พิมพ์หน้านี้ - [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 07-02-2007 08:18:26

หัวข้อ: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 07-02-2007 08:18:26
ขอบคุณนะครับที่อนุญาตให้รวบรวมเรื่องราวนี้ไว้ที่นี่เพราะอยากเพื่อนๆได้อ่านกัน
เห็นว่าเป็นเรื่องที่ดีและเป็นประสบการณ์ชีวิตที่เตือนใจได้ดี

ขอบคุณอีกครั้งนะครับที่นำเรื่องราวดีๆมาให้อ่าน
ติดตามประกาศเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆนะครับ
http://thaiboylovestory.ueuo.com/webboard/index.php?topic=459.0

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความที่ไม่เหมาะสมและเกิดความขัดแย้ง
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://thaiboylovestory.ueuo.com/webboard/index.php?topic=459.0







***************************************************

ต้นเหตุที่หัวใจ
ดีครับเป็นเรื่องแรกที่เขียนนะครับจริงมั่งโม้มั่งแบบนิยายอะครับ ขำๆครับ
บทที่1 รักคืออะไร
“มึงว่าไอ้หน้าขาวหล่อปะวะ” อีนังต้องเพื่อนรักถามผมที่กำลังกึ่มๆด้วยดีกรีของอัลกอฮอล์
“ไหนวะ มึง” ผมพยายามใช้สติที่กำลังจะเตลิดหรี่ตามองไอ้หน้าขาวที่เพื่อนผมมองอยู่ หน้าแบบนี้คุ้นมากครับไอ้คนนี้หละครับที่ทำให้ผมเสียใจเมื่อ 2 ปีก่อนจนผมต้องหนีหัวซุนมาจากบ้านนอก
“เหมือนนายแบบนะเว้ย เฮ้ยไอ้นี่ที่แสดงเป็นพระรองในทีวีไง ตัวจริงแม่งโครตหล่อเลยวะ” มันเขย่าผมเมื่อเห็นผมเฉยๆ
“เออ กูรู้แล้วว่ามันหล่อแล้วมึงจะได้กินมันปะที่มาเหล่มัน กูว่ากลับดีกว่า มึงกับมันหนะคนละชั้น มึงเข้าใจปะคนละชั้นหนะ” ผมย้ำให้มันเจ็บ ขณะที่เตือนตัวเองไปในตัว มึงเคยเจ็บเพราะมันมาแล้วนะโว้ย กับไอ้คำว่า รัก คำเนี้ยะ
“มึงเป็นไรวะอีเป้ ทำงานมากจนเม็นส์ไม่มาหรือไง หงุดหงิดจัง ไหนว่าจะมาจับผู้ชายกินทั้งผับไง อีนี่”
“เออ มีแต่น่ากินทั้งนั้นนี่ วันนี้กูปวดหัว กูกลับก่อนได้ปะวะมึง” ผมแกล้งฟุบกับโต๊ะเมื่อไอ้คนหน้าขาวพยายามมองมา ฮึ มันคงจำผมไม่ได้หรอก จากเด็กบ้านนอกหน้าตาซื่อๆตาแป๋ว ที่มันแกล้งจนร้องไห้ ซ้ำร้ายมันเองหละที่ประกาศลั่นมหาลัย ว่าผมเป็นตุ๊ดที่แอบรักมัน แล้วมันยังด่าผมอีก ว่าร่านผู้ชาย ผมผิดเหรอที่ไปแอบรักมัน ทำเพื่อมันหลายๆอย่าง รายงานเอย การบ้านเอย แม้กระทั่งข้อสอบผมก็ยังให้มันลอก และสุดท้ายผมก็ไปสารภาพรักกับมันก่อนวันที่จะจบปี 4 ไม่กี่วัน เชื่อไหมครับ มันหัวเราะเยาะผม ทั้งที่เมื่อก่อนนี้เคยแสนดีหนักหนา แถมโพนทะนาอีก ว่าผมร่านผู้ชาย กูเนี่ยนะมึง แค่รักมึงคนเดียว มึงยังว่ากูร่านผู้ชาย วันต่อมาครับมันไม่พูดกับผม แถมเพื่อนกลุ่มมันเวลาผมเดินผ่านมักพ่นคำแสบๆให้ผมได้ยินประจำ “เฮ้ย ทางนี้ห้ามตุ๊ดผ่านวะ” ผมทนในสภาพที่ไม่มองหน้ากันระหว่างผมกับมันรวมทั้งเพื่อนมัน ดีที่ไม่กี่วันจะจบแล้วผมถ้าอยู่ที่นี่คงเจอกับมันอีกแถมบ้านมันกับบ้านผมก็ไม่ไกลกัน ทางที่ดีผมไม่ขอเจอมันดีกว่า เจ็บครั้งเดียว แล้วอยู่ให้เหมือนตายจากกันจะดีกว่า แล้วผมก็เข้ามาทำงานที่กรุงเทพโดยไม่คิดแม้แต่จะบอกมันแม้แต่คำเดียว
“อีเป้ อีนี่เมานะมึง ไหวปะเฮ้ย กลับบ้านปะเดี๋ยวกูไปส่ง”
“ไม่ต้องเลยมึง กูกลับเอง แค่นี้เองไม่ตาย กูอยากให้มึงสนุกต่อวะ มึงนานๆมาทีไม่ต้องห่วงกู ว่าแต่กูไปแล้ว มึงดูแลตัวเองดีๆนะเว้ย กูว่าไอ้เสื้อดำโต๊ะโน้นมันเล็งมึงมานาน”
ผมเดินเซมากูเตะออกจากผับแห่งนั้นยังไม่ทันถึงประตูทางออกผมก็ชนกับผู้ชายคนหนึ่งครับแว่บๆแรกผมก็ว่ามันหล่อดี ผมก็ดันไปขอโทษมัน พร้อมกับเงยหน้ามองจากที่แรกชนเห็นแว่บๆว่าหล่อ ไอ้หน้าขาวนี่เองครับที่ผมเซไปชนมัน อะไรวะ ว่าอุตส่าห์อ้อมออกทางที่ไม่เฉียดโต๊ะมันแล้วนะ วูบหนึ่งผมเห็นแววตาดีใจระคนยินดีแต่ก็วูบเดียวหละครับ
“นึกว่าใคร นอกจากร่านผู้ชายแล้วยังซุ่มซ่ามอีกไม่เคยคิดจะเปลี่ยนตัวเองมั่งเลยหรือไงหือมึงอะอีตุ๊ด”
เดี๋ยวมาต่อนะครับขอความสุขสวัสดีจงมีแด่ผู้อ่านที่รักทุกคนคับ


“ทำตัวเป็นผู้ชายเลยนะมึงอีตุ๊ด แต่ยังงัยกูก็จำมึงได้”มันตะโกนใส่หน้าผมเพราะเพลงที่เปิดอยู่เสียงดังมาก
“กูไม่รู้จักมึง”ผมตะโกนใส่หน้ามันบ้างพลางสะบัดมือออกผลักประตูออกมาตอนนี้เริ่มสร่างหละครับ แต่มันยังเดินเซตามผมมาอีก
“มึงจะไปไหน” มันทำท่าจะตามมาประชิดผมอีก แต่ผมก็ไวกว่าครับเพราะว่ามันยังเมาอยู่
“ถ้ามึงตามกูอีกนะ มีเรื่องกะกูแน่ กูไม่เคยรู้จักกับมึง”เจ็บกับการที่ต้องโกหกตัวเองครับ ความจริงยังไงๆผมก็ยังรักมัน แต่ไอ้หน้าขาวมันดันโผเข้ามากระชากคอเสื้อผมครับ
“อีตุ๊ด มึงอย่าคิดนะว่ากูจำมึงไม่ได้ ไม่ว่านานแค่ไหนมึงก็ยังร่านผู้ชายอยู่ กูดูตามึงก็รู้” หน้ามันชิดกับผมมากจนได้กลิ่นเหล้าของกันและกัน แต่ตอนนั้นผมโกรธมากครับ แต่ก่อนผมอาจจะแสดงออกบ้างแต่กาลเวลาและสังคมทำให้ผมเปลี่ยนไปท่าทางมือไม้ที่เคยกรีดกรายเสียงที่เคยพูดสะบัดๆดูเปลี่ยนไปไม่ผิดกับผู้ชายธรรมดาๆคนหนึ่งถ้าไม่สนิทกันมากหรือไม่รู้จักกันนานๆก็ดูแทบไม่ออกเลยว่า...ผมเป็น มันจ้องหน้าผมแววตากวนๆของมันหาเรื่องเหมือนเดิม
“ปล่อยกู”
“มึงจะทำไมกูถ้า กูไม่ปล่อย” ไม่มีคำตอบจากผมครับ นอกจาก กำปั้นที่ผมตะบันหน้ามันอย่างแรงจนมันปล่อยคอเสื้อผมและเซออกไป ผมก็ไม่รอดูผลงานหรอกครับ ตัวมันโตกว่าผมมาก แต่ตอนนั้นมันโกรธมากจริงๆผมเปิดประตูแท็กซี่พลางบอกจุดหมาย ดูเหมือนพี่เขาจะเห็นเหตุการณ์พาผมออกมาจากตรงนั้น นั่งรถมาก็คิดถึงเวลาเก่าๆ
น้ำตาผมไหลรินออกมา
เดี๋ยวมาต่อให้นะครับขอความสุขสวัสดีมีแด่ผู้อ่านทุกคนครับ...อีเรียม

“เฮ้ย เป้ รอเราด้วยดิหน้าขาวๆวิ่งมาหาผมพร้อมกับรอยยิ้ม ทำการบ้านยังอะ เราทำเคมีไม่ได้เลยอะ ขอลอกได้ปะ”
ไอ้หน้าขาวหละครับมันวิ่งผมตั้งในชุดนักเรียนม.ต้นมาหาผม ยิ้มตาหยี
ความจริงเราสองคนรู้จักกันมานานหละครับ เรียนที่เดียวกันมาตั้งแต่อนุบาลหละ แต่ว่าเราไม่สนิทมาก เห็นหน้ากันทุกวันเล่นกับเพื่อนคนละกลุ่มแล้วไอ้ผมมันก็ชอบเล่นกับพวกผู้หญิงแถมหน้าตาก็ยังน่ารักกว่าผู้หญิงที่เล่นด้วยซะอีก แก้มใสไว้ผมยาว น่ารักมีคนมาอุ้มเล่นทั้งวัน แล้ววันแรกที่เรารู้จักกันก็ตอน 6 ขวบ ไอ้หน้าขาวร้องไห้ตามแม่ ที่มาส่งโรงเรียนวันแรก แต่ผมเข้าเรียนมานานก่อนมันจะย้ายมาซะอีก ผมก็เดินต้วมเตี้ยมๆไปหามันที่มันร้องไห้แงๆอยู่ ผมเอานิ้มจิ้มแก้มมัน
“ร้องไห้แงๆเดี๋ยวแม่ไม่มายับนะ”
ไอ้หน้าขาวตัวเล็กๆดูเหมือนว่าจะตัวโตกว่าผมนิดหน่อย ก็มันเกิดก่อนผมตั้ง 6 เดือนนี่นา มองผม พูดสะอื้นตัวโยน
“คิดถึงแม่”
“โอ๋ๆๆๆ อย่าย้องนะ”ผมดึงมันมากอดตอนนั้นผมพูด ร.เรือไม่ชัด จนขึ้นป1.ถึงได้พูดชัดขึ้น (อันนี้แม่บอก)
“ต๊าย น้องเป้ดูดิรู้จักปลอบเพื่อนด้วย น่ารักจัง” อาจารย์พี่เลี้ยงพูดเสียงดังที่เห็นผมกอดไอ้หน้าขาวตัวกลม
“เราไม่ร้องไห้ พ่อบอกว่า ไม่ให้ร้องไห้ต่อหน้าผู้หญิง”
ไอ้หน้าขาวพูดเสียงสั่น ส่วนผมนะเหรอครับยิ้มอย่างเดียวหละครับเพราะว่าไม่รู้เรื่องอะครับ
จากนั้นไอ้หน้าขาวก็ติดผมแจครับ แถมหวงผมไม่ให้เล่นกับเด็กผู้ชายอีกบางครั้งขนาดเด็กผู้หญิงมันยังหวง แต่ความลับมันไม่มีในโลกครับ 10 วันต่อมามันก็รู้ครับว่าผมป็นผู้ชายเพราะผมชนะวาดรูประดับอนุบาล ต้องรับโล่ห์
รางวัลชนะเลิศจากท่านอาจารย์ใหญ่ จะต้องมีการประกาศชื่อด้วย มันมองผมเขม็งตอนที่ประกาศว่าเด็กชาย.......
ตอนนั้นครอบครัวเราเริ่มรู้จักกันและไปหาหาสู่กันหละครับเพราะบ้านใกล้ๆกัน แต่ไอ้หน้าขาวนี่สิครับ มันหลบผม แบบไม่ค่อยกล้าพูดคุยด้วยเท่าไร ทั้งที่เมื่อก่อนมันจะมาพูดกับผมเอาใจผม ตอนเช้าจะมีขนมมาฝาก ถ้ามีใครมารังแกผม ไอ้หน้าขาวนี่หละครับที่กระโดดเข้าไปจัดการให้ ทำให้มันมีเรื่องชกต่อยกับเด็กคนอื่นเพราะผมค่อนข้างเยอะเหมือนกันแล้วมันก็จะเรียกผมว่าน้องเป้ๆทุกวัน ตอนหลังๆมันไม่ค่อยพูดกับผมครับ
แต่ก็ยังมองอยู่ห่างๆตอนนั้นผมยังเด็กเลยไม่ได้สนใจมากครับใครมาเล่นด้วยก็เล่นแล้วอีกอย่างคุณครู และผู้ใหญ่ที่มาโรงเรียนก็เอ็นดูผมเยอะครับ มีของฝากมาให้ทุกวัน แถมวันอาทิตย์ครอบครัวผมต้องไปกินข้าวบ้านมันส่วนวันเสาร์ครอบครัวมันจะมากินข้าวบ้านผม ทำให้ความสัมพันธ์ของครอบครับเราแน่นแฟ้น แต่ความสัมพันธ์ของผมกับมันสิครับเท่าเดิมครับคือจะว่าห่างก็ไม่ห่าง จะชิดใกล้ก็ไม่ใช่ ตอนที่มันยังไม่รู้ว่าผมเป็นผู้ชายมันยังสนิทกันมากกว่านี้ครับ ตอนนั้นผมก็ยังพูดจ๊ะจ๋าไปตามเรื่องหละไม่ได้พูดครับพูดผมกับใคร ตัวอย่าง ถ้าผู้ใหญ่เข้ามาถามว่า “ชื่ออะไรจ๊ะ” ผมก็จะตอบว่า
“ชื่อน้องเป้จ้า” ตอนนั้นยังไม่รู้จักคำว่าครับว่าผมหรอกเลยหลอกไอ้หน้าขาวได้หลายวัน 5555
เดี๋ยวมาต่อให้นะครับขอความสุขสวัสดีมีแด่ผู้อ่านทุกคนครับ....อีเรียม


หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 07-02-2007 08:33:13


กรีดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด


นักเขียนคนโปรดของผมเลยอะบลู


ดีใจจังที่บลูเอามาลง  ชื่นใจจริงๆ  มิเสียแรงไม่ไปตามหานิยายที่ไหนอ่านอีกเลยนอกจากรออ่านในเวปนี้  อิอิ

ปล.  คนชื่อ เป้ มักจะหน้าตาน่ารักครับ  ผมชอบคนชื่อ เป้  อิอิ  :haun2:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: need_not2know ที่ 07-02-2007 10:37:04
เคยอ่านเรื่องนี้แล้ว มาให้กำลังใจและคอนเฟิร์มความสนุก :yeb:
(รุสึกพักนี้คอนเฟิร์มหลายเรื่องจิงกุ :try2:)
อ้างถึง
ปล.  คนชื่อ เป้ มักจะหน้าตาน่ารักครับ  ผมชอบคนชื่อ เป้  อิอิ
เห็นด้วยง่ะ กร๊ากกก :laugh:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: suregirl ที่ 07-02-2007 10:55:02
เรื่องเก่ายังอ่านไม่หมดเลย มีเรื่องใหม่อีกแล้วอะค่ะ แต่ก็จะตามอ่านให้ทันนะคะ  :yeb: :yeb:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: jammy ที่ 07-02-2007 11:53:38
น่าติดตามดีครับจะรออ่านนะครับ :monkeylaugh2:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: A GE ที่ 07-02-2007 20:15:31
ถึงจาเคยอ่านแล้ว  แต่ว่ามาทบทวนความหลังอีกทีดีกว่า :interest:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 07-02-2007 21:14:33
ขอบคุณเพื่อนๆที่ติดตามให้กำลังใจนักเขียนและคนโพสที่น่ารักอย่างป๋ม อิอิ
***************************************************
เสียงเพลงดังลั่น จังหวะมันระเบิด นังต้องเต้นโยกอยู่ข้างๆ แต่ผมสิเบื่อๆยังไงก็ไม่รู้ผมโยกตัวไปมาพลางสอดส่ายสายตามองไปทางโต๊ะตัวนั้นที่เคยเห็นไอ้หน้าขาวมานั่งกินกับเพื่อนๆ วันนี้กลายเป็นชะนีดง สี่ตัวที่เจ้าหล่อนทั้งเด้งทั้งส่ายอย่างไม่กลัวมดลูกจะหลุดออกมา ข้างๆโต๊ะนั้นก็เป็นกลุ่มเพื่อนที่เคยจีบผมทีเล่นทีจริงจนไม่รู้ว่ามันเป็นผู้ชายจริงๆหรือเปล่า มันยิ้มให้ผมแล้วยกแก้วชูมาทางผม และผมก็ยิ้มกลับไปให้ทางกลุ่มของมันกับเพื่อนๆของมันครับ
“แหม มาไม่ทันถึงสิบนาทีมีเหยื่อมาติดเบ็ดแล้ว วันนี้ท่าจะเฮง มีผู้ชายตกถึงท้อง มึงคิดเหมือนกูปะวะ”
นังต้องเอียงตัวมากระซิบกระซาบกับผมพลางเหล่ไปทางโต๊ะนั้นอย่างไม่เก็บอาการ
“กูว่าน่ากินทุกคนวะมึง ล่อมาเยอะๆนะมึงวันนี้กูจะมอมผู้ชายแล้วจับกินให้พุงกางเลย”
นังต้องบัญชาการมาทางตัวล่อ พลางชายตาชะเง้อไปทางโต๊ะนั้นจนผมอดขำไม่ได้
“มึงเหล่พวกนั้นจนตาจะเขแล้วหละมึง รักษาสุขภาพคอมั่งนะมึงเดี๋ยวมันจะเคล็ดซะก่อน หน้าตามึงเหมือนอดอยากทำท่าจะไปตระครุบกินเหมือนปอบ ระวังผู้ชายกลัวนะมึง เดี๋ยวเขาก็ว่ามึงเป็นอีหื่นหรอก”
ผมหยอกมันจนมันหันมาทำตาพองค้อนควับใส่ผมครับ
“เออ อีแสนดี อีกุลเกย์ อีงามพริ้ง อีดอก”
นังต้องกับผมพูดใส่กันกัดกันแรงๆตั้งแต่ไหนแต่ไรจนไม่มีใครถือสาใครหละครับแต่มันก็รู้เวลานะครับเพราะว่าสังคมของเราต่างคนก็มีเวลาไหนควรพูดยังงัยทำให้ผมกับมันคบกันมาอย่างสนิทใจตั้งแต่ผมเข้ามาในกรุงก็ได้นังต้องนี่หละครับเป็นเพื่อนแท้
“เฮ้ย มึงดูดิวะ อนาคตผัวกูมาอีกคนแล้ววะ คนนี้นัมเบอร์วันเว้ย มังล่อมาให้ได้นะโว้ยคนนี้กูชอบ”
ผมหันไปมองแล้วตัวชาเลยครับ ไอ้หน้าขาวครับ มันมาเที่ยวแถมมันยังเดินเข้ามายังโต๊ะผู้ชายกลุ่มแรกที่ทักทายผม ผมก็ไม่รู้ว่ามันไปรู้จักกันตั้งแต่ตอนไหน เพราะสองปีที่ผ่านมา ผมบอกตัวเองว่าจะต้องลืมมันให้ได้ เลยไม่ได้ติดตามข่าวคราวของมัน มันขึ้นช้างลงม้าที่ไหนไม่เคยได้ถาม กลับบ้านแม่ก็พูดให้ฟั งแต่ผมก็ไม่ได้สนใจ แม่ก็ได้พูดๆตามหลังผมทุกครั้งที่เดินหนี เมื่อได้ยินเรื่องของมัน
“เฮ้อ คนแสนงอน”
แม่พูดตามหลังผมที่เดินหน้าบึ้งออกไป
ผมมองไปทางโต๊ะนั้นอย่างอดที่จะไปมองมันไม่ได้ มันก็มองมาทางผมแน่นิ่ง และนานแววตาเราสองคนเหมือนถ่ายทอดอะไรบางอย่างแก่กันและกันจนนังต้องมาสะกิดผมนั่นแหละถึงได้ผละสายตาจากมันมามองแก้วตรงหน้า
“กูว่า กูอยากรู้จักคนนั้นจนทนไม่ไหวแล้วหวะ ทำไงดีวะอีนี่”
“มึงก็ทำหน้าด้านๆเข้าไปคุยดิ หน้ามึงหนากว่าคำว่า หน้าด้าน อยู่แล้วนี่”
ผมกัดมันครับ ไม่อยากให้มันไปทำความรู้จักกับคนในโต๊ะนั้น เพราะผมรู้จากสายตาเมื่อกี้แล้วว่ามันจำผมได้แน่ๆ สองปีที่ผ่านมาผมว่ามันหล่อขึ้นนะ ขนาดตัวผมเอง ยังว่าตัวเองเปลี่ยนไปจนแทบจะไม่เหลือคราบนักศักษาหน้าตาเซ่อซ่าอีกเลย
อีนังต้องครับมันลุกขึ้นตรงไปโต๊ะนั้นเลยครับทั้งที่มันไม่รู้จักใครสักคน เออ อีนี่ ช่างกล้าดีแท้ๆ แถมมันยังชนแก้วกับทุกคนพลางคุยแล้วหัวเราะยังกะสนิทกันมาสักสิบปี ทำให้ผมอารมณ์หงุดหงิดแถมไอ้หน้าขาวยังชนแก้วกับอีนังเพื่อนผมซะถี่ยิบขาดนั้นแถมพูดคุยกันกระซิกๆทำให้ผมเดือดได้เหมือนกัน ขนาดว่าจะไม่สนใจมันแล้วเชียว แต่มันก็...นะ หรือว่าผมหึงมันหว่า...
ผมพยายามนับหนึ่งตั้งใจจะนับให้ถึงล้านครับไม่มองไปทางมัน
“อีนังเป้ มันด่ามึงนะ มันเกลียดมึง ท่องเอาไว้” ผมบอกตัวเองในใจพลางหลับตาไม่รับรู้
“มาคนเดียวเหรอครับ นั่งเงียบเลย ผมนั่งคุยด้วยได้ปะครับ” เสียงนุ่มปลุกผมให้เปิดตาขึ้นมาครับ เบื้องหน้าคือชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันกับผมหน้าใส ริมฝีปากชมพู ผิวขาวมานั่งใกล้ จนได้รับรู้ถึงสัมผัสความใกล้ชิด ผมยิ้มให้ตามความเคยชิน
“มากับเพื่อนหนะครับ แต่เพื่อนไปทักทายเพื่อนโต๊ะโน้นครับ” ผมหันไปมองทางด้านโน้นเห็นนังต้องกระแซะไอ้หน้าขาวซะชิดขนาดนั้น จึงต้องรีบหันกลับมาไม่อยากเห็นภาพบาดตา แต่ผมก็เห็นนะครับว่าไอ้หน้าขาวมองผมตาเขม็งเหมือนกัน

*************

ผมยิ้มให้กับชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้ชักแน่ใจแล้วหละครับว่าเขาคือชาวเราแน่นอนและที่สำคัญเฟอร์นิเจอร์ที่คุณชายท่านบรรทุกมาส่อถึงฐานะ และความไฮโซของอีกฝ่ายได้ดี
เฮ้อ จะเจอกระเทยไฮโซอีกปะวะเนี่ย
คำว่ากระเทยไฮโซนี้ก็ได้มาจากนังต้องหละครับที่ อดีตเคยมีชายหนุ่มหน้าตาดีมาติดพันอยู่พักหนึ่ง แต่หนุ่มคนนั้นคุณหนูมากๆและสาวออกมาให้นังต้องเห็น จนมันต้องบัญญัติคำว่า กระเทยไฮโซ เป็นที่รู้กันระหว่างเราสองคน
ผมพยามจับผิดสุดฤทธิ์ครับ เพราะว่าถ้าเป็นกระเทยไฮโซจะได้ เบรกความสัมพันธ์แค่เพื่อนไม่สานต่อหรือทำให้เขาต้องเหวอไปอีกเพราะเดี๋ยวจะได้แม่บ้านที่แมนกว่าพ่อบ้านซะอีก แต่จนแล้วจนรอด ผมยังไม่เห็นคนตรงหน้าแตกสาวซักที แถมคุยสนุกด้วยสิ แต่คำว่าเทวดากับนังขี้ข้านี่สิ คำนี้สิทำให้ผมไม่ค่อยสนิทใจ ที่มีเพื่อนรวยๆสักที จะมีก็แต่นังต้องนี่หละครับ ที่บ้านรวยแต่ชอบทำตัวจน เลยทำให้คบกันได้สนิท แล้วพ่อแม่มันก็รักผมดี พอกับพ่อแม่ผมที่รักมันเหมือนกัน จำได้ว่าผมคุยกับหนุ่มไฮโซคนนี้นานมาก จนอีนังต้องแว่บมาที่โต๊ะนั่นแหละ
“อะ แฮ้ม ลืมเพื่อนฝูงไปเลยนะเป้”
นังต้องครับไม่ได้มาคนเดียวแถวยังพาคนหน้าขาวที่ทำหน้าหงิก มายืนข้างโต๊ะพลางส่งสายตาคมดุๆมาทางผม จนผมต้องหลบตาไปมองคนหน้าตี๋อีกคน
“เป้ รู้จักเพื่อนเราดิเพื่อนใหม่นะน่ารักมากเลย คนจังหวัดเดียวกับนายเลย นี่ไงยอด เป็นไงหล่อปะ” นังต้องหน้าระรื่น โธ่มึงจะฆ่ากูหรือไงวะพามันมาทำไม ผมเลยต้องยิ้มแต่มันคงเป็นยิ้มที่แหยๆนะครับ เพราะครานั้นที่ผมชกมันไปจนเซถลาไป ผมก็ไม่ได้เตรียมใจที่จะมาเจอมันถึงกับต้องพบปะพูดคุยกันอีก ผมรู้นิสัยมันดีครับว่ามันเป็นคนที่ไม่ยอมอะไรง่ายๆ แล้วนิสัยอย่างมัน ต้องเอาคืนอย่างแน่นอน
“สวัสดีครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับน้องเป้” ไอ้หน้าขาวมันเน้นหนักตรงคำว่าน้องเป้ แล้วยื่นมือมาทางผม
“ครับเช่นกันครับคุณยอด” ผมยื่นมือไปสัมผัสกับมือของมัน รู้สึกเจ็บเพราะแรงบีบจากมือใหญ่ที่บีบมือผมอย่างแรงแล้วคลายออก
“พี่บอยครับนี่เพื่อนเป้ครับชื่อต้อง แล้วนี่ก็เพื่อนต้องเขาชื่อยอดครับ”
ผมแนะนำทุกคนให้รู้จักกันโดยไม่สนสายตาดุๆของคนหน้าขาวที่อยู่ใกล้ๆทักทายกันไปกันมา สรุปแล้วนังต้องก็ดึงผมไปนั่งกับโต๊ะผู้ชายที่มันหมายปองอยู่ดี
“เฮ้ย วันนี้น้องเป้ให้เกียรติมาร่วมโต๊ะกับเรา เอ้า ชนแก้วครับ” พี่ชายครับหนึ่งในขาเที่ยวที่แวะเวียนมาที่โต๊ะผมเวลาไปเที่ยวเสมอเพราะว่าแกคิดว่าจะง่าย สุดท้ายเกือบโดนนังต้องมอม....
ช่วงหนึ่งครับที่ผมต้องเข้าห้องน้ำก็อย่างว่าหละครับที่ห้องน้ำวันศุกร์คนเที่ยวมันเยอะต้องรอคิวเป็นตับจะยืนฉี่ก็ไม่ชอบที่จะโดนบีบไหล่นวดต้นคอแบบว่ามันฉี่ไม่ออกจริงๆเลยรอห้องน้ำที่มันมีประตูมันจะได้โล่งใจหน่อยผมรอนานแล้วห้องยังไม่ว่างสักที จนสะดุ้งเมื่อมีเสียงแข็งๆอยู่ใกล้ตัว
“ข้างนอกนั่นมึงยังไม่พอใจอีกเหรอ ถึงมาอ่อยที่ห้องน้ำนี่อีก ยังร่านไม่เลิกนะมึง”
ผมจำสายตาดูถูกของมันได้ครับก่อนที่มันจะออกไปมันบีบคางผมแรงๆ เมื่อห้องน้ำว่างผมรีบแทรกตัวเข้าไปน้ำตามันไหลออกมา ทำไมต้องมาเจอกันอีกนะ....ไม่เข้าใจ


หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: jammy ที่ 07-02-2007 21:44:31
เริ่มสนุกเเล้วละซิเนี่ย555  ชักอยากอ่านตอนต่อไปเร็วๆซะละ  :impress2:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 08-02-2007 07:11:50
เข้ามาคอร์นเฟิร์มด้วยอีกคนว่าเรื่องนี้หนุกจริง  :yeb:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 08-02-2007 07:43:26


เอามาต่อด่วนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน

อิจฉาคนสวยจัง  มีคนมาจีบมากมายเลยอะ

เจ้สิ  ต้องเอาไฟลนติ่งเล่นแก้เซ็งตลอดเลย  :monkeycry2:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: ฿oomb@b@ ที่ 08-02-2007 08:04:16
อีกเรื่องล่ะ ชอบเหมือนกานโดน เอิ้กๆๆๆๆ :kikkik:
หนุกหนานแน่นอน มาแนวนี่อ่า เอิ้กๆๆ :haun6:
จะตามอ่านต่อน่ะครับ   :monkeylove2:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: suregirl ที่ 08-02-2007 10:55:50
ชอบด้วยคนนะจ๊ะ หนุก ๆๆๆ  :pigha2: :pigha2:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 08-02-2007 19:09:56
มันส์มากกกกกก  เรย์เข้าเล้าได้ยาง  มาต่อให้ไว ทวง ๆ  :kikkik:

สงสัยไอ้หน้าขาวจะชอบน้องเป้แฮะ  มาแนวรักแต่แอ๊บไว้ก่อนปะ อยากอ่านต่อสุด ๆ  :impress:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 08-02-2007 19:23:00
บทที่2 เพราะรัก
เดือนต่อมาครับผมก็ยุ่งมากขึ้นเนื่องจากมีลูกค้าเข้ามาติดต่องานมากขึ้น ผมซึ่งเป็นฝ่ายขายจะต้องออกพบลูกค้ามากขึ้น เพราะบริษัทที่ทำงานเน้นตลาดเชิงรุก ที่พนักงานขายจะต้องออกไปพบลูกค้า แถมเวลาที่จะเจอกับนังต้องก็ไม่ค่อยได้มี จนมันบ่นมาตามสายบ่อยๆ ว่าผมแอบ “มีผัว” ซ่อนไว้ แต่คนที่ผมจะเจอบ่อยในช่วงนี้คือ พี่บอยครับเพราะแกขยันโทรหาผมซะเหลือเกิน แล้วยังขยันมารับไปทานข้าวซึ่งผมก็ขยันปฏิเสธซะเหลือเกิน ก็มันไม่ค่อยว่างเหนื่อยมากๆแถมบางทีออกตะลอนๆพบลูกค้ากว่าจะตกลงนัดทำสัญญากันได้ต้องเหนื่อยกับการเกลี้ยกล่อมอยู่นานบางทีงานบางงานลูกค้าก็เน้นอีกหละ ว่าให้ผมเนี่ยตรวจงานให้เขาก่อน เออเน๊าะ ผมก็ไม่ได้อยู่ฝ่ายออกแบบซะหน่อย แต่ทำไมลูกค้าจุกจิกแบบนี้นะ จะไปบ่นก็ไม่ได้เฮ้อ...ไอ้เรื่องไปเที่ยวกลางคืนหนะเหรอครับ ลืมไปได้เลยกลับจากที่ทำงานก็เหนื่อยหละครับดีที่มีกำลังใจดี ก็คนที่ผมรักที่สุดในโลกสองคนไงครับขยันโทรมาให้ความห่วงใยเหลือเกิน ทุกวันผมจะต้องรับสายจากแม่บ้างพ่อบ้างตามประสา ลูกรัก หละครับบางทีก็บอกผ่านทางแม่เลยหละว่า
“แม่ปลุกน้องเป้ด้วยนะครับ ตีสามครึ่งเป้จะต่างจังหวัด”
แล้วคุณนายแสนดีของผมก็โทรมาปลุกตอนตี3ครึ่งตรงทีเดียวแถมจะโอ้เอ้ก็ไม่ได้ เพราะคุณนายแสนดีของผมเนี่ยเจ้าระเบียบครับตื่นต้องเป็นตื่น วันนี้คุณนายแสนดีก็โทรมา
“น้องเป้ต้องกลับบ้านนะลูกห้ามเบี้ยวเลยคราวนี้ แม่ไม่อยากเข้ากรุงเทพแล้วหละ คราวนี้วันหยุดติดกันตั้งหลายวัน แม่โทรถามน้องต้องแล้วว่า น้องเป้ว่าง ถ้าให้แม่ไปหาคราวนี้ แม่ไม่ไหวแล้วหละ หายใจไม่ออกอึดอัด เอ...หรือว่าแม่ จะให้น้องยอดแวะรับกลับมาพร้อมกัน จำพี่ยอดลูกคุณลุงผู้พิพากษาได้หรือเปล่ าน้องเป้ ที่จบมหาลัยพร้อมกันกับหนูไง ตอนนี้พี่เขาอยู่กรุงเทพ ให้เขารับกลับบ้านด้วยกันหละดีแล้ว หลายปีแล้วที่น้องเป้ไม่ได้เจอพี่เขาเลย กลับบ้านก็ไม่พร้อมกันซักที คราวนี้จะได้เจอกัน เดี๋ยวแม่จะโทรบอกพี่เขาใ ห้มารับหนูนะลูก ไม่ต้องขับรถมานะ มากับพี่เขานั่นหละ ประหยัดดี”คุณนายแสนดีของผมพูด แบบไม่ให้ผมแย้งเลยสักคำ แย่หละสิ ต้องกลับบ้านกับคนที่ไม่อยากเจอ ผมจะทำไงดี แกล้งหนีไปที่ไหนไกลๆสักที่ ปิดมือถือสักพัก ไอ้ทำหนะมันทำได้ครับแต่ผลที่เกิดขึ้นตามมาจะใหญ่ไปซะเปล่า คุณนายแสนดีแกยิ่งห่วงผมมากอยู่ เดี๋ยวแกจะไม่สบายใจเกิด เป็นอะไรขึ้นมา วันนั้นเลยเครียดทั้งวันครับ คิดไปคิดมานังต้องคงช่วยค้นหาทางออกให้ผมได้
“อีนี่ แอบผัวมาโทรหาเพื่อนได้แล้วสิ เป็นไงหย่ากันแล้วเหรอถึงโทรหาเพื่อนได้” นังต้องมันต่อว่าผมมาตามสาย
“กูกลุ้ม ดูดิคุณนายแสนดี จะให้คนที่กูไม่ชอบมารับกูกลับบ้าน แล้วกูก็ทำอะไรไม่ได้ด้วยขืนเลี่ยง อีกคุณนายแสนดีโกรธกูแน่ หาทางช่วยกูหน่อยดิ กูไม่อยากไปกับมัน”
“ถ้ามันเรื่องมากนัก มึงก็หลับตาจับมันทำผัวซะสิ เผื่อมึงจะรักมันขึ้นบ้าง ยังไงก็ผัวคนแรกนะเว้ย”
“อีนี่ คนกำลังกลุ้ม” ผมไม่มีอารมณ์ไปต่อปากต่อคำกับมันหรอกครับ เพราะนังต้องมันไม่ยอมแพ้จนผมต้องยอมเงียบให้มัน
“อย่าเครียดสิมึง มันไม่ฆ่ามึงหรอก เพื่อนบ้านกันนี่นา ดีออก ประหยัดเงินเติมน้ำมันตั้งเยอะ ถ้ามึงเกลียดมันมากเวลาเจอมัน มึงก็เฉยๆสิ จะได้ไม่ต้องยุ่งกับมันมาก”
“กูจะเลี่ยงไม่ได้ใช่ไหมเนี่ย”
“ถ้ากูไม่ติดว่าจะต้องไปกับป๋ากู ที่ญี่ปุ่นนะมึงกูจะไปเป็นเพื่อน งวดนี้มึงไปก่อนละกัน แม่มึงก็โทรมาหากูวันก่อนบอกว่าห่วงมึงที่ต้องขับรถไกลๆคนเดียว จะให้แกมาหามึงทุกเดือนมันไม่ไหวหรอก แกบอกจะให้ลูกชายเพื่อนบ้านมารับมึงนี่ หรือว่าคนนี้เป็นคนที่มึงเกลียด”
“เออ ไอ้ห่านี่แหละ ที่กูเกลียดมัน”
“ทำไมมันไม่เอามึงเหรอถึงแค้นขนาดนี้” นังต้องย้อนกลับมาทำเอาผมจุกไปเลย
“อีนี่ มันเป็นผู้ชาย มันไม่มาสนใจกูหรอก เจอหน้ากูแม่งกัดได้ทุกวัน ตั้งแต่เรียนแล้ว แถมเพื่อนมันทั้งกลุ่มปากหมาทุกคน”
“แล้วมันหล่อปะหละ”
“หน้าขาวๆ ยังกะหน้าลิง ไม่รู้สิกูไม่เคยเห็นมันหล่อ”
เออ มึงนะมึงทำตัวน่าสงสัย ไปบ้านมึงคราวหน้ากูจะไปเจอไอ้เพื่อนบ้านของมึง จะได้เคลียร์ เรื่องมึงกับมันซะ
มึงทำตัวแปลกนะมึงกับคนนี้ กูไม่เคยเห็นมึง จริงจังกับใครขนาดนี้ อีนี่ เกลียดมากระวังจะรักมากนะเว้ย”
นังต้องพูดแทงใจดำผม นังต้องมันไม่รู้หรอกว่าไอ้เพื่อนบ้านคนนี้เป็นคนเดียวที่มันกรี้ดในผับ แถมยังลากตัวมันมาแนะนำให้รู้จักกับผมซะอีก ถ้ามันรู้หละก็ มันคงกรี้ดใส่ผมอีกหลายตลบ โทษฐานที่รู้จักกัน
“เออ ยังงัยมึงจัดของเตรียมตัวได้แล้ว แล้วเพื่อนมึงจะมารับกี่โมง”
“มันไม่ใช่เพื่อนกู” ผมพูดกับมันเสียงแข็ง
“เออ ไอ้เพื่อนบ้านมึงหละ นัดกันกี่โมง”
“กูไม่รู้ แม่กูไม่บอกอะไรไว้”
“อีโง่ มึงก็เอาเบอร์โทรของมันโทรไปถามมันสิว่าจะมารับมึงกี่โมง”
“ก็กูไม่มีเบอร์มันนี่ อีคนฉลาด กูโทรถามคุณนายแสนดีแล้ว รู้มั้ยเจ้าหล่อนบอกว่า เดี๋ยวพี่เขาจะติดต่อเข้าไปเอง โว้ย..กูไม่อยากไปพร้อมกับมัน”


****************************

แล้วเช้าแห่งความเครียดก็มาถึง ผมก็รอครับ ตื่นตั้งแต่ตอนตี 3 บอกไม่ถูกว่าตื่นเต้นหรือเปล่า ที่ได้กลับบ้านกับไอ้คนหน้าขาว แต่มันก็นอนไม่หลับกังวลว่าเจอหน้ามันจะทำหน้ายังไงดี เอาแบบเข้มๆแมนๆอยากถามก็ตอบ หรือว่า จะทักมันก่อน แบบใสซื่อบริสุทธิ์ดี หรือว่าสวย เริ่ด เชิด หยิ่ง มองมันเหยียดๆ โอ้ยปวดหัว แปดโมงเช้าก็ยังไม่มา แถมคุณนายแสนดียังบอกมาตอนเช้าตรู่ว่า “เดี๋ยวพี่เขาก็แวะรับเองหละ” โอ้ย..จะบ้าตายจะมารับตอนไหนเนี่ยดูดิ สิบโมงยังไม่มีวี่แววจะมา จำได้ว่าเข้าห้องน้ำหลายรอบกว่าทุกวัน พยายามตัดความกังวลใจเรียกความเป็นตัวของตัวเองกลับคืนมา ใช่สิครับผมต้องหาอะไรทำ ก่อนที่จะเป็นบ้า นังต้องก็ไปญี่ปุ่น แล้วผมก็ทำอะไรแก้เครียด ตัดสินใจเดินเข้าร้านเสริมสวย เสริมหล่อซะเลย เอาแบบว่าเปลี่ยนลุคใ ห้หลุดโลกไปเลย ยิ่งเครียดๆอยู่
“พี่ทำทรงอะไรก็ได้นะครับ ให้มันหน้าแปลกๆไปเลย แล้วทำสีผมให้เจ็บๆไปเลยนะพี่มันเบื่อๆเครียดๆหนะพี่”
“อกหัก มาเหรอคะน้องเป้ ถึงได้คิดทำผมแบบหลุดโลกขนาดนั้น” พี่บุญดีช่างผมประจำตัวของ ผมคิดได้ยังไงเนี่ย
จะว่าไปก็ได้พี่บุญดีนี่หละครับ ที่ช่วยหายเครียด เพราะแกเป็นอะไรที่สาวแตกมากๆ แถมแกยังตัวอวบๆใหญ่ๆที่ชอบชมตัวเองว่าสวย โดยมีสโลแกนตามเครื่องสำอางยี่ห้อหนึ่ง เพราะแกมักจะพูดพร้อมกับทำหน้าตา ที่ทำให้ผมขำได้โดยตลอด “นี่แหละคะน้องเป้ คุณค่าที่พี่คู่ควร” แถมแกยังให้ผมเรียกแกว่า ดีดี้ อีก โอ้ย ตอนแรกก็ขำหลังๆมาก็ชินผมหลับตานั่งเครียดให้พี่ดีดี้แต่งหัวผม นานมากสามชั่วโมงกว่าหละมั้ง ตามแบบวิธีการของแก จนแกหันเก้าอี้ให้หน้าผมอยู่ตรงกระจกนั่นแหละเลยทำให้ผมคิดว่าไอ้ที่เห็นในกระจกนี่มันเราปะวะ มันหน้าแปลกๆ แถมสีผมจะว่าทองก็ไม่ทองจะว่าขาวก็ไม่ขาว จะน้ำตาลมันก็ไม่ใช่ แถมเซ็ตผมก็ทำให้ ผมนึกเสียใจตะหงิดๆ “แล้วจะกล้าเดินตามถนนหรือเปล่าวะเนี่ย อีเป้ เอ้ย..”
“โห พี่ดีดี้ อย่างงี้เป้จะกล้าเดินไปไหนเหรอพี่ แรงจังเลย ยังกะนกหัวขวาน แถมหัวหงอกอีก” ผมเอามือลูบทรงผมที่ถูกซอยและเซ็ตไว้อย่างดี อย่างเสียดายๆ
“อย่างนี้แหละค้า...ดีแล้ว ดูหน้าเด็กใสเชียวคะน้องเป้ ดูไปก็เหมือนเด็กสาวๆ17-18 น่ารักดีออกนะคะ”
“เป้ว่ามันสาวไปนะ แล้วต้องกลับบ้านนอกด้วย เดี๋ยวคนก็ล้อทั้งอำเภอหรอก” ผมพูดอย่างปลงๆด้วยความกังวล
“ไม่หรอกคะ อย่างนี้เหมาะกับน้องเป้แล้ว หน้าเด็กลงตั้งเยอะ พี่ยังอิจฉาน้องเป้เลย ว่าผิวดี หน้าใส ทรงผมทรงเดิมพี่ว่าน้องเป้เหมือนผู้หญิงกว่านี้อีก แต่ทรงนี้ดูดีกว่า แถมแปลกตาด้วย ใหม่ๆก็งี้หละคะ เดี๋ยวพอชินตาแล้ว ความมั่นใจจะกลับมาเอง เผลอๆอาจจะแรงกว่านี้อีกก็ได้”
ดูพี่ดีดี้แกพูดซะผมขยาด เพราะว่าผมคงทำอะไรที่แรงๆ ครั้งนี้ครั้งเดียวหละครับ เพราะถ้านังต้องเห็น มันคงกรี้ดใส่ผมแล้ว หาว่าผมอกหัก ประชดชีวิตแน่ๆเลย เฮ้อ.....
ผมกลับคอนโดครับหลังจากทำผมเสร็จ ร้องเพลงรอไอ้คนหน้าขาวมารับกลับบ้าน แต่ไอ้หน้าขาว มันจะเอาไงกับผมเนี่ย ตอนนี้ก็บ่ายสามเข้าไปแล้ว ยังไม่ติดต่อมาอีก รอจนไม่รู้จะรอยังงัยไหวแล้ว คนอุตส่าหืตื่นมากลางดึกมารอดูดิบ่ายแล้วยังไม่มา ขอให้จีดๆ เลยไอ้คนที่ให้คนอื่นรอเนี่ย ทีตัวมันหละเน้นนักหนาว่าไม่ชอบให้รอ พอทำกับคนอื่นหละ ปล่อยให้รอซะ..... ผมกำลังจะเข้าห้องน้ำครับเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
“ครับผม” ผมรับสายครับ
“ รีบเอาของลงมารอ อีก 5 นาทีจะถึงหน้าคอนโด อย่าให้ต้องรอให้เสียเวลานะ รู้ใช่มั้ยว่าไม่ชอบรอใคร”ห้วนและก็วางสายไป
ไอ้ผมก็ขนของฝากสัมภาระลงมาหน้าคอนโดเผื่อจะได้ง่ายๆหน่อยเวลามันมารับจะได้ออกเดินทางไม่เสียเวลา รู้สึกว่ามีคนมองหลายคนเหมือนกัน เพราะตอนเดินเข้ามา ยามก็ทักว่าแปลกไป ชักจะไม่มั่นใจแล้วสิว่า พี่ดีดี้แกทำอะไรกับ หน้าตา ทรงผม ของผมให้เป็นตัวประหลาดหรือเปล่าเนี่ย ตอนแต่งตัว ผมก็ว่า เสื้อผ้า หน้า ผม มันก็โอเคอยู่นะแม้มันจะแรงไปสักนิดก็ตาม …



หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 08-02-2007 19:28:03
หุหุ เรื่องนี้อ่านแล้ว สนุกดีนะ  :yeb:
ขออนุญาตผ่านละกัน  :seng2ped:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 08-02-2007 20:14:44
อิอิ  จะได้เจอกันแร้ววววว  น้องเป้ กับไอ้หน้าขาว  ท่าจะกัดกันมันส์ดี 
รออ่านตามเคย :yeb:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: jammy ที่ 08-02-2007 22:48:47
ง่ายังไม่จุใจเลยอะ นิดเดียวเองเหอๆ รอต่อไปก็ด้ายยยยย :haun2:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: ฿oomb@b@ ที่ 08-02-2007 23:37:45
อ่า ซะงั้น มาต่อไวๆน่ะคร้าบ :kikkik:
กะลังมันส์ เลย :yeb: :yeb:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 09-02-2007 08:55:14


เอามาลงจ่อเด๋วนี้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

อิจฉาคนสวยอะทำผมทรงอะไรก็สวยไปหมด  ถ้าเป็นเจ้ทำนะ.....ซวยไปหมด  :monkeycry2:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 09-02-2007 11:36:03
ทะเลาะกันรุนแรงขนาดนั้น

แล้วจะลงเอยกันยังไงหว่าเนี่ย

ตามอ่านครับ :yeb:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: FlukeHub ที่ 12-02-2007 19:19:22
โห

ท่าทางจะมันส์นะครับเรื่องนี้

ต่อด่วนๆ

เนื้อเรื่องแรงๆแบบนี้ผมชอบ
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: inimeg ที่ 12-02-2007 20:27:10
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

ชอบๆ นิยายพี่เป้ กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้มาเจอที่เล้า

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

เผลออกสาวไปเลย พี่เป้นะพี่เป้

5555 เป็นการทักทายปรกติของต๊อบกับ พี่เป้อ่า ไม่ต้องตกใจ อ่านจบแล้วอ่ะ มันส์มากๆ แทบจะร้องไห้ตามเลย ซึ้งจริงๆ ไม่บอกละ รู้แต่ว่า

ต้องตามอ่านให้ได้

ปัจฉิมลิขิต : ไม่ได้อ่านรีพลาย แต่ว่า พอย้อนกลับไปอ่าน อ้าว.... นี่อ่านมาหมดทุกคนแล้วรึ

555 ได้รับการยืนยันว่าสนุกจริงโดย หมึกหมด ทั้งนั้นเลย
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 13-02-2007 07:49:03
กระต๊อบบ้าไปแย้วอ่ะ  คิกคิก
*********************************
รถเก๋งป้ายแดงเลี้ยวเข้ามาตรงประตูทางเข้าผมมองเห็นมันแล้วครับ ไม่ว่ามันจะเป็นยังไ งมันยังตรึงอยู่ในใจผมตลอดมา โจทย์ที่เคยตั้งเอาไว้ว่า ผมจะเอาไงดี ทักมันก่อน หรือเฉยๆไม่พูดกับมันดี ผมยังให้คำตอบตัวเองไม่ได้เพราะว่ามันขับรถเลยตรงที่ผมรออยู่ไปนิดหนึ่งครับ อิอิ มันจำผมไม่ได้ ก็ทำสีผมซะแหวกตลาดขนาดนั้น แถมยังใส่แว่นดำไว้อีก มันโทรหาผมครับ
“ทำไมไม่ลงมาอีก เล่นตัว ไม่อยากจะรอนะเว้ย”
“มารอ นานแล้วขับรถเลยไปทำไม” มันถอยรถกลับมาพลางจ้องหน้าผมนิ่ง
“ขึ้นมาเร็วๆ สิ แม่ง..ลีลา” ผมหน้าบึ้ง เตรียมสวนกลับเหมือนกัน เพราะตอนเรียนผมก็ได้รางวัลชนะเลิศระดับจังหวัดในการโต้วาทีทุกปี เรื่องตีฝีปากผมว่าไม่เป็นรองใครเหมือนกัน แต่ตอนนี้ผมเลือกที่จะเฉยครับ ไม่อยากสนใจมัน แค่เปิดประตูด้านหลัง เอากระเป๋าวาง แล้วเปิดประตูมานั่งคู่มันด้านหน้า ไอ้หน้าขาวมันปรายตามามองผมนิดนึงแล้วออกรถ นั่งเงียบกันทั้งคู่ครับ มันก็ไม่คุยกับผม ผมก็ไม่คุยกับมัน ตาผมก็มองดูวิวริมทาง ตอนนั้นก็โกรธและน้อยใจมันหละครับ ไอ้หน้าขาวมันก็ชำเลืองมองผมบ้างเหมือนกัน แต่มันก็ไม่ได้พูดอะไร ครึ่งชั่วโมงที่นั่งรถมากับมันทำให้ผมอึดอัดเหมือนกับสักครึ่งปี เพราะไอ้หน้าข่วเปิดแค่แอร์ มันน่าจะเปิดเพลงหรืออะไรที่มันมีเสียงที่น่าจะคลายความอึดอัดลงได้บ้างแต่มันก็ไม่เปิด จนผมทนไม่ไหว
“น่าจะเปิดเพลงมั่งนะ จะได้มีอะไรฟัง” มันหันมามองผมนิดนึง
“ก็เปิดดิ ไม่ได้เป็นง่อยไม่ใช่เหรอ” ผมแทบจะเอาหมัดประเคนปากมันไปซักผลั๊วะ ตั้งแต่ตอนขึ้นรถแล้ว ปากมันช่างไม่สร้างสรรค์จริงๆ
ผมหยิบซีดีแผ่นนึงไม่ได้ดูหรอครับว่าเป็นของใคร ยัดใส่เข้าไปในเครื่องอย่างกระแทกกระทั้น อยากให้มันพังไปเลย
มีดวงใจหนึ่งดวง จะมอบให้เธอไว้ครอง เมื่อยามสองเราต้องห่างกัน........
โห ดูเพลงของมันดิ เก่าเชียว แต่ว่ามันก็ตรงกับความของผม รู้สึกที่ห่างไกลกันมาก และรู้สึกคิดถึงมันมาตลอด
แต่ดูท่าทางของมันสิ มันไม่เคยคิดถึงผมเลย นับตั้งแต่หลังจากวันที่...................................
วันที่ผมเปิดเผยความในใจ ให้มันรู้ เมื่อสองปีก่อนโน้น...... ผมลอบมองเสี้ยวหน้ามันที่กำลังขับรถ เสี้ยวหน้านี้ที่ผมแอบมองมันยามเผลอ ยามที่มันหัวเราะกับเพื่อนๆ ก็จะมีแต่ผมที่แอบมองมันอยู่ข้างเดียว ทั้งๆที่รู้ว่ามันมีน้องกิฟต์น้องผู้หญิงปีสอง เป็นแฟนอยู่แล้ว แต่ผมก็ยังอดมองมันไม่ได้ และผมบ้าที่จะไปสารภาพรักกับมัน ทั้งๆที่รู้.........
“พี่ยอด เป้ขอคุยกับพี่ยอดได้มั้ย ขอคุยส่วนตัวด้วยแป๊บนึง”ผมบอกกับมันในวันที่สอบเสร็จวันสุดท้ายขณะที่มันนั่งคุยกันเรื่องผู้หญิงกับกลุ่มเพื่อนปากหมาของมัน
“เฮ้ย จะบอกรักกันหรือไงวะ ตั้งแต่ปีหนึ่งยันปีสี่ยังไม่ลึกซึ้งพอหรือไงวะยอด”
ไอ้เพื่อนกลุ่มของไอ้หน้าขาวแซวมาตามลม แต่เราสองคนไม่ได้สนใจที่จะตอบ มันเดินตามผมมายังร่มไม้ที่ห่างไกลจากคนอื่นมากพอสมควร
“ครับ ว่าไงครับเป้” มันยิ้ม เมื่อผมยืนหันหลังแล้วหยุดนิ่ง เหมือนกำลังจะตัดสินใจ ที่จะพูดอะไรบางอย่าง ผมสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ เฮือกหนึ่ง
“พี่ยอดกับเป้ ก็รู้จักกันมาหลายปีแล้วตั้งแต่ตอนเด็กๆ อีกอย่างอย่างคงรู้แล้วหละว่า เป้ไม่ได้เป็นผู้ชายร้อยเปอร์เซ็นต์” มันนิ่งเงียบ คงจะงง ว่าผมต้องการสื่ออะไรกันแน่
“มาถึงวันนี้เป้รู้ดีว่าไม่ควรพูดออกมา แต่เป้ไม่อยากฝืนใจตัวเองอีก อย่างน้อยก็ได้ระบายออกมาบ้าง ดีกว่าที่จะปล่อยไว้อย่างนี้ เป้อยากบอกพี่ยอดมานานแล้ว ว่าเป้รักพี่ยอด ถึงแม้.............................................”
ผมยังพูดไม่จบครับไอ้หน้าขาวมันเดินออกไปทันที ผมยืนนิ่งพลางเหลียวมองกลับไป เห็นมันทำท่าเหมือนโกรธใครมาสักคน คงโกรธผมนี่หละครับ มันเดินไปหยิบหนังสือ ที่วางบนโต๊ะม้านั่งหินอ่อนก่อนเดินหนีไปอย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจเสียงเรียกของเพื่อนๆมันเลย...... ผมมองตามเงาหลังของมันไป รู้ดีว่า ผมคงโดนมันเกลียดแล้ว อย่างแน่นอน เกือบยี่สิบปีที่รู้จักกันมา มิตรภาพ รอยยิ้ม ความดีงามที่มีต่อกัน ถูกผมพังทลาย ลงภายในวันนี้เพียงแค่ไม่กี่นาที..........
เย็นวันนั้นผมไปหามันที่บ้านมันแต่มันหลบหน้าผม โดยไปดูหนังกับน้องกิฟต์ แน่หละ กระเทยออกสาวอย่างผมในตอนนั้น ผู้ชายที่ไหนจะมาสนใจ ดีเท่าไรแล้ว ที่มันไม่เอาเท้าถีบผมออกมา เพราะว่าไปแล้วมันมีหญิงแท้และชายเทียมสนใจตรึมๆ แต่นอกจากผมกับน้องกิฟต์แล้ว มันยังไม่เคยใส่ใจใคร แถมมันเกลียดกระเทยเข้ากระดูก
ผมรอมันในบ้านจนได้ยินเสียงรถเลี้ยวเข้าบ้านมา พอมันเห็นผมมันเดินหนีขึ้นห้องมันทันที
“พี่ยอด” ผมเรียกมัน จนมันชงัก
“ขอคุยด้วยได้มั้ย ครั้งสุดท้าย” ผมเน้นคำว่าครั้งสุดท้าย
มันเปิดประตูห้องของมัน พลางเดินเข้าไปก่อน ผมเดินตามเข้าไป และปิดประตู
“กูขอร้องได้ไหม มึงอย่าตามรังควาน กูเลย มึงก็รู้ กูมีแฟนแล้ว อีกอย่างกูเกลียดกระเทยร่านๆผู้ชาย แบบกระเทย อย่างมึงไง” มันมองผมด้วยสายตาหยามเหยียด ผมยืนนิ่งหน้าซีด เหมือนโลกถล่มทลายต่อหน้า จากคนที่ พูดพี่- พูดน้อง กลับกลายเป็นพูด มึง-กู น้ำตาผมไหลออกมา มันมองผมอย่างสมเพช
“ไม่ต้องมามารยาร้องไห้หรอก มึงรู้มั้ยเพื่อนกูล้อกูแค่ไหน ยิ่งมึงมาบอกรักกู กูยิ่งทุเรศ มึงกลับบ้านไปเลยไป อย่ามาให้กูเห็นหน้าอีก ถ้ามึงตามตอแยกูอีก มึงจะมาว่ากูร้ายไม่ได้”
ผมไม่ฟังต่อไปแล้ว ผู้ชายคนนี้ คือผู้ชายที่ผมรักหรือเปล่าเนี่ย ภาพข้างหน้าบนม่านน้ำตา คือผู้ชายที่จ้องหน้าผมด้วยแววตาที่เกลียดชัง แล้วผมจะอยู่ได้อย่างไร.....
ผมวิ่งออกมาจากบ้านหลังนั้นทั้งน้ำตา วิ่ง วิ่ง วิ่ง แต่น้ำตาก็ไม่หยุดไหลในหูทั้งสองข้าง มีแต่เสียงดังก้องๆ
ไม่ยอมหยุด กูเกลียดมึง กูเกลียดมึง.................
ผมวิ่งเตลิดออกมาจากบ้านไอ้หน้าขาว ด้วยน้ำตา แล้วตรงเข้าห้องนอนของผม ท่ามกลางความตกใจของพ่อกับแม่ เสียงเคาะประตูห้องรัว พร้อมเสียงแม่ผมลอดเข้ามา
“น้องเป้ เป็นอะไรหรือเปล่าลูก บอกแม่มา เปิดประตูสิลูก เปิดประตูให้แม่หน่อย” แม่ผมทุบประตูห้องพร้อมกับเสียงของพ่อผมที่เรียกให้เปิดปะตู
“แม่จ๋า พ่อจ๋าเป้ขออยู่คนเดียวก่อนนะแม่ เป้ไม่อยากเจอใคร เป้ไม่อยากเจอใคร” ผมตะโกนบอกแม่ทั้งที่ยังร้องไห้โฮๆ เสียงพ่อกับแม่ผมเงียบไป แต่ผมรู้หละครับว่าท่านทั้งสองอยู่หน้าห้องผมหละครับ ผมร้องไห้ ร้องจนแทบจะไม่มีน้ำตาไหล ยิ่งคิดถึงตอนที่ไอ้หน้าขาวมันด่าผมน้ำตาผมก็ไหลออกมาอีก..............
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: jammy ที่ 13-02-2007 10:02:22
โอยไมเรื่องมันเดินช้างี้อะไม่ทันใจเลย :serius2: รอตอนต่อไปอยู่นะครับ  :sad4:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: suregirl ที่ 13-02-2007 10:57:20
ต่ออย่างเร็ว เลย  :pigangry2:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: inimeg ที่ 13-02-2007 22:02:40
เง้อ.

อ่านกี่รอบก็สนุก.....

อยากเขียนได้หนุกๆ แล้วมีคนตามกรี๊ดให้แบบนี้มั่งจังเรยง่า.....

ว่าแต่ พี่เป้เคยแวะมาเล้าเป็ดเป่าหว่า... กลัวกรี๊ดแล้วพี่เป้ไม่เห็น
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 13-02-2007 23:40:20
น่าสงสาร

รู้ทั้งรู้แต่ก็ยังรัก  :monkeysad:

เวรกรรมของมนุษย์จริงๆ
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 14-02-2007 16:38:46
น่าสงสารเป้จัง.............ไปทนรักทำไมหนอ

แต่ก็เพราะรักอ่ะเนอะ........... :impress:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 14-02-2007 17:31:55
สุขสันต์วันวาเลนไทน์ ขอให้มีความสุขกับความรักมากๆนะครับทั้งคนเขียนและคนอ่าน

***********************************************************************

“น้องเป้ ออกกินข้าว มาเร็วลูก อย่าให้แม่เป็นห่วงมากกว่านี้เลยลูก” แม่ผมเคาะประตู พูดด้วยเสียงเครือๆ เหมือนจะร้องไห้ ผมปาดน้ำตาที่กำลังรินไหลออกมา แล้วเหลือบมองนาฬิกาบนโต๊ะหัวนอน เที่ยงคืนกว่าแล้ว นี่ ผมร้องไห้ มาตั้งแต่สามทุ่มกว่าเชียวหรือนี่
“เดี๋ยวน้องเป้ ล้างหน้าก่อนนะแม่” เมื่อผมเปิดประตูออกมาภาพที่ผมเห็นภาพแรก คือใบหน้าของแม่ ที่มีสีหน้ากลุ้มกังวลใจ นัยน์ตาของแม่มีน้ำตาคลออยู่ ถัดจากแม่ก็เป็นพ่อและพี่ชาย พี่สาวผม รวมถึงป้าพรพี่เลี้ยงของผม ทุกคนมองผมด้วยสายตาที่ห่วงใย ผมเข้าไปกราบที่อกแม่พลางสะอื้น
“แม่จ๋า ฮือๆๆ” ผมกอดแม่สะอื้นตัวโยน
“น้องเป้ แม่อยู่ตรงนี้แล้ว อย่าร้องลูกแม่ บอกแม่สิ ว่าหนูเป็นอะไร” แม่พูดด้วยน้ำตา
“เป้ บอกไม่ได้แม่ เป้อาย ทำไมมีแต่คนเกลียดเป้ เป้ทำผิดอะไร ฮือๆ”
“ไม่อยากบอกแม่ตอนนี้ใ ช่มั้ยลูก ไม่ต้องร้องนะลูก ยังไงน้องเป้ก็เป็นลูกของแม่ ถึงไม่มีใครรัก แต่พ่อกับแม่และพี่ๆของเป้ ก็รักเป้ ห่วงเป้ทุกคน ถ้าน้องเป้อยากร้อง ก็ร้ องตรงนี้ ร้องไห้กับแม่ ร้องให้พอ ต่อไปเราจะได้เข้มแข็งนะลูก” ผมกับแม่กอดกันร้องไห้ ตรงหน้าห้องนั่นเอง……..
วันต่อมาผมไม่ไปมหาลัยครับ สอบเสร็จแล้ว คงเหลือแค่ ขอทรานสคริปต์หลังจากที่ผลเกรดออกมาแล้วเพื่อจะได้นำไปประกอบเป็นหลักฐานในการสมัครงาน ซึ่งผมสมัครเอาไว้แล้วหลายที่ รวมทั้งที่กรุงเทพฯด้วย ถ้าหากโชคดีได้งานทำ ผมคงจะไป ไปให้พ้นๆ จากที่ ที่มีไอ้คนที่ทำร้ายจิตใจผมอยู่ หลังจากนั้นมาผมก็เหม่อลอย เซื่องซึม เหมือนคนที่ไม่มีชีวิตจิตใจ โดยมีแม่ และคนในครอบครัวผมมองดูห่างๆด้วยความเป็นห่วง แต่ทุกคนก็ไม่ได้ถามถึงสาเหตุ หรือมาซักไซร้ อะไรกับผมเลย ผมคิดอะไรเงียบๆ ของผมคนเดียว บางทีแอบร้องไห้ไม่ให้ใครเห็น โดยเฉพาะแม่ ที่ผมไม่อยากให้แกต้องมาคิด มาคอยเป็นห่วงผม แม่ดูซูบลงไปมาก ไม่รื่นเริง ไม่ค่อยยิ้มเหมือนก่อน อาทิตย์นั้นทั้งอาทิตย์ ครอบครัวผมก็อยู่ในบรรยากาศที่เงียบ ทุกคนคอยมองผม คอยปลอบประโลมผม ให้เวลา ในการรักษาแผลใจของผม อาทิตย์ต่อมา ผมทำใจได้มากขึ้น เริ่มยิ้มแย้มบ้าง ทานข้าวได้ ที่สำคัญผมได้ใช้ชีวิตอยู่ใกล้ชิดครอบครัว ทำให้ความเจ็บปวดจางลงไป แต่ใครจะรู้ ทุกครั้งจะมีภาพไอ้หน้าขาว ลอยเข้ามาหลอกหลอนผม ในช่วงยามค่ำคืนที่ผมต้องอยู่คนเดียว ตอนนั้นน้ำตาคือเพื่อนผมทุกค่ำคืน.......
เดือนต่อมาผมเริ่มมีความหวังเมื่อบริษัทแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านผมได้เรียกตัวผมเข้าไปสัมภาษณ์งาน และหนึ่งในผู้ที่ได้รับการคัดเลือกคือ...ไอ้หน้าขาว มันมารอสัมภาษณ์งานเกือบพร้อมกับผม แว่บเดียวที่ผมเห็นมัน แผลในใจที่ตกสะเก็ด กลับแตกปริออกมา ผมแอบร้องไห้ในห้องน้ำจนตาบวม ผมเจ็บ เหมือนใจจะขาด มันมากับน้องกิฟต์ ซึ่งมีญาติเป็นถึงระดับผู้บริหารในบริษัทนี้ ผมคิดว่าผมคงไม่เหมาะที่จะอยู่ที่นี่อีกต่อไป ผมทนไม่ไหวแน่ๆที่จะเจอคนที่ผมรักมาก และทำร้ายให้ผมเจ็บมากที่สุดเช่นกัน ผมตัดสินใจ สละสิทธิ์ เดินตาบวมออกมาจากห้องน้ำและสวนกับคนที่ผมไม่อยากเจอพอดี มันมองผมด้วยสายตาที่เกลียดชัง น้ำตาผมเริ่มปริ่ม ทำท่าจะไหลออกมา ผมฝืนยิ้มให้มัน
“ยังดีอยู่นี่ เห็นแม่บอกว่าไม่สบายมากมาเป็นเดือน ยังดีนะที่ไม่คิดสั้นเหมือนกระเทยโง่ๆ”
ผมไม่ตอบ ได้แต่หันหลังเดินลิ่วออกมา น้ำตาเจ้ากรรมดันไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่....... ผมกลับบ้านมาด้วยอาการเดิม แต่คราวนี้มันเริ่มจะชิน ไม่หนักเหมือนก่อน แม่ได้แต่มองดูผมห่างๆ และหมั่นมาดึงตัวผมไปกอดแล้วบอกว่า “เข้มแข็ง นะน้องเป้” ยอมรับว่าอาทิตย์นั้น ผมหมดกำลังใจ ท้อมาก จนไม่อยากมีชีวิตอยู่ ออกไปไหนก็เจอแต่ภาพเก่าๆ คนเก่าๆในสังคมต่างจังหวัดที่แคบๆ บางทีเจอเพื่อนไอ้หน้าขาว ที่เมื่อก่อนเคยทักทายพูดกันดี แต่มาตอนนี้สิ มันพาลเกลียดผมเหมือนเพื่อนมัน คำพูดที่เคยดี ตอนนี้ พ่นคำแสบๆมาให้ผมต้องช้ำลงมากกว่าที่เป็นอยู่…..
“น้องเป้ มีจดหมายมาสามฉบับนะลูก” แม่บอกผมในเย็นวันหนึ่ง ผมรับมาพลางแกะดู มันเป็นจดหมายเรียกตัวไปสัมภาษณ์งานและเรียกเข้าทำงานของบริษัทที่มีชื่อเสียงในกรุงเทพ ฯ ผมมานอนคิดและตัดสินใจที่จะไป ดีกว่าอยู่ที่นี่ แล้วช้ำลงทุกวันๆ ยิ่งบ้านผมกับไอ้หน้าขาวก็ใช่ว่าจะไกลกันมาก ผมต้องเจอมันแน่ๆ ครอบครัวผมไม่ได้ห้ามอะไร ทุกคนเหมือนรู้..อะไรบางอย่างที่เกิดขึ้นกับผม แม่กับพ่อเป็นห่วงผมมาก แต่ผมสัญญาว่า ผมจะเป็นคนใหม่ที่เข้มแข็ง กรุงเทพฯคือที่ ที่ผมจะขอไปพักรักษาแผลใจ ไม่นานผมคงลืมมันลงได้ ไอ้หน้าขาว...................

“เจ็บแค้นเคืองโกรธโทษฉันใย ฉันทำอะไรให้เธอเคืองขุ่น ปรักปรำฉันเป็นจำเลยของคุณ นี่หรือพ่อนักบุญ แท้จริงคุณคือคนบาป” เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของผมดังขึ้นมา ตอนนั้นผมใช้เสียงเรียกเข้าเสียงนี้ไว้เตือนใจผมเสมอๆ ผมเหลือบไปมองหน้าคนที่นั่งข้างๆในรถ แว่บหนึ่ง มันไม่สนใจอะไร ผมก็หรี่เสียงเพลงในรถลงนิดนึง
“ครับผมเป้พูดครับพี่ ครับอยู่บนรถครับนี่ พี่บอยอยู่ไหนครับเสียงอู้อี้ๆ ไม่สบายปะครับ” พี่บอยโทรมาครับผมก็คุยกับพี่บอยจุ๋งจิ๋งๆ ตามประสาพี่น้องหละครับ ไอ้ผมหนะคิดกับพี่เขาเหมือนพี่ แต่พี่บอยจะคิดเหมือนผม หรือเปล่าก็ไม่รู้ พวกคุณหนูไฮโซ นี่ดูลำบากพิลึก รู้สึกว่ารถจะเร่งความเร็วขึ้น ผมเหลือบตามองหน้าปัดเข็มชี้ที่ร้อยห้าสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง มันบ้าไปแล้วแน่ๆ ผมยังไม่อยากตายร่วมกับมัน ไม่อยากตามไปทะเลาะกับมันในเมืองผีอะครับ
“ขับรถช้าหน่อย จะรีบไปตายหรือไง”
“ทำไม กลัวจะไม่ได้อยู่อ่อยผู้ชายหรือยังไง”
“ไม่ได้กลัว ผู้ชายมีเยอะแล้วไม่ต้องอ่อย” สวนกลับมันไปมั่งผมไม่ยอมโดนมันว่าข้างเดียวแน่นอน
“เออ รู้มานานแล้วว่าร่าน ตุ๊ดยังไงก็คือตุ๊ด แร่ด” มันพูดเสียงห้วนๆ
“รู้ก็ดี จะได้ไม่ต้องยุ่งกันอีก คราวหน้าไม่จำเป็นก็อย่าเจอกันอีกเลย ต่างคนต่างอยู่ แล้วจะกรวดน้ำไปให้”
“ยังกับกูอยากเจอมึง ดูสารรูปสิ หัวแดง ยังกะกระเทยข้างถนน” มันโกรธจริงๆครับขึ้นมึงขึ้นกูกับผมเลยถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคง กรี้ด ใส่มัน แล้วร้องไห้ตาบวม วิ่งหนีไปแล้ว แต่ตอนนี้หนะเหรอ.....
“กูก็ไม่อยากเจอกับมึงเหมือนกัน”
“แล้วอีตัวไหนวะ ที่มันมาสารภาพรักกับกู แม่ง ขำวะ ไม่เจียม” มันหัวเราะเยาะผม มันเจ็บมากนะครับ ทำไมนะต้องเจอมันเชือดเฉือนตลอดเวลา มึงไม่รักกูมึงก็ปล่อยกูอยู่สงบๆไม่ได้เชียวหรือวะ
“ตอนนั้นกูโง่ไง เสือกไปเล่นหยอกกับหมา”
“มึงว่าใครเป็นหมาวะ ไอ้ห่า” มันเรียกผมจาก อีเป็นไอ้ ไปแล้วครับไอ้คนที่ผมรัก วินาทีนี้ผมเกลียดมันมากครับ
ผมเลือกที่จะเงียบไม่ตอบกับมัน ผมรำคาญ รถที่ผมนั่งมาก็แล่นสู่ตลาดในจังหวัดแห่งหนึ่งทางผ่านไปบ้านผม
“ไม่ต้องทำตาแดงๆให้กูสงสารหรอก หมั่นใส้”
“มึงจอดรถเลยนะ ไอ้ยอด อย่าคิดนะว่ากูจะเห็นมึงดีเหมือนเมื่อก่อน มึงรู้ไว้เลยว่ากูก็เกลียดมึง กูไม่เคยลืมว่ามึงเคยทำอะไรกูไว้ จอดรถ อย่าคิดนะว่ากูอยากไปกับมึง ไอ้ทุเรศ”ผมโวยขึ้นมาทันที ไอ้หน้าขาวมันก็จอดรถทันทีเหมือนกัน
“รีบลงไปเลย คิดเหรอว่า อยากไปรับมาด้วย ถ้าไม่ติดที่แม่เขาขอมา จ้างกูก็ไม่ไปรับ”
ผมรีบลงจากรถด้วยความโกรธ พลางลากกระเป๋าลงมาจากเบาะหลัง ไม่แม้แต่จะชายตามองมัน....
ผมหารถรับจ้างได้คันหนึ่งเพื่อไปสถานีขนส่ง นั่งรถไปน้ำตาก็ไหลไป ผมนั่งน้ำตาไหลมาเกือบตลอดทาง เจ็บกับคนที่ผมรักที่ทำร้ายผมซ้ำแล้วซ้ำเล่า โชคดีที่ ที่นั่งที่ที่นั่งข้างๆเป็นป้าแก่ๆขี้เซา ที่แกหลับไม่รู้เรื่องมาตลอดทาง
เมื่อรถถึงที่หมายผมก้าวลงจากรถ ตอนแรกว่าจะเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาก่อน แต่ผมต้องตกใจเมื่อต้องเจอหน้าขาวๆหยิ่งๆที่มองผมอย่าบึ้งตึงบริเวณประตูทางออกของรถ มันกระชากกระเป๋าออกจากมือผม แล้วลากแขนผมไปยังลานจอดรถที่มีรถมันจอดอยู่ ตอนแรกผมดีใจมากที่มันห่วงผม แต่มันมีสิทธิ์อะไรมาลากแขนผมไปแบบนี้ ผมก็ดิ้นพัลวัน
“ปล่อย”
“อย่าสะดิ้งให้มันมาก แม่เป็นห่วง รออยู่ที่บ้านกันหมดแล้ว”มันพูดตะคอกใส่หน้าผม
คำว่า แม่ผมรออยู่ ทำให้ผมหยุดดิ้นรนชั่วขณะ มองมันแน่นิ่ง
“อย่าเรื่องมาก อย่าลีลา กูรำคาญ ยิ่งเกลียดๆกระเทยท่ามากอยู่” เออไอ้หน้าขาว คราวนี้ทีของมึง อย่าให้ทีของกูมั่งนะมึง ผมรักมันมากครับ แต่ผมก็แค้นมันมาก เราสองคนนั่งเงียบมาตลอดทาง ไม่มีการคุยกัน หรือความสัมพันธ์ของผมกับมันจะสิ้นสุดลงแค่นี้ หัวใจผมเริ่มแกร่งขึ้น ภูมิคุ้มกันของผมคงมีแรงต้านทานขึ้นมาเยอะ ในที่สุดความอึดอัดและทรมานมันก็สิ้นสุดลง เมื่อผมเห็นคุณนายแสนดีของผมวิ่งมากอดที่ตัวผมพลางซักถามจนผมโอดขึ้นมาบ้าง
“แม่ น้องเป้หิวข้าว” นั่นหละครับ คุณนายแสนดี งจูงแขนผมเข้าบ้าน ทิ้งคนร่างสูง หน้าขาวๆ ที่หิ้วกระเป๋าตามมาไม่ห่างนัก
“เป็นไงมั่งน้องเป้ สวยขึ้นเยอะนะเรา แหมทำผมทำหน้าซะสวยจนจำไม่ได้” ไอ้พี่ปอครับพี่ชายคนโตของผมแซว
“เฮ้ย สาวมากเลยเหรอพี่ แล้วแบบนี้จะกล้าออกจากบ้านหรือเปล่าเนี่ย” ผมหน้าเสียเอามือลูบผมของตัวเองเบาๆ
“ยอดว่าไงหละ น้องเป้มันสาวปะ”พี่ป่านพี่สาวคนรองถามเอากับไอ้หน้าขาว ผมเห็นมันทำหน้าอึกอักนิดนึง
“ก็น่ารักดีนี่ครับพี่ป่าน” หัวใจผมไหววูบด้วยความยินดีแต่ทว่า..........
“แล้วเตรียมงานหมั้นไปถึงไหนแล้วหละ มะรืนนี้แล้วนี่...” ผมตัวชาวูบรู้สึกแปลบที่หัวใจ คราวหนึ่ง นี่หมายความว่า....ที่ทุกคนให้ผมกลับบ้านมาคราวนี้ เพื่อให้ผมได้ร่วมงานหมั้นของไอ้หน้าขาว หรือเนี่ย ผมมองหน้ามันแน่นิ่ง กลั้นสะอื้นไว้ในอก ข่มใจแสดงความยินดีกับมัน มันไม่รู้หรอกว่าภายใต้หน้าซีดๆ ที่มีน้ำใสๆรื้นๆอยู่ในดวงตาคู่นี้กำลังเจ็บปวด คงไม่มีแล้ว พี่ยอดในวัยเด็ก ที่คอยปกป้องน้องเป้อีกต่อไป ที่เหลือต่อจากนี้ไป ความสัมพันธ์ของเราสองคือคนไกลห่าง......
“เดี๋ยวเป้ขอตัวอาบน้ำแป๊บนะแม่” รู้สึกตัวครับว่าเสียงมันสั่นๆแต่ผมควบคุมมันไม่ได้อีกต่อไป ผมหันหลังเดินลิ่วเข้าห้องของตัวเอง ร้องไห้หรือนี่ เสียใจกับตัวเองที่อ่อนไหว จนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้แบบนี้ ทำไมนะผมต้องเจอเรื่องร้าย ในวันที่ผมกลับมาหาความอบอุ่นของที่แห่งนี้ เพื่อปลอบปะโลมให้ใจ ให้ยืนสู้ต่อไปแล้วทำไมผมต้องมาเจอ.........
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 14-02-2007 17:59:36
คงมีสักวันที่เป้กับยอดเข้าใจกันได้อีกครั้ง
น่าจะยังรักยังเป็นห่วงกันอยู่นา  ทำไมคนเรามันทิฐิเยอะกันขนาดนี้เนี่ย   :impress3:

รออ่านต่อน้า เรย์  :impress:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: jammy ที่ 14-02-2007 18:52:44
เหอๆ เป็นเราโดนขนาดนี้อะคงไม่เเม้เเต่จะพูดกับมันเเล้วละ ใครจะให้ไปกับมันหัวเด็ดตีนขาดไงก็ไม่ไปหรอก แม้แต่หน้าก็คงไม่มองเเล้วละขอบายยยยยยย  :yeb:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: FlukeHub ที่ 14-02-2007 22:17:11
เหอๆๆ

สงสารน้องเป้

ชักไม่ชอบยอดขึ้นมาตะหงิดๆๆ

ไม่ชอบผู้ชายแบบนี้เลยให้ตาย

แต่ตอนท้ายๆคงกลับมาตายรัง ...-*-

ทำให้นึกถึงโฆษณาน้ำปลา  เมียจ๋าผัวหิวข้าวอีกแล้ว

เหอๆๆ   ฮา
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 14-02-2007 23:36:43
ยอดนะยอด :3125:

โหดร้ายว่ะ สงสารคุณเป้ :monkeysad2:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: ฿oomb@b@ ที่ 15-02-2007 00:47:20
สงสารน้องเป้อ่า :impress:

เฮ้อ โลกช่างโหดร้ายเหลือเกิน :monkeysad2:

ไง กระเทย ไม่ใช่ คนหรืองัย  :pigangry2:

คิดแล้วแค้นแทนเลยน่ะเนี่ย :3125:

(ปล. เพื่อนกระเทยเยอะอ่าน่ะ เอิ้กๆๆ :kikkik:)
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 15-02-2007 13:43:28
ทนเพราะรัก.... :impress:

เพราะรักจึงทน....  :impress3:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 16-02-2007 07:29:14
กว่าคนจะรู้ใจตัวเอง บางครั้งก็สายเกินไป
********************************************************


หลังจากที่กินข้าวกับครอบครัวแล้ว ผมรีบปลีกตัวออกมาครับยิ่งครอบครัวไอ้หน้าขาวที่ตามมาสมทบในช่วงก่อนจะเช้ามันทำให้ครึกครื้นมากยิ่งขึ้น แถมตอนนี้ยังมีผู้หญิงที่ผมเกลียดมากที่สุดในโลกอย่าง น้องกิฟต์ .......ผมหละเซ็ง ไม่อยากเห็นไม่อยากให้ใจเจ็บอีกต่อไป แต่มันก็ยังต้องทนเห็นอยู่ดี ภาพของไอ้หน้าขาวที่ตระกองกอดน้องกิฟต์อย่างทนุถนอม ทำให้ผมเจ็บแปลบ ขึ้นมาอีกครั้ง น้ำตาผมพาลจะไหล ทั้งๆที่ตอนนั้น สองครอบครัวเริ่มจะเชื่อมสัมพันธ์กันผ่านทาง.....น้ำเมา ผมทนไม่ไหวจริงๆมันเจ็บที่หน้าอกแปลบๆจนผมต้องเอามือกุมไว้
ความรักที่ไม่ได้รับการแยแส รสชาติมันเจ็บแบบนี้นี่เอง ผมลุกขึ้นตรงไปยังแม่ผมทั้งๆที่น้ำตานองหน้า
“แม่จ๋า น้องเป้ปวดหัวมากๆ เดี๋ยวน้องเป้ขอนอนเลยนะแม่ ไม่ไหวแล้ว”
“เป็นอะไรมากหรือเปล่า หือ น้องเป้ ไหนให้แม่ดูหน่อยสิลูก” แม่ประคองแก้มของผมไว้ด้วยมือทั้งสองข้างจนน้ำตาผมไหลรินลงไปมือทั้งสองของแม่
“ตัวอุ่นๆหนะลูก ไปเดี๋ยวแม่จะพาไปนอน”แม่จ๋า แม่รู้ไหมว่า แม่ชวนน้องเป้กลับบ้านมา เพื่อให้ไอ้หน้าขาวทำลายหัวใจของลูกแม่แล้ว.......
ผมนอนร้องไห้ทั้งคืนครับคืนนั้น น้ำตาไม่รู้มันมาจากไหนมันไม่ยอมหยุดในสมองก็มีแต่ภาพที่ไอ้หน้าขาวที่ตระกองกอดกับน้องกิฟต์
“พี่ยอด น้องเป้รักพี่.....” ผมคร่ำครวญออกมาพลางซบหน้าลงบนหมอนที่เปียกชุ่มด้วยหยาดน้ำตา..........
ผมปวดหัวมากมันไม่มีเรี่ยวแรงที่จะลุกไปไหนอีกเลย ไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงที่จะลืมตาขึ้นมามองโลกสีครามใบสวยนี้อีก ทำไมมันไม่อยากทำอะไรเลย ผมพยายามที่จะเปิดเปลือกตาขึ้นมาด้วยความยากลำบาก เบื้องหน้าเท่าที่สายตาพร่ารางเลือน ที่ผมเห็นก็คือ ผู้หญิงคนหนึ่งที่ผมเผ้าไม่อยู่ในระเบียบนัก นัยน์ตาของเธอมีน้ำตาไหลออกมาเป็นสาย แววตาเหมือนผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่รักผมเสมอมา ไม่ว่าผมจะเป็นยังไง เลวร้ายยังไง ผู้หญิงคนนี้ คือคนที่คอยเคียงข้าง และปกป้องผมตลอดเวลา
“น้องเป้ ฟื้นแล้วหรือลูก หนูไม่สบายมากจ๊ะ ช็อคไปตั้งแต่เมื่อตอนดึก อย่าเพิ่งลุกนะลูก” แม่เอามือดันตัวผมลงบนที่นอนของโรงพยาบาล ผมกระพริบตาถี่ๆเพื่อให้หมอกพร่านั้นมันรางเลือน จนแม่ผมต้องเอาผ้าเช็ดหน้าเช็ดมันออกมา
“อย่าร้องไห้เลยนะน้องเป้ แม่อยู่ตรงนี้แล้ว ขวัญเอ้ย ขวัญมา ลูกน้อยของแม่ ”แม่ลูบหัวผมเบาๆ
“น้องเป้อยากกลับกรุงเทพได้มั้ยแม่ วันนี้เลย ไม่อยากอยู่ตรงนี้” ผมปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อายใคร
“เดี๋ยววันนี้แม่จะให้พี่ปอ ขับรถไปส่ง แล้วแม่จะไปอยู่กับน้องเป้สักพัก ไม่อยากให้อยู่คนเดียว แม่รักน้องเป้มาเลยรู้ไหมลูก” แม่ผมพูดน้ำตาไหลอาบทั้งสองแก้ม
“แม่จ๋า น้องเป้รักแม่” ผมร้องไห้โฮโผเข้ากอดแม่สะอื้นตัวโยน....................

หลังจากที่ผมฟื้นได้สติขึ้นมา พี่ปอก็ขับรถมาส่งผมกับแม่ ผมรู้สึกเหงาอย่างประหลาด ไอ้หน้าขาวจะหมั้นพรุ่งนี้ ไม่อยากรับรู้ความเจ็บปวดนี้ เมื่อก่อนผมเคยทำได้ไม่ใช่เหรอสองปีที่ผ่านมาผมไม่เคยที่จะเจอกับมันแม้แต่เงา....และการเจอที่ไม่คาดคิดก็ผับคืนที่เกิดเหตุวันนั้น... ทำให้ใจผมไหวแกว่งอีกครั้งหนึ่ง ขอเวลาให้เป้สักนิดนะแม่ ขอให้เป้เข้มแข็งกว่านี้อีกนิด ทีนี้ไม่ว่ากับใครเป้ก็จะไม่อ่อนไหวอีกแล้ว ผมเหลือบไปมองผู้หญิงวัยกลางคน ร่างบางๆที่หลับมาบนเบาะด้านหลัง...บอกกับตัวเอง น้องเป้จะเข้มแข็งแล้วนะแม่..... พรุ่งนี้แล้วสินะ วันที่ไอ้หน้าขาวจะเข้าพิธีหมั้น ผมยอมรับเลยว่าถ้าให้ผมอยู่ร่วมพิธีนั้น ผมคงต้องตายแน่ๆ ทางที่ดีผมต้องหนี หนีไปให้ไกล จะได้ไม่ต้องรับรู้ข่าวสารของกันและกันอีก แค่คิดมันทำไมถึงเจ็บได้ขนาดนี้ พรุ่งนี้เขาก็จะเป็นคนที่มีเจ้าของไปแล้ว ส่วนผมคงได้แต่อยู่ตามลำพัง แบบคนที่หัวใจสลาย.......
วันรุ่งขึ้นแม้จะเป็นวันหยุด ถึงผมจะอยู่ที่กรุงเทพแล้วก็ตาม แต่หัวใจของผม ลิ่วไปอยู่ที่ผู้ชายที่ผมรัก คนที่มีเจ้าของแล้ว ถึงแม้ตอนเด็กๆนั้น ไอ้หน้าขาวแม้มันจะรู้ว่าผมเป็นผู้ชาย ถึงมันไม่ได้เข้ามากีดกันเด็กผู้ชายคนอื่นหรือจีบผมเหมือนเมื่อก่อน แต่มันก็ตามดูแลผมอยู่ไม่ห่างนัก คอยปกป้อง คอยดูแล น้ำใจของมันมีมาให้ผมก็เยอะแยะ จนผมลืมไม่ลง สมัยก่อนต้องไปไหนด้วยกัน กินข้าวที่โรงอาหารด้วยกัน ไปดูหนังก็ไปด้วยกัน ถึงไม่ได้ไปสองต่อสองก็ตาม แต่ก็ยังต้องมีไอ้หน้าขาวติดตามไปด้วยทุกครั้ง แม้ว่าจะโดนล้อมาตั้งแต่ประถมว่าผมเป็นแฟนกับไอ้หน้าขาว แต่เราสองคนไม่เคยเถียง ปล่อยให้คนอื่นๆเข้าใจไปเอง บางทีมันคงรำคาญมั่งหรอก แต่ผมนี่สิมันไม่เป็นอย่างนั้น ผมกลับรักมันยิ่งขั้นทุกวันๆ แต่วันนี้สิมันเปลี่ยนไปแล้ว ไม่ใช่สิความจริงแล้วมันเปลี่ยนไปตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยปีสาม เมื่อมีน้องใหม่เข้า และน้องปีหนึ่งคนนั้นชื่อ......น้องกิฟต์
น้องกิฟต์เป็นน้องปีหนึ่งที่น่ารักมาก สะสวย เรียบร้อย ร่ำรวยจึงไม่แปลกเลยที่จะเป็นที่กล่าวขานทั่วมหาวิทยาลัย และที่สำคัญเธอเป็นเดือนมหาวิทยาลัยที่ส่องใส มีผู้ชายมากมายรุมล้อมและหนึ่งในนั้น.......ไอ้หน้าขาว


ช่วงที่ไอ้หน้าขาวหมั้นนั้นผมเหม่อลอย บางครั้งคิดจะฆ่าตัวเองด้วยซ้ำไป ครั้นพอเห็นหน้าแม่ ที่แกมาอยู่กับผม มาดูแลผม ผมทำไม่ลงครับ แม้ใจจะเจ็บปวดเพียงไรก็ตาม บางครั้งแม่ก็เอ่ยปากชื่นชมไอ้หน้าขาวพลางบ่นเสียดายที่ไม่ได้ร่วมในงานหมั้น ผมมีอาการทุกครั้งมันเจ็บจริงๆนะครับ เจ็บหัวใจเหมือนถูกใครบีบอย่างรู้สึกได้ จนต้องแอบเดินเลี่ยงออกมาร้องไห้ในห้องน้ำจนตาบวม เวลาสองสัปดาห์ที่แม่อยู่กับผมมันเป็นเวลาที่ทำให้ผมแกร่งโลกมากขึ้น ทำให้ผมรู้ว่าบนโลกใบนี้ในความโหดร้ายบางครั้งสิ่งที่ดีที่สุดมันอยู่ใกล้ๆตัวเรานี่เอง บางคนไขว่าคว้าหามาจากสิ่งที่ไกลตัวอย่างอยากลำบาก จนลืมนึกไปว่าสิ่งใกล้ๆตัวก็ทำให้เรามีความสุขได้เช่นเดียวกัน ช่วงเวลาที่แม่ผมมาอยู่นังต้องก็แวะมาอยู่เนืองๆ มันรู้อาการของผม รู้ว่าผมมีปัญหาแน่นอน แต่มันไม่พูดอะไรออกมา นอกจากที่มันไม่ซักไซ้ผมแล้วมันยังคอยปลอบประโลมผมด้วยซ้ำไป
“กูไม่รู้หรอกนะว่า มึงเปลี่ยนไปเพราะอะไร แต่กูอยากเห็นอีเป้คนเดิมวะ คนที่เคยสดใสร่าเริง มันไปอยู่ที่ไหนวะ กูรู้ ว่ามึงไม่อยากพูดถึงมันอีก แต่มึงจะมาทำตัวท้อแท้ ไม่ยอมลุกขึ้นมาสู้อย่างนี้ไม่ไหวแล้วนะโว้ย สงสารแม่มึงมั่ง
มึงไม่รู้หรอกว่าแม่มึงกลุ้มแค่ไหน บางทีกูเห็นแกแอบร้องไห้ จนกูทนไม่ไหวแล้วนะเป้ มึงไม่สงสารแม่มึงบ้างเหรอ” นังต้องพูดเสียงเครือพลางร้องไห้ออกมา
“ต้อง กูไม่อยากอยู่เลย กูทนอยู่ทุกวันนี้ เพราะกูไม่อยากให้แม่กูเสียใจ มึงรู้ไหม กูไม่อยากนอนหลับเลย แต่กูต้องฝืนใจหลับตา เพราะกูรู้ว่า ถ้ากูยังไม่นอน แม่กูก็ต้องคอยเฝ้ากูอยู่อย่างนั้น”
“แล้วมึงไม่คิดจะทำให้แม่มึงสบายใจมั่งเลยเหรอ เลิกท้อแท้เหอะเป้ เห็นแก่แม่มึงเหอะ พ่อแม่มึงหนะรักมึงมากนะ”
“กูจะพยายามต้อง” นังต้องมองหน้าผมแล้วยิ้ม
“กูรู้ว่ามึงต้องทำได้ อย่าลืมที่มึงเคยบอกกูไว้หละ อีเรียมไม่มีวันท้อแท้ วันนี้กูเอาคำพูดเดิมๆที่มึงเคยบอกกูมาพูดมั่ง อี่นี่ อกหักมันไม่ตายหรอกว่ะ”
“รู้ได้อย่างไรว่ากูอกหัก”
“อีนี่ ถ้ากูไม่เคยมีอาการแบบมึงกูจะรู้เรอะ สมัยที่กูยังไม่รู้จักกับมึงหนะ กูมีแฟนอยู่คนหนึ่ง รักกันมาตั้งแต่ ม.6 ก็คบกันเรื่อยมา จากนั้นเราก็สอบเข้ามหาวิทยาลัย คิดดูนะมึงกูเรียนรังสิต มันเรียนหนองจอก กูยังตะลอนๆไปหามันเกือบทุกวัน พอกูอยู่ปีสี่ครอบครัวกูเริ่มมีปัญหาทางการเงิน กูต้องดรอปเมาช่วยงานครอบครัว สรุปแล้วกูจบช้ากว่ามันปีนึงวะ ช่วงที่กูดรอปเรียนมาทุ่มเทช่วยงานที่บ้านเต็มที่ช่วงนี้หละที่มันเริ่มเปลี่ยนแปลง เป็นเพราะกูไม่มีเวลา หรือกูไม่เอาใจใส่มันก็ไม่รู้ มันแอบมีคนใหม่โดยที่กูไม่รู้ แล้วคนที่เป็นแฟนใหม่มันคือเพื่อนสนิทของกู ที่รวยกว่ากูตอนนั้นกูเป็นหนักยิ่งกว่ามึงซะอีก กูยิ่งกว่าคนบ้า อาละวาดมันทั้งสองคนอย่างบ้าคลั่ง ในที่สุด กูก็กินยาฆ่าตัวตาย แต่แม่กูมาเห็นพอดี เลยส่งโรงพยาบาลทัน ตอนนั้นหนะ กูก็ยังไม่เลิกคิดหรอกนะ ว่ากูจะทำยังไงที่จะฆ่าตัวเองให้ตาย แต่แม่กูสิ ทำให้กูเลิกคิด สภาพแม่กูตอนนั้น เหมือนแม่มึงตอนนี้ไม่มีผิด กูเห็นแล้วเลยถอดใจ ยอมสู้อีกครั้ง ไอ้ที่แล้วมาให้แล้วกันไป กูก็ทำตัวใหม่แม้กูจะเจ็บจะคิดมาก แต่กูต้องหักใจ เพราะกูรักแม่ แล้วมึงหละเป้ มึงไม่รักแม่มึงเลยหรือ”
“ต้องกูขอโทษ”
“โน่นเลย คนที่มึงควรขอโทษ และกราบตีนขอขมา โน่น แม่มึงโน่น”
ผมเดินเข้าไปหาแม่ ดูแม่จะแปลกใจนิดๆ ใบหน้าแม่หมองหม่น แววตาไม่แจ่มใส ปกติแม่จะดูดีกว่านี้มาก นี่ผมทำร้ายแม่สุดที่รักของผมขนาดนี้เลยหรือเนี่ย ผมเดินเข้าไปคุกเข่าตรงหน้าแม่ พลางมองหน้าแม่ แม่มองผมแล้วยิ้มให้ น้ำตาผมไหลริน... ดูแม่จะตกใจเล็กน้อยเมื่อผมก้มลงไปกราบแทบเท้าของแม่ น้ำตาผมหยดบนหลังเท้าของแม่ จนแม่ต้องประคองผมขึ้นมา
“แม่จ๋าน้องเป้ขอโทษ น้องเป้ทำให้แม่เสียใจ ทุกข์ใจ ต่อไปนี้จะไม่ทำอีกแล้ว แม่ยกโทษให้น้องเป้นะแม่”ผมร้องไห้ โผเข้ากอดแม่ โดยมีนังต้องยืนมองอยู่ไม่ไกลนัก
“แม่ก็รักน้องเป้มากจ๊ะ แม่ไม่อยากเห็นน้องเป้กลุ้มแบบนี้ ลูกของแม่เคยร่าเริง พอมาเป็นอย่างนี้แม่ทำตัวไม่ถูกเลยลูก”
“น้องเป้ จะเป็นคนที่เข้มแข็งไม่ขี้แยอีกแล้วหละแม่” ผมยิ้มให้กับแม่ที่อยู่ตรงหน้า
“จ้า.....อีคนสวย แหมพอยิ้มขึ้นมาหละขี้ตาเขรอะเลย ร้องไห้ก่อนนอนจะทำให้ขี้ตาเขรอะนะมึงจำไว้”ปากของอีนังเพื่อนผมแต่ผมไม่สนใจหละครับตอนนี้เพราะผมมีความสุขท่ามกลางคนที่ผมรักละยังรักผมมากตั้งสองคนแหนะครับ

หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 16-02-2007 07:45:50


เข้าใจๆ  เพื่อนเจ้มันก็เคยเป็น  เจ้เองก้เคยเป็น อิอิ  แล้วเจ้ก้แรดต่อมาได้จนถึงทุกวันนี้   :yeb:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 16-02-2007 08:01:47
และคนที่หวังดีที่สุด  ให้ความรักและความเอาใจใส่ตัวเรามากก่าใคร  ก็คงจาไม่พ้น  พ่อกะแม่นี่เองงง
ม่ายมีใครรักเราเท่านี้อีกแล้วอะ :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: jammy ที่ 16-02-2007 08:34:10
เฮ้อ เศร้า  :impress3:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: suregirl ที่ 16-02-2007 08:41:25
ดีแล้วหล่ะ ที่คิดได้ซะที พ่อแม่คือคนที่รักและห่วงใยเราที่สุดแล้ว  :monkeysad2:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 16-02-2007 09:11:05
ก็ไม่รู้หรอกนะครับ ว่าเวลาอกหักแล้วมันจะเจ็บยังไง

เคยได้ยินแต่เพื่อนเล่าให้ฟังว่า "เจ็บเจียนตาย"

ดีแล้วล่ะครับ ที่อย่างน้อยๆก็คิดถึงคนที่เค้ารักเราทั้งชีวิต  :impress3:

เป็นกำลังใจให้นะครับ
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: しろやま としんや ที่ 16-02-2007 16:59:34
ชอบมากเลยเรื่องนี้หลากหลายอารมณ์ดี
กว่าจะอ่านจบก็ลุ้นแทบแย่ว่าจะลงเอยยังไง
ชอบเรื่องที่คุณเป้แต่งทุกเรื่องเลย สนุกๆทั้งนั้น
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 16-02-2007 17:28:37
มีคนที่รักอยู่รอบข้างมากมาย.... :impress3:

คนพวกนี้แหละคับที่จะเป็นกำลังใจหั้ยเราเดินต่อไป.... :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: ฿oomb@b@ ที่ 16-02-2007 21:54:37
เฮ้อ ในที่สุดก็เจอทางสว่าง สะที นี่แหละของดีมักอยู่ใกล็มือ แต่ไม่คว้า ไปคว้าของไกลตัว :monkeysad2:

เข้มแข็งไว ๆ น่ะ น้องเป้ (หรือ พี่เป้ หว่า) :yeb:

ชอบจังเลยเรื่องนี้อ่า แบบว่าโดนมักมากกกก :monkeylove2:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 16-02-2007 22:09:18
อยากรู้ไหมครับว่าเจ็บเจียนตายเป็นอย่างไร
ลองมีความรักดูสักครั้งสิครับ มันปวดไปที่ขั้วหัวใจจริงๆ

***********************************************

ผมเริ่มทำใจได้แล้วครับ เจ็บปวดอาจจะมีบ้าง บางครั้งตอนดึกๆมีบ้างบางคืนที่ต้องนอนร้องไห้น้ำตาไหล แต่อย่างว่าหละครับ เขาไม่ใช่ของเรา ยังไงก็คงไม่ใช่ แม้ว่าเราจะพยายามไขว่คว้ามาก็ตาม แต่มันต้องกลับไปยังที่ ที่มันสมควรที่จะอยู่เหมือนเดิม เหมือนผมกับไอ้หน้าขาว ยิ่งผมทำตัวชิดใกล้ พยายามที่จะลากเอามันมาร่วมเดินเคียงข้างกับผม แต่ว่า..... สุดท้ายมันก็ต้องกลับไป ยังที่ที่มันสมควรนั่นคือ...น้องกิฟต์ แม่ผมเริ่มยิ้มแย้มมากขึ้น จากการที่เฝ้ามองผมอย่างเงียบๆ มาตลอดทั้งอาทิตย์นั้น ผมพาแม่เดินเที่ยวตามห้าง พาแม่ไปทานข้าวเย็นมั่ง การที่แม่มาอยู่ที่ห้อง ทำให้ห้องผมมีระเบียบมากขึ้น อะไรที่ผมเคยชิน ก็ต้องทำตัวใหม่ ผมเริ่มเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น เละมีเหตุผลมากขึ้น เพราะแม่ผมยังว่าเลยเมื่อก่อน
“น้องเป้เนี่ย ถ้าทำตัวงอแง ไม่มีเหตุผลแบบนี้ โตขึ้นมาไม่มีครอบครัวแล้ว น้องเป้จะอยู่ลำบากแน่ๆ”
แต่ว่านอนนี้คุณนายแสนดีของผมมองผมด้วยแววตาภาคภูมิใจลึกๆ เหมือนที่แม่เคยมองผมด้วยแววตาแบบนี้ มาครั้งหนึ่งแล้ว ตอนที่ผมรับปริญญา แม้ตอนนั้นผมกับไอ้หน้าขาว จะเป็นคนแปลกหน้าต่อกันไปแล้ว แต่วันรับปริญญาของเราทั้งสองคน เรายังยิ้มขณะที่ถ่ายรูปคู่ แต่กับมันผมบอกตรงๆเลยว่าไม่เคยยิ้มให้ และหลีกเลี่ยงที่จะไปถ่ายรูปกับมัน หรือกลุ่มเพื่อนสนิทของมัน ที่เข้ามาทักทายผมอย่างดี ยังกับที่พวกมัน ไม่เคยพูดถากถางผมในสมัยก่อน กับเพื่อนมันผมยังพอคุยบ้างแม้จะไม่มากเรียกว่าถามคำตอบคำ ไม่มียิ้มแย้ม แต่กับไอ้หน้าขาวนี่ผมบอกเลยว่า..ไม่ ทั้งที่ตอนแรกที่ ผมมาเจอกับมัน ไอ้หน้าขาวยิ้มให้ผมก่อน และตรงมาเหมือนจะมาคุยกับผม ซึ่งผมก็ยิ้มตอบ คิดว่าคงได้คืนดีกันซะที แต่....คนที่ตามหลังมันมาด้วยนี่สิ ทำให้ผมหยุดยิ้ม และหันหลังกลับ ทำเป็นคนที่ไม่เคยรู้จักกับมัน.............น้องกิฟต์ครับ ขณะที่ผมห่างไกลกับไอ้หน้าขาว แต่ว่า...อีกคน พี่บอยเริ่มเข้ามาใกล้ชิดผมมากขึ้น ผมก็เริ่มทำตัวสนิทกับพี่บอยมากกว่าเดิม บางครั้งพี่บอยมารับผมกับแม่ไปกินข้าว แต่ว่าผมยังไม่เปิดโอกาสให้แกขึ้นมาที่ห้องผมเลยสักครั้ง จนกระทั่งคุณนายแสนดีเห็นว่าอาการของผมเริ่มดีขึ้น พอที่จะประคองตัวเองสู้โลกใบนี้แล้วถึงได้กลับบ้าน และคราวนี้ มีผมกับนังต้องขับรถไปส่ง เพราะแม่ไม่ไว้ใจให้ผมขับรถไปส่งแกคนเดียว การกลับบ้านคราวนี้ มันเจ็บปวดบ้าง คงเพราะทำใจไว้ล่วงหน้าเรียบร้อยแล้ว แต่เมื่อมองเห็นสถานที่ ที่ผมกับไอ้หน้าขาวเคยเที่ยวเล่นมาด้วยกัน ทำให้ผมหวิวลึกๆในอก แต่กลับไปคราวนี้ผมไม่เจอกับไอ้หน้าขาว หรือแม้แต่น้องกิฟต์ ได้ข่าวว่าไอ้หน้าขาวต้องย้ายไปทำงานที่สำนักงานใหญ่ที่กรุงเทพฯ ส่วนน้องกิฟต์ที่จบปีสี่และรับปริญญาเรียบร้อยแล้วรอเวลาที่จะบินไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ในเดือนหน้า ดีแล้วหละที่ไม่เจอผู้ชายกับผู้หญิงที่ผมเกลียดที่สุดในโลก ผมบอกตัวเองในใจ ......
เมื่อผมกลับมากรุงเทพ ผมเริ่มเที่ยวมากขึ้นจากเดือนละครั้งกลายเป็นอาทิตย์ละครั้ง แต่คราวนี้ผมเริ่มเที่ยวผับที่เป็นที่ของชาวเราเฉพาะ ทั้งที่เมื่อก่อน ผมจะเที่ยวที่ที่เป็นผับรวมๆ ไม่เคยเที่ยวผับเกย์มาก่อนในชีวิตเลย และการที่ไปผับรวมๆทำให้ค้นพบว่า เกย์ นี่มันมีทุกๆที่จริงๆ ไม่จำเป็นหรอก ที่จะต้องเป็นที่เฉพาะอย่างเดียว ที่แรกที่เคยไปในชีวิตคือ ผับย่านลำสาลี หลังจากที่ตัดสินใจแล้วว่าครั้งแรก ขอไปในที่คนไม่พลุกพล่านมาก และคนที่ไปด้วยคราวนี้คือนังต้องนั่นเองครับ
“ต้อง กูเครียดวะไปเที่ยวปะวะมึง ไปหาผู้ชายกินกัน” ผมชวนมันโดยใช้ผู้ชายเป็นเครื่องล่อมัน
“แหม อีเป้ มึงรู้ใจกูโครตๆ เลยวะ กูกำลังอยากกินผู้ชายเลยวะ ตั้งแต่มึงกลับบ้านกูไม่เคยมีผู้ชายตกถึงท้องเลยนะเว้ย
ขนาดวันก่อนกูแอบไปกับพวกอีแจ๊สนะมึง กูยังอด ที่กูไปมานี่เป็นผับเกย์นะมึง เกย์เยอะแยะเต็มไปหมด กูก็เกือบได้นะ หน้าตาหล่อยังกะดาราเลยมึง จีบกันมาจนเกือบผับปิด เสือกเป็นฉิ่งเหมือนกับกู ไม่อยากตีฉิ่งวะ กูเลยแดกแห้ว ไม่เหมือนอีพวกนังแจ๊ส มันตาดี มันเลือกได้เจอตัวผู้ชาย เมื่อกี้กูโทรไปถามมันนะมึง ว่ามันดูผู้ชายยังไงในผับเกย์ มันบอกกูนะมึง ว่ามันเลือก เอาแต่หน้าเน่าๆ แต่เป้าเริ่ด นั่นแหละจะเป็นผู้ชาย ไอ้กูก็มัวแต่ งมหาแต่หน้าเริ่ดๆเลยอด”
“มึงพากูไปมั่งดิ กูอยากไป อยากจะรู้เหมือนกันว่ามันจะเป็นยังงัย”
“เอาสิมึง รับรองสวยๆ อย่างมึงหนะแจ้งเกิดอยู่แล้ว”
“มึงเพิ่งรู้เหรอ อีนังต้อง ว่ากูหนะอดีตนางสาวไทยเว้ย”
“อีดอก แหม เข้าใจชมตัวเองนะมึง เอาเป็นว่าสามทุ่มกูไปรับมึงที่คอนโดนะมึง ถ้ากูไปช้ามึงอย่าด่ากูอีกนะ”
“เออ มึงอย่าช้าเกินสี่ทุ่มหละ กว่าจะถึงอีกมึง ผับมันไม่ได้อยู่ใต้คอนโดกูนะเว้ย”
“เออ อีเจ้านาง ว่าแต่มึงจะชวนพี่บอย ที่รักของมึงไปด้วยปะหละ”
“ชวนไปทำไมหละ อีนี่ เวลาส่วนตัวกูนะ กูจะได้หายใจโล่งๆหน่อย อีกอย่างพี่บอยกับกูหนะแค่เพื่อน”
“แหมใจคอมึงจะเอาความสาว ไว้ถวายเทวดาหรือไง อีเป้ เดี๋ยวมึงก็เหี่ยวแล้ว ไม่รีบใช้ เดี๋ยวมึงก็เฉาตายหรอกมึง”
“เออ ช่างกู มึงก็รู้แล้วว่ ากูหนะเก็บเงินสร้างคานทองคำ อยู่ตอนแก่ ผู้ชายบุญไม่ถึงกูหรอก แค่นี้นะมึงเดี๋ยวกูจะไปธุระกับพี่บอยแล้ว”
“ฮั่นแน่ อีนี่”
“แค่นี้นะ” ผมรีบวางสายนังต้อง เพราะรำคาญ รู้ว่ามันต้องแซว หรือพูดอะไรที่ผมไม่อยากฟัง ให้ได้ยินอีก
ผมเตรียมตัวจะไปเที่ยวกับนังต้องครับ คืนนี้กับอารมณ์เหงาๆ กับใครสักคน.....เสียงโทรศัพท์มือถือของผมก็ดังขึ้น
เจ็บแค้นเคืองโกรธ โทษฉันใย........... ผมรู้ดีครับว่าเสียงนี้เป็นใครโทรมา ผมชั่งใจครู่หนึ่งจะรับโทรศัพท์ดีหรือไม่รับดี จนเสียงมันเงียบลง และดังขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ผมตัดสินใจรับโทรศัพท์ครับ แม้มันจะทำให้ผมเจ็บ..............อีกครั้งก็ตาม

หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: ฿oomb@b@ ที่ 16-02-2007 22:30:33
เอ๋  จะมีอะไรเกิดขึ้นล่ะเนี่ย?????? :untrust: :untrust:

อยากรู้จัง มาต่อเร็วน่ะคร้าบบบบบ  :angellaugh2: :angellaugh2:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 16-02-2007 22:42:04
แค่เสียงริงโทนก็อธิบายอารมณ์คุณเป้ได้แล้วนะเนี่ย

ไหนๆก็เกลียดกันแล้วก็น่าจะปล่อยกันไปนะ จะมาคอยทำร้ายกันอยู่อีกทำไม :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 16-02-2007 23:26:40
โอ้ยย  มานโดนเจงๆ
รู้ว่าเจบแต่ก้อยังทำเนอะคนเรา   :monkeysad: :monkeysad2: :impress3:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 17-02-2007 07:22:52
 :o

what will be happened? 
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: jammy ที่ 17-02-2007 07:42:47
แม้จะเจ็บก็ต้องทนให้ได้สักวันมันคงจะผ่านไป  :monkeylaugh2:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: inimeg ที่ 17-02-2007 13:54:53
นั่งกินข้าวรอ.....
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: FlukeHub ที่ 17-02-2007 15:44:01
น้องเป้สู้ๆๆ

รักคนที่เขารักเราดีกว่า

หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 17-02-2007 20:22:02
ใครๆก็เคยพูดกันว่าเวลาจะช่วยเยียวยา แต่ทำไมกับเขา ถึงไม่เคยลืมเลือน
*****************************************************
“สวัสดีครับ”ผมรับสายและเรียกความมั่นใจของตัวเอง ใจมันสั่นชอบกล มันโทรมาทำไม ทั้งที่ผมกับมันจบสิ้นกันแล้ว อย่างไม่น่าที่จะมีเยื่อใยต่อกันอีก
“ทำไมรับสายช้า” เสียงถามมาเหมือนไม่พอใจ
“มีอะไรหรือเปล่า ที่โทรมาเนี่ย” ผมพูดเสียงแข็งกลับไป
“ต้องมีอะไรด้วยเหรอ เราเป็นเพื่อนบ้านกันนะ”เสียงฝ่ายนั้นตามมากระตุกอารมณ์ผมเล่น
“ถ้าไม่มีอะไรก็แค่นี้นะ กำลังจะไปข้างนอก”
“จะออกล่าผู้ชายอีกหละสิ”
“ถ้าไม่มีอะไร ก็แค่นี้นะ” ผมกลังจะกดตัดสายครับ ไอ้นี่มันกวนผมอยู่ได้
“เดี๋ยวสิ วันนี้กลับบ้านมา แม่เราให้เอาของมาฝาก ”
“ก็เอามาฝากไว้ที่ล็อบบี้ข้างล่างละกัน เดี๋ยวก็เอามาให้เอง”
“เออ งั้นแค่นี้นะ นึกว่าจะเลิกนิสัยบ้าผู้ชาย ที่ไหนได้......”
“เรื่องของใครก็ของใคร ขอร้องได้ไหม จะไปผุดไปเกิดที่ไหน ก็ไปซะที อย่ารบกวนกันอีกเลย มีเวลาว่างนักหละก็ไปเอาใจน้องกิฟต์โน่นไป”
“อิจฉาหละสิ นี่หละนิสัย อย่าคิดว่าคนอื่นเขาจะสนใจตัวเองนักหนาเลยวะ กะอีแค่เกย์ข้างทางคนหนึ่ง”
ผมอึ้งครับ หน้าชา ผมกดสายทิ้งทันทีครับ น้ำตามันไม่รู้มาจากไหนมันไหลออกมาอีกแล้ว เจ็บอีกแล้วครับกับคำว่า “แค่เกย์ข้างทางคนหนึ่ง” เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้งแต่ผมไม่รับครับ ผมจะให้มันรู้ไม่ได้ครับ ว่าผมแพ้ ผมยังไม่ได้เข้มแข็งอย่างที่คนอื่นคิด......

“อีนี่ เป็นไรไปวะ ไม่สดชื่นเลย ไหนว่าชวนกูมากินผู้ชายไงหละมึง” นังต้องถาม เมื่อผมนั่งรถมากับมันได้ครู่หนึ่ง
“เปล่า กูคิดถึงแม่” ผมตอบไปอย่างที่คิดตอนนี้ผมคิดถึงแม่จริงๆ
“คิดถึงแม่....แต่มึงทำท่าสลด ยังกับถูกผัวทิ้งเนี่ยนะ อีแม่หม้ายไทยแลนด์”
“เอ้า ตอนกูเศร้า กูก็คิดถึงแม่ไง ผัวกูก็ยังไม่มี และไม่รู้ว่าจะได้มี หรือเปล่า คนที่กูคิดถึงตอนเศร้าๆ คือแม่กับพ่อกูสิ อีนี่”
“อ้าว..อีนี่ แล้วกูหละ กูหนะเพื่อนมึงนะ มึงลืมคืดไปได้ไง”
“ก็มึงอยู่ข้างๆกูแล้วไง แต่พ่อแม่กูอยู่ไกล อีต้อง ..กูขอบใจมึงจริงๆวะไม่ว่ากูจะยิ้ม หรือหัวเราะ เศร้าหรือสุข มึงก็อยู่ข้างกูมาตลอด กูดีใจจริงๆ ที่กูเกิดมาแล้วรู้จักมึง ได้มึงมาเป็นเพื่อนแท้”ผมพูดพลางน้ำตาเอ่อ ออกมา
“อีบ้า กูเป็นเพื่อนมึงมาจะสามปีแล้วนะ ที่สำคัญ กูมีเพื่อนที่ สวยแต่โง่ อย่างมึงคนเดียวเหมือนกัน ที่เป็นเพื่อนแท้”
คิดไปคิดมาแล้วตลกดีเหมือนกันนะครับ ที่ผมกับนังต้อง มาเป็นเพื่อนกันได้ยังไง อีกคนหนึ่งก็ไฮโซ อีกคนก็โลโซ
อีกคนกล้าๆด้านๆพูดมาก ปากดี ไม่ยอมใครและมั่นใจสุดๆ แต่อีกฝ่ายขี้แย ถึงแม้ไม่ขี้อาย แต่ก็ไม่ค่อยกล้า มั่นใจก็มีเหมือนกันแต่ไม่เกินร้อยเหมือนอีกฝ่าย
ตอนแรก ที่ผมเจอกับนังต้องนั้น เป็นช่วงที่ผมเข้ากรุงเทพมาใหม่ๆ ตอนนั้นผมตื่นเมืองกรุง ก็เลยให้พี่ป่าน ซึ่งตอนนั้นยังทำงานอยู่กรุงเทพฯ พาไปเที่ยวห้าง แต่ว่าพี่ว่าพี่สาวผมครับ มีงานด่วนที่ต้องไปเคลียร์ ผมเลยต้องเดินห้างคนเดียว พี่สาวผมก็ได้แต่บอกว่า เดี๋ยวห้าโมงเย็นจะมารับ ให้ผมเดินเล่นไปก่อน ผมได้แต่เหวอหละครับ โหพูดเสร็จ เจ้แกก็เดินฉับๆ ทิ้งผมไว้คนเดียว ผมก็นานมากๆ จะได้เข้ากรุงเทพสักที รู้หละว่า กลับบ้านไม่ถูกแน่นอน เพราะตอนที่มา ก็มารถพี่สาว ซ้ำยังมองแต่ข้างทางเพลินไม่ได้จำอะไรเลย ผมก็เดินเป๋อ ไปตามประสาผม บางทีก็คิดถึง เวลาที่เดินห้างกับไอ้หน้าขาวแล้วอดยิ้มไม่ได้
ผมคิดอะไรเรื่อยเปื่อย จนกระทั่ง..ผมชนกับอะไรสักอย่าง
“อุ๊ย ชนคน ขอโทษนะครับ” ผมพูด พลางประคองร่างของคนข้างหน้าลุกขึ้นมา ผมมองดูคนตรงหน้า วงหน้านั้นเรียวดูดี ผิวขาว แต่ใบหน้ามีสิว จึงลดทอนความดูดีลงไปมาก แต่กระนั้นชุดที่สวมใส่และเครื่องประดับก็พอจะบอกฐานะได้เป็นอย่างดี
“เดินยังไงไม่ทราบ ถึงไม่มองตาม้า ตาเรือ” ดูสีหน้าคนพูดจริงจังมาก
“แต่เราขอโทษแล้วนะ” ผมหน้าสลด
“ขอโทษแล้วมันหายจ็บปะหละ”
“มันไม่หาย แต่ไม่น่าจะเจ็บนาน แล้วอีกอย่างนะเราเดินมาเรื่อยๆไม่ได้เดินเร็วซักหน่อย ไม่น่าเจ็บ”
“มันไม่น่าเจ็บ พูดมาได้ไงเนี่ย ดีนะที่โทรศัพท์ฉันไม่ตกด้วย”
“แสดงว่าคุณ มัวแต่โทรศัพท์ ไม่ได้มองคนอื่นนี่เอง แล้วมาโทษคนอื่นอีก”
“มาจากบ้านนอกใช่ไหมเราหนะ”
“มาจากต่างจังหวัด” ชักเริ่มฉุนแล้วสิครับ หนอย มาว่าผมมาจากบ้านนอก ผมไม่ได้โง่นะ จบปริญญาตรี มาก็ระดับเฉียดเกียรตินิยม ถ้าตอนนั้นมีเวลาทุ่มให้หนังสือ มากกว่าทุ่มให้ผู้ชายอย่างไอ้หน้าขาวหละ ก็ผมคงได้เกียรตินิยมไปแล้ว
“จ้า..แม่หนูน้อย”ดูคนตรงหน้ามันเริ่มอารมณ์ดีแล้ว คือตัวคนตรงหน้าตัวสูงไงครับ สูงกว่าผมเยอะครับ เพราะผมสูงหนึ่งร้อยหกสิบแปด แต่มันสูงถึงหนึ่งร้อยแปดสิบหก สูงกว่าไอ้หน้าขาวของผมนิดเดียว เพราะตอนที่วัดส่วนสูงให้ไอ้หน้าขาว ผมจะบอกมันว่าหนึ่งร้อยแปดสิบสาม แต่มันมันจะเถียงผมเสมอว่ามันสูงหนึ่งร้อยแปดสิบสี่ เลยไม่ยอมจบง่ายๆเพราะไอ้หน้าขาวมันไม่ยอมเตี้ยแม้แต่เซ็นต์เดียว
“ว่าใคร หนูน้อย หือ ป้า...”
“ปากดีจังนะ สงสัยเพิ่งจบม.ปลายมาดิ เดี๋ยวนี้กระเทยม.ปลายแรงนะจ๊ะ พูดคำเถียงคำ”ผมเงียบ ไม่อยากใส่ใจกระเทยควาย ตรงหน้า มันตัวใหญ่ เวลามีเรื่องกันผมกลัว จะสู้มันไม่ได้ เลยคิดจะเดินหนีไปอีกทาง
“เดี๋ยวดิ ชื่ออะไรหละเรา”
“ชื่อเป้”
“หนูเป้ พี่ชื่อต้องนะ บ้านอยู่ไหนหละจะกลับบ้านตอนไหน เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
“จะหลอกเด็กอะดิ”
“โธ่ อีหนูเป้เอ้ย กระเทยด้วยกันเนี่ยนะ ถ้าเป็นผู้ชายหล่อๆหละว่าไปอย่าง อีนังต้องจะกินให้เรียบ เอาเป็นว่าพี่ถูกชะตากับหนูละกัน อีกระเทยรุ่นเดียวกัน มันไม่จริงใจ ดูหนูๆซื่อๆดีเลยอยากคบด้วยจ๊ะ”
“ไม่มีใครคบอะดิ”
“เอ๊ะ กระเทยน้อยนี่ เดี๋ยวแม่ก็ตีให้ตูดลายกลางห้างเลยนี่”
“คบก็ได้ แต่ต้องเลี้ยงข้าวเราด้วยนะ แล้วอายุเท่าไรแล้วเนี่ย”
“ปีนี้พี่อายุยี่สิบเอ็ดจ้า เพิ่งจบมหาลัยมาไม่กี่เดือนนี้เอง หนูเป้หละ”
“เราก็ยี่สิบเอ็ดเหมือนกัน” ผมบอกมันด้วยสีหน้าเรื่อยๆ
“เฮ้ย อายุเท่ากันเหรอเนี่ย อีนี่ทำหน้าเด็กหลอกคน อยู่ได้นะหล่อน ชั้นนึกว่าเพิ่งจบม.ปลาย ยังงัยคงไม่เกินปีหนึ่ง แหม....ดูดิ ฉันหน้าแตกเลย” นังต้องครับ ดูสิพอรู้ว่าอายุเท่ากัน มันเปลี่ยนทีท่าเลย เราสองคนมองหน้ากันแล้วหัวเราะครับ จากนั้นมาเราก็ติดต่อกันมาเรื่อยๆครับ ไม่รู้ว่าใครสนิทใจกับใครก่อน เพราะกว่าจะรู้ตัว ผมกับมันก็เป็นเพื่อนสนิทกันแล้ว อีกอย่าง ผมกับมันเคยมีวีรกรรมกลางห้างอีกครับ ในร้านมือถือแห่งหนึ่ง ที่เราสองคนไปดูมือถือ ด้วยความที่นังต้องเป็นคน ขี้เบื่อ ตามประสาลูกคนรวยหละครับ ขณะที่เรากำลังดูมือถืออยู่นั้น พนักงานขายผู้ชาย หน้าตาดี ก็ตรงเข้ามาที่เราสองคน
“สอบถามได้นะครับ”เจ้าหนุ่มน้อยนั่นถามมายิ้มๆ
“ถามได้จริงอะ”นังต้องถามกลับ พลางยิ้มมองหน้าเจ้าหนุ่มน้อยที่อยู่ตรงหน้า ผมก็งงเหมือนกัน นังนี่ เฮี้ยนอะไรถึงไปถามน้องเขาแบบนั้น รู้หละว่ามันชอบน้องเขา ดูท่าทีมันก็รู้ แต่ไม่รู้ว่า มันจะอ่อยเหยื่ออีท่าไหน เพราะมันทิ้งห่างผมไปหลายขุม เรื่องผู้ชาย เผื่อมันปล่อยมุกมาจะได้รับมุกมันทัน
“ถามได้ครับพี่ พี่สนใจรุ่นไหนครับ อันนี้ของโนเกียที่ออกมาใหม่นะพี่ ...... เจ้าหนุ่มบรรยายคุณสมบัติของโทรศัพท์มือถืออย่างไม่กลัวคอแห้ง ผมมองที่นังต้อง ดูเหมือนมันจะสนใจฟังมาก มองหน้าผู้ชายตาเยิ้มไม่กระพริบ
“พี่อยากถามน้องว่า....” นังต้องเว้นหยุดเอาไว้
“ถามอะไรครับพี่ โซนี่อิริคสันตัวนี้ก็น่าสนใจนะครับพี่”
“น้องมีแฟนแล้วหรือยัง” ผมอมยิ้ม เพิ่งถึงบางอ้อ เพิ่งรู้ว่านังต้องเรานี่ ก็มีวิธีหาผู้ชาย ไม่ซ้ำใครเหมือนกัน
“ผมมีแฟนแล้วครับ และรักแฟนมากด้วย”น้องพนักงานตอบมายิ้มๆด้วยแววตาที่รู้ทัน ผมอดหัวเราะเสียงดังออกมาไม่ได้ นังต้องหน้าง้ำ พลางจูงแขนผมเดินลิ่วออกมา อย่างหัวเสีย ปากก็บ่น
“ เชอะ คิดว่าหน้าตาดีนักหรือไง ฉันหาได้ดีกว่า เด็กขายโทรศัพท์เยอะแยะไป หล่อนก็เหมือนกัน หัวเราะเข้าไปเถอะ ฉันเพิ่งพลาดยะ” นังต้องสาวแตก ดูแล้วมันเสียหน้าพอดู ยิ่งกับผมด้วยแล้ว มันน่าขำมากๆ กระเทย ไ ม่แต่งสาว ตัวโตๆ สูงๆ มาทำค้อนควักต่อหน้าอย่างนี้ มันจะไม่ให้ขำได้ยังไง....................

“เฮ้ย อีเป้ ถึงแล้วนะมึง แหม....เหม่อเชียวนะมึง” เสียงนังต้องปลุกผมให้ตื่นจากภวังค์ ผมมองดูสถานที่ตรงหน้ามันก็ไม่ได้ใหญ่โตมากมายอะไร ดูผู้คนก็เยอะเหมือนกัน ไหนว่าเป็นผับเกย์แต่เห็นมีชะนีดงค่อนข้างเยอะเหมือนกัน
“อีต้องไหนว่าผับเกย์ไง ทำไมมีชะนีดง เดินเต็มไปหมด”
“อีนี่ ใสซื่อบริสุทธิ์จริงๆ นังชะนีมันก็มาหาผัวเหมือนกันหละผื่อฟลุ๊ก ได้ผัวเกย์ไปเลี้ยงสักคนไง”
“เหรอ” ผมรับรู้อย่าง งงๆ
“ตอนนี้ผู้ชายแท้ๆหายาก ชะนีถึงมาผับเกย์ไง เผื่อบางที เจ้าหล่อนอาจจะได้เสือไบ ไปเป็นแฟนซักคน เดี๋ยวนี้นะมึงขนาดแหล่งเที่ยวปกติ ที่มึงเคยไปนั่นไง กูเห็นเดินหน้าเข้ามาจีบมึง ก็ตั้งหลายคน นี่หละผู้ชายเดี๋ยวนี้ เขาว่าตาดีได้ ตาร้ายเสีย ชะนีเดี๋ยวนี้ถึงไม่คิดมากไง ผู้ชายมันเหลือน้อยแล้วนี่ เลยหันมามองเกย์กัน”
“เจ้าคะ อีคนแสนรู้”ผมถอนสายบัวให้กับมันเมื่อลงรถเสร็จ
“ใครจะโง่ เหมือนมึงหละคะ อีควาย” มันโต้กลับมา ผมยอมรับหละว่ามันฉลาดกว่า
“เออกูโง่ ไม่ฉลาดแสนสวยเหมือนมึงหรอก”ผมประชดมันบ้าง
“มึงรู้ด้วย แสดงว่ามึงเริ่มฉลาดขึ้น”
“อีห่า..” ผมด่ามันพลางดันหลังให้มันเดินนำหน้า เพราะว่าผมไม่กล้าพอ ที่จะเข้าผับที่มีชื่อตรา ว่าเป็นผับของเกย์ หน้ามันร้อนๆ อายๆ อย่างบอกไม่ถูก ผมก้าวตามนังต้องเข้าไปด้วยใจระทึก........



หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 17-02-2007 20:33:18
เหมือนผมเลยอ่ะ
จะเข้าผับ/บาร์เกย์ทีไร จะรู้สึกร้อนๆที่หน้า ขาชาๆยังไงชอบกล :try2:

รออ่านต่อนะครับ :yeb:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: inimeg ที่ 17-02-2007 21:25:40
เกี่ยวมะเนี่ย..... :try2:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: FlukeHub ที่ 17-02-2007 23:29:24
เหอๆๆ

คุณหมีมิ้ว  แสดงว่าเคยเข้าอ่ะดิครับ

ต่อๆๆครับ
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: jammy ที่ 17-02-2007 23:42:08
อ่านะ อยากลองไปดูเหมือนกัน อิๆๆ  :kikkik:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: ฿oomb@b@ ที่ 18-02-2007 00:02:03
ยังไม่เคยไปอ่า บาร์เกย์/ผับเกย์ อายุไม่ถึง 5555+ แบบว่ายังเด็กอ่าน่ะ :monkeylaugh2:

เปงงายบอกด้วยเน้อ
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 18-02-2007 21:22:34
อยากไปมั่งอ่ะ ใครพาไปหน่อยเด๊ะ
************************************
ครั้งแรกครับที่เข้าผับเกย์ ผมเดินตามตูดนังต้องเข้าไปอย่างหวาดๆ แต่สถานที่เข้าไปนั้นมันก็ไม่น่ากลัวอย่างที่คิดเอาไว้ล่วงหน้า ทุกคนที่มาล้วนแต่ต้องการปลดปล่อยความเครียด ที่ผจญมาทั้งวัน จึงไม่แปลกเลย ที่นังต้องจะแตกสาวมากผิดปกติ จนผมดูแล้วมันโอเวอร์จนขัดตา
“อีนี่ทำไมต้องสาวซะขนาดนี้เลยหละ” ผมสะกิดนังต้องที่กำลังเต้นด้วยลีลานางแมวยั่วสวาท ทันก็ทำได้ดีหรอก แต่ว่ามันตัวสูงเกินไป จนดูว่ามันตัวใหญ่ที่สุดในที่แห่งนั้น เลยค่อนข้างจะเป็นจุดเด่นพอสมควร
“เต้นสิอี่นี่ ยั่วเกย์ผู้ชายให้เคลิ้มไปเลยมึง”นังต้องตะโกนคุยกับผมเพราะเพลงค่อนข้างดังมากแล้วคนก็ทยอยเข้ามากันเรื่อยๆจนที่เล็กๆแคบๆนั้นค่อนข้างเบียดเสียดถูไถ พนักงานเสิร์ฟต้องเดินเบียดแขกที่กำลังเต้นอย่าไม่รู้ทิศทาง ผมก็ไม่ได้เต้นเท่าไร เพราะคนมันเยอะเกินไป แล้วส่วนใหญ่ก็สาวแตกเหมือนกับนังต้อง ที่สติแตกกับการเก็บกดความเป็นเกย์เอาไว้ ในคราบผู้ชายมาทั้งวัน ผมนั่งดูนังต้องเพลินๆต้องสะดุ้งเมื่อรู้สึกว่าตัวเองโดนกอดทางด้านหลัง ที่นี่มันสามารถกอดกันได้ง่ายขนาดนี้เชียวเหรอ ผมหันไปรอบๆ มีหลายคู่ที่กอดกันอยู่ ส่วนหลายคู่ก็จูบกันอย่างไม่กลัวปากจะพัง และก็ไม่อาย ผมพยายามหันไปมองหน้าไอ้คนที่มากอดผมอยู่ พลางดิ้นให้หลุดออกมาจากวงแขนนั้น แต่เจ้านั่นยังไม่วายที่จะเข้ามากระแซะอีก ผมเลยลุกมาเต้นกับมันซะเลย แล้วค่อยๆดึงนังต้องที่มองอยู่มาแทนที่ไอ้หนุ่มน้อยหน้ามน พยามยามที่จะเบี่ยงตัวมาทางผม แต่อีหื่นอย่างนังต้องก็รวบตัวมันซบที่อกใหญ่ๆจนไอ้หนุ่มนั่นดิ้นไม่หลุด ผมได้แต่แอบขำเล็กๆครับ ผมกวาดตามองเรื่อยๆ ที่นี่คนที่มาเที่ยวต่างก็หน้าตาดีซะค่อนข้างมาก แล้วก็มีหนุ่มน้อยคนหนึ่งตัวสูงๆหัวตั้งเป็นหนามทุเรียนถือแก้วเหล้าเบียดคนมาที่ผม วงหน้านั้นดูดี ผิวขาว ตาตี่ๆ
“แก้วนี้ขอชนกับคนน่ารักครับ” ขายหนุ่มตรงหน้าผมพูด
“เอ้า ชนก็ชน”ผมยิ้ม
“ชื่อไรครับ นั่งคุยด้วยได้ปะ”ผมพยักหน้า หลังจากที่ตะโกนคุยกันสักครู่
“ชื่อเป้ครับ น้องหละชื่อไร”
“อาท ครับพี่ เรียนที่ไหนครับ” คำถามนี้ผมแอบยิ้มในใจ หน้าอ่อนอยู่เว้ย อิอิ
“เลิกเรียนแล้ว ขี้เกียจเรียน”ผมตะโกนบอกเจ้าหนุ่มน้อยตรงหน้า
“เหรอผมนึกว่าพี่อยู่ปีสาม ปีสี่ซะอีกหน้าพี่คุ้นมากเลยครับ”
“เหรอ...สงสัย พี่เป็นดาราปลอมตัวมาเที่ยวมั๊ง”
“ฮ่าๆๆ พี่นี่ขำดีนะครับ ผมหละชอบจังคนขำๆเนี่ย มากับใครครับเนี่ย”
“มากับเปรตตัวโย่ง”ผมตอบน้องเสียงดังมื่อเห็นนังต้องประคองเจ้าหนุ่มที่ซบกันเมื่อครู่ มาที่โต๊ะหลังจากที่หายไปพักใหญ่
“อะไรกันมึง อีนี่ กูไปฉี่แป๊บเดียวมีคนมาจีบแล้วเหรอ”
“หวัดดีครับพี่ เพื่อนพี่เป้เหรอครับ”น้องอาททักทาย นังต้อง ทำเอานังต้องตาโต ก็มันชอบเด็กอะครับ แถมน้องเขานี่ก็ออกแนวตี๋ หน้าใสแบบนี้หละก็โดนใจมันหละ
“ครับเพื่อนอี..เอ้ยเพื่อนเป้ครับ”เพื่อนผมครับมันสวมวิญญาณผู้ชายขึ้นมาทันควันครับ
แล้วเราก็เต้นกันสนุกมากครับ ได้เพื่อนใหม่ด้วยแถม น้องอาทก็แมนๆได้ใจอีก แล้วยังมาเต้นสีกับผมอีก นังต้องก็เต้นสีกับไอ้หนุ่มน้อยอีกคนที่ผมรู้ชื่อทีหลังว่า ป๊อก บางคราก็มาเต้นเฉียดๆน้องอาท อีกสักพักโต๊ะเราใหญ่ขึ้นกว่าเดิม ก็เพื่อนๆกลุ่มน้องอาทสิครับ อีกหกคนครับส่วนใหญ่ก็หน้าตาดีๆทั้งนั้น ผมคิดไม่ผิดเลยว่า งานนี้นังต้องมันเป็นเจ้ามือแน่ๆ เพราะว่ามันคิดจะมอม........ผู้ชาย
หลังจากที่ผับปิด ทุกคนแยกย้ายกันกลับรวมทั้งน้องอาท แต่ก่อนไป น้องเขาชวนไปกินข้าวต้มแถวคลองตันครับ ผมก็ โอเค พรุ่งนี้วันหยุดนี่นา แต่น้องอาทเขาต้องขับรถไปส่งเพื่อนเขาก่อน แล้วเขาจะไปหาผม อีนังต้อง กับน้องป๊อก ที่ร้านข้าวต้ม ให้สั่งเผื่อไว้เลย ประมาณตีสองครึ่งครับ น้องอาทถึงเข้ามา แถมอาบน้ำเปลี่ยนชุดมาใส่น้ำหอมซะหอมฟุ้ง น่ารักมากๆครับ ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรครับ จวบจนตีสี่ที่เราคุยกันมานานและอิ่ม ผมไม่เมาหรอกครับ เพราะว่าเที่ยวไกลขนาดนี้ต้องไม่เมา ถ้าเที่ยวผับที่ไม่ไกลจากคอนโดที่ผมอยู่ อันนั้นสิน่าเมาแต่ว่า จะอาศัยแท็กซี่ไป-กลับตลอด ถ้าไปกับนังต้องนะเหรอครับ จะต้องมีคนหนึ่งเมา อีกคนหนึ่งต้องไม่เมา เอาไว้คอยขับรถกลับบ้านครับ
“พี่เป้หน้าอ่อนนะครับ ตอนแรกนึกว่ายังเรียนมหาลัยอยู่เลย” น้องหน้าตี๋พูดกับผมไม่รู้ว่าชมหรือกัด
“ตอนนี้หละ นึกว่าอะไร” ผมถามกลับยิ้มๆ
“นึกว่ามึงเป็นโคแก่หนะสิ” นังต้องมันพูดแทรกขึ้นมา
“ดีกว่า กระซู่อย่างมึงละกัน น้องป๊อกระวังให้ดีนะ อีนี่มัน ขวิดไม่เลิก อีกระซู่เถื่อนตัวเนี้ยะ” ผมพูดให้ทุกคนหัวเราะ
“ใกล้สว่างแล้วพี่ตอนนี้พวกเราจะไปไหนกันดี” น้องป๊อกถามแววตาสบกับผมอย่างมีความหมาย
“กลับบ้านใครบ้านมันดีกว่าเน๊าะ แล้วใครจะยังไง ค่อยนัดกันอีกที”นังต้องเสนอ
“ผมยังไม่อยากกลับเลยอยากคุยกับพี่เป้อีก”น้องอาทครับมันพูดออกมาเล่นเอาผมอายไปเลยครับ โห...เด็กสมัยนี้..กล้ามาก
“เดี๋ยววันหน้าก็ได้เบอร์โทรก็มีแล้วนี่ อยากโทรก็โทรหาได้เลย” ผมให้เบอร์โทรของนังต้องเอาไว้ครับเพราะยังงัยคนที่รู้จักในที่เที่ยวผมจะให้เบอร์ของนังต้องเสมอครับ เพราะว่าผมคือตัวล่อผู้ชายของนังต้องไงครับ
“เอางี้สิ เป้ ก็ให้น้องอาทไปส่งมึง ส่วนกูจะไปส่งน้องป๊อก” ผมมองหน้ามันเห็นมันขยิบตาให้ผมเลยถึงบางอ้อทันที นี่ถ้าไม่มีน้องอาท วันนี้ผมคงได้กลับแท็กซี่อีกแล้วครับ
คืนนั้นน้องอาทต้องมาส่งผมที่คอนโดตอนตีห้ากว่าๆ ดูเหมือนเจ้าเด็กหัวตั้งๆ นี่ดื้อเหมือนกัน จะขอขึ้นไปส่งถึงห้องให้ได้ แต่นั่นหละครับน้อยคนที่จะได้ขึ้นห้องผมถ้าไม่สนิทจริงๆก็ไม่มีวันได้ขึ้นไปหรอก กว่าจะคุยกันรู้เรื่องก็เกือบจะหกโมงเช้า ทำให้ผมเบื่อเด็กๆขึ้นจมเลยครับ ผมเดินขึ้นห้องอย่างเซ็งๆ เหงาจับใจขึ้นมาอย่างประหลาด คิดถึงใครคนหนึ่ง ป่านนี้เขาคงมีความสุขกับคู่หมั้นของเขาแล้ว เมื่อไรกันนะที่ผมจะลบมันออกจากใจได้เสียที.......


หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 18-02-2007 21:42:20
น้องอาร์ทๆๆๆ :monkeylove2: อิอิ
จนแล้วจนรอดก็ยังลืมเค้าคนนั้นไม่ได้อยู่ดี :monkeysad:





ปล.ผมเคยไปแค่ไม่กี่ครั้งเอง แล้วก็โดนบังคับไปทุกครั้งเลยด้วย ผมไม่มีทางเลือกอ่ะเลยต้องไป :monkeysad2:
     แต่จะว่าไปก็สนุกดีเหมือนกันนะ :yeb:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: inimeg ที่ 18-02-2007 22:03:52
พี่เป้ ส่งน้องหัวทุเรียนของพี่เป้มาให้ต๊อบได้ป่ะ อิอิอิ

อยากได้ง่ะ
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: ฿oomb@b@ ที่ 18-02-2007 22:14:40
เด็ก ๆ ก็เงี้ย ดื้อ แถมบางทีงอนไม่เป็นเรื่อง น่าเบื่อมาก

แต่ไม่รู้ว่าคุณเป้ จะชอบป่าวน่ะ  :kikkik:

งัยก้อตามต่อล่ะกาน
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: FlukeHub ที่ 18-02-2007 23:06:34
อ๊ากกกก!!~

อยากไปบาร์เกย์  คนหน้าตาดีเยอะก้อไม่บอก

โรคหัวใจกำเริบอีกแล้ว  หุหุ  บ้าคนหน้าตาดี

อายุเท่าไหร่ถึงเข้าได้เนี่ย

เหอๆๆๆ    ต่อๆครับ
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 19-02-2007 07:12:51

  :o

:serius2:

 :sad5:

I wonna DANCEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEE  :angellaugh2:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: jammy ที่ 19-02-2007 08:50:48
เจ้สองเก็บอาการหน่อยครับ คิๆๆๆ  :kikkik:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 19-02-2007 13:26:48
และแล้วน้องอาร์ทก็เข้ามา...แต่ว่าใจของเป้ก็ไม่เคยแปรเปลี่ยนไป... :impress3:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 19-02-2007 20:08:21
อิอิ ขอเพลงประจำชาวสีม่วงหน่อยเร็ว ไม่รู้ตอนนี้เพลงอะไร เอิ้กๆ
*************************************************************


“เราจะไปไหนครับพี่บอย” ผมถามชายหนุ่มหน้าใสอีกคน ที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาขับรถออกนอกกรุงเทพฯ อย่างไม่รีบร้อน เมื่อผมตกลงไปกินข้าวเย็นด้วยกัน ในเย็นวันหนึ่ง
“พี่จะพาน้องเป้ไปทานข้าวไงครับ”ตอบมาหน้าซื่อตาใส
“ทำไมต้องมาไกลขนาดนี้ด้วยหละครับ นี่มันออกมานอกกรุงเทพมากเลย กว่าจะกลับเดี๋ยวมืดแย่” ผมวิตก ดูท่าทางเหมือนฝนจะตก ยิ่งพยาการณ์อากาศ บอกว่าฝนจะตกกระจายทั่วทุกภาคของประเทศไทย แต่ดูคนตรงข้างๆดูจะไม่ค่อยเดือดร้อนเท่าไร แถมยังขับช้าอีก ใจผมอยากกินเสร็จๆแล้วกลับไปพักผ่อน คนเราเหนื่อยจากงานมาไม่น้อยแล้ว แถมลูกค้าโวยเรื่องแบบสินค้าที่ส่งมอบให้ลูกค้า ที่ฝ่ายออกแบบได้ทำส่งลูกค้าแล้วไม่ถูกใจ เลยโวยมากับฝ่ายขายมาล้งเล้งแถมเรื่องยังไปโวยที่ผู้จัดการซะอีก ทำเอาทุกคนที่เข้าใกล้ผู้จัดการ โดนหางเลขกันทุกคนไม่เว้นแม้แต่ฝ่ายขายอย่างพวกเราๆ
“ไปทานข้าวริมทะเลดีมั้ย เย็นๆแบบนี้ ท่ามกลางเสียงคลื่น น้องเป้จะได้สบายใจขึ้นไง อาทิตย์นี้พี่เห็นน้องเป้ทำงานแล้วเหนื่อยแทน เราสองคนไม่ได้ทานข้าวด้วยกันมาหลายวันแล้วนะ” พี่บอยหันมายิ้มให้ ทั้งๆที่ผู้ชายที่อยู่ด้านข้างๆเพียบพร้อมทุกอย่าง ทั้งหน้าตา ฐานะ และชาติตระกูล ทำไมนะ ใจเจ้ากรรมถึงไม่ได้สนใจไปมากกว่าเพื่อนหรือพี่ชายเลย แต่กับอีกคนที่ไม่มีอะไรเหนือกว่า ได้เลยนอกจากหน้าตาเท่านั้น ที่ได้เปรียบอีกฝ่าย แต่กับคนที่เพียบพร้อมขนาดนี้ ทำไมนะถึงไม่ได้ตะครุบเอาไว้ ทำไมต้องปักใจ กับแค่ผู้ชายคนหนึ่งที่เขาไม่เคยสนใจเราเลย อีกอย่างเขามีแฟนเป็นผู้หญิง แล้วก็ไม่มีทีท่าว่าจะเป็น เกย์ อย่างเราไปได้เลย ......
ร้านที่เราจะไปทานข้าวเป็นลักษณะของกระท่อมมุงหญ้าคาทำเป็นซุ้มๆ อยู่ไม่ห่างกันมากนัก ท่ามกลางแสงไฟที่ส่องสลัวๆ กับเสียงของคลื่นทะเลที่ดังมาอยู่ไม่ไกล ทำให้ผมรู้สึกคลายเครียดได้อย่างประหลาด ผมเริ่มใส่ใจกับคนตรงหน้ามากขึ้น ดูท่าทางพี่บอยจะรู้สึกยิ้มแย้มดีขึ้น เมื่อเห็นท่าทางของผมสดใสกว่าตอนที่นั่งอยู่บนรถ
“พี่ดีใจมากเลยครับที่น้องเป้ดูสดใสแบบนี้” พี่บอยพูดแล้วมองหน้าผมทำให้ อายได้เหมือนกัน คงจะจริงนะครับ ที่บรรยากาศกับสถานที่ทำให้คนอารมณ์อ่อนไหวเหมือนกัน
“ปกติเป้ เหี่ยวขนาดนั้นเชียว”
“ไม่หรอก น้องเป้ยังไงก็น่ารักเสมอ”
“มาชม คนกันเองแบบนี้ เดี๋ยวเจ้าของตัวจริงของพี่บอย ก็ได้มาด่าเป้เอาหรอก”
“เจ้าของอะไรกัน พี่โสดสนิท อยากรักใครคนนั้นเขาก็ไม่รักพี่ตอบเลยสักคน”
“ถ้าอย่างพี่บอยไม่มีใครรักตอบ คงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้แล้วครับ ก็หล่อ รวย ออก ขนาดนี้สิ ถ้าเป็นเป้สิ มีแต่ใครๆรีบปฎิเสธ แถมเขายังด่าเอาซะอีก ที่ไม่ตักน้ำใส่กะโหลก ส่องดูเงาหัวของตัวเอง”
ผมรู้สึกเสียงแผ่วลงเล็กน้อย เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ ที่ผมไปสารภาพรักกับไอ้หน้าขาว หลังจากสอบเสร็จภาคเรียนสุดท้ายของปีสี่ ใต้ต้นไม้ แล้วมันก็เดินหนีผมไป ทิ้งหัวใจของผม แตกสลายอยู่ตรงนั้น...อย่างไม่ที่มีใคร
...........เยียวยา
“น้องเป้ ถ้าพี่บอกว่า พี่คิดว่าพี่เจอเขาคนนั้นแล้ว แต่พี่ไม่รู้ว่า เขาคิดกับพี่ยังไงหนะสิ”
“แล้วพี่บอยแสดงทีท่าอะไรให้เขารู้หรือเปล่าครับว่า พี่รู้สึกดีๆกับเขาคนนั้น”
พี่ไม่กล้าครับน้องเป้ ก็คนนั้นเขาไม่ค่อยเปิดโอกาสให้พี่เลย เลี่ยงไปเลี่ยงมา พี่ดูเขาไม่ออก เขาเป็นคน ขี้เล่น ร่าเริงเหมือนน้องเป้นี่หละครับ ถ้าสมมติว่าเป้เป็นคนนั้นเป้จะคิดว่ายังงัยครับ” พี่บอยถามคำถามกับผมแถมมองผมด้วยสายตาลึกซึ้ง ...............

...................................
“พี่บอยเป็นคนน่ารักมากครับ ถ้าถามความคิดเห็นของเป้ เป้ว่าคงจะไม่มีใครปฏิเสธพี่บอยได้หรอกครับ แหมพี่บอยเพอร์เฟคซะขนาดนี้ มีโอกาสเลือกใครได้เป็นแสนเป็นล้านครับ ไม่ต้องกลัวว่าจะแก่หรอกครับ รับรองว่ามีมาให้เลือกเยอะเลย ทุกวันนี้เป้ก็เห็นมีคนมาติดพันพี่บอยออกเยอะแยะ บางทีเป้ออกไปพบลูกค้า ยังเห็นพี่บอยนั่งทานข้าวกับใครหลายคน ไม่ซ้ำหน้าบ่อยไป แล้วยังว่าตัวเองไม่มีเสน่ห์อีก” ผมพูดแล้วทำหน้าสลดใส่ผู้ชายตรงหน้า ดูแววตาเขาสลดลงวูบหนึ่งตอนนั้นผมไม่สังเกตจริงๆ แต่เขาปรับสีหน้าอย่างรวดเร็วเป็นยิ้มแย้มสดใส
“พี่เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าน้องเป้ แอบไปเห็นพี่ไปทานข้าวด้วย ทีเราชวนหละไม่ว่างเล้ย..”พี่บอยลากเสียงสูงทำให้ผมหัวเราะครับ
“แหม.....พี่ก็มันไม่ว่างเลยนี่ครับ ช่วงนั้นงานเป้เยอะ พี่บอยก็รู้นี่ครับ”
“ครับ งานเยอะแถมใจดำมาก ขนาดพี่ไปรับถึงที่ทำงานยังไม่มีเวลากินข้าวกับพี่ จนพี่ต้องไปซื้อข้าวมาให้กินถึงที่ทำงาน”
“ช่วงนั้นเป็นช่วงน้ำขึ้นไงครับ ต้องรีบตักเดี๋ยวน้ำลด มันจะไส้แห้งอะครับ”
“ขยันแบบนี้จะเอาเงินไปเก็บไว้ตรงไหนเนี่ย”
“ก็เก็บไว้ใช้ตอนแก่ไงครับ ก็เป้เป็นคนไร้คู่นี่นา หมอดูบอกว่าเป้ดวงอาภัพ รักใครจะไม่ได้รักตอบ จะต้องอยู่คนเดียวไปตลอดชีวิต เป้เลยรีบหาเงินเก็บไงครับ ทำไงได้หละครับ สงสัยว่าตอนแก่ ถ้าพี่บอยอยากเจอเป้ ก็ต้องไปเจอกันตามบ้านพักคนชราแน่นอนเลย”
“โห .. ถ้าคนน่ารักๆ อย่างน้องเป้อยู่บ้านพักคนชรา อย่างพี่ไม่ต้องไปอยู่ดาวพลูโตเลยรึ”
“ก็หมอดูบอกว่า เป้ไม่มีเนื้อคู่นี่ครับ บางอย่างเป้ถูกใจแต่มันไม่ถูกต้อง แต่บางอย่าง ของมันถูกต้องแต่มันไม่ยักกะถูกใจ”
“น้องเป้คิดมาก เดี๋ยวนี้เจ้าสำบัดสำนวนนะเรา”
แล้วฝนก็ตกลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา จนบางส่วนของละอองฝนแผ่กระจายมายังเราทั้งสองคน แต่ว่าอย่อย่างนั้นไม่นานนัก ก็มีน้องพนักงานเอาร่มคันใหญ่มารับเราทั้งสองคนย้ายไปยังร้านที่อาคารหลังใหญ่ซึ่งหลังอยู่ไม่ไกลนัก จากซุ้มที่เรานั่งทานข้าวกันอยู่ เมื่อเข้ามายังตัวร้านผมก็มองไปรอบๆมือกุมประสานไว้แนบอกด้วยความหนาวมีผู้คนหลายคนที่ย้ายมาจากซุ้มรอบด้านจนทำให้อาคาราหลังใหญ่ของร้านเริ่มที่จะดูแคบไปถนัดตา แต่สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกชาวาบตั้งแต่หัวถึงเท้า หัวใจผมสั่นกระตุกเจ็บวูบ เมื่อผมมองไปเห็น.....ไอ้หน้าขาวกับ น้องกิฟต์ตรงมุมอีกด้านหนึ่ง
ทำไมต้องเจอกันอีก เสียงของความคิดดังก้องในหัว น้ำตาผมจะไหลออกให้ได้ ขนาดเวลาที่ไอ้หน้าขาวหมั้นเลยมา ก็สองเดือนกว่าแล้ว แล้วผมกับมันก็ไม่เคยเจอกันอีกเลย วันนี้หละทำไมผมต้องเจอ.........
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: jammy ที่ 19-02-2007 21:03:15
เศร้าอีกละอะ จะเป็นเเบบนี้ไปอีกนานไม๊น้อ  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 19-02-2007 22:56:36
กรรม :serius2:

โลกมันกลมมากไปมั้ง ในบางเวลา :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 20-02-2007 01:15:10
อืมมมม ช่างเลือกที่กินข้าวได้เหมาะเจาะดีแท้ :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:


แอบเชียร์พี่บอย  :impress: :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 20-02-2007 10:44:09
ขอโทษทียังคิดถึงเธอ...มันรักแล้วลืมไม่เป็น.... :impress3:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 20-02-2007 18:49:32
ขอโทษทียังคิดถึงเธอ...มันรักแล้วลืมไม่เป็น.... :impress3:
ในเมื่อมันลืมไม่เป็น  ก็รักมันต่อเลยแล้วกัน   :impress3:
จากนั้นก็ใช้วรยุทธ์ขั้นสุดยอดไปแย่งไอ้หน้าขาวมา  เอามันมาเป็นพวกเดียวกันเลยว้อยยยยยยย  สู้สู้  :laugh:

รออ่านต่อ อิอิ  :yeb:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: FlukeHub ที่ 20-02-2007 20:34:25
เอิ้ก!!~  ต่อๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 20-02-2007 21:55:42
โลกมันกลมจริงๆนะจะบอกให้
****************************************
ผมขอแลกที่นั่งกับพี่บอยครับโดยผมหันหลังไปทางมัน และพี่บอยนั่งหันข้างให้มันทั้งคู่ น้องกิฟต์ดูสดสวยเหมือนเดิมและดูเหมือนว่าจะสวยขึ้นมากกว่าเดิมด้วยซ้ำเนื่องจากไม่ใช่นักศึกษาแล้ว แถมเจ้าหล่อนยังรู้จักเเต่งเสริมเติมสวยตามวัย ยิ่งอายุมากขึ้นยิ่งต้องปรับเปลี่ยนตัวเอง ผมเห็นแว่บแรก ก็รู้แล้วหละครับว่าน้องกิฟต์ไม่ใช่น้องสาววัยใสๆคนเดิมอีกแล้ว ไม่ได้ว่าคนอื่นมากไปขนาดตัวผมเอง ผมยังว่าผมยังเปลี่ยนไปเลย จากที่เป็นคนใสซื่อ บ้องแบ๊ว หน้าใส ตาซื่อ วี้ดว้ายกระตู้วู้ รู้ไม่ทันคนเท่าไร บัดนี้ผมยังกร้านโลกมากขึ้น รู้จักเสริมรู้จักปรุงแต่งตัวเอง
น้องกิฟต์หละเธอทั้งสวยและรวยเป็นทุนอยู่แล้ว แถมยังได้เป็นนางแบบกิตติมศักดิ์ตามงานต่างๆบ่อยไป ผมพยายามที่จะไม่หันไปมองคนทั้งสองคนที่อยู่ด้านหลัง ไอ้หน้าขาวมันยังหล่อเหมือนเดิม รู้สึกว่าตัวมันจะใหญ่ขึ้นกว่าเดิมมาก ดูมีกล้าม มีความแข็งแรง ในใจผม ก็ภาวนาให้ผมหยุดตกซะที จะได้ไปให้พ้นบรรยากาศ ที่ทำให้ผมอยากเป็นนางเอกมิวสิค เดินร้องไห้กลางสายฝนที่ตกมากระหน่ำแบบนี้
“เป็นอะไรไปครับน้องเป้ นั่งหน้าเครียดเลย หนาวหรือเปล่าครับ”พี่บอยขยับตัวมาใกล้ๆผมครับ
“เปล่าครับพี่ ผมฝืนยิ้ม แต่คิดว่าเมื่อไรฝนจะหยุดตกซักที เป้ยังไม่ได้ซักผ้าเลยครับ” ผมตอบแบบไม่ได้คิดครับเพราะว่าความคิดของผมไปวนเวียนกับคนสองคนของอีกโต๊ะหนึ่ง
“น้องเป้ ส่งผ้าซักไม่ใช่เหรอครับแล้วพี่น้อมไม่มาทำความสะอาดห้องน้องเป้เหรอครับ” ความจริงผมมีแม่บ้านมาทำความสะอาดห้องให้ครับ แล้วเรื่องเสื้อผ้าเนี่ยแม่บ้านผมก็ป้าน้อมหละครับ แกจะจัดการหอบลงไปส่งซักให้ บางทีแกก็ทำอาหารให้ผม ด้วยครับเรียกว่าแกทำให้ผมทุกอย่างเลยครับ บางทีผมมักจะเรียกแกว่า คุณป้าอเนกประสงค์
บางทีที่นังต้องมาที่บ้าน แล้วขาดกับแกล้มก็ได้ป้าน้อมนี่หละครับ ขาดถั่ว ขาดขนมแกก็ลงไปซื้อมาให้ บางวันแกก็ใจดีเอากับข้าวมาจากที่บ้านของแกมาฝากผมด้วย บางครั้งขณะที่ผมแต่งตัวจะออกไปข้างนอกป้าน้อมแกก็จะมาเมียงมองดูผมแต่งตัวที่หน้ากระจก
“คุณเป้ นี่สวยนะค่ะ” ไม่รู้ว่าคุณป้าอเนกประสงค์ไปกินอะไรผิดสำแดงมาอยู่ก็มาทักผมขณะที่กำลังแต่งตัวจะออกไปข้างนอกในตอนสายๆวันหนึ่ง
“สวยอะไรกันป้า อย่างนี้เขาเรียกว่าหล่อ” ผมแย้งแกด้วยสีหน้ายิ้มๆ
“ไม่คะไม่ อย่างคุณเป้ เขาไม่เรียกว่าหล่อหรอกคะ เขาเรียกว่าสวย” แกส่ายหัวกระด็อกกระแด็กแล้วพูด
“ไม่เอาหละป้า ไม่อยากสวย”
“เดี๋ยวนี้ผู้ชายเขาสวยๆกันนะคะคุณเป้ ดูอย่างพระเอกละครเดี๋ยวนี้สิสวยๆกันทั้งนั้น ตึคุณเป้สวยอีกแบบหวานๆจะเหมือนผู้หญิงก็ไม่เหมือนจะเหมือนผู้ชายก็ไม่ใช่”
“ก็เป้สวยเหมือนกระเทยไงป้า” ผมสรุปให้แกครับ จะได้เลิกคิดเสียทีว่าสวยแบบไหน
“วุ้ย... คุณเป้ ไม่สวยอย่างกระเทยคะ ไม่รู้สิป้าบอกไม่ถูก”
“บอกไม่ถูกก็ไม่ต้องบอกก็ได้ป้า ว้า...เป้เสียใจหมดเลยมีคนชมว่าสวยเนี่ย ถ้ามีคนชมว่าหล่อจะดีใจขึ้นมาหน่อย” ผมเย้าแกเล่น
“คุณเป้ไม่หล่อแน่ๆคะ คุณเป้ตัวเล็กๆเหมือนเด็กๆ ถ้าไม่บอกป้าว่ายี่สิบสี่ป้าก็ว่ายังเหมือนสิบเก้ายี่สิบ ดูไอ้เอกหลานยายพวงร้านข้าวหน้าซอยสิคะ มันเพิ่งเข้ามหาลัยหน้ามันยังกะรุ่นพี่คุณเป้ ที่ว่าหล่อๆหนะ ป้าว่าคุณปอพี่คุณเป้นะคะที่หล่อจริงๆ คุณป่านก็สวยแต่ไม่สวยเหมือนคุณเป้”
“พอแล้วป้า เดี๋ยวเป้จะกลายเป็นผู้หญิงเพราะป้านี่หละ ที่ชมว่าสวย เดี๋ยวเป้กวนป้าหาข้าวให้เป้กินด้วยนะจ๊ะ เตรียมเผื่อนังต้องมันด้วยหละ”
“คุณต้องจะมาเหรอคะ เดี๋ยวป้าต้องเตรียมกับแกล้มด้วยหละสิ ต้องไปดูร้านยายพวงซะหน่อยจะได้สั่งของที่คุณต้องชอบมาให้” แล้วคุณป้าอเนกประสงค์ก็เดินกระวีกระวาดออกไป
ผมพยามยามใช้สายตาเพ่งมองที่จานตรงหน้าแต่มันไม่ช่วยอะไรดีขึ้นมาเลย แล้วผมก็รู้สึกถึงการถูกมองโดยใครคนหนึ่ง……น้องกิฟต์ครับเจ้าหล่อนมองเห็นผมพอดี มันเป็นช่วงที่ผมหันหน้าไปมองทางนั้น เนื่องจากน้องพนักงานคนหนึ่งถูกแขกเดินชน และเซมาทางที่ผมนั่งพอดี แล้วน้องกิฟต์มองที่ผมอย่างไม่แน่ใจ แล้วซุบซิบกับไอ้หน้าขาวครู่หนึ่ง แล้วมันทั้งคู่ก็เดินมาทางผมกับพี่บอย ผมนึกแช่งชักหักกระดูกเรื่องที่เกิดขึ้นตอนนี้ซะจริงๆ
“พี่เป้ใช่ปะคะ” อีน้องกิฟต์เข้ามาทักผมก่อนขณะที่มีไอ้หน้าขาวเดินตามหลังต้อยๆ เออ มึงห่างกันไม่ได้เชียวนะมึง
“ครับ น้องกิฟต์ปะเนี่ย สวยขึ้นจนพี่จำไม่ได้เลย”ผมตอบขณะที่ไอ้หน้าขาวก็ทักทายกับพี่บอย เพราะรู้จักกันมาแล้วในผับนานมาแล้วและไม่เจอกันนานแล้วเช่นกัน
“พี่เป้ ก็สวยนะคะ ดูสิแมนขึ้นมากอย่างไม่น่าเชื่อนะคะ”เจ้าหล่อนใส่เสียงสูงมาจนน่าเกลียดในความรู้สึกกรุ่นๆของผม ถ้าเป็นตอนที่ผมกับหล่อนยังเรียนด้วยกันหละก็ น้ำเสียงและท่าทางคงจะไม่เป็นแบบนี้แน่ๆ เวลา ทำให้ นิสัยของคนมันช่างเปลี่ยนได้จริงๆ
“เวลาเปลี่ยน คนก็ต้องเปลี่ยนมั่งสิจ๊ะ” ผมพูดยิ้มๆแต่เหน็บอยู่ในที
“นั่นสินะคะ ถึงว่าพี่เป้มั่นขึ้น เนี่ยกิฟต์ไม่ได้เจอกับพี่เป้ นานแล้วนะคะ ตั้งแต่พี่เป้จบมา คิดว่าจะเจอกันในงานหมั้นแต่พี่เป้ก็ไม่สบายเสียก่อน เสียดายๆจริงๆ”เจ้าหล่อนพูดพลางยกมือซ้ายเสยผมยาวสลวยที่โดนลมทะเลพัดปลิวระแก้ม โดยมีประกายเพชรวูบวาบที่นิ้วนางข้างซ้าย ส่องมาบาดหัวใจของผม..............
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: ฿oomb@b@ ที่ 20-02-2007 23:12:26
หยามชัด ๆ กระโดตบเลยเปงงัย :3125:

แหมเอาแหวนเพชรมาอวดล่ะสิ :3125:

อย่าถึงที่น่ะ ใช่มั้ยพี่เป้ อาให้วงใหญ่เลยน่ะครับ

จี้ดดแทนเลยเนี่ย :pigangry2:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 21-02-2007 00:42:07
เย็นไว้ ๆ  :try2:



เจอกันหลังร้านนะ  :haun5: :pigangry2:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: inimeg ที่ 21-02-2007 02:21:50
เอ้า มาตบกันเรยดีก่าพี่เป้ ยังไง เราก็ไม่ดีอยู่แร้ว

เอากันให้ตายไปเรย
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 21-02-2007 07:27:39
ตบกิ๊บสังเวยแหวนเพชรมันไปเลยเคอะคุณน้องคนสวย  :3125:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: FlukeHub ที่ 21-02-2007 10:52:59
เหอๆๆ  เซ็งๆๆๆ

เบื่อคนสวยจริงๆให้ตาย

น้องเป้สู้ๆ  เราสวยกว่าเยอะ  มั่นไว้ๆๆ
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: jammy ที่ 21-02-2007 11:54:10
ฆ่ามานนนนนนนนนนนนน  :pigangry2:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 21-02-2007 13:27:03
วันนี้ขอเป็นตัวร้ายหน่อยเหอะ... :angellaugh2:

กะอีแค่ผู้หญิงนางเดียว....ใส่ใจมันทำไม

สั่งน้ำร้อนแล้วสาดมันซะ....จะได้เลิกบ้า... :pigangry2: :pigangry2:

ตบไปก็เปลืองมือ............. :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 21-02-2007 20:36:16
ใจเย็นครับสองกับถุง  เวปนี้ผู้หญิงเยอะนะครับ
 :3063:
***********************************************************

ผมยิ้มครับไม่อยากโต้ตอบมันทั้งผัวทั้งเมียนั่นแหละ ยิ่งหน้ามันทั้งคู่ยิ่งไม่อยากมอง ยิ่งมันมาคู่กันแบบนี้ ผมหละเกลียดมันเข้าไส้ ยิ่งนังชะนีผมยิ่งอยากจะตบมันสักฉาด ทั้งที่เมื่อก่อนมันก็น่ารักดี แต่ตอนนี้มันวอนโดนตบซะจริงๆ
“นี่แฟนพี่เป้ เหรอคะ หล่อดีนะคะ” หล่อนพูดพลางมองผมด้วยสายตาที่มองเหมือนผมไปเหยียบเท้าแม่มันเข้า
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเธอ กิฟต์พี่ขอเถอะนะ ท่าทีอย่างงี้ อย่าทำกับพี่ เมื่อก่อนพี่ว่าเธอน่ารักมากนะ แต่ตอนนี้อย่าแสดงให้พี่ต้องเลิกเอ็นดูเธอเลย รักษาความน่ารักให้คนอื่นเขาชื่นชม ไม่ใช่ให้เขาดูถูก” ผมพูดเสียงหนักให้รู้ตัวว่าไม่ชอบ ถึงแม้ว่าคุณนายแสนดีจะเลี้ยงผมมาค่อนข้างจะดูเป็นคุณหนูหน่อยๆ ตั้งแต่สมัยเด็กๆแล้ว ก็มีบ่อยๆไปที่ผมหลุดรอดสายตาของคุณนาย ไปเป็นทโมนตามกลุ่มของเด็กผู้ชาย เรื่องชกต่อยหนะมีบ้าง แต่กับผมหนะไม่ค่อยเจอครับ เพราะว่าพวกเด็กพวกนั้นคิดว่าผมเป็นเด็กผู้หญิง แล้วผมยังมีองครักษ์ตั้งสองคน คือไอ้หน้าขาวกับไอ้พี่ปอพี่ชายสุดหล่อของผมเอง ครั้งหนึ่งครับ ไอ้หน้าขาวกับกับพี่ปอโดนเด็กผู้ชายกลุ่มหนึ่งรุม แต่ผมยังยืนอยู่กลางวงไม่โดนอะไรเลย เมื่อเห็นว่าพี่ชายกับไอ้หน้าขาวไม่ไหวจริงๆ แล้วยิ่งเห็นพี่ชายโดนเด็กต่างถิ่นเหยียบหน้าอกจนหลังแนบพื้น ก่อนที่สมองจะสั่งการ เท้าผมก็เตะไปที่ท้องไอ้คนที่เหยียบพี่ชายผมจนมันล้มกองกับพื้น ทีนี้หละคับสามกับห้า ผลคือฝ่ายเด็กพวกนั้นโดนซะงอม พี่ชายผมหนะเจ็บไม่เท่าไรครับ เพราะโดนจนชินมีเรื่องกับคนอื่นได้ทุกวัน แต่ไอ้หน้าขาวนี่สิมันไม่ค่อยได้มีเรื่องกับใคร หลังจากที่ผมอัดไอ้คนที่เหยียบพี่ชายผมแล้ว ไอ้เพื่อนมันข้างๆก็ปล่อยหมัดมากระแทกที่ไหล่ผมปั๊กใหญ่ เจ็บมากๆครับ มันตัวใหญ่และหมัดหนักด้วย น้ำตาผมไหลออกมาทันทีเกือบจะทรุดลงไป แต่ก็ไม่ได้ถอยผมกระโจนเข้าหามันด้วยซ้ำ เผี้ยะ ผมตบไปที่หน้ามันเต็มๆ พลางผลักมันออกไป แต่มันดึงผมล้มตาม แต่สงสัยดวงเจ้านี่มันจะซวย ผมดันล้มทับมัน แถมยังเอาเข่ากระแทกที่ท้องมันอีกสงสัยเจอลิ้นปี่พอดีหนึ่งดอก มันเอามือกุมท้อง จุกแน่ๆตอนนั้น แล้วยังไม่ทันที่จะลุกขึ้นมาตั้งตัวได้เลย ผมรู้สึกจุกมั่งแล้ว ไอ้คนที่เหลือมาจากไหนไม่รู้ ผมโดนหมัดอัดเข้าไปที่ท้องจนทรุด แล้วไอ้คนนั้นมันถลาเข้ามาง้างเท้าจะซ้ำ ผมหลับตากัดฟันแน่น คิดว่าหน้าของผมต้องโดนหลังเท้าแล้ว แต่ไอ้หน้าขาวครับมันมาช่วยผมทัน ลืมตามาอีกทีเห็นเจ้านั่นกองกับพื้นแล้ว แถมตอนนี้เพื่อนพี่ชายผมผ่านมาพอดีไอ้พวกนั้นเลยหมอบกระแต ผมนอนจุกลุกไม่ขึ้นอยู่ตรงนั้นเอง ไอ้หน้าขาวมาประคองผม เมื่อเห็นว่าผมเจ็บเลยอุ้มผมขึ้นมา ตอนนั้นน้ำตาผมไหลเปื้อนอกเสื้อของมันจนชุ่มหละครับ
“กิฟต์ก็เป็นของกิฟต์อย่างนี้แหละคะ ใครรับได้ก็รับ กิฟต์พูดความจริงผิดตรงไหนค่ะ” ดูมันลอยหน้าลอยตาน่าตบมากๆ
“พี่จำได้ ว่ากิฟต์เคยน่ารัก ทำไมถึงเป็นแบบนี้” ผมสงสัยจริงๆอะไรมันเปลี่ยนให้หล่อนกลายร่างมาเป็นได้ขนาดนี้
“นั่นแต่ก่อนคะ ตอนนั้นกิฟต์โง่นี่คะ ถึงโดนพี่เป้ตบตา ทำดีกับกิฟต์ แต่จริงๆพี่เป้คิดแย่งพี่ยอดจากกิฟต์ตลอดเวลาตะหาก” เสียงของน้องกิฟต์เริ่มดังจนชายหนุ่มทั้งสองคนต้องหันมาดู
“กิฟต์เป็นอะไรไป ทำไมหน้าซีดอย่างนี้” ไอ้หน้าขาวครับ มันเข้ามาประคองนังชะนีตัวนี้เอาไว้ ความจริงหน้ามันไม่ได้ซีดเลย แต่มันแดงเข้มด้วยความโกรธอิจฉาริษยาตะหาก....โง่จริงๆ ผมมองดูภาพตรงหน้า ด้วยความเจ็บปวด ยิ่งน้องกิฟต์เห็นแววตาของผมด้วยแล้ว เธอยิ้มครับ แต่แววตาที่ผมเห็นขณะนั้นคือแววตาสะใจฉายประกายออกมาอย่างชัดเจน
“น้องกิฟต์ ดีใจคะที่เจอพี่เป้ เราเลยคุยกันเสียงดังไปหน่อย แหม พี่ยอดไม่เห็นต้องห่วงกิฟต์ขนาดนั้นหรอกคะ พี่เป้ก็เป็นรุ่นพี่มหาลัย แถมยังเป็นย่ารหัสของกิฟต์สมัยเรียนอีก กิฟต์หนะรักและเคารพพี่เป้จะแย่” น้องกิฟต์พูดพลางยิ้มสวย แต่ความรู้สึกผมตอนนั้น มันเหมือนเจ้าหล่อนยิ้มเยาะๆยังไงพิกล เออ...กูไม่เป็นผู้หญิงเหมือนมึงก็แล้วไป…..
พอฝนซาลงผมก็รีบชวนพี่บอยกลับทันทีครับไม่อยากเห็นภาพบาดตาบาดใจที่เจ็บปวดอีก คราวนี้พี่บอยนิ่งเงียบเหมือนคิดอะไรอยู่ในใจ ส่วนผมหนะเหรอครับ เงียบมาตลอดทางที่กลับกรุงเทพหละครับ……..


หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: FlukeHub ที่ 21-02-2007 20:48:05
โอ๊ย!!~   ตบมันเลยน้องเป้  ตบมานนนน  :3125:

เซ็งจริง  ผู้หญิงหน้าสวย

อ๊ากกกกก!!~   :pigangry2:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 21-02-2007 22:55:57
คุยกะบอยบ้างนะ  :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: jammy ที่ 21-02-2007 23:00:55
ตูละเบื่อไมการตัดใจจากคนบางคนมันยากถึงขนาดนี้น้า  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: ฿oomb@b@ ที่ 21-02-2007 23:49:36
อ้ากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

มานหยามกันนี่นา

ตบมานเลย ตบมาน ย้ากกกกกกกกกกกกกกกก :pigangry2:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: inimeg ที่ 21-02-2007 23:51:26
55555

พี่เป้ไม่ทำ งั้น พวกเรา เอ้า ลุย........................................
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: suregirl ที่ 22-02-2007 10:48:01
ตบมันเลยค่า นังชะนีหน้าสวย :pigangry2: :pigangry2: :pigangry2:


แต่ เอ๊ะ เราก็ชะนีนี่หว่า  :untrust: :untrust: :untrust: :untrust:  ไม่ดี ไม่ดี อย่ามีเรื่องกันเลยค่า  :yeb: :yeb:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 22-02-2007 11:04:32
สั่งน้ำร้อนสาดเลย................... :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 22-02-2007 13:36:43
อีกิ๊ฟต์ ดอกซ่ะะะะะะะะะะ

ช้างงงฟาด


อุ๊บส์!!!!!! ขอโทศคร้าบบบบบบ




ลป.


ถ้าเป็นผมเหรอ มันไม่ได้ออกจากร้านสภาพเดิมแน่

แสดดดดดดดดดดดดด

 :angry2: :200: :new_2gunsfiring_v1: :twak: :knock: :18: :beat: :monkeyangry3: :fire:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 22-02-2007 22:09:59
กร๊าก อารมณ์รุนแรงกันเจงๆเล้ย
*************************************************************
ท่ามกลางสายฝนที่ตกมาพรำๆ พี่บอยตั้งหน้าตั้งตาขับรถมาอย่างเดียว เสียงวิทยุดังกังวานอบอวลด้วยเพลงรักแต่เราทั้งสองคนกลับนิ่งเงียบ ปกติเวลาไปไหนกันผมก็จะเป็นฝ่ายบอกนั่นบอกนี่ เช่น
“พี่บอยฝนตกหลบฝนก่อน”
“ ขับรถเร็วไปพี่ จะรีบไปดูเมียคลอดที่โรงบาลหรือไง”
แต่คราวนี้เราสองคนไม่ได้พูดอะไรกันเลยครับ ระหว่างเราสองคนมีเพียงเสียงวิทยุที่ดังภายในรถ กับเสียงถอนหายใจของพี่บอยดังขึ้นมานานๆครั้ง จนกระทั่งรถเข้าเขตบางนา
“พี่ถามจริงๆนะครับเป้ เป้เคยมีอดีตกับยอดใช่หรือเปล่า”พี่บอยทนไม่ได้ครับแกถามผมด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“เป้เคยรักพี่ยอด” ผมตอบเสียงแผ่ว น้ำตาเริ่มคลอ
“เขามีคู่หมั้นแล้วนะครับน้องเป้ น้องเป้ทำไมต้องชอบคนมีเจ้าของแล้วด้วยหละครับ ทำไมไม่มองคนที่เขาสนใจ พยายามเข้าหาน้องเป้ คนที่ใส่ใจน้องเป้หละครับ”
“จะมีใครใส่ใจเป้หละครับ ขนาดเป้ยอมอาย หน้าด้านไปสารภาพรักกับเขาสมัยเรียนมหาลัย เป้ยังโดนปฏิเสธมาซะขนาดนั้น ทุกวันนี้เป้บอกตรงๆเลยว่า เป้ไม่อยากมีแล้วไม่อยากเริ่มต้น ความรักของเป้เมื่อมันเกิดได้มันก็ตายได้เหมือนกัน”
“แล้วน้องเป้ไม่ลองมองรอบข้างมั่งเหรอ มีใครหลายคนที่เขารักน้องเป้ ห่วงน้องเป้”
“เป้อยากรู้จัง ใครกันคือผู้โชคร้ายคนนั้น นอกจากครอบครัวกับเพื่อนสนิทแล้ว เป้ยังไม่เห้นใครที่เป็นที่พึ่งพิงทสงใจของเป้ได้เลย”
พี่บอยเปิดไฟเลี้ยวแล้วจอดชิดริมถนน แล้วมองหน้าผมนิ่ง
“แล้วพี่หละน้องเป้ พี่อยากให้น้องเป้รับพี่ไว้พิจารณาสักคน ถึงตอนนี้พี่จะไม่ได้อยู่ในใจของน้องเป้แต่ขอโอกาสให้พี่อยู่ข้างใจของน้องเป้สักคนได้หรือเปล่า”
ผมนิ่งครับคาดไม่ถึงครับเพราะเท่าที่รู้จักกันมาพี่บอยแกไม่เคยที่จะแสดงทีท่าหวานจ๋อยกับผมเลยสักที จะมีก็พูดทีเล่นทีจริงกับนังต้องมั่งหละ บางทีเล่นเอานังต้องมันคิดเป้นตุเป็นตะไปก็มี แถมบางทีลับหลังพี่บอย นังต้องมักจะมานินทาให้ฟังบ่อยๆ
“พี่บอยของมึงนี่อ่อยกูซะจริง พอกูจะจริงจังแกก็ทำเป็นเล่นตัว สักวันนะมึงกูจะวางยาแล้วลากเข้าโรงแรมซะให้เข็ด”
“ มึง ก็วางวันนี้เลยสิ พี่เขาดูเหมือนอยากได้มึงเต็มแก่”
“อีดอก...นี่พูดหาตีนให้กูแต่หัววันเลย ถ้าเขาสนใจกูมันก็ไม่ยากหรอกว้า แต่กูรู้วะว่าเขาสนใจใคร...” นังต้องมองหน้าผมยิ้มๆ
“มึงรู้ได้ไงอะ เขาบอกมึงเหรอ” ผมยังตามนังต้องไม่ทัน
“เรื่องอไรเขาจะบอกกู กูดูกูก็รู้ละกัน กูไม่ได้โง่เหมือนมึงนี่”
“เออ กูโง่ แต่กูก็สวยกว่ามึงหละกัน”
“เออ อีดอก อีสวย อีนางฟ้า คอยดูนะมึงกูไปเมืองนอกสองเดือนกูกลับมาไม่สวยขึ้นมึงเหยียบหน้ากูได้เลย”
ผมคิดถึงคำพูดของนังต้องขึ้นมา ว่าพี่บอยเขาสนใจใคร มิน่าตอนนั้นมันมองหน้าผมยิ้มๆ ก็ผมไม่รู้นี่ครับ ดูพี่แกทำตัวเป็นผู้ใหญ่เกินวัยด้วยซ้ำ กับนังต้องดูแกเล่นเฮฮา แต่กับผมดูแกจะเก๊ก วางท่าเป็นผู้ใหญ่เกินตัว จนผมไม่ได้สังเกตครับว่าแกสนใจใคร
ผมเงียบครับเมื่อพี่บอยพูดเปิดอกมาอย่างนี้ มันตื้อคิดไม่ออกเลยจริงๆ มันไม่ได้คิดมาก่อนเลยว่าพี่บอยแกจะมาคิดกับผมแบบนี้ ปกติผมก็เล่นๆกับแก ล้อแกมั่งแต่ไม่ได้จริงจังอะไรนักอีกอย่างผมก็เห็นแกไปนั่นมานี่บ่อยๆกับใครหลายคนทั้งผู้ชายละผู้หญิงเวลาที่ผมออกไปพบลูกค้า อีกอย่างแกก็เป็นคนที่อยู่ในสังคมคนละชั้นกับผม ผมกลัวมากครับกลัวที่จะไปกันไม่ได้
“พี่บอยล้อป้เล่นหรือเปล่าครับ” แทนที่ผมจะตอบแต่ผมกลับถามแทน
“น้องเป้เคยเห็นพี่พูดเล่นเหรอครับตั้งแต่รู้จักกันมา”
“ขอเวลาเป้ก่อนได้ปะครับ เรายังไม่รู้จักกันดีพอ อีกอย่างเป้ก็ไม่ได้เตรียมใจไว้รับใครเลยครับตอนนี้”
“เราดูกันไปก่อนก็ได้ครับ เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ใจของพี่ให้น้องเป้ได้เห็นว่าพี่จริงใจแค่ไหน พี่ไม่ได้อยากเรียกร้องอะไร ทุกอย่างขึ้นอยู่กับน้องเป้แล้วครับ เพราะตอนนี้ หัวใจของพี่ มอบให้น้องเป้เก็บเอาไว้แล้ว” แล้วพี่บอยไม่พูดอะไรต่ออีก แกเปิดไฟให้สัญญาณ ก่อนออกรถมาส่งผมที่คอนโด....

**************************************

หลังจากวันที่ไปกินข้าวที่ต่างจังหวัดมาแล้ว พี่บอยได้พาตัวเองเข้ามาใกล้ชิดผมมากขึ้น มารับผมไปกินข้าวกลางวัน เลิกงานก็พาไปดูหนัง กินข้าว ฟังเพลง จนนังต้อง กัดบ่อยๆว่า “เห็นผู้ชายดีกว่าเพื่อน” ช่วงนี้ผมคงห่างจากนังต้องมาพอสมควรจริงๆ ในขณะที่ผมยังรู้สึกกับพี่บอย ไม่ได้ก้าวหน้ามากไปกว่าคำว่า เพื่อนหรือพี่ชายเลย บ่อยครั้งที่ผมเห็นแกควงคนอื่นไป ทานข้าว ดูหนัง แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกอะไรมากมากมายนัก นอกจากว่ารู้สึกเสียหน้าบ้างเล็กๆ ที่บอกมารักมาชอบเรา แต่ควงคนอื่นมาให้เห็น ผมก็พยายามเข้าใจครับว่า พี่บอยเป็นหนุ่มเนื้อหอม และดูแกก็เป็นสุภาพบุรุษตัวจริง กระทิงแดงซะนี่กะไร ดูแกไม่ค่อยกล้าปฏิเสธใครเท่าไรนัก แถมบางครั้งก็หว่านเสน่ห์จนผมอดหมั่นไส้ไม่ได้ ส่วนทางผมหนะเหรอครับ ได้แต่ก้มหน้าก้มตาทำงานงกๆไปวันๆ จะมีเวลาส่วนตัวก็วันศุกร์หละครับ ที่ผมจะได้ออกไปเที่ยวกับนังต้อง เพราะพี่บอย วันศุกร์-เสาร์ จะต้องไปค้างที่บ้านแม่ เรียกว่าผมมีวันปลอดตั้งสองวัน ที่จะเป็นอิสระ กว่าจะเจอพี่บอยก็เย็นวันอาทิตย์โน่นหละครับ แต่ว่าผมจะไปเที่ยวได้ก็ต่อเมื่อคุณพี่บอยต้องอนุญาตก่อนเท่านั้น ผมถึงจะไปได้ แล้วห้ามผมไปคนเดียวเหมือนเมื่อก่อนโดยเด็ดขาด อีกอย่างที่พี่บอยห้าม คือห้ามเที่ยว ผับหรือบาร์เกย์ โดยเด็ดขาด โห.... คุณพี่พูดยังกับว่าผับธรรมดาจะไม่มีงั้นแหละ เกย์เนี่ย ขนาดเดินไปแค่ปากซอยยังเจอเลย นับประสาอะไรกับผับ สงสัยแกเองก็ลืมไปว่า ผมกับแกก็เจอกันที่ผับธรรมดาไม่ใช่ผับเกย์เสียหน่อย ผมกับนังต้องไม่สูบบุหรี่ครับไม่ว่าเวลาปกติหรือเวลา ไปเที่ยว ไม่เหมือนพี่บอยครับที่เวลาไปเที่ยวแกจะสูบบุหรี่ ไม่รู้ว่าเป็นอะไรสิน่า ทั้งที่เวลาปกติ แกจะไม่สูบด้วยซ้ำ แล้วเวลามีคนมาสูบใกล้ๆแก แกก็จะบ่นว่าเหม็นบุหรี่ ผมถึงว่ามันแปลกไงครับ พี่บอยแกไว้ใจนังต้องครับ เวลาไปเที่ยวแกคงคิดว่า นังต้องมันจะช่วยผมได้เวลาเกิดอะไรขึ้น เฮ้อ....พี่บอยแกไม่รู้หรอกครับ ว่าไปกับนังต้องนี่หละครับ ผมถึงต้องกลับแท็กซี่คนเดียว ทุกครั้งที่มันได้....ผู้ชาย
“พี่บอยครับทำไรอยู่อะ”
“พี่จะพาแม่ไปทานข้าว น้องเป้อยู่ไหนครับ” เสียงนุ่มๆถามผมมาตามสัญญาณคลื่น
“เป้อยู่กับต้องครับ คือว่าต้องเขาจะชวนเป้ไปเที่ยวหนะครับ เลยโทรมารายงานตัวก่อน”
“โห...น้องเป้ ไว้วันเสาร์หน้าค่อยไปไม่ได้เหรอครับพี่จะได้ไปด้วย ไปสองคนเดี๋ยวใครก็ฉุดน้องเป้ของพี่ไปหรอก”
“อย่างเป้เนี่ยนะจะยอมโดนฉุด เป้ว่าจะไปฉุดเขาเองซะมากกว่า 555”
“เฮ้ย..อย่าแม้แต่กระทั่งคิดนะน้องเป้ เรียกน้องต้องมาคุยกับพี่ซิ” พี่บอยดูจะห่วงผมทุกครั้งหละครับ เวลาที่ไปเที่ยวโดยไม่มีแก จนผมต้องใช้วิชามารยากายสิทธิ์นั่นคือ
“ถ้าพี่บอยไม่ไว้ใจกันขนาดนี้ เป้ว่าเราเหมือนเดิมดีกว่า คืออยู่ใครอยู่มัน ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกัน คนที่จะคบกันได้ ต้องไว้ใจกันอีกอย่าง เป้ก็ไปกับต้องด้วย พี่บอยไม่ไว้ใจเป้กับต้องใช่ไหม……บลาๆๆๆๆๆ”
นั่นแหละครับ จนแกสามารถวางใจได้ ว่าผมเที่ยวและกลับอย่างปลอดภัย ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน แล้วข้อตกลงอีกข้อหนึ่งคือ เวลาตีหนึ่งครึ่ง แกจะโทรเช็คผมกับนังต้องครับ
“แหม...มึง ขนาดแค่ตกลง ที่จะดูใจกันแค่นั้นเองนะมึง ยังไม่ได้คบเป็นแฟนด้วยซ้ำ ทำยิ่งกว่าพ่อมึงอีก” นังต้องบ่น หลังจากที่คุยกับพี่บอย ขอลากตัวผมไปเที่ยวเสร็จแล้ว
“เออนะ ช่างแกเหอะน่ามีคนเป็นห่วงดีกว่าไม่มี”
“จ้า...อีคนเจ้าเสน่ห์”
“ตกลง คืนนี้มึงจะไปที่ไหน กูอยากไปผับเกย์นะมึง” ผมบอกกับนังต้องครับ
“อีนี่....ไม่ได้ยินที่พ่อมึงสั่งหรือไง ว่าไม่ให้มึงไปผับเกย์หนะ”
“เออ มึงก็ไม่ต้องบอกสิว่าเราไปผับเกย์มา”
“ไปผับธรรมดาดีแล้วหละอีนี่ กูยังเข็ดไม่หายเลย กับอีผับเกย์เนี่ย มึงจำอีน้องป๊อกได้มั้ย ที่ไปกินข้าวต้มที่คลองตัน พอมันไปกับกูนะมึง แม่- หันตูดให้กูเฉยเลย อีบ้า ใครจะตีฉิ่งกับมัน กูเลยไล่มันกลับบ้าน ให้ค่ารถมันไปห้าร้อย คิดดูสิมึง เห็นมันแมนๆห้าวๆ อีห่- เสือ- หันตูดให้กู ขนาดว่ากูทำตัวสาวแตกขนาดนั้น มันยังจะให้กูเสียบอีก อีห่- นั่น ”
“ทำไมมึงไม่เสียบมันหละ”
“อีนี่ มึงจะให้กูตีฉิ่งกับมันหรือไง กูหนะ รับก็รับ รุกก็รุก ไม่ใช่ว่าได้หมด จนไม่รู้ว่าใครเป็นผัวใครเป็นเมีย”
“เออ....อีคนเพศเดียว ว่าแต่วันนี้มึงจะไปที่ไหนหละ”ผมกัดมัน พลางถามมันอย่างเป็นการเป็นงาน เพราะมันมาขลุกกับผมตั้งแต่ตอนเย็น ที่มันไปรับผมมาจากที่ทำงาน แล้วมันยังมาตั้งวง เรียกน้ำย่อยที่ห้องผมอีก โดยมีคุณป้าอเนกประสงค์ รับหน้าที่เป็นฝ่ายพลาธิการจัดหาเสบียง และกับแกล้ม ตามระเบียบ
“ไปที่.................ดีกว่านะไม่ได้ไปมาตั้งนานแล้ว” ที่ที่นังต้องว่า นั่นก็คือ ที่ที่ผมกับมันชอบไปเที่ยวบ่อยๆนั่นเองแต่ผมไม่อยากไปที่ตรงนี้เลยครับ เพราะว่าที่ตรงนี้ ผมรู้ครับว่าผมต้องเจอกับกลุ่มของพี่ชายกับเพื่อนๆของแก ที่แกทำเป็นหมาหยอกไก่ มาจีบผมอยู่เวลาผมไปเที่ยว และที่สำคัญพี่ชายดันรู้จักและเป็นเพื่อนสนิทกับไอ้หน้าขาวด้วยเพราะก่อนวันหมั้นไอ้หน้าขาว ผมเคยเห็นแกขับรถผ่านหน้าบ้านของผม ผมกลัวครับ กลัวที่จะไปเที่ยวแล้วเจอกับไอ้หน้าขาวอีก ผมภาวนาให้คืนนี้เป็นคืนที่ปลอด อย่าได้เจอะได้เจอกับไอ้หน้าขาวอีกเลย ผมภาวนาในใจครับ

***************************************************************************************
ค่ำคืนนี้ที่ผับ ดูเหมือนนักเที่ยวราตรีจะมีมากกว่าเดิมเสียอีก สองสามเดือนที่ผ่านมา ผมไม่ได้มาเหยียบที่ผับนี้เลย
เพราะกลัวเจอไอ้หน้าขาวกับกลุ่มเพื่อนของมัน อีกอย่างพี่บอยแกก็คุมเข้ม ไม่ยอมให้ผมเที่ยวเลย ตอนนี้ผมก็ตกลงปลงใจกับพี่บอยหละครับ ว่าจะลองศึกษานิสัยใจคอกันดู อยู่กับคนที่เขารักเรา ดีกว่าที่จะใฝ่ฝันหา ในสิ่งที่ใกล้แค่เอื้อม แต่คว้าไม่ถึงสักที ไม่รู้ว่าจะยื้อแย่งไปให้เหนื่อยทำไม แค่หำเหี่ยวๆอันเดียว ทำไมใครๆก็ต้องแย่งกันนัก
อีกอย่าง ที่ไม่อยากจะมาผับนี้อีกเลย ก็เพราะว่ากลัวเจอไอ้หน้าขาวแล้วผมทำใจไม่ได้ แผลที่ใจของผมยังไม่หายดีเลย ไม่อยากเจ็บซ้ำเจ็บซากอีก ขนาดเตือนตัวเองอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน แต่ใจเจ้ากรรม มันยังไม่เลิกคิด เลิกห่วงไอ้หน้าขาวเสียที แล้วอีนังน้องกิฟต์มันหวงไอ้หน้าขาวขนาดนั้น ผมคงไม่มีปัญญาไปแย่งมาได้หรอก ยิ่งเจ้าหล่อนประกาศสงครามกับผม ตั้งแต่วันที่ไปกินข้าวคราวโน้นแล้ว มันทำให้ผมอยากลี้ภัยสงครามเพลิงพระนางเสียจริงๆ มันเป็นคู่หมั้นกันมันคงรู้กันหละว่า ผมเคยไปสารภาพรักกับแฟนมัน เพราะเรื่องนี้คนกว่าครึ่งมหาลัยเขาก็รู้กันทั่ว ดีนะที่สอบเสร็จและผมก็ไม่ต้องไปมหาลัยอีก ไม่เช่นนั้นผมคงไม่ได้เรียนจบมาได้อย่างนี้หรอก ความจริงน้องกิฟต์มันก็หน้าตาดี สะสวย ทำไมไม่หึงไม่หวงไอ้หน้าขาวกับชะนีตัวอื่นมั่งหละ ไอ้หน้าขาวมันก็เจ้าชู้ไม่ใช่ย่อย เพราะตอนที่นังน้องกิฟต์ยังไม่ได้เข้ามหาลัย ไอ้หน้าขาวมีแฟนแล้วเลิกมาเป็นสิบๆ ไม่เห็นมันคบใครได้นาน และจริงจังเหมือนนังน้องกิฟต์นี่เลย หรือว่ามันทั้งคู่เคยเป็นเดือนและดาวมหาลัยเหมือนกัน มันถึงอยู่ด้วยกันได้ แต่ผมก็สงสัยมากเหมือนกันแหละว่า อีเหลนรหัสสมัยมหาวิทยาลัยของผมคนนี้ มันตั้งป้อมเป็นศัตรูกับผมเพราะอะไร ผมเคยไปทำอะไรผิดกับมันมากแค่ไหน แค่ผมไปสารภาพรักรักกับไอ้หน้าขาว แล้วโดนมันปฏิเสธแถมประกาศในกลุ่มเพื่อนของมัน จนเรื่องแดงไปค่อนมหาลัยเนี่ยเหรอ ที่ทำให้อีนังชะนีตัวนี้ถึงมาประกาศสงครามกับผมถึงขนาดนี้ เมื่อมาถึงผับและเดินเข้าไปข้างในผมกวาดสายตาไปรอบๆ นึกแล้วว่าต้องเจอ......................
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: FlukeHub ที่ 22-02-2007 22:47:25
หุหุหุ  พรหมลิขิตบันดาลชักพา

สงสัยคงเป็นเพราะบุพเพสันนิวาส

แต่ผมเชียร์พี่บอยนะ  น่าร้ากส์!!~

รับพี่ยอดไม่ได้จริงๆ  ดูถูกจริงๆ  เพศที่สามก้อมีหัวใจนะคร้าบบบ!!~
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: jammy ที่ 22-02-2007 22:56:42
สงสัยจะมีเบื้องลึกเบื้องหลังเเหงๆ เเล้วเมื่อไหร่ตูจะรู้ละเนี่ยยยยยยยยยยยยยย :110011: :110011: :110011: :110011: :110011: :110011:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 22-02-2007 23:03:55
แล้วไปเจอใครเคอะเนี้ยยยยยยยยยยยยยยย

กรีดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ขออย่าให้เป็นไอ่ยอดกะนังนีกิฟต์เมียมันเลย


เพราะเจ้เกลียดมันทั้งคู่  เป็นเจ้หน่อยไม่ได้...........อยากตบชะนีจริงๆ   :laugh5:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 23-02-2007 11:57:34
ชิชิ

ชะนีก็ร้ายยยยยย ชายก็เลวววววววววววววววว

 :ped144:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 23-02-2007 18:44:48
ในที่สุดก็เจออีกแล้ว.... :pigangry2: :pigangry2:

หั้ยนังต้องช่วยเด๋วก็หมดเรื่อง.... :pigha2: :pigha2:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 23-02-2007 21:28:44
เหอะๆ สาวๆเริ่มหายไปจากกระทู้
กลัวโดนตบ
******************************************************
ผมกวาดสายตาไปเจอกับกลุ่มพี่ชายแล้วครับ พี่ชาย พี่ป้อม พี่โอ๊ค และพี่อีกสองสามคนที่ผมยังไม่สนิทมากนัก วันนี้พี่เขามาแปลก มีชะนีมาด้วยสองคนครับ ผมรู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันทีครับ ที่วันนี้ไม่มี...ไอ้หน้าขาว เมื่อพี่ชายเห็นผมกับนังต้อง แกยกแก้วเหล้าชูให้ผมครับ ผมยิ้มพลางสะกิดแขนนังต้อง ที่เดินอยู่ข้างหน้าให้เดินตามผมมั่งครับ ผมเข้าไปทักกลุ่มพี่ชายเขาครับ
“ไม่เจอกันนาน น้องเป้ยังน่ารักเหมือนเดิม” พี่ชายทักมาก่อนครับ
“ทักอยู่คนเดียวนะพี่ ใจคอจะไม่ทักกันเลยหรือไง” นังต้องครับมันตะโกนแข่งเสียงเพลงให้พี่ชายได้ยิน
“น้องต้องมาด้วยกันเหรอเนี่ย ติดกันเป็นตังเมเลยนะ”
“ไม่ได้สิพี่ ไม่มีมัน ต้องก็อดกินผู้ชายพอดี”
“ต้องใช้ตัวช่วยด้วยเหรอ น้องต้อง ถ้าหิว วันนี้กินพี่ก็ได้”พี่ป้อมตะโกนกลับมามั่ง
“ทั้งปีแหละ พี่หนะ ท้าทาย เอาจริงๆหละฝ่อ”
พี่ป้อมหัวเราะ ไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่ยกแก้วเหล้าของแก ยื่นมาให้นังต้อง
“หายไปไหนมาตั้งนาน น้องเป้” พี่โอ๊คถาม พี่กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่หน้าตาดีกันทุกคนไม่รู้มันเลือกคบเฉพาะคนหน้าตาดีหรือเปล่า แต่ละครั้งที่เจอ ผมเห็นมีคนเข้ามาจีบและขอเบอร์พี่กลุ่มนี้กันทั้งผู้หญิงผู้ชายเป็นประจำ
“งานเป้ยุ่งๆอยู่ครับพี่ ไม่ได้มาซะนาน คนเยอะจังเลย มีหน้าใหม่ๆเข้ามาเยอะเชียว”
“เอ้า...มัวแต่คุยกัน ลืมแนะนำให้รู้จักนี่เพื่อนพี่ที่ทำงาน เจ้อ้อยกับน้องสาวเจ้เค้าน้องอั้ม”
ผมทักทายและพูดคุยอยู่ครู่หนึ่ง น้องพนักงานก็มาพาผมและนังต้อง ไปโต๊ะที่นังต้องจองเอาไว้ ซึ่งผมกับนังต้อง จะคุ้นกับน้องๆที่นี่ดีครับ เพราะมาบ่อย แล้วที่สำคัญ นังต้องมันทิปหนัก เรื่องอะไรที่น้องๆในมันจะจำพวกผมไม่ได้ พวกเราเลยกลายเป็นแขก เกือบวีไอพีของที่นี่เลย ไอ้เรื่องเมานะผมไม่ค่อยจะชอบหรอก เพราะมาทีไรต้องไม่เมาครับ เพราะถ้าเมาแล้ว ผมจะหลับไม่รู้เรื่อง เพราะฉะนั้นเครื่องดื่มของผม จะเน้นไปทางน้ำอัดลมกว่าเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ มาตอนแรกๆกับนังต้องผมก็เล่นกินแต่น้ำอัดลม เพราะกินเหล้าไม่เป็น จนนังต้องหละ ที่บังคับให้ผมกิน ผลคือนังต้อง เลยมารับบทกรรมกรแบกหาม มันแบกผมขึ้นรถไปที่รถตรงลานจอด แล้วมันยังต้องแบกผมขึ้นไปส่งที่ห้องอีก สมน้ำหน้ามัน คนกินเหล้าไม่เป็น ยังจะมาบังคับให้กินอีก
“คราวหน้านะมึง ถ้าให้กูแบกกลับอีก กูจะทิ้งมึงไว้ในโถส้วมในผับนั่นแหละ” นังต้องบ่นกระปอดกระแปดมาตามสายในวันรุ่งขึ้น แล้วครั้งต่อ นังต้องเริ่มผสมเหล้ากับน้ำอัดลมให้แบบอ่อนๆ จนทุกวันนี้ผมชินซะแล้วครับ แต่ก็ไม่มากเกินห้าแก้ว ส่วนแก้วที่หกเป็นต้นไป จะเป็นเครื่องดื่มที่ไม่มีเหล้าเลย เพราะยังไงซะ ถ้านังต้องไม่ได้ผู้ชายไปกิน หลังเลิกจากผับ มันจะต้องเมา และคนที่จะต้องขับรถคือผมนั่นแหละครับ เพราะฉะนั้นผมจะต้องกินเหล้าด้วยความรู้สึกที่สามารถรับรู้เหตุการณ์อย่างคนปกติและดูแลนังต้อง พามันไป ไว้ที่ห้องผมก่อน เพราะถ้ามันรู้ว่าจะแห้ว หรือตั้งใจจะแห้ว วันนั้นเป็นวันที่ผมจะต้องให้มันค้างที่ห้อง แล้วให้มันตื่นมาพร่ำพรรณนาเรื่องที่มันผิดหวังเพราะไม่ได้ผู้ชายในวันรุ่งขึ้นเสมอๆ
ผมเห็น นังต้องยกโทรศัพท์ขึ้นมารับสาย แล้วมันเดินออกไปข้างนอก ผมก็ได้แต่นึกหละครับ ว่าเดี๋ยวนี้อีนังต้องก้าวหน้าขึ้น มีคนโทรมาตามถึงในผับ มันเป็นเรื่องแปลก ที่นังต้องมันจะมีลับลมคมในกับผม รอมันได้สักพักครับ ร่างสูงโย่งๆ ของมันก็เดินนำหน้าผู้ชายคนหนึ่งมาที่โต๊ะที่ผมนั่งอยู่ครับ

**************************************


คนที่ตามหลังนังต้องมาคือ น้องอาทครับ น้องอาทยังหล่อใสได้ใจเหมือนเดิม ทรงผมก็ยังคงเป็นหนามทุเรียนอยู่เช่นเดิม ยังไม่พอน้องเขาตรงเข้ามากอดผมครับ
“เฮ้ย....มาได้ไง” ผมตกใจครับ จู่ๆก็เข้ามากอดผมแบบนี้
“คิดถึงพี่เป้จังครับ” หน้าใส ปากชมพู มีไรหนวดอ่อนๆ เข้ากับรูปหน้าที่ยาวเรียวเป็นอย่างดีถ้าตัวสูงใหญ่กว่านี้สักนิดเป็นนายแบบได้สบายเลยนะเนี่ย
“ปากหวานขึ้นนะครับ น้องอาท แหมไม่เจอกันนาน เจ้าชู้ยักษ์เลยนะ เดี๋ยวพี่ก็โดนนังต้องปาดคอเอาหรอกมากอดพี่อย่างงี้”
“โห...พี่เป้คิดได้ไงเนี่ย ผมไม่ได้คิดอะไรกับพี่ต้องนะ ถ้าเป็นพี่เป้ว่าไปอย่าง” ผมได้ยินแค่ประโยคต้นๆครับแต่ประโยคหลังๆผมได้ยินไม่ชัดครับเพราะเจ้าดีเจมันเปิดเพลงเสียงดังมาก แต่ว่าก็เห็นน้องอาทหน้าแดงๆ เอ...หรือว่าเป็นเพราะแสงไฟสลัวๆ ที่เดี๋ยวแว่บมาแว่บไปหว่า...
“แล้วตามกันมาเนี่ยนะ” ผมตะโกนแข่งกับเสียงเพลง ไอ้น้องดีเจคนนี้มันเป็นคนใหม่ครับ มันเปิดเพลงไม่ได้เรื่องเลย มันเปิดแต่เพลงทำนองหรือสไตล์เดียวกันตลอด แถมเปิดจนเสียงดังหนวกหู แล้วมันทำเพลงแต่ละเพลงนะ เฮ้อ ไม่มีรสนิยมในการเลือกเพลงให้คนฟังเลย ไม่เกินสามเดือนหรอกผมคนหนึ่งหละที่จะไม่มาอีกถ้าไอ้น้องคนนี้ยังเป็นดีเจเปิดแผ่นอยู่อีก มันสมควรที่จะเปิดเพลง คละๆกันเป็นช่วงๆไปไม่ใช่เพลงเร็ว มันก็เปิดของมันทั้งคืน บางทีไม่เห็นคนลุกเต้นเลยสักคน ทั้งที่มันเปิดเพลงเร็วๆ มันน่าจะมีช่วงเบรกเพลง เปิดช้าๆให้ลูกค้าพักเหนื่อยมั่ง นี่มันเปิดเพลงเร็วรวดเดียว จนวงดนตรีขึ้นมาเล่นต่อ แถมมันเป็นดีเจที่พูดกวน...มาก
“ผมตามพี่ต้องมาหาพี่เป้อะคับ” ออ อ่อ อ้อ อ๊อ อ๋อ ผมเพิ่งถึงบางอ้อครับ ก็ผมไม่ได้ให้เบอร์ผมกับน้องเขาครับแต่ให้เบอร์ของนังต้องเอาไว้ เพราะว่าผมเป็นตัวล่อให้นังต้องจับตะครุบนี่ครับ เลยไม่เคยให้เบอร์ใครที่เจอในที่เที่ยวเลย อยากโทรหาก็ต้องเจอนังต้องไปตามระเบียบ ที่สำคัญผมจะไม่กินเหล้าเมาครับ ยกเว้นที่นังต้องบอกว่าจะไม่เมานั่นหละ ผมถึงจะเพิ่มดีกรีอีกนิดนึง แต่ว่าไม่เคยได้เมาจนขาดสติ ส่วนนังต้องหนะเหรอ ร้อยเปอร์เซ็นต์ที่มาด้วยกัน มันเมาซะเก้าสิบห้าเปอร์เซ็นต์ครับ
“เต้นด้วยกันนะครับ พี่เป้”น้องหัวหนามทุเรียนครับดึงผมลุกขึ้นจากเก้าอี้ครับ ดูเหมือนน้องอาทจะเมาๆ เพราะผมได้กลิ่นอัลกอฮอลล์ที่โชยมาปากและลมหายใจที่น้องเขามาพูดอยู่ใกล้ๆหูผม ทั้งๆที่ตั้งแต่น้องเขาเข้ามายังไม่ได้แตะเหล้าที่โต๊ะเลย
“เมามาปะเนี่ย กินเหล้าแล้วยังขับรถมาอีก เมาไม่ขับไงครับน้องอาท”
“ไม่เมาครับ เหล้าแค่นี้เอง บังเอิญจังนะครับทุกทีโทรไปเจอแต่พี่ต้อง แต่วันนี้เจอพี่เป้ด้วย อาทิตย์ที่แล้วก็ไปกับพี่ต้องมาไม่หนุกเลยครับอยากให้พี่เป้ไปด้วยมากกว่า”
ผมยิ้มตาผมระยิบครับจนน้องอาทรีบปฏิเสธ
“ผมไม่ได้ไปมีอะไรกับพี่ต้องนะครับพี่เป้ ผมรู้นะว่าพี่เป้คิดอะไร” น้องต้องพูด แล้วกอดผมเอาไว้ ผมใจเต้นตึ๊กตั๊ก นานทีจะมีหนุ่มน้อยหน้าหล่อ อย่างน้องหัวตั้งนี่มากอด ไม่ใช่ว่า จะหาไม่ได้นะครับมันไม่มีเวลาสานต่อเพราะเหนื่อยจากที่ทำงานแล้ว มันอยากพักผ่อน เอ...หรือว่าผมแก่แล้วหละเนี่ย ยี่สิบสี่นี่ แก่หรือยังครับ.......
*******************
“พี่ไม่ได้ว่ามีอะไรนี่ครับน้องอาท”ผมยิ้มๆ
“โห นึกว่าจะคิดถึงกันบ้างหละ ไม่มีเลย เสียดาย ที่เราอุตส่าห์คิดถึงโทรหาพี่ต้องทุกวัน เพราะอยากเจอพี่เป้”
“ขอบคุณครับที่คิดถึง แหม..คนเคยเห็นกันต้องคิดถึงกันบ้างสิครับ” ผมหยอดเอาไว้ครับ
“จริงนะครับ” น้องอาททำเสียงตื่นเต้น
“ค้าบ”
“เลิกกอดนังเป้ได้แล้ว น้องอาท หมดเวลา มาให้พี่กอดมั่ง” นังต้องครับ มันแทรกเข้ามาครับแล้วกอดน้องอาทเฉยเลย ส่วนน้องอาทนั้น งง ครับ เพราะเห็นน้อง เขาชงักไปครู่หนึ่งพลางหันมายิ้มแห้งๆมาให้ผม
“พี่เข้าใจนะครับ พี่เข้าใจ” ผมคิด ส่ายหัว ยิ้ม และมองหน้าน้องอาท สายตาของผม มองสื่อความหมายไปแบบนี้ ไม่รู้ว่าน้องอาทจะเข้าใจหรือเปล่า เห็นน้องเขาพยายามที่จะเบี่ยงหน้ามาเต้นกับผม แต่นังต้องก็ดักทางไว้ตลอด เนื่องจาก นังต้องมันเป็นคนที่ตัวสูง และตัวใหญ่มากๆ มันเคยเล่าว่า ถ้าไม่ติดว่ามันกรี้ดกร๊าด สาวแตกมากสมัยมัธยม ป่านนี้ มันติดทีมชาตินักบาสเก็ตบอลไปแล้ว มันบอกว่า
“กูไม่ชอบเล่นบาสวะ แต่กูชอบดูนักกีฬาบาส” ดูสิครับคำตอบ นึกว่าจะได้มีเพื่อน เป็นนักกีฬาบาสเก็ตบอลทีมชาติซะแล้ว ความจริงนังต้องมันมีพรสวรรค์ ด้านกีฬาครับ เพราะมันเล่นกีฬาได้ดีหลายอย่าง แต่ติดที่นิสัยคุณหนูของมันนี่หละครับ ทำให้มันไม่เป็นโล้เป็นพายสักอย่าง เล่นฟุตบอลมันก็บอกว่าร้อนขี้กียจวิ่ง เล่นบาสก็กลัวเนื้อตัวช้ำ ดูมันคิดได้ยังไง ส่วนผมหนะ ชอบเล่นกีฬาทุกอย่างหละ เล่นได้ทุกอย่าง แต่ไม่ดีซักอย่าง เล่นฟุตบอลกับบาสก็เล่นไม่ได้ครับ เพราะข้อเท้าผมมีปัญหาครับ เลยเล่นแล้วทุกครั้งข้อเท้าผมซ้น เลยไม่เอาหละ...ไม่อยากเจ็บ กีอื่นพอได้แต่กีฬาที่น่ากลัวที่สุด สำหรับผมคือวอลเลย์บอลครับ เพราะตอนเด็กผมเล่นวอลเลย์บอล แล้วได้ลงแข่งเป็นตัวแทนของโรงเรียน โดนลูกตบพุ่งใส่กลางแสกหน้า เลือดกำเดาไหลเลย ครับหน้างี้แดงไปหมด ไม่เอาหละครับลูกกลมๆขาวๆเนี่ย จึงไม่แปลกเลย ที่วิชาวอลเลย์บอล ตอนที่ยังเรียนมัธยมได้เกรดแค่หนึ่ง....เฮ้อ ผมหันไปทางโต๊ะของกลุ่มพี่ชายครับ แกยกแก้วชูมาทางผม ให้เห็นอีกแล้ว ผมเลยปลีกตัวออกมาครับมานั่งคุยกับกลุ่มพี่ชายครู่หนึ่งคราวนี้มันสนุกขึ้นหละครับเพราะเจ้อ้อย แกคุยสนุกครับโผงผางห้าวๆ แต่อีคนทำให้ผมไม่สนุกนี่ก็คือ อีนังน้องอั้มนี่หละครับ ดูมัน สวย เริ่ด เชิด หยิ่ง เห็นมองผมหมิ่นๆเวลาผมคุยกับพี่อ้อยอย่างออกรส แถมขำออกมาเป็นระยะๆ ทำให้นังชะนีมันไม่พอใจครับ เอ....ผมก็นึกไม่ออกว่า ผมไปแย่งผัวชะนีตัวนี้ มาตั้งแต่เมื่อไร ถึงทำหน้าโกรธผม เหมือนโดนแย่งลูกแย่งผัวซะอย่างงั้นแหละ เวลาผมยิ้มให้ไปมันก็แกล้งมองไม่เห็นบ้างหละ
“น้องอั้ม ไม่เต้นเหรอครับ มาเต้นด้วยกันสิ” ตอนแรกผมไม่ได้คิดอะไรครับ ฉุดมือเจ้าหล่อนลุกขึ้นอีกมือหนึ่งก็ดึงพี่อ้อยขึ้นมาพร้อมกัน อีน้องอั้มสิครับมันสะบัดมือผมออก
“อั้ม ไม่ชอบเต้นคะ” หล่อนตอบมาเสียงกระด้าง อีนังนี่ ก่อนที่ผมจะเดินมาที่โต๊ะนี้ ผมก็เห็นมันเต้นกับพี่โอ๊คอยู่ดีๆ แถมดูลีลาก็รู้แล้วหละว่า เจ้าหล่อนหนะ พวกเท้าไฟแน่นอน แล้วพี่เขาก็แว่บไปเข้าห้องน้ำ มันถึงได้นั่งแหมะลง ยังไม่ถึงนาที ผมก็ฉุดมันลุกขึ้นเต้นด้วย แต่มันทำสียงและแววตาให้ผมเห็นนี่ก็ทำให้ผมแน่ใจได้เลยว่าอีนี่มันไม่ชอบผมแน่นอน ผมเครียดครับ มันอะไรกันคนเพิ่งเคยพบกันครั้งแรก มันจะมาชิงชังอะไรผม ผมเลยจ้องหน้ามันกลับมั่ง มันอายุน้อยกว่าผม อีกอย่างผมรู้จากปากพี่อ้อยแล้วหละว่าเจ้าหล่อนเพิ่งจบมหาลัยมาได้ไม่กี่เดือน แล้วผมไปทำอะไรให้มันหละ มันจ้องตาผม แล้วเบือนหน้าหนีไปทางอื่น อีนังเด็กคนนี้นี่ ผมนึกในใจครับ สักพักครับนังต้องกับน้องอาทมาผมเลยแนะนำน้องอาทให้กับกลุ่มพี่ชายได้รู้จักกัน ดูอีน้องอั้มนี่มันตาวาวทีเดียว
“โธ่...ดูเกย์ ก็ดูไม่ออก กูจะยุให้น้องอาทจีบให้อกหักเลยมึง” ผมคิดในใจในตอนนั้นครับ
“เต้นด้วยกันนะครับ” น้องอาทชวนอีน้องอั้มเต้น เออ .... ดูสิ มันลุกขึ้นอย่างว่าง่ายๆ ไหนว่าไม่ชอบเต้นหละ งงกับเจ้าหล่อน ผมกับนังต้องก็เต้นกับกลุ่มพี่ชาย นังต้องก็พยายามสีพี่ชายสุดฤทธิ์ ส่วนผมก็โคนพี่ป้อมกับพี่โอ๊คขนาบคนละข้างพี่อ้อยแกก็ไม่สนใจใครครับขอให้มันเป็นพอ หันไปอีกที อ้าว...............



หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 23-02-2007 21:53:20
หน้าขาวมาเหรอ :pandalaugh:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: FlukeHub ที่ 23-02-2007 22:10:09
เหอๆๆ หรือว่าพี่อ้อยไปเต้นกะหนุ่มๆแล้ว 555+

อ๊ากกก!!~  ผู้หญิงหน้าสวยนี่....เฮ้อ!!~

สังเกตว่าทุกคอมเมนต์เป็นผู้ชายเกือบหมด
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 23-02-2007 22:55:08
อ้าว ? :confuse:

อ้าวไรหว่า ?

สงสัย.... เจอ ...  :kikkik: :kikkik:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: ฿oomb@b@ ที่ 24-02-2007 00:02:21
 :o อ้าวแล้วพี่อ้อยหายไปไหนอ่า หรือว่าโดนฉุดไปล่ะ :pandalaugh:
 มาต่อเร็วน่ะครับ หนุกๆๆ :pighaun:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: jammy ที่ 24-02-2007 01:17:14
เจอใครละ  :confuse:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 24-02-2007 12:06:28
อ้าววว นังอั้ม กอกะน้องอาทซะแล้น

ชิชิ :fire:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: しろやま としんや ที่ 24-02-2007 16:05:21
ชอบจริงๆล่ะเรื่องนี้
ชอบนังต้องกระเทยควายจริงๆ :laugh5:
ตอนเศร้าๆอ่านแล้วน้ำตาจะไหลสงสารคุณเป้
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 24-02-2007 19:54:03
ทายถูกกันไหมครับ คิกคิก
****************************************
พี่อ้อยครับ แกไปเต้นนอกกลุ่ม แถมคนที่แกเต้นด้วยนั้นเป็นผู้ชาย ตอนแรกผมก็คิดว่า แกเป็นทอมเหมือนกัน แต่ไหงแกไปเต้นกับผู้ชาย แถมกอดคอคุยไปหัวเราะไป ผมก็หันไปมองแกครับ อยู่ดีๆ แกก็ผลักไอ้ผู้ชายคนนั้นออกจากตัวอย่างแรง แถมยังชกหน้าไอ้ผู้ชายคนนั้นจนเซไปอีก ผมถึงตัวพี่อ้อยก่อนเพื่อนครับ ตามด้วยนังต้องที่อยู่ใกล้พี่อ้อยมากที่สุด เข้าไปกั้นกลางเอาไว้ ผมจับตัวพี่อ้อยไว้ ดูแกฮึดฮัดอยากเข้าไปซ้ำไอ้คนนั้นซะจริงๆ เหตุการณ์นี้ทำให้ แขกข้างๆหยุดมองเหมือนไทยมุง ดีที่ไม่มีข้าวของอะไรแตก ไอ้นั่นมันมากับเพื่อนอีกสองคน ดูๆแล้วผ่ายทางผมจะได้เปรียบทางจำนวนคน และรูปร่าง ผมให้นังต้องรีบเคลียร์กับพนักงาน กับผู้จัดการของร้านที่เดินเข้ามาดูเหตุการณ์ วงดนตรีหยุดเล่นชั่วคราว งานนี้ผมให้คำชมไอ้น้องดีเจครับ ได้ใจผมไปเต็มๆ แหม...มันเปิดเพลงไม่ได้เรื่องนี่ครับ ตอนนี้มันขึ้นประกาศว่า เหตุการณ์ปกติ ไม่มีอะไรทุกคนสนุกต่อ แล้วมันก็เปิดเพลงแดนซ์บ้าบอของมัน นี่สิ...ลูกผู้ชายตัวจริง ฝ่ายพี่ชายแกขอเคลียร์กับกลุ่มไอ้คนนั้นนอกร้านครับ เราเดินตามกันออกมาที่นอกร้าน
“ผมไม่รู้นะว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ผมไม่อยากให้คุณอยู่ที่นี่ อยากให้คุณเช็คบิลล์ แล้วกลับบ้านหรือไปเที่ยวที่อื่น”พี่ชายพูดพลางจ้องหน้าไอ้คนนั้นนิ่ง
“ดูมันดิชาย มันว่าลองผุ้หญิงมาเยอะแล้ว วันนี้มันจะขอลองกับทอม เชี่ย... ดูมันพูด แถมมันยังชวนพี่ไปนอนกับมัน จับหน้าอกพี่ด้วย อย่างนี้มันสมควรเอาไว้เหรอ” พี่อ้อยทำท่าจะปรี่เข้าไปหาไอ้นั่นอีก แต่ผมจับแกไว้ทันครับ
“ผมว่าพี่พาเพื่อนพี่กลับดีกว่า เพื่อนพี่เมามากแล้ว ผมไม่อยากมีเรื่องกับคนเมา พี่เช็คบิลล์เลยดีกว่าพี่ หรือผมจะจ่ายให้ แต่ว่าพี่จะต้องไปจากที่นี่” พี่ป้อมพูดกับเพื่อนไอ้นั่นครับ
“ครับผมขอโทษแทน ไอ้นี่มันด้วยนะครับ มันเมาแล้วมันเป็นงี้หละครับ เดี๋ยวผมจะพามันกลับเลย ขอโทษแทนมันด้วยนะครับ” ผมโล่งอก นึกว่าจะมีเรื่องกันซะแล้ว งานนี้อดบู๊เลยครับ 555 ผมก็บอกน้องพนักงานที่ถือบิลล์มารอข้างนอกให้เช็คโต๊ะของไอ้นั่น มันรีบควักตังค์ออกมาจ่าย แล้วลากเพื่อนไปที่รถ พลางด่าเพื่อนมันกระจายไปตามทาง ผมมองรอบๆตัวครับ น้องอั้มตอนนี้ตาปรือเยิ้ม พิงซบไหล่น้องอาทที่ยืนโอนเอนอยู่ครับ เมื่อเห็นผมมอง น้องอาทยิ้มแหยๆให้ผม แต่ก็ไม่ได้ดันน้องอั้มออก ผมเลยเดินนำหน้าทุกคนเข้าไปยังข้างในครับ คราวนี้ผมกับนังต้องแยกมานั่งโต๊ะของพวกเรา ครู่นึงครับผมก็เห็นน้องอาทเดินตามมา ดูท่าทางน้องอั้มจะไม่พอใจเหมือนกัน เห็นหล่อนทิ้งตัวบนที่นั่ง อย่างไม่กลัวสะโพกพัง เมื่อผมมองไปหล่อนส่งสายตา ชิงชัง มาทางผมอีก แล้วสะบัดหน้าเชิดไปทางอื่น ผมแอบยิ้มครับ เมื่อน้องอาทมาถึงโต๊ะ เป็นช่วงที่นักดนตรีเริ่มเล่นเพลงเร็วอีกแล้ว ผมเลยลุกขึ้นดักหน้าน้องอาทเอาไว้ พลางจับมือน้องเขาไว้ลากมายังที่ว่างที่หมายตาไว้ ผมโผกอดน้องหัวตั้งนี่เลยครับ ท่ามกลางเสียงเพลงที่เร่าร้อน ผมกับน้องอาทเรากอดกันเต้น น้องอาทหันหลังให้กลุ่มโต๊ะพี่ชาย แต่ผมสิครับมองผ่านไหล่น้องอาทไป เห็นน้องอั้มมองมาตาไม่กระพริบ แววตาคู่เดิมยังเกลียดผมเหมือนเดิม ไม่รู้อะไรนักหนากับคนๆนี้ นังต้องก็มองผมแบบอึ้งๆ เพราะผมไม่เคยกอดกับใครเต้นมาก่อนเลย เพราะตอนที่เข้ามาน้องอาทมากอด ผมยังเอนตัวหนีด้วยซ้ำ ยิ่งเห็นนังน้องอั้มมองผมยิ่งสะใจ ผมเลยซบหน้าไปพิงไล่น้องอาทซะเลย สักครู่หนึ่งผม ผละออกมา สะใจแล้วครับได้แกล้งคน ผมเหลือบตาอีกทีเห็น อีนังน้องอั้มมันถือโทรศัพท์มาแนบหูแล้วเดินออกไปข้างนอก สักพัก ผมก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก จนกระทั่ง เจ้าหล่อนเดินเข้ามากับใครคนหนึ่ง เมื่อผมเหลือบไปเห็นผมตัวชาวาบ.........


********************

เพราะคนที่ตามหลังอีนังน้องอั้มมาแล้วทำให้ผมตัวชาวาบ ผมจำได้ครับ คนนี้หละครับ ที่เมื่อก่อนเป็นเหลนรหัสผม เป็นดาวมหาลัย เป็นคนที่เคยน่ารักมากสำหรับผม แต่เมื่อได้มาเป็นแฟนกับไอ้หน้าขาว ทำให้ความสัมพันธ์ของเราห่างไป ผมไม่กล้าเจอน้องเขามากนัก เนื่องเพราะผมเจ็บครับ เวลาที่เห็นเขาเดินมาด้วยกัน .............น้องกิฟต์
ผมเพิ่งถึงบางอ้อ ตอนนี้เองครับ ว่าทำไมอีนังน้องอั้มมันถึงได้ไม่ชอบผม เพราะว่ามันสองคนเป็นเพื่อนกันนี่เอง โลกนี้มันช่างคับแคบเหลือเกิน ไปไหนก็มีแต่คนที่ไม่อยากเจอ สายตาของน้องกิฟต์จ้องมาที่ผม ที่กอดกับน้องอาทเต้นๆกันอยู่ มันทำให้ผมหน้าร้อนขึ้นมาวูบ มันเป็นแววตาที่บอกถึงการดูแคลนได้เป็นอย่างดี ผมผละตัวออกจากน้องอาท พลางมานั่งตรงที่เดิม ไม่วายที่น้องอาทจะตามมาถามไถ่
“พี่เป้ ไมไม่เต้นต่ออะพี่ เพลงกำลังมันเลย” ผมยิ้มอย่างเดียวครับ มึงไม่รู้หรอกนะ ชะนีสองตัวจ้องซะเกือบไหม้ อุตส่าห์มีแต่ภาพลักษณ์ดีๆ ให้รุ่นน้องทุกคนเห็นในสมัยเรียนมหาวิทยาลัย แต่ตอนนี้หละ สายตาน้องกิฟต์เปลี่ยนไป........................................ ภาพสาวน้อย ที่เคยมองผมด้วยสายตาที่เปี่ยมด้วยศรัทธา คนนั้นเปลี่ยนไป ผมคงถูกมองในภาพเดียว กับที่ไอ้หน้าขาว มันพยายามบอกเพื่อนมันว่า ผมเป็นกระเทยที่ร่านผู้ชาย....
น้องกิฟต์เดินเข้ามาหาผมเลยครับหลังจากที่เข้าไปทักทายกลุ่มของพี่ชายและเจ๊อ้อยแล้ว
“สวัสดีคะ พี่เป้ไม่เจอกันนานนะคะ” ไม่มีแม้การยกมือไหว้ เหมือนที่เคยทำก่อนๆมา
“ไม่ยักรู้ว่าคนอย่างพี่เป้ก็เที่ยวเก่งเหมือนกัน กิฟต์นึกว่าหงิมๆ ....”สายตาหล่อนตวัดมาที่ผม
“ไม่ยักเหมือนที่พี่ยอดพูดให้กิฟต์ฟังเลย”
“เขาพูดว่าไงหละ บางครั้งพูดสิบคนมันก็ไม่เหมือนกับการมาเห็นเองหรอกนะ”
“พี่ยอดบอกว่าพี่เป้อ่อนหวาน นิสัยดี น่ารัก” หล่อนยักไหล่เหมือนจะไม่เชื่อ
“แล้วเธอคิดว่าไงหละ” ผมพูดชักจะไม่พอใจกรุ่นๆเพราะว่าภาพที่ผมเคยเอ็นดูมันหายไปแล้วมันมีแต่คำว่าไม่ถูกชะตา
“กิฟต์ เคยเห็นพี่เป้น่ารัก แสนดีเหมือนกัน สมัยกิฟต์เข้าปีหนึ่ง ใครๆก็พูดถึงพี่เป้ ว่าดีและเก่ง ยิ่งไปไหนมาไหนกับพี่ยอด กิฟต์กับเพื่อนๆเห็นแล้วยังอิจฉาเลยนะคะ แต่ว่าตอนนี้สิคะ มันไม่ใช่ พี่ยอดก็ไม่ชอบพี่เป้แล้ว ยิ่งวันนี้ถ้าพี่ยอดได้มาเห็นภาพพี่เป้เป็นอย่างนี้ คงจะเสียใจนะคะ ที่ยังหลงชื่นชมพี่เป้มาจนถึงทุกวันนี้”
“อยากให้เห็นก็โทรตามมาดูสิ เพราะว่าเราต่างไม่เกี่ยวข้องกันอยู่แล้ว”
“เพราะว่าพี่ยอดไม่ยุ่งเกี่ยวด้วยนะสิคะ พี่เป้ถึงได้ทำตัวแบบนี้ พูดก็พูดนะคะว่าแทบไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่าคู่ของพี่ยอดกับพี่เป้สมัยก่อนใครๆก็พูดถึง แต่ในที่สุดพี่ยอดที่ฮ็อตสุดๆก็มาชอบกับกิฟต์” หล่อนยักไหล่
“ได้ข่าวว่าเดือนหน้าจะไปเรียนต่อเมืองนอกเหรอ” ผมเปลี่ยนเรื่อง เพราะเบื่อนังชะนีตัวนี้ กลัวว่าถ้ามันพูดเรื่องไอ้หน้าขาวมากๆ ผมอาจจะตบะแตก ตบหน้าสวยๆของมันเข้าให้
“ข่าวเร็วนะคะ ไม่น่าเชื่อ เรียนจบแล้ว กิฟต์คงจะรีบกลับมาแต่งงานกับพี่ยอด พี่เป้คงเลิกหวังได้แล้วคะ เรื่องพี่ยอด เพราะยังไงซะ คงเป็นไปไม่ได้ ที่พี่ยอดจะกลับมาข้องเกี่ยวกับพี่เป้อีก”
“ไม่ต้องห่วงหรอก ว่าแต่ตัวเธอเหอะ ขยันเรียน แล้วเรียนให้จบกลับมาก็แล้วกัน”
“อีกอย่านะคะ เพื่อนกิฟต์ชอบอาทอยู่ ถ้าพี่เป้คิดจะปั่นหัวผู้ชายที่เข้าในชีวิตหละก็ กิฟต์ขอได้ไหมคะ อั้มเขาชอบอาทอยู่ พี่เป้ไม่ขวางได้ไหมคะ”
“เพื่อนเธอเพิ่งเจอกับน้องอาทเนี่ยนะบอกว่าชอบเขา พี่คงไม่ได้เข้าใจผิดหรอกนะว่าเป็นรักแรกพบ น้องอาทนั่นมันก็ยังเรียนอยู่ เพื่อนเธอก็แปลกคนนะ ใจง่ายดี” ผมยิ้มเยาะไปทางอีนังน้องอั้ม ที่ออเซาะน้องอาทอยู่ไม่ห่างนัก ทำให้น้องกิฟต์หน้าแดง ไม่รู้ว่าจะอายแทนเพื่อนหรือโกรธแทนเพื่อน
“ถือว่ากิฟท์ขอแล้วกันนะ เพราะความรักแบบพี่เป้มันเป็นไปไม่ได้หรอกคะ ใครจะยอมรับ ผู้ชายมีอีกตั้งหลายคน พี่เป้หาได้อยู่แล้ว” มันมองผมด้วยสายตาท้าทายอีกแล้วหละครับ นังน้องกิฟต์ มันกล้ามากจริงๆ กล้าขาดที่มาขอผู้ชาย........................ให้เพื่อน


***********************
น้องกิฟต์เธอกล้ามาก ที่มาขอน้องอาท ให้เพื่อนชะนีสาวของตัวเอง ผมเริ่มโกรธมั่งแล้วครับ ไม่ใช่ว่าหวงผู้ชาย แต่คนเรามันต้องมีศักดิ์ศรีบ้าง นังน้องกิฟต์มันเป็นใคร นึกจะขอใครหรือแย่งใครก็ได้งั้นหรือ ผมหละเกลียดจริงเชียวอีพวกชอบดูถูกคนแบบนี้ แต่ว่าลำพังผมคนเดียว คงจะไม่สามารถ ที่จะปะทะฝีปากกับชะนีทั้งสองตัวได้แน่ มันต้องเจอของจริงอย่าง.... นังต้อง ที่ประวัติในอดีต ตบกับชะนีมาแล้วสิบทิศ ไม่รวมกับต่อยกับผู้ชาย ที่เข้ามาล้อมันว่ากระเทย จนผู้ชายคนนั้น นอนหยอดน้ำข้าวต้มมาแล้ว ที่สำคัญนังต้องมัน ตัวใหญ่ สูง ผู้ชายที่ไหนจะมาสู้มัน ถ้ามันไม่ติดสำออย ลูกคุณหนูหละก็ คงไม่มีใครสู้มันได้ ถ้ามันเอาจริงๆ ผมยิ้มให้น้องอาท ที่เต้นกับน้องอั้มที่เจ้าหล่อน พยายามจงใจเบียดน้องอาทอย่างเห็นได้ชัด หญิงไทยสมัยนี้ใจกล้าน่าดู ถ้านางร้ายช่องเจ็ดสี มาเห็นเข้าคงจะยอมรับกันเลยว่า ฝีมือขนาดนี้ข้ามตัวประกอบไปได้เลย ดูน้องอาทจะเต้นเกร็งและมองมาทางผมบ่อยครั้ง แต่ผมไม่สนใจ ผมตรงไปหานังต้อง ที่แว่บเดียว คุณเธอหายไปเต้นกับผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้ อีกมุมหนึ่ง ถ้าตัวมันไม่สูงใหญ่ จนเห็นหัวโด่เด่ ผมคงต้องตามหามันนาน เสียเวลาแน่ๆ เพราะวันนี้คนค่อนข้างเยอะ ผมตรงไปลาก มันออกมาจากดงผู้ชาย ดูมันงงๆกับอาการของผม
“มึงเป็นอะไร หือ อีนี่ กูกำลังจะได้กินผู้ชาย” ดูท่าว่าผมจะไปขัดลาภมันอีกแล้ว
“มึงดูชะนีตัวนั้นดิ แย่งน้องอาทมึงไปแล้วหละ หัดอยู่โต๊ะมั่งนะมึง เกิดกูโดนฉุดขึ้นมา เดี๋ยวมึงก็ไม่มีเพื่อนมาเที่ยวหรอก”
“เฮ้ย ได้ไงวะ อีชะนีตัวนี้ มาจากไหนวะ กูจองน้องอาทมาตั้งนาน จะให้มันได้ไปก่อนพวกเราไม่ได้” นังต้องก็ไวได้ใจผมดีเหลือเกิน ตรงไปที่น้องอาท ที่กำลังคออ่อนคอพับตรงซอกคออีน้องอั้ม โดยมี อีน้องกิฟต์ทยอยส่งเหล้า ให้น้องอั้มกรอกเข้าปากทุกวินาที โห เจ้าหล่อนเล่น แท็คทีม มอมผู้ชายกันแล้วหรือนี่ หญิงไทยในสมัยนี้ แว่บนึง ผมนึกไปถึงไอ้หน้าขาวไม่ได้ มันจะรู้หรือเปล่าว่า น้องกิฟต์เนี่ยเข้าผับ กินเหล้า สูบบุหรี่ยังกับผู้ชาย แต่ตอนที่ผมเห็นมาตั้งแต่สมัยเรียน ดูเหมือนว่าสาวน้อยคนนั้นจะใสซื่อ จนน่าทนุถนอม และผมยอมหักใจ ทำใจยอมรับให้ได้ว่า ไอ้น้องกิฟต์กับไอ้หน้าขาวมันเกิดมาคู่กัน อย่างที่ตัวผมนั้นไม่สามารถที่แทรกเข้าไป ไม่มีที่อยู่ของผม ระหว่างคนสองคนนี้ได้ ..................... เวลาเพียงสามปี ที่ไม่ได้เจอกัน ทำให้สาวน้อยไร้มารยา กลายมาเป็นแม่มดร้ายในสายตาของผม ไปได้เพียงนี้เชียวหรือ ไอ้หน้าขาวจะรู้ไหมว่า อนาคตแม่ของลูกมันจะมีท่าทางเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้ ผมเห็นแล้วปลงในใจเลยครับว่า ............ รู้หน้าไม่รู้ใจ
นังต้องตรงเข้าไปไม่พูดพล่ามทำเพลง เดินเข้าไปพูดสั้นๆ
“ขอโทษนะ”
แล้วมันก็ดึงน้องอาท ออกมาจากอ้อมแขนอีน้องอั้มทันที โดยมีน้องอาทที่ยืนทรงตัวแทบไม่อยู่ พิงที่หน้าอกของมัน ท่ามกลางความตกใจของอีน้องกิฟต์และน้องอั้ม ........................


หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 24-02-2007 20:13:52
ตบครับ

แบบนี้ต้องตบ

เอาให้คว่ำไปเลย ไม่รู้ฤทธิพ่อซะแล้วววววว

ปล่อยไว้ก็รกโลก

แสดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด :pigangry2: :pigangry2: :pigangry2:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: FlukeHub ที่ 24-02-2007 22:00:10
เหอๆๆๆ   เหอๆๆนังน้องกิ๊ฟ  ร้ายกาจๆๆ

น่าจับมาเตะซักทีสองที  <<  ตบไม่ได้ครับ  ไม่กล้า

น้องอาทเกือบเสียทีแล้ว  เกือบเสียชาติเกย์  555++

ต่อครับ  กะลังมันส์  สงครามประสาทระหว่างเกย์กะชะนีกะลังเริ่ม
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: jammy ที่ 25-02-2007 00:29:02
ตบเลยๆครับ5555
 :monkeylaugh2:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 25-02-2007 01:57:47
 :o ช่างกล้า

 :pigangry2: :pigangry2:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 25-02-2007 06:20:55

ตบอีนังชะนีบัดเดี๋ยวนี้  แล้วเอามันไปโบกปูนซะ   :ped144: นังชะนีไม่มีป่าจะอยู่
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 25-02-2007 14:52:27
บอกแล้ว..ว่าหั้ยนังกระเทยต้องจัดการ...แปบเดียวก็จบ... :laugh5: :laugh5:

และแล้วสงครามกระเทย & ชะนีไม่มีป่าก็กำลังจะเริ่มต้นขึ้น... :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 25-02-2007 21:24:01
เหอะๆ และแล้วสองคู่ปรับก็มาเจอะกัน
***********************************************************

“ว่าไงครับพี่ต้องงงงง....พี่ปะ..เป้อยู่ที่หนายยยย...”น้องอาทเมาตาปรือแต่ความจำยังดูดีอยู่
“อาท มากินต่อดิ เพลงกำลังมันเลย” น้องอั้มเข้ามายื้อแขนน้องอาทไปเต้นด้วยกันอีก ทั้งๆที่เจ้าหล่อนน่าจะรู้แล้วว่า ท่าทางผู้ชายเมาแทบคลานขนาดนี้ คงจะกินอะไรไม่ได้ เลยกลายเป็นศึกชิงหนุ่มน้อยขึ้น
“ขอโทษนะน้อง ผู้ชายเขาเมาขนาดนี้ ยังจะลากเขาไปให้ได้เหรอ ให้เขาอยู่กับพี่นี่หละ เพราะเขามากับพวกพี่ อีกอย่างเขาเมาขนาดนี้ เดี๋ยวเป็นภาระกับพวกน้องเปล่าๆ”
“จะเก็บไว้กินเองเหรอคะ คุณพี่” นังน้องอั้มครับ มันพูดคำนี้ออกมาจริงๆ เล่นเอานังต้องหันมองหน้านิ่ง
“ถ้าข้องใจยังงัยเคลียร์กันได้นะ ที่ข้างนอก วันนี้ไม่อยากเกิดเรื่องซ้ำกับที่นี่อีก หรือว่าจะลองตอนนี้”นังต้องมันโกรธแล้ว ทั้งที่ปกติ นังต้องมันเป็นคนอารมณ์ดี ขนาดผมด่ามันแรงๆ มันยังหัวเราะเฉยๆ แต่วันนี้มันกินเหล้ามากจนเรียกได้ว่ามันมีอาการ...เมา ส่วนน้องอั้มนั้นพูดได้ว่า หล่อนเมามากกว่านังต้อง แถมยังเป็นประเภทที่เมาแล้วไม่ฟังใคร เมาหาเรื่อง ผมเห็นท่าไม่ดีแน่ จึงเดินไปจับแขนนังต้องเอาไว้ ฝ่ายน้องกิฟต์เมื่อเห็นผมเข้าวงในแบบนั้น เจ้าหล่อนก็เดินมาขนาบข้างเพื่อนหล่อนมั่ง ดูท่าทางจะประกาศศึกสงครามกับผมจริงจังซะแล้ว ผมประสานสายตากับน้องกิฟต์ เห็นแววตา เอาชนะ มุ่งมั่น จนผมนึกกลัว น่าเสียดาย หน้าตา ชาติตระกูล นี่ผมต้องเอาตัวลงมาแย่งผู้ชายที่ผมไม่ได้มีใจให้เลยเนี่ยนะ หาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ
“แสดงว่าพี่เป้ ไม่ยอมทำตามที่กิฟต์ขอใช่ไหมคะ” น้ำเสียงของน้องกิฟต์ฟังดูไม่ดีขึ้นมาเลย
“พี่ยังไม่ได้บอกว่าจะทำเลยนะกิฟต์ อีกอย่างหนึ่ง เธอ..ไม่มีสิทธิ์บังคับ หรือใช้อำนาจกับพี่ เธออย่าคิด ว่าพี่จะเหมือนเมื่อก่อน ที่ยอมให้กับทุกคน เคยเห็นแต่พี่ใจดีกับเธอมาตลอด เธอยังไม่เคยรู้ตัวจริงพี่ ถ้าเหลืออดมากๆ พี่ก็สู้ยิบตาเหมือนกัน”
“กิฟต์จะจำไว้คะ หวังว่าพี่เป้จะจำไว้เหมือนกันนะคะว่า ถ้ากิฟต์มีสิทธิ์ มีอำนาจ คนแรกที่กิฟต์จะจัดการ คือพี่เป้ เจอกันแน่คะ” พูดเสร็จน้องกิฟต์สบัดหน้ เดินผละออกไปทันที แถมยังไปลากนังน้องอั้ม ที่จ้องตาแถมประคารามกับนังต้องอยู่ ท่ามกลางไทยมุงรอบๆข้าง แรกๆน้องอั้มดูเหมือนจะไม่ยอม สะบัดมือน้องกิฟต์ แต่น้องกิฟต์ตวาดออกมา แล้วลากแขนน้องอั้ม ไปยังโต๊ะเจ้อ้อยที่อยู่อีกมุม โดยไม่สนใจอาการฮึดฮัดของอีกฝ่ายหนึ่ง
“ว่าไงค๊าบบบบ เกิดอารายขึ้นนน…..” ดูเหมือนต้นเหตุของเรื่อง จะเพิ่งผงกหัวขึ้นมารับรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ผมหละอยากบีบคอไอ้ตัวต้นเหตุซะจริงๆ เมาหนีสงครามไปเลยนะมึง
ผมชวนนังต้องกลับบ้านทันที เพราะอีกไม่กี่นาทีผับมันก็จะปิดแล้ว ดูเหมือนนังต้องมันยังแค้นๆอยู่ นัยว่าจะไปตบชะนีที่ข้างนอกตอนผับปิด ผมเลยเรียกพนักงานมาเคลียร์บิลล์ แล้วลากอีนังต้องกลับบ้านทันที โดยที่พวกเราต้องไปร่ำลากลุ่มพี่ชายกับเจ้อ้อยก่อน ดูเหมือนสองสาวจะทำหน้าเชิด ไม่รับรู้การมาล่ำลาของผมกับนังต้อง เมื่อน้องอาทมาล่ำลาคนสุดท้าย ยัยน้องอั้มลดการเชิดคอ ลงมายืนจับแขนน้องอาทเอาไว้
“แล้วเจอกันใหม่นะคะอาท”
“คร๊าบบบบ” น้องอาทยืนโซเซ ตอบเสียงยาน
สรุปแล้ว ต้องฝากรถน้องอาทไว้ที่ผับ เพราะอีนังโย่งกับเจ้าเด็กหัวหนาม พากันเมาแประทั้งคู่ คืนนี้.....อีเป้รับกรรม ขับรถให้อีนังต้องเหมือนเคย

********************

สมัยเมื่อเรียนปีหนึ่งครับ ได้มีการออกค่ายอาสาและพัฒนาชนบทขึ้น ผมซึ่งเป็นสมาชิกต้องไปร่วมในการออกค่ายครั้งนี้ เมื่อนำใบขออนุญาตจากทางชมรม ไปให้คุณนายแสนดีเซ็นชื่อยินยอม ให้ผมไปร่วมในการออกค่ายอาสาครั้งนี้ แต่คุณนายอ่านจบเท่านั้นหละ
“แม่ไม่ให้น้องเป้ไป โหไปเพชรบูรณ์ทางมันขึ้นเขานะลูก อีกอย่างน้องเป้ไปคนเดียว มันอันตรายแม่เป็นห่วง”
“แต่น้องเป้อยากไปนี่แม่จ๋า” ผมก็อ้อนสุดฤทธิ์ เพื่อให้คุณนายแสนดีใจอ่อนลงมาบ้าง
“โตแล้วนะ น้องเป้ แหม....อ้อนเป็นเด็กเชียว เราหนะ นิสิตมหาลัยแล้วนะเว้ย อายพี่ มั่งไอ้น้องเป้” ไอ้พี่ปอตัวดีหละครับ มันจบมาได้เกือบเดือนหละครับ กำลังเลือกงานอยู่ว่าจะทำที่ไหนดี เพราะว่า มันมีบริษัทมาจองตัวตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ ตั้งสามบริษัท ไม่น่าเชื่อว่าไอ้พี่ปอขี้เก๊ก มันจะมีงานที่ไหนมาจองตัวไปทำงานด้วย อย่างว่าหละนะ ก็พี่ชายผมเก่ง.....
“หุบปากไปเลยนะพี่ปอ ไม่ช่วยแล้วยังขัดอีก”
“อย่าให้มันไปนะแม่ ลูกรักของแม่หนะ ไปอยู่ห่างแม่ได้ไม่ถึงวัน มันก็ร้องไห้ขี้มูกโป่งแล้ว”ยังไม่วายไซโคคุณนายแสนดีอีก นี่หละครับพี่ชายผม
“จะไปยังไงได้น้องเป้ มันลำบากนะ หนูไม่ชินความลำบากมาก่อน แม่กลัวหนูเป็นอะไรไปขึ้นมา”
“น้องเป้ทนได้ ให้น้องเป้ไปนะแม่ นะ นะนะ”ผมอ้อนอีกแล้ว
“งั้นให้พี่ปอไปด้วย จะได้ดูแลน้องเป้”คุณนายแสนดีบงการเสร็จสรรพ
“ไปได้ไง คนละมหาลัย อีกอย่างถ้าเพื่อนรู้ ว่ามีพี่ชายไปดูแล เดี๋ยวมันล้อน้องเป้แย่เลย”
“เอางี้ดิแม่ น้องยอดไง เรียนอยู่ที่เดียวกัน ให้ไปดูแลอีลูกเจ้าปัญหาของแม่คนนี้ไง”พี่สาวผมครับพี่ป่านแกคงรำคาญเต็มที เลยเสนอมา
“พี่ป่านอะ ว่าน้องเป็นอี หยาบคาย” ผมหน้าง้ำ
“ช่วยไม่ได้ ก็แกสวยกว่าชั้นทำไมหละ” พี่สาวผมพูดหน้าตาย พลางยักไหล่
“จริงสิ ลืมไปหยุดหลายวันด้วย บอกน้องยอดก็ดี ปีนี้จะได้ไม่ต้องพากันตระเวนไปซนที่ไหนอีก”
ปีนั้นตกลงผมได้ออกค่ายอาสา โดยมีคนคุมไปด้วยครับ นั่นก็คือไอ้หน้าขาว….เย้
หน้ามหาลัย ตอนตีสี่ครึ่ง ที่ลานจอดรถเสียงรุ่นพี่เรียกรวมตัวกันเช็คชื่อ ทำกิจกรรม และแจ้งข้อตกลงกันวุ่นวายไปหมด ก่อนที่ผมจะเดินทางมาถึงลานจอดรถ คุณนายแสนดีก็ปลุกสมาชิกในบ้านมาส่งผมเต็มไปหมด จนไอ้พี่ปอมันบ่นเอา
“แหม แม่ไอ้เป้มันไปออกค่ายนะแม่ ไม่ได้ไปเรียนเมืองนอก จะต้องยกขบวนแห่ไปส่งมันขนาดนี้”ผลคือไอ้พี่ปอโดนคุณนายแสนดีทุบไปที่ต้นแขนหนึ่งที...... สะใจ
แว่บแรก ที่ผมเห็นไอ้หน้าขาว ที่ลานจอดรถ ลืมบอกครับ ว่าครอบครัวมันก็มาส่งกันพร้อมหน้า เหมือนกัน ผมกับมันก็ยิ้มให้กัน ก็มันน่ารักมากเลยไง ใส่เสื้อยืดลายทหาร กางเกงทหาร หมวกทหาร เข้าชุด แต่มันไม่เข้ากับหน้าขาวๆตี๋ๆของมันเลย แถมมันตัวโตๆสูงๆ มันเลย ไม่เหมาะไปใหญ่ตามความคิดของผม(ตอนนั้นนะ)
ผมเดินอ้อมรอบตัวมันสองสามรอบ มันมองหน้าผมแล้วยักคิ้ว
“พี่หล่อปะน้องเป้”
“จะไปออกรบที่ไหนเนี่ย”ผมไม่ตอบ แต่ถามมัน
“เตรียมรบกับน้องเป้ไง คราวนี้ไม่มีแม่ช่วยแล้ว ดูซิว่าจะร้องไห้ไปฟ้องใคร”
“มาสิ เดี๋ยวจะให้ นังช้างน้อยจัดการเลย” นังช้างน้อยที่ผมพูดถึงคือ เพื่อนกระเทยแร่ดในกลุ่ม ที่จ้องจะจับไอ้หน้าขาวกินได้ทุกเวลา
“กลัวแล้วจ้า น้องเป้คนสวยที่รักของพี่” มันทำตาเจ้าชู้ใส่ผม ซึ่งมันก็ทำเป็นประจำหละครับ จนคนรู้ไปทั่วมหาลัย แถมต่อหน้าพี่ปอ พี่ป่าน หรือคนในครอบครัวผมหรือครอบครัวมัน มันก็ทำเหมือนจีบผมกลายๆ จนบางทีพี่ปอซึ่งปากปีจอสวนมาดังๆกลางโต๊ะกินข้าว
“ไอ้ยอดมึงอย่าจีบไอ้เป้มาก กูรำคาญ รีบเรียนให้จบ แล้วมาขอมันแต่งงานไปซะ จีบกันมาตั้งแต่เด็กแล้ว ไม่เบื่อกันมั่งหรือไงวะ”
“แม่ว่าหมั้นก่อนก็ดีเหมือนกันนะ” แม่ไอ้หน้าขาวก็มีมุกขำๆ
“แต่งวันนี้ก็ดีเหมือนกันนะคะคุณ”คุณนายแสนดีหันไปถามความเห็นของพ่อผม
“แม๊............”ผมร้องเสียงสูงทันที
“ไอ้พี่ยอดเลิกเล่น เลิกพูดบ้าๆ เลยนะ คนเขาเข้าใจผิดหมดแล้ว ไอ้พี่บ้า..” ผมแหวใส่ไอ้หน้าขาวที่นั่งหน้าระรื่นอยู่ด้านข้าง แล้วรีบตักข้าวใส่ปาก ด้วยหัวใจที่เต้นระรัว.........................
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 25-02-2007 22:10:57
เลิกแล้วต่อกันเถอะ อย่าจองเวรจองกรรมกันเลย  เป็นสุขๆ เถิด  :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: FlukeHub ที่ 25-02-2007 22:14:08
เฮ้อ!!~  แต่ก่อนพี่ยอดก้ออกจะแสนดีแท้ๆ

อะไรมาทำให้เปลี่ยนไปเนี่ย :confuse:

หรือนังน้องกิ๊ฟมันมาเป่าหู

โอ๊ยๆๆๆ  เกลียดมันๆๆๆๆ   :serius2: :serius2:

ต่อๆครับต่อ 
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: jammy ที่ 25-02-2007 22:15:42
เห็นทีต้องวางแผนฆาตกรรมนางชะนีเหล่านี้เป็นการด่วนนนนนนนนนน  :pigangry2:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 25-02-2007 22:36:06
ท่าทางเรื่องอีนัวน้อวกิฟต์จะไม่จบง่ายๆ

แสดดดดดดดด

 :pigangry2:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 26-02-2007 04:31:13
มาให้กำลังใจจ้า ต่อไวไวนะ :yeb:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 26-02-2007 10:12:08
เคยตั้งใจว่าจะไม่ตบชะนี...เพศเดียวกะแม่เด็ดขาด

แต่งานนี้สงสัยตะบะแตกแหงๆ

 :ped144: อิกิฟต์...เมิงเตรียมตัวตายได้แล้ว  อินังชะนีจำแลง
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: inimeg ที่ 26-02-2007 15:20:17
เจ้ๆ ใจเย็นๆ เจ้ เอ้าใครก็ได้มาจับเจ้ไว้ที อย่าปล่อยนะ

ว่าแล้วน้องต๊อบก็เดินดุ่มๆ เข้าไป

"เพี้ยะ!!!!!!!!"

นี่แน่ะ เจ้ไม่ต้อง น้องต๊อบเอง

"ว้าย... ตายแล้ว เจ้ หนูขอโทษ นึกว่ากิฟต์ เห็นสวยพอกัน"


55555555
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 26-02-2007 17:47:29
... :amen: :amen:อย่าจองเวรซึ่งกันและกันเลย...

........แต่ถ้าใครจะตบ...ฝากด้วย... :laugh: :laugh:

ป.ล....น้องต๊อบตบเจ๊ทำไม....พี่ฝากด้วยดิ... :pigha2: :pigha2:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 26-02-2007 19:06:43
55555  มาขำกับทุกรี  ตบมันเล้ยยยยย  ตบอิเจ้...... เอ้ย ผิด ผิด  :laugh5:
ขอฝากตบอีนังชะนีกิฟท์กับอั้มด้วยคนได้ปะ  เลวมากกกกกกกกกกกกก

เอ่อ... ว่าแต่ระบุชื่อชะนีก็ดีนะจ๊ะ  อิฉันกลัวโดนลูกหลงหง่ะ (ค่อย ๆย่องออกจากกระทู้)  :try2:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 26-02-2007 21:34:08
มีสาวๆกล้าหาญมาอ่านเรื่องนี้แล้ว คิกคิก
สงสัยต๊อบจะไม่พ้นมือสองแน่งานนี้ โทษฐานสวยเกินหน้าสอง กร๊าก
************************************
เมื่อรถทัวร์ค่ายอาสาฯ เริ่มเคลื่อนตัวออกมา ผมชโงกมองที่หน้าต่างไปยังด้านหลังของรถผมเห็นครอบครัวผมและไอ้หน้าขาวโบกมือให้ เห็นน้ำตาของแม่ไหล น้ำตาผมก็เอ่อออกมา ผมเอี้ยวมองภาพครอบครัวของผมที่อยุ่เบื้องหลังจนลับตา
“ร้องไห้อีกแล้วเหรอลูกแหง่”ไอ้คนหน้าขาวในชุดทหารออกรบเอามือใหญ่ๆถือผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตาผมเบาๆแล้วโน้มหัวผมไปพิงที่ไหล่ของมัน โดยไม่ได้สนใจที่นั่งอีกด้านที่จ้องมองเราทั้งสองคน เมื่อเห็นว่าผมไม่ร้องไห้แล้วมันจึงเอาผ้าเช็ดหน้าผืนที่มันซับน้ำตาผมนั่นแหละยัดใส่มือผม
“เอาไปซักมาให้ด้วยนะ ทำเปียกหมดเลย คนขี้แย”
เมื่อถึงบ้านเข็กน้อยซึ่งเป็นชาวเขามาอาศัยอยู่เป็นหมู่บ้าน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเป็นเผ่าแม้ว พี่โอประธานชมรมก็เข้าไปติดต่อกับทางกำนันและผุ้ใหญ่บ้านซึ่งคอยให้การต้อนรับคณะนักศึกษาเป็นอย่างดี และมีพิธีการเปิดค่าย น้ำใจของคนไทยชาวเขา ซึ่งยังคงพยายามรักษาประเพณีแบบเก่า ไว้ได้ค่อนข้างมาก ความโอบอ้อมอารีย์และน้ำใสใจจริง ที่พวกเราได้รับมา มันทำให้ผมไม่เคยลืม โครงการแรกที่ทางนักศึกษาได้ทำไว้ คือการสร้างห้องน้ำให้กับโรงเรียน และต่อเติมอาคารห้องสมุด ซึ่งทุกคนร่วมมือร่วมใจกันเป็นอย่างดี ขณะที่ทำงานผมก็มองไอ้หน้าขาวที่เสื้อเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ใบหน้าขาวใสเต็มไปด้วยคราบฝุ่น ผมเดินเอาแก้วน้ำไปยื่นให้มันเมื่อเห็นมันกำลังเลื่อยไม้อยู่เหงื่อท่วมตัว
“ พี่ยอดอะน้ำ” ผมยื่นแก้วน้ำให้แล้วยิ้มให้มัน มันยิ้มตอบกลับมา พลางเอื้อมมือมาจับมือผมที่ถือแก้วน้ำใบนั้นอยู่แล้วดึงไปเอาปากแก้วจ่อที่ปาก โหยช่างไม่อายฟ้าอายดิน อายสายตานักศึกษา และชาวบ้าน ที่เขาทำงานอยู่เลยนะมึง
“วุ้ย....น้ำอีเป้ หวานชื่นฉ่ำไปถึงทรวง ไหมคะยอดขา..” อีนังช้างน้อยครับ ส่งเสียงลอยมาตามลม พลางมีเสียงโห่ตามมาติดๆ
“หวานจนเลี่ยนวะ” ไอ้พวกรุ่นพี่คณะผมมันแซว
ไอ้หน้าขาวมันลดแก้วลงหน้าแดง แล้วยักคิ้วให้ผมทีนึง ใจแทบละลาย ไม่ต้องบอกนะครับว่าผมหน้าแดงหรือเปล่าอายมากๆครับ
“ขอบใจมากนะ น้องเป้”
“อือ ไม่เป็นไร” ผมจะเอาแก้วไปเก็บ
“น้องเป้จ๋า พี่ก็หิวน้ำจังเลย บริการพี่หน่อยสิจ๊ะ” พี่ก๋อย รุ่นพี่คณะผมแซวมา
“ครับได้ครับ เดี๋ยวเป้จะหาให้” ผมตรงไปที่กระติกใหญ่ ยกมาทั้งกระติกครับ เล่นเอาปวดหลังเลยวันนั้น
“กินให้หมดนะครับพี่ก๋อย เดี๋ยวเป้จะป้อนให้ดับกระหาย” ผมยกทั้งกระติก จะป้อนแก
“เฮ้ยๆๆ อย่าเล่นบ้าๆนา เอาแก้วมา กินเองก็ได้ฟะ ใช่ซี้ พี่มันไม่ใช่หนุ่มวิศวะนี่” พี่ก๋อยทำงอน แล้วเหลือบตามองไปทางไอ้เด็กวิศวะหน้าขาว ที่มองมาอยู่ไม่ห่าง ผมกับพี่ก๋อยค่อนข้างสนิทกัน เพราะว่าแกเป็นพี่รหัสของผมเอง อีกอย่างแกก็รู้จักกับไอ้หน้าขาวดี เพราะเคยแข่งฟุตบอลบอลด้วยกันมาก่อน สมัยที่ไอ้หน้าขาวยังเรียนมัธยม
เมื่อถึงวันสุดท้ายของการออกค่ายทางหมู่บ้านและนักศึกษาได้มีการแข่งขันกีฬาเชื่อมสัมพันธ์ นักศึกษาและชาวบ้านมันมีกีฬาอยู่สามอย่างครับ และทุกคนต้องได้ลงแข่งผมจับได้กีฬาที่ผมกลัวมากที่สุดครับ วอลเลย์บอล
ผมหน้าซีดทันที ภาพในอดีตที่ผมถูกลูกวอลเลย์บอลลอยมาประทะใบหน้าจนล้มเลือดกำเดาไหลยังไม่จางไปจากหัวสมอง ไอ้หน้าขาวเห็นผมถือฉลากหน้าซีดเลยเดินเข้ามาครับ
“เป็นไร น้องเป้” ผมยื่นฉลากให้ทันที
“เดี๋ยวพี่จัดการให้”ไอ้หน้าขาวหายไปครู่หนึ่งก็กลับมาพร้อมกับฉลากใบใหม่ชักกะเย่อ เฮ้ออ....โล่งอก นึกว่าจะได้เล่นฟุตบอลเสียแล้ว
ค่ำคืนแห่งการอำลา ก็มีการแสดงรอบกองไฟ มีพิธีการปิดค่าย มีการแสดงของคณะนักศึกษา ชาวค่าย ในแต่ละชั้นปี ซึ่งงานนี้ผมก็ได้รับเลือก ให้เป็นพิธีกรคู่กับธิดา ดาวคณะของปีนี้ ซึ่งก็มีชาวบ้านหนุ่มๆ(แม้ว)บางคน ผิดหวังไปตามกัน เพราะพวกนั้นคิดว่าผมเป็น....ผู้หญิง เมื่อผมได้ประกาศออกไปว่า ต่อไปเป็นการแสดงรายการสุดท้ายซึ่งเป็นการแสดงของนักศึกษาชั้นปีที่หนึ่ง ซึ่งการแสดงชุดนี้ผมก็ไม่เห็นมีใคร ได้ซ้อมอะไรเลย เห็นว่าเป็นการเล่นร้องเพลงสด คลอกีต้าร์ ที่ผมได้ข่าวแว่วๆ คิดว่างานนี้ นังช้างน้อยคงไม่เล่นด้วย เพราะงานที่ผ่านมานังช้างน้อย มันมักจะครีเอทการแสดงของทีมมัน ให้อลังการดาวล้านดวง เป็นทิฟฟานี่โชว์ไปโน่น
ผมเห็นเขาจัดอุปกรณ์เวที ผมก็เลยมาทำหน้าที่พิธีกรสนามไปโดยปริยาย ประมาณว่าไล่สัมภาษณ์แม้วหนุ่มๆอะไรเงี้ยครับ
สักพักผมเห็นไอ้หน้าขาว มันเดินไปกลางวงเลย มันหยิบกีตาร์ขึ้นมา ยังไม่ทันทำอะไรเลย ก็มีเสียงกรี้ด ถล่มทลาย ผมยังอยู่ในวงนอกยังได้ยินเสียงสาวชาวบ้าน ชมมันเลยว่าหล่อเป็นดาราหรือเปล่าประมาณเนี้ยะ
“เพลงแรกผมขอมอบให้ใครคนหนึ่ง...” มันเงียบ ดูเหมือนทุกคนจะเงียบตาม มันมองมาที่ผม ตาเราสบกัน ก่อนที่ผมจะหลบสายตาของมัน
“อยากดูแล ............. เมื่อยามเธอหมองเศร้า….
อยากเป็นเงา..........เมื่อเธอเหงาใจ
อยากเดินเคียง...............เมื่อเธอต้องการผู้ใด...ข้างกายสักคน................


มันร้องเพลงนี้ครับคืนนั้นผมนอนไม่หลับครับ ไอ้หน้าขาวมันหมายความว่ายังไง..........................



.......................

หลังจากเที่ยววันนั้นแล้ว ผมก็กลับมาทำงานเช่นปกติ การทำงานช่วงปีนี้ของผม ถือว่าเป็นการทำงาน ที่น่าพึงพอใจมาก เนื่องจากผมได้ทำยอดขายสูงที่สุดของฝ่ายขายแล้ว บริษัทยังได้กำไรเพิ่มขึ้นมากกว่าปีที่ผ่านมา และที่สำคัญ ข่าวงในแว่วๆมาที่แผนกขายหละครับว่า จะมี ตำแหน่ง เซลล์ ไดเร็คเตอร์( Directer of Sales Department) เพิ่มขึ้นมาในบริษัททั้งๆที่ มันไม่เคยมีมาก่อน แค่ผู้จัดการแผนกมันก็น่าจะพออยู่แล้ว ยังจะมาอะไรให้วุ่นวายอีก พี่สมพรหัวหน้าผมที่เป็นผู้จัดการแผนก ก็ดูเครียดๆยังไงก็ไม่รู้ ช่วงนั้นแผนกขายที่ผมทำงานอยู่ มันอึดอัดชอบกล ไม่รู้ว่าทางฝ่ายบริหารเขาคิดยังไง แต่ข่าวก็เล็ดลอดออกมาบ้างแล้วว่า ตำแหน่งนี้เขามีให้เฉพาะลูกๆของผู้บริหารหรือหุ้นส่วน ที่ไม่มีอะไรจะทำ มานั่งฆ่าเวลาและจับผิดพนักงาน เพราะตัวเองทำงานไม่เป็น ผมก็สงสารพี่สมพรอยู่ไม่น้อย คนที่เคยใหญ่คับแผนก แต่ต้องมามีคนมาใหญ่กว่า แถมแกจะต้องมาอยู่ใต้อำนาจของคนที่ไม่มีประสบการณ์ เพิ่งจะเรียนจบ และที่สำคัญอายุรุ่นลูกของแก ช่วงนี้ ดูแกเลยดูเครียดๆ พลอยให้แผนกที่เคยยิ้มแย้มแจ่มใส และเป็นหน้าตาของบริษัท อยู่ในสภาวะที่กดดัน อีก3วันเท่านั้น ที่ผู้อำนวยการฝ่ายขายจะเข้ามารับตำแหน่ง ทางพนักงานในแผนกก็ดูจะไม่คิดอะไรมาก แต่คนใหญ่อย่างพี่สมพรสิ แกถึงกับจะลาออก จากการทำงาน และมีหลายคนที่จะออกตาม รวมทั้งผมด้วย โดยจะย้ายไปอยู่กับอีกบริษัทหนึ่ง ที่เคยมาเลียบเคียงขอซื้อตัวแผนกขายของบริษัทเราอยู่เนืองๆ
เมื่อข่าวลือหนักขึน พี่สมพรก็ถูกเรียกตัวขึ้นไปพบ กรรมการผู้จัดการใหญ่ พวกแผนกขายก็พากันลุ้น ผมอีกคนหนึ่งหละ ที่ไม่ยอมรับ ให้เด็กที่เพิ่งเรียนจบ เข้ามาบริหารงานด้านแผนกการขาย โดยยังไม่มีประสบการณ์มาก่อน มันง่ายที่จะรับพนักงานเข้ามาทำงานแทนพนักงานเก่า แต่ถ้าพนักงานทีมขาย ที่ได้ชื่อว่าเก่งและเป็นมืออาชีพ ที่หลายบริษัทต้องการตัว อย่างทีมของพี่สมพร พากันออกทั้งทีม ไปเข้าบริษัทคู่แข่งหละ บริษัทต้องขบคิดบ้างหละน่า สองชั่วโมงแห่งการลุ้นระทึกครับ พวกเราเห็นพี่สมพรเดินหน้าเครียดออกมา ไม่พูดจากับใคร แต่แกเรียกประชุมแผนกโดยด่วน
“เป็นไงบ้างพี่ พวกเราจะเอาไง”พี่นก ใจกล้า เปิดประเด็นก่อนใคร
พี่สมพร ก้มหน้าเศร้า แล้วบอกว่า……………………..


*****************
“เรายังเป็นทีมฝ่ายขายอยู่ที่นี่เหมือนเดิม ขอให้ทุกคนตั้งใจเต็มที่ เพราะว่าจะไม่มีตำแหน่งข องผู้อำนวยการฝ่ายขายแน่นอน แต่จะมีแต่ผู้ช่วยพี่อีกคน ที่จะมาช่วยเป็นกำลังสำคัญ ของแผนกเราแค่นั้นเอง”
“แล้วพี่ชัย หละพี่ จะเอาไปไว้ไหน” พี่นกอีกแล้ว นี่หละผู้สื่อข่าวประจำแผนก
“อ้าวก็อยู่ที่เดิมสิจ๊ะ พี่จะทิ้งมือขวาของพี่ได้ยังไง ส่วนเป้ เดี๋ยวพี่จะเสนอให้เขาโปรโมทขึ้นเป็นซุปเปอร์ไวเซอร์คิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไร อ้อ ผู้ช่วยคนใหม่ที่จะมาช่วยงานพี่ คงจะมาพรุ่งนี้ ได้ข่าวว่าเป็นลูกสาวของหุ้นส่วนคนใดคนหนึ่งที่พึ่งเรียนจบ ถ้าพี่บอกหมด พวกเราไม่ตื่นเต้น เอาไว้เจอพรุ่งนี้เลยดีกว่า ยังไงพี่ก็ฝากดูแลน้องเขาด้วยพยายามถ่ายทอดความรู้ ให้น้องเขา เพราะทางผู้บริหารเขาอยากให้ลูกหลานเขา มาเรียนรู้งานด้านการขาย”
“ใครจะกล้าแตะหละคะ เป็นตั้งผู้ช่วยผู้จัดการ ไม่รู้ว่าคิดกันยังไงนะ ทีคุณอภิชาติลูกชายคุณธงชัย ยังมาเป็นพนักงานการตลาดธรรมดา ก่อนที่จะไปเรียนต่อเมืองนอก แล้วนี่มาเป็นตั้งรองผู้จัดการแผนก” ป้าสุดสงวนเซลล์เก่าแก่รุ่นบุกเบิก ของบริษัทเปิดประเด็นขึ้นมาบ้าง เมื่อพูดไปถึงคุณอภิชาติ ลูกชายหุ้นส่วนของบริษัทอีกคนหนึ่ง
“เขาจะมาเรียนรู้งานอะไรคะพี่สมพร ในเมื่อคิดจะมาเป็นผู้บริหาร แต่ยังไม่มีประสบการณ์ แถมยังไม่เคยรู้เลยว่าระบบงานของเซลล์บริษัทเรา มันแตกต่างจากระบบงานของแผนกอื่น มันไม่ใช่ว่าจบปริญญาตรีมา ก็เข้ามาบริหารได้เลย ต่อให้จบเมืองนอกมา ถ้ายังไม่มาฝึกงานระดับพนักงานธรรมดาก่อน ไม่มีทางได้รู้โครงสร้างของการทำงานหรอก เดี๋ยวนี้วงการธุรกิจเขี้ยวกันจะตาย ลูกค้าบางทีนกยังไม่อยากพูดถึง ทางทีดีเขาน่าจะมาฝึกเหมือนคุณอภิชาติก่อน ให้เรียนรู้ระบบงานก่อน หาประสบการณ์ก่อนที่จะมาบริหาร ถ้าไม่แน่จริง ล่มทั้งแผนกนะคะ” พี่นกพูด ดูเหมือนทุกคนจะเห็นด้วยทั้งแผนก
“งั้นให้นกสอนงานให้เขาละกัน เพราะยังไงเมื่อเขาเก่งขึ้นเขาจะต้องมาบริหารงานที่นี่อยู่ดี” พี่สมพรมอบงานให้พี่นกทันที เห็นหน้าพี่นกเหมือนกินยาขม ทำให้ทุกคนหัวเราะ
“อย่าค้านนี่เป็นคำสั่ง” พี่สมพรพูด เมื่อเห็นพี่นกทำท่าเหมือนจะพูดอะไรออกมา
“แล้วอีกอย่าง พี่ก็ขอให้ทุกคน ให้เกียรติน้องเขา ที่จะเข้ามามาเป็นผู้ช่วยพี่ มีอะไรแนะนำน้องเขาก็บอก อย่าเก็บกักความรู้ แล้วเรื่องการเลี้ยงรับน้องเขาจะมอบให้ป้าสุดสงวนละกัน”
เมื่อเลิกประชุมมา ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากพี่บอย ท่ามกลางเสียงแซวจากบบรรดาพี่ๆที่ทำงาน ซึ่งพี่บอยได้พาผมมากินข้าวที่ร้านอาหารเล็กๆแห่งหนึ่ง ไม่ไกลจากที่ทำงานมากนัก ผมเหม่อมองแม่น้ำที่ไหลผ่านเรื่อยๆ พลางรู้สึกเศร้าในใจ เฮ้อ สายน้ำมันไม่เคยไหลกลับเลยจริง ๆ ทั้งที่มีคนหลายคนผ่านเข้ามาในชีวิตที่ค่อนข้างเยอะ รวมทั้งลูกค้าของบริษัท ที่ติดต่อเรื่องการขายอยู่ ก็มีทีท่าว่าจะเข้ามาจีบหลายคน แต่ทำไมนะ ผมถึงได้รู้สึกเหงาขนาดนี้ แม้ว่าจะมีพี่บอย ที่พยายามที่จะเข้ามายึดครองห้องหัวใจของผมก็ตาม แต่ทำไมนะหัวใจของผมถึงโหยหาอะไร.........บางอย่าง

.................

หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 26-02-2007 21:35:36
อิอิ ขอต่ออีกชุดนะครับ กันความสับสนนิดหน่อย
**************************************************
วันแห่งการรอคอย ก็มาถึง ที่ห้องประชุม ของทางแผนกขาย พวกเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายต่างก็มารอบุคคลสำคัญ กันกันพร้อมหน้า จนพี่นกแกค่อนเอาว่า
“ทำยังกะจะมารับเสด็จ”
เมื่อพี่สมพรเดินเข้ามาในห้องประชุม ทุกคนเงียบสนิท สายตาทุกคู่จ้องไปยังร่างบางๆ ที่เดินตามหลังพี่สมพรมาติดๆ นี่สินะ ที่ย้ำนักหนาว่า
“พี่เป้ จำไว้เลยนะคะว่า วันไหนที่กิฟต์ มีสิทธิ์ มีอำนาจ คนแรกที่กิฟต์จะจัดการ คือพี่เป้”
วันนั้น น้องกิฟต์ได้ส่งสัญญาณเตือนไว้แล้ว แต่ผมไม่ได้ทันฉุกคิด ถึงข้อนี้มาก่อน ถึงว่าสิ หุ้นส่วนของบริษัทนี้บางคน ทำไมถึงเป็นนามสกุลเดียวกับน้องกิฟต์ ที่แท้ผมจุดไต้ตำตอนี่เอง สายตาคมของน้องกิฟต์ โปรยผ่านทุกคน และมาหยุดนิ่งที่ผม ผมจ้องมองตอบ แววตาของน้องกิฟต์เหมือนสื่อให้ผมรู้นัยๆว่า ในที่สุดฉันก็ชนะ ผมพยายามปลอบใจตัวเอง มันคงไม่มีอะไรหรอก เพราะยังไงซะ น้องกิฟต์ยังทำงานไม่เป็น อีกอย่าง คนที่จะสอนงานต่างๆ คือ พี่นก ซึ่งผมคงต้องห่างๆออกมา หรือไม่ก็หลีกเลี่ยง ไม่ไปปะทะกับ ขาใหญ่ อย่างน้องกิฟต์ หลังจากที่ พี่สมพรได้แนะนำน้องกิฟต์ ให้ทุกคนในแผนกได้รับรู้แล้ว ก็ได้มอบหมายให้ให้พี่นก ดูแล และสอนงานให้กับน้องกิฟต์ แต่ ทันทีที่เธอรู้ เธอทำเหมือนที่ เธอสั่งให้ผมจำ เลยครับ
“พี่สมพรคะ กิฟต์อยากจะขอรบกวน เปลี่ยนคนเทรนงานให้กิฟต์ ได้หรือเปล่าคะ กิฟต์อยากให้ พี่เป้เป็นคนสอนงานมากกว่า เพราะว่ากิฟต์ กับพี่เป้ จบมาจากมหาลัยเดียวกันการแนะนำ หรือการสอน มันจะได้ง่ายขึ้น เพราะเราสนิทกัน อีกอย่าง ได้ข่าวมาว่า คนที่เก่งที่สุดในแผนกขาย คือพี่เป้ไม่ใช่เหรอคะ กิฟต์อยากเรียนรู้งาน กับคนเก่งที่สุดคะ เพราะกิฟต์ มาทำงานที่นี่ แค่สามเดือน ก่อนที่จะไปเรียนต่อ”
ผม งงครับ ไหนว่าน้องกิฟต์ จะไปเรียนต่อเมืองนอกเดือนหน้า แล้วมันเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น ไม่เข้าใจจริงๆ กับคนรวย แถมเข้ามาวันแรก ก็แผลงความเอาแต่ใจตัวเองขึ้นมาทันที เพราะผมสังเกตเห็น สีหน้าของนี่สมพร แกเปลี่ยนไป แต่ก็วูบเดียว แต่ คนที่ผมเห็น และแกแสดงออกอย่าง ไม่พอใจอย่างที่สุด คือ พี่นก ผมรู้สึกเริ่มหนักใจ เมื่อเจ้าหล่อนมาร่วมงานกับผม มันจะเป็นไปได้หรือ ในเมื่อเจ้าหล่อนแสดงความเป็นศัตรู อย่างซึ่งๆหน้า อันไหนทนได้ก็ทนไป เรื่องมากนักจนทนไม่ไหวก็ออก แค่นั้นเอง ผมปลอบใจตัวเอง
เมื่อแยกย้ายกัน ออกมาจากที่ประชุม ผมรีบเดินลิ่วออกมา แล้วสิ่งที่ผมคาดไม่ถึงนั่นก็คือ น้องกิฟต์เธอเรียกผม แล้วเธอก็ทำให้ผมอึ้ง ยืนตั้งสติอยู่พักใหญ่
“คุณเป้คะ ดิฉันจะขอสถิติและรายชื่อของแขก ที่อยู่ในการดูแลของคุณเป้หน่อยนะคะ ดิฉันจะเอามาศึกษา เผื่อจะได้มีข้อมูล เวลาเรียนรู้งานจากคุณเป้ไงคะ” น้องกิฟต์พูดด้วยเววตาเต้นระริก
“ขอโทษนะ เห็นจะทำตามความต้องการของคุณกิฟต์ไม่ใด้ ตอนนี้มันเวลาพักเที่ยง มันเป็นเวลาส่วนตัว อย่าลืมว่าหลังบ่ายโมง ถึงจะเป็นเวลาทำงาน ตอนนั้น เดี๋ยวผมจะเอาไปให้คุณกิฟต์เอง”
“แต่ดิฉัน ต้องการเดี๋ยวนี้คะ ไม่มีน้ำใจเลยเหรอคะคุณเป้ ไหนเมื่อก่อน ดิฉันไหว้วานไม่เห็น คุณอ้างเรื่องเวลาส่วนตัว เลยนี่คะ”
น้องกิฟต์เน้นเสียงเข้ม นี่เจ้าหล่อนจะไม่ยอมยุติจริงๆ หรือเนี่ย เสียงหล่อนจึงดัง ขนาดพี่นกยังต้องเดินออกมาดู แต่เมื่อน้องกิฟต์ จ้องมองด้วยแววตาดุๆ พี่นกถึงได้ตัวลีบจากไป แน่นอน ผู้สื่อข่าวประจำแผนกเมื่อได้มาเห็น การกระจายข่าวมันเกิดขึ้นแน่นอน แต่ ข่าวมันจะถูกต้องหรือเปล่า ใครจะรู้............
“ถ้าหากว่าคุณต้องการเอา ตอนนี้จริงๆหละก็ คงหาให้ไม่ทัน เพราเอกสารทุกอย่าง มันต้องใช้เวลาในการค้น ซึ่งตามแผนงาน ผมควรจะนำเสนอ ให้คุณตอนพรุ่งนี้ด้วยซ้ำไป แต่ถ้าต้องการตอนนี้หละก้อ สงสัย คุณจะต้องค้นเองหละครับ”
ผมเดินออกมา ทันที อย่างไม่สนใจท่าทีใดๆ ของคนตรงหน้า แค่นี้ก็เสียเวลากินข้าวมากพอดู ภาพน้องกิฟต์ ที่ผมเจอในตอนนี้ มันทำให้ผมผิดหวังกับคำว่า “คนที่เคยดี” อย่างซึ้งถึงแก่นใจ.....................
เสียงของน้องกิฟต์ยังลอยตามหลังมารบกวนผมอยู่
“แล้วเราจะได้เห็นดีกัน”..................


........................


เมื่อผมกลับมาจากกินข้าวเที่ยวกับพี่บอยแล้ว ผมก็รีบกลับเข้ามาในบริษัททันที โหย กู มาช้า ตั้งห้านาที ป่านนี้อีนังน้องกิฟต์ คงบ่นแย่ แล้วทันที ที่ผมผลักประตูเข้าไปยังแผนกขาย ผู้สื่อข่าวและประชาสัมพันธ์ของแผนก ก็ตรงมาที่ผมทันที เล่นดักกันตรงทางเข้าแผนกเลย
“น้องเป้ มีเรื่องอะไร กับยัยท่านรองหรือเปล่า พี่เห็นตอนก่อนออกไปกินข้าวหนะ”
“ไม่มีอะไรหรอกพี่นก แหม....รุ่นน้องที่เคยเรียนคณะเดียวกันมาก่อน เลยคุยกันนิดหน่อย” ดูเหมือนพี่นกแกจะไม่เชื่อ ดวงตาแกเหมือนมีเครื่องหมายคำถาม ฉายออกมาจนเห็นได้ชัด
“ว่าแต่พี่นกเหอะ มาดัก ถามเป้เรื่องแค่นี้เองนะเหรอ”
“เปล่า ..ก็ตะกี้นะพี่เห็น ยัยท่านรองมันค้นอะไรก็ไม่รู้ ที่โต๊ะน้องเป้ด้วย ท่าทางจะหัวเสียด้วยนา ระวังตัวดีๆหละลูกท่านหลานเธอทั้งนั้น” พี่นกทำหน้าหวาดเสียว แล้วยกนิ้วสองนิ้วทำท่าปาดคอตัวเอง ก่อนเดินนำหน้าผมเข้าไป
“ทำตัวเหมือนอยู่บ้านเลยนะคะ คุณเป้ ที่นี่ที่ทำงานนะคะ นึกอยากจะเข้ามาเวลาไหนก็เข้ามา ทำตัวขาดระเบียบวินัย นี่เหรอคะ มือหนึ่งของแผนก” ประกายตาที่เหยียดหยามมานั้น ทำให้ หน้าร้อนผ่าว รู้สึกโกรธขึ้นมาทันที
“ขอโทษละกัน ที่เข้างานช้า แต่ต่อไป จะแก้ไขตัวเองให้ดีขึ้น”
“แล้วไหนหละคะ เอกสารที่ ดิฉันขอไว้”
“อีกสิบนาทีเดี๋ยวพี่ เอ้ย ผม จะเตรียมให้ที่ห้องทำงานคุณละกัน”
“คราวหลังหัดเตรียมพร้อม ในการทำงานด้วยนะคะ แล้วขอโทษด้วยนะคะ ที่ค้นโต๊ะทำงานก่อน เพราะว่าถ้ารอคุณเป้ กลัวว่าเลิกงาน คุณเป้ถึงจะเข้ามา ยังรักมั่นคงเหลือเกินนะคะ รักแรกดิฉันเห็นใจคะ คิดถึงจนต้องเอารูปพี่ยอด มาไว้ที่ลิ้นชักเหรอคะ เห็นใจนะคะ แต่เป็นไปไม่ได้คะ ยังไงพี่ยอดก็หมั้นกับดิฉันแล้ว” แล้วร่างบางของน้องกิฟต์ก็เดินจากไป ทิ้งผมยืนนิ่งอยู่ข้างหลัง.....................อย่างนั้น
ผมเดินเข้าห้องน้ำ เพื่อดูหน้าตัวเอง ภาพที่เห็นในกระจกคือหน้าผม ที่ซีดเผือด โธ่นี่ผมแคร์ คำพูดของเด็กรุ่นน้อง เชือดเฉือนผมด้วยหรือเนี่ย คิดถึงการทำงานที่สนุก คิดถึงทีมงาน ที่ผูกพันกัน งานที่นี่ ผมยอมรับว่าผมมาทำแล้ว มันมีความสุขมาก ตั้งแต่ผมเสียใจจากไอ้หน้าขาวครั้งนั้น แล้วผมได้รับจดหมายเรียกตัว จากบริษัทสามบริษัท และผมก็เลือกที่บริษัทแห่งนี้ และทำงานมา จนรู้สึกว่า ที่นี่เป็นบ้านหลังที่สองของผมด้วยซ้ำ ตอนแรกๆ ที่เข้างานบริษัทนี้ทีมงานขายเก่าๆ ก็ยังอยู่จนกระทั่งผมเข้ามาทำงานได้ไม่กี่เดือน ทีมงานเก่าก็ลาออกกว่าครึ่ง จนกระทั่ง พี่สมพรก้าวเข้ามาบริหารและคัดเลือกทีมงานฝ่ายขายด้วยตัวเอง แล้วพี่สมพรก็เคี่ยวงานกับผมมากกว่าคนอื่น แต่ผมก็ยังไม่อึดอัดใจ เท่าทำงานร่วมกับน้องกิฟต์ เพราะผมรู้ครับว่า พี่สมพรหนะแกหวังดีกับผม
“พี่ว่าเป้สมควรที่จะเดินให้มั่นใจกว่านี้นะ”
“พี่ว่า เปลี่ยนชุดทำงานให้ทันสมัยหน่อยมั้ย ทำทรงผมให้ทันสมัยหน่อย ทรงนี้เหมือนย่าทวดสมัยเก่าเลย”
“เป้ เอกสารที่จะให้ลูกค้าเซ็นต์ ต้องอ่านก่อนนะ แล้วพยายามสรุปชี้แจงให้ลูกค้าฟังก่อน”
“เป้ การเป็นการเป็นคนขายของที่ดี ไม่ใช่แค่ว่า เราจะต้องนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดให้เขาพึงพอใจเท่านั้น มันต้องอาศัยจิตวิญญาณของนักขายที่ดีด้วย การเอาใจใส่หลังการบริการขายก็เป็นสิ่งสำคัญ ทางที่ดี ขั้นตอนจริงๆหนะมันอยู่ที่ วิธีการเปิดการขายแค่นั้นหละ แต่การปิดการขาย มันไม่มีเป็นตัวตน การปิดการขายที่ดี อันนี้นอกตำรานะเป้ มันคือการที่เปิดการขายในอนาคตที่ใกล้เข้ามา เป้จำไว้เลยนะว่า การขายที่ดีคือผู้ซื้อได้รับความพึงพอใจที่สุด และให้เราได้ดูแลรับใช้เขาอย่างต่อเนื่อง การขายของพี่ จึงไม่มีการปิดการขาย จำเอาไว้นะเป้ อย่าท้อกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า จงก้าวข้ามไป แล้วสิ่งที่ดีกว่า จะรอเราอยู่ตรงนั้นเอง”พี่สมพรตบบ่าผมแล้วเดินออกไป ผมนึกถึงคำสั่งสอนของพี่สมพรแล้วผมมีแรงฮึดสู้ทันที น้ำตาที่กำลังจะเอ่อ มันเหือดไปทันที ใช่สิ ผมต้องเข้มแข็ง พ่อจ๋า แม่จ๋า เป็นกำลังใจให้น้องเป้ด้วยนะ ผมสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ก่อนเดินออกมาจากห้องน้ำเพื่อ.......เผชิญความจริง
ขอบคุณทุกกำลังใจนะครับ รักทุกคนนะครับ............อีเรียม


หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 26-02-2007 22:27:05
เป็นผู้หญิงที่งับไม่ปล่อยจริงๆ คับ  :serius3: :try2: :try2:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 27-02-2007 01:31:42
โหนังกิ๊ฟต์ร้ายขนาดนี้เลยเหรอ อย่างนี้ต้องเอาน้ำกรดสาด  :laugh5:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 27-02-2007 03:46:34
น้องนีนิสัยเชี่ยยังงี้อย่าเอามันไว้

เอานำกรดมาราดหน้ามัน แล้วเอากระดาษทรายเบอร์1,000ขัดหน้า ตามด้วยโบ๊ะเครื่องแกงปักษ์ใต้

แล้วจับมันมัดไว้พร้อมกับเปิดเพลง I will survive กรอกหูมันด้วยระดับความดังสูงสุดจนเยื้อแก้วหูมันแตก

แล้วก็นำร่างมันไปโยนใส่รางรถไฟฟ้าบีทีเอสให้ไฟช็อทมันให้ตาย  :laugh5: :laugh5: :laugh5:

สะใจโว๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

มาต่อไวๆนะครับของกำลังขึ้น :pigangry2:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 27-02-2007 06:13:06
ไมในนี้มีแต่ตุ๊ดส์ใจร้ายเคอะ  เจ้ไม่เข้าใจเลย

น้องกิฟต์ก็คนนะคะ  มีจิตใจเช่นกัน

ย่อมรู้สึกหวงแหนคนที่ตัวรักได้เหมือนกัน  ทำไมต้องมาว่าน้องกิฟต์ของเจ้ด้วย  ทำไมเคอะ?

ปล. อิเจ้ปางใสซื่อดุจนางฟ้า....มาเอง อิอิ  :laugh5:











 :o ไม่น่าเชื่อว่าอินังชะนีตัวนี้มันจะเป็นทายาทอสูรของอิชั้นเอง  เล่นอาฆาตกันแบบนี้  เหมือนอิชั้นแป๊ะเลย

น่ากลัวๆ
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 27-02-2007 10:19:27
เฮ้อ กรูนึกแล้วไม่มีผิด

อย่ายอมแพ้นะน้องเป้ เอาใจช่วย

ว่างๆ ขอที่อยู่ อีแสดกิฟต์หน่อยสิ

จะจัดการให้ตายห่าไปข้างหนึ่ง

สันดานหมาจิงๆ กัดไม่ปล่อย
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 27-02-2007 10:43:54
นังกิ๊ฟมันร้ายเนอะ....ถึงว่าเหมือนใคร.....

เหมือนเจ๊สองนี่เอง.... :laugh: :laugh:

อย่างนี้ต้องส่งเจ๊ไปปราบ.... :pigha2: :pigha2:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 27-02-2007 21:06:37
ท่าทางสองจะร้ายกว่ากระมัง กร๊าก
*********************
ผมใช้เวลาไม่เท่าไรหรอครับ ในการค้นหาเอกสาร เพราะผมเตรียมพร้อมเสมอ เรื่องการพัฒนาตัวเองให้ก้าวหน้าขึ้น ยังจำได้ว่า ภายในเวลาไม่ถึงสามปี ผมยังเปลี่ยนแปลงตัวเอง ไปได้ถึงเพียงนี้ จากเด็กบ้านนอกที่เซ่อซ่า กีฬาก็เล่นไม่เอาไหน นิสัยก็ซื่อๆตามใครไม่ทัน ถึงจะจบออกสถานศึกษา ด้วยเกรดที่สูงลิบลิ่ว แต่ปริญญาชีวิตนั้น ผมกำลังเรียนรู้ อย่างไม่มีวันจบวันสิ้น จากสิ่งที่เข้ามาในแต่ละวัน....ทำให้ผมแกร่งขึ้นจากที่เป็นอยู่เดิมมาก
“ยังทำงานเชื่องช้า เหมือนสมัยเรียนเลยนะคะคุณเป้” เจ้าหล่อนยิ้มเยาะ
แต่ผมไม่ตอบมันหรอกครับ ให้มันศึกษางานจากเอกสารเอามั่ง ทีนี้หละสนุกหละ ทำเชิดๆไปเหอะ ออกภาคสนามเมื่อไรหละคอยดู อย่าคิดว่า ไอ้ท่าคอแข็ง วางท่าปั้นปึ่งเหมือนนางพญา มันจะใช้ได้ เมื่อไปพบลูกค้า รวมทั้งกลเม็ด ต่างที่จะถ่ายทอดออกมาจากประสบการณ์ ที่มันไม่สามารถหาอ่านได้จากหนังสือ ผมคงไม่บอกมันหรอก เรื่องอะไรที่จะบอกหละ “ สัญชาติคางคก เลือดมันไม่ตก ไมรู้สึกตัวหรอก” ผมนึกในใจ
“เรียบร้อยแล้วใช่ไหมครับ ผมจะได้ออกไปพบลูกค้า”
“พบลูกค้าหรือไปพบใครคะ ดีนะคะ เกิดมาเป็นคุณเป้เนี่ย จะขึ้นเขาลงห้วยยังไงก็ไม่ท้อง อย่าลืมนะคะ ว่าเท่าที่ดิฉัน เจอคุณเป้มาเนี่ย แต่ละครั้งไม่เคยเจอผู้ชายซ้ำหน้าสักคน เดี๋ยวจะเล่าให้พี่ยอดรู้ จะได้ชื่นชมคุณเป้เพิ่มขึ้นไงคะ”
ผมกำมือตัวเองแน่น พยายามที่จะข่มอารมณ์ ที่พุ่งขึ้นสูงไว้อย่างยากเย็น รู้สึกทั้งตัวร้อนผ่าวไปด้วยความโกรธ
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ขอตัวละกันนะ”
“เชิญคะเชิญ”
หล่อนผายมือให้ แล้วยิ้ม ผมรู้ดีครับ ว่ายิ้มแบบนี้ มันหมายความว่าอย่างไร ผมเดินออกมาจาก ห้องยัยท่านรอง ก็พอดีมาเจอกับ พี่สมพร ที่แกเดินสวนมาพอดี
“เป็นไงบ้างเป้ น้องเขาตั้งใจเรียนรู้งานดีมั้ย” ผมมองหน้าพี่สมพร พลางยิ้มเจื่อนๆ
“พี่เข้าใจ อดทนนะ” แกยิ้ม ตบบ่าผมเบาๆ แล้วเดินออกไป วันนั้นหลังจากพบลูกค้าแล้วผมก็ไม่กลับบริษัทเลย คิดในใจว่า ป่านนี้อีนังน้องกิฟต์ มันอ่านเอกสารจนหัวฟูแน่ๆ ถ้ามันไม่โง่นะ มันต้องหาคนมาอธิบายเล้ว แต่ว่าเชิดๆ แบบมัน ใครเขาอยากจะช่วยหละ


........................
เย็นวันนั้นเอง ผมได้นำเรื่องที่ทำงาน มาปรึกษาพี่บอย กับนังต้อง อาจเป็นเพราะช่วงนี้ ผมไม่ได้ติดต่อ กับนังต้องมากนัก ผมเห็นมันมาคราวนี้ แก้มที่เคยตอบเพราะกินเหล้าเยอะ มากกว่ากินข้าวจนทำให้มันผอม แต่คราวนี้ ที่ผมเห็นตรงหน้า คือ นังต้อง ดูหน้าอิ่มขึ้น รอยแผลเป็น และริ้วรอยของสิว ที่บนใบหน้าของนังต้องหายไปเยอะ มีแววตาทีเปี่ยมประกายแห่งความสุข ทำให้ผมสะท้อนใจลึกๆ ที่ไม่ค่อยได้ติดต่อมันในช่วงที่ผ่านมาเลย
“เป็นไงวะมึง แหม....มีผู้ชาย แล้วลืมเพื่อนเลยนะมึง” ผมพูดไป ด้วยความรู้สึกน้อยใจ
“ช่วยไม่ได้วะ ผู้ชาย รอบนี้ กระเทยผี รอบหน้า”
“เออ...มึงอีหื่น จำไว้ไว้เลยนะมึง แหม....มารอบนี้ สวยพลิกนรกเลยนะมึง”
“แน่นอน กูหนะสวยด้วยแพทย์โว้ย ลงทุนตั้งสามหมื่นเก้า ยังได้แค่นี้นะมึง รออีกนิดนะมึงอีเป้ กูไม่สวยกว่ามึง ก็แล้วไป”
“ทางที่ดี กูว่ามึงต้องหมดอีกสามล้านเก้าวะ กว่าจะสวยได้ครึ่งของกู”
“เออมึง...ชาติหน้า กูจะสวยกว่ามึงใหได้” นังต้อง มันยังหวังไม่ถึงชาติหน้าอีก ยังงี้หละครับ ผมกับมันเจอกันทีไร ก็เถียงกันทุกที บางครั้งคุณป้าเอนกประสงค์ ยังคอยเชียร์และเป็นกรรมการห้าม บนเวทีซะงั้นเอง
“วุ๊ยยย.....ป้าก็นึกว่าจะฆ่ากันตายซะแล้ว เถียงกันจนป้าใจหาย ใจคว่ำ คุณต้องก็ดีนะคะที่ยอมคุณเป้”
“เรื่องอื่นยอมได้ แต่เรื่องสวย นี่ไม่ยอมเด็ดขาด อีนี่...มันมีดี ที่เป็นคนเหนือหรอก ถ้ามันเป็นคนใต้ มันคงสวยเหมือนจรกา”
“จ้ามึง....กูไม่สวยเท่ามึงหรอก”
ผมขี้เกียจเถียงกับมันครับ เมื่อพี่บอยมาถึง ผมก็เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟัง รวมทั้งเรื่องที่นังต้อง มันไม่เคยรู้...เลยว่า ผมกับไอ้หน้าขาว เคยรู้จักกันมาก่อน ตอนที่มันรู้มันนิ่งเงียบไปเหมือนกัน เราคุยกัน เรื่อง ยัยท่านรอง ซึ่งพี่บอย บอกว่า ถ้าทนไม่ไหวให้ไปทำงาน กับบริษัทของแม่เขาก็ได้ ซึ่งตำแหน่ง รองผู้จัดการฝ่ายขาย เขาก็ฝากได้ ผมก็ได้แต่รับปากไปว่า ถ้าผมทนไม่ไหว จะอาศัยพี่บอยหละกัน
หลังจากที่พี่บอยกลับไปแล้ว ผมรู้ครับว่านังต้องมันน้อยใจ เพราะมันพูดน้อยผิดสังเกต
“มึงเห็นกูเป็นเพื่อนสนิทมึงปะวะเป้” มันเริ่มก่อน ถามพลางจ้องหน้าผมครับ
“มึงคือเพื่อนที่กูสนิทที่สุดวะ”
“แล้วทำไมกูถึงไม่เคยรู้ เรื่องมึงกับคุณยอดมาก่อนเลย”
“กูขอโทษนะต้อง กูไม่อยากรื้อฟื้นอีก มันมีคู่หมั้นแล้วนะ แถมคู่หมั้นมันยังมีเรื่องกับกูทุกวัน กูอยากให้เรื่องมันจบเป็นอดีตไป ทุกวันนี้มันก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”
“ทั้งที่ มึงยังรักเขาอยู่เนี่ยนะ” นังต้องทำเสียงสูง
“ความรักของกู คือรักมันแค่นั้นแหละ ขอกูได้รัก กูก็พอใจแล้ว”
“แม่งเอ้ย...ทั้งๆที่มันหยามเหยียดมึง ขนาดนี้เนี่ยนะเป้”
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 27-02-2007 21:18:08
เป้  แย่งไอ้หน้าขาวมาจากนังกิฟท์เล้ยยยย  แค้นเป้ซะขนาดนี้ แสดงว่าต้องมีเบื้องหลัง  :110011:  :110011:

ปล  เรย์ลงซ้ำนิดนึงอะ  ไอ้อ่านน้อยเรยยย   :serius2:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 27-02-2007 21:33:07
 :call: :call: :call: :call:

เป็นสุข เป็นสุขเถิด
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 27-02-2007 21:52:05
 :ped144: รอบนี้อ่านไม่จุใจเลย ต่ออีกหน่อยนะคุณเรย์  :impress3: :impress3: :impress3:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 28-02-2007 10:29:24
“ความรักของกู คือรักมันแค่นั้นแหละ ขอกูได้รัก กูก็พอใจแล้ว”

น่าสงสารน้องเป้จัง... :impress3: :impress3:

ป.ล.  ทำไมช่วงนี้ลงซ้ำหลายคนจัง... :confuse:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 28-02-2007 13:40:06
เป็นกำลังใจให้เป้ครับ :yeb:



ตบมันเลยครับ ทั้งอีหญิงโฉดชายชั่ว ไม่ต้องเอามันไว้ซักคนหรอก

วางยาแล้วฆ่าหั่นศพมันเลย :laugh5:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 28-02-2007 13:41:39
หนูบลูโหมดเบลออะ

เกลียดอีกิฟต์ว้อยยยยยยยยยย :pigangry2:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 28-02-2007 21:09:02
อิอิ แก้ไขให้แล้วนะครับ แบบว่า ปกติก็เบลออยู่แว้ว  :really2:
 ช่วงนี้อ่านนิยายไม่ทันยิ่งเบลอใหญ่
 :laugh5:
************************************************************


วันที่สอง ของการทำงานของ ผมกับน้องกิฟต์ครับ ผมอารมณ์ดีมาทำงาน แต่เช้าครับเพราะว่า มาก่อนเวลาเข้างานตั้งครึ่งชั่วโมง อีกอย่าง งานเราไม่ได้เป็นการทำงานแบจำกัดเวลา แบบงานออฟฟิศทั่วไป บางทีลุกค้าว่างสามทุ่มสี่ทุ่มถึงพบได้ก็มี เพราะฉะนั้น การเข้างานตามเวลา ที่จะต้องเข้างานก่อนใครเพื่อนนั่นก็คือ เลขาของพี่สมพร กับใครที่เป็นเวร Sales on duty จะต้องเข้างานตามเวลาออฟฟิศ ซึ่งแผนกขาย ก็จะเปลี่ยนกัน คนละวัน สำหรับอีตำแหน่ง เซลล์รายวัน พวกเนี้ย ซึ่งถ้านอกเวลางานในออฟฟิศ ลูกค้าจะติดต่อที่เบอร์โดยตรง กับเจ้าหน้าที่ขาย ที่รับผิดชอบลูกค้ารายนั้นเอง ผมเข้าออฟฟิศมาก็เจอเซลล์รายวัน ของวันนี้...ก่อนใครเพื่อนเลย...พี่นก
“หวัดดี พี่นก วันนี้อยุ่เวรเหรอพี่”
“อือ มาเช้าจังเลยเป้ เดี๋ยวมาทานฝรั่งกับพี่นะ เดี๋ยวพี่เติมแป้งนิดนึงก่อน อ้อ ท่านรองมาแล้วนะ เมื่อวานเป้ไปหาลูกค้า แหม...ตามหาตัวเป้ใหญ่ แถมหน้าบึ้ง ไม่ยอมถามใครเลยนะ เนี่ย...เข้ามาก่อนหน้าเป้นิดเดียว ว่าไป ก็ก็ทำตัวน่าเกลียดมาก พี่ทักดีๆไม่ทักตอบ แถมทำหน้าบึ้งใส่พี่อีก เด็กอะไร ถ้าไม่ติดว่าเป็นลูกท่านหลานเธอหละก้อ ได้เสีย”
“ฝรั่งที่ชวนเป้กินหนะหล่อปะหละ ถ้าหล่อถึงจะกิน” ผมเย้าแกเล่นๆครับ
“หล่อสิคะ หัวเขียวกลมบ๊อกเลย”พี่นกรับมุกแล้วหัวเราะคิกเสียงหัวเราะของเราสองคน ทำให้ ท่านรอง เดินหน้าตึงออกมา
“คุณนก คุณเป้หัวเราเบาๆหน่อยนะคะ เกรงใจกันมั่ง แล้วคุณเป้พบดิฉันด้วยนะคะ”
ผมมองหน้าเจ้าหล่อน แล้วยกข้อมือเพื่อดูนาฬิกา
“หลังแปดโมงก็ได้คะ”
เจ้าหล่อน เดินสะบัดหน้า เข้าห้องทำงานหล่อนไป พี่นก แกก็แล่บลิ้น ตามหลังพลางเลียนแบบ ท่าทางเชิดๆของคนที่เพิ่งเดินออกไป ทำให้ผมหัวเราะคิกคักขึ้นมาได้
เมื่อสองดมงผมได้ปรากฏกายที่ห้อง ท่านรอง ไม่มีแม้แต่รอยยิ้มส่งผ่านถึงกัน ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก
“เมื่อวานดิฉันก็คิดว่าคุณจะเข้าที่ทำงานอีกก็ได้แต่รอ” เสียงเจ้าหล่อนลดความเข้มเสียงลงเล็กน้อยพลางกางแฟ้มตรงหน้าผม
“ดิฉันไม่เข้าใจเอกสารที่คุณเป้ให้มาหลายจุด ก็เลยอยากขอให้คุณเป้ช่วยอธิบายตรงนี้คะ”
ผมแอบยิ้ม โธ่หลายจุด มันก็เกือบทั้งหมดหละว้า....
วันนี้ ดูจะดีกว่าเมื่อวาน เพราะว่าผมอธิบายงานให้น้องกิฟต์เข้าใจแล้ว ผมก็ออกมา วันนี้นึกแปลกใจ ที่เจ้าหล่อนไม่ตามมาแขวะผม เหมือนเคย เพียงแต่ ทำหน้าและแววตาให้ผมสงสัย ว่าเจ้าหล่อนจะต้องทำอะไรสักอย่าง แต่หน้าเจ้าหล่อน ก็ยังตึงไม่ได้ยิ้มแย้มอะไรกับใคร ไม่เข้ามาสุงสิงกับใคร นอกจาก พี่สมพร กับ คุณป้าสุดสงวน นอกนั้นคุณเธอ เชิ่ดใส่ ทุกคน ยิ่งพี่นกกับผมแล้ว ไม่ต้องพูด แล้วเมื่อเช้าก็หักหน้าพี่นกเรื่องฝรั่ง ที่ผมกับพี่นกกำลังกินกันอยู่
“คุณนกกับคุณเป้คะ ที่นี่มันที่ทำงานนะคะ ปกติเขาไม่ให้นำของกินมาทานไม่ใช่เหรอคะ” แล้วท่านรองก็เดินเข้าไปในห้อง
“คุณนกกับคุณเป้คะที่นี่มันที่ทำงานนะคะ ปกติเขาไม่ให้นำของกินมาทานไม่ใช่เหรอคะ”พี่นกทำเลียนแบบก่อนที่ทั้งแผนกจะหัวเราะ
“พี่สมพรเขายังไม่ว่าเลยนะแก” แล้วพี่นกก็หันไปทางต๊ะของคุณป้าสุดสงวน
“ป้าหงวน สหายต่างวัยป้านี่แสบเหมือนกันนะ”
“น้องกิฟต์ไม่มีอะไรหรอก อย่าคิดมาก” แล้วแกก็ก้มหน้าทำงานของแกต่อไป
“ดีคะป้าหงวนที่ น้องกิฟต์ไม่มีอะไร ถ้ามีอะไรคงสนุกกว่านี้” พี่นกพูด แต่ผมว่าวันนี้มันก้ดีเหมือนกันนะที่น้องกิฟต์ไม่มายุ่งกับผมมาก แต่ผมก็สงสัยในใจ....ไม่วาย

..............
เที่ยงวันนี้ผมเลยนัดกินข้าวกับนังต้อง เพื่อปรึกษาแผนการรับมือ ท่านรอง แต่มันก็ยังไม่มีแผนไหน จะเข้าท่าเลย เพราะแผนที่นังต้องมันเสนอมานั้นมัน จะพาตัวผมเข้าคุกซะมากกว่า เช่น
“มึงก็จับมันไปขังไว้ สักสามเดือน พอถึงเวลา มันไปเมืองนอกมึงก็ปล่อยให้มันนั่งเครื่องบิน ไปตามทางของมัน”
“ไม่งั้นมึงก็ลงทุนจ้างมือปืน มาเก็บซะ ถ้ากลัวจะแพง มึงก็ลงมือเองเลย ลูกปืนไม่กี่ตังค์หรอก”
“ถ้ามันหาเรื่องมากๆ มึงก็กระโดดตบมันเลย ทางที่ดีกูว่า หาเหล็กหรือไม้ตบมัน จะดีกว่า มึงจะได้ไม่ต้องเจ็บมือ”
นังต้องมันบอกแผนการ ผมเยอะแยะ แต่ทุกแผนการ มันโดนผมด่าซะเละเลยครับ สรุปแล้ว ปรึกษานังต้องท่าทางจะไม่ได้เรื่อง งานนี้ต้องช่วยตัวเองซะแล้ว
ตอนบ่าย ผมต้องเข้าออฟฟิศครับ งานนี้ผู้สื่อข่าวประจำแผนก ไม่มาดักผมไว้ เหมือนเมื่อวาน แสดงว่าพี่นก กำลังเม้าท์ใครสักคนกับพี่สุดสงวนแน่นอน เพราะพี่สุดสงวนเป็นสาวแก่ ที่เม้าท์เรื่อง ผู้คน หรือหมู หมา กา ไก่ กับพี่นกได้ เป็นวรรคเป็นเวร ผมเคยเห็นรูปแกตอนสาวๆ ดูแกก็สวยเหมือนกัน น่าแปลกที่แกรอดปลอดภัยจากผู้ชาย มาได้ถึงปัจจุบัน
“เมื่อก่อนนะเป้ พี่สุดสงวนเนี่ย มีผุ้ชายมาจีบแกเยอะแยะ ออฟฟิศเราเนี่ย มีคนเข้าแถวตามจีบแกทั้งนั้น แต่พี่หงวนของเราหนะ เลือกมาก ผู้ชายคนไหนก็ไม่เหมาะสมกับแก อ้วนไปมั่ง เรียนน้อยมั่ง เป็นไงหละ ในที่สุดแกก็ขึ้นคาน หาใครเอาก็ไม่ได้ ยิ่งตอนนี้เกย์มันก็มีเยอะ ยังกะผักตามตลาดสด เดินไปทางไหนก็เจอ แล้วผู้หญิงก็เยอะขึ้นๆ แล้วผู้ชายก็ไปรักกันเองอีก พี่หงวนของเรา ก็เลยนอนกอดคานของแก มาจนเหี่ยวถึงทุกวันนี้”
พี่นก เคยพูดถึงป้าสุดสงวนให้ผมฟัง สมัยที่ผมเข้ามาทำงานตอนแรกๆ
เมื่อผมเดินเข้าไปถึงออฟฟิศ ก็เห็นพี่นกกับป้าสุดสงวน เม้าท์ถึงท่านรองอย่างสนุกปาก
“จริงๆนะป้า ไม่น่าเป็นไปได้ คะๆ ขาๆ ไม่วางท่าเหมือนนางพญาแบบทุกครั้ง มาสั่งกาแฟ พี่สมศรี นะป้า พูดงี้เลย” พี่นกแกก็ลุกขึ้น เหมือนนางสาวไทยตอนรับมงกุฎ
“พี่สมศรีค่ะ เดี๋ยวกิฟท์รบกวน ขอกาแฟให้แขกด้วยนะคะ” แล้วแกก็เดินนวยนาดไปนั่งเม้าท์ต่อ ผมเดาเอาว่าคงเม้าท์เรื่อง ท่านรองกับแขกของท่านรองแน่ๆ ซึ่งผมยังไม่ได้จับใจความได้อย่างชัดเจนแค่นั้นเอง พอดีพี่นกหันมาเห็นผมเข้าพอดี
“น้องเป้ มาพอดีเลย เมื่อพักใหญ่ๆ ท่านรองให้หาแน่ะ แหมวันนี้มีแขกหนุ่มหล่อมาด้วยนะ หน้างี้ บานกะโท่โล่” แล้วพี่นก ก็ทำท่านางสาวไทยอีกรอบ
“พี่นกค่ะ ถ้าพี่เป้เข้ามา รบกวนพี่นก บอกบอกพี่เป้ว่า กิฟต์เชิญที่ห้องหน่อยนะคะ” แล้วแกก็เดินนวยนาด ไปนั่งที่แกอีกรอบ ผมก็เลยขำแกครับ
“สงสัยหวานเอาใจ ผู้ชายมั้ง ใช่มั้ยป้า” พี่นกไปถามเอากับป้าสุดสงวน
“ไม่รู้ เรื่องของท่านเราไม่ควรไปยุ่ง”
“แหม....ป้า ตะกี้แล้วตั้งใจฟัง ซะหูผึ่งเลยน๊า.. มาตอนนี้ บอกว่าไม่รู้ได้ไง”
“แล้วแต่จะเข้าใจสิ” ป้าสงวนตอบกลับมา ทำให้ผมหัวเราะได้อีกครั้ง กับท่าทางที่พี่นกที่แกทำปากขมุบขมิบ ไปทางป้าสุดสงวน
ก๊อก ก๊อก ก๊อก ผมเคาะประตูห้องท่านรอง ก่อนเปิดประตูเข้าไป
แล้วผมก็ชาวาบไปทั้งตัว เมื่อผมเห็น หน้าตา ของแขกท่านรองได้อย่างถนัด หลายเดือนที่ไม่ได้เจอกันจังๆ ดูไอ้หน้าขาวมันตัวใหญ่และล่ำขึ้นเยอะ ร่างที่เคยผอมเพรียวคุ้นตาคุ้นใจของผม ดูมันจะมีกล้ามเนื้อเหมือนคนที่ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและมีสุขภาพดี ดูหน้าขาวๆไรเคราครึ้มๆแล้วผมใจสั่นขึ้นมาทันที ยิ่งมันแต่งชุดทำงานดูดี ภูมิฐานเข้ากับมันอย่างลงตัวเหมาะเจาะแบบนี้ ความรู้สึกที่ผมพยายามลืมและเก็บกดมันเอาไว้ มันกลับมาก่อกวนให้ใจผมสั่นไหวอีกระลอกหนึ่ง
“นั่งก่อนสิคะพี่เป้” เสียงของท่านรองทำให้ผมเข้าสู่ภาวะปัจจุบันทันที ผมยิ้มให้คนทั้งคู่ที่อยู่ตรงหน้า......................

ผมค่อยๆ นั่งบนเก้าอี้ ตรงหน้าคนของหัวใจผม พลางยิ้มไปให้ แน่นอนหละ ถ้าใครมา
เจอ ผู้ชายหล่อผู้หญิงสว ที่นั่งชิดกันอยุ่เบื้องหน้า ทำให้แผลหัวใจ ที่เริ่มตกสะเก็ด

มันเริ่ม ปริและมีเลือดซึมอีกครั้งหนึ่ง ผมมองดูหน้าของคนทั้งสองคน ตรงหน้า

แววตาของน้องกิฟต์ ดูเหมือนจะสะใจและพึงพอใจ

อะไรสักอย่าง ดูเธอจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ส่วนไอ้หน้าขาวยังตีหน้าตายของมัน

เหมือนเดิม แต่ผมก็ทันได้เห็นแววตาไหววูบ มีประกายแว่บนึง แต่มันก็จางหายไปอย่าง

รวดเร็ว ผมยังยิ้มฉาบหน้าอยู่ แต่ในใจของผมมันเหี่ยวแห้งไปหมดแล้ว

“มีอะไรกับพี่หรือเปล่าคุณกิฟต์”

ผมถามออกไปเนื่องจากว่าไม่รู้ว่า คนตรงหน้าต้องการอะไร อีกอย่างผมไม่อยากที่จะเห็น

ภาพแสลงใจตรงหน้านี้นานนัก ทั้งๆที่ควรจะจบไปแล้วและไม่ควรมาเจอกันอีก แต่ก็ยังมา

เจอ แสดงว่าชาติที่แล้วผมคงร่วมทำกรรมทำเวรกับคนสองคนนี้มาอย่างแน่ๆ ชาตินี้ถึง

ต้องมาชดใช้กรรมด้วยการเจ็บที่หัวใจอยู่ตลอดมา


แต่น้องกิฟต์ไม่ได้ตอบคำถามแต่หันไปคุยกับไอ้หน้าขาวแทน


“ดูพี่เป้สิคะพี่ยอด นี่แหละคะพนักงานฝ่ายขายดีเด่น ของแผนกฝ่ายขายปีนี้หละคะ คน

ดีของเราคนนี้ ทำยอดผลกำไรให้บริษัทหลายล้านคะปีนี้”

หล่อนหัวเราะเบาๆ พลางถามต่อมาว่า

“วันนี้พี่เป้จะออกไปพบลูกค้ากี่โมงคะ”

“เดี๋ยวสักพักก็ต้องออกไปแล้ว”

“งั้นดีเลย เดี๋ยวกิฟต์ จะวานพี่เป้ไปส่งพี่ยอด ที่อู่ซ่อมรถหน่อยสิคะ ทางผ่านของพี่

เป้อยุ่แล้วไม่ใช่เหรอคะ”


ผมไม่อยากให้มันไปกับผมจริงๆ เพราะแผลหัวใจ ของผมมันเหวอะขนาดนี้ ยิ่งได้

ต้นเหตุ ของอาการที่หัวใจ ไปด้วยอย่างนี้ ผมกล้วว่า ผมจะลืมไอ้หน้าขาว

ไม่ได้แน่ๆ


“ดูเขาไม่เต็มใจให้พี่ไปด้วย น้องกิฟต์ ไม่ต้องไปไหว้วานอะไรหรอก อู่รถแค่นี้พี่มี

ปัญญาจ้างแท็กซี่ไปถึ ง วานทำไมคนแล้งน้ำใจ”


ไอ้หน้าขาวมันพูด เสียงแข็งตามประสาของมัน แต่ผมรู้สึกสะท้อนใจ อย่างบอกไม่ถูก

ตั้งแต่ได้ยินคำว่า “คนดี” แล้ว


“น้องเป้เป็นไรไปครับ หือ..คนดีอย่าร้องนะ เป็นเด็กดี ไม่ร้องนะครับคนดีของพี่ยอด”


เมื่อตอนเด็กๆ ใครหนอที่เรียกผมว่าคนดี


ครหนอที่ปลอบประโลมและกอดผมไว้


ลูบหัวผมเบาๆ กระซิบถ้อยคำที่อบอุ่นไปทั้งใจ


“นิ่งซะนะ คนดีของพี่ยอด”


แต่เขาจะรู้หรือเปล่าว่า คนที่พูดตอนนั้น กับคนที่นั่งตรงหน้า


เวลาเปลี่ยนไป ใจคนและนิสัยก็เปลี่ยนแปลงตามไปด้วย


“ไปด้วยกันก็ได้”


ผมพูดออกมาเบาๆ


“ให้พี่เป้ไปส่งหนะดีแล้วคะพี่ยอด เดี่ยวไปเอารถมาแล้ว มารับกิฟต์ไปกินข้าวนะคะ เดี๋


ยววันนี้กิฟต์จะรอหลังเลิกงานคะ



หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 28-02-2007 21:24:33
 :call: สาธุให้พี่ยอดมารักน้องเป้สักทีเถอะ จะได้สะใจนังน้องกิฟต์ :laugh5: :laugh5:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 28-02-2007 22:05:30
โปะยาสลบ แล้วพาแวะม่านรูดจับมันทำเมียเลย

แล้วก็เอามาประจานนังกิฟท์มันว่า "ผัวของมรึงอ่ะ เคยเป็นเมียกรู" :laugh5:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 28-02-2007 22:59:43
กะแล้วเชียว  :try2: :try2: :try2: :try2:


 :seng2ped: :seng2ped: :seng2ped:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: ฿oomb@b@ ที่ 28-02-2007 23:34:55
อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก :angry2:
อยากตบชะนีก้อวีนนี้แหละ :pigangry2:

สู้ ๆน่ะคุณน้องเป้
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 01-03-2007 04:16:37
เมื่อไหร่จามาลงต่อเคอะ

ช่วงนี้เจ้ยิ่งเครียดๆ เขียนนิยายไม่ออก  เพราะขาดผู้ชายมาหลายวัน

ขออ่านเรื่องของชาวบ้านไปพลางๆ ก่อนนะ  :monkeycry4:

ปล.  อินังกิฟต์ใจร้าย  อิชะนีไม่มีป่า  อินังหอยไม่มีคนแคะ  อินังทั่นรองโรคจิต  อินังชะนีสวยประดิษฐ์  อินัง......สัตว์โลกผู้น่ารัก  :angry2:

หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 01-03-2007 09:11:54
ชิชิ

หญิงก็ร้าย ชายก็เลว

แสดหมาจิงๆ

 :pigangry2:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 01-03-2007 12:44:45
ปล.  อินังกิฟต์ใจร้าย  อิชะนีไม่มีป่า  อินังหอยไม่มีคนแคะ  อินังทั่นรองโรคจิต  อินังชะนีสวยประดิษฐ์  อินัง......สัตว์โลกผู้น่ารัก  :angry2:

ขำเจ๊ว่ะ..... :laugh5: :laugh5:

ถ้าทนไม่ได้เจ๊ไปตบเองเลย.... :angry2: :angry2: :angry2:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 01-03-2007 19:54:40
คนเราก็มีความรักได้ทั้งนั้นไม่ว่าหญิงหรือชาย
ขอเพียงถ้ารู้ว่าเขาไม่รัก ก็อย่าไปฝืนหัวใจใคร
ผมไปเที่ยวสามวันนะครับ เจอกันวันอังคารนะครับ
********************************
ผมต้องขับรถมาส่งมันครับ เวลาที่นั่งรถมาด้วยกัน มันทำให้ผมรู้สึกอึดอัดมาก เพราะทั้ง
ที่รู้แล้วว่า มันมีคู่หมั้นแล้วเต็มอก และท่าทีที่เขาแสดงออกต่อกัน เมื่อตะกี้นี้เองที่ทำให้

ผมรู้ดีว่าผมไม่มีทางที่ จะย้อนคืนเหมือนเมื่อครั้งก่อนแล้ว........

“เดี๋ยวนี้เก่งขึ้นกว่าเมื่อก่อนเยอะนะ เที่ยวเก่งขึ้น ทำงานก็เก่งขึ้น”

ไอ้หน้าขาวมันเปรยขึ้นมา เมื่อในรถมันเงียบ ผมก็ไม่ยอมเปิด แม้กระทั่งเพลง ทั้งที่
ปกติเวลาขับรถเนี่ย ผมชอบที่จะขับรถไป แล้วร้องเพลงตามไปด้วย แต่คราวนี้มัน
หมดอารมณ์ที่จะฟังเพลงไปเลย เพราะภาพที่ยังติดตามาถึงขณะนี้ คือภาพของคน
สองคนที่กระหนุงกระหนิงกัน ในห้องทำงานของท่านรอง ยังตามมาหลอกหลอน
ความรู้สึกของผมอยู่ เมื่อมันพูดออกมา ผมก็เงียบ คร้านที่จะตอบมัน

“เออ ถามดีๆ ก็ไม่ตอบ ตั้งแต่ทำงานดีๆ แต่งตัวดีๆ หยิ่งนะโว้ย”

ผมก็เงียบครับ ไม่อยากจะตอบมัน ไอ้รถข้างหน้าก็ติดกันเป็นแพ แถมไฟแดงก็ไม่มีที่
สิ้นสุดอีก ผมหนะอยากให้ถนนมันโล่งๆ จะได้ไม่ต้องเสียเวลามานั่งใกล้ไอ้หน้าขาว
ให้ตัวเองเจ็บใจ ที่มันคอยพูดถากถางอีก
“เห็นว่า ควงผู้ชายไม่ซ้ำหน้าเลยเหรอ นี่ก็อีกหนึ่งของความก้าวหน้าสินะ ยังไงซะ ก็
นึกถึงทางบ้านมั่งนะ พ่อแม่ก็มีหน้ามีตา แต่ลูกเข้ากรุงเทพ มามั่วผู้ชายไม่ซ้ำหน้า”
ผมทนไม่ไหวแล้วจริงๆครับ มันดูถูกผมทุกอย่าง ผิดด้วยหรือที่จะไปเที่ยว ผิดไหมที่
จะต้องมีสังคม ทำไมมันต้องด่ากันขนาดนี้

“จะลงตรงไหน ถ้ามันอึดอัดใจมาก หรือนั่งเงียบไม่ได้จนต้องเห่าออกมา ก็บอก จะ
ได้ให้ลงไปเห่านอกรถ”

หมดสิ้นกันไปนานหละครับ สำหรับความนับถือ ตั้งแต่มันตามด่าตามเช็ด ว่าผมเป็นอี
ตุ๊ด โน่นหละครับ มันหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ น้อยครั้งมากครับที่ผมจะพูดจาไม่
เพราะกับมัน อีกอย่างผมมีแม่เป็นครู เรื่องการพูดการจา ไม่ต้องห่วงครับ ลูกครูมันต้อง
วางตัวมากกว่าปกติบ้างอยู่แล้ว แถมทางบ้านนอก ชื่อของคุณนายแสนดี ก็เป็นที่
เคารพยกย่อง ของคนในอำเภอรวมทั้งในจังหวัด ที่แม่ผมเป็นที่รู้จัก และให้ความ
เคารพอย่างกว้างขวาง ลูกศิษย์กี่รุ่น ต่อกี่รุ่น ที่จบออกไปต่างแวะมาเยี่ยมเยือนไม่ขาด
หาย บางครั้งมีครอบครัวแล้ว ก็ยังพาครอบครัวมากราบคุณแม่ผมในทุกๆปีเหมือนกัน
จึงไม่แปลกเลยว่าลูกๆของคุณนายแสนดี จะต้องทำตัวให้ดี และอยู่ในกรอบมาก
เพียงใด แม้แต่ พี่ปอพี่ชายผมที่มันเรียนเทคนิค มันเฮ้ว มันร้ายแค่ไหน ก็ยังไม่เคย
ทำให้ครอบครัวเดือดร้อน จะมีบ้าง ที่มีเรื่องมาบ่อยๆตามประสาเด็กช่าง แต่ว่าไอ้พี่ปอ
มันก็เคลียร์เรื่องของมันได้ดี โดยไม่พาความเดือดร้อนมาสู่ครอบครัวเราเลย แถม
พี่ชายผม มันยังจบวิศวะมาจากมหาลัยมีชื่อแห่งหนึ่ง ด้วยคะแนนระดับเกียรตินิยม
ทีเดียว

“อืม....เพิ่งรู้อีกอย่าง ว่าปากคอก็เราะร้ายไม่ใช่เล่น”

ไอ้หน้าขาวพูดขึ้น หลังจากที่มันข่มความโกรธ จนหน้าขาวๆของมันแดงก่ำไปหมด ลง
ได้ แล้วมันก็หยิบโทรศัพท์ออกมาครับ ผมก็ได้ยินหละครับว่า มันโทรหาช่างที่อู่ซ่อม
รถเรื่องรถของมันยังไงนี่หละ ไอ้เตอร์ๆ เซ่อๆ ศัพท์แสงทางช่างที่มันคุยกัน ผมก็
ไม่รู้เรื่องด้วยหรอก รถผมหนะขับได้อย่างเดียวเท่านั้นหละ ไอ้จะมาบอกช่าง เรื่อง
เตอร์ๆ เซ่อๆ นี่บอกไม่เป็น นอกจากเอารถไปเช็คที่ศูนย์บริการเดือนละครั้งแล้ว ผม
ก็ไม่ได้จับหรือดัดแปลงรถเลยคุณ รถเขามีไว้ขับไม่ใช่หรือ........

ไอ้หน้าขาวมันจบวิศวะเหมือนพี่ชายผม แต่ถามว่ามันเก่งเหมือนพี่ชายผมมั้ย มันไม่เก่ง
เพราะสมัยก่อนที่เรายังเรียนด้วยกัน เป็นประจำที่มันลอกการบ้านเพื่อนๆ

ผมจับใจความได้ว่า มันโทรหาช่างเรื่องเปลี่ยนอะไรๆ เตอร์ๆ เซ่อๆ นี่หละแต่ว่าทางอู่
ซ่อม ศูนย์บริการบอกว่า อะไหล่ยังมาไม่ถึง ต้องรอไปอีกสอง สามวัน แล้วมันก็หัว
เสีย อึดฮัด อยู่สักครู่ มันก็ถือโทรศัพท์ โทรหาน้องกิฟท์ครับ............................
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 01-03-2007 22:25:36
เข้ามาให้กำลังใจน้องเป้  :loveu: :loveu: :loveu:


เที่ยวให้สนุกนะคุณเรย์  :yeb:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 01-03-2007 23:01:17
ถ้าคุยกันดีๆเหมือนในอดีตเนี่ย จะเป็นอะไรที่น่ารักมากเลยนะผมว่า :myeye:


 :yeb:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 02-03-2007 01:02:39
อึดอัดอ่ะ หงุดหงิดด้วย  :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 02-03-2007 10:50:23
ยัยน้องกิฟท์อีกและ....แล้วยัยน้องเป้เนี่ย....ไม่เคยคิดถึงเลยใช่มั้ย... :pigangry2: :pigangry2:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 02-03-2007 17:47:41
 :o

ไปส่งมันทำไม? :serius2:

ไล่มันลงจากรถไปเลย  ไอ่ปู้ชายเฮงซวย   :angry2:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 02-03-2007 18:39:33
ช่วงที่เรย์หนีไปเที่ยว แน๋วรับหน้าที่โป๊ดต่อจากเรย์นะจ๊ะเพื่อนๆทุกคน  :yeb:

****************************************************************************

ผมไม่ได้อยากฟังเรื่องที่มันสองคนคุยกันหรอกครับ แต่หูของผมสิครับมันดันไปได้ยินเอง
เสียงไอ้หน้าขาวมันนุ่มมาก พูดจาอ่อนโยนอย่างไม่น่าเชื่อว่า มันจะพูดแรงๆกับผม
มันพูดกับน้องกิฟต์ประมาณว่า รถยังซ่อมไม่เสร็จเลยถ้ายังไงเดี๋ยวไอ้หน้าขาวจะกลับไปที่พักเลย
แล้วเวลายัยท่านรองเลิกงานแล้ว มันจะนั่งแท็กซี่ไปหาท่านรอง ที่บริษัทเอง ผมเหลือบมองซีกหน้ามันแว่บหนึ่ง
และผมก็เห็นมันจ้องหน้าผมเหมือนกัน
ผมเลยเบนสายตากลับมา มองตรงที่ถนนและรถที่ติดกันยาวเป็นแพ แถมตอนที่รถติด ฝนฟ้าดูเหมือนไม่เป็นใจ
ฝนตกลงมาเหมือนฟ้ารั่ว แถมรถยิ่งติดเข้าไปอีก ผมเริ่มจะหงุดหงิดบ้างแล้ว ยิ่งนัดกับลูกค้าอยู่ด้วย
แล้วเหมือนกับฟ้าดินเห็นใจ เมื่อลูกค้าโทรมาขอเลื่อนนัด เป็นวันรุ่งขึ้นตอนหัวค่ำ
ไอ้หน้าขาวนั่งยิ้มกริ่มอยู่ข้างๆ ผมเลยถามมัน
“จะลงตรงไหนก็บอกนะ เดี๋ยวจะกลับบ้านแล้ว”

ผมหละปวดหัวเต็มที เลยโทรไปบอกพี่นก ว่าขอกลับบ้านเลย เพราะหากว่าจะขับรถวนไปที่บริษัท
เขาก็เลิกกลับบ้านกันหมดพอดี แถมไอ้หน้าขาว มันก็นิ่งเงียบไม่พูดอะไรออกมาซะอีก

“เป็นไงบ้างเป้ ได้นั่งรถไปกับหนุ่มหล่อ อย่าพาสุดหล่อของท่านรองไปปู้ยี่ปู้ยำหละ”

“ไม่แม้แต่จะเคยคิดนะพี่นก แหม....คนเราจะเอาทั้งที หาคนที่โสดๆไม่ดีกว่าเหรอ อีกอย่างหน้าที่การงานเราก็มี
อยู่ด้วยตัวเองดีที่สุด อยู่อย่างป้าหงวนเราสิ แกสบายจะตายลูกผัวไม่มีกวนใจ นั่งใช้เงินที่หามาได้อย่างสบายใจ”

ผมอดที่จะประชด คนที่นั่งอยู่ข้างๆ ไม่ได้ เรื่องคนเป็นโสดไม่เป็นโสด และอีกอย่างเวลาฝนตกหนักๆ มันจะไม่ค่อยได้ยินเสียง ผมต้องเปิดลำโพงให้มันเสียงดังมากกว่าปกติ แน่นอนหละ ไอ้หน้าขาวมันต้องได้ยิน เสียงที่ผมคุยกับพี่นกด้วยแน่ๆ
แถมอีกฝั่งที่ผมคุยด้วยนี่มันตู้ลำโพงแปดหลอดดีๆ นี่เอง เพราะเวลาที่อยู่ในแผนก พี่นกจะเป็นคนที่พูดเสียงดังที่สุด
ขนาดแกกระซิบกระซาบกับป้าสุดสงวนที่มุมห้อง คนทั้งแผนกเขายังได้ยินเสียงแกเลย
ผมเหลือบมองไปทางมันนิดหนึ่ง เห็นมันนั่งตัวตรงมองไปข้างหน้าแน่นิ่ง รถก็ติดกันเป็นแพเหมือนเดิม
ไม่มีวี่แววว่าจะขยับเขยื้อน ผมคุยกับพี่นกสักครู่หนึ่ง ก็ขอตัววางสายพี่นกลง และหันมาหาวิทยุที่จะเปิดฟังตามปกติ
ผมก็เลื่อกคลื่น เอ็ฟ เอ็ม ที่เคยฟังเป็นปกติ แล้วผมก็นั่งนิ่งตัวชา ไอ้หน้าขาวมันก็หันมามองผมแน่นิ่งไปเหมือนกัน

อยากดูแล...เมื่อยามเธอหมองเศร้า
อยากเป็นเงา......เมื่อเธอเหงาใจ
อยากเดินเคียงเมื่อเธอต้องการผู้ใด......ข้างกายสักคน
หากว่าเธอท้อแท้วันใด ถูกสิ่งใดทำใจ.....ร้อนรน
หากต้องการมีใคร...สักคน
ที่พร้อมให้ความ....อุ่นใจ
ขอเป็นคนหนึ่งที่คอยห่วงใย แต่เธอ...เรื่อยไป
แม้จะเป็นคนสุดท้ายที่เธอ...จะมอง

เนิ่นนาน และจนเพลงจบ ที่ผมนิ่งอยู่ และไอ้หน้าขาวมองผมนิ่งอยู่อย่างนั้น ผมยังจำได้ดี
เพลงนี้เองที่ไอ้หน้าขาวมันเคยร้องให้ผมฟัง ตอนที่เราไปออกค่ายอาสา ด้วยกันสมัยที่ยังเป้นนิสิตหมาวิทยาลัยด้วยกันอยู่
แต่มาวันนี้ ดูเหมือนเวลาจะย้อนมาเตือนผมได้อีกวันหนึ่ง แถมเพลงที่สองที่มากระชากใจของผมอีกเพลง ก็ตามมา ติดๆ
ดูท่าดีเจวันนี้ จะเปิดเพลงประชดคน อกหักรักคุด หรือกำลังดิ้นรนค้นหาความรัก หรืออย่างไรก็ไม่รู้

อยากจะมีใคร คอยห่วงใยดูแลกัน
ในวันที่ฉัน...เหงาใจ
อยากจะมีใครเดินจับมือเคียงกันไป ในวันที่ฟ้ามืดหม่น
แต่ก็เหมือนทั้งโลกว่างเปล่า ไม่มีคนเข้าใจ
ฉันต้องการแค่ใคร...สักคน
ใครสักคนที่เป็น.............ทุกอย่าง
ช่วยให้เหงาที่มีได้จาง.......หายไป
ช่วยเป็นแสงสว่างใน.....หัวใจ
อยากจะขอแค่ใครสักคน..............ที่รักจริง


ถึงเพลงนี้ น้ำตาผมไหลออกมา อย่างที่จะสุดระงับได้เลยครับ น้ำตามันไหลออกมาเองโดยไม่มีเสียงสะอื้น
 ผมยกมือขึ้น กำลังจะปาดน้ำตาที่ไหลอาบพวงแก้ม แต่.................................

ด้วยความรักและคิดถึงผู้อ่านทุกคนครับ....................อีเรียม

หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 02-03-2007 18:48:40
อยากจะขอแค่ใครสักคน..............ที่รักจริง

........ถือโอกาสร้องไห้แล้วก็ซบที่อกไอ้หน้าขาวเลย..... :laugh5: :laugh5:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: FlukeHub ที่ 02-03-2007 22:17:45
อ๊ากกกก  ค้าง

สงสารน้องเป้  พี่ยอดทำงี้ได้ไงเนี่ย
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 03-03-2007 00:28:31
 :o ฉึบ!!!! เสียงตัดจบ  :serius2: :serius2: :serius2:


พี่แน๋วอ่ะ ทำกันได้  :haun5: :haun5:



แต่ยังไงก็ขอบคุงนะค้าบบที่มาลงให้อ่าน  :myeye: :myeye: :myeye:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: しろやま としんや ที่ 03-03-2007 02:58:43
เจ้าแม่เล้ามาโพสแทนตาลุงแก่ๆที่แอบหนีเที่ยว  :fox2:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 03-03-2007 04:16:41
มาต่อไวไวนะ กำลังค้างงงงงงง :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 03-03-2007 11:26:09
แอม...ครายเปงเจ้าแม่เล้า เรียกให้มานดีๆหน่อยยย  :โหลๆ:
  :เหอะ1: แกล้งให้คนค้างเล่น คิกคิก อ้าว มาต่อให้แย้วจ้า
*****************************************************************************

ไอ้หน้าขาว มันดึงกระดาษทิชชู่จากลิ้นชักหน้ารถ ออกมาซับน้ำตาผมเบาๆ
บรรยากาศทุกอย่าง ดูเหมือนมันจะหยุดนิ่งไปชั่วขณะ ผมมองสบตากับมันอย่างไม่เข้าใจ
ทำไมมันต้องดีกับผมเหมือนเมื่อก่อน ทำไมมันไม่ปล่อยให้ผมร้องไห้ แล้วด่า ใช้คำพูดที่ทิ่มแทงหัวใจ ให้ผมเลิกคิดฝัน
กับการมีความสุขจากการเสพความหลังปลอบใจตัวเองไปวันๆ อย่างที่แล้วมาเสียที
ยิ่งมันมาทำดีกับผมมากเท่าไร ผมก็ยิ่งร้องให้มากเท่านั้น ผมปล่อยโฮเสียงดังออกมาทันที ไร้สิ้นเรี่ยวแรงที่จะขับรถต่อไป
ผมร้องไห้ ตัวผมสั่น เสียงที่มี ได้เปล่งออกมาด้วยความปวดร้าว

“อย่ามาดีกับเป้เลย พี่ยอด เป้ขอให้เราจบกันไปเลยดีกว่า อย่าให้เจอกันอีกทั้งในชาตินี้และในชาติหน้า
ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมาที่เป้ได้ล่วงเกินทุกอย่างเป้ขอให้พี่ยอดอโหสิกรรมให้เป้ด้วย ขอให้เป้ได้อยู่ตามเส้นทางของเป้
อย่าให้เป้ต้องมาเจ็บมากกว่านี้เลย ถึงเราจะไม่เจอกัน หรือเป้ต้องอยู่คนเดียว แต่เป้ก็ยังได้อยู่อย่างมีความสุข อยู่กับภาพความสุขในหัวใจของเป้ตลอดไป”

ผมพูดไปสะอื้นไป ไอ้หน้าขาวตอนนี้ดูหน้ามันก็แดงก่ำ ดวงตาเหมือนมันจะร้องให้หรือเปล่าผมก็ไม่แน่ใจ
แต่ดวงตาคู่นั้นมันเหมือนจะขังเอ่อด้วยน้ำใสๆ อยู่ให้สังเกตได้ แล้วไอ้หน้าขาวมันก็รั้งร่างของผมไปกอดเอาไว้ .....

“อย่าเพิ่งพูดอะไรนะน้องเป้ เดี๋ยวพี่ยอดขับรถให้”

มันยกตัวผมขึ้นให้ผมโหย่งตัวขึ้นสลับที่กัน อารมณ์เศร้าผมยังไม่หาย ได้แต่หยิบกระดาษทิชชู่ออกมาเช็ดน้ำตาจนหมดม้วน

ตอนนี้รถเริ่มจะเคลื่อนตัวได้บางแล้ว แม้จะมีรถที่จอดติดกันข้างๆมองเข้ามาที่ผมกับไอ้หน้าขาว แต่ตอนนั้นผมก็ไม่สนใจ
เมื่อผ่านช่วงแยกแห่งความอึดอัดมาได้และฝนก็เริ่มจะซาลงไอ้หน้าขาวเหลือบมองหน้าผมบ่อยครั้ง

“น้องเป้อย่าร้องสิครับ เลิกร้องได้แล้วตั้งนานแล้วนะ เดี๋ยวตาก็แห้งหมดหรอก”

ผมไม่ตอบมันครับ ก้มหน้าก้มตาร้องไห้อย่างเดียว จนกระทั่งเสียงของโทรศัพท์ของผมดังขึ้นมา

“ครับพี่ ว่าไงครับ”

ผมพยายามที่จะปรับเสียงไม่ให้มันสะอื้นหลุดรอดเข้าไปในกระบอกโทรศัพท์ แต่กระนั้น ทางปลายสายก็ยังจับเสียงผิดปกติของผมได้อยู่ดี

“น้องเป้ เป็นอะไรหรือเปล่า ตอนนี้อยู่ไหนครับ นั่นร้องไห้หรือเปล่าหนะ”

พี่บอยครับแกถามเสียงรัวมาตามสาย........................


ผมเหลือบตาไปมองคนร่างสูง ที่ขับรถแทนที่ผมอยู่ตรงหน้า หน้าขาวคมเหลือบมองหน้าผมนิดนึง ก่อนที่จะเอามือใหญ่อุ่นคว้ามืออีกข้างผมไปเกาะกุมไว้ ความอบอุ่นแผ่ซ่านมาจนถึงหัวใจ
“เปล่าครับพี่บอย...ตอนนี้รถติดฝนมันตกหนะครับพี่บอย เป้อยู่บนถนนแถวสุขุมวิทครับ เดี๋ยวเป้ว่าจะเข้าบ้านเลย พี่บอยวันนี้ต้องไปบ้านคุณแม่ไม่ใช่เหรอครับ”

“อืม.. แล้วหาข้าวกินนะ เหงาปะ...ที่วันนี้ไม่มีเพื่อนกินข้าว”

“เป้กินมาม่าที่ห้องก็ได้ หรือถ้ายังไง วันนี้ว่าจะนัดต้องไปหาจีบหนุ่มซะหน่อย พี่บอยห้ามว่าเป้นะ เพราะว่าพี่บอย ไม่อยู่ไปกะเป้เอง55”

“อืม...ได้ได้ แต่ยังไงก็ตามกติกาเดิม ตีหนึ่งครึ่ง โทรรายงานตัวกับพี่ เข้าใจมั้ยครับคนน่ารักของพี่บอย”

“ค้าบแค่นี้ก็กลัวจะแย่แล้วครับ”

ผมพยายามทำเสียงให้ดูดี เพื่อไม่ให้พี่บอยรับรู้ว่าผมร้องไห้อยู่

“เสียงอู้อี้แหบๆ นะน้องเป้เป็นอะไรมากหรือเปล่า”

กระแสเสียงห่วงใยมาตามสายทำให้ผมอดที่จะตื้นตันไม่ได้จริงๆ

“เป้โดนฝนอะครับพี่บอย เดี๋ยวยังไงถึงบ้านแล้ว...เป้โทรหานะครับ สวัสดีครับพี่”

ผมพูดกับพี่บอยสักครู่ ก่อนวางสายลงแล้วน้ำตาผมก็เอ่อออกมาอีก ผมยังมีเหลืออยู่สินะคนที่ห่วงใย
คนที่เขาต้องการผมอยู่อย่างแท้จริง มือใหญ่ของคนข้างๆ บีบมือผมเบาๆพลาง โยกหัวผมเล่นเหมือนที่เคยทำในสมัยก่อน

“โอ๋...นิ่งซะเด็กขี้แย ของพี่ยอด”
ไอ้หน้าขาวมันพูดจนผมต้องโฮเสียงดังออกมาอีกรอบ พลางเอามือปัดมือใหญ่ทีลูบหัวผมอยู่ออก ผมจ้องตากับมัน

“ทำไมต้องทำแบบนี้ ทำไมต้องมาทำดีกับน้องเป้อีก ยังไม่สะใจพอหรือ พี่ยอดเคยฆ่าน้องเป้ให้ตายมาครั้งหนึ่งแล้ว
แล้วนี่พี่ยอดยังไม่สะใจ ตามมาฆ่ากันอีกหรือ”

ผมถามมันเสียงสั่น ๆ พร้อมด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตาทั้งสองข้าง ไอ้หน้าขาวมันนิ่ง ผมเลยพูดต่อ

“พี่ยอดทำเพื่ออะไรกัน ทำไมต้องทำให้น้องเป้ต้องเจ็บซ้ำซาก บอกตรงๆว่าเป้พอแล้ว เป้เจ็บจนเกินพอแล้ว ฮือๆๆ ”

ไอ้หน้าขาวมันหน้าเครียด ขบกรามเป็นสันนูน มือมันกุมพวงมาลัยรถผมแน่น สายตามันจ้องไปข้างหน้าที่มีแต่รถ จอดติดกันบนท้องถนนเป็นแพแบบนี้

หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 03-03-2007 12:59:26
ง่ะ ค้างครับค้าง  :serius2:

ตั้งตารอตอนต่อไปอย่างจดจ่อ

หายใจติดขัดแล้วรีบมาต่อไวๆนะครับ

ปล.ทำไมชอบแกล้งคนอ่านอยู่เรื่อยเลยนะ ชิส์ๆ :ped144:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 03-03-2007 14:05:52
เข้าใจกันซะทีเถอะขอร้อง  :11111: :11111: :11111:

แบบว่ามันบีบหัวใจเกินไป  :monkeysad: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 03-03-2007 15:19:38
ค้างงงงง :ped144: :ped144: :ped144:

ยอดจะพูดอะไรบ้างนะ :confuse:

ต่อไวไวนะ :yeb:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 03-03-2007 21:03:59
ไอ้หน้าขาวเงียบไป หน้ามันเครียด เหมือนกำลังตัดสินใจบางอย่างอยู่ในใจ มันเหลือบมอง ร่างผมที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ ก่อนถอนใจเฮือกใหญ่ ก่อนตัดสินใจพูดออกมา
“ถ้าพี่จะบอกว่า รักน้องเป้ รักมานานแล้ว น้องเป้จะเชื่อพี่ไหม”

ไอ้หน้าขาวพูดด้วยน้ำเสียงที่ขมขื่น และปวดร้าว ใบหน้าเคร่งเครียด ผมได้แต่ตกตะลึงเพราะคาดไม่ถึง เพราะแต่ละอย่างที่มันทำกับผม มันน่าจดน่าจำทั้งนั้น ตั้งแต่หลังจากที่ผมไปบอกรักมัน วันที่สอบเสร็จวันสุดท้ายก่อนจบมหาลัย ท่าทีมันเปลี่ยนไป จนผมแทบนึกไม่ออกว่า พี่ยอดคนดีคนเดิมของผมไปอยู่ที่ไหน เมื่อผมได้ฟังคำที่มันพูดออกมาผมอี้ง เหมือนโลกมันหยุดหมุนไปชั่วขณะ

“เมื่อไรกัน”

ผมพูดเหมือนละเมอ ผมไม่ได้ฝันไปใช่ไหม ไม่ได้คิดไปเองข้างเดียว ผมเอามือลองหยิกที่แขนตัวเอง มันเจ็บครับ นี่มันเป็นโลกแห่งความจริง ไอ้หน้าขาวมันบอกว่ารักผม

“จำได้ไหมว่าตั้งแต่ตอนเล็กๆ น้องเป้น่ารักมาก เหมือนตุ๊กตาผู้หญิงน่ารักมาก แล้วที่สำคัญ น้องเป้เป็นเด็กตัวเล็กๆ ที่พี่ต้องดูแลอยู่เสมอ พี่ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง แต่น้องเป้ก็น่าจะรู้ ว่าพี่ไม่อยากเป็นเกย์ ไม่อยากได้ชื่อว่ารักผู้ชายด้วยกัน”

ไอ้ยอดพูดด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด

“พี่พยายามทุกอย่าง ที่จะทำให้น้องเป้หายออกไปจากใจพี่ให้ได้ แม้กระทั่งยอมทำร้ายหัวใจตัวเอง รู้หรือเปล่าว่าพี่ก็เจ็บไม่แพ้กัน แต่ในที่สุด หึ.... ไอ้ยอดมันก็แพ้ใจตัวเอง”

ผมนิ่ง...ความรู้สึกของผมตอนนั้นมันสับสนมาก เหมือนคนที่โดนขังอยู่ในห้องคับแคบ แต่มีทางออกไปทุกทาง โดยไม่รู้จะไปทางไหน ครอบครัวของไอ้หน้าขาวและครอบครัวผม ก็เป็นคนที่มีหน้ามีตาในระดับจังหวัด ไอ้ครอบครัวผมหนะ ไม่เท่าไรหรอกครับ เพราะเขารับรู้แล้วตั้งแต่เล็กๆ แล้วหละว่าผมผิดปกติมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่ไอ้หน้าขาวนี่สิ มันเป็นผู้ชายแท้ๆ และเป็นครอบครัวของผู้พิพากษาศาลด้วยสิ ถึงแม้มันจะมีพี่ชายอีกสองคน แต่ว่าทุกคนก็ปกติดีทุกอย่าง

“แล้วเรื่องน้องกิฟต์.....”

ผมถามเรื่องที่ผมยังข้องใจมากที่สุด

ไอ้หน้าขาวมันเสยผมที่ปรก ระหน้าผากขึ้นไป มันเอ่ยออกมาเสียงเบาๆ
“น้องกิฟต์เขารู้ตลอดเวลา ว่าพี่รักน้องเป้”

“เขารู้ได้ยังไง”

ผมหละงงไปหมด ขนาดผม ผมยังว่ามันเกลียดผมจะเป็นจะตาย แต่นังน้องกิฟต์นี่มันรู้ได้ยังไง
“จำได้หรือเปล่าว่าตอนที่อยู่ปีสี่ ไอ้เอกคณะวิดยา ที่มาจีบน้องเป้ ไอ้เอก มันเก่ง มันรวย แล้วดูเหมือนน้องเป้ จะไปไหนบ่อยๆกับมัน แล้วไอ้เอกมันจีบน้องเป้ มาตั้งแต่วันแรกที่เจอกันตั้งแต่ปีหนึ่ง หึ.... เด็กวิดยาหนะคู่กับเด็กมนุษย์ หรือไม่ก็นิเทศอยู่แล้วนี่ น้องเป้จะเห็นหัวเด็กวิศวะอย่างพี่เหรอ”

ตอนปีสามผมตอนนั้นเองสินะ ตอนที่ไอ้หน้าขาวไปจีบน้องกิฟต์ ตอนแรกผมก็ไม่ได้เอะใจครับ เพราะเป็นช่วงรับน้องทุกคณะ ทุกชั้นปี มันก็ต้องยุ่งด้วยกันเป็นธรรมดา แต่ไอ้หน้าขาวมันหายหน้าไปเลยสิ จากที่เคยมากินข้าวด้วยกันกับผม คนที่เคยขับรถไปรับ – ไปส่งผม ทุกวันที่บ้าน เริ่มที่จะห่างหายไปจากชีวิตผม โทรหาก็บอกว่ายุ่งกับงานที่คณะบ้าง อยู่กับเพื่อนบ้าง แล้วช่วงนั้น ยัยแอนเพื่อนสนิทของผมก็เอาข่าวมาบอกผมในวันหนึ่ง ที่เรากำลังนั่งคุยกันอยู่ใต้ตึกของคณะ

“ข่าวล่ามาแรงโว้ย”

นังแอนเกริ่นบทนำออกมา ทำให้ทุกคนในกลุ่มหูผึ่ง เพราะว่ายัยแอนเนี่ยชอบเอาข่าวที่กรองแล้วมาให้เพื่อนๆ รู้ก่อนเสมอ ซึ่งปัจจุบันนี้เจ้าหล่อนก็ทำหน้าที่เป็นเหยี่ยวข่าวสาวทำงานให้กับหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งของเมืองไทย และยังไม่รวมถึงการเป็นคอลัมนิสต์ ในนิตยสารอีกหลายฉบับ ซึ่งนานๆ ผมก็จะได้เจอกับมันทีแต่ว่าเราก็ยังติดต่อกันอยู่

“พวกแก แก แก แก และแก”

มันชี้หน้าทุกคนตามลำดับ แล้วมาหยุดที่ผมก่อนที่จะมาตบที่บ่าผมเบาๆ

“แกอย่าเสียใจนะเว้ย เป้”

มันเรื่องอะไรกันเนี่ย ทุกคนในกลุ่มเพื่อนอยากรู้ครับ ลางสังหรณ์ที่ไม่ดีเกิดขันกับผมเหมือนหัวใจมันกระตุกยังไงยังงั้น

“เดือนมหาลัยรุ่นปีเรา แฟนคุณนายเป้ มีแฟนใหม่เป็นผู้หญิงแท้ๆ วะ”

ผมรู้สึกวูบ รู้สึกโหวงๆ ตัวมันเบาๆ แต่กระนั้น ผมก็ยังฝืนยิ้มจืดๆ ให้กับเพื่อนๆ ทุกคนที่มองผมอย่างเป็นห่วง ยัยแอนมันยังพูดต่อไปอีกว่า

“ตอนแรก กูว่าเกย์ชัวร์ๆ ไหง...กลายเป็นว่าตอนนี้ ไปคั่วอยู่กับดาวมหาลัยปีล่าสุด หลานรหัสแกไง น้องกิฟต์หนะ ไอ้ยอดมันตามเฝ้า เช้าถึงเย็นถึงเลยนะแก”

ถามว่าเจ็บไหมที่ได้ยิน คำตอบคือเจ็บมากๆ ครับ นี่สิครับเหตุผลที่ไม่ว่าง เหตุผลที่ติดงานที่คณะ ผมรู้สึกตัวเหมือนจะรับไม่ได้กับข่าวที่ได้ยินมา ผมลุกขึ้นเดินไปห้องน้ำพลางร้องไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น เมื่อผมเริ่มที่จะทำใจได้แล้ว ผมก็ล้างหน้าล้างตาแล้วก็เดินยิ้มหน้าชื่นอกตรม ออกมาหาเพื่อนๆ ก็พบว่าต้นเหตุของหัวใจ มันนั่งกับเพื่อนๆ ผมแล้ว ผมก็เข้าไปนั่งตรงที่นั่งของผม ตรงข้ามกับมัน ไม่อยากแม้แต่จะมองหน้า

“เงียบเลยน้องเป้ กินข้าวยังเนี่ย ปะไปกินข้าวกัน”

นานแล้วสินะ ที่ไอ้หน้าขาวไม่ได้มาหาผมที่คณะ แล้วไม่ได้มาชวนกินข้าวเหมือนก่อน ผมลุกขึ้นเดินตามหลังมันเงียบๆ

“ตัวจริงไม่อยุ่หรือไงคะยอด ถึงได้มาชวนตัวสำรองไปกินข้าวเนี่ย”

ยัยแอนเพื่อนผมหละครับ มันส่งเสียงตามหลังมา ผมมองที่ไอ้หน้าขาวแต่หน้ามันเฉยเหมือนมันไม่ได้คิดอะไร

ผมก้าวเข้าไปในรถของมัน ที่นานมาแล้วผมได้เคยนั่งตรงนี้ ตรงที่เป็นที่ประจำของผม กลิ่นหอมแปลกๆ เป็นกลิ่นที่ผมไม่คุ้นเคยอบอวลอยู่ในรถ กลิ่นน้ำหอมครับ มันเป็นน้ำหอมของผู้หญิง ผมพิงเบาะด้วยความอ่อนล้า ไอ้หน้าขาวหันมามองหน้าผม แล้วยิ้ม

“เหนื่อยเหรอ น้องเป้ เรียนหนักหรือเปล่า ตั้งใจจะเอาเกียรตินิยมจริงๆ เหรอ อย่าเอาอย่างพี่ปอกับพี่ป่านหน่อยเลย สองคนเขามันไม่ต้องเรียนก็เก่งอยู่แล้ว น้องเป้ไม่ต้องเครียดหรอก ถ้าได้เกียรตินิยมทั้งบ้านสิเรื่องแปลก”

ต่อให้ไอ้คนข้างๆ มันจะพูดยังไงผมก็นิ่งครับ ในเมื่อผมรู้เต็มอกแล้วว่า ในใจของไอ้คนนั่งข้างๆ ผมมันไม่เคยมีผมในเศษเสี้ยวของหัวใจเลยสักนิด ผมไม่ได้ตั้งใจหรือจับผิดอะไรสักนิดเดียว ผมมองไปทางท้ายรถครับ ผมเห็นหนังสือเรียนของคณะผมวางอยู่ มันเป็นหนังสือวิชาของปีหนึ่ง ที่มันแลบออกมาจากกองหนังสือ ที่ไอ้หน้าขาวมันเอาหนังสือของมันวางทับไว้อยู่ ผมรู้ดีครับหนังสือเล่มนี้ เป็นหนังสือของผม ที่ให้น้องรหัสผมไปแล้วก็ถ่ายทอดต่อๆ กันมาจนสุดท้ายมาอยู่ที่น้องกิฟต์ แอร์ในรถเย็นฉ่ำ แต่หัวใจผมกลับร้อนรุ่ม ไอ้คนข้างๆ ก็ทำหน้าเฉย

“เดี๋ยวนี้พัฒนาขึ้นน๊า เปลี่ยนน้ำหอมปรับอากาศกลิ่นใหม่ด้วย”

ไอ้หน้าขาวมันสะดุ้งนิดหนึ่ง แต่มันก็ยังหน้าตายมาย้อนถามผมอีก

“เหรอ กลิ่นหอมดีปะ”

“แล้วได้ข่าวว่า เดี๋ยวนี้มีสาวมาขึ้นรถทุกวันไม่ใช่เหรอ”

ไอ้หน้าขาวหัวเราะ แต่ไม่ได้ตอบอะไรผมมาเลย เจ็บนะครับเจ็บ แต่มันก็ไม่เคยรู้เลยครับว่าผมเจ็บปวด เพราะหลังจากที่กินข้าวด้วยกันมื้อนั้นแล้ว ไอ้หน้าขาวมันแทบจะไม่เคยมาหาผมตรงๆ ซึ่งๆ หน้าสักที ซึ่งถ้าจะเห็นก็เห็นกันไกลๆ และสิ่งที่ผมเห็นแล้วขัดตาทุกครั้งที่มองเห็นกันคือ ไอ้หน้าขาวจะมีน้องกิฟต์เดินเคียงข้าง.......ทุกครั้ง

หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 03-03-2007 22:08:31
ความจริงอันแสนเจ็บปวด :monkeysad:

ตอนนี้เริ่มจะเข้าใจอะไรๆแล้วล่ะ  :monkeysad2:




ขอแค่ว่าอย่าให้เป็นแผนการอะไรซักอย่างก็แล้วกัน ไม่งั้นมีเคือง :pigangry2:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: FlukeHub ที่ 03-03-2007 22:22:50
อ๊ากกกส์  ในที่สุด  พี่ยอดก้อสารภาพแล้ว   :เศร้า1:

ซาบซึ้ง  นังน้องกิ๊ฟร้ายกาจมาก  น่าจับมาเเจงๆ

สู้ต่อไปน้องเป้  คู่กันแล้วไม่แคล้วกันหรอก 555++
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 03-03-2007 22:42:57
อืมมม หายแคลงใจไปประมาณนึง  :myeye: :myeye:

ถึงว่าสิ ทำไมกิฟท์ถึงงับไม่ยอมปล่อย  :fox2: :fox2: :fox2:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 03-03-2007 23:10:32
ว่าแล้วพี่ยอดต้องรักน้องเป้ ถึงว่าชะนีกิฟต์เดือดเป็นปลิงโดนน้ำยาเส้น  :pandalaugh: :pandalaugh: :pandalaugh:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: ตามมาดู ที่ 04-03-2007 01:01:27
มาลงชื่อ..
 :เฮ้อ:
ตามลุ้นจัง...
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 04-03-2007 01:40:11
เมื่อไอ้หน้าขาว มันเริ่มมีทางเดินเป็นของตัวของมันเอง จากทุกวัน ที่ผมเคยมีคนรับส่ง มีคนพาไปกินข้าวทุกวัน ณ.วันนี้ ผมเริ่มที่จะโดดเดี่ยว จะมาเรียน ก็ต้องนั่งรถโดยสารมาเรียน วันดีคืนดี จะมีบ้างที่ พี่ปอหรือพี่ป่าน ไม่มีเรียนกลับมาจากกรุงเทพ ผมก็จะได้พี่ชายพี่สาวที่แสนดีของผมหละครับ ขับรถไปส่งผมทุกวัน ครั้นจะให้ไปกับคุณนายแสนดี หรือกับคุณพ่อผม ท่านก็ออกบ้านแต่เช้า ซึ่งผมเรียนบางวันก็เรียนบ่าย บางวันก็สิบโมงมั่ง เพราะฉะนั้น ถ้าติดรถไปกับคุณพ่อ หรือไปกับคุณนายแสนดี ผมคงไป เอ๋อ อยู่คนเดียว เพราะกลุ่มเพื่อนซี้ทั้งหลาย มันตื่นสายกัน กว่าจะแต่งเสริมเติมสวย เติมหล่อ ครบเครื่องเรื่องคนหน้าตาดี มันก็มาได้เฉียดฉิวกับที่อาจารย์ท่านจะเข้าสอนพอดี เคยติดรถคุณนายแสนดีมาตั้งแต่ไก่โห่คราวหนึ่ง มาปั๊บจะเดินไปซื้อข้าวที่แคนทีน ก็โดนแซว จากไอ้พวกปากมากในบรรดาที่เคยเข้ามาจีบๆ ผมอยู่ ซึ่งสมัยก่อนไอ้หน้าขาวจะเป็นองครักษ์พิทักษ์อยู่ข้างกาย พวกนี้เลยไม่ค่อยแซวมาก อีกอย่างไอ้ที่แซวๆเนี่ย มันก็ไม่เคยได้เข้าถึงตัวผมเลยสักครั้ง จะมีแต่ไอ้คนบ้าๆ เด็กคณะวิทยาศาสตร์ คนเดียวนี่หละครับ ที่มันพยายามจีบผมมาตั้งแต่เห็นหน้ากัน สมัยรับน้อง เป็นเฟรชชี่ด้วยกัน เมื่อสามปีก่อนโน้น ที่มันยังตามมาเจ๊าะแจ๊ะผมอยู่ตลอดเวลาที่มันเจอผม หรือแม้แต่เวลาที่ผมไปไหนมาไหนกับไอ้หน้าขาวด้วยก็ตาม เมื่อผมฉายเดี่ยวมากขึ้น และข่าวของน้องกิฟต์ดาวมหาลัยกับไอ้หน้าขาว ก็เริ่มที่จะดังมากขึ้น ก็มันทั้งคู่เป็นคนดังของมหาลัย เรื่องความหล่อความสวยกันทั้งคู่ ไอ้หน้าขาวมันก็มีแฟนคลับคอยกรี้ดเยอะเหมือนกัน ขนาดที่ว่ามันมาเดินกับผม ทำตัวเหมือนแฟนกันกับผม แต่ก็ยังมีคนตามกรี้ดมันมาตลอด

ช่วงที่ผมโดดเดี่ยวนี่เอง ไอ้เอกเริ่มเข้ามาสนิทกับกลุ่มผม แถมมันยังพาเพื่อนมันมาจีบยัยแอนเพื่อนผม ซึ่งสาวห้าวอย่างยัยแอน เรียนด้วยกันมาตั้งสามปียังไม่เคยมีคนมาจีบ ทั้งที่มันก็หน้าตาดี แต่เพราะความห้าว ซ่า ของมันมากกว่าที่ทำให้ไม่มีผู้ชายคนไหนมาจีบหล่อนเลย เพราะส่วนใหญ่รุ่นน้องก็จะบอกว่า ยัยแอนเนี่ยว่าเป็นทอมที่หล่อที่สุดในมหาลัย ทั้งที่เจ้าตัวปฏิเสธกับผู้หญิงที่เข้าใจผิดเป็นเนืองๆ ว่าชอบผู้ชาย ไม่ได้ชอบตีฉิ่งคนละฝา ก็ยังไม่วายที่จะมีผู้หญิงสวยๆ มาจีบมันบ่อยๆ แต่เมื่อมีผู้ชายเข้ามาจีบ เพื่อนสนิทผมมีหรือที่ไม่รีบตะครุบเอาไว้ ไอ้ริวครับ เพื่อนไอ้เอก มันสองคนมันแวะเวียนมาที่โต๊ะประจำที่กลุ่มผมจะมานั่งอยู่ทุกวัน ไอ้ริวเป็นลูกครึ่ง ไทย – อเมริกันครับ หน้าตามันตี๋ๆคมๆครับ หัวมันสีทองหน่อยๆ ตัวไม่สูงมากนัก แต่หน้าตามันหล่อใช้ได้

พอเริ่มที่จะมีแฟน นังแอนก็เริ่มที่จะแยกตัวออกไป อย่างว่าหละครับ ขนาดผมเองเวลาที่ไอ้หน้าขาวมาหายังแยกกลุ่มออกไปเลย ก็เลยได้เข้าใจแล้วว่า เวลาทิ้งเพื่อนไปกับแฟนความรู้สึกของคนที่โดนทิ้งมันเป็นยังไง ไอ้เอกเริ่มที่จะเข้ามาบทบาทในชีวิตผมมากขึ้น จากที่ผมปฏิเสธอย่างหนักแน่นว่าไม่ต้องมารับมาส่ง แต่สุดท้าย ต้องเป็นไอ้เอกครับที่มารับมาส่งผมทุกวัน และในที่สุดมันก็เข้าบ้านผมได้อย่างสะดวกโยธิน

ขณะที่ไอ้หน้าขาวนานๆทีมันก็จะเจอผมสักครั้ง และทุกครั้งที่เจอกันมันมักจะอยู่กับน้องกิฟต์ แล้วผมก็มากับไอ้เอก เดินผ่านกันผมก็ไม่ได้มองหน้ามันเต็มๆสักที่ เพราะว่าผมมองมันแล้วจะเกิดอาการเจ็บแปล๊บๆ ที่หัวใจจนรู้สึกได้ ว่าเจ็บ บางครั้งไอ้หน้าขาวโทรหาผมเพื่อชวนไปกินข้าว หรือมารับผมที่บ้าน ก็เป็นจะต้องเจอไอ้เอกมาที่บ้านผมทุกครั้งไป แล้วทุกครั้งมันก็กระแนะกระแหนผมทุกครั้ง บางครั้งผมก็ทน บางครั้งถ้าผมอดทนไม่ไหวก็มีการโต้กลับไปมั่งเหมือนกัน แต่ผมก็เลี่ยงไปเลี่ยงมาไม่ยอมเจอหน้ามันจังๆ ได้ก็เกือบปี ขนาดที่ครอบครัวมันมาที่บ้านผม ผมยังหาทางเลี่ยงออกไปข้างนอกบ้านได้อย่างสวยงาม

จนกระทั่งผ่านมาจนขึ้นปีสี่ ปีสี่เป็นปีสุดท้ายครับ ความหวังที่จะได้เกียรตินิยมของผม เป็นต้องดับวูบลงไป เพราะว่าคะแนนเฉลี่ยที่ออกมาของผมมันแย่มากๆ อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ผมยอมรับครับว่าไอ้หน้าขาวมันมีอิทธิพลต่อการเรียนของผมมาก เพราะผมเรียนไม่รู้เรื่องมาเป็นปีๆ บางครั้งมันเบื่อๆ เซ็งๆ คะแนนที่เคยทำได้ดีมาตลอด และอาจารย์รวมถึงเพื่อนๆ ก็บอกเสียงเดียวว่าเกียรตินิยมชัวร์ แต่ผมพลาดครับ ผมกลับมาบ้านผมต้องนอนร้องไห้บ่อยมากตลอดปีที่ผ่านมา

ไม่มีใครรู้ครับว่า ผมแอบร้องไห้ในห้องนอนคนเดียวตามลำพัง แต่เมื่อออกมานอกห้อง หรือไปเรียนที่มหาลัย ผมก็ต้องไปอย่างหน้าชื่นอกตรม ตอนที่ผมพลาดเกียรตินิยมนั้นผมร้องไห้โฮอย่างที่สุด เสียใจที่ไม่สามารถทำได้อย่างที่พี่ปอ พี่ป่านเขาทำมาได้ พี่สองคนของผมได้เกียรตินิยมทั้งคู่ แล้วผมหละครับ พลาดทั้งเรื่องรักและก็พลาดทั้งเรื่องเรียน

ความเสียใจผมจึงมีมากขนาดที่ช็อคเข้าโรงพยาบาล ดีนะครับที่ผ่านเหตุการณ์ครั้งนั้นมาได้ และผมได้กลับมาแกร่งอีกครั้งในด้านการเรียน แม้ไม่ได้เกียรตินิยม แต่ผมก็ภูมิใจว่าเฉียดเกียรตินิยม แล้วการเรียนปีสุดท้ายผมเหลือไม่กี่ตัวทำให้มีเวลาที่พักสมองไม่ให้ฟุ้งซ่าน ผมมีโอกาสได้ไปเที่ยว ไม่ได้คร่ำเคร่ง อยู่กับกองหนังสือเหมือนก่อน ที่หวังจะคว้าให้ได้เรื่องเกียรตินิยม หลังจากที่คุณนายแสนดีพาผมไปหาหลวงพ่อที่วัด ท่านสอนให้ผมรู้จักคำว่า ละ วาง และการดำเนินชีวิตอยู่ในทางสายกลาง อย่างมีความสุข ปีสุดท้ายของผม จึงใช้ชีวิตค่อนข้างจะฮาเฮ ถึงแม้ไอ้หน้าขาว จะ แว่บ เข้ามาในห้วงความคิดของผมเสมอๆ แต่ผมก็ยังระรื่นต่อหน้าคนอื่น และแอบร้องไห้ตอนที่ผมอยู่....คนเดียว
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 04-03-2007 02:24:22
เป็นกำลังใจให้คุณเป้นะครับ :yeb:

สู้ๆ นะ

 :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 04-03-2007 18:11:41
เข้ามารออ่าน ต่อไวไวนะ :yeb: :yeb: :yeb:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 04-03-2007 19:00:58
อืมม  :เศร้า1: :เศร้า1: :เศร้า1:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: FlukeHub ที่ 04-03-2007 19:41:21
 :3024: :3024:

โฮๆๆ  สงสารน้องเป้

พี่ยอดก้อนะ  ทำไปได้

มาต่อเร็วๆนะครับ
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: ตามมาดู ที่ 04-03-2007 21:42:35
ปล่อยให้คนแก่รอ นี่มันบาปแท้น้อ...
มาให้ว่อง มาให้ว่อง  :impress:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 04-03-2007 23:58:10
แกล้งคนแก่หนุกจัง แต่บาปงิ  :amen:

*********************************************************

ไอ้หน้าขาวมันนิ่งเงียบ ฝนเริ่มซา รถเริ่มแล่นไปได้มากขึ้น แต่มันก็ไปได้ทีละคืบเหมือนเดิม ไอ้หน้าขาวหันมามองผมนิดนึง
“น้องกิฟต์เขารู้มานานแล้วหละว่า พี่ชอบน้องเป้ ตั้งแต่ที่พี่เริ่มจีบเขาใหม่ๆ ปกติเวลากินข้าว พี่ต้องไปกับน้องเป้ แต่พี่ต้องไปกินข้าวกับน้องกิฟต์ น้องกิฟต์เขาฉลาดนะ เขาดูออกมาตลอด ว่าพี่ชอบน้องเป้ อีกอย่าง พี่ก็ไม่อยากเป็นผู้ชายที่มารักกับผู้ชายด้วยกัน น้องกิฟต์ถึงได้เข้ามาในชีวิตพี่ได้ แล้วพี่ก็ไม่อยากทำร้ายน้องกิฟต์ด้วย น้องกิฟต์เขาก็รักพี่ แต่พี่ก็มารักน้องเป้ ซึ่งมันไม่เห็นทางที่เป็นไปได้ น้องกิฟต์เองพี่ก็ทิ้งเขาไม่ได้อยู่ดี”

ผมร้องไห้ออกมาเลยครับ ผมไม่ได้รักเขาข้างเดียว เขาก็รักผม แต่อย่างที่บอกหละครับ ความรักของเราเป็นเส้นขนาน มันไม่มีทางบรรจบกันได้ ถึงแม้ว่าเราจะรักกัน

“อย่าร้องไห้สิครับ คนดีของพี่ยอด”

คำนี้สินะ ที่เป็นคำที่คุ้นหูมาตั้งแต่เด็กๆ คำที่ยามเศร้า ยามร้องไห้ คนๆ นี้จะปลอบผมด้วยคำนี้ตลอดมา ความรักที่เป็นไปไม่ได้ เพียงเพราะผมไม่ใช่ผู้หญิงหนะหรือ...........

เสียงโทรศัพท์ของผมดังขึ้น ผมกลั้นสะอื้นได้อย่างยากเย็น

“ฮัลโหล สวัสดีครับ”

“เสียงยังกะจะร้องไห้เลยนะ นางงาม”

เสียงแปลกหู ดูไม่คุ้นเลย แต่มีคนเรียกผมว่านางงามอยู่คนเดียวครับ นั่นก็คือเพื่อนแท้ เพื่อนตายของผมอีกคนหนึ่ง เขาคือ มาดาม ครับ มาดามเป็นเพื่อนรุ่นพี่คนแรกที่ผมมีและสนิทมากที่สุดเท่ากันกับนังต้อง แต่ด้วยที่มาดาม ได้สามีเป็นฝรั่ง และตามสามีไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศมาหลายปี ตั้งแต่สมัยผมเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ และไม่เคยได้กลับมาอีกเลย มาดามเป็นชายร่างเล็ก บางๆ ดำๆ เพราะเป็นคนอิสานโดยกำเนิด ความจริงแล้วแกก็ไม่ได้แสดงออกอะไรหรอก แต่ที่พวกเราพากันเรียกว่ามาดามก็เพราะว่า ได้สามีเป็นฝรั่งแค่นั้นเอง

“พี่โกโก้ ใช่พี่หรือเปล่าเนี่ย...อยู่เมืองไทยหรือเปล่า”

จากที่ผมสะอึกสะอื้นอยู่ก็เปลี่ยนเป็นตื่นเต้นทันที

“จ้า...เท้าเหยียบเมืองไทยก็โทรหาอีเรียมเลยหละ”

“เหรอพี่ ไปอยู่ซะหลายปีไม่ยอมกลับมาเลยนะ”

“แล้วอีเรียมเป็นไงบ้างหละ มีลูกกับน้องยอดกี่คนแล้ว”

“โหย...พี่ ขานั้นเขาหมั้นไปกับสาวสวยแล้วหละ”

ผมแขวะไปถึงคนข้างๆ ที่นั่งทำท่าทางไม่รู้ไม่ชี้ ขับรถอยู่ แต่ก็เอื้อมมือซ้ายมากุมมือผมไว้

“เฮ้ย..ได้ไง ไหนว่าคนอย่างอีเรียมไมมีวันแพ้ไง ไหนแพ้หมดรูปขนาดนี้”

“เรื่องมันยาวอะพี่ แล้วพี่โกจะไปไหนก่อนเนี่ย แล้วมาคนเดียวหรือว่ามากับคุณลุง”

คุณลุงที่ว่าคือสามีแกครับ

“อย่าเรียกผัวพี่ว่าคุณลุงสิ แกเพิ่งจะห้าสิบห้าเอง”

พูดแล้วมาดามก็หัวเราะครับ แกเป็นคนตลกครับ เป็นคนเจ้าเสน่ห์และมีอารมณ์ขัน อารมณ์ดียิ้มง่ายครับ ทำให้หน้าตาแกอ่อนกว่าวัย ถึงแม้หน้าตาของมาดามจะไม่ถึงกับขั้นดีเลิศ แต่ด้วยน้ำใจและนิสัย ทำให้มีหลายคนมาแอบชอบแก แต่สุดท้ายแกก็ตัดสินใจ ใช้ชีวิตร่วมกับคุณจอห์น เมื่อแกเห็นธาตุแท้ของ......ผู้ชายไทย

“มาเมืองไทยก็ไม่มีใครมาด้วยเลย ว่าจะหนีบฝรั่งมาฝาก ก็กลัวตาแก่ตัดจากกองมะรึดก เลยเอาน้ำหอมมาฝาก อ้อ พี่เอามาฝากน้องต้องด้วยนะ แล้วอีเรียมยังอยู่ที่เดิมที่เคยให้ที่อยู่พี่ใช่ไหม เดี๋ยวพี่จะไปซุกหัวอยู่ด้วยสักสี่ห้าวัน”

“ครับพี่ อยู่ที่เดิมหละ ทำไงได้หละคนเบี้ยห้อย หอยใหญ่”

“อือ งั้นพี่จะไปหานะ เดี๋ยวไปตะลุยราตรีกัน ไห้มันรู้ไปเลยว่างานนี้มาดามมาเอง”

“ครับพี่ งั้นเจอกันนะครับ หวัดดีครับพี่”

จากนั้นผมโทรหานังต้อง สรุปแล้วเรานัดกันที่ห้องผมครับ ไอ้หน้าขาวมองหน้าผมอีกแล้วทั้งๆที่มือมันกุมมือผมอยู่

“น้องเป้ วันนี้พี่มีความสุขมากเลย ที่ได้ปรับความเข้าใจกับน้องเป้ ได้อยู่ใกล้กับน้องเป้อย่างที่ใจพี่ต้องการ ได้เห็นน้องเป้ใกล้ๆ เกือบสามปีแล้วสินะ ที่เราไม่เคยพูดดีๆด้วยกันเลย”

“มันคงเหมือนเดิมหละครับพี่ยอด ถึงเราจะรักกันแค่ไหน แต่ในพื้นฐานของความเป็นจริงแล้ว มันก็ยังเป็นไปไม่ได้อยู่ดีในความคิดของพี่ยอด พี่ยอดสร้างเส้นขนานขึ้นมาเอง เพียงเพราะคำว่าเพศเดียวกัน แล้วที่สำคัญ นอกจากพี่ยอดจะสร้างเส้นขนานขึ้นมาเองแล้ว พี่ยอดยังเอาน้องกิฟต์มาคั่นกลางอีก น้องเป้รู้มานานหละครับว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่น้องเป้ก็จะรักพี่ยอดตลอดไป”

ไอ้หน้าขาวมันตาแดงๆ มือมันบีบพวงมาลัยรถแน่น

“พี่เองก็รู้ว่าน้องเป้เจ็บปวด ไม่ใช่แค่น้องเป้คนเดียวที่เจ็บปวด พี่เองก็เหมือนกัน ยิ่งพี่ได้รู้ว่าน้องเป้เจ็บปวด พี่ก็เจ็บ แถมมากกว่าน้องเป้หลายเท่า พี่มันเลวจริงๆ ที่ทำร้ายคนที่ตัวเองรักได้ลงคอ ถ้าเป็นไปได้น้องเป้ลืมพี่เสียเถิด ......”

ไอ้หน้าขาวมันพูด

หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 05-03-2007 00:07:18
ฮือๆๆๆ :monkeycry2:

ปล่อยให้ค้างอีกล่ะ แต่ไม่มีรมณ์โวย กำลังเศร้า :เศร้า1:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 05-03-2007 02:09:39
เศร้า  :เศร้า1: :เศร้า1: :เศร้า1: น้องเป้เข็มแข็งไว้
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 05-03-2007 02:14:20
ถ้าลืมได้ง่ายๆ คงลืมไปนานแล้วอ่ะนะ  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 05-03-2007 14:20:05
มันจาลืมได้ยังงายยยย  อยากจะลืมกลับจำมาได้ตั้งหลายปี   :เศร้า2:

แต่...งงน้องกิฟท์อะ  ปล่อยให้พี่ยอดนี่มากับเป้ได้ไง  รู้ทั้งรู้ว่าเค้าชอบกันอยู่  ไม่กลัวถ่านไฟเก่าคุหรือยังไง
เป็นตรูจะไม่ให้มาใกล้กันหรอก 

แน๋วที่ร๊ากกกก  มาต่อด่วนนน  ลงแดงแย้ววว   :dont2:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 05-03-2007 14:22:18
ก้ออยากต่ออยู่อ่ามูมู่ที่ร๊ากกก แต่รีพลายน้อยจัง   :เศร้า1:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 05-03-2007 14:25:52
ช่วยเพิ่มรีพลาย   :laugh5:  :laugh5:  :laugh5:  :laugh5:

ย้อเย่น ๆ น้าตะเอง คิกคิก  :loveu:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 05-03-2007 14:49:16

ได้แต่ยินยอมรับความเจ๊บปวด....และฉันจะอดทนแม้แทบขาดใจ...
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 05-03-2007 15:02:43
ยังมะมาต่อเหรอ รออยู่นะ มาช่วยรีพลายอีกหนึ่งเสียง :เชิป2: :เชิป2: :เชิป2:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 05-03-2007 15:55:07
เรื่องนี้ใกล้จบมากแย้ว ช่วยกันเม้นท์หน่อยนะจ๊ะ :11111:

*************************************************************************

ลืมเหรอ มันบอกให้ผมลืมมัน มันกล้ามากนะครับ ที่มันดูถูกคุณค่าของหัวใจของผมขนาดนี้ ความรักระหว่างเพศเดียวกัน ไอ้หน้าขาวมองค่าของความรักที่ผมมีให้ต่ำขนาดนี้เลยหรือเนี่ย ผมน้อยใจจนต้องร้องไห้อีกรอบ
“พี่ขอโทษนะ”

มันพูดแล้วก็เงียบไป รถเริ่มโล่ง

“พี่ยอด จะลงตรงไหนครับ”

ผมรู้สึกตัวว่าผมเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก หลังจากที่ร้องไห้และทำใจเรียบร้อยแล้ว ความเจ็บปวดมันคงยังไม่จางไปจากใจผมหรอก แต่ถ้าผมต้องมาเจอซ้ำซาก กับคนที่รักและก็รู้ว่าเขารักเรา แต่ชีวิตเรามันเป็นเส้นขนานกันขนาดนี้ ผมไม่รู้ว่าวันข้างหน้ามันจะเป็นอย่างไร แต่สำหรับผม ยิ่งใกล้ยิ่งเจ็บเหมือนที่เขาว่ากันไว้จริงๆ


เจ็บที่เขารักกัน
เจ็บที่เขารักกับฉัน
เจ็บที่เขาเห็นเป็นคนสำคัญ
เจ็บที่ความจริงนั้น...ไม่เป็นจริง


“น้องเป้ สะดวกที่จะให้พี่ลงตรงไหนหละครับ”

“ตรงนี้เลยละกัน”

ผมตอบครับ เพราะมันยิ่งใกล้ยิ่งเจ็บเหลือเกิน ไอ้หน้าขาวมันคงจะรู้สึกเหมือนกับผม เพราะมันเลี้ยวเข้าข้างทางตรงสถานีรถไฟฟ้าทันทีเหมือนกัน มันมองหน้าผมนิ่งเหมือนจะค้นคว้าหาอะไรบางอย่างจากใบหน้าของผม หรือไม่มันก็คงจะมองเพื่อจะจดจำหน้าผมเอาไว้ ผมบอกตัวเองได้เพียงว่า ไม่มีวันที่จะเจ็บเพราะผู้ชายคนนี้อีกแล้ว ผู้ชายที่ตีค่าความรัก ด้วยการแบ่งกั้นเพียงว่าเพศที่ต่างกันเท่านั้นที่จะรักกันได้ ผมผิดด้วยหรือที่เกิดมาเพศเดียวกับเขา มันเลือกเกิดไม่ได้ ถ้าเจาะจงได้ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย รู้ว่าจะต้องมาเจอ มารักกับมัน ผมคงเลือกเพศเป็นผู้หญิงไปแล้ว

“โชคดีนะครับ”

ผมบอกมันเมื่อมันมองหน้าผมนิ่งอยู่ จนมันต้องเปิดประตูรถแล้วก้าวเดินขึ้นรถไฟฟ้าไป ให้ผมมองตามเงาหลังของมันไปด้วยน้ำตาที่นองหน้า

ผมนั่งที่คนขับแทนมัน ด้วยหัวใจที่ปวดร้าว สลาย ไออุ่นของมันยังคงอยู่ให้ผมรู้สึกได้ ผมนั่งนิ่งน้ำตาไหลอยู่ครู่ใหญ่ จนเสียงโทรศัพท์ดึงผมมาสู่โลกปัจจุบันชั่วขณะ นังต้องครับ มันมาคอนโดผม แล้วมันอยู่ที่ห้องผมพร้อมกับมาดามเรียบร้อยแล้ว เสียงมาดามโหวกเหวกมาตามคลื่นสัญญาณ สลับกับเสียงหัวเราะคิกคักของคุณป้าเอนกประสงค์แม่บ้านคนโปรดของนังต้องเขาหละ ผมยิ้มครับ ยิ้มทั้งน้ำตา มีคนที่รอผมอยู่ มีคนที่เขาหวังดี รักเราอยู่บ้างเหมือนกัน ก็เพื่อนแท้ไงครับ.....

ช่วงที่มาดามมาอยู่ที่บ้านผม มันเป็นช่วงที่มีความสุขมากๆ ช่วงหนึ่ง เราได้คุยกันสามคนอย่างเปิดอก วิเคราะห์วิจารณ์มุมมองของความรัก โดยเฉพาะเรื่องความรักของผม ที่มาดามชำแหละร่องรอยความช้ำ ให้ผมเห็นแผลที่ใจของตัวเองให้มันชัดเจนมากขึ้น บางมุมมองของความรักที่ผมไม่เคยได้มอง
“บางครั้งคำว่ารัก มันก็ทำให้คนเราตกอยู่ในวังวนของมันได้เหมือนกัน รักก็ให้รักอย่างมีสติ รักไม่ใช่การครอบครอง แต่ความรักเป็นสิ่งที่สวยงามที่มอบให้แก่กันตะหาก ถ้าคนหนึ่งยิ้มอีกคนหนึ่งก็ยิ้มตาม แล้วก้จะมีสุขตาม อีเรียมคิดเองนะว่าจะให้ความรักมันดำเนินไปทางทิศไหน เราคือผู้กำหนดชะตาชีวิต อย่าให้ความรักมากำหนดชะตาชีวิตของเราแทน”

มาดามเป็นคนเดียวที่เรียกผมว่าอีเรียม พูดขึ้นในขณะที่เรากำลังวิเคราะห์มุมมองของความรักกันอยู่ ผมนิ่ง นั่นสินะ แล้วผมจะมามัวร้องไห้ทำไม น่าจะยินดีกับไอ้หน้าขาวมัน เห็นมันมีความสุข ผมก็น่าจะมีความสุขไม่ใช่หรือ วันพรุ่งนี้สินะ ถ้ามีโอกาสผมจะบอกมันกับน้องกิฟต์ไปว่า รักคือความสุข ความสุขของผมคือการที่เห็นคนที่ผมรักมีความสุข แม้ว่าผมจะมีทุกข์ มีเศร้าบ้าง แต่เมื่อผม ได้มีความหลังที่มีความสุขมากๆเหมือนกัน ผมก็จะใช้ความสุขนั้นมาปลอบประโลมใจ ว่าครั้งหนึ่งผมได้เคยมีความสุข กับคนที่ผมรัก แล้วเขาก็รักผมเช่นกัน........

หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 05-03-2007 16:09:33
ซาบซึ้งมาก ๆ เอาใจช่วยน้องเป้   มีความสุขที่ได้รักแล้วกันน้า  :เศร้า2:

รออ่านตามเคย  แน๋วที่ร๊ากกกกก  :impress:  :impress:  :impress:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 05-03-2007 16:30:46

ผมก็จะใช้ความสุขนั้นมาปลอบประโลมใจ ว่าครั้งหนึ่งผมได้เคยมีความสุข กับคนที่ผมรัก แล้วเขาก็รักผมเช่นกัน........


...................ถ้าทุกคนทำได้แบบนี้....เราเองก็จะไม่ทุกข์กับความรัก....... :impress3: :impress3:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: FlukeHub ที่ 05-03-2007 22:38:10
โฮๆๆๆ  :เศร้า1:  เกินไปแล้วๆๆ

พี่ยอดใจร้ายที่สุด  ถอนหมั้นกับนางน้องกิ๊ฟเดี๋ยวนี้นะ  อ๊ากกกกส์

น้องเป้สู้ๆๆๆ  หวังว่าตอนจบคงไม่เศร้านะครับ

ไม่งั้นน้องเป้คนสวยต้องโคตรเศร้าแน่เลย   :monkeysad2:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 05-03-2007 22:58:41
ยังอยู่โหมดเศร้าอยู่เลย เรื่องนี้จบเศร้าปะ :เศร้า2: :เศร้า2: :เศร้า2:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 05-03-2007 23:25:07
เมื่อผมกลับไปทำงานวันต่อมา ในตอนบ่าย เพราะตอนเช้าผมต้องไปพบลูกค้า ก้าวเข้าไปในแผนกปุ๊บ ก็เจอเหยี่ยวข่าวทันที พี่นกแกแถกระแทดแรดมาหาผมทันทีที่เจอหน้า
“น้องเป้ ไปทำอะไรกับผู้ชายของท่านรองปะ วันนี้หน้าบูดมาตั้งแต่เช้า แถมถามหาน้องเป้มาตั้งนานหละ ยังไงก็ระวังตัวหน่อยละกัน”

“เป้ ส่งเขาที่รถไฟฟ้านี่นา ไม่ได้ไปทำอะไรที่ไหนเลย สงสัยรถติดมั้งเมื่อเช้า”

ผมตอบอย่างไม่ใส่ใจมากนัก เพราะว่าพี่นกแกเอาเรื่องอะไรมาพูด จะต้องแปลก่อนและพยายามหารออกมา เพราะแกเอาเรื่องมาแต่ละเรื่องฟังแล้วต้องหารก่อนทั้งนั้น แต่ก็ไม่มีใครถือสาแก เพราะทำงานด้วยกันมานานแล้ว

“มาพอดีเลย เดี๋ยวกิฟต์เชิญพี่เป้ในห้องนะคะ”

ท่านรองเดินหน้าเคร่งมาบอกผม แล้วปรายตามองพี่นก จนคนรู้หลบเป็นปีก อย่างพี่นกสลายตัวไปจากที่ตรงนี้อย่างรวดเร็ว

เมื่อมาอยู่ในห้องทำงานของท่านรอง ท่านรองมองผมนิ่ง น้ำตาเธอไหลออกมา

“พี่เป้ กิฟต์ไม่คิดเลยนะคะ ว่าหน้าซื่อตาใสอย่างพี่เป้จะทำกิฟต์ได้ เมื่อคืนคงจะสุขสมกันหละสิท่า แล้วไม่ต้องมาทำหน้าเป๋อเหลอไม่รู้เรื่องนะคะ”

“เรื่องอะไรเหรอ”

ผมงงจริงๆ ครับ มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกับน้องกิฟต์

“เมื่อคืนพี่เป้เอาพี่ยอดไว้ไหนหละคะ อย่าบอกนะคะว่าไม่รู้ กิฟต์ไม่เชื่อ โทรศัพท์ก็ไม่เปิด”

“เมื่อวานพี่ส่งเขาที่รถไฟฟ้านี่นา เขาไม่ได้ติดต่อกับกิฟต์เลยเหรอ”

“ถ้าเขาติดต่อมา กิฟต์คงไม่ต้องมาถามพี่เป้หรอกนะคะ ต่อไปนี้กิฟต์คงไม่ไว้ใจพี่ยอดให้ไปไหนกับพี่เป้อีกแล้ว เพราะพี่เป้เป็นคนที่ไม่น่าไว้วางใจ พี่เป้ก็น่าจะรู้ตัวเองดีนี่คะ ถึงแม้ว่าพี่ยอดจะรักพี่เป้มากมายแค่ไหน แต่มันคงเป็นไปไม่ได้แน่นอน พี่ยอดยังมีครอบครัวที่ต้องดูแลอยู่ และอีกอย่างครอบครัวของพี่ยอดเขาก็ไม่ต้องการสะไภ้ที่เป็นผู้ชายเหมือนพี่เป้”

น้องกิฟต์ใช้วาจามากรีดแผลที่หัวใจผมอีกแล้ว แต่ตอนนี้ผมไม่เจ็บแล้วครับ ถึงจะถากถางมายังไงมันก็ยังชาๆที่หัวใจอยู่ดี

“พี่รู้ ว่ามันเป็นไปไม่ได้ พี่เองก็ไม่ได้ต้องการให้เขามาอยู่กับพี่ พี่เองแค่เห็นเขามีความสุขพี่ก็พอใจแล้วหละ”
“พี่เป้พูดได้แต่ไม่รู้ว่าจะทำได้หรือเปล่า ดูอย่างอีแพตตี้เพื่อนกิฟต์สิคะ ปากบอกว่ามันไม่เอาแล้วผู้ชาย แต่มันก็มีได้ทุกวัน แล้วพวกเดียวกันอย่างพี่เป้จะทำได้เหรอคะ”

“น้องกิฟต์จะให้พี่ทำยังไง ในเมื่อพี่พูดและทำเป็นความจริงตลอดมา”

“ถ้าบอกแล้วพี่เป้จะทำได้ไหมหละคะ”

น้องกิฟต์มองหน้าผม ซึ่งผมก็จ้องตอบอย่างไม่ลดละเหมือนกัน

“ถ้ามันไม่ลำบากมาก พี่ก็ทำให้ได้”

“มันไม่ลำบากมากหรอกคะ ถ้าเพียงแค่พี่เป้ลาออกจากที่นี่แค่นั้นเอง”

“พี่เห็นจะรับปากไม่ได้ พี่มีความสุขที่ทำงานอยู่ที่นี่ ขออย่างอื่นแล้วกัน”

“แปลว่าพี่เป้ไม่ลาออก”

“แล้วพี่ทำผิดอะไรพี่ถึงต้องลาออกหละ”

น้องกิฟต์มองผมนิ่งๆอีกครั้ง แน่นอนผมก็มองตอบเช่นกัน เรื่องงานก็ยังไม่เป็นงานแล้วยังจะมาหาเรื่องคนอื่นอีก แยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออกจากกันไม่เป็นมั่งหรือยังไง


ผมออกจากห้องท่านรองด้วยหน้าเคร่งเครียด จนเหยี่ยวข่าวสาวแถเข้ามาหาสะเก็ดข่าวทันที แต่สะเก็ดข่าวที่หล่อนได้รับจากปากผม คือไม่มีอะไรผมเข้าไปสอนงานน้องกิฟต์...แค่นั้น


หลังจากนั้นเป็นต้นมา น้องกิฟต์น้อยครั้งที่จะมาสนใจกับผม เรื่องการเรียนรู้งาน ผมก็ไม่จำเป็นต้องมาสอนใครแล้วหละ เพราะว่าน้องกิฟต์ยึดป้าสุดสงวนเป็นครูไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเรื่องนี้พี่สมพรก็รับรู้อย่างเงียบๆ เพราะถ้าฝึกงานในแผนกกับป้าสุดสงวนหละก็เก่งจริงเรื่องเอกสารและวิธีการขายทางทฤษฎี เพราะป้าหงวนแกหมดวัยที่จะออกตะลอนๆ นัดเจรจางานกับลูกค้าทั้งต่างจังหวัดหรือตามที่ต่างๆแล้ว หน้าที่แกส่วนใหญ่จะอยู่ที่แผนกมากกว่า งานเอกสารและวิธีการรวมถึงประสบการณ์การขายที่น้องกิฟต์ได้รับจากป้าหงวนจะมีคุณค่ามากถ้าได้ออกภาคสนาม ซึ่งผมเองก็ได้รับความรู้จากป้าสุดสงวนเยอะมากเหมือนกันสมัยที่เข้างานใหม่ๆ ที่นี่ ส่วนงานภาคสนามนั้นผมเรียนรู้จากพี่นก และพี่สมพรโดยตรง ถ้าน้องกิฟต์นำความรู้จากป้าสุดสงวนมาใช้ในการกาข้อสอบหละก็เกรดเอบวกคงหนีไปไม่พ้น แต่ถ้าภาคปฎิบัติเจ้าหล่อนก็คงได้เกือบตกแค่นั้นเอง แถมท่านรองก็หยิ่งพอที่จะไม่ง้อผม พี่นก พี่ชาย หรือแม้กระทั่งไอ้อะ รวมถึงคนอื่นในแผนก บางครั้งเดินสวนกัน ท่านรองก็ทำเหมือนไม่รู้จักผมไปซะอย่างนั้น จนเดือนแรกผ่านไป เดือนที่สองเริ่มเข้ามา จนกลางเดือนที่ความมึนตึงของท่านรองที่มีกับผมก็ยังคงเส้นคงวา ส่วนต้นเหตุที่หัวใจอย่างไอ้หน้าขาวก็หายไปไม่มารับหรือมาหาน้องกิฟต์อีกเลย จนกระทั่งวันหนึ่งคุณนายแสนดีโทรมาบอกผมว่า ย่าของไอ้หน้าขาวซึ่งแก่มากแล้ว ได้เข้าโรงพยาบาลและท่านก็อยากพบผม ท่านให้แม่ของผมโทรมาตามไห้ไปหาท่านด่วน แต่ผมก็ยังไม่วายโดนท่านรองแขวะจนได้ เมื่อผมเอาไปลาไปให้เซ็นต์

“อุตส่าห์ดีใจ นึกว่าจะลาออก ที่แท้ก็ลาพักร้อนนี่เอง”

ผมไม่พูดรีบขับรถกลับห้องเพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน แล้วเสียงโทรศัพท์ที่ผมไม่ได้ยินมานานก็ดังขึ้น เสียงเรียกเข้าเพลงจำเลยรักไงครับ ไอ้หน้าขาวมันโทรเข้ามา
“ครับ”
ผมพูดอย่างไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่ออีก เพราะว่านานแล้วสองเดือนกว่าๆ ที่ผมไม่ได้เจอมัน

“น้องเป้เตรียมตัวเร็วๆนะ เดี๋ยวพี่จะไปรับไปหาคุณย่าด้วยกัน”

ไอ้หน้าขาวพูด จนผมจับน้ำเสียงของมันได้ว่ามันร้อนรน ผมรู้ครับว่ามันรักคุณย่าของมันมาก และมันก็เป็นหลานคนโปรดของคุณย่า มากกว่าพี่ชายของมันซะด้วยสิ ผมจำคุณย่าของมันได้ครับ ท่านเป็นคนค่อนข้างดุ และไม่ชอบผมที่ตอนเด็กผมกระตุ้งกระติ้งจนเกินเหตุ ท่านมักจะเหน็บผมกลายๆ ว่าชายไม่สมชาย และพยายามที่กันหลานชายคนโปรดไม่ให้มาเล่นกับผม แต่ว่าความเป็นเด็กทำให้เราหนีมาเล่นด้วยกันบ่อยครั้ง จนคุณย่าท่านไม่เคยรู้เลยว่า ผมกับไอ้หน้าขาวเจอกันทุกวัน .....



หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 05-03-2007 23:39:45
ต่อไวไวนะ ค้างอีกแล้ว :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Kirihara ที่ 06-03-2007 00:40:03
อ๊ากกกก!!!! :serius2:  อยากอ่านต่ออ่ะ

อันที่จริงเท่าที่อ่านมายังไม่กล้าไว้ใจยอด  กลัวว่าเป้จะต้องมาเสียใจอีก

สาธุอย่าให้เป้ต้องเสียใจอีกเลยน้า
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 06-03-2007 02:07:28
อืมมม ก่อนตัดสินใจทำไร ใจเย็นๆ ก่อนนะคับ ค่อยๆ คิดนะคับเป้  :เศร้า1: :เศร้า1: :เศร้า1:

:teach: :teach:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 06-03-2007 07:23:49

น้องเป้ผู้น่าสงสาร  :impress3:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 06-03-2007 08:24:43
“เก็บข้าวของที่จำเป็นและลงมารอ สักพักรถเก๋งคันงาม ก็เลี้ยวเข้ามาจอดตรงหน้าผม คราวนี้ ไอ้หน้าขาวมันลงมาช่วยผมขนของขึ้นรถ แล้วยังไม่พอ มันยังเปิดประตูให้ผมเข้าไปนั่งอีก เกิดอะไรขึ้นกับไอ้หน้าขาว ผมมองหน้ามันแวบหนึ่ง มันก็ยิ้มให้ผม
“คุณย่าเป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ”

ผมพูดขึ้นก่อน เมื่อเห็นมันตั้งหน้าตั้งตาขับรถอย่างเดียว เสียงเพลงที่มันเปิดคราวนี้ มันเปิดเพลงสากลเบาๆ

“ท่านก็เป็นโรคคนแก่นั่นแหละ แต่ที่แย่กว่านั้นคือท่านเป็นมะเร็ง ถ้าผ่าตัดอาจจะมีทางรอด แต่ว่าคุณย่าท่านแก่แล้วคงผ่าตัดไม่ไหว สุขภาพท่านก็ไม่ค่อยแข็งแรงอีก พวกเราได้แต่หวังว่าท่านคงจะอยู่กับเรานานๆ”

ไอ้หน้าขาวมันพูดพลางมีน้ำตารื้นขึ้นมาที่ดวงตาทั้งสองข้าง มันรักคุณย่าของมันมากครับเพราะตอนเล็กๆ คุณย่าเลี้ยงมันมาขณะที่พ่อกับแม่ต่างก็ทำงานนอกบ้านด้วยกันทั้งคู่ขณะที่พี่ๆ ของมันนั้นมีพี่เลี้ยงมาเลี้ยง แต่พอถึงไอ้หน้าขาวคุณย่ากลับขอหลานชายคนเล็กไปเลี้ยงซะเอง ทำให้ไอ้หน้าขาวเป็นคนที่คุณย่าโปรดมากกว่าใคร ผมเอื้อมมือไปกุมมือของไอ้หน้าขาวเอาไว้ เมื่อน้ำตาของมันไหลออกมา

“คุณย่าท่านรู้ตัวของท่านดี เพราะเมื่อวานท่านยังพูดโทรศัพท์กับพี่อยู่เลย ท่านบอกว่าจะไปแล้ว คุณปู่มารอรับท่านอยู่ แต่คุณย่ายังมีเรื่องที่ต้องจัดการอยู่ ท่านเลยขอเวลาคุณปู่เอาไว้ แต่เมื่อเช้านี้อาการของท่านทรุดลงมากจริงๆ”

ไอ้หน้าขาวพูดแล้วเหยียบคันเร่งให้รถเร็วขึ้น ผมเงียบ ไม่พูดตอบครับ ปกติเวลาที่มันขับรถเร็วๆ ผมจะคอยเตือนมัน แต่คราวนี้ผมปล่อยให้มันขับรถตามใจมันหละกันครับเพราะผมก็อยากไปให้ทันดูใจคุณย่าท่านเหมือนกัน เมื่อไปถึงแทนที่พวกเราจะเข้าบ้านก่อน ไอ้หน้าขาวมันขับรถตรงไปยังโรงพยาบาลทันที

“มาพอดีเลยน้องเป้ ยอดมาเร็วลูก คุณย่ากำลังอยากเจอตัวพอดี”

คุณแม่ไอ้หน้าขาวตรงมาที่เราทั้งคู่ ที่ตรงนั้นมีครอบครัวของผมก็มาพร้อมหน้า

ห้องสีขาวทึมที่อบอวลไปด้วยกลิ่นยา ร่างผอมบางของคุณย่าอยู่ที่เตียง รอคอยการมาของหลานชายคนโปรด ผมเข้าไปกราบท่านเบาๆที่แขนท่าน

“อือ มากันแล้วหรือ”

เสียงแหบพร่าเอ่ยขึ้น

“ไหนน้องเป้มาให้ย่าเห็นหน้าชัดๆ หน่อยซิ ผอมไปนะ เออ...ดูดีขึ้นนะไม่จริตจะก้านเหมือนเมื่อก่อน เป็นอย่างนี้หละลูก อย่าทำตัวเป็นหญิงครึ่งชายครึ่งเหมือนเมื่อก่อนมันไม่งาม”

แล้วคุณย่าก็หันมาทางหลานชายคนโปรด แววตาท่านมีน้ำตาไหลออกมา เสียงของคุณย่าแหบๆสั่นสะท้าน

“หลายวันมานี้ย่าฝันไม่ค่อยดีเท่าไร คุณปู่ของน้องยอด มาต่อว่าย่ามากมาย ย่าขอโทษนะลูก”

มือเหี่ยวๆของคุณย่าพยายามที่จะยกขึ้นมา จนคนร่างสูงหน้าขาวๆ ต้องเอื้อมมือไปกุมมือคุณย่าเอาไว้เอง

“ความจริงยุคนี้มันก็ไปถึงไหนต่อไหนแล้ว ย่าตามไม่ทันหรอก หนุ่มสาวสมัยนี้ ความรักมันไม่มีพรมแดนจริงๆ ย่าขอโทษที่ทำให้หลานๆ ต้องลำบากใจเพราะย่า มาตั้งแต่เล็กๆ ย่ารู้ดีว่าน้องยอดรักน้องเป้มาตั้งนานแล้ว ย่าเลี้ยงหลานมากับมือทำไมย่าจะไม่รู้”
คุณย่าสะอื้นหันมามองผม แล้วพูดต่อไป
“ย่าเองหละน้องเป้ ย่าบังคับน้องยอด ให้สาบานต่อหน้าย่าเอง ว่าให้เลิกยุ่งกับเจ้าซะ เจ้าโกรธย่าหรือเปล่า”

ผมร้องไห้ออกมาเลยครับ
“ไม่โกรธครับ คุณย่า น้องเป้ไม่เคยโกรธคุณย่าเลย น้องเป้รู้ว่าคุณย่ารักพี่ยอด อยากให้พี่ยอดเขาเป็นผู้ชายเหมือนคนอื่นๆ”

“ดีแล้วที่เจ้าเข้าใจย่า ตอนแรกที่เจ้ายอดมาบอกย่า ว่ารักน้องเป้ ย่ายอมรับว่าย่าตกใจ กลัวไปหมด ว่าใครเขาจะว่ายังไง ตระกูลของเราไม่เคยมีแบบนี้สักที ย่ามาคิดดูแล้วมันก็เป็นความคิดที่ผิดมาก เพราะน้องยอดของย่าทำตัวเสเพลไปช่วงหนึ่ง แล้วเขาก็ทำให้ย่าดีใจ ที่เขาพาว่าที่หลานสะใภ้มาให้ย่าเห็น แต่ย่าก็รู้หละว่า เจ้าหลานชายของย่ามันยังตัดน้องเป้ได้ไม่ขาด แต่หลานชายของย่าถ้าได้สาบานต่อหน้าย่าแล้ว ไม่มีทางที่ผิดคำสาบานได้ จนกระทั่งย่าเริ่มป่วย ย่าฝันว่าได้เจอคุณปู่ของพวกเจ้า คุณปู่ต่อว่าย่าใหญ่ว่าย่าทรมานหลาน ทำให้หลานไม่มีความสุข ย่ารู้ดีว่าหลานชายของย่าไม่เคยมีความสุขเลยสักครั้ง ตั้งแต่ลั่นคำสาบานเอาไว้”

คุณย่าเล่ามาถึงตรงนี้ไอ้หน้าขาวมันร้องไห้ออกมาครับ มันขบกรามแน่นสะอื้นเบาๆ

“ย่าเสียใจนะน้องยอด แต่ต่อไปนี้ ย่าจะไม่ห้ามเรื่องเจ้าสองคนอีกต่อไป คำสาบานที่ให้ไว้กับย่า ย่าขอคืน ก่อนที่ย่าจะตายลงไป ถ้ายังรักกันจริงๆ ย่าก็ขอให้หลานทั้งสองคนตั้งมั่นและสมหวังในความรัก ย่าคงจะหมดแรงห้ามแล้ว ไปตามพ่อแม่เจ้าเข้ามาได้แล้ว”

คุณย่ามองไปที่หน้าต่าง แล้วยิ้ม

“เดี๋ยวนะคะคุณ ขอให้ดิฉันพูดอีกสักประเดี๋ยว”

คุณย่าหันมาอีกครั้ง เมื่อทุกคนมาพร้อมหน้า แล้วพูดกับพ่อของไอ้หน้าขาว

“ ฝากหลานๆ ของแม่ด้วยนะ แม่หมดห่วง แล้วหละ”

คุณย่ามองไปที่หน้าต่างอีกครั้ง

“คุณคะ ดิฉันพร้อมแล้วคะ”

ร่างคุณย่าหลับตาลง ใบหน้ายิ้ม ก่อนที่ร่างของคุณย่าจะจากไปอย่างสงบ พวกเราทุกคนพากันร้องให้ที่ร่มโพธิ์ร่มไทรของบ้านได้จากไป......

หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 06-03-2007 08:38:22
ลงต่อให้สองตอนรวดเยย กะว่าให้จบวันนี้  :เศร้า1: อารมณ์จาได้ต่อเนื่อง  :impress3: ดีมั๊ยจ๊ะเพื่อนๆ  :3024:

********************************************************************************************************

งานศพของคุณย่าจัดได้อย่างใหญ่โตสมเกียรติ และแน่นอน ไอ้หน้าขาวบวชหน้าไฟให้คุณย่า แววตาของพระยอดแดงก่ำ
ครอบครัวผมก็มาช่วยงานอย่างใกล้ชิด น้องกิฟต์และครอบครัวมาจากกรุงเทพ หลังจากที่คุณย่าเสียได้หนึ่งวัน พร้อมกับนังต้องและมาดามก็ตามมาที่บ้านผม

โดยที่น้องกิฟต์พาน้องอั้มเพื่อนสนิทมาอีกคน แต่ที่ผมแปลกใจมากคือคนที่มากับน้องอั้ม น้องอาท เด็กหัวหนามที่ผมเจอที่ผับเกย์นั่นเอง ผมเห็นสีหน้าเหยียดๆของน้องอั้มส่งมาทางผม และเหมือนน้องอาทจะเลี่ยงมาหาทางกลุ่มผม แต่น้องอั้มก็ดึงเอาไว้ และซุบซิบเถียงอะไรกันบางอย่างด้วยสีหน้าเคร่งเครียด หลังจากที่เสร็จสิ้นจากงานศพคุณย่า พระยอดท่านก็ยังไม่ยอมลาสิกขาบท ขอร่ำเรียนพระธรรมต่ออย่างไม่มีกำหนด จนผมกลับมาอยู่ที่กรุงเทพ และทำงานร่วมกับน้องกิฟต์ในสภาพที่เฉยเมยต่อกัน

ส่วนน้องอั้มเพื่อนรักเพื่อนใคร่ของน้องกิฟต์ ทำอีท่าไหนก็ไม่รู้ หล่อนท้องกับน้องอาท ทั้งที่น้องอาทยังเรียนไม่จบในสถาบันเอกชนแห่งหนึ่งย่านหัวหมาก งานนี้นังต้องได้แต่สมน้ำหน้าหละว่า “ได้ผัวเกย์” แต่ผมว่า บางครั้งการมีครอบครัวอาจจะทำให้น้องอาท เขาเปลี่ยนแปลงไปก็ได้ ใครจะรู้อนาคต

ชีวิตผมวนเวียนอยู่กับงานและเพื่อนๆ อย่างมีความสุขบ้างทุกข์บ้าง พระยอดก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะสึก สองเดือนต่อมาน้องกิฟต์เริ่มที่จะมาคุยดีกับผม น้องอั้มท้องก็นูนเด่นจนเห็นได้ชัด น้องอาทก็ยังสับสนว่าจะเลือกดำเนินชีวิตไปทางไหนดี เพราะงานนี้ครอบครัวของทั้งคู่ก็เป็นคนที่มีหน้ามีตาในสังคมเมืองไทย

แววตาเย่อหยิ่งจองหองของน้องกิฟต์หายไป หลังจากเมื่อเจ้าหล่อนพยายามที่หักหน้าผม ด้วยการคุยเจรจาต่อรองและเสนอขายกับลูกค้ารายใหม่ โดยไม่ผ่านมือเซลล์คนไหนเลย งานนี้น้องกิฟต์อาศัยความเป็นลูกผู้บริหารระดับสูง และใช้ความมั่นใจว่าตัวเองแน่ ผลคือ งานนี้ทางบริษัทไม่สามารถผลิตชิ้นงานได้ ตามสเป็คที่ลูกค้าต้องการ รวมถึงระยะเวลาในการผลิต การตรวจสอบ และการจัดส่ง กระบวนการต่างๆ รวนไปหมด ซึ่งงานนี้น้องกิฟต์โดนพี่สมพรด่าชนิดที่ไม่ไว้หน้าแต่อย่างใด จนกระทั่งเรื่องมันไปถึงยังระดับผู้บริหารระดับสูง งานนี้น้องกิฟต์โดนเข้าไปเต็มๆ จนผมต้องออกสนามด้วยกันกับน้องกิฟต์ เพื่อเจรจาละต่อรองกับทางลูกค้า เพื่อให้ทางบริษัทเสียหายน้อยที่สุด

ซึ่งการร่วมงานกันคราวนี้เองทำให้ผมกับน้องกิฟต์ได้รู้จักกันมากขึ้น ท่าทีต่างๆ ที่เคยแสดงต่อผมและพี่นกก็เริ่มคลายออกไป จนในที่สุดทางลูกค้ายอมอลุ้มอล่วยให้กับทางเรา แต่มันก็แทบไม่มีกำไรจากการขายของน้องกิฟต์ในครั้งนี้เลย อาทิตย์ต่อมาทางผู้บริหารระดับสูงซึ่งเป็นคุณพ่อของน้องกิฟต์เองได้ให้น้องกิฟต์ ไปเรียนต่อต่างประเทศทันที..............
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 06-03-2007 10:59:28
และแล้วทุกอย่างก็เริ่มจะไปได้ด้วยดิซินะ......... :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 06-03-2007 15:55:01
 :เฮ้อ: :เฮ้อ:

ค่อยโล่งหน่อย

เสียใจเรื่องคุณย่าด้วยคน  :monkeycry4:

ยังไงก็สู้ๆ น๊า  :110011: :เชิป2: :110011: :เชิป2:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 06-03-2007 19:12:51
 :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:
ความจริงเปิดเผย . . . ก็เลยมีแต่ความเศร้า

รออ่านตอนต่อไปครับ :monkeycry2:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 06-03-2007 19:47:15
โธ่  จากลับมารักกันได้ป่าวเนี่ย   :เศร้า2:

แน๋วมาต่อด่วนนน   :dont2:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 06-03-2007 19:53:18
แล้วพระยอดจะสึกปะเนี๊ยะ หรือต้องให้น้องร้องเพลงรอ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Kirihara ที่ 06-03-2007 20:06:50
ค่อยยังชั่ว  แต่ว่ายังไม่จบใช่มั้ยคะ?

เพราะงั้น รออ่านต่อค่ะ  รอลุ้นพระยอดอยู่
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 06-03-2007 22:51:27
หลังจากนั้นพระยอดก็ลาสิกขาบทเมื่อบวชได้สามเดือนกับเก้าวันพอดี อีกสองอาทิตย์กว่าๆ ที่น้องกิฟต์ต้องจากบ้านไปอยู่ที่แสนไกลในต่างประเทศ น้องกิฟต์เริ่มจะติดผมแจ นับตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นคราวนั้น เราเริ่มคุยกันมากขึ้น บรรยากาศเก่าๆ สมัยเป็นนักศึกษา เริ่มกลับมาอีกครั้ง แต่คนที่ไม่เคยคิดญาติดีกับผมเลยสักครั้ง คือน้องอั้ม เพราะว่าน้องอาทยังมีทีท่ากับผมอย่างเปิดเผยทุกครั้งที่เจอกัน เลยยิ่งทำให้น้องอั้มไม่ชอบขี้หน้าผมมากขึ้น ส่วนพี่บอย ช่วงนั้นธุรกิจของทางบ้านชะลอตัวลง ทำให้ต้องเข้าไปช่วยครอบครัวบริหารงานจนไม่ค่อยมีเวลาให้ผมเหมือนก่อน นังต้องก็อกหักโดนแฟนทิ้งหลังจากที่ดูดทรัพย์สินของนังต้องไปเกือบแสนโดยใช้เวลาคบกันนานแค่แปดเดือน แต่นังต้องยักไหล่บอกกับผมว่า
“ชั้นใช้เงินซื้อความสุขเดือนละหมื่นกว่า แค่นี้ก็คุ้มแล้ว”

ปากมันบอกว่าคุ้มแล้วแต่ประกายตามันตรงข้าม...... ส่วนมาดามนั้นย้ายกลับมาอยู่เมืองไทยเป็นการถาวร โดยให้คุณลุงก็ก่อตั้งบริษัทขึ้นมาและมาดามเริ่มเข้ามาบริหารงานเอง ท่าทางบริษัทจะไปได้ดีอีกด้วย

หลังจากที่พระยอดลาสิกขาบทออกมา ทางผู้ใหญ่ก็จะให้น้องกิฟต์กับทิดยอดแต่งงานกันก่อนที่น้องกิฟต์จะไปต่างประเทศ ผมจะรักษาหัวใจที่เจ็บในครั้งนี้ได้อย่างไร ผมเริ่มเบื่องานที่ทำ แต่ที่แน่ๆ ผมไม่สามารถที่จะลบไอ้หน้าขาวออกจากใจผมได้เลย และเพื่อให้ใจของผมได้รับความเจ็บปวดน้อยที่สุด ผมไม่ขออยุ่ร่วมงานแต่งงานของมันโดยเด็ดขาด วันรุ่งขึ้นผมขอลาพักร้อน รวมถึงใช้วันหยุดที่มีของผม ลาพักยาวเป็นเวลาทั้งหมด หนึ่งเดือนเต็ม เพื่อขอเวลาพักผ่อนให้หัวใจมีแรง ฟื้นจากความเจ็บปวด ตอนนี้ทั้งสามครอบครัวรับรู้เรื่องราวทั้งสามคนแล้ว ผม – ทิดยอด – น้องกิฟต์ แต่ชีวิตมันต้องเดินทางต่อไปตราบใดที่ชีวิตยังมีแรง...........ก้าวไป

หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 06-03-2007 23:00:28
แต่ชีวิตมันต้องเดินทางต่อไปตราบใดที่ชีวิตยังมีแรง...........ก้าวไป

 :myeye: :myeye: :myeye:

ขอบคุณคนแต่งกับคนโพสต์นะครับ สำหรับเรื่องราวดีๆ

ขอบคุณมากครับ

 :impress3:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 07-03-2007 05:55:57
จบแล้วเหรอเศร้าจัง  :เศร้า1: สงสารน้องเป้ :เศร้า2:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 07-03-2007 11:35:28
แต่ชีวิตมันต้องเดินทางต่อไปตราบใดที่ชีวิตยังมีแรง...........ก้าวไป

.............ถ้ามีแรงเราก็ต้องก้าวต่อไป....เหนื่อยนักก็ต้องพักก่อน....เพื่อหั้ยใจเราแข็งแรงพอ... :impress3: :impress3:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 07-03-2007 14:54:41
จบแบบเหงาๆ  :เศร้า1: :เศร้า1: :เศร้า1: :เศร้า1:

 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: suregirl ที่ 07-03-2007 15:53:43
จบแล้วจริงๆ เหรอ ยังไม่ได้ข้อสรุปอะไรเลย ตกลงยอดกับกิฟท์ แต่งงานกันจริงเหรอ
สงสาร ทุกๆ คนเลย จริงๆ ที่น้องกิฟท์ต้องทำร้ายเป้เนี่ย ก็เพราะความรักนะ น่าสงสารเขานะเพราะเขาก็รู้อยู่เต็มอก ว่ายอดไม่ได้รักเขาอ่ะ ให้อภัยกันเถอะ โลกจะได้น่าอยู่ เนอะ ๆ ๆ   :monkeycry4: :monkeycry4: :monkeycry4:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: FlukeHub ที่ 07-03-2007 20:33:54
เอิ้กส์!!  จบแล้วเรอะ  ยังน่า

แน๋วแน๋ว  ลงต่อทีมันขาดตอน  ต่อด่วนๆๆๆ

น้องยอดจะถอนหมั้นมั๊ยเนี่ย
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 07-03-2007 20:55:28
คนโพสต์กั๊กอ่ะ ไม่ลงให้หมด :serius2:

ชิส์ๆ เห็นมั้ยอ่ะ คนอ่านตกหลุมพลางกันตรึม :ฮึ่มม:

รีบมาลงให้จบเรยยยยยยย :13223:



 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 07-03-2007 22:35:27
  :โหลๆ:  หึหึ เด๋วก่อนยางม่ายจบ จารีบไปไหนๆ ยังม่ายถึงบทสุดท้ายเยย  :โหลๆ:

*******************************************************************************************************

หลังจากที่ลางานมาได้ไม่กี่วันผมต้องเข้าโรงพยาบาลอีกครั้งเนื่องจากผมคิดมาก จนความเครียดมันลงกระเพาะ วันหนึ่งกินอะไรก็อ๊วกออกหมด วันๆหนึ่งมันหมดแรงไม่อยากจะทำอะไรต่อไปแล้ว ทิดยอดก็ดูซึมลง ไม่ยิ้มไม่ขี้เล่นเหมือนก่อน ทุกอย่างอยู่ในสภาวะที่ตึงเครียด หลังจากที่ออกมาจากโรงพยาบาลเรียบร้อย ผมก็ขับรถออกจากบ้านและไปอยู่ที่บังกะโลแห่งหนึ่งในหัวหิน ไม่มีใครรู้ว่าผมอยู่ที่ไหน แม้กระทั่งคุณนายแสนดี แต่ผมก็คลายความกังวลของคุณแม่ ด้วยการโทรไปรายงานตัวทุกสองชั่วโมงเพื่อไม่ให้คุณนายแสนดีเขาเป็นห่วงผมมาก วันหนึ่งๆ ผมใช้ชีวิตไปด้วยการขับรถเล่น ซื้อของ เที่ยวไปในที่ต่างๆ กลางคืนก็เที่ยวดูแสงสีที่พัทยา เพื่อไม่ให้ตัวเองรู้สึกเหงา แต่ใครจะรู้หละว่า หลังที่ผมกลับมายังที่พักหรือบางครั้งที่ขับรถอยู่ ผมต้องจอดรถข้างทางเพื่อที่จะร้องไห้.....
ผมใช้ชีวิตแบบล่องลอยจนกำหนดวันแต่งงานของไอ้หน้าขาวกับน้องกิฟต์เลยผ่านไป แล้วผมก็ได้แต่โทรไปอวยพรให้ทั้งคู่มีความสุข แล้วผมก็วางสายลงก่อนที่น้องกิฟต์จะพูดอะไรต่อ เพราะมันอยากร้องไห้เต็มที วันนั้นทั้งวัน เป็นวันที่ผมไม่ได้ออกไปไหนเลย ความตั้งใจที่จะไม่ร้องไห้ ความตั้งใจที่จะยินดีที่เห็นเขามีความสุข แต่ผมกลับทำไม่ได้เลยสักอย่าง จนวันที่น้องกิฟต์จะต้องเดินทางไปต่างประเทศมาถึง วันที่ผมรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะแล้วว่าผมไม่ว่ายังไงผมจะต้องไปส่งน้องกิฟต์ด้วยตัวเองให้ได้
วันนั้น สนามบินดอนเมืองคลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากมาย น้องกิฟต์ในชุดสูทเข้ารูปสีน้ำเงินเข้ม และแต่งหน้าอ่อนๆ ดูแล้วสวยงามไปหมด แววตามีประกายสดใสจนผมแอบอิจฉาไม่ได้ นี่หละความสุขของคนมีชีวิตคู่ แต่แปลกวันนี้ผมไม่เห็นเงาของสามีน้องกิฟต์เลย เพื่อนร่วมงานของน้องกิฟต์มาส่งกันมากมาย ไม่เว้นแม้กระทั่งพี่นก ที่เมื่อก่อนทำงานแทบไม่ยอมมองหน้ากัน แต่พอจะลาจากกันไป พี่นกกลับร้องไห้ออกมาและดึงน้องกิฟต์เข้าไปกอด น้องอั้มมากับน้องอาทในชุดนักศึกษาเหมือนเดิม ท้องเริ่มนูนเด่นอวบอ้วนออกมาบ้างแล้ว งานเลี้ยงมันต้องมีเลิกรา มีเจอมันก็ต้องมีจาก แล้วน้องกิฟต์ก็เข้ามาหาผมพร้อมกับหยิบซองขาวๆ ยื่นให้ผม แล้วกระซิบผมเบาๆ
“กิฟต์รักพี่เป้มากนะคะ ขอโทษสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ทำตามใจของตัวเองที่ต้องการ ขอให้มีความสุขนะคะ”

แล้วน้องกิฟต์ก็จากไปท่ามกลางความกังขาของผม
วันนี้โชคดีมากครับที่ผมไม่เจอไอ้หน้าขาวมัน ดีไม่ดีผมอาจต่อมน้ำตาแตกอีกก็ได้ต่อหน้าน้องกิฟต์และคนอื่นๆ ที่สนามบินก็ได้ เมื่อเสร็จจากการที่ส่งน้องกิฟต์ที่สนามบินผมก็กลับหัวหินเหมือนเดิม ความเงียบสงัดของชายทะเลช่วยให้ผมสงบลงไปมากที่เดียว....

หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 07-03-2007 23:10:45
สงสัยพี่ยอดไม่ได้แต่งกะน้องกิฟต์แน่เลย น้องเป้เปิด จม. อ่าดิอยากรู้ :yeb: :yeb: :yeb:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: ฿oomb@b@ ที่ 07-03-2007 23:26:05
แต่งแล้วหย่า
หรือไม่ได้แต่ง
อยากรู้ อยากรู้
มารออ่านต่อน่ะครับ
แต่ตอนนี้สงสารน้องเป้มาก :เศร้า1:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 08-03-2007 00:19:44
 :interest:

เปิดอ่านเลยๆ อยากรู้อ่ะ :monkeysad2:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 08-03-2007 08:07:01

ในจดหมายเขียนอาไร  :serius2:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: suregirl ที่ 08-03-2007 08:33:29
คงไม่ได้แต่ง กันจริงๆแหละ เพราะยอดไม่ได้มาส่งกิฟท์ ลุ้นๆๆ มีฟามหวังแว้ว  :รักจัง11:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 08-03-2007 11:22:04
ไอ้หน้าขาวมันคงรู้ใจตัวเองแล้วล่ะ..... :impress3: :impress3:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: FlukeHub ที่ 08-03-2007 18:33:00
 :myeye: :myeye:  ในที่สุด

นังน้องกิ๊ฟก้อยอมหลีกทาง  555++

คู้แล้วไม่แคล้วกันจริงๆนั่นแหละ  น้องเป้สู้ๆ :loveu:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 08-03-2007 19:53:43
เมื่อผมจะกลับเข้าไปที่บ้านที่ผมเช่าพักอยู่นั้น ผมต้องตะลึง ตัวชา ใช่สิ รูปร่างนี้ หน้าตาแบบนี้ คือคนที่ผมถวิลหาทุกลมหายใจ ผมขยี้ยาเพ่งมองอีกครั้ง เพื่อแน่ใจว่าผมไม่ได้ฝันไป แต่ภาพที่เห็นตรงหน้า คือไอ้หน้าขาวครับ มันยืนยิ้มอยู่ตรงหน้าผมนี่เอง มันก้าวเข้ามาเมื่อเห็นว่าผมยืนนิ่งอยู่
“น้องเป้”

มันพูดเสียงสั่นพลางกอดผมไว้แน่น ดวงตามันดูมีความสุขยังไงก็ไม่รู้ แต่ผมสิเจ็บจนยอกแสลงไปหมด เขามีเมียแล้ว อนุสติเตือนผมตลอดเวลา เหมือนตอนย้ำว่าผมกำลังทำความผิดอยู่ ของบางอย่างถูกต้องแต่มันไม่ถูกใจ แต่ของบางอย่างถูกใจแต่มันไม่ถูกต้อง ผมนึกถึงคำพูดของมาดามที่เคยพูดกันเล่นๆ เมื่อครั้งโน้น ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีตีกันจนผมสับสนไปหมด รู้แต่ว่าผมร้องไห้ เจ็บที่ใจที่รักเขา เขารักเรา แต่รักของเราเป็นไปไม่ได้เลย แล้วสติของผมดับวูบลง ไม่รับรู้สิ่งใด
อีกครั้งที่ต้องเข้าโรงพยาบาล หมอบอกว่าผมเครียดและพักผ่อนน้อยทำให้ร่างกายของผมอ่อนแอ นี่ผมเป็นเอามากเลยหรือเนี่ย ตั้งแต่ที่ไอ้คนตรงหน้าของผมแต่งงานไป ผมมองคนตรงหน้าผมนิ่ง มือผมถูกมือขาวๆของมันกุมเอาไว้ ผมขยับเพื่อที่ดึงมือออกจากการเกาะกุมของมันแต่มันยังกุมมือผมอยู่แน่น

“น้องเป้”

มันพูด แต่สายตามันจับจ้องที่หน้าผม แววตาของมันนิ่ง จนผมต้องมองจ้องที่ตาของมัน

“พี่ไม่เคยให้หัวใจพี่กับใคร หัวใจพี่ฝากให้น้องเป้มานานแล้ว ตั้งแต่ตอนเด็กๆ ตอนที่น้องเป้ร้อง จะมีพี่ยอดคอยอยู่ข้างๆเสมอ น้องเป้เจ็บ พี่ยอดก็เจ็บไปด้วย อย่าร้องให้สิครับคนดี”

มันเอื้อมมือมาป้ายน้ำตาผมออก

“แต่มันเป็นไปไม่ได้ พี่ยอดแต่งงานแล้ว”

ผมพูดพลางน้ำตาไหลริน แต่ไอ้หน้าขาวมันหัวเราะครับ ผมก็งงสิครับ

“แสดงว่าน้องเป้ยังไม่ได้อ่านหละสิ”

“อ่านอะไร”

ผมงงเลยครับ อ่านอะไรของมัน

“จำได้ไหมว่าน้องกิฟต์เขาฝากอะไรไว้ให้”

ผมคิดถึงซองสีขาวที่น้องกิฟต์มอบให้ผมทันที ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ผมเครียดไม่มีกระจิตกระใจทำอะไรเลย แล้วซองสีขาวซองนั้น ยังอยู่ในกระเป๋าเอกสารของผม ที่ตั้งแต่ไปส่งน้องกิฟต์ผมยังไม่เคยรื้อค้นออกมาเลย
เมื่อกลับจากโรงพยาบาลแล้วผมตรงไปที่กระเป๋าเอกสารทันที

“พี่เป้
ก่อนอื่นกิฟต์ต้องขอกล่าวคำว่าขอโทษพี่เป้ก่อน กับทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้น ความจริงแล้วครอบครัวของกิฟต์ กับครอบครัวของพี่ยอดเราสนิทกันมาก โดยเฉพาะทางด้านคุณย่าของพี่ยอด เรื่องทั้งหมดตอนแรกกิฟต์ไม่คิดว่ามันจะมาทำให้คนหลายๆ คนมีทุกข์และเศร้าไปกันหมด พี่ยอดกับกิฟต์ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ถึงแม้ว่าผู้ใหญ่จะรู้จักกันแต่ลูกหลานกลับไม่รู้จักกันเลย แถมครอบครัวพี่ยอดก็มาตั้งรกรากที่....อีก ตอนแรกที่พี่ยอดเข้ามา กิฟต์ไม่ได้คิดอะไรเลย อีกอย่างกิฟต์ก็เห็นบ่อยๆว่าพี่เป้กับพี่ยอดไปไหนด้วยกันบ่อยๆ แถมคนทั้งมหาลัยก็คุยกันทั้งมหาลัย เรื่องแบบนี้ด้วยแล้ว พอพี่ยอดเข้ามากิฟต์ก็เลยอาศัยช่วงนี้รีบทำตัวสนิทกับพี่ยอดทันที ช่วงนั้นพี่เป้คงเห็นว่าพี่ยอดไม่ค่อยว่างหรือมีเวลาให้พี่เป้เลย แต่ความจริงเพราะกิฟต์อ้างนั่นอ้างนี่เพื่อดึงตัวพี่ยอดไว้ตะหาก แต่นั่นแหละคะ กิฟต์ดึงมาได้แต่ตัว แต่หัวใจชองพี่ยอด กิฟต์ยอมแพ้ จนกระทั่งกิฟต์รู้ว่าพี่ยอดทำตามคำที่เคยสาบานไว้กับคุณย่า มันจึงไม่ยากที่กิฟต์จะแทรกตัวเข้ามา แล้วยิ่งผู้ใหญ่ของทางเรารู้จักกันอย่างดีเข้าไปอีก มันก็ยิ่งทำให้ทุกอย่างมันง่ายขึ้น กิฟต์รู้คะ ว่าพี่ยอดรักพี่เป้ แต่กิฟต์ก็ยังเชื่อว่า เสน่ห์ของกิฟต์คงจะลบเงาของพี่เป้ไปได้ แต่ทางตรงข้ามมันไม่ใช่เลย บางครั้งเห็นพี่ยอดเศร้าๆเวลาที่อยู่คนเดียวหรือเวลาเผลอ ที่ยิ่งกว่านั้น ในกระเป๋าตังค์พี่ยอดมีแต่รูปพี่เป้ แล้วจะให้กิฟต์คิดยังไง ตอนนั้นเพื่อต้องการเอาชนะ กิฟต์จึงทำทุกอย่างเพื่อให้พี่ยอดเกลียดพี่เป้ให้ได้ รวมทั้งที่กิฟต์ก็เกลียดพี่เป้อย่างมากด้วย ที่ทำให้พี่ยอดรักมากขนาดนั้น แม้กระทั่งเวลาป่วยคนแรกที่พี่ยอดเพ้อหาคือพี่เป้ แล้วจะให้กิฟต์คิดอะไรได้ นอกจากพี่เป้คือศัตรูที่ต้องกำจัด และยิ่งมารู้ว่าพี่เป้เก่งมาก ทำงานเก่ง (อันนี้คุณพ่อกิฟต์ก็ชมมา) กิฟต์เลยคิดหาทางทำลายพี่เป้ให้ได้ แต่มันกลับไม่ใช่เลย ถ้าไม่ได้พี่เป้มาช่วยกิฟต์ไว้ เพราะการตัดสินใจโง่ๆ ที่คิดจะเก่งได้เท่าพี่เป้ โดยไม่ประมาณตัว ทำให้ทุกอย่างเกือบพังลงด้วยมือของกิฟต์เอง กิฟต์ไม่โทษใครหรอกนะคะ ถึงแม้ว่ากิฟต์จะรักพี่ยอดแค่ไหน แต่รักคนที่เขาไม่เคยรักเรา และคำที่เคยได้รับก็คือรักอย่างน้องสาวคนหนึ่งเท่านั้น การตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่ของกิฟต์ก็เกิดขึ้น กิฟต์ไม่ยอมแต่งงาน ไม่มีพิธีแต่งงานของเรา ดีที่กิฟต์กับพี่ยอดยังไม่ได้แจกการ์ด อีกอย่างเราเตรียมงานกันไม่ทันด้วย แต่คงหมั้นกันจนกว่าที่กิฟต์จะจบอีกสองปี แต่ไม่มีใครรู้นอกจากพี่เป้กับพี่ยอดว่ากิฟต์จะขอต่อจบจบปริญญาเอก มันไม่ใช่เวลาแค่สองสามปี แต่มันอาจจะเป็นเวลา สี่ถึงห้าปีด้วยซ้ำ ช่วงเวลานั้นกิฟต์อาจจะลืมพี่ยอดแล้วก็ได้ ส่วนเรื่องอั้ม กิฟต์ก็ต้องขอโทษด้วยเหมือนกัน ความจริงอั้มเป็นผู้หญิงที่อ่อนโยนมากคนหนึ่ง แต่กาลเวลาจะพิสูจน์เองว่า คุณค่าของคำว่ารักนั้นมันยิ่งใหญ่เพียงใด ยังไงก็ตามกิฟต์ขอฝากพี่ยอดกับพี่เป้ด้วย กิฟต์จะดีใจมากที่พี่ทั้งสองคนเป็นเหมือนเดิม อย่างที่กิฟต์กับเพื่อนๆ ที่มหาลัยเคยอิจฉาพี่เป้กับพี่ยอดในสมัยนั้น ดีใจที่ได้ฝากพี่ยอดไว้กับพี่เป้ เพราะกิฟต์เชื่อว่า พี่เป้จะดูแลพี่ยอดได้ด้วยหัวใจของพี่เป้ กิฟต์ขอแสดงคงความยินดีกับความรักของพี่เป้ด้วยนะคะ ยังไงพี่เป้ก็เป็นพี่ที่น่ารักของกิฟต์เสมอ.......”
ผมอ่านจดหมายแล้วร้องไห้ตามเลยครับ กับที่ผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งต้องทิ้งหัวใจรักไปไกลถึงต่างประเทศ และอาจจะไม่ได้กลับเมืองไทยเลย ถ้าใจดวงน้อยนั้นรักษาแผลที่หัวใจไม่หายขาด ผมก็หวังว่าเวลาคงช่วยน้องกิฟต์ได้ จนเมื่อผมเดินออกมานอกบ้านผมเห็นไอ้หน้าขาวยิ้มรอผมอยู่ มือใหญ่ของมันยื่นออกมา ผมเหลือบมองมือมันอย่างชั่งใจ ก่อนที่ผมจะยื่นมือของผมไปประสานมือใหญ่ตรงหน้าก่อนก้าวไปด้วยกัน ผมไม่รู้หรอกนะครับว่าทางข้างหน้าจะเป็นยังไง แต่ผมก็พร้อมที่จะก้าวไป กับคนที่จูงมืออยู่ข้างๆ นี้เอง ตอนนี้ก็ล่วงมาเกือบหนึ่งปีหละครับที่เราคบกันมาหลังจากที่น้องกิฟต์ไปเมืองนอกคราวนั้น แต่เรายังไม่ได้อยู่ด้วยกันนะครับ เพราะผมขอเวลาเรียนรู้กันก่อนหนึ่งปี ตอนนี้เหลือเวลาอีกเก้าวันครับที่จะครบหนึ่งปี แล้วผมจะต้องไปอยู่กับมัน ผมก็กลัวๆครับ ว่าการที่อยู่คนเดียวมาตลอด แต่ต่อไปผมมีมันเข้ามาในชีวิต เป็นผู้นำผม ผมหวังว่าชีวิตผมจะมั่นคงตลอดไป.........................

หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 08-03-2007 20:00:03
แน๋วที่ร๊ากกก   มันซ้ำอะ   :serius2:  :serius2:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 08-03-2007 20:12:28
กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก เบลออีกแย้วอ่า   :-[  (ป่าวหรอกแชตอยู่ด้วย เอิ๊กๆๆๆ)  :laugh3:

จุ๊ฟๆๆจ้าพิมพ์  :give2:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 08-03-2007 20:25:46
สงสารน้องกิฟท์เหมือนกันนะเนี่ย  รักคนที่เค้าไม่รัก  เจ็บมานานเลยละ  :เศร้า2:

เอาใจช่วยยอดกํบเป้ละกัน  อีกไม่กี่วัน อิอิ  จารอจิ้น  :haun4:

สุดท้ายเอาใจช่วยแน๋วที่ร๊ากกนะจ๊ะ  แก่แย้วว เบลอ  :laugh5:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: jammy ที่ 08-03-2007 21:05:03
อืม หวังว่าน้องเป้คงจะได้มีความสุขซะทีนะ :จ้อบจัง1:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 08-03-2007 22:50:41
 :เฮ้อ: โล่งอก
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: FlukeHub ที่ 08-03-2007 23:34:00
เหอๆๆ  จบยังเนี่ย

ในที่สุดสองคนก้อสมหวังใช่มะเนี่ย
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: ฿oomb@b@ ที่ 09-03-2007 00:29:01
เย้ เห็นคนสมหวังดีใจ : 222222:
และแอบอิจฉาเล็ก เพราะเราไร้คู่ ไร้ความรัก ไร้คนรัก  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 09-03-2007 02:46:12
And So The Story Goes  :give2: :give2: :give2:

 :loveu: :loveu: :loveu:

 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: tsuyu ที่ 09-03-2007 13:28:40
เย้ เย้ เย้

happy ending

 : 222222:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 09-03-2007 13:42:53
หวังว่าจะไม่มีอุปสรรคมาอีกนะ..... :เฮ้อ: :เฮ้อ:

..........แล้วทำไมความรักถึงทำร้ายคนเราได้ขนาดนี้...........
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 10-03-2007 02:31:03
 :myeye: :myeye: :myeye:

เป็นปลื้มครับ
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 10-03-2007 22:37:02
ขอบคุณคนแต่ง

ขอบคุณคนโพสต์

ขอบคุณเซ็งเป็ด

ขอบคุณครับ

 :loveu: :loveu: :loveu: :loveu: :loveu:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: しろやま としんや ที่ 11-03-2007 01:07:00
ตอนนี้คุณเป้ก็อยู่ด้วยกันกับไอ่พี่ยอดนั่นแหละนะ

คุณเป้มาบอกเอาไว้ว่า

มีวันนึงไอ่พี่ยอดไปถอยช็อปเปอร์มาแล้วซ่ามากไปหน่อยรถชนเข้าให้มั้ง

เลยต้องไปหยอดน้ำข้าวต้มที่โรงบาลให้คุณเป้ไปดูแลอยู่ทั้งๆที่ป่วยอยู่(น่าทืบจังพี่ยอด)

เมื่อไม่นานมานี่(ราวปลายปีที่แล้ว) คุณเป้ก็เพิ่งผ่าตัดสมองมา(เป็นเนื้องอกในสมองถ้าจำไม่ผิดนะ)

ตอนนี้ก็ต้องไปหาหมออยู่เรื่อยๆ

ตอนนี้คุณเป้เงียบไปเลยไม่มาต่อนิยาย สงสัยงานจะยุ่งอยู่อ่ะ

อาการป่วยตอนนี้เป็นไงมั่งหนอเป็นห่วงคุณเป้จัง

คิดถึงคุณเป้ คิดถึงนิยายคุณเป้ :give2:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 11-03-2007 01:21:21
-*-  อ้าว กำ...มาสปอยคนอ่านทะมายเนี่ยแอม งี๊เค้าก้อรู้กันหมดจิ  :serius2:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 11-03-2007 01:45:07
งั้นเรื่องนี้ก็แฮปปี้ดิ  :give2:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 12-03-2007 03:48:51

.................กับที่ผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งต้องทิ้งหัวใจรักไปไกลถึงต่างประเทศ .............

เศร้ามากมายเลย  :monkeycry4: :monkeycry4:




จบไปแล้วอีกหนึ่งเรื่อง   เป็นเรื่องที่เจ้ตามอ่านตลอดเลย  ขอบใจนะยะที่เอามาลงให้อ่าน 

ปล.  กลับมาเป็นเพื่อนกะ ชะนี อีกครั้งหลังจากอยากจะตบชะนีชื่อ กิ้ฟ มาตั้งหลายครั้ง  สงสารน้องกิ๊ฟ  :เศร้า1:

แล้วเจอกันเรื่องใหม่นะ
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 12-03-2007 20:29:29
ขอบคุณอีเรียมสำหรับเรื่องราวดีๆ ขอให้แข็งแรงมาทักทายเพื่อนๆนะครับ
ขอบคุณแน๋วที่ช่วยโพสเรื่องราวดีๆให้เพื่อนได้อ่านนะครับ
ขอบคุณเพื่อนๆที่คอมเม้นต์และติดตามนะครับ
 :110011: :110011: :110011: :110011: :110011:
หัวข้อ: ALWAYS.....รักนิรันดร์...จากฉันถึงเธอ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 15-03-2007 13:27:27
เรื่องจริงที่เอามาเล่า “ Always” รักนิรันดร์ จากฉันถึงเธอ ……….โดย อีเรียม

วันและเวลาไม่เคยรอใคร สายน้ำก็ไม่เคยหยุดไหล และสายน้ำก็ไม่ได้ไหลย้อนกลับมาได้ฉันใด ชีวิตคนก็วกวนกลับไปไม่ได้ฉันนั้น


เกือบหนึ่งปีมาแล้วที่น้องกิฟต์นั่งเรือบินไปเรียนต่อยังเมืองนอก นี่เหลือเวลาอีกห้าวันเองสินะ เวลาที่ผมได้ร้องขอเอาไอ้จากไอ้หน้าขาวคนน่ารักของผมคนนี้ หลังจากที่ดูแลใจ ทะเลาะกันมั่งง้อกันมั่งมาเกือบปี รวมทั้งอีเมลล์ของน้องกิฟต์ที่เขียนมาบอกว่า


“พี่เป้ดูแลพี่ยอดให้ดีๆนะ อย่าขี้งอนมาก ถ้าไม่ร่วมหอลงโรงกันซะทีกิฟต์กลับเมืองไทยอย่าหาว่าใจร้ายอีกนะคะ”


ส่วนมาดามผู้เป็นพี่ที่น่ารักเสมอต้นเสมอปลายได้ดึงตัวเป้มาร่วมงานด้วยในตำแหน่งท่านรองผู้จัดการฝ่ายขายแล้วหละในตอนนี้ งานนี้ไม่รู้ว่าได้งานนี้ตำแหน่งนี้เพราะว่าเก่ง หรือว่าเส้นใหญ่ ได้แต่ปลอบใจตัวเองหละว่า ถ้าเพชรมันร้าว ใครหละจะเอามาประดับเรือนแหวน งานนี้เลยเชิ่ดใส่พวกที่คอยเม้าท์กันให้แซ่ด ว่าท่านรองเป็นเส้นเจ้าของบริษัท เออสิวะ กูเป็นน้องมาดามนี่หว่า อุอุอุ


“อีเรียม ความสวยงามมันไม่คงทนถาวรหรอกนะ อีกอย่างอายุจะเบญจเพสแล้วนา ยอมๆ ไอ้น้องยอดไปเถอะว้า สงสารมัน เฝ้ากันมาตั้งเกือบปี ตอนนี้ทางบ้านก็รู้มันหมดแล้วนี่ จะต้องมากังวลอะไรอีก”


มาดามพูดกับผมในตอนเลิกงานละเดินออกมาจากบริษัทพร้อมกันในเย็นวันหนึ่ง ส่วนนังต้องเพื่อนซี้ ที่ตอนนี้ดูจะมีความสุขกับการเป็นแม่อุปถัมถ์ของหนูน้อยตัวจ้อย น้องลูกบาส ลูกน้องอาทกับน้องอั้มที่อายุขวบกว่าแล้ว กำลังน่ารัก


“อีนี่มึงจะเล่นตัวไปถึงไหน คนดีๆทำไมไม่รัก เป็นกูนะเสร็จกูตั้งแต่อยู่หัวหินแล้ว กูไม่ยอมนอนคนเดียวมาเป็นปีๆ เหมือนมึงหรอก หน้าตาดีซะเปล่า ดูโง่ผิดหน้าตา ผู้ชายอย่างยอดเนี่ย มึงไปหาตามป้ายรถเมล์สักห้าร้อยป้ายถึงจะเจอสักคนนึง มึงทำไมไม่รีบคว้า”


ฝ่ายคุณแม่ผม ก็ยังเป็นคุณนายแสนดีที่รักลูกเหมือนเดิม แถมตอนนี้โอ๋ไอ้หน้าขาวซะมากกว่าลูกของตัวเองไปซะแล้ว


“ลูกยอดดูแลน้องเป้ดีๆนะลูก”


“ลูกยอดมากินข้าวด้วยกันเร็ว”


“ลูกยอดแม่ฝากของไปให้น้องเป้ด้วยนะ”


“ถ้าน้องเป้เอาแต่ใจตัวเอง ดื้ออย่างเมื่อก่อน ก็จัดการได้เลยนะลูก”


ดูสิครับคุณนายแสนดี ผมหละหมั่นไส้ไอ้ลูกยอดที่ทำหน้าแป้นแร้นอยู่ข้างหน้าคุณนายเวลาที่เรากลับบ้านต่างจังหวัดด้วยกันทุกที


“ลูกยอด มากินข้าว”


ผมเลยเรียกมันบ้าง เลียนแบบแม่ผม ก็ผมน้อยใจคุณนายแสนดีนี่นา อะไรก็ลูกยอดๆ น้องเป้นี่ไม่เคยเรียกขานเลยนะ เมื่อผมต้มมาม่าด้วยความพยายามสุดฤทธิ์ ก็เรียกไอ้หน้าขาวแบบที่แม่ผมเรียกบ้าง แบบว่าหมั่นไส้หนะ ผลที่ตามมานะเหรอครับ ไอ้หน้าขาวทำหน้าเข้มมาเลย ตรงเข้ามาที่ผมแล้วมือใหญ่ๆ ของมันจับแก้มผมทั้งสองข้างดึงจนมันกาง


“ลูกใครเว้ย เนี่ยนะ ลูกอาจารย์................หรือเปล่าเนี่ย ปากดีจัง”


มันว่าถึงคุณนายแสนดีครับ


“ปล่อยนะ มาดึงแก้มเค้า เดี๋ยวแก้มก็โย้หมดหรอก”


“ก็ปากดีทำไมหละ”


“จ้าไม่ว่าแล้ว ลูกยอดกินมาม่าเหอะ”


แล้วผมก็ตกไปอยู่ในอ้อมแขนแกร่ง อบอุ่น แต่แก้มผมช้ำไปหมดเลยครับ อีตายอดบ้านี่..........





หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: しろやま としんや ที่ 15-03-2007 13:43:06
ไอ่พี่ปอปากดีเจงๆกวนมากๆด้วย

ดีใจนะที่ได้อ่านเรื่องของคุณป้อีก

คิดถึงคุณเป้จริงๆ :myeye:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 16-03-2007 03:21:34
อ่านแล้วก็พลอยมีความสุขไปด้วย :impress:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: ฿oomb@b@ ที่ 17-03-2007 01:57:34
 :จ้อบจัง1: เรื่องใหม่มาแล้ว :จ้อบจัง1:

ตามอ่านน่ะครับ คิคิ อ่านแล้วหัวใจพองโต  :loveu:
หัวข้อ: “ Always” รักนิรันดร์ จากฉันถึงเธอ ……….โดย อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 17-03-2007 03:09:55
รีพลายน้อยจัง จ๋งจั๋ยม่ายยู้ว่ามาลงภาคต่อให้แย้ว คิกคิก
 :loveu:

************************************************************************************************

บทที่1  ตัดสินใจ

หลายปากหลายคำของบรรดากองเชียร์ทำให้ผมหวั่นไหวมากเหมือนกัน แม้ว่าอีกห้าวันจะครบกำหนดหนึ่งปีที่ตกลงจะดูแลใจกันและกัน เช้าวันนั้นผมตื่นขึ้นมาตามปกติ มาดามก็ใจดี๊ ใจดี ให้ลางานสิบวัน

“ไปจัดการเรื่องของตัวเองให้เรียบร้อยแล้วกัน อย่ายืดเวลาไปนาน ไอ้น้องยอดโทรมาหาพี่ บ่นกับพี่ทุกวัน ว่าน้องเป้ใจร้าย ถามจริงเหอะ อีเรียมของพี่ เอามารยาเกย์เล่มไหนจับผู้ชายซะอยู่หมัดแบบนี้”

ผมหละแทบจะงอนเจ้านายเลยหละตอนนั้น มาดามนะมาดาม แล้วเช้าแห่งการนับเวลาย้อนหลังอีกห้าวันนั่นเอง คุณนายแสนดีกับพี่ปอแล้วก็ว่าที่พี่สะใภ้ผม พี่ดา แพทย์หญิงของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ซึ่งจะแต่งงานกับไอ้พี่ปอพี่ชายผมปลายปีนี้หละครับ

“ ปัง ปัง ปัง”

ไอ้พี่ปอครับมันไม่ได้เคาะประตู แต่มันทุบประตูห้องผม แถมยังตะโกนลั่น

“ไอ้เป้ตื่นได้แล้วโว้ย แม่สุดที่รักมึงมาเยี่ยมแล้ว”

ไม่รู้ว่าห้องข้างๆเขาจะแช่งชักหักกระดูกพี่ชายผมมั่งหรือเปล่า ผลนะเหรอครับพี่ผมเลยโดนคุณนายแสนดี กับพี่ดาทุบไปคนละปั๊ก

“แม่ว่าน้องเป้ย้ายคนโดดีกว่านะ ที่นี่มันเล็กไป แม่ติดต่อคนมาเช่าเรียบร้อยแล้ว จำลูกคุณลุงปลัดได้มั้ย น้องมิ้นท์กับน้องมายด์ เขาจะมาเรียนพิเศษที่กรุงเทพช่วงปิดเทอม แล้วเขาจะเช่าห้องเอาไว้เลยเพราะถ้าน้องมิ้นท์น้องมายสอบเข้ามหาลัยไม่ได้ จะได้เรียนม.เอกชนใกล้คอนโดเรานี่หละ”

ผมนึกภาพเด็กผู้หญิงฝาแฝดที่ผมเห็นมาตั้งแต่ยังเล็ก ๆ ตายห่า.....นี่โตจะเข้ามหาลัยกันแล้วเรอะ ทำไมไวจัง นี่ผมเริ่มที่จะแก่จริงๆแล้วใช่มั้ยเนี่ย

“ย้ายๆ ไปเหอะว้า ไอ้เป้ พี่เห็นแม่แกโทรหาแกทุกวัน เพราะห่วงที่แกอยู่คนเดียวมาตั้งหลายปีแล้ว คราวนี้แม่จะได้ไม่ต้องโทรหาแกเปลืองค่าโทรศัพท์อีก”

“พี่ปออะ จะให้น้องเป้อยู่ที่ไหนหละ ไม่เอานะเป้ไม่ไปอยู่กับป้าจินตนานะ”

ผมพูดถึงพี่สาวคนโตของพ่อผมที่เปิดอพาร์ทเมนต์ให้เช่าอยู่ ย่านพัฒนาการ

“เรื่องมากวะ ก็ย้ายไปอยู่กับไอ้ยอดเลยไง คืนดีกันแล้วไม่ใช่เรอะ”

พี่ชายผมโพล่งออกมา ผมได้แต่เงียบกริบ

“แม่กับน้องยอดไปดูคอนดูมาแล้วอยู่ใกล้รถไฟฟ้า แถมสะดวกสบายมาก น้องยอดก็ว่าดี ไม่งั้นน้องเป้กับน้องยอดต้องไปอยู่บ้านของเราที่ซื้อเอาไว้ที่รังสิต แต่ต้องรออีกสองเดือนนะแม่จะได้บอกเลิกให้เขาเช่า”

“แม่ไม่ต้องไปตามใจมัน ย้ายพรุ่งนี้เลย ไอ้เป้วันนี้เก็บของเลยนะ เอาคอนโดนั่นหละ เอาไปแค่เสื้อผ้าก็อยู่ได้เลย เดี๋ยวปอกับไอ้ยอดจะจัดการติดต่อเรื่องคอนโดเอง แม่จัดการเรื่องไอ้น้องตัวดีนี่หละกัน”

“เอายังไงดีลูก ไปอยู่กับน้องยอดนะ”

ว่าแล้วคุณนายต้องมากล่อมผมแน่ๆเลย แถมช่วงปิดเทอมอย่างนี้ด้วยแม่ผมไม่ต้องไปสอนที่โรงเรียน ผมต้องวุ่นวายแน่ๆ เลย ผมคิดหนัก เพราะตามสัญญาที่ไว้ ก็ยังไม่ได้ว่าจะอยู่ด้วยกันซะหน่อยแค่คบดูๆกันหนึ่งปีก่อนแค่นั้นเอง…

“ตามใจแม่ละกัน”

“กูว่าแล้ว เห็นมั้ยแม่ ปอบอกแล้วว่าไอ้เป้เนี่ย มันก็อยากเข้าหอกะไอ้ยอดเหมือนกัน”

แล้ววันเริ่มโกลาหลของเป้ก็เริ่มขึ้นครับ การย้ายของจากบ้านที่อยู่มาสามปี คิดดูนะครับว่ามันจะเป็นภาระแค่ไหน คุณป้าเอนกประสงค์ถึงกับร้องไห้โฮ เมื่อรู้ข่าวการย้ายบ้านครั้งสำคัญ แล้วคนที่แจ้นมาช่วยหอบของคนแรกหลังจากที่คุณนายแสนดีนั่งดมยาดมเพราะเจอสมบัติลูกสุดที่รักเข้าไป คือนังต้องครับ

“กูอุตส่าห์ขาดงานมาช่วยมึงนะอีนี่ แต่ไอ้ผ้าขี้ริ้วนี่มึงยังจะเก็บเอาไว้อีกเหรอ”

นังต้องชูผ้าเช็ดหน้ากระดำกระด่างให้ผมดูแล้วมันทำท่าจะทิ้ง แต่ผมเข้าไปแย่งมันไว้ก่อน

“อี่นี่อย่าทิ้งนะมึง ผืนนี้กูเก็บไว้ตั้งแต่มอหนึ่ง”

ผ้าผืนนี้เป็นผ้าของไอ้หน้าขาวหละครับที่มันซับน้ำตาให้ผมตอนที่ผมต้องอยู่บ้านกับพี่ปอ เพราะพ่อแม่และพี่สาวผมเข้ากรุงเทพกันหมด ตอนนั้นไอ้หน้าขาว เอ้ย อีตาพี่ยอดก็มานั่งดูละครหลังข่าวเป็นเพื่อน ดูไปดูมาเป้รู้สึกสงสารนางเอกจนร้องไห้ออกมา อีตายอดเลยเอาผ้าเช็ดหน้าขะมุกขะมอมจากกระเป๋านักเรียนมาให้เช็ดน้ำตา จากนั้นมาก็เก็บเอาไว้จนถึงทุกวันนี้ แต่คิดว่ามันหายไปตั้งนานแล้วนะเนี่ย นังต้องดันมาเจอซะก่อน

“ โคมไฟนี่มึงยังจะเอาไปเหรอกูว่าให้คุณป้าเอนกประสงค์ไปเหอะ”

“อือ ตามใจมึงละกัน”

เสียงคนเคาะประตูป๊อกๆ ผมมองหน้ากับนังต้อง ใครหนอคือคนมาเคาะ ผมก็ส่องดูตรงตาแมวก่อน อ๊ะ มืดสนิท สงสัยคนข้างนอกเอามือปิดไว้

“ใครอะ”

ผมถามออกไป แต่เงียบครับ ไม่มีเสียงตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก

“เฮ้ย....ไม่ตอบไม่เปิดนะ”

ผมตะโกนออกไปด้วยความฉุน คนกะลังเหนื่อยๆ แถมมีกองสมบัติเต็มห้องรับแขก ยังมีคนมากวนประสาทอีก

“เดอะ ปิซ่า สิบเอ็ด สิบสองครับ”

เสียงห้าวทุ้มตอบมา ผมมองหน้านังต้อง

“มึงสั่งพิซซ่าเหรอ”

“สั่งกะผีไรหละ มึงก็รู้ว่ากูไม่ชอบกิน กูจะสั่งให้เสียเงินทำไม”

ผมเลยเปิดประตู ว่าจะฉะหน่อยว่าส่งผิดห้อง แต่ผมก็เจอกุหลาบแดงช่อหนึ่งตรงหน้า พร้อมกับหน้าขาวๆ ใสๆ ของคนคุ้นใจของผมยืนยิ้มเผล่ แถมตามด้วยคุณแม่ของอีตายอดอีกคน

“ไม่ขำเลยนะ”

ผมดึงดอกไม้จากมือของคนตรงหน้าหลังจากที่ทำความเคารพผู้อาวุโสกว่าแล้ว

“เห็นว่าชอบกุหลาบ เลยหามาให้ รู้งี้ซื้อดอกหน้าวัวมาให้ก็ดี”

“ไอ้พี่ยอด พูดงี้อยากตายใช่มั้ย”

ผมแทบจะเหวี่ยงกุหลาบช่อนั้นลงบนโต๊ะ หันไปเอาเรื่องกับคนยั่วโมโห

“ต้องว่าสงสัยคงอยู่ด้วยกันไม่ยืดหรอก เน๊าะคุณแม่ นี่ยังไม่ได้อยู่ด้วยกันยังมีแววทะเลาะกันแล้ว”

เสียงนังต้องมันคุยกับคุณนายแสนดีแว่วมาถึงหูผม ทำให้ผมเลิกคิดที่จะราวีฝ่ายนั้น

“คนจนมีสิทธิ์มั้ยครับ มีอะไรให้ทำไหมครับ คนจนมีสิทธิ์มั้ยครับ”

ไอ้คุณพี่ยอดร้องเพลงออกมา

“ถ้าจะช่วยก็เลิกร้องเพลง เลิกกวนโมโห แล้วช่วยกรุณาเก็บของมากองรวมไว้ก่อน ของแต่งบ้านไม่เอานะ เพราะน้องมิ้นท์น้องมายด์จะมาเช่าต่อ เก็บเฉพาะของส่วนตัว”

ไอ้หน้าขาวโค้งรับคำสั่งแล้วก็ตะโกนบอกคุณแม่ที่นั่งคุยอยู่กับคุณนายแสนดีอยู่อีกมุมหนึ่ง

“แม่ มาช่วยเก็บของส่วนตัวน้องเป้หน่อย แม่เก็บกางเกงในมานะ เดี๋ยวผมจะเก็บยกทรง”

คราวนี้ผมโกรธจริงๆ แล้ว เลยกะจะเข้าไปทุบให้ซักปั๊กใหญ่ๆ แต่ฝ่ายตรงข้ามผมก็ยักคิ้วเชิญชวนให้ราวีซะเหลือเกิน

“เข้ามาสิ จะได้หอมแก้มโชว์ต้องซะเลย”

“ไอ้พี่ยอดบ้า”

ผมได้แต่ด่ามันอยู่ไกลๆขณะที่เก็บของไปด้วย

“เป็นกูนะตรงเข้าไปแล้ว แล้วไม่ต้องมาหอมก่อนหรอก นังต้องนี่หละจะหอมโชว์ มึงหนะโง่ ทำไมกูไม่ได้แฟนน่าหอมแก้มงี้วะ”

“พี่บอยไง ออกจะหล่อ มึงก็จีบสิ”



หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 17-03-2007 03:19:11
มารออ่านอยู่นะจ๊ะ :give2:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 17-03-2007 05:02:10
น่ารักจริงวุ้ย  ครอบครัวสุขสันต์  ไม่อยากคิดถึงที่แน๋วบอกเรยย  อิอิ

เป็นกำลังใจให้แน๋วน้า  รออ่านต่ออยู่  :loveu:  :loveu:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 18-03-2007 00:10:25
มาแล้ว  มาแล้วววว  :loveu: :loveu: :loveu:

พี่แน๋วสู้ๆ  : 222222: : 222222:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 18-03-2007 00:27:53
 :110011: :เชิป2: :110011: :เชิป2: :110011:

เป็นกำลังใจให้พี่แน๋วครับ :yeb:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 19-03-2007 23:50:30
น่ารักกันจริงๆเลย ขอบใจมากๆจ้า 1 พิมพ์ น้องคับ น้องหมี 
:จุ๊บๆ:

*******************************************************************

บทที่2  บ้านของเรา

ผมมองตึกขนาดสูงใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า มันเป็นคอนโดใหญ่ย่านใจกลางกรุงใหญ่ชนิดที่ว่าคอนโดที่ผมอยู่ดูซอมซ่อไปถนัดตา

“ตรงนี้เหรอ ทำไมมันใหญ่ขนาดนี้หละ”

ผมหันไปมองคนข้างๆที่ขับรถอยู่ ที่กำลังมองผมที่กำลังตื่นตา กับตึกขนาดใหญ่เบื้องหน้าเหมือนเด็กที่เห็นของเล่นที่ถูกใจไม่มีผิด คนข้างๆผมมองหน้าผมยิ้มๆ จนผมหน้าแดงซ่านด้วยความอาย โหย ไม่เคยคิดว่าจะได้อยู่คอนโดหรูๆ ใหญ่ๆ อย่างนี้มาก่อนในชีวิต เคยได้แต่มองโบรชัวร์แล้วน้ำลายหกเพราะอยากได้มานาน แต่ก็นั่นหละ ถึงแม้งานจะมั่นคงพอที่จะหาซื้อมาได้อย่างไม่ลำบาก แต่การจะมาอยู่คนเดียวที่หรูๆ แบบนี้มันก็ดูจะทำชีวิตให้ดัดจริตเกินเหตุ ขนาดแค่เปลี่ยนรถใหม่เป็นรถคันใหญ่ขึ้นกว่าเดิม เพราะหน้าที่การงานใหญ่โตขึ้น แถมมีลูกน้องมากขึ้น ภาพลักษณ์สิ่งห่อหุ้มภายนอก มันต้องสมฐานะสมตำแหน่งมากขึ้น

“ไฮโซ จริงนะไอ้น้องรัก เล่นออกรถใหม่คันเบ้อเริ่มเทิ่ม”

ไอ้พี่ปอ พี่ชายผมพูด เมื่อผมนำรถมาจอดตรงหน้าบ้าน พลางตรงเข้ามากอดคอผมเข้าไปในบ้าน

“แม่ แม่ มาดูลูกสาวคนเล็กแม่สิ ออกรถมาใหม่ด้วย เฮ้ย ไอ้เป้ บริษัทพี่โก้รับคนขับรถมั้ยวะเนี่ย แม่ -....เห็นเงินเดือนน้อง แล้วกูอาย ขนาดกูเกียรตินิยมยังไม่ได้เงินเดือนขนาดนี้”

“มาดามเขาไม่รับหรอก ลองรับพี่เข้าทำงานผัวเขาจะได้ฆ่าพี่ตาย”

“ทำไมวะ เพราะพี่หน้าตาดีใช่ปะ เห็นมั้ยคุณหมอ แฟนคุณหนะหล่อจะตาย”

ท้ายประโยคก็หันไปแซวแพทย์หญิงว่าที่พี่สะใภ้ของผมเข้าให้ จนพี่ดาอายหน้าแดงก่ำ

“โหย...ถ้าพี่ปอหล่อ ดาวอังคาราคงมีแต่คนขี้เหร่หละ”

ผมเลยกัดคนหน้าตาดีที่หลงตัวเองให้เต็มๆ

“ใช่ซี้...พี่มันไม่หล่อ ไม่เท่ เท่าไอ้ยอดนี่หว่า เอะอะอะไร ก็ไอ้ยอด ไอ้ยอด”

ไอ้พี่ชายผมทำหน้าง้ำ จนพี่ดาต้องดีแขนที่ล่ำๆนั่น เผียะใหญ่ๆ

“บ้าไปใหญ่แล้วคุณ ไปล้อน้องเป้เขา เพิ่งขับรถมาเหนื่อยๆ”

“ใครมากับลูกแม่เหรอ ลูกยอดมาด้วยเหรอน้องเป้”

เสียงคุณนายแสนดีเสียงเจื้อยแจ้วมาจากในครัว พร้อมกับกลิ่นของอาหารลอยตามออกมา ผมแอบเบ้ ปาก ยี้ ! ลูกยอด แหวะ ผมนึกหมั่นไส้มันในใจ ร่างบางของคุณแม่ผมปรากฏตรงหน้าพร้อมกับป้าพร คุณแม่บ้านที่อยู่ด้วยกันมานานแสนนานและเป็นพี่เลี้ยงผมมาตั้งแต่ยังเล็กๆ

“อ้าว มาคนเดียวเองเหรอ ว่าไงลูก เอารถใหม่มาด้วยหรือเปล่า ไหนๆ พาแม่ไปดูหน่อยซิ”

คุณนายแสนดีก็งี้หละครับ เวลาที่ลูกๆซื้ออะไรใหม่ๆ หรืออะไรไปฝากคุณนายก็จะทำตัวกรี้ดกร้าดจนสาวๆแส้ๆ ทั้งหลายอายไปเลย ขนาดคุณพ่อผมยังอดยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นท่าทางของคุณนายแสนดี

“ยิ้มอะไรคุณ ก็มันตื่นเต้นนี่นา คุณก็ ลูกอุตส่าห์ซื้อรถใหม่ ไปน้องเป้ พาแม่ไปนั่งรถเล่นก่อน”

คุณนายแสนดีเดินลิ่วออกไปนอกบ้านก่อนเพื่อน เพื่อชื่นชมเจ้ารถคันใหม่ที่ผมกัดฟันเทิร์นรถคันเก่าที่มันยังไม่เก่าเลย ไปแลกมาพร้อมกับเงินที่สะสมมาอีกก้อนใหญ่ๆ

“สวยลูก คันมันใหญ่ ดูปลอดภัยกว่าคันเก่า ดูท่าทางราคาคงน่าดูเลยหละเนี่ย”

“โอ๊ย ไม่แพงหรอกแม่ รถแบบนี้ราคาแค่ล้านกว่าๆ”

ไอ้พี่ปอเริ่มปากเสียอีกหละ

“เป็นล้านเลยเหรอลูก”

คุณนายแสนดีมองหน้าผมซึ่งได้แต่ยิ้มอยู่ข้างๆ พี่ปอ ในใจนึกอยากจะถีบไอ้พี่ชายตัวดีสักโครมที่ทำตัวเป็นลำโพงแปดหลอดอยู่ในบ้านขนาดนี้

“ไม่แต่ไอ้น้องเป้นี่หรอก แม่ ไอ้ลูกยอดที่ขับรถมารับแม่ นั่นก็คันละล้านเหมือนกัน”

คุณนายแสนดีเลยได้แต่กุมขมับ

“น้องเป้ รถนี่เดี๋ยวนี้มันเป็นล้านๆ แล้วเรอะ แม่ว่าน่าจะเอาเงินมาซื้อที่ ยังจะดีซะกว่าล้านนึงก็หลายสิบไร่อยู่นะลูก”

“พอเลยแม่ ที่ดินแม่มีไม่รู้เท่าไรแล้ว มีลูกแค่สามคนแม่จะมีทำไมเยอะแยะที่ดิน”

ผลคือคนพูดโดนคุณนายค้อนขวับทันที

“จ้า...พ่อคนมักน้อย น้องปอ ไอ้ลูกบังเกิดเกล้า ไปน้องเป้ แม่เบื่อหน้าน้องปอเต็มทีหละ พาแม่ไปนั่งรถเล่นดีกว่าลูก”

“อ้าวแม่ แล้วกับข้าวหละเมื่อไรจะตั้งโต๊ะ ผมหิวแล้วนา”

“ไม่รู้หละ รอแม่นั่งรถคันละล้านกลับมาก่อนละกัน คุณจะไปด้วยหรือเปล่า ฉันหละเบื่อลูกชายหน้าลิงของคุณจริงเชียว ไม่รู้ว่าใครสอนพูด แหม... พูดคำเถียงคำ”

คุณนายแสนดีเลยหันมาเล่นงานคุณพ่อของผม พ่อผมเป็นคนที่ไม่พูดมากครับ แกเงียบๆ ยิ้มได้ อารมณ์ดีตลอดเวลา ผิดกับคุณแม่ กับลูกๆ ทั้งสามคนของท่านที่พูดเก่งกันทุกๆคน คุณพ่อผมมายืนใกล้ๆ ขยี้หัวผมเบาๆ

“เก่งมากน้องเป้ลูกพ่อ พ่อภูมิใจที่ลูกประสบความสำเร็จมาได้ถึงขนาดนี้”

นี่หละครับคุณพ่อของผมชอบพูดอะไรสั้นๆ แต่ผมก็อบอุ่นเสมอ ผมยิ้มให้คุณพ่อ น้ำตาซึมออกมา โผเข้ากอดคุณพ่อแน่น

“เออเนาะ คนเรา คนอื่นหิวข้าวจะแย่ มัวแต่ร้องไห้อยู่นั่นหละ”

พี่ชายตัวดีของผมพูดขึ้นมา ทำเอาพี่ดาถึงต้องหยิกให้ซะจนหน้าเบี้ยว สมน้ำหน้า

“พี่ปอรออยู่คนเดียวละกันเดี๋ยวน้องเป้จะพาพ่อแม่กะพี่ดาไปนั่งรถเล่น คนปากเสียอยู่คนเดียวละกัน”

“เออ ไอ้น้องเป้ ลองไม่ให้พี่ไปสิวะ กูจะได้ชวนไอ้ยอดไปจีบหญิงซะเลย”

“แสดงว่าคุณ จีบคนอื่นอีกนอกจากดาใช่มั้ย”

ว่าแล้วครับคนปากมากอย่างพี่ชายผมมันต้องมาตายเพราะปาก วันนั้นก็เป็นวันของครอบครัวจริงๆ เพราะว่าผมพาทุกคนขับรถชมเมือง แต่หน้าที่ของคนขับหนะเหรอครับ ก็ไอ้พี่ปอนั่นหละ เพราะผมมันคนขี้เกียจขับรถ ถ้ามีคนขับรถจำเป็นมานั่งข้างๆ ผมเมื่อไหร่หละก้อ ผมต้องกลายมาเป็นผู้โดยสารทุกทีเลยสิ ไม่รู้เป็นยังไง......

“ตึกนี้จริงเหรอที่เราจะมาอยู่”

ผมถามอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ ผมรู้ว่าตึกตรงเนี้ย ราคามันพอๆกับบ้านเดี่ยวสวยๆ แถวนอกเมืองเป็นหลังๆ เลยหละครับ โอ้ย...นี่ผมต้องเป็นหนี้อีกแล้วเหรอเนี่ย

“ผ่อนกี่ปีอะ พี่ยอด”

ผมยิงประตูเข้าตรงจุดเต็มๆ เน้นๆ

“น่า... น้องเป้ พี่มีปัญญา หาที่อยู่ให้น้องเป้ได้ละกัน เรื่องอื่นไม่ต้องไปสนใจ แค่เป็นกำลังใจให้พี่แค่นั้นก็พอแล้ว”

ไอ้หน้าขาวมันบ่ายเบี่ยงประเด็น ผมก็รู้หละครับว่าลองพ่อเจ้าประคุณได้พูดออกมาอย่างนี้ แล้วก็หมายความว่าไม่มีวันเลยที่ผมจะได้รู้ ครั้นเดือนต่อมาเมื่อสิ้นเดือนผมก็บรรจงหยิบเงินใส่ซองขาวแล้วแอบวางไว้บนโต๊ะทำงานพี่แกเท่านั้นหละครับ

“อะไรกันน้องเป้ เงินหมื่นห้า นี่มันค่าอะไร”

ไอ้หน้าขาวยืนชูซองสีขาวทำหน้าเคร่งอยู่หน้าครัว ที่ผมกำลังตีน้ำสลัดที่ไปสละเวลาไปเสียเงินร่ำเรียนมา เลยกะว่าจะลองวิชาซะหน่อย เห็นทำหน้าเคร่งมาผมเลยยิ้มหวานละไมให้

“พี่ยอดมาชิมก่อน รสชาติเป็นไงมั่ง”

ผมตักเดรสซิ่งที่บรรจงตีสุดริด ลองให้คนหน้าง้ำอยู่ชิม แต่มันยกมือ ปัดช้อนที่ผมยื่นไปให้ออก

“นี่เงินอะไร”

“อ้าว....ก็น้องเป้ช่วยค่าบ้านไง”

ผมทำหน้าให้น่าเอ็นดูสุดริดเหมือนกันในตอนนั้น เพราะผมแอบไปสืบมาจากสำนักงานขายแล้วว่า ราคามันโขอยู่เหมือนกัน และที่สำคัญ ผมคิดว่าคนอย่างไอ้หน้าขาวมันไม่เคยติดหนี้ใครนาน อีกอย่างครอบครัวของมันล้วนแต่ฐานะดี เป็นปึกแผ่นพอที่จะซื้อได้อย่างสบายๆ แต่เพราะผมรู้มาก รู้จักนิสัยมันดี ว่ามันต้องไม่พึ่งทางครอบครัวแน่ๆ ดังนั้นผมจึงอยากแบ่งเบาภาระของมันบ้าง อย่างน้อยเราก็อยู่ร่วมกัน

“น้องเป้ไม่เคยไว้ใจพี่เลยใช่มั้ย”

ไอ้หน้าขาวถามเสียงเครียด คว้ามือผมแล้วยัดเยียดซองเงินใส่มือผมอย่างแรง แล้วเดินออกไป ผมได้แต่มองตามแผ่นหลังกว้างด้วยน้ำตานองหน้า นี่ผมผิดอีกแล้วใช่ไหม?................................................................

หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 20-03-2007 00:08:22
พอจะเข้าใจทั้ง 2 คนครับ

อยู่ด้วยกันก็ต้องมีกระทบกระทั่งกันบ้างเป็นเรื่องธรรมดา

คุยกันดีๆนะครับ :yeb:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 20-03-2007 00:14:01
น่าๆ คุยกันนะคุยกัน เข้าใจกันนะ เข้าใจกัน  :impress: :impress: :impress:

 :give2: :give2: :give2:


รอพี่แน๋วแปะตอนต่อไป  :loveu: :loveu: :loveu: :loveu:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 20-03-2007 05:04:13
มารออ่านต่อ   :yeb:







รอแน๋ว  :loveu: รอแน๋ว   :loveu: รอแน๋ว   :loveu:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 20-03-2007 08:13:11
ต่างฝ่ายก้อไม่อยากหั้ยคนที่อยู่ข้างๆ กันเดือดร้อน

ง่า  เนี่ยและน้า  อยู่ด้วยกันก็ต้องมีกระทบกระทั่งกันบ้าง

ปรับความเข้าใจกันนะคุนเป้กะคุนยอดดด
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 20-03-2007 23:26:22
รอคับรอ  :110011: :เชิป2: :110011: :เชิป2:
หัวข้อ: เรื่องจริงที่เอามาเล่า “ Always” รักนิรันดร์ จากฉันถึงเธอ ………. by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 21-03-2007 00:10:18
แล้วไอ้หน้าขาวมันไม่พูดกับผมเลย ตลอดเช้าวันนั้น แม้ว่ามันจะต้องขับรถไปส่งผมที่ทำงานก็ตาม มันนิ่งเงียบ สำหรับผมก็ตีหน้าคิกขุ ทะเล้น แจ้ว แจ้ว ตามประสาผมเหมือนทุกวันหละครับ แต่ไอ้คนข้างๆ มันก็ไม่พูดด้วย ถามคำตอบคำ ถามสิบคำตอบคำเดียว อะไรนักหนาวะ ชักจะงอนมั่งแล้วดิ ผมเลยนั่งนิ่งบ้าง เกือบหลุดปากเอ่ยคำขอโทษออกมาแล้ว ถ้าเพียงท่าทีของมัน ไม่เย็นชาซะขนาดนี้ ผมเลยนิ่งเงียบมั่ง แต่หางตาผมก็มองคนที่ตั้งใจขับรถอยู่ซะเต็มประดา มันปรายตามามองผมนิดหนึ่ง นิดเดียวเท่านั้น.... ท่าทีตอนนี้ เหมือนกับเมื่อก่อนหนึ่งปีที่แล้ว ท่าทีที่บ่งบอกว่าไม่มีเยื่อใยกับผมแล้วจริงๆ อยากจะร้องไห้ แต่ผมไม่ผิดทำไมต้องร้องไห้ด้วยหละ รถมาจอดตรงที่ประจำ ตรงมุมหนึ่งของบริษัทที่ลับหูลับตาคน พอที่จะหอมแก้มสั่งลาในตอนเช้าที่มันมาส่งผมทุกวัน วันนี้ก็เหมือนกัน รถจอดที่เดิม แต่ไร้เสียงของคนขับกับผู้โดยสาร ใบหน้ายิ้มๆ ที่ผมมักจะพกติดตัวเสมอ ตอนลงจากรถทุกวัน จนลูกน้อง ทั้งแผนกทักทายเป็นประจำ

“พี่เป้ ยิ้มสวย อารมณ์ดีทุกเช้าเลยนะคะ”

“หนูว่าแล้ว พี่เป้ต้องมีอะไรดีๆ แน่ๆ ถึงเดินยิ้มเข้าบริษัททุกวัน”

“พี่เป้ ทำยังไงอะ ถึงได้ยิ้ม อารมณ์ดีมาทุกวันเลย”

เช้าวันนี้พอรถจอดปั๊บ ผมก็นั่งนิ่ง ตั้งสติก่อน เหลือบไปมองคนขับรถที่นั่งอยู่ข้างๆ มันหันหน้าไปมองกระจกอีกฝั่งหนึ่งโดยไม่หันมาทางผมเลย น้ำตาผมจะร่วงให้ได้ครับตอนนี้ ผมอยากช่วยแท้ๆ กลับไม่เห็นถึงความจริงใจของผมเลย มันน่าเสียใจมั้ยหละ ผมมองศรีษะได้รูปของมันทางด้านหลัง ระงับน้ำตาที่มันเอ่อ ก่อนที่จะตัดสินใจเอื้อมมือไปเปิดประตูรถออกมา แต่ไอ้หน้าขาวมันหันมาจับที่ต้นแขนผมเอาไว้

“น้องเป้อาจจะเป็นคนไม่ดีของพี่ยอดไปแล้วหละตอนนี้ ถ้าเกลียดเป้หละก็ ตอนเย็นไม่ต้องมารับเป้ก็ได้ เดี๋ยวเป้นั่งแท็กซี่กลับก็ได้ หรือไม่ คืนนี้ให้น้องเป้ไปนอนที่บ้านนังต้องก็ได้ พี่ยอดจะได้สบายใจ ที่ไม่ต้องเห็นหน้าน้องเป้อีก”
ไอ้หน้าขาวมันรั้งแขนผมไว้ ผมหันไปมองหน้ามันนิ่งๆ น้ำตาไหลรินลงมา ถามว่าเจ็บไหมกับการเฉยชาของคนที่เรารักเต็มหัวใจ คำตอบหนะหรือครับ....เจ็บมาก

“อย่าห้องไห้สิครับน้องเป้”

ไอ้หน้าขาวมันเอามือปาดน้ำตาผมออกไป ผมก็พยายามที่จะกลั้นสะอื้นจนตัวโยน เพราะพูดกันหลายครั้งแล้วว่าจะไม่ร้องไห้ ให้ไอ้หน้าขาวได้เห็นน้ำตาอีก แต่ผมมันคนบ่อน้ำตาตื้น แบบว่าเจอเรื่องนิดเดียวก็น้ำตาพร้อมที่จะไหลออกมา บางทีดูทีวี หรือไปดูหนังเจอฉากเศร้าๆ นี่ผมก็ร้องไห้เหมือนกัน

“พี่ยังไม่ได้ว่าอะไรน้องเป้เลย อะไรวะ เราก็น้อยใจเป็นเหมือนกันนา เราอุตส่าห์จะหาเลี้ยงครอบครัวแท้ๆ แต่ไหงน้องเป้ ทำอะไรก็ไม่รู้เอาเงินมาให้พี่ เหมือนว่าเราไม่มีปัญญาหาเลี้ยงน้องเป้ได้งั้นหละ”

ไอ้หน้าขาวมันอธิบายด้วยเสียงตื่นๆ เพราะน้ำตาผมยิ่งไหล ทั้งๆที่พยายามกลั้นไว้เต็มที่ มันเลยยิ่งลนลานควักผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋าเสื้อเช็ดน้ำตาให้ผมใหญ่

“แค่เป้อยากจะช่วยบ้างเท่านั้นเอง”

ผมพูดพร้อมกับสะอื้นตัวโยน

“แต่พี่หาเลี้ยงน้องเป้ได้อย่างไม่เดือดร้อนหรอกน่า น้องเป้เชื่อใจพี่มั้ย”

ไอ้หน้าขาวถามผม พลางเอามือมาเชยคางผม ให้มองจ้องที่ตาของมัน แววตาที่มุ่งมั่นทำให้ผมอบอุ่นขึ้นมา วูบถึงหัวใจ ผมพร้อมหละครับ วินาทีนี้ ที่จะฝากชีวิตไว้กับมัน พร้อมที่จะเดินเคียงข้างกับมัน ผมเหลือบมองนาฬิกาที่ข้อมือ ไอ้ผมหนะไม่สายหรอก แต่ไอ้หน้าขาวสิ มันไปทำงานสายแน่ๆ เพราะกว่าที่จะขับรถฝ่าการจราจรที่วุ่นวายที่สุดในโลกอย่างกรุงเทพมหานคร ไปถึงที่ทำงานได้ มันสายแน่ๆ แต่ก็ว่าไม่ได้ มันเป็นระดับผู้บริหารคนหนึ่งของบริษัทนี่เนาะ มันจะเข้าไปตอนใหนก็ได้แค่สั่งฝากเลขาหน้าห้องไว้ก็ได้ แต่บริษัทของมาดามนี่สิ เลขาก็ไม่มี ขนาดผู้จัดารแผนกยังไม่มีเลขาเลย เพราะมาดามบอกว่า

“ บริษัทเล็กๆ จะเอาเลขาไปทำไม เอามาหารโบนัส หารเงินเดือนของพวกแกเหรอ”

ว่าแล้วมาดามก็นวยนาดเข้าห้องไป เฮ้อ...นี่หละนะ มาดาม ยอดขายของแกของกระฉูด มาแรงพอๆ กับบริษัทใหญ่ๆ หลายบริษัทหละครับ แต่นั่นหละครับแกงก (อิอิ) แต่ว่าแกก็ให้เงินเดือนค่อนข้างสูงมากๆ พนักงานที่เข้าใหม่บางคนยังว่าเกินคาด แต่ว่าพอมาทำงานจริงๆ ถึงรู้หละว่าที่เงินเดือนเยอะๆนั้น งานมันหนักจริงสมเงินเดือนหละครับ ว่าไปมีแต่ผมนี่หละครับที่ว่างานมันก็พอๆ กับที่เดิมที่ย้ายมา แต่ผลประโยชน์มากมายกว่านี่สิ น่าคิด ที่สำคัญ เจ้าของบริษัทก็คนคุ้นเคย ผมก็เลยสบายใจและถือว่าที่บริษัทคือบ้านอีกหลังหนึ่งเลยทีเดียว ขนาดที่ว่าตอนเข้ามาทำงานใหม่ๆ มีหลายคนที่มองว่า อีนี่เป็นใคร หน้าละอ่อนขนาดนี้จะมาเป็นรองผู้จัดการฝ่ายขาย และที่สำคัญมาจากการดึงตัวมาของมาดาม โดยไม่ผ่านฝ่ายบุคคลด้วยซ้ำ การแอนตี้ การกีดกันเริ่มมีขึ้น ความไม่พอใจก็เริ่มมี หลายครั้งที่เดินผ่านพนักงาน ทั้งที่ในกลุ่มกำลังคุยโขมงโฉงเฉงอยู่ พอผมเดินผ่านทั้งกลุ่มจะเงียบกริบ และทำทีว่าผมไม่มีตัวตน ไม่มีการทักทาย ไม่มีการยิ้ม ไม่มีการช่วยเหลือใดๆ ทั้งสิ้น บางครั้งก็มีเสียงแว่วๆ ลอยมาข้างหลังเบาๆ ว่า

“นี่ไง เด็กเส้นของเจ้าของบริษัท ขนาดผู้จัดการยังกลัว”

ผมก็พยายามที่ไม่ใส่ใจ ทั้งที่ในใจเดือดปุดๆ อยากหันกลับไปสวมวิญญาณนางร้ายช่องเจ็ดสี ด่ากลับให้ลืมลูกลืมเต้า หรือไม่ก็สวมวิญญาณแม่ค้าตลาดคลองเตยที่ด่ากันชนิดที่ขุดอวัยวะทั้งตัวมาด่ากันเล่นชนิดที่ว่าเดินผ่านยังขนลุก แต่ที่ทำได้ตอนนั้นก็คือ เดินเชิดผ่านไปอย่างทระนง จนเป็นอาทิตย์ที่มีกริยาแบบนั้นกับผมเรื่อยมา ผมก็มีคนรู้จักคนเดียวจริงๆครับบริษัทนี้ นั่นก็คือมาดามคนเดียว กลางวันก็ไปกินข้าวกัน มีบางวันที่ไอ้หน้าขาวขับรถมารับผมกับมาดามไปกินข้าวกันพนักงานสาวๆก็ชื่นชมกรี้ดกร้าดกับไอ้หน้าขาว แต่พอรู้ว่ามารับผมเท่านั้นหละเสียงชื่นชมยินดีก็เปลี่ยนไป

“หน้าตาดีๆ ไม่น่าที่จะเป็นเกย์ เสียด๊าย เสียดาย”

“ดู ดู เด็กเส้น เห็นผู้ชายเป็นรี่เข้าหาเลยนะ เสียดายหน้าตา พวกวิปริต”

คำหลายๆคำช่วงนั้นเป็นคำที่ยอกแสลงจิตใจและบั่นทอนความรู้สึกมาก บางครั้งรู้สึกท้อ จนต้องบอกมาดามเลยว่าน่าจะรับเฉพาะผู้ชายหรือไม่ก็สาวประเภทสองซะให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย เบื่อมากกับพวกชะนีปากเหม็นพวกนี้ แต่ก็มาดามหละครับที่บอกว่า บริษัทต้องใช้ผู้หญิง บางครั้งลูกค้าต้องการติดต่อกับผู้หญิงเพราะบางครั้งลูกค้าต้องการความอ่อนหวานนุ่มนวล ผมก็ได้แต่บ่นไปงั้นหละครับ แต่นังต้องมันไม่ได้เป็นอย่างนั้นสิครับ มันแนะนำและเป็นเดือดเป็นแค้นแทนผมเป็นอันมาก
“คราวหน้าแกก็ประกาศศักดา อาละวาดต่อหน้าพวกมันเลย หรือไม่ถ้าเป็นชั้นนะ ชั้นจะตบมันเรียงตัวเลย อีพวกผีเจาะปากมาพูดเนี่ย”

ผมเห็นท่าทางของนังต้องหละผมก็หายเครียดไปได้เยอะเหมือนกัน แต่มันก็ต้องเครียดหนักเมื่อนังต้องมากระซิบถามผมเบาๆ

“อีนี่ มึงไปอยู่กับตายอดตั้งสามสี่วันแล้ว เป็นไงมั่งวะ ครั้งแรกที่เสียจิ้นหนะ”

ไอ้ผมก็งงดิครับ เสียจิ้นเสียเจิ้นอะไรของมันเนี่ย ด้วยความที่ไม่รู้เรื่อง และงงภาษาของมันผมเลยตอบว่า

“ก็ดี”
เท่านั้นหละครับ นังต้องแหวดเสียงแหบๆ ของมันมาจนแก้วหูผมชา

“นี่อีเป้ นี่หมายความว่าแกเสร็จพี่ยอดไปแล้วงั้นเหรอ ไหนว่าแกจะเป็นกุลสตรีให้ได้ครบสามเดือนยังไง แล้วนี่แกชิงสุกก่อนห่ามเลยเหรอ ว่าแต่ว่า พี่นี่ยอดเขาลีลาดีมั้ย ฮึแก สูงยาวเข่าดี ก้นปอดๆ ยังงี้ชั้นว่าแกคงไม่ได้หลับได้นอนทั้งคืนเลยมั้ง ฮิฮิ”

นังท้องกระซิบกระซาบผมท้ายๆ ประโยคด้วยเสียงแหบๆ แปร๋นๆ ของมัน ทำเอาผมเพิ่งถึงบางอ้อ ไอ้เสียจิ้นนี้มันหมายถึงเวอร์จิ้นนี่เอง

“พอเลยนะมีง เรื่องอะไรที่กูจะต้องเสียตัวด้วยวะ กูหนะคำไหนคำนั้นโว้ย”

ผมเลยรีบดุนังต้อง เมื่อมันทำท่าจะแถมาพูดอะไรใต้สะดือกับผมอีก เรื่องสงครามใต้สะดือนี่ นังต้องมันช่างเล่า บางทีผมก็อดคิดไม่ได้ ว่ามันมีได้ถึงขนาดนั้นจริงๆ หรือเปล่า เพราะนังต้องนี่ว่าไปมันก็ฮาๆ ดีเหมือนกับอีนังคาร่า แต่เรื่องความกล้าๆ หน้าด้านแบบไพร่ๆ บ้านนอกๆ คงไม่สู้นังคาร่ามัน เพราะนังต้องมันลูกผู้ลากมากดี แถมเกิดในเมืองหลวง การอบรมจึงเป็นผู้ดี มากกว่านังคาร่า แต่ยังไงก็ตามนังต้องก็เป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดของผมเหมือนกัน แม้ว่าจะไม่ได้เจอกันบ่อยๆ เหมือนเมื่อก่อน ที่ผมยังไม่มีใครต้องคอยห่วง คอยดูแล ไม่มีคนร่วมห้อง ก็ได้นังต้องนี่หละครับ ที่มาคลุกคลีตีโมง มาพักด้วย ยามที่ผมไม่มีใคร แม้ว่าคุณแม่ของผม คุณนายแสนดีจะขยันโทรมานักหนาก็ตามที แต่ก็นั่นหละครับ ความเหงาจากความรัก มันไม่เหมือนเหงาอย่างอื่น มันเป็นเหงาที่ช่างทรมานเสียจริงๆ.......................



หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 21-03-2007 00:26:35
โถพี่ยอด ที่แท้ก็อยากจะเป็นพ่อบ้านที่ดีนี่เอง :myeye:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 21-03-2007 01:02:35
มารออ่านต่อนะ :yeb:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: tsuyu ที่ 21-03-2007 10:02:45
พี่ยอดน่ารักที่ซู้ดดดดดดด
 :loveu:
หัวข้อ: Re: [story] “ Always” รักนิรันดร์ จากฉันถึงเธอ ……….by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 09-04-2007 01:06:09
บทที่3 แต่งบ้าน  

“น้องเป้จ๋า ตื่นได้แล้ว”


ไอ้หน้าขาวมันเขย่าตัวผมจนเหมือนโลกสะเทือน รู้สึกเหมือนอะไรเย็นๆ นุ่มๆมาแตะที่แก้ม


“อื้อ ง่วงนอน ไม่เอา ไม่ตื่น”


ผมยังงอแงบนที่นอนนิ่มๆ ค่าที่เมื่อคืน ไอ้หน้าขาวนั่นหละ เป็นตัวตั้งตัวตีลากตัวผมไปงานเลี้ยงที่บริษัทเก่าผม ทั้งๆ ที่ผมก็เหนื่อยที่สุดแล้ว มิหนำซ้ำ พองานเลี้ยงเลิกพ่อเจ้าประคุณก็ยังลากผมไปปล่อยแก่ในผับอีก กลับมาผมเลยง่วงนอนซะ เมื่อคืนผมไม่หือไม่อือกับใครแล้ว แม้ว่าจะรู้สึกว่าโดนกอดรัดแน่นจนอึดอัด แต่เพราะเมามากๆ เลยไม่ค่อยรู้สึกตัวเท่าไร ส่วนไอ้หน้าขาวมันก็เต็มที่เหมือนกันเต็มที่เหมือนกัน เขาว่าคนเมาแล้วเซ็กส์จัดคงจะจริง เพราะเมื่อคืนท่ามกลางที่ผมเมาๆ อยู่ไอ้หน้าขาวทำท่าทางหายใจฟึดฟัด แถมกอดทีแน่น แถมล้วงแถมควักล้วงซะจนผมรำคาญ ซึ่งปกติไอ้หน้าขาวมันจะนอนกอดผมเบาๆ บางทีถ้าอาการมันมีความต้องการมากๆ มันจะพูดกับผมก่อนเสมอ


“น้องเป้พี่ขอหอมแก้มนะ”


“ขอกอดแน่นๆ นะ”


“น้องเป้กอดพี่มั่งดิ”


ซึ่งทั้งหมดนี้ผมก็ไม่ยอมให้มันล่วงเกินอะไรมากไปกว่าจูบหรือหอมแก้มเลยสักครั้งเพราะว่าตั้งใจว่าถ้าไอ้หน้าขาวมันประพฤติตัวดี เป็นที่น่าวางใจ ไม่มีใครๆ ข้างหลัง หรือแอบมีใครเอาไว้ ผมก็พร้อมที่จะอยู่ร่วมกับมันจนตายกันไปข้างหนึ่ง แต่ถ้ามันมีใครนี่สิ ผมก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเวลาที่ขอมันไว้สามเดือนในการอยู่ร่วมกันและเรียนรู้กันคงจะทำให้เรารู้จักกันมากขึ้น....

ที่ตลาดนัดสวนจตุจักรวันอาทิตย์ เป็นวันที่คนดูจะเยอะมากเป็นพิเศษเนื่องจากเป็นวันหยุด และที่นี่ก็จะมีคนหลายๆ คนพาครอบครัวมาจับจ่ายใช้สอย บางครอบครัวก็น่ารักนิอิจฉาที่จูงมือลูกๆ พ่อจูงแขนข้างหนึ่ง แม่จูงแขนอีกข้างหนึ่ง แต่พอมองดูตัวเราแล้วมองไอ้หน้าขาวแล้วได้แต่ปลง เฮ้อ...ขอแค่เพียงผมมีมดลูกเหอะ เรื่องมีลูกอุ้มท้องนี่ไม่ได้หวั่นเลย แต่ก็ได้แต่คิดแล้วก็ปลงหละครับ เพราะมันเป็นไปไม่ได้ แม้แต่มาดามเขาก็ว่า

“มันมีนะอีเรียม ตอนนี้เขาคิดค้นได้นะให้ผู้ชายท้องได้ แต่ว่ามันผิดจารีต มันผิดหลักมนุษยชนอะไรของมันก็ไม่รู้ แต่จริงๆแล้วมันเป็นไปได้และทำได้จริงๆฝรั่งเคยทดลองได้ผลมาแล้ว แต่เรื่องนี้ยังไม่มีใครยอมรับ และไม่คิดค้นพัฒนาเท่านั้น ตราบที่โลกยังมีผู้หญิงที่สามารถท้องได้อยู่”

ผมก็ได้แต่มองเจ้าหนูน้อยผิวขาวอมชมพู ที่มีคุณแม่ยังสาวน่าตาน่ารักที่คุณแม่อุ้มเดินดูของอยู่ ดูท่าทางเจ้าหนูคงจะอึดอัดที่เจอฝูงชนเบียดกัน แถมอากาศก็ร้อนอบอ้าวอีก จนเจ้าหนูเริ่มจะปากเบะเหมือนจะร้องไหนจนคุณพ่อกับคุณแม่ช่วยกันโอ๋ ช่วยกันปลอบ สงสัยจ้องมองนานไปหรือเปล่า ไอ้หน้าขาวมันถึงได้มาสะกิดผม จนรู้สึกตัว


“น้องเป้เป็นไร พี่ถามตั้งนานไม่ยักตอบ มองไรอยู่”


“เปล่าไม่ได้มองไรมองริ้น เป้มองดอกไม้แสนสวยนั่นตะหาก”


ผมหมายถึงดอกไม้พลาสติก ดอกไม้ปลอม ที่อยู่ร้านตรงด้านหลังของครอบครัวเจ้าหนูน่ารักนั่นพอดี


“นึกว่ามองเด็ก น่ารักดีนะน้องเป้ เราน่าจะมีลูกกันสักคน”


ไอ้หน้าขาวมันพูด เหมือนมันจะลืมไปแล้วว่าผมหนะ มันไม่มีมดลูก ไอ้มีลูกมีเด็กหนะผมหละอยากมีตลอดเวลาหละ เพราะว่าผมกับไอ้หน้าขาวต่างก็รักเด็กด้วยกันทั้งคู่


“อยากมีลูกเหรอ”


ผมถามมันเสียงต่ำ ในใจผมคิดหนัก ไอ้หน้าขาวมันน่าจะได้มีครอบครัวที่สมบูรณ์ ถ้ามันแต่งงานกับน้องกิฟต์ มันคงมีลูกได้อย่างที่มันฝันอยากให้เป็น ผมอยากน้ำตาร่วงตรงนั้นจริงๆ ไอ้หน้าขาวมันคงจะรู้สึกตัวเมื่อเห็นผมเงียบไป


“โธ่...น้องเป้คิดมากจัง ยังไงก็น้องเป้เป็นคนเดียวในหัวใจอยู่แล้ว เดี๋ยวเรารีบไปซื้อของไปแต่งบ้านดีกว่า อ้อ อย่าเลือกที่มันใหญ่มากหละเดี๋ยวจะขนขึ้นรถไฟฟ้าไม่ได้”


ไอ้ที่ไม่ให้ผมเลือกของที่มีขนาดใหญ่ แต่ไอ้หน้าขาวมันดันพาผมเดินไปโซนแต่งบ้าน โหยของแต่ละชิ้นทั้งใหญ่ทั้งยาว เอ้ย ทั้งหนัก (ฮิฮิ) จนต้องได้เถียงกันในร้าน ในเมื่อผมชี้ไปที่มู่ลี่ที่เป็นไม้ทาสีแดงอิฐ ขนาดที่ใหญ่พอสมควรอันหนึ่ง


“ฮื้ย.....ไม่เอานะน้องเป้ สีนั้นมันไม่เข้ากับห้อง ขืนเอาไปแขวนหละก็ ใครมาเห็นเขาคงว่าบ้านนอก”


“อ้าว พี่ยอดเราสองคนก็มาจากต่างจังหวัดเหมือนกัน เออ เออ ลืมไป ว่าไอ้คนบางคนเป็นเด็กบางกอก ย้ายตามพ่อไปอยู่ต่างจังหวัด ใช่ซี้ ก็มีคนบ้านนอกคนเดียวนี่แหละ”


ผมเผลอออกอาการ สะบัดสะบิ้งใส่ไอ้หน้าขาวจนพี่เจ้าของร้านสาวเหลือน้อยยิ้ม...


“พี่ว่ามันก็สวยนะคะ ถ้าเอาแต่งไว้ตามมุม เพราะสีและความเป็นเอกลักษณ์ของไม้จะทำให้เด่นขึ้น ลองเอาไปประดับมุมห้องดูสิคะ”


“เห็นไหม พี่เขายังเห็นด้วยเลย”


ผมได้ทีเลยขี่แพะไล่เลย


“งั้นพี่เอาอันนี้”


ไอ้หน้าขาวชี้ที่แจกันใบใหญ่ ผมว่ามันน่าจะเรียกโอ่งมากกว่าแจกัน เพราะว่ามันคล้ายไปทางโอ่งซะมากกว่า ซึ่งแจกันใบนี้เห็นด้วยกันเป็นอย่างยิ่งว่า คนที่ซื้อไปแต่งบ้านนี่คงตาถั่ว อะไรประมาณนี้ ผมเลยมองหน้ามัน เพราะตะกี้นี้มันเองหละที่เป็นคนบอกเองว่า


“ถ้าใครซื้อโอ่งใบนี้หละโง่ชัดๆ อื้ย ใบละแปดร้อย ตายแน่กู เก็บเงินไว้ให้น้องเป้กินหนมดีกว่า”


วินาทีนี้ไอ้คนที่บอกว่าเป็นคนฉลาดกลับจะซื้อซะเอง


“ก็ไหนว่าไม่สวยไง”


ผมถามมันเสียงแข็ง


“อ้าวทีน้องเป้ยังจะซื้อของขี้เหร่ไปแต่งบ้านเลย”


มันคงหมายถึงไอ้มู่ลี่นั่นแน่ๆ เลย


“ก็น้องเป้ชอบ”


“อันนี้พี่ก็ชอบ”


ไอ้หน้าขาวมันไม่พูดเปล่ามันทรุดตัวลงกอดโอ่งสุดที่รักของมันไปด้วย


“ตามใจ”


ผมสะบัดหน้าหนีมัน เดินออกมาจากร้านทันที เจ็บใจนัก ไอ้หน้าขาวมันก็รีบก้าวตามผมออกมาทันที เมื่อผมงอนถึงขนาดนั้น มันส่งเสียงเรียกผมให้หยุด แล้วมันก็คว้าไหล่ผมไว้และทำท่าจะกอด แต่นั่นหละมันกลับปล่อยแขนลงดื้อๆ


“อย่างอน ปะ”
มันบอกแล้วออกเดินนำหน้า แต่คราวนี้ผมจี้ดขึ้นมาจริงๆแล้ว จะให้เก๊กอะไรกันนักหนาต่อหน้าชาวบ้าน ทั้งที่ลับหลังไม่มีใครอยู่ไอ้หน้าขาวนี่ปากว่ามือถึง พอมีคนอยู่นี่ขนาดจะแตะเนื้อตัวผมยังไม่กล้า แต่วันนี้ผมเห็นท่ามันกล้าๆกลัวๆ แล้วอารมณ์หมั่นไส้บวกน้อยใจ ทำให้ผมเดินเข้าไปเอามือประสานมือมัน เดินคู่กันทันที


“เฮ้ย”


ไอ้หน้าขาวร้องด้วยความตกใจ หันหน้ามาดู แล้วสะบัดมือออก ผมงี้หน้าชาเลย เท่านั้นหละครับ ความอดทนของผมก็สิ้นสุดลง ผมวิ่งออกมาทันที โดยไม่ได้ดูว่าไปทางไหน ขอแค่รู้ว่าไปให้ใกลจากคนใจร้ายหน้าบางดีกว่า ผมแอบลุ้นว่าไอ้หน้าขาวมันจะตามมามั้ย เห็นมันละล้าละลังว่าจะวิ่งตามดีหรือไม่ตามดี ผมก็ได้แต่ตัดใจ แค่นี้มันผิดจนเกินอภัยเลยหรือ..............


ผมตัดสินใจหละครับ จะไปที่ไหนดีหละ กลับบ้านก่อนไม่เอามันแล้วไอ้คนหน้าบางคนนี้ แต่ว่าผมอยู่ตรงไหนหละเนี่ย วิ่งมาด้วยความโกรธ จนลืมดูทางไปเลย มองไปมันทำไมมีแต่ปลา หมา แล้วก็สัตว์ประหลาดๆที่วางขายหละเนี่ย ร้อยวันพันปีผมก็แทบจะไม่ได้มาจตุจักร นี่ก็สองปีแล้วที่ไม่ได้มา ที่มานี่ก็ครั้งแรกในรอบสองปี คงเพราะว่ามันร้อน และเจอคนเยอะๆ แล้วมันท้อไม่อยากเดินเลย แล้วทางออกมันอยู่ตรงไหนหละเนี่ย แล้วผมก็ละล้าละลังอยู่ตรงนั้นนั่นเอง แล้วผมก็เปิ่นอีกแล้ว เมื่อผมไม่รู้จะไปไหนดี ก็ปรากฏว่าผมชนเข้ากับฝรั่งจังเบ้อเริ่ม ตายแน่แล้ว ชนกับฝรั่ง ไอ้ผมหนะไม่ค่อยถูกกับฝรั่งเท่าไรนัก อะไรก็ไม่เท่ากับว่า มันชอบมองว่าคนไทยโง่ ทีมันหละฉลาดตายนักหละ คนไทยที่ว่าโง่หนะเหรอ เฮอะ สินค้างานฝีมือ ทั้งหลายที่ใช้ความประณีต หาประเทศไหนในโลกที่มีฝีมือเกินคนไทย รวมถึงสินค้าฝรั่งที่ว่าดีๆ เมื่อมาถึงมือคนไทยก็อปมา ของจริงยังสู้ของก็อปไม่ได้ด้วยซ้ำ ไม่อยากใช้คำว่าของก็อปมา ขอเปลี่ยนว่าของลอกเลียนแบบมาจะดีกว่า บางครั้งของต้นฉบับอายด้วยซ้ำไป นี่หละที่ว่าคนไทย ความละเอียดประณีต รู้จักดัดแปลงหละก้อไม่เกินคนไทย และถ้าผมได้ยินไม่ผิดผมคงได้ยินอย่างนี้

“Shit”


เอาแล้วไหมหละไอ้ฝรั่งตาน้ำข้าวตรงหน้าปากเสียน่าดู ผมเลยจ้องหน้ามัน นับแต่ไหนแต่ไรมาผมก็ไม่ค่อยจะถูกกับฝรั่งอยู่แล้ว ผมเอ่ยคำขอโทษมันสั้นๆ พลางมองหน้ามันเต็มตา ถ้าคนที่มองฝรั่ง ชอบฝรั่ง คงมองว่ามันหล่อ แต่ผมมองมันก็แค่หน้าตาธรรมดาแค่นั้น แล้วผมก็เดินออกมาอย่าให้เจออีกนะมึง ผมคิดในใจ เกลียดฝรั่งถ่อยๆ ก็ต้องมาเจออย่างนี้อีกแล้ว นอกจากลุงจอห์นคู่ชีวิตของมาดามแล้ว ผมก็ไม่เคยได้คุยกับฝรั่งจริงๆจังๆซะที แม้บางครั้งที่เป็นงานที่ต้องติดต่อกับฝรั่ง ผมก็ให้คนอื่นทำแทนดื้อๆ เพราะว่า ผมเกลียดฝรั่ง


“Hey! Hey! You”


เสียงไอ้ฝรั่งมันเรียกคงไม่ได้หมายถึงผมแน่ ผมเลยไม่สนใจ จนเมื่อร่างสูงของไอ้ฝรั่งนั่นก้าวเข้ามาเคียงข้างผมในทางแคบๆจนผมต้องเอียงให้และหยุดให้มันเดินผ่านไปก่อน แต่มันหยุดแล้วยิ้มให้ผม


“Excuse me”


ตายหละ ฝรั่งมาพูดด้วย มาพูดกับผมเนี่ยนะ ไอ้กลัวมันไม่กลัวหรอก แต่ว่าไม่ชอบ แถมกริยาถ่อยๆ ที่มันทำเมื่อกี้ผมยังจำได้ดี


“May I help you”


มีอะไรให้ช่วยเหรอครับ ผมงง เลยถามมัน แทนคำตอบฝรั่งมันกลับควักแผนที่ออกมาให้ผมใบหนึ่ง แล้วตามถึงโรงแรมโอเร็นทอล ผมก็เลยถามมันว่ามันจะไปทางไหนหละ มันบอกว่าทางไหนก็ได้ที่สะดวกที่สุด ผมก็บอกให้มันไปรถไฟฟ้า ลงสถานีตากสินแล้วจะเดินหรือนั่งแท็กซี่ไปก็ได้เร็วดี มันขอบคุณผม แล้วมันก็ถามผมว่ามีนามบัตรมั้ย ผมก็ให้มันไป กำลังไม่อยากเจอผู้คน ผมเลยควักนามบัตรของบริษัทให้ไป แล้วรีบขอตัวมันทันที ผมก็เดินออกมา ไม่สนใจเสียงเรียกของฝรั่งคนนั้นอีก ผมเดินมาเรื่อยๆ คิดไปคิดมา คู่เราจะไปรอดมั้ยหนอ ไอ้หน้าขาวมันไม่ห่วงผมเลย เออ...แย่หละสิ ผมปิดมือถือตั้งแต่นั่งรถไฟฟ้าขามาแล้ว ไม่อยากเปิดเพราะว่าอยากใช้ชีวิตเงียบๆ สักวัน ผมกดเปิดเครื่องทันที 45 สายที่ไม่ได้รับจากไอ้หน้าขาว ไม่ถึงนาทีโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้น


“น้องเป้อยู่ที่ไหน”


เสียงไอ้หน้าขาวมันตื่นๆ ระล่ำระลักมาในโทรศัพท์


“พี่ยอด น้องเป้หลงทาง หาทางออกไม่ได้ ตอนนี้อยู่ตรงที่เขามีหมา แมว กระต่าย ที่เขาขายสัตว์เยอะๆอะ”


“รออยู่ตรงนั้นนะ เดี๋ยวพี่ไปรับ”


ไม่ถึงอึดใจใหญ่ๆ ไอ้หน้าขาวก็เหงื่อโชก หน้าขาวใสของมันแดงไปหมด ผมก็ได้แต่ยิ้มรับ พลางส่งขวดน้ำที่ผมถือติดตัวมาให้มัน


“เฮ้อ ตามหาน้องเป้ซะเหนื่อยเลย นึกว่างอน หนีกลับบ้านไปละ”


“ก็เพราะกลับไม่ถูกนี่หละ ถึงได้อยู่นี่ไง”


“ไปดูของอีกหรือเปล่า”


ไอ้หน้าขาวมันถามผม เฮอะ เรื่องไรผมจะดูหละครับแค่นี้ก็ฤกษ์ไม่ดีเสียแล้ว ขืนไปดูด้วยกันคงทะเลาะกันตาย แต่ผมหมายตาเจ้ามู่ลี่นั่นไว้แล้ว รอมีเวลาว่างๆจะได้ชวนนังต้องมาเดินเป็นเพื่อน เดินข้างกันดีๆ อยู่ ๆ ไอ้หน้าขาวก็เอามือมาประสานมือผมให้เดินไปด้วยกัน ผมเหลือบมองมือใหญ่ ที่กุมเกี่ยวมือของผมอยู่


“อ้าว ไหนว่าพี่ยอดอายไงหละ”


ผมอดไม่ได้ที่จะกัดมันไม่ได้


“ทีตะกี้งี้ รีบสะบัดใหญ่เลย”


“ก็ไม่ได้ขอข้าวใครกินนิ น้องเป้ อายเหรอ หน้าแดงเชียว เอ...หรือว่าร้อน”
“บ้า พี่ยอด ชอบทำอะไรบ้าๆ นี่เมืองไทยนะ รุ่มร่าม เอามือออก อายเขา”


“แล้วทำเป็นเก่ง น้องเป้เอ้ย……”


สรุปแล้ววันนั้น ไม่มีใครได้อะไรติดมือกลับบ้านครับ.....................



หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 09-04-2007 10:43:02
เอาใจช่วยคนโพสต์ครับ

เหนื่อยรึป่าวววว

สู้ๆๆ นะคร้าบบบบบบบบบบบบบบ :yeb:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: しろやま としんや ที่ 09-04-2007 17:31:52
ตามมาดูว่าถึงไหนแล้ว

ในอินุคุณเป้ไม่มาต่อเพิ่มเลย

รออ่านอยู่นะนี่ รอลุ้นอยู่
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 09-04-2007 17:48:27

..........จะไปซื้อของเข้าเรือนหอก็มาทะเลาะกันซะงั้น...... : 222222: : 222222:

......................แต่ก็จบลงด้วยดีเนอะ.... :laugh5: :laugh5:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 09-04-2007 23:34:20
 :laugh5: :laugh5:

งอนเค้าแล้วหนีไป สุดท้ายก็นะ  :kikkik: :kikkik:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: jammy ที่ 10-04-2007 00:07:23
อืมมีภาคต่อด้วยจะตามอ่านนะครับ :5555:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 10-04-2007 00:13:24
มารออ่านต่อ  :110011: :เชิป2: :110011:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 10-04-2007 22:01:47
รอด้วยคน  :yeb:

 :110011: :เชิป2: :110011: :เชิป2:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 11-04-2007 07:16:43
ขอบคุณทุกกำลังจายยย หายเหนื่อยเยย  :yeb:

****************************************************************

 บทที่ 4ค่ำคืนของสองเรา  


หลังจากที่เฮละโลมาช่วยกันเก็บของที่คอนโดผมแล้ว เพราะญาติฝาแฝดของผมจะมาเช่าห้องผมต่อ และอีกสองวันจะเข้ามาดูห้องและมาเที่ยวกรุงเทพเพื่อหาที่เรียนกวดวิชา คุณนายแสนดียังมากระซิบผม


“น้องเป้ เดี๋ยวค่าเช่าแม่จะโอนเข้าบัญชีน้องเป้นะลูก”


นี่หละครับคุณนายแสนดีของผมทั้งๆที่คอนโดนี้ก็คุณนายซื้อเองแท้ๆ เพื่อให้ผมได้มีที่อยู่ เพราะผมต้องมาทำงานที่กรุงเทพ แล้วนี่แม่ของผมยังจะเอาค่าเช่ามาให้ผมอีก ผมเลยอยากจะร้องไห้จริงๆ ความรู้สึกว่ารักแม่มากที่สุดมันไม่รู้ว่ามาจากไหน จู่ๆน้ำตาผมไหลออกมาเอง แม่ผม คุณนายแสนดี ช่างเป็นแม่ที่เสียสละเพื่อผมมากมายจริง ทั้งๆที่ตั้งแต่เล็กๆ ผมนี่สาวแตกแต่ก็แตกแบบเงียบๆ แม้ทุกคนจะหยามเหยียดเพียงใด ก็มีแม่ผมนี่หละครับที่กอดและปลอบโยนผมอยู่เสมอ กำลังใจของคุณนายแสนดีทำให้ผมรู้สึกว่าความแปลกเพศของผมไม่ใช่สิ่งที่น่าอายแต่อย่างใดถ้าเราแสดงออกในทางที่ถูกที่ควร ตูอย่างเงินเดือนแรกที่ผมที่ได้รับจากการทำงานทุกบาททุกสตางค์ผมก็เอาไปให้แม่ คุณนายแสนดีทำหน้างงๆ


“เอาซองอะไรมาให้แม่หละ น้องเป้”


“แม่เปิดดูนะ น้องเป้ให้แม่”


คุณนายแสนดีถึงกับน้ำตาซึมเมื่อเปิดดูข้างใน


“เงินเดือน เดือนแรกของน้องเป้ไงคับ น้องเป้ให้แม่”


“อุ๊ย น้องเป้ เอาเก็บไว้ใช้เถอะ ลูก ทำงานซะผอมเลย แค่นี้แม่ก็ภูมิใจมากที่สุดแล้วลูก”


คุณนายแสนดียื่นซองคืนมาให้ผม จนผมต้องยืนกรานไม่ยอมจนคุณนายต้องต้องยอมแพ้ไปเอง ท่ามกลางสายตาของคุณพ่อผมที่มองมาแล้วยิ้มอย่างเงียบๆตามลักษณะของคุณพ่อ ที่ผมทั้งรักและทั้งเกรงใจ

๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑

หลังจากที่ไอ้หน้าขาวพาผมมาดูคอนโดหรูแห่งนั้นแล้ว ก็มีการขนของเข้าไปกว่าจะจัดของเสร็จก็ปาเข้าไปค่ำๆแถมผมจะต้องนอนที่คอนโดเก่าก่อนเนื่องจากวันรุ่งขึ้นจะได้มีการทำบุญขึ้นบ้านใหม่โดยไอ้หน้าขาวเป็นคนเตรียมข้าวของกันจ้าหละหวั่น แม้กระทั่งต้องไปหาฟักลูกโตกับหินก้อนใหญ่ ขนมทองขนมเงิน ต้นไม่ทองต้นไม้เงิน ความวุ่นวายเริ่มตามมาเมื่อแม่ของผมกับแม่ไอ้หน้าขาวต่างก็งัดตำรามาคนละตำราการหาของตระเตรียมเลยวุ่นเป็นสองเท่า


“เเม่จะต้องหาฟักมาทำไป แล้วหินทำไมต้องใช้หินก้อนใหญ่”


ไอ้หน้าขาวมันถามคุณนายแม่ของมัน

“ตายอด เขาว่าอยู่เย็นเหมือนฟัก หนักเหมือนหินไงจ๊ะ”


“ทำไม ไม่ใช้หินก้อนเล็กหละแม่ ยอดจะได้เก็บในตู้ปลา”


“กินก้อนเล็กมันจะหนักได้ไงหละลูก อย่ามาพูดดี รีบไปหาหินก้อนโตๆ มา”


กว่างานทำบุญขึ้นบ้านใหม่จะผ่านไปก็บ่ายแล้ว ทีนี้หละครับเพื่อนๆ ก็มาเยอะทั้งเพื่อนผม เพื่อนของไอ้หน้าขาว ดูวันนี้นังต้องมันจะร่าเริงเป็นเป็นพิเศษ เพราะเพื่อนไอ้หน้าขาวมันมีแต่หน้าตาเกลี้ยงๆ ใสๆ กันทุกคน ส่วนใหญ่ก็เป็นคนที่พื้นเพฐานะดี บางคนผมยังไม่เคยรู้จัก ไม่เคยเห็นหน้าด้วยซ้ำ ทางผมนอกจากเพื่อนที่สนิทที่บริษัทเก่าอย่างพี่นก ป้าสุดสงวน และอีกสองสามคน แล้วก็ครอบครัวผม มาดาม และก็นังต้อง ส่วนเพื่อนไอ้หน้าขาวมันมาเยอะมาก

ผมยังนึกขำวันนั้นไม่หาย ภาพที่ไอ้หน้าขาวมันแบกหินก้อนโตไว้บนบ่าขวา ส่วนแขนซ้ายก็อุ้มฟักเขียวลูกโต ส่วนผมก็น่าอายเหมือนกัน ที่คุณนายแสนดีจัดแจงให้ผมหาบกระบุงที่ ใส่หม้อ ใส่ไห ใส่ครก แถวหิ้วเตาที่มีถ่านหุงข้าวสีดำๆ อีกด้วย ดีนะที่วันนั้นฤกษ์ขนของเข้าบ้านมัน หกโมงเช้ากับสามสิบเก้านาที ถ้าหากว่ามันสายๆแล้วเพื่อนๆ ผม และเพื่อนไอ้หน้าขาวมันมา ไม่รู้ว่างานนี้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ขนาดไอ้หน้าขาวยังแอบบ่นอุบอิบ

“น้องเป้ นี่ดีนะที่คุณแม่ไม่ให้พี่โห่ด้วย”


“ถ้าคุณแม่ให้โห่ พี่ยอดกล้าโห่ปะหละ ทำมาเป็นพูดดี”


“กล้าสิ พี่โห่ แล้วน้องเป้ก็ฮิ้วววไง”


“บ้าสิ ใครกล้าก็บ้าแล้ว”


“อ้าว ไหงตอนเด็ก น้องเป้เคยบอกว่า ไม่มีอะไรใต้ดวงอาทิตย์ ที่กระเทยไทยทำไม่ได้ นอกจากตั้งท้องกับทำเสียงให้เป็นผู้หญิง”


“ก็ตอนนี้น้องเป้ไม่ได้เป็นกระเทยแล้วนี่”


ผมกระซิบกระซาบกับไอ้หน้าขาว


“แล้วตอนนี้น้องเป้เป็นอะไร”


“ตอนนี้น้องเป้เป็นผู้หญิง”


“เออ...ดีแล้ว เดี๋ยวคืนนี้พี่จะพิสูจน์”


“เสียใจด้วย คืนนี้น้องเป้จะเป็นเกย์ กล้าปะหละ”


“ถ้าเป็นน้องเป้หละ พี่กล้าเสมอ ไม่ว่าน้องเป้จะเป็นอะไรก็ตาม”


ไอ้หน้าขาวมันพูดแล้วมองตาผมแน่นิ่ง ผมก็จ้องตามันตอบ ผมรู้ครับว่ามันพูดจริง เพราะแววตาของมันแน่วแน่จนผมต้องเบนสายตาออกมาหน้าแดงก่ำ


“อุ้ย...พูดกันเรื่องเข้าหอคืนนี้เหรอคุณยอด เห็นอีนังเป้หน้าแดง อุ้ย..อย่ามาหวานแถวนี้นะ เห็นใจคนที่ยังหาแฟนไม่ได้มั่ง”


นังต้องมันสอดขึ้นมาเมื่อมันเห็นผมกระซิบกระซาบกับไอ้หน้าขาว และผมหน้าแดงๆ


“แฟนคนที่ล้านหนะสิ ที่แกยังหาไม่ได้”


ผมเลยกัดมันมั่ง เมื่อก้าวผ่านประตูห้องมาแล้ว นับเป็นการขนของขึ้นบ้านใหม่ครบตามตำราพิลึกพิลั่นของคุณนายทั้งสองแล้ว


เมื่อตอนบ่ายแขกก็ยังเยอะมากเหมือนเดิม จนคับห้องไปหมดขนาดที่ว่าห้องนี้เป็นห้องชุดขนาดใหญ่และกว้างพอสมควร ห้องนอนห้องหนึ่งที่ใช้ในการเก็บของขวัญดูเหมือนมันจะมีของขวัญเกือบเต็มห้อง ทั้งที่ตกลงกันแล้วว่าวันนี้ห้องนอนห้องหนึ่งจะเป็นของผมอีกห้องหนึ่งจะเป็นของไอ้หน้าขาว แต่ดูเหมือนสถานการณ์มันจะไม่อำนวยเสียแล้ว เพราะบรรดาของขวัญที่รับมามันเกือบจะเต็มห้องเสียแล้ว


ผมมองดูบรรดากองกล่องของขวัญที่บรรดาเพื่อนๆ ญาติๆเอามาให้ เต็มห้องนอนผมไปหมด แล้วผมจะไปนอนที่ไหนดีหละคืนนี้ คิดว่าจะได้มีห้องส่วนตัว นอนกลิ้งบนเตียงใหญ่ๆ ให้ฉ่ำปอด ที่สำคัญคุณนายสองคุณนายรวมทั้งนังต้องมันจะมาค้างด้วยหนะสิ แล้ววงสุราก็เริ่มต้นขึ้น เหล้าและเบียร์หมด ไม่รู้ว่าวันนั้นผมต้องออกมาซื้อเหล้าเบียร์กี่เที่ยว เพราะมันเยอะมากจริงๆ แถมพอเมาก็เริ่มมีเสียงแซวมาแว่วๆ

“เมื่อไหร่จะค่ำเสียที จะได้ส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวเข้าหอ”


ไม่รู้ว่าใครพูด แต่ที่แน่ๆ เสียงมันมาจากวงที่ไอ้หน้าขาวมันนั่งอยู่แน่ๆ สภาพที่ผมเห็นในตอนนี้คือ ไอ้หน้าขาวมันนั่งโอนเอนไปมา ตาปรือเยิ้มฉ่ำ แก้มและปากของมันมีสีแดงระเรื่อ น่าหอมเป็นบ้า ยิ่งมันเสยผมที่เซ็ทไว้ได้รูป ขึ้นไปให้มันรุ่ยร่าย เซอร์ๆแบบนี้ ผมแทบจะกรี้ดสลบ ไม่คิดว่าไอ้หน้าขาวมันจะเถื่อนได้ใจดีแท้ขนาดนี้


“เฮ้ยมึงว่าน้องเป้มันน่ารักปะวะไอ้ยอด”


ไอ้พี่ชาติ เริ่มปากเสียขึ้นมาแล้ว นี่หละน๊า พอเหล้าเข้าปากทีไรกลุ่มนี้ มักจะหาเรื่องปากเสียเป็นประจำ


“น่ารัก สุดๆ เลยพี่”


ไอ้หน้าขาวพุดแล้วยื่นแก้วเหล้าไปชนกับพี่ชาติดังกริ๊ก


“โอ้ย...ทนไม่ไหวแล้ว อิจฉา เมื่อไหร่พี่ชาติจะบอกว่าน้องต้องน่ารักมั่งหละ”


“เอาไว้ให้พี่หาคนชมไม่ได้ก่อน ตอนนั้นพี่จะชมว่าน้องต้องน่ารักที่สุด”


“บ้า เงียบไปเลยนะพี่ชาติ ไปกินเหล้าต่อเลยไป”


นังต้องมันค้อนพี่ชาติขวับใหญ่ จนเรียกเสียงหัวเราะได้ครืนใหญ่ กลุ่มนี้สนิทกันมากนะครับเพราะว่าเจอกันในผับเวลาไปเที่ยวสมัยก่อนที่ผมกับไอ้หน้าขาวยังโกรธกันอยู่ ไปเที่ยวทีไรก็จะเจอกลุ่มนี้ทุกที แต่ก็ไม่รู้เลยว่ากลุ่มนี้จะสนิทกับไอ้หน้าขาวมาก่อน จนกระทั่งมาเห็นไปกินเหล้าด้วยกันถึงได้รู้ว่าไอ้หน้าขาวมันมีเพื่อนเยอะ ผิดกับผมที่มีเพื่อนน้อย มีไม่กี่คนหรอกครับที่จะสนิทกันกับผม นอกนั้นหละเป็นเพื่อนที่ไม่สนิท หรือเป็นลูกค้าที่ติดต่องานกันอันนี้ก็มีเยอะมากๆ


“น้องเป้ มากินเหล้าหน่อยเด้........”


ไอ้หน้าขาวเดินโซซัดโซเซถือแก้วเหล้ามาทางกลุ่มของผม


“ไม่เอา วันนี้ไม่อยากเมา”


“น่า ไม่เมาหรอก เดี๋ยวพี่ยอดจะดูน้องเป้เอง......... ด้วยชีวิต”


เสียงที่มันออกมาจากปากของคนเมามันคงจะค่อยหรอกครับ มันอ้อแอ้ลั่นไปทั้งห้อง เรียกเสียงโห่ และเสียงแซว จนผมรู้สึกว่าหน้ามันชา ที่สำคัญผมอายมาก


“แหม...สารภาพรักหวานซ๊า อิจฉานังเป้วะ”


นังต้องมันพูดดังๆ


“น้องพี่มันแน่โว้ย ต้องงี้สิน้องเป้ ตระกูลเรา มีทีเด็ดต้องประกาศให้โลกรู้”


ไอ้พี่ปอมันก็เอากะเขาด้วย


“ไอ้ยอด อย่าหักโหมนะมึง เดี๋ยวน้องเป้จะไม่ไหวเอา เพลาๆบ้างนะมึง อย่ารุนแรง”


“เดี๋ยวพรุ่งนี้พวกกู จะเอาไข่ลวกมาฝากมึงนะ”


อีกหลายคำต่อหลายคำที่พูดออกมาจนผมแทบแทรกแผ่นดินหนีไปจากที่ตรงนั้น แถมไอ้หน้าขาวมันยังร่วมวงกับเพื่อนมันมาแซวผมซะอีก เฮ้อ...ไอ้น้ำเปลี่ยนนิสัย นี่ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าตอนไม่เมา ไอ้หน้าขาวมันจะกล้าพูด กล้าทำกับผมอย่างนี้หรือเปล่าน๊า....นี่ขนาดต่อหน้าทั้งคุณแม่ของมันและคุณแม่ของผมเชียวนะเนี่ย...........

***************************************************************************

สงสงสัยปะครับว่าทำไมพ่อของเป้ผมกับพ่อไอ้หน้าขาวเป้ถึงไม่ได้กล่าวถึงเลย เพราะท่านไม่มาร่วมงานด้วยสิครับ ถามพ่อแล้วพ่อบอกว่า
"พ่อเขินวะ ไอ้เป้ ผู้ชายมันจะนอนห้องเดียวกัน แถมเป็นลูกชายพ่ออีกทั้งคู่ เห็นกันมาตั้งแต่ตัวเล็กๆ พ่อไม่กล้าไปวะ"

นี่หละครับคุณพ่อที่แสนดีของเป้ แต่ยังไงครอบครัวเป้ไม่ได้มีปัญหาเกี่ยวกับที่เป้มาอยู่กับไอ้หน้าขาวนะครับ เพราะพ่อผมกับคุณพ่อไอ้หน้าขาวเขาคุยกันทุกวันครับเรื่องลูกๆ เป้นี่แย่จังนะครับทุกวันคุณนายแสนดีก็ยังโทรศัพท์มาถามไถ่ และทุกวันเป้จะต้องโทรไปคุยกับคุณพ่อเหมือนกันเพราะท่านไม่โทรหาเป้แน่นอน ยังไงก็ขอให้รักพ่อรักแม่นะครับ
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: jammy ที่ 11-04-2007 11:01:14
ดีจังมีความสุขซะทีนะ :myeye:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 11-04-2007 21:52:16
ดีเนอะ  ครอบครัวสุขสันต์
แน๋วมาต่อหน่อยจิ   :impress:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 11-04-2007 23:09:42
และแล้วววว  :give2: :give2:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 12-04-2007 12:03:57
“ปะน้องเป้ ไปเข้าหอกัน”

ไอ้หน้าขาวเดินเซแซ่ดๆ มาหาผมตอนสามทุ่มกว่าๆ ที่เพื่อนๆ ทั้งหลายทยอยกลับไปเกือบหมดแล้วเหลือแต่กลุ่มญาติและเพื่อนสนิทเท่านั้นในตอนนี้ มันตรง เข้ามาดึงแขนผมขึ้นจากวงสนทนาที่ผมกำลังคุยกับ นังต้อง พี่นก ป้าหงวน และคุณนายทั้งสองคนอยู่ดีๆ จนคนทั้งวงตกใจ


“นี่ตายอด รุ่มร่ามใหญ่แล้วนะเรา ดูสิผู้คนเต็มบ้าน ไม่อายเขาบ้างหรือไง”


มันต้องโดนแม่มันว่าแบบนี้ สภาพมันตอนนี้มันเถื่อนๆ ยังไงก็ไม่รู้


“โธ่ คุณแม่คร้าบ วันนี้วันส่งตัวเข้าหอของลูกแม่นะ”


“ไม่ใช่ซะหน่อย วันนี้วันขึ้นบ้านใหม่ พี่ยอดอย่ามาตู่”


ผมค้านมัน พยายามแกะมือของมันที่มันลากข้อมือผม แต่ว่าผมไม่ลุกซะที จนมันต้องมากอดผมแล้วจะลากเข้าห้องนอนให้ได้ ไอ้ผมก็แกะมือมันออกเป็นพัลวันเหมือนกัน


“เอ๊ะ อย่าดิ้นสิน้องเป้ ไปนอนด้วยกันเลย ใครๆเขาก็รู้หละว่าวันนี้วันอะไร อย่าดิ้นสิ”


“ไม่เอา วันนี้น้องเป้จะนอนห้องน้องเป้ พี่ยอดอย่าทำบ้าๆนะ นี่วันขึ้นบ้านใหม่นะ”


“น้องเป้จะนอนได้ไง ห้องมันมีแต่ของ มานอนกับพี่หละดีแล้ว ไปไปนอน”


“ไม่เอาน้องเป้จะนอนกับต้อง กับแม่ พี่ยอดก็ไปนอนดิ เมาแล้ว อย่ามาทำตัวรุ่มร่ามนะ”


ผมดิ้นจนหลุด และเข้าไปแอบอยู่หลังคุณนายทั้งสองทันที


“อ้อ คิดจะเอาแม่เป็นที่กำบังเหรอน้องเป้”


ไอ้หน้าขาวมันยืนจังก้า หน้ามันแดง ตามันปรือๆ โงนเงนไปมา


“หมั่นไส้ ไอ้ลูกคนนี้เหลือเกิน เอะอะก็ทำแต่ตามใจ นี่ตายอดอย่ามารุ่มร่ามกับแม่นะ น้องเป้เขาก็มีแม่กับพ่อเหมือนกันนะ เจ้าลูกคนนี้นี่”


ไอ้หน้าขาวมันเลยจ๋อย มันเดินเซเซื่องๆตรงมาที่ตรงหน้าคุณนายทั้งสอง แล้วมันทรุดตัวลงไป มันกราบแทบเท้าของแม่ผมและแม่ของมัน…….

“แม่คับ ยอดขอน้องเป้นะคับ ยอดจะรักน้องเป้ ให้เท่ากับที่แม่รักเลย”

ไอ้หน้าขาวมันพูดกับคุณนายแสนดี ไม่รู้ว่ามันกล้าพูดได้ยังไง ทั้งที่ปกตินี่มันเป็นคนขี้อาย ไม่ค่อยจะพูดด้วยซ้ำ ใครพูดไง ไอ้หน้าขาวก็ยิ้มไปซะหมด สงสัยที่กล้าพูดเพราะเมามากจนเพี้ยนไปหรือเปล่า คุณนายแสนดีนั่งนิ่ง เงียบ เหลือบมามองหน้าผม


“น้องเป้ว่าไงหละลูก พี่เขามาขอกับแม่แหนะ”


“ไม่รู้อะค้าบ แล้วแต่แม่ละกัน น้องเป้เป็นลูกแม่นี่ แม่ว่ายังไงลูกก็ต้องว่าตาม”


แล้วผมก็หันไปมองกลุ่มของนังต้องที่ซุบซิบๆกันคิกคักอยู่เบาๆ


“นี่คุยไรกัน อย่าให้รู้นะว่านินทา”


ผมเอาเสียงขู่ กลบความอายทั้งๆที่หน้าผมแดงก่ำออกจะปานนั้น


“ใครจะกล้านินทามึงหละอีนี่ มีแต่คนเขาอิจฉา ที่กูหละไม่มีเล๊ย....ที่ผู้ชายจะมาขอกับแม่กูเป็นการเป็นงานขนาดนี้”


“เพราะมึงเล่นตัวสิถึงไม่มี”


“วุ๊ย...กูทั้งลดแลกแจกแถมมันยังไม่มี ไอ้ที่มันมี.....มันคอยแต่จะจ้องงาบเงินกูหนะสิ”


“ป้าหงวน กับพี่นกก็เป็นไปกับนังต้องด้วยเหรอ”


“เปล่านะเป้ พี่นกแค่พูดว่าคุณยอดเขาน่ารักดีเท่านั้นเอง”


“แล้วป้าหงวนหละว่ายังไงคับ”


ผมเริ่มไล่เบี้ยเอากะกลุ่มนังต้องแก้เขิน


“อีนี่ มึงจะอายมึงก็ไม่ต้องเหวี่ยงแหมาคลุมปลาทั้งแม่น้ำหรอกมึง คุณแม่รีบยกลูกสาวให้คุณยอดเร็วๆเหอะ เดี๋ยวนังหมาบ้ามันจะกัดคนไปทั่วห้อง นี่มันก็เริ่มบ้าน้ำลายฟูมปากแล้ว”


ท้ายประโยคนังต้องพูดกับคุณนายแสนดีแล้วก็คลานเข้ามาหาคุณแม่ของผมแล้วนั่งข้างๆไอ้หน้าขาวที่รอการตัดสินใจของแม่ผม


“ว่าไงคะ คุณพี่”


คุณแม่ผมเลยหันไปถามกับคุณแม่ไอ้หน้าขาวอีกทอดหนึ่ง


“ถ้าเด็กมันรักกันพี่ว่าก็น่าจะให้อยู่ด้วยกันดูสักพัก ถึงแม้มันจะประหลาดๆไปบ้างก็ตาม”


คุณแม่ของไอ้หน้าขาวสรุปเพราะดูท่าลูกชายตัวดีเริ่มจะโงนเงนและเริ่มจะเลื้อยบนพื้นแล้ว


“งั้นคืนนี้น้องเป้นอนห้องเดียวกับน้องยอดละกัน เดี๋ยวแม่จะให้เพี่ปอขนของออกมาจากห้องน้องเป้ แล้วแม่จะนอนห้องนั้นเอง”


“เดี๋ยวต้อง จะเฝ้าหน้าประตู ให้เองนะคุณยอด นังเป้จะได้ หนีไปไหนไม่ได้”


นังต้องมันพูดแล้วเดินมาที่ผมแล้วมาจูงแขนผมเดินเลี่ยงออกไปอีกทางหนึ่ง


“อีนี่ มึงจะมีอะไรกันมึงทำแท้งเป็นหรือเปล่า”


นังต้องมันกระซิบถามผม


“บ้า กูไม่ได้ท้อง แล้วกูจะทำแท้งได้ไงอีบ้า”


นังต้องมันทำเสียงจิ๊จ๊ะ เหมือนว่ามันขัดใจในความโง่ของผม ที่มันทำทุกครั้งเพราะว่ามันขัดใจ ที่ผมไม่รู้เรื่อง หรือตามมันไม่ทัน


“ไม่ได้ดั่งใจเลย อีนี่ โตจนจะมีผัวอีกไม่กี่นาทีแล้ว ยังไม่รู้จักทำแท้ง”


“ก็แล้วมันอะไรหละ”


ผมก็ฉุนเหมือนกัน ก็คนมันไม่รู้ จะให้รู้ได้ไง ผมไม่ใช่พหูสูตนี่นา


“ถ้ามึงไม่ทำแท้งนะมึง เลอะแน่มึง ขี้มึงหนะจะเลอะคุณยอดเขา”


ดูสิครับ นังต้องมันกล้าพูดยังงี้จริงๆ


“เวลามึงจะมีอะไรกัน มึงต้องล้างไส้มึงก่อนมันจะได้ไม่เลอะ”


“ล้างยังไงเหรอ”


ผมชักจะสนใจเข้าให้บ้างแล้ว ศึกษาหน่อยก็ดี จะได้ทำตัวถูก เพราะว่าเกิดมาก็ไม่เคยมีอะไรกับใครสักที เผื่อว่ามีจะได้ทำตัวถูก


“มึงเข้าห้องน้ำก็ลากสายยางที่ฉีดตูดนั่นหละ ฉีดเข้าไป แล้วมึงก็เบ่งออกมาแค่นี่ก็สะอาด”


“เฮ้ย มันฉีดเข้าไปได้ด้วยเหรอ รูเล็กนิดเดียว”


“ทำไมจะไม่ได้ ขนาด.....เท่าแขนมันยังเข้าไปได้ มึงก็เคยดูหนังเอ๊กซ์นี่ ทำไมมันเข้าได้ แล้วกะอีแค่น้ำสายเล็กทำไมมันจะเข้าไม่ได้ แล้วตอนนี้ที่เขาทำดีท็อกซ์ โบท็อกซ์ ไอ้สวนตูดล้างพิษด้วยอะไรต่ออะไรมันไม่ยิ่งกว่าแกฉีดน้ำเข้าไปล้างเรอะ”


“เหรอ”


ผมได้แต่รับรู้ไปงั้นๆ ทั้งๆ ที่ความจริงก็ไม่แน่ใจว่าจะทำเป็นหรือเปล่า


“อย่าลืมนะแก อย่าให้อายเขาหละ มีอะไรกันทั้งที อึหกออกมาเรี่ยราดไม่น่าพิสมัยนะมึง”


นังต้องบอกผมแล้วลากผมกลับมานั่งข้างๆไอ้หน้าขาว ที่มันคว้าตัวผมไปกอดแน่น


“ง่วงนอนยัง น้องเป้”


มันไม่ถามอย่างเดียวสิ มันหอมแก้มผมด้วยฟอดใหญ่


“ดูสิ นี่ต่อหน้าแม่นะเนี่ย ทำตัวรุ่มร่ามจริงไอ้ลูกชายบังเกิดเกล้าคนนี้ ไป ไป ไปนอนได้แล้ว เดี๋ยวแม่จะไปส่งที่ห้อง”


ผมมองหน้าคุณนายแสนดี แววตาผมมีแววหวาดหวั่น ใจมันก็อยากจะอยู่ร่วมกับไอ้หน้าขาวอยุ่หรอก แต่ความหวาดหวั่นว่าอยู่ร่วมกันไปแล้วมันจะเป็นยังไง ผมอยู่คนเดียวมานานจนที่มีความรู้สึกว่า กำลังจะมีใครอีกคนที่กำลังจะมาแย่งความเป็นส่วนตัวของเราไป เวลาที่ผมอาบน้ำชอบแหกปากร้องเพลง เวลาที่อินกับทีวีหรือละครเรื่องไหนมากๆ ก็จะเอามาสวมบทบาทการแสดงหน้ากระจกคนเดียว แล้วแอบสมมติว่าตัวเองเป็นดารา หรือไม่ผมก็เปิดเพลงดังๆ เต้นเลียนแบบมิวสิควีดีโอคนเดียว ต่อไปนี้ผมก็ Dhoom Dhoom เลียนแบบท่าเต้นของ ทา ทา ไม่ได้แล้วสิ ไหนจะมาทำตัวสบายๆ แบบเดิมก็ไม่ได้อีก

“อย่าลังเลสิน้องเป้ ทำใจให้สบาย คิดว่ามีเพื่อนมาอยู่ด้วย บางทีอาจจะดีกว่าที่คิดก็ได้”


คุณนายแสนดีบอกกับผมแล้วลุกขึ้นมาจูงมือผมไว้ขณะที่แม่ของไอ้หน้าขาวก็กำลังเขย่าตัวไอ้หน้าขาวที่ทำท่าจะฟุบหลับตรงนั้น


“ยอด ลุกขึ้นลูก ไปนอน”


ไอ้หน้าขาวมันคงจะเมามาก รวบตัวคุณแม่ของมันไว้ในอ้อมกอด


“น้องเป้”


มันพึมพำออกมาก่อนที่จะหอมแก้มของคุณแม่ที่อยู่ในอ้อมแขน จนแม่ของมันดิ้นพัลวัน


“ยอด....นี่แม่นะลูก น้องเป้มาช่วยแม่หน่อยลูก แกะมือไอ้ตัวดีออกที โอ้ย.......คนแก่จะเป็นลม”


ผมเลยเดินไปช่วยแกะมือไอ้หน้าขาวออกพัลวัน จนร่างของคุณแม่ของมันหลุดออกมาได้ แต่ไอ้หน้าขาวก็ยังพยายามที่จะตะกายไขว่คว้า จนผมต้องเขย่าร่างใหญ่ ของมันจนมันหัวสั่นหัวคลอน


“นี่พี่ยอด ลืมตาคุยก่อน ลุกขึ้น”


“น้องเป้ เสียงน้องเป้ น้องเป้อยู่ไหน”


มันพยายามเอามือตะกายหาผม ผมก็เอามือให้มันเกาะกุมเอาไว้


“น้องเป้อยู่นี่ พี่ยอดลุกก่อนนะ ไปนอนที่ห้อง”


ผมก็พยายามดึงมันลุกขึ้น แต่มันก็ลุกไม่ขึ้นซักที มันพยายามยังไงมันก็ไม่มีแรงลุก ผมมองมัน หน้าตาเนื้อตัวมันแดงไปหมด แถมมีเหงื่อแตกพลั่ก ทั้งๆที่แอร์ก็ทำงานเต็มประสิทธิภาพของมัน


“มัวแต่ปลุกมัน มันคงตื่นให้หรอก ลากมันเข้าห้องไปเลยแม่ เดี๋ยวปอจัดการเอง”
แล้วซุปเปอร์แมนอย่างพี่ชายผมก็จัดการลากไอ้หน้าขาวเข้าไปในห้อง ย้ำนะครับว่าลากจริงๆ นี่หละนะคนเมาลากคนเมา จนในที่สุดไอ้หน้าขาวก็มานอนแผ่หราบนเตียง แถมละเมอเรียกชื่อผมตลอดเวลา


“ไอ้นี่เป็นเอามาก”


พี่ชายผมพึมพำเบาๆ นังต้องก็ตามเข้ามาพร้อมด้วยผ้าเช็ดหน้ากับถังแช่ไวน์ที่ใส่น้ำเย็นมายื่นให้ผม


“มึงจัดการเองละกันนะ หน้าที่มึงคนเดียวแล้วหละ เดี๋ยวกูจะนอนที่โซฟาข้างนอก เออ ...อีนี่ พี่นกกับป้าหงวนกลับแล้วนะ อีกสองสามวันป้าหงวนจะมาเยี่ยมมึง ปะ...แม่ เดี๋ยวต้องจะไปจัดการกับห้องโน้นให้แม่นอน แล้วพี่ปอจะนอนที่นี่ปะครับ เดี๋ยวต้องจะได้จัดที่นอนให้ด้วย”


“ไม่ต้องหรอกต้อง เดี๋ยวพี่ต้องไปรับคุณหมอที่โรงพยาบาล”


พี่ชายผมหมายถึงพี่ดา อนาคตพี่สะใภ้ผม ยังไงพี่ฝากดูแลแม่ๆ กับน้องเป้มันด้วยแล้วกัน น้องเป้ พี่ไปหนะ อย่าตีกันหละ อยู่ด้วยกันกับไอ้ยอด แล้วอย่าแอบปล้ำมันหละคืนนี้”


ดูพี่ชายผมพูดสิครับ พูดทีมีแต่หมาเต็มห้องไปหมด


“บ้า พี่ปอบ้า ใครจะไปปล้ำคนเมาให้เสียศักดิ์ศรีหละ”


ผมตะโกนตามหลัง พี่ปอที่หัวเราะหึหึออกจากประตูไป และเมื่อประตูปิดลง ความเงียบเริ่มเข้ามาครอบคลุมผมมองหน้าเข้มขาวได้รูปที่แดงก่ำด้วยพิษสุรา ผมลังเลพักนึง ก่อนที่จะแกะกระดุมเสื้อไอ้หน้าขาวอย่างแผ่วเบา อกกว้างตึง กล้ามแน่น หน้าท้องแบนราบเกร็งแข็งไม่มีไขมันห้อยย้อย เพราะว่ามันรักษาสุขภาพดีมาก ผมปลดเข็มขัด และถอดกางเกงมันออก แต่ดูเหมือนว่าคนเมามันพยายามที่จะขืนตัวเอาไว้ จนผมต้องออกแรงเพิ่มขึ้น จนกระทั่งตลอดร่างกายของมันมีเพียงกางเกงในสีขาวตัวเดียว ผมมองร่างกายของมันแล้วกลืนน้ำลายลงคอ เอื้อกใหญ่ คนอะไร หุ่นดีชะมัด ถ้าไอ้หน้าขาวมันไม่ขาวขนาดนี้ถ้ามันคล้ำกว่านี้ ผมว่ามันจะดูดีกว่านี้มากๆ เลย ขนาดที่ผมว่าตัวเองขาวแล้ว ไอ้หน้าขาวมันยังขาวกว่าผมอีกแน่ะ ผมลังเลเมื่อมาถึงตอนนี้ สักครู่ผมคิดออกครับ ผมเลยเอาผ้าเช็ดตัวมาคลุมมันไว้ก่อน คลุมตรงส่วนกลางมันไว้แล้วสอดมือเข้าไปรูดกางเกงในของมันออกมา จากการกระทบกระทั่ง ทำให้ผมคาดการณ์ว่าไอ้ลูกชายของไอ้หน้าขาวมันใหญ่มากครับ เพราะมันเริ่มโตขึ้น เมื่อผมกำลังถอดกางเกงในของมันและบางครั้งมือผม ก็ไปโดนมันเข้า ผมคิดว่าของไอ้หน้าขาวมันใหญ่กว่าพระเอกหนังเอ็กซ์ ที่นังต้องมันชอบเอามาให้ผมดูบ่อยๆ เพราะว่ามันกลัวว่าผมจะตายด้านไปซะก่อน ผมหน้าแดงเลย นี่ถ้าตอนนี้มันลุกขึ้นมาทำอะไรผม ผมก็คงต้องยอมมันอย่างไม่มีข้อแม้ แน่นอนเลย พยายามห้ามใจไม่ดูมัน ผมเลยไปเปิดทีวีก่อน ตาจ้องดูทีวีมือก็เช็ดตัวของมัน พลิกซ้ายพลิกขวายังไงไอ้หน้าขาวยังไม่มีวี่แววจะตื่น แต่ตัวมันสั่น ขนลุกตั้งชันเมื่อผมอาผ้าชุบน้ำเย็นลากผ่าน ผมหรี่แอร์ลงและหาชุดนอนมาใส่ให้มัน ใส่เสื้อมันไม่ยาก แต่ใส่กางเกงนี่สิมันไม่ง่ายเลย............


หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: jammy ที่ 12-04-2007 12:13:59
จะมีฉากอะจึ๊ยกันอะเปล่าเนี่ยอิๆ  :haun4:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 13-04-2007 13:33:08
จิ้นคร้าบบบ จิ้นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน

:pighaun: :pighaun: :pighaun: :pighaun:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 13-04-2007 14:05:12
ท่าจะไม่รอดแน่แล้วน้องเป้  :pigha2:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 17-04-2007 00:58:55
ไม่ว่าผมจะพลิกซ้ายพลิกขวายังไงๆ ไอ้หน้าขาวไม่มีทีท่าว่าจะตื่น กว่าจะใส่กางเกงให้มันได้ก็ตัดสินใจอยู่นาน เมื่อเห็นว่ามันเมาจนไม่มีสติแน่นอนแล้วผมเลย เอาวะ เป็นไงเป็นกัน ดึงกางเกงใส่เข้าไป แต่ว่าไอ้ผ้าเช็ดตัวเจ้ากรรมที่ปิดน้องชายไอ้หน้าขาวดันร่นขึ้นไปทางหน้าท้องทำให้ผมเห็น ....... ฮื้อ ฮือ ใหญ่ แข็ง เกร็ง ชูผงาดง้ำค้ำโลกจริงๆ ตายแน่ๆ นังเป้ ถ้าโดนเข้าไป ผมไม่อยากคิดแล้วหละตอนนี้ ผมรีบใส่กางเกงให้มันจนเสร็จโดยไม่สนใจว่าน้องรักของมันพองโตแค่ไหน คลี่ผ้าห่มผืนนุ่มคลุมร่างมันไว้ จากนั้นผมหาถังขยะใบเล็กๆ หาทั่วห้องไม่มี เจอชามใบหนึ่ง อืม....ใช้ได้ ผมรินน้ำออก หาถุงพลาสติกมาครอบไว้ เผื่อไงได้หน้าขาวมันอ๊วกจะได้ไม่เลอะที่นอนหรือเลอะพื้นห้อง จัดการกับไอ้หน้าขาวเสร็จ ผมเหงื่อซึมเลย ต้องอาบน้ำหละสิ ผมหอบสมบัติและเสื้อผ้าเข้าไปในห้องน้ำเพื่อเปลี่ยนในห้องน้ำซะเลย ซึ่งปกติแล้วเนี่ย อยู่คนเดียวผมจะเปลี่ยนที่ข้างนอก แต่มีไอ้หน้าขาวมาอยู่ด้วยนี่สิ ผมอาย ผมแอบดูมันนิดนึงว่ามันหลับจริงหรือเปล่าก่อนปิดประตูห้องน้ำลง ยังอาบน้ำได้ไม่ทันเสร็จ ผมได้ยินเสียงอะไรบางอย่างที่ด้านนอก ผมเลยแอบแง้มประตูดู ไอ้หน้าขาวมันลุกมานั่งโงนเงน มันอ๊วกรดผ้าห่มครับ ผมแทบจะกรี้ดใส่มันให้บ้านแตกไปเลย เลอะเทอะ แถมเหม็นเปรี้ยวไปหมด ที่สำคัญเสื้อที่ใส่นอนก็เลอะเปรอะด้วยสิ่งที่มันขย้อนออกมา เอาวะเป็นไงเป็นกัน ผมเลยตัดสินใจนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวออกมา แอร์กระทบผิวหนังจนหนาว

“ดูสิ เดือดร้อน คนอื่นเขา เบื่อจริง พวกเมาแล้วอ๊วก”


ผมบ่น ง๊องแง้ง ขณะที่ดึงผ้าห่มออกมากองไว้นอกเตียงโดยห่ออ๊วกเอาไว้ข้างในให้แน่นก่อน เดี๋ยวกลิ่นมันจะกระจาย จากนั้นก็เช็ดสิ่งสกปรกที่เกาะบนเสื้อ แต่ไม่ได้ดมว่าสะอาดเหมือนใหม่แบบโฆษณาผงซักฟอกหรอก เพราะ กลิ่นเปรี้ยวๆ มันฟ้องว่ามันไม่สะอาดเหมือนใหม่แน่นอน ไม่ไหวหละแบบนี้ ที่สำคัญไอ้คนเมาตรงหน้ามันโผเข้ามากอดผม พร้อมกับระดมจูบแบบคนเมาๆ จะกรี้ดให้บ้านแตก นี่ผมนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวเองนะนี่ โดนคนเมาระดมจูบพัลวันจนผ้าผมก็หลุดเหลือแต่ร่างเปลือยเปล่า ผมก็ดิ้นสุดฤทธิ์สุดแรง


“อ๊ายยย....พี่ยอดปล่อยน้องเป้นะ อึ๋ยยย ปล่อย โอ้ย เจ็บ อย่ามาทำบ้าๆนะ บอกให้ปล่อยไง”


ผมดิ้นรน ตะโกนเสียงดัง ไม่รู้ว่าคนเมาเอาแรงมาจากไหน ในที่สุดผมก็หลุดออกมาจากอ้อมแขนของคนเมาจนได้ รีบแจ้นไปที่ตู้เสื้อผ้าก่อน อายสุดชีวิต มือสั่น เมื่อเลือกเสื้อคลุมมาใส่แบบถูกๆผิดๆ ไอ้หน้าขาวมันก็ล้มตัวลงไขว่คว้าไปหา ปากก็เรียกชื่อผมอยู่ไปมา ผมมองดูปมที่ผูกเสื้อคลุมก่อน เมื่อเห็นว่ามันแน่นหนาพอที่จะกันคนเมาแล้วเลยเดินเข้าไปอีกทีแบบหวาดๆ


“พี่ยอด รู้ตัวเองปะเนี่ย”


ผมจับตัวมันประคองขึ้นมานั่ง แล้วเขย่าตัวมันเลย จนมันหัวสั่นหัวคลอน


“อืมม......น้องเป้ พี่เวียนหัวจัง จะอ๊วก”


ผมเลยคว้าชามที่เตรียมไว้มารองทันที แล้วน้ำขมๆก็ออกมาอีกระลอก จนผมจะอ๊วกตาม รู้สึกผะอืดผะอมที่ได้เห็นแล้วก็ได้กลิ่น ไอ้หน้าขาวมันอ๊วกจนหมดแรงจนต้องกอดผมไว้


“อาบน้ำนะพี่ยอด จะได้สดชื่น”


“อืม”


มันพยักหน้า จะว่าไปทั้งผมและมันก็เป็นคนรักสะอาดกันทั้งคู่หละครับ แต่ผมว่ามันหนะเป็นคนเจ้าระเบียบ มากกว่าผมอีก เพราะว่าไอ้หน้าขาวเป็นหลานรักของคุณย่า แถมคุณย่าก็ได้เลี้ยงหลานคนนี้มากกว่าทุกคน เลยทำให้นิสัยจุกจิกพิถีพิถันติดตัวมันมามากกว่าหลานคนอื่นๆ ของคุณย่า


“เดี๋ยวน้องเป้ประคองไป ค่อยๆลุก”


ในที่สุดผมก็ลากคนเมามาห้องน้ำจนได้ ปลดกระดุมเสื้อให้หละ เพราะคนเมาแกะกระดุมเสื้อยังไง ก็แกะไม่ออก ผมกำลังจะถอดกางเกงนอนให้ แต่ไอ้หน้าขาวมันพูดขึ้นมาก่อน


“พี่อาย.......... น้องเป้”


อยากจะร้องกรี้ดสักสิบรอบ ทำไมไม่รู้สึกตัวตอนที่ผมเช็ดตัวมันหละ ที่สำคัญผมเห็นของมันหมดแล้ว และเห็นตอนพร้อมที่จะออกศึกด้วย ฮิฮิ เบ้อเริ่มเทิ่ม


“อาบคนเดียวได้ปะหละ”


ผมถามคนเมาให้แน่ใจอีกที มันหลับตาพยักหน้าหงึกหงัก มันคงสร่างจริงๆหละครับตอนนี้ เพราะว่าอ๊วกออกมาซะมากขนาดนั้น


“งั้นก็รูดม่านอาบน้ำก็พอ ไม่ต้องปิดประตู เมาอย่างนี้ เดี๋ยวล้มแล้วจะไปกันใหญ่ โอเคนะ”


มันพยักหน้าแล้วดึงผมไปกอด ก้อนที่มันจะทำหน้าอ้อน ตาปรือเยิ้มฉ่ำ


“หอมหน่อยนะน้องเป้”


มันมองหน้าผม ไอ้ผมก็สบตามัน นี่ขนาดในห้องน้ำนะเนี่ย ผมเอียงแก้มให้มัน หอม แต่มันพยายามมาที่ปากผม จนผมต้องเบนหน้าหนี


“อี๋ ไม่เอานะพี่ยอด น้องเป้เหม็นอ๊วก รีบอาบน้ำ เดี๋ยวเป้จะได้อาบต่อ อ๊วกเลอะน้องเป้ด้วยแหละ”


“อือ”


ไอ้หน้าขาวมันรับคำก่อนที่จะหันหลังแล้วรูดม่านพลาสติกกั้นไว้ ผมก้าวเดินออกมาจากห้องน้ำ ท่ามกลางสียงน้ำที่ตกกระทบพื้น.....................


เขาว่าคนเมาจนหลับแล้วของไม่แข็งเพราะไม่รู้สึกตัว แต่ทำไมของไอ้หน้าขาวมันแข็งมากจริงๆนะครับสาบานได้เลย แล้วทีนี้พี่กิตติยาวดีที่บอร์ดปาล์มเขาแย้งมา แถมสังเกตุจากตัวเองตอนเมา ถามจากใครต่อใคร ปนากฎว่าประมาณ10เปอร์เซ็นต์ครับที่เมาไม่รู้เรื่องแล้วแข็ง อันนี้ถามจากฝ่ายภรรยาเขานะครับ ทีนี้เป้เลยเอามาเขียนเพราะตอนนั้นมันแข็งโด่เด่จริงๆ ด้วยความที่คาใจเลยไปซักถามตรงๆ ไอ้หน้าขาววันนั้นมันเมาดิบครับ มันไม่เมาแต่มันแกล้งเมา

"อยากรู้ว่าน้องเป้จะทำไงกับพี่เวลาพี่เมา"

อ้าว ไหงมาพูดแบบนี้ ไอ้ผมก็นึกว่าเรารู้จักกันดีแล้วซะอีก วันนั้นผมก็รู้มาอีกว่าไอ้หน้าขาวมันจะแพ้แอลกอฮอล์ ถ้ากินเข้าไปเยอะๆ ตัวมันจะแดงมากๆ จนน่ากลัว แต่มันบอกว่ามันไม่เป็นอะไร มันเพิ่งเป็นมาไม่กี่ปีนี่เอง มิน่าหละ วันนั้นเป้ถึงนึกว่ามันเมามาก อุตส่าห์ดูด้วยใจระทึก ที่ไหนได้ไอ้หน้าขาวมันบอกว่ามันรูสึกตัวทุกอย่าง พอไปเล่าให้นังต้องฟังมันก็บอกว่า

"ดีนะที่มึงไม่ขึ้นขย่มเอง เขาจะได้รู้กันซะทีว่ามึงหนะ เก็บกดจนเป็นฮิททีเรียขึ้นสมอง"


ดูนังต้องมันว่าผมสิครับ
ผมคิดถึงชีวิตในอนาคตของสองเรา ทางที่จะก้าวไปของสองเรา จริงอยู่ที่ครอบครัวของผมและของมันยอมรับเรื่องนี้ได้อย่างสนิทใจ เพราะผมกับครอบครัวไอ้หน้าขาวรู้จักกันมาตั้งแต่ผมตัวเล็กๆ ตั้งแต่เด็กๆที่ไอ้หน้าขาวมาติดผมอยู่ คุณนายแสนดีเล่าให้ผมฟังว่าเวลาพูดเรื่องแฟนทีไร ไอ้หน้าขาวมันจะบอกว่าผมเป็นแฟนมัน แถมมันยังบอกพ่อของมันว่าถ้าโตขึ้นมันจะมาขอผมแต่งงาน อันนี้เป็นเรื่องขำๆ ของผู้ใหญ่หนะ มันไม่เคยพูดให้ผมได้ยินหรอก แต่ผู้ใหญ่เขาพูดกัน แล้วคุณนายแสนดีก็มาเล่าให้ผมฟัง พอผมถามมัน มันก็บอกว่าผมขี้ตู่ เฮ้อ.....

“คิดอะไรอยู่น้องเป้”


ไอ้หน้าขาวมันคงสร่างมากแล้ว และผมก็ใช้เวลาร่วมชั่วโมงในการขังตัวเองในห้องน้ำ เพื่อการวัดใจและตัดสินใจอะไรบางอย่าง มันรั้งผมเข้าไปกอด จนใบหน้าของผมแนบกับอกแน่นๆของมัน ผมเองก็เพิ่งรู้ว่าไอ้หน้าขาวมันไม่ชอบใส่เสื้อนอน แล้วมันชอบใส่บ๊อกเซอร์ตัวเดียวนอนแถมไม่ยอมใส่กางเกงในอีก มีหลายอย่างที่ผมยังไม่รู้เกี่ยวกับตัวมัน นี่ยิ่งทำให้ผม ไม่กล้าที่จะตัดสินใจทุ่มให้เต็มร้อย ผมยังไม่รู้จักไอ้หน้าขาวดีเลยครับ ที่ผ่านมารู้จักเพียงด้านเดียวเท่านั้น อีกด้านหนึ่งของชีวิตผมกำลังเริ่มที่จะเรียนรู้.....


“น้องเป้คิดว่าต่อไปเราจะเป็นไงบ้างน๊า”


“เราก็มีลูกด้วยกันสิ แต่งงานกันแล้วนี่”


ไอ้หน้าขาวมันพูดยิ้มๆ พลางกอดกระชับแน่นเข้าไปอีก


“พูดเล่นๆ ก็ไม่ขำหรอกนะพี่ยอด อืม.....ถ้ามีลูกได้ก็ดีสิเนาะ”


“ไม่มีลูกเราก็อยู่กันได้นะน้องเป้ ถ้าหากเรารักกัน เชื้อชาติ เพศ หรืออะไรก็ไม่เห็นเกี่ยว ที่สำคัญขอให้น้องเป้รู้ว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พี่พร้อมที่จะปกป้องน้องเป้ตลอดไป”


แค่นี้ผมก็ชื่นใจหละครับ ผมซุกหน้าลงที่อกแกร่ง ผมวางใจแล้วครับว่าผมมีที่พึ่งของใจแล้ว ผมรู้ครับว่าความรักที่แท้จริงระหว่างผู้ชายกับผู้ชายมันหายากมากที่จะรักกันแล้วไม่ทิ้งกันง่ายๆ แต่ผมคิดว่าทำอย่างไรที่จะให้เรารักกันได้นานเท่านาน


“พี่ยอดคิดว่าพี่ยอดรู้จักน้องเป้ดีหรือยัง”


ผมถามขึ้นมา เมื่อไอ้หน้าขาวมันได้แต่กอดแต่หอมผมอยู่ได้เป็นชั่วโมงๆ ทั้งที่มันดึกแล้ว และผมก็ง่วงนอนแล้วด้วย


“เรารู้จักกันมา จะยี่สิบปีแล้วนะน้องเป้”


“แต่น้องเป้ว่าเรายังไม่ได้เรียนรู้การอยู่ร่วมกันเลยนะพี่ยอด บอกตรงๆว่าน้องเป้กลัว”


“กลัวอะไรครับน้องเป้”


ไอ้หน้าขาวมันหอมแก้มผมทีนึง


“กลัวความไม่แน่นอนมั้ง”


ไอ้หน้าขาวมันนิ่งเงียบ


“แล้วน้องเป้ว่ายังไง”


“น้องเป้ว่าเราเรียนรู้กันก่อนอีกสักหกเดือนดีมั้ย อยู่ร่วมกันสักหกเดือนก่อน ห้ามมีอะไรกันด้วย”


“หกเดือน บ้าหรือเปล่าน้องเป้ นี่ตั้งปีกว่าแล้วน้องเป้ยังไม่ไว้ใจพี่เหรอ”


“น้องเป้อยากรู้จักมากกว่านี้ อีกหกเดือนนะพี่ยอด”


“ไม่เอา พี่ไม่รอถึงขนาดนั้นหรอก นานเกินไป นี่พี่ก็รอมาตั้งปีกว่าแล้ว น้องเป้ไม่เห็นใจพี่เหรอ”


“น้องเป้รักพี่ยอดนะ แต่น้องเป้ไม่พร้อม”


“งั้นอีกสามเดือน ที่เราจะเรียนรู้กัน คราวนี้ถ้าน้องเป้ไม่พร้อมอีก พี่คงต้องพิจารณาตัวเองใหม่หละมั้ง”


ไอ้หน้าขาวมันพูดเศร้าๆ จนผมใจหาย ใจผมหนะรักมัน แต่ผมไม่แน่ใจ ไม่มั่นใจ ขอเวลาหน่อยนะพี่ยอด...........



หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 17-04-2007 02:50:15
น่าฉงฉานพี่ยอดจัง อดเปรี้ยวไว้กินหนาวนะพี่ยอด  :kikkik:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 17-04-2007 08:21:41
การที่เวลาสามารถพิสูจน์ความรักได้ก็จริงนะครับ :yeb:

แต่ว่านะ  ถ้าเวาลที่พิสูจน์มันนานไปเนี่ย

เวลาดีๆ ที่จามีมันก้อจาหายไปด้วย  มั้งครับ  แหะๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 17-04-2007 13:54:04

...........ปล่อยหั้ยกาลเวลา...พิสูจน์ทั้งเขาและเรา ........... :impress3: :impress3:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: jammy ที่ 17-04-2007 14:41:37
น้องเป้ก็ต้องเห็นใจพี่ยอดด้วยนะครับ เพราะกว่าจะผ่านอุปสรรคอะไรมาจนได้มาอยู่ด้วยกับกับน้องเป้ก็ลำบากน่าดูแล้วนาร่นเวลาให้พี่เค้าซักนิดก็เเล้วกัน3เดือนก็โอเคนะ  :haun5:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 18-04-2007 16:34:15
เอาใจช่วยพี่ยอดคร้าบบบบบบบบบบบบบบบ

 :yeb: :yeb: :yeb:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 18-04-2007 17:54:47
จะคลั่งตายแว้ว
เขาว่ากันว่า จงมีความสุขกับปัจจุบันเตอะ
เพราะไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น
 :monkeysad2:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 18-04-2007 18:52:43
เป้จ๋า
ให้ว่องนะจ๊ะ ให้ว่อง
ทำค้างหลายเรื่องแล้วนะเนี่ย :monkeysad2:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 20-04-2007 14:14:43
หายไปไหนหวาาาา

ทำไมยังไม่มาต่อ

ชิส์ :angry2:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 25-04-2007 16:49:49
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 01-05-2007 16:45:59
แน๋วค้าบบบบบ

ลืมเรื่องนี้ไปแล้วเหรอครับ

มาต่อเวยๆ นะค้าบบบบ

พูห์รออยู่

 :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 01-05-2007 17:48:24
รักกันจะกลัวอารายยยยย   :impress:

แน๋วที่ร๊ากกก  อยากอ่านต่อแย้ววว  :dont2:  :dont2:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: LiliLiN ที่ 02-05-2007 09:54:52
คุณเป้ขา ลืมกระทู้นี้ไปแล้วเหรอคะ

 :โหลๆ: ยังรออ่านอยู่น้า

 :call:  จงมา  จงมา
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: ฿oomb@b@ ที่ 05-05-2007 08:27:33
 :dont2: ได้โปรดมาต่อด้วยน่ะครับ
 :o11: มานั่งเหงาหงอยคอยอยุ่น่ะครับ
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: ~NeMeSiS_PURE~ ที่ 05-05-2007 12:05:27
:serius2:ทามมายม้ายมาต่อซ้ากทีอ่ะ  อยากอ่านนนนนนคร้าบบบบบ o9
หัวข้อ: Re: [story]Special Always…..รักนิรันดร์....จากฉันถึงเธอ หลังวาเลนไทน์ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 16-05-2007 00:35:43
ขอบอกว่าลืมจริงๆ  ลืมลงไปหนึ่งตอน เค้าขอโต้ดน๊า.... ทุกคนๆๆๆ o1

*******************************************

เรื่องนี้ลงกระทู้เดียว ทยอยลงเรื่อยๆ เป้เล่าเหตุการณ์หลังวาเลนไทน์ ไห้ฟังนะครับ อันนี้เป็นเรื่องสั้นๆนะครับ เหตุการณ์อดีตที่ผ่านมา 14-15 กุมภาครับ


จากการใช้ชีวิตด้วยกันมาเกือบสี่เดือน ท่ามกลางใครต่อใครที่มองว่าจะไปรอดถึงไหน เพราะผมกับไอ้หน้าขาวมีแค่ความสัมพันธ์ทางใจกันอย่างเดียว ส่วนทางกายนั้นผมบอกได้เต็มปากเต็มคำเลยว่าผมไม่เคยได้เสียตัวแบบล้ำลึกกับไอ้หน้าขาวเลย แถมบางครั้งยังให้ไอ้หน้าขาวไปหาผู้หญิงคนอื่นด้วยซ้ำ แต่ห้ามไปหาผู้ชายโดยเด็ดขาด ถ้ารู้หรือจับได้.....ผมก็ไม่เอาไว้จริงๆ ผมรู้ ว่าผมมีข้องบกพร่องเกี่ยวกับเรื่องบนเตียงเยอะ แม้ว่านังต้องจะเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวเรื่องนี้ มีมาดาเป็นผู้ให้คำแนะนำอยู่ห่างๆ แต่พอเอาเข้าจริงๆ ผมกลับถอดใจทุกที มันกลัวมาก จนไอ้หน้าขาวมันหัวเสีย.... จนมันไม่รบเร้าผมอีก ผมเลยเป็นหมอนข้างให้กับมัน แต่เรื่องเซ็กส์ไม่ใช่ว่าผมจะไม่ค้นคว้า เสาะหา ผมกลัว กลัวว่ามันจะทิ้งผมไปซะก่อน ผมเครียด........จนต้องไปปรึกษาจิตแพทย์ ซึ่งอันนี้ต้องยกความดีให้กับคุณลุง สามีของมาดามเขาหละ ที่ผมได้ไปคุยกับแกบ่อยๆ หลังจากที่เลิกงาน ยามที่ต้องไปบ้านของมาดาม หรือที่เจอกับคุณลุงที่บริษัทแม่ข่ายของบริษัทเรา


“การไปพบแพทย์ไม่ใช่เรื่องน่ากลัวนะคุณเป้ เมื่อก่อนดาร์ลิ่งก็เป็น เขาไม่ชอบฝรั่ง ทีนี้ผมยังพาไปพบจิตแพทย์ จนหันกลับมาชอบฝรั่งไปเลย”


คุณลุงฟุ้งเป็นภาษาอังกฤษ จนผมกับมาดามมองหน้ากันแล้วยิ้ม คุณลุงชอบเรียกมาดามว่า ดาร์ลิ่ง ขณะที่มาดามเรียกคุณลุงว่า บอสส์ ส่วนผม ถ้าอยู่กันในกลุ่มก็จะเรียกเขาว่าคุณลุง ถ้าอยู่ต่อหน้าแกผมก็จะเรียกว่าคุณจอห์น ไม่ว่ามาดามจะทำอะไรก็ตามก็จะถูกใจคุณลุงไปหมด


“คุณดีทุกอย่าง ดีมากๆ”


ไม่เคยมีอะไรที่มาดามไม่ดีเลยในสายตาของคุณลุง ขนาดที่บริษัทของคุณลุงซึ่งเป็นบริษัทแม่ของบริษัทของมาดาม จัดดอกไม้ไว้สวยมาก แล้วทีนี้ผมกับมาดามก็ช่วยกันจัดดอกไม้ ประมาณว่าจะเอาไปโชว์ว่าลองจัดดอกไม้ดู
แต่ว่า....เราสองคนไม่เคยมีพื้นฐานการจัดดอกไม้มาก่อน ผลออกมาเลยไม่รู้ว่าเป็นสไตล์ไหนดี เอาวะ ไหนๆ ก็ทำกันเองเลย เราสองคนเลยยกกระเช้าดอกไม้อันนั้นไปที่บริษัทของคุณลุง


“สวยมาก ใครเป็นคนทำหละเนี่ย”


คุณลุงชมเปาะและยิ้มร่าเมื่อผมส่งกระเช้าดอกไม่ขนาดใหญ่ให้แกดู


“มาดาม”


ผมบุ้ยไปใส่มาดามที่ยืนยิ้มอยู่


“โอ......สวยมาก ดาร์ลิง คุณทำอะไรก็สวยงามไปหมด”


แล้วคุณลุงก็ไห้แม่บ้านเอาดอกไม้ที่ช่างดอกไม้เขาบรรจงแต่งเพื่อประดับที่ด้านหน้าของบริษัทออก แล้วเอาดอกไม้ที่มาดามกับผมช่วยกันจัดมาประดับแทน แถมคุยฟุ้งในหมู่ผู้บริหารกับเพื่อนๆ ของแกว่านี่หละฝีมือของมาดาม โอย.....ผมกับมาดามหละ อ๊าย อาย ........ ไม่รู้ว่าแกอาประสาทสัมผัสส่วนไหนรับรู้ว่ามันสวย ขนาดผมกับมาดามที่ช่วยกันจัดยังลงความเห็นกันเลยว่า...ไม่สวย


“ต๊าย……………………….”


นังต้องมันทำเสียงสูง เอามือกุมอก เป็นท่าพื้นฐานของกะเทยเวลาตกใจ ซึ่งถ้าเป็นนังคาร่า นังสดทำ มันคงน่ารักอยู่หรอก นี่นังต้อง......เหอ เหอ ไม่อยากบอกว่ามันทำท่าทางได้พิลึกกึกกือ มันเกย์ถึก ที่ตัวโตเป็นควายแถมสูงเหมือนเปรตอีก มันเลยทำให้หมั่นไส้ น่าถีบมากกว่าน่าชม เมื่อมันรู้ว่าผมไม่ยอมมีอะไรกับไอ้หน้าขาว


“อีนังเป้ เข้าห้องเข้าหอมีผัวเป็นตัวเป็นตนแล้ว มึงจะหวงเนื้อหวงตัวไว้ให้ยมบาลหรือไง”


“ก็กูกลัว”


“มึงจะมากลัวอะไร”


นังต้องมันตวาดผมแว้ดๆ ดูท่าว่ามันคงสอนผมไม่ขึ้นแล้วจริงๆ


“หนังกูก็เอามาให้มึงดูเป็นสิบๆ แผ่น มึงดูแล้วมึงไม่อยากมั่งหรือไง”


มันยังถามผมด้วยเสียงที่ไม่ค่อยพอใจ ไม่รู้ว่ามันเดือดร้อนอะไรแทนไอ้หน้าขาว มันอยู่ฝ่ายไหนกันแน่เนี่ย


“อยาก”


“อยากแล้วทำไมแกไม่ทำ”


เหอ เหอ แล้วผมจะกล้าทำเหรอครับ ตั้งแต่ไอ้หน้าขาวมันขอมาหลายครั้งต่อหลายครั้ง ผมก็ ไม่ ไม่ ไม่ มาตลอดทุกที จู่ๆ จะให้ผมลุกขึ้นมานั่งขย่มมัน ควบเป็นม้าเข้าสู่เส้นชัย มันเป็นไปไม่ได้หรอก เพราะหลังจากนั้นไอ้หน้าขาวมันไม่ได้เรียกร้องอะไรกับผมอีก นอกจากมันจะอาศัยผมเป็นหมอนข้างกอดก่ายให้ผมใจเต้นตูมๆอยู่ทุกคืน ยกเว้นว่าวันไหนที่มันอยากจัดๆ นั่นหละมันถึงจะให้ผมจัดการให้ด้วยปากหรือไม่ก็มือ ..........


หัวข้อ: Re: [story]Special Always…..รักนิรันดร์....จากฉันถึงเธอ หลังวาเลนไทน์ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 16-05-2007 00:37:02
“ต้อง มึงว่ากูเลวปะวะ ที่กูไม่ยอมพี่ยอดสักที”


นี่ก็ใกล้วันวาเลนไทน์แล้ว แต่ผมก็ยังรักษาสภาพร่างกายให้อยู่รอดปลอดภัยมาได้ทุกๆ วัน แม้ว่าแต่ละคืนผมต้องนอนใจเต้นตูมๆ ในอ้อมกอดของไอ้หน้าขาวทุกคืน ผมว่ามันคงรู้หละว่าผมตื่นเต้น เพราะว่ามันกอดผมทีไร ไอ้เจ้ายอดน้อยชูชัน แข็งแกร่ง ของมันชนต้นขาของผมทุกคืน ไอ้ผมก็อายมัน แล้วกลัวมันจะรู้ด้วยว่าผมก็มีอารมณ์ร่วมไปกับมัน ผมเลยหันหลังให้มันเพื่อไม่ให้มันรู้ว่าใจผมเต้นแรง แต่เหมือนจะเข้าทางมัน เพราะว่ามันจะเอาของมันมาถู มาเบียดบั้นท้ายผม แต่นั่นหละครับพอมันจะลอกคราบผมบนที่นอนทีไร ไม่รู้ว่าเป็นอะไรเหมือนกัน ที่ผมต้องห้ามและขัดขืนมันทุกครั้ง


“อย่านะ”


ผมดิ้น แล้วแกะมือใหญ่ที่กำลังจะถอดกางเกงผม


“ทำไมอะน้องเป้”


“ไม่เอา น้องเป้เหนื่อย พี่ยอด นอนเหอะนะ น้องเป้ไม่พร้อม”


ลำแขนใหญ่ แน่น หยุดการกระทำทันที


“ขอโทษนะนะน้องเป้ พี่จะรอวันที่น้องเป้พร้อมละกัน”


อ้อมแขนใหญ่กอดกระชับผมอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่มีการล่วงล้ำ แต่บั้นท้ายผมยังสัมผัสกับความใหญ่เกร็งผงาดนั่นอยู่ดี

“ใช่ มึงเลวมาก อีเป้ เป็นกูนะทิ้งมึงตั้งแต่มึงไม่ยอมครั้งแรกนั่นแหละ เดี๋ยวนี้เกย์หน้าตาดีๆมีเยอะแยะ ไม่ใช่ว่าจะมีมึงสวยอยู่คนเดียวที่ไหน ถ้ากูเป็นยอดนะ กูมีกิ๊กไปนานแล้ว กูไม่เอามึงไว้บนหิ้งกราบเช้ากราบเย็นเหมือนตายอดหรอก”


ดูเถอะ ปากอีนังต้องเพื่อนซี้ผม


“แล้วกูต้องทำยังไงมั่งวะ”


“อ้าว...อีนี่ ไหนว่ามึงไปหาหมอโรคจิตมาแล้วไง ทำไมต้องมาถามกู”


“นั่นแหละ กูแค่อยากรู้ว่าเขาต้องทำอะไรก่อนที่จะทำอะไรกันบ้าง”


ผมพูดอ่อยๆครับเพราะว่านังต้องมันจ้องหน้าผม


“มึงก็แค่ยอมให้ยอดเสียบตูดมึงแค่นั้นเอง”


นังต้องมันพูดหน้าตาย


“อีนี่ กูถามมึงจริงๆนะ แล้วถ้าสมมติว่ากูยอมมัน กูจะไม่เจ็บเหรอ กูยังไม่เคยนะมึง”


“แล้วสี่เดือนที่ผ่านมา ตายอดไม่ได้ทำอะไรมึงเลยเหรอ”


“พี่ยอดจะทำเป็นที่ไหนกัน ไม่เคยทั้งคู่นั่นหละ พี่ยอดเขาเคยแต่ข้างหน้าวะ ไอ้เรามันพวกข้างหลัง เฮ้อ......”
ผมพูดแล้วก็ถอนใจ…………………
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 16-05-2007 01:04:13
สงสารพี่ยอดจิง จิง ต้องพึ่งแม่นางทั้ง 5  :laugh:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: VicOSe ที่ 16-05-2007 04:38:27
เหอะๆ   พี่ยอด คงอึดอัดน่าดู 5 5 5+
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 17-05-2007 14:24:53
เหอเหอ

แล้วเมื่อไหร่จะได้กัน

รอจิ้นต่อไปนะค้าบบบบบบบบบบบบบ

 :o9:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 21-05-2007 17:58:05
แน๋วคร้าบบบบบ

เมื่อไหร่จะมาต่อเรื่องนี้ละครับ

รอจิ้นอยู่เลย

 o9 o9 o9 o9
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Oḇlivïaté℠ ที่ 08-06-2007 22:39:19
โหยยยย

หนุกหนานมากเรยคร้าบบบบบ

ซึ้ง + เศร้า + สุข + หื่น
ครบสูตร

ขอบคุณผู้เขียนมากมายครับ

ปล.ต่อเร็วๆเถอะๆๆ...หยุดมะได้ ขาดจัยครับพ้า   :haun5: :haun5: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 09-06-2007 04:20:26
คิดถึงน้องเป้แล้วนะ แน๋วจ๋าไม่มีข่าวมาบอกเลยเหรอ  o12
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: FOAM ที่ 09-06-2007 19:38:47
รอพี่เป้ เสมอค๊าบบบ  รักษาสุขภาพน้า :give2: :give2: :give2: :give2: :give2:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: leau_dissey ที่ 16-06-2007 16:27:51
รออยู่นะคะ ชอบงานเขียนของคุร อีเรียม มากเลยค่ะ :impress:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: tor13 ที่ 16-06-2007 16:45:22
รออยู่นะคะ ชอบงานเขียนของคุร อีเรียม มากเลยค่ะ :impress:
 :laugh:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 17-06-2007 21:56:54
เรื่องนี้อ่านแล้วสนุกมากเลย

มารออ่านต่อนะคับ
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: ~ScAreD:SAcreD~ ที่ 17-06-2007 22:06:47
เป้หายปายหนายยยยยย แฟนๆรอกันเหงือกแห้งแล้ว :dont2:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: pajaa ที่ 17-06-2007 23:49:55
เอ่อ...ถ้าผมจำไม่ผิดเหมือนกับเคยอ่านเจอมีคนแจ้งข่าวว่า

พี่เป้เคยบอกไว้ว่า หมอตรวจพบเนื้องอก (ไม่ได้บอกที่ไหน)จะต้องผ่าตัด
ซึ่งตอนนี้ก็ผ่าตัดเรียบร้อยแล้ว น่าจะกำลังพักฟื้นอยู่อ่ะคับ

ปล.บอกผ่านนะคับ เพราะไม่ได้อ่านที่พี่เป้ post เองคับ :teach:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 17-06-2007 23:51:34
ถูกต้องแล้วจ้าน้องนินจา รอไปก่องน๊าทู้กคนน :o8:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: windstruck ที่ 17-06-2007 23:58:38
 o9   :serius2:  หายไปเลยอ่ะ  อยากอ่านต่อจัง  มาลงหน่อยเถ้อะ   :sad4:  :dont2: พลีสสสสสสสส  เริ่งนี้เด็ดดี   o13
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 18-06-2007 01:45:41
เจ้เข้ามาบอกว่า....

ข้างหน้า-ข้างหลัง  ตำแหน่งมันห่างกันแค่นิดเดียว  :laugh:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: slmzaa ที่ 06-07-2007 00:46:17
 :m13: :m13: :m13: :m13: :m13: :m13: :m13: :m13: :m13: :m13: :m13: :m13: :m13: :m13: :m13:


                                                           ฉงฉานกัลหน่อยมาต่อนะรอเปนกามลังจายไห้

[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 08-07-2007 16:36:55
บทที่ 5 การงานกับความรัก


เป็นอันว่ารู้กันในกลุ่มเพื่อนและครอบครับของเราทั้งสองคนแล้วว่า เราได้อยู่ร่วมกัน ตอนเช้าผมตื่นขึ้นมาผมก็ไปทำงานตามปกติ เดินผ่านนังต้องที่งัวเงียขี้ตาอยู่เมื่อผมเอาเท้าเขี่ยซากของมันบนโซฟา ที่มีเพื่อนไอ้หน้าขาวนอนเกลือกกลิ้งอยู่เกลื่อนพื้นห้อง


“เฮ้ย...อีห่าเป้ นี่ผีที่ทำงานสิงมึงรึไง ถึงแปลงร่างเหมือนจะไปทำงานแบบนี้ แล้วยังไม่ครบกำหนดที่มึงลางานไว้ไม่ใช่เหรอ”


นังต้องมันถามผมเสียงตื่น


“กูคิดถึงงานวะ ทิ้งงานมาตั้งหลายวันต้องไปเคลียร์สักหน่อย ยังไงกูฝากดูพี่ยอดกับเพื่อนเขาด้วยหละ”


“เออ..มึงรีบไปทำงานเหอะ เดี๋ยวกูจะดูแลพระสวามีของมึงอย่างดี นี่นังเป้กูถามจริงๆ มึงเสียตัวหรือยังวะเมื่อคืน”


“บ้าหรือเปล่ามึงนี่ เห็นกูเป็นคนใจเร็วหรือไง”


ผมถามมันกลับเสียงดัง แต่นังต้องมันยกนิ้วโป้งชูให้ผมดู


“มึงนี่สุดยอด กูนับถือแทบจะกราบมึงเลย แทบจะไม่เชื่อว่ามึงจะอดใจอยู่”


“กูก็อยากเหมือนกันแหละ แต่กูไม่กล้า ที่สำคัญกูกลัวเจ็บ กูไม่พร้อม”


ผมกระซิบมัน จนนังต้องมันหัวเราะกิ๊ก


“โธ่ เอ๊ย มันก็เจ็บตอนแรกแค่นั้นหละว้า ต่อไปมึงก็เสียวเองนั่นหละ แล้วว่าแต่ว่าเมื่อไรมึงถึงจะพร้อมหละ”


“อีกสามเดือน”


ผมตอบเสียงเรียบ ทำหน้าเฉยๆ เมื่อนังต้องมันตาโต อุทานออกมาเสียงดัง


“อีกตั้งสามเดือน มึงเป็นบ้าไปหรือเปล่าหา อีเป้ ผู้ชายนะเว้ยมึง เขาไม่ได้เหมือนเราๆนะมึง มึงอย่าคิดเองเออเองฝ่ายเดียว เห็นใจคุณยอดเขามั่ง”


นังต้องมันพูดเหมือนกับจะอ่อนใจกับผมเต็มประดา


“มึงไม่ต้องพูด เดี๋ยวกูจะไปทำงานสาย มึงโทรสั่งข้าวมาให้พี่ยอดด้วยนะมึง กูไปหละ”


ผมเหลือบดูนาฬิกา ยังพอทันไม่ต้องรีบเร่งมาก เมื่อคืนผมก็นอนดึก ไม่รู้ว่าเช้านี้จะตาเป็นหมีแพนด้าหรือเปล่า วันนี้ว่าไปที่ทำงานจะเอาถุงชาแช่เย็นมาแปะที่เปลือกตาซะหน่อย ง่วงก็ง่วง แต่ทำไงได้หละผมไม่กล้าที่จะเจอหน้าไอ้หน้าขาวมันหรอก ผมอายมัน เดี๋ยวมันจะล้อผม ขนาดนังต้องมันเหมือนจะแซวอะไรผมเลย แต่ว่าผมรีบชิ่งออกมาซะก่อนไม่งั้นนังต้องมันคงจะล้อตาย.......



เสียงพูดจอแจที่ดังลั่นออฟฟิศ เงียบลงทันที่ที่ผมปรากฏตัวขึ้นในสายตา ทุกคนต่างก้มหน้าก้มตา เหมือนจะขยันทำงาน คนที่นั่งสุมหัวกันหัวร่อต่อกระซิกก็สลายตัวไปประจำโต๊ะใครโต๊ะมัน ผมยิ้มให้ เหมือนกับว่าผมยิ้มให้กับลมฟ้าอากาศ ไม่มีภาพสะท้อนถึงมิตรไมตรี ผมไม่สนใจ เดินเข้าไปในห้องทำงาน ขณะที่กำลังจะลับหายเข้าไปในห้อง ไม่รู้ว่าผมหูดีเกินไปหรือเปล่า


“ทำเป็นขยันมาทำงานในวันลา วุ้ยหมั่นไส้ จะมาประจบบอสส์หละสิ”


อารมณ์วูบนั้น ผมบอกได้เลยว่าความร้อนมันมาจากไหนไม่รู้ รู้แต่ว่าผมโกรธมาก ผมเข้ามาที่นี่พราะฝีมือการทำงาน แต่ดีหน่อยที่มาเข้างานที่นี่ผมไม่ต้องผ่านฝ่ายบุคคล และเป็นคนเดียวในบริษัทที่เดินเคียงข้างกับบอส ที่ทุกคนเกรงกันนักหนา จึงไม่แปลกที่จะมีคนไม่ชอบผม ที่สำคัญ คำว่าเด็กเส้น มันตราอยู่ที่หน้าผากของผมตั้งแต่วินาทีแรกที่ผมก้าวเข้ามาแล้ว ผมมึน รู้สึกเวียนศรีษะอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน แถมอาการปวดศรีษะข้างเดียวมันเกิดขึ้นกับผม อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จนผมต้องเกาะขอบประตูเอาไว้ แล้วโผเผเข้าไปฟุบบนโต๊ะทำงาน


“สงสัยเมื่อคืนไม่ได้นอน แน่ๆ เลย”


ผมวินิจฉัยอาการของตัวเองเสร็จสรรพ ตัวเรา ใครจะรู้ดีกว่าตัวเรา แต่ทำไมผมรู้สึกปวดหัวมากขึ้นกว่าเดิม แถมที่สำคัญมันรู้สึกปั่นป่วนที่กระเพาะอาหาร อาหารที่ย่อยตั้งแต่เมื่อคืนเหมือนจะวิ่งผ่านมาจุกที่คอ ความเหม็นเปรี้ยวเริ่มรับรู้รสภายในปาก ถังขยะ ผมตะกายจากโต๊ะ ทั้งๆที่ปวดหัวแทบจะระเบิด น้ำขมเปรี้ยวพรวดออกมาจากปากผมอย่างยากที่จะกลั้นเอาไว้อยู่ ผมสำรอกออกมาอีกหลายระลอก จนกลิ่นคลุ้งไปหมด ไม่ไหวแล้ว ใครก็ได้ช่วยที ผมพยายามที่จะเรียกใครเข้ามาช่วย แต่เหมือนไม่มีใครใส่ใจ ผมเห็นเงาเหมือนแม่บ้านกวาดพื้นอยู่หน้าห้องทำงานผม แต่ผมไม่มีแรงเลย แถมอาเจียนไม่ขาดระยะ จะบังเอิญหรือเปล่าก็ไม่รู้ มือผมไปโดนแก้วตกจากโต๊ะร่วงมาแตก น่าเสียดายแก้วใบนี้มาก เพราะมันเป็นแก้วนำโชคของผม ไม่ว่าทำงานที่ไหนผมต้องมีแก้วใบนี้ไว้ใส่น้ำกินประจำ ไม่ว่ากี่ปีต่อกี่ปีผมก็ใช้แก้วใบนี้เสมอในที่ทำงาน


เสียงแก้วแตกคงจะสะดุดหูของคนข้างนอกมากกว่าเสียงอ๊วกของผม แถมตามก้วแฟ้มเอกสารร่วงลงไปอีกสองสามแฟ้ม


“คุณเป้”


แม่บ้านถลาเข้ามาก่อนใคร ตามด้วยเสียงของไทยมุงเซ็งแซ่


“รีบนำส่งโรงบาลเถอะคะ”


ดูเหมือนจะเป็นเสียงของแม่บ้านที่พูดขึ้นมา.....................

หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 09-07-2007 00:37:24
น้องเป้เปงไรอะ  :confuse:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: leau_dissey ที่ 09-07-2007 11:25:29
 :impress:มาแล้วววววววววววว รอคอยด้วยความหวัง :m15:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 09-07-2007 14:59:33
อ่านตั้งแต่ต้น รวดเดียวตั้งแต่เช้าเลย (แอบอู้งานอ่านด้วยนะเนี่ยอิอิ)

สนุกมากๆรีบมาต่อนะค้าบบบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: ~ScAreD:SAcreD~ ที่ 09-07-2007 16:29:27
 :serius2: ไม่เอานะ เป้อย่าเป็นอะไรนะ  :sad4:

นั่งรอตาแป๋วให้รีบมาต่อ  :impress:

ตื่นเต้นมากมาย ลุ้น ลุ้น
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 10-07-2007 23:53:24
นี่เป็นสาเหตุนึงที่ทำให้เป้ต้องเข้าโรงพยาบาลเมื่อปลายปีที่แล้วอ๊ะป่าวอ่ะ :sad5:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 11-07-2007 00:25:16
เวลาของคนเรามีไม่เท่ากัน
จงทำปัจจุบันให้ดีและมีความสุขที่สุด
 :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 14-07-2007 02:48:17
 :impress: :impress: :impress:

สนุกครับผมมาอ่านตั้งนานละครับ

เพิ่งมาเม้มอะครับเพิ่งเป็นสามาชิกอะครับ

 :impress: :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: min_min ที่ 14-07-2007 06:52:26
กะลังมาตามอ่านนิยายในบอร์ด   เรื่องนี้ก้อหนุกมากงิ

แกๆนี่เศร้า  มากๆๆๆ    กว่าจะแฮปปี้  คุณเป้ดันมะพร้อมอีก   

สงสารคุณ ยอดเจง  อึดอัดแย่เรย   อิอิ 

มาต่ออีกนะคร้าบ  กะลังถึงชอทเด็ด.......

คุณเป้จะเป็นไรมากไหมอ่ะ   เปนห่วงจัง

 :m5: :m5: :m5: :m5: :m5:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 14-07-2007 09:45:50
คุณเป้อย่าเป็นไรไปน๊าาา  :m5: :m5:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 14-07-2007 12:07:24
เกิดอารายขึ้นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน

กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

 :m11: :m11: :m11: :m11:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: meeza31 ที่ 14-07-2007 17:28:36
เมื่อไรพี่เป้จะยอมพี่ยอดสักทีละคับ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: jammy ที่ 15-07-2007 10:21:01
เรื่องนี้ทำไมลงช้าจังอะครับอยากอ่านตอไวๆงะ :m15:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: ronger ที่ 23-07-2007 17:57:28
 :serius2:  ยังไม่มาต่ออีกเหยอ  คุณเป้เป็นอาราย  :sad4:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 24-07-2007 14:57:02
 :impress: :impress: :impress:

มาดันครับผมชอบมากครับ

เป็นกำลังใจให้ครับผม

 :impress: :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 26-07-2007 12:00:16
“เดี๋ยวหาย ไม่เป็นไร แค่นี้มันจะตายให้มันรู้ไป”

ไม่รู้ว่าผมประชดใครออกไปหรือเปล่า แต่เท่าที่สายตาพร่า ลางเลือนของผม เห็นว่า บรรดาไทยมองหน้าสลดลง


“ทุกคนไปทำงาน เดี๋ยวพี่แม่บ้าน เป้รบกวนทำความสะอาดให้เป้ด้วย ส่วนเรื่องงานขายต่อไปนี้ช่วงที่พี่สะอาด
ไม่อยู่เป้ขอรับผิดชอบหมดทุกกรณี แล้วพวกคุณจะได้รู้กันสักทีว่าเป้มาที่นี่เพราะฝีมือ ไม่ได้มาเพราะคำว่าเด็กเส้น อะไรที่ดีก็ควรทำ อะไรที่ไม่ดีก็ไม่ควรทำ คนเราถ้ามองคนอย่างอคิติ ไม่ยอมเปิดใจรับสิ่งใหม่ๆ งานมันไม่ก้าวหน้าหรอกนะ อีกอย่างพวกคุณๆ ก็มีการศึกษา จบมาก็สูงๆกันทุกคน เป้คิดว่าเรื่องการปรับตัวเข้าสังคมไม่ใช่เรื่องที่จะมาพูดกันกับคนที่จบปริญญาตรีมาแล้ว เป้อาจจะอายุน้อย อาจจะสนิทกับบอสส์ ก็จริง แต่เรื่องงานเป้ไม่ได้มาเพราะความสนิทสนมแน่นอน ทุกคนคงจะรู้ว่าบอสส์ของเรานิสัยยังไง อีกอย่าง 20 วันที่พี่สะอาดไม่อยู่ ทุกคนจะเรียนรู้ในตัวของเป้มากขึ้น ไม่ว่าทุกคนจะว่ายังไง เป้ก็พูดแล้ว และจะไม่พูดอะไรอีก รอเพียงความร่วมมือจากทุกคน ถ้าทุกคนรักที่นี่ ควรจะสามัคคีเข้าไว้ บริษัทเราก้าวหน้ามาได้เพราะพวกเราไม่ใช่หรือ เป้จึงอยากขอร้อง เปิดใจให้เป้บ้าง ให้ความร่วมมือเป้บ้าง ยังไงเป้ถึงเป้จะอายุน้อยกว่าพวกคุณ ไม่ได้หมายความว่าจะฝีมือต่ำอย่างที่คุณคิด เป้ขอเวลา 5 วันแรกในการพิสูจน์ตัวเอง หวังว่าทุกคนคงให้ความร่วมมือ”


“ว่าไงครับคุณประมุข”


ผมกวาดสายตามองไปยังชายวัยกลางคนที่ยังดูดี บวกมาดเพลย์บอย กวนๆ ของหนุ่มใหญ่ที่ยังคงเสน่ห์ของผู้ชายวัยกลางคนอย่างล้ำลึก ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าที่นี่ทำไมถึงมีแต่คนหน้าตาค่อนข้างใช้ได้ถึงดีมากๆ เคยกรี้ด สมัยเข้ามาทำงานใหม่


“โห ทำไมเลือกแต่พนักงานหน้าตาดีไว้ฝ่ายขายหมดเลยหละ พี่โก้”


“ก็ฝ่ายขายเป็นหน้าเป็นตาของเราที่ต้องออกไปพบลูกค้านี่จ๊ะ อีกอย่างพวกเราจะได้ชื่นใจมองไปทางไหนก็มีแต่สิ่งสวยงาม”


เฮ้อ เอาเข้าไปกับเหตุผลของเจ้าของบริษัท แต่เบื้องหน้าที่สวยงามทั้งหลายนี่แหละ ที่เบื้องหลัง จิกกัด ทิ่มแทง ชิงดีชิงเด่นกัน ผิดไปกับเบื้องหน้าอย่างชัดเจน อีกอย่างพี่ประมุขก็หวังตำแหน่งรองผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาดมานาน และคาดว่าจะไม่มีใครเหมาะสมแน่ๆ แต่มาดามก็ทำให้ทุกคนประหลาดใจ ที่แน่ๆ พี่ประมุขเสียใจหนัก และไม่เคยที่จะให้ความร่วมมือกับผมมาตั้งแต่ต้น รวมทั้งยุยงพนักงานให้เกลียดผมทั้งแผนก
ผมถามแต่พี่ประมุขเงียบ ผมเลยเลื่อนไปจ้องตาพี่ดารณี คู่ชีวิตพี่ประมุข


“คุณดารณี ว่าไง ถ้าเป้ขอความร่วมมือ”


เงียบ ทั้งห้อง ผมกวาดตาไปยังใบหน้าของพนักงานทีละคน เงียบ ทุกคนไม่ยอมสบตา อาการคลื่นไส้ เริ่มเกิดขึ้นอีกครั้ง ผมก็พยายามกลั้นไว้


“ทุกคนว่าไง”


ถามหัวโจกแล้วไม่มีคนตอบ ผมเลยถามเหมารวมไปเลย


“ตกลง พวกเราจะให้ความร่วมมือกับคุณเป้”


พี่ดารณีหลังจากที่นิ่งไปครู่ใหญ่ๆ


“พวกเราด้วย”


หลายเสียงเอ่ยออกมา ผมมองไปยังใบหน้าของทุกคน แล้วยิ้มออกมา วันนี้คงเป็นวันแรกของการทำงานที่นี่ ที่ผมยิ้มให้พนักงานอย่างเต็มใจ มีบางคนยิ้มตอบมา มีบางคนเฉยๆ


“ขอบคุณทุกคนมาก หวังว่างานของเราจะเป็นไปได้ด้วยดี ต่อไปในอนาคต ทุกคนแยกกันทำงานได้ แล้วพรุ่งนี้เป้จะให้ฝ่ายขายทุกคนเข้าอบรม เพราะว่าเป้ติดต่อวิทยากรเอาไว้แล้ว ซึ่งงานนี้เป็นการอบรมของแผนกเราเท่านั้น ขอให้ทุกคนเข้ารับการอบรมในครั้งนี้ ซึ่งต่อไป เป้จะประสานงานกับทางฝ่ายบุคคลให้มีการจัดอบรมทุกแผนกให้บ่อยครั้งขึ้นมากกว่าเดิม ไม่ใช่สามเดือนหกเดือนทีหนึ่งอย่างที่เป็นอยู่”


“เอ่อ....คุณเป้คะ อย่างพี่นี่ต้องอบรมด้วยไหมคะ”


แม่บ้านซึ่งง่วนกับการทำความสะอาด ผลงานความสกปรกของผมอยู่พูดออกมา


“พี่ก็ต้องอบรมด้วย เพราะพี่คือพนักงานของแผนกเรา เป้จะให้ทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ขอบคุณทุกคนที่ให้ความร่วมมือ แยกกันไปทำงานได้ครับ”


ทุกคนคล้อยหลังออกไป ผมเรียกแม่บ้านเอาไว้


“พี่ เป้ขอถุงพสาสติกใบ เป้จะอ้วก”


พี่แม่บ้านก็เหมือนรู้ใจ ส่งถึงมาให้ทันที พร้อมกับที่ผมคายน้ำขมๆ ออกจากกระเพาะได้ทันพอดี อาการปวดหัวเริ่มขึ้นมาอีกครั้ง


“พี่แม่บ้าน เป้ขอยาหอมนะพี่”


“ไม่รู้ว่าผมพูดอะไรต่อไปอีก ลืมตาขึ้นมาอีกครั้งผมอยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว

หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: jammy ที่ 26-07-2007 12:44:12
จบไป1ปัญหา เฮ้อออ o7
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 26-07-2007 15:29:32
อิอิ มาต่อสักที ได้อ่านสมใจอยาก  :m1:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 26-07-2007 19:01:00
น้องเป้ เปงอารายยยยยยยยยยยยยยยยยย

 :m17: :m17: :m17: :m17:

หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: min_min ที่ 27-07-2007 18:39:59
สู้ๆๆ นะคร้าบคุณเป้    เอาใจช่วย  พิสูจน์ตัวเองให้ทุกคนได้รู้
ว่าเราก้อมีฝีมือไม่ได้อาศัยเส้นมาทำงาน 
คราวนี้แหละทุกคนจะได้ฮู้ว่าไผเปนไผ
 :a1: :a1: :a1: :a1:
สู้จนตาย  ดีกว่าเราไม่ได้ทำอะไรเลย   

 :a9: :a9: :a9: :a9:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 27-07-2007 21:04:02
ทำเท่าที่เราทำไหว และไม่เสียความเป็นตัวเรา
ใครจะว่าไร ช่างมันไม่ได้ขอใครกิน
 :a9: :a9: :a9:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 27-07-2007 21:21:12
^
^
ถูกกกกกกกกกกกกก  ไม่ได้ขอใครกิน  :a9:

เอาใจช่วยเป้  สู้ๆ ทั้งเรื่องงาน  แล้วก็นะ ยอมๆ พี่ยอดไปเห้อ

รออ่านต่อนะแน๋ว  :m1:  :m1:  :m1:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 27-07-2007 23:51:36
^

^

^

ยกมือหนับหนุนสองรีฯบนด้วยคน

อย่างน้อยเราก็เชื่อว่าเรามีความสามารถพอ

สู้ๆ  :a1:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: min_min ที่ 19-08-2007 07:31:15
เรื่องนี้ยังมะมาต่อเหรอ    รอนานแล้วนะคับ

 :a3: :a4: :a10: :a11:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: しろやま としんや ที่ 19-08-2007 13:24:46
นี่ใช่อาการป่วยที่คุณเป้เคยบอกไว้รึเปล่า??

หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: light_tao ที่ 19-08-2007 20:36:59
พี่เป้เปงไรอะ   :o
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: min_min ที่ 28-08-2007 08:36:17
คิดตึ๋งพี่เป้  มากๆเลยนะคับ   

 :m1: :m1: :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: maomao ที่ 29-08-2007 23:22:26
อ่าจบแล้วหรอ กะลังลุ้นอยู่เลย

สนุกจัง :m19:

คุณเป้เป็นไรไปคะ แอบค้างมากมาย :m11:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 21-09-2007 23:12:48
 :undecided:
อ่านภาคแรกจบไปนานแล้วววว นึกว่าแค่นั้นคือ happy แล้วซะอีก วันนี้เพิ่งเห็นมีต่อด้วยยยยย
น่าสงสารคุณยอด อยู่กับน้องเป้ตั้งนานยังไม่มีไรเลยยยย คิดมากไปรึเปล่าคับบบคุณเป้ ....  :try2:
 :o8:
SEX มันคือเครื่องมือสำหรับคนสองคนที่จะใช้ถ่ายทอดความรักให้กัน ถ้าเป็นช/ญ ทั่วไปก็เพื่อสืบพันธ์ด้วย
ก็เท่านั้นเองงงงงง ถึงเวลามันก็ไปของมันได้เอง ใช้ความรักนำทางสิครับบบบจะได้ไม่ต้องกลัวววว :oo1:
 :m10:
ผ่านเรื่องราวกันมาตั้งเยอะแยะมากมายยยย นี่ยังต้องมาเจอเรื่องสุขภาพอีกแล้วววว แล้วสองคนจะรับกันไหว
ไหมครับเนี่ยยยย จะเป็นยังไงต่อไปนะ....รอติดตามนะครับบบ เอาใจช่วยครับบบบบ :bye2:บ
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: คุณหมาหยอกไก่ ที่ 29-09-2007 03:42:36
 :a2: :a2:
มาต่อเรวๆนะคัฟ
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: anisongchanon ที่ 09-12-2007 16:03:25
 o7ในที่สุดก็อ่านทันจนได้

มาต่อเร็วๆนะคับ    :m5:

+1ให้คนโพสคับ  (แต่มี2คนจะให้ใครดีหว่า)

เป็นกำลังใจให้คนเขียนคับ  สู้ๆคับพี่เป้ :a2:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: sakura ที่ 18-12-2007 17:52:24
เราอ่านเรื่องนี้หนุกมากๆๆเลยละ
ชอบคนเขียน เขียนเรื่องได้ดี น่าติดตาม
แล้วก็ขอใก้หายไวๆๆนะ
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: coloniser ที่ 28-01-2008 15:56:53
ตามอ่านทันซักที แหะๆ

ว่าแต่เป้เป็นไรอะัคับ ทำไมอยู่ๆมีอาการแบบนั้น??? :m30:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: sakura ที่ 28-01-2008 21:05:38
ยังไงก็ขอให้หายเร็วๆนะค่ะ
ดันๆๆอึ้บjavascript:void(0);
javascript:void(0);
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: coloniser ที่ 28-01-2008 23:56:50
มานั่งรอค้าบบบบบ :a11:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: coloniser ที่ 29-01-2008 17:26:20
มาช่วยดันทุกวันงับ  :mc1:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: coloniser ที่ 30-01-2008 04:29:16
มารอทุกวันคับ รอแล้วรอเล่าอิเรียมก็ยังไม่มาเล่าต่อ เง้อ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: alulugun ที่ 31-01-2008 07:42:28
เรียมจ๋า เมื่อไหร่เรียมจะมาซักที

 :m22: :m22: :m22: :m22:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: coloniser ที่ 02-02-2008 07:36:09
รอๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :m22:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: coloniser ที่ 02-02-2008 18:20:01
ช่วยดันๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: sakura ที่ 02-02-2008 20:44:24
ดันๆๆๆ อึ้บๆๆ
ช่วยอีกแรง
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 03-02-2008 16:05:13
มารออออออ

และช่วยดันๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 06-02-2008 15:34:46
 :mc1: :mc1: :mc1: :mc1: :mc1:

อ้าว พี่แหน่วแน๋ว หายไปไหนล่ะ

ไม่มาต่ออีก

รออ่านอยู่น๊า....

 :mc2: :mc2: :mc2: :mc2: :mc2:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: coloniser ที่ 25-02-2008 06:21:23
รออ่านนะค้าบบบบบ :oni2: :oni2: :oni2:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 25-02-2008 09:25:46
เรื่องนี้หาตัวคนแต่งมะเจอ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ เลยลงต่อให้มะได้  :o12:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: astral ที่ 25-02-2008 12:02:55
คิดถึงเป้ คนแต่ง ตามมาตัวไม่เจอ เศร้า  o7
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: hewlett ที่ 27-02-2008 18:17:53
เข้ามาอ่านเห็นอยู่ในหัวข้อที่จบแล้ว แต่  :sad2: ไม่จบ
เมื่อไหร่จะมาต่ออ่า อยากอ่านต่อน่ะ จะรอนะ
ไม่รู้หายป่วยหรือยัง ยังไงสุขภาพเปลี่ยนแปลงบ่อยระวังสุขภาพบางนะ
(ใ้ห้คนหน้าขาวดูแลนะ จะได้หาย)
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 08-03-2008 23:45:38
 :m1: :m1: :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: coloniser ที่ 12-03-2008 23:26:17
ได้ข่าวว่าคุณเป้ไม่สบาย หายเร็วๆนะคับ เป็นกำลังใจให้
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Shumi ที่ 15-04-2008 03:10:21
อ้าว คุณเป้หายไปหนายยย

หวังว่าตอนนี้ จะมีความสุข และสบายดีนะครับ  :oni1:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Mp_qM ที่ 15-04-2008 18:07:37
ไหงเข้ามาอยู่ในบอร์ดนิยายที่โพสจบแล้วไง


ยังไม่เห็นจบเลยครับเนี่ย หุหุ

หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 17-04-2008 00:10:15
อ่อ ก็จริงๆเรื่องนี้จบแล้ว ที่เอามาลงเป็นตอนพิเศษอ่า แย้วก็หาตัวคนแต่งไม่เจอด้วย ไม่จบก็เหมือนว่าจบแล้ว  :m23:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 17-04-2008 17:00:57
นอนรอ :sad2: :sad2: :sad2:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: moonlight ที่ 07-06-2008 04:09:49
รอ~~~~~~~~~~~
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: luna ที่ 16-12-2008 23:31:03
 :m31:

อ่านจนจบ  แต่เรื่องไม่จบ

คนแต่งหายไปไหน  รออยู่นะคะ    :impress2:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: mkjan16 ที่ 20-12-2008 15:47:31
รอด้วยคนนะคะ ปกตินู๋จันอ่านแต่ินิยายที่จบแล้วนะเนี่ย ง่ะ มันค้างงงงงง สู้ๆนะคะ เป็นกำลังใจให้ 55
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: LOT ที่ 16-01-2009 14:50:00
เพิ่งจะได้เข้ามาอ่านเพราะมีคน confirm ว่าเรื่องเล่าเรื่องนี้สนุก

แล้วก็จริง ที่เราชอบคงเพราะมันเป็นชีวิตปกติที่มีทั้งรัก ทั้งเศร้าดีล่ะมั้ง

น้องเป้กับพี่ยอดผ่านอะไรด้วยกันมาเยอะแล้วสุดท้ายก็รักกันจนได้

ตอนนี้ไม่รู้เป้เป็นยังไงบ้าง หวังว่าเป้จะสุขภาพร่างกายแข็งแรงนะ ส่งใจไปให้ค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: faar_31dec ที่ 26-01-2009 00:31:13
จำได้ว่าเคยได้อ่านจากบอร์ดไหนมาสักแห่งแต่นานมาแล้ว
นี่ได้มาอ่าน แถมมีตอนต่ออีก ดีใจมั่ก ๆ ๆ ๆ ๆ :L2:
แต่ก็ตกใจมากเหมือนกัน ที่รู้ว่าคุณเป้ไม่สบาย  :a5: ยังไงก็ตามขอให้หายแข็งแรงนะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: shadow ที่ 30-07-2009 20:15:22
ง่า...สรุปว่ายังไม่จบเรอะ  :a5: o22
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: momoko_1144 ที่ 22-10-2010 04:24:16
 o13 o13 o13

สนุกมากๆเลยค่ะ

เป็นกำลังใจให้ แล้วก็จะติดตามต่อไปนะคะ อ่านๆมา ที่ชอบมากกก

คือ ต้องค่ะ ที่สุดแล้ว

แต่ว่า คนรักกัน ก้ต้องเจออุปสรรคบ้างเป็นธรรมดา สู้ต่อไปจ้า าาา
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: MyTeaMeJive ที่ 22-10-2010 07:18:14
ผมอยากคิดว่าเรื่องนี้จบแล้วนะ
แต่ว่า...พี่เป้เป็นอะัไรครับ เป็นห่วงนะ
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 23-10-2010 17:15:02
ผ่านมาหลายปีแล้วเนอะ พี่เป้เป็นยังไงบ้างหว่า
ยังรักกันดีกับพี่ยอดใช่มั้ยคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: qq_oo ที่ 23-10-2010 22:35:16
อ๊ากกกกกกกกกกกก   ยังไม่จบอ่ะ

มาอัพเร็วๆๆน้า

รอจ้า
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: rainy_naja ที่ 25-12-2010 06:16:12
merry★ 。 • ˚ ˚ ˛ ˚ ˛ •
•。★Christmas★ 。* 。
° 。 ° ˚* _Π_____*。*˚
˚ ˛ •˛•*/______/~\。˚ ˚ ˛
˚ ˛ •˛• | 田田|門| ˚★ 。 • ˚ ˚ ˛ ˚ ˛ •
Jaaaaaaaa \\(^^)//
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: hahn ที่ 19-02-2011 17:57:21
สนุกมากจ้า
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: vutloor ที่ 24-02-2011 21:20:41
ยังไม่จบอะ แต่ไม่เห้นคนเขียนแล้ว
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 27-02-2011 01:22:03
เหมือนจะยังไม่จบเลยนะครับ

ชีวิตไม่สิ้น ก็ต้องดิ้นกันไป ^^
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: DeJavu~ ★ ที่ 08-03-2011 23:51:19
ใช่ครับ เหมือนมันยังไม่จบนะครับ พี่เป้

แต่ว่าพี่เป้เป็นอารายอ่าครับ

ขอใ้ห้พี่เป้และพี่ยอดรักกันตลอดไปนะครับ

ขอให้ทั้งคู่จงมีแต่ความสุข

ประคองรักกันไปนานๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: maykiz ที่ 18-05-2011 15:07:45
รออ่านอยู่นะคะ มาต่อเร็วๆเน้อ :L2:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Devil_Angle ที่ 18-05-2011 23:31:15
รออ่านอยู่น้าาาาา ติดตามๆ มาต่อเร็วๆนะ ขอบคุณมากมาย
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: IöLIKE ที่ 31-10-2011 21:45:18
ThankS
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: dekthuem ที่ 01-11-2011 17:29:08
ทำไมค้างอะ
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: IöLIKE ที่ 13-10-2012 22:37:48
ThankS
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: na-au ที่ 11-11-2012 20:08:16
 :a5: :a5:

 :เฮ้อ: :เฮ้อ:

 o13 o13
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: kamikame ที่ 11-05-2013 23:02:40
ขอให้พี่ยอด กับพี่เป้ จะใช้ชีวิตคู่อย่างมีความสุขน้า
ฝ่าฟันกันมาเยอะแล้วเน้อออออ
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดี ๆ ที่แบ่งปันกันนะฮ๊าฟฟฟฟ
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: AB^Ton^ ที่ 12-05-2013 10:36:24
น้องเป้ ท้อง ชัวร์
ท้องก่อน เอากัน เอิ๊ก เอิ๊ก
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 14-05-2013 08:06:35
เป็นเรื่องราวที่ครบทุกรสเลยค่ะ
และคุณเป้ก็ถ่ายทอดได้ดีด้วย
ยิ่งทำให้เรื่องนี้น่าติดตามไปอีก
เล่นเอาคนอ่านร้องไห้ไปซะเยอะเลย
ถึงจะไม่มีการมาต่อเรื่องให้อ่านกัน
แต่หวังว่าในชีวิตคู่ของน้องเป้กับพี่ยอด
มีความสุขมากๆและตลอดไปนะคะ
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: TinyB ที่ 15-05-2013 21:59:44
อ๊ากกกกก ตกลงจบแล้วหรือยังนี่  :serius2:
แต่ชอบเรื่องนี้นะฮะ น้องเป้กับพี่ยอด ตอนนี้จะเป็นไงบ้างหว่า  :mew2:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: GMT101 ที่ 25-06-2017 11:10:55
 :mew1:
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: Jame10761 ที่ 17-01-2019 15:55:07
สวัสดีคับ พี่ๆ ผมเข้ามาอ่านเรื่องราวของพี่ เเล้วรู้สึกประทับใจมากเลยคับ อ่านไปเหมือนคนเป็นบ้าเลยผมอ่ะ ร้องเเล้วร้องอีก สงสารพี่มากๆ กว่าจะเข้าใจกัน ผมนี้ลุ้นมากเลยเเละสุดท้ายก็เข้าใจกัน. ผมพึ่งเจอกระทู้ของพี่อ่ะคับ มาช้าเเต่ก็มาคับ555.  เข้ามาทักทายเล้าบ้างนะคับพี่ คิดถึงตอนที่พี่ลงใหม่ๆน่าจะมีคนปูเสื่อรอเลย55. คิดถึงมากๆนะคับ อิอิ
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: nyxca ที่ 17-02-2020 00:16:28
อ่านถึงหน้า5 อิยอดนี่พระเอกหลอ เพลียมาก กดปุ่มเปลี่ยนตรงไหนอะ แม่กิฟนี่อีก เป็นไรอะ อาการไหน ผช ก็อยู่กับเธอยังคันคะเยอระรานชาวบ้านไปทั่ว งงมาก ถ้ามีผญ แบบนี้ในชีวิตจริงจะถอยให้เลย ไม่โต้ตอบ อยากทำไรทำ รังเกียจที่จะต้องพูดจาด้วยอะ บอกตง



อ่านถึงหน้าแปด เอ้า แม่กิฟดริฟซะตามไม่ทันเลยทีเดียว อยู่ๆก็คิดได้คืนเขาขึ้นมาสะงั้น555 เอาเถอะ มันก็ลงเอยด้วยดีอะนะ เราชื่นชมพระเอกเรื่องนี้อย่างนึงตรงที่ไม่มีฉากจูบตบ ตบจูบ แต่ๆ.. ไอ้ที่ปากหมานี่ไม่นับนะ อันนี้ก็สายซึนเกิ๊นชอบแล้วด่า ทำร้ายจิตใจเกิ๊น โอเค เรื่องที่ชมก็ชม แต่เรื่องที่อยากเสนอแนะก็เกี่ยวกับพระเอกเช่นกัน เรารู้สึกว่ายอดจางมาก จริงที่ว่ามันเป็นเป้เล่าเรื่อง นี่คือมาจากมุมเป้แต่ก็ไม่น่าถึงขนาดที่ทำให้บทพระเอกมันจม เราว่าน่าจะมีพาร์ทเสริมยอดสักหน่อยก็จะบาลานซ์เลยกับเป้

นิยายเรื่องนี้น่าจะหลายปีแล้ว พึ่งจะมีโอกาสได้อ่าน สนุกมากค่ะ ขอบคุณคนเขียนค่ะ^^
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: koolilook ที่ 10-04-2020 20:00:48
คิดถึงคุณเป้กับคุณยอดนะครับ
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: habanice ที่ 12-10-2021 11:18:49
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
ม่วนกะม่วน ตึงไค่ไฮ้ไค่หัว
หัวข้อ: Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 15-10-2021 03:58:51
 :-[