พิมพ์หน้านี้ - "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 15-02-2007 16:20:20

หัวข้อ: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 15-02-2007 16:20:20
ขอบคุณ คุณ Yo เองครับ ที่อนุญาตให้นำเรื่องราวดีๆ มาให้อ่านกัน

ขอความกรุณาเพื่อนๆ อย่านำเอาเรื่องราวในเรื่องนี้ไปเผยแพร่ ก่อนได้รับอนุญาตจากคุณ "Yo เองครับ" ก่อนนะครับ

เพราะ เรื่องนี้มีบางส่วนมากจากชีวิตจริง ตัวละครทุกตัวมีชีวิตอยู่จริง

ขอบคุณครับ

หมูพูห์  :teach:


**********************************************************************************

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความที่ไม่เหมาะสมและเกิดความขัดแย้ง
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขอนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ


กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0


**********************************************************
 ผมเพิ่งจะกลับมาจากไปธุระหลายวัน เลยเข้ามาตอบคำถามพร้อมกับขึ้นตอนต่อไปให้ช้าไปหน่อยอ่ะครับ

ก่อนอื่นเลยต้องขอรับคำติชมทั้งหลายไว้ก่อน มีหลายคนถามผมว่าเรื่องทั้งหมดจริงหรือไม่

ผมต้องบอกตามตรงว่ามีทั้งส่วนที่จริงและไม่จริง ซึ่งผมจะไม่เฉลยว่าตอนไหนจริงและตอนไหนไม่จริงนะครับ ส่วนประเด็นการเลิกกันในครั้งนั้นบางคนอาจจะเห็นแตกต่างกัน

แต่ตอนนั้นบอกได้คำเดียวว่าผมคิดแบบนั้นจริง ๆ น้อมรับความเห็นต่าง ๆ เอาไว้ด้วยใจจริง ๆ ครับ

และที่สำคัญที่สุดผมต้องขอขอบคุณพี่ ๆ เพื่อน ๆและ น้อง ๆ ทุกท่านที่ช่วยเข้ามาดันและเข้ามาพูดคุยในกระทู้ คำว่ารักของฉันฯ  ต้องขอบคุณจริง ๆ ครับ

ความจริงไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ผู้อ่านอารมณ์ค้างเพราะนึกว่าเรื่องนี้จบบริบูรณ์ไปแล้วด้วยความผิดหวัง

แต่พอดีผมติดภารกิจสำคัญทำให้ไม่มีเวลาเข้ามาในบอร์ดเลย เลยทำให้ขาดตอนไป แต่ก็หวังว่าเพื่อน ๆ ทุกคนคงจะให้การต้อนรับเช่นเคยนะครับ

ลิงค์กระทู้เก่าครับ

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=768.0

โยครับ

*****************************************************************************************
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพ
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 16-02-2007 11:42:25
"ตอนที่ 1"

ตลอดระยะเวลาหนึ่งปีเต็มนับตั้งแต่วันที่ผมกับบูมเลิกคบกัน

ผมกับบูมก็แทบจะไม่เคยได้ติดต่อกันหรือพูดคุยกันตามประสาคนที่เคยรู้จักกันเลย

มันช่างเป็นช่วงที่ทรมานที่สุดเท่าที่ผมเคยได้รับมา เพราะการจะเลิกคบกับใครสักคนนึง

ทั้ง ๆ ที่เรายังรักกันอยู่มันช่างเป็นสิ่งที่แสนจะทรมานมาก ๆ ดังนั้นผมจึงต้องพยายามทำตัวเป็นนินจา มาเรียนบ้างไม่มาบ้าง

ถ้าผมมาเรียนก็จะเข้ามาหลังสุดใกล้ ๆ หรือ เฉียดที่จะได้เวลาเข้าเรียน เพราะผมไม่อยากที่จะเจอหน้าคนที่จะทำให้ผมต้องรู้สึกเจ็บปวด ทั้ง ๆ ที่ผมเป็นฝ่ายเลือกที่จะถอยมาเองก็ตาม

แม้ว่าผมจะมาเรียนบ้างโดดเรียนบ้างแต่การเรียนของผมก็ไม่ได้เสียเหมือนช่วงที่ผมทำร้ายตัวเองครั้งก่อน

เพราะผมจะให้เพื่อน ๆ คอยอัดเทปไว้ให้และขอยืมสมุดเล็คเชอร์ไปซีร๊อคเสมอ ๆในวันที่ผมขาดเรียน

โดยผมจะอ้างว่าผมติดธุระต้องไปช่วยงานที่บ้าน ซึ่งพวกเพื่อน ๆ ผมก็เข้าใจ ไม่ได้ระแคะระคายอะไร เพราะพวกมันไม่รู้ว่าผมกับบูมเคยกลับมาคืนดีกัน

ผมเก็บเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับ เวลาที่ผมอยู่ต่อหน้าพวกมัน ผมก็จะแกล้งทำตัวให้ร่าเริงเข้าไว้ แต่พอเลิกเรียนผมก็จะรีบตรงดิ่งกลับบ้านทันที

ซึ่งพวกเพื่อน ๆ ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะมันคิดว่าผมต้องรีบกลับไปช่วยงานที่บ้าน มีแต่บ่นบ้างนิดหน่อยที่ผมไม่ค่อยจะมีเวลาให้พวกมัน แต่ก็ไม่ได้มากอะไร

ตั้งแต่มีเรื่องเมื่อคราวก่อน ตอนนี้ปอนด์เองผมคิดว่าเค้าคงจะตัดใจจากผมได้มากพอสมควรแล้ว และเราก็กลับมาเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเหมือนเดิม

ปอนด์ยังคงโทรมาคุยกับผมเสมอแม้ว่าจะไม่บ่อยเท่ากับแต่ก่อนก็ตาม เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างผมกับบูม

ผมได้ขอร้องให้ปอนด์ช่วยปิดเรื่องที่ผมกับบูมกลับมาคบกันไม่ให้พวกเพื่อน ๆ ผมรู้ ซึ่งปอนด์เองก็เข้าใจเหตุผล แถมยังแซวผมเล่นอีกว่า เมื่อไหร่ผมจะใจอ่อนกับเค้าสักที

ซึ่งผมก็รู้ดีว่าเค้าพูดเล่นเพราะผมเห็นปอนด์กำลังตามจีบน้องปีหนึ่งคนนึงอยู่ ซึ่งเด็กคนนั้นก็น่าจะพอใจปอนด์อยู่เช่นกัน ทำให้ผมสบายใจไประดับนึงแล้ว

พี่น้อตเองตอนนี้ก็เรียนจบแล้ว ก่อนที่จะมีงาน “bye senior” กันพี่น้อตก็พาผมกับเพื่อน ๆ ไปเลี้ยงเฮฮาตามประสารุ่นน้องที่น่ารัก

และตอนนี้พี่น้อตก็กำลังขะมักเขม้นกับเรื่องที่จะไปเรียนต่อปริญญาโทที่ออสเตรเลียอยู่ และกำลังฟิตภาษาอยู่ที่สถาบันมีชื่อแห่งนึงย่านถนนวิทยุ....

ส่วนพี่วิทย์เอง ช่วงก่อนจะเรียนจบ ก็โทรมาคุยกับผมแทบจะทุกวัน มีช่วงนี้แหละที่หาย ๆ ไปบ้าง เพราะเห็นพี่เค้าบ่นว่างานที่รีสอร์ทยุ่งมาก

แต่พี่น้อตบอกมาว่ามีคนกำลังมาติดพันอยู่ แต่เห็นว่าพี่วิทย์ไม่เล่นด้วยนะ อันนี้ผมก็ไม่แน่ใจเพราะพี่วิทย์ไม่ได้บอกผมโดยตรง

และที่สำคัญพี่เค้ากลับหายหน้าหายตาไปเฉย ๆ อันนี้คงไม่ต้องเดาก็น่าจะรู้ ๆกันอยู่ว่าเพราะอะไร ท่าทางคงจะเข้าล็อคแล้วละมั้ง....

 ตอนนี้อีกไม่กี่วันผมก็จะต้องสอบกลางภาคเรียนที่ 1 ของปีสุดท้ายแล้ว ชีวิตของผมในตอนนี้ก็ไม่ได้ต่างอะไรจากชีวิตของผมในตอนที่เป็นเด็กปี 3 สักเท่าไหร่นัก

ผมยังคงมาเรียนบ้างไม่มาบ้างเป็นปกติ แต่ผมจะขาดน้อยกว่าในตอนปีสามเพราะปีนี้ผมจะต้องเก็บวิชามหาโหดให้ได้ครบตามเกณฑ์ถึงจะจบ ผมเลยจำเป็นต้องมาเรียนบ่อย ๆ....

ช่วงหลัง ๆ มานี้แพทเองก็คงจะสังเกตเห็นความผิดปกติของผมกับบูม แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะผมก็ไม่ได้บอกใครว่าผมกลับมาคบกับบูมและเลิกกันอีกครั้ง

ซึ่งแพทเองก็ยังคงโทรมาคุยกับผมบ้างแต่ไม่บ่อยนัก แต่ที่น่าแปลกใจก็คือเค้าไม่เคยพูดถึงเรื่องของบูมอีกเลยนับตั้งแต่วันนั้นมา คงจะหมดความพยายามไปแล้วมั้งครับ....

ช่วงนี้เรื่องที่พวกเพื่อน ๆ ผมกำลังตื่นเต้นกันมากก็คือเรื่องที่พวกเราใกล้จะจบและจะต้องไปสมัครงานหรือไปเรียนต่อ ซึ่งพวกมันก็มีบางคนที่จะต้องไปเรียนต่อที่ต่างประเทศด้วย

ทั้ง ๆ ที่พวกมันไม่ได้อยากที่จะไปเท่าไหร่นัก ช่วงนี้เลยดูเหมือนเป็นช่วงเวลาแห่งการเก็บเกี่ยวความรู้สึกและมิตรภาพที่ดีระหว่างเพื่อนในกลุ่มเอาไว้

พวกเราเลยนัดกันออกไปเที่ยวต่างจังหวัดกันบ่อยขึ้นเพื่อจะได้ใช้ชีวิตที่อิสระของช่วงมหาวิทยาลัยร่วมกัน

จนกระทั้งสอบกลางภาคเสร็จ ไอ้โบ (ตอนนี้มันปีกกล้าขาแข็งฮึดสู้กับแฟนมันได้แล้ว แฟนมันเลยต้องตกเป็นเบี้ยล่างมัน

เห็นว่าไอ้โบมันทนไม่ไหว หรือมันเมาไม่รู้ขู่บอกจะเลิกกับแฟนมันจนแฟนมันยอม ตอนนี้เลยแฮบปี้มาก ๆ)

ไอ้โบเป็นตัวตั้งตัวตีอยากไปเที่ยวเกาะ แต่จนแล้วจนรอดก็หาเวลากันไม่ค่อยจะได้ เลยตกลงใจไป เกาะเสม็ด เพราะใกล้และสะดวกดี ได้บรรยากาศเกาะอีกต่างหาก

แม้ว่าบนเกาะจะไม่มีอะไรให้แสวงหาอีกต่อไปแล้วเพราะไปกันมาจนหลับตาเดินคลำทางกันได้แล้วก็ตาม ไอ้โบก็ยังคงอยากจะไปอีก งงจริง ๆ....

พวกเพื่อน ๆ ผมเลือก อ่าวไผ่ เพราะเป็นอ่าวที่มีความเป็นส่วนตัวสูง และที่สำคัญเราสามารถเปิดแอร์โดยที่เค้าไม่ตัดไฟได้ทั้งวันครับ การเดินทางก็สะดวกเพราะมีเรือเร็วไปส่งถึงอ่าวเลยไม่ต้องรอ....

เรามาเช็คอินเข้าพักที่อ่าวไผ่ก็เป็นเวลา เย็น ๆ แล้ว ...( จะไม่ให้เย็นได้ไง กว่าจะมากันได้ ร่ำลาแฟนอย่างกับจะไปรบกับอิรัก) ผมกับไอ้กายต้องคอยถือกระเป๋าเข้าไปในห้องพักให้

ปล่อยให้คุณนายออฟกับคุณชายโบเป็นคนกรอกเอกสาร (ที่จริงก็ไม่อยากจะถือไปหรอกครับ แต่คนมันดวงไม่ดีอ่ะ จับฉลากได้แบบนี้ทุกที

จะมีก็แต่ไอ้กายเท่านั้นที่มันต้องเป็นคนยกอยู่แล้วไม่ต้องจับฉลาก มีพวกผมสามคนที่ได้จับฉลาก 555 ยุติธรรมไหม???) หลังจากที่ผมกับกายขนของไปยังที่พักเรียบร้อยแล้ว

และกำลังเดินออกมาเพื่อนั่งเล่นฆ่าเวลาก่อนจะได้เวลาอาหารมื้อเย็น สายตาอันฉับไวของผมก็บังเอิญไปสะดุดกับคนกลุ่มนึงที่กำลังเดินเล่นอยู่บนชายหาดไกลลิบ ๆ

นั่นมัน ..................

************************************************************************


หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพ
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 16-02-2007 12:00:53
มีภาคสองด้วยวุ้ย :monkeylove2:

ชายกลุ่มนั้นผมว่าเป็นบูมแน่เลย สาธุ ขอให้คืนดีกันทีเถ้อ :impress:

รออ่านต่อนะครับ :yeb:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพ
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 16-02-2007 12:22:51
อย่าบอกนะว่าเป็นบูม....โลกมันจะลมอารายปานนั้น :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพ
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 17-02-2007 03:12:20
 :o  ทฤษฎีนี้มานเปงจริงนะเออ  :kikkik:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพ
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 17-02-2007 15:02:15
บูมละม้าง 
ภาค 2 เหรอ ขอให้แฮปปี้เหมือนชื่อเรื่องละกัน  :like2:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: forsaken ที่ 18-02-2007 07:29:52
 :like2:  มีต่อภาค 2 ด้วย ฮิฮิ
กลับมารักกานเหมือนเดิมเถอะคร้าบ.....
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 18-02-2007 12:11:08
"ตอนที่ 2/1"

    นั่นมัน…….เจ้าหนี้เรานี่หว่า เผ่นดีกว่าเรา....(ล้อเล่นครับ)
    .
    .
    .
    .
    นั่นมัน........เพื่อน ๆ ของบูมนิ ตาฝาดหรือเปล่าเนี่ย...ผมเลยหรี่ตาเพ่งดูอีกที พร้อมกับสะกิดกายให้ช่วยดูด้วย

    “เออ ใช่ว่ะ นั่นไง ปิ๊ก แต่ไม่ยักกะเห็น....”กายหยุดคำพูดแค่นั้น แต่มันก็เพียงพอที่จะช่วยทำให้ผมมั่นใจยิ่งขึ้น

    เฮ้อ....เอาละสิครับงานนี้ จะหนีก็หนีไม่ได้เพราะว่ามันเป็นเกาะ จะไปพักที่หาดอื่นก็ไม่ทันแล้ว มันเย็นแล้วด้วยอ่ะ...

     แต่ก็ยังพอโล่งอกไปได้ ที่ผมยังไม่ได้เจอคนที่ผมพยายามหลบหน้ามาตลอดระยะเวลาหนึ่งปี หรือว่าเค้าคงจะไม่มามั้ง

    ถ้ามาก็คงจะเห็นไปแล้ว ผมคิดและยิ้มออกมาอย่างโล่งอก แล้วผมก็ตัดสินใจรีบชวนกายเดินกลับเข้าไปหาเพื่อน ๆ ในกลุ่มที่ตอนนี้กำลังรออยู่บนโต๊ะอาหารแล้วหน้ารีสอร์ทแล้ว

    “กินอะไรดีอ่ะ หิวแล้ว”ไอ้กายถามขึ้น

    “อยากกิน หมูป่าผัดเผ็ดว่ะ”ไอ้โบเสนอ

    “นี่จะบ้าหรอแก พวกเรามาเที่ยวเกาะในทะเลนะ ไม่ใช่ไปแคมป์เดินป่า ชักจะเพี้ยนไปกันใหญ่แล้ว เวลาขึ้นเขาก็อยากจะกินแต่อาหารทะเล เวลามาทะเลดันอยากมากินหมูป่า”

     ออฟแขวะจนพวกผมหัวเราะออกมา ซึ่งมันก็จริง ๆ อ่ะครับที่ไอ้โบมันชอบกินอะไรไม่เหมาะสมกับบรรยากาศเอาซะเลย

    “เออๆ ๆ ไม่กินก็ได้ งั้นแกสั่งเลยออฟ”ไอ้โบทำท่างอนนิด ๆ

    “อ่ะ อ่ะ อ่ะ พี่คะมีหมูป่ามั๊ยคะ เพื่อนหนูเค้าอยากทานน่ะค่ะ พี่ช่วยพามันไปล่าหมูป่าที่กลางทะเลทีคะ”ออฟแกล้งถามขำๆกับพนักงานเสิร์ฟ

    “ไม่มีครับ”พนักงานเสิร์ฟยิ้ม ทำให้พวกผมอดขำตามไม่ได้

    “งั้นเอา ปลาราดพริก.....”ออฟจัดการสั่งอาหารเพราะออฟจะรู้ดีว่าพวกผมชอบกินอะไร

    “เออนิ โย เดี๋ยวกินเสร็จฉันมีเรื่องอะไรจะบอกแกนะ”ออฟพูดกับผมแล้วหันไปพยักหน้ากับไอ้โบเป็นเชิงรู้กันสองคน

    “มีอะไรก็บอกตอนนี้เลยก็ได้ ไม่เห็นต้องรอเลย”ผมตอบกลับไปอย่าง งง ๆ

    “เออ น่า ไว้ค่อยบอก”

    “ตามใจ ลีลาเยอะนะ”ผมแกล้งแขวะออฟเพราะวันนี้ออฟกับโบชอบทำอะไรมีพิรุธอยู่เรื่อย ๆ

    หลังจากที่เราจัดการกับอาหารมื้อแรกบนเกาะเรียบร้อยแล้ว ผมก็ถามออฟถึงเรื่องที่ยังคุยค้างอยู่เมื่อสักครู่

    “นี่ตกลงจะบอกได้หรือยังว่า มีอะไรจะบอก อย่าบอกนะว่าจะให้เลี้ยงน่ะ”ผมแกล้งแซวออฟ

    “ถ้าฉันบอกแล้วอย่างกับแกจะเลี้ยง….เรื่องที่ฉันจะบอกน่ะ เมื่อกี้ตอนเช็คอิน ฉันกับไอ้โบเห็นโจทก์เก่าแกเดินออกมาจากห้องน้ำว่ะ”ออฟพูดด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก

    “โจทก์เก่าไหนอีกล่ะ เราไปเป็นจำเลยตั้งแต่เมื่อไหร่”ผมพยายามคิดไปในทางที่ดีว่าคงจะไม่ใช่......

    “ก็จำเลยรักไง จำมาโจทก์ไหนอีกล่ะ นั่นเดินมาโน้นแล้ว ตายยากตายเย็นจริง ๆ.........”ออฟแอบยิ้มพลางทำหยุกหยิก ๆ กับไอ้โบพร้อม ๆ กับชี้ให้ผมมองไปดูด้านหลัง

      ทั้ง ๆ ที่ผมยังไม่ได้หันไปมองตามคำบอก แต่ผมก็กลับเสียวสันหลังวาบ ๆ ยังไงก็ไม่รู้......และแล้วสิ่งที่ผมไม่อยากจะให้เกิดขึ้นมันก็เกิดขึ้นจนได้

       ผมหันหลังกลับไปเป็นเวลาที่เค้าคนนั้นเดินเข้ามาบริเวณร้านอาหารพอดี ทำให้สายตาของผมประสานกับสายตาของบูมพอดี.........

    ผมกับบูมยังคงจ้องกันอยู่ น่าจะสักครู่เห็นจะได้ จนพวกเพื่อน ๆ ผมสะกิด เพราะเห็นเพื่อน ๆ ของบูมยิ้มให้ผม ผมเลยรู้สึกตัวแล้วยิ้มตอบกลับไป

    “เจ็บแค้นเคืองโกรธโทษฉันไย ฉันทำอะไรให้เธอเคืองขุ่น” ไอ้ออฟตัวดีร้องออกมาได้ จนผมต้องหันกลับไปทำตาดุใส

    ่ ระหว่างที่ผมกำลังจ้องจะเล่นงานเพื่อนตัวดีของผมก็มีเสียงชายหนุ่มดังขึ้นมาทางด้านหลังผมพอดี

    “มาเที่ยวหรอโย ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าจะเจอกันที่นี่ โลกกลมจริง ๆ”ปิ๊กเดินเข้ามาทักทายพวกผม ส่วนบูมหันกลับไปนั่งโดยนั่งหันหลังให้กับโต๊ะผม

    “อืมมม....พอดีโบมันอยากมาเกาะน่ะ แล้วพวกปิ๊กมาได้ไงอ่ะ”ผมยิ้มให้แล้วถามกลับไป

    “อ๋อ พอดีสอบเสร็จ ก็เลยอยากพักผ่อนสมองกันน่ะ เครียด ๆ เลยนัดกันมานี่ แล้วโยจะมาอยู่กี่วัน เราเพิ่งจะมาถึงวันนี้เอง”ปิ๊กยิ้มตอบ

    “ก็คงจะสัก สามวันสองคืนนะ แล้วพวกปิ๊กล่ะ”ผมถามปิ๊กกลับไปแต่สายตาผมน่ะเหรอแอบมองบูมตลอดเลยอ่ะครับ

    “จริงดิ งั้นตอนขากลับ พวกเรากลับพร้อมกันเลยนะ เราก็คิดว่าจะมาพักสักสองคืนพอดี”

    “เฮ้ยไอ้ปิ๊กจะกินอะไรวะ”เสียงเพื่อนคนนึงในกลุ่มดังแทรกขึ้น

    “เออๆๆ เดี๋ยวกูไป งั้นเดี๋ยวเราไปเข้ากลุ่มก่อนนะ แล้วค่อยคุยกัน”ปิ๊กโบกมือลาแล้วเดินเข้าไปนั่งที่โต๊ะตัวเอง

    “เฮ้ย กลับห้องเหอะ เราว่าบรรยากาศไม่ค่อยจะดีแล้วล่ะ”ไอ้กายรีบชวนพวกผมกลับ (ช่างรู้ใจจริง ๆ)

    “เออ ชั้นก็ว่าอย่างงั้นแหละ ใช่ป่ะโย”ออฟหันมาพูดกับผม พร้อม ๆ กับหันกลับไปทำท่าแปลก ๆ กับไอ้โบ แต่ผมก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร


    ผมลุกออกจากโต๊ะอาหารไปทักทายเพื่อน ๆ ของบูมนิดหน่อย ก่อนที่จะขอตัวกลับห้อง เพราะผมก็รู้จักเพื่อน ๆ ในกลุ่มบูมพอสมควร

    แต่ผมเองก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกับบูมเป็นพิเศษ ได้แต่ยิ้มให้ ที่จริงแล้วผมไม่อยากที่จะเดินเข้าไปทักทายอะไรหรอกครับ

    เพราะผมไม่อยากที่จะไปเผชิญหน้ากับคนที่ผมคอยหลบหน้าตลอดเวลาคนนั้น ถ้าไม่ติดที่ผมเองก็รู้จักพวกเพื่อน ๆ ของบูมด้วย

    ผมคงจะรีบเดินหนีขึ้นห้องไปแล้ว ทำไมคนเรายิ่งหนีก็ยิ่งเจอนะ กลุ้มใจจริง ๆ....

    หลังจากที่ผมขอตัวกลับห้อง พวกเพื่อน ๆ ผมที่เดินกลับไปที่ห้องก่อนแล้ว ต่างก็จ้องมองผมอย่างสงสัย

    ผมคิดว่า พวกเค้าคงไม่กล้าที่จะถามอะไรเกี่ยวกับบูมหรอกครับ เพราะผมรู้ดีว่าพวกมันกลัวว่าจะมาสะกิดแผลในใจผมมั้ง

    ดีนะที่พวกมันไม่รู้ว่าผมกับบูมเคยกลับมาคืนดีกันอีกครั้ง ไม่งั้นมีหวังเรื่องยาวแน่ๆ

    สรุปว่าคืนนั้นพวกผมเลยไม่มีกิจกรรมอะไรข้างนอกเลย เอาแต่ชวนกันเล่นไพ่ในห้องเพราะผมกลัวว่า ผมจะต้องไปเจอกับบูมเข้าอีก เลยต้องมานั่งเล่นไพ่กันแทน......

    เช้าวันใหม่ ผมตื่นขึ้นมาตั้งแต่ก่อนพระอาทิตย์จะขึ้น ทั้ง ๆ ที่เมื่อคืนกว่าพวกผมจะนอนก็ปาเข้าไปตีสองกว่า ๆ เพราะมัวแต่จั่วไพ่กันอย่างเมามันส์

      ปกติแล้วถ้าผมไปทะเล ผมจะต้องตื่นขึ้นมาคนแรกเสมอๆ เพราะผมชอบไปนั่งดูและถ่ายรูปเวลาพระอาทิตย์ขึ้นทุกครั้ง ครั้งนี้ก็เช่นกัน

     ผมตื่นขึ้นมาในตอนเช้าและหยิบกล้องไปหาที่นั่งริมชายหาดเพื่อรอเก็บภาพเอาไว้ ส่วนพวกเพื่อน ๆ ผม ก็ยังคงนอนกรนกันต่อไป เฮ้อออ แล้วมันจะมาทะเลทำไมกันเนี่ย....

    เสียงคลื่นกระทบชายหาด กับท้องฟ้าที่ยังคงมืดครึ้ม อากาศที่ค่อนข้างเย็น พร้อม ๆ กับลมที่พัดโบกเข้ามาจนผมต้องลูบแขนไปมาด้วยความหนาว

    ตอนนี้ผมกำลังนั่งรอเวลาที่แสงสีทองแสงแรกของวันนี้จะปรากฏขึ้นมาพร้อมๆ กับเจ้าลูกไฟดวงใหญ่ที่นำความอบอุ่นและความมีชีวิตชีวามามอบให้โลกใบนี้

    “นั่งด้วยคนได้ไหม”เสียงชายหนุ่มคนนึงที่แสนจะคุ้นเคยดังขึ้นมาจากด้านข้างของผม พร้อม ๆ กับร่างของชายหนุ่มที่ค่อย ๆ หย่อนลงมานั่งข้างกายผม

    จบตอนที่ 2/1แล้วครับ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม

    ***********************************************************


หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 18-02-2007 12:26:27
ง่ะ . . . เอาอีกแล้ว

ชอบมาหยุดเอาตอนที่กำลังจะเข้าด้ายเข้าเข็มทุกทีเลย

บีบใจคนอ่าน ตลอดเลยอ่ะ :serius2:




มาต่อไวๆนะครับ :yeb:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 18-02-2007 12:53:01
สาธุ...............ขอหั้ยเป็นบูมทีเหอะ :angellaugh2:

คนรักกันมันลืมกันหรือโกรธกันไม่ลงหรอกเนอะ.... :yeb:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 18-02-2007 14:59:13
บูมแน่นอน มั่นใจสุด ๆ  :monkeylove2:
 :kikkik:  :kikkik:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: forsaken ที่ 19-02-2007 20:42:09
บูมแง่ม ๆ ...  :interest:
กลับมาคืนดีกานเตอะ ฮิฮิ...
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 20-02-2007 01:24:14
 :serius2: :serius2: :serius2:

(ลุ้นคับลุ้น  :haun5:)
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 20-02-2007 18:55:02
ชื่อเรื่องมันบอกแล้วป่าว  คำว่ารักแท้แม้เวลาไม่อาจพรากอะ  :angellaugh2:

สาธุ  กลับมาคืนดีกันเตอะ  ภาคที่แล้วไม่ได้ใจเรยย  ขอภาคนี้ดีกันหน่อยนา  รอฉากหวีตอยู่

รอลุ้นต่อค๊าบบบ  เป็นกำลังใจให้คนโพสด้วยน้า  :yeb:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 21-02-2007 09:59:35
"ตอนที่ 2/2"

    “นั่งด้วยคนได้ไหม”เสียงชายหนุ่มคนนึงที่แสนจะคุ้นเคยดังขึ้นมาจากด้านข้างผมพร้อม ๆ กับร่างของชายหนุ่มที่ค่อย ๆ หย่อนลงข้างกายผม

    “.........................”ผมหันหน้าไปหาเจ้าของเสียงที่คุ้นเคยนี้ ทันทีที่ผมแน่ใจว่าคนๆนั้นคือใครผมก็ทำท่าจะลุกหนีไป

    “ทำไมโยต้องหนีเราด้วย...เรามันน่ารังเกียจมากนักเหรอ...ทำไมเวลาเจอเราชอบทำเหมือนกับเราไม่มีตัวตน เราไม่เข้าใจเลยอ่ะโย....

     เรารู้นะว่าที่โยทำไปทั้งหมดเพราะอะไร” ชายหนุ่มรั้งตัวผมไว้ด้วยท่อนแขนที่แข็งแรง

    “ก็ถ้าบูมรู้และเข้าใจเรื่องทั้งหมดดี ก็ปล่อยเราซะทีสิ เราจบกันแล้วนะบูม”ผมพยายามหนีจากร่างช่างหนุ่มตรงหน้าเพราะไม่อยากให้เค้ารู้ว่าผมต้องแอบซ่อนน้ำตาแห่งความปวดร้าวเอาไว้

    “โยเลิกบ้าซะทีได้ไหม เราขอร้อง” บูมพูดด้วยสายตาวิงวอน

    “เราว่าเราพูดกันเข้าใจแล้วนะว่า เราสองคนจบกันไปแล้ว...อีกอย่างเรื่องมันก็ผ่านมานานแล้วเราไม่อยากไปเอ่ยถึงมันอีก”ผมพยายามข่มความรู้สึกเอาไว้

    “โยแน่ใจหรือเปล่าที่พูดแบบนั้น ลองถามใจตัวเองก่อนเถอะว่ามันคิดยังไง”บูมพยายามคาดคั้น

    “เราแน่ใจ พอใจไหม”ผมพูดแล้วพยายามจะเดินหนีไปอีก แต่บูมก็ยังคงรั้งผมเอาไว้ จะเอาไงเนี่ย

    “ผู้ร้ายปากแข็ง แล้วการที่โยทำตัวเป็นนินจา มาเรียนบ้างไม่มาเรียนบ้างนี่หมายความว่ายังไง อย่ามาโกหกเลยว่าไปทำธุระที่บ้านเราสืบมาหมดแล้ว”ตอนนี้ดูท่าบูมจะถือไพ่เหนือกว่าซะแล้ว

    “ก็.............เรา ช่างเหอะ จะไปสนใจทำไม”ผมเถียงไม่ออก

    “เราขอร้อง โยทรมานเรามาปีนึงยังไม่พอใช่ไหม หรือว่าโยตั้งใจจะทรมานเราไปทั้งชาติ เรามันเลวมากเลยใช่ไหม หรือว่าเรายังรักโยไม่พอ ทำไมโยต้องทำแบบนี้กับเรา”

     บูมพูดพร้อม ๆ กับระเบิดอารมณ์ออกมาอย่างเหลืออด

    “ไม่ใช่บูมหรอก เราเองที่เป็นคนผิด เราขอโทษ แต่ยังไงเราว่า สิ่งที่เราตัดสินใจไปแล้ว มันดีกับทุกฝ่ายนะ เราขอร้อง

    บูมอย่าทำแบบนี้เลย ปล่อยให้เรื่องทุกอย่างมันผ่านไปเถอะนะ”ผมหันกลับมาพูดกับบูมพร้อมรอยน้ำตาแห่งความเจ็บปวด

    “ไม่เราจะไม่ยอมให้เรื่องมันจบแค่นี้หรอก.....โย.....ฟังเรานะ โยเลิกแคร์คนอื่นได้หรือยัง เราคบกันเพราะว่าเราสองคนรักกัน แล้วมันไปเกี่ยวอะไรกับคนอื่น

     อย่าไปสนใจคนรอบข้างสิ วันไหนที่เราเจ็บปวด คนรอบข้างก็ไม่ได้มารู้สึกเจ็บปวดกับเราด้วยหรอกนะ เข้าใจไหม

     ส่วนเรื่องแม่เรา เราจะจัดการเอง เราขออย่างเดียว อย่าไปจากเราอีกเลยนะ เราขอร้อง”บูมร้องไห้และกอดผมเอาไว้แน่น

    “บูมรู้เรื่องนี้ได้ยังไง ใครเป็นคนบอก”ผมเอะใจที่บูมรู้เรื่องนี้ได้ยังไงเพราะเรื่องนี้เป็นความลับระหว่างผมกับแม่ของบูม เอ หรือว่า ปอนด์เป็นคนบอก แต่ก็ไม่น่านะ

    “โยคิดว่าเราโง่หรอ เรารู้ตั้งนานแล้วว่าอะไรเป็นอะไร ทีแรกเราก็เกือบจะเชื่อนะ แต่พอดีป้าเล็ก (แม่บ้าน) บอกว่าโยโทรไปขอเบอร์แม่ของเรากับป้าเล็ก เราเอะใจเลยตามสืบ”

     โอ้โห ก็อย่างที่บอก ทิ้งร่องรอยไว้ไม่ได้เลยนะเนี่ย บูมนี่ร้ายไม่ใช่ย่อย

    “สืบแล้วได้ความว่าไง”ผมถามต่อไปอย่างอยากรู้

    “ก็รู้หมดเลยไงว่าอะไรเป็นอะไร แล้วเราก็โทรไปถามไอ้พี่วิทย์มาด้วย ตอนใกล้ ๆ จะเปิดเทอม (มิน่าล่ะพี่วิทย์หายไปเลยนะ) เลยรู้ความจริงทั้งหมด”บูมอธิบายเป็นฉาก ๆ

    “ในเมื่อรู้แล้ว เราว่าบูมหยุดเถอะ เราไม่อยากให้เรื่องของเรามันต้องไปกระทบความสัมพันธ์ระหว่างบูมกับม๊านะ”ผมพยายามเบือนหน้าหนี เพราะไม่กล้าจะพูดตรง ๆ ต่อหน้าบูม

    “เฮ้อ...... เราจะเล่าอะไรให้ฟัง ... จริง ๆ แล้วม๊าก็ไม่ได้รังเกียจอะไรกับเรื่องแบบนี้มากมายหรอก เพราะม๊าเค้าจบมาจากเมืองนอก

     แต่ที่ม๊าเค้ากังวลก็คงจะเป็นเรื่องสังคมภายนอกที่เค้าจะมองเรากับโยแค่นั้น ก็อย่างที่โยรู้เราเคยเป็นแฟนกับอาร์ทมาก่อนม๊าเราก็รู้

    แต่เราไม่ได้ชอบอาร์ท อาร์ทเป็นฝ่ายมาชอบเราเอง ในเมื่อมันไม่ใช่ เราก็เลยขอเลิก ม๊าเค้าก็ไม่ได้มาสนใจอะไร

   แต่กับโยไม่เหมือนกัน เพราะเราไม่เคยพาใครมาค้างที่บ้านด้วย มีโยคนเดียว พอม๊ารู้เข้า เค้าก็เลยตกใจและคิดว่าเราน่าจะเอาจริง เค้าเลยกลัว ก็แค่นั้นเอง”

    “เราเข้าใจความรู้สึกของม๊าบูมนะ แม่ก็ต้องรักลูกและเป็นห่วงลูกเป็นธรรมดา เพราะอย่างงั้นเราเลยตามใจตัวเองไม่ได้ไง.......”ผมยังคงยืนกรานในความคิดผมเหมือนเดิม

    “นี่ที่เราพูดมา โยไม่เข้าใจเลยใช่ไหม ทำไมดื้อแบบนี้นะ โยรู้ไหมว่า ปิดเทอมคราวนั้นเราไม่ได้ไปฝึกงานหรอกนะ

     วัน ๆ เราเอาแต่เที่ยวเตร่ไปวัน ๆ บ้านก็ไม่ค่อยกลับ จนเรากับม๊าเราทะเลาะกันไม่รู้กี่ครั้ง

     จนวันนึงป้าเล็กทนไม่ไหวเลยพูดเรื่องนี้ขึ้นมา เพื่อแลกกับการที่เราจะไม่ไปเที่ยวทุกคืน เราเลยหยุด”บูมพูดกับผมด้วยสีหน้าที่จริงจัง

    “เรา.......เราขอโทษ เราไม่น่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้บูมกับม๊าต้องทะเลาะกันเลยอ่ะ”ผมพูดด้วยความรู้สึกที่เสียใจจริง ๆ

    “ไม่ได้เป็นเพราะโยหรอก อย่าคิดมาก เอาเป็นว่า ไม่ว่าใครจะมองเรายังไงเราก็ไม่สนใจ ขอแค่มีโยอยู่ข้าง ๆ เราไปตลอดก็พอแล้ว”บูมพูดพร้อม ๆ กับโอบผมเอาไว้

    “...........................................................”ผมรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด ราวกับว่าความรู้สึกผมโหยหาสิ่งนี้มาตลอดหนึ่งปีเต็ม หรือว่านี่จะเป็นสิ่งที่หัวใจผมต้องการ และเป็นสิ่งที่ผมควรจะทำ

    “ได้ไหม ขอแค่มีโยอยู่ข้าง ๆ เราแบบนี้ เราก็มีความสุขแล้ว”บูมกระซิบที่ข้างหูผมพร้อม ๆ กับกระชับอ้อมกอดผมเอาไว้

    จบตอนที่ 2/2 ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามครับ

    *******************************************************
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 21-02-2007 10:53:30
“ได้ไหม ขอแค่มีโยอยู่ข้าง ๆ เราแบบนี้ เราก็มีความสุขแล้ว”

บางทีขอแค่มีเธออยู่ตรงนี้...แม้จะไม่ได้รับรักตอบ...มันก็มีความสุข :impress:

แต่โยต้องรักตอบสิเนอะ...จะได้สมหวัง.... :laugh: :laugh:

หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 21-02-2007 20:12:01
รักแท้แม้เวลามิอาจพราก   :impress3:  :impress3:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: forsaken ที่ 21-02-2007 21:30:34
 :like2: :like2:  โยจายอ่อนสะทีน๊า ๆ 
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 22-02-2007 09:13:07
"ตอนที่ 2/3"
[/b]

    “ได้ไหม ขอแค่มีโยอยู่ข้าง ๆ เราแบบนี้ เราก็มีความสุขแล้ว”บูมกระซิบที่ข้างหูผมพร้อม ๆ กับกระชับอ้อมกอดผมเอาไว้

    “นั่นไงพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว”ผมแกล้งไม่ตอบแต่กลับเปลี่ยนเรื่องพูดแล้วลุกขึ้นไปจะถ่ายรูป

    “เอ้ยจะไปไหน....โยยังไม่ได้ตอบเราเลยนะ อย่าขี้โกงดิ”บูมรั้งผมเอาไว้

    “เดี๋ยวก่อนได้ป่ะเราจะถ่ายรูป เดี๋ยวพลาดโอกาสสำคัญ”ผมพยายามดิ้นให้หลุดจากพันธนาการของชายหนุ่ม

    “ตอบมาก่อนดิเดี๋ยวเราค่อยให้ถ่าย เราถ่ายรูปให้ก็ได้”บูมยังคงรั้งผมไว้แน่นด้วยกำลังแขนทั้งสองข้าง

    “ไม่เอา บูมมาถ่ายรูปกันก่อนเถอะ นะ นะ นะ มาถ่ายรูปกัน”ผมอ้อนเพื่อที่จะได้ถ่ายรูปตอนพระอาทิตย์ขึ้น

    “ไม่ให้ถ่าย เอามานี่เลย เราจะไม่คืนจนกว่าโยจะยอมตอบเราก่อนว่าได้ไหม”บูมแย่งกล้องออกไปจากมือผม

    “อะไรอ่ะ ขี้โกงนิ ส่งมาซะดีๆ อย่าให้มีน้ำโหนะ”ผมทำหน้าดุใส่แต่บูมกลับไม่สนใจ

    “ก็บอกมาก่อนดิว่า ตกลงจะว่ายังไง เรื่องที่เราถามไปน่ะ”บูมเอากล้องของผมไปแอบไว้ที่ด้านหลัง

    “อือ ๆ ๆ.......เอามาได้หรือยังล่ะ เดี๋ยวแสงมันจัดไป แล้วภาพจะไม่สวย”ผมตอบกลับไปพร้อมกับแย่งกล้องกลับมา (แอบอมยิ้มนิด ๆด้วย)

    “จริง ๆ นะ... เราดีใจที่สุดเลยอ่ะ”บูมทำท่าดีใจเหมือนเด็ก ๆ พร้อมกับจับแขนผมแกว่งไปมา

    “พอได้แล้ว เดี๋ยวก็ไม่ได้ถ่ายรูปกันพอดี”ผมดุบูมยิ้ม ๆ

    “เราแทบจะอดใจไม่ไหวแล้ว เมื่อไหร่จะถึงวันกลับบ้านน๊า อยากไปค้างบ้านโยอีกจัง”เฮ้อ...ดูดิครับเพิ่งจะเริ่มดีกันหน่อยเดียวทะลึ่งซะละ

    “นี่.......ไง เอาแต่คิดเรื่องลามก วัน ๆไม่สนใจอย่างอื่นเลย”ผมหันกลับไปบิดเอวบูมที่ตอนนี้กำลังโอบเอวผมอยู่จนร้องออกมาเสียงหลง

    “โอ๊ยยยยยยยย.....ยอมแล้วคร๊าบบบบ ไม่กล้าแล้วครับ”บูมเอาแต่ลูบเอวตัวเองเพราะผมบิดไปแรงเหมือนกัน ก็มันน่าหมั่นไส้ไหมล่ะ

    หลังจากที่ผมและบูมถ่ายรูปได้พอสมควรแล้ว ผมกับบูมก็เดินจูงมือกันเดินเล่นไปตามหาดทรายที่ทอดยาวอยู่เบื้องหน้า

    จนกระทั่งแดดเริ่มจัดหน่อย ผมกับบูมก็แยกย้ายกันไปเข้ากลุ่มของตัวเอง ทันทีที่ผมเปิดประตูเข้าไปในห้อง

    สายตาของเพื่อนทั้งสามคนของผม ก็เอาแต่จับจ้องมาที่ตัวผมตลอดเวลา แถมยังอมยิ้มๆ ซุบซิบ ๆ กันอีก จนผมชักจะอึดอัดทนไม่ไหว

    “มองอะไร ไม่เคยเห็นคนไปดูพระอาทิตย์ขึ้นหรือไง”ผมพูดด้วยความรู้สึกรำคาญที่พวกมันเอาแต่จ้องผม

    “คนไปดูพระอาทิตย์ขึ้นมันก็เห็นบ่อยอ่ะนะ ไม่แปลกหรอก แต่ไอ้คนที่ถ่านไฟเก่ามันคุ กรุ่น ๆ ตอนพระอาทิตย์ขึ้นนี่สิแปลก...

     ไม่ค่อยมีโอกาสได้เห็น ยิ่งเป็นคนปากแข็งด้วยแล้ว ยิ่งไม่เคยเห็นไปใหญ่...ใช่ไหม ....เล่ามาเดี๋ยวนี้เลยด่วน ๆ ๆ”

     ออฟทำเสียงเข้มพร้อม ๆ กับดึงตัวผมให้ลงไปนั่งบนเตียงเพื่อเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งผมก็เล่าให้ฟังแต่ไม่ทั้งหมดเพราะไม่อยากให้คนอื่นรู้สึกไม่ดีกับเรื่องม๊าของบูม........

    หลังจากที่ผมเล่าเรื่องจบ พวกมันก็เอาแต่แซวผมอยู่นั่นแหละ ทีแรกผมก็ไม่ได้รู้สึกเขินอะไรมากมายนักหรอกครับ

    จนผมต้องมาเขินก็เพราะคำแซวของพวกมันนี่แหละ หึ ไม่ตาเราบ้างก็แล้วไป.....จนกระทั่งมีเสียงเคาะประตูดังขึ้นขัดจังหวะพอดี

    “เรามาชวนไปทานข้าวเช้าน่ะ” บูมพูดชวนยิ้ม ๆ หลังจากที่ไอ้โบไปเปิดประตูให้

    “ฮิ้ววววววววววววว.....”เสียงวี๊ดวิ๊วจากเพื่อน ๆ ผมเล่นเอาผมกับบูมอายเลย จะไม่อายได้ไง บูมหน้าแดงเลยอ่ะ ไอ้เพื่อน..........

    “เดี๋ยวพวกเราจะตามไปนะ แต่เอ...ไม่เอาดีกว่า บูมมานั่งรอเป็นเพื่อนไอ้โยมันข้างในดีกว่า พวกเราอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว เหลือโยคนเดียว”

    ไอ้โบตัวดีรีบดึงบูมเข้ามาข้างใน ส่วนไอ้พวกที่เหลือรู้งานจริงนะ รีบเดินออกไปรอข้างนอก

    “อย่าลืมไปส่งโยที่โต๊ะด้วยนะ ถ้าไปไม่ไหว ลุกไม่ขึ้น ก็โทรไปเรียกพวกเราได้นะ 555” เฮ้ย ๆ ๆ นี่ไอ้โบมากไปมั้ง นี่มันเช้า ๆ นะโว๊ยยยยยยย อย่าชี้โพรง.....

    “...........................”บูมได้แต่ยิ้ม อาย ๆ

    “พอเลย ๆ จะไปไหนก็ไปปะ”ผมไล่ไอ้พวกเพื่อน ๆ ตัวดีผมออกไป “เดี๋ยวเราอาบน้ำแป๊ปนึงนะ”ผมหันกลับมาพูดกับบูมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนมาก ๆ

    “ออฟเดี๋ยวเราอาบน้ำแป๊ปนึงนะ โธ่...ทีกะเพื่อนกะฝูงพูดอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ แต่พอพูดกับแฟนตัวเองทำเป็นเสียงอ่อนเสียงหวาน จะอ้วก”ไอ้โบแซว

    “จะออกไปดี ๆ หรือจะออกไปแบบมีน้ำตาไอ้โบ”ผมทำตาดุใส่ไอ้โบ แต่ดูเหมือนมันจะไม่กลัวผมเลยนะ เอาแต่หัวเราะแล้วเดินออกไป

    จากนั้นผมก็ขอตัวไปอาบน้ำ ส่วนบูมก็นั่งรอผมบนเตียง ขณะที่ผมกำลังอาบน้ำอยู่ สักพักนึงก็มีเสียงเคาะประตูห้องน้ำ ทีแรกผมก็ไม่ได้สนใจอะไร

    แต่ก็กลับมีเสียงเคาะประตูอีกรอบให้ผมเปิดประตู พอตะโกนถามก็ไม่มีใครตอบ ซึ่งที่นี้ผมรู้แล้วว่าเป็นแผนของบูม เพราะเคยโดนมาแล้วเลยไม่ยอมเปิดประตูให้

    จนกระทั่งอาบน้ำเสร็จผมก็เดินออกมา ซึ่งก็เห็นใครบางคนนั่งหน้างออยู่บริเวณหน้าห้องน้ำ

    “เป็นอะไรไปอีกอ่ะ หิวข้าวหรอ เราก็ว่าเราอาบน้ำไม่นานนิ”ผมแกล้งแหย่บูมเล่น ๆ ยิ้ม ๆ

    “เออ จำไว้เลย.....หึ อย่าเผลอแล้วกัน จะเล่นให้ร้องไม่ออกเลย”บูมพูดงอน ๆ

    “555…….เชื่อก็กลัวดิ”ผมยั่วกลับไป

    “จำไว้เลยนะ รอให้กลับถึงบ้านก่อน เดี๋ยวเจอดีแน่”

    “เชื่อก็กลัวอ่ะดิ 555 ไปกันเหอะ บูมไปกินข้าวกันได้แล้ว เพื่อน ๆ รออยู่”ผมดึงตัวให้บูมลุกขึ้น ซึ่งบูมก็รีบลุกขึ้นมาแอบหอมแก้มผมทีนึง แล้วรีบเดินนำหน้าผมไป ผมได้แต่ส่ายหน้ายิ้ม ๆ

    จบตอนที่ 2/3 แล้วครับ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามครับ

    **********************************************************************
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 22-02-2007 09:57:32
มาตามอ่านด้วยคนครับ

ต่อจากคราวก่อนหรอ

งั้นก็ต้องสนุกอีกแล้วอะจิ  เย้ดีใจจัง

 :like2:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 22-02-2007 10:27:55
น่ารักจังเลย.....กลับมาคืนดีกันแล้วด้วย.... :angellaugh2: :angellaugh2:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 22-02-2007 17:54:36
หุหุ กลับมาหวานกันอีกรอบแล้ว  :like6: ชอบจัง  :yeb:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: tsuyu ที่ 22-02-2007 18:12:38
หุหุหุ ดีจัง กลับมาดีกันเหมือนเดิมแล้ว  :impress2:

รอลุ้นกันต่อไป :yeb:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 22-02-2007 20:39:14
ตามมาลุ้นต่อ :yeb:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 23-02-2007 10:52:43
"ตอนที่ 2/4"

    อาหารเช้ามื้อนี้เป็นมื้อที่ผมกินอิ่มและมีความสุขในรอบหนึ่งปีที่ผ่านมา กลุ่มเพื่อน ๆ ของผม กับกลุ่มเพื่อน ๆ ของบูมคุยกันได้ถูกคอมาก ๆ

   ทั้ง ๆ ที่ปกติเพื่อน ๆ ของผมไม่ค่อยได้พูดคุยกับเพื่อน ๆ ในกลุ่มของบูมเท่าไหร่เลย แต่วันนี้กลับดูเหมือนว่าพวกเราสนิทสนมกันมานานมากๆแล้ว

   ผมกับบูมต่างก็แอบสบตาและจับมือกันตลอด แต่ก็ไม่ได้เปิดเผยอะไรมากมายเพราะเพื่อน ๆ ในกลุ่มของบูมยังไม่รู้เรื่องที่ผมกับบูมคบกัน

  ช่วงเวลาที่อยู่ที่อ่าวไผ่เป็นเวลาที่ผมกับบูมมีความสุขกันมาก ทั้งเล่นน้ำ เดินผจญภัยลัดเลาะไปตามหาดต่าง ๆ ซึ่งส่วนใหญ่เราจะไปกันเป็นกลุ่ม

   จะมีบางครั้งเท่านั้นที่แอบหนีไปเที่ยวกันสองต่อสอง เช่น การไปเดินริมหาดในตอนเช้า ๆ กันสองคน มีแอบไปเล่นน้ำกันบ้าง แต่ก็จะไม่นานนักเพราะเดี๋ยวจะมีคนสงสัย จนกระทั่งได้เวลาเดินทางกลับบ้าน


    หลังจากที่พวกเรากลับมาถึงฝั่งแล้ว บูมกับผมก็ขอตัวแยกออกมาจากกลุ่มเพื่อนๆ โดยบูมให้เหตุผลว่า บ้านผมและบ้านของบูมอยู่ไม่ไกลกันนัก ซึ่งมันเป็นทางผ่านที่จะไปบ้านบูมพอดี

   เค้าเลยจะพาผมไปส่งจะได้ไม่เสียเวลาวกรถไปมา ซึ่งพวกเพื่อน ๆ ผมก็เข้าใจ แต่ก็มีมาแอบแซวเล็ก ๆ ว่า ได้แฟนแล้วทิ้งเพื่อนอะไรประมาณนั้น แต่พวกมันก็ไม่ได้ว่าอะไร

    ผมกับบูมนั่งคุยกันมาตลอดทางขากลับจากระยอง จนกระทั้งเรามาใกล้จะเข้าเขตกรุงเทพแล้ว ผมก็พูดในสิ่งที่ผมเป็นกังวลมาตลอดขึ้นมา

    “บูมว่า....เราจะทำยังไงกันดี ถ้าเกิดม๊าบูมรู้เรื่องของพวกเราเข้า เราว่าเรื่องมันคงจะไม่จบง่าย ๆหรอกนะ”ผมพูดด้วยสีหน้ากังวล แต่บูมเองกลับไม่ได้ใส่ใจอะไร

    “รู้ก็รู้ดิ ไม่เห็นจะต้องปิดเลย ถ้าม๊าเราไม่ยอมนะ เราย้ายไปอยู่บ้านโยก็ได้ จริงป่ะ ว่าแต่ว่า แม่ของโยจะยินดีที่จะรับเราเป็นลูกเขยอ๊ะป่าว”บูมหันมาพูดด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์ แบบไม่สะทกสะท้านกับปัญหาที่จะตามมา

    “บูมอ่ะ พูดเล่นอยู่เรื่อย เราซีเรียสนะ...เอาจริง ๆ ดิ”ผมค้านขึ้นด้วยความกังวล

    “อ่ะจริง ๆ ก็ได้คร๊าบบบ....เอาเป็นว่าเราจะไปคุยกับม๊าของเราเอง ส่วนโยก็ไม่ต้องทำอะไร ปล่อยให้เป็นหน้าที่เราเอง สบายมาก”บูมพูดด้วยสีหน้ามั่นใจ

    “เออ แล้วถ้าเกิดอาร์ทไปพูดอะไรอีกล่ะ เราจะทำยังไงดี”ผมเริ่มวิตกจริตเพิ่มขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้ว่า เรื่องที่ผมกับบูมคบกัน อาร์ทนั่นแหละที่เป็นคนคาบข่าวไปบอก

    “โยก็จัดการไปเลยสิ เราว่าโยร้ายกว่าเราอีกนะ คนนี้เรายกให้ เราไม่อยากไปยุ่งด้วยหรอก”บูมแกล้งแซวยิ้ม ๆ

    “ไม่อยากยุ่งหรือว่าตัดใจไม่ได้มากกว่ามั้ง...ถ่านไฟเก่าท่าทางจะยังไม่มอดอ่ะดิ”ผมแซวกลับไปบ้าง

    “หึงหรอ....”บูมหันหน้ามาทำท่าล้อเลียนผม

    “ใครหึง....ขับรถดี ๆ เถอะ เรายังไม่แต่งงานเลยนะ ยังไม่อยากตาย”ผมเตือนชายหนุ่ม เพราะเค้าชอบหันหน้ามาคุยกับผมเวลาขับรถ แถมยังชอบขับรถเร็วอีก

    “ใครบอกว่าเราจะแต่งด้วยล่ะ”บูมยังแซวผมไม่เลิก

    “แล้วบูมกับเราแต่งงานกันได้ซะที่ไหนเล่า เอ้ออออ”ผมส่ายหน้าช้า ๆ บูมได้แต่ยิ้ม ๆ

    “งั้นเอาเป็นว่าพวกเราแบ่งกันจัดการกับเรื่องนี้นะ เราจะพูดกับม๊าเราเอง ส่วนโยก็โน่นอาร์ทนู่นเลย”บูมพูดสรุป

    “แล้วเราจะไปจัดการอะไรกับเค้าได้ล่ะ เค้ามายุ่งกับบูมอีกหรอไง”ผมถามด้วยความสงสัยเพราะตลอดเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมาผมแทบจะไม่ได้รับรู้ข่าวคราวอะไรของบูมเลย

    มีบ้างนิดหน่อยเท่านั้นที่ได้ยินมาจากคนอื่น แต่ก็ไม่ได้ลึกซึ้งมากมาย

    “ก็มาเรื่อย ๆ นะ แต่เราไม่สนใจหรอก เราก็เลยเลี่ยง ๆ ไป ส่วนใหญ่จะให้แพทช่วยมากกว่า บางทีก็จะให้แพทมากันให้หรือไม่ก็แกล้งบอกว่ามีนัดกับแพทบ้าง” บูมพูดยิ้ม ๆ

    “แพทนี่ก็ดีเนอะ คอยช่วยเหลือบูมตลอดเลย” ผมรู้สึกดีเมื่อนึกถึงสิ่งที่หญิงสาวได้ช่วยเหลือพวกผมเอาไว้ในหลาย ๆ เรื่อง

    “ก็ใช่อ่ะดิ เราต้องขอบใจแพทนะเนี่ย ถ้าไม่ได้แพทกับเพื่อน ๆ ของโย เราก็ไม่มีทางได้โยคืนมาหรอก” บูมทำท่าตกใจที่หลุดปากพูดเรื่องสำคัญออกมา

    “ว่าไงนะ แพทเกี่ยวอะไรว่าใหม่ดิ๊ แถมยังมีพวกเพื่อน ๆ เราด้วย พวกเค้าไปเกี่ยวอะไร” ผมถามย้ำอีกครั้ง

    “เปล่าไม่มีอะไร” บูมแกล้งเฉไฉ แต่ก็ไม่ทันแล้วเพราะผมได้ยินชัดเจน

    “ไม่จริงหรอกบอกมาเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นโดน” ผมหรี่ตามองบูมอย่างเยือกเย็น

    “คร๊าบ ๆ ๆ กลัวแล้วครับ แต่ถ้าบอกแล้วโยสัญญานะว่าจะไม่ว่าอะไรเราอ่ะ”

    “อืมมม....ก็ได้ ว่ามาเลย” ผมพยักหน้ารับ

    “ก็แพทเค้าช่วยเราสืบเรื่องที่โยจะมาพักผ่อนกับพวกเพื่อน ๆ หลังสอบเสร็จให้เราอ่ะ แล้วทีนี้พอเค้ารู้เรื่องก็ไปขอความร่วมมือกับโบ รวมไปถึงช่วยคิดแผนการณ์กับพวกเพื่อน ๆ โยให้ด้วย

    ไม่อย่างงั้นเราไม่มีทางไปเจอกับโยที่อ่าวไผ่หรอก แล้วโบยังบอกอีกว่าโยชอบไปถ่ายรูปตอนก่อนพระอาทิตย์ขึ้นทุกครั้งถ้าไปทะเล เราเลยตามไปเจอถูกไง พวกนี้โบเป็นคนบอกทั้งนั้นแหละ”

    บูมอธิบายแผนการทั้งหมดให้ผมฟัง

    “หึ หึ หึ ดีนะ รวมหัวกันวางแผนมาหลอกเรา”ผมหัวเราะอย่างน่ากลัว

    “ก็โยอ่ะ ชอบเอาแต่คิดถึงใจคนอื่นอยู่นั่นแหละ ไม่คิดถึงความรู้สึกของเราบ้างเลย เราเลยต้องขอให้คนอื่นช่วย แต่ก็ถือว่าคุ้มนะเพราะเราก็ได้โยกลับมา” บูมพูดด้วยน้ำเสียงน้อยใจนิด ๆ

    “หึ หึ หึ อยากไปอ่าวไผ่หรือ ไอ้โบ.....แก ต้องไปนอนที่แคร่ไม้ไผ่แน่ ๆ....ไอ้ออฟ....ไอ้กาย......มิน่าทำไมถึงอยากไปนักอ่าวไผ่ทั้ง ๆ ที่ไปกันมาตั้งหลายรอบ เดี๋ยวเหอะเจอดีแน่”

    “โยจะไปทำอะไรพวกเค้าอ่ะ พวกเค้าอุตส่าห์ช่วยเราให้กลับมาคืนดีกันนะ” บูมพูดเพื่อเตือนสติผม แต่ก็เห็นจะไม่ได้ผล

    “ดีกันหรอ จอด ๆ ๆ ๆ จอดรถตรงนี้แป๊ปนึง” ผมชี้ไปที่ข้างทางเพื่อให้บูมจอดรถ

    “ให้เราจอดรถทำไมอ่ะ” บูมขับรถเข้ามาจอดรถที่ข้างทางแล้วหันกลับมาถามผม

    “.......โอ๊ย โอ๊ย โอ๊ยยยย ไม่กล้าแล้วครับ วันหลังไม่กล้าหลอกแล้วครับ ยอมแล้ว ยอมแล้ว” บูมร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดเพราะผมบิดเอวบูมอย่างแรงด้วยความหมั่นไส้

    “ดี ครั้งนี้จะยกโทษให้ แต่ถ้ามีครั้งหน้าละน่าดู ไปขับรถต่อไปได้แล้ว” ผมสั่งให้บูมขับรถต่อไป หลังจากที่ผมได้ระบายอารมณ์ไปนิดๆหน่อยๆแล้ว อิอิ

    จริง ๆ แล้วผมก็ไม่ได้โกรธอะไรมากมายนักหรอก แต่ไม่ชอบที่พวกเค้ารวมหัวกันเท่านั้นเอง

    “อูยยย เจ็บนะ ถ้าเอวหลุดไปจะทำยังไงเนี่ย ไม่กลัวเป็นหม้ายหรอ”บูมทำตัวงอเอามือลูบเอวด้วยความเจ็บปวด แต่ผมก็ทำเป็นไม่สนใจอยากร่วมมือกันดีนัก

    “ไปได้แล้ว บิดหน่อยเดียวเอง จะเอาอีกไหม”ผมทำท่าจะบิดเอวบูมอีก

    “ครับ ๆ ๆ ขับแล้วครับ คุณชาย” บูมรีบเข้าเกียร์แล้วออกรถไปด้วยความรวดเร็ว

    “ดี วันหลังจะได้ไม่กล้า” ผมยิ้มอย่างพอใจ

    “คิดถูกคิดผิดวะเนี่ยกูที่กลับมาคืนดีกับคนซาดิสต์ ๆ แบบนี้” บูมบ่นเบา ๆ

    “อะไรนะ ใครซาดิสต์พูดใหม่ดิ๊” จริง ๆ แล้วผมก็ได้ยินนะ แต่ก็ไม่ว่าอะไร เพราะสงสารบูมเหมือนกันแหละ บิดแรงไปนิด

    “เปล่า ๆ ๆ ไม่มีอะไรครับ ไม่มีอะไร” บูมลนลานรีบออกรถ จนผมอดที่จะหวาดหวั่นไม่ได้ ก็พี่ท่านปกติก็ขับรถเร็วอยู่แล้ว นี่ขับรถเร็วกว่าเก่าแถมยังมองผมไปมองผมมาอีกอ่ะ ไม่แกล้งแล้วดีกว่า

    หลังจากที่ผมได้ล้างแค้นบูมสมใจแล้ว ก็ต้องหันไปจัดการเจ้าพวกเพื่อน ๆ ตัวดีของผม ด้วยการส่ง message ไปให้ไอ้ตัวการ (โบ)

    “เรารู้เรื่องทั้งหมดแล้ว จำเลยยอมรับสารภาพหมดเลย ระวังความลับจะถูกเปิดบ้างนะ ดูแลตัวเองให้ดีๆนะ ไอ้โบ........”

    จากนั้นผมก็แอบหัวเราะคิ๊กคัก จนบูมอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมผมต้องดีใจขนาดนั้น กะแค่ส่ง message

    ผมเลยเฉลยให้ฟังว่า ผมกำความลับของไอ้โบเอาไว้มากมาย ป่านนี้มันคงจะกระวนกระวายใจน่าดู เล่นกะใครไม่เล่น อิอิ เพราะถ้าเกิดผมต่อสายไปหาแฟนมันนิดเดียว

    ชะตากรรมสยองในรูปแบบเดิมๆที่มันเคยได้รับจะกลับมาทันที นั่นไงมันโทรมาแล้ว รับสายหน่อยดีกว่า

    “โย เราขอโทษ ยกโทษให้เราเถอะนะ เราอุตส่าห์ช่วยให้บูมกับโยคืนดีกันนะ”ไอ้โบส่งเสียงอ้อนมาเลย

    “อย่าไปเชื่อมัน ๆ วู้ ๆ ๆ”ออฟกับกายส่งเสียงอยู่ใกล้ ๆ จนไอ้โบหันกลับไปตวาด “นี่พวกแกไม่ช่วยก็เงียบ ๆ ได้ป่ะ”

    “หึ หึ หึ....ก่อนจะทำก็ไม่คิด ช่วยไม่ได้ เราโทรไปแล้ว ระวังตัวเองให้ดี ๆ เหอะ”ผมแกล้งอำมันครับ และก็ได้ผลจริง ๆ ด้วย

    “ไอ้โย ไอ้เพื่อนเลว @#$(*&^%^%$%%$” มาเป็นชุดเลยครับ แต่ผมไม่ฟังมันหรอก เอาแต่หัวเราะ จนบูมหันมาปราม

    “เออ ๆ ๆ ยังไม่โทรไปบอกหรอกน่า.......หรือว่าจะให้ต่อสายเลยไหม”ผมพูดหัวเราะ ๆ

    “อย่าเลยครับ ยอมแล้วครับ คุณโยจะเอาอะไรครับเดี๋ยวกระผมจะจัดการให้ทุกอย่างเลยครับ นะครับ นะ” ดูมันดิ เปลี่ยนโทนโคตรเร็วเลย

    “เออ ๆ ๆ ไม่เอาอะไรแล้ว แค่นี้แหละ”ผมหัวเราะแล้วก็วางสายไป

    “แกล้งคนพอหรือยังเนี่ย พวกเรายังคงมีคดีความค้างเก่ากันอยู่นะ เราก็เพิ่งจะนึกขึ้นได้” เอาละสิ คดีเรื่องอะไรอีกละเนี่ย ผมหันไปจ้องบูมอย่างสงสัย

    “คดีอะไรอีกอ่ะ”ผมถามอย่าง งง ๆ

    “ก็เรื่องไอ้พี่วิทย์นะสิ ทีนี้ตาเราเอาคืนบ้างนะ....ไหนบอกว่าเป็นแฟนกันไง จำเลยก็รับสารภาพมาหมดแล้วเหมือนกัน...

    แต่ตอนนี้เรื่องนี้พักไว้ก่อน รอให้ถึงบ้านก่อน คืนนี้ค่อยชำระคดีกัน โดนแน่ๆ ห้ามบ่น ห้ามปฏิเสธ ไม่งั้นโดนอย่างหนัก”บูมทำเสียงเข้มจนผมเริ่มหวั่น

    “งั้นบูมส่งเราแค่นี้แหละนะ เดี๋ยวเรากลับเองได้ พอดีเรานึกขึ้นได้ว่ามีธุระที่ต้องไปทำก่อนกลับบ้านอ่ะ” ผมรีบหาทางหลบหนี

    “ไม่ได้ อย่ามาโมเมซะให้ยากเลย ไปด้วยกันนี่แหละ.....เดี๋ยวก็รู้ หึ หึ หึ”บูมเร่งความเร็วรถเพิ่มขึ้นจนผมเริ่มกลัว ก็พี่ท่านเหยียบซะมิดเลย อะไรกันเรื่องแค่นี้เอง แล้วพี่วิทย์ไปสารภาพทำไมนะ ผมได้แต่นึกในใจ....

    “งั้นเราขอโทษก็ได้นะ นะ หายโกรธเราหรือยังอ่ะ นะ นะ” ผมแกล้งทำเป็นใจดีสู้เสือ แล้วเอื้อมมือไปดึงแขนบูมเพื่ออ้อนขอความเห็นใจ

    “ไม่ยกโทษให้ จนกว่า........”บูมพูดแค่นั้น

    “จนกว่าอะไร......”ผมถามย้ำอีกครั้ง แต่บูมก็ไม่ตอบได้แต่นิ่งเงียบไปตลอดทาง

    ผมนั่งอึดอัดอยู่บนรถ จนกระทั่งรถเลี้ยวเข้าไปในบ้านผม วันนี้แม่กับพ่อของผมไม่อยู่บ้านซะด้วยเพราะต้องไปทำธุระที่เชียงใหม่ แล้วจะเลยไปเยี่ยมคุณลุงกับคุณป้าของผมด้วย

    วันนี้ผมเลยต้องแปรสภาพมาเป็น จำเลย โดยปริยาย แบบไม่มีใครมาเป็นตัวช่วยเลยอ่ะ

    “มานี่เลย....เราต้องมาสะสางคดีกัน.”บูมลากผมขึ้นไปบนห้อง

    “สะสางอะไรอีกล่ะ เราขอโทษแล้วนะ เบา ๆ หน่อย ดิ”ผมบ่นไปตลอดทาง

    สุดท้ายไม่ต้องบอกนะครับ ว่าวันนี้จะจบลงตรงไหน ต้องเดากันเอาเองแล้วกัน........อิอิ


    จบตอนที่ 2/4 ดีกว่าครับ ช่วงนี้ยังคงเป็นเรื่องเบา ๆ ก่อนนะครับ เพราะปัญหาต่าง ๆ มันยังมาไม่ถึงแต่ก็ใกล้จะเข้ามาเต็มทีแล้ว ขอบคุณนะครับที่ติดตาม

    ************************************************************
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 23-02-2007 14:11:44
เอาคืนกันด้วยวิธีนี้หรอเนี่ย........... :haun4: :haun4:

.............จาได้เอาไปใช้บ้าง....... :laugh5: :laugh5:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 24-02-2007 02:09:48
เป็นวิธีการเอาคืนที่ .....  :pighaun: :pighaun:

 :pandalaugh: :pandalaugh:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 24-02-2007 02:38:20
ฮ่าๆๆๆ เผื่อด้วยนะ :haun4: :haun4: :laugh5:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 25-02-2007 23:33:26
 :laugh5:  :laugh5:  :laugh5:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 26-02-2007 15:53:30
"ตอนที่ 3/1"
[/b]
    ผมตื่นขึ้นมาในตอนเช้าในขณะที่บูมยังคงนอนอยู่ข้าง ๆ เพราะตั้งใจจะโทรไปขอบคุณแพทสักหน่อย ที่อุตส่าห์ช่วยเหลือผมให้ปรับความเข้าใจกับบูมไว้ตั้งหลายครั้งแล้ว

    “แพทหรอ เราขอบใจมากเลยนะที่อุตส่าห์ช่วยเรา”ผมกล่าวขอบคุณหลังจากปลายสายรับแล้ว

    “ขอบใจเรา โยมาขอบใจเราเรื่องอะไรหรอ”แพทแกล้งถามหยั่งเชิงทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แล้ว (ผมคิดเอานะ)

    “เอาเป็นว่าเราขอบใจแล้วกันนะ ขอบใจในทุกๆเรื่องเลย” ผมเลยแกล้งพูดให้กำกวมเข้าไว้

    “ไม่เป็นไร เราเป็นเพื่อนกันก็ต้องช่วยกันสิ แล้วบูมล่ะเป็นไง” เห็นไหมแพทพลาดจนได้

    “บูม......บูมทำไมหรอ มีอะไรหรือเปล่า เราไม่ได้เจอเค้ามาตั้งนานแล้วนะ ก็อย่างที่แพทรู้อยู่ มีอะไรหรือเปล่า เราตั้งใจจะมาขอบใจเรื่องที่แพทให้เรายืมเลคเชอร์ตอนก่อนสอบน่ะ”

     นั่น...ผมได้ทีแกล้งอำแพทกลับไป

    “อ้าวหรอ....เปล่า ๆ ๆ ไม่มีอะไร แล้วโยไปเที่ยวมาสนุกไหม”แพทรีบกลบเกลื่อน

    “อืมม...ก็ดีนะ เขาใหญ่บรรยากาศดีมาก ๆ เลย” ผมแอบขำที่ยังคงอำแพทต่อไป แต่ไม่ให้แพทรู้

    “อ้าว โยไม่ได้ไป อ่าวไผ่หรอกเหรอ”แพทร้องด้วยความตกใจ

    “เปล่า ไม่ได้ไป....ทำไมหรอ พอดีเราเกิดไม่อยากไปเที่ยวทะเล เลยลากพวกเพื่อน ๆ เราไป camping ที่เขาใหญ่น่ะ” ผมยังคงอำต่อไป

     (ตอนนี้น้ำตาผมเริ่มจะไหลบแล้วครับ ก็มันอดหัวเราะไม่ได้ แต่ยังไงก็ต้องฟอร์มไว้ก่อนเดี๋ยวหลุด)

    “ตายแล้ว.........”แพทร้องด้วยความตกใจ

    “เป็นอะไรหรอ......มีอะไรหรือเปล่า แพท” ผมแกล้งถามทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แล้ว

    “เปล่า ๆ ๆ แล้ว ไม่มีอะไรหรอกจ๊ะ” แพทปฎิเสธ

    “555 เราแกล้งอำแพทเล่นน่ะ ตอนนี้เรากลับมาคบกับบูมเหมือนเดิมแล้ว ขอบใจมาก ๆ เลยนะ เราแค่อำแพทเล่นน่ะ”ผมเฉลยให้แพทฟังก่อนที่แพทจะหัวใจวายซะก่อน

    “โหหห....อำกันได้ โยอ่ะใจร้าย เราก็นึกว่าแผนที่เราอุตส่าห์วางไว้ เสียไปหมดแล้วนะเนี่ย เฮ้อออ...โล่งอก”แพทพูดอย่างโล่งใจ

    “555 ก็อยากรวมหัวกันวางแผนก่อนดีนัก เราเลยแกล้งอำกลับไง”ผมหัวเราะชอบใจ

    “อ้าว.....ถ้าไม่ทำอย่างงั้น โยก็ไม่ยอมไปเจอกับบูมที่นั่นน่ะสิ เห็นเป็นนินจา ผลุบ ๆ โผล่อยู่นั้นแหละ มหาวิทยาลัยก็ไม่ค่อยไป

    เวลาเราเห็นบูมเอาแต่มองหาโยแล้วเราก็รู้สึกอดสงสารไม่ได้ เลยพยายามหาทางช่วย” แพทพูดเสียงเศร้า

    “แหะ แหะ แหะ ยังไงก็ขอบใจนะแพท” ผมหัวเราะอย่างสำนึกผิดนิด ๆ

    “จ๊ะ แล้วบูมล่ะ ตอนนี้อยู่ไหน” แพทถามเสียงใส

    “นี่ไง นอนอุตุ อยู่ข้าง ๆเนี่ย ขี้เกียจมาก ๆเลย” ผมพูดพร้อมกับชำเลืองมองชายหนุ่มขี้เซาข้าง ๆ

    “555 จ๊ะ ถ้าอย่างนั้นเราไม่กวนแล้วนะ แล้วค่อยคุยกันนะ” หญิงสาวหัวเราะและวางสายไป

    “ได้ครับ ขอบใจนะแพท”

    หลังจากที่ผมวางสายจากแพทเรียบร้อยแล้ว ผมก็หันกลับไปดูสภาพชายหนุ่มที่นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงแล้วได้แต่ส่ายหน้าช้า ๆ พลางเอื้อมมือไปสะกิดเบา ๆ

    “นี่บูม จะสายแล้วนะ ตื่นได้แล้ว เราหิวแล้วอ่ะ”ผมสะกิดชายหนุ่ม

    “..................................”( ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก)

    “บูมตื่นได้หรือยัง เราหิวแล้วนะ ไปอาบน้ำกัน จะได้ไปหาอะไรกินกันข้างนอก” ผมเริ่มสะกิดแรงขึ้น

    “................................” ( ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก)

    “งั้นก็ได้ไม่ตื่นใช่ไหม..............นี่” มุขเดิม...ผมจัดการบิดเอวบูมแรง ๆ จนชายหนุ่มสะดุ้งตื่นขึ้นมา

    “โอ๊ยยยยยยย......คราวนี้เล่นแรงเลยนะ ซาดิสต์หรือเปล่าเนี่ยโยอ่ะ” บูมบ่นเบา ๆ

    “ใครกันแน่ที่ซาดิสต์ เราเรียกบูมตั้งหลายครั้งแล้วนะ บูมก็ยังไม่ยอมตื่นนิ” ผมพูดพร้อมกับลุกขึ้นจากเตียง

    “ก็คนมันเพลียอ่ะ จะรีบตื่นไปไหนตั้งแต่เช้า มา.....โยมานอนนี่ด้วยกันนะ นะ นะ นะ” บูมเอื้อมมือมาจะฉุดผมลงไปนอนด้วย

    “ไม่เอา เราหิวแล้วอ่ะ ไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้เลย” ผมพยายามฝืนเอาไว้

    “ไม่เอา..อีกแป๊ปนึงได้ไหม..เราขอนอนอีกแป๊ปนึงนะ” บูมอ้อน

    “ไม่ได้.........ตามใจแล้วกัน งั้นเราไปอาบคนเดียวก็ได้” ผมแกล้งพูดแล้วเดินออกไป แบบไม่สนใจ

    “หา....อะไรนะ......มาแล้วครับ มาแล้ว รอด้วย ๆ ๆ” บูมรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งตามผมมา


    หลังจากที่พวกเราอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมกับบูมก็ออกไปข้างนอกเพื่อหาอะไรกินกันสองคนและจบลงด้วยการไปดูหนังที่เมเจอร์เอกมัยจนกระทั่งถึงเวลาเย็น

    บูมกับผมก็แยกย้ายกันกลับบ้านเพราะผมมีนัดกับเพื่อน ๆ ผมต่อโดยที่บูมเดินไปส่งที่รถไฟฟ้า

    ทีแรกบูมก็จะไปส่งแต่ผมไม่อยากให้เค้าย้อมไปย้อนมา อีกอย่างเค้ายังไม่ได้กลับบ้านเลย ผมเลยให้เค้ากลับไปเลย......

    ผมเดินไปขึ้นรถไฟฟ้าจากเอกมัยไปได้สักระยะก็สังเกตุเห็น ชายหนุ่มท่าทางคุ้น ๆ คนนึงเดินขึ้นมาจากสถานีรถไฟฟ้าพร้อมพงษ์ ทันทีที่ชายหนุ่มเห็นผมนั่งอยู่ก็รีบเดินตรงเข้ามา

    “อ้าวโย มาได้ยังไงเนี่ย”ชายหนุ่มเอ่ยถาม

    “เราไปดูหนังที่เมเจอร์มา แล้วปอนด์ล่ะ ไปทำอะไรมา ทำไมวันนี้ปอนด์สีหน้าไม่ดีเลย”ผมเอ่ยทักหลังจากสังเกตุเห็นสีหน้าชายหนุ่มตรงหน้า

    “โยว่างไหม เราขอเวลาหน่อยได้ป่ะ เรามีเรื่องอยากจะคุยด้วย ได้ไหมครับ”ปอนด์พูดด้วยน้ำเสียงและสายตาที่วิงวอน จนผมอดที่จะสงสารชายหนุ่มไม่ได้.........

    จบตอนที่ 3/1 ขอบคุณที่ท่านที่ติดตามนะครับ

    *******************************************************
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 26-02-2007 16:03:40
ปอนด์จะมาไม้ไหนอ่ะ :confuse:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 26-02-2007 17:27:40
จามาบอกรักโยหรอ....  :laugh5: :laugh5:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 26-02-2007 18:24:06
เหอเหอ สงสัยปอนด์อาจจะเห็นบูมกับโยม้าง เลยเศร้า  :sad4:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 27-02-2007 10:50:23
"ตอนที่ 3/1"
    ผมตื่นขึ้นมาในตอนเช้าในขณะที่บูมยังคงนอนอยู่ข้าง ๆ เพราะตั้งใจจะโทรไปขอบคุณแพทสักหน่อย ที่อุตส่าห์ช่วยเหลือผมให้ปรับความเข้าใจกับบูมไว้ตั้งหลายครั้งแล้ว

    “แพทหรอ เราขอบใจมากเลยนะที่อุตส่าห์ช่วยเรา”ผมกล่าวขอบคุณหลังจากปลายสายรับแล้ว

    “ขอบใจเรา โยมาขอบใจเราเรื่องอะไรหรอ”แพทแกล้งถามหยั่งเชิงทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แล้ว (ผมคิดเอานะ)

    “เอาเป็นว่าเราขอบใจแล้วกันนะ ขอบใจในทุกๆเรื่องเลย” ผมเลยแกล้งพูดให้กำกวมเข้าไว้

    “ไม่เป็นไร เราเป็นเพื่อนกันก็ต้องช่วยกันสิ แล้วบูมล่ะเป็นไง” เห็นไหมแพทพลาดจนได้

    “บูม......บูมทำไมหรอ มีอะไรหรือเปล่า เราไม่ได้เจอเค้ามาตั้งนานแล้วนะ ก็อย่างที่แพทรู้อยู่ มีอะไรหรือเปล่า เราตั้งใจจะมาขอบใจเรื่องที่แพทให้เรายืมเลคเชอร์ตอนก่อนสอบน่ะ”

    นั่น...ผมได้ทีแกล้งอำแพทกลับไป

    “อ้าวหรอ....เปล่า ๆ ๆ ไม่มีอะไร แล้วโยไปเที่ยวมาสนุกไหม”แพทรีบกลบเกลื่อน

    “อืมม...ก็ดีนะ เขาใหญ่บรรยากาศดีมาก ๆ เลย” ผมแอบขำที่ยังคงอำแพทต่อไป แต่ไม่ให้แพทรู้

    “อ้าว โยไม่ได้ไป อ่าวไผ่หรอกเหรอ”แพทร้องด้วยความตกใจ

    “เปล่า ไม่ได้ไป....ทำไมหรอ พอดีเราเกิดไม่อยากไปเที่ยวทะเล เลยลากพวกเพื่อน ๆ เราไป camping ที่เขาใหญ่น่ะ” ผมยังคงอำต่อไป

    (ตอนนี้น้ำตาผมเริ่มจะไหลบแล้วครับ ก็มันอดหัวเราะไม่ได้ แต่ยังไงก็ต้องฟอร์มไว้ก่อนเดี๋ยวหลุด)

    “ตายแล้ว.........”แพทร้องด้วยความตกใจ

    “เป็นอะไรหรอ......มีอะไรหรือเปล่า แพท” ผมแกล้งถามทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แล้ว

    “เปล่า ๆ ๆ แล้ว ไม่มีอะไรหรอกจ๊ะ” แพทปฎิเสธ

    “555 เราแกล้งอำแพทเล่นน่ะ ตอนนี้เรากลับมาคบกับบูมเหมือนเดิมแล้ว ขอบใจมาก ๆ เลยนะ เราแค่อำแพทเล่นน่ะ”ผมเฉลยให้แพทฟังก่อนที่แพทจะหัวใจวายซะก่อน

    “โหหห....อำกันได้ โยอ่ะใจร้าย เราก็นึกว่าแผนที่เราอุตส่าห์วางไว้ เสียไปหมดแล้วนะเนี่ย เฮ้อออ...โล่งอก”แพทพูดอย่างโล่งใจ

    “555 ก็อยากรวมหัวกันวางแผนก่อนดีนัก เราเลยแกล้งอำกลับไง”ผมหัวเราะชอบใจ

    “อ้าว.....ถ้าไม่ทำอย่างงั้น โยก็ไม่ยอมไปเจอกับบูมที่นั่นน่ะสิ เห็นเป็นนินจา ผลุบ ๆ โผล่อยู่นั้นแหละ

    มหาวิทยาลัยก็ไม่ค่อยไป เวลาเราเห็นบูมเอาแต่มองหาโยแล้วเราก็รู้สึกอดสงสารไม่ได้ เลยพยายามหาทางช่วย” แพทพูดเสียงเศร้า

    “แหะ แหะ แหะ ยังไงก็ขอบใจนะแพท” ผมหัวเราะอย่างสำนึกผิดนิด ๆ

    “จ๊ะ แล้วบูมล่ะ ตอนนี้อยู่ไหน” แพทถามเสียงใส

    “นี่ไง นอนอุตุ อยู่ข้าง ๆเนี่ย ขี้เกียจมาก ๆเลย” ผมพูดพร้อมกับชำเลืองมองชายหนุ่มขี้เซาข้าง ๆ

    “555 จ๊ะ ถ้าอย่างนั้นเราไม่กวนแล้วนะ แล้วค่อยคุยกันนะ” หญิงสาวหัวเราะและวางสายไป

    “ได้ครับ ขอบใจนะแพท”

    หลังจากที่ผมวางสายจากแพทเรียบร้อยแล้ว ผมก็หันกลับไปดูสภาพชายหนุ่มที่นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงแล้วได้แต่ส่ายหน้าช้า ๆ พลางเอื้อมมือไปสะกิดเบา ๆ

    “นี่บูม จะสายแล้วนะ ตื่นได้แล้ว เราหิวแล้วอ่ะ”ผมสะกิดชายหนุ่ม

    “..................................”( ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก)

    “บูมตื่นได้หรือยัง เราหิวแล้วนะ ไปอาบน้ำกัน จะได้ไปหาอะไรกินกันข้างนอก” ผมเริ่มสะกิดแรงขึ้น

    “................................” ( ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก)

    “งั้นก็ได้ไม่ตื่นใช่ไหม..............นี่” มุขเดิม...ผมจัดการบิดเอวบูมแรง ๆ จนชายหนุ่มสะดุ้งตื่นขึ้นมา

    “โอ๊ยยยยยยย......คราวนี้เล่นแรงเลยนะ ซาดิสต์หรือเปล่าเนี่ยโยอ่ะ” บูมบ่นเบา ๆ

    “ใครกันแน่ที่ซาดิสต์ เราเรียกบูมตั้งหลายครั้งแล้วนะ บูมก็ยังไม่ยอมตื่นนิ” ผมพูดพร้อมกับลุกขึ้นจากเตียง

    “ก็คนมันเพลียอ่ะ จะรีบตื่นไปไหนตั้งแต่เช้า มา.....โยมานอนนี่ด้วยกันนะ นะ นะ นะ” บูมเอื้อมมือมาจะฉุดผมลงไปนอนด้วย

    “ไม่เอา เราหิวแล้วอ่ะ ไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้เลย” ผมพยายามฝืนเอาไว้

    “ไม่เอา..อีกแป๊ปนึงได้ไหม..เราขอนอนอีกแป๊ปนึงนะ” บูมอ้อน

    “ไม่ได้.........ตามใจแล้วกัน งั้นเราไปอาบคนเดียวก็ได้” ผมแกล้งพูดแล้วเดินออกไป แบบไม่สนใจ

    “หา....อะไรนะ......มาแล้วครับ มาแล้ว รอด้วย ๆ ๆ” บูมรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งตามผมมา

    หลังจากที่พวกเราอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมกับบูมก็ออกไปข้างนอกเพื่อหาอะไรกินกันสองคนและจบลงด้วยการไปดูหนังที่เมเจอร์เอกมัยจนกระทั่งถึงเวลาเย็น

     บูมกับผมก็แยกย้ายกันกลับบ้านเพราะผมมีนัดกับเพื่อน ๆ ผมต่อโดยที่บูมเดินไปส่งที่รถไฟฟ้า ทีแรกบูมก็จะไปส่งแต่ผมไม่อยากให้เค้าย้อมไปย้อนมา

     อีกอย่างเค้ายังไม่ได้กลับบ้านเลย ผมเลยให้เค้ากลับไปเลย......

    ผมเดินไปขึ้นรถไฟฟ้าจากเอกมัยไปได้สักระยะก็สังเกตุเห็น ชายหนุ่มท่าทางคุ้น ๆ คนนึงเดินขึ้นมาจากสถานีรถไฟฟ้าพร้อมพงษ์ ทันทีที่ชายหนุ่มเห็นผมนั่งอยู่ก็รีบเดินตรงเข้ามา

    “อ้าวโย มาได้ยังไงเนี่ย”ชายหนุ่มเอ่ยถาม

    “เราไปดูหนังที่เมเจอร์มา แล้วปอนด์ล่ะ ไปทำอะไรมา ทำไมวันนี้ปอนด์สีหน้าไม่ดีเลย”ผมเอ่ยทักหลังจากสังเกตุเห็นสีหน้าชายหนุ่มตรงหน้า

    “โยว่างไหม เราขอเวลาหน่อยได้ป่ะ เรามีเรื่องอยากจะคุยด้วย ได้ไหมครับ”ปอนด์พูดด้วยน้ำเสียงและสายตาที่วิงวอน จนผมอดที่จะสงสารชายหนุ่มไม่ได้.........

    จบตอนที่ 3/1 ขอบคุณที่ท่านที่ติดตามนะครับ
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 27-02-2007 11:30:11
ลงซ้ำอ่าคับ.... :confuse:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 27-02-2007 11:56:59
คืนดีกันแล้ว . . .  :like6:




ปล.พี่พูห์ลงซ้ำงับ
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 28-02-2007 16:24:46
"ตอนที่ 3/2"

    “โยว่างไหม เราขอเวลาหน่อยได้ป่ะ เรามีเรื่องอยากจะคุยด้วย ได้ไหมครับ”ปอนด์พูดด้วยสายตาที่วิงวอน จนผมอดที่จะสงสารชายหนุ่มไม่ได้

    “พอดีว่าเรานัดพวกโบเอาไว้น่ะ แต่ไม่เป็นไร เพราะยังไม่ถึงเวลานัดหรอก ไปหาอะไรดื่มแล้วก็คุยกันที่สยามแล้วกันนะ”ผมตอบตกลงเพราะเห็นสีหน้าเศร้าของชายหนุ่มตรงหน้า

    “ขอบใจนะ”ปอนด์ตอบเสียงเศร้า

    หลังจากที่เราออกจากสถานีรถไฟฟ้า ผมก็เลือกร้าน ucc ที่สยามเพราะผมนัดพวกโบเอาไว้ที่นั่นด้วย

    “แล้วโยนัดกับพวกโบไว้กี่โมงอ่ะ”ปอนด์ถามหลังจากพวกเราเข้าไปนั่งที่โต๊ะเรียบร้อยแล้ว

    “ก็สักทุ่มนึงอ่ะ”ผมตอบแล้วหันไปสั่งเครื่องดื่มกับพนักงานเสิร์ฟ

    “แล้วแฟนโยเป็นยังไงบ้างอ่ะ เรายังรออยู่นะ”ปอนด์แซวผมยิ้ม ๆ

    “ก็ลุ่ม ๆ ดอน ๆ อ่ะปอนด์ (ไม่กล้าโกหกเพราะมันเป็นเรื่องจริงอ่ะ) แต่เราว่าปอนด์ไม่รอเราแล้วมั้งเห็นจีบรุ่นน้องอยู่ไม่ใช่หรอ”ผมแซวปอนด์กลับไปบ้าง

    “..................................”ทันทีที่ปอนด์ได้ยินเรื่องที่ผมแซว ชายหนุ่มก็เริ่มมีอาการเศร้าซึมและเริ่มมีน้ำตามาคลอที่ตาทั้งสองข้างจนผมรู้สึกตกใจ

    “เป็นอะไรหรือเปล่าปอนด์ เราพูดอะไรผิดหรือเปล่า เราขอโทษนะ”ผมตกใจรีบขอโทษที่ทำให้ชายหนุ่มเสียใจ

    “เปล่าโยไม่ได้ทำอะไรผิดหรอก เราต่างหากที่เป็นคนผิดเองแหละ เราผิดที่โง่ไปจีบน้องเค้า ไปหลงเชื่อน้องเค้า เรามันโง่เอง”ปอนด์พูดพร้อมกับกำหมัดแน่น

    “เกิดอะไรขึ้นหรอ ปอนด์เล่าให้เราฟังได้นะ ถึงแม้เราจะช่วยอะไรไม่ได้มาก แต่เราก็ยินดีที่จะรับฟังเรื่องของปอนด์นะ อย่างน้อยๆ ปอนด์ก็จะได้ระบายมันออกมา จะได้สบายใจขึ้นบ้างไง”ผมพูดด้วยความจริงใจ

    “.........ก็อย่างที่โยรู้นั่นแหละ หลังจากที่เราเจอโยกับแฟนโยครั้งนั้น เราก็พยายามตัดใจจากโย พอมาพักหลังเราก็ได้เจอน้องเค้าตอนไปรับน้องที่คณะ ทีแรกเราก็ไม่ได้สนใจอะไรหรอก แต่น้องเค้าเข้ามาคุยกับเราก่อน เราเลยคิดว่าจะลองเปิดใจดูบ้าง แต่แล้ว.........”ปอนด์เล่าเรื่องด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ

    “แต่แล้วอะไรหรอ...........”ผมถามหลังจากที่ปอนด์หยุดเรื่องเอาไว้สักพัก

    “แต่แล้วเราก็ต้องมาเจ็บซ้ำอีก เพราะจริง ๆ แล้วน้องเค้ามีแฟนอยู่แล้ว และที่มาคบกับเราเพราะเห็นว่าเราค่อนข้างมีชื่อเสียงที่คณะ เลยแกล้งท้ากันกับเพื่อนเค้าว่าจะจีบเราติดหรือเปล่า”ปอนด์นิ่งเงียบไปอีก

    “ปอนด์คิดมากไปเองหรือเปล่า แล้วปอนด์ไปรู้เรื่องนี้มาจากไหน”ผมถามกลับไป

    “ก็พอดีเราไปกินข้าวที่ เอ็มโพเรี่ยมกับเพื่อนเรา แล้วดันไปได้ยิน กอล์ฟ (แฟนปอนด์) พูดกับแฟนเค้าอ่ะดิ เราเลยทนไม่ไหว เดินเข้าไปหา ดีนะที่เพื่อนเราฉุดไว้ก่อนไม่งั้นมีเรื่องแน่ ๆ เราเลยเดินกลับออกมา นี่รถเรายังอยู่ที่เอ็มโพเรี่ยมอยู่เลย”ปอนด์เล่าต่อ

    “อ้าววว...แล้วเพื่อนปอนด์ล่ะ”ผมถามอย่างสงสัย

    “เราบอกว่าเราอยากอยู่คนเดียว เราเลยเดินออกมาขึ้นรถไฟฟ้าก็พอดีเจอโยพอดี”ปอนด์ยิ้มเจือน ๆ

    “อืมม....มาเจอเราพอดี เราไม่น่ามากวนปอนด์เลยเนอะ เรานี่แย่จริง ๆ ขึ้นรถไฟฟ้าไม่ได้ดูตามาตาเรือ”ผมแกล้งพูดขำ ๆ เพื่อทำให้บรรยากาศดีขึ้น

    “ไม่หรอก....พอเราเจอโย เราก็เริ่มรู้สึกไม่อยากอยู่คนเดียวแล้ว เราอยากจะพูด อยากจะคุยกับโย จริง ๆ นะ ไม่ใช่ว่าเราจะเข้ามาเป็นตัวป่วนระหว่างโยกับแฟนนะ”ปอนด์รีบชิงออกตัวก่อน

    “ไม่เป็นไรหรอก เราเข้าใจดี บางครั้งเวลาที่เราเสียใจ เราก็อยากมีใครสักคนหนึ่งคอยรับฟังเรื่องของเราอยู่ใกล้ ๆ ก็แบบที่เราเคยเป็นไง”ผมยิ้มให้อย่างจริงใจ จริง ๆ ผมก็รู้สึกผิดด้วยที่มีส่วนทำให้ปอนด์ต้องไปเจอคนไม่ดีอย่างน้องกอล์ฟ

    “ขอบใจโยมากนะ ยิ่งเห็นโยเป็นอย่างงี้เรายิ่งตัดใจไม่ได้”ปอนด์ยิ้มเศร้า ๆ

    “สักวันปอนด์จะต้องได้เจอคนที่คู่ควรกับคนที่ดีอย่างปอนด์”ผมให้กำลังใจชายหนุ่ม

    “ขอเป็นโยได้ไหม...............เราล้อเล่น”ปอนด์หัวเราะกลบเกลื่อน ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร มีแต่เพียงที่จะคิดหาวิธีที่จะทำให้ปอนด์คลายความเสียใจลงได้

    “............จริงอ่ะ........แล้วปอนด์จะทำยังไงต่อไปอ่ะ”ผมถาม

    “ก็คงจะเลิกกันแหละ ไม่น่าไปหลงเชื่อเด็ก ๆ เลย ตามไม่ทันจริง ๆ เห็นทำตัวใสซื่อ ทำตัวอ่อนโยน เห็นอกเห็นใจคนอื่นเลยหลงเชื่อ ที่ไหนได้”ปอนด์กลับมาเศร้าอีกครั้งเมื่อพูดถึงน้องกอล์ฟ

    “เราเพิ่งรู้ว่าปอนด์ชอบเด็ก”ผมแหย่ปอนด์อีกครั้งเพราะไม่อยากให้ปอนด์เศร้า

    “จริง ๆ แล้วโยรู้หรือเปล่าว่าทำไมเราถึงตกลงเป็นแฟนกับเค้า” ปอนด์ถาม

    “ทำไมหรอ......”

    “ก็เพราะน้องเค้ามีบางส่วนคล้ายโยไงเราเลยตอบตกลง”ปอนด์ยิ้มให้เจือนๆ

    “...........................................”จุกครับ เจอหมัดสวนของปอนด์หมัดนี้ทั้งจุก ทั้งเสียใจ แถมยังทำให้ผมรู้สึกผิดเพิ่มขึ้นที่เป็นตัวการทำให้ชายหนุ่มที่แสนดีต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้

    “................เฮ้ย ไม่เป็นไร โยอย่าทำหน้าแบบนี้ดิ อย่าคิดมาก เราเป็นคนเลือกเอง เราก็ต้องยอมรับในสิ่งที่เราทำ”ปอนด์รีบพูดเพื่อทำให้ผมสบายใจ

    “เรา........เรา.........เราขอโทษนะปอนด์ ถ้าไม่ใช่เพราะเรา ปอนด์คงไม่เป็นแบบนี้.......”ผมขอโทษเสียงเศร้า

    “เราบอกแล้วไงไม่เป็นไร เอ้า ดื่มน้ำก่อน เดี๋ยวพวกโบมาเห็นว่าเราทำให้โยเป็นแบบนี้ พวกเค้าคงจะฆ่าเราแน่”

    “............เราขอโทษจริง ๆ นะ”ผมยังคงย้ำคำ ๆ นี้ให้ปอนด์รู้ว่าผมรู้สึกแบบนั้นจริง ๆ

    “ไม่เป็นไร เห็นมั้ยว่าเราไม่รู้สึกอะไรแล้ว.....แค่เราได้คุยกับโยเราก็พอใจแล้ว”ชายหนุ่มยิ้มให้ผมอย่างจริงใจ

    เรานั่งคุยกันต่อไปได้สักพัก ไอ้เจ้า สามวายร้ายก็เดินตรงเข้ามาจู่โจมผมและปอนด์อย่างไม่ทันตั้งตัว

    “แหม....เพิ่งแยกกับแฟนก็หันมาหาเศษหาเลย เลยนะ”ไอ้ออฟกัดผมกับปอนด์

    “ใช่....นี่เพิ่งจะคืนดีกับแฟนก็เอาเลยนะ”ไอ้โบร่วมผสมวง

    “มีอะไรหรือเปล่าโย”จะมีก็แต่กายเท่านั้นที่พอจะจับความรู้สึกของผมและปอนด์ได้ ส่วนไอ้สองวายร้ายนั่นไม่ได้รู้อะไรเลยผมได้แต่ส่ายหน้า

    “พอดีเราอกหักอ่ะ เพิ่งโดนคนหลอกมา แล้วก็เจอโยพอดี เลยมาปรับทุกข์ด้วยแค่นั้นเอง ไม่มีอะไรหรอก”ปอนด์ยิ้มให้เศร้า ๆ

    “อ้าวหรอ เราขอโทษที่พูดไม่ดีออกไป”ออฟกับโบ ทำตัวลีบอย่างกับตะเกียบแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ และยิ่งทำตัวลีบขึ้นไปอีกเมื่อเห็นสายตาอำมหิตของผมที่จ้องมองเค้าสองคนอยู่

    “ขอโทษคร๊าบบบบบบ คุณชายอย่าทำอะไรผมเลยนะครับ กระผมไม่กล้าแล้วครับ”ไอ้โบสันหลังวะ รีบขอโทษผม....

    “แล้วนี่รู้สึกว่าพวกแกจะไปยืนผิดข้างหรือเปล่าเนี่ย ใครกันแน่ที่เป็นเพื่อนพวกแก หา....ตั้งแต่ไปเกาะละ ตกลงแกเป็นเพื่อนใครกันแน่”ผมเริ่มฉุน ๆ ที่เห็นพวกเพื่อน ๆ ผมไปเข้าข้างบูม (ปล่อยให้เราอยู่โดดเดี่ยวได้ไงไม่รู้ สงสัยมีใต้โต๊ะแน่ ๆ)

    “แหม.....คิดมาก พวกเราก็ต้องเข้าข้างแกสิโย อย่าคิดมากจริงไหม โบ กาย”ออฟรีบชิงแก้ตัว

    “จริง ๆ”โบกับกายพยักหน้ารับ

    “มีอะไรกันหรอที่เกาะน่ะ”ปอนด์ถามอย่างสงสัย

    “ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่พอดีมีละครมาถ่ายทำน่ะ อูยยย...หวานซะ เป็นฉากคืนดีกันน่ะ”ไอ้โบพูดกระทบชิ่งมายังผม (ตายแน่ไอ้โบ)

    “อ้าวหรอ.......”

    “ไม่มีอะไรหรอกปอนด์อย่าไปเชื่อไอ้โบเลย มันบ้า.....แล้วปอนด์จะทำยังไงถ้าเจอกับน้องเค้าอีกล่ะ เราว่าเค้าคงไม่รามือหรอก”ผมถามอย่างเป็นห่วงเพราะผมก็พอได้ยินกิตติศัพท์เด็กคนนี้มาพอสมควรแต่ทีแรกผมไม่เชื่อและคิดว่าไม่น่าจะใช่เพราะเห็นว่าน้องเค้าซื่อ ๆ เหมือนที่ปอนด์เล่าเหมือนกัน

    “ก็ยังไม่รู้เลย ต่างคนต่างอยู่ดีกว่า อีกไม่ถึงปีเราก็จะจบแล้ว อย่าไปยุ่งกับเค้าเลยดีกว่า ยิ่งยุ่งยิ่งเสียเปล่า ๆ”ปอนด์ตอบ

    “มันก็จริงนะ แต่ถ้าปอนด์มีอะไรให้เราช่วย บอกเราได้เลยนะ เรายินดี”ผมยิ้มให้อย่างจริงใจ

    “มีอะไรก็บอกแล้วกัน”ไอ้โบ ออฟกับกายพยักหน้ารับ

    “ขอบใจพวกนายมาก ๆ เลยนะ เราสบายใจมากแล้วล่ะ แล้วนี่พวกโยนัดกันไม่ใช่หรอ”ปอนด์เอ่ยทัก

    “ไม่มีอะไรหรอก นัดกันออกมาหาอะไรกินน่ะ อยู่หอเซ็ง ๆ มีแต่วัตถุโบราณ ออกมาหาเด็กรุ่น ๆ เป็นอาหารตามั่งก็ดี”ดูไอ้โบมันพูดเข้า ถ้าแฟนมันมาได้ยินนะ....

    “ได้ทีนะโบ เวลาอยู่ต่อหน้าเค้าให้มันกล้า ๆ แบบนี้หน่อย”ออฟแขวะจนไอ้โบหน้าจ๋อย

    “ปอนด์ไปกินกับพวกเราไหมล่ะ ไหน ๆ ก็มาแล้ว”กายชวน

    “จะดีหรอ”ปอนด์ตอบอย่างเกรงใจ

    “ทำไมจะไม่ดีล่ะ ไม่เห็นมีอะไรเลยไปกินด้วยกันหลาย ๆ คนสนุกดีออก อีกอย่างตัวหารจะได้เยอะ ๆ”ไอ้โบ ไอ้ขี้งก

    “ไปดิ ๆ ๆ”กายชวนอีกครั้ง

    “ไปก็ไป....แล้วจะไปที่ไหนกันล่ะ”ปอนด์ถามยิ้มๆ

    “ทีแรกก็กะจะกินที่นี่แหละ แต่พอมีตัวหารมากขึ้นไปหาอะไรกินที่แถวหลังสวนไหม”ไอ้ขี้งกโบเสนอ

    “โอเค......งั้นเราต้องไปเอารถก่อนนะ พอดีเราจอดไว้ที่เอ็มโพเรี่ยมน่ะ”ชายหนุ่มบอก พวกผมพยักหน้ารับแล้วเรียกพนักงานมาเช็คบิลเพื่อไปหาอะไรทานกันต่อ แล้วก็แยกย้ายกันกลับบ้าน


    จบตอนที่ 3/2 ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามครับ

    ******************************************************
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 28-02-2007 16:40:44
แล้วถ้าบูมเจอจะเข้าใจผิดมั้ย  :ped144: เดี๋ยงก็งอนกันอีกหรอก
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 28-02-2007 16:44:26
นึกว่าจะกลับมาบอกรักโยซะอีก....  :pandalaugh:

.............ว่าแต่ระวังตัวนะ.....โลกกลม...เดี๋ยวบูมเห็น... :laugh5: :laugh5:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 28-02-2007 19:41:53
เหอ เหอ สงสารปอนด์   :3028:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 01-03-2007 08:32:59
"ตอนที่ 4/1"


หลังจากที่ผมกลับมาถึงบ้านแล้วผมก็เดินขึ้นไปบนห้องนอน กำลังจะเข้าไปอาบน้ำ ก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือผมดังขึ้น

“มีอะไรคร๊าบบบ เรากำลังจะอาบน้ำ เดี๋ยวเราโทรกลับได้เปล่า”ผมรับสายชายหนุ่มหลังจากที่ดูเบอร์เรียบร้อยแล้ว

“โหหหห....อะไรอ่ะ คนเค้าอุตส่าห์โทรมาหา แทนที่จะคุยสักนิดก็ไม่มี”บูมพูดน้ำเสียงน้อยใจนิด ๆ

“ก็อาบน้ำก่อนได้ไหมล่ะ เหนียวตัวมาก ๆ เลยวันนี้ นะ นะ นะ สัญญาว่าจะรีบโทรไปหาเลย นะ นะ”

ผมอ้อน เพราะรู้สึกเหนื่อยและเหนียวตัวมาก ๆ

“ก็ได้ ๆ อย่านานนะ”บูมพูดด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยจะพอใจ

“อืมมม.....ครับผม”ผมรับคำแล้ววางสายเดินเข้าห้องน้ำไป

หลังจากที่ผมอาบน้ำเสร็จ ก็ลืมเรื่องที่จะต้องรีบโทรไปหาบูมซะสนิทเลย จนกระทั่งหลับไป

แต่แล้วผมก็ต้องตกใจตื่นเพราะเสียงมือถือที่ถูกโทรมาอย่างกระหน่ำ

“ทำไมไม่โทรมา ไหนสัญญาว่าจะโทรมาหาเราหลังจากอาบน้ำเสร็จไง เราไม่สำคัญเลยใช่ไหม ฯลฯ”

บูมใส่อย่างไม่ยั้งจนผมที่งัวเงียลุกขึ้นมารับสาย (สติยังไม่ครบเลยอ่ะ) พูดกลับไป

“ทำไมหรอ มีอะไรหรือเปล่า เราง่วงอ่ะ” ผมพูดโดยไม่ค่อยมีสติเท่าไหร่ (ก็คนมันง่วงแล้วหลับไปจริง ๆ นิ)

“.....................................” เงียบ

“มีอะไรหรือเปล่าอ่ะ” นั่นสติยังไม่กลับมาอีก ชะตากำลังจะขาดยังไม่รู้ตัวอีก

“...........................................”เงียบ อีกครับ แล้วอยู่ดี ๆ ก็วางสายไปเลย

“อะไรวะ ใครโทรมา” ผมยังคงงัวเงียไม่รู้เรื่อง แต่แล้วก็ต้องตกใจเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเมื่อกี้บูมโทรมาและผมสัญญาว่าจะโทรกลับ

 ผมเลยรีบโทรกลับไป

ผมพยายามต่อสายไปหาชายหนุ่มหลายครั้งแต่เค้าก็ไม่ยอมรับสายแถมยังปิดมือถือทิ้งอีก

ผมเลยต้องจำใจวางสายไปแล้วคิดว่าวันรุ่งขึ้นจะรีบโทรไปหาในตอนเช้า

หลังจากที่ผมตื่นนอนในตอนเช้า สิ่งแรกที่ผมคิดได้ ก็คือ ผมต้องรีบโทรไปหาบูมทันที

เพราะเมื่อวานสัญญาแล้วก็ไม่ได้โทรกลับ แถมพอเค้าโทรมาผมก็พูดจาอะไรไม่รู้เรื่องอีกอ่ะครับ

“บูมหรอ เมื่อคืนเราโทรไปทำไมไม่รับสาย แถมยังปิดมือถือทิ้งอีก”ผมถามทันทีที่ชายหนุ่มรับสาย

“แล้วทำไมล่ะ แค่ไม่อยากคุยด้วย มีอะไรหรือเปล่า”บูมพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา ปนโมโหนิด ๆ

“.............................”ผมอึ้งกับคำพูดที่ชายหนุ่มตอบมา

“มีอะไรหรือเปล่าเราจะรีบไปมหาวิทยาลัย”บูมยังคงเย็นชา

“เป็นอะไรหรือเปล่า ถ้าไม่พอใจอะไร เราขอโทษก็ได้นะ พอดีเมื่อวานเราเพลียจริง ๆ เลยเผลอหลับไป”

ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงอย่างสำนึกผิด

“แล้วไง มีอะไรอีกไหม”บูมยังคงเย็นชาต่อไป

“ทำไมบูมพูดแบบนี้อ่ะ เราบอกแล้วไงว่าเราขอโทษ”ผมเริ่มน้อยใจนิด ๆ ที่ทำไมบูมไม่เข้าใจซะเลย

“แล้วไง มีอะไรอีกไหม” บูมยังคงทำเป็นไม่สนใจผมอีก

“................................................”ผมเริ่มเงียบ และน้อยใจมาก ๆ

“ถ้าเงียบเราวางแล้วนะ”บูมพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบเหมือนกับไม่มีความรู้สึก

“ตามใจ ถ้ากล้าวางก็เลิกกันไปเลย”ผมตะโกนด้วยความน้อยใจปนโมโหสุด ๆ

“...........ตื๊ด ๆ ๆ...........”บูมวางสายลงไปจริง ๆ ส่วนผมได้แต่อึ้งปนสับสน

หลังจากที่ผมวางสายจากบูม ผมรู้สึกสับสน เสียใจ และน้อยใจมาก ๆ ที่บูมทำกับผมแบบนี้

วันนี้ผมจึงไปเรียนด้วยสีหน้าที่บอกบุญไม่รับมาก ๆ

“ไงไปทะเลาะกับใครมาอีกล่ะ ท่าทางแบบนี้ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทะเลาะกับใครมา”

ไอ้โบทักผมทันทีที่ผมเดินเข้าไปหาที่ห้องสมุด

“เออ อย่าพูดได้ป่ะคนกำลังอารมณ์ไม่ดี”ผมพูดอย่างอารมณ์เสีย

“นั่นไงจี้ใจดำเลย”ออฟล้อ

“เออ อย่าพูดได้ป่ะ ช่างมันเหอะ”ผมพูดอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่

“แล้วทะเลาะกันเรื่องอะไรอีกล่ะ ทะเลาะกันได้ทุกวันคู่นี้”ไอ้โบบ่น

“ก็คิดดูดิเมื่อวานกว่าเราจะกลับถึงบ้าน เราก็เหนื่อยแล้วใช่ป่ะ ง่วงด้วย บูมโทรมาแล้วเราว่าเดี๋ยวเราจะโทรกลับไปหา

แต่เราดันเผลอหลับอ่ะดิ พอเค้าโทรมาเราก็ยังงัวเงีย ๆ พูดไม่ค่อยรู้เรื่องเค้าเลยปิดโทรศัพท์มือถือหนีไปเฉยเลย”

ผมระบายความอัดอั้นออกมา

“แกก็โทรไปง้อเค้าหน่อยดิ”ออฟพยายามหาทางช่วย

“ก็เราโทรไปแล้วเค้าก็ปิดมือถือหนี วันนี้โทรไปเค้าก็ไม่ยอมพูดด้วย

จนเราทนไม่ไหวเพราะเค้าพยายามตัดบทไม่ยอมคุยเราเลย เราเลยโมโหว่าเค้าไปว่าถ้าวางหูเลิกกันไปเลยนะ

เค้าก็วางหูไปเฉยเลย คิดดูดิ”ผมพูดอย่างอารมณ์เสีย

“หา......แกจะบ้าเหรอโย ทำไมแกไปพูดแบบนั้น ปกติแกไม่น่าจะพูดแบบนี้นิ”ออฟพูดอย่างตกใจ

“ไม่รู้เหมือนกันอ่ะออฟ อาจจะเป็นเพราะเราโมโหด้วยมั้งที่เค้าพูดไม่รู้เรื่อง”ผมพยายามหาข้อแก้ตัว

“ไม่ว่าจะโมโหแค่ไหน เป็นใครถ้าเอาเรื่องเลิกไม่เลิกมาขู่ เป็นใครๆ ก็โกรธทั้งนั้นแหละ

ทางที่ดีแกไปขอโทษเค้าเลย”ไอ้โบสนับสนุนความเห็นของออฟ

“เราก็ว่าแบบนั้นด้วย รีบไปเหอะ”กายก็สนับสนุนออฟกับโบเช่นกัน

“ไม่.......เราจะไม่ไปขอโทษ เพราะเราไม่ผิด อาจจะผิดที่เราพูดแรงไปหน่อย แต่ทำไมเค้าไม่พยายามเข้าใจเราบ้างล่ะ

เราก็เหนื่อยเป็นนะ แถมเราก็โทรไปง้อก่อนแล้วด้วย เราไม่สนใจละ ไปเรียนดีกว่า”

ผมไม่สนใจคำเตือนของพวกเพื่อน ๆ ผม แล้วลุกจากโต๊ะเดินนำไปที่ห้องเรียน ซึ่งเพื่อน ๆ

ผมได้แต่ส่ายหน้าในความดื้อรั้นของผมในครั้งนี้

ผมเดินผ่านเพื่อน ๆ ของบูมขณะที่กำลังจะเข้าไปในห้องเรียนซึ่งผมก็ยิ้มทักทายปกติ

ผิดกับคุณชายบูมที่ทำตัวเย็นชาเหมือนกับผมไม่มีตัวตนอย่างงั้นแหละ

ยิ่งบูมทำแบบนี้ผมยิ่งหมั่นไส้ เลยแกล้งทำเป็นไม่สนบ้าง......

ตลอดคาบเรียน เพื่อน ๆ คงจะสังเกตุเห็นสิ่งผิดปกติระหว่างผมกับบูม

เพราะ ผมกับบูมต่างไม่มองหน้าไม่พูดกันเลยตลอดทั้งคาบ

จนทำให้ กลุ่มเพื่อน ๆของผม เพื่อน ๆของบูม และกลุ่มของแพทที่ตอนนี้พวกเราจับกลุ่มนั่งใกล้กัน

ต่างก็รู้สึกไม่ค่อยจะดีนัก (มีเฉพาะ กลุ่มเพื่อนผม กับแพทเท่านั้นที่รู้เรื่องผมกับบูม

ส่วนคนอื่นจะรู้แค่ว่า ผมกับบูมสนิทกันมากเพราะบ้านอยู่ใกล้กัน)

แม้ว่าผมกับบูมจะไม่พูดกัน ไม่มองหน้ากัน แต่จริง ๆ แล้ว เราสองคนต่างก็แอบมองอีกฝ่ายนึงเสมอ

เพราะหลายครั้งที่สายตาของผมกับบูมต่างก็มาประสานกันพอดี

แต่ก็เป็นผมอีกนั่นแหละที่คอยหลบตาแกล้งมองผ่านไปทางอื่น

(ผมนั่งเก้าอี้เยื้อง ๆกับบูม ซึ่งนั่งหน้าผมไปแถวนึงแต่ถัดไปทางซ้ายมืออีกตัวนึง

แล้วไอ้ที่ตามาผสานกันเนี่ยเค้าแกล้งหันหลังกลับมาคุยกับไอ้โบ โธ่เอ๊ยยย...รู้หรอกน่า)

เรานั่งเรียนแบบนี้จนกระทั่งหมดคาบเรียน พวกเพื่อน ๆ ผมเลยชวนทุกคนไปโยนโบว์ลิ่งและทานอาหารด้วยกัน

เพราะวันนี้พวกเราไม่มีเรียนแล้ว ซึ่งทุกคนก็ตกลง และนัดแนะกันไปที่ห้างเมเจอร์รัชโยธินเพราะใกล้บ้านเพื่อน ๆ หลายคน

 และก็เป็นไอ้โบกับแพทอีกนั่นแหละที่จัดแจงใช้ให้ผมกับบูมไปหาซื้อถุงเท้ามาเผื่อทุกคน

เพราะถ้าไปซื้อที่นั่นจะแพงกว่ามากเพราะพวกผมไปกันหลายคน

(ทำไมต้องเป็นผมกับบูมก็ไม่รู้ ทำไมคนจะโกรธกันมั่งไม่ได้หรือไง)

ผมกับบูมเลยอยู่ในสภาพยอมจำนน และต้องไปหาซื้อถุงเท้า

ทั้ง ๆ ที่ไปแวะซื้อเอาที่ห้างก็ได้ ผมเลยต้องออกมากับบูมสองคน ส่วนที่เหลือก็ไปด้วยกัน

บูมรีบเดินนำผมไปโดยที่ไม่ได้สนใจเลยว่าผมกำลังนับคนอยู่ว่ามีกี่คนจะได้ซื้อถุงเท้ามาครบ

พอผมนับเสร็จ บูมก็เดินไปตั้งไกลละ ผมเลยต้องรีบเดินตามให้ทัน (ทีใครทีมันนะ)

จนกระทั้งมาถึงรถของบูมที่ตอนนี้ชายหนุ่มสตาร์ทรถและจอดรออยู่แล้ว ผมเลยต้องเดินขึ้นไปบนรถอย่างไม่สบอารมณ์นัก

ตลอดทางผมไม่พูดกับบูมเลย และไม่มองหน้าเค้าด้วย

จนเราสองคนต่างก็อึดอัด บูมเลยขับรถเร็วขึ้น เร็วขึ้นเรื่อย ๆ จนผมทนไม่ไหว........


“จะรีบไปไหน รังเกียจเรามากหรือไง ทำไมต้องรีบอย่างงั้นด้วย”

ผมถามอย่างเหลืออดจนคนที่กำลังขับรถชะลอความเร็วลงและยิ้มที่มุมปากอย่างผู้มีชัยที่ผมต้องยอมพูดก่อน

“หา....ถามไม่ได้ยินหรือไง จะเอายังไงก็ว่ามาเลย”ผมชักจะเหลืออดแล้วนะมาเล่นจิตวิทยากับผม

“..............................................”ชายหนุ่มเงียบอีกครั้ง ยิ่งทำให้ผมเหลืออด

“เงียบใช่ไหม นี่.........................”ผมบิดไปที่เอวชายหนุ่มอย่างแรงจนอีกฝ่ายต้องร้องออกมา

“โอ๊ยยยยยยยยยยยย........เจ็บนะโว๊ยยยย”บูมร้องออกมา

“เจ็บก็อย่ากวนสิวะ โมโหเหมือนกันนะโว๊ยยย จะเอาไงก็ว่ามาเลย” ปกติผมไม่เคยพูดกับบูมแบบนี้เลย ทำให้บูมอึ้งไปเล็กน้อย

“…………………”ชายหนุ่มเงียบพลางลูบเอวไปพลาง

“ตกลงจะเอายังไง ถ้าไม่ชอบกันก็อย่ามามองหน้ากัน จะได้ตัดใจกันไปเลย”ผมพูดอย่างมีน้ำโห

“ทำไมเอะอะๆ คำก็เลิก สองคำก็เลิก ตกลงโยอยากจะเลิกกับเรานักเหรอไง”

บูมเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างซีเรียสและดูจริงจังมาก...........


จบตอนที่ 4/1 แล้วครับ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม ช่วงนี้ต้องรีบ ๆ เข้ามาต่อเรื่องให้.....อิอิ

 
****************************************************
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 01-03-2007 11:07:32
:sad2:..ทาเลาะกันเรื่องเดิมๆ...
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 01-03-2007 14:28:19
ทะเลาะกันอีกแล้วอ่ะ :serius2:

เฮ้อ . . . เชียร์ปอนด์ดีกว่า :yeb:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 01-03-2007 17:10:57
ลิ้นกะฟันทะเลาะกันแต่บ่อยก็ไม่ดีนะเดี๋ยวปากเป็นร้อนใน  :laugh5: :laugh5: :laugh5:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 01-03-2007 19:18:58
ทะเลาะกันอีกแล้ว  :serius2:  :serius2:  :serius2:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 07-03-2007 14:45:52
"ตอนที่ 4/2"


“ทำไมเอะอะๆ คำก็เลิก สองคำก็เลิก ตกลงโยอยากจะเลิกกับเรานักเหรอไง”บูมเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างซีเรียสและดูจริงจังมาก...........
“แล้วมาพูดแบบนั้นใส่เราทำไมล่ะ คนเค้าก็โมโหเป็นนะ”ผมพูดน้ำเสียงที่เริ่มสั่น

“แล้วเราโมโหไม่เป็นหรือไง คนที่ควรจะโกรธน่ะเราต่างหากไม่ใช่โยนะ”ชายหนุ่มพูดพร้อมกับหยุดรถที่ข้างทาง

“ก็เราโทรไปง้อแล้วไง จะเอายังไงอีก ต้องให้เรากราบขอโทษเลยไหม”ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นขึ้นเรื่อย ๆ

“แล้วทำไมต้องมาบอกเลิกด้วย รู้ไหมว่าคนฟังจะรู้สึกยังไง”ชายหนุ่มถามเสียงดุขึ้น

“พอเลย ๆ ถ้าบูมไม่ทำแบบนั้นกับเรา เราก็ไม่พูดหรอก แถมยังมาตัดส่ายโทรศัพท์เราอีก”ผมพยายามข่มอารมณ์เอาไว้

“ได้ถ้างั้นเราขอโทษที่เราทำแบบนั้นกับโยแล้วกัน แล้วเรื่องที่โยผิดสัญญาอ่ะจะว่ายังไง”บูมถามกลับด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนขึ้น

“..............................................” เงียบ (ที่เงียบนี่ไม่ได้งอนอะไรหรอก แต่กำลังสำนึกผิดอยู่)

“เราขอโทษแล้วนะ ทำไมยังเงียบอีกล่ะ ยังไม่พอใจอีกหรอไง”บูมถามด้วยน้ำเสียงโมโหนิด ๆ อาจจะเพราะนึกว่าผมยังไม่หายโกรธก็ได้

“…………………….” ผมเงียบอีกครั้งนึง ไม่รู้จะพูดยังไง

“ตกลงโยไม่รู้เลยใช่ไหม ว่าที่เราทำไปทั้งหมดเพราะอะไร และ เพราะใคร”บูมพูดด้วยน้ำเสียงซีเรียส

“คือ..................”ผมเริ่มออกเสียงอย่างตะกุกตะกัก

“ว่าไงโยไม่รู้เลยใช่ไหม”บูมถามอีกครั้ง

“.................ooo………...”ผมหันไปหอมแก้มบูมเบา ๆ

“เราขอโทษนะบูม เราผิดเองแหละที่ไม่รักษาสัญญา เราขอโทษนะ ยกโทษให้เราได้ไหม”ผมพูดเสียงสะอื้นๆนิด ๆ ออกมาอย่างสำนึกผิด

“เราก็ไม่ได้ว่าอะไรนิ เราแค่น้อยใจที่โยไม่เห็นความสำคัญของคำสัญญาระหว่างเราแค่นั้นเอง รู้ป่ะคืนนั้นเรารอโยทั้งคืนเลย จนเราทนไม่ไหว ต้องโทรกลับไปหา แถมโยก็ยังคุยไม่รู้เรื่องอีก”บูมลูบศีรษะผมอย่างแผวเบา

“เราไม่เคยเห็นว่าบูมไม่สำคัญเลยนะ แต่ก็คนมันง่วงอ่ะ เราเลยเผลอหลับไป บูมยกโทษให้เราได้ไหม นะ นะ นะ”ผมพูดเสียงอ้อน ๆ

“ได้.......แต่โยต้องสัญญาว่าจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้วนะ แถมโยยังแกล้งทำมาเป็นไม่สนใจเราอีก รู้ไหมว่าเราเสียใจแค่ไหนที่โยทำแบบนั้นกับเรา”บูมพูดจนผมรู้สึกอึ้ง เพราะไม่นึกว่าบูมจะเป็นคน sensitive แบบนี้

“ก็บูมทำแบบนั้นกับเราก่อนอ่ะ”ผมแซวบูมกลับไป

“นี่แน่ะ ก็คนกำลังงอนอ่ะ อยากให้แฟนมาง้อ ก็ดันทำเป็นไม่สนใจเราเหมือนกับคนไม่รู้จักกัน อุตส่าห์ลงทุนแกล้งทำเป็นหันมาพูดกับโบ ก็ทำเป็นเฉย” บูมบีบจมูกของผมอย่างเอ็นดู (หรือหมั่นไส้ก็ไม่รู้)

“ก็........เราก็งอนมั่งดิ”ผมเริ่มอ้อนบูมบ้าง

“พอเลยๆ ....งอนก็เก่ง....ใจก็อ่อน.....แถมยังหาเรื่องปวดหัวมาให้ไม่ได้หยุดเลย....คิดถูกหรือเปล่านะที่มาเป็นแฟนกับโย” บูมทำท่าคิด

“ว่ายังไงนะ..........”ผมถามเสียงเขียว

“555 ล้อเล่น..........แต่โยสัญญานะว่าจะไม่ทำแบบนี้อีก เราไม่อยากให้เวลาที่พวกเราทะเลาะกัน ต่างฝ่ายต่างก็พูดว่าจะเลิกกัน รู้ไหมตอนที่โยพูดแบบนั้น เราเครียดมากเลยนะ เอาแต่คิดว่าทำไมโยถึงพูดแบบนั้น ความรักของเรามันไม่มีค่าเลย หรือโยไม่รักเราแล้ว”บูมพูดเสียงเศร้าปนน้อยใจ

“ได้เราสัญญา.....เราจะไม่พูดแบบนั้นอีก”ผมพูดพร้อมกับโน้มไปหอมแก้มบูมเบา ๆ จนตอนนี้ทั้งบูมกับผมต่างก็โผเข้ากอดกัน แต่แล้วเสียงโทรศัพท์ของบูมก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะ (จะโทรมาทำไมตอนนี้) บูมเลยผละออกไปเพื่อรับสาย แล้วหันมาบอกผมว่า พวกเพื่อน ๆ ผมล้มเลิกโปรแกรมที่จะไปโยนโบว์ลิ่งกันแล้ว ให้สลายตัวได้เลย ผมเลยได้แต่ส่ายหน้ากับแผนการณ์ของพวกเพื่อน ๆ ตัวดีของพวกเราทั้งสองคน

หลังจากที่เราสองคนปรับความเข้าใจกันแล้ว ผมกับบูมก็ขับรถกันไปเรื่อย ๆ บูมดึงมือผมไปกุมเอาไว้อย่างหวงแหน จนกระทั้งไปถึงร้านอาหารแห่งนึงเลยแวะเข้าไปทานอาหารกัน เพราะนี่ก็บ่ายมากแล้ว

“จะรับอะไรดีคะ”พนักงานสาวถามขึ้นหลังจากที่ผมกับบูมนั่งเปิดเมนูไปได้สักครู่

“เอา ….” ผมสั่งอาหารแล้วหันไปถามบูม “บูมจะกินอะไร”

“เอาน้ำใบบัวบกก่อนเลยได้ป่ะครับ กำลังช้ำในเลยเนี่ย เพิ่งโดนคนทุบมา”บูมแกล้งพูดยิ้ม ๆ

“ขอโทษค่ะ ที่นี่ไม่มีน้ำใบบัวบกค่ะ รับเป็นน้ำเก๊กฮวยแทนได้มั้ยคะ”พนักงานสาวปฏิเสธเสียงใส

“งั้นไม่เป็นไรครับเดี๋ยวผมไปหาต้มเองก็ได้ คงต้องกินบ่อย ๆ เพราะโดนทำร้ายร่างกายบ่อยช่วงนี้”บูมยังคงแกล้งแซวผมไม่เลิก “งั้นเอาเป็น ........ กับน้ำเปล่าก็พอครับ”

“ค่ะได้ค่ะ”

หลังจากที่พนักงานเดินจากไปแล้วผมก็ทำตาดุใส่ทันที

“เราว่าแค่กินน้ำใบบัวบกคงจะไม่พอมั้ง เดี๋ยวคงต้องลงไปแช่ทั้งตัวเลยคอยดู”ผมแกล้งทำตาเขียวใส่

“หูยยย....ทำไมโหดอย่างงี้อ่ะ ไม่กลัวแฟนตัวเองเจ็บหรอคร๊าบบบบ”บูมทำเสียงอ้อน

“ไม่รู้......ถ้าทำอะไรผิดอีก เราก็จะจัดการ”ผมพูดพร้อมทำมือบิดไปมาด้วยความหมั่นเขี้ยว

“ใครกันแน่ เมื่อกี้ยังเห็นร้องไห้อยู่เลยทำเป็นว่าคนอื่นเค้า”บูมแซว

“ใคร ใคร.....”ผมแกล้งเฉไฉ

“ใครก็ไม่รู้.....เราขอโทษที่ทำไม่ตัวไม่ดี เราขอโทษ”บูมทำเสียงเล็กเสียงน้อย

“ล้อหรอ.....วันหลังจะไม่ง้อละ”ผมแกล้งงอน

“โหห ... ใจน้อยอีกต่างหาก.....อ่ะ ไม่แกล้งแล้ว แต่โยต้องสัญญาก่อนนะว่าวันหลังจะไม่พูดว่าเลิกกับเราอีก”บูมกลับมาพูดด้วยสีหน้าจริงจัง (ครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ ถามย้ำอยู่นั่นแหละ)

“ไม่สัญญา..........”ผมแกล้งพูดพร้อมกับสังเกตสีหน้าบูมที่เริ่มจะงอนนิด ๆ ละ

“อ่ะ ๆ ๆ ก็ได้ แค่นี้ทำเป็นใจน้อย หัวก็ไม่ล้านสักหน่อย เราก็บอกไปตั้งหลายครั้งแล้วไง ว่าเราจะไม่พูดอีก”ผมพูดล้อชายหนุ่ม จนบูมกลับมาอมยิ้ม

“งั้นวันนี้เราไปค้างที่บ้านโยนะ”บูมได้ที รีบ วกเข้าแผนการณ์

“นั่นแน่ เพิ่งจะมาค้างบ้านเราเอง ไม่เอาหรอก เดี๋ยวคนสงสัยว่าทำไมบูมมาค้างบ่อย” ผมพูดเตือนชายหนุ่มแต่ก็ดูจะไร้ผลยังไงไม่รู้

“ช่างเค้าดิ คนเค้ารักกันก็อยากจะอยู่ด้วยกันสิ จริงป่ะ หรือไม่โยก็มาค้างที่บ้านเราก็ได้” บูมเสนอไอเดีย

“ยิ่งไม่ได้ใหญ่ ถ้าม๊าบูมรู้เข้ามีหวังได้เลิกกันจริง ๆ แน่” ผมพูดอย่างหวาดหวั่น

“เราจะไปพูดกับม๊าเอง เราว่าม๊าเข้าใจ” ชายหนุ่มแสดงความมั่นใจ

“อย่าเลย เดี๋ยวจะทะเลาะกันเปล่า ๆ” ผมยังคงลังเลเพราะไม่อยากให้ครอบครัวต้องมาทะเลาะกันเพราะผมคนเดียว

“ไม่หรอก งั้นเอางี้ พรุ่งนี้โยไปกับเรา เราจะนัดม๊าไว้ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นเราจะจัดการเอง ขออย่างเดียว โยอย่าเพิ่งท้อและหนีเราไปก่อนก็พอ” บูมพูดด้วยสายตาวิงวิน

“ก็ได้ตามใจบูมนะ....แต่เราบอกตามตรงว่าเราไม่ค่อยสบายใจจริง ๆ” ผมพูดด้วยสีหน้าวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด

“เหอะน่า เชื่อเราดิ ไม่มีอะไรหรอก อย่าคิดมาก เอ้าอาหารมาแล้ว....มากินข้าวกัน” บูมพยายามทำให้ผมไม่เครียด

หลังจากที่เรากินอาหารกันเรียบร้อยแล้ว บูมก็จัดการนัดม๊าของบูมให้กลับมาร่วมทานอาหารเย็นที่บ้านในวันพรุ่งนี้ เพราะปกติม๊าของบูมจะไม่ค่อยได้กลับมากินข้าวที่บ้านเท่าไหร่ (ทีแรกก็เกือบจะนัดไม่ได้เพราะว่าม๊ากับป๊าของบูมต้องไปกินข้าวกับลูกค้า ดีนะที่บูมหัวไวบอกมีเรื่องจะปรึกษาเลยนัดได้สำเร็จ)

บูมขับรถมาส่งผมถึงบ้าน ผมเดินเข้าไปในบ้านด้วยความรู้สึกกลัว สับสน และวิตกกังวลปน ๆ กัน เพราะผมเคยเผชิญหน้ากับม๊าของบูมมาครั้งนึงแล้ว และผมเองที่เป็นฝ่ายยอมถอยออกมาหลังจากที่ได้พูดคุยกับม๊าของบูมแล้ว และในวันพรุ่งนี้จะเป็นอีกวันนึงที่ผมจะต้องเผชิญกับเค้าอีกเป็นครั้งที่สอง ผมเลยไม่รู้ว่าจะทำตัวยังไงดี ยิ่งคิดก็ยิ่งว้าวุ่นใจ…………แล้วเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น

“โยหรอ ปอนด์เองนะ ว่างอยู่หรือเปล่า”ชายหนุ่มส่งเสียงทักทายจากปลายสายอีกด้านด้วยความเกรงใจ

“อืมม.....ว่าง มีอะไรหรือเปล่าปอนด์ ดูน้ำเสียงไม่ค่อยจะดีเลย”ผมพูดเพราะจับน้ำเสียงที่ไม่ปกติของปอนด์ได้

“ก็.......เอ่อ....คือ...”ปอนด์อึกอัก ๆ

“มีอะไรก็พูดมาเลย เพื่อนกัน ถ้ามีอะไรช่วยกันได้เราก็จะช่วยเต็มที่”ผมพูดอย่างเต็มใจ

“คือว่า.........” ปอนด์ลังเลที่จะเอ่ยคำ ๆ นั้นออกมา

“ว่าอะไร............” ผมถามอีกครั้ง

“คือ.......โยช่วยมาเป็นแฟนเราได้ป่ะ”ปอนด์พูดด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ

“หา.........อะไรนะ”ผมร้องด้วยความตกใจ

จบตอนที่ 4/2 แล้วครับ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามครับ

 *************************************************
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 07-03-2007 14:55:52
 :o  เจ๊ยๆๆๆ ปอนด์เล่นไรแผลงๆป่าวเนี่ย อยู่ดีๆโทรมาขอให้โยเปงแฟนง่ายๆแบบนี้เรยเหรออ

รอๆลุ้นๆต่อไป  :yeb:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 07-03-2007 15:19:56
ขอกันง่ายๆอย่างนั้นเลยเหรอ :o

น่าสนแหะ ไปขอบ้างดีกว่าตรู :haun5:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 07-03-2007 15:30:50
จาเอาไปเย้ยคนเก่าหรอ.... :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 07-03-2007 15:43:34
 :o

ค่อยๆ คิด ค่อยๆ ทำ นะโย ปรึกษาบูมก่อนก็ได้  :try2: :try2: :try2:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 07-03-2007 19:22:48
อ้าวปอนด์ ขอกันง่าย ๆ เลยแฮะ  :laugh3:
มีปัญหาอาไรรึเปล่า  :impress:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 09-03-2007 12:29:42
"ตอนที่ 4/3"

    “คือ.......โยช่วยมาเป็นแฟนเราได้ป่ะ”ปอนด์พูดด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ

    “หา.........อะไรนะ”ผมร้องด้วยความตกใจ

    “เปล่า ๆ ๆ ไม่ใช่แบบนั้น....พอดีกอล์ฟมาตามตื้อเรา บอกว่าเค้าเลิกกับแฟนเค้าแล้ว และเค้ารักเราจริง ๆ แต่เราไม่เชื่ออ่ะ เรารำคาญเลยบอกไปว่า เรามีแฟนใหม่แล้ว น้องเค้าก็ยังไม่เชื่อเลยท้าให้เราพาแฟนไปเจอน้องเค้าถึงจะเชื่อ ทีแรกเราก็กะจะเอาเพื่อนที่คณะไป แต่ติดที่เค้ารู้จักเพื่อนเราหมดทุกคนเลย เพราะอยู่คณะเดียวกัน เราเลยหมดหนทางต้องมาขอความช่วยเหลือจากโยนั่นแหละ”ปอนด์อธิบายเรื่องให้ฟังอย่างเร็ว ก่อนที่ผมจะหัวใจวายซะก่อนเพราะแค่นี้เรื่องของผมก็ยังไม่จบเลย

    “เฮ้ออออออออ....ค่อยยังชั่วหน่อย นึกว่าเอาอีกแล้ว”ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก

    “โหหหหหหหห.....เราแย่ขนาดนั้นเลยหรอ”ปอนด์พูดด้วยน้ำเสียงน้อยใจ

    “เปล่า ๆ ๆ เราไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น เราแค่กำลังกลุ้มใจเรื่องของเราอยู่น่ะ” ผมรีบบอกปฎิเสธ

    “โยกลุ้มใจเรื่องอะไรหรอ” ปอนด์ถามด้วยความห่วงใย

    “ก็นิดหน่อย ไม่มีอะไรหรอก” ผมพยายามบอกปัดแต่ว่า....

    “โยไม่ไว้ใจเราหรอ” ชายหนุ่มพูดเสียงเศร้า

    “เปล่าเราแค่.........” ผมกำลังตัดสินใจว่าจะเล่าดีหรือไม่.....

    “แค่อะไร มีอะไรก็ปรึกษาเราได้นะ เรายินดี...........”

    “ก็เรื่องมัน..................................” ผมเล่าเรื่องระหว่างผมกับม๊าของบูมให้ชายหนุ่มฟัง รวมไปถึงนัดของบูมในวันรุ่งขึ้นด้วย

    “เราว่านะ ถ้าบูมเค้าการันตีแบบนั้น โยก็น่าจะไว้ใจในตัวเค้านะ” ปอนด์พยายามให้กำลังใจผม

    “เราก็ไว้ใจเค้าอ่ะนะ แต่ที่เราไม่ไว้ใจก็ม๊าของเค้าอ่ะดิ เรายังไม่รู้เลยว่าจะทำหน้ายังไงดีเวลาที่เจอเค้า” ผมพูดด้วยความกังวลอย่างมาก

    “ก็เป็นแบบที่โยเป็นอ่ะดีแล้ว อย่าไปคิดมากเลย เราว่าพ่อแม่ทุกคนก็อยากให้ลูกมีความสุข และยอมรับในสิ่งที่ลูกเป็นทุกคน อาจจะใช้เวลาบ้าง แต่เราเชื่อว่าโยและบูมจะผ่านพ้นมาได้แน่” ปอนด์พยายามปลอบใจผม

    “ขอบใจมาก ๆ เลยอ่ะ ปอนด์ เราสบายใจขึ้นมากเลย” ผมพูดอย่างสบายใจขึ้นนิดหน่อย

    “ไม่เป็นไร ว่าแต่ว่า เรื่องนั้นโยช่วยเราได้หรือเปล่า” ชายหนุ่มวกกลับไปเรื่องเดิมอีกครั้ง

    “ได้น่ะมันได้อยู่ แต่ปอนด์แน่ใจหรอว่าเค้าจะเชื่อเรา” ผมถามอย่างไม่แน่ใจ

    “เชื่อดิ นะ นะ นะ บอกบูมให้รู้ก่อนก็ได้ หรือไม่พาไปด้วยก็ได้”

    “เฮ้อออ...........” ผมถอนหายใจอย่างคิดหนัก เพราะถ้าเรื่องรู้ถึงหูบูมละก็มีหวัง.......

    “อย่าถอนหายใจดิครับ”

    “555 เอาเป็นว่าเราจะช่วยแล้วกัน แต่ขอเป็นอีกสอง สามวันได้ป่ะปอนด์ ขอเราผ่านวิกฤตการณ์ของเราไปได้ก่อนนะ” ผมรับคำอย่างไม่ค่อยเต็มใจนักและในใจก็พยายามหาทางอื่นเพื่อช่วยปอนด์อยู่.......

    “ได้ ๆ ๆ โยน่ารักที่สุดเลย เฮ้อออออ....ยิ่งคิดก็ยิ่งเสียดาย” อย่าพูดแบบนั้นดิ เดี๋ยวยิ่งช่วยไม่ได้ใหญ่

    “เสียดายอะไร” ผมแกล้งถามทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แก่ใจ

    “ก็ไม่น่าปล่อยโยไปให้บูมเลย” ปอนด์ตอบกลับอย่างอารมณ์ดี

    “อ้าว.........”

    “ล้อเล่น...........” ชายหนุ่มรีบแก้ตัว

    “โอเค ๆ งั้นตกลงตามนี้นะ แล้วยังไงเราค่อยนัดกันอีกทีนะปอนด์” ผมรีบสรุปเพราะมีสายซ้อนเข้ามาแล้ว....ใครเนี่ย สงสัยจะ....

    “ได้ครับ ขอบใจมาก ๆ ๆ ๆ ๆ เลยนะโย.....บายครับ ฝันดีนะ”

    “บาย” ผมเอ่ยลาและกดสลับสายทันที

    “มีอะไรอีกล่ะ วางแผนอะไรมาดัดหลังเราอีกป่ะเนี่ยคุณชายโบ” ผมกดสลับสายโทรเมื่อเห็นเบอร์ที่โชว์เข้ามา

    “ใครจะกล้าละครับ แค่อยากจะโทรมาถามว่า ที่ทะเลาะกับบูมคืนดีกันหรือยัง เพื่อนอุตส่าห์หาเวลาให้” ไอ้โบนักวางแผนโทรมาตามผลงาน

    “เออ.....ขอบใจ ดีแล้ว แต่ไอ้ที่ไม่ดีน่ะ.....................................” ผมเล่าเรื่องที่ผมนัดกับบูมเพื่อไปพบม๊าของเค้ารวมไปถึงเรื่องที่ปอนด์มาปรึกษาเมื่อสักครู่ให้โบฟังและผมก็เริ่มจะเห็นเค้าของสิ่งที่สามารถช่วยเหลือปอนด์ได้แล้ว....

    “แล้วแกจะทำยังไงกับนัดของแกพรุ่งนี้อ่ะโย ท่าทางพรุ่งนี้งานหนักแน่ ๆ” ไอ้โบถามอย่างขยาด

    “ก็นั่นอ่ะดิ แต่เราปลงแล้วอ่ะโบ อะไรจะเกิดก็ปล่อยให้มันเกิด อย่างมากก็เลิกกันอีกรอบ” ผมเริ่มปลงกับชีวิต

    “จะบ้าหรอ ปากไม่เป็นมงคลเลย อุตส่าห์กลับมาคืนดีกันขนาดนี้แล้ว รีบตบปากตัวเองเลย” โบพูดอย่างอารมณ์เสีย

    “เว่อร์ละ ๆ แค่เปรย ๆ เฉย ๆ ไม่เลิกหรอกน่า จะบ้าหรอ” ผมตอบกลับอย่างขำ ๆ (นี่รู้สึกจะเชียร์บูมออกนอกหน้าเหลือเกินนะ ได้ใต้โต๊ะหรือเปล่าเนี่ย)

    “เออ ให้มันได้อย่างงี้สิ” ไอ้โบลอบถอนใจ (นั่นไงน่าสงสัย)

    “โบ.........มีเรื่องอะไรให้ช่วยหน่อยได้ป่ะ” ผมได้ทีเลยแอบดัดหลังมันมั่ง อิอิ

    “เรื่องอะไรอีกล่ะ ถ้าให้เราไปเป็นเพื่อนไม่เอานะโว๊ยยย” โบรีบออกตัว (ทีงี้ละไม่กล้า)

    “โธ่เอ๊ย นึกว่าจะแน่......ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอกน่า........ก็อย่างที่เล่าไปว่าปอนด์เค้ามาขอความช่วยเหลือ...............”ผมพยายามลำดับเหตุการณ์เรื่องของปอนด์ให้ไอ้โบฟังอย่างละเอียด เพื่อ......

    “แล้วไง จะให้เราช่วยยังไงหรอ” นั่นไงในที่สุดก็หลงกลไอ้โบ....

    “ก็โบช่วยแกล้งไปเป็นแฟนกับปอนด์แทนเราให้หน่อยได้ป่ะ” ผมไม่รอช้ารีบชิงความได้เปรียบ

    “อ้าวแล้วทำไมต้องเป็นเราด้วยล่ะ โยก็ไปเป็นเองสิ เค้าขอร้องโยนะ ไม่ใช่ขอร้องเรา” อ้าว....ไอ้โบ ทำไมไม่ช่วยล่ะ

    “เหอะน่า........ก็แกลองคิดดูดิว่าบูมขี้หึงขนาดไหน ถ้าลองเราไปบอกเรื่องนี้กับเค้า เค้าคงจะไม่ว่าเราหรอกนะ อีกอย่างเราก็เพิ่งจะคืนดีกันด้วย นะโบ ถือว่าช่วยเพื่อนตาดำ ๆ เถอะนะ ไหน ๆ ก็ช่วยกันมาขนาดนี้แล้ว” ผมชัดแม่น้ำทั้งห้าเพื่ออ้อนไอ้โบ

    “แล้วไม่ให้ไอ้กายไปเป็นล่ะ แล้วไม่กลัวแฟนเรารู้บ้างหรอ” ไอ้โบถามกลับ (ไหนบอกเลิกกลัวแฟนแล้วไงวะ)

    “แล้วแฟนแกจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ อีกอย่างไอ้กายมันจะยอมหรือ พูดอะไรไม่คิดเลยไอ้นี่” ผมพยายามโน้มน้าวอย่างไม่ลดละ

    “เออ จริงว่ะ เดี๋ยวโดนมันด่าอีก เออ ๆ ๆ เอายังไงก็เอาวะ มาขนาดนี้แล้ว เพื่อเพื่อน เพื่อนแฟนเพื่อน และเพื่อ เพื่อนของเพื่อน อีกที” ไอ้โบนึกมโนภาพถ้าโดนไอ้กายด่าเรื่องนี้คงจะไม่เหลือชิ้นดี เลยยอมจำนน

    “ขอบใจมาก ๆ เลยโบ เดี๋ยวต้องรีบโทรไปบอกปอนด์ก่อน แค่นี้นะ ขอบใจว่ะโบ บาย” ผมรีบตัดบทเพราะกลัวมันเปลี่ยนใจ


    หลังจากที่ผมวางหูจากไอ้โบ ผมก็รีบโทรไปแจ้งข่าวเรื่องการเปลี่ยนตัวแสดงจากผมมาเป็นไอ้โบแทนกับปอนด์ ซึ่งปอนด์ก็ไม่ได้ว่าอะไร แถมยังดีใจซะอีก ขอบอกขอบใจผมซะยกใหญ่ที่หาคนช่วยได้ เพราะปอนด์เองก็กลัวว่าถ้าบูมมาเห็นแล้วแผนจะแตกเช่นกัน (เฮ้ออออ นั่นไหมล่ะ มีแต่คนกลัว)

    หลังจากที่ผมวางหูโทรศัพท์จากปอนด์และกำลังจะเดินไปหยิบเสื้อผ้าเพื่อที่จะอาบน้ำ ก็ได้ยินเสียงมือถือผมดังขึ้น.......

    “รีบรับเลยนะวันนี้”เสียงชายหนุ่มหัวเราะอย่างอารมณ์ดีดังขึ้นหลังจากที่ผมรับสาย

    “จะไม่รีบรับได้ยังไงล่ะ เดี๋ยวก็มีใครบางคนแถวนี้งอนอีก” ผมแซวบูมกลับไป

    “ใครก็ไม่รู้เนอะ เราว่าหน้าตาต้องหล่อมาก ๆ แน่เลย 555” หลงตัวเองที่สุด

    “บูมรอแป๊ปนะ เดี๋ยวเราจะไปหาของก่อน” ผมได้ยินแบบนั้นก็ยิงมุขกลับทันที

    “หาอะไรหรอ” นั่นไงหลงกลแล้ว

    “หาถังขยะน่ะ กำลังจะอ้วก 555” ผมหัวเราะอย่างสะใจ

    “อะไรกัน นี่พวกเรา..xxx..แค่ไม่กี่วัน ท้องแล้วหรอ ท่าทางเชื้อเราคงจะแรงน่าดู 555” โห.....สุดยอดมุขท่านพี่บูม

    “บ้าอ่ะดิ หลงตัวเอง......” ผมพูดอย่างเขิน ๆ

    “หลงคนที่กำลังพูดด้วยมากกว่า.....หลงจนถอนตัวไม่ขึ้นเลย.....” หูยยย.....คิดได้ไงอ่ะหวานมาก ๆ

    “อารมณ์ไหนเนี่ย” ผมพูดแบบเขิน ๆ

    “โหหหหหหหหหหหหหหห......โยอ่ะ ไม่โรแมนติคเลย คนอุตส่าห์พูดหวาน ๆ ด้วย” ชายหนุ่มบ่น

    “555 อ้าว.......กำลังโรแมนติคหรอ เอาใหม่ ๆ อ่ะ 5 …4…3…2…1 action”

    “พอเลย ๆ จำไว้เลย วันหลังอย่ามาขอให้พูดนะ งอนแล้วด้วย” บูมพูดงอน ๆ

    “อ่ะ โอ๊วววว ๆ ๆ อย่างอนเลยนะ อ่ะโรแมนส์ ก็ โรแมนส์นะครับ”

    “ไม่.............” ชายหนุ่มยังคงงอนไม่เลิก

    “นะ นะ นะ” ผมอ้อนกลับ

    “ไม่นอกจากจะให้เราไปค้างด้วยก่อน” นั่นไงในที่สุดหางจิ้งจอกก็โผล่ออกมาจนได้

    “เอาอีกละ งอนแบบนี้หวังผลนี่นา” ผมพูดอย่างรู้ทัน

    “555 นะ นะ นะ ได้ไหม ๆ นะ นะ นะครับ อยากนอนกอดโยทั้งคืนเลย” บูมอ้อน

    “ถ้าแค่กอดอย่างเดียวก็โอเค” ผมแหย่เล่น

    “โหหหหหหหหหหหหห........ไรอ่ะ ชอบพูดดักคออยู่เรื่อยเลย ไม่สนแล้ว ยังไงก็ต้องให้เราไปค้างด้วยนะ เพราะเรามารอข้างล่างแล้ว” นั่นไงแผนร้ายไหมล่ะ มัดมือชกเฉยเลย

    “อะไรนะ.........” ผมอุทานออกมา

    “ก็ดูที่หน้าต่างดิ”

    “แผนร้ายมาก ๆ เลยนะ” ผมพูดเบา ๆ

    “อ้าวก็เราเป็นห่วงอ่ะ โยนอนคนเดียวไม่ใช่หรอช่วงนี้อ่ะ” นี่ไม่ใช่ห่วงแล้วมั้ง....

    “ไม่ต้องมาอ้างเลย”

    “เดี๋ยวค่อยคุยได้ป่ะ โยลงมาเปิดประตูหน่อยดิ จะได้เอารถเข้า” บูมเร่งให้ผมรีบลงมาเปิดประตู

    “ไม่........กลับไปเลย” อย่างนี้ผมต้องแกล้งซะหน่อย เลยปฎิเสธไป

    “ใจร้ายว่ะ แฟนใครอ่ะ ใจร้าย” ชายหนุ่มบ่นพึมพำ ๆ

    “ไม่รู้ โสด”

    “โสดจริงหรือเปล่า เราชอบของโสด ๆ หวานดี”

    “พอเลย ๆ เดี๋ยวเราลงไปเปิดประตูให้”

    “เร็ว ๆ นะ คิดถึงจะแย่อยู่แล้ว”

    “พอเลย ๆ เพิ่งแยกกันเมื่อไม่กี่ชั่วโมงเนี่ยนะ รอแป๊ปนึงนะ”

    หลังจากนั้นผมก็เดินลงไปเปิดประตูเพื่อให้รถชายหนุ่มเข้ามาจอดในบ้านและเดินเข้าไปในบ้านด้วยกัน.......

    จบตอนที่ 4/3 แล้วครับ นี่เป็นตอนสุดท้ายของอาทิตย์นี้แล้วนะครับ เพราะอาทิตย์หน้าคงจะมีงานที่ต้องรีบสะสางอีกเยอะ   .....ยังไงจะรีบมาต่อให้นะครับ ใครที่รอไม่ไหว ก็เข้ามาอ่านทีละนิดนะครับ อิอิ
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 09-03-2007 12:46:53
คืนนี้สงสัยจามีให้จิ้น :haun1:

เป็นกำลังใจให้นะครับพี่พูห์ สู้ๆ สู้โว้ย :yeb:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพย tabindex=
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 09-03-2007 12:49:33
  จบตอนที่ 4/3 แล้วครับ นี่เป็นตอนสุดท้ายของอาทิตย์นี้แล้วนะครับ เพราะอาทิตย์หน้าคงจะมีงานที่ต้องรีบสะสางอีกเยอะ   .....ยังไงจะรีบมาต่อให้นะครับ ใครที่รอไม่ไหว ก็เข้ามาอ่านทีละนิดนะครับ อิอิ

 :o เผลออ่านจนจบแล้วอ่ะ ไม่ยอมน๊า :serius2: :serius2: :serius2:

ยังไงก็จะรอนะคับ  :yeb: :yeb:

คนโพสสู้ๆ  :ped149: :ped149:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 09-03-2007 14:22:25
เข้าบ้านอีนาง...แล้วจะปล่อยอีนางหั้ยรอดได้อย่างไร.... :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: tsuyu ที่ 09-03-2007 14:33:20
  :dont2:  อย่าให้รอนานนะค่ะ
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 09-03-2007 15:23:26
รออ่านอยู่นะ อย่าให้รอนานนะ :serius2:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 09-03-2007 20:01:05
หุหุ นานเท่าไหร่ก็จะรอค๊าบบบบ   :dont2:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 10-03-2007 21:37:53
"ตอนที่ 5/1"

วันนี้ผมไปมหาวิทยาลัยกับบูมด้วยความรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก เพราะเย็นนี้ผมมีนัดที่จะต้องไปเจอกับม๊าของบูม ผมยังไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวอย่างไร ในเมื่อครั้งที่แล้วผมเป็นฝ่ายที่จะบอกม๊าของบูมเองว่าผมจะยอมเป็นฝ่ายถอยซะเอง แต่แล้วในครั้งนี้อยู่ดี ๆ ผมกับบูมก็กลับมาคบกันเหมือนเดิมอีก แถมบูมยังพามาเจอกับม๊าของบูมอีก ผมเลยทำหน้าไม่ถูก ไม่รู้จะทำตัวอย่างไรดี ยิ่งคิดก็ยิ่งสับสน จนทั้งคาบเช้าของวันนี้ผมเรียนหนังสือไม่รู้เรื่องเลย เอาแต่เหม่อและคิดเรื่องนี้อยู่ตลอดเวลา ยิ่งคาบบ่าย ผมว่าผมยิ่งเรียนไม่รู้เรื่องขึ้นไปอีก ผมเลยตัดสินใจโดดออกมาดีกว่า ซึ่งเพื่อน ๆ ผมรวมทั้งบูมเองก็เข้าใจและไม่ว่าอะไร บูมเลยพาผมไปสงบสติอารมณ์และทำใจก่อนจะเดินทางไปหาม๊าของบูมด้วยกันในตอนเย็น
บูมชวนผมมาเดินดูเสื้อผ้าที่ห้างแห่งหนึ่งแถวลาดพร้าว เพราะต้องการให้ผมได้ผ่อนคลายจะได้ไม่เครียด แต่ที่ไหนได้ คนกำลังอารมณ์แบบนี้จะมีกะจิตกะใจเลือกซื้อของไปได้ยังไง สรุปแล้วว่าผมเลยต้องเป็นฝ่ายเดินตามซะมากกว่า แล้วคุณชายบูมก็ไม่ได้สะทกสะท้าน สนอกสนใจอะไรเลย ท่านพี่ก็เอาแต่เดินเลือกซื้อของ เข้าร้านนู้นออกร้านนี้อย่างสบายใจ แถมยังให้ผมเป็นคนช่วยดูอีกว่าใส่แล้วจะเหมาะไหม อะไรประมาณนั้น (เฮ้อออออ ทำไมเค้าไม่ได้ตื่นเต้นอะไรบ้างเลย----ผมคิดอยู่ในใจ)

หลังจากที่เรา (ส่วนใหญ่ก็ของบูมทั้งนั้นแหละ) เลือกซื้อของอย่างพอใจแล้ว เราก็เดินไปหาร้านนั่งเพื่อฆ่าเวลา เพราะอีกหลายชั่วโมงกว่าจะถึงเวลานัดที่ทุกคนรอคอย.......

“เป็นอะไรไป โยยังตื่นเต้นอยู่อีกหรอ ไม่ต้องไปห่วงหรอกน่า มีเราอยู่ที่นั่นทั้งคน” บูมถามอย่างจับอาการของผมได้

“ก็ใครจะไปอารมณ์เย็นแบบบูมได้ล่ะ เดินเลือกของอยู่ได้ คนยิ่งกำลังตื่นเต้นอยู่”ผมบ่น

“อ้าว.....เป็นงั้นไป ก็ที่เราพามาที่นี่ ก็เพื่อที่จะให้โยผ่อนคลายจะได้หายตื่นเต้นไง” บูมพูดยิ้ม ๆ

“ยิ่งตื่นเต้นอ่ะดิไม่ว่า เวลาเตรียมตัวก็ยิ่งไม่ค่อยจะมีอยู่ อยู่ดี ๆ ก็นัดมาเจอ” ผมเริ่มเครียดขึ้น

“อ่ะมา....งั้นเดี๋ยวเราปลอบเอง มา...”บูมทำท่าจะลุกขึ้นมาโอบผม จนผมต้องทำตาเขียวใส่เพราะนี่มันกลางร้านอาหารในห้าง

“พอเลย ๆ เราไม่ได้ล้อเล่นนะเนี่ย”ผมพูดอย่างอารมณ์เสีย

“ก็ได้ๆ ไม่แกล้งแล้วก็ได้.....แต่เราว่า โย ไม่ต้องกังวลอะไรหรอก เราบอกแล้วไงว่า เราอยู่ที่นี่ทั้งคน ถึงผลมันจะออกมาเป็นยังไง เราขออย่างเดียว เราขอแค่ให้โยอยู่ข้างเราแค่นั้นก็พอ เพราะเรื่องอื่นๆ เราไม่ใส่ใจหรอก ยังไงซะสักวันนึงม๊าเราก็ต้องเข้าใจพวกเราอยู่ดี ไม่ว่าจะใช้เวลานานแค่ไหนก็ตาม เราก็จะยืนยันคำเดิม”บูมพูดด้วยสีหน้าจริงจัง

“เฮ้อออออออ......เราละกลัวว่าจะไม่ได้เป็นอย่างงั้นน่ะสิ”ผมพูดอย่างกลุ้มใจ แต่ก็ใจชื้นนิดหน่อยที่ได้ยินชายหนุ่มพูดแบบนั้น

“ทำไมแฟนเราขี้กลัวแบบนี้นะ ไม่น่าเชื่อ เห็นโหดขนาดนั้น เอาอย่างงี้แล้วกัน คืนนี้เห็นทีเราคงต้องไปนอนปลอบขวัญซะหน่อยแล้ว”บูมแซวเล่นพลางทำหน้ากรุ่มกริ่มอย่างมีแผน

“ทำเป็นพูดดี ถึงเวลาอย่ามาเป็นแบบเราละกัน”

“555 ไม่มีทาง เรามีวิธีแล้วกัน” บูมพูดอย่างเชื่อมั่นในแผนที่ตัวเองวางไว้

“บูมมีแผนอะไร บอกเรามั่งดิ” ผมถามอย่างสนใจ

“ไม่บอก”ชายหนุ่มส่ายหน้ายิ้ม ๆ

“ทำไมอ่ะ บอกหน่อยเหอะ นะ นะ”ผมอ้อน

“ไม่บอก จนกว่า คืนนี้โยจะมาค้างที่บ้านเราก่อน”ชายหนุ่มเสนอ

“จะไปค้างได้ยังไงล่ะ นี่แค่ให้เราเจอกับม๊าบูมอีกครั้ง เรายังกล้าๆ กลัว ๆ อยู่เลย แล้วนี่ยังจะให้เราไปค้างด้วยอีก เราไม่ตายหรอ”ผมส่ายหน้าอย่างหวั่น ๆ

“เรารับประกันได้ว่า ไม่มีอะไรหรอก เชื่อเราดิ”บูมบอกอย่างมั่นใจ

“เฮ้อออออออ...........”ผมถอนหายใจด้วยความรู้สึกอึดอัดและสับสน

หลังจากนั้นเราสองคนก็เดินทางมารอทานอาหารที่บ้านของบูมซึ่งตอนที่เรามาถึงม๊าของบูมยังคงติดงานแต่โทรกลับมาบอกว่าจะเข้ามาอีกประมาณ ครึ่งชั่วโมง บูมจึงพาผมขึ้นไปนั่งรอบนห้องและฝากป้าเล็กให้ช่วยขึ้นมาเรียกถ้าม๊าของบูมมาถึง.......เรานั่งรอม๊าของบูมได้สักพัก ป้าเล็กก็ขึ้นมาตามให้ลงไปทานอาหาร.....

“บูม....เราตื่นเต้นอ่ะ....”ผมพูดด้วยความรู้สึกตื่นเต้นอย่างมากขณะกำลังจะเดินลงไปที่ห้องอาหาร

“ไม่ต้องห่วงหรอก เรามีวิธีหรอกน่า ถึงกล้าพาโยมาขนาดนี้”บูมพยายามปลอบ แต่ผมก็ยังคงตื่นเต้นอยู่ดี

ทันทีที่ม๊าของบูมเห็นผมขณะที่เดินลงไปพร้อม ๆ กับบูม ม๊าของบูมก็แสดงสีหน้าและพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยจะพอใจเท่าไหร่นัก

“แล้วไหนบอกมีเรื่องจะปรึกษากับม๊า แล้วนี่เอาเพื่อนเรามาทำไม”ม๊าบูมพูดพลางมองผมด้วยหางตา

“สวัสดีครับม๊า รบกวนด้วยนะครับ”ผมไหว้ม๊าของบูม แต่ม๊าของบูมก็ทำท่าไม่ค่อยจะสนใจผมเท่าไหร่

“ไหนมีเรื่องอะไรก็รีบว่ามา ม๊าจะรีบไปทำธุระกับป๊าต่ออีก” ม๊าขอบบูมพูดกับบูมขณะที่พวกเรานั่งลงเรียบร้อยแล้ว (บรรยากาศน่าอึดอัดที่สุด)

“ก็ไม่มีอะไร....แค่บูมจะพาโยมาให้ม๊ารู้จักก็แค่นั้นเอง” เอาละสิ บูม........โยนระเบิดมาแล้ว......ดูดิม๊าหันขวับมาทางผมด้วยสายตาไม่พอใจอย่างมาก

“อะไรนะ กะแค่เพื่อนคนเดียวทำไมต้องนัดม๊ามาเจอด้วย....เราจะเกินไปหน่อยแล้วนะบูม” ม๊าพูดด้วยน้ำเสียงที่ดังมาก จนผมรู้สึกตัวลีบ ๆ พิกล “แล้วอีกอย่างม๊าก็เคยเจอเค้าแล้ว แล้วจะมาแนะนำอะไรอีก” ม๊าพูดอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่

“เออ.......ใช่ ม๊าเคยเจอโยแล้วนิ บูมก็ลืมไป” เอาละสิ มุขไหนเนี่ย ไหนบอกว่ามีแผนเด็ดไง ทำไมยังไม่ปล่อยออกมาอีก

“ถ้าวันหลังกะอีแค่เรื่องแค่นี้ อย่ามารบกวนเวลาของม๊าอีกนะเข้าใจไหม” ม๊าของบูมเหล่มาทางผมนิดหน่อยแล้วพูดขึ้นมา “ม๊าไม่ชอบคนกลับกลอก ต่อหน้าอีกอย่างลับหลังอีกอย่าง ยิ่งคนไม่รักษาสัญญายิ่งไม่ชอบเข้าไปใหญ่ จริงไหม” ม๊าแกล้งหันมาพูดกับผมจนผมหน้าชาไปเลย...........

**************************************************************************

จบตอนที่ 5/1 แล้วครับ ขอโทษนะครับที่ให้รอ แต่จะพยายามเคลียร์งานให้จบนะครับ ขอบคุณครับ
 
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 10-03-2007 21:52:09
 :เฮ้อ: รู้สึกคุณแม่บูมม่ายปลื้มง่ะ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 10-03-2007 22:39:32
ดูท่าจะลุ้นไม่ขึ้นแฮะ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 10-03-2007 23:02:57
สงสารโยจังเลย :เศร้า1:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: MyLoveMyBabe ที่ 11-03-2007 19:24:40
เพิ่งเห็นว่ามีภาคสองด้วย ตาพูห์ไม่ยอมบอกเลย  (นี่โทษซะเลย) เหอๆๆ :kikkik:

ดีใจที่ทั้งคู้กลับมาคืนดีกันได้ แต่ก็ดูมีเรื่องราวอุปสรรครออยู่อีกเยอะ :monkeysad2:

นี่ม๊าบูมดูท่าจะไม่ปลื้มเอามากๆเลย สงสารโยจัง ตอนนั้นคงอึดอัดน่าดู :11111:

เมื่อไหร่บูมจะงั้นแผนการออกมานะ เร็วๆซิคร๊าบบเห็นใจแฟนตัวเองหน่อย :ฮึ่มม:

ขอให้โชคดีนะคร้าบบ :call:


ปล. มาลงต่อไวๆนะคร้าบบ :โหลๆ:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 12-03-2007 11:50:51
..........โดนม๊าบูมว่าไป 1 ยก....  :เฮ้อ: :เฮ้อ:

....................เอาไงต่อดีจ้ะโยจ๋า...... :110011: :เชิป2:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: tsuyu ที่ 13-03-2007 10:04:48
ท่าทางจะศึกหนักนะเนี่ย

โยสู้สู้

 :yeb:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพ?
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 14-03-2007 11:50:37
"ตอนที่ 5/2"

    “ถ้าวันหลังกะอีแค่เรื่องแค่นี้ อย่ามารบกวนเวลาของม๊าอีกนะเข้าใจไหม” ม๊าของบูมเหล่มาทางผมนิดหน่อยแล้วพูดขึ้นมา “ม๊าไม่ชอบคนกลับกลอก ต่อหน้าอีกอย่างลับหลังอีกอย่าง ยิ่งคนไม่รักษาสัญญายิ่งไม่ชอบเข้าไปใหญ่ จริงไหม” ม๊าแกล้งหันมาพูดกับผมจนผมหน้าชาไปเลย...........

    “ครับ..............” ผมพูดได้แค่นั้นเอง อึดอัดมาก ๆ

    “บูมก็ไม่ชอบ ดีนะที่โยไม่ได้เป็นคนแบบนั้น จริงไหมโย” เฮ้อ ค่อยยังช่วยที่บูมขี่ม้าขาวมาช่วยได้ทันเวลา แต่ม๊าของบูมก็แสดงท่าทางไม่ค่อยพอใจเช่นกันที่ลูกชายตัวเองเข้าข้างอีกฝ่ายหนึ่ง

    “ม๊าก็ลืมถามไปว่าครอบครัวเราทำงานอะไร ม๊าไม่เห็นเราต้องไปช่วยงานที่บ้านเลยนี่ ถึงได้มาเที่ยวตาม ตาบูมแบบนี้” ม๊าพูดเรียบ ๆ แต่ใจความนี่เหยียดแบบบาดลึกสุด ๆ

    “เอ่อ............คือ” ผมกำลังอึกอัก ๆ จะตอบแต่บูมก็รีบชิงพูดขึ้นมาก่อน

    “ผมว่า ม๊าก็น่าจะรู้จักครอบครัวของโยนะครับ ”บูมพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ จนผมเริ่มงง

    “ม๊าจะไปรู้จักครอบครัวของเค้าได้ไงล่ะ เอ้อ เด็กคนนี้ ขนาดโย ม๊าเพิ่งจะเจอแค่ไม่กี่ครั้งเอง” ม๊ารีบตอบปฏิเสธ

    “รู้จักสิครับ ก็โยเค้าเป็นหลานของ ..... (ชื่อป้าผม).....เจ้าของรีสอร์ทที่เชียงรายอ่ะครับ ส่วนพ่อกับแม่โยก็เปิดบริษัท.....อ่ะครับ ” บูมพูดแทนผมจนม๊าหันขวับมาทางลูกชาย

    “ม๊าถามโย....เราไม่ต้องมาช่วยพูด แล้วยังไงเนี่ย ทางบ้านก็มีหน้ามีตาพอสมควร ทำไมถึงไม่ไปช่วยงานที่บ้าน มาเที่ยวตามตื้อตาบูมอยู่ได้” ม๊าพูดเสียงเรียบแต่บาดเป็นแผลลึกมาก ๆ

    “.............................”ผมอึ้งตอบไม่ถูก (ผมไม่ได้ตามตื้อนะครับ)

    “โยไม่เคยตามตื้อบูมเลยนะครับ บูมต่างหากที่เป็นคนไปขอคืนดีกับเค้าเอง ม๊าก็น่าจะรู้ดีว่า ที่แล้ว ๆ มาบูมเป็นยังไง รู้สึกยังไง เสียใจขนาดไหนบ้าง ตอนที่เลิกกับโย”บูมพูดด้วยสีหน้าเศร้า

    “ม๊าเข้าใจว่าบูมรู้สึกยังไง แต่นี่บูมอาจจะกำลังหลงก็ได้นะ เลยเป็นแบบนี้ อย่าพูดมากเลยดีกว่า ม๊าพูดคำเดียวเลยนะ ว่าให้แยกจากกันซะ” ม๊าพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด

    “บูมไม่เลิก ม๊าจะพูดยังไงก็ได้ จะสั่งให้บูมทำอะไรก็ได้ แต่บูมขอเรื่องนี้เรื่องเดียว เพราะบูมไม่มีทางทำได้ และจะไม่มีวันทำด้วย ม๊าไม่ต้องไปบีบบังคับอะไรโยเค้าอีก เพราะที่แล้ว ๆ มา เราสองคนเจ็บปวดมาพอแล้ว ม๊าเข้าใจไหมครับว่าเราเจ็บกันมาพอแล้ว”บูมเริ่มขึ้นเสียง จนผมต้องรีบห้ามไว้

    “บูมใจเย็น ๆ เบา ๆ หน่อยก็ได้ เราว่าเรากลับก่อนดีกว่านะ เราไม่อยากให้บูมกับม๊าทะเลาะกันเพราะเรา”ผมพยายามเลี่ยงไม่ให้แม่ลูกปะทะอารมณ์กัน เพราะต่างฝ่ายก็ดูเหมือนจะใจร้อนพอ ๆกัน

    “ไม่ต้อง...เราต้องพูดกันให้รู้เรื่อง”ม๊าพูดหันมาสั่งผม

    “ใช่....โย วันนี้เราต้องคุยกันให้รู้เรื่อง” บูมหันมาพูดกับผมเช่นกัน

    “ตกลงจะเอายังไง จะเลิกหรือไม่เลิก บูมรู้ไหมว่าสังคมภายนอกเค้าจะคิดยังไงถ้ารู้ว่าแกเป็นแบบนี้ ม๊าไม่ว่าอะไรหรอกนะ ม๊ารับได้ แต่คนอื่นล่ะเค้าจะรับได้หรือเปล่า คิดดูนะว่าสังคมบ้านเรายังเปิดกว้างไม่พอหรอกนะที่จะไปรับกับเรื่องแบบนี้ ม๊าอยากให้เราคิดดูดี ๆ โยก็เหมือนกัน เราเองหน้าตาในสังคมอีกหน่อยก็ต้องมี ม๊าผ่านมาแล้ว ม๊ารู้ดีว่ามันเป็นยังไง คิดดูดี ๆ” ม๊าพยายามอธิบายเหตุผล

    “บูมไม่สนใจหรอกว่าคนภายนอกจะคิดยังไง ม๊าอยากให้บูมไม่มีความสุขตลอดชีวิตหรือไง ถึงแม้ว่าเราอาจจะได้รับสิ่งไม่ดี หรือ ได้ยินคนนินทาเราในทางที่ไม่ดีจากภายนอก แต่พอเรากลับถึงบ้าน เราได้เจอคนที่เรารัก ได้อยู่กับคนที่เรารัก และรักเรา มันก็พอแล้วไม่ใช่หรอ แต่ในทางกลับกัน ม๊าลองคิดดู ถ้าพอเรากลับถึงบ้าน เรากลับต้องมานั่งเหงา อยู่คนเดียวเพราะมัวแต่แคร์สังคมภายนอก ทำให้ไม่ได้อยู่กับคนที่เรารัก บูมรู้ดีว่าการอยู่อย่างโดดเดี่ยวมันเป็นยังไง ม๊ารู้ไหม ตอนที่ม๊ากับป๊าทำแต่งานบูมรู้สึกยังไง เหงาแค่ไหน ตอนนี้บูมได้เจอคนที่มาช่วยเติมส่วนที่ขาดของบูมแล้ว บูมจะไม่มีทางปล่อยเค้าไปเด็ดขาด ขอร้องเถอะครับม๊า อย่าแยกเราสองคนเลย บูมขอร้อง” บูมพูดทั้งน้ำตา จนผมน้ำตาซึมเลย

    “เฮ้อออ.....ในเมื่อม๊าพูดมาขนาดนี้แล้วบูมยังไม่เชื่อ ม๊าก็จะไปว่าอะไรได้อีก แล้วแต่บูมก็แล้วกัน แล้วหวังว่า เราจะรักลูกม๊าจริงๆ นะ ม๊าจะไม่ห้ามพวกแกแล้วเรื่องที่จะคบกัน แต่ขอให้อยู่ในกรอบนะ อย่าทำอะไรประเจิดประเจ้อมากนัก แม้ว่าแกจะไม่แคร์สังคม แต่สักวันแกจะรู้และเข้าใจในสิ่งที่ม๊ากำลังพูด” ม๊าพูดส่ายหน้าช้า ๆ

    “ครับม๊า ขอบคุณครับ.....”ผมรับคำม๊า

    “ขอบคุณครับม๊า....บูมดีใจที่สุดเลยที่เกิดมาเป็นลูกของม๊า....ต่อไปนี้ บูมสัญญาว่าจะไม่ทำตัวเกเรอีกแล้ว” บูมยิ้มทั้งน้ำตา

    “ก็ลองเรา เกเรสิ ม๊าจะให้โยช่วยม๊าจัดการ เอาให้หนักเลยทีนี้”ม๊าพูดยิ้ม ๆ

    “ได้ไงอ่ะครับ....”บูมพูดพลางหันหน้ามาทางผม

    “ครับม๊า ผมจะช่วยเป็นหูเป็นตาแทนให้ครับ จะไม่ให้บูมไปทำตัวเหลวไหลที่ไหนเลยครับ”ผมพูดยิ้มๆ

    “โห.......อะไรกันเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลยนะคู่นี้ อย่างงี้บูมก็เป็นหมาหัวเน่าอ่ะดิ” บูมพูดงอน ๆ

    “หรือว่า จะให้ม๊าทะเลาะกับโยอีก เอาไงลูกคนนี้” ม๊าหยอกบูม

    “ไม่เอาแล้วครับ” บูมรีบปฏิเสธ จนผมกับม๊าอดที่จะขำไม่ได้

    ตอนนี้ผมรู้สึกโล่งอกที่ม๊าของบูมยอมรับในสิ่งที่เราสองคนพยายามสื่อออกไป แต่ก็อีกนั่นแหละเรื่องที่ม๊าของบูมพูดและเป็นห่วงมันก็ยังคงเป็นสิ่งที่เราสองคนต้องเผชิญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งตัวผมเองก็กังวลเรื่องนี้เช่นกัน เพราะเราสองคนต่างก็ต้องดำรงอยู่ในสังคมนี้ไปอีกยาวนาน

    หลังจากที่ม๊าของบูมขอตัวไปทำธุระต่อแล้ว ผมกับบูมก็ยังคงนั่งทานอาหารอยู่บนโต๊ะอาหาร

    “สรุปว่า ที่บูมว่ามีวิธีเด็ดนี่คือ ให้เรามาเสี่ยงเองใช่ไหมเนี่ย เฮ้ออออออออออ” ผมละกลุ้มทำไมผมต้องมาเสี่ยงด้วยเนี่ย

    “เอาน่า นี่ก็สำเร็จแล้วไง นะ นะ นะ เราละดีใจที่สุดเลย เพราะจะได้ไม่มีใครมาขวางเราสองคนอีก แล้วเมื่อกี้เห็นไหมว่าม๊าของเราเริ่มเอ็นดูโยแล้วนะ” บูมยิ้มอย่างโล่งอก

    “จริง ๆ ก็ดีน่ะสิ เราก็หวังให้เป็นแบบนั้นเหมือนกัน”

    “จริง ๆ ไม่เชื่อเราหรอ..........”ใครจะไปเชื่อ ไหนว่ามีแผนเด็ด ดีนะที่ม๊าเข้าใจ

    “ใครจะไปเชื่อ เราก็นึกว่าจะมีแผนอะไร ที่ไหนได้” ผมพูดแขวะ

    “เอาน่า....เออ วันนี้โยอยู่ค้างบ้านเรานะ ไม่ต้องกลับหรอก มันดึกแล้ว นะ นะ นะ” บูมชวนเพราะเห็นว่ามันดึกแล้ว

    “ไม่ได้หรอก เพราะที่บ้านเราไม่มีคนอยู่ แม่เรากว่าจะกลับก็ประมาณวันอาทิตย์แน่ะ” ผมอดห่วงบ้านไม่ได้

    “เราว่าเราห่วงโยมากกว่า อยู่บ้านคนเดียว ยิ่งซุ่มซ่ามอยู่ ขนาดหยิบยายังหยิบผิดเลย ไม่รู้ล่ะ เราจะพาโยกลับไปเก็บของที่บ้านมาค้างบ้านเราจนกว่าแม่ของโยจะกลับ แต่ถ้าโยห่วงบ้าน เดี๋ยวพวกเราสลับไปค้างบ้านโยบ้างก็ได้ จะได้สบายใจทั้งสองฝ่าย” บูมเสนอ

    “ตามใจ..........”ผมรับคำเพราะไม่รู้จะเถียงยังไงเพราะเป็นเรื่องจริงอ่ะครับ ได้แต่ทำตามคำบัญชา

    ระหว่างทางที่บูมพาผมกลับมาเอาเสื้อผ้าที่บ้าน บูมโทรไปขออนุญาตกับม๊าเรื่องที่จะให้ผมมาค้างที่บ้านโดยอธิบายเหตุผลให้ฟังซึ่งม๊าก็ไม่ได้ว่าอะไร และยังฝากให้บูมดูแลผมให้ดีด้วย

    “เห็นไหมเราบอกแล้ว ว่าเราอยู่ทั้งคน ไม่ต้องห่วง อย่างงั้น คืนนี้โยจะให้อะไรเราเป็นของขวัญ” บูมได้ทีรีบทวงถาม

    “รางวัลอะไร..........”ผมแกล้งถาม แต่จริง ๆ อ่ะ แค่พูดออกมาก็รู้แล้วว่าต้องการอะไร

    “ก็............” บูมยิ้มอย่างมีเลศนัย

    “ไม่เอาหรอก ถึงเราจะไปค้างที่บ้านบูม แต่ม๊าก็ไม่ได้อนุญาตให้เราอยู่ห้องเดียวกันนะ” ผมรีบชิงออกตัวก่อนเลย

    “ม๊าไม่เห็นต้องมาบอกเลย เราบอกเองก็ได้... แล้วทำไมโยจะต้องไปค้างที่ห้องอื่นด้วยล่ะ ห้องแฟนตัวเองก็มี ทีเราไปค้างบ้านของโย เรายังนอนห้องของโยได้เลย นะ นะ นะ เรายิ่งเป็นโรคขี้เหงาด้วยอ่ะ นะ นะ.......”บูมอ้อน

    “เหงาที่ไหน เราไม่เห็นจะเป็นเลย” ผมแกล้งยั่วบูมเล่น

    “นะ นะ นะ เราเหงาจริง ๆ เหงาไปทั้งตัวเลย ไม่เชื่อลองจับดูดิ”บูมดึงมือผมไปแตะที่ตัวเค้า (อย่าคิดมากนะครับ ที่ตัวจริง ๆ)

    “ไม่เอาหรอก....เร็ว ๆ ช่วยกันเก็บของจะได้เสร็จเร็ว ๆ ถ้าไม่ช่วยงั้นบูมไปรอข้างล่างก็ได้ไป” ผมรีบเปลี่ยนเรื่องก่อนที่อะไร ๆ มันจะพาไปจนไม่ได้เก็บของซะ

    “ไม่เอา จะนั่งดูโยอยู่นี่แหละ”แน่ะขี้เกียจอีก

    “โห....คนเรา ไม่ช่วยกันแล้วอย่างงี้หรอ” ผมพูดงอน ๆ

    “ก็โย ไม่ยอมให้รางวัลเราอ่ะ”บูมยังคงทวงรางวัลต่อ

    “ตามใจ เก็บเองก็ได้......” ผมเลยแกล้งทำเป็นไม่สนใจ จนบูมทนไม่ไหว

    “อ่ะ ๆ ๆ ช่วยเก็บก็ได้ ไม่ต้องเอาอะไรไปเยอะนะ เพราะเดี๋ยวตอนนอนก็ไม่ได้ใส่อะไรละ 555” ทำไมบูมลามกอย่างนี้นะ

    “คิดแต่เรื่องแบบนี้ได้ทั้งวัน....” ผมได้แต่ส่ายหน้า

    “ก็คิดกับโยคนเดียวแหละ”

    “เฮ้ออออออออออออออออ”

    หลังจากผ่านพ้นวิกฤตการณ์ครั้งนี้ไปได้ ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับบูมรวมไปถึงครอบครัวของบูมก็ดีขึ้นอย่างมาก ม๊ากับป๊าของบูมก็ไม่ได้ว่าอะไรเรื่องระหว่างผมกับบูม เพียงแต่บอกว่าจะให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ความสัมพันธ์ของเราสองคน แถมม๊ายังเอ็นดูผมเป็นพิเศษ ตามใจมากกว่าบูมซะอีก จนผมลืมเรื่องเก่า ๆ ไปหมดเลย เพราะขนาดม๊าไม่ค่อยจะมีเวลาว่าง ยังอุตส่าห์เรียกบูมพาผมไปทานข้าวด้วยเสมอ ๆ จนจะกลายเป็นกิจวัตรอยู่แล้ว ซึ่งบางครั้งบูมยังอดงอนไม่ได้ว่าทำไมม๊าเอาใจผมมากกว่าเค้าซะอีก อิอิ

    ..................................................
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 14-03-2007 11:52:25
.........................................................

และแม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างผมกับบูมและครอบครัวบูมจะไม่มีปัญหาอะไร แต่กลับมีสิ่งหนึ่งที่ผมต้องมานั่งกลุ้มใจแทน...นั่นก็คือเรื่องข่าวคราวความสัมพันธ์ระหว่างผมกับบูมที่มหาวิทยาลัย เพราะดันมีคนนอกรู้แล้วเอาไปพูด แถมยังเอาไปนินทาใส่สีตีไข่ซะไม่มีชิ้นดี (อย่างที่ม๊าบูมเคยบอกเป๊ะเลย)....สำหรับผมเองไม่ค่อยจะเท่าไหร่ เพราะผมเองไม่ได้ดังอะไรมากมาย แต่บูมนี่สิ กลายเป็น talk of the town ไปเลย เพราะบูมค่อนข้างจะมีชื่อพอสมควร และมีคนมาจีบค่อนข้างเยอะ ทำให้เวลาเราเดินไปไหนด้วยกัน ผมต้องพยายามเดินออกห่าง ๆ กับบูม และระวังตัวตลอดเวลา แต่บูมกลับไม่เป็นเช่นนั้น เค้าไม่สนใจสายตาคนอื่นแถมเวลาผมเดินออกห่างก็จะคอยมาฉุดผมไปเดินใกล้ ๆ หรือเดินจูงมือผมไปซะดื้อ ๆ อย่างงั้น จนตอนนี้ข่าวของผมกับบูมดังมาก ๆ ที่คณะ

    “บูม เราว่า เวลาเราเดินไปไหนด้วยกันต้องระวังตัวกันหน่อยนะ เพราะข่าวเราดังมากเลยนะตอนนี้ เรากลัวบูมจะเสียชื่ออ่ะ” ผมพูดกับบูมขณะทานอาหารเย็นที่ร้านแห่งหนึ่งด้วยความเป็นห่วง

    “ดังก็ดีสิ เราไม่สนใจเรื่องเสียชื่อเสียงหรือเปล่าหรอก เพราะมันไม่มีความหมาย ดีซะอีกพอมีข่าวของเราจะได้ไม่มีคนมาจีบโยไง คนที่มาจีบเราก็จะได้หายไปด้วย หวงนะรู้ไหม” บูมพูดอย่างไม่สนใจ (ผมดีใจนิดๆ ที่ได้ยินแบบนี้)

    “เอาจริง ๆ ดิ เราอ่ะ ไม่มีใครมาจีบแล้วตอนนี้ แต่บูมอ่ะ ไม่อายสายตาของคนอื่นหรอ เวลาเราเดินไปไหนด้วยกันมีแต่คนมองแล้วก็ซุบซิบกัน” ผมพูดอย่างเป็นห่วง

    “อายทำไม ก็เราเป็นแฟนกันจริง ๆ นิ ว่าแต่ไม่มีใครมายุ่งกับโยแล้วแน่นะ ดีนะที่ตอนนี้ปอนด์เป็นแฟนกับโบไปแล้วไม่งั้นน่าดู ชอบมาจีบคนมีแฟนแล้วอยู่นั่นแหละ” บูมพูดแบบไม่ค่อยสบอารมณ์นิด ๆ

    “เฮ้ออออ.....ไม่มีแล้ว คนมาจีบก็มีแฟนไปหมดแล้วไง เราไม่มีใครเอาแล้ว”

    “ใช่....ดูดิ หัวเริ่มเน่าแล้ว 555”

    “ไม่ให้กำลังใจกันเลย แถมยังมาทับถมอีก หึ.......ว่าแต่บูมไม่สนใจแน่นะ เรื่องข่าวลืออ่ะ” ผมยังคงถามย้ำอีกครั้ง

    “เราบอกกี่ครั้งแล้วว่าไม่ต้องไปใส่ใจคนอื่น เข้าใจไหม ต่อไปนี้เวลาคนอื่นมอง เราจะกอดโยโชว์ให้พวกนั้นเห็นเลย จะได้ไม่ต้องเอาไปนินทาอีก ให้พวกนั้นรู้ไปเลยว่าเราเป็นแฟนกัน จะได้จบเรื่องสักที หรือจะให้ประกาศออกไมค์เลยป่าว” บูมพูดจริงจัง

    “เฮ้อออออออ.........” ผมได้แต่ถอนหายใจ

    “เออ....วันนั้น พีท โทรมาคุยกับเราด้วย โทรมาหลายครั้งแล้วล่ะ พูดทำนองจะมาจีบ ๆ เราอ่ะ สงสัยรู้ข่าวเรากับโยเข้าเลยโทรมาจีบเรา 555” บูมพูดติดตลก

    “ แล้วบูมก็เลยคุยกับเค้าหรอ...กี่ครั้งแล้วเนี่ย..” ผมถามเสียงดุ

    “เปล่า ๆ ๆ เราคุยแค่แป๊ปเดียวเอง เราก็รีบวางสายเลย ใครจะกล้าล่ะ แฟนโหดขนาดนี้” บูมรีบปฏิเสธ

    “ใครโหด พูดดี ๆ นะ”

    “เปล่าครับ....ไม่โหดเลย” บูมพูดหน้าจ๋อย ๆ

    “แต่เราว่า ต่อไปคงมีคนโทรมาจีบบูมเยอะขึ้นนะ เพราะอาจจะรู้เรื่องเราด้วยมั้ง เฮ้ออออ....ปกติก็เยอะอยู่แล้วนิ....เราละเบื่อ” ผมพูดเซ็ง ๆ

    “เราน่ะสิที่ต้องเบื่อ เอางี้ ต่อไปนี้เราฝากมือถือเราไว้กับโยดีกว่า ดีป่ะ จะได้ไม่มีคนโทรมาหาเราไง เราให้โยเป็นคนรับสายแล้วจัดการเลย” บูมเสนอ

    “ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอก...แต่อย่าให้รู้นะว่าเล่นด้วยกับเค้าอ่ะ หึ ไม่งั้นน่าดู” ผมพูดด้วยน้ำเสียงและแววตาที่น่ากลัว

    “ถ้าไม่อยากให้ใครโทรมาหาเรา ก็ไปค้างบ้านเราบ่อย ๆ ดิ หรือ ไม่งั้นก็ให้เราไปค้างที่บ้านโยก็ได้นะ จะได้คอยกันไง” นั่นเข้าแผนอีกแล้ว

    “ไม่ได้หรอก แค่นี้ข่าวพวกเราก็ดังอยู่แล้ว ถ้ายิ่งรู้ว่าพวกเราไปค้างที่บ้านของอีกฝ่ายบ่อย ๆ มีหวัง......” ผมละหวาดหวั่นกับข่าวลือจริง ๆ

    “เฮ้อออ บอกกี่ครั้งแล้ว ไม่จำสักที ว่าไม่ต้องแคร์คนอื่น ดูดิม๊ากับป๊าเราก็รักโย แม่กับพ่อโยก็รักเรา แล้วเราจะไปแคร์คนอื่นทำไม หรือว่าโยไม่ได้รักเราถึงไปใส่ใจกับเสียงคนอื่น” บูมเริ่มไม่ค่อยพอใจ

    “เปล่า แต่ว่า.........” ผมปฏิเสธ

    “เปล่านี่หมายความว่ายังไงอ่ะ รักหรือเปล่า” บูมพยายามคาดคั้น

    “อืมมมม........” ผมตอบเสียงอ่อย

    “อืมมม อะไรไม่เข้าใจ”บูมแกล้งพูดเสียงเข้ม

    “นี่บูมแกล้งกันหรอ ทำไมต้องให้พูดออกมาด้วยล่ะ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจนิด ๆ (ก็คนมันเขินอ่ะ)

    “ก็เราไม่ค่อยได้ยินโยพูดว่ารักเราเลยอ่ะ” บูมพูดอ้อน ๆ

    “ก็ที่แสดงอยู่นี่ไม่เข้าใจหรอไงอ่ะ”

    “ไม่เข้าใจ ตกลงว่ายังไงรักเราหรือเปล่าครับ”บูมแกล้งทำไร้เดียงสาเป็นเด็ก ๆ

    “อ่ะ ก็ได้ รักครับ” ผมพูดเขิน ๆ

    “แต่เราไม่ได้รักโยนะ” บูมพูดหน้าตาเฉย แถมทิ้งระยะเวลาสักแป๊ปนึง

    “ว่าไงนะ” ผมถามย้ำอีกครั้ง

    “ก็เราทั้งรักทั้งหลง โยมาก ๆ ต่างหาก อยากอยู่กับโยทั้งวันเลย” บูมพูดยิ้ม ๆ

    “แล้วใครห้ามล่ะ อยากอยู่ก็มาอยู่ดิ” เฮ้ย หลุดปาก.....

    “จริง ๆ นะ พูดแล้วห้ามคืนคำ ไม่งั้นไม่รักนะ เดี๋ยววันนี้เราไปค้างบ้านโยนะ นะ นะ ช่วงนี้ไม่รู้เป็นไง เหงาจังอยากนอนกอดโยอ่ะ”ได้ทีเลยนะ

    “กอด เฉย ๆ นะ” ผมเลยเอาคืนมั่ง อิอิ

    “กอดเฉย ๆ ก็ได้ แต่ถ้ามีอะไรขึ้นมาโยรับผิดชอบนะ” นั่นว่าแล้ว......

    “พอเลย ๆ จ่ายตังค์เหอะ จะได้รีบไป”

    “โห.......รอไม่ไหวเลยหรอ อ่ะไปรีบไปกันเถอะ เดี๋ยวจะช้า” นั่นลามกอีกละ

    “พอเลย ๆ”ผมพูดอย่างเอือมระอา

    หลังจากที่เราเช็คบิลเรียบร้อยแล้วกำลังจะเดินไปขึ้นรถตรงที่จอดรถ เสียงมือถือของบูมก็ดังขึ้น พอบูมเห็นเบอร์โทรเข้ามา ก็รีบส่งมือถือมาให้ผมทันที

    .............นี่มันเบอร์มือถือ อาร์ท นี่...........

    จบตอนที่ 5/2 แล้วครับ ช่วงนี้อาจจะมาอัพให้ไม่บ่อยนักนะครับ แต่ยังไงก็จะพยายามมาให้มากที่สุดนะครับ ส่วนเพื่อน ๆ ที่เล่น Msn ถ้าไม่เจอกันก็อย่าว่ากันนะครับ ขอเคลียร์งานแป๊ปนึงนะครับ

************************************
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 14-03-2007 14:53:06
..........รู้สึกว่าคู่นี้หวานจนเริ่มเลี่ยนแล้วอ่ะ.......... :oak: :oak:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 14-03-2007 20:28:49
ฮึ่ม  :o อาร์ทโทรมา มีอะไรรึเปล่า  :angry2:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: MyLoveMyBabe ที่ 15-03-2007 11:32:11
ในที่สุดม๊าก็ปลื้มจนได้ ดีใจจังเยยย :give2:


ว่าแต่นั้นเจ้าอาร์ท โทรมาไมอีกว่ะ  :angry2:


ปล.. บูมน่รักดีนิ ดูแลโยดี แถมมีแอบหื่นเล็กๆ ช้อบชอบ 555+ :-[
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: tsuyu ที่ 15-03-2007 16:09:52
บูม ก็หวานซะมดขึ้นเลย  :-[

เอ๊ะ ... แล้วอาร์ทโทรมาทำไมเนี่ย  :angry2:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 16-03-2007 04:21:36
จะมีอุปสรรคอะไรอีกมั้ยเนี่ย :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 17-03-2007 10:32:49
"ตอนที่ 6/1"

    .............นี่มันเบอร์มือถือ อาร์ท นี่...........


    ทันทีที่ผมเห็นเบอร์ของอาร์ท ผมก็รู้สึกเบื่อหน่ายขึ้นมาทันที ตั้งแต่เรื่องของม๊าบูมละ เฮ้อ.......

    “สวัสดีครับ พอดีตอนนี้บูมไม่อยู่ มีอะไรฝากไว้หรือเปล่าครับ”ผมพูดอย่างสุภาพเพราะไม่คิดจะต่อล้อต่อเถียงอะไรด้วย

    “...........................”อาร์ทเงียบ

    “ฮัลโหล ....”

    “นั่นใครน่ะ.............”อาร์ทถามอย่างไม่แน่ใจ

    “ผมโย เพื่อนของบูมครับ” ผมพูดอย่างสุภาพ

    “แกเองหรอ เก่งนิ ขนาดม๊าของบูมยังยอมหลีกทางให้เลย ไม่ธรรมดานะ เห็นเงียบ ๆ อย่างงี้ ร้ายนะ ... แต่แกจำเอาไว้เลยนะว่าฉันไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ หรอก คอยดู นี่มันเพิ่งจะเริ่มต้นเอง แล้วเราจะได้เห็นกัน”อาร์ทพูดอย่างอาฆาตและวางสายไปทันที

    “เค้าว่ายังไงบ้างโย เห็นโยอึ้ง ๆ ไป”บูมถามหลังจากสังเกตเห็นสีหน้าของผม

    “ไม่มีอะไรหรอก นิดหน่อยเอง อย่าไปสนใจเลย กลับกันเหอะ”ผมพยายามพูดเพื่อไม่ให้บูมรู้สึกกังวล

    หลังจากวันที่อาร์ทโทรมาหาบูมในครั้งนั้น หลายวันมานี้ผมรู้สึกเหมือนมีโทรศัพท์ลึกลับ คอยโทรมาแกล้งที่บ้านผมอยู่เสมอ ๆ คือ มันเหมือนจะมีคนโทรศัพท์มาหา แต่พอดังสักระยะ สัก 3-4 ครั้งก็จะหายไป เป็นอย่างนี้ประจำทุกวัน วันละเป็นสิบ ๆ ครั้ง โดยเฉพาะตอนกลางคืน จะยิ่งโทรมาบ่อยมากๆ ขนาดตีสองตีสามก็ยังโทรมา ทำให้บ้านผมป่วนกันไปทั้งบ้าน ไม่ว่าจะเป็น แม่ของผม พ่อของผม หรือแม้กระทั่งตัวผมเอง ต้องคอยเดินมารับสาย บางครั้งนอนอยู่ก็ต้องตื่นมารับสาย เพราะเราไม่รู้ว่าใครจะมีธุระสำคัญหรือเปล่าที่โทรมา แต่พอเดินมาถึงก็มักจะเงียบหายไป จนตอนนี้ครอบครัวผมรู้สึกรำคาญมาก ๆ เพราะต้องคอยเดินมารับบ่อย ๆ ถึงขนาดที่บางครั้งผมต้องลงทุนมานั่งดักรอตรงโทรศัพท์ พอเสียงโทรศัพท์ดังปุ๊ปผมก็จะรีบรับสายทันที แต่พอรับแล้วเค้าก็ตัดสายทิ้งไป หรือบางครั้งก็มีเสียงหัวเราะดังออกมา แต่ผมจำไม่ได้หรอกครับว่าเป็นเสียงของใคร เพราะว่าเสียงมันก้อง ๆ ยังไงพิกล

    “โย.....แม่ว่าแจ้งไปที่องค์การโทรศัพท์เลยดีไหมลูก แม่รำคาญมาก ๆ เลย ใครกันนะเล่นอะไรพิเรนท์ ๆ แบบนี้ จับได้ละน่าดู” แม่ผมพูดตอนทานอาหารเย็นวันหนึ่งหลังจากที่ไอ้โทรศัพท์โรคจิตมันมาป่วนได้สักเกือบอาทิตย์ได้แล้ว

    “ผมเคยถามไปแล้วครับ แต่เค้าบอกว่าเค้าตรวจสอบไม่ได้ เพราะมันอาจจะเป็นเพราะเป็นพวกที่ใช้ PCT หรืออะไรพวกนี้โทรเข้ามาอ่ะครับแม่” ผมตอบ

    “แล้วเราจะจัดการกับไอ้โรคจิตคนนี้ได้ยังไงล่ะ พ่อละเบื่อ กลางค่ำกลางคืนก็ชอบโทรมารังควาญ ไม่ได้หลับไม่ได้นอนกันพอดี จะว่าเราไปสร้างศัตรูที่ไหน ก็ไม่มีนี่ แล้วเราล่ะมีบ้างไหมตาโย” พ่อผมถามด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย

    “ไม่มีนิครับ.........”ผมพยายามคิดว่าเป็นใครกันแน่ แต่จะว่าเป็นอาร์ทที่พูดอาฆาตไว้ก็ไม่น่าจะใช่เพราะเค้าไม่รู้จักเบอร์โทรศัพท์บ้านผมนี่

    “งั้นเอาอย่างนี้ เดี๋ยวแม่จะไปเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ใหม่เลยดีกว่าจะได้ตัดปัญหา” แม่ผมเสนอความคิด

    “ไม่ได้หรอกแม่ มันวุ่นวาย ต้องโทรแจ้งคนนู้นคนนี้อีกตั้งกี่คนว่าเราเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ มันยุ่งยาก”พ่อผมค้าน

    “แล้วจะปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ต่อไปหรอพ่อ”แม่ผมถามกลับไป

    “อืม......ก็คงจะต้องเป็นอย่างงั้นแหละ พ่อว่าสักพักก็คงจะเลิกโทรไปเอง รอดูอีกสักอาทิตย์สองอาทิตย์ละกันนะ”พ่อผมพูดด้วยความรู้สึกเหนื่อยหน่าย

    หลังจากวันนั้นมา ตลอดทั้งอาทิตย์ก็ยังคงมีโทรศัพท์โรคจิตโทรเข้ามาป่วนที่บ้านผมเหมือนเดิม แต่ที่ไม่เหมือนเดิมก็คือ ผมเริ่มรู้เป้าหมายของไอ้โรคจิตนี่แล้วว่ามันจะเล่นงานผมอย่างแน่นอนเพราะมีโทรศัพท์ที่ไม่โชว์เบอร์ นั่นก็คือพวก PCT ทั้งหลาย โทรเข้ามาที่มือถือผมเช่นกัน แต่พอผมรับสายก็รีบกดวางหู หรือไม่ก็เป็นเสียงหัวเราะของคนๆ เดิม จนผมเริ่มจะทนไม่ไหวกับไอ้โรคจิตคนนี้แล้ว จนผมต้องไประบายกับเพื่อน ๆ บ้าง กับบูมบ้าง แต่ก็ยังไม่มีใครที่สามารถช่วยผมได้จริง ๆ สักที หมดปัญญากันไปหมด

    “บูม เราทนไม่ไหวแล้วนะ มันจะเล่นสงคราม จิตวิทยากับเราหรือยังไงก็ไม่รู้ โทรมากวนอยู่ได้ ดูดิเมื่อคืนมันโทรมาตอนตีสาม คิดแล้วโมโห คนกำลังนอนสบาย ๆ อยู่ หาวววว.....”ผมพูดพร้อม ๆ กับหาวออกมาอย่างคนที่เพลียเพราะอดนอน

    “เราก็ไม่รู้จะช่วยยังไงดีอ่ะ เพราะมันไม่โชว์เบอร์นิ ถ้าเรารู้ว่ามันเป็นใครนะ มันเจ็บแน่”บูมพูดอย่างอาฆาต และแสดงท่าทีห่วงใยผมมาก ๆ

    “เราว่า ไอ้พวกนี้ต้องเป็น บูมแฟนคลับแน่เลย ไม่เข้าใจจริง ๆ ทำไมไม่โทรไปหาบูมนะ โทรมาแกล้งเราทำไม เราไปทำอะไรให้ก็ไม่รู้ หาวววว....” ผมพูดแซวบูมพร้อมกับหาวอีกรอบ

    “เราว่าไม่ละมั้ง เป็นคนที่โยไปหักอกเค้าหรือเปล่า........”บูมถามกลับ

    “ใครล่ะ แต่ละคนมีแฟนกันไปหมดแล้วนิ ใครจะมาแค้นเราอีกล่ะ มีแต่พวกคนทีแอบชอบบูมนั่นแหละที่น่าสงสัย เราบอกแล้วว่าอย่าทำอะไรประเจิดประเจ้อ”

    “โหหหห เป็นแฟนกัน จับมือกันก็ไม่ได้ เดินใกล้กันก็ยังไม่ได้ แล้วจะเป็นแฟนกันไปทำไมล่ะ จริงไหม” บูมบ่น ๆ

    “ไม่ใช่อย่างงั้น หาววววววว......” ผมหาวเพราะง่วงนอนมาก ๆ

    “งั้นวันนี้โยก็ไปค้างที่บ้านเราดิ เดี๋ยวถ้ามีโทรศัพท์โรคจิตมาเราจะช่วยรับให้เอง”บูมเสนอความคิด

    “ก็ดีเหมือนกัน เราไม่ไหวแล้ว เป็นแบบนี้มาเกือบอาทิตย์แล้วนะเนี่ยที่โทรเข้ามาที่เครื่องเราน่ะ”ผมพูดพร้อมกับเอาหัวอิงไปที่แขนของบูมเพื่อพักสายตานิดหน่อย (ตอนนี้ผมมานั่งคุยกับบูมที่ด้านหลังตึก และนั่งม้านั่งเดียวกัน เพราะไม่ค่อยมีคนเดินผ่านไปผ่านมา)

    “นั่นแน่ แอบมาจู๋จี๋กันตรงนี้นี่เอง โย.... ได้ข่าวว่าโดนโรคจิตโทรหาหรอ”ไอ้โบตะโกนทักทายหลังจากหายหน้าหายตาไปขลุกอยู่ที่คณะแฟนใหม่มัน (ปอนด์) ได้หลายอาทิตย์แล้ว

    “เออ....สิ ใครจะมีความสุขเหมือนแกล่ะ โบ.....แล้วแฟนแกเป็นยังไงบ้าง หมายถึงแฟนใหม่น่ะ 555 ตั้งแต่เรื่องน้องกอล์ฟ แกเลยได้ที เสียบต่อเลยนะ”ผมแซวเพื่อนซี้

    “เราก็อยากจะเป็นเจ้าของฟาร์มหอยมั่งดิ รวยดี.....พูดเล่น ก็คนมันเห็นใจกันไง ถูกทิ้งด้วยกันทั้งคู่.....”ไอ้โบแกล้งทำหน้าเศร้า

    “ใครกันแน่ที่ทิ้ง.....อย่ามาโม้เลย....วางแผนเขมือบ ปอนด์ ละสิไม่ว่า มอมเหล้าเค้าไปกี่ขวดวะ”ผมพูดขำ ๆ

    “ครึ่งโหล......ไม่ใช่ ทำไมแกพูดอย่างนี้อ่ะโย....บูมวันหลังดูแลแฟนบ้างนะ ปล่อยให้มาพูดจาซี้ซั่ว อยู่ได้”ไอ้โบได้ทีรีบฟ้องเลยนะ

    “555…แต่เราก็เห็นด้วยกับโยนะ ได้ข่าวว่าโบสวีทกับปอนด์ซะจน น้องกอล์ฟอะไรนั่นตามมาด่าที่ห้องสมุดเลยหรอ”บูมถาม (เรื่องไอ้โบมันอีกยาวไว้จะเล่าเป็น ตอนพิเศษนะครับ)

    “เชื่อเลย สองคนเหมือนกันไม่มีผิด.....เข้ากันอย่างกับผีเน่ากับโลงผุ....เฮ้อออ.....เออ โยถ้ามีอะไรให้ช่วยบอกนะ”ไอ้โบแขวะ

    “ขอบใจ.....แกช่วยสืบหาไอ้โรคจิตให้ทีดิ เราละอยากจะลากมันมาอัดสักสองสามทีให้หายแค้น”ผมพูดอย่างอาฆาต

    “ใครจะไปสืบได้ล่ะ เออ.....ไว้จะพยายามแล้วกันนะ ไปละ เดี๋ยวมีนัดต่อ”ไอ้โบเอ่ยลา

    “แล้วแกอย่ามัวไปขลุกอยู่ที่คณะนั้นบ่อยนัก ไอ้ออฟกับไอ้กายชักจะโมโหแล้วนะ ได้แฟนแล้วลืมเพื่อนนี่หว่า”ผมพูดเพราะพักหลังไอ้โบมันไปขลุกอยู่แต่ที่คณะของปอนด์ตลอดเลย

    “เออ น่า ช่วงข้าวใหม่ปลามัน ก็แบบนี้ ทีพวกแกยังมานั่งอี๋อ๋อกันที่นี่ได้เลย...555 ล้อเล่น ไปละ”ไอ้โบพูดยิ้ม ๆ แล้วเดินจากไป

    “แล้วอย่าลืม ไปหาไอ้ออฟกับไอ้กายบ้างนะ มันถามหา.......”ผมตะโกนไล่หลังไอ้โบ

    หลังจากที่ผมเลิกเรียนในวันนั้นแล้ว ระหว่างทางที่บูมกับผมขับรถกลับมาที่บ้านบูม ผมนั่งหลับมาตลอดทางเพราะผมรู้สึกเพลียมาก ๆ แต่บางครั้งก็ต้องตกใจสะดุ้งตื่นเพราะเมื่อมีเสียงโทรศัพท์ของไอ้โรคจิตดังขึ้นมา ซึ่งจะเป็นไอ้โรคจิตที่ไหนได้ ก็ไอ้โรคจิตคนเดิมที่มันคอยตามราวีผมอยู่นี่แหละ........

    “มึงเป็นใครวะ มาแกล้งเค้าอยู่ได้ แน่จริงมาตัว ๆ เลยดีกว่า บ้าหรือเปล่า” บูมพูดกับไอ้โรคจิตขณะจอดรถติดไฟแดงอยู่ (ส่วนผมก็นั่งพักผ่อนหลับตาเพราะรู้สึกเพลีย ปล่อยพี่บูมเค้าจัดการดีกว่า)

    “...............ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า...........”เสียงหัวเราะของไอ้โรคจิตดังขึ้น (หลังจากที่ผมให้พวกเพื่อน ๆ ผมฟังเสียงมัน พวกเพื่อน ๆผมต่างก็ลงความเห็นกันว่า มันน่าจะใช้พวกเครื่องแปลงเสียงมาใช้แน่ ๆ เพราะออฟบอกว่า เพื่อนของแฟนออฟเคยใช้ไอ้เครื่องลักษณะนี้โทรมาแกล้งออฟครั้งนึง ซึ่งที่ได้มันจะคล้าย ๆ กัน)

    “ตกลงมึงจะเอายังไง อย่าให้จับได้นะ โดนแน่”ชายหนุ่มพูดอย่างมีอารมณ์แล้ววางสายไป

    “มันหัวเราะอย่างเดียวใช่ป่ะ บูม”ผมถามขณะหลับตา

    “อืมมม........หัวเราะอย่างเดียว ขนาดเราฟังเรายังโมโหเลย.....เรา....เราขอโทษนะโย เพราะเราแท้ ๆ เลย” บูมพูดเสียงเศร้า

    “ไม่ใช่เพราะบูมหรอก....ช่างมันเถอะ เดี๋ยวสักพักมันก็หยุดไปเองนั่นแหละ”ผมลืมตามาพูดกับบูมยิ้ม ๆ

    คืนนั้นผมกับบูมพยายามโทรไปขอความช่วยเหลือที่call center ของมือถือผม ว่าถ้ามีคนโทรมาให้ช่วยดูด้วยว่าโทรมาจากไหน แต่ทาง call center ก็ช่วยอะไรไม่ได้มากเพราะว่ามันต้องใช่หลักฐานอะไรมากมาย ผมเลยยกเลิกความคิดนั้นไป

    ตี๊ด ตี๊ด ตี๊ด.......เสียงโทรศัพท์มือถือผมดังอีกแล้ว (ไอ้บ้า จะไม่ให้พักเลยหรือไง......ผมคิดแต่ก็ยังไม่ได้ดูเบอร์ที่โทรเข้ามา)

    “โยจะรับไหม” บูมถามหลังจากได้ยินเสียงมือถือผม

    “รับก็รับ...........” ผมตัดสินใจ เพราะเริ่มรำคาญมาก ๆแล้ว

    “ฮัลโหล.....................”ผมพูดขณะรับสาย

    “........................................”เงียบ

    “ใครอ่ะ จะบ้าหรอไง โทรมาอยู่ได้”ผมพูดอย่างเหลืออด

    “โย............................................”เสียงใครคนนึงดังขึ้นมาหลังจากที่มันเงียบมานาน

    จบตอนที่ 6/1 แล้วครับ

*********************************************************************
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 17-03-2007 15:11:18
ใครนะที่แกล้งโย :pigangry2:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 17-03-2007 18:16:05
.
..............กระเทยอาร์ทแน่เลย......... :13223: :13223:

...........................ฆ่ามานนนนนนนนนนนนนนนน........ :pigangry2: :pigangry2: :pigangry2:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 18-03-2007 00:58:12
ใครแกล้งหว่า จับมันไปเจี๋ยนเลยดีมั้ยเนี่ย :ฮึ่มม:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: MyLoveMyBabe ที่ 19-03-2007 09:16:51
พวกโทรกวนประสาทนี่มันบ้าจริงๆ น่ารำคาญมั่กๆๆ ๆ :pigangry2:
 :13223: :seng2ped:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: tsuyu ที่ 19-03-2007 17:38:16
 :o  ใครแกล้งโย

หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพ?
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 19-03-2007 17:42:00
"ตอนที่ 6/2"

    “โย............................................”เสียงใครคนนึงดังขึ้นมาหลังจากที่เงียบมานาน

    “ใครอ่ะ ไม่ค่อยได้ยินเลย”ผมถามอีกครั้งเพราะได้ยินไม่ค่อยถนัดนัก

    “เราปอนด์เอง อารมณ์เสียอยู่หรอ เราโทรมารบกวนหรือเปล่า”ปอนด์ถามด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด

    “อ้าวปอนด์หรอ เราก็นึกว่าไอ้โรคจิต ขอโทษนะ”ผมรีบปรับโทนเสียง

    “โห....แค่นี้ก็จำกันไม่ได้ เสียใจนะรู้ไหม”ปอนด์พูดงอน ๆ

    “พอเลย ๆ เดี๋ยวไอ้โบรู้เข้ามีหวัง หูเรายานไปสามวันสามคืนแน่”ผมแซวปอนด์ขำ ๆ แต่พอหันมาเจอบูมที่ตอนนี้กำลังจ้องมาทางผมด้วยสายตาที่ไม่ค่อยจะพอใจเลยสลดลงนิดหน่อย

    “ช่างเค้าดิ ปกติเค้าก็รู้นิว่าเราโทรหาโยเป็นประจำอยู่แล้ว” อ้าวแล้วกันปอนด์นี่ยังไงกันนะ

    “มันไม่เหมือนกัน เพราะแต่ก่อนปอนด์กับโบยังไม่ได้เป็นแฟนกัน แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้วนะ”ผมพยายามอธิบายเสียงค่อย ๆ กลัวบูมได้ยิน...........เฮ้อออ เข้าห้องน้ำไปซะละ โล่งอก

    “เป็นแฟนกันแล้วยังไง เราไม่สนใจหรอกนะ เราจะโทรหาโยเหมือนเมื่อก่อนใครจะว่ายังไงเราไม่สนใจหรอก” ปอนด์ยังคงดื้อต่อไป

    “แต่ใครที่ปอนด์ว่า มันเพื่อนสนิทเรานะ โบกับเราสนิทกันมาก และสนิทกันมานาน เราจะไม่ยอมทะเลาะกับโบเพราะเรื่องแค่นี้หรอก” ผมพูดเสียงเครียด

    “เราขอโทษ....เรารู้ว่าเราพลาดไปแล้ว...นี่เรากับโยจะไม่มีทางกลับมาเป็นเหมือนก่อนได้เลยใช่ไหม” ปอนด์พูดเสียงเศร้าลง

    “เราไม่อยากจะทำร้ายจิตใจปอนด์หรอกนะ แต่เราต้องพูดเพื่อที่จะให้อะไร ๆ มันจบลงสักที เพราะเรื่องระหว่างเรามันไม่เคยเริ่มเลยต่างหาก เราอาจจะพูดแรงไปนิดนึง เราขอโทษ แต่เราต้องทำเพื่อโบ และเพื่อ ตัวปอนด์เอง เราว่าโบกับปอนด์น่าจะไปกันได้ด้วยดีนะ”ผมต้องแสดงความชัดเจนเพราะแค่เรื่องไอ้โรคจิตผมก็จะแย่แล้วนี่ยังจะมาหาเรื่องให้ผมทะเลาะกับโบอีก ผมคงต้องตายแน่ ๆ

    “เราเข้าใจแล้ว...เราจะพยายามโทรมาหาโยให้น้อยลงนะ แต่เราคงจะเลิกโทรมาหาโยไม่ได้หรอก ก็เหมือนกับความรู้สึกเรานั่นแหละที่ไม่มีวันตัดโยออกไปได้” ปอนด์พยายามควบคุมเสียงไม่ให้สั่นไปมากกว่าเดิม

    “สักวันโบมันจะเข้ามาแทนที่เราเองแหละ เพราะโบเป็นคนดีมาก ๆ เลยนะปอนด์เรากล้ายืนยันได้ สักวันปอนด์จะได้เห็นและจะรักโบมากกว่าตอนนี้ เราเชื่อแบบนั้น”ผมยืนยันหนักแน่น

    “ครับ เราจะพยายามนะ....เราไม่กวนเวลาของโยแล้ว แค่นี้นะครับ บายครับ”ปอนด์พูดพร้อมกับวางสายลงไป

    “ครับ บายครับ”ผมวางสายและถอนหายใจนิด ๆ

    “นั่นแน่ พูดดีมาก ไม่คิดว่าแฟนตัวเองจะพูดดีอย่างงี้ มาให้รางวัลทีนึง”บูมเปิดประตูห้องน้ำออกมาแล้วทำท่าจะเข้ามากอดผม

    “โห............แอบฟังกันแบบนี้เลยนะ ร้ายนะเนี่ย ถ้าเราแอบมีใครไม่แย่หรอ” ผมส่ายหน้าช้า ๆ กับพฤติกรรมชายหนุ่มข้าง ๆ ตัว

    “อ้าว ก็ถ้าไม่ทำแบบนี้ เราจะรู้ได้ยังไงล่ะครับว่าแฟนผมน่ารักขนาดไหน แอบซ่อนใครเอาไว้หรือเปล่าก็ไม่รู้”บูมเอื้อมมือมากอดผมเบา ๆ

    “พอเลย ๆ เราไม่ใช่เหมือนใครบางคนนะที่ชอบแอบไปคุยกับคนอื่น”ผมแอบแขวะบูมนิด ๆ

    “เราไม่ได้คุยกับใครเลยนะ จริง ๆ พอเค้าโทรมาเราก็รีบวางสายเลย จริง ๆ” บูมทำท่าสาบาน

    “อย่าให้รู้ละกัน” ทันทีที่ผมพูดจบ เสียงมือถือผมก็ดังขึ้น......แต่คราวนี้แน่นอนเลยครับ ไอ้โรคจิตแน่ ๆ เพราะไม่มีเบอร์โชว์

    “ใครโทรมาอีกอ่ะโย เสน่ห์แรงจริง ๆ เลยนะ”บูมพูดแซวผมอย่างงอน ๆ

    “ใครกันแน่ อ่ะนี่ ไอ้โรคจิตไง รับไปเลย”ผมโยนโทรศัพท์มือถือให้บูม

    “ฮัลโหล..............”บูมกดรับสาย

    “...........................................”ไม่มีเสียงตอบรับครับคราวนี้ แล้วมันก็กดวางสายไป

    “เป็นไงมันหัวเราะอีกหรือเปล่า”ผมถามบูมหลังจากเห็นชายหนุ่มวางสายไป

    “เปล่า ไม่มีเสียงอะไรเลย....มันไม่มีทางจับมันได้เลยหรอไงนะ เครียด”บูมพูดอย่างโมโห

    “เราน่าจะเครียดมากกว่านะ ก็มันเล่นโทรมาหาแต่เรา”ผมบ่น ๆ

    “นั่นแหละ โยเครียด เราก็เครียดด้วยไง”บูมพูดอ้อน ๆ เพื่อทำให้ผมอารมณ์ดีขึ้น

    “เราว่า ถ้าจะให้เริ่ม น่าจะเริ่มจาก คนที่รู้เบอร์โทรศัพท์ทั้งเบอร์บ้านและเบอร์มือถือของเราก่อนเลยดีกว่า แล้วเอามาวิเคราะห์ดูอีกทีว่าน่าจะเป็นใคร จากนั้นค่อยตามแอบดูทีละคน”ผมเริ่มแยกแยะหาต้นตอของปัญหา

    “เราก็ว่าน่าจะเป็นอย่างงั้นแหละ หัวแหลมจริง ๆ แฟนเรา มาให้รางวัลทีนึง”บูมดึงตัวผมเข้าไปหอม

    “พอเลย ๆ นิด ๆ หน่อย ๆ นี่ไม่เคยพลาดเลยนะ”ผมแซวบูมยิ้ม ๆ

    “งั้นไม่ทำแค่นิดหน่อยละ”บูมดันตัวผมให้ล้มลงบนเตียง

    “เดี๋ยวดิ เรายังไม่ได้ข้อสรุปเลย”ผมพยายามบ่ายเบี่ยงเพราะยังหาสาเหตุไม่ได้เลย เฮ้ออออ

    “ก็ได้ ๆ มาเร็ว ๆ รีบ ๆ สรุปเลยนะ”

    “งั้นบูมไปอาบน้ำก่อนนะเดี๋ยวเราละ ลิสต์รายชื่อออกมาก่อน”ผมไล่ให้ชายหนุ่มไปอาบน้ำ

    “ก็ได้งั้นเดี๋ยวเรามานะ”บูมพูดและลุกเดินเข้าไปอาบน้ำ

    จากนั้นผมก็รีบโทรไปเรียก ออฟ กาย และ ไอ้โบมาที่บ้านบูมเพื่อจะได้มาช่วยกันวิเคราะห์ รวมถึงแพทด้วย เพราะแพทน่าจะมีไอเดียอะไรดี ๆ แน่เลย อีกอย่างผมต้องการจะแกล้งบูมด้วย ชอบลามกอยู่เรื่อย ๆ ต้องโดนดัดหลังบ้าง คนยิ่งกำลังเครียด ๆ อยู่

    หลังจากบูมอาบน้ำออกมา ผมก็แกล้งทำเป็นฟอร์มขีด ๆ เขียน ๆ ไปเรื่อยเพื่อถ่วงเวลาที่พวกเพื่อน ๆ ผมจะมา

    “ได้กี่คนแล้วคร๊าบบบบบ เสร็จหรือยังอ่ะ ง่วงนอนแล้วนะ” บูมพูดเสียงหวานมาก ๆ พร้อม ๆ กับแววตากรุ้มกริ่มเต็มที่

    “ยังอีกแป๊ปนึงก็เสร็จแล้วล่ะ รอแป๊ปนึงนะ”ผมพยายามถ่วงเวลาต่อไป

    หลังจากนั้นสักพักนึง แพทก็มาถึงบ้านของบูม และทันทีที่แพทมาถึง คนงานที่บ้านบูมก็ขึ้นมาบอกว่า

    “คุณบูมคะ คุณแพทมาหาน่ะค่ะ”คนงานคนนึงเคาะประตูเรียก

    “แพทหรอ มาทำไมเอาป่านนี้นะ” บูมทำท่างง ๆ แล้วหันมายิ้มกับผมอย่างรู้ทัน

    “ร้ายจริง ๆ เลยนะ มิน่าแกล้งถ่วงเวลา เดี๋ยวเหอะ”บูมตรงเข้ามาล็อคตัวผมจนผมต้องดิ้นสู้

    “คุณบูมคะ จะให้บอกคุณแพทว่ายังไงคะ”คนงานตะโกนถามมาอีกครั้ง

    “เดี๋ยวผมลงไปครับ”บูมตะโกนตอบไปพร้อมกับหอมแก้มผมแรง ๆ อย่างหมั่นเขี้ยว ซึ่งผมได้แต่หัวเราะที่ดัดหลังบูมสำเร็จ

    หลังจากที่พวกเราสองคนเดินลงไปหาแพท และทักทายแพทสักครู่นึงเพื่อน ๆ ของผมก็มาถึง ไล่จาก ออฟซึ่งนั่งรถมาพร้อมกับกาย และ ไอ้โบที่นั่งแท็กซี่มา เพราะตอนนี้มันย้ายไปอยู่คนเดียวที่คอนโดย่านลาดพร้าวแล้ว

    “สรุปนี่มากันหมดหรือยังอ่ะ ขาดใครอีกไหม”บูมกระซิบข้างหูผมหลังจากเดินออกมารับไอ้โบ

    “หมดแล้ว.....ทำไมหรอ”ผมแกล้งถามบูมยิ้ม ๆ

    “เปล่า....แต่ถึงจะดึกยังไง เราก็ไม่สนใจหรอก รอถึงเช้าก็รอไหว สบายมากวันนี้เราฟิตอย่างแรง....เพราะพรุ่งนี้ไม่มีเรียน”บูมพูดยิ้ม ๆ แล้วเดินจากไป

    “โหหหหหหหหหหห”ผมได้แต่ร้องตามแต่ชายหนุ่มก็ไม่สนใจแล้วเดินจากไปยิ้ม ๆ

    หลังจากที่พวกเรามาชุมนุมกันครบแล้ว ผมก็เริ่มลำดับเหตุการณ์ณ์ต่าง ๆ ให้ทุกคนฟังอย่างละเอียด รวมถึงเรื่องที่ผมคิดไว้ว่าถ้าจะหาไอ้โรคจิต ต้องหาคนที่รู้เบอร์โทรทั้งบ้านผมและ มือถือผมให้ได้ ซึ่งระหว่างที่ผมกำลังคุยอยู่ก็มีไอ้โทรศัพท์โรคจิตโทรมาก่อกวน เป็นสิบ ๆ ครั้งจนทุกคนก็รู้สึกรำคาญและเห็นใจผมมาก ๆ

    “เราว่า คนที่มีเบอร์มือถือของโยอ่ะ เยอะมากเลยนะ แต่เบอร์บ้านเราว่าน่าจะมีไม่กี่คน”แพทเสนอความคิดซึ่งทุกคนก็เห็นด้วย

    “ปกติโยก็ให้เบอร์คนอื่นเค้าเยอะไปหมดนิ แล้วจะไปนับยังไงล่ะเนี่ย”ไอ้กายทำไมพูดอย่างกับเราเป็นคนใจง่ายอย่างงั้นล่ะ

    “นิ ๆ ๆ เราไม่ได้ให้ใครทั่วไปหมดอย่างนั้น พูดไปได้กาย”ผมเหล่ไอ้กาย เพราะบูมเริ่มมองผมแปลก ๆ แล้ว

    “ไม่ใช่แบบนั้น เราหมายถึงว่า คนรู้เบอร์มือถือของโย เยอะมากนะที่คณะ” เออ พูดอย่างงี้ค่อยยังชั่วหน่อยกาย ไม่งั้นคืนนี้เราต้องโดนหนักแน่ ๆ

    “อืม.....เราว่า น่าจะเริ่มจากคนที่รู้จักแต่เบอร์โทรที่บ้านของโยก่อนดีกว่านะ เพราะโยเล่าให้เราฟังว่าเค้าโทรไปก่อกวนที่บ้านตั้งหลายวันก่อนที่จะโทรไปที่มือถือนิ เราว่านี่น่าจะเป็นเบาะแสอย่างนึงนะ”แพทเสนอความเห็น (ฉลาด มาก ๆ แพท ดีใจจริง ๆ ที่ชวนแพทมา)

    “เฮ้ย ๆ ๆ ไอ้โบ แกจำได้ไหมวะว่า แบงค์ มันมาขอเบอร์โทรโยกับพวกเราตอนเดินไปห้องสมุดน่ะ”ออฟหันไปถามไอ้โบที่กำลังคิด

    “เออ ใช่ ๆ ๆ วันนั้นไง เราว่าน่าจะเป็นไอ้แบงค์แน่ ๆ เลยเพราะมันมาถามหาเบอร์โทรของโย เราจำได้ออฟ”ไอ้โบรีบสนับสนุน

    “แล้วพวกแกให้เบอร์อะไรเค้าไปล่ะ”ไอ้กายถาม

    “ให้เบอร์มือถือไปน่ะสิ ถามได้ ใครจะไปให้เบอร์บ้านล่ะ”โบบอก

    “แล้วมันจะใช่ที่ไหนล่ะ มันโทรมาเบอร์บ้านก่อนนะ”ผมขัดขึ้น

    “เออ...จริง เราก็ลืมคิดไป”โบพูด

    “หรือว่าเป็น แอน แต่แอนคงจะไม่ใช่หรอก เพราะเค้าก็ถามเบอร์ทุกคนนั่นแหละ แล้วเค้าก็ไม่น่าจะเป็นคนแบบนั้น เพราะปกติแอนจะเป็นคนที่เปิดเผยตลอด”ออฟพูดพร้อมกับสรุปถึงสาวร้อนแรงประจำคณะ

    “อั๋น......อั๋น แน่เลย วันนั้นเราเห็นเค้าทำท่าลับ ๆ ล่อ ๆ ตอนบูมกับโยเดินจับมือกัน แถมอั๋นก็มีเบอร์โทรที่บ้านของโยด้วย เพราะเคยทำ assignment ส่ง ไอ้โหดตอนปีหนึ่งอ่ะ ที่ไปทำที่บ้านโยไง” กายเสนอ

    “อืม....ก็น่าสนใจนะ แต่อั๋นไม่ได้ชอบผู้ชายนิ แต่ไม่แน่นะ อาจจะชอบก็ได้แต่พวกเราไม่รู้”แพทพูด

    “งั้นตกลงตามนี้ อั๋นเป็นเป้าหมายที่หนึ่ง”บูมสรุป

    “แต่พีทก็น่าสงสัยนะ เห็นโทรมาจีบบูมด้วย แล้ววันนั้นเราก็ดันไปบอกเบอร์ที่บ้านเราให้พีทไป เพราะเค้าจะเอาไปลงในหนังสือรุ่น” ผมเสนอเพราะรู้สึกตะหงิด ๆ

    “อาร์ทล่ะ อาร์ทด้วยดีไหม เพราะเราว่าเค้าก็น่าสงสัยนะ แต่เค้าไม่มีเบอร์โยนี่”แพทเสนอรายชื่อ

    “ถ้าอย่างงั้นเอาอย่างนี้นะ เรื่องอาร์ท เราให้แพทจัดการตามสืบเลยนะ ส่วน อั๋น คงจะต้องเป็น กายนะ เพราะเห็นกายคุยกับอั๋นบ่อยนิ แล้ว พีทเราว่าให้ โบกับออฟดีกว่านะ เพราะเรากับโยจะออกตัวลำบาก เดี๋ยวไก่ตื่น”บูมพยายามสรุปเรื่อง

    “เราก็ว่าแบบนั้นแหละ ยิ่งบูมกับโยไปถามอะไรพวกนี้มาก ๆ ก็เหมือนแหวกหญ้าให้ไอ้โรคจิตมันรู้ตัว”ออฟสนับสนุน

    “งั้นตกลงตามนี้นะ เริ่มแผนการณ์ วันจันทร์หน้าได้เลยนะ เอาละ แยกย้ายกันได้แล้ว เพราะนี่ก็ดึกมากแล้วนะ ดูดิ สี่ทุ่มกว่าแล้วนะ เดี๋ยวแพท เราจะให้คนงานขับไปส่งนะ”บูมพยายามทำท่าจะไล่พวกเพื่อน ๆ ผมให้รีบ ๆกลับอย่างเดียวเลย จนทุกคนอมยิ้มอย่างรู้ทัน

    “เราขอค้างที่นี่ได้ไหม มันดึกแล้ว”ออฟแกล้งแหย่บูม จนบูมหน้าเสีย

    “ใช่ ๆ ๆ ดึกมากแล้ว เราขับรถกลับไม่ไหวหรอก เนอะ โบเนอะ อีกอย่างบ้านไอ้โบก็อยู่คนละทางกับบ้านเรากับออฟเลย”กายสนับสนุนยิ้ม ๆ

    “เฮ้ย แต่เราต้องรีบกลับนะ เดี๋ยวจะรีบโทรไปหาปอนด์” ไอ้โบไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลยจนโดนไอ้ออฟหยิก

    “555 อย่าไปแกล้งเค้าเลย ไปกันเถอะ ดูสิ บูมจะร้องไห้อยู่แล้ว”แพทพูดช่วยบูมยิ้ม ๆ

    “เราก็แค่แหย่หน่อยเดี๋ยวเอง ทำเป็นหน้าเสียไปได้ โยแกก็อย่าไปแกล้งบูมมากนักเลย ดูดิ ดูหน้าเค้าดิ”ออฟแซวจนบูมอายหน้าแดงเลย

    “ได้ไงล่ะ ค้างด้วยกันแหละ”ผมพยายามขอความช่วยเหลือเพราะตอนนี้สายตาบูมที่มองผมน่ากลัวมาก

    “ไม่เอาหรอก ไม่อยากเป็น กขค abc…เราไปแล้วนะ” กายพูดแล้วทำท่าจะเดินออกไป

    “งั้นพวกเราไปแล้วนะ”ทุกคนเอ่ยลา ส่วนบูมก็เดินไปสั่งให้คนงานขับรถไปส่งแพทกับโบเพราะคอนโดของโบอยู่คนละทางกับออฟกับกาย

    หลังจากที่ส่งทุกคนเรียบร้อยแล้ว ผมก็รีบวิ่งขึ้นห้องไปเข้าห้องน้ำเพื่อถ่วงเวลา ในขณะที่บูมค่อย ๆ ย่างก้าวขึ้นมาอย่างช้า ๆ

    ผมแอบหลบอยู่ในห้องน้ำได้สักครู่ใหญ่ เพื่อแกล้งถ่วงเวลานาน ๆ เผื่อบางทีบูมอาจจะขี้เกียจคอยและนอนหลับไป ผมจึงค่อย ๆ แง้มประตูเปิดออกมา และผมก็ได้หายใจอย่างโล่งอกที่ชายหนุ่มนอนอยู่บนเตียงเรียบร้อยแล้ว เฮ้อ....ค่อยยังชั่ว ผมเดินมาสำรวจดูชายหนุ่มที่กำลังหลับปุ๋ยตรงหน้าอย่างขำ ๆ และเดินอ้อมไปอีกฝั่งเพื่อล้มตัวลงนอน........

    “เฮ้ยไอ้โรคจิต แน่จริงมาเจอกันตัว ๆ เลยดีกว่า อย่ามาลอบกัดแบบนี้”ผมตะโกนใส่มือถือหลังจากได้ยินเสียงมือถือผมดังขึ้น

    “555 ได้....กูอยู่หน้าบ้านนี่แหละ แน่จริงลงมาเลย” ไอ้โรคจิตท้า

    “ได้ อย่าเพิ่งไปไหนนะเดี๋ยวเจอดีแน่”ผมไม่รอให้มันหนีไปรีบลุกจากเตียงไปแล้วเดินลงไปหาไอ้โรคจิตที่ยืนจังก้าอยู่ที่หน้าบ้าน

    “ว่าไง ไอ้โย มึงอยากลองดีใช่ไหม ถึงกล้ามาแย่งคนที่กูชอบไป”ไอ้โรคจิตในความมืดตะโกนใส่ผม

    “แล้วจะทำไม แน่จริงเข้ามาเลยดีกว่า ตัว ๆ กูไม่กลัวมึงหรอก” ผมเริ่มโมโหและตั้งท่าเตรียมรอแล้ว

    “ได้ เดี๋ยวรู้.....”ไอ้โรคจิตเดินเข้ามาหาผม แต่ผมยังคงมองเห็นเค้าไม่ถนัดนัก

    “…………………เฮ้ย มึงจะทำอะไรกู ปล่อยกูนะ มึงจะบ้าหรือไงวะ” ผมร้องอย่างตกใจเมื่อไอ้โรคจิตมันเดินมาผลักผมลงล้ม

    “.................มึงจะทำอะไร อย่า อย่า อย่า................”ผมร้องอย่างหวาดกลัวเมื่อไอ้โรคจิตเริ่มที่จะปลดกางเกงผมลงมาอย่างรวดเร็ว และกำลังจะ....................


    จบตอนที่ 6/2 ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามครับ

********************************************************************************
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 19-03-2007 19:03:23
 :o  ค้างอ่ะ

 :serius2: :serius2: :serius2:

มาลงต่อเร็วๆ นะค้าบบบบบบ  :dont2: :dont2:

 :impress: :impress: :impress:

ปล. ใครก็ได้ ช่วยปลุกบูมที โยแย่แล้ววววว  :โหลๆ: :โหลๆ: :โหลๆ:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 19-03-2007 19:16:41

..........เล่นเป็นคนโรคจิตแล้วก็..... :110011: :เชิป2:

.....................เจอกันบนเตียง........... :laugh5: :laugh5: :laugh5:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 19-03-2007 22:34:18
 :o   ประจันหน้ากันแล้วอ่ะ

ว่าแต่คงไม่ใช่กำลังฝันไปหรอกนะ แล้วคนที่จะถอดกางเกงก็คือบูม :laugh3:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Tantalum ที่ 19-03-2007 22:52:33
 :pigangry2:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: MyLoveMyBabe ที่ 20-03-2007 17:14:25
เอ อ่านไปงง ไป พูดเสียงดังขนาดนั้น บูทหลับอยู่น่าจะได้ยินนะ


เอ...หรือว่าเล่นไปไอ้โรคจิตกันเปลี่ยนบรรยากาศอย่างถุงบอกเหรอ   :haun4:อิอิ
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 09-04-2007 10:14:18
"ตอนที่ 6/3"

    “.................มึงจะทำอะไร อย่า อย่า อย่า................”ผมร้องอย่างหวาดกลัวเมื่อไอ้โรคจิตเริ่มที่จะปลดกางเกงผมลงมาอย่างรวดเร็ว และกำลังจะ....................

    ผมพยายามรวบรวมกำลังที่มีอยู่ผลักไอ้โรคจิตจนหงายหลังลงไป จากนั้นผมก็รีบลุกขึ้นมา กะว่าจะไปตะบันหน้า ไอ้.................อ้าว อะไรกันเนี่ย ทำไมอยู่ดี ๆ ผมกลับมาอยู่ที่ห้องนอนของบูมได้ละเนี่ย เฮ้ย....แล้วทำไมบูมถึงลงไปกองกับพื้นอย่างงั้นล่ะ แล้วไหงทำไมเรายังอยู่บนเตียงอยู่วะ....ผมมองซ้าย มองขวา พลางคิด ...เราฝันไปหรอกหรอเนี่ย....เฮ้ออออออออออออออออออออ

    “โย ทำไมถึงนอนดิ้นแบบนี้ล่ะ ดูดิ...เรากำลังนอนสบาย ๆ อยู่เลย ผลักเราล่วงลงมากองกับพื้นเลย....”บูมเกาหัวลุกขึ้นจากพื้นแล้วกำลังจะก้าวขึ้นมาบนเตียงนอน (ท่าทางมีพิรุธนิดหน่อย)

    “เอ่อ....พอดีเราฝันถึงไอ้โรคจิตอ่ะ เราเลย...........”ผมหยุดคำพูดลงแค่นั้นเพราะสิ่งที่ผมสังเกตุเห็นก็คือ………

    “เราว่าเราไม่ได้ฝันอย่างเดียวละมั้ง.......”ผมเหล่ตามองบูมอย่างรู้ทัน

    “.............................”ชายหนุ่มเงียบ แถมทำท่าเหมือนกับไม่รู้ไม่ชี้

    “เราว่านะ แถวนี้ก็มีคนโรคจิตเหมือนกันนะ คนกำลังนอนอยู่ดี ๆ ชอบมาทำมิดีมิร้ายเค้าอยู่เรื่อย นี่บูมมานี่เลย” ผมดึงตัวบูมที่กำลังจะลุกหนี

    “เปล่านะ เราไม่ได้ทำอะไรเลย”บูมหัวเราะปฏิเสธ (จะปฏิเสธได้ยังไง ก็ในเมื่อกางเกงผมมันกองลงไปข้างล่างแล้ว)

    “เปล่าอะไร หลักฐานก็เห็น ๆ กันอยู่.....เราว่าคนที่แกล้งสร้างสถานการณ์ทั้งหมดนี่บูมหรือเปล่านะเนี่ย ชักจะไม่ค่อยแน่ใจละ” ผมพูดแซวบูมเล่นขำๆ

    “เฮ้อออ อุตส่าห์วางแผนซะดิบดี ดูดิ๊....มานี่เลยมา ในเมื่อรู้ตัวแล้ว ก็ไม่ต้องแอบกันแล้ว เอาแบบจริง ๆ เห็น ๆ กันไปเลย แบบนี้น่ะแหละดี....”บูมรีบกระโจนขึ้นนั่งบนตัวผม

    “เฮ้ย....จะทำอะไรอ่ะบูม....หนักนะ....ดูดิ๊เดี๋ยวนี้บาสก็ไม่ค่อยไปเล่น พุงงี้ยื่นเลย ตัวก็หนัก”ผมพูดทีเล่นทีจริง เพราะตอนนี้หุ่นของบูมไม่ค่อยจะฟิตเหมือนสมัยก่อนตอนไปเชียงรายเลย

    “คร๊าบบบ ทราบแล้วครับ แต่อย่างอื่นเราฟิตนะ”ชายหนุ่มโน้มตัวลงมากระซิบที่หูผมอย่างแผ่วเบา

    “........................”ผมตอนนี้หน้าแดงอย่างเดียวเลยอ่ะ

    “แล้ววันหลังจะไปฟิตเนสกับโยบ่อย ๆ นะ แต่ตอนนี้มันฟิตเต็มที่แล้วอ่ะ นะ.....” บูมหยุดพูดอยู่แค่นั้น แล้วก็...

    .................C…………E………….N…………S…………O………….R…………….


    เช้านี้......เอ แต่ก็สายแล้วเหมือนกันนะ ...... เราสองคนลงมาจากห้องนอนและกำลังจะออกไปดูหนังข้างนอกบ้าน แต่ป้าเล็ก ก็เดินตรงเข้ามาบอกว่า ม๊าของบูม นัดทานข้าวเย็นที่ร้าน xxx ให้บูมชวนผมไปทานด้วย ซึ่งจริง ๆ แล้วปกติ ทุกวันอาทิตย์ตอนเย็นจะเป็นช่วงเวลาที่ม๊าและป๊าของบูมจะนัดบูมไปทานข้าวเสมอ ๆ เพราะโดยปกติแล้วครอบครัวนี้แทบจะไม่ได้ทานข้าวด้วยกันเลย.....

    “เดี๋ยวเราต้องโทรไปบอกแม่กับพ่อเราเรื่องนัดทานข้าวกับม๊าบูมก่อนนะ ไม่รู้แม่เราจะว่าหรือเปล่า เพราะเมื่อคืนเราก็หนีมานอนที่นี่”ผมรู้สึกกังวลใจเพราะปกติวันอาทิตย์ตอนเย็นผมจะต้องให้เวลากับที่บ้านเป็นประจำ

    “อืมมม....ก็ชวนแม่กับพ่อของโยไปนั่งทานด้วยกันสิ ดีออกครอบครัวเราจะได้รู้จักกันไว้ไง เดี๋ยวเราจะโทรไปบอกม๊าของเราเอง” บูมเสนอไอเดียซึ่งจริง ๆ แล้วผมก็ไม่ค่อยจะเห็นด้วยสักเท่าไหร่เพราะถ้าเกิดเข้ากันไม่ได้ขึ้นมาจะทำยังไงกันดีละเนี่ย

    “จะดีหรอ.........”ผมลังเล

    “ดีสิ ตกลงตามนี้แหละ โยก็โทรไปชวนแม่กับพ่อมานะ เราจะโทรไปบอก ม๊ากับป๊าเราเอง” บูมรีบสรุป (คิดอะไรง่าย ๆ จริง ๆ เลยนะ)

    หลังจากนั้นผมกับบูมก็แยกกันโทรไปหาครอบครัวของตัวเอง ซึ่งแม่กับพ่อผมก็ยินดีที่จะมาทานข้าวด้วยอยู่แล้ว ยิ่งรู้ว่าเป็นครอบครัวของบูมด้วยแล้ว แม่ผมยิ่งรู้สึกดีเข้าไปกันใหญ่เพราะแม่ผมเค้าประทับใจบูมตั้งแต่เค้ามาช่วยชีวิตผมไว้แล้วล่ะ....ส่วนม๊ากับป๊าของบูมก็ไม่ว่าอะไรเช่นกัน.....

    การนัดทานข้าวในครั้งนี้ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวผมกับครอบครัวของบูมกระชับขึ้นมาในอีกก้าวนึง เพราะดูแล้วแม่ของผมจะเข้ากันได้ดีกับม๊าของบูมซะด้วย (แม่ของผมยังไม่รู้เรื่องระหว่างผมกับบูมนะครับ คิดว่าแค่เป็นเพื่อนธรรมดา เพราะแม่ผมเป็นคนค่อนข้างหัวสมัยเก่านิดหน่อย) ส่วนพ่อของผมกับป๊าของบูมก็คุยกันแต่เรื่องกีฬาสุดโปรดของพวกผู้ใหญ่นั่นแหละ แถมยังนัดกันไปออกรอบกันอีกต่างหาก ซึ่งผมกับบูมต่างก็มองหน้ากันเหมือนจะรับรู้เรื่องความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นของครอบครัวเรา จนกระทั่งมื้อแห่งความสุขปนความอึดอัด(ของผม)จบลง ผมกับบูมก็แยกย้ายกันกลับบ้าน........

    “แม่ว่าครอบครัวของบูมก็น่ารักดีนะ มิน่าบูมถึงได้น่ารักแบบนี้ ทำไมเราไม่เป็นอย่างเค้าบ้างล่ะลูก”แม่ผมหันกลับมาว่าผมระหว่างนั่งรถกลับบ้าน

    “คุยกับเค้าได้แค่แป๊ปเดียวเอง แม่ก็ว่าเค้าดีกว่าลูกตัวเองละ...แม่ไม่รู้หรอก บูมอ่ะร้ายจะตาย”ผมพูดด้วยน้ำเสียงงอนนิด ๆ

    “พ่อก็ว่าบูมนิสัยดีนะ เราน่ะอย่าเอาแต่ใจมากนักเลย แล้วนี่เรียนก็ใกล้จะจบแล้ว ตกลงเราจะไปทำงานที่รีสอร์ทของป้าอ้อหรือเปล่า หรือว่าอยากทำงานที่บ้านของเรา” พ่อผมเอ่ยถามขึ้นมา

    “ไม่เอาหรอกครับ ผมไม่ค่อยชอบทำรีสอร์ท อีกอย่างปล่อยให้พี่วิทย์ทำไปก็ดีแล้ว”ผมตอบปฏิเสธ

    “เออ พูดถึงตาวิทย์ นี่วันที่แม่ขึ้นไปหาป้าเราที่เชียงให่น่ะ แม่เจอตาวิทย์ด้วยนะ แต่ดูทำไมตาวิทย์โทรมลงไปเยอะเลยนะ ไม่ค่อยสดใสเหมือนเมื่อก่อนเลย พอเจอหน้าแม่ปุ๊ปก็ถามถึงโยเลยนะลูก แม่ว่าโยโทรไปคุยกับพี่เค้าบ้างก็ดีนะ เค้าอุตส่าห์เป็นห่วงเรา คอยดูแลเราด้วยไม่ใช่หรอ” แม่ผมเตือน
    “ครับแม่ แล้วผมจะโทรไปครับ”ผมรับคำ ในใจก็รู้สึกเป็นห่วงว่าเกิดอะไรขึ้นกับพี่วิทย์กันนะ เพราะผมได้ข่าวมาจากพี่น้อตว่าพี่วิทย์มีคนมาจีบแล้วนี่นา

    “เดี๋ยว ปลายเดือนนี้พ่อจะไปญี่ปุ่นกับแม่ โยจะเอาอะไรหรือเปล่า” พ่อผมถามขึ้นมา

    “ไปญี่ปุ่นกันสองคนอีกละ ทิ้งผมให้อยู่คนเดียวทุกทีเลย......ล้อเล่นครับ ไม่เอาอะไรหรอกครับ ไม่รู้จะเอาอะไรดี” ผมตอบ

    “ลูกก็ชวนเพื่อนมาอยู่เป็นเพื่อนสิ โบหรือ กายก็ได้ อืมมม....บูมก็ได้นะ จะได้มีเพื่อนไงจ๊ะ” แม่ผมเสนอ

    “ครับ ๆ ๆ แล้วผมจะลองชวนดู....เออ แม่ครับ โทรศัพท์ที่บ้านยังมีพวกก่อกวนอีกเหรอเปล่าอ่ะครับ”

    “ไม่ค่อยมีแล้วนะจ๊ะ แม่ว่าคงจะเป็นพวกกวนเมืองมากกว่า นี่ก็ไม่ค่อยจะโทรมาก่อกวนแล้ว ดีนะที่ไม่ตัดสินใจเปลี่ยนเบอร์ทิ้งไป” แม่ยิ้มอย่างโล่งอก

    “อ๋อ...ครับ”

    หลังจากที่พวกเรากลับถึงบ้านแล้ว ผมก็ขอตัวแยกขึ้นไปบนห้องเพื่ออาบน้ำ ทันทีที่ผมถึงห้องน้ำผมก็เปิดมือถือที่ปิดอยู่ไว้ แต่ยังไม่ทันที่จะผละจากเจ้ามือถือนี่เลย ไอ้โรคจิตก็โทรเข้ามากวนอีกละ (แสนรู้จริงนะ)

    “ฮัลโหล ไม่ว่าง คนกำลังจะอาบน้ำ แค่นี้นะ” ผมพูดพลางจะกดตัดสายทิ้ง

    “กูขอเตือนให้มึงเลิกยุ่งกับบูมได้แล้ว ไม่อย่างงั้นมึงจะไม่มีความสุขไปทั้งชาติ……คอยดู………”ไอ้โรคจิตมันพูดขึ้นมา แต่ทำไมเสียงมันแปลก ๆ ยังไงก็ไม่รู้ครับ เพราะผมไม่เคยได้ยินเสียงของคน ๆ นี้เลยอ่ะ ท่าทางต้องเป็นเครื่องแปลงเสียงแน่ ๆ เลย เพราะว่าเสียงมันก้องแปลก ๆ อ่ะ ผมคิดในใจ แล้วส่ายหัวเดินเข้าห้องน้ำไป

    หลังจากที่ผมอาบน้ำเสร็จ กำลังคิดจะโทรหาพี่วิทย์สักหน่อย เพราะผมได้ยินเรื่องที่แม่บอกมาแล้ว อดรู้สึกใจหายไม่ได้ แต่ยังไม่ทันจะได้โทรไปเลย ขาประจำก็โทรมาซะก่อนแล้ว


    “ว่าไงครับ คิดถึงหรอ ห่างกันได้แป๊ปเดียวเอง”ผมพูดหลังจากรับสาย

    “นี่ม๊าเองนะ พอดีมือถือม๊าแบตหมดเลยยืมของตาบูมโทรมา พอดีม๊าลืมว่าจะถามอะไรแม่เราอยู่พอดีเลย เดี๋ยวม๊าขอสายแม่เราหน่อยนะ”ม๊าพูดน้ำเสียงเหมือนอมยิ้ม แต่ผมสิ หน้าแตกเลยอ่ะ

    “ครับม๊า เดี๋ยวแป๊ปนึงนะครับ” ผมพูดพร้อมกับเดินลงไปข้างล่างเพื่อเอาโทรศัพท์มือถือให้แม่ผมที่ตอนนี้กำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่ ส่วนผมก็เดินเลี่ยงออกมาใช้โทรศัพท์บ้านโทรไปหาพี่วิทย์แทน

    “สวัสดีครับพี่วิทย์ ผมโยเองนะครับ”ผมพูดเมื่ออีกฝ่ายรับสาย

    “โยไหนคะ อ้อ......โย....เอ่อ ....วิทย์ไปซื้อของเดี๋ยวมา แล้วจะให้เค้าโทรกลับนะคะ”เสียงหญิงสาวคนนึงดังขึ้นซึ่งเป็นเสียงที่ผมไม่คุ้นเคย

    “ครับ ขอบคุณครับ”ผมพูดและวางสายลงไป

    หลังจากที่ผมวางสายลงไป ผมก็เดินไปดูว่าแม่ของผมวางสายลงไปแล้วหรือยัง แต่ผลที่ได้ก็คือ ยังครับ และยังมีทีท่าว่าน่าจะยังอีกนานเหมือนกัน ผมแทบจะไม่น่าเชื่อเลยว่า แม่ผมกับม๊าของบูมจะเข้ากันได้ดีมาก ๆ ขนาดนี้ แถมยังคุยกันถูกคอชนิดที่เรียกว่า ถ้าไม่รู้มาก่อนก็คงจะนึกว่าเค้าสองคนสนิทกันมานานมาก ๆแล้ว เพราะเห็นคุยกันได้คุยกันดี ผมเลยต้องจำทนเดินเซ็ง ๆ ขึ้นห้องไป

    ผมเดินมาเปิดคอมและเช็คเมล์ เพราะช่วงนี้ผมแทบจะไม่ค่อยได้เล่นเนตเลยอ่ะ และทันทีที่ผมเข้าเนต icq (ช่วงนั้น MSN ยังไม่มีนะครับ) ก็มีเสียงเรียกเข้ามาทันที

    BooM: ม๊าเรายังไม่ยอมวางโทรศัพท์เลยอ่ะ
    Yo: รู้แล้วล่ะ
    BooM: คิดถึงจัง
    Yo: เมื่อกี้เพิ่งแยกกันเนี่ยนะ
    BooM: ตั้งหลายชั่วโมงแล้วนะ แล้วนี่มาเล่นเนตหาคนคุยหรือเปล่าเนี่ย
    Yo: อืมใช่แล้ว....555
    BooM: ใคร บอกมานะว่าแอบคุยกับใคร
    Yo: จะใครซะอีกล่ะ………
    BooM: ................offline

    หลังจากนั้นยังไม่ถึงห้านาทีเลย แม่ผมก็เอามือถือขึ้นมาคืน แล้วบอกว่า บูมมีธุระสำคัญจะคุยด้วย ส่วนแม่ผมน่ะเหรอ ไปใช้โทรศัพท์บ้านแทน (เห็นมะ ยังไม่ยอมเลิกคุยกันเลย)

    “ฮัล..............” ยังไม่ทันที่ผมจะพูดจบเลยเสียงชายหนุ่มก็ดังขึ้นมาทันที

    “เมื่อกี้บอกว่าแอบคุยอยู่กับใครนะ บอกมาเลย” บูมรีบถามอย่างร้อนรน

    “ก็จะใครซะอีกล่ะ บูมไม่ใช่หรอที่เรียกเราเข้ามา แล้วจะให้เราคุยกับใครที่ไหนอีกล่ะ แล้วที่โทรมาเพราะเรื่องแค่นี้อ่ะนะ”ผมถามอย่าง งง ๆ

    “555 ล้อเล่นน่า แค่ถามเล่น ๆ เอง เราก็รู้อยู่แล้ว”บูมพูดแก้เก้อ

    “รู้จริงหรอ เราไม่ค่อยจะแน่ใจเท่าไหร่เลย......แล้วที่โทรมาเพราะแค่จะถามเรื่องนี้อ่ะนะ....”ผมพูดอย่างรู้ทัน

    “โห......แล้วไม่มีเรื่องอะไรเราโทรมาไม่ได้หรอ ก็โยอ่ะไม่ค่อยโทรหาเราเลยนะ”บูมพูดด้วยน้ำเสียงงอนนิด ๆ

    “โทร เราก็โทรไปหาบ่อยจะตาย แต่ส่วนใหญ่โทรไปไม่ทันบูมสักที” ผมแก้ตัวน้ำขุ่น ๆ อิอิ

    “หึ แล้วมาแกล้งบอกเราว่า ความรักเราไม่เคยส่งไปถึงบูมเลยนะ ที่ไหนได้ พอได้เราแล้วก็ทิ้งๆ ขว้างๆ”บูมพูดเสียงเล็กเสียงน้อย จนผมอดขำไม่ได้

    “555 อ้าวก็ได้แล้วนิ....อ่ะ.มาเราโอ๋ ก็ได้ ว่าแต่ทำไมบูมขี้น้อยใจแบบนี้นะ” ผมพูดไปหัวเราะไปเพราะชอบที่บูมทำตัวแบบเด็ก ๆ

    “จริง ๆ นะ เราซีเรียสนะเนี่ย”บูมปรับเสียงให้เข้มขึ้นนิดนึง

    “อ่ะก็ได้ ต่อไปนี้เราจะโทรไปหาบูมบ่อย ๆเลยดีไหม”

    “ให้มันจริงเหอะ....เออ แล้วไอ้โรคจิตยังโทรมาอีกหรือเปล่า เป็นห่วงโยจังเลยอ่ะ อยากไปอยู่ใกล้ ๆ โยจะได้ปลอดภัย” บูมพูดซึ้งจนผมรู้สึกปลื้มใจอย่างบอกไม่ถูก

    “เมื่อกี้มันก็โทรมา แถมยังขู่เราอีกด้วยว่าให้เลิกยุ่งกับบูม แต่เราว่าเค้าน่าจะใช้เครื่องแปลงเสียงนะ เพราะเสียงมันก้อง ๆ แปลก ๆ อ่ะ” ผมพูดในสิ่งที่ผมคาดเดา

    “อืมมม....ยังไงโยก็ระวังตัวหน่อยแล้วกันนะ มีอะไรก็โทรเรียกเราได้เลย ถ้าจะออกไปไหนเดี๋ยวเราไปรับ ไม่อยากให้โยไปไหนคนเดียว เดี๋ยวจะอันตราย นี่เป็นคำสั่งนะ ซีเรียสมากด้วย” บูมทำเสียงเข้ม

    “ได้ครับ แล้วทำไมบูมไม่มาอยู่ซะที่นี่เลยล่ะ เราจะได้ไม่ต้องโทรไป แล้วจะได้ปลอดภัยด้วย”ผมแกล้งแหย่เล่น ๆ

    “เราเอาจริงนะ เดี๋ยวไปขออนุญาต ม๊าก่อน” บูมพูดจริงจัง

    “เฮ้ย.....ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอก เราว่าไม่น่าจะมีอะไรหรอกนะ”ผมพยายามพูดปลอบทั้งตัวเองและก็บูมด้วย

    “แต่เราเป็นห่วงจริง ๆ นะ อย่าประมาทแล้วกัน เราจะไปอาบน้ำแล้ว เดี๋ยวโทรมาใหม่นะ”

    “ครับ จะคอยนะ........”

    “ว่าแต่ว่า ไม่เห็นมีใครอาสามาช่วยถูหลังเราเลยอ่ะ.......อยากมีคนมาอาบน้ำให้จัง”บูมพูดกรุ้มกริ่ม

    “โห.....ยังจะคิดแบบนี้อีก ไปอาบน้ำเถอะไป”

    “โหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหห อะไรวะคนเรา ทำไมไม่เห็นใจกันบ้างเลย ทีเรายังเป็นห่วงเป็นใยเค้าขนาดนี้ แต่ทีเราเค้าไม่เห็นจะเป็นห่วงเลย กะแค่มาช่วยถูหลังเราหน่อยก็ไม่ได้ อาภัพจริง ๆ รักคนที่เค้าไม่รักเรา” บูมบ่น

    “555 เอาไว้วันหลังแล้วกันนะ จะให้หายตัวไปหรือไงตอนนี้ เดี๋ยวจะไปช่วยถูให้ เอาให้ถลอกเลย 555”

    “จริง ๆ นะ ว่าแต่อย่าถูแรงมากนะ เดี๋ยวถลอกแล้วใช้ไม่ได้ขึ้นมาอดไม่รู้ด้วยนะ” บูมพูดด้วยน้ำเสียงที่แสดงอาการลามกนิดหน่อย

    “555 รีบไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวก็ไม่ต้องอาบกันพอดี” ผมพูดพร้อมกับแอบขำบูมนิด ๆ

    “ครับได้ครับ บายนะครับ รักโยนะ” บูมรีบพูดและวางหูไป.....(โหจะวางยังมีหยอดอีก)

    หลังจากที่ผมวางสายจากบูมได้สักพักนึง เสียงมือถือผมก็ดังขึ้น (จริง ๆ แล้วไอ้โรคจิตก็โทรมานะครับแต่ผมไม่ได้รับ) ผมเลยกดรับสายเพราะนี่เป็นเบอร์พี่วิทย์โชว์ขึ้นมา……….

    จบตอนที่ 6/3 แล้วครับ

****************************************************************************************
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 09-04-2007 18:06:42

.............เมื่อไหร่ไอ้โรตจิตจะปรากฏตัวเนี่ย..... :pandalaugh: :pandalaugh:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 09-04-2007 23:29:02
น่านจิ อยากรู้เหมือนกัน  :pandalaugh: :pandalaugh:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: MyLoveMyBabe ที่ 10-04-2007 11:18:10
รอดูหน้าไอ้โรคจิต ยังไม่โพล่อีก  :pigangry2:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 10-04-2007 16:50:19
"ตอนที่ 6/4"

    หลังจากที่ผมวางสายจากบูมได้สักพักนึง เสียงมือถือผมก็ดังขึ้น (จริง ๆ แล้วไอ้โรคจิตก็โทรมานะครับแต่ผมไม่ได้รับ) ผมเลยกดรับสายเพราะนี่เป็นเบอร์พี่วิทย์โชว์ขึ้นมา……….

    “สวัสดีครับพี่วิทย์หายไปนานเลยนะครับ” ผมเอ่ยทัก

    “สวัสดีครับน้องโย สบายดีหรือเปล่าครับ เมื่อกี้น้องโยโทรมาหาพี่หรือเปล่าครับ” พี่วิทย์ทักทายด้วยน้ำเสียงแปร่ง ๆ

    “ใช่ครับพี่ พี่วิทย์เป็นอะไรหรือเปล่าครับพี่ ทำไมทำน้ำเสียงแปลก ๆ” ผมถามอย่างจับอาการได้

    “เดี๋ยวพี่เดินไปหามุมดี ๆ ก่อนแล้วค่อยคุยกัน รอแป๊ปนึงนะครับน้องโย” พี่วิทย์พูดและเงียบหายไปสักครู่

    “ครับ………………”

    “ทางสะดวกแล้ว”พี่วิทย์พูดขึ้นมาหลังจากเงียบหายไป

    “ผู้หญิงเมื่อกี้ตอนที่ผมโทรไป นี่แฟนใหม่พี่วิทย์หรอครับ”ผมแกล้งแซวพี่วิทย์เล่น ๆ

    “ใครบอกละครับน้องโย ผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่พ่อพี่จะบังคับให้พี่แต่งงานด้วย” พี่วิทย์พูดจนผมตกใจนิด ๆ

    “อะไรนะครับ มันน่าจะหมดสมัยคลุมถุงชนแล้วนะครับพี่วิทย์”ผมพูดอย่างตกใจ

    “ก็ใช่น่ะสิครับน้องโย พี่กินไม่ได้นอนไม่หลับมาหลายวันแล้วเนี่ย เพราะแจน(ผู้หญิงคนนั้น)ดันเกิดมาชอบพี่น่ะสิ นี่ตามติดพี่อย่างกับตังเมเลย พี่จะขยับตัวไปไหนก็ลำบาก ขนาดพี่ไปทำงานที่รีสอร์ทยังตามไปประกบเลย”พี่วิทย์ระบายด้วยความอึดอัด

    “แล้วพี่ไม่ได้ชอบเค้าหรอครับ” ผมถาม

    “พี่ว่าน้องโยก็น่าจะรู้นะครับ ว่าพี่ชอบใคร...........”พี่วิทย์พูดเสียงเศร้าและหยุดเว้นคำตอบเอาไว้.....

    “เอ่อ แล้วพี่วิทย์จะทำยังไงต่อไปอ่ะครับ” ผมถามแก้เก้อ

    “พี่ก็ยังไม่รู้เลยอ่ะครับ แต่พี่ว่าพี่จะหนีไปพักผ่อนที่กรุงเทพสักพักนึง ตอนนี้พี่รู้สึกเบื่อมาก ๆ เลยอ่ะ นี่ขนาดพี่พูดแบบนี้เค้ายังจะตามพี่ไปกรุงเทพฯด้วยเลยนะเนี่ย คิดดูดิครับ ท่าทางคราวนี้เห็นทีพี่คงจะต้องเสร็จแน่ ๆ เลยอ่ะครับน้องโย”พี่วิทย์พูดน้ำเสียงเซ็งสุด ๆ

    “พี่วิทย์มีอะไรจะให้ผมช่วยก็บอกนะครับ” ผมพูดด้วยความเห็นใจ

    “ช่วยมาเป็นแฟนพี่แทนได้ป่ะครับ 555…… ล้อเล่นน่า เออ...แล้วบูมเป็นยังไงบ้าง วันนั้นเค้าโทรมาหาพี่เรื่องของเราน่ะ พี่ก็ไม่รู้จะโกหกต่อไปยังไงดี เลยบอกความจริงเค้าไป เพราะอีกอย่างเค้าก็สืบรู้มาหมดทุกเรื่องแล้วด้วย ต้องขอโทษด้วยนะครับน้องโย ” พี่วิทย์พูดด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกผิดนิด ๆ

    “ไม่เป็นไรครับ บูมตอนนี้ก็โอเคครับ เรากลับมาเหมือนเดิมแล้ว ว่าแต่ว่าพี่วิทย์จะเอาแฟนพี่ลงมากรุงเทพฯด้วยหรอครับ” ผมถามด้วยความสงสัย

    “เค้าไม่ได้เป็นแฟนพี่นะครับน้องโย....คนที่จะเป็นแฟนพี่มีได้แค่คนเดียวเท่านั้น.......” พี่วิทย์พูดด้วยเสียงที่ค่อนข้างเศร้า

    “ผมว่าพี่วิทย์อย่ารอผมเลยนะ ผมว่าพี่วิทย์น่าจะเปิดใจรับคนอื่นบ้าง เพราะถ้าพี่วิทย์รอผม มันไม่รู้ว่ามันจะเป็นไปได้แค่ไหน ฉะนั้นอย่ารอเลยนะครับ” ผมพยายามพูดเพื่อให้พี่วิทย์ตัดใจ

    “อืม....พี่ว่าเราคุยเรื่องนี้กันรู้เรื่องแล้วนะครับน้องโย....อย่าห้ามพี่เลยนะ เอาเป็นว่า ถ้าแจนเค้าลงไปกรุงเทพฯด้วย พี่จะพาไปหาเรานะ”

    “พามาหาผมทำไมครับพี่” ผมถามด้วยความตกใจนิด ๆ

    “ก็พาไปดูคนที่พี่ชอบไง....พี่เคยบอกเค้าเรื่องของโยไปทีนึงแล้ว และเค้าก็อยากเห็นหน้าน้องโยด้วย” เอาละสิพี่วิทย์ทำกันได้

    “โห.....พี่วิทย์นะพี่วิทย์ ไปบอกเค้าทำไม” ผมบ่น

    “อ้าวทำไมล่ะ ก็มันเรื่องจริงนิ” พี่วิทย์พูดติดตลก

    “เฮ้อออออ............” ผมได้แต่ถอนหายใจ

    “เอาเป็นว่าถ้าพี่เคลียร์งานลงตัวแล้ว พี่คงจะลงไปหานะครับ คิดว่าน่าจะเป็นช่วง Low season นะครับ คงจะอีกไม่นานแล้วล่ะ”

    “ครับพี่.........”

    “งั้นพี่ไปทำธุระต่อแล้วนะ นั่นเค้ามาตามหาพี่อีกละ พี่ละเบื่อจริง ๆ เลย.......คิดถึงนะครับน้องโย บายครับ” พี่วิทย์เอ่ยลา แล้ววางสายไป

    “ครับ บายครับ”


    หลังจากที่ผมวางสายลงไป ไม่นานนักข้อความจากพี่วิทย์ ก็ส่งมาหาผม .....

    อย่าห้ามพี่เลยนะ พี่จะรอ รอวันที่เป็นของเราจริง ๆ รักและคอยน้องได้เสมอ/พี่วิทย์....

    ผมอ่านข้อความด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูกว่ามันน่าจะดีใจหรือเสียใจดี เพราะการที่มีใครรักเราอย่างจริงจังและจริงใจ จริง ๆ สักคนในสังคมแบบนี้ มันหาค่อนข้างยากมาก แต่ผมกลับได้มันมา แม้ว่าผมจะไม่สามารถเก็บความรักนั้นเอาไว้ได้ก็ตาม แต่ผมก็รู้สึกสุขใจที่อย่างน้อยในชีวิตนึง ผมก็มีคนที่รักผมจริง ๆ


    หลังจากนั้นไม่นาน บูมก็โทรมา คาดว่าน่าจะอาบน้ำเสร็จแล้ว.......เราคุยกันได้สักพักก็วางสายไป เพราะเดี๋ยวพรุ่งนี้เราจะต้อง ไปตามสืบหา ไล่ล่าตัวไอ้โรคจิตกันต่อ......

    เช้านี้ พวกเรานัดกันที่ห้องสมุด โดยผมกับบูมมาถึงก่อนใคร ๆ เพราะเช้านี้ บูมอ่ะไม่รู้คิดยังไง มาปลุกผมแต่เช้าเพื่อชวนไปกินโจ๊กที่หน้าหมู่บ้านของเค้า แถมยังบอกอีกว่าโจ๊กเจ้านี้อร่อยมาก ๆ (ผมกินไป รสชาติก็ธรรมดา แถมไม่มีที่นั่งอีกต่างหาก สรุปว่าต้องเอาชามไปนั่งกินกันในรถ บรรยากาศก็นะแสนจะโรแมนติกมาก ๆ หึหึ ไปแย่งเด็กประถมกินอีก เฮ้ออออ....) ผมกับบูมเลยมาถึงห้องสมุดก่อนใครเพื่อน......

    “โจ๊ก อร่อยป่ะ.......”บูมถามยิ้ม ๆ ขณะที่เรานั่งรอพวกเพื่อน ๆ ผมที่ห้องสมุด

    “ก็ดีอ่ะ แต่เราว่ามันอาจจะเช้าไปสักหน่อยนะ เราเลยไม่ค่อยจะหิวเท่าไหร่ (จะว่าไม่อร่อยก็ไม่ได้ อุตส่าห์ไปรับ วกไป วนมา ตั้งหลายรอบ)” ผมพูดเพื่อรักษาน้ำใจชายหนุ่ม

    “วันหลังเราจะรับไปกินอีกนะ เราชอบอ่ะ ยิ่งได้นั่งกินกับโยในรถ เรายิ่งชอบ” เฮ้อออ รสนิยมแปลกนะ ชอบกินในรถ.....

    “เราว่าซื้อมากินก็ได้นะ จะได้ไม่ต้องไปแย่งเด็ก ๆ ตอนเช้า ๆ เดี๋ยวพวกน้องเค้าไปโรงเรียนไม่ทัน” ผมพยายามเลี่ยง

    “อืมมมม.....งั้นเดี๋ยวจะหิ้วไปฝากทุกวันเลยนะ ดีป่ะ” บูมเสนอ

    “ไม่ต้องขนาดนั้นหรอก เราว่าบูมมากินข้าวบ้านเราก็ได้นะตอนเช้าน่ะ ส่วนใหญ่แม่เราจะทำไว้ให้ตลอดแหละ” ผมเอ่ยปากชวนเพราะคิดถึงรสชาติของโจ๊กที่จะต้องกินทุกวัน.....(เหลวซะไม่มี)

    “นั่นไงว่าแล้ว......555.....อนุญาต แล้วนะ เราจะไปกินด้วยทุกวันเลยนะ” เอ๊ะ มันยังไงกันละเนี่ย พูดแปลก ๆ

    “อ๋อออออออ....ที่พาไปกินโจ๊กเจ้านี้เพราะต้องการแบบนี้อ่ะดิ มิน่าเห็นตอนกินถึงอมยิ้มตลอด หลอกกันดีนักใช่ไหม” ผมไม่รอช้า ตรงเข้าไปทำร้าย อาตี๋หนุ่มทันที

    “โอ๊ย ๆ ๆ ๆ ไม่กล้าแล้วครับ โยอ่ะ เบา ๆ หน่อยดิ เดี๋ยวบรรณารักษ์ก็เดินมาหรอก” บูมพูด พลางลูบที่เอวอย่างเร็ว

    “สม บอกให้ไปฟิตเนสก็ไม่ไป ดูดิพุงย้อยลงมาเลย เอาแต่กิน” ผมแอบแซวบูม

    “ครับบบ เดี๋ยวจะไปเล่นครับ ว่าแต่มีใครอยากไปเล่นเป็นเพื่อนหรือเปล่า เล่นคนเดียวที่บ้านมันเหงาอ่ะ” บูมเอ่ยชวนพร้อมเหล่มาทางผม

    “ก็ได้ ๆ งั้นเดียวตอนเย็น ๆ จะไปเล่นเป็นเพื่อน” ผมอดที่จะตอบรับไม่ได้ (ก็ดูทำหน้าสิ)

    “ว่าไงจ๊ะ คู่นี้คุยอะไรกันกระหนุงกระหนิงเชียว” แพทเดินเข้ามาทักทาย

    “เออ....แพท ม๊าเราชวนไปทานข้าว ชวนที่บ้านไปด้วยนะ เห็นว่าจะนัดรวมญาติหรือยังไงเนี่ย” บูมเอ่ยทักหญิงสาวทันทีที่มาถึง

    “เรารู้แล้วล่ะ ว่าแต่บูมจะพาโยไปด้วยใช่ไหมล่ะ เรารู้หรอกน่า”แพทพูดอย่างรู้ทันความคิดของชายหนุ่ม

    “555….รู้ทันอย่างนี้ก็แย่อ่ะดิ” บูมหัวเราะ

    “อะไรนะชวนเราไปงานรวมญาติเนี่ยอ่ะนะ เราไม่ไปดีกว่า เราไม่รู้จักใครเลย” ผมพูดขัดขึ้นมา

    “ทำไมจะไม่รู้จัก ก็นี่ไงแฟนตัวเองอยู่ทั้งคน แล้วนี่ แพทก็รู้จัก ห้ามปฏิเสธนะ ไม่งั้น......”บูมพูดเสียงเข้มพลางทำสีหน้าโหด ๆ

    “จะทำอะไร...............”ผมว่ากลับไป

    “จะให้บอกตรงนี้เลยหรือเปล่า.........”บูมทำท่าลามกจนผมต้องยอม ส่วนแพทเอาแต่ขำท่าเดียว(ไม่มาช่วยกันมั่ง)

    หลังจากนั้นเราสามคนก็คุยกันได้สักพัก ไอ้เจ้าพวกเพื่อนตัวดีของผมก็มาถึง (ผิดเวลาตลอด)

    “โอ้โห แต่ละคน มาตรงเวลาเป๊ะเลยนะ...นัดกันเก้าโมงเช้า นี่แค่สิบโมงเอง แต่ไม่เป็นไรหรอก เราว่านาฬิกาเรามันเดินเร็วไปเอง ขอโทษด้วยเพื่อน ๆ ว่าแต่ของบูมกับแพทนี่กี่โมงแล้วล่ะ” ผมแกล้งแซวพวกเพื่อน ๆ ผมที่กระหืดกระหอบเดินเข้ามา

    “เออ....ได้ทีนะ แล้วอย่าพลาดมั่งแล้วกัน ถ้าแน่จริงอย่าให้บูมไปรับดิ ลองมาเองก็สายเหมือนกันแหละ” ไอ้โบต่อล้อต่อเถียง

    “ใช่ ๆ ๆ ปกตินัดแก เคยตรงเวลาที่ไหน จำได้ไหม นัดกันสี่โมงเช้า จะมาสี่โมงเย็น ดีนะให้ไอ้กายโทรไปตาม”ไอ้ออฟสนับสนุน

    “ใช่ ๆ ๆ แล้วมาทำพูด”ไอ้กายสันทับอีกคน (เละเลยเรา รู้งี้เงียบ ๆ ไปก็ดี)

    “เออ น่าๆ...ก็ตอนนั้นมันฟังผิดนิ..ว่าแต่ ตกลงแผนเราจะว่ายังไง”ผมรีบเปลี่ยนเรื่องก่อนที่จะโดนขีปนาวุธติดเรดาห์มาถล่ม

    “รีบเปลี่ยนเรื่องเลยนะ สันหลังน่ะ หวะ ไปถึงไหนแล้ว” ไอ้โบยังคงกัดไม่ปล่อย (หึเปลี่ยนแฟนแล้วได้ที่ข่มเลยนะ )

    “เออ........แล้วตกลงว่าไง”ผมเหล่ตาไปมองไอ้โบนิดนึงเป็นเชิงปราม และถามความเห็นทุกคนต่อไป

    สรุปว่า พวกเราวันนี้จะเริ่มดูพฤติกรรมจากอั๋นก่อน ซึ่งไอ้กายก็คงจะเข้าไปคุยและหาเรื่องชวนอั๋นไปเที่ยว ส่วนผมกับบูมจะรอดูที่มือถือว่าไอ้โรคจิตจะโทรมาหรือเปล่า เพราะถ้ามันโทรมาระหว่างที่กายอยู่ด้วยก็แสดงว่าอั๋นไม่ใช่ไอ้โรคจิต.....

    หลังจากเราได้ข้อสรุปกันแล้ว กายก็แยกตัวออกไปปฏิบัติภารกิจ...

    “แกคิดว่าอั๋นจะใช่แน่เหรอ ปกติไม่เห็นเค้าจะเคยมาสนใจบูม หรือเดินเข้ามาคุยด้วยเลยนะ”ออฟถาม

    “เราก็ว่า ไม่นะ แต่มันก็ไม่เสียหายไม่ใช่เหรอที่จะลองดู” ผมตอบกลับไปซึ่งทุกคนก็พยักหน้ารับ

    หลังจากเลิกเรียนในตอนเย็นแล้ว กายก็ชวนอั๋นไปเล่นสนุกเกอร์ (กีฬาโปรดเค้าล่ะ) ซึ่งพวกผมก็ค่อนข้างมั่นใจแล้วว่า อั๋นคงจะไม่ใช่แน่ เพราะเวลาคนแทงสนุกจะไม่มีเวลามานั่งโทรมาป่วนชาวบ้านเหมือนไอ้โรคจิตหรอก (ระหว่างที่กายกับอั๋นแทงสนุกกันอยู่ ไอ้โรคจิตมันก็โทรเข้ามาตลอด) ทำให้ตัวเลือกตกลงไปหนึ่งแล้ว ยังคงเหลืออีกสอง สรุปว่าวันนี้แผนการจบลงไปด้วยดี หนึ่งขั้น.....


    เย็นวันนั้น เสียงมือถือของบูมดังขึ้น ขณะที่ผมกับบูมกำลังทานข้าวเย็นกันที่บ้านของบูม (วันนี้ต้องมาเล่นฟิตเนสเป็นเพื่อนบูมอ่ะ)

    “บูมได้เรื่องแล้ว วันนี้เราเห็นอาร์ทมี PCT ด้วยนะ”เสียงแพทดังขึ้นด้วยความตื่นเต้น

    “ใจเย็น ๆ ค่อย ๆ พูดนะแพท”บูมพยายามบอกให้หญิงสาวปรับอารมณ์

    “โยก็อยู่ใช่ไหม รอเราอยู่ที่บ้านนะเดี๋ยวเราไปหา”แพทรีบพูดและวางสายไป......


    จบตอนที่ 6/4 ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามนะครับ

************************************************************************
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 10-04-2007 19:54:33
หุหุ อาร์ทผู้ต้องสงสัยหมายเลข 1  :angry2:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 10-04-2007 21:29:37
ใกล้จะถึงความจริงล่ะ  :interest: :interest: :interest:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 11-04-2007 18:40:24

...................จาได้รู้แว่ใครเป็นนางมารร้าย......... :laugh5: :laugh5:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 13-04-2007 12:39:04
"ตอนที่ 6/5"


ผมกับบูมนั่งรอแพทสักครู่ใหญ่ แพทก็นั่งรถมาถึงและตรงเข้ามาคุยกับพวกเราด้วยความตื่นเต้น.........
“ได้เรื่องแล้วล่ะโย เมื่อตอนเย็นเราแกล้งบอกว่าจะซื้อคอมพิวเตอร์เลยนัดอาร์ทไปที่พันธุ์ทิพย์ ตอนที่พวกเรากำลังเดินๆอยู่ เราเห็นอาร์ทมี PCT ด้วยแหละ”แพทเล่าอย่างตื่นเต้นขณะนั่งลงสนทนากับพวกผม

“หรอ......อืมมม....อย่างนี้ก็น่าจะเข้าเค้านะ” บูมสนับสนุน

“แต่มันก็แปลกนะ เพราะอาร์ทจะรู้เบอร์โทรศัพท์มือถือของเราได้ยังไง ยิ่งเบอร์บ้านด้วยแล้วยิ่งลำบากนะ”ผมพูดด้วยความสงสัย

“อืมม...มันก็จริงนะ แต่ไม่เป็นไร เราว่าเดี๋ยวเราจะตามสืบต่อ” หญิงสาวพูดอย่างมาดมั่น

“แล้วที่แพทมานี่ เพราะเรื่องแค่นี้เองอ่ะนะ”บูมเอ่ยถาม

“อืมมม.....ก็คนกำลังตื่นเต้นนิ......แหม ไม่ได้คิดจะมาเป็น กขค หรอกน่า”แพทยิ้มอย่างรู้ทัน

“ไม่เป็นไรหรอก แค่นี้เราก็ขอบใจแพทมาก ๆ แล้ว อีกอย่างเรากับบูมก็ไม่ได้สวีทอะไรกันหรอก พวกเรามาออกกำลังกายกันแค่นั้นเอง”ผมกล่าวขอบคุณหญิงสาวที่แสนดี

“นิบูม....หัดดูโยเค้าเอาไว้เป็นตัวอย่างซะบ้าง....แพทช่วยบูมตั้งกี่ครั้งแล้วยังจะมาพูดแบบนี้กับแพทอีก”แพทหันไปว่าบูม (จ๋อยไปเลย) แล้วหันมายิ้มให้ผม

“ช่วยก็ส่วนช่วยสิ.....ตอนนี้มันเวลาไหนกันแล้วแพท” บูมเถียงน้ำเสียงซีเรียสนิด ๆ

“เวลาอะไรของใคร แพทไม่สนใจหรอก....โย... คือ แพทอยากจะไปเดินซื้อของขวัญให้แฟนน่ะ ทีนี้แพทไม่รู้ว่าจะซื้ออะไรให้เค้าดี โยไปเป็นเพื่อนแพทหน่อยได้ไหม.....ครั้งที่แล้วนะ แพทเอาอีตานี่ไปอ่ะ จะให้แพทซื้อแต่นาฬิกาอยู่นั่นแหละ”แพทเอ่ยชวนผมพลางหรี่ตาไปบอกบูม

“ได้สิ.....จะไปตอนนี้เลยไหมล่ะ เราว่างอยู่พอดีเลย” ผมพูดยิ้ม ๆ

“ได้ไงล่ะ....แพทอ่ะไปวันหลังเลย วันนี้เค้าไม่ว่าง” บูมหันไปทำหน้าไม่พอใจแพท

“วันหลังได้ยังไง พรุ่งนี้วันเกิดเค้าแล้วนะ ไปกันเถอะโย อย่าไปฟังตานี่เลย.................”แพทหันมาฉุดผมลุกขึ้นเดิน

“แพท..............”บูมร้อง

“จะไปไหม มัวแต่นั่งเซ่ออยู่ได้” แพทหันกลับมาเรียก

“ไป ๆ ๆ เดี๋ยวไปหยิบกุญแจรถก่อนนะ” บูมหน้าบึ้งและเดินไปหยิบกุญแจรถแล้ววิ่งตามออกมา

ระหว่างทางที่เราขับรถไป ผมรู้สึกเหมือนกับว่ามีรถขับตามหลังมาตลอดทาง แต่ผมเองก็ไม่คิดอะไรมากเพราะนี่เป็นชีวิตจริงไม่ใช่ละครจะได้มีคนขับตามรถเราออกมา อีกอย่างพวกผมก็ไม่ได้เป็นคนเด่นดังอะไรนักหนา ผมเลยเฉย ๆ คิดว่าเค้าน่าจะไปห้างเดียวกันกับพวกผมซะมากกว่า.......

ผมกับแพทเดินเลือกซื้อของเข้าร้านนั้นออกร้านนี้อยู่เป็นชั่วโมง จนในที่สุดแพทก็ตัดสินใจเลือกกระเป๋าตังค์ให้เป็นของขวัญวันเกิดของแฟน

“บอกแล้วว่าซื้อนาฬิกาก็จบตั้งนานแล้ว ดูสิมืดแล้ว ต้องไปส่งแพทอีก”บูมบ่น ขณะนั่งทานน้ำอยู่ในร้านฟาสต์ฟูดส์แห่งหนึ่ง

“นี่บูม แพทเคยซื้อให้เค้าไปแล้วนะ ก็บูมนั่นแหละที่เป็นคนไปเลือก ยังจะให้ไปซื้อแต่นาฬิกาอีก” แพทหันกลับมาว่าบูม

“ก็ใส่สลับกันไง”บูมยังคงเถียงต่อไป จนผมต้องออกมาห้ามทับ

“พอเลย...บูมอ่ะ...แพทเค้าจะซื้ออะไรก็เรื่องของเค้า ว่าแต่บูมไม่ต้องซื้อนาฬิกาให้เรานะ เรามีแล้ว...”บูมพูดแซวพลางหัวเราะพร้อม ๆ กับแพท

“ใครบอกว่าเราจะซื้อนาฬิกา เราจะซื้อคอมดอมมาฝากสักโหลต่างหาก”บูมแอบมากระซิบข้าง ๆ หูผม จนผมหน้าแดง

“ซุบซิบอะไรกัน ทำไมโยต้องหน้าแดงด้วยล่ะ”แพทถามด้วยความสงสัย

“ไม่มีอะไรหรอกแพท...อย่าไปสนใจเลย”ผมพยายามบ่ายเบี่ยง....


“ว่าไงจ๊ะ...มาเดินเที่ยวกันหรอ นั่งด้วยคนสิ” อาร์ทเดินมาจากไหนไม่รู้อยู่ดี ๆ ก็แทรกขึ้นมาและลงไปนั่งข้างแพท (ตรงข้ามกับบูม)

“อาร์ทมาได้ยังไง ไหนว่ามีธุระไงล่ะ” แพทเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“ก็พอดีเราทำธุระเสร็จเลยกะว่าจะมาหาอะไรทานสักหน่อย แล้วเหมือนฟ้ามีตาให้เราได้มาเจอกับบูม”อาร์ทหันกลับมาทำตาหวานกับบูม จนผมต้องกลั้นหัวเราะเอาไว้ (อาร์ทหันมาจ้องผมเหมือนกับจะกินเลือดกินเนื้ออย่างงั้นแหละ)

“อ้าวหรอ เรากำลังจะกลับพอดี งั้นดีเลย อาร์ทเอารถมาใช่ไหม” บูมถาม

“อืมม....”อาร์ทพยักหน้า ยิ้ม ๆ (สงสัยนึกว่าบูมจะขอกลับด้วย)

“งั้นเดี๋ยวแพทจะกินต่อใช่ไหม............อาร์ทช่วยไปส่งแพทด้วยนะ พอดีเรามีธุระต่อ เราไปละ....ไปกันเถอะโย” บูมพูดจบก็สะกิดให้ผมลุกขึ้น แล้วรีบเดินหนีออกไปด้วยความรวดเร็ว

“อ้าวทำไม ไม่อยู่คุยกับเค้าต่อล่ะ สนุกดีออก”ผมแซวบูม

“โยอยากให้เราคุยกับเค้าหรอ”บูมถามกลับยิ้ม ๆ

“อืมม...เห็นความพยายามน่ะ เราว่านะ อาร์ทน่าจะขับรถตามเรามา เพราะตอนขามาเราว่าเราเห็นอยู่ แต่เราก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร”ผมพูดขณะกำลังเดินอยู่ตรงที่จอดรถ

“อ้าวหรอ....เราว่าแบบนี้ อาร์ทยิ่งน่าสงสัยใหญ่เลย” บูมพูดพลางไขกุญแจเพื่อสตาร์ทรถ

“อืมมม....แล้วเราจะรู้ได้ยังไงล่ะว่า ตกลงอาร์ทเป็นคนทำ” ผมถาม

“เราว่า แพทน่าจะจัดการได้นะ รายนั้นน่ะ แผนเยอะจะตาย”บูมพูดพลางถอยรถ และขับออกไป

“เดี๋ยวไปส่งเราที่หน้าบ้านก็พอนะ จะได้ไม่ต้องถอยเข้าถอยออก ดึกแล้ว”ผมเสนอเพราะไม่อยากให้ชายหนุ่มเสียเวลาถอยรถ

“โห....ไล่กันเลยหรอ ไม่เอาหรอก วันนี้เราจะค้างที่บ้านของโย”บูมพูดพลางอมยิ้ม

“ไม่ได้....เดี๋ยวม๊าก็ว่าเอาหรอก ยังไม่เข็ดอีกหรอ วันนั้นน่ะ”ผมเตือนความจำ

“วันนั้นก็ส่วนวันนั้นสิ วันนี้ก็วันนี้ ไม่เชื่อเดี๋ยวเราโทรไปถามเลยดีกว่า” บูมพูดพลางหยิบมือถือขึ้นมากด

“ม๊า วันนี้บูมไปค้างบ้านโยนะ พอดีช่วงนี้มีไอ้โรคจิตมันมารังควาญบ่อย ๆ... ครับ ๆ ๆ...ได้ครับ แล้วเดี๋ยวบูมจะบอกให้โยเค้าระวังตัว....ม๊ากับป๊าก็อย่าทำงานดึกนะ....อ๋อ ได้ ๆ ๆ แล้วบูมจะบอกย้ำให้ ครับ ๆ ๆ หวัดดีครับ”บูมพูดกับม๊าเสร็จก็หันมาบอกผม

“เห็นมะว่าม๊าไม่ว่าอะไร แถมฝากเราบอกโยด้วยว่าให้ระวังตัวเองดี ๆด้วย...และที่ขาดไม่ได้คือจะให้เราย้ำแม่ของโยเรื่องนัดไปทานข้าวอีกด้วย”บูมพูดยิ้ม ๆ

“ถึงม๊าบูมไม่ว่า...แต่แม่เราอาจจะไม่ชอบก็ได้”ผมพยายามหาทางหลีกเลี่ยง (ขนลุกกับคำพูดเมื่อตอนอยู่ในฟาสต์ฟูดส์)

“ใครบอก เราเห็นเวลาเราไปค้างทีไร แม่กับพ่อโยชอบทุกทีเลย ไม่เห็นจะว่าตรงไหน” เฮ้อ เถียงไม่ขึ้นเลยเรา

“ตามใจ ๆ .....”

“กลัวล่ะสิ.....”บูมพูดพลางทำสีหน้าเจ้าเล่ห์

“กลัวอะไร ทำไมต้องกลัวด้วย....”ผมพยายามทำใจดีสู้เสือ

“จริงอ่ะ....ดูดิ ขนลุกไปหมดแล้ว”บูมพูดพลางเอามือมาลูบที่ขาผมเบา ๆ

“นี่....พอเลย แค่นี้ก็รู้แล้วว่า จะมาค้างทำอะไร”ผมตีที่แขนบูมเบา ๆ

“555....ล้อเล่นน่า....อยากจะไปนอนเป็นเพื่อนโยแค่นั้นเอง เราจะได้สบายใจด้วย”บูมหัวเราะ

“ให้มันจริง เถอะ............”

หลังจากที่เราขับรถมาจอดที่บ้านผมแล้ว ผมกับบูมก็เดินเข้ามาทักทายพ่อกับแม่ผม พร้อมกับบอกย้ำเรื่องที่ม๊าของบูมจะนัดทานข้าวกับแม่ของผมด้วย และพวกเราก็ขอตัวไปอาบน้ำนอน.....

“บูม...พี่วิทย์จะมาเยี่ยมนะ”ผมเอ่ยขณะกำลังนั่งเล่นเกมส์กับบูม

“อืม....วันไหนล่ะ”บูมพูดแบบประมาณไม่สนใจ จนผมอดแปลกใจไม่ได้

“วันยังไม่รู้......ว่าแต่บูมไม่รู้สึกอะไรเลยหรอ”ผมถามอย่างไม่แน่ใจ

“อืม....ทำไมล่ะ”บูมยังคงสนใจกับเกมส์มากกว่า

“ปะ ปะ เปล่า..........”ผมยิ่งแปลกใจเพิ่มขึ้นไปอีก

“ว่าแต่ เราไม่เข้าใจทำไมพี่วิทย์ยังตื้อไม่เลิกก็ไม่รู้เนอะ มีการส่งข้อความมาว่ายังงั้นอย่างงี้ .....เฮ้อ.....” นั่นไงจับได้แล้ววววววววววววววววว

“หึ หึ หึ....มิน่าถึงไม่สนใจ แอบเอามือถือเราไปกดอ่านข้อความนี่เอง.........”ผมหันไปตีแขนบูม

“อ้าว....แฟนกัน แค่อ่านข้อความไม่เห็นจะแปลกเลย อ่ะนี่เอาของเราไปอ่านดิ” ผมรับมือถือของบูมมาแต่ก็ไม่ได้กดดูอะไร

“ไม่กดดูล่ะ....โยอ่ะแทบจะไม่ส่งข้อความถึงเราเลยนะ”บูมวางเกมส์ลงหันมาพูดกับผม

“เจอกันทุกวันอยู่แล้วนิ ไม่เห็นต้องส่งข้อความเลย ปกติก็หวานจนเลี่ยนแล้ว” ผมพูดยิ้ม ๆ แต่ว่า.....

"เราว่า......มีแต่เราละมั้งที่ยังรักโยเหมือนเดิม...ว่าแต่โยเถอะยังรักเราเหมือนเดิมหรือเปล่า...ลองคิดดูเอาเองละกันว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา เราต้องเป็นฝ่ายไปหาโยก่อนตลอดเลย และก็เป็นเราอีกนั่นแหละที่ต้องคอยทำนั่นทำนี่ เพื่อความสัมพันธ์ของเรา แต่โยกลับไม่เห็นที่จะพยายามทำอะไรเพื่อพวกเราเลย แต่เราก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอก เพราะมันรักไปแล้วนิ จะให้ทำยังไงได้”บูมพูดด้วยสีหน้าจริงจัง จนผมอดที่จะทบทวนเรื่องที่ผ่านมาไม่ได้ว่ามันก็เป็นจริงอย่างที่บูมบอกมาจริง แต่ที่ไม่จริงคือ ผมไม่ได้รักบูมเท่าเดิม แต่กลับรักมากขึ้นกว่าเดิมต่างหาก

“โห...แค่นี้ก็น้อยใจด้วย...ใครจะกล้าไม่รักบูมล่ะ ดูสิ แฟนเราน่ารักออก”ผมเอื้อมมือไปโอบบูมเอาไว้

“ไม่ต้องมาทำพูดดีเลย น้อยใจนะเนี่ย”บูมพูดอย่างคนที่กำลังน้อยใจ

“หัวก็ยังไม่ล้านนิ...555….(รักนะครับ)”ผมหัวเราะ แล้วหันไปกระซิบที่ข้างหูของบูมเบาๆ

จากนั้นเราสองคนก็นอนกอดกัน (แค่กอดกันจริง ๆ)ตลอดคืน จนตอนเช้าผมตื่นขึ้นมาแขนนี่แทบจะยกไม่ขึ้นเลยอ่ะ (เป็นเหน็บนานมาก ๆ)

เช้านี้ผมกับบูมมามหาวิทยาลัยด้วยกัน (ไม่ต้องสงสัย ชุดนักศึกษา กางเกง กกน. ก็ของผม ทีแรกว่าจะให้ใช้ตัวเดิมละ แต่บูมอ่ะดิบอกว่าแฟนกันไม่เห็นเสียหายแถมยังไปรื้อมาใส่เองอีก เฮ้อ.....) เราเดินไปหากลุ่มเพื่อน ๆ ที่ห้องสมุดเพราะจะได้วางแผนกันต่อไป

“ว่าไงครับคุณชาย เห็นว่าเล่นกันจนบ้านช่องไม่ยอมกลับเลยนะ”โบแซวผมกับบูม

“ใคร ๆ ๆ ไม่กลับ เรากลับโว๊ยยยย ใครบอกไม่กลับ”ผมตอบกลับไป

“ก็คนข้าง ๆ แกไง โทรไปก็ปิดเครื่อง โทรเข้าบ้านถึงรู้ว่า พาแฟนไปนอนค้างนี่เอง”ไอ้โบทำสีหน้าเจ้าเล่ห์

“คิดอกุศล ตลอด ใครกันแน่ที่ชวนแฟนไปนอนค้างที่บ้านแล้วเค้าไม่ยอมไป”ผมได้ทีเลยแซวกับไปบ้าง (ปอนด์เล่าให้ฟัง) แต่ไอ้โบมันกลับทำสีหน้าจ๋อย

“เออ ๆ ๆ ไม่แซวละ ว่าแต่มีใครได้ข้อมูลอะไรมาใหม่บ้างล่ะ”ผมเห็นสีหน้าไอ้โบเลยรีบเปลี่ยนเรื่องไป

“อืมม...ตกลงอั๋นไม่ใช่แน่นอน ตกไปหนึ่ง....เหลือ พีท กับอาร์ท” ออฟพูด

“เราว่าอาร์ทมีภาษีดีกว่านะ เพราะล่าสุด แพทเห็นว่าอาร์ทมี PCT ด้วย อีกอย่างเมื่อคืนโยบอกว่า เค้าขับรถตามพวกเราด้วยล่ะ” บูมเล่าเหตุการณ์ต่าง ๆ

“งั้นเราว่า พุ่งไปที่อาร์ทเลยดีกว่า จะได้ไม่เสียเวลา อีกอย่าง พีท คงจะไม่ใช่หรอก”กายเสนอความเห็นซึ่งเพื่อน ๆ ก็พยักหน้ารับ

“งั้นโอเค เดี๋ยวเราจะให้แพทตามสืบต่อ เราว่าน่าจะได้ความจริงในไม่ช้า”บูมพูดด้วยความมั่นใจ เฮ้ออออ....จะได้จบเรื่องซะที

จากนั้นบูมกับผมก็เดินออกมาจากห้องสมุดเพื่อโทรศัพท์ไปหาแพท ส่วนผมก็เดินแยกออกมาเพื่อไปเข้าห้องน้ำ......

ขณะที่ผมอยู่ในห้องน้ำ ไอ้โรคจิตก็โทรเข้ามาหาผมอีก จนผมรำคาญมาก ๆ เพราะว่ามันหัวเราะอยู่ได้ และแล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อผมได้ยินเสียงใครคนหนึ่งดังมาจากหน้าห้องน้ำ ด้านที่เป็นที่ล้างมือ ขณะที่ผมกำลังจะเดินออกจากห้องน้ำ......

จบตอนที่ 6/5 แล้วครับ ตอนที่ 6 นี้จะยาวสักหน่อยนะครับ ขอบคุณครับที่ติดตาม....

 
**********************************************************************************************************************
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: LiliLiN ที่ 15-04-2007 00:33:33
 :o เสียงหัวเราะรึปล่าวเอ่ย   

 :pigangry2: :pigangry2:  พังประตูลากไส้มันออกมาเลยค่า
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 15-04-2007 10:23:38
หุหุ ใกล้เจอตัวไอ้โรคจิตแล้ว  :angry2:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: MyLoveMyBabe ที่ 15-04-2007 19:22:11
ใกล้รู้ตัวแว้ววว อาร์ทแน่ๆเลย  :pigangry2:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 17-04-2007 14:07:13

.........ง่ะ....ต่อด่วน....จะได้รู้ซักที.... :13223: :13223:

.................จะได้จับล้างซวยในห้องน้ำเลย.... :laugh5: :laugh5:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 18-04-2007 14:27:36
"ตอนพิเศษ"

    ตอนพิเศษวันเกิด

    “ฮัลโหล...”ชายหนุ่มรับสายด้วยน้ำเสียงเหมือนกับคนยังไม่ตื่นนอนดี

    “บูม...นี่กี่โมงแล้วอ่ะ ยังไม่ตื่นอีกหรอ วันนี้เรานัดกันไว้ไม่ใช่หรอ” ผมโทรไปปลุกชายขี้เซาเพราะนี่ปาเข้าไปเที่ยงแล้ว ทั้ง ๆ ที่นัดกันไว้สิบโมงเช้า

    “เออใช่....ลืมไปเลย ก็เมื่อคืนอ่ะโยชวนเราคุยจนถึงตีสอง เราก็เลยตื่นไม่ทันอ่ะดิ” ยังจะมาโทษเราอีกตัวเองนั่นแหละบอกให้วางก็ไม่ยอมวาง

    “ยังจะมาโทษเค้าอีก...เร็ว ๆ นะ...แค่นี้นะ”ผมพูดและวางสายไปอย่างอารมณ์เสียนิด ๆ

    หลังจากนั้นประมาณ ชั่วโมงนึงเห็นจะได้ เสียงแตรรถก็ดังขึ้นจากนอกบ้านผม ผมเลยหยิบของและเดินออกไปหาชายหนุ่ม

    “ไหนบอกจะไม่สายไง”ผมต่อว่าชายหนุ่มที่ผิดนัดอย่างไม่พอใจนิด ๆ

    “น่า....อย่าโมโหเลยนะ ว่าแต่โยจะไปไหนอ่ะ เดี๋ยวเราพาไป”บูมแกล้งมาบีบนวดที่แขนผมเป็นเชิงเอาใจ

    “ตามใจบูมละกัน...ไปเหอะ เดี๋ยวตอนเย็นเราไม่ว่าง” ผมทำฟอร์มดูสิว่าบูมจะจำได้หรือเปล่าว่าวันนี้วันเกิดผม พลางเอี้ยวตัวแกล้งเอาของไปวางไว้ที่เบาะหลังเพื่อดูว่ามีกล่องของขวัญหรือเปล่า ..........แต่ปรากฏว่า........ไม่มีอะไรเลย............ T T

    “งั้นไปหาอะไรกินก่อนได้ป่ะเราหิวแล้วอ่ะ”บูมถามด้วยสีหน้าที่แสดงอาการจำอะไรไม่ได้เลย

    “อืม จะไปไหนก็ไปเถอะ........”ผมพูดพร้อมทำสีหน้าไม่ค่อยพอใจนิด ๆ

    จากนั้นบูมก็พาผมไปทานข้าวที่ร้านอาหารในห้างแห่งหนึ่ง และตลอดมื้อนั้นบูมก็ไม่ได้พูดหรือแสดงอาการอะไรเลยที่จะบ่งบอกว่าวันนี้วันเกิดผม....จนทำให้ตอนนี้ผมเริ่มรู้สึกน้อยใจ อย่างมาก

    “โย เราไปดูหนังกันไหม”บูมชวนขณะกำลังรอเงินทอน

    “ไม่เอา เบื่อล่ะ....อยากกลับบ้าน”ผมพูดด้วยความรู้สึกน้อยใจนิด ๆ

    “อ้าวเป็นอะไรอ่ะ ไม่สบายหรือเปล่า เดี๋ยวเราพาไปหาหมอ”บูมพูดพลางยื่นมือมาแตะที่หน้าผากผม

    “ไม่มีอะไรหรอก ไปเหอะ”ผมเอี้ยวตัวหนี พลางลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นพนักงานเอาเงินมาทอน

    “รอก่อนดิ.........”บูมรับตังค์ทอนแล้วรีบเดินตามออกมา

    “เป็นอะไรไปอ่ะ...โมโหอะไรเราหรือเปล่า”บูมถามขณะที่วิ่งตามมาทันผมแล้ว

    “เปล่า......แค่เราเบื่อ ๆ แค่นั้นเอง”ผมพูดพลางพยายามทำสีหน้าให้เป็นปกติที่สุด (ตอนนี้ความรู้สึกน้อยใจเริ่มที่จะเพิ่มขึ้นจนแทบจะระเบิดออกมาแล้ว จำก็จำวันเกิดแฟนตัวเองไม่ได้)

    “เบื่ออะไรล่ะ....งั้นไปนั่งรถเล่นกัน”บูมฉุดผมให้เดินตามไป

    หลังจากนั้นบูมก็ขับพาผมไปที่นั่นที่นี่ จนกระทั่งเย็น บูมก็ขับรถมาส่งผมที่บ้าน.....

    “เดินเข้าบ้านดี ๆ นะครับ” บูมเอ่ยลา

    “อืม...บูมก็ขับรถกลับดี ๆ นะ” ผมพูดพลางนั่งรออยู่สักพักเผื่อจะแกล้งเซอร์ไพส์

    “................................”บูมมองผมอย่าง งง ๆ (ตกลงเข้าใจละว่าลืมจริง ๆ)

    “.............................” ผมจ้องบูมด้วยแววตาน้อยใจปนไม่พอใจอย่างมาก

    “อ้าวไม่ลงล่ะ....หรือว่าลืมอะไรไว้ในรถ.....”บูมถามพลางมองซ้ายมองขวาเพื่อช่วยหาของ (ลืมหยิบปืนมาจะได้ยิงคนไงตอนนี้)

    “ไม่มี......เราไปแล้วนะ...........”ผมพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจสุด ๆ

    หลังจากนั้นผมก็เดินคอตกเข้าบ้านด้วยความรู้สึกเซ็งสุด ๆ กับวันเกิดปีนี้ ….จนเวลา ประมาณ สองทุ่ม พ่อกับแม่ผมกลับมาถึงบ้าน พร้อมด้วยกล่องเค้ก และของขวัญ....

    “สุขสันต์วันเกิดจ๊ะ ลูก.....”พ่อกับแม่ผมอวยพรพร้อมกับแกะกล่องเค้ก

    “มาช่วยจุดไฟกันลูก”พ่อผมกวักมือเรียกผมที่นั่งอยู่อีกด้านนึง

    “Happy Birthday to You……………”

    “…………….” ผมเริ่มรู้สึกดีขึ้นเมื่อเป่าเค้ก เพราะอย่างน้อย คนที่รักผมที่สุดสองคนก็จำวันเกิดของผมได้ (ไม่เห็นต้องง้อเลย)

    “นี่จ๊ะ ของขวัญของพ่อกับแม่...เราโตเป็นหนุ่มแล้วนะ อย่าทำตัวเป็นเด็ก ๆ เหมือนเมื่อก่อนล่ะ”แม่พูดพลางอมยิ้ม

    “แกะดูสิว่าชอบไหม” พ่อพูดยิ้ม ๆ

    “...............................”ผมแกะกล่องของขวัญออก

    “ขอบคุณครับพ่อ ขอบคุณครับแม่........ผมอยากได้มานานแล้วอ่ะ”ผมยกมือไหว้พร้อมกล่าวขอบคุณพ่อกับแม่ที่ซื้อ นาฬิกา ยี่ห้อนึงให้

    “ใส่เลยสิจ๊ะ....”แม่คะยั้นคะยอ

    “ครับ...........”ผมถอดนาฬิกาอันเก่าไว้และใส่นาฬิกาอันใหม่ทันที หลังจากนั้นสักพักนึง ป้ากับลุงของผมก็โทรศัพท์มาอวยพร รวมทั้งเพื่อน ๆ ของผมด้วย.......(มีแต่บูมคนเดียวนั่นแหละที่ลืม หึ......ไม่สนใจก็ได้)

    หลังจากนั่งทานเค้กและพูดคุยกับพ่อแม่ผมได้สักพัก ผมก็ขอตัวขึ้นไปนอนเพราะมันดึกมากแล้ว..........

    ทันทีที่ผมขึ้นไปบนห้อง ความรู้สึกเหงา น้อยใจ และ เสียใจ มันก็ระเบิดออกมาทันทีเมื่อผมหันไปเห็นรูปถ่ายของชายหนุ่มคนนึงที่ไม่สามารถจำวันเกิดของผมได้

    ทำไมบูมถึงจำวันเกิดของเราไม่ได้นะ.....หรือว่าเราไม่สำคัญ.....หรือว่าแค่จะเล่น ๆ กับเรา....เห็นเราเป็นตัวอะไร....ฯลฯ สารพัดความคิดมากมายเกิดขึ้นกับผมพร้อม ๆ กับน้ำตาที่เริ่มรินไหลออกมาทีละน้อย......ผมนั่งร้องไห้อยู่ตรงนั้นไปรู้ว่านานแค่ไหน จนกระทั่งผมหลับไป........

    ตี๊ด ตี๊ด ตี๊ด........เสียงโทรศัพท์มือถือของผมดังขึ้น........

    “คร๊าบบบบบบบบบ......หาววววววว”ผมงัวเงียรับสาย

    “โย.....ออกมาข้างนอกหน่อยสิ” เสียงชายหนุ่มดังขึ้นจากปลายสาย

    “จะให้ออกไปไหน ดึกแล้ว พรุ่งนี้แล้วกันนะ”ผมตอบอย่างงัวเงียเพราะเพิ่งตื่นนอน

    “ก็ออกมาหน้าบ้านไง เรารออยู่เร็ว ๆ นะ”บูมพูดเร่ง

    “มาทำไมอ่ะ ดึกดื่น.....อืม...เดี๋ยวเราลงไป”ผมกดสายทิ้งพลางลุกขึ้นอย่างงัวเงีย

    ผมเดินออกไปข้างนอกบ้านด้วยความรู้สึกเพลียมาก ๆ เพราะอาจจะร้องไห้มากไปและเพิ่งตื่นนอนด้วย ทำให้รู้สึกเหมือนกับตัวชา ๆ ยังไงบอกไม่ถูก.........

    “มีอะไรหรอ”ผมถามอย่างงัวเงีย

    “Happy Birthday นะครับ” บูมอวยพรพร้อมกับหยิบเค้กที่จุดไฟแล้วออกมาจากรถ

    “เฮ้ย......................”ตอนนี้สติผมเริ่มจะกลับมาสัก แปดสิบเปอร์เซ็นต์แล้วครับ

    “อธิษฐานดิ.........”บูมยิ้ม

    “..............................”ผมอธิษฐานพร้อมกับเป่าเค้ก (น้ำตาเริ่มเอ่อ ๆ แล้ว)

    “…………..”บูมวางเค้กลงพร้อมกับหันไปหยิบอะไรออกมาจากรถ

    “อ่ะนี่ สำหรับคนพิเศษที่สุดของบูมครับ”บูมยื่นของขวัญให้ผมชิ้นนึง

    “.........................ฮือ ฮือ ฮือ..............นึกว่าจะจำวันเกิดเราไม่ได้ซะอีก”ผมร้องไห้ออกมา

    “ใครบอกจำไม่ได้....วันนี้เราขับรถพาโยไปสถานที่ที่เรากินข้าวกันครั้งแรก ไปเที่ยวกันครั้งแรกตอนเป็นแฟนกัน และ ฯลฯ แต่โยนั่นแหละมัวแต่งอนอยู่นั่นอ่ะ”บูมพูดพลางหัวเราะ

    “ก็ใครจะไปรู้ล่ะ.....ฮือ ฮือ ฮือ..... นึกว่าบูมจำวันเกิดเราไม่ได้ซะอีก”ผมยิ่งร้องไห้หนักเข้าไปอีก เมื่อนึกย้อนไปว่าบูมขับรถพาผมไปสถานที่เหล่านั้นจริง ๆ แต่ผมกลับไม่ได้รู้สึกอะไรเลย เอาแต่งอนท่าเดียว.....

    “จำได้สิครับ...แต่ที่เราต้องทำแบบนี้ เพราะว่าเราอยากจะเป็นคนที่ได้พูดกับโยเป็นคนแรก และคนสุดท้ายของวันที่สำคัญที่สุดนี้.......และเราก็อยากจะเป็นคนสุดท้ายที่มาอวยพรโยและอยู่กับโยจนหมดวันไง”บูมพูดพลางชูนาฬิกาให้ดู (เวลาเกือบเที่ยงคืนแล้วล่ะ)

    “ขอบใจนะบูม....ขอบใจจริง ๆ”ผมพูดทั้งน้ำตา

    “...................จะไม่แถมจูบสุดท้ายของวันหน่อยหรอ..........”บูมยื่นหน้าออกมา

    “...........xxx.......รักบูมนะ”ผมหอมแก้มบูมและกระซิบที่ข้างหูบูมเบา ๆ

    “รักโยเหมือนกันครับ”บูมกระซิบที่หูผมอย่างแผ่วเบา

    หลังจากนั้นเราก็จับมือคุยกันจนกระทั่งเข้าสู่วันใหม่.........

    ขอบคุณสำหรับสิ่งที่ทำให้เราในวันพิเศษของเรา.....ขอบคุณจริง ๆ

    จบตอนพิเศษ ตอนวันเกิดแล้วครับ ส่วนตอนปกติ รอสักพักนะครับแล้วจะมาต่อให้
***************************************************************************************************************
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: MyLoveMyBabe ที่ 18-04-2007 16:20:31
 :impress: :-[ น่ารักจางงงง

ว่าแล้วก็นึกถึงวันเกิดเราปีนี้ที่กำลงจะมาถึงอีกไม่นานนั.ก.... ปีนี้ คงไม่มีใครคนนั้นแล้วซิ......... :เศร้า1:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 18-04-2007 19:18:56
เพราะว่าเราอยากจะเป็นคนที่ได้พูดกับโยเป็นคนแรก และคนสุดท้ายของวันที่สำคัญที่สุดนี้
น่าร้ากกกกกกกกกกกกก  :-[  :-[  :-[
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 18-04-2007 20:17:01

...............ถ้าเอาใจใส่กันและกันทุกวัน.....ความรักมันก็คงยั่งยืนและสวยงามทุกวัน....... :impress3: :impress3:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 19-04-2007 14:56:00

"ตอนที่ 6/6"

    และแล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อผมได้ยินเสียงใครคนหนึ่งดังมาจากทางด้านหน้าห้องน้ำตรงส่วนของอ่างล้างหน้า ในขณะที่ผมกำลังจะเดินออกจากห้องน้ำพอดี......มันเป็นเป็นเสียงหัวเราะของชายหนุ่มคนนึง แม้จะไม่ใช่เสียงเดียวกันกับไอ้โรคจิตซะทีเดียว แต่ลักษณะการหัวเราะ รวมทั้งจังหวะการหยุดหายใจ มันใช่เลย เพราะผมได้ฟังเสียงจริงสลับกับในมือถือจนแน่ใจจึงชะโงกหน้าออกมาดูอย่างตื่นเต้น

    “เฮ้ยนั่นมัน.....ไอ้พีทนี่” ผมรู้สึกตกใจอย่างมาก และรีบแอบเข้าไปในห้องน้ำอีกครั้งจากนั้นผมก็มองลอดออกไปทางช่องประตูที่เปิดแง้มเอาไว้ สลับกับฟังเสียงไอ้โรคจิตในมือถือ

    และแล้วในที่สุดสิ่งที่ผมสงสัยมาตลอดหลายอาทิตย์ สิ่งที่สร้างความรำคาญ และบั่นทอนสุขภาพจิตของทุกคนในบ้านของผมรวมทั้งผมด้วย สิ่งที่พวกเราต่างก็ค้นหามาตลอดและคาดเดาต่าง ๆ นาๆ กลับถูกค้นพบได้อย่างง่ายดายและบังเอิญที่สุด แต่สิ่งที่ผมยังคงสงสัยในตอนนี้คือ พีททำแบบนี้ไปเพราะอะไร และเค้าต้องการอะไรกันแน่ แล้วสิ่งที่สะกิดใจผมและดังก้องอยู่ในหัวของผมก็คือ คำที่บูมเคยบอกกับผมว่า พีทเคยโทรไปจีบบูมหลายครั้ง สิ่งนี้เองที่น่าจะเป็นคำตอบของคำถามทั้งหมอ นั่นก็คือ พีทแอบชอบบูม...แต่ทำไมเค้าต้องทำแบบนี้กับผมด้วย แม้ว่าเราจะไม่ได้สนิทอะไรกันมากมาย แต่ผมก็ไม่เคยไปคิดร้าย หรือ ไปทำร้ายอะไรเค้า เวลาเดินผ่านผมก็ยิ้มทักทายปกติ แต่ทำไมสิ่งที่ผมได้รับกลับตรงกันข้าม.....

    ผมกดตัดสายโทรศัพท์ และรอจังหวะให้พีทเดินออกไปจากห้องน้ำ จากนั้นผมก็รีบเดินเข้าไปฉุดบูมที่กำลังคุยโทรศัพท์กับแพทอยู่หน้าห้องสมุดให้ไปรวมกับกลุ่มของผมทันที

    “เฮ้ย...ตกลงเรารู้แล้วนะว่ามันเป็นใคร” ผมพูดด้วยอารามตกใจปนตื่นเต้นเล็ก ๆ

    “จริงดิ.....แกไปรู้มาจากไหน...ตกลงสรุปว่า แพทบอกว่าเป็นอาร์ทชัวร์ใช่ไหม” ไอ้โบเดาเหตุการณ์

    “ไม่ใช่ เรื่องนี้อาร์ทไม่เกี่ยว แต่ไอ้คนที่มันเกี่ยวน่ะ ไอ้พีท.........” ผมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

    “แกแน่ใจหรอโย ฉันว่าไม่น่าจะเป็นพีทหรอก เพราะเค้าก็ไม่ได้อะไรกับแกนี่”ออฟค้าน

    “จะไม่ใช่ได้ไงออฟ ก็เมื่อกี้ตอนที่เราไปเข้าห้องน้ำ แล้วไอ้โรคจิตโทรเข้ามา แกรู้ไหมว่าอะไรเกิดขึ้น” ผมถามพร้อมกับหยุดเพื่อรอจังหวะสักครู่

    “ก็ไอ้พีทอ่ะสิ ดันโชคร้ายมาแอบโทรแกล้งเราที่ห้องน้ำเดียวกับที่เราอยู่พอดี หึ โชคดีนะที่มันไม่เห็นเรา ไม่อย่างงั้นพวกเราก็ยังคงเดาว่าเป็นอาร์ทกันอยู่”ผมพูด

    “จริงเหรอวะ แกไม่ได้ตาฝาดนะ”กายถามซ้ำเพื่อความแน่ใจ

    “จะไปฝาดได้ยังไงล่ะกาย ได้ยินมาเต็มสองรูหูขนาดนั้น แล้วแกรู้ไหมว่า ไอ้พีท น่ะ โทรไปจีบบูมบ่อยๆ แสดงว่ามันแอบชอบบูมอยู่ นี่ไงล่ะเหตุผล” ผมย้ำคำพร้อมหาเหตุผลมาสนับสนุน

    “อืม.....เราก็ไม่นึกว่าเค้าจะเป็นคนแบบนี้นะ รู้งี้เราไม่อ้างโยไปซะก็ดี โยจะได้ไม่ต้องลำบากแบบนี้” บูมพูดอย่างสำนึกผิด

    “ไม่ใช่เพราะบูมหรอก เราว่ามันอยู่ที่คนมากกว่า เราก็ไม่คิดนะว่าเค้าจะทำได้ถึงขนาดนี้” ออฟพูดพลางส่ายหน้า

    “ใช่ๆ.....ปกติก็เห็นว่านิสัยดี ไม่นึกว่าจะบ้าได้ขนาดนี้”กายสนับสนุน

    “อืมมม.....ปกติฉันก็เห็นมันก็ไม่ได้อะไรกับแกนี่หว่า อานุภาพความรัก”โบส่ายหน้า

    “แล้วแกจะทำยังไงต่อไปล่ะเนี่ย จะเรียกเค้ามาคุยกันเลยไหม”ออฟถาม

    “เราก็ไม่รู้อ่ะ ออฟ ไม่รู้จริง ๆ”ผมมึนไปหมด

    “เราว่า อย่างงี้ต้องแก้เผ็ดซะบ้างนะ”ไอ้โบเสนอ

    “ใช่.....ใครทำอะไรไว้มันก็ต้องได้รับผลของกรรมนั้น......เกลือมันต้องจิ้มเกลือ.....”บูมพูดพลางยิ้มอย่างน่ากลัว

    “เราว่าอย่าไปทำอะไรเค้าเลย แค่เรียกเค้ามาคุยก็พอแล้วล่ะ อย่าให้มันต้องมีอะไรมากไปกว่านี้เลย”ผมพยายามทำให้ทุกอย่างมันจบง่าย ๆ

    “ไม่ได้........โยจำไม่ได้หรอว่าตัวเองโดนมายังไงบ้าง พ่อกับแม่โยล่ะ แล้วความรู้สึกของเรากับเพื่อน ๆ ที่เป็นห่วงโยล่ะ เราว่ามันถึงเวลาแล้วที่เค้าต้องรับรู้รสชาติซะบ้าง” บูมพูดพลางทำสีหน้าเคียดแค้น

    “แล้วบูมจะไปทำอะไรเค้า”ผมถามอย่างหวาด ๆ นิด ๆ เพราะบูมชอบคิดแผนอะไรพิเรนท์ ๆ อยู่เรื่อย

    “ก็ง่าย ๆ มันทำอะไรไว้ เราก็ทำแบบนั้นกับมันบ้าง แต่ผิดกันที่ตรงมันทำแค่คนเดียว แต่พวกเราน่ะ นับสิ กี่คน และถ้าพวกเราโทรพร้อม ๆ กันล่ะ อะไรจะเกิดขึ้น” บูมยิ้มมุมปาก

    “เราว่าก็ดีนะ ให้เค้ารู้บ้างก็ดี แค่วันนึงก็น่าจะหลาบจำแล้วล่ะ” กายสนับสนุนรวมทั้งพวกเพื่อน ๆ ผมก็สนับสนุนเช่นกัน

    “แล้วพวกเราจะทำยังไงดีล่ะ มี PCT กันซะที่ไหน” ออฟถาม

    “ง่ายนิดเดียว เดี๋ยวเราไปยืมเพื่อนปอนด์มาให้ก็ได้ มีตั้งหลายเครื่อง”ไอ้โบยิ้มร่าอาสา

    “เออ จริงสิ เพื่อนปอนด์ส่วนใหญ่ใช้ PCT นิ”ผมนึกขึ้นได้

    “อืมมม....เดี๋ยวเราจัดการเอง ตกลงตามนี้นะ เดี๋ยวเราไปขอยืมโทรศัพท์ให้ก่อน ไปละ”ไอ้โบได้โอกาสรีบชิ่งเลย

    “รีบเชียวนะแก แยกจากกันไม่ได้เลยนะ”ไอ้ออฟเริ่มแขวะ

    “ทีแกล่ะ วันอาทิตย์จะลากออกมาก็ยากเหมือนกันแหละ ไปแล้ว แล้วเจอกันที่ห้องนะ”ไอ้โบสวนกลับแล้วรีบเดินจ้ำออกไป

    “เฮ้อออออ ตกลงว่าโบมันชอบปอนด์จริง ๆ ใช่ไหมเนี่ย” ออฟส่ายหน้าช้า ๆ ส่วนผมได้แต่แอบกังวลในนิด ๆ เพราะนึกถึงคำที่ปอนด์เคยพูดกับผม


    ระหว่างที่พวกผมนั่งทานข้าวกลางวันกันอยู่ ไอ้โบก็เดินเข้ามาหาพวกผมพร้อมกับทำสีหน้าภูมิใจเพราะได้ PCT มา 4 เครื่องด้วยกัน...

    “เห็นมะ บอกแล้วโบจัดให้....”ไอ้โบขี้คุย

    “เออ....รู้แล้ว ว่าเก่ง”ออฟพูดพลางทำสีหน้าหมั่นไส้

    “พอเลย ๆ คู่นี้....แล้วตกลงพวกเราจะทำยังไงต่อไป”กายดักคอ

    “รอคนคิดแผนการมาก่อนดีกว่า ว่าตกลงจะเอายังไง” ผมเสนอ เพราะตอนนี้บูมแยกไปนั่งกินข้าวกับเพื่อน ๆ เค้า

    “อืมม...ก็ดีนะ ว่าแต่ทำไมโยไม่ไปกินข้าวกับบูมล่ะ”ออฟถาม

    “ไม่หรอก ห่างกันบ้างก็ดี ข่าวยิ่งดัง ๆ อยู่ ดีนะที่เพื่อน ๆ บูมไม่ว่าอะไร”

    “แล้วเค้าจะไปว่าอะไรได้ล่ะ มันเรื่องของบูมกับโยนะ”กายแย้ง

    “ใช่....ความรักมันเป็นเรื่องระหว่างคนสองคนนะ แล้วอีกอย่าง พ่อแม่เค้าก็ยอมรับแกแล้วไม่ใช่หรอ”ออฟสนับสนุน

    “เราว่า โย อ่ะคิดมาก ชอบคิดไปเรื่อย คิดจากเรื่องไม่เป็นเรื่อง จนกลายเป็นเรื่องขึ้นมา เมื่อไหร่จะเลิกสนใจคนอื่นซะที”ไอ้โบพูดด้วยสีหน้าจริงจัง

    “ไม่รู้อ่ะโบ บางทีเราก็ไม่อยากที่จะสนใจนะ แต่มันก็อดไม่ได้สักที”ผมพูดด้วยสีหน้าซีเรียส

    “ก็เป็นซะอย่างงี้ไง ไอ้พีท มันถึงทำแบบนี้กับโยไง”กายพูดพลางส่ายหน้า

    “เออ ๆ ๆ ต่อไปนี้จะไม่สนใจละ พอใจหรือยัง”ผมรับคำ

    “ดี แล้วนี่บูมจะมาเมื่อไหร่ล่ะ”ออฟถาม

    “คงจะตอนเลิกเรียนละมั้ง ช่วงนี้เค้าไม่ค่อยได้อยู่กับเพื่อนเลยนิ”

    “มันก็จริง เห็นวัน ๆ ไม่ทำอะไร ขลุกอยู่กับแฟนทั้งวัน”ออฟสนับสนุน (หรือว่ามันแอบกัดวะ)

    “งั้นไปจองที่กันเหอะ เดี๋ยวไม่มีที่”กายชวนพลางลุกขึ้นยืน

    จากนั้นพวกผมก็เดินไปจองที่ในห้องเรียน ระหว่างที่นั่งรออยู่นั้น พีทก็เดินเข้ามาในห้องกับกลุ่มเค้าพอดี.....

    “ว่าไงโย ใกล้จะสอบ final แล้ว อ่านหนังสือหรือยัง” พีทตีหน้าตายเดินยิ้มเข้ามาทักทายผม (ปกติก็ไม่ได้สนิทอะไรกันมาก เจอกันก็ทักทายนิดหน่อยเป็นพิธี แต่นี้เล่นยิ้มเข้ามาแบบนี้น่าจะแจก ตุ๊กตาทอง เมขลา ควบ สุพรรณหงส์ให้ไปเลย)

    “ยังเลยอ่ะพีท...พอดีเรามีเรื่องนิดหน่อยน่ะ เลยไม่ค่อยมีสมาธิอ่าน”ผมตอบไปแกน ๆ เพื่อล่อเหยื่อ

    “เรื่องที่เป็นข่าวอ่ะหรอ...เราว่าอย่าไปสนใจเลยนะ ข่าวมันก็คือข่าวไม่ใช่เรื่องจริงหรอก”พีทตีหน้าตาย

    “ใครบอก....ข่าวมันมีมูลตะหาก (ผมกระซิบใส่หูพีทว่า เรากับบูมเป็นแฟนกันจริง ๆ)” ผมพูดพลางทำสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้

    “................................”พีทเงียบ แต่ก็มีอาการโกรธให้เห็นนิดหน่อย

    “แต่ก็ช่างเถอะ เราไม่ได้ใส่ใจอะไรหรอกนะ ขอแค่เค้าเข้าใจเราก็พอ”ผมพูดพลางยิ้ม (เยาะ)

    “แหมว่าไป แค่เข้าใจที่ไหน เห็นว่าไปนอนเฝ้าเช้าเฝ้าเย็นเลยไม่ใช่หรอ แถมยังไปค้างด้วยกันอีก น่าอิจฉาจริง ๆ คู่นี้ จริงป่ะพีท”มาแล้วครับกำลังเสริม ออฟพูดพลางเอามือเกาะที่ไหล่พีท

    “เฮ้ย....อย่าพูดดังดิ....เดี๋ยวก็เป็นข่าวอีกหรอก”ผมสะกิดออฟพอประมาณ (ไอ้กายกับโบอมยิ้มจนแก้มแทบจะระเบิดอยู่แล้ว)

    “หรออืม....งั้นเราไปก่อนนะ” พีทกระแทกเสียงออกไป

    “สะใจว่ะ.......เออ แล้วไหนว่าอย่าไปยุ่งกับเค้ายังไง เล่นซะสะบัดก้นหนีเลย”กายหัวเราะเบา ๆ

    “เออใช่.....ไหนจะแสดงบทพ่อพระไง”ไอ้โบกัด

    “ก็ดูมันดิ...รู้ทั้งรู้ยังจะมีหน้ามาถามอีก โดนซะมั่ง”ผมพูดพลางอมยิ้ม

    “เห็นมะ ทนฟังไม่ได้เดินหนีไปเลย....อ้าวนั่นไง ตัวต้นเหตุเดินยิ้มมานั่นแล้ว”ออฟว่า พลางชี้ไปทางบูมที่เดินยิ้มร่าเข้ามานั่งข้างผม

    “ไม่ไปนั่งกับเพื่อน ๆ ล่ะ”ผมถามบูมหลังจากที่เค้ามานั่งแล้ว

    “ทำไมล่ะ ก็อยากนั่งกับแฟนไม่ได้หรือไง เพื่อนน่ะนั่งเมื่อไหร่ก็ได้...อีกอย่างพวกมันก็ไม่ได้ว่าอะไรด้วย แถมยังสนับสนุนอีกตะหาก (เป็นงั้นไป ไปพูดอีท่าไหนล่ะเนี่ย)” บูมพูดพลางยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ๆ

    “จะทำอะไร......”ยังไม่ทันที่จะพูดจบ บูมก็แอบเอามือทำเป็นเชิงให้ดูพีทที่กำลังจ้องมาที่คู่เราอยู่

    “......xxx.....” ผมเลยตัดสินใจ จูบบูมไปทีนึง

    “โห.....แค่นี้เอากำไรหรอ.....เดี๋ยวคืนนี้ต้องเอาทุนคืนมั่งละ”บูมกระซิบที่ข้างหูผมจนผมหน้าแดง

    “นี่ พอ ๆ ๆ เลย คู่นี้ อย่าสวีทกันมากนักเลย....เห็นใจคนไม่มีแฟนอย่างกาย กับคนแฟนไกลอย่าง ชั้นบ้างนะ” ออฟเข้ามาห้ามทัพ

    “555…….”บูมได้แต่หัวเราะเขิน ๆ

    หลังจากเลิกเรียนแล้ว พวกผมก็เรียกแพทมาเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง รวมทั้งแผนการเอาคืนด้วย ซึ่งแพทก็เห็นด้วยและสนับสนุนเต็มที่ งานนี้เลยมีรายการรวมกันเฉพาะกิจของพวกผม บูมและก็แพทที่บ้านของผมในตอนเย็น เพราะในคืนนี้จะมีรายการพิธีจองเวรไอ้โรคจิตกัน.......

    “แล้วตกลงจะเอายังไงดีล่ะ.....”โบถามขณะนั่งอยู่บนเตียงในห้องผม

    “ก็นี่ไง PCT คนละเครื่องนะ แล้วจัดการเลย แพทโทรเข้าเบอร์บ้านนะเบอร์ xxx-xxxx ออฟ เบอร์ xxx-xxxx ส่วน กายโทรเข้ามือถือนะ แล้วค่อยผลัดกัน คนละชั่วโมง” บูมอธิบายแผน

    “แล้วมันจะไม่ไปรบกวนคนอื่นเค้าหรือไงอ่ะ”ผมถามเพราะรู้สึกสงสารพ่อกับแม่รวมถึงคนอื่นในครอบครัวของพีทที่ต้องมาวุ่นวายด้วย

    “ช่วยไม่ได้....มันจะได้รู้ไง ว่ามันเป็นยังไงเวลาที่มันทำกับคนอื่น”บูมพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย

    “แล้วคืนนี้พวกเราจะได้นอนไหมเนี่ย”ไอ้โบบ่น

    “ใครจะนอนก็ไปนอนอีกห้องนึง หรือนอนบนเตียงเราก็ได้นะ”ผมเสนอ

    “นอนที่ห้องนี้แหละ เพราะเดี๋ยวพวกเราจะไปนอนอีกห้องนึง” โห....บูมไม่มากไปหรอเนี่ย

    “นี่ไม่ได้เกรงใจเพื่อนเลยใช่ไหม....ให้พวกเรามานั่งกดโทรศัพท์ พวกแกก็ไปจู๋จี๋กันสองคน”ไอ้ออฟเหน็บ

    “555…..ล้อเล่น” บูมหัวเราะ (ไม่เชื่อหรอก)

    “เริ่มเลยหรือเปล่า..........”ไอ้โบเริ่มคันมือ

    “เดี๋ยวก่อนโบ อ่ะนี่.....เอาไปเผื่ออยากจะหัวเราะใส่มัน”บูมโยนเครื่องอะไรสักอย่างนึงไปให้โบ

    “นี่อะไรอ่ะ”โบชูเจ้าเครื่องนี้อย่างสงสัย

    “ก็เครื่องเปลี่ยนเสียงไง เราไปยืมมาจากเพื่อน จะได้ครบสูตรไง”บูมอธิบายและสอนวิธีการใช้...

    จากนั้นเมื่อทุกอย่างเตรียมพร้อม พวกผมก็จัดการลงมือโทรศัพท์ไปแกล้งพีท โดยเริ่มจากที่เบอร์บ้านก่อน

    “สวัสดีค่ะ บ้าน....ขอสายใครคะ” เสียงผู้หญิงมีอายุรับสาย
    ......................... พวกผมก็กดวางสายไป

    “เฮ้ย....ไอ้พีทมันไม่ได้รับว่ะ...ใครก็ไม่รู้รับสายเสียงแก่ ๆ หน่อย จะเอายังไงดี”ไอ้กายถาม

    “หรือว่ามันยังไม่กลับถึงบ้านวะ โทรไปที่มือถือมันเลยดีกว่า”ไอ้โบเสนอ

    “เออ ได้”

    “ฮัลโหล พีทครับ”เสียงไอ้พีทดังขึ้นเมื่อมันรับสาย
    …………………… ไอ้กายกดสายทิ้ง แล้วทำท่าโอเค

    “ฮัลโหล....”ยังไม่ทันที่พีทจะพูดจบไอ้กายก็ตัดสายทิ้งไปอีก

    จากนั้นไอ้กายมันก็ทำแบบนี้อีกประมาณ 5-6 ครั้ง จนกระทั่ง.........

    “ฮัลโหล.........โหล.......ใครอ่ะ.......บ้าหรือเปล่าทำไมโทรมาถึงไม่พูด โรคจิตหรือไง”ไอ้พีทพูดด้วยอารมณ์โมโหจัด

    “............................”ไอ้กายเงียบ

    “มึงจะเอายังไงว่ามาเลยอย่ามาแกล้งบ้า……”
    จากนั้นพวกเราก็ตัดสายไป และเพื่อเป็นการไม่ให้มันปิดมือถือ บูมก็แกล้งโทรไปหาพีท ทำทีว่าจะชวนไปซื้อของขวัญให้ม๊าของบูม ก็เป็นพวกน้ำหอมอะไรพวกนี้แหละ เพราะพีทจะเชี่ยวชาญเรื่องนี้มาก ๆ และจากนั้นบูมก็ทำเป็นมีธุระเดี๋ยวโทรกลับไปหาอีก โดยที่ระหว่างการคุยระหว่างบูมกับไอ้พีทอยู่ ไอ้โบก็ใช้ PCT โทรไปหาพีทเป็นสายซ้อนด้วยเช่นกัน เพื่อที่มันจะได้ไม่สงสัยในตัวบูม (คิดได้ไงอ่ะแผนเค้าเฮ้อ......)

    หลังจากที่บูมวางสายเรียบร้อยแล้ว คราวนี้พวกผมแน่ใจแล้วว่ามันอยู่บ้านแน่ ๆ เพราะบูมจัดการแกล้งถามมาให้เรียบร้อยแล้ว พวกเราเลยดำเนินการ โทรศัพท์ไปป่วนมันทั้งเบอร์บ้านและเบอร์มือถือของมัน.......

    นับว่าบูมคาดการณ์ไม่ผิด เพราะพีทแกล้งโทรมาหาผม (น่าจะสืบดูว่าผมเป็นคนโทรหรือเปล่ามากกว่า) ผมก็เลยต้องคุยกับพีทสักพัก โดยที่พวกไอ้โบก็ยังโทรไปป่วนอยู่เป็นระยะ.....และหลังจากที่พีทแน่ใจแล้วว่านั่นคงจะไม่ใช่ผมแน่ ๆ เค้าก็ทำทีว่าง่วงนอนและขอวางสายไป

    พวกเราผลัดกันโทรไปหาพีททั้งเบอร์บ้าน และมือถือเป็นระยะ ซึ่งระยะหลัง ๆ ไอ้โบก็แกล้งทำเป็นหัวเราะบ้าง...ด่ามันไปบ้าง...บางทีก็ตะโกนด่าใส่หูโทรศัพท์ไปเลยก็มี....จนกระทั่งดึกดื่นเที่ยงคืน มันก็ยังเปิดมือถือไว้อีก (เสน่ห์แรงนะบูม แค่พูดว่าจะโทรไปหาแค่นี้ ดูดิพีทไม่ยอมปิดมือถือเลย ขนาดว่าเจอคนป่วนขนาดนี้นะเนี่ย).......

    หลังจากเที่ยงคืนผ่านพ้นไป ตอนนี้พวกผมอยู่ในสภาพที่อิดโรยมาก ๆ พลางคิดว่า ทำไมไอ้พีทถึงได้อึดขนาดนี้ เพราะนี่ขนาดพวกผมผลัดกันโทร ผลัดกันกด แค่วันเดียวยังเหนื่อยขนาดนี้ แต่นี่เค้าคนเดียวสามารถทำได้เป็นอาทิตย์ ๆ จนมาตอนหลัง ๆ พวกผมก็เริ่มจะทนไม่ไหว ขอบายและเข้านอนเอาแรงดีกว่า...(ขนาดว่าผลัดกันต้องหลายคนนะเนี่ย).....

    วันรุ่งขึ้นพวกผมไม่มีเรียนเลยสบายสามารถตื่นสายได้ ผมว่าพีทเองก็เช่นกันเพราะตั้งแต่เมื่อคืนยังไม่มีไอ้โรคจิตโทรมาเลย (เพราะมันโดนคนโรคจิตกว่าเล่นงานอ่ะ)....พวกผมเลยลงความเห็นว่าวิธีนี้ไม่ได้ผลหรอกน่าจะใช้วิธีใหม่ดีกว่า......

    “บูม...เราว่าเปลี่ยนแผนเหอะ มันสำนึกที่ไหน”ไอ้โบเสนอ

    “เราก็ว่าอย่างงั้น ขนาดตอนตีสอง มันยังมารับสายเสียงแจ๋วเลย”ไอ้กายสนับสนุน

    “อืม........ขอคิดดูก่อน”บูมนิ่งคิดไปครู่นึง แล้วก็เลยเสนอแผนใหม่ออกมา............


    “ฮัลโหล พีทหรอ....เราโยนะ”ผมโทรศัพท์ไปหาพีท

    “อ้าวโยหรอ มีอะไรหรือเปล่าโทรมาแต่เช้าเลย” พีทถามเสียงใส (ทำไมอึดแบบนี้วะ)

    “เรามีเรื่องขอเคลียร์หน่อย.........”ผมพูดและเว้นระยะเอาไว้

    “เคลียร์เรื่องอะไรหรอ” พีทแกล้งทำเป็นใสซื่อ

    “วันนั้นเราเห็นนะว่าพีททำอะไรในห้องน้ำ....” ผมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

    “วันไหน..........” พีทแกล้งถาม

    “ก็วันที่มีไอ้โรคจิตโทรมาแกล้งหัวเราะใส่เราไง.....เรารู้นะว่าพีทเป็นคนทำ....พีททำไปทำไม เราไปทำอะไรให้หรอ ถึงได้มาแกล้งเรา มาป่วนที่บ้านเราแบบนี้” ผมถามซีเรียส

    “เราเปล่านะ โยพูดอะไรน่ะ เราไม่รู้เรื่อง.....” พีทแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง

    “ไม่รู้ได้ยังไงเราเห็นมากับตา เพราะตอนนั้นเราอยู่ในห้องน้ำด้านในกำลังจะออกมา เราเห็นพีทกำลังหัวเราะอยู่พอดี.........” ผมเริ่มขึ้นเสียง

    “เราหัวเราะกับเพื่อนเราต่างหาก โยอย่ามาใส่ร้ายเราสิ เราจะทำไปทำไม” พีทเถียงกลับอย่างไม่ลดละ

    “เลิกเสแสร้งได้แล้วพีท เราก็รู้ ๆ กันอยู่ ว่าอะไรมันเป็นอะไร เลิกมาตีสองหน้าได้แล้ว....” ผมพยายามกระชากหน้ากากพีทออกมา

    “นี่โยพูดอะไรอ่ะ เราไม่เข้าใจ.........” พีทยังคงแกล้งทำเป็น อินโนเซ้นท์ ( ไม่ใช่ Innozent นะครับไม่ต้องตกใจ)

    “พีท....บูมบอกเราหมดแล้วว่าพีทโทรไปจีบบูมหลายครั้ง ทั้งๆที่บูมก็บอกไปแล้วว่าเค้ามีแฟนแล้ว....” ผมพูดเสียงเข้ม

    “..............................” ได้ผลครับ ไอ้พีทเริ่มเงียบ ผมเลยได้ทีรีบรุกต่อ

    “เราจะบอกให้นะเรื่องแค่นี้เราไม่ใส่ใจหรอก ดีซะอีก เราจะได้มีข้ออ้างให้บูมมาค้างที่บ้านของเราไง....หรือไม่เราก็จะได้ไปค้างที่บ้านของบูม.....ยังไงก็ต้องขอบใจมาก ๆ เลยนะที่ทำให้เราสองคนแนบแน่นกันมากขึ้น แต่ทางที่ดีวันหลังช่วยหามุขใหม่ ๆ มาหน่อยนะ เราจะได้มีข้ออ้างทำอย่างอื่นไง” ผมพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยในที (ยั่วโมโหนิด ๆ)

    “....................................” พีทยังคงเงียบ

    “ทีแรกบอกตามตรงว่าเราก็หงุดหงิดนะที่พีทโทรมาแกล้งเราแบบนี้ แต่ตอนนี้เราไม่ว่าอะไรหรอก เพราะเราพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสเราจะได้อ้อนขอนอนกับบูมทุกวันเลยไง ขอบใจนะ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงยั่วโมโหสุด ๆ

    “อีหน้าด้าน...เออ ใช่ กูเป็นคนโทรไปแกล้งมึงเองแหละมีปัญหาอะไรไหม..มึงมันไม่มียางอาย....ทำเป็นคนดี... ที่ไหนได้ มารยา นัก กูก็กะไว้แล้วว่าทำไมบูมถึงได้หลงมึงนัก ก็เพราะมึงมันแพศยา มึงจำเอาไว้นะ กูไม่มีวันยอมแพ้มึงหรอก กูรู้จักบูมมาก่อนมึง กูจะไม่มีวันปล่อยบูมให้มึงไปหรอก จำเอาไว้ด้วย...............”ยังไม่ทันที่พีทจะพูดจบ บูมก็พูดแทรกขึ้นมา (ผมทำเป็นโทรศัพท์สามสายอ่ะครับ)

    “โยเค้าไม่ได้ทำอะไรเราเลยนะ เราจะบอกให้ก็ได้พีทว่า เราแอบชอบโยมาตั้งแต่ปีหนึ่งแล้ว.......” บูมพูดแทรกขึ้นมา (เพิ่งรู้ความจริงนะเนี่ย)

    “..................บูม....................” พีทร้องอย่างตกใจ (นึกไม่ถึงล่ะสิ)

    “ใช่เราเอง เราจะบอกให้รู้เลยนะ ว่าเราจะไม่มีวันทิ้งโยไปหรอก ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม เพราะเรารักโย เข้าใจไหมว่าเรารักโย.....อ้อ อีกอย่างไม่ต้องโทรมาตามตื้อเราแล้วนะ เรารำคาญ....และที่สำคัญนายก็น่าจะรู้ตัวเองดีนะ ว่าคนที่ไม่มียางอายน่ะใคร....เลิกมาวุ่นวายกับพวกเราสักที.....แล้วก็ขอบใจนะที่ช่วยบอกความจริงกับพวกเรา จริง ๆ แล้วพวกเราก็รู้อยู่ก่อนแล้วแหละ แค่อยากจะอัดเทปเสียงนายเอาไว้ เผื่อบางทีจะเอาไปให้เพื่อน ๆ ในคณะได้ฟังกันบ้าง.....ขอบใจนะ” บูมพูด

    “................กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด..................” พีทแผดเสียงออกมาจนแสบแก้วหูไปหมด แล้ววางสายลงไปทันที

    หลังจากที่บูมวางสายลงไปแล้ว เพื่อน ๆ ก็ปรบมือให้ แล้วยังว่าบูมพูดจาได้เฉียบขาดมากๆ....เฮ้อ....คราวนี้ผมได้สบายใจ และโล่งอก ที่ไอ้เรื่องบ้า ๆ แบบนี้จะได้จบลงไปสักที...ผมเลยขอเป็นเจ้ามือเลี้ยงสุกี้พวกเพื่อน ๆ ผมเพื่อเป็นการตอบแทน.......

    หลังจากนั้นไอ้โรคจิตก็หายไปจากโทรศัพท์ของผมอย่างถาวร รวมไปถึงพีทด้วยที่ตอนนี้ เพื่อน ๆ ในกลุ่มของพีทและพีท ไม่ยอมพูดคุยกับผม เพื่อน ๆของผม รวมไปถึงบูมด้วย ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าพีทไปพูดอะไรให้เค้าฟัง เค้าถึงเป็นแบบนี้ แต่ยังไงก็ตามผมกับเพื่อน ๆ ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากมาย ต่างคนต่างอยู่แบบนี้ก็ดีแล้ว ผมคิดแบบนั้น....

    นับจากเรื่องของพีทยุติลงไป ผมก็นึกว่าจะได้อยู่อย่างสงบสุขทั้งที แต่ที่ไหนได้ ดันมีข้อความส่งเข้ามาเครื่องผมทำให้ผมต้องมานั่งกังวลอีก เฮ้อ......

    อาทิตย์หน้าพี่จะลงไปเยี่ยมนะครับ คิดถึง...อ้อ...แจนก็ไปด้วยนะครับ เห็นว่าอยากจะไปเจอโยมาก....แล้วเจอกันนะครับ...หัวใจพี่ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน...พี่วิทย์

    จบตอนที่แสนจะยาวนาน 6/6 แล้วครับ เหลืออีกไม่กี่ตอนหลัก ๆ เรื่องนี้ก็จะจบบริบูรณ์จริง ๆ แล้ว หวังว่าจะยังคงอยู่เป็นเพื่อนกันต่อไปนะครับ ขอบคุณครับ

******************************************************************************************************
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 19-04-2007 19:04:24

...........คู่นี้อุปสรรคเยอะจิงๆ......... :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 19-04-2007 19:10:53
 :เฮ้อ: ปัญหาเก่าหมดไป ปัญหาใหม่ก็ทำท่าว่าจะตามมา  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: MyLoveMyBabe ที่ 20-04-2007 10:57:11
พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกเจงงงงง คู่นี้พอเรื่องนี้จบ มีเรื่องใหม่มาจ่อคิวปั๊บเลยยย  :o


แต่ยังไงความรักและความเข้าใจ รวมทั้งกัลยานมิตรที่มี คงช่วยให้ผ่านเรื่องราวต่างๆไปได้ด้วยดี  :yeb:

น่ารักจังคับคู่นี้  :give2:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 21-04-2007 10:48:43
"ตอนที่ 7/1"

    นับจากเรื่องของพีทยุติลงไป ผมก็นึกว่าจะได้อยู่อย่างสงบสุขทั้งที แต่ที่ไหนได้ ดันมีข้อความส่งเข้ามายังเครื่องผม ทำให้ผมต้องมานั่งกังวลอีก เฮ้อ......

    “อาทิตย์หน้าพี่จะลงไปเยี่ยมนะครับ คิดถึงนะ...อ้อ...แจนก็ไปด้วยนะครับ เห็นว่าอยากจะไปเจอน้องโยมาก....แล้วเจอกันนะครับ...หัวใจพี่ยังเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน...พี่วิทย์”

    หลังจากอ่านข้อความจบผมก็ต้องมานั่งกลุ้มใจและกังวลใจเรื่องพี่วิทย์อีก ผมเลยคิดว่าน่าจะสมควรบอกให้บูมรู้เรื่องนี้เอาไว้ก่อนดีกว่าจะได้ไม่มีเรื่องกันอีก……

    “ว่าไงครับ...เพิ่งแยกกัน ยังไม่ถึงสองชั่วโมงเลยนะ...คิดถึงหรอครับ...”บูมพูดเสียงหวาน

    “ไม่ได้คิดถึงแต่โทรหาได้หรือเปล่าล่ะ...หรือว่าจะให้เราโทรไปหาเฉพาะตอนที่เราคิดถึงอ่ะ” ผมแกล้งกวนบูมเล่น ๆ

    “โห....อย่างงั้นก็แสดงว่าโยไม่ค่อยจะคิดถึงเราเลยอ่ะดิ...เห็นไม่ค่อยโทรมาหาเราเลยอ่ะ”บูมตัดพ้อเสียงงอน ๆ

    “555...จะไปคิดถึงยังไงล่ะ พวกเราอยู่ด้วยกันวันละเกือบจะสิบห้าชั่วโมงเห็นจะได้...รู้ป่ะเราอยู่กับบูมมากกว่าอยู่กับที่บ้านเราอีกนะ” ผมพูดอย่างอารมณ์ดี

    “อ้าว...ก็แฟนกันก็ต้องอยู่ด้วยกันดิ...เอางี้ไหมให้เราย้ายไปอยู่ที่นั่นเลยได้ป่ะ หรือว่าโยย้ายมาอยู่กับเราเลยก็ได้ เดี๋ยวเราให้ม๊าโทรไปขอแม่โยให้” บูมเสนอความคิด

    “พอเลย ๆ ไปกันใหญ่แล้ว...ที่เราโทรมาเนี่ยเราจะโทรมาบอกบูมว่า อาทิตย์หน้าพี่วิทย์กับแฟนเค้าจะมากรุงเทพฯแล้วนะ เห็นว่าแฟนเค้าอยากจะเจอเราด้วยอ่ะ” ผมพูดเสียงเครียด

    “อ้าว...ก็ดีอ่ะดิ เราจะได้ไปด้วยไง เค้าจะได้รู้สักทีว่า โยมีแฟนแล้ว” บูมพูดแบบไม่ใส่ใจ

    “มันก็จริงนะ แต่พี่วิทย์อ่ะดิ ดันมาขอร้องเราให้ช่วยเค้า เรื่องผู้หญิงคนนั้นอ่ะดิ พี่วิทย์เค้าไม่ได้ชอบ แต่พ่อเค้าจะจับให้แต่งงานด้วยอ่ะ” ผมอธิบาย

    “ก็ดีสิ เค้าจะได้เลิกยุ่งกับโยอย่างถาวรไง...จะไปช่วยเค้าทำไม” บูมพูดอย่างดีใจ

    “เฮ้อ.....แต่เราเข้าใจพี่วิทย์นะ การที่ถูกคนบังคับให้ทำในสิ่งที่เค้าไม่ต้องการทำโดยเฉพาะเรื่องความรักเนี่ย มันลำบากมาก ๆเลยนะ เรากับบูมก็เคยโดนมาแล้วนิ” ผมพูดด้วยความรู้สึกเห็นใจพี่วิทย์จริง ๆ

    “แล้วโยจะให้เราทำยังไงล่ะ...จะให้โยแกล้งทำตัวเป็นแฟนพี่วิทย์แบบนั้นอ่ะหรอ เราว่าอย่าเลย เดี๋ยวมันจะยิ่งยุ่งไปกันใหญ่” บูมพูดอย่างขยาด

    “เราก็ไม่รู้เหมือนกัน...แต่ก็ช่างเถอะ เพราะเราแค่อยากให้บูมรับรู้เรื่องนี้เอาไว้แค่นั้นเอง เดี๋ยวจะมางอนเค้าอีก” ผมพูดแบบเซ็ง ๆ นิด ๆ

    “เค้างอนที่ไหน...ตัวเองอย่าพูดแบบนี้ดิ”บูมพูดเสียงน่ารัก

    “บูมอย่าพูดแบบนี้ได้ป่ะ เราขนลุกอ่ะ” ผมรีบห้าม

    “จะให้เค้าพูดแบบไหนอ่ะ เค้าก็เห็นแฟนกันพูดกันแบบนี้ น่ารักดีออก ตัวเองอ่ะคิดมาก” บูมยังคงพูดแกล้งผมต่อไป

    “ยังอีก...เวลาบูมพูดแบบนี้แล้วเรารู้สึกจั๊กจี้ยังไงไม่รู้อ่ะ...”ผมพูดเสียงดุ

    “โห...ไรอ่ะ...ก็ได้ ๆ พูดแบบเดิมก็ได้ ว่าแต่ตัวเองไม่เปลี่ยนใจแน่นะ เค้ารอคำตอบอยู่นะ...” บูมพูดพลางหัวเราะ

    “พอเลย ๆ ...”

    “555…เออ แล้วนี่พีทยังโทรไปรังควาญโยอีกหรือเปล่า” บูมถามอย่างเป็นห่วง

    “ไม่มีแล้วล่ะ ตั้งแต่วันนั้นก็หายไปเลย เฮ้ออ....ค่อยโล่งหูหน่อย...” ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก

    “ดีแล้วล่ะ...แล้วโยอ่านหนังสือไปถึงไหนแล้วล่ะ ใกล้สอบแล้วนะ”

    “ก็ได้พอสมควรแล้ว ว่าแต่บูมเหอะ อย่ามัวแต่ไปคุยกับคนที่โทรมาจีบล่ะ ถ้าเกิดได้ F มาอย่ามาพูดนะ” ผมแกล้งแหย่บูม

    “ไม่กล้าแล้ว...เข็ดแล้วล่ะ คุยกับโยคนเดียวก็พอแล้วจริงป่ะ ว่าแต่ไม่ให้เค้าพูดแบบนี้จริง ๆ หรอ” บูมพูดเสียงหวาน

    “ยังอีก.....” ผมเอ็ดเบา ๆ “แล้วอย่าให้รู้นะว่าแอบไปคุยกับใครแล้วทำให้เราต้องเดือดร้อนอีก”

    “ไม่กล้าแล้วครับผม..เออ...โยเดี๋ยวพรุ่งนี้เราไปกินข้าวเช้าด้วยนะ” บูมพูดเสียงอ้อน

    “ก็มาสิ...เดี๋ยวจะบอกแม่เราให้ อยากกินอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า” ผมพูดไปอมยิ้มไปอย่างเอ็นดู (ชอบเสียงแบบนี้มาก ๆ)

    “อยากกินโยได้ป่ะ ไม่รู้เป็นไงพักนี้เปรี้ยวปากอยากจะกินแต่โยทั้งวัน 555” บูมหัวเราะชอบใจ

    “แล้วจะปล่อยให้มันอยากทำไมล่ะ ก็มากินเลยดิ รออยู่เลย 555” ผมได้ทีเลยแกล้งยั่วกลับไป

    “อย่าท้านะ เดี๋ยวจะไปหาทั้งชุดนอนเนี่ยแหละ” บูมพูดราวกับว่าจะทำจริงๆ

    “เอาจริงดิ...ล้อเล่นหน่อยเดียวเอง...ไปนอนดีกว่า เดี๋ยวใครแถวนี้จะคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ เรากลัวจะโดนข่มขืนอ่ะ ฝันดีนะครับ จุ๊บ ๆ ๆ” พอเข้าแผนผมเลยรีบแกล้งหาเรื่องชิ่งดีกว่า

    “ไม่เอาอย่าเพิ่งวางดิ มายั่วแล้วจากไปแบบนี้ได้ไง หึ.......” บูมยังคงพูดต่อไปแต่ผมไม่สนใจรีบปิดเครื่องหนีเลย อิอิ

    เช้าวันรุ่งขึ้นบูมขับรถมาหาผมตั้งแต่ไก่ยังไม่ทันจะโห่เลย พอบูมมาถึงก็ขออนุญาตแม่ของผมขึ้นมาปลุกผมบนห้องเพราะผมยังไม่ตื่นเลย (ก็จะรีบตื่นไปทำไมอ่ะ วันนี้มีเรียนบ่าย แล้วท่านพี่ก็เล่นมาซะ ก่อนเจ็ดโมงเช้าซะอีก....เฮ้อ)

    พอบูมเข้ามาที่ห้องผมในขณะที่ผมกำลังหลับสนิท (ไปเอากุญแจสำรองมาจากไหนก็ไม่รู้ สงสัยคงจะขอมาจากแม่ผมแน่ ๆ เลย) บูมก็เริ่มแผนการณ์ร้ายทันที

    ต่อไปนี้คือความรู้สึกของผมตอนที่กำลังหลับสบาย ๆอยู่บนเตียงนะครับ

    • ในขณะที่ผมกำลังหลับอย่างสบายอยู่บนเตียงอันแสนจะอบอุ่น ทันใดนั้นผมก็เริ่มจะรู้สึกรำคาญนิด ๆ เพราะมีอะไรก็ไม่รู้ มาจักจี้ที่ท้องน้อยจนผมต้องเอามือปัด ๆ ออกไป จากนั้นผมก็นอนต่อไป ไม่ได้คิดอะไรเพราะเราอยู่คนเดียว

    • สักพัก กำลังเคลิ้ม ๆ ได้ที่ ก็เหมือนจะมีอะไรก็ไม่รู้มาเกาะแกะที่ตัว โดยเฉพาะช่วงล่าง ๆ เนี่ยะแหละ แต่ก็ช่างเถอะ เอามือปัด ๆ ไปก็หายไป

    • ผมกำลังหลับได้ที่ แต่เอ๊ะ ทำไมมันเริ่มรู้สึกหนาว ๆ ร้อน ๆ ยังไงพิกล จนต้องเอามือลูบตามแขนเบา ๆ แต่ผมก็ยังไม่อยากตื่นเลยอ่ะ แอร์คงจะเย็นไปมั้ง...

    • ตอนนี้ผมเริ่มจะหนาวมาก ๆแล้ว และเริ่มรู้ตัวมีสตินิด ๆ ละ แต่เอ๊ะ ทำไมมันมีอะไรหนัก ๆ มาทับที่ตัวเราล่ะเนี่ย หรือว่าเราจะโดนผีอำนะ

    • ตอนนี้ผมเริ่มจะดิ้นกระดุกกระดิกไปมาเพราะอึดอัดมาก ๆ แล้ว แต่ผมว่าไม่น่าจะเป็นผีอำแล้วล่ะ น่าจะเป็นผีทะเลซะมากกว่า เพราะเล่นคลึงเล่นเลียกันแบบนี้ ผมเลยลืมตาขึ้นมาดูให้ชัด ๆ

    • นั่นไงใช่แล้ว ผีทะเลที่ชื่อบูมนี้เอง เหอ เหอ เหอ เล่นถอดเสื้อผ้าผมซะหมดเลย แถมกำลังเลียผมอยู่อีก (ทำไมเราไม่รู้ตัวหว่า) พอเห็นผมลืมตาแทนที่จะหยุด ไม่มีล่ะ แถมยังแกล้งทำแววตาบ้ากามใส่ผมอีกต่างหาก


    “ทำอะไรอ่ะบูม อ๊อยยยยย...ยังเช้าอยู่เลยนะ” ผมเริ่มมีสติพูดกับชายหนุ่มที่กำลังรุกไล่เล้าโลมผมอย่างหนัก

    “ใครบอกว่าเช้า........โทรไปยั่วเราตั้งแต่เมื่อคืนแถมยังปิดมือถือหนีเราอีก.....ดูดิเรานอนก็นอนไม่หลับ.....ทีแรกกะจะมาตั้งแต่เมื่อคืนตอนตีสองละ ถ้าไม่ติดเกรงใจแม่กับพ่อของโยนะ....ฮืม ไม่งั้นเรียบร้อยไปแล้ว......”บูมพูดสลับกับเลียผมไปมา

    จากนั้นก็……………กบว มาแล้ว………….censor……………………

    โย....บูม ลูกลงมาทานข้าวได้แล้วนะจ๊ะ........เสียงแม่เรียกเหมือนเสียงสวรรค์เป็นระฆังหมดยกพอดี (น่าจะเรียกช้าอีกหน่อยนา)

    “พอได้แล้วบูม....เดี๋ยวแม่ขึ้นมาเห็นเข้านะ”ผมพูดกับบูมอย่างอ่อนโยน

    “ไม่เอาอ่ะ อีกนิดได้ป่ะ นะ นะ นะ”บูมอ้อน

    “ไม่เอาแล้ว ไว้คราวหลังแล้วกัน แม่เรียกแล้วนะ ต้องไปอาบน้ำแต่งตัวอีก เดี๋ยวแม่รอนานจะสงสัย" ผมพูดแบบซีเรียส

    “อืม.....ก็ได้ ๆ แต่ให้เราอาบน้ำด้วยนะ ดูสิมีแต่น้ำลายเต็มไปหมด เดี๋ยวแม่ก็สงสัยหรอก” บูมลังเลสักครู่นึงแล้วพูดออกมาอย่างเจ้าเล่ห์

    “อ่ะก็ได้ เร็ว ๆ เข้า.......” ผมพูดยิ้ม ๆ พร้อมกับส่ายหน้าในความเจ้าเล่ห์ของชายหนุ่ม

    หลังจากนั้นประมาณ สามสิบนาที (หรือเปล่าไม่แน่ใจ) บูมกับผมก็เดินลงมาพร้อมกัน (กว่าจะได้อาบน้ำ เฮ้อ.......ไหนจะเป่าตัวให้แห้งอีก แม่จะสงสัยหรือเปล่าไม่รู้)

    “ว่าไงจ๊ะ ทำไมเรานอนขี้เซาอย่างงี้ล่ะลูก นี่ขนาดบูมขึ้นไปปลุกแล้วนะ กว่าจะยอมลงมาได้”แม่ดุผมเบา ๆ

    “ก็คนมันง่วงอ่ะครับแม่..แล้วไหนจะต้องอาบน้ำอีกอ่ะมันเลยลงมาสายหน่อย..ว่าแต่วันนี้พ่อไปทำงานแต่เช้าเลยนะครับ” เฮ้อ ค่อยยังชั่วแม่ไม่สงสัย แต่บูมตัวดีสิ ยิ้มซะแก้มปริเลย (ขำมากนักนะ ก็ใครทำให้มันสายล่ะ)

    “จ๊ะ...เดี๋ยวพวกลูก ๆ ทานข้าวกันไปเลยนะ เพราะแม่ก็จะรีบออกไปเหมือนกัน พอดีแม่เพิ่งนึกออกว่าแม่มีนัดกับเพื่อนแม่เอาไว้น่ะจ๊ะ” มิน่าแม่ถึงไม่สงสัยท่าทางจะโทรคุยกับเพื่อนจนลืมเหมือนกัน อิอิ

    “อ้าว...แล้วนี่แม่จะไปทันหรอครับ” ผมถามอย่างสงสัย

    “แม่นัดเพื่อนเอาไว้ช่วงบ่าย ๆ น่ะ แต่แม่กะจะเลยไปทำผมสักหน่อยก่อนนะ...ถ้างั้นแม่ไปก่อนนะจ๊ะ บูมทานตามสบายนะลูก แม่ทำเผื่อเราไว้แล้วล่ะ แม่ไปก่อนนะจ๊ะ” แม่เอ่ยลาแล้วเดินออกไป

    “ขอบคุณครับแม่” บูมกับผมพูดพร้อมกันจนผมหันกลับไปมองบูม..(นี่ตกลงบูมเรียกแม่ผมว่าแม่ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย)

    หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา บูมก็มักจะเรียกแม่ผมว่า แม่ ตลอดโดยอ้างว่าผมก็เรียกแม่ของเค้าว่าม๊าเหมือนกัน ซึ่งแม่ผมก็ยินดีแถมยังชอบอีกต่างหาก แต่สิ่งที่ไม่เหมือนกันน่ะ คือ บูมชอบตีสนิทและทำตัวเป็นที่รักของแม่ผมได้อย่างเร็วมาก ๆ จนผมเริ่มที่จะหมั่นไส้เล็ก ๆ ซึ่งจริง ๆ แล้วปกติเค้าก็เป็นขวัญใจของแม่ผมอยู่แล้ว เดี๋ยวนี้ยิ่งกลับมากขึ้นไปอีก ขนาดที่ว่าผมจะดุจะว่าอะไรบูมต่อหน้าแม่ผมไม่ได้เลยนะ เพราะจะโดนสายตาพิฆาตมากำหราบทุกที เฮ้อ......

    วันนี้เป็นวันที่พี่วิทย์กับแฟนเค้าจะมานัดเจอผมที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ซึ่งพี่วิทย์เป็นคนจองเอาไว้ล่วงหน้าและโทรมานัดกับผมไว้ ผมเลยโทรไปหาบูมกะจะให้เค้าไปเป็นเพื่อนผมสักหน่อย.....

    “บูมว่างอยู่หรือเปล่า.....”ผมถามบูมเสียงแจ๋ว

    “เอ่อ...โย มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”บูมพูดด้วยน้ำเสียงตกใจนิดหน่อย

    “อ๋อ...ก็กะจะชวนบูมไปทานข้าวเป็นเพื่อนเราหน่อยอ่ะ วันนี้พี่วิทย์กับแฟนเค้าโทรนัดเราให้ไปทานข้าวด้วย บูมไปด้วยกันนะเราไม่อยากไปคนเดียวอ่ะ” ผมพูดเสียงอ้อนนิด ๆ

    “เอ่อ......คือ ตอนนี้เราไม่ว่างอ่ะ เราติดธุระอยู่ ขอโทษด้วยนะ” บูมปฏิเสธเสียงอึกอัก ๆ

    “ว้า....บูมติดธุระอยู่หรอ น่าเสียดายจัง แล้วอีกนานหรือเปล่าล่ะ” ผมบ่นเสียดายแต่ก็ยังแอบหวังนิด ๆ

    “คือ...ก็พอสมควร โยไปก่อนเถอะไม่ต้องรอเราหรอก” บูมยังคงยืนยัน

    “ธุระอะไรอ่ะ ถ้าไม่นานเราจะรอ เพราะเรานัดไว้อีกสองชั่วโมง” ผมถามอย่างสงสัย

    “คือ....เราว่าไม่ต้องรอเราหรอก เพราะท่าทางจะเสร็จดึกน่ะ โยก็ไปทานข้าวกับเค้าเถอะ” บูมรีบตัดบท (วันนี้มาแปลกนะ)

    “อืมม...ก็ได้ตามใจ งั้นแค่นี้นะ” ผมตอบเสียงเศร้าแต่ในใจก็อดตะขิดตะขวงใจนิด ๆ ไม่ได้ว่าตกลงบูมต้องไปทำธุระเรื่องอะไรกันแน่ เพราะปกติถ้าผมชวนไป ไม่น่าจะปฏิเสธเลยนะเนี่ย

    “ครับ...บายครับ” บูมตัดบทวางสายไปเลย

    ผมวางสายจากบูมด้วยความรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ปน ๆ กับความตะขิดตะขวงใจยังไงก็ไม่รู้ แต่มาคิด ๆ ดูอีกที ก็คงจะไม่มีอะไรหรอก ผมอาจจะคิดมากไปเองก็ได้ ผมเลยกะจะเรียกพวกไอ้โบไปเป็นเพื่อน แต่มาคิดอีกทีถ้าชวนพวกมันไปก็ใช่เรื่อง เพราะพวกมันก็ไม่ได้สนิทสนมอะไรกับพี่วิทย์มากมายนัก อีกอย่างผมจะต้องไปเจอแฟนพี่วิทย์ซะด้วยสิ เอาพวกมันไปก็ไม่ค่อยจะสะดวก ผมเลยต้องตัดสินใจบุกตะลุยเดี่ยวไปด้วยตัวเองไปเลย...เฮ้อ แล้วนี่ผมจะมีชีวิตรอดกลับมาไหมเนี่ย...........

    จบตอนที่ 7/1 แล้วครับ ต้องขอโทษที่ทำให้รอนานนะครับ....
**********************************************************************************************
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 21-04-2007 11:49:11
เหอ เหอ มีพิรุธจิง ๆ ตาบูม  :angry2:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: LonelyBoiZ ที่ 21-04-2007 12:06:33
มี พิรุธแล้ว บูมๆๆๆๆ นอกใจแหงๆ  :kikkik:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: MyLoveMyBabe ที่ 22-04-2007 17:25:53
 :serius2:  ไม่นะ ไมบูมดูมีพิรุธจัง  สัญชาตญาณหึงหวงมานบอก อิอิ

หวังว่าคงไม่มีไรน๊า ...วางแผนทำเซอร์ไพรซ์โยแน่ๆเลย :myeye:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 23-04-2007 10:41:14

"ตอนที่ 7/2"

    ผมวางสายจากบูมด้วยความรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ปน ๆ กับความตะขิดตะขวงใจยังไงก็ไม่รู้ แต่มาคิด ๆ ดูอีกที ก็คงจะไม่มีอะไรหรอก ผมอาจจะคิดมากไปเองก็ได้ ผมเลยกะจะเรียกพวกไอ้โบไปเป็นเพื่อน แต่มาคิดอีกทีถ้าชวนพวกมันไปก็ใช่เรื่อง เพราะพวกมันก็ไม่ได้สนิทสนมอะไรกับพี่วิทย์มากมายนัก อีกอย่างผมจะต้องไปเจอแฟนพี่วิทย์ซะด้วยสิ เอาพวกมันไปก็ไม่ค่อยจะสะดวก ผมเลยต้องตัดสินใจบุกตะลุยเดี่ยวไปด้วยตัวเองไปเลย...เฮ้อ แล้วนี่ผมจะมีชีวิตรอดกลับมาไหมเนี่ย...........

    “น้องโยทางนี้ครับ..........”ชายร่างสูงที่ผมคุ้นเคยกำลังโบกไม้โบกมือให้ในขณะที่ผมกำลังเดินเข้าไปในร้าน

    “..............สวัสดีครับพี่วิทย์ สบายดีหรือเปล่าครับ....................”ผมเดินเข้าไปหาพร้อม ๆ กับเอ่ยทักทายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

    “สบายดีครับน้องโย....ไม่เจอกันตั้งนาน น่ารักขึ้นนะเนี่ย”พี่วิทย์ยิ้มทักทายแถมหยอดใส่ผมอีกตามเคย

    “ขอบคุณครับ....เอ่อแล้วนี่”ผมกล่าวขอบคุณพร้อมกับจ้องไปยังผู้หญิงร่างสูง หน้าตาจิ้มลิ้ม ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ พี่วิทย์

    “อ้อ....นี่แจน คนที่พี่เคยเล่าให้ฟัง.....แจนนี่โย คนที่ผมพูดถึงบ่อย ๆ น่ะ”พี่วิทย์เริ่มแนะนำอย่างเป็นทางการ

    “สวัสดีค่ะ น้องโย....ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ พี่ชื่อแจนค่ะ....มิน่าพี่วิทย์ถึงชมน้องให้พี่ฟังตลอดเลย น้องโยน่ารักจริง ๆ ด้วยนั่นแหละ” หญิงสาวตรงหน้ายิ้มให้และแนะนำตัวด้วยท่าทางเป็นมิตร

    “ไม่หรอกครับพี่ พี่แจนเล่นพูดชมกันแบบนี้เดี๋ยวผมก็นึกว่าเป็นเรื่องจริงหรอกครับ 555...ว่าแต่พวกพี่จะมาเที่ยวกี่วันครับ” ผมเกาศีรษะด้วยความเขินและหันกลับไปถามพี่วิทย์

    “พี่ก็กะจะมาสัก สาม สี่วันน่ะ” พี่วิทย์ตอบยิ้ม ๆ

    “แล้วช่วงนี้น้องโยว่างไหมจ๊ะ มาเที่ยวกับพวกพี่ด้วยกันไหม เที่ยวด้วยกันคนเยอะ ๆ สนุกออก จริงไหมคะวิทย์” พี่แจนชวนผมยิ้ม ๆ และหันไปถามความเห็นพี่วิทย์

    “อืม...จริงด้วย ว่าแต่น้องโยว่างไหมครับ” พี่วิทย์ชวนผมอีกคน

    “เออ....คือ ผมต้องขอโทษจริง ๆ ครับพี่ พอดีช่วงนี้ผมใกล้จะสอบแล้วอ่ะครับ.... แต่เอาอย่างนี้แล้วกันนะครับ เดี๋ยววันเสาร์นี้ผมจะเป็นเจ้ามือเลี้ยงข้าวพวกพี่ ๆ แทนแล้วกันนะครับ”

    “ว้า...น่าเสียดายจัง เลยไม่ได้ไปเที่ยวกับน้องโยเลย...แต่ไม่เป็นไรวันเสาร์ก็วันเสาร์จ๊ะ น้องโย สัญญาแล้วนะ”พี่แจนยิ้มให้อย่างจริงใจ หลังจากนั้นเราก็คุยกันต่อไปอีกสักพักพี่วิทย์ก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ

    “อืม...งั้นเดี๋ยวน้องโยคุยกับแจนไปพลาง ๆ ก่อนนะ เดี๋ยวพี่ขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ” พี่วิทย์ขอตัวแล้วลุกไปเข้าห้องน้ำ (ก่อนจะไปพี่วิทย์แกล้งทำเป็นหรี่ตาเป็นสัญญาณให้ผมจัดการพี่แจนให้ประมาณนั้น) หลังจากที่พี่วิทย์เดินไปเข้าห้องน้ำ พี่แจนก็หันมาคุยกับผม

    “น้องโยคะ คือพี่จะไม่พูดจาอ้อมค้อมนะคะ คือ พี่รู้เรื่องระหว่างน้องโยกับวิทย์หมดแล้ว และตัวพี่เองก็เข้าใจดีและไม่ได้ว่าอะไร หรือว่ารังเกียจอะไรวิทย์เค้าด้วย แต่พี่อยากจะขอร้องให้น้องโยช่วยพี่หน่อยจะได้ไหมคะ...” พี่แจนถามผมสีหน้าเครียดลงอย่างเห็นได้ชัด (เอาละสิงานนี้พี่แจนบุกก่อนเลย)

    “เอ่อ...ช่วยเรื่องอะไรครับพี่แจน” ผมถามกลับไป (ในใจก็คิดประมาณว่า คงจะหน้าไหว้หลังหลอกแหงเลยแบบนี้ ประมาณนางอิจฉาในละคร)

    “คือ....พี่รักวิทย์เค้าจริง ๆนะ พี่ก็ไม่รู้และไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไม ทีแรกที่พี่รู้เรื่องที่วิทย์เค้าชอบน้องโย พี่ก็ตกใจและเสียใจอยู่เหมือนกัน แต่จนแล้วจนรอดพี่ก็ตัดใจจากเค้าไม่ได้สักที จนในที่สุดพี่ก็ตัดสินใจว่าพี่ต้องพยายามทำทุกอย่างให้วิทย์หันมาชอบพี่ให้ได้ ดังนั้นพอวิทย์บอกกับพี่ว่าจะมาหาน้องโยที่กรุงเทพฯ พี่ก็เลยต้องขอตามเค้ามาด้วย เพื่อที่จะมาหาน้องโยด้วยเช่นกัน เพราะพี่เองก็อยากรู้ว่าน้องโยเป็นคนแบบไหนกันแน่ ทำไมวิทย์เค้าถึงได้หลงรักมากขนาดนี้ และจะเป็นไปได้ไหมนะถ้าพี่จะมาขอร้องให้น้องโยช่วยพี่เกี่ยวกับวิทย์ น้องโยจะตกลงไหมนะ จนวันนี้พี่ได้เจอเราและได้พูดคุยกับเรา พี่ก็คิดว่าน้องคงจะเป็นที่ปรึกษาให้พี่ได้อย่างแน่นอน พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมพี่ถึงไว้ใจเราขนาดนี้ พี่รู้แต่ว่าน้องโยต้องช่วยพี่ได้อย่างแน่นอน จริง ๆ นะคะ น้องโย ช่วยพี่หน่อยนะ” พี่แจนอธิบายเหตุผลให้ผมพร้อมกับขอร้องให้ผมช่วยเหลือ

    “เอ่อ.........คือ” ผมอึกอักเพราะไม่รู้จะทำยังไงดี (พี่วิทย์ก็ให้ช่วย พี่แจนก็มาขอร้องอีก)

    “นะคะ ได้ไหมจ๊ะ พี่เข้าใจดีว่า วิทย์เองก็คงอยากจะให้พี่ล้มเลิกความคิดนี้ และอาจจะขอร้องน้องโยด้วยเช่นกัน แต่ยังไงซะพี่ก็จะไม่ยอมแพ้แน่นอน ว่าแต่ว่าน้องโยจะช่วยพี่ได้ไหมจ๊ะ” พี่แจนพยายามอ้อนวอน

    “คือ..............” ผมพูดอย่างกำลังตัดสินใจ

    “นะจ๊ะ พี่ขอร้อง....ทีแรกพี่ก็กลัวเหมือนกันว่าน้องโยจะเป็นคนยังไงนะ พี่วาดภาพในใจต่าง ๆ นา ๆ แต่พอพี่เจอตัวเราจริง ๆ พี่เลยมั่นใจว่า น้องโยต้องช่วยเหลือพี่ได้แน่นอน”

    “อืม....ผมไม่รับปากนะครับว่าจะช่วยได้มากเท่าไหร่ เอาเป็นว่าผมจะตอบเท่าที่จะตอบได้ แต่ผมคงจะไม่ทำอะไรมากไปกว่าเป็นที่ปรึกษานะครับเพราะผมเองก็เกรงใจพี่วิทย์เหมือนกัน” ผมพูดอย่างตัดสินใจแล้วว่าผมควรจะทำยังไงดี (ผมก็ไม่รู้ว่าผมคิดถูกหรือเปล่าที่จะช่วยพี่แจน แต่ถ้ามีคนที่รักพี่วิทย์จริง ๆ และเข้าใจเค้ามากขนาดนี้ ผมก็คิดว่าผมควรจะสนับสนุนเค้าตามความสามารถที่ผมพอจะทำได้และไม่ล้ำเส้นจนเกินไปนัก เพราะต่างคนก็มีทัศนคติเกี่ยวกับความรักไม่เหมือนกัน และผมเองก็ไม่อยากจะยัดเยียดให้ใครไปรักกับใคร เพราะถ้าเป็นตัวผมเองก็คงจะทำไม่ได้เช่นกัน)

    “ไม่เป็นไรจ๊ะ แค่น้องโยรับปากว่าจะช่วยพี่ พี่ก็ดีใจแล้ว สัญญานะ....” พี่แจนยิ้มอย่างอารมณ์ดี

    “ครับ...........” ผมรับคำและคุยกับพี่แจนต่อไปอีกสักครู่พี่วิทย์ก็เดินเข้ามาและเราสามคนก็ลงมือทานอาหารกันต่อจนกระทั่งมื้อนั้นจบลง....

    หลังจากที่เราทานอาหารเสร็จและ ผมก็เอ่ยลาพี่วิทย์และพี่แจน เพราะผมกะจะไปเดินซื้อของที่ห้างแห่งหนึ่งบนถนนสุขุมวิท ทีแรกพี่ ๆ เค้าก็จะตามผมไปด้วย แต่ผมปฏิเสธเพราะอยากไปเดินคนเดียวมากกว่า (ไม่อยากไปกันสามคนอ่ะ ท่าทางคงจะอึดอัดน่าดู) และในขณะที่ผมกำลังเลือกซื้อของใช้ในห้างอยู่นั้นเองก็มีโทรศัพท์โทรเข้ามาหาผม....

    “ฮัลโหล...ว่าไงจ๊ะ ทำไมโยน่าสงสารจังเลยล่ะ ต้องไปกินข้าวคนเดียว โถ โถ โถ....โง่จนเขางอกออกมาซะขนาดนี้แล้ว ยังไม่รู้เรื่องอีก มิน่าถึงโดนคนสวมเขาให้ 555” เสียงชายหนุ่มออกสาวนิด ๆ ดังกระแนะกระแหนมาจากอีกฟากนึงในขณะที่ผมรับสาย

    “ใครน่ะ....อ๋อ อาร์ทหรอ มีอะไรหรือเปล่า...แล้วพูดอะไรน่ะใครเขางอกพูดใหม่ดิ๊” ผมถามอย่าง งง ๆ

    “ก็จะใครซะอีกล่ะ ไอ้โง่ ทำไมแกมันโง่อย่างนี้นะ ก็จะใครซะอีกล่ะ ก็แกไง อู๊ยยยย...นี่ไม่รู้หรอว่าบูมเค้ากำลังสวมเขาให้แกอยู่ยังไม่รู้ตัวอีก....อุ๊ย...ลืมไป ไม่พูดดีกว่า ไม่พูด” อาร์ทจีบปากจีบคอพูดอย่างน่าหมั่นไส้

    “นี่อาร์ท...อย่ามาพูดจาเพ้อเจ้อได้ป่ะ มุขมันเก่าแล้ว เอามุขใหม่มาใช้ได้ไหม บอกตามตรงว่าเบื่อ” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจกับคำของอาร์ทเท่าไหร่นัก

    “เชอะ...ฉันอุตส่าห์หวังดี ไม่เชื่อก็ตามใจ แต่ฉันว่าแกไปให้เห็นกับตาดีกว่าที่ร้าน แอนนาคาเฟ่ ตรงศาลาแดงน่ะ แล้วจะได้ไม่มาหาว่าฉันเมาท์” อาร์ทพูด

    “ทำไมร้านแอนนาทำไม...บูมอยู่ที่นั่นหรอ” ผมถามอย่างสงสัย

    “ก็ใช่น่ะสิยะ... เค้าอยู่กับแฟนเค้าอีกคนยังไงล่ะ ไอ้โง่” อาร์ทว่าผมจนผมเริ่มฉุน (หลอกด่ากันแน่เลย)

    “นี่อาร์ท เราถามจริง ๆ เถอะ นายเป็นโรคจิตหรือเปล่า เห็นคนเค้ารักกันไม่ได้หรอไงอ่ะ หรือว่าว่างมากจนไม่มีอะไรทำ” ผมพูดอย่างเหลืออดนิด ๆ

    “ไม่เชื่อก็ตามใจ แล้วจะหาว่าฉันไม่เตือน ตอนที่ฉันเป็นแฟนกับเค้า ฉันเองก็โดนมาแล้วเหมือนกัน ฉันเลยไม่อยากให้ประวัติศาสตร์มันซ้ำรอย ฉันหวังดีนะเนี่ยจะหาว่าไม่เตือน” อาร์ทพูดเสียงจริงจัง

    “เค้าอาจจะอยู่กับเพื่อนเค้าก็ได้นิ” ผมคิดไปในทางที่ดี

    “จ๊ะ ... อย่างกับฉันไม่รู้จักเพื่อนเค้าอย่างนั้นแหละ ไม่เชื่อก็ตามใจนะ” อาร์ทพูดจริงจัง

    “อืม........แล้วเค้าอยู่ที่แอนนาหรอ” ผมถามอย่างลังเล

    “แกก็ไปดูเองสิ จะมาถามอะไรกันมากมาย ไม่เชื่อก็ไม่ต้องไป แค่นี้นะ รำคาญพวกคนมีเขา 555” อาร์ทหัวเราะอย่างสะใจแล้ววางสายลงไป

    หลังจากที่ผมวางสายจากอาร์ทแล้ว ผมก็เริ่มรู้สึกสับสน ลังเล และ คิดทบทวนไปมาว่าตกลงจะไปดีหรือไม่ เพราะร้าน แอนนาคาเฟ่ กับห้างที่ผมอยู่มันก็ไม่ไกลกันมากนัก ถ้าผมไปแป๊ปเดียวก็ถึง แต่ถ้าไปแล้วโดนหลอกล่ะ อาร์ทก็คงจะสะใจ แต่ถ้ามันเกิดเป็นเรื่องจริงล่ะ ผมจะทำยังไงดี โอ๊ยยยยยย.....อะไรกันนักกันหนา

    จนในที่สุดผมเลยตัดสินใจว่า ตกลงผมต้องไปแอบดูที่แอนนาคาเฟ่ เพื่อให้มันรู้กันไปเลย ว่าตกลงเรื่องที่อาร์ทพูดมันเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริง.....ดังนั้นผมเลยนั่งรถไปที่ร้านแอนนาคาเฟ่ตามที่อาร์ทบอก....จากห้างที่ผมอยู่ ผมใช้เวลาไม่ถึง ยี่สิบนาที ก็ไปถึงที่ร้านแอนนาคาเฟ่ ผมยืนลังเลอยู่ที่หน้าร้านสักครู่ก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปในร้าน....

    จบตอนที่ 7/2 แล้วครับขอบคุณทุกท่านที่ติดตามครับ
*******************************************************
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: MyLoveMyBabe ที่ 23-04-2007 13:22:49
 :serius2: ไม่นะ ทำไมเป็นแบบนี้อ่า...........


วันนี้เป็นไรอ่ะ อ่านเจอแต่เรื่องเศร้า  :seng2ped:....


ความรักที่สวยงาม ความซื้อสัตย์ยไปไหนโหม๊ดดดด  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 23-04-2007 19:57:29

...........อุปสรรคเยอะจิงๆ.......... :110011: :เชิป2:

...................สุขได้ไม่นาน..........ก็มีทุกข์แทรกทุกที........ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 23-04-2007 20:01:28
 :serius2: ลุ้น ๆ จาเจอบูมรึเปล่าหว่า  :serius2:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 24-04-2007 14:00:33
"ตอนที่ 7/3"

    ในที่สุดผมก็ตัดสินใจว่า ตกลงผมต้องไปแอบดูที่แอนนาคาเฟ่ เพื่อให้มันรู้กันไปเลย ว่าตกลงเรื่องที่อาร์ทพูดมันเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริง.....ดังนั้นผมเลยนั่งรถไปที่ร้านแอนนาคาเฟ่ตามที่อาร์ทบอก....จากห้างที่ผมอยู่ ผมใช้เวลาไม่ถึง ยี่สิบนาที ก็ไปถึงที่ร้านแอนนาคาเฟ่ ผมยืนลังเลอยู่ที่หน้าร้านสักครู่ก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปในร้าน....

    ผมเดินเข้าไปในร้านพร้อมกับกวาดสายตามองไปทั่วๆ ในขณะที่บริกรหนุ่มคนนึงก็เดินเข้ามาถามผมตามปกติว่า มากี่ที่ จองไว้หรือเปล่า แต่ผมก็ยังคงกวาดตามองไปรอบ ๆ จนบริกรคนเดิมต้องถามซ้ำอีกครั้งว่า ผมนัดกับใครไว้หรือเปล่า ผมจึงได้สติและแกล้งพยักหน้ารับ แบบขอไปที และทันใดนั้นเอง สายตาของผมก็ไปสะดุดกับโต๊ะ ๆ นึง ด้านขวามือที่มีชายหนุ่มหน้าตาคุ้นเคยคนที่ผมกำลังตามหาอยู่กำลังสนทนาอย่างออกรสออกชาติ กับชายหนุ่มที่หันหลังให้อีกคนอย่างมีความสุข (ท่าทางกระหนุงกระหนิงกันมาก ๆ)

    ด้วยความโกรธ ผนวกกับเสียงของคำโกหก หลอกลวงของบูมที่บอกผมเมื่อตอนก่อนผมจะไปทานข้าวกับพี่วิทย์ มันทำให้อารมณ์ของผมในตอนนี้เริ่มที่จะประทุขึ้นมาแล้ว ไหนจะมีแรงหนุนจากสิ่งที่อาร์ทได้พูดกรอกใส่หูผมเอาไว้ตอนก่อนที่ผมจะมาเจอภาพเหล่านี้อีก มันยิ่งทำให้อารมณ์ของผมเริ่มที่จะเดือดจนแทบจะฉุดเอาไม่ค่อยจะอยู่แล้ว... ดังนั้นผมเลยเดินตรงรี่เข้าไปที่โต๊ะของชายหนุ่มในทันที........

    ผมเดินไปหยุดที่โต๊ะ และยืนกอดอกอยู่ด้านหลังของชายหนุ่มคนที่นั่งทานข้าวกับบูมพร้อมๆ กับจ้องมองไปยังชายหนุ่มด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรอย่างมาก (รู้สึกว่าตอนนั้นตาเกือบจะถลนออกมานอกเบ้าได้แล้วมั้ง) และทันทีที่บูมเห็นผมก็แสดงสีหน้าตกใจและหันรีหันขวางเหมือนกับจะพยายามมองหาใครก็ไม่ทราบ หน้าตาของชายหนุ่มก็เริ่มที่จะซีดและสลดลงอย่างเห็นได้ชัด ก่อนที่บูมจะได้พูดอะไร ชายหนุ่มที่หันหลังให้ผมก็หันกลับมามองผมที่อยู่ทางด้านหลังเค้า อาจเพราะรู้สึกถึงความผิดปกติของคู่สนทนาฝั่งตรงข้าม (บวกรังสีอัมมหิตของผม) อืมมมม....มิน่าล่ะ ทำไมถึงได้แอบมานัดทานข้าวด้วยกันสองคน ชายหนุ่มคนนั้นหน้าตาและท่าทางดีเลยทีเดียว (ผมคิด).....

    ตอนนี้ผมเริ่มรู้สึกตัวว่ากำลังจะควบคุมอารมณ์ตัวเองที่กำลังประทุเอาไว้ไม่ค่อยจะอยู่แล้ว ผมเลยตัดสินใจหันหลังกลับและเดินออกจากร้านไปด้วยความรวดเร็ว ทั้ง ๆ ที่ผมยังไม่ได้พูดอะไรกับใครทั้งสิ้น......

    หลังจากที่ผมเดินออกมาจากร้าน ผมก็รีบเดินตรงรี่เข้าไปที่รถ ในขณะที่หางตาของผมก็รู้สึกเหมือนจะเห็นบูมรีบวิ่งไล่ตามผมออกมาและกำลังพยายามตะโกนร้องเรียกผมพร้อม ๆ กับฌบกไม้โบกมือเรียก แต่ถึงตอนนี้มีหรือที่ผมอยากจะรับฟังคำแก้ตัวใด ๆของเค้า ยิ่งพูดก็ยิ่งเคลียร์กันไม่ลงตัว ผมเลยตัดสินใจบึ่งรถออกไปจากตรงนั้นอย่างเร็ว........

    ทั้ง ๆ ที่ผมไม่ได้อยากจะร้องไห้ และไม่รู้สึกตัวว่าเสียใจ แต่ทำไมน้ำตาของผมมันถึงได้ไหลออกมาโดยที่ผมไม่รู้สึกตัวและสามารถบังคับมันไว้ได้เลย ( อาจจะเป็นเพราะว่าหัวสมองของผมในตอนนี้มันชาไปหมด เลยไม่รับรู้ความรู้สึกอะไรทั้งนั้น ทั้ง ๆ ที่ตัวเองเสียใจมากก็ตาม ) ....ผมตัดสายที่บูมโทรเข้ามาหาผมครั้งแล้ว ครั้งเล่า หลายต่อหลายครั้ง จนในที่สุดผมก็ตัดสินใจโทรไปบอกแม่ของผมว่าวันนี้ผมขอไม่กลับบ้านโดยอ้างว่าวันนี้ผมจะไปนอนค้างที่บ้านเพื่อน....แต่จริง ๆ แล้วผมยังไม่รู้เลยว่าตอนนี้ผมจะขับรถไปที่ไหนดี แต่ที่รู้ ๆ ก็คือ ตอนนี้ผมอยากที่จะอยู่เงียบ ๆ คนเดียว......แล้วผมก็ปิดมือถือทิ้งและโยนไปไว้ที่หลังรถ.......จบสิ้นกันทีคนหลอกลวง......

    จบตอนที่ 7/3
***********************************************************************************
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 24-04-2007 19:28:01
เจอแบบจัง ๆ  :เฮ้อ: คงทำใจยากหน่อย  :เฮ้อ:
แต่หวังว่าคงจะไม่มีอะไรอย่างที่โยคิดหรอกนะ  :myeye:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: MyLoveMyBabe ที่ 25-04-2007 10:07:07
เจอจังๆแบบนี้เลย  :monkeycry2:  :13223:

แต่มองโลกในแง่ด๊มันอาจจะไม่อะไรก็ได้นะ ....ขอให้เป็นเรื่องเข้าใจผิดเถอะนะ :call:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 26-04-2007 15:43:34

..............คุยกันเถอะ....พูดกันเถอะ........

.......................ถ้ามันจะจบก็ขอหั้รู้ว่าเพราะอะไร........... :impress3:

..............แต่หวังว่าจะไม่ใช่อย่างนั้น........... :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 27-04-2007 11:16:11
"ตอนที่ 7/4"

    ผมขับรถมาเรื่อย ๆ อย่างคนไร้จุดหมาย มาเริ่มรู้สึกตัวเองอีกทีก็ตอนเจอป้าย จะเข้าไปพัทยาแล้ว....( ทำไมมาถึงที่นี่ได้วะ ผมคิด ) ผมเลยเลี้ยวรถเข้าไปแวะเติมน้ำมันที่ปั้มข้างทางแห่งนึง พร้อมกับแวะเข้าห้องน้ำเพื่อไปล้างหน้า ล้างตาที่เต็มไปด้วยรอยคราบน้ำตา พร้อม ๆ กับสงบสติอารมณ์ให้เป็นปกติ ....ผมกลับมาที่รถอีกครั้งและขับรถต่อไปเพื่อเข้าไปแวะค้างคืนที่พัทยา เพราะตอนนั้นก็ประมาณ 4 ทุ่มกว่าเห็นจะได้ ผมเลยต้องหาที่พักชั่วคราวก่อน...จนผมได้มาพักที่โรงแรมแห่งนึง ....

    ผมเข้าไป check-in และเดินขึ้นไปบนห้องด้วยความอ่อนแรง....ผมทิ้งตัวลงนอนอย่างกับคนไร้วิญญาณ น้ำตาที่มันเพิ่งจะแห้งไปเมื่อสักครู่นี้ มันกลับเริ่มที่จะไหลออกมาในทันทีที่ผมนึกถึงภาพของบูมขณะกำลังหัวเราะมีความสุขกับชายหนุ่มคนนั้นอยู่ และคำพูดที่เค้าปฏิเสธคำชวนของผมเพียงเพราะต้องการไปทานข้าวกับชายหนุ่มคนนั้น....ผมนอนจมอยู่กับความทุกข์ ความเศร้า และเสียงร้องไห้ อยู่นานมากๆ จนกระทั่งผมนอนหลับไปทั้ง ๆ ที่ยังคงมีน้ำตาอยู่ทั้งสองแก้ม......

    ผมสะดุ้งตกใจตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เพราะรู้สึกเหมือนกับว่าจะลืมอะไรบางอย่างไป..ผมนึกขึ้นได้ว่าลืมโทรไปบอกไอ้โบเรื่องที่ผมบอกกับแม่ว่าจะไปค้างบ้านเพื่อน เพราะถ้าเกิดไอ้โบโทรไปที่บ้านแล้วแม่ของผมถามขึ้นมา ไอ้โบจะได้ช่วยพูดแก้ต่างไว้ให้ ไม่งั้นเรื่องมันคงจะไปกันใหญ่...ผมเลยรีบลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างตา และเปิดมือถือเพื่อโทรไปหาเจ้าเพื่อนตัวดีของผม......

    “ฮัล......โหล..........หาวววว ว่าไงครับปอนด์” ไอ้โบรับสายด้วยน้ำเสียงงัวเงียที่สุด ( คำก็ปอนด์ สองคำก็ปอนด์ )

    “โบหรอ...เราเองไม่ใช่ปอนด์” ผมพูดกับไอ้โบพร้อม ๆ กับมองไปดูนาฬิกา เออ...เพิ่งจะตีสี่เองนี่ ( ดีนะที่มันไม่ด่าเข้าให้โทรไปปลุกแต่เช้า )

    “ว่าไงนะ....โย.....โยยยยยยยยยย แกไปไหนมา เค้าตามหากันให้วุ่นไปหมด นี่แกอยู่ไหน อยู่กับใคร เป็นยังไงบ้าง กำลังทำอะไรอยู่ ฯลฯ” ทันทีที่ไอ้โบรู้ว่าผมโทรไปหา ก็ยิงคำถามใส่ผมเป็นชุด ๆ เลยครับ

    “นี่พอ ๆ ๆ เลย ตามหาเราทำไมวะ....”ผมถามกลับไปเพื่อที่จะหยุดคำถามที่ห้าร้อยของไอ้โบ

    “ถามมาได้...แกทำอะไรไว้ก็น่าจะรู้ ดูสิ เพื่อน ๆ เค้าไม่ได้หลับไม่ได้นอนตามหาแกกันให้วุ่นไปหมด...แล้วนี่ตอนนี้แกอยู่ที่ไหน อยู่กับใคร ทำอะไรอยู่ บอกมาเลยเดี๋ยวจะรีบไปหา” ไอ้โบใส่มาเป็นชุดเลยครับ

    “จะมาตามหาเราทำไม เราไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย....”ผมพยายามซ่อนความรู้สึกของตัวเองเพราะไม่อยากให้เพื่อนเป็นกังวลเพราะผมรู้ดีว่าถ้าผมลองได้บอกเรื่องของผมให้มันรู้มันคงจะรีบขับรถตรงดิ่งมาที่พัทยาแน่นอน...

    “อย่ามาทำเป็นฟอร์มเลย เค้ารู้กันหมดแล้ว โกหกหน้าตายตลอดเลยนะ แล้วนี่เป็นบ้าอะไรอีกล่ะทำไมต้องปิดมือถือหนีด้วย พวกเพื่อน ๆ พยายามกดไปหาเป็นร้อย ๆ รอบ แกก็ไม่ยอมเปิดมือถือ...พยายามโทรไปแกล้งถามเพื่อน ๆ คนอื่น ก็ไม่มีใครรู้ว้าแกอยู่ไหน..ดีนะตอนที่โทรไปที่บ้านแก พอแม่แกถาม เราเลยแกล้งทำเป็นโยนไปให้คนอื่น ไม่งั้นวุ่นกว่านี้อีก....เออ...แล้วรู้ไหมว่าบูมเค้าเป็นห่วงแกแค่ไหน เค้าขับรถตระเวนหาแกเกือบจะทั่วกรุงเทพฯแล้วมั้งเนี่ย นี่เค้าก็เพิ่งแยกกับพวกเราไม่ถึงสามชั่วโมงเลยมั้ง” ไอ้โบพูดเสียงเครียด

    “เราขอร้อง อย่าพูดถึงคน ๆ นี้อีกได้ป่ะ....เออ...แล้วนี่แม่เราสงสัยหรือเปล่า.....”ผมพยายามกลั้นอารมณ์ตัวเองสุด ๆ (แอบไปมีคนอื่นยังมีหน้ามาทำแบบนี้อีก)

    “ไม่ได้สงสัยอะไรนี่ ว่าแต่แกควรจะหัดฟังคนอื่นเค้าบ้างได้ป่ะ” ไอ้โบพูดเหมือนกับพยายามจะสอนผม

    “จะให้เราฟังคำแก้ตัวอะไรอีกล่ะ แค่ภาพที่เราเห็นยังไม่พออีกเหรอไง หึ...ทีแรกเราก็เอ๊ะใจอยู่แล้วที่อยู่ดี ๆ ก็ปฏิเสธที่เราชวนให้ไปกินข้าวเป็นเพื่อนกับพี่วิทย์ด้วยกัน...” ผมเค้นเสียงออกมาอย่างโมโห......(น้ำตาเริ่มจะซึม ๆ อีกแล้ว)

    “แล้วโยไปเจอบูมได้ยังไงล่ะ” ไอ้โบถาม

    “ก็อาร์ทโทรมาบอกเราอ่ะดิ”

    “ไอ้อาร์ทเนี่ยอ่ะนะ...นี่แกไม่รู้เลยเหรอไง ว่ามันหวังดีกับแกแค่ไหน ทำไมถึงได้โง่อย่างนี้วะ หูน่ะไปหาอะไรมาถ่วงไว้หน่อย ทำไมถึงได้หูเบาไปเชื่อไอ้อาร์ทได้” ไอ้โบว่าผมด้วยน้ำเสียงจริงจังมาก

    “ใครกันแน่ที่หูเบา แกเห็นมากับตาหรือเปล่าโบ พอเค้าพูดอะไรหน่อยแกถึงได้เชื่อเค้าขนาดนั้น เราเห็นมากับตานะโบจะให้เราคิดยังไง” ผมกระแทกเสียงใส่ไอ้โบอย่างสุดจะกลั้น

    “แล้วไอ้ที่แกเห็นน่ะ แกพิสูจน์หรือถามไถ่อะไรเค้าหรือยัง...หา.......ฉลาดนักเรื่องคิดไปเอง.....ทีเรื่องอื่นไม่เห็นจะฉลาดแบบนี้เลย” ไอ้โบด่าผมเป็นชุดเลย (จำไว้เลย หลอกด่านี่หว่า )

    “พอเลย ถ้าแกไม่ฟังในสิ่งที่เราพูด เราจะโทรไปหาไอ้ออฟแทนแล้วนะ”ผมเริ่มที่จะโมโหนิดหน่อยแล้ว (ด่าอยู่ได้)

    “เออ ๆ ๆ ลืมบอกไป หาคำแก้ตัวไว้ด้วยนะเพราะเมื่อคืนบูมเล่นโทรไปถามแม่แกทุกชั่วโมงว่าแกกลับบ้านหรือยังจนถึงห้าทุ่มเห็นจะได้ แล้วนี่แม่แกจะไม่สงสัยหรอ”

    “โทรมาทำไม หรือจะมาแก้ตัวอะไรอีก.....หึ.....อืมมม ขอบใจนะ เดี๋ยวเรื่องแม่เรา เดี๋ยวเราจัดการเอง”

    “เออ......ตามใจแล้วนี่ตกลงแกอยู่ไหน”

    “เอาน่า แกอย่ารู้เลย เอาไว้ถ้าเราสบายใจกว่านี้แล้วเราจะกลับไป ไม่แน่อาจจะเป็นพรุ่งนี้เย็นๆ”

    “นี่ตกลงแกจะฟังไหมว่าตกลงเรื่องมันเป็นยังไงมายังไง บูมเล่าให้พวกเราฟังหมดแล้ว”

    “แล้วแกก็เชื่อเค้า??????” ผมถามอย่างฉุน ๆ

    “ก็จะไม่ให้เชื่อได้ไงล่ะ ก็พี่ชายเค้าพาเพื่อนเค้ามาเป็นพยานน่ะ”

    “แล้วพี่บอมบ์เกี่ยวอะไรด้วยล่ะ ( พี่บอมบ์คือพี่ชายของบูมที่เรียนอยู่ต่างประเทศ ) แล้วเพื่อนพี่เค้าอีกจะมาเป็นพยานทำไม”

    “นี่แกโง่จริงหรือแกล้งโง่กันแน่เนี่ย เฮ้อ.... ก็แกเป็นซะอย่างนี้ไง คนอื่นเค้าถึงได้รู้จุดอ่อนของพวกแกหมด เอ้านี่จะเล่าให้ฟัง...............................................................”

    จากนั้นไอ้โบก็เริ่มเล่าเรื่องตั้งแต่เริ่ม ก็ประมาณว่า พี่ชายบูมกลับมาเยี่ยมเมืองไทยกับเพื่อนเค้าอีกคน พวกเค้าทั้งสามคนเลยนัดกินข้าวกันเพราะบูมค่อนข้างสนิทกับเพื่อนพี่ชายเค้าคนนี้ด้วย แต่ก็บังเอิญอีกนั่นแหละ ที่ไอ้เพื่อนของพี่บอมบ์ พี่ชายบูม เนี่ยดันไปรู้จักและค่อนข้างสนิทสนมกับอาร์ท แถมพี่บอมบ์ก็รู้จักอาร์ทด้วย พวกพี่เค้าเลยชวนอาร์ทออกมาด้วย โดยที่ไม่ได้บอกบูมไว้ก่อน ทีนี้พอบูมมาเจอเข้าเลยก็ต้องปล่อยเลยตามเลยไป แต่อาร์ทก็ค่อนข้างที่จะฉลาดและหัวไวเพราะแค่บูมพูดกับผมนิดหน่อยก็คิดแผนการได้รวดเร็ว จนผมมาเจอบูมกับเพื่อนพี่บอมบ์เข้าเพราะตอนนั้นพี่บอมบ์เค้าไปเข้าห้องน้ำพอดี ( มิน่า เห็นหันรีหันขวางอยู่นั่นแหละ แล้วไม่แก้ตัวออกมา หึ )

    หลังจากที่ผมฟังเรื่องที่ไอ้โบเล่ามา ผมก็แทบจะไม่เชื่อหูตัวเองเลยเพราะอะไรมันจะประจวบเหมาะขนาดนี้ เพราะถ้าเกิดผมไปช้ากว่านั้นอีกนิดเดียวผมก็จะเจอพี่บอมบ์ แล้วเรื่องต่าง ๆ มันก็ไม่เกิดขึ้น หรือถ้าบูมบอกความจริงกับผมในตอนนั้น ผมก็คงจะไม่ว่าอะไรเช่นกัน ( เฮ้อออ หลงเข้าใจผิดตั้งนาน ร้ายมากนะอาร์ท )

    “แล้วนี่ตกลงจะบอกได้หรือยังว่าแกอยู่ที่ไหน”ไอ้โบถามด้วยน้ำเสียงง่วงนอนเต็มที่

    “อยู่ที่พัทยา โรงแรม....”ผมตอบ

    “หา........จะบ้าหรอ แกไปทำอะไรที่พัทยาวะ”ไอ้โบถามด้วยความตกใจ

    “เออน่า.....แล้วจะเล่าให้ฟัง โบก็ไปนอนเถอะเดี๋ยวเราก็จะนอนพักอีกสักหน่อยแล้วก็กะว่าจะขับรถกลับบ้านพรุ่งนี้”

    “เออ ๆ ๆ หาวววววว........บายนะ แล้วขับรถกลับดี ๆ นะ บาย”

    “เออ บาย”

    ผมวางสายจากไอ้โบด้วยความสบายใจเหมือนกับว่าภูเขาที่ทับอยู่ในอกของผมมันพังทลายลงไป เพราะตอนนี้ผมได้รู้ความจริงทั้งหมดแล้ว ผมเลยล้มตัวลงนอนอย่างมีความสุข............(อยากกลับกรุงเทพเร็ว ๆ จัง)

    ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกครั้งประมาณ เกือบจะ เก้าโมงเช้า ก็จะไม่ให้ผมตื่นได้ยังไง ใครก็ไม่รู้ดันมาเคาะประตูห้องผมตั้งแต่เช้าเลย..........(ใครวะ ผมคิด)

    ผมงัวเงียลุกขึ้นมาเพื่อไปเปิดประตูดูว่าใครเป็นคนมาเคาะประตูห้องผม ( กะว่าถ้าเป็นพนักงานโรงแรมจะต่อว่าพนักงานซะหน่อย ไม่เห็นป้ายข้างนอกหรือไงว่าห้ามรบกวน คนยิ่งกำลังนอนสบาย ๆ อยู่ด้วย ) ...... แต่แล้วสิ่งที่ผมเห็นหลังจากเปิดประตูออกไปแล้ว.....................................................................

    จบตอนที่ 7/4 มาต่อให้ตามสัญญาแล้วนะครับ.....

********************************************************************************
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 27-04-2007 13:51:41

...................มีไรก็หั้ยคุยกาน............... :110011: :เชิป2:

.........อย่าหั้ยอารมณ์มาอยู่เหนือสติ.......... :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 27-04-2007 20:06:44
สงสัยจิง ถ้าโยไปช้าหรือเร็วกว่านี้ ก็ไม่น่าจะเป็นอะไรนี่นา
แสดงว่าแจ๊คพ๊อตจิง ๆ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: MyLoveMyBabe ที่ 28-04-2007 23:17:43
 :give2: ในที่สุดก็เรื่องเข้าใจผิด แต่นังอาร์ทนี่รังควาญไม่เลิก

เปิดประตูไปเจอบูมแน่ๆเลยยย แล้วโยก็ต้องโดนทำโทษในแบบฉบับของบูม อิอิ  :haun4:
 :laugh5:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 30-04-2007 11:43:01
"ตอนที่ 7/5"

    ผมงัวเงียลุกขึ้นมาจะเปิดประตู (กะจะต่อว่าพนักงานซะหน่อยคนกำลังนอนสบาย ๆ อยู่ด้วย) ...... แต่แล้วสิ่งที่ผมคิดไว้ก็กลับกลายเป็นว่า.........................

    “.........เฮ้ย บูม........มาได้ไงเนี่ย...............” ผมร้องออกมาอย่างตกใจเพราะทันทีที่ผมเปิดประตูออกไป บูมก็กระโจนเข้ามาล็อคประตูและลากตัวผมตามเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว

    “จะทำอะไรอ่ะ ปล่อยก่อนดิ คนกำลังเพิ่งตื่นนอนเองนะ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงหวาด ๆ ในที (ก็ดูหน้าเฮียบูมตอนนั้นเค้าดิ น่ากลัวอย่างกับอะไรดี)

    “มานี่เลย.....รู้ไหมว่าโยทำอะไรลงไป เมื่อคืนเราแทบจะไม่ได้นอนทั้งคืนเลยนะ ตามหาโยจนเกือบจะทั่วกรุงเทพฯแล้วมั้งเนี่ย ดีนะที่ตอนเช้าโบโทรมาบอกว่าโยอยู่ที่นี่ เราก็เลยรีบให้คนขับรถขับพาเรามา” บูมตะโกนใส่ผมเป็นชุดเลย

    “แล้วจะมาตามหาเราทำไมล่ะ เดี๋ยวเราก็กลับเองแหละ” ผมตอบไปแบบน้ำขุ่น ๆ

    “หยุดเลย.......ไม่ต้องมาแก้ตัว รู้ไหมว่าเรารู้สึกยังไง และเสียใจขนาดไหน ที่โยทำแบบนี้” บูมพูดเสียงเครียด

    “ก็........ก็บูมอยากมาโกหกเราก่อนทำไมล่ะ เอาน่า นะ นะ นะ อย่าโมโหเลย เดี๋ยวไม่หล่อนะ” ผมแกล้งแหย่เผื่อ อะไร ๆ มันจะได้ผ่อนลง

    “ไม่ต้องมาอ้อนเลย..ผิดแล้วไม่ยอมรับผิดอีก เราจะทำยังไงกับโยดีนะ” บูมทำท่าเหมือนจะมาขย้ำที่ตัวผมแต่ก็ไม่ได้ทำอะไร (ขู่เฉย ๆ)

    “...........................................” และแล้วหัวสมองของผมก็แล่นฉิ่ว อิอิ อย่างงี้ต้องรีบแก้ไขสถานการณ์ไม่งั้นมีหวังโดนเทศก์นานแน่ ๆ ผมเลยตรงเข้าไปกอดบูมเบา ๆ พร้อมกับพูดจาเสียงอ้อน ๆ หน่อย “บูมอย่าโกรธเราเลยนะ ดูสิเมื่อวานเราร้องไห้จนตาปูดไปหมดเลย คิดถึงบูมตลอดเลย นะ นะ นะ เราคืนดีกันนะ” ผมอ้อนพร้อม ๆ กับหอมแก้มบูมไปทีนึง

    “...............อย่างงี้ทุกที โยก็ชอบทำแบบนี้อ่ะ แล้วใครจะไปโกรธลง” บูมเริ่มอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด

    “เอางี้งั้นบูมนอนพักก่อนนะ เดี๋ยวเราจะนอนข้าง ๆ” ผมจูงชายหนุ่มให้เดินตามมาที่เตียงและจัดแจงที่นอนให้บูมเพราะดูจากลักษณะแล้ว บูมคงจะไม่ค่อยได้นอนแน่ ๆ เลย

    “บูมก็นอนก่อนเถอะนะ เดี๋ยวเราจะไปบอกคนขับรถให้ว่าให้เค้ากลับไปก่อนเดี๋ยวเราจะพาบูมกลับไปเอง”

    “อืมม........”บูมพยักหน้ารับคำ แล้วผมก็เดินออกไปจากห้องเพื่อลงไปบอกคนขับรถว่าให้กลับไปก่อน

    พอผมเดินกลับเข้ามาในห้อง ผมก็เห็นชายหนุ่มกำลังนอนหลับสนิทอย่างสบายอารมณ์ ผมได้แต่ส่ายหน้าขำ ๆ และเดินตรงไปหยุดอยู่ด้านข้างของชายหนุ่มอย่างช้า ๆ เพราะกลัวว่าเค้าจะตื่นขึ้นมา

    ผมพิจารณาดูใบหน้าชายหนุ่มตรงหน้า และบรรจงใช้ฝ่ามือของผมลูบบนใบหน้าของบูมด้วยความรู้สึกรักและหวงแหน ทำไมนะ ทั้ง ๆ ที่ เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนผมยังจมอยู่ในโลกมืด ทั้งปวดร้าวและเจ็บปวด กับเรื่องของชายหนุ่มคนนี้เพียงคนเดียว มันน่าแปลกมากจริง ๆ ที่ความสุขอันแสนหวานและความทุกข์อันขมขื่นของเราเกิดขึ้นเพียงเพราะแค่การกระทำของชายหนุ่มตรงหน้านี้ เค้าจะรู้ไหมว่า ผมรู้สึกกับเค้ามากขนาดไหน...........

    ผมนั่งมองดูบูมหลับอย่างมีความสุขได้สักครู่ใหญ่ บูมก็ลืมตาตื่นขึ้นมายิ้มให้ผม.....

    “มาจ้องหน้าเราอยู่ได้ รู้นะคิดอะไรอยู่....เดี๋ยวเราต้องสำรวจดูก่อนว่ามีอะไรสึกหรอรึเปล่า จะโดนใครแถวนี้ลักหลับไหมนะ” บูมพูดยิ้ม ๆ และทำท่าทางสำรวจร่างกายตัวเอง

    “ใครกันแน่ที่ชอบทำแบบนั้น...แล้วนี่บูมนอนพอแล้วหรอ เพิ่งนอนได้ไม่กี่ชั่วโมงเอง จะนอนต่อหรือเปล่า”ผมพูดอย่างอ่อนโยน

    “พอแล้วล่ะ อยากตื่นมาอยู่กับโยมากกว่า”บูมลุกขึ้นมารวบแขนผมไปกุมเอาไว้

    “...ไปหัดมาจากไหนอ่ะคำพูดแบบนี้...ฟังแล้วจั๊กจี้อ่ะ” ผมทำท่าขนลุกจนชายหนุ่มอดขำไม่ได้

    “จากใจของเราไง....โยรู้หรือเปล่าว่า ตอนที่เราโทรไปหาแม่ของโย แล้วรู้ว่าโยไม่อยู่บ้าน เราเลยโทรไปตามที่บ้านเพื่อน ๆ คนอื่นๆ เค้าก็ไม่รู้ว่าโยอยู่ไหน รู้ไหมว่าตอนนั้นเรารู้สึกยังไง เราเสียใจมากขนาดไหน เราต้องขับรถตระเวนหาโยเกือบจะทั่วกรุงเทพฯเลยนะ ทั้งเป็นห่วง ทั้งกลัวสารพัด ยิ่งโยซุ่มซ่าม ๆ อยู่เดี๋ยวเกิดอะไรขึ้นมา เราจะไปเอาแฟนกลับคืนมาจากที่ไหนอ่ะ....วันหลังเราขอร้องว่าอย่าขับรถไปไหนเวลากลางคืนคนเดียวได้ไหม....ถ้ามีธุระจริง ๆ ก็โทรมาหาเรา เดี๋ยวเราจะไปรับ ไป ส่งให้ นะ สัญญานะ” บูมพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่น

    “ก็ใครใช้ให้มาหลอกเราก่อนล่ะ...ทีแรกก็ไม่กะจะมาถึงพัทยาหรอก แต่ขับไปขับมามันมาโผล่ที่นี่เองอ่ะ...ดูสิ เราเก่งไหม ขนาดร้องไห้ขนาดนั้นยังขับรถมาถึงพัทยาได้เลย ไม่ต้องเป็นห่วงเราหรอก” ผมพยายามพูดติดตลกเพื่อๆไม่ให้ชายหนุ่มเป็นห่วงมาก

    “แต่ยังไงก็อย่าขับรถแบบนี้อีกนะ เราเป็นห่วงจริง ๆ นะ สัญญานะ”

    “ก็ได้ เรารับปากว่าจะทำ แต่ถ้ามีเหตุสุดวิสัย มันก็ช่วยไม่ได้นะ เพราะเราไม่สามารถรู้ได้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น เราไม่อย่าผิดคำสัญญา” ผมยิ้มให้ (อย่างเจ้าเล่ห์นิด ๆ)

    “ก็ยังดี.....ว่าแต่ไหน ๆ ก็มาแล้วเรา..........” บูมยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

    “เราอะไรหรอ..........”ผมถามอย่างสงสัย

    “เรามา..................................” บูมกระโดดลุกขึ้นมากดตัวผมลงไปอย่างรวดเร็ว แต่พอผมตั้งสติได้ก็พยายามฝืนลุกหนีขึ้นมา และรีบถอยออกไปยืนอยู่ห่าง ๆ จากนั้นผมกับบูมก็วิ่งไล่จับกัน ยื้อกันไปยื้อกันมา จนกระทั่งเหนื่อยและลงมานั่งพักด้วยกันทั้งคู่........

    จบตอนที่ 7/5
*******************************************************************************
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 30-04-2007 21:47:39
หุหุ บูมตามมาจริง ๆ ด้วย  :kikkik:  :kikkik:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 01-05-2007 01:31:31
เข้าสูตรเจ๊สองอีกแล้ว  :kikkik:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 01-05-2007 12:09:23
เข้าสูตรเจ๊สองอีกแล้ว  :kikkik:

.............โยกะบูมเข้าสูตรเจ๊จิงๆด้วย..... :laugh5: :laugh5:

.....................เจ๊แกผ่านมาเยอะ...เลยรู้... :kikkik: :kikkik:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: MyLoveMyBabe ที่ 02-05-2007 13:33:36
อิอิ  เป็นไปตามสูตร หุหุ  :haun4:


โยต้องโดนบูมลงโทษให้สาสม ซักสองสามที 55+  :laugh5:


ว่าแล้วอยากมีคนมาให้ทำตามสูตรมั้ง เอิ๊กๆๆ


หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: MyLoveMyBabe ที่ 09-05-2007 16:28:18
หายไปนานเลย  รออยู่นะค้าบบบบ  :undecided:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 11-05-2007 10:07:10

ขอโทษเพื่อนๆ ด้วยนะครับ

เรื่อง คำว่ารัก Part II ต้อวรอไปหน่อยนะครับ

คุณโยเองครับ ยังไม่มาต่อเรื่องเลย

ขออภัยในความไม่สะดวกครับ

 :o11:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกลิงตัวอ้วน ที่ 07-11-2007 08:17:34
มาขุดกระทู้  :a10:

จะครึ่งปีแล้วคร้าบ  o9 ยังไม่มาต่อเหรอ

อยากอ่านต่อจังเลยครับ  :m5:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 07-11-2007 21:04:19
มาขุดกระทู้  :a10:

จะครึ่งปีแล้วคร้าบ  o9 ยังไม่มาต่อเหรอ

อยากอ่านต่อจังเลยครับ  :m5:

ดองเค็มตนเปรี้ยวแล้วครับ

ต้องรอต่อไปนะครับ

เรื่องนี้ตนแต่งหายสาบสูญครับ

ต้องขอโทษด้วยนะครับ

ได้เรื่องเมื่อไหร่จะมาต่อให้ทันทีนะครับ

 o1
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 30-08-2008 11:17:51
คนแต่งมาต่อแล้วนะครับ

-----------------------

ผมสะดุ้งตื่นขึ้นจากภวังค์ หลังจากมีเสียงใครบางคนดังขึ้นจากด้านหลัง…...

“คุณโยครับ คุณท่านเรียกให้ไปหาครับ” พนักงานคนนึงที่รีสอร์ทป้าผม ปลุกผมจากอดีตที่น่าจดจำของผม

“อืม เดี๋ยวผมตามไป”

“ครับ”

นับ จากเหตุการณ์ที่ผมหนีบูมไปที่พัทยาแล้วบูมก็ไปตามผมกลับมา เราต่างก็ได้เคลียร์ปัญหาต่าง ๆ ในสิ่งที่เกิดขึ้นได้จนหมด แล้วเวลาก็ได้ผ่านเลยไป มีเหตุการณ์อีกมากมายที่เข้ามาในชีวิตของพวกเรา แต่เราสองคนก็ได้ฟันฝ่าอุปสรรคต่าง ๆ มาได้ จนกระทั้งเราเรียนจบ และตอนนี้เวลาก็ผ่านมาจะครบ 3 ปีแล้ว ผมเองตอนนี้กำลังง่วนอยู่กับการเป็นผู้ช่วยของป้าผมที่รีสอร์ทที่เชียงราย ชีวิตในตอนนี้ของผมต้องคอยแก้ปัญหาและจัดการกับแขกมากมาย จนไม่ค่อยจะมีเวลาติดต่อกับเพื่อนมากนัก ตอนนี้พี่วิทย์ได้แต่งงานกับพี่แจนแล้วและกำลังจะมีลูกกัน (เห็นว่าจะให้ชื่อว่า โย นะไม่ว่าลูกจะออกมาเป็นชายหรือหญิงก็แล้วแต่เห็นพี่เค้าบอกมา) ส่วนพวกเพื่อน ๆ ผม ออฟบินไปเรียนต่อกับแฟนที่ออสเตรเลีย โบเลิกกับปอนด์แล้วแต่เค้าก็ยังคงติดต่อกันเป็นเพื่อนเหมือนเดิม กายกลับไปช่วยงานที่บ้าน ส่วนเค้าคนนั้น ผมเองไม่ได้เจอเค้ามาประมาณเกือบสองปีเห็นจะได้ บูมต้องไปช่วยงานม๊าที่อเมริกาและเรียนต่อไปด้วย

ความสัมพันธ์ของ พวกเราในตอนนี้ ได้ลดระดับลงมา จากแฟน เป็นแค่ คนสนิท เพราะผมเองนั่นแหละที่เป็นฝ่ายบอกเค้าอย่างนั้นทั้ง ๆ ที่เค้าเอง พยายามดื้อแพ่งที่จะคงความเป็นแฟนเอาไว้ จนเราทะเลาะกันหลายต่อหลายรอบก่อนที่เค้าจะออกเดินทางไป

นับจากวัน ที่เครื่องบินของเค้า take off ออกจากท่าอากาศยาน...... ความรู้สึกโหวง วูบ และปวดใจ แล่นเข้าสู่กายผมอย่างรวดเร็วและหนักหน่วง แต่ผมก็ยังต้องฝืนกายเอาไว้ด้วยอาการสงบและนิ่งเงียบ แต่ความรู้สึกภายในจิตใจของผมนั้นแม้ว่าจะได้รับกำลังใจและถ้อยคำปลอบประโลม ใจจากหลายๆฝ่าย แต่ทำไมคำพูดเหล่านั้นก็ไม่สามารถส่งผ่านมายังหัวใจของผมได้เลย คงจะมีก็แต่เวลาเท่านั้นละมั้งที่เป็นยาที่ดีที่สุด


และเวลาก็ ยังคงเป็นยาที่ดีที่สุดเสมอ แต่ไม่ใช่ว่าหัวใจของผมจะเจ็บปวดน้อยลงหรอกนะ หากแต่ผมเริ่มที่จะชินกับความเหงาและ ความเจ็บปวดนี้มากกว่าละมั้ง บูมเองในตอนแรก ๆที่จากกัน ก็โทรมาหาผมบ่อย ๆ แทบจะวันละ เกือบ สิบ ครั้งเห็นจะได้ แต่ตอนนี้น่าจะวันละครั้งหรือ สองวันครั้ง สามวันครั้งตามโอกาส ไม่ใช่ว่าผมไม่โทรไปหาเค้านะ แต่ผมมีเหตุผลที่อยากจะพิสูจน์รักของเรามากกว่า ว่ามันจะมั่นคงแค่ไหน  ผมเลยเก็บความรู้สึกทุกอย่างเอาไว้คนเดียว

หลังจากที่ผมจบมาสักระยะ และเริ่มมาทำงานกับป้าผมตามสัญญาที่เคยให้ไว้  มีคนมากหน้าหลายตาผ่านเข้ามาในชีวิต ทั้งมาจีบจริง ๆ และมาจีบเล่น ๆ แต่ผมก็ไม่เคยที่จะใส่ใจกับใครคนไหนเป็นพิเศษ จนเค้าเหล่านั้นต้องล่าถอยออกไปทีละคน...... ชีวิตผมในช่วงนี้ก็ยังคงทำงานหนัก หากมีเวลาว่างบ้างก็จะกลับมาเยี่ยมครอบครัวที่กรุงเทพ ไปเยี่ยมม๊าของบูมบ้าง ไปหาเพื่อนบ้างตามกาลเทศะ... แต่กับใครอีกคนที่อยู่ไกลตัวผมนั้น ผมรู้ข่าวมากมายมาจาก spy ของผมที่อยู่ที่นั่นด้วย (แพท) ว่าเค้าก็ยังคงใช้ชีวิตเป็นปกติ หากแต่มีคนเข้ามาเกาะแกะวุ่นวายอยู่หลายคนเหมือนกัน แต่ดูเหมือนเค้าจะไม่ค่อยสนใจใครนะ (หรือสนใจแต่ แพท ไม่กล้าบอกผมมากกว่า ทำไงได้ก็คนนี่นาไม่ใช่พระอิฐ พระปูน)
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
และ แล้ววันนี้ก็มาถึง....ผมมายื่นซองเอกสารสีขาวให้กับป้าของผม เพราะครบเวลาตามที่สัญญาเอาไว้แล้วว่าผมจะทำงานช่วยป้าผมเป็นระยะเวลาเท่า นี้ตามที่ได้สัญญาเอาไว้ เพราะหลังจากนั้นผมจะเดินไปตามความฝันของผมที่ได้เลือกไว้เองจริง ๆ สักที

ป้า และลุงของผมรับใบลาออกของผมยิ้ม ๆ และเข้ามากอดผมเบา ๆ พลางพูดว่า ขอบใจนะลูก แล้วเราก็มีปาร์ตี้ส่งท้ายเล็ก ๆ ประมาณว่าเลี้ยงส่งผม พี่วิทย์และพี่แจนก็มาด้วย ผมเดินไปลูบท้องพี่แจนเบา ๆ พลางเรียกชื่อหลาน โยน้อยของผมด้วย ผมยื่นกำไลข้อเท้าที่ผมตั้งใจซื้อไว้ให้หลานของผมฝากไว้กับพี่แจนเพราะผมคง ไม่ได้อยู่รอ ในวันที่เค้าถือกำเนิด

ผมกลับมากรุงเทพอีกครั้ง และใช้ชีวิตอยู่กับที่บ้าน ประมาณ สองอาทิตย์ หลังจากนั้นก็นัดรวมตัวกับโบ และ กายบินไปเยี่ยมเพื่อน (ออฟ) ที่ออสเตรเลีย พอกลับมาก็ได้เวลาที่ผมจะต้องเริ่มทำสิ่งที่ผมรอซะที
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: LEO ที่ 31-08-2008 18:38:36

มารีก่อนครับ
 
  กำลังอ่านภาคแรกอยู่ครับ

   แล้วพี่เค้าจะมาแต่งให้จบมั๊ยง่ะครับ

   :bye2:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 03-09-2008 15:17:53
ผมนำเอกสารทั้งหลายไปยื่นขอวีซ่าและเฝ้ารอการสัมภาษณ์ หลังจากสัมภาษณ์และได้วีซ่าเรียบร้อยแล้ว ผมก็เริ่มจองตั๋วเครื่องบิน พร้อมกับนัดแนะ เพื่อนคนสนิท เพื่อที่จะให้เค้าไปรอรับเวลาผมไปถึง

ผม ร่ำลากับที่บ้าน ทั้งกอดทั้งจูบ เพื่อนผมก็น้ำตานอง (ไอ้โบตัวดี) ผมใช้เวลาอยู่ที่สนามบินนานมากจนแทบจะวิ่งขึ้นเครื่องได้ จนสุดท้ายผมเพิ่งจะได้มานอนหลับเป็นตายหลังจากขึ้นเครื่องในไฟท์เช้า (ก็ผมไม่ได้นอนทั้งคืนเลย กว่าจะหลุดจากวงศาคณาญาติและมิตรสหาย) ผมต้องพักเปลี่ยนเครื่องที่ญี่ปุ่น และเดินทางต่อไปยังจุดหมาย

กว่า ผมจะผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองมาได้แทบจะลากเลือดไม่รู้จะอะไรหนักหนา จนกระทั้งผมเดินออกมายังทางออก ภาพที่ผมเห็นในตอนนี้ เป็นคน ๆ นึงที่ดูแปลกตาออกไป อาจจะเป็นเพราะเค้าสวมเสื้อกันหนาวหลายชั้นด้วยละมั้ง มายืนยิ้ม รอผม พร้อมกับสาวสวยคนนึงที่ยืนยิ้ม ๆ อยู่ด้านข้างเขาเช่นกัน หากภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าย้อนไปในอดีต ผมคงจะรู้สึกเจ็บปวดมากมายกับความเข้าใจผิดนั้น หากแต่วันนี้ผมกลับยิ้มได้อย่างสดใส

ผมตรงเข้าสวมกอดหญิงสาวตรงหน้า อย่างดีใจ พร้อมเอ่ยคำทักทาย เราคุยกันสักครู่และเดินจูงมือกันไปที่รถ หลังจากที่พวกเรากลับมาถึงที่พัก พวกเราก็นั่งสนทนากันต่อในห้องรับแขก เรื่องราวหลากหลายถูกหยิบยกขึ้นมาเล่า คล้ายกับว่าจะให้ผมได้อยู่ในทุก ๆ สถานที่ และ ทุก ๆ ช่วงของเธอและเค้า

หลังจากที่เราคุยกันพอสมควรก็ ได้เวลาแยกย้ายกันไปนอน ผมเดินเข้าไปในห้อง แล้วล้มตัวลงบนเตียงด้วยทีท่าที่อ่อนแรงจากการเดินทางร่วม 20กว่า ชั่วโมง และเผลอหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย

ผมตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกอบอุ่น อ้อมแขนอันแข็งแกร่ง ไออุ่นจากอกชายหนุ่มที่คุ้นเคย กลิ่นหอมจากกายชายคนเดิมที่ผมเคยได้รับกลับมาอีกครั้ง ผมขยับตัวซุกลงไปเหมือนกับการร้องขอไออุ่นที่เพิ่มมากขึ้น เค้ากระชับวงแขนพร้อมกับยื่นหน้ามาจูบเบา ๆ ที่แก้มผมอย่างอ่อนโยน

ผม พลิกตัวกลับไปมองชายคนเดิมอีกครั้ง หน้าตา รูปร่างของเค้าอาจจะเปลี่ยนแปลงไปบ้างเล็กน้อย หากแต่ความรู้สึกและความรักที่มอบให้แก่กันไม่ได้เปลี่ยนไปเลย ดูจากสีหน้าและแววตาขี้อ้อนในตอนนี้สิ ....

ผมเริ่มรู้สึกร้อนและ เขินอีกครั้ง ก็จะเพราะอะไรซะอีกล่ะ ถ้าไม่ใช้สิ่งที่อยู่ใต้ผ้าห่ม มันทิ่มแทงจนแทบจะทะลักออกมาจากสิ่งที่คลอบคลุมมันเอาไว้ เสียงกระซิบอันแผ่วเบา สัมผัสอันอ่อนนุ่ม ร่างสองร่างที่กำลังจะผสานกันเป็นหนึ่งเดียว พร้อม ๆ กับใจสองใจที่เคยแยกจากกันและโหยหากันมานานแสนนาน บัดนี้ใจทั้งสองกลับมาหลอมละลายกลายเป็นหนึ่งใจเดียวกันอีกครั้ง และก็จะเป็นเช่นนั้นตลอดไป.......

จบบริบูรณ์

------------------------------

ขอบคุณคุณโยสำหรับบทสรุปของเรื่องราวทั้งหมดนะครับ

ขอบคุณ หนูเรย์ สำหรับที่วิ่งเล่น

ขอบคุณ เซ็งเป็ด ที่ทำให้เรารู้จักกัน

ขอบคุณ เพื่อนๆ สำหรับการติดตาม

ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ จบแล้วนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Pal ที่ 05-09-2008 18:28:14
 :laugh: ในที่สุดก็ได้อ่านบทอวสาน หลังจากที่อ่านค้างเติ่งที่บอร์ดปาล์มมานานโข แต่จบรวดรัดไปนิสนะครับ แบบว่าอยากให้ละเอียด ลึกซึ้ง นาน ๆ กว่านี้หน่อยอ่ะ  ยังไงก็ขอตอนพิเศษเฉพาะกิจคราวหน้าด้วยนะครับ o13
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ จบแล้วนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Benibear ที่ 08-09-2008 19:53:57
ขอบคุณนะจ้ะ ที่มาต่อให้จนจบ // ตอนแรกก็อ่านค้างๆอยู่อ่ะนะ // ก็อินมากอ่ะตอนที่อ่านติดๆกัน พอมาหลังๆ ก็ไม่ได้อ่านต่อ อารมณ์ขาดตอนเลย / พอคนโพสต์บอกว่าก็มีที่เป็นเรื่องจริง กะ เรื่องแต่ง เราก็เลยอ่านไประแวงไปอ่ะ // ไม่รู้อ่ะ แบบเหมือนบางทีก็ไม่มั่นใจว่าเรื่องไหนจริง // + + ยังไงก็จบแบบHappy ก็ดีอ่ะเนอะ
เป็นชีวิตจริงด้วยส่วนนึง ถ้าเรื่องจริงๆของคุณโยกะคุณบูม จบแบบนี้ก็ยินดีด้วยนะ รักกันให้ตลอดๆไปเลยนะจ้ะ // แต่ถ้าตรงข้าม (คนโพสต์บอกมีแต่งด้วยน่ะ) ก็ขอให้อย่าเสียใจนะ // ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ เราขอเป็นกะลังใจให้ทุกคนนะ // :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ จบแล้วนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: eoeo ที่ 13-09-2008 09:11:16
ขอบคุนคราบซึ้งมักๆ
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ จบแล้วนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: benxine ที่ 17-09-2008 09:04:19
ร้องไห้ ตอนจบ T^T  ....


ซึ้งใจดีจัง
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ จบแล้วนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: echisen ที่ 23-09-2008 01:00:06
ว้าวววววววววววววว ในที่สุดก้อลงเอยกัน ดีใจ ชอบๆๆๆ สนุกดี ฮาด้วย ตลกดี ทำให้เหงรักแท้เลย
สมชื่อเรื่องจริงๆๆๆ ชอบคร๊าบบบบ รออ่านเรื่องต่อไป + ตอนพิเศษอยู่คร๊าบบบบบบบ  o13 o13
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ จบแล้วนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 29-09-2008 00:18:56
ซึ้งกินใจมากมาย
ความรัก ไม่ว่าเวลาจะยาวนานแค่ไหน??? ถ้าเเค่เชื่อมั่นในสิ่งที่ตัดสินใจไว้
ผลลัพย์ของมันนั้นมีค่าเสมอ
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ จบแล้วนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 29-09-2008 19:07:54
ขอบคุณคนแต่ง ขอบคุณคนโพสต์ค่ะ  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ จบแล้วนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ISACBTMN ที่ 29-09-2008 21:34:46
ขอบคุณคนแต่งและคนโพสต์ครับ

สนุกและซึ้งแอบน้ำตาซึมด้วย ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ จบแล้วนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 06-10-2008 17:48:12
จบกับเขาแล้วครับเรื่องนี้
 :jul3: :jul3: :jul3: :jul3:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ จบแล้วนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: อิง ที่ 23-11-2008 22:32:05
เย้ ในที่สุดได้ก็อ่านบทสรุปของเรื่องแล้ว

ดีใจที่happy ค่ะ

อ่านไปยิ้มไปเลยทีเดียว ครอบครัวของโยและบูมน่ารักมากเลยค่ะ

ขอบคุณเจ้าของเรื่องและคนโพสต์เรื่องนะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ จบแล้วนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: maabbdo ที่ 23-12-2008 00:55:14
เย้ๆๆ  ดีใจจังที่เรื่องนี้จบอย่างมีความสุข

ขอให้รักกันตลอดไปน้า

 :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ จบแล้วนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: OhJa ที่ 15-01-2010 15:59:57
Happy Happy  :L2:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ จบแล้วนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ปลาทองสีชมพู ที่ 28-01-2010 02:25:46
ลงเอยกันด้วยดี
ผ่านอะไรมาเยอะขนาดนี้ ยังไง ความรักก็ไม่หายไปไหนแน่ๆ

ประทับใจ
 :L1:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ จบแล้วนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 03-08-2010 21:30:30
เรื่องราวดีๆมีให้อ่านกันครับ  เป็นกำลังใจให้กับคนเขียนนิยายคนเก่งนะครับ :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 06-12-2010 13:35:04
ขอบคุณไรเตอร์เหมือนกันค่ะที่เอาเรื่องดีๆมาให้อ่าน :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: minimonmon ที่ 06-02-2011 03:12:43
 :o8: รักแท้แม้เวลามิอาจพราก จริง ๆ สมกับชื่อเรื่องเลย o13

นี่สินะที่เค้าเรียกกันว่าคู่กันแล้วก็คงไม่แคล้วกันหรอก  o18

 :กอด1: ถึงจะมีอุปสรรคต่าง ๆ มากมายแค่ไหน แต่ก็พากันผ่านมาได้  :L1: รักแท้จริง ๆ  :really2:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: DeJavu~ ★ ที่ 10-05-2011 17:41:21
ขอบคุนนมากๆๆนะครับ

ที่มาแบ่งปั่นเรื่องราวดีๆๆและน่าประทับใน

คู่แล้วไม่แคล้วกันจริงๆๆ

ในที่สุดก้อพบรักแท้สักที

ขอให้ทั้งคู่รักกันนานๆๆนะครับ :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: GeTOuTNoW ที่ 02-06-2011 19:28:34
ขอบคุณครับ เล่าเรื่องประสบการณ์ดีๆ และมาต่อให้จบ ขอบคุณมากกกๆครับ :L2: สนุกมากกกกครับ
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: kamikame ที่ 21-02-2012 22:35:09
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวภาคต่อดี ๆ นะฮ๊าฟฟฟฟฟฟ
สนุกมากมาย ^^"
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: l6duh ที่ 12-06-2013 15:50:29
และแล้วก็ตามมาอ่านภาคสองจนจบ จบแบบสวยงาม ซึ้งสุด ๆ  :hao5:  :hao5:
คุณโยโชคดีที่มีเพื่อนที่ดีมาก แฟนที่ดีมาก และครอบครัวทั้งสองฝ่ายที่เข้าใจในความรักของคุณโยและคุณบูม
ขอบคุณมากนะครับที่ได้ถ่ายทอดออกมาให้อ่าน ซึ้งอ่ะ ^_________________________^
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: คนอ่าน ที่ 27-12-2014 21:21:44
สนุกมากเลยค่ะเราชอบมาก
อ่านตั้งแต่ภาคแรกจนถึงภาคนี้
ขอบคุณที่ถ่ายทอดเรื่องราวสนุกๆมาให้ได้อ่านกัน
ขอให้กันไปนานๆเลยน่ะคะ
ขอบคุณคนโพสด้วยคะ
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: matame ที่ 30-08-2015 22:30:10
อ่านแล้วชอบโยกับบูมมากเลย สนุกมากจริงๆ
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: top_fy ที่ 25-10-2015 15:02:34
ขอบคุณ ความรักเรื่องราวดีๆนะคับ ขอให้พี่ทั้ง2รักกันตราบนานเท่านานๆ นะคับ :katai3:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: GMT101 ที่ 25-06-2017 11:22:49
 :mew1:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 13-07-2017 16:53:59
  :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

:pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 13-04-2020 19:33:05
 :katai5:
เข้ามาอ่านอีกรอบ(ที่เท่าไหร่แล้ว55)

นิยายที่มีกลิ่นเล้าเป็ดเดิมๆ
..ได้แต่คิดถึง..

 :hao7:
หัวข้อ: Re: "คำว่ารักฯ Part II รักแท้แม้เวลามิอาจพราก by Yo เองครับ
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 15-04-2020 16:52:26
 :impress2: