อย..แต่..อย่างที่นทีพูดมาก็มีเหตุผล..ช่วยกันทำ ร่วมแรงร่วมใจกันทำ..อย่างไรก็ดีกว่าอยู่แล้ว..
“..แต่นทียังไม่ได้อาบน้ำเลย.. “ ว่าไปอีกเรื่อง..
“..คุณนิลก็ยังไม่ได้อาบน้ำเหมือนกันนี่จ๊ะ...เดี๋ยวค่อยอาบก็ได้.. “ ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มอ่อนๆทำให้ผู้ฟังชะงัก..ก่อนจะแย้มรอยยิ้มบางๆรับ..หากแต่ดวงตาฉายแววทะเล้น..
“..ถ้าอย่างนั้น...อาบด้วยกันดีมั้ย..” น้ำเสียงท่อนหลังแผ่วกระซิบริมหู..ทำให้ผู้ฟังชะงักมือที่กำลังตำน้ำพริกทันควัน แก้มแดงก่ำ..
“.....กะ...ก็ได้จ๊ะ.. “ว่าแล้วก็หันไปกุลีกุจอตำน้ำพริกต่อ แถมยังออกแรงมากกว่าเก่า..ผู้ฟังนิ่งค้าง..ก่อนจะยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าเจ้าตัวตอบรับอย่างขัดเขินยิ่งกว่าเคย..เดิมทีก็แค่คิดจะเอ่ยไปเล่นๆ..ทว่าหากมันได้ขึ้นมาจริงๆ..ใครที่ไหนจะไม่ชอบ...
...ซ่า....
ผักบุ้งลงไปอยู่ในกระทะเรียบร้อยแล้ว ตามด้วยตะหลิวที่พลิกกลับไปมาเบาๆ ด้วยท่าทีงกเงิ่นไม่น้อย นทีอมยิ้มเมื่อเห็นท่าทีนั้น ร่างบางเดินเข้าไปหายิ้มกับท่าทีแตกตื่นของร่างสูงยามที่พลิกแล้วไม่ได้ดั่งใจ..
“..คุณนิลไปนั่งรอก่อนเถอะจ๊ะ..เดี๋ยวฉันทำเอง.. “
“..ไม่เอา..จะทำด้วยกัน.. “ น้ำเสียงแง่งอนนั่นทำให้ต้องส่ายหัวด้วยความขบขันปนระอาใจ มือเรียวจึงค่อยๆแตะลงบนมือหนาที่กำตะหลิวอยู่ มือหนาผละออกมาโดยง่าย ปล่อยให้ร่างบางไปยืนแทนที่ เอาตัวเองมายืนข้างๆ..แต่มือข้างหนึ่งกลับวกไปคว้าหมับที่เอวบาง ส่วนอีกข้างก็แตะมือลงบนตะหลิว..ทับลงบนมือเล็กทันควัน..
“..อย่าสิจ๊ะ..คุณนิล.. “ ร่างบางออกปากทักท้วงเสียงหลง แก้มแดงจัด ท่าทีลั่นเลิ่กทันที..ดวงตากวาดมองรอบๆด้วยท่าทีตื่นๆ..
“..ทำไมล่ะ ให้นทีสอนฉันทำไง.. “ ริมฝีปากหนาครางอู้อี้ริมหู ยิ่งทำให้ผู้ฟังหน้าแดงจัด..
“..คุณนิล..อย่าทำรุ่มร่ามนะจ๊ะ..ไม่ดี..คนอื่นเขาจะเอาไปลือกัน.. “ บ่นใส่แต่ผู้ฟังทำหูทวนลมเสีย ยังคงกำมือบางบนตะหลิวแบบนั้น แถมยังกระชับมือที่โอบเอวบาง แล้วเบียดกายแนบชิด..
“...ช่างเขาปะไร~~ “ ว่าแล้วก็หัวเราะเบาๆ ท่าทีมีความสุขเสียจนนทีไม่กล้าขัด จึงได้แต่ปล่อยให้”สอน”กันไปจนทำเสร็จอย่างไม่รู้จะต่อต้านอย่างไร..
“...ไปอาบน้ำกันเถอะ ~ “ น้ำเสียงเจ้าเล่ห์เจ้ากลกระซิบเบาๆยามที่เอากับข้าวทั้งหลายซึ่งทำเสร็จแล้วไปเก็บ มือหนาสอดเข้าไปใต้เอวบางกอดรัดไม่แน่นนัก..แต่แนบชิด พอจะให้ผู้ถูกโอบกอดแก้มแดงจัด สายตาสอดส่องลั่นเลิ่ก...
“..คุณนิล !! ..ไม่เอาน่ะ..อย่าทำแบบนี้สิจ๊ะ..ชาวบ้านชาวช่องเขาเห็นแล้วจะได้เอาไปลือกัน มันไม่งาม.. “ว่าพลางวาดมือตีแขนหนาเบาๆ ทำให้ร่างสูงใหญ่ต้องละมือออก แต่ก็ยอมเดินเข้าไปในห้องหับ คว้าเอาผ้าขนหนูสองผืนมาไว้ในมือ..
“...อย่างนั้นก็ไปอาบน้ำกันได้แล้วคนดี..” เอ่ยพลางจูงมือขาวไปยังชานไม้หน้าบ้าน เลยผ่านอุปกรณ์ทำครัวที่ยังร้อน ไปยังกระไดหน้าตีนท่าที่มีขันน้ำวางอยู่...และมีสบู่ก้อนอยู่ในตระกร้า..
ร่างสูงใหญ่วางผ้าขาวม้าลงบนหัวกระได เป็นฝ่ายลงไปแช่ตัวในน้ำ ก่อนจะส่งสายตาหยอกเย้ามายังร่างเพรียวซึ่งยืนนิ่งอยู่บนตีนท่า ด้วยท่าทีกระอักกระอ่วนปนขัดเขินดูน่ามองนัก..
มือหนายื่นออกมาจากตัวไปยังอีกคน ยิ้มกว้างๆส่งไปให้อย่างรู้ใจ..
“..มาสิ...” นทีชะงัก...เมื่อมองเห็นรอยยิ้มนั้น...และ..ท่าทีที่มีความสุขของคนตัวสูง..
“........ “ เสื้อสีขาวตัวบางถูกถอดออกจากร่างช้าๆ มือขาวยื่นส่งให้คนตัวสูงช้าๆ...แม้ท่าทีจะประหม่าขัดเขิน แต่ก็แฝงความมั่นใจอยู่ในที...
“...จับได้แล้ว... “ เสียงกระซิบแผ่วเบาริมใบหูยามทิ้งตัวลงบนผืนน้ำเคียงคู่กัน แม้จะเป็นสายน้ำในยามเช้า..ที่ยังไม่มีแดดแรง และยังไม่เห็น”อะไรๆ”ชัดเจนนัก แต่ทว่านทีก็รีบบิดตัวหนีอ้อมแขนที่กอดรัดไว้ แก้มแดงจัดจนคล้ายผลตำลึง..
“..คุณนิลนี่...นับวันชักจะลามกจกเปรตมากขึ้นทุกที..” เจ้าตัวออกปากบ่นอย่างไม่จริงจังนัก มือขาววักน้ำคลองใสสะอาดมาลูบกาย แถมยังพลิ้วกายหนี เมื่อเห็นท่าว่าจะถูกตาม..
“..เอ๋?..บอกจะอาบน้ำด้วยกัน ทำไมหนีฉันแบบนี้เล่า?.. “ นิลกาฬร้องท้วง แต่ผู้ถูกกล่าวหามีสีหน้ารู้ทัน แถมยังขยับห่างเมื่อถูกตาม ปากก็ร้องท้วงขัดไปพลางๆ..
“..ก็อาบด้วยกันไงเล่า ไม่เห็นต้องอยู่ใกล้ๆเลยนี่จ๊ะ อาบห่างๆน่ะดีแล้ว... “
พอฟังคนรับปากตั้งใจบิดพลิ้วเสียอย่างนั้น เจ้าหนุ่มผู้ฟังก็นิ่วหน้า ทว่านิลกาฬมีสีหน้าเช่นนั้นเพียงชั่วแว้บก่อนจะขยับรอยยิ้ม และก้มลงมุดกายลงกับสายน้ำทันควัน !!
นทีชะงัก สายตาสอดส่ายล่อกแล่ก รู้ว่านักเรียนเตรียมทหารที่ถูกฝึกมาอย่างหนักเช่นนิลกาฬนั้นไม่มีทางจะจมน้ำหรือเกิดอะไรขึ้นกับตัวได้ แต่ที่น่าห่วงน่ะ มันคือการที่คุณนิลจะคิดเล่นอะไรพิเรนๆมากกว่า..
ซ่า !!...
“ อ๊ะ !! ตาเถร !! “
“...หึหึหึ..จับๆได้แล้ว ~ “ คิดไว้ไม่มีผิด นทีหน้าแดงจัดตัวสั่นระริกอยู่ในอ้อมแขนหนาของชายคนรัก นิลกาฬโผล่พรวดขึ้นมาจากท้องน้ำและปรี่เข้ากอดเขาอย่างเร็วจนไม่ทันตั้งตัว ที่นทีทำได้ คงมีแต่การอุทานออกมาด้วยความตกใจก็เท่านั้น..
“....คุณนิล..รีบปล่อยเถอะจ๊ะ เล่นอะไรแบบนี้ ระวังเถอะ ใครเขามองมาจะเป็นตากุ้งยิงเอา.. “ บ่นกับใบหน้าที่แนบชิดแก้มขาว ลมหายใจร้อนๆรินรดข้างแก้มยิ่งทำให้ใบหน้าขึ้นสีจัด ทั้งร่างกายใต้น้ำที่แนบชิด และบนน้ำที่แทบจะสนิทเป็นเนื้อเดียว ทำให้เขาอดจะเขินอายไม่ได้ และยิ่งนี่ตอนเช้า ใครเขาเปิดมาจะได้กลัวฟ้าผ่าเอาประไร
“..ไม่เห็นเป็นอะไร...คนรักที่ไหนเขาก็หยอกล้อกันเช่นนี้..หรือนทีจะบอกว่าไม่ใช่.. “ น้ำเสียงกระซิบคราแรกแฝงแววทะลึ่งตึงตังเช่นเคย ทว่าประโยคหลังกลับแผ่วลงและแฝงแววไม่แน่ใจ นั่นทำให้ผู้ฟังชะงัก..และเบี่ยงตัวออกมาโดยง่าย..
สายตากวาดมองเจอกอผักบุ้งทอดยอดยาวออกจากริมๆฝัง ก็รีบพุ้ยน้ำเข้าไปใกล้..
“..ฉันไปเก็บผักบุ้งน่ะจ๊ะ...”
นิลกาฬมองไปยังแผ่นหลังขาวบนผืนน้ำ..ลอบถอนหายใจเบาๆ...ด้วยดวงตาที่หม่นแสงลง..แต่ชายหนุ่มก็ตัดสินใจปัดความเคืองขุ่นนั้นทิ้ง และปรี่เข้าไปช่วยคนรักของตนเด็ดยอดผักบุ้งอย่างรวดเร็ว..
“...เก็บเอาไปทำอะไรอีกเล่า.. “ ออกปากถามร่างบางที่ยังก้มหน้างุด แก้มแดงจัดไม่หาย และนั่นก็ทำให้นิลกาฬอารมณ์ดีขึ้นมาได้บ้าง..
“...กะ...ก็..เอาไป ...แกงตอนเย็น..” นทีตอนกุกกัก ความจริงก็นึกไม่ออกเสียด้วยซ้ำว่าจะเอาไปทำอะไร ตอนออกมาก็คิดเพียงจะออกมาจากตรงนั้น..หลีกหนีท่าทีแสดงออกโจ่งแจ้งและคำถามที่แสลงใจไม่น้อยนั้นเสีย..
“...เอาเถอะๆ..นทีทำอะไรฉันก็กินหมดล่ะ... “ รับคำและก้มลงช่วยเด็ดยอดผักบุ้งทันที ทว่าดวงตาวาววับนั้นก็ลอบสังเกตแก้มขาวที่ขึ้นสีจัด และท่าทีขัดเขินนั้น..
....มือหนาเอื้อมจับก้านผักบุ้งที่ลอยพ้นน้ำ...และค่อยๆคว้ามันเข้ามาหาตัวช้าๆ...
“...เอ๊ะ...คุณนิล.... “ แก้มขาวๆ ตอนนี้ยิ่งขึ้นสีจนจัดเข้าไปใหญ่ มือบางทาบแผ่นอกหน้าทัน ทีที่ถูกลากเข้าไปใกล้..และ...ยิ่งแดงขึ้นอีก..เมื่อรู้สึกถึงริมฝีปากหนา..ที่ฉกฉวยเอาความหอมจากแก้มของตนเบาๆ..
“..ก็เด็ดผักบุ้งไงเล่า... “ น้ำคำตอบรับช่างๆไม่แยแส..และผิดจากความจริงเสียจนน่าตีนัก..แต่นทีก็ไม่มีโอกาสจะทำ..และ..ถึงมีโอกาสก็คงไม่คิดจะทำ
...เพราะตอนนี้ ร่างของตนถูกรั้งไปใกล้จนแทบเกยทับร่างสูงใหญ่..ใบหน้าหล่อเหลาคมคายนั้นอยู่ห่างเพียงคืบ...และ..ริมฝีปากหนาก็ทาบลงบนหน้าผากของตนเพียงแผ่วเบา...
“...นที.... “ น้ำเสียงเอ่ยจากริมฝีปากหนาออกมาแผ่วเบา...ทว่า...ผู้ได้ยินยลกลับรู้สึกว่ามันทั้งหวาน..ทั้งออดอ้อน..และเร่งเร้า... ยิ่งสบดวงตาคู่คมที่จ้องมองมายิ่งสะเทิ้นอาย..เมื่อมันมีแต่ความรักที่เปี่ยมล้น..และความปรารถนาชัดเจน..
“..รัก... “ ถ้อยคำเอ่ยเพียงแผ่วเบา...ง่ายๆ..สั้นๆ...ท่ามกลางสายน้ำเย็นฉ่ำ..และกอผักบุ้งที่ลอยน้ำอยู่รอบตัวพวกเขา..แสงอาทิตย์ลอดจากหลังคาสาดแสงอ่อนๆลงมากระทบใบหน้าคมนั้น..ยิ่งดูงดงามและคมคายเหลือล้น..นทีรู้สึกว่าหัวใจตนเต้นระส่ำ..และ ยิ่งได้รู้ ว่าตนโชคดีเพียงใดที่ได้รับความรักจากบุรุษผู้เพียบพร้อมเช่นนี้..
“....รักฉันบ้างไหม..คนดี... “ คำถามแสนหวานทว่าแฝงแววเศร้าสร้อย..นทีหลับตาลงช้าๆพับเปลือกตาลงไม่แลสบดวงตาคู่นั้น..ยามที่ถูกคำถามนี้เร่งเร้า..
...แต่หัวใจก็เต้นกระหน่ำ... ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่แล้ว..ที่ได้ยินคำถามนี้..และ...นานเท่าไหร่...ที่ตนนิ่งเงียบ ไม่เอ่ยคำใด..
...แต่วันนี้....
นัยน์ตาสีนิลกลมโตเปิดขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อรู้สึกถึงอ้อมกอดที่คลายลงและการตัดสินใจอันเด็ดขาดของตนเอง สบดวงตาคมที่ตนเห็นว่ามันฉายแววเจ็บ
ปวด...แม้จะเห็นเพียงวูบหนึ่ง..แต่นทีก็เชื่อว่ามิได้ตาฝาดไป..
...หัวใจเจ็บแปลบ...ยามเมื่อได้พบเห็น.. ตนเพิ่งรู้..ว่าแท้จริงแล้ว ได้ทำร้ายหัวใจของคนที่รัก..ด้วยอาการนิ่งเงียบนี้มานานแค่ไหน...
...ดังนั้นครานี้..เขาก็จะไม่ยอมให้มันเป็นเช่นเดิมอีกแล้ว..
“...ฉัน..... “ ริมฝีปากหนาขยับ ยามได้เห็นท่าทีนิ่งเงียบ แม้หัวใจจะเจ็บแปลบ แต่นิลกาฬก็ได้แต่พับเก็บความหวังและความเจ็บปวดของตนไว้เสีย..อ้อมแขนหนาลดแรงกระชับทำท่าจะผละจาก..แต่ทว่า...
-
“..ฉัน..รักคุณนิลจ๊ะ... “ เสียงกระซิบแผ่วเบา...ดังก้องอยู่ริมหู...
พร้อมๆกับความเย็นที่ปัดผ่านเบาๆที่แก้มขวา ทำให้ร่างทั้งร่างนิ่งงัน..
นิลกาฬหันขวับไปมองร่างในอ้อมแขนทันควัน เสียงกระซิบนั้น แม้จะแผ่วเบา ทว่ามันก็ดังก้อง และชัดเจนในหัวใจ หัวใจเต้นระรัวแรงขึ้นยามได้เห็นท่าทีขัดเขินของร่างบางในอ้อมแขน...ช่างงดงาม..ช่างน่ารักนัก...
“..นที.... “ ชายหนุ่มรู้สึกว่าเสียงของตนเองสั่นไหว อ้อมแขนที่จะผละจากรัดแน่นขึ้นทันควัน ทำท่าจะกระโขนเข้าหาร่างบางในอ้อมกอดให้สมรัก แต่เหมือนเจ้านทีตัวน้อยของเขาจะรู้ทัน จึงดิ้นหนี ดิ้นออกจากอ้อมแขนของเขาทั้งที่แก้มแดงจัดน่ามองนัก..
“..คุณนิล..ปะ...ไปกินข้าวได้แล้วจ๊ะ เดี๋ยวกับข้าวจะเย็นหมด ...แช่น้ำนานเดี๋ยวตะพาบกินขาฉันไม่รู้ด้วยน่ะ !!”น้ำเสียงตะโกนกุกกักด้วยความขัดเขินของร่างเพรียวช่างน่าฟังนัก นทีรีบผลุนผลันออกจากอกเขาและปรี่เข้าไปหาตีนกระได้ที่แช่อยู่ในน้ำ.. รีบเหยียบและยันกายขึ้นไปโดยเร็ว แถมยังคว้าผ้าขาวม้าผืนหนึ่งมาพันเอวพร้อมกับเดินเร็วๆเข้าไปในบ้าน พร้อมกับปิดประตูห้องเสียดังลั่น...
“................. “ นิลกาฬนิ่งอึ้ง สายตามองร่างน้อยจากท้องน้ำจรดเจ้าตัวก้าวขึ้นไปบนเรือนจนลับตา ริมฝีปากบิดเป็นรอยยิ้มกว้าง...กว้างกว่าครั้งใดที่เคยยิ้ม..และชายหนุ่มก็เริ่มหัวเราะ ..หัวเราะด้วยท่าทีปรีดาและเปี่ยมด้วยความสุขกว่าทุกครั้งที่เคยเป็น ได้ยินเสียงบอกรักดังก้องอยู่ในหู สลับกับเสียงเต้นของหัวใจตนเองที่ดังก้อง..
“..นที!! ..พูดจาแบบนั้นแล้วกล้าหนีฉันเข้าไปในห้องเหรอ..เดี๋ยวเจ้าตัวน้อยเจอดีแน่ๆ.... “ เขาร้องขู่ออกไปเช่นในอดีต แต่ด้วยน้ำเสียงรื่นเริงและท่าทียินดีเสียเต็มประดา..
“..คุณนิลบ้า !! อย่ามาพูดจาแบบนั้นน่ะ..ไปเด็ดผักบุ้งต่อให้เต็มกะละมังเสียไป.. “ น้ำเสียงแว่วมาจากในห้องพร้อมกับเสียงข้าวของตกพื้นทำให้เขาต้องตะเบ็งเสียงหัวเราะอีกคราจนลั่นท้องน้ำ..
“...ไปแล้วจ้า ไปแน่ รับรองฉันจะ”เด็ด” ให้หมดทุกยอดเลยเชียว.. “เอ่ยพลางเดินขึ้นบันไดมาคว้าผ้าขาวม้าอีกตัวพันเอว “..จะขึ้นไปแล้วน่ะ...นทีของฉันเตรียมตัวไว้แล้วรึยังเอ่ย.. “
“..คะ..คุณคนบ้า...อย่าเข้ามาน่ะ..ไปยืนตากลมให้ตัวแห้งเสียไป.. “ น้ำเสียงเอ่ยออกมาทั้งกุกกักทั้งเต็มไปด้วยความขัดเขิน เสียแต่นิลกาฬไม่สนใจคำพูดนั้น ชายหนุ่มย่ำเท้าลงไปบนพื้นไม้ ก้าวเข้าไปในห้องด้วยฝีเท้าช้าๆแต่มั่นคง
“..ไม่เอาหรอก..จะตากลมให้ตัวซีดทำไม ให้นทีของฉันเช็ดตัวให้ดีกว่า..อยู่ไหนกันน่ะ..หืม?... “ เอ่ยพลางเปิดประตูห้องออกช้าๆ และปิดลงอย่างรวดเร็ว แว่วเสียงร้องโวยวานปนเสียงหัวเราะขบขันอยู่สักครู่หนึ่ง จากนั้นก็ค่อยเงียบหายไปและกลายเป็นเสียงพูดจาที่แผ่วหวานและเต็มไปด้วยความสุข..
...ท่าทางกับข้าวเช้านี้จะต้องเย็นชืดเสียแล้ว
...
แสงสีทองของดวงอาทิตย์ยังส่องประกายงามจับตาในยามเย็นของวันนี้เช่นทุกวัน เสียงเอะอะมะเทิ่งของเจ้าเด็กน้อยกะโปโลสามสี่คนยามวิ่งว่ายน้ำแข่งกันยังดังก้อง คลอไปกับเสียงวงมโหรีที่เริ่มประโคมซ้อมฝีมือไว้แสดงในงานวัดที่จัดขึ้นติดกันถึงเจ็ดวันเจ็ดคืน ร่างของหญิงวัยกลางคนบนเรือพายจ้วงใบพายช้าๆ พาตนเองและขนมมาแวะเวียนเลียบแถวชานห้องแถวที่ติดกันเป็นพรืดเช่นทุกวัน
ดวงตาที่เริ่มฟ้าฟางไปตามอายุสอดส่องมองหาชายหนุ่มร่างเล็กที่มักนั่งอยู่ตรงหัวกระไดหน้าชานเรือนเหมือนทุกครา ทว่าครานี้กลับเห็นบางอย่างที่แปลกไป เพราะเจ้าหนุ่มคนนั้นมิได้ทำหน้าเศร้านั่งเงียบซึมเหมือนที่เคยพบเจอ แต่กลับกลายเป็นเจ้าตัวกำลังนั่งเก็บจานชามที่เพิ่งล้างเสร็จลงผึ่งด้วยใบหน้าระรื่นผ่องใส ริมฝีปากยังประดับรอยยิ้มเด่นชัด.. นั่นทำให้ผู้ลอบมองอดจะยิ้มตามเสียไม่ได้...
กำลังอ้าปากจะเอ่ยทัก แต่ทว่า..
“..นที...ใส่แบบนี้พอหรือยัง..” เสียงเข้มๆของชายหนุ่มอีกคนที่ไม่เคยพบหน้าดังขึ้นยามนางจะเอ่ยปาก พร้อมกันนั้นร่างสูงใหญ่ ใบหน้าคมเข้มหล่อเหลากระชากใจเหล่าสาวๆก็โผล่ออกมาด้วยท่าทียิ้มแย้มน่ามองไม่ต่างกับอีกคนนัก..
“..จ๊ะ...ดีแล้วล่ะ...ไม่เอาชุดซ่อมซ่อแบบเมื่อกี้อีกแล้วน่ะจ๊ะ..เสื้อเก่าจะใส่ไปงานบุญได้อย่างไร..เดี๋ยวหมองหมด... “ เจ้าหนุ่มคนนั้นเอ่ยปากพร้อมกับเดินไปหา ใบหน้าเปื้อนยิ้มน่ามองนัก
“..ก็ตัวนั้นนทีเลือกให้ฉัน... “ คำตอบนั้นแสนน่าฟัง..ขนาดคนที่ลอบมองอย่างนางต้องอมยิ้ม..แล้วผู้ฟังอย่างชายหนุ่มที่ตนห่วงใยเล่า จะดีใจปานใด..
“..เช่นนั้นค่อยไปเลือกด้วยกันใหม่น่ะเถอะจ๊ะ.. “ ถ้อยคำเอ่ยรับเบาๆ นั้นน่ารักจนนิลกาฬอดจะบีบจมูกโด่งเล็กนั้นเบาๆมิได้ สายตามองไปยังคลองที่บัดนี้เริ่มมีผู้คนพายเรือออกมาประปรายแล้ว ชายหนุ่มยิ้มน้อยๆ ก่อนจะคว้าแขนร่างบางมายังหน้าชาน..
"“.เอ้า...เขาไปกันแล้ว..เราก็ไปเที่ยวกันบ้างเถิด...”
“..อ่ะ......แต่ประเดี๋ยว ฉันว่าจะซื้อขนมที่คุณนิลชอบจากคุณป้าคนนั้น.... “ เอ่ยลอยๆพลางสอดสายตามองหาเรือพายที่ควรจะมาในเวลานี้เสียที..
มือหนาบีบมือเรียวในมือเบาๆ ผู้ถูกสะกิดหันมามองหน้า ยิ้มหวาน..
“..นทีจ๋า..กินของเดิมๆทุกวันมันก็มีเบื่อบ้างสิ ถึงฉันจะชอบขนาดไหนก็เถิด..แล้วป้าคนนั้นเขาคงจะไปเที่ยวงานวัดเสียแล้วกระมัง..อย่ารอเลย... “ นิลกาฬเอ่ยพลางจูงมือร่างเพรียวมายังตีนท่า มือหนาเอื้อมดึงเชือกที่ผูกเรือไว้ใต้เรือนช้าๆ..
“...ถ้าคุณนิลจะพูดแบบนั้น.. “ ริมฝีปากบางเอ่ยเบาๆ..ใบหน้าก้มงุด..
“..แต่ไม่เบื่อนทีหรอกน่ะ... “ คำพูดนั้นราวกับรู้ใจ ทำให้ผู้ฟังชะงัก แก้มแดงจัด เสมองไปทางอื่น ก่อนจะชะงักกับห่อขนมที่ถูกวางไว้บนฝาหม้อ.. ดวงตากลมโตกวาดมองทั่วลำคลอง..ที่ยังมีผู้สัญจรขวักไขว่..แล้วยิ้มออกมาน้อยๆ
“...แล้วถ้าวันนี้ก็มีเหมือนเดิม..คุณนิลจะทานไหมจ๊ะ... “
คำพูดนั้น ทำให้ผู้ฟังชะงัก นิลกาลซึ่งคว้าไม้พายมาไว้ในมือได้แล้วหันไปมองร่างเล็กที่เอ่ยออกมา มองเห็นห่อขนมคุ้นตาในมือบาง พร้อมกับรอยยิ้มหวานของผู้ถือ..ทำให้เขายิ้มตามได้ไม่ยาก..
“..ทานสิ...แต่นทีต้องเป็นคนป้อนน่ะ... “
...และคำตอบรับก็คือรอยยิ้มหวาน..กับมือเรียวที่ส่งมาแตะกระชับฝ่ามือของนิลกาฬเบาๆ..ทว่ามั่นคง...
...end.
จบแล้วว้อยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
อยากตะโกนออกมาเป็นภาษาปาทังก้า.(มี?)เป็นนิยายที่ใช้เวลาเขียนนานมาก นานสุด นับสิบเดือนเลยด้วยซ้ำ ...แค่เรื่องสั้นเรื่องเดียว เอิ้ว...ทำไปได้.. แต่ก็ทำเร็จแล้วน่ะ ไม่ดาร์ก ไม่รันทด แถมยังหวานนนนนนนนนนนนนนนนน จนคนแต่งจะสำลักน้ำตาลตาย
ใครว่าอิชั้นแต่งหวานไม่เป็น ชิชิชิ ทำได้แล้วโว้ยยยยย..ไชโยโห่สามราเสร็จ..แล้วก็ไปนั่งเขียนแบดกายต่อไป...หงึ...
ตาเถร...ชอบคำอุทานคำนี้ ..จริงจัง
..แล้วมีใครรู้รึเปล่า? ว่าคลองสายนี้ ชื่อคลองอะไร? (ไม่ใช่แสนแสบน่ะค้า ใครตอบแสนแสบอิชั้นจะงอน)
สำหรับเรื่องนี้ ขอเท้าโครงเรื่องนิดหน่อย..
คุณนิล(นิลกาฬ)กับนที เป็นตัวละครออริจากนิยายเรื่องหนึ่งของอิชั้นเองค่ะ มีคุณนิลกับนทีเป็นหนึ่งในตัวเอกที่มีทั้งหมดห้าคนเรื่องราวของสองคนนี้ก็เกิดขึ้นสมัยสงครามโลกครั้งที่สองค่ะ ตอนที่ทัพญี่ปุ่นเข้ามาในไทย แต่ในตอนนี้ผ่านช่วงนั้นมาแล้วเป็นเรื่องราวหลังสงครามแบบว่าอยากเขียนเรื่องราวสองคนนี้แบบหวานๆขึ้นมาเลยเอามาเขียนดู จนกลายเป็นเรื่องสั้นเรื่องนี้ จากที่อ่านหลายคนคงจับจุดได้ว่าสองคนนี้มีความหลังรันทดกันมาก่อนซึ่งขอกล่าวคร่าวๆว่าเป็นเรื่องผิดใจที่ทำให้ไม่กล้าเชื่อใจกัน และความพิศาลของคุณนิลเค้า ทำให้ทั้งที่มาอยู่ด้วยกันแล้วแต่นทีก็ยังติดซึมเซาอยู่ ก็ประมาณนี้ล่ะค่ะ หวังว่าคงไม่งงกัน เพราะอิชั้นพยายามยกความหลังมาน้อยที่สุด
ใครอ่านแล้วอมยิ้ม สารภาพมาซะดีๆ อิ
...ปอลิง...อาจมีภาคต่อ เพราะอยากเขียนตอนไปเที่ยวงานวัด กับตอนทำบุญสงกรานต์ ทั้งที่ผ่านสงกรานต์มาแล้ว
ปอลิงสอง..อย่าถามถึงนิยายเรื่องนั้นเลยน่ะ มันดาร์กจนกู่ไม่กลับแล้วล่ะเออ (แบดกายเทียบกับเรื่องนั้นแล้วยังเบาะๆน่ะเคอะ นั่นมีตั้งแต่เชือดคอไปจนคว้านท้อง อะเหอๆ)
ถามจริง...
เชื่อมั้ยว่าคนแต่งคือคนเดียวกัน..? :o12:
-
อ่านไปอมยิ้มไปด้วยแระ
คลองชื่อไรไม่รู้ รู้แต่ว่ายอดผักบุ้งถูกคู่หวาน หว๊าน ๆ เด็ดไปซะเรียบเล๊ยยยย
อยากอ่านตอนต่อไปแล้วอ่ะ
-
มายกมือบอกว่า อมยิ้ม ด้วยอีกคน :o8:
ตอนพิเศษก็อยากอ่าน แล้วก็อยากรู้เรื่องความหลังฝังใจของคู่นี้ด้วย ท่าทางจะโหดไม่น้อยอยู่นะนั่น
-
ถ้ามีภาคต่อก็ยินดีอ่านอย่างสุดซึ้งครับ
หวานเสียไม่มี หวานจนอมยิ้ม อ่านแล้วสบายใจดีครับ
ชอบจังเลยบรรยากาศเก่าๆแบบสมัยก่อน :z2:
-
อัดช่าาาาาาาาาาาา ในที่สุด ผู้ชาย ผ้าขาวม้า และปลาทู + ยอดผักบุ้ง
ก็ออกมาได้ทัศนากัน
ชอบความเก่าระดับคลาสสิคจริงๆ
อ่านไปเขินไป :-[
ฮ่วยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
นทีเคอะ มาหวานกับพี่มา จ้วบบบบบ :z1:
อ่า...ไปก่อนเด่วเจอบาทอิตาคุณนิลจะตายเอา
//จากไปพร้อมยอดผักบุ้ง //แอบไปเก้บพร้อมสองคนนั่นเเหละ เเต่เขาคงไม่เห็น :laugh:
-
ชอบบรรยากาศมาก
อยากอ่านต่อ
-
จิ้มๆ เรื่องใหม่
ชอบบรรยากาศจัง โอยยย
อยากลงคลอง
-
หว๊านหวาน อ่านไปอมยิ้มไป น่ารักอ่ะ
-
:pighaun: :pighaun: :pighaun:
เจ้วันหลังเอาสมัย กรุงศรีฯ ได้ป่ะคับ
อิอิ
นะนะจัดมาให้หน่อย แบบว่า แต่งได้เห็นภาพเลยอ่ะ
สุดยอด :bye2: :bye2: :bye2:
-
โอ้ยยยยยยย
อ่านแล้วเขิน แอบมีม้วนตามนทีด้วย
รอตอนพิเศษ ไปเที่ยววัดอยู่นะจ๊ะ
-
:-[
น่ารักมากเลยอ่ะค่ะ ชอบมากเลย
ไม่อยากจะบอกว่าแอบเขินด้วยแหละ แหะ แหะ
:o8:
เนื้อเรื่องแบบว่าเรียบแต่หรู ประมาณนั้น
แล้วก็เรื่องที่เป็นแบบเต็มๆของเรื่องนี้อ่ะค่ะ คือเรื่องอะไรหรอค่ะ
คือว่า อยากอ่านอ่ะค่ะ ถ้ายังไงก็ช่วยตอบด้วยนะค่ะ ว่าได้รึเปล่า
แบบว่าอยากอ่านมากเลยอ่ะ รู้สึกค้างๆคาๆยังไงไม่รู้ อยากรู้ที่มาที่ไปของเรื่องด้วยอ่ะค่ะ
ยังไงก็ช่วยหน่อยละกันค่ะ ขอบคุณล่วงหน้ามากๆเลยค่ะ
:bye2:
-
ชอบๆๆๆๆๆๆๆๆๆครับว่าแต่มันคุ้นๆๆๆนะ
-
มาสารภาพ ว่าแอบอมยิ้ม อิอิ
ชอบๆๆๆๆ :กอด1:
-
แวะมาอ่านขอรับ :กอด1:
-
น้ำเน่ามากนะ แต่ก็ชอบมากเช่นกัน
-
อยากกินผักบุ้งจังเลย
อยากรู้ว่าเรืองอะไรรึค่ะ ที่ว่ามันดาร์คอะ อยากอ่าน
ขอความรักจงอยู่คู่นทีและนิลกาฬตลอดไป :L1: :L1: :L1:
ชอบแนวย้อนยุคกับแฟนตาซีที่สุดเลยค่ะ
-
กรี๊ดดดดดด เรื่องน่ารักมาก ชอบบบ
คนแต่งใช้ภาษาได้เย่ยมยอดมากค่า นับถืออออออออออ
มันเปนตอนต่อของเรืองไรหรอออ อยากอ่านมากกก>_________<
-
อร๊ายยยย ชอบมากๆเลยค่ะ
ได้อารมณ์อีโรติกดีอ่ะ
ไม่หวือหวา แต่อ่านแล้วเขิลๆ
ภาษาก็สวย อ่านสนุก
ผู้ชายพูดจ๊ะจ๋านี่ ฟังแล้วเคลิ้มจริงๆเทียว :-[
-
ขอบคุณมากคะ
สนุกมากๆ
บรรยากาศดี ภาษางามคะ
นึกถึงบ้านเรือนริมน้ำจริงๆช่างเป็นอะไรที่ไทยๆมาก
อ่านแล้วสุขใจจ้า
-
ชอบมากก กกกกก กก น่ารักที่สุดอ่ะ.. :m1:
อ่านไปยิ้มไป..เขิน ๆๆๆ ๆ สองคนเค้าน่ารักดีเนอะ..
ชอบภาษา มันอ่านแล้วยิ้ม ๆ ยังไงไม่รู้สิ.. :o8:
เอาอีก ๆๆๆ ๆๆ ~o(>_<)o~ (เริ่มเรียกร้อง)
ขอบคุณสำหรับเรื่องน่ารัก ๆ .. :L2:
-
แต่งช้าๆได้พร้าเล่มงามจริงๆด้วย555
หันมาเขียนฟิคหวานเถอะ พลีสสสส ชอบๆๆๆคลาสสิคมากเลย แต่งให้อ่านอีกน๊า จะรอ ไม่ว่าจะต้องรออีกสิบเดือนก็ตาม^^
-
ชอบๆๆๆๆๆๆ...
น่ารักทั้งคู่เลยยยยย..
อ่านไปเขินไป.. :-[เหอะๆๆๆๆ :L2: :L2: :L2:
-
หวานมากกกกกกกกกกกกกกกกกกก
-
หวานจังเลย อ่านไปอมยิ้มไปจริง ๆด้วย
-
น่ารักมากๆๆๆเลยครับ ชอบๆๆๆๆๆๆๆๆ
ขอตอนต่อไปหน่อยได้ไหมครับ ^^
-
เนื้อเรื่องน่ารัก มากๆๆ ครับบ ขอบคุณนะครับบ
-
หวานม๊ากๆๆๆๆๆๆๆ เขินแทน
-
>,,,< น่ารักมากๆค่ะ
-
หวานจังเรื่องนี้ อ่านแล้วเขินแทนนที >.< น่ารักจริงๆ
แล้วจะอ่านรอภาคต่อนะคะ
-
อ่านไปยิ้มไปเลยอ่ะค่ะ :o8:
ภาษาสวยมากเลย
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ
-
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด !!
อยากจะกรีดร้องเป็นภาษาสเปนค่ะไรท์เตอร์ ><'
หวานมาก มาก ถึงมากที่สุด
ตอนแรกแอบสงสารคุณนิลเหมือนกัน..ก็พอรู้หรอกนะว่านทีรักน่ะ
แต่นทีไม่ยอมพูดนี่.. คุณนิลเลยช้ำแล้วช้ำอีก
เออ ไอ่ตอนที่มีอะไรกันแล้วน่ะ เราก็นึกว่านทีบอกรักคุณนิลแล้วซะอีก
- - +++ ปรากฏว่าง !!!!!!!!!!! ณ จุดๆนั้นเริ่มเคืองนที เหอะๆ
แต่ก็พอเข้าใจอยู่ล่ะน้ออ แล้วพอไปอาบนน้ำด้วยกัน
คุณนิลบอกรัก....อีกแล้ว ลุ้นตัวโก่งว่านทีจะบอกตอบมั้ย?
แล้วในที่สุดสิ่งที่รอคอยก็มาถึง!!! ... ฮูเล่~~~!
ขอบคุณมากนะคะไรท์เตอร์ หวานมากๆเลย อิอิ
-
ขอบคุณค่า :pig4: :3123:
-
น่ารักมากเลยค่ะ หวานปานน้ำผึ้งเดือนห้า ภาษาสวยด้วย อ่านแล้วชอบมากมายค่ะ :กอด1:
-
พึ่งเข้ามาอ่านเรื่องนี้วันนี้เองจ้า หวานจนคนอ่านน้ำตาลขึ้น แถมขบวนมดพาเหรดกันเต็มหน้าจอ
เป็นเรื่องย้อนยุค ที่ใช้ภาษาได้เหมาะกับกาลเวลา
เอ่อ แต่เพลงนี้ เก่าขนาดนั้นเหรอ(แต่เป็นเพลงที่เข้ากับสถานการณ์ของเรื่องมากเลยจ้ะ)
ไม่ให้ทายว่าคลองแสนแสบ ขอทายว่า คลองบางเชือกหนัง (เดาเอาน่ะ เพราะคนอ่านเคยมีความหลังที่คลองนี้จ้ะ)
-
อ๊ายยย อะไรมันจะหวานขนาดน้านนน อ่านแล้วอิจฉาตาร้อนผ่าว น่ารักดีๆๆ
-
หวานมากค่ะ ยิ้มเกือบทุกบรรทัดที่คุยกันทีเดียวววว
คุณนิลนี่แทบไม่น่าเชื่อว่าเป็นคนเดียวกันกับที่ออกมาในมีเพียงรักที่ตอนนี้มีแค่สามตอนแต่ดูท่าจะจงเกลียดจงชังนทีซะแล้ว
นทีเองคงเจออะไรมาหลายอย่าง เดี๋ยวไปรอลุ้นในมีเพียงรักนะคะ แต่ไม่ว่าคุณนิลจะเคยร้ายกับนทีมาขนาดไหน แต่สุดท้ายถ้าสองคนนี้ได้รักกันหวานชื่นแบบนี้ก็ดีแล้ววว :กอด1:
-
มดขึ้นนนนน
-
อ่านไปก็เขินไป :o8:
-
อรั่กกกก สำลักปักกริมตายย :ling1: หวานมากหมานเกินว๊านนนนหวาน เป็นอะไรที่บั่บน่ารักมากกกกก อยากรู้เรื่องห่อนหน้านี้ที่นทีกับนิลจะเจอกันจังท่าทางจะทะเลาะกันรุนแรงเสียเหลือเกินน o13 :ruready
-
:m1: หวานจัด :m1:
-
หวานมากกกภาษาก็สวยอ่านแล้วลื่น ฟิน ~
-
หวานมากเลยค่ะ
:o8: :o8:
-
เนื้อเรื่องน่ารักมาก หวานหยดเลย
แต่ที่ชอบสุดๆ เห็นจะเป็นการใช้ภาษา ใช้ภาษาได้สวยมากค่ะ
-
อ่านไปยิ้มไป สุขสุดๆ
ขอบคุณมากค่ะ :pig4:
-
:-[ อ่านไป ยิ้มไป คุณนิล น้ำเน่านะคะ อิอิ เค้าเป็น นที ก็คงใจแข็งได้ไม่นานหรอก
>>> ตอนแรก คิดว่า คุณนิล จะเป็นผีซะแล้ว เห็น คนเขียนบรรยาย นที นั่งเศร้าอยู่ริมน้ำเหมือนคิดถึงใครซักคน
แล้ว คุณนิล ก็กลับมาตอนค่ำ แถม ตอนชวนไปงานวัด นที ดันบอกว่าไม่ไป อยากอยู่กับ คุณนิล มากกว่า
คล้ายๆว่าอยากใช้เวลายามค่ำคื่นที่ได้อยูด้วยหันให้คุ้มค่าที่สุด.....ด้วยประการชะนี้แล
เราก็เลยเหมาเอว่า คุณนิลเป็นผีแหง กร๊ากกกกก คิดได้ไงเนี่ยเรา :z6:
>>>>>รอตอนพิเศษที่ว่าอยู่นะจ๊ะ
:pig4: