พิมพ์หน้านี้ - "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: LoveNineTeen ที่ 07-05-2009 02:38:33

หัวข้อ: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 07-05-2009 02:38:33
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0


สวัสดีค่ะ...มีนิยายใหม่มาลงอีกแล้วค่ะ เขียนโดยน้องมีร์ เหมือนเดิม
เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ...ความรัก...ความแค้น ฝากด้วยนะค่ะ


นิยายเรื่องนี้ได้รับอนุญาตจาก น้องมีร์ เป็นที่เรียบร้อยแล้วค่ะ
ไม่มีปัญหาใดๆในการโพส เพียงแต่ต้องทำการเปลี่ยนชื่อตัวละครเพื่อความเหมาะสม


บทนำ ..



การพบกันของใครบางคนเกิดขึ้นเพราะโชคชะตา พรหมลิขิต ความบังเอิญ ความจงใจ หรือจะเป็นเพียงเกมของใครบางคน ..ร่างสูงที่หนั่นหนาด้วยมัดกล้ามถูกผลักลงบนเตียงนอนหลังกว้างด้วยความรุนแรง กล้ามเนื้อที่แน่นตึงปรากฏร่องรอยแดงเถือกไปแทบทุกอณูส่วน รอยเลือดที่เคยซิบๆกลับแห้งกรังตามกาลเวลา ..สามวันแล้วสินะที่เขาต้องรับกรรมในสิ่งที่ก่อไว้ ความเจ็บปวดทางร่างกายมันสาสมกับความเจ็บปวดทางหัวใจที่เกิดกับใครอีกคนแล้วหรือยังนะ..



น้ำเย็นถังใหม่ถูกนำเข้ามาแล้วสาดลงบนร่างที่หลับใหลไม่ได้สติ เพียงครู่คนบอบช้ำก็สะดุ้งขึ้นมาตามสัญชาตญาณ ...ดวงตาคู่กลมเปิดออกแล้วพบกับภาพเดิมๆ..คนหน้าหวานที่แสนใจแข็ง มันเป็นความผิดของเขาเองแหละที่คิดอะไรร้ายๆ คิดจนทำให้เขาต้องเจ็บปวดเช่นนี้..



“ตื่นแล้วเหรอ...” รอยยิ้มยกที่ปรากฏทำให้วิชญ์ภาสอดจะกระตุกในหัวใจไม่ได้...


“ จะทำอะไรอีก..” เสียงแผ่วที่ติดเศร้าดังขึ้น สามวันก่อนตอนเข้าก้าวมาในคฤหาสน์หลังใหญ่ริมฝั่งทะเลใต้เขาก็พบก็บางสิ่งที่ไม่เคยคาดคิด ...ความสนุกเพียงชั่วอารมณ์ของเขาทำให้ใครบางคนแทบเป็นบ้า ..และเวลานี้กรรมกำลังสนองเขา..



‘ กาณฑ์ ’ เจ้ารุ่นน้องจอมฮา ที่มีนิ้วถูคิ้วเป็นเอกลักษณ์ คงไม่มีใครในคณะไม่รู้จัก ด้วยความคะนอง และผองเพื่อนที่ยุยง ทำให้วิชญ์เผลอเดินติดกับของโชคชะตา



‘ แต่เห็นบอกว่าบ้านไอ้กาณฑ์มันรวยว่ะมึง กูว่าใครจีบมันสบายไปทั้งชาติ..แต่หน้าตาเขาแค่ควงเล่นๆก็พอว่ะ เอาไหมวะวิชญ์แข่งกับกูดีกว่าใครฟันมันได้ก่อน อีกฝ่ายต้องเลี้ยงมื้อใหญ่ ’ เสียงห้าวของรุ่นพี่จอมกร่างเอ่ยขึ้นกลางวง มันไม่ใช่เรื่องแปลกของแก๊งค์เสือหล่อ ..รู้กันทั้งบางว่าทั้งชายทั้งหญิงล้วนจีบดะ ไม่ได้สนใจในสายตาของคนอื่นที่มองมา ..แต่นั่นถือเป็นการก้าวพลาดที่สุดในชีวิตของคนคิ้วเข้ม ..



‘มึงแน่ใจ ..เอาควงแค่วันสองวันพอนะมึง กูไม่อยากให้มันติดสอยไปตลอด’ ยิ้มร้ายปรากฏบนใบหน้าขาวใส คิ้วที่ยกขึ้นอดจะทำให้โต้งแอบกระหยิ่มยิ้มภายในไม่ได้ วิชญ์นี่นะไม่เคยยอมโต้งเลยสักครั้งเดียว แข่งกันมาตลอดแต่ก็ออกแนวเพื่อนๆ เฮๆมากกว่าจริงจัง..



เพียงสามวันหลังจากนั้น...สิ่งที่พนันก็เป็นผล เมื่อวิชญ์สามารถลุล่วงปฏิบัติการฟันดะ ... การเริ่มต้นของแค้นครั้งใหม่จึงเกิดขึ้น เมื่อกาณฑ์ หอบร่างอันมีใจช้ำๆกลับคืนสู่คฤหาสน์สายลมที่แสนโอ่อ่า ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นทำให้พี่ชายต่างมารดาอย่างกรณ์อดรนทนไม่ได้... น้องชายผู้อ่อนแอเสียแม่ไปตั้งแต่เด็ก กรณ์จึงไม่ต่างอะไรจากผู้ปกครอง เป็นทั้งพี่ เป็นทั้งพ่อสามพี่น้องแห่งสายลม...



ลมเกิดจากความกดอากาศและความร้อนที่แตกต่าง...อากาศเบาบาง อ่อนระโหย อาจโรยแรง แต่เมื่อใดที่ความร้อนเข้าใกล้ เมื่อนั้นก็อาจแปรเปลี่ยนเป็นพายุร้าย...ในเมื่อการณฑ์คืออากาศ กรณ์จึงเลือกจะเป็นความร้อนที่โอบอุ้ม และทวีความร้ายกาจของอากาศให้ยิ่งยวด..เวลานี้วิชญ์กำลังตกอยู่ในพายุร้ายที่ไร้ทางใดจะดับ ..




ร่างสูงถูกโถมเข้าใส่พร้อมกายที่สอดรับ..ความแข็งขันที่วิชญ์ไม่อยากให้เกิดขึ้น แต่ก็สู้แรงปากซึ่งบรรจงปลุกเร้าไม่ได้อยู่ดี...ร่างขาวเนียนที่เกิดรอยช้ำเพราะเพลิงอารมณ์ที่ก่อเกิดในตลอดสามวันที่ผ่านมาเริ่มทำงาน..ค่อยๆลดลงเพื่อรับเอาเจ้าความตึงเข้มแทรกผ่านเข้าไปในร่างกาย กรณ์ยัดเยียดในสิ่งที่วิชญ์เห็นว่าเป็นเรื่องตลก...




ไม่ว่าจะครั้งไหนๆ วิชญ์ก็ยังรู้สึกถึงความคับแน่นที่ปรากฏขึ้น...




มันลำบากเกินจะต้านทาน ..กรณ์ยอมเจ็บ แต่เพื่อทำให้อีกคนได้เจ็บ...เจ็บครั้งนี้ วิชญ์ต้องชดใช้ให้สาสม หากกาณฑ์ยังไม่ฟื้นจากการหลับใหลวิชญ์ต้องรับกรรมไปตลอดชีวิต...และหนึ่งเหตุผลสำคัญที่ทำให้วิชญ์ต้องยอมอยู่ภายใต้รั้วเงาของสายลม..คือ ‘คุณวรางคณา’ มารดาที่ถูกกรณ์คุมตัวไว้ ตั้งแต่เมื่อสามวันก่อนตัวประกันชั้นดีที่ทำให้วิชญ์ไม่กล้าหนีไปไหน...

สองกายเริ่มต้นการทำงานอย่างสุดห้าม ..




แต่วิชญ์ก็ทำอะไรได้ไม่มาก เมื่อมือทั้งสองของเขายังถูกล่ามโซ่ติดไว้กับเสาหัวเตียง ..มีเพียงแรงส่งที่พรึงเพริด แม้จะอยากห้ามตัวเองให้หยุด แต่ก็ไม่อาจทำได้เขาไปไกลเกินจะเดินกลับ ..กรณ์นั่นร้ายเกินใครจะต้าน คนน่ารักที่ต่างจากกาณฑ์อย่างสิ้นเชิง...



กรณ์ที่แสร้งดูประสา แต่แท้จริงยังห่างไกลจากคำว่าชำนาญ ..



แต่ก็นั่นแหละ..ความไม่ประสีที่ออกมากลับทำให้วิชญ์เกิดอารมณ์ร่วมกับเกมกามไปทุกครั้ง...



หลังทุกสิ่งจบลง..กรณ์ก็เดินออกจากห้องไปเช่นทุกวัน...ทิ้งให้วิชญ์นอนว่างเปล่าภายในห้องห้องเดิม..ร่างเปลือยที่ไร้อาภรณ์ใดๆปกปิด..ท่ามกลางแอร์เร่งอุณหภูมิจนหนาวเหน็บ



..ทั้งเหงื่อ ทั้งน้ำที่กรณ์สาดเข้ามาในทีแรกทำให้พ่อคนเจ้าชู้ตาพราวอดจะสะท้านสั่นไหวไปไม่ได้..ความเหนื่อยล้า ความปวดร้าวเข้าแทรกซึมจนกายแทบหลอมหลวมเป็นหนึ่งเดียวกับความตาย..สติถูกพราก...พร้อมร่างที่หลับลง..


อ่านแล้วชอบไม่ชอบบอกกันบ้างนะค่ะ

*** ขออนุญาตแก้ไขคำห้อยท้ายของชื่อเรื่อง เพื่อลดความรุงรังของหัวข้อ  แต่หากผู้แต่งมีเรื่องแจ้งเพิ่มเติม ก็สามารถแก้ไขชื่อเรื่องได้ตามปกติค่ะ
 ทิพย์โมบอร์ดนิยาย
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH บทนำ
เริ่มหัวข้อโดย: Millet ที่ 07-05-2009 02:55:31
กรี๊๊ดดดดดดดดดดดดดดดด รีไรท์นี่นา

โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก


ชอบงานน้องมีร์ทุกเรื่องเรยยย
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH บทนำ
เริ่มหัวข้อโดย: panpan ที่ 07-05-2009 08:31:55
เจ้าของlogin ใช่น้องมีร์หรือเปล่า ถ้าไม่ใช่ฝากความคิดถึงให้น้องมีร์ด้วยนะ  :L1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH บทนำ
เริ่มหัวข้อโดย: TinaJunior ที่ 07-05-2009 11:38:53
อย่างโฮก ชอบๆ o13
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 1
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 07-05-2009 23:56:08
Millet   เค้าก้อชอบงานน้องมีร์เหมือนกัน เลยขอน้องมีร์มาลงให้คนอื่นๆได้งานบ้าง แต่มันต้องเปลี่ยนชื่อนะ

panpan   ไม่ใช่น้องมีร์ค่ะ แต่จะฝากความคิดถึงไปให้ค่ะ

TinaJunior   ยังมีโฮกๆอีกเยอะ



ตอนที่ 1


สายลมเย็นยามดึกพัดปะมาจากด้านหน้าอาคารทรงยุโรปหลังใหญ่..ดวงตาคู่เรียวมองลอดออกไปยังผืนทะเลสีดำอันแสนมืดมิด..ชะตาของเขาคือผู้นำของสายลม มีหน้าที่ปกครองดูแลคนอื่นๆกว่าครึ่งพัน กรณ์เป็นนักบริหารที่ประสบความสำเร็จ คือนักธุรกิจที่แสนก้าวหน้า คือคนรุ่นใหม่ที่ไฟแสนแรง แต่ในหน้าที่พี่ชายเขากลับสอบตก ...


“ กรณ์ผิดเองที่ดูแลน้องไม่ดี แต่พ่อกับแม่ไม่ต้องกังวลนะยังไงกรณ์ต้องแก้แค้นกับไอ้คนไม่มีหัวใจคนนั้นให้ได้ กรณ์ไม่ยอมให้มันได้หลุดพ้นจากความทรมานไปได้ง่ายๆหรอก...” ดวงตาคู่นั้นมองเลยขึ้นไปยังฝั่งฟ้า...แสงดาวสองดวง คำสัญญาของใครบางคนที่จากไปในที่ที่แสนไกล วันนั้นกรณ์ยังจำได้ถึงความเสียใจที่เกิดขึ้น แต่เพราะคำสั่งเสียของมารดาก่อนหมดลมทำให้น้ำตาของเขาไหลรินได้เฉพาะในใจ


‘ หากไม่มีแม่แล้ว ลูกต้องดูแลน้องให้ดีนะกรณ์ น้องยังเด็ก ลูกต้องรักน้องมากๆ ต้องดูแลน้องให้ดี นับจากนี้นอกจากความเป็นพี่ ลูกยังต้องรับหน้าที่เป็นพ่อและแม่ให้น้องอีกด้วย อย่าทิ้งน้องนะกรณ์ ..’ เสียงนั้นยังคงก้องในความคิดไม่จางหาย หกปีก่อนในตอนที่กรณ์เพิ่งสิบเก้าปี ในตอนนั้นเขาเสียใจ แต่ไม่อาจร้องไห้.. ญาติที่ไม่เคยรู้จักก็แห่มาร่วมงาน หวังได้ผลประโยชน์จากการตายครั้งนั้น ..คฤหาสน์สายลม ...

ด้วยเพราะความรู้สึกผิดที่เกิด

กรณ์จึงอยากแก้แค้นคนคนนั้น ..แต่ด้วยเหตุผลอะไรล่ะทำไมกรณ์จึงเลือกเป็นฝ่ายรองรับความต้องการ เหตุใดเขาจึงไม่เลือกอยู่ฝ่ายยัดเยียดอารมณ์...เหตุผลมันไม่ได้ยากได้เย็นอะไรเลยนอกจากความรัก...

กรณ์นั่นรักกาณฑ์มาก...มากจนเขาเองเลือกจะกระโจนในความทุกข์ทน

การที่กรณ์เลือกจะรองรับ เพราะต้องการเจ็บปวด เพราะอยากรู้ถึงความปวดร้าวที่น้องชายได้รับ ...มันไม่ต่างอะไรจากการสั่งสอนตัวเองให้รู้ว่าเขาเป็นพี่ชายที่แสนแย่...คนแย่ๆต้องได้รับการลงโทษ ..ในเมื่อเกมนี้วิชญ์และกรณ์เป็นคนแย่ๆสองคนจึงถูกบ่วงบงการลงโทษ..


ร่างขาวที่ผ่านน้ำชะล้างคราบไคล และรอยสัมผัสที่ปรากฏเมื่อสามชั่วโมงก่อน เดินผ่านเข้าไปภายในห้องด้านในสุดของชั้นสองภายในสายลม...บานประตูนั่นเปิดออก พร้อมอุณหภูมิที่แสนยะเยือก..ก่อนออกจากห้องไปเมื่อสามชั่วโมงก่อนกรณ์ก็ปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศให้ต่ำที่สุด...ร่างหนั่นที่นอนเปลือยอยู่บนเตียงชื้นๆ จึงไม่ต่างอะไรจากคนใกล้ตาย ..ผิวนั้นดูซีดเผือดรอยเลือด รอยช้ำก็เขียวเป่งจนแทบจะกลายเป็นดำ....

“ จะปล่อยอย่างนี้เหรอคะคุณกรณ์...”เสียงหวานของใครบางคนปลุกสติของกรณืให้ฟื้นคืนขึ้นมา ..ดวงตาคร้ามแสงหันมองด้านหลังของตนเล็กน้อย..


“ ฉันไม่ปล่อยให้มันตายง่ายๆอย่างนี้หรอก ..ตราบใดที่น้องกาณฑ์ยังไม่ฟื้น มันต้องชดใช้กรรมของมันต่อไป ยิ่งนานเท่าไหร่มันก็ยิ่งทรมานมากขึ้นเท่านั้น...เธอจัดการให้เรียบร้อยด้วย แล้วตามอาหมอมาดูอาการ อย่าให้มันตายเด็ดขาด..เกมนี้ยังไม่จบง่ายๆหรอก..” รอยยิ้มเหี้ยมปรากฏจน หญิงสาวหน้าสวยต้องหรุบตาไม่กล้าสัมผัส..นับตั้งแต่รู้เรื่องของกาณฑ์ กรณ์ก็เย็นชาขึ้นจนน่ากลัว..คุณผู้ชายผู้ปกครองสายลมที่แสนน่ารัก และเห็นอกเห็นใจผู้อื่นได้ตายไปตั้งแต่วันนั้นแล้ว..

“ค่ะ ดิฉันจะรีบจัดการ” หญิงสาวค้อมศีรษะลงเล็กน้อย เดินออกไปจากห้องเพื่อปฏิบัติตามคำสั่งที่ได้รับ ..หญิงสาวเดินตรงลงไปตรงชั้นล่างซึ่งมีแม่บ้านสาวร่างอวบยืนรอผลอยู่ ..

“ เป็นไงบ้างคะ คุณสุรีย์คนหล่อของนุ่นเป็นไงบ้าง”

“ เฮ้อ..ระวังเถอะ พูดอย่างนี้ต่อหน้าคุณกรณ์เธอได้โดนไล่ออกหรอก..ตอนนี้เขาก็ยังเหมือนเดิม แต่ท่าจะป่วยแผลเต็มตัวไปหมด ..คุณกรณ์เธอสาดน้ำเข้าใส่จนเปียกไปหมด..แถมยังจับแก้ผ้าหมดจด..แล้วไปเปิดแอร์เบอร์เย็นสุดคิดดูละกัน..” หญิงสาวเอ่ยพรรณนาถึงสิ่งที่หล่อนได้รู้มา แต่สุรีย์จะมีสิทธิ์มีเสียงอะไร ..ภายใต้อาณาเขตของสายลมเธอไม่ต่างอะไรจากคนอาศัย

..ด้วยเพราะการอุปถัมภ์ที่คุณการุณและคุณกมลวรรณบิดาและมารดาของกรณ์มีทำให้สุรีย์ห่างไกลจากโลกเก่า ..เธอยังจำได้ว่าตอนนั้นเธอเศร้าแค่ไหน ชีวิตที่ต้องหวาดผวา..ต้องระแวงกลัวไอ้พ่อเลี้ยงฟันจอบจอมหื่นจะปลุกปล้ำ แถมแม่ของเธอยังเข้าข้างสามีใหม่จนไม่ลืมหูลืมตา ฟังความจริงจากปากเธอเลยสักนิด..โชคดีของเธอแล้วจริงๆที่ได้พบกับสองท่านผู้มีคุณ..เมื่อทั้งสองประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิต กรณ์ก็รับอุปถัมภ์หล่อนต่อจนจบปริญญาตรีเมื่อปีก่อน..ตอนนี้ก็รับหน้าที่เป็นเลขาฯส่วนตัวของกรณ์

...หวังจะตอบแทนประมุขของสายลมและน้องชายให้มากที่สุดเท่าที่คนอย่างหล่อนจะทำได้..


“ ตายจริง...นุ่นไม่นึกว่าคุณกรณ์เธอจะใจแข็งขนาดนี้ ปกติเธอมีเมตตาต่อคนอื่น” คนร่างอวบยกมือขึ้นทาบอกของตัวเองอย่างตกใจ


“ ใครใช้ให้คุณคนนั้นไปทำกับคุณกาณฑ์อย่างนั้นล่ะ รู้กันดีว่าคุณกรณ์เธอรักน้องเธอมาก ยิ่งคุณกาณฑ์กลายเป็นเจ้าชายนิทราอย่างนี้ ยิ่งทำให้คุณกรณ์เธอแค้น ถ้าคุณกาณฑ์ไม่ฟื้น คุณคนนั้นคงไม่แคล้วต้องถูกขังภายใต้หลังคาสายลมไปตลอดชีวิตแน่ๆ..” ตาดวงเรียวราวหงส์ยกขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหน้าอย่างเหนื่อยอ่อน เธอจะเสนอจะค้านก็เห็นจะทำไม่ได้ สิ่งที่ดีที่สุดคงมีเพียงการมองอยู่ห่างๆ..


“ ใช่สิ ..เธอโทรฯหาคุณหมอพิสิษฐ์ด้วยนะ...เดี๋ยวฉันจะไปตามน้าชิดให้ขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าคุณข้างบน” หญิงสาวเอ่ยปากสั่งความ ก่อนจะเดินออกจากโถงบ้านไปยังเรือนคนรับใช้ด้านหลัง เพื่อตามคนสวนวัยกลางคนมาจัดการเรื่องราวด้านบน ...


หมอพิสิษฐ์.เป็นอีกหนึ่งที่อดีตประมุขของบ้านสายลมอุปถัมภ์ค้ำชู ในความจริงชายหนุ่มเพิ่งจะสามสิบต้นๆ แต่เพราะความคุ้นชินทำให้นัทเรียกอีกฝ่ายว่าอามาตลอด ..


“ ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ละคุณกรณ์..” เมื่อเห็นสภาพของคนป่วยคุณหมอถึงกับส่ายหน้า..รอยช้ำที่ปรากฏทั้งที่แขนที่ขา ไหนจะรอยเลือดที่กรังเข้าไปในเนื้อผิว..ไม่ต่างอะไรจากการถูกทรมาน ไม่ต่างอะไรจากการทารุณ


“ ก็ไม่ทำไมหรอกครับ..กรณ์แค่จัดการกับคนบางคนที่มันทำให้กาณฑ์ต้องเจ็บก็เท่านั้น ตราบใดที่กาณฑ์ยังไม่ฟื้นมันก็ต้องรับกรรมที่ก่อไว้ ..อาแค่รักษาไม่ให้มันตายก็พอแล้ว กรณ์จะได้จับมันทรมานต่อไปนานๆ..” คำพูดร้ายๆที่ออกจากปากคนใกล้ตัว ทำให้หมอหนุ่มอดจะสะดุ้งไม่ได้..กรณ์ไม่ใช่พวกหยาบกระด้างเย็นชา ..ออกจะน่ารัก อ่อนโยน แต่ ณ เวลานี้ แค้นในหัวใจแปรเปลี่ยนให้คนคนนั้นร้างลาไปจากร่างแสนบอบบาง

“ ถ้าอย่างนั้นผมก็คงรักษาเขาไม่ได้หรอกครับ..”

“ ทำไม”

“ หมอเป็นอาชีพที่มีขึ้นเพื่อรักษาชีวิต ...การรักษาชีวิตย่อมหมายถึงว่าหลังจากรักษาอาการของเขาจะดีขึ้น เขาจะกลับไปใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างสงบสุข แต่หากผมรักษาคนป่วย แล้วต้องปล่อยให้เขาโดนคุณกรณ์ทรมานต่อมันคงไม่ต่างอะไรจากส่งเขาไปตาย..”


“ ก็แล้วแต่อาล่ะกัน..ถ้าไม่รักษามันก็ตาย” กรณ์เหยียดยิ้มเล็กน้อยก่อนจะสะบัดตัวเดินออกจากห้องไปไม่แคร์สายตาที่จับจ้องตามไป


“ทำไมคุณกรณ์ของผมถึงได้ใจร้ายขนาดนี้..” แวววูบปรากฏในดวงตาคู่นั้นเล็กน้อย ก่อนจะตั้งหน้ารักษาคนป่วยที่นอนสั่นงก ...ด้วยจรรยาบรรณที่เขามี ไม่อาจปล่อยให้วิชญ์นอนป่วยอยู่โดยไม่ทำการรักษาหรอก..หมอหนุ่มจัดแจงฉีดยาบรรเทาความเจ็บปวดไปหนึ่งเข็ม ตามด้วยาลดไข้อีกหนึ่ง...


“ มีอะไรให้ช่วยไหมคะคุณหมอ..” เมื่อเห็นกรณ์เดินลับออกไปจากห้อง สุรีย์ก็รีบเดินเข้ามาดูอาการอีกฝ่ายทันที พร้อมทั้งขันอาสาเป็นผู้ช่วย


“ ไม่มีอะไรแล้วครับคุณสุรีย์ ..ผมจัดยาไว้ให้หนึ่งชุด ให้ทานหลังอาหารสามมื้อติดต่อกันสักห้าวันอาการก็น่าจะทุเลา ถ้าอาการยังไม่ดีขึ้นก็โทรฯไปตามผมละกันนะครับ” หมอหนุ่มยิ้มให้บางๆ เหลือบมองร่างที่สลบไสลอย่างสังเวชใจ ..ตอนที่รู้ว่ากรณ์จับตัวการซึ่งทำให้กาณฑ์ช็อกจนกลายเป็นเจ้าชายนิทราเขาเองก็ไม่เห็นด้วยกับการกระทำนี้ แต่ไม่อาจต้านทาน..ในเมื่อกรณ์คือลูกชายของผู้มีพระคุณ... เขาได้แต่ยืนมองอย่างห่างๆ..และเจ็บปวด เก็บกั้นความรู้สึกที่ตัวเองมีลงไปภายในใจ...แม้จะชอบกรณ์มากแค่ไหน แต่ก็รู้ตัวว่าไม่คู่ควร...

อยากเป็นสายลม..ที่ไม่มีตัวตน แต่สามารถมอบไอเย็น ..บรรเทาความร้อนรุ่ม

แต่ไม่รู้ว่าฟากฟ้านั้นสูงเกินกว่าสายลมจะพัดถึงหรือเปล่า ..แต่ก็นั่นแหละ..บางทีต่อให้สายลมพัดไปถึงฝั่งฟ้า แต่ชะตาหาใช่ผูกโยง บางทีแค้นอาจกลายเป็นรัก..ใครจะรู้
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 1
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 08-05-2009 01:37:11
ขออนุญาตเจ้าของเรื่องยังคะ ถ้าขอแล้ว เพิ่มเติมข้อความในรีแรกด้วยค่ะ

"นิยายเรื่องนี้ได้รับอนุญาตจากคุณ.... แล้ว "  เพื่อความมั่นใจ

แล้วจะรออ่านคะ  :L2:

หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 08-05-2009 02:54:42
ตอน 2 ..

รถยนต์คันหรูโฉบเข้ามาภายในคฤหาสน์หลังงามอย่างว่องไว พร้อมร่างของใครบางคนที่ปรากฏกายขึ้น ร่างโปร่งที่ออกจะอ้อนแอ้นแทบปลิวตามลม...ชุดสีน้ำตาลอ่อนตัวเล็กกับกางเกงขายาวกรอมเท้า..ดูจะทำให้ร่างของเขาดูโปร่งชวนมอง ..คิ้วเรียวรับกับวงหน้า..ผมประที่ซอยเข้ารูปตามสมัยนิยมเดินก้าวเข้ามาภายในคฤหาสน์หลังงามอย่างสดใส..

“ คุณกฤษฏิ์กลับมาแล้วเหรอคะ..” เสียงหวานจากยัยแม่บ้านร่างอวบดังขึ้น พร้อมรีบรี่เข้ามาชายหนุ่มร่างบางเอวอ่อน..


“ ไม่กลับจะเห็นเหรอ ...” เด็กหนุ่มเอ่ยทักเสียงร่าเริง..หัวเราะกับท่าทีปั้นปึ่งของแม่บ้านสาวที่แสร้งทำ..กฤษฑิ์เป็นคนใจดี ข้าทาสบริวารล้วนเคารพและค่อนข้างเอ็นดูเด็กหนุ่มไม่น้อย..



“ หัวเราะอะไรเอะอะไปถึงข้างบน..” หนึ่งเสียงของใครบางคนหยุดเสียงหัวเราะที่ดังอย่างชะงัก.. สายตาคู่เรียวมองลอดผ่านแว่นตาสีชาที่สวมอยู่..มองไปยังร่างบางของใครอีกคนที่กำลังเดินลงมาจากชั้นสองของบ้าน ..


“ พี่กรณื..” เสียงใสเอ่ยทัก..



“ กฤษฏิ์เหรอ..” ดูน้ำเสียงนั้นจะเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน รอยยิ้มปรากฏขึ้นอย่างแสนดีใจ ใครจะนึกละว่าอยู่ๆน้องชายร่างบางเอวอ่อน..น้องเล็กคนสุดท้องที่ไปเรียนต่อเมืองนอกตั้งแต่เด็กจะกลับบ้านมาวันนี้.. กรณก้าวเข้ามาใกล้พลางสวมกอดเจ้าน้องชายคนเล็ก.. น้องชายอันเกิดจากพ่อของเขาแต่คนละแม่... แม่ของกฤษฏิ์คือคนเดียวกับแม่ของกาณฑ์


“ คิดถึงจังเลย ..ตอนแรกที่ได้ยินเสียงนึกว่าใครเสียอีก ..พี่กลายเป็นคนเข้มงวดตั้งแต่เมื่อไหร่นี่...” น้องน้อยสุดท้องเอ่ยขึ้น แสร้งทำแก้มป่องใส่พี่ชายหน้าสวย..แต่อยู่ๆ..โทรศัพท์จากคนเป็นพี่ก็ดังขึ้น ทำให้ต้องผละออกจากกันชั่วคราว...



น้องเล็กเดินลับขึ้นไปยังด้านบนของบ้าน...โดยไม่รู้เลยว่ามีบางสิ่งบางอย่างรออยู่...ด้วยเพราะเขาจากไปเป็นเวลานาน กว่าจะกลับก็ช่วงปลายปีทำให้กรณ์ไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน ..ใช้ห้องของน้องชายเป็นที่กักขังใครคนนั้น..

เมื่อบานประตูเปิดออกไป...ความรู้สึกบางอย่างก็ปรากฏขึ้น ..

“ ใครน่ะ..” เสียงเข้มเอ่ยถามหยั่งเชิง เมื่อเห็นร่างของใครบางคนนอนอยู่บนเตียงของตน..ดวงตาคู่เรียวมองเลยไปยังข้อมือทั้งสองที่ถูกล่ามไว้โดยโซ่ขนาดใหญ่ ตามแขนตามขามีร่องรอยบอบช้ำมากมายเกิดขึ้น ..ดีนะที่สุรีย์จัดการให้ คนสวนมาเปลี่ยนเสื้อผ้า เปลี่ยนที่นอนให้กับคนหลับใหลแล้ว ไม่อย่างนั้นสภาพคงดูไม่ได้หรอก..

“ กฤษฏิ์..” เสียงหนึ่งทำให้สติของคนหวาดหวั่นกลับคืนมา..


“ พี่กรณ์นี่มันเกิดอะไรขึ้น เขาเป็นใครทำไมต้องทำกับเขามากมายขนาดนี้ด้วย...” เสียงกร้าวเอ่ยถามเพราะคงเดาไม่ยากว่าเป็นฝีมือใคร


“ ช่างมันสิ..เพราะมันกาณฑ์ถึงได้ช็อกจนขาดสติ...”


“ แต่มันยุติธรรมแล้วเหรอพี๋..” กฤษฏิ์เองก็เคยได้รับรู้เรื่องราวอาการป่วยของพี่ชายคนรอง ..เขาจึงทำเรื่องขอจบไฮสคูลที่โน้น พร้อมทั้งรีบกลับมายังสายลมเพื่อคอยเติมกำลังใจให้พี่ชายคนโต และคอยดูแลพี่ชายคนรอง แต่สิ่งที่ได้เห็นกลับทำให้เขารู้สึกแย่

“ ยุติธรรมสิ”


“ พี่ปล่อยเขาเดี๋ยวนี้เลยนะ..ถ้าไม่กฤษฏิ์จะแจ้งตำรวจ...” เจ้าน้องเล็กเอ่ยประกาศ ด้วยความเป็นลูกคนเล็กเลยถูกตามใจ และเป็นที่รักของคนอื่น ..แต่กระนั้นมันก็ไม่ได้ทำให้ กฤษฏิ์กลายเป็นเด็กเสียนิสัย ทางตรงกันข้ามกลับทำให้อ่อนโยน และเห็นใจต่อคนอื่น ยิ่งได้รับความรักมากขึ้นเท่าไหร่ยิ่งทำให้เขาอยากส่งต่อมากขึ้นเท่านั้น ต่อให้คนตรงหน้าจะร้ายแค่ไหน แต่สภาพในตอนนี้ เขาทนดูต่อไปไม่ได้หรอก.

.
“ อย่ายุ่งนะกฤษฏิ์ พี่ขอเตือน..” กรณ์ชะงักเล็กๆ แต่ทิฐิยังปรากฏ


“ ไม่ยุ่งได้ยังไง..พี่ดูเขาสิมีแต่รอยช้ำ รอยแผลมันไม่โหดเกินไปหน่อยเหรอ ทำไมพี่ถึงทำอย่างนี้ กฤษฏิ์ไม่นึกเลยนะว่าพี่จะใจร้าย..”


“ ถ้ามันไม่ร้ายกับกาณฑ์ก่อน พี่ก็ไม่ร้ายกับมัน...ถ้ากาณฑ์ไม่ฟื้นมันก็ต้องรับกรรมต่อไป..”


“ แต่พี่..”


“ ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว..พี่ตัดสินใจแล้ว” กรณ์ยืนกรานเชื่อมั่นในสิ่งที่คิด ..เขาอยากทำให้อีกคนเจ็บ เจ็บจนอยากตาย ...เจ็บจนไม่อยากจะมีชีวิตเหลือต่อไป..


“ กฤษฏิ์รู้ว่าอาจเปลี่ยนความคิดพี่ไม่ได้..พี่ไม่ต้องปล่อยเขาออกจากสายลมก็ได้ แต่อย่าทรมานเขาอย่างนี้ ยังไงเสียเขาก็เป็นคน..ไม่ใช่สัตว์ที่เราจะเหยียบย่ำทำอย่างกับพวกไร้หัวใจ ..”

“ ทำไมเราต้องไปห่วงมันด้วย..มันทำให้กาณฑ์ต้องเป็นอย่างนี้นะ..”


“ วิธียังมีอีกตั้งมาก..อย่าทำร้ายเขาอย่างนี้เลย ถ้าเขาตายไปมันจะเป็นบาปติดตัวพี่เปล่าๆ พี่คิดเหรอว่าถ้าพี่กาณฑ์ฟื้นมาแล้วรู้เรื่องเขาจะสบายใจ คิดเหรอว่าเพื่อให้เขาได้ฟื้น พี่ชายที่แสนดีต้องกลายเป็นฆาตกรฆ่าคน .มันคุ้มแล้วเหรอพี่..” นั่นคือคำพูดสุดท้ายก่อนที่น้องเล็กจะเดินจากไป..ทิ้งให้กรณ์นั่งครุ่นคิดเรื่องราวต่างๆเพียงลำพัง ..เรียวตาของเขาตวัดเล็กๆ รู้สึกอึ้งๆ..พลางเหลือบไปมองอีกคนที่นอนหลับอยู่


“ ขนาดแกหลับยังทำให้น้องฉันต้องขุ่นใจได้..” มือเรียวยกขึ้นฟาดลงบนใบหน้าสากๆที่ปรากฏรอยช้ำอย่างแค้นใจ .. ริมฝีปากเรียวยกขึ้นอย่างเหยียดๆ...ก่อนจะเอื้อมไปหยิบกุญแจตรงหัวเตียงไขปลดโซ่ที่ล่ามอีกฝ่ายไว้..คนร่างบางเดินลับออกจากห้อง และจัดการทำในบางสิ่งที่น้องชายคนเล็กขอ.. แต่เกมทรมานมันยังไม่จบ...วิชญ์ภาสต้องรับทุกข์ต่อไปจนกว่ากาณฑ์จะฟื้น..



ร่างของวิชญ์ภาสถูกย้ายมาไว้ภายในห้องนอนของประมุขสายลม...กรณ์เลือกจะปลดปล่อยพันธนาการทางร่างกาย แต่ใช้ข้อต่อรองที่มีผลทางจิตใจเข้ามาแทนที่.. ตราบใดที่วิชญ์ภาสไม่คิดหนี คุณวรางคณาก็จะปลอดภัย...แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าความรุนแรงที่กรณ์หยิบยื่นให้จะหมดไป ...


แต่ใครจะรู้ว่าชะตาของฟ้าช่างเล่นตลกเก่งกว่าสิ่งไหน ...น้องคนกลางถูกวิชญ์ภาสหักอกจนกลายเป็นจนเจ้าชายนิทรา ส่วนน้องคนเล็กก็เหมือนกำลังจะเดินย่ำรอยของกาณฑ์ ...



“ นี่พี่...อยากไปเที่ยวไหม กฤษฏิ์จะไปข้างนอก...” เสียงใสของเด็กชายวัยสิบแปดดังขึ้นอย่างไม่ประสาสักเท่าไหร่ ..เขารู้สึกถูกชะตากับคนหน้าเข้มอย่างบอกไม่ถูก จะเพราะอะไรเขาก็ไม่อาจตอบได้..



“ ผมคงต้องขอคุณกรณ์ก่อน...” วิชญ์เอ่ยบอกเสียงเนือยๆ...นับตั้งแต่วันที่ กฤษฏิ์ไปเจอเขาถูกทรมาน เขาก็ถูกย้ายไปอยู่ห้องของพี่ใหญ่ของบ้าน ไม่ได้ถูกกักขังเช่นแต่ก่อน สามารถเดินไปไหนมาไหนได้ทุกที่ภายในรั้วรอบของคฤหาสน์..แต่การจะออกนอกรั้ว วิชญ์ไม่แน่ใจว่าจะได้รับอนุญาตหรือเปล่า ..



“ ไม่เป็นไรหรอก..พี่กรณ์ใจดีจะตาย พี่ไปกับกฤษฏิ์นะ..” เด็กหนุ่มยิ้มกว้าง พลางเข้ามาคล้องแขนคนอายุมากกว่าอย่างอ้อนๆ...วิชญ์ภาสจำต้องยอมตามใจเด็กน้อยหน้าใสอย่างเลี่ยงไม่ได้ กฤษฏิ์พาวิชญ์ภาสขับรถไปยังชายทะเลใกล้ๆบ้าน หลายปีแล้วสินะที่เขาจากไปไม่ได้กลับมา..ความงดงามของมันยังคงอยู่ ที่แถวนี้ส่วนใหญ่ล้วนมีชื่อของสายลมครอบครอง... ทุกอย่างเลยยังงดงามตราบเท่ากาลเวลาจะผ่านไป


“ ดูหน้าพี่เครียดๆนะ..”



“ เปล่า ผมแค่สงสัยว่าคุณไม่คิดจะโกรธผมบ้างเหรอที่ทำร้ายพี่ชายของคุณขนาดนั้น” วิชญ์เอ่ยขึ้นอย่างหยั่งเชิง ความสนุกที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาตอนนั้นหารู้เลยว่าทำให้ใครบางคนต้องเจ็บปวดทรมาน สองวันก่อนตอนได้เห็นสภาพเจ้าชายนิทราของกาณฑ์ ทำให้เขาอดจะหดหู่ไม่ได้..เขาร้ายกาจจนทำให้คนดีๆต้องเป็นเช่นนี้เชียวเหรอ ..



“ โกรธมั้ง แต่โกรธไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้นหรอก” เด็กหนุ่มส่ายหน้าเบาๆ..จ้องมองออกไปยังผืนทะเลเบื้องหน้า เขาไม่อยากจะถือลม ไม่อยากจะแบกฟ้า ..ด้วยเพราะความรักที่คนรอบกายมอบให้ ทำให้เขาอยากจะมอบมันกลับไปให้กับคนอื่นๆ ..แม้แต่ศัตรูเขาก็เลือกจะมอบมันกลับไป...กฤษฏิ์เชื่อว่าความรักจะทำให้ทุกสิ่งคลี่คลาย ..



“ แต่พี่ชายคนโตของคุณไม่คิดอย่างนั้น..”



“ พี่อาจไม่เชื่อ...แต่พี่กรณืเคยเป็นคนที่อ่อนโยนที่สุดในโลก เป็นพี่ที่ดีอย่างที่ใครต้องอิจฉา ...พี่คงต้องใช้เวลาอีกนานกว่าที่พี่กรณ์จะหายโกรธ..ต้องรอให้พี่มกาณฑ์ฟื้น พี่ถึงสามารถเดินออกจากบ้านสายลมไปได้..” นั่นคือสิ่งที่กฤษฏิ์เองก็รู้ดี ตราบใดที่กาณฑ์ยังไม่ฟื้น แผลในใจของกรณ์จะไม่มีวันลบหาย ..



“ อืม..” วิชญ์พยักหน้าให้เล็กน้อย ..ร่างหนั่นทอดลงบนพื้นทรายอย่างอ่อนใจ ..ความคิดจะหนีคงเป็นอย่างสุดท้ายที่เขาจะเลือก ในเมื่อมารดายังอยู่ในเงื้อมือของกรณ์ ต่อให้วิชญ์ภาสจะพยายามยังไงก็ไม่อาจละทิ้งความรักที่มีต่อคุณวรางคณาไปได้..


กว่าทั้งสองจะกลับก็ค่ำมืด..วิชญ์ภาสไม่รู้เลยว่าชะตาของเขากำลังจะผลิกผันอีกครั้ง...



“ ไปไหนกันมา..” เสียงตวาดดังขึ้นทันทีที่สองคนก้าวเข้ามาภายในบ้าน เสียงนั้นทำให้น้องเล็กอย่างกฤษฏิ์ถึงกับสะดุ้ง รับรู้ได้ถึงความโกรธที่กรณ์แผ่ซ่าน ดวงตาคู่เรียวที่เคยสดใสมีเมตตา บัดนี้มีเพียงเพลิงแค้นที่ไหลวน


“ กฤษฏิ์พาพี่เขาไปนั่งเล่นชายหาด”



“ ธุระกงการอะไรของเราเหรอ ..นักโทษไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไรทั้งสิ้น แล้วจะไปไหนมาไหนทำไมไม่บอกเห็นพี่เป็นหัวหลักหัวตอหรือยังไง..หา..” กรณ์ตอกกลับอย่างไม่สนใจเหตุผล เขารู้เพียงโกรธ โกรธเพราะน้องชายคนเล็กกำลังให้ความสนใจไอ้คนชั่ว ..ที่ทำให้น้องชายคนกลางต้องเจ็บปวด กรณ์กลัว กลัวเหลือเกินว่าทิวจะเดินตามรอยน้องชายคนกลาง ...


“ กฤษฏิ์..”


“ กลับขึ้นห้องไปได้แล้ว พี่หวังว่าครั้งต่อไปคงไม่มี..” กรณ์ไม่เปิดโอกาสให้น้องชายได้แก้ต่าง ..กฤษฏิ์เลยได้แต่เดินอาดๆขึ้นไปบนห้องของตนอย่างไม่พอใจนัก...ส่วนวิชญ์ภาสก็ถูกอีกคนกระชากให้เดินตามขึ้นไปบนห้องอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มไม่มีทีท่าว่าจะขัดเลยสักนิด...ยังไงกรณ์ก็ถือไพ่เหนือกว่าเขา ...ทันทีที่ร่างของสองคนลับเข้าไปในห้อง ...วิชญ์ภาสก็รับรู้ถึงความเจ็บปวดที่แล่นผ่านมาบนใบหน้าสากๆ...



“ เพี้ยะ” หน้าของเขาถึงกับหันไปตามแรงตบนั้น...


“ จำไว้ว่าอย่ายุ่งกับน้องฉันอีก..ถ้าแกไม่อยากเห็นแม่แกต้องทรมาน...” กรณ์ยิ้มเหี้ยมอย่างคาดโทษ ตอนที่รู้เมื่อบ่ายว่ากฤษฏิ์ออกไปกับคนที่เขาเกลียด..เขาก็โกรธจัดจนต้องสั่งการบางอย่างลงไป....

“ คุณก็ดีแต่เอาแม่ผมมาขู่...”

“ ฉันไม่ได้แค่ขู่...” กรณ์ยกริมฝีปากให้อีกครั้ง ก่อนจะเดินไปกดปลุ่ม play บนรีโมตขนาดเหมาะมือ..ภาพที่ปรากฏทำให้คนตัวสูงกับสะดุ้ง..ภาพของมารดาที่กำลังร้องไห้อย่างแสนทรมาน มันแทรกผ่านส่วนลึกในความเจ็บปวด...

“ คุณทำอะไรแม่ผม..” ร่างที่บางกว่าถูกจับเข้าที่หัวไหล่อย่างรุนแรง แรงจนกรณ์รู้สึกเจ็บแต่ก็กัดฟันไม่ร้องออกมา ..

“ จำไว้ว่าอย่าท้าทายฉัน..”


“ คุณรู้ไหมว่าคุณกำลังพลาด...คุณรู้ไหมว่าก่อนหน้านี้ผมคิดจะยอมคุณ ยอมให้คุณแก้แค้นจนกว่าน้องกาณฑ์จะฟื้น คุณเคยรู้บ้างไหมว่าผมรู้สึกผิดที่ทำให้น้องกาณฑ์เจ็บปวด แต่ตอนนี้คุณกำลังพลาด พลาดอย่างไม่น่าให้อภัย..” แววตากร้าวที่ฉายออกทำให้กรณ์รู้สึกถึงไอเย็นยะเยือก น้ำเสียงที่ดังขึ้นทำให้เขารับรู้ถึงบางสิ่งที่กำลังจะเปลี่ยนไป เมื่อร่างสูงกระชากร่างของเขาให้ล้มลงไปกับพื้นเตียงด้านหลัง...

“ ถ้าแกกล้าทำอะไร..แม่แกไม่รอดแน่..”


“ ถ้าคุณกล้าก็เชิญ..ตอนนี้ผมมีคุณกฤษฏิ์มาเป็นหมากตัวใหม่ ถ้าคุณทำให้แม่ผมเจ็บ ผมจะทำให้คุณกฤษฏิ์เจ็บอย่างชนิดที่ทรมานที่สุด ..” สิ้นเสียงสิ่งที่กรณ์ประหวั่นก็เกิดขึ้น ..ร่างสูงกระชากเสื้อผ้าที่กรณ์สวมใส่อย่างบ้าคลั่ง ..กรณ์พลาดไปแล้วจริงๆใช่ไหม เมื่อหมากตัวใหม่อย่างกฤษฏิ์ดันแทรกเข้ามาอย่างไม่รู้เวลา แถมกรณ์ยังจัดการมารดาของวิชญ์ภาสอย่างแสนร้ายกาจ ทำให้ความบ้าคลั่งภายในตัวของอีกฝ่ายถูกปลุกขึ้นมา...
“ โอ๊ย...” กรณ์ร้องขึ้นอย่างเจ็บปวด เมื่อบ่าบางถูกกัดเข้าอย่างแรง..คาวเลือดที่ปรากฏดูจะเปรอะไปตามที่นอน ..กรณ์ไม่ยอมให้เขาต้องเจ็บอยู่ฝ่ายเดียว เลือกจะกัดลงบนบ่าอีกฝ่ายอย่างไม่ยอมแพ้...ต่างฝ่ายต่างแรงใส่กัน...เมื่อร่างสูงจัดการปลดเปลื้องทุกสิ่งปกปิดอย่างว่องไว ...ความปลุกปั่นที่บังเกิดก็พรวดกายเข้าไปอย่างไม่รอช้า...กรณ์ถึงกับจุกในท่าทีที่แสดง แต่ต้องแข็งใจให้เกมระหว่างทั้งสองเดินไปต่อ

..เจ็บ ทรมาน ..ใช่สิ กรณ์ต้องเจ็บมาก ...เมื่อหน้าของน้องชายลอยมาในความคิด มือที่จิกลงบนแผ่นหลังหนั่นหนาก็หยุดลง ..ปากที่กัดลงบนบ่าของวิชญ์ภาสก็ละออก ..กรณ์อยากเจ็บ ..อยากทรมานให้สาสมกับหน้าที่ที่ตนบกพร่อง ...


วิชญ์ภาสเหลือบมองร่างด้านใต้อย่างแปลกใจ ...



และต้องสะดุดเข้าไปใหญ่เมื่อดวงตาคู่เรียวที่ปิดอยู่มีน้ำตารินออกมา...เขากำลังสับสนกับสิ่งที่เกิด กรณ์ร้องไห้เพราะโดนเขาทำอย่างนี้เหรอ ..แต่จะว่าไปก็ไม่ใช่ น่าจะมาจากอย่างอื่นมากกว่า ..เพราะหากจะร้อง ..กรณ์คงไม่ยัดเยียดวิธีการเสพกามตั้งแต่แรกเริ่มเดิมทีหรอก..



บทรักของสองกายจบลงอย่างรวดเร็ว ...พร้อมคำถามมากมายที่ยังค้างคาในใจของวิชญ์ภาส...ร่างบางที่ปรากฏรอยช้ำ.. รอยกัดมากมายพลิกออกจากอีกคนด้วยความเหนื่อยล้า...ปล่อยให้วิชญ์ภาสนั่งมองอย่างไม่ค่อยเข้าใจ ...ระหว่างทั้งสอง ..คือความเกลียด แต่กลับใช้เซ็กซ์เป็นสิ่งผูกโยง ..


ความสับสนมากมายที่เกิดทำให้วิชญ์ภาสเลือกจะดำเนินในบางสิ่งบางอย่างต่อ..เขาลดกายลงใกล้ๆอีกคนที่พลิกไปอีกทาง...พลางดึงร่างนั้นให้กลับมานอนหงาย ส่วนเขาก็ก้าวเข้าคร่อมทับอย่างรวดเร็ว

“ ทำอะไร.” เสียงที่ถามหาได้กระด้างแข็ง หรือวางอำนาจเช่นทุกที...


“ ..” ไม่มีคำตอบใดออกจากปาก มีเพียงความต้องการที่ปรากฏ แต่เพราะบางสิ่งในดวงตา ..หรือจะเพราะน้ำใสๆที่วิชญ์ภาสได้เห็น มันทำให้บทเพลงครั้งใหม่ถูกปลุกเร้าอย่างละเมียดละมุน..เมื่อเรียวปากปากถูกสัมผัสอย่างแผ่วเบา...ลิ้นเรียวพยายามสรรหาหนทางก้าวล่วงเข้าไปอย่างไม่รอช้า..เพียงไม่นานเจ้าของร่างก็เปิดโอกาสให้มันก้าวเข้าไปสัมผัสความอ่อนโยน...

มือแกร่งเริ่มทำงานในแบบของมัน...
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: mhu_porm ที่ 08-05-2009 03:48:38
เอาอีกๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


 :mc4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 08-05-2009 08:40:26
ตอน 3 ..


มือเรียวบางวางลงบนอกหนาที่กำลังใกล้เข้ามาอย่างหวาดๆ..เขากำลังเกรงกริ่งต่อสิ่งที่ใกล้จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า

จะว่าไปก็เหมือนโชคชะตาเล่นตลก คนทะนงหยิ่งผยอง และมาดร้ายในแค้นอย่างกรณ์ เวลานี้กลับเกิดความประหวั่นพรั่นกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

หาใช่ความรุนแรงที่สายตาตรงข้ามแสดง หาใช่ความร้ายกาจที่อีกฝ่ายสนอง ..แต่เป็นเพียงสายตานุ่มละมุน ..กับสัมผัสอันแสนอ่อนโยน มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เขาไม่เข้าใจ

...เมื่อกายสูงเสือกสนบางสิ่งบางอย่างเข้ามา ..ความดึงดันรอบล่างจึงบังเกิด จากมือที่ดันให้อีกกายออกห่าง แปรเป็นยึดแน่น..จิกปลากเล็บลงบนอกหนั่นขาวราวกับจะหยิบเนื้อแกร่งให้หลุดติดมือออกมา .. แรงกายที่ส่งเสียด ควบคุมจังหวะลมหายใจของทั้งสองได้ชะงักงัน


..มันเป็นความรู้สึกใหม่ที่เกิด..เมื่อใบหน้าที่เริ่มบู้เบี้ยวกลับเป็นเป็นสุขสม ..พร้อมสิ่งบรรจงที่มือแกร่งปรนเปรอให้... เพียงไม่นานจากการเคลื่อนไหวก็จบลงตรงความนิ่งงัน..กล้ามอกหนาที่กระเพื่อมขึ้นลงเพราะแรงหอบ วางลงประสานกับอกเรียวขาวของอีกคนที่เหนื่อยล้ามิแพ้กัน .

.
" หนัก.." เพียงสั้นๆที่กรณ์กล่าว ..ร่างที่ทาบทับก็กลับฝ่ายลงไปนอนข้างๆ แต่มิได้ออกห่าง ... เกมกามระหว่างสองกายจบลงตรงความงุนงงของสองร่าง ..ใครจะรู้ว่าระหว่างทั้งสองกำลังมีเส้นร้อยของโชคชะตาเล่นตลกอยู่...


“ ...” กรณ์ยันกายที่เปลือยเปล่า ..มากมายไปด้วยรอยช้ำแดงก้าวล่วงเข้าไปในห้องน้ำใกล้ๆอย่างเหนื่อยล้า.. ยามเมื่อร่างนั้นลับหาย คนตัวสูงก็ถึงกับถอนหายใจยกใหญ่..


“ คุณแค้นผมมากขนาดนี้..แต่ทำไมผมถึงรู้สึกอยากอยู่ใกล้คุณ ทั้งที่คุณทำร้ายแม่ผม แต่บางสิ่งก็บอกให้ผมอย่าเดินหนี.. หากกรรมที่ผมเคยทำกับน้องกาณฑ์จบลงด้วยการไม่สานแค้นต่อมันคงจะดี.. ผมจะยอมจนกว่าคุณจะพอใจ..” นั้นคือคำรำพันสุดท้ายก่อนความหนักอึ้งของดวงตา จะลากพาสติให้ลดหาย...



เช้าวันใหม่ของการเริ่มต้น...ร่างสูงเดินออกจากห้องนอนที่ว่างเปล่าได้อย่างอิสระ ตอนนี้กรณ์คงออกไปทำงานแล้ว ส่วนกฤษฏิ์เองก็คงไปในเมือง ..ในบ้านจึงเหลือแต่สาวใช้ร่างอวบ กับน้าชิดคนสวน ...



“ คุณจะรับอะไรบ้างคะ..” หญิงสาวเดินเข้ามาเอ่ยถามกับคนที่เอนกายลงบนโซฟาอย่างสงสัย ..หลายวันมานี้ แม้วิชญ์ภาสจะถูกปลดปล่อยจากการพันธนาการ แต่เขาก็มิอาจไปไหนได้... แววตาเศร้าๆที่เกิด แม่บ้านสาววัยยี่สิบตอนต้นรับรู้ได้ดี



“ อะไรก็ได้ ว่าแต่ไปไหนกันหมดละ..” วิชญ์ตอบเสียงแผ่ว พลางเอ่ยถามถึงคนอื่นๆ ภายในคฤหาสน์หลังใหญ่



“ คุณกรณ์เธอออกไปบริษัทกับคุณสุรีย์ตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าแล้วละค่ะ เห็นคุณสุรีย์เธอเปรยๆว่ามีปัญหาเข้ามา เพราะผู้จัดการคนเก่ายักยอกเงิน เลยทำให้เกิดหนี้เสีย นุ่นเองก็ไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่ ..ส่วนคุณกฤษฏิ์เธอออกไปรับเอกสารที่สถานทูตน่ะค่ะ เห็นว่าใบสำเร็จการศึกษาชั้นไฮสคูลส่งมาให้” หญิงสาวเอ่ยตอบในทุกข้อที่รู้ บ้านนี้แทบทุกซอกทุกมุมไม่รอดสายตาของเจ้าหล่อนหรอก


“ คุณกฤษฏิ์เขาจะเรียนต่อมหาวิทยาลัยในเมืองไทยเหรอ..”


“ ใช่ค่ะ” เธอกล่าว พลางเดินไปหยิบอาหารเช้าที่อยู่ในครัวมาส่งให้คนตาหวาน ... จากนั้นก็ขอตัวไปจัดการงานบ้านอื่นๆ ( เอาเป็นว่าให้นังหมู เป็นแค่นี้..ฮ่าๆ)


หลังมื้ออาหารเช้า...วิชญ์ภาสก็ออกมาเดินเล่นรอบๆบ้าน ก่อนจะนึกบางสิ่งบางอย่างได้..


“ ...ไอ้วิชญ์ ..มึงอยู่ไหนของมึงนี่..ตั้งแต่ปิดเทอมหายหัวไปเลยนะ นี่เป็นเดือนๆแล้วนะมึง เมื่อไหร่จะกลับวะ กูจะชวนไปหลีสักหน่อย เบื่อชะมัดไม่มีมึงอยู่ด้วย” ปลายสายที่ลอดเข้ามา จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเพื่อนร่วมกรณีของวิชญ์ภาส ..หนึ่งในตัวการที่ทำให้กาณฑ์ต้องกลายเป็นเจ้าชายนิทราในทุกวันนี้...

“ เออ กูมาบ้านญาติน่ะ แล้วไงบ้างสบายดีไหมมึง..”


“ แปลกว่ะ ร้อยวันพันปีไม่เคยคิดจะถาม กินยาผิดขวดป่ะนี่... แต่ช่างเถอะๆ กูขี้เกียจสนมึง กูมีเรื่องจะถามสักหน่อย ไอ้น้องคิ้วหักที่มึงควงมันหายไปไหนวะ เห็นคนในมหาวิทยาลัยไม่รู้เลย ขนาดเพื่อนคณะของมันยังไม่รู้ ไม่ใช่ไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตายแล้วนะมึง..” คำที่ถาม ดูจะกระแทกใจคนฟังได้มากมาย .. โต้งหมายถึงกาณฑ์มีหรือที่วิชญ์ภาสจะไม่รู้..


ดวงตาคู่กลมสะท้อนแสงตะวัน ..มองเลยขึ้นไปยังห้องชั้นสองของบ้าน ..


ห้องที่เขาไม่เคยย่างกรายเข้าไปเลยตลอดเวลาหนึ่งเดือนกว่าๆ ... มือแกร่งเอื้อมตัดสายอย่างชินชา ก่อนจะก้าวเท้าออกเดินไปเบื้องหน้า เพื่อพบใครบางคน ... นานแสนนานที่วิชญ์ภาสมาหยุดทำใจอยู่หน้าห้องของคนป่วย ..เจ็บ ทรมาน.. วิชญ์ภาสร้ายจนทำให้ใครคนหนึ่งสาหัสขนาดนี้เชียวหรือ...



“ พี่ขอโทษ..” คำนั้นหลุดออกมาอย่างแสนสั่น..ก่อนที่บานประตูจะเปิดออกด้วยใจระส่ำ... ร่างของวิชญ์ภาสก้าวเข้ามาภายในห้องอย่างแสนสงสาร ยิ่งเห็นร่างของใครคนนั้น คนที่เขาเห็นเป็นของเล่น ...แค่ครองกายหนึ่งวันก็ละห่าง ราวกับสิ่งไร้ค่า ..


เวลานี้กาณฑ์กำลังถูกความเจ็บปวดภายในใจ ทำร้าย...


“ พี่ขอโทษ..” วิชญ์ภาสเอ่ยขึ้นพร้อมน้ำตาที่รินออก .. ใครจะรู้ว่าเส้นโยงของโชคชะตาระหว่างเขาและกรณ์กำลังมีอุปสรรคใหญ่ปรากฏขึ้น เมื่อน้ำตาที่แสนธรรมดา แต่แฝงไว้ด้วยความรู้สึกสำนึกผิดอย่างสุดใจสัมผัสบนมือเรียวของคนหลับใหล ..จะทำให้บางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้น



กล่าวกันว่า ..แรงดึงดูดของจิตใจสามารถยกพาเอาหลายสิ่งหลายอย่างที่คิดมาสู่ร่างกาย .. เมื่อภาวะจิตใต้สำนึก และจิตสำนึกของกาณฑ์เรียกร้องให้วิชญ์ภาสอยู่ข้างกาย ยามเมื่ออุณหภูมิจากอีกร่างแตะสัมผัส น้ำตาที่แสนแปรปรวนแตะต้อง เมื่อนั้นภายในที่หลับใหลจึงเคลื่อนไหวไปมาอีกครั้ง ... ( ปฏิกิริยาตอบสนองด้านประสาทวิทยาว่าด้วยแรงดึงดูดระหว่างความคิด จิตใจ และร่างกาย ..สัมพันธ์กับอุณหภูมิของแต่ละสิ่ง)


ร่างที่หลับใหลมากว่าหนึ่งเดือนเริ่มขยับไปมาอย่างทุลักทุเล แม้พยาบาลจะเข้ามาทำกายภาพบำบัดให้ทุกสามเวลา แต่ร่างกายที่ไม่ได้เคลื่อนไหวมานานย่อมยากแสนยากในการเริ่มแรก..ดวงตาที่ปิดลงอย่างเจ็บปวดค่อยๆเปิดออก พร้อมหนึ่งความรู้สึกที่หนักอึ้ง...


วิชญ์ภาสหันหลังออกจากห้องโดยไม่รู้เลยว่าน้ำตาของเขาปลุกให้บางสิ่งบางอย่างตื่นขึ้น


แสงตะวันเคลื่อนไปตามเหลี่ยมมุมของฝั่งฟ้าตามวิถี พร้อมสติที่ค่อยๆกลับมาของคนอ่อนแรง ..แต่เพียงไม่นานกาณฑ์ก็หลับไปอีกครั้ง ..แต่การหลับครั้งนี้จะดำเนินไปเพียงไม่กี่ชั่วโมง หาใช่เป็นเดือนๆอย่างเช่นที่ผ่านมา...



หญิงสาวร่างบางเลขาฯส่วนตัวของกรณ์เดินปลีกออกจากเจ้านายเมื่อเดินก้าวเข้ามาภายในคฤหาสน์หลังงาม ..หน้าที่ของหล่อนคือการมาเยี่ยมใครบางคนที่เธอเคยรู้จักมาตั้งแต่เด็กทุกวัน .. สุรีย์จะก้าวเข้ามาภายในห้องแห่งนี้เพื่อเล่าเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นให้กับกาณฑ์ได้ฟัง แม้จะไม่รู้ว่าเขาจะเข้าใจ หรือได้ยินสิ่งที่เธอรำพันหรือเปล่า แต่เพียงได้พูดออกมาเธอก็สบายใจมาก

“ เป็นไงบ้างคะคุณกาณฑ์..วันนี้เป็นยังไงบ้าง”


‘ ใครกัน...เสียงใครทำไมมันคุ้นอย่างนี้ละ’ ดวงตาที่ยังปิดอยู่เอ่ยถามกับตัวเอง หนึ่งเสียงที่เขาแสนคุ้นเคยมานานแสนนาน ใครคนนั้นที่เข้ามาหาเขาทุกวัน ใครคนนั้นที่ทำให้เขาไม่เหงา และรู้สึกอบอุ่น ..แต่เขาเป็นใครกันละ ..
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: art ที่ 08-05-2009 09:05:27
ต่อเร็วๆๆๆๆๆๆๆนะ


เอาอีกๆๆๆๆๆๆ



 :L2:

หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: unagan ที่ 08-05-2009 11:14:10
กำลังมันส์   o13
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 08-05-2009 21:06:25
art  unagan ขอบคุณค่ะที่ติดตามอ่าน  :pig4:

เดี๋ยวมาต่อให้นะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 08-05-2009 21:58:04
ตอน 4


หญิงสาวร่างบางเลขาฯส่วนตัวของกรณ์เดินปลีกออกจากเจ้านายเมื่อเดินก้าวเข้ามาภายในคฤหาสน์หลังงาม ..หน้าที่ของหล่อนคือการมาเยี่ยมใครบางคนที่เธอเคยรู้จักมาตั้งแต่เด็กทุกวัน .. สุรีย์จะก้าวเข้ามาภายในห้องแห่งนี้เพื่อเล่าเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นให้กับกาณฑ์ได้ฟัง แม้จะไม่รู้ว่าเขาจะเข้าใจ หรือได้ยินสิ่งที่เธอรำพันหรือเปล่า แต่เพียงได้พูดออกมาเธอก็สบายใจมาก 


“ เป็นไงบ้างคะคุณกาณฑ์..วันนี้เป็นยังไงบ้าง”


‘ ใครกัน...เสียงใครทำไมมันคุ้นอย่างนี้ละ’ ดวงตาที่ยังปิดอยู่เอ่ยถามกับตัวเอง หนึ่งเสียงที่เขาแสนคุ้นเคยมานานแสนนาน ใครคนนั้นที่เข้ามาหาเขาทุกวัน ใครคนนั้นที่ทำให้เขาไม่เหงา และรู้สึกอบอุ่น ..แต่เขาเป็นใครกันละ ..


“ ดูสีหน้าคุณกาณฑ์สดชื่นขึ้นนะคะ” หญิงสาวพูดไปอย่างที่เห็น หารู้หรอกว่าบัดนี้สติสัมปชัญญะทั้งหมดของคนป่วยปรากฏขึ้นแล้ว มีเพียงอย่างเดียวที่กาณฑ์ไม่สามารถทำได้คือเคลื่อนไหว ร่างกายของเขาคงต้องปรับตัวอีกนานกว่าจะสามารถกลับคืนสู่อาการปกติ ( ผลกระทบทางร่างกายหลังร่างกายขาดการเคลื่อนไหว ทำให้เลือดเดินทางไปเลี้ยงส่วนต่างๆได้น้อยลง กล้ามเนื้อ รวมถึงผิวหนัง อาจเกิดการกดทับ รวมไปถึงเส้นประสาทการเคลื่อนไหว มักพบในคนที่นอนหลับเป็นเวลานาน หรือผู้ป่วยที่สมองขาดออกซิเจนเป็นเวลานานๆ) ( สรุป..มีร์ยังไม่ให้น้องกาณฑ์ตื่น รู้สึกตัว แต่ขยับไม่ได้...)

หญิงสาวเดินลับออกจากห้องไป ..ทิ้งไว้เพียงเสียงอันแสนอบอุ่น กับร่างกายที่ค่อยๆหลับลงไปอีก


ร่างเพรียวบางในชุดสีเทาอ่อนเดินก้าวเข้าไปในห้องอย่างอ่อนล้า... พลางวางกระเป๋าหนังลงบนโต๊ะตรงใกล้ๆเตียงนอน ..ห้องแห่งนี้หาใช่ห้องของเขาเพียงผู้เดียวนับตั้งแต่ที่กฤษฏิ์กลับมา มันกลายเป็นของเขากับใครอีกคนที่แสนร้ายกาจต่อน้องชายคนกลางของเขา


สูทตัวแพงวางพาดลงบนพนักเก้าอี้ด้านหลังอย่างอ่อนแรง ก่อนที่จะเขาจะค่อยๆปลดกระดุมเสื้อที่สวมมาทั้งวันออก ..ตอนนี้กรณ์อยากอาบน้ำพักผ่อน ... ภารกิจในหนึ่งวันที่ผ่านมาดูจะสร้างความหนักใจให้กับประธานหนุ่มอย่างมาก ..ปัญหาเรื่องเงินเรื่องทองมันไม่เคยเข้าใครออกใคร ..แต่กรณ์ก็ไม่เคยคิดว่าคนเก่าคนแก่ที่รับใช้บริษัทมายาวนานจะกล้าทำเช่นนี้ ทุกอย่างเข้ามารวดเร็วและจากไป


หนี้ที่เกิดหลายสิบล้าน แท้จริงไม่ใช่ปัญหาที่ทำให้กรณ์หนักใจ .. ธุรกิจในเครือ Wind Business มีมูลค่าหลักทรัพย์ในตลาดหุ้นหลายหมื่นล้าน ..แต่การจะถอนเงินสดออกมาใช้เวลาอาทิตย์สองอาทิตย์ ไม่ใช่เรื่องง่ายสักเท่าไหร่ ..เพราะทรัพย์สินส่วนใหญ่อยู่ในรูปแบบของหุ้น กรรมสิทธิ์ ตลอดจน ที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ ..


ร่างโปร่งที่พอหนั่นด้วยมัดกล้ามงดงามค่อยๆ เลื่อนกายลงในอ่างน้ำวนที่เปิดไว้ ..หวังให้แรงดันที่วนเวียนช่วยละคลายความเมื่อยล้าออกไปให้หมดสิ้น นานเกือบชั่วโมงกว่าที่คนอ่อนแรงจะลุกขึ้นจากอ่างได้..เขาเดินออกมาในชุดเสื้อคลุมสีฟ้าอ่อนที่แขวนไว้เคียงข้างกับเสื้อคลุมตัวสีเขียวของใครอีกคน ..หนึ่งในเจ้าของห้อง ...


แต่ทันทีที่บานประตูเปิดออกบางสิ่งบางอย่างที่ลอยมากระทบก็ทำให้กรณ์ถึงกับผงะ...


“ ใครเอาดอกไม้นั้นเข้ามา..” เสียงนั้นบอกอย่างโกรธ..ๆ พลางเดินหาต้นตอของกลิ่นหอมที่หลายคนพิสมัย แต่สำหรับเขามันคือสิ่งน่าชัง... ดอกไม้สีขาวขนาดเล็กกว่าปลายนิ้วชี้มากมายหลายดอกวางเรียงอยู่ในอ่างน้ำขนาดใหญ่กว่าฝ่ามือ ...


“ คุณจะทำอะไร..” วิชญ์ภาสเอ่ยถามเสียงหลง เมื่อเห็นกรณ์ตั้งท่าจะยกอ่างลอยดอกไม้ที่เขาเพิ่งได้มาจากชั้นล่างไป


“ อย่ายุ่ง..ทุกอย่างในบ้านนี้เป็นสิทธิ์ของฉัน..” กรณ์ไม่ตอบอะไร ได้แต่หยิบอ่างแก้วนั้นไป แต่วิชญ์ภาสก็ไม่ยินยอมให้มันเกิดขึ้นได้..โธ่เขาอุตส่าห์ลงทุนไปเด็ดถึงในสวน


จะเพราะอะไรเขาก็ไม่รู้ตัวเอง แต่สมัยก่อนตอนอยู่บ้านเห็นแม่ชอบเอามาวางไว้ในบ้าน ได้กลิ่นทีไรก็สดชื่น คลายกังวลได้มากมายยามสูดดม ..อาจเพราะเขาได้ยินบางสิ่งที่น่ากังวลเกี่ยวกับธุรกิจที่มีปัญหา เลยอยากให้อีกคนได้ผ่อนคลายกระมัง.

. วิชญ์ภาสหารู้หรอกว่าตอนนี้เขากำลังหยุดเพื่อเดินเข้าหาอีกคนที่ไกลแสนไกล แต่ใกล้สุดใจ... เมื่อกรณ์แค้น วิชญ์ภาสก็จะยอมให้กรณ์แก้แค้นจนมันจางหาย รอคอยสักวันที่ความรู้สึกจะเปลี่ยนผัน


สองคนยื้อแย่งอ่างใบเล็กกันไปมาจนสุดท้ายกรณ์ก็ยอมปล่อยมันออกออกอย่างเหนื่อยหน่าย แต่การกระทำของเขากลับทำให้เกิดบางสิ่งบางอย่าง ..เมื่อแรงต้านที่วิชญ์ภาสดึงดันกลับถูกหยุดยั้ง..ร่างนั้นจึงถลาเซไปด้านหลังพร้อมอ่างลอยดอกไม้ที่ถืออยู่..เนื้อแก้วเบาบางกระทบพื้นหินอ่อนอย่างแรงจนแตกเป็นเสี่ยงๆ แต่นั่นก็ไม่สำคัญเท่ากับคนตัวสูงที่ไถลมือกดลงกับพื้นที่มีเศษแก้วอยู่...



“ โอ๊ย...” เสียงร้องเรียกให้กรณ์หันมามองอย่างตกใจ ...รีบเข้าใกล้อีกคนอย่างเป็นห่วง ..เนื้อแท้ของกรณ์หาใช่คนเย็นชาหรือโหดร้ายอย่างที่กฤษฏิ์บอกไว้ แต่ทุกครั้งที่อยู่ต่อหน้าวิชญ์ภาส กรณ์ต้องสวมบทร้าย สวมบทพี่ชายที่พร้อมจะทำทุกสิ่งเพื่อปกป้องน้อง ..แต่ ณ เวลานี้ เลือดที่ออก เสียงร้องที่ส่งทำให้กรณ์ลืมทุกสิ่งทุกอย่าง ..


“ เลือดออกด้วยนี่...” กรณ์รำพันกับคนเจ็บ พลางยกมือข้างที่ถูกเศษแก้วบาดขึ้นประคอง แต่วิชญ์ภาสก็กลับสะบัดมันออกอย่างแรง ...


“ ช่างผมเถอะ..” ในใจคนเจ็บรู้สึกโกรธอย่างไร้สาเหตุ แท้จริงอาจมาจากการที่กรณ์จะเอาอ่างแก้วของเขาไปทิ้ง ..เพราะแท้จริงมันรวมความพยายาม และความตั้งใจดีที่มีต่อกรณ์ไว้ในนั้น ..วิชญ์เลยรู้สึกน้อยใจเล็กๆ


แต่เขาจะมีสิทธิ์เหรอ ในเมื่อระหว่างทั้งสองมีเพียงความแค้น... ใช่สิ...จะพูดอย่างนั้นคงพูดออกได้ไม่เต็มปากนักหรอก ..ในใจวิชญ์ภาสตอนนี้หาใช่แค้น แต่เป็นการสำนึก..พร้อมกับความต้องการที่อยากจะอยู่ใกล้อีกคนที่ทำร้ายเขาสารพัด กักกัน ตบตี ทรมาน .

.แต่เพราะอะไร ..เซ็กซ์ สัมผัส จูบ หรืออะไรที่ผูกใจให้วิชญ์ภาสเลือกจะยอมให้กรณ์แก้แค้นต่อ ..เวลานี้คุณวรางคณาหาใช่เหตุสำคัญที่ทำให้เขาอยู่ในร่มเงาของสายลมเช่นเมื่อเดือนก่อน .. สักวันวิชญ์ภาสจะทำให้กรณ์ที่แสนโหดร้าย กลับไปแสนดีเช่นที่กฤษฏิ์บอกให้จงได้...


กรณ์ลุกพรวดแล้วเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้คนเจ็บต้องเดินไปหยิบทิชชู่มากดซับเลือดที่ฝ่ามือด้วยตัวเอง ในใจนึกน้อยใจ นึกโกรธสารพัด ขนาดเขาเจ็บมากมายขนาดนี้ กรณ์ยังไม่สนใจอีกเหรอ ทั้งที่ทั้งสองแนบแน่นแนบเนื้อจนแทบจะละลาย

..แต่เพียงไม่นานความกรุ่นกริ่งในอารมณ์ก็ต้องแปรผกอีกครั้งเมื่อประตูห้องนอนเปิดออก พร้อมเจ้าของร่างบางในเสื้อคลุมสีฟ้า ..ยามเดินแต่ละครั้งรอยแหวกด้านล่างก็โชว์ขาอ่อนนวลเนียนให้ได้มองเห็น แผ่นอกขาวบางที่แลบออกเพราะสาบเสื้อคลุมที่เผยอ... ในส่วนลึกวิชญ์ภาสก็รู้สึกภูมิใจไม่น้อยที่ได้ครอบครองร่างกายที่น่าหลงใหล ร่างกายซึ่งเป็นที่หมายปองของใครมากมาย ..


“ นั่งบื้ออยู่ทำไม..” เสียงกระแทกดังขึ้น พร้อมขวดยากับสำลีที่กรณ์เดินไปขอมาจากแม่บ้านสาวด้านล่าง วิชญ์ภาสมองตามอย่างงงๆ แต่ก็ไม่ยอมยื่นมือส่งไปให้

“ ถ้าผมตายคุณคงดีใจ..”

“ ใครว่า...ถ้าแกตายมันไม่ดูง่ายไปหน่อยเหรอ..แกยังต้องทรมาน” กรณ์บอกเสียงเย็น พยายามข่มความห่วงใยที่เขามีให้แนบเนียนที่สุด


“ แผลแค่นี้ผมคงไม่ตายหรอก...ผมจะได้ทรมานไง..” วิชญ์ภาสบอกเสียงจริงจัง พลางส่งสายตาไปยังดวงตาคู่เรียวที่มองเขาอย่างว่างเปล่า ..กรณ์สังเกตเห็นความเคลื่อนไหวที่วูบหวั่น ..จนเขาต้องรีบหนี หากนานกว่านี้ความรู้สึกที่มีอาจถูกจับได้... เขาไม่ตอบโต้ ไม่พูดจา กลับดึงมืออีกคนมาทำแผลให้อย่างแผ่วเบาที่สุดเท่าที่จะทำได้...


ความร้อน ความสั่น ตลอดจนลมหายใจที่แปรเปลี่ยนทำให้วิชญ์ภาสพอจะเดาได้ถึงความตื่นเต้นของอีกคนตรงหน้า ..นับวันกรณ์ยิ่งเก็บอาการไม่เก่ง ยิ่งห่างไกลจากวันแรกๆที่เจอกัน..

.เมื่อแผ่นผ้าก๊อตถูกวางทับด้วยที่ยึดอย่างเรียบร้อย ..กรณ์ก็เดินไปเก็บขวดยาตรงโต๊ะใกล้ๆ ..แต่ทันทีที่เขาหันหลังกลับมาก็พบว่ามีอีกคนมายืนอยู่ด้านหลังตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้..


. ร่างเรียวถูกวิชญ์ภาสยึดไว้แน่นก่อนจะเริ่มต้นบางสิ่งบางอย่าง...


“ ทำอะไร..” กรณ์ช้อนตาขึ้นมองอย่างหวั่นๆ..


“...” แต่กลับไม่มีเสียงใดตอบกลับมา มีเพียงมือหนาข้างที่ไม่บาดเจ็บเลื่อนแหวกเข้าไปภายใต้เสื้อคลุมตัวหนาอย่างรวดเร็ว มันก้าวล้ำเข้าไปหยอกเย้าความอ่อนแอบนอกขาวนวลเนียน ที่เคยสัมผัสมานับครั้งไม่ถ้วน..


“ อย่างน้อยผมก็ดีใจที่คุณไม่ปล่อยให้ผมเลือดออกจนหมดตัว..” นั่นคือคำตอบที่ทำให้กรณ์ต้องหน้าแดงก่ำ ..นี่เขาตกหลุมของอีกคนแล้วใช่ไหม นี่เขากำลังก้าวพลาด... อย่าบอกนะว่ากรณ์ต้องเดินตามรอยน้องชายคนกลางของเขา อย่าบอกนะว่ากรณ์ต้องอ่อนแอ และอ่อนไหวไปกับคนตรงหน้า ...


“ บอกแล้วถ้าแกตาย..มันก็ไม่สนุก..” กรณ์ยกมือของเขาขึ้น รวบรวมแรงทั้งหมดแล้วผลักให้คนที่โลมเล้าออกห่างจากกายของเขาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเดินหนีไปทางตู้ใบใหญ่ด้านซ้ายมือ ..เพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นรอง ..

“ ถ้าคุณไม่อยากให้ตาย ..ผมก็จะไม่ตาย..” กรณ์พลาด..เมื่อร่างของเขาถูกดึงให้กลับเข้ามากระทบแผ่นอกหนาตึงด้วยกล้ามเนื้อ..แขนแกร่งเลื่อนเข้ามาโอบเอวบางอย่างว่องไว รัดไว้เพียงพันธนาการไม่ให้กรณ์หนีไปไหน ..แต่สิ่งที่ใช้อาจรัดไว้ได้เพียงชั่วคราว หากจะผูกมัดอะไรสักสิ่ง คงมีเพียงจิตใจเท่านั้นที่ยืนยง...

ริมฝีปากเรียววางลงบนลำคอระหงสูดดมความหอมหวานอย่างใคร่ได้...


 “ อย่าทำรอยนะ..” กรณ์บอกห้ามเมื่อริมฝีปากที่ลามโลมเริ่มจัดการแสดงหมายตราบอกเจ้าของ วิชญ์ภาสเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยยอมตามใจ ..ก่อนจะผลักร่างของกรณ์ให้ล้มลงกับเตียงด้านหลัง นับวันเกมระหว่างทั้งสองยิ่งเปลี่ยนแปลง จากเดิมที่กรณ์เป็นคนยัดเยียด แต่กลับกลายเป็นเวลานี้กรณ์กำลังโดนอีกคนปรนเปรอ ..ไม่เข้าใจในโชคชะตา ..

“ เจ็บ..” เสียงนั้นดังตามมาเมื่อความต้องการที่แข็งขันเดินทางเข้าไปภายในร่างกายอันบอบบาง ..มือเรียวยันอกที่ทาบทับเล็กน้อย ..


“ ขอโทษครับ..” ใครจะนึกว่าวิชญ์ภาสจะกล่าวคำนี้ออกมา..ค่อยๆแปรจังหวะให้เนิบนาบและช้าลง ..แต่ยังคงไว้ซึ่งแรงกระสันสั่นรัว..เริ่มต้น ..และจบลงตรงจุดเก่าของเรื่องราว ..ริมฝีปากอิ่มยังคงคลอเคลียอยู่ตรงลำคอระหง ..


‘คุณว่าคุณจะรักผมได้ไหม..ถ้าผมใช้ความรักดับความแค้น คุณคิดว่าเราจะรักกันได้ไหมครับ ’



เช้าถัดมาประมุขของบ้านก็ออกไปทำงานอย่างปกติ ..แต่ที่แปลกหน่อยก็มีอีกคนมาช่วยจัดแจงเสื้อผ้าไว้ให้ กรณ์มองมันอย่างเฉยเมยแม้ในใจจะรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ..คนตัวสูงเข้ามาช่วยจัดไทที่เป๋ไปด้านข้างอย่างคล่องแคล่ว. .ก่อนจะช่วยถือกระเป๋าเอกสารเดินลงไปส่งกรณ์ที่ข้างล่าง ภาพนั้นสร้างความแปลกใจให้ใครหลายคน ทั้ง สุรีย์ นุ่น หรือแม้แต่กฤษฏิ์เอง.

.โดยเฉพาะรายหลังเกิดความรู้สึกแปลกๆ...


“ วันนี้มีนัดอาหมอตอนเย็นๆ..พี่ไม่แน่ใจว่ากลับมาทันหรือเปล่า กฤษฏิ์อยู่บ้านช่วยรับอาหมอหน่อยนะ..” พี่ชายเอ่ยบอกกับน้องที่นั่งร่วมโต๊ะอาหาร นอกจากสองพี่น้อง ก็มีสุรีย์ และวิชญ์ภาสร่วมอยู่ด้วย ..บรรยากาศดำเนินไปอย่างเงียบเชียบหลังกรณ์กล่าวจบ ..



เลขาฯสาวก้าวมาหยิบกระเป๋าจากวิชญ์ภาสแล้วยิ้มให้อย่างเป็นมิตรก่อนจะเดินตามร่างบางของเจ้านายหนุ่มไปอย่างรวดเร็ว ยามเมื่อรถคันสีขาวปลอดแล่นลอดออกจากรั้วสายลม กฤษฏิ์ที่นั่งนิ่งอยู่นานก็เปลี่ยนที่ขยับมานั่งข้างวิชญ์ภาส ...


“ เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าพี่ เสียงดังเชียว..” กฤษฏิ์ถามอย่างใคร่รู้ ดวงตาคู่ใสๆดูน่ารักน่าชังใช่น้อย หากเป็นเมื่อก่อน เจ้าของฉายา ‘ฟันดะ’ คงจัดการพ่อหนุ่มน้อยไปเรียบร้อยแล้วล่ะ แต่เวลานี้มันไม่ใช่เมื่อวิชญ์ภาสเลือกจะใช้รักดับแค้น เขาจึงเลือกที่จะหยุดกรณ์ด้วยความจริงใจ รอ..รอสักวันให้แค้นมลายเขาคงมีความสุข


“ เปล่าหรอกครับ...ผมแค่เอาดอกมะลิหลังสวนเข้าไปในห้อง แต่คุณกรณ์เขาไม่ชอบ..” 


 “ โธ่ พี่ ...ไม่รู้หรือยังไงว่านั่นนะของต้องห้าม พี่กรณ์เกลียดดอกมะลิจะตายไป เพราะว่าเหม็น ทั้งที่จริงๆหอมจะตายชัก” กฤษฏิ์รีบเสริมทัพ แจงให้วิชญ์ภาสได้รู้ว่าแท้จริงแล้วกรณ์เกลียดดอกมะลิจริงๆ หาใช่รังเกียจเพราะเป็นสิ่งที่วิชญ์ภาสทำให้ ..


“ เหรอครับ” ดูคนรับฟังจะยิ้มกว้างอย่างไม่ต้องสงสัย ..รู้สึกปลอดโปร่งไปหนึ่งอย่าง เมื่อรู้ว่ากรณ์ไม่ชอบดอกมะลิจริงๆ

“ ดูพี่เปลี่ยนไปนะ”


“ คงจะอย่างนั้นล่ะครับ ..เพราะดิ้นรนไปก็รังแต่จะเหนื่อยเปล่าๆ สู้ให้คุณกรณ์เขาหายแค้นไปเองมันจะดีที่สุด .ผมยอมรับในสิ่งที่ผมทำ ให้ทุกวันหลังจากนี้ละลายแค้นในใจคุณกรณ์ไปได้บ้าง ผมก็พอใจมากแล้วล่ะ” นั่นคือสิ่งที่เขาคิดจริงๆ .


.รักอันเกิดจากแค้น อาจยุ่งยาก..แต่เขาเชื่อว่ารักจะชี้แจ้งในทุกสิ่งที่กังขา



“ พี่พูดเหมือนยอมแพ้งั้นแหละ ถ้าพี่กรณ์ขังพี่ไปตลอดชีวิตพี่ก็ต้องอยู่งั้นเหรอ..”



“ ไม่จำเป็นต้องขัง..ขอแค่คุณกรณ์ยังอยากให้ผมอยู่ที่นี่ผมก็จะอยู่” คำรับอันมาดมั่นดูจะทำให้เด็กหนุ่มอ่อนวัยสะดุ้งเล็กน้อย เขายอมรับว่าวิชญ์ภาสแข็งแกร่งเกินกว่าใครที่รู้จัก แต่ถ้าเป็นไปได้เขาอยากเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของคนข้างกายมากกว่า ..จะเป็นอะไรไปไหมหากกฤษฏิ์จะบอกกับตัวเอง ว่าเขากำลังหลงเสน่ห์คนหน้าหล่อเข้าให้อีกคน สามคนพี่น้อง สามหัวใจที่เกิดความรัก... แต่หัวใจดวงใดละที่มาดมั่น... ในเมื่อหัวใจของวิชญ์ภาสบอกแล้วว่าเขาจะมอบรักเพื่อระงับแค้นแด่กรณ์เพียงผู้เดียว



“ พรุ่งนี้วันเสาร์พี่ไปเที่ยวกับกฤษฏิ์ไหม..” เด็กหนุ่มเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว เพราะยิ่งพูด ดวงตาคู่กลมก็ยิ่งแสดงความอ่อนโยนต่อกรณ์เพิ่มมากขึ้น ...


“ เที่ยวเหรอครับ.?” วิชณ์ภาสจ้องหน้าคนเอวอ่อนเล็กน้อย


“ ใช่ไปเที่ยวเกาะรังนกกัน ..เป็นเกาะปิดที่บ้านเราเป็นเจ้าของ ปกติพี่กรณ์ต้องไปที่เกาะรังนกทุกเดือน แต่รู้สึกว่ากำหนดของเดือนนี้จะเป็นอีกสองอาทิตย์ กฤษฏิ์ขี้เกียจรออ่ะอยากไปเลย ที่นั่นมีที่สวยๆเยอะเลยนะ..กลางเกาะก็มีน้ำตกด้วย” เด็กหนุ่มรีบอวดสรรพคุณความงาม เกาะรังนก..หนึ่งในธุรกิจของสายลม ..สัมปทานที่ได้จากรัฐ ...



“ ผมคงต้องขอคุณกรณ์ก่อน..ครั้งก่อนแค่ไปใกล้ๆยังถูกดุเสียขนาดนั้น ..ยังไงผมก็ต้องบอกคุณกรณ์ก่อนนะครับ” วิชญ์ภาสนึกย้อนไปถึงวันนั้นที่เขากับกรณ์ทะเลาะกัน และเป็นจุดเริ่มต้นความรู้สึกใหม่ในใจของเขา ...


“ ตามใจพี่ละกัน ..ได้เรื่องยังไงตอนค่ำๆบอกกฤษฏิ์ด้วยนะ..” กฤษฏิ์ยิ้มเบาบางแล้วเดินออกไปด้วยใจสับสน ..เฮ้อ... เวลาแค่ไม่เท่าไหร่ แต่หัวใจกลับอ่อนไหว ..อืมหรือเขาควรตัดใจดีละ

“ เฮ้อ..อย่าคิดไกลกฤษฏิ์..เปลี่ยนเป้าหมายด่วน..” เจ้าเด็กหนุ่มพึมพำกับตัวเอง ...โธ่ แค่อารมณ์อ่อนไหวยังไงก็คงจัดการได้ไม่ยาก.. มาเร็ว อาจไปเร็ว ..
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 17-05-2009 10:02:16
หุหุ จำเลยรัก คิกคิก  :impress2: :impress2:

แล้วไม่มาต่ออีกเหรอ  :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: nanao ที่ 17-05-2009 20:27:08
นิยายซาดิส ๆ มาอีกแล้ว หุหุ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 18-05-2009 15:44:54

เข้ามาต้อนรับนิยายใหม่ค้า  :mc4:

เจ้สอง / ลับมีดไว้จัดการกับพระเอกคะ
แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยส์
(http://i132.photobucket.com/albums/q8/oaw_eang/ghost_station_still05.jpg)
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: nanao ที่ 19-05-2009 07:33:58
มารอตอนต่อไป ^^
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: nanao ที่ 21-05-2009 07:15:59
มาดันรอตอนต่อไป ^^
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 21-05-2009 09:40:53
THIP  มาแล้วคร๊าบบบ มาต่อจนจบแน่นอนคร๊าบ ที่หายไปเพราะแอบหนีไปเที่ยวมานะ 555

oaw_eang  พระเอกของนู๋ออกจะน่าร๊ากกกกก อย่าทำไรรุนแรงเลย เสียดายของ หุ หุ

SomLove   กำลังลงให้แล้วคร๊าบบบ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 21-05-2009 10:16:59
ตอน 5


..” เป็นอะไรไปหรือเปล่าคุณกฤษฏิ์..” เสียงห้าวดังขึ้นจากทางด้านหลัง ..ทำให้คนร่างบางหันไปมองอย่างสงสัย ..นี่กฤษฏิ์นั่งเล่นตรงริมสระน้ำมาจนเย็นแล้วเหรอ เขาแทบลืมเวลาไปเลย..ในหัวที่คิดเรื่องราวต่างๆมากมาย กลับถูกเสียงของใครคนหนึ่งหยุดลง


“ อาหมอ..” กฤษฏิ์ยิ้มให้สุดกว้าง..พลางลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้าไปกอดร่างสูงที่แสนคุ้นเคย หมอพิสิษฐ์ผงะเล็กน้อยเพราะนานมากแล้วที่ไม่ได้โดนกฤษฏิ์กอด..เขากับกฤษฏิ์ห่างกันเกือบสิบปี..ก่อนที่กฤษฏิ์จะไปเมืองนอกก็อายุแค่สิบสองสิบสาม..ตอนนั้นหมอพิสิษฐ์ก็ใกล้จะจบเลยไม่ได้ไปส่ง ..แต่ละปีที่กลับมาก็เจอกันแค่ครั้งสองครั้ง....


“ ยังขี้อ้อนเหมือนเดิมเลยนะครับคุณกฤษฏิ์..” พิสิษฐ์ยิ้มให้กับคนในอ้อมอก.. ในสายตาของเขากฤษฏิ์เป็นได้แค่เพียงน้อง เพียงหลาน ไม่ได้ทำให้ใจหวั่นไหวได้มากมายเท่ากรณ์เลยสักวินาที แต่ใครจะรู้ว่าชะตาของความรักกำลังพาคนที่เขามองข้ามให้กลับมาใกล้ชิดแนบแน่นอย่างแยกไม่ออก


“ เห็นพี่กรณ์บอกว่าอาหมอจะดูพี่กาณฑ์..กฤษฏิ์ว่าเราไปข้างบนกันดีกว่า” เด็กหนุ่มยอมปล่อยแขนออกจากเอวแกร่งของร่างสูงแล้วเดินนำอาหมอเข้าไปในบ้านอย่างอารมณ์ดี แปลกใจตัวเองเหมือน


“ ครับ..” สองคนเดินเคียงกันไปยังชั้นสองของบ้านหลังงาม เพื่อเข้าไปดูอาการคนป่วยประจำสัปดาห์ ..แม้อาการของกาณฑ์จะยังคงตัว แต่หมอพิสิษฐ์ก็ยินดีมาตรวจทุกสัปดาห์ เพราะบุญคุณอดีตประมุขที่มากมาย .. และหนึ่งเหตุผลสำคัญคือการที่เขาได้มีโอกาสพบกับคนหน้าสวย...

อีกด้านหนึ่งของบ้าน...ตัวต้นเรื่องก็กำลังเดินเล่นอยู่ในสวนข้างบ้าน สายตาสอดส่ายมองไปยังประตูรั้วเพื่อรอรับใครอีกคน..จะว่าไปมันก็แปลกดี ..ที่เขากลายเป็นอย่างนี้..จากคนที่ไม่เคยสนใจอะไรนอกจากความสนุก ไม่เคยคิดจะจริงจังกับใครสักคน แต่วันนี้เขาเลือกจะวิ่งไล่คนเย็นชา

..หรือเพราะสัญชาตญาณนักล่าในตัวมันทำงานล่ะ.. วิชญ์ภาสเคยแต่ถูกคนอื่นวิ่งไล่ เคยแต่เป็นฝ่ายถูกชอบ...เมื่อร่างกายและหัวใจได้สัมผัสกับความด้านชา สัญชาตญาณของการเอาชนะจึงปรากฏงั้นเหรอ ..เขาไม่อยากคิด เขาไม่อยากสน ปล่อยให้เวลาเป็นตัวตอบคำถามคงจะดีที่สุดแล้ว ...

เพียงชั่วอึดใจ..ใครบางคนที่รอคอยก็มาถึง



รถสีขาวคันสวยแล่นเข้ามาอย่างพอเหมาะพอเจาะ ..จอดลงตรงหน้ามุขบ้านหลังงาม


คนขับรถวิ่งมาเปิดประตูให้กรณ์..จากนั้นก็วิ่งกลับไปเปิดด้านข้างคนขับให้กับเลขาฯสาว ..สายตาคู่เรียวชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นร่างหนั่นของคนหน้าหล่อเดินเข้ามาใกล้...



“ คุณกรณ์..” เสียงนั้นมีแววสดใสใช่น้อย ..สุรีย์ยิ้มทักทายแค่ชั่ววินาทีแล้วรีบปลีกตัวไปโดยไว รู้ตัวดีว่าไม่สมควรอยู่ร่วมวงสนทนาระหว่างทั้งสอง..



“ มีอะไร..” กรณ์ถามเสียงราบ ไม่ได้มีความขุ่นเคือง หรือไม่พอใจใดๆ แฝงไว้เช่นทุกที ..วันนี้เขาเหนื่อยใช่น้อย งานที่เข้ามาดูจะมากจนพรากความสดชื่นไปจากร่างได้มากมาย...


“ คุณกฤษฏิ์ชวนผมไปเที่ยวเกาะรังนก..คุณว่าไง” นั่นคือสิ่งที่วิชญ์ภาสอยากถาม ถ้ากรณ์ไม่อยากให้ไปเขาก็จะไม่ไป นับตั้งแต่วันนั้น วันที่ก้าวล่วงผ่านความรู้สึกชิงชัง เขาก็พร้อมจะอยู่ใต้อาณัติของอีกคนในยามปกติ ..กรณ์เหลือบมองคนถามเล็กน้อยก่อนจะเดินสะบัดกลับห้องไปอย่างไม่ค่อยพอใจนัก ..เพราะอะไร.. เพราะวิชญ์ภาสจะใกล้กับกฤษฏิ์งั้นเหรอ...


ร่างที่เดินกระแทกเท้าขึ้นบันไดทำให้วิชญ์ภาสยืนนิ่งอยู่กับที่ไม่ได้ต้องรีบเดินตามขึ้นไป..ในขณะที่กรณ์กำลังหน้าบึ้งตึงเดินขึ้นห้อง หมอพิสิษฐ์ กับ กฤษฏิ์ก็เดินออกมาจากห้องกาณฑ์พอดี ..ชายหนุ่มตัวสูงยิ้มกว้างหมายจะทักทายแต่เพราะหน้าตาของกรณ์บึ้งเสียยิ่งกว่าบึ้ง ..กรณ์เดินเลยไปแล้วเข้าห้องตัวอย่างอย่างไม่มีกะจิตกะใจจะทักทายใครทั้งสิ้น


ความสงสัย และงุนงงของกฤษฏิ์และหมอหนุ่มประจำบ้านสายลมถึงกาลกระจ่าง เมื่อร่างของวิชญ์ภาสที่หายวันหายคืน และกลับมาสดชื่นมีราศีเดินหน้าเป็นกังวลตามกรณ์เข้าไปในห้อง ..


กฤษฏิ์ถึงกับหน้าถอดสี..เฮ้อ ทั้งที่พยายามทำใจ แต่พอเห็นก็อดสะเทือนใจไม่ได้

“ อาหมอ..”

“ ครับ” พิสิษฐ์เองก็อาการไม่ต่างจากกฤษฏิ์นักหรอก ..ชายหนุ่มผิวคร้ามแดดก้มหน้ามองคนสูงน้อยกว่าอย่างสงสัย

“ พรุ่งนี้อาหมอว่างไหม กฤษฏิ์จะชวนไปเที่ยวเกาะ..สงสัยพี่วิชญ์คงไม่ไปกับกฤษฏิ์แล้วล่ะ..” กฤษฏิ์บอกไปถึงจุดประสงค์ในวันพรุ่งนี้ เห็นอย่างนี้แล้วจะตื้อต่อก็ใช่วิสัย ..กฤษฏิ์แม้จะอ่อนโยน เป็นที่รัก..รู้จักให้ แต่นิสัยทะนงในศักดิ์ศรีของตนหาได้แตกต่างจากพี่ชายคนโตเลยสักนิด



“ พรุ่งนี้เหรอครับ..ก็ได้ครับ” พิสิษฐ์ครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้ายอมรับคำ บางทีไปเที่ยวพักผ่อนคงดีกว่าต้องอุดอู้อยู่ในบ้าน แล้วต้องฟุ้งซ่านคิดเรื่องระหว่างกรณ์กับวิชญ์ภาส ..เฮ้อ ..ไปพักผ่อนบ้างก็น่าจะดี เกาะรังนกที่แสนงดงาม.. หนึ่งในไข่มุกแห่งสายลม.

.. สัมปทานที่ก่อให้เกิดเงินตราหมุนเวียนหลายร้อยล้าน..



“ ครับ..กฤษฏิ์ว่าไปเราไปหาอะไรทานกันดีกว่า” แล้วเจ้าเด็กหนุ่มตาใสก็ถือโอกาสคล้องแขนคนข้างกายอย่างอ้อนๆ ...มันจะแปลกอะไรเมื่อในสายตาทุกคนล้วนรับรู้ว่า หมอพิสิษฐ์นั้ทเอ็นดูกฤษฏิ์ไม่ต่างน้องนุ่ง..สองคนเดินออกจากบ้านหลังใหญ่ตรงไปยังรถของหมอพิสิษฐ์ ..



ฝ่ายวิชญ์ภาสที่ตามอีกคนก็ทันก็รีบปิดประตูลงกลอนอย่างเร็ว พลางเดินเข้าไปหาคนที่กำลังถอดไทคล้ายความอึดอัด ตอนนี้อยากหลบหน้าไอ้คนตัวสูงมากที่สุด ไม่รู้เลยจริงๆว่าเป็นอะไรไป แต่ในใจมันรุ่มร้อน อยากอาละวาด ..กรณ์ห่วงน้องใช่ไหม ห่วงว่ากฤษฏิ์จะถูกวิชญ์ภาสทำร้ายเช่นที่กาณฑ์โดน ..แค่นี้ใช่ไหมที่เขารู้สึก..เขาไม่ได้ไม่พอใจที่รู้ว่าวิชญ์ภาสจะไปกับกฤษฏิ์ ..เขาไม่ได้ไม่พอใจที่วิชญ์ภาสจะใกล้ชิดกฤษฏิ์ ...


“ ตกลงคุณจะว่ายังไง..ผมจะได้บอกคุณกฤษฏิ์ถูก..” วิชญ์ภาสหมายย้ำจะเอาคำตอบจากอีกคน..


“ ถ้าจะแค้น..ก็อย่าไปลงกับกฤษฏิ์ ถ้าน้องฉันเจ็บแกคงรู้ใช่ไหมว่าต้องเจออะไร.. อย่าเอากฤษฏิ์มาเล่นในเกมนี้ ถ้าไม่อยากต้องเสียใจ ” นั่นคือคำตอบที่ออกจากปากคนบอบบาง ..มือเรียวปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตที่สวมออกสองสามเม็ด ละคลายความอึดอัด..พลางเดินก้าวเข้าไปล้างหน้าล้างตาภายในห้องน้ำ..วิชญ์ภาสไม่ปล่อยให้เรื่องราวดำเนินไปเป็นเช่นนั้น...รีบสาวเท้าเดินตามเข้าไปโดยไม่ทิ้งระยะ...



“ ผมไม่ได้คิดจะทำอะไรทั้งสิ้น...เพราะคุณกฤษฏิ์ไม่มีคนไปเป็นเพื่อน ผมเลยอยากไป ..อีกอย่างผมเองก็ไม่เคยไปด้วย ผมไม่ได้คิดจะเอาคุณกฤษฏิ์มาเล่นเกมอะไรทั้งสิ้น..” นั่นคือคำบอก..เสียงจริงจังที่ดังก้องอยู่ข้างหูมาพร้อมกับร่างของกรณ์ที่ถูกขังเข้าไปในอ้อมกอด.


คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมองภาพของเขาและคนตัวสูงในกระจกอย่างไม่เข้าใจ ..วิชญ์ภาสกำลังจ้องมาอย่างจริงจัง กรณ์ชักงงๆในสิ่งที่ทั้งสองเป็น ..เหตุของเรื่องราวคือแค้น แต่ผลของมันกลับเป็นรัก งั้นหรือ ...

“ ไปกับผมนะ..” มือที่รวบกอดสอดเข้าไปภายในเสื้อเชิ้ตที่ลุ่ยชาย..วางประสานตรงหน้าท้องแบนราบของคนในอ้อมอก..ดวงตายังคงจ้องมองตาของกรณ์ในกระจกไม่ละคลาย..

“ ฉันไม่..”


“พรุ่งนี้วันเสาร์คุณไม่มีงานไม่ใช่เหรอ ..ไปกับผมนะ คุณจะได้ไม่ต้องกังวลว่าผมจะเอาคุณกฤษฏิ์มาเป็นเครื่องมือ คุณจะได้ไม่ต้องโมโห ไม่ต้องคิดมาก..” วิชญ์ภาสย้ำหนักแน่นในคำที่บอก พลางวางริมฝีปากที่อุ่นอิ่มลงบนใบหน้าฝาดเลือดอย่างไม่เข้าใจตัวเอง ..แค่เห็นกรณ์หน้าบึ้ง วิชญ์ภาสก็ยืนแทบไม่อยู่ อยากให้คนในอ้อมอกหายโกรธ หายกังวล ..


“ อืม..ปล่อยได้แล้ว” กรณ์พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะวางมือลงบนท่อนแขนที่รั้งเขาไว้..ขอให้อีกคนเอาแขนออกจากตัว..แต่วิชญ์ภาสกลับไม่ยินยอมให้มันเป็นไปตามที่กรณ์ขอ..เมื่อร่างบางที่สมควรจะถูกปลดปล่อยกลับถูกพลิกให้หันมาเผชิญหน้ากับคนสูงกว่า


“ เห็นคุณกฤษฏิ์บอกว่าคุณเหนื่อยๆ..ผมอาบน้ำให้ดีกว่านะ” วิชญ์ภาสยิ้มให้บางๆ แต่นั่นก็กลับทำให้กรณ์กระตุกในหัวใจสิ้นดี ..วิชญ์ภาสยิ้มให้เขางั้นเหรอ


..เขาไม่เคยเห็น ไม่เคยพบ..คนที่เขาทำร้ายแต่เวลานี้กลับเอาใจเขาสารพัด กลับยอมเขาในทุกเรื่อง ..ความคิดที่ลอยไปไกลทำให้กรณ์ไม่รู้ตัวเลยว่าระหว่างเขากับอีกคนหามีสิ่งใดปกปิดเรือนกายแล้ว..เมื่อน้ำอุ่นในกระแสวนของอ่างแช่ขนาดใหญ่เริ่มทำงาน สติของกรณ์จึงกลับมาอีกครั้งและพบว่าตนกำลังนั่งทับอยู่บนตักของอีกคน ..ทั้งสองกายไร้สิ่งปกปิด ไร้ปราการได้กั้นขวาง


..สายน้ำอุ่นที่สาดวนตามระบบทำงานทำให้วิชญ์ภาสมิอาจจับอาการสั่นที่ปรากฏจากกายของกรณ์ได้...


“ คุณกรณ์..” เสียงกระซิบที่แผ่วผ่านสร้างความซ่านสั่นให้ร่างกายที่แสนบอบบางได้ชะงักงัน...นับวันกรณ์ก็ยิ่งกลายเป็นลูกแกะน้อย ..ที่รอวันถูกหมาป่าเจ้าเล่ห์งาบงับ..

.
“ อะไร..” เขาพยายามคงเสียงให้มั่นคง มิให้สั่นไหวไปกับใจที่สั่นรัว


“ ผมเข้าไปนะ..” ไม่ต้องบอกว่าเข้าไปไหน กรณ์ก็รู้แล้วว่าวิชญ์ภาสหมายถึงอะไร สัมพันธ์ทางกายที่กลายเป็นเรื่องทั่วไปของคนทั้งสอง ต่อให้เสพสมมากมายแต่ไหน แต่ก็มิมีสักครั้งที่รู้จักกับคำว่าหน่าย ว่าเหนื่อย ยิ่งทวีความเร่าร้อนรุนแรง ยิ่งมากครั้ง สองกายก็ยิ่งใกล้ชิด และแทบไม่ห่างออกจากกันเลย ..ยิ่งนานก็ยิ่งต้องการกันและกันมากขึ้นเรื่อยๆ...



“ อื้อ..” เสียงครางใสลอดผ่านลำคอ เมื่อความตึงเข้มของคนนั่งด้านล่างเสือกสนเข้าไปอย่างไม่ถนัดถนี่..คนตัวหนั่นที่เกร็งกล้ามเนื้อเพราะความซ่านเสียวใช้แรงที่มีกอปรกับแรงพยุงของน้ำ..จับกรณ์ให้หันกลับมาเผชิญหน้าของเขา ...กายและกายแนบชิดแทบละลายกลายเป็นหนึ่ง ลมหายใจทิ่ติดขัดกับความร้อนในใจที่พลุ่งพล่าน ผลักไสสติรู้ชอบให้เลือนร้าง มีเพียงกายที่ต้องกายหมายมอบความอบอุ่นให้กันและกันเท่านั้น



“ รู้สึกดีจังเลย..” วิชญ์ภาสจ้องตาคนที่ครอบครองส่วนหนั่นแน่นของเขาอย่างหลงใหล ใบหน้าขาวๆที่อดชมพูดเพราะแรงร้อนในกาย และฤทธิ์ร้อนของน้ำ ..ลมหายใจถี่หอบที่วิชญ์ภาสอยากได้ยิน เสียงครางละมุนที่เป็นเอกลักษณ์ เมื่อไหร่กันนะ เมื่อไหร่กันที่สองใจจะได้รู้ซึ้งถึงคำว่ารัก..หรือชะตาของสองใจยังไม่พร้อม เมื่อกาณฑ์ยังเป็นปัญหาสำคัญ ที่กรณ์ไม่อาจละเลย ...หากวันหนึ่งน้องชายตื่นขึ้นมา และรู้ว่าพี่ชายของตนกับคนที่รักมีอะไรกัน กาณฑ์จะรับได้เหรอ. ..


“ อื้อ..ๆ..” กรณ์หรุบตาต่ำไม่กล้าจ้องมองคนหน้าใส ที่นับวันก็ดูจะหล่อขึ้นๆ ..กรณ์ที่เคยมีแต่เกลียดบังตา หาเคยสนใจในรูปลักษณ์ที่ทำให้ใครหลายคนต้องเจ็บปวด แต่เวลานี้ เวลาที่หัวใจเผลอไผล เขาถึงได้รู้ซึ้งว่าทำไมวิชญ์ภาสถึงทำให้ใครหลายคนเจ็บช้ำได้มากมายนัก..


‘ ผมคิดว่าผมคงชอบคุณเข้าแล้วจริงๆ..”


เมื่อความปรารถนาที่มากมายของคนสองคนถูกปลดปล่อย... วิชญ์ภาสก็รับหน้าที่ลุกพากรณ์มาล้างตัวใต้ฝักบัว แล้วจับอีกคนห่อผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ อุ้มพากลับเข้าไปในส่วนของห้องนอน..และจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าให้อีกคนเสร็จสรรพ กรณ์ไม่ได้ว่าอะไร ยอมให้วิชญ์ภาสทำในสิ่งที่อยากทำ ....เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นก็รับรู้ได้ถึงแรงยวบของเตียงด้านหลังพร้อมอีกร่างที่เข้ามาประกบกอด ..จบลงด้วยความสับสน จบลงด้วยความหวั่นไหว นานไปกรณ์คงไม่อาจต้านทานแรงของใจได้เป็นแน่...
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 21-05-2009 14:14:11
โอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย สนุก เพิ่งเคยอ่านชอบมากกค้าบ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 21-05-2009 20:03:45
น้านนนนน ชอบเขาเข้าแล้ว  :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: nanao ที่ 21-05-2009 21:18:40
พระเอกเรานี่สุดยอดเลย

จะมีฉากน้องคนเล็กกับคุณอาหมอไหมเนี่ย  :m25:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 22-05-2009 09:50:30
pongsj  ขอบคุณค่ะที่ชอบ อย่าลืมเข้ามาอ่านบ่อยๆนะค่ะ

THIP  อีกหน่อยคงจะไม่ใช่แค่ชอบแล้ว อาจจะกลายเป็นรักหรือเกลียดมากกว่าเก่า ยังงัยก็ติดตามดูนะค่ะ

SomLove  ฉากน้องเล็กกับคุณอาหมอจะมีมั้ย ต้องดูกันต่อไป หรือจะเป็นน้องเล็กกับ...555

ขอบคุณคนอื่นๆที่แวะเวียนเข้ามาอ่านด้วยค่ะ ชอบไม่ชอบบอกกันบ้างนะค่ะ
หรือใครเคยอ่านเวอร์ชั่นเก่ามาแล้ว เข้ามาทักทายกันตามประสาคนบ้านเดียวกันก็ได้
อยากรู้ว่ายังมีคนที่รักเค้าสองคนมากแค่ไหน...อยากรู้จริงๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 6
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 22-05-2009 10:31:55
ตอน 6


..กรณ์มารู้สึกตัวอีกครั้งเพื่อสัมผัสที่ตรึงตราเขาไว้ตลอดคืนเริ่มคลายออก ดวงตาคู่เรียวเปิดขึ้นอย่างสงสัย มองซ้ายมองขวาก็พบว่ารอบข้างสว่างแล้ว..เหนื่อยจริงๆเหนื่อยมาก..
.
“ เดี๋ยวผมไปบอกคุณกฤษฏิ์ก่อนนะ...” วิชญ์ภาสยิ้มให้กับคนที่ยังนอนอยู่..สิ้นเสียงก็โน้มหน้าเข้าใกล้อีกคนฝากรอยสัมผัสของเช้าแรกอย่างสดใส ..รัก..งั้นเหรอ..หรือเป็นเพราะความเคยชินที่ต้องสัมผัส ที่ต้องเป็นของกันและกัน ...ไม่รู้เลยจริงๆว่าระหว่างสองคนคืออะไร ..


วิชญ์ภาสเดินยิ้มออกจากห้องของกรณ์ด้วยความสบายใจ...


วิชญ์ภาสมาหยุดอยู่หน้าห้องของกฤษฏิ์..เคาะประตูเรียกเจ้าของห้องอย่างอารมณ์ดี...


“ มีอะไรเหรอพี่..”กฤษฏิ์เดินงัวเงียมาเปิดประตูห้องอย่างสงสัย...

“ ผมจะมาบอกคุณกฤษฏิ์ว่า ผมจะไปเกาะรังนกด้วยครับ..”สิ่งที่ออกจากปากวิชญ์ภาสทำให้กฤษฏิ์เผยยิ้มกว้างอย่างไม่รู้ตัว ..ดีใจที่วิชญ์ภาสยอมไปเกาะรังนกกับเขา ..แต่ก็นะ..ไม่น่าชวนอาหมอเลยจะยกเลิกก็น่าเกลียด ..แต่ช่างเถอะไปเที่ยวด้วยกันก็ดีเกินพอแล้ว..

“ งั้นเก้าโมงเจอกันนะครับจะให้คนรถไปส่งที่ท่าเรือ...”


“ คุณกรณ์จะไปด้วยนะครับ..” วิชญ์ภาสบอก


“ พี่กรณ์..” กฤษฏิ์ถึงกับอึ้งเมื่อรู้ว่า นอกจากวิชญ์ภาสแล้วยังมีพี่ชายของเขาตามไปด้วย รอยยิ้มกว้างๆเมื่อครู่ค่อยๆหดลงอย่างไม่รู้ตัวเช่นตอนแรก ..


“ ครับ..” กฤษฏิ์ฝืนยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องด้วยความสับสน ... ทำไมต้องรู้สึกไม่พอใจด้วยนี่ที่วิชญ์ภาสกับกรณ์จะไปด้วยกัน ทั้งที่กฤษฏิ์เองก็รู้ว่าระหว่างวิชญ์ภาสกับกรณ์หาใช่คนที่โกรธเกลียดกันทั่วไป แต่ระหว่างทั้งสองยังมีสัมผัสอันแนบแน่นเชื่อมโยง ..และหากความสัมพันธ์นั้นจะพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น เขาก็ควรดีใจไม่ใช่เหรอ เขาควรดีใจที่พี่ชายผู้เคยอ่อนโยน และใจดีจะกลับคืนมา ..



“ ต้องดีใจสิ..ถึงจะถูก..”กฤษฏิ์ยกมือขึ้นตบหน้าตัวเองเบาๆ เรียกสติให้กลับคืนมา... หากเขาต้องเจ็บ แล้วสายลมกลับคืนสู่ความสุข เขาก็พร้อม ..ในเมื่อเกมรักครั้งนี้กฤษฏิ์เพิ่งเฉียดกายหาได้ถลำลึก.. เขาก็แค่หวั่นไหวไปกับดวงตาคู่หวาน เขาก็แค่อ่อนใจไปกับใบหน้าหล่อคม ..มันก็เท่านั้น ...



วิชญ์ภาสกลับห้องไปด้วยความสุขที่มากขึ้น...เห็นกรณ์ยังหลับอยู่บนโต๊ะ เลยเดินเข้าไปอาบน้ำฆ่าเวลา..ตอนเดินออกมาก็เห็นว่าคนที่เขาได้สัมผัสได้ครอบครองตื่นขึ้นแล้ว ..กรณ์กำลังนั่งอยู่หน้ากระจก..ลูบคลำลำคอด้วยสีหน้าเป็นกังวล จนวิชญ์ภาสต้องเดินเข้ามาใกล้..


“ เป็นอะไรไปครับ..” วิชญ์ภาสเอ่ยถามอย่างห่วงใย พลางดึงร่างที่นั่งอยู่ให้เขยิบขึ้นเล็กน้อยก่อนเขาจะนั่งแทนที่แล้วให้กรณ์นั่งลงบนตักเขา ..น้ำเย็นๆที่เกาะพราวตามกายแกร่งทำให้กรณ์สะดุ้งเล็กน้อย .

.
“ บอกแล้วว่าอย่าทำรอย..” กรณ์บ่นเสียงเคืองๆ...


“ ..ขอโทษครับ..” วิชญ์ภาสบอกเบาๆ ..ถ้าเป็นไปได้เขาไม่อยากเห็นกณณ์ต้องโมโห ..พักหลังมานี้เขาไม่ชอบเลยจริงๆเวลากรณ์ไม่สบายใจไม่ชอบเห็นกรณ์หน้าบึ้ง หรือจะอะไรก็ตามที่ทำให้นัทกรณ์ต้องเหนื่อยใจ

...
“ ทีหลังผมจะระวัง..” วิชญ์ภาสบอกด้วยความจริงใจ แต่กลับทำให้กรณ์หน้าแดงขึ้น..ครั้งหลัง...แสดงว่าอะไรล่ะ..ถ้าไม่ใช่การผูกพันทางร่างกายระหว่างสองคน..ไม่ใช่การสัมผัสที่แนบเนื้อจนแทบกลืนกลายเป็นเนื้อเดียว ..เซ็กซ์..


“ ปล่อยได้แล้ว.. จะไปกันกี่โมงล่ะ..” กรณ์เขยิบเล็กน้อย แล้วเอ่ยถามคนที่ยังกอดร่างเขาอยู่..

.
“ เก้าโมงครับ..” วิชญ์ภาสตอบพร้อมทั้งยอมปล่อยมือให้กรณ์ไปจัดการธุระส่วนตัวของเขาอย่างง่ายดาย พลางจัดเสื้อผ้าให้ตัวเองและอีกคนอย่างมีความสุข ..

กระเป๋าเดินทางแบบถือขนาดกลางถูกวางลง พร้อมเสื้อผ้าของเขากับกรณ์อย่างละสองชุด..ทุกอย่างพร้อมพรัน แม้แต่คนที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จยังแปลกใจ ..นับวันวิชญ์ภาสจะเอาใจกรณ์มากขึ้นกว่าเดิมเรื่อยๆ ...นี่ถ้ากรณ์ยัดเยียดบทบาทภรรยาให้วิชญ์ภาสตั้งแต่แรก.


.ป่านนี้กรณ์คงกลายเป็นผู้ชายที่มีความสุขมากไม่น้อย...แต่ตอนนี้ใช่ว่าเขาจะไม่สุข..ปัญหาสำคัญที่ยังกัดกร่อนหัวใจคือกาณฑ์..ตราบใดที่น้องชายยังเจ็บ กรณ์ก็ไม่มีน่าจะสุขหรอก...


“ คุณใส่ชุดนี้นะ..” วิชญ์ภาสยื่นชุดให้กับกรณ์ด้วยรอยยิ้ม แต่กลับทำให้เจ้าของห้องหน้าถอดสี.. เสื้อกล้ามสีขาวกับกางเกงเล..เฮ้อ..


“ บ้าสิ..ใส่นอนยังไม่ค่อยจะใส่เลย ใส่ออกข้างนอกจะดีเหรอ..” กรณ์ท้วง ..พลางเดินไปเลือกเสื้อในตู้เอง แต่วิชญ์ภาสก็ไม่ยอมตามใจ เดินไปกอดร่างเปลือยที่มีเพียงผ้าเช็ดตัวปกปิด แล้วลากกลับไปที่เตียงนอน..


“ ผมว่าคุณใส่แบบสบายๆ ดีกว่านะ...เราไปพักผ่อนกันไม่ใช่เหรอ..ใส่เสื้อเชิ้ตคลุมอีกตัวก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไร.. เชื่อผมนะ..ผมว่าคุณใส่แบบนี้แล้วน่ารักดี” วิชญ์ภาสบอกเสียงหวาน พลางยืนยันที่จะให้กรณ์ใส่ชุดเดิมที่เขาจัดให้.. แล้วกรณ์จะทำอะไรได้ล่ะ..นับวันจะยิ่งอ่อนยิ่งโอน ..ทุกครั้งที่วิชญ์ภาสสัมผัส กรณ์ก็แทบละลาย...


“ ..เป็นไงผมบอกแล้วว่าต้องดูดี..” วิชญ์ภาสยิ้มร่าเมื่อคนใกล้ตัวยอมอยู่ในชุดที่เขาจัดให้..เสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนรับกับเสื้อกล้ามตัวในและกางเกงเลปล่อยชายตัวใหญ่.. ส่วนวิชญ์ภาสเหรอ..ไม่ได้ต่างอะไรจากกรณ์เลยสักนิด..ผิดกันก็ตรงเสื้อยืดสีดำสนิทรับกับกล้ามเนื้อเข้ารูป..อวดความแข็งแกร่ง.. วิชญ์ภาสเลือกจะปลดเสื้อเชิ้ตไว้ข้างนอก..แค่เสื้อกล้ามกับกางเกงเลก็สบายๆ แล้ว..

“ ไปกันได้ยัง..” กรณ์บ่นเบาๆ..กับคนยิ้มกว้าง..

“ ไปกันสิครับ..” วิชญ์ภาสยิ้มหวานส่งตอบอีกครั้งพลางเดินถือกระเป๋าเดินทางขนาดกลางตามกรณ์ออกจากห้องไปด้วยความรู้สึกยินดี...


กฤษฏิ์ในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นกับกระเป๋าสะพายใบเล็ก เดินลงจากห้องมาเมื่อสิบนาทีก่อนก็เจอหมอพิสิษฐ์ที่กำลังนั่งทานกาแฟฆ่าเวลา ..วันนี้หมอหนุ่มดูมีเสน่ห์เพิ่มขึ้นหลายเท่า จากเดิมที่มักสวมกรานด์ ไม่ก็เสื้อเชิ้ตกางเกงขายาว เปลี่ยนมาเป็นเสื้อยืดสีทึมกับกางเกงขาสั้นกรอมเข่าสีอ่อน เลยทำให้ดูสบายตาน่าหลงใหลมากขึ้น ...

“ สวัสดีอาหมอ..มานานแล้วเหรอ..” กฤษฏิ์ยิ้มรับกับคนที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว


“ ก็สักสิบนาทีครับ...ว่าแต่เราจะไปกันหรือยัง..คุณกฤษฏิ์จะทานอะไรก่อนไหม” หมอพิสิษฐ์เอ่ยถามอย่างอ่อนโยน ..เขาเอ็นดูกฤษฏิ์ไม่ต่างอะไรจากน้องน้อย..เด็กตัวเล็กที่หมอหนุ่มเห็นมาแต่อ้อนแต่ออด ใครจะรู้เลยว่าวันหนึ่งอาจมีอิทธิพลเหนือจิตใจที่เคยมั่นคงต่อกรณ์.. ก็เป็นได้


“ เดี๋ยวครับ ..รอพี่กรณ์กับพี่วิชญ์ก่อน..”


“ คุณกรณ์ไปด้วยเหรอ..” หมอพิสิษฐ์ถึงกับเลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย ..นี่ไม่ใช่คิวตรวจงานที่เกาะรังนกสักหน่อยแล้วกรณ์จะไปทำไม.. แปลก...


“ เห็นพี่วิชญ์มาบอกเมื่อตอนเช้าว่าพี่กรณ์จะไปด้วย.. กฤษฏิ์เองยังแปลกใจไม่หาย ปกติพี่กรณ์ไม่ค่อยไปไหนในวันพักผ่อน ..นานๆถึงจะออกสักที..” กฤษฏิ์นั่งลงใกล้ๆอีกคนพลางเอ่ยบอกในสิ่งที่เขานึก .. และความแปลกใจของทั้งสองต้องเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อเห็นกรณ์เดินลงมากับวิชญ์ภาส ในชุดแปลกตา...สำหรับกฤษฏิ์ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะเคยเห็นกรณ์ใส่เสื้อยืดกางเกงเล ..บ้าง..แต่ส่วนใหญ่จะสวมเวลานอน ..


“ มองอะไรกฤษฏิ์..สวัสดีอาหมอ..” กรณ์เอ่ยทักทาย


“ สวัสดีครับ..”



“ ไปกันหรือยัง..” กรณ์เอ่ย เพราะชักรู้สึกเก้ๆกังๆ ..สองสายตาที่มองมาดูจะแปลกใจไม่น้อย ยิ่งแม่บ้านสาวเดินเข้ามาสมทบยิ่งทำให้กรณ์หน้าแดงเข้าไปใหญ่..ต้องชักเสียงเข้มเข้าพูด..


“ นุ่น..วันนี้ฉันไม่อยู่ฝากดูคุณกาณฑ์ด้วย..แล้วคุณสุรีย์ไปไหนล่ะ..” กรณ์เอ่ยถาม ยามเอ่ยถึงคนอื่นร่วมบ้านมักให้เกียรติเสมอ ไม่ว่าเขาจะมาจากไหน จากที่ใด..


“ คุณสุรีย์ออกไปซื้อของน่ะคะ..”


“ อืมก็ดีแล้ว..” กรณ์พยักหน้าเบาๆ ก่อนจะเดินนำทุกคนไปที่รถ วิชญ์ภาสรีบเดินตามอย่างไม่ห่าง ส่วนกฤษฏิ์กับหมอหนุ่มก็รีบเร่งไม่รีรอ..เพียงสิบนาทีจากคฤหาสน์หลังใหญ่ก็ถึงท่าเรือส่วนตัว มุ่งหน้าสู่หมู่เกาะรังนก สัมปทานเลอค่าที่หลายคนอยากครอบครอง..


ทั้งหมดเดินทางต่อไปยังเกาะโดยเรือเร็วขนาดเล็ก..ซึ่งง่ายต่อการเดินทาง ..เกาะรังนกถือเป็นสิ่งล้ำค่า มีอาณาบริเวณมากมาย รวมถึงแนวปะการังสำคัญ ..ตระกูลสายลมยังได้กรรมสิทธิ์ถือครองสัมปทานแห่งนี้อีกสิบเก้าปีเต็ม ...น่านน้ำในเขตนั้นจึงถือเป็นสิทธิ์ขาดที่ไม่มีผู้ใดกล้าล่วงล้ำ..ยามประฝั่งแห่งเกาะรังนกสามารถจัดการกับผู้บุกรุกได้ตลอดเวลา ..



สิ่งที่วิชญ์ภาสได้เห็นในเวลานี้แตกต่างจากที่เขาคิด.. เกาะกลางทะเล แต่กับมีชะง่อนผา และเงาไม้ปกคลุมหนาแน่น ..ท้องน้ำเขียวขจีมีฉากหลังเป็นแผ่นฟ้ากว้างไกล.. ตรงส่วนกลางของเกาะมีบ้านพักขนาดกลางตั้งอยู่ ซึ่งกรณ์จะใช้เป็นที่พำนักในทุกครั้งที่มายังเกาะแห่งนี้...ถัดจากส่วนกลางก็เป็นท้ายเกาะจะมีบ้านเรือนเรียงรายอยู่ราวสิบครัวเรือน เป็นครอบครัวชาวประมง และคนเก็บรังนก..ภายใต้การดูแลของสายลม..


“ ไม่คิดว่านายจะมา..นี่ยังไม่ถึงครบตรวจงานเลยนี่ครับ..” ชายผิวคล้ำรูปร่างสูงใหญ่รีบวิ่งกุลีกุจอมาพร้อมกับคนงานอีกสองคน เข้ามาทักทายนายหนุ่ม.. เจ้าสามคนนั้นดูจะแปลกใจไม่น้อยกับการแต่งตัวของคนเป็นนาย ...

“ กฤษฏิ์อยากมาเที่ยว..” กรณ์บอกเสียงราบ


“ เอ้า..สวัสดีครับคุณหนู..” คนหน้าสุดเอ่ยทักทาย นายน้อยของบ้านสายลม..ใครๆก็รู้จักกันดีถึง คุณหนูกฤษฏิ์ที่ชอบโปรยยิ้มและเป็นมิตรกับทุกคน ..ไม่ว่าวันเวลาจะผ่านไปแค่ไหน กฤษฏิ์ก็ยังคงเป็นเช่นนั้นไม่แปรเปลี่ยน ...


“ สวัสดี น้าหนุ่ม..วันนี้กฤษฏิ์อยากกินอาหารทะเลสดๆ..น้าหนุ่มต้องเตรียมเยอะๆนะ” กฤษฏิ์โปรยยิ้มเช่นทุกที.พลางอ้อนหัวหน้าคนงานอย่างสนิทชิดเชื้อ ก่อนไปเรียนต่อเมืองนอกกฤษฏิ์ก็มาเที่ยวเล่นที่นี่บ่อยๆ เลยค่อนข้างสนิทกับคนงานของเกาะ...


“ ครับ..เฮ้ยพวกเอ็งช่วยคุณๆขนกระเป๋าเข้าไปข้างในสิ..” ว่าแล้วน้าหนุ่มก็สั่งคนงานที่เหลือให้ช่วยกันขนสัมภาระของทั้งสี่ไปยังบ้านพักกลางเกาะ..ที่ตั้งโดดเด่นอยู่...

ผืนทรายสีขาวทอดตัวไปตามชายฝั่ง ..ตัดกับน้ำทะเลที่ซัดสาดเข้ามาเป็นระลอก ห่างออกไปไม่ไกลคือบ้านพักที่จัดว่าสวยงามใช่น้อยการตกแต่งดูประณีต ..เห็นจากร่มไม้หน้าบ้านก็ทำให้รู้ว่าคนงานที่นี่เอาใจใส่แค่ไหน..วิชญ์ภาสเดินตามกรณ์มาหยุดอยู่กลางบ้านหลังใหญ่..ที่มีห้องหับอยู่สามห้อง..( เอ๊ะ ..ทำไมต้องสามห้อง..)
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 6
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 22-05-2009 14:53:30
ไม่อยากเห็นพี่น้องแย่งกันเองเลยยยยยยยยยยยยยยยยย  :serius2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 6
เริ่มหัวข้อโดย: chatkub ที่ 22-05-2009 16:13:06
อยากอ่านต่อมากๆๆ

ไงก็รีบๆมาต่อไวๆเลยนะครับ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 6
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 22-05-2009 16:31:59
หวังว่ากานฑ์คงไม่ตื่นมาร่วมวงด้วยอีกคนนะ  o22
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 6
เริ่มหัวข้อโดย: nanao ที่ 22-05-2009 19:30:31
นั่นสิ เมื่อน้องคนกลางตื่นขึ้นมาแล้ว

จะคู่กับใครหว่า -.-
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 6
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 25-05-2009 00:20:44
 :serius2: เมื่อไหร่จามาต่อค่ะ รออยู่น้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :z2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 6
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 25-05-2009 23:16:23
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 6
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 26-05-2009 08:37:13
มาแล้วคร๊าบบบ กำลังจะลงตอนต่อไปให้คร๊าบ

ส่วนเรื่องที่พี่น้องเค้าจะแย่งกันมั้ย ใครคู่ใคร

หรือจะมีตัวละครอื่นโผล่มาอีก ต้องติดตามไปเรื่อยๆค่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 26-05-2009 09:25:53
ตอน 7 

กรณ์เดินมาหยุดอยู่กลางบ้านด้วยความรู้สึกแปลกๆ ลืมนึกไปเลยว่าในบ้านมันมีสามห้อง แล้วจะจัดสรรปันส่วนยังไงนี้.. ครั้นจะนอนกับวิชญ์ภาสก็คงน่าเกลียดเพราะกรณ์เอ่ยปากไม่ได้ คงต้องนอนกับกฤษฏิ์เพราะดูจะเข้าเค้ามากที่สุดแล้ว จะได้สบายใจทั้งสามฝ่าย ...

“ แยกย้ายกันดีกว่านะ..เดี๋ยวออกมาทานข้าวกันแล้วไปดูผารังนก..” กฤษฏิ์เอ่ยเสนอ ..เปิดประเด็นหลังจากที่ทุกคนตกอยู่ในความเงียบมากว่าหนึ่งนาที...

กรณ์เดินก้าวเข้ามาเพื่อยื่นมือไปรับกระเป๋าจากวิชญ์ภาส..แต่ก็ลืมไปจริงๆ ว่ากระเป๋าใบนั้นใช่จะมีสัมภาระของเขาคนเดียวสักที่ไหน...ยังมีเสื้อผ้าของวิชญ์ภาสอยู่อีกด้วย ..กฤษฏิ์กับหมอหนุ่มมองดูด้วยความรู้สึกแปลกๆในท่าที..เพราะตอนที่กรณ์ยื่นมือไปรับ วิชญ์ภาสก็ชักกระเป๋ากลับ..

“ ผมไม่ชอบนอนคนเดียว..” นั่นคือคำตอบของวิชญ์ภาสก่อนเขาจะเดินมาจับแขนกรณ์..


“ งั้นกฤษฏิ์นอนห้องกฤษฏิ์ดีกว่า ..อาหมอนอนอีกห้องหนึ่งโอเคไหม..” กฤษฏิ์หน้าเจื่อนสีลงทันที พลางหันมาขอความช่วยเหลือจากหมอพิสิษฐ์โดยไว


“ ครับๆ..” ชายหนุ่มร่างหนั่นพยักหน้ารับแล้วรีบเดินแยกออกจากสถานการณ์อึมครึมตรงหน้าอย่างไม่รีรอ ..เมื่อกฤษฏิ์และหมอพิสิษฐ์ลับเข้าไปในห้องที่เหลือเรียบร้อยแล้ว กรณ์เลยหันมาเล่นงานอีกคนที่เกาะแขนเขาอยู่ ..


“ จะทำอะไร ฉีกหน้าฉันเหรอ..” กรณ์ถามเสียงแข็ง จ้องมองอีกคนอย่างเอาเรื่อง...

“ ผมไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย ..ก็ผมไม่ชอบนอนคนเดียวจริงๆนี่..หรือคุณจะให้ผมนอนกับคุณกฤษฏิ์..ทำอย่างนั้นคุณก็ว่าผมอีก ถ้าไปนอนหมอนั่น..ผมก็สยองตาย” วิชญ์ภาสให้เหตุผลจริงจัง ไม่เกรงกลัวสายตาที่ถลึงมองมาเลยสักนิด ..
“ ปล่อยมือได้แล้ว..” กรณ์เหลือบมองต่ำไปยังมือที่เกาะแขนเขาอยู่.. แต่เมินเสียเถอะที่วิชญ์ภาสจะยอม..จากที่เกาะแขนไว้หลวมก็เปลี่ยนมาโอบร่างที่หน้าแข็งหน้าชาใส่เขา

“ ทำอะไร..”

“ ทำไมคุณชอบดุผมนัก..ผมยังไม่ทำอะไรเลยนะ..” วิชญ์ภาสถามขึ้นด้วยเสียงน้อยใจเล็กๆ กับท่าทีเย็นชา ต่อให้กรณ์จะอ่อนให้เขา จะไม่ต่อต้านขัดขืนยามโดนสัมผัส แต่ความเย็นชาที่ปรากฏใช่ว่ามันจะลดหายไปเสียทีเดียว ทุกครั้งยังปะปน ยังหลงเหลือจนวิชญ์ภาสแทบชินชา ..

“สิ่งเลวๆที่แกทำไว้..คิดเหรอว่าฉันจะยกโทษให้ง่ายๆ..” กรณ์เงยหน้าขึ้นมองอีกคน..

“ ผมไม่เคยคิดให้คุณยกโทษเพราะการที่เราเป็นอะไรกัน..”

“ เป็นอะไร..” กรณ์ชักตะกุกตะกัก ในคำว่าเป็นอะไรกัน ที่วิชญ์ภาสเอ่ยออกมาเมื่อครู่ เพราะมันแปลว่าอะไรมีหรือที่กรณ์จะไม่เข้าใจ มีหรือที่กรณ์จะไม่รับรู้...


“ ก็เป็นอยู่ทุกวันนี่ไง...” วิชญ์ภาสยืนยันในสิ่งที่พูดด้วยการสัมผัสแผ่วบางบนหน้าฝาดปลั่ง ..มันทำให้กรณ์เริ่มร้อน และหายใจไม่ออก..ทุกครั้งที่เกิด ..เรี่ยวแรงจะหายราวถูกสูบออกจากกาย ราวถูกสายลมพัดผ่านละพรากจากร่าง ..กรณ์ไม่ชอบเลยจริงๆ..

“ ปล่อยได้แล้ว..อึดอัดจะตาย..” กรณ์จำต้องเลี่ยงออกจากสิ่งที่เป็นก่อนทุกอย่างจะกลืนกินเข้ามากกว่านี้ ทุกครั้งที่เขามองตาวิชญ์ภาส เขามักเห็นภาพของน้องชายที่หลับใหลไม่ได้สติปรากฏขึ้นมากทุกครั้ง ..แล้วเขาจะเป็นอะไรกับวิชญ์ภาสได้เหรอ...

“ เข้าห้องดีกว่า..” วิชญ์ภาสส่ายหน้าไม่ยอมปล่อยร่างที่เขากอด..พลางโอบพากรณ์ให้เข้าไปภายในห้องที่เหลืออย่างทุลักทุเล ..เพราะกรณ์นั้นขืนตัวไม่ยอมเดินง่ายๆ แต่สุดท้ายก็ลากเข้าไปจนสำเร็จ... กว่าเมฆหมอกจะห่างหาย ร่างกายอาจหมดลมหายใจไปเสียก่อน ..

ทำไมต้องเธอ...


ก็มันไม่อยากรู้ ก็มันไม่อยากรัก ไม่มีเวลาที่จะคิด ที่จะสนใจ แต่พอได้เจอะเธอ ก็ดูชีวิตมันผิดเพี้ยนไป ฉันกลายเป็นคนอ่อนแอ ไม่ชอบเลย

เมื่อไรที่อยู่ใกล้เธอ ฉันรู้สึกราวกับเคลิ้มไป ไม่เป็นตัวเอง ไม่เหมือนเคย แต่พอเธอห่างหายไป คิดจะลืมยังไม่ได้เลย ทำไมต้องเป็น (เธอ)ไม่เข้าใจ

นี่ตัวฉันเองหรือ เปลี่ยนไปถึงเพียงนี้ หมดความเข้มแข็งและเหตุผล ไปอย่างง่ายดาย อาจเป็นเพราะเธอนั้น ที่ยังมาหาเข้ามาค้นใจ และฉันก็เลยเปลี่ยนไป เพราะรักเธอ

เมื่อไรที่อยู่ใกล้เธอ ฉันรู้สึกราวกับเคลิ้มไป ไม่เป็นตัวเอง ไม่เหมือนเคย แต่พอเธอห่างหายไป คิดจะลืมยังไม่ได้เลย ทำไมต้องเป็น (เธอ)ไม่เข้าใจ

เมื่อไรที่อยู่ใกล้เธอ ฉันรู้สึกราวกับเคลิ้มไป ไม่เป็นตัวเอง ไม่เหมือนเคย แต่พอเธอห่างหายไป คิดจะลืมยังไม่ได้เลย ทำไมต้องเป็น (เธอ)ไม่เข้าใจ ชีวิตต้องมาเปลี่ยนไป เพราะรักเธอ....  

ความรู้สึกของกรณ์ในเวลานี้..ไม่ต่างจากเพลงที่เขาเคยชื่นชอบเมื่อหลายปีก่อน ..ง่ายดาย เจ็บปวด ..และสับสน ..ทำไมเขาต้องเผลอใจ ..ทำไมต้องเป็นวิชญ์ภาส ..ทำไมต้องเป็นคนที่ทำร้ายน้องชายเขาให้เจ็บปวดล่ะ...


. ตอนเที่ยงน้าหนุ่มหัวหน้าคนงานก็จัดการเสิร์ฟอาหารทะเลสดๆ เป็นเครื่องเที่ยงต้อนรับเจ้านายเจ้าของเกาะอย่างมากมาย ..ในแถบนี้การประมงจะอุดมสมบูรณ์อยู่มาก..เพราะวิถีการทำประมงแบบอนุรักษ์ที่ประมุขคนเก่าของคฤหาสน์สายลมได้วางรากฐาน ใช้หลักการพึ่งพิงและเอื้ออาทรต่อธรรมชาติ ..ทำให้หมู่เกาะรังนกนอกจากเป็นทรัพย์อนันต์ทางบก ยังเป็นสินอเนกทางน้ำอีกประการ

ดูนายน้อยของเกาะอย่างกฤษฏิ์จะถูกใจมาก..นานแล้วสินะที่ไม่ได้มาเกาะแห่งนี้ ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม ความสุข ความสงบ และความสวยงาม หากกาณฑ์ไม่ป่วยเจ้าน้องเล็กคงสนุกกว่านี้..ในบรรดาสามคนพี่น้องกฤษฏิ์ค่อนข้างสนิทกับกาณฑ์มาก..เพราะอายุไล่เลี่ยกัน..ต่างจากกรณ์ที่โตกว่าคนอื่นๆ ต้นปีหน้ากรณ์จะครบยี่สิบห้าปี...กาณฑ์เพิ่งจะสิบเก้า ส่วนกฤษฏิ์อ่อนกว่าพี่คนรองหนึ่งปี..ด้วยความใกล้กันของอายุเลยค่อนข้างเข้าใจและสนิทกัน..

“ เดี๋ยวเราจะไปไหนกันเหรอน้าหนุ่ม..ผาหลังเขานี่เปิดหรือยัง กฤษฏิ์อยากไปเก็บรังนก..” กฤษฏิ์หันไปถามหัวหน้าคนงานที่กำลังยกอาหารเข้ามาด้วยความตื่นเต้น ..

“ ยังไม่ได้หรอกครับคุณหนูช่วงนี้ นกมันเพิ่งวางเชื้อยังไม่ได้ขึ้นรูปอะไร คงต้องรอปลายปีหน่อย ช่วงนี้อากาศมันเปลี่ยนแปลงบ่อยเลยทำให้อะไรๆผิดคาดไปหมด ..ถ้าจะเที่ยวผมว่าลองไปดูน้ำตากลางเกาะดีกว่าไหม.. เมื่อวาน..ไอ้เหน่งกับไอ้เมี้ยน..มันเข้าไปถางทางต่อรางน้ำ เห็นบอกว่าน้ำกำลังเยอะได้ที..เลยสวยกว่าเดือนไหนๆ..” ชายผิวคล้ำเอ่ยขึ้นพลางตักข้าวใส่จานคุณหนู ..


“ เสียดายจัง ..กฤษฏิ์ไม่ได้เอากล้องมาด้วย แต่ไม่เป็นไรมีมือถือนี่..ถึงไม่ชัดแต่ก็ดีกว่าไม่ได้ถ่าย” กฤษฏิ์ยิ้มรับ..แม้จะเสียดายที่ไม่ได้ปีนผาเก็บรังนกอย่างที่เคยทำตอนสมัยเด็ก แต่การมาเที่ยวครั้งนี้ก็ใช่จะเสียเปล่า ..น้ำตกกลางเกาะ หนึ่งในสถานที่สวยงามที่ใครต่อใครอยากมาเยี่ยมชม..ใครจะรู้ว่าธรรมชาตินั้นได้รังสรรค์ความสวยงามด้วยตัวของมันเอง.. เกาะกลางทะเล ..แต่กลับมีธารน้ำจืดไหลวน..ช่างน่ามหัศจรรย์จริงๆ...

“ รีบๆกินเถอะ..พูดมากจริงเรานี่..ลืมไปแล้วเหรอว่าเวลากินข้าวห้ามพูด เดี๋ยวได้ติดคอพอดี..” กรณ์เอ่ยเตือนเจ้าน้องคนเล็กที่ช่างเจื้อยแจ้วเจรจา..


“ ครับ..” กฤษฏิ์ยิ้มรับกับคำของพี่ชาย ก่อนจะหันไปสนใจกุ้งมังกรตัวใหญ่..ที่เพิ่งจับมาจากกระชังเลี้ยงตรงท้ายเกาะ...ความสดความใหม่ไม่ต้องพูดถึง..


“ แกะยากจริง..” กฤษฏิ์บ่นเบาๆ..แต่คนนั่งข้างกลับได้ยิน..วิชญ์ภาสหันมาแล้วเลื่อนจานของคนตัวบางเข้ามาวางด้านหน้าของตน ลงมือแกะเจ้ากุ้งตัวใหญ่ให้กฤษฏิ์อย่างไม่คิดอะไร แต่การกระทำของเขากลับทำให้คนนั่งหัวโต๊ะถึงกับหน้าบึ้งด้วยความไม่พอใจ ..


“ ขอบคุณครับ..” กฤษฏิ์ยิ้มรับ..ไม่รู้ตัวเลยว่าเขาเองก็ถูกพี่ชายเคืองเข้าแล้ว... หลังทานอาหารเสร็จกรณ์ก็ลุกพรวดเดินนำทั้งหมดออกจากบ้านโดยไม่พูดอะไรสักคำ ฝ่ายวิชญ์ภาสก็รีบเดินตามมาอย่างสงสัยว่าอีกคนเป็นอะไรไป ก่อนออกจากห้องยังดีๆกันอยู่เลย แล้วไหงกลายเป็นเคืองเขาอีกล่ะนี่..


“ เป็นอะไรไปหรือเปล่า..”วิชญ์ภาสถามเสียงแผ่ว เพียงให้ได้ยินกันแค่สองคน ..


“ เปล่า..” กรณ์ตอบเสียงแข็งแล้วสาวเท้าให้เร็วกว่าเดิมอย่างเซ็งๆ..กฤษฏิ์และหมอพิสิษฐ์รีบเดินตามอย่างเป็นห่วง เริ่มรับรู้ได้ถึงความไม่ชอบมาพากลระหว่างสองร่างที่เดินนำไปข้างหน้า ...กรณ์เกลียดตัวเองตอนนี้จริงๆ ..เกลียดที่ทุกการกระทำของอีกคนที่เขาแค้น สามารถทำให้เขาอ่อนไหว สามารถทำให้เขาสับสน ..ตลอดทุกอารมณ์ที่สามารถบังเกิดเพราะคนข้างกาย ...


ภาพเบื้องหน้าที่แสนยิ่งใหญ่หยุดความขุ่นมัว ความสงสัยทั้งหมดของทุกคนเอาไว้..ธารน้ำตกขนาดกลางที่ไหลบ่ามาจากเขาเล็กๆด้านหลัง..คือต้นน้ำสำคัญหล่อเลี้ยงชาวเกาะแห่งนี้...แอ่งน้ำสีมรกตขนาดใหญ่ ดูแล้วก็น่าว่ายไม่ใช่เล่น..สวยงาม ยิ่งใหญ่ และตรึงใจ...


“ ถ่ายรูปกันดีกว่า..” กรณ์เสนอ ..เพื่อยุติข้อพิพาทที่เกิดขึ้น..พลางเอ่ยชวนคนอื่นๆให้เข้ามายื่นรวมกันโดยเขายืนหน้าสุดยื่นมือไปสุดแขนเพื่อเก็บภาพได้กว้างที่สุดเท่าที่จะทำได้


“ คุณโกรธอะไรผมหรือเปล่า..” วิชญ์ภาสกระซิบข้างหูเมื่อมีโอกาสได้ยืนใกล้ๆ...


“ เปล่า..” กรณ์หันไปตอบเล็กน้อย เพราะไม่อยากให้สองคนด้านหน้าได้ยิน แต่มันก็เป็นจังหวะเดียวกับที่กฤษฏิ์กดปุ่มชัตเตอร์ของโทรศัพท์มือถือ...ภาพแรกระหว่างกรณ์กับวิชญ์ภาส ..หาใช่ภาพคู่ แต่มันดูไม่ต่างอะไรจากคู่รักที่กำลังง้องอนกันอยู่..กฤษฏิ์เลื่อนมาดูด้วยความรู้สึกแปลกใจ บวกทำใจ...เฮ้อ.. สายตาที่วิชญ์ภาสมองกรณ์ในรูปทำให้เขาพอจะมองอะไรออกแล้วล่ะ...จากที่สงสัยว่ากรณ์เป็นอะไร จากที่ไม่สับสนว่ากรณ์เคืองใคร ..ภาพนั้นก็บอกทุกอย่างได้ดีที่สุดแล้ว..


กรณ์โกรธที่วิชญ์ภาสแกะกุ้งให้เขาใช่ไหม..


“ แต่คุณโกรธผมอยู่ชัดๆ..” วิชญ์ภาสไม่ยอมให้ทุกอย่างค้างคาอยู่อย่างนี้...เขาต้องการพูดให้รู้เรื่องพูดให้เข้าใจ แต่กรณ์กลับไม่ต้องการรับฟัง..


“กฤษฏิ์..พี่กลับก่อนนะ..เบื่อ..” กรณ์เชิดหน้าหันไปบอกน้องชายที่ยืนอึ้งเล็กน้อย...พร้อมร่างบางเพรียวลมเดินออกจากน้ำตกกลับไปทางเก่าที่เดินมา...วิชญ์ภาสจะเดินตามไปแต่กลับโดนกฤษฏิ์ยึดแขนไว้ก่อน

...
“อาหมอ..เดี๋ยวกฤษฏิ์มานะ..” กฤษฏิ์หันไปบอกคนตัวสูงที่ยืนมองเหตุการณ์ต่างๆอยู่ แล้วพาวิชญ์ภาสเดินหลบไปอีกทางหนึ่งเพื่อคุยบางสิ่งบางอย่างกับคนตัวหน้าใส ...เป็นร่มไม้ใหญ่ห่างจากน้ำตกประมาณสามสิบเมตรเห็นจะได้ ..

“ มีอะไรเหรอครับ..”


“ พี่วิชญ์รู้ใช่ไหมว่าตอนนี้พี่กรณ์กำลังโกรธ..”


“ รู้..แต่ไม่เข้าใจว่าโกรธอะไร ผมยังไม่ได้ทำอะไรให้คุณกรณ์เขาโกรธเลยนะ..” วิชญ์ภาสพยักหน้ารับอย่างเหนื่อยอ่อน ทำไมเขาต้องไปชอบคนใจหินอย่างกรณ์ด้วยนี่...


“ พี่กรณ์คงไม่พอใจเรื่องบนโต๊ะอาหาร...กฤษฏิ์ขอพูดตรงๆเลยแล้วกันนะ..ว่าพี่กรณ์ไม่พอใจที่พี่วิชญ์มาทำดีกับกฤษฏิ์ ..พี่วิชญ์อาจคิดว่าพี่กรณ์ไม่พอใจเพราะกลัวพี่วิชญ์จะมาทำกับกฤษฏิ์ แบบที่..กฤษฏิ์ขอโทษนะ.. แบบพี่กาณฑ์..แต่จริงๆ กฤษฏิ์ว่าพี่กรณ์คงไม่พอใจเพราะกลัวพี่จะไปสนคนอื่นมากกว่า..” กฤษฏิ์อึกอักเล็กน้อย ยามพูดถึงสิ่งผิดพลาดที่วิชญ์ภาสเคยทำไว้ในอดีต


“ ...ผมไม่เคยคิดอะไรอย่างนั้นเลย....ผมรู้ว่าสิ่งที่ผมทำไว้ในอดีตมันเลวร้ายจะไม่น่าให้อภัย แต่ทุกวันนี้ผมพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ทุกสิ่งมันดีขึ้น”


“ พี่ชอบพี่กรณ์แล้วใช่ไหม..” กฤษฏิ์คาดคั้นความจริง อยากฟังจากปากวิชญ์ภาสให้แน่ชัด ..เพราะมันจะช่วยให้กฤษฏิ์ตัดใจได้เด็ดขาด ขอเพียงวิชญ์ภาสบอก..สถานะทางใจที่เคยเผลอไผลไปกับวิชญ์ภาส ..จะกลับไปสู่จุดเริ่มต้น แค่คนรู้จักกันทันที..


“ ..ผมไม่รู้ว่าผมจะพูดอย่างนั้นได้หรือเปล่า .แต่ผมไม่เคยรู้สึกแคร์ใครมากเท่าคุณกรณ์มากก่อน ..รู้สึกกังวลทุกครั้งที่คุณกรณ์ไม่สบายใจ ไม่ชอบเวลาเขาตีหน้าบึ้ง ไม่พอใจเวลาเขาเฉยชากับผม..มันอาจจะเรียกว่าความรัก...บางทีผมอาจรักเขาเข้าแล้ว..หากรักสามารถทำให้แค้นจบสิ้น ผมก็พร้อมจะรักทั้งหมดของหัวใจ..”


“ พี่กรณ์เป็นคนใจแข็ง ..ตราบใดที่พี่กาณฑ์ยังไม่ฟื้น ..ก็คงยากที่พี่จะละลายน้ำแข็งในใจพี่กรณ์ได้..ทุกอย่างมันยังคลุมเครือเกินจะเข้าใจ ทางเดียวที่พี่จะทำให้พี่กรณ์ใจอ่อนได้..คือต้องรอให้พี่กาณฑ์ฟื้น และเคลียร์ทุกอย่างกับพี่กาณฑ์ให้จบ...เพราะตราบใดที่พี่กาณฑ์ยังเจ็บปวด..พี่กรณ์จะไม่มีวันยอมทำตามใจตัวเอง..” กฤษฏิ์เสนอด้วยความรู้สึกจริงใจ ..ขอบคุณที่วิชญ์ภาสพูดความจริง ขอบคุณที่ไม่ได้โกหก...

“ ผมหวังว่าโอกาสของผมคงจะพอมีบ้าง..”


“ กฤษฏิ์ว่ากลับกันดีกว่า...ป่านนี้พี่กรณ์คงโกรธใหญ่แล้ว..” กฤษฏิ์ยิ้มรับให้กับพี่ชายคนใหม่ ..ต่อไปหลังจากนี้เขาจะทำใจให้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับวิชญ์ภาสดำเนินไปเพียงเท่านี้... หากกรณ์มีความสุขเขาก็ควรจะยินดีไม่ใช่เหรอ ...ความรักไม่เคยทำร้ายใคร ..มีแต่คนเรานี่แหละที่ใช้ความรักมาทำร้ายกัน ..

“ อ้าวอาหมอไปไหนแล้วนี่..สงสัยจะกลับแล้ว ..เรากลับบ้านกันดีกว่า” กฤษฏิ์เอ่ยขึ้นเมื่อเดินมาหน้าน้ำตกก็ไม่เจอใครเลยชวนวิชญ์ภาสกลับ..

อีกฝากหนึ่ง...ของชะตา..

เหมือนใครกำลังเล่นตลกกับความรู้สึกของคนบางคน ..หมอหนุ่มที่แอบเดินตามกรณ์มาอย่างเป็นห่วง เดินเข้ามาหยุดนั่งข้างๆอีกคนที่หลบมาทำใจอยู่ริมโขดผาด้านข้างๆ ...มันเป็นทางแยกก่อนจะถึงบ้าน...
“ มาทำอะไรตรงนี้ครับคุณกรณ์..”


ผ่านไปอีกตอนเป็นยังงัยกันบ้างค่ะ
ขอแอบหยอดนิดหนึ่ง ตอนหน้า outdoor   :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: kom-kamol ที่ 26-05-2009 12:02:23
ชอบครับ เป็นกำลังใจให้ครับผม  o13
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: charus ที่ 26-05-2009 15:29:21
สงสารก็แต่น้องคนกลาง
 :z10: :z10:

หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: nanao ที่ 26-05-2009 19:23:45
เหอ ๆ ตอนหน้า outdoor ด้วยอ่ะ

ว่าแต่เค้าทำอะไรกันหรอ *0*
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 26-05-2009 19:37:18
:z3: คุณหมอจะเข้ามาทำให้รักกลายเป็นกี่เส้านี่  :z3:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้
เริ่มหัวข้อโดย: :+vitamin+: ที่ 26-05-2009 20:49:04
มาอ่านค่ะ
รอ outdoor เอิ้กๆ

แอบเชียร์คุณหมอให้คู่กับกฤษฏิ์  :o8:

มาต่อเร็วๆน้า
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 26-05-2009 23:23:09
รอตอนต่อไปน้า มาเร็วๆๆๆๆๆๆ o13
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 27-05-2009 21:00:55
แหม แหม แหม มีแต่คนมารออ่าน outdoor ทั้งนั้นเลยนะ

อาจจะผิดหวังก้อได้นะเพราะมันไม่ถึงขนาด nc อะไรหรอก

แค่กรุบกริบพอชุ่มชื่นเท่านั้นเอง ลองไปอ่านดูละกัน รู้สึกยังงัยบอกกันบ้างเน้อ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 8
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 27-05-2009 21:45:23
ตอน 8

“ มาทำอะไรตรงนี้ครับคุณกรณ์..”


“ อาหมอ..” กรณ์เงยหน้าคนตัวสูงที่เดินก้าวเข้ามาใกล้เล็กน้อย ก่อนจะหันกลับไปมองทะเลเบื้องหน้าที่ห่างออกไปอย่างสับสน..

“ เป็นอะไรหรือเปล่า...”


“ เปล่า..” กรณ์ตอบเบาๆ.. เหมือนไม่อยากจะพูดอะไรออกมา ..หมอพิสิษฐ์นั่งลงข้างๆ และไม่ได้ซักไซ้อะไรต่อ.. คนอย่างกรณ์คิดอะไรก็เก็บเอาไว้ ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะหาความจริงจากคนใจแข็ง..หากกรณ์จะพูด กรณ์ก็พูดออกมาเอง ...


ทั้งสองนั่งเงียบมาข้างกันจนเวลาล่วงเลย...ไอ้ครู่ใหญ่.. ท้องฟ้าที่เคยสดใสเริ่มแปรปรวน มีเมฆครึ้ม

“ ผมว่ากลับกันดีกว่า เดี๋ยวฝนตกแล้วจะแย่..” หมอหนุ่มเสนอ ซึ่งกรณ์ก็เห็นดีด้วยกับคำของหมอพิสิษฐ์..แต่ขณะที่คนร่างบางกำลังลุก..ก็เกิดอาการเซเพราะนั่งนานไปหน่อย..เลือดเลยเลี้ยงไม่เต็มปรี่เต็มปลั่ง.. เท้าบางเลยไถลไปกับพื้นที่ยุบยาบจนล้มลง..


“ คุณกรณ์เป็นอะไรหรือเปล่า..” หมอพิสิษฐ์รีบวิ่งเข้ามาดูอย่างเป็นห่วง...


“ ไม่เท่าไหร่..แต่ปวดๆ..เท้า”กรณ์ส่ายหน้า เพื่อให้อีกคนได้คลายกังวล ..รู้สึกปวดแปลบตรงส่วนข้อเท้าที่ไถลพื้นเมื่อครู่นี้...


“ ท่าจะพลิกนะครับ..” มือแกร่งวางจับอย่างมีความรู้ และพอจะเดาอาการได้ถูก..ทางที่ดีที่สุดในตอนนี้คือพากรณ์กลับบ้านให้เร็วที่สุด กลางป่ากลางไพรอย่างนี้ จะหาเครื่องไม้เครื่องมือก็คงลำบาก...


“ ลุกไหวไหมครับ..”

“ ..” กรณ์พยักหน้าเล็กน้อย แต่เมื่อพยายามจะยืนแรงก็แทบหมดเพราะความเจ็บปวดที่เข้ามาแทนที่..สุดท้ายเลยโดนหมอพิสิษฐ์ตวัดกายขึ้นอุ้มอย่างรวดเร็ว



“ อย่าทำอย่างนี้เลยอาหมอ..” กรณ์รู้สึกแปลกๆ กับการกระทำนี้..


“ คุณเจ็บอยู่นะ..” หมอพิสิษฐ์บอกเสียงเข้ม รีบสาวเท้าเดินไปทิศเบื้องหน้าด้วยความห่วงใย เวลานี้เขาไม่มีใจมาคิดแทะ คิดโลมอีกฝ่ายหรอก... กรณ์สำคัญที่สุด.. ฝีเท้าแกร่งกำลังเร่งทำเวลากับฝนฟ้าที่ใกล้จะตก..ดีนะที่ระยะทางมันไม่เท่าไหร่ ..ไม่กี่นาทีก็ถึงบ้าน



ฝ่ายกฤษฏิ์กับวิชญ์ภาสที่กลับมาก่อนถึงกับร้อนใจ ..โดยเฉพาะรายหลังที่ห่วงกลัวว่ากรณ์จะเป็นอะไรไปอีกตลอดชั่วโมงที่ผ่านมาก็ยังไม่นั่งลงเลย ..ได้แต่เดินวน รอคอยอย่างไร้จุดหมาย... แต่แล้ววิชญ์ภาสก็ต้องอึ้งเมื่อเห็นคนของเขาอยู่ในอ้อมกอดของอีกคน...ใบหน้าที่ทอประกายความห่วงใยแปรเป็นขึงขังอย่างน่ากลัว...


หมอพิสิษฐ์อุ้มกรณ์เข้ามาในบ้าน พร้อมทั้งหาหยูกหายามาทาบรรเทาความเจ็บ ..ตามหลักที่เคยร่ำเรียนมา... วิชญ์ภาสได้แต่ยืนมองอย่างทำอะไรไม่ได้.. เขารู้สึกเหมือนถูกแปลกแยก รู้สึกเหมือนเป็นใครสักคนที่ไม่ได้อยู่ในสายตาของกรณ์..


“ ขอบคุณอาหมอมาก..ถ้าไม่ได้อา..คงแย่..” กรณ์บอกเสียงแผ่ว..ก่อนที่กฤษฏิ์จะพยุงพาไปพักในห้องอย่างรวดเร็ว ..นอกห้องจึงมีเพียงหมอพิสิษฐ์ที่ถูกเคืองอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว ..สายฝนที่พร่าพร่ำลงมาทำให้ทุกสรรพเสียงอื่นใดถูกกลบจนหมดสิ้น..


“ พี่ไปไหนมา..รู้ไหมว่าพี่วิชญ์เป็นห่วงแค่ไหน..” เมื่อพากรณ์ก้าวเข้ามานั่งบนเตียงได้สำเร็จ...กฤษฏิ์ก็เอ่ยปากถามพลางยกเอาชื่ออีกคนมาเสริม


“ ช่างหัวมันสิ..” กรณ์ข่มความจริงในใจ...พลางกระชากเสียงตอบ


“ เฮ้อ..ไม่รู้แล้ว ..คนเขาเป็นห่วง ไม่เข้าใจก็ช่วยไม่ได้ กฤษฏิ์ไปดีกว่า..” กฤษฏิ์ส่ายหน้ากับอาการแข็งกระด้างยามชื่อของวิชญ์ภาสปรากฏออกมา ..กรณ์นี่นะ...เมื่อเห็นว่ากฤษฏิ์เดินออกมาวิชญ์ภาสเลยรีบเดินกลับเข้าไปในห้องอย่างห่วงใยอีกคน ..เขาแทบจะเป็นจะตายเมื่อรู้ว่ากรณ์ยังไม่กลับ จะไปตามก็ถูกกฤษฏิ์ห้ามไว้เพราะกลัวจะสวนกันอีก.. การนั่งรอโดยไร้จุดหมาย มันช่างทรมานเข้าได้มากมายสิ้นดี...



“ คุณเป็นไงบ้าง..ยังเจ็บตรงไหนหรือเปล่า..” วิชญ์ภาสนั่งลงตรงปลายเตียง พลางเอ่ยถามด้วยความห่วงใย



“ จะเป็นจะตายมันก็เรื่องของฉันแกไม่เกี่ยว..” เพราะยังกรุ่นๆในอารมณ์ เรื่องบนโต๊ะอาหารเลยทำให้กรณ์เลือกจะใช้ทิฐิมากกว่าความรู้สึกจริงๆในใจ .. มันยากนักที่จะเก็บอาการ ..แต่กรณ์ก็ทำได้แนบเนียนจนวิชญ์ภาสไม่อาจจับผิดได้..

“ ทำไมจะไม่เกี่ยว..”


“ อย่ายุ่งเลย..ฉันจะนอนแล้ว..” กรณ์เบี่ยงตัวไม่อยากสนใจคนปลายเตียง ..พลางตั้งท่าจะล้มตัวนอน แต่ก็ถูกหนึ่งเสียงขวางเอาไว้เสียก่อน


“ ทำไม..ผมจะยุ่งไม่ได้ หรือต้องเป็นไอ้หมอนั่นถึงยุ่งได้..” วิชญ์ภาสกระชากเสียงถาม อย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน มันดูน่ากลัวจะกรณ์ตกใจไม่น้อย.. พักหลังมานี้ วิชญ์ภาสอ่อนโยน และเอาใจกรณ์อย่างมาก แต่เวลานี้ปีศาจร้ายที่หลับใหลกำลังถูกความหึงหวงกระชากออกจากอารมณ์ส่วนลึก

“ ออกไปจากห้องฉัน..” กรณ์กราดตอบอย่างไม่กลัวเกรง..แต่ร่างบางก็กลับถูกกระชากให้เข้ามาใกล้..พร้อมริมฝีปากที่ซุกไซ้ไล้ดะอย่างกระหาย...


“ ออกไป..” กรณ์ตวาดซ้ำ.. รวบรวมแรงที่มีแล้วผลักให้วิชญ์ภาสออกห่างพร้อมทั้งฝ่ามือที่ฟาดตามเป็นระลอกสอง แรงที่ส่งมาหาได้เจ็บช้ำมากมายเท่าภายในหัวใจ ..วิชญ์ภาสห่วงกรณ์แทบเป็นแทบตาย แต่กลับได้รับการตอบแทนเช่นนี้หรือ..


“ ใช่สิ..ผมมันเลว..มันไม่ได้สำคัญอะไรต่อคุณเลย” วิชญ์ภาสชะงักกลางอากาศเจ็บปวดอย่างหาสาเหตุระงับมิได้ ..เขาดึงกายที่ทาบทับอีกคนขึ้น แล้วเดินลงส้นออกจากห้องไปทันที... ร่างหนั่นหนาเดินต่อไปข้างหน้าอย่างไม่เกรงฟ้ากลัวฝน..ฝ่าความหนาวเหน็บที่สาดลงมาจากเบื้องบนด้วยความสับสน..



“ พี่กรณ์..เกิดอะไรขึ้น ทำไมพี่วิชญ์เดินออกไปอย่างนั้นล่ะ..” กฤษฏิ์รีบวิ่งเดินเข้ามาถาม เพราะห้ามวิชญ์ภาสยังไงอีกฝ่ายก็ไม่ฟัง..จึงมาถามเอาความจริงจากพี่ชายแทน


“ มันจะเป็นจะตายก็ช่างหัวมัน ...”



“ พี่กรณ์..จะไม่มีเหตุผลไปหรือเปล่า ..พี่วิชญ์เขาห่วงพี่แค่ไหน ทำไมถึงทำอย่างนี้ล่ะ..” กฤษฏิ์รับรู้ได้ถึงความห่วงใย และห่วงหาที่วิชญ์ภาสถ่ายทอดออกมาในระหว่างที่ยังนั่งรอ กรณ์กลับมา... แต่สายตาว่างเปล่า ที่แฝงรอยเจ็บปวดเมื่อครู่ ..มันทำให้กฤษฏิ์กลัว..กลัวว่าวิชญ์ภาสจะทำอะไรบ้าๆลงไป...


“ พี่กรณ์จะอยู่นี้ก็ตามใจ..ถ้าไม่ไปตามพี่วิชญ์กับกฤษฏิ์...กฤษฏิ์จะไม่มีวันคืนพี่วิชญ์ให้อีก..จะให้พี่วิชญ์ทำให้กฤษฏิ์เจ็บปวดอย่างที่พี่กาณฑ์เจอ ..จะทำให้พี่ได้รู้ว่าพี่เป็นคนผลักกฤษฏิ์ให้ลงนรก..” กฤษฏิ์งัดไม้เด็ดขึ้นมาสู้ พลางเดินฝ่าฝนออกจากบ้านไปตามวิชญ์ภาสที่ทิ้งห่างไปหลายนาที.. กรณ์ได้แต่นั่งสะอึกไม่นึกว่าน้องชายจะกล้าพูดถึงขนาดนี้...หากกฤษฏิ์จะเจ็บ ..แสดงว่าเขามีส่วนใช่ไหม...


กรณ์ตัดสินใจพยุงกายขึ้นจากเตียงอย่างเร่งรีบ...ไม่ได้...เขายอมไม่ได้... ในใจอีกส่วนก็บอกเขาให้เดินออกไป เดินไปเพื่อพาวิชญ์ภาสกลับมา...



“ จะไปไหนคุณกรณ์..”


“ อาหมอ..ไปตามกฤษฏิ์หน่อยนะ..” กรณ์ไหว้วานอีกคน พลางกระเผลกเท้าเดินออกไปจากผ่าน ฝ่าสายฝนเป็นคนที่สาม... ความเจ็บปวดที่เท้าดูจะไร้ผลไปเสียสนิท เมื่อใจมีอิทธิพลเหนือสิ่งอื่นใดๆ.. กรณ์เดินไปตามทางที่ค่อนข้างแฉะและลำบาก... เขาไม่รู้เลยสักนิดว่าเขาเองกำลังตกอยู่ในแผนของน้องชายตัวเล็ก...


ทันทีที่กรณ์เดินลับไปทางเดียวกับวิชญ์ภาส ..กฤษฏิ์ก็เดินออกจากที่ซ่อนแล้วกลับไปบ้านทันที.

“คุณกฤษฏิ์..” หมอพิสิษฐ์ที่เดินมาตามชะงักเล็กน้อย ..


“ กลับบ้านกันดีกว่า...” กฤษฏิ์ยิ้มให้พร้อมปากที่สั่นไปมา... ความหนาวเหน็บที่เกิดทำให้ร่างบางคว้าเข้ากอดอีกคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าอย่างเร็ว



“ อาหมอ..กฤษฏิ์กอดหน่อยนะ..หนาวชะมัด..” กฤษฏิ์บ่นเบาๆ..ก่อนที่แขนแกร่งของอีกคนจะกระชับให้ความอุ่น.. กฤษฏิ์ในเวลานี้ก็เป็นได้มากที่สุดก็แค่เด็กขี้อ้อน ดวงตาห่วงหาของหมอหนุ่มยังคงทอดไปในเส้นทางที่กรณ์เดิน.. แต่ก็ต้องตัดใจพากฤษฏิ์กลับบ้านไปก่อนที่อีกคนจะเป็นอะไรไป..



ส่วนวิชญ์ภาสที่เดินออกมาจากบ้านเมื่อหลายสิบนาทีก่อน..ก็มาหยุดอยู่ใต้ร่มไม้ตรงส่วนกลางเกาะ..ทางไปน้ำตกนั่นแหละ...เขาไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงต้องทำเช่นนี้ ..ภายในใจรู้สึกสับสน..ไม่เข้าใจ ..ทั้งยังน้อยใจที่เขาไม่เคยมีความสำคัญอะไรต่อกรณ์เลย ..ความแค้นที่กรณ์มีมันคงมากมายเกินกว่าความดีที่เขาทำจะลบล้าง..หากกรณ์จะแค้น เขาก็ขอทรมานตัวเองเสียดีกว่า ...


กรณ์เดินมาตามเส้นทางเก่าด้วยสัญชาตญาณของความคิด เวลานี้ความเจ็บปวดเหมือนชาชินจนเลือนหายไร้ความรู้สึก..เดินมาสักครู่ใหญ่ก็เห็นใครที่เขาออกมาตามกำลังนั่งกอดอกตากฝนอยู่...



“ เป็นบ้าอะไรถึงได้มานั่งตากฝนอย่างนี้..” กรณ์กระชากเสียงถามฝ่าสายฝน... จนคนที่หลับตาอยู่พานจะเข้าใจไปว่านี่คือฝัน ...วิชญ์ภาสลืมตาขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อสายตาว่ากรณ์จะเดินออกมาตามเขา.. ร่างสูงยืนขึ้นทันทีรีบปรี่เข้าหาอีกคน..


“ คุณ..คุณจริงๆด้วย..”ความดีใจจากส่วนไหนก็ไม่รู้ ..รวมรั้งจนแปรเปลี่ยนออกมาเป็นหยดน้ำตา..วิชญ์ภาสคว้าร่างที่ยืนหน้าบึ้งอยู่ตรงหน้าเข้ามากอดอย่างดีใจ ..พลางพากรณ์ไปหลบอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่เมื่อครู่... กรณ์ยินยอมเดินตามโดยง่ายไม่ขัดขืนใด..ๆ


“ ผมนึกว่าจะไม่ได้เห็นคุณอีกแล้ว..” วิชญ์ภาสเปรยเบาๆ ..เมื่อร่างของทั้งสองนั่งลงกับพื้น..คนตัวใหญ่ดึงให้กรณ์ที่ร่างแบบบางกว่าขึ้นมานั่งบนตักเขา..พลางซุกไซ้แขนไปรั้งร่างเล็กไว้อย่างสุดหวง ..



“ บ้าแกแล้ว..ลำบากฉันจนได้..”



“ ผมดีใจที่อย่างน้อยคุณก็ไม่ปล่อยผมไว้..”


“ ถ้ากฤษฏิ์..” กรณ์ตั้งท่าจะปฏิเสธ เพราะไม่อยากให้วิชญ์ภาสเข้าใจไปอย่างนั้น ทั้งที่จริงใจของกรณ์ก็แอบห่วงวิชญ์ภาสอยู่เหมือนกัน..

“ อย่าพูด..ผมขอร้องว่าอย่าพูดให้ผมเข้าใจไปอย่างนี้เถอะนะ..” วิชญ์ภาสร้องห้ามเสียงสั่น..มันเป็นครั้งแรกในชีวิตก็ว่าได้ที่เขารู้สึกเช่นนี้.. ชายหนุ่มทรงเสน่ห์ ที่เอาแต่หลอกฟันคนอื่นมาหลายปี..แต่กลับเจอพิษรักทำให้อ่อนแอ แค่กรณ์ไม่พอใจ ..วิชญ์ภาสก็แทบบ้าจนเดินฝ่าฝนออกมาอย่างไม่กลัวฟ้ากลัวดิน ..


“ ช่างแกล่ะกัน..” กรณ์ยินยอมไม่สาวความต่อ..รับรู้ได้ถึงความเสียใจจากอีกร่างที่ถ่ายมา..เมื่อศีรษะทุยๆเปียกน้ำเลื่อนมาซบที่ซอกคออุ่นๆก็ทำให้กรณ์สะดุ้งเล็กน้อยแต่ก็ยินยอมให้เป็นไปเช่นที่วิชญ์ภาสต้องการ..

“ คุณหนาวไหม..” หลังสงบสติอารมณ์ได้..วิชญ์ภาสก็เอ่ยถาม...


“ ..” กรณ์พยักหน้าเล็กน้อย พร้อมร่างที่ถูกกระชับถ่ายไออุ่นมากขึ้น...ตอนนี้เขาไม่อยากจะสนใจอะไร ไม่อยากจะให้เรื่องยุ่งยากและสับสน ..สัมผัสที่มีอยู่ตรึงตรามากมายกว่าไออุ่นใดในโลก...กรณ์กำลังเผชิญหน้ากำลังการต่อต้านความรู้สึกตัวเองอีกครั้งแล้วเหรอนี่...


“ คุณกรณ์..” เสียงแผ่วข้างหูทำให้กรณ์หันมองคนพูดเล็กน้อย.. ก่อนจะได้ท้วงอะไร ริมฝีปากของกรณ์ก็ถูกสัมผัสจากอีกคนอย่างรวดเร็ว..แต่มันกลับนุ่มนวลละมุนกว่าจูบใดๆ..



“ ผมคิดว่าผมชอบคุณเข้าแล้วจริงๆ..” วิชญ์ภาสยอมเผยความรู้สึกที่เขามีออกมาอย่างชัดเจน ..เขาไม่อยากปกปิด ไม่อยากหลบซ่อนอีกแล้ว..


“คือ..” กรณ์ชะงัก ..รีบหลบสายตาที่มองมาด้วยความตื่นเต้น.. เขารับรู้ได้ทันทีว่าใบหน้าขาวๆร้อนขึ้นอย่างรวดเร็ว ..ใจสั่น ..ใจเต้น แทบทะลุ..


“ คุณกรณ์..” วิชญ์ภาสเรียกกรณ์อีกครั้ง


“ อะไรอีก..” เสียงนั่นคล้ายจะบ่นเบาๆ แต่กลับไม่ได้เป็นเช่นที่แสดง..กรณ์กำลังแก้เขินด้วยการข่มเสียงให้ดังกลบ ..


“ ผมเข้าไปได้ไหม..” คำถามที่เอ่ยเชิงวอน..มันดูนุ่มนวล สุภาพ และจริงใจ มากกว่ากระหายใคร่ได้...

“ เข้าไปไหน..”



“ในตัวคุณ..” คำที่ตอบกลับมาทำให้หน้าของกรณ์แดงซ้ำอีกรอบ..



“ จะบ้าเหรอ..กลางป่านี่นะ..” กรณ์แย้งเสียงขุ่น.. เขากำลังจะบอกอะไรเหรอ ถ้าไม่ใช่กลางป่าเขาจะยอมงั้นสิ...วิชญ์ภาสยิ้มเบาๆ..ก่อนจะเริ่มวางริมฝากอิ่มไปบนต้นคอขาวๆ..มือข้างหนึ่งก็เลื่อนเข้าไปดึงเจ้าเสื้อยืดที่วิชญ์ภาสเลือกให้ตอนเช้าออกอย่างรวดเร็ว


“ ทนหน่อยนะครับ..” วิชญ์ภาสกระซิบบอกเบาๆ...ก่อนจะกระตุกเชือกกางเกงเลของตนออก.. และไม่ลืมยื่นมือไปจัดการให้กับกรณ์ที่เริ่มเปลือยเปล่าเพราะความต้องการ ..แม้จะอาย ..แต่เมื่อถูกวิชญ์ภาสสัมผัสมันก็พร้อมจะเดินร่วมทางไปอย่างไม่อิดออด...


“ ที่ผมพูดเมื่อกี้..ผมพูดจริงๆ.. ผมชอบคุณนะคุณกรณ์..” วิชญ์ภาสย้ำอีกครั้งก่อนจะจับความมั่นคงที่หมายมาดจะลงหลักปักฐานในส่วนรับที่เหมาะเจาะ.. อีกมือของวิชญ์ภาสก็ประคองกรณ์ให้ค่อยๆนั่งลงทาบทับความร้อนแรงในกายเขา..มันค่อยๆเลื่อนครอบอย่างนุ่มนวล...


ลิ้นสากเลื่อนไล่..บนยอดอกสีชมพูอ่อนอย่างว่องไว..จนกรณ์ต้องบิดตัวเร่าๆ เพราะความซ่านที่สะท้านทั้งส่วนบนส่วนล่าง...


“ อื้อ...” เสียงหวานที่ลอดผ่านริมฝีปากดูจะปลุกอารมณ์ของวิชญ์ภาสให้เพิ่มมากขึ้น ..ชายหนุ่มรวบรวมแรงที่มีทั้งหมด..


“ โอบคอผมไว้นะครับ..อ่า..” วิชญ์ภาสบอกเสียงสั่น..เพราะความหนั่นหนาที่เสียดรัดกับความร้อนแรงของสองกาย ..กรณ์ยินยอมทำตามอย่างง่ายดาย..ไม่ว่าวิชญ์ภาสจะพาไปไหน..กรณ์ก็พร้อมจะไปทุกที่... เมื่อแขนเรียวโอบคอของวิชญ์ภาสไว้มั่น..ร่างสูงก็ยกคนที่นั่งอยู่ด้านบนขึ้นยืน..ท้าฟ้า ท้าลม.....


“ คุณรู้ไหมว่าตอนนี้ผมมีความสุขแค่ไหน..” วิชญ์ภาสพูดไปขณะที่ร่างกายยังคงเคลื่อนไหว...กรณ์เงยหน้าขึ้นเล็กน้อยไม่กล้ามองวิชญ์ภาสตรงๆ..


“ ..อื้อ...” กรณ์ถูกสัมผัสอีกครั้งตรงริมฝีปาก..พร้อมลิ้นร้อนที่เปิดง้างเข้าไปสัมผัสความอ่อนนุ่มภายในด้วยความหลงใหล... ทั้งฝน ทั้งฟ้าดูไม่มีอิทธิพลใดต่อสองร่างที่ถ่ายทอดความปรารถนาให้กันแก่กัน...มากมาย กว่าเวลาจะผ่านเข้ามากั้น...

..เมื่อการเดินทางสุดท้ายปรากฏขึ้น..วิชญ์ภาสก็จัดการประคองอีกคนให้นั่งลงบนกางเกงที่ถอดวางไว้กับพื้น..หลังแกร่งเอนลงอิงกับต้นไม้ด้านหลัง..โดยมีกรณ์นั่งลงอยู่บนตัก..ส่วนเชื่อมต่อของสองกายยังคงปักหลักในส่วนรับไม่แปรผัน...พร้อมจะเริ่มต้นศึกครั้งใหม่ได้ทุกเวลา ..

..กรณ์ที่เหนื่อยหอบเอนร่างบางที่อีกคนหลงใหลลงซบบนเรือนกายที่แข็งแกร่ง..มีมืออีกคนเอื้อมมาโอบเอวบางประสานกันไว้ทางด้านหลังอย่างพอเหมาะพอเจาะ.. ตกลงระหว่างทั้งสองคืออะไรกันแน่นี่...
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 8
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 27-05-2009 23:29:14
 :o8: :-[  เหอๆๆๆๆน่ารักทั้งคู่   สู้ๆๆๆ   รอตอนต่อไปค่ะ   ขอบคุนค่า o13 :t3:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 8
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 27-05-2009 23:36:15
กรีสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส  :pighaun:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 8
เริ่มหัวข้อโดย: nanao ที่ 28-05-2009 07:25:30
ยอม ๆ ทำตามใจตัวเองได้แล้วคุณกรณ์ *-*
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 8
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 28-05-2009 19:07:21
โฮะๆๆๆ  :mc4: :mc4:  :z1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 8
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 28-05-2009 21:58:46
มารอค่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ 
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 8
เริ่มหัวข้อโดย: doomare ที่ 29-05-2009 00:44:45
อิอิ

กลางป่า กลางเขา :oo1: :oo1:

แถมฝนตกอีก

ช่างไม่กลัวฟ้าผ่าเอาซะเลย

ชอบๆๆ ซะงั้น :-[
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 8
เริ่มหัวข้อโดย: Catrina ที่ 29-05-2009 12:33:05
เพิ่งมาอ่าน แล้วก็ติดเลย
ตอนล่าสุดนี่ ช่างไม่กลัวฟ้าผ่าซะจริงๆ
มาต่อเร็วๆนะคะ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 8
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 01-06-2009 02:00:35
kitty  ยังมีที่น่ารัก กุ๊กกิ๊กอีกเยอะ ต้องติดตามค่ะ

pongsj  กรีสดังขนาดนี้แสดงว่าชอบใช่มั้ย 55555

SomLove  จะให้กรณ์ทำตามใจตัวเองต้องรออีกซักระยะ น้องยังไม่ฟื้นเลยนะ

THIP  ขอบคุณค่ะ เข้ามาอ่านทุกตอนเลย

doomare  แหม แหม แค่ฟ้าฝนจะกลัวทำไม ถ้าใจต้องการ หุ หุ

Catrina  ยินดีตอนรับค่ะ ตามกันไปจนจบนะค่ะ


คนอ่านชอบ คนแต่งปลื้ม คนโพสก็ดีใจ  :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 8
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 01-06-2009 02:07:09
มารอค่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :z2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 01-06-2009 03:52:27
ตอน 9

กรณ์ที่เหนื่อยหอบเอนร่างบางที่อีกคนหลงใหลลงซบบนเรือนกายที่แข็งแกร่ง..มีมืออีกคนเอื้อมมาโอบเอวบางประสานกันไว้ทางด้านหลังอย่างพอเหมาะพอเจาะ.. ตกลงระหว่างทั้งสองคืออะไรกันแน่นี่...

“ คุณเหนื่อยไหม..”

“ ไม่เหนื่อยบ้าสิ..” กรณ์ตอบอย่างลืมตัว..ทำให้คนที่กอดเขาอยู่มีความสุขใช่น้อย แม้มันจะยังเลือนรางไม่ต่างจากความฝัน แต่วิชญ์ภาสจะทำให้ทุกอย่างมันค่อยๆชัดเจนเอง ...ร่างสูงรวบเสื้อผ้าของกรณ์มาแต่งให้อีกคนอย่างรวดเร็ว ส่วนเขาก็ไม่รอช้า...

“ ผมแบกคุณกลับดีกว่า..” วิชญ์ภาสเสนอ...

“ ไม่เอา..”

“ ผมไม่ยอมให้คุณต้องเจ็บไปมากกว่านี้หรอก..” วิชญ์ภาสส่ายหน้าไม่ยินยอม..ดึงมือออกนั้นมาไพล่ไหล่ของเขา แล้วย่อกายลง...เพื่อให้อีกคนได้ขึ้นขี่หลัง.อย่างที่หวัง.. วิชญ์ภาสกระชับช่วงต้นขาของคนด้านหลังให้เข้ามาเล็กน้อย เพื่อง่ายต่อการแบก..

“ หนักไหม..”อาจเพราะลมที่พัดมาแรงเกินไป หรืออาจเพราะฝนที่หนาวเหน็บจนเก็บไปฟุ้งซ่าน ..ทำมันให้คนปากแข็ง แสนเย็นชาปริปากเพื่อถามอีกคนด้วยน้ำเสียงกังวล..

“ คุณตัวเบาจะตายไป..” วิชญ์ภาสส่ายหน้าเบาๆ.. ปล่อยมือข้างหนึ่งจากต้นขาของกรณ์มาชั่วครู่เพื่อดึงแขนของกรณ์ให้ต่ำลงมาอีก..จนหน้าของกรณ์เลื่อนมาคลออยู่ใกล้กับหน้าของอีกคน ...วิชญ์ภาสจึงยอมเลื่อนมือกลับไปจับต้นขาของคนที่แบกอยู่..

“ ทนหน่อยนะครับ..เดี๋ยวก็ถึงบ้านแล้ว..” วิชญ์ภาสบอกเบาๆ กับคนที่แนบหน้ากับเขาอยู่..ใครจะรู้ล่ะว่าตอนนี้ใบหน้าหวานๆมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นอย่างอิ่มใจ ..แต่วิชญ์ภาสคงไม่มีทางมองเห็น...

ชายหนุ่มแบกพาประธานแห่งบ้านสายลม..กลับมายังบ้านพักในเวลาต่อมา...กฤษฏิ์และหมอพิสิษฐ์ต่างพักอยู่ในห้องของแต่ละคน ปล่อยให้ทั้งบ้านเป็นเวลาส่วนตัวของกรณ์กับวิชญ์ภาสโดยแท้...

“ คุณถอดเสื้อก่อนนะเดี๋ยวจะเป็นหวัด..” เมื่อก้าวเข้ามาภายในห้องวิชญ์ภาสก็แบกพากรณ์ไปวางไว้ในห้องน้ำอย่างเบามือ..ค่อยๆปลดกระดุมเสื้อของอีกฝ่ายออกอย่างสุภาพ จากนั้นก็เอื้อมไปจัดการกับกางเกงเลที่เปียกฝน...

มือแกร่งตวัดผ้าขนหนูผืนหนามาคลุมกายที่เริ่มสั่นเบาๆ.

.. วิชญ์ภาสจัดการเปิดน้ำอุ่นจากเครื่องลงในอ่างอย่างรวดเร็ว ระหว่างรอน้ำเต็มก็หันมาถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกเพราะสภาพมันไม่ได้แตกต่างอะไรจากกรณ์นัก.. คนที่นั่งอยู่ถึงกับเบือนหน้ามองไปทางอื่น...ในกายเริ่มร้อนเพราะความตื่นเต้น แม้จะเห็นกันจนหมดไส้หมดพุง แต่ทุกครั้งมันก็มักเกิดอาการนี้ขึ้นเสมอ.

..
..” เป็นอะไรไปครับ..หน้าคุณแดงมาก..” วิชญ์ภาสที่หยิบมาอีกผืนมาพันกายปกปิดส่วนซ่อนเร้นเรียบร้อย ก็หันกลับมาสนใจกรณ์ที่ยังคงนั่งรออยู่..

“..เปล่า..” กรณ์ส่ายหน้าเล็กน้อย ...


“ เท้าคุณเป็นไงบ้าง...” วิชญ์ภาสเห็นว่ากรณ์ปฏิเสธเลยไม่อยากคาดคั้น เพราะรู้ซึ้งดีว่าวิสัยของกรณ์นั่นเป็นยังไง..เขาเลือกจะหันไปให้ความสนใจกับข้อเท้าที่พลิกเป็นอันดับต่อมา...เจ้าของร่างสูงหนั่นค่อยๆลดลงนั่งลงคุกเข่ากับพื้นห้องน้ำ...ยื่นมือไปประคองเท้าของกรณมาวางไว้บนหน้าตักอย่างเบามือ..

“ โอ๊ย..” ความเสียวแปลบที่หายไปกลับมาอีกครั้ง..กรณ์ลืมไปด้วยซ้ำว่าขาเขายังเจ็บอยู่..

“ ผมขอโทษนะครับที่ทำให้คุณต้องเจ็บ..เดี๋ยวอาบน้ำเสร็จผมจะไปหายามาทาให้ใหม่..” มือแกร่งลูบไปบนข้อเท้าเรียวอย่างไม่นึกรังเกียจ เมื่อทุกส่วนในร่างกายคือส่วนประกอบของคนที่รัก ..เขาก็พร้อมจะรับมัน ..อย่างสุดหัวใจ..

“ น้ำเต็มแล้ว..” กรณ์ที่เริ่มไปไม่เป็นจำต้องร้องบอก ..เป็นช่วงเวลาเดียวกับน้ำเริ่มปริ่มอ่าง..

“ ครับ..” วิชญ์ภาสเงยขึ้นมอง..แล้วลุกขึ้นยืนข้างๆอ่างน้ำ..พลางยื่นมือไปไล่วนอยู่ภายในเมื่อวัดอุณหภูมิดู..เมื่อเห็นว่าอุ่นได้ที่แล้ว..จึงหันมาสนใจคนที่นั่งรออยู่...วิชญ์ภาสค่อยประคองให้กรณ์ยื่นขึ้นก่อนจะตวัดผ้าเช็ดตัวที่ปกปิดร่างกายออก แล้วอุ้มร่างเปล่าที่ปรากฏร่องรอยแดงเพราะวิชญ์ภาสหลายที่..ค่อยๆหย่อนลงในอ่างอย่างสุดรัก..จากนั้นก็จัดการผ้าเช็ดตัวของตนบ้าง..เขาไม่รอช้าถลาลงไปอย่างเร่งรีบ..อ่างใบใหญ่กับคนสองคน...

“ ดีขึ้นไหม..”

“..” กรณ์พยักหน้ารับอย่างอายๆ..มันเป็นครั้งแรกที่อาบน้ำร่วมกับคนอื่น แถมคนตรงหน้ายังเป็นคนที่ทำให้ใจกรณ์หวั่นไหวอีก..ทุกอย่างเลยเลยเถิดไปใหญ่..

“คุณกรณ์..”

“..” กรณ์ชะงักมองหน้าคนที่เรียกชื่อเขา... แต่เพียงเสี้ยววินาทีร่างที่ยึดหัวหาดอยู่อีกฝั่งของอ่างก็โผเข้ามาใกล้สุดใกล้..ริมฝีปากของคนหน้าหล่อวางกดลงบนปากเรียวบางของกรณ์เบาๆ... มือบางยกขึ้นยันอกแกร่งตามสัญชาตญาณ...

“ เจ็บอยู่เลย..” กรณ์บอกเสียงแผ่วเหมือนเขาจะรู้ว่าวิชญ์ภาสต้องการอะไร..


“ ..” วิชญ์ภาสยิ้มรับในความน่ารักของอีกคน..ประทับริมฝีปากลงบนหน้านวลปลั่งฝาดชมพูอย่างหลงใหลไปอีกครั้ง ...

“ ครับ..”

มือของคนตัวหนั่นเอื้อมหยิบสบู่เหลวมาเทบีบและตีฟองในมือให้ฟู่ฟ่อง..ค่อยๆชโลมฟอกลงบนกายบางของอีกคนอย่างทะนุถนอม...ไม่ว่ามือของวิชญ์ภาสจะแตะตรงไหน กรณ์ก็มักสะดุ้งทุกคราว... ใบหน้าเริ่มร้อนแดงอย่างห้ามมิได้..เมื่อสองกายมีความรู้สึกที่คล้าย เมื่อสองกายมีหนึ่งอารมณ์ที่เหมือนกัน... รัก.. เกิดขึ้นแล้วใช่ไหม


หลังจากจัดการให้กรณ์เสร็จ..วิชญ์ภาสก็ชโลมสบู่ลงบนกายหนาที่แข็งแกร่งด้วยกล้ามเนื้อบ้าง..แต่มิวายยกมือของอีกคนมาวางทาบบนอกของตน..กรณ์เหลือบตามองอีกฝ่ายอย่างสงสัย..เมื่อพบว่ามือแกร่งที่กำลังจับข้อมือของกรณ์ลากพาให้ลูบไล้ไปตามลำตัวที่หนั่นแน่น...

“ หนาวแล้ว..” กรณ์บอกเสียงสั่นก่อนที่ความเขินอายจะดำเนินไปมากกว่าเดิม

...
“ ครับ..เราขึ้นกันดีกว่า..” วิชญ์ภาสหัวเราะเบาๆ ในท่าทีหวาดๆของกรณ์.. เขารวบร่างบอบบางขึ้นยื่น แล้วกวักน้ำจากอ่างขึ้นไล่ฟองสบู่ออกจนหมด

..แล้วจัดการหาผ้าเช็ดตัวมาห่อกายบางไว้อย่างถนอม..มันไม่ต่างจากคืนก่อนที่วิชญ์ภาสจะอุ้มพาคนในอ้อมอกกลับไปส่งบนที่นอน ก่อนจะกอดกันบนที่นอนแสนหนานุ่ม... ร่างเปล่าที่ไร้สิ่งปกปิด..เบียดชิดหาไออุ่นของกันและกัน.. มันไม่ได้ล่วงเลยไปไกลเช่นครั้งก่อนๆ..วิชญ์ภาสอยากให้คนที่เขารักได้พักผ่อน...

“ ฝันดีนะครับ..” วิชญ์ภาสบอกเบาๆ..ก่อนจะผละกายลุกขึ้นไปแต่งตัว..และเดินไปหยิบยาบรรเทาความเจ็บปวดมาทาให้กรณ์...มือกร้านวางลงอย่างเบาบาง..พยายามมอบสัมผัสที่นุ่มนวลที่สุดเพราะไม่อยากให้กรณ์ต้องเจ็บปวดอีกแล้ว..

‘เพราะผมแท้ๆ...ข้อเท้าคุณถึงบวมขนาดนี้’ วิชญ์ภาสพึมพำเพียงลำพังในใจ .. ระหว่างที่สายตายังคงจ้องมองข้อเท้าที่เกิดการอักเสบ เพราะฝืนเดินออกไปตามวิชญ์ภาสเมื่อหลายชั่วโมงก่อน... ไหนจะต้องตากฝนกันอีกเป็นชั่วโมง ..ประสบการณ์วันนี้เขาจะไม่ลืมเลือนเลย .. ขอบคุณจริงๆที่ฟ้าทำให้เขาเป็นคนเลว ..เพราะหากเขาไม่เลว..เขาก็จะไม่มีทางได้เจอกรณ์...


“หนาวจัง..” เสียงสั่นๆจากคนที่หลับตาทำให้วิชญ์ภาสชะงักตื่นจากความคิด..เงยหน้าขึ้นก็เห็นนัทเริ่มหน้าซีด ตัวสั่นเทา..อาการชักไม่ค่อยดี..

“ มีอะไรเหรอครับ..” หมอหนุ่มเดินก้าวมาเปิดประตูห้องอย่างสงสัย..เมื่ออยู่ๆวิชญ์ภาสก็มาเคาะประตูห้อง

“ คุณหมอมียาไหมครับ..คุณกรณ์ไม่ค่อยสบาย..”


“ ยาเหรอ..ผมพกมาแต่พวกพาราฯ แต่ถ้าไม่หนักหนาอะไรก็กินกันไข้ไว้ได้ครับ..” หมอพิสิษฐ์ชะงักเล็กน้อยเพราะน้ำเสียงที่ออกมาจากคนตรงหน้า ดูจะจริงจังจริงใจห่วงใยกรณ์อย่างมาก... พิสิษฐ์พยักหน้ารับแล้วเดินกลับไปหยิบกล่องยาพาราเซตามอลในกระเป๋าสะพายที่พกมา..

“ นี่ครับ..”

“ ขอบคุณครับหมอ...” วิชญ์ภาสยิ้มให้เบาๆ แล้วเดินกลับเข้าไปในห้องนอนของกรณ์อย่างห่วงใย.. ดวงตาคู่เรียวจากหมอหนุ่มตัวสูงดูจะอาลัยอาวรณ์ใช่น้อย.. ทำไมเขาถึงไม่ใช่เจ้าของผู้ครองร่างกาย และหัวใจกรณ์นะ..ทำไมคนที่เดินเข้ามาด้วยความแค้นถึงได้มีสิทธิเข้าใกล้กรณ์ล่ะ...

“ อาหมอ..”

“ เอ้าคุณกฤษฏิ์มาตั้งแต่ตอนไหนนี่.. แล้วนั่นจะหอบหมอนไปไหนเหรอ..” หมอพิสิษฐ์หันกลับมาทางต้นเสียงที่เรียกเขา สังเกตเห็นคนตัวบางร่างอ่อนแอ้นในชุดสีฟ้าลายตุ๊กตาก็อดจะยิ้มไม่ได้... มือเรียวกำลังกอดหมอนหนุนใบใหญ่ไว้แน่น..

“ กฤษฏิ์นอนด้วยสิ..”

“ ฮะ..” พิสิษฐ์เบิกตากว้างเมื่อได้ยินคำนั้น..


“ ฝนตกหนักจะตาย...อาก็รู้ว่ากฤษฏิ์ไม่ค่อยถูกโรคกับ..เอ่อ.. ไม่พูดดีกว่า ..กฤษฏิ์นอนด้วยนะ..กฤษฏิ์ไม่กล้านอนคนเดียว...” กฤษฏิ์ยิ้มให้เจื่อนๆ สายตาหวาดๆมองกวาดไปซ้ายขวา บรรยากาศตอนนี้มันน่ากลัวยิ่งกว่าอะไร ทั้งฝน ทั้งลม ไหนจะท้องฟ้าที่เริ่มมืดมิด..เฮ้อๆ...( บรรยากาศเสียตัวชัดๆ..)


“ ตามใจครับ..” พิสิษฐ์ยิ้มให้เบาๆ..แล้วเดินนำกฤษฏิ์ก้าวเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว ..ร่างสูงล้มลงบนเตียงขนาดกลางอย่างเร็ว ถ้าเป็นคนทั่วไป..คงนอนได้อย่างสบายๆสองคน แต่หมอพิสิษฐ์ทั้งสูงทั้งใหญ่เลยกินที่ไปมากกว่าครึ่ง ...

“ โห..อาหมอ..แกล้วกฤษฏิ์ป่ะนี่..” เด็กหนุ่มบ่นโอด เมื่อพื้นที่ของเตียงเหลืออยู่น้อยเสียยิ่งกว่าน้อย..แต่จะทำไงได้ล่ะ.. กฤษฏิ์มาพึ่งใบบุญของอีกคนนี่ จำต้องล้มลงนอนในที่ที่เหลืออยู่อย่างเลือกไม่ได้..

.
...ฟู่ๆ ... ปัง


“ เฮ้ย..” เสียงลมที่พัดเข้ามา กระทบบานหน้าต่างเข้าจนเสียงดัง...กฤษฏิ์กระโดดโหยงโผเข้ากอดอีกร่างที่นอนแผ่อยู่ข้างกาย...

“ ไม่มีอะไรสักหน่อยคุณกฤษฏิ์..”


“ ก็กฤษฏิ์กลัวนี่..” เสียงของคนตัวบางชักสั่น.. กฤษฏิ์ไม่ค่อยชอบบรรยากาศอย่างนี้เลย มันดูน่าประหวั่น แสนเหงา และอ้างว้าง ...

“ งั้นก็นอนเถอะ..อย่าคิดอะไรมากเลยครับ..” หมอพิสิษฐ์ให้เบาๆ... แล้วดึงร่างที่กอดเขาอยู่ให้ใกล้มากขึ้นกว่าเดิม... เจ้าร่างบางนอนหนุนอยู่บนอกหนาของหมอหนุ่มอย่างวางใจ ...

แต่ระหว่างทั้งสองในเวลานี้ก็เป็นได้มากที่สุดแค่ความเอ็นดู... รึเปล่านะ


วิชญ์ภาสเดินกลับมาในห้องพร้อมแก้วน้ำในมือ...เดินตรงมายังเตียงเพื่อดูอาการของอีกคนที่ไข้เริ่มจับ... คนตัวโตวางแก้ววางยาไว้กับโต๊ะ ข้างๆ ก่อนจะนั่งลงใกล้ๆ..วางมือไล้ไปบนหน้านวลเพื่อวัดอุณหภูมิ..


“ ทานยาก่อนนะครับจะได้รู้สึกดีขึ้น..” เสียงแผ่วโยนที่ดังลอดเข้ามาในโสตประสาท ปลุกกรณ์ให้ลืมตาขึ้นมองโดยอัตโนมัติ...

“ ..อือ..” กรณ์พยักหน้าเบาๆ.. โดยมีอีกคนเข้าช่วยพยุงจากด้านหลังให้ลุกขึ้นนั่งอย่างไม่ยากสักเท่าไหร่..ตัวบางๆถูกดังให้อิงไปเอนซบด้านหลังที่มีอกแกร่งรองรับ

...พร้อมกับยาที่ส่งมาให้กรณ์ทานเข้าไป..


“.. ..” กรณ์รับยาเข้าใส่ปาก แล้วรีบดื่มน้ำตามทันที...แต่เพราะมือไม้ที่เริ่มไร้เรี่ยวแรงที่ให้แก้วน้ำไม่มั่นคงจะมีบางส่วนเลอะออกมาจากมุมปาก...


“...” เห็นดังนั้นพ่อคนตาสวยก็วางมือลงบนหน้ากรณ์..เช็ดน้ำที่เปื้อนออกอย่างสุภาพ ก่อนจะวางร่างกรณ์ลง..กับพื้นเตียงเช่นเดิม...


“ คุณนอนเสียนะจะได้หายเร็วๆ..” วิชญ์ภาสยิ้มให้กับคนป่วย ..แล้วเดินไปล้างมือล้างไม้ในห้องน้ำ..ปล่อยให้กรณ์นอนคิดอะไรเพียงลำพัง... ความสับสน..ความปวดร้าว หรือจะความรู้สึกผิด.. ทุกอย่างกำลังรุมเล่นงานกรณ์อย่างพร้อมพรัน ไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็หนีไม่พ้น ..เขากำลังเผชิญหน้าอยู่กับบางสิ่งที่ไม่สมควรใช่หรือเปล่า ..กรณ์คิดอะไรไปสักพักก็ผลอยหลับไปเพราะฤทธิ์ยาและอาการป่วย...


**


สายฝนที่สาดกระทบ..จากเบื้องนอก..หากได้กระเด็นกระดอนเข้ามาภายในห้องเลยสักนิด...แม้กระนั้นความรู้สึกบางอย่างก็เกิดขึ้นในใจคนหลับตา...


วันนั้น ..วันที่เขากลายเป็นเจ้าชายนิทรา..กาณฑ์กลับมาจากมหาวิทยาลัยหลังเห็นวิชญ์ภาสเดินควงกับเด็กคนใหม่ แล้วได้รู้จากกลุ่มเพื่อนว่า เขาเป็นเพียงหมากในการเล่นเกมสนุกๆของวิชญ์ภาสก็เพียงเท่านั้น ..ในวันที่หัวใจแตกสลาย เพราะความเชื่อมั่น และความรักที่เคยมีมลายไปจนสิ้น..วันนั้นกาณฑ์กลับมายังสายลมเพื่อรักษาบาดแผล ..แต่เขาก็เจ็บหนักเกินกว่าสิ่งใดจะเยียวยา...กาณฑ์เดินอย่างไร้เรี่ยวแรงท่ามกลางสายฝนที่โหมกระหน่ำ.. 3 เดือนแล้วสินะที่เขาหลับไปอย่างไร้สติ...

น้องคนกลางของบ้านเดินมาสลบอยู่ตรงลานน้ำพุหน้ามุขของคฤหาสน์...นานหลายชั่วโมงกว่าใครจะมาพบ..นับตั้งแต่วันนั้นกรณ์ก็เริ่มสืบความจริงจากกลุ่มเพื่อนของกาณฑ์..รวมถึงไดอารี่ออนไลน์ที่กาณฑ์เขียนระบายในวันสุดท้ายก่อนจะกลับจากกรุงเทพฯ ..ในนั้นระบายสิ่งต่างๆไว้มากมาย แม้จะไม่ระบุชื่อคนที่ทำร้าย แต่หากคนที่ได้ใกล้ชิด ได้สนิทกับกาณฑ์ก็จะรู้ทันทีว่าคนสุดร้ายคนนั้นคือ ..’พี่วิชญ์’ หนึ่งในหนุ่มหล่อของมหาวิทยาลัย ..ฉายา

คาสโนว่าร้อยเล่ห์ ..โดยมีโต้งเป็นเพื่อนคู่หู..


กาณฑ์ไม่รู้เลยว่าตลอดเวลาสามเดือนที่เขาหลับไปเกิดอะไรขึ้นบ้าง... นานแล้วสินะ..นานจริงๆ ...แต่ใครจะรู้ว่าคนหลับใหลคิดว่ามันผ่านไปแค่ชั่วเสี้ยววินาที...

..” อื้อ..” เสียงงัวเงียที่ลอดผ่านริมฝีปากแห้งปลุกให้หญิงสาวที่นั่งเฝ้าอาการถึงกับสะดุ้ง..

“ คุณกาณฑ์..” หญิงสาวผิวสีน้ำผึ้งเอ่ยขึ้นอย่างดีใจ เมื่อร่างที่ไร้สติมานานเริ่มเคลื่อนไหว ..และนี่คือสัญญาณของความยุ่งยากอย่างแท้จริง ..ในที่สุด ..เวลาของกาณฑ์ก็เริ่มต้นอีกครั้ง จะกำหนดของใครไม่สำคัญ ..แต่เวลานี้ ฟ้าสีสดใสจะเปิดออกอีกครั้ง พร้อมบทใหม่ของความเจ็บปวดในใจใครหลายๆคน ...
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 01-06-2009 03:57:46
kitty  ขอโทษนะค่ะให้รอนานไปหน่อยไม่รู้ว่าหลับไปหรือยัง เดี๋ยวจะลงให้อีกละกันว่างพอดี55555
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 01-06-2009 05:28:30
ตอน 10  

ร่างเพรียวบางที่หลับใหลไปเพราะฤทธิ์ยาและความเหนื่อยล้าจากการสอดประสานของสองกาย ค่อยๆขยับไปมาด้วยความรู้สึกสบายตัวมากกว่าเมื่อวาน ..เพราะพิษไข้ที่รุมเร้าทำให้ส่วนต่างๆนั้นดูเหนื่อยอ่อนจนเมื่อยไปหมด.. กรณ์ยันกายที่นอนอยู่ขึ้นนั่ง..คว้าหมอนที่ใช้หนุนนอนตลอดคืนขึ้นมาวางรองไว้ด้านหลัง..


“ ตื่นแล้วเหรอครับ..รู้สึกยังไงบ้าง..” คนที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำ..รีบเดินเข้ามาหาอีกคนโดยทันที..ร่างสูงนั่งตรงพื้นเตียงใกล้ๆ ก่อนจะยกมือขึ้นลูบหน้าอีกคนที่มองมาทางเขาด้วยความห่วงใย

“ ..ไม่เป็นไร..” กรณ์ตอบอย่างเสียไม่ได้..นับวันเขาก็เหมือนเด็กไปมากขึ้นทุกที..เวลาอยู่กับวิชญ์ภาสอารมณ์ของเขาสามารถรวนเรได้ตลอดเวลา .ทุกการกระทำของอีกคนสามารถทำให้นัทเคลื่อนไหวได้มากมายทางความคิด...


“ ก็ดีแล้วครับ..ผมนึกว่าคุณจะเป็นอะไรไปอีก..” เสียงแผ่วดังเข้ามาใกล้จนกรณ์เริ่มใจเต้น..สัมผัสแรกของวันเริ่มต้นด้วยการจูบทักทายจากอีกร่าง...


“ คุณไปอาบน้ำดีกว่านะ...เอ่อ..ผมว่าผมเช็ดตัวให้ดีกว่าคุณเพิ่งหายป่วย ยังคงไม่มีแรงหรอก..” วิชญ์ภาสบอกขึ้น แต่ก็นึกได้ว่าคนตรงหน้าเพิ่งหายเลยไม่อยากให้กรณ์ต้องลำบากเดินเข้าไปจัดการเอง..


“ ไม่ต้องอาบเองได้...” กรณ์ส่ายหน้าขัดขืน...ตอนนี้เขาก็รู้สึกสบายตัวขึ้นกว่าเดิมแล้ว จะมาสำออยลีลาให้อีกคนปรนนิบัติ ดูจะไม่ใช่วิสัยของกรณสักเท่าไหร่นัก...

เพราะคำยืนยันที่ดูหนักแน่นเลยทำให้วิชญ์ภาสค้านอะไรไม่ได้..สุดท้ายเลยจำต้องยอมให้กรณ์ก้าวเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำตามลำพัง..ส่วนเขาก็เดินออกไปนอกห้องเพื่อหาอะไรให้กรณ์ได้ทานรองท้อง..


..วิชญ์ภาสชะงักเท้าเล็กน้อย เมื่อเห็นคนตัวบางน้องชายของคนที่เขาตกหลุมรักเดินออกมาจากห้องหมอหนุ่มร่างสูง...กฤษฏิ์หันมาเห็นพอดีเลยต้องรีบแก้ตัวก่อนที่วิชญ์ภาสจะเข้าใจผิด


“..กฤษฏิ์ไม่ได้ทำอะไรอย่างที่คิดนะ..”



“ ผมก็ไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย..” วิชญ์ภาสยิ้มให้เบาบาง..ในความคิดก็รู้สึกเอ็นดูกฤษฏิ์ไม่ต่างจากน้องจากนุ่ง เลยอยากจะเย้าอีกฝ่ายดูบ้าง..แต่ทำได้ไม่เท่าไหร่กรณ์ก็เดินออกมาจากห้อง วิชญ์ภาสเลยต้องเลิก...ขืนกรณ์ไม่พอใจที่เขาไปทำดีกับกฤษฏิ์อีก..รับรองได้งอนกันอีกยกแน่...


“ คุณออกมาทำไมครับ..ยังไม่หายป่วยเลย..”วิชญ์ภาสเดินรุดเข้าไปเกาะแขนคนที่เพิ่งล้างหน้าล้างตาเสร็จอย่างห่วงใย..


“ ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย...” กรณ์บ่นเบาๆ แล้วเดินมานั่งที่เก้าอี้ตรงโต๊ะอาหาร


“ เดี๋ยวผมไปหาอะไรให้ทานนะ..” วิชญ์ภาสบอกเบาๆ..แล้วเดินตรงไปทางครัวเล็กๆของบ้าน..หยิบจับ ข้าวของอย่างชำนิชำนาญ เพราะมีแม่เพียงคนเดียว เลยทำให้นิสัยหลายอย่าง ..รวมถึงเอาการเอางาน..ทำให้วิชญ์ภาสทำอะไรได้หลายอย่าง..

..ข้าวต้มร้อนๆ..สำหรับคนป่วยถูกยกมาวางอยู่ตรงหน้าอย่างเอาใจ..

“ ทานสิครับ..กำลังร้อนๆอยู่เลย..” วิชญ์ภาสขยับเก้าอี้มานั่งใกล้อีกคน..แล้วเอ่ยบอก


“..”


“..งั้นผมป้อนดีกว่า..” วิชญ์ภาสบอกพลางยื่นมือไปหยิบช้อนในชาม แต่กรณ์ก็คว้าเอาไว้เสียก่อน เขาเป็นไข้นะไม่ใช่มือหัก... วิชญ์ภาสมองตามอย่างไม่ถือสาอะไร ..เขาชินเสียแล้วล่ะ แค่กรณ์ยอมรับความหวังดีที่เขาต้องการแสดงออกก็เพียงพอแล้วสำหรับคนอย่างเขา... เขารู้ดีว่ากว่ากรณ์จะอ่อนลงจนไม่เหลือเค้าของความร้ายกาจคงอีกนาน แต่เมื่อหัวใจของเขาเปิดรับอีกคนก็เท่ากับเขาจะทนรอ..รอให้ได้มาซึ่งความเข้าใจ และทัศนคติใหม่ในการมองเขา...


“ ตอนนี้ฝนยังไม่หยุดตกเลย..ท่าทางกว่าจะได้กลับก็คงเย็นแน่เลย..” กฤษฏิ์ที่เดินเข้ามานั่งร่วมโต๊ะพร้อมแก้วไข่ลวกใบเหมาะมือเอ่ยขึ้น... มือเรียวคนแก้วสีสวยในมืออย่างรวดเร็ว...


แต่เจ้าเด็กน้อยจะรู้หรือเปล่านะว่ามันทำให้อีกสองคนร่วมโต๊ะรู้สึกยังไง.


.
“ยิ้มอะไร..” กรณ์เอ่ยถามเสียงแข็ง ..ดูก็รู้ว่าวิชญ์ภาสกำลังคิดพิเรนทร์อะไรอยู่..ไข่ลวกงั้นเหรอ.. กรณ์ก้มหน้ากินข้าวต้มด้านหน้าของตนต่ออย่างเคืองๆ..จากนั้นก็รีบลุกขึ้นกลับเข้าห้องโดนมีอีกคนเดินตามเข้าไปอย่างรวดเร็ว หมอพิสิษฐ์ที่เพิ่งเดินออกจากห้องทำหน้างงๆ.. นี่เหวี่ยงกันตั้งแต่เช้าอีกแล้วเหรอคู่นี้..


“ ระเบิดลงอีกแล้วเหรอครับ..”


“ ไม่รู้สิ..กฤษฏิ์เองยังงงเลย... กฤษฏิ์ก็ว่ากฤษฏิ์ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อยนะ...แค่เดินถือไข่ลวกมาแล้วมาร่วมโต๊ะ อยู่ๆพี่วิชญ์ก็ยิ้ม พี่กรณ์ก็โกรธ..ไม่รู้จริงๆว่าทำอะไรผิดไปนี่..” กฤษฏิ์บ่นอย่างเหนื่อยใจก่อนจะตักไข่ในแก้วขึ้นทาน ..หมอหนุ่มที่เดินออกมาถึงกับหน้าสลด...จะหมายความว่าอะไรอีกล่ะ..ถ้าไม่ใช่เรื่องราวที่ผ่านมาของเมื่อคืน..หมอพิสิษฐ์นั่งลงตรงข้ามกฤษฏิ์อย่างเหนื่อยๆ..



‘เป็นไรไปอีกคนนี่..ชักเพี้ยนไปใหญ่แล้วบ้านนี้.’กฤษฏิ์บ่นกับตัวเองในใจ ไม่รู้จริงๆว่าวันนี้มันวันอะไรทำไมแต่ละคนถึงได้แสดงท่าทีแปลกๆออกมากัน...

ฝ่ายวิชญ์ภาสที่เดินตามอีกคนเข้ามาในห้องก็รีบ..ดึงอีกร่างที่ตึงตังปรวนแปรเข้ามากอดอย่างรวดเร็ว...เอาอีกแล้ว..ต่อให้จะมากกว่านี้วิชญ์ภาสก็ไม่เคยรู้สึกจะเบื่อที่จะง้อเลยสักนิด..

“ ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำอะไรอย่างนั้นสักหน่อยนะ..”


“..” กรณ์ยังคงเงียบไม่พูดอะไร ..แต่ก็ไม่ได้ดิ้นออกจากอ้อมอกของอีกฝ่าย ..อ้อมอกอันอบอุ่นจนกรณ์คิดไม่ออกเลยจริงๆ ว่าหากวันหนึ่งกาณฑ์ฟื้นขึ้นมาเขาจะเป็นยังไง.. เขาจะทำร้ายน้องชายของตัวเองซ้ำอีกครั้งหรือเปล่านะ..เขาไม่แน่ใจ..


“ ปล่อยได้แล้ว..อีกนานกว่าฝนจะตก..ง่วงนอน..” กรณ์บ่นเบาๆ..วางมือลงบนท่อนแขนที่เกาะเขาให้ปล่อยมือออกจากเอวบาง แต่วิชญ์ภาสก็ไม่ยินยอม..กลับตวัดร่างของอีกคนกระเตงขึ้นแล้วถาขึ้นเตียงนุ่มๆพร้อมกัน..มันทำให้กรณ์ใจหายใจคว่ำไม่น้อยกับการกระทำ..


“ ทำบ้าอะไรนี่..”


“..ผมจะนอนเป็นเพื่อนคุณไงครับ..” วิชญ์ภาสยิ้มให้กับคนหน้าบึ้ง..บรรจงจูบลงกลางหน้าผากอีกคนอย่าวแผ่วบางก่อนจะพริ้มตาหลับลงโดยไม่มีคำพูดใดๆ.. กรณ์เงยหน้าขึ้นมอง..จะพลิกหนีก็ทำไม่ได้.. สุดท้ายเลยปล่อยลเลยตามเลย นอนซบอกของอีกคนลงง่ายดาย...


‘...แกรู้บ้างไหม..ว่านับวันการกระทำของแกมันกำลังจะมัดฉันจนดิ้นจากแกไปไม่ได้...’ เสียงร้องที่ก้องสะท้อนดัง คงมีเพียงหัวใจดวงน้อยๆของกรณ์เท่านั้นที่ได้ยิน ..ภาระที่ต้องแบกรับตั้งแต่อายุน้อยๆ.. ความเจ็บปวด ความเสียใจ และความผิดพลั้ง..แต่ครั้งนี้มันควรอยู่ตรงไหนของคำว่าความรู้สึกล่ะ...

ตอนเย็นของวัน..น้าหนุ่มก็มาตามทุกคนเพราะว่าฝนหยุดตกได้สักระยะหนึ่งแล้ว..ไอ้เมี้ยน กับไอ้เหน่งคนงานของเกาะกุลีกุจอมาหยิบจับข้าวของของนายไปเก็บที่เรืออย่างรวดเร็ว ..ขากลับขึ้นฝั่งใหญ่ค่อนข้างใช้เวลามากกว่าเดิมสักหน่อยเพราะต้องควบคุมความเร็วให้อยู่ในระดับพอเหมาะ..คลื่นทะเลหลังฝนตกยังค่อนข้างแรงเลยต้องระวังสักหน่อย...


พอฟ้าเริ่มมืดทั้งหมดก็กลับมาถึงฝั่งใหญ่..

หารู้เลยว่ากำลังมีบางสิ่งบางอย่างรอคอยทุกคนอยู่...


บ้านหลังใหญ่กำลังเปิดอ้าเพื่อต้อนรับความเจ็บปวดครั้งใหม่ ที่ใครหลายคนไม่คาดคิด.. ทั้งสี่เดินก้าวเข้ามาภายในบ้านอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร.. วิชญ์ภาสนั้นตัวติดกับคนตัวบางเจ้าของบ้านยังกับอะไรดี.. โลกในตอนนี้มีเพียงกรณ์และก็กรณ์..แต่วินาทีถัดจากนี้ไปชีวิตของเขาจำต้องเปลี่ยนไป...


“ กลับมาแล้วเหรอพี่กรณ์..” เสียงใสจากใครบางคนที่กรณ์แทบจะหลงลืมดังขึ้นมาจากทางห้องนั่งเล่นด้านข้าง ทุกสายตาหันไปมองอย่างสงสัย.. ร่างโปร่งของน้องชายคนกลาง กับเลขาฯสาวผิวสีน้ำผึ้งเดินออกมาด้วยกัน ..


“ กาณฑ์..” กรณ์กับวิชญ์ภาสตกอยู่ในอาการตะลึงไม่แตกต่างจาก หมอพิสิษฐ์และกฤษฏิ์..( อันนี้โอเว่อร์ไปนิดหนึ่งนะ... ความจริงคนไข้ที่เป็นเจ้าชายนิทรานานๆ..พอฟื้นขึ้นมายังไม่สามารถเดินไป เคลื่อนไหวได้ ตลอดจนสมองบางส่วนก็จะประมวลผลช้า.. ต้องใช้กายภาพบำบัดถึงจะกลับมาเป็นสภาพปกติ..เรื่องนี้ มีร์ติ๊ต่างเองอย่าถือสาเลยนะจ้า..)



“ พี่วิชญ์..” แต่เสียงที่ตอบกลับมา..กลับเป็นชื่อของคนตัวสูงที่ยืนอยู่ข้างกรณ์...ความทรงจำสุดท้ายของกาณฑ์คือบ้านหลังสีขาว..ท่ามกลางสายฝน.. เมื่อวานเขาตื่นขึ้นเพราะแรงฝนที่สาดซัด.. สุนีย์ที่อยู่ข้างคอยเล่าเรื่องเล็กๆน้อยๆให้ฟัง ทำให้น้องชายคนกลางรู้ว่ากรณ์ไปที่เกาะรังนก...แต่ไม่รู้มาก่อนเลยว่าวิชญ์ภาสจะอยู่ที่นี่..



“..พี่วิชญ์มาหากาณฑ์ใช่ไหม...พี่วิชญ์ไม่ทิ้งกาณฑ์แล้วใช่ไหม..” เสียงที่เริ่มเลื่อนจากระดับสดใสเป็นขมขื่นดังขึ้นพร้อมร่างเพรียวที่วิ่งเข้ามากอดอีกคนที่ยืนแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูก.. ทุกคนตกอยู่ในอาการตะลึงไม่แตกต่าง จะมีก็เพียงกรณ์เท่านั้นที่รู้สึกโกรธ..


ความจริง..


มันถึงเวลาแล้วใช่ไหมที่กรณ์ต้องรับความจริง ..ผู้ชายที่ทำให้เขาหวั่นไหว แท้จริงแล้วเป็นของของน้อง แท้จริงแล้วไม่ควรที่เขาจะยุ่งเกี่ยว ..ร่างบางที่เพรียวลมเดินกระแทกเท้าขึ้นไปยังห้องนอนของตัวเองอย่างโกรธเกรี้ยว..เขาเกลียด..เกลียดตัวเองจริงๆที่เผลอใจ..


“ คุณกรณ์..” วิชญ์ภาสผละจากร่างที่กอดอยู่อย่างรวดเร็ว รีบวิ่งตามกรณ์ไปท่ามกลางความสงสัยของกาณฑ์.. ทุกคนในบ้านล้วนรู้ว่าเกิดอะไร ..รู้ว่าระหว่างกรณ์กับวิชญ์ภาสมีอะไรไปถึงขั้นไหน แต่กาณฑ์ที่หลับใหลไปนานไม่รู้.. และกรณ์ก็ไม่มีวันที่จะให้น้องได้รู้ความจริงเด็ดขาด..


“ คุณกรณ์หยุดก่อน..” วิชญ์ภาสวิ่งขึ้นมาทัดแล้วคว้าร่างที่เดินกระแทกเท้าเข้ามากอด...


“ ปล่อยมือฉัน..แล้วกลับไปหาน้องกาณฑ์ซะ...ถ้าไม่อยากให้แม่แกต้องเจ็บปวด..ก็ทำตามที่ฉันบอก..” เสียงเย็นชาที่หายไปนานแสนนาน เกาะลึกเข้าไปถึงใจคนฟัง..ท่อนแขนเรียวแกร่งจำต้องปล่อยอย่างอ่อนแรง..เขาจะทำอะไรได้ล่ะในเมื่อกรณ์เอาแม่ของเขามาขู่..ครั้งก่อนก็เห็นชัดแล้วว่ากรณ์ทำจริงๆไม่ได้โกหก...


“ คุณไม่มีทางบังคับผมได้..ในเมื่อผมบอกแล้วว่ารู้สึกยังไง..ผมก็จะใช้ทุกวิถีทางทำให้มันเป็นความจริง..” วิชญ์ภาสบอกเสียงหนักแน่นก่อนจะหมุนตัวกลับเดินลงไปด้านล่าง..ที่มีกาณฑ์นั่งรออยู่..คนอื่นๆก็นั่งรออย่างลุ้นๆกับการกระทำ.. วิชญ์ภาสจะเลือกยังไง..เขาจะเดินทางไหน ..แต่ที่สำคัญเขาไม่มีทางปล่อยกรณ์ไปแน่นอน..

“ พี่วิชญ์..รู้จักพี่กรณ์ด้วยเหรอ..”


“ ทำไมจะไม่รู้จักล่ะ..พี่กับคุณกรณ์เ..” วิชญ์ภาสเดินก้าวเข้ามานั่งลงตรงข้าม.. หมายจะบอกความจริงออกไปให้หมด แต่กฤษฏิ์ก็รู้ตัวเสียก่อนไม่ยอมให้เรื่องเป็นเช่นนั้น..กฤษฏิ์รู้ดีว่าหากวิชญ์ภาสทำ..กาณฑ์จะเจ็บซ้ำ..และที่สำคัญหากกาณฑ์เจ็บวิชญ์ภาสนั่นแหละที่ต้องเจ็บอีกระลอก..เพราะกรณ์จะเกลียดวิชญ์ภาสมากขึ้น..


“ กฤษฏิ์ว่าอย่าเพิ่งพูดอะไรเลยดีกว่า...หิวจะแย่อยู่แล้ว..ไปหาอะไรกินดีกว่า..” กฤษฏิ์เข้ามาคว้าแขนพี่ชายแล้วพาลุกขึ้นตรงไปยังโต๊ะอาหาร..สุรีย์รีบก้าวเข้ามาช่วยพยุงอีกแรง.ทำให้กฤษฏิ์สามารถปลีกตัวออกมาได้.. คนร่างบางลากวิชญ์ภาสออกไปยังมุมที่ห่างออกไปเพื่อคุยกับเขา

“ คุณกฤษฏิ์ห้ามผมทำไมล่ะ..”


“ จะบ้าเหรอ..พี่อยากให้พี่กรณ์เกลียดพี่มากกว่าเดิมหรือยังไง..ถ้าพี่กาณฑ์รู้ตอนนี้คงเสียใจไม่น้อยแน่..” กฤษฏิ์ออกปากเตือนสติอีกคนเพราะไม่อยากให้เรื่องราวลุกลามใหญ่โตไปกว่านี้


“ แต่คุณจะให้ผมทนต่อไป..ทนทำดีเหมือนเป็นการโกหกน้องกาณฑ์ต่องั้นเหรอ..คุณไม่คิดเหรอว่ามันรังแต่จะทำให้เขาเจ็บมากขึ้น จะช้าจะเร็วเขาก็ต้องรู้อยู่แล้วว่าผมกับคุณกรณ์เป็นอะไรกัน.. หากยังโกหกก็เท่ากับทำร้ายเขาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆนะ” วิชญ์ภาสบอกไปอย่างที่เขาคิด...เขาไม่อยากเป็นคนเลวอีกแล้ว ที่ผ่านมาในอดีตก็มากเกินไปแล้ว

“ ให้เวลาสักระยะเถอะนะ..ค่อยๆให้พี่กาณฑ์รู้ อย่าโถมให้รู้ในคราวเดียว..กฤษฏิ์ไม่อยากให้ใครต้องเจ็บปวดอีกแล้ว..ถือว่ากฤษฏิ์ขอร้องเถอะนะ” น้ำเสียงที่คล้อยสั่นเพราะความหวาดหวั่นที่เกิด..ทำให้วิชญ์ภาสต้องสะอึกและหยุดคิดตามคำขอของกฤษฏิ์..

... แต่จะให้เขาห่างกรณ์..เขาไม่ยอมหรอก...

ชายหนุ่มกำลังตัดสินใจ .. กำลังเลือกเส้นทางเดินที่ดีที่สุดสำหรับทุกชีวิต...ที่แน่ๆ เขาไม่ยอมเสียกรณ์ไปแน่นอน..
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 9+10
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 01-06-2009 09:58:20
 :serius2: จาเลือกอารัยดีเนี่ยยยยยยยย   มารอตอนต่อไปจ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ o13
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 9+10
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 01-06-2009 11:44:25
ตื่นขึ้นมาทำไมเนี่ย เฮ้ออออออออออออออออออออ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 9+10
เริ่มหัวข้อโดย: nanao ที่ 01-06-2009 19:38:36
อ๊าก ฉาก NC จะหายไป >,<

ฟ้ารีบส่งใครก็ได้มาคู่นายกาณฑ์ที


ขอบคุณคร้าบ สำหรับสองตอนเลย
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 9+10
เริ่มหัวข้อโดย: nutjung19 ที่ 01-06-2009 21:51:39
กรี๊ดดดดดดดดดดด "ฟ้า"    :L1:



ชอบเรื่องนี้มากๆๆๆ   :L2:



ขอบคุณค่ะที่เอามาลงให้ได้อ่าน
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 9+10
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 01-06-2009 23:01:55
kitty  เลือกใครก้อน่าจะรู้กันอยู่แล้ว แต่วิธีการนี่ซิมันน่าสนใจนะ

pongsj  ตื่นมาทำให้ทุกอย่างมันจบงัยค่ะ ไม่ดีหรอ

SomLove  NC จะหายไปหรอ ใครบอก 55555555555555555

nutjugh19  แฟนคลับเก่าของน้องมีร์ใช่มั้ย ชอบเรื่องนี้แล้วเรื่องอื่นอ่ะชอบป่ะ จะได้เอามาลงอีก



ขอบคุณทุกคนที่ติดตามคร๊าบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ  :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 9+10
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 01-06-2009 23:50:06
มารอตอนต่อไปจ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :o8: :t3:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 02-06-2009 00:50:06
ตอน 11

วิชญ์ภาสและกฤษฏิ์เดินกลับไปร่วมโต๊ะอาหารกับคนเพิ่งหายป่วย...ทันทีที่มาถึงกาณฑ์ก็กวักมือรุ่นพี่ที่เคยฝากบาดแผลให้มานั่งใกล้ๆ..วิชญ์ภาสอิดออดแล้วเดินไปนั่งลงข้างสุรีย์แทน ..ชายหนุ่มกำลังจะแสดงให้รู้ว่าความหวังกับความจริงควรแยกให้ออก ..

.
“ พี่นั่งตรงนี้ดีกว่า..นั่งตรงนั่นเบียดกาณฑ์เปล่าๆ..” วิชญ์ภาสตอบไปอย่างกึ่งๆกลางๆ ..เพราะสายตาของกฤษฏิ์ที่ส่งมาเลยทำให้เขาเลือกจะถนอมน้ำใจของอีกคนไว้..อย่างไรเสียเขาก็ไม่อยากให้กรณ์ต้องเกลียดเขามากกว่าเดิม เขาจะอดทนเพื่อให้ช่วงเวลาเลวร้ายที่เป็นผ่านพ้นไปเสียที...

“ ว่าแต่พี่วิชญ์มาที่นี่ได้ยังไงเหรอ...”


“ พอดี..เอ่อ...พี่ผ่านมาเท่านั้นเองเพิ่งรู้ว่ากาณฑ์ไม่สบายเลยแวะมาเยี่ยม ...” วิชญ์ภาสเกือบจะหลุดบอกความจริงว่าโดนกรณ์จับมา แต่สุดท้ายก็เลือกจะโกหก...


“ ว่าแต่พี่วิชญ์นอนที่ไหนนี่...กาณฑ์เดินรอบๆก็ไม่เห็นว่าห้องเปิดใหม่สักห้องเลย..” เจ้าของบ้านคนกลางเอ่ยถามอย่างสงสัย แต่ก็ไม่ได้จ้องจะจับผิดอะไรแค่ถามเพราะอยากรู้ก็เท่านั้นเอง...


“ เอ่อ...อ๋อพี่วิชญ์เพิ่งมานะ..ใช่สินุ่นให้จัดห้องไว้เรียบร้อยแล้วหรือยัง..” กฤษฏิ์ถึงกับสะอึกเพราะไม่ได้เตรียมคำตอบไว้ก่อน ...หันไปถามสาวใช้ที่กำลังนั่งฟังอย่างลุ้น..ดีหน่อยที่แม่นี่หัวไวเลยเออออห่อหมกรับคำเจ้านายอย่างไม่มีพิรุธ...

“ เอ่อ..เรียบร้อยแล้วค่ะ..”


“ ถ้าเรียบร้อยแล้วพี่ขอตัวก่อนนะ.....” วิชญ์ภาสได้ทีรีบปลีกตัวทันที..ตอนนี้เขาอยากพูดกับใครคนนั้นมากที่สุด ..ทำไมชะตาถึงได้โหดร้ายกับเขามากอย่างนี้....เขาไม่เข้าใจเลยจริงๆ หรือบาปกรรมที่เคยทำกำลังย้อนรอยกลับมาสนองเขาใช่ไหม...


“ ครับ..” กาณฑ์ละล่ำละลั่ก ..เพราะยังไม่กล้าจะรั้งวิชญ์ภาสไว้....


“ เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า ..ทุกคนเหมือนกำลังมีเรื่องปิดบังกาณฑ์อยู่..” หลังจากวิชญ์ภาสเดินลับขึ้นชั้นสองของบ้านไป..กาณฑ์จึงหันไปคาดคั้นกับคนร่วมโต๊ะที่เหลือ...

“ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ... ทานเถอะค่ะ..” สุรีย์เอ่ยบอกเสียงราบ... พยายามรักษาอาการให้นิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้..กาณฑ์ยังไม่พร้อมที่จะรับรู้อะไรทั้งสิ้น..เวลานี้คงต้องให้เขาค่อยๆรู้ทีละนิด ..หากบอกในทีเดียว บางทีอาจเจ็บหนักเสียยิ่งกว่าเดิมแน่..ๆ


“ ..” กาณฑ์นั่งนิ่งสงบไปสนใจอาหารตรงหน้า... แม้จะไม่ได้คำตอบ แต่เขาก็ไม่กล้าจะซักไซ้อะไรต่อ เพราะไม่มีใครเลยสักคนที่จะกล้าพูดอะไรออกมา... แต่ทำไมเขาจะไม่รู้สึก..พี่วิชญ์ต้องมีอะไรปิดบังแน่นอน..แววตาที่เคยมั่นใจและเชื่อมั่นในตัวเอง..เวลานี้กาณฑ์กลับไม่เจอมันอีกแล้ว...


ร่างสูงเดินมาหยุดอยู่หน้าประตูห้องเดิมที่เขาอาศัยมากว่าสองเดือน...


“ คุณกรณ์..” วิชญ์ภาสบอกเสียงแผ่ว พลางยกมือขึ้นเคาะประตูห้องของพี่ใหญ่แห่งบ้านสายลมอย่างประหม่า ..วิชญ์ภาสได้แต่บอกตัวเองในใจว่าเขาจะไม่ยอมปล่อยกรณ์ไป ไม่ยอมให้อะไรต้องมาทำให้ทั้งสองแยกกัน...


“ คุณกรณ์..” วิชญ์ภาสเคาะต่อเพราะไม่มีวี่แววว่าเจ้าของห้องจะเดินมาเปิดเลยสักนิด.. ชายหนุ่มยืนรออยู่สักพักจนชักหงุดหงิด ..เลยต้องยกไม้ตายขึ้นมาขู่..

“ ถ้าคุณไม่มาเปิดผมจะตะโกนให้ลั่นบ้านเลย...” วิชญ์ภาสบอกเสียงเข้ม..ไม่ทันจะได้พูดจบประโยคประตูห้องก็เปิดออกอย่างที่คนตัวสูงต้องการ..เวลานี้เจ้าของห้องอาบน้ำเปลี่ยนชุดนอนเรียบร้อยแล้ว.


“ มีอะไร..”


“ ผมก็จะมานอนไง..” วิชญ์ภาสบอกเสียงราบ ..แล้วเดินก้าวเข้ามาในห้องพร้อมทั้งคว้าร่างเจ้าของบ้านอย่างกรณ์เข้ามากอดอย่างว่องไว..เท้าของคนตัวใหญ่เอื้อมผลักให้บานประตูปิดลง ยังไงวันนี้เขาต้องพูดกับกรณ์ให้รู้เรื่อง ปล่อยไว้อย่างนี้..รังแต่จะสร้างความเจ็บปวดให้กันและกันเพิ่มมากขึ้น..


“ ปล่อย..” น้ำเสียงที่เย็นชาส่งผ่านจนสร้างความประหวั่นพรั่นใจแก่คนตัวหนั่น..ทำไมเขาต้องยืนอยู่ในจุดนี้ด้วย ทำไมเขาต้องยืนอยู่ในสถานภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก จะเดินหน้าก็ไม่ได้ จะกลับก็มีแต่สร้างความเจ็บปวดให้คนรอบข้าง..

“ คุณก็รู้ว่าอะไรมันเป็นอะไร..ผมรักน้องกาณฑ์ไม่ได้...”


“ ทำไมจะไม่ได้..” กรณ์กระชากเสียงถามอย่างโมโห ..โมโหคนที่กอดเขา ..โมโหตัวเองที่เผลอใจให้ศัตรูตัวร้ายหมายเลขหนึ่ง..เขาเองก็อึดอัดไม่แพ้ใคร...

“ ผมชอบคุณ คุณก็รู้...”

“ แต่ฉันเกลียดแก..” กรณ์บอกอย่างเยือกเย็น..เขาเจ็บจริงๆ เจ็บที่ต้องพูดโกหกออกไป แต่เขาจะทำอย่างไรได้ในเมื่อเขาต้องดูแลหัวใจของน้องๆ ..หัวใจอันบอบช้ำ..กรณ์จะเห็นแก่ตัวไม่ได้เด็ดขาด..

“ ผม่ไม่เชื่อ...ต่อให้คุณเกลียดผมจริง แต่ผมก็ไม่ยอมแพ้...อย่าผลักให้ผมไปรักคนอื่นเลยนะ..” น้ำเสียงอ้อนวอนที่ลอดดังใกล้หู อดจะสะท้อนในห้วงลึกของจิตใจมิได้..

“ ถ้ารักฉัน..แกก็อย่าทำร้ายน้องกาณฑ์..เพราะถ้าน้องเจ็บ ฉันก็เจ็บ..” กรณ์ยื่นข้อเสนอที่ทำให้วิชญ์ภาสถึงกับสะอึก..มันไม่ต่างอะไรจากทีแรก แต่ครั้งนี้กรณ์เอาตัวเองมาเป็นข้อต่อรอง มาเป็นเงื่อนไขที่ใช้บีบบังคับให้วิชญ์ภาสต้องห่างไปอยู่กับคนอื่น

“ ถ้าแค่นี้ยังทำให้ไม่ได้...ก็ไปจากบ้านหลังนี้เสียเถอะ” กรณ์บอกต่อ..พร้อมเปิดโอกาสให้วิชญ์ภาสเดินกลับออกไป..อย่างไรเสียกษณฑ์ก็ฟื้นแล้ว.. หากวิชญ์ภาสจากไป กาณฑ์อาจเสียใจ..แต่ก็คงน้อยกว่าที่รู้ว่าวิชญ์ภาสกำลังตกหลุมรักพี่ชายของเขาอยู่... คงดีกว่าเป็นไหนๆ..

“ ขอแค่คุณอย่าผลักผมออก..แค่นี้...ผมจะทำตามที่คุณบอก ..แต่อย่าไล่ผมไปไหน..” วิชญ์ภาสไม่ยอมเสียหรอกที่จะเดินออกจากสายลมตามคำบอกของกรณ์..เขาจะพิสูจน์ จะทำให้เห็นว่าหัวใจของเขาไม่อาจแบ่งไปเพื่อใครคนอื่น เขาจะทำให้เห็น...


“ ปล่อยฉันสิ..”


“ ผมขอแค่ตอนที่เราอยู่ด้วยกันได้..ตอนที่เราอยู่กันสองคน..ผมขอทำแบบนี้ ขออยู่ใกล้ๆ..ผมสัญญาว่าหากไม่ใช่เวลานี้ผมจะทำตามที่คุณบอก..” เสียงที่แผ่วดังดูจะติดสั่นๆคลอจนกรณ์เริ่มใจเสีย ..เขาเองก็ไม่อาจจะพูดอะไรมาก.. เขาเองก็ไม่อาจจะแสดงออกอะไรออกไป..ได้แต่ยืนนิ่งปล่อยให้แขนแกร่งโอบกอดเข้าไว้อย่างนี้..

เวลาของสองคน..เวลาที่อยู่กันแค่สองคน...


“ พอรึยัง..ง่วงแล้ว..” หลังจากที่ถูกกอดมากว่าสิบนาที..กรณ์ก็เอ่ยปากขึ้น..ทันทีที่พูดร่างเขาก็ถูกตวัดขึ้นจากพื้น และถูกอุ้มไปวางไว้บนเตียงหลังเดิมอย่างนุ่มนวล ก่อนที่ร่างของอีกคนจะล้มลงมาตามๆกัน..ร่างที่อยู่เหนือกว่าก้มลงมาใกล้อย่างเช่นทุกครั้ง..


..มือเรียววางยันอกหนั่นของอีกฝ่ายเบาๆ..

“ อย่าทำร้ายกาณฑ์นะ..” กรณ์เอ่ยเบาๆ.คล้ายจะเตือนอีกคนที่กำลังจะเดินล้ำเส้นความสัมพันธ์ ..วิชญ์ภาสชะงักกับสิ่งที่ได้ยินแล้วพลิกลงมานอนข้างๆแทนจะเดินหน้าต่อในสิ่งที่อยากจะทำ..


“ นอนเถอะครับ..” วิชญ์ภาสบอกเสียงราบ..แล้วรับตาลงข้างๆอีกคน..เขาไม่มีสิทธิ์แล้วใช่ไหม สิทธิ์ที่จะเป็นเจ้าของร่างของอีกคน ไม่มีสิทธิ์ใดๆ จนกว่ากาณฑ์จะรู้เรื่อง.. จนกว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทาง.. ทรมาน ..มันทรมานจริงๆ..

ตลอดคืน..กรณ์ใช้ความคิดหมดไปกับเรื่องของทั้งสาม..หากกรณ์ยังยอมอยู่ในวังวนแห่งนี้เขาเองนั่นแหละที่ต้องเจ็บปวด... เช้าวันถัดมากรณ์รีบลุกจากที่นอนก่อนที่วิชญ์ภาสจะตื่น..หยิบเสื้อผ้าติดมือไปสองชุดแล้วลงจากห้องไปโดยทันที..เขาต้องเดินหน้า...จะกลับหลังมาพะว้าพะวงอีกไม่ได้...ยิ่งใกล้ก็ยิ่งเผลอ.. หากไกลอาจทำใจได้...

“ ผมขอแค่ตอนที่เราอยู่ด้วยกันได้..ตอนที่เราอยู่กันสองคน..ผมขอทำแบบนี้ ขออยู่ใกล้ๆ..ผมสัญญาว่าหากไม่ใช่เวลานี้ผมจะทำตามที่คุณบอก..”


ถ้าหากไม่ได้อยู่ด้วยกัน..

“ คุณกรณ์จะรีบไปไหนคะ..” เลขาฯสาวที่ลงมาช่วยแม่บ้านประจำสายลม..เดินออกมาจากครัวก็เหลือบเห็นเจ้านายหนุ่มกำลังเดินลงมา..เลยเอ่ยถาม

“ ไปบริษัท..ฉันจะไปนอนที่นั่นสักสองสามคืนนะ..”


“ เอ๊ะ..” สุรีย์มีสีหน้าสงสัย..


“ ฉันไม่อยากให้น้องกาณฑ์ต้องเจ็บ..” กรณ์บอกเสียงเศร้าก่อนจะเดินออกจากบ้านไปด้วยใจมาดมั่น ..เขาต้องผ่านไปให้ได้ ผ่านไปด้วยความเชื่อมั่นในตนเอง ...


“ คนเราจะหนีอะไรก็หนีได้..แต่จะหนีความจริงคงเป็นไปได้ยาก...” สุรีย์เอ่ยขึ้นหลังจากร่างของเจ้านายหนุ่มเดินออกไปแล้ว.. เธอเองก็เจ็บปวดไม่ต่างจากคนอื่นๆ... หญิงสาวถอนหายใจออกอย่างหน่ายเหนื่อยก่อนจะหันไปสนใจกับอาหารที่นำมาขึ้นโต๊ะ..


“ ใครออกไปไหนแต่เช้าเหรอ..”

“ คุณกรณ์ออกไปบริษัทค่ะ..” สุรีย์เอ่ยตอบน้องชายคนเล็กของบ้าน...

“ เวรกรรมอะไรไม่รู้เนอะ... ไม่รู้ว่ากฤษฏิ์คิดผิดคิดถูกที่ขอให้พี่วิชญ์โกหกต่อ..แต่ถ้าไม่ทำทุกอย่างก็จะเลวร้ายมากขึ้น กฤษฏิ์ไม่รู้จริงๆ ว่าเรื่องข้างหน้ามันจะเดินต่อไปยังไง หากมีคนดีๆเข้ามาช่วยพี่กาณฑ์หลุดออกจากความฝันมันคงจะดีไม่น้อย..” เจ้าเด็กน้อยวัยสิบแปดนั่งลงเปรยสิ่งที่ติดค้างในใจของตนอย่างไม่คิดอะไร..แต่มันกลับสะท้อนลึกเข้าไปในใจของสุรีย์... หรือหญิงสาวควรเลือกเดินไปข้างหน้า เลือกทำตามใจ..เพราะหากหล่อนทำสำเร็จทำกับทุกหัวใจจะไม่เจ็บปวด...
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 02-06-2009 05:00:33
ตอน 12


กาณฑ์ที่เพิ่งเดินลงมาถึงกับชะงัก...


“ ทุกคนโกหกอะไรเรากันแน่..” ชายหนุ่มพึมพำอย่างสับสน..ทำไมเขาต้องลงมาช้าขนาดนี้..ทำไมเขาต้องลงมาตอนที่กฤษฏิ์พูดประโยคสุดท้ายเท่านั้น.. เขาน่าจะลงมาเร็วๆ จะได้รู้เสียทีว่าภายในสายลมปกปิดอะไรเขากันแน... ชายหนุ่มเดินลงมาจากด้านบนด้วยความราบเรียบ .. เพราะจากการสังเกตพฤติกรรมคนรอบข้าง คงไม่มีใครกล้าเอ่ยปากบอกความจริงกับเขาหรอก.. แล้วมันมีอะไรปิดบังอยู่งั้นเหรอ ..ความลับอะไรกันแน่ที่เขาพลาดไปในระหว่างที่เป็นเจ้าชายนิทรา ...

“ เอาพี่กาณฑ์..ลงมาแล้วเหรอ..” กฤษฏิ์เอ่ยทักด้วยน้ำเสียงราบเรียบปกติ... ไม่ได้ระแวงเลยว่ากาณฑ์จะเดินลงมาได้ยินสิ่งที่เขาพูดเมื่อครู่นี้...


“ อืม..” ชายหนุ่มพยักหน้ารับ แล้วเดินมานั่งลงใกล้ๆกับน้องชายคนเล็กของบ้าน...


“ จะรับอะไรไหมคะคุณกาณฑ์..” เลขาฯสาวผิวสีน้ำผึ้งเอ่ยถาม...



“ ขอกาแฟล่ะกันฮะ..” ชายหนุ่มตอบไปน้ำเสียงราบเรียบ ..ฝ่ายหญิงสาวก็เดินกลับเข้าไปภายในครัวเพื่อจัดการในสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการ .. ความรักจะหยุดตรงคำว่าอะไรกันแน่..เจ็บปวด เสียใจ ทรมาน หรือจะเป็นสมหวัง ..

“ แล้วพี่วิชญ์ล่ะ ?”


“ ยังไม่ตื่นหรอกมั้งครับ...”



“ งั้นพี่ไปตามดีกว่า ..จะได้ลงมาทานข้าวเช้าด้วยกัน..” กาณฑ์ตั้งท่าจะลุกขึ้น แต่กฤษฏิ์ก็ไวกว่ารีบบอกเสียงใส ขืนกาณฑ์ขึ้นไปตามก็รู้กันพอดีว่าวิชญ์ภาสนอนอยู่ห้องเดียวกับกรณ์..


“ พี่กาณฑ์นั่งลงดีกว่า เพิ่งหายป่วย..กฤษฏิ์กำลังจะขึ้นไปข้างบนพอดีเดี๋ยวกฤษฏิ์ตามให้ดีกว่านะ..” ร่างบางปรี่มาจับแขนพี่ชาย แล้วกดให้กาณฑ์นั่งลงกลับทีก่อนจะขันอาสาขึ้นไปตามวิชญ์ภาสให้เอง ...


“ ก็ได้..” กาณฑ์พยักหน้าเบาๆ.. และเป็นจังหวะเดียวกับที่สุรีย์เดินถือกาแฟมาส่งให้เขา ..เจ้าร่างบางน้องน้อยรีบวิ่งขึ้นไปข้างบนก่อนที่กาณฑ์จะเปลี่ยนใจ..มือเรียวตั้งวงเคาะลงบนบานประตูห้องพี่ชาย ..ที่กลายเป็นห้องของอีกคนในตอนนี้


ก๊อกๆ...


เสียงประตูที่ดังขึ้น ปลุกให้คนเหนื่อยล้าตื่นขึ้นอย่างงัวเงีย..วิชญ์ภาสลุกจากที่นอนไปยังประตูห้องด้วยความรู้สึกมึน..ๆ เมื่อคืนเอาแต่ห่วงกรณ์ เลยทำให้นอนดึกไปสักหน่อย ..วันนี้เป็นวันแรกที่วิลญ์ภาสค่อนข้างจะตื่นสาย..

“ ครับ..มีอะไรหรือเปล่า..”


“ อ๋อ..เอ่อพี่เป็นไงบ้างทำไมตื่นสายล่ะ.พี่กาณฑ์ถามหากฤษฏิ์เลยมาตามให้..” น้องชายคนเล็กของบ้านเอ่ยปากถามอีกคนที่ยืนงงๆ.. วิชญ์ภาสเหมือนจะจับอาการบางอย่างบนสีหน้าของกฤษฏิ์ได้..ดวงตาคู่กลมเหลือบมองไปรอบห้องหนึ่งครั้งก่อนจะหันมาถามกฤษฏิ์ด้วยลางสังหรณ์บางอย่าง ..


“ คุณกรณ์ล่ะครับ..”


“ เอ่อ..” กฤษฏิ์เริ่มหน้าถอดสี..เพราะเหมือนสิ่งที่เขาพูดออกไปอีกฝ่ายจะไม่สนใจเลยสักนิด.. หากวิชญ์ภาสรู้ว่ากรณ์ไปแล้ว จะเป็นยังไง..


“ อะไรครับ..คุณกรณ์ล่ะ..” วิชญ์ภาสดูจะร้อนใจอย่างเห็นได้ชัด แววที่เคยงัวเงียเมื่อนาทีก่อนแปรเป็นกระจ่างและหมายจะรู้ความจริงจากปากของคนร่างบาง


“ พี่กรณ์ไปทำงานแล้ว..”



“ ทำงาน..นี่มันก็ก็ยังเช้าอยู่นะ..ปกติคุณกรณ์ออกจากบ้านตอนแปดโมง ..นี่คุณกรณ์ไปไหนกันแน่..” วิชญ์ภาสจับสังเกตจากการตอบของอีกฝ่าย ..ตอนนี้ท่ากะไม่ผิดก็คงจะเจ็ดโมงกว่าๆเท่านั้นเอง...



“ คือ...พี่กรณ์..เอ่อ...พี่ลงไปข้างล่างดีกว่าไหม..”


“ ..บอกน้องกาณฑ์ด้วยนะครับว่าผมไม่ว่าง...”


“ แล้วพี่ทำอะไรเหรอ..” กฤษฏิ์เอ่ยถามอย่างหวั่นๆ... เพราะเริ่มรับรู้แล้วล่ะว่าอีกคนนั้นเป็นเช่นไร ..วิชญ์ภาสยอมโอนยอมอ่อน หากกรณ์ยอมอยู่ในกติกาและคำขอร้อง แต่เวลานี้กรณ์กำลังเล่นเล่ห์หลีกหนีเขาไป ..

“ ผมจะไปหาคุณกรณ์แล้วถามความจริงเอง..” วิชญ์ภาสบอกเสียงหนักแน่น จนทำให้กฤษฏิ์ชักหวั่น เพราะหากเป็นเช่นนั้น กาณฑ์ก็จะรู้ความจริง ...


“ พี่ใจเย็นก่อนดีกว่าไหม..”


“ ผมเคยบอกแล้วใช่ไหมครับว่า..ผมไม่ชอบนอนคนเดียว ..ถ้าวันนี้คุณกรณ์ไม่กลับมานอนที่บ้าน ผมจะตามไปที่ทำงาน..” วิชญ์ภาสบอกเสียงดังฉะฉาน


..เขาไม่ยอมให้เกมเป็นไปในรูปนี้หรอก.. เขาไม่ยอมเสียกรณ์ไปเด็ดขาด...ทำไมอีกฝ่ายต้องหนี ต้องปิดโอกาส..กรณ์จะรู้บ้างไหมว่ามันทำให้วิชญ์ภาสเจ็บมากแค่ไหน


“ คือ..ใจเย็นหน่อยนะพี่วิชญ์...คือ กฤษฏิ์ก็ไม่รู้จะพูดอะไรดี..แต่ถ้าพี่ตามไปที่บริษัทจริงๆ พี่กรณ์ต้องโกรธมากแน่ๆ ..เผลออาจจะไม่กลับมาที่บ้านอีกเลยก็ได้นะ..อย่าทำให้เรื่องมันยุ่งยากเลย...”



“ ผมยอมให้มันเป็นเรื่อง...ผมยอมรับว่าผมเห็นแก่ตัว แต่ครั้งนี้ผมมั่นใจที่สุดแล้วว่ามันจะไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ..แม้น้องกาณฑ์ต้องเจ็บ แต่ผมจะพยายามทำให้เขาลืมผม จะทำให้ทำให้ทุกอย่างมันดีขึ้น แต่ทำไมคุณกรณ์ต้องทำอย่างนี้ด้วยล่ะ..” คนหนักแน่นเริ่มเรรวนจนเสียงสั่น... มันเจ็บปวดจริงๆ... เพราะการเจ็บมันซ่านไปถึงใจหาใช่เพียงร่างกาย วิชญ์ภาสเลยทรมานมากมายอย่างนี้..



“ ...คือ..กฤษฏิ์ว่าพี่โทรฯไปหาพี่กรณ์ดีกว่า อย่าไปที่บริษัทเลยนะ...เลือกโทรฯไปก่อนคงจะดีเดี๋ยวกฤษฏิ์จดเบอร์ให้..” กฤษฏิ์ยื่นข้อเสนอสุดท้ายที่ดูดีที่สุดในเวลานี้..เขาไม่อยากให้ใครต้องเจ็บ ..เขาไม่อยากให้ใครต้องทรมาน แต่เรื่องจริงกับความต้องการมันต่างกันสิ้นดี..เมื่อคนเราไม่สามารถเลือกทางเดิน ..เมื่อคนเรายังต้องกังวลถึงสิ่งรอบข้าง เพราะเราไม่ใช่เอกภพหนึ่งเดียวของโลก.. แต่ยังมีอีกหลายร้อยหลายพันกาแลคซี่ในจักรวาลแห่งนี้...


“ ก็ได้ผมจะเชื่อคุณสักครั้ง..” วิชญ์ภาสพยักหน้าก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องทำใจให้เย็นลง..กฤษฏิ์เดินตามเข้ามาแล้วจดเบอร์โทรศัพท์ของกรณ์ส่งให้อีกคน ...หลังจากนั้นคนตัวเพรียวก็เดินออกจากห้องปล่อยให้วิชญ์ภาสได้อยู่ในห้องเพียงลำพัง...


...
...
...


.. กรณ์เหลือบมองโทรศัพท์ดังขึ้น... เมื่อพบว่าเป็นเบอร์โทรฯที่บ้านเลยกดรับอย่างไม่คิดอะไร ..เขาไม่นึกมาก่อนว่าวิชญ์ภาสจะได้เบอร์มาเลยไม่ทันระวัง...


“ มีอะไรเหรอ..”


“ คุณกรณ์..” เสียงแผ่วที่ลอดดังเข้ามา ทำให้แรงที่จะถือโทรศัพท์แทบจะหล่นหายไป.. แต่กรณ์ก็แข็งใจถือต่อเพื่อฟังอีกฝ่าย


“ มีอะไรฉันต้องทำงาน...”


“ ผมเคยบอกคุณแล้วใช่ไหมว่าผมไม่ชอบนอนคนเดียว ..ถ้าวันนี้คุณไม่กลับมาที่บ้าน...ผมจะทำให้คุณต้องเสียใจซ้ำสอง..” จากความแผ่วบางกลับกลายเป็นเย็นราบ จนยะเยือกเข้าไปถึงใจคนฟัง...เมื่อกรณ์ไม่ทำตามที่วิชญ์ภาสขอ ..วิชญ์ภาสเลยเลือกจะขู่อีกฝ่าย...แต่ใจจริงก็ทำได้แค่ขู่หากกรณ์ไม่ทำตามเสียอย่างวิชญ์ภาสจะทำอะไรได้..


“ พูดพล่ามอะไร..”


“ ถ้าวันนี้คุณไม่กลับบ้านผมจะไปนอนกับคุณกฤษฏิ์...แล้วจะเรียกให้น้องกาณฑ์มาเห็น..”


“ ไอ้...” กรณ์ถึงกับตัวชาในสิ่งที่อีกคนพูด...


“ ผมไม่เคยคิดจะทำร้ายคุณกฤษฏิ์..แต่ในเมื่อผมบอกคุณดีๆคุณไม่เคยคิดจะฟัง ไม่เคยคิดจะสนใจ ผมก็ต้องทำ..แค่ผมขอเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน แค่ไม่กี่ชั่วโมงต่อวันแต่คุณกลับเลือกจะหนีไป..ผมไม่ยอมเด็ดขาด...”


“ ...” กรณ์สั่นแทบจะตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่ง มือบางขว้างโทรศัพท์ในมือออกให้พ้นตัวจนชนกับผนังห้องและแหลกไม่มีชิ้นดี... จากความโกรธ จากความแข็งกระด้าง ก็ปรากฏน้ำตาออกมาอย่างมากมาย ..กรณ์เกลียดความอ่อนแอ เกลียดความไม่มั่นคงของอารมณ์


เขาควรทำอย่างไร ...ในเมื่อส่วนหนึ่งของใจก็ไม่อยากจะวิ่งหนีอ้อมกอดของอีกคน

แต่ในฐานะของคนเป็นพี่ กรณ์ก็ทำร้ายคนเป็นน้องไม่ได้จริงๆ...

เขาใช้เวลาทำอารมณ์อยู่นานกว่าชั่วโมงก่อนจะกดโทรศัพท์ตั้งโต๊ะไปยังใครบางคน ....

“ อาหมอเหรอ...วันนี้ว่างหรือเปล่ากรณ์มีเรื่องจะพูดด้วย..” กรณ์เลือกต่อสายถึงใครคนนั้น ..บางทีหากกรณ์ใกล้ชิดกับหมอพิสิษฐ์อาจทำให้ปัญหาต่างๆลดลงก็ได้..กรณ์ต้องแสดงให้อีกฝ่ายเห็นว่าใจเขาไม่ได้มีวิชญ์ภาสอยู่เลย ...แต่นั่นมันก็เป็นเพียงภาพลวงตาจะหลอกได้นานสักแค่ไหน ..


“ งั้นเย็นนี้อาหมอมารับกรณ์ที่ทำงานได้ไหม..” ..กรณ์เอ่ยขอเสียงอ่อน...
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 02-06-2009 09:23:16
ขอบคุนจ้าๆๆ  เหอๆๆๆๆๆๆ วิชญ์ภาสสู้ๆๆๆๆๆๆๆๆ   :o8:  มารอตอนต่อไปจ้าๆๆๆ o13
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: nutjung19 ที่ 02-06-2009 10:15:51
แอบมั่นไส้ คุณกรณ์ จะผิดม้ายยย  o18








ปล.เรื่องอื่นของมีร์ก็ชอบค่ะ สรุป ชอบทุกเรื่อง  :-[
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 02-06-2009 10:25:36
เครียดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: B4U_BoA ที่ 02-06-2009 11:23:13
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ดดดดดดดดดดดดดดดดด
ดดดดดดดดดดด


คิดถึงเรื่องนี้มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก


รออ่านๆต่อออออ

อยากอ่านเรื่องอื่นด้วยง่ะ แงงง
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 02-06-2009 19:53:39
 :m15: ฟื้นมาทำไม  :m15:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 02-06-2009 22:29:14
 :z2:  มารอจ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 03-06-2009 00:20:49
มาแล้วคร๊าบบบ จะพยายามลงหลายๆตอนนะ



ตอน 13


ด้วยเพราะช่วงนี้กาณฑ์เพิ่งหายป่วย...กรณ์เลยมอบหมายหน้าที่ดูแลชายหนุ่มให้กับหญิงสาว..เธอได้รับอนุญาตให้เข้างานที่บริษัทตอนสายของวัน..ช่วงเช้าๆอย่างนี้เลยชวนกาณฑ์ออกมาเดินเล่นที่สนามเพื่อทำกายภาพบำบัด..ร่างกายที่ไม่ได้เคลื่อนไหวนานๆ ..ย่อมขาดเลือด และการหล่อเลี้ยงที่ดี... ยิ่งเมื่อวานกาณฑ์ทำอะไรตั้งหลายอย่างเลยทำให้ร่างกายค่อนข้างปรับตัวยาก..เวลานี้หญิงสาวเลยค่อยๆพาเขามาเดินตรงทางเดินที่มีราวเล็กค้ำพยุง..ด้านล่างโปรยหินกรวดมนไว้เป็นระยะ..เพื่อบำบัด และกระตุ้นเส้นประสาทตรงฝ่าเท้า


“ เป็นยังไงบ้างคะคุณกาณฑ์ เหนื่อยเหรอคะ..”


“ เปล่าหรอก...แค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยเท่านั้นเอง.. แค่สงสัยว่าระหว่างที่กาณฑ์หลับไปสองเดือนมันเกิดอะไรกับสายลมหรือเปล่า ทำไมกาณฑ์ถึงรู้สึกเหมือนรอบตัวมีแต่การปิดบังก็ไม่รู้..” กาณฑ์เลือกจะปริปากในบางประโยคที่ทำให้สุรีย์ถึงกับชะงัก..เจ้าหล่อนกำลังตัดสินใจ ..กำลังเลือกทางที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน เธอควรทำใช่ไหม ..เพื่อความสุขของทุกคน..


“ ดิฉันว่าเราเดินทางโน้นดีกว่าไหมคะ ..น้าชิดเพิ่งจัดสวนใหม่สวยทีเดียว..” ร่างบางผิวสีน้ำผึ้งเอ่ยชวน ..แล้วเดินเข้ามาพยุงอีกคนออกจากรางทางเดินที่สร้างขึ้น.. และในจังหวะที่กำลังพยุงกาณฑ์พ้นจากทางลาดหินกรวดมน.. สุรีย์ก็เลือกจะทำในบางสิ่งที่สมควร..เธอแสร้งสะดุดขาตัวเองจนเสียหลัก..และล้มลงที่พื้นโดยมือที่คล้องพยุงแขนอีกฝ่ายได้ดึงร่างกาณฑ์ตกลงมาด้วย...


“ โอ๊ย..” สองเสียงร้องอย่างพร้อมพลัน.. แต่คนที่เจ็บกว่าน่าจะเป็นสุรีย์มากกว่า เจ้าหล่อนรับร่างอีกคนที่ล้มมาทับเต็มๆ..ใบหน้าของทั้งสองใกล้กันแทบจะจับลมหายใจของอีกฝ่ายได้...


“ เป็นอะไรหรือเปล่าคุณกาณฑ์..” เสียงแผ่วหวานเอ่ยถามอย่างอ่อนโยน และในนาทีนั้นก็ทำให้กาณฑ์ถึงกับตัวชา สะอึกไปด้วยบางสิ่งบางอย่างในความทรงจำ... โลกของเขาเหมือนถูกดึงหลุดจากความจริง เหมือนถูกบางสิ่งที่หายไปทบทวน...

“ เป็นอะไรไปคะ”


‘ เสียงนี้...ทำไมมันคุ้น..เสียงของใคร...เสียงนี้มันคุ้นมาก... แล้วทำไมมันนึกไม่ออกนะ... ทำไม..ทำไม..’ มือของคนป่วยยกขึ้นกุมศีรษะอย่างรวดเร็ว ร่างที่คร่อมทับพลิกลงไปนอนหงายตรงสนามหญ้าอย่างสับสน..


“ คุณกาณฑ์ๆ..เป็นอะไรไปคะ เป็นอะไรไป..” หญิงสาวได้สติรีบลุกขึ้นนั่งและจับร่างที่ดิ้นไปมา ..ไร้เสียงร้องใดๆออกจากปากของกาณฑ์ จะมีก็เพียงอาการกุมขมับดิ้นไปมาอย่างทรมาน...


“ คุณกาณฑ์ๆ..” หญิงสาวคว้าร่างที่สั่นเทิ้มเข้ามากอดไว้ด้วยความห่วงใย... และไม่กี่วินาทีต่อมาร่างที่สั่นไปมาก็หยุดลง และสลบในอ้อมอกของคนที่บางกว่า ...


“ น้าชิดๆ...” หญิงสาวส่งเสียงเรียกคนสวนประจำคฤหาสน์ที่อยู่ในบริเวณนั้น เพื่อช่วยพากาณฑ์กลับขึ้นตึกใหญ่.. กฤษฏิ์ที่กำลังอ่านหนังสือชั้นล่าง โดยมีคนหน้าหล่อที่หงุดหงิดมาตั้งแต่ตื่นรีบเดินตามขึ้นไปดูอาการของคนป่วยโดยไว...

หลังจากนั้นไม่นานหมอพิสิษฐ์ที่ถูกโทรฯตามก็มาถึงยังบ้านหลังงาม..


“ อาการก็ไม่มีอะไรมาก..ช่วงนี้เพิ่งหายป่วยเลยอาจมีภาวะแทรกซ้อนเข้ามาบ้าง..ไม่มีอะไรน่าห่วงหรอก แค่ให้ทานอาหารให้ตรงเวลา ..แล้วอย่าเคลื่อนไหวมาก ..ก็น่าจะพอแล้ว...” หลังตรวจคลื่นหัวใจ ..และฉีดยาบำรุงให้กับคนป่วยหมอหนุ่มก็ลุกขึ้นจากเตียง


“ ขอบคุณครับอาหมอ...วันนี้วันเสาร์มีงานหรือเปล่า กฤษฏิ์จะชวนไปดูหนัง อยู่บ้านเบื่อๆไม่มีอะไรทำ..” หลังจากอาการของพี่ชายอยู่ในระดับที่วางใจได้ กฤษฏิ์ก็เอ่ยปากชวนคนสูงกว่าอย่างเซ็งๆ..จะชวนวิชญ์ภาสก็เกรงจะเป็นเรื่องใหญ่อีก ไหนจะพี่กาณฑ์ หรือจะเป็นพี่ใหญ่.. สุรีย์นั้นไม่ต้องพูดถึงยังไงก็ต้องอยู่ดูแลพี่ชายคนกลาง ..กฤษฏิ์เลยออกปากชวนอีกคนที่ดูจะเหมาะสมที่สุดแล้ว...

“ ได้ครับ แต่ช่วงเย็นผมต้องไปรับคุณกรณ์นะ..” หมอพิสิษฐ์พยักหน้ารับ แล้วบอกถึงกำหนดการในตอนเย็นของเขา ..ซึ่งสิ่งที่หมอหนุ่มบอกก็เหมือนจะประกาศให้คนร่วมห้องคนอื่นรู้อีกด้วย .. วิชญ์ภาสถึงกับหน้าเสียเดินกระทืบเท้าออกจากห้องไปด้วยความโกรธ..เริ่มมองเห็นอะไรบางอย่างในความสัมพันธ์..เสียงกระทืบที่แสนหนักดังขึ้นจนปลุกให้คนหลับใหลรู้สึกตัว... แต่เพราะอาการครึ่งๆกลางๆระหว่างสติกับอาการมึนงง เลยทำให้เขาเลือกจะนอนนิ่ง...


ด้านกฤษฏิ์เองก็หน้าเจื่อนลงไม่น้อย ..ตอนนี้กฤษฏิ์ไม่ได้รู้สึกอะไรกับหมอพิสิษฐ์ไปมากมายเท่าไหร่หรอก..แค่รู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย.. ที่กังวลแท้จริงคือเรื่องของพี่ชายคนโตมากกว่า ..มันจะอีรุงตุงนังมากเกินไปแล้ว...


“ อาหมอรู้ใช่ไหมว่าพี่วิชญ์โมโหอะไร” กฤษฏิ์เปรยถาม ..เพราะหมอพิสิษฐ์เองก็พอจะรู้เรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างพี่ชายทั้งสอง กับชายหนุ่มหน้าหล่อขวัญใจสาวๆคนนั้น


“ แต่ผมก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรผิด..ผมแค่ไปรับคุณกรณ์ก็เท่านั้นเอง บางทีคุณกรณ์อาจจะมีธุระก็ได้..” คนร่างหนั่นในชุดเชิ้ตสีฟ้าอ่อนเอ่ยตอบอย่างราบเรียบ .. พิสิษฐ์ไม่ได้หวังให้กรณ์รัก หรือสนใจในตัวเขา..แต่เขาเองก็อยากได้โอกาส อยากได้อยู่กับกรณ์บ้าง...


“ แต่พี่วิชญ์ไม่คิดอย่างนั้น..จะให้เขาคิดยังไงที่คนของเขาเก็บเสื้อผ้าออกจากบ้าน แล้วพอตกเย็นก็ให้คนอื่นไปรับอย่างนี้...” เด็กวัยสิบแปดเริ่มขึงขัง รู้สึกไม่พอใจการกระทำของคนตรงหน้าไม่น้อย ..แต่กฤษฏิ์หารู้เลยว่าคำที่เขาเอ่ยออกมันดันเข้าไปกระทบโสตประสาทของใครบางคนที่นอนอยู่


‘คนของพี่วิชญ์...’


“ ผมไม่รู้ว่าคุณกฤษฏิ์พูดอะไร..นี่ก็สายมากแล้ว เราจะไปกันหรือยังครับ ผมไม่อยากไปรับคุณกรณ์สาย..”



“ กฤษฏิ์เกลียดอา..คนเห็นแก่ตัว..” ร่างบางยกมือขึ้นผลักอีกฝ่ายเต็มแรงจนล้มลงไปกองกับพื้น ก่อนที่ร่างบางซึ่งแบกรับเรื่องราวต่างมากมายจะวิ่งออกไปด้วยความสับสน ... เขาเป็นแค่เด็กอายุสิบแปด เป็นแค่น้องคนเล็กที่อยากจะเห็นทุกคนมีความสุข แต่เหมือนจะไม่มีใครให้ความร่วมมือเลยสักคน ..


“ เป็นอะไรหรือเปล่าค่ะคุณหมอ..” หญิงสาวที่อยู่ในเหตุการณ์ตั้งแต่แรก ลงจากเตียงมาพยุงอีกคนให้ลุกขึ้น ..



“ ผมขอตัว..” พิสิษฐ์ก้มหน้าลาแล้วเดินออกจากบ้านสายลมด้วยความงุนงง.. และสับสน ..เขารู้สึกแปลกๆ เหมือนมันเจ็บในส่วนลึกๆยามโดนอีกคนพูดว่าเกลียด ยิ่งเห็นใบหน้าที่คล้ายกับคลอน้ำตายิ่งทำให้พิสิษฐ์รู้สึกเจ็บไปมากกว่าเดิม...

“ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ เรื่องราวร้ายๆอย่างนี้จะยุติสักที..” หญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวในเหตุการณ์หันกลับมาดูอีกคนที่นอนอยู่ พร้อมทั้งเปรยในบางสิ่งที่ทำให้กาณฑ์อยากค้นหาคำตอบ ..สายลมที่แสนร่มรื่นกำลังเกิดอะไรกันแน่ เหตุใดทุกคนถึงเหมือนไม่มีความสุข..เหตุใดทุกคนเหมือนกำลังแบกรับบางสิ่งบางอย่างที่สร้างความทรมานแก่ร่างกาย ..



เมื่อถึงเวลานัด..หมอหนุ่มก็ขับรถมารับอีกคนอย่างตรงเวลา ..


ในตอนนี้พิสิษฐ์ขอเลือกจะลืมทุกความสับสน ขอเลือกจะเห็นแก่ตัวบ้าง..การที่เขาได้อยู่ใกล้ๆอีกคน การที่ได้เห็นหน้ากรณ์ใกล้ๆ ถือว่าเป็นความสุขอย่างหนึ่ง แม้จะรู้ว่าโอกาสของเขาแทบไม่มี...


“ ขอบคุณนะครับที่มาทานอาหารเป็นเพื่อน...”

“ พูดอะไรอย่างนั้นคุณกรณ์... ผมเสียอีกที่ต้องขอบคุณ..” คนร่างสูงยิ้มกว้าง ส่งสายตาจริงใจมากยังกรณ์ที่กำลังคิดอะไรวุ่นวาย ...รอยยิ้มตรงหน้าอาจละลายใจสาวๆหรือใครหลายคน ..สายตาจริงใจที่ส่งมาอาจทำให้ใครคนอื่นใจอ่อน แต่กับกรณ์มันไม่ได้มีความหมายอะไรเลย... ภาพของใครคนนั้นเลื่อนเข้ามาซ่อนอยู่แทบจะทุกวินาที..ยิ่งกรณ์หนีมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งเจอมากขึ้นเท่านั้น ...


“ นี่ก็ดึกมากแล้ว...กรณ์ว่าเรากลับกันดีกว่าไหม..”

“ ก็ได้ครับ..” คนที่กำลังมีความสุขถึงกับหน้าถอดสี..เพราะดูออกได้ง่ายดายว่ากรณ์กำลังมีเรื่องกลุ้มใจอยู่ ไม่ว่าเขาจะชวนคุยหรือ หมอหนุ่มขับรถมาส่งกรณ์ที่สายลมด้วยความรู้สึกเศร้า..


“ จะเป็นอะไรไหม ..ถ้ากรณ์จะขอให้มารับกรณ์พรุ่งนี้อีก..” กรณ์เอ่ยขึ้นก่อนจะก้าวลงจากรถ..ยังไงเขาก็ควรประกาศให้วิชญ์ภาสได้รู้สักที ว่าเขาไม่มีทางทำร้ายน้องชายเด็ดขาด...


“ ได้ครับๆ...” คนขับรีบรับอย่างรวดเร็ว ราวกับกลัวว่ากรณ์จะเปลี่ยนใจงั้นแหละ... จากนั้นกรณ์ก็เดินลงจากรถอีกฝ่ายพร้อมถอนหายใจเฮือกใหญ่... ในที่สุดเขาก็กลับมานอนที่บ้านจนได้.. เขากลัวจริงๆ กลัวว่าวิชญ์ภาสจะทำอย่างที่พูด.. แม้จะหนี แต่เขาก็กลับไม่กล้าหนีจนสุดโลก.. บ่วงพันธะที่ผูกมัดเขาไว้มันแข็งแรงเกินกว่าจะหลีกลี้..


กรณ์เดินขึ้นมาตามบันไดที่ทอดยาว...


และมาหยุดอยู่ตรงห้องนอนของเขาและใครคนนั้น... นานหลายนาทีกว่าที่กรณ์จะกล้าเปิดประตูเดินเข้าไป... ภาพที่เห็นคือห้องนอนที่ว่างเปล่า ไร้เงาของใครคนนั้น.. ในใจของกรณ์นึกถึงคำขู่ที่วิชญ์ภาสลั่นไว้เมื่อตอนเช้าเลยทำให้นึกโกรธเดินหุนหันออกจากห้อง และมุ่งหน้าไปหาน้องชายคนเล็กทันที...



ก๊อกๆ ... มือเรียวระดมเคาะห้องของกฤษฏิ์เป็นระวิง..ในใจก็นึกโกรธเจ้าคนหน้าหล่อที่ตามรังควาญและกล้าทำในสิ่งที่พูดจริงๆ...


“ ครับๆ..ใครนี่..” เสียงที่ลอดมาจากภายในดูจะกระหืดกระหอบไม่น้อย ..ก็คนหน้าประตูเล่นเคาะราวกับไฟไหม้ขนาดนี้ จะไม่รีบก็ใจเย็นเกินไปหน่อยแล้วล่ะ....

“ มีอะไรเหรอพี่..”


“ มันอยู่ไหน...” เสียงที่กัดฟันลอดเย็นทำให้กฤษฏิ์นึกกลัวพี่ชายร่างบางของตนเสียยิ่งกว่าอะไร ..ร่างนั้นผลักกฤษฏิ์ออกแล้วเดินก้าวเข้าไปภายในห้องนอนชายที่กำลังยืนงงอยู่.. แต่กรณ์ก็กลับไม่พบตัวต้นเหตุที่ทำให้เขาร้อนใจขนาดนี้...


“ พี่วิชญ์ไม่ได้อยู่นี่สักหน่อย เห็นตอนทานข้าวเย็นบอกว่าจะรอพี่..อยู่ในสวนมั้ง..” กฤษฏิ์บอกเสียงราบพยายามไม่แสดงความรู้สึกอะไรออกมา เพราะรู้ดีว่ากรณ์ตอนนี้คงรู้สึกเก้อไม่น้อย ..อาการโกรธที่แสดงรุนแรงจนแทบสลบเมื่อรู้ว่าเข้าใจผิด..ร่างบางมองหน้าอีกฝ่ายเล็กน้อยก่อนจะกระทืบเท้าตึงตังลงไปชั้นล่างของบ้าน..


“ หึงนี่หว่า..” กฤษฏิ์เปรยเบาๆกันตัวเอง แล้วรีบวิ่งไปยังระเบียงตรงชานทางชั้นสองเพื่อลอบสังเกตคนในสวน... ตอนนี้พ่อคนหน้าหล่อที่ใครๆ มักละลายยามพบเห็นกำลังนั่งอยู่บนชิงช้าอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว ..ถ้าพูดให้ถูกน่าจะเรียกว่านั่งหลับมากกว่า ..เพราะถ้ารู้ตัวคงรีบเดินเข้าไปหากรณ์ตั้งแต่มาถึงเมื่อหลายนาทีก่อนแล้วล่ะ...


ร่างเพรียวลมของเจ้าของบ้าน ..ประมุขสายลมเดินมาหยุดอยู่ตรงชิงช้าในสวนอย่างเหนื่อยใจ ..รู้สึกตลกตัวเองไม่น้อยที่สามารถโกรธเป็นพายุ และหายไปเป็นเพียงสายลมอ่อนในชั่วเสี้ยววินาที.. คนตรงหน้าดูจะไม่ธรรมดาเสียแล้ว...

“ นี่..” กรณ์หยุดยืนแล้วเรียกอีกคนที่กำลังนั่งหลับเอนหลังกับชิงช้าตัวใหญ่...

“ อื้อ..” วิชญ์ภาสพยักหน้ารับเสียงงัวเงีย ..เพราะเสียงที่ปลุกเรียกมันไม่ใช่เบาๆ ..ที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด มันคือโทนเสียงที่แสนคุ้นเคย โทนเสียงที่ทำให้เขาร้อนรุ่มราวกับไฟผลาญ และแปรเปลี่ยนเป็นลำธารที่เย็นชื่น ในชั่ววินาทีไม่แตกต่าง


“ ตื่นแล้วก็ดี...” กรณ์บอกเสียงราบแล้วหมุนตัวหมายจะกลับเข้าไปข้างใน ..แต่เขาก็ช้ากว่าอีกฝ่าย..เมื่อวิชญ์ภาสได้รู้ว่าคนที่มาปลุกคือคนที่ทำให้เขานั่งหงุดหงิด งุ่นง่านมาตลอดวัน..สติที่พร่าไปกลับมาครบบูรณ์อีกครั้งแล้วรีบรวบร่างอีกคนที่กำลังจะเดินออกไปด้วยความห่วงหา..หากเลือกได้เขาอยากจะให้ทุกอย่างหยุดลงเพียงเท่านี้ ..ไม่ต้องมีวินาที หรือเข็มนาฬิกา ไม่ต้องมีการเคลื่อนไหว มีเพียงหัวใจที่เต้นดังแทบกัน..กรณ์คงสัมผัสได้ว่าตอนนี้ใจของเขากำลังเต้นแรงแค่ไหน

..กล้ามเนื้อตรงอกหนั่นกำลังแนบชิดกับแผ่นหลังที่นุ่มเนียน...


“ ผมนึกว่าต้องนอนคนเดียวเสียแล้ว..” คำที่กระซิบแผ่วเหมือนจะปล่อยให้ผ่าน ... แต่กลับซ่านลึกเข้าไปถึงใจคนฟัง ... แต่ก็นั่นแหละ กรณ์ไม่มีทางอ่อนลงในขณะที่กาณฑ์ยังถูกความจริงหลอกลวงอยู่อย่างนี้หรอก..


“ ฉันไม่อยากให้น้องต้องตกนรกก็เท่านั้น..” คำเย็นชาแสนแข็ง แต่กลับสั่นไหวกว่าสิ่งใดๆที่เคยเอ่ยมา กรณ์พยายามแล้ว พยายามจะฝืนใจ พยายามจะทำให้ตนได้เข้มแข็ง แต่เขาก็หลุดแสดงความอ่อนแอผ่านกระแสสั่นที่ออกมาอยู่ดี...

“ คุณรู้ไหม..ว่าถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงเสียใจมากที่ได้ยินประโยคนี้จากปากคุณ ..แต่วันนี้มันกลับทำให้ผมดีใจ ...”


“ ดีใจ..” กรณ์เริ่มตัวชา...หรืออีกฝ่ายจะปล่อยมือจากเขาไป และทำตามอย่างที่กรณ์ขอไว้จริงๆ... ทำไมเวลานี้เขากลับรู้สึกเจ็บปวดไปทั้งร่าง ..ทำไมเวลานี้เขากลับรู้สึกไม่อยากให้วิชญ์ภาสไปดูแลกาณฑ์ล่ะ.. ทำไม ..ทำไมความรู้สึกนี่ถึงเกิดขึ้นมา ..เขาไม่เข้าใจเลยจริงๆ ..ไม่เข้าใจ .. ทำไมเขาถึงเป็นคนเป็นแบบนี้..


“ คุณโกหกไม่เก่งเลยนะ..” วิชญ์ภาสปรายยิ้มเล็กน้อย แล้วปล่อยมือกรณ์ออก..ก่อนที่จะตวัดร่างที่ยืนนิ่งให้ลอยขึ้นมาอยู่ในอ้อมอก...จากนั้นก็เดินอุ้มกรณ์เข้าไปภายในบ้าน โดยที่อีกฝ่ายไม่มีปฏิกิริยาใดๆขัดขืน .. จนมาถึงหน้าห้องนอน..วิชญ์ภาสก็ปล่อยอีกคนลงยืนแล้วเอื้อมบิดประตูเข้าไป...

ร่างกรณ์เดินก้าวเข้าไปก่อน. ..โดยมีวิชญ์ภาสตามหลังเข้าไป..

“ พี่วิชญ์..” กาณฑ์เรียกชื่ออีกฝ่ายเบาๆ.. ในจังหวะที่เขาเดินออกมาจากห้องตัวเอง เพื่อลงไปหาน้ำดื่มที่ชั้นล่าง ก็กลับเห็นคนที่เขารักเดินเข้าไปในห้องของพี่ชาย ..หากเขามาเร็วกว่านี้สักหน่อยคงทันได้เห็นร่างของพี่ชายที่ถูกอีกฝ่ายโอบอุ้มแน่นอน...
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 03-06-2009 00:51:36
ตอน 14

ร่างของกรณ์ถูกอุ้มขึ้นอีกครั้งก่อนที่คนตัวสูงจะพาเขาเดินก้าวเข้าไปภายในห้องน้ำ ..


“ จะทำอะไร..”


“ คุณกลับมาเหนื่อย ๆ น่าจะอาบน้ำหน่อย..” วิชญ์ภาสบอกเสียงบาง ..ไม่พูดถึงสิ่งที่ผ่านมาในหนึ่งวันที่ผ่านเลยสักนิด..เขาเอื้อมมือปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตที่คนตรงหน้าใส่ แต่กรณ์ก็ตะปบมือนั้นไว้อย่างรวดเร็ว


“ อาบเองได้..”



“...” วิชญ์ภาสยิ้มให้ แล้วดึงมือกรณ์ออกก่อนจะปลดกระดุมกรณ์ต่อโดยไม่สนใจคำทัดทาน ..เจ้าของร่างจึงต้องยืนนิ่งด้วยความเซ็ง เพราะรู้ดีว่าห้ามยังไงวิชญ์ภาสก็ไม่ยอมฟังเขาหรอก .. กรณ์เลยต้องปล่อยให้อีกคนทำอย่างที่ใจต้องการ ... เพียงครู่ร่างของเขาก็เปลือยเปล่าไร้สิ่งใดๆปกปิด..กรณ์ก้าวเข้าไปนั่งแช่ในอ่างน้ำที่เปิดน้ำไว้ตั้งแต่แรกด้วยความงุนงง ..เพราะวิชญ์ภาสดูจะไม่โกรธหรือแสดงท่าทีใดๆ อันบอกความไม่พอใจออกมาเลย ..


“ ..” เพียงไม่กี่วินาทีถัดมา อีกร่างก็ถอดเสื้อผ้าแล้วลงแช่น้ำกับกรณ์อย่างราบเรียบ... ดวงตาเรียวรีเหลือบจ้องคนตรงข้ามอย่างไม่เข้าใจ ..สับสน งุนงง และกังวล...เขาควรทำยังไง เขาควรเดินไปทางไหน มันไร้ทางออกจริงๆ งั้นเหรอ ทำไมต้องอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกอย่างนี้ด้วย...



“ ผมรักคุณ..” วิชญ์ภาสมองกลับไปในคนที่กำลังจ้องเขาอยู่..แล้วเอ่ยหนึ่งคำที่ทำให้กรณ์ถึงกับชะงัก.. ครั้งก่อนตอนได้ยินว่าชอบเขาก็ตื่นเต้นหนัก พอครั้งนี้ใจเลยสับสนมากกว่าเก่า เพราะเสียงที่บอกมามันจริงจัง จริงใจ เช่นทุกที..จะต่างก็ตรงความเศร้าที่ปรากฏ ..หากวิชญ์ภาสคุกเข่าขอ..กรณ์จะยอมให้เขาอยู่ข้างๆไหม..


“ เลิกพูดเถอะ..ถ้ารู้ว่ามันไม่มีทางเป็นจริง” กรณ์กัดฟันพูดทำร้ายใจของอีกฝ่าย..



“ ในเมื่อผมรัก..มันก็หมายถึงผมจะรัก ไม่ว่าจะมีเหตุผลสักร้อยสักพันอย่างมันก็ไม่สามารถทำให้ผมเลิกรักได้... อีกอย่างผมมันก็เป็นคนเลว ไม่ได้ดีเหมือนคนอื่นๆ..ผมไม่ใจกว้างพอที่จะเสียสละเพื่อคนอื่นหรอกนะ..” วิชญ์ภาสบอกเสียงเย็นก่อนจะทะลึ่งกายขึ้นยืน แล้วเดินออกจากห้องน้ำไปทิ้งให้คนที่นั่งแช่ถึงกับสะอึก.. เขาทำร้ายวิชญ์ภาสมากเกินไปหรือเปล่า


เมื่อก่อนเขาโทษว่ากาณฑ์เจ็บเพราะวิชญ์ภาสร้าย...แต่เวลานี้เขากำลังเดินย้อนรอยเท้าที่วิชญ์ภาสย่ำไว้ก่อนหน้า..


เขากำลังสร้างบาดแผลครั้งใหม่ให้วิชญ์ภาสใช่ไหม...

แล้วน้ำตาก็ไหลออกมาอย่างสุดจะห้าม ..ทรมาน จนเกินกว่าที่เขาจะปกปิดได้อีก..หวังว่าสายน้ำที่สาดลงมาจากฝักบัวจะกลบเกลื่อนน้ำตาที่ไหลประสาน จะสามารถทำให้เขาลืมความเจ็บปวด...


ร่างเปล่าเปลือยที่งดงามด้วยพราวน้ำ..ลุกขึ้นจากอ่างแล้วคว้าผ้าเช็ดตัวที่พาดวางมาพันกาย..ก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำไปด้วยความหนักใจ


...ร่างสูงที่เดินออกมาก่อน..เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว..และกำลังนอนอยู่บนเตียงหลังเดิม..แต่วิชญ์ภาสก็เลือกจะหันหน้าไปอีกทางเพื่อไม่ให้มองกลับมาที่อีกคน...กรณ์จ้องมองด้วยความรู้สึกเจ็บปวด แล้วเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้าบ้าง..มันทรมานนะกับสถานะที่ไม่อาจเลือก


..มันเจ็บปวดมากมายเกินกว่าเขาจะเก็บไว้เพียงลำพัง.. ทุกก้าวย่างเจ็บปวด.. แต่กรณ์ก็ต้องก้าว...ร่างเขาล้มลงบนเตียงใกล้ๆอีกคนที่หันหลังให้...



“ ถ้าฉันจะขออ่อนแอสักวัน..ฉันจะผิดหรือเปล่า..” กรณ์พูดเสียงสั่นกับร่างที่หันหลังให้ ..เลือกจะกระโจนลงในกองบาปของหัวใจสักครั้งหนึ่ง..เมื่อเขาขยับกายเข้าใกล้อีกคนจนไร้ช่องว่าง..กรณ์ซบหน้าที่เปียกน้ำตาลงบนแผ่นหลังอีกคนอย่างเจ็บปวด..



..วิชญ์ภาสชะงักกับการกระทำของอีกคนที่กำลังกอดเอวเขาอยู่ อีกทั้งใบหน้าชื้นน้ำตาก็กำลังซบอิง..เขาขยับจะหันไปมองแต่ก็โดนหนึ่งเสียงห้ามไว้เสียก่อน..


“ อย่าหันมา...อย่าหันมามอง..” กรณ์บอกเสียงสั่น รู้สึกเกลียดตัวเองจริงๆที่เป็นเช่นนี้ ทั้งที่บอกตัวเองให้เดินหน้าแต่สุดท้ายก็ไม่อาจเดินไปจนถึงปลายทาง


“ คุณเคยคิดไหมว่าการที่ปิดบังอย่างนี้มันมีแต่จะทำให้กาณฑ์เจ็บปวดมากกว่าเดิม..ถ้าผมจะบอกเขาว่าผมรักคุณ ..คุณคิดไหมว่ามันดีกว่าเขาจะมารู้ทีหลัง..” วิชญ์ภาสบอกไปในสิ่งที่เขาคิด..เขาไม่ชอบใจเลยที่เห็นกรณ์เจ็บปวดอย่างนี้ ..แต่เขาจะมีสิทธิ์อะไรในเมื่อกรณ์เองก็ไม่ได้เอ่ยปากขอร้อง ไม่ได้เอ่ยปากขอออกมา ..


“ อย่าพูด..อย่าพูดออกมาถ้าไม่อยากให้ฉันเกลียดมากกว่าเดิม...”



“ ...” วิชญ์ภาสรับรู้ถึงความเสียใจ ..เขาเองก็ไม่อยากให้กรณ์เป็นอย่างนี้เลย หากเขาทำให้กรณ์มั่นใจได้มากกว่านี้สักหน่อยก็คงดี... ร่างสูงพลิกกายไปหาอีกฝ่ายอย่างรวดเร็วเกินกรณ์จะห้าม...


“ อย่าหนีได้ไหม..อย่าหนีเลย” คำขอร้อง คำสั่ง หรืออะไรกัน..


“ ..ฉันทำร้ายน้องไม่ได้..” หนึ่งคำที่บอกทำให้โลกของวิชญ์ภาสแทบทลายเมื่อจบคำ กรณ์ก็พลิกกายที่แสนล้าไปอีกทาง ปล่อยให้ช่องว่างระหว่างทั้งสองปรากฏ .. หากเป็นคนอื่นคงเลือกจะหยุด หรือเดินออกไป แต่สำหรับวิชญ์ภาสมันไม่ใช่ เขาเขยิบเข้าไปใกล้ แล้วดึงร่างแบบบางนั้นมาชิดตัว..กอดไว้ด้วยความรักทั้งหมดที่มี...


“ นอนเถอะ..ผมไม่อยากเห็นคุณต้องเสียใจไปมากกว่านี้แล้ว...” คำกระซิบข้างหูที่แสนอ่อนโยน ..เหมือนจะเรียกน้ำตาให้ไหลออกมามากกว่าเก่า แต่ก็นั่นแหละ... เวลานี้ยังไม่ใช่ช่วงเวลาของสองหัวใจ คงต้องใช้ระยะทางอีกสักหน่อยกว่าที่ทุกอย่างจะลงตัว กว่าที่ทุกอย่างจะดีขึ้น ...

เช้าวันนี้ไม่ได้ต่างอะไรเช่นเมื่อวาน ..กรณ์ลุกออกจากห้องไปตั้งแต่เช้าตรู่ เพราะไม่อยากตื่นมาเห็นวิชญ์ภาสที่ส่งสายตาละห้อยเฝ้ามอง ... ชีวิตของเขาขอเลือกไปข้างหน้า พอกันที..เมื่อวานเขาอ่อนแอมากจริงๆ มากจนเดินเลยเส้นที่ขวางกั้น ..


“ ไปไหนเหรอพี่..รีบออกแต่เช้าเลย..” น้องชายคนเล็กๆที่กำลังวิ่งออกกำลังกายอยู่ตรงสนามหน้าบ้าน ..รีบวิ่งเข้ามาหยุดใกล้ๆ แล้วเอ่ยถามอย่างสงสัย..( แต่จริงๆ กฤษฏิ์ก็พอรู้อยู่แล้วล่ะว่ากรณ์กำลังหนีอะไร..แค่อยากเอ่ยถามเป็นพิธีก็เท่านั้น...)

“ ไม่มีอะไรหรอกไปธุระ..” กรณ์ตอบเพียงผ่านไปที


“ พี่กรณ์..”


“ หืม...” กรณ์เงยหน้ามองน้องชายที่ตัวสูงกว่าด้วยความสงสัย ..เพราะน้ำเสียงที่กฤษฏิ์กำลังใช้ในเวลานี้ดูจะไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่กับการกระทำของพี่ชาย ...


“ พี่คิดว่าจะปิดเรื่องนี้ไปอีกนานแค่ไหน ... กฤษฏิ์เริ่มจะทนไม่ไหวแล้วนะ กับการที่ต้องตีหน้าซื่อหลอกพี่กาณฑ์ไปวันๆ ..ทำไมเราไม่มาช่วยคิดแล้วแก้ปัญหา ดีกว่าที่พี่จะหนีอย่างนี้...” กฤษฏิ์บอกเสียงอ่อน เริ่มเหนื่อยใจสิ่งที่เผชิญมันไม่ใช่ภัยร้ายจากนอกบ้าน แต่กลับกลายเป็นเพลิงโหมที่คนในครอบครัวก่อกันเอง

...
“ พี่ไม่เข้าใจว่ากฤษฏิ์จะพูดอะไร..” กรณ์แกล้งตีหน้างง แต่แท้จริงไม่อยากจะตอบคำถามของน้องชายมากกว่า กฤษฏิ์นั้นได้เชื้อฉลาดมาจากกรณ์ไม่น้อย ยามที่พี่ชายคิดหรือพูดอะไร กฤษกิ์จึงมักสังเกตและพบพิรุธหากในใจของกรณ์มีบางสิ่งบางอย่างที่หมายปิดบัง


“ พี่จะไม่ให้พี่กาณฑ์รู้จริงๆเหรอว่าพี่กับพี่วิชญ์เป็นอะไรกัน...” กฤษฏิ์ชั่งใจแต่ก็เอ่ยถามออกไปด้วยความหนักแน่น ..มันอาจดูร้าย หรือแย่ แต่ถ้าไม่ถามมันก็จะติดหนักในใจของกฤษฏิ์ไปตลอด..


.
“ พี่กับมันไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย..” กรณืชะงัก...แต่ก็แสร้งทำเหมือนไม่รู้สึกอะไร ตอบน้องชายกลับไปด้วยความราบเรียบ ..แต่นั่นก็ทำให้ใครอีกคนที่เดินตามกรณ์มาถึงกับหน้าถอดสี...ที่ผ่านมาเขาไม่มีความสำคัญอะไรกับกรณืเลยใช่ไหม เขามันก็แค่คนชั่วๆคนหนึ่งที่กรณ์ต้องการแก้แค้นแทนกาณฑ์... ใช่ไหม..


“ คนที่แตะเนื้อต้องตัวกัน ..นอนด้วยกัน แล้วมีอะไรกัน เขาไม่เรียกว่าเป็นอะไรกันเหรอ...” กฤาฏิ์สบถออกมาด้วยอารมณ์ที่เกินจะห้าม กรณ์นั้นรั้นเกินกว่าที่เขาคิดไว้มาก รั้นจนน่าจับตีก้นหากเป็นเด็กๆ...


“ กฤษฏิ์...ใครสั่งใครสอนให้พูดจาอวดดีจองหองแบบนี้ออกมา” กรณ์ถึงกับตวาดอีกคนด้วยความโมโห ..แท้จริงเขากำลังกลัวมากกว่าโกรธ... ความกลัวเป็นพื้นฐานในใจมนุษย์ เป็นอารมณ์แรกที่ฝังอยู่ในสารพันธุกรรม และเวลานี้ความกลัวของกรณ์กำลังใช้ความแข็งกระด้างแสดงออกมา..ใช้มันเป็นเกราะเพื่อปกป้องเขาออกจากความกลัว และความอ่อนแอ


“ กฤษฏิ์ไม่ได้อวดดี ..แต่พี่ก็น่าจะรับฟังบ้างสิ..ถ้าไม่พูดความจริงออกมา ปัญหาจะแก้ได้เหรอ..”

“ พี่ก็กำลังแก้ปัญหาอยู่นี่ไง...” กรณ์ตอบกลับพลางถลึงตามองน้องชายอย่างไม่พอใจ


“ ด้วยการใช้อาหมอมาเป็นเครื่องมืองั้นเหรอ...” กฤษฏิ์ตอบกลับอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เหมือนจะมีรอยสั่นแว่วผ่านมาในคำพูด...


“ กฤษฏิ์...มันเรื่องส่วนตัวของพี่..”


“ พี่รู้ไหมว่าพี่กำลังผลักน้องของพี่ให้ตกนรกทั้งเป็น ... ไม่ใช่พี่กาณฑ์ที่จะเจ็บปวดกับสิ่งที่พี่กำลังทำ แต่กฤษฏิ์เองก็กำลังจะตกนรกเพราะมือของพี่เอง...” กฤษฏิ์สะบัดหน้าที่เริ่มเปื้อนน้ำตาแล้ววิ่งกลับไปเข้าในบ้านด้วยความเจ็บ.. ครั้งก่อนเขายอมเดินออกก็เพราะรู้ว่าวิชญ์ภาสรู้สึกเช่นไร แต่พอครั้งใหม่ที่ใจเริ่มโอนเอนให้กับคนที่ผูกพันมายาวนาน กรณ์ก็กลับเดินเข้ามาเกาะแขนพิสิษฐ์เพื่อดึงเป็นเครื่องมือ...


“ กฤษฏิ์..” กรณ์ร้องเสียงหลง หันมองตามร่างน้องชายไปแต่ก็กลับเจออีกหนึ่งสายตามองมาด้วยความเจ็บปวดไม่แพ้กัน


“ ผมเคยบอกคุณแล้วว่าผมเป็นคนเลวที่เห็นแก่ตัว ..อย่าทำให้ผมหมดความอดทน เพราะถ้าถึงเวลานั้นผมจะไม่เหลือความหวังที่หล่อเลี้ยงลมหายใจของน้องกาณฑ์อีกแม้แต่วินาทีเดียว...” วิชญ์ภาสบอกเสียงเย็น แล้วเดินหันกลับไปด้วยความเสียใจ .. เขาเองก็รู้สึกไม่ต่างอะไรจากของไร้ค่าที่เจ้าของไม่ต้องการ ... เขาพยายาม เขาพยายามแทบทุกทางแต่ทำไมกรณ์ถึงไม่ยอมให้ความร่วมมือ แล้วยังมีหน้ามาบอกว่าเขาไม่ได้เป็นอะไรกับกรณ์...



ใช่สิเขามันก็แค่คนเลวคนหนึ่งก็เท่านั้นเอง...จะมีความหมายอะไร..คิดไปก็ได้แต่น้ำตาไหล.. เขาไม่เคยอ่อนแออย่างนี้มาก่อน ไม่เคยคิดเลยว่าความรักที่เขาเคยล้อเล่นมาตลอดกำลังย้อนกลับมาทำร้ายตัวเขา



กาณฑ์ที่กำลังเดินลงมาจากชั้นสองถึงกับชะงักเมื่อเห็นน้องชายคนเล็กกำลังวิ่งร้องไห้มาทางตน ..ชายหนุ่มเลยออกปากถามอย่างเป็นห่วงเป็นใย


“ กฤษฏิ์เป็นอะไร ใครทำให้ร้องไห้..”




“ กฤษฏิ์ง่วงนอน..” น้องชายร่างบางเบี่ยงประเด็นแล้วเดินเลี่ยงจากพี่ชายไปทันที..ปล่อยให้กาณฑ์ยืนงงอยู่หลายวินาทีก่อนจะเดินต่ออย่างสงสัย แต่ร่างของเขามีอันต้องชะงักเป็นครั้งที่สองเมื่อเห็นคนที่เขารักกำลังเดินมาด้วยท่าทางเศร้าซึมที่สำคัญก็มีน้ำตาไหล ไม่แตกต่างอะไรจากน้องชายคนเล็ก...


“ พี่วิชญ์..พี่วิชญ์เป็นอะไรไป..” กาณฑ์เดินเข้ามาใกล้แล้วเอ่ยถาม..


“ พี่ไม่เป็นอะไร..แค่ง่วงนอน..” วิชญ์ภาสเงยหน้าขึ้นสบตาอีกคนที่ยืนอยู่เล็กน้อย ก่อนจะเลี่ยงประเด็นต่างๆที่สามารถกระทบใจของเขาในเวลานี้..แล้วจึงเดินกลับขึ้นห้องนอนไปทิ้งให้กาณฑ์ได้แต่ยืนมองด้วยความสงสัย

“ มันเกิดอะไรกับบ้านหลังนี้กันแน่...” กาณฑ์เดินต่อไปด้วยความสับสน ..แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นพี่ชายของตนที่กำลังยืนร้องไห้อยู่หน้าสนาม ...ชายหนุ่มหมายจะเดินเข้าไปทักแต่กรณ์ก็ขึ้นรถแล้วขับออกไปเสียก่อน ...

เพียงเวลาหนึ่งนาทีแต่เขากลับเห็นคนสามคนที่เขารักกำลังร้องไห้...
เจ็บปวดอะไรกันเหรอ.. ทำไมเขาไม่มีสิทธิ์รู้เลยล่ะ...
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 13+14
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 03-06-2009 08:54:15
ขอบคุนจ้าๆๆๆๆ กรณ์ใจร้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย  แต่ก้อรักสู้ๆๆคุณกรณ์  o13   มารอตอนต่อไปปปปปปปปป :z2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 13+14
เริ่มหัวข้อโดย: kom-kamol ที่ 03-06-2009 11:04:18
เป็นกำลังใจให้ทุกตัวละคร รวมคนแต่งด้วยนะครับ  o13
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 13+14
เริ่มหัวข้อโดย: chatkub ที่ 03-06-2009 15:28:31
มาต่ออีกไวๆนะครับ

ชอบๆๆต่อได้เยอะดี
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 13+14
เริ่มหัวข้อโดย: menano ที่ 03-06-2009 15:46:24
เรื่องนี้สนุกจังเลยอ่ะ

เพิ่งได้เข้ามาอ่าน

ไม่รู้ว่าจะสงสารใครดีเนอะ

รู้สึกว่าตัวละครทุกตัวน่าสงสารหมดเลยอ่ะ

ทั้งวิชญ์ กรณ์ กฤษฏ์ กาณฑ์ คุณหมอ คุณสุรีย์

น่าสงสารทุกคนเลยเนอะ

ยังไงก็มาต่ออีกนะคะ

เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 13+14
เริ่มหัวข้อโดย: nanao ที่ 03-06-2009 19:43:43
มาต่อไวมากมาย ^^

หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 13+14
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 03-06-2009 21:11:04
 :monkeysad: ใจร้าย เจ็บปวดด้วยกันทุกคน  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 13+14
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 03-06-2009 21:22:40
กรณ์นั้นแหละ มัวแต่กลัว
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 13+14
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 03-06-2009 22:19:19
หุหุหุหุหุหุ :z2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 13+14
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 03-06-2009 22:41:58
kitty  เฮ้อ...เกิดเป็นคุณกรณ์มันลำบากจริงๆ ไม่ว่าจะเลือกทางไหนก็เจ็บเนอะ มาช่วยกันให้กำลังใจดีกว่า

kom-kamol  ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ พี่จะบอกน้องมีร์ให้นะค่ะ

chatkub  จะรีบลงให้นะค่ะ

menano  สงสัยจะเศร้ากัน สงสารกันใหญ่เลย อีกไม่กี่ตอนก็หวานแล้ว

SomLove  มาต่อให้ไวแล้วไม่ชอบหรอเค้ามาต่อให้ช้าก็ได้นะ 555555

THIP  ต้องมีเจ็บบ้าง ปวดบ้างค่ะ หวานอย่างเดียวเลียนตายนะ

pongsj  "เพราะว่าใจกลัว กลัวความเจ็บช้ำ" เลิกกลัวเมื่อไหร่ก็.....555555

หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 15
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 03-06-2009 23:12:19
มาต่อกันเลยค่ะ

ตอน 15

วันนั้นหมอพิสิษฐ์มารับกรณ์ที่ทำงานอีกครั้ง.. และเป็นเช่นนี้แทบทุกวันจนครบสองสัปดาห์.. มันเป็นช่วงที่วิชญ์ภาสทรมานไม่น้อย เพราะกรณ์หลบหน้าเขาตลอดอีกฝ่ายยอมกลับมานอนที่ห้อง ยอมให้วิชญ์ภาสกอด ยอมให้หอม แต่ถามอะไรก็ตอบสั้นๆ ทำราวกับเป็นซากศพเดินได้...



แต่พออยู่ต่อหน้าหมอพิสิษฐ์ กรณ์ก็พูดจ้อ จนวิชญ์ภาสนึกน้อยใจ...แต่ใครจะมองออกล่ะว่านี่เป็นเพียงการฝืนใจ ... กรณ์กำลังพยายามอย่างยิ่งยวดให้วิชญ์ภาสได้รู้ ว่าเขาไม่ได้มีความสำคัญต่อใจกรณ์เลยสักนิด...



กฤษฏิ์ที่มองดูจากอีกฝากได้แต่สงสารพิสิษฐ์เงียบๆ.. แต่ในเมื่อเขาเตือนแล้วพิสิษฐ์ไม่ฟัง มันก็จนปัญญา...



ใครจะนึก ใครจะรู้ หรือใครจะฝัน ว่าวันสุดท้ายของความลับกำลังจะถึงกาลจบสิ้น ..



ในระยะสองสัปดาห์ที่ผ่าน ..วิชญ์ภาสคอยอยู่ดูแลกาณฑ์เป็นเพื่อนสุรีย์ที่ต้องรับหน้าที่ทั้งสองอย่าง ทั้งงานที่บริษัท กลับมาก็มาคุยเป็นเพื่อนจนทั้งสองเริ่มถูกคอกัน.. แต่กาณฑ์ก็ยังอยากให้วิชญ์ภาสได้รับรู้และอยู่ร่วมวงด้วยทุกครั้ง วันนี้ก็เช่นทุกทีแต่พิเศษหน่อยก็ตรงที่กฤษฏิ์ไม่ได้ออกไปไหน อยู่ร่วมวงด้วย.

..
ตั้งแต่วันที่พูดกับกรณ์ครั้งนั้น กฤษฏิ์ก็ดูซึมไปอย่างเห็นได้ชัด จนใครอีกคนที่กำลังสับสนในตัวเองต้องเป็นห่วง ..ถึงขนาดมารับกฤษฏิ์ออกไปทานข้าวด้วยกันเมื่อสามวันก่อน ...


‘เป็นอะไรไปหรือเปล่าทำไมหน้าตาดูเศร้า เห็นคุณสุรีย์บอกว่าไม่สบาย...เดี๋ยวเย็นนี้ผมมีนัดกับคุณกรณ์ เลยพาคุณกฤษฏิ์มาก่อน ...’


‘ กฤษฏิ์ก็ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย ... อามีเรื่องแค่นี้ใช่ไหมกฤษฏิ์จะได้กลับเสียที.. นัดพี่กรณ์ไว้ไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวจะไปไม่ทันนะ’ กฤษฏิ์บอกขึ้นแล้วลุกเดินออกจากร้านอาหารไปอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย จนคนตัวสูงผิวเข้มถึงกับหน้าเสีย ..หมอพิสิษฐ์กำลังมีความสุขกับการได้อยู่ใกล้กับกรณ์ แต่เขาก็ตระหนักดีว่าความรู้สึกของกรณ์เพียงใช้เขากันวิชญ์ภาสออกไป ..ยิ่งใกล้กรณ์มากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งสังเกตเห็นใครอีกคนที่เคยสดใสร่าเริงดูไร้ชีวิตชีวามากขึ้นเท่านั้น ..


จนวันนี้เขาก็ถึงกับทนความอัดอั้นและเป็นห่วงเป็นใยในตัวกฤษฏิ์ไม่ไหว ต้องไปรับอีกคนมาทานข้าวด้วยกัน.. แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือความว่างเปล่า ตลอดเวลาที่นั่งรถมาด้วยกัน กฤษฏิ์ก็พูดน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย มาถึงร้านไม่ถึงสองนาทีก็เดินออกไปอย่างรวดเร็ว .. มันทำให้หมอหนุ่มร้อนรุ่มราวไฟผลาญได้มากต่อมาก.. ร้ายกาจเสียจริงความรู้สึกเช่นนี้...


“ เตาพร้อมแล้วค่ะ..” แม่สาวร่างอวบ ..คนใช้ประจำบ้านหลังสายลมเดินเข้ามาบอก พร้อมน้าชิดที่ยกเตาไฟฟ้าสำหรับทำบาร์บีคิวสนามมาวางไว้.. ด้วยเพราะเห็นคนในบ้านเศร้ากันมากเกินไป กาณฑ์ที่ยังไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร ( เพราะหาหลักฐานไม่เจอ..) เลยอยากเปลี่ยนบรรยากาศดูบ้าง..



บรรยากาศกลางสนามเริ่มต้นขึ้น..ด้วยท่าทีเฉยชาของกฤษฏิ์กับวิชญ์ภาส ... ที่รู้ว่าวันนี้กรณ์ก็คงไปทานข้าวกับพิสิษฐ์เช่นวันที่ผ่านๆ ... แต่จะให้ทำใจได้เหรอ ...



รถยนต์สีดำคันเดิมของหมอหนุ่มแล่นเข้ามาภายในคฤหาสน์หลังงามเช่นทุกวัน แต่วันนี้พิสิษฐ์ตัดสินใจแล้วว่าเขาจะหยุดบางสิ่งบางอย่าง ... คำนั้นของกฤษฏิ์ยังก้องในหัว..คำว่าเกลียด.. ทำไมเขาถึงรู้สึกเจ็บปวดทุกครั้งที่คิดถึงมัน ทำไมเขาต้องเจอมัน ...


..หากไม่อยากโดนเกลียด ก็อย่าทำในสิ่งที่กฤษฏิ์เกลียด..


“ ขอบคุณครับที่มาส่ง...” กรณ์บอกลาเช่นทุกวัน ..แล้วเดินลงจากรถหมายจะเดินเข้าบ้านไป แต่พิสิษฐ์ก็เปิดประตูตามแล้วเรียกกรณ์ไว้ก่อน ..


“ คุณกรณ์..” เสียงที่ลอดบอก เหมือนจะผ่านการทบทวนเรื่องราวหลายสิ่งมาอย่างนี้.. พิสิษฐ์ควรต้องเลือกเดินออกจากความหวังที่ไม่มีทางเป็นจริง และใช้หัวใจมองบางสิ่งบางอย่างที่เกิดขึ้น ...เขายอมรับกับตัวเองว่าเขาไม่เข้าใจตัวเองเลยสักนิดว่าทำไมถึงเกิดความรู้สึกนี้... ในตอนที่อยู่กับกรณ์เขารู้สึกมีความสุข และพอใจ แต่มันต่างกับตอนที่เขาโดนกฤษฏิ์กอดไว้.



.เวลานี้นั้นเขาได้รับรู้ถึงแรงบีบของหัวใจที่มากมายเกินกว่าพลังใดจะหักห้าม มันซ่านลึกลงจนทำให้เขาประทับใจ แต่ไม่เคยนึกสงสัย.. จนวันที่เห็นกฤษฏิ์เมินเฉย และไม่ร่าเริงเช่นก่อนเก่า วันนั้นพิสิษฐ์ถึงได้รู้ว่าสิ่งที่เป็นอยู่บางทีอาจไม่ถูกต้อง ...


คนที่นั่งทานอาหารกันตรงสนามหันมามองอย่างสงสัย..สองคนที่ห่างออกไปไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังมีหลายสายตาจับจ้องอยู่...


“ มีอะไรเหรอ ..อาหมอ..”


“ ผมว่าบางที ผมไม่ควรมารับคุณอีก...” พิสิษฐ์บอกไปเสียงตะกุกตะกัก...


“ ทำไมล่ะครับ หรือกรณ์รบกวนเวลาของอามากเกินไป ถ้าอย่างนั้นเราเจอกันเฉพาะวันหยุดก็ได้..” กรณ์เลิกคิ้วมองอย่างตั้งคำถาม ..


“ ผมว่าบางทีสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่มันไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุด... ผมรู้ว่าคุณกำลังใช้ผมทำอะไรบางอย่าง ..ผมยอมรับว่าผมมีความสุขแม้จะเป็นการหลอกตัวเอง ..แต่มันก็สุข ...แต่พอผมได้ลองมองสิ่งรอบๆกาย ก็พบว่าผมเป็นคนที่เห็นตัวที่สุด...ผมคงไม่อาจหลอกตัวเองได้อีก..” พิสิษฐ์สารภาพ ...



“ แต่กรณ์...” กรณ์ตั้งท่าจะค้าน เมื่อเกราะคุ้มกายชั้นดีกำลังจะเดินห่าง แล้วกรณ์จะทำยังไงต่อจากนี้ล่ะ.. เขาไม่รู้ตัวว่าควรเดินต่อไปอย่างไร หากไม่ใช่พิสิษฐ์มาเป็นตัวกั้นขวาง...



“ ผมยินดีเป็นที่ปรึกษาสำหรับคุณทุกเวลา ...แต่อย่าทำอย่างนี้อีกเลยนะ..” พิสิษฐ์ยกมือขึ้นจับแขนของคนร่างบางอย่างใคร่ขอร้อง .. ภาพที่ห่างออกไป ทำให้ทั้งหมดตรงส่วนสนามไม่ได้ยิน เลยมองเห็นแต่การกระทำ...



แม้การกระทำจะสำคัญกว่าคำพูด แต่เวลานี้มติของลักษณะกำลังบิดเบือนความหมายแท้จริงที่ทั้งสองกำลังกระทำไปจนสิ้น...



“ กรณ์..กรณ์ขอเวลาหน่อยได้ไหม...ขอแค่ผ่านช่วงนี้..” กรณ์ดึงดันไม่ยอมแพ้.. เขาจำต้องยอมรับในที่สุดว่าที่ทำลงไปทั้งหมดมันเป็นเพียงภาพลวงตา ..ร่างบางที่เริ่มอ่อนแอโผเข้ากอดอีกคนที่จับบ่าเขาอยู่.. กรณ์ไร้ที่พึ่งจริงๆ..ด้วยความเป็นพี่ใหญ่ ด้วยภาระมากมายที่ต้องรับผิดชอบ เขาจึงไม่สามารถแสดงความรู้สึกแท้จริงออกมาได้


แต่กรณ์คงไม่รู้เลยว่าจุดจบของทุกสิ่งกำลังจะเกิดขึ้น เมื่อวิชญ์ภาสที่นั่งทนอยู่นานถึงกับเกิดโทสะ เมื่อเห็นหมอพิสิษฐ์กำลังกอดกรณ์อยู่ ..ร่างสูงลุกขึ้นเดินตรงไปท่ามกลางทุกสายตา ...


“ พี่วิชญ์..” กฤษฏิ์ส่งเสียงเรียก แต่เหมือนจะไม่ได้ผลเมื่อวิชญ์ภาสเดินต่อไปเรื่อยๆ ...จนคนร่างบางต้องรีบวิ่งตาม


...ร่างสูงของวิชญ์ภาสเดินตรงมายังกรณ์อย่างรวดเร็ว ..วิชญ์ภาสดึงร่างสูงที่กอดคนของเขาออกแล้วกระแทกหมัดหนักลงไปจน ร่างของหมอพิสิษฐ์เซไปชนกับกระโปรงรถด้านหลัง..ส่วนร่างของกรณ์ก็ถูกเข้ามาในอ้อมกอดของเขา


“ แก..ทำบ้าอะไร..” กรณืที่ถูกเหวี่ยงมาตามแรงกระชาก..หยุดอยู่ภายในอ้อมอกของวิชญ์ภาสที่กำลังโกรธจัดเพราะเจอภาพบาดตาเข้าจริงจัง..



“ หุบปากไป...คุณยังต้องเคลียร์กับผมอีกเยอะ..” วิชญ์ภาสบอกเสียงเย็น ก่อนจะหันไปมองหมอพิสิษฐ์ที่ยืนอึ้งด้วยสายตามาดร้าย ..วิชญ์ภาสบอกแล้วว่าเขาเป็นคนเลวที่เห็นแก่ตัว ..เขาจึงไม่จำเป็นต้องสวมมาดสุภาพบุรุษอีกต่อไป ที่ทนมาก็มากเกินพอแล้ว

..นับจากนี้เขาจะไม่ทน...

“ ปล่อยนะไอ้บ้า..ปล่อย..” กรณ์ดิ้นขลุกไม่ยอมหยุดนิ่ง จนพิสิษฐ์ยืนอยู่จะเข้ามาช่วย เพราะยังไงเขาก็อยากให้ใช้เหตุผลมากกว่า ที่สำคัญเขาอยากจะบอกวิชญ์ภาสว่าเขาไม่ได้คิดอะไรกับกรณ์เช่นเมื่อก่อนแล้ว แต่สถานการณ์แบบนี้ ร้อยทั้งร้อยวิชญ์ภาสไม่มีทางยอมฟังแน่ๆ..


“ ผมขอเตือนนะคุณหมอ...อย่ายุ่งกับคนของผมอีก..” วิชญ์ภาสมองกลับไปและประกาศออกมาอย่างไม่เกรงฟ้ากลัวดิน ..มันเป็นจังหวะที่กฤษฏิ์มาถึงพอดี จะเข้าห้าม..แต่พอได้ยินอย่างนั้นเลยต้องหยุดนิ่ง.. ฝ่ายกาณฑ์ที่ต้องการรู้ความจริงเลยเลือกเดินเข้ามาสมทบ ..แต่ยังห่างอยู่พอสมควร ...


“ ใครเป็นคนของแก..ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะไอ้บ้า..ปล่อย....” กรณ์ตวาดลั่นด้วยความโกรธที่วิชญ์ภาสกล้าทำอย่างนี้ ..กรณ์ยังไม่ได้สังเกตว่าด้านหลังน้องชายตัวบางยังมีใครยืนอยู่..กาณฑ์จ้องมองภาพนั้นอย่างเจ็บปวด ดีที่ข้างกายมีสุรีย์คอยพยุง ไม่งั้นคงล้มลงไปแล้ว...

“ คุณยังไม่รู้ตัวอีกใช่ไหมว่าเราเป็นอะไรกัน..”


“..ปล่อยนะ...บอกให้ปล่อย แล้วฉันก็ไม่ได้เป็นอะไรกับแก...ด้ว...อื้อ...” กรณ์สะบัดอย่างแรงแต่กลับไม่อาจต้านทานแรงที่ส่งมา... ร่างของเขาถูกกอดแน่นขึ้นจนแทบหายใจไม่ออก.. ยิ่งเขาสั่งมากเท่าไหร่วิชญ์ภาสก็ยิ่งหมดความอดทนมากขึ้นเท่านั้น ..ประโยคสุดท้ายที่ดังลอดออกมาจึงไม่สมบูรณ์ด้วยเพราะคนตัวบางถูกริมฝีปากของอีกฝ่ายปิดไว้เสียแล้ว

...ร่างที่สั่นอยู่ถึงกับนิ่งเพราะไม่คิดว่าวิชญ์ภาสจะกล้าทำเช่นนี้ต่อหน้าคนอื่นๆ.. แต่หากกรณ์รู้ว่าตรงนั้นมีน้องชายที่เจ็บปวดยืนมองเขาคงไม่ยอมอยู่เฉย ..


น้ำตาของกาณฑ์ไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว ยืนมองอย่างฝืนใจ...



“ คงรู้แล้วใช่ไหมว่าเป็นอะไรกัน..” วิชญ์ภาสบอกขึ้นหลังจากถอนริมฝีปาก..ร่างที่เขากอดอยู่ถูกตวัดขึ้นอุ้มแล้วเดินลับเข้าไปภายในบ้านหลังงามทันที....




“ คุณกรณ์หยุดดิ้นเดี๋ยวนี้นะ..”

“ อาเป็นอะไรหรือเปล่า ...” กฤษฏิ์กัดฟันเอ่ยถามอีกคนที่ยืนมองภาพนั้น...ด้วยเป็นห่วง ...แม้จะห้ามใจไม่ให้คิดถึง ไม่ให้สนใจแต่เห็นพิสิษฐ์เป็นอย่างนี้ก็อดจะห่วงไม่ได้..


“ เปล่า..” เขาเมินหน้าหนี..แล้วเดินกลับไปขึ้นรถที่จอดอยู่ข้างๆทันที.. กฤษฏิ์ชักเห็นท่าไม่ดีก็เลยเปิดประตูด้านข้างคนขับพร้อมขึ้นไปนั่ง ..ตอนนี้หัวใจมันสั่งให้เขาต้องทำเช่นนี้...


“ ผมขออยู่คนเดียวได้ไหม..” พิสิษฐ์เอ่ยขึ้น .. เขาไม่ได้เสียใจที่เห็นกรณ์โดนวิชญ์ภาสลากไป แต่เสียใจที่ทำให้เรื่องมันวุ่นมากกว่าเดิม..ชายหนุ่มจึงอยากขอเวลาให้ตัวเขาเองบ้าง อยากอยู่เพียงลำพังคิดอะไรเงียบๆเพียงคนเดียว แต่กฤษฏิ์กลับไม่ยอม แล้วแข็งท่าจนพิสิษฐ์ต้องพาอีกคนไปด้วย ...

..กาณฑ์ที่มองอยู่ถึงกับหมดแรงเมื่อทุกอย่างจบสิ้น..


“ ทำไมทุกคนต้องโกหกกาณฑ์ด้วย..” เสียงสุดท้ายดังขึ้นพร้อมทั้งร่างที่สิ้นสติไป ...


“ น้าชิด ..นุ่น ..มาช่วยกันพาคุณกาณฑ์ไปโรงพยาบาลหน่อย..” หญิงสาวหันไปขอความช่วยเหลือจากคนที่ร่วมเหตุการณ์พลิกผันครั้งใหญ่อย่างเร่งร้อน ... คนสวนร่างบึกวิ่งเข้ามาใกล้แล้วช้อนกายที่บางกว่าขึ้นอุ้มอย่างง่ายดาย ก่อนจะพากาณฑ์ขึ้นรถไปโรงพยาบาล...

“ จะให้เรียนคุณกรณ์ไหมคะ..” นุ่นเอ่ยถาม

“ ไม่ต้องหรอก..ปล่อยให้คุณกรณ์กับคุณวิชญ์เคลียร์กันให้เสร็จก่อนเดี๋ยวฉันจะไปเฝ้าคุณกาณฑ์ที่โรงพยาบาลเอง ... พรุ่งนี้เช้าตอนคุณกรณ์ตื่นก็เรียนไปแล้วกันนะ..” คนผิวสีน้ำผึ้งส่ายหน้าให้กับคนรับใช้สาวร่างอวบ แล้วเดินกลับขึ้นห้องตัวเองเพื่อเตรียมเสื้อผ้าไปนอนเฝ้ากาณฑ์ที่ชิดพาล่วงหน้าไปก่อน ...
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 13+14
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 03-06-2009 23:13:04
ขอบคุนจ้าๆๆๆๆๆๆๆ   เหอๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  คุนกรณ์สู้เค้า   o13  สงสารกาณฑ์  :sad11:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 15
เริ่มหัวข้อโดย: nanao ที่ 04-06-2009 07:32:52
นายกาณฑ์อย่าเป็นอะไรไปอีกนะ

ขอบคุณคร้าบ มาลงไวทันใจมากมาย  o13
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 15
เริ่มหัวข้อโดย: menano ที่ 04-06-2009 08:38:15
โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

และแล้วความอดทนของวิชญ์ก็ถึงกาลสิ้นสุดแล้ว

เป็นไงเล่าไม่ยอมบอกแต่แรก

ให้เห็นเองกับตารู้สึกจะหนักกว่ามั้ยเนี่ย

เฮ้อออออออออ

สงสารกาณฑ์ได้อีกอ่ะ

จริง ๆ ก็สงสารทุกคนเลยนะเนี่ย

เอาเป็นว่ารอตอนหน้าจ้า

อยากรู้จริงว่าจะเคลียร์กันยังไงน้า
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 15
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 04-06-2009 13:53:40
เอาแล้ววววววววววววววววววววววววววววววววไงล่ะ เป็นเรื่องเลยคราวนี้
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 15
เริ่มหัวข้อโดย: doomare ที่ 04-06-2009 15:52:04
อ๊ากกกกกกกกกก

ไม่ได้เข้าบอร์ดหลายวัน

เรื่องคืบหน้าไปตั้งเยอะ

มีเรื่องมากมายเกิดขึ้นเต็มไปหมด

ในที่สุดความรักของอีกคู่ก้เริ่มผลิบาน :กอด1:

ถ้าน้องกานเข้าใจอะไรๆง่ายๆเหมือนกฤษฎิ์ก้ดีซิ

รอตอนต่อไปว่าพระเอกจะทำอะไรกับกรณ์ คงไม่ลงเอยที่เตียงน่ะ อิอิ เพราะชอบบบบบบบบบบบบ :z2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 15
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 04-06-2009 20:44:55
 :monkeysad: จากจุดเริ่มต้นหมุนไปเป็นวงกลมไปสู่จุดเริ่มต้นของปัญหาอีกครั้ง  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 15
เริ่มหัวข้อโดย: iGiG ที่ 04-06-2009 22:32:32
เพิ่งได้อ่านเรื่องนี้ ติดเลย
ขอบคุณมากๆค่ะที่เอาเรื่องดีๆแบบนี้มาให้อ่าน

สงสารทุกฝ่ายเลย โดยเฉพาะน้องกาณฑ์ อย่าเป็นไรน้า  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 15
เริ่มหัวข้อโดย: titchro ที่ 04-06-2009 23:19:31
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด :mc4:

~~!!

 :impress2:

เค้าคุ้นๆ เรื่องนี้น๊ะ ฮี่ๆๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 04-06-2009 23:57:59
ใกล้แล้วค่ะ เรื่องที่ทุกคนสงสัยว่าจะจบยังงัย จะเคลียร์ยังงัย

ไม่กี่ตอนก็เคลียร์ค่ะ แต่มันยังไม่จบง่ายๆนะยังมีเรื่องราวอีกเยอะค่ะ

ไปอ่านกันต่อเลยค่ะ.........................................


ตอน 16


ทันทีที่บานประตูห้องถูกปิด..วิชญ์ภาสก็โยนร่างที่เขาอุ้มลงกระแทกกับเตียงอย่างโมโห... เวลานี้เขาหมดความอดทนจริงๆ หมดซึ่งทุกอย่าง หากยังทนเขาต้องเจ็บมากกว่านี้..


“ โอ๊ย..” กรณ์ร้องขึ้นเมื่อหลังของเขากระแทกเตียง แต่ไม่ทันที่เขาจะได้พูดอะไรต่อ ..ร่างอีกคนก็ล้มลงมาทับอย่างแรง... คนตัวหนั่นคร่อมขึ้นมาบนร่างที่เริ่มถอยหนี.. แต่ทางของกรณ์จะมากมายแค่ไหนกันเชียว..เมื่อด้านหลังมีเพียงพนักหัวเตียงที่กั้นอยู่...


“ อย่าหนี..” วิชญ์ภาสบอกราบเรียบ..


“ ออกไป..อย่ามายุ่งกับฉัน..” กรณ์แข็งเสียงเพื่อพูดกับอีกฝ่าย ตอนนี้เขายอมรับว่ากลัววิชญ์ภาสจริงๆ..ตลอดเวลาสองเดือนกว่าๆที่เจอกันมา ครั้งนี้วิชญ์ภาสดูน่ากลัวกว่าครั้งไหน ๆ.. วิชญ์ภาสไม่เคยทำร้าย ไม่เคยตวาดเขาแรงๆ แต่วันนี้กรณ์กลับเจอมาทุกอย่าง...


“ คุณรู้ไหมว่าคุณกำลังจะทำให้ผมเป็นบ้า ...เป็นไอ้โง่ที่เอาแต่รักคุณไปวันๆ...” วิชญ์ภาสเริ่มรำพัน พร้อมทั้งซุกริมฝีปากไปยังลำคอสวยที่หดร่นเพราะไม่อยากให้อีกคนได้สมใจ


“ ..ฉันเคยบอกตั้งหลายครั้งแล้วว่าฉันเกลียดแก.....”



“...งั้นเหรอ..” วิชญ์ภาสแสยะยิ้มอย่างน่ากลัว..ก่อนจะกระชากเสื้อที่กรณ์ใส่จนขาดวิ่น..มือหนาาเอื้อมจัดการกับเสื้อผ้าของตัวเองที่เหลืออย่างไม่รอช้า จนเหยื่อที่มองมาต้องเกิดอาการสั่น..


“ จะทำอะไร..”


“ ผมจะเตือนสถานภาพระหว่างคุณกับผมให้มันแน่ชัดกว่าเดิม...” วิชญ์ภาสบอกเบาๆ..แล้วจัดการตรึงแขนของคนที่พยายามจะบ่ายเบี่ยงด้วยแขนของเขาเอง ...กรณ์เริ่มดิ้นไม่อยากตกในสภาพที่เป็นอยู่.... หากจะมีอะไรกันเขาก็อยากให้วิชญ์ภาสใจเย็นลงกว่านี้ อยากให้ทุกอย่างมันเดินกลับไปเป็นเหมือนก่อน



แต่กรณ์จะมีสิทธิ์เรียกร้องเหรอ ในเมื่อเขานั่นแหละที่เลือกเดินทางนี้เอง...



เหงื่อกาฬเริ่มชุ่มโชกทั้งสองกาย..มันมากขึ้นเมื่อร่างของวิชญ์ภาสได้เคลื่อนไหวท่วงท่าพร้อมอีกกายที่ถูกความหนั่นแน่นของอารมณ์เชื่อมต่อ... ร่างแกร่งที่เริ่มคร้ามสีเพราะแรงแดดริมทะเลลดลงใกล้ๆ จนแทบชิดกับอกของกรณ์... มือเรียววางยันไว้ตามสัญชาตญาณ


“ คุณใจร้ายมากนะ..กล้าดียังไงที่ให้คนอื่นแตะตัว..” วิชญ์ภาสบอกเสียงบาง... มันไร้ความเย็นชา โกรธกริ้ว หรือไม่พอใจเช่นเมื่อสิบนาทีก่อน...



“ มันเป็นสิทธิ์ของฉัน ..”



“ มันก็เป็นสิทธิ์ของผม ..ที่จะหวงเมียของตัวเอง...” วิชญ์ภาสจ้องตาอีกคน พร้อมทั้งเน้นในประโยคที่เขาเชื่อมั่น ...



“ใครเป็น...อื้อ...” กรณ์ตั้งท่าจะค้านสิ่งที่วิชญ์ภาสพูด..แต่อีกฝ่ายก็มาเหนือเมฆด้วยการเคลื่อนไหวร่างกายจนกรณ์ต้องสั่นซ่านด้วยความต้องการที่ไหลวนมากขึ้น...


“ ผมเป็นพวกขี้หวงเสียด้วย...ยิ่งเป็นอะไรที่ผมรัก ผมไม่ชอบให้ใครมาแตะต้อง...ถ้าสิ่งนั้นผมรัก ผมจะปกป้องดูแลอย่างดี...”


“ ..อื้อ....อ่...” นัทสั่นอีกครั้งเพราะแรงที่ส่งมาจากส่วนล่างของร่างกาย ..มันเพิ่มมากขึ้นจนเร็วแรงและเต็มเม็ดเต็มเหนี่ยวทุกการเคลื่อนไหว ...แต่อารมณ์ของกรณ์ต้องสะดุดเมื่ออยู่ๆร่างของเขาก็ถูกเปลี่ยนทิศเปลี่ยนทาง.. วิชญ์ภาสสอดแขนแกร่งเข้าไปตรงร่องบ่า แล้วดึงหัวไหล่ทั้งสองเพื่อส่งแรงให้ร่างของกรณ์ลุกขึ้นตาม ก่อนที่เขาจะพลิกเป็นฝ่ายที่นั่งอยู่ด้านล่าง ..มีร่างของกรณ์อยู่ด้านบน..



...ร่างของทั้งใกล้กันมากจนแทบจับลมหายใจ...




“ จะทำอะไร..” กรณ์แทบลืมไปเลยว่า แต่ก่อนเขาก็ใช้ท่านี้เป็นบ่วงทรมาน ..จนเมื่อวิชญ์ภาสเลือกจะรักกรณ์เพื่อยุติทุกอย่าง ร่างกายของทั้งสองก็แปรเปลี่ยน .. เพราะเวลานี้วิชญ์ภาสรักกรณ์เข้าจริงๆ.. ไม่ใช่รักเพราะใจสั่งให้รักเช่นเมื่อก่อน ยิ่งสัมผัส ยิ่งหลงใหล ยิ่งเข้าใกล้ ยิ่งผูกพัน



“ คุณรักผมได้ไหม..” คำถามที่รู้ดีว่าอาจไม่มีคำตอบเอ่ยขึ้น กับอีกคนที่มองกลับมา ..เวลานี้แขนหนั่นของคนตัวสูงเอื้อมไปกอดประสานตรงด้านหลังของกรณ์แล้ว แรงกดทำให้ร่างของเขากับกรณ์ชิดกันมาขึ้น... อุณหภูมิที่ร้อนผ่าว ร่างกายที่มีหัวใจเต้นระรัว...


“ ...” กรณ์เสมองไปทางอื่นเพราะไม่กล้าตอบคำถามนี้จริงๆ...



“ ทำไมเราถึงรักกันไม่ได้ล่ะ...”


“ เพราะฉันเกลียดแกไงล่ะ...” กรณ์ตอบไปด้วยใจที่เริ่มปวดร้าว...แม้มันจะทำให้วิชญ์ภาสต้องเจ็บ แต่คนอย่างวิชญ์ภาสไม่เคยยอมแพ้อะไรง่ายๆ ขอแค่เขาเห็นโอกาสเขาก็จะทำจนถึงที่สุด แม้ผลสรุปเขาจะไม่ใช่ผู้ชนะ แต่อย่างน้อยก็ทำดีที่สุดแล้ว..



“ แต่ผมไม่ยอมแพ้หรอก.. ผมจะทำให้คุณพูดว่ารักต่อหน้าผมให้ได้..” แววตาเชื่อมั่นจากคนตัวหนาทำให้กรณ์ต้องสะอึกอีกระลอก.. เขาเกลียดความเชื่อมั่นในตานี่จริงๆ.. ทำไมเขาถึงไม่มีมันบ้างล่ะ ..ทำไมเขาถึงไม่กล้าเท่าครึ่งหนึ่งของวิชญ์ภาส ..หากกล้าทุกอย่างคงไม่จบเช่นที่เป็น ..


“ มันเรื่องของแก..”


“ มันเรื่องของเราต่างหากล่ะ...ที่ผ่านมาเพราะผมเห็นแก่คุณกฤษฏิ์ ..เห็นแก่คุณเลยยอมให้เรื่องราวมันเป็นไปอย่างนั้น แต่นับจากนี้ผมจะไม่เห็นแก่ใครทั้งนั้น ..ผมจะเห็นแก่ตัว...” แท้จริงมันไม่ได้เป็นไปอย่างที่วิชญ์ภาสกล่าวหรอก ..การที่เขาบอกเช่นนี้ก็เท่ากับเขาจะมีสิทธิ์แตะต้อง มีสิทธิ์ได้ใกล้กรณ์โดยไม่ต้องกังวลสิ่งใดๆ .. หากเลือกได้เขาก็จะไม่ทำในสิ่งที่คนที่เขารักไม่ชอบ ...



“ หน้าด้าน..”


“ ขอบคุณครับที่ชม ..ผมจะหน้าด้านมากกว่านี้อีกถ้าคุณกล้าให้ใครมาแตะตัวอีก.. ผมเตือนคุณแล้วนะ ถ้ามีครั้งต่อไปผมปล้ำคุณตรงนั้นแน่ ..ไม่ลากมาจัดการในห้องหรอก...” วิชญ์ภาสยิ้มรับอย่างไม่เกรงกลัว กลับชื่นใจเสียอีกที่กรณ์ตอบกลับมาเช่นนี้.. มันดีกว่าที่โดนเมินเฉยเป็นไหนๆ... อย่างน้อยก็รู้ว่ากรณ์เองก็มีอารมณ์ มีความรู้สึก ที่สำคัญยังมีจิตใจไม่ต่างอะไรไปจากเขา ...



“ ไอ้ ..ไอ้...อื้อ..” กรณ์ถลึงตาคู่เรียวเข้าใส่ จะด่าให้สาใจแต่ริมฝีปากสีชมพูอ่อนก็ถูกครอบครองเสียก่อน ..พร้อมมือแกร่งทั้งสองที่เข้ากระชับช่วงสะเอวบาง แล้วค่อยๆ ขยับโยกตัวกรณ์ขึ้นลง..ปรนเปรอความปรารถนาที่สัมผัสกันของสองกาย ...



กำปั้นเล็กๆที่ระดมทุบอยู่กลางหลังจำต้องหยุดมือ เมื่อความเสียวซ่านนั้นคืบคลานแทบทุกรูขุมขน ..นิ้วเรียววางจิกลงบนผิวคร้ามแสง ..ระบายความต้องการที่กำลังเดินทางอยู่...


“ อย่างนี้สิครับ...ถึงน่ารัก..” วิชญ์ภาสผละยิ้มอย่างมีชัย..เมื่อร่างบางที่กำลังถูกมือของเขาควบคุมจังหวะขึ้นลงเริ่มอ่อนแรงจนไร้การต้านทาน ..แถมยังร่วมมือสร้างความหฤหรรษ์พร้อมเพรียงกับคนชำนาญการอีกด้วย ...



“ แก..อื้อ..” กรณ์เบิกตาคาดโทษ แต่แรงกระทั้นที่แทรกเข้ามากลับทำให้เขาต้องคืนคำด่าลงคอ ..และแปรเป็นเสียงครางออกมาทดแทน แม้จะพยายามจะสะกัดกั้น แต่ทุกครั้งที่โดนสัมผัสกลับทำให้ใจเปิดกว้าง และยอมให้อีกฝ่ายจูงพาไปในที่ที่รู้กันแค่สองคน



“ ผมรักคุณนะ..อ่า..” วิชญ์ภาสขยับกายของเขาพรวดพราด..จากร่างที่นั่งอยู่บนตักก็ถูกผลักลงนอนด้านหลัง พร้อมคนที่ใกล้จะถึงปลายสุดของอารมณ์ยันกายขึ้นกับพื้นเตียง แล้วเหวี่ยงแรงรักที่มากมายลงไปด้วยความรวดเร็ว

“ ...” สิ้นการเคลื่อนไหวสองกายก็ล้มลง..อย่างอ่อนแรง ..เหงื่อที่ชุ่มโชกเบียดเสียดจนแยกไม่ออกว่าเป็นของใครต่อของใคร แต่ก็นั่นแหละ..มันจะสำคัญอะไรในเมื่อเวลานี้ลมหายใจของทั้งสองใกล้จะเป็นหนึ่งเดียว มันรอคอยเพียงวันเวลาที่กรณ์จะเปิดใจก็เท่านั้นเอง ..

“รู้ตัวไหม..ว่าปากคุณนี่ทำผมเจ็บมาหลายครั้งแล้ว ..ถ้าผมหน้าไม่ด้านพอคงตายกันพอดี... ปากคุณเหมาะกับเสียงครางมากกว่าเสียงด่านะ...” นิ้วแกร่งยาวไล้ไปตามโครงหน้าของคนที่เหนื่อยหอบ ..กรณ์ลืมตามองอีกฝ่ายที่ใบหน้าห่างจากเขาไม่เท่าไหร่ด้วยสายตาฉุนๆ..


“ ไอ้ทุเรศ..”



“ ขอบคุณ...ไปอาบน้ำดีกว่าท่าทางคุณจะเหนื่อยแล้ว..” วิชญ์ยิ้มส่งเป็นคำตอบ ..แล้วรวบรวมแรงที่มียกกายที่นอนอยู่ด้านล่างเดินหน้าสู่ห้องน้ำของทั้งสอง ... กรณ์ยินยอมโดยดีเพราะเริ่มหมดแรงจะต่อปากต่อคำ ไม่ว่าจะพูดจะว่ายังไง อีกคนก็ไม่สะทกสะท้าน ..ด่าเอง เหนื่อยเอง ...เป็นอันว่าระหว่างอาบน้ำคนใจแข็งก็โดนมอบสถานะ ตอกย้ำความสัมพันธ์อีกหนึ่งรอบพร้อมกับคำบอกรักที่ดังขึ้น .. มันก็น่าแปลกที่กรณ์รู้สึกยินดีมากมาย ยามได้ยินคำนั้นออกจากปากของคนที่ปากบอกว่าเกลียด ..แต่ใจแอบหวั่นไหว



สองกายที่เปล่าเปลือยล้มลงบนที่นอนหลังเดิม ภายใต้ผ้าห่มผืนหนา..เบียดเสียดมอบความอบอุ่นให้แก่กันและกัน ..อย่างมิอาจแยกห่าง ..


“ อึดอัดจะบ้า...” กรณ์เปรยอย่างขัดใจเมื่อแขนแกร่ง...ดึงร่างเขาเข้ามากอดไว้..


“ คุณน่าจะทำตัวให้ชินได้แล้ว...ยังไงผมก็ไม่มีวันปล่อยคุณไป..” วิชญ์ภาสกระซิบบอก ..พร้อมทั้งกดกระชับริมฝีปากของเขาลงบนขมับอีกฝ่ายเบาๆ.. เป็นการจบสิ้นสงครามบนเตียงระหว่างทั้งสอง ...



*****************


เจ้าคนร่างบางตัวเพรียว ..ถึงกับถอนใจอย่างเหนื่อยหนัก.. อ่อนจะยกเจ้าน้ำสีสวยแฝงความร้อนแรงเข้าบ้าอย่างเบื่อๆ... ก็ดูคนตรงข้ามเขาสิเลยกรอกน้ำเมาขนานแรงเข้าปากยังกับน้ำเปล่า ... จะพูดจะเตือนยังไงก็ไม่ยอมฟัง ..ดีนะที่เขาทู่ซี้ขึ้นรถมาด้วย ไม่อยากนั้นหมอหนุ่มได้ตายคาผับนี้แน่นอน ...


“ กลับกันได้รึยัง ..กฤษฏิ์ง่วงแล้วนะ..” กฤษฏิ์กระชากเสียงถาม ..เพราะรู้สึกไม่พอใจลึกๆ.. เขากำลังเข้าใจไปว่าหมอหนุ่มกำลังดื่มเหล้าประชดรัก.. ประชดที่กรณ์โดนทำเช่นนั้น ..แต่ใครจะรู้เลยว่ามันไม่ใช่ ..เขาแค่กำลังสับสน กำลังกลัวและขาดความกล้าก็เท่านั้นเอง ..


“ อื้อ..” หมอพิสิษฐ์พยักหน้าให้อย่างมึนๆ.. แล้วหยิบแบงค์พันสองใบออกจากกระเป๋าวางไว้บนโต๊ะ ก่อนจะลุกขึ้นยืนเตรียมพร้อมกลับบ้าน ...



“ เอากุญแจมาให้กฤษฏิ์ดีกว่า ขืนอาขับได้ถูกจับก่อนแน่..” กฤษฏิ์บ่นเบาๆ.. แล้วเอื้อมมือไปหยิบกุญแจในมือของหมอหนุ่มอย่างรวดเร็ว ..ทั้งสองเดินออกจากร้านด้วยความลำบากพอตัว ..เพราะความมึนเมาของหมอตัวสูงเลยทำให้สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ..เดินชนโต๊ะ จนเก้าอี้จนหน้าขา หน้าแขนเขียวไปหมด.. กว่ากฤษฏิ์จะลากมานั่งบนรถได้ก็หลายนาทีอยู่เหมือนกัน ...



“ เมาไปก็ไม่เห็นจะมีอะไรดีขึ้นเลย..” กฤษฏิ์บ่นอย่างเหนื่อยๆ .. แล้วเหยียบคันเร่งมุ่งหน้ากลับบ้านพักของหมอพิสิษฐ์โดยไว...เขาเองก็เคยไปนั่งเล่นที่บ้านของพิสิษฐ์หลายครั้ง เลยค่อนข้างคุ้นและรู้จักเป็นอย่างดี..




ปึก.. เสียงบางอย่างดังขึ้นใกล้ๆ.. ก่อนความรู้สึกต่อมาจะบอกให้กฤษฏิ์ได้รับรู้แรงกดตรงไหล่บางของเขา .. หมอพิสิษฐ์ที่มึนๆเพราะอาการเมาวางศีรษะลงบนบ่าของเขา ..


“ ทำอะไรนี่อาหมอ..อย่าแกล้งกฤษฏิ์นะ..ใกล้จะถึงบ้านแล้ว..” กฤษฏิ์บอกไป...เพราะเริ่มรู้สึกใจเต้นแปลกๆ ขืนปล่อยไว้นานกว่านี้ รถได้พุ่งลงข้างทางก่อนถึงจุดหมายกันพอดี



“ รังเกียจผมเหรอ... อื้อ..ใช่สิ..ผมมันไม่ดี..” น้ำเสียงอู้อี้บ่นออกอย่างน้อยใจ แล้วร่างสูงก็พาตัวเองกับไปนั่งพิงกับเบาะข้างคนขับอย่างเซ็งๆ...


“ เป็นอะไรไปนี่..อกหักจนเพี้ยนใช่ไหม..” กฤษฏิ์เปรยกลับ .. และหันไปตั้งสมาธิกับการขับรถต่อ... เพียงไม่นานรถคันเดิมก็มาจอดอยู่หน้าบ้านสีขาว ..หลังพอเหมาะ... กฤษฏิ์เดินลงจากรถเพื่อไปไขกุญแจเปิดรั้วสีขาว ...แล้ววิ่งกลับมาขับรถเข้าไปจอดด้านในอย่างคุ้นเคย ...



บ้านหลังนี้หมอพิสิษฐ์อยู่เพียงลำพัง ..พ่อและแม่ของเขาเสียไปตั้งนานแล้ว..ดีที่อดีตประมุขของสายลมได้ช่วยเหลืออุปการะทางการเรียนจนจบหมอ... เขาจึงค่อนข้างเคารพและให้เกียรติคนของบ้านสายลมอย่างมาก..เวลานี้ สายลมจึงเปรียบเหมือนญาติที่เขาเหลืออยู่..


เมื่อรถเข้ามาจอดได้ที่.. กฤษฏิ์ก็เดินลงแล้วไปปิดประตูรั้วไว้อย่างเก่า ท่าทางคืนนี้เขาคงนอนที่นี่อย่างเลี่ยงไม่ได้...



ร่างบางลากหมอหนุ่มก้าวเข้าไปในบ้านอย่างทุลักทุเล ...ก่อนจะผลักร่างนั้นให้ล้มลงบนเตียงนุ่มอย่างเหนื่อยหนัก.. ก็ตัวใหญ่มากกว่ากฤษฏิ์เกือบเท่าตัว เลยทำให้คนตัวเล็กค่อนข้างเหนื่อยไม่น้อย ..



“ ทำให้กฤษฏิ์เป็นแบบนี้แล้วยังกล้าเป็นภาระอีกเน้อ..คนเรา..” กฤษฏิ์บ่นเบาๆ.. แต่ก็เดินไปหาผ้าชุบน้ำมาทำความสะอาดใบหน้าให้คนเมา... ถึงจะไม่พอใจที่พิสิษฐ์ใกล้ชิดกับกรณ์ แต่กฤษฏิ์ก็ไม่อาจเห็นคนที่เขาผูกพันต้องเจ็บ ตอนที่หมอพิสิษฐ์โดนวิชญ์ภาสชก กฤษฏิ์ก็นึกห่วงอย่างมากยิ่งเห็นอีกฝ่ายดื่มเหล้านักใจก็ห่วงโน้นนี่มากมาย ...



“ เฮ้ย..” ขณะที่ความคิดกำลังเลื่อนลอยไปถึงเรื่องต่างๆ ..กฤษฏิก็ถึงกับร้องเมื่อร่างของเขาถูกดึงเข้าไปกอดอย่างรวดเร็ว ... จากที่นอนทับพิสิษฐ์อยู่ด้านบนก็ถูกพลิกให้ล้มลงด้านล่างโดยมีอีกคนแปรเปลีย่นตำแหน่ง.. ดวงตาคู่คมคร้ามแสงไฟเปิดออกอย่างว่องไว



“ อาหมอ..เป็นไรนี่.. นี่กฤษฏิ์นะไม่ใช่พี่กรณ์..” มือเรียววางลงบนหน้าอีกฝ่ายแล้วตบเรียกสติเบาๆ.. แต่สิ่งที่ได้กลับมาก็กลับทำให้เด็หนุ่มถึงกับตัวชา ..ริมฝีปากเรียวบางสีสดที่ไม่เคยมีผู้ใดได้ครอบครองถูกสัมผัสอย่างร้อนแรง .. คนด้านบนแทรกซุนลิ้นเรียวก้าวล่วงไปในความสดใส ...



อื้อ... กฤษฏิ์เริ่มดิ้นระดมมือลงบนหลังแกร่งของอีกฝ่ายที่ดูจะไม่สะท้านใดๆ...




“ ไอ้หมอบ้า..นี่กฤษฏิ์นะ..ไม่ใช่พี่กรณ์อย่าเอากฤษฏิ์เป็นเครื่องระบาย เป็นตัวแทนคนอื่นนะ..” เมื่อผลักริมฝีปากหนาออกได้สำเร็จ กฤษฏิ์ก็ตวาดลั่นห้อง .. รู้สึกโกรธที่โดนทำเช่นนี้ แม้เขาจะรู้สึกผูกพัน จะรู้สึกเผลอใจให้กับหมอพิสิษฐ์ แต่นั้นต้องมาจากความรักของอีกฝ่ายด้วย ..กฤษฏิ์ไม่ยอมเป็นตัวแทนของใครเด็ดขาด ...


“ เพราะรู้ว่าเป็นคุณกฤษฏ์นะสิ..ผมถึงทำ..”


“ เมาใช่ไหมนี่..” กฤษฏิ์เบิกตากว้าง เมื่อได้รับคำตอบ ..แต่เขาก็ไม่อาจตกตะลึงได้นานสักเท่าไหร่ เมื่อร่างกายของทั้งสองเริ่มเคลื่อนไหว ..แม้จะพยายามขัดแต่แรงที่น้อยกว่าก็ไม่อาจสู้หมอพิสิษฐ์ได้.. ความต้องที่คร้ามฟ้าครั่นฝนแทรกกายเข้าไปอย่างที่กฤษฏิ์มิอาจปราม



“ อาหมอบ้า.. กฤษฏิ์เจ็บนะโว้ย..” กฤษฏิ์ร้องลั่นอีกครั้งเมื่อร่างกายของเขาถูกรุกล้ำจากสิ่งแปลกปลอมนอกร่างมันเป็นความรู้สึกใหม่ที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน



“ ..อย่าทำอย่างนี้อีก...อย่าทำเหมือนผมไม่มีตัวตน..” คนที่เคลื่อนไหวด้วยความคล่องแคล่วเอ่ยเตือน สายตาจริงจังมองย้อนกลับมาที่กฤษฏิ์อย่างน้อยใจ ... เขาเกลียด เกลียดการเมินเฉย เกลียดความเศร้าซึมที่กฤษฏิ์แสดง หมอพิสิษฐ์ยอมเป็นทุกอย่างให้กับกฤษฏิ์ ยกเว้นสิ่งที่ไร้ตัวตน ...



“ อย่าแรงสิ..อาหมอบ้า..กฤษฏิ์เจ็บนะ..” มือเรียววางยันตรงอกหนั่นที่ปรากฏไรขนเล็กๆชโลมเหงื่ออย่างระบายความเจ็บปวด.. มันเป็นครั้งแรกกับคนที่กฤษฏิ์เข้าใจไปว่ารักพี่ชายของเขา ..


“.. ผม.. ผม...” เสียงห้าวเริ่มติดขัด เมื่อการเคลื่อนไหวเริ่มร้อนแรง .. เหงื่อพรายท่วมทาสองร่างอย่างสุดจะห้ามปราม .. เมื่อจบการเคลื่อนไหวครั้งแรกด้วยการปลดเปลื้องพันธะของร่างกาย ..กฤษฏิ์ก็ถูกจับเปลี่ยนทิศเปลี่ยนทางเพื่อเริ่มการทำงานครั้งใหม่


ที่ทำให้สองร่างเหนื่อยอ่อนได้มากเสียยิ่งกว่ามาก...



แสงของยามสายเดินทางมาถึง..พร้อมความร้อนที่เริ่มโลมเลียผิวกายแน่นตึงอย่างจงใจ ... ดวงตาที่แสนหนักค่อยๆเปิดออกอย่างยากลำบาก..เพราะแสงที่ส่องเข้ามาดูจะจ้าเกินไปจึงต้องกะพริบปรับสภาพอยู่นานหลายครั้ง


“ อืม...มึนชะมัด...” หมอหนุ่มยกมือขึ้นกุมขมับอย่างมึนๆ.. รู้สึกชาๆ ตรงหัวไหล่และแขนข้างขวาอย่างมากจะขยับก็ทำไม่ได้เพราะเหมือนมีอะไรติดอยู่..


“ เฮ้ย..” พิสิษฐ์ชะงักตัวอย่างเร็ว เมื่อพบว่ามีอีกร่างนอนหนุนแขนเขาอยู่ เพราะแรงที่ขยับทำให้กฤษฏิ์ที่กำลังฝันค้างถึงกับตื่นขึ้นอย่างงัวเงีย

“ โอ๊ย..กฤษฏิ์เจ็บนะ..ทำอะไรนี่..” เด็กร่างบางเอ่ยขึ้นอย่างขัดใจที่ถูกปลุกขึ้น ... เขาค่อยๆขยับร่างแล้วยันตัวขึ้นนั่งอย่างงงๆ.. ดวงตาคู่ที่ปิดอยู่เปิดออก แล้วก็พบว่าหมอหนุ่มข้างกายก็ตื่นขึ้นแล้ว ..


“ เป็นอะไรไปนี่..” กฤษฏิ์บ่นเบาๆ..

“ เกิดอะไรขึ้น...ทำไมคุณกฤษฏิ์มาที่นี่ล่ะครับ..” พิสิษฐ์เอ่ยถามอย่างสงสัย ..เพราะสติในยามค่ำคืนที่พ้นผ่านดูจะเลือนรางเกินไป.. แต่ใครจะรู้ว่าคำถามที่บอกกลับทำให้อีกคนถึงกับสะท้อนใจ ...กฤษฏิ์หันหน้าหนีอย่างรวดเร็วเพราะรู้สึกเจ็บๆที่ถูกล่วงเกินโดยที่อีกฝ่ายขาดสติ


“ เปล่านี่..ไม่ได้..อือ.. ไม่ได้มีอะไรสักหน่อยก็แค่เมา ..กฤษฏิ์เลยนอนที่นี่..”กฤษฏิ์พยายามข่มเสียงของเขาอย่างอย่างเข้มแข็ง ..


“ แต่...”


“ กฤษฏิ์บอกว่าไม่มีอะไรก็ไม่มีอะไร...” กฤษฏิ์กระชากเสียงใส่.. แล้วลุกขึ้นจากที่นอนทันที.. ดีนะที่เมื่อวานก่อนจะหลับเขาลุกขึ้นไปล้างเนื้อล้างตัวแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่.. ชุดนอนตัวโคร่งของหมอหนุ่มเลยถูกไม้แขวนหน้าตาน่ารักยึดครอง ...



พิสิษฐ์ล้มลงเอนหลังกับพนักเตียงอย่างสับสน ..ก่อนจะกวาดตามองรอบๆห้องอย่างทวนความจำ.. สิ่งที่เห็นตรงปลายเตียงคือเสื้อผ้าที่เขาใส่เมื่อวาน กับเสื้อผ้าของกฤษฏิ์ถูกถอดกระจัดกระจาย ..



“ เมื่อคืน..” พิสิษฐ์สบถอย่างนึกได้..ความฝันอันแสนหวาน ที่ได้รุกรานและครอบครองร่างกายที่ทำให้เขารู้สึกเจ็บยามถูกเมินเฉยปรากฏขึ้นอีกครั้ง . หมอหนุ่มดึงกายที่นั่งอยู่ให้ลุกขึ้นยืน แล้วเดินมาหยุดตรงหน้าห้องน้ำอย่างรวดเร็ว ..เป็นจังหวะเดียวกับที่กฤษฏิ์เดินออกมาพอดี


“ หลีก..กฤษฏิ์จะกลับบ้านแล้ว..” กฤษฏิ์ก้มหน้าไม่ยอมสบตากับอีกฝ่าย เพราะกลัวหมอหนุ่มจะรู้ความจริงที่เกิดขึ้น


“ ทำไมถึงยังบอกว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น...”


“ ถ้าอาหมอจะรับผิดชอบเพราะมันเกิดจากความผิดพลั้ง ..กฤษฏิ์ว่าอย่าพูดถึงเลย..กฤษฏิ์ไม่เห็นจะแคร์อะไรเลยกับเรื่องพรรค์นี้..” กฤษฏิ์ตอบกลับไป เพราะดันเข้าใจว่าพิสิษฐ์สำนึกผิดอยากจะรับผิดชอบ .. หากได้ตัว แต่ไม่ได้หัวใจ กฤษฏิ์ย่อมไม่ยินดี...

“ ..อย่างน้อยก็น่าจะบอกผมบ้าง..”



“..กฤษฏิ์กลับนะ..เดี๋ยวจะให้คนที่บ้านมารับ..” กฤษฏิ์ไม่สนใจคำพูดของคนที่ยืนขวาง .. เดินแทรกตัวหมายจะหนีออกจากสถานการณ์บีบบังคับให้เร็วที่สุด แต่เขาก็ถูกพิสิษฐ์คว้าไว้ได้ก่อนจะกดให้ร่างบางเลื่อนชิดติดผนัง ตามด้วยริมฝีปากอิ่มหนาที่วางประทับลง จนคำพูดที่หมายจะกล่าวถูกลบกลืนออกไปจนสิ้น.. กฤษฏิ์ดิ้นพล่านน้ำตาก็พานจะไหลเพราะเจ็บปวด.. เจ็บกับอารมณ์ที่ไม่อาจระบุว่าเป็นความทุกข์หรือความสุข .. แท้จริงมันอาจคาบเกี่ยวอยู่ระหว่างนรกกับสวรรค์ก็เป็นได้.. ความสุขเคลือบยาพิษ ... แม้จะสุขแต่ก็ทรมานแสนสาหัส ..

“ อย่าเล่นอย่างนี้สิ... จะไม่ให้อารับรู้เลยหรือไง...” สรรพนามที่ใช้ถูกเปลี่ยนไป ...ราวกับพูดต่อหน้าเด็กน้อยที่ทำผิด ..

“ อานั่นแหละอย่าเล่นแบบนี้..กฤษฏิ์ไม่ใช่ตัวแทนของพี่กรณ์นะ..” กฤษฏิ์บอกเสียงสั่น..น้ำตายังคงไหลไม่หยุดหย่อน ..


“ เลิกร้องนะ..เลิกร้อง... อาไม่เคยใช้ใครแทนใคร ... เพราะเข้าใจไปว่าเป็นฝันอาถึงกล้าทำทุกอย่างที่คิดกล้าแสดงความต้องการออกมาจนหมด... รู้ไหมว่าดีใจแค่ไหนที่มันเป็นความจริง ไม่ได้เป็นแค่ฝัน..” พิสิษฐ์สารภาพความจริงออกมา .. แท้จริงความหวาบหวามที่ซ่านลึกถึงภายในคือความจริง ไม่ใช่อณูของฝันอย่างที่เข้าใจ ..

“ พูดอะไร ..”



“ ก็พูดเรื่องของเราไง...วันนี้วันเสาร์...ไปดูหนังกันไหม..” พิสิษฐ์ยิ้มให้พร้อมทั้งเปลี่ยนเรื่องใหม่ที่ทำให้กฤษฏิ์ถึงกับงง ... แทบจะตามอารมณ์ไม่ถูก...

“ คือ..”

“ อาบน้ำดีกว่า ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว..” คนร่างสูงลากกฤษฏิ์ที่ยังอึ้งๆ งงๆเดินกลับเข้าไปในห้องน้ำ ..แล้วลงมือปลดเสื้อผ้าของทั้งสองออกอย่างรวดเร็ว ..กฤษฏิ์ชักสั่นเพราะเริ่มหวาดหวั่นกับสิ่งที่เกิด เวลานี้หมอพิสิษฐ์สติครบร้อยไม่ได้มึนเมาอย่างเมื่อคืน จึงไม่รู้ว่ามันจะออกหัวหรือก้อย ..

“ มองอะไร...ทำอย่างกับไม่เคยเห็น” รอยยิ้มอ่อนโยนส่งทอให้.. แล้วจับร่างกฤษฏิ์ที่ยืนอายๆ เข้ามากอดไว้.. มือแกร่งเอื้อมบิดน้ำตากฝักบัวให้สาดลงมากระทบสองกายที่ถูกกัน .. มันก็น่าแปลกที่ทั้งสองใกล้กันจนแทบจะกลืนกลั่นรวมเป็นเนื้อเดียว ... ความผูกพันที่ให้กันตั้งแต่ยังเด็กๆทำให้กฤษฏิ์ไม่ปฏิเสธอ้อมกอดที่มอบให้...จะเป็นยังไงเขายังให้คำตอบตัวเองไม่ได้.. รู้แต่เพียงเวลานี้...เขาวางใจอ้อมอกนี้เป็นที่สุด...



เป็นงัยบ้างค่ะตอนนี้ชอบมั้ย  :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: menano ที่ 05-06-2009 00:20:15
เย่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

มาต่อตูดพอดีเลย

ตอนนี้ชอบนะรู้สึกเหมือนว่าอะไร ๆ มันจะดีขึ้นบ้างแล้ว

อย่างน้อยวิชญ์ก็ไม่ยอมแพ้สู้ให้ขาดใจตายกันไปข้างหนึ่ง

ดูสิว่ากรณ์จะทำยังไงได้อีกเนอะ

แถมคู่ของกฤษฎิ์ก็ดูเหมือนอะไรๆจะลงตัวขึ้นเนอะ

เหอเหอ ก้อเหลืออยู่คนเดียวแหละ

ได้ข่าวว่าเข้าโรงบาล

เฮ้ออออออออ ขอให้กาณฑ์ทำใจได้เร็ว ๆ ละกันเนอะ

รอตอนหน้าจ้า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: nanao ที่ 05-06-2009 06:04:12
โหยมาทั้งสองคู่เลย *0*
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 05-06-2009 08:39:22
ขอบคุนจ้าๆๆ  น่ารักกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก   :-[หวานนนนนนจิงงงงงงงงเลยยยย   สู้ๆคุนกรณ์ o13
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: speedboy ที่ 05-06-2009 09:07:47
โอ้ยอาหมอหวานอะคร้าบ   


+1  ไเลย  อิอิอิ


 :oni2: :oni2: :oni2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 05-06-2009 13:18:40
ลงเอยแล้วคู่นึง หายห่วงไปหน่อย อิอิ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: iamatomicboyz ที่ 05-06-2009 20:38:01
อยากอ่านผลงานอื่นๆ ของผู้เขียนด้วยครับ ใครพอทราบบ้าง ขอบคุณล่วงหน้าครับผม  o22
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 05-06-2009 23:52:16
หมดห่วงงไปคู่หนึ่งแล้ววววววววว  :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 06-06-2009 00:13:03
memano  เรื่องของ กรณ กาณฑ์ และ วิชญ์ภาส เดี๋ยวก็เคลียร์กันได้ค่ะ แต่...

SomLove  มาสองแล้วชอบม้ายยย ^__^

kitty  ยังมีหวานกว่านี้อีก น้ำตาลเรียกพี่เลย

Speedboy  ขอบคุณค่ะ

pongsj  คู่อื่นๆก็ไม่ต้องห่วงค่ะ

iamatomicboyz  ผลงานอื่นๆของผู้แต่ง(น้องมีร์)ยังมีอีกหลายเรื่องค่ะ แต่ขอลงเรื่องนี้ให้จบก่อน แล้วจะนำเรื่องมาลงให้ค่ะ

THIP  เดี๋ยวคู่อื่นก็ตามมาค่ะ


ตอบเมนท์แล้ว เดี๋ยวลงตอนต่อไปให้นะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 06-06-2009 00:41:52
ตอน 17

โอ๊ะ...


กรณ์ถึงกับสะดุ้งตื่นจากความฝันที่เป็นอยู่..ดวงตาคู่งามเปิดออกด้วยความแปลกใจที่อยู่ร่างกายของเขาก็เกิดความร้อนซ่านผ่านไปทั่วอณูขุมขน..


“ ไอบ้า...อ่า ..ทำอะไรนี่..” กรณ์ชะงักตัวเมื่อพบว่าร่างกายของเขาได้รับแรงกระทั้นจากบางส่วนที่ดำเนินไป...เวลานี้คนที่กำลังเสพความรักจากกายและกายโน้มร่างลงมาใกล้จนอกของเขาสัมผัสกับอกของกรณ์..ริมฝีปากเรียวถูกประกบมอบสัมผัสแผ่วบางยามเช้า



“ สวัสดีครับคุณกรณ์..” วิชญ์ภาสพูดด้วยรอยยิ้มแล้วเคลื่อนไหวต่อ... ริมฝีปากอิ่มลากไล้ไปตามแนวลำคอระหง..ฝังสัมผัสของมันเป็นตราประทับแสดงความเป็นเจ้าของอย่างแรงกล้า จนกรณ์ต้องสะดุ้ง..มือแกร่งเริ่มปรนเปรอความสุขให้อย่างว่องไวจนยากจะแก้ไข



จุดสุดท้ายก็สิ้นลงด้วยความซ่านซ่าที่แผดพุ่งออกจากร่าง...


“ ออกไปเลยไอ้ทุเรศ หนักจะบ้า เล่นหื่นแต่เช้าแล้วไอ้บ้าเอ๊ย..” หลังจบสิ้นบทเรียนช่วงเช้า กรณ์ก็รวมแรงยันกายที่ทับเข้าให้พลิกลงนอนข้างๆ แล้วสวดด่าอย่างรวดเร็ว .

.ร่างบางชันกายขึ้นนั่งหมายจะหนีออกจากจุดสุ่มเสี่ยง แต่อีกคนก็ไม่ยินยอมให้มันเป็นไปอย่างที่กรณ์ต้องการ ...ร่างสูงขยับนั่งตามแล้วคว้าร่างของกรณ์มากอดไว้อย่างเร็ว ..ความร้อน หยดเหงื่อ และลมหายใจ...สอดประสานราวเป็นหนึ่งเดียวกัน ..มันยากจะห้า มันยากจะปราม แต่มันคือความสุขที่วิชญ์ภาสได้รับจากกายอีกกาย ที่นับวันจะยิ่งต้านทานเขาน้อยลง น้อยลงเรื่อยๆ...



“ ปล่อยได้ยัง..ร้อนจะตายแล้ว..” กรณ์สะบัดเสียงเล็กน้อย


“ คุณกรณ์...”


“ อะไร..” กรณ์หันกลับไปมองหน้าของวิชญ์ภาสที่ห่างจากเขาไม่เท่าไหร่ แต่กลับได้รับจูบหนักหน่วงส่งตอบกลับมา ..คนตัวบางต้องรีบสะบัดกายออกห่างอย่างเร็ว แต่จะทำได้เหรอในเมื่อวิชญ์ภาสนั้นมือกาวยิ่งกว่าอะไร ..ห่างได้ก็แค่หน้า... แต่ตัวยังชิด ยังติดกัน ..


“วันนี้ว่างไหม..” กรณ์เลิกคิ้วขึ้นมองอย่างสงสัย...


“ ทำไม...”



“ อีกสามอาทิตย์มหาวิทยาลัยของผมจะเปิดแล้ว วันนี้เป็นวันลงทะเบียนแล้วยื่นเอกสาร ..ผมต้องไปส่งข้อมูลด้วยตัวเอง ..” วิชญ์ภาสบอกถึงสิ่งที่เขาต้องทำในวันนี้

“ ก็เรื่องของแกสิ..”


“ เอ้า.. ทำไมพูดอย่างนี้อ่ะ..ผมเรียนไม่จบ ไม่มีเงินเลี้ยงคุณ...ก็ถูกดูถูกแย่สิ...” ใบหน้าคมใสกดลงบนซอกคอขาวแล้วส่ายไปมาราวกับหมั่นเขี้ยว เจ้าคนปากแข็ง ..ทั้งที่ร่างกายนั้นตอบสนองความต้องการของกันและกันได้ดีเลิศ แต่ปากของกรณ์ก็ยังคมกริบไม่มีทีท่าจะลดลงเลยสักนิด...


“ แล้วใครจะให้แกเลี้ยง...ปล่อยมือเลยไป ..อยากไปไหนก็ไป..”



“ ก็คุณเป็นอะไรกับผมล่ะ...ผมมีสิทธิ์จะดูแลปกป้องไม่ใช่เหรอ...ผมรู้ว่ามันอาจดูเป็นการเสียศักดิ์ศรีที่คุณจะยอมให้ผม ยอมให้คนที่เคยทำให้กาณฑ์ต้องเจ็บปวด...แต่ผมอยากดูแลคุณจริงๆนะคุณกรณ์...อยากให้คุณมีความสุขและรู้สึกอบอุ่นเหมือนน้องๆคนอื่นๆของคุณบ้าง..” อ้อมแขนเรียวแกร่งกระชับกอดให้มั่นขึ้นด้วยแรงรักที่มี อยากส่งผ่านทุกความคิดและความฝันลงไปอย่างมากมาย



เขารู้ดีว่ากรณ์เองก็ใช่จะเข้มแข็งได้ตลอดเวลา


เขารู้ดีว่าบางทีกรณ์ก็อยากจะอ่อนแอ อยากจะร้องไห้... หากมีเขาอยู่ใกล้ๆ เขาจะได้กอดประคอง จะมีบ่ามีไหล่ให้กรณ์ได้ซับน้ำตา จากมีอ้อมอกหนั่นหนาได้ชิดใกล้และอิงแอบ


“ ปล่อยเถอะ” เหมือนโลกของกรณ์หยุดลงในชั่วเสี้ยววินาที..เมื่อความคิดส่วนหนึ่งที่เคยเป็นปมในใจถูกวิชญ์ภาสกระแทกเข้าใส่ ..ความอ่อนแอที่อยากจะแสดงแต่กลับไร้ที่จะระบาย ..



“คุณกรณ์..” คนตัวสูงเอ่ยขึ้นเบาๆ.. แล้วขยับตัวกรณ์ให้หันมาเผชิญหน้าเขาตรงๆ.. กรณ์หลบสายตาอย่างรวดเร็วแต่ก็ถูกประคองใบหน้าให้ย้อนกลับขึ้นมาดู...



“ ผมเป็นของคุณ...ผมไม่ยอมเป็นของใครอีกเด็ดขาด ... ในทางกลับกันผมก็ไม่ยอมให้คุณเป็นของใคร ต่อให้คุณจะไล่ผมเหมือนหมูเหมือนหมา ผมก็จะไม่มีวันไปจากคุณเด็ดขาด...แม้วันนี้คุณยังไม่รักผม แต่ผมก็ไม่มีวันยอมแพ้หรอกนะ ผมจะไม่ปล่อยให้คุณต้องรู้สึกอ้างว้างอีก...” ในโลกของความเป็นจริงกรณ์ใช่จะอ้างว้าง ใช่จะโดดเดี่ยว แต่ด้วยภาระอันหนักอึ้งทำให้เรื่องราวต่างๆที่คิดถูกเก็บไว้ในใจเพียงลำพัง

..กรณ์ไม่เคยระบาย ไม่เคยแสดง หน้ากากแห่งความเข้มแข็งแท้จริงเนื้อในของมันมีเพียงคราบน้ำตา..



“ ผมรักคุณ...” คำบอกรักย้ำๆ ซ้ำๆ แต่ครั้งนี้กลับทำให้กรณ์ชะงักได้มากที่สุด... น้ำตาที่ไม่คิดจะไหลก็เอ่ยล้นปรากฏเป็นสายตอนไหนก็ไม่มีใครรู้


“ อย่าร้องไห้สิ...เป็นอย่างนี้ไม่ดีเลยรู้ไหม..” วิชญ์ภาสเผยยิ้มให้กับคนที่เขารัก..พลางเลื่อนริมฝีปากประทับลงบนหยาดน้ำตา หวังว่ามันจะสามารถพาใจให้ลอยไปจากสิ่งที่กลัว.. หวังว่าสองความรู้สึกจะเปิดออกให้กันและกันมากขึ้น ...


“ ฮือๆ...ไอ้หน้าด้านๆ ..ไล่แล้วยังไม่ไป...” กำปั้นเรียวของคนหน้าสวยทุบลงบนอกหนาอย่างแรง ระบายความรู้สึกที่คั่งค้าง.. น้ำตาก็ไหลออกมามากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า ..แต่เวลานี้ภายในใจกลับรู้สึกโล่งสบายมากขึ้นกว่าเดิม




“ ผมยอมรับว่าผมหน้าด้าน ..แต่คุณช่วยเชื่อใจผมหน่อยได้ไหมครับ ว่าผมจะพยายามทำให้น้องกาณฑ์หายเจ็บ ผมจะทำให้เขากลับมาเป็นเหมือนเดิม...ผมรู้ดีว่าตราบใจที่น้องกาณฑ์ยังเสียใจ คุณเองก็ไม่มีวันจะสบายใจ...” นั่นคือคำขอร้อง อ้อนวอน หรือสั่งการกันแน่...



คนตัวบางเงยหน้าขึ้นเพื่อมองดวงตากลมใส..ราวกับจะค้นหาคำตอบ ราวกับจะหามันให้เจอ...


การเชื่อใจ...

การวางใจ


กรณ์นั่งนิ่งไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ ...หรือตอนนี้มันถึงเวลาที่เขาต้องลงเดิมพันแล้ว ...มันถึงเวลาที่เขาควรเดินออกจากเกราะคุ้มกายที่สร้างแต่ความเจ็บปวดให้ตัวเอง และคนอื่น ...



“ วันนี้ไปกรุงเทพฯกับผมนะ ไปนอนที่นั่นสักสองคืนแล้วค่อยกลับมาที่นี่...” วิชญ์ภาสสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ก่อนจะบอกในสิ่งที่เขาอยากทำ... บอกในสิ่งที่เขาต้องการ


“ ไปทำไม..”


“… ไปกับผมไง...นะ” วิชญ์ภาสยังไม่ได้ให้คำตอบ ..เพียงดึงร่างที่มองเขาทั้งน้ำตาเข้ามากอดไว้..หวังว่าความรักและความเอาใจใส่ที่เขาแสดงออกจะส่งผ่านถึงใจกรณ์บ้าง อย่างน้อยที่สุดตอนนี้กรณ์ก็ไม่ได้ขัดขืนอ้อมกอดของเขาแล้ว ..อย่างน้อยก็ไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วงแล้วล่ะ...

“…น้องกาณฑ์ละนุ่น...” ชายหนุ่มตัวสูงเดินลงมาด้านล่างแล้วเอ่ยถาม แม่สาวใช้ที่กำลังขึ้นโต๊ะของเช้านี้...


“ คุณกาณฑ์ไม่สบายค่ะ ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว คุณสุรีย์เธอสั่งให้นุ่นเรียนคุณกรณ์ตอนเช้านี้...” หญิงสาวเอ่ยพร้อมทั้งเรียงกับข้าวกับปลาไว้บนโต๊ะต่อ ..ส่วนวิชญ์ภาสก็เดินปลีกไปหยิบโทรศัพท์กดถามอาหารจากสุรีย์โดยทันที ...




“ อาการน้องกาณฑ์เป็นยังไงบ้างครับ..” เสียงที่ลอดปลายสายมาจากบ้านสายลม พอจะทำให้สุรีย์รับรู้ได้ถึงความห่วงใยที่ส่งผ่านมา ..สายตาเรียวคมก็เหลือบไปมองเด็กหนุ่มที่ยังคงหลับใหลบนเตียงของโรงพยาบาล



“ อาการไม่น่าห่วงอะไรหรอกคะ..เพื่อนหมอพิสิษฐ์เป็นเจ้าของไข้เลยไม่น่ากังวลอะไร ว่าแต่คุณกรณ์ละคะเป็นยังไงบ้างรู้แล้วหรือยัง..” หญิงสาวปรายยิ้มเล็กน้อย เพราะดูจากอาการของกาณฑ์มันไม่ใช่ภาวะอ่อนแอทางร่างกาย แต่เป็นภาวะกดดันทางจิตใจมากกว่า เมื่อรู้ว่าวิชญ์ภาสห่วงก็เลยอดจะวางใจไม่ได้.. แต่ก็นั่นแหละยังมีปัญหาใหญ่อีกมากให้จัดการ ..



“ เดี๋ยวผมจะบอกคุณกรณ์ให้...สายๆจะเข้าไปเยี่ยมนะ..”




“ ค่ะ..” นิ้วเรียวเอื้อมกดตัดสาย ..แล้วเดินไปหยุดอยู่ข้างๆเตียงอย่างอ่อนอกอ่อนใจ ...เรื่องราวมันชักวุ่นวายไปกันใหญ่ ใครกันนะที่จะแก้ไขเรื่องวุ่นๆครั้งนี้ได้..



“ คุณกาณฑ์น่าจะตื่นได้แล้วนะคะ..ตื่นขึ้นมาเพื่อรับกับความจริงที่เกิดขึ้น พวกเราผิดเองที่เอาแต่ปกปิดและโกหก แต่ทั้งหมดนั้นก็เพื่อให้คุณสบายใจ ...เราไม่อยากให้คุณต้องอยู่บนความทุกข์ ..โดยเฉพาะคุณกรณ์ที่ต้องทำร้ายตัวเองเรื่อยๆ ทำร้ายคนที่เขารัก ... หากทุกอย่างผ่านไปมันคงจะดี..” เสียงนุ่มบางที่ย้ำกระแส ..เหมือนจะฝังลึกเข้าไปในใจคนฟังอีกครั้ง เสียงที่กาณฑ์แทบจะลืมไป เสียงที่ทำให้เขามีลมหายใจมาจนถึงทุกวันนี้...


ร่างของคนป่วยค่อยๆเคลื่อนขยับอย่างครั่นเนื้อครั่นตัว



เพราะหลับมานานเกินควร ร่างกายเลยเริ่มเมื่อยขบไปตามส่วนต่างๆ...



“ ตื่นแล้วเหรอคะคุณกาณฑ์..” หญิงสาวพยายามวางเสียงให้เป็นปกติ แล้วเอ่ยถามคนเป็นน้องชายของเจ้านายอย่างห่วงใย


“ อืม..ใครโทรฯมาเหรอ..” กาณฑ์เองก็พยายามวางเสียงเป็นปกติเหมือนกัน ...เขาพอจะเดาออกว่าใครคือปลายสายที่โทรฯมาเมื่อครู่ แต่อยากให้สุรีย์เข้าใจไปว่าเขาไม่เป็นไร ...



“ คุณวิชญ์ค่ะ..เดี๋ยวบอกว่าจะมาเยี่ยม..”


“ อืม..” กาณฑ์พยักหน้าเบาๆ แล้วค่อยๆยันกายขึ้นนั่ง หญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างเลยยื่นมือเข้าช่วยทำให้เขาสามารถลุกขึ้นนั่งได้สำเร็จ ..



“ ถึงเวลาหรือยังที่กาณฑ์จะได้รู้ความจริง...” ชายหนุ่มปรายตามองคนที่ยืนอยู่...อย่างตั้งคำถามพลางเอ่ยในสิ่งที่เขาสงสัยออกมา หากไม่คิดจะเริ่ม..เขาเองก็ไม่มีวันได้รู้ความจริงเลย เขาไม่อยากใช้ตัวเองเป็นศูนย์รวมของจักรวาลแล้วทำให้คนอื่นๆต้องเดือดร้อน หน้าชื่นอกตรมเช่นที่เห็น ...



“ คุณกาณฑ์อยากรู้...เอ่อ..อะไรล่ะคะ..” หญิงสาวเอ่ยขึ้นหยั่งเชิง ไม่กล้าจะพูดออกไปในทีแรก



“ ทั้งหมด...”




“ ดิฉันเองก็ไม่รู้จะพูดได้มากหรือเปล่า ...แต่ที่รู้คือทุกคนรักคุณกาณฑ์มาก เลยไม่อยากให้คุณกาณฑ์ต้องเจ็บปวดเพราะความจริงที่เป็นอยู่อาจทำให้คุณกาณฑ์รับไม่ได้และต้องป่วยซ้ำ คุณกรณ์เธอเลยเลือกจะทำอย่างนี้ ทำทั้งที่ตัวเธอเองก็ไม่มีความสุข...” มันเป็นความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย ..ท่ามกลางความรัก แต่มีรอยช้ำซ้ำลึกถึงความเจ็บปวด ..


.
“ แล้วคิดเหรอว่าการโกหกมันทำให้กาณฑ์ดีขึ้น..” ชายหนุ่มถลึงตามองอย่างเอาเรื่อง ...เขาแค่อยากรู้ อยากรู้ว่าทุกอย่างในรอบสองเดือนกว่าๆที่ผ่านมามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ...เขามีสิทธิ์ไม่ใช่เหรอ สิทธิ์ที่จะรับรู้ความเป็นไป




“ คุณวิชญ์รักคุณกรณ์...” นั่นคือความจริง....นั่นคือทั้งหมดของเรื่องราว เพราะแกนกลางที่ทำให้เกิดเรื่องต่างๆในเวลานี้เพราะวิชญ์ภาสนั่นรักกรณ์เข้าแล้วจริงๆ...


“ คนอย่างพี่วิชญ์นี่นะจะรักคนอื่นเป็น..” กาณฑ์แสยะยิ้มอย่างไม่เชื่อสายตา ...ที่ผ่านมาหลายวันเขายอมรับว่าวิชญ์ภาสเปลี่ยนไป พยายามดูแลเขา แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเชื่อว่าวิชญ์ภาสจะกลับใจ เขาเองก็รู้ดีว่าวิชญ์ภาสเป็นยังไง ..



“ คุณกาณฑ์อาจไม่เชื่อ... ดิฉันเองก็พอรู้ว่าเมื่อก่อนคุณวิชญ์เป็นยังไงบ้าง แต่ตอนนี้เธอเปลี่ยนไปแล้วจริง หากไม่เชื่อดิฉันคุณกาณฑ์ก็ลองใช่ใจตัวเองรับรู้ดู... คุณกรณ์เธอคงหลุดจากบ่วงทุกข์บ่วงโศกเสียที หากคุณกาณฑ์ไม่ถูกความรักในครั้งก่อนทำร้ายอีกครั้ง...” หวังสูงสุดของหญิงสาว คือให้สายลมกลับมาสู่รอยยิ้มและความสุข แต่นั่นมันจะยากเกินไปหรือเปล่าล่ะ..




“ พี่วิชญ์รักพี่กรณ์ได้..แล้วทำไมถึงรักกาณฑ์ไม่ได้ล่ะ..” เด็กหนุ่มกระชากเสียงใส่ น้ำตาเริ่มไหลอย่างเหลืออด มันเป็นความรู้สึกที่แสดงออกมายากแสนยาก เพราะเวลานี้กาณฑ์หาได้เศร้าเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีความสับสน ความเจ็บปวด ความทรมาน รวมถึงรอยยิ้มผสมปนเป เป็นความรู้สึกที่ตายก็ไม่ได้ จะอยู่ก็ยิ่งไม่ได้ใหญ่..


“ อย่าเจ็บปวดอีกเลยนะคะคุณกาณฑ์...”



“ แล้วกาณฑ์ล่ะ...แล้วกาณฑ์จะทำยังไง...กาณฑ์มันไม่มีใครต้องการเลยใช่ไหม..” สายน้ำเกลือที่ระโยงรยางค์อยู่ข้างเตียงเริ่มแกว่งไปมาอย่างรุนแรง ... เด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนอ้างว้าง รอบตัวมีแต่สิ่งโกหก... แต่พอได้รู้ความจริงก็กลับรู้สึกเคว้งคว้างเข้าไปใหญ่..



“ ไม่ต้องกลัวนะคะ..” หญิงสาวยืนอึ้งอยู่เพียงครู่ก็ตัดสินใจคว้างร่างที่สั่นคลอนและร้องไห้เข้ามากอดปลอบประโลม. .. ใครบอกล่ะว่าเขาไม่มีใครต้องการ ใครพูดล่ะว่าเขาไม่สำคัญ ..อย่างน้อยเธอคนหนึ่งแหละที่จะยืนข้างๆเขา ...

“ อย่าทิ้งกาณฑ์นะ..ๆ”


“ ไม่หรอกค่ะ...ขอแค่คุณกาณฑ์กล้าจะรับความจริง กล้าจะเสียสละเพื่อคนที่เรารักได้มีความสุขแค่นี้ก็พอแล้ว ..ดิฉันไม่ทิ้งไปหรอก..” เธอยิ้มให้เบาๆ..พลางกอดกระชับไว้แนบอกอย่างแน่นแสนแน่น..มือเรียวข้างขวาก็โน้มปลอบประโลมลูบศีรษะคนป่วยอย่างเห็นใจ

ขอให้พรุ่งนี้มีแต่ความรัก..ขอให้มีเพียงความสุขปรากฏ..
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 17
เริ่มหัวข้อโดย: speedboy ที่ 06-06-2009 01:19:31
เริ่มไปในทิศทางที่ดี  อ่านแล้วมีความสุขจังคร้าบ


ขอบคุณนะคร้าบ


 :oni2: :oni2: :oni2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 17
เริ่มหัวข้อโดย: menano ที่ 06-06-2009 01:41:47
เข็มเริ่มเบนทิศทางไปในทางที่ดีแล้ว

ชิมิ

คงไม่มีไรมาหันให้เข็มเบนกลับไปทางที่แย่เหมือนเดิมอีกนะ

ขอเฝ้าภาวนา  :call:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 17
เริ่มหัวข้อโดย: nanao ที่ 06-06-2009 07:06:24
เริ่มเข้าใจกันมากขึ้นแล้ว เย่ ๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 17
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 06-06-2009 08:22:23
กานฑ์สู้ๆ เอาชนะใจตัวเองให้ได้  :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 18+19+20
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 06-06-2009 08:44:20
เช้านี้อารมณ์ดี เลยเอามาลงให้อีกดีกว่า


ตอน 18


วิชญ์ภาสเดินกลับขึ้นมาบนห้องด้วยความหนักใจ ..เรื่องใหม่เกิดขึ้นอีกแล้วใช่ไหมนี่.. แต่เขาไม่ยอมแพ้หรอก ยังไงก็ควรไปพบกาณฑ์ให้เร็วที่สุด สิ่งที่ปิดบังมานานควรเผชิญหน้ากับความจริงเสียที.. เขาควรเดินหน้าไม่ใช่มากังวลอย่างนี้ไม่ใช่เหรอ


หากเขายังไม่มั่นใจในสิ่งที่เริ่ม ..แล้วจะควรค่ากับการรักกรณ์นั่นเหรอ...



ลมหายใจที่สูดเต็มหน่วง..ผ่อนออกอย่างให้กำลังใจตัวเอง ..ชายหนุ่มก้าวเดินเข้าไปภายในห้องห้องเก่า ..ห้องของเขาและกรณ์... ตอนนี้คนตัวบางกำลังแต่งตัวอยู่โต๊ะกระจกภายในห้องเช่นปกติ..เสื้อยืดคอปกสีน้ำตาลอ่อนกับกางเกงขายาวเนื้อนุ่ม..ดูจะเข้ากับกรณ์ไม่น้อย ..



..โอ๊ะ..


กรณ์ชะงักเล็กน้อย ..เมื่อร่างของเขาถูกอีกร่างเดินเข้ามากระทบ..หลังนุ่มเนียนกำลังเบียดชิดกับอกแกร่งผ่านเสื้อผ้าของทั้งสอง..มือของคนตัวสูงเริ่มเลื้อยมาประสานกันที่หน้าท้องของอีกฝ่าย ..กรณ์ไม่ว่าอะไรจัดการทาครีมบำรุงให้ตัวเองเช่นที่ทำทุกวัน...


“ น้องกาณฑ์ไม่สบาย..” วิชญ์ภาสเอ่ยขึ้นเบาบาง..พลางเหลือบมองหน้ากรณ์ในกระจก..


“ อะไรนะ..” กรณ์ถึงกับตกใจ และห่วงใยในทีเดียวกัน

..
“ น้องกาณฑ์รู้ทุกอย่างแล้ว ..ก็เลยไม่สบายแล้วอยู่โรงพยาบาล..” วิชญ์ภาสบอกต่ออย่างใจเย็น เขาเลือกจะอยู่ข้างกรณ์แล้วนี่.. เขาไม่ยอมถอย ..


“ ปล่อย..” กรณ์ชะงักหนักกว่าเดิม รู้สึกห่วงใยน้องชายล้นเหลือ .. แล้วนี่กาณฑ์รู้เรื่องระหว่างเขากับวิชญ์ภาสแล้วเหรอ ... แล้วเขาจะทำยังไง เขาจะเข้าหน้าน้องชายติดหรือเปล่า แล้วเขาจะเดินต่อไปอย่างไร ..




“ อย่าดิ้น... เงียบแล้วฟังผมนะ..” วิชญ์ภาสกระชับอ้อมแขนของตัวเองให้มั่นคงกว่าเก่า... แล้วจ้องมองคนในกระจกด้วยแววตาจริงจังอย่างถึงที่สุด...


“ เดี๋ยวเราไปเยี่ยมน้องกาณฑ์กัน...ผมจะพูดเรื่องของเราเอง...”


“ เรื่องอะไร..” กรณ์กระชากเสียงเบาๆ... แม้จะแข็ง แต่มันก็ไม่ได้ขึงขังเช่นทุกทีที่เขาพูด ตอนนี้สิ่งที่อยู่ในใจ ..มันคือความประหวั่น ประหม่ามากกว่า ..กลัวไปต่างๆนานา กลัวว่าจะต้องโดนน้องชายเกลียด กลัวโน้นกลัวนี้สารพัด


“ ผมรู้ว่าคุณกำลังกลัวอะไร...ถ้าน้องกาณฑ์จะเกลียดก็ให้เกลียดผม... ขอแค่คุณยอมให้ผมอยู่ข้างๆ...แค่นี้มันก็มากมายเกินพอ ...มันก็มากเกินกว่าที่ผมเคยคิดไว้แล้วล่ะ..” การได้อยู่ข้างๆคนที่รัก..แม้ไม่ได้รักตอบแทน แต่อย่างน้อยก็รู้ว่าเขาปลอดภัย อย่างน้อยก็ได้กลิ่นไอของกาย...



“ ฉัน..”


“ เลิกพูดเถอะครับ ..ทำใจให้สบายๆนะ..ผมขอเวลาสิบห้านาที...เดี๋ยวทานข้าวเช้าเสร็จแล้วเราไปหาน้องกาณฑ์กัน...” วิชญ์ภาสตัดบท..พลางวางริมฝีปากอิ่มบนแก้มเนียนเบาๆหนึ่งทีและผละเดินไปเข้าห้องน้ำที่ห่างออกไปไม่เท่าไหร่โดยไว.. กรณ์ทิ้งตัวลงบนเตียงด้านหลังอย่างหนักอึ้ง ..



ในช่วงเวลาที่สมองโล่งว่าง ไร้ทางจะเดิน แต่เขากลับรับรู้ถึงความอบอุ่นที่มันแผ่ซ่านจากร่างกายของอีกคน ความอบอุ่นที่มีความรักผลักดันให้เดินหน้า...


“ ช่วยฉันด้วยนะ..” กรณ์เปรยแผ่วๆอย่างอ่อนใจ ...


ถ้ากรณ์ไม่คิดจะแก้แค้นก็คงไม่เริ่มต้น .. แต่ถ้ากาณฑ์ไม่รู้ความจริงเรื่องก็ไม่มีวันจบ ..


“ คิดอะไรอยู่ครับ..” เวลาที่ผ่านไปดูช่างรวดเร็วจนกรณ์ลืมสังเกต .. หนึ่งเสียงที่ลอดดังขึ้นมาทำให้กรณ์ชะงักกายขึ้นนั่งและหันไปมองคนตัวสูงที่มีเพียงผ้าเช็ดตัวผืนเดียวพันกาย .. กล้ามเนื้อที่เรียงตัวได้รูป ปรากฏร่องรอยที่กรณ์ได้ฝากฝังไว้เป็นจุดๆ .. ชายหนุ่มส่ายหน้าไปมาปฏิเสธ..



“ ครับ..” วิชญ์ภาสยิ้มรับ แล้วแยกไปตรงตู้เสื้อผ้าใบใหญ่หยิบชุดสบายๆขึ้นมาใส่อย่างรวดเร็ว ..ตู้เสื้อผ้าหลังนี้เดิมนี้เป็นของกรณ์ แต่ตั้งแต่วิชญ์ภาสก้าวเข้ามาอยู่ในห้องนี้ ทุกอย่างก็เหมือนถูกแชร์เป็นสองส่วน... โดยที่เจ้าของห้องก็ไม่ได้อิดออดอะไร .



วันนี้เขาคว้าเอาเสื้อเชิ้ตเนื้อโปร่งเบาขึ้นมาสวมกับกางเกงยีนส์ขายาวตัวโปรด...


มือแกร่งค่อยๆจัดการกับกระดุมตรงข้อแขนอย่างงุ่นง่าน ..จนคนที่นั่งมองอยู่ต้องเดินเข้ามาช่วยอย่างรำคาญตา ..


“มา..” กรณ์ส่งเสียงบอกเล็กน้อย .. แล้ววางมือลงกลัดกระดุมตรงแขนที่พับขึ้นมาตามสมัยนิยมอย่างรวดเร็ว .. จากนั้นก็เคลื่อนมากลัดกระดุมตรงแขนขวาให้อีกคน..แต่ขณะนั้นก็ถูกอีกคนโน้มหน้าเข้ามาประทับจูบบนเนิ่นแก้มนวลเช่นที่ชอบทำ..


“ เปลี่ยนน้ำหอมเหรอครับ..” วิชญ์ภาสเลิกคิ้วถามพลางจ้องตาคนที่กำลังง่วนอยู่กับกลัดกระดุมให้เขา..

“ ทำไม..” กรณ์เงยหน้าขึ้นมองหลังจากจัดการให้อีกฝ่ายเสร็จเรียบร้อย .

.
“ เปล่าครับ..ผมแค่รู้สึกแปลกๆเท่านั้น ..กลิ่นเดิมหอมกว่านี้นะ..” วิชญ์ภาสจ้องตาคนตัวเล็กไว้ แล้วยกมือทั้งสองของเขาประคองเอวบางเอาไว้อย่างว่องไว


“ ไม่ชอบก็ปล่อยได้แล้ว..”



“ ไม่ใช่ไม่ชอบ..แต่ผมว่ากลิ่นนี้มันร้อนไป..กลิ่นเดิมมันเย็นๆหอมดี..” วิชญ์ภาสรั้งร่างที่หมายจะเดินออกจาการเกาะกุม..บอกความจริงที่เขาคิดออกไปจนหมด...



“ ปล่อยได้แล้ว..หิวข้าว..” กรณ์ไม่ตอบโต้อะไร รู้สึกเขินๆบอกไม่ถูก ..เขาไม่คิดว่าคนตรงหน้าจะจดจำทุกรายละเอียดในตัวเขาได้ขนาดนี้.... มันรู้สึกสุขใจอย่างไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูด ... รู้สึกเหมือนเป็นคนสำคัญของอีกคน



“ ...” วิชญืภาสยิ้มรับในท่าทีเง้างอนของอีกฝ่าย ..เอื้อมมือโอบเอวบางไว้แล้วเดินออกจากห้องด้วยกัน มันเป็นครั้งแรกที่เขาสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนในท่าที มันทำให้หัวใจพองโตอย่างมากมายกว่าที่เคยเป็น .. ตอนนี้เขาขอเติมพลังใจก่อนเถอะ...เดี๋ยวอาจมีศึกใหญ่ต้องเผชิญอีก..




“ รับอาหารเลยไหมคะคุณกรณ์..คุณวิชญ์..” แม่สาวใช้ประจำบ้านสายลมวิ่งแจ้นออกมารับหน้าอย่างรวดเร็ว ..วันนี้บ้านดูเงียบกว่าปกติ เพราะกาณฑ์ สุรีย์ไม่อยู่ ไหนจะกฤษฏิ์อีกล่ะ...



“ อืม..” กรณ์พยักหน้ารับแล้วเงยหน้ามองอีกคนที่โอบเขาอยู่... ฝ่ายนุ่นก็วิ่งลับเข้าไปในครัวเตรียมกาแฟสำหรับชายหนุ่มทั้งสอง ระหว่างนั้นคนที่โอบกรณ์อยู่ก็แอบขโมยแก้มหอมๆ หนึ่งฟอดใหญ่ถึงยอมปล่อยให้กรณ์ออกห่างจากตัวเอง .. ( ช่วงนี้วิชญ์ภาสกำไรจัด...ฮ่าๆ...)




“ กาแฟค่ะ” หญิงสาวเดินถือกาใส่กาแฟ พร้อมแก้วสองใบวางไว้หน้าชายหนุ่มทั้งสอง ...แล้วบริการอย่างเต็มที่.. อาหารเช้าวันนี้เป็นข้าวต้มกุ้งของโปรดของกรณ์...กับเครื่องเคียงแบบข้าวต้มที่ขายในตลาดโต้รุ่งกลางคืน ..( เรียกว่าอะไรนี่ลืม...)



“ ขอไข่สักสองใบสิ..”



“ แค่กๆ..” กรณ์ที่กำลังยกกาแฟขึ้นดื่มถึงกับสำลัก..ตอนที่ได้ยินไอ้คนคิ้วหนามันสั่งไข่ลวกเพิ่ม... นี่ในชามก็มีอยู่ใบหนึ่งแล้ว ยังจะสั่งเพิ่มอีกเหรอ...


“ เป็นอะไรมากไหมคุณกรณ์..” นุ่นรีบปรี่เข้ามาใกล้พร้อมทั้งส่งทิชชู่ให้นายหนุ่มทันที..


“ ไปจัดการที่ฉันสั่งเถอะ..เดี๋ยวฉันดูคุณกรณ์เอง..”วิชญ์ภาสโบกมือไล่ให้นุ่นไปทำไข่ลวกมาเพิ่มให้เขาส่วนตัวเขาก็จะดูอาการของกรณ์เอง ...



“ เป็นไงบ้างครับ..”


“ ..” กรณ์ส่ายหน้าเบาๆ แต่ไม่กล้าสบตาคู่กรณี... พูดๆไปก็กระดากปากตัวเอง แต่ก็นั่นแหละเขาไม่สามารถจะหนีความจริงได้หรอก เมื่อคืนก็สัมผัสกันจนเหนื่อยล้า ..มาตอนเช้าก็ถูกปลุกด้วยวิธีแสนพิศดารจากเจ้าตัวสูงอีก...


“ คุณจะเอาด้วยไหม..” วิชญ์ภาสเย้าเบาๆ แต่ก็โดนตาเขียวๆดุๆส่งเป็นคำตอบ จนปลายทางต้องเปิดยิ้มอย่างไม่เคยเป็น ... กรณ์เวลานี้ดูดุแต่มันไม่เข้ากับใบหน้าขาวๆที่ระเรื่อแดงเพราะความอายเลยสักนิด...


“ ครับๆ..ผมไม่แกล้งแล้ว..” วิชญ์ภาสยอมศิโรราบ และเป็นจังหวะเดียวกับที่นุ่นเดินถือชามไข่ลวกออกมาให้วิชญ์ภาสทันที...



“แล้วกฤษฏิ์ไปไหนล่ะ..” เจ้าของบ้านเอ่ยถามแม่บ้านสาว ...เป็นการเบี่ยงประเด็น



“ ตั้งแต่ออกไปกับคุณหมอ..ก็ยังไม่กลับเลยค่ะ..” เธอตอบไปตามความจริงทุกประการ ..เมื่อวานเจ้าหล่อนก็รออยู่จนดึก เมื่อไม่เห็นวี่แววของกฤษฏิ์เลยเข้านอน...


“ ไปหยิบโทรศัพท์มาหน่อยสิ..เดี๋ยวฉันโทรฯหากฤษฏิ์หน่อย” กรณ์พยักหน้ารับ .พร้อมทั้งสั่งการ แม่สาวร่างท้วมรีบย้ายกายของตนไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ตรงเต้ารับอย่างรวดเร็ว..และนำมาส่งให้ประธานของบ้านที่นั่งรออยู่
...
...
...
“ นี่อาหมอ..ปล่อยกฤษฏิ์นะ..โทรศัพท์มาไม่ได้ยินหรือยังไง..” กฤษฏิ์พยายามผลักร่างที่กำลังแทะโลมเขาทางสายตาอย่างรวดเร็ว ..ก็หมอบ้าของกฤษฏิ์ดันอยากทวนความทรงจำ .. อยากรู้ว่าเป็นยังไงตอนนี้กฤษฏิ์เลยกำลังอยู่ระหว่างนรกกับสวรรค์..ร่างกายถูกบางสิ่งบางอย่างเชื่อมต่ออย่างเลี่ยงไม่ได้...




“ หน่านะ..” เสียงอ้อนที่ไม่เคยได้ยินจากที่ไหน เป็นครั้งแรกที่กฤษฏิ์รู้สึกว่าหมอพิสิษฐ์น่ารักขนาดนี้...



“ อาหมอหื่น..ออกไปเลยไปกฤษฏิ์จะฟ้องพี่กรณ์ด้วย..” กำปั้นลุ่นๆกระแทกลงบนอกหนั่นหนาของหมอหนุ่มทำให้คนที่คุมจังหวะต้องผ่อนปรนยอมให้ร่างบางเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์...



“ ครับ..”


“ กฤษฏิ์อยู่ไหนนี่ทำไมไม่กลับบ้านอีก ...” ปลายสายส่งลอดมาด้วยความห่วงใย..


“ คือเมื่อวานอาหมอเมา..กฤษฏิ์เลยนอนที่นี่...ไว้บ่ายๆกฤษฏิ์จะกลับนะ..” กฤษฏิ์เอ่ยพลางหันไปจ้องคนที่กำลังอมยิ้มแสนเจ้าเล่ห์ส่งให้เขา..ร่างสูงถอนกายออกอย่างเร็วจนกฤษฏิ์เสียววาบ..แต่ในจังหวะที่เผลอก็กระทั้นสวนเข้ามาในร่างกายอย่างหนักหน่วง


“ อื้อ...อ่า...”

“ เป็นไรไปกฤษฏิ์...”



“ เปล่าๆ....” กฤษฏิ์รีบตอบกลับไปด้วยเสียงกระท่อนกระแท่น..พยายามฝืนตัวเองไม่ให้ส่งเสียงใดๆรอดผ่านไปถึงปลายสาย .. หมอพิสิษฐ์ได้ใจเผยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนจะก้มลงหยอกเย้าตรงอกขาวอย่างสนุกสนาน.. คนถูกกระตุ้นบิดส่ายอย่างกับปลาพ้นน้ำ.. พยายามยังไงเจ้าร่างสูงก็ไม่ออกห่างตัวเองเลยสักนิดสุดท้ายเลยต้องปล่อยให้หมอพิสิษฐ์หยอกเย้าเขาต่อไป


“ อืม..พี่จะโทรฯมาบอกว่ากาณฑ์ไม่สบายถ้าว่างก็ไปเยี่ยมหน่อย..”


“ แล้วเป็นอะไรมากไหม..” เสียงที่ส่งออกมาทำให้คนยิ้มแย้มหยุดการเคลื่อนไหว พลางจ้องหน้ากาณฑ์อย่างหาคำตอบ เพราะเวลานี้ดวงตาคู่ใสดูจริงจังจนหมอพิสิษฐ์ต้องหยุด...


“ เห็นว่าไม่มีอะไรมากแล้ว..”
“ เหรอ..งั้นสายๆ กาณฑ์จะไปเยี่ยมล่ะกัน..” คนได้ฟังผ่อนลมหายใจออกอย่างโล่งอก... ฝ่ายกรณ์ก็เลือกจะตัดสายไปหลังจากนั้น..กฤษฏิ์ยังแสร้งคุยต่อสักพักจนคนเป็นหมอเผลอ..



“ ตายซะ..ไอ้อาหมอหื่น..” กฤษฏิ์ยันกายออกจากร่างออกฝ่าย ..แล้วกระแทกเท้าลงบนท้องแข็งแกร่งอย่างแรง คนตัวบางคว้าผ้าเช็ดตัวแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำไปทันที


“ ไม่เล่นอย่างนี้นะ...ยังค้างอยู่เลย..” พิสิษฐ์ที่ล้มลงกระแทกกับพื้นด้านหลัง รีบยันกายขึ้นยืนแล้ววิ่งไปทุบประตูห้องน้ำอย่างรวดเร็ว ..แกล้งกฤษฏิ์ดีนักสุดท้ายเลยโดนสวนกลับเสียบ้าง ..


“ ไม่ต้องพาพูดกับกฤษฏิ์เลยไอ้หมอหื่น..” กฤษฏิ์กระหยิ่มเยาะอยู่ภายในห้องน้ำ โดยลืมไปเสียสนิทว่าที่นี่ไม่ใช่คฤหาสน์สายลม ..เจ้าของบ้านย่อมมีกุญแจทุกที่ทุกแห่งเพียงไม่นานบานประตูก็ถูกไขเข้ามาท่ามกลางความตกใจของคนร่างเพรียว

“ คิดเหรอว่าจะหนีพ้น...” เสียงห้าวเย้าขึ้นอย่างเหนือกว่า

“ หมอหื่น..”

“ ถึงหื่นก็เป็นสามีเรานั่นแหละ..” หมอพิสิษฐ์ตอบกลับอย่างไม่คิดจะอาย ..แต่ไอ้คำที่ว่ามันกลับทำให้กฤษฏิ์หน้าแดงอย่างรวดเร็ว ..ร่างคร้ามสูงเดินเข้ามาอย่างกับยักษ์ปักหลั่นมันครามครั่นไปด้วยความปรารถที่ปรากฏโฉมอย่างไม่คิดจะเลี่ยง ..

“ หน่านะ..อายังค้างอยู่เลย..” จากเสียงห้าวกลับมาอ้อนใสๆจนกฤษฏิ์ปรับอารมณ์ไม่ทัน .. เฮ้อ...สรุปว่ามันเป็นโชคหรือเคราะห์ของกฤษฏิ์กันแน่ที่ตกเป็นของหมอหนุ่ม.. เพราะตั้งแต่ที่สัมผัสกันจนไฟลุกโชน กฤษฏิ์ก็ยังไม่ได้หยุดพักเลย ...
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 17
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 06-06-2009 09:11:20
ตอน 19

กรณ์หันกลับไปสนใจกับอาหารบนโต๊ะอย่างอ้อยอิ่ง .. ในใจเขานึกห่วงน้องชายคนรองมาก แต่ก็กลับรู้สึกละอายใจไม่กล้าไปพบ... ช้อนที่ยกวางๆ อยู่หลายครั้งพอจะทำให้คนที่นั่งเหลือบมองเขาอยู่เดาทางได้ถูก มีหรือที่วิชญ์ภาสจะอ่านคนที่เขารักไม่ออก .. กรณ์เวลานี้แสดงความกังวลออกมาชัดเจน กลัว ห่วง ละอายใจ แต่ละความรู้สึกผสมผสานจนยากจะแยกออก..


ท้ายที่สุดเขาก็ตัดสินใจลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินมาดึงมือกรณ์ให้ลุกจากโต๊ะอาหารไป ..เจ้าของบ้านเหลือบมองเล็กน้อย




“ ไปเถอะครับ ..เดี๋ยวแดดจะร้อนกว่านี้..” วิชญ์ภาสบอกเสียงบางแต่กลับหนักแน่นที่สุดในใจคนฟัง ..กรณ์รับเบาๆ แล้วเดินตามขึ้นห้องไปอย่างไม่ขัดขืน นับวันแรงของเขาก็น้อยลงๆ เรื่อยๆ



ทั้งสองออกจากบ้านสายลมในเวลาต่อมา โดยวิชญ์ภาสอาสาขับให้อีกคนนั่งคู่เพราะอยากดูแลเอาใจใส่กรณ์อย่างที่ใจต้องการ




ขณะที่รถกำลังติดไฟแดงอยู่..วิชญ์ภาสก็เหลือบมองอีกคนที่นั่งจับมือไว้แน่น เหมือนมันจะกดๆลงตรงปลายเล็บด้วยสิ กรณ์เวลานี้คงเครียดมากไม่น้อยที่ต้องเผชิญกับความจริงที่เขาหลบหลีกมาตลอดเวลา ..ถึงเวลาแล้วที่ทุกอย่างต้องสะสาง ..ที่สำคัญเวลานี้กรณ์เองก็เผลอใจให้อีกคนข้างกายมากต่อมาก


หากกาณฑ์ขอให้เขาเลิกยุ่งกับวิชญ์ภาสเขาจะทำได้รึเปล่านะ...




..กรณ์สะดุ้งออกจากภวังค์ความคิด เมื่อริมฝีปากหยุ่นๆวางลงบนแก้มของเขาอย่างลงน้ำหนัก..หน้าสวยหวานหันไปมองอีกคนด้วยสัญชาตญาณก็ทำให้ริมฝีปากชมพูอ่อนถูกสัมผัสอย่างรวดเร็ว ...มือเรียวยกขึ้นทุบตรงอกอีกฝ่ายเพราะตอนนี้ทั้งสองกำลังอยู่กลางถนน ไม่ใช่ภายในห้องหับที่เป็นสถานที่ส่วนบุคคล


..
“ ทำบ้าอะไร...ไม่อายรึไง”

“ ผมรู้ว่าคุณกำลังคิดอะไร ..เชื่อผมนะผมไม่ยอมให้เรื่องมันเลวร้ายไปกว่านี้แน่นอน..” หาใช่คำตอบรับในสิ่งที่กรณ์กล่าว แต่เป็นคำตอบรับในสิ่งที่กรณ์คิด




“...” กรณ์พยักหน้าให้เบาๆ ซึ่งมันก็พอจะเรียกรอยยิ้มออกจากใบหน้าอีกฝ่ายได้พอสมควร ..กรณ์เวลานี้ดูไม่ต่างอะไรจากเด็กๆที่ขาดความเชื่อมั่นใจตัวเอง พร้อมจะยืนหลบอยู่ข้างหลังเขาตลอดเวลา



จากนั้นวิชญ์ภาสเลยหันไปสนใจกับการขับรถต่อ ... เพียงสิบนาทีกว่าๆ ทั้งสองก็มาถึงโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังของจังหวัด ซึ่งรักษาตระกูลสายลมมาตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่ หมอพิสิษฐ์ก็ทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งนี้เหมือนกัน แต่วันนี้เป็นวันหยุดเลยไม่ได้มา ยกเว้นจะมีเคสด่วนจริงๆ ...

ก๊อกๆ...




เสียงเคาะตรงหน้าประตูเรียกให้หญิงสาวที่นั่งดูโทรทัศน์อยู่กับกาณฑ์หันไปมองเล็กน้อย แล้วกลับมามองชายหนุ่มที่นั่งตาแป๋วจ้องจอโทรทัศน์อย่างกับไม่สนใจอะไร




...เจ้าหล่อนเลยเดินไปเปิดประตูโดยไม่ทันสังเกตเลยว่าแววตาคู่แป๋วมีแวววูบวาบเล็กๆ กาณฑ์เตรียมใจไว้ตั้งแต่ที่ลูกโป่งพูดเมื่อเช้าแล้ว หากยังดึงดันต่อไปเขาต้องทำลายคนรอบกายจะเจ็บปวดมากกว่านี้ ...



“ มากันแล้วเหรอคะ..” สุรีย์เอ่ยขึ้นเสียงเบา ทักทายวิชญ์ภาสและเจ้านายที่ยืนอยู่ข้างๆคนตัวสูง กรณ์พยักหน้ารับเบาๆ แล้วเดินตามหญิงสาวเข้ามาภายในห้อง




“ พี่กรณ์...พี่วิชญ์มาแล้วเหรอ..” กาณฑ์หันไปมองอย่างข่มใจแสร้งถามออกไปด้วยเสียงสดใส รอยคิ้วของกรณ์กระตุกขึ้นเล็กน้อย กำลังรับรู้ได้ว่าน้องชายกำลังโกหก


...เขาเหมือนถูกมีดสักพันเล่มทิ่มแทงร่างกายยิ่งได้เห็นรอยยิ้มที่ฝืนแสดงยิ่งทำให้เขารู้สึกแย่มากกว่าเดิม




“ คุณกรณ์..” วิชญ์ภาสที่ยืนอยู่ข้างๆ วางมือลงบนเอวบางของอีกคนเบาๆ เพื่อเรียกสติของกรณ์ให้กลับคืนมา หากกรณ์เผลอร้องไห้ตรงนี้เรื่องราวมันอาจจะแย่ไปมากกว่านี้ก็ได้... สิ่งที่วิชญ์ภาสแสดง สายตาแห่งความรักที่เอื้ออาทรให้พี่ชายคนโตของสายลม ล้วนอยู่ในสายตาของกาณฑ์และสุรีย์ทั้งสิ้น..

“ เป็นไงบ้างล่ะ..อาการเป็นไงบ้าง..” กรณ์ฟื้นกลับคืนสู่สติแล้วเดินมาหยุดอยู่ข้างเตียงของน้องชายเอ่ยถามอาการราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ...



“ ไม่มีอะไรสักหน่อยโดนฉีดยาไปสองเข็มก็หายแล้ว แต่เพื่อนอาหมอบอกว่าให้นอนพักสักสองวันถึงจะยอมให้กลับบ้าน...” แท้จริงหมอเจ้าของไข้อนุญาตให้เขากลับได้ตั้งแต่ตอนเข้ามาตรวจรอบเช้า แต่กาณฑ์ก็บอกหมอให้อนุญาตให้เขาอยู่ต่อเพราะไม่มั่นใจในอาการของตัวเอง ...เขาขอเวลาสักนิด ขอเวลาทำใจ


“ คือพี่...”




“ อะไรเหรอ..” กาณฑ์เองก็สัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดที่แววตาของกรณ์แสดงออกมาไม่แพ้กัน ...ก่อนที่จะได้ฟังคำอธิบายใดๆจากปากสุรีย์


เขารู้สึกโกรธที่กรณ์หลอกหลวงและปิดบังความจริง แต่หลังจากได้ฟังความโกรธก็บรรเทาลง จนมาได้เห็นสีหน้าที่ฉายวาวความสำนึกผิดยิ่งทำให้เขารู้สึกสงสารพี่ชายจับใจ ...



“ เดี๋ยววันนี้พี่กับคุณกรณ์จะไปกรุงเทพฯ...เราอยากได้อะไรหรือเปล่า” กรณ์อึกอักอยู่นานจนท่าจะไม่ดี บรรยากาศที่เงียบเชียบเกินไปไม่เหมาะในเวลานี้..วิชญ์ภาสเลยเลือกจะเดินเข้ามาแทรกกลางและบอกถึงจุดหมายในวันนี้




“ ไม่อ่ะ..ไว้ถ้าอยากได้อะไรกาณฑ์จะโทรฯไปบอกแล้วกันนะ..” กาณฑ์ส่ายหน้าไปมาคลายจะสลัดความคิดชั่วร้ายที่เคยมีต่อกรณ์ออกไปจนหมด

..เขาผิดเองที่เผลอโกรธกรณ์ แท้จริงกรณ์รักเขามากกว่าใครๆ ทั้งที่ความจริงทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะความอ่อนแอของหัวใจกาณฑ์เอง


...ใช่เขาจะไม่รู้ว่าวิชญ์ภาสนั้นมีสมญาเรื่องเจ้าชู้ขนาดไหน แต่เขาก็เลือกจะเล่นกับไฟโดยรู้ดีเสมอว่าผลสุดท้ายไฟมันจะผลาญทำลายกายจนมอดไหม้ แต่ก็ยังอยากจะลองดู



“ คุณกรณ์บอกว่ามีธุระจะคุยกับคุณสุรีย์เรื่องงานไม่ใช่เหรอ..” หลังจากกาณฑ์ตอบกลับมา วิชญ์ภาสเลยหันไปพยักเพยิดกับเลขาฯสาวของกรณ์ ทำให้ชายหนุ่มตัวบางงงไม่ใช่น้อยแต่สุรีย์ก็เข้ามาแก้สถานการณ์ได้ทัน




“ เชิญคุณกรณ์ที่แคนทีนของโรงพยาบาลดีกว่าค่ะ สะดวกกว่า...” หญิงสาวเดินเข้ามาคว้ามือของกรณ์ให้เดินออกไปและปล่อยให้ห้องคนป่วยมีเพียงวิชญ์ภาสและกาณฑ์เพียงเท่านั้น ...หญิงสาวพาเขาพ้นห้องมาได้สองก้าวก็ถูกอีกฝ่ายชะงักมือเอาไว้



“ ฉันอยากฟัง..” กรณ์บอกไปเหมือนจะรู้ว่าวิชญ์ภาสกำลังจะทำอะไร...หญิงสาวผิวสีน้ำผึ้งจึงหยุดยืนข้างๆกับเจ้านายหนุ่มเป็นกำลังใจให้ทุกความเจ็บปวดมลายไปโดยไว ..



ภายในห้องคนป่วยที่บัดนี้มีเพียงชายสองคนอยู่ใกล้กัน ..มือแกร่งของคนอายุมากกว่าวางลงบนศีรษะของกาณฑ์อย่างปลอบประโลม เพียงสัมผัสน้ำตาที่กลั้นมานานก็ไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้


“ หากเรื่องนี้จะมีใครสักคนที่ผิด..พี่อยากให้เราโทษพี่”


“ แล้วทำไม่ล่ะ ทำไมพี่ถึงรักพี่กรณืได้ แต่รักกาณฑ์ไม่ได้...ทั้งที่กาณฑ์กับพี่กรณ์เป็นพี่น้องกัน...” เสียงรำพันที่ดังลอดด้วยความน้อยใจดังขึ้นจากคนป่วย ...



“ พี่ไม่รู้จะอธิบายให้กาณฑ์ฟังยังไง ...แต่คนเราที่ไม่ได้เกิดมาคู่กัน มันก็ไม่อาจเดินไปจนตลอดรอดฝั่งหรอกนะ พี่รู้ว่าเมื่อก่อนทำเลวไว้มากแต่พี่ก็อยากจะเป็นคนรักที่ดี ให้คู่ควรกับคนที่พี่รัก... พี่ไม่ได้โทษว่ากาณฑ์ผิด หรือคุณกรณ์ผิด แต่ทั้งหมดเป็นเพราะพี่เอง ที่พี่รักกาณฑ์ไม่ได้เพราะว่ากาณฑ์อาจมีคนที่คู่ควรกับกาณฑ์อยู่
แล้ว ...”



“ ก็กาณฑ์รักพี่วิชญ์จะให้กาณฑ์รักคนอื่นได้ยังไง..”





“ พี่เข้าใจว่ามันคงลืมได้ยาก ...แต่พี่อยากให้เราเริ่มใหม่ ลองปรับความคิดในการมองพี่ใหม่...มันคงจะดีที่สุดหากเราจบกันด้วยดี พี่ยังเป็นพี่ของเรา ..ยังดูแลเราได้ ..พี่ไม่อยากให้ใครต้องเจ็บปวดกับเรื่องราวครั้งนี้อีกแล้ว แค่นี้มันก็มากเกินพอสำหรับความสับสน..” วิชญ์ภาสพยายามตั้งสติเพื่ออธิบายให้คนฟูมฟายได้เข้าใจ





“ ที่พี่พูดทั้งหมดเพราะพี่ไม่อยากให้กาณฑ์เกลียดพี่กรณ์ใช่ไหม...”



“ ใช่...” วิชญ์ภาสรับหน้าตาเฉย ...




“ พี่แค่อยากให้กาณฑ์รู้ไว้ว่าทุกวันนี้คุณกรณ์เจ็บปวดมากพอกับการกระทำของเขา ...กาณฑ์เคยนึกไหมว่าพี่ของกาณฑ์จะเจ็บปวดแค่ไหน ...ตลอดเวลาคุณกรณ์ไม่เคยมีใครเป็นที่พึ่ง ...แต่ในทางกลับกันยามกาณฑ์ร้องไห้กาณฑ์ก็มีไหล่ของคุณกรณ์ให้ซบ มีคุณกฤษฏิ์ให้ระบายเรื่องราวต่างๆ... พี่ไม่อยากให้คนที่พี่รักต้องเจ็บปวด หากน้องกาณฑ์เกลียดคุณกรณ์ก็ให้โยนความเกลียดทั้งหมดมาไว้ที่พี่ หรืออยากให้พี่ทำอะไรก็บอกมาพี่ยอมทำทุกอย่าง...” วิชญ์ภาสใช้ใจเย็นเข้าสู้กับอีกคน หากเขาร้อนตอบกาณฑ์คงได้เตลิดไปมากกว่านี้แน่นอน ...


“ ถ้ากาณฑ์ขอให้พี่เลิกยุ่งกับพี่กรณ์ล่ะ...”



“ งั้นกาณฑ์ก็ให้พี่ตายเสียดีกว่า...” ไม่ต้องเว้นเวลาให้คิดเลยสักวินาที ..วิชญ์ภาสก็สามารถตอบกลับไปอย่างฉะฉาน เขาเคยบอกไว้แล้วว่าเขายอมเสียทุกอย่างในชีวิตยกเว้นกรณ์ ..เขาไม่มีวันปล่อยมือออกจากคนที่เขารักเด็ดขาด


“งั้นพี่ก็ทำสิ...” กาณฑ์ยิ้มเหยียดแล้วหยิบมีดปอกผลไม้ที่วางอยู่กับจานมะม่วงลงให้วิชญ์ภาสที่ยืนมองเขาอยู่อย่างรวดเร็ว



“ ถ้าพี่ทำแล้วกาณฑ์สบายใจพี่ก็จะทำ..ขอแค่ให้โยนเกลียดทั้งหมดมาไว้ที่พี่ก็พอแล้ว..” หากเขาต้องเป็นอะไรไป อย่างน้อยก็รู้ว่าคนที่เขารักจะมีความสุข จะไม่ต้องถูกน้องชายที่เอ็นดูเกลียดเอา มือแกร่งรับมือด้ามเล็กมาถือไว้แล้วจดปลายมีดลงบนมือใหญ่อย่างไม่กริ่งเกรง




จดคมที่เริ่มบาดทำให้กาณฑ์หน้าถอดสีอย่างรวดเร็ว ...เพราะพี่วิชญ์ของเขาทำมันลงไปโดยไม่คิดตรึกตรองหรือลังเลเลยสักนิดเดียว ....เลือดสีแดงฉานๆไหลปริ่มท่ามกลางสายตาหลายคู่



“ พอแล้วๆ...” กาณฑ์รีบคว้ามือของวิชญ์ภาสไว้อย่างรวดเร็วก่อนที่แผลจะมากไปกว่านี้



“ พี่ยอมทุกอย่างขอแค่ให้คุณกรณ์มีความสุข...”



“ บ้าเหรอพี่วิชญ์ ...กาณฑ์จะเกลียดพี่ของตัวเองได้ยังไง พอแล้วๆ” ชายหนุ่มคว้าเอาปลอกหมอนมากดแผลที่เลือดไหลออกมาอย่างห่วงคนตรงหน้ากลัวเลือดจะหมดร่างเสียก่อน ... กรณ์ที่ยืนรออยู่ด้านนอกได้แต่กัดฟันมองอย่างเจ็บปวดมิแพ้กัน ... เขาอยากจะก้าวเข้าไปแต่ขาก็กลับขยับไม่ได้แรงเริ่มน้อยลงเรื่อยๆจนทรุดลงในที่สุด.....



“ คุณกรณ์..” สุรีย์เอ่ยเรียกอีกคนเสียงดังด้วยความตกใจ และทำให้คนในห้องรู้ว่ากรณ์กับหญิงสาวอยู่ตรงหน้า วิชญ์ภาสที่บาดเจ็บดึงมือตัวเองออกจากการกดเลือดของกาณฑ์อย่างรวดเร็วและรีบวิ่งไปตามเสียงที่ดังขึ้น ..เมื่อประตูเปิดออกก็เห็นกรณ์ล้มลงนั่งกับพื้นอย่างอ่อนแรง...



“ เป็นอะไรไป...” วิชญ์ภาสคว้าร่างที่ทรุดลงมากอดไว้อย่างรวดเร็ว ...ท่าทีและความห่วงใยที่แสดงโดยลืมความเจ็บปวดที่ตนมีทำให้กาณฑ์รู้ซึ้งในคำพูดว่า ‘รัก’ ที่วิชญ์ภาสมีต่อกรณ์อย่างแท้จริง...



“..เปล่า..เจ็บไหม” กรณ์ส่ายหน้าปฏิเสธ แล้วหันไปสนใจมือของอีกคนที่มีเลือดไหล มันอาบท่าตรงแขนเสื้อของกรณ์จนชุ่ม


...ต่างฝ่ายต่างห่วงอีกคนแม้จะเจ็บจะป่วยเหมือนๆกัน แต่รักที่แสดงออกกลับทำให้ทุกคนได้ประจักษ์โดยเฉพาะกาณฑ์ที่ถึงกับอึ้ง ตอนสุรีย์บอกว่าวิชญ์ภาสรักพี่ชายของเขา ..ชายหนุ่มไม่อยากจะเชื่อน้ำหน้าคนตัวสูงสักเท่าไหร่ แต่ภาพที่เห็นก็พิสูจน์ได้ชัดเจนถึงสิ่งที่หญิงสาวกล่าว ..




“ ไปทำแผลกันก่อนดีกว่าคะ...” พยาบาลสาวที่เดินมาพร้อมเสียงเอะอะเอ่ยเสนอ เมื่อเห็นว่าอาการของกรณ์ไม่มีอะไรน่าห่วง เลยบอกให้วิชญ์ภาสไปทำแผลที่มือเสียก่อน ..ชายหนุ่มพยักหน้ารับแล้วประคองให้กรณ์เดินเขาไปนั่งพักภายในห้องของกาณฑ์ก่อนจะไปทำแผลตามที่พยาบาลสั่ง...


เวลานี้ภายในห้องจึงเหลือเพียง สุรีย์ กาณฑ์ และกรณ์



“ พี่กรณ์คงได้ยินทุกอย่างแล้วใช่ไหม...” กาณฑ์เอ่ยหยั่งเชิงไปยังพี่ชายที่นั่งห่างออกไป สี่ห้าก้าว ..เสียงของน้องชายปลุกให้กรณ์ฟื้นจากความห่วงใยในตัวอีกคน ดวงตาคู่เรียวมองจ้องน้องชายแล้วพยักหน้ารับโดยไร้คำพูดใดๆออกมา ...


“ กาณฑ์ง่วงแล้ว...แต่ถ้าพี่วิชญ์ทำให้พี่เสียใจกาณฑ์จะไม่สงสารพี่เด็ดขาด..” กาณฑ์ทิ้งตัวลงนอนพร้อมทั้งพลิกกายไปอีกทางแล้วหลับตาลงตัดทุกสิ่งที่อยู่รอบตัวให้หมดสิ้นไป... กรณ์ยืนอึ้งอยู่หลายวินาทีกว่าจะเข้าใจในสิ่งที่น้องชายพูดน้ำตาที่กักกั้นไหลล้นเอ่ยหน่วยตาอย่างห้ามมิได้....

นี่กาณฑ์ยอมรับแล้วใช่ไหม. .


นี่เขาก้าวผ่านบางสิ่งบางอย่างที่ทิ่มตำหัวใจมายาวนาน แล้วใช่รึเปล่า


“ ขอบคุณ...” กรณ์ปรายยิ้มทั้งน้ำตาแล้วเดินออกจากห้องคนป่วยอย่างวางใจ ..ในที่สุดกำแพงหนาที่กั้นขวางก็ถูกความจริงใจในความรักทลายลงมาจนสิ้น ..ขอบคุณความรักที่ยังงดงามและสวยงามอยู่เสมอ ขอบคุณทุกสรรพสิ่งที่ทำให้ทุกชีวิตยิ้มแย้มให้แก่กันและกัน ..


“ เป็นไงบ้างครับ..” อีกคนที่เพิ่งเดินมาจากห้องทำแผลรีบก้าวเข้ามาหยุดตรงหน้ากรณ์อย่างรวดเร็ว ...


“ จะไปกันรึยัง..” กรณ์ไม่ได้ตอบในสิ่งที่วิชญ์ภาสถามแต่กลับนอกเรื่องไปอีกอย่าง ...จากนั้นก็เดินไปข้างหน้าด้วยความรวดเร็ว แต่มีหรือที่วิชญ์ภาสจะปล่อยให้กรณ์เดินเพียงลำพัง ชายหนุ่มรีบวิ่งเข้ามาใกล้แล้วยกมือขึ้นโอบเอวบางไว้ข้างกาย เส้นทางข้างหน้าจะมีทั้งสองเดินไปด้วยกัน ด้วยทั้งหมดของความเชื่อมั่น ด้วยทั้งหมดของความรักและความเข้าใจ แม้เวลานี้กรณ์จะเปิดใจให้อีกฝ่ายเพียงเล็กน้อย แต่วิชญ์ภาสก็เชื่อว่าวันหนึ่งทั้งหมดของหัวใจกรณ์จะเป็นของเขาเพียงผู้เดียว ...


“ ขอบคุณนะคะคุณกาณฑ์ที่เลือกจะมอบรอยยิ้มให้กับคนอื่นๆ..” หญิงสาวผิวสีน้ำผึ้งเอ่ยขึ้นเสียงเบาบาง ..เดินกลับไปนั่งตรงที่ประจำของเธอแล้วปรายยิ้มออกมาอย่างสุขใจ ....
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 18+19+20
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 06-06-2009 09:30:35
ตอน 20


ช่วงสายหลังจากกรณ์และวิชญ์ภาสกลับไปได้สักพัก.. กฤษฏิ์กับหมอพิสิษฐ์ก็มาเยี่ยมกาณฑ์ที่โรงพยาบาลด้วยความเป็นห่วง ฝ่ายหมอพิสิษฐ์หลังดูอาการของกาณฑ์ได้สิบนาทีก็ขอตัวไปเคลียร์งานที่คั่งค้างที่ห้องพักของตน ส่วนที่กฤษฏิ์ก็นั่งคุยกับพี่ชายต่อ

“ รู้สึกยังไงบ้างล่ะพี่กาณฑ์ตอนนี้..” เสียงอ่อนโยนของน้องชายคนเล็กเอ่ยถามอย่างห่วงใย กฤษฏิ์อยากให้ทุกคนมีความสุข เขาเชื่อว่าแม้วันนี้กาณฑ์ต้องรู้สึกเจ็บปวด แต่สักวันหนึ่งเขาจะสุขใจมากกว่าทุกข์ที่ได้รับ ร้อยเท่าพันเท่า


“ ก็งงๆ..” นั่นคือคำตอบที่ดูจะกลางที่สุด กาณฑ์จะกล้าพูดออกมาเหรอว่าเขารู้สึกสับสน จนแทบจะบ้า .. มันแปลกตรงที่เขาโกรธกรณ์ที่หลอกเขา แต่กลับไม่ได้โกรธที่กรณ์กับวิชญ์ภาสรักกัน .. แท้จริงหากวันแรกที่เขาตื่นขึ้นจากนิทราแสนยาวนาน เขาควรได้รับรู้ความเปลี่ยนไป เขาควรได้รับรู้ความจริงที่เป็นไป..


แม้มันจะไม่สามารถย้อนคืนไปได้ แต่เขาก็หวังว่าการตัดสินใจของเขาในวันนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของคำว่าความสุข ..




“ ขอบคุณพี่กาณฑ์ที่ทำให้ทุกคนมีความสุข..” เจ้าน้องน้อยซบศีรษะลงบนท่อนแขนเรียวของพี่ชายอย่างแสนรัก ขอบคุณที่ความสุขกำลังจะผลิบานในใจของทุกคน



“ นี่ก็ใกล้เที่ยงแล้ว ..เรากลับไปได้แล้วล่ะ พี่ไม่ได้เป็นอะไรแล้ว..” กาณฑ์ยกมือขึ้นลูบศีรษะน้องชายอย่างปลอบโยน แล้วออกปากอนุญาตให้อีกคนกลับบ้านได้แล้ว เขาเองก็ไม่ได้เป็นอะไรหนักหนา พรุ่งนี้คงออกจากโรงพยาบาลได้แล้วล่ะ..



“ อืม..งั้นเดี๋ยวกฤษฏิ์ฝากอาหมอถามเจ้าของไข้ให้นะ. .ถ้าหายดีแล้วพรุ่งนี้กฤษฏิ์จะมารับแต่เช้า..” เด็กหนุ่มยิ้มส่งท้ายก่อนร่างบางจะลุกขึ้นเดินออกจากห้องไปด้วยความวางใจ กาณฑ์มองภาพนั้นจนประตูปิดลง เขาเลือกทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้วใช่ไหม เขาทำในสิ่งที่เหมาะสม ..



“ คุณกาณฑ์จะรับอาหารเลยไหมคะ ..เดี๋ยวดิฉันจะไปเรียกพยาบาลให้” หญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงโซฟาเอ่ยถามขึ้นเมื่อนาฬิกาข้างผนัง บอกเวลาทานอาหารสำหรับคนป่วยที่นอนอยู่บนเตียง ..



“ อืม..” กาณฑ์พยักหน้ารับ ..มองตามร่างหญิงสาวอีกคนที่ห่วงใยและคอยอยู่เคียงข้างเขามาตลอด หญิงสาวผู้ที่เปรียบดังที่พึ่งให้เขาได้ยึดเกาะ ..ขอบคุณที่อยู่ข้างๆ กัน ขอบคุณสำหรับบางสิ่งบางอย่างที่อาจมองข้าม แต่วันนี้เขาเริ่มจะเห็นแล้วล่ะว่า .. ‘เธอคือสิ่งที่มีค่า ’


ร่างโปร่งของน้องเล็กบ้านสายลมเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าห้องพักของหมอหนุ่ม... ก่อนที่จะแยกกันหมอพิสิษฐ์กำชับไว้มั่นว่าหากเยี่ยมกาณฑ์เสร็จ ให้เดินมาหาเขาที่ห้องจะได้กลับบ้านด้วยกัน ... ( ไวไฟจริงหมอพิสิษฐ์นี่..)


..ก๊อกๆ...



กฤษฏิ์เลิกคิ้วมองอย่างสงสัย เพราะนี่เขาก็เคาะมาเป็นครั้งที่สามแล้ว แต่ยังไม่มีวี่แววว่าเจ้าของห้องจะเดินมาเปิดเลย สุดท้ายจึงตัดสินใจลองบิดลูกบิดเข้าไปดู ก็พบเพียงโต๊ะทำงานที่ว่างเปล่า



“ ไหนบอกว่ากลับพร้อมกันไง... ชิ ... อยากไม่อยู่เองนะ กฤษฏิ์กลับบ้านดีกว่า” กฤษฏิ์บ่นกระปอดกระแปด แล้วหันกลับหมายจะเดินออกจากห้อง แต่ทันทีที่จะก้าวร่างของเขาก็ถูกคว้าไว้เสียก่อนพร้อมบานประตูที่ถูกเท้าปิดลง ..ร่างบางถูกกดลงกับผนังห้องอย่างรวดเร็ว



“ นี่...อื้อ..” กฤษฏิ์หมายจะท้วงแต่ริมฝีปากของเขาก็ถูกครอบครองเสียก่อน ..กลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ รวมถึงร่างกายที่แข็งแกร่งบอกกฤษฏิ์ได้ชัดว่าคนที่กำลังแกล้งเขาอยู่นี่ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นหมอหนุ่มจอมหื่นที่ซ่อนคราบนักบุญเอาไว้...


“ อาหมอบ้า..แกล้งกฤษฏิ์อีกแล้ว..” กำปั้นเล็กทุบลงบนอกหนั่นของคนเจ้าเล่ห์ ที่กำลังปรายยิ้มแพรวพราวส่งตอบกลับมา ...



“ ก็อยากน่ารักเองทำไมล่ะ..”



“ นี่อาหมอ ..ตั้งแต่ได้กฤษฏิ์นี่หื่นขึ้นเยอะเลยนะ..หลบๆได้แล้ว หิวข้าวจนจะกินช้างได้ทั้งตัว” กฤษฏิ์เลิกคิ้วขึ้นค้อนคนหน้าคม แต่คำที่พูดก็กลับทำให้อีกคนยิ้มขันในความน่ารักน่าชังของอีกฝ่าย ..



“ ก็ยืนอยู่ทั้งคน ..อยากกินก็กินสิ..”


“ ไอ้หมอบ้า ..ขืนหื่นไม่เลิกกฤษฏิ์ไม่พูดด้วยแล้ว..” คนถูกล้อหน้าขึ้นสีเพราะความอาย หมายจะเดินออกจากห้องไปให้เร็วที่สุด แต่ก็ถูกขวางด้วยลำแขนแกร่งของอีกฝ่าย ..มือหนาสอดเข้าไปภายใต้เสื้อเชิ้ตที่กฤษฏิ์สวมอยู่หยอกเย้าบางส่วนบางสิ่งที่แสนอ่อนไหว



“ อือ..ไม่เอานะ...อาหมอ..อื้อ..” กฤษฏิ์เริ่มครางสั่นเพราะสิ่งที่สัมผัสมันกำลังสร้างความกระสันพรั่นใจให้คร้ามครั่นจนสั่นไหว ..


“ ทำไมล่ะครับ..”

“ ไม่เอาที่นี่...อื้อ..” กฤษฏิ์พยายามรวบรวมแรงที่มีค้านการกระทำของอีกฝ่าย ...แรงที่มีส่งให้ร่างซึ่งกำลังคุกคามต้องถอยร่น ..



“ ไอ้อาหมอบ้า..กฤษฏิ์โกรธจริงๆแล้ว” กฤษฏิ์ยกนิ้วขึ้นชี้อีกฝ่ายอย่างคาดโทษ... แต่ร่างของเขาก็กลับถูกรวบเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดแทน กฤษฏิ์ดิ้นขลุกหมายจะหนีแต่ก็ไม่อาจต้านแรงอีกคนได้เลย ..อ้อมอกแน่นขึ้นจนอุ่นซ่านไปทั้งตัว หมอพิสิษฐ์ตัดสินใจเลิกแกล้งอีกฝ่าย...


“ โธ่..อย่างอนไปเลยแค่แกล้งเล่นเท่านั้นเอง..”



“ แกล้งเล่นเหรอ ..นี่ถ้ากฤษฏิ์เคลิ้มก็หวังเผื่อฟลุคใช่ไหม” กฤษฏิ์ตอบกลับอย่างรู้ทัน ... ไอ้อาการเมื่อกี้มันแกล้งเล่นหรอกนะ ...อารมณ์ที่เคลื่อนไหวใช่จะมีเพียงกฤษฏิ์ แต่หมอพิสิษฐ์ก็สั่นคร้ามไม่แตกต่าง ไม่อย่างนั้นพิสิษฐ์น้อยคงไม่ปูดขึ้นมากระทบหน้าคนตัวบางหรอกมั้ง..


“ รู้ทันจริงๆเลย..แฟนใครนี่” อ้อมอกหนาคลายออก หันมายิ้มให้คนหน้าบึ้งแล้วก้มลงประทับริมฝีปากลงบนปากอีกฝ่ายเบาๆ ..ไม่ได้เรียกร้องรุนแรงเช่นครั้งแรก


“ กลับกันรึยังไหนบอกว่าหิวไง..” พิสิษฐ์เตือนความจำของอีกคนที่หน้าเริ่มคลายปม แล้วเดินออกจากห้องพักของชายหนุ่มไปด้วยกัน ท่ามกลางเส้นทางของรักที่ทอดตัวไปเบื้องหน้า




รถประจำบ้านสายลมแล่นมาตามทางหลวงหลักมุ่งตรงสู่กรุงเทพ ..มหานครแห่งแสงสี


เวลานี้รถคันงามมาจอดอยู่ใต้ร่มเงาทิวสนต้นไม้ประจำมหาวิทยาลัยแห่งนี้..



“ ไปนานไหม..” กรณ์เอ่ยถามอีกคนที่ตั้งท่าจะลงจากรถ เขาไม่ค่อยอยากอยู่คนเดียวในเวลานี้เลยเอ่ยถามอีกฝ่าย รู้สึกแปลกๆ ทั้งที่เมื่อก่อนเขาเองก็มากรุงเทพฯอยู่บ่อย ๆ แต่เวลานี้กลับรู้สึกเหมือนตัวมันเบาๆ หากไร้ที่ยึดเกาะก็อาจปลิวหายไปไหนสักแห่ง ..


“ ครึ่งชม.ครับ ..คุณจะไปกับผมไม่” วิชญ์ภาสเอ่ยตอบหันมาจ้องอีกคนที่ช้อนมองเขาด้วยสายตาบางอย่าง ชายหนุ่มจึงเอ่ยชวนอีกคนที่นั่งข้างๆ..



“..”กรณ์รีบพยักหน้าอย่างเร็ว จนทำให้คนข้างกายต้องเผยยิ้มแล้วโน้มหน้าลงสัมผัสเนินแก้มสีระเรื่อแดงอย่างแสนรัก.. กรณ์ผละออกอย่างเร็วเพราะกลัวใครจะมาเห็น ชายหนุ่มเปิดประตูด้านของตนลงไป โดยมีวิชญ์ภาสเดินตามไปติดๆ ...

“ เอ่อ..อยู่ไหนแล้วพี่มาถึงคณะแล้ว” ชายหนุ่มเดินมาหยุดอยู่ใกล้ๆกับกรณ์แล้วยกโทรศัพท์ขึ้นต่อสายถึงใครบางคน ...



“ ..”


“ อืม ..ๆ เดี๋ยวเจอกันตรงหน้าห้องนะ..” วิชญ์ภาสรับคำพร้อมนัดหมายกับปลายสาย ..จริงๆ มหาวิทยาลัยแห่งนี้สามารถลงทะเบียนเรียนได้ทางอินเทอร์เนต โทรศัพท์ หรือ SMS แต่เพราะทั้งสามทางมันต้องทำก่อนหน้านี้สองสัปดาห์ มันติดอยู่ในช่วงที่วิชญ์ภาสยุ่งๆ เขาเลยเดินทางมาเองเพราะต้องดูรายวิชาที่ต้องลงเพิ่มอีก...



“ ไปครับ..” วิชญ์ภาสยิ้มให้คนข้างกายที่ยืนมองเขาเล็กน้อย จากนั้นทั้งสองก็เดินกันไปตามเส้นทางที่ทอดตัวสู่ตึกของคณะที่ใช้ในการลงทะเบียนเรียนวันนี้...




“ พี่วิชญ์ไปไหนมาคะ..ตามหาแทบแย่นัดว่าจะไปเที่ยวกับเฟย์ไม่ใช่เหรอ..” เมื่อเดินเข้ามาภายในตัวอาคารก็มีสาวนางหนึ่งเดินเข้ามาใกล้แล้วเกาะแขนพูดกับคนตัวสูงอย่างสนิทชิดเชื้อ กรณ์มองดูอย่างเคืองๆ แต่เขาเองก็รู้ดีว่าอดีตของวิชญ์ภาสนั้นมากเล่ห์ มากกลแค่ไหน ...นี่แหละคืออีกเหตุผลสำคัญที่ทำให้ใจของเขาไม่มั่นใจในรักของวิชญ์ภาสสักที ...



“ปล่อยเถอะ พี่ไม่ว่าง..” ชายหนุ่มแกะแขนที่เกาะออกแล้วเอื้อมไปจูงมืออีกคนที่ยืนข้างๆ เดินแหวกออกไป ..ตลอดทางมีสายตาหลายคู่จ้องมองอย่างฉงน เพราะน้อยมากที่จะเห็นวิชญ์ภาสควงใครชัดเจนขนาดนี้ แถมยังเป็นฝ่ายเอื้อมมือไปจับกรณ์ก่อนยิ่งทำให้แปลกเข้าไปใหญ่...



“ พี่วิชญ์” เสียงห้าวๆ จากทางด้านหลังทำให้ชายหนุ่มชะงักตัวเล็กๆ.. แล้วหันไปมองต้นเสียงที่คุ้นเคย


“ เอ๊ะใครนี่..กิ๊กใหม่เหรอ น่ารักชะมัด” หญิงสาวตรงหน้ารูปร่างค่อนข้างบาง ผมยาวจนจดกลางหลัง แต่บุคลิกค่อนข้างห้าวแตกต่างจากรูปลักษณ์ภายนอก กรณ์มองตอบกลับไปอย่างไม่ค่อยจะสนใจสักเท่าไหร่..



“ ลามปาม..” ชายหนุ่มยกมือขึ้นปัดศีรษะหญิงสาวเบาๆ ก่อนจะยื่นมือไปรับเอกสารที่เจ้าหล่อนเตรียมมาให้


“ นี่ภารดีลูกสาวของคุณน้าผมครับ ...ส่วนนี่คุณกรณ์” วิชญ์ภาสผายมือแนะนำหญิงสาวร่างบางตรงหน้าให้กรณ์รู้จัก ชายหนุ่มเลิกคิ้วมองเล็กๆ แล้วยิ้มให้อีกคนตามมารยาท .

..
“ สรุปไม่ใช่กิ๊กเหรอ..” ภารดียังอดสงสัยไม่ได้..


.
“ เมียพี่....พูดมากโดนเตะแน่แก” ชายหนุ่มโน้มหน้าเข้าไปกระซิบกับอีกฝ่ายเบาๆ ทำให้ภารดีถึงกับเบิกตามองอย่างไม่เชื่อสายตา ..เจ้าหล่อนเคยจำได้ว่าพี่ชายของหล่อนนั้นเจ้าชู้แค่ไหน ขนาดยอมรับว่าเป็นแฟนยังไม่เคยมีสักราย แต่รายนี้ถึงขั้นบ่งสถานะขนาดนี้เลยทำให้หญิงสาวต้องพิจารณาอีกฝ่ายใหม่..



“ ไปกันได้ยัง” เสียงแข็งๆ ดังขึ้นกระแทก กรณ์ไม่ได้ไม่พอใจในท่าทีสนิทสนมของทั้งสอง แต่เขากำลังรับรู้ได้ถึงสัญชาตญาณว่า สองพี่น้องกำลังนินทาอะไรเขาอยู่แน่ แววตาที่พรายขึ้นของภารดีบอกชัดว่ากำลังนินทาเขาอยู่ ..


“ ครับ..ๆ” วิชญ์ภาสพยักหน้ารับเสียงใส ..ท่ามกลางความแปลกใจของแม่น้องสาว



เจ้าหล่อนรู้จักวิชญ์ภาสมาแต่ไหนแต่ไร ชายหนุ่มเคยยอม เคยง้อใครเสียทีไหน
แถมยังไม่ชอบการถูกบังคับเป็นที่สุด แต่เหตุใดชายร่างบางแสนน่ารักตรงหน้าถึงสามารถทำในสิ่งที่วิชญ์ภาสเกลียดได้ทุกอย่าง แถมคนที่ถูกกระทำกลับยินยอมยิ้มกว้าง เหมือนยอมทุกอย่างขอเพียงเป็นบัญชาจากคนหน้าหวาน


“ ร้อนเหรอ..” วิชญ์ภาสเอ่ยถามคนข้างกายอย่างเป็นห่วง...


“ เปล่า” กรณ์ส่ายหน้าเบาๆ ปฏิเสธไป แต่ท่าทางของเขาคงจะน่ารักน่าชังเกินไป ในจังหวะที่เผลอคนตัวสูงก็หันซ้ายหันขวามองรอบๆ ..แล้วแอบหอมแก้มอีกฝ่ายเบาๆ...


“ ฮะ แฮ่มจะสวีทกันก็เลือกสถานที่หน่อยพี่วิชญ์ ... ปาปารัชชี่เยอะจะตาย เดี๋ยวได้เป็นข่าวหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์มหาวิทยาลัยหรอก..” แม่น้องสาวที่เดินมาด้วยเอ่ยเตือนเบาๆ แต่กลับทำให้กรณ์เริ่มหน้าแดงเพราะไม่คิดว่าภารดีจะเห็น



“ อิจฉาเหรอ..” แต่วิชญ์ภาสกลับไม่สนใจ เพราะรู้ดีว่าน้องสาวไม่ใช่คนปากโป้ง ..



“ เปล้า ..” เจ้าหล่อนแบนปากเล็กๆ แล้วเดินเชิดออกไปด้วยเสียงหัวเราะร่าเริง ปล่อยให้กรณ์ยิ่งเขินเข้าไปใหญ่ แต่ก่อนอะไรๆจะเป็นไปมากกว่านี้คนตัวบางก็ถูกลากให้เดินตามขึ้นไป ตรงห้องลงทะเบียนส่วนในของตึก..



“ อย่าสนใจไอ้ภามันเลย ..มันก็กวนๆ อย่างนี้แหละ” วิชญ์ภาสหันไปยิ้มให้กับคนของตนอย่างปลอบโยน ตอนนี้เขารู้สึกโชคดีไม่ใช่น้อย บางทีอาจจะกลายเป็นคนที่โชคดีที่สุด ..การมีกรณ์เดินอยู่ข้างกายถือเป็นอะไรที่วิเศษมากในความคิด เขาเพิ่งเข้าใจว่าการรักใครสักคนมันเป็นยังไง ...



ใช้เวลาอยู่ที่ห้องลงทะเบียนไม่นาน..ก็เสร็จเรียบร้อยจากนั้นวิชญ์ภาสก็พากรณ์แวะไปเอาของที่คอนโดฯของเขา คอนโดฯหรูใจกลางเมือง ...แต่ใครจะรู้ล่ะว่า ณ ที่นั่น บททดสอบใหม่ของความรักกำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้ง ..
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 18+19+20
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 06-06-2009 09:48:02
แฮปปี้แล้ววววววววววววววววววววววววววววววววววว
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 18+19+20
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 06-06-2009 10:29:50
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก  :laugh: ในที่สุดก้อแฮปปี้ แต่จะมีบททดสอบอารัยอีกอ่าๆๆๆ มารอจ้าo13  ขอบคุนจ้าๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 18+19+20
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 06-06-2009 10:51:38
 :mc4: จุดประทัดฉลอง คงไม่มีอะไรอีกนะ  :mc4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 18+19+20
เริ่มหัวข้อโดย: menano ที่ 06-06-2009 18:20:52
เอริ่มมมมมมมมมมมม

อ่านมา 3 พาร์ทติด

เราก็ว่ามันไม่น่าจะมีอะไรนะ

แต่บรรทัดสะท้ายนี่ออกแนวแปลก  ๆนะ

ยังจะมีบทพิสูจน์อะไรอี๊กกกกกกกกกกก

แค่นี้ก็จะแย่แล้วนะ

โอ่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 18+19+20
เริ่มหัวข้อโดย: nanao ที่ 07-06-2009 07:26:48
อ๊าก จะมีอะไรที่คอนโดอ่ะ >,<


ขอบคุณสำหรับ 3 ตอนรวด ^^
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 18+19+20
เริ่มหัวข้อโดย: k_U_K_K_I_K ที่ 07-06-2009 09:22:28
โอ้ย มันค้างอย่างแรงงงงงงงเด้เนี่ย

มาต่อด่วนคร้า โอ้ย ค้างๆๆๆๆ คร้า :impress2:

ปล.อย่าได้ที่อยู่บลอคของพี่มีย์อ่ะคร้า มีไหมคร้า ถ้ามีขอได้ไหมคร้า :impress2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 21
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 07-06-2009 23:23:41
ตอน21

คอนโดที่ว่าตั้งอยู่ในใจกลางเมือง..ห่างจากมหาวิทยาลัยพอสมควร จะพูดไปบ้านของวิชญภาสเองก็พอจะมีฐานะอยู่บ้าง แม้จะไม่ได้ร่ำรวยล้นฟ้าอย่างคนของสายลม แต่ก็พอมีกินมีใช้...ตัวห้องเน้นโทนสีเขียวอ่อนตามที่เจ้าของห้องโปรดปราน แต่ใครจะรู้ล่ะว่าบางทีห้องนี้อาจมีสีอื่นแต่งแต้มต่อไปก็เป็นได้..

“ เดี๋ยวผมขออาบน้ำก่อนนะครับ .. คุณจะดูทีวีไหมอยู่ในห้องนอนนะ” วิชญ์ภาสเอ่ยขอตัวพร้อมทั้งเอ่ยบอกที่ตั้งของทีวี เพราะไม่อยากให้กรณ์ต้องนั่งรอแล้วเบื่อ..


“ อืม.” กรณ์พยักหน้าให้บางๆ แล้วเดินก้าวเข้าไปภายในห้องนอนที่เปิดประตูอยู่ ดวงตาคู่เรียวกวาดซ้ายกวาดขวาเล็กๆแล้วเดินไปนั่งตรงโซฟาข้างๆเตียงนอน ห้องนี้ค่อนข้างกว้างจัดแบ่งเป็นส่วนๆ โดยส่วนที่กรณ์นั่งอยู่นี้เป็นโซนนั่งเล่น ปกติชายหนุ่มเจ้าของห้องไม่ค่อยให้คนอื่นเข้ามาในห้องตนสักเท่าไหร่ ยกเว้นเพื่อนสนิทจริงๆ



ใบหน้านวลบางขึ้นสีเล็กน้อยเมื่อเจ้าของห้องเดินเข้ามา .. ในสภาพที่หมิ่นเหม่เล็กๆ วิชญ์ภาสถอดเสื้อที่ชื้นเหงื่อของตนออกพาดกับบ่าหนา แล้วเดินมาหยิบผ้าเช็ดตัวที่พับวางไว้


“ ยิ้มอะไร” กรณ์แหวเข้าใส่เมื่อเห็นวิชญ์ภาสอบยิ้ม ..



“ ผมก็แค่คิดว่า ..เดี๋ยวนี้คุณน่ารักขึ้นก็เท่านั้น” วิชญ์ภาสยิ้มให้อย่างไม่ปิดบัง หลังพูดจบก็เดินออกจากห้องนอนไปอาบน้ำทันที ปล่อยให้คนหน้าสวยต้องปรายยิ้มออกอย่างเขินๆ ..นับวันนัทจะน่ารักขึ้นจริงๆอย่างที่วิชญ์ภาสว่า ยิ่งอารมณ์ร้ายๆ แสนเย็นชานั้นหายไปยิ่งทำให้เขาน่ารักขึ้นเป็นกอง
...

แต่เพียงครู่ ..ก็มีเสียงบางอย่างดังลอดมาจากทางหน้าประตู กรณ์เข้าใจไปว่านั้นเป็นเสียงของเจ้าของห้องเลยไม่ได้ใส่ใจ แต่ใครจะรู้ล่ะว่ามันเป็นอะไร ..



“ ใครวะ” เสียงมึนงงจากใครบางคนดังขึ้น ทำให้กรณ์ต้องหันไปมองทางต้นเสียงอย่างสงสัย คนตรงหน้าเป็นชายรูปร่างสูง ขาว แต่ใบหน้านั้นเปื้อนไปด้วยรอยช้ำและคราบเลือดที่กรังตรงมุมปาก ..ดูออกชัดเจนว่าคงไปถูกใครประเคนหมัดประเคนเท้ามาแน่นอน



“สวยว่ะ” เสียงนั้นเอ่ยขึ้นอย่างกระหยิ่ม พลางก้าวเข้ามาหาคนตัวบางอย่างรวดเร็ว ..กรณ์ชะงักกายหมายจะหนีแต่เหมือนทางรอดของเขาจะหมด เมื่อคนตัวสูงก้าวเข้ามาประชิดอย่างรวดเร็ว



“ แกจะทำอะไร..” ร่างบางเริ่มโวยวายอย่างรวดเร็ว ..แต่ร่างของกรณ์ก็ถูกสะกัดก่อนจะหนีได้ หมัดลุ่นหนาพุ่งตรงเข้าหน้าท้องของคนตัวบางจนจุก จากนั้นก็ถูกโยนลงบนเตียงอย่างรวดเร็ว ...

“ พลาดจากพัทยามา ..ก็เจอกรุงเทพฯเลยเว้ย สวยไม่แพ้กัน” คนรุกล้ำเอ่ยสบถอย่างหื่นกระหาย และก้มลงสัมผัสบนร่างขาวอย่างรวดเร็ว กรณ์แม้จะพยายามปัดออกแต่ก็ไม่อาจสู้แรงชายคนนี้ได้ ในความรู้สึกมีเพียงความรังเกียจ ขยะแขยง ..ความรู้สึกของกรณ์ดูจะต่างจากตอนที่โดนวิชญ์ภาสสัมผัสราวฟ้ากับเหว



“ ไม่นึกว่าไอ้วิชญ์มันจะประเคนมาสวยหยาดขนาดนี้..” หนึ่งเสียงที่ดังขึ้นทำให้กรณ์ตัวชาราวกับถูกกำลังมหาศาลของพลังงานอย่างหนึ่งอย่างใดชาร์ตเข้า .. อะไรกันนี่คำที่ชายด้านบนพูดมันหมายถึงอะไร .. ‘ประเคน ’ อย่าบอกนะว่าที่วิชญ์ภาสทำมาทั้งหมดเป็นเพียงการหลอกลวง และรอวันเอาคืนกรณ์อย่างแสนสาหัส


น้ำตาจากก้นบึ้งในหัวใจเริ่มรินไหลอย่างทำใจไม่ได้... กรณ์นอนนิ่งไม่ปัดป้องราวกับร่างกายของเขาถูกฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย



“ หอมฉิบหาย..” เสียงสบถยังคงดังต่อพร้อมเสื้อเชิ้ตตัวบางที่ถูกกระชากออกอย่างเร็ว กระดุมเม็ดแล้วเม็ดเราถูกกระชากออกจนเผยร่างขาวเนียนที่วิชญ์ภาสหลงใหล ..ไม่ใช่สิ แท้จริงแล้วมันถูกหลงใหลจริงๆหรือเปล่าล่ะ



มันยังปรากฏร่องรอยช้ำจากน้ำมือของเจ้าของห้องไม่หาย ..




อารมณ์ของกรณ์หายได้ถูกปลุกตามมือหนาที่สัมผัส หรือจะลิ้นเรียวที่เริ่มตวัดไล่จากต้นคอลงมาตามแนวกลางร่างเลยสักนิด มันมีเพียงความรู้สึกโหวงเหวง ..หากจะผิดก็ผิดที่กรณ์นี่แหละ..



“ สุดยอดจริงๆ ..อะไรจะน่ากินขนาดนี้วะ” คนตัวสูงเอ่ยอีกครั้ง แล้วชันกายที่มีบาดแผลรอยช้ำของเขาขึ้นแล้วค่อยๆถอดเสื้อที่ใส่ออกอย่างกระหายใคร่ได้ ความรู้สึกของกรณ์เหมือนจะด้านชาไปตั้งแต่คำแรกที่คนด้านบนเอ่ย... หากเขาจะต้องเสียใจอีกครั้ง เขาก็จะเก็บมันไว้ให้ลึกสุดใจและไม่มีวันที่จะมอบความเชื่อใจให้ใครอีก แม้แต่คนที่พร่ำบอกว่ารักมานานหลายเดือน แต่สุดท้ายทุกอย่างก็กลับเป็นเพียงภาพลวงตา




มือหยาบค่อยๆไล่ลงบนท้องเรียวอย่างอย่างเย้า และไล้วนตรงเหนือเนินสะดือของคนตัวบางเล็กน้อย ..ก่อนที่ริมฝีปากหนาจะฉกลงบนท้องแบนราบ ...กรณ์ก็หลับตาลงรับกับชะตาที่พาให้เขามาเจอ ริมฝีปากบางเรียวกัดเข้าหากันอย่างกั้นเสียง ..ไม่อยากให้มันเล็ดรอดออกมา..กรณ์อยากให้มันถูกคนคนนั้นได้ยินเพียงคนเดียว ..





“ เฮ้ย..” หนึ่งเสียงดังขึ้นอย่างตกใจ ..ภาพตกหน้าทำให้สติของเขาแทบขาด




“ อะไรวะ..อย่าขัดจังหวะดิไปไกลๆเลย” เสียงของคนที่กำลังคุกคามร่างกายของกรณ์อยู่เอ่ยตวัด และหันไปกล่าวกับอีกคนที่ปรี่เข้ามาใกล้ ร่างของเจ้าของห้องกระชากร่างสูงที่กล้าบังอาจมายุ่งย่ามกับคนของเขาออกอย่างรวดเร็ว จนร่างนั้นล้มลงไปกระแทกกับโต๊ะด้านหลัง .. วิชญ์ภาสที่เพิ่งเดินออกจากห้องน้ำด้วยผ้าเช็ดตัวเพียงผืนเดียวปรี่เข้าประคองร่างบางที่นอนหลับตาร้องไห้อยู่ ... ร่างสูงดึงคนเจ็บปวดเข้ามากอดไว้อย่างหวงแหน

“ อะไรมึงนี่ทำหมาหวงกล้าเหรอวะ”



“ มึงอย่ามายุ่งกับคนของกูอีก ไอ้พี่ธี” วิชญ์ภาสบอกกราดเสียงแข็ง ..เวลานี้เขาไม่ใช่หนุ่มเจ้าสำราญคนเก่าผู้ไร้ความจริงใจอีกแล้ว บัดนี้หัวใจของเขาถูกคนในอ้อมอกครอบครองจนยากจะถอดถอน




“ อะไรจะหวงขนาดนั้น ปกติเมื่อก่อนมึงได้ปุ๊บก็แบ่งๆ อย่าหวงเว่อร์กูพี่มึงนะ” คนเป็นญาติผู้พี่เอ่ยขึ้นอย่างโมโห สมัยก่อนพอคนเจ้าเสน่ห์ได้คั่วปุ๊บ ก็ตกทอดไปยังคนเป็นพี่ หรือไม่ก็เป็นโต้ง



“ มึงไม่ต้องพูดพล่ามเลย ..ถ้ายังกล้ายุ่งกับเมียกูอีก กูไม่นับมึงเป็นพี่แน่...” วิชญ์ภาสชี้นิ้วขึ้นกราดกับคนที่ยืนมองตาเขม็ง ..เวลานี้เขาห่วงคนในอ้อมอกมากที่สุดกรณ์ยังไม่หยุดร้องไห้ ...แถมร่างกายยังปรากฏรอยแดงขึ้นเป็นจ้ำๆ รอยจากอีกคนที่ไม่มีสิทธิ์



“ ทำเป็นหวง กูกลับไปหาไอ้บอยก็ได้” ธีเอ่ยขึ้นแล้วเดินคว้าเสื้อที่ถอดออกขึ้นมาสวมลวกๆ ..แล้วเดินออกจากห้องไปหาเพื่อนสนิท เมื่อคืนเขาเพิ่งโดนเพื่อนๆในกลุ่มรุมสะกำเพราะเผลอจะไปปล้ำคนน่ารักของกลุ่ม พอมาวันนี้เขาก็จะปล้ำคนของน้องชายอีก..




“ อย่าร้องไห้สิครับ ..อย่าร้องไห้” วิชญ์ภาสขยับให้ร่างบางออกจากตนเล็กน้อย ค่อยๆประคองจับต้นแขนบางไว้อย่างเบามือ ..ใจก็ร่ำร้องกลัวกรณ์จะเป็นอะไรไปมากกว่านี้... กลัวเหลือเกินว่ากรณ์จะเจ็บปวดและทรมาน




“ ..” กรณ์ค่อยๆลืมตาขึ้นมองคนตรงหน้าอย่างไม่แน่ใจ .. สรุปแล้วมันคืออะไรกันแน่ ความจริงแล้วมันคืออะไร เขาแยกไม่ออกจริงๆว่าความจริงกับความลวงมันต่างกันตรงไหน เขาไม่รู้เลยจริงๆ ...



“ ทำไมไม่สู้ล่ะครับ ทำไมถึงยอมให้เขาทำอย่างนั้น ..รู้ไหมว่าผมกลัวแค่ไหนว่าเขาจะทำร้ายคุณ จะทำให้คุณต้องรู้สึกเจ็บไปมากกว่านี้..” คนตรงหน้าเอ่ยขึ้นเสียงสั่น น้ำตาก็พานจะไหลมาคลอด้วยความสงสารคนที่เขารัก ..เขารักกรณ์มากจริงๆ มากจนกลัวว่าอะไรเล็กๆน้อยๆจะเข้ามาแผ้วพานและทำให้กรณ์ต้องรู้สึกไม่ดี


“ ฉัน..อึก..นึกว่านายเป็นคนให้ ..เขาเข้ามา” กรณ์บอกไปพร้อมเสียงที่คลอสั่น น้ำตายังไหลประสานตลอดทั้งประโยค .


.
“ คุณก็เลยไม่สู้..” วิชญ์ภาสสะอึกไปและถามต่อ



“..” ใบหน้าบางพยักรับเบาๆ กรณ์จ้องมองอีกฝ่ายด้วยน้ำตาที่มากล้นแล้วโผเข้ากอดอีกคนที่ยังคงนั่งนิ่ง มันเป็นครั้งแรกที่วิชญ์ภาสรับรู้ได้ถึงการใกล้กัน



“ ถ้าไม่รักฉันแล้ว..อื้อ..ก็อย่ายก ..อึ..ฉันให้ใครเลยนะ” กรณ์ค่อยๆเอ่ยอย่างติดๆขัดๆ มันยากที่จะเอ่ยออกมา แต่เขากลัวจริงๆ กลัวว่าหากวันหนึ่งเดินทางมาถึง วันที่รักในใจของคนที่กรณ์กอดอยู่หมดไป แล้วกรณ์จะถูกยกไปให้คนอื่นๆ เช่นกับคนที่วิชญ์ภาสเคยควงในอดีต เขาคงทำใจไม่ได้จริงๆ หากต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนั้น



“ อย่าพูดอย่างนี้สิครับ คนที่ควรพูดเป็นผมมากกว่า แค่คุณยอมอยู่ข้างผม ยอมอยู่ในอ้อมกอดของผมแค่นี้คุณก็ให้เกียรติผมมากแล้ว ... ผมต่างหากที่ควรกลัว เพราะผมไม่ใช่คนดีพร้อมไม่ใช่คนที่มีอะไรมากมาย ..หากมีใครเข้ามาในชีวิตอาจทำให้คุณจากผมไป” นั่นคือสิ่งที่เขาเองก็คิดเหมือนกัน ..ชีวิตของกรณ์ยังมีสิ่งสวยงามมากมายรายล้อม เขายังมีสิทธิ์เลือกคนดีๆให้เข้ามามากมาย ..



“ เลิกร้องดีกว่า ..เดี๋ยวเราไปหาอะไรทานข้างนอกดีกว่า” วิชญ์ภาสตัดสินใจปิดประเด็น เพราะไม่อยากเห็นน้ำตาของกรณ์อีกแล้ว รู้สึกสงสารกรณ์จริงๆที่ต้องร้องไห้ทรมานใจขนาดนี้..หวังว่าความรักความจริงใจที่เขาแสดงออกมันคงจะดีที่สุดสำหรับรักของทั้งสอง



“ อือ” กรณ์พยักหน้ารับพลางยกมือขึ้นป้ายน้ำตาออกไปให้พ้น .. อย่างน้อยเวลานี้เขาก็เชื่อว่าคนตรงหน้าจะยังไม่ห่างเขาไปไหน มันก็น่าแปลกแรกเริ่มของเรื่องราวกรณ์เกลียดคนที่เขากอดเข้าไส้ แต่เวลานี้มันกลับแตกต่างเมื่อละอองของรักไหลวนรอบๆกายของทั้งสอง



“ หน้าคุณน่ะ..เหมาะกับรอยยิ้มมากกว่าน้ำตานะถึงคุณจะไม่เคยยิ้มให้ผม แต่ผมก็เชื่อว่าเวลานี้คุณยิ้มทุกอย่างจะยิ้มตามแน่ๆ” ชายหนุ่มผละออกจากร่างอีกฝ่ายเล็กน้อย ..แล้วเอ่ยขึ้น ..


..
ร่างสูงชะงักไปเมื่อเวลานี้คนตรงหน้ากำลังส่งประกายยิ้มทอกลับมาให้เขา ครั้งแรกที่รับรู้ได้ถึงหัวใจซึ่งกำลังทำสิ่งดีๆมอบให้กับเขา


“ รู้ตัวไหมนี่ว่าคุณกำลังยั่วผมอยู่นะ..” คนตัวสูงเลื่อนกายเข้ามาใกล้ แล้วสัมผัสริมฝีปากของกรณ์อย่างแผ่วเบาเอ่ยเย้าในหนึ่งประโยคที่ทำให้คนหน้าสวยต้องแปรเป็นหงิกอย่างอัตโนมัติ



“ ผมไม่ล้อแล้ว ..ไปแต่งตัวดีกว่า” วิชญ์ภาสยิ้มรับกับท่าทีนั้นแล้ววางริมฝีปากบนแก้มสวยๆ ก่อนจะเดินจากไปแต่งตัวเพื่อออกไปทานอาหารข้างนอก ..เสื้อเชิ้ตสีเขียวอ่อนสีโปรดของเจ้าของห้องถูกบรรจงสวมลง พร้อมกางเกงยีนส์ตัวโปรดที่ไม่ได้ใส่มาหลายเดือน ..ชายหนุ่มเพิ่งพิศตัวเองในกระจกเล็กน้อยก็ปรายยิ้มออก เมื่อเห็นความเปลี่ยนแปลงในตัวเขา .. หน้าที่เคยใสก็หม่นลงเพราะคมแดดริมทะเล แต่มันก็มาพร้อมกับร่างกายที่ดูกำยำขึ้น สมัยก่อนเขาต้องร่อนเข้าฟิตเนสฟิตหุ่นสามวันต่อสัปดาห์ แต่ตั้งแต่ไปอยู่สายลม เขาไม่ต้องพึ่งอะไรพวกนี้เลย กิจกรรมยามค่ำคืนระหว่างเขากับเจ้าของบ้านสายลม สร้างเสริมกำลังกายได้มากเกินกว่าเขาจะรู้ตัว ..


แต่เหมือนรอยยิ้มขันๆในเรื่องราวที่เขาคิดจะแทรกไปถึงกรณ์ที่ เหลือบหันมาอย่างบังเอิญ ..


“ ไปได้รึยัง” คนตัวบางเอ่ยขึ้นเสียงแข็งแล้วเบี่ยงตัวหมายจะเดินออก แม้วิชญ์ภาสจะไม่พูดอะไรออกมาแต่กรณ์ก็กลับรับรู้ได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่อีกฝ่ายคิด .. ร่างของคนหน้าสวยถูกตวัดเข้ามากอดไว้ก่อนจะเดินออกจากห้องนอนไปสำเร็จ คนตัวสูงช้อนกอดอีกฝ่ายจากทางด้านหลังและหันกรณ์ให้กลับไปมองภาพของเขาและวิชญ์ภาสในกระจก


“ รู้ไหมว่าเมื่อกี้ผมคิดอะไรอยู่..” วิชญ์ภาสเอ่ยถามเสียงร่าเริง ..



“ ไม่รู้ และไม่อยากรู้” กรณ์บอกและหลบสายตาอย่างไม่อยากตกอยู่ในสถานการณ์ดังกล่าว ..ไม่ใช่มันจะแปลก จะแตกต่าง แต่เขากลับไม่พร้อมจะรับบางสิ่งบางอย่างที่วิชญ์ภาสจะหยิบยื่นให้ ขอเวลาเขาอีกสักนิดขอความมั่นใจให้เขาอีกสักหน่อย เขาขอแค่นี้แหละ..



“ ผมแค่คิดว่า...สมัยก่อนผมต้องเข้าฟิตเนสอาทิตย์ละ 3 วัน แต่ตอนอยู่สายลมไม่ต้องเลย แต่กลับเฟิร์มกว่าช่วงออกกำลังกายเสียอีก..” รอยยิ้มกรุ้มกริ่มทำให้กรณ์ชะงักเล็กๆ แล้วแกะร่างของตัวเองออกจากเขาให้เร็วที่สุด วิชญ์ภาสได้แต่ยิ้มตามอย่างขันๆในท่าทีน่ารักนั้น .. บ่อยเสียที่ไหนล่ะที่จะเห็นกรณ์ในแบบนี้.. มีเขาเพียงคนเดียวเท่านั้นแหละที่ได้รับสิทธิ์นี้ ..

“ เร็วๆ ช้าอยู่ได้หิวข้าวแล้ว” กรณ์ส่งเสียงบอกเบาๆ เพื่อปิดฉากการสนทนาระหว่างทั้งสองไว้เพียงเท่านี้ รถคันหรูของบ้านสายลมแล่นออกจากคอนโดอย่างไม่เร่งรีบอะไร อย่างไรเสียสองวันนี้ก็เป็นเวลาของทั้งสองโดยแท้จริง วิชญ์ภาสรู้สึกเป็นสุขมากขึ้นเวลาได้อยู่ใกล้อีกคนข้างกาย ..


ร้านที่เขาเลือกไม่ห่างจากใจกลางเมืองสักเท่าไหร่ บรรยากาศในยามนี้ค่อนข้างน่านั่งพอตัว .. ไม่นึกเลยว่ากลางเมืองใหญ่จะมีร้านอาหารที่ร่มรื่นได้ขนาดนี้.. กรณ์เดินเข้ามาภายในร้านพร้อมคนนำทาง ..



“ มาแล้วเหรอวะไอ้วิชญ์..” เสียงห้าวๆของใครคนหนึ่งดังขึ้นจากทางด้านข้างของร้าน ..ทำให้ทั้งสองชะงักเท้าพร้อมๆกัน แต่เงาไม้ภายในร้านที่จัดในรูปแบบสวนก็บดบังคนที่ยืนล้ำไปด้านหน้าวิชญ์ภาสสองก้าวไว้เสียมิด จนคนที่เข้ามาทักไม่ทันได้สังเกต


“ มีอะไร..” ชายหนุ่มคิ้วหนาหันไปตามเสียงของเพื่อนแล้วเอ่ยถาม


“ กูอยากเห็นหน้าเด็กใหม่มึงว่ะ... ไอ้พี่ธีแม่งบ่นใหญ่ว่ามึงหวงเว่อร์ เห็นบอกว่าน่ารัก” เสียงกรุ้มกริ่มจากคนตัวสูง ที่ร่างกายค่อนข้างกำยำกว่าวิชญ์ภาสพอตัวเอ่ยถามด้วยความสนใจ



“ อย่ายุ่ง..”



“ อะไรวะ เดี๋ยวนี้หวงเหรอ... กูมีเด็กใหม่โคตรน่ารักเลย ยังไม่ได้เปิดเลย แลกกับมึงเลย กูอยากรู้ว่าเด็กมึงจะเป็นไงบ้าง..” โต้งยื่นข้อเสนอ เพราะคำพร่ำเพ้อของธีทีโทรฯมาหาเขา เลยทำให้โต้งอยากยลโฉมคนน่ารักที่ธีว่าสักครั้ง สมัยก่อนมีอะไรก็แบ่งปันกัน ..อย่างสนุกสนาน แต่ใครจะรู้ล่ะว่าการกระทำของพวกเขามันทำให้ใครหลายคนต้องตกนรกทั้งเป็น ..

“ กูขอเตือนว่าอย่ามายุ่งกับคนของกูอีก..ต่อให้คนของมึงจะดีแค่ไหน กูก็ไม่สน” วิชญ์ภาสตอบไปด้วยสายตามั่นคง สายตาที่โต้งต้องสะอึกเพราะไม่เคยสัมผัสมันเลยสักครั้ง วิชญ์ภาสในเวลานี้ดูแตกต่างจากเพื่อนของเขาเมื่อสองสามเดือนก่อนอย่างสิ้นเชิง



“ไปได้ยัง ..หิวแล้ว” เสียงของกรณ์ที่แหวกฝ่ากระแสทำให้วิชญ์ภาสหันกลับไปมองด้วยรอยยิ้มเอาใจ ..และโต้งที่ยืนใกล้ๆเองก็ต้องเบิกตากว้างมองคนที่เรียกวิชญ์ภาสอย่างไม่เชื่อสายตา ..คนตรงหน้าที่แสนน่ารัก และมีเสน่ห์ แต่โต้งก็จำได้ดีว่าคนคนนี้คือพี่ชายของกาณฑ์ .. โต้งจะกล้าไม่รู้จักเจ้าของบ้านสายลม ประธานบริหารธุรกิจเครือยักษ์ใหญ่ของเมืองไทยงั้นเหรอ ...

“ ครับ” วิชญ์ภาสยิ้มให้อีกครั้งแล้วเดินเข้ามาใกล้อีกคน ..คนตัวบางเงยหน้ามองเล็กน้อยแล้วเดินต่อไปนั่งในส่วนโถงของร้านอาหาร ..ทิ้งไว้เพียงโต้งที่ยืนมองอย่างสงสัย และแปลกใจ ..ใครจะรู้ล่ะว่าทางเบื้องหน้าระหว่างทั้งสองยังมีบททดสอบอะไรขวางอยู่รึเปล่า



แต่ช่างมันเถอะ เวลานี้มันมีความสุขมากเกินพอแล้วสำหรับคนสองคนที่มีใจให้กัน แม้กรณ์จะยังไม่ปริปากบอกออกมาแต่สักวัน เมื่อรักมันเต็มปริ่มกลางใจ วันนั้นเขาจะเป็นฝ่ายเอื้อนเอ่ยหนึ่งถ้อยคำที่ทำให้วิชญ์ภาสต้องยิ้มรับทั้งวันเอง ..

 
ความจริงของความเจ็บปวดแท้จริงมันจบสิ้น หรือเพิ่งเริ่มต้นกันแน่

อีกไม่กี่ชม.ข้างหน้าอาจมีบางสิ่งบางอย่างที่คนตัวสูงไม่คาดคิดเกิดขึ้นก็ได้..ภาวนา
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 21
เริ่มหัวข้อโดย: iGiG ที่ 08-06-2009 00:21:28
เพิ่งจะสมหวัง อะไรจะเกิดขึ้นต่อไปหนอ ขออย่าให้ร้ายแรงเลย  :monkeysad:

ขอบคุณที่เอามาลงให้อ่านไม่ขาดตอนเลยนะค้า ^^
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 21
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 08-06-2009 01:06:04
ขออยู่กับความสุขตอนนี้ก่อนละกันเนอะ อะไรข้างหน้าก็เป็นเรื่องของอนาคต
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 21
เริ่มหัวข้อโดย: nanao ที่ 08-06-2009 07:08:28
โหยนึกว่าจะเสร็จซะแล้ว
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 21
เริ่มหัวข้อโดย: menano ที่ 08-06-2009 08:10:03
โอ่ย โอ่ย

ช่วยวิชญ์ภาวนาด้วย

อย่าได้มีอะไรเกิดขึ้นอีกเลยเท้ออออออออออออออ

สาธุ :call:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 21
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 08-06-2009 09:04:38
อะไรกัน จิตรตกกันหมดเลย

สิ่งที่จะเกิดต่อไปมันอาจจะเป็นสิ่งที่ดีก็ได้นะ

ไปอ่านกันต่อละกัน จะได้รู้ว่ามันคืออะไร หึ หึ

หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 22
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 08-06-2009 09:32:37
ตอน 22

คนสองคนเดินออกจากร้านท่ามกลางความแปลกใจของใครหลายคน ร้านนี้เป็นร้านของรุ่นพี่โต้ง..แต่เขาก็ชวนชายหนุ่ม วิชญ์ภาส รวมถึงสมัครพรรค์พวกมาร่วมหุ้น มันจึงเป็นที่สังสรรค์หนึ่งของคนในกลุ่ม เป็นเสมือนที่นัดพบกันและกัน


“ดูเพื่อนมึงสิไอ้โต้ง ทำไมเดินตามเด็กนั่นต้อยๆวะ หรือว่ามันจะถอดลายแล้ว” รุ่นพี่ธีหนึ่งในตัวพ่อ เรื่องล่อๆ ลับๆ เอ่ยถามอย่างสงสัย ทุกสายตาในโต๊ะก็เหลือบมองไปยังร่างของทั้งสองที่เดินออกจากร้านพร้อมกัน มันดูจะแปลกไปสักหน่อยกับการกระทำของวิชญ์ภาสที่แสดงออกต่อคนตัวบาง

“ อย่ายุ่งเลย ..ขืนไปยุ่งกับคนของมันได้โดนเตะตายหรอก” โต้งเอ่ยท้วงเพราะรู้ดีว่า เวลานี้วิชญ์ภาสเหมือนจะเปลี่ยนไป อาจเพราะอะไรบางอย่างทำให้เปลี่ยน แต่โต้งคงคาดไม่ถึงว่าสิ่งที่ทำให้ ซาตานมาดร้ายกลายเป็นเทพบุตรสุดสุภาพแท้จริงแล้วคือ ‘ความรัก’


“ ยิ่งยากๆ กูยิ่งชอบไม่รู้หรือวะ งานนี้มึงถอนตัวแล้วนะไอ้โต้ง เดี๋ยวกูนัดกับไอ้ต้าก็แล้วกัน ขาวๆอย่างนี้แม่งน่าเจี๊ยะชิหาย” ธีเผยยิ้มอย่างกระหาย อะไรที่ยิ่งยาก มันยิ่งท้าทายในความรู้สึก แต่บางสิ่งบางอย่างมันก็ยากเกินกว่าสิ่งใดจะฝ่าฟัน หากจะมีเหตุผลในการเอื้อมถึง คงต้องใช้รักเพียงอย่างเดียว .
.
“ ถ้ามึงอยากตายเป็นศพก็ช่างหัวมึงนะพี่ธี กูเตือนมึงแล้ว”

“ มึงหมายถึงอะไร กูไม่กลัวไอ้วิชญ์หรอกโว้ย” ธีเอ่ยถามอย่างไม่ยี่หระใดๆ

“ กูไม่ได้หมายถึงไอ้วิชญ์มันจะทำอะไรมึง แต่คนที่เดินกับไอ้วิชญ์ตอนนี้มันเป็นพี่ไอ้น้องกาณฑ์ ที่สำคัญตระกูลมันเป็นยักษ์ใหญ่ตั้งแต่ประจวบลงไป ถ้ามึงกล้าแหยมรับรองไอ้มาฟงมาเฟีย บอดี้การ์ดของมันรุมทึ้งมึงจนตายหาซากไม่เจอแน่ เผลอ ป๋ามึง แม่มึงได้พลอยซวยไปด้วย” โต้งเอ่ยเตือนอย่างห่วงใย .. คนอย่างกรณ์นั่นทรงอิทธิพลแค่ไหน แม้กรณ์จะไม่ได้เอ่ยปาก แต่ด้วยบารมีที่พ่อและแม่สั่งสมมาตั้งนานนม ย่อมทำให้คนเคารพรักและนับถืออย่างมาก หากกล้าคิดจะแหยมกับกรณ์และคนของสายลม ก็เท่ากับตั้งตัวเป็นปฏิปักษ์กับความตาย


คราววิชญ์ภาสเองก็เกือบตายเพราะแรงแค้นจากคนใต้อิทธิพลและบารมี แต่เพราะกรณ์อยากออกโรงเองเลยทำให้เรื่องราวเดินไปในรูปแบบที่เป็นอยู่ขณะนี้


“ แม่ง..น่ากลัวอย่างนี้กูไม่แหยมล่ะวะ แต่ไอ้วิชญ์มันไม่กลัวตายเหรอนี่” ธีชักประหวาด ตัวเขาเองมันไม่สำคัญสักเท่าไหร่หรอก แต่เขาห่วงพ่อห่วงแม่ ถึงเขาจะไม่ใช่ลูกที่ดีนักแต่ยังไงความรักที่มีต่อพวกท่านก็ไม่น้อยกว่าใครๆ

‘พี่วิชญ์ต้องเป็นของฉัน’ หญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวที่เพิ่งเดินกลับออกมาจากห้องน้ำด้านหลัง เอ่ยขึ้นอย่างมาดร้ายจ้องมองไปยังรถสีดำสนิทที่แล่นออก ..



ทางฝ่ายวิชญ์ภาสกับกรณ์หลังออกจากร้านอาหาร ก็ขับตรงไปยังเส้นทางเบื้องหน้า โดยคนขับไม่รู้เลยว่ากำลังมีอะไรบางสิ่งบางอย่างรอเขาอยู่ บางสิ่งที่เขาไม่คาดคิดและไม่คาดฝัน แต่มันสำคัญยิ่งกว่าลมหายใจใดๆของชายหนุ่มตัวสูง ..


“ เลี้ยวข้างหน้านี่แหละ” กรณ์เอ่ยขึ้นพร้อมทั้งชี้นิ้วไปยังซอยเบื้องหน้า ..วิชญ์ภาสเลิกคิ้วมองอย่างสงสัยแล้วหันไปมองคนข้างกายอย่างหาคำตอบ

“ จะไปไหนครับ คอนโดผมตรงไปนี่หน่า” วิชญ์ภาสถามขึ้น เพราะอีกไม่เท่าไหร่ก็ใกล้จะถึงคอนโดของเขาแล้ว อยู่ๆจะให้เลี้ยวไปข้างหน้าทำไม


“ ถามมากจริง” กรณ์แสร้งงอนแล้วหันมองไปข้างหน้า โดยไม่ให้คำตอบใดๆกับวิชญ์ภาสเลย ชายหนุ่มคนขับเลยต้องทำตามประสงค์เพราะไม่อยากให้กรณ์รู้สึกไม่ดีต่อเขาอีก เวลานี้มันอาจดูสับสนและวุ่นวาย ดูเหมือนเขาจะยอมกรณ์แทบทุกอย่าง แต่ใครจะรู้ล่ะว่าบางทีหากวิชญ์ภาสกล้าพูดขอกรณ์เองก็กล้าจะให้ทุกอย่างแก่คนตรงหน้าเหมือนกัน


“ มาหาใครครับ หรือคุณจะทำธุระ” เมื่อรถสีดำคันเก่งจอดสนิทตรงหน้าบ้านหลังหนึ่ง วิชญ์ภาสก็เอ่ยถาม ..บ้านตรงหน้าหลังไม่เล็กไม่ใหญ่ เป็นบ้านเดี่ยวบนเนื้อที่สักสองร้อยตารางวา ด้านหน้ามีสนามหญ้าเขียวขจี ตอนนี้กำลังมีหญิงสาวนางหนึ่งในชุดสีส้มสด กำลังนั่งเล่นกับสุนัขสามสี่ตัวอย่างสนุกสนาน เงาไม้ที่ปรากฏทำให้เวลานี้รอบๆบ้านดูร่มรื่นและเย็นตาอย่างมาก

“ ตามมาเถอะ ถามมากๆเดี๋ยวให้กลับไปคนเดียวเลย” กรณ์บอกเสียงราบไม่ได้แข็งกระด้างหรือประชดเช่นทุกทีที่ชอบทำ

Aodddddddddddddd.

ชายหนุ่มตัวบางยกนิ้วขึ้นกดเรียกคนในบ้าน แม่สาวผมยาวเลยรีบวิ่งมาเปิดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“ สวัสดีค่ะคุณกรณ์ ..คุณวิชญ์” เด็กสาววัยสิบเจ็ดสิบแปดยกมือไหว้ทั้งสอง พร้อมโปรยยิ้มสุดกว้าง แต่สิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มตัวสูงต้องสงสัย คือเจ้าหล่อนรู้จักชื่อเขาได้ยังไง ..

“ เธอรู้จักฉันด้วยเหรอ”

“ ทำไมจะไม่รู้จักล่ะคะ ..เข้าไปข้างในก่อนดีกว่าเดี๋ยวเขียว ไปหาน้ำมาให้ดื่มดีกว่าค่ะ คุณน้าคงอยู่หลังบ้านเดี๋ยวเขียวเรียกให้นะคะ” หญิงสาวยิ้มกว้างตามวิสัย แล้วิ่งเข้าไปภายในบ้านหลังนั้นอย่างรวดเร็ว


“ ใครกันครับนี่ แล้วที่นี่ที่ไหนกันผมเริ่มงงไปหมดแล้ว” มือแกร่งเอื้อมไปรั้งเอวของอีกฝ่ายที่หมายจะเดินไปข้างหน้าอย่างสงสัย หากเขาไม่ถามออกไปคงอยู่ไม่ไหวแล้วล่ะ

“ ที่นี่เป็นบ้านของแม่ฉัน ..ตอนแม่แต่งงานก็ย้ายไปอยู่กับพ่อที่สายลม บ้านนี้เลยไม่มีใครอยู่ ส่วนเขียวก็เป็นเด็กที่แม่อุปการะไว้ เมื่อก่อนก็อยู่สายลมนั่นแหละ แต่ยัยนี่มันเด็กหัวดีเลยสอบเข้ากรุงเทพฯได้ตั้งแต่ม.ต้น ฉันเลยให้มาอยู่ที่นี่และดูแลบ้านไปด้วย ..พอใจรึยัง” กรณ์เอ่ยตอบไปอย่างไม่ปิดบัง พลางเอียงคอขึ้นมองเป็นเชิงหาคำตอบว่า การที่เขาตอบเช่นนี้เพียงพอหรือยัง

..จุ๊บ.. ท่าทีของอีกฝ่ายที่กำลังทำ การเอียงคอนิด ดวงตาใสๆ กับริมฝีปากแสนเย้ายวนที่เอื้อนเอ่ยทำให้คนตัวสูงอดจะยิ้มออกมาไม่ได้ สุดท้ายก็ฉกฉวยความนุ่มนวลด้วยปากของเขาไปอย่างแนบแน่น กรณ์ยกมือห้ามทุบหลังอีกฝ่ายอย่างเร็วเพราะตอนนี้ไม่ได้อยู่กันแค่สองคน ..

“ ฮะแฮ่ม” เสียงกระแอมขัดจังหวะของใครบางคนทำให้ทั้งสองละออกจากกันอย่างรวดเร็ว.. กรณ์ถึงกับยืนหอบเพราะขาดอาการหายใจไปชั่วขณะผิดกับอีกคนที่ตัวชาราวกับโลกของเขา กำลังสั่นไหวไร้แรงเสถียร ต้นเสียงกระแอมที่ดังขึ้นเมื่อครู่ไม่สำคัญอะไร เท่ากับภาพที่เห็นในขณะนี้

“ แม่..” วิชญ์ภาสเอ่ยขึ้นอย่างไม่คาดฝัน หญิงวัยกลางคนตรงหน้าไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นมารดาของเขา มารดาที่ถูกกรณ์กุมตัวไว้เป็นข้อต่อรองตั้งแต่เมื่อสองสามเดือนก่อน ..

“ ทำอะไรคุณกรณ์นี่.. ร้ายจริงๆนะลูก” เสียงทักทายอย่างเอ็นดูทำให้วิชญ์ภาสต้องหันมองอีกฝ่ายอย่างไม่คาดฝัน แม่ของเขาไม่เหมือนคนทุกข์ทรมาน ไม่เหมือนคนถูกทำร้าย หรือเจ็บปวดแต่อย่างใด


“ มองอะไรเล่า ร้อนจะตายอยู่แล้วเข้าบ้านดีกว่า” กรณ์หันมองเล็กๆ แต่ไม่กล้าสบสายตาอีกคนหรอก ชายหนุ่มเหวี่ยงใส่คนของตนเล็กน้อย

“ กรณ์เข้าบ้านก่อนนะน้านา” ชายหนุ่มยิ้มให้เล็กน้อย แล้วเดินอาดๆเข้าบ้านไปเพราะไม่อยากตกอยู่ในสภาพที่เป็น มันเหมือนความร้ายกาจที่เขาสร้างขึ้นมาตลอดเวลาถูกกระชากออก แท้จริงภายในมีเพียงความอ่อนโยนและเมตตา กรณ์ต้องรับภาระเลี้ยงดูน้องๆ และควบคุมกิจการใหญ่โตมาตั้งแต่เด็ก เขาไม่ต่างอะไรจากผู้ปกป้อง สัญชาตญาณของอ้อมกอดอันอบอุ่นมีอยู่ในทุกลมหายใจ

.. แล้วจะมีทางหรือที่เขาจะลงมือทำร้ายผู้หญิงไร้ทางสู้ได้


“ แม่ แม่สบายดีหรือเปล่า” วิชญ์ภาสรีบเดินเข้าไปหาแม่ของตนอย่างห่วงใย ตลอดเวลาเขานึกว่าคุณวรางคณาต้องเจ็บปวด ต้องรวดร้าว


“ สบายดีสิ..ตอนนี้แม่ดังใหญ่แล้วนะ” นางยิ้มให้อย่างแพรวพราวแล้วคว้าแขนลูกชายเขาบ้านไปอย่างรวดเร็ว ระยะทางจากหน้าบ้านมายังห้องนั่งเล่นไม่ไกลเท่าไหร่ ..แต่เพียงก้าวแรกที่เขาก้าวเข้ามาเท้าของเขาก็ชะงัก.. ภาพตรงหน้าทำให้ชายหนุ่มแทบไม่อยากเชื่อ.. ถ้าเขาดูไม่ผิดนั้นมันเป็นภาพมารดาของเขา แต่ดูสวยกว่าตัวจริงมาก

“ นี่ผลงานชิ้นโบว์แดงเลยนะ แม่ได้ค่าถ่ายแบบชุดนี้ตั้งหนึ่งแสนแหนะ” หญิงวัยกลางคนเอ่ยบอกอย่างภูมิใจ มรดกที่สามีทิ้งไว้ก่อนตายก็มีใช้ได้ แต่หากไม่รู้จักใช้วันหนึ่งก็หมด..คุณวรางคณาที่รับบทแม่บ้านมาตั้งแต่แต่งงานเลยอดจะรู้สึกภูมิใจไม่ได้ที่สามารถหาเงินได้ด้วยตัวเอง



“ แม่มันเกิดอะไรขึ้น” วิชญ์ภาสต้องมองมารดาเขาด้วยสายตางุนงงเป็นครั้งที่สอง ..


“ เขียว ...น้ำได้ยังนี่ร้อนจะตายอยู่แล้ว” เสียงของคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟาดังขึ้น ..วิชญ์ภาสลืมไปเสียสนิทว่าในห้องใช่จะมีเพียงเขากับมารดา ตอนนี้เขากำลังตกใจกับภาพที่เห็นต่างหาก


“ ค่ะ” แม่เด็กสาวจอมร่าเริงวิ่งมาอย่างรวดเร็ว พร้อมแก้วน้ำสำหรับคนแก้เก้ออย่างกรณ์

“ แม่ยังไม่ตอบวิชญ์เลย”


“ ก็เพราะเพื่อนคุณกรณ์เขาพาแม่ไปแคสบทนะสิ... แล้วลูกไปอยู่ไหนนี่ไม่รู้รึยังไงว่าแม่ได้เล่นละครด้วยนะ แต่กว่าจะแคสผ่านก็เล่นเอ่าเหนื่อยเหมือนกัน ..ทั้งบทร้องไห้ เสียใจ ไหนจะถูกทารุณกรรม แม่ยังแปลกใจไม่หาย ความจริงเรื่องที่เล่นแม่เป็นครูของนางเอกนะ ไม่มีเศร้าไม่มีอะไรเลย” คำของคุณวรางคณาเล่นเอากรณ์แทบจะหายใจไม่ทั่วท้อง วิชญ์ภาสหันไปมองตัวต้นเหตุอย่างไม่เชื่อสายตา ทั้งหมดที่เกิดมันเป็นเพียงแผนของกรณ์... โธ่ไอ้คนเจ้าเล่ห์



“ มองอะไรเล่า..” กรณ์แหวเข้าใส่เพราะไม่รู้จะทำยังไงดี

“ ร้ายมากนะคุณกรณ์” วิชญ์ภาสเผยยิ้มเจ้าเล่ห์ตอบกลับแล้วลุกไปยังอีกฝ่ายที่นั่งตรงข้าม .. ร่างบางถูกฉุดขึ้นให้ยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว


“ จะทำอะไรคุณกรณ์นี่ลูก” คุณวรางคณารีบถามอย่างรวดเร็ว ..แต่ทันทีที่พูดจบร่างของกรณ์ก็ถูกอุ้มขึ้นพาดบ่า คนตัวบางทั้งดิ้นทั้งโยนแต่ก็ไม่เป็นผล

“ วิชญ์ขอเวลาไปจัดการกับสะใภ้ของแม่ก่อน ..แล้วเย็นๆค่อยลงมานะ”

“ อะไรนะตาวิชญ์ ..สะใภ้..” คุณวรางคณาเหลือบมองอย่างไม่เชื่อสายตา


“ พูดบ้าอะไร ยังไม่ได้รับอะไรสักหน่อย” กรณ์รีบบอกท้วงก่อนที่คุณวรางคณาจะเชื่อตามนั้น แต่พ่อตัวสูงก็จับคนบทบ่าเขย่าหนึ่งทีเสียงแหวก็เลยหายไป


“ อย่าทำอะไรรุนแรงนะตาวิชญ์คุณกรณ์เขาดีกับแม่มาก” คุณวรางคณาชักห่วง ถ้านางได้อยู่ในสายลมคงไม่มีความรู้สึกเช่นนี้หรอก สองคนนี้ทะเลาะกันแรงกว่านี้หลายเท่าก็มีมาแล้ว แค่นี้มันแค่เบาะๆแบบหมาหยอกไก่ ไก่จิกหมาอะไรอย่างนี้


“ วิชญ์ไม่ฆ่าเมียตัวเองหรอกแม่..” วิชญ์ภาสยิ้มให้แล้วเดินขึ้นไปยังชั้นสองของบ้านอย่างรวดเร็ว เหลือเพียงสายตาของสองคู่ที่มองขึ้นไปอย่างห่วงๆ ...


“ คุณกรณ์ของเขียว ..อะไรนี่ ทำไมลูกชายคุณน้าแย่งคุณกรณ์ของเขียวไปล่ะ” เขียวหันไปมองคุณวรางคณาที่ปรายยิ้มเล็กๆอย่างตั้งคำถาม แต่มันไม่ได้ต้องการคำตอบอะไรล่ะ



“ สุดยอดไปเลยแม่เขียว .. ฉันนึกมาตั้งนานแล้วว่าคุณกรณ์นี่เป็นคนดี ถ้ามาเป็นลูกของฉันก็คงดี ไม่นึกๆ ว่าสุดท้ายจะกลายมาเป็นสะใภ้ของฉัน สุดยอดไปเลยตาวิชญ์ลูกแม่.. อย่างนี้แม่รักตาย..” ท่าทีคุณวรางคณาดูจะสมหวังไม่ใช่น้อย .. ความจริงของความรักขั้นแรกได้ถูกเปิดออกแล้ว ต่อไปจะเป็นเช่นไร ใช้ใจลิขิตรักคงจะดี ..

ทางฝ่ายกรณ์ก็ชักหวั่นสิ่งที่กำลังจะเกิด.. เรื่องราวมันคล้ายๆตอนที่กาณฑ์รู้ความจริงเลย


แต่มันก็เพียงผ่านมาไม่ถึงวันนี่หน่า .. เฮ้อใช่สิ เมื่อวันสองวันก่อนนี่เอง


“ ตกลงจะให้ไปห้องไหน..” วิชญ์ภาสเอ่ยถาม เพราะเขาเองก็ไม่เคยมาบ้านหลังนี้มาก่อน


“ ไม่บอก..ขืนบอกก็เสร็จสิ” กรณ์ตอบกลับอย่างเหนือกว่า แต่เขาจะเหนือกว่าวิชญ์ภาสได้ยังไง ในเมื่อเขาเองได้เผลอใจรักอีกฝ่ายไปแล้ว ..จริงมันไม่สำคัญหรอกว่าใครจะเหนือกว่า หรือใครจะชนะ ..เพราะรักมันมีค่ามากกว่านิยามใดที่เป็นเหตุเป็นผล


“ ไม่บอกก็เสร็จตรงนี้ได้ครับ” วิชญ์ภาสปล่อยร่างที่เขาแบกลงยืน ..แล้วดันร่างของดันติดฝาด้านหลังพร้อมทั้งปรายยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ใบหน้าที่เคลื่อนเข้าหาทำให้กรณ์เริ่มหวั่นๆ รู้กันดีหนักหนาว่าวิชญ์ภาสนั้นบ้าบิ่น และระห่ำแค่ไหน

“ ไม่เอาตรงนี้” กรณ์บอกเสียงสั่น ..ขืนเขียวหรือคุณวรางคณาขึ้นมาข้างบน กรณ์จะเอาหน้าไปไว้ไหนล่ะ..


“ แล้วตกลงห้องไหนล่ะครับ” วิชญ์ภาสยกยิ้มอย่างมีชัย เมื่อกรณ์ยอมอ่อนลง ..คนตัวบางชี้ไปยังห้องทางปีกขวาของบ้านแล้วรีบวิ่งนำหน้าไปอย่างรวดเร็ว ..วิชญ์ภาสที่เพิ่งรู้ตัวพลาดท่าวิ่งตามก่อนที่กรณ์จะปิดประตูลงกลอนจากในห้องได้สำเร็จ ..


“ ถ้าผมไม่ทันคุณ ผมไม่เหมาะจะเป็นคนของคุณหรอก” วิชญ์ภาสยิ้มให้เมื่อร่างของเขาแทรกเบียดระหว่างประตูก่อนจะปิดลงได้สำเร็จ คนตัวบางต้องรีบผละจากที่ตรงนั้นแล้วหมายจะหนีต่อ แต่ก็โดนคว้าร่างไว้ได้ก่อน

กรณ์ถูกโยนลงบนที่นอนด้านหลังอย่างเร็ว ส่วนวิชญ์ภาสก็เอี้ยวตัวกลับไปปิดประตูลงกลอนอย่างเร็ว

“ ห้ามหนีให้ผมลงโทษคุณเดี๋ยวนี้” วิชญ์ภาสยิ้มหื่นส่งให้ ... แผนเยอะเชียวนะคนแสนร้ายของเขา ..
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 22
เริ่มหัวข้อโดย: menano ที่ 08-06-2009 10:42:58
แหมมมมมมมมมมมมม

กรณ์นี่ก็นะ

อ้างเป็นอ้างตายว่าเอาแม่ของวิชญ์ไปทรมาน

ที่ไหนได้เนอะ

มันเป็นแบบนี้นี่เอง

แถมคุณแม่ของวิชญ์พอรู้ว่าจะได้ลูกสะใภ้ก็ตื่นเต้นใหญ่เลย

5555555555555

แต่ว่าอยากอ่านบทลงโทษแล้วอ่ะ

นะนะ

เออเออ  ลืมไปอ่ะ

ยัยผู้หญิงคนนั้นใครอ่ะ

คนที่พึมพำอยู่คนเดียวน่ะว่า "พี่วิชญ์ต้องเป็นของฉัน" ไรเนี่ยแหละ

ใครก๊านนนนนนนนนนนนนน

มาจากไหนเนี่ย
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 22
เริ่มหัวข้อโดย: k_U_K_K_I_K ที่ 08-06-2009 15:24:31
มานั่งรอ ตอนต่อไป หนุกมากเลยคร้า
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 22
เริ่มหัวข้อโดย: nanao ที่ 08-06-2009 18:17:33
นายวิชญ์นี่เอ๊ะอะก็จะ...อย่างเดียวเลย

แอบชอบ ฮ่า ๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 22
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 08-06-2009 19:14:33
 :z1: ฉากนี้ขอละเอียดๆ  :z1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 22
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 08-06-2009 21:35:52
จะลงโทษแบบไหนเนี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย อิอิ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 22
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 08-06-2009 22:09:50
menano  ต้องตามอ่านไปเรื่อยๆแล้วจะได้รู้ว่าเธอคือใคร และเธอจะทำอะไร

k_u_k_k_i_k  รอแปปนะ เดี๋ยวลงให้ค่ะ

SomLove  ความรักทำให้คนหื่น 55555

THIP  เล่นขอกันตรงๆเลย อยากจัดให้เหมือนกันนะ แต่น้องเค้าเขียนไว้แล้วไม่รู้เหมือนกันว่าละเอียดพอมั้ย 55555

pongsj  แหม แหม ทำมาถามไม่รู้จริงหรอว่าจะลงโทษแบบไหน กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก


ขอบคุณทุกคนที่ติดตามคร๊าบบบ  :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 22
เริ่มหัวข้อโดย: jedi2543 ที่ 08-06-2009 22:42:54
เรื่องสนุกมากๆ อ่ะ อ่านไปลุ้นไป ชอบวิทมากๆ ค่ะ ชอบกรณ์ด้วย นายเอกในฝันทีเดียว

หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 08-06-2009 23:04:28
ตอน 23

ร่างบางเริ่มถอยคืบไปด้านหลังอย่างหวั่นๆ ไม่ใช่หวั่นกับการเผชิญหน้า ..แต่หวั่นกับบางสิ่งบางอย่างที่กำลังเปลี่ยนไป.. บัดนี้บทบาทมันแตกต่างไปแล้ว กรณ์อาจกลายเป็นของอีกฝ่ายทั้งตัวและหัวใจ ส่วนวิชญ์ภาสนั่นไม่ต้องพูดถึงบัดนี้ทั้งหมดของหัวใจและจิตวิญญาณได้กลายเป็นของกรณ์โดยแท้จริง


ร่างสูงไล่ตามราวกับหมายป่าตามลูกแกะ.. วิชญ์ภาสยกมือขึ้นสูงดึงเสื้อที่ตนสวมอยู่ออกอย่างรวดเร็ว ..เวลาของความรักควรเริ่มต้นได้สักที .. ถูกต้องแล้วล่ะ เวลานี้เป็นเวลาของสองหัวใจโดยแท้จริง


มือแกร่งเอื้อมสัมผัสอีกคนที่หลังชนฝาด้านหลังอย่างไร้ทางหนี.. วิชญ์ภาสค่อยๆวางมือของตนลงบนใบหน้าของกรณ์อย่างอ่อนโยน ..



“ จะทำอะไร..” เสียงสั่นๆของกรณ์เอ่ยถามขึ้น ทั้งๆที่รู้ว่าสิ่งใดกำลังจะเกิด แต่มันก็อดจะตื่นเต้นตามไม่ได้ทุกที.. ทุกครั้งที่ใกล้ ทุกครั้งที่สัมผัส ในใจของวิชญ์ภาสยังมีบางสิ่งบางอย่างไม่เข้าที่เข้าทาง แต่เวลานี้ทุกความสับสนและกังวลได้เลือนหายไปหมดแล้ว

“ เริ่มกันใหม่นะคุณกรณ์..เราเริ่มกันใหม่นะ”

“ เริ่มอะไร..” กรณ์เลิกคิ้วถามอย่างไม่เข้าใจ ..

“ ผมขอโทษสำหรับทุกสิ่งเลวๆที่เคยทำ ผมขอโทษสำหรับทุกอย่างที่พลาดไป นับจากวันนี้ผมขอเริ่มใหม่..นะครับ” คำขอที่ดังขึ้น มันไม่ต่างอะไรจากตอนนั้น ตอนที่วิชญ์ภาสเอ่ยบอกรักกับคนตรงหน้า มันจริงจังจริงใจ สำหรับใครที่เคยพลาด ก็อาจขอเพียงโอกาสสำหรับการเริ่มใหม่ เวลานี้วิชญ์ภาสกำลังร้องขอต่อหน้าเขา ต่อหน้าคนที่วิชญ์ภาสรักอย่างแท้จริง


“ แล้วแต่...” กรณ์บอกเสียงเบา คล้ายๆจะประกาศให้อีกคนรู้ว่ากรณ์เองก็ยอมรับอีกฝ่ายแล้ว


เหมือนกัน .. “ คุณกรณ์.. ?” วิชญ์ภาสปรายยิ้มให้ด้วยความสุข เขาเองก็รับรู้ได้ถึงหัวใจที่เต้นอยู่ใกล้ๆเขา หัวใจที่กำลังพร่ำเรียกให้เขาเข้าใกล้ และอยู่ด้วยกันไปตลอดทุกลมหายใจเข้าออก



“ อือ..” กรณ์เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง เมื่อโดนอีกฝ่ายเรียกชื่อ



“ ผมเริ่มแล้วนะ..” คนตัวสูงเอ่ยตอบ พร้อมทั้งเสื้อที่กรณ์ใส่มาจากบ้านถูกถอดออก..มือหนาเริ่มเปะป่ายไปตามร่างกายขาวเนียนที่มีเพียงเขาได้สัมผัส ร่างกายที่เป็นของเขาเพียงผู้เดียว ..ริมฝีปากหนาจดลงบนต้นคออย่างแสนรัก ค่อยๆลากความหยุ่นนุ่มไปตามแนวลำตัวปลุกเร้าอารมณ์ของอีกคนให้มากขึ้น .. ความร้อนที่เริ่มระอุทำให้คนตัวบางตอบรับการสัมผัสของอีกคน ..


“ เร็วหน่อย..” เสียงกระเส่าที่ดังขึ้นอย่างออดอ้อน ทำให้คนที่คุกคามต้องชะงักและเหลือบหันไปมองอีกคนที่หายใจรัวหอบอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง


“ วันนี้คุณน่ารักมากเลย รู้ตัวรึเปล่า..” วิชญ์ภาสยิ้มให้ และลงมือปลุกอารมณ์ของสองกายต่ออย่างต้องการกันและกัน เมื่อความว่างเปล่าของร่างกายเผยโฉม ความต้องการที่ผาดโผนก็อวดกายของมันอย่างไม่อายสายตาใครๆ ..



“ อื้อ..” กรณ์จำต้องสะดุ้งเมื่อร่างกายตอบรับความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันระหว่างทั้งสองคน .. มันค่อยๆเดินทางเข้าไปอย่างใจเย็น .. สายตาคู่กลมกำลังจ้องมองอีกฝ่ายที่กำลังนอนอยู่ด้านล่าง ใบหน้าหวานดูจะแหยเกไปสักหน่อยเพราะความตึงเข้มที่แทรกผ่าน ..



คนตัวบางถูกกระชับร่างให้ใกล้กับคนคุมเกมมากขึ้น ..เพื่อให้ช่องว่างระหว่างทั้งสองเกิดขึ้นน้อยที่สุด ยามนี้ร่างกายของกรณ์เองก็ต้องการวิชญ์ภาสไม่แตกต่าง อยากจะหลอมรวม อยากจะเป็นหนึ่งเดียวกันในความรัก




ร่างกายหนั่นหนาเคลื่อนไหวอย่างชำนิชำนาญ .. ปรนเปรอความสุขให้สองร่างอย่างมากมาย



เวลานี้มันมีคำว่าความสุข คำว่าเราเข้ามาเป็นหนึ่ง ทำให้เซ็กซ์ครั้งนี้แปลกกว่าเดิม..เพราะเวลานี้มันมีความรักและความอบอุ่น



เพียงไม่เท่าไหร่ ..ก็สิ้นสุดหนทางของอารมณ์ ความเหนื่อยอ่อนผลักร่างสูงให้ล้มลงทาบทับอีกร่างที่อยู่ด้านใต้อย่างต้องการใกล้ชิด




“ หนักนะ..” กรณ์บ่นเบาๆ ผลักร่างของวิชญ์ภาสให้ล้มลงข้างๆ..อีกฝ่ายยินยอมทำตามแต่ก็ไม่ได้ห่างหายไปไหนยังอยู่ใกล้ๆทุกลมหายใจ



“คุณเป็นสะใภ้บ้านผมแล้วนะ..”

“ ใครยอมรับ” กรณ์หันมองอีกคนที่นอนข้างๆ เงยหน้ามองอีกฝ่ายที่เอ่ยบอก แต่ก็โดนก้มลงจุมพิตก่อนจะพูดอะไรออกมา



“ เป็นเถอะนะ.. ผมมีโปรโมชั่นตั้งเยอะ สมัครวันนี้แถมรักเต็มอั้น ” เจ้าตัวสูงยกมือขึ้นกอดร่างข้างๆ แถมยังทำหน้าออดอ้อนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ..วิชญ์ภาสในยามนี้มีหลากหลายมุม หลากหลายทาง แต่ทุกอย่างที่แสดงออกมาล้วนมีแววตาของความสุขปรากฏให้เห็น

“ พูดมากจริง ..อาบน้ำดีกว่า” กรณ์ย่นจมูกใส่อีกคนอย่างเขินๆ แล้วลุกขึ้นจากเตียงนอนอย่างรวดเร็ว ท่าทีระหว่างทั้งสองที่แสดงออก เหมือนไม่มีสิ่งใดมาขวางกั้นและปิดบังกันและกันอีก



“ ตกลงจะยอมไหมล่ะครับ..” วิชญ์ภาสลุกตามคว้าร่างที่ลุกขึ้นก่อนเข้ามากอดไว้..


“ โง่หรือฉลาดนี่” กรณ์ขยับกายเล็กน้อย จากที่โดนนั่งสวมกอดก็กลายเป็นขยับมาเผชิญหน้ากับอีกคน มือบางสัมผัสลงบนเอวหนั่นที่ไร้สิ่งใดปกปิด..ดวงตาของเขาจ้องมองเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่ายที่กำลังมองเขาเหมือนกัน สองสายตาจ้องมองกันและกันด้วยความรู้สึกบางอย่าง ในเวลานี้รักมันปรากฏสำหรับคนสองคนอย่างแท้จริง ไม่จำเป็นหรอกว่าเราจะรักกันเพราะอะไร ขอแค่วันนี้เรารักกันก็เพียงพอแล้ว



“ รักฉันไปตลอดชีวิตได้ไหม..” คำพูดเบาๆแผ่วๆ ดังตามมาหลังจากที่คนตัวบางปล่อยศีรษะของตัวเองลงซบกับซอกคอของอีกคนที่นั่งอึ้งๆ ท่าที คำพูด ตลอดจนทุกการกระทำ มันทำให้วิชญ์ภาสรู้สึกหัวใจพองโต และตื่นเต้นยิ่งกว่าตอนไหนในชีวิต

“ ครับ” คำรับแม้จะแสนสั้น แต่มันก็ทำให้กรณ์มั่นใจอย่างถึงที่สุด ยามที่ร่างกายอยู่ข้างกาย ยามที่หัวใจเรียกร้องชื่อของกันและกัน มันดีที่สุดแล้ว




“ ไปอาบน้ำกันดีกว่าครับ เดี๋ยวลงไปข้างล่างกัน” ชายหนุ่มตัวสูงเอ่ยบอกพร้อมทั้งดันร่างของกรณ์ให้ลุกขึ้น โดยที่ตัวของเขาเดินไปด้วยกันไม่ห่าง ภายในห้องน้ำที่แสนกว้างสองกายยังไม่ออกห่าง น้ำที่ปริ่มเต็มไหลออกเพราะสองกายที่ลงนั่งอยู่ใกล้ๆ.. เกมรักบทใหม่เริ่มต้นด้วยความต้องการของสองกาย




“ นี่โกนหนวดเสียบ้างสิ ไม่เห็นรึยังไงแดงหมดแล้ว” มือบางประคองศีรษะของอีกคนที่กำลังเริ่มซุกไซร้ต้นคอขาวๆ ให้มองดูเนื้อตัวของกรณ์ที่มีรอยแดงปรากฏอยู่แทบทุกส่วนที่โดนสัมผัส




“ คุณชอบอย่างนั้นเหรอ..” วิชญ์ภาสเลิกคิ้วถาม ..อย่างมีเลศนัย มือของเขาเองยังไม่หยุดลูบไล้ไปตามแนวแผ่นหลังของกรณ์เลยสักวินาที ยิ่งใกล้ก็ยิ่งชิด ยิ่งหลงใหล ยิ่งรักและเข้าใจ ..ใครบอกกันล่ะว่ายามเมื่อได้เสพสมจนเต็มอิ่มแล้วอาจหลงลืม อาจเบื่อสิ่งนั้น เวลานี้วิชญ์ภาสได้พิสูจน์ให้แล้วว่าเขาจะไม่มีวันเบื่อกรณ์เด็ดขาด .. เขาคงไม่ทิ้งลมหายใจของตัวเองไปหรอก


“ ไอ้ ...ไอ้...” กรณ์ชักหน้าแดงเพราะคำของวิชญ์ภาส ..




“ ไอ้สามีรึครับ..” วิชญ์ภาสรับคำแทนกรณ์ ยิ่งทำให้อีกคนหน้าแดงไปมากกว่าเดิม ความสุขกำลังเต็มปริ่มในที่ในฐานของมัน หลังจากหยอกล้อกันสักพักก็ถึงแก่การบรรลุความต้องการของอารมณ์ มันจะแปลกอะไรในเมื่อร่างกายเกิดมาเพื่อกันและกัน และเวลานี้สองกายก็พบผู้เป็นเจ้าของมันแล้ว เลยเรียกร้องและโหยหากันและกันมากกว่าคนทั่วไปก็เท่านั้นเอง ..กว่าจะออกจากห้องน้ำได้ก็เย็นย่ำ กรณ์แยกไปหยิบเสื้อผ้าของตัวเองขึ้นมาผลัดตรงหน้ากระจก ส่วนวิชญ์ภาสก็ยังอยู่ในผ้าเช็ดตัวผืนเดิม ก็เขาไม่คุ้นเคยนี่ไม่ใช่บ้านเขาสักหน่อย


“ เอานี่..” กรณ์ยื่นชุดนอนตัวใหญ่ส่งให้วิชญ์ภาสหลังจากที่เขาเปลี่ยนชุดเสร็จแล้ว ... เสื้อในมือดูใหญ่กว่าไซส์ปกติที่กรณ์ใส่



“ ขอบคุณครับ.. ว่าแต่ช่วยผมแต่งตัวหน่อยสิ” วิชญ์ภาสยื่นมือเลยไปจับมือของกรณ์เข้ามาใกล้จนคนตัวบางยืนอยู่ตรงหน้า กรณ์ไม่ขัดศรัทธาใดค่อยวางกางเกงลงบนมือของวิชญ์ภาส ส่วนมือของเขาก็จับเสื้อมาคลี่ขึ้นแล้วสวมให้ราวทำกับเด็กๆตัวเล็กๆ


“ คุณกรณ์ครับ...” เจ้าเด็กน้อยร่างโข่งเอ่ยขึ้นหลังจากที่กรณ์สวมเสื้อให้เขาเสร็จ .. ดวงตาคู่เรียวเหลือบมองตอบเจ้าเด็กตากลมไปอย่างสงสัย



“ อะไรเหรอ..”


“ คุณช่วยดีกับผมแบบนี้ไปตลอดได้ไหม ...ผมคิดว่าผมคงอยู่ไม่ได้หากเราไม่ได้อยู่ด้วยกัน ถึงแม้จุดเริ่มต้นของเราจะไม่ได้สวยงามเหมือนคู่อื่นๆ แต่ผมก็มีความสุขมากที่เราอยู่ใกล้กันอย่างนี้ และยิ่งมีความสุขที่คุณดีกับผม” ความหนักแน่น ความมั่นคง อาจสูญสลาย หรือ ในทางกลับกันก็อาจแข็งแกร่งยิ่งกว่าสิ่งใด ขอเพียงความรักและเชื่อมั่นปรากฏ .. วิชญ์ภาสคงจะกลายเป็นคนที่มีความสุขมากที่สุด หากคำว่ารักหลุดออกจากปากกรณ์ แต่บางทีเขาอาจไม่ได้หวังสูงถึงเพียงนั้น เพราะแค่กรณ์ดีกับเขา แค่กรณ์ไม่เหมือนวันวานแค่นี้ก็ทำให้เขายิ้มได้มากต่อมาก




“ แล้วนายคิดว่าจะรักฉันไปถึงเมื่อไหร่ล่ะ..” มือบางวางลงบนบ่าของคนที่นั่งอยู่กับขอบเตียง สองสายตายังคงจ้องมองกันไปมา จากพายุที่บ้าคลั่งพร้อมจะทำลายล้างทุกสรรพสิ่ง แต่เวลานี้พายุร้ายก็กลายเป็นสายลมบางๆ พัดเข้ามาเพียงเพื่อเอื้อไอเย็นผ่อนร้อนให้หายไปก็เท่านั้น



“ ไม่รู้ผมพูดไปคุณจะเชื่อรึเปล่า ..แต่คุณเป็นคนแรกที่ทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ดีเด่เหนือใครๆ ทำให้ผมรู้ตัวว่าแท้จริงแล้วผมมันร้ายกาจแค่ไหน .. ทุกสิ่งที่เริ่มขึ้นมันทำให้รู้ว่าความรักมีค่าแค่ไหนสำหรับผม ทำให้รู้ว่าผมคงไม่อาจอยู่ต่อไปหากเราต้องห่างกัน ทุกครั้งที่ร่างกายคุณต่อต้านผมน้อยลง มันยิ่งทำให้ใจผมเต้นแรงมากขึ้นกว่าเก่า ทุกครั้งที่ใกล้กันคุณอาจไม่รู้ว่า คุณกำลังทำให้ผมตื่นเต้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน”




“ ขนาดนั้นเชียว .. เอาเถอะถ้านายรักฉันต่อไปฉันก็พอใจแล้ว..” รอยยิ้มที่ส่งให้คงเป็นคำตอบที่ดีที่สุดในวันนี้ จุดเริ่มต้นของรักไมจำเป็นต้องหานิยามสรุปผลในเร็ววัน ขอเพียงเชื่อมั่นและแต่งเติมให้เพิ่มพูนไปเรื่อยๆ ก็คงพอแล้วล่ะ



“ งั้นเดี๋ยวเราไปทานข้าวกันดีกว่า แม่คงทำอาหารไว้เยอะหลายอย่าง” วิชญ์ภาสคว้าร่างที่ยืนอยู่ข้างหน้าเข้ามากอดแล้วกดใบหน้าของตัวเองลงบนหน้าท้องแกร่งอย่างอ้อนๆ .. กรณ์ไม่ได้ว่าอะไรกลับโอบศีรษะที่กดลงมาอย่างเบาบาง ..จากนั้นสองคนก็เดินออกจากห้องไปโดยไม่รู้เลยว่าบางสิ่งบางอย่างข้างหน้าอาจเกิดขึ้น



โทรศัพท์เครื่องสีดำของคนตากลมเคลื่อนไปมาพร้อมส่งเสียงร้อง


‘Private number’



“ ทำอะไรตรงนี้ยัยแพท..” เสียงของหญิงสาวนางหนึ่งเอ่ยขึ้น ทำให้คนที่กำลังต่อสายถึงชายหนุ่มตาหวานต้องหันไปมองแล้วกดตัดสายอย่างเคืองๆ



“ ก็โทรฯหาพี่วิชญ์ไง ..ไม่รู้รึว่าเขาตามจีบฉันอยู่ โทรฯมาหาแต่ฉันไม่เห็นเลยจะโทรฯกลับ แต่พี่เขาคงไม่ว่างมั้ง” หญิงสาวผมยาวผิวขาวเอ่ยขึ้นอย่างมาดมั่น




“ ฝันไปรึเปล่ายัยแพท.. พี่โต้งบอกเองว่าพี่วิชญ์เขามีแฟนแล้ว แถมคนนี้ยังเรียกได้เต็มปากว่าแฟนของแท้ไม่ใช่คนควงเล่นเหมือนแต่ก่อน” เพื่อนสาวดูเหมือนจะไม่เชื่อคำสักเท่าไหร่ ..



“ คอยดูแล้วกัน ...” หญิงสาวเอ่ยขึ้นแล้วเดินกลับไปสมทบกับเพื่อนๆที่โต๊ะ.. ‘อะไรที่ฉันอยากได้ ฉันต้องได้มา ฉันไม่ยอมแพ้หรอก ’




กรณ์เดินนำวิชญ์ภาสลงมาตัวปลิว ดูต่างจากคนเพิ่งเสร็จศึกเสียจริง .. แท้จริงเพราะกรณ์ชินแล้วนะสิกับภาวะหลังหลั่งเหงื่อ เลยทำให้ร่างกายปรับสภาพได้รวดเร็ว เพราะยิ่งสัมผัสกันมากเท่าไหร่ก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้นเท่านั้น




“ แล้วแม่ล่ะเขียว..” ชายหนุ่มตัวสูงเอ่ยถามอย่างสงสัย เมื่อไม่เห็นมารดาอยู่ที่โต๊ะอาหาร



“ อยู่ในครัวค่ะคุณวิชญ์ ..” เด็กสาวเอ่ยตอบพร้อมทั้งจัดจานที่ไปด้วย ทั้งหมดวางไว้สี่ที่ แม้เขียวจะเป็นเด็กในอุปการะ แต่สำหรับที่นี่เขียวไม่ต่างอะไรจากคนในบ้าน เช่นเดียวกับสุรีย์ เช่นเดียวกับหมอพิสิษฐ์ ไม่มีการแยกสถานะ



“ งั้นผมไปหาแม่ในครัวนะ..” วิชญ์ภาสเอ่ยบอกกับคนข้างกาย ..




“..” กรณ์พยักหน้าให้ พร้อมทั้งร่างที่เดินไปหยุดอยู่ตรงโต๊ะนั่งเล่นใกล้ๆกับทีวี ที่อยู่ห่างออกไปไม่เท่าไหร่ส่วนวิชญ์ภาสก็เดินเข้าไปหามารดาในครัว




“ ฮัลโหลกฤษฏิ์เหรอ... กาณฑ์เป็นไงบ้าง..” กรณ์ต่อสายถึงน้องชายคนเล็ก เพื่อถามไถ่อาการของอีกคน แม้กาณฑ์จะยอมรับเขากับวิชญ์ภาส แต่ไม่ได้หมายถึงหัวใจ ...มันไม่ใช่คอมพิวเตอร์สักหน่อยที่สั่งชัทดาวน์ปุ๊บ เครื่องจะดับปั๊บ หัวใจคนมันมีอะไรที่พิเศษกว่าเครื่องจักร เครื่องกลที่ไร้ชีวิต



“ ก็ดีครับ ...ว่าแต่พี่กรณ์เถอะฮันนี่มูนเป็นไงบ้าง..” เจ้าน้องชายปลายสายตอบกลับมา พร้อมทั้งอดจะคนหน้าสวยไม่ได้



“ ไอ้เด็กบ้า ..พูดบ้าอะไรของเรา” กรณ์แหวเข้าใส่อย่างร้อนตัว ..เพราะจะว่าไปการมากรุงเทพฯของทั้งสองคนครั้งนี้มันไม่แตกต่างจากการฮันนีมูนจริงๆ เพราะทั้งสองได้เข้าใจ ได้ใช้เวลาดีๆที่มีแต่ความรักด้วยกัน อย่างนี้คงเรียกว่าฮันนีมูนได้มั้ง



“ ก็กฤษฏิ์พูดจริง ..พี่กรณ์นั่นแหละปากแข็ง”




“ อย่าให้ถึงคราวพี่นะกฤษฏิ์ ..แค่นี้แหละ..” กรณ์คาดโทษขู่ไปตามปลายสาย กฤษฏิ์ได้แต่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ..เฮ้อ .. เรื่องคนนี้นั่นคิดทางแก้ทางออกให้เขาพอจะได้ แต่เรื่องของตัวเองกับหมอหนุ่มนี่สิ ดูจะแตกต่างไปสิ้นเชิง ..




“ เป็นอะไรไปเหรอ..” คนตัวสูงผิวคร้ามแดดถามขึ้นอย่างสงสัย


“ เปล่าครับ ..พี่กรณ์โทรฯมาถามอาการพี่กาณฑ์นะครับ” กฤษฏิ์เงยหน้าขึ้นตอบคำถามของหมอพิสิษฐ์อย่างปิดบังในส่วนความคิด เขาบอกให้กรณ์พูดความจริง แต่พอถึงคราวตัวเองก็กลับพูดไม่ถูก.. ความสัมพันธ์ที่ก้าวกระโดดระหว่างเขากับหมอหนุ่มยังไม่มีอะไรยืนยันความมั่นคงได้เลย แล้วเขาจะกล้าบอกกรณ์เหรอ ..




“ รู้ไหมว่าคนที่เป็นคู่กัน ใช่เพียงแต่จะแบ่งปันความดีใจ ความยินดี มันยังรวมไปถึงความกังวลและความเสียใจด้วย..” สายตาที่กฤษฏิ์แสดงทำให้หมอพิสิษฐ์พอจะเดาทางออก เพราะเขาเองก็เคยเรียนด้านจิตวิทยามาบ้างหรือต่อให้ไม่เคยเรียนมาแต่เพราะหัวใจรักที่โยงถึงกันก็พอทำให้ใกล้กัน อย่างไม่สามารถบอกได้




“ กฤษฏิ์..” เด็กหนุ่มสะอึกไป ราวกับเด็กทำผิดแล้วโดนจับผิดได้.. หลายคนเลือกจะปฏิเสธเพื่อปกป้องตัวเองจากการลงโทษ แต่เมื่อใดที่เด็กเหล่านั้นโตขึ้นพวกเขาจะได้รู้ว่าแท้จริงการยอมรับผิด ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรเลย ..คนเราอาจหนีทุกอย่างบนโลกได้ แต่หนึ่งสิ่งที่ไม่อาจหนี นั่นคือความจริง .. แม้แต่พี่ชายที่เคยเชื่อมั่นในแรงแค้น ยังหนีความจริงไม่พ้นเลย



“ ต้องให้อาเตือนความสัมพันธ์ระหว่างเราอีกรอบไหม ถึงยอมพูดออก..” พิสิษฐ์เลิกคิ้วมองพร้อมทั้งยกมือขึ้นปลดกระดุมเสื้อตัวเองขู่ๆ.. กฤษฏิ์ไม่ได้ดิ้นหนีแต่กลับโผเข้ากอดร่างสูงที่ยืนงงอย่างรวดเร็ว



“ อยู่ข้างๆกฤษฏิ์ไปตลอดนะอาหมอ..”



“ อาไม่ทิ้งไปไหนหรอก..” พิสิษฐ์ตอบไปพร้อมทั้งกระชับกอดอีกร่างให้แน่นกว่าเดิม ขอเพียงอยู่ด้วยกัน ขอเพียงจับมือเดินไปด้วยกันข้างหน้า เพียงเท่านี้ก็น่าจะพอแล้วสำหรับเขาสองคน พิสิษฐ์เชื่อว่าปัญหาในใจกฤษฏิ์คงหายไปสักวัน และเขานี่แหละที่จะร่วมสู้ไปพร้อมๆกับอีกคน



เสียใจกันละซิที่ฉากนั้นไม่ละเอียดพอ แต่หวังว่าความหวานคงพอทดแทนกันได้นะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: jedi2543 ที่ 09-06-2009 01:08:51
น่ารักมากๆ ค่ะ แต่เดาว่ายัยแพทก่อให้เกิดปัญหาได้แน่นอน น่ากลัวมากมาย
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: canzaa ที่ 09-06-2009 01:12:53
อ่านเรื่องนี้แล้วตื่นเต้นมาก ลุ้นอยู่ว่าตอนต่อไปจะเป็นไง
เป็นกำลังจัยให้ทุกคู่นะคับ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: menano ที่ 09-06-2009 01:21:43
5555555555

อยากจะบอกว่าไม่เสียใจหรอกที่ฉากนั้นไม่ละเอียดน่ะ

แต่อ่านเสร็จจะต้องไปหาหมอไหมเนี่ย

น้ำตาลในเลือดจะขึ้นค่า

แต่เด๋วอาจจะต้องไปหาหมอจริง ๆ นะ

เพราะเริ่มมีตัวมาทำให้ต้องเครียดจนเส้นเลือดในสมองแตกอีกแล้ว

ผู้หญิงพวกนี้เป็นไรไม่รู้เนอะ

รู้ว่าเค้ามีเจ้าของยังจะอยากได้อีกอ่ะ

บ้าป่ะเนี่ย   :m31:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: speedboy ที่ 09-06-2009 01:27:25
มาแว้วละคร้าบนางร้าย............เจอแน่ๆๆๆๆๆ


เตรียมส่งใจช่วยกันนะคร้าบพวกเรา


 :oni2: :oni2: :oni2:

หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: doomare ที่ 09-06-2009 01:59:08
ยายแพทเป้นใคร

เดี๋ยวมี :beat: :beat: :beat:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: nanao ที่ 09-06-2009 07:13:17
โหยตัวร้ายโผล่มาแล้วอ่ะ   :m16:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: nutjung19 ที่ 09-06-2009 11:28:56
ยัยแพท ยัตัวร้ายมาแล้วววว  :z6:



หุหุ เค้าหวานกันดีเน๊อะ  :z1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 09-06-2009 19:08:46
อืม ยังไม่ละเอียดจริงๆด้วย  :z1: ตอนหน้าคนเขียนแก้ตัวใหม่นะ  :z1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 09-06-2009 23:26:01
jedi2543  ปัญหายายแพทไม่เท่าไหร่หรอก คุณกรณ์มีวิธีจัดการอยู่แล้ว ปัญหาอย่างอื่นซิน่ากลัวกว่า

canzaa  มาช่วยกันลุ้นนะค่ะว่าจะเป็นงัยต่อไป

menano  55555 ไปหาหมอล้วงหน้าเลยค่ะ ยังมีหวานอีกเยอะ

speedboy  นางร้ายตัวนี้ไม่น่ากลัวหรอกค่ะ มีน่ากลัวกว่านี้อีก

doomare  อย่าไปทำไรยายแพทเลยค่ะ ปล่อยให้คุณกรณ์จัดการดีกว่า สนุกกว่าเยอะ

SomLove  โผล่มาเดี๋ยวก็ไปแล้ว อยู่ไม่ได้นานหรอกค่ะ

nutjung19  เตรียมเปิดโรงงานน้ำตาลได้เลย มีหวานอีกตรึม

THIP  เราก็อยากอ่านละเอียดเหมือนกัน แต่น้องเค้าเขียนจบไปแล้ว ไอ้เราจะเอาไปให้น้องเค้าเขียนเพิ่มน้องเค้าก็ไม่ว่างซะงั้น สงสัยงต้องจินตนาการไปก่อนแล้วกัน 55555


หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 10-06-2009 00:00:57
ไปต่อกันเลยค่ะ

ตอน24

ชายหนุ่มตัวสูงเดินก้าวเข้าไปภายในครัวของบ้าน ตามกลิ่นหอมที่ลอยออกมา .. ตอนนี้คุณวรางคณากำลังลงมือทำอาหารรับขวัญลูกสะใภ้ของตนเองอย่างมีความสุข คนตัวสูงกระโดดเข้าคว้าร่างที่กำลังยืนอยู่หน้าเตาอย่างคิดถึง ..

“ ทำอะไรอยู่ครับแม่” เจ้าตาใสของคุณวรางคณาเอ่ยถาม



“ มาอ้อนอะไรนี่...ไปอ้อนคนข้างนอกนู้นไป..” นางบุ้ยปากพร้อมทั้งรอยยิ้มที่แสนกว้าง ส่งประกายความพอใจที่มีอย่างมากมายต่อข่าวดีที่ได้รับรู้



“ แม่ถูกใจกับสะใภ้ของแม่ไหม..” วิชญ์ภาสยอมปล่อยมือออกจากมารดา แล้วเลือกมาหยุดอยู่ข้างๆให้นางทำงานของนางได้สะดวก แต่ไม่วายเอ่ยถามความคิดเห็นของมารดา ..



“ ถูกใจสิ ถูกใจมากด้วย ว่าแต่เราเถอะ.. ถ้าขืนทำตัวเหมือนเมื่อก่อนรับรองแม่ไม่เข้าข้างเด็ดขาด” นางยกตะหลิวในมือขึ้นชี้คาดโทษลูกชาย สมัยก่อนวิชญ์ภาสเป็นยังไงนางเองก็รู้หมด แต่จะตักจะเตือนอย่างไรก็ไม่เคยยอมฟังสักครั้ง



“ คุณกรณ์เขาดีกับแม่มากรู้ไหม ถ้าเราทำให้คุณกรณ์ต้องเสียใจแม่จะไม่พูดกับเราอีกคอยดูสิ..”


“ แม่ควรไปขอร้องสะใภ้แม่มากกว่า ..ไม่รู้รึยังไงว่าคนที่ควรกลัวควรเป็นวิชญ์มากกว่านะ” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นตามความเป็นจริง หากเขาทำให้กรณ์ต้องเสียใจจริง ..คนที่ต้องเจ็บมากกว่าก็คงเป็นเขานี่แหละ


“ แม่ไม่อยากเชื่อว่าจะได้ยินคำว่านี้จากปากเรา ... ดูเราเปลี่ยนไปมากจริงๆนะ” นางยิ้มให้กับคำของลูกชายผู้เคยมั่นใจในตัวเองอย่างถึงที่สุด บัดนี้วิชญ์ภาสกลายเป็นหนุ่มหน้าหล่อที่ไม่ได้เลวร้ายเช่นวันวาน .. ความรักมีพลังมากกว่าที่ใครๆคิดไว้จริงๆ



“ คงงั้น...” เขายิ้มกว้างให้มารดา ..สองแม่ลูกคุยกันต่อสักพักแล้วยกอาหารออกไปนอกครัวกัน .. ความสุข รอยยิ้ม และคำว่า ครอบครัวกำลังเริ่มขึ้นภายในบ้านหลังนี้ ในช่วงเวลาแค่ไม่กี่วันที่ผ่านเกิดเรื่องมากมายจนแม้แต่กรณ์ยังไม่อยากเชื่อ ทุกอย่างเกิดขึ้น จบลง อย่างเร็ว .. เวลานี้เขารู้สึกอิ่มใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนจริงๆ




“ ว้าว..อาหารน่ากินจังเลยนะคะคุณน้า ปกติอยู่กับเขียวสองคนไม่เห็นมีอย่างนี้เลย..” ยัยเด็กหน้าใสเดินเข้ามาใกล้แล้วเอ่ยขึ้นอย่างตื่นตา เมื่อเห็นอาหารมากมายเรียงรายอยู่บนโต๊ะ



“ จะให้เหมือนได้ยังไงหะ แม่เขียว ..วันนี้สะใ.. เฮ้ย คุณกรณ์ กับลูกชายน้ามาทั้งทีนะ..” คำของหญิงวัยกลางคนขาดไปช่วงกลางเล็กน้อยแล้วสามารถกลับลำได้ทัน ก่อนกรณ์จะหันมามอง ..


“ ทานอาหารกันดีกว่า..” คุณวรางคณารีบเปลี่ยนเข้าสู่อีกเรื่องทันที ทุกคนจึงหันไปสนใจกับอาหารบนโต๊ะ มีเสียงพูดคุยกันบ้างเล็กๆน้อยๆ ส่วนใหญ่จะเป็นคุณวรางคณานั่นแหละที่เป็นคนคอยเติมสีสันของบรรยากาศให้เพิ่มมากขึ้น วิชญ์ภาสแอบยิ้มในท่าทีของมารดาอย่างสุขใจ .. เพราะเขาไม่ค่อยจะเห็นมารดามีความสุขอย่างนี้สักเท่าไหร่


“ แล้วจะอยู่กันกี่วันละนี่”



“ พรุ่งนี้ต้องกลับแล้วแม่ .. คุณกรณ์ยังต้องทำงานอีก” วิชญ์ภาสเงยหน้าขึ้นตอบคำถามของมารดาอย่างราบเรียบ จริงๆ มันก็ไม่เกี่ยวกับเขาหรอกหากกรณ์จะต้องทำงาน .. แต่เพราะเขาไม่อยากห่างอีกคนนี่สิ มันเลยเป็นเรื่องใหญ่ของชีวิต นับจากวันนี้ทั้งสองจะใกล้กันอย่างชนิดที่ไม่มีอะไรกั้นขวาง ..



“ อืม ..งั้นเหรอ แล้วเราเปิดเรียนวันไหนล่ะ..”


“ เดือนหน้าครับแม่..”



“ แย่จังเนอะ.. พรุ่งนี้แม่ก็ติดถ่ายละคร ถ้าไม่มีงานยุ่งแม่คงขอตามไปเที่ยวบ้านคุณกรณ์ด้วย” คุณวรางคณาถอนหายใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ผิดหวังอะไร ชีวิตนางในตอนนี้มีสีสันยิ่งกว่าวันไหนๆ จากเดิมที่อยู่แต่บ้าน กินดอกผลจากกิจการที่สามีทิ้งไว้ให้ .. การเดินเข้าสู่วงการทำให้นางได้พบปะผู้คนมากมาย ทำให้รอยยิ้ม ทำให้ความสดใสปรากฏขึ้น



“ ไว้น้านาว่างก็ไปสิ.. เดี๋ยวกรณ์ให้คนที่บ้านขับรถมารับ” กรณ์เสนอด้วยเสียงปกติ แต่คำของกรณ์ก็กลับทำให้คนข้างกายถึงกับยิ้มกว้าง ..


“ ยิ้มอะไร..”




“ เปล่าครับ ..เดี๋ยวทานข้าวเสร็จเราไปข้างนอกกันดีกว่าไหม” วิชญ์ภาสส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม แล้วเอ่ยชวนคนของเขาให้ออกไปข้างนอกด้วยกัน ..



“ ไปนะคะคุณวิชญ์ ..เขียวไปด้วยได้ไหม” เสียงใสๆของเด็กสาวผู้ร่าเริง รีบเสนอขอตามไปด้วย




“ แม่เขียว..” คุณวรางคณาส่งสายตาดุๆไปยังเด็กสาว .. เรื่องอะไรจะให้แม่เขียวของนางไปขัดขวางความสุขระหว่าง ลูกชายกับลูกสะใภ้ล่ะ ปล่อยให้กรณ์กับวิชญ์ภาสได้มีเวลาด้วยกันเยอะๆ นางเชื่อว่าคนหน้าสวยมีอิทธิพลมากมายจนลูกชายผู้เหลวไหลกลับมาเดินสู่ร่องสู่รอย

“ ตกลงว่าไงครับ..”


“ อือ” กรณ์พยักหน้ารับเบาๆ ..แล้วหันไปสนใจกับอาหารในจานต่อ ..

สองร่างที่เดินเคียงข้างกัน...แม้จะไม่มีส่วนใดในร่างกายสัมผัสกัน แต่ความอบอุ่นที่ส่งผ่านจากหัวใจได้เชื่อมทั้งสองเอาไว้ด้วยความแนบแน่น
..



“ ทำไมถึงพาฉันมาที่นี่ล่ะ..” กรณ์หยุดเท้าของตัวเอง แล้วเอ่ยถามคนข้างกายเมื่อวิชญ์ภาสพาตนมาในบริเวณ แยกเทพเจ้าที่คนทั่วไปในกรุงเทพฯรู้จัก ควันธูป เปลวเทียนและกลิ่นดอกไม้ ยังคงอบอวล แม้ฟ้าจะเริ่มมืดแต่เวลานี้ยังมีผู้คนมากมายคลาคล่ำด้วยศรัทธา และความหวัง



“ แยกราชประสงค์เชื่อกันว่ามี หกเทพเจ้าคุ้มครองอยู่... ตอนแรกผมกะจะพาคุณไปที่พระมูรติ แต่ดูท่าตอนนี้พระท่านคงสะดุ้งใหญ่เพราะคอนเสิร์ตหน้าเซนทรัลเวิร์ด ผมเลยย้ายมาหน้าท้าวมหาพรหมแทน..” ชายหนุ่มตัวสูงเอื้อมมือไปจับแขนของกรณ์ ทำให้คนตัวบางหันมาเผชิญหน้ากับวิชญ์ภาส



“ ไม่อยากเชื่อว่านายจะเชื่อเรื่องอย่างนี้ด้วย” กรณ์ปรายยิ้มเล็กน้อย




“ ผมแค่อยากทำอะไรกับคุณด้วยกันเท่านั้นเอง ...” วิชญ์ภาสยิ้มตอบกลับด้วยความจริงใจ .


..
“ ฉันไม่ค่อยเชื่อเรื่องอย่างนี้สักเท่าไหร่ .. ถ้าอยากจะทำอะไรกับฉัน ... ฉันว่าพรุ่งนี้ค่อยตื่นมาใส่บาตรไม่ดีกว่าเหรอ” กรณ์เอ่ยเสนอ



“ แต่เราก็อุตส่าห์มาแล้ว ..ไม่สักการะสักหน่อยเหรอ”



“แล้วแต่” กรณ์พยักหน้าให้ด้วยรอยยิ้มบางๆ.. แล้วทั้งสองก็เดินก้าวเข้าไปหยุดต่อหน้าเทวรูปศักดิ์สิทธิ์ ศูนย์รวมศรัทธาของใครหลายคน .สองที่ประกบพนมไหว้ ไม่จำเป็นต้องมีสิ่งใดประดับสักการะ ขอเพียงใจที่มุ่งมั่นในศรัทธาก็เพียงพอ ..



“ ผมรักคุณนะ..” คนตัวสูงฉวยโอกาสที่กรณ์กำลังหลับตาบอกรักอีกคน ..


“ รู้แล้ว ..พูดบ่อยจริง” กรณ์รีบเงยหน้าขึ้น แล้วเดินพึมพำแยกจากอีกฝ่ายไปอย่างรวดเร็ว คนคิ้วเข้มจึงรีบสาวเท้าเข้าไปใกล้ๆ ไม่บ่อยให้กรณ์เดินไปไหนไกล .. เขาถือจังหวะที่มือของอีกฝ่ายกำลังแกว่งเข้ารวบจับ แล้วตีหน้าเฉย




“ คุณจะอายไหม ..ถ้าคนเขามองเรา” วิชญ์ภาสเอ่ยถามเบาๆ เพราะไม่แน่ใจว่าการกระทำของเขาจะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกกระอักกระอ่วนหรือเปล่า



“ จะจับก็จับ” กรณ์บอกไปเสียงเบาๆ ไม่ได้ว่าอะไร ยอมให้วิชญ์ภาสจับมือของตนต่อไป .. ช่างมันสิ ใครอยากจะมองก็มองไป กรณ์ไม่ได้สนใจอะไรอยู่แล้ว ... ตอนนี้เพราะคนที่จับมือเขาอยู่ กรณ์ถึงได้รู้สึกถึงความสุข รู้สึกถึงควมอบอุ่น และที่พักพึง



“ เดือนหน้าผมก็เปิดเรียนแล้ว ..เฮ้อ..” เส้นทางที่เต็มไปด้วยผู้คน เต็มไปด้วยการเคลื่อนไหว แต่กลับมีสองหัวใจผูกติดกันแน่นจนแทบแยกไม่ออก ..



“ แล้วทำไมล่ะ..” กรณ์ถามกลับไปอย่างไม่เข้าใจ ..



“ ก็เราต้องห่างกันนะสิ .. คุณย้ายมาอยู่กับผมได้ไหม” ชายหนุ่มเอ่ยปากบอกความจริง พร้อมทั้งชวนกรณ์ให้ย้ายมาอยู่กับเขาในกรุงเทพฯ บ้านสายลมอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ เป็นร้อยกิโล หากจะเดินทางจริงๆก็ใช้เวลาถึงสองชม. วิชญ์ภาสกลัว ..กลัวว่าเขาจะอยู่ไม่ได้หากต้องห่างกัน


“ ฉันยังต้องทำงาน” กรณ์บอกไปตามความจริง



“ โห่..” วิชญ์ภาสถอนหายใจอย่างหนักหน่วง .. แม้เรื่องราวจะยังไม่เกิดขึ้น แต่ยามที่เขาคิดถึงวันข้างหน้าเขาก็อดจะกังวลไม่ได้จริงๆ...



“ งั้นผมไปกลับเอง..” วิชญ์ภาสบอกในจังหวะต่อมา .. เขาคงไม่ยอมหรอกหากต้องห่างกัน ตลอดเวลาสองสามเดือนที่ผ่าน แทบนับวันที่ห่างกันได้ .. สองลมหายใจใกล้กันมากเกินกว่าจะห่างกัน



“ แม้ความรักจะเป็นเรื่องใหญ่ของชีวิต แต่บางทีรักอย่างเดียวมันก็ไม่พอหรอก ยิ่งรักทำให้เราต้องลำบากจนเกินเหตุ บางทีมันก็ไม่ดีนักหรอก” ด้วยความเป็นผู้ใหญ่กว่า ด้วยประสบการณ์ที่มากกว่าทำให้กรณ์เอ่ยเตือนด้วยความหวังดี




“ จริงอย่างที่คุณพูด.. แต่ผมว่าหากต้องอยู่ที่นี่คนเดียวนั่นแหละคือความลำบากแท้จริง .. การไปกลับที่นี่กับบ้านสายลมแม้มันจะลำบากแต่มันก็เป็นแค่ลำบากกาย .. ยังไงก็ดีกว่าลำบากใจ” นั่นสินะ .. ลำบากกายเพราะต้องเดินทางไปมา มันยังดีกว่าลำบากใจที่ต้องห่างกัน



“ ตามใจ .. ฉันพูดอะไรนายเคยเชื่อเหรอ..” กรณ์ย่นจมูกให้คนตัวสูงไปหนึ่งที แล้วเดินสาวเท้าให้เร็วขึ้น แท้จริงยามเมื่อร่างของเขาลัดมาหน้าวิชญ์ภาสได้หลายก้าว รอยยิ้มแห่งความชุ่มชื้นก็ผลิออกจากใจ.. เพราะคำที่พูดมันมากด้วยความรัก เต็มตื้นด้วยความจริงใจ

..และแล้วก็ถึงเวลาที่ทั้งสองต้องโบกมือลาเมืองฟ้าอมรเสียที..




หนึ่งวันกว่าๆที่ผ่านมา ทำให้กรณ์ได้รู้สึกและรับรู้ถึงอารมณ์มากมายที่ยากจะหาได้จากที่ไหน แต่ทุกอารมณ์ที่เกิดก็มีไออุ่นจากคนที่บอกว่ารักเขาหล่อเลี้ยงอยู่ใกล้ๆ ความสำคัญของมันคือทำให้ใจได้เต้นถี่และเต้นแรง เต้นเพียงเพื่อรัก ..



“ บ้านเงียบเชียว ..ไปไหนกันหมดนี่” ขณะที่ทั้งสองคนเดินก้าวเข้ามา ในคฤหาสน์สายลมที่แสนยิ่งใหญ่กรณ์ก็เปรยขึ้นอย่างสงสัย เพราะทั้งบ้านดูเงียบเชียบไร้เงาของใครสักคน




“ นุ่นๆ ..” นายหนุ่มร่างบางเอ่ยเรียกสาวใช้ร่างอวบอย่างรวดเร็ว เพียงไม่นานเจ้าหล่อนก็ย้ายร่างอิ่มของตัวเองมาอย่างอุ้ยอ้าย ..( อุ๊ว้ายๆ)



“ คุณกรณ์ คุณวิชญ์กลับมาแล้วเหรอคะ” แม่สาวใช้เอ่ยทักทายอย่างแปลกใจ ..



“ แล้วหายไปไหนกันล่ะนี่.. น้องกาณฑ์ยังไม่ออกจากโรงพยาบาลเหรอ” กรณ์เอ่ยถามถึงน้องคนกลาง ..ผู้ร่วมประเด็นความเจ็บปวดอย่างสงสัย เพราะจากรายงานที่สุรีย์โทรฯมาบอกเมื่อตอนเช้าที่ผ่านมา อาการของกาณฑ์ก็ดีขึ้นจนออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว



“ เห็นคุณสุรีย์โทรฯมาบอกเมื่อตอนเที่ยงว่า จะไปพัทยากับคุณกาณฑ์ค่ะ ฝากเรียนคุณกรณ์ว่าไม่มีอะไร.. คุณกาณฑ์เธอแค่อยากไปพักผ่อนสักสองสามวัน เดี๋ยวก็กลับมาแล้วค่ะ..” แม่บ้านสาวตอบไปอย่างฉะฉาน พร้อมทั้งปลอบประโลมคนเป็นนายไปในตัว




“ อืม.. แล้วน้องกฤษฏิ์ล่ะ” กรณ์พยักหน้ารับเป็นเชิงรู้ ..พร้อมทั้งถามถึงเรื่องน้องชายอีกคนต่อ



“ ตั้งแต่เมื่อวันศุกร์นุ่นก็ยังไม่เห็นคุณกฤษฏิ์กลับมาเลยค่ะ สงสัยจะนอนที่บ้านคุณหมอมั้งคะ เห็นเธอโทรฯมาสั่งว่าหากคุณกรณ์มาถึงให้โทรฯไปรายงานเธอด้วย..” นุ่นตอบตามความจริง โดยลืมเสียสนิทว่ากฤษฏิ์กระชับไว้ว่าห้ามบอกกรณ์เรื่องที่กฤษฏิ์สั่งให้โทรฯไปรายงาน




“ อะไรนะ..” กรณ์เลิกคิ้วขึ้นอย่างครุ่นคิด .. ปกติกฤษฏิ์ไม่ใช่คนอย่างนี้



“ จะไปไหนครับ” วิชญ์ภาสเอ่ยถามคนตัวบางที่หันหัวเรือเดินออกจากบ้านหลังใหญ่ ...




“ บ้านอาหมอ.. เออใช่... นุ่นไม่ต้องโทรฯไปบอกกฤษฏิ์นะว่าฉันจะไปบ้านอาหมอ เดี๋ยวฉันไปหาน้องเอง” กรณ์ตอบไป พร้อมทั้งนึกได้เลยสั่งกำชับแม่บ้านสาวไว้อีกรอบ ในใจของกรณ์ตอนนี้เหมือนมีรอยสงสัยบางอย่างที่แม้แต่เขาเองยังไม่เข้าใจ ..บางทีความร้อนในสายเลือดที่แปลกไปอาจทำให้กรณ์รับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงของน้องชายคนเล็กกระมัง



“ คุณคิดอะไรอยู่เหรอครับ..” วิชญ์ภาสเอ่ยถามคนที่นั่งข้างๆเบาะคนขับอย่างสงสัย ท่าทีในตอนนี้ของกรณ์บอกชัดว่ากำลังครุ่นคิดอะไรบางสิ่งบางอย่างอยู่ ..



“ ไม่รู้ รู้สึกแปลกๆก็เท่านั้น” กรณ์เอื้อนเอ่ยในบางคนที่แม้แต่วิชญ์ภาสยังไม่เข้าใจ .. เจ้าตัวสูงขับรถไปตามคำบอกทางของกรณ์อย่างหาคำตอบ แต่ก็ไม่ได้มันสักทีสุดท้ายเลยขับไปอย่างเดียว เรื่องอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด สิ่งที่ยากที่สุดในโลกใบนี้คือการรักษาความลับ .. เพราะแท้จริงไม่มีความลับใดในโลก ...

รอบรั้วของความรักที่งดงาม ..ดำเนินไปตามสองใจที่ผูกกันมา เย็นนี้กฤษฏิ์ลงมือทำอาหารให้อีกฝ่ายทานด้วยตัวเอง เพราะย้ายไปเรียนที่ต่างประเทศตั้งแต่เด็กเลยทำให้ กฤษฏิ์ต้องช่วยเหลือตัวเองในหลายเรื่อง เขาเองจึงพอจะมีวิชาติดตัวมาบ้างพอตัว



“ อาหมอนะอาหมอ.. กฤษฏิ์บอกแล้วใช่ไหมว่าห้ามทำรอย แล้วดูสิขืนพี่กรณ์เห็นกฤษฏิ์ซวยแน่ วันนี้พี่กรณ์กลับมาแล้วด้วย" กฤษฏิ์บ่นกระปอดกระแปดกับคนตัวสูงที่กำลังทานอาหารอยู่ใกล้ๆ .. แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของหมอจอมหื่น



“ มันมือไปหน่อย ..คราวหน้าอาจะระวังนะ”



“ พอเลยไอ้หื่น .. รีบๆกินเข้าแล้วไปส่งกฤษฏิ์ได้แล้ว พี่กรณ์กลับบ้านแล้วไม่เห็นกฤษฏิ์คงสงสัยแน่นอน” กฤษฏิ์โยนผ้ากันเปื้อนที่พาดอยู่ด้านหลังใส่อีกฝ่ายอย่างเคืองๆ ดูสิดู ..แกล้งกฤษกิ์เสียขนาดนี้แล้วยังทำหน้าตายไม่รู้เรื่องรู้ราวอีกเหรอ



“ ครับผม..” ชายหนุ่มหยิบผ้ากั้นเปื้อนออก แล้วพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มแสนเสน่ห์.. ด้านนอกบ้านรถของกรณ์ก็จอดลงเรียบร้อย พร้อมทั้งสองคนที่หยุดยืนอยู่หน้ารั้วบ้าน .. กรณ์กดกริ่งเรียกให้เจ้าของบ้านออกมาเปิด แต่กฤษฏิ์ก็เอ่ยเสนอตัวขึ้นก่อน เลยทำให้เรื่องราวบางอย่างที่กำลังกังวลใกล้จะเป็นจริงๆ ..


“ พี่กรณ์..” เท้าของคนตัวบางถึงกับชะงัก เมื่อเดินมาหน้าบ้านและเห็นพี่ชายยืนอยู่ใกล้ๆกับคนหน้าหล่อ จะเดินกลับเข้าไปก็ไม่ได้ จะเดินต่อก็กลัว .. กฤษฏิ์ยกมือขึ้นดึงคอเสื้อขึ้นปิดรอยที่หมอหนุ่มฝากเอาไว้ แล้วเดินไปข้างหน้าอย่างใจดีสู้เสือ



“ เป็นอะไรไป ..ตกใจอะไร” กรณ์เอ่ยทักอย่างสงสัยในท่าทางของเจ้าน้องชาย ...



“ พี่กรณ์กลับมานานแล้วเหรอ..” กฤษฏิ์ถามเสียงสั่น ค่อยๆเลื่อนล็อคที่ลงสลักกับพื้นออกแล้วเลื่อนประตูรั้วเพื่อเปิดให้กรณ์ได้ก้าวเข้ามาในบ้านอย่างกระอักกระอ่วน




“ เพิ่งกลับมา .. บ้านตัวเองก็มีทำไมไม่อยู่ล่ะ..” กรณ์ยังคงรุกถามต่ออย่างจับผิด ..ปกติกฤษฏิ์เป็นพวกฉะฉานในความคิด กล้าพูด กล้าทำ และกล้าแสดงออก แต่แววตาที่ส่อพิรุธทำให้กรณ์จับผิดได้ดีว่าบัดนี้ น้องชายคนเล็กผู้ร่าเริงกำลังมีเรื่องปิดบังอยู่แน่นอน

“ คือ..”



“ พอดีไม่มีใครอยู่บ้าน .. ผมเลยชวนกฤษฏิ์มานอนที่นี่...” หนึ่งเสียงเข้มของเจ้าของบ้านเอ่ยตอบแทนท่าทีอึกอักของเจ้าเด็กร่างบาง ที่แทบจะถูกต้อนจนมุม

“ กรณ์ไม่ยักรู้ .. ว่าแต่คงไม่ได้นอนอย่างเดียวล่ะมั้ง ไม่อย่างนั้นน้องของกรณ์คงไม่มีรอยพวกนี้หรอก หวังว่าอาหมอคงมีคำตอบที่ดีพอให้กรณ์นะ..” กรณ์พยักหน้ารับ แล้วปรายตามองคนตัวสูงที่ยื่นมือปกป้องคนที่เขารักอย่างหาคำตอบ ในตอนท้ายเจ้าของมือเรียวบางก็เอื้อมถลกคอเสื้อของกฤษฏิ์ออกเผยให้เห็นรอยช้ำจากการกระทำของหมอหนุ่ม


หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 24
เริ่มหัวข้อโดย: speedboy ที่ 10-06-2009 00:34:49
พี่เค้ารักน้องนิคร้าบ  ก็หวงกันบ้างซิ


เดียวก็เข้าใจกันเนอะ


 :oni2: :oni2: :oni2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 24
เริ่มหัวข้อโดย: nutjung19 ที่ 10-06-2009 12:13:49
โฮ้ววว คุณกรณ์ อย่าโหดมากซิคะ น้องเขยกลัว   :z1:




หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 24
เริ่มหัวข้อโดย: menano ที่ 10-06-2009 13:11:54
555555555

วันนี้กรณ์เล่นบทพี่ชายหวงน้องสาว เอ้ย น้องชายด้วย

เหอเหอ

ไม่รู้อาหมอจะกลัวรึเปล่าเนอะ

เตรียมตัวตอบคำถามดี ๆ ละกัน

ว่านอนกันยังไงมีรอยที่ตัวกฤษฎิ์ด้วยน่ะ  :haun4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 24
เริ่มหัวข้อโดย: doomare ที่ 10-06-2009 14:22:34
อย่าหวงน้องเกินไปเลย

ไหนๆก้ได้เสียแล้ว  :laugh: :laugh:

จะโดนคนแต่ง :beat:มั้ยเนี้ยะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 24
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 10-06-2009 14:55:46
วิญญาณคุณแม่เข้าสิงกรณ์แล้ว อิอิ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 24
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 10-06-2009 20:54:17
คิกคิก งานนี้สงสัยหมอเจอศึกหนัก  :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 24
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 10-06-2009 21:06:05
ตอน 25


ทั้งสี่ตกอยู่ในสถานการณ์เคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด.. โดยแบ่งเป็นสองส่วนใหญ่ได้แก่ส่วนขรึมอย่างกรณ์ผู้โดดเดี่ยวแต่ยามแข็งน่ากลัวยิ่งกว่าใครไหนๆรวมกัน ส่วนอีกฝ่ายก็เป็นฝ่ายหวั่นๆ อย่าง กฤษฏิ์ พิสิษฐ์ และก็วิชญ์ภาส


รายหลังนี้เป็นแรงหนุน ยังไงกฤษฏิ์ก็ช่วยเขามาหลายเรื่อง แถมยังเป็นเพื่อนคุยที่ดีของเขา .. ชายหนุ่มเลยเอนใจไปทางอีกฝั่งเพราะยังไงก็อยากให้เรื่องราวจบลงด้วยดี เขาเองก็สร้างปัญหาให้มากแล้ว ... ถ้ายังมีปัญหาเรื่องกฤษฏิ์กับหมอพิสิษฐ์อีกคงวุ่นวายไม่รู้จักจบจักสิ้นแน่ๆ

“ ถ้าจะโทษก็เป็นความผิดของผม” วิชญ์ภาสยืดอกรับอย่างเต็มภาคภูมิ ..



“ หมายความว่ายังไง ..” กรณ์จ้องมองเข้าไปในดวงตาของอีกคน เพื่อค้นหาคำตอบที่มี ... ยังไงสัญชาตญาณของการปกป้องและดูแลยังเต็มเปี่ยม กรณ์ยังคงเป็นพี่ชายของกฤษฏิ์ ยังต้องดูแลและเอาใจใส่ แม้กฤษฏิ์จะโตแล้วแต่ยังไงเขาก็ตัดความรักที่มีให้ไม่ได้หรอก



“ คืนที่ผมไปส่งคุณกรณ์ .. เป็นคืนที่เกิดเรื่อง ถึงมันจะเกิดจากความผิดพลาดจะมีเหล้าเข้ามาเป็นตัวแปร แต่ยังไงผมก็มั่นใจว่าสิ่งที่ทำลงไปเพราะผมรักกฤษฏิ์จริงๆ” หมอหนุ่มที่มักเงียบ และเฝ้าวิ่งตามเงาของกรณ์มาตลอดเวลา กลับรู้ใจตัวเองเมื่อกฤษฏิ์หมางเมินและเฉยชาต่อเขา แท้จริงรักกับชื่นชมมันคาบเกี่ยวกันไม่น้อย .. คนเรากว่าจะรู้ค่าของบางสิ่งก็ต่อเมื่อมันสาย .. แต่เวลานี้มันยังเป็นเวลาของเขา เขารู้ตัวก่อนก็เท่ากับเขามีสิทธิ์ที่จะไขว่คว้าความรักไม่ใช่เหรอ




“ กรณ์แค่อยากรู้ว่าอาจะเอายังไง... บ้านสายลมไม่ใช่ตระกูลเล็กๆ อีกอย่างกฤษฏิ์ก็เติบโตมาบนกองเงินกองทอง อาคิดว่าเงินของตัวเองจะมีพอให้กฤษฏิ์ผลาญเล่นหรือเปล่าล่ะ..” ดวงตาคู่เรียวชะงักเล็กน้อย แต่ก็สวนกลับไปอย่างไม่รอช้า



“ พี่กรณ์..ทำไมพี่พูดอย่างนี้ล่ะ” กฤษฏิ์ที่ยืนฟังด้วยใจสั่นๆ ถึงกับตัวชารู้สึกว่าความร้อนในกายของตนเพิ่มขึ้นอย่างคุกรุ่น การที่กรณ์พูดเช่นนี้มันไม่ต่างอะไรจากดูถูกพิสิษฐ์เลยสักนิด




“ ผมรู้ครับว่าผมมันไม่ได้ดีเด่มาจากไหน ถ้าไม่ใช่เพราะคุณท่านชุบเลี้ยงและส่งเสีย ผมคงไม่ได้ยืนจนถึงทุกวันนี้ ถึงผมจะไม่ได้มีเงินมากมายเหมือนคนของสายลม แต่ผมเชื่อว่าผมจะสามารถดูแลกฤษฏิ์ได้จนตลอดรอดฝั่ง” พิสิษฐ์ไม่ต่างอะไรจากต้นไม้ที่เติบโตจากดิน ..แต่เขากลับเป็นต้นไม้ที่งดงามและออกดอกออกผลดกหนากว่าผู้ใดเพราะแรงอุปถัมภ์จากอดีตประมุขสายลม ทุกลมหายใจจึงไม่เคยหลงลืมบุญคุณของผู้ล่วงลับทั้งสอง



“ ความรัก กับ คำพูดอันสวยหรูกรณ์ว่ามันไม่มีอะไรมันคงหรอกนะ ... แต่เอาเถอะ ... ไหนๆ กฤษฏิ์กับอาหมอก็เป็นอะไรกันแล้ว กรณ์จะห้ามก็คงว่ากรณ์เป็นพวกหัวแข็งเผด็จการ แต่ถ้าอาไม่ผ่านโปรสามเดือน กรณ์พาน้องกรณ์กลับแน่...” กรณ์ปรายยิ้มเล็กน้อยก่อนจะยกเหยียดแล้วพูดต่อ ด้วยดวงตาที่เปลี่ยนไป



“ พี่กรณ์..พี่หมายถึงอะไร”

“ ต่อไปไม่ต้องกลับไปที่สายลมอีก.. สามเดือนนี้พี่จะดูสิว่าอาหมอจะผ่านโปรหรือเปล่า จำไว้ว่านี่คือสิ่งที่กฤษฏิ์เลือกเอง หากสุดท้ายปลายทางมันไม่ได้ดั่งใจ กฤษฏิ์มีสิทธิ์ที่จะเสียใจแต่ไม่สามารถโทษใครได้ ..” ใช่สินะ ตอนนี้น้องๆของกรณ์เองก็โตกันหมดแล้ว เขาควรเปิดอิสระและทางเดินให้เลือกเอง .. แม้สุดท้ายจะต้องเสียใจ แต่อย่างน้อยมันจะเป็นบทเรียนล้ำค่าให้ก้าวข้างหน้ามั่นคงกว่าเก่า



“ ขอบคุณ..” หมอหนุ่มยิ้มให้กับโอกาสที่เปิดให้กฤษฏิ์และเขา ...



“ การที่กรณ์ให้กฤษฏิ์มาอยู่กับอาหมออย่างนี้.. หวังว่าอาหมอเองก็คงรู้ว่าตอนนี้กฤษฏิ์มีหน้าที่อะไร ถ้าพี่รู้ว่าเราไม่สนใจการเรียนรับรองเราได้ถูกดัดนิสัยแน่..” กรณ์หันไปคาดโทษกับเจ้าน้องชายตัวบาง .. กฤษฏิ์เพิ่งจบไฮสกูลและยังต้องต่อเข้ามหาวิทยาลัยอีก .. แม้บ้านจะร่ำรวยด้วยทรัพย์สินแต่ทั้งหมดมันก็ไม่จีรังเท่ากับวิชาความรู้ .. ด้วยความเป็นผู้ใหญ่ของหมอพิสิษฐ์ กรณ์เชื่อว่าอีกคนคงรู้ว่าควรทำอะไรบ้าง ..



“ ครับ ..” กฤษฏิ์ยิ้มรับกับพี่ชายของตัวเอง พร้อมทั้งเดินเข้ามากอดร่างที่บางกว่าเขาอย่างดีใจ เวลานี้ได้เกิดเรื่องดีๆมากมายในชีวิต กาณฑ์ได้รู้ความจริงและยอมเปิดทางให้กรณ์และวิชญ์ภาส ส่วนกรณ์ก็ได้รู้ถึงความสัมพันธ์ของน้องชายกับหมอประจำบ้านสายลม และเปิดโอกาสให้ต่อ .. นับจากนี้มันคงมีรอยยิ้มปรากฏในแทบทุกมุมของความรู้สึกกระมัง ขอให้มันสดใสและเจิดจ้าแค่นี้ก็พอแล้ว


“ เอ๊ะ... ว่าแต่กฤษฏิ์ พี่กรณ์ก็มีเหมือนกันนะ” เด็กหนุ่มที่โอบกอดร่างของพี่ชายเหลือบเห็น ร่องรอยความรักที่เจ้าตากลมของพี่ชายฝากไว้และเอ่ยถามขึ้นเสียงใส


“ ไอ้เด็กบ้า ... งั้นไม่ต้องอยู่ที่นี่เลย” กรณ์รีบผลักร่างที่กอดเขาอยู่ แล้วแหวกอากาศบ่นเจ้าน้องชายปากมากที่ดันตาดีมาเห็นร่องรอยใต้ร่มผ้าของกรณ์อย่างฉุนๆ



“ อ้าว..กฤษฏิ์ไม่พูดก็ได้” กฤษฏิ์รีบปลีกหลบไปอยู่ข้างหมอหนุ่มที่ยืนขำอยู่.. กรณ์ได้ทีต้องรีบหนีก่อนจะอายไปมากกว่านี้ ส่วนวิชญ์ภาสก็ต้องรีบตามกลัวกรณ์จะงอนเขาอีก.. ถึงเขาจะไม่ได้ล้อ แต่ยังไงเขาก็เป็นตัวต้นเรื่องขืนไม่รีบตามรับรองได้ถูกงอนชัวร์



คนตัวสูงเดินมาทันก่อนกรณ์จะขึ้นรถ.. วิชญ์ภาสคว้าร่างแบบบางไว้อย่างเร็ว




“ งอนผมหรือเปล่านี่คุณกรณ์” วิชญ์ภาสเอ่ยถามเสียงหวั่นๆ กลัวเสียจริงที่จะโดนอีกคนเหวี่ยง ยังไงเขาก็แคร์ความรู้สึกของกรณ์มากที่สุด เขาคงไม่สบายใจหากเห็นคนที่เขารักต้องเจ็บปวดหรือกังวลใจ



“ เปล่า .. กลับบ้านได้แล้ว” กรณ์บอกเบาๆ จริงๆไม่ได้งอนอะไรแต่มันอายที่จะสู้หน้าอีกคนน่ะสิ ทั้งๆที่รู้ว่าเรื่องราวและร่องรอยระหว่างเขากับเจ้าตากลม มันจะไม่มีวันจางหาย เพราะความรักที่มีผลักดันให้อีกคนไม่กล้าแยกออกจากกรณ์ .. ทุกสัมผัส ทุกตารางนิ้วในร่างกาย มีเจ้าของเพียงคนตัวสูงผู้เดียวเท่านั้น



“ ครับ..กลับบ้าน” วิชญ์ภาสพยักหน้าให้พร้อมอมยิ้มสื่อความหมาย .. กลับบ้าน .. คำนี้มันช่างน่าฟังจริงๆ เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นหนึ่งในเจ้าของ เหมือนสายลมคือบ้านของเขาและกรณ์ ... ในความคิดเขาอยากเป็นเจ้าของสายลมหาใช่ตัวบ้านที่แสนโอ่อ่า แต่ในฐานะที่มันเป็นจุดเริ่มต้นของความรักที่เขามีต่อกรณ์ จุดเริ่มแรกของเรื่องราวที่อาจดูเจ็บปวด แฝงด้วยแรงแค้นมากกว่าใครผู้ใดจะคาดคิด


“ ยิ้มอะไร” กรณ์อดจะถามไม่ได้



“ ผมแค่มีความสุข และดีใจที่เห็นคนรอบกายผมมีความสุข” คำตอบที่ออกจากใจ .. สำคัญเหนือคำไหนที่กรณ์เคยได้ยินมา เจ้าปีศาจร้ายล่าสวาทที่แสนน่ากลัว บัดนี้ไม่ต่างอะไรจากเทพบุตรสุดแสนน่ารัก ทั้งสุภาพ และให้เกียรติ


“ อืม” กรณ์พยักหน้าให้แล้วเดินขึ้นรถไปพร้อมกับหัวใจที่สุขยิ่งกว่า ... เวลานี้กรณ์รู้สึกไม่แตกต่างจากอีกคนหรอก เขาทั้งสุข ทั้งยิ้ม และร่าเริงกว่าช่วงชีวิตไหนๆที่เคยผ่านมา


ทั้งสองกลับสู่สายลมด้วยจุดเริ่มต้นใหม่ของกันและกัน ..



ค่ำคืนของความรักจบลงด้วยการแต่งแต้มความสุข ไอร้อน และ เสน่หาที่ปรนเปรอให้แก่กันและกัน ไม่มีสิ่งไหนสามารถแยกทั้งสองออกห่างกันได้


ร่างบางถูกอีกคนโอบขึ้นนั่ง แล้วกระชับผ้าห่มคลุมกายท่อนล่างของอีกคนไว้พอเหมาะ ส่วนตัวเองก็หยิบกางเกงขาสั้นมาสวมใส่แล้วอุ้มกรณ์ลงจากเตียงไปนอกห้อง .. ก่อนออกพ้นก็คว้าเอาบางสิ่งบางอย่างติดมือของตัวเองออกไปด้วย



“ จะพาฉันไปไหน ..เหนื่อยแล้วนะ ง่วงนอน” กรณ์บ่นเบาๆ ไม่กล้าสบตากับคนที่อุ้มร่างของเขาอยู่ วิชญ์ภาสทำให้ใจของกรณ์รู้สึกเต้นแรงอย่างไม่อาจห้ามปราม ความรักครั้งนี้เหมือนจะเป็นครั้งแรก ที่ทำให้กรณ์เข้าใจถึงคำว่ากันและกัน



“ ผมไม่พาเมียตัวเองไปขายหรอกน่า..” วิชญ์ภาสเย้าเข้าให้อดจะแหย่คนที่เขารักไม่ได้จริงๆ ยิ่งเห็นกรณ์หน้าแดง ยิ่งเห็นกรณ์อายก็ทำให้ใจเขาเต้นแรงเช่นกัน มันมีความสุขปรากฏอยู่แทบทุกพื้นที่ในหัวใจ ความสุขที่ได้มีกันและกัน



“ ไอ้บ้า” กรณ์ค้อนยกใหญ่พร้อมทั้งยกกำปั้นทุบอกหนาๆ ที่มีร่องรอยขีดข่วนจากฝีมือเขาเองไปหนึ่งที ตัวต้นเหตุได้แต่หัวเราะในลำคออย่างยิ้มแย้ม ..



“ ว้าย ..” แม่สาวร่างอวบที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว เพิ่งเดินออกมาจากการแอบกินอาหารรอบดึกสงัดถึงกับร้องกรี๊ดเมื่อเห็นเจ้านายของตนกับวิชญ์ภาสในสถานะหมิ่นเหม่ ... พอดีมันเป็นช่วงตรงทางผ่านหน้าบันไดทำให้เธอเห็นจริงๆ สาวร่างอวบและคนอื่นๆในบ้านก็ล้วนรู้ดีว่าทั้งสองเป็นอะไรกัน แต่ไม่เค้ยไม่เคยเห็นจะจะอย่างนี้สักที



“ แอบไปกินรอบดึกมาใช่ไหม ..ถ้ายังไม่อยากโดนคุณกรณ์หักเงินเดือนก็ลืมเรื่องนี้ไปซะ แล้วกลับห้องตัวเองภายใน 1.9 วินาที” วิชญ์ภาสเหลือบมองอีกคนที่ยืนอยู่ด้านล่าง ...แล้วบอกไปด้วยเสียงดุๆ เขาไม่อยากให้กรณ์ต้องรู้สึกอายและงอนเขาอีก



“ ว้าย นุ่นไม่เห็นค่ะไม่เห็น..” หญิงสาวบอกเสียงสั่นกลัวโดนหักเงินเดือน ..จริงๆไม่ได้กลัวจะไม่พอใช้หรอกนะ แต่ที่กลัวคือกลัวปริมาณไขมันในร่างกายลดน้อยเพราะเงินน้อยลงก็เท่านั้น ว่าแล้วหญิงสาวก็วิ่งหายไปอย่างกับไม่เคยปรากฏกายขึ้นมาก่อน




“ หึหึ” เจ้าร่างบางที่อยู่ในอ้อมอกของคนตัวสูงหัวเราะเบาๆ ไม่ได้รู้สึกอายหรือเขินอย่างที่วิชญ์ภาสคิด .. กรณ์อดไม่ได้หรอกที่จะเห็นหน้าเหรอหราของยัยร่างอวบ .. ทุกอย่างที่คิดเลยผิดไปจากเดิมทั้งหมด




“ ตกลงจะพาไปไหนนี่..” เมื่อวิชญ์ภาสเริ่มสาวเท้าเดินต่อกรณ์เลยถามออกมาอีกครั้ง ..



“ เดี๋ยวก็รู้ครับ...” มุมปากของคนคิ้วหนาเผยออกเบาๆ พร้อมทั้งก้มลงกดจูบบนหน้าผากเนียนมนอย่างสุดรัก เท้าของชายหนุ่มยังคงเดินต่อโดยไม่ได้ให้คำตอบใดๆกับกรณ์


บรรยากาศรอบตัวของทั้วสองเริ่มมืดขึ้น ทางที่วิชญ์ภาสอุ้มพากรณ์ไปเป็นทางเดินวนขึ้นสู่ดาดฟ้าเหนือสุดแห่งคฤหาสน์สายลม มีพื้นที่รัศมี 1.9 เมตร สูงจากพื้นดิน 19 เมตร ลักษณะที่พุ่งสู่ท้องฟ้าทำให้ยามนี้ทั้งสองไม่แตกต่างจากยืนอยู่ท่ามกลางหมู่ดาว และ ท้องฟ้ามืดดำ ชายหนุ่มเอื้อมมือเปิดสวิทซ์โคมที่ติดอยู่ด้านนอกของรัศมี ไฟที่ติดอยู่เลยสว่างพอให้ทั้งสองเห็นกันและกัน



“ เพิ่งรู้ว่าสายลมจะมีที่อย่างนี้ด้วย” กรณ์เบิกตามองรอบๆอย่างตื่นเต้น เพราะไม่คิดมาก่อนว่าบ้านของเขาจะมีสถานที่แบบนี้ แม้จะเป็นเจ้าของ แม้จะครอบครองมาตลอดช่วงชีวิต แต่กรณ์กลับหลงลืมมองเห็นบางสิ่งที่งดงามนี้




“ ผมเห็นโดมบนหลังคาสามลมมานาน ..ก็แค่สงสัยเท่านั้นว่ามันน่าจะขึ้นมาได้” วิชญ์ภาสปรายยิ้มแสนกว้างให้กับคนที่ครองหัวใจของเขา .. และทำให้ใจเขาเต้นถี่ได้แทบทุกวินาทีที่อยู่ใกล้กัน


“ เหรอ..” คนหน้าสวยเงยขึ้นมองอีกฝ่ายอย่างแปลกใจ .. คำของเขาก็ทำให้กรณ์ยิ้มได้เหมือนกัน จากคนไม่รู้จักความสุข จากคนที่ใช้แต่ความเย็นชาปกปิดบาดแผลและความรู้สึก บัดนี้ทุกอย่างได้ถูกคำว่า ‘รัก’ เปิดออกจนหมดสิ้น .




“ ที่นี่สวยมากจริงๆ ..” กรณ์ยิ้มให้วิชญ์ภาสอย่างปิดทุกความกังวล ..มือบางเอื้อมไล้บนใบหน้าคมเข้มอย่างเบามือ นิ้วเรียวเลื่อนลูบไปบนใบหน้าของอีกคอย่างไม่เข้าใจตัวเอง ... ตัวตาคู่เรียวปิดออกแต่มือยังคงเลื่อนไปข้างหน้าอย่างเนิบนาบ ...



.. ทุกสัมผัส ทุกกลิ่นไอ ทุกคำว่าเรา ..


“ ดวงตาของนายสามารถหยุดมองที่ฉันเพียงคนเดียวได้หรือ... มือของนายจะสามารถหยุดสัมผัสไว้ที่ร่างกายของฉันเพียงคนเดียวได้หรือเปล่า หัวใจของนายจะสามารถเต้นเพียงชื่อของฉันได้จริงเหรอ ...” เสียงหวานดังขึ้นถาม ราวท่วงทำนองที่แผ่วบาง ราวสายลมเย็นๆที่พัดผ่าน แต่มันกลับสร้างความสุขและความมั่นคงในหัวใจได้มากมายที่สุดในชีวิต



“ หากเป็นเมื่อก่อน .. คำตอบของผมคงเป็น ‘ไม่ ’ ทั้งสามข้อ เพราะผมเชื่อมั่นในหน้าตา เชื่อมั่นในความคิด และการใช้ชีวิตของตัวเอง ผมจึงไม่คิดจะแคร์คนที่เรื่องมากเจ้าปัญหา แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนกันเมื่อผมรู้จักกับความรักจริงๆ ผมมั่นใจในตัวเองอย่างถึงที่สุดแล้ว ..ดวงตาของผมคงไม่สามารถหยุดที่คุณเพียงคนเดียว แต่ผมเชื่อว่าจะมีเพียงคุณคนเดียวที่ผมใช้ดวงตามองพร้อมรัก มือของผมคงไม่สามารถหยุดแตะต้องเพียงที่ร่างกายคุณเพียงคนเดียว แต่ผมเชื่อว่าจะมีเพียงคุณคนเดียวที่ทำให้มือของผมสั่นทุกครั้งที่ใกล้กัน แต่ผมมั่นใจอยู่อย่างหนึ่ง ... หัวใจของผมจะเรียกเพียงชื่อของคุณเพียงคนเดียว..” ท่วงทำนองของความมั่นคงและจริงใจ ตอบกลับมาจนคนถามต้องหน้าแดงก่ำ ใจเต้นสั่นด้วยความรักที่มันมีมากมาย



“ พูดเหมือนจะดี..แต่แอบด่าฉันใช่ไหมนี่ที่เรื่องมากเจ้าปัญหา” ดวงตาคู่เรียวต้องหรุบหลีกอย่างเขินๆ แต่ไม่วายแก้เก้อให้บรรยากาศระหว่างทั้งสองไม่เงียบเชียบเกินไป ..กลัวจริงๆ กลัวว่าอีกคนจะได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นจนแทบจะหลุดออกจากขั้ว



“ ถึงคุณจะเรื่องมาก จะเจ้าปัญหา จะขี้วีน จะชอบใช้กำลัง จะชอบข่มขู่ ... แต่ผมยินดีสมัครเข้าชมรมกลัวเมียนะครับ...” วิชญ์ภาสยิ้มกว้างพร้อมยิ้มกรุ้มกริ่มส่งให้


“ ..อยู่ก็อยู่ไปสิ.. มันไม่เกี่ยวกับฉันสักหน่อย” กรณ์ถลึงตาให้ตอนที่อีกคนบอกนิสัยเสียๆของเขา แต่ต้องอายม้วนตอนวิชญ์ภาสบอกว่าจะยอมให้กรณ์ได้ทุกอย่าง ..


“ เกี่ยวสิ...” ดวงตาคู่กลมทอประกายความรักพร้อมย้ำความเชื่อมั่นที่ตัวเองมี .. ริมฝีปากหยุ่นๆสัมผัสลงบนกลีบปากบางอย่างนุ่มนวล ..


“ ฉวยโอกาส” กรณ์บ่นเบาๆแก้อาย ลมที่พัดมาจากด้านบนสร้างความเหน็บหนาวให้กับสองกายได้มาก แต่เมื่ออุณหภูมิของความรัก สร้างความอบอุ่นให้ได้มากต่อมาก ... กายเจ็บ แต่ใจสุข มันก็มีคุณค่ามากเกินกว่าอะไรทั้งมวลแล้วล่ะ ..  



เสียงดนตรีจากโทรศัพท์มือถือที่วิชญ์ภาสหยิบติดมือตอนออกจากห้องดังขึ้น .. ท่วงทำนองของเพลงสากลเพลงหนึ่งที่คุ้นเคยดังขึ้น พร้อมเสียงห้าวเครือของนักร้องคลอไปกับดนตรี

.. Close your eyes, give me your hand, darling
คนตัวสูงเลื่อนริมฝีปากของตนสัมผัสลงบนเปลือกตาบาง ..ยื่นมือทั้งสองไปสัมผัสกับมือของอีกฝ่ายแล้วตวัดให้มันขึ้นมาคล้องคอของตัวเอง .

Do you feel my heart beating
จากนั้นมือทั้งสองก็เลื่อนมาตรงเอวบาง ...ประคองร่างนั้นเคลื่อนไปตามจังหวะหัวใจที่เต้นแข่งกับบทเพลง

Do you understand
จากไม่เข้าใจ จากเคยตั้งคำถาม

Do you feel the same
แต่เวลานี้หัวใจของทั้งสองกลับรู้สึกถึงความอบอุ่นไม่แตกต่างกัน ดวงตาของความรักที่ทอประกายเพื่อกัน

Am I only dreaming
ร่างกายของความเร่าร้อนที่ต้องการเพียงคนที่อยู่ตรงหน้า ไม่ใช่ฝันกลางวันหรือหมอกควันที่ไม่อาจจับต้อง

Is this burning an eternal flame
หัวใจที่กำลังพร่ำเรียกกันและกัน ..กำลังทอแสงแห่งความหวัง เปลวไฟของความรักที่จะเป็นนิรันดร์เกินใครจะดับมันลง

I believe it's meant to be, darling
ดวงตาที่จับจ้องกัน .. สื่อความหมายของความอบอุ่นได้ดี ร่างกายเคลื่อนไปตามบทเพลงของทั้งสอง


I watch you when you are sleeping
หมู่ดาวและฟากฟ้าจะเป็นพยานของใจที่เคลื่อนไปด้านหน้า ในทุกๆยาม ...

You belong with me
นับจากนี้ แม้ตัวต้องห่างไกล แต่หัวใจกลับผูกโยงถึงกัน ..

Do you feel the same
แม้กรณ์ในยามนี้จะยังไม่ได้กล้าแสดงความรักเช่นที่วิชญ์ภาสกระทำ

Am I only dreaming
แต่วิชญ์ภาสก็มีความสุขแล้ว เมื่อนี่มันไม่ใช่เพียงฝันที่เขาสร้างขึ้นฝ่ายเดียว

Or is this burning an eternal flame
ความอบอุ่นที่เคียงคู่ หัวใจที่ใกล้ชิด.. รัก

Say my name, sun shines through the rain
ส่วนกรณ์ก็เคยผ่านอุปสรรค และความยากลำบาก ..

A whole life so lonely
ชีวิตที่ผ่านมาต้องแบกรักความรับผิดชอบอะไรมากมาย เคยต้องกางปีกเพื่อปกป้องผู้อื่น แต่ตนกลับไม่เคยมีใครเป็นที่พึ่ง ..

And then you come and ease the pain
แต่ในวินาทีที่วิชญ์ภาสได้นำพามาความรักมาสู่เขาทุกความเจ็บก็ค่อยๆ ถูกความรักรักษาและดูแล

I don't want to lose this feeling ...ooooohhhh....

นับจากนี้ลมหายใจของสองกายจะเป็นใกล้กัน .. ทั้งสองจำเป็นต้องมีกัน ไม่ใช่ต้องการ
วันใดที่รักต้องห่างหาย คงเป็นวันที่หัวใจพบกับคำว่าตายด้าน

“ ผมรักคุณ...” คำบอกรักดังขึ้นพร้อมเสียงดนตรีที่จบไป.. แสงดาวที่เคยสงบหนึ่งก็พร้อมใจกับพราวประกายพาดตัวรอบทิศ ...


“ ฝนดาวตก..” กรณ์ชะงักในคำของวิชญ์ภาส .. แต่ต้องชะงักอีกครั้งเมื่อรอบกายมีเพียงแสงวูบวาบ มือบางเอื้อมปิดไฟตรงรอบๆให้ดับลง ..พร้อมหันหลังไปมองรอบกายที่เริ่มมีปรากฏการณ์ฝนดาวตกอย่างตื่นตาตื่นใจ ..


“ นั่งดูดีกว่าครับ..” วิชญ์ภาสเชื้อชวนคนรักแล้วดึงมือให้กรณ์นั่งลงตามเขา ..ชายหนุ่มตัวบางยินยอมโดยไม่ขัดขื้นและนั่งลงตรงระหว่างกลางของวิชญ์ภาส อีกฝ่ายชันเข่าขึ้นป้องลมหนาว .. ทั้งกายมีเพียงกางเกงขาสั้นที่ติดตัวมา ส่วนกรณ์ก็มีผ้าห่มผืนใหญ่แต่ทั้งกายไม่เหลืออะไรสักชิ้น ..


“ หนาวไหม..” กรณ์เอ่ยถามอีกคนที่กอดเขาอยู่... ด้านหลังวิชญ์ภาสพึ่งเข้ากับผนังโดมที่เย็นชื้น

“ นิดหน่อยครับ..” วิชญ์ภาสพยักหน้าให้เล็กน้อย คนที่มีผ้าคลุมกายเลยตวัดผ้าไปด้านหลังเพื่อให้อีกฝ่ายได้รับไออุ่น...กายของทั้งสองที่ถูกผืนผ้าแยกห่างจากกันก็แนบชิดและรับรู้ถึงอุณหภูมิของกันและกัน



วิชญ์ภาสขยับให้ชายผ้าตรงมาหน่อยนึงเพื่อให้กรณ์ที่ไม่มีอะไรเลยในตัวได้นั่งลงตรงกลาง เมื่อผ้าคลุมเขาและกรณ์จากด้านนอกได้หมด..มือหนาก็เอื้อมเข้ามากอดอีกคนทำให้หลังของกรณ์ชนเข้ากับอกแกร่ง ..หน้าคมวางกดลงบนบ่าบางอย่างนุ่มนวล ..ดวงตาของทั้งสองยังจับจ้องไปยังปรากฏการณ์บนท้องฟ้าที่วูบวาบตื่นตาตื่นใจ


“ อุ่นจังเลยครับ..” วิชญ์ภาสกระซิบแผ่วๆตรงข้างหู กดจูบลงเบาๆ จากนั้นก็ลากเลื่อนลงมาตามแนวลำคอสวย ... จงใจประทับร่องรอยความรักลงไปอย่างนุ่มนวล แต่ลิ้นชื้นและแรงที่กระทำก็อดจะทำให้กรณ์สะดุ้งสั่นไหวไม่ได้ มือหนาเองก็เริ่มเคลื่อนไหวไปตามร่างกายนุ่มๆอย่างหลงใหลและหมายจะครอบครองอีกครั้ง


“ ..ไม่เอาแล้วนะ เหนื่อย” กรณ์กัดฟันพูดอย่างสุดกลั้นอารมณ์ แม้จะรู้สึกดีแต่เขาก็เหนื่อยเกินกว่าจะรองรับความต้องการที่ปรากฏอีกรอบในค่ำคืนนี้ .. ตั้งแต่ที่เกิดเรื่องเมื่อสองสามวันก่อน กรณ์แทบจะนับไม่ได้เลยว่าระหว่างทั้งสองเคลื่อนไหวไปตามทำนองของอารมณ์กี่ครั้งแล้ว


“ ..อื้อ...” แต่คำห้ามของกรณ์ดูจะไร้ผล เมื่อร่างของเขาถูกยกให้ลอยขึ้นเล็กน้อยเพื่อต้อนรับความมุ่งหมายในปรารถนาที่แทรกผ่าน ..



“ ผมขออีกครั้งนะครับแล้วคืนนี้จะไม่กวนคุณอีก” คำกระซิบข้างๆหูบอกเจตนาแท้จริง บรรยากาศที่แสนเป็นใจอดจะปลุกอารมณ์ของคนหน้าหล่อขึ้นมาไม่ได้จริงๆ .. ลมหายใจที่กระหืดหอบเพราะการเคลื่อนไหว หยดเหงื่อที่เริ่มประสานกับไอร้อนในร่างกาย หรือจะเนื้อกายที่สัมผัสไปมาอย่างสุดห้าม


แสงดวงดาวที่ส่องประกายจากฟากฟ้า ..

เซ็กซ์ท่ามกลางหมู่ฝนดาวตก ..


พยานรักชั้นดีที่ยากจะมีผู้ใดได้มีโอกาสสัมผัส ยอดสูงแห่งสายลมที่สูงถัดฟากฟ้า กำลังสร้างความซ่านสุขในกายของสองคนที่รักกันได้มากมายเกินผู้ใดจะเอื้อมขวาง ทางข้างหน้ายังไม่มีอะไรเป็นตัวรับประกันแต่อย่างน้อยเวลานี้สุขใจ ... ก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ


“ กลับห้องกันดีกว่า..” เมื่อทุกอย่างสิ้นสุดลง ร่างที่อ่อนแรงของกรณ์ก็ล้มลงกลางอกหนั่น คนตัวสูงจึงกระชับร่างของอีกคนขึ้นและเดินลงจากโดมสูงอย่างรวดเร็ว ความรัก เส้นทาง และหัวใจ

“ ถึงกับสลบเลยเหรอครับ..” วิชญ์ภาสยิ้มให้คนที่หลับลงเพราะอ่อนแรง ...และพาคนที่เขามอบหัวใจไปพักผ่อน ... เส้นทาง รอยยิ้ม และไออุ่นมีค่าให้ครอบครองเมื่อเข้าใจความหมายของมัน


หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 24
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 10-06-2009 21:15:22
 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 24
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 10-06-2009 21:26:09
ตอน 26

ใครบางคนเคยบอกไว้ว่าชีวิตคือการเดินทาง .. คนเราต้องเคลื่อนไหวไปข้างหน้า และต้องกล้าจะก้าว หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายผ่านไป กาณฑ์และสุรีญ์ก็กลับมาจากพัทยา ในช่วงแรกกาณฑ์ยอมรับจริงๆว่าตนทำใจไม่ได้ยามเห็นกรณ์กับวิชญ์ภาสยิ้มให้กัน แต่ยิ่งนานวันยิ่งทำให้เขาเข้าใจและเริ่มจะเปลี่ยนมุมมองใหม่กำลังใจสำคัญข้างกายอย่างสุรีย์ ทำให้เขาคิดอะไรๆได้มาก .. อีกอย่างการที่เขาวางใจให้สงบนิ่งมันยิ่งทำให้รอบข้างมีความสุข และเขาจะดิ้นรนไปเพื่ออะไรล่ะ ..หากการดิ้นรนนี้มีแต่สร้างความเจ็บปวดให้คนรอบกาย

อีกไม่กี่อาทิตย์เทอมใหม่ของมหาวิทยาลัยก็เริ่มขึ้นแล้ว ..

ส่วนงานที่บริษัทก็เหมือนจะหนักเป็นเงาตามตัว เล่นเอาคนตัวบางต้องเคร่งเครียดมากมายนัก ..ธุรกิจรีสอร์ตที่หัวหินก็เริ่มมีปัญหา เมื่อหัวหน้าผู้จัดการรีสอร์ตแอบคิดไม่ซื่อ กรณ์ต้องจัดการเคลียร์บัญชียกใหญ่ทำให้ช่วงนี้ชีวิตของเขาวุ่นวายไม่ใช่น้อย



“ เหนื่อยมากเหรอครับ..” ชายหนุ่มตัวสูงที่อาสาขับรถมารับคนที่ตนรักเอ่ยถามขึ้นอย่างเห็นใจ เขายังโชคดีที่เป็นแค่นักศึกษายังไม่ต้องรับผิดชอบอะไรมากมาย ..



“ อือ..” กรณ์พยักหน้าให้อย่างเอื่อยๆ แล้วล้มกายลงเอนกับเบาะด้านหลัง มือก็เอื้อมปลดไทออกพร้อมทั้งเอื้อมปลดกระดุมหน้าออกอีกสองสามเม็ด..



“ ..” วิชญ์ภาสละมือจากพวงมาลัยรถแล้วยกกระดาษทิชชู่ซึ่งดึงออกจากกล่อง เอื้อมไปด้านหน้าและบรรจงซับเหงื่อที่แทรกซึมอยู่ตามไรผมคนตัวบางเบาๆ .. ความอบอุ่นที่แสดงทำให้คนเหนื่อยล้ารู้สึกละภาระที่มีไปได้กว่าครึ่ง นี่แหละนะความรัก.. มันมีพลังมากกว่าที่ใครจะคาดคิดจริงๆ หากเป็นเมื่อก่อนคงไม่มีใครหน้าไหนได้เห็นท่าทีอ่อนล้า และเหนื่อยหน่ายเช่นนี้หรอก ..



“ พรุ่งนี้วันเสาร์..วันนี้กลับบ้านดึกหน่อยคงไม่เป็นไรใช่ไหม” คนที่ซับเหงื่อให้กรณ์เอ่ยถามเสียงแผ่ว ราวกับจะบอกอีกคนมากกว่าขออนุญาต ..


“ ไปไหนเหรอ” ดวงตาอ่อนแสงเปิดขึ้นจ้องมองใบหน้าของอีกคน ถามขึ้นอย่างรู้ทัน ..
“ เดี๋ยวก็รู้ครับ..” รอยยิ้มบางๆปรากฏขึ้นหลังจากพูดจบ .. ริมฝีปากหนาวางลงสัมผัสกับผิวหน้าชื้นเหงื่อเล็กน้อย ประทับความรักลงอย่างไม่เคยนึกเบื่อ จากนั้นเจ้าตัวสูงก็เลยหันไปสนใจกับพวงมาลัยรถต่อ ..ทั้งสองเดินทางฝ่ากระแสลมและความมืดไปเรื่อยจนหยุดอยู่ห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัด .


.
“ พามาเที่ยวห้างนี่นะ” กรณ์เอ่ยถามเมื่อรู้ชัดว่าชายหนุ่มอีกคนพาเขามาที่ไหน ..



“..” ไม่มีคำตอบออกจากปากอีกฝ่าย จะมีก็เพียงรอยยิ้มเจ้าเสน่ห์ กรณ์จึงได้แต่ต้องเลยตามเลยเดินเข้าไปในห้างแห่งนี้พร้อมคนรูปหล่อ สองกายที่อยู่เคียงข้างโดนจับจ้องด้วยความอิจฉา.. สายตาที่หมายปองจะเป็นเจ้าของ แทบแยกไม่ออกเลยว่าใครจะถูกจับจ้องมากกว่ากัน ..



“ นี่..” มือบางเอื้อมกระตุกชายเสื้อของอีกคน


“ อะไรครับ..”



“ พามาทำไมอ่ะ.. อยากกลับบ้าน” กรณ์เอ่ยถามด้วยดวงตาที่อ่อนแรง ไม่ค่อยเข้าใจการกระทำของคนข้างๆสักเท่าไหร่หรอก กรณ์เวลานี้อยากพักผ่อนมากกว่า ..


“ วันนี้ไม่ต้องกลับบ้านดีกว่าครับ ..นอนที่นี่เลยดีกว่า..” คนตัวสูงพูดจบก็รวบรัดด้วยการจับมือกรณ์ให้เดินตามเข้าลิฟต์ไปอย่างเร็ว .. กรณ์เลยไม่มีโอกาสได้ขัดอีกฝ่ายต้องปล่อยให้เป็นไปตามที่วิชญ์ภาสต้องการ เอาเถอะไหนๆก็มีคนที่กรณ์วางใจอยู่ใกล้ๆ จะพาไปไหนกรณ์ก็ไม่หวั่น



รอสักพักลิฟต์ก็มาหยุดอยู่ตรงชั้นบนสุดของห้างสรรพสินค้าแห่งนี้.. ด้านบนเป็นส่วนรีสอร์ตและสปาที่เพิ่งเปิดบริการในช่วงหนึ่งปีก่อน แม้จะไม่ค่อยเป็นที่นิยมมากมาย แต่ก็มีแขกมาใช้บริการไม่ขาดสาย ..อาจเพราะราคาที่สูงเกินความจำเป็นเลยทำให้ที่นี่มีเฉพาะลูกค้ากระเป๋าหนักเท่านั้น



“ สองคนครับ..” ชายหนุ่มที่เดินมาหยุดอยู่หน้าเคาท์เตอร์ยื่นบัตรให้กับพนักงาน ..



“ ไม่ยักจะนึกนะครับว่าคุณกรณ์จะมาใช้บริการที่นี่ด้วย .. โลกมันช่างกลมจริงๆ” เสียงของใครบางคนจงใจกระแทกขึ้นด้วยความไม่พอใจสักเท่าไหร่ ..



“ ..คุณเอก..” กรณ์หันขวับอย่างรวดเร็ว ..และต้องชะงักเล็กๆเมื่อพบว่าคนที่กล่าวทักทายเขาไม่ใช่คนอื่นคนไกล แต่เป็นคนใกล้ๆที่กรณ์ไม่อยากจะยุ่งเกี่ยว



“ โอ๊ะโอ่ ..มีหนุ่มหล่อเป็นองครักษ์ด้วยเหรอครับนี่” คนที่ทักทายเหลือบเห็นชายหนุ่มตัวสูงที่ยืนด้านข้างกรณ์ก็เอ่ยสำทับอย่างไม่เป็นมิตร .. ขัดกับรูปร่างหน้าตาของเขาสิ้นดี



“ ..” วิชญ์ภาสจ้องมองคนที่กำลังเล่นงานกรณ์อย่างไม่ชอบใจนัก.. มือหนาเอื้อมไปรั้งเอวของกรณ์ราวกับแสดงความเป็นเจ้าของให้รู้กัน .. เขาไม่สนใจว่าใครจะมองเขายังไง ที่สนมีเพียงกรณ์คนเดียวเท่านั้น ..



“ ..” ทางฝ่ายเอกก็ชะงักไปกับภาพที่เห็น เพราะจากที่รู้จักกรณ์มาไม่เคยมีใครสักคนที่สามารถทำเช่นนี้ได้ .. กรณ์ไม่ได้ปัดป้องแต่กลับยินยอมให้มือคู่นั้นแสดงความเป็นเจ้าของได้เต็มที่ แค่นี้ก็พอจะบอกให้เอกได้รับรู้ถึงความสำคัญที่คนตรงหน้ามีต่อกรณ์



“ ไปกันดีกว่าครับ..” วิชญ์ภาสกระซิบข้างหูอีกฝ่ายแล้วเลือกจะพากรณ์ให้เดินเลี่ยงเข้าไปข้างใน .. เขาหยิบบัตรห้องพักที่รับจากพนักงานเคานเตอร์ส่งให้พนักงานอีกคนด้านหน้า เพื่อพาทั้งสองไปยังห้องพักด้านในสุด ..ผ่านสองทางเดินที่ร่มรื่นด้วยแมกไม้ และแสงไฟ ..



ทันทีที่เข้ามาในห้องส่วนตัวซึ่งอบอวลไปด้วยกลิ่นน้ำมันหอมระเหย.. กรณ์ก็เอ่ยขึ้น

“ ไม่ถามเหรอ..”



“ ทำไมล่ะครับ .. คุณอยากให้ผมถามหรือยังไง” คนตัวสูงลดร่างของตัวเองลงนั่งกับขอบเตียง และเอื้อมมือไปดึงอีกคนให้มาหยุดยืนข้างหน้า..มือทั้งสองจับอยู่ตรงเอวบางเบาๆและเงยหน้าขึ้นจ้องมองกรณ์ที่กำลังมองเขาตอบกลับมา..



“ แล้วอยากถามไหมล่ะ” กรณ์ถามกลับไปพร้อมทั้งวางมือของตนโอบลำคอคนที่นั่งต่ำกว่าเล็กน้อย


“ อยากถามสิครับ แต่ผมว่าถ้าผมซักไซ้มากไปมันจะแปลกๆ ปกติคนเป็นเมียต้องชอบจุกจิกไม่ใช่เหรอ ผมเลยไม่รู้ว่าควรถามรึเปล่า” ใบหน้าหล่อๆ ที่ต้องการเพียงคนหน้าหวานตรงหนาเพียงคนเดียวเอ่ยขึ้นด้วยความจริงใจ มันเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ เปลี่ยนไปเพราะความรัก ..



จากดวงตาวาวเล่ห์ที่มากด้วยตัณหาและการล่าเหยื่อ แปรเปลี่ยนเป็นดวงตาใสซื่อจริงใจพร้อมจะมอบรักเพียงกรณ์ผู้เดียว


“ ถามสิ..” กรณ์ยิ้มให้เป็นการเปิดทาง

“ เขาเป็นใครครับ..”

“ เจ้าของอมรารีสอร์ตคู่แข่งคนสำคัญของรีสอร์ตสายลม ..” กรณ์เอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปจากเดิม ความเครียดจากที่ทำงานดูจะกลับมาอีกครั้งเมื่อดวงตาคู่เรียวไปพบกับแขกผู้ไม่ได้รับเชิญ



“ ผมสงสัยจริงๆนะครับ ..ทั้งที่รีสอร์ตสายลมเป็นเพียงหนึ่งในธุรกิจหลายสิบอย่างของเครือสายลม แต่ทำไมมันถึงทำให้คุณเครียดมาก ราวกับทั้งสามลมจะล่มสลายนั่นแหละครับ..” มือที่หนากระชับเอวกรณ์ให้แน่นขึ้นพร้อมทั้งตั้งคำถามไปในตัว



“ หากเทียบกับธุรกิจอื่นๆ มันอาจดูเล็กน้อย แต่เพราะรีสอร์ตแห่งนี้คือที่แรกในธุรกิจทุกอย่าง คือจุดเริ่มต้นที่เริ่มมาตั้งแต่สมัยคุณปู่ มันจึงมีความสำคัญกับครอบครัวเรามาก หากรีสอร์ตล้มไปฉันก็ไม่มีหน้าไปพบพ่อกับแม่หรอก..” ภาระบนปีกที่บอบบางคือความหนักอึ้งซึ่งกรณ์ยังต้องแบก ..



“ เอาเป็นว่าอย่าเครียดเลยนะครับ .. วันนี้ผมพาคุณมาพักผ่อนนะไม่ใช่พาคุณมาเครียด เปลี่ยนชุดดีกว่าเดี๋ยวสามีบริการเองนะ..” ชายหนุ่มที่รับรู้เรื่องราวพยายามปกปิดความร้อนใจและสงสารไปด้วยรอยยิ้มและความร่าเริง

“ ทำอะไรอ่ะ..อย่าบอกนะว่าหื่นอีกแล้ว” กรณ์ชะงักตัวออกเล็กน้อยเพราะดันเข้าใจไปว่าวิชญ์ภาสจะออกอาการหื่นกำเริบอีกครั้งแล้ว ..


“ ยังไงวันนี้ก็ต้องเกิด .. เราไม่ได้ใกล้กันตั้งหลายวันแล้วนะ ไม่กลัวผมขาดใจตายรึไง” ใบหน้าคมๆถูไถไปกับหน้าท้องแบนราบของอีกฝ่ายอย่างอ้อนๆ มือก็กระชับกันให้แน่นมากขึ้นจนกรณ์ไม่ได้ขัดขืนอะไร ได้แต่ยิ้มไปกับท่าที่อ้อนๆของคนที่ทำให้โลกของเขาเปลี่ยนไป


“ ตายไปก็ดีฉันจะได้ไม่ต้องเหนื่อย..”


“ โห่..” เจ้าตัวสูงเงยหน้ามองคนที่ตนรักอย่างงอนๆ แต่ท่าทีที่แสดงมันไม่เข้ากับเขาสักเท่าไหร่ .. มือนั้นเอื้อมรั้งร่างบางให้เข้าใกล้และโยนให้กรณ์ล้มลงกับพื้นเตียงด้านหลัง โดยมีร่างของเขาเคลื่อนทับอย่างว่องไว


“ อย่างผมมันอึด ..ทั้งหน้าด้านหน้าทน ไม่เหนื่อย ไม่ป่วย ไม่ตายรับรองคุณต้องเหนื่อยไปตลอดชีวิตแน่นอน ..” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏพร้อมริมฝีปากที่ซุกไซ้ไปมา ..เรียกเสียงหัวเราะกับอีกฝ่ายได้มากพอตัว แต่ใครจะรู้ว่าเสียงหัวเราะที่ดังออกมามันหยุดทุกการกระทำของวิชญ์ภาสลงไปอย่างชะงักงัน .. เจ้าตัวสูงเอื้อมมือยันกับพื้นเตียงและขยับขึ้นมองหน้าอีกคนอย่างอึ้งๆ


“ เป็นอะไรไป..” กรณ์ถามไปด้วยรอยยิ้ม



“ คุณหัวเราะ..”


“ บ้ารึเปล่า..” มือบางงอขึ้นและเคาะลงกลางหน้าผากคนที่กำลังจ้องเขาด้วยสายตาอึ้งๆไปหนึ่งที .. มันอาจไม่ใช่เรื่องแปลกหรือเรื่องพิสดารหากเกิดกับคนทั่วไป แต่นี่มันเกิดกับกรณ์ ..


“ ผมไม่เคยเห็นคุณหัวเราะมาก่อน” วิชญ์ภาสบอกไปตามที่ใจเขาคิด ใช่สินะอย่างมากเขาก็เห็นกรณ์ยิ้มบ่อยขึ้นแต่ไม่เคยมีครั้งไหนจะได้ยินเสียงหัวเราะดังลอดจากปากคู่งามเลยสักครั้ง


“ ทำไมล่ะ..”



“ ผมแค่รู้สึกแปลกๆ...อย่างน้อยผมก็รู้สึกว่าตัวเองมีค่ามากขึ้นที่ทำให้คุณหัวเราะได้..” ชายหนุ่มตัวสูงชันกายของตัวเองขึ้นนั่งพร้อมทั้งดึงให้กรณ์ลุกขึ้นมาด้วย ..จากนั้นก็ค่อยๆเอื้อมมือปลดกระดุมเสื้อและถอดกางเกงให้อีกคนอย่างรวดเร็ว ..ร่างบางถูกอุ้มขึ้นจากพื้นเตียงและเดินมุ่งหน้าเข้าไปภายในห้องน้ำแสนกว้างซึ่งจัดไว้เป็นพิเศษ ภายในมีเทียนหอมจุดอยู่หลายจุด ...ร่างนวลนุ่มถูกวางลงบนเตียงที่วางอยู่ใกล้ๆอ่างน้ำ ...



“ ทำอะไรอ่ะ..” กรณ์ถามไปเมื่อพบว่ากายของเขาถูกผ้าขนหนูผืนบางปกคลุมในส่วนสะโพก ..


“ ผมมันหื่นอย่างที่คุณว่าจริงๆ ทั้งที่ตั้งใจจะพาคุณมาพักผ่อนแต่ก็เกือบแกล้งคุณเข้าแล้ว..” รอยยิ้มหวานๆส่งตอบกลับมา ..พร้อมความอุ่นจากของเหลวกลิ่นหอมที่เทลงกลางหลังนุ่มๆ ..



“ ถึงฝีมือผมจะไม่เข้าขั้นแต่ตั้งใจสุดๆเลยนะ..” มือที่ประทับลงหลังน้ำมันหอมระเหยค่อยๆคลึงไปตามเนื้อขาวๆอย่างตั้งอกตั้งใจ ...กรณ์ได้แต่เผยยิ้มเบาบางและหลับตาลง .. บางสิ่งที่กรณ์ไม่เคยคิดว่าจะได้พบมาก่อนในชีวิตล้วนเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่มีอีกคนเดินเข้ามา ความรักและความอบอุ่นที่เขาเคยมองข้ามบัดนี้ปรากฏชัดอยู่ตรงหน้า มันมั่นคงยิ่งกว่าสิ่งไหนๆ รักจากดวงตาคู่กลม ..ดวงตาที่ทอประกายเพียงภาพของกรณ์ผู้เดียวเท่านั้น



ร่างกายของกรณ์เริ่มเบาขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ .. แม้คนนวดจะไม่ค่อยมีความรู้สึกเท่าไหร่ แต่อาศัยว่าเคยวิ่งแข่งให้กับทีมโรงเรียนทีมมหาวิทยาลัยมาบ้าง เลยพอจะบรรเทาอาการปวดเมื่อยให้คนตัวบางได้พอตัว .. กลิ่นหอม ความร้อนและความรักล้วนประสานเข้ากับการเคลื่อนไหว ...


“ เป็นไงบ้างครับ ..”

“ อืม..ดีขึ้น” กรณ์เอ่ยขึ้นเสียงบางรู้สึกว่าตัวเองสบายขึ้นจริงๆ ..



“ เหรอครับ ...งั้นไปที่อ่างดีกว่าล้างตัวออกก่อนแล้วค่อยเข้านอน คุณจะได้รู้สึกสบายขึ้นกว่าเดิม” วิชญ์ภาสยิ้มกว้างเมื่อรู้ว่าความตั้งใจของเขาทำให้คนที่รักสบายตัวขึ้น .. ชายหนุ่มเอื้อมดึงร่างที่นอนคว่ำอยู่กับเตียงให้ลุกขึ้นและเดินลงอ่างน้ำใกล้ๆกัน .. คราวนี้เจ้าหมอนวดจำเป็นก็รีบถอดเสื้อผ้าของตัวเอง

แล้วกระโจนลงในอ่างน้ำที่ลอยกลีบดอกไม้หอมๆไว้อย่างรวดเร็ว มือหนาเอื้อมดึงร่างที่ห่างออกให้เลื่อนมานั่งข้างหน้าจากนั้นก็หันให้หลังกรณ์มาอยู่ข้างหน้าของตนเอง



“ นั่งเฉยๆนะครับ” วิชญ์ภาสกระซิบแผ่วๆ แล้วยกที่ฟองน้ำขึ้นลูบไล้ไปตามเรือนร่างของอีกคนอย่างตั้งใจ พยายามทำให้กรณ์รู้สึกสบายที่สุด .. ทางข้างหน้าอีกแสนไกลไม่รู้ว่าต้องเจออะไรอีกบ้าง วิชญ์ภาสรู้เพียงว่าเขาอยากดีกับคนที่เขารักให้มากที่สุด พยายามทำทุกวันให้มีค่า และก้าวเดินไปด้วยกัน ..


“ เร็วๆสิ ง่วงนอนแล้วนะ..” กรณ์เริ่มบ่นเมื่อฟองน้ำเริ่มไม่เคลื่อนที่ไปไหน .. แต่กลับหมุนวนอยู่แถวยอดอกของตนอย่างเนิบนาบ .. เจ้าของสายลมพอจะรู้แล้วล่ะว่าอะไรจะเกิดเป็นลำดับต่อไป .. ไม่ว่าจะกี่ครั้งต่อกี่ครั้งแต่ทุกสัมผัสก็ทำให้เกิดความตื่นเต้นได้มากพอตัว หลังจากที่กรณ์พูดจบประโยคก็รับรู้ถึงความรักที่เดินทางก้าวเข้ามาเช่นทุกครั้ง ..หลายวันแล้วสินะที่มันไม่ได้พบปะตามประสาของกายและกาย .. ยิ่งนานวันกรณ์ยิ่งรู้ว่าร่างกายของเขาขาดกายของอีกคนไม่ได้จริงๆ ..


ทุกการเปลี่ยนแปลง ทุกอารมณ์ที่เคลื่อนไหวขึ้นลง มีคำว่ารักรายล้อมอยู่เสมอ
แต่ใครจะรู้วันข้างหน้า แต่ใครจะรู้อนาคต .. กำหนดของฟากฟ้ายากนักจะเข้าใจ


หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 25+26
เริ่มหัวข้อโดย: speedboy ที่ 10-06-2009 21:49:33
น่าอิจฉาริษยาจังเลยคร้าบ..........รักกันเยอะๆนานๆนะคร้าบ


อบอุ่นจังตอนนี้อะคร้าบ.......นอนดีกว่า


 :oni2: :oni2: :oni2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 25+26
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 10-06-2009 22:17:22
จุใจเลยยยยยยยยยยยยยยยย อิอิ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 25+26
เริ่มหัวข้อโดย: jedi2543 ที่ 10-06-2009 23:09:10
เห็นด้วยว่าแพทไม่เท่าไหร่


สงสัยตาเอกน่ากลัวกว่าจริงๆ ด้วย
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 25+26
เริ่มหัวข้อโดย: doomare ที่ 11-06-2009 00:05:58
จะแพท หรือ เอก ไม่มีกลัว

แต่กลัวถ้าแพทกับเอกร่วมมือกันอ่ะ

 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 25+26
เริ่มหัวข้อโดย: menano ที่ 11-06-2009 08:48:59
 :o8:

อื้อหืออออออออออออออ

2 ตอนนี้หวานมากมายอ่ะ

เขินแทนนะเนี่ย  :-[

ไม่ว่าทางข้างหน้าจะเจออะไร

ก็ขอให้ผ่านมันไปได้ด้วยดีเถอะนะ

วิชญ์ออกจะรักกรณ์ขนาดนี้น่ะเนอะ

คู่ของกฤษฎิ์นี่เหมือนฝึกงานเลยนะ

มีโปร 3 เดือนด้วยอ่ะ

โฮะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  :laugh:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 25+26
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 11-06-2009 09:47:38
ตอน 27

ร่างกายที่บอบบางค่อยๆขยับออกจากที่นอนหลังใหญ่เนื้อนุ่มอย่างผ่อนคลาย .. กรณ์รู้สึกปลอดโปร่งและมีความสุขกว่าที่เป็น .. คนตัวบางชันกายขึ้นและเอนหลังพิงกับหัวเตียงและปรายตามองไปยังอีกคนที่ยังหลับอยู่ ผ้าห่มที่ร่นลงไปต่ำกว่าอกทำให้คนที่จ้องมองอดจะหน้าแดงไม่ได้ มือคู่นั้นจึงเอื้อมไปดึงผ้าห่มให้ขยับขึ้นมาคลุมร่างอีกคน


“ อื้อ...เช้าแล้วเหรอครับ..” เสียงงัวเงียดังจากปากของชายหนุ่ม แต่ดวงตายังคงหลับอยู่


“ เช้าแล้ว..” กรณ์ยิ้มให้เบาๆ แล้วตอบกลับไปเสียงราบเรียบ กรณ์เพิ่งเข้าใจคำว่าความสุขก็ตอนที่เจอกับคนหน้าหล่อนี่แหละ .. การตื่นขึ้นมาแล้วพบว่ามีใครอีกคนนอนข้างๆ มีอ้อมกอดอุ่นๆคอยปลอบประโลมและมีไหล่ให้พิงอิง มันช่างเป็นความรู้สึกที่พิเศษมากเกินกว่าจะหาคำใดๆมาบรรยายได้


“ วันนี้วันเสาร์ขออู้ไม่ตื่นนะครับ...” วิชญ์ภาสบอกด้วยเสียงที่งัวเงียเช่นเดิม .. ปล่อยให้กรณ์ได้แต่ยิ้มขันๆในท่าทีน่ารักที่ไม่เคยมีใครได้พบเห็น .. คนตัวบางละกายออกจากเตียงนอนแล้วเอื้อมมือไปหยิบเสื้อคลุมเนื้อบางที่แขวนอยู่ข้างๆขึ้นมาสวมทับ กรณ์เดินเล่นรอบห้องอยู่สักพักก็มาหยุดตรงระเบียงและเหลือบเห็นใครสักคนตรงสระว่ายน้ำด้านล่างกำลังมองมายังเขา ..

“ ไอ้ชั่ว..” คำสบถเบาบางดังขึ้นเมื่อชายคนนั้นปรายยิ้มกว้างส่งมาให้ .. แต่ใครจะรู้ว่ากรณ์ยิ่งเกลียดชายคนนั้นมากเท่าไหร่ .. เขาก็ยิ่งจะเข้าใกล้กรณ์มากขึ้นเท่านั้น แต่มันคงไม่มีค่าอะไรสำคัญในเมื่อหัวใจทั้งดวงในขณะนี้ถูกยกให้อีกคนไปจนหมดสิ้นแล้ว



และแล้วเวลาที่วิชญ์ภาสไม่ต้องการให้มาถึงก็เดินทางมาจนได้.. วันนี้เป็นวันแรกที่เขาเปิดเรียน การเดินทางไปมาระหว่างจังหวัดไม่ง่ายสักเท่าไหร่ แม้จะใช้เวลาเพียงสองชม. แต่ขับรถไปมามันก็น่าเบื่อพอตัวและความรักมันจะยังยืนยงอยู่ได้จริงหรือเปล่า ในเมื่อหลายคนเคยพูดไว้ว่าระยะทางเป็นหนึ่งในอุปสรรคของคำว่ารัก ..


“ จะไปยังไงอ่ะ..” คนตัวบางที่รับรู้ถึงการเคลื่อนไหวภายในห้องเอ่ยถาม คนที่กำลังแต่งตัวอยู่หน้ากระจกด้วยความสงสัย


“ วันนี้ผมจะนั่งรถตู้ขึ้นกรุงเทพฯไปก่อนแล้วตอนเย็นค่อยไปเอารถที่คอนโดฯ..” ชายหนุ่มตัวสูงหันไปมองคนที่นั่งชันกายอยู่บนเตียง เสื้อนอนตัวหลวมที่สวมอยู่ลุ่ยลงจนโชว์ผิวขาวๆนุ่ม ผมที่ฟูเล็กน้อยกับหน้าตางัวเงียที่ไม่เคยมีใครได้พบเห็นเรียกรอยยิ้ม และความรักจากดวงตาคนจ้องมองได้มากพอตัว



“ อืม..” กรณ์พยักหน้ารับเบาๆ ตอนนี้ก็ยังเช้าอยู่มาก..ด้วยเพราะต้องไปต่อรถสาธารณะวิชญ์ภาสเลยเผื่อเวลาเตรียมไว้เพราะเกรงจะไม่ทัน


“ เดี๋ยวผมต้องไปก่อนนะครับ .. แล้วตอนเย็นจะรีบกลับ..” ชายหนุ่มในชุดนักศึกษาเดินเข้ามาใกล้อีกคนที่นั่งมองอยู่แล้วเอ่ยขึ้น พร้อมทั้งฝากรอยจูบอำลาในตอนเช้าไว้อย่างแนบแน่น จากนั้นจึงเดินจากไปทิ้งไว้เพียงเจ้าของห้องที่รู้สึกเหมือนขาดอะไรบางอย่างไป ชีวิตที่เริ่มต้น .. ใครจะรู้ล่ะว่าคำว่ารักที่วิชญ์ภาสได้เอ่ยปากออกมามันจะจริงจังจริงใจสักแค่ไหน ..

คนตัวบางละทิ้งความกังวลต่างๆ และล้มกายลงนอนกอดจะหยิบหมอนที่วิชญ์ภาสนอนหนุนเข้ามากอดไว้ ..ดวงตาคู่สวยพริ้มลงอย่างวางใจเมื่อกลิ่นไอและความอุ่นของอีกคนยังปรากฏ.. ทุกครั้งที่ใกล้กันกรณ์มักวางใจและเชื่อมั่น เขารับรู้ได้จริงๆว่ารักครั้งนี้มันมีอิทธิพลต่อหัวใจและตัวตนของเขามากกว่าครั้งไหน ๆ รักที่กลายจากแค้นดูจะเป็นรักที่แตกต่าง จากเกลียดกันสุดฟ้าก็กลายเป็นรักมากจนแทบไม่อยากจากกัน ..



ชายตัวสูงเองก็รู้สึกไม่แตกต่าง .. แต่รายนี้ดูจะอาการหนักกว่าหน่อยเพราะต้องหยิบเอา
โทรศัพท์ที่ถ่ายรูปเขากับกรณ์ขึ้นมาดูบรรเทาความคิดถึง จนแม้แต่โต้งเพื่อนสนิทยังแปลกใจและตัดสินใจถามเมื่อตอนเลิกคาบช่วงบ่ายๆ ..


“ เป็นอะไรหรือเปล่านี่มึง ..ทำหน้ายังกะปลาขาดน้ำ” มือหนาตบลงบนบ่าหนั่นอย่างพอแรง แล้วเอ่ยถามขึ้นอย่างอดสงสัยไม่ได้.. วิชญ์ภาสไม่ใช่พวกชอบโว ชอบคุยเช่นที่ผ่านมา แต่ดูจะนิสัยดีขึ้นจนแม้แต่โต้งยังรู้สึกทะแม่งๆ แถมยังไม่ก้อร่อก้อติกกับคนรายทางเช่นเจ้าเสือคนเก่า



“ อยากกลับบ้าน..”



“ หึหึ ..อะไรกันมามหาวิทยาลัยไม่ถึงวัน บ่นอยากกลับบ้านแล้ว ..นี่กลัวเมียจนประสาทหลอนแล้วหรือยังไง” โต้งแค่นหัวเราะอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง ..ก็ตอนที่วิชญ์ภาสหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูรูปของกรณ์เขาเองก็แอบเห็นอยู่หลายครั้ง


“ ทำไมวะ..คนอยากกลับบ้านไม่จำเป็นต้องกลัวเมียโว้ย แต่อยากอยู่ด้วยกันมันผิดมากหรือไง” วิชญ์ภาสถลึงตาเข้าใส่เพื่อนอย่างเซ็งๆ ครั้นจะโทรฯหากรณ์บ่อยๆก็กลัวจะไปรบกวนอีกคนจนไม่ต้องทำการทำงานกัน เขาจึงเลือกโทรฯไปตอนเที่ยงครั้งเดียว

“ เอ่อ.. อาการหนักจริงๆมึง ว่าแต่วันนี้จะไปกับกูไหมมีนัดเลี้ยงเปิดเทอมที่ร้านโว้ย..” โต้งเปลี่ยนประเด็นไปอย่างฉับพลันแล้วเอ่ยปากชวนวิชญ์ภาสไปร้านเช่นทุกทีที่ทำ .. และเลี้ยงที่ว่ามันก็ไม่ได้พ้นเรื่องเหล้ายาปลาปิ้งเลย อย่างว่าบางครั้งมันอาจกลายเป็นธรรมเนียมหนึ่งในหมู่นักศึกษาวัยระห่ำไปแล้วล่ะ



“ ไม่เอาอ่ะ กูอยากกลับไปกินข้าวที่บ้าน” วิชญ์ภาสรีบส่ายหน้าปฏิเสธโดยทันที เพราะถ้าไปก็เท่ากับว่าเขาจะต้องกลับบ้านช้า อีกอย่างเขาก็บอกคนที่เขารักไว้แล้วว่าจะรีบกลับ ไม่อยากให้กรณ์เสียความรู้สึกและไม่เชื่อถือในคำพูดของเขา


“ เออ ..เอาเข้าไปมีเมียแล้วลืมเพื่อน” โต้งเริ่มโวย



“ ถ้าวันหนึ่งมึงได้เจอความรัก มึงจะไม่พูดคำนี้กับกู..” วิชญ์ภาสเงยหน้าขึ้นสบตาเพื่อนสนิท และพูดขึ้นด้วยท่าทีจริงจัง จนแม้แต่โต้งที่ได้ฟังต้องอึ้งกับประโยคนี้


“ ช่างหัวมึงแล้วกัน ..แต่เดือนหน้าตอนรับน้องกลุ่ม พี่ชมรมทุกคนต้องไปร่วม แล้วอย่าติดเมียจนเบี้ยวล่ะมึง..เดี๋ยวจะหาว่ากูไม่เตือน..”


“ เออ..” วิชญ์ภาสพยักหน้ารับไปหนึ่งทีก่อนจะหันไปสนใจกับหน้าจอโทรศัพท์ของตัวเองต่อ .. หลังเลิกเรียนโต้งกับวิชญ์ภาสก็มานั่งอยู่ตรงม้าหินใต้ลานร่มไม้ ..กว่าวิชญ์ภาสจะกลับได้คงต้องรอถึงห้าโมงเย็น วันนี้เป็นวันแรกของการเปิดมหาวิทยาลัย นักศึกษาปีหนึ่งต้องมาล่ารายชื่อรุ่นพี่ในคณะ เพราะฉะนั้นรุ่นพี่ทุกคนต้องอยู่ร่วมให้น้องๆล่ารายชื่อ เจ้าตัวสูงเลยต้องยอมนั่งจับเจ่า

“ สวัสดีค่ะ..หนูชื่อพรนภัส ชื่อเล่นแพทค่ะ..” หญิงสาวร่างบางผิวขาวเอ่ยทักทายโต้งและวิชญ์ภาสอย่างฉะฉาน ท่าทีและบุคลิกของหล่อนดูจะโดดเด่นและมีความมั่นใจในตัวเองสูง หากเป็นเมื่อก่อนคงไม่แคล้วเสร็จโต้งหรือไม่ก็วิชญ์ภาส แต่ตอนนี้รายหลังคงถอนตัวไม่ยุ่งเกี่ยวอีกแล้ว

“ นี่ค่ะ..” หญิงสาวยื่นสมุดเล่มเล็กๆส่งให้วิชญ์ภาสที่นั่งอยู่ห่างออกไปอย่างจงใจ เล่นเอาโต้งที่ยื่นมือไปรับต้องหน้าแหกและเริ่มรับรู้ถึงความแรงของยัยเด็กสาวตรงหน้า


.. วิชญ์ภาสรับมันมาอย่างเบื่อหน่ายแตกต่างจากชายหนุ่มคนเก่าที่มากเล่ห์และพราวเสน่ห์ เมื่อมือของเขาเปิดสมุดก็พบเห็นกระดาษแผ่นเล็กๆแนบอยู่ และนี่คงเป็นเหตุผลที่ทำให้หล่อนส่งสมุดให้วิชญ์ภาสเซ็นแน่ๆ .. วิชญ์ภาสเหลือบมองเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรรีบเซ็นชื่อของตัวเองให้แล้วยื่นส่งให้โต้งอย่างเร็ว ..



‘แรงจริงๆยัยเด็กนี่’ โต้งเริ่มคิดในใจเมื่อเห็นแผ่นกระดาษจดเบอร์โทรศัพท์และอีเมลของเจ้าหล่อนสอดอยู่ พลางเหลือบมองเพื่อนสนิทอย่างขันๆ ถ้าเป็นเมื่อก่อนกระดาษแผ่นนี้คงไม่ได้มาอยู่ในมือของโต้งหรอก ชายหนุ่มเซ็นชื่อตัวเองต่อแต่ไม่ได้แตะต้องกระดาษแผ่นนั้นเช่นเดียวกับเพื่อน .. มีแต่เคยหลอกกินเด็กปีหนึ่ง จะมีก็ครั้งนี้แหละที่เด็กมันอ่อยเสียจนน่าเกลียด

หญิงสาวรับสมุดไปแล้วปรายตาส่งยิ้มหวานให้กับคนหน้าหล่อ..แต่วิชญ์ภาสก็กลับไม่ได้สนใจมองเลยไปอีกทางเล่นเอาเจ้าตัวเสียความมั่นใจไปพอตัว จากนั้นก็ต้องเดินออกไปเพราะมีรุ่นน้องคนอื่นมาขอให้โต้งกับวิชญ์ภาสเซ็นบ้าง ..



“ ท่าทางมันอยากกินมึง” ขณะที่มือตวัดปลายปากกาเสียงห้าวๆของโต้งก็ดังขึ้น


“ ไม่สนใจโว้ย ..ขืนไปยุ่งโดนตีหัวแบะแน่..”



“ กูเพิ่งเห็นมึงสิ้นลายก็วันนี้นี่แหละ ... จะกลับบ้านก็กลับเดี๋ยวกูรับหน้าให้เอง .. สงสารลูกหมาตาดำๆเดี๋ยวมันจะขาดใจตายเสียก่อน ...” โต้งยิ้มส่งให้เพื่อนแล้วออกปากไล่วิชญ์ภาส .. เล่นเอาคนหน้าหมองยิ้มตอบอย่างรวดเร็วแล้วรีบรุดเดินออกจากลานร่มไม้ไปอย่างรวดเร็ว



ท่าทางอารมณ์ที่แสดงเล่นเอาหญิงสาวหน้าหนาถึงกับแค้นเคืองอย่างมากมาย



“ คิดเหรอว่าพี่จะรอดมือแพทได้..” เธอกำกระดาษเบอร์โทรฯไว้แน่น พร้อมดวงตาชิงชังที่มองไปข้างหน้าอย่างไม่พอใจสักเท่าไหร่ .. มือเรียวเอื้อมกดโทรศัพท์ถึงใครบางคนอย่างหมายมาด ในเมื่อหล่อนต้องการไม่มีทางว่าหล่อนจะไม่ได้



คนตัวสูงถึงคอนโดปั๊บก็ขับรถออกต่างจังหวัดปุ๊บ ไม่แม้แต่จะพักหายใจหายคอ ..อย่างว่าความรักมันค้ำตัวค้ำใจเสียขนาดนั้น จะปล่อยให้เสียเวลาเปล่าก็คงไม่ดีนัก ใช้เวลาเพียงสองชั่วโมงเขาก็สามารถมาหยุดอยู่หน้าคฤหาสน์สายลม



“ คุณกรณ์ยังไม่กลับบ้านเหรอ” นักศึกษาหนุ่มเดินลงจากรถปุ๊บถามหาปั๊บ .. วันนี้บ้านค่อนข้างจะเงียบไปสักหน่อย เพราะกาณฑ์ที่กลับไปเรียนเลือกจะอยู่หอในกรุงเทพฯเช่นก่อนหน้า เขาไม่อึดพอจะเดินทางไปมาระหว่างจังหวัดอย่างคนตัวสูงหรอก


“ ยังค่ะ ..คุณสุรีย์โทรฯมาบอกนุ่นว่า วันนี้คุณกรณ์อาจเลิกดึกหน่อยงานเยอะ..” สาวใช้ร่างอวบตอบกลับไปตามที่ได้ยินมาจากสุรีย์ ..วิชญ์ภาสเลยเดินกลับไปที่รถและมุ่งหน้าไปยังบริษัทที่ทำงานของกรณ์อย่างว่องไว ไม่รู้สินะ ..เขารู้สึกเหมือนตอนนี้ระหว่างทั้งสองคล้ายๆจะมีคำว่าอุปสรรคเข้ามาแผ้วพาน .. เขาทุกข์มันไม่เท่าไหร่หรอก แต่ถ้ากรณ์ทุกข์เขาคงไม่มีความสุข



เพียงไม่นานวิชญ์ภาสก็มาถึงบริษัทที่ตั้งอยู่ในตัวเมืองห่างจากบ้านสายลมราวๆสักสิบกิโลเห็นจะได้ ที่นี่ไม่ได้ห่างจากห้างสรรพสินค้าที่วิชญ์ภาสพากรณ์มาพักผ่อนวันก่อนสักเท่าไหร่ ส่วนใหญ่บริษัทห้างร้าน หรือจะพวกห้างต่างๆก็อยู่ในย่านนี้ ถัดออกไปริมฝั่งทะเลก็มีรีสอรต์ โรงแรมเรียงรายกันไม่ได้ขาด .. แต่ถ้าเทียบเรื่องสถานที่คงไม่มีรีสอร์ตไหนได้เปรียบเท่าสายลมหรอก


“ มาหาใครคะ..” พนักงานประชาสัมพันธ์ตรงล็อบบี้ด้านหน้าเอ่ยถามตามหน้าที่ แม้จะเลยเวลางานมากว่าสองชม.แล้วแต่หล่อนก็ยังปฏิบัติหน้าที่ เนื่องด้วยพนักงานในบริษัทต่างรู้ดีถึงความวุ่นวายที่กำลังเกิดอยุ่ในตอนนี้ ช่วงต้นเดือนอย่างนี้เป็นประจำที่บริษัทต้องมีการประชุมใหญ่จนดึกดื่น

“ คุณกรณ์..”



“ นัดไว้หรือเปล่าคะ..นี่ก็เลยเวลางานแล้ว ถ้าไม่มีคิวดิฉันคงปล่อยให้ขึ้นไปไม่ได้” หญิงสาวตอบไปตามความจริง เพราะหากเธอปล่อยปะละเลยนั่นก็หมายถึงตัวเธอเองแหละที่ต้องรับผิดชอบหากเกิดอะไรขึ้น


“ คือ..ช่างเถอะถ้าคุณกรณ์ลงมาก็บอกว่าผมรออยู่แล้วกัน” คนตาหวานเลือกจะตัดใจและเดินไปนั่งรอคนของเขาตรงมุมอ่านหนังสือตรงโถงด้านหน้า .. เพราะหากเวลานี้กรณ์ประชุมจริงการที่เขาโทรฯไปก็เท่ากับกวนอีกคน จะต่อสายหาสุรีย์ก็คงไม่สมควรเช่นกัน



.. ชายหนุ่มนั่งรออยู่นานจนผล็อยหลับไปอย่างชนิดที่เขาเองก็ไม่รู้ตัว ..



กว่าการประชุมที่แสนยืดเยื้อจะจบก็ปาเข้าไปสามทุ่มครึ่ง .. ผู้บริหารและพนักงานต่างเริ่มทยอยออกจากห้องประชุมกัน ..



“ คุณกรณ์คะ มีคนมาขอพบค่ะ” หญิงสาวประชาสัมพันธ์ที่รับเรื่องเดินเข้ามารายงานหลังจากกรณ์ออกจากห้องประชุม ด้วยเห็นวิชญ์ภาสยังคงรออยู่จนหลับไปเลยเข้าใจไปว่าต้องมีเรื่องด่วนจึงได้มาบอกด้วย
ตัวเอง



“ ใครเหรอ ..วันนี้ฉันไม่มีคิวแล้วไม่ใช่เหรอสุรีย์” กรณ์เปรยถามอย่างแปลกใจพลางหันไปมองเลขาฯสาวที่ยืนข้างกายอย่างหาคำตอบ



“ ไม่มีค่ะ..” คนผิวสีน้ำผึ้งเอ่ยตอบ



“ เขารออยู่ตรงล็อบบี้ค่ะ ..มาตั้งแต่ทุ่มแล้ว” หญิงสาวบอกต่อก่อนจะขอตัวลงไปเก็บข้าวเก็บของเตรียมตัวกลับบ้านเช่นคนอื่นๆ.. คนตัวบางเลิกคิ้วมองตามอย่างสงสัย เลยเดินลงมาดูด้วยตาของตัวเองและก็ทำให้รอยยิ้มที่ห่างหายไปทั้งวันปรากฏกลับคืนมา เจ้าตัวสูงจอมหื่นของกรณ์กำลังนอนหลับอยู่บนเก้าอี้รับแขกตรงโถงอ่านหนังสือ สงสัยจะรอนานจนเหนื่อยแน่นอน ..

“นี่..” มือบางสะกิดตรงบ่าของคนที่หลับอยู่เบาๆ เพียงกลิ่นหอม เพียงแรงสัมผัสก็ทำให้สติที่ห่างหายกลับคืนมาอย่างรวดเร็ว ดวงตาคู่กลมค่อยๆเปิดออกและต้องปรายยิ้มกว้าง เมื่อเห็นคนตาใสกำลังยืนอยู่ตรงหน้าเขามือหนาเอื้อมคว้าร่างที่ยืนอยู่เข้ามาใกล้อย่างเร็ว .. ใบหน้าหล่อๆซุกไซ้ไปบนท้องแบนราบเช่นที่ชอบทำ เล่นเอากรณ์ต้องหน้าแดงยกใหญ่


“ ปล่อยก่อน..” กรณ์บอกเสียงแผ่ว เพราะเวลานี้ไม่ได้อยู่ในที่รโหฐานสองต่อสอง ยังมีสายตาแปลกใจอีกหลายคู่กำลังจ้องมองอยู่ ปกติพนักงานจะคุ้นเคยกับกรณ์ผู้เคร่งขรึมไม่มีสักครั้งที่เป็นเช่นนี้..



“ ทำไมอะครับ..” ตัวต้นเรื่องเงยหน้าขึ้นถามอย่างอ้อนๆ โดยลืมไปเสียสนิทว่าตนอาจเป็นต้นเหตุให้กรณ์ต้องพบกับความยากลำบากในภายภาคหน้า ..


“ที่นี่บริษัทนะ..” กรณ์บอกไป แต่ไม่ได้มีแววขัดเคืองในน้ำเสียงหรือจะเป็นดวงตาเลยสักนิด กลับรู้สึกดีที่วิชญ์ภาสยังคงต้องการเขา ยังคงอยากอยู่ใกล้ๆ .. มือหนาเอื้อมลดลงพร้อมใบหน้าที่ผละออก .. จากนั้นก็เดินเคียงคู่ไปกับคนหน้าสวย เดินไปยังรถที่จอดอยู่ด้านหน้าบริษัท.. ส่วนสุรีย์ก็กลับพร้อมกับคนขับรถประจำตระกูล ..



“ คุณดูเหนื่อยๆนะ..” ขณะที่รถกำลังแล่นไป คนขับหน้าคมก็เปรยขึ้น


“ อย่างนี้แหละ.. สายลมควบคุมในหลายส่วนของธุรกิจ ต้นเดือนผู้จัดการในแต่ละที่จะเข้ามารายงานความคืบหน้า จึงต้องประชุมกันดึกดื่นอย่างนี้ทุกที..” กรณ์ตอบไปราวกับเป็นเรื่องปกติ เขาพบเจอชีวิตแบบนี้มาเนิ่นนานนับตั้งแต่พ่อและแม่เสียไป ..

“ แล้วยังมีปัญหาอะไรอีกหรือเปล่าล่ะครับ .. หน้าตาคุณไม่ได้บอกผมว่ามีปัญหาแค่นี้นะ..” คนขับรับหน้าที่ถามต่อ เขารู้ตัวดีว่าเขาคงช่วยอะไรกรณ์ไม่ได้มากหรอก แต่อย่างน้อยหากกรณ์ได้พูดได้ระบายออกมาบ้างมันจะทำให้กรณ์โล่งมากกว่าเดิมก็เป็นได้



“ ไม่มีอะไรหรอก .. แล้วนายล่ะไม่เหนื่อยรึไงขับไปขับมาอย่างนี้” กรณ์ส่ายหน้าเล็กน้อย ก่อนจะให้ความสนใจกับการเดินทางข้ามจังหวัดของคนข้างๆบ้าง ..



“ ก็นิดหน่อยครับ แต่ผมได้ตารางเรียนมาแล้วดีที่เป็นปีสี่ตารางเลยไม่เยอะ ส่วนใหญ่ก็มีเรียนครึ่งวัน จะมีเต็มๆก็วันจันทร์นี่แหละครับ” อย่างน้อยตารางเรียนที่ออกมา ก็ช่วยละความกังวลบางส่วนให้วิชญ์ภาสลงได้บ้าง อย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องเหนื่อยเกินไป




“ ฉันว่านายกลับไปอยู่บ้านเถอะ..” คำของกรณ์ที่ออกเล่นเอาคนตัวหนาถึงกับชะงัก ..เท้าของชายหนุ่มแตะเบรกเหยียบทันทีจากนั้นก็หันไปมองกรณ์อย่างไม่ชอบใจนัก



“ หมายความว่ายังไง คุณจะไล่ผมเหรอ”

“ เปล่า..รู้หรอกน่าว่าคนอย่างนายไล่ก็ไม่ไปหรอก แต่ฉันว่าถ้าเหนื่อยนักก็ไม่ต้องไปมาหรอก เสาร์อาทิตย์ค่อยมาก็ได้” นั่นคือสิ่งที่กรณ์คิด .. ด้วยภาระและหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบตั้งแต่เด็ก จึงทำให้ความคิดความอ่านในหลายส่วนของเขาแตกต่างจากคนรุ่นเดียวกัน ทั้งที่ความจริงอายุของทั้งสองก็ไม่ได้ห่างกันมาก แต่เหมือนโลกจะไกลกันจนแทบหาไม่เจอ หากไม่มีเรื่องกาณฑ์ทั้งสองคงไม่ได้พบกันเช่นนี้หรอก



“ อย่าพูดเรื่องนี้เลยดีกว่า ..เดี๋ยวจะพาลทะเลาะกันเปล่าๆ” คนขับเอ่ยตัดบท เพราะไม่มีสักวินาทีที่ใจเขาจะคิดอยู่ห่างกรณ์ ..



“ รู้ไหม..ว่าการกระทำของนายมันต้องแบกไปบนบ่าจนตลอด ตอนนี้นายอาจมีความสุขอาจเต็มใจที่จะเหนื่อย แต่ถ้าวันหนึ่งนายเกิดเลิกกลางคันไม่ไปกลับสายลมอย่างที่เคยทำ นายคิดหรือเปล่าว่าคนของสายลมจะคิดยังไง”

“ ถ้าจะมีวันไหนที่ผมไม่ได้กลับมาที่บ้านนั่นหมายความว่าผมมีธุระจำเป็น หรือต้องร่วมงานกับทางมหาวิทยาลัย แต่หากธรรมดาทั่วไปที่ผมไม่ได้กลับมาที่นี่นั่นย่อมหมายถึงว่าคุณอยู่กับผมที่กรุงเทพฯ ..” ดวงตาอันเชื่อมั่นฉายฉานความต้องการที่แสดงออกมาอย่างชัดเจน อย่างว่าวิชญ์ภาสเชื่อในสิ่งที่ใจเขาคิดและมั่นใจว่าหัวใจของตัวเองไม่อาจเต้นเรียกชื่อของใครคนอื่นได้อีกนอกจากคนที่อยู่ตรงหน้า ..


“ ...” ดวงตาคู่เรียวมองสบเข้าไปในตาของอีกคน ก่อนร่างแบบบางจะโน้มเข้าไปกอดร่างอีกคนเอาไว้ ท่ามกลางความสับสน ท่ามกลางความไม่เข้าใจ ..บางทีทั้งสองอาจคงต้องผ่านอุปสรรคอีกสักครั้งสองครั้ง ถึงจะเข้าใจว่าความรักของทั้งสองมีนิยามว่าอะไร



“ ผมไม่ขอให้คุณเชื่อ.. แต่อยากให้คุณมองในสิ่งที่ผมทำเพราะถ้าผมไม่มั่นใจ ผมจะไม่เอ่ยคำเหล่านั้นออกมาเด็ดขาด ผมร้ายกับคนสายลมไว้มาก ผมจะไม่ยอมผิดซ้ำสอง เพราะถ้าผมผิดก็เท่ากับผมกำลังทำร้ายตัวของผมเองด้วย ...” มือหนาเอื้อมกอดร่างของกรณ์ตอบ ...ย้ำทุกความคิดย้ำทุกการกระทำและความมั่นใจ หนทางข้างหน้าจะเป็นบทพิสูจน์ความรักระหว่างทั้งสอง เส้นทางเดินที่ทอดตัวอาจไม่มีเพียงกลีบกุหลาบที่ปริพรม กลางทางอาจเจอขวากหนาม อาจเจออุปสรรค แต่ตราบใดที่มือยังจับกันไว้ สักวันคงถึงปลายทาง


หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 27+28
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 11-06-2009 10:17:47
ตอน 28

ชายหนุ่มตัวสูงค่อยๆเคลื่อนกายออกจากเตียงที่นอนอยู่อย่างไม่เร่งรีบ เขาชักชินกับการต้องตื่นเช้าๆอย่างนี้แล้วล่ะ นี่ก็สองสัปดาห์แล้วที่วิชญ์ภาสเปิดเรียน การใช้ชีวิตไปมาข้ามจังหวัดดูจะกลายเป็นของธรรมดาสำหรับวิชญ์ภาสไปแล้ว .. แม้มันจะเหนื่อยบ้าง แต่ถ้าว่าไปการจราจรในกรุงเทพฯก็วุ่นวายไม่แตกต่าง ระยะเวลาที่ใช้อาจมากกว่าการขับรถข้ามจังหวัดอย่างนี้ก็เป็นได้



ชายหนุ่มมองร่างเปล่าของตัวเองในกระจกด้วยรอยยิ้ม.. ก่อนจะเลื่อนมือไปเปิดน้ำจากฝักให้ไหลชะลงมาบนเรือนกายแกร่งอย่างสดชื่น มือหนาเอื้อมลูบอกตัวเองด้วยความสุขและความอบอุ่นที่ยังปรากฏ เขากับคนตัวบางไม่ต่างอะไรจากคนรัก แต่มันมากกว่าคำว่าคนรัก ..เพราะยิ่งนานวันเขากับกรณ์ก็ยิ่งผูกพันกันมากกว่าเดิมหลายเท่า พักหลังมานี้วิชญ์ภาสไม่ค่อยถูกกรณ์ทำหน้าดุใส่สักเท่าไหร่ .. ดูเหมือนความรักระหว่างทั้งสองจะราบรื่นไปได้เรื่อย ๆ เพราะทั้งสองก็ไม่มีท่าทีจะวอกแวกชายตามองคนอื่น .. แต่ก็ใช่ว่ารักจะเดินทางไปโดยไม่มีสะดุดในเมื่อตอนนี้วิชญ์ภาสกำลังเป็นที่หมายตาของ แพท..รุ่นน้องตัวร้ายเจ้าแผนการ

หลังอาบน้ำชำระล้างกายเสร็จเรียบร้อยก็หยิบผ้าเช็ดตัวที่พาดตรงราว ขึ้นมาเช็ดเนื้อเช็ดตัวแล้วนุ่งเดินออกจากห้องน้ำไปด้วยอาการที่สดชื่นกว่าเดิมหลายเท่า ..


“ ตื่นแล้วเหรอครับ..” ชายหนุ่มเอ่ยทักทายคนตัวนุ่มที่ลุกขึ้นจากเตียงด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ..


“ อือ..วันนี้มีเรียนเช้าเหรอ” คนตัวบางเอ่ยถามด้วยเสียงงัวเงีย .. พลางยกมือขึ้นเกาแก้มตัวเองเบาๆก่อนจะเดินมาทางวิชญ์ภาสที่ยืนมองอยู่


“ ครับ ..วันนี้เห็นทีผมคงต้องนอนที่คอนโดฯนะครับ คืนนี้จะมีเลี้ยงจับรหัสกัน” วิชญ์ภาสคว้าร่างที่ยืนอยู่ด้านหน้าเข้ามากอดไว้ และเอ่ยบอกไปตามตรง .. แค่คิดว่าจะไม่ได้เจอกันหนึ่งวันก็รู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูกแล้ว

“ อืม.. ไม่ต้องกลับหรอกดึกๆอย่างนั้นขับรถอันตรายออก” กรณ์พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ และเอ่ยบอกไปด้วยน้ำเสียงแผ่วบาง ไม่ค่อยบ่อยที่จะเห็นกรณ์อ่อนโยนอย่างนี้ วิชญ์ภาสเลยรู้สึกดีเป็นพิเศษ จากนั้นวิชญ์ภาสก็ต้องแยกออกจากร่างที่ไม่อยากจะห่าง เพราะหน้าที่ที่ยังต้องมี


..ส่วนกรณ์ก็แยกไปอาบน้ำอาบท่าเตรียมตัวจะไปทำงานด้วยเหมือนกัน นี่ก็เข้ากลางเดือนแล้วไม่ค่อยมีงานอะไรที่เร่งด่วนอย่างเช่นต้นเดือนที่ผ่าน แต่ตอนนี้กรณ์ก็ต้องเจอปัญหาที่กำลังเดินเข้ามา .. อมรารีสอร์ตกำลังรุกหนักขยายแคมเปญการท่องเที่ยว หากสายลมยังคงนิ่งเฉยอาจทำให้ฐานนักท่องเที่ยวและรายรับที่จะเข้ามาต้องสะดุดแน่นอน



กรณ์อาบน้ำแต่งตัวสักพักหนึ่งก็ลงมาทานอาหารข้างล่าง ซึ่งคนของเขาทานนำหน้าไปก่อน ปกติมักจะทานพร้อมๆกัน แต่พักหลังกรณ์ก็บอกให้วิชญ์ภาสทานนำหน้าไปก่อน เพราะเวลาในช่วงเช้าค่อนข้างเร่งรีบ นอกจากวันไหนที่วิชญ์ภาสไม่มีเรียนเช้าถึงจะอยู่รอทานพร้อมๆกัน



“ หน้าคุณดูเครียดๆนะ..” วิชญ์ภาสเอ่ยทักกรณ์ที่นั่งทานข้าวต้มอยู่ข้างๆ ..อย่างเป็นห่วง




“ หน้าฉันดูแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ ..” มือนุ่มแตะหน้าตัวเองอย่างไม่แปลกใจนัก .. ช่วงนี้เขาเครียดจริงๆ ยิ่งอดีตเพื่อนเก่าที่หลายเป็นคู่แค้นแสนร้ายลุกขึ้นมาบุกหนัก .. เลยทำให้กรณ์เครียดเป็นอย่างมาก ยังดีที่ตอนนี้เขามีไหล่หนาให้พักพิง และสามารถแอบอิงในอกหนั่น เลยทำให้กรณ์วางใจของเขาลงได้บ้าง



“ อย่าเครียดมากเลยนะครับ วันนี้ผมไม่กลับบ้านด้วยยังไงก็ต้องดูแลตัวเองดีๆนะครับ” น้ำเสียงของวิชญ์ภาสบอกอย่างชัดเจน แสดงถึงความรู้สึกในหัวใจของวิชญ์ภาสออกมาอย่างไม่ปิดบัง .. มันจริงอย่างที่เขาเคยพูดกับโต้งไว้ เมื่อใดที่พบเจอความรัก เราก็สามารถเป็นไปได้ทุกอย่างเท่าที่รักนำทางไป



“ เห็นฉันเป็นเด็กหรือยังไง” กรณ์ย่นจมูกให้หนึ่งที


“ ผมก็แค่ห่วงคุณเท่านั้นเอง..”




“ รู้แล้วๆ..” กรณ์พยักหน้ารับ แล้วหันไปสนใจข้าวต้มชามใหญ่ตรงหน้าต่อ บรรยากาศของทั้งสองอยู่ในสายตาของใครหลายคนในบ้าน ทุกอย่างที่กำลังเป็นอยู่เหมือนเข้าที่เข้าทาง และทำให้คนรอบข้างมีความสุขตามๆกันไป นี่แหละนะอานุภาพของความรักสามารถบันดาลได้แทบทุกอย่าง



วันนี้ถือเป็นวันสำคัญของน้องในคณะของวิชญ์ภาส .. จะมีการจับรหัสของเด็กปีหนึ่ง โดยแต่ละคนจะมีพี่สายรหัสของตนสามคนทั้งปีสอง สาม และสี่ .. นักศึกษาหลายคนจึงมารวมกันอยู่ด้านหน้าลานรวม ..



“ ฉันรู้แล้วว่าใครจับได้พี่วิชญ์..” หญิงสาวรูปร่างสมส่วนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงร่าเริง เล่นเอาหญิงสาวที่รับฟังถึงกับหันขวับอย่างตื่นเต้น ..


“ ขอบใจมาก..” หญิงสาวยิ้มให้พร้อมทั้งควักเงินห้าพันส่งให้เพื่อนอย่างหมายมั่น .. ชั่วพริบตากระดาษโพยชื่อของวิชญ์ภาสก็มาอยู่ในมือหญิงสาวอย่างไม่มีอะไรผิดพลาด แพทจ้องมองชื่อที่อยู่ในมืออย่างสมใจก่อนจะปรายยิ้มออกมา



“ รหัสน้องพรนภัส..พี่หนึ่งปีสอง พี่เอกปีสาม .. และพี่วิชญ์ปีสี่..” รุ่นพี่ที่ขานชื่อเอ่ยขึ้นประกาศผ่านโทรโข่งขนาดเล็กเพื่อประกาศให้ทุกคนรับทราบ ..


“ ซวยแล้วไหมล่ะไอ้วิชญ์เอ๊ย ..” โต้งที่นั่งอยู่ข้างๆเพื่อนสนิทเอ่ยขึ้นอย่างหนักใจแทน ยัยเด็กสุดแรงที่เดินหน้ามาอ่อยเหยื่อตั้งแต่วันแรก มีหรือที่โต้งจะจำไม่ได้ แววตาที่ดูมุ่งหมายบอกชัดว่าหลังจากนี้คงมีเรื่องร้ายเกิดขึ้นอย่างไม่คลาดคลาย ..



“ ทำไมวะ” วิชญ์ภาสเหมือนจะยังไม่รู้ตัวว่าภัยร้ายกำลังเดินหน้ามาหาเขา ..



“ ก็ยัยน้องแพทที่มันสอดเบอร์โทรฯในสมุดเซ็นชื่อของมันไงล่ะ ..แกได้มันเป็นน้องสายรหัส คราวนี้แกโดนมันกินได้ง่ายขึ้นแน่ๆ” โต้งตอบไปพร้อมทั้งผลักหัวของเพื่อนให้หันไปมองด้านหน้าเวที




“ กูมีเมียแล้ว..” เสียงมั่นคงดังขึ้นราวกับไม่หวั่นเกรงกับสิ่งใดๆที่จะเข้ามา


“ เอ่อ..ผู้หญิงบางคนเขาไม่สนหรอกว่าผู้ชายจะมีแฟน มีเมียแล้วหรือเปล่า ถ้าอยากได้ก็ต้องพยายามทำทุกวิถีทางให้ได้มา โดยไม่สนใจด้วยว่าวิธีการที่จะใช้จะดีหรือร้ายขนาดไหน และยัยน้องแพทคนนี้ก็เข้าสเปคผู้หญิงอย่างที่กูว่ามาเป๊ะ” คนหน้าตี๋บอกไปด้วยความหวั่นๆแทนเพื่อนของตน คนอย่างแพทจะว่าอ่านออกง่ายก็ได้ แต่ถ้าจะพูดว่ายากก็ไม่ผิด .. อาจจะอ่านง่ายว่าเป็นคนยังไง แต่คงยากที่จะอ่านว่าคิดการแผนอะไรร้ายๆหรือเปล่า


“ พูดอย่างนี้ก็เป็นเนอะมึง” วิชญ์ภาสไม่ยักจะเชื่อว่าเพื่อนของตนจะพูดออกมาได้

“ แล้วมึงจะเอาไงอ่ะ.. พี่รหัสมันต้องเลี้ยงข่าวเด็กปีหนึ่งหนึ่งมื้อ มึงจะเลี้ยงวันไหนอ่ะ..”



“ วันนี้เลยแล้วกัน กูบอกคุณกรณ์ไว้แล้วว่าวันนี้จะไม่กลับบ้าน ..เลี้ยงวันนี้ให้เสร็จๆไปเลย ไม่อยากให้ยุ่งยาก อีกอย่างกูว่ามึงก็เลี้ยงพร้อมกูเลยแล้วกัน นัดพวกไอ้บอมไปด้วยจะได้ไปกันเยอะๆ..” วิชญ์ภาสบอกไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบก่อนจะเสนอแกมบังคับ

“ วิชญ์ ”

“ หือ..”


“ กูถามจริงดิ..ทำไมมึงถึงรักคุณกรณ์นักหนา ถึงจะน่ารัก ดูน่าเป็นเจ้าของ แต่ก็ร้ายไม่ใช่เล่น มึงก็รู้ใช่ไหมว่าเขามีอิทธิพลมากแค่ไหน ในพื้นที่รอยต่อระหว่างภาคใต้กับภาคกลาง ตอนแรกที่เป็นเรื่องกูนึกว่ามึงจะถูกสั่งเก็บเสียแล้ว” จริงอย่างที่โต้งว่า .. ตระกูลสายลมทรงอิทธิพลแค่ไหนใครๆก็รู้ แม้ตอนนี้จะมีคนของอมราขึ้นมาเทียบรัศมี แต่คนในพื้นที่ส่วนใหญ่ก็ยังเคารพนับถือทุกสายเลือดที่มาจากสายลมไม่คลาย


“ กูคิดว่าเรื่องอย่างนี้มันพูดยาก ..อย่างที่กูเคยบอกมึงต้องเจอกับตัวถึงจะเข้าใจ”


“ อย่างว่า ..ก็เล่นน่ารัก น่ากอดเสียขนาดนั้น” โต้งได้แต่ส่ายหน้า รู้สึกหมั่นไส้เจ้าเพื่อนสนิทกลายๆ ..โธ่อะไรจะมั่นคงเสียขนาดนี้ .. แต่เห็นเพื่อนมีความสุขเข้าก็รู้สึกมีความสุขไม่แตกต่าง ..


“ สวัสดีค่ะ .. พรนภัสค่ะ ชื่อเล่นแพท” หญิงสาวหน้าใสกล่าวขึ้น



“ ครับพี่ชื่อวิชญ์” วิชญ์ภาสผงะเล็กๆ เมื่อแม่เด็กใจกล้าเดินมาหยุดตรงหน้ารายงานตัว แม้มันจะดูธรรมดาในสายตาคนทั่วไป เพราะวันนี้เป็นวันทำความรู้จักของรุ่นพี่รุ่นน้อง แต่ในสายตาของโต้งเขาก็รับรู้ได้ทันทีว่ายัยนี้กำลังเดินตามแผนจับวิชญ์ภาสไม่คลาด


“ วันนี้ไปกินข้าวด้วยกันเลยดีกว่านะ วันอื่นพี่ไม่ว่าง ว่าแต่น้องรู้จักร้าน Wave หรือเปล่า”


“ ร้าน Wave ตรงสี่แยกใหญ่ใช่ไหมคะ” หญิงสาวเหมือนจะดีใจไม่น้อย เข้าใจไปว่าเหยื่อที่หล่อนหมายตากำลังติดกับ เพราะดูเหมือนจะเร่งไม่น้อย ..แต่ความเข้าใจของเธอคงคลาดไปสักหน่อยเพราะแท้จริงวิชญ์ภาสไม่อยากให้เสียเวลาไปวันอื่น



“ งั้นทุ่มครึ่งเจอกันที่ร้านนะ ..เดี๋ยวพี่จะกลับบ้านไปอาบน้ำก่อน” วิชญ์ภาสนัดเวลากับหญิงสาว และหันไปสนใจกับเพื่อนข้างกายแทน .. เล่นเอาหญิงสาวถึงกับเก้อไปชั่วขณะแต่คนอย่างหล่อนไม่ยอมง่ายๆหรอก ยังไงคืนนี้ยังอีกยาวไกล ..ดินเนอร์ใต้แสงเทียนบรรกากาศออกจะโรแมนติกขนาดนี้ รับรองว่าพี่วิชญ์ไม่รอดมือเธอแน่นอน



“ แล้วจะนัดเลี้ยงรวมวันไหนอ่ะมึง”


“ อีกอาทิตย์ข้างหน้าแหละ..” โต้งตอบไปก่อนจะลุกขึ้นแยกไป .. อีกสองชั่วโมงกว่าจะถึงเวลานัดเลยอยากจะกลับบ้านไปอาบน้ำอาบท่าก่อน วิชญ์ภาสก็เช่นกันรีบขับรถกลับคอนโดฯของตัวเองอย่างรวดเร็ว แต่ระหว่างที่รถกำลังจะเคลื่อนออกจากหน้ามหาวิทยาลัย ชายหนุ่มก็เห็นใครบางคนที่เพิ่งเจอเมื่อครู่กำลังยืนมองกระโปรงรถตัวเองอยู่อย่างวุ่นวาย


“ เป็นไรเหรอน้อง..”


“ รถแพทเสียค่ะ..” หญิงสาวตอบไปพร้อมทั้งยกมือขึ้นปาดเหงื่อไปด้วย ..

“ แล้วเป็นไรมากไหมล่ะ..เรียกช่างหรือยังไง..”



“ เรียกแล้วค่ะ แต่ท่าทางจะหนักแพทเลยกะจะให้มาดูก่อนแล้วค่อยมาเอารถพรุ่งนี้ค่ะ..” หญิงสาวแกล้งโกหก ที่จริงรถเจ้าหล่อนไม่ได้เป็นอะไรสักอย่างแต่จงใจมาดักรอวิชญ์ภาสก็เท่านั้นเอง ..



“ งั้นให้พี่ไปส่งไหม..” สถานการณ์อย่างนี้ชายหนุ่มจะยื่นมือช่วยก็ดูจะใจดำไปสักนิด และเหมือนมันจะเดินตามแผนของแพททุกอย่าง .. เมื่อท้ายที่หล่อนก็สามารถขึ้นมานั่งบนรถวิชญ์ภาสได้ ตอนที่วิชญ์ภาสถามว่าจะให้ส่งที่ไหนเจ้าหล่อนก็บอกว่าให้ส่งที่แห่งหนึ่งในกลางเมือง แต่เพียงชั่ววินาทีถัดมาก็มีโทรศัพท์ดังเข้ามา และทำเหมือนว่าที่บ้านหล่อนไม่มีใครอยู่สักคน ..


การเดินทางของแผนการจบลงโดยที่วิชญ์ภาสไม่อาจหลีกเลี่ยงการพาหญิงสาวไปที่คอนโดฯของตน
หากเป็นเมื่อก่อน คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ..แต่ตั้งแต่ที่วิชญ์ภาสได้รู้จักคำว่าความรัก ก็ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหกล้ำกรายเข้ามาภายในที่ของเขาเลยสักคน



“ ทำตัวตามสบายนะ..พี่อาบน้ำก่อน” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นเมื่อเดินเข้ามาภายในห้อง .. จากนั้นก็วางข้าวของของตนลงบนโต๊ะอย่างผ่อนคลาย .. เขาเชื่อว่าหากตัวเองบริสุทธิ์ใจคงไม่มีอะไรต้องวุ่นวายใจหรอก อีกอย่างเขาก็เชื่อใจของตัวเองว่าจะไม่มีทางวอกแวกออกจากความรักที่มอบให้กรณ์แน่นอน


หญิงสาวลุกขึ้นอย่างกระหยิ่มย่อง เมื่อทุกอย่างที่วางแผนดูจะเข้าล็อค เธอเดินรอบๆห้องของวิชญ์ภาสอย่างวาดหวัง ... ก่อนที่หนึ่งเสียงจะดึงร่างของเธอให้หลุดออกจากภวังค์คิด สายตาคู่สวยหันไปมองทางต้นเสียงอย่างสงสัยแล้วเดินมาหยุดอยู่ตรงด้านหน้าโทรศัพท์มือถือที่กำลังกรีดร้อง ..


“ ชิ..” แพทมองหน้าจอด้วยความคิดบางอย่าง .. ภาพของวิชญ์ภาสกับกรณ์ที่ถ่ายด้วยกันเมื่อวันก่อนปรากฏขึ้นหรา แถมชื่อที่กำกับอยู่ด้านหน้ายิ่งเพิ่มความชิงชังแก่หญิงสาวได้มากมายนัก .. ‘wife’

“ ฮัลโหล..” แพทยกโทรศัพท์ขึ้นกดรับ


“ เอ๊ะ..แล้ววิชญ์ล่ะ” กรณ์ชะงักไปเล็กน้อยเมื่อพบว่าปลายสายเป็นหญิงสาวรับสาย เขาตั้งสติแล้วถามต่ออย่างพยายามวางใจให้เป็นกลาง


“ พี่วิชญ์อาบน้ำอยู่ค่ะ..”



“ แล้วเธอเป็นใคร ..” กรณ์ถามเสียงขุ่น ภายในใจรู้สึกรุ่มร้อนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน .. วิชญ์ภาสไม่เคยทำให้กรณ์หวาดระแวงเลยสักครั้ง เมื่อเจออย่างนี้เลยค่อนข้างอึ้ง แต่ก็ยังอยากจะถามให้รู้เรื่องคนอย่างนั้นไม่ใช่พวกหุนหัน เขาต้องสืบให้รู้ความจริงเสียก่อนแล้วค่อยโมโหหรือโกรธ



“ แล้วคุณคิดว่าไงล่ะคะ” แพทตอบไม่ตรงประเด็น จากนั้นก็เลือกกดตัดสายไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับการเคลื่อนไหวจากทางด้านหน้าห้องน้ำ เลยทำให้เธอต้องรีบวางโทรศัพท์แล้ววิ่งกลับไปนั่งตรงโซฟาก่อนที่วิชญ์ภาสจะสังเกตอะไร ..

โทรศัพท์เครื่องเดิมกรีดร้องอีกครั้ง .. อย่างที่บอกว่าหากยังไม่รู้เรื่องกรณ์ไม่ยอมหรอก


ชายหนุ่มแต่งตัวเสร็จตั้งแต่อยู่ในห้องน้ำ.. เมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์เลยเดินดิ่งมารับอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร เขากดรับอย่างปกติ


“ นี่ยัยผู้หญิงบ้า ตกวิชามารยาทหรือยังไง ถึงได้วางสายใส่ฉันหา ..” เสียงปลายสายรัวฉาดมาเป็นชุดเล่นเอาวิชญ์ภาสถึงกับอึ้งกิมกี่..กรณ์อารมณ์ค้างจากอะไรหรือทำไมถึงได้สวดยับขนาดนี้ .. วิชญ์ภาสจำต้องยืนฟังอีกฝ่ายบ่นอยู่เกือบนาทีกว่าเขาจะพูดอะไรออกมาได้ ..อันว่าน้ำเชี่ยวอย่างเอาเรือไปขวาง

“ เป็นอะไรไปครับ..”


“ ผู้หญิงคนนั้นไปไหนแล้ว ..” กรณ์ชะงักเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าคนที่ตนกำลังพล่ามบ่น คือชายหนุ่มที่ทำให้หัวใจของตัวเองหวั่นไหวมากกว่าเดิม


“ ผู้หญิงไหน”


“ ก็เมียแกไงไอ้บ้า..” กรณ์กระชากเสียงใส่อย่างโกรธๆ ..


“ เรียกหาตัวเองทำไมล่ะครับ..” วิชญ์ภาสยิ้มเล็กน้อย

“ อย่ามาตลกถ้าแกยังไม่อยากตาย ไอ้ผู้หญิงคนนั้นอยู่ไหน ถ้ามันไม่ใช่เมียแกแล้วมันจะอยู่ห้องแกได้ยังไง แถมยังรู้อีกว่าแกอาบน้ำอยู่..”


“ ฮะๆ..”


“ ตลกมากใช่ไหม ..ไม่ต้องมาให้ฉันเห็นหน้าเลยนะ..”


“ ใครบอกว่าผมตลกคุณหา ..ผมกำลังดีใจต่างหาก ปกติไม่ค่อยเห็นคุณเป็นอย่างนี้สักเท่าไหร่ ก็แค่ดีใจที่คุณหึงผมก็เท่านั้นเอง..” เพราะวิชญ์ภาสบริสุทธิ์ใจเขาเลยไม่กลัวว่ากรณ์จะเข้าใจผิด .. เขาเชื่อว่าความจริงใจที่เขาแสดงมาตลอดหลายเดือนจะทำให้กรณ์ฟังความจริงจากปากของเขา

“ ก็จะหึงแล้วไมวะ..”

“ หึงก็มาจับให้ได้คาหนังคาเขาสิครับ ..”


“ แกท้าเหรอ..”



“ ครับ..” วิชญ์ภาสยิ้มรับอย่างสุดกว้างแล้วตัดสายโทรศัพท์ของตัวเองไป .. ตามจริงเขาควรจะกังวลและวุ่นวายใจ แต่ไม่รู้สิเขากลับรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก เขาไม่ได้กลัวว่ากรณ์จะโกรธหรือโมโหเลย .. เพราะเขารู้ดีว่าหากกรณ์โกรธมันจะร้ายแรงแค่ไหน กรณ์ไม่มีทางพูดหรือด่าใส่เขาอย่างที่เป็น แต่เขาจะได้รับการตอบแทนอย่างแสนเย็นชา .. หากกรณ์ยังด่ายังเหวี่ยงใส่แสดงว่าวิกฤตการณ์ยังไม่เข้าสู่ช่วงอันตราย ..

“ สบายใจจริงเลยนะคะพี่วิชญ์..” แพทจงใจเอ่ยขึ้น



“ แฟนพี่โทรฯมาก็ต้องดีใจสิ” วิชญ์ภาสเองก็จงใจเน้นคำว่าแฟนอย่างชัดเจน .. ตัวต้นเหตุของเรื่องราว คิดเหรอว่าเขาจะโง่ไม่รู้ตัว แต่ชายหนุ่มก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ..ไม่ได้โกรธแต่จำ .. ชายหนุ่มแยกไปแต่งตัวภายในห้องของตัวเองก่อนจะเดินออกมาสมทบกับหญิงสาวที่นั่งวางแผนร้าย ..


“ ทำไมเราไม่ทานกันแถวนี้ล่ะคะ..”



“ พี่อยากกินร้าน wave” วิชญ์ภาสไม่ได้ให้เหตุผลอะไร แต่แพทก็ไม่เข้าใจจริงๆว่าวิชญ์ภาสจะขับรถย้อนไปทางแถวสี่แยกมหาวิทยาลัยทำไม ในเมื่อทานกันแค่สองคนจะหาร้านแถวนี้ก็ได้.. ดูเหมือนหล่อนจะมองโลกในแง่ดีเกินไปกระมัง .. ที่ต้องเป็นร้าน wave เพราะวันนี้ไม่ได้ทานแค่สองคนเท่านั้น วิชญ์ภาสจะไม่เปิดโอกาสให้ตัวเองต้องอยู่กับหญิงสาวเพียงลำพังอีกแล้ว หากยังประมาทเขาเองนี่แหละที่อาจต้องพลาดพลั้ง ..


..call me .. เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นแทรกทุกความเงียบให้หมดไป ชายหนุ่มกดรับที่บลูทูธอันจิ๋วข้างๆหู ช่วงนี้ทางการยิ่งรณรงค์โทรฯห้ามขับ อุปกรณ์นี้จึงกลายเป็นที่นิยม


“ ไงวะโต้ง..”


“ ไอ้เพื่อนเวรเอ๊ย .. ทำไมเมียมึงโหดอย่างนี้หา รู้หรือเปล่าว่าเพื่อนมึงเกือบตายเพราะลูกสมุนของคุณเมียของมึง มึงไปทำอีท่าไหนวะ เมียมึงถึงให้คนมาคาดคั้นกับกูว่ามึงอยู่ไหน” เสียงของโต้งดูจะโหวกเหวกจนวิชญ์ภาสต้องสะดุ้งแต่เมื่อได้ฟังสิ่งที่โต้งบอกออกมาก็ยิ่งทำให้แปลกใจมากกว่าเดิม


“ ทำไมวะ ..”


“ ก็คุณกรณืไปหามึงที่ห้อง ..แล้วมึงไม่อยู่.. กูละซวยโดนโทรฯตาม” โต้งตอบกลับมา เมื่อเขาถูกกรณ์ตามตัวไปพบเมื่อสิบนาทีก่อน ตอนนี้วิชญ์ภาสกำลังติดแหงกอยู่กลางการจราจรเมืองหลวง เลยทำให้คลาดกับกรณ์ที่ไปหาที่ห้องตอนนี้คนหน้าหวาน เลยมุ่งไปถามความจากโต้งแทน ..

“ จริงอะ..”


“ มึงไม่กลัวบ้างหรือยังไง..” โต้งดูจะแปลกใจ


“ ขอโทษครับคุณเพื่อนโต้ง ถึงผมจะเกรงใจภรรยา แต่ก็ไม่ได้กลัวโว้ย อีกอย่างเห็นคุณกรณ์เป็นอย่างนี้มันรู้สึกดีชิบ .. เดี๋ยวเจอกันที่ร้านนะเพื่อน..” คนเจ้าเสน่ห์ยิ้มกว้างด้วยความสุข .. แล้วตัดสายของเพื่อนไป

“ พี่โต้งไปด้วยเหรอคะ..”


“ เอ้ายังไม่รู้เหรอ ไอ้โต้ง ไอ้บอมก็นัดเลี้ยงน้องรหัสเหมือนกัน” วิชญ์ภาสตอบไปราวกับเป็นเรื่องปกติ แต่สิ่งที่รับรู้ทำเอาหญิงสาวถึงกับแค้นจัด ..ทั้งเรื่องที่ทำอะไรกรณ์กับวิชญ์ภาสไม่ได้ แล้วไหนอาหารแสนโรแมนติกมื้อนี้จะมีมารมาขวางกลางอีก แต่หล่อนคงไม่รู้ว่าการที่หล่อนกล้าเข้าไปแหยมคนของกรณ์ แค่คิดก็ผิดแล้ว ..


Wave ..ชื่อร้านสีแดงฉานหน้าร้านตั้งเด่นเป็นสัญลักษณ์ แล้วรถของวิชญ์ภาสก็จอดลงด้านหน้าชายหนุ่มเดินเข้าไปในร้าน พร้อมหญิงสาวที่รีบสาวเท้าตามไม่ห่าง วิชญ์ภาสมองซ้ายมองขวาอยู่พักหนึ่งก็มองเห็นพรรค์พวกของตัวเองนั่งรออยู่ตรงสวนใจกลางร้าน .. และเหมือนทุกสายตากำลังมองมาที่เขาไม่คลาย ..


ชายหนุ่มเผยยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าภายในกลุ่มเพื่อนและน้องรหัสปีหนึ่งมีใครอีกคนนั่งรวมอยู่ด้วย

“ คุณกรณ์..” วิชญ์ภาสรีบเดินเข้าไปหาอีกคนที่นั่งอยู่อย่างไม่กลัวเกรง ท่ามกลางความหวาดหวั่นของคนในร้าน ก็โต๊ะอื่นๆที่กลางสวนเป็นคนของกรณ์ทั้งนั้น ที่สำคัญแต่ละคนละหน้าตาโหดทั้งนั้นเลย .. วิชญ์ภาสช่างกล้า โต้งยังแอบชื่นชมอยู่ลึกๆที่เพื่อนของตนไม่แสดงความหวาดหวั่นออกมา


หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 27+28
เริ่มหัวข้อโดย: menano ที่ 11-06-2009 12:47:46
555555

กรณ์นี่แรงโดนใจจริง ๆนะ

ชอบบบบบบบบบบบบบบบ

อย่างยัยแพทมันต้องเจอแบบนี้แหละ

โดนชุดใหญ่แน่

แต่สงสัยงานนี้คงไม่ใช่แค่แพทนะ

วิชญ์ก็อาจจะโดนบ้างไรบ้าง

โทษฐานดีใจเกินเหตุ  :laugh:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 27+28
เริ่มหัวข้อโดย: Ryze ที่ 11-06-2009 17:23:48
อุ้ย มันส์พะย่ะค่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 27+28
เริ่มหัวข้อโดย: nanao ที่ 11-06-2009 21:09:10
สุดยอดเลยครับ  มาให้อ่านแบบไม่หวาดไม่ไหวเลย

ขอบคุณมากคร้าบ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 27+28
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 11-06-2009 22:12:11
จับชะนีเชือดแล้วเอาไปทำ ชะนีส้มเลย
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 27+28
เริ่มหัวข้อโดย: k_U_K_K_I_K ที่ 11-06-2009 22:25:46
โอ้ยยยยยยยยยยยยย มันค้างมากมายอ่ะ ปล่อยให้ค้างอย่างงี้ได้ยังไงอ่ะคร้า

โอ้ยยยยยยยยยยยยยย ไม่ไหวแล้ววววววส่งตอนต่อไปมาให้หนูซะดีดีดนะคร้าๆๆ  o18
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 27+28
เริ่มหัวข้อโดย: doomare ที่ 12-06-2009 00:53:03
ชอบที่กรณ์เป็นแบบนี้

เอาแบบนี้เรื่อยๆเลยน่ะ ชอบบบบบบบบบ

กรณ์แรงได้อีก
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 27+28
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 12-06-2009 10:16:21
 o18ไม่ได้มาอ่านตั้งหลายวัน น่ารักกกกกกกกกกก คุณกรณ์น่ารักมากกกกกกกกก  ร้ายจิงๆๆนะยายแพทททท  ขอบคุนค่ะๆ รอนตอนต่อไป   :impress3:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 27+28
เริ่มหัวข้อโดย: tutu ที่ 12-06-2009 17:51:27
กรี๊ด...ยัยแพทจะโดน :beat:ไหมเนี่ย

ชอบแบบหึงๆๆ

รออ่านต่อไป  :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 27+28
เริ่มหัวข้อโดย: k_U_K_K_I_K ที่ 12-06-2009 18:37:19
วันนี้ไม่มาต่อเหรอคร้า คุณพี่ o22
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 27+28
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 12-06-2009 18:46:35
 o18 งานนี้ยัยแพทเสร็จแน่  o18
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 27+28
เริ่มหัวข้อโดย: nanao ที่ 12-06-2009 19:28:42
คุณกรณ์สุดยอดอ่ะ

จัดการยายแพทให้หลาบจำเลย *0*
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 27+28
เริ่มหัวข้อโดย: k_U_K_K_I_K ที่ 12-06-2009 20:26:37
เข้ามารออ่ะคร้า วันนี้จะไม่มาจริงๆๆ เหรอคร้า :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 27+28
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 12-06-2009 21:50:37
menano  ชอบที่คุณกรณ์เป็นแบบนี้เหมือนกัน"หึงโหด"

Ryze  มันส์พอที่จะเป็นละครน้ำเน่าได้หรือยังค่ะ 55555

SomLove  อยากจะลงให้ทีหลายๆตอน คนอ่านจะได้ไม่ขาดตอนค่ะ

pongsj  ชะนีส้มเลยหรอ 55555 แต่ถ้าทำมาแล้วใครจะซื้อกินเนี๊ยะ

k_K_U_K_K_I_K  มาต่อให้แล้วคร๊าบบบ พอดีตอนกลางวันมันไม่ว่างเลยมาดึกหน่อยค่ะ

doomare  55555 ชอบคุณกรณ์แบบนี้กันใหญเลย

kitty  ว้าววว หายไปไหนมา นึกว่าจะไม่มาอ่านซะแล้ว

tutu  คุณกรณ์ไม่ตบหรอกค่ะ เสียมือเปล่าๆทำอย่างอื่นดีกว่า หึ หึ

THIP  ยัยแพทจะเสร็จยังงัยต้องติดตามค่ะ


มาแล้วค่ะ เดี๋ยวจะลงต่อให้เลยค่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 27+28
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 12-06-2009 21:52:50
ตอน 29


“ ไม่คิดว่าคุณจะมาจริงๆ..” วิชญ์ภาสมาหยุดอยู่ตรงหน้ากรณ์ด้วยความดีใจพร้อมทั้งเอ่ยถามขึ้นเสียงร่าเริง ท่ามกลางความแปลกใจของเพื่อนๆร่วมรุ่น รวมถึงรุ่นน้องสี่ห้าคนที่ร่วมอยู่ด้วย .. หลายคนเคยได้ยินมาถึงอดีตที่แสนร้ายของวิชญ์ภาส แต่เพราะความรักทำให้วิชญ์ภาสเปลี่ยนแปลงตัวเองใหม่.. และวันนี้เพิ่งได้เห็นว่าคนที่ทำให้เสือร้ายสยบแทบเท้าคือใคร


“ ท้าฉันเอง ..ไหนยัยนั่นล่ะ..”


“ วันนี้มีคนนอกด้วยเหรอคะ..” และผู้กล้าที่ท้าทายกรณ์ก็เอ่ยแทรกขึ้นมา .. สายตาดุๆตวัดมองอย่างเอาเรื่อง เพราะน้อยคนนักจะกล้าทำเช่นนี้


“ ขอโทษนะคะ วันนี้เลี้ยงรหัสกันพี่รหัสกับน้องรหัสต้องนั่งข้างกันไม่ใช่เหรอ..” หญิงสาวเดินมาหยุดอยู่ข้างกรณ์แล้วเอ่ยขึ้นอย่างไม่หวั่นๆ .. แต่หากหล่อนรู้ว่าคนที่กำลังท้าทายอยู่ไม่ใช่คนทั่วไป หรือเป็นเพียงนักศึกษาต่างสถาบันที่วิชญ์ภาสไปติดพันหล่อนคงสะอึก...


“เหรอ..” กรณ์กระแทกเท้าของตัวเองพร้อมทั้งส่งร่างให้ยืนขึ้น ใครๆก็ไม่กล้าจะเอ่ยอะไรออกไป แต่ยัยแพทผู้กล้าก็นั่งแทนที่ของกรณ์ลงไป ..

“ นั่งสิคะพี่วิชญ์..”



“ มันจะมากเกินไปแล้วนะ..” วิชญ์ภาสสะบัดมือที่จับมือของตัวเองออก .. หากทำเขาเขาจะไม่รู้สึกอะไรนักหรอก แต่หากกล้ามาทำคนที่เขารัก เขาก็ไม่ยอมเหมือนกัน ..


“ เขาบอกให้นั่งก็นั่งสิ..” กรณ์บอกเสียงแผ่ว .. วิชญ์ภาสเลยต้องยอมนั่งลงตามที่กรณ์บอก..ทันทีที่ร่างสูงนั่งลง ร่างของกรณ์ก็นั่งทับลงบนตักอีกคนท่ามกลางความตกใจของใครหลายคน .. วิชญ์ภาสขยับตัวไปด้านหลังจนติดกับพนัก และแยกขาออกให้กรณ์นั่งลงตรงช่องว่างอย่างไม่รู้สึกอึดอัดใดๆ..

หญิงสาวมองอย่างกระฟิดกระเฟียด..เพราะไม่อาจจะทำอะไรได้



“ คุณหายข้องใจหรือยังครับ..” วิชญ์ภาสกระซิบถามคนที่นั่งอยู่ด้านหน้าของตนอย่างแผ่วๆ เพียงให้ได้ยินกันแค่สองคนเท่านั้น


“ อะไร” เสียงกรณ์ยังคงแข็งๆ ..



“ ก็เรื่องผมกับยัยผู้หญิงนี่ไง..” วิชญ์ภาสบอกไปพร้อมทั้งบุ้ยปากไปยังหญิงสาวที่อยู่ไม่ห่างจากเขากับกรณ์สักเท่าไหร่ ..ในเมื่อกรณ์ไม่แคร์สายตาคนรอบข้าง เขาก็ไม่แคร์หรอก.. กลับรู้สึกภูมิใจมากกว่าที่คนน่ารักซึ่งใครมายมายหมายปองอยากเป็นเจ้าของอยู่ในอ้อมอกของเขา


“ รสนิยมต่ำ..เลือกเป็นเมียทั้งทีเอาผู้หญิงนิสัยไม่ดีนี่นะ..”


“ ผมไม่ได้เป็นอะไรกับเขาสักหน่อย .. แล้วผมก็มีเมียคนเดียวด้วย..” วิชญ์ภาสกระชับแขนด้านช้ายเข้ากับเอวของกรณ์ แล้วย้ำความมั่นใจด้วยเสียงที่หนักแน่น ..


“ กลับบ้านก่อนเถอะ..แกตายแน่”


“ ตายคาอกคุณผมยอมครับ..” คนเจ้าเล่ห์บอกไปด้วยน้ำเสียงทีเล่น .. ยังไงตอนนี้ระหว่างกรณ์กับวิชญ์ภาสก็ต้องร่วมมือกันก่อน ยัยแพทมันคงไม่เลิกราไปง่ายๆหรอก

Rbbbb…เสียงโทรศัพท์ของกรณ์ดังขึ้น ชายหนุ่มเลยต้องละจากร่างของวิชญ์ภาสเดินปลีกไปคุยด้านหลังร้านก่อน .. คนตัวสูงเลยถือโอกาสไปล้างไม้ล้างมือในห้องน้ำอย่างไม่สนใจสายตาที่มอง


“ ไอ้เด็กนี่มันมีดียังไงคะ ทำไมพี่วิชญ์ถึงหลงนักหลงหนา” ทันทีที่ทั้งสองหายไปจากโต๊ะ ยัยแพทก็เอ่ยขึ้นอย่างหมั่นไส้ที่ตัวเองถูกหยามหน้ากันเช่นนี้




“ ทางที่ดีอย่าไปยุ่งกับสองคนนี้” โต้งที่ร่วมโต๊ะแต่ต้นเอ่ยเตือน ..



“ ขอบคุณในความหวังดีค่ะ แต่แพทไม่ต้องการ” เจ้าหล่อนสะบัดเสียงใส่ แล้วเดินออกจากโต๊ะตามวิชญ์ภาสไปทางห้องน้ำ ..ทิ้งไว้เพียงสายตาระอาของคนทั้งโต๊ะ ..

วิชญ์ภาสล้างไม้ล้างมือเสร็จก็เดินออกจากห้องน้ำอย่างไม่ทันระวังตัว .. ก็โดนหญิงสาวอีกคนเดินเข้ามาชน..



“ จะรีบไปไหนคะพี่วิชญ์ ..เขาไม่หายไปไหนหรอก” หญิงสาวเอ่ยถามอย่างหมั่นไส้ แต่เสียงที่แสนบาดหูก็ลอยไปกระทบโสตประสาทของคนหน้าสวยที่ปลีกมาคุยโทรศัพท์อยู่หลังร้าน กรณ์เข้าหลบตรงพุ่มไม้ข้างๆและมองดูไปยังต้นเสียงก็พบคนของเขากำลังยืนคุยอยู่กับหญิงสาวตัวปัญหา



“ ถึงไม่หายแต่พี่ก็อยากอยู่ใกล้กับคุณกรณ์..” วิชญ์ภาสตอบกลับไปอย่างมั่นคง .. คนอย่างแพทหมายจะได้คือต้องได้ ไม่ว่าต้องใช้วิธีการใดๆ แต่ในเมื่อหล่อนต้องการ ..หล่อนก็จะยอมทุกอย่าง


“ มันมีดีอะไรคะ..” เธอผลักร่างวิชญ์ภาสให้ชิดกับผนังด้านหลัง ก่อนจะวางมือลงบนอกหนั่นของชายหนุ่มอย่างถือดี..มือนางเคลื่อนไปทางด้านในสาบเสื้อเพื่อสัมผัสกับความแข็งแกร่งของอกหนา


“ อย่ามาเรียกคุณกรณ์ว่ามัน..” ชายหนุ่มถลึงตาใส่อย่างไม่พอใจ


“ แพทว่าคนหล่อๆอย่างพี่ไม่น่าจะหยุดอยู่ที่เขานะคะ.. ปกติพี่เล่นสองสามครั้งก็เขี่ยทิ้งแล้วไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมกับรายนี้ถึงอยู่ทนอยู่นาน สงสัยจะโดนเสน่ห์..” ปากก็พล่ามไป ส่วนมือก็ยังรุกไล้ วิชญ์ภาสที่กำลังโมโหไม่รู้เลยว่ามือของหญิงสาวได้เริ่มล้วงล้ำไปวนเวียนตรงรอบๆสะดือของเขาแล้ว


“ จำไว้ว่าอย่ามายุ่งกับพี่อีกถ้าไม่อยากเดือดร้อน ที่สำคัญอย่าคิดนะว่าเธอจะทำให้พี่กับคุณกรณ์เลิกกันได้ เรื่องวันนี้ที่แอบรับโทรศัพท์ตั้งใจจะทำให้พี่กับคุณกรณ์โกรธกัน พี่ให้อภัยได้ แต่ถ้าครั้งต่อไปยังมีอีกเธอได้รู้แน่ว่านรกเป็นยังไง..พี่มันไม่ใช่คนดี ที่สำคัญเธอก็ไม่ใช่คนที่พี่รักไม่จำเป็นที่พี่ต้องดีกับเธอ..” มือหนาผลักร่างที่เบียดเสียดกับตนออกอย่างแรง จนเธอเสไปเบื้องหลัง ..


“ แล้วพี่จะเสียใจ ..แต่แพทบอกพี่ไว้เลยนะว่าแพทไม่รามือง่ายๆ อะไรที่แพทต้องการแพทต้องได้ ” หญิงสาวชี้หน้าให้อย่างโกรธแค้น แล้วเดินกระแทกเท้ากลับไปที่โต๊ะก่อนจะคว้ากระเป๋าเดินจากไปด้วยความไม่พอใจ ..


“ ไอ้บ้าเอ๊ย ..ผู้ชายมีเป็นร้อย กล้าดียังไงมายุ่งกับสามีชาวบ้านเขา” กรณ์มองตามร่างของหญิงสาวที่เดินออกไปด้วยความไม่พอใจเช่นกัน .. แต่ชายหนุ่มก็มาสำลักน้ำลายตัวเองเมื่อคิดทวนสิ่งที่พูดออกไป ‘สามี’ งั้นเหรอ


คนตัวสูงที่หงุดหงิดเพราะถูกยั่วโทสะจัดแจงเสื้อผ้าตัวเองให้เรียบร้อย ..ในจังหวะที่กำลังจะเดินผ่านก็เหลือบเห็นเงาของใครสักคนที่คุ้นเคย แถมกลิ่นหอมที่ลอยมากับสายลมก็ทำให้วิชญ์ภาสรับรู้ได้ว่าคนของเขาอยู่แถวๆนี้..ชายหนุ่มเดินอ้อมกลับไปทางห้องน้ำโดยไม่ทำให้กรณ์สงสัย จากนั้นก็ค่อยๆเดินย้อนไปทางแนวพุ่มไม้ที่กรณ์หลบอยู่


..โอ๊ะ... ร่างบางถูกตวัดเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดอันสุดอุ่น


“ เฮ้ย..ไอ้บ้าใครนี่” กรณ์ถามอย่างตกใจ เพราะอยู่ๆก็ถูกกอดอย่างนี้



“ สามีตัวเองจำไม่ได้เหรอครับ...” เสียงทุ้มหนาดังขึ้นบอก ทำให้ร่างที่ดิ้นอยู่หยุดดิ้นไปอย่างกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น กรณ์สงบนิ่งในอ้อมกอดนั้น ตอนนี้ก็ได้ยินเรื่องต่างๆจากปากวิชญ์ภาสหมดแล้ว เลยทำให้ความโกรธที่แบกอยู่ในใจละลายไปกับความจริงทั้งหมด


“ แอบฟังนานหรือยังนี่..”



“ ไม่ได้แอบ ..ดันเดินมาคุยกันแถวนี้ทำไม” กรณ์ตอบโยกโย้ไม่ยอมรับว่าตัวเองแอบฟัง ..


“ โอเคๆ..คุณไม่ได้แอบฟัง แต่ได้ยินทุกอย่างที่ผมพูดโดยบังเอิญ สรุปว่ายังโกรธผมอยู่อีกหรือเปล่านี่ หรือต้องให้ผมอธิบายอะไรเพิ่มเติมอีกไหม..” ชายหนุ่มจับร่างที่เขากอดให้หันมาเผชิญหน้า แล้วเอ่ยถามขึ้นด้วยเสียงจริงจัง ดวงตาคู่กลมมองไปเบื้องหน้าด้วยความรักและอบอุ่น


“...” กรณ์ส่ายหน้าไปมา


“ โอเคครับ ..สรุปว่าเหมือนเดิมแล้วใช่ไหม”



“..” คราวนี้กรณ์จึงเลือกพยักหน้าแทน ..ทำให้รอยยิ้มแสนสดใสปรากฏขึ้นบนใบหน้าวิชญ์ภาสอีกครั้ง ชายหนุ่มแนบหน้าของตัวเองเข้าใกล้อีกฝ่ายแล้วกระซิบในหนึ่งอย่างที่ทำให้กรณ์ต้องหน้าแดงก่ำ



“ วันนี้คุณหึงโหดมากเลยนะ ...แต่ผมก็ชอบที่เห็นคุณเป็นแบบนี้บ้าง..” มือของชายหนุ่มเอื้อมโอบกระชับร่างนุ่มให้แนบชิดกับตนมากกว่าเดิม ..เพราะเหตุการณ์วันนี้มันทำให้วิชญ์ภาสมั่นใจและมีความสุขมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัว กรณ์แสดงออกชัดเจนว่าภายในหัวใจดวงน้อยก็มีวิชญ์ภาสอยู่เต็มหัวใจเหมือนกัน


“ คุณกรณ์ครับ..”



“ อะไรเหรอ..” กรณ์หันกลับไปมองคนที่ขับรถอยู่อย่างแปลกใจ หลังจากที่เคลียร์เรื่องวุ่นวายจบวิชญ์ภาสก็ลาเพื่อนๆที่ร่วมโต๊ะและขับรถออกมากับเขา ตลอดเส้นทางเหมือนเต็มไปด้วยดวงตาของความรักและความอบอุ่นที่มอบให้กัน


“ ขอบคุณนะ..”


“ อะไรอะ” กรณ์เลิกคิ้วมอง



“ ปกติเวลาคุณโกรธคุณชอบห่างออกไปหรือไม่ก็ไม่พูดกับผมสักคำเดียว แต่วันนี้คุณกลับโมโห วุ่นวายอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน มันทำให้ผมใจเต้นเร็วอย่างบอกไม่ถูก อย่างน้อยก็พอรู้ว่าในใจคุณก็มีผมบ้าง” พูดเองก็เหมือนจะเขินเอง ทั้งที่อาการนี้ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ตอนนี้วิชญ์ภาสเขินมากจริงๆ .. ยิ่งได้เห็นดวงตาใสๆ ใบหน้าหวานใกล้ๆ ยิ่งทำให้หัวใจมันสูบฉีดเร็วขึ้นกว่าเดิม



“ ไม่มี...นายคงตายไปนานแล้ว..” กรณ์ย่นจมูกใส่แล้วล้มกายลงเอนกับเบาะพร้อมปิดตาลง ..



“ คุณกรณ์..” วิชญ์ภาสเหลือบมองด้วยสายตาเบิกกว้าง .. คำที่กรณ์เอ่ยมานั้น คำที่พูดออกมา มันเป็นความจริงใช่ไหม ในที่สุดกรณ์ก็ยอมรับว่าใจของกรณ์เองก็มีเขาอยู่



“ เรียกทำไมวุ่นวายจริง..” กรณ์แสร้งบ่นแต่ภายในใจกลับกำลังเขินจนหน้าแดงก่ำ..



“ ไม่วุ่นวายก็ได้ แต่คืนนี้ผมรักนะ..” วิชญ์ภาสยิ้มเจ้าเล่ห์ส่งให้คนน่ารักที่นับวันจะมัดใจเขาได้มากขึ้นและมากขึ้น .. ริมฝีปากอิ่มสัมผัสกับปากของกรณ์เพียงแผ่วเบา ก่อนจะผละกลับไปสนใจพวงมาลัยและทางด้านหน้า .. คนตัวบางหันไปอีกทางแล้วปรายยิ้มออกเช่นเดียวกัน .. นี่แหละอำนาจของความรัก



.. เจ้าของบ้านสายลมเดินเคียงข้างคนที่ท้าให้เขามาจับไต๋ไม่ห่าง ... โดยมีมือหนั่นหนาของคนตัวสูงโอบกระชับเอวของเขาไม่ให้ห่างไปไหน กรณ์ไม่สนใจอะไรอยู่แล้วล่ะ .. เพราะเขาเคยสนมามากต่อมาก มากจนเผลอทำร้ายตัวเองก็หลายครั้ง จนเมื่อได้รู้จักความหมายที่แท้จริงของความรักกรณ์ถึงได้เข้าใจ ว่าบางทีเขาควรจะดูแลหัวใจของตัวเองบ้าง ..



.. ห้องของวิชญ์ภาสเปิดออกเพื่อต้อนรับใครอีกคนอีกครั้ง .. เป็นครั้งที่สองที่กรณ์ได้เดินเข้ามาในเขตของวิชญ์ภาส ได้เดินเข้ามาเป็นหนึ่งในโลกของวิชญ์ภาส



“ คุณมาอย่างนี้แล้วทางโน้นไม่เป็นอะไรเหรอ..” เจ้าของห้องทิ้งกายลงบนโซฟาหน้าโทรทัศน์ อย่างอ่อนแรงก่อนจะหันไปถามอีกคนที่นั่งลงข้างๆด้วยความแปลกใจ



“ พรุ่งนี้คนรถจะมารับแต่เช้า..” กรณ์บอกไปตามที่เป็นจริง .. ตอนที่อยู่ร้าน wave สุรีย์ก็โทรฯมารายงานความคืบหน้า เกี่ยวกับการช่วงชิงแคมเปญการท่องเที่ยวกับทางจังหวัด ระหว่างสายลม และอมรา พรุ่งนี้เช้ายังมีประชุมใหญ่ของบริษัท ตลอดจนรีสอร์ตเครือสายลมทั้งหมด ..



“ แล้วไม่เหนื่อยแย่เหรอ..” คมหน้าแกร่งปรายยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะยกมือบางของอีกคนขึ้นมากุมไว้ ..



“ อะไรที่เป็นของฉัน ฉันไม่ยอมให้มันเป็นของคนอื่น จนกว่าที่ฉันจะไม่ต้องการมัน ..” ด้วยเพราะกรณ์ไม่ใช่พวกพูดจาพาทีหวานๆเก่ง เลยไม่รู้ว่าควรพูดอย่างไรออกไป ..จึงเลือกพูดในแบบของตน พูดในแบบที่คนอื่นฟังอาจต้องสะอึก แต่กลับคนที่เป็นหนึ่งเดียวกับกรณ์กลับรู้สึกใจเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก



“ ผมนึกว่าผมจะขี้หวงคนเดียวซะอีก ที่ไหนได้คุณก็ขี้หวงเหมือนกัน..” รอยยิ้มบางๆที่มีค่อยๆเปิดออกจนกว้างขึ้นกว่าเดิม .. ดวงตาของชายหนุ่มดูจะทอประกายสดใสมากกว่าวันไหน ๆ ..มือที่กุมมือกรณ์อยู่ดึงให้อีกคนขยับเข้ามาใกล้กว่าเดิม จนสุดท้ายกรณ์ต้องขึ้นมานั่งคร่อมตักอีกฝ่ายเพราะแรงดึง .. ร่างของทั้งสองแนบชิดจะมีก็เพียงเนื้อผ้าที่กั้นขวาง แต่ลมหายใจ ดวงตา และความอบอุ่นกลับใกล้ชิดกัน


“ เพี้ยนป่ะนี่..” นิ้วชี้เรียวจิ้มลงกลางหน้าผากชื้นเหงื่อของเจ้าตากลม ..

“ คุณกรณ์..”


“ อืม..” กรณ์มองตาคนที่นั่งด้านล่างรับด้วยเสียงสั้นๆ


“ อาทิตย์นี้มีเลี้ยงใหญ่สายรหัส ..ผมต้องนอนที่นี่อีก วันนั้นคุณมานอนที่นี่กับผมได้ไหมครับ..” น้ำเสียงอ่อนโยนเอ่ยบอกพร้อมทั้งขออีกคนไปในตัว ..

“ วันไหนล่ะ..”


“ เสาร์ครับ”


“ ก็ได้.. ต่อไปถ้านายไม่กลับบ้านฉันจะมานอนที่นี่ .. แล้วจะมาบ่นทีหลังว่าฉันเจ้ากี้เจ้าการตามติดไม่ได้นะ” กรณ์พยักหน้าให้พร้อมทั้งพูดขู่ไปในตัว ..

“ ชอบสิไม่ว่า..” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์พรายออกอย่างตื่นเต้น .. เขาแทบจะไม่อยากอยู่ห่างจากอีกคน ถ้ากรณ์ทำตามอย่างที่พูดจริงเขาคงดีใจมากกว่ารู้สึกรำคาญแน่นอน .. อย่างน้อยมันก็ทำให้ความรักมั่นคง หัวใจได้สูบเต้นและมีความสุขมากมายกว่าวันไหนๆ


“ ให้มันตลอดเถอะ ..” กรณ์เลิกคิ้วมอง



“ ผมน่ะตลอดแน่ .. ไม่วอกแวกแน่นอนครับผม เล่นหึงโหดเสียขนาดนี้ ถ้าผมกล้าวอกแวกคงได้กินกระสุนแน่นอน” วิชญ์ภาสยิ้มให้พร้อมทั้งยื่นหน้าตัวเองไปสูดดมความหอมจากใบหน้านวล .. กรณ์ปรายยิ้มเล็กกับการกระทำนั้น เพราะนับวันความสุขดูจะสดใสขึ้นเรื่อยๆ

“ ว่าแต่ยัยเด็กนั่นเถอะ ..”

“ เด็กไหน”


“ ก็อิเด็กไร้มารยาทคนนั้นน่ะสิ..” กรณ์เอ่ยเสียงแข็งทันทีที่เอ่ยถึงยัยผู้หญิงหน้าหนาคนนั้น .. นึกแล้วอย่าจะจัดการให้รู้สำนึก แต่ก็กลัวว่ามันจะรุนแรงและหุนหันเกินไป กรณ์เลยต้องทำใจเย็นๆไว้ก่อน ไม่อย่างนั้นเรื่องราวมันอาจไม่จบง่ายๆ เขาต้องรอดูเกมก่อน

“ เขาเป็นน้องรหัสผม .. ตอนกำลังจะกลับมาที่ห้อง ผมเจอเขารถเสียอยู่ แล้วเขาก็บอกว่าที่บ้านไม่มีใคร ผมคิดว่าคงไม่เสียหายอะไรถ้าผมบริสุทธิ์ใจ อีกอย่างวันนี้ก็มีเลี้ยง ผมเลยให้เธอมากับผมก่อน..และเรื่องมันก็เป็นไปอย่างที่คุณรู้นั่นแหละ..” วิชญ์ภาสบอกไปด้วยน้ำเสียงปกติ ไม่ได้มีความหวาดหวั่นหรือความกลัวใดๆเลย ในเมื่อตอนนี้เขาบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้ทำอะไรผิดเลยไม่ต้องเกรงสิ่งใด ..


“ แล้วให้เข้ามาในห้องนี่นะ.. ปลาย่างใกล้กับแมว ต่อให้ไม่หิว แต่เดี๋ยวนี้ปลาย่างมันร้ายกว่าที่คิด เผลอๆจะกระโดดดิ้นเข้าปาก ระวังเถอะก้างจะติดคอเข้าสักวัน..” กรณ์ค่อนขอดเชิงเล่น .. ทำให้เจ้าคนที่โอบร่างตนอยู่ด้านล่างถึงกับขันเบาๆ ..


“ ไม่อยากให้ก้างติดคอ ก็ล่ามโซ่แมวไว้สิครับ .. ผมยอมยื่นมือให้ล่ามอยู่แล้ว อีกอย่างแมวแถวนี้มันชอบอาหารเม็ดแล้ว ไม่กลับไปกินปลาย่างหรอก ”



“ ไอ้แมวบ้า ..” มือบางตบหน้าผากคนหน้าคมไปหนึ่งที แล้วหัวเราะออกมาอย่างวางใจ .. ทุกครั้งที่อยู่ใกล้อีกคนกรณ์ก็เหมือนได้วางโลกที่แสนหนักอึ้ง ได้ก้าวเป็นอีกคนหนึ่งที่ไม่มีเรื่องใดๆให้วุ่นวาย ได้ยิ้มอย่างที่ไม่เคยจะเป็น หรือกระทั่งหัวเราะอย่างไม่ต้องปิดกั้น



“ พูดกันตั้งมากแล้ว ..มาให้ผมฟัดดี..” เจ้าแมวบ้าของกรณ์แยกเขี้ยวเล็กน้อย แล้วซุกไซ้ริมฝีปากของตนไปกับลำคอขาวๆ .. มือหนารับหน้าที่แกะกระดุมนั้นออกเรื่อยๆ จนร่างบางถูกถอดเสื้อออกจนเปล่าเปลือย .. ยามเมื่อริมฝีปากของกรณ์เผยออกก็ถูกลิ้นชุ่มแทรกซึมเข้าไป .. มือของคนตัวสูงเอื้อมเปะป่ายจนท้ายสุดสองกายก็ไร้สิ่งใดกั้นขวาง ..

“ อึก..” กรณ์สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อร่างกายได้ต้อนรับการเดินทางครั้งใหม่.. ความแข็งแกร่งแทรกผ่านความร้อนผ่าว และอารมณ์ร้อนแรง ..



มือเรียวเอื้อมคล้องคอของวิชญ์ภาสไว้ ..ก่อนที่ริมฝีปากของทั้งสองจะเคลื่อนเข้าหากันอีกครั้ง .. เจ้าตัวสูงลากริมฝีปากของตนลงมาบนซอกคอขาวๆอีกครั้ง มือก็กระชับเอวของกรณ์ให้ร่างนั้นเคลื่อนขึ้นลงเพื่อตอบรับความพลุ่งพล่านครั้งใหญ่..



ชายหนุ่มรวบรวมแรงที่มียกร่างที่กำลังตอบรับกันและกันให้ลุกขึ้น ก่อนจะอุ้มให้กรณ์มุ่งหน้าเข้าไปในห้องนอนของตนพร้อมกัน ก่อนจะวางร่างชุ่มเหงื่อลงบนที่นอนหลังใหญ่ ตามด้วยร่างสูงที่ทาบทับลงมาไม่ยอมให้เกิดช่องว่างระหว่างกันเลยสักวินาทีเดียว ..



“ ยังไม่เหนื่อยหรือไง..” กรณ์เริ่มบ่นเมื่ออีกคนยังคงเคลื่อนไหวราวกับแรงไม่มีหมด



“ รู้หรือเปล่าว่าหน้าคุณตอนนี้มันเซ็กซี่แค่ไหน ยิ่งเห็นยิ่งทำให้ผมไม่อยากจะออกห่างเลย” คำพูดง่ายๆ แต่กระสับกระส่ายเพราะความเสียวซ่านที่แทรกอยู่ ทำเอากรณ์หน้าแดงไม่ใช่น้อย



“ ..อึก อื้อ..” สองคนเคลื่อนไหวกันต่ออย่างต้องการ .. จนท้ายที่สุดร่างกายก็ปลดเปลื้องทุกสรรพอารมณ์ออกจนหมดสิ้น .. สองกายล้มลงข้างกัน สอดส่ายราวกับไม่ยอมแยกจากกัน .. ยิ่งใกล้ก็ยิ่งชิด ยิ่งนานก็ยิ่งผูกพันไปเรื่อย



กรณ์พลิกกายเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของอีกคน .. แล้วหลับตาลงอย่างวางใจในเรื่องราวทุกสิ่ง


“ ผมรักคุณจัง ..” วิชญ์ภาสกระซิบแผ่วๆกับข้างหูคนที่ผล็อยหลับไปเพราะความเหนื่อย .. รอยยิ้มแสนภูมิใจและปิติ เป็นครั้งแรกที่เขารับรู้ถึงความอิสระในความรัก ..



หากจะเดินไปข้างหน้าท่ามกลางอุปสรรคเขาก็พร้อมยินดี เพราะนับจากนี้จะมีมืออีกข้างอยู่เคียงกันไม่ปล่อยให้วิชญ์ภาสต้องคิดไปเพียงคนเดียว และมีหัวใจที่เต็มตื้นด้วยความผูกพัน


“ ไอ้บ้า ..” เสียงหนึ่งทำเอาวิชญ์ภาสสะดุ้งไป ..เขาผละจากร่างกรณ์เล็กน้อยเพื่อมองอีกคน แต่พบว่ากรณ์กำลังหลับอยู่


“ กล้ามีเมียน้อยเหรอไอ้บ้า ...แกตายแน่” กำปั้นหนักทุบลงบนอกหนาอย่างแรง .. เล่นเอาคนที่ตกใจเสียงต้องสะดุ้งและปล่อยขำออกมาอย่างมีความสุข ..


“ ขนาดหลับยังดุยิ่งกว่าเสืออีกนะครับนี่.. ผมไม่กล้ามีเมียน้อยหรอก แค่คุณคนเดียวผมก็พอใจแล้ว” วิชญ์ภาสยิ้มให้กับคนละเมออย่างขำๆ.. แต่กลับรู้สึกสุขใจอย่างบอกไม่ถูก .. ขืนกล้าแหยมท่าทางเมียของเขาคงถลกหนังเชือดเนื้อแน่นอน ..

หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 30
เริ่มหัวข้อโดย: k_U_K_K_I_K ที่ 12-06-2009 22:16:37
ตอนเดียว เองเหรอ คร้า อีกซัก 2 ตอนได้หรือป่าวอ่ะ อยากอ่านอีกกกกก

โทดฐานลงช้าอ่ะ :o12: :impress2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 30
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 12-06-2009 22:47:14
ตอน 30



เช้าวันถัดมากรณ์ก็ถูกปลุกด้วยเสียงนาฬิกาที่เขาตั้งไว้ .. วันนี้ยังมีงานหนักให้เผชิญหน้า ชายหนุ่มเลยต้องตื่นเร็วกว่าปกติ .. เสียงที่ดังขึ้นไม่ได้ปลุกเฉพาะเพียงคนตั้งใจเพียงคนเดียว แต่มันก็ปลุกเจ้าคนตาใสที่นอนข้างๆกรณ์อีกด้วย



“ จะกลับแล้วเหรอครับ..” วิชญ์ภาสจับมือของคนที่ยันกายขึ้นนั่งอย่างไม่อยากห่าง



“ อืมเช้าแล้ว ..เดี๋ยวคนรถจะมารับ” กรณ์พยักหน้าให้



“ วันนี้ผมจะรีบกลับบ้านนะ..” ร่างของกรณ์ถูกดึงมาใกล้หลังจากที่วิชญ์ภาสพูดจบ .. ริมฝีปากหนาสัมผัสบนใบหน้าหวานๆเบาๆ ก่อนจะปล่อยให้กรณ์เดินละออกจากห้องไป เขารู้ดีว่าหน้าที่ของแต่ละคนตอนนี้คืออะไร


“ อืม..รีบกลับล่ะ.” กรณ์พยักหน้าเบาๆ.. ก่อนจะบอกต่อด้วยหนึ่งประโยคที่ทำให้อีกคนแทบไม่อยากจะไปเรียนเลย .. ยิ่งรู้ว่ากรณ์รอคอยยิ่งทำให้อยากกลับบ้าน และไม่อยากเถลไถลไปไหน



ห้องที่เคยมีอุ่นไอของทั้งสอง กลับว่างเปล่า แต่หัวใจที่เคยโหยหากลับถูกเติมเต็ม .

กรณ์ขว้างบันทึกรายงานที่ได้รับมาจากเลขาฯผิวสีน้ำผึ้งอย่างหัวเสีย .. เมื่อรู้ว่าโครงการหลักที่ทางจังหวัดจัดขึ้นถูกอมราแย่งตัดหน้าไปเป็นพ่องาน



“ ตอนนี้ทางรีสอร์ตโน้นกำลังเร่งหนัก.. งานจังหวัดที่จะจัดอาทิตย์หน้าก็ตัดหน้าชิงไป ดิฉันแว่วมาว่างานโอทอปประจำสิ้นเดือนคงไม่แคล้วถูกตัดหน้าอีก ..ในงานจะมีการเปิดตัวบู๊ทการท่องเที่ยวจากส่วนกลาง ทางโน้นกำลังส่งแผนงานไปยังคณะกรรมการ” สุรีย์รายงานความเคลื่อนไหวต่อ จากการค้นหาและเก็บรวบรวมข้อมูลทำให้หล่อนสามารถคาดการณ์ได้อย่างแม่นยำ


“ แล้วเราจะทำยังไงดีล่ะนี่ ยอดแขกที่มาพักก็ดูจะน้อยลง”



“ ผมว่าบางทีคุณกรณ์น่าจะลองเปิดเจรจากับทางฝ่ายโน้นดู.. ยังไงคุณกรณ์กับคุณเอกก็เป็นเพื่อนกันมาก่อน ทางที่ดีน่าจะร่วมมือกันมากกว่าแข่งขันกันอย่างนี้นะครับ” กรรมการบริหารผู้หนึ่งเอ่ยเสนอ .. แต่สิ่งพูดดูจะไม่เข้าเค้าในความคิดกรณ์เอาเสียเลย



“ ไม่มีทาง” มือบางตบลงกลางโต๊ะอย่างแรง .. สร้างความชะงักให้กับเหล่าผู้ร่วมหุ้นอย่างมาก ใครๆก็รู้ดีว่านับตั้งแต่สองประมุขบ้านสายลมเสียไป กรณ์ก็กลายเป็นคนใหม่ที่ไร้รอยยิ้มและหมดความร่าเริง ความเด็ดขาดที่แสดงผ่านแววตาเล่นเอาทุกคนไม่กล้าจะปริปากเลยสักนิด



“ ..” คนตัวบางลุกพรวดออกไปท่ามกลางความวุ่นวายใจของเหล่าผู้บริหาร .. เลขาฯสาวต้องรับหน้าที่ขอโทษขอโพยทุกท่านก่อนจะเดินตามนายของตนออกไป..


หญิงสาวเดินตามกรณ์เข้าไปภายในห้องของชายหนุ่ม ..


“ ดูท่าผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่จะไม่พอใจอย่างมาก..”

“ ไม่พอใจก็ให้ถอนหุ้นไปสิ .. ฉันไม่สนหรอก ยังไงตอนนี้บ้านสายลมก็ถือหุ้นเกินกว่ากึ่งหนึ่ง ต่อให้พวกเขาอยากขายจริงฉันก็มีปัญญาซื้อกลับมาจนครบส่วน..” กรณ์สบถออกมาด้วยความโมโห เกมทางธุรกิจที่กำลังดำเนินไปดูท่าจะแย่ลงเรื่อยๆ .. หากไม่เพราะรีสอร์ตสายลมคือจุดเริ่มต้นความรักและความฝันของพ่อแม่ กรณ์คงตัดเนื้อร้ายชิ้นนี้ออกไปแน่นอน



“ เราทำอย่างนั้นไม่ได้หรอกนะคะ ถ้าผู้บริหารถอนหุ้นออกจริง ความน่าเชื่อถือขอเครือสายลมก็จะลดน้อยลงไปด้วย ..ทุกอย่างจะกระทบเป็นวงกว้างจนทำให้ทุกอย่างภายในนามสายลมต้องวุ่นวาย” จริงอย่างที่หญิงสาวกล่าว ..หากมีผู้บริหารพากันถอนหุ้นออกจากบริษัทจริงๆ ธุรกิจมากมายภายใต้นามของสายลมคงถึงกาลระส่ำระสาย



“แล้วนี่ฉันต้องเจรจากับไอ้นั่นจริงๆเหรอ มันไม่มีทางออกเลยหรือยังไง” กรณ์กุมขมับอย่างหัวเสีย .. มองไม่เห็นทางออกอื่นจริงๆ



“ คงจะมีทางนี้เพียงทางเดียว” เธอนั่งลงตรงข้ามคนเป็นเจ้านาย หวังว่ากรณ์จะนำพาสายลมรอดพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้




วิชญ์ภาสเดินออกจากห้องเรียนด้วยความสดชื่น .. เพราะใกล้จะได้กลับไปเจอคนที่เขารักแล้ว วันนี้ไม่มีกิจกรรมอะไร กว่าจะมีเลี้ยงอีกครั้งก็วันเสาร์หน้า .. ตอนนี้วิชญ์ภาสเลยเลือกเดินมาสมทบกับเพื่อนสนิทที่นั่งรออยู่ตรงซุ้มม้าหินอ่อนตัวเดิม ..

“ ไงบ้าง..หน้าแป้นมาเชียวนะมึง” ชายหนุ่มร่างบึกเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์



“ ก็หน้าแป้นสิมีความสุขไง” วิชญ์ภาสยักคิ้วเข้มขึ้นส่ง แล้วเดินมานั่งใกล้ๆกับเพื่อน ก่อนจะยกมือขึ้นโอบบ่าอีกฝ่ายตามวิสัย



“ เอ่อ..เห็นมึงมีความสุขก็ดีแล้วแต่เสาร์นี้เตรียมรับมือล่ะ กูว่าเด็กนั่นคงไม่ยอมง่ายๆหรอก ท่าทางมันจะรั้นมากไม่ใช่น้อย ..” โต้งตบไหล่เพื่อนกลับด้วยความห่วงใย .. เพราะดูจากรูปการที่เกิดขึ้นในคืนเมื่อวานก็รู้ดีว่าหญิงสาวไม่ใช่เล่นๆ




“ กูสงสัยจริงๆ เด็กนั่นมันใช้อะไรคิดวะ มันบอกว่ามันจะไม่ยอมแต่เล่นร้ายขนาดนั้น คิดเหรอว่าคนจะจับมันทำแฟน” วิชญ์ภาสส่ายหน้าพร้อมถอนหายใจอย่างไม่เข้าใจสักเท่าไหร่ เพราะจะว่าไปหญิงสาวเหมือนจะต้องการให้เขาสนใจ แต่กลับแสดงธาตุแท้ที่แสนร้ายกาจออกมา แล้วมันจะได้ผลเหรอ



“ สงสัยมันเห็นคุณเมียมึงร้ายมั้ง เลยอยากร้ายบ้าง” โต้งพูดติดตลก ยามเอ่ยถึงคนรักของวิชญ์ภาส


“ ไม่เหมือนกันเว้ย .. ยัยเด็กนี่มันร้ายมาก มึงรู้ไหมว่าตอนที่คุณกรณ์เห็นยัยเด็กนั่นแล้วพูดว่ายังไง” วิชญ์ภาสรีบแย้งปกป้องคนที่ตนรักทันที


“ ว่าไง”




“ บอกว่ากูตาต่ำที่เอาเด็กนั่นมาทำเมีย..กูละเชื่อเขาเลย..” วิชญ์ภาสหัวเราะร่วนยามพูดจบ นึกถึงน้ำเสียง นึกถึงใบหน้าของกรณ์ก็พานจะยิ้มแย้มละคลายความกังวลในใจออกไปจนหมดสิ้น ไม่รู้ว่าป่านนี้อีกคนจะเป็นยังไงบ้าง เขารู้ดีว่าหน้าที่ตอนนี้คืออะไร แต่ทุกครั้งที่มีเวลาว่างเขาก็อยากจะใช้มันไปกับคนที่เขารัก




“ กูว่ามึงกลับบ้านมึงเถอะ..คุณเมียมึงคงรออยู่..” โต้งยิ้มขันในท่าทีของเพื่อน ก่อนจะออกปากไล่ปล่อยให้วิชญ์ภาสไปพบเจอความสุข จากที่ไม่เคยเชื่อถือในคำว่ารักเลยสักครั้ง แต่เวลานี้เขากลับได้เข้าใจและเชื่อมั่น ..อำนาจของมันมีมากมายแค่ไหน วิชญ์ภาสก็แสดงให้โต้งได้เห็นชัดเจนแล้ว.. รักที่มากมายเกินกว่าใครจะเข้าใจ รักที่มากด้วยคำว่าความสุข



“ ไปนะ..” ชายหนุ่มยิ้มกว้างส่งให้เพื่อน ก่อนจะเดินมุ่งหน้าไปยังรถของตัวเองที่จอดห่างออกไปไม่ไกลจากตึกเรียนสักเท่าไหร่ .. แต่เท้าของชายหนุ่มก็จำต้องชะงักเมื่อเห็นหญิงสาวตัวต้นเรื่องยืนรออยู่ตรงหน้ารถของเขา


“ เป็นอะไรคะ เห็นหน้าแพทถึงกับต้องตกใจเลยเหรอ”




“ เธอมีอะไร” ชายหนุ่มไม่ตอบคำถาม แต่กลับถามหล่อนด้วยความไม่ชอบใจสักเท่าไหร่ ..



“ ทำไมคะ .. แพทเป็นน้องรหัสของพี่นะ แพทมีปัญหาเรื่องเรียนพี่ก็น่าจะให้ความช่วยเหลือสิ..” หญิงสาวชักสีหน้าไม่พอใจ ยกประเด็นฐานะของตนขึ้นมาอ้าง


“ พี่ไม่ว่าง”



“ ไม่ว่างเพราะมันแต่เอาเวลาไปยุ่งเรื่องส่วนตัวเหรอคะ..” แพทเอื้อมไปจับแขนของอีกฝ่าย แต่ก็โดนสะลัดกลับมา ..


“ พี่จะบอกอะไรให้นะ...บางทีเธออาจจะสำคัญตัวเองผิดไปก็ได้ เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน เพิ่งมาเป็นพี่รหัสน้องรหัสกัน ยังไม่มีความผูกพันอะไรด้วยซ้ำ แล้วพี่ต้องแคร์เธอทำไม อีกอย่างจะใช้เวลากับเรื่องส่วนตัวหรือเรื่องส่วนรวมมันก็เรื่องของพี่อย่ามายุ่ง..” ชายหนุ่มยกคำเหยียดออกมาพูดตรงๆ .. เขาชักจะทนหญิงสาวตรงหน้าไม่ได้แล้ว


“ นี่พี่..”



“ หลีกด้วยพี่จะกลับบ้าน ..” วิชญ์ภาสบอกก่อนจะเบี่ยงตัวไปเปิดประตูด้านคนขับ ..แต่หญิงสาวก็ไม่ยินยอมปล่อยให้เขาไปได้ง่ายๆ เปิดประตูแล้วนั่งข้างวิชญ์ภาสอย่างถือดี..



“ ลงไป..” วิชญ์ภาสบอกเสียงเย็นอย่างโกรธๆ..




“ แพทไม่ลง..แพทบอกแล้วว่ามีเรื่องจะคุยกับพี่ ไอ้นั่นกล้าดียังไงมาแย่งพี่ไป..”



“ เธอคงฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องละมั้ง ที่สำคัญเธอคงพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า พี่ไม่ได้เป็นของเธอ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเธอด้วยซ้ำ อีกอย่างคุณกรณ์ก็ไม่เคยแย่งพี่ไปจากใคร พี่ต่างหากล่ะที่เป็นคนวิ่งตามเขาเอง..” อารมณ์ของวิชญ์ภาสเหมือนจะแทบทะลุขีดสุด ..ยัยเด็กนี่ช่างยั่วโมโหได้มากจริงๆ



“ แล้วพี่จะเสียใจ..” หญิงสาวแผดเสียงใสก่อนจะเดินลงจากรถออกไปอย่างหัวเสีย .. วิชญ์ภาสมองตามร่างนั้นอย่างเซ็งๆ แต่กลับไม่รู้เลยว่าหญิงสาวได้บรรลุเป้าหมายบางอย่างแล้ว .. รถของเขาวิ่งออกจากมหาวิทยาลัยและมุ่งหน้าตรงดิ่งกลับไปบ้านสายลมอย่างไม่ออกนอกลู่นอกทาง ..

ก่อนถึงบ้านชายหนุ่มก็โทรฯเข้าไปยังสายลม เลยทำให้รู้ว่ากรณ์ยังไม่กลับบ้าน เขาเลยเลือกจะขับไปรับอีกคนเช่นที่เคยทำเมื่อวันก่อน ..



“คุณวิชญ์..” แม่สาวผิวสีน้ำผึ้งเอ่ยเรียกอีกคนที่นั่งรอกรณ์ตรงล็อบบี้ ..



“ คุณกรณ์ล่ะครับ..” ชายหนุ่มลุกขึ้นมาทางหญิงสาว และเอ่ยถามถึงอีกคนด้วยน้ำเสียงห่วงใย .. ตอนเช้าก็รู้มาว่าอีกฝ่ายมีงานต้องเข้าประชุม ท่าทางจะหนักหนาไม่ใช่น้อย



“ ยังอยู่ในห้องอยู่เลยค่ะ วันนี้มีปัญหาพอตัวคุณกรณ์ค่อนข้างเครียด..” ดูจากหน้าตาของหญิงสาวก็บอกชัดว่าสิ่งที่พูดออกมา คงหนักหนาอย่างที่ว่าจริงๆ ..




“ เอ่อ..ผมขึ้นไปหาคุณกรณ์ได้ไหม..” ด้วยเพราะเกรงว่าจะทำให้คนที่เขารักต้องเดือดร้อน เลยถามหยั่งเชิงจากหญิงสาวก่อน .. สุรีย์มองหน้าคนตรงข้ามอยู่เพียงครู่ ก่อนจะชั่งใจไปมาและพยักหน้าอนุญาตพร้อมรอยยิ้มส่งให้



“ ขอบคุณครับ..” วิชญ์ภาสยิ้มกว้าง.. โดยมีสุรีย์เดินนำทางไปตรงชั้นบนที่กรณ์ทำงานอยู่ .. แม้ตอนนี้จะเลิกงานแล้ว แต่กรณ์ก็ยังจมอยู่กับกองความเครียดที่สุมอยู่มากมาย .. หญิงสาวหยุดอยู่ตรงหน้าห้องแล้วผายมือชี้ให้วิชญ์ภาสรับรู้



“ ห้องนี่แหละค่ะ.. ถ้างั้นฉันให้คนขับรถคุณกรณ์กลับเลยล่ะกันนะคะ” หญิงสาวส่งยิ้มให้อีกครั้ง ทิ้งไว้เพียงชายหนุ่มที่ยืนอยู่หน้าห้องด้วยความห่วงใย เขาค่อยๆเปิดประตูเข้าไปในห้องอย่างเงียบเชียบ .. ภาพที่เห็นคือคนตัวบางกำลังนั่งเอนหลังอยู่บนเก้าอี้ตัวใหญ่.. ท่าทางของกรณ์ดูจะเหนื่อยไม่ใช่น้อย ..




คนตัวสูงเดินย่องเข้าไปเงียบๆ ไม่อยากให้กรณ์ได้ตื่น .. ชายหนุ่มหยุดยืนอยู่ข้างๆคนตัวบางก่อนจะก้มลงจูบริมฝีปากของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา ... แต่แรงสัมผัสที่กดลงทำให้คนที่หลับตาอยู่ต้องเบิกตาออกอย่างตกใจเพราะไม่คิดมาก่อนว่าจะเป็นวิชญ์ภาส



“ เฮ้ย..นายเองเหรอ” กรณ์ตกใจ ..แต่พอเห็นว่าเป็นวิชญ์ภาสเลยไม่ได้ว่าอะไรและกลับไปในท่าทีเหมือนเก่า




“ เครียดมากเหรอครับ ..ได้ยินคุณสุรีย์บอกว่าวันนี้คุณมีเรื่องให้กังวล” ชายหนุ่มมองดวงหน้าขาวใสที่ผ่อนเอนลงบนเบาะเก้าอี้อย่างห่วงใย เขาไม่ชอบเห็นกรณ์เป็นอย่างนี้เลย ..


“ นิดหน่อย ..เรื่องวุ่นๆ..”


“ มานี่ครับ ..” วิชญ์ภาสบอกเบาๆก่อนจะดึงมือของกรณ์ให้ลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่.. ชายหนุ่มไม่ลืมจะเอี้ยวตัวไปกดล็อคประตูห้อง แล้วดึงม่านลงอย่างรอบคอบ ..เขาพากรณ์มาตรงโซฟาสีดำตัวใหญ่หน้าโทรทัศน์ก่อนจะยกมือทั้งสองข้างกอดเอวอีกฝ่ายเอาไว้



“ ทำไมเหรอ” คนตัวนุ่มเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายอย่างแปลกใจ แต่เพียงเสี้ยววินาทีกรณ์ก็แทบใจหายวูบเมื่อร่างของเขาถูกดึงให้ล้มลงไปตรงโซฟาตัวใหญ่ด้านหลัง.. ร่างของวิชญ์ภาสที่กอดเอวอยู่ล้มนำหน้าไปก่อน ตามด้วยร่างของกรณ์ที่ทาบทับลงบนตัวอีกฝ่ายโดยมีแขนแกร่งโอบรอบลำตัว ...


“ ทำอะไร..” วิชญ์ภาสถามอย่างตกใจ .. แต่มือหนาก็เอื้อมขึ้นมากดศีรษะของอีกคนให้แนบชิดไปกับซอกคอของตัวเองอย่างอ่อนโยน...



“ ผมดีแต่ทำให้คุณเหนื่อยกว่าเดิม..พักสักหน่อยนะ..” เสียงแผ่วๆที่แฝงความห่วงใยมากมายทำให้กรณ์ไม่กล้าจะเคลื่อนไหว ยอมให้กายของเขาได้นอนทับบนกายของอีกฝ่าย ยอมให้ลมหายใจได้ใกล้กันและกัน ด้วยความอบอุ่นที่อีกคนพยายามจะแสดงออกมาให้เห็น


“ เอ๊ะ..” กรณ์ชะงักไป



“ อะไรเหรอครับ ..” วิชญ์ภาสเองก็แปลกใจไม่น้อยที่จู่ๆกรณ์ก็ชะงัก แล้วดันกายที่แนบทับกับตัวของเขาขึ้นเพียงเพื่อให้มีระยะห่าง ..จากนั้นมือเรียวก็เอื้อมปลดกระดุมชุดนักศึกษาของวิชญ์ภาสออกอย่างรวดเร็ว ทำให้คนหน้าคมถึงกับเขินเพราะไม่คิดว่ากรณ์จะเริ่มต้น ..


คนตัวบางแหวกเสื้อของวิชญ์ภาสออกเผยให้เห็นอกหนั่น และกล้ามท้องแกร่ง..


“ ไม่มีนี่..” กรณ์มองอย่างแปลกใจแล้วเปรยกับตัวเองเบาๆ..



“ คุณหาอะไรครับ ..ผมนึกว่าคุณจะ..”



“ อย่ามาหื่นตอนนี้เว้ย .. บอกมาเดี๋ยวนี้นะว่าไปทำอะไรมา ฉันได้กลิ่นน้ำหอมผู้หญิงด้วย..” กรณ์สูดลมเข้าปากจนแก้มป่อง แล้วจับจ้องคนตัวหนั่นที่นอนราบกับพื้นโซฟาอย่างจับผิด ..บอกแล้วไงว่ากรณ์เป็นพวกหวงของของตัวเอง ไม่ยอมปล่อยให้หลุดมือไปไหนหรอก..



“ ผมเปล่าทำอะไรนะ ..เรียนเสร็จก็ไปนั่งคุยกับไอ้โต้งพักหนึ่ง แล้วก็รีบมาหาคุณเลย” วิชญ์ภาสรีบตอบไปอย่างตรงไปตรงมา ..


“ ไปนอนกับใครมาหรือเปล่า..”




“ เปล่านะ..ตั้งแต่เราเป็นอะไรกันผมไม่เค้ยไม่เคยแตะต้องตัวคนอื่นเลยนะ ..” วิชญ์ภาสรีบยืนยันเสียงหนักแน่น เพราะเกรงว่ากรณ์จะพานเข้าใจผิดไปใหญ่..



“ แล้วเจอผู้หญิงที่ไหนมาบ้าง .. ถ้าเดินผ่านเฉยๆ กลิ่นคงไม่ติดตัวอย่างนี้หรอก ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าของของฉัน ฉันหวง..” มือเรียวเอื้อมจับบ่าแกร่งของคนที่นอนอยู่ด้านล่างอย่างหาคำตอบ ดวงตาคู่เรียวจ้องมองเข้าไปในดวงตาอีกคู่


“ เปล่านะ ..เมื่อกี้ก็เจอกับคุณสุรีย์ไง ..เอ่อใช่สิก่อนกลับมาก็เจอกับน้องรหัสที่เจอกันเมื่อวานนั่นแหละครับ ..แต่ผมไม่ได้อะไรเขาจริงๆนะ..” วิชญ์ภาสกรอกตาไปมาครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วน และบอกร่ายก่อนจะมาสะดุดที่ตรงน้องรหัสตัวแสบ



“ เหรอ..ถ้าอย่างนั้นก็ดีกลับบ้านดีกว่า..” กรณ์พยักหน้ายอมเชื่อใจอีกคน แต่ในความคิดก็เริ่มนึกภาพหญิงสาวร่างเล็กแสนรั้นคนนั้น .. ท่าทางงานนี้จะไม่ใช่หมูๆเสียแล้ว



“ อะไรนะ..” วิชญ์ภาสชะงักเพราะไม่คิดว่าจะจบง่ายขนาดนี้




“ กลับบ้านไง ..ฉันหิวข้าวแล้ว..” กรณ์ก้มลงไปใกล้กับอีกคนก่อนจะกระซิบข้างหูเป็นเชิงหยอกเย้า .. เจ้าตัวสูงเลยฉวยโอกาสสูดกลิ่นหอมจากแก้มใสอย่างหนักหน่วงหนึ่งที...


“ เร็วๆกลับบ้าน..” มือเรียววางค้ำบนอกหนั่นที่เปล่าเปลือยเพื่อยันให้ร่างตัวเองลุกขึ้นนั่งได้.. จากนั้นก็ขยับให้วิชญ์ภาสได้ลุกขึ้นตาม ..ชายหนุ่มยกมือขึ้นติดกระดุมตัวเองอย่างไม่เข้าใจว่าสรุปว่าเมื่อกี้กรณ์เปิดเสื้อเขาทำไม ..ฝ่ายกรณ์ก็ได้แต่ขำตัวเองอย่างงงๆ.. ที่จริงเขาจะดูร่องรอยหลักฐานจากร่างกายอีกฝ่ายต่างหากล่ะ.. เพราะถ้าวิชญืภาสไปแอบกิ๊กกั๊กกับคนอื่นจริง คงมีร่องรอยอะไรเหลือไว้บ้างแหละ


หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 30+31
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 13-06-2009 00:16:21
กรณ์เนี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย เทวดาตัวร้ายชัดๆอิอิ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 30+31
เริ่มหัวข้อโดย: doomare ที่ 13-06-2009 03:17:26
โห...มีหาหลักฐานด้วย

หาบ่อยๆก็ดีน่ะ

ยิ่งตอนละเมอยิ่งแล้วใหญ่ หึงโหดจริงๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 30+31
เริ่มหัวข้อโดย: nanao ที่ 13-06-2009 06:40:44
อยากรู้จริงยายแพทแอบทำอะไร ชิ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 30+31
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 13-06-2009 10:41:22
ขอบคุนค่ะo18 โอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย  คุณกรณ์จะน่ารักไปถึงไหนนนนนนนนนนนนนนนน  :กอด1: รอตอนต่อไปจ้า :o8: :-[


ที่หายไปนานเปิดเทอมแล้วอะ เลยไม่ค่อยได้มาอ่านน  :z2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 30+31
เริ่มหัวข้อโดย: speedboy ที่ 13-06-2009 11:02:05
โอ้ยมีตรวจสอบกันด้วย


ตรวจให้เจอนะคร้าบ.............


น้องแพทเนี่ยของแรงตัวจริงเลย  อิอิ


 :oni2: :oni2: :oni2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 30+31
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 13-06-2009 12:13:50
อิอิ กรณ์สู้ๆ ยัยแพทไม่มีน้ำยาหรอก :z1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 30+31
เริ่มหัวข้อโดย: k_U_K_K_I_K ที่ 13-06-2009 12:16:09
อิอิ มีการตรวจสอบด้วย สงสัย วิช จะชอบให้ตรวจ

แน่เลยอ่ะคร้า :z1: :laugh: o13

ปล.มานั่งรอตอนอิอิ

หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 30+31
เริ่มหัวข้อโดย: menano ที่ 13-06-2009 21:32:46
คุณกรณ์เจ๋งมาก  o13

555 อย่างนี้แหละ

อะไรที่เป็นของ ๆ เราแล้วใครจะแย่ง

อย่าไปยอม

ลุยยยยยยยยยยยยยยย

จัดให้หนักเลยค่ะ

ชุดใหญ่ไปเลย ให้อีนังเด็กนั่นรู้ไปเล้ยยยยยยยยยยยยยยยยย

ว่ากำลังเล่นกะใครอยู่  โฮะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 30+31
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 13-06-2009 23:01:41
แหม แหม มีแต่คนสนับสนุนคุณกรณ์กันทั้งนั้น

ถ้าเกิดวิชญ์ภาสนอกลู่นอกทางขึ้นมาจริงๆคงตายอย่างเดียว

เพราะคนแถวนี้คงเข้าไปช่วยคุณกรณ์จัดการแน่ๆ 55555
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 31
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 13-06-2009 23:33:55
ตอน 31

ระหว่างทางเดินที่กลับไปสู่รถของตัวเอง ..คนตัวสูงที่เดินเคียงข้างประธานบริหารบริษัทก็นึกคิดไปถึงเรื่องเมื่อตอนเย็น และระลึกได้ว่าต้นตอของน้ำหอมมาจากไหน.. ตอนที่แพทจับแขนของวิชญ์ภาสในทีแรกหญิงสาวคงกะไว้แล้วล่ะว่าจะทิ้งร่องรอยนี่ไว้บนเสื้อของเขา .. และกรณ์ก็เจอมันเข้าจริงๆ..


“ นี่..” มือบางตบลงบนต้นแขนคนที่ยืนข้างๆอย่างแรง

“ โอ๊ย..มีอะไรครับผมเจ็บนะ..” วิชญ์ภาสหลุดออกจากความคิดของตัวเองเพราะแรงกระทบนั้น .. ดวงตาคู่ใสหันมองกรณ์อย่างไม่เข้าใจที่อยู่ๆอีกคนก็ตีเขาแรงๆเช่นนี้



“ ฉันเรียกเป็นรอบที่สามแล้ว ..ไม่เห็นเหรอไงถึงรถแล้ว..” กรณ์เบิกตาเรียวๆมองเข้าไปในดวงตาของอีกคน ก่อนจะชี้ให้วิชญ์ภาสได้เห็นว่าตอนนี้ทั้งสองมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้ารถคันสีดำของเจ้ากบตากลมแล้ว .. วิชญ์ภาสได้แต่ยิ้มแห้งเมื่อรู้ถึงสาเหตุเขารีบเปิดล็อคอย่างรวดเร็ว ..


กรณ์เดินก้าวเข้ามาในรถแล้วนั่งลงอย่างอ่อนล้า..ตอนนี้แม้จะรู้สึกผ่อนคลายไปได้บ้างแต่ยังไงภาระหนักที่มีก็ยังต้องแบกรับต่อไป.. ก่อนรถจะเคลื่อนออกจากที่จอดมือหนาๆของวิชญ์ภาสก็เอื้อมมือวางไว้บนใบหน้านุ่มๆอย่างแผ่วโยน ..


“ อะไรเหรอ..” กรณ์หันกลับไปมองเจ้าของมืออย่างไม่เข้าใจ


“ ตอนนี้เลิกงานแล้วนะครับ..มีอะไรค่อยคิดพรุ่งนี้ดีกว่า เห็นคุณเครียดๆผมไม่สบายใจเลย” อีกฝ่ายอยากให้กรณ์ได้พักจริงๆ เวลานี้มันนอกเหนือเวลางานแล้ว หากกรณ์ยังหยิบเอาความไม่สบายใจมาคิด ตัวกรณ์เองนั่นแหละที่อาจจะแย่ไปมากกว่าเก่า


“ อืม..” กรณ์พยักหน้าให้เล็กน้อย แล้วพิงร่างของตนไปกับเบาะรถด้านหลัง หวังให้ความเหนื่อยล้าไปละคลายไปจากร่างกายนี้ .. หากจะมีอะไรเกิดขึ้นก็ค่อยไปมองในวันพรุ่งนี้แล้วกัน


..ขณะที่รถกำลังแล่นไปเรื่อยๆ กรณ์ก็เริ่มรู้สึกเหมือนมีอะไรบางสิ่งกลิ้งอยู่ตรงปลายเท้า ในจังหวะที่รถหยุดติดไฟแดงอยู่ตรงสี่แยกใหญ่ คนตัวบางก็เลื่อนเบาะของตนไปจนสุดแล้วโน้มกายลงเก็บบางสิ่งบางอย่างที่ใช้เท้ายันเอาไว้ขึ้นมาดู..

“ ลิปสติก..” กรณ์พึมพำเบาๆ.. ก่อนจะกำแท่งลิปสติกไว้ไม่ให้วิชญ์ภาสเห็น ..


“ นี่เด็กนั่นขึ้นมาบนรถด้วยเหรอ..” กรณ์เปรยขึ้นราวกับไม่มีอะไร.. แต่วิชญ์ภาสก็เหมือนจะแปลกใจเพราะยังไม่ได้บอกอีกฝ่ายเลย


“ ก็ตอนเย็นนั่นแหละ..น้องเค้าบอกว่ามีธุระจะคุยกับผม แต่ผมบอกไปว่าไม่ว่าง ก็เลยขึ้นมานั่งปักหลักบนรถเลย ..แต่ก็น่าแปลกอยู่ๆก็ลงไปง่ายๆ” วิชญ์ภาสตอบคำถามอย่างไม่มีปิดบัง พร้อมทั้งตั้งข้อสังเกตด้วยความไม่เข้าใจ ดีนะที่คนข้างกายของวิชญ์ภาสเป็นกรณ์ ไม่ใช่คนอื่นไม่อย่างนั้นชายหนุ่มคงถูกเข้าใจผิดแล้วล่ะ


“ นี่ฝากไปคืนด้วย ..” กรณ์วางแท่งลิปสติกไว้ตรงคอนโซลหน้ารถอย่างเบามือ ไม่ได้รู้สึกโกรธหรือเคืองแต่อย่างใด ..


“ คือ” วิชญ์ภาสหันมองคนของตัวเองอย่างหวั่นใจ



“ มองอะไรเล่า..” กรณ์ย่นจมูกใส่เช่นทุกทีที่ชอบทำ ท่าทีน่ารักน่าชังที่มีเพียงเขาเท่านั้นที่ได้รับสิทธิ์เห็น กรณ์ที่แสนน่ารักด้วยเพราะรักได้ชักพาความเย็นชาออกไปจนหมดสิ้น .. แม้จะไม่ได้อ่อนหวานเช่นคนอื่นทั่วไป แต่มันก็อ่อนที่สุดเท่าที่คนชื่อกรณ์จะอ่อนได้ ..


“ ผมนึกว่าคุณจะโมโหเสียอีก..”


“ คิดว่าฉันสติเสียหรือยังไง.. นิดๆหน่อยๆก็โมโห”


“ แต่เมื่อก่อนคุณเป็นแบบนี้นี่ครับ..” เสียงทะเล้นดังขึ้นตอบไปอย่างทันท่วงที เล่นเอาคนฟังหน้าสวยถึงกับส่งสายตาดุๆมาให้



“ หลอกด่าฉันเหรอ..”



“ เปล่าครับ..” วิชญ์ภาสส่ายหน้าไปมา ..แล้วพุ่งหน้าไปวางซุกตรงบ่าของอีกฝ่ายอย่างอ้อนๆ .. ไฟแดงยังคงติดอีกเกือบนาทีเขาเลยไม่ต้องรีบต้องร้อนอะไร ..มือทั้งสองก็โอบเอวคนที่รักดุจดวงใจไว้แน่น ..แถมยังแอบเบาลมระไปบนต้นคอระหงอย่างแกล้ง


“ ไอ้..” กรณ์เริ่มสั่นเพราะแรงกระทบ ..แต่ก็รู้สึกดีที่ได้มีกันและกัน .. เพราะอ้อมกอดนี้กรณ์ถึงได้รับรู้ว่าแท้จริงชีวิตยังมีความสุข และความทุกข์ให้พบเจอ .. แม้จะทุกข์ แต่รักก็ทำให้สุขกลบทุกข์ได้สิ้น .. เขาโชคดีจริงๆที่พบอีกคน


“ จะไฟเขียวแล้ว..” กรณ์กระซิบกับคนที่กอดเขาอย่างไม่กล้านัก.. ตอนนี้หัวใจมันสั่นโครมครามยังกับกลองรัว นี่ถ้าวิชญ์ภาสใกล้เข้ามากว่านี้คงได้ยินเสียงหัวใจเขาเต้นแล้วล่ะมั้ง



“ ครับผม..คุณเมีย” ชายหนุ่มกระซิบบอกพร้อมทั้งสรรพนามใหม่ ที่โต้งมักใช้เรียกกรณ์ ..



“ ไอ้บ้า..” กรณ์ผลักบ่าของอีกคนให้พ้นตัว ก่อนจะเอื้อมมือไปกดวิทยุเปิดเพลงกลบเสียง ..


เสียงเปียโนใสๆดังขึ้นเป็นตัวนำเมโลดี้.. ก่อนที่หนึ่งบทเพลงที่เปรียบเสมือนเส้นด้ายระหว่างทั้งสองคนจะดังขึ้นอย่างตรงใจ ..


บางเวลาที่ฉันขาดเธอจะเติมให้กัน
บางเวลาที่หนาวสั่นเธอจะเป็นอุ่นไอ
บางเวลาที่แพ้มาก็ยังมีเธอเข้าใจ
บางเวลาเลวร้ายฉันยังมีเธอ
บางเวลาฉันทำผิดเธอยังยอมอภัย
บางเวลาฉันร้องไห้เธอยังให้ไหล่อิง
ไม่ใช่คนที่โชคดีที่เกิดมามีทุกสิ่ง
แต่ฉันโชคดีจริงๆ ที่มีเธอ
ตั้งแต่วันนั้นจนวันนี้ ทุกอย่างยังเหมือนเดิม
เธอยังเหมือนเคย ยังแสนดีอยากบอกว่าซึ้งใจ
ต่อจากวันนี้คนๆ นี้จะทุ่มเททั้งใจ
ตอบแทนรักที่ยิ่งใหญ่
ตอบแทนในความหวังดี
ตอบแทนเวลาที่ให้ฉัน
ด้วยทุกเวลาของฉัน...ฉันให้เธอ



ประมุขแห่งสายลมเหมือนจะถูกดึงออกจากโลกของความเป็นจริงไปชั่วขณะ หนึ่งบทเพลงที่เพิ่งเคยได้ฟังครั้งแรก แต่เนื้อหามันไม่ต่างอะไรจากสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับอีกคนเลยสักนิด .. กรณ์ที่ต้องแบกภาระมากมายของสายลม ทุกความรู้สึกต้องเก็บกดลงในหัวใจไร้ที่ระบาย ไร้ที่พักพิง แต่ยามที่ได้มาพบกับอีกคนที่พร้อมจะช่วยเขาให้หายเหนื่อย พร้อมจะมีไหล่หนาให้เอนแอบ .. แม้วิชญ์ภาสจะไม่ใช่คนที่เข้ามายกปัญหามากมายให้สลายหายไป แต่เขาก็เป็นคนที่พร้อมจะแบกปัญหาคู่เคียงกับกรณ์ไปจนสุดปลายทาง ... ดวงตาคู่สวยหลั่งน้ำตาออกมาอย่างที่ตัวเองไม่รู้ตัว ...


“ คุณกรณ์..เป็นอะไรไปครับ” วิชญ์ภาสชะงักไปเมื่อเห็นคนที่เขารักกำลังร้องไห้ ..ไม่บ่อยนักหรอกที่จะเห็นกรณ์ร้องไห้อย่างนี้



“ เปล่า..” ใบหน้าสวยหวานส่ายไปมา .. แต่น้ำตายังคงไหลออกมาไม่หยุด รอยยิ้มที่ทอประกายออกจากใบหน้าของคนตัวบางทำให้วิชญ์ภาสได้รู้ ว่าน้ำตาที่ไหลออกมาในตอนนี้ไม่ใช่ความเสียใจ ไม่ใช่ความเจ็บปวด แต่กลับมีความสุข



“ ไม่เป็นอะไรก็ดีครับ..” ชายหนุ่มยกมือของตัวเองขึ้นเช็ดน้ำตากรณ์อย่างเบามือ.. ก่อนจะหันกลับไปสนใจกับการขับรถเบื้องหน้า ..




“ อืม” ดวงตาคู่นั้นปิดลงอย่างวางใจ เมื่อได้รู้ว่าสิ่งที่เขากำลังพบเจอคือความรักที่แท้จริง จุดเริ่มต้นมันอาจจะเกิดจากแค้น แต่ปลายทางกลับเต็มไปด้วยความรัก ..





กรณ์เดินนำอีกคนเข้าบ้านไปด้วยความคิดบางอย่าง ..แต่วิชญ์ภาสก็ไม่ได้แปลกใจอะไร เอื้อมหยิบหนังสือที่วางอยู่ในรถก่อนจะเดินตามอีกคนขึ้นห้องนอน .. ห้องที่กลายเป็นของทั้งสองโดยปริยาย ไม่มีความรู้สึกแปลกแยกหรือเคอะเขินแต่อย่างใด ..ทุกอย่างรอบกายดูเป็นธรรมชาติอย่างถึงที่สุด..



“ นี่..” เมื่อวิชญ์ภาสเดินเข้ามาหยุดภายในห้องนอน ..กรณ์ก็ยื่นบางสิ่งบางอย่างส่งมาให้เขา ..ชายหนุ่มวางหนังสือในมือลงกับเตียงแล้วรับกล่องสี่เหลี่ยมที่กรณ์ส่งมาเปิดออกอย่างไม่เข้าใจ



“ อะไรครับนี่..” วิชญ์ภาสค่อยๆเปิดมันออก .. และก็พบสร้อยสีเงินเส้นเล็กๆเส้นหนึ่งอยู่ภายใน ..ข้างๆมีแหวนสีเดียวกันวางอยู่ข้างๆ ..ลักษณะตรงหัวแหวนจะคล้ายๆกับแม่เหล็กหรืออะไรสักอย่าง .. ชายหนุ่มค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองคนที่ยื่นกล่องส่งมาให้เขา



“ ไหนบอกว่าให้เอาโซ่มาล่ามคอได้..นี่ไง” นั่นเลิกคิ้วเล็กๆ แต่ไม่กล้าจะสบตาอีกฝ่ายตรงๆหรอก ในตอนนี้เขารู้สึกเขินๆอย่างบอกไม่ถูกจริงๆ ความรู้สึกที่ใจเต้นถี่ แต่กลับรู้สึกดีอย่างมากมาย ความรู้สึกของการเป็นคนรักกัน ..



“ ครับ ?” วิชญ์ภาสผงะเล็กๆ แล้วใช้มือของตนหยิบสร้อยที่วางในกล่องขึ้นมาอย่างแปลกใจ เพราะไม่นึกมาก่อนว่ากรณ์จะทำอะไรอย่างนี้เป็นด้วย ใครจะนึกล่ะว่าภรรยาจอมเหวี่ยง ที่พร้อมจะขย้ำสามีทุกครั้งที่คิดนอกลู่นอกทาง หรือมีอะไรให้ระแคะระคายสงสัยจะทำอะไรน่ารักๆแบบนี้ออกมา



“ ใส่ให้ผมสิครับ ..” เจ้าตัวดียิ้มย่องอย่างปลาบปลื้ม แล้วยื่นสร้อยในมือส่งให้กรณ์ไป .. ดูจากสีสันและเนื้อสัมผัสก็บอกชัดว่ามันคงไม่ใช่สร้อยราคาถูกๆที่มีขายตามท้องตลาดทั่วไปแน่.. เนื้อแพลททินัมเหลือบฟ้าที่มีตัวต่อตะขอกลางเป็นเพชรเม็ดใสเรียบง่าย ราคาค่างวดอาจเฉียดแสน ..


“ วุ่นวายจริง..” ชายหนุ่มหน้าคมนั่งลงตรงขอบเตียงเพื่อให้คนน่ารักของเขาใส่สร้อยให้เขาได้.. กรณ์ยื่นมือไปลากเก้าอี้ที่วางอยู่ตรงโต๊ะกระจกมาหยุดตรงหน้าชายหนุ่ม และเลื่อนกายลงนั่ง จากนั้นก็เอื้อมไปหยิบแหวนที่วางคู่กันขึ้นมา .. คนตัวบางหมายจะใส่แหวนตรงนิ้วชี้เพราะจะได้สะดวกแต่คนตัวสูงก็หยิบแหวนออกจากมือกรณ์มาเสียก่อน ..แล้วค่อยสวมแหวนกลับไปตรงนิ้วนางข้างซ้ายของอีกคน ..



“ นิ้วนี้ดีกว่าครับ..” น้ำเสียงแพรวพราวอดจะทำให้กรณ์เขินอายไม่ได้ สุดท้ายเลยต้องยกมือขึ้นงอแล้วเคาะไปกลางกระบาลเจ้าตัวดีจอมเจ้าเล่ห์เพียงลงแรง .. ดวงตาคู่สวยหันกลับไปสนใจสร้อยในมือของตน ค่อยๆวางพาดเส้นสร้อยไปตรงหลังคอแล้วกวาดมาอยู่อยู่ตรงหน้าเพื่อง่ายต่อการกลัดตะขอ ..แต่ช่วงจังหวะที่กรณ์โน้มกายไปข้างหน้า ก็ถูกสัมผัสบนใบหน้าหวานๆอยู่หลายที แม้จะยกมือขึ้นปัดป้องก็ไม่อาจผลักริมฝีปากนั้นให้ออกห่างจากตัวของตนได้เลย สุดท้ายเลยต้องปล่อยให้อีกคนทำตามที่ต้องการโดยกรณ์ตั้งใจกลัดตะขอให้ต่อ.. เขายื่นมือที่มีแหวนวงงามขึ้นคู่ก่อนที่ปลายสร้อยจะวิ่งเข้าหากัน ..


“ เอ๊ะ..” วิชญ์ภาสชะงักริมฝีปากของตนอย่างแปลกใจเมื่อเหลือบเห็นตะขอกลัดสร้อย กับหัวแหวนวิ่งเข้าหากัน..


“ ทำได้ไงครับนี่..”



“ ปลายมันเป็นแม่เหล็ก ถ้าจะถอดก็ต้องใช้แหวนติดกับหัวตะขอถึงจะออก..” กรณ์อธิบายเสียงเบาๆ.. ความหมายในนิยามคือกรณ์ไม่ต้องการให้อีกฝ่ายถอดสร้อยเส้นนี้ตลอดชีวิต .. หากมันจะหลุดออกก็หมายถึงกรณ์เป็นคนถอด หรือจะอีกนัยคือความหมายของการพลัดพราก ..


“ ขอบคุณครับ..ผมชอบมากเลย” ชายหนุ่มยกมือขึ้นคล้ำสร้อยเส้นบาง แต่กลับหนาแน่นฝังลึกในหัวใจอย่างไม่มีสิ่งใดมาแทรกผ่าน .. แท้จริงความหมายของมันใช่จะเป็นสร้อยเนื้อดีราคาแพง แต่กลับเป็นความตั้งใจที่อีกคนกระทำต่อเขาต่างหากล่ะ



“ งั้นก็ปล่อยมือได้แล้ว..เดี๋ยวฉันจะไปอาบน้ำแล้ว” กรณ์ยิ้มให้เมื่อเห็นอีกฝ่ายพอใจในสิ่งของที่เขามอบ .. ถ้าวิชญ์ภาสได้รู้ว่าสร้อยเส้นนี้นอกจากกรณ์จะตั้งใจมอบให้ อีกทั้งยังเป็นเครื่องหมายความรักระหว่างแม่และพ่อของเขา ไม่รู้คนหน้าคมจะดีใจขนาดไหน .. เพราะตั้งแต่หัวใจได้ค้นพบกับคำว่ารัก กรณ์ก็รู้ตัวว่าลมหายใจของเขาฝากไว้ในมืออีกคนแล้ว


“ ผมอาบด้วยดีกว่านะ..”


“ อาบน่ะได้ แต่ห้ามมายุ่งกับทุกส่วนในตัวฉัน วันนี้ฉันอยากพักผ่อน” กรณ์ยกนิ้วขึ้นชี้กลางหน้าผากของอีกคนอย่างห้ามปราม ..ใบหน้า รอยยิ้ม และลมหายใจ .. คือสิ่งที่รักได้มอบให้ เหนืออื่นใดรักยังทำให้กรณ์ได้รู้ว่าชีวิตยังมีอีกมากมายให้ค้นหา


“ รับทราบครับผม” เจ้ากบตาหวานพยักหน้างึกๆ.. แล้วจึงรวบแรงที่มีทั้งหมดอุ้มร่างตรงหน้าเดินตรงดิ่งสู่ห้องน้ำที่ห่างออกไปไม่กี่ก้าวทันที บานประตูที่ปิดลงพร้อมสองหัวใจที่ใกล้ชิด แม้กรณ์จะรู้สึกเขินๆบ้าง แต่เขากลับสุขใจที่ใกล้กันขนาดนี้ แผ่นฟ้าของสายลมที่เคยมืดมนและอ้างว้าง บัดนี้ได้มีแสงสว่างจากดวงดาวส่องประกาย แม้มันจะไม่แกร่งกล้าเทียบเท่าดวงอาทิตย์ แต่มันก็มีชีวิตจิตใจเดิมความสดใสด้วยทั้งหมดของคำว่ารัก




หญิงสาวผิวสีน้ำผึ้งเดินละออกจากห้องนอนของตนด้วยความคิดบางอย่าง .. ความจริงที่หลายคนในบ้านยังไม่รับรู้ ความจริงที่เธอต้องยอมรับและเดินต่อไป .. เธอเคยคิดว่าหากเธอสามารถทำให้กาณฑ์ยอมรับทุกอย่างได้ บางทีในใจของเขาอาจเหลียวมามองเธอบ้าง ..แต่เหมือนเธอจะคิดผิดเมื่อความจริงได้พิสูจน์ให้เห็นว่าคนที่อายุน้อยกว่ากับเธอคงเป็นได้เพียงพี่สาวกับน้องชาย .. แรกเริ่มมันอาจดูเจ็บปวด แต่มาถึงวันนี้ในใจของหล่อนกลับรู้สึกมีความสุขมากมายกว่าที่เป็น ..


“ ทุกอย่างโอโคค่ะ..คุณกรณ์ก็เครียดๆเหมือนเดิมแต่ดีที่คุณวิชญ์คอยอยู่ข้างๆ..” หญิงสาวยิ้มไปกับกระบอกปลายสายอย่างมีความสุข .. ชีวิตที่เคยอ้างว้างเป็นเพียงเด็กในความอุปถัมภ์ของอดีตประมุขสายลมผู้ล่วงลับ แต่วันนี้กลับมีคนที่เป็นเหมือนญาติค่อยห่วงใยและถามสารทุกข์สุกดิบ



“ ครับงั้นฝันดีนะครับ” ชายหนุ่มปลายทางตัดสายไป เหลือเพียงรอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้าอย่างน้อยเธอก็ไม่ได้โดดเดี่ยว อย่างน้อยสายลมก็ยังบรรเทาความร้อนรนและอ้างว้าง .. แม้มันจะไม่ใช่ลมเย็นขนาดพาความร้อนให้ละคลายไปจนหมดสิ้น แต่มันก็พัดระเรื่อให้ความร้อนได้เบาบาง




เช้าวันเสาร์คนตัวบางตื่นนอนก่อนอีกคน ..เพราะช่วงระยะนี้อีกฝ่ายรู้ดีว่ากรณ์มีงานหนักเลยไม่ค่อยกวนสักเท่าไหร่ เมื่อวานก็ไม่กล้าบุกรุกเขตหวงห้ามได้แต่กอดแต่หอมตามประสา จริงๆหากอีกคนต้องการกรณ์เองก็พร้อมจะมอบให้ เพราะเขารู้ดีว่าสิ่งที่ผูกยึดใจของทั้งสองมันคือความรัก ไม่ใช่เซ็กซ์หรือเงินทอง .. การใกล้กัน การสัมผัสเป็นเพียงปัจจัยหนึ่ง แค่ได้จับมือกรณ์อีกฝ่ายก็มีความสุขมากพอแล้วล่ะ..


กรณ์ลุกขึ้นไปล้างหน้าแปรงฟัน..และลงมาจากห้องเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้า ลงมาก็เห็นแม่บ้านสาวในชุดนอนสีชมพูแจ๋นหัวฟูชนิดเพิ่งตื่น หน้าตาของเจ้าหล่อนยังงัวเงียอยู่ไม่ใช่น้อยๆ ..



“ คุณกรณ์จะรับอะไรดีคะ” หญิงสาวสลัดความง่วงงุนเมื่อเห็นเจ้านายหนุ่มเดินลงมาแต่เช้า ปกติวันเสาร์กรณ์ไม่ตื่นเช้าอย่างนี้หรอก ส่วนมากก็จะลงมาตอนเจ็ดโมงครึ่งหรือไม่ก็แปดโมง ..



“ น้ำส้มก็ได้..แต่เดี๋ยวฉันไปเดินเล่นในสวนก่อนไม่ต้องตอนนี้หรอก..” กรณ์หันไปมองแม่บ้านสาวเล็กน้อย สั่งความเสร็จสรรพก็เดินตรงดิ่งไปยังสวนหน้าบ้านที่แสนร่มรื่น ..บรรยากาศในตอนเช้าช่างบริสุทธิ์อย่างชนิดที่ไม่น่าเชื่อ ..




“ จะลงไปเดินเล่นทำไมไม่ปลุกล่ะครับ..” เสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากตรงชานระเบียงห้องชั้นสอง ..กรณ์หันกลับไปมองก็พบคนตัวสูงที่มีเพียงกางเกงนอนขายาวสวมอยู่ ด้านบนก็ห่มลมห่มฟ้าตามประสา ..ไม่รู้จักอายผีสางหรือยังไง ..



“ ก็เห็นว่านอนอยู่..” กรณ์ตอบไปเสียงเบาๆ ไม่ได้รู้สึกวุ่นวายหรือรำคาญอีกคนเลยสักนิด


“ เราจะออกจากนี่กี่โมงดีครับ ..” คนที่อยู่ด้านบนเอ่ยถาม .. จริงๆเขามีนัดเลี้ยงตอนเย็นๆ ช่วงเช้ากับกลางวันก็ว่างเลยอยากจะถามอีกฝ่ายดูก่อน เผื่อกรณ์จะสะสางงานหรืออะไรที่คั่งค้างให้เรียบร้อยเสียก่อน ..


“ บ่ายๆแล้วกัน ..” กรณ์เอ่ยบอก .. เขาพยายามสดชื่น พยายามสดใสแต่บางทีงานที่รุมเร้าก็มากเกินเขาจะห้ามปราม .. ทุกอย่างเหมือนรุมมารอบด้าน วันนี้เขาจะลงมือเผด็จศึกยัยเด็กหน้าไม่อายที่จ้องจะแย่งคนของเขาไปให้ราบคาบ .. กรณ์เชื่อว่าการค่อยๆแก้ไปที่ละเปราะแม้จะกินเวลานานแต่มันก็ได้ผลดีกว่าทำลวกๆ ..


“ ครับ งั้นผมขอนอนต่อนะ..” กรณ์มองตามก่อนจะพยักหน้าให้..ร่างด้านบนจึงหายลับกลับเข้าไปในห้อง ส่วนกรณ์ก็เดินเล่นต่ออย่างครุ่นคิด.. เขาเดินตรงไปยังรถที่จอดอยู่ตรงลานด้านหน้าแล้วเปิดประตูหยิบบางสิ่งบางอย่างออกมาด้วยใจมาดหมาย ..



‘ คุณกรณ์ให้สืบเรื่องราวของเด็กคนนี้ทำไมคะ .. ทั้งที่เด็กนี่ก็เป็นแค่นักศึกษาธรรมดาๆคนหนึ่ง ถึงบ้านจะค่อนข้างมีฐานะแต่ไม่ได้มีธุรกิจอะไรที่เราต้องสนใจ’ สุรีย์ที่ได้รับหน้าที่ ให้จ้างวานนักสืบสืบค้นหาประวัติและข้อมูลของหญิงสาวเอ่ยถามอย่างแปลกใจ พร้อมมองไปยังเจ้านายที่กำลังเปิดดูเอกสารที่ได้รับมาจากนักสืบอย่างสงสัย



‘ไม่มีอะไรหรอก..แค่เด็กนิสัยไม่ดีคิดจะเป็นมือที่สาม’ กรณ์ไม่ได้ตอบตรงประเด็น แต่คำที่พูดก็ทำให้หญิงสาวรับรู้ได้กระจ่างแจ้ง ..รอยยิ้มบางๆปรากฏขึ้นอย่างห้ามไม่ได้ เธอไม่เคยเห็นเจ้านายเป็นอย่างนี้มาก่อน แต่พักหลังมานี้เธอก็ได้เห็นในหลายสิ่งที่กรณ์ไม่เคยทำ


‘ยิ้มอะไร’ กรณ์โวยขึ้นแถมยังติดเหวี่ยงนิดๆ แตกต่างจากเมื่อก่อนที่มักเฉียบขาดและดุดัน




‘เปล่าค่ะ.. ’ หญิงสาวส่ายหน้าแล้วเดินจากไป ..ทิ้งไว้เพียงเจ้านายหน้าหวานที่กำลังเคืองๆ เพราะโดนจับได้ว่ากำลังหาทางกำจัดมือที่สาม ที่กำลังจะเข้ามายุ่งย่ามกับคนของตน กรณ์เชื่อใจว่าคนของเขาไม่นอกลู่นอกทาง แต่เขาไม่เชื่อแม่สาวไฟแรงสูงคนนั้น แค่เห็นก็รู้ชัดว่ารั้นไม่น้อยหากชะล่าใจแม่นี่จะทำให้เกิดความวุ่นวายระหว่างเขากับคนคิ้วหนา ..ซึ่งกรณ์จะไม่มีวันยอม ..

หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 31
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 13-06-2009 23:57:27
กรณ์จับหมกป่าไปเลย แต่ชักส่อแวววุ่นๆยังไงไม่รู้เนอะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 32
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 14-06-2009 00:20:58
ตอน 32

คนตัวสูงที่บอกว่าจะนอนต่อแต่จริงๆ เขากลับนอนไม่หลับเลยต้องลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวฆ่าเวลา ..เมื่อคืนก็เข้านอนตั้งแต่หัวค่ำ ตื่นมาเลยค่อนข้างอิ่ม..ขืนยังนอนต่อตื่นมาอีกทีคงมึนหัวแน่นอน


สายน้ำที่สาดกระทบลงบนเรือนกายแกร่ง ..กล้ามเนื้อทุกมัด หยาดน้ำทุกหยด ดูจะพราวและแวววาวเป็นภาพที่งดงามหนึ่งภาพ เขาเริ่มถูสบู่เหลวที่บีบมาจากขวดด้วยความเคยชิน แต่มือก็ไปชะงักและหยุดตรงสร้อยที่กรณ์สวมให้.. เขาเลื่อนกายไปอยู่ในแนวฝักบัวเพื่อให้น้ำชำระล้างฟองสีขาวออกไป จากนั้นก็ขยับไปยืนอยู่ตรงหน้ากระจกมองร่างกายของตัวเองด้วยความรู้สึกแปลกใหม่..

“ นับวันคุณจะน่ารักขึ้นจริงๆ..” มือหนายังคงวนเวียนตรงสร้อยแพลททินัมที่สวมอยู่ ดวงตาจับจ้องไปก็พลอยจะนึกถึงเจ้าของสร้อย หากเลือกได้เขาก็อยากให้ไม่มีอุปสรรคเข้ามากล้ำกราย แต่เขาก็รู้ดีว่ามันคงเป็นไปไม่ได้หรอก แค่ตอนนี้ได้อยู่ข้างกันและพยุงชีวิตให้เดินหน้าไปพร้อมๆกัน แค่นี้เขาก็สุขหัวใจแล้วล่ะ ..


วิชญ์ภาสอาบน้ำเพลินจนไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปพอสมควรแล้ว.. ชายหนุ่มหยิบผ้าเช็ดตัวที่แขวนข้างๆขึ้นมาเช็ดกายแล้วยกขึ้นสะบัดสวมคาดเอวออกมาจากห้องน้ำอย่างอารมณ์ดี.. เจ้าของห้องอีกคนที่นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กตัวเก่งหันมามองอีกคนเล็กน้อยแล้วหันกลับไปสนใจงานตรงหน้าต่อ



“ ขึ้นมานานแล้วเหรอครับ..” วิชญ์ภาสถามขึ้นอย่างแปลกใจ เพราะก่อนหน้ายังเห็นกรณ์เดินเล่นอยู่ตรงสนามหน้าบ้านอยู่เลย ..



“ สักพักแล้ว..” คนหน้าสวยตอบเบาๆ ก่อนจะสะบัดนิ้วออกจากแป้นอย่างเมื่อยล้า .. ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านเขาก็เร่งปิดข้อสรุปผลประกอบการบางส่วน เพราะอยากใช้เวลาในวันเสาร์และอาทิตย์จัดการเรื่องที่คั่งค้างอยู่ ที่สำคัญวันนี้จะต้องไปกรุงเทพฯกับอีกฝ่าย กรณ์เลยอยากไปโดยไม่มีความพะว้าพะวงแต่อย่างใด..


“ หน้าคุณซีดๆนะ..” ชายหนุ่มที่เหลือบมองอีกคนผ่านกระจกบานใหญ่เอ่ยทัก มือของเขาก็ยังลูบไล้แป้งเด็กกลิ่นหอมไปตามร่างกายอย่างปกติ ..



“ เหรอ..” คนได้ฟังยกมือขึ้นจับหน้าตัวเองอัตโนมัติ ช่วงนี้กรณ์วุ่นจริงๆ อาทิตย์หน้ายังต้องเข้าเจรจากับศัตรูตัวฉกาจที่เขาไม่ต้องการพบหน้าอีก .. แต่กรณ์ก็เลือกจะไม่ไปไม่ได้หรอกในเมื่อหนทางนี้ดูจะประนีประนอมที่สุด ในวงการธุรกิจหากเลือกจะผูกมิตรได้จะทำให้เราเดินหยุดอยู่ตรงยอดของผู้คน แต่ในความเป็นจริงน้อยนักที่แต่มิตรทางออกที่ดีที่สุดคือพยายามมีศัตรูให้น้อยที่สุด


“ วันนี้คุณไปกับผมหรือเปล่าครับ..” วิชญ์ภาสหยิบเสื้อเชิ้ตที่แขวนอยู่หน้าตู้ขึ้นมาสวมทับ .. เสื้อเชิ้ตสีดำขนาดพอดีตัวที่ดูจะเหมาะกับเขาอย่างมากถูกสวมลง ..


“ ไปเถอะ..รออยู่ที่คอนโดฯแล้วกัน” กรณ์ละหน้าจากคอมพิวเตอร์แล้วหันมามองอีกคน ที่เดินมาหยุดอยู่ใกล้ๆ .. ร่างกายแข็งแกร่งที่เผยความล่ำสัน เพราะกระดุมเสื้อยังไม่ถูกติด


“ คุณเหนื่อยมากไหม..” ไม่รู้สินะอยู่ๆก็อยากถาม ..อยากให้อีกคนได้รู้ว่าเขาห่วงกรณ์มากจริงๆ หากเลือกได้ก็ไม่อยากให้กรณ์ต้องเจอกับอุปสรรคใดๆ.. ชายหนุ่มเอื้อมมือหนาไปดึงร่างที่นั่งอยู่เข้ามาใกล้.. กรณ์ยอมเอียงตามแรงที่ดึงเข้ามาทำให้หน้าหวานซบลงอยู่บนท้องแกร่ง ที่ขึ้นลอนเพราะความกำยำสมส่วน .. ความเย็นที่เพิ่งผ่านน้ำ ความหอมจากกลิ่นแป้ง และความอุ่นจากหัวใจ


“ จริงๆช่วงนี้ผมมีความสุขมากเลยนะ ที่คุณลุกขึ้นมาทำโน่นทำนี่ตั้งมากมาย ทำให้ผมรู้สึกดีมากๆ แต่บางทีผมอาจจะมีความสุขมากจนลืมมองไปว่าคุณกำลังมีปัญหารุมเร้า..” เสียงเขาติดสั่นตรงส่วนกลาง ด้วยเพราะกลัวว่าอีกคนจะหนักเกินไป..


“ นายมีความสุขก็พอแล้วแหละ..” กรณ์บอกเบาๆ..หากเป็นเมื่อก่อนคงไม่มีคำๆนี้หลุดออกจากปากเขาแน่ๆ คำที่เรียบง่ายแต่กลับแฝงความรักมายมายไว้ในนั้น ..


“ ผมไม่มีความสุขหรอกนะถ้าคุณยังวุ่นวายใจอย่างนี้..” มือหนาเอื้อมรั้งให้ใบหน้าที่ซบอยู่กับท้องของตนผละห่าง ก่อนจะทรุดการลงคุกเข่าเผชิญหน้ากับอีกคนตรงๆ..


“ ฉันก็ไม่ได้เหนื่อยอะไร ..” กรณ์ส่ายหน้าเล็กน้อยพร้อมรอยยิ้มบางๆ.. มือนุ่มวางลงบนบ่าแกร่งของอีกฝ่ายอย่างผ่อนแรง .. ดวงตาคู่เรียวจับจ้องเขาไปในดวงตาของอีกคนหมายจะบอกความหมาย ว่าเขาไม่ได้เหนื่อยมากมายจนร่างกายทนไม่ได้ เขาแค่สับสนว่าควรรับมืออย่างไรกับกลเกมทางธุรกิจที่เป็นอยู่


“ คุณกรณ์..”


“ หืม..?” คิ้วเรียวของคนหน้าสวยยกขึ้นเล็กน้อย .. เป็นเชิงรับรู้


“ ผมรักคุณ..” คำสั้นๆที่ย้ำความมั่นใจ แววตาที่นิ่งสงบฉายชัดถึงความรักและความจริงใจที่มีอย่างมากมาย หากแสดงเป็นคำพูดได้คงเห็นคำว่ารักฉายกระจ่างในดวงตาคู่นี้แล้วล่ะ


“ นายบอกฉันแล้ว..” กรณ์ยิ้มให้โดยไม่เคอะเขินเช่นที่ผ่าน .. เขารู้สึกได้ด้วยหัวใจ รู้สึกถึงความอิ่มเอิบที่กำลังแผ่ความอบอุ่นให้ซาบซึ้ง ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ได้ยินคำว่ารักแล้วกรณ์มีอาการน้อยที่สุด แต่หัวใจกลับรับรู้ได้มากที่สุดเช่นกัน


“ ผมอยากบอก.. ผมไม่ได้บอกรักคุณตั้งหลายวันแล้ว..” เจ้าคนอายุน้อยกว่าส่ายหน้าเบาๆ ดวงตาคู่นั้นยังคงทอประกายความชัดเจน และมั่นคงไม่เปลี่ยน



“ กลัวฉันจะลืมหรือไง” มือเรียวที่วางอยู่บนบ่าของชายหนุ่ม เลื่อนมาวางบนใบหนาเข้มๆ..กรณ์ยกนิ้วของตนวางลงบนคิ้วหนาอย่างเบามือ.. จิ้มถามคนตรงหน้าด้วยรอยยิ้มที่สุขใจ



“ ผมแค่อยากได้ยินจากคุณบ้าง..” สิ่งที่เคยเกิดในใจ ..คำที่เขาเฝ้ารอจากกรณ์มายาวนาน เขารู้ดีว่าคนอย่างเขาไม่สมควรได้รับ เขารู้ดีว่าความร้ายกาจและความชั่วช้าที่เคยกระทำมันมากมาย ..แค่กรณ์ให้อภัย แค่กรณ์ยอมให้เขาอยู่ใกล้ และดีกับเขาเช่นที่เป็นก็มากเกินพอ แต่เขาก็อดไม่ได้จริงๆที่จะรู้สึก ..แค่อยากฟังสักครั้งในชีวิตก็เพียงพอแล้ว ..


“ ถ้านายรอได้สักวันนายจะได้ยินฉันบอกว่ารักนาย..” รอยยิ้มบางคลี่ออกเบาๆ.. กระนั้นนิ้วที่ไล้ไปตามแนวคิ้วของชายหนุ่มยังคงวนเวียนไม่ห่าง ..



“ ผมรักคุณ..” นั่นคือคำตอบรับที่ดีที่สุด.. สักวันเขาจะได้ยินบางสิ่งบางอย่างที่หัวใจของคนหน้าหวานต้องการจะบอก แม้วันนี้จะยังไม่ถึงเวลา แต่เขาก็รู้ว่าต้องมีสักวันที่จะได้ยิน แท้จริงมันไม่สำคัญเลยว่ากรณ์จะพูดหรือไม่แค่ได้อยู่ด้วยกัน ได้มีลมหายใจของกันและกันมันก็มากมายเกินกว่าที่คนอย่างเขาจะคิดแล้ว..




ทั้งสองออกจากสายลมและมุ่งตรงสู่บ้านใจกลางเมือง.. วันนี้คุณกรณ์ของชายหนุ่มดูจะอยู่ในชุดสบายกว่าที่คิด เสื้อยืดตัวบางสีฟ้าก่อนกับกางเกงขาสั้นกรอมเข่าสีขาว .. หากใครไม่รู้ก็คงคิดว่าคนหน้าสวยคงเพิ่งเข้ามหาวิทยาลัยหรือไม่ก็คงเพิ่งจบมัธยมแน่ๆ .. กรณ์ในตอนนี้ดูเด็กกว่าอายุจริงๆอย่างมาก ยิ่งได้เจอความรักยิ่งทำให้ดูมีน้ำมีนวลมากกว่าเดิมหลายเท่าตัว ..



แม่เด็ก ‘เขียว’ ที่อยู่ติดบ้านไม่ได้ออกไปเรียนรีบวิ่งมาเปิดประตูรับเจ้านายทั้งสองอย่างรวดเร็ว ..ตามด้วยคุณวรางคณาทียิ้มกว้างต้อนรับกรณ์และวิชญ์ภาส ..



“ซื้ออะไรมาเยอะแยะมากมายจ๊ะนี่..” คุณวรางคณาเอ่ยทักทาย เมื่อเห็นถุงข้าวของมากมายที่เขียวถือเดินลับไปทางครัวของบ้าน .. กรณ์กับเจ้าตัวสูงยกมือขึ้นไหว้คุณวรางคณาเป็นการทักทาย แล้วเดินเข้าไปภายในบ้านตรงโถงรับแขก บ้านที่เป็นของแม่กรณ์เวลานี้ไม่ต่างอะไรจากบ้านของคุณวรางคณา ยิ่งกรณ์กับวิชญ์ภาสไม่ใช่แค่คนรู้จักกันยิ่งทำให้นางมีสิทธิ์ในบ้านนี้อย่างไม่ต้องปริปากบอก



“ วันนี้คุณกรณ์ว่างเหรอคะ..” คุณวรางคณาเอ่ยถามคนหน้าสวยที่ดูเด็กกว่าทุกครั้งที่นางเจออย่างแปลกใจ ..รู้ดีว่ากรณ์ค่อนข้างยุ่งและต้องดูแลกิจการมากมายของครอบครัว



“ จะไม่ให้ว่างได้ไง วันนี้วิชญ์ภาสมาค้างที่กรุงเทพฯคุณกรณ์ก็ต้องตามมาอยู่แล้ว” เจ้าตัวสูงชิงตอบคำถามแทนคนข้างกาย ทำให้กรณ์ต้องชักสีหน้าดุๆหันไปมองปราม




“ ตาวิชญ์นี่ไม่มีมารยาทจริงๆ..” คุณวรางคณาดุเสียงแกมหยอกมากกว่าจริงจัง เพราะท่าทีของลูกชายกับคนที่มีบุญคุณกับตนดูจะเง้างอดน่ารักๆมากกว่าวุ่นวาย .. คนอย่างคุณวรางคณาอยากเห็นลูกชายมีความ สุขมากกว่าสิ่งอื่นใด ยิ่งรู้ว่าได้รักกับกรณ์ยิ่งทำให้ความวางใจเพิ่มมากขึ้น .. กรณ์เป็นคนที่มีรับผิดชอบมาตั้งแต่เด็กๆ หากลูกชายของนางได้อยู่ใกล้คงซึมซับมาไม่มากก็น้อยแหละ



“ ก็วิชญ์พูดจริงนี่แม่.. เย็นนี้วิชญ์มีเลี้ยงสายรหัสรวม เดี๋ยวให้ไอ้โต้งมารับ เลยพาคุณกรณ์มานอนที่นี่ฝากแม่ดูแลด้วยนะครับ..” เจ้าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนยิ้มแย่ง พร้อมทั้งอธิบายถึงสาเหตุที่ทำที่เขาเลือกจะพากรณ์มาที่นี่แทนจะเป็นคอนโดฯของชายหนุ่ม



“ ทำยังกับคุณกรณ์เขาเป็นเด็กงั้นแหละ” คุณวรางคณาอดขันในท่าทีห่วงใยของเจ้าลูกชายไม่ได้



“ ก็วิชญ์ห่วง หวง หึง ทุกอย่างเลย..” ชายหนุ่มพยักหน้าอย่างภูมิใจ หากอยู่ด้วยกันสองคนกรณ์คงไม่หน้าแดงขนาดนี้.. สุดท้ายเลยต้องหนีจากสถานการณ์รุมเร้าเดินหนีขึ้นด้านบนไปเสียดื้อๆ


“ พูดจนคุณกรณ์เขาอายม้วนไปแล้ว..”




“ ก็วิชญ์พูดจริงนี่..เรียนจบวิชญ์จะขอคุณกรณ์แต่งงานแม่ว่าไง..” ชายหนุ่มสำทับคำที่พูด ก่อนจะเปิดประเด็นใหม่ที่ตัวเองคิดขึ้นมา แม้ระหว่างทั้งสองจะรู้จักกันแค่ครึ่งปี ( ประมาณนี้นะ..) แต่เขาก็มั่นใจอย่างถึงที่สุดว่าตนกับอีกคนจะอยู่กันไปจนตลอดรอดฝั่ง



“ หา..พูดจริงพูดเล่น”คุณวรางคณาผงะไปเพราะคำของลูกชาย จนต้องย้ำถาม..



“ จริงดิแม่ ..วิชญ์ไม่พูดเล่นกับเรื่องอย่างนี้หรอกครับ..” ชายหนุ่มพยักหน้าย้ำความมั่นใจในสิ่งที่ตนได้พูดออกไปต่อหน้ามารดา


“ ก็แล้วแต่วิชญ์แล้วกัน .. แต่แม่ว่าก่อนจะขอคุณกรณ์แต่งงานวิชญ์ก็ควรจะสร้างอนาคตให้ตัวเองมั่นคงด้วยนะ ถึงคุณกรณ์จะมีเงินมากมายแต่มันคงไม่ดีหรอกหากเราไม่มีงานเป็นของตัวเอง .. ความรักแบบนี้มันเป็นภาษีด้านลบทันทีที่คนเห็น” นางให้ข้อเสนอตามประสาแม่ที่อาบน้ำร้อนมาก่อน ..


“ วิชญ์ก็คิดอย่างนั้นแหละ..วิชญ์ไม่ภูมิใจหรอกที่จะเกาะคุณกรณ์โดยตัวเองไม่กระดิกเท้าทำอะไรเลย” ยังไงสัญชาตญาณของผู้ปกป้องก็ยังกู่ก้องในหัวสมองของเขา .. กรณ์ดูจะเพียบพร้อมและดีกว่าเขาไปทุกอย่าง เขารู้ดี เขาอยากจะหางานสักอย่างที่มันมั่นคงถึงมันจะไม่ดีเท่ากรณ์ แต่เขาก็ภูมิใจที่เขามีเงินของตัวเองสามารถเลี้ยงคนที่เขารักได้

หลังทักทายกับมารดาสักพักหนึ่ง ชายหนุ่มก็ขอตัวตามคนของตนขึ้นไปบนห้องอย่างไม่รีบเร่ง ..เพราะกว่าเพื่อนจะมารับก็อีกชั่วโมงกว่าๆ ยังมีเวลาให้ทำโน่นทำนี่อย่างสบายๆ.. เขาเดินก้าวเข้ามาในห้องอย่างเงียบเชียบ ดวงตาคู่กลมเหลือบมองไปยังอีกฝ่ายที่กำลังเอนกายหลับตาอยู่บนเตียง คนน่ารักที่นับจะน่ารักน่าหยิกมากขึ้นกว่าเดิมกำลังผ่อนอิริยาบถทุกประการไว้ด้วยความวางใจ



“ หลับหรือเปล่าครับ..” ชายหนุ่มสาวเท้าเข้ามาใกล้อีกคน แล้วเอ่ยถามด้วยเสียงแผ่วๆ หากกรณ์หลับก็ไม่อยากจะรบกวน ..แต่หากกรณ์ตื่นอยู่ก็คงพอได้ยินสิ่งที่เขาถาม



“..” คนที่หลับตาส่ายหน้าเบาๆ เป็นสัญญาณให้รู้ว่าตัวเองไม่ได้หลับแค่อยากพักผ่อนสายตาก็เท่านั้น หลายวันมานี้กรณ์ค่อนข้างเครียด เวลาที่อยู่ด้วยกันอย่างนี้จึงเป็นเวลาที่เขาได้ผ่อนคลายและไม่ต้องคิดเรื่องอะไรให้วุ่นวาย แต่กระนั้นก็คงต้องเว้นไว้สักเรื่องหนึ่ง..เรื่องยัยเด็กน้องใหม่ที่หมายจะมายุ่มย่ามกับวิชญ์ภาส เรื่องนี้กรณ์ไม่ยอมหรอก


“ วันนี้ผมคงกลับดึกแน่ๆไม่ต้องรอนะครับ..”



“ แล้วใครบอกว่าฉันจะรอ..หลงตัวเอง” คนที่หลับตาอยู่เอ่ยตอบเบาๆ .. คนฟังได้แต่ปรายยิ้มมองคนที่นอนอยู่โดยไม่ถือสาอะไรกับคำพูดนี้ .. เขารู้จักคนที่นอนอยู่ดีมากพอจะรู้ว่าคำที่กรณ์พูดออกมาก็เป็นเพียงคำแก้เก้อ มันอาจจะดูแรงในสายตาของคนอื่น แต่กลับเขาเขารู้ดีว่ามันมีความหมายว่าอะไร


“ แน่ใจนะครับ ...” ใบหน้าคมเข้มโน้มลงมาเรื่อยๆจนเสมอกับใบหน้าของอีกคน มีเพียงช่องว่างเพียงหนึ่งนิ้วมือกั้นกลางระหว่างทั้งสอง .. ชายหนุ่มที่โน้มหน้าลงจงใจเป่าลมใส่ริมฝีปากของอีกฝ่ายเบาๆ ทำให้คนที่นอนอยู่เบิกตามอง .. และสิ่งที่เห็นตอนนี้คือดวงตาคู่กลมที่ใกล้กับใบหน้าเขาอย่างมาก.. ที่สำคัญในดวงตาคู่นั้นมีเงาของเขาปรากฏอยู่เพียงผู้เดียว ดวงตาที่ไม่อาจมีไว้เพื่อมองกรณ์เพียงผู้เดียว แต่มันจะมีกรณ์เพียงเท่านั้นในทุกส่วนลึกแม้จะหลับตาลง แต่ภาพของคนตรงหน้าก็ยังประทับลงไปในใจของชายหนุ่มตลอดเวลา ..


“ ว่าไงครับ..ยังไม่ตอบผมเลยเลย..” ชายหนุ่มไม่ยอมละหน้าห่าง ถามต่อไปด้วยความสุขที่ได้อยู่ใกล้กัน

“ ...” กรณ์ไม่ตอบคำถาม แต่เลื่อนใบหน้าของตนมาทางด้านข้างก่อนจะยกขึ้นเล็กน้อยแล้วจดริมฝีปากของตนบนใบหน้าคมเบาๆไปหนึ่งที ..ช่วงจังหวะที่มันสัมผัสเล่นเอาหัวใจของชายหนุ่มอีกคนเต้นรัวราวมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน ..ร่างกรณ์ผละออกจากเตียงไปตั้งหลักด้านข้างทันที โดยทีร่างของวิชญ์ภาสยังคงอยู่ในท่าเดิม ..ยังคงค้างอยู่ด้วยความรู้สึกแปลกๆ


“ เป็นอะไรไปอ่ะ..” เพราะสังเกตว่าอีกคนอยู่ในท่านั้นนานเกินไป กรณ์เลยเอ่ยถามขึ้น


..
“ ..” ชายหนุ่มไม่ตอบคำถามแต่ทิ้งตัวลงบนที่นอนอย่างผ่อนแรง .. ใบหน้าที่แสนเสน่ห์พลิกหันมาทางกรณ์โดยที่หัวยังแตะกับหมอนที่รองอยู่ไม่ห่าง ..


“ ขอแบบเมื้อกี้อีกครั้งได้ไหม” คำพูดที่ร่าเริง แฝงวาวเจ้าเล่ห์ดังขึ้นอย่างชัดเจน



“ ไปข้างล่างดีกว่า..” กรณ์บู้ปากเรียวส่งตอบ แล้วเดินออกจากห้องไปอย่างอารมณ์ดีทิ้งให้เจ้าตัวสูงนอนยิ้มเพ้ออยู่เพียงลำพัง .. ทุกการกระทำที่ค่อยๆเพิ่มระดับ ทุกครั้งที่มันเกิดขึ้นมักทำให้ใจของคนเพ้อต้องกระตุกสั่นและรัวลั่นราวกลองรบ ..



กรณ์เดินมาหยิบโน้ตบุ้คที่ติดมาจากบ้านสายลม ออกมาท่องเนตตามประสา ..แม้ที่นี่จะไม่ได้ติดสัญญาณอินเทอร์เนต แต่เทคโนโลยีมือถือที่ล้ำหน้าทำให้เขาสามารถเข้าถึงฐานข้อมูลออนไลน์ได้ทุกที่ ที่สัญญาณโทรศัพท์เข้าถึง



“ น้าไม่เคยเห็นคุณกรณ์เป็นอย่างนี้สักเท่าไหร่ ..” คุณวรางคณาที่นั่งอยู่ตรงโซฟาเอ่ยขึ้น .. ภาพตรงหน้าใครจะเชื่อล่ะว่ามันจะเกิดขึ้น ประมุขของสายลม ตระกูลที่แสนทรงอิทธิพลในลุ่มน้ำรอยต่อ ตอนนี้กำลังนั่งกับพื้นบ้านอิงหลังไปกับโซฟาตัวใหญ่ ตรงหน้าก็เป็นคอมพิวเตอร์พกพาที่วางอยู่ตรงโต๊ะน้ำชาตัวเตี้ย ๆ


“ ยังไงเหรอครับ ..” กรณ์เงยหน้าจากหน้าจอแล้วเอ่ยถามมารดาของเจ้าตัวยุ่ง



“ ก็อย่างนี้..ตอบน้าตรงได้ไหมคะว่าคุณกรณ์รู้สึกยังไงกับเจ้าวุ่นกันแน่..” แม้นางจะไม่ถาม คำถามก็ย่อมปรากฏอยู่กลางใจแล้ว คุณวรางคณาแค่อยากได้ยินบ้าง ..


“ ไม่รู้สิ..แค่อยู่ด้วยกันก็พอแล้วล่ะ..” กรณ์ตอบไปด้วยความรู้สึกโล่งสบาย ไม่ต้องปิดบังหรือวางท่าแต่อย่างใด อาจเพราะคนตรงหน้าคือแม่ของคนที่ทำให้หัวใจหวั่นไหว กรณ์ถึงได้กล้าพูดอย่างไม่ต้องปกปิด



“ ค่ะ..” คุณวรางคณายิ้มให้ .. ปล่อยให้กรณ์ฆ่าเวลาไปกับการท่องเนตต่อ สักพักต่อมาแขกที่ต้องมาก็เดินทางมาถึง เจ้าหนุ่มหน้าตี๋ดีกรีเพื่อนสุดฮอต ที่ตอนนี้เสน่ห์จะแซงหน้าวิชญ์ภาสไปหลายขุมแล้ว ..ด้วยเพราะตั้งแต่ที่วิชญ์ภาสมีตัวจริงไม่วอกแวกชายตาแลใคร ทั้งสาวทั้งหนุ่มก็เลยพุ่งมาที่โต้งแทน ..




“ สวัสดีครับคุณแม่...คุณก..กรณ์” โต้งเดินยิ้มแย้มเข้ามาในบ้านอย่างคุ้นเคย .. เพราะตั้งแต่ที่วิชญ์ภาสเจอแม่ครั้งก่อน โต้งก็รู้ว่าคุณวรางคณาอยู่บ้านหลังนี้..แต่เขาไม่ยักคิดมาก่อนว่าจะได้เจอกรณ์อยู่ที่นี่ด้วย แถมที่สำคัญกรณ์แทบไม่เหลือคราบประมุขสายลมที่น่าเกรงขามเลย


“ เป็นอะไร..หน้าฉันเหมือนผีมากเหรอไงถึงได้เสียงสั่น” กรณ์เงยหน้าขึ้นมองคนมาใหม่ ..แล้วเหวี่ยงใส่อย่างแกล้งๆ..จะว่าไปโต้งก็มีส่วนเกี่ยวข้องให้น้องชายของเขาต้องเจ็บปวดครั้งก่อน พอรู้ว่าโต้งเกรงๆชายหนุ่มเลยอยากจะแกล้งเล่นให้สาใจบ้าง ..


“ เปล่าครับ ..” ชายหนุ่มรีบบอกปัดอย่างรวดเร็ว



“ หวังว่าจะกลับบ้านโดยสวัสดิภาพนะ ..คงรู้ใช่ไหมว่าอะไรเกิดขึ้นวันนี้นายต้องรับผิดชอบด้วย..” คนหน้าสวยเอ่ยเรียบๆราบๆ แต่คนฟังดูชักจะไม่สบายตัวในการฟังสักเท่าไหร่ สิ่งที่กรณ์พูดมีเหรอที่เขาจะไม่เข้าใจ ก็เล่นหวงสามีเว่อร์ขนาดนี้ ใครหน้าไหนมาแย่งรับรอง... ซี้ ...


“ รับรองด้วยหัวเลยครับ..” เจ้าเด็กหนุ่มตะเบะเท้ารับอย่างขันๆ เพราะตอนนี้คนน่าเกรงขามดูจะไม่ต่างจากเด็กมัธยมหัดหวงก้าง หน้าตากรณ์ดูจะไม่ให้เอาเสียเลย .. กระนั้นโต้งก็รู้ดีว่าคนอย่างกรณ์นั้นไม่ใช่ธรรมดา กรณ์คงดูน่ารักน่ากอดเฉพาะอยู่ในอ้อมกอดของเพื่อนสนิทตากลมเท่านั้นล่ะมั้ง ..


หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 31+32
เริ่มหัวข้อโดย: speedboy ที่ 14-06-2009 07:54:29
เหอะๆๆ  ยัง.............ยังคงหวานกันม่ายเลยเลยนะคร้าบ


 :oni2: :oni2: :oni2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 31+32
เริ่มหัวข้อโดย: k_U_K_K_I_K ที่ 14-06-2009 08:46:24
กรณ์ น่ารักที่สุดดด เลยคร้า  :o8:

ปล.วันนี้ก้อมานั่งรอการอัพนะคร้า o13
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 31+32
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 14-06-2009 08:57:11
 o18 ยัยแพท เล่นกับใครไม่เล่น มาเล่นกับกรณ์  o18
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 31+32
เริ่มหัวข้อโดย: jedi2543 ที่ 14-06-2009 10:30:22
อยากรู้ว่าคุณกรณ์จะจัดการยังไง แต่เห็นด้วยกับคุณกรณ์และวิชญ์นะว่ายัยเด็กแพทเนี่ย ใครเอาเป็นเมียถือว่าโง่อ่ะ เล่นร้ายแบบไร้สมองแบบนี้งี่เง่าชะมัด




แต่เอกเนี่ยน่ากลัวของแท้



รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 31+32
เริ่มหัวข้อโดย: speedboy ที่ 14-06-2009 10:49:19
คิดถึงคนแต่งเลยมา   +1  ให้นะคร้าบ  อิอิ


 :oni2: :oni2: :oni2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 31+32
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 14-06-2009 10:56:53
ขยันโพสท์จิงๆน่ารักมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก อิอิ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 31+32
เริ่มหัวข้อโดย: doomare ที่ 14-06-2009 15:35:44
ยังหวานได้อีก

อยากรู้จัังว่ากรณ์จะจัดการกับแพทยังไง  :beat: :beat: :beat:

หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 31+32
เริ่มหัวข้อโดย: menano ที่ 14-06-2009 19:58:00
55555555555555

ดีมากคุณกรณ์

ใช้อำนาจที่มีสืบให้รู้ให้หมด

จัดให้หนักอย่าให้เหลือซาก

ผู้หญิงแบบนี้ทำตัวเสียสถาบันผู้หญิงหมด

จัดไปอย่าให้เสีย โฮะๆๆๆๆๆๆๆๆ  :laugh:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 31+32
เริ่มหัวข้อโดย: nanao ที่ 14-06-2009 20:21:47
คุณกรณ์เยี่ยมไปเลย ^^
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 31+32
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 15-06-2009 00:49:46
 :-[ ขอบคุนค่ะๆๆๆๆ  น่ารักเกินไปแล้วน้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ   o13 :t3:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 31+32
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 15-06-2009 09:12:05
ขอโทษคนอ่านทุกท่านด้วยค่ะ
ที่เมือวานไม่ได้ลงฟิคให้
มีภารกิจนอกบ้านเล็กน้อยค่ะ
เดี๋ยววันนี้จะลงให้นะค่ะ o15
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 31+32
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 15-06-2009 09:57:10
ตอน 33


“ มาแล้วเหรอวะ..” คนที่ถูกกล่าวถึงเดินลงมาพร้อมชุดใหม่.. แต่เสื้อยังคงเป็นสีดำเหมือนเดิมจะต่างก็ตรงลายพาดตรงหัวไหล่ที่กลัดกระดุมคล้ายๆเครื่องแบบทหาร ตามสมัยนิยม..


“ งั้นไปกันเลยไหม..” โต้งเอ่ยเสนอ


“ เออ..เดี่ยววิชญ์ไปก่อนนะแม่..” ชายหนุ่มรับคำของเพื่อน พร้อมทั้งเอ่ยบอกมารดา ก่อนจะเอี้ยวตัวมาหยุดอยู่ข้างๆคนหน้าสวยที่นั่งเล่นคอมฯอยู่..



“ ไปนะครับ..” ชายหนุ่มโน้มหน้ากระซิบบอกอีกคนเบาๆ..


“ อือ..” กรณ์พยักหน้ารับ ..แต่ทันทีที่เผลอใบหน้าหวานๆก็ถูกหอมโชว์เสียอย่างนั้น .. กรณ์ตวัดใบหน้ามองอีกฝ่ายตาเขียว แต่ไม่มีคำว่ากลัวหรอกตวัดมาเลยโดยหอมอีกข้างทันที..เจ้าตัวสูงยิ้มให้แล้วโบกมือลาภรรยาจอมเหวี่ยงของตนออกไปกับเพื่อนอย่างอารมณ์ดี..



“ กล้าจริงเสือวิชญ์ ...” เมื่อรถแล่นออกจากบ้านคนขับหน้าตี๋ก็เอ่ยยกย่องเพื่อนข้างกาย ..โธ่เจอสายตามหาโหดขนาดนั้นยังยิ้มสู้ไม่ให้นับถือไหวเหรอ



“ กูรักของกู..” ชัดเจน มั่นคง และแน่นอน เล่นตอบมาอย่างนี้ก็ไม่ต้องเคลียร์อะไรแล้วล่ะ


ทางฝ่ายคนหน้าสวยที่บ้าน ..หลังจากวิชญ์ภาสออกไปชายหนุ่มก็ลุกจากคอมพิวเตอร์ที่ปักหลักอยู่ แล้วเดินออกไปต่อสายถึงใครบางคน


“ เขาออกจากบ้านแล้วนะ..อย่าทำอะไรวุ่นวายหรือแสดงตัวเด็ดขาด แค่ดูเชิงไว้เท่านั้น ..” กรณ์กำชับคำสั่งไปกับปลายสาย .. หากวันนี้แพทกล้าทำอะไรลงไปเขาจะไม่ปล่อยหญิงสาวไว้แน่ๆ ..



โต้งกับวิชญ์ภาสเดินก้าวเข้าไปในร้านอย่างปกติ ..ตอนนี้มีน้องๆ ทั้งปีสอง ปีสามรวมถึงสายรหัสปีหนึ่งอยู่กันพร้อมหน้า แต่ที่วิชญ์ภาสลืมไปเสียสนิทคือน้องรหัสปีสองของบอมเพื่อนอีกคนในกลุ่มคือ ‘กาณฑ์’ น้องชายคนกลางแห่งบ้านสายลม ..



“ กาณฑ์มาด้วยเหรอ..” วิชญ์ภาสเอ่ยทักทายกับอีกฝ่ายอย่างปกติ ..



“ กาณฑ์น้องรหัสพี่บอมนี่.. อีกอย่างกาณฑ์รับหน้าที่เป็น CIA รายงานความเคลื่อนไหว..” เด็กหนุ่มเอ่ยตอบด้วยท่าทีสดใส .. คำของเขาไม่ต้องขยายความก็รู้ว่าทำหน้าที่ให้กับใคร แม้ความเป็นจริงกาณฑ์จะยังเข้าหน้ากับกรณ์ไม่ค่อยได้ แต่ความรักและความหวังดีที่มีไม่เคยลดไปจากใจน้องชายคนนี้เลย


“ อะไรไอ้วิชญ์มึงจะมารีเทิร์นน้องกูเหรอ.. กูหวงนะมึง..” บอมที่นั่งอยู่ข้างๆเอ่ยขึ้น ก่อนจะยกแขนขึ้นโอบรอบคอของกาณฑ์ทีเล่น ..



“ ตลกแล้วพี่บอม..” กาณฑ์หันไปดุอีกฝ่ายด้วยท่าทีไม่จริงจังมากกัน ..อย่างว่าสองพี่น้องนี้สนิทกันอย่างกับอะไร และเหมือนๆบอมจะเกรงน้องรหัสบ้าง ..โธ่ยังไงกาณฑ์ก็น้องของกรณ์จะไม่มีเชื้อเหวี่ยงติดมาบ้างคงแปลกแล้วล่ะ



“ แล้วมาครบกันหรือยังนี่” โต้งที่ยืนมองเหตุการณ์เอ่ยถามขึ้น ..

“ ยังขาดอีกสามสี่คน .. น้องตัวร้ายของไอ้วิชญ์ยังไม่มา..” บอมตอบคำถามของเพื่อนอย่างรวดเร็ว ทั้งโต้งกับวิชญ์ภาสเลยนั่งลงรอคนอื่นๆ ในโต๊ะมีน้องรหัสหลายปี หลายคนส่วนมากก็ไม่สนิทสักเท่าไหร่หรอก เจอกันก็ทักทายแล้วยิ้มแย้มตามประสา ..หากเป็นเมื่อก่อนคงอาจถึงขั้นพาไปเชยชมบนเตียงแล้วเหวี่ยงทิ้ง ..



“ ว่าแต่วันนี้ทำไมคนเยอะจังวะ..นี่ก็เพิ่งหกโมงเอง” คนหน้าคมเอ่ยขึ้นอย่างแปลกใจ ก่อนจะกวาดตามองรอบร้าน แทบทุกโต๊ะถูกจับจ้องไว้จนหมด ท่าทางวันนี้จะคึกคักไม่ใช่น้อยๆ


“ จริงด้วยว่ะ” โต้งเห็นตามที่เพื่อนบอก แต่จะว่าไปวันนี้ก็เป็นช่วงสุดสัปดาห์ ลูกค้าก็เยอะอย่างนี้อยู่แล้ว


“ ไอ้วิชญ์ ..” บอมยกมือขึ้นฟาดแขนเพื่อนเบาๆ.. แล้วชี้นำสายตาให้หันไปมองทางหน้าร้านอย่างรู้กัน สายตาทั้งหมดหันไปทาง หญิงสาวร่างบางในชุดสีแดงเพลิง เสื้อตัวบางที่จงใจใส่กับกางกางขาสั้นที่วัยรุ่นนิยม


“ แล้วไง” วิชญ์ภาสหันกลับอย่างไม่ใส่ใจเพราะรู้ความร้ายกาจของยัยเด็กนี่ดี..


“ ท่าทางจะแต่งมาอ่อยมึง” โต้งยื่นหน้ามาใกล้เพื่อนและกระซิบตามที่ใจคิด



“ ช่างหัวมันแล้วกัน .. ทนๆอีกไม่กี่เดือนกูก็จะเรียนจบแล้ว” วิชญ์ภาสตอบกลับไปโดยไม่ใส่ใจอะไรมากนัก เขาไม่ชอบพวกตามตื้อ .. แม้เธอจะหน้าตาเข้าขั้น ฐานะก็พอตัว แต่เธอกลับมาช้าไปหน่อย ..หากเป็นเมื่อก่อนหญิงสาวคงได้ถูกเขาคว้าไปเชยชมตั้งแต่วันแรกที่เจอกันแล้วล่ะ


“ สวัสดีค่ะ..” หญิงสาวเอ่ยทักโดยรวม แล้วจงใจเดินมาหย่อนกายลงใกล้ๆพี่รหัสของตน ..

“ นี่ไม่ต้องเบียดขนาดนี้ก็ได้น้อง..” เป็นเสียงของโต้งที่ขวางขึ้น เมื่อหญิงสาวแทรกลงมาระหว่างโต้งกับ
วิชญ์ภาสที่นั่งข้างๆกัน ..

“ ก็น้องรหัสต้องนั่งข้างพี่รหัสไม่ใช่เหรอคะ” เธอตอบอย่างไม่กลัวเกรง ..


“ งั้นก็มานั่งข้างๆพี่มา..” น้องรหัสปีสามของวิชญ์ภาสเอ่ยเสนอ แต่เหมือนเจ้าหล่อนจะทำหูทวนลมไม่เข้าใจสิ่งที่พูด ยังปักหลักอยู่ตรงที่เก่า..



“ มาครบแล้วใช่ไหม ..เริ่มได้แล้วจะได้รีบๆกลับ” วิชญ์ภาสสะบัดเสียงเล็กน้อย บอกชัดว่าไม่ชอบใจการกระทำของหญิงสาวสักเท่าไหร่ ..เธอมีสิทธิ์อะไรมาทำเช่นนี้ แถมยังแสดงตัวเหมือนเป็นเจ้าของเขาอย่างออกหน้าออกตาไม่อายบ้างหรือไง ..


“ เอ๊ะไอ้วิชญ์ ..สร้อยมึงสร้อยนี่กูเพิ่งเห็น..ปกติไม่เคยเห็นมึงใส่เลย” บอมที่นั่งอยู่ตรงข้ามเอ่ยขึ้น เรียกสายตาหลายคู่ให้หันกลับไปมองที่คอชายหนุ่มได้ดี.. และสายตาของกาณฑ์ก็หยุดอยู่ตรงสร้อยเส้นนี้เหมือนกัน ทันทีที่เห็นเขาก็ถึงกับชะงักไปชั่วขณะหนึ่ง



“ เหรอ..” วิชญ์ภาสยกมือขึ้นคลำสร้อยที่คอด้วยรอยยิ้มเปี่ยมสุข .. สัญลักษณ์ของการผูกพัน


“ ท่าทางพี่วิชญ์จะหวงมากนะ ไหนแพทขอดูหน่อยได้ไหมคะ” หญิงสาวเห็นรอยยิ้มก็เกิดหมั่นไส้ขึ้นมาอย่างมากมาย ..ดูรอยยิ้มของวิชญ์ภาสก็รู้ชัดว่าสร้อยเส้นนี้มาจากใครเธอจึงเอ่ยขึ้นพร้อมทั้งยื่นมือจะถอดสร้อยออก แต่ชายหนุ่มก็ยกมือขึ้นปัดมือหล่อนออกอย่างแรง



“ อย่ามายุ่งกับของของพี่..” ชายหนุ่มกระชากเสียงเข้ม เล่นเอาทุกคนในโต๊ะถึงกับผงะ ไม่นึกว่าวิชญ์ภาสจะหวงสร้อยเส้นนี้มากมาย ..



“ สร้อยพี่วิชญ์คล้ายของที่บ้านกาณฑ์เลย .. แม่ใหญ่เคยสั่งที่ร้านทำให้พ่อพร้อมกับแหวนหนึ่งวง .. ตัวกลัดมีเหล็กเหล็กติดอยู่ หากจะถอดต้องใช้แหวนกับตัวตะขอต่อเข้าด้วยกัน กุญแจที่อยู่ด้านในจะถูกแม่เหล็กดูดขึ้นมาแล้วไขล็อคถึงจะใส่จะถอดได้..” กาณฑ์เอ่ยขึ้นเสียงเบาบาง ราวกับนี่คือเรื่องบังเอิญ ..แต่แท้จริงเขาอยากบอกความหมายบางอย่างให้ชายหนุ่มได้รับรู้ การที่วิชญ์ภาสได้รับของสิ่งนี้มาครอบครองย่อมบอกชัดว่าพี่ชายของเขาเชื่อมั่นในตัวชายหนุ่มมากมายจนยอมมอบของสำคัญเช่นนี้ .. 


“ จริงเหรอกาณฑ์..” วิชญเหมือนถูกกระชากออกจากความรู้สึก เขาเอ่ยถามไปโดยที่ตัวเองไม่อยากเชื่อว่าสร้อยที่อยู่กับตัวจะมีความหมายต่อสายลมมากมายขนาดนี้


“ ครับ..” กาณฑ์พยักหน้าให้เบาๆ แล้วหันไปสนใจอาหารตรงหน้าต่อ

“ พูดอะไรกันคะ พี่กาณฑ์กับพี่วิชญ์ไม่ใช่น้องรหัสพี่รหัสสักหน่อย ..” หญิงสาวที่เหมือนถูกสลัดจากวงโคจรของจักรวาลเอ่ยแทรกอย่างไร้มารยาท อย่างว่าคนอย่างเธอต้องการอะไรก็ต้องได้ ที่บ้านไม่เคยขัดใจเลยสักครั้ง มันเลยทำให้เจ้าหล่อนติดนิสัยเช่นนี้มาแต่ไหนแต่ไร


“ เออดีเหมือนกันรีบๆกินเข้า กูจะกลับบ้านไปหาเมียกูแล้ว” วิชญ์ภาสเหลืออดเต็มทนฟาดมือไปกับโต๊ะเบื้องหน้าอย่างชิงชังแม่น้องรหัส .. สุดท้ายเลยประกาศก้องให้รู้กันไปเลยทั้งสามย่านเจ็ดย่าน .. นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นน้องรหัสจะตบให้คว่ำจมดินไปเลย



บรรยากาศในโต๊ะเดินทางไปเรื่อยๆ ทุกอย่างเหมือนจะเข้าที่เข้าทางขึ้นเมื่อแพทเลือกจะเงียบปาก คนอื่นๆต่างคุยกันไปเรื่อยๆ จนใกล้จะเดินทางมาถึงช่วงสุดท้ายของการเลี้ยงสายรหัสในคืนนี้.. หญิงสาวจึงเอื้อมไปหยิบยาสองเม็ดที่แอบติดมาจากบ้านขึ้นแยกใส่มือทั้งสองข้าง ..ตอนจังหวะที่ทุกคนเผลอ ..เจ้าเด็กสาวตัวร้ายก็แอบหย่อนยาใส่แก้วน้ำของวิชญ์ภาส และโต้งอย่างรวดเร็ว


เธอรู้ดีว่าจัดการแค่วิชญ์ภาสคนเดียวไม่ได้หรอก..ต้องเขี่ยโต้งออกไปด้วย ยานอนหลับอ่อนๆ ผสมยากระตุ้นอารมณ์ชนิดแรงที่อุตส่าห์ให้เพื่อนไปควานหาจากตลาดมืด กำลังแผ่กายอยู่ภายในแก้วน้ำใบนั้นอย่างที่ไม่มีใครล่วงรู้เลยสักคน



“ งั้นก็แยกย้ายกันแล้วกันนะ..” บอมเอ่ยขึ้นหลังจากรับเงินทอนจากพนักงานในร้าน .. มื้อนี้ใช้เงินกองกลางของปีพี่สี่และปีสามโดยบอมเป็นคนควบคุมการใช้จ่าย ..


“ สวัสดีครับ /ค่ะ” เหล่าน้องๆรหัสปีต่างๆเริ่มทยอยออกจากร้าน .. สองเพื่อนซี้อย่างโต้งและวิชญ์ภาสเลยจะลุกตามบ้าง แต่ทันทีที่จะก้าวก็รู้สึกมึนๆอย่างบอกไม่ถูก ความร้อนเริ่มไหลวนในร่างกายอย่างผิดปกติ ..


“ เป็นอะไรไปคะ..” หญิงสาวรีบปรี่เขาคว้าร่างวิชญ์ภาสโดยทันที .. ส่วนโต้งก็ทรุดลงโดยลำพัง



“ พวกมึงเป็นไรไป ไหวไหมวะ”บอมเอ่ยถามเพื่อนอย่างห่วงใย และเสียงของเขาก็ทำให้กาณฑ์ที่กำลังจะก้าวออกจากร้านหันกลับไปมองเหตุการณ์อย่างสนใจ และต้องเดินกลับมาเพราะทั้งโต้งและวิชญ์ภาสดูท่าอาการจะไม่ดีนัก


“ มึนหัวว่ะไม่รู้เป็นไร” วิชญ์ภาสตอบไปด้วยเสียงสั่นๆ .. ฤทธิ์ยาเริ่มควบคุมสติสัมปชัญญะของเขาให้น้อยลงเรื่อยๆ ..


“ เดี๋ยวแพทไปส่งพี่วิชญ์เอง แพทเอารถมา ..” หญิงสาวรีบเสนอ ..




“ ไม่ต้อง..” ชายหนุ่มสะบัดแขนที่พยุงตนออก แต่เธอก็มือกาวเกินกว่าจะปล่อยให้ชายหนุ่มหลุดมืออุตส่าห์รอมาตั้งนานยังไงก็ไม่ปล่อยไปหรอก อย่างว่าเธออยากได้อะไรก็ต้องได้ ไม่มีทางที่จะพลาดเป้าหมาย แม้ต้องใช้วิธีต่ำช้าแต่ก็ดีกว่าไม่ได้



“ พี่โต้งขับรถไหวไหม..” กาณฑ์ที่เริ่มเห็นท่าไม่ดี เลยเอ่ยถามกับอีกคนที่นั่งแหมะอยู่ด้านหลัง แต่โต้งก็ไม่ตอบอะไรลุกขึ้นเดินตรงไปทางห้องน้ำทันที ..



“ กาณฑ์ไปดูมันหน่อยพี่ดูทางนี้เอง..” บอมสั่งกำชับกับน้องรหัสของตน แล้วรับหน้าที่จะดูทางวิชญ์ภาสเอง เขารู้ดีว่าแม่สาวหน้าใสที่กำลัง

พยุงวิชญ์ภาสอยู่คิดการอะไรอยู่ หากปล่อยให้แพทไปส่งวิชญ์ภาสจริงไม่ต้องเดาก็รู้ว่าอะไรจะตามมา


“ ครับ..” กาณฑ์รับคำแล้ววิ่งตามรุ่นพี่หน้าตี๋ไป .. ตอนนี้โต้งกำลังยืนอยู่หน้าอ่างล่างหน้าแล้วกวักน้ำใส่หน้าใส่ร่างของตนอย่างมากมาย


“ พี่โต้งเป็นอะไรไป..” กาณฑ์เดินเข้ามาใกล้



“ ท่าทางจะโดนวางยา..” โต้งบอกไปเพราะอาการของเขาในตอนนี้ ชายหนุ่มค่อนข้างคุ้นดีเพราะเคยใช้วิธีนี้มาบ้าง .. ความร้อน ความงุนงง ..ตอนนี้โต้งพยายามเรียกสติของตนกลับมาก่อน แต่ท่าทางเขาจะทำได้ยากเพราะความรุนแรงที่มีในตัวยาจะค่อยๆทวีความร้ายกาจออกมาจนห้ามไม่ได้



“ งั้นกลับไปข้างนอกดีกว่าเดี๋ยวกาณฑ์พาพี่โต้งกับพี่วิชญ์ไปหาหมอ” รุ่นน้องจอมถูคิ้วเอ่ยเสนอ แล้วเข้ามาพยุงโต้งให้เดินกลับออกไปด้านนอกร้าน .. แม้ร่างของอีกฝ่ายจะหนักแต่เพราะอีกคนยังพอมีสติอยู่บ้างเลยทำให้กาณฑ์รับน้ำหนักไม่มากเท่าไหร่ ..แต่ทันทีที่เท้าก้าวพ้นมุมร้านก็จำต้องชะงัก ...
..
..
..
คนของกรณ์ที่เริ่มเห็นท่าไม่ดีเลยโทรฯตามเจ้านาย ที่เดินชอปปิ้งค่าเวลาอยู่ตรงห้างด้านหน้าไม่ไกลจากร้านให้รีบมาในที่เกิดเหตุทันที.. ไม่ใช่กรณ์ไม่ไว้ใจ ไม่ใช่กรณ์ไม่เชื่อมั่น แต่เขาไม่วางใจในตัวหญิงสาวมากเล่ห์มากกว่า ขึ้นชื่อว่าความรักมันไม่สามารถหาเหตุผลเปรียบเทียบได้หรอก .. รักของแต่รักคนย่อมมีรูปแบบที่แตกต่าง และเมื่อได้รักก็อยากจะประคองมันไว้ให้มั่นคงที่สุด


กรณ์เดินเข้ามาในร้านด้วยความไม่พอใจ ..เมื่อรับรายงานจากปลายทางว่าหญิงสาวคงเล่นเล่ห์อะไรเข้าแล้ว ไม่เช่นนั้นเจ้าคนตากลมของเขาคงไม่อ่อนเปลี้ยเพลียแรงขนาดนี้หรอก..



“ คุณกรณ์ ..” วิชญ์ภาสที่พอจะหลงเหลือสติอยู่บ้างเอ่ยเรียก คนหน้าสวยที่เดินเข้ามาในร้านอย่างรวดเร็ว ทำให้หญิงสาวที่กำลังพยุงเข้าอยู่ตวัดตามองตาม ..และเกิดความไม่พอใจอย่างมาก เมื่อรู้ว่ากรณ์เดินทางมาที่ร้านหญิงสาวกระชับมือที่เหนี่ยวแขนของชายหนุ่มให้แน่นขึ้น



“ ..” บอมที่อยู่ในสถานการณ์หันมองกรณ์ และต้องชะงักในความน่ารักของอีกฝ่าย แต่เวลานี้มันไม่ใช่เวลามาชื่นชมเพราะดูหน้าตาของคนหน้าสวย ดูจะแผดรังสีอำมหิตออกมาให้เห็นชัดเจนจนน่าขยาด จะมีก็แต่แม่สาวใจกล้าเท่านั้นแหละที่ไม่กลัว ..



“ จะกลับบ้านแล้วใช่ไหม..” กรณ์จงใจมาหยุดอยู่ตรงหน้าคนของตนและเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ..


“ ครับ..” วิชญ์ภาสพยักหน้าที่อิดโรยอย่างรวบรวมแรง แต่เพียงครู่ร่างนั้นก็เซล้มไปตรงเก้าอี้ด้านหลังอย่างรวดเร็ว ..หญิงสาวพยายามรั้งไว้เพราะเธอไม่อยากเสียโอกาส


“ งั้นกลับกันได้แล้ว..” กรณ์ยื่นมือไปดึงร่างของอีกฝ่าย แต่ก็ถูกมือของหญิงสาวปัดออก




“ ฉันไปส่งเอง พี่วิชญ์เป็นพี่รหัสฉัน นายไม่ต้องยุ่ง..” หญิงสาวเอ่ยขึ้นอย่างไม่หวั่นหวาด ในเมื่อเธออยากได้เธอก็ต้องได้




“ ฉันขอเตือนรีบปล่อยมือจากเขาซะ แล้วก็กลับบ้านไปเสียดีกว่า..” กรณ์ชะงักด้วยความไม่พอใจที่มากขึ้น ใบหน้าสวยหวานหันมองอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่องแล้วเปรยเตือนด้วยเสียงเยือกเย็น


“ นายแหละควรกลับ..” หญิงสาวกระชากเสียงใส่


“ เธอพูดอะไร..” วิชญ์ภาสที่ไร้แรงจะยืน แต่ก็รวบรวมเสียงห้ามหญิงสาวไม่ให้ก้าวร้าวกับกรณ์ ..




“ ก็แค่พูดความจริง ฉันจะไปส่งพี่วิชญ์เองไม่ต้องมาสาระแน” หญิงสาวเหยียดเยาะ แล้วยกมือชายหนุ่มให้คล้องคอของตน แม้จะไม่อยากไปแต่วิชญ์ภาสก็ไร้แรงจะต้านจริงๆ ..ที่สำคัญตอนนี้ฤทธิ์ยาอีกอย่างได้เริ่มทำงานแล้ว เขาเริ่มพลุ่งพล่านด้วยความต้องการที่ค่อยๆไต่ระดับ ..


“ ซี๊..ส” เสียงสูดปากที่ดังขึ้นทำให้กรณ์ต้องเพ่งมองอย่างสงสัย .. ใบหน้าชายหนุ่มเริ่มแดงก่ำหยดเหงื่อเริ่มพร่างพราย




“ เธอทำอะไรเขา” กรณ์เอ่ยถามเสียงแข็งพร้อมทั้งยังเข้ามาดึงร่างวิชญ์ภาสให้หลุดจากหญิงสาว แต่หล่อนก็ไม่ยอมปล่อยผลักกรณ์จนล้มลงไปกองกับพื้นด้านหลังเต็มๆ ..บอมที่ยืนอยู่ตรงเข้าช่วยพยุงอย่างเป็นห่วง เหตุการณ์มันชักจะบานปลายไปเรื่อยๆ


“ ฉันจะทำอะไรก็เรื่องของฉัน” แพทกระชากเสียงอีกครั้งแล้วพาวิชญ์ภาสเดินออกจากวงสนทนา แต่เพียงก้าวที่สองหญิงสาวก็ไม่อาจขยับเขยื้อนได้อีกเลยแม้แต่ก้าวเดียว ชายฉกรรจ์ในชุดดำนับสิบคนกรูเข้ามาขวาง พร้อมกระบอกปืนที่ส่องมาทางเธอเป็นเป้าเดียว



“ ฉันเตือนแกแล้วนะ..” กรณ์เอ่ยขึ้นเสียงเย็น ..


“ แกคิดเหรอว่าแค่นี้จะขู่ฉันได้ ไอ้เกย์บ้า..” หญิงสาววางร่างของวิชญ์ภาสลงกับเก้าอี้ แล้วหันมาเยาะเย้ยกรณ์ด้วยท่าทีท้าทาย .. ทันทีที่พูดจบใบหน้าขาวๆก็สะบัดไปตามแรงมือที่กระทบลงอย่างไม่ยั้ง


“ แกตบฉันเหรอ..” หญิงสาวกุมแก้มตัวเองอย่างแค้นใจ สายตาเคืองโกรธฉายชัดว่าอยากจะขย้ำกรณ์ให้ฉีกเป็นชิ้นๆ ไม่ให้เหลือซากเลยแม้แต่นิดเดียว



“ ทางที่ดีเลิกยุ่งกับคนของฉันจะดีกว่า..”



“ ฉันไม่เลิก จะทำไม..” หญิงสาวตอบไปด้วยเสียงสะบัด แล้วยกมือขึ้นฟาดหน้ากรณ์กลับอย่างไม่หวั่นเกรง แต่ทันทีที่เธอตบลงร่างของเธอก็ถูกผลักจนล้มลงไปนั่งบนเก้าอี้ใกล้ๆวิชญ์ภาส ..กรณ์ปรี่ตามก่อนจะยกมือขึ้นดึงผมหล่อนจากทางด้านหลัง .. มือขวาของชายหนุ่มถือซองบางอย่างไว้


“ ถ้าแกอยากให้พ่อแม่แกเดือดร้อนก็เชิญเลยนะ..กะอีแค่เจ้าของร้านเพชรเล็กๆ คิดเหรอว่าจะรอดพ้นมือฉันได้หากฉันลงมือ..” กรณ์ปาซองนั้นใส่หล่อนพร้อมทั้งเอ่ยขู่ หญิงสาวรีบแกะซองออกดู และพบว่าภายในมีรูปถ่ายครอบครัวของเธอ ตลอดจนข้อมูลต่างๆที่เกี่ยวข้องกับเธอ



“ ฉันจะแจ้งความ..”



“ กว่าแกจะได้แจ้งความ แขนแกคงถูกส่งไปชายแดนท่าขี้เหล็ก ขาคงอยู่อรัญ ส่วนตัวอาจจะไปให้ปลาแถวสังขละกินก็ได้ จะบอกอะไรให้เอาบุญนะ..ปกติฉันไม่ใช่คนโหดร้ายอะไร แต่ของของฉันฉันไม่ยอมให้คนอื่นมาแย่งไปเด็ดขาด ที่สำคัญถ้าแกยังกล้าอย่าหาว่าฉันไม่เตือน ..” กรณ์จงใจขู่ด้วยน้ำเสียงเย็นชา ..ความจริงเขาไม่กล้าทำเช่นนั้นหรอก แค่กะจะขู่ให้หญิงสาวกลัวก็เท่านั้นเอง



“ กลับ..” กรณ์ผละออกจากร่างของเธอ แล้วหันไปสั่งลูกน้องให้ช่วยกันพาร่างของวิชญ์ภาสที่ล้มอยู่ไปส่งที่รถซึ่งจอดอยู่หน้าร้าน ทิ้งไว้เพียงความโกรธแค้นที่มีในใจหญิงสาว .. เขาคงไม่ได้ธรรมดาๆอย่างที่เธอคิดแน่นอน ปืนนับสิบแท้จริงเป็นเพียงของหวานเรียกน้ำย่อย หากเขาเอาจริงเธอคงได้รู้ว่านรกขุมสิบแปดมันเป็นยังไง


“ คุณกรณ์ ...” เสียงแผ่วสั่นที่เจือความปรารถนาดังขึ้น .. กรณ์ได้แต่ส่ายหน้ามองคนของตนอย่างไม่รู้จะจัดการเช่นไรดี.. ลูกน้องของกรณ์ว่าร่างนั้นลงบนเบาะข้างคนขับอย่างเบามือ เพราะรู้ดีว่าคนคนนี้คงไม่ใช่คนทั่วไป และคงมีความสำคัญกับเจ้านายของตนมากไม่น้อย ไม่อย่างนั้นกรณ์คงไม่ลงมือเองอย่างนี้หรอก



“ กลับไปได้แล้ว..” กรณ์สั่งเสียงเบา ..บรรดาลูกน้องก็เลยสลายตัวหายไปอย่างรวดเร็ว .. ชายหนุ่มปิดประตูด้านที่วิชญ์ภาสนั่งเสร็จก็เดินอ้อมไปตรงฝั่งคนขับ


“ ไอ้บ้าโต้งนะไอ้บ้าโต้ง..ไหนบอกรับประกันวะ ท่าทางจะโดนดีไม่แพ้กันป่านนี้ไปอยู่ที่ไหนนี่..” กรณ์เอ่ยขึ้นระหว่างที่เดินกลับมานั่งที่..


“ กรณ์ครับ...” เสียงสั่นๆ จากคนพลุ่งพล่านดังขึ้นอีกรอบ


“ อะไรเหรอ..” กรณ์หันไปมองคนที่เรียกเขา ..แต่เพียงเสี้ยววินาทีคนที่นั่งตรงข้ามก็โผเข้ามาใกล้อย่างต้องการ .. ริมฝีปากหนาคลอเคลียไปตามต้นคอขาวๆอย่างร้อนแรง



“ เดี๋ยว ..เป็นอะไรนี่” กรณ์ผลักศีรษะของอีกคนออกอย่างห้ามปราม .. ยังไงมันก็คงไม่เหมาะนักหรอกที่จะมาทำอะไรกันตรงนี้ แถมที่สำคัญหน้าร้านก็ยังมีคนพลุกพล่านไม่ใช่น้อย


“ พูดมากน่า” ปกติคงไม่ยินคำนี้ออกจากปากเขาหรอก ..


“ นี่ให้ถึงบ้านก่อนไม่ได้หรือไง” คนหน้าสวยชักเหวี่ยงใส่คนที่ทำให้หัวใจหวั่นไหว .. เพราะขืนกรณ์ยังไม่ขัดขืนคงได้แสดงหนังสดให้คนชมกันแน่นอน



“พูดมากจริง...เดี๋ยวทำให้ครางจนพูดไม่ได้เลย” เสียงที่ดังอู้อี้อยู่ตรงลำคออดจะทำให้กรณ์หน้าแดงไม่ได้.. แต่ตอนนี้ก็ต้องสะบัดให้เจ้าตัวดีหลุดออกจากกายไปก่อน ..


“ อยากตายมากไหม..” มือเรียวยกขึ้นบิดหูคนขาดสติพร้อมทั้งเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ ..


“ โห่ดุจริงเมียกู..” วิชญ์ภาสจำต้องผละกลับไปนั่งตรงเบาะของตนอย่างขัดใจ .. แต่ทันทีที่ถึงห้องรับรองว่ากรณ์ไม่รอดมือเขาแน่


“ ปากดีนี่ไอ้บ้า..” กรณ์ย่นจมูกใส่คนไม่รู้สติ แล้วหันกลับไปสนใจกลับพวงมาลัยต่อ..รถของกรณ์แล่นออกจากร้านไปตามถนนอย่างเร่งรีบ .. แต่ในขณะที่รถกำลังติดไฟแดงอยู่ตรงสี่แยกใหญ่ กรณ์ก็พบความผิดปกติภายในรถอย่างหนึ่ง


“ อื้อ..ซีส..” เสียงกระเส่าเร้าร้องดังออกจากปากของคนที่นั่งข้างๆอย่างร้อนแรง ..


“ ทำอะไร..” กรณ์หน้าชาเมื่อเห็นชายหนุ่มตัวสูงอยู่ในสภาพล่อแหลมไม่ใช่น้อย ..เสื้อเชิ้ตสีดำที่สวมอยู่ถูกปลดกระดุมออกจนเผยกล้ามเนื้อแกร่ง ..ส่วนมือหนาก็กำลังลูบไล้อยู่ตรงความกระสันอย่างห้ามตัวเองไม่ได้



“ ผมจะไม่ไหวแล้วคุณกรณ์..อื้อ” เจ้าตัวสูงเอ่ยอย่างทรมาน ร่างกายที่ร้อนแรงต้องการการปลดปล่อยและเคลื่อนไหวไปตามทำนองของอารมณ์



“ จะถึงบ้านแล้ว..” กรณ์ตอบไปด้วยเสียงกุกกัก .. เขาย่อมรู้ดีว่าวิธีที่จะบรรเทาให้อีกคนหายจากการที่เป็นคืออะไร .. ร่างกายคู่ควรกับร่างกาย หัวใจต้องใช้หัวใจผูกรัด.. จนกว่าจะได้ผูกพันร่างกายของคนหน้าคมถึงได้ผ่อนคลาย


“ ...” กรณ์ครุ่นคิดเพียงครู่ก่อนจะยกมือถือกดเบอร์ใครบางคน ..



“ เขียวเหรอ บอกน้านาด้วยนะว่าฉันกับวิชญ์ไม่กลับบ้านนะ..” กรณ์บอกปลายสายไปก่อนจะหันกลับไปสนใจกับการขับรถต่อ.. ชายหนุ่มพุ่งตรงไปยังคอนโดของเจ้าตากลม เพราะจากการชั่งน้ำหนักไปมาเห็นว่าที่นั่นคงจะเหมาะสมกว่า ขืนคุณวรางคณาเห็นวิชญ์ภาสในสภาพนี้คงไม่ดีสักเท่าไหร่ ..



กรณ์เลื่อนมือไปกลัดกระดุมให้คนที่นั่งอยู่สองสามเม็ดพอให้มิดชิด ..แล้วจึงค่อยๆพยุงร่างที่หนักกว่าตัวเองขึ้นเดินอย่างโซซัดโซเซใช้ความพยายามอยู่นานหลายนาทีกว่าจะพาเข้าห้องได้ ..


“ ถึงห้องแล้ว ผมไม่ทนแล้วนะ..” คนที่ถูกพยุงเอ่ยขึ้น ..แล้วยกมือออกจากคอของกรณ์ออกอย่างเร็วก่อนจะกระชากเสื้อของตนออกอย่างร้อนแรง
“ เดี๋ยวโว้ย..” กรณ์ชะงักเพราะไม่คิดว่าคนหน้าคมจะต้องการมากขนาดนี้


“ ผมไม่ไหวแล้ว..” คำตอบจบลงพร้อมมือที่ดึงร่างกรณ์ให้ก้าวเข้าไปในห้องนอนพร้อมเขา ..จากนั้นก็ทิ้งตัวลงไปทั้งสองคน ตามด้วยริมฝีปากที่กลบเสียงห้ามจากกรณ์อย่างร้อนแรง .. มือหนาเคลื่อนปลดกระดุมเสื้อของคนด้านล่างอย่างไม่อยากจะยั้งใจ


“ เดี๋ยว..ไปโดนอะไรมานี่..” มือบางประกบบนใบหน้าที่ซุกไซ้ให้หยุดนิ่ง แล้วจ้องมองเข้าไปในดวงตาของคนหน้าคมอย่างสงสัย



“ ไม่รู้ รู้แต่ผมต้องการคุณ..”


“..” กรณ์จำต้องปล่อยให้ร่างกายได้ตอบสนองการปลุกเร้าจากอีกคน .. เอาเถอะไหนๆก็ไหนๆแล้ว กรณ์ไม่ได้คิดมากอะไรหรอก.. เขารู้ดีว่าตอนนี้อีกคนคงทรมานไม่ใช่น้อย .. เมื่อเหงื่อไคลที่ไหลพล่านประสานเป็นหนึ่ง การเดินทางของอารมณ์ที่มากมายด้วยความร้อนแรงก็เริ่มต้นขึ้นอย่างห้ามไม่ได้..มือบางวางลงบนลาดไหล่หนาอย่างแน่นหนักเมื่อกายของเขาได้ต้อนรับความตึงหนั่นที่กระทั้นเข้ามาอย่างไม่พูดพล่าม .. เขาค่อยๆ เลื่อนกายให้ราบลงกับพื้นเตียงด้านหลังเพื่อตอบรับให้ดียิ่งขึ้น

หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 33
เริ่มหัวข้อโดย: menano ที่ 15-06-2009 11:25:00
โว้ววววววววววววววว

ตอนไปดึงผมนังแพทขึ้นมา

ไมไม่ตบอีกทีอ่ะ

จะได้สะใจ

ร้ายกาจจริง ๆ เด็กคนนี้

นี่ถ้ากรณ์ไม่ได้ให้คนตามดู

ไม่รอดแน่นอน

มีการวางยาทั้ง 2 คนด้วยนะ

ร้ายการได้อีกอ่ะ

แต่จะว่าไปนะที่กรณ์บอกว่าแค่ขู่ไม่ทำจริงน่ะ

ถ้ายัยแพทยังไม่เลิกทำจริงไปเลยดีกว่า

แยกชิ้นส่วนขายไปเลย

โฮะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

แต่ว่าอยากอ่านตอน 34 จัง หุหุ  :haun4:

โดนยาเข้าไปด้วย  คุณกรณ์พรุ่งนี้จะไหวม้ายยยยยยยยยย  :z1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 33
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 15-06-2009 14:52:04
ต้องแอบขอบคุณยัยแพทน่ะเนี่ย อิอิ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 33
เริ่มหัวข้อโดย: charus ที่ 15-06-2009 16:12:09
อ่าววววววว

น้องกาณฑ์ไปกะไอ้โต้งหรือเปล่า

เดี๋ยวโดนเจี๋ยนทิ้งแน่ไอ้โต้ง
5555+
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 33
เริ่มหัวข้อโดย: nanao ที่ 15-06-2009 18:11:49
แอบสะใจอ่ะ 555+

แล้วน้องกาณฑ์ล่ะครับ โดนไหมเนี่ย
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 33
เริ่มหัวข้อโดย: doomare ที่ 15-06-2009 18:57:34
อ้าว วางยาให้เขาได้เสียกันซะงั้น

แต่น้องกานต์จะรอดมั้ยอ่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 33
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 15-06-2009 21:58:42
 :-[ :laugh: สะใจจริงๆๆ อารัยทำยัยแพทแค่นี้ยังน้อยไปปะ ขอบคุนค่ะ  o13
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 33
เริ่มหัวข้อโดย: Pikky ที่ 15-06-2009 22:11:11
 o13 o13 o13  ชอบๆๆๆ  กรณ์น่ารักสุดๆๆ เข้ามาอ่านแบบรวดเดียวถึงตอนล่าสุด

เขียนได้สนุกมากๆๆๆๆ อ่านแรกๆๆ ก้อสงสาร กานต์ กะ กรณ์

หลังๆๆเริ่มลงตัว เร้วยิ่งน่าติดตาม หุหุ

ดีใจที่ วิชญ์มีเมียดุ :m20:

เร้วกานต์จาคู่กะโต้งป่าวอ่ะเนี่ย

หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 33
เริ่มหัวข้อโดย: naja ที่ 15-06-2009 22:29:34
กรณ์เจ๋งมาก เด็ดดวงจิงๆ  :m20:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 33
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 15-06-2009 22:40:54
ตอนที่ 34

เหมือนสติของคนตัวบางจะน้อยลงเรื่อยๆ จนท้ายสุดก็สลบไปเพราะความเหนื่อยล้า ..ร่างกายที่ถูกปลุกเร้าและสร้างความหฤหรรษ์ให้กับอีกกาย ดูเหมือนจะไม่ถูกคลายออกจากบ่วงอารมณ์เลยแม้แต่วินาทีเดียว นับตั้งแต่ก้าวเข้ามาภายในห้องจนถึงตอนนี้ก็แทบนับครั้งไม่ถ้วน .. คนตัวสูงแทบไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าเขากำลังทำอะไรลงไป .. ส่วนกรณ์ได้แต่สลบไปอย่างทำอะไรไม่ได้..



ความเหนื่อยอ่อนที่คืบคลานสองร่าง ดูจะมากมายจนปรากฏแทบทุกรู้ขุมขน .. แต่เหมือนคนตัวบางที่ถูกรังแกมาทั้งคืนจะยังไม่รู้สึกตัวอะไร .. แสงตะวันที่สาดผ่านกลางฟ้ามากว่าชั่วโมงปลุกให้คนร่างหนั่นที่ครั่นคร้ามด้วยความอ่อนแรงลุกขึ้นจากห้วงฝันอย่างไม่ยากเย็นอะไร .. เขาค่อยๆเปิดตาออกอย่างมึนๆ ในหัวรู้สึกโหวงคล้ายๆกำลังโดนเหวี่ยงอยู่ก็ไม่ปาน .. แรงที่มีมากจนทำให้เกิดคลื่นเหียนแทบอาเจียนออกมา ..





วินาทีถัดมาเขาถึงได้รู้สึกถึงความร้อนจากร่างกายของอีกคนที่นอนอยู่ใกล้ๆ.. ชายหนุ่มค่อยๆหันหน้าไปมองคนตัวบางผู้ครองหัวใจอย่างงงๆ เพราะในหัวของเขาตอนนี้แทบจะจำอะไรไม่ได้เลยสักนิด ทั้งยานอนหลับ ทั้งยาปลุกอารมณ์ทุกอย่างเหมือนจะตีรวนจนทำให้ร่างกายสับสนอย่างมากมาย ..


“ เป็นไรไปวะ ทำไมมึนหัวอย่างนี้นี่..” ชายหนุ่มเปรยกับตัวเองอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร .. พยายามเรียงลำดับเรื่องราวต่างๆ แต่เหมือนเขาจะไม่สามารถจดจำรายละเอียดใดๆได้เลย รู้เพียงแต่เมื่อคืนไปงานเลี้ยงรวมสายรหัส และภาพสุดท้ายคือหน้าของกรณ์..


“ คุณกรณ์..” เสียงแผ่วลอดจากริมฝีปากแห้งผาก.. แล้วมือหนาก็ยกขึ้นลูบใบหน้าขาวที่ยังคงหลับใหลด้วยความอ่อนโยน ..




“ อื้อ..ไม่เอาแล้วนะ..” เสียงของคนตัวบางดังออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย เพราะเข้าใจไปว่าคนข้างกายจะเริ่มต้นการปลุกประโลมอารมณ์ครั้งใหม่
มือหนายังคงลูบไล้ไปบนใบหน้าหวานอย่างสงสัย ..


“ ไม่เอาแล้ว เอามือออกไปเลย..” เสียงที่ดังเปลี่ยนจากเหนื่อยหน่าย เป็นเหวี่ยงแหว..



“ ..” ชายหนุ่มปรายยิ้มเล็กๆกับท่าทีนั้น ปล่อยให้กรณ์นอนต่อโดยไม่กวน.. เขาเลื่อนกายของตัวเองออกจากเตียงหลังใหญ่อย่างงงๆ ..สายตาที่กวาดไปมาทำให้พอจะรู้ว่าที่นี่ไม่ใช่ห้องนอนที่บ้านของกรณ์ .. มันเป็นคอนโดของเขาเอง ..



“ มาที่นี่ได้ไงนะ..” ชายหนุ่มเปรยถามกับตัวเองอย่างแปลกใจ ก่อนที่กายเปลือยเปล่าจะมาหยุดอยู่ตรงหน้ากระจกบานใหญ่ภายในห้อง.. ร่างกายกำยำที่ปรากฏร่องรอยต่างๆมากมาย .. ทั้งรอยเล็บ รอยฟัน กระทั่งรอยช้ำ.. มือหนาลูบตรงรอยช้ำที่แผงอกล่ำสันของตัวเองอย่างแปลกใจ เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นนะทำไมเขาถึงจำไม่ได้เลยล่ะ แม้กระทั่งร่องรอยที่ปรากฏเขาก็กลับไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิดเดียว



ชายหนุ่มเดินกลับไปที่เตียงแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือของตน ต่อสายไปยังเพื่อนสนิทที่น่าจะรู้เรื่องของเขาดีที่สุด เขารออยู่นานหลายเกือบนาทีกว่าที่ปลายสายจะรับ ..


“ อือ..”



“ โต้งกูถามอะไรหน่อย..” ชายหนุ่มเอ่ยถามปลายสายไปอย่างสงสัย เพราะดูจากเวลาตอนนี้ก็เที่ยงกว่าแล้ว ปกติโต้งไม่ค่อยจะตื่นสายสักเท่าไหร่ แต่ฟังดูจากน้ำเสียงอีกคนคงยังไม่ตื่น..


“ อะไรเหรอ..”




“ เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นวะ..” ชายหนุ่มถามขึ้นอย่างอยากรู้.. เพราะดูจากสภาพของกรณ์ เรื่องราวคงไม่ปกติสักเท่าไหร่หรอกมั้ง ..




“ เมื่อคืน..เมื่อคืนทำไมอ่ะ..” โต้งเอ่ยถามทั้งที่ดวงตาของตนยังปิดอยู่ ในหัวรู้สึกโหวงๆ กลวงๆ ราวกับมีอะไรมากมายวิ่งวนไปมาจนแสบหูไปหมด .. ทุกอย่างยังคงปรากฏและตกค้างอาการให้รู้สึกจนถึงวินาทีนี้



“ ก็กูตื่นขึ้นมาแล้วเมียกูหมดสภาพ ยังกับไปทำสงครามมางั้นแหละ..” วิชญ์ภาสเอ่ยตอบไป พร้อมดวงตาคู่กลมที่เหลือบ




กลับไปมองคนร่างบางที่ยังคงสลบอยู่ .. ดูๆไปก็พอจะเดาได้ว่ากรณ์ในตอนนี้คงอยากพักผ่อนมาก ความเหนื่อยความหน่ายที่เกาะกินในทุกรูขุมขนยังปรากฏ



“ กู..กูนึกไม่ออกว่ะ แต่เมื่อวานตอนจะกลับกูรู้สึกเหมือนถูกวางยาแล้วเลยรีบไปล้างหน้า หลังจากนั้นก็จำอะไรไม่ได้แล้ว..” โต้งพยายามนึกภาพสุดท้ายที่ยังวนเวียนในหัว แล้วบอกออกไปอย่างไม่ปิดบัง ... เพราะฟังจากอาการของวิชญ์ภาสในตอนนี้คนตัวสูงคงเจอไม่ต่างจากเขาหรอก


“ เออๆ..ขอบใจมึงมาก..” วิชญ์ภาสตัดสายอย่างว่องไว ก่อนจะต่อสายไปยังใครอีกคน .. บอมคงมีคำตอบให้เขาได้ ..


“ ฮัลโหล..” ปลายสายทักขึ้นด้วยเสียงร่าเริง แตกต่างจากโต้งสิ้นเชิง



“ เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นวะ...” ชายหนุ่มยิงตรงประเด็นอย่างไม่อ้อมค้อม เพราะบอมก็เป็นหนึ่งในแก๊งค์เพื่อนสนิทกัน เลยกล้าถามออกไปตรงๆ โดยไม่ต้องเกริ่นอะไรก่อน ..



“ เรื่องไหนล่ะมึง ..จะเรื่องกิ๊กปะทะคุณเมียหลวง หรือมาเฟียข้ามชาติวะ..” น้ำเสียงของปลายสายดูจะทะเล้นจนวิชญ์ภาสต้องสงสัยเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม ..


“ อะไรของมึงเล่ามาดีๆ.. ชักช้าเดี๋ยวพ่อฝากรอยเท้าไปตามสายโทรศัพท์เลย..”



“ เล่าๆก็ได้..โหดเหมือนเมียมึงเลยนะ..” บอมรีบรับคำ เพราะยังจำถึงความโหดของกรณ์ได้ดี..โธ่ๆ..หน้าก็สวยปานนางฟ้ามาจุติ แต่ดันโหดยังกับซาตาน ..นี่ถ้าแพทยังใจกล้าหน้าหนามากกว่าเมื่อคืนรับรอง เช้านี้คงได้ไปตื่นที่โรงพย่าบาลไหนสักแห่งแน่ๆ..



“ เกี่ยวอะไรกับคุณกรณ์ด้วย..”



“ ก็นังน้องรหัสตัวดีของมึงมันแอบวางยามึงอะดิ.. แต่กูไม่รู้นะว่ามันไปทำอิท่าไหน ตอนจะกลับออกจากร้านคุณเมียแสนสวยของมึงก็มาถึงร้าน .. คราวนี้แหละมึงกิ๊กเอ๊าะๆกับคุณเมียแสนสวยของมึงก็เลยฉะกันจนร้านแทบแตก..” บอมเล่าไปอย่างใส่สีพอประมาณ


“ อะไรนะ.. เดี๋ยวโว้ยไอ้เด็กนั่นไม่ใช่กิ๊กกูสักหน่อย..” ชายหนุ่มเริ่มคิดตาม แต่ก็เกิดข้อแย้งในใจ เดี๋ยวนี้นอกลู่นอกทางเป็นไงชายหนุ่มสะกดไม่เป็นหรอก.. จะเป็นก็แต่คำว่า รักกรณ์ๆ... นั่นแหละ..



“ ก็น้องรหัสมึงมันบอกว่าจะไปส่งมึงเอง..แต่กูคิดนะว่ามันคงจะงาบมึงแหละเล่นวางยาเสียขนาดนั้นส่วนเมียมึงก็ไม่ยอม เด็กนั่นก็เลยตบไปหนึ่งที..มึงรู้ไหมๆ เมียมึงขวับกลับเข้าไปให้ แถมยังมีมือปืนเป็นสิบจ่อหัวเด็กนั่น กูละเครียดแทนมึงจริงๆ มีเมียเป็นมาเฟียหรือนี่..” บอมเล่าไปก็อดจะขยาดไปไม่ได้ ชายฉกรรจ์เมื่อคืนนี้แต่ละคนล้วนล่ำสันแถมยังมีอาวุธครบมือ ถ้ากรณ์เอาจริงแม้แต่กระดิกปากแม่นางสาวแพทก็คงไม่มีโอกาส


“ เอ่อ..แล้วไอ้โต้งละมึง..” วิชญ์ภาสพอจะเดาต้นสายปลายเหตุได้ลางๆ..เลยเลือกจะถามถึงเพื่อนสนิทอีกคน เพราะจากการที่คุยกันเมื่อครู่ทำให้รู้ว่าโต้งน่าจะเกิดเรื่องเช่นกัน

“ ไม่รู้มันว่ะ..กูให้กาณฑ์ไปดู แล้วหายไปทั้งสองคนเลย..”

“ อะไรนะ..” น้ำเสียงของวิชญ์ภาสขาดหายไป เมื่อรู้ว่าน้องชายของคนที่เขารักกับเพื่อนสนิทหายไปด้วยกัน ไม่อยากจะคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น ภาวนา..เขาไม่อยากต้องรู้สึกผิดกับกาณฑ์อีก แค่ที่เขาเคยทำมันก็มากพอแล้วกับชีวิตที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสา ..


หลังวางสายจากเพื่อนลง..วิชญ์ภาสก็ล้มลงบนเตียงนอนข้างๆ..อีกฝ่ายอย่างอ่อนใจ ตอนนี้รู้สึกสับสนไปหมดเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นแต่เขากลับจำไม่ได้เลยสักนิด.. เขาได้แต่มองร่างข้างๆก่อนจะตัดสินยกมือขึ้นโอบเอวบางนั้นไว้.. เพียงนึกถึงสิ่งที่บอมเล่าก็อดจะยิ้มออกมาไม่ได้ นับวันกรณ์ยิ่งแสดงออกชัดเจนเรื่อยๆ ชัดจนเขาไม่เรียกร้องจะฟังคำนั้นจากปากกรณ์อีก..แค่นี้ก็พอแล้ว..

“ อือ..” คนตัวบางพลิกกายมาทางอีกฝ่ายอย่างเมื่อยล้า..แล้วดวงตาคู่สวยก็ค่อยๆเปิดออกอย่างเหน็ดหน่าย



“ ตื่นแล้วเหรอครับ..” เสียงแผ่วๆกระซิบถามใกล้ๆ


“ ไม่ตื่นแล้วจะเห็นเหรอ..” ตาอ่อนแสงเหวี่ยงใส่เล็กๆ


“ ผมขอโทษ..”



“ ขอโทษอะไร..” กรณ์ถามกลับไปอย่างแปลกใจ เมื่อได้ยินคำขอโทษจากปากคนตรงหน้า แม้จะเหนื่อยจะหน่าย แต่เขาก็แข็งใจถามออกไปเพราะรู้สึกไม่สบายใจเลยเมื่อเห็นอีกคนเป็นกังวลใจ


“ ที่ทำให้คุณเป็นแบบนี้..”


“ แล้วถ้าไม่ใช่ฉัน จะให้นังเด็กนั่นอยู่ในสภาพนี้ใช่ไหม..” ดูเหมือนความไม่พอใจจะแสดงออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน ..กรณ์บอกแล้วว่าของของเขา เขาไม่ยอมให้คนอื่นแตะต้องหรอก..

“ ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย” ชายหนุ่มรีบแก้ตัว



“ งั้นก็เงียบปากได้แล้วฉันจะนอน..” กรณ์บอกเสียงแหวแผ่วๆ แล้วหลับตาลงเบาๆก่อนจะยกมือของตนอีกข้างขึ้นพาดเอวหนั่นของคนที่นอนใกล้ๆ.. ใบหน้าหวานซุกลงบนอกแกร่งอย่างไม่พูดอะไร ..กายสองกายใกล้กัน ลมหายใจแทบรวมเป็นหนึ่ง.. แค่นี้ก็ทำให้คนคิดมากยิ้มกว้างได้แล้วล่ะ.. กรณ์เลือกจะเป็นฝ่ายกระโจนเข้าหาเขาบ้าง ..แค่นี้ก็พอทำให้หัวใจได้ชุ่มชื่นและยิ้มแย้มไปได้ตลอดทั้งวันแล้วล่ะ..



หลังจากวางโทรศัพท์ลง คนตัวสูงก็พลิกกายของตนอย่างเมื่อยล้าในหัวงุนงงไปเสียทุกอย่าง จนเขาเริ่มพบสิ่งปกติใกล้ตัว .. ความอบอุ่นจากร่างของใครบางคนที่อยู่ใกล้ๆทำให้ดวงตาต้องเบิกออกอย่างตกใจ ..


“ กาณฑ์..” โต้งตะลึงในภาพที่เห็นเมื่อรู้ว่าเจ้าเด็กจอมถูคิ้ว ที่เขากับวิชญ์ภาสเคยพนันกันจะจีบและฟันดะกำลังนอนอยู่ข้างๆกายเขา .. ลมหายใจที่ราบเรียบเสมอกันทุกส่วนเล่นเอาหัวใจของชายหนุ่มต้องสะดุด.. เขาไม่ต้องคิดก็พอจะดูออกว่าระหว่างเขากับกาณฑ์เกิดอะไรขึ้น ร่างกายเนียนนุ่มผิวออกเหลืองแทน แม้จะไม่ได้ขาวประดุจไหมเช่นพี่ชาย แต่ความน่าหลงใหลใช่จะแตกต่าง .. ยิ่งใบหน้ายามหลับใหลยิ่งดูกลมกลึงคล้ายรูปวาด สายลมน้อยๆแห่งเครือสายลมกำลังอยู่ใกล้ๆ

“เกิดอะไรขึ้นนี่..” โต้งเปรยขึ้นกับตัวเองอย่างหาคำตอบ .. เขาค่อยๆนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างพยายาม และหนึ่งสิ่งที่เขาบอกกับเพื่อนไปก็ปรากฏชัดในใจของเขา ..



“ ยา..” โต้งเปรยขึ้นเบาๆอย่างตกใจ เขาแทบไม่รู้เลยว่าเมื่อคืนร่างกายของเขาร้อนแรงแค่ไหน และทำให้คนตัวบางแทบขาดใจ .. ชายหนุ่มค่อยๆเลื่อนกายออกจากเตียงที่นอนอยู่อย่างอ่อนล้า .. แล้วเดินตรงดิ่งเข้าไปในห้องน้ำเพื่อหวังให้ความชุ่มเย็นได้ชะล้างความมึนงงไปจนสิ้น..



ร่างหนั่นยกผ้าเช็ดตัวที่พาดวางขึ้นพันกายหลวม ๆ แล้วเดินออกจากห้องน้ำไปอย่างสบายกายขึ้น .. ภาพที่เห็นตอนนี้คือร่างของรุ่นน้องจอมถูคิ้วกำลังติดกระดุมเสื้อของตัวเองอยู่ ..กางเกงยีนส์ตัวเก่งก็ติดกายอย่างเรียบร้อยทุกกระบวนความ


“ กาณฑ์..” โต้งเอ่ยเรียกชื่อนั้นอย่างไม่เต็มเสียงนัก..


“ กาณฑ์กลับนะ..” รุ่นน้องเอ่ยขึ้นเบาๆ ไม่กล้าจะสบตากับคนที่ฝากร่องรอยและความรู้สึกบนตัวบนใจเขาอย่างคืนที่ผ่านมา.

.
“เดี๋ยวสิ..” โต้งเอ่ยท้วง

“ ครับ..?” กาณฑ์พยายามวางเสียงของตนให้เป็นปกติที่สุด ..


“ คือเรื่องเมื่อคืน..”


“ ไม่มีอะไรสักหน่อย พี่โต้งอย่าคิดมากเลย .. พรุ่งนี้กาณฑ์ยังมีเรียนนี่ก็บ่ายมากแล้วกาณฑ์กลับห้องก่อนนะ..”



กาณฑ์ชะงักไปเล็กน้อยๆ ก่อนจะรวบรวมสติของตนตอบออกไป แล้วลากสังขารที่ปวดร้าวแทบทุกส่วนออกจากเตียงนอนอย่างรวดเร็ว เขาพยายามแข็งใจไม่ให้ตนต้องล้มไปต่อหน้าของอีกคน ... หากเรื่องที่เกิดจะแปรเป็นพันธะรัดกายของโต้งไว้ กาณฑ์ก็ไม่อยากให้มันเป็นเช่นนั้น .. เขาเคยวิ่งไล่ความรักมาตลอดแต่กลับต้องเสียใจ เขาเลยไม่อยากต้องให้เรื่องราวเดินย่ำประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นมาแล้ว



“ แต่..” โต้งไม่รู้จะพูดอะไรต่อ..เพราะร่างของกาณฑ์ได้เดินออกากห้องเขาไปเรียบร้อยแล้ว.. ทันทีที่บานประตูปิดลงร่างบางก็ทรุดลงอย่างอ่อนล้า.. ไม่ต่างอะไรจากคนในห้องที่ต้องตะลึงกับสิ่งที่เห็น ผ้าห่มผืนหนาที่ถูกเลิกออกเต็มไปด้วยคราบเลือดวงใหญ่ ไหนจะร่องรอยของอารมณ์ที่ยังปรากฏให้เห็นอย่างไม่จางหาย..
...


...
“ ห้องนี่แหละมั้ง..” กาณฑ์เอ่ยขึ้นกับตัวเองอย่างคาดหวัง.. ตอนนี้เขาเหนื่อยกับการต้องพยุงเจ้ารุ่นพี่หน้าตี๋ที่แทบจะไม่ได้สติอะไรเลยนับตั้งแต่พาขึ้นรถมา ..ดีที่เขาหากุญแจกับคีย์การ์ดห้องของชายหนุ่มเจอจึงได้รู้ว่าโต้งพักอยู่ห้องไหน ..



คนร่างบางค่อยๆไขประตูเข้ามา และลากสังขารรุ่นพี่ตรงดิ่งเข้าไปภายในห้องนอนที่ห่างออกไปไม่กี่ก้าวจากนั้นก็ค่อยๆวางร่างนั้นให้ล้มลงไปอย่างรวดเร็ว แต่เพียงชั่วลมหายใจร่างของเขาก็ถูกดึงจนล้มลงไปทับบนร่างกำยำของโต้งอย่างรวดเร็วว


“ พี่โต้ง..”กาณฑ์ร้องอย่างตกใจ



“ ซีส..พี่ไม่ไหวแล้ว..” เสียงครางที่ลอดไรฟันออกมาทำให้กาณฑ์เริ่มจะคิดมาก และคาดการณ์ถึงบางสิ่งที่อาจจะเกิด ชายหนุ่มรวบรวมแรงที่มือแกะมือนั้นออกอย่างยากลำบาก จนสุดท้ายก็สามารถหลุดพ้นออกมาได้ .. แต่เหมือนเขาจะประเมินโต้งต่ำเกินไป เพราะในขณะที่กำลังจะเดินออกจากห้องนอน ร่างของกาณฑ์ก็ถูกผลักเขาจนชนกับผนังด้านหลัง..


“ พี่โต้ง..” กาณฑ์ตกใจอีกครั้งเพราะไม่คิดว่าโต้งจะไวขนาดนี้.. ที่สำคัญตอนนี้คนตรงหน้าสลัดเสื้อตัวใหญ่ที่ใส่ออกไปเผยให้เห็นเรือนร่างที่สมส่วนและแสนแข็งแกร่ง..



“ ปล่อยกาณฑ์นะ..” กาณฑ์ร้องห้ามเมื่อซอกคอของเขาถูกโจมตีจากคนชำนาญการ เสื้อผ้าที่สวมถูกปลดออกทีละชิ้นอย่างห้ามปรามอะไรไม่ได้..กาณฑ์พยายามดิ้นอยู่นานจนแรงที่มีต้องหมดไปและจำต้องปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่โต้งต้องการ ..ครั้งแล้วครั้งเล่าที่เริ่มต้นและจบลงด้วยการปลดปล่อยอารมณ์.. ทุกครั้งที่เกิดไม่ต่างจากแผลที่เฉือนลงในใจของกาณฑ์ .. ร่างกายที่ห่างหายจากการล่วงล้ำจากกายอื่นมานานมีอันต้องบาดเจ็บ เพราะแรงประสานที่เดินทางเข้ามาอย่างตรงดิ่งไม่ผ่านการโลมเล้าหรือปลุกอารมณ์ใดๆ..

ท้ายสุดทุกอย่างก็จบลงบนความเหนื่อยอ่อนของทั้งสองคน


หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 33
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 15-06-2009 22:55:03
 o18 มาอีกคู่ๆๆ เชียร์กาณฑ์กะโต้งๆๆเอาไห้หวานเหมือนคู่พี่เลยน้าๆๆ ขอบคุนค่ะ o13
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 33
เริ่มหัวข้อโดย: charus ที่ 15-06-2009 23:01:10
บอกได้คำเดียว

ตายหอง!!!
 :z1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 33
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 15-06-2009 23:06:05
ตอนที่ 35

“ ตื่นได้แล้วครับ..” ชายหนุ่มหน้าคมเอ่ยขึ้นกับคนหน้าหวานที่ยังนอนซบอกเขาอยู่.. แต่เหมือนว่าอีกคนจะไม่ตอบสนองต่อการเรียกของเขา คนตัวสูงเลยผลักร่างกรณ์ให้ล้มลงข้างๆเบาๆ ก่อนที่ตัวของเขาจะพลิกขึ้นไปคร่อมอยู่ด้านบนอย่างหยอกเย้า .. ริมฝีปากหนาสัมผัสลงบนปากของอีกฝ่ายเบาๆ..ก่อนจะเปิดเปลือกปากล่างด้วยฟันที่บรรจงขบเพียงกึ่งแรง .. ซอกซอนจนลิ้นของตนสามารถเข้าไปภายในปากของอีกฝ่ายได้อย่างอ่อนโยน..


“ อื้อ..” กรณ์ที่โดนรุกจูบแทบจะหมดอากาศหายไป จนต้องสำลักตื่นจากความฝันที่กำลังเดินทางอยู่อย่างห้ามไม่ได้ ชายหนุ่มยกมือของตนรวมแรงแล้วจับหน้าคมที่กำลังจูบเข้าให้ละออก..


“ ไม่เอาฉันจะนอน..” กรณ์บอกเสียงบ่นๆ..



“ เย็นมากแล้วนะครับ .. ไม่กลับบ้านเหรอ..” วิชญ์ภาสจึงต้องบอกไปถึงสาเหตุที่เขาปลุกกรณ์ขึ้น



“ เย็นแล้วเหรอนี่..” แล้วคนหน้าสวยก็หันหน้าไปมองด้านนอกหน้าต่างห้องนอน ก็พบว่าบรรยากาศรอบตัวตอนนี้เริ่มเย็นอย่างที่วิชญ์ภาสบอกไว้จริงๆ ขืนออกจากกรุงเทพฯช้ากว่านี้จะมืดเอาได้ ขับรถตอนกลางคืนมันไม่ค่อยปลอดภัยสักเท่าไหร่ ยิ่งต้องออกจากต่างจังหวัดด้วย


“ ถ้ายังง่วงเดี๋ยวค่อยไปนอนบนรถนะครับ .. ตอนนี้ตื่นก่อนดีกว่า..”


“ อือ..” กรณ์พยักหน้าให้อย่างไม่ขัดขืน และยอมลุกขึ้นตามแรงดึงของคนตัวสูงกว่า .. ทั้งสองนั่งลงบนเตียงนุ่มอย่างไม่ยากลำบากอะไร .. พอได้นอนได้พักเลยทำให้ความเมื่อยล้าและเหนื่อยอ่อนผ่อนออกจากกายไปพอตัว ..


“ เป็นอะไรมานั่งจ้องฉันเพื่อ..” มือบางยกขึ้นและตบลงบนหน้าคนที่นั่งตรงข้ามเขาเบาๆ..




“ ผมมีอะไรจะถาม..” คนตรงหน้าเขยิบตัวเข้ามาใกล้

“ ถามสิ..” กรณ์เปิดโอกาส



“ ผมโทรฯไปถามไอ้บอมมา .. มันบอกว่าเมื่อคืนคุณโหดมากจนนึกว่าผมมีเมียเป็นมาเฟีย..” เขาเอ่ยขึ้นพร้อมทั้งเปรยในสิ่งที่ได้รู้จากเพื่อนมา


“ แล้วไงอ่ะ..”



“ ผมอยากรู้ว่าทำไมคุณถึงโหดจัง ..หึงผมเหรอ..” น้ำเสียงที่ราบ แปรเป็นเริงร่าอย่างฉับพลัน จะว่าไปเขารู้สึกดีชะมัดที่กรณ์โหดใส่คนที่กล้าจะมายุ่มย่ามกับเขา ..มันไม่ต่างอะไรจากเวลาเขาเจอของถูกใจและมีคุณค่าต่อการใช้ชีวิตของเขา


“ หึง..” กรณ์ตอบกลับไปสั้นๆไม่กลัวเกรงสายตาที่ส่งมา..



“ จริงเหรอครับ..” คนฟังแทบจะปรี่เข้ากดอีกฝ่าย ถ้าไม่ติดว่ายังต้องทำเวลากลับถึงสายลมให้ทันก่อนมืดชายหนุ่มคงไม่รอช้าประเคนรักให้อีกสักรอบ



“ ไม่หึงจะทำแบบนั้นเหรอไอ้บ้า .. ถามมากจริงเดี๋ยวก็กลับถึงบ้านมืดหรอก” พูดจบก็ยกมือข้างเดิมตบหน้าผากคนหน้าคมไปหนึ่งที ..



“ งั้นไปอาบน้ำกันดีกว่า..” ว่าแล้วก็ยิ้มรับแล้วตวัดกายบางให้ลุกขึ้นตรงไปห้องน้ำอย่างไม่รอช้า .. ความรัก และบรรยากาศของคำว่ากันและกันคือหนึ่งเดียวที่ทำให้หัวใจทั้งสองดวงเต้นต่อไปอย่างมีความสุข จังหวะของความรักที่มีเพียงชื่อของกันและกัน



“ เอามือออกไปจากตัวฉันเดี๋ยวนี้..” ประมุขสายลมส่งเสียงเข้มเข้าใส่ เมื่อมือหนามาวุ่นวายอยู่ตรงบั้นท้ายของเขา แถมตัวหนั่นหนายังคงเบียดเสียดกับร่างกายของกรณ์อีกด้วย ..


“ โธ่..” ชายหนุ่มถอนหายใจเบาๆ..


“บอกเองว่าให้ฉันรีบตื่นจะได้กลับบ้าน แล้วมายุ่งอะไรกับตัวฉันนี่..” กรณ์หันกลับมามองอีกคนด้วยสายตาดุๆ.. แต่คนที่ถูกบ่นก็กลับยิ้มส่งอย่างไม่กลัวเกรง.. เพราะรู้ดีว่ากรณ์ไม่ได้ร้ายกาจและแสนโหดอย่างที่แสดงออกมาให้คนอื่นๆเห็น ..


“ ก็เห็นแล้วผม..” ชายหนุ่มกัดปากอย่างยิ้มยั่ว..


“ พอได้แล้ว..เมื่อคืนก็เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว..”



“ แต่เมื่อคืนผมไม่รู้สึกนี่ครับ..” เขารีบท้วง ..


“ ไม่รู้ล่ะถ้ากล้า.. แกตาย..” กรณ์ส่ายหน้าอย่างไม่ยอมให้เป็นไปตามที่ชายหนุ่มต้องการ .. เพราะจะว่าไปร่างกายของเขาตอนนี้ยังไม่พร้อมอยู่ดี..




“ โหดจริงๆ..” คมหน้าเข้มยู่ลงเล็กน้อย..ก่อนจะวางลงบนซอกคอของอีกคนอย่างเช่นที่ทำบ่อยๆ.. มือหนาเอื้อมโอบร่างของอีกคนไว้อย่างไม่ปล่อยห่าง ..ท่ามกลางสายน้ำที่ยังคงสาดกระทบสองกาย .


“ ไม่ต้องอ้อน..ฉันไม่ใจอ่อนหรอกนะ..” มือนุ่มวางตบบนใบหน้าคมเบาๆ


“ แค่คุณหึงโหดเหมือนเมื่อคืนผมก็ดีใจจะแย่อยู่แล้ว.. แค่นี้ผมทนได้ครับ ไว้วันหลังก็ได้..” มือนั้นกระชับร่างที่กอดให้แน่นขึ้นกว่าเดิม ..บอกไปถึงสิ่งที่เขาคิดอย่างหมดเปลือก..


“ ฉันเคยบอกไว้แล้วนี่..ว่าของของฉันฉันหวง..”



“ ผมอยากให้คุณหวงไปตลอดชีวิตจริงๆ..” ชายหนุ่มบอกกลายๆ ถึงบางสิ่งที่เขาต้องการ ..ความรักที่เป็นอยู่อาจเพิ่งเริ่มต้นได้เพียงไม่เท่าไหร่หากเทียบกับชั่วชีวิตของคนเรา ..แต่เขากลับมั่นใจในทุกวินาทีนับตั้งแต่หลงรักกรณ์ .. ว่าเขาอยากจะใช้ชีวิตอยู่เคียงข้างของอีกคนไปจนหมดลมหายใจ



“ ตราบใจที่นายยังรักฉัน..ฉันจะหวงนายต่อไป..” กรณ์สูดลมหายใจเข้าในกายของตัวเองลึกๆ แล้วรวมความกล้าบอกอีกคนออกไป .. แม้กรณ์ยังไม่เคยปริปากว่ารักแต่ทุกการกระทำก็บอกได้ชัดเจนแล้วว่ารักหรือไม่



“ ขอบคุณครับ..ที่รัก” ตัวหนั่นหนายกศีรษะของตนออกจากซอกคอของชายหนุ่ม.. แล้วเอ่ยขึ้นพร้อมทั้งมองตากรณ์ก่อนจะพูดออกขึ้น


“ ปากดี” นิ้วเรียวยกขึ้นจับริมฝีปากล่างของคนตรงหน้าโยกไปมา



“ เดี๋ยวมันก็ห้อยกว่านี้หรอก..”


“ กลัวไม่หล่อเหรอไง..”


“ ผมกลัวไม่เซะซี่ต่างหาก..”





“ ..หึหึ..” กรณ์หัวเราะเบาๆกับท่าทีทะเล้นของอีกฝ่าย เปลี่ยนเป้าหมายจะปากที่ห้อยๆของชายหนุ่มเป็นใบหน้าคมเข้มแทน ..มือบางประทับลงเบาๆเช่นที่เคยทำก่อนจะเขย่งปลายเท้าของตนไว้มั่นแล้ววางริมฝีปากของตนลงบนริมฝีปากอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน




โลกของคนถูกกระทำราวถูกสั่นไปมาอย่างห้ามปรามไม่ได้ รอบกายราวมีลมหอบใหญ่หมุนวนตัดขาดออกจากโลกภายนอกจนหมดสิ้น .. เขารักกรณ์จริงๆ รักกรณ์ที่ทำให้หัวใจต้องสั่นไหวได้แทบทุกวินาที.. กรณ์ที่ทำให้เขาได้รู้ว่าแท้จริงรักคืออะไร รักมีความหมายต่อคนเราเช่นไร ..ทุกนิยามและความเลอค่าของรักถูกสอนโดยคนตรงหน้าจนหมดสิ้น



“ เลิกอึ้งได้แล้วไอ้เด็กลามก..แล้วจัดการตัวเองด้วยไอ้หื่น..” กรณ์ยิ้มเบาๆ แล้วใช้มือข้างเดิมเรียกสติของอีกคนพร้อมทั้งชี้นำสายตาให้เห็นความแข็งขันของคนตัวหนั่นที่เริ่มขึ้นอย่างพลุกพล่าน..



“ คุณน่ารักอย่างนี้จะไม่ให้ผมรู้สึกบ้างหรือไง..”


“ รู้สึกน่ะได้ แต่ให้มันถูกเวลาด้วย..”




“ งั้นพรุ่งนี้คงถูกเวลานะครับ..”


“ หื่นได้หื่นดี..” กรณ์ส่ายหน้าอย่างระอาใจ ..แต่ก็ยอมอยู่ในอ้อมกอดของคนตรงหน้าต่อ.. เส้นทางเดินยังคงอีกยาวไกล เรื่องของความวุ่นวายของหญิงสาวที่เข้ามายุ่มย่ามกับวิชญ์ภาสก็เคลียร์ไปได้แล้ว แต่ก็ยังมีปัญหาใหญ่เรื่องเอกที่ยังแก้ไม่ตก .. นี่กรณ์ต้องเผชิญหน้าต่อไปใช่ไหม..



หลังจากเรื่องราววุ่นวายผ่านไป..



พายุระลอกใหม่ก็ดูจะก่อตัวขึ้นอีกครั้ง ประธานสายลมเดินออกจากห้องประชุมเล็กอย่างหัวเสีย ที่ทางฝ่ายอมรารีสอร์ตไม่ยินยอมจะร่วมเจรจาเป็นพันธมิตรทางการท่องเที่ยว .. ที่สำคัญตัวแทนของอมรายังฝากข้อความลับส่งถึงกรณ์อีกด้วย



‘ หากอยากพบผม ..ผมยินดีเสมอ ... เอกพล’ กรณ์กำกระดาษที่ได้รับอย่างแค้นเคือง ก่อนจะทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ตัวใหญ่อย่างเหนื่อยใจ หากสายลมรีสอรต์ไม่ใช่หัวใจของพ่อและแม่เขาคงตัดใจตัดเนื้อร้ายชิ้นนี้ออกไปแล้วล่ะ ไม่ปล่อยให้มันส่งผลกระทบต่อธุรกิจอื่นๆของเครือสายลมหรอก..



“ เป็นอะไรไปคะ ..ทำไมหน้าตาเคร่งเครียดอย่างนั้นล่ะ..” หญิงสาวผิวสีน้ำผึ้งเปรยถามอย่างผิดสังเกต



“ ก็ไอ้บ้าเอกน่ะสิ.ท่าทางมันจะจองเวรฉันไม่เลิก..” กรณ์ตอบไปอย่างไม่ปิดบัง .. เพื่อนแค้นแสนร้ายคนนี้ดูท่าจะจองเวรกรณ์ต่อไปเรื่อยๆจริงๆ




“ คุณกรณ์น่าจะลองคุยกับคุณเอกโดยตรงดูนะคะ” หญิงสาวเสนอทางเลือก .. ครั้งก่อนตอนที่นัดเจรจาทางโน้นก็ไม่ได้บอกมาว่าจะส่งแค่ตัวแทนเข้าประชุม ดูก็รู้ว่าเป็นลูกไม้แพรวพราวไม้หนึ่งที่ใช้ปั่นหัวกรณ์ให้วุ่นวายกว่าเก่า


“ ฉันว่าจะลองไปหาเขาวันนี้..” กรณ์บอกไปเสียงแผ่ว .. หากยังหนีต่อก็ไม่ทำให้อะไรมันดีขึ้น กรณ์เลยเลือกจะไปเผชิญหน้าภายในวันนี้


“ ค่ะ..” หญิงสาวรับคำอย่างหนักใจ ดวงตาคู่เรียวจ้องมองเจ้านายด้วยความรู้สึกผิด..!! กรณ์เดินออกจากห้องทำงานของตนมาได้สักระยะ ก็พบว่าตรงชั้นล่างของบริษัทเจ้าตัวดีมานั่งรออยู่เช่นทุกวัน หากวันไหนกรณ์กลับช้าหรือมืดค่ำก็มักมาหากรณ์เสมอ



“ คุณกรณ์..” เจ้าตากลมแจ่มใสขึ้นราวปาฏิหาริย์รีบลุกขึ้นแล้วเดินก้าวเข้ามาหากรณ์ทันที


“ อืม..” กรณ์ยิ้มให้เบาๆ แล้วเดินออกจากบริษัทไปด้วยกัน .. บรรยากาศในตอนนี้ทำให้วิชญ์ภาสพอจะเดาอะไรได้บ้าง หน้าของกรณ์ดูเครียดและเป็นกังวลอย่างชนิดที่ไม่อาจปิดได้เลยสักน้อย


“ กลับบ้านเลยหรือเปล่าครับ..”


“ ยังก่อน..เดี๋ยวต้องไปทำธุระ..” กรณ์ส่ายหน้าเบาๆ แล้วหันไปตอบกลับคนขับรถส่วนตัวของเขาเสียงแผ่ว ..



“ อย่าเครียดมากนะครับ..” ชายหนุ่มที่นั่งอีกฝั่งเอ่ยขึ้นเบาๆ.. แล้วยกมือข้างที่ว่างอยู่ขึ้นกุมมือของกรณ์ไว้ หวังว่ากำลังใจที่เขามีจะถ่ายทอดออกไปให้กรณ์ได้รับรู้มันบ้างก็คงดี.. รถของเจ้าตากลมวิ่งไปด้านหน้าเรื่อยๆ จนหยุดอยู่ตรงบริษัทแห่งหนึ่งใจกลางตัวเมือง ..



“ เดี๋ยวนายรอตรงล็อบบี้นะ..” ระหว่างที่เดินก้าวเข้าไปกรณ์ก็เอ่ยขึ้น ..



“ ครับ..” ซึ่งคนฟังก็ยอมรับโดยดีอย่างไม่มีข้อสงสัยใดๆ .. ชายหนุ่มเดินไปหยุดอยู่ตรงเก้าอี้รับแขกใกล้ๆสวนเทียมที่จัดขึ้น ..ด้วยเพราะชั้นหนึ่งของบริษัทจัดทำเป็นสปาขนาดย่อมให้บริการลูกค้า เลยทำให้บรรยากาศค่อนข้างจะร่มรื่นไม่ใช่น้อย


กรณ์เดินต่อเข้าไปอย่างง่ายดาย เพราะเจ้าของที่นี่รู้ดีว่าวันหนึ่งคนหน้าสวยต้องมาเยือนที่นี่แน่นอน ..




“ สวัสดีครับคุณกรณ์..” ชายในชุดเสื้อยืดสีน้ำตาลอ่อนเอ่ยทักทาย..


“ สวัสดี..อย่าอ้อมค้อมเลยดีกว่าตกลงคุณต้องการอะไรกันแน่” กรณ์ตอบกลับไป และยิงเข้าประเด็นอย่างไม่รอช้า แค่ที่เป็นอยู่มากินเวลามามากเกินพอแล้ว เขาไม่อยากให้ทุกอย่างต้องคาราคาซังและขยายวงจนลุกลามไปมากกว่านี้




“ มาถึงก็เข้าประเด็นเลย สมแล้วกับที่เป็นประมุขเครือสายลม..” รอยยิ้มแค่นเหยียดบอกชัดถึงความชิงชังที่มี จากเพื่อนที่เคยสนิท เคยรักใคร่ปรองดอง แต่เมื่อรักได้แปรเปลี่ยนและไม่อาจสมหวังเลยทำให้รักกลายเป็นแค้นและชิงชังจนถึงวันนี้



“ ตกลงคุณจะว่ายังไง..”


“ ผมไม่ว่ายังไงหรอก แต่ผมอยากได้อะไรที่มันสมน้ำสมเนื้อสักหน่อย..” เอกตอบไปตรงประเด็น แต่เลือกจะเสนอในบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้หัวใจของกรณ์เริ่มสั่นไหว


“ อะไร..”




“ การร่วมมือกันทางธุรกิจ ..ต่อให้ทำสัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะแต่มันคงไม่ มั่นคงเท่ากับสองบริษัทเข้าเกี่ยวดองเป็นทองแผ่นเดียวกันหรอกมั้ง..” ชายหนุ่มหน้าคมเสนอ


“ คุณหมายถึงอะไร..” กรณ์ถามออกไปทั้งๆที่รู้ความหมายที่เอกสื่อ



“ ถ้าคนของสายลมกับอมราได้ดองกันก็คงจบ..”



“ ไม่มีทาง..”



“ อย่าเพิ่งคิดมากไปเลยคุณกรณ์ มันก็แค่แนวคิดจริงๆผมก็ไม่ได้อะไรนักหรอก ผมมีวิธีดีๆที่จะทำให้เราทั้งสองฝ่ายสามารถร่วมมือกันอย่างไม่ต้องแข่งขันกันอีก..” เอกยิ้มยั่วอย่างเหนือกว่า เพราะรู้ดีว่าไพ่ที่เขามีเหนือกว่ากรณ์อยู่หลายแต้ม



“ ข้อเสนออะไร..” กรณ์ถามเสียงขุ่น



“ แค่คุณมอบเขาให้ผม..ทุกอย่างก็จบ..” และแล้วสิ่งที่ออกจากปากของอดีตเพื่อนรัก ก็ทำให้หัวใจของกรณ์ต้องกระตุก.. เขา .. ไม่ต้องบอกกรณ์ก็รู้ว่าอ๋องหมายถึงอะไร




“ ไม่มีทาง..” เสียงปฏิเสธครั้งนี้ดูจะหนักแน่นกว่าเดิมหลายเท่าตัว กรณ์บอกแล้วไงว่ากรณ์เป็นพวกหวงของของตัวเอง ไม่มีทางที่เขาจะเสียวิชญ์ภาสไปเด็ดขาด ..ยิ่งตอนนี้รักทั้งหมดได้มอบให้กับอีกคนไปจนสิ้น ย่อมไม่มีทางที่กรณ์จะละทิ้งสิ่งที่เรียกว่าชีวิตของตนไปได้หรอก




“ ก็แค่ผู้ชายคนหนึ่งจะสำคัญมากกว่าสายลมเหรอไร..”


“ ถ้าวันหนึ่งคุณรู้ว่าความรักเป็นยังไงคุณจะไม่พูดอย่างนี้” มือบางตบโต๊ะตรงอย่างอย่างแสนเคืองแล้วเดินออกจากห้องของเอกไปอย่างรวดเร็ว .. แม้แต่วิชญ์ภาสที่นั่งอยู่ยังแทบสะดุ้งกับเสียงที่ดัง ..ทั้งเสียงโต๊ะและเสียงกระแทกประตูที่กรณ์ได้ทำลงไปเมื่อครู่


“ คุณกรณ์..”





“ กลับบ้านกัน..” กรณ์บอกเสียงแผ่ว แล้วรีบดึงมือของคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าให้เดินออกจากบริษัทนี้ให้เร็วที่สุด เจ้าของอมรากรุ๊ปยืนขึ้นมองภาพของอดีตเพื่อนรักกับใครอีกคนเดินออกไปด้วยกัน ผ่านกระจกใส่ภายในห้องทำงานของตน


“ ยิ่งแกรักมันมากเท่าไหร่ ฉันจะยิ่งอยากแย่งมันมากเท่านั้น..” รอยยิ้มเหยียดยกขึ้นอย่างหมายมาด



“ คุณผิดข้อตกลง..” เสียงของใครบางคนดังแทรกเข้ามาจากทางด้านหลัง ..ชายหนุ่มตวัดกายตัวเองกลับไปมองคนที่อยู่ด้านหลังอย่างไม่ชอบใจ



“ แล้วทำไม..ฉันจะผิดข้อตกลง..” เอกเอ่ยขึ้นก่อนจะปรี่เข้าบีกแก้มของหญิงสาวตรงหน้าอย่างไม่ปรานี




“ ฉันเจ็บ..”



“ เจ็บแล้วทำไม..เธอลืมไปแล้วใช่ไหมว่าฉันมีบุญคุณกับเธอมากแค่ไหน .. ทั้งที่ฉันกำชับหนักหนา แต่ท้ายที่สุดเธอก็ดันหลงรักเจ้าน้องชายของมันเข้า ..แล้วตอนนี้จะมาเรียกร้องอะไรอีกล่ะ..” เขาสะลัดมือออกจนหน้าเธอเหวี่ยงไปอีกทาง ..



“ ถ้าเลือกได้ฉันคงไม่อยากให้คุณยื่นมือเข้ามาช่วยนักหรอก..ฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าบ้านสายลมมีบุญคุณต่อฉันมากมายแค่ไหน ฉันทำร้ายพวกเขาไม่ได้หรอก..” หญิงสาวเอ่ยตอบอย่างไม่กลัวเกรง น้ำตาพานจะไหลออกมาอย่างเวทนาในชะตากรรมของตนเอง



“ เธอไม่อยากก็ต้องอยาก..ถ้าไอ้กรณ์มันรู้ว่าคนที่มันไว้ใจมากที่สุดคือเมียของฉัน เธอคิดว่ามันจะรู้สึกยังไง”


“ คุณพูดอะไรบ้าๆ..ฉัน..”



“ จะเถียงเหรอว่าเธอไม่ได้เป็นอะไรกับฉัน ท่าทางความจำเธอจะเสื่อมงั้นวันนี้ฉันจะเตือนความจำของเธอให้จำขึ้นใจว่าคนตรงหน้าคือผัวของเธอ แล้วอย่าคิดจะไปเข้าข้างไอ้กรณ์อีก..” เอกเอ่ยขึ้นอย่างโมโห แล้วกระชากร่างผิวสีน้ำผึ้งให้ลับเข้าไปภายในห้องที่กั้นไว้เบื้องหลัง .. หญิงสาวไม่อาจต้านทานแรงที่ส่งมา อีกทั้งยังไม่กล้าจะขัดขืน .. น้ำตาได้แต่รินไหลและน้อยใจในโชคชะตาของตัวเอง ..



ห้าปีก่อนคือจุดที่ทำให้ชีวิตของหญิงสาวต้องพลิกผัน สุรีย์เกือบโดนพวกขี้เหล้าข่มขืนเข้าให้ แต่โชคยังดีที่เอกผ่านมาแล้วช่วยเหลือเธอจนชายหนุ่มได้รับบาดเจ็บ แต่นี่ก็คือจุดพลิกผันที่ทำให้หญิงสาวตกนรกทั้งเป็น เพราะหลังจากนั้นไม่นาน ..ความสัมพันธ์ระหว่างเอกกับกรณ์ก็จบลง ไม่มีเหลือแม้แต่คำว่าเพื่อน .. หญิงสาวต้องอยู่ตรงกลางระหว่างผู้มีคุณสองฝั่ง

..
..
..
เธอคิดว่าทุกอย่างจะดีขึ้น แต่เหมือนมันจะยิ่งเลวร้ายลงกว่าเดิม หลังจากที่เธอกับกาณฑ์กลับจากพัทยา หญิงสาวก็เผลอมีความสัมพันธ์กับคนต้องห้าม ด้วยเพราะรู้สึกเสียใจที่เธอกับคนที่หลงรักไม่อาจเดินไปข้างหน้าด้วยกัน หัวใจของกาณฑ์ดูจะเอนโอน่แต่แท้จริงมันไม่ได้เกิดมาเพื่อมีเธอ
นรกทั้งเป็น เป็นเช่นไรตอนนี้สุรีย์เลยรับมันเต็มๆ..


หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 33
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 15-06-2009 23:46:02
ขอบคุนค่ะ สู้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ   o13 :t3:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 36
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 15-06-2009 23:50:37
ตอน 36 ..

นับตั้งแต่วันเลี้ยงสายรหัสก็ดูเหมือนโต้งจะหมดความสุขไปอย่างมาก .. เพราะตั้งแต่วันนั้นกาณฑ์ก็หลบหน้าเขามาตลอด ไม่ว่าชายหนุ่มจะพยายามหาใครมาควงมาทำให้วุ่นวาย แต่กลับไม่อาจลืมสิ่งที่เกิดขึ้นได้เลย จนวันนี้เขาก็แทบทนไม่ไหวจำต้องระบายมันออกมาอย่างห้ามไม่ได้


“ สรุปว่าไง..” บอมถามขึ้นอย่างอ่อนใจ


“ เอาง่ายๆนะ สมมติมีผู้ชายคนหนึ่งที่หล่อมากแล้วมีคนมารุมอ่อย ทั้งชายทั้งหญิง .. แถมผู้ชายคนนี้มันก็มั่นใจในเสน่ห์ของตัวเองเสียด้วย แต่อยู่ดีๆวันหนึ่งมันก็ดันพลาดท่าไปข่มขืนคนที่ไม่ได้สนใจตัวมัน มึงว่ามันควรทำไงดีวะ..” โต้งพยายามวางเรื่องให้ห่างไกลตัวเอง แต่เหมือนบอมจะจับทางได้ถูก



“ กูต้องถามก่อนว่าคนถูกข่มขืนมันเอาเรื่องไม่.. ถ้าเอาก็ถือว่ามันซวย แต่ถ้าไม่เอาถือว่ามันโชคดีได้กินฟรีๆแบบไม่ต้องรับผิดชอบ..”

“ คนถูกข่มขืนมันไม่อะไรน่ะสิ..แต่ไอ้คนข่มขืนมันรู้สึกแปลกๆว่ะ..”


“ แปลกๆยังไงเหรอโต้ง..” บอมถามเสียงเล่ห์.. เขาเองใช่จะไม่รู้ว่าระหว่างโต้งกับกาณฑ์เกิดอะไรขึ้น เพราะนับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาเจ้าน้องรหัสของเขาก็หงอยลงจนน่าตกใจ วันที่กาณฑ์กลับไปที่ห้องรูมเมทของเจ้ารุ่นน้องบอกบอมว่ากาณฑ์เหมือนไปฟัดกับใครสักคนมา สภาพแทบดูไม่ได้.


“ ไม่รู้.. แต่รู้สึกผิดว่ะ..”


“ พูดอย่างกับเป็นมึงงั้นแหละ..” บอมเข้าประเด็น


“ คือว่า..”

“ สรุปว่ามึงหรือเปล่า..”


“ เอ่อ..ใช่มาถึงตอนนี้กูไม่ปิดบังแล้วนะ แต่ห้ามมึงพูดให้คนอื่นฟังล่ะ ไอ้วิชญ์ก็ไม่ได้..” โต้งรับออกมาอย่างไม่อยากจะปิดบังแล้ว เพราะขืนเขาจะอมพะนำไม่พูดออกมา เขาเองนี่แหละที่ต้องบ้าตายไปเสียก่อน บ้าไปเพราะความรู้สึกที่ไม่อาจจะตอบได้ว่ามันคืออะไร


“ เออไม่บอกใคร สรุปว่าเป็นไงมาไง” แม้จะรู้ทุกอย่างแต่เขาก็อยากได้ยินจากปากโต้งมากกว่า



“ คือมึงจำคืนร้าน wave ได้ใช่ไหม..นอกจากไอ้วิชญ์มันโดนวางยา กูเองก็โดนว่ะแล้วคืนนั้นกูก็ข่มขืนน้องรหัสมึงอ่า..” โต้งบอกเสียงอ่อยอย่างแปลกใจตัวเอง จากที่เคยมั่นใจแต่ครั้งนี้กลับรู้สึกแปลกๆ ไม่สามารถบอกออกมาเป็นคำพูดได้


“ น้องกาณฑ์กู..” บอมแสร้งรำพัน


“ ของกู..” โต้งรีบแย้ง

“ ข่มขืนเขาแล้วจะไปถือสิทธิ์ในตัวเขานี่นะ..” มือหนาป้าบเข้าให้หลังกะโหลกเพื่อน แล้วเอ่ยสำทับอีกระลอกหนึ่ง


“ กูควรทำไงดีนี่บอม..กูมืดแปดด้านไปหมดแล้วว่ะ..”



“ กูว่าทางที่ดีนะมึงควรคุยกับน้องกาณฑ์ให้รู้เรื่อง มึงรู้รึเปล่าว่าน้องกาณฑ์พักหลังมานี้ไม่ร่าเริงเหมือนเมื่อก่อน แถมยังไม่ค่อยพูดค่อยจากับใครอีก...ครั้งก่อนก็เสียใจเรื่องไอ้วิชญ์มาทีหนึ่งแล้ว ครั้งนี้มึงอีกกูละเหนื่อยใจแทนน้องรหัสกูจริงๆ..นี่ถ้าไม่ติดว่ามึงจะเคลียร์กับน้องกาณฑ์ งานนี้กูรับอาสาเป็นกาวดามใจสานรักเลย”



“ ไม่ต้องพูดมาก แล้วห้ามคิดอะไรกับกาณฑ์ด้วย งานนี้กูพูดเอง” โต้งตัดบทแล้วเดินออกจากการสนทนาไปอย่างครุ่นคิด..แม้จะบอกตัวเองให้ไปพูดกันตรงๆ แต่โต้งก็เหมือนจะไม่กล้า หลบๆแอบๆมองกาณฑ์จากที่ห่างๆ แต่เหมือนการกระทำเช่นนี้จะยิ่งเพิ่มความร้อนใจให้เขาไปใหญ่ เมื่อตอนนี้มีชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังเข้ามาทำทีเหมือนจีบกาณฑ์ ..


จนวันนี้วันที่ความอดทนของโต้งสิ้นสุดก็ได้เดินทางมาถึง


“ พอแล้วแจ๊ค ..กาณฑ์บอกแล้วไงว่ากาณฑ์ไม่เป็นอะไร..”

“ โห่ก็แจ๊คบอกแล้วไงว่าอยากถือให้..กาณฑ์ไม่ต้องกังวลไปหรอกนะ.. แล้วอีกอย่างกาณฑ์ก็ไม่มีใครไม่ใช่เหรอ จะให้โอกาสแจ๊คบ้างไม่ได้หรือไง..” คนตัวสูงผิวขาวเอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์ดี เขาช่วยกาณฑ์ถือของมาตั้งแต่ตึกเรียนจนถึงหน้าห้องของอีกฝ่าย


“ แจ๊ค..” กาณฑ์ไขกุญแจเข้าไปในห้องอย่างเหนื่อยใจ แต่ทันทีที่ประตูเปิดออกว่านก็ดันตัวเขาเข้าไปแล้ววางของลง มือสองข้างวางกดบนบ่าของกาณฑ์อย่างรวดเร็ว


“ ก็แจ๊คบอกแล้วไงว่าชอบกาณฑ์จริงๆนะ..” แจ๊คบอกไปด้วยน้ำเสียงจริงจัง



“ แต่..”



“ แต่อะไรเหรอ..หรือกาณฑ์มีใครแล้ว” คนตัวสูงถามออกไปอย่างร้อนใจ เพราะเกรงว่าคำตอบของคนที่ตนแอบชอบจะเป็นใช่ เช่นนั้นเขาคงรู้สึกเจ็บไม่ใช่น้อย



“ เออมีแล้ว” ไม่ทันที่กาณฑ์จะตอบ เสียงของโต้งของดังขึ้นอย่างไม่ชอบใจนัก..



“ พี่โต้ง” ทั้งกาณฑ์ทั้งแจ๊คหันไปมองต้นเสียงอย่างรวดเร็ว แต่ทั้งสองก็กลับเรียกชายอีกคนด้วยน้ำเสียงแตกต่างกันสิ้นเชิง แจ๊คนั้นแปลกใจที่อยู่ๆพี่สุดป๊อบในคณะปรากฏตัวที่นี่ แต่กาณฑ์กลับรู้สึกตกใจมากกว่า เพราะในบรรดาคนทั้งหมดตอนนี้เขาไม่อยากเจอโต้งที่สุด


“ เออ...ปล่อยมือจากกาณฑ์ได้แล้ว” โต้งพยักหน้ารับแล้วเอ่ยขึ้นอย่างหวงก้าง



“ อะไรพี่..” แจ๊คถามอย่างไม่เข้าใจ



“ เอามือมึงออกจากเมียกูได้แล้วไอ้แจ๊ค..” โต้งเน้นเสียงเข้ม พร้อมทั้งเดินมาแกะมือของแจ๊คออกอย่างเร็ว และคำของเขาก็ทำให้ทั้งกาณฑ์และแจ๊คต้องเบิกตากว้างอย่างตกใจ


“ พี่โต้งพูดอะไร..”



“ เงียบไปพี่ยังมีเรื่องเคลียร์กับเราอีกยาว ..ส่วนมึงจำไว้ด้วยว่านี่เมียกูแล้วไม่ต้องมายุ่งมาจีบอีก..แล้วถ้าคนอื่นรู้เรื่องวันนี้ไม่ต้องบอกคงรู้นะว่ามึงจะเจออะไร..” โต้งเลื่อนกายมาบังกาณฑ์ไว้ แล้วเอ่ยกับแจ๊คอย่างกำชับ ..



“ พี่โต้ง..” แจ๊คเหมือนจะแย้ง แต่ก็รู้ดีว่าโต้งนั้นร้ายไม่ใช่ย่อยหากกล้าแหยม ..ได้โดนสหบาทาเป็นของขวัญชิ้นงามแน่นอน .. ท้ายสุดว่านเลยต้องยอมปลีกไปจากนั้นโต้งเลยลากกาณฑ์กลับเข้าไปในห้องอย่างไม่รอช้า




“ ถึงตาเราแล้ว..” โต้งเอ่ยขึ้น


“ อะไร กาณฑ์ไม่มีอะไรจะพูดกับพี่โต้งนี่..” กาณฑ์พยายามวางเสียงให้เป็นปกติ ทั้งที่ความจริงตัวเองกำลังตกอยู่ในความกลัว



“ เราหลบหน้าพี่ทำไม..” โต้งถามตรงประเด็น


“ กาณฑ์ไม่ได้หลบ แต่ไม่เจอกันเองต่างหาก”


“ งั้นก็ได้.. งั้นมาพูดถึงเรื่องของเราดีกว่า ..นับตั้งแต่วันนี้พี่จะให้กาณฑ์ไปอยู่กับพี่ที่คอนโด..” โต้งพยักหน้าให้แล้วเปลี่ยนเป็นพูดเรื่องใหม่ที่ทำให้กาณฑ์ต้องกังวล


“ อะไร”..


“ ไปอยู่กับพี่..พี่ทำเหมือนเรื่องวันนั้นไม่เคยเกิดไม่ได้หรอกนะ..”

“ กาณฑ์บอกพี่แล้วว่าหากพี่จะรู้สึกผิดหรืออะไรก็ไม่จำเป็นหรอกนะ กาณฑ์ไม่ได้คิดอะไร” กาณฑ์สะอึกเพราะความเจ็บ อีกแล้ว .. อีกแล้วที่เขาต้องเจอกับบางสิ่งบางอย่างที่เจ็บปวด เหตุไฉนความรักถึงไม่ปรากฏกับเขาเลยสักครั้ง ทั้งๆที่มันคือสิ่งที่เขาต้องการมากที่สุด


“ ไม่ต้องพูดมากยังไงกาณฑ์ก็เป็นเมียพี่แล้ว..” โต้งชะงักไปแต่ก็ทำปากไม่ตรงกับใจพูดต่อ


“ ถ้าอย่างนั้นกาณฑ์ไม่ต้องลากพี่วิชญ์มาเป็นผัวกาณฑ์อีกคนหรือไง” เสียงที่ตวาดพร่าพรั่งด้วยน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างเจ็บปวด


“ เรื่องที่ผ่านพี่ไม่สน ...แต่ตอนนี้กาณฑ์ต้องไปกับพี่..”


“ กาณฑ์ไม่ไป..”



“ อย่าดื้อนะกาณฑ์..” โต้งปรี่กายเข้าหาอีกคนแล้วขู่ขึ้นอย่างไม่พอใจ แต่ขณะนั้นบานประตูของห้องก็เปิดออกอีกครั้ง ทำให้คนที่เดินเข้ามาถึงกับชะงัก


“ เล่นอะไรกันเหรอ..” โจรูมเมทผิวคล้ำของกาณฑ์ถามขึ้นหน้าตาย


“ มึงไม่ต้องมาตลกไอ้โจ ผัวเมียเขากำลังเคลียร์กันรีบไปไกลๆตีนเลยไป..” โต้งแหวเข้าใส่อย่างไม่กลัวหน้าอินทร์หน้าพรหมใดๆ..



“ พี่โต้งพูดบ้าอะไร..” กาณฑ์แย้งขึ้น


“ ตกลงจะตามพี่ไปดีๆไหม..”



“ ไม่” กาณฑ์ยังคงยืนยันคำเดิม



“ ดี.. ไอ้โจมึงย้ายไปอยู่ห้องกูก่อนไป ตั้งแต่วันนี้กูจะมาอยู่ที่นี่กับเมียกู..” โต้งแย้มปากขึ้นอย่างเคืองๆคนตรงหน้า สุดท้ายเลยมัดมืดชกเข้าให้ เล่นมัดแบบเงื่อนตายจนกาณฑ์ไม่อาจจะแกะได้

“ พี่โต้งมีสิทธิ์อะไรมาบังคับโจ..” กาณฑ์ร้องขึ้น


“ ไอ้โจมึงโดนบังคับไหม..” รุ่นพี่หน้าตี๋ถามขึ้นอย่างจงใจ ลองโจกล้าตอบว่าบังคับสิไม่ต้องบอกก็รู้ว่าจะเจออะไรเป็นรางวัล ยิ่งตอนนี้โต้งยิ่งโกรธจัดๆ ยิ่งทำให้ทุกอย่างเหมือนจะร้ายลงเรื่อยๆ


“ เปล่าๆ..โอเคเลยพี่โต้งโอเค โจย้ายๆ..” โจรีบบอกก่อนจะใช้เวลาแค่สามสิบวินาที เก็บเสื้อผ้าข้าวของของตนลงกระเป๋าแล้วถอยกรูดออกจากวิถีอำมหิตอย่างเร็วที่สุด เพียงชั่วครู่ห้องทั้งห้องก็เหลือเพียงทั้งสองคนที่ๆไม่มีใครจะลดราวาศอกลงเลย ..

“ โธ่เว้ย..” กาณฑ์ทิ้งตัวเองลงบนเตียงอย่างอ่อนใจ .. ที่นี่ไม่ได้ใหญ่โตอะไร เปิดประตูมาถึงก็เจอเตียงนอน เพราฉะนั้นไม่ว่ากาณฑ์จะเคลื่อนไปมุมไหนก็เห็นแต่โต้งตลอด

“ เป็นอะไรเบื่อผัวตัวเองมาหรือยังไง..” โต้งถามขึ้นเสียงขุ่



“ ..” กาณฑ์หันมองอย่างเซ็งๆ แต่ไม่ได้โต้ตอบกลับไป เพราะรู้ว่ายิ่งพูดก็ยิ่งทะเลาะกันใหญ่ .. ชายหนุ่มปิดตาลงเพราะอยากตัดทุกอย่างออกไปให้หมดสิ้น ..เขาไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาเจอตอนนี้คืออะไร โต้งที่กำลังบีบรัดให้กายของเขาอยู่ใกล้ๆ ต้องการอะไรกันแน่



กาณฑ์จำต้องยอมให้ชีวิตของตนมีใครอีกคนพ่วงเข้ามาอย่างทำอะไรไม่ได้..


ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่อีกคนต้องการ ..


มือหนาที่ชั่งใจอยู่นานตัดสินใจพาดลงบนร่างของคนข้างกายอย่างรวดเร็ว

“ ทำอะไรน่ะพี่โต้ง..” กาณฑ์ที่หลับตาอยู่ถามขึ้นอย่างตกใจ



“..” แต่ไม่มีเสียงใดตอบกลับมา .. มีเพียงร่างของอีกคนที่ขยับเข้ามาใกล้จนชิดติดกัน กาณฑ์พยายามจะขยับหนีแต่เหมือนจะไม่สามารถต้านแรงที่ปรากฏได้เลยสักนิด ท้ายที่สุดก็ปล่อยให้โต้งกอดเอวตัวเองอย่างนั้นอย่างห้ามไม่ได้ ..



ชีวิตของแต่ละคนย่อมมีเส้นทางแตกต่างกัน ..ทุกชีวิตต้องก้าวไปข้างหน้าตามกรรมที่เคยประกอบกันมา
ล้วนแตกต่างและไม่มีทางเหมือนกัน .. ทุกย่างก้าวต้องใช้สติควบคุมอย่างมากมาย แต่กระนั้นคนเราก็ไม่สามารถหยุดอุปสรรคที่จะเข้ามาในชีวิตได้หรอก..


“ สวัสดี..” ประตูรถคันหรูเปิดออก พร้อมเสียงทักทายจากชายหนุ่มผิวสีแทน มีหนวดที่แต่งประปรายพอเข้าที่..



“ คุณ...คุณเอก..” คนตัวสูงชะงักไปเล็กๆ พยายามนึกว่าเคยเจอคนที่ทักทายเขาที่ไหน เพียงครู่วิชญ์ภาสก็รับรู้ได้ว่าคนคนนี้คือที่ทำให้กรณ์ต้องกลุ้มใจอยู่จนถึงทุกวันนี้.. แม้เขาจะรู้มาบ้างถึงปัญหาในอดีตแต่ไม่คิดว่าเอกจะทำให้กรณ์วุ่นวายมากมายเช่นนี้


“ พอจะมีเวลาคุยกับฉันไหม..”



“ ผมมีธุระ..” ชายหนุ่มปฏิเสธไปเพราะไม่อยากเอาตัวไปยุ่งเกี่ยวกับคนตรงหน้า.. ขึ้นชื่อว่าทำร้ายกรณ์เขาก็ไม่พร้อมจะคุยจะพบเจอหรอก..



“ งั้นถ้าฉันจะบอกนายว่าฉันมีข้อเสนอดีๆ ที่ทำให้สายลมรีสอร์ตพ้นจากปัญหาที่เกิดขึ้นล่ะ..” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ยอมคล้อยตาม เอกเลยเลือกจะใช้สายลมมาเป็นข้ออ้างให้ชายหนุ่มตามเขาไป.. เพราะเขาเชื่อว่ายังไงวิชญ์ภาสก็คงอยากให้สายลมรีสอรต์รอดพ้นจากปัญหาที่เป็นอยู่แน่ๆ


“ คุณพูดจริงเหรอ..” ทันทีที่ได้ฟังใจของชายหนุ่มก็เอนโอน



“ ใช่..” เอกพยักหน้าให้ ..ทำให้วิชญ์ภาสต้องยอมขึ้นรถมากับเอกอย่างไม่ปฏิเสธ ชายหนุ่มจอดรถของตนไว้ที่มหาวิทยาลัยและนั่งรถไปกับเอก


“ เราจะไปไหนกันครับ..”



“ ปกตินายก็ต้องกลับสายลมไม่ใช่เหรอ.. ฉันก็กำลังจะกลับบ้านพอดีงั้นเราไปหาอะไรทานในโรงแรมแถวๆตัวเมืองแล้วกัน จะได้คุยธุระกันด้วย..” ปากคู่นั้นแบะออกอย่างเหยียดๆ .. แท้จริงเขาอิจฉาเจ้าตากลมข้างกายไม่ใช่น้อยที่ได้ครองหัวใจของกรณ์ ..แม้วิชญ์ภาสจะหล่อ จะดูดี แต่ผู้ชายแบบนี้ก็มีถมเถ ทำไมกรณ์ต้องปักใจและยอมเสียทุกอย่างเพื่อมีคนคนนี้อยู่ข้างกายด้วยล่ะ..



“ ครับ..” นักศึกษาหนุ่มรับปาก .. พรุ่งนี้ค่อยเข้ากรุงเทพฯกับรถโดยสารก็คงไม่ลำบากอะไร หากเทียบกับสิ่งที่จะได้คุยกับคนข้างกาย



เจ้าของอมรารีสอรต์จงใจขับรถพาวิชญ์ภาสมาทานข้าวด้วยกัน ที่ห้องอาหารในโรงแรมใหญ่เครือสายลม ..เพราะรู้ดีว่าวันนี้เลขาฯสาวของกรณ์จะมาตรวจงานที่โรงแรม ..

“ คุณเอก..” คนผิวสีน้ำผึ้งถึงกับตะลึง .. จากวันก่อนที่ได้ยินว่าเอกขอวิชญ์ภาสจากกรณ์ แต่ไม่คิดว่านั่นจะเป็นความจริง ..



“ ...” หญิงสาวหลบมุมอย่างรวดเร็วแล้วต่อสายถึงเจ้านายให้รู้ .



“ อะไรนะ..” คนปลายทางถึงกับหัวเสียเมื่อรับทราบข้อมูล ..กรณ์รีบออกจากบริษัทตรงดิ่งมายังโรงแรมสายลมที่ห่างออกไปไม่เท่าไหร่อย่างรวดเร็ว .. เพราะตอนนี้เอกกำลังรุกหนักหากกรณ์ชะล่าใจอาจต้องเสียทั้งสายลมและหัวใจก็เป็นได้


คนร่างบางเดินก้าวเข้ามาในโรงแรมก็พบเลขาฯสาวรออยู่..เธอรีบพากรณ์เข้าไปยังทางเดินเล็กๆที่ทอดตัวอยู่ภายในห้องอาหาร ซึ่งแบ่งเป็นห้องส่วนตัวเล็กๆมากมาย ..


“ ตกลงจะว่ายังไงครับ..” ส่วนคนในห้องก็เริ่มเปิดประเด็น



“ ทางออกของเรื่องราวมันไม่ยากอะไร แค่นายมาอยู่กับฉัน อมรากับสายลมก็จะไม่เป็นศัตรูทางธุรกิจเช่นทุกวันนี้..” คนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเหยียดปากออกอย่างรวดเร็ว .. ในเมื่อคุยกับกรณ์ไม่เป็นผลเลยเลือกจะเจาะตรงเป้าหมายเพราะรู้ดีว่าวิชญ์ภาสเองก็รักกรณ์มาก..

“ คุณว่าอะไรนะ..” ชายหนุ่มตรงข้ามเหมือนจะตกใจไม่ใช่น้อยที่ได้ยินคำนี้จากปากของคนตรงหน้า


“ ฉันบอกให้นายมาเป็นคนของฉัน ..สายลมก็จะรอด..”


“ ไม่มีทาง..” วิชญ์ภาสตอบกลับไปอย่างไม่ต้องคิด เขาไม่อาจอยู่ได้หากต้องห่างกรณ์ และการทิ้งกรณ์คือสิ่งสุดท้ายที่เขาจะทำ


“ ฉันก็เพิ่งรู้นะว่าคุณกรณ์เขาเลี้ยงเด็กเห็นแก่ตัวไว้ข้างกาย ..” เอกจงใจใช้คำเหยียดย่ำน้ำใจของอีกฝ่าย


“ ผม..” เหมือนคนฟังจะชะงักงันพอตัว


“ ขอแค่นายมาอยู่กับฉัน ..รีสอรต์สายลมจะรอดพ้นจากทุกปัญหา..” รอยยิ้มพราวพรายออก พร้อมร่างที่สูงน้อยกว่าปรี่เข้าหาอีกคนที่นั่งอยู่ตรงข้าม .. ด้วยเพราะเป็นห้องส่วนตัวที่มิดชิดทุกด้าน เลยทำให้เอกกล้าจะทำอย่างนี้ออกไป..


“ คุณจะทำอะไร..” คนที่นั่งอยู่ถามเสียงแข็ง


“ เลือกแล้วกันนะ..ว่าอยากให้สายลมต้องแย่ไปกว่านี้หรือเปล่า..” ชายหนุ่มใช้สายลมมาเป็นข้ออ้าง ..วิชญ์ภาสที่ได้ยินชื่อสายลมก็เกิดวิตก เพราะตอนแรกเขาก็คิดว่ารีสอร์ตสายลมเป็นแค่หนึ่งในธุรกิจ หากจะล้มไปคงไม่เป็นอะไร แต่เมื่อได้รู้ว่ามันคือหัวใจของพ่อและแม่ของกรณ์เลยทำให้วิชญ์ภาสตระหนักดีถึงความสำคัญ


“ คุณ..” จากร่างกายที่ทัดทานก็จำต้องหยุดนิ่ง .. ชายหนุ่มจำต้องกลั้นใจไม่ตอบโต้



เจ้าของอมราปรายยิ้มออกอย่างสมใจ ที่ลูกไก่ตัวนี้กำลังจะถูกบีบให้ตายคามือ..เขาจะขยี้หัวใจกรณ์ให้สาสมกับสิ่งที่เกิดขึ้น .. มือของเอกค่อยเลื้อยเข้าไปตามช่องว่างด้านหน้าเสื้อที่เป็นตะเข็บกระดุม.. จงใจดันเข้าไปจนกระดุมด้านหน้าต้องปริออก..


“ มองหน้าฉันสิ..” เอกเอ่ยขึ้นอย่างเหนือกว่า .. ทำให้ต้องยอมมองอีกคนด้วยความรู้สึกเจ็บปวด นี่เขากำลังจะทรยศกรณ์ใช่ไหม นี่เขากำลังจะทำอะไรกันแน่.. เขารู้แต่เพียงเขารังเกียจร่างกายที่กำลังคืบคลาน.. เขาสมเพชชะตาที่ทำให้ต้องเดินอยู่ในเส้นทางของความสับสน ..


“ หยุดนะ..” กรณ์ที่ยืนฟังอยู่นานจำต้องแสดงตนอย่างทนไม่ได้..

“ คุณกรณ์..” วิชญ์ภาสที่ยืนแข็งใจอยู่นานเอ่ยเรียกชื่ออีกคนอย่างตกใจ ..


“ สวัสดีคุณกรณ์..” เอกผละออกจากร่างของวิชญ์ภาสอย่างรวดเร็ว หันมาส่งยิ้มมาดร้ายให้กรณ์อย่างชัดเจนไม่ปิดบังแต่อย่างใด ..


พลั้ว.. หมัดหนักๆจากมือนุ่มๆกระแทกเข้าใส่ใบหน้าของอดีตเพื่อนรักอย่างแรง จนร่างนั้นเซล้มลงไปกองกับพื้นด้านหลัง .. กรณ์ปรี่เข้าไปดึงแขนคนที่ยืนนิ่งอยู่นานหลายวินาทีมาข้างตัวอย่างแสนหวง


“ จำไว้ว่าอย่ามายุ่งกับของของฉันอีก ถ้าแกยังกล้าแกได้เจอดีแน่.. ที่ฉันทนเจรจาอ่อนข้อให้อมรามานานนั่นเพราะไม่อยากสร้างศัตรูเพิ่ม แต่ถ้าแกยังกล้ารับรองชาตินี้แกได้รู้แน่ว่าตายทั้งเป็นเป็นยังไง” กรณ์กราดด่าอีกคนอย่างอาฆาต พูดจบก็ลากคนของตนออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางความสับสนของคนที่รับหน้าทั้งเอกและกรณ์ ..


“ คุณเป็นยังไงบ้าง..” หญิงสาวที่พากรณ์มาเดินก้าวเข้ามาในห้อง แล้วเอ่ยถามขึ้น


ฉาด …ใบหน้าคมสวยสะบัดไปตามแรงมือหนักๆ



“ นี่สำหรับการที่เธอทรยศฉัน..” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นอย่างเจ็บใจแล้วเดินออกจากห้องไป ทิ้งไว้เพียงหญิงสาวที่โชคชะตาช่างเล่นตลกได้เหลือร้าย ..


“ โอ๊ะ..” หญิงสาวที่ล้มลงร้องขึ้นอย่างวิงเวียน ..


“ เหม็นอะไรนี่..” เธอเอ่ยขึ้นอย่างแปลกใจตัวเอง .. ทั้งที่ด้านหน้าคืออาหารรสเลิศของโรงแรม แต่กลับสร้างความวิงเวียนและคลื่นเหียนจนแทบจะอาเจียน ..!!

“ หรือว่าฉัน..” หญิงสาวไม่อยากจะนึกต่อถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับเธอ อย่าบอกนะว่าสวรรค์จะโหดร้ายกับเธออีกครั้งเข้าแล้ว .. !!!


หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 34+35+36
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 15-06-2009 23:59:46
เอาไปแค่ 3 ตอนก่อนนะ ขอตัวไปอ่านเรื่องอื่นบ้างอะไรเดี๋ยวมาลงให้อีกค่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 34+35+36
เริ่มหัวข้อโดย: doomare ที่ 16-06-2009 02:35:40
เต็มอิ่มจริงๆ

เชียร์คู่น้องกานต์

อุปสรรคเริ่มมาอีกแว้ววววว
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 34+35+36
เริ่มหัวข้อโดย: canzaa ที่ 16-06-2009 04:17:02
เป็นกำลังจัยให้นะคับ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 34+35+36
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 16-06-2009 07:52:44
 :laugh:โต้งสู้ๆๆๆเอาชนะกาณฑ์ไห้ได้น้าๆๆๆๆๆ o13
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 34+35+36
เริ่มหัวข้อโดย: menano ที่ 16-06-2009 09:13:54
ดีใจมากมายอ่ะ

มาทีเดียว 3 ตอนรวด

อยากจะกรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด

แถมงานนี้น้องกาณฑ์ก็มีคนมาเสนอตัวให้เรียบร้อย

ไม่รู้ว่าจะดีใจหรือเสียใจกับกาณฑ์ดีเนอะ

ดูท่าทางว่าโต้งจะไม่ยอมง่าย ๆ ด้วย

แต่เชียร์โต้งนะ 55555555555

แต่สงสารคุณสุรีย์อ่ะ

ไม่น่าพลาดเล้ยยยยยยยยยยยย

หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 34+35+36
เริ่มหัวข้อโดย: k_U_K_K_I_K ที่ 16-06-2009 10:18:05
 :z1: :z1: :z1:ไม่ได้มาอ่านสองวัน จุ๊ใจเลย วันนี้ก้อเข้ามารออีกแว้ว :mc4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 34+35+36
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 16-06-2009 19:40:45
แหม นึกว่ากานฑ์จะได้กับสุรีย์ซะอีก  :z1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 34+35+36
เริ่มหัวข้อโดย: k_U_K_K_I_K ที่ 16-06-2009 20:37:28
วันนี้ไม่มาต่อ เหรอคร้า รออยู่อ่ะ :impress2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 34+35+36
เริ่มหัวข้อโดย: nanao ที่ 16-06-2009 20:38:28
แอบปันใจให้น้องกาณฑ์กับพี่โต้งหน่อย ๆ

โหยอ่านเพลินเลยทีเดียว ขอบคุณมากครับ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 34+35+36
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 16-06-2009 22:21:37
ดุเดือดเลือดผล่านนนนนนนนนนนนนนนนนนทุกคู่เลย แอบเชียรโต้งกาณฑ์ อิอิ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 34+35+36
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 16-06-2009 23:36:20
 o13 :t3: :t3:แอบเชียรโต้งกาณฑ์
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 34+35+36
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 17-06-2009 08:39:08
 :3123:ต้องขอโทษผู้อ่านทุกทานด้วยค่ะ
เมื่อวานไม่วางจริงๆเลยมาลงไม่ได้
วันนี้จะลงให้ค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 34+35+36
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 17-06-2009 09:05:53
ตอนที่ 37


ตลอดทางที่รถแล่นออกจากโรงแรมเครือสายลม ..บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบ เจ้าคิ้วเข้มที่เปลี่ยนหน้าที่จากคนขับมาเป็นคนนั่งก็ทำอะไรไม่ถูก เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ไม่ต่างอะไรจากการทรยศ ดีนะที่เอกยังไม่แตะเนื้อต้องตัวเขามากกว่านี้ ไม่อย่างนั้นไม่รู้ว่ากรณ์จะรู้สึกยังไง

เพียงไม่นานรถของกรณ์ก็จอดลงด้านหน้ามุขบ้านสายลม ..ประมุขร่างเพรียวเปิดประตูแล้วเดินเข้าไปภายในบ้านโดยไม่พูดอะไรเลยสักคำ ชายหนุ่มได้แต่เดินตามอย่างไม่ยอมห่าง .. จนเมื่อทั้งสองเดินเข้ามาภายในห้องส่วนตัวเขาจึงได้ปริปากพูด

“ คุณกรณ์..” เสียงนั้นดูระส่ำไม่ค่อยจะมั่นคงสักเท่าไหร่


“ อะไรเหรอ..” เสียงที่ตอบกลับมาราบเรียบ .. ไม่ได้มีแวะขุ่นเคืองแต่อย่างใด ทำเอาคนฟังยิ่งร้อนใจไปมากกว่าเดิม .. เพราะปกติถ้ากรณ์โกรธ กรณ์เหวี่ยงจะแสดงออกมาให้เห็นทั้งน้ำเสียง แววตา หรือการกระทำ เมื่อไม่มีอาการเหล่านี้แสดงออกมาเลยทำให้คนหน้าคมดูจะกลุ้มไม่น้อย


“ ผมขอโทษ..”


“ เรื่อง .. ?” กรณ์หันกลับมาทางคนด้านหลังเลยถามขึ้น


“ เรื่องเมื่อครู่..ผมไม่ได้ตั้งใจ ผมขอโทษ..” ไม่รู้สิ เขารู้สึกผิด ผิดที่เป็นคนรักที่แย่ไม่สามารถช่วยเหลือคนหน้าสวยได้เลย ไม่ว่าจะเดินหน้าหรือถอยหลังก็ทำไม่ได้


ฟุบ..มือเรียวยกมือขึ้นกอดเอวของคนด้านหน้า แล้วกดศีรษะของตนลงบนอกหนั่นหนาอย่างอ่อนแรงอ่อนใจ ท่ามกลางความไม่เข้าใจของคนที่ถูกกอด


“ คุณกรณ์..” วิชญ์ภาสเหมือนอึ้งๆไป ไม่ค่อยเข้าใจคนตรงหน้าสักเท่าไหร่


“ ฉันอยาก..อยากให้นายเข้ามาในตัวฉัน..” เสียงแผ่วๆดังขึ้นอย่างเจ็บปวด .. กรณ์กำลังต้องการ ต้องการให้อีกร่างกายได้มอบความมั่นใจและความเชื่อมั่น


“ อะไรนะครับ..” มือแกร่งกระชับตรงบ่าบางให้ร่างห่างจากกัน ..แล้วเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ


“ นายห้ามเป็นของใคร ห้ามให้ใครแตะตัวอีกเด็ดขาด..” กรณ์เอ่ยขึ้นอย่างหนักแน่น ของของเขา ..ของของกรณ์ไม่มีทางยกให้ใครเด็ดขาด ยิ่งเป็นของที่รักย่อมหมายถึงว่าไม่มีทางที่ใครจะยุ่มย่าม


“ ผมขอโทษ..”

“ ฉันไม่ได้โกรธ..” กรณ์บอกเบาๆ..ก่อนจะยกมือทั้งสองขึ้นคล้องคอคนตรงหน้า แล้วเขย่งปลายเท้าของตนขึ้นส่งกายวางริมฝีปากคู่บางประทับลงบนริมฝีปากของอีกคน .. ลิ้นนุ่มๆเปิดเกมครั้งแรกด้วยความรู้สึกอยากยึดเหนี่ยว อยากหาที่พักพิง .. ลิ้นของอีกฝ่ายตอบรับการเริ่มต้น และค่อยๆผ่อนปรนอารมณ์ลงอย่างเป็นธรรมชาติ.. ร่างของทั้งสองล้มลงบนเตียงด้านหลังอย่างปลดปล่อย ..

“ ผมรักคุณ..” เสียงแผ่วๆกระซิบขึ้น


“ เข้ามา..ฉันอยากให้นายเข้ามา อยากให้นายย้ำให้ฉันแน่ใจว่าตอนนี้นายยังคงรักฉันเหมือนเดิม..” กรณ์บอกเสียงสั่นๆ ร่างกายของเขากำลังต้องการร่างกายของวิชญ์ภาสจริงๆ


“ ครับ..” คนตัวสูงยิ้มกว้างอย่างมีความสุข .. ค่อยๆสลัดเสื้อผ้าของทั้งสองคนออกอย่างนุ่มนวล ร่างกายที่เริ่มเคลื่อนไหว หัวใจที่เริ่มเปลี่ยนแปลง .. มันเดินทางด้วยความเบิกบานและอิ่มเอม ความรักคือเชือกเส้นหนาที่ชักพาสองร่างให้เปลี่ยนแปลงตามจังหวะของหัวใจ


ปลายเล็บของคนมือนุ่มจิกลงบนหลังหนั่นอย่างย้ำความหมาย .. มันค่อยๆจมลงในเนื้อแน่นอย่างละคลายความเจ็บปวด.. แต่ตอนนี้ไม่มีใครสักคนรู้ซึ้งถึงความหมายของการเจ็บปวด..

“ วิชญ์..”

“ ครับ ?” คนถูกเรียกเงยหน้าขึ้นมอง
..
“ อย่าสนใจคำพูดของไอ้บ้านั่นอีก ..อยู่ข้างๆฉันก็พอ” นั่นคือสิ่งที่คนตัวบางอย่างบอก .. เขาไม่สนใจว่าคนอื่นๆจะมองว่าเช่นไร เขาสนใจเพียงคนตรงหน้า สนใจเพียงการอยู่เคียงข้าง และหล่อเลี้ยงลมหายใจของกันและกันต่อเนื่องไป



“ ขอบคุณครับ” เหมือนหัวใจของเขาได้ยกเอาภูเขาแสนหนักออกจากใจ สิ่งที่เอกพูดดูจะไม่มีความหมายใดๆ เทียบเท่ากับความรักที่กรณ์มีให้ แม้คนตรงหน้าจะไม่เคยปริปากแต่ชายหนุ่มก็มั่นใจอย่างถึงที่สุดว่าหัวใจของกรณ์มีเขาอยู่เช่นกัน



กาณฑ์ถอนหายใจอย่างแรง .. ทันทีที่เดินออกจากห้องเรียน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าอะไรรอเขาอยู่ ตั้งแต่สองสัปดาห์ก่อนที่คนหน้าตี๋หุ่นบึ๊กเข้ามาในชีวิต ทุกอย่างก็เหมือนถูกกะเกณฑ์ ทุกวันที่มีเรียนโต้งจะมารอรับตรงหน้าตึกตอนเย็นเสมอ ส่วนตอนเที่ยงก็ต้องไปกินข้าวด้วยกัน จนทุกคนเข้าใจไปอย่างที่โต้งต้องการ .. แต่กระนั้นก็ยังมีหลายคนตั้งข้อสังเกตในการเจอกันของทั้งสอง .. เพราะจากนิสัยของโต้งที่ไม่เคยตามง้อ หรือตามก้นใคร ..ก็กลับมารอพบอีกคน ทั้งยังเป็นฝ่ายเข้าหาชนิดที่เล่นเอาบรรดาแก็งค์เสือต้องแปลกใจ จะมีก็เพียงบอมคนเดียวเท่านั้นล่ะมั้งที่รู้สาเหตุ ..วิชญ์ภาสเองยังคงไม่รู้เรื่องอะไรเพราะตอนนี้ปัญหาของกรณ์ค่อนข้างหนัก เรียนเสร็จก็กลับสายลมทันทีไม่มีเวลารู้ข่าว


“ เมื่อไหร่กาณฑ์จะเลิกถอนใจเวลาเห็นหน้าพี่สักที..” เจ้าคนหน้าตี๋เอ่ยถามเสียงขุ่น พร้อมทั้งลุกขึ้นเดินมาหยุดตรงหน้าคนที่สูงน้อยกว่า ..(รึเปล่านี่..)


“ ชิส์..” เจ้าจอมถูคิ้วจิ๊ปาก แล้วเดินเคียงไปกับโต้งอย่างไม่รู้จะทำยังไงดี..


“ กล้าดียังไงถึงไม่ตอบพี่..” โต้งไม่ยอมให้กาณฑ์เดินผ่านไปอย่างนี้.. คว้าแขนรุ่นน้องข้างกายเข้าหลบมุมตึกแล้วจัดการลงโทษอีกฝ่ายอย่างถือโอกาส ..ริมฝีปากหนาบดลงอย่างรวดเร็วเล่นเอากาณฑ์ถึงกับตกใจไม่น้อย .. แถมตอนนี้มือหนั่นหนายังคืบคลานคล้ายๆจะทำอะไรมากกว่าที่เป็น


“ พี่โต้ง..” กาณฑ์พยายามแข็งตัวจนโต้งยอมผละห่างเล็กน้อย ..


“ จำไว้ว่าอย่าทำอย่างนี้อีก..”


“ แล้วกาณฑ์ทำอะไรเล่า..” กาณฑ์ถามเสียงสั่นๆ รู้สึกน้อยใจคนตรงหน้าที่ดีแต่ใช้กำลังบังคับ ไม่เคยจะพูดดีๆกับเขาเลยสักครั้ง แต่กาณฑ์จะรู้อะไรหรือเปล่าล่ะว่าเจ้าคนตรงหน้ามันทำได้ดีที่สุดก็เท่านี้ โต้งไม่เคยรู้ว่าการต้องเข้าหาคนที่เขาฝากรอยแผลไว้ควรทำเช่นไร .. ความจริงชายหนุ่มกำลังใช้ความหยาบกระด้างปกปิดความจริงในใจมากกว่า

“ ปากดีนี่..” โต้งขบกรามแน่นแล้วจู่โจมคนตรงหน้าอีกครั้ง


“ ว้าย..” เสียงหนึ่งดังขึ้น ทำเอากาณฑ์หัวใจตกหล่นหาย .. ส่วนโต้งก็หันขวับไปทางเสียงร้องที่ดังขึ้น ..


“ มองอะไรไม่เคยเห็นแฟนเขาจูบกันหรือไง..” โต้งเหวี่ยงใส่อย่างไม่สนใจหน้าไหนทั้งสิ้น ..ตอนนี้เขากำลังวุ่นวายหัวใจ ..


“ ขอโทษค่ะ..” แม่สาวที่เดินทะเล่อทะล่าไม่ดูตาม้าตาเรือรับเสียงอ่อย แล้วรีบหนีไปอย่างเร็วที่สุด ก่อนที่รังสีพิฆาตจากตัวดวงของชายหนุ่มจะแผดเผาเอา



“ พี่โต้ง..” กาณฑ์รู้สึกหน้าชากับคำของโต้ง.. รวบรวมแรงที่มีผลักโต้งออกแล้วรีบเดินจากแต่เพียงไม่กี่ก้าวต่อมาโต้งก็เดินมาทัดได้ทันแล้วยกมือขึ้นโอบเอวอย่างไม่อายใครหน้าไหน



“ ถ้าดิ้นพี่จะจูบตรงนี้เลย” โต้งขู่เสียงเข้ม เล่นเอากาณฑ์ไม่กล้าจะขยับเพราะรู้ดีว่าคนข้างกายมันใจกล้าบ้าบิ่นขนาดไหน ขนาดโดนคนอื่นเจอเมื่อกี้ยังหน้าตายไม่สนฟ้าสนดิน โต้งขับรถพากาณฑ์กลับมายังหอพักแถวๆมหาวิทยาลัย ..ตั้งแต่เมื่อวันก่อนเขาก็ย้ายข้าวย้ายของมากมายมาไว้ที่ห้องกาณฑ์ ..ราวกับจะปักหลักอยู่ที่นี่ถาวรตราบใดที่กาณฑ์ยังคงอยู่



เย็นนั้นทั้งสองใช้ชีวิตด้วยกันเช่นทุกที.. กาณฑ์ประหยัดถ้อยคำทุกครั้งที่อยู่กับโต้ง ส่วนอีกคนก็ไม่ว่าอะไรแค่เห็นกาณฑ์อยู่ในสายตาก็เพียงพอแล้ว .. เหตุการณ์แห่งความเงียบยังคงดำเนินไปจนฟ้าเริ่มมืด.. คนตัวบางจัดแจงอาบน้ำอาบท่าเสร็จก็สวนกับอีกคนที่กำลังจะเดินเข้าห้องน้ำทันที.. แต่ระหว่างที่สวนกันโต้งก็คิดพิเรนทร์แอบยื่นมือไปดึงชายผ้าเช็ดตัวของกาณฑ์เอาไว้ คนที่เดินผ่านไม่ทันระวังและไม่รู้ตัว



“ เฮ้ย..” กาณฑ์ถึงกับสะดุ้งเมื่อรู้สึกตัวว่าผ้าของตนกำลังห่างกายไปเรื่อยๆ รีบยกมือขึ้นจับอย่างทันท่วงที ดวงตาคู่เรียวตวัดไปมองโต้งอย่างเคืองๆ..

“ พี่โต้งอย่าแกล้งกาณฑ์นะ..”


“ ล้อเล่นนิดหน่อยทำเป็นเสียงแข็งไปได้..” โต้งเอ่ยอย่างอารมณ์ดี ดวงตาคู่นั้นจ้องไปยังร่างเบื้องหน้าด้วยความรู้สึกที่เปลี่ยนไป ตอนแรกก็อย่างแกล้งแต่ตอนนี้กลับรู้สึกอีกแบบ ความร้อนเริ่มไหลวนไปมาอย่างไม่อาจจะห้ามปราม ตั้งแต่ที่มีอะไรกับกาณฑ์ในคืนนั้นโต้งก็ไม่เคยแตะต้องตัวใครคนอื่นอีกเลยแม้แต่คนเดียว


“ พี่โต้งมองอะไร..” กาณฑ์เริ่มรู้ตัวว่าสายตาตรงหน้าเปลี่ยนแปลงไป



“..” ชายหนุ่มไม่ตอบอะไร ได้แต่ตวัดร่างกาณฑ์เข้ามาใกล้แล้วผลักให้ร่างนั้นล้มลงบนเตียงด้านหลังที่อยู่ไม่ไกล โดยตัวหนั่นหนาของคนหน้าคมล้มลงมาด้วย มือบางของคนถูกทับยกดันอกตรงหน้าไม่ให้ล้มลงมามากกว่าเดิม


“ พี่โต้งอย่าทำอย่างนี้นะ..”

“ ทำอะไร..”


“ กาณฑ์ไม่ยอมนะ..” กาณฑ์เสียงแข็ง


“ ทำไมต้องเสียงแข็งใส่พี่ด้วย .. มันแปลกอะไรคนเป็นอะไรกันก็ต้องมีอะไรกันเป็นเรื่องธรรมดา..” โต้งข่มเสียงให้นิ่งแล้วใช้ดวงของตนสะกดให้กาณฑ์เลิกค้าน



“ พี่โต้ง..กาณฑ์ไม่ได้เป็นอะไรกับพี่โต้งสักหน่อย..” เสียงของคนที่ถูกทับแสดงออกชัดว่าไม่ได้แข็งเหมือนแรกเริ่ม แต่กลับสั่นเพราะความหวั่นเกรงในคนที่มองตนอยู่ ..



“ จนป่านนี้แล้วยังไม่รู้อีกว่าเป็นอะไรกัน..” โต้งบอกเสียงเข้ม ก่อนจะปิดเสียงจากปากคนตรงหน้าไว้ด้วยปากของตัวเอง มือหนายกขึ้นกดข้อมือทั้งสองของกาณฑ์ไว้เสมือนพันธนาการชั้นดีที่ทำให้คนข้างล่างไม่อาจขัดขืน ..ริมฝีปากที่คลอเคลียไปแต่ละจุดทำให้ร่างกายที่ขัดขืนเริ่มอ่อนแรงอย่างไม่อาจต้านทาน จนท้ายที่สุดกาณฑ์ก็ไม่อาจขัดขืนกำหนัดที่ธรรมชาติสรรค์สร้าง แท้จริงหากโต้งกล้าเอ่ยปากให้กาณฑ์ได้รู้สักนิดว่าในใจของเขาคิดอะไรอยู่ทุกอย่างคงไม่วุ่นวายอย่างที่เป็นหรอก ..



แท่งสีขาวที่ปรากฏสัญลักษณ์ขีดสีแดงเข้มหล่นลงจากมือหญิงสาวอย่างรวดเร็ว
หยดน้ำตาที่หลั่งไหลบอกชัดถึงความเสียใจและจุกในอก.. สวรรค์โหดร้ายกับเธอได้มาจนเพียงนี้เหรอ.. หญิงสาวรีบเดินออกจากห้องน้ำแล้วตรงดิ่งไปยังโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว เพราะอยากรู้คำตอบที่แน่ชัด.. และมันก็ไม่ได้มีอะไรผิดเปลี่ยนไปสักนิด


“ ฉันท้องจริงๆเหรอคะคุณหมอ..” หญิงสาวถามด้วยเสียงพร่าสั่น ..


“ ครับคุณสุรีย์ท้องได้สามเดือนแล้ว ..” ชายหนุ่มผิวเข้มตอบไปอย่างประหลาด เพราะเขาเองก็ไม่รู้ลึกตื้นหนาบางของสุรีย์ในเรื่องความรัก แต่คิดว่ามันเป็นเรื่องส่วนบุคคลและจรรยาของแพทย์ทำให้พิสิษฐ์เลือกจะไม่พูดเรื่องนี้ให้ใครรู้


“ ฉันขอให้มันเป็นความลับได้ไหมคะ” หญิงสาวถามขึ้น



“ ครับ ..ถึงคุณสุรีย์ไม่ขอความลับของคนไข้ก็ไม่สมควรถูกเปิดเผยอยู่แล้วครับ..” ชายหนุ่มรับปากอย่างหนักแน่น หวังให้หล่อนได้เชื่อใจในเขา .. ทั้งสองเดินออกจากห้องตรวจด้วยกัน คนหนึ่งสงสัย อีกคนกังวล แต่หนึ่งเสียงของใครสักคนก็ดังขึ้นทำลายความเงียบ



“ เอ้า พี่สุรีย์มาโรงพยาบาลไม่สบายเหรอครับ..” เจ้าน้องชายคนเล็กที่แสนร่าเริงเอ่ยถามขึ้น ตอนนี้กฤษฏิ์จะสดใสและร่าเริงอย่างมากมายเพราะได้เข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยชื่อดังของจังหวัด แต่เหมือนเรื่องจะไม่ง่ายเมื่อชายหนุ่มดันโดนจีบจนหมอพิสิษฐ์ต้องวุ่นวายใจอยู่บ่อยๆ


“ คือ..ค่ะปวดหัวนิดหน่อย” หญิงสาวชะงักก่อนจะรับไปพร้อมทั้งขอตัวลา


“ รีบไปไหนนี่..” กฤษฏิ์ยกมือขึ้นเกาหัวอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะหันไปยิ้มแป้นแล้นให้หมอหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ.. มือหนายกขึ้นพาดบ่าคนเตี้ยกว่าอย่างปกติแล้วเดินไปด้วยกัน


“ อาหมอออกเวรแล้วใช่ไหม..”



“ ครับ” พิสิษฐ์พยักหน้าให้อย่างไม่สดใสเช่นที่เป็น และสิ่งที่กำลังดำเนินอยู๋ทำให้กฤษฏิ์เริ่มเอะใจในท่าที ปกติถ้าเห็นกฤษฏิ์มาหาพิสิษฐ์มักยิ้มแย้มและดีใจอย่างออกหน้าออกตา แต่วันนี้กลับไม่แสดงท่าทีใดๆมันผิดวิสัยเกินไป



“ มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ..”


“ เปล่าหรอก พรุ่งนี้มีเคสใหญ่อาเลยปวดหัวนิดหน่อย..” ชายหนุ่มพยายามวางเสียงราบไม่ให้กฤษฏิ์ผิดสังเกต เพราะเรื่องที่เกิดดูท่ามันจะใหญ่ไม่ใช่น้อย ..สายตาของสุรีย์ตอนที่รู้ชัดว่าตนกำลังตั้งท้องไม่ได้บอกพิสิษฐ์เลยว่าหล่อนดีใจ เขากลับเห็นความเศร้าที่มันเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัว ความเศร้าที่กัดกันจนเจ็บปวดไปทั่วสรรพางค์กาย ..


ห้องทำงานของประธานบริหารอมรามีอันต้องสั่นคลอน เมื่อชายหนุ่มได้รู้ข่าวร้ายเกี่ยวกับรีสอร์ตของตน เลขาฯสาวที่ทำงานอยู่ใกล้ชิดรู้ดีว่าเจ้านายของหล่อนนั้นร้ายกาจแค่ไหน ทั้งไปทั้งมาก็น่าหวั่นราวสายฟ้าฟาด หากไม่เพราะเงินดีหญิงสาวไม่ทนรองมือรองเท้าอยู่เช่นนี้หรอก



“ ไอ้กรณ์..แกคิดเหรอว่าฉันจะยอมแพ้..” มือหนาฟาดลงบนโต๊ะด้านหน้าอย่างรวดเร็ว หลังจากรู้ว่ากรณ์เริ่มเดินเกมอย่างไม่สนใจมิตรภาพใดๆ กรณ์บอกแล้วว่าที่ทนมาก็เพราะไม่อยากสร้างศัตรู แต่เมื่อเอกกล้าจะแหยมกับของที่เขาหวง เอกก็ไม่สมควรจะได้รับน้ำใจที่ต้องรักษา



“ ยอดจองโรงแรมของเราเมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมาตกฮวบ .. แคมเปญใหม่ของสายลมทำให้ยอดของเราดิ่งลงเรื่อยๆ.. เห็นว่าตอนนี้ยอดจองของสายลมเต็มเหยียดไปจนถึงสิ้นเดือนตุลาคม” หญิงสาวกัดฟันรายงานต่อ แม้จะรู้ว่าอาจมีอะไรลอยมากระแทกร่าง



“ ไอ้ชั่ว..เธอออกไปได้แล้ว” เอกกราดเสียงอย่างโกรธแค้น ..แท้จริงเรื่องราวทั้งหมดเกิดจากเขาไม่ใช่เหรอ หากเขาไม่ตั้งตนเป็นศัตรูกับกรณ์ก่อนเขาคงไม่ได้รับผลตอบแทนเช่นนี้หรอก.. จะว่าการหั่นราคา เทคโปรโมชั่นครั้งนี้ก็ทำให้อมราแทบทรุด หากกรณ์บุกหนักกว่านี้รับรองผลที่ตามมาจากร้ายกาจกว่านี้หลายสิบเท่า

กรณ์ไม่ใช่คนใจดี ไม่จำเป็นต้องรักษาน้ำใจอะไรอีกแล้ว




“ เข้ามาหาฉันหน่อย ..ฉันมีงานให้แกทำ” รอยยิ้มชั่วร้ายปรากฏบนใบหน้าเข้มๆของเอก จากนั้นก็วางสายที่ต่อถึงอย่างเหี้ยมๆ .. ในเมื่อกรณ์ประกาศศึกเต็มรูปแบบ ตอนนี้คนหน้าสวยก็ไม่ต่างอะไรจากศัตรูที่ต้องกำจัด

..แต่เหตุผลมันจะเพียงพอหรือ.. แค่ไม่ได้รักตอบแทน แค่คนที่รักไม่สนใจและเทใจทั้งหมดไปให้ใครคนอื่น ..รักที่มีก็แปรเป็นแค้นจนทำลายกันให้ถึงตายเชียวหรือ..

นี่แหละนะหัวใจมนุษย์ .. ยากนักที่จะเข้าใจ เหตุผลของคนหนึ่งคนแม้จะดีเลิศ แต่มันก็อาจจะเป็นเหตุผลที่แสนห่วยของใครอีกคน .. 

หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 34+35+36
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 17-06-2009 10:00:09
ตอน 38

...
น้องคนกลางแห่งบ้านสายลมค่อยๆลืมตาขึ้นเพราะแสงแดดที่สาดเข้ามาภายในห้อง.. ความอ่อนล้าที่คืบคลานในหลายส่วนของร่างกายปรากฏออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน ..ชายหนุ่มพยายามเคลื่อนกายตัวเองอย่างระวังที่สุดแต่เหมือนอีกคนที่นอนข้างๆจะรู้สึกตัวแล้ว


“ ไปไหน..”


“ กาณฑ์จะไปเรียน..” กาณฑ์บอกไปเสียงอ่อน ..


“ เดี๋ยวพี่ไปส่ง..” ว่าแล้วคนที่นอนอยู่ข้างๆ ก็ปล่อยมือออกจากเอวของเด็กหนุ่มแล้วทะลึ่งกายขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว ..


“ กาณฑ์ไปเองได้”



“ จะดื้ออีกหรือไง..” โต้งถามเสียงแข็ง ทำให้กาณฑ์ต้องยอมเงียบปากเพราะไม่อยากจะอารมณ์เสียตั้งแต่เช้า จากนั้นก็ค่อยๆลุกขึ้นจากเตียงนอนอย่างทุลักทุเล .. มือเรียวหยิบผ้าเช็ดตัวที่พาดอยู่ไม่ไกลขึ้นมาพันกายแล้วมุ่งหน้าเดินเข้าห้องน้ำอย่างไม่เข้าใจในสิ่งที่เป็น แต่ก่อนที่บานประตูจะปิดลงก็พบว่ามีมือของคนร่วมห้องสอดเข้ามาขวางไว้ก่อน


“ พี่อาบด้วย..”


“ ไม่เอา ..กาณฑ์จะอาบคนเดียว..” กาณฑ์ส่ายหน้าไม่ยอมให้โต้งเข้ามา แต่เขาจะสู้แรงของคนตรงหน้าได้เหรอ .. โต้งดันกายจนสุดท้ายก็ก้าวเข้ามาอยู่ในห้องน้ำพร้อมกาณฑ์


“ เฮ้อ..” การกระทำของคนข้างกายเล่นเอากาณฑ์เหนื่อยหนักจนต้องถอนหายใจ



“ เซ็งพี่มากหรือไง..” โต้งถามอย่างไม่ค่อยจะพอใจสักเท่าไหร่ เพราะไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็เหมือนจะไม่ถูกใจกาณฑ์ไปเสียทุกอย่าง ..



“ กาณฑ์ไม่อยากจะทะเลาะด้วย..” กาณฑ์ส่ายหน้าอย่างระอา ก่อนจะจำใจปลดผ้าของตัวเองออกแล้วเดินไปหยุดอยู่ใต้ฝักบัวให้น้ำเย็นๆ กลบเสียงใดๆที่จะเกิดขึ้น แต่เพียงครู่เขาก็รู้สึกถึงแรงกระทบจากด้านหลัง มือหนาค่อยๆวางลงบนหลังนุ่มไล่ไปมา ..


“ พี่โต้งอย่าทำอะไรบ้าๆนะ กาณฑ์จะไปเรียน” กาณฑ์ร้องเตือนเพราะสถานการณ์เริ่มสุ่มเสียง


“ ทำอะไรเหรอ..” ใบหน้าคมวางลงเกยบ่าคนตรงหน้า ..คลอเคลียริมฝีปากของตนไปบนซอกคอนุ่มๆนั้นอย่างถือสิทธิ์


“ อื้อ..ไม่เอา ..กาณฑ์ต้องไปเรียน” กาณฑ์ร้องเสียงแข็ง แต่เหมือนร่างกายของเขาจะสวนทางกับสิ่งที่ร้อง..เมื่อมือของคนหนั่นหนาเอื้อมไล่มาวนเวียนตรงท้องแบนราบ และละเลยไปปลุกเร้าบางสิ่งให้เตลิด .. การเคลื่อนไหวท่ามกลางสายน้ำ และฟองสบู่ที่เคลือบกายของทั้งสองให้เคลื่อนไปตามใจคิด.. ความหนั่นหนาของอารมณ์แทรกผ่านทุกอณูของร่างกายประสานสองร่างให้เป็นหนึ่ง .. ร่างกายของกันและกัน

สุดท้ายกาณฑ์ก็ไม่อาจต้านทานสิ่งที่เกิด แต่นั่นก็ไม่สำคัญเท่ากับความสับสนที่กำลังคืบคลานในหัวใจ หากโต้งปริปาก กาณฑ์คงรู้บ้างว่าเขามีสถานะใดในหัวใจของคนรุกล้ำ


ความผิดปกติของหญิงสาวที่ดำเนินมานาน แม้จะพยายามปิดบัง .. แต่ก็ไม่อาจปกปิดสายตาอันเฉียบแหลมของกรณ์ได้ ..จนเมื่อวันก่อนชายหนุ่มก็เลยตัดสินใจถามออกไป แต่หญิงสาวก็ปัดป่ายหลีกเลี่ยงจะตอบ กรณ์เก็บความสงสัยของตนต่อไปแต่ก็ให้สายสืบของตนไปหาความจริง จนวันนี้เขาก็ได้รู้สิ่งที่หญิงสาวปิดบัง

“ แน่ใจเหรอ..”


“ ครับ ..คุณสุรีย์ท้องแน่นอน แต่ผมไม่ทราบจริงๆว่าคุณสุรีย์เธอท้องกับใคร” สายลับหนุ่มตรงหน้าบอกไปตามที่ตนรู้


“ ช่างเถอะ.. อย่าลืมเก็บเป็นความลับด้วย” กรณ์โบกมือไล่พร้อมทั้งกำชับให้คนของตนปิดปากให้สนิท ยามเมื่อห้องตกอยู่ในความเงียบ กรณ์ก็เริ่มใช้ความคิดอย่างสงสัย ..


“ กาณฑ์เหรอ..” ชายหนุ่มนึกย้อนไปถึงน้องชาย .. แต่คิดว่าหากเป็นอย่างนี้จริงหญิงสาวคงไม่อึกอักอะไรหรอกกระมัง เพราะอย่างไรเสียเด็กที่กำลังจะเกิดก็เป็นหลานเป็นเชื้อ สุรีย์ไม่น่าจะปิดบัง


Rbbbrr ...



มือเรียวเอื้อมไปกดปุ่มรับสายโทรศัพท์

“ มีอะไร”


“ มีคนมาหาค่ะ..บอกว่ารอคุณกรณ์ตรงล็อบบี้..” เลขาฯสาวที่มาแทนสุรีย์ซึ่งลาป่วยรีบบอก.. ชายหนุ่มตวัดคิ้วเล็กๆก่อนที่ดวงตาคู่งามจะปรากฏรอยยิ้มออกมา ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครมาหาเขา ..กรณ์เหลือบมองไปยังนาฬิกาติดผนังก็เห็นว่าเวลาตอนนี้ล่วงเลยมานานพอสมควร ..ปกติหากวิชญ์ภาสกลับมาจากเรียนแล้วกรณ์ยังไม่กลับบ้านก็จะมารอเสมอ..


“ นี่..” กรณ์เอ่ยทักทายคนที่นั่งหลับอยู่ตรงเก้าอี้ด้วยน้ำเสียงสดชื่น แต่เหมือนคนที่หลับอยู่จะไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่ากำลังมีอีกคนเรียกเขาอยู่


“ นี่..จะกลับไม่กลับ ถ้าไม่ตื่นฉันทิ้งไว้ตรงนี้จริงๆนะ..” กรณ์แสร้งชักเสียงฉุน ยกมือขึ้นตบลงบนใบหน้าคมเข้มเพียงลงแรง หวังให้อีกคนได้รู้สึกตัว

“ ตัวร้อนจัง..” กรณ์พึมพำ เมื่อมือของเขาสัมผัสกับผิวของอีกฝ่าย



“ อือ..ลงมาแล้วเหรอครับ..” คนที่ถูกปลุกเหมือนจะรู้ตัว ค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างงัวเงียแล้วเอ่ยถามคนหน้าสวยที่ยืนอยู่ด้านหน้าของตน



“ ไม่สบายทำไมถึงบ้านแล้วไม่นอนเสียล่ะ..” กรณ์ถามอย่างห่วงใย บ่อยเสียที่ไหนที่จะเห็นคนเย็นชาเป็นห่วงเป็นใยคนอื่นขนาดนี้ วิชญ์ภาสได้รับสิทธิพิเศษไม่น้อยเลยทีเดียว



“ ก็ผมอยากมาหาคุณก่อนนี่ครับ ..” ชายหนุ่มตอบกลับไปด้วยความจริงใจ ต่อให้ใครจะว่าเขายังไง ความรักที่มีต่อกรณ์ไม่เคยลดน้อยถอยลงเลยสักนิดเดียว


“ งั้นก็รีบกลับบ้านไปกินยาดีกว่า เดี๋ยวจะป่วยไปมากกว่านี้..” กรณ์บอกเสียงอ่อน .. ก่อนจะค่อยๆช่วยพยุงอีกคนขึ้นยืน ..แล้วเดินเคียงออกไปด้วยกันท่ามกลางสายตาของพนักงานภายในบริษัท .. เดี๋ยวนี้กรณ์เลิกสนแล้วล่ะว่าใครจะมองยังไง อีกอย่างพวกพนักงานก็เห็นกันจนชินตา และรู้ดีว่านัยระหว่างประธานบริษัทและนักศึกษาคิ้วหนาคนนี้ไม่ใช่แค่คนรู้จักทั่วไปแน่นอน ..


ทั้งสองเดินมาหยุดตรงด้านหน้ารถคันสีดำ คันประจำของเจ้าคิ้วเข้ม ..



“ ฉันขับเอง ..นายนอนแล้วกัน..”กรณ์เสนอพร้อมทั้งแย่งกุญแจไปจากมือของวิชญ์ภาสอย่างรวดเร็ว มือบางผลักให้คนตัวหนาเดินลัดหน้ารถไปขึ้นอีกฝั่ง ส่วนตนก็รับหน้าที่คนขับจำเป็นไปหนึ่งวัน


“ ถ้าเหนื่อยก็นอนไปเลย เดี๋ยวถึงบ้านแล้วฉันจะปลุก..” กรณ์บอกก่อนที่รถจะออกตัวจากลานจอดหน้าบริษัทสายลม คนป่วยทิ้งกายลงอย่างวางใจและหลับตาลงตามที่กรณ์บอก แต่ใครจะรู้ว่าชะตานั่นเล่นตลกมากมายเกินกว่าใครจะรับไหว .. ยามที่รถเคลื่อนออกไปการเคลื่อนไหวทุกอย่างล้วนอยู่ในสายตาของใครคนหนึ่ง


“ ออกไปแล้ว ..อย่าให้พลาด..” เสียงเหี้ยมดังขึ้น .. งานง่ายๆ เงินดีๆ อย่างนี้ไม่ต้องใช้เวลาคิดก็ต้องรับทำอยู่แล้ว .. อันว่าเงินไม่ใช่ทุกสิ่งในชีวิต แต่สำหรับบางคนเงินเป็นมากกว่าชีวิต เขาจึงไม่ปฏิเสธที่จะรับงานจากเจ้าของอมราผู้มีใจอาฆาต ..


“ เฮ้อนั่นไง ทะเบียน นต.9119 สีดำ..” อีกฝากหนึ่งซึ่งห่างออกไปหลายกิโล ..ชายสองคนที่ดักซุ่มอยู่ในรถกะบะคนเก่ามานานหลายชม.ก็เริ่มลงมือ ทันทีที่รถเป้าหมายอยู่ในวิถี ลูกพี่ที่นั่งขนาบคนขับก็ร้องบอกขึ้น


“ ให้ชนด้านคนนั่งใช่ไหมลูกพี่..” เจ้าหนวดผิวกักขฬะเอ่ยถามพร้อมยิ้มโหดๆ


“ใช่ๆ .. ขอโทษนะคุณกรณ์ ช่วยไม่ได้ขัดแข้งขัดขาเจ้านายผมเอง...” เจ้าลูกพี่ใจโหดกระหยิ่มย่องแล้วปรายยิ้มออก แต่ใครจะรู้ว่าทั้งหมดอยู่เหนือการคาดหมายทั้งสิ้น .. ในเมื่อลิขิตได้สรรค์สร้างมาเฉพาะบุคคล ไม่เช่นนั้นเจ้าคนคิ้วหนาคงไม่เจาะจงมาป่วยวันนี้เวลานี้หรอก..


.. ตูม .. เสียงรถทั้งสองคันชนกันสนั่นหวั่นไหว .. รถกระบะที่เลี้ยวออกจากซอยพุ่งตรงเข้าหาประตูฝั่งคนนั่งอย่างแรง แต่ก็ไม่ได้รุนแรงจนขนาดฆ่าแกงแค่พอเป็นกษัยสบายอารมณ์.. ( ชั่วว่ะ)


เปลือกตาคู่บางค่อยๆขยับออกจากมึนๆ แรงกระแทกที่ส่งมาแม้จะแรง แต่เพราะด้านของคนขับไม่ใช่ด้านที่โดนเลยทำให้กรณ์แค่หมดสติไปเพราะศีรษะฟาดเข้ากับพวงมาลัยรถ..

“ พี่กรณ์...” กาณฑ์ และกฤษฏิ์ที่รู้ข่าวอุบัติเหตุรีบรุดมายังโรงพยาบาลประจำจังหวัดทันที


“ กาณฑ์ ..กฤษฏิ์..” เสียงแหบพร่าดังขึ้นอย่างงุนงง ก่อนที่ร่างกายนั่นจะค่อยๆพยุงขึ้นนั่ง ดวงตาคู่สวยกวาดไปรอบๆห้องก็พบว่า ยังมี หมอพิสิษฐ์ โต้ง รวมไปถึงสุรีย์ที่ลาป่วยยืนล้อมตนอยู่


“ พี่กรณ์เป็นยังไงบ้าง..” น้องคนเล็กถามขึ้นอย่างร้อนใจ ตอนรู้ข่าวจากหมอพิสิษฐ์ก็รีบลาอาจารย์จากมหาวิทยาลัยมาโรงพยาบาลทันที..


“ มึน..พี่เป็นอะไรไปเหรอ..” กรณ์บอกไปอย่างที่รู้สึกก่อนจะเอ่ยถามอย่างสงสัย ที่อยู่ๆก็มีใครหลายคนมามุงเขา รวมไปถึงน้องชายคนกลางที่พยายามหลบหน้ากรณ์มานานหลายเดือน ..

“ พี่ถูกรถชน ..” กฤษฏิ์พูดต่อ


“ รถชน ..ใช่สิ.. วิชญ์ล่ะ..” กรณ์เอ่ยทวนอย่างคิดตาม ก่อนที่หัวใจของชายหนุ่มจะกระตุกอย่างแรงยามเมื่อคิดได้ว่าตอนนั้นนอกจากตัวเอง ก็ยังมีอีกคนร่วมชะตากรรม ..


“..” ไร้คำตอบใดๆ จากทุกคนรอบข้าง มีเพียงแววตาที่เศร้าสลดลงอย่างเห็นได้ชัด และมันชัดเจนจนหัวใจของกรณ์แทบจะลุกเป็นไฟในบัดดล .. เขารีบผละจากเตียงที่นั่งหมายจะเดินออกจากห้องไปหาความจริงด้วยตัวเอง หากอีกคนเป็นอะไรไปเขาจะอยู่ในเช่นไร


“ คุณกรณ์ยังไม่หายดี..พักก่อนเถอะ..” หมอหนุ่มที่เป็นเจ้าของไข้เอ่ยเตือนอย่างห่วงใย



“ กรณ์จะไปหาเขา..” ไม่ต้องบอก ทุกคนในห้องก็รู้ดีว่า ‘เขา’ ที่กรณ์พูดถึงหมายถึงใคร .. หากไม่ใช่หัวใจและจิตวิญญาณและจะเป็นใครได้อีกเหล่า .. ชายหนุ่มผู้เปลี่ยนความเย็นชาและอ้างว้างเป็นความสดใส และชุ่มเย็นชายหนุ่มผู้ทำให้กรณ์ได้รู้ว่าแท้จริงบนโลกใบนี้เขายังมีที่พึ่ง มีไหล่หนาให้เอนอิงทุกยามที่ต้องการ


“ คือ..”


“ คืออะไรบอกกรณ์มาสิ..” มือบางจับกระชับเขาตรงแขนเสื้อของหมอหนุ่ม พร้อมเขย่าถามอย่างควบคุมสติไม่ค่อยจะได้


“ ตอนนี้พี่วิชญ์ยังอยู่ในห้องพักฟื้น .. พี่กรณ์อย่าเครียดเลยนะ..” กฤษฏิ์กัดฟันพูดออกไป..เขาไม่ได้โกหกนะ ไม่ได้โกหก แค่เขาบอกไม่หมดก็เท่านั้นเอง


“ งั้นพี่จะไปหาเขา แล้วจะขอพบหมอเจ้าของไข้ด้วย” แค่เห็นสายตาของทุกคนรอบกายก็พอจะรู้ว่า อาการของอีกคนไม่ใช่แค่พักฟื้นแน่นอน คนฉลาดอย่างกรณ์ไม่มีทางถูกหลอกได้ง่ายๆหรอก


“ คือ..” ทุกคนหมายจะค้าน ..แต่ก็รู้ดีว่าไม่อาจต้านทานประธานสายลมผู้เปรียบประดุจพายุร้ายในเวลานี้ได้หรอก .. สุดท้ายเลยจำใจพากรณ์ไปยังห้องพักฟื้นที่ห่างออกไปสองชั้น .. ตอนนี้เจ้าของไข้กำลังตรวจอาการประจำวันของคนป่วยอยู่พอดี.. นับจากวันเกิดเหตุ นี่ก็ล่วงเข้าสู่วันที่สามแล้ว .. กรณ์สลบไปสามวันเต็มๆ แต่โชคยังดีที่บาดเจ็บแค่ตรงศีรษะ


“ คุณหมอ..”


“ คุณกรณ์..” หมอหนุ่มเจ้าของไข้เอ่ยทักทาย ..ใครกันจะไม่รู้จักผู้บริหารบริษัทสายลม ที่ยิ่งใหญ่และทรงอิทธิพลมากที่สุดในจุดรอยต่อระหว่างภาคกลาง ภาคตะวันตก และภาคใต้ ศูนย์รวมของอำนาจและอิทธิพลอยู่ในอุ้งมือของคนหน้าสวยดูไร้พิษไร้ภัยคนนี้นี่เอง


“ เขาเป็นไงบ้าง..” กรณ์ถามขึ้นพร้อมปรายตาไปยังคนที่หลับอยู่.. ดูจากสภาพวิชญ์ภาสคงบาดเจ็บไม่น้อยเพราะมีผ้าพันแผลทั้งที่ศีรษะ ข้อมือ ตรงจนขาด้านซ้าย


“ อาการทั่วไปไม่น่าห่วงอะไร แต่หมอเกรงว่า..” คำของคนเป็นหมอสะดุดไปเล็กน้อย ยามต้องพูดในบางสิ่งที่อาจกระทบใจคนฟัง

“ อะไรเหรอ..”


“ อาการบาดเจ็บในส่วนต่างๆของร่างกายก็แค่มีบาดแผล แต่ที่หนักคงเป็นขาด้านซ้าย แรงกระแทกที่รถพุ่งเข้ามาทำให้กระดูกหัวเข่าหัก และทำให้มีบางส่วนผิดโครงสร้างไป หากผลเอ๊กซ์เรย์ออกมาว่ากระดูกที่เป็นปัญหากดทับเส้นประสาทและสุ่มเสี่ยงต่อการทิ่มแทงเส้นเลือดใหญ่ หมอเกรงว่าอาจต้อง... ตัดขาทิ้ง” หมอหนุ่มอธิบายต่ออย่างลำบากใจ แต่จำต้องพูด เมื่อท้ายประโยคมาถึงเล่นเอาคนฟังแทบใจสลาย


“ อะไรนะ..” กรณ์ไม่อยากเชื่อหูตัวเอง .. และก็เป็นอาการเดียวกับใครอีกคน ที่คนทั้งห้องไม่รู้ว่าเขาฟื้นจากสติที่พร่ามัวและได้ยินทุกอย่างแล้ว



“ ก็เป็นอย่างที่หมอพูด..”



“ ต่อให้ต้องเสียกี่แสนกี่ล้านก็ต้องรักษาเขาให้หาย หมอได้ยินได้ว่าต้องรักษาให้หาย..” อารมณ์ที่อ่อนไหวปะทุขึ้นจนสุดจะห้าม คนตัวบางถลาเข้ากระชากคอเสื้อหมอหนุ่มอย่างสุดจะกลั้น ตวาดสั่งพร้อมน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างไม่เข้าใจตัวเอง



“ คือคุณกรณ์..สงบสติอารมณ์ก่อนดีไหมครับ หมอไม่ใช่ไม่อยากช่วย แต่เราต้องรักษาตามอาการ” หมอที่ถูกกระชากเสื้อพยายามใช้น้ำเย็นเข้าลูบกอปรกับ น้องชายทั้งสองที่ช่วยดึงร่างกรณ์ออกมา เลยทำให้สถานการณ์ผ่อนคลายลงกว่าเดิม



“ ใจเย็นเถอะนะพี่กรณ์..” กาณฑ์กอดร่างพี่ชายตัวเองไว้อย่างเป็นห่วง ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเห็นกรณ์เป็นอย่างนี้มาก่อน ไม่เคยรู้จริงๆว่าคนอย่างกรณ์จะเป็นเช่นนี้ได้ด้วย และเขาเพิ่งรู้จริงๆว่าคนที่ทำร้ายเขาคือคนที่แสนสำคัญในชีวิตของกรณ์


“ หมอขอตัวก่อนนะครับ ..”


บรรยากาศในห้องตกอยู่ในความเงียบสงบมากว่าชม..


หมอพิสิษฐ์ขอตัวออกไปตรวจคนไข้ต่อ ส่วนโต้งกับกาณฑ์ก็จำต้องกลับกรุงเทพฯก่อนเพราะพรุ่งนี้ยังมีสอบ .. จะว่าไปวิชญ์ภาสเองก็มีสอบเหมือนกัน แต่เป็นแบบนี้คงไปไม่ได้หรอก..


ตอนนี้ในห้องจึงเหลือเพียงกฤษฏิ์และกรณ์เท่านั้นเอง



“ พี่ฝากกฤษฏิ์จัดการเรื่องคดีด้วย ..ตอนนี้พี่อยากอยู่คนเดียวกฤษฏิ์กลับบ้านไปเถอะ..” กรณ์บอกน้องชายก่อนจะเอ่ยปากบอกให้อีกคนกลับไปก่อน เขาอยากอยู่เพียงลำพังกับอีกคนที่ยังนอนนิ่ง


“ ครับ.. เย็นๆกฤษฏิ์จะมาใหม่นะ..” กฤษณฏิ์ยิ้มให้ก่อนจะเดินออกจากห้องไปด้วยความหนักใจ ตอนนี้ปัญหาทุกอย่างเหมือนประดังประเด .. สายลมพ้นจากวิกฤตเรื่องรีสอร์ตแต่กรณ์กับวิชญ์ภาสก็มาเจออุบัติเหตุครั้งใหญ่ ไม่รู้ว่าเวรกรรมของสายลมจะสลายหายไปเสียที
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 37+38
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 17-06-2009 10:17:00
 :sad11: ทำมัยเปงอย่างงี้ละ อยากค่านายเอกจิงๆ แล้วเมื่อไหร่โต้งจาบอกรักกาณสักทีๆๆๆ o13
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 37+38
เริ่มหัวข้อโดย: charus ที่ 17-06-2009 10:17:31
จัดชุดใหญ่ให้พ่อเอกเลยครับ

จัดไปอย่าให้เสีย
 :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 37+38
เริ่มหัวข้อโดย: menano ที่ 17-06-2009 11:09:48
ตายล่ะปัญหาใหญ่มาหากรณ์ซะแระ

ซวยเลยทีนี้

กรณ์ต้องรู้สึกแย่มาก ๆ แน่เลยอ่ะ

น่าสงสารทั้งกรณ์ทั้งวิชญ์เลยอ่ะ

ส่วนอีตาโต้งนี่นะ พูดเป็นบ้างไหมเนี่ย

รักเค้าก็บอกเค้าไปเด่ะ

โอ่ยยยยยยยยยย มันจะไรนักหนาเนี่ย

มาขนาดนี้แล้ว ทำให้กาณฑ์คิดเป็นอย่างอื่นอยู่ได้

หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 37+38
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 17-06-2009 13:33:49
 :o12:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 37+38
เริ่มหัวข้อโดย: tutu ที่ 17-06-2009 16:07:26
สถานะการณืตึงเครียด...กดดันมากกกก
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 37+38
เริ่มหัวข้อโดย: k_U_K_K_I_K ที่ 17-06-2009 20:28:46
ขอ :beat: :z6:ไอ้เอกซักหน่อยเหอะ เด๋วหนูจะโทรไปบอกกรณ์ ว่าไอ้เอกเป็นคนสั่ง

ปล.หนูลุ้นมากกกคร้า  :serius2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 37+38
เริ่มหัวข้อโดย: nanao ที่ 17-06-2009 20:31:54
อย่าให้นายวิชญ์ของเราต้องเป็นอะไรมากนะครับ เอาแค่ความจำเสื่อมพอ -.-
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 37+38
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 17-06-2009 20:57:40
 :fire: ทำไมถึงทำกับวิชญ์ได้  :fire:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 37+38
เริ่มหัวข้อโดย: Pikky ที่ 17-06-2009 21:10:32
 :a5: อ่านตอนสุดท้ายเร้วสงสารกรณ์ มีเรื่องร้ายๆๆอีกเร้ว

เขียนเก่งจังเรยค่า o13 อ่านตั้งแค่แรก เร้วบีบคั้นอารมณ์สุดๆๆ

มีเรื่องให้ลุ้นทู้กกกตอน ชอบนายเอก หวานก้อน่ารัก โหดก้อแสบสุดขั้ว อิอิ

แตขอ :z6: เอกหน่อย ร้ายจิงๆๆ อย่างนี้ต้องเอาหั้ยหนัก



หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 37+38
เริ่มหัวข้อโดย: speedboy ที่ 17-06-2009 21:26:24
ต้องไม่เป็นอะไรนะคร้าบ

เดียวต้องหายดีนะคร้าบ


 :oni2: :oni2: :oni2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 37+38
เริ่มหัวข้อโดย: jedi2543 ที่ 17-06-2009 23:08:38
จัดการเอกอย่างให้เหลือซากเลยนะ น่าโมโหมากๆ ส่วนวิชญ์ ขอให้หายนะ เป็นกำลังใจให้
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 37+38
เริ่มหัวข้อโดย: doomare ที่ 18-06-2009 01:43:08
ทำไมเป็นแบบนี้อ่ะ

โต้งก็ปากแข็ง

สุดที่รักของกรณ์ก้น่าสงสาร
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 37+38
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 18-06-2009 09:42:54
 :z2: มารอจ้าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 37+38
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 18-06-2009 19:20:54
มารอเช่นกัน
 :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 37+38
เริ่มหัวข้อโดย: k_U_K_K_I_K ที่ 18-06-2009 20:39:49
มานั่ง รอคร้า คืนนี้จะมาอัพไหม :o8:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 37+38
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 18-06-2009 21:25:12
ขอโทษ ขอโทษ ที่ทำให้ทุกคนรอนะค่ะ

วันนี้จะลุยเต็มที อาจลงจนจบเลยค่ะเพราะเหลืออีกสามตอนเอง

ขอเวลาจัดการแปบหนึ่งนะ รอแปบ...
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 37+38
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 18-06-2009 22:00:47
ตอน 39


“ อือ” คนที่นอนอดทนมานานแสดงท่าทีถึงการฟื้นของเขา .. กรณ์ที่นั่งมองอย่างหม่นหมองรีบปรี่เข้าหาคนป่วยที่นอนอยู่ทันที.. มือบางจับเข้ากับแขนหนั่นข้างที่ไม่เจ็บ แต่ก็กลับถูกสะบัดออกอย่างแรงท่ามกลางความตกใจของกรณ์ตีความไปว่าเขาอาจจับแรงเกินไป เลยทำให้คนป่วยต้องรีบสะบัดออก


“ ฉันขอโทษเจ็บเหรอ..” กรณ์ถามอย่างห่วงใย


“ ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องถูกตัวผมอีก ..” ชายหนุ่มเปิดตาขึ้น และเอ่ยในบางสิ่งที่กรณ์ไม่ได้เตรียมใจจะฟังมาก่อน ..



“ ได้ๆ..ว่าแต่นายยังเจ็บตรงไหนหรือเปล่า ฉันจะได้ตามหมอให้ หรือนายจะกินน้ำไหม..” กรณ์พยักหน้าอย่างเอาใจ ถามโน้นถามนี่สารพัด ..เขาไม่อยากให้คนตรงหน้าต้องเจ็บปวดทรมานอย่างนี้เลย แต่ความหวังดีต่างๆที่มีก็ถูกเบรกลงด้วยเสียงตวาด


“ พอสักที..” ชายหนุ่มที่นอนอยู่ดันกายขึ้นอย่างเจ็บปวด พยายามแข็งตัวขึ้นนั่ง ..


“ นายเป็นอะไรไป..บอกฉันได้นะ” กรณ์ยังไม่เข้าใจในท่าทีที่อีกคนแสดง


“ คุณมันน่ารำคาญชะมัด..เลิกยุ่งกับผมได้แล้วน่าเบื่อจริงๆ..” ทุกคำ ทุกการกระทำล้วนต้องจำใจแสดง หากเขาต้องเสียขาไปจริงๆ เขาเหมาะเหรอที่จะยืนข้างๆประธานสายลมที่แสนสง่า ขนาดเขาครบสามสิบสองประการเขายังไม่มั่นใจเลยว่าเขาจะคู่ควรกับคนตรงหน้า



“ นายเป็นบ้าอะไร..” กรณ์ที่อดทนมานานกราดถามกลับอย่างไม่พอใจ น้ำตาเริ่มไหลออกมาอย่างชนิดที่เจ้าตัวยังไม่รู้เลยว่ามันไหลออกมา


“ ผมบอกว่าคุณน่ารำคาญ..เลิกยุ่งกับผมได้แล้ว ..ทางที่ดีอย่ามาให้ผมเห็นหน้าเลย” ตอนที่เห็นว่าคนหน้าสวยมีน้ำตาไหลออก ชายหนุ่มก็ชะงักเล็กๆเพราะเขาทำให้คนที่รักสุดหัวใจต้องร้องไห้ แต่หากเพื่ออนาคตที่ดีกว่าเขาก็จำต้องทำไม่ใช่เหรอ

“ ไอ้บ้าแกกล้าดียังไงพูดอย่างนี้ออกมา แกบอกฉันเองไม่ใช่เหรอว่าแกรักฉัน” กรณ์ตวาดกลับอย่างฉุนเฉียวไม่อาจจะสงบสติอารมณ์ให้ใจเย็น


“ คุณนี่มันก็โง่ดีเนอะ แค่ผมแกล้งทำดีเข้าหน่อยก็หลงกล ..จริงๆผมไม่เคยคิดพิศวาสอะไรคุณเลย ที่ทนอยู่ก็เพราะเห็นว่าคุณรวยล้นฟ้า ต่อไปผมคงสุขสบาย..” นั่นคือสิ่งที่จำใจ ภาวะความเป็นจริงของชีวิต .. สิ่งที่อยากจะทำ กับสิ่งที่ต้องทำ บางครั้งก็อาจสวนทางกัน .. ยิ่งสวนทางกันมากเท่าไหร่หัวใจก็ยิ่งเจ็บช้ำมากขึ้นเท่านั้น


“ ใช่ฉันมันโง่..โง่แล้วยังไง ถึงแกจะหลอกเงินฉันก็หลอกไปสิฉันไม่สนใจหรอก..” กรณ์ตอบกลับไปอย่างไม่ยอมเช่นกัน ..แต่เขาพอเริ่มจะตงิดในการกระทำของคนตรงหน้าบ้างแล้ว .. คนอย่างวิชญ์ภาสนี่นะจะมาหลอกเงินกรณ์ ..คนอย่างวิชญ์ภาสนี่นะที่จะหลอกลวง .. ตั้งแต่เจอกันคนตรงหน้าไม่เคยรบกวนเงินเขาสักบาท ไม่เคยจะทำอะไรให้กรณ์ต้องเคลือบแคลงสงสัยเลยสักครั้ง ...


“ เลิกพูดเถอะผมอยากนอน ..” ชายหนุ่มกัดฟันพูดก่อนจะทิ้งตัวลงแล้วแสร้งปิดตา เพื่อยุติบทสนทนาที่อาจยืดเยื้อต่อเนื่อง และอาจทำให้เขาหลุดพูดความจริงในหัวใจออกไป



เพล้ง .. แจกันดอกไม้ภายในห้องตกลงแตกกับพื้นห้อง .. เสียงที่ดังทำให้คนป่วยต้องหันมามองอย่างตกใจ และภาพที่เห็นก็ทำให้หัวใจเขารุ่มร้อนราวไฟผลาญ ..คนที่เขารักกำลังหยิบเศษกระเบื้องที่แตกออกกดลงในมือนุ่มๆอย่างเย็นชา ไม่เกรงกริ่งต่อความเจ็บปวดที่ดำเนินไป.. เลือดสดๆไหลหยดออกอย่างรวดเร็ว และเหมือนเจ้าของมือจะยิ่งกดมันให้ลึกลงมากกว่าเก่า



“ คุณกรณ์..” ภาพที่เห็นทำให้ทุกอย่างที่มีสลายไปอย่างรวดเร็ว ..ร่างสูงแข็งขืนจากความเจ็บปวดถลาเข้าหาอีกคนเพื่อเอาเศษกระเบื้องนั่นออกจากมือกรณ์ให้เร็วที่สุด ทุกบาดแผลที่เกิดไม่ต่างอะไรจากคมมีดที่กรีดลงบนกายของเขา ..เขาไม่อาจเห็นคนที่รักต้องเจ็บปวดอย่างนี้ได้หรอก



“ คุณกรณ์คุณปล่อยก่อน..เดี๋ยวแผลมันจะลึกไปมากกว่านี้นะ..” วิชญ์ภาสแกะมือของกรณ์ออกอย่างยากลำบาก ทำแรงไปก็กลัวมันจะกดลึกลงไปกว่าเดิม


“ พูดกับฉันสิ..พูดว่านายไม่รักฉัน พูดว่านายโกหกหลอกลวงฉันมาตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน พูดสิว่านายไม่เคยต้องการฉัน..” คำพูดเย็นชากับน้ำตาแสนเย็นเฉียบคลอประสานเป็นหนึ่ง เล่นเอาคนที่วุ่นวายกับบาดแผลที่มีต้องชะงัก และเงยหน้าขึ้นมองกรณ์อย่างปวดใจ


“ ผม...” ชายหนุ่มจนด้วยเกล้า ไร้คำพูดใดจะโกหกต่อ หากกรณ์ต้องตายไปเขาจะอยู่ได้เหรอ



“ ไอ้บ้า ..ไอ้นิสัยไม่ดี..แกพูดทำไมว่าแกรักฉัน แกพูดทำไมว่าแกจะอยู่ข้างๆฉัน แกกล้าดียังไงมาทำให้ฉันหวั่นไหว และมาบอกว่าไม่ได้รักฉัน ไม่ต้องการฉัน” เศษกระเบื้องถูกปล่อยออกอย่างเร็ว ก่อนที่มือทั้งสองข้างจะระดมทุบตีคนตรงหน้าอย่างบ้าคลั่ง .. หมดแล้วจริงๆ หมดแล้วทุกความเคลือบแคลง หมดแล้วทุกความสงสัยยามนี้หัวใจของกรณ์เป็นของคนที่อยู่ตรงหน้าเพียงคนเดียวเท่านั้น


“ ผมขอโทษ ..ผมขอโทษ..” วิชญ์ภาสรวบร่างตรงหน้าเข้ามากอดไว้อย่างเสียใจ พยายามแข็งตัวเองให้อยู่ยั้นและมั่นคง .. เขาดึงให้กรณ์ทับเทร่างกายมาทางเขาที่นั่งบนขอบเตียงอย่างสุดรัก.. หากขาเขาไม่บาดเจ็บคงทำอะไรๆได้ง่ายดายกว่านี้แล้วล่ะ


“ ฉันไม่รับ ..” กรณ์ปล่อยโฮอย่างที่ไม่เคยเป็น ...


“ ผมขอโทษๆ..ผมมันโง่เองที่คิดโน้นคิดนี่..แต่ถ้าผมต้องถูกตัดขาจริง ผมก็ไม่อยากให้คุณต้องรับผมไว้เป็นภาระวุ่นวายใจ..” คนพูดปล่อยน้ำตาออกมาไม่ต่างจากคนในอ้อมอก เขากลัวกลัวจริงๆว่าหากวันนั้นมาถึงเขาจะรับสภาพตัวเองได้หรือเปล่า เขาจะรับได้ไหมที่ต้องเป็นภาระให้คนที่รัก

“ ต่อให้แกเป็นอัมพาตนอนติดที่ไปไหนไม่ได้.. แกก็ไม่มีสิทธิ์หนีไปจากฉัน..” กรณ์บอกไปในสิ่งที่เขาคิด ต่อให้คนตรงหน้าจะอาการหนักกว่านี้สักร้อยเท่าพันเท่า แต่ความรักมันก็ไม่ได้ลดลงเลยสักนิด ยังคงรักเท่าเดิมหรือเผลอๆอาจจะเพิ่มเติมจนมากมายกว่าเดิมร้อยเท่าพันเท่า



“ คุณกรณ์..ผมขอโทษ..” มือหนากระชับบ่าของคนที่รัก และผละให้กรณ์ห่างจากตนเล็กน้อยก่อนจะพูดออกมาพร้อมสบตาคนที่พร่ามัวด้วยน้ำใสๆ



“ นายเคยบอกว่าจะรอฟังฉันพูดว่ารัก แต่ในวันที่ฉันอยากจะพูดมากที่สุดนายก็กลับไม่ต้องการฟัง...”

“ ตอนนี้มันไม่สำคัญแล้วว่าจะคุณจะพูดหรือไม่ ..สิ่งที่คุณทำในวันนี้มันก็มากมายเกินกว่าคนนิสัยไม่ดีอย่างผมคิดไว้...”


“ ถ้านายยังกล้าพูดว่าไม่ต้องการฉันอีก..ฉันจะฆ่านายให้ตายเลย..” กรณ์บอกไปทั้งน้ำตา


“ ผมขอโทษ..” เขายังพูดต่อ เพราะเสียใจจริงๆที่ทำให้กรณ์ร้องไห้และบาดเจ็บเช่นที่เป็น .. เขาเคยนึกว่ากรณ์อาจมีใจให้เขา แต่คงไม่มากมายเท่าที่เขาทุ่มเท แต่วันนี้ทุกข้อสงสัย ทุกความกังขาถูกกรณ์แสดงออกมาให้เขาเห็นจนหมดสิ้น ..หัวใจของกรณ์เองก็มีเขาไม่ได้น้อยกว่าที่เขามีกรณ์เลย..


“ ฉันรักนาย..” กรณ์บอกไปเบาๆ ก่อนจะกระชับแขนตัวเองกอดเอวของคนตรงหน้าอย่างยึดเหนี่ยว .. แต่คนฟังเหมือนจะมีอาการต่างไปสิ้นง ..คำที่เขาไม่เคยคิดว่าจะได้ยินก็กลับดังออกมาจากคนตรงหน้า คำที่เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของชีวิต คำที่รวบรวมเอาทุกสรรพอณูของลมหายใจ ..

จุดสุดท้ายของเรื่องราวจะเป็นเช่นไร ไม่มีใครทราบ แต่นับจากวันนี้ชายหนุ่มที่เคยเลวร้ายอย่างถึงที่สุดได้รู้แล้วว่าหัวใจของเขาฝากไว้กับคนที่ใช่จริงๆ ..




เพียะ..ใบหน้าคมเข้มสะบัดไปตามแรงมือที่ส่งออกมา


“ แก..” ชายหนุ่มยกมือขึ้นกุมอย่างสะท้าน .. จ้องมองหญิงสาวผิวสีน้ำผึ้งอย่างแค้นเคือง ที่อยู่ๆเจ้าหล่อนก็บุกเข้ามาถึงห้องทำงานของเขาพร้อมทั้งตบมาอย่างแรง



“ คุณมันชั่ว ฉันไม่นึกเลยนะว่ากะอีแค่เรื่องเล็กๆ คุณจะโหดร้ายได้ถึงขนาดนี้” สุรีย์เอ่ยกราดอย่างไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหมใดๆ ..เธอสุดจะทนแล้ว


“ นังเนรคุณ ฉันมีบุญคุณกับแกแท้ๆ..” เอกเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ และรู้ดีว่าสุรีย์กำลังเอ่ยถึงสิ่งใดอยู่..


“ นับจากนี้ไม่ต้องมาอ้างบุญคุณใดๆกับฉันแล้ว ทุกอย่างจบลงตั้งแต่ที่คุณสั่งคนไปทำร้ายคุณกรณ์ .. สายลมมีบุญคุณกับฉันล้นหัว การที่คุณทำร้ายคนที่มีบุญคุณกับฉันก็ไม่ต่างอะไรจากทำร้ายฉัน .. เมื่อคุณมีบุญคุณกับฉันและทำร้ายฉันในเวลาเดียวกัน นับจากนี้ก็ไม่ต้องมาอ้างสิทธิ์อะไรอีก..” หญิงสาวบอกไปอย่างมาดมั่น .. หากลูกจะเกิดมาแล้วมีพ่อชั่วๆอย่างคนตรงหน้า ก็สู้ไม่ต้องมีเสียดีกว่า


“ แก..” ชายหนุ่มเงื้อมือจะฟาดหน้าหญิงสาว ..แต่กระบอกโลหะสีเงินขนาดเหมาะมือก็วางจดบนหน้าผากของเขาเสียก่อน


“ ถ้าคุณกล้าทำร้ายฉันและคนสายลมอีก..ฉันฆ่าคุณแน่..” รอยยิ้มเหยียดเบียดขึ้นอย่างแค้นใจ และต้องกัดฟันทำใจดีสู้เสือ เธอรู้ดีว่าหากเอกเอาจริงแค่นี้ไม่ยี่หระมือเขาหรอก.. อย่างน้อยเขาก็เห็นเธอเป็นผู้หญิง แม้จะทำร้ายอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ไม่เคยลงมือหนักๆสักครั้งเดียว


“แกจำคำของแกไว้ด้วย ..” เอกสะบัดหน้าแล้วเดินกลับไปนั่งเก้าอี้ของตน ส่วนสุรีย์ก็เดินออกจากห้องประธานอมราไปอย่างรวดเร็ว ..ไฟแค้นครั้งยิ่งใหญ่กำลังปะทุจนกลายเป็นไฟนรก แต่นรกใดๆจะเท่านรกในใจที่ไม่มีทางมอดดับลงไปได้เหรอ ...
..
..
“ ฉันคิดว่าเรื่องนี้น่าจะมีเงื่อนงำ..” หญิงสาวเอ่ยขึ้นต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับคดีอย่างหมายมาด..ในเมื่อเอกกล้าทำร้ายคนที่มีบุญคุณกับเธอ เธอก็ไม่ปล่อยเขาไว้หรอกต่อให้เขาจะเป็นพ่อของลูกที่กำลังจะเกิดมาก็ตามที


กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมสนอง



รถที่แล่นออกจากโรงพยาบาลมานับชม..ตกอยู่ในความเงียบมานานจนเริ่มเข้าเขตกรุงเทพฯ โต้งก็เอ่ยถามคนที่นั่งเงียบมาตลอดทางด้วยความเป็นห่วง


“ พรุ่งนี้จะมาเยี่ยมคุณกรณ์กับไอ้วิชญ์อีกหรือเปล่ากาณฑ์..”


“ มาสิ ตอนเย็นสอบเสร็จจะกลับบ้านอีกครั้ง มะรืนก็ติดเสาร์กับอาทิตย์คงอยู่ต่อได้..” กาณฑ์ตอบไปอย่างที่ตนได้คิดไว้ก่อนหน้า

“ เหรอ งั้นพี่มาส่งแล้วกัน..” โต้งบอกไป


“ พี่โต้งมีสอบวันมะรืนด้วยไม่ใช่เหรอ” กาณฑ์ถามกลับไป ..ถึงโต้งจะขี้โวยวาย เอาแต่ใจ และเผด็จการ แต่เมื่ออีกคนก้าวเข้ามาในชีวิตกาณฑ์ก็พอจะรู้เรื่องราวของโต้งเช่นกัน


“ ไม่เป็นไรหรอกสอบบ่าย วันมะรืนพี่ค่อยกลับตอนเช้าก็ได้..”


“ ไม่ต้องหรอกกาณฑ์มาเองได้ ไม่ต้องลำบากหรอก...”



“ นี่จะมีครั้งไหนบ้างไหมที่ไม่เถียงพี่..” ชายหนุ่มตวัดหัวรถเข้าจอดข้างทาง และกระแทกเสียงถามอย่างไม่ค่อยจะพอใจสักเท่าไหร่ เพราะตลอดเวลาอีกคนก็ทำเหมือนเขาเป็นคนอื่น ไม่มีทางที่เขาจะเข้าเป็นคนใกล้ชิดของกาณฑ์ได้เลยเหรอ


“ พี่โต้งเป็นอะไรนี่..ถ้ายังตวาดใส่กาณฑ์อีกไม่ต้องพูดกันเลย” กาณฑ์ไม่เข้าใจในการกระทำของโต้ง เลยพาลจะขึงขังไม่พอใจตอบกลับไป



“ แล้วเราล่ะ.. เถียงได้เถียงดี พี่บอกอะไร เราก็ต้องแย้งทันทีเมื่อไหร่จะเชื่อฟังพี่บ้างหา..” โต้งที่ร้อนมาตลอดชีวิต ไม่รู้หรอกว่าการลงให้ก่อนจะสร้างความสุขให้กับทั้งสองแค่ไหน



“ ก็พี่โต้งนั่นแหละ..ไม่ต้องมายุ่งกับกาณฑ์เลย..”


“ นี่จะให้ไอ้แจ๊คมาส่งหรือไงถึงกีดกันพี่นักหนา..”


“ บ้าไปไหม ..แจ๊คกับกาณฑ์เป็นเพื่อนกัน ถึงะจะเป็นมากกว่าเพื่อนมันก็สิทธิ์ของกาณฑ์นะ พี่โต้งไม่มีสิทธิ์มายุ่ง” กาณฑ์ตอบกลับอย่างไม่กลัวเกรงสายตาที่พร้อมขย้ำทุกวินาที


“ กลับห้องไปไม่ต้องนอนกันคืนนี้..”


“ ถ้าพี่โต้งคิดจะทำอะไรบ้าๆอีกกาณฑ์ก็จะลงตรงนี้.. พรุ่งนี้ยังมีสอบกาณฑ์ไม่ยอมหรอก”


“ ถ้ากล้าก็ลงไปเลย พี่จะปล้ำเราข้างทางตรงนี้เลยคอยดู..” โต้งขู่



“ ไอ้บ้า..” กาณฑ์ที่ตั้งท่าจะลงจำต้องกระแทกหลังกลับไปกับเบาะอย่างเหนื่อยใจ ไม่รู้เมื่อไหร่ว่าชีวิตของตนจะสงบสุขและราบรื่นเหมือนคนอื่นๆบ้าง


“ เอ่อบ้าไง ..บ้าก็ผัวเรานั่นแหละ..”



“ ไอ้พี่โต้ง..ไอ้นิสัยไม่ดี กาณฑ์เกลียดพี่โต้ง..” กาณฑ์สะอึกกับคำของชายหนุ่มจนต้องแก้เก้อออกไป แต่บางคำของเขาก็ทำให้คนฟังแทบจะสะอึกแทน

“ ..” มือหนาเอื้อมมือดึงร่างที่เอนกับเบาะให้หันมาตรงๆ ..


“ พี่โต้งเป็นอะไรไป..” ท่าทีที่เปลี่ยนแปลงทำให้กาณฑ์ถามขึ้นอย่างสงสัย ..ถึงจะทะเลาะกันยังไงโต้งก็ไม่เคยเงียบอย่างนี้


“ มองตาพี่แล้วบอกพี่สิว่าเราเกลียดพี่ขอแค่พูดออกมา พี่จะไปจากชีวิตเราและไม่กลับมาทำให้เราต้องหนักใจอีก..” โต้งกำลังเดิมพัน ..เดิมพันโดยใช้ทั้งหมดของลมหายใจเป็นเครื่องหมายของเรื่องราว .. คำว่าเกลียดพูดออกมาง่าย แต่ฟังอาจจะยาก ..ยิ่งบางคนที่เผลอหัวใจไปอย่างไม่รู้ตัว อาจต้องกระอักเพราะคำคำนี้เพียงคำเดียวก็เป็นได้



“ พี่โต้ง..” กาณฑ์เริ่มเคว้ง เมื่อท่าทีจริงจังตรงหน้าแสดงขึ้น... หากเขาพูดจริงโต้งจะหายไปใช่ไหม


“ พูดสิ..จะมัวช้าอะไรอยู่เล่า พี่ให้โอกาสกาณฑ์แค่ครั้งเดียวนะ ถ้ากาณฑ์ไม่พูดต่อไปพี่จะไม่เปิดโอกาสให้เราเดินออกจากพี่ไปไหนอีก..”


“ อะไรเล่า...ก็พี่โต้งแหละชอบตวาด ชอบเสียงแข็งใส่กาณฑ์” กาณฑ์เฉไฉไปไม่เป็น เขาไม่กล้าพูดคำคำนั้นออกไปจริงๆ


“ พูดสิ..พี่บอกให้พูด..” แรงที่จับเริ่มหนักขึ้นจนกาณฑ์เริ่มเจ็บ ความกดดัน ความเจ็บปวดถาโถมเป็นหนึ่งเดียวจนแปรความอัดอั้นออกมาแทบสิ้น


“ แล้วอะไรเล่า ..พี่โต้งมีสิทธิ์อะไรมาบังคับให้กาณฑ์พูดเล่า ก็พี่โต้งแหละชอบบังคับกาณฑ์โน้นนี่ แล้วทำไมเล่ากาณฑ์จะไม่พูดมันผิดเหรอไงเล่า” กาณฑ์บอกออกไปทั้งน้ำตา รู้สึกงงๆว่าตัวเองกำลังเผชิญกับอะไร แต่แค่จะรู้ว่าต้องเสียคนตรงหน้าไปก็ทำให้ใจแทบรับไม่ไหว



“ ก็พี่กำลังเปิดทางให้กาณฑ์ไงล่ะ แค่กาณฑ์มองตาพี่แล้วบอกว่าเกลียดพี่ ต่อไปนี้ก็จะมีใครมาบังคับกาณฑ์ มาตวาด และขัดใจกาณฑ์โน้นนี่สารพัด..” โต้งเองก็รู้สึกกลัวไม่แพ้กัน เขาไม่เคยรู้ว่าแท้จริงความรักเป็นเช่นไร ยามพบเจอเลยไม่รู้ว่าต้องเดินต่อเช่นไร ..


“ ก็กาณฑ์ไม่อยากได้ทางนี่” กาณฑ์ตวาดกลับไป ท่ามกลางความตกใจของคนหน้าตี๋ ..

“ กาณฑ์เลือกเองนะ ต่อไปกาณฑ์จะไม่สามารถไปจากพี่ได้อีก..” ดวงตาที่เคยหม่นหมองทอประกายอย่างมีความหวัง เมื่อรู้ว่าคนตรงหน้าเองก็ไม่อยากจะเสียเขาไปเช่นเดียวกับเขาที่อยากอยู่ข้างๆกาณฑ์ตลอดเวลา .. มือที่จับบ่าของกาณฑ์ไว้แน่นค่อยๆคลายออก แล้วเลื่อนไปประทับบนใบหน้านั้นอย่างแผ่วเบา


“..” ริมฝีปากหยุ่นประทับลงบนเรียวปากของอีกคนอย่างถือสิทธิ์ตีตรา นับจากนี้เขาจะเป็นเจ้าของอีกคนโดยสมบูรณ์ ..

“ พี่รักกาณฑ์..” โต้งกระซิบบอกในบางคำที่เขาเองไม่เคยพูดกับใคร ..


“ พี่โต้ง..” กาณฑ์อึ้งไปกับคำนั้น

“ รักพี่ได้ไหม..” คนตัวหนาเลื่อนกายออกมาเล็กน้อย เพื่อให้ดวงตาของทั้งสองสบกันพร้อมทั้งเอ่ยขอในบางคำที่หัวใจเรียกร้อง


“ กาณฑ์ไม่รู้ แต่กาณฑ์ไม่ได้เกลียดพี่โต้งนะ..” กาณฑ์ตอบไปทั้งน้ำตาพร้อมแสดงนัยแห่งคำพูด คำว่าไม่ได้เกลียดย่อมหมายถึงว่าไม่อยากให้คนข้างหน้าหายไปจากชีวิตด้วยกระมัง

“ ช่างเถอะให้พี่รักก็พอแล้ว..” โต้งระบายยิ้มเบาๆให้กับมรสุมที่เพิ่งผ่านพ้น จากนี้จะเป็นเช่นไรคงมีเพียงเวลาที่ให้คำตอบดีที่สุด ...

 
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 37+38
เริ่มหัวข้อโดย: k_U_K_K_I_K ที่ 18-06-2009 22:08:57
 :haun4:จร้า วันนี้ลงจบ หนูก็จะลุยอ่านจนจบเหมือน กัน :z1:

ปล.รักษาสุขภาพด้วยนะคร้าช่วงนี้ฝนตกบ่อยมากกกกกกก เป็นห่วงคร้า :bye2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 37+38
เริ่มหัวข้อโดย: speedboy ที่ 18-06-2009 22:21:10
+1  ให้อีกทีคร้าบ   ผมชอบอะคร้าบทุกคนรักกันมีความสุขคร้าบ


ขอบคุณนะคร้าบ  หลับสบายละคืนนี้อะ


 :oni2: :oni2: :oni2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 37+38
เริ่มหัวข้อโดย: k_U_K_K_I_K ที่ 18-06-2009 22:44:07
อ่านจบแล้วอ่ะคร้า อยากอ่านอีก จนจบเลยคร้า อิอิ

ปล.อยากได้เรื่องใหม่ด้วยคร้า เอามาลงด้วยก้อจะดีมากนะคร้า :z1:

ปล2.แวะเข้ามา +1 ด้วยคร้า
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 37+38
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 18-06-2009 23:16:59
ตอน 40

ผลเอ๊กซเรย์ที่ออกมาค่อนข้างสร้างความวิตกให้กับแพทย์เจ้าของไข้อย่างมาก..


“ ตกลงว่าไงเล่าหมอ.. ชักช้าอืดอาดเดี๋ยวสั่งให้คนมาเก็บเลย..” เพราะทางทีอึกอักที่เป็นทำให้กรณ์อดจะกังวล และวุ่นวายใจไม่ได้


“ ผลที่ออกมาบอกชัดว่าข้อต่อหัวเข่าแตกละเอียด.. หมอคิดว่าบางทีอาจจะใช้ข้อต่อเทียมแต่ต้องสั่งทำเฉพาะ และอาจต้องใช้เหล็กเป็นตัวช่วย .. แม้จะไม่ต้องตัดขาแต่คนป่วยก็ไม่มีทางกลับมาเดินได้เหมือนเดิม..” แม้รู้ว่าคำของเขาจะทำให้กรณ์โกรธมากขึ้นแต่ก็จำต้องบอก


“ อะไรนะหมอ..” มือบางตบลงกลางโต๊ะอย่างรุนแรง



“ หมอพูดตามความจริง และนี่คือทางที่ดีที่สุดหลังผ่าตัดคนป่วยต้องพักฟื้นอย่างน้อย 5-6 เดือนเพื่อให้เนื้อเยื่อกับข้อต่อที่เสริมเข้าไปผสานเป็นเนื้อเดียว และต้องรับยาประจำทุกเดือน...” หมอหนุ่มยังพูดต่อ เพราะมันคือความจริงอย่างถึงที่สุด ความจริงที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้



“ รู้แล้ว..” กรณ์ตบโต๊ะอีกครั้งก่อนจะเดินหัวเสียออกจากห้องพักหมอเจ้าของไข้ คนหน้าสวยเดินกลับไปห้องคนป่วยอย่างเหนื่อยใจ แม้จะพยายามปิดบังอารมณ์แต่ก็ไม่สามารถปิดกั้นได้ ..


“ เป็นไงบ้างครับ..” คนป่วยที่รอฟังอาการของตนเอ่ยถาม



“ แน่ใจนะที่จะฟัง..” กรณ์เลิกคิ้วของตนเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถามอีกคน ..



“ ครับผม..ตั้งแต่ที่คุณบอกว่าแม้ผมจะเป็นอัมพาตไปไหนไม่ได้ก็ไม่ยอมปล่อยผม ผมก็ไม่กลัวอีกแล้วล่ะว่าจะเป็นอะไร เพราะคงไม่มีอะไรเลวร้ายกว่านี้แล้ว” วิชญ์ภาสปรายยิ้มเบาๆ..ไม่ได้ห่วงอาการของตัวเองสักเท่าไหร่


“ ปากดี..” กรณ์ยิ้มส่งให้อย่างเขินๆ.. ดูเหมือนว่าเหตุการณ์เลวร้ายที่เป็นอยู่ ไม่อาจละลายความหวานที่ทั้งสองมีให้กันได้เลยสักนิด



“ นอกจากปาก อย่างอื่นก็ดีด้วยนะครับ..” คนพูดกัดริมฝีปากอย่างแกล้วยั่ว ..นึกว่าตนเป็น แองเจลิน่าหรือไงถึงได้กล้าทำเช่นนี้...


“ ตกลงจะฟังไหมนี่..”




“ ฟังครับ..” คนป่วยพยักหน้าหงึกๆ.. อาการเจ็บป่วยส่วนอื่นๆ ก็หายไปหมด จะเหลือก็ที่ขานี่แหละที่เป็นปัญหาใหญ่




“ หมอบอกว่าต้องใช้ข้อเทียม หลังผ่าตัดต้องพักฟื้น 5-6 เดือน แล้วต้องหัดเดินไปด้วยถึงจะหาย...” กรณ์บอกไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ปิดบังบางส่วนที่ไม่สมควรพูดออกไป กรณ์ทำใจไม่ได้จริงๆที่จะให้อีกคนรู้ว่าจะไม่มีวันที่คนป่วยจะกลับมาเดินเหมือนคนปกติทั่วไปได้อีกแล้ว



“ ผมนึกว่าจะกลับมาเดินไม่ได้เสียแล้ว..” เขาเตรียมใจไว้ตั้งแต่ที่หมอบอกว่าอาจต้องตัดขา ... แม้จะเสียใจแต่ก็ดีใจที่รู้ว่าคนที่เขารัก ไม่มีทางจะทิ้งเขาไปไหนต่อให้เขาต้องตกทุกข์ได้ยากแค่ไหน


“ งั้นก็เตรียมตัวนะ...อีกสองวันน้านาจะมาเยี่ยม แล้วจะมาเซนรับรองการผ่าตัด” กรณ์บอกต่อ.. เขาตัดสินใจบอกความจริงกับคุณวรางคณาเมื่อวันก่อน กลัวเหลือเกินว่านางจะเสียใจ ..คนเป็นแม่คนไหนบ้างจะไม่ทุกข์ระทมยามรู้ว่าลูกในอกต้องเจ็บ ต้องปวด


“ ครับ..ว่าแต่คุณกรณ์ครับ..” คนป่วยเริ่มอ้อน


“ อะไรเหรอ..” กรณ์เงยหน้าขึ้นมองพร้อมถาม


“ ผมอยากเข้าห้องน้ำครับ..” เจ้าตัวดีบอก


“ อืม..” กรณ์พยักหน้าให้ ก่อนจะเข้ามาพยุงร่างที่นอนอยู่ให้ลุกขึ้น จากนั้นก็ค่อยๆพยุงให้คนป่วยเดินเข้าไปในห้องน้ำ แม้อีกคนจะหนักแต่ด้วยความรักที่มีก็ทำให้ทุกอย่างไม่เป็นอุปสรรค .. เจ้าตัวดียื่นมือไปปิดฝาชักโครกแล้วนั่งลงอย่างรวดเร็ว



“ เอ้าไหนว่าจะเข้าห้องน้ำไง..” กรณ์มองตามอย่างไม่เข้าใจ


“ ผมอยากเข้าห้องน้ำจริงครับ แต่ไม่อยากเข้ามาฉี่ แบบว่า ๆ ..”

“ แบบว่าอะไรเหรอ..” กรณ์ถามอย่างสงสัย



“ คือนี่ก็วันที่เจ็ดแล้วที่ผมเข้าโรงพยาบาล .. คุณไม่คิดถึงผมบ้างเหรอครับ..” เสียงอ้อนๆ ตาใสๆ ช่างดูเข้ากับคนหน้าคมไม่น้อย ..


“ บ้าแล้วเจอกันทุกวัน แถมย้ายเตียงมานอนข้างกัน..”


“ ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย .. ผมไม่ได้เข้าไปในตัวคุณอาทิตย์หนึ่งแล้วนะ ไม่คิดถึงบ้างเหรอ..” ความรักที่มีเปี่ยมล้นจนแทบเต็มหัวใจ ..


“ ไอ้หื่นเอ๊ย ...จะตายอยู่แล้วยังหื่นได้อีก...” มือบางผลักศีรษะคนที่นั่งอยู่อย่างแรง ..โธ่ๆ พ่อคุณทูนหัวขนาดจะตายยังคิดจะแอ้มเมีย ..ท่าทางจะตัดนิสัยหื่นไม่ออกจริงๆ


“ โห่ก็ตัวป่วย แต่อย่างอื่นมันไม่ป่วยนี่หน่า .. ถึงผมจะเจ็บอยู่แต่ถ้าผมนั่งแล้วคุณช่วยผมก็ได้ไม่ใช่เหรอ”

“ ตกลงจะเอาให้ได้ใช่ไหม..”


“ ก็..โห่.. ไม่เอาก็ได้” คนพูดอึกอักไม่รู้จะเอาไงต่อดี .. เพราะกลัวว่ากรณ์จะโกรธตนเอง


“ ดี..นี่กะจะให้นะนี่ ไม่เอาก็ดี..” กรณ์ยิ้มกริ่มอย่างเหนือกว่าที่ได้แกล้งอีกคน .. เล่นเอาคนฟังต้องหันขวับอย่างตะลึงและไม่เชื่อสายตาตัวเอง


“ งั้นผมเอา..” เจ้าตัวรีบเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว



“ นายนี่นะ..” กรณ์ยิ้มให้เบาๆ ก่อนจะย่อกายลงพร้อมคุกเข่าลงกับพื้น .. มือบางเอื้อมคล้องคอคนป่วยอย่างอ่อนโยนแล้วโน้มศีรษะนั้นให้ต่ำลงมา ริมฝีปากทั้งสองคู่เคลื่อนเข้าหากันอย่างโหยหาและเคลือบไปด้วยไอรักในหัวใจ



มือบางที่คล้องคออยู่ค่อยๆเลื่อนเข้าไปภายในเสื้อคนป่วยอย่างไม่เร่งร้อน .. มันเป็นครั้งแรกที่กรณ์รับหน้าที่ปลุกประโลม เล่นเอาอีกคนตื่นเต้นไม่น้อยกับเกมรักครั้งใหม่ ปมเชือกด้านหน้าเสื้อค่อยๆถูกกระตุกออกต่อเนื่องกัน จนเผยอกหนั่นหนา และท้องแกร่ง ... กรณ์ผละริมฝีปากของตนแล้วค่อยๆลากลิ้นไปตามแนวอกหนั่นอย่างสั่นๆ แต่ด้วยความรักก็ทำให้เขาสามารถทำได้..


อารมณ์ หยดเหงื่อ และความรัก คือองค์ประกอบที่ทำให้ร่างกายและร่างกายเป็นของกันและกัน ..ร่างกายที่เปล่าเปลือยทั้งสองเคลื่อนเข้าชิด .. กรณ์ค่อยๆลดกายลงเบาๆต้อนรับสิ่งหนั่นหนาเข้ามาในร่างกายอย่างผ่อนคลาย ..


“ ผมรักคุณจัง..” เจ้าตัวสูงยิ้มกริ่มอย่างมีความสุข ปล่อยให้หัวใจได้ชักพาสองกายไปสู่จุดหมาย และความรัก ต่อให้อุปสรรคใดยิ่งใหญ่แค่ไหน ขอแค่สองมือจับกันไว้ไม่ปล่อยวางก็เพียงพอแล้วล่ะ ..




เอกจำต้องหนีออกจากบ้านพักของตนอย่างรวดเร็ว ..เพราะจากการที่สุรีย์ยื่นมือเข้าช่วยและหาหลักฐานมามัดตัวเจ้าของรถที่ใช้ก่อเหตุ .. ทำให้ทั้งสองซัดทอดเจ้านายของตนด้วยความปากเปราะ อีกทั้งการตามรอยการใช้โทรศัพท์ของสองคนร้ายนั่นเชื่อมต่อกับเอกในวันเกิดเหตุจริงๆ..ด้วยความเป็นวัวสันหลังหวะทำให้เจ้าของอมราต้องรีบหนีไปตั้งหลัก แต่ใครจะรู้ว่าการหนีครั้งนี้จะมีแรงแค้นเพิ่มขึ้นกว่าเก่าหลายเท่าตัว ..โดยเฉพาะสุรีย์ที่เป็นตัวตั้งตัวตีในการช่วยเหลือ เขาต้องคิดบัญชีทั้งต้นทั้งดอกแน่นอน


ตอนรู้เรื่องกรณ์แทบจะสั่งให้คนของตนเก็บอีกฝ่ายให้รู้แล้วรู้รอด.. แต่เพราะสุรีย์ขอไว้ทำให้กรณ์ไม่กล้าลงมือ .. ในวันนั้นเขาได้รู้ความจริงอีกอย่างที่สงสัยมาหลายวัน .. และสิ่งที่รู้ก็ทำให้สุรีย์เลือกจะเดินออกจากบ้านสายลมไปอย่างไม่มีใครกล้าทัดทาน .. ความรู้สึกผิดที่ตั้งอยู่บนกึ่งกลางระหว่างดีชั่ว บุญคุณและความรัก มันเป็นความรู้สึกที่แสนทรมาน เธอจึงเลือกจะหอบร่างกายอันบอบช้ำพร้อมลูกน้อยในท้องออกมาเช่าห้องพักเล็กๆชานเมืองแทน

ราวเหล็กคู่ที่กรณ์สั่งทำขึ้นหลังจากคนป่วยออกจากโรงพยาบาล ตอนนี้กลายเป็นหนึ่งสถานที่ที่เจ้าของบ้านและผู้เป็นหัวใจต้องมาทุกวัน .. ราวเหล็กกลางสนามหน้าบ้านที่มีความยาวประมาณ ห้าถึงหกเมตร เป็นหนึ่งในสิ่งที่แพทย์เจ้าของไข้แนะนำ กรณ์ยังจำวันแรกได้ดี วันที่คนของเขาพยายามลุกขึ้นแต่ก็ไม่อาจจะฝืน ..ความเศร้าความเสียใจ และความกลัวรวมกันเป็นหนึ่ง แต่กรณ์ก็ไม่สามารถจะแสดงอะไรออกมาได้ เพราะหากเขาท้อ วิชญ์ภาสก็จะหมดกำลังใจไปทันที ..


และวันนี้เขาก็ได้เรียนรู้ถึงความมานะและอดทน ..

“ เร็วๆสิ รอนานแล้วนะ เมื่อไหร่จะมาถึง..” กรณ์ที่ยืนอยู่ตรงปลายทางเดินเหล็กเอ่ยเสียงเหวี่ยงๆ ตามประสา นี่ก็จะหกเดือนแล้วสินะที่คนป่วยออกจากโรงพยาบาล ..

“ อย่ารีบสิครับ..ผมยังไม่ถนัดเลย..” คนหน้าคมที่ยืนอยู่ตรงกลางเอ่ยขึ้นเสียงอ้อน .. ตอนนี้ร่างกายเขาปรับสภาพให้เขากับสิ่งที่เป็นได้ดีพอตัว .. แม้จะไม่สามารถเดินได้คล่องปร๋อเช่นแต่ก่อน แต่มันก็ดีว่าช่วงแรกที่ออกจากโรงพยาบาลอย่างมาก


“ เร็วๆ เข้า ..ถ้านับหนึ่งถึงสิบแล้วยังมาไม่ถึง คืนนี้ไม่ต้องขึ้นมาบนเตียงเลย..” กรณ์ปรายยิ้มเบาๆ ก่อนจะเอ่ยขู่อย่างไม่จริงจังอะไรนัก .. นับตั้งแต่เกิดเรื่องสองกายก็ใกล้ชิดกันมากกว่าเก่า สองใจก็เปิดออกมากกว่าเดิม นี่แหละนะความรัก สรรค์สร้างทุกอย่างให้เป็นไปได้จริงๆ


“ โห่...” เจ้ากบตาใสเบิกตากว้างอย่างตกใจ ..




“ หนึ่ง ..” กรณ์เริ่มนับแกล้งอีกคน ..ทำให้คนป่วยต้องรีบสาวเท้าอย่างเร็วเพราะกลัวว่าจะไม่ได้ขึ้นไปบนเตียงกับคนรัก ในจังหวะสุดท้ายที่กรณ์ใกล้จะนับถึงสิบวิชญ์ภาสก็รีบกว่าเดิมจนทำให้ผิดท่า .. เหล็กที่ดามอยู่ด้านในเกิดเคลื่อนนิดหน่อยทำให้เขาถลาล้มไปข้างหน้า ..



“ โอ๊ย..”ชายหนุ่มร้องขึ้น ..แต่ยังดีที่กรณ์เข้ามารับไว้ได้ทันก่อนจะล้ม ..


“ เป็นไงบ้าง ...ฉันขอโทษๆ..” กรณ์หน้าเสียในบัดดล เมื่อรู้ว่าตนทำให้คนที่รักต้องบาดเจ็บซ้ำๆ ชายหนุ่มพยุงร่างนั้นไปนั่งพักตรงเก้าอี้ใกล้ๆ ..


“ เจ็บมากไหม..” น้ำเสียงอ่อนๆถามขึ้น พร้อมอีกร่างที่คุกเข่าลงด้านหน้า แล้วยื่นมือไปจับหัวเขาของคนป่วย .. มือบางประทับลงเบาๆสายตาก็ไล่ไปตามรอยฝีเข็มที่เกิดจากการผ่าตัด แต่บาดแผลจะหายไปทิ้งไว้เพียงรอยแผลเป็นเส้นบางๆ แต่ทุกความเจ็บปวดที่เกิดยังประทับตรึงในใจของกรณ์ไม่มีวันคลาย



“ ผมไม่ได้เจ็บมากหรอกครับ ..แค่มันผิดจังหวะไปหน่อย” ชายหนุ่มที่เจ็บกัดฟันบอก แม้แท้จริงอาการจะมากกว่าคำว่านิดหน่อยไปพอตัวก็ตาม ..



“ ฉันขอโทษนะ..” ดวงตาคู่สวยช้อนขึ้นมองอีกฝ่ายอย่างสำนึกผิด .. ใครเลยจะเคยเห็น ใครเลยจะเคยสัมผัส หากจะมีก็เพียงวิชญ์ภาสคนเดียวเท่านั้นที่ประธานสายลมทำให้ได้ขนาดนี้



“คิดมากแล้วครับ ..” รอยยิ้มแสนกว้างปรากฏขึ้น ก่อนจะยกมือขึ้นดึงร่างของกรณ์ให้สูงขึ้นมา ชายหนุ่มโน้มหน้าของตนเข้าหาแล้วประทับริมฝีปากบนเรียวปากบางเบาๆ เพียงสัมผัส



“ ผมหิวข้าวแล้ว กลับเข้าไปในบ้านดีกว่าครับ” ชายหนุ่มเปลี่ยนประเด็นเพราไม่อยากให้กรณ์ต้องกังวล ลำพังแค่ตอนนี้กรณ์ต้องแบ่งเวลามาดูแลเขา เขาก็รู้สึกไม่ค่อยจะดีนัก จึงเร่งวันเร่งคืนหายจะได้ช่วยเหลือกรณ์ได้บ้าง

ตอนป่วยกรณ์ก็ทำเรื่องต่อมหาวิทยาลัย ใช้คะแนนรายงานแทนเข้าห้องเลยทำให้สุดท้ายชายหนุ่มคิ้วหนาก็สำเร็จการศึกษามาจนได้ กำหนดรับปริญญาก็ต้นปีหน้า ..



“ อืม” กรณ์ยิ้มให้เบาๆ แล้วเดินเข้าไปในบ้านพร้อมกัน .. มือทั้งสองยังคงจับประสาน แต่กรณ์เพียงจับมือของอีกฝ่ายไว้เท่านั้น ปล่อยให้วิชญ์ภาสได้เดินด้วยเท้าของตัวเอง แม้จะไม่รวดเร็วเท่าเมื่อก่อนก็ไม่สำคัญเพราะเท้าของกรณ์นั้นก็ชะลอลงได้เพื่อคนที่รักไม่ใช่เหรอ..


“ หอมไปถึงข้างนอกเลย ..วันนี้มีอะไรกินบ้างครับแม่..” เจ้าตากลมเอ่ยทักทายมารดา ที่กำลังยกกับข้าวมาวางไว้บนโต๊ะอาหาร .. นับตั้งแต่วิชญ์ภาสป่วย นางก็เลือกจะรับงานน้อยลงและกันเวลาช่วงวันศุกร์เสาร์มาคอยดูแลเจ้าลูกชายที่สายลม ..ความสัมพันธ์ระหว่างนางและสายลมจึงกลายเป็นหนึ่งเดียวไม่แตกต่างจากคนคิ้วเข้ม



“ มีหลายอย่างเลย ..ไปล้างไม้ล้างมือก่อนไปลูก” นางยิ้มให้กับความสุขที่เป็น คำว่าครอบครัวที่หายไปนานหลายปี ในที่สุดก็กลับมาเพราะคนหน้าสวยที่มากบุญคุณต่อนาง แถมยังทำให้ลูกชายที่เคยร้ายแสนร้ายกลับกลายมาเป็นคนแสนน่ารัก


บรรยากาศ ความอบอุ่น ความสุข มันช่างน่าอิจฉานัก ..

สายตาอาฆาตที่มองมาจากมุมหนึ่งนอกบ้านเผยออกอย่างชัดเจน ..

“ แกไม่มีทางได้สงบสุขหรอกไอ้กรณ์..” รอยยิ้มร้ายหมายออก .. พร้อมมือที่กระทบประตูรั้วบ้านอย่างไม่ชอบใจ เอกไม่มีทางปล่อยให้กรณ์มีความสุขหรอก..

 

หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 37+38
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 18-06-2009 23:57:54
ตอน 41



บ้านหลังเล็กที่กลายเป็นความสุขเล็กๆของหญิงสาวผู้อาภัพ บัดนี้คือความสวยงามอีกไม่กี่วันข้างหน้าหญิงสาวก็มีกำหนดคลอด ดีที่สมัยก่อนเป็นคนประหยัดอดออม เงินเดือนที่ได้มาตอนนั้นก็เป็นสายธารหล่อเลี้ยงชีวิตของหญิงสาวไม่ให้ต้องลำบากเกินไป



“ ให้ป้าส่งตรงนี้เหรอคะ..” ป้านีเจ้าของบ้านเช่าที่สุรีย์เช่ามาตั้งแต่หกเดือนก่อนเอ่ยถาม .. ตอนนี้บ้านหลังนั้นหญิงสาวได้ขอผ่อนซื้อจากนาง เพราะคิดว่าต่อไปมันคงเป็นที่พักพิงให้กับเธอและลูกที่กำลังจะลืมตามาได้ อย่างน้อยก็หาความมั่นคงอย่างหนึ่งให้กับชีวิต ป้านีแกก็ดีรักและเอ็นดูหญิงสาวไม่น้อย ลูกหลานแกโตขึ้นก็ไปทำงานกรุงเทพฯกันหมด พอเห็นสุรีย์ต้องอุ้มท้องเพียงลำพังเลยทำให้เกิดความผูกพันและสงสาร ยิ่งท้องของหญิงสาวโตขึ้นมากเท่าไหร่ นางก็ยิ่งผูกพันมากขึ้นเท่านั้น



“ ค่ะเดี๋ยวหนูไปซื้อของแถวนี้ก่อน” หญิงสาวพยักหน้ารับ แล้วค่อยๆเดินลงจากรถกะบะคันเก่าไปเพื่อจับจ่ายข้าวของจำเป็น


ดวงตาคู่เรียวเหลือบหันไปมองอาคารสีขาวตระหง่าน ที่ถูกทิ้งร้างไปนับตั้งแต่เกิดเรื่อง



“ คุณจะเป็นยังไงบ้างนะ..” หญิงสาวเปรยถึงใครบางคน แม้จะโกรธเอกอยู่มากแต่อย่างไรเสียเขาก็คือพ่อของลูกในท้องที่กำลังจะเกิดออกมา


เท้าของเธอเดินเข้าไปเรื่อยๆจนหยุดอยู่หน้าบานประตูบ้านหลังหนึ่ง บ้านที่เธอเคยมาและเป็นบ้านที่ทำให้เธอตกเป็นของเขา ..


“ เอ๊ะ..” สาวท้องแก่เริ่มเอะใจ เมื่อรับรู้ได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่กำลังเคลื่อนไหวภายในบ้าน ..


“ คุณกรณ์..” ร่างของเธอแทบสั่นสะท้าน เมื่อดวงตาคู่สวยมองล้ำเข้าไปภายในบ้านหลังนั้น .. รอยยิ้มมาดร้ายจากเจ้าของบ้านที่หวนกลับมามันไม่ได้สะพรึง เท่ากับรูปถ่ายของกรณ์ที่ถูกปากกาเมจิกสีแดงลากปาดลำคอสวยอยู่หลายรูป


หญิงสาวหันหลังกลับด้วยใจพะวง ..

การเริ่มต้นของแค้นปะทุอีกครั้งแล้วใช่ไหม





เจ้าหน้าตี๋เริ่มกระฟิดกระเฟียดอีกครั้งของวัน .. ใครจะรู้ล่ะว่าเหตุการณ์ระหว่างอดีตคนเจ้าเสน่ห์ กับน้องชายคนกลางบ้านสายลมจะไม่ได้ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนสักเท่าไหร่ ..


“ อะไรเล่าพี่โต้ง..บอกแล้วไงว่ากาณฑ์ต้องไปงานเลี้ยงปิดเทอมอ่ะ” คนตัวบางในชุดสีน้ำตาลอ่อนเอ่ยขึ้นเสียงเหวี่ยงๆ นี่หกเดือนแล้วสินะที่ทั้งสองแปรสภาพมาเป็นคนรักกันจริงๆ กาณฑ์ยอมย้ายมาอยู่ที่คอนโดของโต้งโดยขออนุญาตจากกรณ์ .. ตอนประธานสายลมรู้เรื่องโต้งก็แทบหัวหลุด แต่เพราะมีวิชญ์ภาสกับกฤษฏิ์ช่วยอยู่ข้างๆ แถมกรณ์ยังไม่อยากจะทำร้ายน้องชายของตนซ้ำเก่าเลยยอมให้โต้งกับกาณฑ์ได้ลองคบกัน ..



“ แล้วทำไมต้องให้ไอ้แจ๊คมันมารับด้วยเล่า..” โต้งเสียงแข็ง นั่งปั้นหน้ายักษ์อยู่หน้ากระจก


“ เอ้า .. แล้วพี่โต้งจะให้คนอื่นมารับหรือไงเล่า แจ๊คมันเพื่อนกาณฑ์นะ” กาณฑ์ยังเถียงต่อไม่ยอมลงให้ ..เพราะดูเหมือนพักหลังมานี่ เจ้าหน้าตี๋มันขี้หึงผิดปกติ ทั้งที่ความจริงแล้วกาณฑ์ต่างหากไม่ใช่เหรอที่ต้องตามหึงก็เล่นพราวเสน่ห์จนสาวแท้ สาวเทียมหลงใหลขนาดนี้




“ ไอ้แจ๊คนั่นแหละตัวดี ทั้งๆที่รู้ว่าพี่กับเราเป็นอะไรกัน ยังชอบเราไม่เลิก..”


“ เฮ้อ..กาณฑ์ไม่อยากเถียงแล้ว”


“ เดี๋ยว..” โต้งไม่ยอมให้กาณฑ์เดินออกจากห้องไปได้โดยง่าย ..คว้ามือนั้นไว้อย่างรวดเร็ว


“ พี่โต้ง กาณฑ์ไม่อยากไปสายนะ ..”


“ เอ่อ..ได้พี่แล้วนี่จะเอาไงก็ได้ใช่ไหมล่ะ” โต้งสูดลมเข้าปากแล้วเปรยบ่นเชิงน้อยใจ ..และมันก็ทำให้คนที่กำลังหงุดหงิดอยู่ตรงปรายยิ้มออกอย่างขันๆ.. ก็ดูโต้งสิ สมัยนี้งอนบ่อยจะตายไป แต่มันก็ดีอย่างตรงนี้ต่างจากเมื่อก่อนที่ชอบใช้ความกระด้างแข็งกลบเกลื่อนความรู้สึก


“ พูดอะไรอย่างนี้เล่าพี่โต้ง...เดี๋ยวกาณฑ์ก็กลับมาแล้ว” กาณฑ์เลื่อนกายมาหยุดอยู่ด้านหน้าคนที่นั่งอยู่ตรงขอบเตียงอย่างขันๆ ..


“ ก็แล้วทำไมไม่ให้พี่ไปส่งล่ะ..”




“ โธ่...พี่อยู่ห้องนี่แหละดีแล้ว อีกอย่างกาณฑ์ก็ไม่ได้คิดอะไรอย่างนั้นสักหน่อยคิดมากไปได้..” มือเรียววางลงบนใบหน้าคมกล้าอย่างเบามือ ..นับแต่วันที่โต้งเอ่ยปากว่ารักกาณฑ์ก็แสดงออกให้เห็นว่า เขาเองก็รู้สึกดีๆกับโต้งไม่ต่างกัน



“ ปิดเทอมแล้ว ..กลับมาพี่จะฟัดให้หายคิดถึงเลย..”



“ บ้า ..” กาณฑ์ยิ้มเขิน แต่เพียงครู่มือหนั่นหนาก็วางลงบนเอวเขาเบาๆ ..แล้วดึงร่างนั้นให้ล้มลงทับร่างของเขาไปทางด้านหลัง ริมฝีปากหนาวางลงบนปากของกาณฑ์อย่างถือสิทธิ์ก่อนจะเคลื่อนไหวไปตามอารมณ์ที่พรึงเพลิด


“ พอแล้วพี่โต้ง..เดี๋ยวกาณฑ์สาย” กาณฑ์รวบรวมแรงที่มีดันร่างของตนให้ห่างจากโต้ง



“ ก็ได้ๆ...” โต้งพยักหน้ารับก่อนจะยอมปล่อยให้กาณฑ์ลุกขึ้นจากกายของเขา .. โต้งขยับขึ้นนั่งเหมือนเดิมแล้วจ้องมองอีกฝ่ายอย่างมีความสุข ..



“กาณฑ์ไปนะ..” กาณฑ์ยิ้มรับแล้วคว้าเป้ออกจากห้องไปอย่างสบายใจ ..



โต้งมองตามบานประตูที่ปิดลง แต่รอยยิ้มยังคงประทับไม่จาง ..ในที่สุดโต้งก็รู้ความหมายที่วิชญ์ภาสเคยบอกไว้เสียที เพราะเมื่อก่อนไม่เคยเจอความรักเลยไม่รู้ว่าเหตุใดวิชญ์ภาสถึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนั้น .. จนวันนี้วันที่หัวใจได้พบเจอกับความสุข และความรัก ความหมายของการมีลมหายใจจึงประจักษ์




ร่างบอบบางของคนหน้าสวยน้องเล็กของบ้านสายลมถูกคว้าเข้ามากอดอย่างรวดเร็ว


ริมฝีปากบางถูกครอบครองอย่างถือโอกาส .. หมอหนุ่มขบริมฝีปากบางอย่างลงแรง แล้วเลื่อนลิ้นที่เรียวชุ่มเข้าไปทักทายความอ่อนโยนภายในปากของอีกฝ่าย ..

กำปั้นของคนหน้าสวยกระทบลงบนแผ่นหลังหนั่นหนาอย่างแรง ...

จนท้ายที่สุดหมอพิสิษฐ์จึงยอมผละออก


“ ไอ้หมอบ้า ..นี่ในมหาลัยนะ.. ถ้าเพื่อนกฤษฏิ์เห็นจะทำไงอ่ะ” กฤษฏิ์บ่นอุบเคืองคนตรงหน้าไม่น้อย


“ เอ้า ..เพื่อนเห็นก็จะได้รู้ไงว่าอาเป็นไรกับกฤษฏิ์” ชายหนุ่มในชุดเชิ้ตสีดำสนิท ..กางเกงยีนส์ขายาวที่ไม่ค่อยจะได้เห็นสักเท่าไหร่เอ่ยขึ้น


“ อาบ้า..กฤษฏิ์อายเพื่อนนะ..”

“ ไม่ต้องอายหรอก...เป็นแฟนกับหมอมันน่าอายตรงไหน...”

“ ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย..เฮ้อ.. กฤษฏิ์ว่าเรากลับบ้านดีกว่า..”. กฤษฏิ์ส่ายหน้าอย่างระอา ..


“ รำคาญเหรอไง ..อุตส่าห์มารับ..”


“ กฤษฏิ์ไม่ได้รำคาญสักหน่อย ..ดีใจที่อามารับ แต่ทำอย่างนี้มันไม่เหมาะอ่า .. ขืนคนอื่นมาเห็นเดี๋ยวจะมองเราไม่ดีนะ ที่ไม่ให้เกียรติสถานที่..” กฤษฏิ์อธิบายความจริงออกไปจนหมด เพราไม่อยากให้คนรักของตนต้องเข้าใจผิด แค่ที่อยู่ด้วยกันทุกวันก็มีความสุขมากกมายแล้ว ..


“ งั้นกลับบ้านไปก็ทำได้ใช่ไหม..” เสียงกรุ้มกริ่มดังขึ้นเบาๆ..


“ ไม่รู้กลับก่อนถึงรู้..” กฤษฏิ์ส่ายหน้าอย่างอาย ๆ แล้วรีบสาวเท้าเดินหนีไปด้านหน้า .. หมอหนุ่มรีบวิ่งเข้ามาใกล้แล้วคว้าเอวบางเข้ามากอดไว้..



“ โอเค ..งั้นคืนนี้อาถามเราเอง..” พิสิษฐ์ยิ้มกริ่มอย่างมีสุข .. ยิ่งเวลาผ่านไปมากเท่าไหร่ ความมั่นใจยิ่งมากขึ้นเท่านั้น .. เส้นทางของความสุข อาจสะดุด อาจล้ม ..แต่ทั้งสองก็เดินไปด้วยกันอย่างมั่นคง




คนตัวบางค่อยๆยกมือที่พาดเอวบางของตนออกเบาๆ..แล้วขยับลงจากเตียงเช่นทุกวันที่ทำ ..มันกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต คำว่ารักคือยาวิเศษที่ทำให้กรณ์ได้รู้ว่าโลกใบนี้สวยงามมากแค่ไหน จากแค้นที่มากมายจนแทบอยากจะฆ่าให้ตายก็กลายเป็นรักสุดหัวใจ ..จนเจ็บเจียนตายยามเห็นคนที่รักต้องเจ็บ



“ ทำไมต้องรีบตื่นละครับ..วันนี้วันเสาร์นะ..” ชายอีกคนที่นอนอยู่ข้างๆเอ่ยถามเสียงงัวเงีย ตอนกรณ์ขยับตัวเขาก็พลอยจะรู้สึกตัวไปด้วย


“ ตื่นแล้วเหรอ.. วันนี้ต้องเคลียร์งานนิดหน่อย ..” กรณ์หันกลับไปมองอีกคนที่นอนอยู่แล้วเผยยิ้มให้ ..ร่างบางโน้มกายของตนลงไปก่อนจะมอบจูบแรกของวันเพียงแผ่วบาง .. มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรระหว่างทั้งสอง เพราะกรณ์เองก็อยากให้คนของเขาได้รู้ว่าเขาก็รักวิชญ์ภาสเหมือนกัน




“ ว้าวันนี้คุณต้องทำงานด้วยเหรอ..”



“ ก็วันนี้วันเดียวแหละ..เดี๋ยวตอนเย็นพาไปเที่ยว”

“ เที่ยว...” เจ้าตากลมเบิกตาเล็กน้อยหันมองกรณ์อย่างถามหาคำตอบ



“ เย็นนี้ก็รู้เอง .. แล้วอย่าลืมลงไปเดินกายภาพบำบัดล่ะ ห้ามเบี้ยวด้วย ถ้าน้านาฟ้องว่าแอบขี้โองได้เจอดีแน่..” กรณ์เอ่ยเตือนอีกฝ่ายพร้อมทั้งขู่ไปด้วยในตัว ..



“ ครับๆ ไม่เบี้ยวๆ..” ชายหนุ่มพยักหน้ารับอย่างเอาใจก่อนจะปล่อยให้กรณ์ได้เดินเข้าไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำ ชายหนุ่มทิ้งกายลงบนเตียงหลังใหญ่อย่างวางใจ .. ทุกความรัก ทุกความสุข เป็นของขวัญที่ดีที่สุดที่ทำให้เขามีแรงสู้ต่อ ยิ่งได้ความรักของกรณ์มาช่วยเติมเต็มทำให้เขาอยากจะกลับมาเดินให้ได้เหมือนเดิม ..


ชายหนุ่มมาตื่นอีกครั้งตอนเก้าโมงครึ่ง ..ดวงตาคู่กลมเปิดออกแล้วค่อยๆลุกลงจากเตียงอย่างไม่ยากลำบากอะไร แม้เท้าจะยังไม่ดีเหมือนเดิมแต่ก็ดีกว่าเก่ามาก.. ทุกก้าวที่ย่างเขาต้องมีสติและรู้จักผ่อนแรง แม้มันจะมีข้อเสียมากมาย แต่อย่างน้อยก็ข้อดีก็ยังพอมี..


เรื่องที่เกิดทำให้เขารู้ว่าทุกวินาทีมีค่าแค่ไหน หากวันนั้นเขาเกิดตายไปเขาคงไม่มีความสุขเช่นทุกวันนี้



ตอนเย็นของวันกรณ์ก็ขับรถมารับเจ้าคิ้วเข้มออกไปข้างนอกด้วยกัน .. ช่วงหลังเกิดอุบัติเหตุกรณ์รับหน้าที่คนขับแทนวิชญ์ภาสไปถาวร ... แต่สถานะอื่นๆก็ยังคงเหมือนเก่า มีหรือที่พ่อกบเอาแต่ใจจะยอมเปลี่ยน แต่อย่างว่ากรณ์เองก็ไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนอะไรกับสถานะที่เป็นอยู่ กลับรู้สึกดีเสียอีก..


“ ว้าวสวยจังเลย..” เจ้าของตากลมมีอันต้องตะลึงในความงามด้านหน้า .. บ้านสีขาวมากมายหลายหลังกระจายตัวกันทั่วบริเวณ ...อ่าวที่เว้าลึกเข้ามาทำให้ที่นี่ดูสวยกว่ารีสอร์ตไหนๆในจังหวัด แม้กระทั่งรีสอร์ตเครือสายลมก็ดูจะเทียบไม่ติดกับทำเลด้านหน้าตรงส่วนนี้


“ ฉันว่าจะเปิดรีสอร์ตใหม่..อยู่ๆก็อยากสร้างมันใกล้จะเสร็จแล้วเลยพามาดู..” กรณ์เอ่ยบอกเสียงราบเรียบราวกับไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร แต่แท้จริงเขาอยากให้คนข้างกายได้รับรู้ถึงความสำเร็จและสิ่งที่เขาจะทำมากกว่า ไม่รู้สินะเหมือนเขาอยากแชร์ทุกสิ่งอย่างในชีวิตกับคนข้างๆ


“ ที่นี่สวยมากเลยผมว่าถ้าเปิดคนต้องเต็มแน่ๆ..” ชายหนุ่มยังเอ่ยชมไม่ขาดปาก .. มันสวยจริงอย่างเขาว่านั้นแหละ... อ่าวที่แสนสวยมีชายหาดที่ขาวทอดตัวราวหนึ่งกิโล ..กับฉากหลังที่เป็นแผ่นฟ้าและผืนน้ำมีเกาะเล็กๆสองสามเกาะอยู่ห่างออกไปไม่เท่าไหร่ ..ภาพฝันของใครหลายคน


“ นายก็เรียนจบแล้ว .. ถ้าหายมาดูแลที่นี่นะ..” กรณ์เอ่ยปากอย่างระวัง เขาย่อมรู้ดีว่าคำที่พูดออกไปอาจทำให้คนฟังตีความได้สองแง่ .. กรณ์ย่อมรู้ว่าอีกคนรู้สึกเช่นไร ด้วยความต่างที่มากพอตัวกรณ์เลยกลัวว่าอีกคนจะคิดว่าเขาใช้เงินผูกโยงให้ต้องอยู่ข้างกัน


“ คือมันจะดีเหรอ..” ชายตัวสูงค่อยๆขยับกายมามองอย่างไม่เต็มท่าเต็มทีนัก สิ่งที่กรณ์คิดย่อมถูกเสมอ อยู่ด้วยกันมาเป็นปีมีหรือที่จะเดาผิด


“ นายไม่ชอบเหรอ..”


“ เปล่าครับ ไม่ใช่ไม่ชอบแต่ผมไม่อยากให้คนอื่นมองว่าผมรักคุณเพราะทรัพย์สมบัติหรือเงินทองที่มี..” ศักดิ์ศรีคือเรื่องที่พูดยาก ยิ่งเพศบุรุษยิ่งยากจะเข้าใจไปใหญ่


“ เพราะอย่างนี้ไงฉันถึงอยากให้นายมาดูแลที่นี่..”




“ ผมไม่เข้าใจครับ..”เจ้าตากลมชะงักเล็กๆไม่เข้าใจสิ่งที่กรณ์เอ่ยออกมา


“ เพราะฉันไม่อยากให้ใครมองนายเป็นอย่างที่นายคิด ฉันถึงอยากให้นายมาอยู่ที่นี่เพราะที่นี่เพิ่งสร้างขึ้นมาใหม่ มันจะดีจะร้ายล้วนอยู่ในมือของนาย หากนายสามารถทำให้มันรุ่งเรืองก็เท่ากับนายจะลบทุกคำสบประมาทที่จะเข้ามาได้หมดสิ้น..” กรณ์ปรายยยิ้มให้อย่างใคร่ครวญ เขาย่อมคิดวางโน้นวางนี้ไว้เรียบร้อยแล้วถึงเลือกจะพาคนที่เขารักมาที่นี่


“ ผม..”



“ ถ้านายดูแลที่นี่..เราก็ไม่ต้องห่างกันไกล นายบอกฉันเองไม่ใช่เหรอว่าไม่ชอบนอนคนเดียว ..” รอยยิ้มแสนหวานอ่อนโยนยิ่งกว่ารอยยิ้มใดๆในโลก..



“ ครับ ..ผมจะดูแลที่นี่..” ชายหนุ่มพยักหน้ารับก่อนจะก้มลงจุมพิตคนรักของตนอย่างอ่อนโยน ยิ่งเวลาผ่านฟ้าผ่านฝนไปมากเท่าไหร่ กรณ์และเขายิ่งผูกพันกันมากขึ้นเท่านั้นชะตาของความรักยิ่งใหญ่เกินใครคนไหนจะเข้าใจ




“มีความสุขกันจริงๆเลยนะ..” เสียงห้าวกระแทกแทรกเข้ามาอย่างชิงชัง ..ทำให้สองคนที่ยืนกอดกันต้องผละออกและหันไปทางต้นเสียงด้วยความตกใจ

“ เอก..” ทั้งกรณ์และวิชญ์ภาสชะงักไปเมื่อรู้ว่าคนที่ส่งเสียงเรียกคือคู่แค้นแสนร้าย ..อารมณ์ของกรณ์จากตกใจก็พานจะแปรเป็นขึงขังอย่างรวดเร็ว เพราะเจ้าคนตรงหน้าวิชญ์ภาสเลยต้องเป็นเช่นนี้ เพราะมันคนเดียวแท้ๆ ..


“ เจอหน้าฉันทำไมต้องทำหน้ายังกับจะฆ่าจะแกงด้วยล่ะ..” เอกทักทายอย่างเหยียดหยัน



“ แกยังจะเอาอะไรอีก..แค่นี้ยังไม่พอหรือไง” กรณ์ตวาดเข้าใส่อย่างไม่กลัวเกรง .. ร่างบางหมายจะเข้าไปเอาเรื่อง แต่บางสิ่งบางอย่างที่เผยโฉมก็ทำให้ทั้งเจ้าของบ้านสายลมและคนรักต้องชะงัก... กระบอกโลหะสีเงินวาวแสงปรากฏกายขึ้นอย่างหมายมั่นพร้อมเล็งมาทางสองคน ..



“ อย่านะคุณเอก” เสียงของใครอีกคนดังขึ้นจากทางด้านข้าง ..ร้องห้ามไม่ให้เอกทำร้ายใคร .. หญิงสาวที่หายหน้าหายตาไปกว่าหกเดือนแบกท้องเดินออกมาอย่างทุลักทุเล ท่ามกลางความแปลกใจของเอกและวิชญ์ภาส ส่วนกรณ์นั่นรู้เรื่องตั้งแต่วันก่อนแล้วเลยไม่แปลกใจอะไร
“ ยังมีหน้ากลับมาอีกเหรอนังคนทรยศ...” เสียงห้าวกระแทกขึ้นอย่างโกรธแค้น ยิ่งเห็นท้องหญิงสาวโตขึ้นเพราะตั้งครรภ์ยิ่งทำให้เขาแค้นไปใหญ่ ..


“ ฉันขอร้องอย่าทำร้ายใครเลย..” หญิงสาวอ้อนวอน



“ พอดีฉันไม่ใช่พวกพ่อพระด้วย ..พวกแกอย่าหวังว่าจะมีความสุข คราวก่อนตั้งใจจะเล่นงานประธานบ้านสายลมสักหน่อย แต่พอดีแกดันโชคดีที่ผัวแกมันป่วยขึ้นมาเลยไม่โดน แต่วันนี้ฉันไม่พลาดแน่..” รอยยิ้มแสนร้ายเผยออกอย่างไม่เกรงกลัวต่อบาปกรรม และสิ่งที่เอ่ยออกมาทำให้กรณ์ที่ยืนฟังอยู่ถึงกับอึ้งและเริ่มเปลี่ยนเป็นแรงที่โกรธเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม ..



“ แก..” โลกของเขาช่างโหดร้ายจนเกินทานทน เมื่อรู้ว่าแท้จริงแล้วคนรักของตนต้องเข้ามารับเคราะห์แทน ..มือบางคว้าไม้ที่พอจะหาได้หมายจะประจันให้รู้แล้วรู้รอด แต่เอกก็ไวกว่ายกปืนในมือขึ้นลั่นฟ้าทำให้กรณ์ต้องชะงักเพราะเกรงว่าอาจทำให้คนอื่นเป็นอันตราย จังหวะที่เอกหันไปเล่นงานกรณ์หญิงสาวร่างกลมก็รีบเดินเข้าไปหมายจะแย่งปืนออกจากมือชายหนุ่ม


ทั้งสองยื้อยุดฉุดกระชากอย่างชนิดที่ไม่มีใครยอมใคร


..ปัง ..


เสียงปืนนัดหนึ่งดังขึ้นสนั่นหวั่นไหว.. พร้อมทุกสายตาที่มองอย่างตกตะลึง.. เลือดสดๆสีแดงฉานไหลรินออกมาและหยดลงบนพื้น ยังไม่มีใครรู้ว่าแท้จริงแล้วเลือดนั้นคือของใคร


สุรีย์ผลักร่างของชายหนุ่มที่ยืนอยู่พร้อมดึงปืนออกมาจากมือเอกได้สำเร็จ



“ เธอ..” ชายหนุ่มถึงกับตะลึงงัน เมื่อรู้ว่าจริงๆแล้วคนที่ถูกยิงไม่ใช่เขา แต่เป็นหญิงสาวตรงหน้า !!



“ สุรีย์ /คุณสุรีย์” ทั้งกรณ์และวิชญ์ภาสต่างใจหายวูบเมื่อรู้ว่าหญิงสาวคือคนบาดเจ็บ สองกายรีบวิ่งเข้าหาหล่อนอย่างรวดเร็วด้วยความกลัว



“ แกทำบ้าอะไรของแก ไม่รู้หรือไงว่าเด็กในท้องเป็นลูกแก” กรณ์เขามาคว้าร่างหญิงสาวที่ล้มลงกับพื้นและตะโกนใส่คนใจร้ายทั้งน้ำตา ..คำที่หลุดออกมาทำให้โลกของเอกแทบสิ้นไป .. ทุกสิ่งในใจเริ่มรวนเร ดวงตาคู่นั้นหันกลับไปทางหญิงสาวที่ล้มลงอย่างใจหายวาบ เลือดที่อาบท้องของหล่อนทำให้เขาแทบสิ้นสติ นี่เขาคือฆาตกรที่ลงมือฆ่าลูกฆ่าเมียตัวเองใช่ไหม ร่างนั้นค่อยๆลดลง ก่อนจะยื่นมือไปแตะตรงเลือดที่อาบออกมาอย่างปวดใจ
...
..
ในขณะที่กรณ์และวิชญ์ภาสไม่ทันระวัง บางสิ่งบางอย่างก็เกิดขึ้น

“ จะทำบ้าอะไร..” วิชญ์ภาสเอ่ยถามเสียงแข็ง เมื่อเห็นชายหนุ่มอีกคนคว้าปืนในมือสุรีย์ไปหมายจะทำอะไรบางสิ่งบางอย่าง ปลายกระบอกปืนจ่อลงบนกายของประธานอมราอย่างหมายมาด ในโลกนี้เขาไม่เหลือใครอีกแล้ว แม้แต่ลูกกับเมียยังฆ่าได้ลงแล้วเขาสมควรจะมีชีวิตต่อไปงั้นเหรอ
..
การยื้อยุดเริ่มขึ้นอีกครั้ง และสิ่งที่ตามมาก็ไม่แตกต่างจากเริ่มต้น
ประธานบ้านอมราล้มลงเพราะกระสุนที่ลั่นออกเจาะลงตรงกลางร่างของเขา
...
..
ความเศร้า ความเจ็บปวด และคราบน้ำตา เมื่อไหร่ชะตาจะหอบพาให้ละคลายหายไปเสียที ใครกันจะทานทนต่อความเจ็บปวดได้ครั้งแล้วครั้งเล่าโดยไม่ปริปากบ่น หรือโอดโอย


“ อาเสียใจด้วย ..อาทำดีที่สุดแล้ว..” หมอหนุ่มผิวเข้มที่ยังเป็นน้องเขยโดยพฤตินัยของประธานบ้านสายลมเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งเครียด


“ หมายความว่าอะไร..” กรณ์ถามทั้งน้ำตา


“ อาจำต้องเลือกคนใดคนหนึ่ง ..และคุณสุรีย์ก็บอกให้อาเลือกลูกของเขา..” พิสิษฐ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยอย่างไม่อาจจะหาคำใดมาบรรยายได้


“ อะไรนะ..” ร่างนั้นทรุดลงตรงเก้าอี้ด้านหลังอย่างเจ็บปวด.. ดีที่มีมือแกร่งเอื้อมมือโอบบ่าบางไว้ เขาเชื่อเชื่อว่ากรณ์จะผ่านเรื่องราวเลวร้ายนี่ไปได้ ..และเขาจะไม่มีวันทอดทิ้งให้กรณ์ต้องเจ็บปวดเพียงลำพังแน่นอน



“ อาเสียใจด้วยนะ.. คุณสุรีย์แสดงความประสงค์ก่อนสิ้นลมว่าอยากให้คุณกรณ์รับอุปการะลูกของเธอ ส่วนร่างเธอบอกให้บริจาคแก่โรงพยาบาล..เพราะอวัยวะส่วนต่างๆอาจเป็นประโยชน์ต่อคนไข้คนอื่น และฝากบอกว่าขอโทษสำหรับทุกสิ่ง..”


..
นานหลายวินาทีกว่าที่กรณ์จะทำใจยอมรับได้.. ชายหนุ่มลุกขึ้นโดยมีอีกคนเคียงข้างและเดินไปหยุดอยู่ตรงห้องเด็กอ่อนที่พยาบาลได้พา เจ้าเด็กอาภัพมาพักฟื้นในตู้อบเพราะคลอดก่อนกำหนดเดิมหลายวัน เลยทำให้ภาวะในร่างกายยังอ่อนแอเกินไป โชคยังดีที่หญิงสาวผู้เป็นแม่โดนกระสุนในส่วนอื่นที่ไม่กระทบกับครรภ์ทั้งยังมีชีวิตอยู่จนคลอดลูกออกมา ทำให้อาการของเจ้าเด็กน้อยไม่หนักหนาอะไร



“ ฉันจะดูแลเธอเอง..” กรณ์เอ่ยขึ้นพร้อมสิ่งใหม่ในชีวิต ..ของขวัญสุดท้ายที่สุรีย์ทิ้งไว้ให้กับสายลม ทิ้งไว้เพื่อไถ่โทษในทุกสิ่งที่เธอทำมา ..นับจากนี้หัวใจและความรักจะได้ประจักษ์ในนิยามของกันและกัน ..


หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 39+40+41
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 19-06-2009 00:04:33
ตอนหน้าก็จะจบแล้วนะค่ะทุกๆคน คิดว่าเดี๋ยวจะลงให้เลยค่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 39+40+41
เริ่มหัวข้อโดย: doomare ที่ 19-06-2009 00:45:52
อ๊ากกกกกก น่ารักทุกคู่

แต่แอบเศร้าเรื่องสุรีย์เล็กน้อย

จะจบแล้วเหรอ ทำใจไม่ได้

มีภาคสองเหอะ เกี่ยวกับน้องหนูก้ได้

คิดถึงคนเขียนอ่ะ อิอิ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 39+40+41
เริ่มหัวข้อโดย: charus ที่ 19-06-2009 04:13:28
 :z10: :z10:

จะจบแล้วเหรอเนี่ยยยยย
ไม่ย๊อม
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 39+40+41
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 19-06-2009 05:24:04
จะจบแล้วเหรอ  :z3: :z3: ยังสนุกอยู่เลยอ่ะ  :z2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 39+40+41
เริ่มหัวข้อโดย: nanao ที่ 19-06-2009 06:25:11
จะจบแล้ว เสียดายจังเลย

อยากอ่านต่อไปเรื่อย ๆ ฮ่า ๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 39+40+41
เริ่มหัวข้อโดย: k_U_K_K_I_K ที่ 19-06-2009 08:17:33
อยากอ่านต่อแล้วคร้า ลุ้นๆๆๆๆ

จะมีตอนพิเศษไหมคร้าคุณพี่ :impress2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 39+40+41
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 19-06-2009 09:33:17
 o18 :sad11: อยากไห้มีตอนพิเศษจังค่าาาาาาาา  ขอบคุนค่ะ รอตอนต่อไปและตอนพิเศษนะค่ะๆๆๆ  o13
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 39+40+41
เริ่มหัวข้อโดย: kom-kamol ที่ 19-06-2009 11:08:38
อ่านแล้วโคตรอินเลยนิ  o13
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 39+40+41
เริ่มหัวข้อโดย: menano ที่ 19-06-2009 13:49:39
 :monkeysad:

ตอนหน้าจะจบแล้วอ่ะ

คุณสุรีย์เลยตายเลย ไอ้เอกบ้านี่

จริง ๆ ไอ้เอกนี่ควรจะตายที่สุดในเรื่องนะเนี่ย

ตอนหน้าจบแล้ว คงมีแต่เรื่องดี ๆ แล้วเนอะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH ตอนที่ 39+40+41
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 19-06-2009 21:03:59
มาแล้วคร๊าบบบตอนจบ

จบ

ริมฝีปากหนาจนดลงบนต้นคอขาวอย่างรวดเร็ว .. ร่างเปล่าของสองคนเคลื่อนเข้าหากันอย่างรู้จังหวะและรู้รับ เมื่อความรักคือจุดหมายที่ยึดครองสองหัวใจให้ใกล้กัน สองกายจึงเรียกร้องและครอบครองแทบนับครั้งไม่ถ้วน..


“ อือ...อื...” คนหน้าสวยครางขึ้นอย่างซ่านซาบในอารมณ์.. ทุกการเคลื่อนไหว ทุกการเดินทางคือสิ่งที่ต้องร่วมไปในทุกที่..


“ ทนหน่อยนะครับ ..” คนร่างหนาก้มลงกระซิบอย่างรวดเร็ว ..เพราะดูท่าคนรักของตนจะไม่ค่อยไหวสักเท่าไหร่แล้ว ... แต่ใครจะรู้ล่ะว่าบางสิ่งบางอย่างกำลังจะเข้ามาสะดุดขั้นกลาง ..



“ ทำไรกันอ่า กั๊บ...” เสียงเจื้อยแจ้วงัวเงียของใครบางคน ทำให้จังหวะของสองกายต้องสะดุด..



“ เฮ้ย...” สองร่างแทบกระอัก เมื่อเสียงนั้นเข้ามาสะดุด วิชญ์ภาสจำต้องตวัดผ้าห่มที่ตกไปด้านข้างขึ้นมาคลุมกายของทั้งสองอย่างรวดเร็ว แล้วจำต้องผละออกจากกันทั้งที่ใกล้จะเดินทางถึงจุดหมาย...



“ มาได้ไงนี่ลูก..” กรณ์เสียงละล่ำละลักเมื่อเห็นว่าคนที่ยืนอยู่ตรงปลายเตียงคือเจ้าตัวน้อย ดวงใจคนใหม่ของบ้านสายลม ..



“ แล้วคุณป้อกับป๊ะป๋าทำอะไรกันอยู่อ่ะ...” เจ้าเด็กน้อยกระโดดขึ้นมาบนเตียงอย่างรวดเร็ว พาเอาตัวเล็กๆคืบคลานมาขวางระหว่างทั้งสอง



“ เอ่อ.. ดึกป่านนี้แล้วทำไมไม่หลับไม่นอนหา” เสียงเข้มของคนที่ถูกเรียกว่าป๊ะป๋าดังขึ้น ..


“ ก็ท้องฟ้านอนไม่หลับ .. ท้องฟ้าไม่ชอบนอนคนเดียว..” เจ้าเด็กตากลมตัวน้อยผิวขาวเอ่ยขึ้น ดูท่าเจ้าคนนี้จะผิดเหล่าผิดกอไม่น้อยเลยทีเดียว หน้าตาละหม้ายออกไปทางกรณ์เสียมากกว่าทั้งที่ไม่ได้มีสายเลือดใดๆเกี่ยวพันกับกรณ์เลยสักนิด


“ ไม่หลับก็ต้องหลับ ทีหลังจะเข้าห้องคนอื่นต้องเคาะประตูด้วยรู้ไหม..” วิชญ์ภาสเอ่ยเตือนต่อ ..

“ ป๊ะป๋าใจร้าย ...” เจ้าตัวน้อยเข้าคว้าร่างบางของกรณ์ แล้วหันไปเอ่ยกับวิชญ์ภาสที่อยู่ห่างไม่เท่าไหร่ด้วยน้ำเสียงน้อยใจ ดูท่ากรณ์กับวิชญ์ภาสจะสลับบทบาทกันหน้าที่ จากเดิมที่กรณ์ชอบเหวี่ยง แล้ววิชญ์ภาสต้องยอม แต่พอเป็นพ่อคนทั้งสองก็ดูจะต่างกัน กรณ์นั้นรักและตามใจเจ้าลูกน้อยอย่างมาก ผิดกับวิชญ์ภาสที่คอยดูแลและคอยเตือนอยู่ตลอด


“ มานี่เลย ...” วิชญ์ภาสคว้าร่างเล็กๆ ขึ้น ..ก่อนที่เขาจะหยิบผ้าเช็ดตัวมาพันกายปกปิดไว้ แล้วพาเจ้าลูกชายตัวดีไปส่งนอกห้อง ..



“ แม่ครับ ..ฝากหลานหน่อยนะ..” วิชญ์ภาสเคาะประตูหน้าห้องของคุณวรางคณาที่ย้ายมาอยู่บ้านสายลมถาวร .. เพราะมีหลานตัวน้อยมาเชื่อมโยงเลยทำให้บ้านดูอบอุ่นขึ้นเป็นไหนๆ อีกอย่างพักหลังมานี่คุณวรางคณารับงานน้อยลงมากเพราะติดเจ้าหลาน


“ ป๊ะป๋าใจร้าย .. ไม่ให้ท้องฟ้านอนด้วย..” เด็กน้อยตัดพ้อเล็กๆ



“ ไม่ได้ใจร้ายสักหน่อย ..พรุ่งนี้เราต้องไปโรงเรียนไม่ใช่เหรอ ป่านนี้แล้วยังไม่นอนอีก..” วิชญ์ภาสย่อกายของตนลงนั่งแล้วเอ่ยขึ้นกับเจ้าตัวเล็กเสียงนุ่ม .. พูดจบก็วางริมฝีปากของตนไปบนสองข้างแก้มอย่างแสนรักแสนเอ็นดู รอยยิ้มใสๆเลยเผยออกได้


“ ท้องฟ้านึกว่าป๊ะป๋าจะไม่รักท้องฟ้าแล้ว..”



“ ทำไมจะไม่รักล่ะ ลูกทั้งคนนะ.. ไปนอนได้แล้วไปอย่ากวนคุณย่าล่ะ..” วิชญ์ภาสออกปากไล่ลูกชายหัวแก้วหัวแหวน ก่อนจะเดินกลับไปในห้องนอนของตนและกรณ์อย่างมีความสุข นี่แหละนะความรัก..มันมีได้ทุกรูปแบบทุกสถานการณ์ แล้วแต่เราจะเลือก...



“ คุณพ่ออย่าเพิ่งหลับนะครับ ..เรายังค้างอยู่เลย..” เจ้าคนตากลมกระโจนลงมาบนเตียง พร้อมตวัดผ้าห่มที่คลุมร่างคนที่ตนรักออกอย่างรวดเร็ว


“ แล้วจัดการเจ้าตัวเล็กได้แล้วเหรอป๊ะป๋า” กรณ์ตอบกลับไป ..นับตั้งแต่เจ้าตัวเล็กพูดได้ สรรพนามระหว่างทั้งสองก็เหมือนจะเปลี่ยนไปบ้างบางที. .ก็เรียกตามเจ้าน้อยน้อยนั่นแหละ


“ ครับผม..” ว่าแล้วก็เริ่มบรรเลงเพลงรักบทใหม่ท่ามกลางความสุข และคำว่าครอบครัว .. ห้าปีแล้วสินะ ห้าปีที่เจ้าตัวเล็กลืมตาบนโลกพร้อมการจากไปของสุรีย์ผู้เป็นมารดา ส่วนเอก กรณ์ก็ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีเช่นไรเพราะนับแต่วันนั้นเขาก็หายไปเลย

วันนี้บ้านสายลมดูจะคึกคักเป็นพิเศษ เพราะครบรอบวันเกิดห้าขวบของเจ้าตัวเล็ก.. น้าๆรวมถึงเขยๆ ของบ้านก็ต่างมารวมตัวกันอย่างพร้อมเพรียง ในตอนสายกรณ์กับวิชญ์ภาสพาเจ้าตัวดีไปถวายอาหารเพลที่วัด พร้อมทั้งอุทิศส่วนกุศลให้กับหญิงสาวผู้ลาลับ ..ทั้งสองจูงท้องฟ้าไปตามทางเดินจนเข้าเขตสุสานตระกูลสายลม ตรงปลายทางมีฮวงซุ้ยเปล่าของหญิงสาวผู้เป็นแม่ของเจ้าตัวน้อยอยู่ด้วย กรณ์สั่งให้คนสร้างขึ้นพร้อมทั้งขอผมส่วนหนึ่งจากหมอพิสิษฐ์เพื่อเป็นที่ระลึกบรรจุลงในฮวงซุ้ยตามคตินิยมของจีน ...


“ นี่คุณตา คุณยาย ส่วนนี่ก็คุณแม่ของท้องฟ้า..” กรณ์ชี้ให้เจ้าตัวน้อยได้รู้จัก ..



“ แม่..” เหมือนเจ้าตัวเล็กจะชะงักไปนิดหนึ่ง .. ความจริงกรณ์ก็พาท้องฟ้ามาทุกปี แต่ปีก่อนๆยังไม่รู้ประสารู้ความเท่าตอนนี้


“ ใช่..” กรณ์ยิ้มให้ และพยายามสกัดกั้นอารมณ์ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้


“ ไหว้คุณแม่สิท้องฟ้า..” วิชญ์ภาสเอ่ยขึ้นพร้อมทั้งพาให้เจ้าตัวเล็กมาหยุดอยู่ตรงหน้ารูปของหญิงสาว .. เด็กน้อยพนมมือไหว้ด้วยความรู้สึกผูกพันที่ไหลเวียนในสายเลือด แม้เวลาจะผ่านมาห้าปีแต่ทุกวินาทีในลมหายใจของพ่อและป๊ะป๋าของเจ้าตาใสยังคงจำวันนั้นได้ดี



“ กลับบ้านเถอะ..ตอนนี้น้าๆคงรอกันแล้ว..” กรณ์เอ่ยขึ้นเสียงราบ ..



“ มานี่มาเดี๋ยวป๊ะป๋าอุ้มเอง..” วิชญ์ภาสกวักมือเรียกเจ้าลูกน้อยพร้อมทั้งยื่นมือไปข้างหน้า เพื่อรับเด็กน้อยให้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอด...



“ กลับบ้านกัน..” กรณ์บอกเบาๆ..แล้วยื่นมือไปจับมือที่ยื่นส่งมาก่อน สามคนพ่อลูกเดินไปข้างหน้าด้วยหัวใจของความสุข ..นี่แหละนิยามของรัก นิยามของครอบครัว แม้อาจจะต้องสูญเสียแต่อย่างน้อยก็ได้รู้ว่ารักมีค่าเพียงใดต่อลมหายใจของมนุษย์


วันเกิดวันนี้เป็นการจัดเลี้ยงง่ายๆ ที่ดูจะพิเศษหน่อยก็เป็นเค้กครีมของโปรดเจ้าตัวเล็ก..
เทียนห้าเล่มที่จุดถูกเป่าดับลง พร้อมความสุขที่ปรายออก ..

รอยยิ้ม ครอบครัวและความรัก

เพียงพอแล้วสำหรับทุกลมหายใจในเวลานี้..

“ เมื่อคืนมานอนที่บ้านเป็นไงบ้างตาฟ้า..” น้ากฤษฏิ์ของเจ้าเด็กตาใสเอ่ยถามด้วยความรัก ..


“ ป๊ะป๋าไม่ให้ท้องฟ้านอนด้วยอ่า ...”

“ เอ้า..” คนอี่นๆแปลกใจ


“ ก็ท้องฟ้าเข้าไปในห้อง แล้วป๊ะป๋ากับคุณพ่อทำอะไรกันไม่รู้ คุณพ่อร้องใหญ่เลย..” เขาว่าเด็กไม่โกหก เจ้าท้องฟ้าเลยพูดออกมาจนหมด เล่นเอากรณ์กับวิชญ์ภาสต้องหน้าแดงยกใหญ่


“ ว้าวร้อนแรงเนอะ..พี่กาณฑ์เนอะ..” กฤษฏิ์แหย่เข้าให้พร้อมทั้งหันไปหยักเพยิดกับกาณฑ์



“ ก็วันก่อนตอนท้องฟ้าไปนอนบ้านน้าหมอกับน้ากฤษฏิ์ .. น้ากฤษฏิ์ก็ร้องเสียงดังด้วย แถมน้าหมอยังขยับอะไรก็ไม่รู้... พอไปนอนกับน้าโต้งน้ากาณฑ์ ..ก็เหมือนกันอีก ทำไมทุกคนชอบร้องกันจังเลยอ่าครับ..” กฤษฏิ์ที่ยิ้มร่ามีกันต้องเจื่อนลงอย่างรวดเร็ว เมื่อตัวเองก็ไม่ได้หนีไปจากสิ่งที่หลานชายพูด



“ ไอ้หลานบ้า..” กาณฑ์หน้าแดงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ..เขายอมรับจริงๆว่าเจ้าหลานคนนี้น่ารักน่าชังไม่น้อย ..และเพราะหลานคนนี้เลยทำให้เขาและกรณ์กลับมาเข้าใจเหมือนเมื่อก่อน แถมยังทำให้หัวใจที่เคยสับสนกลับไปสู่ร่องสู่รอย


“ ก็ท้องฟ้าเห็นจริงๆนี่..” ไม่แปลกเลย ที่เจ้าหลานตัวน้อยจะถูกเวียนไปนอนบ้านโน้นทีบ้านนี้ที ก็เล่นตื่นขัดจังหวะคนรักกันทุกที.. มาพักหลังดีหน่อยที่คุณย่าของเจ้าเด็กน้อยค่อนข้างติดหลาน เลยสบายกันยกใหญ๋



“ แล้วท้องฟ้าอยากเป็นแบบไหนล่ะลูก..” ย่านาของหลานท้องฟ้าเอ่ยถาม



“ ท้องฟ้าก็ต้องเป็นคนไม่ร้องสิ..” ท่าทางอนาคตไกลเจ้าเด็กคนนี้.. .คำตอบใสๆเรียกเสียงหัวเราะมากมายให้กับทุกคน .. นับจากนี้เส้นเกลียวของโชคชะตาไม่โผผกพลิกผันไปไหนอีก พอแล้วสำหรับความเจ็บปวด และน้ำตา


ตั้งแต่ได้รู้ค่าของคำว่ารัก ทุกหัวใจก็พบความสุขแท้จริงแล้ว .. ประธานสายลมหน้าหวาน ..กับคู่ชีวิตนักธุรกิจหนุ่มไฟแรง ที่สามารถทำให้ รีสอร์ต OF US เติบโตได้รวดเร็วภายในเวลาไม่กี่ปี ..


“ นายมีความสุขไหม..” กรณ์ที่กล่อมลูกจนหลับขยับกายออก แล้วจูงอีกคนที่นอนข้างๆให้ลุกขึ้นเดินขึ้นไปบนหอคอยเหนือโดม ..ที่ที่วิชญ์ภาสพาเข้ามาในคืนฝนดาวตกเมื่อหลายปีก่อน ..ที่ที่ทำให้ทุกความทรงจำยังกระจ่างชัดไม่เลือนหาย


“ มีสิครับ ..คุณพ่อ”

“ กรณ์รักนายนะ..ป๊ะป๋า.” กรณ์เผยยิ้มออกพร้อมทั้งเอ่ยสิ่งที่มีอยู่ในหัวใจทุกวินาทีออกไป


“ ป๊ะป๋าก็รักคุณพ่อครับ ..” เจ้าตากลมกระซิบบอก แล้วบรรจงจุมพิตคนตรงหน้าด้วยความอ่อนโยน ..นับแต่ฟ้าพาให้ทั้งสองมาเจอกัน ทั้งสองก็ได้รู้ว่าแท้จริงหัวใจของตนถูกผูกพันให้เกาะเกี่ยว และหมุนวนเป็นเกลียวเดียว หัวใจคือฐานรากของชีวิต หากไร้หัวใจก็ไม่ต่างจากร่างที่ไร้อากาศ ..
เพียงรัก ที่มีก็พอแล้วสำหรับอณูของชีวิต





ร่างบางเดินก้าวเข้ามาพร้อมวางมือลงบนพนักด้านหลังเก้าอี้โลหะอย่างเบามือ


“ เข้าบ้านดีกว่าค่ะ..มืดแล้ว..” หญิงสาวยิ้มให้กับคนที่นั่งบนเก้าอี้รถเข็นเบาบาง ก่อนจะเข็นพาคู่ชีวิตเดินกลับเข้าไปในบ้านหลังน้อย ที่เธอเช่าซื้อเมื่อหลายปีก่อนอย่างรวดเร็ว ..



“ เธอไม่เบื่อบ้างเหรอไงที่ต้องมาดูแลคนพิการอย่างฉัน..” ชายหนุ่มหน้าคมที่ดูจะต่างจากเมื่อก่อนไปเยอะเอ่ยถามหญิงสาวผิวสีน้ำผึ้งอย่างสงสัย



“ ในชีวิตของฉันมีแต่สายลมมาตลอด ..ในวันที่ฉันเลือกจะตายจากสายลม ฉันก็เหมือนตัวคนเดียวบนโลก..ถึงยังไงคุณก็เป็นพ่อของลูกฉัน ฉันทิ้งคุณไม่ลงหรอกค่ะ..” เธอตอบไปด้วยน้ำเสียงสดใส ..วันนั้นวันที่เธอเลือกจะตาย เธอขอร้องหมอพิสิษฐ์ให้ช่วยปิดบังสิ่งที่ขอ ขอร้องให้เขาทำให้ทุกคนคิดว่าเธอตายจากไป เพราะหญิงสาวทำใจจะสู้หน้าคนของสายลมไม่ได้จริงๆ.. หากเธอไม่ตาย ทุกอย่างคงวุ่นวายมากกว่านี้



“ ฉันขอโทษ..” ชายหนุ่มที่ถูกบ่วงกรรมย้อนคืนเอ่ยขึ้น กระสุนที่ลั่นในวันนั้นเข้าผ่านแนวกระดูกสันหลังของเขาอย่างไม่พลาดหมาย .. ชายหนุ่มตรงกลายเป็นคนพิการท่อนล่างอย่างไม่อาจเลี่ยง แต่วันหนึ่งเขาก็ได้พบว่าหญิงสาวที่เขาคิดว่าตายไปแล้วกลับมาหาเขา กลับมาดูแลคนเลวๆอย่างเขา



“ ช่างเถอะค่ะ..มันผ่านไปแล้ว ฉันอยากให้เราอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขและเห็นลูกของเรามีความสุข ฉันเชื่อว่าคุณกรณ์กับคุณวิชญ์จะดูแลตาหนูได้ดีไม่ต่างจากพ่อแม่แท้ๆ..” นั่นคือสิ่งเดียวที่หญิงสาวจะมอบให้สายลมได้ ความรักทั้งหมด.. แม้ลูกจะเกิดมาเพราะความผิดพลั้ง แต่หญิงสาวก็รักเขาไม่น้อยไปกว่าชีวิตของตัวเอง


“ ขอบคุณ..” รอยยิ้มแสนจางปรากฏขึ้น ..


คนเรากว่าจะรู้ตัวว่าอะไรคือสิ่งสำคัญในชีวิตก็เมื่อวันที่มันสายเกินไป

แม้วันนี้เอกจะพิการจนเดินไม่ได้ แต่อย่างน้อยหัวใจของชายหนุ่มก็รับรู้ว่าสิ่งดีๆยังมีอยู่รอบตัว เขาผิดเองที่เลือกจะใช้โมหะและโทสะนำใจ .. ทั้งที่ความจริงเขาเองก็สามารถมีความสุขได้หากรู้จักเพ่งมอง
..
..
..  

THE END

**************************************************************************************
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH *THE END*
เริ่มหัวข้อโดย: charus ที่ 19-06-2009 21:40:32
 :m25: :m25:

ผมรักเด็ก

 :m25: :m25:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH *THE END*
เริ่มหัวข้อโดย: doomare ที่ 19-06-2009 21:57:27
จบอย่าง Happy Ending

รักท้องฟ้า o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13

ภาค 2 ข้าพเจ้าขอร้องขอ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH *THE END*
เริ่มหัวข้อโดย: kom-kamol ที่ 19-06-2009 22:09:57
ขอบคุณมากๆ สำหรับเรื่องราวดีๆ ครับ  o13
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH *THE END*
เริ่มหัวข้อโดย: menano ที่ 19-06-2009 23:19:55
จบแบบแฮปปี้เอนดิ้งเรียบร้อยแล้วววววววววววว

น่ารักมาเลยนะเนี่ยท้องฟ้าน่ะ

ดีแล้วมีเด็กมาคอยเรียกรอยยิ้มให้กับครอบครัวสายลมเนอะ

ขอบคุณมากนะคะที่เอาเรื่องมาลงให้ 

จะมีเรื่องใหม่อีกมั้ยอ่ะ

แล้วเรื่องนี้มีตอนพิเศษมั้ยน้า อยากให้มีจัง  :z1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH *THE END*
เริ่มหัวข้อโดย: k_U_K_K_I_K ที่ 19-06-2009 23:36:08
สนุกมาก เลยคร้า อยากให้มีตอนพิเศษอ่ะคร้า มันจะมีไหมคร้า อยากมีอ่ะ :z1: :impress2: :man1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH *THE END*
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 20-06-2009 00:26:22
ขอขอบคุณ คุณ  Millet  panpan  TinaJunior  THIP  mhu_porm  art  unagan  SomLove  oaw_eang  pongsj   chatkub  kitty 
kom-kamol  charus  :+vitamin+:  doomare  Catrina  nutjung19  B4U_BoA  menano  iGiG  titchro  speedboy  iamatomicboyz
k_U_K_K_I_K  jedi2543  canzaa  tutu  Pikky  naja และผู้อ่านท่านอื่นทุกๆท่าน ที่แวะเวียนเข้ามาอ่านนิยายเรื่องนี้

สำหรับที่ถามว่ามีตอนพิเศษหรือเปล่า ไม่มีนะค่ะ น้องมีร์เขียนไว้แค่นี้จริงๆ เราคนโพสอยากให้มีเหมือนกันค่ะ55555

ส่วนเรื่องต่อไปที่จะเอามาลงกำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะลงเรื่องไหนก่อน มีให้เลือกเยอะเกิ๊น รอกันหน่อยนะค่ะ รับรองไม่ผิดหวัง  :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH *THE END*
เริ่มหัวข้อโดย: k_U_K_K_I_K ที่ 20-06-2009 00:55:29
คร้า จะรอตดตามเรื่องต่อไปด้วยน้าคร้า

ปล.แวะเข้ามาบวกหนึ่งคร้า :-[
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH *THE END*
เริ่มหัวข้อโดย: nanao ที่ 20-06-2009 08:16:43
มารออ่านเรื่องต่อไปคร้าบ ^^

จบได้ประทับใจมากมาย  o13
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH *THE END*
เริ่มหัวข้อโดย: april ที่ 20-06-2009 11:16:46
ขอบคุณมากค่ะ.....
เป็นแฟนติดตามอ่านเรื่องของน้องมีร์มาตั้งแต่บอร์เก่าแล้ว

มาอ่านเวอร์ชั่นนี้ก็ยังสนุกเหมือนเดิม
จะรอเรื่องต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH *THE END*
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 20-06-2009 13:14:34
 :pig4: :pig4:

คนแต่งและคนโพสต์ค่า

เรื่องนี้สนุกมาก

 :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH *THE END*
เริ่มหัวข้อโดย: Pikky ที่ 20-06-2009 16:22:11
จบซะแล้ว  :mc4: ครอบครัวสายลมน่ารักจิงๆๆๆๆๆๆ 

ถึงจาเพิ่งเข้ามาติดตามไม่นานแต่เรื่องนี้อ่านเร้วลุ้นมั่กๆๆ

ขอบคุณน้าคร้า ทั้งคนโพสต์ เร้วก้อคนแต่ง ที่เอาเรื่องดีๆๆ มาหั้ยได้อ่านกัน :pig4:

เอาเรื่องอื่นมาลงอีกน้าคร้า จามาติดตาม อิอิ :bye2:

หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH *THE END*
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 21-06-2009 01:17:31
จบได้ซึ้งมากเลยคับ หวังว่าจะมีเรื่องต่อๆไปอีกนะค้าบบบบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH *THE END*
เริ่มหัวข้อโดย: pay-it-forward ที่ 21-06-2009 16:26:11
อ่านกี่ทีก็สนุกจริงๆเรื่องนี้
ขอบคุณนะคะ
 :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH *THE END*
เริ่มหัวข้อโดย: hene2526 ที่ 22-06-2009 02:15:11
ดีใจจังเลย สุดท้ายก็ตามอ่านจนจบจนได้

สนุกมากเลยคับ

ขอบคุณที่เอานิยายดีๆมาลงให้อ่านกัน

ขอบคุณที่แต่งนิยายน่ารักๆมาให้อ่านกัน
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH *THE END*
เริ่มหัวข้อโดย: tutu ที่ 22-06-2009 14:36:46
 :pighaun:  :pighaun:
เป็นเด็กที่อนาคตสดใสจิงๆ อิอิ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH *THE END*
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 22-06-2009 23:27:25
เรื่องนี้น่ารักที่สุดเลยอ่ะ
ขอบคุณคนแต่งแล้วก็คนโพสมาก ๆ เลยนะคะ
ที่เอาเรื่องดี ๆ มาให้ได้อ่าน ^^
บ้านสายลม น่ารัก อบอุ่นจริง ๆ

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH *THE END*
เริ่มหัวข้อโดย: EunSung87 ที่ 24-06-2009 16:27:29
เรื่องนี้สนุกมากค่ะ

สะท้อนชีวิตจิง

เหมือนจิงมากๆเลยค่ะ :call: :call:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH *THE END*
เริ่มหัวข้อโดย: Bessonova ที่ 28-06-2009 20:08:30
มีความสุขจัง
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH *THE END*
เริ่มหัวข้อโดย: vin2526 ที่ 29-06-2009 10:35:26
เรื่องนี้สนุกมากคร้าบ ขอบคุณนะครับ :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH *THE END*
เริ่มหัวข้อโดย: SOBANG✖ ที่ 02-07-2009 10:17:54
ซึ้งใจมากคะ รักตระกูลสายลมมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ สุๆ ขอตอนพิเศษหน่อย ชอบคุ่กฤษ อิอิ กาณด้วย

กรณ์ อีกคน 55+ (หมดนั่นแหละ)   :man1:    o13
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH *THE END*
เริ่มหัวข้อโดย: wittata ที่ 02-07-2009 11:05:46
ขอบคุณนะครับที่เอาเรื่องดีๆๆมาให้ทุกคนอ่าน
ขอบคุณแทนทุกคนด้วย ครับ   :L3: :L3: :L3:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH *THE END*
เริ่มหัวข้อโดย: cartoons ที่ 03-07-2009 01:26:41
 :-[ น่ารักมากมายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย









 :กอด1: ขอบคุณมากๆค่ะ อิอิ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH *THE END*
เริ่มหัวข้อโดย: patz ที่ 03-07-2009 20:55:41
อ่านจบแล้ว... คู่ของ 3 พี่น้องน่ารักมากๆเลย โดยเฉพาะคู่ของกรณ์ อิอิ


คนแต่งใจดีมากๆเลยอะครับ ที่ให้จบแบบมีความสุขทุกคน  :L1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH *THE END*
เริ่มหัวข้อโดย: Plabu ที่ 06-07-2009 00:51:43
 :-[อ๊ายยยยยย:-[
อ่านรวดเดียวจบเลยอ้าาาา
ชอบมากเลยคร้าาาา
คุนกรณ์น่ารักมากมาย
เจ้าตากลมก้อใช่ย่อยน่าร๊ากกกกกกก
อิอิ
คุณหมอก็หื่นได้อีก
55555555+
ชอบมากมาย
อ๊ายยยยยยยยยย
o13 o13ขอบคุณคร้าาา o13 o13
 :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH *THE END*
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 07-07-2009 22:34:45
กรีส ส ส

เพิ่ง เข้ามาอ่านเรื่อง นี้

ชอบมากๆๆ  มี หลาก หลาย อารม 

แถม ตอน จบ นี้ สุดๆๆ เรย   :L2:

หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH *THE END*
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 01-09-2009 05:25:58
ขอบคุณคนแต่ง และคนโพสต์มากค่ะ
บวก 1 แต้มให้นะคะ
ชอบมากค่ะ
สนุกมาก มีปมให้ติดตามได้อย่างไม่ขาดตอน
เยี่ยมเลยค่ะ  o13
แบบนี้ต้องไปตามอ่านเรื่องของคุณมีร์ อีกหลายเรื่องซะแล้วค่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH *THE END*
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 01-09-2009 15:15:52
เด็กๆ นี่มักจะพูดความจริงเสมอนะครับ

อิอิ

ชอบคุณกรณ์กับวิชญ์ มากๆ เลย
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH *THE END*
เริ่มหัวข้อโดย: lalala123 ที่ 12-09-2009 01:33:23
สนุกมากเลยค่า น่าจะมีตอนพิเศษง่า  o13
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH *THE END*
เริ่มหัวข้อโดย: โมกข์มีนา ที่ 12-12-2009 22:47:28
อ่านกี่ทีก็รู้สึกดีทุกครั้ง ขอบคุณจริงๆครับ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH *THE END*
เริ่มหัวข้อโดย: OhJa ที่ 13-12-2009 13:39:41
อ่านรวดเดียวจบเลย  สนุกมากๆๆๆ

มีครบทุกรสเลย  ชอบๆ  :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH *THE END*
เริ่มหัวข้อโดย: M_M ที่ 14-12-2009 07:03:08
เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่คอมเม้นในเล้าเลยทีเดียว

แบบว่า เขียนดีมาก

ถึงบางคำมันจะเขียนซ้ำบ้าง เขียนผิดบ้าง แต่ก้อพอเข้าใจในความหมายเดิน

พอเดาได้ว่าต้องอ่านว่าอะไร


แค่คุณเก่งมาทำให้ผมต้องอคมเม้นเรื่องของคุณได้  อ่านมาหลายเรื่อง

อ่านมากเป็นปีแต่นี้คือคอมเม้นแรกคุณได้ไปครับ


หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH *THE END*
เริ่มหัวข้อโดย: ΩPRESTOΩ ที่ 14-12-2009 12:24:12
เพิ่งมีโอกาสได้อ่าน ชอบมากๆ

ขอบคุณคนแต่งและคนโพสสำหรับเรื่องราวสนุกๆ

 :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH *THE END*
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 14-12-2009 17:31:09
สนุกมากค่ะชอบเรื่องนี้มากจริงๆๆๆๆ




 :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH *THE END*
เริ่มหัวข้อโดย: DEMON3132 ที่ 14-12-2009 19:04:24
อ่านรวดเดียวจบเหมือนกัน สนุกมากค่ะ ชอบแนวนี้มากมาย
แต่งได้เก่งจัง ประทับใจทุกตอนเลย ได้ลุ้น มีครบรสเลย
ทุกข์ สุข ตื่นเต้น เศร้า เมื่อไรจะมีเรื่องใหม่แนวนี้มาให้อ่านอีก
ขอบคุณจริง ๆ  :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH *THE END*
เริ่มหัวข้อโดย: memo_ppk ที่ 16-12-2009 20:22:19
อ่านรวดเดียวจบเหมือนกัน สนุกมากคับแต่งได้เก่งจัง ประทับใจทุกตอนเลย
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH *THE END*
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 18-12-2009 00:10:47
ประทับใจมากเลย  ชอบจังค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH *THE END*
เริ่มหัวข้อโดย: MIkz_hotaru ที่ 18-12-2009 05:01:12
เรื่องนี้สนุกดี
ตอนต้นๆเรื่อง ปวดใจสุดๆ
ตอนหลังๆมานี่ มีแต่  :-[ :o8: :impress2: หวานกันจริงจริ๊งงงงง
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH *THE END*
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 31-12-2009 12:08:57
ขอบคุณคนโพสและคนแต่งมาก ๆ จ้า

สำหรับเรื่องดีๆ แบบนี้  :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH *THE END*
เริ่มหัวข้อโดย: Chanta ที่ 08-01-2010 01:01:08

 :serius2:

มาอ่านตอนต้นเรื่อง....

คิดถึงตอนจบเลย...

หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH *THE END*
เริ่มหัวข้อโดย: seedsaRT ที่ 04-02-2010 11:47:17
อ่านบทนำแร้ว   :z1:

เด่วมาตามอ่านนะค้าบบ

ขอบคุนคนโพสด่วยนะครับ

^^
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH *THE END*
เริ่มหัวข้อโดย: mixmix ที่ 06-02-2010 23:10:29
เพิ่งอ่านจบ สสนุกมากๆเลยค่า

ครบทุกรสอย่างที่หลายๆคนบอกเลย

คนแต่งเก่งมากๆ ขอบคุณคนโพสด้วยนะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH *THE END*
เริ่มหัวข้อโดย: Dorumi ที่ 10-02-2010 02:46:26
 o13 o13 o13
สนุกสุดยอดเลย มีครบทุกรสเลย
ภาษาสวยด้วย ขอบคุณนะจ๊ะ
งานเขียนเรื่องนี้สนุกจริงๆ :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH *THE END*
เริ่มหัวข้อโดย: QUE1 ที่ 02-03-2010 00:08:41
สนุกมากค่ะ...ชอบเรื่องนี้จัง
อ่าน รวดเดียวเลยอิอิ.....
ถ้าคุณกรไม่แก้แค้นแทนน้องชาย
ก็คงไม่ได้รักกันหรอกเนอะ.....
 o13 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH *THE END*
เริ่มหัวข้อโดย: ToeyTato ที่ 09-03-2010 21:58:40
สนุกมากกกกกกกกกกกกก

ครบทุกรสเลยค่ะ เยี่ยมมากเลย ชอบคุณคนโพสและคนแต่งนะค่ะ
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH *THE END*
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 10-03-2010 01:03:57
ชอบมากเลยเรื่องนี้  ขอบตุณมากที่มาลงให่ได้อ่าน
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH *THE END*
เริ่มหัวข้อโดย: ampritise ที่ 17-04-2010 14:55:45
 :pighaun:ซึ้ง+หวานมากเลยครับ
สนุกมาก

ขอบคุณที่โพสให้อ่านนะครับ :L1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH *THE END*
เริ่มหัวข้อโดย: kiyomaro ที่ 18-04-2010 22:11:31
 o13 o13
สนุกมาก ๆค่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH *THE END*
เริ่มหัวข้อโดย: BExBOY ที่ 19-04-2010 11:36:50
นั่งอ่านตาบวม ตาฉ่ำ  ฮ่าๆๆ

ชอบคู่ กานต์กับโต้ง จริงๆ  :o8:

โฮกชอบเรื่องนี้จัง
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH *THE END*
เริ่มหัวข้อโดย: Phing ที่ 19-04-2010 13:06:39
 o13
สนุกจริงๆ
มีครบทุกรสชาติเลย


ขอบคุณคนแต่งและคนโพสด้วยนะคะ 
 :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH *THE END*
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 19-04-2010 13:14:49
วันนี้มา +1 อย่างเดียว เมื่อคินออน กับมือถือ กด + ไม่ได้ ไปละ 555
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH *THE END*
เริ่มหัวข้อโดย: mumumim ที่ 21-04-2010 19:52:35
อ่านรวดเดียวจบเลยค่ะ  สนุกจริงๆนะเนี่ย


ชอบทุกคู่เลยอ่า 


ขอบคุณทั้งคนเเต่งคนโพสต์เลยนะที่เอานิยายดีๆมาให้อ่าน^^


ปล. รักเด็กจัง 55+
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH *THE END*
เริ่มหัวข้อโดย: Isuru ที่ 24-04-2010 02:35:27
อ่านเรื่องนี้จบแล้ว

ชอบภาษาที่ใช้อ่านง่ายดีค่ะ

อุปสรรคก็จะผ่านมาได้

สุดท้ายก็พบความสุข

อยากได้ตอนพิเศษมากเลย

ชอบทุกคู่เลยค่ะ

 o13 :impress2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH *THE END*
เริ่มหัวข้อโดย: mayuree ที่ 24-04-2010 20:12:44
..เฮ้อ..ลุ้นกันตั้งแต่ต้นยันจบเลย
จบได้ประทับใจมากโดยเฉพาะเจ้าท้องฟ้าตากลม ป่วนไปทั่วแต่น่าหยิกชะมัด
สนุกมากๆค่ะ :impress2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH *THE END*
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 01-05-2010 21:47:56
ฮ่วย
อยากอ่านอีกนิ

มาอีกดิ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH *THE END*
เริ่มหัวข้อโดย: Bejae ที่ 07-09-2010 04:10:46
อ่า าาา ถึงตอนที่ 31 แระ แต่อตตนี้ตีสี่แระ
สยาตาเริ่มไม่ไหว ฮ่าๆ ๆๆๆๆๆ

กรณ์น่าร๊าก ก อ่า ยิ่งตอนหึงนะถึงจะหึงโหดไปหน่อย แต่ได้ใจเว่อๆ อิอิ
ยัยผู้หญิงคนนั้นก้อแรดจริงอารัยจริง เห่อ ออ

เด๋วพรุ่งนี้มาอ่านต่อก๊าบ บบ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH *THE END*
เริ่มหัวข้อโดย: alisary ที่ 07-09-2010 04:55:43
จิ้มก่อนอ่านครับ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH *THE END*
เริ่มหัวข้อโดย: Bejae ที่ 08-09-2010 23:05:04
อ่านจบแล้ว ววว :pig4:
ขอบคุณไรท์เตอรที่แต่งรื่องราวดีดีแบบนี้มาหั้ยได้อ่านกัน
สนุกมากๆ

หักมุมมากมายตอนสุดท้ายที่สุรีย์ยังไม่ตายอ่ะ
มันทำให้นึกไปว่า ถ้าพ่อแม่ลูกได้เจอหน้ากันจะเป็นยังไงนะ ฮิฮิ

เป็นกำลังใจหั้ยไรท์เตอร์ค่ะ
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: kazama ที่ 23-03-2011 21:13:21
สนุกมากมาย

แฮปปี้กันทุกคู่เลย

ขำน้องท้องฟ้าอ่ะ อนาคตเลือกที่จะไม่ร้อง >///< เลือกได้ดีจริงๆ ฮ่าาา


ขอบคุณมากๆ
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: 2Botaku ที่ 27-03-2011 17:08:15
พึ่งจะได้เข้ามาอ่าน ชอบมากเลย


รักตาหนูท้องฟ้าจังเลย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: gkyoai ที่ 29-03-2011 22:02:50
นิยายเรื่องนี้สนุกมากนะคับ ทั้งหวานทั้งเศร้า;)  ตอนหรลังชอบเจ้าหนูท้องฟ้ามากเลย
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: DeJavu~ ★ ที่ 11-04-2011 01:40:45
ในที่สุดก้ออ่านแจ้ว

สนุกมากๆๆเลยครับ

ชอบทุกคู่เลย

ขอบคุนมากๆๆครับ
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: mapoon ที่ 18-04-2011 01:18:03
 o13
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: ณ ที่เดิม™ ที่ 18-04-2011 17:57:29
อ่านเรื่องนี้จบแล้วแบบว่า โฮก อยากตะโกนดังๆ
ช่วงแรกๆที่อ่านแบบรู้สึกแปลกอยู่นิดๆ
แต่พออ่านๆไปได้สิบกว่าตอนก็หลงแบบว่าหยุดอ่านไม่ได้
กลัวหักมุมเหมือนกัน ก็เลยค่อยๆอ่านไปอย่างไม่รีบ
จนสุดท้ายจบแบบสมหวัง 
ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆเช่นนี้ขอรับ :man1:
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: มะมะมะหมิว ที่ 14-05-2011 10:24:33
สนุกมากค่า
 o13 o13
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: Still_14OC ที่ 15-05-2011 15:06:13
อ่านจนจบ แล้ว รู้สึกได้ อย่างเดียวเลยว่า ความรักเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต เพียงแต่ว่าเราเลือกจะนำความรักมาใช้ในทางที่ผิด รึถูก

เป็นนิยายที่อ่านแล้ว อิ่มเอม จัง ขอบคุณทั้งคนแต่งและคนโพส นะ  o13 :bye2:
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: qq_oo ที่ 06-09-2011 04:33:56
สนุกมากๆๆๆๆๆเลยค่ะ
มีทุกรสชาติเลย
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 06-09-2011 20:56:06
 :o8:
เข้ามาอ่านอีกรอบ น่ารักเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: kamikame ที่ 07-09-2011 13:35:16
 :L2: ขอบคุณสำหรับเรื่องราวน่ารัก ๆ นะฮ๊าฟฟฟ
อ่านแล้วมีความสุขมากมาย   :o8: :-[
เขียนได้ลื่นไหลดีฮ๊าฟฟฟ
 :pig4: ขอบคุณฮ๊าฟฟฟฟ
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 07-09-2011 20:56:37
ขอบคุณนะครับ สำหรับนิยายดีๆ  ที่นำมาให้พวกเราได้อ่านกัน 

ครบทุกรสจิงๆๆ  ชอบๆๆ  ขอบคุณครับบ   เเละจะพยายามตามหาอ่านเรืองอื่นๆ นะครับ
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: simkit ที่ 09-09-2011 09:28:19
โอ่ยย ลุ้่นมากเบยยยย
ในที่สุดก็แฮบปี้ทุกคู่ อิอิ :o8:

ชอบความรักของทุกคู่ในเรื่องเลยค่ะ แต่งดี ชอบค่ะๆๆ

ขอบคุณทั้งคนแต่ง คนโพสเลยย :L2:
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 12-09-2011 21:15:52
ขอบคุณมากๆคะ เรื่องสนุกมากๆ ตอนเเรกกลัวจะดราม่า

ที่ไหนได้น่ารักขนาดนี้ ของกรณ์กับวิชค่ะ
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: A_ay ที่ 13-09-2011 17:47:06
น่ารักมากก :man1:

ฮาตรงเด็กตัวจ้อยแฉเรื่องพ่อ กับอาๆนี่แหละ :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:

หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: hand D ที่ 17-09-2011 17:58:44
อ่านจบแล้ว... สนุกมาก... ขอบคุณคนเขียนและคนโพส (ขอบคุณที่สุดเลย)
เนื้อเรื่องน่ารักมาก ลุ้นตลอดเลย~
...ความรักนี่มันดีจริงๆ ...
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 17-09-2011 23:09:36
น้องท้องฟ้านี่นะ น่ารักซะจริงเชียว
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 18-09-2011 00:49:46
รักเรื่องนี้มากๆๆๆๆเลย

ชอบกรณ์จัง  เคะราชินีมากๆๆๆ

วิชญ์ก็เท่  กล้าที่จะหน้าด้านเรื่องที่ควร  :laugh:

ชอบตัวละครทุกตัวขอเรื่องนี้ที่ไม่งี่เง่า  มีเหตุผลอ่ะ

ตัวร้ายก็ร้ายมีเหตุผล  ไม่ร้ายเวอร์

ตอนสุดท้ายยิ่งมีน้องท้องฟ้ามากอีก  น่าร๊ากกกกกกเวอร์

ประทับใจเรื่องนี้สุด  :กอด1: รักคนเขียน รักคนโพส

ป.ล คนเขียนเรื่องนี้เขียนเรื่องไหนอีกนะ  จะตามไปอ่านทุกเรื่องเลย ชอบการเขียน ตัวละครทุกตัวมีเหตุผลมากๆ
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: little_nok ที่ 21-09-2011 23:14:16
สนุกมากเลยค่ะ
แม้ว่าตอนแรกจะไม่ค่อยสมเหตุสมผลสักเท่าไร
แต่ก็ผ่านมาได้แบบเนียนๆ
ใช้ความรักเป็นตัวเดินเรื่องราวทั้งหมด
จบแบบซึ้งๆ ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: aukuzt ที่ 11-10-2011 03:25:42
อ่านรวดเดียวจบเลย สนุกมากๆ

แม้ตอนแรกมันแปลกๆ ไปหน่อย แต่ยิ่งอ่านก็ยิ่งหยุดไม่ได้

ชอบทุกคู่เลย
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: boworange ที่ 11-10-2011 20:32:46
 o13 กด Like สนุกมากๆคะ

เขียนดีมากๆมีครบทุกรสชาติของชีวิตจริงๆคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: lalala123 ที่ 09-11-2011 00:18:35
ชอบค่ะ อ่านมาหลายรอบแหละ
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: kannika ที่ 25-11-2011 22:33:05
 o13  เริ่ดดดดดดดค่าาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: Guill ที่ 26-12-2011 22:02:50
น่ารักกันทุกคู่เลย ><
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 29-12-2011 04:36:25
สนุกมากเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: ToffeE_PrincE ที่ 27-03-2012 14:15:12
สนุกมากครับ
ชอบสวยมาก o13 o13

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: lovely1714 ที่ 01-04-2012 00:32:11
ชอบเรื่องนี้มากๆ
ท้องฟ้าน่ารักมาๆ
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: keem ที่ 01-04-2012 22:05:27
ชอบมากๆๆ อ่านแล้วมีความสุขดีจัง
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: mamaNUT ที่ 01-04-2012 22:21:18
 o13 o13 o13  ใช้ทั้งใจ ทั้งเวลาอ่านรวดเดียวจบ....บอกได้คำเดียวว่า "เยี่ยม"

มีครบรส...อ่านด้วยความอร่อย  :L1:  ไม่เสียดายเวลากับเรื่องนี้เลยจ้าาาาาา.....
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: กาลณัฐ ที่ 02-04-2012 10:58:52
เป็นเรื่องที่ดีมาก ๆ เลยค่ะ
ชอบมากกกกก  o13
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: Aini_es ที่ 02-04-2012 13:57:59
ขอบคุณนะคะ สำหรับเรื่องราวดีดี
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: insunhwen ที่ 02-04-2012 19:46:41
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วไม่เบื่อเลยค่ะ  o13
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: shizuruviola ที่ 07-04-2012 10:47:21
สนุกมากครับ

ขอภาคท้องฟ้าหน่อยสิ ^^
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 08-04-2012 21:08:38
ขอขอบคุณ นักเขียน ที่แต่เรื่องราว เหล่านี้ให้อ่านนะคะ สนุกมากๆค่ะ
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 13-04-2012 00:40:26
^
^
^
^
คุณพี่ข้างบนแนะนำให้มาอ่านครับ

ในตอนแรกคิดว่าเป็นเรื่องสั้นเพราะเห็นแค่ 12 หน้าเท่านั้น

แต่พอเริ่มอ่านและเห็นปีที่อัพก็เริ่มคิดว่าไม่ใช่เรื่องสั้น

แต่ไม่คิดว่าจะยาวขนาดนี้  :o8: อายจัง

แต่แล้วยังไง ยาว แต่ยังไม่พอ อยากได้อีก

เรื่องจบอารมณ์ไม่จบ ชอบอาหมอที่สุด :-[

ป่านนี้หนูน้อยท้องฟ้าคงโตได้ทันเก็บผลผลิตแล้วหล่ะมั๊งครับ

น่าจะมีภาคต่อเนอะ คงสนุกน่าดูทีเดียว  o13

ขอบคุณมากนะครับ เรื่องนี้น่ารักมากจริงๆ :L2:
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: reborn ที่ 12-06-2012 15:17:39
สุดยอด  o13
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 13-06-2012 15:32:16
เรื่องนี้ชอบทุกคู่เลยอะ5555
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆที่น่ารักแบบนี้นะคะ
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: Tiamo_jamsai ที่ 13-06-2012 18:04:39
 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: kungfoopungpon ที่ 17-06-2012 17:35:57
สนุกมากครับ
นายเอกแข็งแกร่งดี
ขอบคุณมากครับ
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 26-07-2012 14:57:06
สนุกมากค่ะ
ชอบคุณกรณ์ เคะราชินี วิชญ์ยอมเป็นทาสหัวใจไปตลอดกาล :o8:
บวกๆ :L2:
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: azure™ ที่ 27-07-2012 00:05:34
น่ารักทั้งสามคู่เลยคับ เลือกไม่ถูกเลยว่า ชอบคู่ไหนมากที่สุด
ชอบคู่ของคุณสุรีย์กับเอกเหมือนกัน นี้แหละเนาะ ที่เขาว่ากันว่า คู่ชีวิต ยังไงก็ไม่ทิ้งกัน

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆนะคับ ^^
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: Bejae ที่ 27-07-2012 23:40:01
สุขใจทุกครั้งที่กลับมาอ่านเรื่องนี้  :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: POPEA ที่ 12-08-2012 10:04:32
เล่นเล้ามาตั้งนานเพิ่งเจอเรื่องนี้
สนุกมากเลยค่ะ !
 o13
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: prosperous ที่ 13-08-2012 20:57:08
สนุกมากค่ะ
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 16-08-2012 14:07:27
สนุกมากกกกกกกก
เนื้อเรื่องเข้มข้นสุดยอดดดดดด
แต่งดีมากจริง ๆ
ขอบคุณนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 19-08-2012 06:17:33
:) :) :) ยิ่งอ่านยิ่งชอบ
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 17-10-2012 14:34:26
ชอบ ชอบ ชอบ  :bye2: :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: BeauBeeiiz ที่ 07-12-2012 22:02:33
สนุกมว๊ากกกกกกกก!!!! พออ่านแล้วทำใจจะละไปไม่ได้จริงๆ

มีทุกอารมณ์ รู้สึกดีกับความรักของทุกคนที่มีให้กันและกัน

อ่านไปยิ้มไปจริงๆนะ  :กอด1:

ขอบคุณนะคะ  o13 :กอด1:
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: nemesis ที่ 24-12-2012 22:42:56
เรื่องนี้สนุกมากๆเลยชอบอ่านและติดเลย55
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 29-12-2012 05:50:19
จบแล้วหรอ สนุกมากเลย o13
ชอบตอนที่วิชญ์อ้อนคุณกรณ์จัง
น่ารักมากๆเลยอ่ะ :-[
อยากอ่านตอนพิเศษ
และภาคต่อของท้องฟ้าจัง :m17:

หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: Gnannanz ที่ 30-12-2012 21:54:45
สนุกมากกกกกกกกกกก
ไม่รู้ว่าพลาดเรื่องนี้ไปได้ไงถึงพึ่งมาเจอ

โหยยย เขินมากกกกก -////-
 :haun4:
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: chiji ที่ 05-01-2013 11:16:06
เข้ามาอ่านอีกรอบค่ะ ชอบมากเรื่องนี้ มีครบทุกรสค่ะ o13
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: wargroup ที่ 06-02-2013 15:03:46
เต็มเปี่ยมในความเป็น "นิยาย" ...คือเหตุผลที่ทำให้อ่านเรื่องนี้สนุก / ขอบคุณผู้แต่งและผู้โพสท์  :pig4:
พอจะเดาได้ ว่าเป็นบทรีไรท์จากแฟนฟิคคู่ใด อิอิ (เพราะแอบมีชื่อเดิมแพลมมาบ้างเบาๆ + คำบรรยายตัวละคร เช่น เจ้ากบตาโต หรือ จอมถูคิ้ว ...ชัดเลย) 
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: Syntyche ที่ 06-02-2013 17:43:57
 :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 14-02-2013 18:43:59
                   o13      ชอบเรื่องนี้มากอ่านหลายรอบแล้ว :3123:
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: threetanz ที่ 19-02-2013 23:58:58
เรื่องนี้อ่านแล้วประทับใจ ถึงจะมาติดตามตอนที่จบไปแล้วก็ตาม สนุกมากเลยค่ะ

ตอนสุดท้ายจะบอกว่าดีใจ ที่ทั้งสองคนมีลูกด้วย แล้วก็ยังแอบดีใจที่ คุณสุรีย์กับเอกไม่ตาย :))
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 14-05-2013 22:43:25
อ่านไป 3 รอบแล้ว เพิ่งมาเม้นท์ สนุกมากๆเลย
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 17-05-2013 10:47:45
สนุกมากเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: aodjung ที่ 17-05-2013 18:40:13
แต้งกิ้วนิยายดีดีจะ
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 26-05-2013 03:07:07
แต่งดีมากอ่ะ เราขอยกย่องเรื่งนี้เลยจริงๆ
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 16-06-2013 15:19:26
พึ่งรู้ว่าตัวเองอ่านข้ามไปหลายตอน
พลาดแม้กระทั่งตอนของโต้งกับน้องคนกลางของสายลม
กลับมาอ่านอีกครั้งตั้งแต่แรกก็สนุกไม่เปลี่ยน

ปล.เข้าใจผิดตั้งแต่ต้นนึกว่ากรณ์ข่มขืนพระเอก แต่อ่านดีๆ แล้วมันไม่ใช่ 555+
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: suonlyyou ที่ 19-08-2014 02:43:07
สนุกมากกกกกกกกกก

เรื่องนี้ พระเอกหื่นทุกคนเลย คิค  :hao3: :hao3: :hao3:

ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆนะค่ะ  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 26-08-2014 23:22:49
สนุกมากค่ะ เรื่องราวเยอะมาก และมีมาเป็นระยะเลยทีเดียว
ขอบคุณคนแต่งมากค่าสำหรับนิยายดีๆ  :L2:
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: risanana ที่ 30-08-2014 12:48:27
วิชหื่นมากแต่เราชอบขอบอก :z1:
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: risanana ที่ 30-08-2014 14:05:16
ช้านปลื้มคุณกรณ์ :impress2: :impress2: นี่มันเคะราชินีในฝันชัดๆ
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: risanana ที่ 01-09-2014 09:50:58
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วประทับใจมากอีกเรื่องเลยค่ะขอบคุณที่นำมาให้อ่านนะคะ :pig4:
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 04-09-2014 01:56:48
 :กอด1:  :mew1:
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: เอน ที่ 13-09-2014 23:07:44
อ่านเป็นรอบที่เท่ารัยแล้วไม่รู้   รู้แต่สนุกมว๊ากกกกกก :mew1:  o13
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: CorNnE PRiNCeS ที่ 19-09-2014 14:58:29
:haun4:

รักฉูดฉาดดี

น่ารัก ทุกคู่เลย


ขอบคุณเรื่องราวดีๆ นะคับ

 :hao3:
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: Bear Company ที่ 10-10-2014 21:37:09
เรื่องสนุกมาก ขอบคุณค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: Kanya97 ที่ 11-10-2014 16:49:55
ชอบมากค่ะ อ่านจบสักที เย่ๆๆ  :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: เพลิงพิษ ธิดาซาตาน ที่ 19-10-2014 19:44:24
พึ่งได้เข้ามาอ่านครับ ประทับใจมากเลย เป็นเรื่องแรกที่อ่านแล้วรู้สึกจบแบบแฮปปี้ เรื่องนี้พระเอกหื่นมากกก 5555 อยากได้แฟนแบบนี้ :hao6: :really2:
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: Gottomon ที่ 19-07-2015 04:07:21
สนุกมากจริงๆค่ะ เพิ่งจะได้มาอ่าน (รู้สึกช้าจัง)
ชอบมาก รักมาก ติดมากกก อ่านไม่หลับไม่นอน
มีความสุขมากเลยค่ะ ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: Baruda ที่ 21-07-2015 20:09:20
ทุกคนมีความสุขก็ดีเเล้ว :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 03-11-2015 22:53:35
เรื่องนี้สนุกมาก
ชอบทุกคู่เลย
ขอบคุณนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 06-11-2015 21:18:17
กลับมาอ่านอีกรอบ
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: Bejae ที่ 06-11-2015 21:42:31
กลับมาอ่านอีกรอบก็ยังชอบเหมือนเดิม
คิดถึงทั้งสองคู่เลยยย
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: แมลงมีพิษชนิดหนึ่ง ที่ 17-03-2016 13:02:34
ตรรกะตอนแรกๆมันแปลกไปนิดหนึ่ง แต่เนื้อเรื่องสนุกมาก

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ปล.ท้องฟ้าโผล่มาแป๊บเดียวแย่งซีนคนอื่นได้หมดเลย พ่อ ปะป๊ะ และน้าๆ ตานสนิท
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: nano ที่ 23-08-2016 15:53:38
กำลังตามหานิยายแบบนี้เลย แนวนายเอกมาเฟีย ขี้หวงแบบโหดๆ ชอบอ่ะ

ตอนแรกนึกว่าจะดราม่าซะอีก แต่มันเป็นรักที่มั่นคงรักชนะทุกอย่าง ถึงแม้อุปสรรคต่างๆเข้ามา แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี ชอบที่นายเอกเข้มแข็ง พระเอกมั่นในรัก 
ใครยังไม่อ่าน แนะนำเลย สนุกแน่นอน
 
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 14-09-2016 20:37:58
อ่านแล้วแอบอิจฉากรจะผิดมั้ย ฮ่าๆๆ   :laugh:
:L2: :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 30-09-2016 07:15:35
อ่านหลายรอบ ชอบเหมือนเดิม
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: PRINCESSPRIME ที่ 04-10-2016 13:04:13
อ่านจบแล้วววว
ชอบทุกตัวละครเลยค่ะ
มีตอนพิเศษไหม อิอิ

ปล.มีความอยากอ่านภาคต่อน้องท้องฟ้าที่อยากเป็นคนไม่ร้อง    :laugh:
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: armsa2531 ที่ 03-01-2018 08:09:50
ไม่น่าหื่นเล้ยยยยยย
หัวข้อ: Re: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 04-01-2018 11:20:57
งุ้ยยยยยย  :heaven :heaven :heaven :heaven