พิมพ์หน้านี้ - ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : พรหมลิขิต+แจ้งข่าว P. 25

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: NiTRoGeN14 ที่ 12-09-2015 11:16:18

หัวข้อ: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : พรหมลิขิต+แจ้งข่าว P. 25
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 12-09-2015 11:16:18
อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0)

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0)

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com (http://www.thaiboyslove.com)  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม




(http://i.imgur.com/n2QCYsQ.png)

(http://i.imgur.com/VfcwO0e.png)

คนๆ หนึ่งจะเป็นอะไรให้อีกคนได้มากสักเท่าไหร่กัน?

นับตั้งแต่มีเพื่อนบ้านย้ายมาใหม่อิมพอร์ตตรงจากลอนดอน
ชีวิตของศัลยแพทย์ขี้เหงาวัยสามสิบ(ยังแจ๋ว)ของทิวากานต์ก็เปลี่ยนไปชนิดกู่ไม่กลับ

เจ้าเด็กหน้าตายยิ้มน้อยตัวเท่าไหล่ก้าวเข้ามาทำให้เขากลายเป็นอะไรหลายสิ่งหลายอย่างให้กับคนๆ หนึ่ง

เป็นทั้งหมอ เพื่อนบ้าน เพื่อน พี่ชาย พ่อ นายหน้าหาห้องซ้อมดนตรี ติวเตอร์ คนขับรถ พ่อครัว
ที่ปรึกษา ศิราณี บอดี้การ์ด สารานุกรมเคลื่อนที่ หมอนหนุน(?) มากมายอีกร้อยแปดอย่างจะเป็น
หรือแม้กระทั่งเป็น...

‘คนรัก’

ถ้าไม่ใช่เพราะอยากให้อลันด์เป็นคนที่มีความสุขมากที่สุดในโลก
คนที่คิดหน้าคิดหลังไม่ยอมขาดทุนเด็ดขาดจะลงทุนลงแรงขนาดนี้ไปเพื่ออะไร
สำหรับทิวากานต์แล้วนี่เป็นการตัดสินใจที่ได้กำไรคุ้มเกินคุ้ม

แต่ว่า...
คบกับเด็กอายุสิบแปดเนี่ยพ้นข้อหาพรากผู้เยาว์แล้วใช่ไหม(วะ)

-----------------------------------------------

สารบัญ
TRACK 01 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48731.msg3176026#msg3176026)
TRACK 02 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48731.msg3177160#msg3177160)
TRACK 03 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48731.msg3179266#msg3179266)
TRACK 04 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48731.msg3181028#msg3181028)
TRACK 05 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48731.msg3183767#msg3183767)
TRACK 06 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48731.msg3187011#msg3187011)
HIDDEN TRACK 01 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48731.msg3187026#msg3187026)
TRACK 07 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48731.msg3194242#msg3194242)
TRACK 08 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48731.msg3200189#msg3200189)
TRACK 09 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48731.msg3203612#msg3203612)
TRACK 10 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48731.msg3205946#msg3205946)
HIDDEN TRACK 02 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48731.msg3209491#msg3209491)
TRACK 11 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48731.msg3212605#msg3212605)
TRACK 12 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48731.msg3216487#msg3216487)
TRACK 13 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48731.msg3220666#msg3220666)
TRACK 14 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48731.msg3224916#msg3224916)
TRACK 15 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48731.msg3230002#msg3230002)
TRACK 16 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48731.msg3237466#msg3237466)
TRACK 17 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48731.msg3242766#msg3242766)
TRACK 18 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48731.msg3248629#msg3248629)
TRACK 19.5 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48731.msg3257593#msg3257593)
TRACK 19 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48731.msg3261306#msg3261306)
HIDDEN TRACK 03 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48731.msg3264173#msg3264173)
TRACK 20 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48731.msg3267292#msg3267292)
TRACK 21 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48731.msg3272032#msg3272032)
TRACK 22 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48731.msg3275666#msg3275666)
TRACK 23 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48731.msg3278397#msg3278397)
TRACK 24 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48731.msg3285224#msg3285224)
TRACK 25 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48731.msg3291021#msg3291021)
SPECIAL TRACK : Weathered (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48731.msg3296778#msg3296778)
TRACK 26 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48731.msg3299965#msg3299965)
TRACK 27 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48731.msg3302016#msg3302016)
TRACK 28 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48731.msg3306188#msg3306188)
SPECIAL TRACK : ที่แห่งนี้ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48731.msg3307854#msg3307854)
TRACK 29 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48731.msg3312867#msg3312867)
TRACK 30 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48731.msg3318527#msg3318527)
HIDDEN TRACK 04 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48731.msg3323665#msg3323665)
TRACK 31 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48731.msg3328699#msg3328699)
TRACK 32 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48731.msg3337611#msg3337611)
TRACK 33 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48731.msg3344029#msg3344029)
EPILOGUE (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48731.msg3347383#msg3347383)
SPECIAL TRACK : รัก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48731.msg3353645#msg3353645)
SPECIAL TRACK : อย่าหึงนักเลย (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48731.msg3383043#msg3383043)
SPECIAL TRACK : RAINDROPS KEEP FALLING ON MY HEAD (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48731.msg3488710#msg3488710)
SPECIAL TRACK : พรหมลิขิต (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48731.msg3555284#msg3555284) + แจ้งข่าวรวมเล่ม

-----------------------------------------------

เรื่องเก่าแต่งไม่เคยจะจบ แต่เรื่องนี้มั่นใจว่าจบแน่ค่ะ(แต่งจบแล้วเมื่อวาน  :o8: เขินจุง)
ฝากพี่วาและน้องอัลด้วยนะคะ *กราบ*

ปล. ชื่อเรื่องขอเกาะกระแสฟรีแลนซ์หน่อยนะคะ ><



-----------------------------------------------

เรื่องสั้น(จบแล้ว)
White/Red Rose, Milk/Dark Chocolate (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32153.msg1890846#msg1890846)
Over the Rainbow สักแห่ง...ที่แสนไกล (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=31638.msg1842389#msg1842389)
S w i s h e r S w e e t s (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43670.msg2819382#msg2819382)

เรื่องยาว
LOVE | HATE : ลวงใจ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49564.0) - ยังไม่จบ
♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48731.msg3176022#msg3176022) - จบแล้ว
. . . ไม่รัก . . . (https://t.co/OnjBzSt1z7) - ยังไม่จบ
หัวข้อ: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 01 [12.09.15]
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 12-09-2015 11:23:39
อ้างถึง
หมายเหตุ - ตัวละคร สถานที่ เนื้อเรื่องทั้งหมดเป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่งเท่านั้นมิได้เกิดขึ้นจริงแต่อย่างใด



TRACK 01



ชีวิตของ Chief Resident สาขาศัลยศาสตร์หัวใจและทรวงอกเป็นอะไรที่เรียกได้ว่าหนักหนาสาหัสสากรรจ์พอสมควร(ไม่พอสมควรล่ะ หนักมากถึงมากที่สุด ทั้งคุมรุ่นน้องนักศึกษาแพทย์ จัดเวร ตรวจผู้ป่วย เก็บเคสผ่าตัด ทำรายงานสรุป ประชุมทางวิชาการ ทำวิจัย) ยิ่งโดยเฉพาะเด้นท์ที่รับจ๊อบนอกเป็น GP1 ให้กับโรงพยาบาลเอกชนสัปดาห์ละสองวันด้วยแล้ว เวลานอนคือสิ่งล้ำค่าที่สุดเท่าที่หาอะไรเปรียบไม่ได้

นายแพทย์ทิวากานต์แทบจะล้มตัวบนเตียงนอนทันทีที่กลับถึงห้องตอนเที่ยงคืน หากด้วยจิตสำนึกดีที่แม่ปลูกฝังมาแต่เด็กว่าให้อาบน้ำก่อนนอนยังมีพลังอยู่เสมอ เขาจึงยอมเดินโซซัดโซเซเข้าห้องน้ำ จัดการถอดเสื้อผ้าทำความสะอาดตัวเองจนเรียบร้อยถึงค่อยปิดไฟห้องแล้วเอนตัวบนเตียง

โทรศัพท์ที่โยนไว้มั่วๆ บนเตียงส่งเสียงข้อความเข้าเขาก็ทำเพียงใช้เท้าเขี่ยๆ จนมันเข้ามือแล้วกดอ่านทั้งที่ตาใกล้ปิด เด้นท์สองที่อยู่กลุ่มเดียวกันส่งเมสเสจแจ้งรับทราบเวลานัดหมายตรวจเคสพิเศษวันพรุ่งนี้ตอนเจ็ดโมงเช้า แค่เห็นเวลาที่เขาเป็นคนนัดเองก็แทบจะปามือถือทิ้ง สัปดาห์นี้นับเวลานอนด้วยนิ้วได้ด้วยสองมือแบบไม่ต้องพึ่งนิ้วเท้า เขาไม่หลับในตอนขับรถกลับคอนโดก็บุญแค่ไหนแล้ว

ชายหนุ่มปิดหน้าจอโทรศัพท์ โยนทิ้งไว้หัวเตียงส่งๆ เหมือนเคย ผ้าห่มถูกดึงขึ้นคลุมมิดศีรษะอย่างทุกวันพร้อมดึงหมอนข้างเข้ามากอด ซุกหน้าสูดกลิ่นเน่าๆ จนพอใจ

ทิวากานต์เป็นผู้ชายตัวสูงเกือบร้อยเก้าสิบเซนติเมตรโครงกระดูกใหญ่ แต่กลับชอบนอนคลุมโป่งกอดหมอนข้างคู้ตัวเหมือนทารกตัวจ้อยในท้องแม่ มันเป็นสิ่งที่เขาติดมาตั้งแต่เขายังเป็นเด็กน้อยนอนกอดเบียดเสียดกับแม่สองคนบนเตียง พอโตขึ้นได้เวลาแยกห้องนอนแล้วก็ยังติดจนแม่ต้องให้หมอนข้างของแม่มากอดแทน กระทั่งวันนี้ในวัยที่ใกล้เลขสามไปทุกทีเขาก็ยังทิ้งนิสัยแบบนี้ไปไม่ได้

สูดกลิ่นเน่าประจำตัวจากหมอนข้างจนตาเคลิ้มเริ่มจะหลับ สมองที่ใช้งานมาทั้งวันหยุดคิดเตรียมทิ้งดิ่งลงสู่ห้วงนิทรา เขาจะนอนให้เต็มอิ่มและตื่นมาอย่างสดใส ไม่นานลมหายใจฟืดฟาดจึงค่อยผ่อนลงอย่างคนหลับสนิท...

แต้งๆ
“I drink to remember, I smoke to forget…2

แต้งๆๆๆๆๆ!
“So I kiss goodbye to every little ounce of pain”

แต้งๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!
“I got out, I got out, I'm alive but I'm here to stay!”

“เชี่ยแม่งที่ไหนมาร้องเพลงตอนเที่ยงคืนวะ!” คุณหมอหนุ่มตวัดผ้าห่มดีดตัวลุกนั่งอย่างหัวเสีย เสียงดีดกีต้าร์แต้งๆๆ ยังคงรัวต่อเนื่องแบบไม่มีทีท่าว่าจะหยุดพร้อมกับเสียงแหบเหมือนเป็ดของผู้ชายที่แหกปากคลอไปเรื่อย ฟังเสียงแล้วคงเป็นเด็กบ้าที่ไหนสักคนแน่

แต่จะว่าไปเขาอยู่ที่นี่สงบสุขมาตั้งสองปี บนชั้น 21 ที่เขาอยู่ก็ไม่มีเพื่อนบ้านท่าทางแบบนั้นสักคน หรือว่าจะเป็นคนที่เพิ่งย้ายเข้ามาใหม่เมื่อสองสัปดาห์ก่อน รีเชปชั่นแจ้งเขาอยู่หรอกว่ามีครอบครัวสองแม่ลูกย้ายเข้ามาใหม่ แต่อย่างที่รู้ว่าช่วงนี้ชีวิตเขาโคตรยุ่ง ออกจากบ้านตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างถึงบ้านหลังพระอาทิตย์ตกทุกวัน หน้าเพื่อนบ้านร่วมชั้นไม่เจอมาหลายเดือนแล้ว ยิ่งคนย้ายมาใหม่หน้าเป็นไงก็ไม่รู้ แต่ที่รู้แม่งโคตรไร้มารยาทชิบหาย!

หมอทิวากานต์ก้าวลงจากเตียง สวมสลิปเปอร์ลวกๆ เดินออกจากห้องหวังไปดูหน้าคนมาใหม่ไร้มารยาทเสียหน่อย พอเปิดประตูก็เจอะเจอเพื่อนบ้านคุ้นหน้าคุ้นตาจากห้องที่ได้รับผลกระทบเหมือนกันยืนอยู่หน้าประตูห้องเจ้าปัญหาแล้ว

“อ้าวหมอวา ไม่เจอหน้ากันนานนะครับ” คนทักชื่อเมษาเป็นหนุ่มธนาคารวัยสามสิบต้นๆ ที่ร่ำรวยจากการเล่นหุ้นอาศัยอยู่ห้องติดกับห้องเจ้าปัญหาเลยได้รับผลเต็มๆ ไม่ต่างจากเขาที่อยู่ห้องฝั่งตรงข้าม

“ไม่คิดว่าต้องมาเจอกันในสถานการณ์แบบนี้นะครับคุณเมษ ตอนแรกผมนึกว่าจะมีคนออกมาเยอะกว่านี้ซะอีก”

“เหมือนว่าคนอื่นจะไม่ได้ยินกันนะ แต่ห้องเราสองคนดันอยู่ใกล้เขาเลยซวยไป” เมษายิ้มแห้ง ดูท่าแล้วนายธนาคารหนุ่มคงมายืนอยู่ตรงนี้นานพอสมควรแต่ไม่กล้าเคาะประตูเรียกคู่กรณีออกมาเคลียร์ เพราะงั้นทิวากานต์จึงสูดลมหายใจเรียกลมปราณก่อนตัดสินใจกดออดรัวเรียกคนในนั้นแบบไร้ความเกรงใจบ้าง

เสียงกีตาร์หยุดลงพร้อมกับที่คุณหมอหยุดรัวกริ่งหน้าห้อง หายใจได้สองเฮือกประตูห้องก็เปิดออกให้ทิวากานต์กับเมษาได้เห็นหน้าตัวปัญหาชัดๆ

เด็กฝรั่งที่มองปราดเดียวทิวากานต์พร้อมลงความเห็นให้ว่าหน้าตาดีใช้ได้แต่ตัวสูงแค่ไหล่คุณหมอใส่เสื้อยืดสีดำของเบอเบอร์รี่กับบ็อกเซอร์ลายสก็อต กีตาร์อะคูลสติกต้นตอเสียงดังสะพายอยู่บนไหล่แคบรั้งคอเสื้อร่วงลงจนเห็นไหปลาร้าขาวซีด ผมสีช็อกโกแลตนมทรง mop-topped ยาวระต้นคอยุ่งเหยิง ปากหยักอิ่มเหมือนแมวมีสีแดงจัด ตาสีฟ้าซีดเหลือบมองผู้มาเยือนยามวิกาลนิ่ง

“มีธุระอะไรครับ” ถึงจะหน้าฝรั่งแต่พูดไทยชัดเป๊ะจนคนฟังทั้งคู่อดอึ้งไม่ได้ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาตกใจ เขาต้องสั่งสอนเจ้าเด็กฝรั่งนี้ให้รู้มารยาทเสียหน่อย

“ตอนนี้กี่โมงแล้วครับ”

ตาสีฟ้าซีดจนเกือบขาวกรอกขึ้นเหมือนนึก “เที่ยงคืนแล้วมั้ง ผมไม่แน่ใจ”

“เที่ยงคืนจะตีหนึ่งแล้ว!” ทิวากานต์บอกเวลา “ใช่เวลามาดีดกีตาร์หรือเปล่าครับ นี่มันเวลานอนครับคุณคนที่เพิ่งย้ายเข้ามาใหม่”

“ก็อารมณ์แต่งเพลงมันมาตอนนี้นิ คุณจะนอนก็นอนไปสิ”

ทิวากานต์รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงเส้นประสาทขาดอยู่ในหัว ยิ่งเห็นไอ้หน้านิ่งไร้อารมณ์ประหนึ่งคนขาดน้ำตาลของเด็กฝรั่งตรงหน้ายิ่งหงุดหงิดบวกกับอาการอดนอนจนตาโหล เขาก็แทบแปลงร่างเป็นจอมมาร

มือหนาตบขอบประตูดังปึ้กจนเด็กหนุ่มสะดุ้งพอเป็นมารยาทแต่หน้าขาวยังคงเรียบนิ่งไม่แสดงอาการหวาดกลัวใดๆ ออกมา

“พูดไทยชัดขนาดนี้สะกดคำว่ามารยาทเป็นไหมครับ เสียงกีตาร์ดังขนาดนี้ใครที่ไหนจะนอนลง”

“มอ - อา - รอ - ยอ - อา - ทอ มารยาท แล้วถ้าเสียงมันดังทำไมไม่ใช้ที่อุดหูละ”

คุณหมอวัยเฉียดสามสิบเหมือนได้ยินเสียงเส้นประสาทขาดอีกเส้น มือไม้มันสั่นอยากบีบคอเด็ก “โว้ยยยยยย นี่แกตั้งใจกวนโอ๊ยฉันใช่ไหมไอ้เด็กเวร!”

“เปล่านะ ก็คุณถาม”

“ผู้ปกครองอยู่ไหน ฉันต้องการคุยกับผู้ปกครองของแก!!!”

“หมอวาใจเย็นเย้นนน” เมษาแทบตะครุบตัวคุณหมอร่างใหญ่ไม่ให้พุ่งไปคว้าคอเด็กหน้ามึนไม่ทัน นี่ถ้าพ่นไฟออกจากปากใส่เด็กตรงหน้าได้คุณหมอตัวโตคงไม่พลาดทำแน่ๆ

“ไม่เย็นแล้วเว้ย ไหน!? แม่แกอยู่ไหน เรียกออกมาคุยกับฉันซิ ปล่อยให้ลูกทำความเดือดร้อนให้คนอื่นไม่พอยังเลี้ยงลูกให้ไม่มีมารยาทอีก เป็นแม่ประสาอะไรเนี่ย!” ถ้าทิวากานต์ไม่เบลอจนตาฝาดเขารู้สึกเหมือนเห็นไอ้เด็กฝรั่งนั่นขมวดคิ้วไม่พอใจ แต่แค่แป๊บเดียวเด็กนั่นก็ทำหน้าตายเหมือนเดิม

“ไม่อยู่”

“ไปไหน เอาเบอร์มาก็ได้ ฉันจะโทรให้เขามาอบรมเธอ”

“อยู่บนเครื่องกลับลอนดอนไปแล้ว”

“อะ - ไร - นะ? ลอน - ดอน? กลับ - ไป - แล้ว?”

“ใช่ ตอนนี้ผมอยู่คนเดียว นี่คุณเป็นหมอจริงเหรอเนี่ย หน้าดุไม่พอตัวก็โตอย่างกับยักษ์ ตะโกนทีแก้วหูแทบแตก อารมณ์ร้อนขี้โวยวายชะมัดคนไข้ที่ไหนอยากรักษากับคุณ หรือว่าเป็นหมอหมากัน สัตว์มันพูดไม่ได้คุณเลยชอบเห่าแข่งกับมันบ่อยๆ ใช่ไหม ให้ตายเถอะ มีเพื่อนบ้านแบบนี้ซวยชะมัด”

เห็นหน้านิ่งๆ แบบนี้บทจะโวยวายก็รัวเสียจนฟังแทบไม่ทัน แต่ก็ทำให้รู้อีกอย่างว่าไอ้เด็กหน้าฝรั่งนี่พูดไทยชัดขนาดเจ้าของภาษาบางคนยังต้องอาย แต่ตอนนี้ทิวากานต์ของดชื่นชมภาษาไทยสุดจะเพอร์เฟ็กต์นั่นแล้วขอเถียงก่อน

“อะ... ไอ้ประโยคหลังนั่นฉันควรต้องเป็นคนพูดต่างหาก เธอรู้ไหมว่าสัปดาห์นี้ฉันได้นอนกี่ชั่วโมง ฉันได้นอนแค่แปดชั่วโมงเองนะ แล้ววันนี้เป็นวันที่ฉันจะได้นอนเยอะที่สุดแต่กลับต้องมาเถียงกับเธอที่หน้าประตูตอนเที่ยงคืนแบบนี้ มันเสียไปกี่นาทีแล้ว พรุ่งนี้ต้องพาเจ้าพวกตัวเปี๊ยกไปตรวจคนไข้แต่เช้า อีกสองเดือนก็มีสอบฉันยังไม่ได้อ่านหนังสือสักตัว รู้ไหมฉันก็ไม่ได้อยากมีเวลาน้อยแบบนี้หรอก แต่เพราะมันเป็นหน้าที่ ฉันต้องรักษาคนไข้ แล้วก็ต้องหาเงินเลี้ยงปากท้องตัวเองไปด้วย เด็กที่ยังแบมือขอเงินพ่อแม่คงไม่รู้สึกหรอกสินะ” กว่าจะร่ายจบคุณหมอก็หายใจแทบไม่ทันเกือบหมดลมหน้ามืดไปด้วยซ้ำ

เด็กหนุ่มตัวสูงเท่าไหล่คุณหมอจ้องผู้ชายที่ยืนหอบอยู่ตรงหน้าเพราะด่าเขามากไปตาปริบก่อนยกมือเสมอไหล่เป็นการยอมแพ้ แต่บอกไว้ในใจเลยว่าที่ยอมง่ายๆ เนี่ยเพราะกลัวคนที่บอกว่าเป็นหมอจะเป็นลมไปเสียก่อน “โอเค ผมผิดก็ได้ ขอโทษครับ”

บทจะยอมก็ง่ายดายจนทิวากานต์แทบไม่เชื่อ รู้งี้ร่ายความลำบากในชีวิตให้มันฟังตั้งแต่เปิดประตูแล้ว เขาทำตาโตฉีกยิ้มให้เด็กหนุ่มหน้าฝรั่งตัวเล็กทำท่าเหมือนเป็นผู้ใหญ่ใจดีทั้งที่ก่อนหน้านี้เกือบจะบีบคออีกฝ่ายไปแล้ว

“ดีมาก งั้นก็ไปนอนซะนะ เป็นเด็กเป็นเล็กเข้านอนไวๆ จะได้ตัวสูง”

.
.
.

“ตาโหลมาเลยนะเอ็ง เมื่อคืนซุ่มอ่านหนังสือไม่ยอมหลับยอมนอนล่ะสิ” ทิวากานต์เหลือบตามองคนพูดก่อนถอนหายใจ ถ้าเขาได้นอนน้อยเพราะอ่านหนังสือคงดีกว่าแทบไม่ได้นอนเพราะถูกไอ้เด็กหน้าฝรั่งนั่นกวนทั้งคืนต่างหาก

เมื่อคืนเหมือนจะจบลงด้วยดีแต่เหมือนเขาพูดอะไรไม่เข้าหูอีกคนไป ไอ้เด็กบ้านั่นเลยดีดกีตาร์แม่งมันทั้งคืน บวกกับเสียงร้องโหยหวนของมันอีกกว่าจะสงบก็ตีสี่ ตอนเช้าเขากับเมษาที่ออกมาพร้อมกันเลยมีสภาพเป็นซอมบี้อย่างกับถ่ายเอกสารมา

“จะว่าไปนี่ก็เด็กชุดสุดท้ายแล้ว เอ็งจะเลี้ยงหรือเปล่า เห็นสนิทกับเด็กๆ หลายคนเชียว ทั้งน้องอุ๊ น้องจ๋า น้องแตงกวา น้องเมย์”

แต่ละชื่อที่แพทย์หญิงเพื่อนร่วมงานร่ายออกมาทำเอาหมอหนุ่มยิ้มแห้ง ใครต่อใครลือกันไปให้ทั่วว่าเขาคบกับเด็กพวกนั้นจนภาพพจน์เขาแทบเสีย ทั้งที่จริงก็เป็นแค่นักศึกษาแพทย์ปีสี่ปีห้าวัยยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมที่มาชอบเขาเท่านั้น แต่ทิวากานต์ก็เข้าใจล่ะนะหมอศัลย์หัวใจหนุ่มรูปหล่อ อนาคตไกล ขับรถสปอร์ต มือถือถ่ายรูปได้ อยู่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองย่อมเป็นที่ต้องการเสมอเลยอดไม่ได้ที่จะบริหารเสน่ห์บ่อยๆ แต่เขาไม่คิดเล่นกับเด็กในสังกัดทำตัวเป็นสมภารกินไก่วัดหรอก อนาคตไม่แน่ไม่นอนเผื่อมีเรื่องเสียหายจะได้สาวไม่ถึงตัว

“ก็คงเลี้ยงละมั้งครับ เห็นพี่รันต์ก็เปรยๆ อยู่ รายนั้นป๋าอยู่แล้วผมคงไปเกาะเขากินเหมือนเดิม แต่คงหลังจากเจ้าพวกนั้นสอบเสร็จล่ะนะ” เขาว่าติดตลกโปรยยิ้มเสน่ห์ให้สาวใจเต้นเล็กน้อยถึงขอตัวไปทำงานต่อ

กว่าคุณหมอหนุ่มจะกลับถึงบ้านที่เป็นห้องสี่เหลี่ยมบนตึกสูงก็เกือบสี่ทุ่มไปแล้ว อย่างน้อยก็ดีกว่าหลายวันที่ผ่านมา เขาตั้งใจจะอาบน้ำแล้วนั่งอ่านหนังสือเตรียมสอบข้อเขียนแล้วก็สอบ OSCE (Objective Structured Clinical Examination) เพื่อการสอบปากเปล่าสำหรับวุฒิบัตรฯ ศัลยศาสตร์ในการเป็นศัลยแพทย์เต็มตัว

คิดถึงตรงนี้หนุ่มตัวสูงถึงกับถอนหายใจ ไม่รู้อะไรดลใจให้เขาเลือกเดินมาทางนี้เหมือนกัน ชีวิตมีแต่เรียนกับเรียนและสอบ แตกต่างกับแม่ของเขาที่ใช้ชีวิตอิสระเต็มที่กับชีวิตจนวันสุดท้าย หรือเขาควรยกเลิกทุกอย่างแล้วหนีไปขายกล้วยแขกดีนะ

“People like us, we don’t need that much!3

แต่เมื่อเลือกเดินทางนี้แล้วเขาก็ต้องทำมันให้ถึงที่สุดไม่งั้นก็กลายเป็นเพียงไอ้หมาขี้แพ้ธรรมดาๆ ศักยภาพทุกอย่างบอกอยู่แล้วว่าเขาทำมันได้และจะประสบความสำเร็จ ขอเพียงเขาไม่ล้มเลิกมันไปก่อนเท่านั้นแหละ พอได้เป็นหมอศัลย์แล้วค่อยพักทำงานสักปีสองปีระหว่างหาทุนเรียนต่อต่างประเทศคงไม่เลว

“Just someone that starts, starts the spark in our bonfire hearts!!!”

แต่ก่อนอื่นเขาต้องไปจัดการไอ้เด็กฝรั่งนั่นให้หยุดแหกปากก่อนสินะ แม่งแหกปากตอนจะเที่ยงคืนอีกแล้ว!!!

เป็นอีกครั้งที่คุณหมอหนุ่มหยุดยืนอยู่หน้าประตูห้อง 2112 ยามค่ำคืน เขากระหน่ำรัวกดกริ่ง ทุกอย่างเหมือนเดิมหมดแม้กระทั่งเมษาที่ยืนอยู่ด้านหลังเขาด้วย

ไม่นานบานประตูไม้ก็เปิดออกพร้อมหน้ามึนๆ ของไอ้เด็กฝรั่งผมสีช็อกโกแลตนม ตาสีฟ้าซีดจ้องมองเขาแล้วถอนหายใจออกมาด้วยความระอา

“ไอ้ท่าทางแบบนั้นฉันควรต้องทำมากกว่านะไอ้เด็กเวร เมื่อคืนก็ส่งเสียงดังยันตีสี่ เป็นบ้าอะไรมากป่ะเนี่ย”

“ไม่นะ ก็ปกติดี” หลังกรอกตาไปมาใช้เวลาคิดครู่หนึ่งคำตอบเรียบๆ ก็หลุดออกมาแต่แทนที่จะสร้างความพอใจให้คนประชดกลับยิ่งเหมือนเติมเชื้อเพลิงใส่กองไฟ

คิ้วคุณหมอทิวากานต์กระตุกไปแล้วแต่ยังมีสติกัดฟันพยายามเจรจากับเด็กหนุ่มดีๆ “ไม่มีคนปกติที่ไหนดีดกีตาร์เสียงดังในเวลาพักผ่อนของคนอื่นหรอกเจ้าหนู ความเกรงใจน่ะมีบ้างไหม ถ้าเธอไม่โง่ ฉันว่าเมื่อวานเราน่าจะพูดกันรู้เรื่องแล้วนะ ฉันควรทำยังไงกับเธอดีเนี่ย”

“...”

ไร้ซึ่งสรรพเสียงใดๆ นอกจากความเงียบ นัยน์ตาต่างสีสองคู่จ้องมองกันเงียบๆ ราวกับรอให้ใครสักคนหมดความอดทนก่อน ก่อนจะเป็นทิวากานต์ที่ยอมแพ้

“รู้จักห้องซ้อมดนตรีไหม”

“อ่าฮะ แต่ถ้าคิดจะไล่ให้ไปที่ห้องซ้อมล่ะก็มันไม่เปิดตอนดึกขนาดนี้หรอกนะ ผมตระเวนหามาหมดแล้ว”

“ฉันรู้จักที่นึงที่เธอจะแหกปากได้แบบไม่มีใครมาด่า พรุ่งนี้ตอนหนึ่งทุ่มไปหาฉันที่โรงพยาบาล xxx ตึก yyy บอกเจ้าหน้าที่ว่ามาหาหมอทิวากานต์ภาควิชาศัลยกรรม ฉันจะพาเธอไปเอง”

คำพูดของคุณหมอเล่นเอาคนฟังทั้งสองไปไม่ถูก นายธนาคารหนุ่มดึงชายเสื้อยืดทิวากานต์ยิก “นี่หมอวาไม่คิดจะพาเขาไปเชือดใช่ไหม”

“นั่นสิ คนเดี๋ยวนี้เห็นปกติแต่แอบเป็นโรคจิตก็มีเยอะแยะ” เด็กหน้าฝรั่งพยักเพยิดเห็นด้วยกับเมษา จู่ๆ ก็เข้ากันได้ขึ้นมาทันที ตาสีซีดฉายแววกังวลนิดหน่อย แบบนิดหน่อยจริงๆ แต่ทิวากานต์ไม่รอช้าใช้โอกาสนี้รีบขู่สำทับอีกฝ่ายทันทีดั่งสุภาษิตที่ว่าจะตีเหล็กต้องตีตอนร้อน

“ถ้าคืนนี้ยังเสียงดังอยู่ล่ะก็ไม่แน่” เห็นเจ้าพวกกระเปี๊ยกปีสี่ปีห้าชอบนินทาว่าเขาเหมือนปีศาจตอนลงวอร์ดนัก ดึงเอาหน้าตอนนั้นมาใช้หน่อยแล้วกัน “ฉันถนัดใช้มีดด้วยสิ”

“โอเค ผมจะเชื่อคุณก็ได้ พรุ่งนี้ตอนทุ่มนึงผมจะไปหาคุณที่โรงพยาบาล” เจ้าเด็กฝรั่งทำตาโตเงยหน้ารีบพูดตกลงทันที เด็กหนอเด็ก ขู่หน่อยก็หงอเหมือนกันหมด แถมเห็นมันทำหน้าตื่นนอกจากหน้านิ่งๆ ก็ตลกดี

“ดีมาก เพราะงั้นตอนนี้เราสงบศึกกันชั่วคราว”

“ตกลง” เด็กฝรั่งผงกหัว ชูกำปั้นกลวงๆ ขึ้นตรงหน้า คุณหมอหนุ่มเลิกคิ้วมองสงสัย

“อะไร”

“ทำสัญญาแบบลูกผู้ชายไง เอากำปั้นชนกันน่ะ”

“อ๋อ โอเค” กำปั้นกลวงๆ ชกเข้ากับกำปั้นของอีกคนที่เล็กกว่าเกือบเท่าดังปึ้กเป็นอันทำสัญญาสงบศึกชั่วคราว

เด็กฝรั่งชักกำปั้นกลับดูสันมือตรงที่โดนชกเห็นขึ้นสีแดงจางๆ ก็เป่าปู้ด ตวัดสายตามองคนโตกว่าทั้งอายุทั้งตัวแต่ไม่ได้มีความคิดต่างจากเขาเลยสักนิดเคืองๆ ต่อยมาได้เต็มแรง เจ็บชะมัด

ผิดกับอีกคนที่ยิ้มชอบใจที่ได้เอาคืนไอ้ตัวแสบเล็กๆ น้อยๆ ก็ยังดี “แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะไอ้ตัวแสบ เลิกแหกปากด้วย ไม่งั้นคืนนี้มีดผ่าตัดในห้องฉันอาจมาโผล่อยู่ที่ห้องเธอก็ได้นะ หึหึ”

“รู้แล้วน่า” เขาบ่นงึมงำก่อนปิดประตูใส่หน้าคุณหมอกับนายธนาคารหนุ่มเสียงดัง แต่ก็ไม่ได้ทำให้ทิวากานต์อารมณ์เสียอะไร ออกจะมีความสุขเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำที่ยั่วให้ไอ้เด็กหน้ามึนหงุดหงิดได้ คุณหมอหนุ่มหัวเราะในลำคอเบาๆ ตอนถอยกลับมาห้องตัวเอง

“นี่หมอวาพูดจริงหรือแกล้งเล่นครับ”

“เรื่องไหนละครับคุณเมษ”

“ห้องซ้อมน่ะครับ ผมรู้หรอกว่าหมอคงไม่เอามีดไปกระซวกไส้น้องเขาจริงๆ”

“จริงสิครับ”

“มันดูไม่เป็นการลงทุนไปหน่อยหรือครับ” เมษาว่าตามประสาคนทำงานเกี่ยวกับเงินๆ ทองๆ บวกลบคูณหารในใจแล้วยังไงว่าที่ศัลยแพทย์ทรวงอกมีแต่ขาดทุนทั้งนั้น ถึงจะเงียบเสียงลงแต่เจ้าเด็กฝรั่งจอมป่วนนั่นก็ยังอยู่ที่นี่อยู่ดีและไม่มีทีท่าจะว่านอนสอนง่ายขึ้น

“สำหรับการสอบของผมแล้วถือว่าคุ้มค่ามากครับ” อาจจะขาดทุนนิดๆ หน่อยๆ แต่ก็คุ้มแม้ต้องไปขอร้องคนที่ไม่อยากเสวนาด้วยก็เถอะ

ทิวากานต์เอ่ยลากับเพื่อนร่วมชะตากรรมก่อนแยกย้ายกันกลับห้องใครห้องมัน หลังบานประตูห้องปิดลงคนตัวสูงถึงกับถอนหายใจตอนมองโทรศัพท์ รู้ดีว่าแค่ยอมกลืนน้ำลายตัวเองโทรไปหาอีกคนก่อนขออะไรนิดๆ หน่อยๆ อะไรที่อยากได้จะส่งมาถึงมือเขาทันทีในเช้าวันพรุ่งนี้ ทำใจยากหน่อยที่ต้องโทรไปหาคนที่เป็นพ่อแต่ไม่เคยทำหน้าที่พ่อสักครั้ง หากเพื่ออนาคตอันสดใสโทรก็โทรว่ะ!

.
.
.
หัวข้อ: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 01 [12.09.15]
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 12-09-2015 11:28:53
อลันด์ไม่ค่อยเข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงเชื่อด็อกหน้าดุนั่นจนยอมหิ้วกีตาร์ไปโรงพยาบาลตามที่อีกฝ่ายบอก จะบอกว่ากลัวคงไม่ใช่มั้ง(แม้ตาหมอนั่นจะคมจนแทบกรีดเขาไปทั้งตัวตอนจ้องกันก็ตามเถอะ) คงเพราะอยากรู้มากกว่าว่าอีกฝ่ายจะจัดการเขายังไง ทั้งที่ความจริงด็อกนั่นจะโทรแจ้งตำรวจก็ได้กลับไม่ทำ ดันยื่นข้อเสนอแปลกๆ มาให้แทนซะงั้น ถ้ายังเป็นตอนที่เขาอยู่ลอนดอนคงมีตำรวจมาเคาะประตูตั้งแต่สิบนาทีแรกแล้ว

ไว้ตอนด็อกนั่นเล่นสกปรกเขาจะเอามาร์ติน ดี-28 รุ่นในตำนานราคาสองพันกว่าปอนด์ที่แด๊ดซื้อให้ฟาดให้หมดหล่อเลยคอยดู

เด็กหนุ่มออกจากคอนโดก่อนเวลานัดตั้งสองชั่วโมงเพราะรู้ดีว่ากรุงเทพรถโคตรจะติด ฝรั่งที่เพิ่งมีโอกาสได้อาศัยอยู่คนเดียวได้ไม่กี่วันเลยต้องงดพึ่งรถสาธารณะอย่างรถไฟฟ้าออกมาโบกแท็กซี่เป็นพาหนะคู่ใจตลอดช่วงนี้ไปโดยปริยาย และเป็นไปตามคาดกว่าเขาจะถ่อจากที่พักย่านอโศกมนตรีมาถึงโรงพยาบาลติดแม่น้ำก็อีกสิบห้านาทีจะทุ่มแล้ว

มือเรียวสวยหยิบขวดน้ำเปล่ากระดกดื่มหลังรถจากลงรถแท็กซี่ ทั้งที่เย็นมากแล้วแต่คนในโรงพยาบาลยังคงเยอะจนน่าเวียนหัว ส่วนใหญ่ที่เห็นก็มีแต่พวกหมอใส่เสื้อกาวน์ยาวเดินไปเดินมาเป็นส่วนมาก เขามองหาที่ๆ พอจะถามได้แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เจอ สุดท้ายก็สะกิดถามหมอกลุ่มหนึ่งที่เดินตรงมาพอดี

“ขอโทษครับ ผมมาหาหมอทิวากานต์ ภาควิชาศัลยกรรม จะไปติดต่อเขาได้ที่ไหนครับ”

แพทย์กลุ่มใหญ่ฉายแววตกตะลึงที่เห็นชาวต่างชาติพูดภาษาไทยได้ชัดไม่ผิดเพี้ยน ก่อนที่หนึ่งในนั้นจะตั้งสติได้ก่อน

“มาหาพี่หมอวาเหรอคะ ตอนนี้น่าจะอยู่ที่ห้องพักนะคะ เดี๋ยวเมย์ไปตามให้เอง” หมอสาวหน้าใสยกมืออาสาก่อนได้เสียงจิ๊จ๊ะจากเพื่อนสาวคนอื่น แต่เธอก็ไม่สนเชิดหน้าประมาณว่าเรื่องแบบนี้ใครเร็วใครได้ใส่ก่อนหันกลับมาฝรั่งพลัดถิ่น “จะให้บอกพี่หมอว่าใครมาหาคะ”

“เอ่อ...” จะว่าไปตั้งแต่เจอหน้ากันมาสองรอบอลันด์ยังไม่ได้แนะนำตัวให้อีกฝ่ายรู้จักตามมารยาทที่ดีเลยสักครั้ง ด็อกนั่นก็เหมือนไม่อยากรู้เรียกเขาแต่... “ไอ้ตัวแสบ”

“อะไรนะคะ”

“บอกด็อก เอ๊ย หมอทิวากานต์ว่าไอ้ตัวแสบมาหาก็ได้ครับ”

“ได้ค่ะ งั้นรอแป๊บนึงนะคะ” หมอที่ชื่อเมย์พยักหน้าทั้งที่ไม่ค่อยแน่ใจ เธอรีบเดินกลับไปทางที่เพิ่งจากมาก่อนที่เพื่อนสาวอีกคนจะสิ่งตามไป ทิ้งอลันด์ไว้กับหมอกลุ่มเดิม

อลันด์พ่นลมหายใจแรงก่อนเหลือบตามองไปรอบโรงพยาบาลเป็นการฆ่าเวลาและหลีกเลี่ยงสายตาที่มองมาด้วยความสงสัยของแพทย์กลุ่มใหญ่ที่มองเขาเหมือนเป็นตัวประหลาด ก็คนมีสองขาสองแขนเหมือนกันไม่รู้แปลกตรงไหนมองกันอยู่ได้

เกือบห้านาทีคนที่บอกว่าจะพาเขาไปหาห้องซ้อมดนตรีที่เปิดดึกๆ ก็เดินมาพร้อมกับหมอผู้หญิงสองคนที่ไปตาม ดูท่าจะป๊อบปูล่าร์พอควรเพราะตลอดทางทั้งหมอ พยาบาล คนไข้ล้วนแต่จับจ้องที่คนตัวสูงชะลูดนั่นเป็นตาเดียว

“ตรงเวลาดีนิไอ้ตัวแสบ นึกว่าจะเบี้ยวซะแล้ว” ทิวากานต์จงใจเน้นตรงคำว่าไอ้ตัวแสบ แอบอมยิ้มที่เห็นอีกคนหน้าแดงไม่รู้ว่าเพราะโมโหหรือเขิน เออ...ว่าแต่ไอ้เด็กฝรั่งมันจะเขินทำไมวะ

“ลูกผู้ชายสัญญาต้องเป็นสัญญาสิ หรือคุณจะเบี้ยว”

“พอดีฉันเป็นลูกผู้ชายตัวจริงเสียงจริง ฉันจอดรถไว้ที่ตึกจอดรถเธอเดินตามมาแล้วกัน” ทิวากานต์ยักไหล่ก่อนหันไปลูบหัวสาวน้อยสองคน “ขอบใจเมย์กับแตงกวามากนะที่ไปตามพี่”

“ไม่เป็นไรค่ะ เมย์เต็มใจ”

“แตงกวาก็เต็มใจค่ะ”

“งั้นพี่ไปก่อนล่ะ พวกเราก็กลับบ้านกันดีๆ นะ อย่าลืมอ่านทบทวนกันด้วยใกล้สอบแล้วนะ”

“ค่า/คร้าบ” นักศึกษาแพทย์กลุ่มใหญ่ขานรับคำชายหนุ่มพร้อมเพรียงจนอลันด์อดเบ้หน้าไม่ได้ ทีพูดกับคนอื่นละพูดดีอ่อนหวานทีกับเขานี่แทบจะกินหัว ไม่รู้เขาผิดอะไร

ทิวากานต์โบกมือลาก่อนเดินนำหน้าไอ้ตัวแสบไปอาคารจอดรถ อลันด์หันมายกมือไหว้ขอบคุณให้เหล่าคุณหมอที่อายุมากกว่าเขาแน่ๆ แล้วรีบก้าวเท้าตามอีกคนไปเร็วๆ

ตั้งแต่เกิดมาสิบแปดฝนอลันด์ไม่เคยนึกน้อยใจความสูงของตัวเองจนวันนี้ เขาสาวเท้าจนแทบเป็นวิ่งกว่าจะเดินตามคุณหมอสวมกาวน์สั้นตัวสูงทัน ไอ้นี่ก็รู้ว่าขายาวกว่าเขาแกล้งเดินจ้ำเอาๆ ใหญ่ นี่เดินตามจนเหนื่อยหอบ ไอ้ตัวแสบคาดโทษอีกคนในใจอย่าให้ถึงทีเขาเอาคืนบ้างแล้วกัน

ทิวากานต์ยืนหยุดที่รถสปอร์ตสองประตูขับเคลื่อนด้วยล้อหลังสัญชาติเยอรมันสีขาว เป็นอีกครั้งที่เด็กหน้าฝรั่งรู้สึกแปลกใจกับด็อกคนนี้ ขี้โวยวาย หน้าดุ พูดจาเสียงดัง แถมยังขับรถสปอร์ต บอกว่าเป็นนักธุรกิจเขี้ยวลากดินยังน่าเชื่อกว่าอีก

“ขึ้นรถสิ ว่าแต่จะวางกีตาร์ได้ไหมนั่น” ตาคมพยักเพยิดไปทางกระเป๋าใส่กีตาร์ที่ด้านหลังฝรั่งตัวเล็ก

อลันด์ยักไหล่ “ไว้ตรงเท้าก็ได้ รถคุณไม่ได้เล็กนี่”

“โอเค งั้นขึ้นมาเลย”

พอยัดตัวเองกับกระเป๋าใส่กีตาร์เข้าไปได้ ปิดประตูเรียบร้อยหมอที่ไม่ค่อยจะเหมือนหมอในความคิดเด็กหน้าฝรั่งก็ถอยเจ้ารถคันสวยออกสู่ถนนด้านนอกผจญรถติดอีกครั้ง กว่าทิวากานต์จะพาเด็กหนุ่มมาถึงห้องซ้อมที่ว่าก็เกือบสองทุ่มครึ่งแล้ว แถมกระเพาะน้อยๆ ของเขายังโหยหวนส่งเสียงเรียกร้องความสนใจให้ขายขี้หน้ามาตลอดทางด้วย

ห้องซ้อมที่ทิวากานต์พาอลันด์มาเป็นบ้านเดี่ยวหลังหนึ่งในซอยที่มีรถหรูๆ แบบคุณหมอขับผ่านไปมาตลอด เขาบีบแตรเรียกสองทีประตูอัตโนมัติจึงเปิดออกกว้างให้รถสปอร์ตสีขาวขับเข้าไปจอดเทียบด้านใน

เด็กหนุ่มปิดประตูรถไม่เบานักจนเจ้าของหันมาส่งสายตาดุให้ เขาทำเป็นไม่สนใจใช้ตาสีซีดมองบ้านหลังใหญ่ตรงหน้า ภายในบ้านมีเสียงจากโทรทัศน์เล็ดลอดออกมา ทิวากานต์เดินนำเจ้าตัวไปที่ประตูแล้วผลักเข้าไปทันที

“ถอดรองเท้าไว้แล้วเอามาวางไว้บนชั้นตรงนั้น” นิ้วเรียวสวยของว่าที่หมอศัลย์ชี้ไปยังชั้นรองเท้ารกๆ ที่อัดไปด้วยรองเท้าหนังกับรองเท้าผ้าใบหุ้มข้อ อลันด์ถอดอาดิดาสนีโอสีเทาแถบฟ้าเทอร์ควอยส์ของตัวเองยัดๆ รวมไปกับกองรองเท้าผ้าใบ ขณะที่คุณหมอตัวโตกลับวางรองเท้าหนังมันขลับไว้มุมหนึ่งของพื้นห้อง

พอโผล่เข้าไปในส่วนห้องนั่งเล่นเสียงทักทายจากชายหนุ่มต่างวัยสองคนก็ดังขึ้นทันที ทิวากานต์ยกมือไหว้คนแก่กว่าก่อนหันไปรับไหว้คนที่เด็กกว่า อลันด์ยืนเคว้งไปหลายนาทีกว่าจะทักทายกันเสร็จ

“มาแล้วเหรอ กินอะไรมาหรือยัง”

“เรียบร้อยแล้วครับ” อลันด์หน้าเหวอ เขายังไม่มีอะไรตกถึงท้องสักอย่าง นั่งท้องร้องอยู่ตั้งนานแต่ไอ้หมอเถื่อนดันบอกว่ากินเรียบร้อยแล้วเนี่ยนะ แม่งแกล้งกันชัดๆ

“แล้วนี่คนที่บอกเหรอ” ชายวัยกลางคนที่ทิวากานต์ทักทายเป็นคนแรกเอ่ยขึ้น เรียกสายตาทุกคู่หันมามองเด็กฝรั่งเป็นตาเดียว ถึงจะชินกับการถูกมองแต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่รู้สึกอะไร อลันด์ประหม่าแต่ก็ยกมือไหว้อีกคนตามมารยาทแบบไทยที่คุณยายปลูกฝังมาพร้อมรอยไม้เรียวบนน่อง

“สวัสดีครับ”

“ว้าว พูดไทยได้ด้วย ฉันนึกว่าต้องสปีคอิงลิชซะแล้ว ไอ้เรามันยิ่ง สเน็กๆ ฟิชๆ อยู่” คนที่ดูอายุใกล้เคียงกับเขาว่า เป็นหนุ่มไทยหน้าตาดีจัดตัวสูงกว่าเขาพอควรแต่ไม่ถึงขั้นสูงเหมือนยักษ์แบบทิวากานต์

“เรียนนานาชาติยังสเน็กๆ ฟิชๆ อยู่อีกเหรอ งี้ฉันไม่ควรส่งแกเรียนต่อแล้วสินะ”

“โธ่พ่อ อย่าทำกับผมแบบนี้สิ”

เด็กฝรั่งมองดูสองคนที่น่าจะเป็นพ่อลูกโต้เถียงกัน ถ้าให้เดาก็คงเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ด้วย

“ฉันไม่คุยกับแกแล้ว โตจนหมาเลียตูดไม่ถึงยังทำตัวปัญญาอ่อนอยู่ได้ แล้วนี่หมอวาไปเจอมาจากไหนล่ะนั่น ชื่อเสียงเรียงนามอะไร”

“เพื่อนบ้านเพิ่งย้ายมาใหม่ครับ เห็นหาห้องซ้อมอยู่ ชื่อ...” ทิวากานต์เหลือบหางตามองเด็กฝรั่งข้างตัว เพิ่งสำนึกได้ว่าตั้งแต่เจอหน้ากันมาสามครั้งถ้วนเขายังไม่รู้ชื่อไอ้ตัวแสบเลยนี่หว่า

“อลันด์ โอเนลล์ครับ”

“อยู่ที่นี่มาแต่เกิดเลยเหรอ พูดไทยชัดมาก” คนเป็นลูกแสดงสีหน้าทึ่งไม่ปิดบัง อลันด์ไม่รู้ว่ามันน่าตื่นเต้นตรงไหนที่เขาพูดไทยได้

“เปล่าครับ แต่แม่เป็นคนไทยเลยถูกบังคับให้เรียน”

“ดีแล้ว พูดได้หลายภาษาจะได้มีโอกาสมากกว่าคนอื่นเขา ส่วนเรื่องห้องซ้อมพ่อเราเขาบอกอามาแล้วล่ะ เมื่อเที่ยงเลยให้คนเข้าไปปัดฝุ่นทำความสะอาดไว้” ท้ายประโยคหันมาหาคุณหมอที่ถูกแย่งความสนใจไปชั่วขณะ

“ครับ ขอบคุณมากครับ”

“งั้นเดี๋ยวให้เจ้านภพาไปดูแล้วกัน ส่วนเราอยู่คุยกับอาก่อน พ่อเราฝากของมาให้เยอะเลย”

ทิวากานต์รู้สึกปั้นหน้ายากขึ้นมาทันที แต่เมื่อเป็นคำขอจากผู้ใหญ่จึงปฏิเสธไม่ได้ เขาปล่อยให้ไอ้ตัวแสบหรือที่เขาเพิ่งรู้ว่าชื่ออลันด์ไปกับลูกชายเจ้าของบ้าน ถึงไม่ได้สนิทกับครอบครัวนี้และเคยเจอหน้ากันผ่านๆ แค่ไม่กี่ครั้งแต่เขาก็คุ้นหน้าตาอีกคนเป็นอย่างดีเพราะเป็นนักร้องหนุ่มดาวร่งพุ่งแรงของวงการในขณะนี้ ไม่ว่าไปที่ไหนต้องยินเพลงของเจ้าตัวเปิดผ่านหูอยู่บ้างแหละ แต่อลันด์มันคงไม่รู้เลยทำหน้ามึนๆ ตามสไตล์เดินตามอีกคนไปต้อยๆ เหมือนแมวเชื่องตัวหนึ่ง

คุณหมอตัวโตลอบถอนหายใจหลังมองส่งเด็กฝรั่งตัวแสบไปจนลับสายตาก่อนหันกลับมาเจอหน้าเพื่อนพ่อที่รอชักฟอกความเป็นอยู่เขาเอาไปรายงานพ่อ เพราะแบบนี้ไงถึงไม่อยากยุ่งด้วยน่ะ!



“อยู่ไทยมากี่ปีแล้วล่ะ” เป็นอีกครั้งที่อลันด์นึกน้อยใจในความสูงตัวเองพลางคิดโทษไปถึงมารดาที่มอบดีเอ็นเอส่วนนี้มาให้ เขาต้องเงยหน้าตอนพูดกับอีกคนจนคอแทบตั้ง

“เพิ่งมาอยู่ได้สองสัปดาห์ครับ”

“ว้าว มิน่าล่ะ แล้วมาทำอะไรเหรอหรือย้ายตามครอบครัวมา”

“มาเรียนต่อยูครับ” ตอบทั้งที่ชักรำคาญ ไอ้ด็อกเถื่อนนั่นก็ทิ้งกันเฉยปล่อยให้มากับคนแปลกหน้าซะงั้น เขาเดินตามอีกคนเข้าไปในบ้าน ลึกเข้ามาจนเกือบถึงหลังบ้านก็เจอประตูลงไปห้องใต้ดิน

“งี้ก็เป็นรุ่นน้องฉันน่ะสิ เรียกว่าพี่นภก็ได้นะ แล้วอยู่ยูไหนน่ะเผื่อที่เดียวกัน”

“xxx ยูนิเวอร์ชิตี้ครับ”

“ว้า เสียดายจัง ฉันอยู่ที่ xxx ล่ะ อดเลยเนอะ” นภหัวเราะอย่างคนอารมณ์ดี เดินนำเด็กฝรั่งลงไปยังห้องซ้อมใต้ดินที่พ่อเขาทำไว้ให้ พอเปิดไฟจึงเห็นว่านอกจากจะเป็นห้องซ้อมดนตรีแล้วยังแบ่งส่วนหนึ่งทำเป็นห้องอัดขนาดเล็กไว้ด้วย ครั้งแรกที่อลันด์เห็นถึงกับร้องว้าวด้วยความแปลกใจกระนั้นใบหน้ายังคงเรียบมึนเช่นเคย

นักร้องหนุ่มยักไหล่กับอาการของเพื่อนใหม่ “มาใช้ได้ทุกวันที่ต้องการเลย ความจริงที่นี่ก็สร้างได้ไม่นานหรอกแต่ไม่ค่อยได้ใช้เพราะมีห้องซ้อมประจำกันอยู่แล้ว เดี๋ยวพ่อฉันคงเอากุญแจไว้ให้”

“ขอบคุณมากครับ”

“กันเองน่า เอากีตาร์มาด้วยใช่ไหม โชว์ให้ฟังสักเพลงหน่อยสิ”

“ได้เลย” เป็นครั้งแรกที่นภได้เห็นเด็กหน้าตายยิ้ม แม้จะเป็นยิ้มน้อยๆ แค่ยกมุมปากขึ้นก็เถอะ หน้าขาวซีดแบบคนไม่เคยโดนแดดจึงดูน่ามองขึ้นมาอีกหน่อย

อลันด์ถอดกีตาร์ออกจากกระเป๋า จัดการร้อยสายคล้องไหล่สะพายบนบ่าพลางปรับสายกีตาร์ให้เข้าที่ นภเองก็ทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดีนั่งบนแอมป์ตัวหนึ่งก่อนตบมือให้เมื่ออีกฝ่ายจะเริ่มทำการแสดง

นักร้องหนุ่มมองนิ้วเรียวยาวจับสายคอร์ดดีดร่ายท่วงทำนองอ่อนหวานออกมาราวเสกมนต์ ทันใดเสียงร้องแหบผิดกับเสียงทุ้มต่ำยามพูดไม่เข้ากับใบหน้าอ่อนเยาว์จึงขับขานสอดประสานเข้ากันกับเสียงกีตาร์ได้อย่างลงตัว ไม่น่าเชื่อว่าเพลงอัลเทอร์เนทีฟอย่าง Radioactive ของ Imagine Dragon จะถูกเรียบเรียงใหม่และใช้เพียงกีตาร์อะคูสติกตัวเดียวเล่นออกมาได้น่าฟังขนาดนี้

“เก่งมาก เก่งจริงๆ” นภลุกขึ้นยืนตบมือให้อีกคนจากใจทันทีที่โน้ตตัวสุดท้ายถูกปล่อยออกมา เขายิ้มให้เด็กผู้ชายที่มีตาสีซีดและได้รอยยิ้มกว้างกลับมา มันยิ่งทำให้เขาชอบในตัวเด็กคนนี้มากขึ้นไปอีก ถ้าได้โปรดิวเซอร์ดีๆ บางทีอลันด์อาจไปได้ไกลเกินกว่าที่เขาจะคิดถึง

“ขอบคุณ”

“ฉันถูกใจนายมาก เรามาเป็นเพื่อนกันเถอะ ไม่สิ เรียกฉันว่าพี่ดีกว่า ฉันอยากมีน้องเจ๋งๆ แบบนาย ฉันรู้จักโปรดิวเซอร์เก่งๆ หลายคนเลย ทุกคนต้องชอบนายแน่ ฝึกอีกหน่อยฉันจะพาไปออดิชั่น นายดังชัวร์ ฉันรับประกัน” คนแก่กว่าเดินมาโอบรอบคอน้องชายคนใหม่ที่รวบรัดเอาเอง อลันด์ไม่ได้สะบัดหนี เขาชูกำปั้นหลวมๆ ขึ้นมากลางอากาศ นภมองมันอยู่สามวินาทีก่อนชูกำปั้นขึ้นมาเหมือนกัน

“โอเคพี่” สองกำปั้นต่างไซส์ชกกันเบาๆ เป็นอันว่าสัญญาลูกผู้ชายถูกลงนามเรียบร้อย

“ดี” มือใหญ่กว่าถือโอกาสขยี้เส้นผมสีช็อกโกแลตนมเล่นจนผมหน้าม้าเด็กฝรั่งกระจาย “เออ มีชื่อไทยไหม เรียกอลันด์ไม่เท่เลยอ่ะ เหมือนอรัญเชยสะเด็ด ชื่อเล่นมีไหม”

ตาสีซีดกรอกไปมาอย่างใช้ความคิด เขากำลังตอบอีกคนไปว่าเรียกอัลเหมือนที่บ้านเขาเรียกก็ได้ แต่จู่ๆ หน้าแดงๆ เพราะความโกรธของคุณหมอขี้โมโหก็ลอยมาในหัว ปากหยักสวยได้รูปยกยิ้มจางเมื่อคิดอะไรได้

“แสบ... ไอ้ตัวแสบ”

“ไอ้ตัวแสบ? ชื่อเจ๋งดีนี่ โอเค นายเล่นอีกสิ ฉันอยากฟังนายเล่นเพลงอื่นอีก เล่นกีตาร์ไฟฟ้าได้ไหม” นภอมยิ้มชอบใจ นึกถูกชะตากับเด็กที่ลูกชายเพื่อนพ่อพามามากขึ้นทุกที ยิ่งตอนมองตาสีซีดกลมๆ วาววับยามพูดถึงกีตาร์แล้วยิ่งรู้สึกเอ็นดูเหมือนแมวบ้านข้างๆ ที่เขาชอบแอบไปเล่นกับมันบ่อยๆ

ไอ้ตัวแสบพยักหน้า หลังจากนั้นพี่น้องฉบับรวบรัดก็พากันซ้อมดนตรีจนลืมคุณหมอหน้าดุที่พามาเลยทีเดียว



TBC

เนื้อเรื่องจะเรื่อยๆ มาเรียงๆ หน่อยนะคะ
ยังไงรบกวนฝากหมอศัลย์มั่นหน้ากะเด็กฝรั่งหน้าตายไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วย
ตอนหน้าเจอกันเร็วๆ นี้ค่ะ อรั๊ย!
 :-[

------------------

1 GP = General Practitioner (แพทย์ทั่วไป)
2 Two Fingers - Jake Bugg
3 Bonfire Heart - James Blunt
หัวข้อ: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 02 [13.09.15]
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 13-09-2015 20:37:01
TRACK 02



ไอ้ด็อกบ้าทิ้งกันได้!

อลันด์หรือไอ้ตัวแสบที่เจ้าตัวเพิ่งตั้งให้ตัวเองเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนสาปส่งคนที่พาเขามาบ้านหลังนี้ในหัวยาวเหยียด มีอย่างที่ไหนพามาแต่ดันหนีกลับไปก่อนทั้งที่เขาเข้าไปในนั้นแค่ชั่วโมงเดียวเองนะ

“หมอวากลับไปแล้วเหรอพ่อ” นภถามพ่อแทนอลันด์เมื่อขึ้นมาจากห้องใต้ดินแล้วไม่เจอคนที่ควรอยู่

“อืม เห็นเขาว่าจะรีบกลับไปอ่านหนังสือต่อ”

“อ้าว แล้วไอ้แสบล่ะ”

“แสบ? ไปตั้งชื่อให้ลูกคนอื่นเขามั่วซั่วอีกแล้วเหรอไอ้นภ”

“เปล่า น้องบอกชื่อแสบจริงๆ เนอะ” คนโตกว่าพยักเพยิดกับเด็กหนุ่ม เด็กฝรั่งหน้าตายก็พยักหน้าสำทับ เจ้าของบ้านเลยโบกมือไม่สนใจเรื่องนี้อีก

“นี่จะกลับแล้วเหรอถึงรีบขึ้นกันมา พ่อนึกว่าจะอยู่กันยันเช้าซะอีก ไหนหมอวาบอกว่าเราชอบซ้อมดนตรีตอนดึกๆ ไง”

“ผมนึกว่าเขาจะรอกลับพร้อมกัน”

“เออ นั่นสิแสบจะกลับยังไง เพิ่งมาอยู่ได้สองสัปดาห์เองไม่ใช่เหรอ คุ้นทางหรือยังล่ะ”

อลันด์ส่ายหัวแทนคำตอบ เขาคงต้องโบกแท็กซี่กลับห้องพักแม้จะไม่รู้ว่าตรงที่ยืนอยู่ตอนนี้อยู่ส่วนไหนของกรุงเทพก็ตาม

“ความจริงตอนนี้น่าจะยังมีรถไฟฟ้าวิ่งอยู่นะ แต่เดี๋ยวพี่ไปส่งเองก็ได้ จะได้ออกไปหาอะไรกินด้วย”

พูดถึงเสือเสือก็มา พอนภพูดถึงเรื่องกินท้องที่ไม่ได้เติมอะไรนอกจากน้ำเปล่าของเด็กฝรั่งก็แผดเสียงประท้วงขึ้นมาอีกครั้ง สองพ่อลูกมองหน้ากันก่อนปล่อยก๊ากเสียงดังจนแก้มขาวขึ้นสี

“งั้นแวะพาอลันด์กินข้าวก่อนด้วยก็แล้วกัน แล้วค่อยพาเขาไปส่งให้หมอวา อ่อ อลันด์ลุงวานอะไรหน่อยสิ มานี่หน่อย”

ถึงจะไม่เข้าใจว่าพ่อของนภจะให้ให้นภพาเขาไปส่งหมอผ่าตัดนั่นทำไมทั้งที่พวกเขาไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกัน แต่เด็กฝรั่งหน้ามึนก็ไม่ได้พูดขัด เขาเดินเข้าไปหาเจ้าของบ้านก้มหน้าให้อีกคนกระซิบคุยให้ได้ยินกันแค่สองคน แม้สิ่งที่พ่อของนภไหว้วานมาจะไม่ยากแต่ไม่รู้จะทำให้ยังไงเหมือนกัน หากเด็กฝรั่งก็พยักหน้ารับไปก่อน เขารับกุญแจห้องซ้อมจากเจ้าของบ้านที่บอกให้เขามาซ้อมที่นี่ได้ตลอดเวลาด้วยความซึ้งใจ พี่นภเองก็ให้เบอร์โทรศัพท์กับเขาเพื่อที่จะได้ติดต่อกัน

“เดี๋ยวพี่เขียนที่อยู่ให้ด้วย เวลานั่งแท็กซี่มาจะได้มาถูก ความจริงจะนั่งรถไฟฟ้ามาลงหน้าปากซอยแล้วต่อมอไซค์วินก็ได้นะสะดวกกว่าเยอะ รถไม่ติดด้วย”

“ไว้ให้ชินทางกว่านี้ก่อนแล้วกันครับ”

“เออ แล้วคอนโดเราอยู่ไหนบอกพี่เขาด้วยนะ” คนพ่อสำทับ อลันด์ยกมือไหว้ลาเจ้าของบ้านก่อนเดินตามนภออกมาที่โรงจอดรถ

นภขับรถพาเด็กฝรั่งออกจากบ้านมุ่งหน้าถนนสุขุมวิท เขาถามผู้โดยสารว่าอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม คนที่ไม่มีอะไรตกท้องมาตั้งแต่เที่ยงเรียกหาของหนักลงท้องทันที

“สเต็ก!”

“โอเค มีร้านนึงอร่อยมาก รับรองนายจะติดใจ”



ร้านที่นภพาไปอร่อยสมที่เจ้าตัวบอก อลันด์ยัดริบอายเข้าไปจนจุกแทบจะต่อของหวานที่ขึ้นชื่อของร้านต่อไม่ไหว แถมมื้อนี้นภยังเลี้ยงหมดไม่ให้เขาจ่ายสักบาท ประหยัดค่าขนมที่แม่ทิ้งไว้ให้ไปได้อีกหลาย

เด็กฝรั่งเดินตบพุงออกมาจากลิฟต์ท่าทางอารมณ์ดีสุดขีด ลืมเรื่องที่ถูกหมอหน้าดุทิ้งไปหมด พรุ่งนี้เขาบอกนภไว้แล้วว่าจะเข้าไปซ้อมตอนบ่ายๆ ทั้งที่อยากไปแต่เช้าหากไม่มีภารกิจสำคัญที่เขาต้องไปจัดการก่อนล่ะก็นะ

ตาสีฟ้าซีดเหลือบมองประตูห้องฝั่งตรงข้าม 2111 เดาเอาว่าน่าจะเป็นของคุณหมอตัวโต คิ้วเข้มยกขึ้นข้างหนึ่งก่อนตัดสินใจเดินไปกดกริ่งเรียกอีกคนรัวๆ ไม่นานเขาก็ได้ยินเสียงตึงตังดังมาจากในห้อง เด็กหนุ่มนึกขำในใจก่อนเปลี่ยนสีหน้าเป็นเฉยชาเหมือนเดิมเมื่อบานประตูไม้เปิดออก

“ไอ้ตัวแสบ! นี่แกอีกแล้วเหรอ ฉันหาห้องซ้อมให้แล้วทำไมยังมาจองล้างจองผลาญกันอีก จะปล่อยให้ฉันอ่านหนังสือบ้างไม่ได้เลยใช่ไหม!”

“คุณ - ทิ้ง - ผม" อลันด์พูดย้ำทีละคำ คิ้วขมวดกันน้อยๆ บอกให้รู้ว่าไม่พอใจจริงจัง

“หืม? อายุสามขวบหรือไงถึงกลับบ้านเองไม่เป็น”

“ผมเพิ่งมาอยู่กรุงเทพได้แค่สองสัปดาห์ คุณรู้ไหมผมต้องถามทางขี้เมาแถวซอยนั้นจนเกือบถูกจี้กว่าจะกลับมาถึงที่นี่โดยปลอดภัยน่ะ”

“ก็กลับมาได้นิ” ทิวากานต์ว่าไม่รู้สึกรู้สา ปลายจมูกโด่งขยุกขยิกไปมาก่อนริมฝีปากบางจะบิดยิ้มเจ้าเล่ห์ “กลิ่นเนื้อหึ่งเลยนะ ฉันจะเชื่อแล้วกันว่าถูกจี้มา”

“จิ๊”

คุณหมอกลั้นยิ้มจนหน้าตึงเมื่อเห็นอีกคนอารมณ์เสียที่หลอกเขาไม่สำเร็จ เขารู้อยู่หรอกว่าสองพ่อลูกนั่นคงไม่ใจร้ายปล่อยเด็กพลัดถิ่นเดินออกมาจากซอยทองหล่อคนเดียว “เป็นไง พอใจไหมล่ะห้องซ้อมที่ฉันหาให้”

“ก็ดี อย่างน้อยพี่นภก็ใจดีกับฝรั่งพลัดถิ่นแบบผมมากกว่าคุณละนะ”

“ดีนี่ ในเมื่อเธอได้ที่ของเธอแล้วต่อไปนี้ต่างคนต่างอยู่อย่างสงบสุขแล้วกัน โอเคไหม”

“ได้”

“ดี ได้เวลาเด็กดีไปนอนแล้ว ราตรีสวัสดิ์”

“เฮ้ ไหงตัดรอนกันงี้ล่ะ” ฝรั่งพลัดถิ่นร้องเสียงหลงแต่หน้าตายเหมือนเดิม ดูก็รู้ว่าแกล้ง

“แล้วจะให้ฉันทำยังไง กู๊ดไนท์คิสก่อนนอนกับเด็กผู้ชายหรือไง”

“ขอบคุณ”

“หืม? เธอว่าอะไรนะฉันได้ยินไม่ชัด” ทิวากานต์ได้ยินที่เด็กฝรั่งพูดชัด แต่ขอแกล้งหน่อยเถอะ เห็นไอ้เด็กหน้าตายมันเขินจนหูแดงแล้วตลกจริงๆ

“ขอบคุณไงเล่า!”

“แค่เนี๊ยะ! ค่อยน่ารักหน่อย”

อลันด์เอียงคอเหลือบตาขึ้นฟ้า ด็อกเถื่อนนี่อารมณ์เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาจนเขาตั้งรับไม่ทันจริงๆ ทำเหมือนเขาเป็นเด็กสามขวบงั้นแหละ เขาถอนหายใจเอือมๆ เหล่ตามองอีกคนที่ยังยืนพิงประตูห้องประหนึ่งนายแบบห้องเสื้อทั้งที่สวมชุดนอนลายทางสีส้มเข้ม

“มีอะไรอีกม่ะ”

“ให้เลือกเยอรมันกับอิตาลี”

“หืม...” คิ้วหนาเลิกขึ้นข้างหนึ่งงงกับอีกคนที่จู่ๆ ก็ถามขึ้นมา ทิวากานต์เองดันบ้าจี้ตามเอามือจับคางครุ่นคิด “เลือกยากนะ แต่ไม่ว่ายังไงก็ต้องเยอรมัน!”

“เยอรมันเหรอ... งั้นพอร์เช่หรือออดี้”

“ยิ่งยากเข้าไปใหญ่... อืม...” คุณหมอหนุ่มคิดหนักกว่าเดิม คำถามนี้ยากยิ่งกว่าสอบสัมภาษณ์เข้าอบรมเป็นแพทย์ประจำบ้านอีกนะ เขาคิดอยู่เกือบนาทีก่อนตัดสินใจได้ “น้องกบ พอร์เช่!”

“แค่นี้แหละ ราตรีสวัสดิ์”

“หา? แล้วนี่ถามไปทำไมเนี่ย”

“ไม่บอก วู้ว ไปนอนแล้ว” เด็กหน้ามึนเคลงหัวไปมาก่อนเดินกลับไปห้องตัวเองที่อยู่ฝั่งตรงข้าม

“ราตรีสวัสดิ์ไอ้ตัวแสบ” คุณหมอจนปัญญาจะซักไซ้ต่อ แม้จะงงๆ ว่ามาถามยี่ห้อรถกับเขาทำไม หรือไอ้เด็กนั่นมันอยากจะซื้อรถเลยมาลองถามดูก็อาจเป็นไปได้ ทิวากานต์โบกมือให้เด็กฝรั่ง ยืนรอส่งจนอีกคนเข้าห้องไปแล้วถึงกลับเข้ามาในห้องอ่านหนังสือต่อ

.
.
.

วันนี้ทิวากานต์มีตรวจที่โรงพยาบาลเอกชนที่เขารับจ๊อบพิเศษอยู่ จะว่าไปชีวิตเขาก็ไม่ได้ลำบากขนาดที่เงินเดือนหมอโรงพยาบาลรัฐไม่พอยาไส้ ออกจะมีเหลือกินเหลือใช้ถ้าหักค่าน้ำค่าไฟค่าข้าวไปแล้ว บ้านที่อยู่ตอนนี้แม่ก็ซื้อขาดไว้ตั้งแต่ย้ายเข้ามา สมบัติเก่าเก็บก็ยังมี เงินบางส่วนก็เอาไปลงทุนไว้รองอกเงยออกดอกออกผลในอนาคตตามคำแนะนำจากนายธนาคารอย่างเมษา แต่เพราะไอ้ค่าดูแลลูกรักสองคันที่จอดอยู่นี่แหละตัวสิ้นเปลืองเลย จะขายทิ้งไปเสียคันนึงก็ไม่กล้าเพราะรักจริงจัง ได้แต่ก้มหน้าก้มตาหาตังค์มาเลี้ยงดู

วันนี้เขาเลือกสปอร์ตสองประตูคันเดิมไปทำงาน อาจได้สายตาหมั่นไส้จากคนที่โรงพยาบาลสักหน่อยแต่ WHO CARE?

รถบีเอ็มดับบริว ซีโฟร์ สีขาวเงาวับเลี้ยวออกประตูคอนโดตั้งแต่ยังไม่เจ็ดโมงเช้าดี ตาคมมองนู่นนี่ไปเรื่อยกับอากาศยามเช้าก่อนสะดุดที่ไอ้เด็กฝรั่งห้องตรงข้ามสะพายกีตาร์เดินออกมาพร้อมกันพอดี สบโอกาสยังเช้าจัดไม่มีรถตามหลังเขาจึงชะลอความเร็วเปิดกระจกตะโกนไปถาม

“ไปไหนแต่เช้าน่ะไอ้ตัวแสบ”

ไอ้ตัวแสบสะดุ้งโหยง หันหัวหาต้นตอเสียงจนเจอรถคันที่ได้นั่งเมื่อวานกับคนขับยักคิ้วกวนๆ มาให้ เท่านั้นเสียงที่ดังยิ่งกว่าก็ตะโกนกลับมา “ไปทำงาน”

“หัดหาเงินใช้เองก็ดี” ทิวากานต์ยักคิ้วให้เป็นครั้งสุดท้ายก่อนปิดกระจกรถแล้วขับตรงไปโรงพยาบาล ทิ้งฝรั่งพลัดถิ่นให้ส่ายหัวกับความบ้าของคุณหมอหน้าดุคนเดียว



หน้าที่ของว่าที่ศัลยแพทย์ทรวงอกที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้ไม่มีอะไรให้รับผิดชอบมากนักนอกจากตรวจคนไข้เล็กๆ น้อยๆ บางครั้งจะมีเคสให้เขาเข้าไปช่วยผ่าตัดเพื่อเป็นการศึกษาเพิ่มเติมและเก็บเคสอยู่บ้าง ถึงอย่างนั้นคนไข้ของนายแพทย์ทิวากานต์ก็เยอะอยู่ดี และเขาคงไม่รู้ว่าจะเยอะแค่เฉพาะวันที่เขามาตรวจเท่านั้น

แหงล่ะ...ความหล่อของหมอหนุ่มขจรกระจายไกลจนสาวน้อยสาวใหญ่ต้องหาเรื่องเจ็บป่วยมาให้คุณหมอเอาหูฟังแนบหน้าอกได้ไม่ขาด

กว่าคนไข้ช่วงเช้าจะหมดก็เกือบบ่ายแล้ว นายแพทย์ท่านหนึ่งที่ชายหนุ่มเคารพชวนไปกินข้าวร้านอร่อยหน้าโรงพยาบาล เขาจึงไม่ปฏิเสธด้วยท้องเริ่มทำการประท้วงส่งน้ำย่อยออกมากัดกระเพาะ

“เพราะชีวิตคือชีวิต เมื่อมีเข้ามาก็มีเลิกไป
มีสุขสมมีผิดหวัง หัวเราะหรือหวั่นไหว เกิดขึ้นได้ทุกวัน1


เสียงที่ได้เหมือนได้ยินช่วงสองสามวันผ่านมาดังเข้าหูจนต้องชะงักเท้ายามเดินผ่านล็อบบี้โรงพยาบาล ร่างสูงใหญ่ชะโงกจากชั้นลอยลงมองตรงบริเวณที่มักมีนักดนตรีมาทำการแสดงให้คนไข้ดู ก่อนเห็นหัวสีช็อกโกแลตนมของไอ้ตัวแสบยืนดีดกีตาร์ร้องเพลงอยู่ข้างล่างนั่น

แม่เจ้าเว้ย! ขนาดเขามาทำงานที่โรงพยาบาลมันก็ยังตามมารังควาญกันได้ไม่มีปล่อยเลยเว้ยเฮ้ย

“อยู่ที่เรียนรู้ อยู่ที่ยอมรับมัน ตามความคิดสติเราให้ทัน
อยู่กับสิ่งที่มีไม่ใช่สิ่งที่ฝัน และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด...”


เสียงตบมือจากคนไข้และผู้เข้ามาใช้บริการในโรงพยาบาลดังทันทีที่เด็กฝรั่งร้องจบ ขนาดคุณหมอข้างตัวเขาก็ยังแสดงความชื่นชอบด้วย

“หน้าฝรั่งเชียวแต่ร้องเพลงไทยชัดถ้อยชัดคำดีนะ หมอวาว่าไหม”

“ครับ” ทิวากานต์พยักหน้าเห็นด้วย และต้องยอมรับว่าเด็กแสบเก่งจริงแม้จะชอบกวนประสาทเขาก็เถอะ งานที่เจ้าตัวว่าคงเป็นการมาแสดงดนตรีให้ผู้ป่วยที่โรงพยาบาลฟังสินะ ตอนเดินผ่านหน้าเจ้าตัวแสบเลยอดยักคิ้วให้ไม่ได้ เด็กฝรั่งนั่นถึงกับดีดกีตาร์เพี้ยนไปเลย คงตกใจที่เห็นเขาโผล่โรงพยาบาลนี้

หลังกินมื้อกลางวันกับนายแพทย์รุ่นพี่เสร็จ ทิวากานต์ขอตัวแวะซื้อชาเขียวปั่นที่ร้านกาแฟชั้นล่างของโรงพยาบาลก่อน เขาสั่งเมนูประจำกับพนักงานสาวก่อนเดินไปรอที่ส่วนรับเครื่องดื่ม อดเผลอมองออกไปลานด้านนอกตรงที่อลันด์เล่นดนตรีอยู่เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนไม่ได้ ตอนนี้ลานว่างบริเวณล็อบบี้ว่างเปล่า เจ้าตัวแสบคงเสร็จงานกลับไปแล้ว

“ดับเบิ้ลช็อกโกแลตครีม ชิพ แฟรบปูชิโน่ เวนตี้ หนึ่งแก้วครับ”

“ค่า ลูกค้าจะรับขนมทานเพิ่มด้วยไหมคะ”

“ไม่ครับ”

“ทั้งหมดร้อยแปดสิบห้าบาทค่ะ”

โอเค ทิวากานต์จะลืมที่คิดว่าไอ้ตัวแสบมันกลับไปแล้วก็แล้วกัน เด็กฝรั่งตัวสูงเท่าไหล่หรือบางทีอาจเตี้ยกว่านั้นเดินมายืนรอเครื่องดื่มข้างเขา คิ้วสีน้ำตาลเข้มเลิกขึ้นข้างหนึ่งให้ดูยังไงก็จงใจกวนกันชัดๆ

“บังเอิญนะ ไม่ยักรู้ว่าด็อกทำงานที่นี่ด้วย”

“รับจ๊อบพิเศษเถอะ ว่าแต่ด็อกนี่มันอะไร”

“ด็อกเตอร์ที่แปลว่าหมอไง”

“เรียกหมอเถอะขอร้อง เรียกงี้เหมือนหมาเลย” หัวทุยส่ายไปมา เข้าใจว่าเด็กฝรั่งคงติดคำเรียกมาจากบ้านเกิด แต่นี่เมืองไทยช่วยเรียกแบบไทยได้จะเป็นพระคุณมาก

อลันด์ยักไหล่ไม่รับปากอะไร เขามองพนักงานบีบวิปครีมใส่เครื่องดื่มสองแก้วซึ่งคงเป็นของเขากับคุณหมอตัวโตนี่แน่ๆ

ไม่นานพนักงานสาวยื่นแก้วชาเขียวกับช็อกโกแลตปั่นให้ลูกค้าต่างไซส์ทั้งคู่พร้อมหลอดสีเขียวในห่อพลาสติก ทิวากานต์รับแก้วกับหลอดถือมาเคาน์เตอร์บาร์เล็กๆ ที่แยกออกมา แกะห่อหลอดออกทิ้งในถังขยะก่อนปักลงในเครื่องดื่ม มีเด็กฝรั่งหน้าขาวซีดทำตามเป็นสเต็ป

ปากหยักสีสดอ้าออกงับหลอดดูดสูดช็อกโกแลตปั่นเข้าปากได้อึกเดียวสมาร์ทโฟนในกระเป๋ากางเกงเจ้าตัวก็แผดเสียงลั่น อลันด์ใช้มือข้างว่างล้วงหยิบออกมารับสายหลังมองชื่อคนโทรมาแวบเดียว

“สวัสดีครับ เลิกแล้วครับ ใช่... จะมารับเหรอครับ ได้ครับผมจะรอที่ร้านกาแฟแล้วกัน ครับ แล้วเจอกันครับ”

นายแพทย์ทิวากานต์ไม่ได้อยากทำตัวไร้มารยาทแอบฟังคนอื่นคุยธุระกันหรอกนะ แต่เห็นไอ้ตัวแสบมันพูดจาเรียบร้อยกับปลายสายแล้วอดอยากรู้ไม่ได้จริงๆ พออลันด์วางสายเขาก็รีบดึงสายตาไปทางอื่นทันที แอบเหล่ตามองหน่อยก็เห็นว่าไอ้ตาสีซีดมันจ้องกลับมาอยู่

“แล้วมาทำงานแบบนี้ไม่ต้องไปโรงเรียนหรือไง” คุณหมอวัยเฉียดสามสิบแกล้งถามแก้เก้อ ตาฟ้าซีดเหลือบมองเสี้ยวคางสะอาดไร้ตอหนวดเคราของคุณหมอก่อนเดินไปนั่งบนเก้าอี้นวมตัวหนึ่งติดกระจก ทิวากานต์เลยถือโอกาสพาร่างใหญ่ๆ ของตัวเองไปนั่งด้วย

“ปิดเทอมอยู่”

“เธอบอกว่าเพิ่งมาอยู่กรุงเทพได้สองสัปดาห์นี่ ก่อนหน้านี้อยู่ที่ไหนมาล่ะ เชียงใหม่ พัทยา ภูเก็ต?”

“เมย์แฟร์ ลอนดอน”

“เห?”

“อะไร” อลันด์ละสายตาจากแก้วเครื่องดื่มตรงหน้ามองผู้ชายตรงหน้าด้วยความรำคาญ ไม่รู้จะตกใจอะไรหนักหนา

“คิดไงมาเรียนต่อที่นี่ ชีวิตที่นั่นไม่ดีอยู่แล้วหรือไง” ถ้าจำไม่ผิดจากประสบการณ์ไปตะลุยร้านน้ำชากับแม่ที่ลอนดอนเมื่อห้าหกปีที่แล้วย่านเมย์แฟร์ถือได้ว่าเป็นย่านไฮโซมากถึงมากที่สุด บ้านแต่ละหลังไม่กล้าตีราคาเป็นเงินไทยให้ช็อกเล่นเลย

“ดี แต่แด๊ดบอกว่าถ้าอยากเป็นนักร้องให้มาเรียน BBA ที่ไทยให้จบก่อน”

“ฉันไม่เข้าใจความคิดพ่อเธอเลย” ทิวากานต์หัวเราะในลำคอ เห็นหน้านิ่งๆ ของไอ้ตัวแสบขมวดคิ้วเข้าหากันหน่อยๆ ก็พอรู้ว่าเจ้าตัวไม่เต็มใจมาอยู่ที่นี่เหมือนกัน

“ถ้าอยู่ที่นู่นต่อเขากลัวว่าผมจะหนีออกจากบ้าน เลยชิงเตะโด่งให้มาอยู่ต่างประเทศคนเดียวดีกว่า ยังไงผมก็คงไม่กล้าทำอะไรบ้าๆ ก่อนได้เป็นนักร้องสมใจ”

“แสดงว่าเธอดื้อน่าดูเลยล่ะสิเขาถึงส่งมาดัดสันดานไกลขนาดนี้” คุณหมอยิ้มบาง “แต่ฉันว่าเรียนไว้น่ะดีแล้ว เป็นนักร้องมันไม่แน่นอนหรอก วันนี้เธออยากจะชอบที่ได้ยืนกลางแสงไฟแต่วันหนึ่งอาจจะเกลียดมันแทบบ้าแต่ไม่สามารถหนีออกมาก็ได้นะ”

ตาสีฟ้าจ้องมองคุณหมอในเสื้อสูทขาวตาขวาง “มันคือความฝันของผม ผมไม่เกลียดมันหรอก”

“ตอนนี้เธอยังเด็ก” ทิวากานต์พูดแค่นั้นก่อนเลี่ยงการทะเลาะกับอีกคนด้วยการดูดแก้วชาเขียวปั่นแก้วใหญ่ในมือให้ปากไม่ว่างซะ

พวกเขาจมอยู่กับเครื่องดื่มในมือจนเกือบเหลือแค่ก้นแก้วพลาสติก คนมาใหม่จึงโผล่หน้าเข้ามา นภในมาดแปลกตากว่าเมื่อวานด้วยแว่นกันแดดอันโตบดบังใบหน้าไปเกือบครึ่งแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นคุณหมอทิวากานต์นั่งอยู่กับน้องแสบเพราะเขาได้ยินพ่อบอกมาว่าอีกฝ่ายทำงานอยู่โรงพยาบาลรัฐชื่อดัง แต่พอคิดว่าเมื่อวานก็คนนี้ไม่ใช่หรือที่พาอีกฝ่ายมาให้เขารู้จักจึงไม่เก็บมาสงสัยมากมาย

“สวัสดีครับคุณหมอ”

“สวัสดีครับ” อย่าว่าแต่นภที่แปลกใจ คุณหมอตัวโตก็สงสัยไม่แพ้กันว่าทำไมนักร้องหนุ่มถึงโผล่มาที่นี่ได้ และเขาไม่คิดจะเก็บความคิดไว้เหมือนอีกคนจึงถามออกมาทันที “มาทำอะไรที่นี่ครับ มาหาหมอเหรอ”

“มารับน้องแสบไปห้องซ้อมครับ เห็นว่าเพิ่งย้ายมาคงไม่รู้ทาง นั่งแท็กซี่บ่อยๆ ก็เปลืองแล้วพอดีก่อนหน้านี้ผมมีงานแถวนี้เลยอาสาเสียเลย”

“อ๋อ สนิทกันไวดีนะครับ แป๊บเดียวมีชื่อเล่นเรียกกันแล้ว” คุณหมอหนุ่มคลี่ยิ้มให้ทั้งคู่ สาบานเลยว่าพูดตามที่เห็นไม่ได้ประชด แม่งชื่อแสบตั้งแต่เมื่อไหร่เขายังไม่รู้เลย ชื่อจริงก็เพิ่งจะรู้เมื่อวานตอนเจอหน้ากันได้สามครั้งเนี่ย เบอร์โทรศัพท์ก็ยังไม่มี กับอีกคนเพิ่งเจอหน้ากันเมื่อวานรู้หมดตั้งแต่ชื่อยันขนาดรองเท้าแล้วมั้ง เขานี่มันทางผ่านชั้นดีแท้ๆ

“แบบว่าเราเป็นพวกเดียวกันน่ะครับ เรื่องดนตรีเนี่ยเข้ากันได้ดีเกินคาดเลย”

“ดีจริงนะ”

“ถึงได้ขอบคุณไง” คนอ่อนสุดว่าลอยๆ ไม่ได้เจาะจงว่าพูดกับใคร ช็อกโกแลตปั่นในมือหมดแก้วพอดี หนุ่มลูกครึ่งตัวสูงเท่าไหล่คุณหมอจึงลุกจากเก้าอี้เอาไปทิ้ง พอเจ้าตัวเดินกลับมาที่โต๊ะทิวากานต์ก็ขยับตัวลุกขึ้นเตรียมกลับไปเข้าเวรช่วงบ่ายต่อ

“เดี๋ยวแสบรอพี่แป๊บนึงนะ ขอสั่งกาแฟก่อน” นภหันมาบอก รอจนอีกคนพยักหน้าให้ร่างสูงโปร่งถึงได้รีบก้าวไปยังเคาน์เตอร์สั่งเครื่องดื่ม หลายคนในร้านเหลียวมองนักร้องหนุ่มเป็นตาเดียวราวกับไม่แน่ใจว่าใช่ตัวจริงหรือไม่เพราะเห็นหน้าไม่ชัด

“ฉันไปทำงานต่อล่ะ เธอก็อย่าดื้อกับเขามากแล้วกัน”

“เฮ้อ...” เด็กฝรั่งหน้าตายทำเป็นถอนหายใจเนือยๆ แต่ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกขำมากกว่าจะฉุน

“ฉันต้องทำแบบนั้นมากกว่านะ ไปล่ะ”

“อ่าฮะ” เด็กหนุ่มยักไหล่แทนการโบกมือให้อีกคนตามมารยาทที่ดี พอทิวากานต์เปิดประตูออกไปนภก็กลับเข้ามาหาเขาพร้อมกาแฟเย็นในมือเตรียมพร้อมจะไปห้องซ้อมกันต่อ

.
.
.
หัวข้อ: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 02 [13.09.15]
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 13-09-2015 20:40:25
 ชีวิตของ Senior Resident วัยเกือบสามสิบกลับมาเป็นปกติสุขอีกครั้งได้เกือบสองสัปดาห์ตั้งแต่เขาทำตัวเป็นทางผ่านพาเด็กฝรั่งแต่พูดไทยชัดแจ๋วไปให้รู้จักกับครอบครัวนักดนตรีที่เป็นเพื่อนพ่อเขา ส่วนเจ้าเด็กฝรั่งตัวแสบก็เจอกันแค่ตอนเช้าบางวันที่เขามีเวรกับโรงพยาบาลเอกชนบางทีเลยพาติดรถไปทำงานด้วยกันเสียเลย และทุกคืนหลังกลับมาจากโรงพยาบาล คุณหมอหนุ่มว่าที่ศัลยแพทย์อนาคตไกลมีเวลาอ่านหนังสือเตรียมสอบสมใจหวังเพราะต้นตอเสียงรบกวนหนีไปหมกอยู่ห้องซ้อมใต้ดินแถวทองหล่อแล้ว

และตอนนี้เขากำลังมีความสุขที่สุดเพราะนักศึกษาแพทย์ปีสี่ชุดสุดท้ายเพิ่งจะสอบเสร็จไป หลังจากนี้เขาจะมีเวลามากขึ้นสำหรับตัวเองและวางแผนจะใช้มันอย่างคุ้มค่า เริ่มจากคืนนี้เลย...

“พรุ่งนี้คุณไม่มีงานหรือคะ”

“ต่อให้มีงานผมก็ไม่สนใจ ตอนนี้ผมสนคุณแค่คนเดียว”

“คนเป็นหมอพูดแบบนี้จะดีเหรอ”

“ไม่เอาน่า หมอก็เป็นคนธรรมดานะ” ทิวากานต์คลี่ยิ้มหวานจนหล่อนยิ้มเคลิ้ม ใครๆ ก็บอกว่าชายหนุ่มยิ้มสวย ใครมองล้วนต้องตกหลุมรัก และเขามั่นใจว่ามันจริงล้านเปอร์เซ็นต์เพราะจนตอนนี้ยังไม่มีผู้หญิงคนไหนถูกเขายิ้มใส่แล้วยังทำใจแข็งอยู่ได้เลย

คุณหมอหนุ่มที่ขอเป็นคนธรรมดาหนึ่งคืนถอดเสื้อยืดตัวในออกพ้นศีรษะก่อนโถมตัวใส่หญิงสาวพาให้สองร่างล้มลงบนเตียงกว้าง ริมฝีปากบางแต้มจูบบนใบหน้าสวยของหญิงสาวที่เขากิ๊กกันมาได้สักพัก ก่อนละเลงบทเพลงรักร้อนระอุตลอดค่ำคืนนี้

ทิวากานต์รู้สึกตัวตื่นตอนตีห้าเหมือนเช่นทุกวันแม้ว่าจะเป็นวันหยุด หญิงสาวที่เขาพามาค้างด้วยเมื่อคืนคงตื่นก่อนเขาสักพักแล้วเพราะเธอใช้ห้องน้ำเขาอยู่ ได้ยินเมื่อคืนผ่านๆ ตอนทำกิจกรรมเข้าจังหวะว่าเธอมีงานแต่เช้า ไม่นานเธอก็ออกมาจากห้องน้ำในสภาพหน้าผมเรียบร้อยสวมยูนิฟอร์มชุดใหม่จากกระเป๋าเดินทางยี่ห้อดังสีดำ

“ฉันทำให้ตื่นหรือเปล่าคะ”

“ผมตื่นเวลานี้ปกติอยู่แล้วน่ะ บินกี่โมงให้ผมไปส่งไหม”

“ไม่เป็นไรค่ะ เห็นช่วงนี้คุณหมอนอนน้อย อุตส่าห์ได้หยุดทั้งทีเก็บไว้นอนเถอะค่ะ”

ทิวากานต์ยิ้มทั้งที่หลับตา เขาเอื้อมมือไปข้างหน้าเรียกหญิงสาวให้เข้ามาก่อนโน้มคอเธอลงมาจูบ “คุณน่ารักที่สุด งั้นรอผมแป๊บนึงนะ เดี๋ยวลงไปส่งข้างล่าง”

“ค่ะ”

ว่าที่ศัลยแพทย์กระโดดลงจากเตียงเข้าห้องน้ำไปจัดการตัวเองให้พอเรียบร้อย หยิบกางเกงขาสั้นตัวใหม่จากในตู้สวมทับบ็อกเซอร์แล้วค่อยออกไปหากิ๊กสาวคนสวยข้างนอก

เขาช่วยเธอลากกระเป๋าเดินทางออกมาจากห้องจัดการปิดล็อคเรียบร้อย พอดีกับตอนที่ประตูห้อง 2112 ฝั่งตรงข้ามเปิดออก ทิวากานต์ชะงักไปเล็กน้อยก่อนยิ้มให้ไอ้ตัวแสบที่วันนี้แต่งตัวเนี้ยบผิดปกติ

“ไปไหนแต่เช้า ไม่ได้ไปโรงพยาบาลใช่ไหม”

“อ่าฮะ จะไปสนามบิน”

“จะกลับบ้านแล้วหรือไง”

“เห็นกระเป๋าเดินทางหรือเปล่าล่ะ ถามโง่ๆ”

“เอ่อะ...” หมดคำพูด... เห็นช่วงนี้มันน่ารักขึ้นมาหน่อยนึกว่าปากจะน่ารักตามไปด้วย นี่เล่นหักหน้าเขาต่อหน้ากิ๊ก หมดกันภาพลักษณ์กู แม่ลูกเรือสาวก็แอบหัวเราะเขาอีก ทิวากานต์ชี้หน้าคาดโทษไอ้เด็กแสบก่อนลากกระเป๋าไปหน้าลิฟต์ ยืนรอลิฟต์จนอลันด์มายืนต่อแถวอยู่ข้างหลัง

ทิวากานต์พยายามไม่สนใจอาการสนใจเด็กฝรั่งพูดไทยชัดแจ๋วของกิ๊กสาวทั้งที่เริ่มรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทุกที ระหว่างลิฟต์กำลังไต่ขึ้นมาจากชั้นหนึ่งหญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวก็เปิดปากก่อน

“จะไปสนามบินเหรอคะ ทางเดียวกันเลย ไปยังไงเอ่ย?”

“แท็กซี่ครับ พี่สาวไปทำงานเหรอครับ”

“จ๊ะ แล้วเราล่ะไปทำอะไร ไปรับใครหรือเปล่าแต่งตัวเรียบร้อยเชียว” เรียบร้อยที่หล่อนว่าคือเรียบร้อยจริงๆ ตั้งแต่หัวจรดเท้า วันนี้เด็กฝรั่งสวมสูทสีกรมทับเชิ้ตขาวผูกไทสีเดียวกันกับสูท กางเกงแสลครีดขึ้นกลีบ และรองเท้าหนังขัดมันวับ

“ไปรับคุณแม่ครับ”

‘เว่อร์’ คุณหมอขยับปากไร้เสียงพูดอยู่คนเดียว แค่ไปรับแม่ถึงกับต้องแต่งตัวทางการขนาดนี้ แม่แกเป็นเชื้อพระวงศ์หรือไง

“ไหนๆ ไปทางเดียวกันนั่งแท็กซี่ไปด้วยกันไหมจ๊ะ” คนตัวโตสะดุ้งโหยง หันมองกิ๊กตัวเองกับไอ้เด็กห้องตรงข้ามขวับจนได้ยินเสียงกระดูกลั่น

“รบกวนหรือเปล่าครับ”

“ไม่เลยจ๊ะ ไปด้วยกันประหยัดน้ำมันกับค่ารถดีออก”

“งั้นรอผมตรงนี้ก่อนนะ ทั้งคู่เลย”

“หืม? คุณหมอลืมอะไรหรือคะ” หล่อนมองหน้าคู่ควงตาปริบจนเห็นแพขนตาขยับทาบแก้มสีแดงเรื่อเพราะบรัชออน คุณหมอทิวากานต์ไม่ได้ลืมอะไรหรอกแต่เพราะเธอสวยขนาดนี้จะปล่อยให้ไปกับไอ้เด็กแสบนี่สองต่อสองได้ยังไงกันฝากปลาย่างไว้กับแมวชัดๆ เมื่อกี้แม่งเรียกพี่สาวด้วย โคตรไม่น่าไว้ใจ

“เดี๋ยวผมไปส่ง ขอไปหยิบกุญแจรถแป๊บเดียว ห้ามไปไหนนะ”

“อ้าว คุณหมอคะ... หมอวา...” เธอจะเรียกอีกคนไว้ก็ไม่ทันแล้ว หมอตัวโตใช้ขายาวๆ วิ่งกลับห้องไปแล้ว ทิ้งให้เด็กฝรั่งพึมพำอยู่คนเดียวว่าปัญญาอ่อน

ตาสีฟ้าซีดก้มดูนาฬิกาที่ข้อมือ เขาออกจากห้องสายไปหน่อยแถมเจอด็อกนั่นถ่วงเวลาไว้แบบนี้อีกไม่รู้จะไปทันก่อนเครื่องลงไหม

เพียงอึดใจหน้าหล่อๆ ของคุณหมอก็วิ่งกลับมาในสภาพเรียบร้อยกว่าเดิม เสื้อยืดใส่นอนเปลี่ยนเป็นเสื้อโปโลสีขาว กางเกงสามส่วนกลายเป็นแสลคสีดำ และรองเท้าแตะเมื่อกี้ก็แปลงเป็นผ้าใบของโอนิสึกะไทเกอร์ แถมยังฉีดน้ำหอมฟุ้งอีก ลิฟต์ที่มาถึงนานแล้วถูกเปิดออกอีกครั้งให้สามชีวิตได้เข้าไปด้านใน

“แล้วจะนั่งกันไปยังไง รถคุณแค่สองที่นั่งไม่ใช่เหรอ” เด็กฝรั่งตัวสูงเท่าไหล่คุณหมอถามเสียงนิ่ง ไม่ได้ตั้งใจกวนอีกฝ่ายจริงๆ นะ

“พอดีว่าฉันไม่ได้มีรถแค่คันเดียวอ่านะ”

ทิวากานต์หัวเราะเบาๆ เดินนำอีกสองคนออกจากลิฟต์ตรงมายังที่จอดรถประจำของตนเอง ข้างๆ บีเอ็มดับบริว ซีโฟร์สีขาวมีรถจากค่ายเดียวกันสีเดียวกันแต่เป็นรุ่นใหญ่จอดเคียงอยู่ ด้านบนแปะป้ายบอกหมายเลขห้องของเจ้าของที่จอดรถไว้ชัดเจน ‘2111’

เขามองหน้าเจ้าของตาสีฟ้าซีดที่อยากจะงับหัวเขาเต็มที่ด้วยความขบขันหลังจากช่วยยกกระเป๋าของกิ๊กสาวไปไว้หลังรถเรียบร้อย “ทีนี้นั่งได้ยัง”

ไม่มีคำตอบจากอลันด์นอกจากการที่เจ้าตัวเดินไปเปิดประตูเบาะหลังรอ แค่นั้นก็ทำให้ทิวากานต์หัวเราะชอบใจได้แล้ว



เห็นว่าเครื่องบินที่แม่ไอ้เด็กฝรั่งจะมาถึงตอนหกโมงกับห้านาทีกับอาการก้มหน้าดูนาฬิกาบ่อยๆ ของอลันด์ คุณหมอผู้รักความเร็วเป็นจิตใจเลยจัดการเหยียบคันเร่งเสียมิดเพื่อให้เจ้าตัวไปรับแม่ทัน อีกอย่างวันอาทิตย์ตอนเช้าตรู่ยังไม่หกโมงเช้าดีแบบนี้ถนนโล่งจะตาย เหยียบหนักหน่อยแค่สิบห้านาทีก็ถึงแล้ว

ตลอดทางทิวากานต์ได้ยินแต่เสียงพูดคุยสลับหัวเราะของกิ๊กสาวกับเพื่อนร่วมคอนโด รู้สึกไอ้เด็กหน้าตายนี่จะเข้ากับคนอื่นได้ดีเหลือเกินยกเว้นเขา ไม่ทันไรก็สนิทกันหมด ทิ้งเขาเป็นหมาหัวเน่าให้ขับรถเงียบๆ คนเดียว คิดแล้วมันน่าน้อยใจนัก

“เดี๋ยวคุณหมอส่งนุ่นที่ประตูหนึ่งนะคะ” กว่าหล่อนจะหันมาพูดกับเขาอีกทีก็ตอนที่ซีรีส์ห้าสีขาวปลอดเกือบจะถึงอาคารผู้โดยสารอยู่แล้ว

ชายหนุ่มจอดเลยประตูหนึ่งเล็กน้อยเพราะมีรถคันอื่นจอดขวางทางเข้าอยู่ พอรถนิ่งสนิทก็ลงมาช่วยยกกระเป๋าให้หญิงสาวพร้อมๆ กับอลันด์เปิดประตูเบาะหลังลงมา

“ขอบคุณที่มาส่งนะคะ นุ่นไปทำงานก่อนล่ะ”

“โชคดีครับ” ไม่ลืมยิ้มหวานให้หญิงสาวเป็นการส่งท้าย เขาโบกมือลาหล่อนจนเธอเดินข้ามสะพานเชื่อมถนนกับอาคารเข้าไปด้านใน ก่อนแขนยาวจะเอื้อมไปถึงคอเสื้อสูทไอ้เด็กฝรั่งไว้ก่อน “แล้วนี่จะรีบไปไหน”

“ไปหามัม”

“ชั้นสองนู่น ขึ้นรถมา อีกตั้งสิบนาทีกว่าจะแลนด์”

“แยกกันตรงนี้ก็ได้”

“ขึ้น - รถ - มา” หมอหนุ่มเน้นทีละคำจนอีกคนได้แต่ทำหน้าง้ำเดินตามมาขึ้นรถด้วยแต่โดยดี ไม่วายได้ยินคนเด็กกว่าบ่นจับใจความได้ว่า ‘จู้จี้ชะมัด ไม่ได้ขอให้มาส่งสักหน่อย’ เป็นของแถม

เกือบหกโมงห้านาทีชายหนุ่มต่างไซส์ถึงเข้ามาในอาคารผู้โดยสารขาเข้า ทิวากานต์หาวเล็กน้อยด้วยพักผ่อนไม่พอ คำนวณเวลากว่าจะผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง กว่าจะเดินออกมาคงกินเวลาหลายนาทีอยู่ ชายหนุ่มเลยกะจะไปร้านกาแฟหาคาเฟอีนเข้าเส้นเลือดเสียหน่อย

“ฉันจะไปร้านกาแฟ เอาอะไรหน่อยไหม”

ตาสีฟ้าซีดจนเกือบฟ้าเหลือบมองเล็กน้อยก่อนล้วงกระเป๋าสตางค์ออกมา “ฮ็อต ซิกเนเจอร์ ช็อกโกแลต”

“ไม่ต้อง เดี๋ยวเลี้ยง” มือหนาดันแบงค์ร้อยสองใบในมือเรียวกลับไปแล้วหันหลังให้อีกคนทันที

เขาขึ้นบันไดเลื่อนมาชั้นสามที่จำได้ว่ามีร้านกาแฟเจ้าประจำอยู่ แม้จะเช้าสางแต่ผู้โดยสารก็เริ่มหนาตา แม้แต่ในร้านกาแฟก็มีคนนั่งเต็มทุกโต๊ะ เขายืนรอสั่งเครื่องดื่มอยู่พักใหญ่ กว่าจะได้ของครบคงพอดีกับที่แม่เด็กนั่นออกมาพอดี

แต่จะว่าไป... ทำไมเขาไม่แยกจากมันตั้งแต่ส่งกิ๊กเสร็จวะ คิดแล้วได้แต่งงตัวเอง หาเหตุผลมารองรับการกระทำแปลกๆ ของตัวเองก็ได้ประมาณว่าเพื่อนบ้านกันควรรู้จักกันให้มากกว่านี้ ตอนได้เจอหน้าแม่เด็กนั่นจะได้พูดให้ช่วยอบรมลูกชายบ้าง แล้วก็จะได้กลับคอนโดพร้อมกันไม่เสียค่าน้ำมันฟรีๆ เท่านี้ก็เพียงพอสำหรับนายแพทย์ทิวากานต์แล้วล่ะ



ด็อกเถื่อนของอลันด์หายตัวไปซื้อกาแฟนานจนเด็กหนุ่มคิดว่าอีกฝ่ายคงหนีกลับบ้านไปแล้ว เด็กหนุ่มถอนหายใจ เมื่อครู่แม่เขาเพิ่งโทรมาบอกว่าผ่านด่านตม. มาแล้ว อีกไม่เกินสองนาทีน่าจะมาถึง ไม่ทันไรเงยหน้าจากนาฬิกาขึ้นมาอีกทีรถกอล์ฟที่ใช้รับส่งผู้โดยสารก็แล่นมาจอดตรงใกล้ทางออกผู้โดยสารขาเข้า มาดามโอเนลล์ที่ลูกชายชอบล้อลงจากรถเข้ามากอดเขาแน่นแถมจูบแก้มซ้ายขวารวมถึงปากให้สมกับที่ไม่ได้เจอกันตั้งสองสัปดาห์!

“เป็นไงบ้างจ๊ะ อยู่คนเดียวจริงๆ สนุกไหมล่ะ”

“ที่สุด” ปากหยักคลี่ยิ้มกว้างก่อนหุบลงอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นคนคุ้นหน้าสองคนเดินตามหลังแม่เขามา

“แล้วก็นี่...เซอร์ไพรส์จ้า ทอมกับเจมส์บอกว่าอยากมาเยี่ยมลูกด้วย ดีใจไหมจ๊ะ”

“สุดๆ” อลันด์กรอกตาขึ้นฟ้า ถ้าโธมัสมาคนเดียวเขาจะไม่ว่าอะไรเลย ที่ไม่เข้าใจน่ะคือเจมส์ตั้งใจจะทำอะไรถึงยอมลงทุนจากบ้านเกิดเมืองรักมาหาเขาถึงนี่ทั้งที่ตอนอยู่โรงเรียนเกลียดขี้หน้ากันจะตาย

“ไหงทำหน้างั้นล่ะ ไม่ดีใจที่เห็นฉันเหรอ” โธมัสยิ้มตาหยี เขาสูงหกฟุตกับอีกห้านิ้ว ตาสีฟ้าเทอร์ควอยซ์และมีผมยาวประบ่าสีบลอนด์สว่างเหมือนพระอาทิตย์ รูปร่างบึกบึนสมชายด้วยเป็นกัปตันชมรมรักบี้ของโรงเรียน ดูเผินๆ แล้วเหมือนเคิร์ท โคเบนเวอร์ชั่นนักกีฬาสุภาพชนจากเกาะอังกฤษ

“ดีใจมากมั้ง” หัวทุยเคลงไปมาก่อนอ้าแขนออกกว้างกอดเพื่อนรักเพียงหนึ่งเดียวในชีวิต เด็กหน้าตายของคุณหมอทิวากานต์ฉีกยิ้มกว้างกว่าครั้งไหนยามเอียงใบหน้าให้ริมฝีปากอิ่มแตะจูบบนแก้มใสเฉียดริมฝีปากและผลัดทำเช่นนั้นคืนให้อีกฝ่ายบ้าง ก่อนใบหน้าน่ารักจะเปลี่ยนเป็นหน้ามุ่ยอีกครั้งเมื่อต้องเผชิญกับอริจำเป็น

“มีความสุขดีนี่คุณชายตกยาก” แค่คำทักทายก็ทำเอา ‘คุณชายตกยาก’ อยากจะเอาหมัดตั๊นหน้าหล่อๆ นั่นสักที ตาฟ้าซีดเงยขึ้นมองหน้าอริสุดที่รักตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วยิ้มตาหยี

“การที่ไม่ได้เห็นหน้าแกทุกวันมันทำให้สุขภาพจิตฉันดีขึ้นอย่างบอกไม่ถูกเลยเจมส์”

“ปากเก่งไปเถอะ” เจมส์กดคอตัวเองลงเพื่อจ้องตากับคุณชายตกยากตัวสูงแค่คางเขา แต่ปากกล้าจิกกัดเขาได้ทุกคำ

“หนุ่มๆ อย่าเพิ่งตีกันจ้ะ เรามีเวลาอยู่ที่กรุงเทพอีกตั้งสองสัปดาห์ให้เบื่อหน้ากันไปเลย” มาดามโอเนลล์รีบเข้ามาห้ามทัพก่อนลูกชายกับเพื่อนสนิทจะตีกันให้ขายหน้าชาวบ้านเขา โธมัสยิ้มตาหยีไม่แปลกใจเท่าไหร่ ตอนอยู่โรงเรียนสองคนนี้ตีกันประจำเป็นที่ชินตา

“สองสัปดาห์?”

“ใช่ ฉันจะอยู่ที่นี่จนกว่าจะเปิดเทอม” เจมส์ตอบย้ำสิ่งที่คนตัวเล็กกว่าคิด ตาสีเขียวมรกตจ้องมองใบหน้าหยิ่งยโสของอลันด์เขม็ง คิดว่าหนีเขาได้แล้วจะหนีพ้นงั้นเหรอ เขาจะมาย้ำให้รู้ว่าต่อให้ไอ้คุณชายตกยากมันดิ้นรนหนีไปขั้วโลกเหนือเขาก็จะตามไปหาให้เจอจนได้

“เอ่อ ขอโทษครับมาดาม มิสเตอร์ ไม่ทราบว่าจะให้ขนสัมภาระไปไว้ที่ไหนครับ” สุดท้ายระฆังห้ามทัพจริงๆ กลับกลายเป็นพนักงานของสายการบินที่มาดูแลผู้โดยสารชั้นหนึ่ง เขาผายมือไปทางรถไฟฟ้าคันเล็กที่มีสัมภาระวางเต็ม และถ้าอลันด์ตาไม่ฝาดคิดมากไปเอง เขารู้สึกว่าเขาเห็นมิสเตอร์สมิธพ่อบ้านประจำตัวของเจมส์ยืนอยู่ข้างรถกอล์ฟด้วย+

“นั่นสินะ สองหนุ่มพักที่ไหนจ๊ะ น้าไม่ทันได้ถามด้วยมัวแต่ตื่นเต้นที่เจอเราสองคนบนเครื่อง”

“พวกเราจองโรงแรมไว้แล้วครับคุณน้าไม่ต้องเป็นห่วง เอ็ดเวิร์ดเดี๋ยวให้เขาขนกระเป๋าไปไว้ลีมูซีนที่ติดต่อไว้ด้วยนะ” ท้ายประโยคเจมส์หันไปสั่งพ่อบ้านประจำตัวเป็นการตอบคำถามที่อลันด์สงสัยเมื่อครู่ได้อย่างหมดจด กะอีแค่มาเที่ยวสองสัปดาห์มันยังหอบพ่อบ้านมารับใช้ด้วย ไม่รู้จะคุณชายไปถึงไหน

“แล้วคุณน้ากับอัลจะไปยังไงครับ ให้เอ็ดเวิร์ดติดต่อลีมูซีนให้ด้วยไหมครับ”

“ไม่เป็นไรทอมเดี๋ยวฉันจัดการเอง” เด็กหนุ่มส่ายหัวเป็นการสำทับแม้ไม่แน่ใจว่าทิวากานต์ยังอยู่ที่สนามบินหรือไม่แต่เขาควรให้เพื่อนรักรีบกลับไปพักผ่อน การเดินทางข้ามทวีปนั้นต่อให้นั่งที่โดยสารชั้นหนึ่งก็กินพลังงานมากอยู่ดี กะอีแค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ซ้ำยังเกี่ยวกับแม่ตนเองนั้นเขาจัดการได้

“โอเค งั้นผมแยกตัวก่อนนะครับ แล้วเจอกันครับคุณน้า” โธมัสค้อมหัวให้มาดามโอเนลล์เล็กน้อยเหมือนกับเจมส์แล้วหันกลับมาหาซี้ปึ้กตัวเปี๊ยกอีกครั้ง “ฉันเช็คอินเสร็จจะโทรหานะ ดูแลตัวเองด้วยล่ะ”

“อืม” อลันด์กอดโธมัสอีกครั้งก่อนปล่อยให้เพื่อนร่วมโรงเรียนเดินทางเข้าที่พักเสียที

“แล้วเราจะไปยังไงกันจ๊ะสุดหล่อ” ลับหลังสองหนุ่มชาวอังกฤษ มาดามโอเนลล์จึงหันมาถามลูกชายเพียงคนเดียวของตน นี่อลันด์คงอยู่ดีกินดีแก้มตอบๆ ตอนมาเมืองไทยวันแรกตอนนี้กลับเริ่มอวบอูบออกมาให้ได้หยิกเล่น

“คือว่าตอนผมมา...”

“ขอโทษที่มาช้าครับ พอดีที่ร้านกาแฟคนเยอะมากเลย” เด็กฝรั่งไม่ทันพูดจบคุณหมอที่หายหัวจนนึกว่าหนีกลับบ้านไปแล้วถึงโผล่หน้าหล่อๆ มา มือใหญ่ข้างหนึ่งถือแก้วกาแฟกับถุงกระดาษจากร้านไว้ ทิวากานต์ยิ้มหวานเจี๊ยบแบบที่ชอบใช้กับคนไข้สูงวัย ไม่ทันไรหญิงวัยกลางคนตรงหน้าก็เคลิ้มหน้าแดง “นี่คุณแม่ของอลันด์ใช่ไหมครับ ผมทิวากานต์ เรียกวาก็ได้ครับ อยู่ห้องตรงข้ามกับอลันด์”

“สวัสดีจ้ะ นี่พาน้องมาส่งเหรอจ๊ะ”

“ครับ เห็นอลันด์บอกว่าจะมารับคุณแม่ผมเลยอาสามา ไม่อยากให้เขาเดินทางคนเดียวตอนเช้าๆ”

‘ตอแหล’ พอสบโอกาสเด็กฝรั่งตาน้ำข้าวก็ขยับเป็นคำพูดไร้เสียงส่งให้คุณหมอหน้าดุไปหนึ่งดอก มีอย่างที่ไหนคนที่เคยพาเขาไปปล่อยบ้านคนแปลกหน้าแล้วให้กลับบ้านตอนดึกๆ คนเดียวมาพูดว่าเป็นห่วง ห่วงเขาจะจีบผู้หญิงของตัวมากกว่าเลยต้องมาเป็นไม้กันหมาน่ะสิ

“ดูเหมือนว่าแม่คงไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงกับการปล่อยให้ลูกชายวัยสิบแปดหมาดๆ อยู่ต่างบ้านต่างเมืองคนเดียวแล้วสินะ มีเพื่อนบ้านดีแบบนี้” มาดามโอเนลล์ที่ไม่ได้รู้ตื้นลึกหนาบางอะไรกับเขาถึงกับปลื้มจนน้ำตาคลอ เพื่อนบ้านลูกชายหล่อมากจนเธอคิดว่าถ้าเธออายุน้อยกว่านี้อีกสักสิบห้าปีคงได้นอกใจสามีแน่ๆ

ทิวากานต์ยิ้มหวานแทนคำพูดอีกครั้ง เขายื่นถุงจากร้านกาแฟให้เด็กหนุ่ม “ช็อกโกแลตของเธอ แล้วก็มีกาแฟของคุณแม่ด้วยนะครับ ผมไม่รู้คุณแม่ชอบอะไรเลยเลือกเป็นลาเต้มาให้”

“อุ๊ย ขอบใจมากจ้ะ ความจริงไม่น่าลำบากเลย”

“แค่นี้เองครับ แล้วนี่กระเป๋าอยู่ไหนครับเดี๋ยวผมช่วยขน”

“อยู่นั่นจ้ะ เดี๋ยวให้เขาไปส่งที่รถให้ก็ได้ จอดไว้ชั้นไหนเอ่ย” มาดามโอเนลล์ชี้ไปยังรถไฟฟ้าอีกคันที่แบกสัมภาระของตน “คุณคะ เดี๋ยวช่วยขนกระเป๋าไปไว้ที่รถน้องเขาด้วยนะจ๊ะ”

“ได้ครับ ไม่ทราบว่าจอดรถไว้ที่ไหนครับ แต่จะสะดวกกว่าถ้าขับรถมารอที่หน้าประตูนะครับ”

“ชะ ชั้นสี่ครับ แต่ว่าเดี๋ยวขับมารอหน้าประตูก็ได้ครับ” ตอนนี้ทิวากานต์ถึงเพิ่งรู้ตัวพอยืนกับสองแม่ลูกคู่นี้แล้วเขาเหมือนคนขับรถชัดๆ คนลูกสูทเต็มยศ คนแม่ก็เดรสผ้าไหมทั้งตัวไหนจะผ้าพันคอแอร์เมสกับเบอร์กิ้นใบเบ้อเร้อนั่นอีก แค่คิดว่ามีเงินซื้อห้องกลางใจเมืองราคาสิบกว่าล้านให้ลูกอยู่คนเดียวเขาไม่ควรแปลกใจสินะ

เห็นปากชวนตี หน้ามึน ท่าทางกวนประสาทแบบนี้ แต่ดูท่าไอ้ตัวแสบของเขามันคุณชายอิมพอร์ทจากเมืองผู้ดีชัดๆ



TBC

------------------

1 Live and Learn - กมลา สุโกศล
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 01 [12.09.15]
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 13-09-2015 22:08:49
 o13
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 02 [13.09.15]
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 15-09-2015 05:06:17
เรื่องน่ารักจัง
 ท่าทางคู่แข่งจะเยอะนะหมอ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 02 [13.09.15]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 15-09-2015 23:19:41
 o13
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 02 [13.09.15]
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 16-09-2015 09:56:50
 :mew1:
หัวข้อ: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 03 [16.09.15]
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 16-09-2015 15:44:59
TRACK 03



ตั้งแต่เกิดมาทิวากานต์คิดว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาคิดผิดอย่างที่สุด เขาควรปล่อยไอ้เด็กหน้ามึนไว้ที่สนามบินตั้งแต่ส่งนุ่นเสร็จแล้วรีบกลับห้องมานอนต่อ แต่เพราะไอ้ความเสือกไม่เข้าท่าทำให้เขาต้องตกอยู่ในสภาพชายหนุ่มถูกแม่ของแฟนสาว(?)สัมภาษณ์ละเอียดยิบ

“เป็นคุณหมอหรือคะ ยังดูเด็กอยู่เลยหน้าตาก็ดีดี๊ น้านึกว่าเป็นดารานักร้องเสียอีก”

“แหะๆ” เขาหัวเราะแห้งเป็นรอบที่สิบแปด อยากจะเหยียบคันเร่งให้ถึงคอนโดไวๆ แต่ไอ้ถนนที่โล่งเมื่อขามากลับติดแหง็กเอาตอนขากลับเสียได้ เขาเลยถูกคุณหญิงแม่ของไอ้ตัวแสบชวนคุยมาตลอดทาง พอหันไปมองหน้าอลันด์ เด็กนั่นก็แอบหัวเราะเยาะใส่เขาไม่ช่วยห้ามกันสักนิด ทั้งแม่ทั้งลูกให้มันได้อย่างนี้สิ!

“แล้วนี่อยู่กับใครหรือจ๊ะ แต่งงานหรือยัง”

“อยู่คนเดียวครับ เหงาๆ ยังไม่มีแฟนเลยครับ”

ตาฟ้าซีดๆ ของไอ้เด็กฝรั่งหันมองเขาขวับขยับปากด่าเขาว่าตอแหลอีกรอบ แต่ขอโทษนะไอ้หนูคุณหมอคนหล่อยังไร้แฟนจริงๆ ส่วนที่เห็นนั่นแค่กิ๊ก แบบว่าคนมันหล่อเสน่ห์แรงก็งี้

“จริงหรอจ๊ะเนี่ย หล่อขนาดนี้ไม่มีสาวรู้ใจบ้างหรือไง แต่น้าก็พอเขาใจนะว่าคนสมัยนี้หวงความโสดกันจะตาย”

“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ ความจริงแล้วผมขี้เหงาม้ากมากก็มีคุยเรื่อยๆ ล่ะครับแต่ยังไม่เจอที่ถูกใจ อีกอย่างผมทำงานแบบนี้เวลาว่างไม่ค่อยมีให้ใครเขา คบได้ไม่นานก็เลิก ค่อยให้ชีวิตอยู่ตัวกว่านี้คงเริ่มหาจริงจังดีกว่าครับ”

“ยังไงช่วงนี้ยังว่างอยู่น้าฝากดูอัลด้วยนะจ๊ะ ให้มาอยู่ต่างบ้านต่างเมืองคนเดียวแบบนี้น้าเป็นห่วงเหลือเกินกลัวจะอยู่ไม่ได้ จะห้ามแด๊ดเขาก็ไม่ไหว น้าจะมาอยู่ด้วยก็ติดงานคงบินมาดูได้แค่เดือนละครั้งก็เต็มที่ แต่พอรู้ว่ามีเพื่อนบ้านเป็นหมอท่าทางไว้ใจได้แบบนี้ค่อยวางใจหน่อย”

“ฮ่าๆ ได้เลยครับ” รับปากส่งๆ ไปงั้นแหละ แค่เห็นหน้ามันก็ประสาทเสียแล้ว ไอ้คนถูกฝากก็ไม่ห้ามไม่ค้านอะไรเลย เอาแต่หัวเราะเงียบๆ คงชอบใจสินะที่เห็นเขาถูกไล่ต้อนแบบนี้ คอยดูเถอะแม่แกกลับเมื่อไหร่ฉันจะเอาคืน!



ตั้งแต่มาอยู่กรุงเทพได้เกือบเดือน วันนี้อลันด์รู้สึกว่ามีความสุขที่สุด ยิ่งตอนเห็นหน้าด็อกเถื่อนห้องตรงข้ามยิ้มประจบแม่เขาตอบคำถามเอาใจทั้งที่ตาจ้องจะเข้ามาบีบคอเขายิ่งสะใจ เสียดายตอนมื้อเช้าด็อกหนีกลับห้องไปเสียก่อน ไม่งั้นคงมีเรื่องสนุกกว่านี้ ก่อนแยกกันไม่วายขู่เขาลับหลังแม่อีกนะ คนตลบตะแลงแบบนี้ไม่รู้มาเป็นหมอได้ไง นิสัยไม่ได้จริงจัง

หลังจบมื้อเช้าและถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกับแม่เสร็จ เด็กลูกครึ่งตาฟ้าก็ขอตัวเข้าห้อง ถอดเปลี่ยนชุดสูททางการออกผลัดเป็นเสื้อแขนสั้นมีฮู้ดกับกางเกงยีนส์ขายาวแทน มือเล็กคว้ากีตาร์คู่ใจกระโจนลงเตียงนอนดีดเพลงไปเรื่อยเปื่อย ช่วงนี้คงไม่ได้ไปห้องซ้อมบ้านพี่นภบ่อยๆ จนกว่าแม่จะกลับ เขาโทรบอกอีกคนตั้งแต่เมื่อวานแล้วอีกฝ่ายไม่ได้ว่าอะไรแถมยังอยากมาเจอคุณแม่เขาอีกต่างหาก เป็นคนดีของแท้แตกต่างจากผู้ชายห้องตรงข้ามเสียจริง

ดีดกีตาร์จบไปหลายเพลงโทรศัพท์บนหัวเตียงก็แผดเสียงจ้า เขามองชื่อคนโทรหาก่อนคลี่ยิ้มกว้าง “ไงทอม”

‘ฉันเช็คอินเรียบร้อยแล้วล่ะ ห้องที่นี่สวยมากจริงๆ อยู่ติดแม่น้ำเลย สนใจมาเที่ยวไหม’

“ไม่ล่ะ ตอนนี้ร้อนชะมัด ขอฉันนอนอยู่บ้านเฉยๆ ดีกว่า”

‘เพื่อนอุตส่าห์บินข้ามทวีปมาหานายจะตัดรอนกันง่ายๆ แบบนี้เหรอ’

“มันจะดีกว่านี้ถ้านายมาคนเดียว”

ปลายสายหัวเราะเสียงแผ่ว คงพอเดาได้ว่าอลันด์ทำสีหน้ายังไงเมื่อพูดถึงแขกไม่ได้รับเชิญ ‘เจมส์คงคิดถึงคู่แข่งน่ะ จู่ๆ หนีมาแบบนี้คงหัวเสียน่าดู’

“ช่างหัวมันสิ”

‘ฮ่าๆ โอเค งั้นเอางี้ดีกว่าเดี๋ยวฉันไปหานายที่บ้านเอง ส่งแผนที่มาให้หน่อยสิ’

“ได้ แต่มาคนเดียวไม่ต้องเอาตัวแถมมาล่ะ” เพราะได้ยินแต่เสียงอลันด์จึงไม่รู้ว่าเพื่อนซี้ยิ้มตาหยีอยู่ที่โรงแรม เขาก็อยากตามใจอลันด์อยู่หรอก แต่เหมือนว่าเจมส์จ้องจะกัดเพื่อนตัวเล็กไม่ปล่อยเหมือนกัน

เพราะฉะนั้นตอนที่เจ้าของผมสีช็อกโกแลตนมลงมารับเพื่อนที่ล็อบบี้คอนโดจึงได้เห็นหนุ่มบริติชเจ้าของส่วนสูงหกฟุตสองนิ้วยืนวางมาดอยู่ข้างโธมัสที่ได้แต่ยิ้มขอโทษขอโพย

“ว้าว แขกไม่ได้รับเชิญ กลับไปที่ที่มาเลยเจมส์”

“บางทีแม่นายคงไม่ได้บอกว่าเชิญฉันมา” เจมส์ยิ้มเย็น เขาผายมือเป็นเชิงให้เจ้าของสถานที่นำไปก่อน เด็กลูกครึ่งตัวเล็กจำต้องย่ำเท้าไม่สบอารมณ์นำไป ทันทีที่ถึงห้องพักอลันด์จึงรีบดึงแขกเพื่อนซี้เข้าห้องนอนตัวเอง ทิ้งแขกของแม่ให้อยู่คุยกับเจ้าของบ้านตัวจริงอยู่ข้างนอกนั่นแหละ

“ที่นี่โอเคเลยนะ เสียแต่ว่าไม่มีสีเขียวเลย”

“ตึกสูงก็แบบนี้ ทำไงได้” อลันด์ยักไหล่ คว้ากีตาร์ตัวเดิมขึ้นเตียง “ถือว่าเปลี่ยนบรรยากาศแล้วกัน”

“ถ้านายแฮปปี้ฉันก็โอเค ทำให้ได้แล้วกันที่ฝันไว้น่ะ”

วันนี้คงเป็นอีกวันที่แสนพิเศษของอลันด์ เขาแทบนับไม่ได้ว่ายิ้มไปกี่หน กำปั้นหลวมๆ ถูกชูขึ้นกลางอากาศรอให้เพื่อนซี้ทำเหมือนกัน

“สัญญาแล้วนะ”

“แน่นอน”

.
.
.

ชีวิตสงบสุขของว่าที่หมอศัลย์สุดหล่อต้องสั่นคลอนอีกครั้งเพราะเสียงกดออดประหนึ่งเคาะชามข้าวหมาเรียกไอ้สี่ขามากินยังไงยังงั้น มือหนาหยิบที่คั่นหนังสือแปะหน้าที่ค้างไว้ก่อนปิดฉับแล้วเดินตึงตังออกไปหาไอ้ตัวแสบ

“มีอะไร?” กระชากถามเสียงห้วนก่อนรีบปรับหน้ายักษ์ไม่ทันเมื่อเห็นว่านอกจากไอ้เด็กลูกครึ่งตัวสูงเท่าไหล่เขาแล้วยังมีฝรั่งตัวสูงชะลูดอีกคนยืนอยู่ด้วยกัน ทิวากานต์กลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอขณะพยายามฉีกยิ้มให้คนแปลกหน้า

“ฉันบอกแล้วว่าหมอนี่โคตรสร้างภาพยิ่งกว่าเจมส์อีก”

“โอ - ไอ - ซี” หนุ่มต่างชาติผมสีอ่อนตาน้ำเงินเข้มฉีกยิ้มกว้าง ยื่นมือมาตรงหน้าคุณหมอคนหล่อ “ซาหวัดดีก๊าบ ผมชื่อโธมัสคับ เปนเพื่อนของอัล ยินดีที่ด้ายลู่จาก”

“ทิวากานต์ครับ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน” เขาเลือกตอบกลับเป็นภาษาบ้านเกิดอีกฝ่ายแทนจะพูดภาษาไทย เพราะฟังจากที่อีกคนพูดเมื่อกี้แล้วคงท่องจำมาแหงๆ

“แม่ให้มาชวนไปทานมื้อเย็น”

“ตอนนี้?” คุณหมอหันกลับไปดูนาฬิกาในห้องก่อนกลับมาจ้องตาสีซีดของไอ้ตัวแสบ “บ่ายสามเนี่ยนะ”

“เปล่า แต่ให้มาเตรียมตัวไว้ก่อน รบกวนช่วยแต่งตัวให้เรียบร้อยด้วย”

ตาคมก้มมองตัวเองตั้งแต่เสื้อจรดเท้า ชุดที่เขาใส่อยู่ค่อนข้างเรียบร้อยกว่าเสื้อผ่าหน้าติดกระดุมมีฮู้ดแขนสั้นสีเทาคาดส้มของอีกคนพอสมควรเหอะ แล้วยังมีหน้ามาบอกให้เขาแต่งตัวเรียบร้อยกะอีแค่ไปกินข้าวเย็นเนี่ยนะ

เหมือนโธมัสจะเข้าใจสิ่งที่คุณหมอคิดอยู่ หนุ่มรักบี้เลยช่วยขยายความให้ “ดินเนอร์กันที่ห้องอาหารฝรั่งเศสของโรงแรม xxx น่ะครับ จองโต๊ะไว้ตอนทุ่มนึง”

“อ๋อ...”

“อย่าแต่งตัวเป็นคนขับรถมาอีกล่ะ”

โอเค ทิวากานต์เชื่อแล้วว่าไอ้เด็กนี่มันจงใจกวนตีนเขา ทั้งๆ ที่เพื่อนมันยืนหัวโด่ให้เขาเก็บอาการรักษามารยาทอยู่ต่อหน้ามันก็เสือกจงใจพูดเป็นภาษาบ้านเกิดหักหน้าให้เขาได้อับอาย หนอย...ไอ้เด็กเปรต รู้จักไอ้วาน้อยไปแล้ว

“หึ คอยดูแล้วกัน ไปได้แล้ว ฉันจะอ่านหนังสือต่อ แล้วเจอกันตอนเย็น”

“หกโมงเย็นเจอกันที่ล็อบบี้ข้างล่าง อย่าเลทล่ะ”

“เออน่ะ สั่งอย่างกับฉันเป็นเด็ก” พูดจบปุ๊บนิ้วเรียวสวยของคุณหมอที่จับแต่หนังสือกับมีดผ่าตัดก็จัดการดีดหน้าผากรกๆ ไปด้วยผมหน้าม้าของเด็กแสบทันที ขอทีเถอะหมั่นไส้มันมานานล่ะ แล้วไม่รอให้อีกคนโวยวายเขารีบชิ่งปิดประตูใส่หน้ามันก่อนเลย ได้ยินเสียงเพื่อนมันหัวเราะด้วย สะใจชะมัด!



หกโมงเป๊ะทิวากานต์ก็มายืนรอสองแม่ลูกที่ล็อบบี้คอนโดแล้ว เอาตามตรงเขาก็ไม่มั่นใจเหมือนกันว่าไอ้แต่งตัวเรียบร้อยของเด็กฝรั่งนั่นหมายถึงเรียบร้อยระดับไหน แต่จากประสบการณ์ที่เคยต้องติดสอยห้อยตามนายแพทย์รุ่นพี่คนสนิทไปกินเลี้ยงด้วยกันบ่อยๆ ทำให้เขาเลือกสูทสองกระดุมสีกรมท่าเข้ารูปแบบใช้ได้ทุกงานกับกางเกงผ้าไหมสีเดียวกัน ผูกไทสีฟ้าอ่อนตัดเชิ้ตขาวข้างใน สวมรองเท้าหนังวัวสีน้ำตาลอ่อน ผมสีดำสนิทซอยยาวระต้นคอที่ชอบปล่อยไว้ก็หวีเสยเปิดหน้าผาก

เห็นวันๆ เอาแต่ทำงานกับเรียนแบบนี้ แต่ทิวากานต์ก็แฟชั่นนิสต้าพอตัวนะ เสื้อผ้าพวกนี้แม่แนะนำให้เขาซื้อหาใส่ทั้งนั้น

“ว้าว คุณหมอหล่อมากเลยค่ะ น้านึกว่าเป็นดาราที่ไหนมายืนอยู่เสียอีก” มาดามโอเนลล์ออกปากชมเปาะ คุณหมอหนุ่มน้อมรับคำชมนั้นอย่างดีก่อนยื่นแขนออกไปให้เธอควง

“ขอบคุณครับ วันนี้จะให้เกียรติผมควงด้วยหนึ่งวันได้หรือเปล่าครับ”

“มีหนุ่มหล่ออาสาขนาดนี้คงปฏิเสธไม่ได้ล่ะจ๊ะ” เธอยิ้มหวาน คล้องแขนเข้ากับทิวากานต์ทันที ชายหนุ่มรู้สึกผยองอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งเห็นไอ้เด็กแสบใส่ชุดเดิมกับเมื่อเช้าจ้องมาตาเขียวปัดยิ่งสะใจ ให้มันรู้เสียบ้างว่าคนอย่างนายแพทย์ทิวากานต์ดูถูกกันไม่ได้ง่ายๆ นะจ๊ะ

ตอนแรกทิวากานต์คิดว่าสองแม่ลูกจะไปรถเขาถึงได้เตรียมกุญแจรถมาด้วย หากเดินออกจากประตูล็อบบี้ออกมาก็เจอเมอซิเดสสีดำจอดรออยู่แล้ว ถามไถ่ได้ความมาว่าเป็นรถของที่บ้านคุณตาไอ้เด็กแสบนี่เอง แต่ตอนนี้ทั้งคุณตาคุณยายท่องเที่ยวอยู่ต่างประเทศบ้านหลังใหญ่ย่านชานเมืองจึงไม่มีคนอยู่นอกจากคนรับใช้ จะให้อลันด์ไปอยู่คนเดียวก็กลัวเหงาเลยให้มาอยู่คอนโดกลางเมืองที่คนพลุ่กพล่านดีกว่า

เป็นอย่างที่คุณหมอคาดว่าบ้านเด็กนี่ไม่ธรรมดา มีคุณตาเป็นถึงอดีตเอกอัครราชทูต ส่วนพ่อก็เป็นนักธุรกิจมีชื่อเสียงพอสมควร ไม่รู้ทำไมลูกหลานถึงผ่าเหล่าผ่ากออยากเป็นนักร้อง คงไม่ต่างจากเขาเสียเท่าไหร่ที่พ่อแม่สายศิลป์กันทั้งคู่แต่เขาดันมาเป็นหมอเสียอย่างนั้น หากไม่ทันรู้ตัวทิวากานต์กับอลันด์ก็ได้รู้จักกันมากขึ้นภายในวันเดียวจากการพูดคุยผ่านคนกลางอย่างแม่ของไอ้ตัวแสบ



สถานที่จัดดินเนอร์อยู่ไม่ไกลจากที่พักของทั้งคู่เท่าไหร่ เสียแต่ว่าการจราจรยามเย็นของกรุงเทพติดขัดหนัก กว่าจะคลานจากอโศกมาถึงร่วมฤดีก็กินเวลาเกินครึ่งชั่วโมง

มือหนาขยับสูทเข้าหาตัวเล็กน้อยตอนเดินเข้ามาในอาคารแล้วเจอกับอากาศเย็นจัดผิดกับข้างนอก เห็นร้านอาหารฝรั่งเศสที่จองโต๊ะไว้อยู่ไม่ไกล เขายังคงบทคู่ควงให้มาดามโอเนลล์ต่อจนถึงหน้าร้านชื่อดังตามราคาอาหารแพงหูฉี่

“มิสเตอร์สเปนเซอร์รออยู่ที่โต๊ะแล้วครับ” บริกรหนุ่มแจ้งแก่พวกเขาเมื่อเดินมาถึงร้านและแจ้งชื่อที่จองโต๊ะออกไป อลันด์เบ้หน้าเล็กน้อยยามได้ยินนามสกุลคู่อริ

บริกรที่รับหน้าที่ดูแลพาทั้งสามเดินขึ้นบันไดเวียนไปชั้นสองของร้าน โต๊ะที่นั่งเกือบสิบโต๊ะล้วนถูกจับจองเต็มทุกที่ ไม่น่าแปลกใจเพราะเป็นคืนวันหยุด โต๊ะที่บริกรพามาเองก็ถูกหนุ่มต่างชาติสองคนนั่งอยู่แล้ว ทิวากานต์จำโธมัสได้ทันที เพื่อนของไอ้เด็กแสบลุกขึ้นจับมือกับมาดามโอเนลล์ก่อนหันมาหาเขาทักว่าเจอกันอีกแล้ว แล้วเข้าไปกอดอลันด์แน่นเป็นลำดับสุดท้ายประหนึ่งไม่ได้เจอกันนาน ส่วนผู้ชายแปลกหน้าผมสีเข้มตาสีมรกตลุกขึ้นแตะแก้มกับมาดามโอเนลล์และดึงเก้าอี้หัวโต๊ะให้เธอนั่งราวกับเป็นหน้าที่ที่สุภาพบุรุษพึงกระทำ

“เจมส์จ๊ะ นี่ด็อกเตอร์ทิวากานต์ เพื่อนบ้านที่ช่วยดูแลอัลจ้ะ ด็อกเตอร์คะ นี่เจมส์เพื่อนอัลค่ะ”

“สวัสดีครับ เจมส์ เฮนรี่ เดอะเติร์ด สเปนเซอร์ ยินดีที่ได้รู้จัก” หนุ่มตาเขียวแนะนำตัวด้วยชื่อจริงเต็มยศจนคนฟังอย่างอลันด์เบ้ปากอีกรอบของวัน เรื่องอวดตัวเว่อร์ๆ ต้องยกให้เจมส์เลย

“สวัสดีครับ เรียกวาก็ได้ ยินดีที่ได้รู้จัก”

ทิวากานต์ยื่นมือเข้าไปจับกับเพื่อนไอ้ตัวแสบ ทั้งที่ฝรั่งหัวเข้มอายุน่าจะเท่าๆ กับอลันด์แต่คุณหมอว่าบอกเป็นรุ่นๆ เดียวกับเขาก็เชื่อได้อยู่ เจ้าเฮนรี่ที่สามตัวเล็กกว่าเขานิดหน่อย ท่าทางเก๊กเสียจนดูสุขุมเกินวัย ผมสีน้ำตาลตัดอันเดอร์คัตถูกหวีเสยเปิดหน้าผากเรียบแปล้ คงมีเพียงหน้าใสๆ ที่ยังทำให้เจ้าตัวดูเด็กอยู่บ้าง ยอมรับว่าถึงไอ้นี่มันจะหล่อแต่มองยังไงก็น่าหมั่นไส้ที่สุด

“ขอบคุณที่ช่วยดูแลอัลนะครับ”

“เล็กน้อยครับ” ชายหนุ่มฉีกยิ้มตามมารยาท พูดอย่างกับเป็นพ่อไอ้เด็กแสบ แม่งขี้เก๊กจริงๆ

“ดูแลดีเหลื๊อออ...เกิน” คนกลางกระซิบลอดไรฟันให้ได้ยินกับเพื่อนสนิทแล้วหัวเราะคิกคักกันสองคน จนพ่อเฮนรี่ที่สามปรายตามองมานั่นแหละถึงยอมเงียบแล้วนั่งลงดีๆ

มื้อเย็นนี้มาดามโอเนลล์เป็นคนจัดการเลือกเมนูของทั้งห้าคนด้วยตัวเองเป็นแบบคอร์สละสี่จานและเลือกไวน์มาทั้งหมดห้าขวด หล่อนหยิกแก้มอวบๆ ของลูกชายเสียย้วยเมื่อเจ้าตัวแสบบ่นว่าทำไมร้านอาหารฝรั่งเศสถึงไม่มีเบียร์เสิร์ฟ

“บินมาหาอัลปุ๊บปั๊บกันแบบนี้ได้นี่วางแผนไปเที่ยวที่ไหนกันบ้างหรือยังจ๊ะ” หลังเมนคอร์สผ่านไปและรอของหวาน มาดามโอเนลล์ที่เริ่มกรึ่มด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์จากไวน์ชั้นหนึ่งจึงถามไถ่สองหนุ่มต่างชาติ โธมัสเหลือบมองเพื่อนข้างตัวขอความเห็นก่อนคลี่ยิ้ม

“ยังเลยครับ แค่กะมาหาอัลกับเล่นอะไรนะ วอเตอร์ วอร์น่ะ”

“สงกรานต์” เจ้าเฮนรี่ที่สามออกเสียงภาษาไทยชัดถ้อยชัดคำ มือหนาวางแก้วไวน์ที่เหลือน้ำสีแดงแค่ก้นบนโต๊ะ แก้มแดงเรื่อน้อยๆ

“นั่นแหละ ความจริงผมอยากไปทะเล ได้ยินมาว่าทะเลที่นี่สวยมาก แต่เหมือนว่าช่วงนี้จะเป็นไฮซีซั่นเลยจองโรงแรมไม่ทันสักที่”

“อืม น้าก็อยากให้ได้ไปเที่ยวกันนะ ความจริงคุณตาของอัลเขามีบ้านพักตากอากาศอยู่ที่กระบี่ ถ้าทอมกับเจมส์สนใจน้าจะให้เขาเตรียมบ้านไว้ให้ ดีไหมจ๊ะ”

“ดีมากครับ งั้นผมจะรีบจองตั๋วเครื่องบินรอไว้เลย อัลไปด้วยกันนะ” หนุ่มตาฟ้ายิ้มแฉ่งหันไปอ้อนเพื่อนตัวเปี๊ยก ทิวากานต์สังเกตเห็นตาสีซีดเหลือบมองคนถามทีไอ้คุณพ่อเฮนรี่ที่สามที ดูท่าแล้วอลันด์คงไม่ถูกกับเด็กหัวเข้มเท่าไหร่ถึงได้ลังเล

“อัลก็ไปด้วยกันกับเพื่อนสิ อยู่กรุงเทพเฉยๆ น่าเบื่อจะตาย”

“ถ้าเจมส์ไม่ไปฉันจะคิดดูอีกทีแล้วกัน”

“เฮ้ ไม่เอาน่า” โธมัสคราง ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ “ฉันอุตส่าห์ข้ามทวีปมาหาแต่นายกลับปฏิเสธฉันเพราะเจมส์งั้นเหรอ”

“ใครใช้ให้นายเอามันมาด้วยล่ะ”

โอเค... ว่าที่คุณหมอศัลย์มั่นใจแล้วล่ะว่าเด็กฝรั่งตัวสูงเท่าไหร่เขากับฝรั่งตาเขียวนี่ไม่ถูกกัน เพราะอลันด์จงใจเรียกอีกฝ่ายว่า ‘it’ เต็มปากเต็มคำ ส่วนคนที่ถูกทำไม่สุภาพด้วยก็จ้องอีกฝ่ายตาเขียวปัด

“อยากถูกฉันหักกระดูกอีกครั้งใช่ไหมอัล” เจมส์กระซิบลอดไรฟันให้ได้ยินกันทั้งโต๊ะ ทิวากานต์รู้สึกชายหนุ่มโง่มากที่ขู่ลูกเขาต่อหน้าแม่แบบนี้ แต่เหมือนว่าการปะทะคารมของสองคนนี้จะเป็นเรื่องปกติจึงไม่มีใครห้ามปรามสักคน

“คิดจะใช้วิธีสกปรกหักกระดูกฉันอีกงั้นเหรอ แน่จริงก็เข้ามาเลยสิสเปนเซอร์ แต่เสียดายนะที่ที่นี่ไม่ม้า นายคงไม่มีปัญญาหักกระดูกแข็งๆ ของฉันด้วยกล้ามที่เหมือนพวกบ้าพลังบนสนามมวยปล้ำหรอกนะ”

“อัล” มาดามโอเนลล์ปรามบุตรชายเสียงเขียว “ลูกก็รู้นี่ว่าเรื่องนั้นมันเป็นอุบัติเหตุ เจมส์เขาก็ขอโทษแล้ว สามปีแล้วนะทำไมยังไม่ยอมพูดคุยกันดีๆ อีก ทำตัวเป็นเด็กไม่รู้จักโตไปได้”

“มัมมาลองแขนหักดูบ้างไหมล่ะ” อลันด์หน้าบู้ ขยำผ้าเช็ดปากทิ้งบนโต๊ะก่อนลุกพรวดพราดออกไปไม่ฟังเสียงปรามมารดาสักคำ

“อัล!”

“เดี๋ยวผมไปดูเองครับ เหลือของหวานให้ด้วยนะ” ในสถานการณ์ชวนอึดอัดจนคนนอกอย่างทิวากานต์ยังรู้สึกอึมครึ้มไปด้วยกลับมีโธมัสคนเดียวที่ยังยิ้มออก เหมือนเขาจะชินกับเหตุการณ์แบบนี้ราวกับเป็นเรื่องปกติ หนุ่มรูปงามผมบลอนด์ขยิบตาให้ทิวากานต์เพื่อผ่อนคลายบรรยากาศมาคุบนโต๊ะ ก่อนลุกเดินอาดๆ ตามเพื่อนซี้ที่ลุกออกไปก่อนหน้า

“ขอโทษคุณหมอด้วยนะคะที่ทำบรรยากาศกร่อย”

“ไม่เป็นไรครับผมเข้าใจ วัยรุ่นก็เลือดร้อนกันแบบนี้ สมัยผมอายุเท่าๆ นี้ก็ตีกับเพื่อนบ่อย สุดท้ายก็มาสนิทกับคนที่ทะเลาะด้วยกันบ่อยที่สุดนี่แหละ”

“ถ้าเป็นแบบนั้นได้คงดีนะจ๊ะ น้าอยากให้อัลสนิทกับเจมส์จะตาย แต่ลูกเรามันดื้อไม่ชอบเขาเสียอย่างนั้น เจมส์น่ารักออก”

“บางทีคนไม่ชอบกันมันไม่มีสาเหตุหรอกครับ ช่างเถอะผมชินแล้ว” เมื่อโจทก์คนสำคัญไม่ว่าอะไรบรรยากาศบนโต๊ะจึงผ่อนคลายเหมือนเดิม แต่คุณหมอคิดว่าเขาเข้าใจไอ้ตัวแสบของเขาที่ไม่ชอบเจ้าเฮนรี่ที่สามนี่นะ วางมาดเก๊กขนาดนี้ผู้ชายด้วยกันมองแล้วมีแต่หมั่นไส้เท่านั้นแหละ

ทิวากานต์หัวเราะเบาๆ กับความคิดตัวเองขณะชนแก้วกับเจมส์ เขาก็ไม่ชอบท่าทางเก๊กอีกคนแต่โตพอจะไม่เก็บมาใส่ใจเหมือนเด็ก

นั่งจิบไวน์คุยกันได้สักพักของหวานขึ้นชื่อจึงถูกทยอยมาเสิร์ฟ ทว่าเด็กอีกคนยังไม่กลับมา เจมส์ทำท่าจะอาสาออกไปตามแต่ทิวากานต์ยกมือห้ามไว้ก่อน ขืนให้ออกไปเจอกันตอนนี้คงได้ทะเลาะกันอีกยกแหงๆ เขาเลยเสนอตัวไปตามแทนดีกว่า

แม้จะไม่เคยมาที่นี่แต่ทิวากานต์พอจะเดาได้ว่าจะตามทั้งคู่ได้จากที่ไหน เขาเดินออกมาด้านหน้าตรงที่รถมาจอดส่งพวกเขาเอาไว้ ถ้าความจำเขายังไม่เสื่อมไปเหมือนจะมีสวนกับม้านั่งอยู่ เสียงหัวเราะเบาๆ ของผู้ชายสองคนตอกย้ำว่าเขาคิดไม่ผิด เพียงชะโงกหน้าออกไปดูก็เห็นเด็กฝรั่งต่างไซส์ผลักกันอยู่ ดูเผินๆ นึกว่าทะเลาะกันถ้าไม่เห็นไอ้ตัวแสบฉีกยิ้มกว้างแบบที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน ไหนจะเสียงหัวเราะเหมือนเด็กนั่นอีก เด็กจริงๆ ให้ตายเถอะ

“ขอโทษที่ขัดจังหวะ แต่ของหวานมาแล้วนะ”

“อ๊ะ ด็อก ผมกำลังลากหมอนี่กลับเข้าไปพอดี แต่แบบ...ถ้าไม่ได้ออกกำลังจะไม่หายหงุดหงิดน่ะ”

“กินของหวานก็ช่วยให้อารมณ์ดีได้ แต่ฉันเข้าใจนะวัยรุ่นเลือดมันกำลังร้อน อีกอย่างหมอนั่นน่าหมั่นไส้จะตาย” เขาฉีกยิ้มให้อลันด์ เด็กนั่นเกาจมูกนิดหน่อยก่อนยักไหล่

“ด็อกเพิ่งจะพูดอะไรถูกใจก็ครั้งนี้แหละ”



ดินเนอร์จบลงอย่างสวยงามเมื่ออลันด์นั่งเงียบเป็นเป่าสาก ส่วนเจมส์ก็ไม่พูดอะไรอีก ก่อนจบลงที่ว่าสุดท้ายแล้วอลันด์จะไปกระบี่กับเพื่อนทั้งสองด้วยแบบไม่ค่อยจะเต็มใจนักจากการบังคับของแม่ ส่วนมาดามโอเนลล์ขอปล่อยเด็กๆ ไปกันเองเพราะไม่อยากไปขัดความสุขของวัยรุ่น แต่ทิวากานต์เห็นว่าเธอควรไปที่สุดก่อนจะมีการกระซวกไส้กันกลางหาดให้เป็นข่าวหน้าหนึ่ง

พวกเขาแยกย้ายกันกลับที่พัก โธมัสขอไปค้างกับเพื่อนซี้ที่คอนโดแต่ติดที่เขาต้องกลับไปเปลี่ยนชุดสูทนี่ออกเสียก่อนจึงต้องกลับโรงแรมไปพร้อมเจมส์แล้วจะตามไปที่หลัง

สรุปมื้อนี้คุณหมอทิวากานต์ประหยัดเงินไปอีกมื้อ ได้กินอาหารอร่อยๆ จนอิ่มตื้อแถมไวน์ชั้นหนึ่งอีกขวดโดยไม่เสียสักบาทโชคดีอะไรอย่างนี้

พอกลับมาถึงห้องด้วยอารมณ์ดีจัดวันนี้เขาเลยขออาบน้ำนานหน่อย จัดการเปิดน้ำอุ่นใส่อ่างแช่ตัวจนเท้าแทบเปื่อยถึงยอมขึ้นมาแต่งตัวเตรียมอ่านหนังสือต่อ เปิดอ่านไปได้ไม่กี่หน้าเสียงออดก็ดึงเขาหลุดจากสมาธิ กดครั้งแค่ครั้งเดียวแบบนี้ไม่ใช่ไอ้ตัวแสบแหง คงเป็นเมษาไม่ก็เพื่อนบ้านสักคน แต่ไม่คิดว่าจะเป็นแม่ไอ้เด็กแสบสักนิด

“คุณหมอนอนหรือยังคะ น้ามารบกวนหรือเปล่า”

“เปล่าครับ คุณน้ามีอะไรหรือเปล่าครับ” ชายหนุ่มฉีกยิ้มหวานเอาใจเพื่อนบ้านผู้แสนดี แม้ในใจกำลังนึกถึงความยุ่งยากที่จะตามมา

“น้าอยากจะขอคุยอะไรด้วยสักหน่อยค่ะ”

เพราะประโยคนั้นทิวากานต์ถึงได้ยื่นแก้วโกโก้ให้เธอตอนเกือบเที่ยงคืนแบบนี้ มาดามโอเนลล์บอกว่ากว่าจะแอบลูกชายออกมาได้ก็ต้องรอไอ้ตัวแสบกับเพื่อนพากันเข้าห้องนอนไปคุยตามประสาหนุ่มๆ แล้ว

“คุณน้ามีเรื่องอะไรให้ผมช่วยเหรอครับ” มาหาเขาดึกๆ แบบนี้คงไม่ได้คิดจะนอกใจสามีหรอกใช่ไหม หรือไม่ก็คงเกี่ยวกับการฝากฝังไอ้ตัวแสบกับเขาแหงๆ

“ก็เรื่องอัลนั่นแหละค่ะ หมอวาคงพอรู้อยู่แล้วว่าเขาต้องมาอยู่ที่นี่คนเดียว ความจริงน้าไม่อยากให้เขามาหรอกแต่อย่างที่คุณหมอเห็น อัลดื้อจะตาย พ่อเขาก็หัวแข็ง สุดท้ายเลยถูกส่งมาอยู่ที่นี่คนเดียวทั้งที่เพิ่งอายุสิบแปดมาได้ไม่เท่าไหร่”

“สิบแปดแล้วเหรอครับ ผมนึกว่าสักสิบห้าสิบหกซะอีก แต่ก็นะ...เพื่อนๆ เขาดูเป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้ว”

“ลูกผสมก็แบบนี้แหละค่ะ ยิ่งผสมเอเชียยิ่งดูเด็ก แถมตัวก็เล็ก ฮ่าๆ” เผาลูกชายสร้างเสียงหัวเราะสักหน่อยสร้างบรรยากาศให้ผ่อนคลายขึ้น มาดามโอเนลล์หัวเราะเสียงใส เธอเป็นผู้หญิงวัยกลางคนที่ยังดูดีอยู่มาก ไม่รู้ว่าระหว่างแม่เขากับแม่เด็กนี่ใครอายุมากกว่ากันแน่แต่การยอมให้เธอแทนตัวว่าน้าก็ไม่เสียหาย “นั่นแหละค่ะ ขนาดคนนอกยังเห็นเขาเป็นเด็กอยู่เลยแล้วกับพ่อแม่ล่ะคะ ใจน้าอยากจะย้ายมาอยู่กับลูกที่นี่ด้วยซ้ำแต่ว่างานก็เยอะจะลามาบ่อยๆ ก็ไม่ได้ จะปล่อยให้สามีดูคนเดียวก็ไม่ไหว แม่บ้านเขามาดูแลก็แค่เรื่องอาหารการกินกับช่วยทำความสะอาดเท่านั้นเย็นก็กลับ แต่ถ้ามีเพื่อนบ้านดีๆ คอยช่วยดูคงพอหายห่วงได้บ้าง”

นั่น... กูว่าแล้ว ซื้อหวยทำไมไม่ถูกบ้าง ทิวากานต์ตบเข่าฉาดในใจ หากถึงจะหนักใจแต่อาหารฝรั่งเศสกับไวน์ชั้นหนึ่งที่อยู่ในท้องก็บังคับให้คุณหมอรูปหล่อยิ้มสู้กัดฟันพูดประโยคฆ่าตัวตายออกไป

“คุณน้าไม่ต้องห่วงหรอกครับ อลันด์เขาอยู่คนเดียวได้จริงๆ แล้วยังไงผมจะช่วยดูให้อีกที”

“หมอวาออกปากเองแบบนี้น้าก็วางใจค่ะ งั้นน้าไม่รบกวนล่ะ ขอบคุณมากนะคะ” พอได้สิ่งที่ต้องการมาดามโอเนลล์ก็ชิ่งทันที คนที่ถูกไหว้วานจะทำอะไรได้นอกจากฉีกยิ้มส่ง หากในใจนั้นสาปส่งสองแม่ลูกสุดไฮโซไปแล้ว

ถ้าบอกว่าอลันด์ได้เชื้อแสบมาจากใคร ทิวากานต์ชี้บอกได้เลยว่าจากแม่มันนี่แหละ มาตะล่อมเขาแล้วมัดมือชกแบบเนียนๆ ก่อนชิ่งไปอย่างเร็ว ไม่อยากบอกว่าลูกคุณแม่อ่ะตัวดี แสบสันต์ขนาดนี้ใครจะกล้าทำอะไรมัน ถ้าไม่ติดมารยาทอันดีเขาปฏิเสธไปแล้วหรอก ที่รับปากก็พูดส่งๆ ไปงั้นแหละพอแม่มันกลับค่อยว่ากันอีกที แล้วบอกไว้ตรงนี้เลยนะว่าคนอย่างหมอทิวากานต์ไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำปล่อยเด็กเพิ่งหย่านมคลานไปคนเดียวได้หรอกนะเว้ย

เขากัดฟันเดินไปส่งหล่อนที่หน้าประตู ระหว่างนั้นก็แลกเบอร์โทรศัพท์กันไว้เผื่อมีเหตุฉุกเฉินอะไรจะได้ติดต่อกันได้ ดูสิกับคนแม่เพิ่งเจอได้วันเดียวเขาก็มีเบอร์แล้ว แต่กับเด็กแสบนั่นรู้จักกันมาตั้งสองสัปดาห์เขายังไม่มีแม้แต่เบอร์โทรศัพท์หรือเฟซบุ๊คเลยเถอะ!

.
.
.
หัวข้อ: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 03 [16.09.15]
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 16-09-2015 15:46:02
เหมือนได้ยินมาดามโอเนลล์บอกว่าแว่วๆ ว่าเด็กฝรั่งสามคนจะไปกระบี่กันหนึ่งสัปดาห์เต็มๆ ก่อนกลับมาเล่นสงกรานต์กันที่กรุงเทพฯ โธมัสดูจะตื่นเต้นที่สุดเพราะแอบไปหาเบอร์เขามาจากไหนไม่รู้โทรมาถามหาสถานที่เล่นน้ำเจ๋งๆ แทบทุกคืน

ส่วนชีวิตคุณหมอใกล้สอบอย่างเขาน่ะเหรอ ปกติทุกสงกรานต์เขาจะขายเวรทิ้งเพื่อใช้เวลาอยู่กับแม่ แต่เมื่อแม่ไม่อยู่กับเขาแล้วเลยไม่รู้จะขายเวรไปทำไม ปีที่แล้วเขายังขอซื้อเวรนายแพทย์คนอื่นฆ่าเวลาอยู่ในโรงพยาบาลอยู่เลย แต่ปีนี้น่ะสิ...

“หมอวา พี่ขอซื้อเวรเถอะ”

“พี่ไม่ใช้เวลากับแฟนพี่เหรอ” ทิวากานต์ถามเสียงนิ่ง ตาคมจ้องแพทย์ประจำบ้านร่วมรุ่นหากแก่กว่าไม่กี่ปีเขม็ง ถ้าเหตุผลไม่ดีอย่าคิดว่าเขาจะขายเวรให้เชียว เจ้าลูกรักสองคันที่จอดอยู่ก็ต้องกินต้องใช้เหมือนกันนะ แถมช่วงอบรมเป็นแพทย์ประจำบ้านเนี่ยเป็นช่วงจนสุดขีดในชีวิตเลยนะจะบอกให้

“อยากใช้นะเว้ย แต่อยากได้เงินมากกว่าว่ะ นี่แม่เขาให้ไปขอลูกสาวเขาแล้วยังเก็บเงินไม่ครบเลยเนี่ย” หมอกวินว่าเสียงอ่อย ทำหน้าตาน่าสงสาร เขาพอรู้มาบ้างว่านายแพทย์รุ่นพี่คบกับแฟนสาวมาหลายปีแล้ว ตอนนี้อายุอานามก็สามสิบต้นๆ สมควรแก่เวลาแต่งการแต่งงานกันเสียที

“มิน่า ช่วงนี้ขยันอยู่เวร”

“เอาน่า ถือว่าช่วยพี่หน่อยนะหมอวา สงกรานต์แบบนี้มีแต่คนอยากหยุดจะตาย จะได้ไปเที่ยวสาดน้ำแปะแป้งสาวไง เนี่ยเห็นว่าแถวอาร์ซีเอมีปาร์ตี้โฟมไม่ใช่เหรอ”

“แหม... ชี้โพรงให้ขนาดนี้ ผมยกเวรให้ก็ได้”

“โอ๊ย คนดีที่สุด ขอให้ยิ่งหล่อยิ่งรวยนะหมอวา” สรรเสริญรุ่นน้องอีกหน่อยพอเป็นพิธีให้พ่อคนดียิ้มหน้าบาน หมอกวินก็รีบวิ่งปรู๊ดออกไปแจ้งเจ้าหน้าที่เรื่องเปลี่ยนเวรทันที

“แล้วเราจะไปไหนดีล่ะ นุ่นติดบิน ข้าวไปเชียงใหม่กับที่บ้าน ปอไปสมุยกับเพื่อน เจเหมือนจะไปญี่ปุ่น” นั่งไล่ชื่อกิ๊กแต่ละคนยิ่งท้อแท้ แต่ละคนมีที่ไปกันหมดแล้วยกเว้นเขาคนเดียว “เหลือริต้านี่นา”

นิ้วเรียวดีดเปาะเมื่อนึกถึงกิ๊กสาวลูกครึ่งคนสุดท้ายได้ ก่อนต้องนั่งหน้างอหงอยกว่าเดิมเพราะสาวเจ้ามีแพลนไปถ่ายแบบที่ปารีสช่วงสงกรานต์

“หรือจะไปเที่ยวคนเดียวดี”

มือหนาหยิบโทรศัพท์ขึ้นเตรียมเสิร์ชหาตั๋วเครื่องบิน มีวันหยุดตั้งสามวันไปประเทศใกล้ๆ อย่างเกาหลี ญี่ปุ่นได้สบาย หากยังไม่ทันได้กดเช็คราคาดันมีสายเข้าเสียก่อนจากเด็กโธมัสตาฟ้า รู้สึกถึงลางร้ายยังไงไม่รู้ไม่อยากกดรับเลย แต่ปล่อยให้มันแผดเสียงรบกวนคนอื่นคงไม่ไหวสุดท้ายก็ต้องกดรับไป

“ฮัลโหล”

‘ด็อกเตอร์! คืนนี้กินข้าวกันนะ แม่อัลจะทำอาหารเลี้ยงล่ะ’

“อะไรกัน พวกเธอกลับมาแล้วหรือไง”

‘ถูกเผงเลย เพิ่งมาถึงเมื่อกี้นี้เอง เดี๋ยวว่าจะไปซื้อปืนฉีดน้ำกัน ด็อกเอาด้วยไหม’

‘ประสาทกลับเหรอทอมถึงชวนด็อกเถื่อนนั่นไปเล่นน้ำด้วยน่ะ’ เสียงโวยวายแทรกเข้ามาทิวากานต์จำได้ขึ้นใจ ไอ้ตัวแสบ! หนอย...ไม่อยากให้เขาไปด้วยใช่ไหม คนกำลังเบื่อพอดีไปด้วยแม่งเลย

“เอา ขอกระบอกใหญ่ๆ ให้ฉันอันนึงนะเดี๋ยวมาเก็บตังค์ได้เลย ฉันจะพาพวกนายเล่นน้ำจนตัวเปื่อยเป็นขุยทั้งสามวันจนอยากร้องไห้กลับบ้านแน่”

‘เจ๋ง! งั้นคืนนี้เจอกัน’

“โอเค แค่นี้ก่อนนะเหมือนจะมีงานเข้า” ทิวากานต์กดตัดสายไม่รอให้อีกฝ่ายได้กล่าวลาเมื่อนางพยาบาลคนหนึ่งวิ่งหน้าตั้งเข้ามา อีหรอบนี้ดูท่าเย็นนี้เขาคงไม่ได้กินมื้อเย็นฝีมือแม่ไอ้ตัวแสบเสียแล้วสิ



ร่างสูงใหญ่เดินโซเซออกจากรถสปอร์ต ทุกครั้งที่มีผ่าตัดเขาเหมือนถูกอะไรสักอย่างสิงร่างเหนื่อยแทบขาดใจแต่กล้ามเนื้อกลับเกร็งแน่น ยิ่งกับเคสฉุกเฉินผ่าตัดด่วนเนี่ยเกร็งจนขาเป็นเหน็บเลย กระทั่งตอนนี้เขายังรู้สึกว่าประสาททุกส่วนยังแข็งตึงไปหมด ถ้าวันนี้จะถูกด่าแม่เพราะขับรถกวนตีนจะไม่แปลกใจเลย

ปลายนิ้วแกะกระดุมสองเม็ดบนออกเป็นการผ่อนคลาย ทิวากานต์เบี่ยงเท้าจากลิฟต์ตรงหน้าไปอีกทางที่เป็นสวนส่วนกลางของคอนโด ลมร้อนของเดือนเมษาตีหน้าเขาทันทีที่เยี่ยมหน้าออกไป แม้จะชวนหงุดหงิดด้วยเหนียวตัวไม่น้อยแต่ก็ดีกว่าอยู่ร้อนๆ แบบไม่มีอากาศถ่ายเท แต่ดูเหมือนที่ประจำของเขาวันนี้จะมีคนแย่งไปเสียแล้ว

ทิวากานต์ฉีกยิ้มให้ไอ้เด็กแสบที่เพิ่งรู้ว่าตัวแค่นี้ดันริอาจสูบบุหรี่ ส่วนไอ้เด็กนั่นแทนที่จะรีบบี้บุหรี่ทิ้งแบบเด็กที่ถูกจับได้ว่าทำผิดกลับยักคิ้วกวนๆ คืนให้เขาอีกแน่ะ น่าหมั่นไส้ที่สุด

“เป็นเด็กเป็นเล็กหัดสูบบุหรี่นะเรา”

“สิบแปดแล้วสูบได้ไม่ผิดกฎหมาย” คุณหมอยิ้มอีกครั้งกับข้อแก้ตัวของคนเด็กกว่าเกือบรอบ เขาตบกระเป๋ากางเกงล้วงเอาซองบุหรี่นอกตัวเล็กกลิ่นอ่อนออกมาหนึ่งตัวคีบเข้าปากก่อนล้วงหาไลท์เตอร์

“อ้าว ลืมไว้ที่รถเหรอเนี่ย” คุณหมอบ่นพึมพำ ใบหน้าเรียวได้รูปเงยมองเด็กฝรั่งเหมือนคิดอะไรได้ “ต่อไฟหน่อย”

“เป็นหมอประสาอะไรสูบบุหรี่”

“พอกันนั่นแหละ” ทิวากานต์หัวเราะในคอพลางก้มหน้าลงไปต่อไฟกับคนที่นั่งอยู่บนม้านั่ง ก้มลงไปใกล้จนเห็นหน้าอีกฝ่ายชัด จะว่าไปไอ้เด็กแสบนี่ก็หน้าตาดีเหมือนกัน ตาโต ขนตาสีน้ำตาลเข้มยาวเป็นแพ คิ้วเข้มเรียวโก่งได้รูป จมูกโด่ง หน้าใส ปากแดงเป็นกระจับสวยเชียว เสียดายเตี้ยไปหน่อยไม่งั้นคงมีสาวมองตามเป็นแถว

คุณหมอสูดลมพอให้ไฟจากอีกฝั่งเผาปลายมวนนิโคตินของตัวได้ก่อนผละออกไปนั่งข้างๆ เด็กฝรั่ง เขาหอบเอาควันเข้าปอดเฮือกใหญ่ เส้นประสาทที่แข็งตึงก็ดูจะผ่อนคลายลงเมื่อได้นิโคตินเข้าไปเลี้ยง

“รอแม่หลับแล้วถึงหนีลงมาล่ะสิ” เงียบไปพักใหญ่กว่าทิวากานต์จะเป็นคนทำลายความสงบก่อน แต่จนแล้วจนรอดกลับไม่มีเสียงตอบจากคนข้างตัว “เฮ้ เงียบนี่หลับไปแล้วหรือไง”

“อะไร” ตาสีน้ำข้าวตวัดมองฉับ ปากอิ่มหยักยังคาบบุหรี่ที่เหลือแค่ครึ่งตัวไว้ ชักเริ่มรำคาญผู้ใหญ่พูดมาก

“ชอบทำตัวเป็นเด็กมีปัญหาเรื่อย” ขอบ่นมันหน่อยเถอะก่อนชวนเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นแทน “ไปเซเว่นกันม่ะ”

“ไปทำไม ไม่ไป”

“หาไรกินกัน หิวยังไม่ได้กินไรตั้งแต่บ่าย”

“แม่เก็บสปาเก็ตตี้ไว้กะให้กินตอนกลับมา แต่ไม่คิดว่าจะกลับดึกขนาดนี้เลยเข้านอนไปแล้ว ถ้าจะกินเดี๋ยวขึ้นไปแล้วจะเอาให้”

“แม่นายดีชะมัด ขอบคุณนะเดี๋ยวขึ้นไปกิน แล้วนี่อย่าบอกนะว่าลงมารอฉันอ่ะ ควรดีใจไหม” คนแก่กว่าแกล้งแซวเล่นๆ ตอนนี้จะเที่ยงคืนอยู่แล้วและเขาไม่คิดว่าอีกคนจะมารอหรอกแต่คงหนีแม่มาสูบบุหรี่มากกว่า

“เอาอะไรคิด” อลันด์เบะปากหน้าแหย มองอีกคนตาขวาง คิดได้ไงว่าลงมารอ เขาแค่อยากหาที่สูบบุหรี่ไม่ให้แม่รู้ตามที่ทิวากานต์คิดเท่านั้นแหละ

“ฮ่าๆ ทำหน้าตลกชะมัด”

“...”

เห็นคนเด็กกว่าทำหน้าบึ้ง แทนที่จะหยุดหัวเราะทิวากานต์กลับยิ่งแผดเสียงดังกว่าเก่า เขาขยี้บุหรี่ในมือทิ้งกับที่เขี่ย รู้สึกจะสูบต่อไม่ไหว “แบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย”

“ประสาท ทำงานจนสมองกลับหรือไง โว้ย เอามือออกไปเลยนะ” อลันด์โวยวายปากเบะตาจ้องอีกคนเขียวปัดเมื่อมือคุณหมออยู่ไม่สุขยกมาขยี้หัวเขาเล่นจนยุ่งไปหมด

“ตาเป็นสีน้ำตาลแล้ว เมื่อกี้ยังเป็นสีฟ้าอยู่เลย” คุณหมอว่าตามที่สังเกตเห็น เด็กนี่ตาโตเบ้าชัดสวยกำลังดีเปลี่ยนสีตามสภาพแวดล้อมได้อีกต่างหาก คงเพราะตาสีอ่อนมากเวลาโดนแสงเข้าไปเลยเห็นเป็นสีอื่น อย่างตอนนี้ที่สวนข้างสระน้ำของคอนโดมีแต่ไฟสีเหลืองนวล “แปลกดี มีฟันกระต่ายด้วย”

“ไม่ใช่สักหน่อย” อลันด์โวยวาย ถึงฟันหน้าเขาจะใหญ่กว่าซี่อื่นไปหน่อยแต่มันก็ไม่ได้โตขนาดเป็นฟันกระต่าย
 
“เอาแต่วิจารณ์คนอื่น ตาคุณก็ไม่ใช่สีดำเถอะ”

“สังเกตด้วยเหรอ”

“สีน้ำผึ้ง”

“ไปกันเถอะ หิวแล้ว” ทิวากานต์เปลี่ยนเรื่องกะทันหัน เขาลุกขึ้นยืนบิดตัวคลายกล้ามเนื้อเล็กน้อย อาการตึงๆ หลังผ่าตัดหายเป็นปลิดทิ้ง ไม่รู้ว่าเพราะได้บุหรี่ดีหรือได้กวนตีนไอ้เด็กแสบ ตาสีน้ำตาลเข้มเหลือบมองเด็กหนุ่มเมื่อไม่เห็นอีกคนลุกตามมาสักที เจ้าอลันด์ตาสีซีดยังนั่งพ่นควันปุ๋ยอยู่ที่เดิม “เฮ้ ขึ้นห้องกัน”

“ก็ไปสิ”

“ไปด้วยกัน”

“ทำไม”

“หิว”

“เดี๋ยวไปเคาะชามเรียก ขอดูดบุหรี่ก่อน”

หนอย...ไอ้เด็กบ้าเห็นเขาเป็นหมาเหรอมาเคาะชามเรียกเนี่ย ไวเท่าความคิดมือหนาจัดการตบหัวไอ้เด็กแสบหน้าทิ่มตัวแทบร่วงจากม้านั่ง

“อู๊ย ไอ้หมอบ้า เจ็บนะเว้ย”

“เล่นให้มันรู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่บ้างนะ”

“ผู้ใหญ่ตายแหละ โหย...เจ็บ” นิ้วเรียวปล่อยบุหรี่ทิ้งกับพื้นเอามือมากุมหัวตัวเองตรงที่โดนตบ หมอนี่ก็ไม่มียั้งแรงเลยตบเข้ามาเต็มๆ เจ็บจนน้ำตาเล็ด

“แค่นี้ทำร้อง ไกลหัวใจตั้งเยอะ”

“ถ้าสมองเสื่อมขึ้นมาล่ะ เป็นหมอต้องช่วยคนสิไม่ใช่มาทำร้ายคน”

“ปากมอมๆ แบบนี้น่าช่วยตายล่ะ” ทิวากานต์กอดอกฉับเถียงกลับฉอดๆ จากมุมที่เขายืนอยู่ตรงนี้เห็นไอ้เด็กแสบนั่งคู้ตัวเหมือนลูกฟุตบอลพอดีน่าเตะให้กลิ้งอีกสักป้าบ จะหาว่าเขาใจร้ายกับเด็กก็ตามสบาย แต่ไอ้เนี่ยมันน่าตีตั้งแต่วันแรกที่เจอแล้ว วันนี้ได้โอกาสทั้งทีขอเอาคืนสักหน่อยเหอะ

“ชิ”

“อะไร มองอะไร จะเอาคืนหรือไง” หัวทุยเอียงไปข้างหนึ่ง ตาคมยังคงมองเด็กฝรั่งนั่งเอามือกุมหัวตัวเองนิ่งๆ หยุดโวยวายจนชักใจแป้วว่าทำรุนแรงเกินไป ยิ่งคิดว่าเขาตัวใหญ่กว่าอีกฝ่ายตั้งเยอะตบไปแรงขนาดนั้นจะมีหัวปูดบ้างยิ่งเริ่มรู้สึกผิด

เฮ้อ... แล้วทำไมสุดท้ายเขาต้องมารู้สึกผิดเพราะไอ้เด็กนี่ด้วยวะเนี่ย เอาน่ะ ง้อสักหน่อยไม่เสียหน้าเท่าไหร่หรอก

“ไป บุหรี่ตกพื้นไปแล้วก็ขึ้นห้อง”

“...”

“ไอ้แสบ ฉันหิวข้าว จะนั่งให้ยุงหามหรือไง”

“...”

“อย่าเงียบดิวะ ลุกเร็ว ไม่เจ็บแล้ว”

“เจ็บ” บทจะอ้าปากพูดก็เบาเสียงจนต้องเงี่ยหูฟัง ทิวากานต์รู้สึกได้ยินไม่ชัด ต้องแคะหูแล้วก้มหน้าลงไปฟังใกล้ๆ อีกที

“ว่าไงนะ”

“เจ็บเว้ยยยย!”

“เหวอออออ!”

ตู้ม!!!

เสียงโวยวายขนาดนี้ไม่แปลกใจเลยถ้าจะมีคนออกมาด่า ไอ้ตัวแสบมันอาศัยช่วงเขาสำนึกผิดผลักเขาหงายหลัง แล้วไม่รู้โชคดีหรือโชคร้ายที่ข้างหลังเป็นสระบัวลึกแค่เข่า เหมือนจะแย่แต่สะใจกว่าที่เขาลากไอ้ตัวแสบตกลงมาด้วยกันได้ ตอนนี้เลยกลายสภาพเป็นหมาตกน้ำกันทั้งคู่

“หนอย... อยากเล่นน้ำตอนกลางคืนก็ไม่บอกนะ” ว่าที่หมอศัลย์แซว เอามือกวักน้ำในบ่อที่มั่นใจว่าสะอาดระดับหนึ่งใส่หน้าไอ้เด็กฝรั่งที่นั่งทับช่วงเอวเขา

“Shit! ใครใช้ให้ลากลงมาด้วยเนี่ย”

“ไปคิดแผนเอาคืนมาใหม่นะ แล้วคิดดีๆ หน่อย แบบว่าฉันฉลาดทันคนน่ะ”

“ไม่ต้องมาลอยหน้าลอยตาใส่เลย” อลันด์แหวเสียงสูง มือเรียวสวยปัดมือใหญ่กว่าที่คอยแต่จะเอาน้ำสาดใส่หน้าเขาให้กลับลงไปแช่ในน้ำ “เปียกหมดแล้ว”

“หึหึ ก็เปียกกันทั้งคู่นั่นแหละ งั้นยกนี้เสมอกันนะ” รู้สึกทั้งสงสารทั้งขำตัวเอง ทิวากานต์ยิ้มหวานจนตาหยี ยิ้มที่ออกมาจากความรู้สึกไม่ต้องคอยยิ้มรับหน้าใครหรือเอาใจใครให้รู้สึกดี

“สักวันจะเอาคืน” เด็กฝรั่งแยกเขี้ยวขู่ฟ่อเหมือนแมว หากแทนที่จะเห็นเขี้ยวกลับเห็นแต่ฟันหน้าใหญ่ๆ สองซี่

“รออยู่นะ แต่ตอนนี้ลุกสักทีเถอะ เห็นตัวเล็กๆ หนักใช่เล่นนะ”

“ไม่เล็กเฟ้ย”

ต่ำกว่ามาตรฐานชายไทยอีก คุณหมอแค่คิดในใจไม่พูดออกไปเพราะเหนื่อยเกินจะรบกับเด็กแสบอีกยกสำหรับคืนนี้ เขาจับเอวเด็กฝรั่งออกแรงยกขึ้นให้ลุกออกจากตัวเขาพอดีกับยามประจำตึกวิ่งหน้าตื่นเข้ามา

“เกิดอะไรขึ้นครับคุณหมอ” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก้มๆ เงยๆ มองดูผู้พักอาศัยทั้งสองตาฉงน เขาเห็นเหตุการณ์จากกล้องวงจรปิดคิดว่ามีเรื่องทะเลาะกันจนตกน้ำตกท่าเลยรีบวิ่งมาดู แต่เหมือนจะไม่เป็นอย่างนั้นเพราะถึงหนุ่มน้อยชาวต่างชาติจะหน้าบึ้งแต่คุณหมอหนุ่มยังยิ้มได้ แถมยังยิ้มหวานชวนละลายเสียด้วย

“อุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะครับ” ทิวากานต์หัวเราะแผ่วในลำคอ มือบิดน้ำตรงชายเสื้อออก ท่อนล่างเปียกหมดซึมไปถึงชั้นใน ถ้าเป็นตอนปกติคงหงุดหงิดน่าดูหากตอนนี้ใบหน้าหล่อเหลายังคงยิ้มพราว มือใหญ่ลูบผมสีช็อกโกแลตนมของคนเด็กกว่าก่อนผลักไปข้างหน้าเบาๆ ให้ตาสีซีดหันกลับมามองค้อนอีกที เหมือนยิ่งแกล้งให้อลันด์หงุดหงิดได้มากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งมีความสุขเท่านั้น โรคจิตสุดๆ

“อ๋อครับ”

“แต่ขึ้นไปเปียกๆ แบบนี้แม่บ้านคงบ่นน่าดู”

ชายหนุ่มก้มมองสภาพตัวเองก่อนมองอีกคนที่สภาพไม่ต่างกัน มือใหญ่วิสาสะช่วยลูบน้ำบนหน้าขาวซีดให้แกล้งดึงแก้มย้วยเล่นอีกทีให้คนถูกรังแกหงุดหงิดก่อนชวนกันขึ้นไปทำความสะอาดบนห้อง แม้ในใจอยากจับแก้มอลันด์เล่นอีกสักทีสองทีก็เหอะแต่กลัวจะตีกันให้ยามเขาจับแยกเสียก่อน

“ที่รถมีผ้าขนหนูอยู่คงพอซับได้หน่อย ไปกันเถอะไอ้แสบ ไปก่อนนะครับ” ท้ายประโยคบอกพนักงานรักษาความปลอดภัยก่อนลากแขนคนเด็กกว่าให้เดินตามไปที่รถ ไม่ลืมหันไปโบกมือลาให้คุณยามพร้อมรอยยิ้มสวยเห็นรอยบุ๋มบนแก้มที่ไม่ว่าใครเห็นเป็นอันต้องหลงรัก

แต่ขอยกเว้นเด็กฝรั่งหน้ามึนไว้สักคน เพราะถ้าตอนนี้ทิวากานต์ยังลอยหน้าลอยตายิ้มระรื่นใส่เขาอีกครั้ง สาบานได้เลยว่าด็อกเถื่อนรูปหล่อจะถูกหัวเหม่งๆ โขกปากให้ฟันร่วงแน่นอน!



TBC

นึกว่าจะไม่มีคนอ่านซะแล้ว  :o8:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 03 [16.09.15]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 16-09-2015 17:45:45
สนุกมากเลยคะ ตีกันอย่างนี้จะไปรักกันตอนไหนเนี่ย
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 03 [16.09.15]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 16-09-2015 19:13:46
สนุกดีอ่ะ เด็กมันกวน คุณหมอวาก็ใช่ย่อย
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 03 [16.09.15]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 16-09-2015 20:49:02
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 03 [16.09.15]
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 16-09-2015 21:12:27
 :laugh:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 03 [16.09.15]
เริ่มหัวข้อโดย: qilarsy39 ที่ 16-09-2015 21:55:58
น่ารักจังงง  :hao7:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 03 [16.09.15]
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 17-09-2015 06:53:56
น่ารัก~~~~
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 03 [16.09.15]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 17-09-2015 14:37:27
แอ๊ะ ๆๆ ยังไงกันคุณหมอ ได้แกล้งเด็กสนุกใหญ่เลย
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 03 [16.09.15]
เริ่มหัวข้อโดย: sirikanda28 ที่ 17-09-2015 18:06:18
กวนพอกันทั้งคู่ :laugh:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 03 [16.09.15]
เริ่มหัวข้อโดย: meeyeon ที่ 17-09-2015 23:53:28
น่ารักอะ รอตอนต่อไปนะคะ  :mew1:
หัวข้อ: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 04 [18.09.15]
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 18-09-2015 21:17:53
TRACK 04



วันที่สิบสาม เมษายน เวลาบ่ายสองโมงตรง ณ คอนโดระดับไฮเอนด์แห่งหนึ่งแถวอโศก ทิวากานต์กวาดสายตามองเด็กฝรั่งสามคนไล่จากคนตัวเล็กสุดไปหาคนตัวโตสุดก่อนส่ายหัว

“แสบกับเจมส์ไปเปลี่ยนชุดซะ”

เฮนรี่ เดอะ เติร์ดก้มมองตัวเองก่อนเงยหน้าใช้ตาสีเขียวมรกตเข้มจ้องคุณหมอหนุ่มแทนคำถาม เขาก็แต่งตัวตามปกติ เสื้อโปโลแขนสั้นกับกางเกงแสลคขายาวมันผิดตรงไหน อลันด์ก็เหมือนกัน

“ดูทอมเป็นตัวอย่างนะ เราจะไปเล่นน้ำกันไม่ใช่ไปเดินชิลที่ห้าง นี่มันคือสงคราม!” คุณหมอหนุ่มประกาศกร้าว วันนี้เขาสลัดเสื้อเชิ้ตกางเกงขายาวออกเหลือเพียงเสื้อยืดสีเข้มกับกางเกงสามส่วนผ้าหนาและรองเท้าแตะเท่านั้น โธมัสในชุดเสื้อกล้ามสีขาวบางหัวเราะคิกเอาไหล่ใหญ่ๆ กระทุ้งเพื่อนตัวเล็กกระเด็นออกมาข้างหน้า

“เรื่องมากชะมัด ไม่เห็นอยากจะไปเล่นเลย”

“ไม่เอาน่าอัล น่าสนุกดีออก จำที่พีทเล่าให้ฟังไม่ได้เหรอว่าเราสามารถจับแก้มพวกผู้หญิงได้โดยไม่มีใครว่าน่ะ แบบนี้มันสวรรค์ชัดๆ”

“พวกไม่เคยเจอผู้หญิงก็งี้” อลันด์พึมพำ พวกเขาเรียนโรงเรียนประจำชายล้วนมาด้วยกันตั้งแต่อนุบาล มันก็เลยมีพวกกระหายผู้หญิงจนเหมือนโรคจิตแบบโธมัสอยู่สองสามคนในชั้น

“แสบไปเปลี่ยนชุดไป ไอ้ชุดนอนเราน่ะโอเคเลย”

“ชุดนอน!”

“อืม ก็ไอ้เสื้อยืดคอย้วยกับกางเกงขาสั้นไง”

“ให้ตายเถอะ”

“ไปเปลี่ยนเถอะน่า ฉันอยากไปเล่นน้ำใจจะขาดแล้ว” โธมัสรีบรุ่นหลังเพื่อนกลับเข้าไปในห้องพัก ส่วนเจมส์ยังคงมองคุณหมอตาขวาง

“ส่วนนาย...”

“เสื้อผ้าฉันอยู่ที่โรงแรม เดี๋ยวจะสั่งพ่อบ้านให้เอาชุดมาที่นี่แล้วกัน” เจมส์ว่าเสียงเรียบ ดูเหมือนเขามีอะไรอยากจะพูดกับทิวากานต์มากกว่านั้นแต่ไม่พูดออกมา ยังคงรักษามาดผู้ดีอังกฤษได้ครบทุกระเบียบนิ้วจนคุณหมอชักกลัวว่างานจะกร่อย ว่าแต่นี่มันพกพ่อบ้านมาเที่ยวด้วยเรอะ!

“ถ้าไม่รังเกียจ ฉันคิดว่านายใส่เสื้อผ้าฉันได้นะ” เขายิ้มสู้ ลองเสนอทางออกให้ ถึงเจมส์จะดูมีกล้ามเนื้อมากกว่า แต่ทิวากานต์ก็มีเสื้อยืดตัวใหญ่ไซส์ XL อยู่พอสมควร

“คงต้องรบกวนคุณหมอแล้ว” เสียงกับหน้าแข็งเป็นไม้บรรทัดผิดกับคำพูดนอบน้อมจนคนฟังคิ้วกระตุก ไอ้เฮนรี่ที่สามนี่อยากฟาดปากกับเขาแทนอลันด์แล้วใช่ไหม

“งั้นรอตรงนี้แป๊บนึงเดี๋ยวไปเอามาให้” ชายหนุ่มวัยเกือบสามสิบข่มอารมณ์ตัวเองก่อนหายเข้าไปในห้องแป๊บเดียวก็กลับมาพร้อมเสื้อยืดสีน้ำเงินสว่างกับกางเกงขาสั้นแบบเดียวกับที่เขาใส่อยู่แต่คนละสีกันยื่นให้อีกคนเข้าไปเปลี่ยนในห้องของแม่ลูกโอเนลล์ พอดีกับอลันด์ที่ออกมาพร้อมกับแม่และโธมัส

“ค่อยเข้าท่าหน่อย” เขายิ้มชอบใจเมื่อเห็นเสื้อยืดสีขาวไหล่ตกกับกางเกงฟุตบอลสีน้ำเงินทีมดังจากลอนดอน เห็นไอ้ท่าทางขัดๆ ประหม่าของอีกคนก็เข้าใจว่าเจ้าตัวคงไม่ได้แต่งตัวแบบนี้ออกที่สาธารณะเท่าไหร่นัก ยิ่งน่าแกล้งเข้าไปใหญ่

“จะไปกันแล้วใช่ไหมจ๊ะ น้าฝากเด็กๆ ด้วยนะจ๊ะ”

“ครับ”

เมื่อพร้อมออกรบทิวากานต์ก็พาเด็กฝรั่งทั้งสามคนโบกแท็กซี่ไปถนนข้าวสารสถานที่ยอดฮิตชาวต่างชาติทุกคนต้องรู้จักเป็นสถานที่แรก แล้วพรุ่งนี้ค่อยพาไปสีลม ส่วนวันสุดท้ายอาจพาไปปาร์ตี้โฟมที่อาร์ซีเอ (อันหลังนี่ความอยากตัวเองล้วนๆ ไม่มีใครขอร้องสักคน)

ข้าวสารตอนบ่ายสองเกือบบ่ายสามยังคงร้อนจัด ผู้คนเริ่มหลั่งไหลจนแทบมองไม่เห็นพื้นดิน ทั้งหัวดำหัวแดงเดินสวนกันไปมาจนน่าอึดอัด ครั้งสุดท้ายที่คุณหมอมาเหยียบที่นี่ก็เมื่อตอนปีสองตอนนั้นคนยังไม่เยอะเท่านี้เลย อย่าถามว่ากี่ปีมาแล้วเขาก็ขี้เกียจจะนับ ก็แค่ใช้สองมือนับไม่พอ

 “ทำหน้าให้มันมันส์ๆ หน่อย” โธมัสฉีดน้ำใส่หน้าเพื่อนตัวเล็ก กัปตันชมรมรักบี้ดูจะชอบอกชอบใจมีความสุขมากกว่าใครเพื่อน เด็กหนุ่มสะพายปืนฉีดน้ำอันใหญ่เตรียมยิงใส่ทุกคนที่เดินผ่าน เจมส์กับทิวากานต์มีปืนฉีดน้ำอันพอดีมือคนละอัน ส่วนอลันด์มีแค่ปืนฉีดน้ำอันเล็กกว่าฝ่ามือของแถมจากไอศครีมยี่ห้อหนึ่งเท่านั้น ใบหน้าที่ปกติติดจะมึนเฉยชาจนดูเหมือนอารมณ์เสียและหยิ่งตลอดเวลายิ่งดูน่ากลัวกว่าเก่าตอนเจอฝูงคนเบียดเสียด

ไม่ทันได้เข้าไปส่วนของตรอกข้าวสารทั้งกลุ่มก็โดนต้อนรับด้วยน้ำเย็นเฉียบพาสะดุ้งกันทั้งแถบ คนตัวเล็กสุดได้ของแถมเป็นแป้งขาวรูปรอยนิ้วมือบนแก้มแดงจากสาวน้อยใจกล้านางหนึ่งด้วย

ขบวนหนึ่งผู้ใหญ่กับสามเด็กต่างชาติเดินเป็นกลุ่มเข้าไปในตรอกข้าวสารอันเลื่องชื่อ มีคนตัวเล็กอยู่ตรงกลางไปโดยปริยายจากการใช้แขนข้างเดียวเจมส์กระชากอลันด์มายืนตรงที่ๆ เขาต้องการอย่างง่ายดาย แม้ตาสีซีดจะจ้องกลับไม่ชอบใจแต่เด็กหนุ่มก็เพียงใช้สายตาดุกว่าจ้องกลับให้อีกคนยอมจำนนเท่านั้น

ตรอกข้าวสารเป็นถนนกว้างพอให้รถสวนได้ ปกติสองข้างทางเป็นร้านค้ารถเข็น บาร์กินดื่มสำหรับข้าวต่างชาติเสียส่วนใหญ่ หากพอถึงหน้าเทศกาลร้านค้าส่วนใหญ่จะปิดไม่ก็กลายสภาพเป็นร้านขายอุปกรณ์เล่นน้ำ บาร์บางแห่งยังคงเปิดให้บริการนักท่องเที่ยวขี้เมา มีเวทีแสดงดนตรีให้นักร้องนักแสดงมีชื่อเสียงออกมาให้ความบันเทิงอยู่หน้าทางเข้าจากบริษัทน้ำอัดลมชื่อดัง การรักษาความปลอดภัยค่อนข้างดีเพราะมีการตรวจตราจากทางเข้าออกทั้งสองฝั่ง ส่วนการเล่นแป้งถูกงดขาด แต่ถ้าอยากเล่นก็แค่ออกจากตรอกไปเล่นด้านนอกได้

ไหลตามฝูงคนพ้นด่านตรวจมาได้ไม่กี่เมตรก็เห็นเวทีสีแดงสดตั้งอยู่ซ้ายมือ ทิวากานต์หัวเราะก๊ากเมื่อหันไปเห็นหน้าตกใจของไอ้ตัวแสบ นิ้วยาวสวยของอลันด์ชี้ไปบนเวทีเมื่อเห็นพี่นภของตัวเองร้องเพลงอยู่บนนั้น นี่มันไม่รู้จริงๆ สินะว่านภเป็นนักร้องอาชีพ

“ด็อก ทำไมพี่นภอยู่บนนั้นอ่ะ”

“ก็เขาเป็นนักร้อง”

“โอ้ว - มาย - ก็อด! เขาไม่เคยบอกผม”

“เขาคงนึกว่าเธอรู้อยู่แล้ว เขาเป็นซูเปอร์สตาร์นะ คนทั้งประเทศรู้จักเขากันเกือบหมด ขนาดฉันไม่ชอบเปิดทีวียังรู้จักเขาเลย ไม่เคยสังเกตป้ายบิลบอร์ดข้างทางบ้างหรือไง”

เด็กลูกครึ่งส่ายหัวพรืด ก่อนใช้ตาสีซีดจับจ้องนภบนเวที แค่มองตาก็รู้แล้วว่าเจ้าตัวดูจะชื่นชอบพี่นภของตัวเองมากขึ้นไปอีก มือสวยกระตุกชายเสื้อโธมัสไม่ให้เจ้าตัวเดินพ้นรัศมีเวทีก่อนชี้ชวนให้ดู ริมฝีปากอิ่มเป็นกระจับแย้มรอยยิ้มขณะเล่าให้เพื่อนฟังด้วยความภูมิใจ “นั่น... ผู้ชายที่อยู่บนเวทีนั่น ฉันไปซ้อมดนตรีกับเขาแทบทุกวันเลย”

“เจ๋งเลยนี่ คนนี้ใช่ไหมที่นายบอกว่าด็อกพาไปเจอน่ะ”

“อืม” อลันด์โบกมือให้คนบนเวทีแม้ไม่แน่ใจว่านภจะเห็นตัวเองหรือไม่ ตอนนี้เขารู้สึกตื่นเต้นจนมือไม้สั่นไปหมด อยากจะร้องเพลงบนเวทีแบบนั้นบ้าง อยากให้ทุกคนได้ฟังเพลงของตัวเอง

“ก็งั้นๆ แหละ” คนดูเหมือนผู้ใหญ่สุดว่า เจมส์ยืนกอดอกใช้ตาสีเขียวเข้มจ้องมองคนบนเวทีไม่ชอบใจ แม้จะหมดสภาพคุณชายไปกว่าครึ่งเพราะน้ำและเศษแป้งประปรายแต่มาดผู้ดียังคงเกาะติดตัวไม่ไปไหน

“ด็อกรู้จักคนดังแบบนี้แสดงว่าด็อกก็ดังด้วยใช่ไหม”

หนุ่มรักบี้หันมาถามคุณหมอที่ยืนฟังดนตรีสดเพลินๆ ทิวากานต์เคลงหัวแทนคำตอบไม่พูดขยายความอะไร โธมัสจึงเลิกให้ความสนใจหันกลับไปดูหนุ่มไทยหน้าดีบนเวทีแทน สักพักคนบนนั้นก็โบกมือมาทางที่กลุ่มพวกเขายืนอยู่ อลันด์เลยโบกมือกลับไปให้ทั้งรอยยิ้มกว้าง

ให้ตายเถอะ...เวลายิ้มก็น่ารักดีนี่นา ทำไมชอบตีหน้ามึนเหมือนคนนอนไม่พอใส่เขาตลอด คุณหมอกระตุกยิ้มใส่เด็กหน้าตายก่อนละเลงมือบนกลุ่มผมสีนมช็อกโกแลตเต็มแรง พอถูกมองค้อนกลับก็เพียงให้คำตอบสั้นๆ “หมั่น - ไส้”

“อิจฉาพี่นภล่ะสิ”

“ตลก” คุณหมอแค่นยิ้ม ไอ้เด็กนี่คิดได้ไงว่าเขาอิจฉานภ “ถ้าเธอรู้จักฉันจริงๆ แล้วคงกลับพูดแทบไม่ทันแน่ๆ”

“ตอนนี้ยังไม่รู้จักงั้นก็คิดว่าอิจฉาได้สินะ” อลันด์หัวเราะ เขาดูมีความสุขผิดกับเมื่อครู่แบบพลิกฝ่ามือ ที่คิดว่ามันน่ารักเมื่อกี้ขอถอนคำพูดทันไหม

เมื่อเพลงบนเวทีจบลงเสียงปรบมือโห่ฮาก็ดังลั่น นภกระโดดไปมาเหมือนคนปัญญาอ่อนบนเวทีเอ่ยทักทายผู้คนที่มาเล่นน้ำในตรอกข้าวสาร ตลอดเวลาอลันด์จะคอยแปลสิ่งที่นักร้องดังพูดเป็นภาษาอังกฤษให้เพื่อนทั้งคู่เข้าใจ

“ก่อนจะที่เราจะสนุกกันต่อ ผมอยากแนะนำน้องชายคนใหม่ของผมให้ทุกคนรู้จัก” นภฉีกยิ้มสดใสก่อนกวักมือเรียกเด็กฝรั่งหน้ามึนให้เข้าไปหา “ไอ้แสบขึ้นมานี่หน่อย”

เด็กแสบชี้นิ้วหาตัวเองหน้าเหรอหรา พออีกคนพยักหน้ายืนยันก็รีบเดินไปหน้าเวที ไปๆ มาๆ ด้วยการช่วยกันฉุดกระชากของคนบนเวทีเด็กฝรั่งตัวสูงต่ำกว่ามาตรฐานชายไทยก็ไปยืนเคียงข้างนักร้องดังบนเวทีเสียแล้ว โธมัสตบมือหัวเราะชอบใจ ผิวปากแซวเสียงดัง ผิดกับเพื่อนอีกคนที่หน้าชักบูดเข้าไปทุกที

“ขอแนะนำทุกคนให้รู้จัก แสบ น้องชายคนใหม่ของผม เพื่อให้ทุกคนรู้จักเขามากกว่านี้เราจะร้องกันสักเพลงก่อนที่พี่จะปล่อยเราไปเล่นน้ำกับเพื่อนต่อนะ เอาเพลงที่เราซ้อมกันล่าสุดเลย” ท้ายประโยคนักร้องหนุ่มก้มลงกระซิบกับอลันด์ เขาวิ่งไปเอากีตาร์ไฟฟ้าของนักดนตรีมาให้เด็กหนุ่มสะพายไหล่ ชูมือทำสัญญาณกับนักดนตรีพอเสียงกลองเคาะให้จังหวะทิวากานต์ที่ไม่เคยได้ชมการแสดงของเด็กหนุ่มเต็มๆ มาก่อนก็เพิ่งได้ประจักษ์ความสามารถในตอนนี้

“…All the other kids with the pumped up kicks
You'd better run, better run, outrun my gun
All the other kids with the pumped up kicks
You'd better run, better run, faster than my bullet…1


.
.
.

ปลายนิ้วเนียนนุ่มกว่าหญิงสาวกดบนกริ่งเพียงครั้งเดียวหายใจไม่ถึงสองเฮือกบานประตูไม้หนักก็เปิดออกพร้อมใบหน้าสดใสของนักรักบี้หนุ่ม โธมัสฉีกยิ้มกว้างต้อนรับคุณหมอเข้าไปในห้อง

“ด็อกอาบน้ำช้าจัง ผมกับอัลอาบน้ำเสร็จตั้งนานล่ะ”

“พอดีแช่น้ำอุ่นเพลินไปหน่อย”

“ช่างมันเถอะ ด็อกเข้ามารอก่อน เจมส์ยังอาบน้ำอยู่เลย อีกอย่างมัมมี้ของอัลก็ยังทำมื้อเย็นไม่เสร็จ”

ว่าที่คุณหมอศัลย์เดินเข้าไปในบ้านตามคำเชิญ เขาถอดรองเท้าแตะออกเปลี่ยนเป็นสลิปเปอร์ผ้า ห้องของสองแม่ลูกโอเนลล์เป็นห้องชุดแบบ Duplex สองห้องนอนสามห้องน้ำเหมือนของเขาเพียงแค่กลับฝั่งกัน การตกแต่งหรูหราและยังคงเค้าเดิมที่ทางบริษัทเจ้าของโครงการทำไว้ เพียงแต่ตกแต่งเพิ่มส่วนพื้นที่เปลี่ยนเป็นพรมหมด

ตาเรียวคมเห็นเด็กเจ้าของบ้านยืนจังก้าอยู่หน้าโซฟา ผมเผ้าฟูกระจายไม่เป็นทรง เสื้อผ้าชุดใหม่ยับยู่ยี่ ดูยังไงก็ไม่ใช่สภาพคนเพิ่งอาบน้ำเสร็จแน่ๆ แต่เหมือนไปฟัดกับหมามามากกว่า ยืนสงสัยได้ไม่นานหมาที่ว่าก็พุ่งจากข้างหลังเขาเข้าชาร์จไอ้เด็กแสบพากันกลิ้งหลุนๆ ไปตามพื้นพรม อลันด์ดูท่าจะเสียเปรียบเพราะถูกกดติดกับพื้นท่าทางล่อแหลม ขาขาวจัดตวัดรวบเอวหนา ท่อนแขนอวบฟาดป้าบๆ เข้าที่หลังเพื่อนนักกีฬาตัวใหญ่ด้านบน ถ้าไม่มีเสียงหัวเราะลั่นตามมาเขาคงคิดอยู่ว่าทะเลาะกัน แต่...ไม่ ไอ้เด็กสองตัวนี้มันเล่นกันอยู่

เป็นการละเล่นที่รุนแรงดีเหลือเกิน ขนาดพาไปเล่นน้ำตากแดดข้างนอกตั้งสามชั่วโมงมันยังมีแรงเหลือเฟือให้มาฟัดกันต่ออีก หรือเพราะเขาเริ่มแก่แล้ววะถึงรู้สึกเพลียไปหมด

ทิวากานต์เดินเลี่ยงเข้าห้องครัวไม่ขออยู่เกะกะการต่อสู้ของสองเพื่อนซี้ หนีไปช่วยเจ้าของบ้านตัวจริงทำมื้อเย็นดีกว่า

“คุณหมอมาเร็วจังค่ะ น้ายังทำกับข้าวไม่เสร็จเลยไม่คิดว่าจะกลับมากันเร็วเลยไม่ได้เตรียมของไว้ ออกไปรอข้างนอกกับพวกเด็กๆ ก่อนเถอะจ้ะ”

“คงไม่ไหวล่ะครับ เล่นกันรุนแรงเหลือเกินกลัวกระดูกจะหักเอา ผมมันผู้ชายอ่อนแอไม่นิยมใช้กำลัง ให้ผมช่วยงานเบาๆ ในครัวดีกว่าครับ” คุณหมอยิ้มตาหยี ตัวโตเป็นยักษ์วัดแจ้งแบบนี้ให้อลันด์วิ่งชนเหมือนจะยังไม่ล้มเลยด้วยซ้ำ

“สองคนนั้นก็แบบนี้ตลอดล่ะค่ะ นี่ถ้าอัลไม่เคยแขนหักคงถูกทอมลากเข้าชมรมรักบี้ด้วยแน่ๆ แต่ดีแล้วที่พลาดไปน้าคงทำใจไม่ไหวตอนเห็นเจ้าอัลถูกเพื่อนอัดในสนามโคลน ที่เห็นเล่นกันแรงๆ นี่ทอมเขาก็ออมให้”

ทิวากานต์หัวเราะในคอยามนึกภาพเด็กฝรั่งตัวเล็กเจ้าเนื้อหน่อยๆ วิ่งไล่ลูกรักบี้ก่อนโดนโธมัสแอคแทคจนลอยคว้างกลางอากาศ “มาครับ ตอนนี้มีอะไรให้ผมทำบ้าง เรื่องในครัวไว้ใจผมได้เลย ทำได้ทุกอย่าง”

“งั้นรบกวนคุณหมอช่วยแกะกุ้งในชามให้หน่อยค่ะ”

“สบายมากครับ ให้ผ่าหลังด้วยไหมครับ”

“ด้วยค่ะ”

“รับทราบครับ เรื่องผ่าๆ เนี่ยไว้ใจผมเถอะ”



คุณหมอวัยเฉียดสามสิบถูกไล่จากห้องครัวให้ไปนั่งรอกินเฉยๆ หลังช่วยเจ้าของบ้านทำมื้อเย็นทั้งหมดเกือบเสร็จ ส่วนมาดามโอเนลล์ก็ไปเข้าห้องน้ำระหว่างรอข้าวสุกกับน้ำซุปที่เคี่ยวไว้จะได้ที่ ไม่อยากจะโม้หรอกนะแต่มาดามโอเนลล์ถึงกับออกปากว่าใครได้เขาไปเป็นสามีจะต้องน่าอิจฉามากที่ได้สามีทำอาหารเก่งขนาดนี้ ก็นอกจากเรื่องเรียนแล้วเรื่องอาหารเขาก็มั่นใจไม่แพ้กันหรอก มีแม่เป็นนักชิมนักทดลองขนาดเขียนคอลัมภ์ลงนิตยสารมาแล้วนะ

ห้องนั่งเล่นเงียบสงบไปแล้ว พอเห็นหนึ่งในตัวการก่อเสียงดังสลบเหมือดถึงเข้าใจ เจ้าเด็กแสบนอนขดตัวบนโซฟาหลับตาพริ้มดูไร้พิษสง เห็นแบบนี้มันน่าแกล้งชะมัด

เท้าไวเท่าความคิด ชายหนุ่มก้าวฉับตรงไปโซฟาตัวใหญ่กลางห้องก่อนถูกแรงลึกลับกระชากพรวดเดียวตัวของคุณหมอก็ลอยวืดกลับหลังมาซ่อนอยู่ตรงแถวหน้าประตูทางเข้าห้อง เสียงโวยวายหายไปในลำคอเพราะมือใหญ่ที่ปิดปากตัวเองอยู่

“ชู่ว” เจ้าของแรงลึกลับยกนิ้วแตะปากทำท่าให้คุณหมอเงียบเสียง ตาสีน้ำตาลเข้มเหลือบมองผู้ร้ายกระทำการอุกอาจอย่างโธมัสตาเขียว ไอ้เด็กบ้าเล่นพิเรนทร์จนน่าจับมากระทืบ ถ้าเขาหัวใจวายตายขึ้นมาจะว่ายังไงกันฟร่ะ!

เจ้าของร่างสูงโปร่งดิ้นขลุกขลักสองสามทีโธมัสก็ยอมปล่อยให้คุณหมอหนุ่มเป็นอิสระก่อนชี้นิ้วไปข้างหน้า ไม่ลืมสำทับให้คุณหมอหลบอยู่ตรงมุมและเงียบเสียงไว้ ทิวากานต์มองไอ้เด็กตัวสูงกว่าเขาหน่อยนึงแต่กล้ามบึ้กกว่าเยอะคาดโทษ ถ้าที่มันชวนดูมันไร้สาระเขาจะไล่เตะรอบห้องเลย

ที่โธมัสชี้ให้ดูก็เห็นเพียงแต่อลันด์ยังนอนหลับสนิทบนโซฟากำมะหยี่สีเทา ส่วนฮู้ดของเสื้อปรกทับคางได้รูป เอิ่ม...จะให้เข้าดูคนหลับเนี่ยนะ

“wait” เจ้าของตาสีฟ้าขยับปากเป็นคำสั้นๆ เมื่อคุณหมอหันไปมองตาขวาง ก่อนจะใช้สองมือจับหน้าคุณหมอหันไปทางเก่าไม่ยั้งแรงจนคอแทบหัก

จะหันไปด่าก็ต้องตกใจกับภาพตรงหน้าก่อน ทิวากานต์อ้าปากค้าง ที่จู่ๆ ก็เห็นไอ้เด็กเจมส์เดินเข้าไปนั่งยองๆ ตรงหน้าอลันด์ ไอ้หน้าติดจะหยิ่งตลอดเวลาตอนนี้เหลือเพียงสายตาอ่อนโยนและรอยยิ้มอ่อนหวานเท่านั้น หากไอ้ที่ช็อกซีนีม่าสุดจนได้แต่ขยับปากพะงาบๆ คือไอ้เฮนรี่ที่สามมันก้มหน้าลงไปจูบปากเด็กแสบเหมือนฟิลิปจุมพิตออโรร่าต่างหาก

อีเหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย... พวกมึงไม่ได้เกลียดกันอยู่เหรอ

“อึ้งอ่ะดิด็อก ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” โธมัสหัวเราะลั่นหลังจากที่คุณหมอลากอีกฝ่ายออกมานอกห้องทันทีที่เห็นภาพชวนช็อก หน้าขาวๆ ของคุณหมอที่ว่าขาวอยู่แล้วยิ่งซีดเข้าไปใหญ่คงตกใจน่าดู แต่ก็ตลกดีนะ

“สองคนนั้นไม่ได้เกลียดกันอยู่เหรอ” กว่าที่คุณหมอคว้านหาลิ้นตัวเองเจอเขาก็ปล่อยให้โธมัสหัวเราะกับหน้าตาตลกๆ ของตัวเองไปหลายนาที “ฉันนึกว่าเป็นศัตรูคู่อาฆาตอะไรกันซะอีก เห็นเจมส์จ้องจะฆ่าไอ้ตัวแสบด้วยสายตาตลอด”

“ด็อกไม่เคยได้ยินที่เขาบอกเหรอว่าเด็กผู้ชายยิ่งชอบยิ่งแกล้งอ่ะ เจมส์มันแอบชอบอัลมานานแล้วแต่อัลมันชอบทำหน้าหยิ่งๆ เจมส์มันเลยต้องเรียกร้องความสนใจไง เหมือนเดรโก มัลฟอยกับแฮร์รี่ พอตเตอร์เป๊ะ”

“ตรงไหนวะ” แต่ตอนนี้ทิวากานต์ชักสงสัยว่าโธมัสเป็นหนุ่มวายมากกว่าความสัมพันธ์ของไอ้เด็กฝรั่งสองคนนั้นแล้วสิ

“เหมือนจะตาย แต่ทีนี้เจมส์มันก็คงมึนๆ สับสนกับตัวเองไงไม่รู้จะทำไงดี แกล้งไปแกล้งมาเผลอทำอัลตกหลังม้าแขนหัก ทีนี้อัลเกลียดขี้หน้าจริงๆ โคตรน่าสงสารอ่ะ เลยต้องมาคอยตอดเล็กตอดน้อยเอาตอนอัลไม่รู้ตัวตลอด แล้วยิ่งอัลหนีมาเรียนต่อที่นี่นะเจมส์แทบบ้า ถึงขั้นมาเคาะประตูบ้านชวนผมมาตามอัลกลับลอนดอนเลยอ่ะ”

ปากกว่าน่าสงสารแต่หน้าตาและการกระทำไม่ไปด้วยกันสักนิด กัปตันรักบี้ยังคงยิ้มร่าประหนึ่งเจอเรื่องสนุก นี่เอ็งอยากให้เพื่อนขุดทองกันจริงๆ ใช่ไหม

“ไม่คิดว่ามันแปลกเหรอ คือ...ฉันก็ไม่ได้แอนตี้อะไรพวกนี้หรอกนะออกจะเข้าใจด้วยซ้ำ” แหงล่ะ... เขามีแม่เป็นสาววายแถมบรรดาเพื่อนแม่ที่ช่วยกันเลี้ยงเขามาก็เป็นสาววายกันทั้งแก๊ง เคยจิ้นเขากับเพื่อนออกจะบ่อย รูมเมทสมัยเรียนหมอก็คบกันเอง เขาเองก็เคยเกือบเผลอไปเป็นเด็กเสี่ย อุ๊ปส์ แต่แบบนี้มัน... “ไอ้ตัวแสบนั่นมีอะไรให้รักวะ”

“แสบ ด็อกเรียกอัลแบบนี้อีกแล้ว นักร้องคนนั้นก็เรียกอัลแบบนี้ ภาษาไทยใช่ไหม มันหมายความว่าไงเหรอ”

“ก็แบบ... พวกตัวป่วนน่ะ troublemaker ประมาณนี้”

“โอ - ไอ - ซี” โธมัสดีดนิ้วเป๊าะ “เมื่อกี้ด็อกถามใช่ไหมว่าอัลมีอะไรให้รัก”

“เออ ฉันสงสัยมาก หน้าตายออกแบบนั้น ชอบทำมึน กวนประสาท มันน่ารักตรงไหน”

“เดี๋ยวด็อกใช้เวลาอยู่กับอัลนานๆ ก็รู้เอง อัลน่ะน่ารักจะตาย ยิ่งเวลาถูกแกล้งให้โกรธจนหน้าบูดหน้าแดงแล้วร้องไห้น้ำตาไหลพรากนะยิ่งโคตรน่ารัก”

“นี่นายเป็นพวกเอสหรือไง” คุณหมอเหล่ตามองเด็กหนุ่มสายตาไม่ไว้ใจ

“เอาน่า เดี๋ยวด็อกก็รู้เอง”

“ถ้าฉันเป็นพ่อแม่อลันด์ฉันจะให้เขาเลิกคบกับเพื่อนแบบเธอเป็นอย่างแรกเลย ขายเพื่อนกันชัดๆ”

แทนที่จะสลดโธมัสกลับยิ่งฉีกยิ้มกว้างโชว์ฟันสามสิบสองซี่ก่อนดันคุณหมอกลับเข้าไปในห้อง แต่ทิวากานต์ก็หูดีพอได้ยินเสียงกระซิบเบาๆ ของไอ้เด็กขายเพื่อน “ก็มันสนุกดีนี่นา”

โลกนี้ไม่เคยไว้ใจอะไรได้ง่ายๆ เลยสินะ...



มื้อเย็นเริ่มตอนหกโมงครึ่งพอดี อลันด์งัวเงียๆ ลุกจากโซฟาเดินตาแดงเหมือนกระต่ายมานั่งที่โต๊ะกินข้าวก่อนโดนมาดามโอเนลล์ไล่ไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำก่อน

“ปวดหัว”

“ใครเขาใช้ให้นอนตอนนี้กันเล่า”

“ก็มันเหนื่อยนี่” ปากเป็นกระจับได้รูปขยับเถียงแม่ เขาเล่นกับโธมัสจนหมดแรงเผลอหลับไปตอนไหนยังไม่รู้เลย แถมใครก็ไม่รู้เอาผ้ามาห่มให้อีก ทีนี้เลยยาวนอนจนแม่ปลุกมากินข้าวนี่แหละ

“ไปเล่นกันเองช่วยไม่ได้จ๊ะ เอ้าเช็ดหน้าเสียหน่อยค่อยกินข้าว”

มือเรียวสวยรับกระดาษทิชชูจากมาดามโอเนลล์มาซับๆ ก่อนวางทิ้งไว้บนโต๊ะ ตาสีซีดมองอาหารบนโต๊ะแล้วส่ายหัว มีแต่อาหารไทย เขาชอบเนื้อมากกว่าอาหารที่มีแต่ผักแบบนี้แต่เหมือนแม่จะไม่เข้าใจเด็กวัยกำลังโตเอาเสียเลย

“น้าทำอาหารไทยแต่ไม่เผ็ดมากให้ กินกันได้นะจ๊ะ”

“ได้หมดครับ ฝีมือคุณน้าทำอะไรก็อร่อย ผมชอบหมดทุกอย่างแหละ” โธมัสยิ้มประจบคนแก่กว่าให้ยิ้มหน้าบาน หมอวาไม่อยากฟ้องเลยว่าไอ้นี่มันกำลังขายลูกชายน้าให้ผู้ชายอีกคนอยู่นะ อย่าไปหลงคารมมัน

ส่วนไอ้เฮนรี่ที่สามที่แม่งแอบรักเพื่อนตัวเองก็สวมบทคุณชายตีหน้านิ่งเหมือนเดิมเด๊ะจนน่าจับไปรับรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม แม่งคนอะไรจะตีหน้าไม่รู้ไม่ชี้หลังจากแอบจูบลูกชายเขาถึงในบ้าน เด็กสมัยนี้น่ากลัวกันจริงๆ ทิวากานต์ขอยืนยัน!

.
.
.
หัวข้อ: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 04 [18.09.15]
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 18-09-2015 21:23:46
สำหรับอลันด์แล้วโธมัสคือคนที่เซ้าซี้จนเข้าขั้นน่ารำคาญ บ้าพลัง พูดไม่รู้เรื่องเหมือนสุนัขพันธุ์ใหญ่ขนทองที่เจ้าตัวเลี้ยงไว้เต็มบ้าน ถึงอย่างนั้นก็เป็นคนที่สนิทที่สุดและรักมากที่สุด

พวกเขารู้จักกันตั้งแต่อยู่ชั้นอนุบาล เรียนประถมที่เดียวกัน ขึ้นมัธยมก็ยังมาอยู่โรงเรียนประจำที่เดียวกัน ซ้ำยังได้อยู่บ้านหลังเดียวกันและเป็นรูมเมทจนขึ้นชั้น sixth form ที่นักเรียนแต่ละคนจะได้ห้องส่วนตัวเป็นของตัวเอง

ตอนที่เขาเดินไปบอกโธมัสว่าจะมาเรียนต่อที่ไทยตามเงื่อนไขที่แด๊ดวางไว้เพื่อเป็นนักร้องในอนาคต หนุ่มผมทองนัยน์ตาฟ้าเข้มทำเพียงฉีกยิ้มกว้างและชูนิ้วโป้งให้เขา อวยพรให้เขาประสบความสำเร็จได้เป็นนักร้องสมใจ ที่สนามบินฮีทโธรว์เจ้าตัวก็มาส่งเขาและจากกันด้วยรอยยิ้ม บอกแค่ให้เขาบินกลับมาลอนดอนบ่อยๆ เท่านั้น แล้วเขาก็ขึ้นเครื่องจากบ้านเกิดมา

อลันด์เป็นลูกคนเดียว ตอนเด็กๆ เลยติดเพื่อนอย่างโธมัสมาก จนบอกว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาเหมือนพี่น้องก็พูดได้เต็มปากและบางทีก็สนิทกันมากเกินไป

แต่ตอนนี้...เขาชักอยากถีบเพื่อนรักกล้ามบึ้กสักที

“จะนอนยังไง ที่นี่มีเตียงไม่พอหรอกนะ ขนาดวันนั้นนายยังต้องนอนพื้นเลย” อลันด์โวยวายลั่นห้อง ตาสีฟ้าซีดตวัดมองโธมัสทีเจมส์ทีก่อนกอดอกฉับ

“ฉันนอนพื้นได้” เจมส์ว่าเสียงเรียบ ทำให้โธมัสชอบใจจนต้องตบมือยกใหญ่

“เจมส์บอกว่านอนพื้นได้แน่ะ” หนุ่มตาฟ้ายิ้มพราว ที่เถียงกันจนถูกอัลมองตาเขียวก็เพราะโธมัสเป็นตัวตั้งตัวตีไม่ยอมกลับโรงแรมหลังมื้อเย็นจบและชวนเจมส์นอนที่คอนโดนี่แทน

“ห้องนอนฉันเล็กเท่าแมวดิ้นตาย แต่ถ้าพวกนายนอนอัดกันเป็นกระป๋องได้ก็โอเคนะ”

“นั่นสินะ ฉันไม่อยากนอนกอดกับหนุ่มโปโลด้วยสิ”

“กลับโรงแรมไปซะ”

“แต่พวกเราจะกลับลอนดอนพรุ่งนี้แล้วนี่นา ฉันอยากใช้เวลากับนายให้มากที่สุดนะอัล” โธมัสยิ้มอ้อน ใช้ท่อนแขนล่ำโอบรอบคอเพื่อนตัวเล็กให้เข้ามาซุกตรงอก พออลันด์ดิ้นหนีเขาก็ออกแรงอีกนิดอีกฝ่ายก็หมดปัญญาหนีพ้น “ไม่สิ ต้องเป็นฉันและเจมส์ถึงจะถูก”

“ไม่รู้ล่ะ ยังไงที่นี่ก็ไม่มีที่ให้พวกนายสองคนนอนโดยเฉพาะเจมส์!”

“อัล เจมส์เขาอุตส่าห์มาหาลูกถึงนี่นะ อย่าใจร้ายกับเจมส์สิ” มาดามโอเนลล์เอ็ดลูกชายตอนเดินผ่านมาได้ยินพวกเด็กๆ เถียงกันพอดี จัดการหยิกแก้มย้วยลูกชายไปที “ถ้าห้องนอนมันแคบนักก็ออกมานอนกันข้างนอกให้หมดนี่แหละจ้ะ เอาฟูกมาปูตรงโซฟาก็ได้ หรือจะใต้บันไดดี ตรงนั้นยังว่างนะ”

“เยี่ยมไปเลยครับ” หนุ่มตาฟ้าชูนิ้วโป้งให้คนมีอำนาจสูงสุดในบ้าน “งั้นเราไปเอาฟูกมาปูกันเถอะ เฮ้ อัลนายเอากีตาร์มาเล่นด้วยสิ จะได้เหมือนมาตั้งแคมป์กันไง”

“ไปตายซะทอม!”

“อัล อย่าพูดหยาบคายในบ้านนะ!”

สุดท้ายเมื่อสู้มารดาบังเกิดเกล้าไม่ได้อลันด์ก็ต้องมาช่วยเพื่อนตัวใหญ่ทั้งคู่ปูฟูกตรงที่ว่างใต้บันไดแทน เขากะไว้ว่าพอแด๊ดซื้อกลองชุดให้เขาจะเอามันมาไว้ตรงนี้ แต่ตอนนี้คงต้องกลายเป็นที่นอนชั่วคราวไปก่อน

มาดามโอเนลล์ช่วยขนหมอนกับผ้าห่มมาให้ แต่เพราะไม่เคยคิดจะใช้ที่นี่ต้อนรับแขกผ้าห่มที่มีอยู่แค่สองผืนจึงต้องแบ่งกันสามคน หลังจัดเตรียมที่นอนเรียบร้อยเธอก็ขอตัวไปพักผ่อน ไม่ลืมเตือนให้เด็กๆ เสียงเบาและรีบเข้านอนเพื่อที่พรุ่งนี้จะได้ตื่นแต่เช้าเตรียมตัวกลับลอนดอนกัน

ผ้าม่านถูกรวบเก็บให้แสงไฟจากด้านนอกเข้ามา เปิดไฟในห้องเพียงแสงสลัวสีเหลืองนวลๆ ให้เห็นหน้าค่าตากันได้ชัดเจน

“อยากชวนด็อกมานั่งเล่นด้วยจัง” คนเจ้าความคิดเสนอก่อนถูกอลันด์จับล็อคคอ โธมัสแกล้งร้องโหยหวนเหมือนเจ็บเต็มทีทั้งๆ ที่เพื่อนซี้ตัวเล็กแทบไม่ได้ออกแรงด้วยซ้ำ

“อย่าแม้แต่จะคิดเชียว”

“ทำไมเล่า ด็อกเขาออกจะเป็นคนสนุก”

“ปล่อยเขาไปสักวันเถอะ นายชักจะตัวติดกับหมอนั่นมากไปแล้วนะ”

“หวงเหรอ หวงฉันหรือหวงด็อกล่ะ” ตีหน้าทะเล้นก่อนถูกแขนอวบรัดคออีกที คราวนี้ลงแรงจริงหนุ่มรักบี้สำลักค่อกแค่กทีเดียว

“เขาบอกว่าจะไปปาร์ตี้ไม่ใช่หรือไง นายอย่าไปรบกวนด็อกเตอร์เขาเลยน่าทอม ยังไงพรุ่งนี้เราก็ได้เจอเขาที่สนามบินอยู่ดี” เจมส์ที่นั่งฟังสองเพื่อนซี้ทะเลาะกันอยู่นานว่า อลันด์ทำปากขมุบขมิบบ่นถึงนายแพทย์ที่ทำตัวไม่สมกับเป็นแพทย์ไปหนึ่งยก

“จะว่าไปด็อกเป็นหมอที่จะว่ายังไงดีล่ะ... เขาไม่มีลักษณะของคนเป็นหมอเลยแต่ว่าเวลาเขาพูดหรือทำอะไรมันน่าดูน่าเชื่อให้ทำตามมาก มีเสน่ห์มากๆ เลยล่ะ หน้าตาเขาก็ดีจะมองว่าหล่อก็ได้จะสวยก็ได้ ตัวก็สูง”

“ตรงไหนกันทอม นายเมาหรือเปล่า” อลันด์ขมวดคิ้ว เขาเห็นทิวากานต์เป็นแค่ผู้ใหญ่ตัวโตขี้โวยวายคนหนึ่งเท่านั้นเอง

“ฉันไม่ใช่พวกไร้เดียงสาแบบนายนี่อัล นายไม่สังเกตทั้งสองวันที่เราไปเล่นน้ำกันเหรอ มีแต่คนมองด็อกเตอร์วา”

“เขาก็แค่พวกเจ้าชู้เล่นหูเล่นตาไปเรื่อย ไม่ว่ากับใครฉันเห็นเขาก็ยิ้มใจดีให้ด้วยทั้งนั้น” คนตัวเล็กสุดให้ความเห็น “ทอม นายชมด็อกแบบนั้นนายคงไม่ได้ชอบหมอนั่นหรอกนะ”

“จะบ้าเหรอ ฉันยังชอบสาวอกตู้มอยู่เว้ย ฉันแค่อยากเป็นแบบด็อกเท่านั้นแหละ ดีออกมีแต่คนมองด้วยสายตาชื่นชม”

“นายควรเลิกเล่นรักบี้ได้แล้วนะ ฉันว่าสมองนายคงได้รับการกระทบกระเทือนมากไป” อลันด์พูดพลางหัวเราะคิก โน้มตัวหลบการโจมตีจากเพื่อนซี้พัลวัน ก่อนหยุดลงเมื่อเจมส์กระแอมเสียงดัง เขาพับหนังสือในมือลงวางข้างหมอนใบเขื่องก่อนเงยหน้าขึ้นใช้ดวงตาสีเขียวเข้มมองหน้าอลันด์

“ฉันอยากฟังนายร้องเพลง ไปหยิบกีตาร์มาสิอัล”

“เล่นน้ำมากไปจนสมองกลับเหรอเจมส์ นายเนี่ยนะอยากฟังฉันร้องเพลง ไม่บอกว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระอีกล่ะ” ตาสีซีดเหลือบมองศัตรูคู่แค้น เขายังจำที่เจมส์เคยดูถูกเขาได้ว่าเพลงแบบเขามันห่วย

“ฉันแค่อยากฟัง แต่ถ้านายไม่อยากเล่นก็นอน” พูดจบร่างสูงหกฟุตนิดๆ ก็ทำท่าเอนตัวลงกับฟูก เท่านั้นอลันด์รีบกระโดดจากหลังโธมัสไปหยิบกีตาร์โปร่งตัวโปรดมาถือทันที เรื่องอะไรจะปล่อยไปง่ายๆ เจมส์กลืนน้ำลายตัวเองขอร้องให้เขาเล่นดนตรีทั้งที

“อยากฟังใช่ไหมเจมส์ คืนนี้ฉันจะให้นายฟังทั้งคืนไม่ต้องเลย”

เจมส์คลี่ยิ้มบางพอใจที่ยั่วให้คนตัวเล็กกว่ายอมเล่นดนตรีได้ “เอาเลยสิ ฉันรอฟังอยู่”

“แล้วอย่ามาขอให้ฉันหยุดล่ะ”

“งั้นอัลร้องเพลงที่ร้องเมื่อวันก่อนบนเวทีให้ฟังอีกสิ ฉันชอบ” หนุ่มรักบี้ได้ทีไถหัวกับไหล่เล็กอ้อนเพื่อนซี้เหมือนหมาตัวโต

อลันด์ยิ้มชอบใจ นิ้วเรียวจัดการปรับสายกีตาร์ก่อนเริ่มสัมผัสสายทั้งห้าเป็นเสียงดนตรีเบาๆ ในขณะที่ริมฝีปากหยักสีสดขยับเปล่งน้ำเสียงทุ้มต่ำแหบห้าวเป็นเอกลักษณ์ลอยคลอ เปลือกตาบางหลับพริ้มให้ขนตาสีอ่อนทาบแก้มใส แสงไฟเหลืองนวลกระทบใบหน้าให้ชวนฝัน

สองหนุ่มตัวใหญ่นัยน์ตาต่างสีลอบมอง young minstrel โดยไม่ได้นัดกัน เหมือนพวกเขาตกลงไปในท้วงทำนองที่ปลายนิ้วสวยทั้งสิบรังสรรค์ขึ้น พาให้จิตวิญญาณล่องลอยสูงขึ้นฟ้า

“อัล...” เจมส์เรียกชื่อคนตัวเล็กกว่าเสียงอ่อน นัยน์ตาชวนฝันสีเข้มจับจ้องใบหน้าเฉยชาของนักดนตรีหนุ่มก่อนเอ่ยขออะไรบางอย่างเป็นคำขอสุดท้ายสำหรับคืนนี้ “ช่วยร้องเพลงที่นายร้องเป็นเพลงสุดท้ายก่อนมาที่นี่อีกครั้งได้ไหม” เพลงที่เหมือนกับคำขอในใจฉันก่อนที่จะต้องจากนายอีกครั้ง...

“I hope someday you'll be mine;
I hope someday you'll be by my side,
I wanna hold you and kiss you goodnight
But, oh baby, I'll be on the next flight

A thousand miles away from here
Don't you go and don't you disappear
I wanna feel your skin against mine
And hold you in my arms dear, all on through the night
But you know I love you, love me the way you do
Love me the way you do2


ท่ามกลางแสงสลัวจาไฟติดผนังตรงชานพักบันได ตาสีเขียวเข้มยังคงเปิดเพื่อจับจ้องเสี้ยวหน้าของอลันด์ ตอนแรกเจมส์คิดว่าจะไม่ได้นอนมองหน้าอีกคนแบบนี้เสียแล้วเพราะเจ้าตัวเล่นตะแคงข้างหันหลังให้ตั้งแต่กิจกรรมสันทนาการจบลง แต่พอหลับไปได้ไม่เท่าไหร่เจ้าของส่วนสูงห้าฟุตหกนิ้วก็พลิกกลับมาทางเขา

ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เขาเอาแต่คอยมองอลันด์ เด็กลูกครึ่งตัวเล็กตาสีซีดที่ชอบทำหน้าตายตลอดเวลา ไหนจะสายตาที่ชอบมองเหมือนคนอื่นอยู่ใต้เท้าตัวเองนั่นอีกล่ะ แรกๆ ก็ไม่ชอบหน้าอยู่หรอก แต่พอได้เห็นอีกฝ่ายทำหน้าแบบต่างๆ เวลาที่มีเรื่องกระทบกัน สายตาเขาก็เผลอแต่มองอีกคนแล้ว มันเลยกลายเป็นความคุ้นชินไปเสียที่ต้องคอยแกล้งอีกคนให้ตีหน้าบูดบ้าง โกรธบ้าง เขินบ้าง และถ้าเกิดเขาไม่พลาดทำอลันด์แขนหักจนเกลียดขึ้นมาจริงๆ มันคงดีกว่านี้ เขาคงได้เข้าใกล้อีกฝ่ายเหมือนที่โธมัสได้เข้าใกล้ ได้จับมือ ได้กอด โดยที่อลันด์ไม่ต้องฝืนใจ

ปลายนิ้วหยาบจากการเล่นกีฬาแตะบนข้างแก้มใสเบาๆ ลากผ่านจนถึงมุมปากกดลึก ไม่รู้ว่าฝันอะไรอยู่ถึงได้อมยิ้มน่ารักเสียจนเขาอยากขโมยจูบ

ตอนนี้ให้รักอลันด์ข้างเดียวก่อนก็ได้ ส่วนอีกคนก็แค่คิดกับเขาอย่างที่ใจต้องการก็พอ แล้วสักวันหนึ่งเขาจะทำให้เจ้าตัวรักให้ได้ในแบบของอลันด์เอง แม้มันจะเป็นทั้งรักทั้งเกลียดก็ตามเถอะ เจมส์ยอมทั้งนั้นแหละ

.
.
.

มัน - เอา - อีก - แล้ว

ทิวากานต์โงหัวขึ้นจากเตียงสภาพหัวฟูหน้าตาหงุดหงิดเต็มทน ผู้หญิงข้างตัวเขายังคงหลับสนิทแม้เสียงกริ่งจะดังลั่นห้อง ให้ตายเถอะเมื่อคืนเขาได้นอนตอนตีสี่ แต่ต้องมาแหกขี้ตาเพราะไอ้เด็กลูกครึ่งตัวแสบตอนหกโมงครึ่งแบบนี้ไม่ตลกนะเว้ยเฮ้ย

ร่างสูงลงจากเตียงเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบกางเกงวอร์มขายาวมาสวมก่อนเดินไปเปิดประตูหาตัวสร้างปัญหา เขาตีหน้าดุใช้ตาคมๆ ที่ไว้ขู่พวกนักศึกษาแพทย์กับคนไข้เรื่องมากมองเด็กฝรั่งสองคนอย่างไม่สงสัย

“มี - อะ - ไร - ห๊ะ! ไหนว่านัดจะไปสนามบินกันตอนสิบโมงไง”

“มัมให้ชวนไปกินข้าว” อลันด์ยังคงคอนเซ็ปต์หน้าตายเช่นเดิม หากวันนี้ตาสีซีดกลับไม่กล้าสบสายตากับทิวากานต์ตรงๆ

“ตอนนี้?” คิ้วเข้มขมวดฉับ ทำเป็นไม่สนใจสายตาซุกซนของโธมัสที่มองร่างกายเปลือยท่อนบนของเขา

“เจ็ดโมงครึ่ง แค่มาบอกให้เตรียมตัวก่อน”

“ให้ตายเถอะไอ้แสบ ฉันเพิ่งได้นอนไปแค่สองชั่วโมง จะกินค่อยมาเรียกก็ได้” คุณหมอตีหน้าดุก่อนปรายตามองคนตัวสูงเท่าไหล่ที่ยังคงมองไปทางอื่น ใบหูขาวใต้ผมยุ่งๆ ขึ้นสีแดง

“จะให้บอกมัมว่าคุณไม่พร้อมก็ได้นะ”

“ไม่ ฉันจะไป กลับไปได้ล่ะ เดี๋ยวถึงเวลาฉันไปกดกริ่งเรียกเอง แล้วนี่เป็นอะไรทำไมหน้าแดง”

“เปล่า” อลันด์ส่ายหัวจนผมกระจาย ร่างเล็กค่อนไปทางเจ้าเนื้อถอยเท้าไปด้านหลังก่อนวิ่งปรู๊ดกลับห้องตัวเองไปทิ้งความสงสัยไว้ให้สองหนุ่มต่างวัยขบคิดเล่น

“เป็นอะไรของเขา ปวดขี้หรือไง รีบวิ่งเชียว”

“สงสัยเขินด็อกมั้งเล่นเซ็กซี่ขนาดนี้ เมื่อคืนด็อกเจอศึกหนักสินะรอยเต็มตัวเลย ด็อกมีเคล็ดลับอะไรพอจะแบ่งปันได้บ้างไหมอ่ะ” คนถามตาเป็นประกายยามมองรอยเล็บแดงๆ บนร่างกายของทิวากานต์ เลยถูกคุณหมอกระแอมเตือนไปหนึ่งที

“ไม่ใช่เรื่องของเด็กโดยเฉพาะพวกเวอร์จิ้น”

“โหย! ด็อก! โคตรดูถูกกันเลย รู้ได้ไงว่าเวอร์จิ้น”

“จี้ใจดำล่ะสิ หึ พวกหนุ่มเวอร์จิ้นก็งี้แหละ”

“ว่าแต่ด็อกใช้น้ำหอมอะไรอ่ะ กลิ่นโคตรยั่วเลย แนะนำบ้างดิ”

ทิวากานต์ก้มหน้าทำจมูกฟุดฟิดดมกลิ่นตัวเอง ถ้าจำไม่ผิดเขาฉีดน้ำหอมตอนสามทุ่มก่อนออกไปร่อน ไม่น่าเชื่อว่าจนตอนนี้กลิ่นมันจะยังติดตัวอยู่ “กลิ่นมันขนาดนั้นเลยเหรอ”

“มาก” โธมัสยืนยันคำพูดด้วยการพยักหน้าแรงๆ “เซ็กซี่สุดๆ”

“ดี งั้นจะได้ซื้อมาใช้ต่อ” ริมฝีปากบางกดยิ้มลึกจนเห็นลักยิ้มสองข้าง ใครจะไปคิดว่าน้ำหอมที่นุ่นซื้อมาฝากจะได้ผลดีขนาดนี้ เมื่อกี้ไอ้เด็กแสบมันต้องรู้สึกเหมือนกับผู้หญิงที่ผับเมื่อคืนแน่ถึงได้หน้าแดงขนาดนั้น

“ด็อกบอกหน่อยสิว่าน้ำหอมอะไร จะไปซื้อมาใช้บ้าง”

“หึหึ ไม่เหมาะกับเด็กน้อยแบบนายหรอกทอม กลับไปใช้ Gucci pour Homme เหมือนเดิมเถอะ”

“โอ๊ะ ด็อกรู้ได้ไง”

“ฉันรู้แล้วกันน่า ไปๆ ฉันจะไปนอนต่อแล้ว แล้วเจอกันตอนมื้อเช้า” คุณหมอวัยเฉียดสามสิบโบกมือให้หนุ่มน้อยนักกีฬาก่อนปิดประตูลง ทิ้งเพียงโธมัสยืนทำหน้าบูดไว้ข้างนอกคนเดียว



คุณหมอขับซีรีส์ไฟว์คันเดิมมาส่งมาดามโอเนลล์ที่สนามบินตอนสิบโมงครึ่งพอดี เหมือนว่ากลับไปรอบนี้กว่าเธอจะมาหาอลันด์อีกก็คงสักสองสามเดือน ส่วนคนลูกถึงจะหน้านิ่งเหมือนเคยหากตาสีซีดกลับหม่นจนจับสังเกตได้

สองหนุ่มจากเกาะอังกฤษก็มาถึงสนามบินแล้ว ทั้งคู่สวมสูทเต็มยศต่างกันเพียงเสื้อตัวในที่เจมส์เป็นสีขาวและโธมัสเป็นสีดำตัดกับผมสีบลอนด์ชวนให้สาวๆ แถวนั้นจ้องตามัน

“แม่ฝากเราไว้กับคุณหมอเขาแล้วลูกก็อย่าดื้อกับพี่เขาล่ะรู้ไหม”

“ไม่เห็นต้องฝากเลย ผมอยู่คนเดียวได้น่า” มาดามโอเนลล์ส่ายหัวกับอาการดื้อของลูกชาย เธอเดินไปคุยกับทิวากานต์ฝากฝังอีกครั้งให้ช่วยดูแลลูกชายสุดที่รักของเธอให้หน่อยในช่วงที่เธอไม่อยู่ โธมัสกับเจมส์จึงอาศัยช่วงนี้เข้ามาลาเพื่อนตัวเล็ก

กัปตันรักบี้กางแขนออกกว้างเพื่อรวบเด็กหน้ามึนเข้ามาในอ้อมแขน ทั้งที่ตีสีหน้าเหมือนไม่พอใจแต่กลับไม่ขัดขืนแถมสองแขนยังโอบกอดตอบคนตัวใหญ่กว่าด้วย

“คราวนี้คงไม่ได้เจอกันอีกนานจริงๆ ล่ะ รู้สึกใจหายยังไงไม่รู้สิ” โธมัสบ่นงุ้งงิ้งพลางกดปลายจมูกลงบนกลุ่มผมดกหนา “ไม่อยากจากกันเลย”

คนตัวเล็กกว่าไม่ได้พูดอะไรนอกจากเกยคางบนไหล่หนาและกอดอีกฝ่ายให้แน่นขึ้น ขอบคุณโธมัสที่ยอมย่อตัวย่นระยะห่างเกือบยี่สิบเซ็นให้เหลือแค่ห้าเซ็นไม่งั้นคงไม่ได้เห็นภาพแบบนี้

“พูดอะไรหน่อยสิอัล”

“อะไร”

“ฉันไม่ควรคาดหวังโมเม้นต์ซึ้งๆ จากนายสินะ” เขาถอนหายใจ ดันตัวอลันด์ออกพลางส่ายหัว ให้ตายเถอะเขาเป็นเพื่อนรักมันไม่ใช่เหรอ ช่วยอาลัยอาวรณ์หน่อยได้ไหม แบบนี้มันน่าน้อยใจชะมัด

ดูเหมือนอลันด์จะชอบใจที่ทำให้เพื่อนหัวเสียได้ ริมฝีปากสวยหยักยิ้มบางๆ ก่อนโถมตัวกระโดดกอดคอโธมัสจนเกือบหงายหลังไปด้วยกัน “จะให้ซึ้งอะไรล่ะ นายเล่นเฟซบุ๊คมาทุกวัน ฉันไม่รู้สึกเหมือนขาดนายเลยนะทอม”

หนุ่มผมทองกลั้นยิ้มแก้มแทบปริ สีเลือดกระจายทั่วใบหน้าและหูสองข้าง พวกเพื่อนที่โรงเรียนชอบบอกว่าอลันด์โลกส่วนตัวสูง หยิ่ง เย็นชาเพราะพวกนั้นไม่เคยสัมผัสตัวตนของอลันด์จริงๆ เลยสักครั้งต่างหาก เพื่อนตัวเล็กของเขาออกจะน่ารักขนาดนี้จะไม่ให้ชอบได้ยังไง น่ารักเสียจนโธมัสอดใจไม่ให้ฟัดแก้มอิ่มตรงหน้าไม่ได้

“แหวะ น้ำลาย” อลันด์ใช้มือหลังมือถูแก้มเช็ดคราบน้ำลายจากหมาโธมัสตัวโตพลางทำหน้าอี๋ ก่อนเตะใส่หน้าแข้งเพื่อนรักไปหนึ่งที “เป็นหมาหรือไง”

“อย่าทำเป็นโมโหกลบเกลื่อนเลยอัล ฉันรู้ว่านายชอบจูบจากฉันน่า”

“ให้จูบกับมาร์ตินยังดีกว่าจูบกับนาย ทอม”

“ใจร้ายชะมัด” โธมัสทำหน้ากระเง้ากระงอด ก็อลันด์เล่นบอกว่าจูบกับหมาที่เขาเลี้ยงยังดีกว่าเจ้าของรูปหล่อแบบเขาอ่ะ “ฉันไปรอข้างในดีกว่า รู้สึกหิวอีกรอบแล้วด้วยสิ”

“จะไปไหนก็ไปเถอะ ฉันเบื่อหน้านายเต็มทนแล้วทอม”

“เออ แล้วอย่ามาบอกว่าคิดถึงทีหลังล่ะอลันด์” เพราะรู้ว่าโธมัสแกล้งงอนเรียกร้องความสนใจไปงั้นอลันด์เลยไม่คิดจะเถียงอะไร คนตัวเล็กกว่าคืบยักไหล่กวนๆ พอให้กัปตันรักบี้เซ็งจนเบะปากหันหลังเดินหนีเข้าไปด้านในทันที

ตาสีซีดมองส่งตามแผ่นหลังกว้างจนหายลับไปก่อนหันกลับกะไปหาแม่ หากภาพแผ่นอกกว้างใต้เชิ้ตราคาแพงสีขาวจ่ออยู่ตรงหน้าให้ชะงักเท้าตามสัญชาตญาณจนเกือบล้มถ้าไม่มีมือใหญ่จับเอาไว้เสียก่อน

“เดี๋ยวก็ล้มหรอก” เจมส์เอ็ดไม่จริงจังนัก เขาปล่อยมือออกทันทีที่อลันด์สะบัดตัวออก ตาสีมรกตลอบมองเจ้าของกลุ่มผมสีช็อกโกแลตนมเงียบๆ เมื่ออีกฝ่ายไม่พูดอะไรแต่ก็ไม่เดินหนีไปไหน เจ้าตัวคงกระดากเกินกว่าจะเอ่ยลากับเขาแม้กระทั่งพูดตามมารยาทก็เถอะ สุดท้ายเป็นเขาที่ยอมแพ้ทำลายความเงียบก่อน “ฉันคงคิดถึงนายแย่”

“ถ้าพูดตามมารยาทก็ขอบคุณ ตอนนี้นายคงดีใจจนเนื้อเต้นเลยล่ะสิที่คุณชายตกยากอย่างฉันจะไม่อยู่ให้เกะกะสายตาแล้วน่ะ”

เจ้าของส่วนสูงหกฟุตกับอีกสองนิ้วแค่นยิ้มอ่อน ก้มหน้ามองปลายเท้าตนเองด้วยความประหม่าหลังถูกอีกคนพูดตัดรอนกันต่อหน้า ไม่รู้จะแก้ไขความคิดอลันด์ยังไงเหมือนกันเพราะทั้งหมดที่เป็นแบบนี้เขาทำตัวเองทั้งนั้น

“อัล ฉัน...”

“อะไ...”

พยางค์สุดท้ายหายไปในลำคอเมื่อเด็กหนุ่มถูกรวบจนจมเข้าไปในอ้อมกอดกว้าง ท่อนแขนแข็งแรงประคองอลันด์ไว้เบามือที่สุดเท่าที่ผู้ชายตัวใหญ่คนหนึ่งจะทำได้

“พะ เพี้ยนไปแล้วหรือไง” เด็กลูกครึ่งโวยวายตะกุกตะกัก กลิ่นหวานสะอาดชวนฟัดของน้ำหอม The One for Men by Dolce & Gabbana อวลอยู่ในโพรงจมูกจนหน้าขึ้นสีแดง

“ฉัน...” ไม่อยากปล่อยมือเลย

เจมส์เลือกเก็บประโยคสุดท้ายไว้ในใจอย่างที่เคยทำมาตลอดเวลาหลายปี เขายอมปล่อยอลันด์ให้หลุดจากอ้อมกอดตัวเองเพื่อมองเด็กลูกครึ่งนั่นวิ่งหนีไปหาแม่ นี่นอกจากจะทำให้อีกฝ่ายเกลียดขี้หน้าแล้วเขายังเพิ่มความกลัวลงไปอีกสินะ ทำไมจีบผู้ชายสักคนมันถึงได้ยากขนาดนี้ ทีกับพวกผู้หญิงแค่เดินผ่านก็เหลียวมองเขาตาเชื่อมแล้ว

“อะไรของเราน่ะ จู่ๆ ก็วิ่งมากอด เห็นไหมว่าแม่กำลังคุยกับคุณหมออยู่ เสียมารยาทจริงๆ” มาดามโอเนลล์หยิกแก้มอิ่มลูกชายเบาๆ เป็นการทำโทษ หากลูกชายที่มักเถียงคำตอบคำกลับเบี่ยงสายตาไปทางอื่นไม่ยอมพูดจาซะงั้น “แน่ะ เป็นอะไรอีกล่ะหือ”

“สงสัยคงไม่อยากให้คุณน้าไปล่ะมั้งครับ” ทิวากานต์แซวเจ้าเด็กแสบสักที ความจริงเห็นอยู่หรอกว่าเมื่อกี้ไอ้เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อมันจะจัดการรวบหัวรวบหางเด็กนี่แล้วแต่หนีมาหาแม่ทันก่อน ไม่งั้นมาดามโอเนลล์ได้ลูกเขยกลับลอนดอนด้วยก็งานนี้

“ถ้าคิดถึงแม่ก็กลับลอนดอนกับแม่”

“NO WAY!”

“งั้นก็เลิกอ้อนจ้ะ เดี๋ยวแม่จะบินมาหาบ่อยๆ ให้เราเบื่อหน้าไปเลย โอเคไหม”

“ตามใจมาดามเถอะ” พอพ้นรัศมีอันตรายความกวนประสาทก็กลับมาเหมือนเดิม มาดามโอเนลล์เลยหยิกแก้มลูกชายอีกครั้งเป็นการส่งท้าย

“แม่ไปล่ะจ๊ะ นี่สงสัยทอมคงจะหิวรีบเข้าไปก่อนเลย ยังไงแม่ฝากน้องด้วยนะคะคุณหมอ ถ้ามีอะไรโทรสายตรงมาได้เลย”

“ครับ เดินทางดีๆ นะครับคุณน้า”

“ส่วนเราก็อย่าดื้อกับพี่เขาให้มากนักนะรู้ไหม คุณหมอเขาอุตส่าห์ช่วยหาห้องซ้อมดีๆ ให้แล้วก็ตั้งใจซ้อมดนตรีด้วยล่ะ แล้วอย่าลืมเรื่องเรียน ถ้ามัวแต่เล่นคะแนนออกมาไม่ดีกลับลอนดอนทันที เข้าใจนะ”

“คร้าบๆ เข้าใจแล้วคร้าบ”

“จ้า รักลูกนะ”

มาดามโอเนลล์จูบปากลูกชายหนึ่งทีก่อนเดินไปหาเจมส์ที่ยืนรออยู่หน้าทางเข้า หนุ่มผมน้ำตาลเข้มนัยน์ตาดุชวนหลงมองเพื่อนวัยเดียวกันหงอยๆ จนเจ้าของความสูงเท่าคางเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าถึงได้มีสีหน้าดีขึ้นมานิด

“ฝากดูแลมัมด้วยล่ะ”

“อืม”

“แล้วก็...ขอบคุณนะ เดินทางดีๆ”

เจมส์ยิ้มออกได้อีกครั้งเมื่อคนตัวเล็กกว่าโบกมือให้ แค่น้ำใจเพียงน้อยนิดก็ถือว่าเป็นการลาจากที่ดี
.
.
.

บีเอ็มดับบริวซีรีส์ไฟว์สีขาวปลอดทั้งคันแล่นรักษาความเร็วที่แปดสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมงตั้งแต่ออกจากสนามบินผ่านทางหลวงพิเศษหมายเลขเจ็ดมุ่งหน้าถนนพระรามเก้าเพื่อกลับที่พัก ผู้โดยสารด้านข้างนั่งเงียบตั้งแต่ก้นแตะเบาะไม่หือไม่อือไม่กวนประสาทเหมือนเคย

ทิวากานต์พอเข้าใจอาการแบบนี้ เขาเองก็เคยเป็นตอนที่ต้องจากกับแม่ แต่อลันด์โชคดีกว่าเขาที่แม่ยังอยู่ให้เจอได้อีก ส่วนเขาต่อให้คิดถึงแทบขาดใจแค่ไหนก็ไม่โอกาสนั้นอีกแล้ว

“สิบเอ็ดโมงแล้วนิ หิวข้าวหรือยัง”

ตาสีซีดเหลือบมองคนถามแวบเดียวก่อนส่ายหัว “ยัง”

“งั้นไปกินข้าวกันเถอะ วันหยุดยาวก็ใกล้หมดแล้วรีบไปเที่ยวห้างก่อนคนจะกลับมาเยอะดีกว่า”

เด็กลูกครึ่งหมดคำพูดกับการมัดมือชก อลันด์ทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอก่อนปล่อยให้คุณหมอจอมเผด็จการขับรถพาไปหาข้าวกินที่ห้าง นี่เขาต้องอยู่เมืองไทยไปอีกเกือบห้าปีโดยมีเพื่อนบ้านแบบนี้เหรอเนี่ย แย่ชะมัด...แต่อย่าเอ็ดไปล่ะว่าเวลาแกล้งด็อกเถื่อนน่ะสนุกจะตาย :^)



TBC

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ
เราก็พูดไม่ค่อยเก่งไม่รู้จะเม้าท์อะไรดี
เอาเป็นว่าฝากพี่วากะน้องอัลอีกหนึ่งตอนด้วยค่ะ
สปอยล์นิดนึงว่าคู่นี้เขาทะเลาะและกวนตีนกันแบบนี้ตั้งแต่ยังไม่รักกันจนตอนสวีทเลยล่ะค่ะ หุหุ
เจอกันตอนหน้าเร็วๆ นี้นะคะ

 :mew1:

------------------

1 Pumped up Kicks - Foster the People
2 Love Me the Way You Do - Jake Bugg
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 04 [18.09.15]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 18-09-2015 21:39:57
พี่หมอวาทะเลาะกับเด็กมากระวังจะลงรักเด็ก
หัวข้อ: รูปอิมเมจหมอวา น้องอลันด์ และเพื่อนซี้โธมัส
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 19-09-2015 17:19:48
เอารูปอิมเมจพี่หมอวา น้องอลันด์ และเพื่อนซี้โธมัสมาให้ดูค่ะ
อันนี้จริงจังนะคะเนี่ย ฮ่าๆๆๆๆๆ

พี่วาเป็น White German Shepherd ค่ะ
สง่างาม ดุดัน โหดเขี้ยวลากดิน ><
(http://i.imgur.com/OOTrGhe.jpg)

ส่วนน้องอัลกะเพื่อนซี้ขนทองนั้น...
แมวขี้รำคาญกับโกลเด้น รีทีฟเวอร์วุ่นวายค่ะ
ความสัมพันธ์ของสองคนนี้เป็นแบบในรูปนี่แหละ หุหุ
(http://i.imgur.com/FSmW5Tu.jpg)

ทางด้านหนุ่มเจมส์ยังคิดไม่ออก
ใครคิดว่าพ่อเฮนรี่ที่สามของเราเหมาะกะสัตว์ตัวไหนแนะนำกันมาได้นะคะ

แล้วเจอกัตอนหน้าเร็วๆ นี้ค่า

 :hao7:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 04 [18.09.15]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 19-09-2015 19:06:33
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 04 [18.09.15]
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 19-09-2015 20:16:39
พระเอกคือหมอวาใช่มั้ย ทำไมฉันถึงเทใจไปทางเจมส์
ว้ากกก อาการหลงรักพระรองมาอีกแล้วว
รอตอนต่อไปค่า
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 04 [18.09.15]
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 19-09-2015 20:47:49
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 04 [18.09.15]
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 19-09-2015 21:13:54
อัลน่าร๊ากกกกก
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 04 [18.09.15]
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 19-09-2015 21:43:32
ชอบ~~~~
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 04 [18.09.15]
เริ่มหัวข้อโดย: PookPick ที่ 19-09-2015 22:50:50
สนุกมากๆเลยค่ะ เลยตอนต่อไปอยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 04 [18.09.15]
เริ่มหัวข้อโดย: kataiyai ที่ 19-09-2015 22:51:47
ใครดีนะ เลือกไม่ถูกเลย  :hao6:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 04 [18.09.15]
เริ่มหัวข้อโดย: sb_ng ที่ 20-09-2015 13:18:15
ชอบค่ะะะะะ สนุกกกก น่าติดตามมากๆ
อ่านง่าย เรื่อยๆชิวๆดีค่ะ
อัลแสบซนดี 555555 ด็อกก็มีมุมอบอุ่น
น่ารักทั้งคู่เลย ส่วนเจมส์นี่อยากให้นางมีคู่นะ 555
รอดูด็อกหลงเด็กเนอะ 55555
รอติดตามต่อจ้าาา
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 04 [18.09.15]
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 21-09-2015 12:51:13
น่าร๊ากกกกกกกกกกกกกกกก หมอวายิ่งอ่านยิ่งหล่อนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 04 [18.09.15]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 21-09-2015 19:59:40
โมเมนต์ของเจมส์มันหน่วง ๆ หนัก ๆ ดีเหมือนกัน ก็อยากจะเชียร์นะ แต่เกรงใจพระเอก
พี่หมอยังมีเวลาทำความรู้จักกับน้องแสบอีกนานเลยล่ะ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 04 [18.09.15]
เริ่มหัวข้อโดย: Shonteen ที่ 21-09-2015 23:49:11
เขียนได้ฟินเฟ้อออออออค้าาาาาา
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 04 [18.09.15]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 22-09-2015 00:45:39
 o13
หัวข้อ: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 05 [22.09.15]
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 22-09-2015 13:34:22
TRACK 05
สามสิบยังแจ๋ว

หมดช่วงสงกรานต์ก็เข้าสู่ช่วงเทรนโค้งสุดท้ายก่อนสอบในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า งานที่โรงพยาบาลหลังวันหยุดยาวก็เยอะคนไข้ล้นมือจนแทบไม่มีเวลาพักผ่อน นอกจากต้องเจียดเวลามาทำรายงานสรุปผลในแต่ละวันแล้ว เวลาที่ว่างก็ต้องอ่านหนังสือเพิ่มเติมความรู้ เผลอแป๊บๆ ก็ใกล้หมดเดือนเมษาแล้ว

เป็นวันปกติอีกวันที่คุณหมอทิวากานต์จะตื่นตั้งแต่ตีสี่ครึ่ง เขากดปิดนาฬิกาปลุกให้เสียงเพลง Breezeblocks ของวง Alt-j เงียบเสียงก่อนหรี่ตาในความมืดจ้องมองวันที่บนโทรศัพท์ “วันนี้หยุดนี่นา”

ถึงจะไม่ต้องไปทำงานแต่ร่างสูงก็ลุกมาออกกำลังกายด้วยการซิทอัพร้อยครั้งเหมือนทุกวัน(ที่มีเวลาว่าง) ก่อนเดินเข้าครัวจัดการหุงข้าว ทำกับง่ายๆ สองสามอย่างใส่ทัปเปอร์แวร์ ล้างทำความสะอาดผลไม้ เช็ดให้แห้งแล้วใช้แรปพลาสติกห่อ สุดท้ายก็ต้มชาจีนใส่กระติกน้ำร้อน เอาทุกอย่างมาวางจัดเรียงเป็นระเบียบในตะกร้าสานมีฝาปิดเป็นอันเรียบร้อยถึงค่อยไปอาบน้ำ

ชายหนุ่มอาบน้ำพิถีพิถันกว่าทุกวัน สระผมสองรอบจนสะอาดถึงออกมาหยิบเสื้อผ้าสีสว่างใส่ ปลายนิ้วเรียวนุ่มเลื่อนแตะขวดน้ำหอมสองขวดในลิ้นชักเมื่อลังเลว่าวันนี้ควรใช้กลิ่นไหนดี ก่อนสุดท้ายจะตัดสินใจหยิบ Terre d'Hermes ขึ้นพรมตามจุดชีพจรร่างกาย

มื้อเช้าแบบง่ายๆ ตามประสาหนุ่มโสดหนีไม่พ้นขนมปังปิ้งใส่แฮมกับชีสและกาแฟดำสักแก้ว กินเสร็จ ทำความสะอาดอุปกรณ์การกินเรียบร้อยก็ตอนหกโมงเช้าพอดี เท่านี้คุณหมอหล่อ โสด แต่ไม่โฉดอย่างทิวากานต์ก็หิ้วตะกร้าสานพร้อมจะออกไปพบปะผู้คนโปรยเสน่ห์ให้สาวน้อยสาวใหญ่ว้าวุ่นใจแล้วล่ะ

แกร๊ก!

เสียงปลดล็อคประตูดังขึ้นพร้อมกัน พาให้ตาสองคู่ต่างสีสบกันแทบจะในทันที คุณหมอวัยเฉียดสามสิบมองดูเด็กฝรั่งตรงหน้าที่วันนี้อยู่ในชุดเรียบร้อยแปลกตาด้วยความฉงน อีกฝ่ายก็ดูแปลกใจอยู่เหมือนกันที่เห็นเขาแต่เช้าแบบนี้

“ไปเรียนเหรอ เดี๋ยวนี้มหาลัยเขามียูนิฟอร์มน่ารักๆ แบบนี้ให้ใส่ด้วย?” เขาเดาเอาว่าอีกฝ่ายไปเรียนเมื่อเห็นหนังสือเรียนชุดใหญ่ในอ้อมกอดของไอ้ตัวแสบ หากชุดยูนิฟอร์มไม่คุ้นตาก็ทำให้ไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่และถ้าความจำเขายังไม่เพี้ยนไปเขาจำได้ว่าอีกฝ่ายมาต่อ BBA ทิวากานต์เองก็ไม่มั่นใจเรื่องเปิดปิดเทอมของพวกวิทยาลัยอินเตอร์เสียด้วย

“ชุดนักเรียนมัธยม” อลันด์ตอบเสียงเรียบ เขาจัดการปิดประตูห้องก่อนเดินนำคุณหมอไปที่ลิฟต์

“อ้าว ไหนว่ามาต่อ BBA”

“ยังไม่จบมัธยม เหลืออีกเทอม แด๊ดให้โอนมาเรียนต่อที่นี่”

“เออแหะ พิลึกแท้” แทนที่จะให้จบมัธยมที่นู่นก่อนแล้วค่อยมาต่อมหาวิทยาลัยก็ยังไม่สายแต่นี่ดันเหลือติ่งมาตั้งหนึ่งเทอม ถ้าคุณพ่อไม่เพี้ยนก็คงต้องวางแผนดัดหลังลูกชายตัวเองสักอย่างแน่ “แล้วนี่ไปยังไง”

“คนจากบ้านคุณตามารับ”

ใบหน้าหล่อพยักตามคำตอบ ตาคมเหลือบมองคนเด็กกว่าเกือบรอบอย่างพิจารณาอีกครั้ง วันนี้เจ้าตัวแสบสวมสูทสีกรมท่าทับเชิ้ตขาว ผูกไทสีเดียวกับสูท กางเกงแสลคขายาวสีเทา รองเท้าหนังแก้วสีดำ แต่ที่ทำให้ออกปากชมว่าน่ารักคือ straw boater hat คาดริบบิ้นสีกรมท่าบนผมสีช็อกโกแลตนมต่างหาก ต้องยอมรับเลยว่าพอมาแต่งตัวแบบนี้แล้วอลันด์ดูน่ารักเหมือนตุ๊กตาเด็กฝรั่งทีเดียว

“แล้วเรื่องซ้อมดนตรีล่ะ ต้องไปเรียนแบบนี้ทำยังไง”

“พี่นภให้ไปซ้อมวันอังคารกับพฤหัสหลังเลิกเรียน สองทุ่มเลิก เสาร์อาทิตย์ตอนเช้าไปเล่นที่โรงบาลเหมือนเดิม ตอนบ่ายไปซ้อม”

“จริงจังดีนะ” คุณหมอหนุ่มแตะมือกับหมวกฟางจับโยกเบาๆ พอดีกับที่ลิฟต์มาถึงชั้นลานจอดรถ “ฉันไปก่อนล่ะ ตั้งใจเรียนด้วย บาย”

“บาย”



อลันด์นั่งรอรถจากบ้านคุณตาอยู่ที่ล็อบบี้เกือบห้านาทีจนเห็นรถโรดสเตอร์จากเยอรมันสีขาวของด็อกเถื่อนขับออกไปแล้วรถรับส่งของเขาจึงมารับ คนขับรถวัยกลางคนค่อนไปทางปลายขอโทษขอโพยเขายกใหญ่ที่มาสายเนื่องจากยังกะเวลาไม่ถูกก่อนเปิดประตูด้านหลังให้เขาเข้าไปนั่ง

เมื่อรถเคลื่อนตัวออกจากที่พัก เจ้าของตาสีฟ้าซีดถึงกับถอนหายใจเบาๆ ไว้อาลัยในโชคชะตาของตัวเอง จากที่เคยมีโรลส์-รอยซ์ แฟนธ่อมรับส่งเวลาไปอยู่โรงเรียนประจำก็กลายมาเป็นเมอร์ซิเดส เบนซ์ เอสคลาสสีดำขลับแบบนี้แทน ไม่นึกแปลกใจเจมส์ที่เรียกเขาว่าคุณชายตกยาก แต่จะโทษใครได้ในเมื่อเขาเลือกที่จะเป็นแบบนี้เอง

โรงเรียนแห่งใหม่ที่เขาจะเข้าศึกษาในระยะเวลาที่เหลืออีกหนึ่งเทอมเป็นโรงเรียนสาขาจากโรงเรียนเดิมที่อังกฤษ เมื่อมาอยู่ประเทศที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลักจึงกลายเป็นโรงเรียนนานาชาติไม่บังคับอยู่ประจำ และจากที่มีแต่นักเรียนชายก็กลายเป็นโรงเรียนสหศึกษา เปิดเรียนตั้งแต่ชั้นอนุบาลถึง sixth form (year 13) หากพวกเครื่องแบบและการเรียนยังคงเหมือนเดิมอยู่เป็นส่วนมาก อลันด์เองได้รับอนุญาตจากอาจารย์ใหญ่ให้สามารถใช้ยูนิฟอร์มของเดิมได้หมดเปลี่ยนแค่สีเนคไทเท่านั้น

แม้จะออกจากคอนโดย่านอโศกตั้งแต่หกโมงเช้าและขับรถออกนอกเมืองสวนทางกับคนส่วนใหญ่ที่มุ่งเข้าด้านในแต่กว่าจะถึงโรงเรียนที่อยู่ไกลเกือบชานเมืองกรุงเทพก็เจ็ดโมงสิบห้านาทีแล้ว แค่คิดว่าทุกวันต้องเผชิญกับการเสียเวลานั่งรถนานๆ แบบนี้ก็เหนื่อยขึ้นมาทันที

เด็กฝรั่งเดินเข้าห้องเรียน มองหาที่นั่งว่างจนเจอโต๊ะเกือบหลังสุดด้านในที่ยังไม่มีคนจับจองก็เข้าไปนั่ง ตั้งหนังสือวางลงบนโต๊ะพร้อมกับหมวกฟาง สองมือจับสาบเสื้อสูทกระพือดับร้อนพลางหอบหายใจสูดเอาไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศเข้าปอด

“หวัดดี ฉันโรเจอร์ ไม่เคยเห็นหน้านายเลยเพิ่งย้ายมาเหรอ ผิดห้องหรือเปล่า”

ตาสีฟ้าซีดตวัดมองคนทักก่อนกดสายตาดูมือที่ยื่นออกมา โรเจอร์เป็นเด็กผู้ชายผมดำตาสีเขียวตัวไล่เลี่ยกับเขาเพียงมองแวบแรกก็ให้ความรู้สึกเหมือนโธมัส เท่านันไม่ต้องคิดมากมือเรียวสวยก็ยื่นมือไปจับ “ถ้านี่ใช่ห้องของเด็ก year 13 ล่ะก็ถูกแล้ว ฉันอลันด์”

“ว้าว ย้ายเข้ากลางคันเหรอไม่เคยมีแบบนี้เลยนะเนี่ย ยินดีที่ได้รู้จักนะอลันด์”

“เช่นกัน”

“นายมาจากไหนน่ะ”

“ลอนดอน” ถึงจะยอมทำความรู้จักกับอีกคนหากอลันด์กลับขีดเส้นแบ่งกับอีกคนเอาไว้ด้วยใบหน้าเรียบเฉยและน้ำเสียงเรียบนิ่งเหมือนเคยจนเพื่อนใหม่ฟ่อไปเล็กน้อย แต่ความจริงแล้วเจ้าตัวไม่ได้หยิ่ง ก็แค่รู้สึกประหม่ากับเพื่อนใหม่ ไหนจะเด็กผู้หญิงหลายคนในชั้นเรียนอีกล่ะ เขาเคยชินกับห้องเรียนที่มีแต่ผู้ชายมาตลอดทั้งชีวิต พอเจอพวกเธอมองมาที่เขาเหมือนจะสนใจเลยอดรู้สึกไม่ได้

“ฉันเกิดที่นี่ล่ะ แบบว่าเป็นลูกครึ่งน่ะ แม่เป็นคนไทยพ่อเป็นอังกฤษ แล้วก็เรียนที่นี่มาตั้งแต่มัธยม ถ้านายสงสัยอะไรถามได้เลยนะ”

“ขอบใจ” พูดสั้นๆ ก่อนหันคอกลับไปหน้าห้อง ทำเป็นมองสำรวจไปรอบๆ จนเผลอสบตากับเด็กสาวคนหนึ่ง เท่านั้นเธอกับเพื่อนอีกสองคนก็แทบจะวิ่งมาหาเขา แต่อลันด์ยังโชคดีที่ออดดังพอดีกับอาจารย์ประจำชั้นเข้ามาเช็คชื่อพอดี พวกผู้หญิงกลุ่มนั้นเลยต้องกลับไปนั่งที่ตัวเอง

“สวัสดีจ้ะทุกคน วันนี้เรามีเพื่อนใหม่จะมาเรียนกับเราด้วยนะจ๊ะ โอเนลล์แนะนำตัวหน่อยจ้ะ”

เด็กแสบลอบถอนหายใจ เงยหน้าขึ้นมองอาจารย์ประจำชั้นที่เขาเจอเมื่อวันมาสมัครเรียนก่อนลุกขึ้นยืนแนะนำตัวเร็วๆ แล้วกลับลงไปนั่งต่อ “อลันด์ โอเนลล์ ยินดีที่ได้รู้จัก”

“โอเนลล์เรียนอยู่ที่โรงเรียนของเราที่อังกฤษมาก่อน แต่เพราะเหตุผลบางอย่างเลยทำให้ต้องย้ายมาเข้าเรียนที่ประเทศไทยกลางคัน ยังไงก็ช่วยให้คำแนะนำเพื่อนใหม่ด้วยนะจ๊ะ” เมื่อจบประโยคสายตานับสิบคู่จากทั้งห้องเรียนก็มองมาที่เขาเป็นตาเดียว อลันด์เม้มปากแน่นเสตาไปทางอื่น รู้สึกหน้าเห่อร้อนไปหมด ถึงเขาจะชอบให้ทุกคนมองเขาแต่ก็แค่ตอนเล่นดนตรีเท่านั้น ไม่ใช่ถูกจ้องเอาเหมือนตัวประหลาดแบบนี้ มันไม่ชินเอาเสียเลย 

วันนั้นกว่าจะเลิกเรียนเด็กหนุ่มลูกครึ่งตาน้ำข้าวก็แทบหมดพลังไปกับการตอบคำถามของพวกสาวๆ พวกเธอกรี๊ดกร๊าดชอบใจกันใหญ่ที่รู้ว่าเขามาจากโรงเรียนชายล้วน ถามนู่นถามนี่เยอะแยะไปหมดจนเขาตอบไม่ถูก จนอดคิดไม่ได้ว่าถ้าโธมัสที่ชอบสาวๆ นักมาเจอแบบเขาบ้างจะเป็นยังไง

พอขึ้นรถได้เขาก็สลบทันทีกว่าจะรู้สึกตัวอีกครั้งก็ตอนคนขับรถของบ้านคุณตามาปลุกว่าถึงคอนโดแล้วนั่นแหละ อลันด์ขอบคุณอีกคนเบาๆ ปฏิเสธความช่วยเหลือถือของขึ้นไปส่ง ก่อนหอบเอาหนังสือใส่อ้อมแขนเดินผ่านล็อบบี้เข้ามาตรงโถงลิฟต์

เวลาเกือบห้าโมงเย็นหากแดดยังจ้าประหนึ่งเพิ่งบ่ายสอง ปกติเวลานี้จะมีพวกคุณแม่ว่างงานเพิ่งกลับจากจ่ายของสดยืนจับกลุ่มเม้าท์ระหว่างรอลิฟต์อยู่สี่ห้าคน แต่วันนี้อลันด์เห็นเพียงผู้ชายหน้าคุ้นตาตัวสูงพอๆ กับด็อกเตอร์ทิวากานต์อยู่คนเดียว

“ชั้นไหนครับ” ชายแปลกหน้าหันมาถามเขาเป็นภาษาอังกฤษเมื่อพวกเขาก้าวเข้ามาในกล่องเหล็ก ท่าทางเขาเหมือนคนต่างชาติมากกว่าคนไทยแม้จะมีผมสีดำสนิท นัยน์ตาคมกริบสีน้ำตาลอ่อนทอดมองเด็กหนุ่มอ่อนโยนเหมือนผู้ใหญ่มองเด็กเล็กๆ

“ยี่สิบเอ็ดครับ”

“ชั้นเดียวกันเลย อืม... นี่ใช่อลันด์ใช่ไหม”

“ครับ?” ตาสีฟ้าซีดเบิกกว้างออกเล็กน้อยเมื่อได้ยินคนแปลกหน้าเรียกชื่อตัวเองถูก และยิ่งต้องตกใจเข้าไปอีกเมื่ออีกฝ่ายแนะนำตัว

“ฉันชื่อวิคเตอร์เป็นพ่อของด็อกเตอร์ทิวากานต์น่ะ แต่ได้ยินเรื่องของเธอจากนภมาเยอะแยะเลย ยินดีที่ได้รู้จักนะ”

“พ่อ?” อลันด์มองหน้าคนตัวสูงกว่าชัดๆ อีกครั้ง ดูยังไงผู้ชายคนนี้ก็อายุไม่น่าเกินสี่สิบ แล้วแบบนี้จะเป็นพ่อด็อกเถื่อนนั่นได้ยังไง อีกอย่างเขาก็ไม่เคยได้ยินทิวากานต์พูดถึงพ่อเลยสักครั้ง

“ใช่แล้วล่ะ ตกใจล่ะสิ ปกติฉันก็ไม่ค่อยมาหาเขาหรอกวาไม่ชอบน่ะ แต่พอดีว่าวันนี้เป็นวันพิเศษ” วิคเตอร์หยุดคำพูดไว้แค่นั้นเมื่อลิฟต์จอดลงที่ชั้น 21 เขาล้วงกระเป๋ากางเกงยีนส์ Evisu หยิบพวงกุญแจรูปทรงประหลาดออกมาแกว่งตรงหน้าเด็กหนุ่ม “วันนี้วันเกิดครั้งที่สามสิบของหมอวาล่ะ ฉันเลยเอาของขวัญมาให้ สนใจไปแฮปปี้เบิร์ธเดย์เขากับฉันไหม”

“เอ่อ... ก็ได้ครับ”

“กู๊ด งั้นช่วยกดกริ่งเรียกเขาให้หน่อยสิ” พ่อของทิวากานต์ขยิบตาทะเล้นๆ ให้อลันด์ก่อนดันหลังร่างเล็กไปยืนหน้าประตู ส่วนตัวเองก็หลบไปยืนข้างๆ “กดแบบที่เธอชอบกดเลย”

“คุณรู้?”

“แน่นอน” เป็นอีกครั้งที่วิคเตอร์ขยิบตา อลันด์ไม่อยากจะบอกเลยว่าวิคเตอร์เป็นผู้ชายที่ดูดีและมีเสน่ห์มากคนหนึ่ง เพียงแค่มองตาเขาตรงๆ ก็เหมือนถูกดูดเข้าไปในบ่วงเสน่ห์เขาแล้ว และที่สำคัญเขาหล่อกว่าทิวากานต์หลายเท่านัก!

เด็กแสบฉีกยิ้มกว้างตอบกลับไปก่อนจิ้มนิ้วรัวๆ บนกริ่ง ไม่นานเสียงโวยวายตึงตังของคุณหมอก็ลอดผ่านบานประตูให้ได้ยิน อลันด์หันไปหัวเราะคิกคักกับวิคเตอร์พอดีกับที่ทิวากานต์เปิดประตูออกมา

“ไอ้เด็กบ้า ต้องให้ฉันบอกไหมว่ามารยาทการกดกริ่งที่ดีควรทำยังไง”

“แฮปปี้เบิร์ธเดย์”

“ห๊ะ!”

“Happy birthday to you, Happy birthday to you, Happy birthday dear doctor wa, Happy birthday to you” คนร้องเพลงไม่ใช่อลันด์หากแต่เป็นวิคเตอร์ที่โผล่มาซ้อนด้านหลังเด็กลูกครึ่ง เขาฉีกยิ้มกว้างแม้กระทั่งตอนออกแรงสุดกำลังง้างประตูไม้ไว้ไม่ให้ลูกชายปิดใส่หน้า

“มาทำไมเนี่ย ไม่ต้อนรับเว้ย กลับไปเลย” ตอนนี้อลันด์เข้าใจแล้วว่าทำไมทิวากานต์พูดภาษาอังกฤษเก่ง คงเพราะใช้เถียงกับพ่อบ่อยนี่เอง แถมยังเถียงฉอดๆ แบบน่าถีบด้วยนะ

“ก็วันเกิดลูกทั้งทีพ่อต้องมาฉลองน่ะสิ”

“ไม่เป็นไร เกรงใจ กลับไปทำงานใช้เวลาที่มีค่าเป็นเงินเป็นทองของคุณต่อเถอะ”

“ลูกไม่อยากได้ของขวัญชิ้นนี้เหรอ” พวงกุญแจรถถูกแกว่งขึ้นตรงหน้าคุณหมอพาลเอาแรงต่อต้านเมื่อกี้หายควับเมื่อเห็นตราสัญลักษณ์ม้าป่ากับเขากวางหกอันแถมด้วยชื่อเมืองชตุทท์การ์ท วิคเตอร์แกล้งทำหน้าเศร้าพูดเสียงหงอย “งั้นพ่อเอาไปคืนโชว์รูมเขาก็ได้นะ”

ทิวากานต์แกล้งกระแอม ปลายนิ้วเกาหลังหูตัวเองอ้อมแอ้มพูด “อะแฮ่ม... ไหนๆ ก็ซื้อมาแล้วนิ จะรับไว้ก็ได้”

พอได้ยินแบบนั้นวิคเตอร์ถึงกับฉีกยิ้มกว้างกระพริบตาปริบๆ ทำหน้าประหนึ่งเจอเรื่องสุดซึ้ง “ดีใจจัง พ่อหวังว่าลูกจะชอบนะ จอดอยู่ข้างล่างแน่ะลงไปดูกันเลย อลันด์ก็ไปดูด้วยกันนะ”

“ครับ” เด็กฝรั่งพยักหน้าหงึกหงักเริ่มรู้สึกตื่นเต้นไปด้วย เขาไม่ค่อยรู้เรื่องรถหรอกแต่ดูท่าของขวัญที่วิคเตอร์เอามาให้ด็อกจะต้องดีมากแน่ๆ คุณหมอสองหน้าถึงรีบเปลี่ยนท่าทีจากหน้ามือเป็นหลังตีนรีบรับของไว้

“งั้นไปเปลี่ยนชุด เอาหนังสือไปเก็บก่อนเนอะแล้วค่อยลงไปดูกัน” วิคเตอร์ว่าเป็นจังหวะเดียวกับที่ทิวากานต์คว้ากุญแจรถหมับก่อนรีบพุ่งออกมาจากห้องปิดประตูเรียบร้อย คนเป็นพ่อยิ่งฉีกยิ้มจนหน้าบาน ดูเจ้าลูกชายจะชอบของขวัญชิ้นนี้น่าดู เดี๋ยวได้เห็นของจริงจะยิ่งตกใจกว่านี้อีก

ฝ่ามือใหญ่ไม่ต่างจากลูกชายดันหลังคนเด็กกว่าไปทางห้องฝั่งตรงข้าม อลันด์เองรีบวิ่งเข้าห้องโยนหนังสือเรียนกับหมวกทิ้งบนโซฟาเมื่อได้ยินเสียงคุณหมอตะโกนเร่งมาไกลๆ ชุดนักเรียนถูกถอดทิ้งตามรายทางตั้งแต่ห้องนั่งเล่นจนถึงห้องนอนก่อนถูกเปลี่ยนเป็นเสื้อฮูดดี้แขนยาวสีเทากับกางเกงยีนส์และรองเท้าผ้าใบสีแสบตาเมื่อโผล่กลับออกมาอีกครั้ง

“ชักช้า” ทิวากานต์บ่นเสียงอู้ ชายหนุ่มสับขาอยู่กับที่ท่าทางตื่นเต้นเหมือนเด็กอนุบาล ทันทีที่เห็นหน้าเด็กแสบโผล่ออกมาก็รีบฉุดแขนวิ่งไปที่ลิฟต์พร้อมกัน นี่ถ้าเหาะลงไปได้เขาคงเหาะลงไปแล้ว

ของขวัญวันเกิดครบรอบสามสิบปีของคุณหมอทิวากานต์จอดแอบอยู่ลานจอดรถชั่วคราวชั้นล่างด้านในเลยทางเข้าล็อบบี้ไปหน่อย ตาถอดแบบจากบิดามาทั้งองศาหางตาและสีเบิกกว้างแทบถลนเมื่อเห็นพอร์เช่ 911 Turbo S Cabriolet สีขาวทะเบียนประมูลเลขวันเกิด แค่คิดว่าจะได้ครอบครองเจ้าชายกบขาวความเร็วสูงตัวนี้น้ำตามันจะไหลให้ได้

ค่าบำรุงกับค่าประกันไหนจะค่าน้ำมันมันเท่าไหร่กันละเนี่ย!!!

“ชอบไหมวา”

“อึก... ก็... ก็ดี๊” คุณหมออ้อมแอ้มตอบเสียงสูงไม่ค่อยอยากยอมรับให้เสียหน้า หากปัจจุบันกายหยาบยืนอยู่ตรงนี้ส่วนวิญญาณนั้นแทบลอยเข้าไปสิงในรถแล้ว

“ต้องขอบใจอลันด์เขาล่ะที่ช่วยมาถามเราให้ว่าอยากได้แบบไหน” คำพูดของวิคเตอร์พาลให้คุณหมอหนุ่มระลึกถึงวันที่ไอ้ตัวแสบมากดกริ่งเรียกเขารัวๆ กลางดึก นี่สงสัยถ้าเขาตอบว่าชอบอิตาลีมากกว่าเยอรมันคงได้ม้าหรือกระทิงไม่ก็สามง่ามมากอดแน่ๆ

“ว่าแต่ค่าประกัน ค่าบำรุง ค่าอะไหล่...”

“ปีแรกจะออกให้แต่ปีถัดไปออกเองนะ”

“โหย... งั้นอย่าซื้อมาให้ใช้เลยดีกว่า ผมยังมีซีโฟร์กับซีรีส์ไฟว์จอดรออยู่อีกนะ แล้วนี่จะเอาไปจอดไหนยังไม่รู้เลย ที่จอดรถของคอนโดที่ซื้อไว้ก็เต็มหมดแล้วเนี่ย”

“เอามาจอดที่ผมก่อนก็ได้นะ ตอนนี้ว่าง สองที่เลย” เด็กฝรั่งอาสา ตาสีฟ้าเป็นประกายวิบวับ ท่าทางตื่นเต้นไม่แพ้เจ้าของวันเกิดเลยถูกวิคเตอร์จับขยี้หัวเล่นไปที

“ก็ขายทิ้งไปสักคันซี่ เก็บไว้สามคันยังไงก็ใช้ไม่หมดหรอก ระหว่างนี้ก็เอารถจอดไว้ที่ของอลันด์ก่อน”

“ขอคิดก่อนแล้วกัน แต่ตอนนี้อยากฟังเสียงน้องกบใจจะขาดแล้ว”

“เอาเลย มันเป็นของลูกแล้วนี่”

ทิวากานต์ฉีกยิ้มกว้างโชว์ฟันขาวเป็นระเบียบ ถึงอย่างนั้นก็ไม่รีบร้อนจนดูตลก เขากดปลดล็อคและปุ่มคำสั่งให้หลังคาผ้าใบเปิดออก ไม่ถึงสามสิบวินาทีดีเจ้ากบขาวก็ปรากฏตัวให้เห็นเบาะหนังสีแดงสด

“แม่ - เจ้า - โว้ย!” คุณหมอตะโกนลั่น มือไม้สั่น “น้ำตาจะไหลขอเก้าอี้ด้วยครัช ทำไมสวยอย่างนี้ แบบนี้มันต้องลอง”

มาดผู้ดีเมื่อครู่หายเกลี้ยงประหนึ่งสับสวิตท์ ร่างสูงโย่งกระโดดพรวดเดียวก็เข้าไปนั่งหลังพวงมาลัยเรียบร้อย น้ำตาคลอเบ้าตอนสตาร์ทรถแล้วลองเร่งเครื่องจนได้ยินเสียงน้องกบคำรามเบาๆ ช่างไพเราะเสนาะหูอะไรอย่างนี้

“ไอ้แสบอยากนั่งไหม มาเลยๆ” มือหนากวักเรียกเด็กฝรั่งหยอยๆ เท่านั้นคนอายุน้อยสุดก็วิ่งไปเปิดประตูนั่งข้างคุณหมอบนรถเรียบร้อย

“สุดยอดอ่ะด็อก โคตรเท่”

“หึหึ” ทิวากานต์หัวเราะต่ำในลำคอพลางยืดอก เขาปรายตามองพ่อแล้วยิ้มให้อย่างที่ไม่เคยทำ “พ่อ ขอกระเป๋าตังค์หน่อย”

“หืม? จะเอาไปทำไม”

“เหอะน่า เมื่อกี้รีบไปหน่อยเลยไม่ได้เอาลงมาด้วย”

ถึงจะยังงงๆ แต่เมื่อลูกชายสุดที่รักยื่นมือมาขอพร้อมรอยยิ้มหวานเหมือนแม่มันวิคเตอร์ก็ยอมหยิบกระเป๋าสตางค์หนังสีดำของ Yves Saint Laurent วางแหมะบนฝ่ามือเนียนตามประสามือศัลย์ที่รักษามือยิ่งชีพ

“แต้งกิ้ว เดี๋ยวขอไปลองรถแถวหัวหินหน่อย ดึกๆ จะกลับมาคืนให้นะ ไปละ บาย” พูดจบปุ๊บทิวากานต์ก็เหยียบคันเร่งพาน้องกบพุ่งไปข้างหน้าปั๊บ ปล่อยให้คนเป็นพ่อกับผู้โดยสารข้างๆ หน้าเหวอกันแบบไม่ได้นัดหมาย

คือถ้ามันไม่เลวบ้างเนี่ยทำแบบนี้ไม่ได้นะครับอลันด์ขอบอกเลย!
หัวข้อ: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 05 [22.09.15]
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 22-09-2015 13:44:22
เพราะตอนออกจากคอนโดมาก็ห้าโมงเย็นแล้วไม่แปลกใจสักนิดที่รถราจะติดจนน่ารำคาญ กระนั้นคุณหมอนักซิ่งสามารถซอกแซกออกซอยนู่นซอยนี้พาน้องกบมาถึงพระรามสองได้ภายในเวลาครึ่งชั่วโมง แดดร่มลงเยอะหลังคาที่ถูกปิดตอนอยู่ในเมืองก็ถูกเปิดออกอวดโฉมอีกครั้ง

อลันด์นั่งเท้าแขนข้างหนึ่งกับประตูรถให้ลมโกรกหน้าพัดผมกระจาย รู้สึกมึนตัวเองหน่อยๆ ที่ตกกระไดพลอยโจรไปเที่ยวต่างจังหวัดกับด็อกเถื่อนตอนเย็น แต่อีกฝ่ายบอกว่าแค่ไปกินข้าวแล้วกลับไม่เกินสี่ทุ่มแน่นอนเขาก็เลยไม่รู้จะกังวลทำไม แต่แม่เขาที่มักจะโทรมาหาตอนหกโมงเย็นคงช็อกน่าดูที่ลูกชายไม่รับโทรศัพท์ ขนาดด็อกวายังรีบจนลืมกระเป๋าสตางค์เขาเองก็รีบจนลืมโทรศัพท์ไว้บนห้องเหมือนกัน หวังว่าแม่จะไม่ตกใจจนรีบบึ่งจากลอนดอนมาตามหาตัวลูกชายหรอกนะ

“กาแฟสักหน่อยม่ะ”

“หืม? ขอโกโก้ปั่นแล้วกัน” ตาสีซีดปรือขึ้นเล็กน้อยมองป้ายร้านกาแฟสีเขียวตรงหน้า คุณหมอก็ขับรถเข้าไปตรงส่วนไดรฟ์ทรูจัดการสั่งของตัวเองกับคนข้างตัวเรียบร้อย พอจะจ่ายเงินก็เปิดกระเป๋าตังค์ที่ยึดจากพ่อมาหยิบบัตรเครดิตส่งไปมั่วๆ ใบหนึ่ง

“ให้ตายเถอะ มีแต่ดอลล่าร์ยูเอสกับดอลล่าร์ฮ่องกง ไม่คิดจะแลกเงินหน่อยหรือไง” คุณหมอบ่นอุบเมื่อรื้อกระเป๋าสตางค์แล้วเห็นแต่ธนบัตรต่างชาติกับเครดิตการ์ดเรียงกับเป็นแถว มีเงินไทยไม่ถึงสามพัน

“ใครใช้ให้เอาของเขามาล่ะ”

“ของๆ พ่อก็เหมือนของๆ ลูกไม่เคยได้ยินคำนี้เหรอ”

อลันด์ส่ายหัวพรืด บทจะกวนตีนหมอผ่าตัดนี่ก็ทำได้ดีเกินจนน่าถีบ ก่อนจะโงหัวขึ้นมาจากประตูรถหันไปมองคุณหมอที่นั่งผิวปากหลังพวงมาลัยรอกาแฟ “ว่าแต่วิคเตอร์เขาเป็นพ่อคุณจริงๆ เหรอ”

“เป็นเพื่อนกันมั้ง เขาก็บอกอยู่ว่าเป็นพ่อยังมาถามอีก”

“วิคเตอร์ยังดูหนุ่มเกินกว่าจะมีลูกชายอายุสามสิบขวบน่ะ อีกอย่างผมรู้สึกคุ้นหน้าเขายังไงไม่รู้”

ทิวากานต์ใช้ปลายนิ้วชี้เกาข้างแก้มเบาๆ ก่อนชี้ไปที่ป้ายบิลบอร์ดโฆษณาเครื่องดื่มชื่อดังยี่ห้อหนึ่งไม่ไกลจากร้านกาแฟ “ฉันไม่แปลกใจนะถ้าเด็กฝรั่งแบบเธอจะไม่รู้จักนภ แต่ถ้าไม่คุ้นหน้าพ่อฉันบ้างเนี่ยแสดงว่านายคงเป็นพวกหลังเขาไม่ก็อาศัยอยู่ในที่ห่างไกลความเจริญแบบขีดสุดน่ะ”

“พะ พรีเซ็นเตอร์โค้กคนนั้นที่เล่นหนังฮอลลีวู้ดด้วยอ่านะ” ทำไมอลันด์จะไม่รู้จัก ก็ลูกพี่ลูกน้องเขาคนหนึ่งชอบวิคเตอร์มากเลยน่ะสิ มิน่าถึงได้รู้สึกคุ้นๆ!

“ใช่ นั่นล่ะวิคเตอร์ พ่อฉันเอง เอ้า! โกโก้ปั่นได้แล้ว” ทิวากานต์ตัดบทเมื่อพนักงานยื่นแก้วกาแฟกับโกโก้ปั่นมาให้ หลังดูดไปสองอึกก็วางตรงช่องเก็บแล้วชับรถพุ่งกลับเข้าทางหลวงเอเชียสายสองมุ่งหน้าเพชรเกษมลงใต้ต่อ

เนื่องจากเป็นวันจันทร์ถนนออกต่างจังหวัดจึงค่อนข้างโล่ง ว่าที่ศัลยแพทย์ได้ทดสอบรถใหม่สมใจ ช่วงไหนถนนโล่งก็เหยียบสองร้อยนิดๆ ช่วงไหนรถเยอะก็แค่ร้อยหกสิบ แต่ถ้าถนนตรงไม่มีรถคันอื่นแตะเกือบสุดหน้าปัดก็มี เพราะงั้นออกจากร้านกาแฟไม่ถึงชั่วโมงดีก็เข้าเขตหัวหินแล้ว

“กินน้ำมันชิบหายยยยยยยยยยย” เสียงทุ้มโวยวายลั่นเมื่อน้องกบดับเครื่องสนิทในลานจอดรถของรีสอร์ทแห่งหนึ่งแล้วพบว่าเกจวัดน้ำมันแทบแตะตัวสัญลักษณ์รูปปั๊ม

อลันด์ตวัดตาสีซีดมองหน้าคุณหมอเอือมๆ ก็พี่แกเล่นเหยียบมิดแบบนี้น้องกบจะไม่กินน้ำมันเหมือนสูบได้ยังไง เขาเปิดประตูรถลงมายืดแข้งยืดขามองไปรอบๆ ได้ยินเสียงคลื่นอยู่ไม่ไกล นี่เขาก็นั่งเงียบมาตลอดทางไม่ได้ถามอีกคนเลยว่าพามาที่ไหน ถ้าถูกหลอกไปฆ่าคงต้องโทษตัวเองอย่างเดียว

“พามาที่ไหนเนี่ย”

“กว่าจะถามนะ ถ้าถูกหลอกไปฆ่าว่าไงเนี่ย บอกว่าพามากินข้าวไง”

“ที่โรงแรม?”

“ที่นี่แหละ ร้านเขาขึ้นชื่อ วิวดี อาหารอร่อย ป่ะเข้าไปข้างในเถอะ ช้ากว่านี้แสงหมดอดดูทะเลพอดี” คุณหมอแตะข้อศอกเด็กฝรั่งเบาๆ เป็นทำนองให้เดินไปข้างหน้า เขานำอลันด์เข้าไปข้างในคล่องแคล่วเหมือนคุ้นกับสถานที่ดี เมื่อมีพนักงานต้อนรับโผล่มาก็แจ้งความประสงค์ไป หลังจากนั้นหล่อนก็พาแขกต่างเชื้อชาติเข้าไปที่ส่วนห้องอาหาร

เด็กหนุ่มอดร้องว้าวออกมาไม่ได้เมื่อพนักงานสาวสวยพาพวกเขามาที่โต๊ะด้านนอกริมหาด โต๊ะที่ได้เป็นโต๊ะเตี้ยนั่งกับพื้น หากที่นั่งกลับไม่ใช่เบาะเหมือนที่เคยเห็นแต่เป็นเตียงขนาดผู้ใหญ่สองคนเอนนอนได้สบายหันหน้าออกสู่ชายหาดเห็นทะเลซัดคลื่นเข้าหาฝั่งเป็นระยะ บวกกับแสงเทียนสีเหลืองนวลเสริมบรรยากาศให้ยิ่งโรแมนติกเหมาะสำหรับคู่รักสุดๆ

คู่รักงั้นเหรอ...

“ยืนทำไม นั่งดิ” ตาสีซีดเหลือบลงต่ำมองคุณหมอตัวโตที่ลงไปกึ่งนั่งกึ่งนอนกระดิกเท้ารอบนฟูกเรียบร้อย ท่าทางแม่งชิลล์มาก บวกกับที่เหมือนจะมาบ่อยเดาได้ไม่ยากเลยว่าต้องเคยพาสาวในสังกัดนับไม่ถ้วนมาหลอกกินตับที่นี่เป็นแน่

สุดท้ายทนสายตาคุณหมอไม่ไหว เด็กฝรั่งหัวน้ำตาลอ่อนก็ยอมนั่งลงข้างๆ ช่วยกันเปิดเมนูสั่งอาหารเครื่องดื่มพอให้ไม่อดตายไปอีกมื้อแล้วก็นั่งรอ ช่วงนั้นท้องฟ้าก็ค่อยๆ ถูกย้อมเป็นสีดำพอดีตอนเกือบทุ่มสมกับเป็นหน้าร้อน

เครื่องดื่มมอทเทลสีสวยถูกนำมาเสิร์ฟเป็นอย่างแรก ก่อนตามด้วยอาหารเรียกน้ำย่อยเป็นคำเล็กๆ จัดใส่ช้อนก้นหนา จานที่สองเป็นซีซาร์สลัด และจานหลักเป็นอาหารทะเลเผากินคู่กับน้ำจิ้มรสเด็ดที่เล่นเอาเด็กฝรั่งซี้ดซาดลิ้นห้อยหน้าแดง ก่อนตบท้ายด้วยของหวานเบาๆ อย่างสตรอเบอร์รี่เชอร์เบท อิ่มจนท้องตึง ไหนจะลมทะเลที่พัดตีหน้า เสียงคลื่นที่เหมือนกล่อม เบาะเตียงที่ชวนซบผนวกกับเปิดเทอมวันแรก ไม่แปลกเลยที่เด็กหนุ่มตาปรือทำท่าจะหลับ

“อะไรกัน ง่วงแล้วเหรอ” ทิวากานต์หัวเราะในคอพลางเซ็นชื่อลงในใบเสร็จ “เสียใจนะ วันนี้คงเปิดห้องให้ไม่ได้พรุ่งนี้ต้องทำงาน”

อลันด์รีบเด้งตัวขึ้นจากเบาะ จู่ๆ ก็ขนลุกซู่ “เชิญคุณเก็บไว้เปิดกับสาวๆ ของคุณเถอะ”

“คิดไปถึงไหนเนี่ย ถึงฉันจะชอบบริหารเสน่ห์แต่สงวนไว้เฉพาะผู้หญิงนะครับ ผู้ชายขอเซย์โน” แต่นานๆ ทีก็ไม่เลว... ประโยคหลังทิวากานต์เก็บมันไว้ในใจไม่อยากทำกระต่ายตื่นตูมจนหมดสนุก

เขาแค่ชอบมองคนหน้าตาดี ไม่ว่าจะผู้ชายหรือผู้หญิงแค่สวยสะดุดตาก็น่ามองทั้งนั้น แต่ถ้าเจ๊าะแจ๊ะจริงจังจนถึงขั้นขึ้นเตียงขอสงวนไว้สำหรับสาวๆ ก็พอ กับผู้ชาย....รอเขาเกิดคึกอยากลองค่อยมาพูดกันอีกที

“ก็ดูคุณพูดดิ น่ากลัวชะมัด จู่ๆ มาเปิดหงเปิดห้อง”

สิ้นเสียงทุ้มมีเสน่ห์ของอลันด์ คุณหมอก็หัวเราะก๊ากไม่สนสายตาใคร ลองมาเห็นหน้ามึนๆ ของไอ้ตัวแสบขึ้นสีเลือดแบบเขินๆ จนหูแดงสิตลกจะตาย คิดได้ไงว่าเขาจะเอามันทำเมีย ถึงหน้าตาดีแบบที่เขาชอบมอง แต่รอลิงออกลูกเป็นปลากระเบนก่อนนะค่อยมาอ่อยใหม่

“ขำอะไรเล่า ไม่ตลกนะเว้ย”

“ขำเด็กคิดลึก อย่าบอกนะที่คิดแบบนี้เพราะหลงเสน่ห์ฉันอ่ะ ก็เข้าใจอยู่หรอกว่าคนมันหล่อเป็นที่ต้องการต่อทั้งเพศตรงข้ามและเพศเดียวกัน”

“ฝันอยู่หรือไง แค่ไม่ไว้ใจด็อกเถื่อนแบบคุณต่างหาก”

“ไม่ไว้ใจแต่ก็ยอมตามมาถึงนี่ละนะ” หัวเราะหึหึอีกครั้งก่อนร่างสูงใหญ่จะลุกจากเตียง กวักมือเรียกเด็กฝรั่งให้ลุกตามไปด้วยกันเงียบๆ จนถึงน้องกบจึงหันมาถามคนตัวสูงเท่าไหล่ “ยังไม่สองทุ่มเลย ไปเดินเล่นที่ตลาดโต้รุ่งกันไหม”

“มันคืออะไร”

“ก็พวกร้านค้า ขายของฝาก ของกิน ขนม”

“ตามใจเถอะ” อลันด์เคลงหัวทำหน้ามึนตามสไตล์ เปิดประตูเข้าไปนั่งประจำที่ถึงเบลท์คาดเรียบร้อย ตอนนี้จะพาเขาไปไหนก็ไปเถอะเพราะให้เขากลับบ้านเองคงกลับไม่ถูก เงินก็ไม่มีติดตัวสักบาท

“โอเค”



กว่าทิวากานต์วนรถหาที่ปลอดภัยจอดน้องกบได้ก็สองทุ่มเป๊ะ เขาพาเด็กต่างชาติเดินดูร้านค้าสองข้างทางไปเรื่อยๆ เห็นอะไรน่าสนใจก็เข้าไปดูแต่ไม่ได้ซื้อ ที่จะยอมเสียเงินก็มีแค่ขนมไทยที่อลันด์เห็นแล้วสนใจถึงซื้อมาให้ลองกิน

“ว่าแต่วันนี้คุณไม่ทำงานหรือไง ผมเห็นออกไปตั้งแต่เช้านึกว่าไปทำงานซะอีก” เด็กหนุ่มว่าพลางแทะขนมเบื้องรสหวานเจี๊ยบ

“ไปทำบุญวันเกิดให้ตัวเองกับแม่มา เชื่อไหมว่าฉันกับแม่เกิดวันเดียวกันล่ะ ถึงอย่างนั้นแม่ฉันก็ชอบแอบมาเซอร์ไพรส์วันเกิดอยู่เรื่อย แต่ละปีไม่เคยซ้ำพล็อตกันเลยแล้วฉันก็จับไม่ทันสักครั้ง” ยามพูดถึงมารดาผู้ล่วงลับ ใบหน้าหล่อเหลาของคุณหมอตัวสูงก็เคลือบไปด้วยรอยยิ้มและความสุขฉายชัดบนดวงตาสีน้ำผึ้ง

“แล้วคุณไม่เคยเซอร์ไพรส์แม่กลับบ้างหรือไง”

“เคย แต่ไม่เคยสำเร็จ” คุณหมอยิ้มตาหยี “แม่ฉันจับผิดเก่งสุดๆ ตีหน้าเล่นละครเป๊ะขนาดไหนก็โดนจับได้ทุกที”

“แล้วปีนี้ล่ะแม่คุณไม่ได้มากับวิคเตอร์นี่ แล้วออกมาแบบนี้จะเซอร์ไพรส์กันยังไง”

“ไม่มีเซอร์ไพรส์มาสองปีแล้วตั้งแต่แม่ฉันเสีย”

“เอ่อ... เสียใจด้วยนะ”

“ไม่ต้องทำหน้าเศร้าน่า มันเป็นสัจธรรมชีวิต” มือหนาแตะลงบนกลุ่มผมสีช็อกโกแลตนมก่อนขยี้เบาๆ “แต่ถึงเขาไม่อยู่ก็มีวิคเตอร์มาเซอร์ไพรส์แทนทุกปี ก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอก”

“ดูเหมือนคุณไม่สนิทกับเขาเท่าไหร่” อลันด์ว่าตามที่เห็น ถึงแด๊ดจะดุและเข้มงวดกับเขามากแต่ไม่เคยโต้เถียงกันเหมือนคนนอกแบบที่ทิวากานต์ทำกับวิคเตอร์เลย

“ประมาณนั้น เอาจริงๆ นะ ชีวิตฉันมันตลกมากเลยขนาดเอาไปสร้างเป็นละครได้เลย ฉันเพิ่งรู้ว่าวิคเตอร์เป็นพ่อฉันก็ตอนแม่เสีย หมอนั่นมายืนร้องไห้ที่งานศพแล้วก็เดินมาบอกว่าเป็นพ่อ คิดดูแล้วกันว่าตอนนั้นฉันจะรู้สึกยังไง แม่ฉันเป็นซิงเกิ้ลมัม เราอยู่กันมาสองคนตลอด เด็กๆ ก็รู้สึกน้อยใจที่ไม่มีพ่อ แต่เพราะแม่ทำหน้าที่ทั้งพ่อทั้งแม่ได้ดีมากจนฉันคิดว่าเรามีกันแค่สองคนก็พอแล้ว แล้วจู่ๆ ดาราฮ่องกงชื่อดังถึงขั้นเล่นหนังฮอลลีวู้ดก็เดินมาบอกว่าเป็นพ่อฉันตอนที่แม่ตาย ฉันเลยนึกว่ากำลังถ่ายรายการสาระแนซ่อนกล้องอยู่อะไรแบบนี้ หัวเราะจนพระมองค้อนเลยล่ะ”

ทิวากานต์เล่าไปหัวเราะไปดูไม่มีอาการเสียใจหรือเจ็บปวดอะไรสักนิด หากนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนกลับหม่นลงยามทอดมองไปข้างหน้า

“แต่พอรู้ว่าเขาเป็นพ่อฉันจริงๆ มันก็ช็อกล่ะนะ ที่สำคัญเขาก็มาเอาตอนที่ฉันอยู่คนเดียวได้แล้ว ความรู้สึกที่มีให้เขามันเลยออกจะเฉยชากึ่งๆ ไม่ชอบขี้หน้า คิดดูสิปล่อยให้แม่เลี้ยงฉันคนเดียวมาตั้งยี่สิบกว่าปีแล้วกลับมาในวันที่สายไป จะให้เราสนิทกันมันก็ไม่ใช่ป่ะล่ะ มันแค่ไม่ชอบแต่ก็ไม่ถึงกับเกลียด”

ไอ้ตัวแสบก้มหน้าแทะขนมเบื้องเงียบๆ งดออกความเห็น เรื่องในครอบครัวคนอื่นก็ต้องให้เขาจัดการกันเอง คนนอกจะไปเสนอคงไม่ใช่เรื่อง ทั้งที่อยากบอกว่าวิคเตอร์ดูรักทิวากานต์จะตายไม่งั้นคงไม่ซื้อรถซูเปอร์คาร์ให้หรอก

“แต่มีเรื่องตลกอยู่เรื่องนึงนะ”

“หืม” คนเด็กกว่าเงยหน้ามองเสี้ยวคางเรียวได้รูปของคุณหมอ เลิกคิ้วหนาสีน้ำตาลขึ้นน้อยๆ ชีวิตรันทดขนาดนี้ยังมีเรื่องตลกอีกเหรอ

“ตอนฉันอายุสักสิบสี่สิบห้านี่แหละ จู่ๆ ดันอยากรู้ว่าพ่อคือใคร ฉันไม่เคยถามแม่ก็ไม่เคยบอก วันนั้นกลับจากโรงเรียนแล้วนึกครึ้มใจพอดีเลยลองถามดู ตอนนั้นแม่นั่งฉันดูทีวีอยู่ ถามจบปุ๊บแม่ก็ชี้ไปที่ทีวีพอดีกับโฆษณาที่วิคเตอร์เป็นพรีเซ็นเตอร์ขึ้นพอดี ฉันหัวเราะลั่นบ้านเลยคิดว่าแม่อำเล่น ก็แม่ฉันน่ะบ้าพวกดารานักร้องมาก ที่ไหนได้...แม่พูดความจริงแล้วฉันไม่เชื่อเองต่างหาก”

อลันด์หัวเราะก๊ากกับคำสารภาพของคุณหมอ มันก็ตลกร้ายอยู่นะแต่หน้าทิวากานต์ตอนเล่ามันเซ็งได้ใจจนคนฟังกลั้นขำไม่อยู่ แต่ชักจะขำมากเกินความจำเป็นเลยถูกคุณหมอขยี้หัวเล่นไปอีกที

“มากไปๆ”

“ตลกอ้ะ” เด็กฝรั่งอมยิ้มอีกครั้งก่อนเดินนำคุณหมอดูร้านรวงสองข้างทางต่อ อลันด์วิ่งเข้าร้านนู้นออกร้านนี้ตามแต่ที่เห็นอะไรน่าสนใจ บางครั้งเร็วจนหายไปจากสายตาคุณหมอให้ต้องชะเง้อหาบ่อยๆ กลัวเอาลูกเขามาทิ้งไว้ที่นี่แล้วมาดามโอเนลล์จะตามมาบีบคอถึงบ้าน

หลังแวะซื้อน้ำขวดแป๊บๆ ไม่ทันไรเด็กฝรั่งหน้าตายก็หายไปอีกหน ทิวากานต์ชะเง้อคอมองหากลุ่มผมสีอ่อนท่ามกลางผู้คนหลากหลายเชื้อชาติ หันซ้ายหันขวาไม่เจอหากก่อนจะได้เริ่มร้อนใจเสียงทุ้มคุ้นหูก็ดังลอยเข้ามาในหู

“When I find myself in times of trouble
Mother Mary comes to me
Speaking words of wisdom, let it be
And in my hour of darkness
She is standing right in front of me
Speaking words of wisdom, let it be
Let it be, let it be
Let it be, let it be
Whisper words of wisdom, let it be1


เจ้าเด็กหน้ามึนเผลอแป๊บเดียวก็วิ่งไปขอกีตาร์นักดนตรีเปิดหมวกมาดีดเล่นซะแล้ว แถมยังเล่นเพลงของ The Beatles เสียด้วย ตั้งแต่เห็นความสามารถเจ้าตัวไปเมื่อวันสงกรานต์รวมกับวันนี้ก็ต้องบอกว่ามีฝีมือจริงๆ น้ำเสียงทุ้มห้าวแบบเด็กผู้ชายเข้าได้ดีกับเสียงกีตาร์ที่บรรจงดีดให้ทำนองเสียงหนักเบา รวมกับใบหน้าหล่อคมเข้มอย่างชาวตะวันตกยิ่งทำให้เป็นที่สะดุดตาเข้าไปใหญ่ นักท่องเที่ยวหลายคนหยุดฟัง บ้างก็ตบมือตามจังหวะหรือไม่ก็ร้องคลอตามบทเพลงอมตะ

“There is still a light that shines on me
Shine on until tomorrow, let it be…”


เสียงตบมือดังเกรียวกราวเมื่อเจ้าเด็กแสบร้องจบ แบงค์ยี่สิบบ้างเหรียญสิบบ้างกะเอาคร่าวๆ ด้วยสายตาสักร้อยกว่าบาทถูกโยนใส่กล่องกีตาร์

ตาสีฟ้าซีดมีประกายภาคภูมิใจก่อนยักคิ้วให้คุณหมอตัวสูงเมื่อเห็นอีกคนในคลองสายตา “เนื่องจากวันนี้เป็นวันเกิดเพื่อนบ้านที่น่ารักของผม ผมเลยอยากจะร้องเพลงอวยพรวันเกิดให้เขาเสียหน่อย แต่ผมไม่ค่อยถนัดเพลงไทยเท่าไหร่ใครร้องได้ก็ช่วยร้องให้ด้วยนะครับ”

นายแพทย์ทิวากานต์เลิกคิ้วสูง รู้ดีอยู่หรอกที่ไอ้เด็กแสบจะร้องเพลงอวยพรให้แต่มันสังหรณ์ใจแปลกๆ ยังไงไม่รู้

“พอทราบอายุขวัญตา น้องเอยพี่มานั่งทำตาปริบ ปริบ2

ซื้อ - หวย - ทำ - ไม - ไม่ - ถูก - แบบ - นี้ - บ้าง - !

แค่ร้องท่อนแรกทิวากานต์ก็อยากจะวิ่งพุ่งกลับไปหาน้องกบขับรถเข้ากรุงเทพทิ้งไอ้เด็กหน้าตายไว้ที่หัวหินให้รู้แล้วรู้รอด ไอ้เด็กเวรนั่น! ทำเขาอายแล้วยังมีหน้ามายักคิ้วหลิ่วตาให้อีก มันน่าจับเอากีตาร์ฟาดสักที ทำไมมันกวนโอ๊ยแบบนี้ เมื่อกี้ไม่น่าชมมันเลยให้ตายเถอะ!!!

“น้องอายุสามสิบ สามสิบทำไมยังสวย
ยังเต่ง ยังตึง ตึงตัง น้องเอยขาวจัง ขาวดังอาม่วย
ยิ้มก็หวานเสียด้วย ป๋าป่วยยังมองตาแป๋ว
โถใครจะเชื่อ ว่าแม่บุญเหลืออายุมากแล้ว
สาบสิบยังแจ๋ว แจ๋วเสียจนน่าจีบ
โอ้แม่มะพร้าวเนื้อตัน น้องเอยมามันเอาเมื่อตอนสามสิบ
โอ๊ยแม่แก้มสองหยิบ สามสิบดูซิยังสวย”


เสียงตบมือเป่าปากด้วยความชอบใจดังลั่นตลาดโต้รุ่งเสียยิ่งกว่าตอนที่อลันด์ร้องเพลง Let It Be ประมาณสามสี่เท่าได้ ไอ้เด็กหน้าตายฉีกยิ้มหน้าบานจนถึงใบหู มันน่าปล่อยทิ้งไว้ที่หัวหินจริงๆ นะจะบอกให้!

.
.
.

สองหนุ่มต่างวัยกลับถึงที่พักเกือบห้าทุ่ม อลันด์หน้าบูดเป็นตูดหมีเพราะถูกทิวากานต์บ่นมาตลอดทางสองร้อยกิโลเมตรจากหัวหินถึงอโศก ดูเหมือนคุณหมอไม่ค่อยอยากจะยอมรับกับตัวเองเสียเท่าไหร่ว่าอายุย่างเข้าเลขสามแล้ว แหม่...หน้ายังใสเด้งอย่างกับเพิ่งยี่สิบสี่ทำบ่น เด็กหนุ่มเลยแอบเตะน้องกบไปทีตอนลงจากรถเป็นการแก้แค้นแล้วรีบวิ่งกลับขึ้นมาก่อนไม่อยู่รอให้คุณหมอตามมาหักคอข้อหาประทุษร้ายลูกรัก

ทิวากานต์ยังคงบ่นอุบอิบคาดโทษไอ้เด็กแสบในใจยาวเป็นหางว่าว เห็นมันน่ารักหน่อยไม่ได้หาเรื่องกวนประสาทมาหักล้างความคิดได้ตลอด

เขาเปิดกระเป๋าเงินของวิคเตอร์สำรวจดูความเสียหายระหว่างอยู่ในลิฟต์ ธนบัตรสีเทาสกุลบาทที่มีอยู่สามใบถูกดึงมาใช้ใบหนึ่งซื้อของกินเล่นให้อลันด์ไปไม่ถึงร้อย เงินทอนที่เหลือถูกยัดลวกๆ อยู่ในนั้นพร้อมสลิบบัตรเครดิตที่เขาใช้รูดเป็นค่าอาหารกับค่าน้ำมันขากลับ หากแต่ที่สะดุดตาเอาตอนนี้กลับเป็นรูปถ่ายเก่าๆ ขนาดสองนิ้วครึ่งที่แอบอยู่หลังช่องใส่บัตรเครดิต คงแพล่มออกมาตอนเขาดึงบัตรไปรูดค่าน้ำมัน

ตาคมสีน้ำตาลอ่อนทอแสงอ่อนลง เขาพับกระเป๋าปิดเหมือนเดิมระหว่างกดรหัสเปิดประตูเข้าบ้าน ห้องชุดแบบ Duplex มืดสลัว มีเพียงแสงไฟนัวๆ จากตรงบันไดที่เปิดอัตโนมัติไว้เท่านั้น หากการที่เครื่องปรับอากาศยังคงทำงานอยู่แสดงว่าวิคเตอร์ไม่ได้ไปไหนแต่ยังรอเขาอยู่ที่ห้อง

คุณหมอหนุ่มเปิดไฟให้ห้องชั้นล่างสว่างก่อนเดินขึ้นบันไดไปห้องนอนเล็กที่เคยเป็นห้องของแม่ วิคเตอร์นอนหลับสนิทอยู่บนเตียงขนาดสามฟุต ทิวากานต์ไม่อยากปลุกอีกฝ่ายมาเผชิญหน้ากันให้เกิดความอึดอัดเสียเปล่าๆ จึงเลือกวางกระเป๋าสตางค์มูลค่าสูงกว่าเงินสดที่ใส่ไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียงแล้วเลี่ยงออกไปเงียบๆ

บุหรี่นอกตัวเล็กถูกจุดไฟท่ามกลางความมืด เผลอแป๊บเดียวก็หมดวันเกิดเขาเสียแล้ว ไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่าจะของขวัญวันเกิดชิ้นที่สองจากพ่อจะเป็นรถราคายี่สิบกว่าล้าน ชิ้นแรกเมื่อปีที่แล้วยังเป็นแค่นาฬิกาโอเมก้าแบบสปอร์ตธรรมดาๆ แต่คิดไปแล้วก็ไม่แปลกใจ ไอ้ซีโฟร์ที่จอดอยู่ข้างล่างนั่นเขาก็เพิ่งมารู้ทีหลังว่าวิคเตอร์หุ้นเงินกับแม่คนละครึ่งซื้อให้เขาเป็นของขวัญรับปริญญา

“เป็นหมอแต่มาสูบบุหรี่แบบนี้คนไข้ที่ไหนเขาจะเชื่อถือ”

คิดถึงเสือ เสือก็มา

ทิวากานต์เงยหน้ามองผู้ชายตัวสูงใหญ่ไม่ต่างกับเขาก่อนหันไปสนใจบุหรี่ในมือต่อ ไม่ต้องมองก็รู้สึกได้ว่าวิคเตอร์ย่อตัวลงนั่งข้างเขา

“ชอบของขวัญไหม”

“ก็ดี แต่กินน้ำมันโคตร”

“ชอบก็บอกว่าชอบไม่เห็นต้องอ้างเรื่องอื่น”

“ชอบ!” คุณหมอหนุ่มกระแทกเสียงใส่คนเป็นพ่อลั่น อีกเหตุผลที่ไม่ชอบวิคเตอร์ก็เพราะชอบกวนประสาทเขานี่แหละ

“ก็แค่นั้น” นักแสดงชื่อดังหัวเราะในลำคอก่อนลุกขึ้นยืนอีกครั้ง เขาก้มมองนาฬิกาก่อนตีหน้าเสียดาย “พ่อต้องไปแล้วล่ะ พรุ่งนี้มีงานต่อที่เซี่ยงไฮ้”

“ก็ไปสิ จะบอกทำไม”

“เปล่า แค่อยากให้รู้ อ่อ เห็นนภบอกว่ากำลังจะสอบเป็นหมอศัลย์ใช่ไหม พ่อไม่ค่อยรู้อะไรหรอกแต่ตั้งใจอ่านหนังสือนะ ถ้าสอบผ่านหมดเดี๋ยวจะส่งค่าน้ำมันมาให้”

“ผม - หา - เอง - ได้”

“ก็พ่ออยากให้อ่ะ” เขาทำเสียงเล็กเสียงน้อยไม่เข้ากับวัยและหน้าตาก่อนฉีกยิ้มกว้างให้ลูกชาย ฝ่ามือหนาเริ่มปรากฏร่องรอยแห่งวัยขยี้ลงบนกลุ่มผมสีดำสนิทเบาๆ อย่างที่อยากทำมาตลอดตั้งแต่ทิวากานต์เกิด แต่กว่าจะได้ทำก็รอเวลาผ่านไปตั้งสามสิบปี ช่างเป็นการรอคอยที่ยาวนานเหลือเกิน

“น่ารำคาญเว้ย มาทางไหนกลับไปทางนั้นเลย” คุณหมอปัดมือคนเป็นพ่อพัลวัน ใบหน้าหล่อเหลาแทบถอดแบบมาจากบิดาง้ำงอไม่น่าดู กระนั้นวิคเตอร์ยังส่งยิ้มให้อีกคนไม่ถือสา

“ไปแน่ล่ะ สุขสันต์วันเกิดนะวา มีความสุขมากๆ พ่อรักลูกนะ”



วิคเตอร์กลับไปนานแล้วแต่ทิวากานต์ยังนั่งอยู่ที่เดิม กำลังสูบบุหรี่ตัวที่สามของคืนนี้ คำว่ารักของผู้ให้กำเนิดยังวนเวียนอยู่ในหัว

รักงั้นเหรอ

วิคเตอร์ก็คงรักเขาจริงๆ นั่นแหละ แต่มาบอกให้เขารู้ช้าไปจนตอนนี้มันยังเดินทางไม่ถึงหัวใจเขาเลย คงต้องใช้เวลา...ทิวากานต์คิดว่างั้น แม้ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาอีกเท่าไหร่กว่าที่รักของพ่อจะสัมผัสกับหัวใจของเขาได้สักที



TBC

ว่าจะมาลงเมื่อวาน แต่งานยุ่งๆ เลยไม่ได้ลง วันนี้มีเวลาว่างก็เลยรีบเอามาลงก่อนลืมอีก
อ่านคอมเม้นต์แล้วตกใจนิดหน่อยไม่คิดว่าจะมีคนเชียร์พ่อเฮนรี่ที่สามขนาดนี้ 555
คนนี้เขาเกิดมาเพื่อเป็นพระรอง(ซีรีส์เกาหลี)จริงๆ ค่ะ
ว่าแต่ไม่มีใครชอบหมาขนทองตัวโตแบบหนุ่มทอมบ้างเหรอคะ *w*

แล้วเจอกันตอนหน้าค่าาาาา
 :mew1:

------------------

1 Let It Be - The Beatles
2 สามสิบยังแจ๋ว - เวอร์ชั่นป้าง นครินทร์

เอาโฉมหน้าน้องกบของพี่วามาให้ยลค่ะ
(http://i.imgur.com/Y9zj9C4.jpg)
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 05 [22.09.15] P2
เริ่มหัวข้อโดย: black sakura ที่ 22-09-2015 14:23:16
อุ้ยยยคุณพ่อของขวัญวันเกิดนี่ฝุดๆอ่ะ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 05 [22.09.15] P2
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 22-09-2015 17:34:48
รักคุณพ่อแทนแล้วอ่ะะะ(หลายใจจิงฉันนนน)
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 05 [22.09.15] P2
เริ่มหัวข้อโดย: Shonteen ที่ 22-09-2015 18:43:05
ฉันอยากเห็นหมอปล้ำเจ้าฝรั่งน้อยละ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 05 [22.09.15] P2
เริ่มหัวข้อโดย: karmdodcom ที่ 23-09-2015 00:25:22
#ทีมวิคเตอร์

..เอ๊ะ เหมือนผิดคนรึเปล่า??
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 05 [22.09.15] P2
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 24-09-2015 14:44:41
เพิ่งได้อ่านตอนที่แล้วกำลังหันหน้าไปเชียร์ท่านเฮนรี่ที่สามอยู่ พอมาเจอตอนนี้ เอะชักลังเลจะเชียร์หมอดีไหม
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 05 [22.09.15] P2
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 24-09-2015 15:08:13
วันพิเศษก็ต้องฉลองกับคนพิเศษสินะ
หมอวาอย่ากลืนน้ำลายตัวเองก็แล้วกันว่าจะไม่คิดอะไรกับเด็กแสบ
อย่ามัวชะล่าใจเจมส์ไปแล้วยังเหลือพี่นภอีกคน
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 05 [22.09.15] P2
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 24-09-2015 16:02:56
 :ruready
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 05 [22.09.15] P2
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 24-09-2015 17:27:35
ชอบอ่ะ    ค่อยๆเป็นค่อยๆไป แต่มีความพิเศษซ่อนอยู่ในนั่น  ละมุนเว่อร
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 05 [22.09.15] P2
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 25-09-2015 14:16:27
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 05 [22.09.15] P2
เริ่มหัวข้อโดย: monetacaffeine ที่ 25-09-2015 23:14:46
แปะก่อนนะคะ ช่วงนี้สอบเดี๋ยวกลับมาเม้นน้า T _ T
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 05 [22.09.15] P2
เริ่มหัวข้อโดย: sb_ng ที่ 26-09-2015 02:38:16
รู้สึกหวั่นไหวกับคุณพ่อ 555555555
น่ารักกกกกกอ่ะ คุณพ่อน่ารักกกก
ความสัมพันธ์หมอวากับคุณพ่อก็ต้องใช้เวลาและความใส่ใจกันเนอะ
ขอให้ความสัมพันธ์พ่อลูกดีขึ้นในเร็ววัน
รถหมอวานี่แซ่บทุกคันนน เหมือนคนใช้และคนให้สินะ 5555555
รอติดตามต่อจ้าาา
หัวข้อ: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 06 [26.09.15]
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 26-09-2015 10:34:39
TRACK 06



อากาศเมืองไทยร้อนเสียจนอลันด์คิดว่าไขมันที่ตุนไว้ใช้ช่วงหน้าหนาวน่าจะละลายหายไปบ้าง แต่หลังจากชั่งน้ำหนักครั้งล่าสุดที่โรงพยาบาลเขากลับพบว่ามันเพิ่มขึ้นมาตั้งสิบห้ากิโลกรัมหลังย้ายมาอยู่เมืองไทยได้เพียงสี่เดือน ต้องยอมรับอย่างลูกผู้ชายว่าอาหารที่นี่อร่อยจนหยุดกินไม่ได้ โดยเฉพาะวันที่ไปซ้อมดนตรีที่บ้านนภ เด็กฝรั่งมักจะกินบรรดาอาหารที่แม่ของนักร้องหนุ่มทำไว้ให้เสียราบคาบ

วันนี้เป็นอีกวันที่อลันด์จะไปซ้อมดนตรีและเป็นโอกาสดีที่จะได้เจอนภอีกครั้งหลังจากเจ้าตัวติดงานยาวจนไม่ได้เจอหน้ากันมาสองสัปดาห์ มีเพียงข้อความแชทส่งหากันเพื่อปรึกษาเรื่องดนตรีเท่านั้น

ร่างสูงน้อยกว่ามาตรฐานชายไทยนิดเดียวแบกกระเป๋าใส่กีตาร์คู่ใจเข้าร้านกาแฟชื่อดังร้านประจำที่มาใช้บริการทุกครั้งที่ต้องมาเล่นดนตรีที่โรงพยาบาล สั่งเมนูเดิมๆ ที่พนักงานแทบจะหยิบแก้วมาเขียนทันทีที่เห็นหน้าก่อนเดินไปหย่อนอุปกรณ์คู่ชีวิตไว้บนเก้าอี้ตัวติดกระจก ตอนนี้เพิ่งจะบ่ายโมง นภบอกว่าจะขับรถมารับตอนบ่ายโมงครึ่ง เด็กฝรั่งเลยมีเวลานั่งชิล เขียนไอเดียใหม่ๆ ที่คิดได้ลงบนสมุดโน้ตเล่มเล็กไปเรื่อย

ก็อกๆ

ตาสีฟ้าซีดเงยขึ้นมองตามเสียงเคาะก่อนสบเข้ากับใบหน้าหล่อเหลาของว่าที่คุณหมอศัลย์ตัวสูง ทิวากานต์ฉีกยิ้มมาให้ก่อนเดินเข้ามาในร้าน สั่งกาแฟกับพนักงานแล้วถึงค่อยมานั่งตรงข้ามกับเขา

“เมื่อเช้านั่งแท็กซี่มาเหรอ” คุณหมอเปิดปากถามหลังจากวานิลลาลาเต้ในแก้วมัคถูกวางลงบนโต๊ะ

“อืม” กลายเป็นเรื่องปกติไปแล้วที่ทุกวันเสาร์เด็กฝรั่งจะติดรถเพื่อนบ้านมาที่โรงพยาบาล แต่เมื่อเช้าเจ้าเด็กฝรั่งตื่นสายโด่งเลยมาไม่ทันคุณหมอที่หน้าบ้านอย่างเคย

อลันด์ลอบมองชายตรงหน้าเงียบๆ ทิวากานต์ยังดูดีและหล่อเหลาเหมือนเคย น้ำหอมที่เลือกพรมมาวันนี้ก็ให้กลิ่นอบอุ่นน่าเข้าใกล้ หากดวงตาที่มักทอประกายกลับดูลึกโหลเหมือนคนอดนอน ร่างกายซูบผอมผิดกับตัวเขาที่ขยายข้างเอาทุกวัน เหมือนได้ยินเจ้าตัวบ่นในลิฟต์อยู่เมื่อหลายวันก่อนว่าใกล้เข้าสู่ช่วงสอบแล้ว งานประจำที่โรงพยาบาลก็หยุดชั่วคราวเหลือเพียงรับจ็อบ GP ที่นี่ไว้เป็นค่าข้าวตัวเองกับลูกรักทั้งสามเท่านั้น เห็นแบบนี้แล้วชักสงสารอยากเอาไขมันตัวเองแบ่งให้เพื่อนบ้านสูงวัยบ้างสักนิดก็ยังดี

พูดถึงเรื่องสอบ...เขาเองก็ใกล้จะสอบแล้วนี่หว่า

ตอนนี้อลันด์ได้มหาวิทยาลัยที่เรียนต่อเป็นที่แน่นอนแล้ว แต่เรื่องสอบปลายภาคที่ใกล้เข้ามานี่สิ เขายังไม่ได้อ่านหนังสือทบทวนสักตัว!

วันไหนไม่ได้ไปซ้อมกลับถึงห้องทำการบ้านเสร็จก็หลับเป็นตาย เสาร์อาทิตย์ก็เล่นดนตรีตลอด ถ้าคะแนนจบออกมาไม่ดีโดนแด๊ดบินมาเชือดถึงที่แน่ๆ ไหนจะสอบ A-Level อีกล่ะ ดีว่าวิชาคณิตศาสตร์ต่างๆ ที่เขาถนัดที่สุดทยอยสอบบ้างแล้วเหลือแต่พวกวิทยาศาสตร์ตัวยากๆ นี่แหละ แล้วไม่รู้เขาจะลงสอบทำไมเยอะแยะหลายวิชา แค่คิดก็เครียดจนปวดหัวตุบแล้ว

“เป็นอะไร ทำหน้าเครียดเชียว”

“ยังไม่ได้อ่านหนังสือสอบเลยน่ะสิ”

“หืม จะสอบแล้วเหรอ” ตาเรียวดุเลิกขึ้นแปลกใจน้อยๆ ความรู้สึกเมื่อครั้งเห็นเจ้าเด็กฝรั่งใส่ชุดนักเรียนครั้งแรกเหมือนเพิ่งผ่านมาไม่นานนี้เอง แป๊บๆ จะหนีไปใส่ชุดนักศึกษาเสียแล้ว เวลามันไม่เคยคอยใครจริงๆ

“อ่าฮะ ถ้าคะแนนออกมาไม่ดีต้องโดนแด๊ดด่าแน่”

“งั้นก็ไปอ่านหนังสือสิจะมานั่งบ่นทำไม แล้วช่วงใกล้สอบก็งดซ้อมดนตรีไปก่อน”

อลันด์พยักหน้ารับ คงต้องทำอย่างที่คุณหมอว่า นี่ถ้ายังอยู่ที่อังกฤษเขายังมีเพื่อนช่วยติวให้ แม้แต่เจมส์ที่ไม่ชอบหน้ากันเท่าไหร่ก็ยังมาช่วยเมื่อใกล้ช่วงสอบ แต่ที่โรงเรียนใหม่เขาไม่มีเพื่อนสนิทเลย จะมีที่พอคุยกันได้ก็แค่โรเจอร์คนเดียว และหมอนั่นไม่ได้ฉลาดเสียด้วยสิ

“ทำหน้าหงอยเชียว ซีเรียสกับการสอบขนาดนั้น”

“นิดนึง แค่ไม่อยากให้มันแย่ อุตส่าห์ทำดีมาตั้งนาน ถ้าตกเพราะมาอยู่คนเดียวมันน่าสมเพชจะตาย”

ทิวากานต์ถอนหายใจเบาๆ เขาวางสมาร์ทโฟนลงบนโต๊ะก่อนดึงปากกาสไตลัสออกมาจิ้มๆ หน้าจอ “สอบวันไหนบ้าง”

“ก็...เกือบทั้งเดือน”

“งั้นจดมาว่าวันไหนสอบวิชาไหน เดี๋ยวช่วยติวให้”

“หืม?” ตาสีซีดเงยขึ้นมองหน้าคนพูดไม่เชื่อหู คุณหมอท่าทางเหมือนซอมบี้เนี่ยนะจะช่วยติวให้เขา

“ข้อสอบเด็กมัธยมไม่ยากหรอกน่า ฉันมีพวกโน้ตสรุปเก็บไว้เยอะ เดี๋ยวเอามาให้อ่าน”

“เหะๆ” เด็กฝรั่งอมยิ้มชอบใจ รีบฉวยปากกาสไตลัสกับโทรศัพท์ของคุณหมอมาจดตารางสอบตัวเองให้อีกฝ่ายดู ทิวากานต์รับกลับมาแล้วพยักหน้าบ่นงำงึมกับตัวเอง

“งั้นเริ่มคืนนี้เลยแล้วกัน วิชาแรกชีวะใช่ไหม วิชาถนัดฉันเลยล่ะ”

แหงล่ะ...เป็นหมอไม่ถนัดชีวะมันก็กระไร เด็กฝรั่งบ่นในใจพลางเหลือบมองคนตรงข้ามเป็นระยะ จู่ๆ ก็เสนอตัวช่วยเขาไม่รู้ว่าสงสารจริงๆ หรือวางแผนชั่วอะไรไว้หรือเปล่า

“ไม่ได้หลอกไปฆ่าหมกส้วมหรอกใช่ไหม ช่วงนี้คุณก็ต้องสอบเหมือนกันนิ ไม่ยุ่งหรือไง”

ทิวากานต์ฟังเด็กฝรั่งตาสีฟ้าพูดแล้วก็หัวเราะก๊ากลั่นร้านกาแฟแทบสำลักลาเต้ที่เพิ่งจิบไปเมื่อครู่ ไอ้เด็กเวรนี่ไม่เคยคิดว่าเขาเป็นคนดีบ้างเลยหรือไงวะ “ไม่ได้ยุ่งมากหรอก แค่ไม่ค่อยได้นอนเพราะอ่านหนังสือหนัก แล้วที่อาสาติวเนี่ยไม่ใช่อะไร ฉันจะได้ทบทวนด้วยก็แค่นั้น อ่านแต่เรื่องหนักๆ อย่างเดียวปวดหัวตายชัก เอาไอ้วิชาพื้นฐานพวกนี้มาเบรกบ้างก็ดี”

“งั้นเรอะ โอเคก็ได้ คืนนี้ใช่ไหม”

“เยส” คุณหมอพยักหน้า

“ขอบคุณนะด็อก”

“ไม่เป็นไร ถือว่าช่วยเหลือแมวหลงถิ่น” ใบหน้าหล่อเหลาก้มมองนาฬิกาข้อมือ “งั้นเริ่มสักสองทุ่ม กินข้าวให้เรียบร้อยค่อยมาเคาะห้องแล้วกัน มาให้ตรงเวลาด้วยฉันไม่ชอบคนไม่รักษาเวลา” ท้ายเสียงกดต่ำเหมือนขู่แต่สายตาจริงจัง เจ้าแมวหลงถิ่นตัวอวบถึงกับลอบกลืนน้ำลายเพราะไม่เคยเจอโหมดโหดของคุณหมอมาก่อน

“ได้”

ดีลกันเสร็จเรียบร้อยโทรศัพท์ของเด็กฝรั่งก็มีสายเข้าพอดี เด็กหนุ่มผมสีนมช็อกโกแลตกดรับพูดคุยสองสามคำจึงวางสาย “พี่นภมารับแล้ว ผมไปก่อนล่ะ”

คุณหมอชูแก้วมัคลาแทนการโบกมืออย่างทุกครั้ง มองตามหลังอลันด์ไปจนเห็นร่างเล็กๆ นั่นขึ้นมินิคูเปอร์ของนักร้องหนุ่ม อย่าว่าแต่อลันด์งงเลยเขาเองก็งงที่เสนอตัวช่วยไอ้เด็กแสบนั่นอยู่เหมือนกัน แต่ถ้าให้เลือกเหตุผลระหว่างเพราะเหงาที่ช่วงนี้ไม่มีใครกับเพราะที่มาดามโอเนลล์ขอร้องให้ช่วยดูแลลูกชาย เขาคงตอบข้อหลังทันทีโดยไม่ลังเล

.
.
.

เสียงกีตาร์ดีดบรรเลงเป็นเพลงของวงร็อคในตำนานอย่าง The Beatles คลอด้วยเสียงร้องแหบแห้งเป็นเอกลักษณ์ดังไปทั่วห้องซ้อมใต้ดินของบ้านพันธุกานต์มาหลายชั่วโมงแล้ว ลูกชายเจ้าของบ้านที่วันนี้ได้หยุดพักเสียทีนอนกระดิกเท้าฟังอยู่บนโซฟาพลางฮัมตาม ขณะที่ตาก็จับจ้องเครื่องมือสื่อสารขนาดเล็กในมือไม่ห่าง จนเด็กลูกครึ่งดีดโน้ตตัวสุดท้ายจบเขาก็กระเด้งตัวขึ้นมาฉีกยิ้มหวานให้

“แสบ เรามาทำอะไรสนุกๆ กันดีกว่า”

“ทำอะไร” เด็กหน้าตายชะงักมือที่กำลังจะเล่นเพลงต่อไป เขาว่าจะลองฝึกเพลงของจิมมี่ เฮนดริกซ์ดูบ้างแต่เหมือนว่าเรื่องสนุกของนภคงไม่เกี่ยวด้วยแน่ๆ

“อัดคลิปลงยูทูปกัน”

“หืม?”

“วางโครงสร้างหนทางแห่งการมีชื่อเสียงไงเล่า ถ้านายอยากเป็นนักร้องดังนายก็ต้องทำให้ทุกคนรู้จักนายเสียก่อน แล้วเดี๋ยวนี้การโปรโมตตัวเองมันง่ายนิดเดียวไม่ต้องเสียเงินสักบาท”

“งะ งั้นเหรอ” หนุ่มน้อยเหมือนไม่ค่อยมั่นใจนัก เขาอยากเป็นนักร้องน่ะใช่ อยากมีคนที่ฟังเพลงของเขามันก็ใช่ แต่ไอ้เรื่องอยากดังเนี่ย...ไม่ค่อยแน่ใจ อีกอย่างเขาสัญญาลูกผู้ชายกับแด๊ดไปแล้วว่าจะเรียนให้จบก่อนถึงค่อยจริงจังทางด้านดนตรีเต็มตัว ไม่งั้นเขาไม่ถ่อมาที่ไทยตอนนี้แต่หนีออกจากบ้านตั้งแต่อายุสิบหกไปเป็นนักร้องแล้ว ซึ่งเรื่องนี้นภก็รู้ดีแล้วทำไมยัง...

“อย่าทำหน้าแบบนั้นซี่ ฉันเข้าใจว่านายอยากเรียนให้จบก่อน แต่ก็ควรสร้างฐานแฟนคลับเดนตายไว้แต่เนิ่นๆ แล้วถ้าในอนาคตนายเกิดดังขึ้นมามันน่ามีอะไรในอดีตที่ให้พวกแฟนคลับเขาขุดคุ้ยกันหน่อย แบบที่ว่าน่าประทับใจ” นักร้องหนุ่มจบประโยคด้วยรอยยิ้มกว้างโชว์ฟันครบทุกซี่

หัวสมองใต้กลุ่มผมสีช็อกโกแลตนมคิดอยู่เกือบสามนาทีคำนวณผลได้ผลเสียแล้วจึงยอมพยักหน้าตกลงในที่สุด คิดเข้าข้างตัวเองว่าแด๊ดไม่รู้หรอกและอีกอย่างแค่อัดคลิปลงโซเชียลมันก็ไม่ได้อยู่ในสัญญานี่

เพียงเวลาไม่ถึงชั่วโมงดีคลิปร้องสดเล่นสดเพลง Like Dreamers Do ของ The Beatles ก็ถูกนภจัดการอัดโหลดลงยูทูปเสร็จสรรพ ไม่ลืมโปรโมตคลิปด้วยการตัดส่วนหนึ่งสั้นๆ  15 วินาทีลงในอินสตาแกรมของตัวเองพร้อมลิงค์และแคปชั่นสั้นๆ ว่า ‘ฝาก ‘ตัวแสบ’ น้องชายสุดน่ารักของผมด้วยนะคร้าบ’ ให้แฟนคลับได้กรี๊ดกร๊าดกัน

อลันด์ยกมือลูบแก้มลูบคางตัวเองแก้เขิน อยากจะส่งลิงค์ไปให้เพื่อนรักที่ลอนดอนดู อีกใจก็อยากรู้ฟีดแบ็คว่าจะเป็นยังไงบ้าง ผลตอบรับจะดีไหม คุ้มกับที่ยอมสัญญากับแด๊ดหรือเปล่า

“ว้าว แสบดูสิ แป๊บเดียวคอมเม้นต์ขึ้นพรวดๆ เลย”

นภยื่นหน้าจอไอโฟนห้าเอสของตัวเองจ่อหน้าเด็กหนุ่มแทบชิดปลายจมูกโด่ง อลันด์ย่นคอหนีเล็กน้อยหากตาสีฟ้าซีดจับจ้องข้อความแจ้งเตือนที่เด้งขึ้นบนหน้าจอไม่หยุดหย่อนเขม็ง หลายคนชมว่าเขาน่ารัก ร้องเพลงเพราะ มีคนที่จำเขาจากตอนขึ้นไปร้องเพลงบนเวทีกับนภเมื่อสงกรานต์ที่ข้าวสารได้ด้วย บางคนก็บอกว่าเขาเหมือนเซอร์พอล แมคคาร์นีย์เวอร์ชั่นจูเนียร์แก้มใสพลันเห่อร้อนขึ้นมาทันที เขากับตำนานที่ยังมีชีวิตอยู่คนนั้นเนี่ยนะ อย่างกับฝันไปแน่ะ

มือเรียวสวยถูกยกขึ้นลูบคางตัวเองเล่นอีกครั้งทั้งที่ไม่มีแม้แต่เส้นขนโผล่แพล่มออกมา หน้าขาวขึ้นสีเลือดกระจายไปถึงใบหูที่ซ่อนตัวอยู่ใต้กลุ่มผมหนานุ่ม นภมองเด็กฝรั่งตัวเตี้ยสูงเท่าคางเขาเม้มปากแน่นเป็นเส้นตรง เออ...เวลาเด็กหน้าตายมันเขินก็น่ารักดีเหมือนกันนะเนี่ย

คนที่ถูกบอกว่าเหมือนเซอร์พอลจูเนียร์นั่งเบียดกับนภบนโซฟาอ่านคอมเม้นต์ที่ยังคงหลั่งไหลเข้ามาเรื่อยๆ จนตาเหลือบไปเห็นเวลาบนหน้าจอโทรศัพท์ เท่านั้นเด็กนักเรียนถึงนึกได้ว่ามีนัดติวกับคุณหมอหน้าดุห้องตรงข้ามในอีกไม่ถึงชั่วโมงข้างหน้า ก้นที่ติดเบาะเมื่อครู่จึงลอยเด้งขึ้นมาในทันทีราวนั่งทับของร้อน

“พี่นภ ผมต้องรีบกลับแล้วล่ะ”

“รีบไปไหนน่ะ ยังไม่สองทุ่มเลย อยู่กินข้าวด้วยกันก่อนดิ แม่พี่ทำกระดูกหมูอบกะทิไว้ด้วยเนี่ย”

“ไว้โอกาสหน้านะ ผมมีนัดกับด็อกเตอร์ตอนสองทุ่ม ไปสายเขาฆ่าตายแน่เลย”

“นัดอะไร สำคัญหรือเปล่า โทรไปเลื่อนเขาก่อนได้ไหม”

“พอดีเขาอาสาช่วยติวให้ ผมไม่อยากโทรไปเลื่อน”

“งั้นเหรอ” นักร้องหนุ่มทำเสียงเสียดมเสียงดาย หน้าตาหงอยขึ้นมาทันที อยากจะเสนอตัวช่วยติวให้แทนคุณหมอลูกชายเพื่อนรักพ่อแต่ก็เจียมตัวว่านักร้องเรียนอินเตอร์นิเทศศาสตร์แบบเขาจะไปสู้คุณหมอดีกรีเกียรตินิยมจากมหาวิทยาลัยชื่อดังด้านการแพทย์ได้อย่างไร

ยิ่งเห็นอลันด์ทำหน้าเสียดายเหมือนกันยิ่งอยากอยู่ดูไอ้ตัวแสบเล่นกีตาร์ต่ออีกให้สมความคิดถึงที่ไม่ได้เจอกันตั้งหลายวัน แต่คงต้องปล่อยให้กลับไปหาคุณหมอช่วยติวก่อน ขืนเจ้าตัวทำคะแนนออกมาไม่ดีถูกแด๊ดดี้ลากกลับลอนดอนเขาคงไม่มีโอกาสได้เจอเจ้าตัวอีก

มือหนาขยี้หัวอีกคนเล่นเบาๆ ก่อนฉีกยิ้มกว้างแบบที่สาวแท้สาวเทียมค่อนประเทศเห็นเป็นอันต้องหลงให้เด็กฝรั่งตาฟ้ารู้สึกดีขึ้น “ไม่เป็นไร หยุดซ้อมไปก่อนก็ได้ ช่วงนี้ยังไงก็ต้องตั้งใจอ่านหนังสือสอบ ไว้ปิดเทอมจะมานอนเล่นที่นี่ทั้งวันทั้งคืนเลยก็ได้ พี่จะให้แม่ขุนเราให้อ้วนเลย”

“แค่นี้กางเกงนักเรียนก็คับจะแย่แล้ว สงสัยตอนซื้อชุดนักศึกษาคงได้อัพไซส์ให้มัมตกใจเล่นแหงๆ”

“มัมน่าจะดีใจนะที่ลูกชายไม่อดตาย ป่ะ พี่ช่วยเก็บกีตาร์ให้เดี๋ยวไปส่งที่คอนโดด้วย ชักช้าไปไม่ทันถูกหมอวาดุพี่ไม่รู้ด้วยนะเว้ยไอ้แสบ” นภยิ้มอีกครั้งแล้วช่วยไอ้ตัวแสบเก็บข้าวของ พอขึ้นไปข้างบนแม่เขาตกอกตกใจเสียยกใหญ่ว่าทำไมรีบกลับ พออธิบายเหตุผลให้ฟังเธอก็รีบกุลีกุจอห่อกระดูกหมูอบกะทิมาให้กล่องใหญ่เผื่อไปให้นายแพทย์ทิวากานต์ด้วย

นภขับรถมาส่งเด็กฝรั่งที่คอนโดตอนเกือบจะสองทุ่มพอดี เขาโบกมือลาอีกคน ไม่ลืมบอกให้อีกฝ่ายตั้งใจอ่านหนังสือสอบก่อนขับรถออกไป

อลันด์เลือกกลับห้องตัวเองไปเก็บของ ล้างหน้าล้างตาก่อนหอบหนังสือเรียนกับกล่องทัปเปอร์แวร์ใส่กระดูกหมูอบกะทิไปกดกริ่งหน้าห้องคุณหมอตัวโต เหมือนจะติดเป็นนิสัยไปแล้วที่ต้องกดรัวๆ ให้อีกคนหัวฟัดหัวเหวี่ยงมาเปิดประตูให้

“ช้า!” ทิวากานต์ว่าทันทีที่เห็นเจ้าเด็กแสบยืนเจี๊ยมเจี๋ยมอยู่หน้าห้องหอบหนังสือพะรุงพะรัง

ร่างสูงเฉียดร้อยเก้าสิบเซนติเมตรเบี่ยงตัวให้คนตัวสูงเท่าไหล่เดินเข้ามาในห้อง ก่อนปิดประตูให้แล้วเดินตามหลังเล็กๆ ของอีกคนเข้ามาด้านใน

เป็นครั้งแรกที่อลันด์ได้เข้ามาในห้องของหนุ่มโสดสุดฮอต ตาสีฟ้าซีดกวาดมองไปทั่วห้องที่ตกแต่งได้ต่างจากห้องเขาสุดๆ เหมือนไม่ใช่ห้องคู่แฝดกันแม้จะใช้สีโทนน้ำตาลเหมือนกันก็เถอะ ตรงส่วนที่เป็นห้องนั่งเล่นมีชุดโซฟาผ้ากำมะหยีสีเทาจัดเป็นรูปตัวยูชุดใหญ่ ด้านล่างปูพรมขนยาวมีกองหมอนวางกระจายอย่างกับฮาเร็ม โทรทัศน์ LED เครื่องใหญ่พร้อมชุดโฮมเธียเตอร์ แต่ยังไม่น่าตื่นเต้นเท่าจอโปรเทคเตอร์ที่ม้วนเก็บอยู่ด้านบน

นี่อยู่คนเดียวจริงป่ะเนี่ย...

“เลิกมองได้ล่ะ ห้องเรียนอยู่นู่น” คุณหมอว่าขำๆ ไม่ว่าใครเข้ามาห้องเขาต้องมองไอ้ห้องดูหนังนี่ตาค้างกันทุกคน ทั้งหมดนี่ไม่ใช่ฝีมือเขาสักนิดแต่เป็นแม่ที่ทำไว้ดูนักร้องเกาหลีต่างหาก ส่วนเขาน่ะนานๆ จะเอาหนังมาเปิดดูสักที ยิ่งพออบรมแพทย์ประจำบ้านก็ยุ่งเสียจนไม่ได้แตะปล่อยให้ฝุ่นเกาะจนใกล้จะเจ๊งแล้ว

“เจ๋งไปเลย เหมือนห้องดูหนังที่บ้านเด๊ะ” เจ้าตัวแสบว่าหันมามองตาวาว “วันหลังขอเอาแผ่นคอนเสิร์ต Oasis มาเปิดได้ไหมอ่า”

“ตลก” นิ้วเรียวดีดหน้าผากเจ้าเด็กตัวเท่าไหล่หนึ่งทีจนอีกฝ่ายร้องอู้ว “ทำตัวให้น่ารักก่อนค่อยมาอ้อน”

“ไม่ได้อ้อนสักหน่อย” อลันด์บ่นอุบก่อนยอมเดินตามทิวากานต์ไปตรงส่วนใต้บันไดที่ถูกจัดเป็นส่วนทำงานและห้องหนังสือ บนชั้นมีทั้งหนังสือนิยาย การ์ตูน โฟโต้บุ๊ค แต่ที่เยอะจนล้นออกมาคือตำราภาษาอังกฤษและเยอรมันของคุณหมอหน้าดุ มีโต๊ะทำงานสองตัววางคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะตัวหนึ่ง วางเครื่องไอแมคกับแมคบุ๊คโปรอีกตัวหนึ่ง ดูแล้วก็มากเกินกว่าที่หมอคนหนึ่งจะใช้ แถมพอสังเกตดีๆ โต๊ะที่วางเครื่องไอแมคมีฝุ่นจับอยู่บางๆ

“นั่งพื้นได้ไหม” เสียงของคุณหมอฉุดเด็กหนุ่มจากความอยากรู้อยากเห็นไปชั่วครู่ ตาสีฟ้าซีดมองพื้นที่อีกคนว่าเห็นโต๊ะญี่ปุ่นสองตัวกางต่อกัน ด้านล่างเป็นพรมขนยาวเหมือนกับหน้าทีวี มีหมอนอิงวางกระจาย

“ได้”

“โอเค” ทิวากานต์พยักหน้า เขาดันตำราเล่มหนาบนโต๊ะไปกองไว้อีกด้านให้มีที่ว่างพอสำหรับหนังสือเรียนของเด็กมัธยม “งั้นเริ่มเลยแล้วกัน กินข้าวมาเรียบร้อยแล้วนะ”

เด็กฝรั่งส่ายหัวพรืด “ยังเลย ซ้อมดนตรีเพลิน แต่แม่พี่นภห่อกับข้าวมาให้ด้วยเผื่อสำหรับด็อกด้วยนะ”

คุณหมอส่ายหน้าด้วยความอ่อนใจ “ฉันกินเรียบร้อยแล้ว นู่นในครัวมีข้าวเหลืออยู่หน่อย ไปคดเอาจากหม้อมากินเดี๋ยวอ่านหนังสือรอ”

ได้ยินคุณหมอสั่งแบบนั้น ร่างอวบใกล้ระยะสุดท้ายของเด็กฝรั่งก็รีบลุกจากพื้นที่เพิ่งเอาก้นไปแตะได้ไม่ถึงสามวิเข้าไปในครัว ก้มๆ เงยๆ หาจานข้าวได้ก็คดข้าวมาสามทัพพี(หมดหม้อพอดี) กระดูกหมูอบกะทิใส่จานอีกใบ หยิบช้อนส้อมพร้อมค่อยถือออกมาหาโต๊ะทานข้าวข้างนอก

“ผมนั่งกินที่ไหนได้มั้ง”

“โต๊ะกินข้าวอยู่นั่น น้ำในตู้เย็นกินได้เลยนะ แก้วอยู่ในตู้ชั้นบน” ทิวากานต์ตอบทั้งที่ยังก้มหน้าอ่านหนังสือเรียนของเด็กฝรั่ง

อลันด์ใช้เวลาจัดการมื้อเย็นของตัวเองสิบห้านาที ล้างจานเก็บคืนที่เดิมอีกห้านาที ร่างอวบของเด็กวัยกำลังโตก็มานั่งตรงข้ามคุณหมอพร้อมจะเรียนแล้ว ทิวากานต์เงยหน้ามองเล็กน้อยก่อนปิดหนังสือลง

“ฉันอ่านคร่าวๆ แล้ว ไม่ยากเท่าไหร่ เล่มนี้ตอนฉันเรียนปีหนึ่ง เนื้อหาใกล้เคียงกันอยู่ ลองไปอ่านดู”

“ภาษาไทยเยอะจัง” เด็กฝรั่งครางเสียงอ่อน ถึงจะพูดไทยชัดอ่านออกเขียนได้แต่เจอเยอะๆ แบบนี้ก็มึนเป็นธรรมดา ครั้งล่าสุดที่อ่านภาษาไทยเป็นพรืดแบบนี้คือตอนอ่านเพชรพระอุมาให้คุณยายฟังเมื่อตอนเรียน year 7 นู่น

“ฉันรู้ว่าเธออ่านได้น่า นี่ก็สรุปย่อมาแล้วทั้งนั้น ตรงไหนไม่เข้าใจค่อยถาม โอเค๊”

เด็กหนุ่มพยักหน้าหงึกหงัก สองมือขยับหยิบหนังสือเรียนเปิดพลิกหน้าสมุดเริ่มทบทวนบทเรียนที่ต้องใช้สอบตั้งแต่บทแรก แกะลายมือยุ่งๆ ของคุณหมออ่านทำความเข้าใจแล้วย่อโน้ตเป็นภาษาถนัดตัวเองลงสมุดอีกที ส่วนทิวากานต์ก็อ่านหนังสือวิชาการภาษาเยอรมันสลับเปิดดิกชันนารีไปเรื่อยๆ

ห้องกว้างขนาดร้อยตารางเมตรกับอีกนิดหน่อยตกอยู่ในความเงียบ มีเพียงเสียงขีดเขียนของดินสอสลับเปิดหน้ากระดาษ นานครั้งถึงจะได้ยินเสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามเจ้าของห้องเป็นภาษาอังกฤษเพราะอ่านลายมือไม่ออก ต้องยอมรับว่าสมุดจดของคุณหมอมีประโยชน์มาก สรุปเข้าใจง่าย ยกตัวอย่างที่มีประโยชน์ อลันด์แทบไม่แตะตำราเล่มหนาของตัวเองนอกจากเปิดเทียบเนื้อหาเลยสักนิด

แป๊บๆ เมื่อสังเกตได้ว่าห้องเงียบผิดปกติ ทิวากานต์จึงยอมเงยหน้าขึ้นจากตำราโดยไม่มีเสียงเรียกของไอ้ตัวแสบมาถามนู่นนี่ ใบหน้าหล่อเหลาถึงกับคลี่ยิ้มเอ็นดูยามเห็นเด็กฝรั่งนอนฟุ่บไปกับโต๊ะญี่ปุ่นตัวเตี้ยที่ใช้อ่านหนังสือ เขาเหลือบมองนาฬิกาเห็นว่าตีหนึ่งแล้วจึงไม่แปลกใจ ไหนจะตื่นแต่เช้าไปเล่นดนตรี ตกบ่ายก็ซ้อม หัวค่ำก็มานั่งอ่านหนังสือยาว คงจะเหนื่อยมากถึงเผลอหลับไปแบบนี้ อยากจะปล่อยอีกคนหลับต่อแต่คงไม่สบายตัวนัก ปลายนิ้วเรียวจึงค่อยสะกิดแก้มอีกคนเบาๆ เป็นการปลุก

“แสบ... ง่วงแล้วก็ลุกไปนอนที่ห้อง”

“หือ...”

“ไปนอนที่ห้อง พรุ่งนี้ค่อยมาอ่านต่อ”

เด็กฝรั่งครางอือๆ อาๆ ตาปรือแต่ก็ยันตัวเองนั่งตรงๆ ได้ไม่ลำบากนัก มือขวากำหลวมมาขยี้หัวตาเหมือนตุ๊กตาไขลาน ทำท่าทางงัวเงียได้น่ารักจนคุณหมอยิ้มกว้าง

“ไหวไหมเนี่ย”

“ไหว...”

ไหวมาก...ตายังไม่เปิดเลย ทิวากานต์แอบหัวเราะในใจ เขาช่วยเก็บบรรดาหนังสือกับสมุดของเจ้าตัวแสบให้ ส่วนเจ้าของตัวจริงเอาตัวเองให้ลุกได้ก่อนก็นับว่าดีแล้ว

“หยุดขยี้ตาได้แล้ว ตาเสียหมด มานี่เดี๋ยวไปส่ง” ชายหนุ่มรวบกองหนังสือไว้ด้วยแขนข้างเดียว อีกมือดึงแขนเด็กฝรั่งไม่ให้ล้มหน้าทิ่มพาจูงไปห้องตรงข้าม สติของอลันด์เองก็ค่อยๆ กลับมาทีละน้อยตามก้าวที่เดิน “แล้วพรุ่งนี้ต้องไปเล่นดนตรีอีกไหม”

“เล่น...”

“แล้วซ้อมล่ะ”

“พี่นภบอกสอบให้เสร็จก่อนค่อยไป”

“งั้นหยุดงานที่โรงพยาบาลไปด้วยดีไหม คุยกับเขาได้หรือเปล่า จะได้ตั้งใจอ่านหนังสืออย่างเดียว”

“ได้ มัมจะโทรบอกคุณลุงให้”

ฟังคำตอบงัวเงียจากคนไม่ตื่นดีแล้วได้แต่สงสัย “คุณลุง?”

“ลุงเป็นเจ้าของโรงบาล”

ดีว่าตอนนี้คุณหมอไม่ได้อมอะไรไว้ในปาก ไม่งั้นได้มีพ่นพรวดออกมาแน่ๆ โอ๊ยยย...รับจ็อบอยู่โรงพยาบาลนี้ตั้งนาน ไม่คิดว่าท่านผู้อำนวยการขี้ตื๊อคนนั้นจะเป็นญาติกับไอ้เด็กนี่ ยังดีไม่เคยบ่นให้ไอ้ตัวแสบฟังไม่งั้นเขามีหวังโดนเด้งแน่ๆ แล้วก็หวังว่าไอ้นี่จะไม่ไปเล่าเรื่องที่ถูกเขารังแกให้ลุงมันฟังหรอกนะ!

ทิวากานต์ยืนมองไอ้ตัวแสบพยายามเบิ่งตามองที่ตัวล็อคประตูอัตโนมัติแล้วจิ้มนิ้วกดรหัสสี่หลักทีละตัวด้วยความเชื่องช้าจนจิ้มตัวสุดท้ายได้ประตูไม้ก็เปิดออกกว้าง คุณหมอว่าจะส่งแค่นี้แต่ไอ้ตัวแสบก็เดินตุปันตุเป๋เข้าห้องไปเสียก่อน เขาที่ช่วยหอบหนังสือมาส่งเลยจำต้องเดินตามเข้าไปด้านใน ยันขึ้นไปถึงห้องนอนเล็กของเจ้าตัวเพราะกลัวหลานผอ. โรงพยาบาลจะตกบันไดลงมาคอหักตายเสียก่อน

ห้องนอนของอลันด์ก็เหมือนเด็กผู้ชายทั่วๆ ไป มีโปสเตอร์วงดนตรีที่ชอบติดอยู่กับนักฟุตบอลคนโปรด (เด็กนี่เป็นแฟนเชลซีชัวร์ ตั้งแต่กางเกงบอลที่เห็นใส่บ่อยๆ แล้วยังมีโปสเตอร์แฟรงค์ แลมพาร์ดแปะอยู่ แต่คาดว่าคงโดยกระชากทิ้งลงมาเร็วๆ นี้เพราะเจ้าตัวจะย้ายไปเล่นให้แมนซิตี้แล้วในฤดูกาลใหม่) มีกีตาร์โปร่งวางอยู่สามตัวกับกีตาร์ไฟฟ้าอีกหนึ่ง หนังสือเรียนเรียงเป็นระเบียบบนโต๊ะ(แต่ไม่ยักมีการ์ตูนสักเล่ม ไม่รู้ว่าเพราะตั้งใจเรียนหรือไม่สนใจอะไรเลยนอกจากดนตรีกันแน่)

“ไปอาบน้ำแปรงฟันก่อนค่อยมานอน ไม่ก็เปลี่ยนเสื้อผ้าสักหน่อย ออกไปคลุกฝุ่นมาทั้งวันเตียงสกปรกหมด”

“ง่วงอ่ะ”

“ไม่ได้ ไปๆ อย่าขี้เกียจ” วิญญาณคุณแม่เข้าสิงทันทีเมื่อเห็นเด็กตัวเท่าไหล่ทำท่าจะนอนทั้งที่ยังใส่ชุดเดิมตั้งแต่เช้า ทิวากานต์ที่ถูกแม่สอนให้อาบน้ำก่อนนอนทุกครั้งจึงอดไม่ได้ เขาวางหนังสือเรียนของไอ้เด็กแสบบนโต๊ะแล้วฉุดแขนคนขี้เซาให้ลุกไปเข้าห้องน้ำ

แม้จะง่วงมากแค่ไหนแต่เมื่อคุณหมอยังยืนยันคำเดิม อลันด์ก็ต้องยอมเดินเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าแปรงฟันเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ตามคำสั่งก่อนกลับมานอน

ผู้ชายตัวใหญ่รอส่งจนอีกคนที่จัดการตัวเองเสร็จแล้วปีนขึ้นเตียงถึงยอมกลับห้องตัวเอง ไม่ลืมบอกอีกคนว่าตอนเช้าให้รีบตื่นออกไปโรงพยาบาลพร้อมกันด้วย ก่อนออกจากห้องก็จัดการปิดไฟหลักให้แล้วเปิดไฟผนังไว้แทน ไม่ลืมตรวจดูและล็อคห้องให้เรียบร้อยก่อนออกมา รู้สึกว่าจะทำหน้าที่ดูแลไอ้เด็กนี่เกินกว่าที่มาดามโอเนลล์ขอร้องแต่เพราะสำนึกความเป็นคนดีและจิตวิญญาณความเป็นแม่มันสูงเลยปล่อยเด็กแสบไปตามยถากรรมไม่ได้ต่างหาก นี่ถ้ามาดามเขารู้ว่าดูแลลูกชายเขาดีแบบนี้บางทีหล่อนอาจจะยกลูกชายให้เขาเลี้ยงก็ได้ ดูอายุสิ...ห่างกันตั้งรอบนึงพอถูไถเป็นพ่อลูกได้อยู่นะ

แค่ดูแลเด็กวันเดียวรู้สึกตัวเองแก่ขึ้นมาเป็นสิบปีเลยวุ้ยไอ้วา

.
.
.
หัวข้อ: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 06 [26.09.15]
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 26-09-2015 10:43:49
ทิวากานต์สอบข้อเขียนส่วนแรกเสร็จเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เหลือสอบ OSCE อีกครั้งก่อนจะได้สอบปากเปล่า ช่วงนี้นอกจากรับจ็อบที่โรงพยาบาลของลุงไอ้เด็กแสบห้องตรงข้ามช่วงวันเสาร์อาทิตย์แล้วคุณหมอแบบเขาก็ว่างทั้งสัปดาห์ แต่ถึงจะบอกว่าว่างเขาก็ใช้เวลาทั้งหมดไปกับการอ่านหนังสือเตรียมสอบส่วนถัดไป ตกเย็นเป็นช่วงติวให้อลันด์จนกว่าอีกฝ่ายจะสอบมาราธอนเสร็จซึ่งก็เหลืออีกแค่สองสัปดาห์ หลังจากนั้นเจ้าตัวจะบินกลับไปอังกฤษเพื่อร่วมงานเลี้ยงจบการศึกษากับเพื่อนที่นู่นและอาจอยู่ลอนดอนยาวจนกว่ามหาวิทยาลัยที่เจ้าตัวเรียนจะเปิด

คุณหมอสงสัยอยู่ในใจหน่อยๆ ว่าทำไมอลันด์ต้องสอบ A-Level อีกในเมื่อเจ้าตัวได้มหาวิทยาลัยแล้ว เพราะคะแนนส่วนนี้จะใช้ยื่นเฉพาะมหาวิทยาลัยในต่างประเทศที่เปิดรับคะแนนส่วนนี้เท่านั้น ความจริงถ้าจะเรียนวิทยาลัยนานาชาติในไทย บางที่ใช้แค่คะแนนสอบ GCSE (General Certificate of Secondary Education) ก็พอ หรือไม่ก็ไปสอบตรงส่วนกลางเอาเลย นี่เสียเวลาเรียน sixth form ไปเปล่าๆ ตั้งสองปี พอลองเดาเอาเองว่าการมาเรียนต่อที่ไทยคงเป็นเรื่องปุบปับก็ดูจะสมเหตุสมผลอยู่บ้าง

มาดามโอเนลล์เองพอรู้ว่าเขามีเวลาว่างหลังสอบเกือบเดือนหลังระหว่างรอผลสอบออกก็ชักชวนเขาให้ไปเที่ยวบ้านที่ลอนดอน ทิวากานต์สนใจข้อนี้มากเพราะที่พักฟรี(แถมอยู่ใจกลางลอนดอนใกล้สวนสาธารณะไฮด์ปาร์คอีกต่างหาก) จะได้ถือโอกาสนี้หาที่เรียนต่อเสียเลย ตอนเธอชวนจึงคล้อยตามไปแปดสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว

หลังยัดมื้อเที่ยงทำเองแบบง่ายๆ (ข้าวห่อไข่สูตรไม่ใส่ซอสมะเขือเทศ) ล้างจานเรียบร้อย เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นราวกับรู้ ตาคมมองชื่อคนโทรเป็นผู้หญิงที่เขาเพิ่งนึกถึงเมื่อกี้ก็กดรับทั้งที่สังหรณ์ใจว่าจะมีเรื่องยุ่งตามมา

“สวัสดีครับ”

‘สวัสดีค่ะคุณหมอ ไม่ได้คุยกันตั้งหลายวันเป็นยังไงบ้างคะ สอบเสร็จหรือยัง’

“ก็เรื่อยๆ ครับ เพิ่งสอบไปได้แค่ส่วนแรก ช่วงนี้เลยยังต้องอ่านหนังสืออยู่”

‘คุณหมอคงยุ่งน่าดู น้าขอบคุณมากนะคะที่ยังเจียดเวลามาช่วยติวให้อัล’

“ไม่ยุ่งหรอกครับ ตอนนี้ผมไม่ได้ประจำที่โรงพยาบาลแล้ว สอบเสร็จค่อยรอบรรจุอีกที ตอนนี้เลยนอนอ่านหนังสือตีพุงอยู่ที่บ้านเฉยๆ ฮ่าๆ”

‘ดีจริง น้านึกว่าโทรมารบกวนคุณหมอเสียแล้ว ถ้าหมอวาว่างอยู่ก็ดีเลยค่ะ น้ามีเรื่องอยากรบกวนเวลาคุณหมอสักหน่อย’

“อะไรหรือครับ” ทิวากานต์แทบจะตีเข่าฉาด เขาว่าแล้วเชียวว่าที่มาดามโอเนลล์ลงทุนโทรศัพท์ข้ามทวีปมาหาเขามันต้องมีเรื่องอะไรให้ช่วยเกี่ยวกับไอ้ตัวแสบแหง

‘คืองี้นะคะ พอดีว่าวันนี้คนขับรถที่บ้านคุณตาเจ้าอัลเขาเกิดอุบัติเหตุตอนขากลับจากส่งอัลที่โรงเรียนพอดี ทีนี้เลยไม่มีคนไปรับเจ้าตัวแสบตอนเลิกเรียนน่ะค่ะ อัลไม่มีเพื่อนสนิทที่โรงเรียนใหม่ด้วยจะรบกวนให้เขามาส่งถึงอโศกคงไม่ได้ จะให้นั่งแท็กซี่กลับเองน้าก็กลัว...’

ท้ายประโยคมาดามโอเนลล์ทำเสียงได้น่าสงสารจนคนฟังที่รู้อยู่หรอกว่าจะถูกใช้ให้ไปรับลูกแทนคนขับรถถึงกับใจอ่อน ทิวากานต์ถอนหายใจก่อนกรอกเสียงลงไป “เดี๋ยวผมไปรับให้ก็ได้ครับ โรงเรียนไหนครับ”

‘จริงหรือคะคุณหมอ น้าขอบคุณมากเลยค่ะ เจ้าอัลอยู่ที่โรงเรียนนานาชาติ XXX แถวดอนเมืองน่ะค่ะ วันนี้สอบด้วยเห็นว่าจะสอบเสร็จตอนบ่ายสองนี้แล้ว คุณหมอไปรับได้เลยค่ะ เดี๋ยวน้าจะบอกเจ้าอัลไว้’

“ครับ ยังไงผมขอเบอร์อลันด์ด้วยนะครับ”

‘อ้าว หมอวายังไม่มีเบอร์น้องเหรอคะ’

“ยังครับ” คุณหมอวัยสามสิบว่าตามตรง เป็นเพื่อนบ้านกันมาหลายเดือนเข้าไปแล้ว เข้าห้องอีกคนก็เริ่มบ่อยขึ้นถึงขั้นรู้รหัสผ่านประตูห้องกันแล้วแต่ยังไม่แม้แต่เบอร์ พวกไลน์ เฟซบุ๊ค วอทแอพ เลิกคิดว่าจะมีไปได้เลย

มาดามโอเนลล์ส่งเสียงหัวเราะมาตามสายก่อนให้เบอร์เด็กฝรั่งแก่เขา ‘น้าขอบคุณหมอวาจริงๆ นะคะ ยังไงอย่าลืมมาลอนดอนให้ได้ แด๊ดดี้เจ้าอัลเขาก็อยากเจอคุณหมอ เตรียมไวน์กับเหล้าอย่างดีรอไว้แล้ว’

“ครับ ผมว่าจะไปหาที่เรียนต่อพอดี ยังไงจะรีบให้คำตอบนะครับ”

‘ค่ะ งั้นน้าไม่รบกวนแล้วค่ะ ฝากอลันด์ด้วยนะคะ ถ้าดื้อจับตีได้เลยน้าไม่ว่า’

“ฮ่าๆ ถ้าผมทำจริงห้ามมาต่อว่าผมทีหลังนะครับ ผมละอยากตีเจ้าแสบวันละหลายรอบ ดื้อจริงๆ”

‘น้าเข้าใจค่ะ’ คนเป็นแม่ยอมรับโดยดี เธอคุยกับทิวากานต์อีกเล็กน้อยก่อนวางสายไป

คุณหมอมองนาฬิกาเห็นว่าเหลืออีกชั่วโมงเดียวเด็กแสบจะสอบเสร็จจึงลุกไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ในหัววางแผนการเดินทางคร่าวๆ เขาไปแถวนั้นไม่บ่อยนักแต่รู้ว่ารถติดพอตัวยิ่งใกล้ช่วงเลิกงานยิ่งติดหนัก และแถวนั้นมีร้านอาหารอร่อยอยู่มากบางทีเขาน่าจะพาอลันด์หาอะไรกินก่อนกลับมาอ่านหนังสือถือเป็นการพักผ่อนสมอง คิดแบบนั้นแล้วกุญแจรถซูเปอร์คาร์ที่ได้เป็นของขวัญวันเกิดจึงถูกหยิบขึ้นมาใช้ในวันนี้หลังจากแตะครั้งสุดท้ายเมื่อสองสัปดาห์ก่อน



ตามข้อมูลจากพี่กู(เกิ้ล)บอกว่าโรงเรียนนานาชาติที่อลันด์เรียนมีค่าเทอมแพงเป็นอันดับต้นๆ ของเมืองไทยนั้นตั้งอยู่ในซอยแคบๆ ที่เต็มไปด้วยบ้านคน ใกล้กับถนนเส้นที่บอกได้ว่ารถติดมหาโหดแห่งหนึ่งของกรุงเทพมหานคร และทิวากานต์คิดว่าคำกล่าวนั้นไม่ได้เกินจริงแม้แต่น้อย ทั้งที่เป็นช่วงบ่ายหลังพักเที่ยงแต่รถราที่พากันแย่งเข้าซอยเล็กๆ มีจำนวนมากเสียจนคุณหมอเซ็ง หยิบบุหรี่มาจุดสูบหมดไปครึ่งตัวถึงได้พ้นเข้าซอยขับตามป้ายบอกทางเลี้ยวซ้ายเลี้ยวจนงงกว่าจะเจอโรงเรียนนานาชาติสุดไฮโซซ่อนตัวอยู่ด้านใน

บ่ายสองโมงตามที่มาดามโอเนลล์บอกพอดี รถราคาไม่ต่ำกว่าล้านเรียงรายเต็มบริเวณหน้าโรงเรียน รอสักพักแค่บุหรี่หมดไปอีกตัวนักเรียนที่ส่วนมากเป็นคนไทยก็ทยอยเดินออกมาขึ้นรถของตัวเอง ทิวากานต์หยิบโทรศัพท์ขึ้นโทรหาไอ้ตัวแสบ รอครู่เดียวก็ได้ยินเสียงทุ้มต่ำรับสายเสียงสุภาพ

“แสบ นี่หมอวานะ ฉันมารับตอนนี้จอดรถรออยู่หน้าโรงเรียน”

‘โอ - ไอ - ซี มัมบอกแล้ว ผมกำลังออกไป โรเจอร์ช่วยคืนสมุดโน้ตเล่มนั้นด้วย’ ท้ายประโยคไอ้แสบตะโกนคุยกับใครสักคนที่น่าจะเป็นเพื่อนร่วมชั้นก่อนกลับมาคุยกับเขา ‘รอแป๊บนึงนะ’

“อ่าฮะ รออยู่กับน้องกบนะ”

‘โอเค’

ตัดสายไปไม่ถึงห้านาทีร่างอวบๆ ของเด็กฝรั่งก็เดินออกมาจากโรงเรียนพร้อมกับเพื่อนคนหนึ่ง หมวกฟางสวมอยู่บนหัวกันแสงแดดลามเลียใบหน้าขาวที่ขึ้นสีแดงจัดจากอาการร้อน พอตาสีซีดเห็นพอร์เช่ 911 Turbo S Cabriolet จอดรออยู่ก็รีบโบกมือลาเพื่อนแล้ววิ่งมาเปิดประตูข้างคนขับขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว หมวกฟางถูกถอดวางบนตักเร็วพอๆ กับที่เจ้าตัวพยายามถอดเสื้อสูทออก ทิวากานต์จึงรีบปรับแอร์ให้อย่างรู้ใจ

“สอบเป็นไงบ้าง”

“ดี ตรงกับที่อ่านมาเลย ด็อกมารอนานไหม”

“ไม่นานเท่าไหร่ เดี๋ยวพาไปกินอะไรอร่อยๆ เอาม่ะ”

“เอา!” ถามปุ๊บเด็กตัวอวบตอบปั๊บ ตาสีซีดเป็นประกาย ตั้งแต่หยุดไปซ้อมดนตรีที่บ้านนภ อลันด์ก็แทบไม่ได้กินของอร่อยอีกเลย (แต่น้ำหนักไม่ได้ลดตามนะ เขายังกินปริมาณเท่าเดิม) พอคุณหมอที่ทำอาหารได้อร่อยพอๆ กับแม่พี่นภแนะนำมาจึงรีบตกลงทันที

“ดี แต่ร้านมันเปิดเย็นหน่อย ตอนนี้ไปเดินห้างเล่นก่อนแล้วกัน”

“ตามใจด็อกเลย”

เมื่อผู้โดยสารตามใจสารถี ทิวากานต์จึงรีบขับรถออกไปห้างขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้โรงเรียนที่ที่สุด มีเวลาให้โต๋เต๋รอร้านเปิดอยู่สามชั่วโมงกว่าคุณหมอเลยเสนอดูหนังสักเรื่อง แต่พออลันด์เห็นรายชื่อหนังที่เข้าช่วงนี้แล้วก็ได้แต่ส่ายหัวพรืด (มีหนังซอมบี้ชื่อดังยังยืนโรงฉายอยู่ในโรงและทิวากานต์คิดว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมาก หากเจ้าตัวแสบเอาแต่ส่ายหัวปฏิเสธยืนการเสียงแข็งหน้าขาวซีดเผือดว่าจะไม่เข้าไปดูหนังเรื่องนี้เด็ดขาด คาดว่าเจ้าตัวคงกลัวซอมบี้ขึ้นสมอง รู้จุดอ่อนไอ้ตัวแสบแบบนี้แล้วทิวากานต์ก็ไม่กระโตกกระตากเอ่ยล้ออะไร เก็บไว้รอแกล้งเจ้าตัวทีหลังดีกว่า อิอิ)

สุดท้ายสองหนุ่มต่างเชื้อชาติ สัญชาติ และวัยเลยเดินดูของไปเรื่อยๆ ตั้งแต่ร้านหนังสือ เสื้อผ้า เครื่องสำอาง ของใช้ในบ้าน คุณหมอได้เสื้อยืดของ MUJI มาสองตัว ส่วนเจ้าเด็กแสบได้กางเกงยีนส์ LEVI ไซส์ที่ขยายขึ้นตามขนาดรอบเอวที่เพิ่มโดยไม่รู้ตัว

“นั่นใช่น้องแสบที่พี่นภโพสรูปหรือเปล่า”

“เหมือนอยู่นะ แล้วผู้ชายที่มาด้วยใครอ่ะ หล่อพอๆ กับพี่นภเลย”

ชื่อคุ้นหูทั้งสองชื่อแบบนี้คงหมายถึงอลันด์ที่อยู่ข้างทิวากานต์ตอนนี้แน่ๆ หากคุณหมอหนุ่มทำเป็นไม่ได้ยินเสียงกระซิบกระซาบของสองสาวด้านหลัง เขายังทำทีเป็นก้มๆ เงยๆ ดูรองเท้าผ้าใบของ VANS ไปเรื่อย ส่วนเด็กฝรั่งก็มีความสุขดีกับชั้นรองเท้าของอาดิดาส

“ตัวจริงน้องแสบน่ารักกว่าในคลิปอีกเนอะ”

คลิปอะไรวะ? ทิวากานต์สงสัยอยู่ในใจ คงไม่ใช่คลิปหลุดอะไรหรอกใช่ไหม ไม่งั้นมาดามโอเนลล์ได้ประสาทเสียแน่

“นั่นสิ ร้องเพลงก็เพราะ ถ้าได้เป็นนักร้องต้องดังมากแน่ๆ”

“ไปขอถ่ายรูปก่อนเลยม่ะ”

“จะบ้าเหรอน้องเขาตกใจแย่ อีกอย่างหล่อนพูดภาษาอังกฤษได้หรือไง”

แล้วสองสาวก็หัวเราะคิกคักต่อยกใหญ่เหมือนลืมไปว่าทิวากานต์ที่มากับไอ้แสบยืนอยู่ตรงนี้และเข้าใจที่พวกเธอพูดทุกคำ เขาเลิกสนใจรองเท้าเดินไปหาเด็กตัวเท่าไหล่ที่ยังช่างใจเลือกอาดิดาสนีโอคอลเลคชั่นใหม่ไม่ได้ว่าควรซื้อรุ่นไหนกลับไปดี

“แสบ”

“หือ?”

“ก่อนหน้านี้นายไปถ่ายคลิปอะไรมา เมื่อกี้พวกผู้หญิงตรงนู้นพูดถึงกันใหญ่” เขาเหลือบสายตาไปทางหญิงสาวสองคนทำทีเป็นเลือกรองเท้าอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล

“อืม...” ศีรษะทุยใต้กลุ่มผมหนานุ่มสีช็อกโกแลตหนุ่มเอียงไปข้างหนึ่งอย่างใช้ความคิด “พี่นภเคยให้อัดคลิปร้องเพลงลงยูทูปอยู่ครั้งนึง คงหมายถึงอันนั้นล่ะมั้ง”

“หืม? จริงเหรอ”

“ใช่ ผมดูล่าสุดเมื่อวันอาทิตย์ ตอนนี้ยอดวิวจะแตะแสนแล้วนะ” พอพูดถึงผลงานใบหน้าติดจะเฉยชาก็ฉีกยิ้มแก้มปริ มือหนึ่งล้วงสมาร์ทโฟนจากด้านในเสื้อสูทกดหาคลิปในยูทูปให้คุณหมอดู “นี่ไง”

ทิวากานต์มองดูเด็กตรงหน้าในจอสี่เหลี่ยมเล็กๆ ดีดกีตาร์หลับตาร้องเพลงของ The Beatles เป็นอีกด้านของอลันด์ที่เขาไม่เคยเห็น แตกต่างจากตอนอยู่บนเวทีที่ออกจะแข็งและเคอะเขินอยู่บ้าง เจ้าตัวตอนที่มีเพียงกล้องจับดูมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก เรียกได้ว่ามีราศีความเป็นศิลปินจับพร้อมจะเจิดจรัสบนเวทีได้อย่างภาคภูมิ ขอเพียงมีงานดีๆ เจ้าตัวดังแน่ และถ้าได้เดบิวต์ที่บ้านเกิดอย่างประเทศอังกฤษอลันด์สามารถเป็นศิลปินระดับโลกได้ด้วยซ้ำ

ที่สำคัญคืออลันด์ดูมีความสุขทุกครั้งเมื่อได้เกี่ยวข้องกับเสียงเพลง แล้วทำไม...ถึงต้องมาถูกขังอยู่ในประเทศเล็กๆ ที่ไม่ได้ส่งเสริมฝีมือทางดนตรีได้มากเท่าประเทศที่พร้อมอย่างบ้านเกิดเจ้าตัวและต้องเรียนบริหารธุรกิจที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับดนตรีเลยด้วยนะ

ทิวากานต์คิดแล้วได้แต่สงสัยอีกครั้ง ไอ้ตัวแสบมีพรสวรรค์และความสามารถอย่างแท้จริงไร้ข้อกังขา แล้วคนเป็นพ่อแม่มองไม่เห็นจนถึงขั้นสร้างเงื่อนไขแปลกๆ ขึ้นมาเป็นอุปสรรคขวางทางเดินลูกเชียวเหรอ

“เก่งนี่” เขาชมตามตรงก่อนยื่นโทรศัพท์คืนให้ พอถูกชมตรงๆ แบบนี้ไอ้ตัวแสบเลยออกอาการเขินแก้มแดงยิ้มจนปากจะฉีกจนเห็นลักยิ้มชัดทั้งสองข้าง “ดนตรีน่ะ ชอบมากเหรอ”

“ที่สุด” อลันด์ยิ้มโชว์ฟันขาวพลางหยิบรองเท้าคู่หนึ่งบนชั้นมาลอง “มันเหมือนอะไรสักอย่างที่ช่วยปลดปล่อยจิตใจ รู้สึก high เหมือนตอนสูบกัญชา”

“เด็กไม่ดีนะเนี่ย” ทิวากานต์จัดการดีดหน้าผากไอ้ตัวแสบไปทีก่อนหัวเราะเสียงเบาเมื่อได้ยินอลันด์บ่นอุบว่าแค่ลองสูบนิดๆ หน่อยตอนไปอัมสเตอร์ดัม โอเค ที่นั่นกัญชาขายกันแบบถูกกฎหมายและเด็กนี่ก็คงแค่อยากรู้อยากลองตามประสาวัยรุ่น แต่ทิวากานต์คิดว่าชักจะเข้าใจความคิดซับซ้อนของพ่อแม่เด็กนี้แล้วว่าทำแบบนี้ทำไม ขนาดเติบโตมาในครอบครัวที่ดูเพียบพร้อมยังเฮี้ยวจนน่าปวดหัว ขืนปล่อยให้ไปตามทางนักดนตรีที่พอมีชื่อเสียงก็หลงระเริงได้ง่ายๆ แล้วล่ะก็...คุณหมอไม่อยากคิดต่อเลย

อีกอย่างเล่นส่งมาอยู่ไกลหูไกลตาแบบนี้ไม่รู้ว่าเสี่ยงเกินไปหรือเปล่า ถ้าเกิดว่าคนที่เด็กนี่เจอไม่ใช่คนแบบเขาหรือนภ แต่ไปเจอพวกคนไม่ดีเข้าล่ะ แทนที่อลันด์จะทำตามเงื่อนไขได้คงดีแตกไปเสียก่อน

แล้วนี่ทิวากานต์ต้องมาคิดมากประหนึ่งเป็นพ่อมันอีกคนทำไมเนี่ย ดูอลันด์ซิ ยังลอยหน้าลอยตาลองรองเท้าสบายใจเชิ้บน่าหมั่นไส้จนขอดีดหน้าผากอีกสักที ดื้อตาใสจริงๆ ไอ้เด็กแสบเอ๊ย!



TBC

v
v
v

มีตอนพิเศษแถมให้หนึ่งตอนข้างล่างค่ะ
 :mew1:
หัวข้อ: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- HIDDEN TRACK 01 [26.09.15]
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 26-09-2015 10:59:54
HIDDEN TRACK 01



วันนี้ทิวากานต์ก็ไปรับอลันด์ที่โรงเรียนอีกเพราะคุณลุงคนขับรถบ้านคุณตายังไม่หายดี มันก็ดีอยู่หรอกมีรถสปอร์ตเท่ๆ ไปรับไปส่งถึงหน้าโรงเรียนทุกวัน แต่เขาไม่ชอบใจสายตาคนอื่นที่มองมาเอาเสียเลย แน่นอนว่าเขาอยากเป็นที่รู้จัก แต่อยากให้รู้จักจากงานของเขามากกว่าชีวิตส่วนตัวอะไรแบบนี้

เด็กฝรั่งเดินเตาะแตะหอบหนังสือเรียน หมวกฟาง กับเสื้อสูทเข้ามาในล็อบบี้คอนโดหลังถูกทิวากานต์เอามาทิ้งไว้ตรงหน้าทางเข้า ส่วนคนขับรถดีกรีว่าที่ศัลยแพทย์คาร์ดิโอพาน้องกบซิ่งไปรับสาวที่ไหนสักคนแล้วจะตามมาทีหลัง

เขากลับห้องตัวเอง เก็บของ เปลี่ยนเสื้อผ้า หยิบหนังสือเรียนสำหรับติวคืนนี้เดินไปห้องตรงข้าม จิ้มรหัสหน้าประตู ‘2828’ เหมือนทุกวันแต่ต่างออกไปตรงที่เจ้าของห้องไม่อยู่นี่สิ

อลันด์อยากเป็นเด็กดีนั่งเงียบๆ อ่านหนังสือของตัวเองตามที่ทิวากานต์สั่งหรอกนะ แต่โอกาสดีๆ แบบนี้หาง่ายที่ไหน ในเมื่อเจ้าของไม่อยู่ขอหนูสำรวจหน่อยเถอะ!



เด็กลูกครึ่งตัวแสบวางแผนการสำรวจคร่าวๆ ในใจ ข้ามส่วนระเบียงไปเลย ไม่มีอะไรน่าสนใจเพราะเคยมายืนสูบบุหรี่ตรงนี้กับคุณหมอเจ้าของห้องอยู่บ้าง มีแค่ราวตากผ้า(แขวนกางเกงในไว้เต็มราว)กับลานหินกรวด ที่น่าสนใจกว่าน่ะเป็นห้องเก็บของทางผ่านไประเบียงต่างหากล่ะ

มือขาวจัดการแง้มตู้ออกเล็กน้อยก่อนตัดสินใจเปิดจนสุด มีทั้งกล่องเก็บเศษกระดาษ หนังสืออะไรสักอย่างใส่ถุงพลาสติกห่อไว้อย่างดี แต่ที่เยอะสุดคงเป็นกล่องรองเท้า หากส่วนใหญ่เป็นรองเท้าผ้าใบมีทั้งของผู้หญิงและของผู้ชาย คงเป็นของแม่ทิวากานต์นั่นแหละ

ห้องนั่งเล่นเป็นเป้าหมายถัดไปจากห้องเก็บของ อลันด์เสียเวลารื้อตู้นู้นตู้นี้อยู่นานเพราะมีแต่อัลบั้มรูปเก็บไว้เต็มไปหมด แล้วสองในสามตู้ที่เปิดดูดันเป็นอัลบั้มภาพนักร้องเกาหลี บางคนหน้าสวยเสียจนไม่อยากเชื่อว่าเป็นผู้ชายถ้าไม่เห็นลูกกระเดือก กว่าจะเจออัลบั้มรูปของทิวากานต์เสียเวลาดูหน้านักร้องพวกนั้นไปตั้งหลายนาที

อลันด์ค่อยๆ พลิกอัลบั้มรูปอย่างตั้งใจ มีตั้งแต่ทิวากานต์ตอนยังเป็นเด็กทารกตัวแดงๆ บางรูปมีผู้หญิงล้อมรอบบอกความฮอตแต่เด็ก และเหมือนจะเป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นหน้าแม่ของคุณหมอ...

หล่อนเป็นผู้หญิงตัวเล็ก อาจจะเล็กกว่าอลันด์นิดหน่อย หน้าก็เล็กนิดเดียว เวลายิ้มจะเห็นลักยิ้มชัดทั้งสองข้าง หน้าเธอแทบไม่มีส่วนไหนเหมือนทิวากานต์เลย มีแต่ริมฝีปากบางๆ กับรอยยิ้มและลักยิ้มนี่แหละที่ถ่ายทอดออกมาเป๊ะ

ทิวากานต์ตอนเด็กนั้นน่ารักเกินคาด บางรูปนึกว่าเป็นเด็กผู้หญิงด้วยซ้ำเพราะผมบ๊อบตัดล้อมกรอบใบหน้านั่นแหละ แต่ชอบทำหน้าบูดหน้าบึ้งเป็นยักษ์คล้ายอารมณ์เสียตลอดเวลา ท่าทางเกเรและดื้อแตกต่างจากปัจจุบันมาก เหมือนว่าจะไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศด้วยช่วงหนึ่ง แต่อลันด์ไม่รู้เหมือนกันว่าที่ไหน น่าจะยุโรปไม่ก็อเมริกา พอโตขึ้นมาอีกหน่อยใส่ชุดนักเรียนเสื้อขาวกางเกงขาสั้นสีดำค่อยดูเรียบร้อยขึ้น ตอนนี้น่าจะกลับมาอยู่ไทยแล้ว หน้าตาเองเริ่มมีเค้าปัจจุบันมากขึ้นแต่หน้ายังหวานหยดเหมือนเดิมแม้ตัดผมสั้นเกรียนก็ตาม

ช่วงกางเกงขาสั้นมีแค่สี่อัลบั้ม หลังจากนั้นทิวากานต์เข้าเรียนมหาวิทยาลัย สักพักถึงเปลี่ยนมาใส่เสื้อกาวน์ ตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ พอกับความคมเข้มของหน้าตาจนเป็นเหมือนปัจจุบัน หากสิ่งเดียวที่ไม่เปลี่ยนคือรอยยิ้มที่ส่งให้คนหลังกล้อง แค่มองก็รู้ว่าคุณหมอรักคนๆ นั้นมากแค่ไหน

อัลบั้มรูปสุดท้ายที่เปิดดูเป็นของเมื่อประมาณสองสามปีที่แล้ว คุ้ยหาดูแล้วไม่เจอรูปช่วงปีหลังๆ อีก คงเพราะคนถ่ายไม่อยู่แล้วนั่นเอง...

เขาใช้เวลาดูรูปเพลินเกือบชั่วโมงก่อนจะรีบเก็บอัลบั้มรูปทั้งหมดกลับที่เดิมเรียบร้อยประหนึ่งไม่เคยมีใครไปยุ่งมาก่อน แล้วเปลี่ยนเป้าหมายเป็นตู้โชว์ข้างจอทีวีแทน

“เอ๋ เหรียญทอง อันนี้ก็เหรียญทอง มีถ้วยรางวัลด้วย อย่างด็อกเนี่ยนะเล่นกีฬา เอ... แชมป์เยาวชนประเภทปืนสั้นอัดลมแห่งประเทศไทย เดี๋ยวนะ ตรงนั้นก็เหรียญรางวัลแข่งยิงปืน เอ่อ... Gold Medal ISSF World Shooting Championships กูอ่านผิดป่าววะ”

“ไอ้ตัวแสบทำไรน่ะ”

“เหวย” เด็กฝรั่งสะดุ้งโหยงกระโดดเท้าลอยก่อนล้มก้นประแทกพื้นดังปึ้ก โชคร้ายที่ตรงนั้นพรมขนยาวปูไปไม่ถึงด้วยสิ

“ฉันไม่อยู่แอบรื้ออะไรหรือเปล่า” ทิวากานต์โผล่หน้ามาจากทางเข้าหรี่ตาจ้องไอ้เด็กแสบเขม็ง รู้ล่ะว่าไอ้แมวหลงมันต้องมาแอบสำรวจห้องเขาแน่ๆ เสียอย่างเดียวจับไม่ได้คาหนังคาเขา

“ปะ ป๊าววว” อลันด์ลุกขึ้นยืนพลางเอามือลูบก้นปรอยๆ เจ็บชะมัด สงสัยนั่งติวไม่ได้แหงคงต้องขอนอนกันล่ะ แต่นาทีนี้บอกเลยแถสดแหลแหลกลดแลกแจกแถมสุดตัวให้รอดเงื้อมือหมอโฉดชอบเล่นปืน “แค่มาดูเฉยๆ ว่าเหรียญรางวัลอะไร เยอะดีเนอะไม่ยักรู้ว่าด็อกชอบเล่นกีฬาด้วย”

“อ๋อ” คุณหมอแกล้งครางรับยาวในลำคอก่อนทำท่านึกยักคิ้วยิ้มเจ้าเล่ห์เมื่อคิดแผนดัดหลังแมวไร้มารยาทได้ “ก็เล่นก่อนขึ้นมหาลัยนั่นแหละ พอดีตอนนั้นว่างแล้วไอ้เด็กโรงเรียนคู่อริมันชอบมาหาเรื่องเลยขอแม่ไปเรียน เรียนไปเรียนมาอย่างที่เห็นบนชั้น ได้เหรียญมาเต็มเลย”

“เก่งเนอะ แล้วเลิกเล่นไปแล้วเหรอ” เด็กฝรั่งถามเสียงอ่อน กระดึ๊บตัวเองออกห่างตู้โชว์เหรียญรางวัลทันทีราวกับอยู่ใกล้ของร้อน

“ว่างๆ ยังไปสนามซ้อมอยู่นะ แต่ไม่ได้ไปมาหลายเดือนล่ะ เธอพูดมาก็ดีเลย สอบรอบสองเสร็จไปซ้อมมือหน่อยดีกว่าเดี๋ยวสนิมเกาะมือกันพอดี”

“ฟังดูน่าสนุกเนอะ”

“สนุกมาก เวลาไม่ชอบใครก็เอาหน้ามันไปติดกับเป้าแล้วยิงนะ ยิ่งโคตรสนุก”

“โห นี่เป็นหมอจริงป่ะเนี่ย” เจ้าตัวบ่นอุบแต่ยังเดินหลบตามาเกาะแขนคุณหมอทำหน้าเจี๋ยมเจี๊ยมใส่ สัญญากับตัวเองในใจว่าต่อไปนี้จะพยายามเป็นเด็กดีไม่ทำให้ทิวากานต์โกรธแล้ว หากก่อนอื่นต้องรีบเปลี่ยนเรื่องเดี๋ยวคุณหมอถามขึ้นมาว่าคิดไงไปด้อมๆ มองๆ แถวนั้นแล้วตอบไม่ได้ขึ้นมาจะซวยเอา “หิวแล้วอ่ะ ทำข้าวกินกันเถอะ เดี๋ยวผมเป็นลูกมือช่วยล้างผักให้นะ”

“หึหึ คิดไงจะเป็นเด็กดีเนี่ย”

“เห็นผมเป็นเด็กยังไงกัน นี่โคตรเด็กดีเลยนะ ไม่เคยทำให้คุณครูต้องเสียใจ”

“แต่ถ้าติวแล้วคะแนนยังแย่ โดนดีดแน่ไอ้เด็กแสบ” ทิวากานต์ตีหน้าโหดชี้นิ้วขู่ใส่เด็กตัวเท่าไหล่ เห็นหน้าอลันด์ซีดยิ่งกว่าไก่ไหว้เจ้าแล้วต้องรีบเดินหนีเข้าห้องครัวกลั้นขำจนปวดแก้ม ถ้ารู้ว่าเอาเหรียญแชมป์ยิงปืนมาทำให้เด็กดื้อเรียบร้อยขึ้นมาได้เขาทำไปตั้งนานแล้วนะเนี่ย

“วู้ เคยได้ยินไหมถ้าตั้งใจอะไรก็ทำได้ นี่ตั้งใจเรียนตั้งใจอ่านหนังสือทุกวันเลยนะ ไหนๆ จะทำอะไรกินดีน้าวันนี้”

“เอาหัวหอมไปปลอกไป เดี๋ยวทำข้าวแกงกะหรี่หมูทอด ดีม่ะ”

“ดีมาก แต่ขอปลอกแครอทกับมันฝรั่งแทนได้ไหมอ่า ด็อกปลอกหัวหอมเหอะ แลกกันๆ”

“เรื่องมากเหรอ”

“ป๊าววว” เจ้าตัวร้องเสียงหลง รีบเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบหัวหอมออกมากอดไว้เต็มแขนเมื่อเห็นว่าที่ศัลยแพทย์หยิบมีดทำครัวขึ้นมาแล้ว “ปลอกหอมก็ได้ ชอบมากนะเนี่ย ปลอกไปร้องไห้ไป ชอบที่ซู้ด”

“บอกให้ทำก็ทำไปอย่าบ่น”

“คร้าบ”

“ว่านอนสอนง่ายแบบนี้ค่อยอยู่กันยืดหน่อย”

บางทีอลันด์คงต้องประเมินทิวากานต์ใหม่ ไอ้มีดผ่าตัดที่เอามาขู่เมื่อครั้งที่เจอกันช่วงแรกๆ เทียบไม่ได้เลยกับลูกปืนและเหรียญรางวัลประกาศความสามารถด้านนี้ และขอสัญญาจากใจจริงต่อหน้ากีตาร์มาร์ติน แอนด์ โค รุ่น  M36 ว่าต่อไปนี้เขาจะเป็นเด็กดีไม่พยายามทำให้คนแก่กว่าโมโหอีก

ส่วนตอนนี้เด็กหนุ่มได้แต่ขอบคุณพระเจ้าซ้ำๆ ที่ช่วยคุ้มครองให้อยู่รอดปลอดภัยจากลูกปืนคุณหมอมาจนถึงทุกวันนี้แม้จะเคยกวนตีนอีกฝ่ายไว้มาก ก็แหม...ใครมันจะไปนึกว่ามีหมอนิยมเล่นปืนเหมือนกันวะ!



END TRACK

ฮืออออ อยากเอามาลงตั้งแต่วันพฤหัสแต่ติดประชุมยาวทั้งพฤหัสกะศุกร์เลย
เลยเอาตอนพิเศษมาแถมให้ค่ะ (ความจริงคือมันต้องมีอยู่แล้วล่ะตอนนี้ ฮ่าๆๆ)

อ่านคอมเม้นต์แล้วเหมือนหลายคนจะไม่ปิ๊งหมอวานะคะ
ผู้ชายคนไหนมาใหม่กรี๊ดทุกคนเลยอ่ะ สงสารพ่อพระเอกของเรา โอ๋ๆ ใครไม่รักเรารักนะ

ขอเม้าท์นอกเรื่องนิดนึงค่ะ
เมื่อวันพุธเราไปดูคอนเสิร์ตวง MUSE มา อยากบอกว่ามันส์มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
สนุกสุดๆ เป็นอีกหนึ่งในวงโปรดของเราเลย มีใครได้ดูบ้างไหมคะ
คืออยากบอกว่าน้องอัลก็อยากเป็นศิลปินแนวๆ นี้แหละค่ะ แต่สไตล์ดนตรีอาจจะต่างกันโขอยู่
แต่ไปดูคอน MUSE แล้วอยากเปลี่ยนแนวดนตรีน้องอัลเลยอ่ะ เป็นคอนที่ดีที่สุดเท่าที่เคยดูมากในชีวิตเลยค่ะ

ตอนหน้าหมอวาจะไปบุกบ้านน้องอัลที่อังกฤษบ้าง
เจอกันเร็วๆ นี้นะคะ ^^

ปล. ขอบคุณทุกความคิดเห็นนะคะ
จุ๊บ
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 06 [22.09.15] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 26-09-2015 11:50:16
เค้าอยากได้คุณพ่อ ขอได้ใหมมมมมมมม






พี่หมอวากับน้องแสบน่ารักอะ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 06 [22.09.15] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ReiiHarem ที่ 26-09-2015 17:05:28
น่าร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 06 [22.09.15] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 26-09-2015 18:10:39
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 06 [22.09.15] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Babelilong ที่ 29-09-2015 20:57:32
รออยู่น้า
กำลังสนุกเลย

 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 06 [22.09.15] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Shonteen ที่ 29-09-2015 21:13:23
เค้าจะรักกันได้ไงอะ ฉันนึกไม่ออก
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 06 [22.09.15] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: sb_ng ที่ 01-10-2015 22:08:03
รู้สึกว่าหมอวากับเด็กแสบเริ่มใกล้ชิดสนิทกันมากขึ้นนะ
รู้รหัสห้อง ติวหนังสือกันนู่นนี่ ไปไหนมาไหนด้วยกัน
ใกล้ชิด เคยชิน ผูกพัน เตรียมตัวหลงเสน่ห์กันได้เลย5555
แต่ไม่รู้ใครจะหลงใครก่อนแหะ

จริงๆปิ๊งหมอวานะคะ
กรี๊ดกร๊าดคนอื่นให้กระชุ่มกระชวยไปพลางๆ 555555
หัวข้อ: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 07 [04.10.15]
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 04-10-2015 10:17:45
TRACK 07



ทิวากานต์ตัดสินใจใช้ช่วงหยุดรอผลสอบไปลอนดอนเร็วกว่ากำหนดและขยายเวลาที่จะพักจากสองสัปดาห์เป็นหนึ่งเดือนเต็มหลังโธมัสเพื่อนตัวโตผมทองของอลันด์โทรมาตื๊อเช้าตื๊อเย็น ล่อลวงด้วยตั๋วงานเทศกาลดนตรีกลาสตันเบอรี่กับทริปเยือนมิวนิคพร้อมที่พักฟรีรวมอาหารสามมื้อ แล้วมีหรือคุณหมอจะไม่สนใจ (เยอรมันเป็นอีกประเทศที่น่าไปเรียนต่อมากถ้าไม่ต้องมาเริ่มเรียนภาษาดอยทช์จริงจัง)

โชคดีเขามีวีซ่าเข้าสหราชอาณาจักรและเชงเก้นวีซ่าสำหรับพร้อมบินพอดีจึงตอบตกลงอย่างรวดเร็วและเลื่อนตั๋วให้เร็วขึ้นอีกหนึ่งสัปดาห์ หนแรกเมื่อวิคเตอร์รู้ว่าเขาจะไปพักผ่อนที่ลอนดอนคุณพ่อกระเป๋าหนักรีบเสนอตัวซื้อตั๋วชั้นเฟิร์ตสคลาสให้ แต่ทิวากานต์ตอบปฏิเสธไปด้วยไม่อยากให้เป็นบุญคุณอะไรกันมากแค่น้องกบที่บ้านก็ท่วมหัวแล้ว แม้จะเสียดายนิดๆ ก็เหอะ

ส่วนเพื่อนบ้านตัวแสบอย่างอลันด์บินล่วงหน้าเขาไปก่อนแล้วหนึ่งสัปดาห์ทันทีที่สอบเสร็จ เห็นว่าจะรีบกลับไปร่วมพิธีจบการศึกษากับเพื่อนที่โรงเรียนเก่า ไม่รู้ว่าทำได้ไงทั้งที่ออกจากโรงเรียนไปแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะรักกันมากก็คงเพราะบริจาคให้โรงเรียนเยอะนั่นแหละ (ครอบครัวนี้ทำอะไรแปลกดีนะ)

นั่งๆ นอนๆ อ่านหนังสือ ดูหนังฟังเพลง แอบจิ๊จ๊ะกับนุ่นที่บังเอิญเจอกันพอดีใช้เวลาสิบสองชั่วโมงบนเที่ยวบินตรงสุวรรณภูมิ - ฮีทโธรว์ได้อย่างคุ้มค่า หนุ่มเอเชียตัวสูงชะลูดก็ลากกระเป๋าออกมารับอากาศยามเช้าของเกาะอังกฤษพลางมองหาเด็กแสบที่ถูกมาดามโอเนลล์บังคับให้ลุกจากที่นอนมารับเขา

เป็นเรื่องยากสักหน่อยกับการมองหาเด็กฝรั่งท่ามกลางกลุ่มผู้คนหลากหลายเชื้อชาติ แถมอลันด์ยังจัดได้ว่าเป็นพวกตัวกระเปี๊ยกสูงแค่ไหล่ ทิวากานต์ต้องเสียเวลาชะเง้อมองอยู่พักใหญ่กว่าจะเจอเด็กหนุ่มใส่สูทเดินหน้ามึนมาหา

“ช้าชะมัด”

“ลอนดอนก็รถติดไม่แพ้กรุงเทพหรอกนะ อัลเบิร์ตช่วยยกกระเป๋าคุณหมอไปเก็บด้วย” ท้ายประโยคเจ้าเด็กแสบหันไปพูดกับชายหนุ่มวัยใกล้เคียงทิวากานต์ด้านหลัง

ตอนนั้นทิวากานต์ถึงเห็นว่ามีชายหนุ่มวัยไล่เลี่ยกับเขาเดินตามอลันด์มาด้วย พอเขาได้ยินคำสั่งจากปากคุณชายโอเนลล์ผู้ช่วยพ่อบ้านนามว่าอัลเบิร์ตจึงตรงเข้ามาจัดการกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ให้ทันทีสมกับเป็นทายาทของพ่อบ้านมือหนึ่งแห่งตระกูลใหญ่บนเกาะอังกฤษ

แม้จะค่อนข้างเกรงใจและกระดากอยู่บ้างที่มีคนมาบริการประหนึ่งเขาเป็นแขกวีไอพีแต่คุณหมอก็ยอมให้อีกฝ่ายทำหน้าที่โดยไม่ทักท้วงอะไร และทำตัวเจี๋ยมเจี๊ยมยามก้มมองสารรูปตัวเองในชุดเสื้อเชิ้ตกับกางเกงแสลคแสนสุภาพเรียบร้อยสลับกับพ่อบ้านของอลันด์ที่สวมสูทสุภาพเต็มยศประหนึ่งจะไปออกงานกลางคืน

ว่าที่ศัลยแพทย์(เหลือแค่รอผลสอบเพื่อวุฒิบัตรและหนังสืออนุมัติออก)เข้าใจแล้วว่าที่อลันด์เคยกล่าวหาเขาว่าแต่งตัวเหมือนคนขับรถเมื่อครั้งไปรับมาดามโอเนลล์ที่สนามบินสุวรรณภูมินั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว เขามันผิดเองแหละที่สุภาพได้ไม่เท่ากับพวกผู้ดีอังกฤษ!

ทั้งคู่เดินตามหลังอัลเบิร์ตไปยังรถที่จอดรอด้านนอกก่อนทำให้ทิวากานต์ช็อกอีกครั้งด้วยโรลส์-รอยซ์ แฟนธ่อมสีดำมันวับที่ชาตินี้ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะมีบุญตูดได้นั่งกับเขาสักครั้ง เหล็กหล่อรูปนางฟ้าสยายปีกบนกระโปรงหน้าสะท้อนแสงแดดยามเช้าเป็นประกายวิบวับเข้าตาให้พร่าเลือน อักษรตัว R ซ้อนกันสองตัวที่กลางล้อไม่กลับหัวกลับหางบ่งบอกว่านี่แหละโรลส์-รอยซ์ของแท้จากอังกฤษ

บางทีนะ...บางทีทิวากานต์ก็คิดว่าเด็กอลันด์มีอะไรทำให้เขาเข็มขัดสั้นมากเกินไปแล้ว

เป็นเด็กแค่อายุสิบแปดดันมีรถหรูระดับนี้พร้อมพ่อบ้านและคนขับรถส่วนตัว ถามจริงเหอะว่าจะมีเด็กอายุเท่านี้สักกี่คนกันที่จะใช้ชีวิตได้หรูหราราวกับหลุดออกมาจากนิยายน้ำเน่าแบบนี้!

หลังพาตัวเองขึ้นไปนั่งบนเบาะได้โดยไม่เป็นลมไปก่อน รถที่เคลมตัวเองว่าหรูที่สุดในโลกจึงเคลื่อนตัวออกจากสนามบินฮีทโธรว์ด้วยความเร็วทำที่สามารถทำได้ท่ามกลางการจราจรหนาแน่น

เจ้าอลันด์ตัวแสบนั่งเฉยเหมือนเป็นเรื่องปกติ ตาสีซีดปรือปรอยคล้ายจะหลับลงไปอีกรอบแต่ยังคงฝืนเอาไว้หันมองเพื่อนบ้านที่เมืองไทยตาปรือ “ทอมบอกว่าด็อกจะไปกลาสตันเบอรี่ด้วย”

“ใช่ ฉันเลยรีบมาไง” คุณหมอละสายตาจากทิวทัศน์ด้านนอกหันมาจ้องตาเด็กตัวเล็กที่พูดทั้งตาจะปิด ปกติเจ้าตัวแสบไม่ใช่พวกขี้เกียจนอนกินบ้านกินเมืองและออกจะตื่นเช้าเป็นนิสัย ท่าทางง่วงขนาดนี้เมื่อคืนคงนอนดึกหรือไม่ก็แทบไม่ได้นอนเป็นแน่ “แล้วนี่เป็นอะไร ง่วงก็นอนไปก่อน”

“เพราะด็อกไม่รีบมาผมเลยง่วงแบบนี้ไง ถ้ามาพร้อมกันตั้งแต่สัปดาห์ก่อนผมไม่ต้องตื่นทั้งที่นอนไปแค่ชั่วโมงเดียวมารับหรอก ตอนนี้พวกทอมก็มารอที่บ้านจะไปงานกลาสตันเบอรี่แล้วด้วย”

“ฉันมีงานที่ต้องทำก่อนนี่”

“ไม่รู้ล่ะ ถ้าผมไปไม่ทันดู KODALINE เล่นละก็ด็อกต้องรับผิดชอบ”

ทิวากานต์ยิ้มขำเมื่อถูกคนเด็กกว่าคาดโทษ มือหนาผลักหัวอีกคนเล่นเบาๆ ก่อนบอกให้ไอ้ตัวแสบนอนเสียเดี๋ยวไม่มีแรงไปผจญภัยงานเทศกาลดนตรีวันนี้

โรลส์-รอยซ์ แฟนธ่อมที่ตีราคาเป็นเงินไทยบวกภาษีนำเข้าแล้วไม่ต่ำกว่าคันละสามสิบกว่าล้านบาทพาผู้โดยสารเข้าสู่ใจกลางลอนดอนเชื่องช้าเนื่องจากการจราจรติดขัด หากในที่สุดก็จอดลงหน้าบ้านหลังหนึ่งย่านเมย์แฟร์ (Mayfair) ตอนเกือบเก้าโมงเช้า

ทิวากานต์สะกิดปลุกไอ้ตัวแสบเมื่อรถจอดนิ่งสนิท เด็กขี้เซากระพริบตาสองสามทีทำหน้ามึนตามสไตล์ก่อนกระโดดลงรถทันทีที่อัลเบิร์ตเปิดประตูให้

“มาดามโอเนลล์เตรียมมื้อเช้าสำหรับคุณหมอไว้ให้ที่ห้องครัวแล้วครับ เชิญคุณหมอเข้าไปรับประทานได้เลย ส่วนกระเป๋าพวกนี้ผมจะยกขึ้นไปเก็บไว้ให้ที่ห้อง ไม่ทราบว่าจะให้แม่บ้านจัดการจัดตู้เสื้อผ้าเลยหรือไม่ครับ”

“ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวผมจัดการเอง” เขาตอบปฏิเสธอย่างสุภาพก่อนเดินตามลูกชายเจ้าของบ้านเข้าไปด้านใน เสียงโหวกเหวกดังลั่นราวกับระเบิดเมื่อทั้งคู่โผล่หน้าเข้าไป

“Welcome to London, Doctor Wa” โธมัสแทบจะกระโดดกอดทิวากานต์ทั้งตัวเหมือนหมากระโจนใส่เจ้าของเล่นเอาคนเดินทางมาทางไกลเกือบหงายหลัง วันนี้หนุ่มผมทองอยู่ในชุดลำลองสบายๆ เหมือนวัยรุ่นทั่วไปด้วยเสื้อกล้ามและกางเกงยีนส์ขาสั้นเสมอเข่า ผมยาวถูกมัดเป็นจุกด้านหลังมีหนวดเคราหรอมแหรมบนใบหน้า นัยน์ตาฟ้าสีสดถูกแว่นกันแดดทรงนักบินปิดทับไว้ ด้านหลังมีโธมัสไซส์เอ็มอีกสองคนยืนฉีกยิ้มส่งมาให้อยู่

“สวัสดีทอม ไม่ได้เจอกันนาน สบายดีนะ”

“ยิ่งกว่าดี” อดีตกัปตันชมรมรักบี้ว่าก่อนดึงแขนคุณหมอให้มาเจอกับโธมัสไซส์เอ็มสองคนที่หน้าเหมือนกันอย่างกับแกะ “นี่มาร์โก้กับมาริโอ้น้องชายฝาแฝดสุดแสบของผมเอง”

ตาคมมองคนที่น่าจะเป็นมาร์โก้กับมาริโอ้แล้วเหลือบมองอลันด์เดินดุ่มๆ ทิ้งตัวบนโซฟาตัวใหญ่ข้างเด็กหนุ่มผมสีอ่อนตัวใหญ่อีกคนที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ พอหันกลับมามองคู่แฝดที่ยังดูเด็กอยู่มากเทียบกับคนห้องตรงข้ามเขาแล้วจึงพบว่าตัวใหญ่กว่าลูกเจ้าของบ้านเสียอีก ถ้าไม่นับรวมรอบเอวที่ขยายจนจะใหญ่กว่าเพื่อนแล้วน่ะนะ

“ยินดีที่ได้รู้จักนะมาร์โก้ มาริโอ้”

“เช่นกันด็อกเตอร์ แต่นี่น่ะมาริโอ้”

“ส่วนนี่มาร์โก้” เจ้าฝาแฝดชี้นิ้วใส่อกตัวเองแล้วบอกชื่อใหม่ โชคดีที่แค่หน้าเหมือนไม่ได้ใส่เสื้อผ้าเหมือน ทิวากานต์เลยจำๆ ไว้ก่อนว่าเสื้อกล้ามสีน้ำเงินคือมาร์โก้ ส่วนเสื้อสีฟ้าคือมาริโอ้

“ด็อกไม่ต้องซีเรียสนะ ขนาดผมยังแยกเจ้าฝาแฝดนี่ไม่ค่อยออกเลย ส่วนนั่นฮิวโก้ น้องชายคนรองของบ้านกริฟฟิธส์” โธมัสชี้นิ้วไปที่เด็กหนุ่มผมบลอนด์จนเกือบขาวหากตาสีฟ้าสดเหมือนพี่น้องอีกสามคนเด๊ะๆ เด็กหนุ่มส่งยิ้มน้อยๆ มาให้ก่อนก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือในมือต่อ “หมอนั่นเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยสนใจชาวบ้านเขาเท่าไหร่ ด็อกไม่ต้องใส่ใจไป”

“พี่น้องเยอะดีนะ”

“ความจริงยังมีอีฟแล้วก็ลียอนกับนิค แต่ว่าอีฟเตรียมตัวจะไปล่องเรือยอร์ชที่กรีซ ลียอนติดถ่ายละคร แล้วเจ้าตัวเปี๊ยกนิโคลัสอยู่กับคุณยายที่มิวนิค”

อย่างกับครอบครัววีสลีย์ในแฮร์รี่ พอตเตอร์ยังไงยังงั้น คุณหมอพยักหน้าเออออกับโธมัสพลางสรุปเงียบๆ ในใจ แน่นอนว่าครอบครัวกริฟฟิธส์คงร่ำรวยมากพอจะส่งลูกทั้งเจ็ดคนเรียนโรงเรียนประจำราคาแพงหูฉี่ได้ไม่ขัดสนเหมือนครอบครัววีสลีย์แน่ๆ

ยืนมึนๆ ไม่รู้จะทำอะไรต่อมาดามโอเนลล์ก็โผล่มาพอดีราวกับรู้ เธอทักทายเขาพร้อมรอยยิ้มฉีกกว้างก่อนไล่เขาไปกินอาหารเช้าที่ห้องครัวและขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเตรียมไปงานเทศกาลดนตรีกับพวกเด็กๆ โชคไม่ดีเขามาช้าไปหน่อยจึงไม่ได้เจอพ่อของอลันด์ที่ออกไปทำงานก่อนหน้านั้นแล้ว

ส่วนอลันด์ถูกแม่ไล่ตะเพิดให้ขึ้นไปนอนรอบนห้องตั้งแต่ระหว่างรอคุณหมอจัดการมื้อเช้า มีฮิวโก้กับแมวลายวัวตัวอ้วนที่ไม่รู้โผล่มาจากไหนเดินตามตูดต้อยๆ ประหนึ่งเป็นบอดี้การ์ดคอยระวังไม่ให้ไอ้ตัวแสบตกบันไดวนลงมาคอหักตายเสียก่อน

ครอบครัวโอเนลล์แทบทำให้ทิวากานต์ช็อคอีกครั้งด้วยบ้านที่ดูภายนอกไม่ได้ใหญ่อะไรมากมายแต่มีถึงเจ็ดชั้น เป็นชั้นใต้ดินไปสามดาดฟ้าอีกหนึ่งพร้อมลิฟต์ในตัว มีสระว่ายน้ำที่ชั้นใต้ดิน พอรวมกับทำเลที่ตั้งแล้วไม่กล้าตีราคาบ้านเป็นเงินไทยให้ตกใจไปมากกว่านี้เลย เอาเป็นว่าถ้ามีเงินซื้อบ้านหลังนี้ได้สบายๆ โรลส์-รอยซ์แค่คันเดียวดูจิ๊บจ้อยไปเลย

ด้านโธมัสบอกว่าพวกเขาจะค้างที่กลาสตันเบอรี่หนึ่งคืนแล้วก็ที่บ้านกริฟฟิธส์ย่านชานเมืองนอกลอนดอนอีกคืนไม่จำเป็นต้องเอาเสื้อผ้าไปเปลี่ยนก็ได้ แต่ทิวากานต์ผู้ต้องอาบน้ำก่อนนอนขอพกเสื้อผ้าไปเปลี่ยนด้วยหนึ่งชุดถ้วน เกือบสิบโมงคุณหมอในชุดใหม่เสื้อยืดกางเกงยีนส์รองเท้าผ้าใบก็พร้อมเดินทางไปงานเทศกาลดนตรีที่ใหญ่ที่สุดในโลกพร้อมกับพวกเด็กๆ แล้ว

มาดามโอเนลล์เดินมาส่งพวกเขาขึ้นรถที่หน้าบ้านระหว่างรออลันด์กับฮิวโก้ลงมาจากห้องนอน ทำในสิ่งที่ทิวากานต์คาดได้อย่างแม่นยำว่าจะฝากฝังลูกชายและพวกเด็กๆ ไว้กับเขาพอดีกับสองคนที่เหลือวิ่งออกมาพอดี

ไอ้ตัวแสบถอดชุดสูทกับรองเท้าหนังออกเหลือเพียงเสื้อโปโลกับแฮร์ริ่งตันแจ็คเก็ตของเบอเบอร์รี่และกางเกงยีนส์ขายาว สวมรองเท้าผ้าใบธรรมดา ผมยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง เมื่อมายืนรวมกับพี่น้องตระกูลกริฟฟิธส์แล้วดูเหมือนเป็นน้องเล็กของบ้านไปเลย

“ดูแลตัวเองกันดีๆ นะจ๊ะ อย่าขับรถเร็วล่ะ” เธอหอมแก้มส่งเด็กแต่ละคนขึ้นรถ BMW X5 M50d F15 ที่จอดรออยู่หน้าบ้านอย่างรู้งาน ไม่ลืมหอมแก้มทิวากานต์ประหนึ่งว่าเป็นลูกชายคนโตของเธอด้วยอีกคน จนเมื่อฮิวโก้ถูกหอมแก้มเป็นคนสุดท้าย น้องคนรองของบ้านกริฟฟิธส์จึงขึ้นประจำที่นั่งคนขับ

“ฉันว่าเราไปไม่ทันดูโชว์ของ Vance Joy แน่ๆ” เจ้าแฝดมาร์โก้ว่าหลังรถเคลื่อนตัวออกจากหน้าบ้านไอ้ตัวแสบได้ไม่เท่าไหร่ มีมาริโอ้พยักหน้าเห็นด้วย

“ช่วยไม่ได้นี่ เราต้องรอด็อกมาก่อน แต่ผมไม่ได้โทษว่าเป็นความผิดของด็อกหรอกนะ” โธมัสเอี้ยวตัวมาจากเบาะหน้าข้างคนขับฉีกยิ้มหวานเอาใจเหมือนหมาประจบเจ้าของ

“โทษทีนะ แต่ฉันต้องอยู่รอส่งเอกสารก่อนจริงๆ”

“ช่างเหอะ ขอแค่ไปทัน Kodaline ก็พอแล้ว” คนตัวเล็กสุดในรถว่า ในมือถือกระดาษตารางอะไรสักอย่างมีร่องรอยปากกาขีดเต็มไปหมด

“ความจริงวันนี้ก็ไม่ค่อยมีวงไหนน่าสนใจเท่าไหร่ ด็อกสนใจวงไหนเป็นพิเศษหรือเปล่า” แฝดมาริโอ้ชะโงกหน้าจากเบาะหลังสุดมาดูแผ่นกระดาษในมืออลันด์ก่อนหันมองเขาตาแป๋วรอคำตอบ

“The Black Keys แต่วงอื่นก็น่าสนอยู่ เสียดายปีนี้ไม่มี Arctic Monkey กับ Alt-J ฉันเป็นแฟนคลับลับๆ ของสองวงนี้เลยล่ะ”

“เจ๋ง ผมก็ชอบที่ด็อกว่ามาหมดเลยถึง Alt-J จะเมาไปหน่อยก็เถอะ แล้วเราก็วางแผนจะต้องเกาะหน้าเวทีตอน The Black Keys กับ Kasabian เล่นให้ได้ด้วย” มาร์โก้ชูนิ้วโป้งให้คุณหมอ เริ่มรู้สึกสนิทกับเพื่อนต่างวัยที่ดูท่าจะเข้ากันได้ดีเพราะดนตรี

ตลอดระยะเวลาสองชั่วโมงกว่าจากลอนดอนไปกลาสตันเบอรี่กลายเป็นเรื่องที่สนุกเกินคาดสำหรับทิวากานต์ เจ้าฝาแฝดสองตัวคุยสนุกและมีความเป็นผู้ใหญ่เกินตัวมากเมื่อเขาได้รู้ว่าฝาแฝดมาร์โก้และมาริโอ้ที่อยากเป็นนักวิทยาศาสตร์ของสถาบันเซิร์นเพิ่งอายุสิบห้าเท่านั้น พี่รองอย่างฮิวโก้เองกำลังขึ้น Year 13 ที่โรงเรียนมัธยมในเยอรมันวางแผนจะเรียนต่อด้านแพทย์ ทิวากานต์เลยถือโอกาสนี้สอบถามเรื่องสถาบันที่จะมาเรียนต่อไปด้วย ส่วนโธมัสเพิ่งได้รับจดหมายตอบรับเข้าศึกษาต่อระดับมหาวิทยาลัยด้านวิศวกรรมการบินที่เยอรมันแล้ว และจะกลับมาเรียนต่อที่โรงเรียนนายร้อยทหารบกแซนด์เฮิสต์ก่อนเข้ากองทัพอากาศเหมือนคุณปู่ต่อไปในอนาคต

ทิวากานต์เหลือบมองอลันด์ที่หลับสนิทแม้มีเสียงคุยรบกวนตลอดเวลาแล้วถึงกับส่ายหน้า ขนาดเพื่อนรอบตัวที่ดูเฮฮายังวางแผนชีวิตได้รัดกุมแบบนี้ พ่อแม่เจ้าเด็กนี้ถึงประสาทเสียน่ะสิที่ลูกชายจะไปเป็นนักร้องน่ะ



รถ SUV คันใหญ่เลี้ยวเข้าจอดที่จอดรถสำหรับผู้มางานเทศกาลดนตรีกลาสตันเบอรี่ด้วยความนิ่มนวล ต้องขอบคุณโช้กและยางอย่างดีจากเยอรมันที่ทำให้เจ้าชายนิทราอย่างอลันด์หลับสนิทตลอดทางแม้จะวิ่งตกหลุมขนาดใหญ่มาก็ตาม

ไอ้ตัวแสบอ้าปากหวาดวอดๆ ก่อนลงจากรถหยิบเป้แบคแพคใบใหญ่สะพายไหล่ ฝาแฝดกริฟฟิธส์รื้อท้ายรถหยิบอุปกรณ์กางเต็นท์ออกมาถือ จากที่จอดรถต้องเดินไปอีกไกลกว่าจะถึงเวที ตอนนี้จะบ่ายโมงแล้วพลาดการแสดงของ Vance Joy ไปอย่างน่าเสียดาย พวกเขาจึงตกลงกันว่าจะหาที่กางเต็นท์ก่อนจะเต็มหมดแล้วค่อยไปหาอะไรรองท้อง พอสักสี่โมงเย็นถึงไปเวที Other Stage เพื่อดูการแสดงของ Kodaline ที่อลันด์ย้ำหนักย้ำหนาว่าต้องมาดูให้ได้

เต็นท์สำหรับสองคนจำนวนสามหลังถูกกางกระจายห่างกันในรัศมียี่สิบเมตรท่ามกลางหลังคาเต็นท์อีกนับร้อยที่แผ่ไปทั่วท้องนาอันเป็นสถานที่จัดงานดนตรีระดับโลก แน่นอนว่าฝาแฝดมาร์โก้และมาริโอ้ขอนอนด้วยกัน ทิวากานต์เลยทำตัวเป็นอะไรก็ได้แมนให้เด็กสามคนที่เหลือเลือก

“ผมนอนกับด็อกเตอร์ก็ได้” ฮิวโก้ว่าเสียงเรียบ ผมสีอ่อนจางของเขาแทบกลืนหายไปท่ามกลางแสงจ้า “อัลตัวเล็กก็ไปนอนกับทอมเถอะ จะได้ไม่เบียดกันมาก”

เหตุผลเข้าท่าทีเดียว หมายักษ์กับแมวตัวเล็ก(อ้วนแค่ส่วนพุง)ในเต็นท์หลังน้อยคงพอดี ส่วนฮิวโก้ที่แม้จะตัวสูงตามรอยพี่ชายมาติดๆ ก็ไม่ได้มีกล้ามเนื้อใหญ่โตชวนอึดอัด ถ้าต้องมานอนตัวตรงนิ่งๆ กับทิวากานต์คงไม่รู้สึกลำบากมากนัก เมื่อตกลงกันเรียบร้อยทั้งหกคนจึงได้ฤกษ์เฮละโลกันไปหาของกินในงาน



เทศกาลดนตรีกลาสตันเบอรี่เป็นเทศกาลดนตรีที่ใหญ่ที่สุดในโลก จัดกันที่ท้องนาแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของอังกฤษโดยการสนับสนุนจากคุณปู่เจ้าของไร่ใจดีชื่อไมเคิลติดต่อกันมาเกือบห้าสิบปีแล้ว และได้ชื่อว่าฝนตกให้ได้ลุยโคลนกันทุกปีไม่เสียชื่อประเทศอังกฤษ ปีแรกๆ ที่จัดก็มีวงดนตรีไม่เท่าไหร่ หากปัจจุบันมีมากกว่าสองร้อยวงดนตรี หลายสิบเวที สตาฟนับไม่ถ้วนและคนดูเป็นแสน บัตรขายล่วงหน้าหนึ่งปีและหมดลงภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงแม้ไม่มีรายชื่อศิลปินออกมาด้วยซ้ำ

คุณหมอวัยสามสิบจากเมืองไทยมองดูฮิปปี้ยุคใหม่เดินยกสมาร์ทโฟนถ่ายเซลฟี่ผ่านไปผ่านมาด้วยสายตาแปลกๆ เด็กต่างชาติมีความเป็นตัวของตัวเองสูง หลายคนไม่แคร์สายตาคนอื่นถ้าจะแต่งตัวประหลาดๆ หรืออย่างเด็กข้างตัวเขาที่อากาศตอนนี้ร้อนชิบหายก็ยังใส่เสื้อแจ็กเก็ตรูดซิปปิดคออยู่เหมือนเดิม

พวกเขายัดฮอตดอกไปคนละสองชิ้น (โธมัสกับอลันด์ล่อไปสาม) ข้าวโพดปิ้งคนละฝัก หลังจากนั้นก็พกน้ำเปล่าคนละขวดเดินไปเวที Other Stage เพื่อจับจองที่ดูการแสดงของ Kodaline และคงอยู่ที่เวทีนี้ยาวจนถึงการแสดงสุดท้ายของคืน อลันด์ปฏิเสธการไปดูไฮไลท์ของวันที่เวทีพีรามิด(เวทีใหญ่สุด)เพราะวงเมทัลร็อคจากอเมริกานั้นไม่ใช่สไตล์และเห็นด้วยกับคำพูดของอเล็ก เทอร์เนอร์นักร้องนำวง Arctic Monkeys ที่ว่า Metallica ไม่เข้ากับกลาสตันเบอรี่อย่างที่สุด!

หลังพักเวทีไปสามสิบนาทีในที่สุด Kodaline ของอลันด์ก็ขึ้นแสดง คนดูนับหมื่นเบียดกันอยู่หน้าเวทีที่ใหญ่เป็นอันดับสองของงาน พวกเขาได้ที่กลางๆ ท่ามกลางผู้คนมากมาย และถึงแม้ทิวากานต์จะไม่ชอบคนเยอะๆ ยังรู้สึกสนุกไปกับการปลดปล่อยตัวเองขยับร่างกายไปตามจังหวะ เพลงแหกปากร้องคลอไปกับนักดนตรีบนเวที กระโดดตบมือให้สุดตัวไม่สนใจสายฝนที่เทลงมาเหมือนย้อนไปเป็นวัยรุ่นอีกครั้งทั้งที่กำลังก้าวเข้าสู่วัยกลางคน

พอจบจาก Kodaline ก็เป็น Imagine Dragons พวกเขายังคงปักหลักอยู่ที่เดิม ใช้เวลาตั้งแต่สี่โมงเย็นถึงเที่ยงคืนไปกับวงดนตรีร็อคห้าวง! หลายครั้งที่โธมัสให้อลันด์ขี่คอเพื่อดูการแสดงอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย บางทีก็เป็นฮิวโก้ที่ยอมให้เด็กตัวอวบขึ้นคอ ทิวากานต์ถูกยุจนลองไปหนึ่งครั้งก่อนพบว่ามันไม่เวิร์คเลย อลันด์ตัวหนักมากจนคุณหมอนึกว่าจะคอหักตายซะแล้วตอนที่เจ้านั่นลงจากคอ

เมื่อการแสดงสุดท้ายของวันจบกลุ่มฝูงคนต่างแยกย้ายกันกลับที่พักของตัวเอง ส่วนกลุ่มของอลันด์เลือกหาอะไรเติมท้องก่อนเข้านอนคืนนี้และตื่นมาตะลุยวงดนตรีในวันถัดไปซึ่งเป็นวันสุดท้ายของงาน

มื้อค่ำนี้เป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอิมพอร์ตจากญี่ปุ่น อุ่นท้องและอิ่มมากพอเมื่อซัดกันไปคนละสองถ้วย โธมัสได้เพิ่มมาอีกถ้วยจากเจ้าของร้านลูกครึ่งจีน - อังกฤษ ขาว สวย หมวย และเอ็กซ์มาก หนุ่มรักบี้จากโรงเรียนชายล้วนดูจะเขินพอสมควร แต่กลับไม่ยอมแบ่งบะหมี่ให้อลันด์ที่เรียกร้องจะกินอีกจนฮิวโก้ต้องหันไปสั่งไส้กรอกจากร้านข้างๆ มาให้กินแทน

กลุ่มควันสีขาวลอยฟุ้งท่ามกลางความมืดหลังจากพวกเขาเดินไปล้างเนื้อตัวล้างตัวกันก่อนเข้านอน เด็กพวกนี้เป็นสิงห์อมควันกันโดยแท้ แม้แต่เด็กสุดอย่างมาร์โก้และมาริโอ้ก็สูบเป็นตั้งแต่ขึ้น Year 10 และที่เซอร์ไพรส์สุดคือฮิวโก้ พี่คนรองของบ้านที่ดูเรียบร้อยกลายเป็นคนยื่นบุหรี่สัญชาติเยอรมันให้คุณหมอลองรสชาติดู

ตีหนึ่งกว่าแล้ว บริเวณที่กางเต็นท์เริ่มถูกความเงียบโรยตัว กลุ่มคนจำนวนมากหายเข้าไปในที่พักของตนเองเพื่อพักผ่อน บางส่วนยังนั่งพูดคุยกันอยู่บนสนามหญ้าเหมือนพวกเขา
 
“พี่สาวร้านบะหมี่เหมือนจะสนใจพี่ชายของพวกเรามากเลย มาริโอ้ว่างั้นไหม” มาร์โก้เริ่มบทสนทนาใหม่ขึ้นเมื่อโธมัสเล่าเรื่องการแข่งรักบี้กับโรงเรียนคู่แข่งจบ

“นั่นสิ เธอมองพี่ชายสุดหล่อของพวกเราตาเป็นมันเลย ดูเหมือนโธมัสก็สนใจด้วย” มาริโอ้หัวเราะคิกคักเข้าคู่กับคู่แฝดตัวเองยามแซวพี่ชายตัวเองให้อายได้ โธมัสหน้าแดงจัดลามไปถึงใบหู ภายนอกเขาดูเหมือนเด็กหนุ่มรูปหล่อที่มีสาวสวยมาติดพันมากมาย หากจริงๆ แล้วไร้เดียงสาเรื่องผู้หญิงได้อย่างไม่น่าเชื่อ

“ถ้าสมมติเธอสนใจนายจริงๆ นายจะว่าไง” คุณหมอลองถามหยั่งเชิงโธมัสดู ก่อนได้รับคำตอบกลับมาเป็นใบหน้าแดงจัดที่ส่ายไปมาไม่พูดจาอะไรนอกจากบุหรี่ที่พยายามยัดเข้าปากอยู่ตลอดเวลา

ทิวากานต์ดูดบุหรี่หมดไปสองตัวก็ชักง่วง เขาขอตัวกลับเข้าเต็นท์ก่อนใครเพื่อน มานึกย้อนดูแล้ววันนี้เขาได้ทำอะไรเยอะเหลือเกิน บินมาถึงอังกฤษเมื่อเช้า ตอนบ่ายมางานเทศกาลดนตรี แล้วใช้เวลาช่วงเย็นถึงค่ำหมดไปกับการดูดนตรี เกือบสิบปีแล้วที่ไม่ได้ทำอะไรมากขนาดนี้ ตั้งแต่ขึ้นชั้นคลีนิคคำว่าเวลาว่างดูเป็นอะไรที่แรร์มาก เมื่อมีวันหยุดก็หมดไปกับการนอนพักผ่อนหรือไม่ก็รอให้แม่มาลากพาไปเที่ยวนู่นเที่ยวนี่ พอแม่ไม่อยู่ก็หมกตัวกับงานและตำรา เขาต้องขอบคุณเจ้าเด็กตัวแสบข้างนอกนั้นสินะที่ให้เขาได้มาปลดปล่อยตัวเองอีกครั้ง

ก่อนหลับตาลงฮิวโก้ก็เปิดเต็นท์เข้ามา หลังรูดซิปล็อคเต็นท์เรียบร้อยแล้วเด็กหนุ่มลูกเสี้ยวเยอรมันเอ่ยราตรีสวัสดิ์ก่อนล้มตัวลงนอนราบข้างๆ ร่างสูงของคุณหมอ ความเงียบเข้าครอบคลุมอีกครั้งก่อนที่สติจะดำดิ่งลงสู่ห้วงนิทรา

.
.
.

สำหรับหมอที่ผ่านการเจอศพมาแล้วนับไม่ถ้วน ผีเป็นอะไรที่เขาจะไม่คิดถึงเป็นอย่างแรกเมื่อได้ยินเสียงแปลกประหลาดในเวลากลางคืน ทิวากานต์หรี่ตาเงี่ยหูฟังเสียงกุกกักหน้าเต็นท์ เงาตะคุ่มด้านหน้าขยับไปมาบนผืนผ้าใบกันน้ำ เขาลุกขึ้นนั่งทันทีเมื่อคิดว่ามีใครบางคนพยายามเข้ามาขโมยของในเต็นท์ พร้อมกับที่ฮิวโก้ก็ความรู้สึกไวพอจะตื่นขึ้นมาสังเกตการณ์ด้วย

ตีสาม... สองหนุ่มลอบมองเพื่อปรึกษากันเงียบๆ ผ่านสายตา เงาด้านหน้ายังขยับไปมาและพยายามที่จะรูดซิปเปิดเต็นท์จากด้านนอกเข้ามาข้างในให้ได้ ฮิวโก้ยัดไฟฉายใส่มือทิวากานต์ ส่งซิกบอกว่าจะเป็นคนเปิดเต็นท์เองและถ้ามีอะไรผิดปกติให้เอาไฟฉายฟาดหัวไอ้แมวขโมยได้เลย

ทิวากานต์พยักหน้ารับ เขาชูนิ้วเป็นสัญญาณนับหนึ่งถึงสามให้เด็กหนุ่ม

หนึ่ง - สอง - สาม!

หน้าเต็นท์ถูกเปิดออกกว้างพร้อมกับคุณหมอที่ยกมือขึ้นสูงเปิดไฟฉายสาดใส่หน้าผู้บุกรุกจนต้องหยีตายกมือบังใบหน้าไว้ ผมสีนมช็อกโกแลตฟูยุ่งเหยิงไม่เป็นทรงส่องประกายภายใต้แสงไฟจ้า

“อัล” ฮิวโก้เรียกชื่อผู้บุกรุกยามวิกาลเสียงแผ่ว ไอ้ตัวแสบตวัดสายตาค้อนขวับมาให้ในทันที ใบหน้าขาวง้ำงอเม้มปากแน่นก่อนกลั้นใจอ้าปากบอกจุดประสงค์ที่มาบุกเต็นท์ชาวบ้านยามดึก

“นอนด้วยสิ”

ถึงจะยังมึนๆ แต่ฮิวโก้ก็เขยิบตัวให้มีที่ว่างพอที่อีกคนจะเข้ามาได้ เท่านั้นอลันด์จึงรีบปีนเข้ามา เจ้าตัวทำหน้าบู้บี้นั่งขัดขาอยู่กลางเต็นท์ให้เจ้าของพื้นที่สองคนก่อนหน้าขยับขยายที่กันเอง

“ทำไมไม่นอนกับทอมล่ะ หมอนั่นกรนเสียงดังหรือไง” ตอนนี้คุณหมอชักอารมณ์เสีย ตื่นกลางดึกไม่พอยังต้องแบ่งที่นอนคับแคบกับเด็กแสบอีกหนึ่ง

“ก็แม่ผู้หญิงที่ร้านขายบะหมี่นั่นแหละตามทอมมา ผมเลยถูกเตะโด่งออกมาจากเต็นท์” แสงจากไฟฉายทำให้เห็นริมฝีปากหยักคล้ายแมวขยับพูดด้วยความไม่พอใจ ดวงตาสีซีดวาววับ

“อ้าว” คุณหมอร้องเสียงหลง ตาคมมองเด็กตัวเท่าไหล่ที่หน้าเริ่มบูดเข้าไปทุกที ดูท่าคงโมโหมากแต่ทำอะไรไม่ได้

“งั้นนอนด้วยกันนี่แหละ” ฮิวโก้สรุปให้ เขาหันไปรูดซิปปิดเต็นท์ตามเดิมก่อนเอนตัวลงนอนตะแคงข้างเล็กน้อย มือใหญ่ฉุดแขนอวบให้ล้มตัวลง “อัลนอนเถอะ นอนกับฉัน”

อลันด์มีสีหน้าดีขึ้นเล็กน้อย เด็กหนุ่มยอมลงไปนอนกับฮิวโก้ไม่ประท้วงอะไร หากด้วยพื้นที่คับแคบตัวอวบๆ จึงปีนขึ้นไปเกยบนอกอีกคนเพื่อเหลือที่ให้ทิวากานต์นอนได้เหมือนเดิม

คุณหมอถอนหายใจเล็กน้อย ดับไฟฉายในมือลงแล้วล้มตัวลงนอนเบียดกับอีกสองคน จากที่คิดว่าเจอแมวขโมยดันกลายเป็นเจอแมวหลงถูกทิ้งเสียได้

ท่ามกลางความมืด ทิวากานต์ได้ยินเสียงเด็กสองคนกระซิบกระซาบคุยกันฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง ชื่อของทอมหลุดออกมาบ่อยครั้ง พอกับเสียงฮึดฮัดคล้ายกลั้นสะอื้นของคนที่นอนอยู่ตรงกลาง เห็นหน้าตายเหมือนไม่แยแสใครในโลกแต่กลับเซนซิทีฟเกินคาด กว่าอลันด์จะหยุดร้องไห้ก็เกือบตีสี่ที่ทุกอย่างเงียบลงและพาคุณหมอหลับสนิทได้อีกครั้ง

 
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 06 [22.09.15] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 04-10-2015 10:28:47
อาการผีอำเป็นไงไม่รู้รู้แต่ว่าตอนนี้อึดอัดจนหายใจแทบไม่ออก ทิวากานต์ผู้ไม่กลัวผีและเชื่อมั่นว่าเหตุการณ์ลึกลับต่างๆ สามารถอธิบายได้ด้วยวิทยาศาสตร์ปรือตาหาสาเหตุของอาการแน่นหน้าอกขยับตัวไม่ได้ และกลุ่มผมสีช็อกโกแลตนมเป็นประกายล้อแสงแดดที่ส่องผ่านผืนผ้าใบเข้ามาคือคำตอบ

ไม่รู้นอนอีท่าไหน ไอ้ตัวแสบถึงได้มาเกยอยู่บนตัวเขาแทนฮิวโก้ที่นอนกอดกันกลมเมื่อคืน เด็กนี่ก็ตัวหนักเหลือเกิ๊นนน ก่อนกลับไทยเขาต้องไปบอกมาดามโอเนลล์ให้ควบคุมน้ำหนักลูกชายเสียแล้ว

เขาพยายามใช้มือข้างที่ขยับได้หยิบโทรศัพท์มาดูเวลา แปดโมงเช้าแล้ว มิน่าข้างนอกถึงได้ยินเสียงคนเดินกันวุ่นวาย

ยังไม่ทันสะกิดอลันด์ให้ตื่นซิปเต็นท์ก็ถูกรูดลงมาพร้อมใบหน้าของสองแฝด (สงสัยเมื่อคืนฮิวโก้ลืมล็อคเต็นท์แน่ๆ) มาร์โก้หรือมาริโอ้คนใดคนหนึ่งนี่แหละทักขึ้นมาก่อน ตาสีฟ้าสดเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ

“ทำไมอัลมานอนอยู่นี่ล่ะ อ้าว ด็อกเตอร์ตื่นแล้วเหรอ อรุณสวัสดิ์”

“อรุณสวัสดิ์” พยายามตอบกลับแฝดสักคนไปทั้งที่มีวัตถุหนักกว่าเจ็ดสิบกิโลกรัมทับอยู่บนตัว ฝาแฝดหัวเราะชอบอกชอบใจนั่งยองๆ หน้าเต็นท์ดูคุณหมอพลิกร่างอลันด์ไปทางฮิวโก้

กว่าจะสำเร็จเมื่อยข้อมือชะมัดตัวหนักอย่างกับวัว

ชายหนุ่มวัยสามสิบกับอีกไม่กี่เดือนบิดตัวคลายอาการเมื่อยล้า แทนที่จะได้พักผ่อนเอาแรงพร้อมลุยต่อเต็มที่กลับกลายเป็นว่าเพลียหนักยิ่งกว่าเจอผ่าตัดใหญ่ติดกันสามเคสเสียอีก เขาเปิดฝาขวดน้ำยกกระดกดื่มรวดเร็วเกือบหมดขวดก่อนปีนออกมานั่งกับฝาแฝดมาร์โก้มาริโอ้ข้างนอกเต็นท์ พอดีกับที่สองคนข้างในเริ่มรู้สึกตัว ไอ้เด็กลูกครึ่งตาสีซีดขยับตัวลุกขึ้นนั่งหน้ามึนตาบวมเฉ่ง ส่วนฮิวโก้ก็มีสภาพไม่ต่างจากทิวากานต์มากนัก

“อรุณสวัสดิ์ฮิวโก้แล้วก็อัลด้วย”

“อรุณสวัสดิ์มาร์โก้” อลันด์ฝืนเปิดตายกมือทักทายคนที่น่าจะเป็นแฝดพี่ก่อนถูกอีกฝ่ายแก้อย่างรวดเร็ว

“มาริโอ้ต่างหาก” ฝาแฝดเสื้อสีส้มตอบ เพราะงั้นเสื้อสีแดงก็คือมาร์โก้ไปโดยปริยาย

“โอเค มาริโอ้ หาว~” ไอ้ตัวแสบอ้าปากหวอหาวเต็มที่ไม่รักษาภาพลักษณ์ “หิวชะมัด”

“กำลังมาปลุกไปกินข้าว ว่าแต่อัลมานอนที่นี่ได้ไง ทิ้งทอมนอนคนเดียวเหรอ” มาร์โก้ว่า ใบหน้าอ่อนเยาว์ยุ่งเล็กน้อยคงไม่พอใจที่อลันด์ทิ้งพี่ชายตัวเองมา หากปฏิกิริยาตอบกลับอย่างรวดเร็วเป็นใบหน้าบูดบึ้งของผู้ถูกกล่าวหาและสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกของสองพยานก็ทำให้แฝดพี่หน้าเหวอ “ฉันพูดอะไรผิดเหรอ”

“ทอมต่างหากที่ดีดฉันออกมาจากเต็นท์!”

“นายไปกวนอะไรเขาหรือเปล่า หรือว่านอนกรนเสียงดัง” แฝดน้องเดา

“โหะ! ฉันเคยนอนกรนเหรอ?” อลันด์ใช้ตาสีฟ้าซีดกวาดมองทุกคนที่เคยนอนกับเขาก่อนได้รับคำตอบเป็นการส่ายหน้า “ฉันนอนดิ้นหรือเปล่า?”

“ไม่ดิ้น แต่เธอนอนทับฉันจนชาไปครึ่งตัว” คุณหมอแค่พูดความจริงทำไมต้องมองตาขวางแบบนั้นด้วยล่ะ

“ที่มันแคบนี่ ด็อกบอบบางเกินไปต่างหากทีฮิวโก้ไม่เห็นจะบ่นเลย” แค่เห็นอาการโอ๋ประหนึ่งเป็นทาสเจ้าเหมียวตัวแสบเมื่อคืนแล้วเขาขอสรุปในใจ ฮิวโก้ไม่กล้าบ่นมากกว่า...

“สรุปแล้วทำไมทอมถึงดีดอัลออกมาล่ะ ปกติตัวติดกันตลอดนี่นา” ก่อนจะออกทะเล แฝดพี่ก็พากลับเข้าเรื่องได้ทัน

“หมอนั่นพาผู้หญิงมานอนที่เต็นท์ นายจะให้ฉันอยู่ดูหนังสดหรือไง!”

“โอ้ว - มาย - ก็อด” สองแฝดประสานเสียงดังลั่น ก่อนที่มาร์โก้จะกระโดดเข้าไปในเต็นท์เบียดกับแมวถูกทิ้งข้างใน “อัลกำลังจะบอกว่าพี่ชายผู้ไร้เดียงสาของเราไม่บริสุทธิ์อีกต่อไปแล้วอย่างนั้นเหรอ”

“ใช่!”

“โอ้ววว แม่ต้องดีใจแน่ๆ”

“แต่ฉันว่าทอมต้องทิ้งผู้หญิงคนนั้นภายในคืนนี้แหละ” มาริโอ้ขัดพี่ชายก่อนที่จะพากันดีใจจนลืมความหงุดหงิดของอลันด์

“ทำไมคิดงั้นล่ะ” คุณหมอจากเมืองไทยถามเสียงซื่อ ตอนนั้นโธมัสยังกระตือรือร้นถามเคล็ดลับเกี้ยวหญิงจากเขาอยู่เลย แล้วไหงพอได้ถึงจะเขี่ยทิ้งเร็วปานจรวดแบบนี้

“ทอมทนพวกผู้หญิงไม่ได้หรอก ไม่งั้นมีแฟนเป็นโขยงตั้งนานแล้ว”

“แต่ก็ไม่แน่หรอกน่า พอได้ลองแล้วอาจจะติดใจก็ได้”

“พนันกันไหมล่ะ สิบปอนด์”

“โอเค ฮิวโก้สนใจพนันด้วยไหม”

“คงไม่” พี่รองบ้านกริฟฟิธส์ส่ายหัวปฏิเสธคำชวน มาร์โก้เลยหันมาหาคุณหมอที่นั่งอยู่ข้างกันแทน

“ด็อกล่ะ สนใจไหม”

“ข้างมาริโอ้แล้วกัน สิบปอนด์”

“เจ๋ง” แฝดน้องฉีกยิ้มตาหยี “อัลล่ะ ลงข้างไหน”

“ไม่ลงทั้งสองข้างนั่นแหละ! ไอ้หมาขนทองนั่นทิ้งฉันเพราะผู้หญิง ฉันจะฆ่ามัน!”

“อุ๊ย”



เป็นเพื่อนกันมาสิบกว่าปี ไม่เคยมีครั้งไหนที่อลันด์จะโมโหโธมัสได้เท่าครั้งนี้เลยจริงๆ ไอ้หมาขนทองหน้าซื่อตัวนั้นกล้าดีดเขาออกจากเต็นท์เพียงเพราะแม่สาวร้านบะหมี่นมตูมย่องมาหากลางดึก แล้วปล่อยให้เขาเดินคลำทางท่ามกลางความมืดเพ่งสายตาหาเต็นท์ของฮิวโก้ท่ามกลางมวลมหาประชาเต็นท์นับพันเพื่ออาศัยเป็นที่ซุกหัวนอนในยามค่ำคืนที่เหลือ ไม่น่าโมโหก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว!

ร่างเล็กไซส์เกือบกะทัดรัดถ้าไม่ติดรอบเอวที่ขยายมากเกินไปหน่อยจ้ำขาไปข้างหน้าไม่ยอมหยุด ปล่อยให้พวกฝาแฝด ฮิวโก้และด็อกเถื่อนเดินตามไปหามื้อเช้ากินที่ส่วนร้านค้าหลังเก็บเต็นท์กับข้าวของไปไว้ที่รถแล้ว สาบานได้เลยว่าที่รีบเดินไม่ใช่เพราะหิวมากแต่เพราะโมโหโธมัสที่ก้าวเท้าตามมาไกลๆ ต่างหาก

“อัล เดินไม่มองทางเดี๋ยวก็ล้มหรอก” สิ้นคำโธมัสไม่ทันไหร่เด็กผู้ชายตัวสูงเท่าไหล่ก็สะดุดพื้นทันควัน ดีว่าทรงตัวได้เลยไม่ลงไปกองกับพื้นให้ได้ขายหน้า เจ้าเด็กเมย์แฟร์หันหน้าค้อนใส่คนเตือนขวับคล้ายจะบอกว่าที่สะดุดเมื่อกี้เป็นเพราะแกนั่นแหละพูดขึ้นมา ถ้าแกไม่พูดฉันก็ไม่ขายหน้าแบบนี้หรอก ปกติอลันด์ทำหน้าเฉยๆ ก็น่ากลัวอยู่แล้วพอโกรธขึ้นมาจริงๆ เจอดวงตาสีซีดจ้องเขม็งยิ่งน่ากลัวเข้าไปใหญ่ คนถูกค้อนเลยได้แต่ทำหน้าจ๋อยเดินหงอยหางลู่หูตกตามเด็กตัวสูงแค่อกต้อยๆ

“เช้านี้คงต้องเป็นอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่อาหารจีนสินะ” ทิวากานต์เอ่ยขึ้นกลางวง คนโตสุดรู้สึกสนุกกับบรรยากาศที่บรรยายไม่ถูกตอนนี้สุดๆ แต่เหมือนจะผิดเวลาไปหน่อยเลยถูกไอ้ตัวแสบค้อนเข้าให้อีกคน

“จะกินมัฟฟิน!”

“ดีนี่ ขอไข่ดาวด้วยนะ” แต่มีหรือที่คุณหมอจะสลดไปกับเขา ชายหนุ่มยิ้มพราวระยับสดใสประหนึ่งพระอาทิตย์บนฟ้า อลันด์ก็บ้าจี้เดินมาลากแขนคุณหมอเข้าบูธขายมัฟฟินไปเลย

“นายแย่แน่ ทอม” แฝดน้องมาริโอ้ขู่พี่ชายคนโต ใบหน้าเหมือนพี่ชายราวกับถอดมายิ้มทะเล้น “อัลโกรธจริงแบบนี้ ง้อยากหน่อยนะ”

“รู้แล้วน่า”

“งานนี้นายผิดเต็มประตู และฉันจะไม่ช่วยเพราะนายทำอัลร้องไห้” ฮิวโก้ขู่พี่ชายทิ้งท้ายก่อนเดินตามอลันด์เข้าไปที่ร้านขายอาหารเช้า ทิ้งโธมัสที่หน้าซีดลงเรื่อยๆ ไว้กับฝาแฝด

“โอ้ว - มาย - ก็อด” สองแฝดร้องประสานเสียงดังลั่น ก่อนที่แฝดพี่จะหน้าแหย “ฉันแพ้พนันแน่”

“ฉันรู้ว่าฉันผิดนะ แต่พวกนายจะให้ฉันไล่เธอกลับไปงั้นเหรอ เธอเป็นผู้หญิงตัวนิดเดียวแล้วตอนนั้นก็มืดมาก ไม่ปลอดภัยสักนิด”

“พี่ก็เลยกอดเธอทั้งคืนแล้วปล่อยให้อัลที่ตัวเล็กกว่าผู้หญิงคนนั้นหาที่นอนใหม่ตอนมืดๆ” มาริโอ้แย้งทันควัน

“หล่อนเก่งน่าดูนะ รู้ด้วยว่าทอมนอนเต็นท์ไหนถึงได้มาหาถูกตอนมืดๆ” แล้วมาร์โก้ก็เสริม

ยิ่งฟังสองแฝดพูด โธมัสยิ่งรู้สึกเหมือนตัวเองหดเล็กลงจนเหลือตัวเท่าเม็ดถั่วเขียว พวกเขาทะเลาะกันจนอลันด์ร้องไห้ครั้งสุดท้ายก็ตั้งเมื่อประถมสอง จากที่ตอนแรกแค่รู้สึกผิดตอนนี้เขาเครียดจนไม่รู้จะทำยังไงให้เพื่อนซี้หายโกรธแล้วจริงๆ โอเค สารภาพเลยเขาชอบแกล้งอลันด์ให้ร้องไห้ก็จริงแต่ไม่ได้ร้องแบบนี้อ่ะ



ตามตารางที่วางไว้สำหรับงานกลาสตันเบอรี่วันสุดท้าย พวกเขาจะไปดูการแสดงของ George Ezra เจ้าของเพลงคุ้นหู Budapest ที่เวที John Peel แล้ววิ่งไปดู The 1975 ที่เวทีหลัก Pyramid พักหาเสบียงเติมท้องก่อนแวะไปดู Bombay Bicycle Club สักพักที่เวที Other ที่สิงเมื่อวานทั้งวันแล้วก็รีบกลับไปจองที่ที่เวที Pyramid สำหรับการแสดงส่งท้ายของสองวงสุดยอดอย่าง The Black Key และ Kasabian แล้วกลับบ้านของพี่น้องกริฟฟิธส์กันคืนนี้เลย

แต่กว่าจะถึงโชว์ของ George Ezra ก็ตั้งเกือบบ่ายสอง กลุ่มของทิวากานต์เลยเดินเล่นแวะดูการแสดงของซุ้มนู้นซุ้มนี้ไปเรื่อยหลังกินมื้อเช้าเรียบร้อย

โธมัสเดินรั้งท้ายต้อยๆ เหมือนหมาถูกเมิน ส่วนคนนำขบวนก็เป็นอลันด์ที่อยากจะเดินดูการแสดงไปซะทั่วงานให้ขาลาก ได้ยินเสียงกีตาร์อะคูลสติกดังมาจากเต็นท์ไหนไม่ได้ต้องรีบวิ่งเข้าไปดูตลอดมีฮิวโก้เป็นทาสคอยพะเน้าพะนอ ส่วนสองแฝดแยกตัวไปตั้งแต่กินข้าวเสร็จ เห็นบอกว่าจะไปเล่นเครื่องเล่นที่ยกมาตั้งในงาน ทิวากานต์ที่เมื่อยเนื้อเมื่อยตัวจากการถูกแมวอ้วนทับหลายชั่วโมงขอบาย ยอมเดินตามเด็กตัวเท่าไหล่ชมการแสดงไปเรื่อยๆ ดีกว่า

หลังเดินจนขาแทบลาก หยุดชมดนตรีไม่ต่ำกว่าห้าวงการแสดงของ George Ezra ก็ใกล้ถึงเวลา ฮิวโก้เลยแนะนำว่าให้เดินกลับไปจองที่นั่งรอสบายๆ แถวเวทีดีกว่า ทิวากานต์ที่ปวดขาไม่แพ้ตอนยืนผ่าตัดนานหลายชั่วโมงจึงรีบตกลงทันที

“อลันด์ นั่นอลันด์ โอเนลล์หรือเปล่า” เจ้าของตาสีซีดหันซ้ายหันขวามองหาต้นเสียงคุ้นหู ใบหน้าที่มักติดจะเฉยชาฉีกยิ้มกว้างเป็นครั้งแรกของวันยามเห็นชายมีอายุร่างใหญ่ไว้หนวดเครารุงรังเป็นคนเรียก

“ปีเตอร์!”

“ไง อลันด์ตัวแสบ ได้ข่าวมาว่านายไปเรียนต่างประเทศ”

“ก็งั้นแหละ” อลันด์ยักไหล่ก่อนสวมกอดกับอีกฝ่าย “แต่ผมไม่มีพลาดงานนี้แน่”

“คิดอยู่เหมือนกันว่าจะเจอนายไหม ชีวิตโอเคนะ?”

“พอใช้ได้ ประเทศที่ผมไปอยู่มีวงดนตรีเจ๋งๆ อยู่บ้าง ผมคงไม่เฉาสักเท่าไหร่”

“งั้นเหรอ”

“แล้วคุณมาทำอะไรแถวนี้ล่ะ ผมนึกว่าคุณจะอยู่ที่เวทีใหญ่เสียอีก”

“มาดูพวกเด็กใหม่ๆ น่าสนใจน่ะ สนใจไปดูด้วยกันไหมล่ะ” ปีเตอร์หันร่างกายใหญ่โตไปทางเวทีเล็กๆ ที่มีคนดูอยู่ไม่เกินสามสิบคน หากวงดนตรีที่แสดงอยู่ก็เล่นเต็มที่โชว์ฝีมือสุดตัว

“อ่อ เวทีอยู่นี่นี่เอง” สายตาที่อลันด์เงยหน้ามองป้ายเรียกให้ทิวากานต์มองตาม ป้ายเล็กๆ แปะอยู่ข้างโดมขนาดเล็กว่า BBC Introducing “คงไม่ล่ะปีเตอร์ ผมกับเพื่อนว่าจะไปหาที่ดีๆ รอดูจอร์จี้”

ปีเตอร์ถอนหายใจเบาๆ ก่อนทำหน้าเสียดาย เขาตบบ่าเล็กๆ ของอลันด์สองสามที “ฉันรอนายที่เวทีนี้เสมอนะอลันด์ กลับมาให้ได้ล่ะ”

“อืม”

บรรยากาศดูซึมลงทันทีหลังแยกจากปีเตอร์ ถ้าเป็นปกติโธมัสคงทำอะไรสักอย่างให้บรรยากาศดีขึ้น แต่ตอนนี้เจ้าหมาตัวโตยังมีคดีติดตัวทุกอย่างเลยอึมครึมไปหมด เหมือนว่าทุกคนจะรู้สาเหตุแต่ก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมา ทิวากานต์ก็ไม่ใช่พวกอยากรู้เรื่องชาวบ้านจึงเงียบเสียงทำเหมือนไม่มีอะไร นั่งรอสองแฝดมาสมทบอะไรๆ คงดีขึ้นบ้าง

ก่อนการแสดงเริ่มขึ้นแค่สิบนาทีมาร์โก้กับมาริโอ้ก็เดินยิ้มโชว์ฟันขาวมาแต่ไกล ผมสีทองสะท้อนแสงแดดจัดจ้านช่วงบ่ายชวนแสบตา

“ยะโฮ รถบั๊มฟ์เจ๋งมากเลย เสียดายนะที่พวกพี่ไม่ไปด้วยกัน” แฝดเสื้อส้มว่า โยนตุ๊กตาหมีตัวเล็กๆ ให้อลันด์ “นั่นของฝาก”

“ไร้สาระ” เด็กแสบโยนหมีน้อยให้ฮิวโก้ พี่รองบ้านกริฟฟิธส์ก็จัดการยัดใส่กระเป๋าเสื้อตัวเองทันที

“แล้วนี่ทำไมนั่งกันเงียบ ไปดูโชว์เถอะ จะเริ่มแล้ว”

แล้วไอ้อาการอึมครึมเมื่อครู่ก็หายไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้นเมื่อการแสดงบนเวทีเริ่มต้นขึ้น แต่มันสั้นไปหน่อยแค่ครึ่งชั่วโมงพอนักร้องลงเวทีทุกอย่างก็กลับมาเงียบเหมือนเดิม แต่ไม่มีเวลาให้คิดมาก ทุกคนต้องเร่งฝีเท้าไปเวทีใหญ่ให้ทันการแสดงของ The 1975

Now everybody's dead
And they're driving past my old school
He's got his gun, he's got his suit on
She says, "Babe, you look so cool"
1

อลันด์ไม่ได้ขี่คอโธมัสแล้ว นานๆ เด็กหนุ่มตัวเล็กถึงยอมขึ้นคอฮิวโก้เพื่อดูหน้านักร้องให้ชัด ถึงจะดูสนุกแต่ไม่เฮฮาเท่ากับเมื่อวาน พอการแสดงจบก็กลับมาอึดอัดอีกครั้งจนสองฝดทนไม่ไหวลากแขนคุณหมอจากไทยไปหามื้อเย็นกินแล้วบอกทุกคนว่าเจอกันตอนโชว์ของ Bombay Bicycle Club เท่านั้นทุกคนก็แยกย้ายทางใครทางมัน

“แยกออกมาแบบนี้จะดีเหรอ” ทิวากานต์ถามสองแฝดที่ผลัดกันจิ้มฟิชแอนด์ชิฟกินท่าทางสบายใจเชิ้บ

“ดีสิด็อกเตอร์ ขืนอยู่กับพวกนั้นต่อได้ประสาทเสียแน่ ทอมก็โง่ไม่ยอมง้ออัลสักที สมควรโดนทิ้งแล้ว”

“นายพูดเหมือนสองคนนี้เป็นคู่รักกันอย่างนั้นล่ะ”

“หูยยย...” มาร์โก้ร้องเสียงดังตบเข่าฉาด “ยิ่งกว่านั้นอีก อัลกับทอมนะเหมือนคู่แต่งงานผัวเมียละเหี่ยใจมาก”

“ใช่ แล้วตอนนี้เจ้าผัวตัวดีดันแอบไปมีอีหนู เมียหลวงเลยโกรธไงล่ะ”

“แล้วฉันควรทำยังไงกับผัวเจ้าชู้แอบมีอีหนูซุกไว้ดีล่ะมาริโอ้” เสียงทุ้มติดฉุนจัดของคุณเมียละเหี่ยใจดังขึ้นด้านหลังสองแฝด มาร์โก้กับมาริโอ้หน้าเหวอสะดุ้งแทบตกม้านั่งลงไปกองกับพื้นเมื่ออลันด์ยื่นหน้าออกตรงกลางก่อนเขกหัวสองพี่น้องไปคนละที

ทิวากานต์กลั้นขำจนตัวงอ เด็กพวกนี้ตลกชะมัด!

“แล้วสองคนนั้นล่ะ” ชายหนุ่มถามคนที่พาร่างอวบๆ มานั่งข้างเขา พลางยื่นจานกระดาษใส่ฟิชแอนด์ชิฟให้

“ไม่รู้สิ ไม่อยากอยู่ด้วยเลยแวบออกมาซะเลย” เด็กหนุ่มยักไหล่ไม่ใส่ใจ หากตาเป็นประกายกับอาหารที่คุณหมอส่งให้ นิ้วเรียวสวยคีบแท่งมันฝรั่งทอดเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ “แล้วนี่วางแผนจะไปไหนกันต่อ”

“ไม่รู้สิ คงไปหาที่พักไม่ก็เดินเล่นเรื่อยๆ มั้ง ความจริงแซม สมิธก็น่าสน แต่กว่าจะเดินไปถึงเวทีคงใกล้เลิกพอดี”

“แล้วอัลอยากไปไหนล่ะ” แฝดน้องใจกล้าถามหยั่งเชิง

“ไม่รู้เหมือนกัน”

“ไปเล่นเครื่องเล่นกันไหม มีชิงช้าสวรรค์ด้วย”

อลันด์ส่ายหัวปฏิเสธข้อเสนอของมาร์โก้ “ฉันมางานดนตรีเพราะอยากดูดนตรี แต่ถ้าพวกนายอยากไปเล่นก็ไปเถอะ ค่อยเจอกันตามเวลาเดิม”

ฝาแฝดยู่หน้า พอเป็นเรื่องดนตรีทีไรอลันด์ไม่สนใจคนอื่นเลย

“ฉันไปกับอลันด์ดีกว่า ไม่รู้จะมีโอกาสได้มาที่นี่อีกไหมต้องเอาให้คุ้ม เครื่องเล่นพวกนี้ที่เมืองไทยก็มีเยอะแยะ” คำพูดของคุณหมอถูกใจคนฟังน่าดู เด็กตัวเท่าไหล่หันมายิ้มให้ก่อนยัดปลาทอดเข้าไปอีกคำใหญ่

สุดท้ายกลุ่มหกคนใหญ่ๆ ก็แตกกันเป็นสามคู่ ฝาแฝดไปหาเครื่องเล่นต่อ ส่วนพวกเขาสองคนรอจนเบอร์เกอร์ที่เพิ่งซื้อมาใหม่หมดก็เริ่มออกเดินย่อย อลันด์บอกว่าสนใจซุ้ม Acoustic ที่อยู่ฟากของเต็นท์ที่พวกเขาพักกัน ออกจะไกลไปหน่อยแต่เห็นดวงตาสีซีดบอกความต้องการออกมาปิดไม่มิดทิวากานต์เลยยอมเออออไป

เหมือนว่าวันนี้จะไม่มีฝนเป็นอันว่าโชคดีที่ไม่ต้องลุยโคลน พวกเขามาถึงจุดหมายตอนเกือบห้าโมงเย็น คนดูบางตาเพราะการแสดงล่าสุดเพิ่งจบไป แถวนั้นมีบาร์นั่งดื่มพอดี ระหว่างรอการแสดงชุดต่อไปสองหนุ่มต่างวัยจึงพร้อมใจกันเข้าไปในร้าน สั่งเบียร์เย็นๆ มาดื่มให้ชื่นใจ จุดบุหรี่สูบไปคุยไป ผู้หญิงบางคนส่งยิ้มให้คุณหมอชาวเอเชีย ทิวากานต์ก็แค่ยิ้มกลับไม่คิดจะสานต่อ ถึงดูเหมือนเจ้าชู้แต่เขาก็เลือกนะ ถ้าไม่สวยสะดุดตาหรือน่ารักน่าฟัดก็ไม่ค่อยสนใจจะมองหรอก

“พอมาเที่ยวแล้วด็อกดูไม่เหมือนคนเป็นหมอเลย” เพิ่งจุดบุหรี่มวนใหม่ได้ไม่ทันไรเด็กฝรั่งหน้าขาวผิวบางจนเห็นเส้นเลือดฝอยเป็นสีแดงกระจายเต็มแก้มก็เปิดประเด็น

“ตอนนี้เป็นนักท่องเที่ยวไง ไม่ใช่หมอ”

“นั่นสินะ”

“เมาแล้วหรือไง เบียร์แค่เหยือกเดียวเองนะ คออ่อนว่ะ”

“เมาก็ตลกล่ะ มีหมอที่ไหนบ้างจะมางานอะไรแบบนี้ ส่วนใหญ่เขาไปดูในฮอลล์ดีๆ กันทั้งนั้นแหละ”

“หมอคนนี้ไง” ชายหนุ่มยิ้มหวานจงใจกวนคนเด็กกว่าแล้วตอบตามความรู้สึกจริงๆ “ความจริงแล้วงานดนตรีที่กลาสตันเบอรี่เป็นความฝันหนึ่งของแม่ฉัน เขาอยากมาที่นี่มากจนพลอยทำให้ฉันอยากมาที่นี่ด้วย รสนิยมการฟังเพลงฉันก็ได้มาจากแม่ พอมีโอกาสเลยไม่อยากพลาด”

“ถ้าแม่ด็อกได้มาเธอต้องชอบแน่ๆ”

“ไม่มีทาง”

“อ้าว”

“ถ้าแม่ฉันอยากมาจริงเขามาเองตั้งนานแล้ว แต่แม่ฉันน่ะไม่ชอบคนเยอะแล้วก็ขี้เบื่อมาก เชื่อได้เลยว่าถ้ามาถึงคงดูแค่ไม่กี่วงแล้วก็หมดความอดทนรีบกลับบ้านแน่ๆ แต่ถ้าเป็นคอนเสิร์ตนักร้องเกาหลีนะถึงไหนถึงกัน”

“แม่ด็อกตลกแหะ”

“ถ้าได้เจอกันเธอจะชอบเขาแน่นอน แม่ฉันไม่เคยตั้งเงื่อนไขกับคนที่รัก ไม่เคยบังคับให้ฉันต้องทำอะไรที่เขาอยาก เขาให้ฉันเลือกแล้วก็ตัดสินใจเองตั้งแต่เล็กๆ เรียนรู้ที่จะเจ็บและรักตัวเองให้เป็น สิ่งเดียวที่เขาขอคือให้ฉันอยู่กับความจริงอย่างมีความสุข”

“งั้นทำไมคุณถึงมาเป็นหมอล่ะ”

“ฉันดูไม่มีความสุขเหรอ”

อลันด์ส่ายหัว “ไม่รู้สิ แต่คุณดูเหนื่อยมาก ช่วงสอบก็แทบไม่ได้นอน”

“เหนื่อยแต่สนุก มันก็เหมือนเกม ยิ่งตั้งเป้าหมายไว้ยากพอเราสามารถผ่านมันไปได้มันโคตรจะสะใจ” ทิวากานต์เป็นผู้ชายที่แปลกมากในสายตาอลันด์จริงๆ แต่เด็กหนุ่มก็เชื่อว่าทั้งหมดที่ชายหนุ่มพูดมาเป็นเรื่องจริง สายตาตอนที่บอกว่าสะใจมันใช่...

“ถามอีกทีทำไมคุณถึงมาเป็นหมอ เอิ่ม... หมอผ่าตัดล่ะ”

ตาคมดุของคุณหมอเหลือบมองคนถามเล็กน้อยก่อนถามกลับ “อยากได้คำตอบจริงๆ หรือคำตอบดีๆ ล่ะ”

“จริงๆ”

“เงินดี แค่นั้นแหละ”

“งั้นผมพูดจริงๆ จากใจอีกทีเลย คุณแม่งไม่เหมือนหมอเลยให้ตายเถอะ”



การแสดงช่วงเย็นที่เวที Acoustic เป็นนักร้องคนเดิมกับเมื่อวานที่เล่นเป็นวงปิดของเวที Other คนที่บางตาเมื่อครู่กลายเป็นกลุ่มคนเกือบพันชีวิตมาดูการแสดงของเด็กหนุ่มคนนี้ อลันด์ดูเหมือนจะชอบมากเจ้าตัวตาวาวโยกตัวโห่ร้องตามตลอดคอนเสิร์ต

พอจบการแสดงพวกฝาแฝดก็โทรมาตามให้รีบไปหา มีเวลาเหลืออีกยี่สิบนาที ถ้าเร่งเท้าหน่อยคงทัน แต่อลันด์กับทิวากานต์กลับเห็นตรงกันอีกครั้งว่าค่อยๆ เดินไปดีกว่า ไม่ทันก็ช่างแม่ง

“ด็อกจำเวทีที่เจอปีเตอร์เมื่อเช้าได้ไหม เวทีเล็กๆ ที่มีคนดูน้อยนิดนั่นน่ะ”

“อ่าฮะ” ทิวากานต์พยักหน้ารับ ทำไมจะจำไม่ได้ในเมื่อเป็นที่ที่ทำให้บรรยากาศอันแสนสุขมันเพี้ยนไป

“เมื่อสามปีที่แล้วผู้ชายที่เราเพิ่งดูโชว์ของเขาจบไปเมื่อกี้ขึ้นเวทีนั่นมีคนดูไม่ถึงยี่สิบคนด้วยซ้ำ แต่ปีถัดมาเขาได้ออกอัลบั้ม เมื่อปีที่แล้วขึ้น Pyramid Stage มีคนดูนับหมื่นมาดูเขา แล้วปีนี้ก็ได้เล่นเป็นวงปิดของ Other Stage ตอนนี้มีทัวร์คอนเสิร์ตทั่วโลก ได้เล่นเป็นวงเปิดให้ The Black Keys เคยเดทกับซูเปอร์โมเดลที่เดินแบบให้กับวิคตอเรีย ซีเครทสองปีติดกัน”

“เจ๋งนี่”

“ผมว่าเขาต้องเป็นลูกรักของ BBC แหง” เจ้าตัวว่าติดตลก ใบหน้ามึนๆ ยิ้มจนตาเป็นสระอิ ถึงจะประชดแต่คงทั้งรู้สึกอิจฉาและชื่นชมไม่แพ้กัน

“เวทีนั้นเป็นการเริ่มต้นที่ดีนะ เขาเคยผ่านจุดที่มีคนดูแค่ไม่กี่คนมาก่อน ต่อสู้กับอุปสรรคมาไม่น้อยจนได้ยืนท่ามกลางแสงสปอร์ตไลท์ ถูกไหมล่ะ”

“อืม เขาเป็นไอดอลลับๆ ของผมนะ ผมอยากเป็นให้ได้แบบเขา ยืนอยู่บนเวทีกับกีตาร์หนึ่งตัว ร้องเพลงที่เขียนขึ้นด้วยตัวเองต่อหน้าคนฟังมากๆ ที่ตั้งใจฟังแบบนั้น” ไอ้ตัวแสบเงียบไปพักใหญ่ จะทุ่มหนึ่งแล้วแต่ฟ้ายังคงสว่างเหมือนบ่ายแก่ๆ ผมสีน้ำตาลอ่อนถูกลมพัดจนปลิวระแก้มขาว “ผมเคยมีชื่ออยู่ในลิสต์นักร้องที่จะได้ขึ้นเวที Introducing เมื่อสองปีที่แล้ว”

“...”

“แต่ผมไม่ได้ขึ้นเพราะแด๊ดไม่ยอม ผมยังไม่บรรลุนิติภาวะ ทุกอย่างต้องผ่านผู้ปกครองผมเลยทำอะไรไม่ได้นอกจากปล่อยให้โอกาสนั้นลอยผ่านหน้าไป” อลันด์หันหน้าหนีไปทางอื่นเมื่อลมหอบใหญ่พัดมาอีกตอนที่พวกเขาเดินอยู่บนคันนา “แด๊ดที่เคยตามใจผมทุกอย่าง สนับสนุนให้ผมเล่นดนตรี ซื้อกีตาร์ตัวแรกให้จนถึงตัวล่าสุด เป็นตัวตั้งตัวตีห้ามไม่ให้ผมเป็นนักร้อง ตั้งเงื่อนไขยากๆ ขึ้นมาขวางผมทุกทาง ตลกดีไหมละ”

“เขาคงมีเหตุผลของเขา”

“ผมเคยถามเขานะ เขาบอกว่าอยากให้ผมเข้ามหาวิทยาลัยมากกว่า เขาอยากให้ผมเรียนแล้วมาช่วยดูแลบริษัทที่เขาทำอยู่ สุดท้ายก็เพราะเงิน”

“แต่ถ้านายทำตามเงื่อนไขที่เขาตั้งได้ นายก็จะได้ทำตามฝันนี่ ตอนนี้นายยังต้องพึ่งเงินเขาอยู่เลยอย่าบ่นมากเลยน่าอดทนสักหน่อย อีกไม่กี่ปีเอง...นายทำได้อยู่แล้ว” ฝ่ามือใหญ่แตะหลังศีรษะคนเด็กกว่าขยี้เบาๆ อลันด์คงรู้สึกแย่แต่เขาก็ไม่ใช่คนปลอบเก่ง เวลาเห็นใครเศร้าทำได้แค่อยู่ข้างๆ ให้อีกฝ่ายรู้ว่าไม่ได้อยู่คนเดียวแค่นั้น

“ผมจะเป็นนักร้องที่ดังจนตอกหน้าแด๊ดให้หงายไปเลย”

“GOOD IDEA BOY” ทิวากานต์ส่งยิ้มให้คนเด็กกว่า เขาชูกำปั้นขึ้นกลางอากาศเรียกรอยยิ้มจากอีกคนได้ทันควันพร้อมกำปั้นเล็กกว่าที่ชกเข้ามาเบาๆ “สัญญากับฉันแล้วนะ ทำให้ได้ล่ะ”

“แน่นอน ด้วยเกียรติของลูกผู้ชายเลย”



TBC

ไม่ได้มาลงตอนใหม่นานเลย ฮืออออ
งานยุ่งจนแทบไม่มีเวลาเลยค่ะ TT___________TT

เค้าจะรักกันได้ไงอะ ฉันนึกไม่ออก
อันนี้ต้องรอลุ้นกันต่อไปนะคะ หุหุ

รู้สึกว่าหมอวากับเด็กแสบเริ่มใกล้ชิดสนิทกันมากขึ้นนะ
รู้รหัสห้อง ติวหนังสือกันนู่นนี่ ไปไหนมาไหนด้วยกัน
ใกล้ชิด เคยชิน ผูกพัน เตรียมตัวหลงเสน่ห์กันได้เลย5555
แต่ไม่รู้ใครจะหลงใครก่อนแหะ

จริงๆปิ๊งหมอวานะคะ
กรี๊ดกร๊าดคนอื่นให้กระชุ่มกระชวยไปพลางๆ 555555
นั่นน่ะสินะคะ ใครจะหลงใครก่อน อันนี้ก็ขอให้ติดตามในตอนต่อไปนะคะ
><

แล้วเจอกันตอนหน้าเร็วๆ นี้ค่า

ปูลู เอารูปอิมเมจพี่นภของน้องแสบมาฝากค่ะ ก็หล่อใส(ซื่อ)ประมาณนี้ล่ะ ฮ่าๆๆๆ
(http://i.imgur.com/WIfahG3.jpg)

1 Robbers - The 1975
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 07 [04.10.15]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 04-10-2015 20:16:44
นั่นแน่หมอวาตามไปเที่ยวถึงอังกฤษเชียว แถมเด็กแสบนอนเกยบนอกอีกแหนะ หนิดหนม ๆ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 07 [04.10.15]
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 04-10-2015 21:48:18
รายละเอียดงานเทศกาลดนตรีมาเต็ม
เหมือนได้ไปร่วมงานด้วยเลย
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 07 [04.10.15]
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 04-10-2015 22:56:57
ไม่เห็นทางที่จะรักกันเลนอ่ะ
แต่เป็นคนสองคน ที่แตกต่างกันจริงๆ เลยนะ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 07 [04.10.15]
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 04-10-2015 23:29:09
ติดตามค่ะ อ่านถึงตอนที่5 แล้ว ^^
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 07 [04.10.15]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 05-10-2015 18:33:52
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 07 [04.10.15]
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 05-10-2015 19:52:00
อารมณ์คุณลุง(?)มาพักผ่อนกับหลานๆมากก 555
#เปล่าว่าหมอวานะ
เห็นการกินของอัล แล้วกังวลกับรอบเอวแทนจังเลยยยยย
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 07 [04.10.15]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 05-10-2015 20:25:45
คุณลุงพาหลานเที่ยว แบบว่ามันเหมาะมาก * แอบคิดถึงเฮนรี่ ที่สาม
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 07 [04.10.15]
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 05-10-2015 22:09:05
 o13
หัวข้อ: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 08 [10.10.15]
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 10-10-2015 18:45:56
TRACK 08



ทิวากานต์กับอลันด์ตัดสินใจไม่ไปดูการแสดงของ Bombay Bicycle Club แต่เลือกวิ่งไปจองที่หน้าเวทีให้คนอื่นที่เวทีใหญ่เพื่อรอดูการแสดงสองวงสุดท้ายของงานแทน

อลันด์อารมณ์ดีขึ้นมากแม้จะเจอหน้าหงอยๆ ของโธมัสให้รำคาญสายตาอยู่บ้างหากคราวนี้ยอมขี่คอเพื่อนรักตอน Kasabian เล่นเพลงฮิตอย่าง Fire ก่อนจะกลับมาอารมณ์เสียอีกครั้งเมื่อแม่สาวน้อยลูกครึ่งจีน-อังกฤษนามว่า ‘ยูจีน’ จะขอติดรถกลับลอนดอนด้วย

“แต่เรายังไม่ได้กลับลอนดอนคืนนี้นี่นา” มาริโอ้ผู้ซ่อนใบหน้าไว้ใต้หน้ากากรูปหัวกะโหลกของแจกจากกลุ่มแฟนคลับวง Kasabian ว่าเสียงขรึม เพราะถ้าโธมัสยอมให้เธอไปด้วยเขากับคุณหมอจะต้องเสียเงินสิบปอนด์ที่พนันไว้น่ะสิ

“ขอฉันค้างด้วยไม่ได้หรือไง” หญิงสาวผมสีดำสนิททำตาโตจ้องมองพี่น้องบ้านกริฟฟิธส์แต่ละคนก่อนหันไปอ้อนใส่โธมัส “ทอม ฉันไปค้างกับคุณได้ใช่ไหม”

“เอ่อ...”

“แต่เราไม่มีแผนจะเข้าลอนดอนภายในพรุ่งนี้เหมือนกัน มาดามโอเนลล์บอกว่าถ้าอัลจะกลับบ้านก็ให้โทรบอกอัลเบิร์ตมารับ” ที่ฮิวโก้ช่วยพูดไม่ใช่เพราะพนันข้างมาริโอ้ไว้ แต่เขาไม่อยากเจออลันด์เวอร์ชั่นหน้าเป็นตูดอีกน่ะสิ

“งั้นฉันก็ขอติดรถอัลกลับลอนดอนด้วยสิ”

“รถฉันนั่งได้แค่สองคนเท่านั้น คือ ฉัน และ ด็อกเตอร์วา ถ้าเธอไม่มีปัญญากลับลอนดอนเองหัดลองเพิ่งขาตัวเองบ้างนะดีกว่าทำตัวเป็นกาฝากเกาะคนอื่นไปวันๆ” พูดจบปุ๊บ ไอ้คนพูดก็รีบกระโดดขึ้นรถไปนั่งประจำที่ตอนขามาอย่างไว ปล่อยคนฟังหน้าชากันเป็นแถบ ขนาดไม่ได้โดนด่าเองยังเจ็บแทนยิ่งบวกสายตาดูแคลนอันเป็นเอกลักษณ์ของเจ้าตัว หญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวถึงกับกรี๊ดแตก

“อัล ทำไมพูดแบบนั้น ไม่น่ารักเลย นั่นผู้หญิงนะถึงเขาจะทำนายควรให้เกียรติเขาบ้าง” โธมัสกระชากประตูรถออกเข้าไปโวยวายกับเพื่อนซี้ ถึงจะรู้กิตติศัพท์ปากร้ายของเพื่อนดีแต่ไม่เคยมีครั้งไหนจะด่าได้เจ็บจี๊ดถึงทรวงและด่าผู้หญิงแบบนี้

“ฉันให้เกียรติกับคนที่สมควรเท่านั้นทอม”

“ฉันรู้ว่าฉันกับยูจีนทำให้นายโมโห แต่นายก็ควรควบคุมอารมณ์สิ นายโตแล้วนะอัล”

“ถ้าฉันมันงี่เง่านัก ปล่อยฉันไว้ที่นี่แล้วเชิญไปต่อกับผู้หญิงของนายเถอะ!” อลันด์ตวาดใส่หน้าเพื่อนตัวโตก่อนกระโดดลงจากรถแล้วปิดประตูให้หน้าอีกฝ่ายเสียงดังสนั่น เหล่าฮิปปี้ศตวรรษที่ยี่สิบโดยรอบหันมามองเป็นตาเดียว “ด็อกจะว่าอะไรไหมถ้าเราจะยืนแกร่วอยู่ที่นี่อีกสักสามชั่วโมงเพื่อรออัลเบิร์ตมารับ”

คุณหมอยักไหล่ วันนี้ไม่ต้องตากฝนเหมือนวันแรกเขามีพลังเหลือเฝือ ให้โต้รุ่งยังไหว แต่คนอื่นคงไม่เห็นด้วย ฮิวโก้รีบวิ่งมาดึงศอกเพื่อนพี่ชายไว้ก่อนเจ้าตัวจะพาคุณหมอเดินไปที่อื่น

“ไม่เอาน่าอัล กลับด้วยกันเถอะ”

“อย่าเลย โธมัสคงไม่อยากให้ฉันไปเป็นกอ - ขอ - คอ ฉันยอมออกไปเองดีกว่าถูกไล่เหมือนหมาแบบเมื่อคืน” คำพูดของอลันด์เป็นเหมือนปฏิกิริยาอัตโนมัติที่ทำให้สามพี่น้องกริฟฟิธส์ที่เหลือหันไปมองหน้าพี่ใหญ่ของบ้านแทนการกดดันด้วยคำพูด โดยเฉพาะฮิวโก้ที่ติดเจ้าเด็กตัวเปี๊ยกมากที่สุดถ้าตรงเข้าไปซัดหน้าพี่ชายได้คงทำไปแล้ว

“ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้นถ้าฉันกลับมาไม่เจอ นายตายแน่!”

สุดท้ายก่อนที่เด็กแสบจะเดินไปไกล โธมัสที่ทึ้งผมสีทองตัวเองไปหลายหนก็วิ่งไปดึงแขนเพื่อนตัวเล็กจับยัดใส่ในรถ เอ่ยสำทับเสียงห้วนเข้มชวนคนฟังน้ำตาร่วง หากอลันด์กลับนั่งคอตรงใบหน้าเฉยชาไม่แสดงอาการอะไร ทิวากานต์คิดว่าเหตุการณ์ตรงหน้าเหมือนหนังเข้าไปทุกทีและอลันด์ก็ดูร้ายกาจเอามากๆ ผิดกับภาพหนุ่มน้อยที่ตาวาวเป็นเด็กเล็กยามเมื่อพูดถึงดนตรี แต่ถ้าโธมัสไม่แคร์อลันด์เจ้าตัวคงไม่หงุดหงิดแบบนี้ ส่วนคนที่ดูไม่แคร์น่าจะเป็นคนที่นั่งเชิดหน้าอยู่ในรถมากกว่า

เอาเถอะ...งานนี้โธมัสผิดก็สมควรแล้ว(มั้ง)

เด็กหนุ่มตัวสูงหกฟุตกับอีกห้านิ้วย่ำเท้าไปหาแฟนสาวหมาดๆ โต้เถียงเสียงดังกันพอเป็นพิธี ถูกตบแก้มอีกหน แล้วสาวน้อยลูกครึ่งสุดเซ็กซี่ก็เดินจากไปพร้อมตะโกนคำทิ้งท้ายหยาบคายสลักใจคนฟัง “F*ck!”

“เดี๋ยวเธอก็หาคนฟัคใหม่ได้” มาริโอ้ให้ความเห็น เขาแบมือไปตรงหน้าพี่ชายฝาแฝด “สิบปอนด์”

“เที่ยงคืนกว่าแล้ว หมดเวลา”

“ฉันบอกว่าภายในคืนนี้ ใช่ไหมด็อกเตอร์”

“ใช่ คืนนี้” คุณหมอหนุ่มฉีกยิ้มกว้างแบมือเลียนแบบมาริโอ้ทันที เงินตั้งสิบปอนด์ตีเป็นเงินไทยก็ห้าร้อยกว่าบาทเลยนะ

มาร์โก้มีท่าทีหงุดหงิด เจ้าตัวยักไหล่ตอบเร็วๆ ว่าค่อยไปเอาที่บ้าน แล้วรีบขึ้นรถก่อนที่แฝดน้องจะตามไปครองเบาะหลังสุดเหมือนขามา ทิวากานต์เลยตามไปนั่งที่เดิม ส่วนฮิวโก้ก็เปลี่ยนที่จากคนขับมาเป็นผู้โดยสารตามที่ตกลงกันไว้ตั้งแต่แรกว่าจะให้โธมัสขับตอนกลับ

พี่ใหญ่บ้านกริฟฟิธส์ดูจะหงุดหงิดมากกว่าน้องชายฝาแฝดเสียอีก ตาสีน้ำเงินเข้มจ้องเพื่อนตัวเปี๊ยกเขม็ง จงใจปิดประตูเสียงดังให้สะเทือนไปถึงอลันด์ที่นั่งอยู่ข้างหลัง

BMW X5 M50d F15 สีดำขับแหวกความมืดขึ้นไปตามมอเตอร์เวย์สาย M3 ถนนมุ่งหน้าเข้าลอนดอนด้วยความเร็วสูงสุดเท่าที่กฎหมายกำหนด และเหวี่ยงตัวทิ้งท้ายให้ผู้โดยสารตื่นจากการแอบงีบสะดุ้งตกเบาะกันเล่นๆ เมื่อโธมัสจงใจดริฟต์ตรงโค้งลงเนินเข้าโรงรถ เสียงล้อเบียดพื้นถนนดังเอี๊ยดเสียดแก้วหูพร้อมกับไฟในตัวบ้านที่สว่างวาบออกมาจากห้องนอนของพ่อและแม่พี่น้องบ้านกริฟฟิธส์

“เป็นบ้าหรือไงทอม นายจะปลุกพ่อแม่นายขึ้นมาตอนตีสามเพื่ออะไร เงียบๆ ไม่เป็นหรือไง!” ปากบอกให้อีกคนเงียบแต่กลับอลันด์โวยวายใส่คนขับเสียงสนั่นทันทีที่ลงจากรถ เมื่อกี้ตอนลงเนินหัวเขาโขกเข้ากับหน้าต่างรถเสียงดัง เจ็บจนมึน

“นายนั่นแหละที่บ้า ต้องให้ฉันทำอะไรอีกห๊ะถึงจะเลิกทำหน้าเบี้ยวๆ ใส่ฉันสักที ฉันเลิกกับผู้หญิงที่เพิ่งคบกันได้แค่วันเดียวก็เพราะนายยังไม่พอใจหรือไง” โธมัสก็ไม่แพ้กัน เจ้าของส่วนสูงหกฟุตห้านิ้วปิดประตูรถดังโครม สาวเท้าเข้าไปหาคนตัวแค่อกท่าทางคุกคามชัดเจน ถ้ามีเรื่องชกต่อยกันจริงอลันด์เป็นฝ่ายเข้าโรงพยาบาลอย่างไม่ต้องสงสัย และทุกคนคงคิดเช่นเดียวกันถึงได้ยืนคุมเชิงอยู่ห่างๆ

“ฉันไม่ได้บอกให้นายเลิกกับหล่อนสักหน่อย นายเลิกเองนี่”

“Suck my dick! YOU - DID!!!” ทั้งที่รู้ว่าโธมัสกำลังโกรธ คนตัวเล็กกลับยิ่งเติมเชื้อไฟให้ลุกโชน อดีตกัปตันรักบี้หน้าแดงจัด ภายในพริบตาเดียวแขนกำยำเต็มไปด้วยมัดกล้ามก็คว้าไหล่อลันด์ไว้แน่นและคงจะแรงมากเพราะไอ้ตัวแสบถึงกับเบ้หน้า ฮิวโก้เตรียมพุ่งเข้าชาร์จพี่ชายตัวเองแล้วพอๆ กับทิวากานต์ที่เริ่มรู้สึกว่าสถานการณ์มันแย่ขึ้นทุกที

“ไปตายซะ ไอ้งี่เง่าโธมัส แค่คำว่าขอโทษพูดไม่เป็นหรือไง!” ยามนี้ผมสีช็อกโกแลตนมของอลันด์ส่องประกายเป็นสีทองเมื่อต้องกับแสงสปอร์ตไลท์ มือข้างที่ไม่ถูกยึดไหล่ไว้ยกขึ้นปิดใบหน้า พอยืนเทียบใกล้ๆ กันแบบนี้แล้วยิ่งดูตัวเล็กเข้าไปใหญ่

“เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าทำไมเสียงดังแบบนี้ล่ะทอม?”

พี่ใหญ่บ้านกริฟฟิธส์ชะงักไปทั้งตัว เขามองแม่ที่ตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะเขาทำเสียงดังก่อนก้มลงมองเพื่อนรักที่ยังคงปิดหน้าไว้ด้วยมือข้างเดียว

“ทำไมไม่ตอบแม่ แล้วนี่ทะเลาะกันหรือไง” แม่ของเด็กเจ็ดคนเริ่มเสียงดัง คุณนายกริฟฟิธส์มีผมสีทองและดวงตาสีฟ้าเหมือนลูกๆ และดูน่ากลัวมากในตอนนี้

โธมัสฉุดแขนอลันด์เดินเข้าไปในบ้าน พูดเสียงดังพอจะให้ทุกคนในโรงรถได้ยิน “เรามีเรื่องต้องคุยกันนิดหน่อย”

“ให้ตายเถอะ ฉันนึกว่าทอมจะต่อยอัลแล้วด้วยซ้ำ” พอลับหลังพี่ชายคนโตมาร์โก้ก็ระบายออกมาทันทีด้วยความอึดอัด ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยเห็นสองคนนั้นทะเลาะกันจริงจังขนาดนี้มาก่อน

“แล้วทอมก็ทำให้อัลร้องไห้สองวันติด หมอนั่นต้องถูกเจมส์ฆ่าแน่ถ้าพ่อหนุ่มโปโลนั่นรู้เข้า”

“สรุปว่าสองคนนั้นมีเรื่องทะเลาะกันใช่ไหม” แม่สองแฝดเริ่มหงุดหงิด เธอสะดุ้งตื่นมาตอนตีสามเพื่อพบว่าไม่มีใครอธิบายสาเหตุให้เข้าใจเลย

“ครับ แต่...คงไม่มีอะไรแล้วมั้ง” ฮิวโก้ตอบแทนน้องชายทั้งสอง เขาบิดตัวนิดหน่อยทำทีเป็นหาวเหมือนอยากพักเต็มที “อ่อ แม่ครับ นี่ด็อกเตอร์วาเพื่อนอัลที่เมืองไทย”

“สวัสดีจ๊ะ”

“สวัสดีครับ”

หนุ่มไทยยิ้มแหย จับมือกับหญิงสาวในชุดนอนเนื้อบางใต้เสื้อคลุมพอเป็นพิธี ก่อนถูกเธอไล่ให้ทุกคนไปพักผ่อนแล้วค่อยมาว่ากันใหม่พรุ่งนี้ ฝาแฝดมาร์โก้กับมาริโอ้เกาะติดคุณแม่คนสวยเดินพันแข้งพันขาไปตลอดทางเข้าบ้าน ปากขยับเจื้อยแจ้วฟ้องว่าพี่ชายคนโตทำอะไรบ้าง

“ห้องนอนสำหรับแขกยังไม่ได้ทำความสะอาด คืนนี้ด็อกเตอร์นอนห้องผมไปก่อนแล้วกัน เดี๋ยวผมไปนอนห้องน้องชายเอง เสื้อผ้าในตู้หยิบใช้ได้เลยนะครับ”

“ขอบคุณนะ เอ่อ...ที่นี่สูบบุหรี่ได้ไหม”

“คุณแม่ไม่ว่า แต่ยังไงในห้องน้ำดีกว่าครับ”

“โอเค ราตรีสวัสดิ์ฮิวโก้” คุณหมอโบกมือให้คนที่มาส่งจนถึงหน้าห้องนอน

หลังอาบน้ำสระผมจนตัวหอมฟุ้งสติถึงค่อยกลับเข้าที่เข้าทางจะว่าไปบ้านหลังนี้ช่างใหญ่โต กว่าจะเดินถึงห้องนอนฮิวโก้ก็นานอยู่ แถมห้องนอนนี้ยังกว้างกว่าห้องนอนเขาที่กรุงเทพสักสองเท่าได้ ระลึกไปอีกหน่อยที่โรงจอดรถเมื่อกี้เหมือนจะเห็นรถเหมือนไอ้คันที่เขานั่งเข้าลอนดอนมาเมื่อวานด้วย

เอิ่ม...ถ้าบ้านนี้มีลูกเจ็ดคน แล้วเมื่อกี้ฮิวโก้บอกว่ามีห้องสำหรับแขกอีกก็ต้องมีห้องนอนไม่ต่ำกว่าแปดห้องสินะ งี้ไม่เรียกว่าบ้านล่ะ นี่มันคฤหาสน์ชัดๆ!

ให้ตายเถอะจอร์จ เด็กพวกนี้มันจะรวยจนน่าอิจฉาเกินไปแล้ว

ชายหนุ่มวัยสามสิบเป๊ะเสยผมเปียกลวกๆ หยิบบุหรี่กับไลท์เตอร์กลับเข้าไปในห้องน้ำอีกรอบหลังแต่งตัวเสร็จ จะตีสี่แล้วเขายังไม่รู้สึกง่วงเท่าไหร่ แต่สาบานได้ว่าไม่ได้กังวลเรื่องไอ้คู่ซี้หมาแมวนั่นจริงๆ นะ ความจริงก็แค่เป็นห่วงอลันด์นิดหน่อย โดนลากไปแบบนั้นไม่รู้จะทะเลาะกันต่ออีกหรือเปล่ายิ่งตัวเล็กๆ อยู่ด้วยจะสู้เขาไหวไหม

เสียงถอนหายใจดังลั่นห้องน้ำกว้าง ถ้าไม่ได้เห็นกับตาว่าลูกชายของมาดามโอเนลล์ปลอดภัยดีทิวากานต์คงนอนไม่หลับไปทั้งคืน แต่จะให้ไปเคาะประตูเรียกก็ไม่รู้อีกว่าอยู่ห้องไหน

“แล้วนี่กูมาคิดเรื่องไอ้เด็กแสบทำไมเนี่ย เพ้อใหญ่แล้วไอ้วา ไม่ใช่พ่อมันซะหน่อยจะห่วงมันทำไมเนี่ย”

.
.
.

“อัล...”

น้ำเสียงที่โธมัสเปล่งออกมาช่างอ่อนหวานต่างจากท่าทีแข็งกร้าวเมื่อไม่กี่นาทีก่อนสิ้นเชิง ตาสีน้ำเงินเข้มจับจ้องเพื่อนรักด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งเสียใจ รู้สึกผิด อ้อนวอน และเอ็นดูไอ้ตัวแสบที่เอาแต่ยืนปิดหน้าปิดตา เขายอมรับว่าจิตใจเขาตอนนี้ไม่ค่อยปกติเท่าไหร่ เหมือนพวกซาดิสม์แต่อลันด์ตอนร้องไห้น่ารักมากจริงๆ

“คุยกันดีๆ เถอะนะ ฉันขอโทษ” เมื่อเจ้าคนสูงแค่อกเอาแต่เบี่ยงตัวหนีไปมา ฝ่ามือใหญ่จึงจับล็อคคางมนไว้ ผิวหน้าอลันด์นุ่มละเอียดมือต่างจากผิวกร้านของพวกยุโรปแม้แต่ขนยังไม่ค่อยจะขึ้นคงได้ส่วนนี้มาจากแม่ที่เป็นเอเชียมามาก เขาอดฉวยโอกาสใช้ปลายนิ้วลูบไล้ไม่ได้ เจ้าแมวพยศเริ่มสะบัดหน้าเขากลัวว่าจะพลาดเอามือไปฟาดหน้าอีกคนให้ได้โกรธขึ้นมาอีกเลยจำใจบีบปลายคางแรงๆ ให้อยู่นิ่งก่อนแต้มจูบตรงมุมปากแทนการปลอบ

อลันด์เลิกดิ้นแล้วหลังถูกอดีตกัปตันชมรมรักบี้มอบจูบปลอบขวัญให้หลายครั้ง ทั้งที่มุมปาก ปลายคาง แก้มนุ่มๆ ไรผมเหนือหน้าผาก หรือกระทั่งใบหูขาวๆ ที่โผล่พ้นกลุ่มผมนุ่มสีช็อกโกแลตนมออกมา ทว่าแม้กายจะอ่อนยวบกับความอ่อนโยนที่ได้รับแค่ไหนฝ่ามือสวยยังคงทำหน้าที่ปิดหน้าต่างความคิดอย่างดวงตาไว้แน่นหนา

หนุ่มอังกฤษเชื้อสายเยอรมันอมยิ้มจนแก้มปริ คำว่าน่ารักลอยอยู่เต็มหัว อยากจะแกล้งให้มากกว่านี้อีกหน่อยแต่ถ้าเกิดเจ้าแมวอ้วนโกรธขึ้นมาจริงๆ คงแย่

“อัล...ฉันขอโทษ ฉันเสียใจจริงๆ นายจะไม่ยกโทษให้ฉันหน่อยเหรอ” โธมัสจงใจกระซิบเสียงเบาชิดริมฝีปากหยัก สัมผัสได้ถึงลมหายใจขาดห้วงของคนตัวเล็กกว่า ออดอ้อนอีกนิดถูไถอีกหน่อยยอมขนาดนี้แล้วอลันด์จะใจร้ายโกรธเขาลงก็เย็นชาเกินไปแล้ว

“นะ นายทิ้งฉัน ...ไล่ฉัน” เสียงทุ้มแหบหอบสั่นยามเอ่ยออกมา ไม่รู้ว่าเพราะกลั้นสะอื้นหรือเพราะสัมผัสกอดรัดไม่ห่างจากเพื่อนตัวใหญ่กันแน่

เพื่อนที่คบกันมานานสิบกว่าปีมีหรือจะไม่รู้ว่าอลันด์ใกล้ใจอ่อนยกโทษให้เขาเต็มที โธมัสแกล้งยิ้มจ๋อยจงใจทำท่าหางตกหูลู่ให้เพื่อนซี้เห็น เบียดตัวชิดเข้าไปอีกนิดกอดเอวอีกคนไว้ด้วยแขนข้างเดียวลูบแถวกระดูกสันหลังเบาๆ ไล้ลงมาถึงสะโพกหนั่นเนื้อ เชยคางมนให้ใบหน้าอ่อนเยาว์เงยขึ้นจนมือที่ปิดดวงตาสีซีดไว้หลุดออกเพื่อยึดแขนเขาไว้แทน

“ฉันผิดไปแล้ว ยกโทษให้ฉันนะ” ฟังแล้วได้แต่เม้มปากแน่นกว่าเดิม ตาสีซีดจ้องหมาหงอยตัวโตเหมือนเจ้าของไม่เล่นด้วยเขม็ง ชักนึกเกลียดตาสีน้ำเงินเข้มช่างเอาใจที่ละลายความโกรธเขาได้ดีเหลือเกิน หากที่เกลียดยิ่งกว่าคงเป็นจูบที่ทั้งเอาใจและเอาแต่ใจของโธมัส กำแพงที่ตั้งไว้ทลายลงทีละนิดทุกครั้งที่ปลายลิ้นตวัดเลียริมฝีปากเขาเหมือนกำลังชิมโลลิป๊อบสีหวาน โดยเฉพาะยามที่ฟันขาวงับดึงผิวเนื้ออ่อนบริเวณนั้น กริยาดื้อด้านราวกับบังคับจะให้เขาเปิดปากไปเล่นสนุกด้วยกันเสียให้ได้ วินาทีนั้นอลันด์แทบลืมไปแล้วว่าเคืองอะไรเพื่อนตัวโตไว้ เหลือแต่ความต้องการอยากให้อีกคนพะเน้าพะนอเอาใจเขามากกว่านี้ มากขึ้น...มากขึ้นอีกราวกับเขาเป็นคนสำคัญที่สุด

โธมัสจูบเขาไปทั่วทั้งหน้าลามไปจนถึงหูและลำคอที่โผล่พ้นคอเสื้อโปโลขึ้นมา ลิ้นหนาแลบเลียแก้มนุ่มช่วยเช็ดคราบน้ำตาให้ ถ้าชายหนุ่มเป็นไอ้ตัวสี่ขาที่อยู่กันเป็นฝูงยั้วเยี้ยข้างนอกบ้านนั่นหน้าอลันด์คงเต็มไปด้วยคราบน้ำลายสกปรก แต่เพราะคนตัวสูงหกฟุตห้านิ้วเป็นชายหนุ่มผมทองรูปงามเด็กลูกครึ่งจึงยอมให้อีกคนเลียเอาแต่พอใจ

“ไปอาบน้ำกันนะ” ปากขอแต่มือจับสาบเสื้อแจ็คเก็ตคนตัวเล็กกว่าดันออกจากไหล่ปล่อยให้หล่นพื้นไปแล้ว ก่อนวกกลับมาจับชายเสื้อโปโลของเบอเบอร์รี่ถลกขึ้นดึงออกทางศีรษะทุย อลันด์ก็ว่าง่ายยกแขนให้ความช่วยเหลือกับอีกคนโดยดี ไม่ถึงสองนาทีร่างกายก็ล่อนจ้อนกันทั้งสองคน



น้ำอุ่นจากฝักบัวถูกปล่อยรดร่างต่างขนาดสองคนที่นัวเนียอยู่ข้างใต้ บางส่วนกระทบพื้นกระเบื้องหินกาบสีดำ ควันสีขาวลอยทั่วห้องอาบน้ำเมื่อน้ำอุ่นปะทะกับอากาศเย็นจัดจากเครื่องปรับอากาศที่ทำหน้าที่จากห้องนอนลอดผ่านประตูที่เปิดอ้าไว้เข้ามา

อลันด์พยายามลืมตาฝ่าม่านน้ำมองดูหมาตัวโตที่กอดฟัดเขาไม่ห่าง รอบคอเขาต้องเป็นรอยช้ำแดงแน่เพราะโธมัสกัดย้ำตรงนั้นไม่ยอมปล่อยเสียที ใบหน้าขาวเชิดขึ้นยามลิ้นหนาลากจากสะดือผ่านร่องอกขึ้นมาถึงปลายคาง เขาอ้าปากค้างปล่อยให้เสียงครางขรมในคอลอยออกมา

“ชอบไหมอัล” คนถูกถามตอบด้วยเสียงคำรามต่ำในลำคอยามเอียงใบหน้าให้อีกฝ่ายครอบครองใบหูเขาได้ถนัด

ฝ่ามือใหญ่และหยาบกร้านจากการเล่นกีฬาลูบต่ำลงถึงหน้าท้องให้หดเกร็งหนีสัมผัสหวามไหว แต่ยิ่งหนีโธมัสยิ่งเอาร่างกายใหญ่โตกว่าและแข็งแรงกว่าเข้าเบียด ส่วนนั้นของคนตัวสูงแข็งขืนเป็นท่อนลำเสียดสีกับท้องเขาจนได้

โธมัสใช้เพียงมือเดียวจับอลันด์ชิดผนังใต้ฝักบัว ร่างสูงกำยำย่อตัวคุกเข่ากับพื้น กระนั้นใบหน้าหล่อเหลาใต้เรือนผมสีทองเปียกลู่แนบโครงหน้ากลับอยู่ระดับหน้าอกคนยืนพอดี ริมฝีปากบางร้อนจัดนาบไปทั่วแผ่นอกขาวที่เคยชิมมาแล้วหลายครั้งและพบว่าน่ากินทุกครั้งไป โดยเฉพาะส่วนติ่งไตสีชมพูอ่อนที่พอสัมผัสไอ้ตัวแสบเป็นต้องหลุดเสียงครางน่าอายออกมาทุกที ปล่อยให้ปลายนิ้วเรียวสอดเข้ากลุ่มผมสีทองสว่างขยุ้มขย้ำตามจังหวะรัญจวนที่ได้รับ

เขาเอื้อมมือออกไปหยิบขวดครีมอาบน้ำมาวางไว้ข้างตัว กดหัวปั๊มสองสามทีให้ครีมอาบน้ำกองเต็มฝ่ามือก่อนลูบไล้ไปทั่วตัวขาวๆ อวบๆ เหมือนลูกหมู แต่ก่อนไม่อ้วนขนาดนี้จับไปทีไรเจอแต่เนื้อแข็งๆ แบบผู้ชาย แต่ไปอยู่ไทยได้ไม่ถึงครึ่งปีอลันด์ตัวนุ่มนิ่มขึ้นเยอะ โธมัสต้องขอบคุณอาหารที่นั่นสินะ

ฝักบัวถูกปิดชั่วคราวเพื่อให้โธมัสช่วยเจ้าแมวหน้าตายอาบน้ำขัดถูตัว ไม่ได้แตะน้ำเต็มๆ มาสองวันที่กลาสตันเบอรี่ทั้งเขาทั้งไปตัวแสบมอมแมมสิ้นดี อลันด์เองก็ช่วยสระผมให้หมาโกลเด้นผมทองเสียฟองแชมพูฟูฟ่องเต็มศีรษะ

เสียงหัวเราะคิกคักดังก้องห้องน้ำกว้างยามคนตัวโตกว่าแกล้งฟัดจมูกลงบนหน้าท้องขาว ก่อนทุกอย่างจะเงียบลงและแทนที่ด้วยเสียงฮึมฮัมในลำคอเพียงพริบตาที่โธมัสหยัดตัวยืนขึ้นอีกครั้งและจับพลิกตัวเพื่อนรักหันหน้าเข้าหาผนัง ริมฝีปากอิ่มหยักเม้มแน่นกลั้นเสียงครางยามฝ่ามือหยาบหนาเลื่อนต่ำจับส่วนสำคัญ ปลายนิ้วแตะส่วนหัวคลึงเบาๆ แล้วรูดรั้งจนทั้งร่างผวาตัวงอให้แนบชิดคนยืนซ้อนด้านหลัง ศีรษะทุยสะบัดหงายเปิดช่องให้หมาตัวโตขบกัดซ้ำรอยเดิมจนห้อม่วง

เสียงขยับข้อมือกระทบผิวเนื้อดังเป็นจังหวะก้องห้องน้ำชวนแข้งขาอ่อน แม้แต่มือที่ยันผนังไว้ยังอ่อนแรงทำได้เพียงจิกผนังไว้แทนการระบายอารมณ์ หากไม่ได้อ้อมกอดแข็งแรงโอบรัดช่วงเอวไว้เด็กแสบมีหวังลงไปนั่งกองกับพื้นแน่ๆ

ทุกอย่างที่โธมัสทำมันไม่ได้อ่อนหวานสักนิด เขารุนแรงเอาแต่ใจรังแกคนตัวเล็กกว่าให้ทรมานแทบขาดใจครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยการสัมผัส แม้จะปฏิเสธการกระทำนี้ทุกครั้งด้วยการส่ายหน้าและหยาดน้ำตา แต่ลึกๆ แล้วเขาชอบมันร่างกายถึงไม่เคยปฏิเสธสักครั้งที่โธมัสเริ่มต้นปฏิบัติกิจกรรมที่ชักเกินเพื่อนไปทุกที

คนตัวขาวจัดสะดุ้งโหยงเบิกตาโพล่งเมื่อฟันคมกัดเข้ากกหูข้างขวาเต็มแรง ‘เจ็บ’ อยากอ้าปากบอกไปอย่างนั้น ทว่าทำได้เพียงส่งเสียงครางลั่นห้องน้ำเมื่อมือของเพื่อนรักไม่ยอมหยุดรังแกกันง่ายๆ หนำซ้ำยังเร่งเร้าเสียจนเขาตัวลอยขาไม่ติดพื้น

หลังมือขาวถูกยกขึ้นอุดปากตัวเองกลั้นเสียงน่าอายที่ชักจะร้องดังเกินควรเข้าไปทุกที น้ำตาไหลเป็นทางเมื่อมือใหญ่ไม่ยอมผ่อนแรงลงแม้แต่น้อยซ้ำยังกัดไหล่เขาเสียจมเขี้ยวเหมือนแกล้งที่เขากลั้นความรู้สึกเอาไว้ สุดท้ายยามถึงจุดที่ทนไม่ได้ต่อไปจึงยอมเสียศักดิ์อ้าปากร้องขอความเมตตา

“ทอม... พอ... ทอม... ฉัน...จะไม่ไหว อึ๊ก... ทอม!”

“ฮิล...เรียกฮิล อืม...เรียกชื่อฉัน”

“จูบฉัน...ฮิล”

ทันทีที่ได้ยินเสียงแหบห้าวครางออกมาเป็นชื่อตัวเองอีกครั้งหนุ่มนักกีฬาก็จับร่างเล็กกว่าพลิกอุ้มเข้าเอวขาลอยจากพื้น แผ่นหลังขาวถูกกระแทกติดผนังห้องน้ำอีกครั้งเพื่อให้โธมัสป้อนจูบให้ตามคำขอ ปลายลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัดกันรุนแรงท่ามกลางสายน้ำอุ่นที่ไหลลงมาล้างฟองตามเนื้อตัว

อลันด์คำรามลั่นในคอทั้งที่ยังติดพันจูบกับเพื่อนรัก ท่อนแขนอวบขาวตวัดโอบรอบลำคอหนาแน่นพร้อมเกร็งตัวเบียดอีกคนจนสั่นระริกเมื่อมาถึงปลายทางสิ้นสุด หยาดน้ำสีขุ่นถูกรีดออกจนหมดละลายหายไปกับสายน้ำ

เสียงหอบหายใจของตัวเองดังก้องอยู่ในหูเมื่อทุกอย่างจบลง โธมัสยังคงจูบเขาแม้จะไม่ได้จูบปากเหมือนเมื่อครู่แล้วก็ตาม อลันด์ปล่อยมือข้างหนึ่งจากลำคอหนามาลูบเส้นขนสีทองที่แผงอกกำยำแบบนักกีฬาไปมา ผู้ชายตัวสูงจูบเขาไปทั่วทั้งใบหน้า ฟันคมฉกลงขบริมฝีปากเขาอีกครั้งและอีกครั้งอย่างไม่รู้จักพอ ตาสีน้ำเงินเข้มจ้องเขาประหนึ่งเป็นอาหารอันโอชะและวันนี้ตาคู่นั้นวาววาบเกินปกติ กลายเป็นอลันด์เองที่ต้องหลุบสายตาซ่อนใต้ขนตาสีอ่อน

ท่อนเนื้อแข็งตึงของคนที่อุ้มเขาไว้เสียดสีส่วนล่างไม่ห่าง รู้ดีว่าไอ้ไส้กรอกจากเยอรมันอันใหญ่มันจะไม่เข้ามาในตัวแน่ๆ แต่คนถูกอุ้มก็อดเสียววูบในช่องท้องไม่ได้ทุกทีที่คิดถึงขนาดของมัน สุดท้ายเพื่อหลบซ่อนความกระดากอายและอาการกลัวจึงแกล้งซบใบหน้าลงกับซอกคออีกคนเสีย

“หายโกรธฉันแล้วนะอัล” หนุ่มผมทองกระซิบชิดริมใบหูขาวที่ขึ้นรอยฟันเขาจนเป็นปื้นแดง เห็นแล้วมันเขี้ยวอยากงับลงไปอีกสักทีแต่กลัวเพื่อนรักจะพิการหูขาดไปเสียก่อนยอมเปลี่ยนใจมากัดหลังคอแทนเล่นเอาคนในอ้อมกอดสะดุ้ง

“อืม” พยักหน้าให้ด้วยแม้ว่าโธมัสจะไม่เห็นก็เถอะ

หนุ่มตัวสูงอุ้มอลันด์ออกมาจากห้องน้ำด้วยท่าเดิม ผ้าขนหนูผืนใหญ่ถูกดึงมาคลุมหัวอีกคนไว้ ช่วยเช็ดผมหนานุ่มสีช็อกโกแลตนมให้พอหมาดก็จับโยนลงเตียงหลังกว้างก่อนร่างใหญ่โตจะกระโจนตามลงไปทับเสียแทบจุก ริมฝีปากบางพรมจูบไปทั่วใบหน้าขาวจนอลันด์ต้องหลับตาปี๋กับการจู่โจมไม่ทันตั้งตัว

“ฉันช่วยนายเสร็จแล้ว ต่อไปก็ตาฉันบ้างล่ะ”

ตาสีซีดลืมขึ้นมองคนพูดเสียงเจ้าเล่ห์เลยไปถึงนาฬิกาบนโต๊ะข้างเตียง ตอนนี้ตีสี่แล้ว กว่าหมาโธมัสจะเสร็จเขาคงได้นอนตอนหกโมงเช้าพอดี คำนวณแผนตารางชีวิตสำหรับวันใหม่ บวกลบดูแล้วคงไม่เป็นไรถ้าเขาจะตื่นสายสักนิดแล้วให้อัลเบิร์ตมารับตอนบ่าย ส่วนตอนนี้ก็เตรียมตัวเตรียมใจนอนให้หมาตัวโตฟัดเอาจนกว่าจะพอใจ แม้จะเจ็บและเหนื่อยอยากพักมากแค่ไหนแต่อลันด์ไม่เคยปฏิเสธทอมได้เลยสักที

.
.
.

กว่าแมวอ้วนตัวขาวจะฟื้นนั้นเวลาล่วงเข้าเที่ยงวันไปแล้ว ท้องร้องโครกครากประท้วงให้หาอะไรเติมเต็มอลันด์จึงลากสังขารยับๆ ลงจากเตียงไปอาบน้ำอีกรอบ เปิดตู้เสื้อผ้าคว้าเสื้อเชิ้ตสีดำขนาดโอเวอร์ไซส์ของเจ้าของบ้านกับกางเกงขาสั้นสมัยโธมัสอายุสิบสามมาใส่ ส่วนตัวการที่ทำให้เขาตื่นสายโด่งหายไปไหนตั้งแต่เมื่อไหร่เขาก็ไม่รู้ แต่พอจะเดาได้ว่าคงเล่นกับฝูงหมาอยู่ข้างล่างไม่ก็วุ่นวายพาหมอวาชมบ้านอยู่แน่ๆ

“อูย...” ปากอิ่มห่อตัวเบาๆ เมื่อคอเสื้อกระทบรอยกัดที่หลังคอ เขาพาตัวเองไปยืนหน้ากระจก สำรวจร่องรอยความเสียหายที่มีมากกว่าปกติ พอเอามือแตะๆ หลังคอกับกกหูก็มีเลือดติดมา ตาสีซีดเบิกกว้างด้วยความตกใจ รีบคุ้ยหาเสื้อสเวตเตอร์มาคลุมทับไหล่อีกทีขณะที่กระดุมเสื้อก็ติดจนถึงคอพรางร่องรอยถูกทำร้ายเอาไว้

เมื่อคืนโธมัสทำรุนแรงกับเขาจนผวา เพื่อนรักตัวโตกัดเขาจมเขี้ยวให้ได้ร้องเสียงหลงน้ำตาไหลอยู่หลายหน ยอมรับตรงๆ ว่าเขากลัวโธมัสเวอร์ชั่นเมื่อคืนพอสมควร เหมือนคนแปลกหน้าที่เขาไม่รู้จักสักนิด ทุกทีที่ทำแบบนี้ด้วยกันถึงโธมัสจะรุนแรงไปบ้างแต่ก็อ่อนโยนไม่ทำท่าเหมือนจะกินเขาเข้าไปทั้งตัวแบบนี้ และที่ร้ายที่สุดคือโธมัสพยายามจะสอดตัวเข้ามา ถ้าเขาไม่ร้องไห้เสียงดังน้ำตาไหลพรากขู่ว่าจะตัดเพื่อนไอ้หมาขนทองคงไม่หยุดแน่

แน่นอน...เขาไม่ใช่เกย์ เขาเคยคบกับผู้หญิง ยังมองผู้หญิง รู้สึกกับผู้หญิง แต่ก็อธิบายสิ่งที่ทำกับโธมัสไม่ได้ มันรู้สึกดี ผู้ชายคนนั้นสอนให้เขารู้จักความสุขอีกรูปแบบของเซ็กส์ แต่เขาไม่สามารถให้อีกฝ่ายได้มากกว่านั้น

สิ่งที่มากกว่าเพื่อน

ตาสีซีดเหลือบมองรูปถ่ายบนโต๊ะเขียนหนังสือ รูปถ่ายเก่าๆ เมื่อสิบกว่าปีที่แล้วที่เขาก็มีมันแปะอยู่บนหัวเตียง ภาพของเขาที่จับมือกับโธมัสพากันเดินเข้าโรงเรียนอนุบาลด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

ในเมื่อตอนนั้นโธมัสเป็นคนพูดเองว่าแค่เพื่อนแล้วจะมาเรียกร้องในสิ่งที่มากเกินกว่านั้นไปเพื่ออะไร สิ่งที่พวกเขาสองคนทำมันก็แค่เซ็กส์เฟรนด์เท่านั้นแหละ...


หัวข้อ: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 08 [10.10.15]
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 10-10-2015 18:54:34
ตอนที่อลันด์ผลักประตูห้องนอนออกมาคิ้วสีน้ำตาลเป็นต้องเลิกขึ้นด้วยความฉงนเมื่อเห็นน้องคนที่หกของบ้านยืนจังก้าขวางทางอยู่

ลียอน แคมป์เบลล์ กริฟฟิธส์ ลูกคนเดียวในบรรดาพี่น้องเจ็ดคนที่ไม่มีนามสกุลเฮอร์มานน์ของตาในชื่อ แต่ได้นามสกุลแคมป์เบลล์ของย่าทวดอดีตนักแสดงชื่อดังมาใส่แทน

“มีอะไร”

“ทอมให้มาเรียก เห็นว่าไม่ลงไปข้างล่างสักที”

“แปลกใจนะที่เป็นนาย” เขาแสยะยิ้มไปให้ ใครๆ ก็รู้ว่าอลันด์กับลียอนไม่ถูกกันเท่าไหร่ “มีอะไรอีกหรือเปล่าที่ทำให้นายลงทุนมาหาฉัน”

“คุณหมอคนนั้น...”

“ทำไม”

“เขามีแฟนหรือยัง”

คำถามของลียอนเล่นเอาตาสีซีดเบิกกว้าง ถึงจะตะหงิดมานานแล้วแต่ก็อดแปลกใจไม่ได้เมื่อได้ยินกับหูจากปากเจ้าตัว “อย่าบอกนะว่านายเป็น...เกย์”

คนถูกถามหยักไหล่แทนคำตอบซ้ำยังเร่งให้อลันด์ตอบคำถามอีกด้วย หนุ่มผมน้ำตาลพรูลมหายใจแรงก่อนผลักหัวเด็กสิบห้าที่บังอาจเริ่มสูงกว่าเขาไปสองเซ็นแล้วจ้ำเท้าลงไปข้างล่าง ถึงตอนนี้หมอวายังว่างแต่ใช่ว่าเขาอยากเห็นศัตรูสมหวังเสียเมื่อไหร่ เพราะงั้นอยากจีบก็ทำเองเถอะ เขาไม่ช่วยหรอก แบร่~

“เดี๋ยวสิอัล อัล!”

อลันด์วิ่งหนีลียอนจนมาถึงชั้นล่าง เหล่าแม่บ้านกำลังทำความสะอาดห้องนั่งเล่นเพราะงั้นโธมัสกับคนอื่นก็น่าจะอยู่ที่สวน ร่างเล็กออกไปทางอวบจึงรีบออกไปข้างนอกก่อนเด็กแก่แดดตามมาทัน สุนัขพันธุ์โกลเด้น รีทีฟเวอร์เจ็ดตัวพากันเห่าขรมเมื่อเห็นเพื่อนรักของเจ้านายวิ่งออกมาจากตัวบ้าน ใบหน้าขาวจัดขึ้นสีแดงเรื่อเพราะออกกำลัง ในขณะที่โธมัสกับคนอื่นต้องช่วยกันฉุดหมาทั้งเจ็ดไว้ไม่ให้พุ่งชาร์จอลันด์ได้เจ็บตัว

“ไงอัลหลับเป็นตายเลยนะ เมื่อคืนทะเลาะกับทอมจนไม่ได้นอนเลยสิ” แฝดน้องทักพลางลากคอเจ้ามาร์ตินไว้สุดแรง คนถูกถามก็แค่ทำหน้าบอกว่าประมาณนั้นไม่ได้ว่าอะไรเพิ่ม ฝ่ามือสวยเอื้อมไปลูบหัวโกลเด้นตัวแก่สุดของบ้านที่ชื่อมาร์ติน ไม่ได้เจอมาพักใหญ่เหมือนว่ามันจะผอมลงนิดหน่อย

“สวัสดีมาร์ติน คิดถึงฉันไหม” มาร์ตินโกลเด้นวัยสิบสองขวบตอบรับคำทักทายด้วยการยื่นใบหน้าไปแตะจมูกกับคนทัก มันหลับตาพริ้มครางหงิงๆ กวักหางไปมาอารมณ์ดีเป็นที่สุด

“แล้วนี่ทะเลาะอะไรกับลียอนอีกหรือเปล่า หมอนั่นเดินหัวฟัดหัวเหวี่ยงมานี่แล้ว”

“นิดหน่อย” เขาตอบมาร์โก้ก่อนพุ่งไปกอดหมาตัวอื่นๆ ที่ถูกล่ามคอเอาไว้ แทกมือเหมือนเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน “ไฮล์(สวัสดี) เลนนอน จอห์น สตาร์ จอร์จี้ บีเทิล แล้วก็ริงโก้ คิดถึงพวกแกทุกตัวเลย”

เด็กแสบกอดริงโก้หมาเด็กสุดแต่ตัวใหญ่พอๆ กับคนกอดแน่น ทิวากานต์ที่ดึงสายจูงเจ้าริงโก้ก้มลงมองหาร่องรอยบาดแผลที่น่าจะมี(ถ้าเมื่อคืนอลันด์กับโธมัสตีกันจริงๆ) พอไม่เห็นอะไรผิดปกติก็วางใจ เอาลูกเขามาดูแลแต่ถ้ากลับไปคืนไม่ครบสามสิบสองมีหวังโดนยิงไส้กระจุย

ร่างสูงทรุดตัวนั่งยองๆ หน้าเด็กแสบแกล้งเป็นยุ่งกับหมาที่อลันด์กอดอยู่แต่ความจริงคือจะไปกระซิบถามให้ได้ยินกับหูว่าไม่มีอะไรจริงๆ พูดง่ายๆ ก็เป็นห่วงนั่นแหละ ข้างนอกไม่มีรอยแต่ข้างในอาจจะมีก็ได้

“เมื่อคืนไม่ได้ตีกันใช่ไหม”

“อาฮะ”

“ดีกันแล้วใช่ไหม”

“อืม เป็นห่วงเหรอ”

“แหงสิ” เป็นห่วงก็พูดตรงๆ ทิวากานต์ไม่ใช่ผู้ชายซับซ้อนปากแข็ง “ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว”

ฝ่ามือใหญ่ตบกลุ่มผมสีช็อกโกแลตนมเบาๆ ก่อนลุกขึ้นยืนกระชากสายจูงบีเทิลเอาไว้เมื่อเจ้าหมาโกลเด้นอายุสามขวบทำท่ากระโจนใส่ลียอนที่วิ่งตามมาสมทบ

เมื่อเช้าเขาตื่นตอนเจ็ดโมงหลังนอนไปแค่สามชั่วโมง ตอนนั้นคิดว่าไม่ง่วงแต่พอหัวแตะหมอนก็หลับเป็นตาย ถ้าฮิวโก้ไม่มาเคาะประตูเรียกคงไม่ตื่น ได้เจอพ่อแม่ของพี่น้องกริฟฟิธส์ที่โต๊ะอาหาร คุณแม่ยามแต่งหน้าทำผมใส่เสื้อผ้าของชาแนลนั้นสวยกว่าเมื่อตอนตีสี่มาก ส่วนคุณพ่อเป็นผู้ชายร่างใหญ่ผมสีน้ำตาลเข้มท่าทางเคร่งขรึม ร่วมโต๊ะได้ไม่เท่าไหร่ทั้งคู่ก็ไปทำงาน มาริโอ้บอกว่าปกติแล้วพ่อกับแม่จะอยู่อพาร์ทเม้นต์ที่เคนชิงตัน เสาร์ - อาทิตย์ถึงกลับมานอนที่คฤหาสน์นอกเมือง

บนโต๊ะอาหารเช้านอกจากพ่อแม่โธมัสแล้วยังมีอีฟกับลียอนอีกสองสมาชิกของบ้านกริฟฟิธส์ร่วมอยู่ด้วย

อีฟหรือเอเวอลีนเป็นสาวสวยเพียงหนึ่งเดียวในบรรดาพี่น้องทั้งเจ็ด เรียนอยู่โรงเรียนประจำหญิงล้วนในลอนดอน ตอนนี้กำลังขึ้นชั้น sixth form แก่กว่าเจ้าสองแฝดปีเดียว พอพ่อแม่ออกจากบ้านไปเจ้าหล่อนก็สะบัดผมบลอนด์ยาวถึงบั้นเอวสั่งงานสาวใช้ให้ยกกระเป๋าเดินทางลงมาจากห้องนอนเพื่อเตรียมรอเพื่อนมารับไปวาเคชั่นที่กรีซ มาริโอ้กระซิบบอกทิวากานต์ว่าอีฟชอบเจมส์มากเลยไม่ค่อยชอบอลันด์ที่มักทะเลาะกับเจมส์เท่าไหร่

ส่วนน้องอีกคนที่มาร์โก้บอกว่าเป็นคู่ปรับตลอดกาลของอลันด์คือลียอน คนนี้เป็นน้องหกของบ้าน หน้าตาไม่ค่อยเหมือนพี่ๆ เท่าไหร่เพราะสวยหวานกระเดียดไปทางผู้หญิงเสียเยอะ ตัวไม่สูงใหญ่เท่าพี่น้องคนอื่น น่าจะสูงพอๆ กับอลันด์ ตัวผอมบางเอวเล็กนิดเดียวยิ่งมองรวมกับผมสีทองตัดบ็อบยาวประบ่าแล้วนึกว่าเป็นเด็กผู้หญิง ตอนนี้กำลังมีชื่อเสียงในวงการบันเทิง ได้ถ่ายงานหลายตัวและกำลังได้เซ็นสัญญาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับเสื้อผ้าไฮเอนด์ยี่ห้อหนึ่ง

และตอนนี้คู่ปรับของไอ้ตัวแสบก็กำลังวิ่งตรงมาทางนี้ อลันด์ตีหน้าบูดทันทีไม่ลืมตวัดตาสีซีดมองคุณหมอให้ได้งงกันอีกด้วยว่ากูทำอะไรผิด

“อัลไม่รอเลย” ลียอนย่นปากย่นจมูกทำหน้าน่ารักใส่อลันด์ ก่อนตวัดตากลมโตสีน้ำเงินเข้มมาทางทิวากานต์ “หมอวาชอบบีเทิลไหม บีเทิลเป็นตัวโปรดของผมเลยนะ”

อลันด์เบะปากแลบลิ้นใส่หลังเด็กแก่แดดที่พออยู่ต่อหน้าคนที่ชอบก็แกล้งทำตัวน่ารัก มารยายิ่งกว่าผู้หญิงแบบอีฟ คนตัวเล็กสุดลุกขึ้นยืนก่อนเดินเตะดินไปหาสองแฝด

“หิวไหม อัลเบิร์ตบอกว่าจะมาถึงตอนบ่าย นายควรหาอะไรรองท้องก่อนนะ”

คำถามที่มาพร้อมน้ำเสียงนุ่มทุ้มและสัมผัสรอบเอวทำคนถูกกอดไม่รู้ตัวสะดุ้งโหยง ตาสีซีดจ้องหน้าโธมัสหวาดๆ แผลที่คอปวดจี๊ดขึ้นมาทันที เขาหมุนตัวหนีท่อนแขนแข็งแรงก่อนเค้นเสียงตอบออกไปตะกุกตะกัก “หะ หิวมาก”

“งั้นให้แม่บ้านตั้งโต๊ะมื้อกลางวันเลยดีไหม คุณหมอจะได้กินข้างเที่ยงกับพวกเราด้วยไง คุณหมอหิวหรือยังครับ เมื่อเช้าเห็นกินไปนิดเดียวเอง” เจ้าลูกลิงลียอนเกาะแขนคุณหมอวัยสามสิบแกว่งไปมาตาสีน้ำเงินมองแป๋ว ถ้าใจร้ายปฏิเสธลงก็เย็นชาเกินไปล่ะ แล้วคิดว่าชายหนุ่มหน้าตาดีแบบทิวากานต์จะใจร้ายได้ลงคอเหรอ

พอตกลงกันได้ว่าจะให้แม่บ้านตั้งโต๊ะมื้อเที่ยงลียอนก็รีบวิ่งเข้าไปสั่งงานทันที คนที่เหลือช่วยกันลากสายจูงคอแก๊งโกลเด้นเข้าไปขังในส่วนของสุนัขที่กั้นไว้

มื้อเที่ยงง่ายๆ ของบ้านกริฟฟิธส์ถูกจัดการหมดภายในเวลารวดเร็วพอดีกับที่อัลเบิร์ตมารับคุณชายของตนพอดี ลียอนทำหน้าหงอยชัดเจนเมื่อรู้ว่าถึงเวลาจะต้องแยกจากคุณหมอรูปหล่อแล้ว

“ก็พาพี่เที่ยวสิ” ทิวากานต์อดยกมือลูบหัวเจ้าลูกลิงไม่ได้ เคยบอกหรือยังว่าเขาแพ้คนหน้าตาดีเห็นแล้วอดตามใจไม่ได้เลย ยิ่งมาเกาะแขนอ้อนนะอยากได้อะไรบอกมาป๋าจัดให้หมด

“ผมอยากพาคุณหมอเที่ยวให้ทั่วเกาะเลยนะ แต่ว่าช่วงนี้มีงานถ่ายซีรีส์แทบทุกวัน”

คุณหมอฉีกยิ้มกว้างกับประโยคหงอยๆ จากคนน่ารัก มือหนาลูบผมสีทองเส้นเล็กของอีกคนทันทีเป็นปฏิกิริยาอัตโนมัติ “พี่อยู่นี่อีกตั้งหลายวันไม่ได้จะกลับวันนี้แล้วเสียหน่อย ถ้าเธอไม่ยุ่งเกินไปเราคงได้เจอกันอีก”

“จริงนะครับ”

“จริงสิ” พยักหน้าเป็นการยืนยันอีกที รอยยิ้มกว้างจนตาหยีจากน้องหกของบ้านกริฟฟิธส์พลันสว่างขึ้นทันที ลียอนเขย่งปลายเท้าให้ใบหน้าสูงเท่ากับแก้มคร้านของคุณหมอแล้วจัดการหอมฟอดใหญ่แทนคำขอบคุณ

“คุณหมอน่ารักจัง”

ไอ้ตัวแสบมองภาพตรงหน้าแล้วเบะปากสะพายเป้ขึ้นไหล่กระโดดขึ้นเบาะหลังรถเบนท์ลีย์ มูซานสีดำที่อัลเบิร์ตขับมารับ ทำทีเป็นไม่สนใจทิวากานต์ที่ยังโบกมือร่ำลากันกับลียอนไม่เลิก เกือบนาทีร่างสูงใหญ่ของหนุ่มวัยสามสิบถึงได้ก้าวตามคนเด็กกว่าขึ้นรถหรู

หากยังไม่ทันได้ไปไหนไกลเสียงเคาะกระจกก็ดังขึ้นเรียกผู้โดยสารด้านหลังสองคนให้หันไปหาต้นตอ โธมัสยืนอยู่ฝั่งอลันด์ทำมือบอกให้อีกฝ่ายลดกระจกรถลง เด็กหนุ่มดูลังเลเล็กน้อยแต่เพื่อไม่ให้ผิดสังเกตจึงยอมลดกระจกลง หนุ่มผมทองฉีกยิ้มก่อนชะโงกหน้าเข้ามาด้านใน ตาสีน้ำเงินเข้มมองอลันด์ที่ย่นคอหนีเขาไปได้ไม่ไกลเพราะติดเบาะก่อนจงใจโน้มใบหน้าลงจูบมุมปากเพื่อนซี้แนบแน่น “เจอกันวันพฤหัสนี้นะ ฉันมีอะไรจะเซอร์ไพรส์นาย”

ตาสีซีดเหลือบขึ้นมองคนพูดหวาดๆ ในหัวพยายามนึกว่าวันพฤหัสที่จะนี้มีอะไรที่โธมัสจะเซอร์ไพรส์เขาได้แต่ก็นึกไม่ออก พฤหัสนี้มีงานโปโลการกุศลซึ่งครอบครัวโอเนลล์และกริฟฟิธส์ได้รับเชิญเช่นเดียวกับครอบครับสเปนเซอร์ของเจมส์ เพราะงั้น... “คงไม่ได้คิดจะทำตัวเป็นคู่แข่งเจมส์ใช่ไหม”

“คอยดูแล้วกัน” อลันด์จ้องหน้าหล่อๆ ของหมาตัวโตที่ยิ้มจนตาปิดถอยกลับไปก่อนปิดกระจกลงเหมือนเดิม คิ้วสวยขมวดเข้าหากันน้อยๆ จนในที่สุดริมฝีปากหยักก็หลุดรอยยิ้มออกมาเพราะเพื่อนรักได้เป็นครั้งแรกของวัน

“stupid”

“มีอะไรหรือไง”

คนเด็กกว่าเลิกคิ้วขึ้นกวนๆ ไม่ตอบแล้วยังหันมาถามกลับ “ด็อกคิดว่านักรักบี้จะทำได้ดีแค่ไหนบนหลังม้า”

ทิวากานต์พยายามคิดตามในสิ่งที่อีกคนถาม แต่ดูเหมือนเจ้าตัวเองก็ไม่ได้ต้องการคำตอบจริงจังเพราะอลันด์ปรับเบาะให้เอนไปด้านหลังเตรียมนอนเรียบร้อยแล้วตอนที่เครื่องยนต์ทะยานออกจากคฤหาสน์ตระกูลกริฟฟิธส์

คุณหมอส่ายหน้าพลางพ่นลมหายใจ เด็กพวกนี้อารมณ์แปรปรวนกันเสียจริง เมื่อคืนยังตีกันแทบตายตอนนี้กลับจูบปากคุยเล่นกันได้แล้ว (อดจั๊กจี้ไม่ได้ที่เห็นผู้ชายจูบกันต่อหน้าต่อตา แต่เห็นคนอื่นแม้กระทั่งอัลเบิร์ตยังเฉยเลยคิดว่าคงเป็นเรื่องปกติของเพื่อนรักคู่นี้) เขาถามอัลเบิร์ตว่าอีกนานไหมกว่าจะถึง เมื่อได้คำตอบว่าประมาณสี่สิบนาทีเขาก็ปรับเบาะของีบเอาแรงตามเด็กแสบไปอีกคน

.
.
.

อัลเบิร์ตแจ้งแก่พวกเขาสองคนว่ามิสเตอร์เอเดลมาร์ โอเนลล์หรือพ่อของเด็กแสบได้จองดินเนอร์ไว้ที่ภัตตาคารกอร์ดอน แรมซีย์ตอนหนึ่งทุ่มตรงเพื่อเป็นการต้อนรับคุณหมอทิวากานต์ ฉะนั้นช่วงเวลานี้ขอให้พักผ่อนเต็มที่และระหว่างนี้หากประสงค์สิ่งใดให้ร้องขอกับสาวใช้ที่เดินอยู่ทั่วบ้านได้ทันที

ส่วนอลันด์ก็ไม่ได้ทำหน้าที่ลูกชายเจ้าของบ้านที่ดีเท่าไหร่ เจ้าตัวไม่สนใจจะพาแขกทัวร์บ้านด้วยซ้ำเอาแต่เดินจ้ำขึ้นบันไดเวียนหินอ่อนขึ้นข้างบน แต่คงกลัวคุณหมอจะเบื่อเลยกวักมือเรียกชวนไปนั่งเล่นที่ห้อง

ห้องนอนเด็กแสบมีขนาดพอๆ กับห้องเขาที่กรุงเทพ มีเตียงเดี่ยวขนาดสามฟุตครึ่งหลังหนึ่งตั้งอยู่มุมในสุดชิดผนังห้อง พื้นที่ที่เหลือเต็มไปด้วยตู้หนังสือ กีตาร์ กีตาร์ แล้วก็กีตาร์ อ้อ มีกลองชุดด้วยอีกตัวมุมห้องตรงข้ามกับเตียง ผนังห้องมีโปสเตอร์นักบอลเชลซีประปราย แต่ที่เยอะสุดคงเป็นโปสเตอร์นักดนตรีที่มีทั้ง Oasis The Beatles Kasabian แปะเต็มไปหมด เว้นบนหัวเตียงไว้ให้รูปถ่ายขนาด 4x6 แปะอยู่สี่ห้ารูป

“หาที่นั่งตามสบาย” เมื่อเจ้าของห้องว่าอย่างนั้นคุณหมอเลยวิสาสะกระโดดขึ้นไปนั่งเอนหลังพิงกำแพงบนเตียงข้างอลันด์ที่ปีนขึ้นนั่งก่อนหน้า เด็กตัวเท่าไหล่นั่งคุกเข่าจัดการรวบเปิดผ้าม่านให้แสงแดดที่หาได้ยากส่องเข้ามาในห้อง พอห้องสว่างขึ้นทิวากานต์จึงได้เห็นโทนสีในห้องชัดขึ้น

“ห้องนี้เก็บเสียงหรือเปล่า”

“แน่นอน” ไม่ทันไรกีตาร์โปร่งตัวหนึ่งก็วางบนตัก “ตอนแรกจะขอห้องว่างชั้นบนสุดทำเป็นห้องซ้อมดนตรี แต่มัมไม่ให้ต้องเก็บไว้รับแขก ก็นะบ้านนี้มีแค่สี่ห้องนอนเองนี่”

ทิวากานต์พยักหน้ารับอือออไปตามเรื่อง เขามองนู่นมองนี่แล้วหลับตาฟังเด็กแสบข้างตัวดีดกีตาร์ไปเรื่อย จนรู้สึกถึงอะไรนุ่มๆ หนักๆ บนหน้าขาถึงลืมตาขึ้นมอง เจ้าแมวลายวัวตัวเดียวกับที่เขาเห็นเมื่อวันแรกที่มาบ้านหลังนี้กำลังใช้ตาสีเหลืองจ้องเขาเขม็ง มันย่ำเท้าผ่านตักเขาไปหาอลันด์ใช้หัวกลมๆ ถูไถกับข้อศอกอีกคนราวอ้อนให้เล่นด้วย

อลันด์วางกีตาร์ลง อุ้มเจ้าแมวตัวอ้วนขึ้นนั่งบนตักเกาคางมันเบาๆ คนที่มักตีหน้าเฉยฉีกยิ้มกว้างก้มหน้าลงแตะจมูกกับเจ้าเหมียวส่งเสียงงุ้งงิ้งทักทายอยู่ในโลกส่วนตัวกันสองคน

“คิดถึงฉันละสิ”

ม้าววว...

“นี่เพื่อนใหม่ฉัน ด็อกเตอร์วา” แมวลายวัวถูกอุ้มตัวลอยมาตรงหน้าคุณหมอ มันมองหน้าหล่อๆ เขม็งก่อนสะบัดไปทางอื่น “มิวมิวเหมือนจะไม่ชอบหน้าด็อกเท่าไหร่นะ”

คนถูกแมวเมินหน้ายุ่ง อยากเบิ๊ดกะโหลกแมวอ้วนสักทีแต่กลัวถูกเตะออกจากบ้าน ทิวากานต์ได้แต่นั่งฮึดฮัดดูเด็กแสบเล่นกับแมวชื่อยี่ห้อเสื้อผ้าแบนด์หรู อลันด์ปล่อยมิวมิวลงบนตักตามเดิมมันก็ทิ้งตัวนอนแหมะอยู่อย่างนั้นไม่ลุกไปไหนประหนึ่งจะจองที่ตรงนี้ไว้เป็นของมันตัวเดียวห้ามเจ้านายเอากีตาร์ขึ้นมาวางเด็ดขาด เจ้านายก็เอาใจไล้ปลายนิ้วลูบขนนุ่มๆ ตรงช่วงท้องแทนการเกากีตาร์

“ด็อกเชื่อไหม มิวมิวอายุเท่ากับมาร์ตินเลยนะ”

“หืม? แก่แล้วนะเนี่ย” เขาแตะนิ้วที่ปลายคางมันก่อนลากตามแนวขนลงไปที่ช่วงท้อง ลูบเอาใจแมวไปมาหวังให้มันยอมรับเขาเป็นทาสอีกสักคนก็ชนเข้ากับมือของอลันด์ที่วางอยู่บนพุงแมวพอดี

“มือด็อกนุ่มจัง” ทิวากานต์เงยหน้ามองคนพูด หากอลันด์ก้มลงมองมือเขาด้วยความสนใจ ตาสีซีดฉายแววใคร่รู้ชัดเจน เด็กหนุ่มจับมือเขาพลิกหงายไล้ปลายนิ้วลูบสำรวจไปมา “นุ่มเหมือนขนมิวมิวเลย”

“ใครจะไปมือสากแบบเธอ” ทิวากานต์ว่าออกแรงหน่อยก็กลับเป็นฝ่ายจับมืออีกคนหงายแล้วลูบส่วนปลายนิ้วที่ด้านกว่าส่วนอื่นเป็นพิเศษของอลันด์

“ดีดกีตาร์จะให้มือนุ่มนิ่มเป็นผู้หญิงแบบนี้ได้ยังไงกัน ด็อกนั่นแหละแปลก ขนาดลียอนมือยังไม่นิ่มแบบนี้เลย” ฟังประโยคนั้นแล้วเขาก็หัวเราะ ริมฝีปากบางขยับเอ่ยคำพูดอธิบายให้คนเด็กกว่าฟัง

“สิ่งสำคัญของศัลยแพทย์อย่างแรกๆ ก็คือมือนี่แหละ เราใช้มือทำหลายอย่างเพื่อช่วยชีวิตคน” ว่าที่ศัลยแพทย์ทรวงอกจับข้อมืออีกคนเข้ามาใกล้ แตะปลายนิ้วตรงกลางฝ่ามือก่อนลากไล่ขึ้นไปถึงข้อมือใต้แขนเสื้อเชิ้ตตัวโคร่ง กดย้ำเบาๆ ตรงจุดชีพจร “หลายครั้งต้องใช้มือสัมผัสแทนการมองด้วยตาในการผ่าตัด เพื่อจะรู้สึก...ได้ถึงสิ่งที่วิ่งผ่านปลายนิ้วอยู่ข้างใน”

“แล้วจำเป็นต้องมือนิ่มขนาดนี้เลยหรือไง”

“ความจริงก็เป็นผลพลอยได้ตอนล้างมือก่อนเข้าห้องผ่าตัดน่ะ” ทิวากานต์หัวเราะ นึกถึงตอนที่ต้องทั้งล้างทั้งขัดมือเป็นสิบนาทีเพื่อฆ่าเชื้อ “อีกอย่างมือเนียนๆ แบบนี้ก็ดี ถ้ามันหยาบเกินไปจะสัมผัสยาก ทุกวินาทีมีค่าเราไม่อยากเสียเวลาไปกับการคลำหานานๆ หรอกเพราะเราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นข้างหน้าบ้าง”

“I see” เด็กฝรั่งพยักหน้าเข้าใจแต่ทิวากานต์ไม่ยอมปล่อยมือเขาออก แถมยังเลื่อนมาจับเต็มสองมืออีกต่างหาก

“สำหรับนักกีตาร์แล้วมือก็สำคัญมากเหมือนกันใช่ไหมล่ะ”

“แน่นอน”

“สิ่งที่ทำให้มนุษย์แตกต่างจากสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ก็คือมือนี่แหละ มันแตกต่างมันทำให้เราทำอะไรได้มากมายเกินกว่าสัตว์ตัวไหนๆ ทำได้ทั้งสร้างและทำลาย แล้วเธอเลือกที่จะใช้มือคู่นี้กับกีตาร์ทำสิ่งไหน เคยถามตัวเองหรือยัง”

อลันด์ส่ายหัวแทนคำตอบ ตาสีซีดจ้องคุณหมอพลางเม้มปากแน่น “ผมแค่อยากถ่ายทอดสิ่งที่ผมพบเจอมาให้คนอื่นได้รู้”

“โอเค แล้วมีความสุขไหม”

“อืม”

“แล้วทำให้ใครรู้สึกแย่หรือเปล่า”

“ไม่ ยกเว้นแด๊ดตอนที่ผมบอกว่าจะออกจากโรงเรียนไปเป็นนักร้อง” เงียบไปพักใหญ่หลังได้ยินคำตอบ ตาต่างสีสองคู่จ้องมองกันเงียบๆ ก่อนเปล่งเสียงหัวเราะออกมาดังลั่นจนเจ้าเหมียวรำคาญ มิวมิวสะบัดก้นลุกหนีจากตักอุ่นไปนอนบนหมอนแทน ผู้ชายสองคนที่เกิดเส้นตื้นขึ้นมากะทันหันเลยหยุดหัวเราะไม่ได้ไปกันใหญ่ กว่าจะหยุดกันได้ท้องแข็งน้ำตาเล็ดทั้งคู่

ทิวากานต์กระแอมในคอเบาๆ เรียกสติกลับตัว ตาเรียวคมฉ่ำน้ำจากการหัวเราะมากเกินไป “ฉันเชื่อว่าถ้าสิ่งที่ทำมันไม่ไปเดือดร้อนใครนั่นถือว่าเป็นการสร้างแล้ว” มือใหญ่กว่าจับมืออลันด์คว่ำลง ลูบหลังมือเบาๆ “มือเธอสวยนะ... รักษามือคู่นี้ไว้ดีๆ ล่ะ”

“แน่นอนอยู่แล้วน่า”

“แล้วนี่ไปเอาเสื้อใครมาใส่ อย่างกับเด็กแอบเอาเสื้อพ่อมาเล่นงั้นแหละ” คุณหมอแกล้งกระตุกปลายแขนเสื้อที่ถูกพับขึ้นไปสองทบ ปกเสื้อที่ติดกระดุมถึงคอเลยรั้งตามลงมา เหมือนจะตาฝาดเห็นรอยอะไรม่วงๆ บนลำคอขาว

“เสื้อทอม”

“โฮ่ งั้นเรอะ ว่าแต่เมื่อคืนเคลียร์กันยังไงล่ะ แน่ใจนะว่าไม่มีตุ้บตั้บกันอ่ะ”

เด็กฝรั่งส่ายหน้าหวือผมกระจาย ตุ้บตั้บอ่ะไม่มีแต่ฟัดกันอ่ะไม่แน่

“ปกติทะเลาะกันแบบนี้บ่อยหรือเปล่า”

“ไม่”

“น่าอยู่หรอก ดูเอาอกเอาใจกันจะตาย” อย่างกับสามีภรรยาแบบที่ฝาแฝดพูดเด๊ะ ทิวากานต์เบะปาก ปล่อยมืออลันด์ทิ้งแล้วถอยกลับไปนั่งพิงกำแพงเหมือนเดิม ตาคมดุมองตาสีซีดเหลือบมองที่ตัวเองเล็กน้อยก่อนเจ้าของจะหยิบกีตาร์ขึ้นมาวางบนตักอีกครั้ง

เสียงกีตาร์ดังขึ้นเบาๆ ท่ามกลางแสงแดดของฤดูร้อนที่ส่องผ่านหน้าต่างเข้ามา เขาจ้องท้ายทอยอลันด์ดูเจ้าเด็กแสบตั้งหน้าตั้งตาซ้อมดนตรีฆ่าเวลาไปเรื่อย ทุกโน้ตที่ปล่อยออกมาช่างเต็มไปด้วยอารมณ์ ทั้งอ่อนหวาน ดุดัน และเกรี้ยวกราดตามแต่ที่บทเพลงจะนำพา อลันด์มีพรสวรรค์ด้านนี้อย่างเห็นได้ชัดน่าเสียดายที่มีอุปสรรคเยอะเหลือเกิน ไม่อย่างนั้นป่านนี้เจ้าตัวอาจได้ไปโลดแล่นอยู่บนเวทีใหญ่แล้วก็เป็นได้

เขานั่งฟังอลันด์ดีดกีตาร์ร้องเพลงไป ตาก็มองหลังคอขาวๆ ไป คอขาวจั๊วะเหมือนน้ำนม มองไปมองมาชักรู้สึกว่าน่ากัดให้จมเขี้ยว... เดี๋ยวนะ “คอไปโดนอะไรมาน่ะ”

เพียงแค่ทิวากานต์ทักขึ้นมาเรียบๆ ประโยคเดียวจะทำให้เด็กแสบปล่อยกีตาร์ยกมือขึ้นมาปิดท้ายทอยหมับ คุณหมอขมวดคิ้วเมื่อจับความผิดปกติของไอ้ตัวแสบได้ เขามองอีกคนหันหลังเล่นกีตาร์ให้ฟังมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว จ้องท้ายทอยอีกฝ่ายจนแน่ใจว่ามันมีรอยม่วงช้ำๆ ซ่อนอยู่ใต้ไรผมกับปกคอเสื้อจริงไม่ได้ตาฝาดไปเองถึงได้ทักขึ้นมา

“มะ ไม่มี ไม่มีอะไร nothing at all”

“ไม่มีอะไรได้ไง มันอยู่ข้างหลังเธอเลยไม่เห็นน่ะสิ ช้ำขนาดนี้ไม่เจ็บเลยหรือไง” พูดจบปุ๊บทิวากานต์ก็อาศัยช่วงแขนยาวเอื้อมไปเกี่ยวหลังคอเสื้อลงจนเห็นรอยกัดรอยขบเต็มต้นคอ เขาถึงกับผงะเพราะอลันด์ขาวมากมันเลยขึ้นเป็นรอยช้ำเลือดทั้งม่วงทั้งเขียวน่ากลัว หนำซ้ำบางรอยยังมีเลือดซึมออกมาอยู่เลย

อลันด์ดิ้นปัดๆ จะดึงเสื้อไม่ให้อีกคนเห็นก็ไม่ทันแล้ว แถมยังถูกคุณหมอจับหันมาปลดกระดุมเม็ดบนจนเห็นรอยกัดที่โธมัสฝากไว้เต็มแผ่นอกอีก เด็กหนุ่มได้ยินคุณหมอร้องเฮือกออกมาเหมือนคนจะเป็นลม หัวกลมๆ หดคอฉับเมื่อหางตาเห็นคุณหมอยกมือขึ้น

“เจ็บมากไหม”

เด็กหนุ่มกระพริบตาช้าๆ มองคุณหมอใช้ปลายนิ้วแตะรอยกัดบนไหปลาร้าเขาเบาๆ ทิวากานต์ทำหน้าทำตาเจ็บปวดเหมือนเป็นคนโดนกัดเสียเอง จู่ๆ ก็รู้สึกตื้อขึ้นมาในอก พอจ้องกับตาคมดุที่ทอดมองมาเหมือนจะร้องไห้ผมสีน้ำตาลอ่อนจึงสะบัดกระจายแทนการปฏิเสธ

ทิวากานต์เงียบไป เสื้อสเวตเตอร์ที่ใช้คลุมไหล่ถูกโยนทิ้งไว้ข้างเตียง ชายหนุ่มเม้มปากแน่นและกัดริมฝีปากล่างแน่นขึ้นทุกทีที่แกะกระดุมเสื้อเชิ้ตออกเผยให้เห็นผิวเนื้อขาวใสเปรอะเปื้อนไปด้วยรอยช้ำและรอยฟัน เห็นแค่นี้ก็รู้แล้วว่าเกิดจากอะไร คำถามที่เอ่ยออกไปจึงเรียบนิ่งเหมือนรอบางอย่างมาใช้ประกอบการตัดสินใจ

“ทอมใช่ไหม”

หัวกลมๆ พยักขึ้นลงแทนคำตอบ

“เต็มใจหรือเปล่า”

อลันด์พยักหน้าแล้วก็ส่ายหน้า ทำแบบนี้ซ้ำๆ อยู่สองสามครั้งจนทิวากานต์ต้องจับประคองสองแก้มไว้ในอุ้งมือ หัวแม่มือลูบผิวเนื้ออุ่นนิ่มเบาๆ ราวปลอบประโลม

“ถามอีกที เจ็บไหม”

“เจ็บ”

“งั้นไปเอายามา เดี๋ยวทำแผลให้”



TBC

โหดร้ายมากนะคะบอกว่าหมอวาเป็นคุณลุงพาหลานมาเที่ยว
เฮียแกเพิ่งสามสิบเองนะกำลังน่ากินเลย ฮ่าๆๆๆ
ส่วนคนที่คิดถึงพ่อเฮนรี่ที่สามคงต้องบอกว่าตอนหน้าได้เจอแน่ค่ะ
แต่...พระรองเรื่องนี้มีสถานะเป็นตัวประกอบนะคะ อุ๊ปส์

ขอบคุณทุกความคิดเห็นและคนที่เข้ามาอ่านนะคะ
แล้วเจอกันค่า ^^

ปล. ถ้าอยากรู้ว่างานกลาสตันเบอรี่ที่เด็กๆ และลุงวาไปดูกันเป็นยังไง จิ้ม (https://www.youtube.com/watch?v=8ceX4eLbXK0) ได้เลยค่า

ปล. 2 เราใส่เป็นคลิปไม่เป็น ใครรู้วิธีใส่ช่วยกระซิบมาบอกจะเป็นพระคุณมากค่ะ *กราบ*
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 08 [10.10.15]
เริ่มหัวข้อโดย: coupdetat ที่ 10-10-2015 22:35:54
เด็กอวบบบบบบทำไมใจง่ายอย่างนี้ล่ะลูกกกกก
ลุ้นต่อไปว่าเมื่อไหร่หมดกับเด็กจะสปาร์คกัน
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 08 [10.10.15]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 10-10-2015 22:41:16
อ่า เพื่อนกันเขาเล่นกันยังงี้เลยเหรอ นี่ขนาดบอกว่าไม่ได้เป็นเกย์ทั้งสองฝ่ายอะนะ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 08 [10.10.15]
เริ่มหัวข้อโดย: kyungploy ที่ 10-10-2015 22:59:31
คุณหมออ่อนโยนจังเลย ฮื่ออ
เริ่มสปาร์คกันทีละนิดแล้ว
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 08 [10.10.15]
เริ่มหัวข้อโดย: princessrain ที่ 10-10-2015 23:18:35
อ่านซีนเข้าพระของ ทอม-อัล แล้วยกมือทาบอกเลยค่ะ
ตกใจมาก นึกว่าเปลี่ยนพระเอก เป็นเด็กหนุ่ม
เพราะพระเอกตัวจริงอายุเยอะไปหน่อย อาจจะหมดไฟแล้ว 555555555

สนุกมากเลยยยย แบบทุกรายละเอียดดูสมจริงไปหมด
ชอบนิยายแบบนี้มาก แบบที่ได้สัมผัสไปพร้อมกับตัวละคร

รอตอนต่อไปอย่างใจจดจ่อมากๆค่ะ
ปล. แต่งจบแล้วลงวันละตอนเลยตัวเอง นี้มโนจนเหนื่อยว่าลุงวาจะจีบเด็กยังไง ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 08 [10.10.15]
เริ่มหัวข้อโดย: black sakura ที่ 11-10-2015 11:09:10
หมอวาดูแลเด็กอ้วนดีๆนะ
รู้สึกจะมีคู่แข่งเยอะเกินไปแล้วนะ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 08 [10.10.15]
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 11-10-2015 12:40:59
เข้าใจแล้วว่าทำไมอัลถึงได้โกรธขนาดนั้น
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 08 [10.10.15]
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 11-10-2015 13:02:30
มาต่อเร็วๆน๊าาา

คือบับพี่หมอจะเริ่มเป็นห่วงอัลมากกว่าแต่ก่อนใช่ม๊าาา

หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 08 [10.10.15]
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 11-10-2015 14:41:21
คือ ฟัดกันขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย  :o แบบนี้มันเกินเพื่อนไปไกลแล้วน้าา

เมื่อไหร่อัลกับหมอวาจะต่อสัญญาณกันติด
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 08 [10.10.15]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 11-10-2015 14:49:57
ช็อกแปป
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 08 [10.10.15]
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 11-10-2015 16:41:50
 :-[
หัวข้อ: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 09 [14.10.15]
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 14-10-2015 17:27:06
TRACK 09



มิสเตอร์เอเดลมาร์ โอเนลล์ พ่อของอลันด์เป็นชาวอังกฤษแท้วัยห้าสิบสอง สูงหกฟุต ไหล่กว้าง ตาสีฟ้าอ่อน ใบหน้าคมสันมีรอยเหี่ยวย่นเล็กน้อยเพิ่มความภูมิฐาน ผมสีเดียวกับลูกชายเริ่มมีสีขาวแซม โดยรวมแล้วจัดได้ว่าดูดีมากและมีบรรยากาศรอบตัวบางอย่างให้ต้องรู้สึกเกรงใจบวกกับสิ่งที่เคยได้ยินจากปากอลันด์ทำให้คนที่เพิ่งเคยเจออย่างทิวากานต์เกร็ง

คุณหมอวัยสามสิบปั้นหน้ายิ้มประจบขณะเอื้อมมือจับทักทายกับเจ้าของบ้านที่ใจดีให้เขาพักฟรีๆ ตลอดทริปพักร้อน แนะนำตัวคร่าวๆ แล้วค่อยถูกเชิญให้นั่งลง

“ได้ยินจากปากอลิสามาหลายหนว่าเป็นคนที่พึ่งพาได้ก็อยากเจอตัวมาตลอด วันนี้ได้เจอแล้วไม่ผิดหวังเลยจริงๆ ผมต้องขอบคุณคุณหมอมากที่ช่วยดูแลเจ้าเด็กนี่ให้ช่วงอยู่ที่กรุงเทพ”

“ไม่เป็นไรครับ ความจริงแล้วผมก็ไม่ได้ดูแลเขาสักเท่าไหร่ อลันด์โตแล้วเขาดูแลตัวเองได้แทบไม่ต้องพึ่งผมเลย”

ร่างสูงนั่งลงบนเก้าอี้ที่บริกรดึงให้ หางตาเหลือบมองคนในบทสนทนานั่งนิ่งให้บริกรอีกคนคลี่ผ้าเช็ดปากวางบนตัก ใบหน้าเรียบเฉยหันไปหาคนเป็นพ่อเบะปากให้เหมือนเด็กงอแง

“ผมสิบแปดแล้ว” อลันด์แย้ง “หาเงินเองได้แล้วด้วย”

“ถ้าลูกยังต้องให้แด๊ดจ่ายค่าเทอมให้ลูกก็ยังเด็กอยู่ดีจ้ะ” มาดามโอเนลล์พูดมาจากอีกฟากโต๊ะอาหาร วันนี้เธออยู่ในชุดเดรสสีส้มดำเพนท์ลายรถม้าของแอร์เมส ผมสีดำถูกรวบเป็นมวยอยู่ด้านหลัง

“ก็แค่ค่าเทอม”

“ค่าห้องพัก ค่าน้ำ ค่าไฟ ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่คุณตาช่วยจ่ายให้” คนเด็กสุดบนโต๊ะต้องหุบปากฉับเมื่อถูกแด๊ดดี้สาธยายค่าใช้จ่ายทั้งหลายออกมา ตาสีฟ้าซีดตวัดมองคนเป็นพ่อเคืองๆ

ตอนแรกทิวากานต์นึกว่าสองพ่อลูกจะเริ่มตีกันเสียแล้วเพราะจากคำบอกเล่าดูเหมือนอลันด์จะไม่ค่อยชอบพ่อตัวเองเท่าไหร่ที่ห้ามไม่ให้เป็นนักร้อง แต่พอเห็นเอเดลมาร์หยิกแก้มอิ่มของลูกชายแล้วยิ้มเอาใจให้เป็นต้องรีบเปลี่ยนความคิด

มื้ออาหารค่ำไม่น่ากลัวอย่างที่คิดและสนุกเกินคาด มิสเตอร์เอเดลมาร์เป็นนักธุรกิจที่มีอารมณ์อย่างที่เรียกได้ว่าตลกร้าย เป็นสุภาพบุรุษอังกฤษที่ทำงานหนักแต่ไม่ลืมทุ่มเทเวลาให้ครอบครัวเท่าๆ กัน หลายครั้งคุณหมอจะเห็นภาพการหยอกล้อของคู่พ่อลูกอันเป็นภาพประกอบของครอบครัวสุขสันต์ที่สมบูรณ์ แต่พอมาคิดว่าถ้าต้องมาทำอะไรแบบนี้กับวิคเตอร์ละก็...ทิวากานต์ขออยู่คนเดียวแบบนี้ดีกว่า

หลังจบมื้ออาหาร มิสเตอร์และมาดามโอเนลล์จะแยกขึ้นรถไปอีกคัน เจ้าตัวแสบทำหน้าที่ลูกที่ดีอยู่ส่งพ่อแม่ เขาช่วยคลี่ผ้าคลุมไหล่ห่มให้มาดามโอเนลล์และเอียงแก้มให้แม่จูบแบบลูกที่น่ารักในหนังสือ

“เจอกันที่บ้านนะฮันนี่” เอเดลมาร์คล้องผ้าคลุมไหล่ให้ลูกชาย ไม่ลืมหอมแก้มราวอีกฝ่ายเป็นเด็กเล็กๆ ฝากฝังอลันด์กับทิวากานต์อีกเล็กน้อยถึงยอมขึ้นรถตามมาดามโอเนลล์ไป ทำเหมือนจะไม่ได้เจอกันอีกหลายปีทั้งที่มีจุดหมายปลายทางเป็นบ้านหลังเดียวกันแท้ๆ

พวกเขายืนรอส่งจนท้ายรถโรลส์-รอยซ์ลับสายตา เท่านั้นเสียงถอนหายใจก็ดังขึ้นจากปากคุณหมอทันที “ฉันนึกว่าพ่อเธอจะน่ากลัวกว่านี้เสียอีก”

“หืม?”

“ก็เธอบอกว่าเขาขัดขวางไม่อยากให้เป็นนักร้อง เลยคิดว่าจะเป็นพวกหัวโบราณน่ะสิ”

“ถ้าแด๊ดผมน่ากลัว แด๊ดทอมก็ปีศาจดีๆ นี่แหละ” มือเรียวจัดการกระชับผ้าคลุมไหล่แน่นขึ้นเมื่อมีลมวูบมา ปลายจมูกโด่งขยับฟุดฟิด “เหมือนฝนจะตก รีบกลับบ้านเถอะ พรุ่งนี้ด็อกจะออกไปดูมหาวิทยาลัยแต่เช้าไม่ใช่เหรอ”

“อ่าฮะ” ตาคมมองโรลส์-รอยซ์อีกคันที่เพิ่งมาจอดเทียบตรงหน้าไม่ใช่เบนท์ลีย์คันเดิมกับที่นั่งขามาพร้อมพ่อบ้านคนที่เขาไม่คุ้นหน้าลงมาเปิดประตูรถให้ ทิวากานต์รอให้อลันด์ขึ้นไปก่อนเขาถึงก้าวตามขึ้นไป เมื่อทุกคนพร้อมรถก็เริ่มขับเคลื่อนอีกครั้ง ยังไม่ทันพ้นไฟแดงตรงหน้าเม็ดฝนก็ตกกระทบหน้าต่างรถแล้ว

พวกเขาจมเข้าโลกส่วนตัวของตนเองมาตลอดทางจากเชลซีถึงเมย์แฟร์ เพราะฝนตกจึงจำเป็นต้องเข้าไปที่โรงจอดรถ ทิวากานต์เลยได้โอกาสสำรวจบ้านหลังนี้อีกครั้งด้วยการเดินตามอลันด์จากโรงจอดรถเข้ามาห้องครัวด้านหลังแล้วไปโผล่ที่ห้องทานอาหาร ก่อนทะลุมาห้องนั่งเล่นขึ้นบันไดเวียนและแยกย้ายกันไปเมื่อถึงห้องของทิวากานต์

อลันด์ถอนหายใจเฮือกใหญ่หลังแยกจากคุณหมอเข้าห้องตัวเองได้สักพัก เขาถอดผ้าคลุมไหล่โยนลงตะกร้า ถอดสูทใส่ไม้แขวนเก็บไว้ในตู้ตามเดิมก่อนเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอน ตาสีซีดมองรอยแผลกับรอยช้ำบนร่างกายตัวเอง รอยยาที่แต้มไว้เด่นชัด แผลบางอันเริ่มตกสะเก็ด เขานึกไปถึงตัวการจนคำพูดคุณหมอที่บอกกับเขาตอนทำแผลเหล่านี้ให้

‘ไม่มีใครทำร้ายคนที่เรารักได้ลงหรอก’

ปลายนิ้วเรียวเลื่อนแตะรอยแผลตามต้นคอ มันไม่เจ็บแล้วแต่ในใจกลับปวดจี๊ดไม่รู้สาเหตุ ถ้าที่ด็อกพูดเป็นเรื่องจริงทอมคงไม่รักเขาหรอก ไม่งั้นจะทำร้ายเขาถึงขนาดนี้เหรอ

เดินออกมาจากห้องแต่งตัว ยังไม่ทันได้นั่งบนเตียงเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นมาก่อน คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันว่าใครมาเคาะประตูหาเอาตอนนี้แต่ยอมเดินไปเปิดประตูให้อยู่ดี ยังเดินไม่ถึงกลางห้องเจ้ามิวมิวก็ลอดประตูเล็กข้างล่างเข้ามาคงขอนอนด้วยเหมือนเคย สองมือจับคอฮู้ดเสื้อแขนยาวปิดแถวต้นคอไว้ก่อนเปิดประตูออกไป

ทิวากานต์ยืนตัวสูงให้ต้องแหงนคอมองอยู่ข้างหน้าในมือถือแก้วใส่น้ำแข็งไว้ เด็กหนุ่มเบี่ยงตัวให้อีกคนเข้ามาในห้องเมื่อน้ำเสียงทุ้มต่ำบอกให้หลบ เขามองคุณหมอวางแก้วบนโต๊ะเขียนหนังสือข้างหัวนอน ใช้เท้าเขี่ยพุงแมวที่เข้ามาก่อน บ่นงึมงำเป็นคนแก่ พอปิดประตูก็ถูกเรียกไปนั่งบนเตียงทำเหมือนเป็นเจ้าของห้องเสียเอง

“จะทำอะไร”

“ถอดเสื้อแล้วนั่งเฉยๆ ซะ จะประคบเย็นให้ แล้วก็กินยานี่ด้วยคืนนี้จะได้ไม่ปวดมาก”

เขากระพริบตามองอีกคนปริบๆ แล้วยอมถอดเสื้อลงไปนั่งให้อีกคนประคบรอยช้ำไม่ปริปากบ่น พอทิวากานต์ส่งยาให้ก็รับมากลืนลงคอโดยดี ไม่รู้จะตั้งแง่อิดออดไปทำไมในเมื่ออีกคนดีกับเขาเสียขนาดนี้

แปลกดีเหมือนกันพวกเขาไม่ได้สนิทกันขนาดรู้เรื่องของอีกฝ่ายไปทุกเรื่องรู้จักกันได้ไม่เท่าไหร่เริ่มต้นก็ไม่ประทับใจแล้ว แต่ผู้ชายคนนี้ทำอะไรให้เขาตั้งหลายอย่างทั้งหาห้องซ้อมให้ คอยถามไถ่ความเป็นอยู่ ไปรับไปส่ง ช่วยติวหนังสือ แล้วตอนนี้ก็ยังมาทำแผลน่ากลัวๆ พวกนี้ให้อีก

พาลนึกไปถึงตอนบ่ายหลังจากทิวากานต์บอกให้ไปเอายามาทำแผล เขาได้แต่นั่งนิ่งๆ เปลือยท่อนบนให้ผู้ชายวัยสามสิบแตะยาให้ตามรอยกัดที่โธมัสทำทิ้งไว้ คิ้วเข้มเป็นปื้นของคุณหมอขมวดเข้าหากันทุกครั้งที่ย้ายแผลจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่งกว่าจะหมดแผลด้านหน้าคิ้วคู่นั้นก็ผูกกันไปเสียแล้ว ไม่ต่างจากตอนนี้ที่กำลังเอาก้อนน้ำแข็งเย็นๆ ห่อผ้าขนหนูผืนเล็กประคบตามตัวเขาเลย

“ให้กินยาดักไว้แล้ว คืนนี้คงไม่ปวด พรุ่งนี้ถ้าเป็นไปได้ก็ทำแบบนี้อีก แล้วตอนเย็นถ้ามันเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเขียวค่อยเอาอะไรอุ่นๆ ประคบแทน” ปลายนิ้วนุ่มนิ่มไล้รอยขบกัดบนหลังคอเขาแผ่วเบาจึงค่อยเลื่อนมาแตะหลังใบหู“นี่คงกัดเล่นๆ สินะ ถ้ากัดจริงหูคงหลุดไปแล้ว”

คำพูดคุณหมอเรียกขนอ่อนตามตัวพลันลุกซู่ด้วยความสยองต้องรีบตะบปหูตัวเองไว้ให้รู้ว่ามันยังอยู่กับเขา เท่านั้นทิวากานต์ก็หัวเราะออกมาผ่อนคลายความตึงเครียดไปได้ไม่น้อย

“ทอมคงมันเขี้ยวมากตรงกกหูแผลใหญ่กว่าเพื่อนเลย ระวังอย่าให้โดนน้ำจนกว่าแผลจะแห้งแล้วกัน ไม่จำเป็นอย่าเพิ่งสระผมเดี๋ยวแผลเน่าเป็นหนอง คราวนี้ได้ตัดหูทิ้งจริงแน่”

เด็กฝรั่งเบะปากรับเสื้อแขนยาวจากทิวากานต์มาสวม พอเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นคุณหมอกำลังจ้องรูปบนหัวเตียง

“ฉันไม่อยากพูดมากเพราะถือว่าเป็นคนนอก แต่ในฐานะไม่ว่าจะหมอ เพื่อนบ้าน คนที่แม่เธอฝากฝังไว้ หรือคนที่รู้จักกัน อยากให้รู้ว่าเป็นห่วง” ใบหน้าหล่อเหลาหันกลับมามองคนเด็กกว่าพร้อมสายตาสื่อชัดว่าห่วงใยชัดเจน เขาจับมืออีกคนขึ้นมากุมไว้หลวมๆ ลูบหลังมือเบาๆ แทนการปลอบให้สงบใจ “ไม่ได้ต้องการพูดขู่ให้รู้สึกกลัว แต่รู้หรือเปล่าว่าสิ่งที่ทอมทำมันไม่ปกติ”

อลันด์ส่ายหัว “ปกติก็แบบนี้ คือ...ทอมชอบกัด บางทีก็มันเขี้ยวเกินไป แต่ไม่เคยกัดจนเป็นแผลเยอะขนาดนี้ อีกอย่างทอมก็ตัวใหญ่ เขาคงออมแรงไม่ไหว”

ตาคมก้มลงมองมือที่จับไว้ ฟังคนพูดแก้ตัวให้เพื่อนรักทั้งที่เจ็บขนาดนั้น เจ้าตัวคงไม่รู้แต่เขาที่เป็นคนทำแผลให้เห็นทุกอย่าง ทั้งรอยนิ้วมือตามลำตัวและท่อนแขนไหนจะรอยที่หายต่ำไปตรงขอบกางเกงอีกล่ะ ถึงอลันด์จะบอกว่าไม่ถึงขั้นสอดใส่แต่ก็ไม่ปฏิเสธตอนที่เขาถามว่าโธมัสได้ทำอะไรส่วนล่างบ้างหรือเปล่าและไม่ยอมเปิดให้เขาดูเพื่อทำแผลเด็ดขาด

ทิวากานต์ยอมปล่อยมือจากเด็กหนุ่มดึงสายตากลับมามองรูปบนหัวเตียง เด็กฝรั่งอายุน่าจะสักสี่ห้าขวบสองคนใส่ชุดนักเรียนสวมหมวกแก็ปเดินจูงมือกันหันมายิ้มให้กล้อง อีกรูปเป็นตอนโตขึ้นมาอีกหน่อยเล่นน้ำที่ไหนสักที่ มองปราดเดียวก็เดาได้ว่าเด็กผมทองที่ขี่คอโธมัสอยู่คืออลันด์เพราะตาสีฟ้าซีดกับใบหน้าติดจะมึนๆ รูปตอนขึ้นมัธยมสวมชุดนักเรียนสีกรมท่า บนหัวมีหมวกฟางวางอยู่ รูปที่เหลือก็โตขึ้นมาหน่อย ผมอลันด์กลายเป็นสีน้ำตาลแล้วแต่ยังถ่ายรูปคู่กับโธมัสเหมือนเดิม

เพราะผูกพันธ์มาก รักมาก แคร์มาก ถึงได้ยอมใช่ไหม

“เธออาจคิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย ทอมไม่ได้ตั้งใจ เขายั้งแรงไม่ได้ แค่มาสเตอร์เบชั่นที่รุนแรงนิดหน่อย แต่ในเคสของผู้ป่วยที่ประสบกับ DV (Demestic Violence) ก็มักจะเริ่มต้นจากเรื่องเล็กๆ แบบนี้ เธอรักเขาแคร์เขาเลยบอกว่าไม่เป็นไร มากกว่านี้ก็ให้ได้ถูกไหม”

“ถึงผมรักทอมก็แค่เพื่อน ผมไม่ใช่เกย์”

“แต่เธอยอมให้เขาสัมผัส” อลันด์ปฏิเสธคำพูดของทิวากานต์ไม่ออก “นานเท่าไหร่แล้ว”

“ตั้งแต่สิบห้า”

“เป็นแผลอย่างนี้ทุกครั้งเลยหรือเปล่า”

อลันด์สะบัดผมตัวเองแทนคำตอบ “ไม่เลย... ถึงบางครั้งจะรุนแรงไปบ้างแต่ก็ไม่เคยทิ้งแผลไว้อย่างนี้ มากสุดคงเป็นแค่รอยช้ำตามตัว” เสียงแหบห้าวหยุดไปครู่ “แต่เมื่อคืนทอม...เขาน่ากลัว น่ากลัวมาก ทำเหมือนอยากจะกินผมไปทั้งตัว แต่ผมไม่อยากให้เขาโกรธ ไม่อยากให้เราทะเลาะกันอีก ในเมื่อเขาขอโทษแล้วผมเองไม่ควรจะขัดใจเขา ถ้าผมปฏิเสธเขาอาจลงโทษผมมากกว่านี้ หรือไม่เราคงแตกหักกัน ผมกลัวเราเลิกเป็นเพื่อนกัน”

คงเป็นครั้งแรกที่เด็กหนุ่มลูกครึ่งได้เห็นคนที่ยิ้มได้เศร้าที่สุด ทิวากานต์หันหน้ากลับมาส่งยิ้มแบบนั้นให้เขา “เธอพูดเหมือนคนไข้ที่ฉันเคยเจอ”

ตาคมมองเด็กหนุ่มตรงหน้าเม้มริมฝีปาก ตาสีซีดหลุบตาลงจนเขามองไม่เห็นความคิดในนั้น ทิวากานต์ส่ายหัวค่อยๆ รั้งไหล่อีกคนเข้ามากอด

“ไม่รู้ตัวเลยใช่ไหมว่ารักทอม รักมากกว่าตัวเองอีก”

“ผม...”

เด็กหนอเด็ก...

“ตอนนี้ยังรักตัวเองไม่เป็นก็ไม่เป็นไร แต่อยากให้รู้ไว้ว่ายังมีพ่อแม่ที่รักเธอมาก และฉันเป็นห่วงเธอมากก็พอ”

แม้จะรู้จักกันได้ไม่นานแต่อลันด์มั่นใจว่าผู้ชายคนนี้ปรารถนาดีต่อเขา เหมือนเจอที่ที่สามารถพักพิงได้อย่างสบายใจ ความอบอุ่นที่ถ่ายทอดมาไม่ใช่ของปลอมแน่นอน เขาถึงกล้ากอดตอบกลับแน่นๆ และยอมร้องไห้กับไหล่กว้างของอีกคนอย่างที่ไม่เคยทำกับใครนอกจากพ่อ

“ผมกลัว ด็อก...ผมกลัวทอม”

.
.
.

ทิวากานต์เข้าใจแล้วว่าทำไมทั้งทอมและเจมส์ชอบแกล้งอลันด์ เวลาเด็กนี้ร้องไห้มันน่ารักน่าแกล้งให้ยิ่งร้องแง้ๆ จริงๆ นั่นแหละ หน้าขาวปากหยักแดงจัดทำตาปรอยช้อนมองอ้อนวอนขอร้องให้หยุดรังแก มองยังไง๊ยังไงก็ยิ่งน่าแกล้ง เป็นเด็กที่มีความสามารถพิเศษปลุกพลัง S ในตัวคุณขึ้นมาจริงๆ

เขานั่งพิงหัวเตียงบริจาคหน้าขาให้หนึ่งคนกับหนึ่งแมวนอนหนุน ไล้ปลายนิ้วลูบเส้นผมสีช็อกโกแลตนมไปมากล่อมให้คนเด็กกว่าหลับฝันดี กะว่ารอให้อลันด์หลับลึกอีกนิดค่อยกลับห้องตัวเอง ถ้าเตียงห้องนอนไม่ใช่เตียงเดี่ยวเขาคงขอค้างที่นี่อยู่ปลอบใจเด็กขวัญเสียทั้งคืนแล้ว ความจริงเตียงนี้ออกจะใหญ่สำหรับอลันด์ด้วยซ้ำ แต่พอมีผู้ชายตัวใหญ่แบบเขาเบียดอยู่ด้วยเลยคับแคบไปถนัดตา

ตาคมสำรวจห้องฆ่าเวลาไปเรื่อยจนเห็นว่าเที่ยงคืนแล้ว มือใหญ่จึงตบก้นแมวลายวัวตัวอ้วนให้ลุกจากตัก เขามองมันเดินซึมๆ ไปล้มตัวนอนบนหมอนเรียบร้อยถึงค่อยประคองศีรษะกลมขึ้นจากหน้าขาไปวางบนหมอน จัดท่าทางนอนอีกคนให้สบายตัวที่สุด ห่มผ้าให้ถึงค่อยปิดไฟหัวเตียงแล้วออกจากห้องมา

พอตอนเช้าอลันด์ก็มีสีหน้าสดใสขึ้นมากแม้ตาจะช้ำเป็นหมีแพนด้าก็ตาม เจ้าเด็กตัวอวบเดินลงมาจากชั้นบนพร้อมมิวมิวทักทายแม่บ้านแต่ละคนเสียงใสและเอ่ยขอมื้อเช้าแบบจัดหนักจากแม่ครัว ไม่ลืมบอกให้พวกหล่อนเทอาหารให้แมวรักด้วย

“แล้วเรื่องสอบเป็นยังไงบ้างคะ เห็นอัลบอกว่าคุณหมออ่านหนังสือหนักน่าดูแต่ก็ยังเจียดเวลามาช่วยทบทวนบทเรียนให้” มาดามโอเนลล์ที่วันนี้อยู่ในชุดทำงานเรียบแต่หรูของคริสเตียน ดิออร์เอ่ยขึ้นกลางโต๊ะอาหารเช้า เรียกสายตาจากผู้ชายอีกสองคนให้หันมามองคนถูกถามได้ทันควัน

“เรียบร้อยแล้วครับรอแค่ประกาศผล ดูแล้วไม่น่าจะมีปัญหาอะไรผมเลยบินมาพักผ่อนที่นี่”

“หมอวาเรียนต่อด้านไหนหรือ”

“ศัลยกรรมทรวงอกเน้นด้านหัวใจครับ ที่มานี่ก็ว่าจะมาหาที่เรียนต่อด้วย วันนี้คงได้ไปดู”

“วันนี้คุณหมอเรียกใช้อัลเบิร์ตได้ตามสะดวกเลยนะ อยากไปที่ไหนก็ให้เขาขับรถพาไป”

“ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวผมไปทิวบ์ (tube) เองสะดวกกว่า” ทิวากานต์ปฏิเสธความช่วยเหลือจากเอเดลมาร์ ถ้าต้องไปไหนมาไหนในลอนดอนกับรถที่มีแต่มหาเศรษฐีใช้เป็นได้ถูกจ้องแน่ๆ

“งั้นหรือ แล้วอัลจะไปกับคุณหมอด้วยหรือเปล่า ไหนๆ ช่วงนี้ก็ว่างนี่” เขาหันไปหาลูกชาย มองเด็กตัวอวบจิ้มไส้กรอกเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ พลันดวงตาสีซีดก็หันมองทิวากานต์เหมือนขอความเห็น คุณหมอก็ไม่ได้ช่วยอะไรนอกจากยักไหล่ให้

“ถ้าด็อกอยากให้ไป จะไปเป็นเพื่อนด้วยก็ได้”

สุดท้ายคำถามก็มาตกที่ทิวากานต์อยู่ดี ตอนนี้พวกเขา(หมายถึงทิวากานต์กับอลันด์)จึงกำลังเดินจากบ้านไปสถานีรถไฟใต้ดินกรีนพาร์คเพื่อไปเปลี่ยนขบวนจากสายพิคาดิลลี่เป็นสายเหนือที่สถานีเลสเชสเตอร์ สแควร์ไปลงสถานีวอร์เรนสตรีทที่อยู่ใกล้ยูนิเวอร์ซิตี้ออฟลอนดอนมากที่สุด ฟังดูงงแต่ความจริงคือนั่งแค่สี่สถานีเท่านั้น

พวกเขาใช้เวลาช่วงเช้าในการสอบถามข้อมูลเรื่องเรียนต่อ เดินดูบรรยากาศอันเงียบสงบในช่วงปิดเทอมรอบมหาวิทยาลัย เสร็จแล้วก็หามื้อเที่ยงง่ายๆ กินแถวนั้น อลันด์ดูร่าเริงตอนที่แนะนำร้านนู้นร้านนี้ให้คุณหมอรู้จัก แม้ใบหน้าจะเรียบเฉยตามสไตล์แต่แววตาฉายชัดว่ามีความสุข พอออกจากร้านอาหารทิวากานต์ที่ยังไม่มีแผนจะไปไหนต่อนอกจากเดินเล่นไปเรื่อยก็ถูกเจ้าเด็กตัวเท่าไหล่ชวนนั่งรถเมล์สองชั้นเที่ยวลอนดอน ก่อนจบวันด้วยการเดินทอดน่องที่สวนสาธารณะไฮด์ปาร์คหน้าบ้านเจ้าตัวแสบนั่นเอง

อลันด์บอกว่าตอนนี้กำลังเตรียมตัวสอบใบขับขี่อยู่ แล้วพอกลับไปกรุงเทพฯ รอบนี้เจ้าตัวจะซื้อรถไว้ขับไปไหนมาไหนสักคัน ทิวากานต์ลองแย็บๆ ถามว่าอยากได้แบบไหนเขาจะได้ช่วยหาโชว์รูมรถที่ไว้ใจได้ให้ไอ้ตัวแสบก็บอกว่าอยากได้นิสสัน คิวบ์ เท่านั้นคุณหมอแทบพ่นน้ำที่ดื่มอยู่ออกมา “รถกระเทย!”

“น่าเกลียด เขาเรียกรถส่งนมต่างหาก” ปากหยักยู่เข้าหากันทันทีที่ถูกปรามาสว่ารถในฝันเป็นรถกระเทย

“ก็รถมันกึ่งๆ นี่หว่า ไม่แมนไม่สาว กระเทยชัดๆ” แต่พอเห็นอลันด์ส่งสายตาเคืองๆ กึ่งเสียใจมาให้คุณหมอเลยรีบเปลี่ยนประเด็น “ว่าแต่ทำไมถึงอยากได้รุ่นนี้ล่ะ นึกว่าจะเอาโรลส์-รอยซ์ไม่ก็เบนท์ลีย์ซะอีก”

“รถพวกนั้นมีไว้นั่งไม่ได้มีไว้ขับเองสักหน่อย”

โอเค เขาผิดที่ลืมไปว่าไอ้เด็กนี่มันลูกคุณหนูมีคนขับรถและพ่อบ้านส่วนตัว

“ความจริงก็ชอบมินิ แต่เคยเห็นคนขับคิวบ์ที่นู่นเขาเอากีตาร์ใส่ไว้ข้างหลัง พอเข้าไปดูพวกรีวิวยิ่งชอบอ่ะมีที่ให้ใส่กีตาร์ได้ตั้งเยอะ”

ทิวากานต์พยักหน้าหงึกหงัก ที่แท้ชอบเพราะมีที่ไว้พาลูกรักตะเลงๆ ไปไหนมาไหนด้วย “อืม…ถ้าชอบแบบนั้นจะช่วยหาเกรย์ที่เขานำเข้ามาให้แล้วกัน บวกภาษีไปหน่อยก็เกือบสองล้าน”

“หา? ทำไมในเว็บบอกคันละไม่กี่แสนเองล่ะ”

“พวกนั้นมันจดประกอบไม่ถูกกฎหมาย อันตรายด้วย นำเข้าดีกว่าภาษีสามร้อยเปอร์เซ็นต์ เวลามีปัญหาจะได้ไม่ยุ่งยาก”

“บ้าไปแล้ว ภาษีตั้งสามร้อย ขูดสุดๆ”

“ไปบอกสรรพากรบ้านฉันสิ” เจ้าเด็กแสบทำเสียงฮึดฮัด บ่นงึมงำว่ามัมต้องบ่นแล้วให้เปลี่ยนเป็นคันอื่นที่ราคาเท่ากันแหงๆ

สี่โมงเย็นแล้วแต่ท้องฟ้ายังสว่างจ้าและคงมีแสงสว่างเช่นนี้ไปจนเกือบเที่ยงคืนตามลักษณะที่ตั้งของประเทศนี้ ผู้ชายต่างวัยสองคนเดินเลียบสระน้ำหาเรื่องพูดคุยกันได้ไม่หยุด ยิ่งได้สนทนากันก็ยิ่งรู้จักกันมากขึ้น อลันด์ไม่ใช่ลูกคุณหนูจอมเหวี่ยงที่ทำอะไรไม่เป็น แต่เป็นเด็กผู้ชายธรรมดาที่ออกจะน่าเตะ ชอบเล่นฟุตบอลกับปิงปอง เคยมีแฟนสาวอยู่โรงเรียนหญิงล้วนชื่อดังแต่เลิกกันไปเพราะหล่อนหาว่าอลันด์สนใจกีตาร์มากกว่าเธอหลังจากคบกันได้แค่สามเดือน ผลการเรียนดีพอจะเข้าอ็อกบริจด์1ได้แต่อยากออกจากโรงเรียนตั้งแต่สิบหกไปเป็นนักดนตรีเลยถูกพ่อเตะโด่งให้ไปลองใช้ชีวิตคนเดียวที่กรุงเทพฯ

“ด็อกรู้ไหม วินาทีที่แด๊ดบอกว่าจะให้ไปอยู่คนเดียวที่กรุงเทพผมช็อกพูดไม่ออกไปหลายนาทีเลย เหมือนถูกตัดหางปล่อยวัด แด๊ดไม่รักผมแล้ว โกรธกันเกือบเดือนผมก็ยอมเพราะแด๊ดบอกว่าถ้าอยู่คนเดียวที่ต่างประเทศได้จนเรียนจบแสดงว่าผมเก่งพอโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว หลังจากนั้นจะไปเป็นนักร้องเป็นอะไรแด๊ดก็จะไม่ขวางอีก”

“เขาทำไปเพราะเป็นห่วง แต่ถ้าเป็นแม่ฉันนะอยากทำอะไรก็ทำเถอะ แต่ถ้าทำไม่ได้แล้วซมซานกลับมาจะเยาะเย้ยซ้ำเติมให้อีก”

“เป็นผู้หญิงที่แปลกดีนะ น่าเสียดายที่ไม่มีโอกาสได้เจอ”

“ความจริงถ้าอยากเจอเดี๋ยวพาไปหาที่สุสานก็ได้นะ ฮ่าๆๆๆๆ” ทิวากานต์หัวเราะลั่นหลังแกล้งคนเด็กกว่าจนหน้าเหวอ เขายกมือลูบหัวอีกคนเล่นก่อนตบไหล่ให้เดินนำ “พ่อแม่ทุกคนรักแล้วก็เป็นห่วงทั้งนั้นแหละแต่อาจจะแสดงออกไม่เหมือนกัน แต่ยังไงก็รักใช่ไหมล่ะ”

“อืม”

“เพราะฉะนั้นอย่ารักคนอื่นจนทำร้ายตัวเอง เขาจะเสียใจแค่ไหนถ้ารู้ว่าชีวิตที่เขาสร้างมาเพราะความรักต้องเจ็บปวดเพราะคนอื่น จำที่ฉันบอกเมื่อคืนได้ไหมอลันด์ หัดรักตัวเองให้เป็น ฉันไม่ได้บอกให้รักตัวเองจนเห็นแก่ตัว แค่รักตัวเองทำตัวเองให้มีความสุข แคร์ความรู้สึกตัวเองให้มากๆ ถ้ามันเจ็บก็ถอยออกมาอย่ารักคนอื่นเกินจนกลัว”

“ถึงผมจะกลัวทอมแต่ผมไม่อยากเลิกเป็นเพื่อนกับทอม มันบอกไม่ถูก... รักก็คงใช่แต่ไม่ได้รักมากกว่าเพื่อน แต่ถ้าปฏิเสธทอมแล้วทำให้เสียเขาไป ผม...”

“งั้นจะเล่าอะไรให้ฟังแล้วกัน สมัยมัธยมฉันเรียนโรงเรียนชายล้วนแล้วก็มีเพื่อนสองคนที่คล้ายนายกับทอม”

“แล้ว?”

“โรงเรียนชายล้วนแสดงว่าไม่มีเด็กผู้หญิงใช่ไหมล่ะ ไอ้สองคนนี้ก็สนิทกันมากอ่ะแหละแต่บางทีก็มากเกินไป ไปไหนมาไหนด้วยกัน ตัวติดกันตลอด มิตรภาพโคตรแน่นแฟ้นนึกภาพตอนที่มันสองคนทะเลาะกันไม่ได้เลย แล้วมันก็...วัยรุ่นแหละนะ ฮอร์โมนกำลังพลุ่งพล่านอยากรู้อยากลองเริ่มทำอะไรเลยเถิด ตอนแรกๆ ก็งี้แหละแค่ใช้มือช่วย ช่วยกันไปช่วยกันมาเผลออีกทีก็นอนด้วยกันแล้ว ปากก็บอกว่าแค่ช่วยเพื่อน ไม่มีอะไรไม่ใช่เกย์ แค่รสนิยมเป็นเซ็กส์เฟรนด์แบบหนึ่ง”

อลันด์เดินไปฟังไปเงียบๆ ตาสีอ่อนหลุบต่ำมองพื้น เหมือน... ทุกอย่างที่ด็อกเตอร์ว่าเหมือนเขากับทอมมาก

“ถ้ามันแค่นั้นจริงๆ ก็ดี แต่ถ้าวันหนึ่งความรู้สึกของอีกคนมากเกินกว่านั้นล่ะ อยากเป็นมากกว่านั้น ไม่อยากเป็นแค่เพื่อนในขณะที่อีกคนชอบแค่รสสัมผัส”

“ถึงจะเป็นแบบนั้นก็เป็นเพื่อนกันต่อไปไม่ได้แล้วเหรอ”

 “ความสัมพันธ์ที่เกินเพื่อนไปแล้วมันเรียกกลับคืนมาเหมือนเดิมไม่ได้ มันก็เหมือนกระดาษที่ถูกขยำ รีดให้เรียบยังไงก็ยังมีรอยยับ สุดท้ายถ้าทนกับความสัมพันธ์ครึ่งๆ กลางๆ อธิบายไม่ได้ก็ต้องขาดกันไป สองคนนั้นสุดท้ายก็เป็นแบบนั้น คนหนึ่งรักอีกคนมากแต่อีกคนไม่ได้คิดอะไร ปัจจุบันเป็นไง...เป็นเพื่อนรักกันมาตั้งสิบปีสุดท้ายหน้าแทบไม่มองกันเลย”

“ฟังดูเจ็บปวดนะ ถ้าเขาสองคนคิดตรงกันคงดี”

คุณหมอหนุ่มมองใบหน้าเจ็บปวดของอลันด์แล้วแอบอมยิ้ม นึกในใจว่าไอ้เด็กฝรั่งนี่ซื่อดีเหมือนกัน เขาเล่าอะไรให้ฟังเสือกเชื่อหมดไม่มีสงสัยเลยไม่รู้ว่าถูกเขาตอแหลใส่เต็มๆ ไอ้เรื่องที่เล่าน่ะ base on true story อยู่หรอก แต่ถ้าถามว่าอันไหนเกิดขึ้นจริงบ้างคงสารภาพได้แค่เรื่องเรียนชายล้วนจนถึงตอนนอนด้วยกัน เพราะทุกวันนี้ไอ้เพื่อนสองตัวนั้นมันรักกันดีเป็นคู่ผัวตัวเมียที่น่าหมั่นไส้อีกคู่ของเพื่อนร่วมรุ่นเรียนแพทย์

แต่ถ้าถามว่าทำไมถึงตีไข่ใส่สีเปลี่ยนเรื่องรักโรแมนติกมุ้งมิ้งเป็นดราม่า Club Friday ก็เพราะทิวากานต์เริ่มเกลียดขี้หน้าไอ้หมาขนทองโธมัสไงล่ะ ตัวโตซะเปล่าแทนที่จะปกป้องดูแลเพื่อนตัวกระเปี๊ยกดันทำร้ายได้ลง แถมยังร้ายหน้าซื่อตาใสแอบขายเพื่อนแบบนี้มันต้องถูกดัดสันดานซะที!

“ฉันไม่กังขาในความรักของเธอกับทอมหรอกนะ ฉันเพิ่งรู้จักพวกเธอได้ไม่นานแต่บอกได้เลยว่าทอมรักและแคร์เธอมากจริงๆ ไม่งั้นเขาคงไม่ทิ้งผู้หญิงคนนั้นหรอก” คุณหมอรูปหล่อยังตีหน้าจริงจังแกล้งพูดชมโธมัสให้อีกคนฟังแล้วค่อยตลบหลังแฉ “แต่มันแย่ตรงที่เขาไม่ซื่อสัตย์กับทั้งเธอและตัวเขาเอง เขาไม่รู้ว่ารักเธอแบบไหนต้องการเธอยังไง แล้วกำลังโยนเธอไปให้คนอื่นในขณะที่ทำอะไรๆ กับเธอแบบนั้น”

“คนอื่น? ใคร?” คิ้วสีน้ำตาลเข้มขมวดหากันฉับ ยังมีใครอีกหรือไงที่ชอบเขา หรือจะเป็น... “ฮิวโก้?”

ทิวากานต์ส่ายหน้า ฮิวโก้ก็อาจจะเป็นไปได้แต่เด็กหัวซีดนั่นออกแนวทาสแมวมากกว่า “นี่ไม่ได้เอะใจเลยสินะว่าใครชอบมาป้วนเปี้ยนมองตัวเองบ้างน่ะ”

“ไม่คิดว่ามันแปลกหรือไงเล่าที่เป็นผู้ชายแล้วยังมีผู้ชายมาชอบอีกน่ะ ใครจะไปรู้ไม่ได้มีรสนิยมแบบนั้นสักหน่อย ถ้าเป็นพวกผู้หญิงนะมองตาก็รู้แล้ว ยัยพวกนั้นดูง่ายจะตายไป” พูดไปก็งงตัวเอง มั่นใจว่าแมนเต็มร้อย หน้าตาออกจะหล่อ ผู้หญิงก็เคยผ่านมาแล้ว มีตรงไหนที่ทำให้ผู้ชายชอบกัน

ตาคมเหล่มองเจ้าเด็กตัวสูงเท่าไหล่ ในสายตาเขาอลันด์หน้าตาจัดว่าดีถ้าเทียบกับผู้ชายต่างชาติทั่วไป แต่ไม่ได้หล่อถึงขั้นน่าตามกรี๊ดแบบโธมัสหรือเจมส์ บางทีมิสเตอร์เอเดลมาร์ยังดูหล่อกว่าด้วยซ้ำ จะว่าหน้าสวยแบบเอาไปแต่งหญิงก็พอผ่าน หากเมื่อเทียบกับลียอนแล้วนั่นน่ะหนุ่มหน้าสวยของจริง ส่วนน่ารัก...ให้เขามองใหม่อีกทีตั้งแต่หัวจรดเท้ามองยังไงหาส่วนไหนยังไม่รู้สึกว่าน่ารักเลย ชอบทำหน้ามึนตาหยิ่ง ผู้หญิงมองคงคิดว่าไม่รับแขกแต่ผู้ชายมองแล้วสายตาหาเรื่องกันชัดๆ แถมยังกวนตีนเก่งเป็นที่หนึ่ง

เออ... ยกเว้นตอนยิ้มไว้หน่อย พอยิ้มแล้วน่ารักมากยอมรับจากใจเลย ที่เหลือก็อย่างที่บอกไม่น่ามีส่วนไหนดึงดูดให้ผู้ชายมาชอบได้เลย

“ลองเดาสิว่าคนแบบเธอเนี่ยจะมีผู้ชายคนไหนมาชอบอีก” ยิ่งคุยทิวากานต์ชักยิ่งสนุก หลอกปั่นหัวเด็กเนี่ยหรรษาสุดๆ แล้ว

นายแพทย์หนุ่มกลั้นขำสุดตัวยามเห็นไอ้ตัวแสบกรอกตาขึ้นฟ้าท่าทางหมดอาลัยตายอยาก เมื่อกี้ยังซีเรียสกันอยู่เลย แป๊บเดียวกลายมาเป็นเล่นเกมทายปัญหากันซะงั้น

“ถ้าเป็นคนที่ด็อกรู้จักด้วยแล้วไม่ใช่ฮิวโก้ก็นึกไม่ออกแล้ว จะบอกว่ามาร์โก้กับมาริโอ้อันนั้นตัดไปได้เลย เจ้าฝาแฝดกำลังจีบเด็กโรงเรียนอีฟอยู่ ลียอนเป็นเกย์ก็จริงแต่ไม่ใช่แน่ เจ้านั้นชอบ... เอ้อ ช่างมันเถอะ” พอพูดถึงศัตรูแสนรักก็หยุดไปเฉยๆ แล้วบอกว่าช่างมัน หากสายตาวิบวับมองมายังคุณหมอก็บอกได้ว่ามันเกี่ยวกับเขาแหง “หรือจะเป็น...เจมส์? ไม่ใช่ใช่ม่ะ ผมทะเลาะกับเจมส์บ่อยยิ่งกว่าลียอนอีก”

“บิงโก! คนที่เธอทะเลาะด้วยกันบ่อยๆ นั่นแหละ”

-------------------------------

1 - อ็อกฟอร์ดกับเคมบริจด์
หัวข้อ: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 09 [14.10.15]
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 14-10-2015 17:34:22
ตุ้บ!

ขวดน้ำแร่ที่อลันด์ถืออยู่ตกกลิ้งไปกับพื้นแทบในทันที เด็กหน้าตายตาเบิกโพล่งอ้าปากพะงาบๆ เหมือนขาดอากาศหายใจ ทิวากานต์มองอยู่นานกว่าอีกคนจะหาลิ้นเจอ

“โก - หก - น่า! NO - WAY! ไม่มีทาง! เป็นไปไม่ได้ พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกแล้วเหรอ!!”

“หมอนั่นจูบเธอด้วย”

“โอ้ว - มาย - ก็อดดดดดดดดดดดดดด”

จะว่าเลวก็ยอมรับนะ แต่ตอนนี้ทิวากานต์กลั้นหัวเราะไม่ไหวแล้ว เขาปล่อยเสียงก๊ากออกมาดังลั่นตอนที่อลันด์เอาหลังมือถูกปากไปมาทำหน้าเหมือนจะร้องไห้

“ด็อกโกหกแกล้งผมใช่ไหม เจมส์เนี่ยนะจูบปากผม ไม่มีทาง เป็นไปไม่ด้ายยย!” อลันด์ทำหน้าเจ็บปวดเหลือทน ถ้าลงไปนั่งเอากำปั้นทุบพื้นตุ้บๆ อย่างในการ์ตูนได้คงทำไปแล้ว

“ฉันจะโกหกทำไมเห็นเต็มสองตา แล้วนี่จะโวยวายให้คนอื่นเขารู้กันหมดเลยหรือไงกะอีแค่จูบยังไม่ได้เสียตัวให้สักหน่อย ทีจูบกับทอมไม่เห็นจะรังเกียจรังงอนอะไรเลยนี่”

“ก็นั่นทอม ส่วนนี่เจมส์นะ เจมส์ เฮนรี่ เดอะ เติร์ด สเปนเซอร์ จอมเก๊กนั่นน่ะนะ” อลันด์ยังคงทำหน้าช็อกโลกถล่มอยู่ ในตอนที่คุณหมอกำลังคิดว่าจะทำอะไรต่อดีตาสีซีดก็ตวัดมองเขาฉับ “เดี๋ยวนะ ด็อกบอกว่าด็อกเห็นเจมส์จูบผมงั้นเหรอ เห็นตอนไหนทำไมไม่ห้ามปล่อยให้หมอนั่นมาจูบผมได้ยังไง”

“เอ่อ... นี่แหละที่ฉันกำลังบอกว่าทอมพยายามโยนเธอให้อื่น”

“ด็อกกำลังบอกว่าทอมทำตัวเป็นพ่อสื่อให้เจมส์?”

“ประมาณนั้น” ชายหนุ่มยักไหล่ก่อนก้มตัวลงเก็บขวดน้ำมาถือไว้ “ในขณะที่ทอมพยายามยัดไส้กรอกเยอรมันใส่ก้นเธอพร้อมๆ กับหาสาวควงไปด้วย เด็กนั่นก็เปิดโอกาสให้เจมส์เข้าหาเธอแบบสุดๆ”

“เจมส์บังคับทอมให้ทำแบบนั้นหรือเปล่า”

“เสียใจที่ต้องบอกว่า...ไม่” ต่อให้ทอมทำร้ายมากแค่ไหนอลันด์ยังคงปกป้องเพื่อนรักอยู่ดี “ฉันคิดว่าเจมส์ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทอมเปิดโอกาสให้อยู่ จำวันแรกที่ฉันพาไปเล่นน้ำสงกรานต์ได้ไหม พอกลับมาเธอก็เล่นกับทอมต่อจนเหนื่อยหลับไปก่อน ตอนนั้นแหละที่ทอมลากฉันไปแอบดูเจมส์จูบนาย แล้วก็เล่าว่าเจมส์แอบชอบนายมานานแล้วแต่ไม่รู้จะทำให้นายชอบยังไงดี แถมนายยังเกลียดเขาอีกต่างหาก”

“ผมจะไปฆ่าเจมส์ ไอ้สารเลวนั่น! ไอ้บ้าทอมอีกคน ทำไมถึงไม่เข้ามาขวาง”

“ฉันถึงบอกไงว่าทอม...เอิ่ม...” บรรยากาศกลับมาแย่อีกรอบเพราะอลันด์หน้าซึมไปแล้ว ดีว่าเขายั้งปากทันไม่บอกไปหมดว่าโธมัสเห็นเรื่องนี้เป็นเรื่องสนุกอย่างหนึ่งด้วยซ้ำ

ตาสีซีดหลุบมองพื้น ถ้าเด็กหนุ่มมีหูมีหางคงเป็นมันลู่ตกอย่างน่าสงสาร “ทำไมกลายเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ”

คนที่เราคิดว่ารู้จักดีที่สุดดันกลายเป็นคนที่เราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวเขาเลย ในขณะที่เราเข้าหาเขาอย่างเปิดเผยจริงจัง คนๆ นั้นก็แอบซ่อนอะไรไว้ตลอดเวลา

“ด็อก... บางทีทอมอาจจะไม่ได้รักผมจริงๆ ก็ได้ แต่เป็นผมต่างหากที่รักเขาอยู่ฝ่ายเดียวน่ะ ไม่งั้นมันคงไม่เจ็บขนาดนี้หรอก”

.
.
.

โธมัสหายหน้าหายตาขาดการติดต่อไปหลายวัน ตัวอลันด์เองไม่ใช่ประเภทเข้าหาใครก่อนอยู่แล้วเขาจึงใช้เวลานี้พาทิวากานต์เที่ยวลอนดอนจนพรุน บางครั้งจะให้อัลเบิร์ตขับรถพาไปชานเมืองตามแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อ แต่สถานที่ไปบ่อยสุดคงไม่พ้นสถานศึกษาและสวนสาธารณะไฮด์ปาร์คที่สองหนุ่มชอบออกไปเดินเล่น ในขณะที่อลันด์แบกกีตาร์ออกไปนั่งเล่นหาแรงบันดาลใจเขียนเพลง คุณหมอก็จะเอาหนังสือจากห้องสมุดบ้านโอเนลล์ติดมือมานอนอ่าน

หากวันไหนฝนตกทั้งคู่จะหมกตัวอยู่ตามห้องต่างๆ ของบ้าน ก่อนที่ว่าที่ศัลยแพทย์ทรวงอกจะค้นพบว่าสระว่ายน้ำที่ชั้นใต้ดินของบ้านนี้สุดยอดมาก เขาแทบใช้เวลาครึ่งวันไปกับการว่ายน้ำในสระผิดกับเด็กตัวเท่าไหล่ที่เอาแต่นั่งดีดกีตาร์บนเตียงไม่ยอมลงเล่นน้ำด้วยกันทั้งที่ใส่ชุดว่ายน้ำแล้วก็ตาม ทำตัวเป็นแมวกลัวน้ำไปได้

ใช้เวลาเที่ยวเล่นไม่ทันไรวันพฤหัสฯ ที่โธมัสเตรียมเซอร์ไพรส์ไว้ให้ก็มาถึง มาดามโอเนลล์แจ้งทิวากานต์ล่วงหน้าแล้วว่าวันนี้จะมีการแข่งขันโปโลการกุศลหารายได้เข้ามูลนิธิอะไรสักอย่างซึ่งจัดโดยแบรนด์เสื้อผ้าชื่อดังยี่ห้อหนึ่ง เธอกับลูกชายต้องไปร่วมงานนี้อยู่แล้วดั่งเช่นทุกปี และถ้าทิวากานต์ไม่ติดขัดอะไรก็อยากพาไปเปิดหูเปิดตาด้วย

ทีแรกคุณหมอที่ไม่ชอบงานเข้าสังคมกะปฏิเสธขอเดินเที่ยวคนเดียวแถวนี้ดีกว่า แต่พอหันไปเจอสายตาช้อนมองหงอยๆ ของเด็กข้างตัวเลยยอมพยักหน้าตัดสินใจไปด้วย เขาไม่ได้ทำตัวติดกับอลันด์นะก็แค่กลัวว่าโธมัสจะรังแกอะไรเด็กนี่อีกต่างหากเลยไปคอยดูท่าทีไว้! จริงๆ นะสาบานเลย!!

ด้วยเหตุนั้นเช้านี้เขาจึงตื่นมาแต่งองค์ทรงเครื่องเสียหน่อย หลายวันก่อนเพิ่งได้เสื้อเบลเซอร์สีกรมสวยถูกใจมาตัวจะได้ลองใส่วัดเรตติ้งรวดเร็วทันใจไม่ต้องรอไปใช้ที่เมืองไทยเลย

หลังรับประทานมื้อเช้าเสร็จ มาดามโอเนลล์ส่งสามีไปทำงานเรียบร้อย พวกเขามีเวลานั่งย่อยอีกนิดหน่อยก่อนถูกต้อนขึ้นรถเพื่อไปสนามกีฬาโปโลนอกเมือง และตามธรรมเนียมคนรวยก็ต้องทำอะไรเว่อร์ๆ แบบคนรวยคือใช้รถถึงสองคันทั้งที่คนจะไปงานจริงๆ มีแค่สาม

วันนี้มาดามโอเนลล์อยู่ในชุดสวยของอีฟส์ แซงต์ โลร็องต์คอลเลคชั่นสปริงส์/ซัมเมอร์ปีล่าสุดจะนั่งโรลส์-รอยซ์ แฟนธ่อมไปกับคนขับรถและพ่อบ้านส่วนตัวอีกหนึ่งคน ส่วนอลันด์กับทิวากานต์ต้องนั่งเบนท์ลีย์ มูซานคันที่ได้ใช้งานพาไปเที่ยวบ่อยๆ ไปอีกคันพร้อมอัลเบิร์ต คุณพ่อบ้านที่ควบคู่ตำแหน่งคนขับรถส่วนตัวของเจ้าหนูนี่ไปด้วย (เขาเพิ่งรู้ว่าจริงๆ แล้วโรลส์-รอยซ์สองคันนั้นเป็นรถใช้งานส่วนตัวของมิสเตอร์และมาดามโอเนลล์ เพราะฉะนั้นเบนท์ลีย์ มูซานคันนี้จึงเป็นรถของอลันด์ที่บิดาซื้อไว้ให้ใช้งานสำหรับไปไหนมาไหนในกรณีที่รถพ่อแม่ไม่ว่าง บ้านนี้เขารวยกันจริงๆ แค่รถลูกอายุสิบแปดก็ให้ใช้เท่ากับรัฐมนตรีบางประเทศแล้ว)

จากคำบอกเล่าของอลันด์สถานที่จัดงานอยู่ไม่ไกลจากบ้านพวกกริฟฟิธส์เสียเท่าไหร่ ลงจากรถเดินเข้าไปในงานก็เห็นกลุ่มคนผมทองรูปร่างใหญ่ยืนกระจุกกันอยู่แทบจะในทันที ดูเหมือนว่าวันนี้บ้านกริฟฟิธส์จะยกขบวนมากันทั้งบ้านขาดเพียงแต่คนเป็นพ่อและลูกชายคนโต

“ไฮล์ อลันด์ ด็อกเตอร์วา” เจ้าสองแฝดแทบจะประสานเสียงกันต้อนรับ วันนี้มาร์โก้กับมาริโอ้ยังคงแต่งตัวเหมือนกันหากต่างแค่สีเช่นเคย

“หวัดดี ไฮล์ นิค ไม่เจอกันนานนะ” เด็กผมน้ำตาลเพียงคนเดียวในกลุ่มเอ่ยทักเด็กเล็กอายุไม่น่าจะเกิดแปดขวบน้ำเสียงร่าเริง อลันด์รับเจ้าหนูนิคจากอกฮิวโก้มาอุ้มไว้เองกับตัว ถึงค่อยหันมาแนะนำตัวให้ทิวากานต์ได้รู้จัก คุณหมอมองแล้วก็คิดไปว่าพี่น้องบ้านนี้หน้าตาเหมือนกันหมดจริงๆ ขนาดเจ้าหนูนิคเองยังถอดแบบโธมัสบนหัวเตียงอลันด์มาเด๊ะๆ

นิคโคลัสเป็นเด็กอารมณณ์ดีไม่กลัวคนแปลกหน้า เขาแตะมือกับน้องเล็กบ้านกริฟฟิธส์ทักทายกันได้นิดหน่อยก็ฉีกยิ้มกว้างให้คุณหมอชาวเอเชียเสียแล้ว

พวกเขาทักทายพูดคุยกันอยู่พักใหญ่ๆ แม่ของพี่น้องกริฟฟิธส์จึงพามาดามโอเนลล์ไปคุยกับพวกผู้ใหญ่บนบาร์ไม้ เพราะว่าเป็นงานการกุศลแบบไพรเวทจึงมีสื่อไม่เยอะมาก ผู้ร่วมงานบางคนทิวากานต์ว่าคุ้นหน้าเหมือนเคยเห็นในโทรทัศน์หรือนิตยสารอยู่บ้าง

“แล้วทอมไปไหนซะละ” คุยเล่นกันอยู่นานอลันด์ก็เกิดอาการเมื่อยแขน เด็กหนุ่มส่งนิคคืนให้ฮิวโก้ไปอุ้มเหมือนเดิมพร้อมกับตาสีฟ้าซีดมองหาเพื่อนสนิทที่ไม่โผล่หัวมาสักที

“ไปเตรียมตัวทำเซอร์ไพรส์อัลไง”

“โฮ่ หมอนั่นจะแข่งโปโลกับเจมส์จริงๆ น่ะเหรอ” เด็กหนุ่มตอบ ตาสีซีดฉายแววตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อย ไม่สนใจหน้าเซ็งๆ ของฝาแฝดที่อลันด์ดันรู้ความลับเข้า “ตัวยักษ์ขนาดนั้น หวังว่าม้าจะไม่หลังหักก่อนนะ”

“พ่อให้คุณตาส่งม้าตัวที่ดีที่สุดจากฟาร์มที่เยอรมันมาให้เลยล่ะ พวกเราก็ตื่นเต้นกันมากวันนี้เลยมาเชียร์ทอมทั้งครอบครัว ขนาดอีฟยังมาเลยนะ” มาริโอ้พูดเร็วๆ หน้าแดงแจ๋ ดูท่าจะตื่นเต้นเสียยิ่งกว่าพี่ชายคนโตที่ต้องลงแข่งเสียอีก แต่ไม่น่าแปลกใจเพราะโธมัสไม่เคยสนใจกีฬาบนหลังม้ามาก่อนทั้งที่ขี่เป็นตั้งแต่เด็ก ส่วนอีฟ...อลันด์คิดว่าสาวน้อยน่าจะมาดูเจมส์เสียมากกว่า

“โอ๊ะ นั่นไงพ่อหนุ่มโปโลของเรามาแล้ว”

ทุกคนหันมองตามนิ้วแฝดคนพี่แทบจะพร้อมกันยามโธมัสปรากฏตัวในชุดนักกีฬาโปโลเบอร์สี่ก้าวเข้ามาในวงสนทนา ร่างสูงกำยำดูจะเข้ากับเครื่องแบบขี่ม้าได้ดีจนสาวๆ หลายคนในงานมองตามเป็นตาเดียว ผมสีบลอนด์ยาวประบ่าสว่างสะท้อนกับแสงแดดเป็นประกายรวมกับดวงตาเรียวคมสีน้ำเงินเข้มให้ยิ่งทำน่ามองเป็นเท่าตัว มุมปากหยักยกขึ้นน้อยๆ ยามเห็นเพื่อนซี้ตัวเล็กพร้อมกับโถมร่างใหญ่โตเข้าใส่ไม่ต่างจากหมาตัวโต

“เซอร์ไพรส์!” โธมัสกอดรัดร่างเล็กกว่าเกือบครึ่งจนอลันด์จมหายไปกับอกกว้าง เด็กหนุ่มเผลอสูดกลิ่นน้ำหอมแบบสปอร์ตอัดเข้าเต็มปอดไปแบบไม่ตั้งใจ

“เซอร์ไพรส์…” เขาครางเสียงอ่อย คอย่นอัตโนมัติเมื่อเพื่อนรักพยายามก้มลงจูบปากต่อหน้าคนมากมาย

“นายว่าไง ฉันเท่ไหม ความจริงชุดขี่ม้านี่ก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่เนอะ”

“แน่นอน สาวๆ ทั้งสนามมองนายตาแทบถลน บางทีจบงานนี้นายอาจจะได้ผู้หญิงที่ดีกว่ายูจีนกลับบ้านก็ได้นะ” เด็กหนุ่มวิจารณ์ตามที่เห็น สาวไฮโซบางคนจ้องเพื่อนรักเขาราวกับเห็นเหยื่ออันโอชะ และในเมื่อตอนนี้โธมัสได้ผ่านมือผู้หญิงมาแล้วคงจะหาแฟนใหม่ได้ไม่ยากเท่าไหร่

“นั่นสินะ” โธมัสยักไหล่ ตาสีน้ำเงินกดลงมองอลันด์ที่หลบสายตาเขาก่อนเงยขึ้นฉีกยิ้มให้ทิวากานต์ “ด็อก... ผมดูเป็นไงบ้าง”

“ฉันนึกว่านายแบบที่ไหนมาเดินยั่วสาวแถวนี้ซะอีก” ทิวากานต์ชมตามตรง โธมัสดูดีมากจริงๆ มากจนผู้ชายแบบเขายังรู้สึกหมั่นไส้ คุณหมอถอนสายตาจากนักโปโลมือใหม่ก่อนหันมาแตะหลังอลันด์ลูบปลอบเบาๆ คนอื่นอาจไม่ทันสังเกตแต่เขาเห็นอาการแววตาวูบไหวทั้งที่หน้ายังนิ่งอยู่ก็พอเข้าใจ อลันด์คงไม่รู้จะทำตัวให้เป็นปกติยังไงต่อหน้าเพื่อนรักที่เผลอไปล่วงรู้ความลับเข้า

และอาจเป็นโชคดีที่ในจังหวะนั้นเจมส์ก็เดินตามมาสมทบพร้อมกับอีฟและลียอนพอดี วงสนทนาจึงต้องขยับขยายให้คนอีกสามคน อลันด์ได้ทีอาศัยจังหวะนั้นขยับตัวยืนไปหลบข้างร่างสูงของฮิวโก้หวังใช้น้องคนรองของบ้านกับนิคโคลัสเป็นที่กำบังแสร้งทำเป็นคุยกับเด็กสองคนไปเรื่อยฆ่าเวลา

น้องหกบ้านกริฟฟิธส์ดูดีใจจนออกนอกหน้าที่ได้เจอคุณหมออีกครั้ง ร่างเล็กๆ เหมือนลูกลิงรีบวิ่งถลามาเกาะแขนให้คุณหมอก้มหน้าก้มตาฟังลียอนพูดเรื่องนู้นเรื่องนี้เสียงใส จะให้เขาเสียมารยาทตัดบทก็ทำไม่ลงเพราะหน้าสวยๆ กับตาสีฟ้าใสกลมแป๋วคู่นั้นรั้งตัวเขาไว้อยู่หมัด พอเงยหน้าขึ้นมาอีกทีอลันด์ก็หายไปกับโธมัสเสียแล้ว ทิวากานต์มองเจมส์ที่ถูกอีฟเกาะติดแน่นสภาพไม่ต่างจากเขา ถามไปคงไม่รู้แน่ว่าสองคนนั้นหายไปไหน จะถามคนอื่นฮิวโก้ก็อุ้มน้องสุดท้องไปหาแม่แล้ว สองแฝดเองก็กำลังเดินไปคุยกับสาวๆ

ให้ตายเถอะ...เผลอแค่แป๊บเดียวหมายักษ์อย่างโธมัสก็คาบอลันด์หายไปจากสายตาจนได้



มองซ้ายก็ม้า มองขวาก็ม้า นิ้วชี้ถูกยกขึ้นเกาคางตัวเองแก้เก้อก่อนเหลือบขึ้นมองเพื่อนตัวโตข้างกาย ใจแอบเต้นผิดจังหวะยามต้องอยู่กับโธมัสสองต่อสอง ยิ่งมารู้ว่าอีกฝ่ายพยายามยกเขาให้เจมส์ทั้งที่ทำแบบนั้นกับเขามันก็ยิ่งรู้สึกแปลกๆ น้อยใจคงใช่แล้วก็กลัวด้วย เพราะงั้นพอโธมัสมองกลับมาตาสีซีดจึงรีบหลบมองไปทางอื่นแกล้งเดินดูม้าไปเรื่อย ปากงุบงิบด่าทิวากานต์ที่มัวแต่สนใจลียอนจนเผลอปล่อยให้เขาถูกโธมัสลากมาจนได้ สารภาพตามตรงเลยว่าไม่พร้อมอยู่กับเพื่อนซี้สองต่อสองเท่าไหร่ ขอเวลาทำใจอีกนิดนึงไม่ได้หรือไงเล่า

“ยังโกรธฉันเรื่องยูจีนอีกเหรอ”

“หา?” ถ้อยคำกล่าวหาที่ไม่เป็นจริงเรียกตาสีซีดหันกลับไปมองคนถามได้แทบจะทันที โธมัสทำหน้าเศร้าแต่ตาวาววับชวนขนอ่อนลุกซู่

“นายโกรธฉันอยู่ใช่ไหม?” เขาถามย้ำ ร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาใกล้คว้าข้อมือเล็กไว้ ออกแรงกระชากทีเดียวอลันด์ก็ถลาเข้าไปซบกับแผงอกกำยำ ใบหน้าหล่อคมโน้มต่ำลงจนปลายจมูกแทบชิด ใกล้จนเห็นหน้าตาตื่นตระหนกของตัวเองสะท้อนผ่านดวงตาสีน้ำเงินเข้มคู่นั้น

“มะ...ไม่ ฉันเลิกโกรธตั้งแต่วันนั้นแล้ว”

“ไม่จริง นายไม่ยอมมองหน้าฉันเลย มีอะไรหรือเปล่า”

“ไม่มีทั้งนั้นแหละ แล้วตอนนี้ไม่ได้มองอยู่หรือไง” เมื่อหนีไปไหนไม่รอดเด็กหนุ่มจึงเลือกโวยวายกลบเกลื่อนอาการผิดปกติของตัวเอง ใช้ประโยชน์จากหน้านิ่งๆ กับตาสีซีดแกล้งทำเป็นโมโห ดิ้นอีกหน่อยเดี๋ยวโธมัสก็ยอมปล่อยอย่างเช่นทุกครั้ง ทว่าคราวนี้ดิ้นเท่าไหร่ก็ไม่ยอมปล่อยเสียที ซ้ำยิ่งดิ้นยิ่งจับแน่นจนเจ็บขึ้นมาจริงๆ “ทอม...ฉันเจ็บ ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ”

“นายโกหกไม่เก่งนะอัล คิดว่าเรารู้จักกันมากี่ปีฉันถึงไม่รู้ว่าเวลานายมีเรื่องอะไรปิดบังหูนายจะแดง ไม่ยอมมองตา แล้วก็หายใจผิดจังหวะ”

“ฉันบอกว่าไม่มีนายจะเซ้าซี้ให้ได้อะไร นายต่างหากมีอะไรหรือเปล่าถึงลากฉันมาที่คอกม้าเหม็นๆ นี่”

นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มจ้องคนตัวเล็กกว่าเขม็งก่อนยอมปล่อย อลันด์ทำทีฮึดฮัดต่อยแผ่นอกแข็งๆ เป็นการทิ้งท้าย หน้าขาวขึ้นสีแดงจัดบอกว่ากำลังจะโกรธจริงๆ แล้วนะถ้านายยังเอาแต่เซ้าซี้แบบนี้ สุดท้ายก็เป็นโธมัสเองที่ยอมแพ้ ไม่รู้สิ...บอกไม่ถูกเหมือนกัน เขาคงคิดมากไป

“จะพามาดูม้า”

“มาริโอ้บอกว่าพ่อนายสั่งส่งตรงมาจากเยอรมันเลยนี่ ซ้อมมานานหรือยัง”

“ตั้งแต่กลับจากกรุงเทพ” โธมัสว่า เขาเดินนำเพื่อนตัวเล็กเข้าไปด้านในจนเจอม้าโปโลโพนี่สีน้ำตาลแดงตัวใหญ่รูปร่างปราดเปรียวอยู่ในคอก มันกระแทกกีบเท้ากับพื้นแรงๆ ยามเห็นหน้าเจ้าของ อลันด์ตาวาวยกมือขึ้นจะลูบหัวมันก็ยอมก้มให้ง่ายดาย “ปกติเฮอร์มีสไม่ชอบคนแปลกหน้านะ แต่มันคงชอบอัลมากถึงยอมให้ลูบหูด้วย”

“ซุ่มนี่นา ไม่ยอมบอกกันเลย”

“เดี๋ยวไม่เซอร์ไพรส์ อยากลองขี่ไหม” ผมสีช็อกโกแลตนมสะบัดแทบจะในทันที มือที่ลูบอยู่ตามช่วงคอเจ้าเฮอร์มีสลดลง

“ไม่เอาอ่ะ”

“ไม่ตกหรอก เดี๋ยวฉันคอยจับให้” แต่ก่อนอลันด์ชอบขี่ม้ามาก โปโลก็เคยเล่นแต่พอตกจากหลังม้าคราวนั้นก็ไม่ยอมขึ้นขี่อีกเลย คงฝังใจกลัวแขนหักแล้วจะไม่ได้เล่นกีตาร์ที่รักอีก

“ไว้ชนะเจมส์ก่อนเถอะค่อยมาพูด แค่สามสี่เดือนคิดว่าจะสู้หมอนั่นได้หรือไง นั่นน่ะทีมชาตินะ”

“ก็ไม่แน่” อดีตนักรักบี้ที่ผันตัวมาลองเล่นโปโลยักไหล่ทำหน้ายียวน “ไม่ว่ากีฬาอะไร ฉันก็ทำได้ดี”

“จะคอยดู”

“รอดูเลย...” โธมัสฉีกยิ้มหวานเหมือนหลอกให้ตายใจก่อนฉกริมฝีปากลงหอมแก้มใสเข้าเต็มรัก “ขอกำลังใจหน่อย”

ร่างเล็กสะดุ้งโหยงมือตะปบแก้มข้างที่โดนขโมยหอมหมับ หากตำหนิเพื่อนรักเสียงเบาเพราะกลัวม้าตื่น “ทอม! ตกใจหมด”

“ฉันทำออกจะบ่อยทำมาเป็นตกใจ”

“ไอ - ซี แต่ช่วยบอกให้รู้ก่อนได้ไหม”  เขาฟังแล้วลอยหน้าลอยตาเหมือนไม่รู้สึกอะไร ฝ่ามือหนาแตะไหล่เล็กใต้เสื้อเบลเซอร์สีฟ้าอ่อน ออกแรงเพียงนิดให้อลันด์ขยับเข้ามาชิดอก ใช้ตาสีสวยจ้องอีกคนร้อนแรงราวต้องการหลอมละลาย ใบหน้าขาวซีดขึ้นสีจัด พวกเขาใกล้จนสัมผัสถึงลมหายใจกันอีกครั้ง “ทอม... จะทำอะไร”

“ฉันขอรางวัลได้ไหมถ้าวันนี้ฉันทำแต้มได้เยอะกว่าเจมส์”

“จะ... จะเอาอะไรล่ะ” อลันด์ถามหวั่นๆ สายตาโธมัสตอนนี้ร้อนแรงเหมือนครั้งล่าสุดที่พวกเขาใช้เวลาขลุกอยู่ด้วยกันค่อนคืนก่อนจบลงด้วยการที่เขาหมดแรงสลบไสลคาอ้อมอกกำยำนั่น

ทิวากานต์บอกว่าถ้าเขาไม่อยากให้ทอมทำแบบนั้นกับร่างกายอีกก็ตั้งระยะห่างออกมาซะ แต่เอาเข้าจริงพอถูกจ้องเอาๆ แบบนี้ร้อยทั้งร้อยต้องอ่อนใจยอมให้ง่ายดาย รวมถึงเขาที่ทั้งกลัวทั้งหวาดแต่รสสวาทมันหอมหวานยากเกินห้ามใจจริงๆ

“คืนนี้ไปค้างกับฉันนะ ฉันคิดถึงนาย”

เด็กหนุ่มได้ยินเสียงกลืนน้ำลายตัวเองดังอึก ตาสีอ่อนเผลอสบตากับอีกคนจนไม่รู้ตัวว่าริมฝีปากของอีกคนเข้ามาคลอเคลียอยู่ไม่ห่าง นานทีเดียวกว่าสติจะค่อยกลับคืนมา สองแขนดันอกโธมัสออกช้าๆ ไม่ให้ดูปฏิเสธเกินไปจนน่าเกลียดคว้านหาลิ้นตัวเองพักใหญ่ๆ คำพูดถึงหลุดออกมาได้ “เอ่อ มะ ไม่ ไม่ดีม้างงง”

“...”

“คือ...ถ้าฉันไปแล้วด็อกล่ะ”

“เรื่องของเขาสิ”

“เขาเป็นแขกฉันนะ จะให้ฉันทิ้งเขาได้ไง จริงไหม” อลันด์ยกข้ออ้างที่ดูมีเหตุผลสุดขึ้นมา โธมัสหน้ามุ่ยไปทันทีก่อนยอมพยักหน้า

“งั้นให้เขาไปด้วยก็ได้ ที่บ้านยังมีห้องเหลืออีกตั้งเยอะ”

โอ้ - มาย - ก็อด ไม่ว่ายังไงก็จะเอาเขาไปด้วยให้ได้เลยใช่ไหม อลันด์หัวหมุนติ้ว พยายามนึกหาข้ออ้างอะไรก็ได้มาปฏิเสธเพื่อนรัก แต่ถ้ามากไปเดี๋ยวก็ทะเลาะกันอีก ทำไงดีฟร่ะ มันต้องมีสักวิธีสิ แต่เดี๋ยวนะมันก็แค่รางวัลที่ถ้าชนะเองไม่ใช่หรือไง “ขอเหมือนชนะเจมส์แล้วงั้นเหอะ!”

“จิ๊! แค่ชนะเจมส์ใช่ไหม เดี๋ยวจะทำให้ดู”

“มั่นใจจริงนะ”

“แน่นอน ไม่มีอะไรที่ฮิลเลียร์ทำไม่ได้” เด็กหนุ่มยกชื่อกลางตัวเองขึ้นมาเช่นทุกครั้งที่ต้องการเรียกความมั่นใจ ชื่อที่ได้มาจากคุณปู่ที่เป็นทหารอากาศ “แต่ตอนนี้ขอกำลังใจหน่อยได้ไหม”

“กำลังใจอะไรเล่า”

“Kiss, Huh kiss me please”

คอขาวย่นหนีอัตโนมัติยามใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงมา โธมัสทำจมูกฟุดฟิดเหมือนสุนัขขณะพยายามซุกไซ้ไปตามใบหน้าของเพื่อนซี้ ริมฝีปากบางได้รูปยิ้มกริ่มชอบใจนักเชียวที่ได้ไล่ต้อนอลันด์ เจ้าตัวคงไม่รู้ว่าเวลาทำหน้าตื่น ริมฝีปากบนจะเผยอออกโชว์ฟันกระต่าย ตาสีซีดจะขยาย แก้มใสจะแดงจัดไปถึงใบหู ตัวก็นุ่มนิ่ม น่ารักน่าชังเหมือนกระต่ายตัวน้อยชวนไล่ฟัดเอามากๆ

...และโธมัสก็เป็นหมาประเภทชอบเล่นกับเหยื่อเสียด้วยสิ

โธมัสยิ้มทั้งตาทั้งปาก อ้าฟันขาวหมายงับผิวเนื้ออ่อนนุ่มสีแดงสดล่อสายตา วันนี้จะมีรสอะไรติดมานะ เมื่อกี้ดมๆ ดูเหมือนจะได้กลิ่นเนย อืม...อัลของเขาน่ากินชะมัด

“โอ๊ะ เหม็นขี้ม้าชะมัด อ้าวทอมกับไอ้แสบมายืนดมขี้ม้าอะไรอยู่แถวนี้” เสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นพร้อมใบหน้าบ๊องแบ๊วไม่รู้ไม่ชี้ของคุณหมอวัยสามสิบ ทิวากานต์ทำตาโตกระพริบปริบๆ ก่อนเดินเข้ามาหาเด็กทั้งคู่ “ที่นี่กว้างจนหลงทางซะได้ เจอเธอสองคนที่นี่ก็ดีเลยพาออกไปหน่อยสิ”

“โอเค๊” คนตัวเล็กสุดร้องเสียงสูง สะบัดตัวออกจากอกโธมัสง่ายดายผิดกับก่อนหน้านี้ราวฟ้ากับเหว เจ้าตัวหอบหายใจแรงหน้าเหนอแดงไปหมด

“ว่าแต่มาทำอะไรกันแถวนี้อ่ะ”

“พาอัลมาดูม้า” โธมัสตอบเสียงเรียบไม่ต่างจากตาสีน้ำเงินเข้มยามจ้องมองคนขัดจังหวะ ใบหน้าคมชวนมองหันไปทางม้าสีน้ำตาลแดงตัวใหญ่ ตบแผงคอมันเบาๆ แนะนำให้ทิวากานต์รู้จัก “นี่เฮอร์มีส ม้าที่ผมจะใช้ลงเล่นวันนี้”

“สวยดีนะ”

“พ่อกับตาคัดมาอย่างดีเพื่องานนี้โดยเฉพาะเลย” น้ำเสียงติดจะภูมิใจหน่อยๆ ก่อนปรายหางตามองทิวากานต์กับอลันด์ที่เขยิบตัวชิดกัน “ด็อกบอกว่าหลงทางไม่ใช่เหรอ งั้นออกไปกันเถอะอีกสักพักคนงานคงจะเข้ามาเอาม้า ผมเองก็ต้องไปเตรียมตัวแล้ว”

“อ่าฮะ งั้นไปเลยแล้วกัน เดี๋ยวกลิ่นขี้ม้าจะติดเสื้อหมด” คุณหมอแกล้งทำมือปัดเสื้อเบลเซอร์บนตัวเดินนำเด็กทั้งคู่ออกไปทางเดิมกับที่เข้ามาเหมือนลืมไปว่าเมื่อกี้บอกว่าหลงทาง แหงล่ะ...นี่ทิวากานต์นักซิ่งที่ไม่เคยหลงทิศมีเหรอจะหลงทางในสนามม้าได้ เขาเดินตามหาอลันด์จนเจอไอ้ตัวแสบกำลังถูกปล้นจูบเลยเข้าไปขัดจังหวะเถอะ บอกเลยยกนี้อลันด์ติดหนี้คุณหมอเต็มๆ



TBC

อิลุงมันร้ายค่ะทั่นผู้โชมมม ฮ่าๆๆๆๆๆ

วันนี้ฤกษ์ดีเลิกงานไวได้กลับบ้านก่อนหกโมงเย็นเลยรีบเอามาลง
ใครที่ช็อคกับคู่หมาแมวใจร่มๆ ก่อนนะคะ
ยังยืนยันว่าพระเอกเป็นลุง เอ๊ย พี่วาคนหล่อเหมือนเดิม ไม่มีเปลี่ยนกลางคันเพราะแก่แน่นอน โฮะๆๆๆ

ขอบคุณทุกความเห็นนะคะ
แล้วเจอกันตอนหน้าค่า

 :mew1:

ปล. แต่งจบแล้วลงวันละตอนเลยตัวเอง นี้มโนจนเหนื่อยว่าลุงวาจะจีบเด็กยังไง ฮ่าๆ

ตั้งใจอยากลงสัปดาห์ละสองตอนค่ะ
แต่ว่าช่วงนี้งานรุนเร้ามากเลย จะแอบลงตอนทำงานเครื่อง iMac ก็ไม่มีเวิร์ดอีก ฮึกๆ
ยังไงจะหาเวลามาอัพถี่ๆ ไม่ทิ้งช่วงเกินเจ็ดวันนะคะ TTATT
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 09 [14.10.15]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 14-10-2015 19:15:48
ทำไมรู้สึกเหมือนหมอวาเป็นก้าง เอ๊ะ หรือตัวประกอบ ส่วนทอมเหมือนจะเป็นพระเอกไปซะได้
ก็ตอนนี้อลันด์(ผู้ครองตำแหน่งนายเอก)ชอบทอมนี่นะ แล้วดูสองคนนี้ก็ยังไงกันอยู่
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 09 [14.10.15]
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 14-10-2015 20:45:43
อ่านล่ะลุ้นเหมือนจะใจขาด... สงสารอลันด์แฮะ
เป็นช่วงชีวิตหวั่นไหวได้ง่าย

ส่วนผู้รอบๆ ตัวน่ากลัวทุกนายเลย จากโธมันที่คิดว่าเพื่อนกลายเป็นน่ากลัวที่สุด
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 09 [14.10.15]ข
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 14-10-2015 20:47:46
ขอบอกเลยว่าตอนนี้เนากลัวทอมมาก   คือตอนนี้มีอาการเหมือนอัลแล้วอ่ะ ขนลุกทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องของทอมกะอัล   นี่เหรอสิ่งตอบแทนของความไว้ใจและมิตรภาพที่อัลมอบให้  โอ้ยยย...คือถ้าหมอไว้ช่วยชี้ทางน้องอัลเด็กแสบคงหลงผิดและเป็นแบบนี้ำปอีกนาน   งื้อออออ




ปล.ในเรื่องราวร้ายๆก็แอบเห็นน่ะว่าอัลหวงหมอ หมอห่วงอัล  งื้ออออ..
.ชอบเรื่องนี้อ่ะ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 09 [14.10.15]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 14-10-2015 21:56:01
หนูอัลกลัวแต่ไม่ยอมถอยออกมาก็ไม่เปลี่ยนอะไรให้ดีขึ้นหรอก ทอมนับวันจะน่ากลัวมากขึ้น ขืนไปค้างด้วยอีกทีไม่รอดแน่ ๆ ตอนนี้หมอวาเป็นทั้งพี่เลี้ยงและบอดี้การ์ด ถ้าเจมส์รู้ว่าทอมทำอะไรกับอัลจะเป็นไงนะ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 09 [14.10.15]
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 14-10-2015 22:15:35
ละโทมัสกับเจมส์จะมีคู่ของตัวเองไหมคะ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 09 [14.10.15]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 15-10-2015 00:42:27
 :hao3:


เสี้ยมดี สอนดี น่ะ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 09 [14.10.15]
เริ่มหัวข้อโดย: Gapompom ที่ 15-10-2015 04:49:41
ทอมนี่ไม่เหมือนแรกๆเลย ที่ขี้เล่น
ยิ่งรู้จักสันดารยิ่งออกสินะ
แต่ว่าอลันจะรอดไหมนะคืนนี้
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 09 [14.10.15]
เริ่มหัวข้อโดย: pim-lovemj ที่ 15-10-2015 12:45:01
 o22 ต๊าย พ่อเฮนรี่ ที่ 3 ไม่ได้มาแต่ชื่อค่ะ แต่ไม่มีบทพูดเลย อิอิ
น่าสงสารพระรองเรื่องนี้เจง ๆ 
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 09 [14.10.15]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 15-10-2015 14:39:02
ทอมเริ่มน่ากลัวแล้วเนี่ย
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 09 [14.10.15]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 15-10-2015 18:32:09
อลันเอ๊ย เพื่อน ทอมนายไม่น่าคบนะ ป้าว่า มันดูโรคจิตชอบกล






หมอต้องดึงเด็กมึนให้หลุดพ้นจากเพื่อนโรคจิตนะ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 09 [14.10.15]
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 15-10-2015 18:46:59
หือ เจมส์คือพระรองจริงๆใช่มั้ย ไม่มีบทเลยย
แล้วหมอแก่ๆจะจีบเด็กมันยังไงเนี้ยยย
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 09 [14.10.15]
เริ่มหัวข้อโดย: ren ที่ 15-10-2015 19:08:04
หมอวาเริ่มฉายแววพระเอกแล้ว^^
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 09 [14.10.15]
เริ่มหัวข้อโดย: mimasopu ที่ 16-10-2015 09:32:08
คือฉากทอมกับหนูอลันก็น่ารักนะมองเผินๆนี่อยากจะเปลี่ยนบทพระเอกซะ ง้อกันน่ารักและsmดี
แต่ถ้าหมอวาเป็นพระเอกงั้นส่งทอมไปคู่เจมส์ได้มะ คิดว่าคู่นี้น่าจะสมน้ำสมเนื้อ ตัวใกล้ๆกันแรงพอกัน
หัวข้อ: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 10 [17.10.15]
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 17-10-2015 15:03:01
(http://i.imgur.com/ei1LRJ6.jpg)
หมาแมวละเหี่ยใจ...



TRACK 10



กลับเข้าไปในงานอีกครั้งโธมัสถูกมารดาตัวเองลากไปทำความรู้จักกับผู้ใหญ่ทั้งหลายทันที ได้ยินแว่วๆ ว่าซีอีโอที่เป็นประธานจัดงานวันนี้เห็นเด็กหนุ่มแล้วสนใจชวนไปเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับคอลเลคชั่นเสื้อผ้าปีหน้า อลันด์จึงพอหายใจได้คล่องขึ้น

เจ้าเด็กแสบหันซ้ายมองขวาหาตัวช่วยตั้งใจจะเกาะติดฮิวโก้กับนิคตลอดงาน หากกลับถูกคุณหมอลากไปหลังบาร์ไม้เสียก่อน ตอนพวกเขาเข้าไปมีบริกรสองสามคนกำลังเดินขนลังเครื่องดื่มเข้าด้านใน ทิวากานต์รอจนทั้งหมดขนของเสร็จถึงเปิดปาก “เมื่อกี้ทอมทำอะไรหรือเปล่า”

“ยัง...แต่ก็เกือบ”

“เผลอไม่ได้จริงๆ แป๊บเดียวลากกันหายไปไกลถึงคอกม้า ถ้าฉันหาไม่เจอนายเสร็จหมอนั่นแน่” เขาว่าเสียงขรม มือใหญ่จับข้อมืออีกคนเลิกแขนเสื้อเบลเซอร์กับเสื้อเชิ้ตด้านในขึ้น รอยแดงปรากฏขึ้นกลางสายตา “ไม่มียั้งแรงเลยนะ เจ็บไหม”

“ไม่เท่าไหร่ แต่...”

“แต่อะไร”

“ทอมขอให้ไปนอนค้างด้วยคืนนี้ถ้าทำแต้มได้เยอะกว่าเจมส์”

ชายหนุ่มนิ่งไปหลังจบประโยคนั้น ตาคมกวาดมองอลันด์ตั้งแต่หัวจรวดเท้า ตัวก็แค่นี้ หน้ามึนยิ้มยาก ไม่เห็นจะน่ารักตรงไหน “ทำไมจู่ๆ หมอนั่นเกิดพิศวาสเธอขึ้นมาฉันล่ะอยากรู้จริงๆ”

“อยากรู้เหมือนกันแหละน่า เฮ้อ...”

“ฉันว่าเธอไม่ต้องกลัวไปหรอก ทอมเพิ่งหัดเล่นได้แค่สามสี่เดือนเองไม่ใช่หรือไง คงสู้เจมส์ที่เป็นกัปตันทีมโปโลมาก่อนไม่ได้”

“ด็อกไม่รู้อะไร ทอมมีพรสวรรค์เรื่องกีฬาจะตาย เกิดหมอนั่นฮึดเอาชนะเจมส์ได้ขึ้นมาผมไม่แย่หรือไง”

“ฉันจะไปรู้ได้ไงเล่า นายไปรับปากทอมเองเรื่องนี้ฉันก็ช่วยไม่ได้หรอกนะ นอกเสียจากว่าเจมส์จะชนะทอมได้น่ะ”

อลันด์ทำหน้าบูด เตะหญ้าตรงหน้ากระจุย นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรกับเขากัน เพื่อนสนิทวัยเด็กที่ไว้ใจที่สุดดันคิดไม่ซื่อหวังล่อทะลวงประตูหลังเขา ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้รู้แต่ว่าเขาไม่อยากให้มันเกิดขึ้น แถมปฏิเสธอีกคนจริงจังไม่ได้อีกเพราะแอบชอบอยู่ลึกๆ หรือทางที่ดีเขาควรยอมทอมไปซะจะได้จบเรื่อง ได้ทั้งเพื่อนได้ทั้งแฟน เหมือนมีแต่ได้นะว่าไหม หรือเปล่าวะ ไม่ดิ! ก็เมื่อสัปดาห์ก่อนทอมมันยังได้กับผู้หญิงอยู่เลย ถ้ามันแค่อยากสนุกลองกับผู้ชายงี้เขาไม่เสียตัวฟรีเหรอ แบบนี้มันมีแต่เขาที่เสียกับเสียส่วนคนได้มีแค่ทอมต่างหาก!!!

“โอ๊ะโอ! นึกว่าเด็กน้อยอารมณ์บูดที่ไหน อัลเองหรอกเหรอ” เสียงหญิงสาวปริศนาดังขึ้นระงับความคิดฟุ้งซ่านของอลันด์นอกจากนั้นยังเรียกสายตาสองคู่ให้หันไปหาได้ทันที

“ซาร่า!”

“ไม่เจอกันนานนะอัล หุหุ” สาวสวยนามว่าซาร่ากระโดดพรวดเดียวก็มายืนตรงหน้าอลันด์กับทิวากานต์ ผมสีดาร์กบลอนด์สะบัดไปมาตามศรีษะที่เอียงซ้ายทีขวาทีมองเด็กหนุ่ม ก่อนตาสีเขียวจะเหลือบมองคุณหมอตัวสูง “ใครอ่ะ หล่อจัง ตัวสูงด้วย ชีวิตนายไม่เคยขาดผู้ชายหน้าตาดีล้อมรอบเลยนะ”

“ด็อกเตอร์ทิวากานต์เพื่อนฉัน”

“หนุ่มไทยเหรอ ว้าว ฉันซาร่าเป็นแฟนเก่าของอัล ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ เรียกวาก็ได้” ทิวากานต์จับมือกับสาวน้อยที่เพิ่งแนะนำตัวว่าเป็นแฟนเก่าเด็กข้างตัวเขางงๆ ยัยเด็กนี่ดูเยอะจนล้นไปถึงส่วนสูงชะลูดเหมือนนางแบบ ส่วนอลันด์ก็น้อยเหมือนขาดจนแหว่ง ไม่น่ารู้จักกันได้ด้วยซ้ำ ที่สำคัญเขารู้สึกคุ้นหน้าเธอชะมัด

“ชิ ไม่นึกว่าเธอจะมางานนี้ ได้ข่าวว่างานยุ่งมากไม่ใช่หรือไง”

“โดนพ่อลากมาน่ะสิบอกให้หัดพบเชื้อพบเจ้าบ้าง ฉันละเบื่อชะมัด” ซาร่าทำหน้าเซ็งจัด เด็กนี่รู้สึกยังไงก็แสดงออกมาหมดทางสีหน้า ดูแล้วเป็นคนตรงๆ ไม่แอ๊บดี สักพักก็ก้มหน้าลงไปล้วงกระเป๋าสะพายใบเล็กหยิบบุหรี่ออกมายื่นให้อลันด์ “สักหน่อยม่ะ”

“ก็ดี” รับมาแล้วถึงค่อยเงยหน้ามองคนโตสุด “ด็อกเอาด้วยไหม”

“ได้”

ไปๆ มาๆ เลยกลายเป็นว่าสองหนุ่มกับหนึ่งสาวยืนสูบบุหรี่คุยกันอยู่หลังบาร์ไม้ ทิวากานต์เพิ่งรู้ว่าที่คุ้นหน้าสาวน้อยซาร่าก็เพราะเธอกำลังเป็นนางแบบดาวรุ่งมาแรงแซงโค้ง เป็นเซเลบที่คนทั้งเกาะบริเทรนรู้จักหมด แก่กว่าอลันด์หนึ่งปี เคยคบกันระยะสั้นสามเดือนก่อนเลิกกันไปเพราะอลันด์รักกีตาร์มากกว่าเธอ แต่ความจริงแล้วเธอทนไม่ได้ที่ต้องคบกับผู้ชายที่ตัวเล็กกว่าเธอตั้งสองนิ้ว! อ่อ แล้วซาร่าก็เป็นญาติห่างๆ ของเจมส์อีกที ถือได้ว่าเป็นคุณหนูลูกผู้ดีเก่าแต่ชอบทำตัวนอกคอก (ข้อหลังนี้อลันด์แอบกระซิบบอก)

“เด็กนี่เอาแต่ขลุกอยู่กับกีตาร์ แมว แล้วก็ทอม อ่อ ใช่...วันนี้ทอมลงแข่งด้วย หมอนั่นหล่อชะมัด ราศีจับจนสาวๆ ข้างนอกจ้องตาเป็นมัน น่าเสียดายจริงๆ ตอนนั้นฉันน่าจะขอคบกับเขามากกว่าเด็กแบบอัล” ซาร่าในชุดเดรสลูกไม้สีขาวบริสุทธิ์ของชาแนลพูดไปปล่อยควันไป เป็นภาพคอนทรานแปลกตาสุดๆ “เจมส์เองยิ่งโตก็ยิ่งหล่อ นึกภาพวันนี้สิผู้ชายหน้าตาดีสองคนบนหลังม้าต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงสาวสวยแบบฉัน ผู้หญิงทั้งอังกฤษต้องอิจฉาฉันแน่”

“ค่อกๆ” เด็กแสบสำลักควันที่เพิ่งสูดเข้าปอดไปไอค่อกแค่กหน้าแดงไปหมด ส่วนคนที่รู้สาเหตุอย่างทิวากานต์ได้แต่อมยิ้มกลั้นขำเงียบๆ สองมือลูบหลังลูบไหล่อีกคนไม่ให้ขาดใจตายไปเสียก่อน เป็นใครก็คงนึกไม่ถึงหรอกว่าชายหนุ่มสองคนที่ว่ากำลังจะแข่งกันจริงๆ แต่ไม่ได้แย่งสาวสวยนะ แย่งเด็กผู้ชายข้างๆ เขาคนนี้ต่างหาก

“อะไรกัน แค่นี้ทำมาเป็นสำลัก ฉันออกจะฮอตนะยะจะมีผู้ชายมาแย่งกันบ้างเลยไม่ได้หรือไง”

“ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่”

“นายก็เป็นแบบนี้ตลอดจืดชืดน่าเบื่อ กับพวกผู้หญิงหัดเถียงซะบ้าง ไม่ใช่เอาแต่ยอมหงอให้เขาตลอด ทีกับพวกผู้ชายล่ะเอาตาย แต่ฉันก็ไม่เข้าใจว่าทำไมผู้ชายดีๆ แบบนั้นถึงได้อยู่รอบตัวนายนัก ทั้งเจมส์ทั้งทอมแล้วก็คุณหมอวาด้วย” ท้ายประโยคไม่ลืมหันมาทำตาปิ๊งๆ ใส่คุณหมอพอรวมกับคิ้วหนาเป็นปื้นแล้วตลกจนเผลอยิ้มออกมา

“สุภาพบุรุษที่ไหนเขาเถียงกับผู้หญิงกัน” อลันด์แก้ตัว เขาสูบบุหรี่ที่ซาร่าให้มาเข้าปอดอีกอึกใหญ่ก่อนทิ้งลงพื้นหญ้า “เรากลับเข้างานกันดีกว่าด็อก อยู่กับยัยนี้มากๆ เดี๋ยวติดเชื้อบ้า”

“ได้ยินว่าเมื่อกี้เพิ่งบอกสุภาพบุรุษไม่เถียงกับผู้หญิง แล้วซาร่าไม่ใช่ผู้หญิงหรือไงถึงได้แขวะซะ”

“หึ ผู้หญิงงั้นเรอะ” ตาสีซีดกวาดมองซาร่าตั้งแต่หัวทองๆ จรดรองเท้าแบรนด์เนมส้นเตี้ย “ถ้าซาร่าเป็นผู้หญิง สาวๆ ที่เหลือก็น่าสงสารแล้วล่ะ เพราะคงไม่มีผู้หญิงที่ไหนจูบปากกับผู้หญิงด้วยกัน จริงไหม”

“อัล” ซาร่าแกล้งกัดฟันกรอดทำตาดุ ทิวากานต์ได้ยินหล่อนบ่นงุบงิบว่าจูบผู้หญิงแล้วไง อย่างน้อยพวกผู้หญิงก็ยังมีอารมณ์มากกว่าผู้ชายแบบอลันด์ คนใกล้วัยกลางคนอย่างเขาฟังแล้วหน้ามืดอยากเป็นลม

เด็กแปลกพวกนี้... ผู้ชายหน้าตาดีๆ โปรไฟล์เลิศอย่างเจมส์ดันไปชอบอลันด์ ส่วนทอมได้ผู้หญิงมาแล้วก็จริงแต่ยังหวังฟันเพื่อนรัก สาวสวยอย่างซาร่าก็นิยมเล่นดนตรีไทย ครบเลยทั้งเกย์ ไบฯ เลสเบี้ยน

กลับเข้างานมาอีกหนทั้งโธมัสและเจมส์ก็ไปรวมกลุ่มอยู่กับตัวเด่นของงานอย่างดยุกแห่งเคมบริจด์และพระอนุชาที่เสด็จมาถึงงานได้พักใหญ่แล้ว จากสีเสื้อแสดงว่าโธมัสได้ร่วมทีมกับเจ้าชายคนน้อง ส่วนเจมส์อยู่กับคนพี่ร่วมกับเซเลบอีกสองคน บรรยากาศเป็นกันเองเหมือนมาเล่นโปโลที่สนามหลังบ้านเพื่อนสักคน สาวๆ แต่งตัวสวยถือแก้วแชมเปญเดินไปเดินมา บ้างโพสท่าให้นักข่าวถ่ายรูปไปลงสื่อสังคม

ทิวากานต์มีโอกาสได้พูดคุยกับเชื้อพระวงศ์ทั้งสองด้วยการลากตัวเข้าไปร่วมวงของมาดามโอเนลล์ เขาเกร็งเล็กน้อยผิดกับอลันด์ที่ดูสบายๆ ท่ามกลางงานแบบนี้ เจ้าตัวเล็กวางตัวได้ดียามพูดคุยตอบโต้กับผู้สูงศักดิ์ โธมัสก็เช่นกันแม้จะติดนิสัยขี้เล่นอยู่บ้างแต่ดูเหมือนทุกคนจะคุ้นชินดีอยู่แล้ว ส่วนคนที่กลมกลืนมากสุดคงเป็นพ่อเฮนรี่ที่สาม เหมือนตอนที่อยู่กับซาร่าหลังบาร์ไม้จะได้ยินมาว่าพ่อหนุ่มโปโลเป็นญาติห่างๆ ของราชวงศ์อังกฤษจึงไม่น่าแปลกใจนัก

เมื่อใกล้เวลาเริ่มเกม นักกีฬาทั้งแปดคนถึงขอตัวไปวอร์มร่างกาย ม้าโปโลถูกจับใส่อานเรียบร้อยเยาะย่างมาคอยข้างสนาม ผู้ชมเดินหลบเข้าประจำที่นั่งตนเองมีทั้งตรงชุดโซฟาข้างสนามและบนบาร์ไม้ ครอบครัวโอเนลล์ได้ที่นั่งข้างๆ กับบ้านกริฟฟิธส์ เจ้าหนูนิคย้ายจากการเกาะฮิวโก้มานั่งตักอีฟดูดอมยิ้มไปทำตาหวานให้สาวๆ ไปแววเจ้าชู้ส่อมาแต่เด็ก

อลันด์นั่งกำหมัดแน่นบนหน้าตักหัวใจเต้นโครมครามยามเห็นนักกีฬาโปโลในสนามปีนขึ้นหลังม้า ตาสีซีดมองเจมส์บนหลังอาชาสีขาวตัวเขื่อง มันชื่ออเล็กซ์ตัวเดียวกับที่เคยทำเขาแขนหักเล่นกีตาร์ไม่ได้หลายสัปดาห์ เด็กหนุ่มไม่เคยชอบขี้หน้ามันโดยเฉพาะเจ้านายของมัน หากวันนี้เขาภาวนาให้มันพาเจ้านายกำชัยชนะเหนือเพื่อนรักให้ได้

ความคิดสะดุดลงเมื่อโธมัสควบเฮอร์มีสเข้ามาใกล้ผมสีทองถูกมัดเป็นหางม้าเล็กๆ ใต้หมวก เขาโบกมือให้ครอบครัวพร้อมฉีกยิ้มกว้างพาลเอาสาวน้อยสาวใหญ่แถวนั้นใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ก่อนปรายตาสีน้ำเงินเข้มมองเพื่อนซี้“อัล ถ้าฉันชนะอย่าลืมข้อตกลงของเรานะ”

“อะ เอ้อ!” เด็กหนุ่มขานกลับไปแบบไร้สติ ใจเต้นแรงกว่าเก่าตอนโธมัสยกยิ้มแบบร้ายๆ ส่งมาให้ หรือว่าเขาจะรักโธมัสเกินเพื่อนไปแล้วจริงๆ จากที่ไม่เคยคิดอะไรพอถูกทิวากานต์สะกิดมันเลยพุ่งขึ้นมาแบบนี้เหรอ? บ้าชะมัด

โธมัสขี่ม้าจากไปไม่ทันไร เจมส์ก็ควบอเล็กซ์เข้ามาแทนที่ เด็กหนุ่มกระโดดลงจากหลังม้าเดินตรงเข้ามาหาอลันด์ ตาสีมรกตจ้องจริงจังชวนใจเต้นแรงอีกคน

“อัล ถ้าฉันชนะฉันขอรางวัลจากนายอย่างนึงได้ไหม”

“หา? เหอๆ ขอผิดคนหรือเปล่า ไปขออีฟนู่น” อลันด์แกล้งหัวเราะกลบเกลื่อนหัวใจที่เต้นผิดจังหวะขึ้นมา ยิ่งพอคิดได้ว่าเจมส์แอบชอบตัวเองอยู่หน้ามันเห่อร้อนทันที

“ขอจากนายนี่แหละ ถ้าฉันชนะทอมฉันจะมาขอรางวัล”

“นายชนะทอมอยู่แล้วน่าไม่ต้องมาแกล้งทำเป็นขอรางวัลทั้งที่รู้ผลอยู่แล้วเลย”

“ฉันไม่ประมาทเขาหรอกทอมเก่งจะตาย ถ้าหมอนั่นเอาจริงกับกีฬานี้แต่แรกเสื้อเบอร์สาม1ตัวนี้คงตกเป็นของเขา” ตาสีมรกตเหลือบมองหนุ่มผมทองในสนามก่อนหันกลับมาย้ำคำเดิมกับอลันด์ “ที่ฉันขอไม่ยากหรอก ไม่ต้องกลัว”

“ฉันไม่รับปากหรอกนะ ไปได้แล้วชิ้วๆ จะได้เริ่มเกมสักที ฉันเบื่ออยากกลับบ้านแล้ว” มือเรียวยกขึ้นโบกไล่อีกคนไปไกลๆ แม่เขายังนั่งอยู่ด้วยกันตรงนี้แท้ๆ มาพูดจาแปลกๆ อยู่ได้ เดี๋ยวโป๊ะแตกขึ้นมาโดนพ่อเขาไล่กระทืบเอาไม่รู้ด้วยนะเว้ย

เจมส์ยิ้มบางคงหวังเอาอะไรกับคนที่เกลียดขี้หน้าเขามากไม่ได้ ร่างสูงโปร่งหันหลังกลับไปที่ม้าสีขาวปลอดปีนขึ้นหลังท่าทางเงื่องหงอย เห็นแล้วท่าไม่ดีนักกีฬาหมดกำลังใจก่อนแข่งแบบนี้ได้ไง เกิดเจมส์แพ้ขึ้นมาคืนนี้มีหวังเขาไม่รอดมือโธมัสแหง ทำไงดีๆ

“เชียร์เจมส์หน่อยสิ” เสียงกระซิบจากผู้ชายนั่งข้างกันดั่งบัญชาจากนรกเลยทีเดียว จะให้เชียร์เจมส์เนี่ยนะ ความคิดนี้ไม่เคยอยู่ในหัวเลยเถอะ แต่แบบ...

“เจมส์!”

มือหนาชะงักบังเหียนกึก เจ้าอเล็กซ์ก็ยกขาหน้าค้างกลางอากาศ ทั้งคนทั้งม้าหันมองหน้าอลันด์พร้อมเพรียงเหมือนกดปุ่มบังคับ ตาสีเขียวสดเบิกกว้างนิดๆ รอลุ้นด้วยใจระทึกว่าคนที่แอบชอบเรียกตัวเองไว้ทำไม ก่อนเด็กหนุ่มจะอมยิ้มแก้มแทบแตกหน้าแดงจัดควบม้าออกไปตอนได้ยินเสียงทุ้มห้าวตะโกนข้ามสนามมา

“สู้ๆ นะ”

แค่คำสั้นๆ แต่ต่อให้เจอทีมชาติชุดใหญ่เขาก็มั่นใจว่าจะเอาชัยชนะมาครองได้ กำลังใจจากคนที่แอบชอบ เจมส์ สเปนเซอร์ขอสู้แค่ตายเว้ย!



ทิวากานต์ไม่รู้หรอกว่าไอ้กีฬาขี่ม้าตีคลี เอ๊ย ขี่ม้าโปโลนี่เขาเล่นกันยังไงมีกฎกติกาอะไร รู้แต่ว่าเกมนี้น่าจะเดือดสุดๆ เพราะเริ่มเกมไปได้ไม่เท่าไหร่ลูกทีมฝั่งเจ้าชายคนพี่นายหนึ่งก็ตกม้ากลิ้งหลุนๆ ไปกับพื้นหญ้าท่ามกลางเสียงฮือฮาของผู้ชมโดยเฉพาะโต๊ะข้างๆ เพราะตัวต้นเหตุคือโธมัสที่ขี่ม้าเบียดแย่งลูกกับอีกฝ่ายนั่นเอง

“แค่งานการกุศลแต่เหมือนทอมจะเอาจริงมากเลยนะ เกิดอะไรขึ้นกันล่ะเนี่ย” ซาร่าที่โผล่มาจากไหนไม่รู้ให้ความเห็น หล่อนปรายตามองอดีตแฟนหนุ่มคล้ายจะโทษว่าสาเหตุก็นั่งอยู่นี่ไง

“หมอนั่นคงร้อนวิชาอยากโชว์ฝีมือละมั้ง” มาร์โก้ที่เพิ่งย้ายก้นจากที่นั่งฝั่งครอบครัวตัวเองตามซาร่ามาให้ความเห็น

“ไม่ก็อยากเอาชนะเจมส์” มาริโอ้เสริมก่อนตบท้ายให้ทั้งโต๊ะหัวเราะครืน “ตอนนี้พี่คงอยากลากเจมส์ไปสู้บนสนามรักบี้สุดๆ เลยล่ะ”

เล่นกันได้ไม่เท่าไหร่กรรมการก็เป่าพักครึ่ง นักกีฬากระโดดลงจากหลังม้าหาน้ำดื่มกันยกใหญ่ โธมัสดูหงุดหงิดหน้าแดงก่ำ เพื่อนร่วมทีมไม่มีใครกล้าเข้าใกล้แม้แต่เจ้าชายคนน้องที่ตัวสูงไล่เลี่ยกันที่สุดก็ยังดูกระดูกห่างจากอีกฝ่ายไปหลายเบอร์

“นี่ถ้านายเป็นผู้หญิงฉันคงนึกว่ามีศึกชิงนางจริงๆ นะเนี่ย” ซาร่าให้ความเห็นอีกครั้งตอนที่ผู้ชมลงไปในสนามช่วงพักครึ่งตามธรรมเนียม ทำเอาเด็กแสบที่กำลังจิบแชมเปญถึงกับสำลักอีกรอบของวัน

“สองคนนั้นแค่อยากเอาชนะกันมากกว่า ถ้าเป็นเรื่องกีฬาการต่อสู้ทอมอารมณ์ร้อนจะตาย”

“แต่วันนี้เจมส์ก็เอาจริงนะ ฉันไม่เห็นหมอนั่นจริงจังกับการแข่งโปโลออกงานแบบนี้มาก่อนเลย นึกว่าแข่งนามทีมชาติอยู่งั้นแหละ”

“เธอคิดมากไปแล้วมั้ง”

เด็กหนุ่มรีบปัดให้พ้นตัว จะเรียกทิวากานต์มาช่วยคุณหมอวัยสามสิบก็หายไปอยู่ท่ามกลางสาวสวยในสนามเสียแล้ว ใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มแบบหนุ่มเอเชียแท้บวกรูปร่างสูงใหญ่ไม่แพ้เจ้าถิ่นเรียกสายตาได้ปลื้มจากผู้หญิงในงานมากพอๆ กับนักกีฬาเลยทีเดียว ไหนจะรอยยิ้มการค้าอีก เอาเป็นว่าสาวๆ ตอนนี้แทบเลือกไม่ถูกแล้วว่าจะเลือกใครดี

เกมเริ่มต้นอีกครั้งพร้อมองศาเดือดที่เพิ่มขึ้นทุกขณะ เสียงฮือฮาดังขึ้นทุกทีที่ม้าสองตัวปะทะกัน โปโลเป็นกีฬาอันตรายอยู่แล้วเพราะต้องควบอยู่บนหลังม้าด้วยความเร็วหากพลาดขึ้นมาสามารถบาดเจ็บหนักได้ โดยปกติแข่งงานกุศลแบบนี้จะออกแนวเล่นกันสบายๆ เหมือนซ้อมมากกว่า แต่วันนี้ดาวเด่นกับมือใหม่ของแต่ละทีมดูจะเอาจริงเอาจังจนสนามหญ้าร้อนระอุ

ตอนนี้แต้มฝั่งดยุกแห่งเคมบริจด์ดูจะนำอยู่เล็กน้อย แต่โธมัสยังคงหน้าเคร่งไล่ตามลูกบอลเอาเป็นเอาตายผิดกับเจมส์ที่ดูผ่อนคลายขึ้น กระซิบถามเอาจากอลันด์ที่นั่งชมเกมตาไม่กระพริบถึงได้ความว่าโธมัสยังทำแต้มน้อยกว่าเจมส์อยู่สองแต้มแม้จะหักแต้มต่อแล้วก็ตาม

ในฐานะมือใหม่ถือว่าเก่งมากแล้ว แต่กับเกมแรกที่ลงและมีของรางวัลชิ้นงามเป็นรางวัล เห็นทีโธมัสจะยอมแพ้ไม่ได้

“กรี๊ด” ซาร่ากับอีฟถึงกับหลุดอุทานมาพร้อมกันเมื่อม้าของโธมัสปะทะกับม้าของเจมส์อีกครั้ง และครั้งนี้ดูจะรุนแรงกว่าเดิมเพราะเจมส์ถึงกับกลิ้งตกจากหลังม้า อลันด์หน้าซีดจับแขนตัวเองหมับภาพตอนที่ตัวเองตกหลังม้าย้อนกลับเข้ามาในหัวอีกครั้งความเจ็บตอนนั้นเขายังจำได้ดีแต่พอเห็นเจมส์ลุกขึ้นมาแทบจะในทันทีก็โล่งอก

“ทอมเล่นแรงเกินไปแล้ว” อีฟว่าท่าทางหัวเสียเป็นที่สุด

“คงไม่อยากแพ้ล่ะมั้ง แต่เมื่อกี้ผมอดเสียวแทนเจมส์ไม่ได้เลย ดีว่าหมอนั่นตกหลังม้าบ่อยจนชิน ไม่งั้นละ...” มาริโอ้หยุดไว้แค่นั้นให้ทุกคนจินตนาการต่อ

เกมเริ่มขึ้นอีกครั้ง ม้าทุกตัวในสนามเหมือนจะรับรู้ได้ถึงความร้อนแรงพวกมันดูคึกคักขึ้นตะบึงห้อไล่กวดตามลูกบอลเอาเป็นเอาตายนักกีฬาที่เหลือจึงพลอยฮึดไปด้วย อาจจะยกเว้นดยุกแห่งเคมบริจด์ไว้คนที่ยังมีรอยยิ้มประดับใบหน้าควบม้าสบายๆ และคงเป็นโชคดีที่เจ้าชายองค์น้องเติบโตขึ้นมากจนควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้น ไม่งั้นอาจมีช็อตไม้โปโลปลิวได้ยามเจ้าตัวกลิ้งตกหลังม้าตามเจมส์ไปอีกคน

กว่าจะจบเกมเล่นเอาคนดูหายใจไม่ทั่วท้องไปเป็นแถว โธมัสเหวี่ยงตัวลงหลังม้าก่อนเขวี้ยงไม้โปโลทิ้ง น่าเสียดายอุตส่าห์ฮึดช่วงท้ายแทบตายก็ยังทำแต้มไล่ตามเจมส์ไม่ทัน แถมถูกทิ้งห่างไปอีกสามคะแนนให้น่าขายหน้า ความคิดที่จะได้กินกระต่ายตัวขาวเนื้อแน่นคืนนี้เป็นอดกัน!

หากหนุ่มลูกเสี้ยวเยอรมันหงุดหงิดได้ไม่นานต้องรีบปั้นหน้ามายืนถ่ายรูปมอบถ้วยรางวัล พี่น้องกริฟฟิธส์เข้าไปรุมพี่ชายคนโตพลางพูดปลอบใจเรียกรอยยิ้มกลับคืนมาทีละน้อย แต่คนที่เรียกรอยยิ้มกลับมาได้มากที่สุดคงไม่พ้นเพื่อนรักตัวเล็กที่เดินมาบอกว่าเจ้าตัวทำได้ดีมาก

หลังเสร็จพิธีมอบรางวัลลำดับต่อไปคือรับประทานมื้อเที่ยงที่บาร์ไม้ นักกีฬาเริ่มทยอยไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อมาร่วมมื้อเที่ยง เหลือเพียงคนที่ทำแต้มสูงสุดในเกมนี้อย่างเจมส์ยังละล้าละลังไม่ยอมไปเสียที หัวใจที่อกด้านซ้ายของอลันด์กลับมาเต้นตึกตักอีกครั้งตอนเห็นร่างสูงโปร่งของนักโปโลเบอร์สามย่างสุขุมเข้ามาหา ตาสีเขียวมรกตคู่นั้นฉายความยินดีไม่มิดพาลให้คนถูกขอรางวัลขนลุกซู่

“ฉันมาทวงรางวัล”

“รางวัลอะไรล่ะ ถ้ามากเกินไปฉันไม่มีให้หรอกนะ” ลูกผู้ชายรับปากไปแล้วต้องรักษาสัญญา ในฐานะลูกผู้ชายคนหนึ่งอลันด์จะไม่บิดพริ้วให้เสียศักดิ์ศรี แต่ถ้าเจมส์ขออะไรที่ไม่ต่างจากโธมัสเขานี่แหละจะส่งหมัดไปให้แทน

เจมส์เงียบไปอึดใจ จู่ๆ ใบหน้าหล่อปรากฏริ้วแดงขึ้น เขากระแอมเรียกความมั่นใจหนึ่งทีก่อนยื่นมือออกไปข้างหน้า “ฉันขอโทษกับทุกเรื่องที่ผ่านมา นายจะยกโทษให้ฉันได้ไหม”

โอ้ว - มาย - ก็อด - !!!
มั่นใจได้ว่าทุกคนที่รู้จักสองคนนี้และได้ยินประโยคเมื่อกี้ต้องอุทานคำนี้ออกมาแน่นอน

อีฟช็อคถึงขั้นหน้ามืดเซแถ่ดๆ ไปหาฮิวโก้ที่ช็อคตาตั้งไปแล้ว หากคนที่มีปฏิกิริยาแปลกมากสุดกลับเป็นโธมัส เด็กหนุ่มปรายตามองคู่แข่งก่อนยักไหล่แล้วเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ทิวากานต์ถึงกับถอนหายใจโล่งอกตอนแรกนึกว่าอีกคนจะไม่พอใจเดินเข้ามาชกเจมส์แล้ว ที่ไหนได้ดูยอมปล่อยชิ้นเนื้อที่หมายตาไว้ให้เพื่อนง่ายดายจนต้องถามตัวเองว่ามันง่ายไปเปล่าวะ!

พอลับหลังกว้างของโธมัสไปสายตาทุกคู่กลับมาจ้องว่าที่อดีตคู่กัดรอลุ้นคำตอบจากปากอลันด์อีกครั้ง ดูเหมือนว่าเจ้าตัวแสบเองช็อคไม่แพ้ใครดีไม่ดีอาการจะหนักกว่าด้วยซ้ำ แหงล่ะ ในเมื่อรู้อยู่แก่ใจว่าอีกคนชอบตัวเองอยู่มาทำอะไรที่เหมือนขอโอกาส(เพื่ออะไรก็ไม่รู้)อีกสักครั้ง หน้าขาวซีดเหมือนคนเมายาตลอดเวลาถึงกับซับสีเลือดไปทั่วหน้า

“เมื่อกี้ตอนตกหลังม้าหัวนายไม่ได้กระแทกกับอะไรใช่ไหม” ถึงจะเขินแต่ขอถามอีกทีเพื่อความมั่นใจ เจอเจมส์มาดนี้เข้าไปบอกตรงๆ รับมือไม่ถูก

“ที่พูดเมื่อกี้ฉันจริงจังนะอัล ไหนๆ จะไม่ได้เจอหน้ากันอีกนานอย่างน้อยฉันอยากให้เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมากกว่าคู่กัดแบบนี้”

“ถ้าแค่เพื่อน... ” เด็กหนุ่มเน้นคำว่าเพื่อนเป็นพิเศษ “ก็ได้ ฉันยกโทษให้”

เท่านั้นหนุ่มน้อยจากตระกูลสเปนเซอร์ก็ฉีกยิ้มกว้าง จับมืออลันด์ที่ยื่นมาหารวบไว้แน่น “ฉันดีใจที่สุดเลย นึกว่าจะไม่ได้คุยดีๆ กับนายแบบนี้ซะแล้ว”

อลันด์เกือบอ้าปากเถียงกลับไปแล้วว่าไม่ใช่นายหรือไงที่คอยหาเรื่องเขาก่อนตลอดเวลาที่ผ่านมา แต่พอคิดว่านั่นเป็นวิธีเข้าหาเขาแบบผิดๆ ของเจมส์และเพื่อกันไม่ให้อะไรมันยุ่งยากไปกว่านี้เลยตัดสินใจหุบปากเงียบเสีย

เขายอมให้อีกคนลากไปหาเจ้าอเล็กซ์ อึกอักนิดหน่อยตอนที่อีกคนคะยั้นคะยอให้ขึ้นขี่หลังมันความกลัวตอนตกลงมายังฝังใจ ยิ่งเมื่อไม่กี่นาทีก่อนเจมส์เองเพิ่งถูกม้าสีขาวตัวนี้สะบัดตกด้วยซ้ำ หากพอถูกอีกฝ่ายตื๊อหนักเข้าพร้อมรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะอย่างดีว่าจะคอยจูงอเล็กซ์ไว้รับประกันด้วยเกียรติของตระกูลว่าจะไม่มีวันปล่อยให้อลันด์ตกหลังม้าเป็นครั้งที่สองอีกเป็นอันขาด ซ้ำเจ้าอเล็กซ์เหมือนจะรู้ตัวว่าเคยทำเขาเจ็บมันร้องฮี้เบาๆ ก้มหัวคอตกทำตาอ่อนตาหวานใส่ สุดท้ายร่างเล็กค่อนไปทางอวบจึงยอมปีนขึ้นนั่งหลังม้าเป็นครั้งแรกในรอบสามปี

เจมส์จูงอเล็กซ์พาอลันด์เดินไปรอบสนามโปโล พวกเขาคุยเล่นกันเหมือนทำความรู้จักกันใหม่ บรรยากาศผ่อนคลาย สถานที่เป็นใจ อะไรๆ ดูลงตัวเข้ากันได้ดีไปหมดเหมือนภาพในนิตยสาร

“เจมส์มันร้ายลึกเหมือนกันนี่ ได้ทีรุกอัลหนักเลยนะ” โธมัสให้ความเห็นกับทิวากานต์หลังเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว ตาสีน้ำเงินเข้มมองสองคนบนสนามหญ้าเรียบเฉยจนเดาอารมณ์ไม่ถูก คุณหมอไม่อยากแย้งหาเรื่องเข้าตัวว่าคนที่ร้ายลึกมันน่าจะนายมากกว่า พอเห็นคนแก่กว่าไม่พูดโธมัสเลยหันหน้ามาหาเสียเลย “ด็อกคิดว่าไง”

“ว่าไงล่ะ”

“เจมส์กับอัลไง”

ทิวากานต์กรอกตาขึ้นฟ้า เขาทำเป็นเดินให้เด็กหนุ่มตามเข้าไปในบาร์ไม้ “ก็ไม่ไงนี่ ดีกันก็ดีแล้ว อีกอย่างเจมส์ดูจริงใจดีนายไม่คิดอย่างนั้นหรือไง ฉันจำได้นะว่าตอนนั้นนายพยายามเปิดทางให้เจมส์จีบไอ้ตัวแสบน่ะ”

“ใช่ ผมทำ” เขายอมรับ “ด็อกรู้ใช่ไหมว่าผมกับอัลรักกันมากแค่ไหน แล้วเจมส์เป็นคนดีอย่างที่ด็อกว่านั่นแหละ ผมดูเขามานาน ถ้าเขาจะรักอัลจริงๆ จนอยากคบกัน ผมยอม”

“อ่าฮะ”

“แต่ถ้ากับคนอื่น... ผมคิดว่าผมคงไม่อยากแบ่งอัลไปให้ใคร” โธมัสกดเสียงต่ำ ตาสีน้ำเงินเข้มมองคุณหมอไม่เป็นมิตรนัก

คนอื่นที่ว่าปรายตามองเด็กตัวใหญ่นิ่ง รอยยิ้มบางจุดขึ้นบนใบหน้า ทำไมจู่ๆ โธมัสถึงคิดว่าเขาจะมาแย่งอลันด์ไปจากเจ้าตัวกัน ขอบอกเลยว่าทิวากานต์ไม่เคยคิดกับเด็กนั่นในแง่นั้นสักนิด แต่ไม่รู้อะไรดลใจให้เขาอยากยั่วไอ้เด็กยักษ์ขึ้นมาคำพูดประหนึ่งสานส์ท้ารบจึงหลุดออกมาจากริมฝีปากบางสวยของคุณหมอ

“มั่นใจก็ดี แต่ถ้ามั่นมากไปจนไม่แคร์อะไรระวังจะเสียของรักไปไม่รู้ตัวนะ”

บอกเลยไม่ได้พิศวาสอลันด์จริงๆ แค่อยากสั่งสอนเด็กตามประสาคนอาบน้ำร้อนมาก่อนเท่านั้นแหละ เชื่อทิวากานต์เถอะ!

.
.
.

-------------------------------

1 - ในกีฬาโปโลเสื้อหมายเลขสามหมายถึงผู้เล่นที่เก่งที่สุดของทีม
หัวข้อ: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 10 [17.10.15]
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 17-10-2015 15:08:00
เผลอแป๊บๆ วันพักร้อนของคุณหมอกำลังจะหมดลง หลังงานแข่งโปโลเขาเกาะติดอลันด์แจคล้ายจะยั่วโธมัสเล่น เจ้าเด็กยักษ์ดูหงุดหงิดพอควร เวลาทำกิจกรรมอะไรเป็นอันต้องปะทะให้ได้เจ็บตัวกันบ่อยๆ แล้วคิดว่าผู้ชายบอบบางอย่างทิวากานต์จะสู้ได้เหรอ... ไม่มีทางเสียล่ะ

เขามองรอยช้ำตามตัวแล้วนึกเป็นห่วงอลันด์ขึ้นมา ขนาดเขามีโครงร่างใหญ่ยังเจ็บขนาดนี้แล้วกับอลันด์ที่ตัวนิดเดียวจะขนาดไหน

ที่พอจะช่วยให้หายห่วงได้คงเป็นการที่เจมส์แวะเวียนมาหาเจ้าเด็กแสบบ่อยๆ ไม่ว่าเขากับเด็กแสบจะไปไหนพ่อหนุ่มเชลซีเป็นอันต้องพาตัวเองพ่วงไปด้วยเสมอ ทั้งขับรถพาคุณหมอเที่ยว ไปว่ายน้ำเล่นที่คฤหาสน์ตระกูลกริฟฟิธส์ หรือตามติดไปเยี่ยมบ้านคุณตาคุณยายของโธมัสที่มิวนิค ทุกครั้งที่เจมส์ผูกตัวติดอยู่กับอลันด์ โธมัสจะไม่เข้ามาใกล้ ไม่ทำตัวนัวเนียเด็กหนุ่มเหมือนเปิดทางให้เพื่อนรุกเต็มที่

ดูเป็นความสัมพันธ์ยุ่งเหยิงแปลกๆ แต่ทิวากานต์ตั้งใจให้อลันด์อาศัยจุดนี้ดูแลตัวเองในตอนที่เขาต้องกลับกรุงเทพไปก่อน

ตาคมก้มมองเด็กตัวเท่าไหล่ เห็นท่าทางหงอยๆ แล้วใจมันฟูเหมือนเป็นคนสำคัญของใครสักคนจนอดยกมือไปขยี้ผมอีกคนไม่ได้ ถูกตาซีดๆ ตวัดมองมาไม่ชอบใจก็ยังไม่ยอมหยุด

“เอามือออกไปเลยนะ”

“อะไรกัน แค่นี้ทำมาเป็นโวยวาย” แต่ก็ยอมเอามือออกโดยดี “ฉันจะไปแล้วเหงาล่ะสิ”

“เหงาอะไร เข้าข้างตัวเองไปหรือเปล่า หึ!”

“จ้า ไม่เหงาไม่หงอย แมวตัวไหนไม่รู้เป็นต่างหากเนอะ”

“ด็อกกวนตีนว่ะ” ได้หมัดแถมมาหนึ่งทีก่อนกลับเต็มอก อลันด์หน้าแดงแจ๋ทำเป็นหันหน้าไปหาเจมส์ “เรากลับบ้านไปนอนต่อกันดีกว่า ปล่อยด็อกเถื่อนนี่เข็นกระเป๋าไปเช็คอินเองเหอะ”

“ไม่เอาน่าอัล รับปากคุณแม่ว่าจะมาส่งคุณหมอกลับเองนะจะมาทิ้งไปเฉยๆ ได้ไง”

“ใช่ๆ เป็นเด็กไม่ดีเลยนะ”

ใช่แล้วล่ะ วันนี้ทิวากานต์จะกลับกรุงเทพเมืองฟ้าอมรแล้ว มีเด็กแสบกับเจ้าเฮนรี่ที่สามตามมาส่ง ส่วนโธมัสมีธุระเรื่องมหาวิทยาลัยที่มิวนิคต้องไปจัดการตั้งแต่เมื่อวานซืนกลับมาส่งไม่ทัน

“หนอย... ทำไมจู่ๆ เข้าขากันดีอย่างนี้นะน่าเบื่อจริง อัลเบิร์ตเข็นกระเป๋าคุณหมอไปที่เคาน์เตอร์เช็คอินเลย” ท้ายประโยคอลันด์หันไปสั่งพ่อบ้านส่วนตัว อัลเบิร์ตก็ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ยกกระเป๋าใบสุดท้ายของทิวากานต์ขึ้นรถเข็นเดินนำหน้าไปที่เคาน์เตอร์เช็คอิน

“ฉันว่าน่าจะหมายถึงเธอกับเจมส์มากกว่านะ ตัวติดกันเป็นปาท่องโก๋เชียว” ทิวากานต์แกล้งก้มลงไปกระซิบกับเด็กตัวเท่าไหล่ เรียกอาการฮึดฮัดขัดใจขึ้นมาได้ทันที

“อะไร!? ตัวติดกันที่ไหน หมอนั่นมาวุ่นวายเองต่างหาก น่ารำคาญจะตาย” เขากระซิบกลับ จงใจกระแทกส้นรองเท้าหนังลงบนหน้าเท้าคุณหมอเต็มแรงก่อนหันไปหาเพื่อน “เจมส์ฉันอยากกินน้ำ ไปซื้อให้หน่อยสิ”

“หืม? น้ำอะไรล่ะ” ถึงจะงงๆ แต่อะไรที่อลันด์ขอเจมส์ทำให้ได้หมด

“กาแฟอะไรก็ได้ ฉันรู้สึกง่วงๆ”

“โอเค งั้นรอแป๊บนึงนะ คุณหมอเอาอะไรด้วยไหมครับ”

“ไม่เป็นไร ผมไม่ค่อยหิว”

พอเหลือกันสองคนทิวากานต์เปลี่ยนสีหน้าจริงจังลากแขนไอ้ตัวแสบเข้ามาใกล้ “ฉันไปแล้วไม่มีไม้กั้นหมาบ้าให้แล้วนะ เพราะฉะนั้นอย่ารำคาญเจมส์ทำตัวติดหมอนั่นไว้”

“ทำไมต้องเจมส์ ผมหาทางหนีทอมได้เองน่าไม่เห็นต้องพึ่งหมอนั่นเลย”

“ให้มันจริงเถอะ” นิ้วยาวดีดหน้าผากอีกคนไปที “อยู่กับเจมส์อ่ะดีแล้วโดยเฉพาะเวลาไปไหนมาไหน ไม่สังเกตเลยหรือไงว่าถ้าอยู่กับหมอนั่นทอมจะไม่เข้ามาวุ่นวายน่ะ”

“ก็...”

“หรือถ้าเธอชอบที่ทอมทำก็ไม่ต้องทำตามที่ฉันบอกก็ได้”

“ไม่ใช่แบบนั้น”

“งั้นทำตัวเป็นเด็กดีทำตามที่ฉันบอก อย่าไปค้างบ้านทอมหรือไปไหนมาไหนกันแค่สองคนเด็ดขาด ถ้าเจมส์ไม่ว่างอย่างน้อยทำตัวติดคนอื่นไว้ยังดี เข้าใจไหม”

“อืม” ศีรษะกลมขยับขึ้นลงเบาๆ เอาจริงแล้วถ้าให้เลือกอยู่ติดกับใครเขาอยากอยู่กับด็อกเถื่อนนี่มากกว่าเจมส์ ตลอดเวลาเกือบเดือนที่ผ่านมาเขาได้รู้จักเพื่อนบ้านคนนี้มากขึ้นจนยอมรับว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ใหญ่ที่ไว้ใจได้มากพอๆ กับพ่อแม่ ถึงจะขี้แกล้งและกวนตีนไปหน่อยก็เถอะแต่ทิวากานต์ทำให้เขารู้สึกปลอดภัยทุกครั้งที่อยู่ใกล้

“ไม่ต้องกังวลไปน่า เจมส์จะดูแลเธอได้ดี”

“ดีเกินจนน่าขนลุกเลย ก่อนหน้านั้นหาแต่เรื่องแขวะ บอกตรงๆ ผมรับไม่ค่อยได้”

“เพราะเขาชอบเธอไงล่ะ”

“เฮ้อ...” อลันด์ถอนหายใจเหนื่อยๆ

“เลิกทำหน้าเหม็นเบื่อได้แล้ว นู่น เจมส์มาแล้ว”

มือหนาแตะกลุ่มผมนุ่มลูบเบาๆ จัดทรงให้ ทิวากานต์ตบไหล่อีกคนคล้ายให้กำลังใจ รอจนเจมส์เดินมาพร้อมแก้วกาแฟให้อลันด์ถึงชวนกันไปหาอัลเบิร์ต พอไปถึงแถวเช็คอินถึงรู้ว่ามิสเตอร์เอเดลมาร์อัพเกรดที่นั่งจากบิสซิเนสคลาสเป็นเฟิร์ตสคลาสให้ ไม่ต้องรอเข้าคิวเช็คอินยาวเหยียดกับผู้โดยสารคนอื่นและสามารถเข้าไปในเกทได้เลยเพราะอัลเบิร์ตจัดการเช็คอินให้แล้ว

“ฝากขอบคุณพ่อเธอด้วยนะ”

“อ่าฮะ”

“แล้วเจอกันที่คอนโด รีบๆ มาล่ะ” ตาสีซีดมองกำปั้นตรงหน้าแล้วค่อยคลี่ยิ้มออกมาเต็มใบหน้าในที่สุด เด็กหนุ่มชกกลับคืนไปหาคุณหมอ... สัญลักษณ์ของสัญญาลูกชาย

“แค่เดือนเดียวอย่าเพิ่งเหงาล่ะที่ไม่มีผมไปป่วนน่ะ”

“โถ่ หลงตัวเอง ฉันมีสาวๆ ให้แก้เหงาเยอะแยะ เด็กผู้ชายแบบเธอไม่อยู่ในสายตาหรอก”

“จิ๊”

ทิวากานต์ยิ้มกว้างเต็มใบหน้า จงใจแกล้งขยี้หัวสีช็อกโกแลตนมให้ยุ่งอีกครั้งทั้งที่เป็นคนจัดมันไปแหม็บๆ “ฉันไปล่ะ เจมส์ฝากดูแลอลันด์ด้วยนะ”

“คะ ครับ ผมจะดูแลอลันด์ให้ดี” หนุ่มนักกีฬารับคำตะกุกตะกักหน้าแดงแจ๋ (เด็กนี่พอหลุดมาดแล้วก็น่ารักดี เหมือนวัยรุ่นหัดรัก) เขาชูนิ้วโป้งให้เป็นการยืนยันว่าจะทำตามที่รับปากอย่างแน่นอนแม้จะงงๆ อยู่หน่อยก็เถอะ

“บาย”

“บาย”

พวกเขาโบกมือเป็นพิธีอีกเล็กน้อยถึงยอมปล่อยให้คุณหมอตัวสูงเดินเข้าไปด้านใน แล้วอีกหนึ่งเดือนค่อยเจอกันใหม่ หวังแต่ว่าช่วงนี้อลันด์จะเอาตัวรอดจากโธมัสได้ละนะ

.
.
.

ต้องถือว่าโชคดีจริงๆ ที่ทิวากานต์สอบทุกอย่างผ่านในรอบเดียวไม่ต้องรอสอบใหม่ปีหน้า จบการเทรนศัลย์เฉพาะทางได้อย่างรวดเร็วภายในอายุสามสิบปี นับว่าเร็วแซงหน้าเพื่อนร่วมอาชีพวัยไล่เลี่ยกันไปหลายคน แต่เพราะชายหนุ่มเข้ามาเทรนแบบไร้ต้นสังกัดเมื่อสอบเสร็จจึงเคว้งคว้างว่างไปอีกสักพักระหว่างรอบรรจุเข้าทำงานที่โรงพยาบาลเดิมกับที่จบมา ปกติไม่ค่อยมีกรณีแบบนี้มากนักหากทิวากานต์นับได้ว่ามีผู้ใหญ่เอ็นดูหลายคนแถมยังเส้นใหญ่พอตัว ชีวิตจึงไม่ลำบากลำบนไปประจำโรงพยาบาลต่างจังหวัดหรือโรงพยาบาลเอกชนที่มีมาจีบอยู่เนืองๆ

พอมาเป็น young staff แม้งานจะหนักแต่ยังดีกว่าตอนเทรนเยอะมาก(เติมก. ไก่ล้านตัว) อย่างน้อยชั่วโมงนอนต่อสัปดาห์ก็นับได้เกินสองมือสองเท้า แถมโรงพยาบาลที่ประจำอยู่ก็มีขนาดใหญ่มาก อุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ครบครับเนื่องด้วยเป็นโรงเรียนแพทย์แถวหน้า บุคลากรมีเพียงพอทุกแผนกทุกสาขาจนเขาไม่ต้องอยู่เวรรัวๆ อีกต่อไป แลกกับการสอนนักศึกษาแพทย์ตัวเปี๊ยกที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดี และชายหนุ่มกะจะอยู่ที่เดิมที่เดียวจนเกษียณ(ถ้าไม่ถูกเขาไล่)นั่นแหละ

วันนี้หลังเลิกงานตบตีกับคนไข้และนักศึกษาทิวากานต์จึงมีเวลาว่างพอนัดสาวๆ(?)สุดที่รักมากินมื้อเย็นได้ หลังไม่เจอกันนานเกือบครึ่งปี

“อันนี้ของป้าหมอ อันนี้ของป้าอิง ชิ้นนี้ให้ป้าก้อย ส่วนนี่ของป้าเต็ม กล่องนี้ของป้าแอน ถุงนี้ให้น้าตา” ชายหนุ่มรื้อถุงของฝากหยิบขึ้นมาให้เหล่าสว. ทีละคน

“ขอบคุณค่ะ” ป้าหมอรับถุงใส่กระเป๋าแบรนด์เนมชื่อดังไปเก็บไว้ข้างตัว นิ้วเล็กๆ ดันแว่นพลางหรี่ตามองหลานชายนอกสายเลือดตัวโต “แล้วนี่เป็นไงบ้าง”

“เที่ยวก็สนุกดี” ชายหนุ่มว่า สองมือจัดการเทลูกชิ้นลงหม้อสุกี้

“ฉันหมายถึงงานที่โรงพยาบาล”

“เหมือนเดิมแหละป้า”

“หนอยปาก พวกฉันบอกกี่ครั้งแล้วว่าให้เรียกพี่”

“แก่กว่าแม่เรียกป้าถูกแล้ว” ชายหนุ่มเพียงคนเดียวบนโต๊ะฉีกยิ้มทะเล้น พอถูกเหล่าป้าค้อนเข้าหน่อย แขนยาวๆ พลันเลื้อยกอดเอวอ้อนคนแก่เสียงอ่อนเสียงหวาน “ป้าเต็มชอบของฝากที่วาซื้อให้ไหม”

“ชอบจ้า สวยดีๆ”

“อันนี้วาตั้งใจเลือกให้เลยนะ รู้ว่าป้าเต็มชอบมากโดยเฉพาะพรีเซ็นเตอร์” ทิวากานต์ยิ้มหวานประจบ ถึงจะอายุสามสิบเข้าไปแล้วแต่กับป้าๆ กลุ่มนี้เขาจะทำตัวเด็กใส่เสมอ และเขาก็รักผู้หญิงพวกนี้ไม่แพ้แม่แท้ๆ ของตัวเอง ทั้งหมดรุมกันช่วยเลี้ยงเขามาตั้งแต่อยู่ในท้องนู่นแน่ะ แต่ละคนตั้งใจเลี้ยงเขาเกินไปกว่าจะรู้ตัวว่าต้องหาพ่อของลูกตัวเองบ้างก็ไม่ทันซะแล้ว อ้อ ยกเว้นป้าอิงไว้คน คนนี้แต่งงานก่อนแม่จะมีเขาเสียอีก

“แล้วนี่จะออกไปทำเอกชนหรือเปล่า” ป้าหมอผู้อาวุโสสุดซ้ำยังเป็นคนช่วยผลักดันเขาให้เดินทางนี้ได้อย่างสมบูรณ์ถามขึ้น แกคงเป็นห่วงเพราะอีกไม่กี่ปีจะเกษียณแล้วตอนนั้นคงช่วยอะไรเขาไม่ได้มาก อะไรที่ทำได้ตอนนี้ก็รีบๆ ทำเสียให้เสร็จ

“คงยังอ่ะครับ ไปอังกฤษรอบนี้วาไปดูหาลู่ทางเรียนต่อด้วย ตอนแรกสนใจเยอรมันอยู่แต่ต้องเรียนภาษาอีกวาขี้เกียจ ทำอยู่นี่แหละดีแล้วรอทุนดีกว่าจะได้ไม่ต้องทำงานหาเงินส่งตัวเองเรียนแบบตอนเทรน เหนื่อยจนเหมือนจะตายให้ได้”

“น้องวาขยันเนอะ เห็นเรียนตลอดเลย”

“ชีวิตมันว่างๆ ไม่รู้จะทำไรดีอ่ะครับป้าอิง ไหนๆ เลือกเดินทางนี้แล้วอยากไปให้มันสุด ตอนนี้ก็ก้มหน้าก้มตาทำงานเก็บเงิน พอรวยแล้วจะได้มาเลี้ยงป้าๆ ไง”

“โถ ไม่ต้องมาเลี้ยงฉันหรอกย่ะ ไปเลี้ยงลูกตัวเองเถอะ ได้ข่าวว่าพ่อแกซื้อมาให้ใหม่อีกคันไม่ใช่หรือไง”

“โหย ไอ้นั่นตัวสูบเงินเลยน้า ขนาดไม่ค่อยเอามาใช้ยังเปลืองน้ำมันอิ๋บอ๋าย แต่น้องกบโคตรน่ารักจะปล่อยทิ้งไว้ให้ฝุ่นเกาะก็น่าเสียดาย” เขาตอบคุณน้าเพียงคนเดียวของกลุ่มพลางตักลูกชิ้นที่สุกแล้วให้

“ในเมื่อรถมันเยอะจนใช้ไม่ทันทำไมไม่ขายไปสักคันล่ะ” ป้าก้อยสาวเปรี้ยวหน้าเด็กแม้วัยจะล่วงเข้าห้าสิบกลางๆ แต่ยังคงนุ่งยีนส์เช้งวับเหมือนสาวรุ่น ไม่อยากจะเม้าท์ว่าคนสอนคุณหมอหัดเที่ยวก็ป้าคนนี้แหละ

“คิดอยู่ครับ ว่าจะขายแซดโฟร์ไปแต่คันนั้นแม่ก็ซื้อให้ทำใจยากนิดนึง อยากได้คนซื้อต่อดีๆ ไว้ใจได้อ่าครับ”

“งั้นเดี๋ยวป้าไปถามขิงให้ไหม เห็นเจ้าขิงบ่นวอยากได้รถใหม่พอดี เห็นมองรุ่นนี้แหละกับอะไรนะ SLK ป่ะ ถ้าซื้อต่อจากวาก็ดีมั่นใจว่าได้รถสภาพดี”

“ดีครับป้าอิง ถ้าน้องขิงจะเอาเดี๋ยววาลดให้พิเศษเลย”

น้องขิงหรือขัตติยาเป็นลูกสาวป้าอิงคนสวย เด็กกว่าทิวากานต์ไม่เท่าไหร่ เรียกได้ว่าโตมาด้วยกันสนิทมากถึงขั้นแม่กับป้าๆ แซวเล่นว่าจะให้แต่งกันตอนโต แต่หลังจากทิวากานต์เอนท์ติดหมอนานๆ ทีถึงจะเจอหน้ากันสักครั้ง แต่อีกคนน่าจะมีแฟนเป็นตัวเป็นตนได้แล้วละนะสวยขนาดนั้นไม่มีทางโสดหรอก

“งั้นเดี๋ยวป้าไปบอกเจ้าขิงให้นะ แล้วว่าไงให้เขามาติดต่อวาเอง”

“ครับ”

“แล้วนี่เราไม่คิดจะมีแฟนเป็นตัวเป็นตนกับเขาบ้างเหรอ ฉันเห็นเพื่อนๆ เธอแต่งงานกันไปหลายคนแล้วนะ” อดีตคุณครูอย่างป้าแอนโพล่งขึ้นกลางวงทำเอาสายตาทุกคู่จับจ้องที่ชายหนุ่มเพียงคนเดียวของกลุ่ม ทิวากานต์ยิ้มแหยไม่คิดว่าจะโดนคำถามคลาสสิกกับตัว

“ยังไม่เจอคนที่ถูกใจเลยครับป้าแอน อีกอย่างงานวาก็ยุ๊งยุ่งจะเอาเวลาไปมองสาวที่ไหน”

“ฉันได้ยินเขาเม้าท์กันทั้งโรงบาลว่าวาควงสาวไม่ซ้ำหน้า ยังบอกไม่มีเวลาหา” ถูกป้าหมอพูดดัก คุณหมอจอมกะล่อนเลยได้แต่ยิ้มหวาน

“แค่คุยเล่นเฉยๆ เองครับ”

“ทำตัวเป็นหล่อเลือกได้ ระวังเลือกมากจะไม่เหลือให้เลือก เลี้ยงมากับมือทำไมจะไม่รู้ว่าแกมันขี้เหงาขนาดไหน”

“แต่วามันก็หล่อจริงๆ นี่นาพี่แอน ยิ่งโตยิ่งหน้าเหมือนพ่อมันจะเลือกมากบ้างไม่เห็นเป็นไร ผู้ชายน่ะแต่งงานตอนสี่สิบก็ไม่สาย”

ถึงสิ่งที่น้าตาพูดจะเป็นความจริงแต่ก็ไม่ได้ช่วยให้ทิวากานต์รู้สึกดีขึ้นเท่าไหร่ เขารู้ว่าพวกป้าๆ เป็นห่วงเขาที่ต้องอยู่ตัวคนเดียวหลังจากแม่ตาย ถึงจะเหงาไปบ้างแต่เขาอยู่คนเดียวได้จริงๆ ไม่ได้ขี้เหงาขนาดที่ป้าแอนพูดสักหน่อย“ตอนนี้วายังไม่เจอคนที่วารัก เพราะงั้นตอนนี้ขอวาโสดเป็นเพื่อนพวกป้าๆ ก่อนนะ เดี๋ยวถ้าเจอคนนั้นจริงๆ วาจะพาไปกราบเลย ให้ป้าหมอไปสู่ขอให้ด้วยเอ้า”

“อย่านานเกินจนฉันเดินไม่ไหวล่ะ” สิ้นเสียงคุณหมอรุ่นเก๋าเสียงหัวเราะก็ดังลั่นโต๊ะสุกี้ กลุ่มป้าพวกนี้เป็นแบบนี้เสมอ เครียดกันได้ไม่เท่าไหร่ต้องมีคนตบมุกตลอด ถ้าจะเห็นเครียดกันจริงจังคงมีอยู่เรื่องเดียวคือจองบัตรคอนเสิร์ตเกาหลีไม่ได้นี่แหละ

หลังจบมื้อเย็นที่ทิวากานต์ไม่ต้องจ่ายสักบาท(เพราะป้าๆ เลี้ยง) ชายหนุ่มส่งเหล่าสว. กลับบ้านทีละคน วันนี้เขาอุตส่าห์เอาซีรีส์ไฟว์มากะขับรถให้ป้านั่งแท้ๆ แต่ป้าแอนเอารถมาเลยรับอาสาไปส่งป้าหมอกับป้าอิงที่อยู่ทางเดียวกัน น้าตาก็เอารถมา ส่วนป้าก้อยจะนั่งแท็กซี่กลับเองเพราะบ้านอยู่คนละทางกับทิวากานต์เลยเหลือป้าเต็มคนเดียว รู้งี้เขาเอาน้องกบมาให้ป้าเต็มลองนั่งก็ดีหรอก

ชายหนุ่มไปส่งป้าเต็มที่คอนโดแถวพระรามสี่ก่อนวกรถกลับมาอโศก พรุ่งนี้วันเสาร์แต่เขามีจ็อบนอกที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งเดิม ตอนนี้ยังมีเวลาว่างเหลือเยอะเข้านอนตั้งแต่สองสามทุ่มคงดีไม่น้อย

ตาคมปรายมองประตูห้องฝั่งตรงข้ามที่ปิดเงียบมาได้สองสัปดาห์กว่าแล้วพลันนึกถึงเด็กแสบตัวสูงเท่าไหล่ ไม่รู้ตอนนี้จะเป็นไงบ้าง เอาตัวรอดจากโธมัสได้ไหม เจมส์รุกหน้าจีบไปถึงไหนแล้ว อยากรู้ความเป็นไปแต่จะให้ติดต่อไปก่อนเขาคิดว่ามันไม่ได้จำเป็นขนาดนั้น เวลาโทรไปหามีแค่คุยเรื่องรถที่ฝากเขาจัดการให้ก็เท่านั้น เลยได้รู้ว่าเจ้าตัวคงไม่เหงามากเพราะมีเพื่อนล้อมหน้าล้อมหลังตลอด ได้ยินมาว่าเจ้านภลูกเพื่อนวิคเตอร์ยังใช้ช่วงว่างงานโปรโมตเพลงใหม่บินไปเยี่ยมถึงนู่น

แล้วคิดว่าผู้ชายฮอตๆ อย่างทิวากานต์จะอิจฉาเหรอ ไม่หรอกเขาเองก็มีแต่คนเข้าหาทั้งนั้นแหละ แค่เท้าแตะเมืองไทยเจ้าลูกลิงลียอนก็โทรหาเขาทันทีแถมขอแอดเฟซบุ๊คแชทมาทั้งวัน เล่าเรื่องตัวเองให้ฟังนู่นนี่นั่นพอหมดไม่รู้จะพูดอะไรต่อก็เอาเรื่องพี่ๆ มาแฉ เอ๊ย แบ่งปัน ตอนนี้เลยรู้ว่าโธมัสกำลังเป็นที่กล่าวถึงจากสาวๆ หลังข่าวงานโปโลถูกเผยแพร่ออกไป งานพรีเซ็นเตอร์วิ่งเข้าชน แว่วๆ ว่าจะได้เดินแบบให้เบอเบอร์รี่สำหรับคอลเลคชั่น Spring/Summer ของปีหน้าด้วย เจ้าตัวดูลัลล้าดีบอกว่าทำแก้เบื่อก่อนไปเยอรมัน ถ้าจะให้อิจฉาใครสักคนคงเป็นเจ้าโธมัสนี่แหละ จิ๊!

“อ้าวหมอวา ไม่เจอกันนานนะครับ”

“สวัสดีครับคุณเมษ” ใบหน้าหล่อเหลาหันไปหาเมษานายธนาคารหนุ่มโสด รู้สึกเหมือนไม่ได้เจอหน้ากันมาเกือบสองเดือนได้แล้วมั้งจากล่าสุดที่เจอกันในลิฟต์ก่อนไปสอบ

“ขอบคุณสำหรับของฝากด้วยนะครับ ไปเที่ยวสนุกไหม”

“ดีครับ พักผ่อนชาร์จแบตหน่อย”

“แล้วนี่เด็กห้องตรงข้ามหมอไปไหนแล้วล่ะครับ เห็นเงียบเป็นเดือนแล้วไม่มีเสียงกีตาร์ตอนกลางคืนเลย หรือกลับประเทศไปแล้ว”

“คิดถึงเหรอครับ”

“เพลงที่น้องเขาเล่นก็เพราะดีหรอกครับ จะเหงาหูบ้างคงไม่แปลก”

“คุณเมษไม่ต้องกลัวเหงาไปเดี๋ยวก็กลับมาแล้วล่ะครับ”

“ดูสนิทกันดีนะครับ ที่ไปเที่ยวนี่ก็ไปบ้านน้องเขาด้วยหรือเปล่า”

ทิวากานต์แกล้งยิ้มกว้างตอบเฉไฉไปว่าแม่เด็กแสบฝากฝังเอาไว้เลยได้ค่าจ้างไปพักบ้านเขาฟรีๆ แค่นั้น พูดคุยกันอีกเล็กน้อยถึงค่อยแยกเข้าห้องใครห้องมัน

คิดถึงเหรอครับ...

ลองเอาคำถามที่ใช้หยอกคนอื่นไปเมื่อกี้ย้อนกลับมาถามตัวเองดูบ้าง ไม่มีเสียงกีตาร์ไม่ได้ยินใครบางคนตะแง้วๆ อยู่ข้างตัว ไม่มีเด็กมานอนกลิ้งกลางห้องท่ามกลางกองหนังสือท่วมหัวโวยวายว่ายากอย่างนั้นยากอย่างนี้ คงไม่คิดถึงหรอกแต่เหงาหูน่ะไม่แน่ เห็นทำหน้ามึนเหมือนง่วงตลอดเวลาแบบนั้นแต่ทิวากานต์พิสูจน์แล้วว่าเด็กแสบน่ะตัวพูดมากเลย

เขายกมือหยิกแก้มตัวเองแรงๆ เพราะรู้สึกชักจะยิ้มมากไปจนแก้มตึง เอาน่า...อีกแค่สองสัปดาห์เดี๋ยวเจ้าเด็กนั่นก็มาป่วนเขาเหมือนเดิม ตอนนั้นคงได้รำคาญจนอยากให้ห้องมันเงียบอย่างตอนนี้แน่ๆ



TBC

ใครที่คิดถึงพ่อพระรองตัวประกอบของเรา
ตอนนี้มาแล้วนะคะ พร้อมทำคะแนนกะน้องอัลเต็มที่
ส่วนทอมจะยอมรามือแค่นี้หรือไม่โปรดติดต่อตามกันต่อไป
เอาใจช่วยคุณพระเอกด้วยนะคะ

ขอบคุณทุกความคิดเห็นค่ะ
แล้วเจอกันเร็วๆ นี้

จุ๊บ

 :mew1:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 10 [17.10.15]
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 17-10-2015 15:56:59
อุก พระรองน่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 10 [17.10.15]
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 17-10-2015 16:09:35
โอ้ยยยย...ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกกลัวทอม  งื้ออออ...อัลต้องอยู่โน้นคนเดียวอีกนานเลยอ่ะ งานนี้จะรอดไหมน่ะ  รีบๆกลับมาหาพี่หมอเร็วแมวน้อย
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 10 [17.10.15]
เริ่มหัวข้อโดย: boobooboo ที่ 17-10-2015 23:48:09
สนุกมากเลยครับ  แต่หมอยังไม่รักกันซะทีเลยยย
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 10 [17.10.15]
เริ่มหัวข้อโดย: VarainDark ที่ 17-10-2015 23:56:36
คิดถึงไอตัวแสบก็ยอมรับมาดีๆเลยเถอะหมอวา
ก๊ากกกกกกก
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 10 [17.10.15]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 18-10-2015 01:44:34
หลงรักเฮนรี่ ที่สามอะทำไงดี
หัวข้อ: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- HIDDEN TRACK 02 [21.10.15]
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 21-10-2015 17:14:35
HIDDEN TRACK 02

*หมายเหตุ - กดที่รูปเพื่อขยายให้ครบทั้ง 4 รูปก่อนเพื่ออรรถรสในการอ่านค่ะ




(http://i.imgur.com/zaUflnh.png)

(http://i.imgur.com/pjardXR.png)

(http://i.imgur.com/rZGy8TO.png)

(http://i.imgur.com/bSbCESp.png)



TBC

 :o8:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ HIDDEN TRACK 02
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 21-10-2015 18:15:46
กรี๊ด~~~~~ ใครมาซื้แ Z4 อ่ะ เค้าจอง!!!!!!! ราคารถ +เจ้าของได้เลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ HIDDEN TRACK 02
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 21-10-2015 18:58:08
แหมะ คุณหมอพึ่งพาได้จริง ๆ สมกับที่น้องอัลไว้วางใจ
ชอบเจมส์ คืนดีกันแล้วน่ารักจมเลย
ให้ทอมยุ่ง ๆ ไว้แหละดีแล้วจะได้ไม่มายุ่งกับอัลอีก
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ HIDDEN TRACK 02
เริ่มหัวข้อโดย: black sakura ที่ 21-10-2015 19:09:49
คุณหมอน่ารักอ่ะเหมือนจะไม่ค่อยสนใจน้อง
แต่ก็แอบห่วงแอบช่วยตลอดเลย
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ HIDDEN TRACK 02
เริ่มหัวข้อโดย: kyungploy ที่ 21-10-2015 19:22:30
หมอวาน่ารัก ฮื้อออ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ HIDDEN TRACK 02
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 21-10-2015 21:18:09
 o13
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ HIDDEN TRACK 02
เริ่มหัวข้อโดย: waterlily ที่ 21-10-2015 23:27:41
แสบเอ้ยรักหมอวาดีกว่า  รักทอมแล้วช้ำใจตายเลยหนูอลัน :hao5:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ HIDDEN TRACK 02
เริ่มหัวข้อโดย: boobooboo ที่ 23-10-2015 10:10:26
หมอหายไปนาน  อ่ะ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ HIDDEN TRACK 02
เริ่มหัวข้อโดย: sweetyswtcou ที่ 24-10-2015 09:32:06
อยากรู้จริงๆว่าพระเอกนายเอกจะรักกันได้ยังไง?
 :pig4:
หัวข้อ: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 11 [25.10.15]
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 25-10-2015 16:28:02
TRACK 11



ยามบ่ายแสนเงียบสงบ ณ โรงพยาบาลชื่อดังริมแม่น้ำปรากฏเสียงฮัมดนตรีลอดออกมาจากห้องพักของคุณหมอหนุ่มรูปหล่ออันเป็นที่หมายปองของสาวๆ ดูท่าวันนี้นายแพทย์ทิวากานต์จะอารมณ์ดีเผื่อแผ่ไปถึงพยาบาลสาวน้อยสาวใหญ่ให้ใจสั่นเป็นแถบกับรอยยิ้มสวยเจิดจ้า แม้แต่ผู้ชายบางคนยังอดใจเต้นไม่ได้

“วา”

“ครับ” คนถูกเรียกเงยหน้าขึ้นจากแผ่นกระดาษเขียนรายงานการรักษา ตาเรียวดุจ้องคนไร้มารยาทวิสาสะเปิดประตูห้องเข้ามาไม่เคาะก่อน ถ้าเป็นวันปกติรองศาสตราจารย์นายแพทย์การันต์คงถูกเจ้าของห้องชักสีหน้ายู่ใส่ข้อหามาไม่ให้สุ่มไม่ให้เสียง หากวันนี้กลับยังมีรอยยิ้มหวานระบายเต็มใบหน้าหล่อพร้อมกับโค้งให้น้อยๆ แทนคำทักทายเล่นเอานายแพทย์รุ่นพี่ที่เห็นกันมาตั้งแต่ยังใส่ชุดนักศึกษาเลิกคิ้วฉงน

“ซื้อขนมมาฝาก” นายแพทย์การันต์ชูกล่องกระดาษบรรจุขนมปังอบกรอบของโปรดคนตรงหน้าขึ้น ส่งยิ้มโชว์ฟันขาวกลับคืนไปให้ “จำได้ว่าชอบ ความจริงไม่ได้ซื้อเองหรอกฝากพยาบาลที่ข้ามไปกินข้าวฝั่งนู้นซื้อมาน่ะ”

“ขอบคุณครับพี่รัน”

“เล็กน้อยน่า ว่าแต่วันนี้มีอะไรพิเศษหรือเปล่าอารมณ์ดีนะเรา พยาบาลเม้าท์กันให้แซ่ดว่าหมอวาแจกยิ้มเรี่ยราด”

“ไม่มีอะไรหรอกครับ โอ๊ะ แป๊บนึงนะพี่มีสายเข้า” ชายหนุ่มวางปากกาหยิบโทรศัพท์ที่ตั้งระบบสั่นไว้ขึ้นดูชื่อคนโทร พอเห็นว่าเป็นใครก็ยิ่งฉีกยิ้มกว้าง “ครับคุณน้า”

หมอการันต์ตัดสินใจเดินเข้ามาในห้องวางกล่องขนมปังบนโต๊ะใกล้แฟ้มงาน ก่อนเดินไปพิงผนังอีกด้านทำเป็นมองสำรวจไปทั่วห้องแต่หูแอบเงี่ยฟังบทสนทนาของหมอศัลย์หน้าใสกับคนปลายสาย

“เอ๋? ไม่สบายเหรอครับ เป็นอะไรมากหรือเปล่า อืม...” ทิวากานต์ลากเสียงยาว หัวคิ้วย่นเข้าหากันพลันดวงตาเรียวคมก็วาวแสงน่ากลัว “ครับ ไม่เป็นไรครับ ให้หายดีแล้วค่อยมาดีกว่าเดี๋ยวจะแย่กว่าเดิม ได้ครับ แล้วเจอกันครับ”

เขาวางโทรศัพท์ไปแล้วหากใบหน้ากลับเคร่งเครียดขึ้นกว่าเดิมเหมือนไม่พอใจอะไรสักอย่าง นิ่งไปอยู่นานมือหนาถึงได้หยิบปากกาขึ้นมาถือไว้อีกครั้ง แต่เหมือนจะลืมอะไรไปพอเงยหน้าขึ้นมาเห็นนายแพทย์รุ่นพี่ยักคิ้วให้ หน้าดุๆ เลยรีบเปลี่ยนเป็นยิ้มหวานจ๋อย

“ขอโทษครับ นึกว่าพี่รันออกไปแล้วซะอีก”

“ถูกสาวเบี้ยวนัดเหรอ ทำหน้าน่ากลัวเชียว”

“ไม่ใช่สาวหรอกครับ คนรู้จักน่ะ” ทิวากานต์ตอบเลี่ยงๆ เซ็งนิดหน่อยที่แผนการเย็นนี้ต้องพับเก็บ หากสาเหตุสำคัญที่ทำให้เครียดเพราะไอ้ตัวแสบที่จู่ๆ ป่วยเอาไอ้วันจะบินกลับมานี่แหละ แถมพอได้ยินจากปากมาดามโอเนลล์ว่าอลันด์ไม่ยอมให้หมอเข้าไปตรวจล็อคห้องขังตัวเองไว้ เขาพอจะเดาสาเหตุได้ทันทีว่าต้องไม่พ้นไปเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดจ้องฟันตูดอย่างไอ้หมาโธมัสแน่ๆ

“งั้นเย็นนี้วาก็ว่างน่ะสิ ไปกินข้าวกับพี่ไหม”

ตาสีน้ำตาลเข้มเหลือบคนชวน ทำหน้าลังเลเล็กน้อย “ถ้าพี่รันเลี้ยง...”

“หนอยไอ้ขี้งก” การันต์กอดอก มันเขี้ยวคนตรงหน้าอยากจะขย้ำผมสีดำหนาๆ ให้กระจุย “เออ ฉันเลี้ยงก็ได้”

“ป๋ารันใจป้ำอีกล่ะ ขอบคุณคร้าบ”

“งั้นสักห้าโมงเจอกัน ไปรถพี่นะ”

“ได้ครับ”

“ไปทำงานต่อล่ะ” ตกลงกันเรียบร้อย หมอการันต์จึงขอตัวกลับไปจัดการงานตัวเองต่อ

ห้าโมงเย็นเลยเวลาเลิกงานมาหน่อย ทิวากานต์พาตัวใหญ่ๆ ของตัวเองมายืนรอนายแพทย์รุ่นพี่ที่ประตูทางออกลานจอดรถ ไม่นานตาคมเห็นการันต์เดินตัวเปล่าออกมาพลางชูพวงกุญแจในมือโบกล่อตรงหน้าหมอหนุ่มจนคนชอบรถตาวาว

“โหย ก็ว่าอยู่ๆ จะพาไปกินข้าวที่แท้อยากอวดรถนี่เอง”

“ชอบไหม” การันต์กดปลดล็อคให้ทิวากานต์ได้เข้าไปสำรวจเจ้าแอสตัน มาร์ติน แวนควิชสีดำได้ใกล้ชิด

“สวยมากเห็นแล้วน้ำลายหก โหย... เท่สุดๆ ไปเลยพี่” ตาของหมอหนุ่มเป็นประกาย การันต์มองอาการดีใจนั้นแล้วเดินเข้าไปกอดคออีกคนไว้

“ไม่เท่าน้องกบเราหรอก เห็นขับมาอวดอยู่นี่”

“เจมส์ บอนด์ของพี่รันดีกว่า ยิ่งพี่ขับเองนะรถหล่อขึ้นจม” เขาประจบแต่ก็ออกมาจากใจจริงๆ ที่ว่าตัวคนขับเสริมให้รถดูหล่อขึ้นเป็นผู้ใหญ่ภูมิฐาน แต่รถสปอร์ตใจป๋าแบบแอสตัน มาร์ตินมันเหมาะกับการันต์สุดๆ

“ปากหวานนะเรา ลองไหม”

“ได้เหรอ” การันต์ยิ้มขำเหมือนเห็นหางยาวๆ ส่ายริกๆ อยู่ด้านหลังรุ่นน้อง

“ได้ แต่ถ้าชนช่วยจ่ายค่าทำสีให้พี่ด้วยนะ คันนี้คาร์บอน”

“โหย งั้นวันนี้น้องยอมเป็นอีหนูหน้ารถสวยๆ ดีกว่า ไม่กล้าเล่นของแพง”

“ล้อเล่น เอ้า เอาไปขับให้พี่นั่งหน่อย” ยัดเยียดกุญแจใส่มือทิวากานต์เสร็จการันต์พาตัวเองเข้านั่งที่ข้างคนขับ รอจนทิวากานต์เดินมาประจำที่ถึงบอกจุดหมายที่จะไปทานมื้อเย็นกันวันนี้

พวกเขาเลือกร้านกินดื่มแถวทองหล่อเป็นที่ฝากท้องในคืนนี้ แม้จะอยู่ในแหล่งชุกชุมไปด้วยซูเปอร์คาร์ แต่เจ้าเจมส์ บอนด์ของการันต์กลับโดดเด่นเรียกสายตาใครต่อใครให้เหลียวมอง แม้แต่ทิวากานต์ที่ได้ลองขับยังรู้สึกชอบใจจนอยากเอาน้องกบไปเปลี่ยนให้รู้แล้วรู้รอด แต่ไม่รู้ว่าถ้าไปเอามาขับจริงจังจะดูเท่ได้เท่ารุ่นพี่ข้างตัวหรือเปล่า อาจต้องรอให้เขามีอายุอีกสักหน่อยรถคันนี้คงเหมาะกับเขามากขึ้น

“สั่งตามสบายนะวา มื้อนี้พี่เลี้ยงเอง”

“ขอบคุณครับป๋า” ทิวากานต์แซวขำๆ เขาเปิดเมนูสั่งอาหารมาสองสามอย่างพร้อมเครื่องดื่มเอาใจเจ้ามื้อ ระหว่างรออาหารมาเสิร์ฟทั้งคู่ก็หาเรื่องคุยไปเรื่อย ตั้งแต่เรื่องงาน เรื่องเพื่อน เรื่องรถ ไปจนถึงเรื่องแฟน

“ยังไม่มีหรอกพี่ หาถูกใจไม่เจอ” ตอบเหมือนที่เคยตอบเหล่าป้า

“ช้านะเรา ได้ข่าวว่าเจ้ากวินจะแต่งแล้วไม่ใช่หรือไง”

“ครับ ได้ฤกษ์แล้วด้วยมกรานี่แหละ ตอนเมษามันยังมาขอซื้อเวรเก็บเงินไปแต่งเมียอยู่เลย”

“อย่าเศร้าไปน่า ค่อยๆ หาเดี๋ยวก็เจอเองรีบร้อนไปใช่ว่าจะเจอคู่แท้เมื่อไหร่ ดูอย่างพี่สิขนาดมีครบทุกอย่างแต่ยังหารักแท้ไม่เจอเลย” นายแพทย์รุ่นพี่ปลอบอย่างผู้มีประสบการณ์แม้คำพูดคำจาดูน่าหมั่นไส้แต่ทิวากานต์รู้ดีว่าเจ้าตัวแฝงความเจ็บปวดเอาไว้ในนั้น เขาชูแก้วเบียร์ขึ้นหวังชนกับอีกคน พอแก้วกระทบกันก็ยกซดพร่องไปครึ่งแก้ว

“ผมไม่เศร้าหรอกน่า โสดก็สบายดีออก ทำอะไรไม่ต้องคิดมากอยากไปไหนก็ไปไม่ต้องห่วงไม่มีภาระ”

“เด็กน้อยเอ๊ย” การันต์หัวเราะ “การมีภาระมีคนให้ห่วงมันทำให้เราเป็นผู้ใหญ่ขึ้นนะวา ชีวิตก็มีจุดหมายมากขึ้นด้วย ใช้ชีวิตไปวันๆ มันก็ดีอยู่หรอกแต่มันเหงามันเคว้งไม่คิดงั้นเหรอ ที่พูดไม่ได้ให้รีบหาแฟนนะแค่จะบอกว่ามีความรักมันดีกว่าไม่มี”

ทิวากานต์มองคนเคยมีความรักด้วยสายตาเห็นใจ ในฐานะที่รู้จักกันมานานและรู้เรื่องส่วนตัวอีกฝ่ายมาก่อน เขายกมือแตะไหล่ให้กำลังใจอีกคนเบาๆ แต่การันต์ยังคงเป็นราชสีห์เสมอ เขาดึงมือรุ่นน้องวางลงไว้บนโต๊ะคล้ายปฏิเสธการให้กำลังใจจากเด็กน้อยที่ยังเอาตัวไม่รอดแต่ริอาจสงสารเจ้าป่า

ทิวากานต์ได้เจอการันต์ครั้งแรกตอนเป็นนักศึกษาแพทย์ปีสองแต่ไม่ได้พูดคุยกันมากนัก พอขึ้นชั้นคลีนิคที่ต้องเวียนเรียนตามวอร์ดต่างๆ ก็ได้การันต์นี่แหละเป็นชีฟ เรสซิเดนท์ศัลยกรรมในตอนนั้นช่วยเหลือสั่งสอน ได้ยินชื่อเสียงมานานว่าที่บ้านทำโรงพยาบาลเอกชนมีชื่อแต่มุ่งมั่นให้กับการทำงานโรงพยาบาลรัฐ หน้าตาดี สมาร์ท โปรไฟล์ระดับเอลิสต์ หากทำตัวธรรมดาไม่อวดไม่เบ่ง ยกเว้นเรื่องรถตามประสาผู้ชาย เก่งจริงเป็นที่นับถือและรักของคนใกล้ชิดไม่เว้นแม้แต่ทิวากานต์จนยึดเอาเป็นแบบอย่างเลือกเรียนต่อทางด้านนี้บ้าง

ดีขนาดนี้แน่นอนว่าสาวๆ ติดเกรียว เป็นหมอศัลย์ด้วยแล้วยิ่งเนื้อหอมไปกันใหญ่ แต่การันต์กลับรักมั่นคงเพียงกับแฟนสาวที่คบกันมาตั้งแต่วัยกระโปรงบานขาสั้น ไม่เคยนอกลู่นอกทางให้คนรักต้องเสียใจ มีข้อนี้แหละที่ทิวากานต์ทำไม่ได้เพราะเขามันขี้เบื่อ คบใครได้ไม่เท่าไหร่ก็เลิก

ตอนนั้นเขาติดการันต์แจ ไม่ว่ามีปัญหาเรื่องอะไรทั้งเกี่ยวไม่เกี่ยวกับเรื่องเรียนจะโทรหาอีกฝ่ายตลอด มาห่างๆ ไปตอนเขาขึ้นอินเทิร์นก่อนไปใช้ทุนสามปี ส่วนการันต์แต่งงานกับแฟนสาวหลังคบกันมาสิบกว่าปี ทิวากานต์เองก็ได้ไปร่วมแสดงความยินดีที่งานแต่งใหญ่โต ณ โรงแรมหรูริมแม่น้ำ

ชีวิตนายแพทย์รุ่นพี่เหมือนจะไปได้ดี รุ่งทั้งงานรุ่งทั้งรัก แต่แต่งได้แค่สามปี ชีวิตรักกลับล่มแบบไม่มีใครคาดฝัน การันต์เป็นโสดอีกครั้ง ในขณะที่อดีตภรรยาแต่งงานใหม่กับเศรษฐีเจ้าของธุรกิจอสังหาฯ หลังหย่าได้ไม่ถึงปีดี ชีวิตคนมันไม่แน่ไม่นอนจริงๆ กระนั้นถึงจะเจ็บมากแค่ไหนนายแพทย์รุ่นพี่คนนี้ยังคงทำหน้าที่รักษาคนไข้เต็มที่ ไม่เคยเอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับเรื่องงานสักครั้ง

“พี่รันหาสาวใหม่สิ ถ้าพี่รันมีแฟนเดี๋ยวน้องขี้อิจฉาคนนี้มันก็หามาเกทับคืนบ้างแหละ”

“หึ บอกตรงตอนนี้ไม่อยากมองสาวที่ไหนเลย มองวาดีกว่าน่ามองกว่าเยอะ”

“เฮ้ยพี่ เล่นงี้ผมไม่ขำนา”

“วาไม่สนใจเป็นเด็กป๋าเหรอ มาอยู่กับป๋าได้ขับมาร์ตินด้วยนะ”

“พี่รันเมาแล้วป่ะเนี่ย เดี๋ยวนี้คออ่อนเหรอเพิ่งซดเบียร์ไปแก้วเดียวเองนะ” ตาคมเสมองไปทางอื่นไม่กล้าสู้สายตาอีกคนที่มองมา ชักเข้าใจแล้วว่าทำไมอลันด์มันหนีโธมัสไม่พ้น เจอสายตาหวานเชื่อมมองแบบนี้ ไม่หวั่นไหวบ้างให้มันรู้ไป!

“เฮ้ย เขินจริงเหรอวะ แกล้งเล่นเว้ย ใครจะบ้าเอาเอ็งมาทำเมีย ตัวสูงเก้งก้างอย่างกับเสาไฟฟ้า เห็นแล้วหมดอารมณ์ว่ะ อย่างน้อยถ้าจะเอาผู้ชายขอตัวเล็กๆ น่ารักเหมือนผู้หญิงเหอะ” เห็นรุ่นน้องเขินจริงจังการันต์ถึงกับหัวเราะก๊าก เขาตบโต๊ะเบาๆ ด้วยอารมณ์ดีจัด ในวัยเกือบสี่สิบแต่มองตาผู้ชายแล้วทำให้อีกฝ่ายหวั่นไหวได้ ถ้าเอาไปใช้กับผู้หญิงคงไม่มีใครรอดมือเขา

“ก็พี่เล่นมองงี้ผมก็เสียวดิ นึกว่าจะเปลี่ยนแนว หูย ขนลุกเลย” ทิวากานต์ลูบแขนประกอบอาการ หน้าเหนอเบะหมด

“หึ แสดงว่าเสน่ห์ฉันยังใช้ได้ดีสินะ” แต่ขอเล่นไอ้เด็กนี่อีกหน่อยเถอะ ทำมาบอกไม่เจอใครถูกใจแต่ข่าวมันลอยเข้าหูตลอดว่าควงสาวไม่ซ้ำหน้า “แต่ฉันยังจำงานปาร์ตี้นั้นได้นะ ที่แกแต่งหญิงอ่ะ สวยจนนึกว่าผู้หญิงแท้ๆ”

“ลืมมันไปซะทีเหอะพี่” ทิวากานต์แทบกราบอีกฝ่าย เป็นความอัปยศสุดในชีวิตเขาเลยก็ว่าได้ ทุกวันนี้ยังอยากกระทืบเพื่อนตัวดีที่คิดธีมงานด้วยซ้ำ เพื่อนร่วมรุ่นไม่ค้านไม่เท่าไหร่ แม่กับป้าๆ ยังเห็นดีเห็นงามจับเขาแต่งตัวอีก วินาทีนั้นรู้ซึ้งเลยว่ากว่าจะสวยมันต้องทุ่มเทเสียน้ำตาไปเท่าไหร่ แค่ขนหน้าแข้งที่ถูกแว็กซ์ออกไปหมดน้ำตาเป็นปี๊บ

จากนั้นบทสนทนาก็เปลี่ยนไปเรื่อย อัพเดทข่าวสารระหว่างกัน บ้างก็ยกเคสคนไข้มาถกหาแนวทางรักษา จนอาหารและเบียร์บนโต๊ะหมดเกลี้ยงถึงได้ฤกษ์แยกย้าย

เกือบห้าทุ่มแอสตัน มาร์ตินคันสวยเลี้ยวเข้าจอดหน้าคอนโดย่านอโศกของทิวากานต์ ชายหนุ่มยกมือไหว้ขอบคุณอีกฝ่ายที่นอกจากจะให้ลองขับรถใหม่แล้วยังเป็นเจ้ามือเลี้ยงข้าวและมาส่งถึงที่ทั้งที่บ้านอยู่คนฝั่งกัน ไม่ว่าจะนานแค่ไหนหรือคุยกันน้อยลงแต่การันต์ยังคงเป็นพี่ที่ดีกับน้องๆ เหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน

“ขอบคุณมากพี่ ไว้วันหลังให้ผมเลี้ยงข้าวคืนบ้างนะ”

“เออ ไว้ว่างๆ นัดกัน ไม่ก็เลี้ยงข้าวเที่ยงแถวโรงบาลก็ได้”

“เดี๋ยวซื้อหมูทอดในตลาดให้กินซะเลยนิ”

“ให้มันจริงเหอะ พี่ได้หมดแหละ ไปๆ ไปนอนซะ พรุ่งนี้ไม่มีรถขับเองต้องออกแต่เช้านะเว้ย มาไม่ทันตรวจเด็กราวน์พ่อจะด่าให้”

“ครับป๋า ขับรถกลับดีๆ นะ” ถึงรู้ว่าอีกคนไม่ได้เมา(แค่เบียร์สองแก้วมันจะไปเอาที่ไหนเมา) แต่ทิวากานต์มักพูดกับคนรอบตัวที่ขับรถด้วยคำนี้เสมอ

การันต์โบกมือให้อีกคนบอกว่าไหวแน่นอน เขายืนรอส่งแอสตัน มาร์ตินสีดำหน้าคอนโดดูเจ้าเจมส์ บอนด์กลับตัวอย่างงดงามพร้อมไฟท้ายสีแดงตัดกับท้ายสีดำสนิทสวยบาดจิตอย่าบอกใคร หากก่อนพุ่งออกไปกระจกรถฝั่งคนขับก็ลดลงพร้อมใบหน้าหล่อไม่สร่างของคุณหมอรุ่นพี่

“วา ถ้าหาคนถูกใจไม่เจอทำไมไม่เลือกหาแล้วลองมองคนใกล้ๆ ตัวบ้างล่ะ”

“หา?”

“แบบพี่ไง”

เขารู้ว่าการันต์แค่แซวเล่นเลยหัวเราะเสียงดังก่อนมองส่งไฟท้ายสีแดงจนลับตา แต่คำพูดของนายแพทย์รุ่นพี่ก็ฝังติดอยู่ในหัว คนใกล้ตัว...เขาก็ไม่ค่อยมีเพื่อนสนิทผู้หญิงเสียด้วยสิจะให้มองใครที่ไหนกัน แต่แล้วแรงสั่นเบาๆ จากกระเป๋ากางเกงทำให้เขาต้องล้วงโทรศัพท์ขึ้นมา เห็นชื่อคนใกล้ตัวที่เพิ่งเพิ่มเข้ามาแล้วรอยยิ้มมันเผลอฉีกออกอัตโนมัติ คำนวณเวลาแล้วที่นู่นน่าจะเกือบหกโมงเย็น ที่ไม่สบายน่ะหายแล้วเหรอถึงมีแรงลุกมาโทรศัพท์หาเขาได้

“ว่าไงไอ้ตัวแสบ”

‘ด็อก...’

“หืม” ชายหนุ่มครางในลำคอ เขาเดินไปที่สวนส่วนกลางของคอนโด แนบโทรศัพท์ไว้ที่ซอกคอแล้วใช้สองมือว่างล้วงหาบุหรี่ในกระเป๋ากางเกง

‘ไม่... ไม่มีอะไรหรอก’

“ไม่มีอะไรแล้วโทรมาทำไม ไม่สบายไม่ใช่หรือไง ทำไมไม่นอนพัก กินข้าวกินยาหรือยัง”

‘กินแล้ว แต่...ไม่ค่อยหิว’

“อดข้าวเดี๋ยวหายไม่ทันกลับมามอบตัวหรอก” พอหาที่นั่งได้ทิวากานต์จึงค่อยจุดบุหรี่ พอจะเข้าใจว่าทำไมอลันด์ถึงโทรมา ไม่อยากคาดคั้นให้คนป่วยช้ำใจไปกว่านี้เลยพยายามทำตัวเหมือนปกติให้คนเด็กกว่าหลุดออกมาเองน่าจะดีที่สุด

‘อยากไปกรุงเทพแล้วเดี๋ยวนี้เลย แต่มัมกับแด๊ดไม่ให้ไป อยากไปมากจริงๆ นะ’

“แล้วทำไมไม่ให้หมอมาดูล่ะ เขาจะได้สั่งยาให้ถูก ถ้าเจ็บมากจะได้ฉีดยาจะได้หายไวๆ ไง”

‘ด็อก...’

“ว่า”

‘อยาก... แค่กๆ ช่างมันเถอะ แล้วเจอกันนะ’

“เฮ้!” ทิวากานต์ส่งเสียงประท้วงไปตามสายหากได้รับแต่ความเงียบตอบกลับมา อลันด์ชิ่งวางสายทิ้งไปแล้วหลังจากปล่อยให้เขาเงียบรออีกคนพูดตั้งนาน พอจะพูดดันไอแล้วก็บอกว่าไม่มีอะไรเฉย แต่จะให้โทรกลับไปเซ้าซี้มันก็ไม่ใช่เขาอีกนั่นแหละ

เหอะ! คนอุตส่าห์เป็นห่วงแต่ดูสิ่งที่เด็กนั่นทำสิ น่าปล่อยให้โธมัสขย้ำให้เละไปเลยจริงๆ

.
.
.

“มัมจะไปไหน” เด็กฝรั่งทำหน้ายุ่ง มือกระชับเสื้อแจ็คเก็ตเข้าหาตัวเพราะเริ่มรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ เมื่อกี้ตากแอร์เย็นเจี๊ยบในห้องประชุมแป๊บเดียวก็ออกมาเดินตากแดดตามคนเป็นแม่เข้าไปในตรอกแคบๆ เต็มไปด้วยร้านขายอาหารข้างทาง คนที่เพิ่งสร่างไข้แถมเท้าเพิ่งแตะเมืองไทยได้ไม่ถึงหกชั่วโมงดีมีมึนหน้าแดงแจ๋

“ไปทานข้าวจ้ะ” มาดามโอเนลล์เดินนำลูกชายไปท่าเรือ หยิบเหรียญบาทออกมาให้เขาสามเหรียญก่อนอธิบายเพิ่ม “เราจะนั่งเรือข้ามไปฝั่งนู้น”

“หา?” อลันด์ตาโตแค่จะกินข้าวต้องนั่งเรือข้ามแม่น้ำไปเลยเหรอ อยากจะเถียงมารดาแต่ทำได้แค่เดินตามแม่ผ่านตู้ขายตั๋วเข้าไปเงอะๆ งะๆ ตาสีฟ้าซีดมองโป๊ะเรือสภาพค่อนข้างใหม่พอใจชื้น แต่พอเรือแล่นเข้ามาเทียบเท่านั้นขาพาลสั่นงั่กๆ

“อัลยืนรออะไรละ ตามแม่มาสิ” มาดามโอเนลล์กวักมือเรียกลูกชายหลังจากที่หล่อนโชว์สเต็ปก้าวขึ้นเรือไปแล้วพร้อมรองเท้าส้นสูงสามนิ้ว

“มัม มันน่ากลัว”

“กลัวอะไรล่ะอัล ข้ามมานี่”

“มัม...” อลันด์ครางเรียกแม่เสียงอ่อน ผู้โดยสารคนอื่นเดินขึ้นเรือกันไปหมดแล้ว บางคนเพิ่งผ่านช่องขายตั๋วมายังวิ่งแซงหน้าเขากระโดดขึ้นเรือ เหลือแต่เด็กลูกครึ่งหน้าฝรั่งจ๋ายืนขาสั่นหน้าซีดอยู่กลางโป๊ะ

“ยู ควิกๆ” เด็กประจำท่าเรือตะโกนเสียงดัง ไอ้ตัวแสบที่แสบไม่ออกจึงสะดุ้งโหยง หลับหูหลับตาจับมือใครสักคนที่ยื่นมาให้กระโดดขึ้นเรือตามแม่ไป คนก็เยอะแยะต้องยืนเบียดกันแถมเรือนี่ไม่มีที่กั้นให้อีกต่างหากนอกจากเชือกเส้นเดียว เขาเกาะแขนแม่แน่นแทบจะซุกกอดไปแล้ว รู้ทั้งรู้ว่าเขาว่ายน้ำไม่แข็งยังจะชวนขึ้นเรือมาอีก อยากรู้นักไอ้ร้านอาหารที่จะไปกินนี่มันอร่อยระดับสามดาวมิชลินหรือไงถึงต้องบังคับเขาขึ้นเรือมาเนี่ย!

พอถึงคราวลงเรืออลันด์เกาะแขนแม่แน่นให้พาเขากระโดดขึ้นโป๊ะไปด้วย ขาสั้นๆ ก้าวฉับรีบไปเหยียบพื้นปูน เขาตีหน้าบูดกอดอกใส่มาดามโอเนลล์บอกชัดว่าไม่พอใจมาก หากมาดามเพียงเดินมาบีบแก้มเขาแล้วลากแขนไปตรงทางออก หวังว่าขากลับคงไม่ให้เขาขึ้นเรือนั่นกลับไปอีกหรอกนะ ถ้าทำอีกเขาจะโกรธจริงๆ ด้วย

“สวัสดีครับคุณน้า เดินทางมาเหนื่อยไหมครับ”

ตาสีซีดกระพริบปริบตอนได้ยินเสียงคุ้นหูก่อนหน้าเล็กๆ จะหันไปมองด็อกเถื่อนในชุดเชิ้ตสีอ่อนผูกไทเหมือนพนักงานออฟฟิซมากกว่าคุณหมอยืนยกมือไหว้แม่เขาอยู่ตรงหน้า เดี๋ยวสิ...ไม่ทำงานหรือไง แล้วทำไมถึงมาโผล่อยู่นี่ได้ นึกว่าจะเจอกันเย็นนี้เสียอีก

“สวัสดีค่ะคุณหมอ ไม่เหนื่อยเท่าไหร่หรอกค่ะชินแล้วแต่คนนี้น่ะสิเพิ่งจะหายไข้เมื่อคืนเอง อัลจ๊ะสวัสดีคุณหมอสิ”

“ด็อก... ทำไมมาอยู่นี่ล่ะ” เขาทำเป็นเฉไฉประโยคเมื่อกี้จากปากแม่ เงยหน้ามองคนตัวสูงกว่างงๆ

“ทำงานอยู่นี่จะให้ไปอยู่ไหนล่ะ” ทิวากานต์หัวเราะชี้นิ้วไปที่ตึกด้านหลัง สถานที่เดียวกับที่เขาเห็นจากมหาวิทยาลัย อลันด์ไม่ได้ความจำสั้นเสียจนจำไม่ได้ว่าเป็นที่เดียวกับที่เขาเคยไปหาอีกฝ่ายเมื่อตอนมาไทยแรกๆ แต่ออกจะงงๆ มากกว่า เด็กหนุ่มพยักหน้ารับหงึกหงักเดินตามคุณหมอไปร้านอาหารแถวนั้นแบบไม่มีปากไม่มีเสียง

แปลกจริง... แค่ได้เจอหน้าทิวากานต์อีกครั้งความอบอุ่นจากไหนไม่รู้อาบท่วมร่างกายอย่างกับว่าคุณหมอตัวโตนี่เป็นพระอาทิตย์อย่างนั้นแหละ แล้วทำไมเขาต้องร้อนๆ ที่หน้าด้วยนะหรือว่าไข้จะขึ้นอีกแล้ว!



ร้านอาหารที่ทิวากานต์พามาเป็นร้านอาหารธรรมดาที่ดูดีสุดในย่านนั้น ประกอบกับเป็นเวลาพักเที่ยงจึงมีคนแน่นร้าน ส่วนใหญ่เป็นคนทำงานแถวนี้ทั้งนั้นดีว่าคุณหมอจองโต๊ะและสั่งอาหารล่วงหน้าไว้แล้ว ทันทีที่ไปถึงอาหารมากมายจึงวางเต็มพื้นที่ เท่าที่ดูในจานล้วนเป็นอาหารไทยรสอ่อนสำหรับคนลิ้นแมวแบบอลันด์โดยเฉพาะ มีอาหารหน้าตาแปลกๆ ที่มาดามโอเนลล์เห็นแล้วถึงกับออกปากว่าไม่ได้กินมานานมาแล้วอย่างแหนมเนืองด้วย

“หน้าแดงแจ๋ ไข้กลับอีกหรือเปล่าน่ะ” ทิวากานต์เลื่อนขวดน้ำเปล่าไปให้เด็กหนุ่ม เขามองหน้าใสขึ้นสีแดงจัดไปทั่ว ใบหน้าเล็กๆ มีเหงื่อผุดตามไรผม ดูเหมือนจะร้อนแต่เจ้าตัวแสบกลับไม่ยอมคลายเนคไทหรือถอดแจ็คเก็ตออก

“ไม่รู้ อือ...มัม ทำไมมือเย็นจัง”

“เราตัวร้อนน่ะสิ” มาดามโอเนลล์ทำหน้ายุ่งหลังแตะมือกับแก้มลูกชายแล้วเจ้าตัวสะดุ้ง “ดีเลย ไหนๆ มานี่แล้วทานข้าวเสร็จไปหาหมอเลย”

“ไม่เอา กินยาเดี๋ยวก็หาย มัมอย่าทำให้มันยุ่งน่า”

“แม่ตามใจเราตั้งแต่ที่นู่นแล้วนะ แด๊ดโทรตามหมอมาให้ตรวจก็ล็อคห้องหนีไม่ยอมให้หมอเข้าไป บอกอยู่นั่นแหละถ้าไม่ใช่หมอวาจะไม่ยอมให้ตรวจ”

“งั้นเหรอครับ” ทิวากานต์ขำกิ๊ก ทำท่ากวักมือเรียกเจ้าตัวยุ่งให้เข้ามาหา “มาๆ เดี๋ยวตรวจให้ฟรีเลย ลัดคิวให้ด้วย”

“มัม ผมไม่ได้พูดอย่างนั้นสักหน่อย”

“งั้นเหรอจ๊ะ” เธอหยิกแก้มลูกชายอีกทีก่อนชวนให้ทุกคนลงมือกินมื้อเที่ยง ตลอดเวลาบนโต๊ะอาหารตาสีซีดเอาแต่ลอบมองทิวากานต์ตลอด ชายหนุ่มยังดูมนุษยสัมพันธ์ดียิ้มแย้มแจ่มใสร่าเริงเกินจนน่าหมั่นไส้ เชื่อเถอะนอกจากอลันด์แล้วยังมีสายตาจากสาวๆ อีกนับสิบที่ลอบมองคุณหมออยู่เป็นระยะ

หลังจบมื้อทิวากานต์อาสาเป็นคนจ่ายค่าอาหารทั้งหมดเอง ทำให้เด็กฝรั่งรู้ว่าแม่ตัวเองเป็นคนจัดการนัดกับทิวากานต์ไว้ก่อนแล้วเพราะเห็นว่าอยู่ใกล้กันแค่แม่น้ำกั้น

“งั้นเดี๋ยวมื้อเย็นน้าจะเตรียมอาหารรอนะจ๊ะ”

“ครับ ผมจะรีบกลับไปเลย” ชายหนุ่มยิ้มประจบพลางลุกเดินตามมาดามโอเนลล์ออกจากร้านรั้งท้ายอยู่กับเด็กแสบสองคน พอพ้นสายตาผู้ใหญ่ฝ่ามือใหญ่นุ่มนิ่มจัดการขยี้หัวสีช็อกโกแลตเล่นทันที

“ด็อก!” อลันด์ดุเสียงเบา “หัวยุ่งหมดแล้ว”

“ตัวร้อนนะเรา” นอกจากไม่นำพากับคำต่อว่าแล้วยังเลื่อนฝ่ามือไปฝังตรงหลังคอคนเด็กกว่า “กลับไปกินยานอนซะนะ แล้วตอนเย็นจะไปดูให้”

เด็กฝรั่งพยักหน้ารับหงึกหงักก่อนเอื้อมมือดึงแขนเสื้ออีกฝ่ายไว้จนคนตัวสูงกว่าต้องก้มลงมอง ทิวากานต์หยุดเท้าเลิกคิ้วเชิงสงสัยดูเจ้าเด็กแสบทำหน้าแดงเดี๋ยวเม้มปากเดี๋ยวคลายเหมือนอยากพูดอะไรบางอย่างออกมา เขาไม่ชอบคนลังเลอมพะนำแต่เหมือนอลันด์จะเป็นข้อยกเว้นเพราะสายตาขอบคุณที่จ้องมาไม่มีหลบพูดแทนความในใจหมดแล้ว

“รู้แล้วน่า” มือข้างว่างยกขึ้นลูบหัวสีช็อกโกแลตที่ตัวเองทำยุ่งให้เข้าทรง ก่อนเริ่มเดินตามหลังมาดามโอเนลล์อีกครั้ง

คุณหมอส่งสองแม่ลูกขึ้นรถที่มารับ อลันด์ดูมีสีหน้าโล่งอกที่รู้ว่าไม่ต้องนั่งเรือข้ามฟากกลับไปอีกรอบ ได้ยินมาดามโอเนลล์พูดว่าจะพาลูกชายไปทำธุระบ้านคุณยายแถวสายสองก่อน สงสารแต่คนป่วยตะลอนทั้งวัน พรุ่งนี้มีหวังนอนซมแน่

“ขอบคุณมากนะคะคุณหมอ”

“ไม่เป็นไรครับ เราก็อย่าลืมกินยาล่ะแล้วเจอกันเย็นนี้” เขาโบกมือลาสองแม่ลูก ปิดประตูรถให้และรอจนซีดานคันใหญ่เคลื่อนตัวออกไปถึงค่อยข้ามถนนกลับไปทำงาน แต่ยังไม่ทันได้ก้าวเท้าเข้าเขตโรงพยาบาลหมอการันต์ก็โผล่หน้ามาพอดี

“ใครอ่ะ”

“ครับ?”

“ที่ส่งขึ้นรถไปตะกี้ ไม่ธรรมดานะเนี่ยนั่งเอสคลาสด้วย”

“อ๋อ” ทิวากานต์ลากเสียงยาวยิ้มเจ้าเล่ห์ “เอสคลาสนี่เด็กๆ ครับพี่ ปกติอยู่บ้านน้องเขานั่งโรลส์-รอยซ์”

“จริงป่ะเนี่ย แล้วพาแม่เขามานั่งกินข้าวงี้เนี่ยนะ”

“มันกะทันหันนี่นา ไปทำงานเหอะเดี๋ยวสายละโดนบ่น”

“เฮ้ยๆ อย่ามาเฉไฉนะเว้ย ตอบมาก่อนว่าหนุ่มน้อยน่ารักคนนั้นเป็นใคร ไหนบอกตอนนี้หาๆ อยู่ไง ทำไมเข้าหาแม่เขาแล้ว แล้วนี่ชอบผู้ชายตั้งแต่เมื่อไหร่ หนอย ทีวันก่อนละเล่นตัว ใช่ซี่ แอสตัน มาร์ตินกระจอกๆ จะสู้โรลส์-รอยซ์ได้เหรอ”

“ไปกันใหญ่แล้วพี่รัน พูดเสียงดังงี้เดี๋ยวคนอื่นเขาเข้าใจผมผิดกันพอดี” ชายหนุ่มหัวเราะเสียงใส เดินนำหนุ่มรุ่นพี่เข้าโรงพยาบาล

“อ้าว งั้นก็ตอบมาดิวะ”

“คำถามไหนก่อนดีครับ”

“ชอบผู้ชายตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมพี่ไม่รู้วะ”

“ผมยังชอบผู้หญิงอยู่พี่”

“อ้าว แล้วน้องคนนั้นเป็นใคร ทำไมมีจับขงจับแขนกระซิบเล่นหัว สนิทไปป่ะทีกับพี่ไม่เห็นมีงี้”

“พี่รันจำไอ้เด็กแสบที่ผมเคยเล่าให้ฟังตอนใกล้สอบได้ไหม ไอ้เด็กนั่นแหละ ทีนี้มีเรื่องกันอยู่ให้แม่เขารู้ไม่ได้เลยต้องกระซิบคุย แล้วพี่อย่ามาทำเป็นน้อยใจ ตอนผมเรียนกับพี่พี่ก็ชอบเล่นหัวผมออกบ่อย”

“เอ๊าะ ฉันลืมไปว่าแกเคยน่ารัก” การันต์หัวเราะ หากยังไม่หยุดจับผิดคนข้างตัว “แล้วทำไมมากินข้าวด้วยกันได้ล่ะ”

“วันนี้มีมอบตัวพอดี แม่เขาเลยพานั่งเรือข้ามฟากมากินข้าวด้วยแค่นั้นแหละพี่ หายข้องใจยัง มีคำถามอะไรอีกม่ะ”

“น้องเขามีแฟนยัง”

“เฮ้ย!” ถึงกับร้องเสียงหลง หันไปมองหน้าคนถามก็ดูกึ่งเล่นกึ่งจริงพาลเอาตอบกลับไม่ถูก “ถามทำไมเนี่ย”

“น่ารักดี”

“น่ารักตรงไหนกวนตีนจะตาย”

“อย่ามาทำหวงก้าง ฉันบอกแล้วถ้าจะสนผู้ชายขอแบบตัวเล็กน่ารัก น้องคนนั้นใช่เลยลูกครึ่งด้วยใช่ไหม”

“พี่รันครับผมไหว้ล่ะ ขอไอ้เด็กนี่ไว้คนแค่นี้มันกลุ้มใจจะแย่แล้วที่มีผู้ชายมาชอบมัน นะ...พี่รัน อีกอย่างพี่คงไม่อยากเสี่ยงเอาขาแหย่ตารางใช่ไหม”

“หึ หวงเหลือเกินนะคนนี้ ฉันจะเชื่อแล้วกันว่าแกไม่ได้คิดอะไรกับน้องเขา แค่ถามไปเล่นๆ ลองใจคนแถวนี้เท่านั้นแหละ ไม่เคยเห็นทำแบบนี้กับใครเลยนึกว่าแกใกล้จะสละโสด”

“พี่ไม่ต้องมาลองใจหรอก เดี๋ยวถ้ามีตัวจริงเมื่อไหร่จะพามาให้รู้จักเอง โอเคไหม”

“เออ ให้มันจริง”

ทิวากานต์ส่ายหัวพลางยิ้มขำ นายแพทย์รุ่นพี่ดูจะจริงจังกับการหาแฟนให้เขาเหลือเกิน ไม่รู้จะให้รีบไปไหนอายุเขาเพิ่งจะสามสิบมีเวลาหาอีกนาน

.
.
.
หัวข้อ: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 11 [25.10.15]
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 25-10-2015 16:35:18
ตาสีซีดมองกริ่งหน้าประตูห้องฝั่งตรงข้ามลังเลครู่ใหญ่ ไม่แน่ใจว่าควรกดแบบมารยาทดีแค่ทีเดียวหรือทำอย่างเคยคือกระหน่ำรัวให้คนข้างในวิ่งตาลีตาเหลือกมาเปิดประตูให้ อยากเป็นเด็กดีอยู่บ้างหรอกนะแต่พอนิ้วแตะผิวพลาสติกมันก็เผลอย้ำถี่จนได้ยินเสียงคนข้างในวิ่งตึงตังออกมาถึงข้างนอก

ทิวากานต์เปิดประตูออกมาต้อนรับด้วยใบหน้าบูดบึ้งหัวเปียกน้ำหยดบนบ่าเปลือยติ๋งๆ ชายหนุ่มแยกเขี้ยวใส่แขกก่อนดีดหน้าผากไปหนึ่งที “บอกกี่ครั้งแล้วว่าให้กดกริ่งแค่ทีเดียวพอ แล้วนี่รหัสเปิดประตูก็ให้ไปแล้วทำไมไม่เข้ามาเลย”

“เข้าบ้านคนอื่นไม่เคาะประตูก่อนมันไม่ดีนี่นา”

“กดกริ่งแบบนี้ก็ไม่ดีเหมือนกันนั่นแหละ แล้วนี่มาทำไม แม่เรียกแล้วเหรอ” ปากบ่นไม่หยุดแต่เบี่ยงตัวใหญ่ๆ เปิดทางให้เด็กหนุ่มเข้ามาด้านใน ตาเรียวมองตามหลังอลันด์ที่เข้าไปนั่งแหมะตรงชุดโซฟาสุดโปรดของแม่เขา สีหน้าเด็กหนุ่มดูดีขึ้นกว่าตอนกลางวันนิดหน่อย ปลายจมูกแดงเหมือนกวางเรนเดียร์จนกังวลว่าอาจได้จ่ายยาลดน้ำมูกและเสมหะให้อีกคน

“ยังอ่ะ มัมเพิ่งเอาหมูไปอบเมื่อกี้เอง”

“แล้วรีบมาทำไมเนี่ย” บ่นเป็นคนแก่อีกรอบ พอเห็นว่าเด็กแสบไม่สนใจแถมยังหยิบรีโมทมาเปิดดูทีวีประหนึ่งเป็นบ้านตัวเองถึงยอมถอยก้าวกลับขึ้นไปข้างบน แต่งตัวเรียบร้อยลงมาอีกทีเห็นเด็กฝรั่งนอนกอดหมอนดูละครเย็นไปแล้ว

“ละครปัญญาอ่อน” ปากว่างั้นแต่เห็นตาสีซีดจ้องไม่กระพริบ

“แล้วจะดูทำไม เอารีโมทมานี่ ฉันจะดูข่าว” เขาตรงเข้าไปแย่งรีโมทมาจากมือเด็กอีกคน ใช้เท้าเขี่ยขาตันๆ ของอลันด์ให้เขยิบไปก่อนนั่งลงแทนที่ แล้วภาพละครเย็นก็เปลี่ยนเป็นรายงานข่าวต่างประเทศ

พวกเขาปล่อยให้เสียงผู้รายงานข่าวบนหน้าจอลอยผ่านหูเป็นเวลาหลายนาทีก่อนคนแก่กว่าจะทำลายความเงียบขึ้น ปลายนิ้วเนียนแตะบนหลังคอไอ้ตัวแสบก่อนลูบเบาๆ คล้ายลูบขนแมวเมื่ออีกฝ่ายสะดุ้งตกใจแล้วกลับไปนั่งนิ่งเหมือนเดิมปล่อยให้เขาจับเล่น

ทิวากานต์ทั้งหนักใจทั้งอ่อนใจ เด็กฝรั่งปากหนักเก็บปัญหาไว้กับตัวทุกคนแบบนี้เลยหรือเปล่า คราวนี้เจ็บถึงขั้นป่วยเป็นสัปดาห์ยังไม่ยอมปริปากบอกเขาสักคำต้องให้เขาเริ่มก่อนทุกทีจนกลัวว่าบางทีจะจุ้นจ้านกับชีวิตอีกคนเกินไป แต่ถ้าปล่อยไว้เฉยๆ เขาก็ทำไม่ได้อยู่ดี

“มานั่งนี่มา” เขาตบตรงที่ว่างข้างตัว มืออีกข้างจับข้อเท้าขาวดึงให้อลันด์ลุกขึ้นมานั่งดีๆ

ไอ้ตัวแสบอิดออดนิดหน่อยแต่ก็ยอมมานั่งเบียดต้นขาข้างเขาทั้งที่โซฟาออกใหญ่ปล่อยให้คุณหมอจับนู่นดูนี่ ทิวากานต์ไม่ได้แตะลงเต็มแต่ใช้วิธีแตะเพียงผิวเผินลากไปตามส่วนอื่น หากเพราะปลายนิ้วยังเย็นด้วยเพิ่งอาบน้ำเสร็จพอมาโดนคนอุณหภูมิสูงกว่าปกติร่างขาวจึงสะดุ้งทุกทียามสัมผัสกัน

สำรวจแผลส่วนพ้นร่มผ้าได้พักใหญ่ เสียงถอนหายใจจึงดังขึ้นท่ามกลางเสียงพูดจากในทีวี อลันด์หน้าเสียเกิดความกลัวไม่รู้สาเหตุขึ้นมาลึกๆ ในใจ เขารู้ดีว่าแผลมันแย่มาก ขนาดผ่านมาหลายวันแล้วแต่สิ่งที่เขาเห็นจากกระจกยังน่ากลัวเหมือนเพิ่งเกิด

ไม่ได้ชอบที่เป็นแบบนี้ ไม่ใช่ไม่ได้ห้าม เขาพยายามปกป้องตัวเองอย่างที่สุดแล้วแต่ก็ยังสู้อีกคนไม่ได้ มันน่าเจ็บใจจนไม่กล้าบอกใครให้รู้ถึงความอ่อนแอของตัวเอง

“ร้องไห้ทำไม ยังไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย”

“ใครร้องไห้ ไม่ได้ร้องสักหน่อย”

คุณหมอวัยสามสิบยิ้มอ่อนอกอ่อนใจ ไอ้ที่จะโกรธๆ เมื่อกี้หายวับ เขาแกล้งขยี้กลุ่มผมนุ่มจนฟู แขนยาวเอื้อมออกไปข้างหน้ารั้งคอคนเด็กกว่าเข้ามากอด “อย่าหาว่าเสือกเลยนะ แต่บอกได้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น”

“ผมไม่รู้จะพูดยังไงดี ผมทำอย่างที่ด็อกบอกแล้ว เอาตัวไปติดกับเจมส์ พยายามไม่อยู่กับทอมสองคน มันโอเคเลย แต่ว่า...” เสียงแหบห้าวเงียบไปพร้อมกับหัวทุยซุกเข้าหาอกคุณหมอมากกว่าเดิม “คืนก่อนบินทอมขอมานอนที่บ้านด้วย หมอนั่นมีไฟลท์ไปมิวนิควันรุ่งขึ้นเหมือนกัน ผมไม่อยากให้ทอมมาแต่ไม่รู้จะเลี่ยงยังไง จะชวนเจมส์มาค้างด้วยหมอนั่นดันติดธุระไปเยี่ยมคุณยายที่เอดินเบอระพอดี”

“...”

“ผมถ่วงเวลาแล้วนะแต่หมอนั่นทำให้ผมทำอะไรไม่ได้ ด็อกเข้าใจใช่ไหมผมไม่เคยสู้ทอมได้เลย ผมไม่รู้เขาไปโมโหใครมาจากไหน อาจจะโกรธผมก็ได้ที่ละเลยเขามากเกินไปในช่วงเวลาที่เหลือ เขาลงโทษผม กัดผมทำรอยทิ้งไว้ทั้งตัว  ทอมน่ากลัวมากเหมือนไม่ใช่คนที่เคยจูงมือผมไปโรงเรียนอีกแล้ว ไม่ว่าผมจะร้องไห้อ้อนวอนแค่ไหนเขาก็ไม่สนใจ เอาแต่พูดว่าถ้าปล่อยผมไปตอนนี้เขาต้องโง่มากแน่ๆ บอกว่าผมเป็นของเขา...จะทำให้ผมเป็นของเขา”

ทิวากานต์กัดกรามจนปวดหนึบหัวใจเขาเต้นแรงไปด้วยความโกรธ สิ่งที่อลันด์เล่าไม่ได้แตกต่างจากเคสคนไข้ถูกข่มขืนที่เขาเคยเจอสักนิด เด็กหนุ่มตัวสั่นตลอดเวลาที่พูดถึงช่วงเวลายากลำบากออกมา หากเขาทำได้เพียงกอดเอาไว้เท่านั้น

“ทะ ทอมพยายาม...”

“พอแล้วๆ ฉันรู้แล้ว ชู่ว... ไม่ร้องนะ” ชายหนุ่มกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น มือข้างหนึ่งลูบผมอลันด์เบาๆ

“ทอมทำร้ายมิวมิวด้วย มิวมิวพยายามมาช่วยผมเลยถูกไอ้บ้านั่นจับเขวี้ยง ตอนนี้มันยังเดินกะเผลกอยู่เลย” พอหยุดร้องไห้ก็ฟ้องฉอดๆ กลับมาปากกล้าเหมือนเดิม ตาสีซีดเงยขึ้นมองหน้าคุณหมอ ปากหยักเชิดขึ้น เจ็บตัวไม่เท่าไหร่แต่มาทำร้ายแมวรักมันน่าโมโหที่สุด

“เธอควรแจ้งความนะ”

“นั่นเป็นเรื่องที่ยากที่สุดเลยรู้ไหม ช่างมันเถอะ...อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้สอดใส่เข้ามา”

“อ้าว ฉันนึกว่า...” ทิวากานต์อ้าปากค้าง เห็นร้องห่มร้องไห้ไหนจะรอยแผลเต็มตัวอีกเขาก็นึกว่าไอ้ตัวแสบเสร็จหมาบ้าพลังอย่างโธมัสไปแล้วน่ะสิ คุณหมอถอนหายใจเฮือกหลงคิดไปแล้วว่าเด็กแสบมันถูกทะลวงประตูหลังจนเจ็บหนัก ที่ไหนได้...

“ไอ้นั่นทอมใหญ่มากผมเจ็บชิงช็อคสลบไปก่อน ถ้ารู้ว่าเป็นแบบนี้ผมยอมสลบตั้งแต่ตอนทอมเริ่มปล้ำแล้วล่ะ”

เขาตบหัวอีกคนเบาๆ ก่อนลุกไปหยิบอุปกรณ์ตรวจกับกล่องยามาเตรียมตรวจคนไข้นอกเวลา งานนี้ตรวจฟรีขาดทุนสุดๆ นี่เห็นว่าสงสารหรอกนะไม่งั้นไม่ยอมหรอกปกติเขาค่าตัวแพงจะตาย

ไม่นานร่างสูงใหญ่เดินกลับมาพร้อมอุปกรณ์ตรวจ สั่งให้อลันด์ถอดเสื้อดูรอยแผลที่เริ่มแห้งตกสะเก็ดเหลือเพียงรอยม่วงช้ำ ใบหน้าหล่อเครียดขึงทุกครั้งที่เจอรอยฟันตามตัวเด็กหนุ่ม เขาบอกว่ารอยพวกนี้อาจทิ้งแผลเป็นได้ พยายามอย่าแกะแผลรอให้แห้งแล้วลอกไปเองค่อยเอายาทาแก้แผลเป็นมาทาอีกทีแล้วตรวจวัดไข้ตามปกติ คิ้วหนาขมวดเข้าหากันนิดหน่อยตอนฟังเสียงปอดแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา 

“มียากินอยู่แล้วหรือเปล่า”

“ไม่มีอ่ะ”

“งั้นเดี๋ยวสั่งยาให้ ค่อยไปซื้อที่ร้านขายยาเอา”

“ไม่กินได้ไหม ไม่ชอบกินยา”

“งั้นต้องงดใช้เสียงเกินความจำเป็น ช่วงนี้ห้ามร้องเพลง ไม่ดื่มน้ำเย็น ทำคอให้อุ่น นอนเยอะๆ โอเคไหม”

“โอเค” เจ้าตัวแสบรีบพยักหน้าหงึกหงักก่อนทำหน้าแหยเมื่อคุณหมอพูดคำว่า ‘แต่’ ขึ้นมา “แต่อะไรอีก”

“ตรวจสุขภาพประจำปีบ้างหรือเปล่า”

“อ่าฮะ”

“แล้วหมอไม่พูดอะไรเลยเหรอ”

“ไม่นิ”

“เมื่อกี้ตอนตรวจได้ยินเสียงหัวใจดังแปลกๆ นะ แต่ยังไม่แน่ใจจะขอฟังอีกที”

“หา?” เด็กหนุ่มทำหน้ามึน “หลอกผมหรือเปล่าเนี่ย”

“จะหลอกไปเพื่ออะไรเงินก็ไม่ได้ เอ้า นั่งหลังตรง หายใจเข้าช้าๆ ลึกๆ นะ” คุณหมอศัลย์รีบสั่งแต่อีกคนไม่ให้ความร่วมมือเอาเสียเลย ทิวากานต์จำต้องออกแรงจัดท่านั่งเด็กแสบให้นั่งดีๆ แล้วเอาสเตธใส่หูอีกครั้ง “ไม่ต้องตื่นเต้นเพราะเห็นว่าฉันหล่อล่ะ”

“ใครมันจะไปใจเต้นกับด็อกกัน” เถียงกลับไปก่อนมองอีกฝ่ายที่ดูจะจริงจังเกินกว่าเป็นเรื่องล้อเล่นแล้วต้องหุบปากเงียบยามคุณหมอแนบเครื่องมือเข้ากับหน้าอกตรงที่มีก้อนเนื้อเท่ากำปั้นเต้นตุบๆ อยู่ข้างใน ทิวากานต์หรี่ตาลงเหมือนคิดอะไรอยู่ เกือบนาทีถึงยอมถอยออกไป

“อืม... น่าจะเป็นผนังห้องบนซ้ายรั่ว”

“อะไรนะด็อก! อะไรรั่ว!!!” เสียงทุ้มแหบแผดขึ้นมาทันทีที่ได้ยินคำว่ารั่ว

“ผนังกั้นห้องหัวใจรั่ว เสียงมันดังฟู่ๆ แต่ยังเบาอยู่ อยากให้แน่ใจคงต้องไปตรวจละเอียดที่โรงพยาบาลอีกที อันนี้ซีเรียสนะ”

“มันน่ากลัวมากไหมด็อก ผมจะตายหรือเปล่า”

ฟังคำถามแล้วอยากจะหัวเราะ ทิวากานต์กลั้นขำจนตัวงอ “ไม่ตายหรอกน่าถ้ารักษาทัน แล้วดูเหมือนจะรั่วไม่มาก แต่บอกแล้วว่าต้องไปตรวจที่โรงพยาบาลให้แน่ใจก่อน จะที่โรงพยาบาลลุงเธอก็ได้ที่นั่นมีอาจารย์ที่เชี่ยวชาญด้านนี้เยอะอยู่ หรือจะที่ทำงานฉันก็มีอาจารย์ที่นับถือถนัดเรื่องนี้”

“จริงเหรอ”

“แล้วกัน นี่หมอหัวใจนะไม่เชื่อหมอแล้วจะให้ไปเชื่อใคร”

“มันดูน่ากลัวนี่นา ใครจะไปคิดล่ะว่าจู่ๆ จะเป็นโรคหัวใจขึ้นมา”

“ไม่ต้องห่วงไม่มีอะไรน่ากลัว แต่ถ้าปล่อยปละไม่สนใจได้น่ากลัวของจริงแน่ ส่วนนี่เดี๋ยวฉันไปบอกแม่เธอให้”

“อย่าเพิ่งบอกได้ไหม” เด็กหนุ่มทำเสียงอ่อยทำท่าหางลู่หูตก “เดี๋ยวมัมตกใจรอตรวจละเอียดก่อนค่อยบอกก็ได้ อีกอย่างถ้าไปตรวจตอนนี้หมอต้องเห็นเอ่อ... ไอ้รอยพวกนี้แน่เลย แล้วก็ไปตรวจที่โรงพยาบาลด็อกได้ใช่ไหม ต้องทำยังไงบ้างอ่ะ ไม่ไปโรงบาลคุณลุงนะเดี๋ยวมัมรู้”

“ก็โทรไปจองคิวตรวจ แต่เดี๋ยวฉันนัดอาจารย์เขาให้ดีกว่า เธอสะดวกวันไหนก็บอกมาแล้วกัน”

“ขอหลังมัมกลับลอนดอนไปแล้วนะ สักต้นเดือนหน้าได้ไหม”

ทิวากานต์พยักหน้ารับแล้วค่อยจับอลันด์นั่งนิ่งๆ อีกครั้งเพื่อใช้ไฟฉายส่องตรวจช่องปากก่อนบอกให้เด็กหนุ่มรักษาสุขภาพฟันให้ดีเป็นพิเศษในช่วงนี้ ถ้ามีเหตุไปหาหมอฟันก็ให้มาแจ้งเขาก่อน แม้จะไม่ค่อยเข้าใจว่าสุขภาพช่องปากเกี่ยวอะไรกับโรคที่คิดว่าเขาน่าจะเป็นแต่อลันด์พยักหน้ารับฟังแต่โดยดี

คุณหมอตัวสูงลุกเก็บอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เอาออกมาไว้ที่เดิม ตาเหลือบดูนาฬิกาจะทุ่มครึ่งแล้วมาดามโอเนลล์น่าจะทำมื้อค่ำเสร็จพอดีเลยชวนกันไปห้องฝั่งตรงข้าม ไม่ลืมลูบหัวอีกคนเล่นเบาๆ ผมเจ้าเด็กนี่นุ่มเหมือนขนแมวทำเอาเขาเพลินมือทุกที

หลังกินมื้อค่ำเสร็จอลันด์ถึงนึกได้ว่าฝากคุณหมอจัดการเรื่องรถให้ เด็กฝรั่งหน้าขาวตาวาวตอนชายหนุ่มบอกว่ารถจอดอยู่ข้างล่าง รบเร้าจะให้พาไปดูไปลองขับเสียเดี๋ยวนั้น ขนาดแม่มันบอกไว้พรุ่งนี้ก็ไม่ฟังจะรีบวิ่งออกจากห้องไปดูแล้วทิวากานต์จะห้ามอะไรได้ เขาเดินกลับไปเอากุญแจรถที่ห้องมายื่นให้เด็กหนุ่มแล้วพากันกระเตงลงไปดูรถที่ลานจอด

ทันทีที่เห็นรถส่งนมคันสีขาวล้วนตรงหน้าเจ้าเด็กฝรั่งแทบวิ่งไปกอด ชูพวงกุญแจรถขึ้นมองงงๆ หาปุ่มกดปลดล็อคจนเจอถึงได้พุ่งเข้าไปเปิดประตูนั่งประจำที่คนขับรอยยิ้มฉาบเต็มใบหน้า ดีใจมากจนหน้ากับหูแดงแจ๋

“ว้าว กว้างสุดๆ” ว่าแล้วก็จัดการเสียบกุญแจสตาร์ทเครื่องทันที ทิวากานต์มองทั้งขำทั้งอ่อนใจ แกล้งกระแอมหนักๆ ไปสองที

“แน่ะๆ แม่เขาให้แค่ลงมาดูไม่ใช่หรือไง”

“ลองขับนิดเดียวน่า”

“มีใบขับขี่แล้วหรือไง”

“ระดับนี้สอบรอบเดียวผ่าน”

“ขี้โม้ วันนี้ขับแค่ในคอนโดก่อนแล้วกัน” ถึงจะว่าอย่างนั้นแต่ก็ยอมให้เด็กแสบได้ลองรถตามประสาเข้าใจหัวอกผู้ชายเหมือนกัน เขาเปิดประตูเข้าไปนั่งที่นั่งข้างคนขับ คาดเข็มขัดเรียบร้อยดูเจ้าเด็กขี้โม้ออกรถด้วยความนิ่มนวล

“โอ๊ะ เกียร์ๆ”

เจ้าตัวร้องออกมานิดหน่อยเพราะยังไม่คุ้นชินกับเกียร์ที่อยู่ตรงพวงมาลัยรถ หากเพียงครู่เดียวก็ขับเจ้ารถส่งนมได้คล่อง ทิวากานต์ถึงกับต้องออกปากห้ามเมื่ออลันด์ได้ใจถึงขั้นจะออกไปข้างนอก เด็กแสบอิดออดนิดหน่อยแต่พอเอาแม่มาขู่ก็ยอม

“มีแต่รถสีขาวเนอะ” อลันด์ว่าหลังจากลงรถมาดูฝีมือการจอดของตัวเอง ข้างๆ รถส่งนมก็เป็นรถอีกสามคันของทิวากานต์นั่นแหละ ดูแล้วเด่นสะดุดตาดีรถขาวล้วนจอดเรียงสี่คันติดล่อเป็นรถยุโรปไปซะสามมีรถญี่ปุ่นเล็กๆ แทรกกลางมาคันเดียว

“เดี๋ยวจะขายคันนู้นแล้ว” ทิวากานต์ชี้นิ้วไปที่บีเอ็มดับบริวซีโฟร์ หลังจากแยกกับป้าอิงวันถัดมาขัตติยาก็โทรมาคุยเรื่องรถ ตกลงราคากันเรียบร้อยรอมาดูสภาพจริง อีกไม่กี่วันข้างหน้านี้คงได้ฤกษ์ลา

“อ้าว ขายทำไมล่ะ”

“อยู่คนเดียวจะมีรถไว้ใช้ทำไมตั้งสามคัน เปลืองจะตาย อีกอย่างจะได้ไม่ต้องเบียดเบียนที่จอดรถเธอด้วยไง”

“น่าเสียดายเหมือนกันเนอะ ผมว่ามันก็เท่ดี”

“ช่างมันเถอะ ทุกอย่างมีพบก็ต้องมีจากเป็นเรื่องธรรมดา” เขาขยี้หัวเด็กตัวเท่าไหล่จนยุ่งก่อนชวนกันกลับขึ้นไปบนห้อง ไม่ลืมกำชับให้อีกคนงดใช้เสียงเกินความจำเป็นและพักผ่อนเยอะๆ เอาเรื่องรถมาล่ออีกทีว่าถ้าหายแล้วจะยอมนั่งรถเล่นเป็นเพื่อน เท่านั้นเจ้าเด็กแสบก็รีบวิ่งเข้าห้องไปนอนทันที

เด็กหนอ...เด็ก เจอของเล่นใหม่ก็ลืมความทุกข์ง่ายดายเหลือเกิน



TBC

เห็นคอมเม้นต์ถามบ่อยมากว่าจะรักกันยังไงจะรักกันเมื่อไหร่ไม่เห็นแววสักที (ฮา)
ใกล้แล้วค่ะ เขาใกล้จะรักกันแล้วค่ะ ;-;

คืออยากให้เข้าใจหน่อยเนอะว่าอิพี่วาอายุไม่ใช่น้อยๆ แล้ว อยู่ในวัยจะสร้างครอบครัวเป็นหลักแหล่งเสียที
จะให้มาแบบเจอหน้าปุ๊บปิ๊งเลย รักกันจิ๊จ๊ะคงไม่ใช่เพราะพี่แกก็ผ่านมาเยอะ แก่ทั้งอายุและประสบการณ์
แถมช่องว่างระหว่างวัยของคู่นี้มันน้อยเสียทีไหน ขอเวลาปรับจูนกันนิดนึงค่ะ
แต่รับรองว่าจูนกันติดแล้วจะน่าหมั่นไส้น่าถีบไม่น้อยทีเดียว

ตอนนี้ขอฝากนิยายอีกเรื่องนึงด้วยนะคะ LOVE | HATE : ลวงใจ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49564.0) เพราะตัวละครจากเรื่องนู้นจะมีโผล่มาสร้างสีสันเล็กน้อยในเรื่องนี้ด้วยค่ะ
เรื่องลวงใจเคยลงไปแล้วครั้งนึงแต่หยุดไม่ได้ต่อจนโดนลบ(เพราะมัวแต่เขียนอิพี่วากะน้องอัล) คราวนี้จะลงให้จบ
ฝากด้วยนะคะ *กราบ*

วันนี้เม้าท์ยาวอ่ะ แล้วเจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ
ขอบคุณทุกความคิดเห็น

จุ๊บ

 :mew1:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 11 [25.10.15]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 25-10-2015 17:32:56
เฮ้อ....ถ้าอัลโดนข่มขืน ก็จะไม่สงสารหรอกนะ






ในเมื่อเวลาดื้อจะมาเรียนร้องเพลงยังดื้อได้ทำได้






ก็แค่บอกพ่อ บอกแม่ ให้รับรู้ว่าตัวเองจะโดนข่มขืน ทำไมบอกไม่ได้






หมอวาเข้าข้างอัล เลยมองว่าอัลไร้เดียงสา






แต่ ป้าว่า อัลมันก็ให้ท่าทอมเหมือนกันแหละ เรื่องมันถึงมาใกลเกือบกู่ไม่กลับแบบนี้






ไม่ปลื้มอัลแล้ว ที่เอาแต่ปกป้องเพื่อนที่รังแกตัวเองจนบาดเจ็บยังไม่ให้ใครรู้อีก :ling1:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 11 [25.10.15]
เริ่มหัวข้อโดย: waterlily ที่ 25-10-2015 18:29:03
อย่างหนูอัลอ่ะเขาเรียกว่ารักเพื่อนมากจนเกินไป จนทำร้ายตนเอง เพราะอย่างที่โธมัสทำกับอัลเขาไม่เรียกว่าความรักหรอก เขาเรียกว่า "  ต้องการเอาชนะ "  o22
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 11 [25.10.15]
เริ่มหัวข้อโดย: coupdetat ที่ 25-10-2015 18:38:56
 :katai1: :katai1: ขัดใจจจจ!! ทั้งหมอวา ทั้งอัลเลย
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 11 [25.10.15]
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 25-10-2015 20:25:51
คือแบบทอมน่ากลัวไปน่ะ เข้าใจว่าอัลรักเพื่อนแต่แบบนี้มันเกินไปแล้วจริงๆ งานนี้พี่หมอคงต้องค่อยๆสอนอัลลาะ  ถึงจะแสบและดื้อขนาดไหนแต่อัลใสมาก มากขนาดที่ยอมทอมมานานขนาดนี้ไงล่ะ ถ้าไม่ใช่ว่าเพราะมีหมอสอนหมอเตือป่านนี้คงเสร็จทอมไปแล้ว...แล้วอาการป่วยตอนนี้อีก  โอ้ย....จะสงสารก็สงสารไม่สุดอ่ะ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 11 [25.10.15]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 25-10-2015 21:09:32
ทอมน่ากลัวมาก คงไม่ได้เจอกันอีกแล้วนะ
การกระทำเข้าขั้นรุนแรงเกินจะเป็นเพื่อนแต่ก็เข้าใจอัลอีกนั่นแหละ
ทั้งรักทั้งกลัว ถ้าบอกผู้ใหญ่ก็กลัวเสียเพื่อน ได้แต่อดทน
ได้ใจก็ตรงน้องอัลคิดถึงหมอวาและไว้ใจพี่หมอมาก
เอิ่ม...ส่วนหมอรันนี่ยังไง เดี๋ยวหยอด ๆ หมอวา แถมมาเล็งเด็กแสบอีก
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 11 [25.10.15]
เริ่มหัวข้อโดย: Nunun_B2UTY ที่ 26-10-2015 02:17:05
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 11 [25.10.15]
เริ่มหัวข้อโดย: pim-lovemj ที่ 26-10-2015 13:06:28
 :hao5: สงสารน้องอัลจังเลยอ่ะ ทอมโหดร้ายมาก พี่หมอวาดูแลน้องดี ๆ ล่ะ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 11 [25.10.15]
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 26-10-2015 19:59:38
โธมัสนายน่ากลัวเกินไปแล้ว

อีกอย่างนายควรเข้าใจรสนิยมตัวเองซักที ถ้าชอบก็แฟร์หน่อยสิว่ะ

ส่วนเรื่องอัลไม่กล้าบอกใครนี่ กรณีปกติของคนถูกล่วงละเมิดทางเพศเลยนะ
มีความรู้สึกที่ถูกกดให้เป็นฝ่ายผิด โดนลงโทษ มองว่าตัวเองไร้ค่า ไม่กล้าบอกใคร
น่าสงสารชะมัด
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 11 [25.10.15]
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 26-10-2015 20:14:10
ชอบผู้ชายแบบหมอวา ขอได้มั้ย เป็นคนที่น่าอยู่ด้วย
ไม่แปลกถ้าอัลจะหวั่นไหว หมอวาก็ใจดี พึ่งพาได้
อีกคนก็ต้องการที่พึ่งอีกคนก็ขี้สงสาร :impress2:

หมอวาเจอหมอเจี๊ยบบ้างป่าววว อิอิ
หมอวาข้ามฝั่งมากินข้าวแถวนี้บ้างนะเด็กมันกลัวเรือ :hao7:

หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 11 [25.10.15]
เริ่มหัวข้อโดย: boobooboo ที่ 26-10-2015 21:55:41
ทอมร้ายมากอ่ะ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 11 [25.10.15]
เริ่มหัวข้อโดย: VarainDark ที่ 26-10-2015 23:51:23
คู่นี้ชักจะเริ่มหวานๆกันแล้วน้าาาา
เมื่อจะรักกันเนี่ย
รอๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 11 [25.10.15]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 27-10-2015 00:02:46
 o13
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 11 [25.10.15]
เริ่มหัวข้อโดย: ren ที่ 27-10-2015 02:14:27
โอ๊ยย อ่านตอนนี้แล้วหุบยิ้มไม่ลง  เป็นความฟินส่วนตัว  หมอวาค่อยๆซึมซับความห่วงหา คิดถึง ทีละนิดๆ
น้องอัลก็เหมือนแมวดูอ้อนๆ    รอติดตามตอนต่อไปค่ะ 
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 11 [25.10.15]
เริ่มหัวข้อโดย: __oo__ ที่ 27-10-2015 20:00:03
อยากให้ตั้งเพจในดฟสคะ สนุกมากๆไม่อยากพลาดซักตอนเลย
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 11 [25.10.15]
เริ่มหัวข้อโดย: นิรนาม ที่ 28-10-2015 13:16:03
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 11 [25.10.15]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 28-10-2015 17:47:56
สุดยอดคุณหมอ
หัวข้อ: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 12 [29.10.15]
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 29-10-2015 22:00:08
TRACK 12



ทันทีที่ตัวเลขดิจิตอลบนหัวเตียงบอกเวลาตีห้า ตาสีฟ้าซีดจะเปิดโพล่งขึ้นท่ามกลางความมืดโดยไม่ต้องพึ่งเสียงปลุกแม้แต่น้อย มือขาวเอื้อมหยิบขวดน้ำบนหัวเตียงมาดื่มแก้วใหญ่ ถัดจากนั้นอีกสองนาทีร่างขาวอวบจะพุ่งตัวเข้าห้องน้ำใช้เวลาอีกสิบนาทีก่อนออกมาเป่าผม แต่งตัว โปะแป้ง คว้าเนคไทกับเสื้อคลุมวิ่งลงบันไดตึงตังมาชั้นล่าง หยิบรองเท้าสักคู่จากบนชั้นมาสวม พอตีห้าสี่สิบนาทีก็จะโผล่หัวออกมาป๊ะกันพอดีกับคนห้องตรงข้าม

“อรุณสวัสดิ์”

“อรุณสวัสดิ์ วันนี้กินอะไรดี” ทิวากานต์ยิ้มกว้างสดใสประหนึ่งพระอาทิตย์ยามเช้าให้เพื่อนบ้าน ทักทายกับอีกคนด้วยประโยคเดิมเช่นเดียวกับทุกวันที่ผ่านมา สมกับเป็นลูกครึ่งจีน เรื่องปากท้องต้องมาเป็นอันดับแรกเสมอ

“ข้าวเหนียวหมูย่างหน้าปากซอย” เด็กฝรั่งตอบกลับฉะฉาน หลังจากนั้นก็ปล่อยเสียงพูดเจื้อยแจ้วไปตลอดทางตั้งแต่หน้าห้องจนถึงลานจอดรถ

ทุกวันเด็กลูกครึ่งหน้ามึนจะออกจากบ้านพร้อมกับทิวากานต์ ยกเว้นวันไหนที่คุณหมอมีธุระต้องรีบไปราวน์แต่เช้า มีเคสตอนเย็น ทำคลีนิคพิเศษ หรืออยู่เวรถึงจะแยกกันไปคนละคัน แล้วอลันด์จะใช้วันที่ไม่ได้กลับบ้านพร้อมกันนี่แหละไปซ้อมดนตรีที่บ้านของนภก่อนกลับมากินข้าวเย็นด้วยกันที่ห้องของใครสักคน

ส่วนวันนี้อลันด์มีตรวจกับอาจารย์หมอตอนบ่ายสี่โมงเย็นตามที่ทิวากานต์จัดการนัดไว้ให้ ดูไม่มีปัญหาอะไรแต่ปัญหามันเกิดตรงที่เจ้าเด็กฝรั่งต้องนั่งเรือข้ามฟากไปนี่แหละ แถมวันนี้ทิวากานต์จะเอารถไปจอดที่โรงพยาบาลด้วยสิ ปกติคุณหมอจะจอดรถไว้ที่มหาวิทยาลัยฝั่งตรงข้ามแล้วจะนั่งเรือไปทำงานเอง ไม่เคยให้เขาต้องไปเผชิญหน้ากับความน่ากลัวท่ามกลางกระแสน้ำหรอก!

“ทำไมต้องเอารถไปจอดที่โรงบาลด้วยอ่ะ จอดที่ม. เหมือนเดิมไม่ได้หรือไง เสียเงินทำบัตรไปตั้งหลายคันใช้ให้คุ้มหน่อยซี่” เด็กฝรั่งเริ่มเกริ่นหลังจัดการข้าวเหนียวหมูย่างลงท้องเรียบร้อย ตอนนี้กำลังจัดการผูกเนคไทเป็นขั้นตอนต่อไป

“ยังไงวันนี้เธอต้องมาตรวจอยู่แล้ว จะให้นั่งเรือย้อนกลับไปกลับมาทำไม”

“ไม่อยากขึ้นเรือนี่”

“ทำไมล่ะ” ถามกลับทั้งที่ตายังจ้องการจราจรบนท้องถนน วันนี้ต้องขับรถข้ามไปอีกฝั่งเลยต้องทำเวลาสักหน่อย

“มันน่ากลัว”

“ไม่น่ากลัวหรอกน่า ฉันข้ามมาตั้งแต่ยังไม่เรียนหมอเลย” ช่างเป็นการให้กำลังใจที่ไม่รู้จะบอกยังไงดี อลันด์หน้าบูดเป็นตูด มองน้องกบกระดึ๊บไปข้างหน้าด้วยความช้าระดับโคอาล่าเดิน ตั้งแต่ขาย Z4 ให้คนรู้จักไปทิวากานต์ก็ใช้น้องกบสลับกับซีรีส์ไฟว์มาทำงาน แต่ส่วนใหญ่น้องกบมักจะถูกเลือกให้คลานบนท้องถนนอันติดขัดของกรุงเทพมหานครเสียมากกว่า ไม่รู้ว่าเอามาขับล่อสาวหรือเหมาะขับซอกแซกอย่างที่ปากว่ากันแน่

“งั้นนั่งแท็กซี่ไปได้ไหม”

“เลิกเรียนกี่โมง”

“สามโมงครึ่ง”

“คิดว่าจะมาทัน?” พอโดนย้อนถามกลับก็ได้แต่นั่งสะอึก ที่ต้องนัดหมอเย็นขนาดนี้เป็นเพราะตารางเรียนเขาเองอีกนั่นแหละ แล้วตอนนั้นแถวนี้กำลังรถติดได้ที่เลย “เอาเถอะ ตามใจ มาให้ทันนัดหมอเขาแล้วกัน”

ถึงปากจะพูดเย็นชาเหมือนไม่ใส่ใจ แต่ตอนจะข้ามสะพานไปถึงโรงพยาบาลก็ยังนั่งเรือไปส่งอีกฝั่งก่อนจะรีบกลับไปตรวจคนไข้ทั้งที่ถุงข้าวเหนียวหมูย่างยังไม่ถูกแกะ

รู้สึกผิดนิดหน่อยแต่จะโทรไปขอโทษอีกคนคงทำงานยุ่งไปแล้ว ร่างขาวอวบเดินหงอยเข้าห้องสมุดหาหนังสืออ่านฆ่าเวลาก่อนเข้าคาบแรกตอนเก้าโมงอย่างเช่นปกติของวันที่มาเรียนพร้อมทิวากานต์ นั่งแกร่วได้ไม่ทันไรเพื่อนในสาขาคนแรกก็มา

“มาแต่เช้าอีกแล้ว กินไรยัง” คนถามเป็นหนุ่มไทยผิวเข้มหน้าคมชื่อคนินทร์ เรียนโรงเรียนรัฐชายล้วนชื่อดังของประเทศมาก่อน แล้วยังเป็นเพื่อนคนแรก(และน่าจะเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียว)ของอลันด์ที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้อีกด้วย

“กินแล้ว คิวอ่ะ” อลันด์ตอบกลับอีกคนเสียงเบา ตาสีซีดมองคนตัวสูงถอดเป้วางบนโต๊ะก่อนนั่งฝั่งตรงข้าม

“ยังเลย กะมาชวนไปกินเป็นเพื่อนเนี่ย”

“ไปด้วยก็ได้ อ่านจนไม่รู้จะอ่านบรรทัดไหนแล้ว” คนตัวขาวชูหนังสือในมือให้อีกคนดู เพียงครู่เดียวสองหนุ่มต่างเชื้อชาติก็ยิ้มขำพากันกระเตงไปหาอะไรกินแถวมหาวิทยาลัย

หลังเรียนจบช่วงเช้าอลันด์กระโดดขึ้นรถตามติดเพื่อนใหม่ไปกินข้าวแถวดิ โอลด์ สยาม ได้ขนมหวานกลับมากินเล่นตอนเรียนคาบบ่ายอีกเพียบ หากดูเหมือนเด็กฝรั่งจะติดใจเจ้าขนมกลีบลำดวนมากสุด บอกว่าคล้ายคุ้กกี้แต่มีกลิ่นหอมหวานแปลกๆ ดี ล่อเอาซะแมวหลงตัวอ้วนกินเพลินลืมเรื่องหนักใจไปหมด กระทั่งหมดคาบสุดท้ายนั่นแหละถึงระลึกได้ว่าต้องขึ้นเรือข้ามฟากไปหาหมอ!

“คิว นายรีบไปไหนหรือเปล่า” เด็กฝรั่งหน้าซีดสะกิดถามเพื่อนตัวโตกว่า สีหน้าดูเป็นกังวลเสียจนคนฟังพลอยซีเรียสไปด้วย

“หืม ไม่นิ” หนุ่มไทยหน้าเข้มตอบก่อนถามต่อ “มีอะไรหรือเปล่า จะชวนไปไหนหรือไง”

“ช่วยนั่งเรือข้ามไปฝั่งนู้นเป็นเพื่อนที พอดีฉันมีธุระด่วนแต่ไม่กล้านั่งเรือไปคนเดียวอ่ะ”

“ส่วนไหนของฝั่งนู้นล่ะ เดี๋ยวขับรถไปส่งก็ได้”

“ไปโรงพยาบาลฝั่งตรงข้ามเนี่ยก่อนสี่โมง” เด็กฝรั่งตอบหน้าเจี๋ยมเจี๊ยม ได้นั่งรถไปก็ดีแต่วันนี้อาจารย์ดันปล่อยช้า อีก เวลานี้รถเริ่มติดจะทันไหม

“โหย เหลืออีกยี่สิบนาทีไม่น่าทัน งั้นเดี๋ยวเรานั่งเรือไปเป็นเพื่อนก็ได้ ว่าแต่ไปหาหมอทำไม ไม่สบายตรงไหนเหรอ” คนินทร์สะพายเป้ขึ้นไหล่ เดินนำคนตัวเล็กกว่าออกนอกห้องเรียนตรงไปท่าเรือ

“ไปตรวจสุขภาพนิดหน่อย แป๊บนะ มีโทรศัพท์มา” อลันด์ชูมือบอกเพื่อนให้เงียบ มือล้วงโทรศัพท์ที่กำลังสั่นเป็นจังหวะจากกระเป๋ากางเกงขึ้นกดรับ “ครับ”

‘อยู่ไหนแล้ว’

“เพิ่งออกจากห้องเรียน อาจารย์เพิ่งปล่อย” เด็กหนุ่มได้ยินเสียงถอนหายใจลอยมาจากปลายสาย ทิวากานต์คงหงุดหงิดกับเขาน่าดูที่ทำอะไรชักช้า หากประโยคจากปากคุณหมอหนุ่มทำให้ตาสีซีดเบิกกว้าง

‘งั้นรีบเดินไปท่าเรือเร็วๆ ฉันอยู่บนเรือกำลังข้ามไปรับ’

“แล้วด็อกไม่ทำงานแล้วเหรอ”

‘ถ้าทำจะมารับได้ไหม ช่างมันเถอะ รีบๆ มา เดี๋ยวไม่ทัน’ ทิวากานต์ตัดสายไปแล้วไม่ทันให้คนฟังได้ทักท้วงอะไรอีก

เจ้าเด็กฝรั่งหันมาหาเพื่อนใหม่หน้าไร้สีเลือดเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นดีใจแบบปิดไม่มิด “คิวไม่ต้องไปกับเราแล้วล่ะ เดี๋ยวจะมีคนมารับที่ท่าเรือ”

“หืม เอางั้นเหรอ”

“อืม ขอบใจมากนะ”

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันเดินไปเป็นเพื่อนก่อนดีกว่า รีบเถอะเดี๋ยวพลาดแล้วต้องรออีกนาน”

ศีรษะทุยใต้กลุ่มผมสีช็อกโกแลตนมขยับขึ้นลงเร็วๆ พลางก้าวเท้ายาวออกจากมหาวิทยาลัยไปยังท่าเรือ หลังจ่ายเงินไปสามบาทเข้ามาตรงที่รอก็เห็นเรือกำลังข้ามฟากมาพอดี ร่างสูงใหญ่ของทิวากานต์ยืนเด่นพิงเสาเรือปรากฏเข้าคลองสายตาพลอยให้ใจชื้น จนเรือเทียบท่าร่างเล็กถึงหันมาโบกมือลาเพื่อนแล้วรีบเดินลงโป๊ะไปหาคุณหมอ

“ยุ่งชะมัด”

ทิวากานต์บ่นหน้าตาบึ้งตึงผิดกับกริยาที่ยื่นแขนออกไปจับมือขาวไว้แล้วดึงให้มายืนข้างกันบนเรือ ไอ้ตัวแสบเลยได้ใจฉีกยิ้มกว้างพร้อมยักคิ้วประกอบทำหน้ากวนจนได้รางวัลเป็นดีดเบาๆ บนหน้าผาก เมื่อเรือล่องกลับถึงฝั่งที่จากมาเขาจึงพาเด็กหนุ่มเดินมาที่ตึกใหม่ จัดการทำบัตรคนไข้ ติดต่อหมอที่นัดไว้ แล้วนั่งรอเวลาหมอเรียกไปตรวจ

อลันด์มีท่าทีกังวลกับการพบหมอครั้งนี้ไม่น้อย โดยปกติแล้วเขาเป็นคนค่อนข้างแข็งแรงไม่ค่อยเจ็บป่วยอะไรมากนัก หากจะมีเหตุให้ต้องเข้าโรงพยาบาลก็มีแค่ตรวจสุขภาพใหญ่ประจำปีกับตอนที่แขนหักเท่านั้นแหละ และไม่เคยมีครั้งไหนจะบอกเลยว่าเขามีปัญหาที่หัวใจ อวัยวะชิ้นสำคัญที่สุดในร่างกายที่แค่คิดก็เครียดแล้ว

“มิสเตอร์อลันด์ โอเนลล์เชิญห้องตรวจค่ะ” ตาสีซีดเลิกขึ้นมองคุณพยาบาลตื่นๆ เมื่อชื่อตนเองหลุดออกมา นั่งเงอะๆ งะๆ จนทิวากานต์ต้องกระตุกคอเสื้อให้ลุกขึ้นยืนก่อนเดินนำไปที่ห้องตรวจ

ปกติแล้วควรส่งคนป่วยไปพบแพทย์ขอคำปรึกษากันเป็นส่วนตัว หากทิวากานต์ถือโอกาสในฐานะอดีตลูกศิษย์ของนายแพทย์ผู้ตรวจวันนี้และเป็นผู้ปกครองจำเป็นของคนไข้ขอเข้าไปนั่งฟังด้วยเพื่อไปอธิบายอาการที่เจ้าเด็กแสบเป็นให้มาดามโอเนลล์รับรู้ได้ละเอียด ไม่ใช่เกิดอาการใจดีสงสารฝรั่งไม่รู้ประสีประสาขึ้นมาหรอกนะจะบอกให้

หลังให้แพทย์สอบถามอาการอย่างละเอียด ฟังเสียงและจังหวะการเต้นของหัวใจแล้วเด็กหนุ่มจึงถูกส่งตัวไปตรวจ Echo ต่อจึงกลับมาให้คุณหมอวินิจฉัยโรคอีกที

“หัวใจโตนิดหน่อย ผนังห้องบนซ้ายรั่วประมาณหนึ่งเซนติเมตร ถือว่ายังเล็กกว่าคนอื่นที่เขาโตๆ แล้วเยอะ” ปล่อยให้ลุ้นระทึกอยู่นาน นายแพทย์ใจดีวัยห้าสิบต้นๆ จึงหันกลับมาบอกคนไข้ชาวต่างชาติด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มคล้ายจะปลอบว่าไม่มีอะไรน่ากลัวเลยสักนิด แต่กับคนที่ไม่คิดมาก่อนว่าจะเป็นโรคหัวใจอย่างอลันด์ยังคงวิตกถึงขั้นหัวคิ้วชนกัน

“แล้วมันอันตรายมากไหมครับคุณหมอ ผมต้องผ่าตัดไหม”

“ตอนนี้ยังไม่อันตรายมากครับแต่รีบรักษาเร็วได้เท่าไหร่ก็ดีเพราะว่าตอนนี้กล้ามเนื้อไม่สามารถปิดได้เองตามธรรมชาติเหมือนเด็กๆ แล้ว ถ้าปล่อยให้เวลาผ่านไปนานผนังหัวใจมีโอกาสจะขยายกว้างขึ้นอีกและส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันรวมไปถึงเสี่ยงเกิดอาการหัวใจวายได้ด้วย สำหรับน้องเองขนาดรั่วยังกว้างไม่มาก หมอจะใช้วิธีสวนหัวใจปิดรูรั่วแทน วิธีนี้ไม่ต้องผ่าตัดแค่นอนเฉยๆ ชั่วโมงสองชั่วโมงก็เสร็จ” ตอบจบไม่ลืมส่งยิ้มพ่อพระมาให้อีกที หากอะไรไม่น่าเบาใจเท่าคำที่ว่าไม่ต้องผ่าตัด เจ้าเด็กแสบถึงกับถอนหายใจเสียงดัง

“เฮ้อ...”

“กลัวล่ะสิ” ทิวากานต์กระเซ้า ในฐานะหมอด้านหัวใจคนหนึ่งเคสนี้ไม่ใช่เรื่องน่าวิตกอะไรมากมาย บอกไอ้ตัวแสบไปหลายหนแล้วก็เหมือนจะไม่เชื่อกัน เอาแต่กลัวไปนั่น

“แหงสิ หัวใจเลยนะ ถ้าเกิดตายขึ้นมาตอนนี้จะทำยังไงล่ะ ยังไม่ได้เป็นนักร้องเลย”

“โฮ่” คุณหมอส่งเสียงออกมาเหมือนลุงซานต้าครอสใจดี “อยากเป็นนักร้องเหรอ เหมือนลูกสาวหมอเลย”

“ครับ”

“ดีจังเลยนะที่หาความฝันเจอ แต่ถ้าไม่อยากเป็นอะไรก่อนได้ทำตามฝันอย่าลืมรักษาสุขภาพด้วยนะ อืมมม... มีประวัติการสูบบุหรี่กับบริโภคแอลกอฮอล์ด้วย หมอขอให้งดจนกว่าจะปิดรูรั่วสำเร็จก่อนได้ไหมครับ”

“แต่หลังจากนั้นก็สูบได้ใช่ไหมครับ” สิงห์น้อยนักรมควันถึงกับนั่งไม่ติด ตั้งแต่แม่กลับลอนดอนไปรอบนี้เขาก็สูบบุหรี่จัดตลอด ยิ่งตอนมาเรียนมีเพื่อนสูบด้วยก็ยิ่งติด วันไหนไม่ได้ดูดนิโคตินเหมือนมือไม้สั่นพาลหงุดหงิดไปหมด

“ได้ครับ แต่ทางที่ดีหมออยากให้เลิกเลยดีกว่า ถึงการรักษาจะประสบผลสำเร็จร้อยเปอร์เซ็นแต่อาการหัวใจโตนั้นรักษาไม่ได้ครับ ถ้าไม่อยากมีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจอีกควรงดแล้วรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง ออกกำลังกาย ทานอาหารที่มีประโยชน์ดีกว่า ส่วนแอลกอฮอล์ให้ได้นานๆ ครั้ง ช่วงนี้ก็ควรงดชา กาแฟด้วย สุขภาพเงินสร้างไม่ได้ต้องทำเองนะครับ ส่วนเรื่องกำหนดวันสวนหัวใจ...”

“เดี๋ยวผมขอรายงานแม่น้องเขาก่อนแล้วค่อยนัดอาจารย์มาตรวจอีกทีแล้วกันครับ” ทิวากานต์เอ่ยขัดก่อนคุณหมอจะนัดทำการรักษาจริงจัง เรื่องนี้ยังไงก็ต้องให้พ่อแม่ของเด็กนี่เป็นคนตัดสินใจ

“ได้ๆ เดี๋ยวยังไงขอนัดวันส่องกล้องดูอีกทีก่อนแล้วกัน ฝากวาช่วยดูด้วยนะ”

“ครับ”

“อ่อ น้องน้ำหนักเกินแล้วนะ ควบคุมอาหารด้วยเดี๋ยวตอนส่องกล้องจะลำบาก” จบคำเตือนทิ้งท้ายชวนเจ็บแปลบในใจของคุณหมอใจดี ศัลย์แพทย์หนุ่มอีกคนในห้องถึงกับปล่อยก๊ากดังลั่นไม่คิดเก็บอาการ เล่นเอาคนน้ำหนักเกินหน้างอ

ชั่งล่าสุดน้ำหนักเพิ่งจะเจ็ดสิบสองเองนะ น้ำหนักเกินอะไรกัน!



พอจ่ายค่าตรวจค่าหมอเรียบร้อยมีทิวากานต์เป็นคนออกให้ก่อนแล้วเจ้าตัวจะทยอยจ่ายคืนให้ทีหลังเพราะอลันด์ไม่อยากรูดบัตรจ่ายโดยให้เหตุผลว่ากลัวแม่เห็นเมสเสจแจ้งการใช้จ่ายที่โรงพยาบาลแล้วจะตกใจ คุณหมอตัวสูงก็เดินนำเด็กตัวเท่าไหล่ไปที่อาคารจอดรถเตรียมกลับบ้าน ไม่รู้ว่าบังเอิญหรือมีคนจงใจจึงมาปะกับการันต์ที่เพิ่งเลิกงานเดินออกมาพอดี

“ไงวา เห็นว่ามีธุระนึกว่ากลับไปนานแล้วนะ” คุณหมอเจ้าเสน่ห์ทักทายอารมณ์ดียิ้มตาหยีเผื่อแผ่ไปถึงเด็กผู้ชายข้างกายทิวากานต์ จนรุ่นน้องสุดที่รักต้องจำใจแนะนำให้ทั้งคู่รู้จักกัน เขายังไม่ลืมที่การันต์พยายามหาว่าเขาชอบเด็กนี่หรอกนะ

“ก็ธุระแถวๆ นี้แหละพี่รัน อ่อ นี่อลันด์ครับ เด็กที่เคยเล่าให้ฟัง”

“อ๋อ น้องคนนั้นน่ะเอง เพิ่งเคยเห็นใกล้ๆ หมอการันต์ครับ เป็นรุ่นพี่เจ้าวา เรียกพี่รันก็ได้” เขายิ้มให้เด็กหนุ่มเหมือนคนใจดีหากประกายในดวงตากลับวิบวับเหมือนเก็บงำความลับอะไรบางอย่างเกี่ยวกับตัวอลันด์ไว้

“สวัสดีครับ” เด็กฝรั่งกระพริบตาปริบๆ ก่อนยกมือไหว้อีกคน ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกว่าคุณหมอคนนี้เหมือนกับไอ้คู่แฝดกริฟฟิธส์ตอนวางแผนทำเรื่องชั่วสุดๆ

“เรียกน้าดีกว่า ทำเป็นแอ๊บให้เรียกพี่ อายุเขาอ่อนกว่าแม่เธอไม่ถึงรอบหรอก” อย่าว่าแต่อลันด์รู้สึกไปคนเดียว ทิวากานต์เองก็รู้สึกและรู้ดีเลยล่ะว่ารุ่นพี่กำลังคิดหาทางแหย่เขาให้หงุดหงิดอยู่ แล้วเรื่องอะไรจะยอมให้อีกฝ่ายกระทำอยู่ข้างเดียวล่ะ ของแบบนี้ใครไวก่อนได้เปรียบเฟ้ย

“โห ไอ้วา ฉันยังไม่แก่ขนาดนั้นเว้ย” ฟังที่ไอ้รุ่นน้องตัวโหย่งเหมือนเสาไฟฟ้าเหน็บเข้าให้แล้วการันต์ถึงกับโวยวายหน้าดำหน้าแดง ยิ่งเห็นเด็กผมสีช็อกโกแลตนมกลั้นหัวเราะจนตัวงอยิ่งอาย ใกล้สี่สิบแต่หน้าเขายังเด็กกว่าพี่เคน ธีรเดชอีกนะ!

“อายุมากกว่าไอ้แสบเกือบสองรอบยังบอกว่าไม่แก่อีกเหรอ” นานๆ จะมีโอกาสสักที หมอวาไม่ลืมปล่อยใส่รุ่นพี่อีกดอก

“ไม่ยุ่งกับพวกแกแล้วจะไปไหนก็ไปเลยไป๊ อารมณ์เสีย อุตส่าห์เป็นห่วงจะมาถามสักหน่อยว่ากินอะไรหรือยังเห็นตอนเที่ยงรีบทำเคสหาเวลาไปทำธุระจนไม่ได้กินข้าว แกนี่มัน...หึ่ย” คุณหมอวัยเกือบสี่สิบหมดคำพูดจะตอบโต้ เดินหัวฟัดหัวเหวี่ยงไปหาแอสตัน มาร์ตินคันสวยของตัวเองก่อนขับออกไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งคู่กรณีทั้งสองให้หัวเราะอยู่ที่เดิม

ทิวากานต์กุมท้องตัวเองหลังหัวเราะจนหายใจไม่ทัน เรื่องอายุนี่เล่นไม่ได้เลยมีเคืองจริงๆ ชายหนุ่มหันหน้ากลับมาหาอลันด์จะชวนกันกลับบ้านก็เห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้หัวเราะแต่ยืนมองมาที่ตนก่อนแล้ว แถมยังทำหน้าอ้อนเหมือนแมวอีก คิ้วเข้มจึงเลิกขึ้นอย่างสงสัยไม่ได้

“มีอะไร”

“ทำไมไม่กินข้าวเที่ยง เป็นหมอแต่ไม่ดูแลตัวเองจะมีคนไข้ที่ไหนเชื่อถือไหมเนี่ย”

“แค่ข้าวเที่ยงเอง ตอนเทรนหนักกว่านี้อีกหาเวลาจะกินข้าวยังไม่ได้เลย” จงใจตอบส่งๆ หมุนตัวเดินไปที่รถหนีสายตาจับผิดของอีกคนไม่เปิดโอกาสให้อลันด์ได้ซักไซ้ไล่เรียงอะไรต่อ จนขับรถออกจากโรงพยาบาลมาได้สักพักขนมกลีบลำดวนหนึ่งชิ้นก็ยื่นมาตรงหน้า “อะไร”

“ขนมกลีบลำดวน เพื่อนพาไปซื้อมาตอนเที่ยง อร่อยดีเลยซื้อมาเยอะ ลองกินดูดิ”

“ขนมนี่ฉันก็ทำเป็น ง่ายจะตาย” ปากพูดเหมือนไม่สนใจแต่มือหยิบเจ้าคุ้กกี้แบบไทยๆ โยนเข้าปากเคี้ยวงุบ

“ด็อกทำเป็นจริงอ่ะ งั้นวันหลังทำให้กินได้ไหม มันอร่อยมากเลย” ตาสีฟ้าซีดเป็นประกายทันทียามพูดถึงของกิน ไม่ลืมส่งคุ้กกี้อีกชิ้นให้คุณหมอตัวโตกินรองท้องก่อนมื้อเย็น

“จริง เดี๋ยวจะทำให้กินเป็นโหลเลยก็ได้ แต่ตอนนี้เธอต้องควบคุมน้ำหนักก่อนเข้าใจไหม อ่อ แล้วก็เลิกบุหรี่ด้วย”

“อะไรกัน ลดน้ำหนักผมทำได้นะ ยอมกินแต่ผักเลย แต่บุหรี่เนี่ยไม่ได้เหรอ”

“ไม่ได้” ทิวากานต์เสียงเข้ม อาศัยช่วงรถติดไฟแดงคว้าถุงขนมกลีบลำดวนมาวางไว้บนตักแล้วหยิบกิน ถึงเขาจะอดข้าวเป็นประจำแต่ไม่ใช่ว่าจะไม่หิวนะ ยิ่งตอนมีอะไรหล่นใส่ท้องหน่อยน้ำย่อยที่เหมือนจะสงบไปแล้วก็กลับมาทำงานหนักส่งเสียงครวญครางลั่นไปหมด

“อะไรกัน ทีตัวเองเป็นหมอยังสูบได้เลย วันละมวนก็ไม่ได้หรือไง”

“ไม่ได้ แค่มลพิษทางอากาศจากฝุ่นควันก็เยอะแล้วยังจะเพิ่มให้ตัวเองอีกทำไม”

“เอ๋า ตัวเองก็รู้นิแล้วทำไมยังสูบ”

“ก็...” พอถูกเด็กสวนเข้าคุณหมอที่กำลังบอกให้คนไข้หยุดสูบบุหรี่ถึงกับชะงัก เขาหยิบกลีบลำดวนเข้าปากเคี้ยวอีกชิ้นพลางนึกหาคำตอบ “คลายเครียดไง เวลาผ่าตัดมันเครียดมากนะรู้ไหม ฉันก็ต้องหาอะไรผ่อนคลายบ้างสิ”

“ผมเครียดเหมือนกันนะ เรียนเนี่ยเครียดสุดๆ เลยรู้ไหม มีแต่ทฤษฎีอะไรก็ไม่รู้”

“เธอก็เล่นดนตรีคลายเครียดไปสิ!”

“ด็อกก็ทำกับข้าวคลายเครียดไปสิ!”

ตาสองสีปะทะกันเงียบๆ หลังตะโกนใส่กันลั่นห้องโดยสาร อลันด์หน้าบูดปากเชิดรั้นบอกชัดว่าถ้าไม่มีเหตุผลดีๆ มากล่อมเขาก็ไม่มีวันเลิกบุหรี่เพื่อนรักอันดับสามรองจากแมวและกีตาร์ให้ยาก ส่วนทิวากานต์ทำหน้าเหมือนอยากหักคอเด็กลูกครึ่งเสียให้หายหงุดหงิดเล่น เขาจัดการเทกลีบลำดวนทั้งถุงเข้าปากเคี้ยวกรุบๆ แทนการเคี้ยวหัวไอ้เด็กตัวแสบซะ

“เฮ้ย ไรเนี่ย กินหนมเขาหมดเลย” อลันด์แทบกรี๊ดหลังคุณหมอโยนถุงเปล่าคืนมาให้ ถึงเขาจะแบ่งให้กินเพราะอีกคนใช้เวลาพักรีบตรวจคนไข้เพื่อมารับเขานั่งเรือไปหาหมอแต่ไม่ได้หมายความว่าให้กินหมดนะเว้ย

“ทำไมจะกินไม่ได้ ก็มันหิวนี่”

“ด็อกนี่มัน...”

“ทำไม”

“นิสัยไม่ดี”

“ใช่ซี้” ทิวากานต์ขานรับเสียงสูง แกล้งออกรถแรงๆ ให้เด็กฝรั่งหน้างอหัวทิ่มเล่น คนเขาอุตส่าห์พูดเพราะเป็นห่วงสุขภาพกลับดื้อแพ่งจะเอาแต่ใจอยู่ได้ ทีตัวเองยังไม่สนใจจะดูแลแล้วเขาจะมาสนใจมันทำไม

“ด็อก!!!”

เขาแกล้งทำหูทวนลมไม่สนใจอาการโวยวายของอีกคนจนรถตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง ถนนบนกรุงเทพช่วงหกโมงเย็นก็ช่างติดแสนสาหัสกว่าจะถึงบ้านคงอีกชั่วโมงกว่า คอยดูแล้วกันว่าใครจะบ้าก่อน

“พวกผู้ใหญ่ก็งี้ เอาแต่บอกให้เด็กๆ ทำนั่นทำนี่ แต่ตัวเองกลับทำอะไรตามใจ ไม่ยุติธรรมเลย”

ก่อนคุณหมอจะตัดสินใจว่าขึ้นทางด่วนดีหรือรถติดมันอยู่ข้างล่างเพิ่มเวลาให้เกมกดประสาทนี่ต่อดี เสียงแหบๆ ของเด็กข้างตัวก็ดังขัดความคิดขึ้นมา เขาเหล่ตามองเด็กแสบที่เอาแต่มองออกไปนอกรถดูไฟท้ายแดงเถือกตลอดความยาวถนน

ทิวากานต์ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วตัดสินใจเลี้ยวรถขึ้นทางด่วน จนผ่านด่านจ่ายเงินเขาถึงพูดสิ่งที่คิดขึ้นมาบ้าง “เพราะเป็นห่วงไง ผู้ใหญ่ห่วงเด็กมันผิดเหรอ”

“แล้วเด็กจะห่วงผู้ใหญ่บ้างไม่ได้หรือไง ถึงจะเป็นเด็กแต่ก็มีความคิดเหมือนผู้ใหญ่นะ ในเมื่อคุณยังไม่ห่วงตัวเองแล้วจะยังมีหน้ามาเป็นห่วงคนอื่นอีกเหรอ”

โดนย้อนความคิดเข้าเต็มๆ อีกครั้งทำเอาชายหนุ่มวัยสามสิบจนใจ ยกมือยอมแพ้ “โอเค งั้นเรามาเลิกบุหรี่พร้อมกันตกลงไหม ฉันยอมแล้วนะ”

“หมายถึง...”

“ฉันจะเลิกบุหรี่เป็นเพื่อนเพื่อสุขภาพที่ดีของเราไง”

ตาสีซีดเหล่มองคนขับรถน้อยๆ คิ้วข้างหนึ่งยกสูงด้วยสงสัย เขานึกว่าทิวากานต์จะยอมพูดกับเขาดีๆ หาเหตุผลร้อยแปดมาเกลี่ยกล่อมให้เขายอมเหมือนที่แด๊ดทำเสียอีก หากคุณหมอกลับยอมเลิกบุหรี่เป็นเพื่อนเขาเนี่ยมันดูลงทุนมากเลยนะกับคนไข้คนหนึ่ง แต่จะให้เซ้าซี้เพื่อทะเลาะกันอีกรอบน่ะไม่เอาหรอก เห็นเหมือนจะใจดีแบบนี้แต่ความจริงโหดจะตายเมื่อกี้ยังแกล้งขับรถให้เขาหัวทิ่มอยู่เลย ดีเสียอีกมีคนเลิกบุหรี่เป็นเพื่อนเขาจะได้ไม่หงุดหงิดอยู่คนเดียว

“โอเค ตกลง ดีล!”

แล้วกำปั้นสองไซส์ก็ชกกันเบาๆ เป็นอันทำสัญญาลูกผู้ชายเรียบร้อย

.
.
.
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 12 [29.10.15]
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 29-10-2015 22:06:15
ผจญสภาพจราจรนรกแตกติดแหง็กๆ อยู่บนทางด่วนเกือบชั่วโมง น้องกบคันสวยจึงได้ไต่ลงมาติดข้างล่างต่อ นอกจากเรื่องเลิกบุหรี่ที่ต้องบังคับให้อลันด์ทำให้ได้แล้วยังมีอีกเรื่องสำคัญคือลดน้ำหนัก ทิวากานต์คิดว่าไหนๆ จะต้องทำแล้วก็ทำมันเสียตั้งแต่ตอนนี้เลยแล้วกันจึงถามคนข้างตัวเรื่องมื้อเย็นที่ต้องห้ามมัน ไม่เค็ม ไม่หวาน และอุดมไปด้วยผัก

“กินได้หมดแหละ แต่ขอแครอทกับฟักทองเยอะๆ ได้ไหม” โชคดีว่าอลันด์เป็นเด็กไม่เลือกกิน ซ้ำยังรีเควสของโปรดขึ้นมาเป็นตัวเลือกอีกด้วย เสนอมาพร้อมฟันหน้าสองซี่ใหญ่ๆ เหมือนกระต่าย น่ารักและน่าดีดไปในคราวเดียวกันจริงๆ

“งั้นมื้อนี้สุกี้ดีไหม มีทั้งเนื้อแล้วก็ผัก”

“โอเค ด็อกจะทำเองเหมือนวันนั้นด้วยป่ะ” วันนั้นคือวันอาทิตย์ของสัปดาห์ก่อนที่เขาลากเจ้าตัวแสบไปช่วยกันซื้อของใช้เข้าบ้าน เลยถือโอกาสทำสุกี้ไร้ผงชูรสร้อยเปอร์เซ็นต์กินเองเสียเลย อลันด์เหมือนจะติดใจน้ำจิ้มสุกี้ที่เขาทำด้วย สูตรนี้แม่เขาเป็นคนทิ้งไว้ให้ก่อนตายเลยนะ รับประกันความอร่อยจนแม่ช้อยต้องรำ

“ขี้เกียจ พรุ่งนี้ต้องทำงานอีก วันนี้กินห้างแล้วกัน”

เขาเลี้ยวรถเข้าห้างใกล้บ้าน หาที่จอดเรียบร้อยเสร็จสรรพดับเครื่องแล้วแต่ยังไม่ยอมออกไป ทิวากานต์เปิดเก๊ะหน้ารถหยิบไลท์เตอร์กับซองบุหรี่ออกมาถือก่อนแบมือตรงหน้าอลันด์

“บุหรี่”

“จะเอาไปทำอะไร”

“ทิ้งไง เลิกแล้วก็คือไม่สูบอีกจะเก็บไว้ทำไม” คำตอบของคนแก่กว่าบวกกับสายตาคมดุจ้องมาทำให้อลันด์จำใจหยิบซองบุหรี่กับไฟแช็กในกระเป๋าเป้ส่งให้อีกคน แม้แต่ส่วนที่แอบซ่อนไว้ก็ส่งให้เพราะคาดได้เลยว่าถ้าด็อกเตอร์จอมโหดรู้ได้ถูกว้ากแหงๆ

ทิวากานต์ลงจากรถ เดินไปทิ้งบุหรี่กับอุปกรณ์ทิ้งถังขยะท่าทางไม่เสียดายท่ามกลางสายตาละห้อยสีฟ้าซีด ปลายจมูกโด่งขยับฟุดฟิดเหมือนจะกลั้นน้ำตา บุหรี่นั่นซองตั้งหลายบาทแถมเขาเพิ่งสูบได้ตัวเดียวเอง

“ดูทำหน้าเข้า จะเสียดายอะไรขนาดนั้น” คุณหมอหันมองเด็กหนุ่ม เขายืนเท้าสะเอวอมยิ้ม อลันด์ทำเหมือนเขาเพิ่งทำอะไรร้ายแรงลงไปงั้นแหละ

“ก็มัน...”

“ถามจริง ทำไมถึงสูบบุหรี่ ฮึ ชอบเผาปอดมากหรือไง”

“ก็มัน...” เขาทวนคำเดิมออกมาอีกครั้ง ตาสีฟ้าซีดกรอกไปมาราวกับหาคำตอบให้ถูกหูคนถามมากที่สุด “เขาสูบบุหรี่กันเพื่อให้ร่างกายอุ่นนิ แล้วผมมันเป็นพวกขี้หนาว เลยชอบรมควันให้ปอดไง”

ตอบแล้วแถมยิ้มหวานให้อีกที เลยถูกคนตัวโตดึงเข้าไปกอดหัวกระแทกอกอีกคนดังปึ้ก ทิวากานต์แกล้งกดคออลันด์ไว้ไม่ให้ดิ้นหนีไปได้ พอจะโวยวายเสียงดังคุณหมอยิ่งล็อคไว้แน่นกว่าเดิม เขาอู้อี้กับอกอีกฝ่ายให้ปล่อยแต่เหมือนจะทำเป็นไม่ได้ยินเพราะคนขี้แกล้งหัวเราะกลบไปหมด

“กรุงเทพร้อนจะตายห่าบอกหนาว ไง....โดนฉันกอดแบบนี้หายหนาวยัง”

“โง้ย ด็อกบ้า หายใจไม่ออกเว้ย” หน้าขาวขึ้นสีแดงจัดหลังทิวากานต์ยอมผ่อนแรงให้อีกคนเงยหน้าขึ้นมาหายใจได้ หากไม่มากพอให้หลุดไปไหนได้ไกลเกินอ้อมกอดในวงแขนใหญ่ “ถามแต่คนอื่นเขา แล้วด็อกล่ะสูบบุหรี่ทำไม”

“นั่นสิ สูบทำไหมน้า” หน้าหล่อแกล้งทำท่าคิดทิ้งเวลานานจนถูกรองเท้าหนังของแอร์เมสกระทืบเข้าถึงก้มหน้ามองคนถาม “เวลาผ่าตัดมันเครียดไง เส้นประสาทตึงไปหมด ได้ขับรถเร็วๆ ก็ช่วยให้หายเครียดได้อยู่หรอก แต่กรุงเทพรถติดขนาดไหนเธอรู้ดีนี่ พอสูบควันเข้าปอดลึกๆ แล้วปล่อยมันออกมาดูควันสีขาวพวกนั้นเหมือนกับวิญญาณฉันที่พุ่งออกไปหาอากาศเลย พุ่งไปหาอิสระ...”

“งะ งั้นเหรอ แล้วต่อจากนี้ไปจะทำยังไงล่ะ หรือจะแอบสูบไม่ให้ผมรู้ ผมไม่ยอมนะ ในเมื่อเราสัญญากันแล้วน่ะ”

“เห็นฉันเป็นคนยังไงกันฮึ!” ทิวากานต์ตีหน้าดุ โน้มใบหน้าลงต่ำกว่าเดิมจนริมฝีปากเกือบชิดปลายจมูกโด่ง ใกล้เสียอลันด์ได้กลิ่นหอมของขนมกลีบลำดวนผสมกลิ่นน้ำหอมนุ่มๆ จากปากอีกคน “ฉันยอมให้เธอดมพิสูจน์กลิ่นทุกวันเลยเอ้า! แต่ในเมื่อฉันยอมแล้วเธอก็ต้องให้ฉันพิสูจน์ด้วยเหมือนกันนะ”

ด้วยความสัตย์จริงจากการใกล้ชิดทิวากานต์มาหลายเดือน คุณหมอวัยสามสิบตัวหอมมากแม้มีกลิ่นบุหรี่ผสานบ้างในบางวัน หอมจนอยากซุกตัวไถหน้าเข้ากับอกสูดกลิ่นให้ชื่นใจวันละหลายรอบ อยากเข้าห้องนอนไปดูเหมือนกันว่าใช้น้ำหอมอะไรแต่เจ้าของห้องไม่ยอมให้เข้าไปรื้อสักที ตอนนี้ต้องดมๆ จำกลิ่นไว้ก่อนเผื่อวันไหนแวะเคาน์เตอร์น้ำหอมจะได้ไปตามหามาใช้บ้าง

“ได้ จะดมทุกวันเลย ถ้าผมจับได้ว่าแอบสูบล่ะก็...”

 “ไม่สูบบุหรี่ฉันก็ไม่ขาดใจตายแบบคนบางคนหรอก ฉันน่ะมีวิธีคลายเครียดที่ดีกว่านั้นเยอะ”

“ยังไง”

“แกล้งเธอเล่นไง ผ่อนคลายสุดๆ เหมือนเล่นกับแมวเลย ฮ่าๆ”

“ด็อก! นี่คนนะไม่ใช่แมว โง้ย ห้ามๆ เอามือออกไปนะ อย่ามาขยี้ผมสิเสียทรงหมดแล้ว นี่หัวคนเว้ยไม่ใช่ท้องแมว”

ผลสรุปหลังจากการเล่นแมว เอ๊ย เล่นหัวอลันด์แทนการสูบบุหรี่แก้เครียด ทิวากานต์เลยได้รอยข่วนจางๆ ตรงข้างแก้มกับลำคอให้แสบเล่นตอนอาบน้ำมาสามสี่แผล นี่ขนาดบอกว่าเป็นคนไม่ใช่แมวนะยังฤทธิ์เยอะขนาดนี้ ถ้าเป็นแมวจริงๆ เขาได้โร่ไปฉีดบาดทะยักแบบไม่ต้องสืบ

.
.
.

หลังจากให้ทิวากานต์เป็นคนบอกมาดามโอเนลล์ทราบเรื่องลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเพียงคนเดียวเป็นโรคผนังหัวใจรั่ว (ASD) ในวันเดียวกัน มาดามวัยห้าสิบปีนิดๆ แทบจะตีตั๋วจากลอนดอนมากรุงเทพเสียเดี๋ยวนั้นจนคุณหมอต้องตะล่อมเกือบชั่วโมงให้เข้าใจว่าอาการที่อลันด์เป็นไม่ร้ายแรงอย่างที่คิดและรักษาให้หายได้

กระนั้นมาดามโอเนลล์ก็ยังเป็นห่วงลูกชายมากอยู่ดีเธอจึงให้เลขานุการส่วนตัวจองตั๋วเครื่องบินเที่ยวสุดสัปดาห์นี้แทน และมีความเป็นไปได้ว่ามิสเตอร์เอเดลมาร์คงไม่พลาดมาหาลูกชายสุดที่รักด้วยเช่นกัน

ก่อนวางสายกันไปเจ้าตัวแสบตะโกนบอกแม่เสียงดังว่าห้ามบอกเรื่องนี้กับใครหรือเพื่อนคนไหนเด็ดขาดโดยเฉพาะโธมัส ถึงจะงงๆ แต่มาดามโอเนลลืก็รับปากเมื่อเจ้าลูกชายตัวแสบให้เหตุผลว่าไม่ต้องการให้เพื่อนรักเป็นห่วง

แน่ล่ะ... ถ้าโธมัสรู้เรื่องนี้ เด็กหนุ่มผมทองหุ่นนักกีฬาชวนน้ำลายหกได้บินตรงจากมิวนิคมากรุงเทพทันทีอย่างไม่ต้องสงสัย

แล้วทุกอย่างก็ดำเนินไปเช่นปกติเหมือนทุกวัน จนถึงวันที่สองสามีภรรยาโอเนลล์มาถึงกรุงเทพ เสียงทะเลาะกันล้งเล้งของพ่อลูกดังทะลุผ่านประตูห้องมาให้คุณหมอวัยสามสิบยืนซดกระทิงแดงฟังตาปริบๆ หลังเพิ่งกลับมาจากเวรตรวจที่โรงพยาบาลเอกชน

จับใจความได้ว่าคนพ่ออยากพาลูกชายกลับลอนดอนไม่ต้องอยู่มันแล้วประเทศไทย แล้วมีหรือที่คนลูกจะยอม เถียงกันลั่นสนั่นคอนโดจนมีเสียงเพล้งนั่นแหละทิวากานต์จึงยอมหน้าด้านเดินไปกดออดห้องฝั่งตรงข้าม เขายิ้มให้คุณเมษาที่ต้องมารับเคราะห์จากห้องข้างเคียงเป็นเชิงปลอบและบอกไปในตัวว่าเดี๋ยวเขาจัดการเอง

ปลายนิ้วนุ่มกดออดหน้าประตูสองครั้งเสียงในห้องก็พลอยเงียบไป ครู่เดียวมิสเตอร์เอเดลมาร์ก็เดินหน้าตึงมาเปิดประตู ชายอังกฤษพ่นลมหายใจเบาๆ ก่อนค้อมหัวเล็กน้อย

“ขอโทษด้วยครับที่ทำเสียงดังรบกวน”

“ไม่เป็นไรครับ แต่ว่าคงไม่ได้ทำอะไรรุนแรงกันใช่ไหมครับ”

“แค่เถียงกันเฉยๆ น่ะครับ”

“งั้นขอผมเข้าไปดูอลันด์ได้ไหมครับ” ทิวากานต์ฉีกยิ้มการค้า รู้ดีอยู่แก่ใจว่าเสียมารยาทที่เข้าไปยุ่งเรื่องของครอบครัวคนอื่น แต่ในฐานะคนรู้จักคุ้นเคยกันกับเด็กแสบจะให้เขาปล่อยไปเฉยๆ ได้ยังไง

เอเดลมาร์ โอเนลล์มองหน้าศัลย์แพทย์หนุ่มลังเลครู่หนึ่งก่อนยอมเบี่ยงตัวให้อีกฝ่ายเข้ามา



สถานการณ์ในห้องไม่ได้แย่เท่าที่คุณหมอคิด เด็กลูกครึ่งตัวเท่าไหล่นั่งกอดอกเชิดหน้าบนโซฟาเดี่ยว ส่วนมาดามโอเนลล์นั่งสูดยาดมที่โซฟาอีกตัว ต้นเหตุเสียงเพล้งที่ทำให้ชายหนุ่มตัวสูงต้องมาเคาะประตูนอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้นพรมในสภาพแตกเป็นเสี่ยงพร้อมน้ำและเนื้อส้มไหลกระจาย ทันทีที่ตาสีฟ้าซีดเห็นหน้าทิวากานต์ปากอิ่มหยักก็ขยับฟ้องฉอดๆ

“ด็อก ช่วยพูดกับแด๊ดกับมัมที”

“หืม” เขาแกล้งเลิกคิ้วเหมือนไม่รู้ว่าเด็กหนุ่มต้องการให้ช่วยเรื่องอะไร อลันด์หายใจฮึดฮัดก่อนลุกขึ้นมาดึงแขนอีกคนให้มาอยู่ใกล้ตัวคล้ายเป็นกำลังเสริม

“พวกเขาจะให้ผมกลับลอนดอน กลับแบบถาวรเลย ผมไม่ยอมนะ ไหนสัญญากันแล้วไงว่าจะให้ผมเรียนที่นี่ ถ้าให้ผมกลับไปผมก็ไม่ได้เป็นนักร้องสิ”

“แต่ที่เธอมานี่เพราะพ่อกับแม่กลัวหนีออกจากบ้านไปเป็นนักร้องไม่ใช่เหรอ ไม่ได้หมายความว่าอยู่ที่นู่น แล้วถ้าเรียนจบจะไม่ได้ทำตามสัญญาสักหน่อย” โดนกำลังเสริมย้อนกลับไปแบบนี้เด็กแสบถึงกับร้องเสียงหลง ตาสีฟ้าซีดแสดงออกว่าผิดหวังชัดเจน

“โอเค ไอซี ด็อกคงรำคาญอยากไล่ผมกลับลอนดอนเต็มที” เจ้าตัวตัดพ้อเสียงเบา ตาหลุบต่ำจนมองเห็นแพขนตาสีอ่อน ก่อนร่างนั้นจะวิ่งหนีขึ้นห้องนอนไปเมื่อคนเป็นพ่อเดินมาพูดซ้ำความตั้งใจเดิมที่เกิดขึ้นหลังทราบข่าวว่าลูกชายเป็นโรคเกี่ยวกับหัวใจ

“เห็นไหม คุณหมอเขายังคิดเหมือนแด๊ดเลย อัลอย่าดื้อ กลับลอนดอนกับแด๊ดดีๆ อย่าให้ต้องบังคับ”

นี่ยังไม่บังคับอีกเหรอ ทิวากานต์คิดในใจเงียบๆ เขารอจนได้ยินเสียงปิดประตูห้องถึงหันมาหาพ่อแม่ไอ้เด็กแสบ รอยยิ้มทางการค้าถูกส่งไปอีกรอบ

“คุณหมอมาก็ดีเลยค่ะ น้ากำลังอยากคุยเรื่องอาการของอัลพอดี พอจะมีเวลาคุยไหมคะ”

“มีทั้งคืนเลยครับ” เขาว่าติดตลกพลางย่อตัวนั่งบนโซฟาที่อลันด์เคยนั่ง ส่วนเอเดลมาร์เดินไปหยิบอุปกรณ์ทำความสะอาดออกมาเก็บเศษแก้ว พวกคราบน้ำส้มไว้ค่อยให้แม่บ้านมาจัดการพรุ่งนี้

“อย่างที่เห็นนั่นแหละค่ะ น้ากับสามีอยากให้อัลกลับไปรักษาตัวที่ลอนดอนแล้วก็เรียนเสียที่นู่นเลย บอกตามตรงตอนที่ได้ยินว่าเขาเป็นผนังหัวใจรั่วหัวใจน้าแทบร่วง ถึงหมอวาจะบอกว่าไม่ร้ายแรงอะไรแต่หัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่น่ะกลัวไปหมดแหละค่ะ”

ทิวากานต์พยักหน้ารับฟังอย่างเข้าใจ ทำงานตรงนี้เขาเจอคนไข้และญาติคนไข้มาหลายแบบ ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนเป็นห่วงคนสำคัญของตัวเองกันทั้งนั้น ยิ่งกับลูกที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันก็อยากให้อยู่ใกล้ตา และตามประสาคนมีเงินคงอยากให้ได้รับการรักษาที่ดีที่สุด

“ผมเข้าใจที่คุณน้าทั้งสองกังวลนะครับ แต่ผมก็มีเรื่องอยากถามสักหน่อย คือปกติโรคผนังหัวใจรั่วเนี่ยมักจะเป็นกันตั้งแต่กำเนิดแล้วก็รักษากันตั้งแต่เด็ก แต่ว่าอลันด์เขาไม่รู้เลยว่าเป็น แถมยังบอกว่าตรวจสุขภาพทุกปีแต่ไม่เคยพบ ถ้าเทียบกับความยาวของรอยรั่วก็น่าจะรั่วมาได้พักใหญ่ๆ แล้ว ตรงนี้มันทำให้ผมเป็นกังวลน่ะครับว่าที่ผ่านมาเขาได้รับการตรวจรักษาแบบไหนกัน” น้ำเสียงที่เปล่งออกมาดูสบายๆ เหมือนถามเรื่องทั่วไป หากสายตาที่ใช้มองผู้ใหญ่ทั้งสองกลับกดดันจนเกิดบรรยากาศแปลกๆ

“นั่นแด๊ดเขาก็สงสัยเหมือนกันจ้ะ อันที่จริงแล้วอัลเขาก็เป็นโรคนี้ตั้งแต่เกิดแหละแต่ว่ารูรั่วแค่สามมิล หมอเขาบอกว่าโตขึ้นก็จะหายไปเอง ตอนนั้นน้าพาเขาไปตรวจทุกเดือน สักสามขวบรูรั่วก็ปิดสนิท หลังจากนั้นก็ไม่มีอาการอะไรอัลเขาก็ใช้ชีวิตวิ่งเล่นได้ตามปกติ พวกน้าก็วางใจเกือบลืมไปแล้วด้วยซ้ำจนหมอวาโทรมาบอกนี่แหละจ้ะ”

“อ่อ... ครับ” เขาพยักหน้ารับ “ความจริงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเท่าไหร่หรอกครับ อย่างที่ผมเคยบอกไปแล้วเลย อีกอย่างอาการที่อลันด์เป็นก็ไม่หนักมาก เขาแทบไม่มีอาการเหนื่อยง่ายหรือตัวเขียว ยังใช้ชีวิตปกติไปได้อีกหลายปีโดยไม่ต้องมาหาหมอด้วยซ้ำ แต่ที่ผมตัดสินใจบอกก็เพราะถ้ารักษาตั้งแต่ตอนนี้เขาจะไม่ต้องเสี่ยงอันตรายมากในวันข้างหน้าและไม่อยากให้พวกคุณน้าเป็นกังวลมากเกินไป”

“คุณหมออยากจะพูดอะไรก็พูดมาตรงๆ เลยดีกว่า สำหรับนักธุรกิจแบบผมแล้วไม่ต้องการอ้อมค้อมให้เสียเวลา” ประโยคเรียบๆ จากมิสเตอร์เอเดลมาร์ที่เพิ่งจัดการเศษกระเบื้องบนพรมหมดจดเรียกรอยยิ้มบนใบหน้าคุณหมอวัยสามสิบปีได้อีกครั้ง หากคราวนี้เป็นรอยยิ้มทะเล้นเหมือนถูกจับไต๋ได้

“ผมแค่อยากบอกว่าอาการที่อลันด์เป็นไม่หนักอะไรเลย ไม่จำเป็นต้องบินกลับไปลอนดอน อยู่รักษาตัวที่นี่ก็ได้ไม่ต้องผ่าตัด นอนโรงพยาบาลแค่คืนสองคืนก็ออกได้แล้ว หมอเมืองไทยมีเก่งๆ เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจเยอะแยะ อย่างหมอคนที่ผมพาน้องไปตรวจก็เป็นอาจารย์ของผมเอง จบมาจากสถาบันมีชื่อจากอเมริกา หรือถ้าคิดว่าที่ผมพูดไม่มีความน่าเชื่อถือพอก็ลองพาน้องไปตรวจที่โรงพยาบาลของคุณลุงน้องเขาเพื่อยืนยันคำพูดของผมก่อนก็ได้นี่ครับ”

“ที่คุณหมอพูดมาผมเข้าใจนะ แต่อย่างที่บอกหัวอกคนเป็นพ่อแม่ยังไงก็อยากให้ลูกได้สิ่งที่ดีที่สุด”

“แม้ว่าต้องทำร้ายจิตใจลูกงั้นหรือครับ” นายแพทย์หนุ่มเถียงขึ้นมาแทบจะในทันที และรีบใช้ช่วงเวลาที่ผู้ใหญ่ทั้งสองนิ่งเงียบไปพูดต่อ “สุขภาพร่างกายสำคัญก็จริงแต่สุขภาพจิตใจก็สำคัญไม่แพ้กัน ต่อให้ร่างกายแข็งแรงแต่ถ้าจิตใจมันอ่อนแอ ไม่ต้องห่วงหรอกครับอลันด์ได้ป่วยอีกแน่”

“หมอรู้ได้ไงว่าลูกผมจะไม่มีความสุขถ้ากลับไปลอนดอน อัลยังเด็ก เขาแค่อยากทำตามใจอยากมีอิสระ และตอนนี้ผมคิดว่าลูกผมเขามีอิสระมากพอแล้ว!”

“รู้ได้ไง? ก็ดูจากสิ่งที่เขาแสดงออกสิครับ คุณน้าเห็นไหมว่าเขาไม่อยากกลับไป ต่อให้อยู่ที่นี่มันลำบากแต่เขาก็พยายามเต็มที่เพื่อทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับพวกคุณ แล้วจู่ๆ พวกคุณก็จะยกเลิกเพียงเพราะเขาป่วยด้วยโรคแค่นี้งั้นเหรอครับ ผมว่าคุณแค่อยากได้อลันด์กลับไปเดินตามเส้นทางที่คุณขีดไว้ให้เขามากกว่า จริงๆ แล้วคุณไม่ได้อยากให้เขาเป็นนักร้องแต่แรกอยู่แล้วนี่ ไม่วันนี้วันหน้าคุณก็หาเรื่องให้เขากลับไปกับคุณอยู่ดี ผมพูดถูกหรือเปล่าล่ะครับ”

“เหอะ! คุณมันก็แค่คนนอกจะไปรู้อะไร” มิสเตอร์โอเนลล์ถึงกับหน้าชาที่ถูกอีกฝ่ายพูดจี้ตรงตามที่เขาวางแผนไว้ทุกอย่าง และเมื่อเถียงสู้ไม่ได้เอเดลมาร์ก็เลือกกันทิวากานต์ออกไปเป็นคนนอกเสีย

“ใช่ครับผมก็แค่คนนอกที่เพิ่งรู้จักอลันด์ได้ไม่นาน แต่ก็มากพอที่จะรู้ว่าเขาชอบอะไรไม่ชอบอะไรและมีความฝันยิ่งใหญ่แค่ไหน”

“นักร้องมันก็แค่นั้นแหละหมอถ้าไม่ได้ไปถึงจุดสูงสุด!”

“แล้วคุณก็กำลังดูถูกลูกคุณเองด้วยการบอกว่าเขาไม่มีความสามารถมากพอ!” ทิวากานต์ขึ้นเสียงดังตามอีกคน ตาคมจับจ้องมิสเตอร์เอเดลมาร์เขม็ง

“ในฐานะพ่อ ผมย่อมเลือกทางเดินที่ดีที่สุดและปลอดภัยที่สุดให้ลูก คุณยังไม่แต่งงานมีครอบครัวคุณคงไม่เข้าใจ”

เอเดลมาร์เป็นผู้ใหญ่หัวแข็งแบบที่ทิวากานต์ไม่ชอบจนถึงขั้นถอนหายใจใส่ต่อหน้า แม้รู้ดีว่าเป็นการเสียมารยาทแต่มันอดไม่ได้จริงๆ เขานั่งยืดหลังตรงบ่าตั้ง เมื่อรวมเข้ากับส่วนสูงเกือบร้อยเก้าสิบเซนติเมตรยิ่งดูน่ากลัวจนทั้งมิสเตอร์และมาดามโอเนลล์ไม่กล้าออกปากพูดหรือตำหนิคุณหมออารมณ์ดีในมาดนี้

“ใช่ครับ ผมไม่เคยมีครอบครัว ตอนนี้ยังโสดและไม่คิดจะแต่งงานด้วยซ้ำ” ชายหนุ่มเกริ่นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ถ้าใส่แว่นคงได้เห็นนิ้วเรียวยาวดันขาแว่นขึ้นพร้อมประกายวิ้งๆ เป็นเอฟเฟ็กต์ประกอบ “แต่แม่ผมเขาเลี้ยงผมโดยคาดหวังเพียงอย่างเดียว คือใช้ชีวิตกับความจริงอย่างมีความสุข เขาไม่เคยบอกให้ผมเป็นหมอ ไม่เคยบอกให้ผมเรียนนู่นนี่นั่น ไม่เคยบังคับให้ผมต้องทำอะไรที่ไม่อยากทำ และถ้าผมอยากทำอะไรเขาก็ไม่เคยห้าม แต่ถ้าผมไม่มีความสุขกับสิ่งที่ผมเลือกเมื่อไหร่ ตอนนั้นแม่จะทำหน้าที่แม่อย่างเต็มที่ สั่งสอนและเปิดโลกแคบๆ ของเด็กคนหนึ่งให้กว้างขึ้นกว่าเดิม”

ใบหน้าของคุณหมอยามพูดถึงมารดาผู้ล่วงลับเต็มไปด้วยประกายความสุขชัดเจนในดวงตา เสริมให้ใบหน้าหล่อเหลานั้นน่ามองหลายเท่าตัวจนไม่อาจละสายตาได้

“กว่าจะมาถึงวันนี้ผมเลือกทางผิดมาก็เยอะ แต่ไม่มีทางไหนที่ไม่มีทางกลับเพราะผมรู้ว่าแม่จะรอผมอยู่ที่เดิมเสมอ ดูเหมือนไม่ห่วงลูกเลย แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงมั่นใจว่าแม่น่ะรักผมมากที่สุด ผมเข้าใจนะครับว่าแต่ละบ้านสอนลูกไม่เหมือนกัน แต่การปล่อยให้เขาได้ลองทำอะไรด้วยตัวเอง มีความฝันเป็นของตัวเอง ผิดพลาดด้วยตัวเอง ไม่คิดบ้างเหรอครับว่ามันจะทำให้ลูกของเราเข้มแข็งขึ้นและสามารถเอาตัวรอดบนโลกนี้ได้ต่อไปในวันที่พวกคุณไม่อยู่กับเขาแล้ว”

“หมอวาบวชหรือยังคะ” หลังจากเงียบกันไปนาน มาดามโอเนลล์ก็เอ่ยถามขึ้นทำลายความเงียบ ใบหน้าไม่แสดงอาการยินดียินร้ายอะไรกับคำถามที่ดูจะไม่เกี่ยวกับสิ่งที่เขาพูดไปก่อนหน้า กระนั้นทิวากานต์ก็ยอมตอบไปตามจริง

“ยังครับ และไม่คิดจะบวชด้วยครับ ผมไม่ถูกกับวัด เข้าไปแล้วร้อน”

บรรยากาศเครียดขนาดนี้ก็ยังตลกได้หน้าตาย เล่นเอาคนถามต้องกลั้นยิ้มจนแก้มตึงแต่สุดท้ายก็หัวเราะออกมาก๊ากใหญ่อย่างห้ามไม่ได้ ปล่อยให้ผู้ชายต่างวัยสองคนในห้องหันมามองเป็นตาเดียว ไอ้ที่ดูเหมือนจะต่อยปากกันเมื่อครู่เลยกลายอมยิ้มกันคนละนิดละหน่อย

“คุณหมอเทศน์เก่ง เอ๊ย พูดเก่งมากค่ะ น้าฟังแล้วยอมเลย สู้ไม่ได้จริงๆ”

“บางทีต้องไปสอนนักศึกษาน่ะครับเลยติดมา”

“แต่แหม... ฟังคุณหมอพูดถึงแม่แล้วน้าอยากเจอตัวมากเลยค่ะ คงเป็นผู้หญิงที่เปรี้ยวน่าดู เสียดายที่เราเจอกันช้าไป”

ทิวากานต์อมยิ้มแก้มป่องเมื่อมีคนชมถึงมารดา บางทีถ้าเจอกันเร็วกว่านี้คนที่มาพูดฉอดๆ ใส่สองสามีภรรยาโอเนลล์คงเป็นแม่เขาแน่นอน

“ถึงผมจะไม่ชอบใจเท่าไหร่แต่ขอบอกว่าเขาสอนคุณมาดีจริงๆ ผมเถียงไม่ทันเลย” มิสเตอร์เอเดลมาร์ก็ยังต้องยอมแพ้ กระนั้นตาสีฟ้าเหมือนลูกชายก็ยังจ้องเขาไม่ใคร่จะพอใจนัก “เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ผมจะพาอัลไปตรวจที่โรงพยาบาลอีกที ถ้ามันไม่มีอันตรายอย่างที่คุณว่า ผมจะยอมให้ แต่ถ้าไม่เราจะกลับลอนดอนกันพรุ่งนี้เลย”

“ผมไม่มีสิทธิตัดสินใจอยู่แล้วนี่ครับ” ทิวากานต์ตอบตามตรงทว่าแววตาท้าทายอีกฝ่ายชัด

“หึ”

“งั้นผมขอตัวกลับล่ะครับ เจอกันพรุ่งนี้” เขาค้อมตัวให้ผู้ใหญ่ทั้งสองก่อนเดินผิวปากออกมาจากห้อง จงใจกวนมิสเตอร์เอเดลมาร์ที่ส่งสายตาขับไล่ตามหลังพอให้อารมณ์ดีก่อนนอน



เสียเวลาที่ห้อง 2112 ไปเกือบชั่วโมง ทิวากานต์กลับมาเปิดคอมพิวเตอร์ ระหว่างรอเครื่องบูทก็เดินไปเอาอาหารแช่แข็งใส่ไมโครเวฟ ถึงอาหารพวกนี้ไม่ค่อยอร่อยถูกปากแต่ในยามที่ไม่อยากเปิดตู้เย็นรื้อของสดมาทำให้ยุ่งยากตอนเกือบสี่ทุ่มก็ดูเหมือนจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้ว

เขานั่งกินข้าวหน้าโต๊ะคอมสลับอ่านกระทู้รถในเว็บคอมมูนิตี้ชื่อดังจนเกือบเที่ยงคืน ร่างสูงถึงยอมลุกจากเก้าอี้เดินไปทิ้งกล่องอาหารแล้วเข้าห้องน้ำชำระร่างกายเตรียมตัวเข้านอน

เอาน้ำราดหัวฟอกสบู่จนตัวสะอาดหอมฟุ้งนั่นแหละคุณหมอวัยฉกรรจ์โสดฟ้อหล่อเฟี้ยวถึงเดินพันผ้าขนหนูออกมา ทิวากานต์ดูเฟซบุ๊คเป็นครั้งสุดท้ายทั้งที่ยังไม่แต่งตัวก่อนปิดคอมคว้ามือถือเดินขึ้นห้องนอน พลางกดโทรศัพท์เช็คหลังเห็นแสง LED สีฟ้าจากหัวมุมโทรศัพท์กระพริบตั้งแต่ออกมาจากห้องน้ำ คงมีข้อความอะไรสักอย่างเข้า

‘ไปหาได้ไหม’

ข้อความสั้นๆ จากไอ้ตัวแสบห้องตรงข้าม เขานึกว่าเด็กนั่นจะหลับไปแล้วเสียอีก ดูจากเวลาที่ส่งก็ตอนเขาไปอาบน้ำพอดี คุณหมอฉีกยิ้มกว้างโชว์ฟันบนเรียงเป็นระเบียบ นิ้วยาวๆ จิ้มตอบกลับไปเร็วที่สุดเท่าที่ทำได้

‘มาได้ก็มา’

ไม่เกินนาทีเสียงออดรัวๆ อันมีเอกลักษณ์เกินจะด่าจึงดังขึ้นให้ปวดหัว ทิวากานต์หัวเราะคนเดียวเสียงดัง ร่างสูงก้าวลงบันไดทั้งที่ยังไม่ได้แต่งตัวให้เรียบร้อย เพียงเปิดประตูร่างอ้วนกลมก็พุ่งเข้ากอดตัวเขาหมับ หน้าใสเงยขึ้นมองตาเขาพูดเสียงอ้อน

“ขอนอนด้วยนะ”

“หนีออกจากบ้านหรือไง เดี๋ยวเขาตื่นมาไม่เจอก็ตกใจหรอก”

“ช่างสิ” เจ้าเด็กตัวเท่าไหล่ว่า แป๊บๆ ก็ผละตัวเดินเข้าห้องทิวากานต์เฉย แล้วเจ้าของจะทำอะไรได้นอกจากส่ายหน้าให้ เขาปิดประตูห้องลงกลอน เดินนำอลันด์ขึ้นไปบนห้องนอน นิ้วยาวชี้ไปที่เตียงบนให้อีกคนไปนอนรอระหว่างเขาแต่งตัว

เจ้าเด็กดื้อที่พอจะเริ่มว่าง่ายกระโดดขึ้นเตียงคว้าหมอนข้างกอดหมับ ร่างกลมๆ กลิ้งไปกลิ้งมาหลายตลบก็ไม่ตกเตียง “เตียงใหญ่เว่อร์ เหมือนเตียงทอมเลย”

ทิวากานต์หัวเราะคิกหลังได้ยินเสียงไอ้ตัวแสบหัวเราะมาจากที่นอน พอเขาโผล่หน้าเข้าไปดูระหว่างทาครีมถึงเห็นอลันด์นอนคว่ำเอาหน้าซุกหมอนแต่เท้าดีดไปมาในอากาศเหมือนเด็กอนุบาลจนต้องดุไปที “นอนดีๆ อย่านอนคว่ำ”

“คิกคิก”

“หัวเราะอะไร ตอนหัวค่ำยังเบะปากใส่เขาอยู่เลย” แต่งตัวเสร็จคุณหมอถึงได้พาตัวใหญ่ๆ มานั่งขอบเตียง มือดันร่างกลมอวบให้กลิ้งไปอีกฝั่งแล้วค่อยตลบผ้านวมออกมาสะบัดคลุมเด็กแสบ

“ก็... แต่ตอนนี้รักด็อกนะ” อลันด์มุดหัวออกมาจากผ้าห่ม ทำหน้าลังเลคิดคำแก้ตัวไม่ออกเลยบอกรักเอาใจซะ เขาควรดีใจไหมเนี่ย ทิวากานต์ยิ้มขำพลางมองไอ้ตัวแสบกลิ้งไปมาใต้ผ้าห่ม

“Chest to chest, nose to nose, palm to palm, we were always just that close” เด็กฝรั่งเลิกคิ้วสูงเมื่อจู่ๆ คุณหมอก็พูดภาษาอังกฤษออกมาเหมือนท่องกลอนแถมประโยคยังชวนเสียตัวอีก บวกกับที่เขาพูดบอกรักอีกคนไปงั้นๆ พาเอาหนาวสันหลังวูบ แต่ก่อนได้ตีโพยตีพายไปไกลทิวากานต์ก็เฉลยออกมาก่อน “ไม่เคยฟังเหรอ California King Bed ของ Rihanna อ่ะ”

“ไม่ฟังเพลงป๊อบ” แมนๆ แบบอลันด์ไม่ฟังเพลงผู้หญิงตัดพ้อต่อว่าคนรักแบบนั้นหรอก อย่างเขามันต้อง Arctic Monkeys อะไรแบบนี้ ร็อคแอนด์โรลเท่านั้น

“จ้าๆ” จัดการขยี้หัวอีกคนพอหายมันเขี้ยวสักทีถึงทิ้งตัวลงนอนบนเตียงไซส์ California King สำหรับคนตัวใหญ่เกินชาวบ้านเขา มือหนึ่งคว้านบนหัวเตียงหยิบรีโมทดับไฟจนทั้งห้องมืดสนิท อีกมือยื้อยุดฉุดกระชากหมอนข้างกับไอ้ตัวแสบใต้ผ้าห่ม แต่ดึงเท่าไหร่อีกคนก็ไม่ยอมปล่อยเกาะเป็นแมวอยู่นั่น คนแก่กว่าเลยยอมแพ้ให้แมวหลงมันยึดไปนอนกอดคืนเดียวคงไม่ตาย

ทิวากานต์หลับตาตั้งใจนอนหลังปล่อยให้อลันด์ขยับตัวหาท่านอนอยู่นานจนเวลาล่วงเลยมาถึงเที่ยงคืน รอยยิ้มจางปรากฏขึ้นท่ามกลางความมืดเมื่อได้ยินคำขอบคุณจากคนนอนข้างกันบนเตียงหลังใหญ่ คำสั้นๆ ง่ายๆ แต่ทำให้เขาหลับสนิทตลอดคืน



TBC

อ่านคอมเม้นต์ตอนที่แล้วอยากกดบวกเป็ดรัวๆ ให้หลายคห.มากค่ะ ถูกใจสุดๆ ฮ่าๆ
ขอบคุณทุกความคิดเห็นและบวกเป็ดนะคะ
เจอกันตอนหน้าค่า

จุ๊บๆ

 :mew1:

ปล. LOVE | HATE : ลวงใจ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49564.0) ก็ลงแล้วนะคะ ฝากติดตามกันด้วยเน้อ ><

-------------------------------------------

คุณ kawisara - ใช่ค่ะ อิน้องอัลมันก็ให้ท่าเพื่อนหมานั่นแหละเรื่องมันถึงเป็นแบบนี้ แต่พอเขาไม่รักตอบแถมยังทำซาดิสม์ใส่นางถึงเพิ่งจะมากลัว เด็กคนนี้น่าตีมากเนอะ 5555

คุณ waterlily - ถูกต้องค่ะ!

คุณ coupdetat - พี่วาแค่เป็นห่วงเด็ก พี่วาผิดอัลไลคะ ;w;

คุณ Supparang-k - ไม่ต้องไปสงสารน้องอัลมากหรอกค่ะ ทำตัวเองทั้งนั้น สมควรโดนแล้วจริงๆ *^*

คุณ malula - ไม่ต้องกังวลเรื่องป๋ารันเลยค่ะ ป๋าแกเป็นแค่คุณน้าใกล้วัยทองขี้เหงาคนนึงเท่านั้นเอง ฮ่าๆๆๆ

คุณ pim-lovemj - จะไปฝากบอกพี่วาให้นะคะ ^^

คุณ fuku - ทอมดีทุกอย่างแต่โง่ก็แค่เรื่องนี้แหละค่ะ ขอบคุณที่เข้าใจน้องอัลนะคะ

คุณ ดาวโจร500 - ถ้าจะขอพี่วาคงต้องผ่านเด็กแสบไปก่อนล่ะค่ะ ฮ่าๆๆ ปล. วันๆ ทำเคสหัวหมุนหาเวลากินข้าวเที่ยงให้ตรงเวลายังไม่ค่อยจะได้เลย จะให้ข้ามไปกินข้าวกะเด็กแสบนี่คงต้องรออีกนานเลยล่ะค่ะ ชีวิตหมอมันเศร้า ;-;

คุณ VarainDark - ใกล้แล้วล่ะค่ะ รอกันอีกนิดนะคะ นิดเดียวจริงๆ ฮี่ๆ

คุณ __oo__ - ทำเพจไม่เป็นอ่าค่ะ เปลี่ยนเป็นทวิตเตอร์แทนได้ไหมคะ ถนัดทางนั้นมากกว่าค่ะ ;-;
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 12 [29.10.15]
เริ่มหัวข้อโดย: ★KVH™★ ที่ 29-10-2015 22:38:42
หมอวาเทศน์ซะ
พ่อแม่น้องไปต่อไม่ถูกเลย
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 12 [29.10.15]
เริ่มหัวข้อโดย: VarainDark ที่ 29-10-2015 22:49:27
หมอวาสปอยไอตัวแสบมาไปแล้วน้าาาาาาาา
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 12 [29.10.15]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 29-10-2015 23:26:39
 :laugh:

หมอวา เอาใจนี่ไปเลย
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 12 [29.10.15]
เริ่มหัวข้อโดย: Mokuchi ที่ 29-10-2015 23:57:50
ชอบเรื่องนี้!!! และชอบพระ-นายเรื่องนี้มากกกก!!!
คือเรารู้สึกว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่มันเป็นไปแบบธรรมช๊าติธรรมชาติมากอ่ะ เรื่อยๆดี คนแต่งเก่งมากๆเลย :L2: :L2:

จริงๆตามอ่านมาตั้งแต่แรกๆแล้ว แต่ไม่เคยมาเม้นเลย(กราบขอโทษค่ะ ; _ ; )เพราะนึกคำที่จะพิมพ์ไม่ค่อยออก
เน้นบวกเป็ดให้อย่างเดียว เดี๋ยวต่อจากนี้จะมาเม้นบ่อยๆนะคะ อยากเป็นกำลังใจให้คนแต่ง><


หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 12 [29.10.15]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 30-10-2015 00:03:29
อื้อหือ หมอวาแทบจะเป็นเทวดาสำหรับน้องอัลไปแล้วนะนี่ ออกหน้าทุกเรื่องทุกอย่าง
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 12 [29.10.15]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 30-10-2015 00:31:47
หมอวาเนี่ยให้อารมณ์ประมาณว่าเป็นคุณน้ายังหนุ่ม ไม่ก็พี่ชายคนโตที่คอยให้คำปรึกษาแก่น้องๆหรือคอยแก้ปัญหาให้น้องๆเลย
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 12 [29.10.15]
เริ่มหัวข้อโดย: pim-lovemj ที่ 30-10-2015 08:43:46
 :กอด1: พี่หมอวา ตามใจน้องอัลจังเลยค่ะ น่ารักกกกก
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 12 [29.10.15]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 30-10-2015 09:51:36
คุณพ่อน้องอัล แคบไปนะด้านวิสัยทัศน์
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 12 [29.10.15]
เริ่มหัวข้อโดย: 111223 ที่ 30-10-2015 11:53:15
หมอวาถึงลุคจะดูร้ายๆ แต่เป็นคนที่อ่อนโยนกับคนที่ตัวเองใส่ใจมากๆ รอลุ้นตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 12 [29.10.15]
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 30-10-2015 12:48:52
อร้ายยยยยยยยยย คงได้รักกันเร็วๆนี้ พัฒนานะเนี่ยนอนเตียงเดียวกัน :hao6:

Fcหมอวา จริงๆนะ ผู้ชายอะไร :ling1:จาอาววววววว หมอรันก็โอนะ
อะไรกันนี่โรงพยาบาลนี้ อุดมด้วยทรัพยากรเลอค่า555555
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 12 [29.10.15]
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 30-10-2015 13:24:14
หมอวาเทศน์เก่งจน(ว่าที่)พ่อตาแม่ยายยอมใจ 55555   

โอ้ยยนย..น้องอัลหนีมานอนกะหมอแถมมีบอกรักหมออีก  อร๊ายยยย...คือมันดีกะใจ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 12 [29.10.15]
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 01-11-2015 21:49:59
วันนี้ไม่ว่างมาลงนิยายเลยค่ะ
ขอแอบเอารูปพี่วาน้งอัลมาฝากแก้ขัดไปก่อนนะคะ
ส่วนนิยายพรุ่งนี้เย็นๆ จะมาลงค่ะ ^^

แล้วเจอกันนะคะ จุ๊บ

 :mew1:

(http://imgur.com/Z8eUZgG.jpg)

(http://imgur.com/QsjGLkI.jpg)
หัวข้อ: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 13 [03.11.15]
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 03-11-2015 16:56:01
TRACK 13



ตีห้าครึ่งไม่น่าใช่เวลาปกติที่จะมีคนมากดกริ่งเรียกหน้าบ้าน ฉะนั้นคิ้วหนาๆ ของคุณหมอจึงอดขมวดเข้าหากันไม่ได้ตอนได้ยินเสียงกดกริ่งแบบมีมารยาท แน่นอนว่าไม่ใช่ไอ้ตัวแสบห้องตรงข้ามแน่ ก็ตอนนี้อลันด์ยังนอนเป็นตายกอดหมอนข้างของเขาอยู่ข้างบนอยู่เลย

ทิวากานต์ตัดสินใจวางแก้วกาแฟแล้วเดินไปเปิดประตู พอเห็นเป็นหน้ามาดามโอเนลล์จึงระบายยิ้มอ่อน เข้าใจล่ะว่าอีกฝ่ายมาเคาะประตูห้องเขาตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างทำไม สงสัยแค่นิดเดียวเท่านั้นว่าคนบ้านนี้ตื่นกันเช้าดีจริง

“นอนอยู่ข้างบนน่ะครับ” เขาตอบก่อนที่หล่อนจะถามเสียอีก เท่านั้นคนเป็นแม่ก็ถอนหายใจโล่งอก

“น้าตกใจหมดตอนเปิดประตูห้องนอนเจ้าอัลไปแล้วไม่เจอ นี่ดีว่านึกถึงหมอวาได้ก่อนไม่งั้นพ่อเขาจะไปแจ้งความแล้วจ้ะ”

“หนีมานอนด้วยตั้งแต่เมื่อคืนน่ะครับ ว่าแต่ตื่นเช้ามากเลยนะครับ”

“จะพาอัลไปให้หมอที่โรงพยาบาลลุงเขาตรวจนั่นแหละค่ะ เมื่อคืนน้าคุยกับเขาแล้วพูดเหมือนหมอวาเลยว่าไม่น่าเป็นห่วง แต่เอเดลมาร์น่ะไม่ยอมเชื่อจนกว่าจะถึงมือหมอจริงๆ น้ากลัวเขาจะบ้าเสียก่อนเลยว่าจะรีบไปแต่เช้าน่ะจ้ะ แต่หมอก็ตื่นเช้าเหมือนกันนี่คะ มีธุระหรือเปล่า”

“ไปทำงานน่ะครับ รับจ๊อบหาเงินเติมน้ำมันรถ” ชายหนุ่มหัวเราะอารมณ์ดี แหม...เห็นเขาเป็นหมอเถื่อนงั้นสิถึงไม่ยอมเชื่อกันเนี่ย แต่ลองมาดามโอเนลล์พูดแบบนี้แล้วอลันด์คงได้อยู่ไทยต่อแน่ๆ “งั้นเดี๋ยวผมไปปลุกน้องให้แล้วกันครับ”

“จ้ะ ฝากด้วยนะจ๊ะ”

เขายืนรอส่งมาดามโอเนลล์กลับเข้าห้องไปแล้วถึงปิดประตูเดินขึ้นชั้นบนไปปลุกไอ้ตัวแสบ อลันด์นอนตะแคงซุกหมอนข้างใบหน้าเกินเจ็ดสิบเปอร์เซ็นจมหายไปด้านล่าง ผ้านวมผืนหนาปิดขึ้นมาถึงคาง ท่าเดิมกับตอนที่เขาตื่นเป๊ะ เป็นเด็กที่ไม่นอนดิ้นไม่กรนให้หงุดหงิดดีจริงๆ แล้วทำไมตอนอยู่กลาสตันเบอรี่ถึงกลิ้งมาทับเขาได้อันนี้ก็ไม่แน่ใจจะบอกว่าเตนท์มันแคบก็คงเป็นได้

ฝ่ามือหนาเอื้อมไปแตะตรงส่วนที่น่าจะเป็นหัวไหล่อีกฝ่ายเขย่าพลางส่งเสียงเรียกอยู่แป๊บเดียวไอ้ตัวแสบก็ครางอือๆ อาๆ ออกมาทั้งตาปิด

“ไอ้แสบ ตื่นได้แล้วแม่มาตาม”

“อือ...”

“ไม่อือ ลุกเร็ว”

ร่างกลมๆ พลิกหน้าหนีไปอีกทาง คิ้วเรียวโก่งขมวดเข้าหากันนิดๆ ก่อนจะเอนตัวขึ้นนั่ง หากตาสีฟ้าซีดยังซ่อนตัวอยู่ใต้ผิวหนังเช่นเดิม ปากอิ่มหยักขยับครางเรียกหาแม่เหมือนลูกแมว “มัม...”

“ลุกไปหาแม่เร็ว”

“ไม่อาว... โกรธมัมแล้ว”

ทิวากานต์มองเด็กฝรั่งนั่งหลับคอพับลงไปอีกรอบ เออแหะ...น่ารักดี แต่ถ้ามัวแต่ปล่อยให้อืออาอยู่แบบนี้เขาคงได้ไปทำงานสาย มองอลันด์ครู่เดียวก็ตัดสินใจดึงอีกฝ่ายลงมาจากเตียง ตบก้นเบาๆ ให้เดินไปข้างหน้า

“กลับไปอาบน้ำที่ห้องซะ แล้วค่อยไปเจอกันที่โรงพยาบาล”

“หือ...” ตาสีซีดเพิ่งได้ฤกษ์ลืมขึ้นมองโลก เจ้าตัวหรี่ตานิดๆ มองหาคุณหมอตัวใหญ่ สองมือจับหมับเข้าที่แขนอีกฝ่ายทันทีที่เจอ “ไปพร้อมด็อกไม่ได้เหรอ”

“กว่าจะรอเธออาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็สายน่ะสิ ไปๆ กลับห้องไปอาบน้ำแล้วเจอกัน”

“อืออออออออ” ลากเสียงยาวเป็นอันตกลงแล้วค่อยเดินเตาะแตะตามหลังทิวากานต์ลงไปข้างล่าง ก่อนจะกลับห้องตัวเองไม่ลืมวิ่งมากอดคุณหมออีกทีแทนคำขอบคุณที่ให้ที่ซุกหัวนอนจนเขาต้องกลั้นยิ้มแก้มแทบแตก

อลันด์ตอนตื่นนอนทำไมโคตรน่ารักว่าง่ายแบบนี้ ดีกว่าเวอร์ชั่นสติมาเต็มพร้อมกวนตีนสิบเท่าแบบตอนปกติอิ๋บอ๋าย อยากให้งัวเงียๆ แบบนี้แม่งทั้งวัน จนอยากไปปรึกษาหมอวิสัญญีหาทางวางยาไอ้ตัวแสบเลยเนี่ย หึหึ

.
.
.

“อย่างที่พี่ชายบอกเราตั้งแต่เมื่อคืนนั่นแหละน้องหญิง อาการน้องอัลไม่น่าเป็นห่วงเลย ออกจะแข็งแรงด้วยซ้ำ แล้วนี่ก่อนหน้านี้ไปตรวจที่ไหนมาก่อนนะ” ชายหนุ่มวัยเกือบหกสิบปีท่าทางอารมณ์ดีหันมาหาหลานชายพร้อมอาการยักคิ้วหลิ่วตา

“โรงพยาบาล...ครับ”

“ถ้าเป็นที่นั่นยิ่งไม่ต้องห่วงเลยน้องหญิง เรื่องโรคหัวใจยกให้เป็นอันดับหนึ่งเลย หมอจากที่นั่นหลายท่านก็ทำงานให้ที่นี่ ถ้าไม่อะไรให้รักษาต่อที่นั่นก็ได้เขามีหมอเด็กที่เชี่ยวชาญเรื่องสวนหัวใจรักษาโรคนี้อยู่ ไม่ต้องถึงมือหมอศัลย์แบบหมอวาของน้องอัลด้วยซ้ำ นอนพักแค่คืนเดียวก็กลับบ้านไปกลิ้งเล่นได้แล้ว”

ได้ยินแบบนั้นมาดามโอเนลล์หรือน้องหญิงของพี่ชายก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เอเดลมาร์เองดูคลายความกังวลได้เยอะ หากกระนั้นเขาอดตีหน้าบึ้งไม่ได้เมื่อพี่เขยพูดถึงคุณหมอห้องตรงข้ามลูกชายขึ้นมา แถมไอ้ลูกชายยังทำตาวิบวับชอบใจเกินหน้าเกินตาอีก บอกตรงๆ หมั่นไส้ไอ้คุณหมอทิวากานต์มาก มันไปเป็นของลูกชายเขาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!

“งั้นน้องคงให้อัลรักษาตัวที่นั่นเหมือนเดิมล่ะค่ะ เห็นหมอวาเขาบอกว่าให้อาจารย์เขาช่วยดูให้เลย ก็คงส่องกล้องตรวจอีกทีแล้วค่อยนัดวันสวนหัวใจ”

“จ้ะ ว่าแต่ลุงไม่ยักรู้เลยนะว่าน้องอัลรู้จักกับหมอวาด้วย”

“เป็นเพื่อนบ้านกันน่ะค่ะ ช่วงที่อัลมาอยู่นี่ก็ได้หมอเขาช่วยดูแลให้ตลอด” คนเป็นแม่ตอบแทนลูกชาย

“หรือว่าที่หมอวาไปเที่ยวอังกฤษแล้วนอนบ้านคนรู้จักนี่ก็บ้านน้องหญิงน่ะสิ”

“ใช่ค่ะ”

“ดีเลยๆ สนิทกันแบบนี้ช่วยจีบหมอวาให้พี่หน่อย”

“ขา?” มาดามโอเนลล์ถึงกับร้องเสียงหลง จู่ๆ พี่ชายก็จะให้ไปจีบคุณหมอวัยคราวลูกเนี่ยนะ แม้แต่เจ้าลูกชายยังมองคุณลุงเหรอหรา “ให้น้องไปจีบหมอวาเนี่ยนะคะ”

“ใช่ๆ อัลก็ช่วยลุงจีบหมอวาด้วยนะ”

เอเดลมาร์ โอเนลล์ตีหน้าบึ้งใส่พี่เขย ให้ภรรยาเขาไปจีบไอ้หมอกวนประสาทนั่นก็แย่แล้วยังจะให้ลูกชายเขาไปจีบอีกเหรอ พี่เขยก็พี่เขยเถอะ งานนี้ได้มีต่อยกันแน่

“เอ่อ... ไม่ดีมั้งคะ”

“ดีจะตายทำไมจะไม่ดี เนี่ยน้องหญิงรู้ไหมหมอวานะป๊อบมากเลย มีแต่คนอยากได้ตัวทั้งนั้น พี่ชายก็จีบแล้วแต่หมอวาใจแข็งไม่ยอมมาประจำที่โรงพยาบาลสักที”

คำว่าโรงพยาบาลทำให้ครอบครัวโอเนลล์ร้องอ๋อในใจออกมาพร้อมกันทันที แหม่...ก็จู่ๆ เล่นพูดขึ้นมาว่าให้จีบก็นึกว่าอยากได้มาเป็นแฟน ที่ไหนได้จะให้มาทำงานที่โรงพยาบาลนี่เอง พ่อแม่ลูกมองตากันปริบแล้วก็ต้องหันไปฟังเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังสาธยายคุณสมบัติหมอทิวากานต์ออกมาเหมือนเปิดก็อก

“พี่เล็งหมอเขาไว้ตั้งแต่ตอนเรียนแล้ว ทั้งเก่งทั้งหล่อแบบนี้มาอยู่นี่โรงบาลพี่มีแต่ได้ อย่างน้อยคนไข้ผู้หญิงก็ขอสมัครเป็นคนไข้ของหมอวายาวเป็นหางว่าวล่ะ เลยให้มาเป็น GP ก่อนทั้งที่ปกติโรงบาลพี่ไม่ค่อยรับพวกหมอที่ยังไม่จบเฉพาะทาง กะว่าสอบได้เมื่อไหร่จะให้ประจำที่นี่แล้วหมอเขาก็สอบได้ตอนสามสิบพอดี ดูสิ หมอศัลย์เฉพาะทางอายุเท่านี้หายากนะถ้าไม่ใช่ของจริง แต่หมอวาใจแข็งเหลื๊อออเกิน ไม่ยอมมาประจำสักที เสนอเงินเดือนสวัสดิการแบบดีสุดๆ ให้แล้วก็ไม่ยอมมา เขาบอกเงินไม่ใช่ปัญหาแค่อยากทำตามใจตัวเองมากกว่า”

คิ้วมิสเตอร์เอเดลมาร์กระตุกเป็นจังหวะทุกครั้งที่พี่เขยพูดชมหมอหน้าหล่อห้องตรงข้าม เห็นหน้าอ่อนแบบนั้นนึกว่าจะเป็นพวกเก๊กหล่อไปวันๆ แต่ถึงมีดีจริงมันก็ไม่ชอบใจอยู่ดีนั่นแหละ

“นี่หมอวาเขาเก่งขนาดนี้เลยเหรอคะ น้องก็เพิ่งรู้เพราะหมอเขาไม่ค่อยเล่าเรื่องตัวเองให้ฟังเท่าไหร่ โชคดีของอัลจริงๆ ที่ได้รู้จักกับหมอเขา”

อลันด์พยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของมารดา โชคดีจริงๆ นั่นแหละที่ได้รู้จักกันโดยไม่ตีกันไปก่อนเพราะตอนนั้นเขาก็กวนตีนไปหลายดอกอยู่ รอดมาถึงตอนนี้แบบไม่โดนอีกคนกระทืบได้ยังไงยังไม่แน่ใจ

“นั่นสิโชคดีจริงๆ งั้นลุงฝากน้องอัลตะล่อมหมอเขาหน่อยนะ”

เจ้าตัวไม่รับปากแต่ส่งยิ้มหวานประจบไปให้แทน ตอนนี้ชักเข้าใจแล้วว่าทำไมด็อกถึงไม่ใช้เขาเป็นสะพานเข้าหาลุงเพื่อขยับหน้าที่การงานทั้งที่จะทำก็ทำได้ แถมยังออกแนวหลีกเลี่ยงอีกต่างหาก เวลาที่ต้องมาทำงานที่โรงพยาบาลพร้อมกันก็เลือกไม่ทำตัวสนิทกันมากนัก ทิวากานต์คงไม่อยากทำงานประจำที่โรงพยาบาลเอกชนสักเท่าไหร่แม้ที่นี่จะใกล้บ้านมากกว่าก็ตาม แต่เพราะอะไรทำไมอันนั้นคงต้องไปถามเจ้าตัวเอง

“ดีล่ะ ไหนๆ วันนี้ก็อยู่กันพร้อมหน้างั้นเดี๋ยวพี่เลี้ยงมื้อเที่ยงเอง น้องอัลไปชวนหมอวาเขามาด้วยสิ”

“จะว่างหรือครับ” เด็กหนุ่มถามตามตรง ตั้งแต่เขามาถึงโรงพยาบาล ถูกจับไปตรวจนั่นตรวจนี่จนมานั่งตรงนี้ก็เกือบเที่ยงแล้วแต่ยังไม่เห็นหน้าคนที่บอกว่าเจอกันที่โรงพยาบาลเลยสักกระผีก แล้วปกติกว่าคุณหมอจะว่างก็เกือบบ่ายนู่นแน่ะ

“เดี๋ยวลุงให้เลขาเขาเช็คก่อน สักบ่ายๆ น่าจะว่างแล้วล่ะ แล้วน้องหญิงกับเอเดลมาร์อยากกินอะไรดีล่ะ”

“ตามแต่พี่ชายเลยค่ะ” ภรรยาของเอเดลมาร์ตอบให้เสร็จสรรพไม่ใส่ใจกับอาการหน้าตึงเหมือนอมยาขมไว้ในปากของสามีเสียเท่าไหร่ โชคเข้าข้างมิสเตอร์เอเดลมาร์อยู่บ้างที่ให้เวลาทำใจอีกหลายชั่วโมง หลังพี่เขยโทรไปสอบถามกับทางคุณหมอแล้วพบว่าอีกฝ่ายมีคิวตรวจคนไข้ยาวเหยียด มื้อเที่ยงจึงเปลี่ยนเป็นดินเนอร์ที่ห้องอาหารชั้นดาดฟ้าโรงแรมแถวสาทร-พระรามสี่แทน

แค่คิดว่าต้องไปนั่งกินข้าวโต๊ะเดียวกับหมอนั่นแล้วเห็นภาพลูกชายสุดที่รักเจ๊าะแจ๊ะกับอีกคนในอกก็ร้อนรุ่มเหมือนดั่งไฟสุมทรวงทะลวงอกฉัน ให้ตายเถอะ! ตอนอยู่อังกฤษเขาไม่เคยรู้สึกกับอีกฝ่ายแบบนี้เลย มันต้องเพราะไอ้ตัวแสบหอบผ้าหอบผ่อนหนีไปนอนกับทิวากานต์เมื่อคืนแน่ๆ!



บรรยากาศยามเย็นด้านนอกชั้นยี่สิบเก้าของโรงแรมหรูหราระดับห้าดาวออกจะอบอ้าวเล็กน้อยเมื่อฝนทำท่าจะตก อลันด์ที่เดินมาด้อมๆ มองๆ ส่วนบาร์ของห้องอาหารได้แต่ภาวนาว่าถ้าไม่โชคร้ายเกินไปเขาอยากจะมานั่งจิบคอกเทลรสดีสักแก้วตรงที่นั่งริมกระจกชมกรุงเทพและสวนลุมพินียามค่ำคืนหาแรงบันดาลใจแต่งเพลงรักสักเพลง

เสียงมาดามโอเนลล์เรียกเข้ามาในหูทำให้เขาต้องยอมล่าถอย หมุนตัวกลับไปที่โต๊ะอาหารที่คุณลุงได้จองไว้ หลังกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและถกเถียงกันอีกพักใหญ่ครอบครัวเขาจึงมาถึงโรงแรมก่อนเวลานัดสักสิบนาทีได้ แด๊ดดูเหมือนจะไม่ชอบด็อกขึ้นมาดื้อๆ ทั้งที่ตอนไปอังกฤษยังชมนู่นนี่นั่นไม่ได้ขาด อดคิดไม่ได้ว่าบางทีผู้ชายตัวใหญ่ปากร้ายคนนั้นคงไปกวนตีนอะไรสักอย่างเข้านั่นแหละ

นั่งรอได้ไม่นานคุณลุงผู้เป็นเจ้าของโรงพยาบาลกับทิวากานต์ก็มาถึงโรงแรมในเวลาไล่เลี่ยกัน หมอศัลย์ทรวงอกดูอ่อนเพลียเล็กน้อยจากอาการนอนน้อย ทำงานหนัก และรถติด กระนั้นเขายังยิ้มแย้มแจ่มใสเสริมความหล่อจนบริกรสาวแถวนั้นเมียงมองมาไม่ได้ขาด

“สั่งอาหารกันหรือยังครับ” คนมาหลังสุดถามพลางนั่งลงเก้าอี้ตัวว่างข้างอลันด์ ไม่ลืมฉีกยิ้มหวานเอาใจทุกคนบนโต๊ะ

“รอหมอวามาก่อนนี่แหละ จะได้สั่งพร้อมกัน”

“ขอโทษที่ให้รอนะครับ แบบว่ารถติดมากกก” พูดอีกก็ยิ้มอีก ยิ้มจนแก้มด้านซ้ายบุ๋มลึกลงไปเท่ากับข้างขวาที่เห็นลักยิ้มได้ชัดกว่า

“ไม่ต้องขอโทษหรอกจ๊ะ พวกน้าเองก็เพิ่งมาถึงได้ไม่นาน อัลหิวหรือยังจ๊ะ”

เจ้าเด็กแสบพยักหน้าหงึกหงักให้แม่แทนคำตอบก่อนหันมายักคิ้วหลิ่วตาเล่นกับคนข้างตัว เอเดลมาร์ที่นั่งตรงข้ามกับลูกชายถึงกับเริ่มร้อนๆ นั่งก้นไม่ติดเบาะ พอตอนสั่งอาหารไอ้หมอหน้าหล่อก็จัดการเลือกเมนูรักสุขภาพให้อีกแน่ะ เจ้าลูกชายก็ไม่บ่นไม่ว่าอะไรยอมเขาไปเสียทุกอย่าง ทีกับพ่อมันละเถียงเอา เห็นแล้วมันร้อนจนเดือดปุดๆ

ดินเนอร์นี้ดูจะมีความสุขกันทุกคนหากยกเว้นมิสเตอร์เอเดลมาร์ไว้คนคงไม่ผิดนัก พอหมดของคาวก็ต่อด้วยของหวาน ลูกชายตัวน้อยที่ชอบทำหน้าบูดเป็นตูดมากกว่าเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ต่อวันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับไอ้คุณหมอผ่าตัดผลัดกันส่งช็อกโกแลตไปมา นี่ถ้าอลันด์เป็นลูกสาวเขาจะนึกว่าพาแฟนหนุ่มมาเปิดตัวแล้วนะ แต่ดีว่าไม่ใช่ เอ๊ะ! หรือจะใช่

“ตายแล้วคุณ ค่อยๆ จิบสิคะ สำลักหมดแล้ว ไม่ใช่วัยรุ่นแล้วนะคะทำอะไรเกรงใจหมอวาบ้าง” มาดามโอเนลล์เอ็ดสามีเบาๆ หลังจากเจ้าตัวยกไวน์ซดแบบไม่กลัวเมาจนสำลักออกมา

ตาสีฟ้าซีดเหลือบมองคู่ชีวิตน้อยๆ รู้สึกน้อยใจในชีวิตขึ้นมากะทันหัน พอหันไปหาไอ้ตัวต้นเหตุ ทิวากานต์ก็ยักคิ้วให้แบบรู้ทัน หนอย...สักวันเขาต้องจัดการเจ้าหมอนี่ให้ได้!!!

“จะว่าไปเราไม่ค่อยได้คุยกันเลยนะหมอวา นี่ถ้ารู้ว่าคนที่คอยดูแลน้องอัลตอนอยู่กรุงเทพคือหมอ ผมคงขอเลี้ยงขอบคุณไปนานแล้ว”

ฟังแล้วทิวากานต์ได้แต่ฉีกยิ้มการค้าส่งไปให้ เพราะรู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้ไงเลยไม่เคยบอกให้รู้ ทำเอกชนมันก็ดีอยู่หรอกเงินเดือนรับประกันแน่นอนว่าขั้นต่ำเท่าไหร่ แต่การต้องมาคอยเทคคนไข้ประหนึ่งพระเจ้าตลอดเวลามันไม่ใช่สไตล์เขา ไหนจะวันลาที่ทำได้ยากแสนยากกับคนที่ชอบหนีไปขับรถกินลมชมวิวแบบเขาคงไม่สะดวก

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ช่วยๆ กัน”

“แล้วเมื่อไหร่หมอวาจะมาประจำให้ที่โรงพยาบาลผมสักทีละครับ รอมาหลายปีแล้วใจอ่อนสักทีเถอะ”

เด็กลูกครึ่งถึงกับยกกำปั้นขึ้นอุดปากกลั้นหัวเราะตัวสั่น คุณลุงเขาวัยก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้วแต่พูดกับทิวากานต์เหมือนกำลังจีบสาวยังไงยังงั้น เข้าใจล่ะที่บอกว่าให้ช่วยจีบก็คือจีบจริงๆ คิกคิก

“ผมขอเก็บประสบการณ์เพิ่มอีกสักหน่อยแล้วกันครับ ตอนนี้ก็กำลังหาที่เรียนเพิ่มเติมอยู่ ไว้รอผมพร้อมมากกว่านี้จะรีบมาบอกนะครับ” ส่วนชายคนนี้ก็กระไร ไม่มีใจแต่ยังให้ความหวังเขา พอบวกกับยิ้มแก้มป่องดันตาหยีแล้วใครจะไม่ใจอ่อนเชื่อบ้าง

“สัญญานะครับว่าต้องมาหาผมเป็นคนแรก อย่าหนีไปโรงพยาบาลอื่นล่ะ ไม่งั้นผมโกรธน่าดูเลย”

“สัญญาครับ สัญญา” ทิวากานต์ยิ้มกว้าง หากใต้โต๊ะกำลังใช้ขายาวๆ เตะแข้งไอ้เด็กแสบให้หยุดหัวเราะเสียที หน้าพ่อหน้าแม่มันก็เหมือนกันจะหัวเราะหรือร้องไห้ช่วยเลือกสักอย่าง นี่ถ้าไม่ติดว่าต้องกินต้องใช้เขาหนีไปนานแล้วไม่รอให้ท่านผู้อำนวยการอ้อนใส่เสียงอ่อนเสียงหวานแบบนี้หรอก ขนลุกจะตายชัก!

คุยสัพเพเหระกันอีกพักใหญ่จนเรียกเช็คบิลตอนเกือบทุ่มตรง มาดามโอเนลล์จะแยกตัวไปแวะซื้อของฝากพวกเครื่องหอมที่ห้างแถวปทุมวันเพราะจะกลับลอนดอนวันพรุ่งนี้แล้ว มีเจ้าลูกชายตัวแสบกระเตงไปช่วยถือของด้วย ด้านมิสเตอร์เอเดลมาร์ทำท่าอยากกลับห้องเต็มทีแต่พอเห็นทิวากานต์จะไปบ้างก็รีบตามไปสอดส่องอีกคน ส่วนลุงของเจ้าตัวแสบขอตัวกลับบ้านพักผ่อนก่อนลุยต่อในวันพรุ่งนี้ หากตอนลาไม่ลืมหยอดคุณหมอให้อายอีกรอบ

ทิวากานต์ขอทดไว้ในใจเลยว่าจะยืดเวลาไม่ทำเอกชนทุกหนึ่งปีต่อการหยอดหนึ่งครั้งของท่านผอ.!



พารากอนตอนสองทุ่มวันอาทิตย์ยังมีคนพลุ่กพล่านหากก็น้อยกว่าตอนกลางวันเกือบครึ่ง มาดามโอเนลล์กับลูกชายดูจะมีความสุขเป็นพิเศษยามชวนกันเลือกซื้อของ กว่าจะเดินไปถึงชั้นที่ขายพวกเครื่องหอมก็เสียเวลาที่ชั้นล่างอันเป็นที่ตั้งของพวกเคาน์เตอร์เครื่องสำอางและเอาท์เล็ทแบรนด์ดังอยู่นาน

ทิวากานต์เพิ่งรู้ว่าอลันด์เป็นพวกผิวแพ้ง่าย ต้องใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวบางตัวของพวกผู้หญิง ปกติตอนอยู่อังกฤษจะมีอัลเบิร์ตคอยจัดการให้ทุกอย่าง แต่ตอนนี้มาอยู่คนเดียวจะเดินดุ่มๆ ไปซื้อเองก็อาย เลยใช้วิธีให้อัลเบิร์ตซื้อแล้วส่งมาจากลอนดอนแทน วันนี้โชคดีมีแม่มาด้วยเลยให้แม่ซื้อให้เสียเลย

แถมไอ้ตัวแสบยังยิ้มหวานเรียกแด๊ดดี้อ้อนให้ซื้อรองเท้ากับกระเป๋าใบใหม่ เพียงเห็นราคาทิวากานต์เกือบจะเป็นลม แค่ใบเสร็จค่ารองเท้าอย่างเดียวได้สติ๊กเกอร์ที่จอดรถวีไอพีของห้างแล้ว จะบอกว่าใช้ของหรูเกินวัยก็ไม่รู้จะพูดยังไงดีแค่ไปเรียนปกติยังใส่เสื้อเชิ้ตขาวของเบอเบอร์รี่ตัวละสองหมื่นกว่าบาทแบบที่เขาจะซื้อใส่ทียังคิดแล้วคิดอีก แต่อลันด์ใส่ไปเรียนทุกวันไม่ซ้ำตัวเดิม

เอิ่ม...คนรวยนี่มันน่าอิจฉาจริงๆ

กว่าจะเลือกเดินซื้อของกันเสร็จห้างเกือบปิดพอดี ทิวากานต์ได้น้ำหอมกลิ่นใหม่จากมาดามโอเนลล์ผู้ใจบุญด้วยขวดหนึ่ง (ความจริงไม่ใช่อะไร เจ้าลูกชายมันก็อยากได้เลยซื้อมาสองขวดเลย)

แยกย้ายกันกลับมาถึงห้องเด็กแสบตัวเท่าไหล่ทำท่าจะตามเขามาค้างที่ห้องด้วยอีกคืน แต่พอเห็นหน้าหงอยๆ ของมิสเตอร์เอเดลมาร์ที่จะจากลูกชายสุดที่รักกลับลอนดอนวันพรุ่งนี้แล้วและเป็นเที่ยวเช้า อลันด์ที่ไม่อยากโดดเรียนจึงไปส่งพ่อกับแม่ไม่ได้คืนนี้จึงเป็นคืนสุดท้ายที่สมาชิกบ้านโอเนลล์จะได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาทั้งครอบครัว คุณหมอออกปากไล่อลันด์กลับไปนอนกับพ่อแม่ซะ ไหนๆ เขาใจดียอมให้อยู่ไทยต่อแล้วจะดื้อไปอีกทำไมกัน เดี๋ยวได้โดนลากกลับจริงๆ ขึ้นมาคราวนี้เขาก็ช่วยไม่ได้แล้วนะ!

ชายหนุ่มกลับมาอาบน้ำเตรียมตัวนอนพักผ่อนชาร์จแบตเตอรี่ให้ตัวเองสำหรับสู้รบตบมือกับคนไข้ในวันพรุ่งนี้ ทั้งที่นอนคนเดียวมาตั้งนานหากพอทิ้งตัวนอนบนเตียงที่เมื่อคืนมีเด็กตัวกลมมานอนด้วยความคิดที่ว่าเตียงมันกว้างเกินไปก็ไหลเข้ามาในหัว น่าแปลก...แปลกจริงๆ

ก่อนหน้านี้เคยพาผู้หญิงมานอนค้างตั้งหลายคนพอพวกหล่อนจากไปเขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้เลย หรือเพราะเขาไม่ได้พาผู้หญิงมานอนด้วยนานแล้วถึงได้รู้สึกเหงาๆ แบบนี้กัน จะว่าไปก็นานพอดูนับตั้งแต่กลับมาจากอังกฤษใหม่ๆ ที่ไม่ได้กอดใครเลย

ทิวากานต์ดึงหมอนข้างมากอดแก้ขัด ซุกหน้าลงถูไถสูดกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มอย่างที่ชอบทำหากกลิ่นหอมแปลกปลอมกลับทำให้เขาต้องชะงักค้างและคลี่ยิ้มออกมาท่ามกลางความมืด

กลิ่นยาสระผมของอลันด์...

ดูท่าไม่ใช่อลันด์ที่ติดเขาแค่คนเดียวแล้วล่ะ เขาเองก็เหมือนจะติดเด็กแสบตัวเท่าไหล่นั่นแล้วเหมือนกัน

.
.
.

วันนี้เด็กลูกครึ่งไซส์มินิเลิกเรียนตั้งแต่บ่ายสาม หากเจ้าตัวยังโต๋เต๋อยู่มหาวิทยาลัยรอกลับบ้านพร้อมคุณหมอที่เลิกงานประมาณห้าโมงเย็น พอแยกย้ายกับเพื่อนอลันด์พาตัวเองสิงอยู่ที่ห้องสมุดทบทวนบทเรียนและทำการบ้าน

ต้องขอบคุณแด๊ดจริงๆ ที่ส่งเขาเข้าเรียนโรงเรียนเอกชนคุณภาพสมราคาแพงหูฉี่มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมจะช่วยส่งเสริมนักเรียนตัวเปี๊ยกตลอดยี่สิบชั่วโมงให้เข้ามหาวิทยาลัยดีๆ ได้ เขาเลยติดนิสัยทบทวนบทเรียนและทำการบ้านให้เสร็จทันทีที่ได้มานี่ไงล่ะ

สักสี่โมงครึ่งการบ้านและรายงานที่อาจารย์สั่งไว้ก็เสร็จเรียบร้อย เขาบิดขี้เกียจ เก็บอุปกรณ์การเรียนกับโน้ตบุ๊คใส่กระเป๋าเดินออกไปหาอะไรดื่มนั่งรอคุณหมอมารับ วันนี้ทิวากานต์เอาพี่ขาว(บีเอ็มดับบริว ซีรีส์ไฟว์)มาทำงานแทนน้องกบที่เข้าศูนย์เช็คสภาพ เมื่อเช้ากว่าจะหาที่จอดรถคันใหญ่ในมหาวิทยาลัยเล็กๆ นี่ได้ก็เล่นวนหาหลายรอบกว่าจะได้ที่จอดไกลคณะถึงขั้นต้องวิ่งเพื่อไปท่าเรือให้ทันตรวจเด็กราวน์เช้า

อลันด์เดินแบกของออกมาจากห้องสมุดฝ่าแดดร้อนระอุประหนึ่งอยู่ท่ามกลางทะเลทรายซาฮาร่าของประเทศไทยไปร้านกาแฟตรงประตูทางออก สั่งโกโก้ปั่นเย็นชื่นใจมาดับร้อนแก้วหนึ่งแล้วค่อยหาที่นั่งดีๆ ตรงแอร์เป่ารับลมอยู่ตรงนั้นรอทิวากานต์

ภายในร้านกาแฟปิดเพลงสบายหูขับกล่อมเหล่านักศึกษาให้ชวนฝังตัวลงกับเก้าอี้หลับไปเสียตรงนั้น อลันด์เองก็ตาปรือใกล้หลับเต็มที ยิ่งช่วงนี้น้ำหนักเขาลดลงไปหลายกิโลถึงจะไม่ฮวบฮาบแต่ก็ชวนอ่อนเพลียได้ง่าย ขนตาสีอ่อนขยับหยุกหยิกอยู่หลายรอบก่อนนิ่งไปเมื่อได้ยินชื่อคนคุ้นเคยเข้ามาในหู

“จะว่าไปช่วงนี้ไม่เห็นหมอวาควงสาวคนไหนเลยเนอะ หรือว่าจะมีตัวจริงกันแล้ว”

เด็กแสบขยับตัวนั่งหลังตรง อาการง่วงซึมเมื่อครู่เหมือนหายวับไปทันที ตาสีซีดกวาดมองไปรอบร้านกาแฟขนาดเล็กหาต้นตอไม่นานก็เจอคุณพยาบาลสองนางวัยถ้าไม่รีบสละคานก็คงได้เกาะคานชั่วชีวิตแน่ๆ ยืนสั่งเครื่องดื่มอยู่ตรงเคาน์เตอร์ ในขณะที่ทั้งร้านไม่เหลือใครแล้วนอกจากเขา แสดงว่าเพิ่งเข้ามาเมื่อกี้

“ไม่รู้สิ แต่ก็ไม่เห็นสนิทกับหมอหรือพยาบาลสาวๆ คนไหนเป็นพิเศษนะ เลิกงานก็กลับบ้านเลยไม่เห็นมีไปต่อกับใครที่ไหน” คุณพยาบาลบีตอบเพื่อนก่อนชวนกันหาที่นั่ง โชคดีของอลันด์อีกที่พวกหล่อนเลือกโต๊ะตัวข้างๆ เขา คงเห็นว่าเป็นฝรั่งไม่เข้าใจภาษาไทยมั้งถึงพูดกันเสียงดัง

“หมอวาขี้เหงาจะตาย เคยขาดสาวมาดูแลเสียที่ไหน นี่คงมีซุกๆ ไว้อยู่แน่เลย”

“นั่นสิ โอ๊ย อยากจะเห็นหน้านักว่าใครจะได้หมอวาไปครอง ทั้งหล่อ รวย เก่ง เส้นสายดี อนาคตอย่างกับปูพรมทองรอไว้ ได้สักครั้งชีวิตนี้ฉันไม่เสียดายแล้ว”

“แหม... พูดเหมือนจะได้ง่ายๆ นะยะ ขนาดยัยกุ๊บกิ๊บพยาบาลเด็กใหม่หุ่นสเปคคุณหมออ่อยแทบตายเขายังไม่แลเลย แล้วหน้าบ้านๆ อายุเลยเลขสามแล้วแบบฉันกับเธอเนี่ยเขาจะเอาเหรอยะ”

“ขอฝันสักนิดก็ยังดีย่ะ”

อลันด์กลั้นขำตัวสั่น ดีว่าพวกหล่อนนั่งหันหลังให้เขาไม่งั้นเขาอาจโดนตบได้ เขาพยายามสงบตัวเองนิ่งๆ ตั้งใจเงี่ยหูฟังเก็บข้อมูลต่อ

“แต่ก็นะ หมอวาเขาไม่เคยคบกับคนในโรงพยาบาลอยู่แล้วนี่ อ่อยให้ตายคงไม่ได้แอ้ม ยกเว้นแต่เด็ดจริงๆ อย่างนางแบบที่เคยควงอยู่ช่วงนึงไง คนนั้นชื่ออะไรนะที่เป็นลูกครึ่ง”

“ริต้า!” เธอตอบเสียงดัง ก่อนหรี่เสียงลงอีกครั้ง “คนนั้นสวยจริงๆ นั่นแหละ ยัยแอร์โฮสเตสเทียบไม่ติด”

ริต้า คนนี้อลันด์ไม่เคยได้ยินชื่อ แต่แอร์โฮสเตสที่ว่าคงเป็นคุณนุ่น พี่สาวคนสวยใจดีคนนั้น จะว่าไปก็ไม่เคยเจอหน้าอีกเลย หายไปไหนนะหรือว่าเลิกกิ๊กกับทิวากานต์แล้ว

“เฮ้อ ถ้าฉันสูง ผอม หุ่นดี นมใหญ่บ้างนะ จะอ่อยให้”

“ต๊าย ต้องเกิดอีกกี่ชาติล่ะถึงจะได้แบบนั้น”

จิกกัดกันเองพอเป็นพิธีคุณพยาบาลก็หัวเราะลั่น นั่งดูดกาแฟเม้าส์เรื่องนู้นเรื่องนี้ต่อ ส่วนเด็กแสบที่แอบฟังเขาเม้าส์พี่ชายห้องตรงข้ามอยู่นานสองนานมองไปที่ผนังกระจกของร้านดูเงาสะท้อนตัวเอง

ห้าฟุตหกนิ้วก็สูงล่ะมั้งถ้าเทียบกับผู้หญิง ตอนนี้กำลังลดน้ำหนักอยู่ลงมาตั้งสามโลแล้วเดี๋ยวก็ผอมเองแหละ แล้วพอผอมหุ่นก็ดีใช่ไหม ส่วนนมใหญ่... เดี๋ยวสิ แล้วเขาจะต้องมาคิดทำไมเนี่ย อลันด์ โอเนลล์ แกบ้าไปแล้วเหรอวะ!!!

มือเรียวสวยแต่หยาบเล็กน้อยเพราะจับสายกีตาร์ขยี้ผมหน้าม้าตัวเองให้ยุ่งแก้เซ็ง หยิบแก้วโกโก้ปั่นมาดูดอีกอึกใหญ่ พร้อมกับโทรศัพท์ส่งเสียงร้องเตือนว่ามีสายเข้ามาจากคุณหมอผู้ตกเป็นเป้าสนทนาเมื่อครู่พอดี

‘อยู่ไหนน่ะ เดี๋ยวเดินไปหา’ ไม่ต้องสวัสดงสวัสดีทิวากานต์ก็รัวใส่ปลายสายก่อนเลย อลันด์กระแอมก่อนจงใจตอบเป็นภาษาอังกฤษ แหงล่ะ เกิดพวกหล่อนรู้ว่าเขาพูดไทยได้คงไม่กล้าเม้าท์กันต่อแน่ๆ นี่ถ้าทิวากานต์มาเจอนะคงได้สนุกแน่ล่ะ

“I am at Coffee shop”

‘โอเค ไม่เกินห้านาที’ สั้นๆ ง่ายๆ ก่อนตัดสายไป เด็กลูกครึ่งเริ่มขยับตัว เก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกง รู้สึกเหมือนถูกใครจ้อง เงยหน้าขึ้นไปมองจึงเจอสายตาจากคุณพยาบาลมองมาสงสัยใคร่รู้ เขาเลยแกล้งยิ้มทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้เหมือนตัวเองเป็นฝรั่งแท้ที่พูดไทยไม่ได้สักคำให้พวกหล่อนมั่นใจว่าที่เม้าท์กันเมื่อกี้เขาไม่เข้าใจแน่ๆ จนหันหน้ากลับไป

และภายในเวลาไม่เกินห้านาทีอย่างปากว่า ทิวากานต์พาตัวใหญ่ๆ โผล่เข้ามาในร้านกาแฟ พยาบาลสองนางสะดุ้งโหยงปั้นหน้าทักทายฉีกยิ้มให้คุณหมอตะกุกตะกัก

“สะ สวัสดีค่าหมอวา มาซื้อกาแฟไกลนะคะ”

“ฮ่าๆ เปล่าครับ มารับน้องน่ะ ยังไม่กลับบ้านกันเหรอครับ” พอได้ยินว่าคุณหมอตัวเอกบทเม้าท์เมื่อครู่จะมารับน้อง สองสายตาจากคุณพยาบอลถึงกับหันขวับมองหน้าเด็กฝรั่งฉีกยิ้มหวานในชุดนักศึกษาถูกระเบียบมาให้ เท่านั้นหน้าสองสาวใต้เครื่องสำอางอ่อนๆ ซีดลงจนแทบไร้สีเลือด หากไม่ได้บลัชออนสีแดงของ Oriental Princess ช่วยไว้คุณหมอคงได้หยิบแอมโมเนียมาให้ดมเป็นแน่

“อ๋อๆ จะกลับแล้วค่ะ” คุณพยาบาลเอรีบเก็บกระเป๋าเงินคว้าแก้วกาแฟถือหมับไม่ต่างจากนางพยาบาลบีที่พร้อมพุ่งออกจากร้านทุกเมื่อ

“ครับ กลับบ้านกันดีๆ นะครับ ตัวแสบไปหาอะไรกินกัน” ตอนต้นบอกคุณพยาบาลอยู่หรอก แต่ท้ายประโยคส่งให้เด็กฝรั่งเต็มๆ ทั้งชื่อทั้งสายตาที่จงใจมองตอกย้ำบอกชัดว่ารู้จักกันแน่ๆ แต่ที่ชวนเป็นลมที่สุดคือภาษาไทยชัดเจนจากปากคุณหมอยืนยันได้ว่าเด็กตาหน้าฝรั่งจ๋าคนนี้ฟังภาษาไทยรู้เรื่องนะจะบอกให้

อลันด์เก๊กตีหน้าขรึมเก็บข้าวของเดินไปหาทิวากานต์ อีกฝ่ายก็แสนดีช่วยหิ้วกระเป๋ากับหนังสือเรียนไปถือให้แถมยังสางผมหน้าม้ายุ่งๆ ให้อีกต่างหากเรียกเลือดมากระจุกบนแก้มใสทันควัน สวนทางกับหน้าคุณพยาบาลสองนางที่ซีดลงเรื่อยๆ และแทบไร้สีเลือดเมื่ออลันด์หันไปฉีกยิ้มยักคิ้วให้ทั้งคู่

ตลกจริงๆ ให้ตายเถอะ เก๊กหน้ากลั้นขำจนปวดท้องไปหมดแล้วเนี่ย ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 13 [03.11.15]
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 03-11-2015 17:01:11
“นี่วางแผนอะไรหรือเปล่า ทำหน้าชั่วซะ” ออกจากร้านกาแฟเดินมาถึงรถที่จอดไว้อีกฟาก คนช่างสังเกตถึงเอ่ยปากถาม ความจริงตงิดพอจับบรรยากาศได้ตั้งแต่ในร้านแล้วเลยค่อยมาไล่เบี้ยเอาทีหลังกับคนของเขาดีกว่า

“ร้ายกาจ เห็นผมเป็นคนยังไงกัน” เด็กหนุ่มต่อยแขนคุณหมอไปหนึ่งทีก่อนสอดตัวเข้าไปในรถคันใหญ่

“ไอ้ตัวแสบน่ะสิ คงไม่ได้แกล้งอะไรพยาบาลสองคนนั้นหรอกนะ”

“ไม่ได้ทำอะไรเลย จริงๆ นะ” ไม่ได้ทำสักนิดแค่นั่งรอเฉยๆ เอง

“โอเค แต่ถ้ามีเรื่องล่ะก็...โดนฉันฆ่าแน่”

“โอ - ไอ - ซี” เขารับคำเสียงยียวน มือดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาด รอจนคุณหมอสตาร์ทรถถึงหยิบแว่นกันแดดมาใส่ เปิดเครื่องเสียงในรถหาเพลงฟังพลางร้องคลองุ้งงิ้ง หน้าใสประดับรอยยิ้มอารมณ์ดีจัดจนน่าหมั่นไส้ เลยถูกนิ้วนุ่มๆ ของหมอศัลย์หนีบแก้มย้วยไปที

“วันนี้กินอะไรดี ไปกินข้าวที่ห้างกันดีกว่า ขี้เกียจทำ”

“อยากกินข้าวแกงกะหรี่”

ทิวากานต์ละสายตาจากท้องถนนเหลือบมองไอ้ตัวแสบแวบหนึ่งก่อนหันไปขับรถต่อ “ลดน้ำหนักไปได้หน่อยใช่ว่าจะกินแต่ของอ้วนๆ เหมือนเดิมได้นะ”

“นานๆ ทีน่า” ถึงจะพูดแบบนั้นแต่มือขาวจัดกลับเลื่อนลงไปหยิกพุงตัวเอง “ด็อกไม่ชอบแบบอวบๆ นุ่มนิ่มๆ เหรอ แต่ทอมชอบนะ”

“หือ?”

“ก็ได้ยินคุณพยาบาลเขาเม้าท์ด็อกว่าชอบแบบหุ่นนางแบบ ผอม สูง นมใหญ่”

เสียงหัวเราะชอบอกชอบใจดังลั่นห้องโดยสาร เข้าใจแล้วว่าไอ้ตัวแสบไม่ได้ทำอะไรเลยอย่างที่บอกนั่นแหละแต่แค่ไปนั่งผิดที่ผิดทางได้ยินพยาบาลนินทาเขาในระยะประชิดเท่านั้นเอง คุณหมอตบพวงมาลัยยิ้มอารมณ์ดี “ใช่ สเปคฉันก็แบบนั้นแหละ”

“จิ๊” คนเด็กกว่าทำเสียงขัดใจ หน้าขาวบูดบึ้ง ไม่สบอารมณ์เอาเสียเลย “ใช่สินะ ถึงจะขี้เหงาแต่หล่อขนาดนี้คงมีคนสวยมาให้เลือกไม่ขาดจนไม่ได้เหงา”

“มันเป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือไง แต่จะว่าไปก็ไม่ได้จิ๊จ๊ะกับใครมาหลายเดือนแล้วเหมือนกัน” เขาทิ้งเสียงหงอยๆ แบบตอแหลน่าเสยคางสักที แต่เด็กฝรั่งกลับหันหน้ามาหาใช้ตาสีฟ้าซีดจ้องเขม็ง

“ทำไมล่ะ”

“ติดเด็ก เอ๊ย ต้องดูแลเด็ก” ทิวากานต์ฉีกยิ้มกว้าง ฟังดูก็รู้ว่าจงใจแกล้งทำเป็นพูดผิด แต่ไม่รู้ทำไมอลันด์ฟังแล้วถึงใจสั่น หรือว่าโรคหัวใจที่เป็นจะกำเริบ ผนังหัวใจรั่วเนี่ยมันมีอาการแบบนี้ด้วยไหมนะ ถ้าถามหมอหัวใจข้างๆ จะได้คำตอบหรือเปล่า ให้ตายเถอะ จะเป็นลมอยู่แล้ว!



สุดท้ายทิวากานต์ก็ยอมให้ข้าวเย็นมื้อนี้เป็นแกงกะหรี่ได้ หากกว่าจะถ่อจากมหาวิทยาลัยมาถึงห้างใจกลางเมืองที่พวกเขามาเดินกันเมื่อหลายสัปดาห์ก่อนได้กลับใช้เวลาหลายชั่วโมงจนเด็กฝรั่งหิวแสบท้อง ไหนต้องมาต่อคิวอีกยาวเหยียดกับคนล้านแปด อลันด์ยอมถอดใจกินอะไรอย่างอื่นที่คนน้อยกว่านี้ดีกว่า

ระหว่างเดินคิดหาร้านใหม่ผู้ชายตัวสูงข้างกายกลับหยุดเดินดึงแขนอีกคนไว้ อลันด์เงยหน้าจะถามว่าหยุดทำไม ทิวากานต์ก็ลากแขนเขาเดินย้อนกลับไปหาผู้หญิงรุ่นแม่สองคนก่อนยกมือไหว้เรียบร้อย

“ป้าแอน ป้าหมอ สวัสดีครับ”

“อ้าว น้องวา มาทำอะไรแถวนี้” ผู้หญิงใส่แว่นทักขึ้นก่อน เสียงเธอเบาจนต้องเงี่ยหูตั้งใจฟัง

“มาหาข้าวกินครับป้าหมอ แล้วนี่ทำไมมาเดินกันสองคนได้ละครับ”

“พาหมอเขามาซื้อของน่ะ วาเถอะไปลักลูกใครเขามา” สาววัยกลางคนร่างท้วมหรี่ตามองไปยังเด็กฝรั่งด้านหลังที่เจ้าหลานชายตัวดีไปลากแขนมา

“นี่อลันด์ เด็กห้องตรงข้ามที่วาเคยเล่าให้ฟังไง มากินข้าวด้วยกัน ตัวแสบนี่ป้าโบกับป้าแอน ป้าฉันเอง” ทิวากานต์แนะนำเร็วๆ ให้ทั้งสามรู้จักกัน อลันด์ยกมือพนมไหว้ผู้ใหญ่เรียบร้อยสวยงามอย่างที่ถูกอบรมมา มึนนิดหน่อยที่เจอคนรู้จักทิวากานต์แล้วเป็นญาติกันอีก เขานึกว่านอกจากวิคเตอร์ที่เป็นพ่อคุณหมอโฉดจะไม่มีใครแล้ว

“น้องอลันด์เรียบร้อยดีนะคะ” ป้าหมอชมเสียงแหบเสียงเบาตามสไตล์ ก่อนเงยหน้าจนคอตั้งมองหลานชายตัวยักษ์ “วาพาน้องเขาไปกินข้าวมาหรือยัง”

“ยังเลยครับ ตอนแรกว่าจะไปกินข้าวแกงกะหรี่ แต่คนเยอะขี้เกียจรอเลยจะไปหาอย่างอื่นกินแทน”

“งั้นไปกินด้วยกันนี่แหละ พวกฉันก็ยังไม่ได้กิน นี่หมอเขาจองร้านข้าวแกงกะหรี่ไว้พอดีคงใกล้ถึงคิวแล้ว”

ด้วยเหตุนั้นเด็กฝรั่งตัวเล็กจึงต้องมานั่งร่วมโต๊ะกับสองคุณหมอและหนึ่งคุณครู เจ้าตัวแสบนั่งเกร็งถามคำตอบคำ ปกติเขาค่อนข้างเข้ากับคนสูงวัยง่ายและเป็นที่เอ็นดู แต่ไม่รู้ทำไมถึงไม่เป็นอย่างนั้นกับป้าของทิวากานต์ อืม...ถ้าให้คิดคงมีสายตาแปลกๆ ที่คุณหมอวิสัญญีตัวเล็กวัยใกล้เกษียณใช้มองเขารวมเข้าไปด้วยหนึ่งข้อแน่ล่ะ

“ห้ามเพิ่มข้าวนะ แล้วกินสลัดให้หมดด้วย” เสียงทุ้มใจดีของผู้ชายข้างตัวเรียกตาสีซีดหันไปสนใจหลังนั่งเกร็งให้ป้าหมอจ้องอยู่นาน อลันด์พยักหน้ารับหงึกหงักว่าง่ายก่อนชะโงกตัวเข้าไปดูเมนูในมือทิวากานต์ใกล้ๆ “วันนี้เห็นว่ากินน้ำหวานไปแล้ว งั้นสั่งน้ำเปล่านะ”

“อ่าฮะ”

“น้องเขาอยากกินอะไรก็ให้เขาสั่งไปสิวา จะไปบังคับน้องเขาทำไม” ป้าแอนปรามหลานชายตัวเองเบาๆ ที่ชักทำตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของชีวิตอีกคนเกินไปตั้งแต่เดินเข้ามาในร้านแล้ว

“ช่วงนี้ตัวแสบต้องคุมน้ำหนักครับ เดี๋ยวส่องกล้องลำบาก”

“หืม เป็นอะไรคะ” ป้าหมอถามขึ้น ตากลมๆ ใต้เลนส์แว่นถลึงขึ้นมาเล็กน้อยจ้องมองเด็กผู้ชายฝั่งตรงข้าม

“ASD แบบเดียวกับป้าเต็มน่ะครับ”

“อ่อ” เธอพยักหน้ารับ “วาบอกอะไรก็ทำตามๆ ไปเถอะ เดี๋ยวก็หาย”

“ครับ” เด็กฝรั่งรับครับสั้นๆ หลังนั่งเงียบมานาน และเป็นโชคดีที่อาหารมาเสิร์ฟพอดี บทสนทนาทั้งหมดจึงตัดไป จะมีคุยกันบ้างเรื่องนู้นเรื่องนี้ไม่พ้นไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบกัน สักเกือบทุ่มถึงได้เรียกเก็บเงินเตรียมแยกย้าย มื้อนี้ทิวากานต์เป็นป๋าเลี้ยงทุกคน ยื่นบัตรให้เช็นชื่อเสร็จก็พากันเดินออกมาจากร้าน

“เอ้านี่ ช็อกโกแลต ป้าให้” จู่ๆ ป้าหมอก็ยื่นถุงพลาสติกสกรีนชื่อห้างสรรพสินค้าให้เด็กฝรั่ง ถึงจะตกใจแต่ผู้ใหญ่ให้ของเลยจำต้องรับมา อลันด์ยกมือไหว้ขอบคุณอีกคนเกร็งๆ ก่อนหลุดยิ้มเมื่อแพทย์หญิงพูดเสริม “กินเยอะๆ จะได้ตัวโตๆ สูงแข่งกับเจ้าวา ป้าเข้าใจ ต้องเงยหน้าคุยกับมันเมื่อยคอจะตาย”

“ฮ่าๆ ขอบคุณครับ”

“กินให้ตายก็คงสูงไปไม่มากกว่านี้แล้วล่ะป้า ตัวเล็กๆ นี่แหละดีแล้วพกง่ายเลี้ยงง่าย” พูดจบปุ๊บเลยโดนเด็กตัวเท่าไหล่ต่อยแขนข้างเดิมกับเมื่อเย็นไปอีกดอก พูดอย่างกับเขาเป็นลูกหมาลูกแมว เดี๊ยะเถอะ!

“แหม...” แล้วจู่ๆ สองป้าก็พร้อมใจกันครางในคอ สายตาคนสูงวัยจ้องชายหนุ่มต่างทั้งวัยต่างทั้งไซส์วิบวับ ดูแล้วไม่น่าจะใช่เรื่องดีแน่ๆ แต่รอยยิ้มที่ฉาบบนใบหน้าก็บอกว่ามันดี แล้วสรุปมันดีหรือไม่ดีเด็กฝรั่งก็ไม่เข้าใจ

“งั้นผมลาตรงนี้เลยแล้วกันนะป้า ว่าจะแวะซื้อของหน่อย”

คนที่เหมือนจะเข้าใจกลับเอ่ยตัดบทยกมือไหว้ป้าๆ พลอยให้อลันด์ต้องรีบยกมือไหว้ลาไปด้วยอีกคน ก่อนจะสาวเท้าเร็วๆ เดินตามผู้ชายตัวสูงไปทางส่วนซูเปอร์มาร์เก็ตของห้าง ตาสีฟ้าซีดเหลือบมองเสี้ยวหน้าของทิวากานต์ที่อยู่สูงขึ้นไปเห็นแต่ริ้วแดงกระจายเต็มแก้มกับใบหู นี่เป็นอะไรไปอีกคน

“ด็อกไม่สบายหรือไง หน้าแดงเชียว”

“แดงอะไรเล่า ไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้นแหละ”

“จริงอ่ะ ป่วยขึ้นมาผมช่วยไม่ได้นะ ไม่ใช่หมอ แบกไม่ไหวด้วย”

ฟังคำพูดซื่อๆ นั่นแล้วคุณหมอวัยสามสิบได้แต่กลั้นยิ้มจนหน้าตึง ฝ่ามือหนายกขึ้นขยี้หัวอีกคนเล่นจนผมยุ่ง “ฉันไม่ป่วยง่ายๆ หรอกน่า เราเถอะ พรุ่งนี้อยากกินอะไรเดี๋ยวซื้อของสดตุนไว้เลย”

“ซุปน่องไก่ใส่แครอทเยอะๆ สลัดแอปเปิล ปลาย่าง ผัดฟักทอง ไข่ตุ๋น บลาๆๆ” พอเปลี่ยนเป็นเรื่องของกิน เจ้าตัวแสบเหมือนจะลืมไปทันทีว่าเมื่อครู่พูดถึงอะไร ตาสีฟ้าวาววับเป็นประกายยามคิดถึงเมนูในใจที่จะให้อีกคนทำให้กิน ร่ายยาวเมนูที่อยู่ในใจออกมาเป็นพรืด จนทิวากานต์ต้องรีบเบรกว่ากินแค่สองคนนะนั่นแหละไอ้ตัวแสบถึงหัวเราะแหะๆ ยอมหยุดร่ายชื่อเมนูอาหารออกมา

.
.
.

“ด็อกๆๆๆ”

“หือ?” ทิวากานต์ครางรับเสียงเรียกคล้ายๆ เรียกหมาก่อนเอี้ยวตัวมองเด็กฝรั่งตัวแสบในชุดนอนนอนตะแคงข้างยื่นกระดาษเอสี่ยับๆ ใบหนึ่งมาให้ “อะไรน่ะ”

“งานประกวดวงดนตรีของมหาลัย”

“แล้ว?”

“ผมลงแข่งด้วย ด็อกมาดูให้ได้นะ พี่นภก็จะมาดู” ชื่อบุคคลที่สามเรียกคิ้วหนาขมวดเข้าหากันน้อยๆ นี่ไอ้นักร้องหน้าอ่อนนั่นว่างถึงขนาดมาดูแข่งวงดนตรีของเด็กนักเรียนเลยหรือไงกัน แถมยังคนละมหาวิทยาลัยกับที่มันเรียนอีกนะ ช่างพยายามดีแท้

“วันไหน กี่โมง” เขาถามกลับไปสั้นๆ แต่วางหนังสือวิชาการไว้บนหัวเตียง พลิกตัวกลับมานอนตะแคงเท้าแขนจ้องเพื่อนร่วมเตียง เหมือนตั้งแต่หนีพ่อแม่มานอนกับเขาวันนั้นอลันด์จะติดใจเตียงเขามากจนขอมานอนด้วยบ่อยๆ อย่างเช่นคืนนี้ แน่นอนว่านอนเฉยๆ ไม่ได้ทำอะไร ขืนทำก็คุกล่ะ แต่ถ้าอีกฝ่ายสมยอมก็ไม่แน่นะอาจจะยอมทำก็ได้ สิบแปดแล้วนี่ไม่โดนข้อหาพรากผู้เยาว์แน่นอน พักหลังมานี่ไอ้แสบน่ารักน้อยเสียเหมือนไหร่ อ้อนเก่งเหมือนแมวเลย

“ศุกร์หน้า ห้าโมงเย็น ที่หอประชุม” ถามสองแต่ตอบให้สามเลยเอ้า! “ด็อกติดเวรหรือเปล่า”

“ไม่ เดี๋ยวจะไปดู”

“Goooooooooooooooooooood” เด็กแสบลากเสียงยาว ไม่ทันไรร่างอวบๆ ก็เบียดเข้ามาชิดตัว มือขาวซีดแบบคนไม่ค่อยโดนแดดชูขึ้นรอให้คุณหมอทำเหมือนกัน “สัญญานะ”

“โอเค สัญญา” ชกกำปั้นกลับคืนไปเบาๆ แล้วมือใหญ่ก็บีบแก้มกลมหมับ “ว่าแต่ทำไมกับนภเรียกพี่ แล้วกับฉันไม่เรียกบ้างหึ ฉันแก่กว่าเธอตั้งรอบนึงเลยนะ ความเคารพน่ะมีให้กันบ้างไหม หือๆ”

“อัมไออัมเอ้า” เด็กลูกครึ่งส่งเสียงอู้อี้ไม่เป็นภาษายามแก้มถูกทิวากานต์ดึงขึ้นดึงลง ดึงจนปวดแก้มหนึบเลยคว้าข้อมืออีกคนกัดเสียเลย เท่านั้นแหละคุณหมอจอมกวนถึงยอมปล่อย ร่างใหญ่ยักษ์พลิกหนีไปอีกทางหยิบกระดาษทิชชูบนหัวเตียงมาเช็ดคราบน้ำลายตามข้อมือ

“เฮ้ย สกปรกน้ำลาย มีเชื้อบ้าป่ะเนี่ย”

“เห็นยอมหน่อยแกล้งใหญ่เลยนะ!”

“หนอย...” หมอศัลย์วัยสามสิบครางคาดโทษไว้ ให้ตายอลันด์ชักจะเหมือนแมวมากเกินไปแล้ว มาอ่อยมาอ้อนให้เขาเล่นด้วย เหมือนจะเชื่องแต่ก็ไม่เชื่อง พอเผลอเล่นกลับหนักมือหน่อยก็งับเข้าให้ มันน่าดึงหูจริงๆ

“เพราะแบบนี้น่ะสิถึงไม่อยากเรียกพี่น่ะ ขนาดตัวเองยังไม่เคยแทนตัวว่าพี่เหมือนคนอื่นเลย แทนตัวว่าคุณกับเธอเหมือนอายุเท่ากันก่อนแท้ๆ แล้วอีกอย่างนะผู้ใหญ่ภาษาอะไรทำตัวเหมือนเด็ก ขี้แกล้ง ขี้โมโห ขี้บ่น ขี้หงุดหงิด ขี้เบื่อ ขี้เหงา ไปขี้เลยป่ะ”

“ถีบตกเตียงแม่ง” ทิวากานต์ยกเท้าขึ้นขู่ แค่ขู่เท่านั้นแหละใครจะไปกล้าถีบหลานเจ้านายตัวเองลง แต่ถ้าอลันด์ยังไม่เลิกกวนตีนเขาต่อคงได้มีใครสักคนลงไปนอนวัดพื้นแน่ “ไม่อยากเรียกก็ไม่ต้องเรียก ไม่เห็นจะสำคัญ”

“โฮะ! ถ้าไม่อยากให้เรียกแล้วจะพูดมาทำไม ไม่ชอบหรือไงเรียกด็อกอ่ะ ไม่เหมือนใครไม่มีใครเหมือนนะ” แมวร่างมนุษย์ตัวอวบทำเสียงอ่อนซุกหัวกลมๆ กับแขนคุณหมอถูไปมา ตาฟ้าสีซีดสะท้อนแสงไฟหัวเตียงกลายเป็นสีน้ำผึ้งอ่อน คลอเคลียราวกับให้คุณหมอยอมรับชื่อเรียกนี้ไปเสียดีๆ เถอะ

“เรียกพี่วามันน่ารักกว่านี่นา ไหน...ลองเรียกให้ฟังหน่อย ครั้งเดียวก็ได้ เดี๋ยวตอนเช้าตื่นมาทำแซนด์วิชให้กินเลย” ต้องเอาของกินมาล่อนี่แหละได้ผลสุดแล้ว เจ้าเหมียวจากเมย์แฟร์ทำหน้าลังเลบวกลบคูณหารจนมั่นใจว่าไม่เสียอะไรแถมยังได้กำไรเป็นแซนด์วิชโฮมเมดสุดอร่อยก็ยอมขยับปากยักเรียกพี่ให้อีกคนชื่นใจ

“พี่วา”

“อีกทีซิ”

“ไหนบอกครั้งเดียวไง”

“น่า...นะ อีกทีนึง”

“พี่วา”

เคยเห็นคนบ้าไหม? ตอนนี้ทิวากานต์รู้สึกเหมือนตัวเองบ้าไปแล้วที่ยิ้มจนแก้มแตกตาหยีมองอะไรก็ฟรุ้งฟริ้งน่ารักไปหมดโดยเฉพาะไอ้เด็กฝรั่งที่นอนซุกอยู่ข้างๆ ในชีวิตมีคนเรียกเขาว่าพี่มากมายแต่ไม่มีคนไหนเรียกแล้วจะรู้สึกปลื้มปริ่มขนาดนี้มาก่อน

บ้า บ้า บ้า ไอ้วามึงต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ!
แต่อลันด์แม่งน่ารักชิบหาย กูยอมบ้าเว้ย!!!


แขนยาวดึงเด็กฝรั่งเข้ามากอดทั้งตัว ขยี้ปลายจมูกบนหัวเน่าฟัดอลันด์เหมือนฟัดตุ๊กตาตัวเล็กๆ อีกคนแทนที่จะโวยวายเหมือนเคยกลับยอมนอนนิ่งๆ กอดกลับให้คุณหมอกอดรัดเอาเสียจนพอใจ ไม่ใช่อะไร...อารมณ์เหมือนถูกหมาบ้านโธมัสกระโจนมาเล่นด้วยและเขาชอบมากด้วยสิ

“แบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย” ว่าแล้วให้รางวัลเป็นจูบเบาๆ บนขมับค้างอยู่อย่างนั้น “อารมณ์มีน้องชายมันเป็นแบบนี้เองสินะ”

“แค่น้องชายเองเหรอ”

“หืม? ไม่อยากเป็นแค่น้องชายหรือไง”

“ไม่เคยเห็นทอมมันทำแบบนี้กับน้องคนไหนเลยนี่นา”

“ฉันเหมือนทอมหรือไง” คุณหมอชักฉุน อยู่กันสองคนยังพูดถึงแต่หมาขนทองที่มิวนิคอยู่ได้ เจ้านั้นก็ขาดการติดต่อไปเลย ป่านนี้คงได้กับสาวสวยแถวนั้นสักคนไปแล้ว!

“นิดโหน่ย” คนเด็กกว่าสวมบทฝรั่งพูดไทยไม่ชัด ซุกหน้าลงกับอกอีกคนจนได้กลิ่นสบู่หอมจาง “แต่ด็อกดุกว่าทอมเยอะเลย ถ้าทอมเป็นโกลเด้น รีทีฟเวอร์ ด็อกคงเป็นอัลเซเชียน”

เด็กเวรเปรียบกูกับหมาซะงั้น! ทิวากานต์แทบยกมือตบหน้าผากตัวเอง เป็นคนอยู่ดีๆ กลายเป็นหมาไปได้ แถมยังเป็นไอ้เยอรมัน เชพเพิร์ดตัวดุที่กระแดะเปลี่ยนชื่อเป็นอัลเซเชียนตอนสงครามโลกอีกนะ เขาว่าเขาไม่ใช่คนดุอะไรขนาดนั้น แค่นักศึกษาขยาดนิดๆ คนไข้กลัวหน่อยๆ เท่านั้นเอง ปกติใจดีจะตาย ไม่งั้นเด็กตัวเท่าไหล่มันไม่ได้เล่นกับเขาแบบนี้หรอกจะบอกให้

“หึ อยากให้ฉันกัดจนเหวอะงั้นสิ มาโซก็ไม่บอก”

“ก็ชอบ เอ๊ย ไม่ใช่”

เด็กฝรั่งยกมืออุดปากตัวเองส่ายหัวจนผมสีช็อกโกแลตนมกระจายเต็มหมอน หน้าขึ้นสีอีกรอบตอนเผลอหลุดความในใจออกไป ไม่ชอบที่โธมัสกัดจนได้แผลแต่ก็ชอบเวลาถูกอีกคนกัดหรือขบตามตัว งงไหม เขาก็งงเหมือนกัน สรุปว่าถ้าถูกกัดนิดๆ หน่อยๆ ล่ะก็ชอบแน่นอน!

ตีกับความคิดตัวเองในหัวสักพักคนเด็กกว่าจึงถอนหายใจยาว ร่างอวบพลิกตัวนอนหงายจ้องตาไปที่เพดานอาบแสงไฟเหลืองนวล เพียงยกมือขึ้นภาพเงาดำก็ปรากฏเป็นรูปร่างตัดอยู่บนนั้น

ทิวากานต์มองเด็กข้างตัวอย่างสงบ ไล่สังเกตตั้งแต่ปรอยผมหน้าม้า หน้าผากเนียนขาว คิ้วเรียวโก่งได้รูปไม่ต้องถอนหรือกันออก แพขนตาหนาสีอ่อน ดวงตาที่เหม่อมองขึ้นไปราวกับเจ้าตัวเล็กกำลังคิดอะไรอยู่ในใจเรื่อยมาถึงปลายจมูกโด่งและริมฝีปากอิ่มหยักที่เผยอออกน้อยๆ อลันด์ยามสงบนิ่งแบบนี้ช่างเหมือนเทวดาตัวเล็กๆ บนผนังโบสถ์ ชวนมองได้ไม่รู้เบื่อ หากแต่ทำได้แค่มองเพราะอยู่สูงเกินจะคว้า...

“มันเป็นเรื่องปกติของผู้ชายที่สนิทกันมากจะทำแบบนี้ใช่ไหม” หลังเงียบไปนานเสียงทุ้มติดแหบของเจ้าตัวจึงดังขึ้นทำลายความเงียบ ทว่าคุณหมอหนุ่มยังคงจ้องมองภาพใบหน้าด้านข้างของอลันด์อยู่เช่นนั้นไม่ได้พูดอะไร “ในชีวิตนี้ผมมีเพื่อนไม่มาก ทอมเป็นเพียงคนเดียวที่ผมสนิทที่สุด ครั้งแรกที่เขาทำแบบนั้นกับผมมันน่าตกใจ แต่เพราะเป็นเขาผมเลยยอมและสิ่งที่เขาทำก็ทำให้ผมรู้สึกดีไม่น้อย ผมเลยเก็บคำถามที่เกิดขึ้นมาไว้ในใจ แต่พอมีครั้งต่อๆ ไปและมันมากขึ้นเรื่อยๆ คำถามนั้นเลยผุดขึ้นมาในหัวอีกครั้ง เพื่อนกันเขาทำแบบนี้เหรอ?”

ใบหน้าน่ารักหันกลับมาใช้ดวงตาสีซีดที่ถูกย้อมด้วยแสงไฟจ้องมองเขา คล้ายจะว่างเปล่าในทีหากประกายความไม่แน่ใจก็ฉายแทรกออกมาให้คนมองสังเกตได้

“ตอนนั้นผมไม่รู้ ทอมบอกว่าเพื่อนสนิทกันมากๆ เขาก็ทำแบบนี้กันทั้งนั้นผมเลยเชื่อ เชื่อทั้งที่รู้ว่ามันไม่ปกตินั่นแหละ จนอย่างที่ด็อกรู้มันมากเกินจนแย่ เขาทำให้ผมกลัว... กลัวที่มากกว่าการเจ็บตัวคือกลัวถลำใจลงไปทั้งที่อีกฝ่ายไม่ได้ต้องการรู้สึกเหมือนกัน เพราะผมชอบที่ได้เป็นคนสำคัญมากๆ ของใครสักคนเหมือนเป็นคนพิเศษเหนือกว่าคนอื่นรอบตัวเขา”

เขายังคงจ้องตากับเทวดาตัวน้อยในชุดนอนผ้าฝ้าย ดูริมฝีปากอีกฝ่ายที่ขยับเจื้อยแจ้วคล้ายปล่อยคำพูดเหล่านั้นให้ผ่านหูไปเหมือนไม่สำคัญเท่าคนพูด ทำไมกันนะ...ทำไมเขาถึงคิดว่าเด็กคนนี้น่ารักขึ้นทุกที น่ารักจนเขาชักเข้าใจความรู้สึกของไอ้หมาขนทองจอมซาดิสม์นั่นขึ้นมา

เนื้อหวานที่น่าลิ้มลองจนอยากเก็บไว้ให้เป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น

“ด็อกทำให้ผมรู้...เรียนรู้กับคำว่ารักและเซ็กส์มากขึ้น ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วล่ะว่ามันต่างกัน ถ้ามันไม่เกิดพร้อมกันมันจะแย่ แต่ด็อกรู้ไหม...” เด็กหนุ่มเงียบไปพักใหญ่จนคนฟังคิดว่าอีกฝ่ายหลับไปเสียแล้วถ้าไม่ติดนัยน์ตาสีอ่อนนั้นมองมาที่เขาไม่วาง “ตอนนี้ด็อกกำลังทำแบบทอมนะ”



TBC

ว่าจะลงเมื่อวานแต่งานก็เยอะจนแอบลงได้แค่เรื่องเดียว
วันนี้ก็แอบมาลงเวลางานอีกค่ะ *อย่าเอาไปฟ้องหัวหน้านะคะ จุ๊ๆ* ฮา

สำหรับใครที่รอลุ้นคู่นี้กัน ตอนหน้าจะรู้ผลแล้วล่ะค่ะว่าน้องอัลจะได้กินอิพี่วาหรือไม่ #ผิดๆ

แล้วเจอกันตอนหน้าค่า
จุ๊บๆ

 :hao7:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 13 [03.11.15]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 03-11-2015 17:54:37
แก้มปริ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 13 [03.11.15]
เริ่มหัวข้อโดย: Mokuchi ที่ 03-11-2015 18:13:04
แหมม นึกว่าจะให้หมอวาเนียนต่ออีกสักตอนสองตอน เด็กดันรู้ตัวซะแล้ว
แต่คู่นี้เวลาอยู่ด้วยกันนี่น่ารักจริงๆนะ คบกันเลยเถอะ ที่เป็นอยู่นี่ก็ไม่ต่างจากแฟนแล้วนะ 5555  :hao3:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 13 [03.11.15]
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 03-11-2015 19:43:52
ไม่เหมือนหรอกอัล พี่วาเค้าทำให้เพราะใจเค้ารักและเอ็นดู(และอยากจะดูเอ็นในอนาคต5555) พี่วาไม่ได้ทำเพราะอยากลองและหวงของแบบทอม



ปล.เจอนิยายเรื่องนี้อัพทีเป็นต้องหวีดก่อนอ่านทุกที งื้ออออิ...อยากอ่านต่อ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 13 [03.11.15]
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 03-11-2015 20:35:27
รอไม่ไหวแล้ววววว อัลจะกินหมอออออ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 13 [03.11.15]
เริ่มหัวข้อโดย: boobooboo ที่ 03-11-2015 20:53:24
อ้าว  หมอวา  โดนจับได้ซะแล้ว
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 13 [03.11.15]
เริ่มหัวข้อโดย: black sakura ที่ 03-11-2015 21:09:45
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 13 [03.11.15]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 03-11-2015 21:58:27
ก็น้องอัลน่ารักจนใครที่ได้อยู่ใกล้อดใจไม่ไหว
โถคุณพ่อทำมาหวงลูกเอาตอนนี้ ถ้ารู้ว่าทอมทำอะไรอัลไว้บ้าง คิดว่าทอมจะรอดไหม
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 13 [03.11.15]
เริ่มหัวข้อโดย: Shonteen ที่ 03-11-2015 23:46:52
ค้างมากมายยยยยยย
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 13 [03.11.15]
เริ่มหัวข้อโดย: ren ที่ 04-11-2015 01:41:20
อ่านตอนนี้แล้วยิ้มแก้มปริอีกแล้วล่ะค่ะ น่ารักมากๆ  อนาคตพ่อตาลูกเขยคงมีให้ไฟว้กันอีกแน่ๆเลย
ชอบที่หมอวาเขินจัง 
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 13 [03.11.15]
เริ่มหัวข้อโดย: Wereena ที่ 04-11-2015 06:23:00
แงงง มันดีอ่ะเรื่องนี้ อยากอ่านต่อๆๆๆๆ  ติดตามค่าา  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 13 [03.11.15]
เริ่มหัวข้อโดย: pim-lovemj ที่ 04-11-2015 08:20:00
 :m16: แหม เข้าใจอารมณ์แด๊ดของน้องอัลเลยค่ะ ประมาณว่าลูกสาวจะมีแฟน เลยหวงใช่ม้า
ส่วนพีหมอวา เลิกซึนได้แล้วค่ะ โดนจับได้ขนาดนี้แล้วยอมรับมาเหอะ แต่อย่ามาม่าใส่น้องอัลนะ ห้ามทำน้องอัลเสียใจเด็ดขาด
#ทีมน้องอัลค่ะ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 13 [03.11.15]
เริ่มหัวข้อโดย: ★KVH™★ ที่ 04-11-2015 13:13:06
หมอวาแอบชอบน้องแล้วใช่ม้ะ?  :hao7:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 13 [03.11.15]
เริ่มหัวข้อโดย: cinpetals ที่ 05-11-2015 14:36:32
โฮยยยยยย เมื่อไหร่จะชัดเจนกันสักที  :sad4:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 13 [03.11.15]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 05-11-2015 15:12:56
 :กอด1:
หัวข้อ: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 14 [08.11.15]
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 08-11-2015 15:33:10
TRACK 14



“ตอนนี้ด็อกกำลังทำแบบทอมนะ ด็อกกำลังทำให้ผมรู้สึกเหมือนคนพิเศษของด็อก ทำให้ผมค่อยๆ ถลำใจปล่อยตัวไปให้ ก่อนพบว่าสุดท้ายด็อกก็ทิ้งผมไปหาผู้หญิงคนอื่นเหมือนทอม สารภาพเลยแล้วกัน ที่กลาสตันเบอรี่นั่น... ผมหึงทอม

เด็กฝรั่งตัวเล็กค่อนไปทางอวบทำท่าทอดถอนหายใจเหมือนคนแก่วัยใกล้ปลงกับชีวิตหลังพูดออกมายืดยาว ตาสีอ่อนหลบมองไปทางอื่นที่ไม่ต้องเห็นหน้าคุณหมอรูปหล่อที่เหมือนจะใจดี แต่สุดท้ายก็แค่มาหลอกให้เขาดีใจว่าได้เป็นคนสำคัญก่อนทิ้งไปหาผู้หญิงตามรสนิยมดั้งเดิมอย่างที่เขาเคยโดนกระทำมาแล้วจากเพื่อนสนิท

“อัล”  เสียงทุ้มต่ำเรียกเขาด้วยชื่อเล่นเหมือนคนอื่นๆ ไม่ใช่ไอ้ตัวแสบ ตัวแสบ หรือแสบอย่างเคยเรียกอลันด์ให้ยอมหันกลับไปมองคนแก่กว่าด้วยสายตาติดจะงงเล็กน้อย กระนั้นเด็กหนุ่มไม่ได้ถามอะไรนอกจากมองหน้าหล่อเหลาเรียบนิ่งคล้ายไม่พอใจอะไรสักอย่าง หรือทิวากานต์จะไม่ชอบที่เขาพูดเหมือนไม่ไว้ใจอีกฝ่ายอะไรแบบนั้น

ให้ตายเถอะ คุณหมอตอนนี้น่ากลัวจริงๆ

ตาสีอ่อนดูคุณหมอกางแขนออกทำท่าเชิงบอกแกมบังคับให้เอาตัวเข้าไปซุกเหมือนก่อนหน้านี้ซะ ถึงตอนนี้หน้าตาด็อกเถื่อนสุดโฉดจะไม่น่าเข้าใกล้เท่าไหร่ แต่ร่างอวบยอมคลานกระดึ๊บๆ ไปหา วางใบหน้าลงกับอกคนตัวใหญ่อีกครั้งทั้งที่รู้ดีว่าการใกล้กันเกินความจำเป็นเช่นนี้ไม่ดีต่อหัวใจเขาเอาเสียเลย แต่ยังไงกอดย่อมดีกว่าถูกถีบตกเตียงแหงแซะ เพียงสัมผัสกันเท่านั้นทั้งร่างก็ถูกคุณหมอรัดแน่นเสียจนแนบสนิทไปทั้งตัว ใกล้จนได้ยินเสียงหัวใจจากอกด้านซ้ายของทิวากานต์เต้นเป็นจังหวะดังชัดอยู่ในหู มันเป็นทำนองหนักแน่นสม่ำเสมอไม่ได้เต้นโครมครามเหมือนกับของเขา ถึงอย่างนั้นอลันด์กลับชอบที่มันเป็นแบบนี้จนยอมอยู่นิ่งๆ ในอ้อมกอดอบอุ่นของคุณหมอตัวโต

“ฉันเป็นคนหวงของ ของของฉันก็คือของของฉัน ฉะนั้นต่อไปนี้ห้ามทำแบบที่ทำกับฉันกับใครคนอื่นอีก ฉันไม่ชอบให้ใครมายุ่มย่ามกับของของฉันถ้าฉันไม่เต็มใจจะให้ แล้วก็เลิกพูดถึงไอ้หมาขนทองหน้าโง่นั้นได้แล้ว เพราะฉันกับมันไม่เหมือนกัน ฉันน่ะ... ถ้าไม่รู้สึกไม่ทำแบบนี้ด้วยหรอกนะ

“หือ?” หลุดปากอุทานมาได้เท่านั้นทุกอย่างก็ถูกสะกดไว้ด้วยแรงกดจากริมฝีปากอุ่นที่ทาบทับลงมา ไฟบนหัวเตียงดับฉึบปล่อยความมืดกระจายทั่วห้องนอนใหญ่ ผ้านวมผืนหนาถูกทิวากานต์ตวัดคลุมให้ขึ้นมาถึงคอ หมอนข้างเนื้อหอมต้นเหตุการแก่งแย่งกันทุกคืนถูกทิ้งเป็นหมาหัวเน่าไปแล้วเพราะคืนนี้คนบนเตียงเขานอนกอดกันเอง

.
.
.

“ช่วงนี้หน้าตาดูดีมีความสุขเกินหน้าเกินตาชาวบ้านเขาเหลือเกินนะ” เสียงประชดจากนายแพทย์รุ่นพี่เรียกสายตาทิวากานต์ให้หันไปมอง คนอ่อนวัยกว่าได้ยินแล้วยิ้มตอกย้ำความสุขคับอกไปอีกดอกจนการันต์ทนไม่ไหวเดินมาเตะน่องรุ่นน้องสักที

ดูมันสิ ปกติผ่าเสร็จทีไรทำหน้าเครียดจนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ แต่วันนี้ผ่าสามเคสติดยังยิ้มระรื่น หมั่นไส้ว่ะ!

“อะไรกันครับพี่รัน อิจฉาน้องเหรอ น้องมีความสุขนี่อิจฉามากใช่ไหม” แทนจะสลดทิวากานต์กลับฉีกยิ้มกว้างกว่าเดิม ทำหน้าตาชื่นบานพร้อมเสียงกระแดะๆ ใส่รุ่นพี่ที่เคารพ

“เออสิ” การันต์ว่า ใบหน้าอ่อนกว่าวัยดูหมองคล้ำไม่สดใสเหมือนเคยติดจะดูมีเรื่องเครียดอยู่ด้วย ในฐานะน้องรักทิวากานต์จึงเลิกเล่นแล้วถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง

“ไหวป่ะพี่ ช่วงนี้มีปัญหาอะไรหรือเปล่า น้องรักยินดีเป็นที่พักใจนะครับ”

“ก็เรื่องคนไข้นั่นแหละ เฮ้อ...” พูดแล้วรุ่นพี่คนเก่งถึงกับถอนหายใจ ปกติเจอเคสหนักแค่ไหนการันต์ไม่เคยหวั่นไม่เคยแสดงอาการท้อแบบนี้มาก่อน สงสัยเคสนี้จะหนักหนาจริงๆ ถึงเป็นได้ขนาดนี้ “เย็นนี้เลิกงานแล้วต้องไปรับเด็กกลับบ้านป่ะ ไปกินเหล้าเป็นเพื่อนหน่อยดิ”

“ไม่พี่ วันนี้ผมว่าง ร้านไหนว่ามาเลย” โชคดีไปที่ช่วงนี้เด็กแสบติดซ้อมดนตรีทุกวันเพราะใกล้แข่งแล้ว เขาเลยไม่ต้องไปรับเจ้าตัวกลับบ้านพร้อมกันอย่างเคย นี่ก็ไม่ได้แตะแอลกอฮอล์มาหลายสัปดาห์ วันนี้ขอหน่อยเถอะ

“ดีๆ เลิกงานแล้วงั้นเจอกันที่...เลยนะ รถใครรถมัน พี่เลี้ยงเอง” เขาเอ่ยชื่อร้านอาหารลอยฟ้าของโรงแรมหรูสุดปลายถนนสีลม ลาภปากไอ้วาอีกแล้ว

ตบปากรับคำเรียบร้อย พูดคุยอะไรกันอีกหน่อย ทิวากานต์ก็หอบแฟ้มคนไข้กลับห้องมาเขียนสรุปผลการรักษา ไม่ลืมเมสเสจไปบอกเด็กแสบด้วยว่าคืนนี้ให้หาอะไรกินเลยไม่ต้องรอเขากลับไปทำ ไม่ถึงสิบนาทีอลันด์ก็ส่งข้อความกลับมาว่า ‘OK’ สั้นๆ ไม่บอกอารมณ์ แต่ทิวากานต์อยากให้อีกฝ่ายน้อยใจเขาสักหน่อย คืนนี้กลับไปเขาจะได้ง้อให้ชื่นใจไปเลย



“เกิดมาฉันไม่เคยเจอใครดื้อเท่ายัยนี่เลยจริงๆ ตัวเองจะตายแหล่ไม่ตายแหล่อยู่แล้วยังรั้นทำนู่นทำนี่ ตัวก็แค่นั้นกลัวไม่ตายเร็วหรือไง” ปกติการันต์ไม่ใช่หมอประเภทเอาคนไข้มาคุยให้คนอื่นฟัง แต่ในกรณีนี้เขาไม่นับทิวากานต์เป็นคนอื่นแต่มัดมือชกนับเป็นหมอผู้ช่วยให้มานั่งฟังเขาบ่นนี่แหละ

ศัลยแพทย์รุ่นพี่ว่าแล้วกระดก Single Malt Wishky อายุ 25 ปี แก้วละสี่พันห้าเข้าปากอีกอึกลิ้มรสเหล้าสก็อตรสเยี่ยม คืนนี้ไม่เมาไม่เลิก ถ้าเมาจนขับรถกลับไม่ได้ก็เปิดห้องนอนแม่งที่นี่ไปเลยจะแคร์อะไรคนมันรวยซะอย่าง

“ใช่คนที่อาจารย์วุฒิส่งมาให้หรือเปล่าครับ น่ารักดีนะครับ”

ชายหนุ่มลองถามดูถึงคนไข้เจ้าปัญหาของรุ่นพี่ เหมือนจะได้ยินพยาบาลคุยผ่านหูมาบ้างเรื่องคนไข้ ASD ในความดูแลของอาจารย์แพทย์ด้านอายุรกรรมโรคหัวใจที่ถูกส่งต่อมาให้การันต์รักษาต่อเพราะอาการค่อนข้างแย่ต้องรีบผ่ารักษาโดยด่วน ติดแค่ว่าเตียงยังไม่ว่างต้องรอไปอีกสักพักใหญ่สาวน้อยคนนั้นจึงไม่ได้ขึ้นเขียงให้รุ่นพี่เขาผ่าเสียที ดีไม่ดีคงได้ขึ้นเขียงพร้อมๆ กับไอ้ตัวแสบของเขาที่ยังไม่ได้ไปส่องกล้องตรวจด้วยซ้ำ แต่ไปรักษาในส่วนที่เป็นเอกชนของโรงพยาบาลเลยมีเตียงว่างรอให้ขึ้นไปนอนเสมอ

“ถ้าไม่ดื้อจะน่ารักกว่านี้อีก” การันต์ทำปากยื่น นึกถึงคนไข้ตัวกระจิ๋วหลิวแถมยังอายุน้อยกว่าเขาเกินรอบมาสองสามปีแต่กลับไม่กลัวเขาสักนิด เตือนอะไรไปไม่เคยฟัง ถ้าเป็นน้องเป็นนุ่งจะจับมาตีให้ก้นลาย! “นี่ล่าสุดก็วิ่งจนเป็นลม แถมล้มได้แผลมาเต็มตัวอีก กูละเบื่อ...”

“อย่าบอกนะว่าคนไข้ที่โดนโรคจิตตามมาถึงในโรงพยาบาลคือคนนี้ด้วย โหยพี่ ถ้าไม่วิ่งเขาก็เสร็จโรคจิตสิครับ ผมว่าน้องเขาทำถูกแล้วนะ” หลายวันก่อนมีข่าวลือไปทั่วโรงพยาบาลเรื่องโรคจิตตามติดคนไข้รายหนึ่งอาจหาญทำการอุกอาจถึงในสถานพยาบาล เล่นเอาฝ่ายบริหารเต้นผ่างๆ ปรับปรุงระบบรักษาความปลอดภัยขนานใหญ่

“มันหงุดหงิดเอ็งเข้าใจไหมไอ้วา บอกแล้วว่าอาการไม่ดีพยายามอย่าอยู่คนเดียว ไปไหนมาไหนให้มีคนไปด้วยยังรั้นมาตรวจคนเดียว พอเกิดเรื่องขึ้นมาเป็นไง เกือบตายไหม เพราะดื้อแท้ๆ”

ทิวากานต์ไม่พูดตอบโต้อะไรเอาแต่หัวเราะหึๆ ในคอฟังนายแพทย์รุ่นพี่บ่นคนไข้คนนั้นให้ฟังไปเรื่อย อาการแบบนี้สงสัยจะไม่ต่างจากเขา ติดเด็กแหง! ความจริงยี่สิบกลางๆ ก็ไม่เด็กเท่าไหร่แล้วแต่พี่เขามันจะสี่สิบแล้วนี่สิ ถ้าตกล่องปล่องชิ้นกันคงได้เป็นตำนานรักหมอกับคนไข้อีกคู่แน่ๆ เขาไม่ซีเรียสเรื่องแบบนี้หรอกนะ พี่เขาจะรักใครเขาก็ยินดีด้วย ดีกว่าปล่อยให้โสดเป็นพ่อม่ายเมียทิ้งใช้ชีวิต(อิจฉาคนหล่ออย่างเขา)ไปวันๆ แบบนี้ก็พอ

“แล้วนี่แกกับน้องฝรั่งคนนั้นไปถึงขั้นไหนกันแล้ววะ เห็นนั่งรถมาด้วยกันทุกวัน พยาบาลยันแม่ค้าข้างนอกเขาลือกันให้แซ่ดว่าแกน่ะมีตัวจริงสิ้นสภาพเพลย์บอย” พอเริ่มเมาวาจาสุภาพเริ่มหาย ทิวากานต์ชินแล้ว ผู้ชายเหมือนกันจะเรื่องเยอะก็ใช่ที่ ไม่ใช่อะไรเขาเองก็เป็น

“เพลย์บอยอะไรกันครับ นี่หมอวาใสๆ ครับ”

“แอ๊บใสน่ะสิ”

คนแอ๊บใสหัวเราะก๊ากแม้ถูกรุ่นพี่ที่เคารพเหน็บเข้าให้ คนมันเป็นยังไงก็รู้ๆ กันอยู่ แต่ที่การันต์แน่ใจคงเป็นทิวากานต์ที่คงกำลังปลูกต้นรักครั้งใหม่ ไม่งั้นผู้ชายตัวสูงหน้าตาดีเหมือนพระเอกหนังฮ่องกงชื่อดังคงได้เล่นหูเล่นตากับสาวสวยทั้งหลายบนเล้าจ์ลอยฟ้าแห่งนี้ไปแล้ว ถึงจะแปลกใจไปบ้างว่าอีกฝ่ายเป็นเด็กผู้ชายหน้าตาน่ารักไม่ใช่ผู้หญิงสวยก็เถอะ แต่เรื่องรสนิยมเป็นเรื่องเฉพาะตัวจะวิจารณ์อะไรได้ หมอที่โรงพยาบาลใช่จะชายแท้มีกลายพันธุ์กันก็หลายคนเห็นจนชิน

“ฉันเห็นแกเลิกควงคนนู้นทีคนนี้ทีก็ดีใจ อย่างแกมันขี้เหงามีเป็นตัวเป็นตนจะได้ไม่ไถลไปไหน แต่จะทำอะไรไม่ห่วงหน้าตัวเองก็เกรงใจพ่อแม่เขาบ้าง น้องเขายังเด็กเข้าใจไหม”

“บ่นเป็นพ่อเลยนะครับ จะบอกให้ผมระวังคุกก็พูดมาตรงๆ เถอะ”

“เออแน่ะ เตือนเพราะหวังดีมาประชดกูอีก เดี๋ยวโดนข้อหาพรากผู้เยาว์เข้าจริงจะหัวเราะไม่ออก”

“สิบแปดแล้วไม่คุกแล้วพี่” ทิวากานต์หัวเราะร่วน “ผมยังไม่คิดถึงขั้นนั้นหรอกพี่รัน อย่างน้อยก็นู่นรอให้เด็กนั่นอาการดีก่อนค่อยคิดอีกที กลัวทำตอนนี้จะตายคาอกขึ้นมาเปล่าๆ”

“ไอ้ชั่ว” ด่ารุ่นน้องตัวดีเสียงไม่เบานักแล้วปาอัลมอนด์ใส่หน้าหล่อๆ ที่พูดสัปดนออกมาได้น่าถีบ ดูมันเถอะกับเด็กยังไม่เว้น พวกผู้หญิงหลงไปได้ยังไงกัน คนดีอยู่ในกรอบมาตลอดอย่างการันต์ถึงกับกุมขมับ เขาว่าเขาก็เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับรุ่นน้องมาตลอดนะ แม่ทิวากานต์ก็ดูสอนลูกมาดีแต่ทำไมมันผ่าเหล่าผ่ากอแบบนี้เขาอยากรู้จริงๆ

คนถูกด่าเอาแต่หัวเราะไม่พูดแก้ตัวอะไร ชวนหนุ่มรุ่นพี่ดื่มให้หายกลุ้มคุ้มค่าเหล้ากับค่าเซอร์วิสชาร์จจนเกือบเที่ยงคืนนั่นแหละถึงยอมแยกย้ายทางใครทางมัน

การันต์เมาจริงแต่ยังพอพูดจารู้เรื่องเดินไหวแต่ให้ขับรถกลับคอนโดส่วนตัวริมแม่น้ำฝั่งตรงข้ามโรงแรมคงไม่ดี เลยจอดรถทิ้งไว้ที่นี่แล้วเรียกใช้บริการรถของโรงแรมไปส่งแทน

ทิวากานต์เองก็ไม่ชอบคนเมาแล้วขับเพราะฉะนั้นเมื่อเขาเมาแม้จะไม่หนักมากเท่าการันต์แต่ก็นั่งดื่มน้ำเปล่าเป็นลิตรสลับเข้าห้องน้ำที่โรงแรมจนสร่างถึงค่อยขับรถกลับบ้านตอนตีสองกว่า หลังคาผ้าใบถูกเปิดออกรับอากาศยามค่ำคืน ทั้งที่เพิ่งจะเดือนปลายเดือนกันยาหากเริ่มได้กลิ่นลมหนาวเสียแล้ว หวังว่าปีนี้ฤดูหนาวคงได้หนาวสมใจไม่ใช่ร้อนตับแตกเหมือนหลายปีที่ผ่านมา

ซูเปอร์คาร์ทรงสวยจากเยอรมันถอยเข้าซองจอดตรงเป๊ะเรียบร้อย เมื่อเครื่องยนต์ดับสนิทร่างสูงใหญ่จึงก้าวลงมา คุณหมอผิวปากหวิวนึกครึ้มใจอยากสูบบุหรี่ หากพอตบๆ กระเป๋ากางเกงกับกระเป๋าเสื้อว่างเปล่าแล้วจึงนึกได้ว่าตัดสินใจเลิกไปเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนเพราะเจ้าของรถทรงเหลี่ยมคันข้างๆ

พอคิดถึงหน้าฝรั่งจ๋าที่ป่านนี้คงหลับสนิทไปแล้วพลันรอยยิ้มกว้างก็ผุดขึ้นบนใบหน้า อารมณ์อยากดูดนิโคตินหายวับราวเสกมนต์

เขาไม่เคยเรื่องมากว่าคนที่เขารักต้องเป็นใครมาจากไหน เขาต้องการแค่คนที่อยู่ข้างๆ แล้วมีความสุข คนที่เป็นของเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น และอลันด์คล้ายจะเป็นคำตอบที่เขามองหา เจ้าเด็กตัวแสบค่อยๆ คืบคลานเข้ามาในใจไม่ทันให้ตั้งตัว สำนึกได้อีกทีเขาก็รับอีกฝ่ายเข้ามาผูกพันเสียแล้ว หากจะหาสาเหตุคงเป็นเขาที่ขี้เหงาเกินไปเหมือนหมาถูกเจ้าของทิ้งพออยู่ใกล้ใครมากเข้าหน่อยเป็นได้หวั่นไหวติดเขาไปหมด และตอนนี้ก็กำลังติดเจ้าเด็กฝรั่งนั่นได้ที่จนแทบอยากกินทั้งตัวไม่เหลือให้ใครได้พบเจออีกเลย

คุณหมอเดินยิ้มมาตลอดทาง หลังกดรหัสผ่านสี่ตัวจนได้ยินเสียงปลดล็อกมือขาวนวลจึงผลักบานประตูห้องเข้าไปก่อนแปลกใจที่เห็นไฟในห้องนั่งเล่นยังคงสว่าง อลันด์คงลืมปิดไม่ก็...

เพียงสาวเท้าเข้าไปดูถึงเห็นร่างอวบของเด็กฝรั่งในชุดนอนซุกตัวท่ามกลางกองหมอนบนพื้นห้อง ไม่ไกลมีกีตาร์ไม้ของมาร์ตินแอนด์โคนอนเอ้งเม้งอยู่ข้างกองกระดาษโน้ตที่เต็มไปด้วยรอยปากกา ปกติอลันด์เป็นเด็กมีระเบียบใช้ของเสร็จแล้วเก็บเข้าที่ตลอดไม่เคยต้องบอก นี่คงเผลอหลับข้าวของถึงได้กระจายอยู่แบบนี้แต่ทำหัวใจคนมองพองฟูด้วยความยินดีลึกๆ อยู่ในอก

ทำไมอลันด์น่ารักแบบนี้นะ เหมือนแมวจริงๆ ทำเหมือนไม่สนใจแต่ความจริงก็ห่วง ทำเหมือนไม่ชอบที่เขาวุ่นวายแต่ตัวเองนั่นแหละที่วิ่งเข้ามาอ้อนให้เขากอดลูบหัวลูบหน้าอยู่ประจำ

ตีสามแล้วทิวากานต์เพิ่งอาบน้ำเสร็จตัวหอมฉุย แต่คืนนี้เขาจะไม่ขึ้นไปนอนบนห้องและจะไม่ปลุกเด็กฝรั่งไปนอนดีๆ ด้วย เพราะคืนนี้เขาจะนอนบนพื้นจ้องเจ้าเหมียวตัวโตให้ชื่นใจจนกว่าฟ้าจะสางเลย

.
.
.

อลันด์กลืนน้ำลายลงคอดังอึก รู้สึกหูอื้อขณะกวาดตาสีฟ้าซีดมองผู้คนนับร้อยตรงหน้าด้วยความตระหนก ฝ่ามือสองข้างชื้นเหงื่อ กรามแข็งเกร็งขยับไม่ออก รวมไปถึงหัวใจที่เต้นแรงจนเจ็บชวนให้วิ่งไปหาหมอหัวใจสองคนที่นั่งอยู่ท่ามกลางฝูงชนเสียจริง กระนั้นความยินดีส่วนหนึ่งปลุกปลอบใจเขาว่าบนเวทีนี่แหละคือที่ของเขา มีอาวุธคู่ใจอยู่ในมือแล้วฉะนั้นอย่าได้กลัวไป!!!

“มาถึงวงที่สิบกันแล้วนะครับ แต่วงนี้เขาไม่ได้ยกโขยงกันมาแต่เป็นหนุ่มน้อยปีหนึ่งฉายเดี่ยวครับ ยังไงเวทีเราเปิดกว้างอยู่แล้ว ไม่ว่าจะคนเดียวสองคนหรือสิบคนก็ประกวดได้ทั้งนั้น”

“ใช่แล้วค่ะ ขอแค่เล่นดนตรีด้วยตนเอง และพกความมั่นใจมาเต็มร้อยก็ขึ้นเวทีประกวดของเราได้เลย”

“งั้นเราจะรออะไรละครับ เชิญพบกับหนุ่มน้อยลูกครึ่งส่งตรงจากลอนดอน อลันด์ โอเนลล์ BBA อินเตอร์ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี กับเพลง Home และเพลง Crazy !!!”

เสียงปรบมือดังกึกก้องหอประชุมผสานไปกับเสียงผิวปากเชียร์จากกองเชียร์ที่เขาคุ้นหน้าบ้างไม่คุ้นหน้าบ้าง นับๆ ดูก็นานหลายเดือนแล้วเหมือนกันที่เขาไม่ได้ขึ้นเวทีร้องเพลงต่อหน้าคนมากมาย ครั้งสุดท้ายนั่นคงเป็นตอนงานเลี้ยงอำลาเพื่อนที่โรงเรียน

เด็กหนุ่มสูดลมหายใจเข้าปอดลึกตั้งสติก่อนเอ่ยสวัสดีกับผู้ชม ไม่ต้องพูดให้มากความนิ้วทั้งสิบที่ทั้งหยาบทั้งหนาแต่เขาแสนจะรักมันสัมผัสสายกีตาร์เปล่งเสียงออกมาโน้ตแรกให้คนทั้งห้องประชุมขนาดเล็กพากันเงียบเสียงลงคล้ายตกลงสู่ห้วงทำนองดนตรีหวานเศร้า เสียงร้องทุ้มแหบขับกล่อมเล่าความในใจของเด็กคนหนึ่งที่อยากเดินทางทำตามคำฝันแม้ต่อให้ต้องออกจากบ้านอันแสนอบอุ่นก็ตาม

“I'm a phoenix in the water, a fish that's learned to fly, and I've always been a daughter”
ฉันเป็นนกฟีนิกซ์ที่อยู่ในน้ำ คือปลาที่เคยริหัดบิน และเป็นลูกสาวตัวน้อยอยู่เสมอ

“But feathers are meant for the sky
And so I'm wishing, wishing further, for the excitement to arrive
It's just I'd rather be causing the chaos than laying at the sharp end of this knife”

หากขนนกมีไว้เพื่อฟ้ากว้าง
ฉันจึงเฝ้าภาวนาแล้วภาวนาเล่าให้ความตื่นเต้นเดินทางมาถึงเสียที
เพราะฉันอยากจะต่อสู้อยู่ท่ามกลางความวุ่นวายมากกว่านอนรอให้ปลายมีดแทงจนมิดดาม

“So when I'm ready to be bolder,
And my cuts have healed with time; comfort will rest on my shoulder
And I'll bury my future behind”

แล้วเมื่อฉันพร้อมที่จะยืนหยัด
กาลเวลาย่อมเยียวยาความเจ็บปวดเหล่านั้นให้ความอุ่นใจนั้นกลับมาสู่ตัวฉันอีกครั้ง
ฝังกลบอนาคตที่น่ากลัวนั้นไว้ข้างหลังเสียเถอะ

“I'll always keep you with me. You'll be always on my mind
But there's a shining in the shadows, I'll never know unless I try”

คุณจะอยู่กับฉันเสมอ อยู่ในความคิดของฉัน
แสงสว่างจะไม่ปรากฏท่ามกลางเงามืดหรอกนะถ้าฉันไม่คิดลองพยายาม

“With every small disaster
I'll let the waters still take me away to some place real”

แค่อุปสรรคเล็กๆ น้อยๆ นั่น
ปล่อยให้มันพัดพาตัวฉันไปสู่โลกกว้างเถอะ

‘'Cause they say home is where your heart is set in stone
Is where you go when you're alone
Is where you go to rest your bones
It's not just where you lay your head
It's not just where you make your bed
As long as we're together, does it matter where we go?
Home”
1
เพราะบ้านเป็นที่ปกป้องใจเราไว้ในศิลากล้า
เป็นที่ที่เราจะกลับไปเมื่อโดดเดี่ยว
และเป็นที่ฝังกลบกระดูกของเรา หาใช่แค่ที่ซุกหัวนอน
ตราบเท่าที่เรายังมีกันและกัน ไม่สำคัญหรอกว่าเราจะไปแห่งหนใด
เพราะบ้านก็คือบ้าน บ้านของเราเสมอ

พอจบเพลงช้าความหมายกินใจ อลันด์ก็ต่อด้วยการบรรเลงนิ้วดุดันผ่านสายกีตาร์เป็นเพลงดังคุ้นหูเมื่อหลายปีก่อนแต่ถูกนำมาเรียบเรียงใหม่ในรูปแบบอะคูสติก เนื้อหายังพูดถึงการกล้าก้าวออกมาทำอะไรที่ยิ่งใหญ่เหมือนเดิมแม้จะถูกมองว่าบ้าก็ตาม

“My heroes had the heart to lose their lives out on a limb
And all I remember is thinking, I want to be like them”
2
เหล่าฮีโร่ของฉันล้วนมีใจกล้าได้กล้าเสีย
และสิ่งเดียวที่ฉันจำได้คือความคิดที่ว่า... ฉันอยากเป็นเหมือนพวกเขา

ทิวากานต์มั่นใจว่าถ้ามิสเตอร์เอเดลมาร์ได้มาฟังลูกชายร้องเพลงในวันนี้คงน้ำตาไหลพรากแน่นอน (แต่ด้วยความซึ้งใจหรือเสียใจที่ลูกชายยึดมั่นกับทางนี้ก็ไม่รู้สินะ) เขาตบมือตามจังหวะสนุกสนานร่วมไปกับคนอื่นๆ ในหอประชุม การแสดงเมื่อครู่ของอลันด์เหมือนจะเป็นที่ถูกใจหลายคนตั้งแต่ครูมืออาชีพอย่างนภ เพื่อนร่วมสถาบัน กรรมการ รวมไปถึงการันต์ที่ขอตามมาดูด้วย

“เก่งแหะ เห็นดูนุ่มนิ่มๆ ไม่คิดว่าจะดีดกีตาร์คล่อง” ศัลยแพทย์รุ่นพี่ชมตรงๆ เขามองดูอลันด์เดินแบกกีตาร์อันใหญ่กว่าตัวเดินลงเวที ตัวนิดเดียวแต่เสียงร้องกินขาด ถึงไม่ได้เพราะระดับดีว่าแต่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองไม่เหมือนใคร “น่าจะเข้ารอบไม่ยาก คนรุมขนาดนั้นยังไงก็ได้คะแนนโหวต”

“ไม่มีรางวัลขวัญใจมหาชนครับ” ทิวากานต์ตอบเสียงขุ่น อารมณ์ดีๆ เมื่อครู่หายวับยามเด็กแสบเดินไปกอดกับเพื่อนเสร็จแล้วก็ผละไปกอดนภ ตามด้วยผู้ชายอีกสามสี่คนที่เขาไม่เคยเห็นหน้าแทนที่จะเดินมาหาเขาก่อน

ทิวากานต์เคยบอกอลันด์ไปแล้วว่าเขาเป็นพวกหวงของ เขาหมายความตามนั้นจริงๆ ไม่ได้ล้อเล่นแกล้งเปลี่ยนเรื่องหรือพูดเอาใจใครแต่อย่างใด อะไรก็ตามที่ถือว่าเป็นของเขาแล้วอย่าได้คิดว่าจะมายุ่งง่ายๆ ถ้าเขาไม่อนุญาต และตอนนี้นภกำลังทำให้เขาโมโหเพราะไม่เลิกกอดเลิกจับแก้มไอ้ตัวแสบของเขาสักที!

“เก็บอาการหน่อยวา ไม่ใช่เด็กๆ แล้ว อย่ามาทำตัวหวงของเล่น” การันต์ปรามตามประสาคนรู้สันดานกันดีทั้งที่ในใจกำลังหัวเราะด้วยความสนุก นับเล่นๆ ดูแล้วเกือบเก้าปีแน่ะที่ทิวากานต์ไม่ได้แสดงอาการแบบนี้กับคู่ควงคนไหน ท่าทางเด็กลูกครึ่งคนนี้จะจริงจังไม่ใช่เล่น

“มันน่าหงุดหงิดนี่ครับ” ทิวากานต์หลับตาสูดลมหายใจเสียงดัง ท่องไว้ในใจ เพื่อนของอัล สังคมของอัล โลกอีกใบของอัล

ลืมตาอีกทีเจ้าตัวแสบผมสีช็อกโกแลตนมก็มายืนแหงนหน้าจนคอตั้งเงยขึ้นใช้ตาสีซีดมองเขา “วา ผมเป็นไงบ้าง”

“ก็ดี”

“เห ไหงงั้นล่ะ มีแต่คนบอกว่าเจ๋ง น้ารันก็คิดอย่างนั้นใช่ไหมครับ”

“ตอนนี้ขอคิดเหมือนวาครับ แต่ถ้าเรียกพี่รันก็จะบอกว่ามันดีมากๆ เท่สุดๆ ไปเลยล่ะ” คนถูกยกสถานะให้เป็นคุณน้ายิ้มขำ มองเด็กฝรั่งตัวเล็กยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนโถมร่างอวบๆ เข้าใส่รุ่นน้องเขาจนเกือบล้มไปข้างหลัง แว่วเสียงทิวากานต์เอ็ดไม่จริงจังนักแต่สักพักก็เปลี่ยนเป็นเสียงงุ้งงิ้งสร้างโลกส่วนตัวสีชมพูกันไปแล้ว การันต์กลายเป็นหมาหัวเน่าไปแทบจะทันที

“ก็ดีเฉยๆ เหรอ you should say ‘you are so rad’ มากกว่านะ” ดูท่าเจ้าตัวคงยังประหม่าอยู่ไม่น้อยถึงได้พูดไทยสลับอังกฤษอย่างที่ไม่เคยทำ หน้าใสซับสีเลือดลามไปถึงใบหูใต้ผมหนาสีช็อกโกแลตนม

“อ่อ ใช่ แรด แรดมาก กอดคนนู้นคนนี้ไปทั่ว”

“OH - MY - GOD! I mean rad R - A - D rad that mean cool ไม่ใช่แรด rhino or bitch” อลันด์แกล้งทำเสียงตกใจได้น่าถีบที่สุดในโลก(ต้องยอมรับอีกอย่างนึกเลยว่าหน้าฝรั่งจ๋าแบบนี้แต่แตกฉานภาษาไทยมากกว่าคนไทยยุคนี้บางคนเสียอีก)

เด็กหนุ่มอมยิ้มคิดแผนการอะไรบางอย่าง ตาสีซีดกวาดมองซ้ายมองขวาดูว่าไม่มีใครสนใจพวกเขาแม้แต่การันต์ก็ยังหันไปดูการแสดงชุดใหม่บนเวที ทางสะดวกให้เขย่งปลายเท้าจุ๊บคางคุณหมอตัวโตแต่ขี้งอนเร็วๆ แล้วผละออกมายืนเท้าเอวพูดจายียวนชวนตี

“หึงเหรอ พี่นภเป็นครูผมนะ ผมจะกอดคุณครูที่ปลุกปล้ำ เอ๊ย ปลุกปั้นกันมาเนี่ยผิดเหรอ”

“ยังไม่ได้ว่าอะไรสักคำ ร้อนตัวไปเองเหอะ แล้วจะไปปล้ำไปปั้นกันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันนี่”

เคยมีใครบอกไหมว่าทิวากานต์ปากช่างไม่ตรงกับใจ คำพูดโคตรชวนทะเลาะแต่หน้าตายิ้มไปหมด หายโกรธหมดแล้วตั้งแต่อลันด์จุ๊บคาง เด็กคนนี้ช่างรู้วิธีอ้อนเขาเสียจริง บอกตามตรงทิวากานต์แพ้ทางพวกหน้าตาน่ารักแต่ขี้อ้อนม๊ากมาก

เขาใช้สองแขนดึงอลันด์ไปกอด ก้มหน้าลงให้ริมฝีปากชิดใบหูขาวกระซิบเสียงเบา “เก่งมาก เข้ารอบแน่นอน”

“ถ้าเข้ารอบเดี๋ยวพี่พาไปเลี้ยงข้าวเลย แต่เรียกพี่รันก่อนนะ” การันต์ที่จู่ๆ หันกลับมาพูดเสียงดังเล่นเอาหนุ่มต่างวัยสะดุ้งรีบผละออกจากกัน แต่มีหรือจะพ้นสายตาศัลยแพทย์รุ่นพี่ เขาแอบมองอยู่ตลอดนั่นแหละ ที่แกล้งทำเป็นดูดนตรีบนเวทีแค่อยากจะเห็นสองคนนี้เขาจิ๊จ๊ะๆ กัน พอเห็นจนประจักษ์แล้วมันหมั่นไส้ อ้อนกันน่ารักน่าถีบเหลือเกิน ทนไม่ไหวขอเตะก้นไอ้วาสักทีแก้ขัด

“เฮ้ย กางเกงเปื้อนหมด พี่รันเล่นบ้าอะไรเนี่ย”

“หมั่นไส้ว่ะ”

“น้ารันอิจฉาวาก็บอกเถอะ ผมเข้าใจนะแก่ป่านนี้แล้วยังไม่มีแฟนเนี่ย เฮ้อ...” ประโยคนี้ทิวากานต์ไม่ได้พูด แต่คนพูดเป็นเด็กหนุ่มอายุน้อยกว่าการันต์เกือบยี่สิบปี เล่นเอาคุณหมอพูดไม่ออกบอกไม่ถูก สุดท้ายเป็นอันต้องยอมแพ้ไอ้คู่หูตัวแสบ เขานวดขมับตัวเองแก้อาการปวดหัวจี๊ดเพราะถูกเด็กเล่นเข้าให้

งานประกวดคราวนี้มีผู้ร่วมแข่งขันทั้งหมดยี่สิบสามวง และจะคัดผู้เข้ารอบทั้งหมดแค่สิบแล้วไปแข่งกันอีกทีหลังสอบกลางภาคเสร็จ เหมือนมีเวลาเตรียมตัวอีกนานแต่ความจริงไม่ใช่เพราะเรียนอีกสัปดาห์เดียวจะเข้าสู่ช่วงสอบครั้งแรกของปีแล้ว อลันด์เองก็รู้ตัวจึงพยายามอ่านหนังสือพอๆ กับซ้อมดนตรีหวังทำให้ดีทั้งเรียนและกิจกรรม และแน่นอนว่าถ้ามิสเตอร์เอเดลมาร์มาเห็นคงน้ำตาไหลแน่ๆ

รายชื่อผู้เข้ารอบจะประกาศในวันจันทร์ เพราะงั้นพอดูผู้เข้าแข่งขันคนอื่นจนจบงานตอนสามทุ่มการันต์จึงเสนอพานักดนตรีตัวน้อยไปเลี้ยงให้กำลังใจ นภเองก็อยากพาลูกศิษย์คนเก่งไปเลี้ยงเหมือนกัน สุดท้ายเลยเฮโลไปกันหมดเกือบสิบชีวิต

นภเข้ามาสวัสดีคุณหมอผู้กินตำแหน่งผู้ปกครองของอลันด์กลายๆ พร้อมแนะนำเพื่อนของตนอีกสามคนที่ช่วยดูเรื่องดนตรีของอลันด์ให้รู้จัก มีคนหนึ่งที่การันต์รู้สึกคุ้นหน้าก่อนนึกขึ้นได้ว่าเป็นลูกหลานไฮโซที่เคยมีข่าวควงดาราประปราย อีกคนเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่นหน้าจืดๆ ธรรมดา และคนสุดท้ายที่จืดจางจนแทบจะไร้ตัวตน ทั้งหมดเป็นเพื่อนนภตั้งแต่สมัยเรียนไฮสกูลที่โรงเรียนนานาชาติชื่อดังค่าเทอมแพงหูฉี่

ส่วนเด็กหนุ่มอีกคนที่อลันด์พามาแนะนำคือคนินทร์เป็นเพื่อนที่คณะของไอ้ตัวแสบเอง คุยไปคุยมาถึงรู้ว่ารู้จักกับการันต์ด้วยเพราะบ้านอยู่ข้างกัน แล้วยังเข้ากับทิวากานต์ได้ดีเกินคาดเพราะจบมาจากสถาบันเดียวกัน นับเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องที่ห่างรุ่นกันสิบกว่าปี

“โห เฮียวาเอนท์หมอติดตั้งแต่ม. สี่เลยเหรอครับ โคตรเก่งอ่ะ” เจ้าคนินทร์ส่ายหางหูกระดิกหลังรุ่นพี่รำลึกความหลังครั้งขาสั้นนันยางให้ฟัง

สมัยนั้นเรื่องเรียนเรื่องสอบเทียบชั้นเป็นอะไรที่ธรรมดามาก ทิวากานต์เองเป็นหนึ่งในนักเรียนที่ตั้งใจจะเรียนหมอแล้วลองไปสอบดู พอติดก็เลยกลายเป็นนักศึกษาแพทย์ตั้งแต่สิบหก อายุเกือบน้อยสุดในรุ่น แต่ก็มีบางคนที่อ่อนเดือนกว่าอยู่เหมือนกันไม่ถือว่าเป็นเรื่องแปลกอะไร

“นับถือเลยเฮีย เนี่ยตอนแรกคิวก็อยากลองเอนท์หมอเหมือนกันแต่พอเห็นชีวิตเฮียที่บ้านแล้วไม่ไหวอ่ะ อดนอนไม่ได้ขนาดนั้น” แล้วเจ้าตัวก็โม้ให้ทั้งรถฟังว่ามีพี่ชายเรียนแพทย์อยู่สถาบันชื่อดังอีกแห่งย่านใจกลางเมือง ตอนนี้กำลังอินเทิร์นใช้ชีวิตเหมือนซอมบี้ เห็นแล้วสงสารตัวเองเลยมาเรียน BBA ดีกว่า หาเงินได้เยอะพอกัน ดีไม่ดีหาได้เยอะกว่าอีก

“มีงงชีวิตเหมือนกันนะว่าได้นอนหรือยัง บางทีลืมนอนไปเลยก็มี ช่วงอินเทิร์นถึงขั้นเป็นโรคนอนไม่หลับต้องพึ่งยาเลย แต่ตอนนี้เหรอ หัวถึงหมอนปุ๊บหลับปั๊บเหมือนปิดสวิทซ์ลืมหมดทุกอย่าง” คุณหมอเล่าเรื่องตัวเองกลั้วเสียงหัวเราะไปพลางขับรถไปพลาง แทบจะลืมเด็กฝรั่งที่นั่งเบาะข้างๆ

อีกนิดเดียวจะถึงร้านสเต๊กที่นัดกันไว้กับพวกนภและการันต์ที่แยกย้ายกันไปรถใครรถมัน แต่ตั้งแต่ขึ้นรถมาทิวากานต์ยังไม่หยุดคุยกับคนินทร์เลย คราวนี้ได้เห็นเด็กงอนผู้ใหญ่กันบ้างล่ะ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 14 [08.11.15]
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 08-11-2015 15:42:35
ร้านนี้อลันด์เคยมากับนภตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอหน้ากัน หลังจากนั้นมีโอกาสมาบ้างอีกสองสามครั้งโดยทุกครั้งก็จะมากับนภนี่แหละ น้องมิ้ลค์(นิสสันคิวบ์ของอลันด์)มาถึงร้านไล่เลี่ยกับรถของพวกนภ พอเห็นหน้าคุณครูควบตำแหน่งเจ้าของห้องซ้อมใจดี ร่างอวบๆ แทบถลาเข้าไปกอดถ้าไม่ติดนิ้วคุณหมอรั้งคอเสื้อไว้

“เหมือนจะลืมกระเป๋าตังไว้ที่รถ ไปเอาด้วยกันหน่อยซิ”

“ไปเอาเองไม่ได้หรือไง”

“ไปด้วยกัน” ทิวากานต์พูดเสียงนิ่งตาคมจ้องอีกคนน่ากลัว แล้วมีหรือที่ไอ้ตัวแสบจะสนใจ เด็กลูกครึ่งตีหน้าบูดชูนิ้วกลางให้อีกคนพร้อมกับสบถอีกเล็กน้อยไร้มารยาทจนน่าตีให้ก้นช้ำ หากแทนที่คนถูกยั่วโมโหจะโกรธคุณหมอวัยสามสิบกลับฉีกยิ้มขำตรงเข้ามาล็อคคอเด็กตัวเท่าไหล่ลากไปที่รถ “คิวเข้าไปรอที่ร้านกับพวกนภเลยนะ เดี๋ยวพี่กับอัลตามไป”

“ได้เลยคร้าบเฮีย” หนุ่มไทยเชื้อสายจีนแต่ผิวเข้มขานรับคำขันแข็งตะเบ๊ะมือให้อีกต่างหาก ทิวากานต์มองเพื่อนไอ้ตัวแสบขำๆ ก่อนลากตัวปัญหากลับไปที่รถ

เขาเปิดประตูหลังต้อนให้เด็กฝรั่งขึ้นไปแล้วตามประกบไม่ห่าง ห้องโดยสารกว้างขวางตกอยู่ในความเงียบเมื่อประตูรถปิดลง คุณหมอวัยสามสิบมองเด็กอายุห่างกันรอบหนึ่งอย่างใช้ความคิด เพียงชั่วพริบตาที่อลันด์เหลือบตาสีซีดมองมา แขนยาวแข็งแรงก็รีบตวัดรอบเอวนิ่มอีกคนไว้ ใบหน้าแนบแก้มชิดแก้มไม่ให้เหลือช่องว่าง

“งอนอะไรหืม?” ทิวากานต์ถามเสียงอ่อนพลางโยกตัวเบาๆ คล้ายกล่อมเด็กดื้อให้นิ่งเสีย

“ต้องให้พูดเหรอ”

“หึงเหรอ หึงก็พูดมาตรงๆ ซี่”

“อย่ามากวนกันนะ!” อลันด์แหวเสียงสูง จงใจศอกใส่ท้องคุณหมอไปที เสียดายไปนิดที่คุณหมอเกร็งท้องทันเลยไม่เจ็บเท่าไหร่แถมยังมีหน้ามาทำทะเล้นใส่อีก มันน่าข่วนหน้าหล่อๆ ให้ได้แผลนักเชียว “เมื่อกี้ยังยั่วให้ผมหึงตอนนี้มาออเซาะกอดเอาใจ ตบหัวแล้วลูบหลังกันชัดๆ”

ศัลย์แพทย์หนุ่มนึกขอบคุณนิสัยฝรั่งของเด็กหนุ่ม พูดตรงไปตรงมาไม่ค่อยเก็บความรู้สึกมีอะไรเคลียร์กันตรงนั้นดีกว่าอดทนไว้แล้วระเบิดออกมาทีหลังจนทุกอย่างพังเป็นผุยผงเลิกคิดถึงเรื่องซ่อมไปเลย และเขายังชอบบทพยศเหมือนแมวตัวแสบให้เขาต้องคอยเอาใจนั่นด้วย สนุกเหมือนกำลังเลี้ยงแมวขนฟูจริงๆ ตอนนี้คุณหมอยอมรับเต็มปากเต็มคำเลยว่าเป็นทาสแมวดื้อตัวนี้เข้าเต็มเปา

“แกล้งเธอแล้วมันสนุกนี่นา”

“หา?!” เหมือนคำพูดจะไม่ถูกใจคุณชายเขาเท่าไหร่ ตาสีซีดจึงตวัดมองคนด้านหลังขวับ คมกริบเสียถ้าเป็นมีดทิวากานต์คงได้เลือด “ต่อยกันไหม”

“ตัวเท่าลูกหมาอย่ามาท้า” ชายหนุ่มวัยสามสิบหัวเราะก๊าก มือข้างหนึ่งขยี้ผมคนในอ้อมกอดจนยุ่งไม่เป็นทรง จนเสียงหัวเราะแทนที่ด้วยเสียงหายใจเบาๆ แนบแก้ม อลันด์รับรู้ได้ถึงแรงสั่นเป็นจังหวะตุบๆ แนบอยู่กับแผ่นหลังจากผู้ชายตัวใหญ่ เสียงหัวใจของอีกคนที่ดังเป็นจังหวะรัวเร็วไม่ต่างจากเขา

พวกเขากอดกันเงียบๆ อย่างนั้นนานจนเด็กฝรั่งคิดว่ามากเกินไปจะทำให้คนอื่นผิดสังเกตจึงท้วงคนแก่ขี้หลงขี้ลืมซะ “ไหนว่าลืมหยิบกระเป๋าเงินไง หาสิ”

“ความจริงไม่ได้ลืมกระเป๋าหรอก แต่ลืมอย่างอื่น”

“ลืมอะไร”

“ลืมให้รางวัลคนเก่ง”

“ยังไม่ประกาศผลสักหน่อย...” ปลายเสียงหายไปในลำคอ รู้สึกอุ่นวาบยามริมฝีปากแตะแนบแก้มเรื่อยขึ้นไปบนขมับก่อนวกลงมาแตะมุมปาก กระซิบถ้อยคำเอาแต่ใจชิดอยู่ตรงนั้นไม่ถอยไปไหน

“ฉันตัดสินแล้วว่าเธอเก่งแค่นั้นก็พอ”

ปลายนิ้วนุ่มเหมือนนิ้วเด็กทารกดันคางมนให้เงยขึ้นสบสายตากันท่ามกลางความมืดภายในรถ ทิวากานต์นึกขอบคุณบริษัทผู้สร้างรถคันนี้นักที่ออกแบบห้องโดยสารได้กว้างขวางจนผู้ชายตัวใหญ่อย่างเขานั่งได้สบายและยังเหลือที่ให้จับฟัดเด็กตัวอวบได้อีกหน่อย

“Special kiss for the greatest musician”



เนื่องจากพวกเขามาตอนครัวใกล้จะปิดแล้วเมนูที่สั่งได้จึงมีไม่มากนัก กระนั้นทั้งเจ็ดชีวิตกลับกินเสียยอดเงินทะลุหมื่น ตอนแรกการันต์อาสาจะจ่ายคนเดียวบอกว่าเลี้ยงน้องแต่ทิวากานต์กับนภไม่ยอม เถียงกันอยู่นานจนเจ้าของงานตัวจริงหน้าบูด ผลสรุปจึงหารสามโดยมีข้อแม้ว่ามื้อหน้าการันต์จะขอเป็นเจ้ามือคนเดียว ส่วนนภก็ขออนุญาตทิวากานต์ล่วงหน้าพาอลันด์ไปเลี้ยงเป็นการส่วนตัวกับกลุ่มเพื่อนที่เล่นดนตรีด้วยกัน

นภหวาดๆ กับสายตาคุณหมอรูปหล่ออยู่บ้างยามเอ่ยขออนุญาตผู้ปกครองแบบไม่เป็นทางการของอลันด์ ตาสองชั้นเรียวได้รูปเหมือนเม็ดอัลมอนด์ให้ความรู้สึกน่าเกรงขาม แม้ริมฝีปากจะไม่ได้โค้งคว่ำลงหรือหยักขึ้นเพียงเหยียดตรงไม่ได้แสดงอาการอะไรเท่านั้น แต่ความนิ่งเงียบนั่นแหละคือสิ่งที่น่ากลัวที่สุดของทิวากานต์สำหรับคนไม่สนิท

“ขอแค่พากลับบ้านก่อนสี่ทุ่มแล้วก็ดูแลน้องให้ดี ที่เหลืออลันด์เขาโตแล้วพอจะรู้ตัวว่าควรทำยังไง”

“ครับ ขอบคุณมากครับ” นภยกมือไหว้คนแก่กว่าท่าทางสุภาพ นอบน้อมเสียจนทิวากานต์คิดว่าตัวเองเป็นพ่อไอ้ตัวแสบไปเสียชิบ แต่เพราะกิริยาอ่อนน้อมถ่อมตนพูดจาสุภาพแถมภาพลักษณ์ดีของอีกฝ่ายทำให้คุณหมอไว้วางใจที่จะปล่อยให้อลันด์ไปฉลองด้วย

เขาพูดกับนักร้องหนุ่มอีกนิดหน่อยเรื่องสอบของอลันด์ก่อนแยกย้ายกันทางใครทางมัน วันนี้การันต์ขับรถกลับบ้าน(ความจริงเป็นคฤหาสน์หลังย่อมๆ เหมือนในละครหลังข่าวเด๊ะ)ย่านพุทธมณฑล มีคนินทร์พ่วงไปด้วยตามประสาคนรู้จักเพราะบ้านอยู่ใกล้กัน ส่วนพวกนภกับเพื่อนเฮโลไปต่อกันแถวทองหล่อ

“ฮ้าววว~~~” เด็กฝรั่งยกมือปิดปากหาวเสียงดัง ตาสีน้ำข้าวฉ่ำปรือเข้าทำนองหนังท้องตึงหนังตาก็หย่อน นึกไปถึงเตียงอุ่นของทิวากานต์แล้วอยากจะสั่งให้ศัลยแพทย์ผู้ผันตัวไปเป็นสารถีฝ่าไฟแดงเสียเดี๋ยวนั้น

“อย่าเพิ่งหลับ อีกนิดจะถึงแล้ว” ถ้าเป็นคนอื่นคงบอกให้อลันด์หลับไปก่อนถึงแล้วค่อยปลุก แต่คุณหมอเขามองไกลไปกว่านั้น ขืนปล่อยให้เจ้าตัวนอนไปตอนนี้พอถึงเวลานอนจริงๆ จะพาลนอนไม่หลับเอาน่ะสิ

“วา เปิดเพลงฟังได้ไหมเงียบแบบนี้ยิ่งชวนง่วง”

“จะขอทำไม รถตัวแท้ๆ จะทำอะไรก็ทำสิ”

“ก็ไม่ค่อยเห็นวาเปิดเพลงตอนขับรถนี่นา นึกว่าไม่ชอบ” เขาบ่นอุบ มือยื่นไปเปิดเพลงจากแผ่นซีดี ไม่ทันไรเพลงYellow ของ Coldplay ก็ดังขึ้นกลบความเงียบ

“เวลาขับรถคนเดียวเปิดฟังอยู่หรอก แต่พอมีคนนั่งด้วยแล้วไม่อยากเปิด อยากได้ยินเสียงพูดชัดๆ มากกว่า”

“งะ งั้นเหรอ” เด็กหนุ่มตะกุกตะกัก นั่งนิ่งๆ ฟังทิวากานต์ร้องเพลงคลอตามเสียงจากลำโพง เสียงทุ้มใหญ่ห้าวจัดต่างจากตอนพูดที่แสนจะน่าฟังราวกับเป็นคนละคน แถมยังร้องเพี้ยนผิดคีย์อีกต่างหาก แต่อลันด์เลือกที่จะนั่งมองไฟท้ายสีแดงของรถคันหน้าแล้วฟังเงียบๆ อย่างนั้น

“Look at the stars, look how they shine for you
And all the things that you do”


เพลงในรถเปลี่ยนเป็นเพลงไปนานแล้วแต่อลันด์ยังนั่งเงียบจนคนขับรถนึกว่าหลับ ทิวากานต์หันมาจะสะกิดปลุกเด็กขี้เซาตอนรถติดไฟแดงสุดท้ายก่อนเลี้ยวเข้าซอยที่ตั้งคอนโด หากพอหันไปกลับเห็นตาสีอ่อนจับจ้องมาที่เขาอยู่แล้ว

“นึกว่าหลับไปแล้วซะอีก”

อลันด์หลุบตาลงส่ายหัวเบาๆ ก่อนช้อนสายตาขึ้นมองคนข้างกายที่ตัวใหญ่เสียจนหัวแทบติดเพดานรถ เขากรอกตาคล้ายลังเลเพียงแวบเดียวแล้วเอ่ยขอสิ่งที่เขาต้องการ “จูบผมอีกทีได้ไหม”

“หะ หา?” ถ้าไม่เคยเห็นทิวากานต์เขินก็รีบๆ มาดูซะตอนนี้นะ คุณหมอจอมเนี้ยบหลุดมาดทำหน้าตาตื่นตกใจจนเกือบเหยียบคันเร่งพุ่งไปชนรถคันข้างหน้าทั้งที่ยังติดไฟแดงอยู่ สีแดงเป็นปื้นปรากฏบนแก้มขาวไม่รู้เพราะเลือดมันขึ้นไปสูบฉีดหรือเพราะแสงจากไฟท้ายรถคันอื่นกันแน่ แต่ตอนนี้หน้าเขาตลกจนอลันด์ขำก๊าก

“อะไรกัน แค่นี้เขินหรือไง”

“ไม่ได้เขินเว้ยแค่ตกใจ นึกว่าจะขอแวะเซเว่นซื้อขนมขึ้นไปกิน ไม่คิดว่าจะขอจูบนี่”

“หึหึ เขินก็สารภาพมาเถอะ ไม่เคยถูกขอจูบล่ะสิ”

“แหงล่ะ ปกติเคยแต่จูบเลยไม่ต้องขอ ขอทำไมเสียเวลา”

“เหอะ งั้นไม่จูบล่ะ ช่างมันเถอะ” กลายเป็นอลันด์ต้องเบะปากใส่อีกคนด้วยความหมั่นไส้แทน

พอถึงที่พักอลันด์ก็เดินเข้าห้อง 2111 แบบไม่ต้องคิด โยนกระเป๋าเป้กับกล่องกีตาร์บนโซฟาเสร็จก็วิ่งขึ้นข้างบนไปอาบน้ำสระผมเตรียมนอนด้วยง่วงเต็มแก่

ส่วนเจ้าของห้องตัวจริงต้องคอยเก็บข้าวของไอ้ตัวยุ่งให้เป็นสัดเป็นส่วน มองไปมองมามีข้าวของเพิ่มเข้ามาในห้องตั้งหลายชิ้น ไม่ใช่ของใครอื่นมีแต่อลันด์นั่นแหละที่แทบจะอยู่ห้องเขามากกว่าห้องตัวเองที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ในตู้เสื้อผ้ามีชุดนักศึกษากับชุดนอนทิ้งไว้ แม้แต่ในห้องน้ำก็ยังมีขวดแชมพูกับครีมอาบน้ำแล้วก็โฟมล้างหน้าสูตรอ่อยโยนไร้แอลกอฮอล์ของผู้หญิงจากเคาน์เตอร์ดังวางกระแทกตา ถ้าคนไม่รู้เข้ามาเจอคงนึกว่าเขาอยู่กินกับผู้หญิงที่ไหนสักคนแน่ๆ

เกือบสิบห้านาทีเด็กฝรั่งถึงได้เดินออกมาจากห้องน้ำตัวแดงเป็นกุ้งต้มเพราะอาบน้ำอุ่น พอเจอแอร์ในห้องนอนถึงกับหดตัว โยนผ้าขนหนูทิ้งบนราวแล้วรีบกระโดดขึ้นเตียงหยิบผ้านวมมาห่ม

“อัล เช็ดหัวให้แห้งก่อนแล้วค่อยนอนนะ” ทิวากานต์ว่าเสียงดุ ดุจริงจังจนเด็กน้อยเบะปากหน้างอลุกจากผ้านวมอุ่นๆ หยิบผ้าเช็ดตัวที่เพิ่งโยนทิ้งไปเมื่อกี้ขึ้นมาเช็ดหัว

“หนาวอ่ะ ลดแอร์หน่อยได้ไหม”

“ร้อนจะตาย” เจ้าของห้องว่างั้น กระดุมเสื้อเชิ้ตถูกปลดออกหมดโชว์ช่วงอกกับหน้าท้องสีน้ำนมยืนยันความร้อนในห้องได้ดี มือหนาดึงเข็มขัดออกจากเอวม้วนเก็บใส่ตู้แล้วหยิบชุดนอนออกมาแทน เฉยชากับเสียงโอดครวญของอลันด์อย่างถึงที่สุด

“ไม่ไหวแล้ว หนาวจริงๆ นะ” เขาว่ายืนยันคำเดิม ทำตัวสั่นประกอบให้ดูด้วย นี่ถ้าเป็นโธมัสล่ะเดินมากอดเขาแล้วยอมตามใจให้ทันทีที่เอ่ยปากพูด แต่เหมือนจะคิดผิดเพราะทิวากานต์เคยบอกว่าเขาไม่เหมือนกับหมาขนทองนั่น คุณหมอวัยสามสิบเลยทำเพียงมองเด็กหนุ่มด้วยแววตาเฉยชาก่อนจะดุซ้ำ

“เพราะหัวเปียกไงถึงได้หนาว ทำไมไม่เช็ดหัวให้แห้งก่อนออกมาล่ะจะได้นอนเลย ไม่ต้องบ่นเลยนะทำตัวเองทั้งนั้น”

“ทำไมต้องดุด้วยล่ะ” เด็กฝรั่งหน้างอ หากมือยังขยับเช็ดผมตัวเองตามที่อีกคนสั่ง ไม่รู้เริ่มกลัวทิวากานต์ขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่พอถูกดุแล้วอดหงอไม่ได้จริงๆ กลัวยิ่งกว่าแด๊ดอีกสารภาพตรงนี้เลย

“เพราะเธอมันดื้อไง” เขาถอดเสื้อปาใส่ตะกร้า เอาชุดนอนพาดบ่าเปลือย เดินดุ่มเข้ามาจับข้อมือขาวไว้ให้หยุดขยี้หัวตัวเองแล้วแย่งเอามาจัดการเช็ดผมให้แทน เช็ดไปปากก็บ่นไป “โตแล้วนะอัล อย่าทำให้เป็นห่วงสิ”

อลันด์ก้มหน้ายืนนิ่งๆ ยอมให้คุณหมอเช็ดผมจนแห้ง ตบท้ายด้วยจูบข้างขมับก่อนตบตูดไล่ไปให้นอน

“เรียบร้อย ไปนอนได้”

เขาก็ว่าง่ายเดินเตาะแตะทิ้งตัวบนเตียงใหญ่ ตะแคงตัวมองทิวากานต์เอาผ้าขนหนูที่เช็ดผมเขาเมื่อกี้ไปแขวนแล้วค่อยเดินเข้าห้องน้ำไปจัดการธุระตัวเองบ้าง ถึงตอนนี้จะไม่ค่อยรู้สึกหนาวแล้วเพราะไออุ่นจากอีกคนที่ยืนซ้อนหลังเมื่อครู่ยังอวลอยู่ไม่หายไปไหน แต่มือขาวก็ดึงผ้านวมขึ้นคลุมตัวถึงคางดีกว่าให้อีกคนออกมาห่มให้แล้วบ่นใส่อีกรอบ

ทิวากานต์ก็เป็นแบบนี้...ปากร้ายแต่ใจดีที่สุด คงเพราะแบบนี้ละมั้งเขาถึงได้ทั้งรักทั้งเกรง

ตาสีฟ้าซีดยังเปิดอยู่แบบนั้นจนคุณหมอเดินออกมาจากห้องน้ำในสภาพเรียบร้อย แม้แต่ผมที่สระจนได้กลิ่นแชมพูลอยมาแต่ไกลยังแห้งดีไม่ให้เด็กมาย้อนเอาได้ พอร่างสูงใหญ่นั่นเข้ามาใกล้เห็นอลันด์ยังไม่หลับก็อมยิ้มหยิบรีโมตกดปิดไฟแล้วสอดตัวใต้ผ้าห่มผืนหนารั้งร่างนุ่มนิ่มเข้ามากอด

“นอนไม่หลับเหรอ หืม?” ปลายจมูกโด่งซุกกับแก้มขาวสูดกลิ่นแบบเด็กผู้ชายเข้าเต็มปอด ไม่หอมมากแต่ให้ความรู้สึกดีกว่ากลิ่นน้ำหอมผู้หญิงเยอะ

“เปล่า รอวา”

“รอทำไม ทุกทีไม่เคยเห็นรอ” หัวถึงหมอนปุ๊บหลับเป็นตายปั๊บก็ไอ้ตัวแสบนี่แหละ

“วันนี้อยากรอ อยากกู๊ดไนท์คิสก่อนนอน” ทิวากานต์ฉีกยิ้มโชว์ฟันขาว กดจูบแรงๆ บนปากอิ่มหยักเหมือนปากแมวจนได้ยินเสียงดังจุ๊บเป็นกู๊ดไนท์คิสที่ไม่ได้หวานเลยสักนิดแต่คนได้รับถูกใจที่สุด

เด็กแสบหัวเราะคิกชอบอกชอบใจซุกหน้าเข้าแผงอกอีกคนพลางหลับตาลง เขาชอบแบบนี้แหละ ไม่ต้องหวานด้วยคำพูดกันให้มากแต่ไปลงกับการกระทำทุกอย่างแทน ค่อยๆ รัก ค่อยๆ ซึมซับความรู้สึกลงไปในใจให้ผูกพันเกินกว่าจะแยกได้อีกเมื่อรู้ตัว

.
.
.

ทั้งที่ตอนนี้น่าจะดีใจเพราะผ่านเข้ารอบการประกวดดนตรีของมหาวิทยาลัยได้แต่ไม่ทันไรการสอบก็จ่อคอหอยมาแล้ว แน่นอนว่าสำหรับอลันด์ดนตรีสำคัญแต่การเรียนนั้นสำคัญกว่ามาก(ขืนทำคะแนนกลางภาคไม่ดี มีหวังแด๊ดลากกลับลอนดอนชัวร์ๆ) ดังนั้นในเมื่อเหล่าอาจารย์ที่สอนแทบไม่แนะแนวข้อสอบกลางภาคให้เลยแม้แต่นิดเดียว นักศึกษาผู้น่าสงสารจึงต้องทบทวนทุกสิ่งอย่างที่เรียนมาตั้งแต่ต้นเทอมด้วยตนเองน่ะสิ!

และเนื่องจากวันจันทร์ที่จะถึงนี้เป็นวันสอบวันแรก อลันด์ผู้มีสภาพใกล้ตายเข้าไปทุกทีจึงนัดกับเพื่อนเพียงคนเดียวใช้วันที่อาจารย์งดสอนมาทบทวนบทเรียนกันที่คอนโด

เด็กฝรั่งไซส์มินินอนแผ่กับพื้นห้องท่ามกลางกองหนังสือและชีทของวิชาที่เรียนทั้งหมดในเทอมนี้ ไม่ไกลเป็นคนินทร์ที่สภาพไม่ต่างกันซุกหัวเข้ากับหนังสือวิชาการเล่มหนาปาหัวหมาแตก หลังจากมองตากันคล้ายส่งเสียเป็นครั้งสุดท้ายอลันด์ก็ลุกขึ้นนั่งชวนเพื่อนไปหาอะไรกินที่ห้างใกล้ๆ คอนโดเป็นการพักผ่อนเพราะเที่ยงพอดี

เด็กหนุ่มสองคนเดินเท้าฝ่าอากาศร้อนอบอ้าวของกรุงเทพเข้าไปหาแอร์เย็นๆ ในห้าง ร้านกาแฟสัญลักษณ์สีเขียวเป็นที่แวะพักแห่งแรก ได้น้ำปั่นเย็นๆ มาคนละแก้วก็เดินหาร้านฝากท้อง แต่เพราะวันนี้เป็นวันธรรมดาและมาตอนพักเที่ยงพอดีเด๊ะ แทบทุกร้านจึงเต็มไปด้วยบรรดาพนักงานออฟฟิศมากหน้าหลายตา ท้องก็ร้องครวญครางน่าสงสารจะให้เลือกมากก็กระไร ร้านไก่ทอดจากอเมริกาจึงเป็นคำตอบเพราะคนน้อยสุดมีโต๊ะให้นั่งทันทีไม่ต้องรอเล่นเก้าอี้ดนตรี แน่นอนว่ามื้อนี้จะไม่บอกทิวากานต์เด็ดขาดว่ากินอะไรให้เสี่ยงถูกดุแน่ๆ

เสียงกีตาร์กับกลองกระหึ่มอลังการดังของเพลง Supremacy จากวง Muse ดังลั่นร้านตอนเด็กฝรั่งกำลังใช้สองมือยัดไก่เข้าปาก เจ้าตัวสะดุ้งโหยงรีบวางไก่หยิบกระดาษทิชชูเช็ดมือลวกๆ กดรับสายท่ามกลางสายตามองมาด้วยความขบขันของคนทั้งร้าน อลันด์สัญญากับตัวเองในใจว่าจะเปลี่ยนริงโทนสำหรับไอ้หมาขนทองเป็นเพลงอื่นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป!

“อะไร”

‘ไหงทักกันเสียงเย็นชางั้นล่ะอัล ไม่ได้โทรคุยกันตั้งนานนายควรจะทักทายแบบสดใสใส่ฉันสิ’

“ฉันทำแน่ถ้านายไม่ได้มาแอบเปลี่ยนเสียงริงโทนเป็นเพลงบ้านี่ คนทั้งร้านหัวเราะฉันหมดแล้ว”

โธมัสหัวเราะดังลั่นมาตามสายเล่นเอาคนฟังขมวดคิ้วฉับ ‘ไม่ดีเหรอนายจะได้ตื่นเต้นเวลาฉันโทรมาหาไง’

“โอ้ ขอบคุณมากทอม” เด็กหนุ่มหยิบกระดาษทิชชูอีกแผ่นเช็ดปาก ตาสีซีดมองคนินทร์หยิบไก่ทอดชิ้นที่สามจากถังขึ้นมาฉีกเข้าปาก “คิดไงยอมเสียค่าโทรศัพท์โทรมาหาฉันได้ล่ะ แค่แชทกับฉันในเฟซบุ๊คไม่พอหรือไง”

‘ตัดรอนกันมากนะอัล ฉันแค่อยากได้ยินเสียงนายบ้างเท่านั้นแหละ’

“อย่ามาตอแหล จะอวดอะไรก็ว่ามา” เขากรอกตาขึ้นฟ้าพลางฟังเสียงหัวเราะชอบอกชอบใจจากคนปลายสาย ตั้งแต่แยกจากกันแบบไม่ค่อยดีวันนั้นพวกเขาแทบไม่ได้คุยกันเท่าไหร่ มีเฟซบุ๊คกันบ้างก็จริงแต่เหมือนต่างคนก็ต่างยุ่ง และอลันด์เข้าใจดีว่าบทเรียนวิศวกรรมที่เยอรมันไม่ง่ายเลย ไหนโธมัสต้องไปเดินแบบ ถ่ายแบบอยู่เนืองๆ อีกล่ะ

‘ฉันได้บัตรฟร้อนท์โรว์สำหรับวิคตอเรีย ซีเครทแฟชั่นโชว์ของปีนี้ที่ลอนดอนล่ะ อืม...ถ้านายสนใจเรามาเจอกันที่ลอนดอนได้นะ ฉันพานายเข้างานได้ แต่น่าเสียดายที่ซาร่าคนสวยของเราติดงานเดินแบบให้เจ้าอื่นไปเสียแล้ว ไม่งั้นเราคงได้เห็นยัยม้าดีดกะโหลกนั่นใส่ชุดชั้นในเดินบนรันเวย์ล่ะ’

แค่ชุดชั้นใน ทั้งร่างเปลือยฉันก็เห็นมาแล้ว เด็กหนุ่มคิดในใจ “แล้วไง ฉันไม่สนใจหรอก” เขาตอบตามจริง แต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่เคยสนใจอะไรพวกนี้อยู่แล้ว

‘โอ้ว นายไม่อยากเห็นแฟนฉันเหรอ เธอเดินงานนี้ด้วยนะ’

“หา? แฟน”

‘ใช่ ตอนนี้ฉันกำลังเดทกับนางแบบสุดเซ็กซี่คนนึงอยู่ล่ะ ฉันกะแนะนำพวกนายให้รู้จักกันตอนธันวานี้นะ แต่ถ้านายไม่มาก็คงอด ไง...สนใจแล้วล่ะซี่’

“ไม่มีทาง” เขาตอบกลับไปเสียงห้วน “นายจะคบกับผู้หญิงคนไหนก็เรื่องของนายเหอะทอม”

‘หึๆ ฉันนึกว่านายจะมาอาละวาดใส่เหมือนที่กลาสตันเบอรี่เสียอีก ไม่รักฉันแล้วหรือไง’

“ฉันจะอาละวาดทำไมในเมื่อนายไม่ได้ทิ้งฉันเพื่อไปเอากับสาวที่ไหนนี่”

‘อ่อ จะบอกว่านายไม่แคร์ฉันแล้วงั้นสิ ใช่ซี่ นายมีด็อกแล้วก็จะลืมเพื่อนคนนี้ใช่ไหม’ โธมัสเริ่มจะหงุดหงิดขึ้นมาบ้างแล้ว เขาอุตส่าห์โทรหาเพื่อนรักทันทีที่ตื่นนอนเพื่ออยากได้ยินว่าอีกคนคิดถึงเขา แต่ดูที่อลันด์ทำสิมีแต่ความเฉยชา

“ด็อกเกี่ยวอะไรทอม”

‘ทำไมจะไม่เกี่ยว ตอนที่มันมาลอนดอนนายเอาแต่อยู่กับมันทั้งที่มันเป็นช่วงเวลาสุดท้ายที่เราจะได้อยู่ด้วยกัน พอนายไปกรุงเทพนายก็แทบไม่ติดต่อฉันก่อนเหมือนตอนที่นายย้ายไปใหม่ๆ เลย’

“ทอม! อย่ามาทำตัวหยาบคายแบบนี้นะ” เด็กหนุ่มส่งเสียงขู่ไปตามสาย รู้สึกโกรธเพื่อนรักขึ้นมาเพียงเพราะโธมัสก้าวร้าวใส่ทิวากานต์ เรียกคุณหมอด้วยคำว่า It

‘โอ - ไอ - ซี นายเห็นมันดีกว่าฉัน’

“ฉันว่าเรากำลังคุยกันไม่รู้เรื่อง ไปสงบสติก่อนแล้วค่อยคุยกันใหม่นะ” เขายกโทรศัพท์ออกจากหูแล้วกดวางสายทันทีไม่รอให้อีกคนได้ประท้วงขอความเห็นใจ พอโธมัสโทรเข้ามาอีกทีก็จัดการบล็อคเบอร์ไปเลย

“แฟนเก่าโทรมาง้อเหรอ” หนุ่มไทยเชื้อสายจีนหน้าเข้มว่ากลั้วเสียงหัวเราะ เขาหยิบไก่ทอดชิ้นที่สี่ฉีกเข้าปาก ในขณะที่อีกคนหมดอารมณ์กินไปแล้ว

“เพื่อนน่ะ”

“หึหึ พวกนายทะเลาะกันเหมือนคนรัก”

“เสียใจนะ หมอนั่นมีแฟนแล้วเป็นนางแบบฮอตสาวสวยหุ่นดีสุดเซ็กซี่ที่กำลังได้เดินแบบให้กับวิคตอเรียซีเครทปีนี้”

“เพื่อนนายเป็นใครกันถึงได้มีบุญขนาดนั้น” เขาหัวเราะท่าทางไม่ได้จริงจังกับคำพูดตัวเองนัก หยิบเฟรนฟรายส์ขึ้นมากินหนึ่งชิ้นตามด้วยดูดน้ำอัดลมเสียงดัง

“หมาตัวโตขนสีทองตาสีฟ้าแสนรู้แต่บ้าพลัง ตอนนี้โดนเนรเทศไปอยู่มิวนิค”

“ต้องเป็นหนุ่มหล่อล่ำกล้ามโตสเปคสาวและเกย์ทั่วโลกแน่ๆ”

“งั้นมั้ง” อลันด์ยักไหล่ จู่ๆ ก็รู้สึกหมดอารมณ์กินขึ้นมาตื้อๆ อุตส่าห์รักษาระยะห่างเพื่อให้พวกเขาคบกันเป็นเพื่อนต่อไปเหมือนที่เคยเป็นมา แต่โธมัสไม่ให้ความร่วมมือเลย

สับสนกับเพื่อนรักที่ทำท่าเหมือนจะหึงหวงใส่กันทั้งที่หมอนั่นก็มีแฟนสาว และจากคำบอกเล่าของฮิวโก้ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่คนแรกที่เจ้านั่นจิ๊จ๊ะด้วยแน่ๆ หลังจากที่พวกเขาแยกกัน แต่มีนางแบบและไฮโซสาวสวยอีกหลายคนที่ผ่านมือ

ดูเหมือนพอถูกเปิดซิงโธมัสสามารถสะบัดคราบหนุ่มใสซื่อไร้เดียงสากับผู้หญิงได้อย่างสมบูรณ์แบบจนน่าหมั่นไส้

“คุณสมบัติดีขนาดนี้ ไม่เคยหวั่นไหวบ้างหรือไง ขอโทษที่เสือกนะ แต่อย่างที่บอกพวกนายทะเลาะกันได้เหมือนคนรักมากจนฉันอดคิดไม่ได้ว่าแฟนเก่านายโทรมาง้อน่ะ ฉันได้ยินนายพูดถึงเรื่องที่เพื่อนคนนั้นทิ้งนายไปหาผู้หญิงอื่นด้วย แต่ถ้านายจะหวั่นไหวกับผู้ชายมันก็ไม่แปลกนะ บุคลิกนายมันเหมือนพวก twink เลย”

“คิว!” เด็กฝรั่งร้องเสียงหลง มือขาวคว้าเฟรนฟรายส์ปาใส่เพื่อนร่วมชั้นเรียนทันที บอกว่าเขาเป็น twink นี่หยิบมีดมากระซวกไส้กันเลยดีกว่า “ให้ตายเถอะ ฉันไม่ใช่เกย์เว้ย ไม่เคยมีรสนิยมแบบนั้นด้วย”

“เหๆ ใจเย็นๆ ฉันแค่บอกว่า...บุคลิกนายมันให้เฉยๆ” เขาออกความเห็นแล้วรีบรีบเสริมก่อนอลันด์จะหยิบเฟรนฟรายส์ทั้งกล่องโยนใส่เขา “ยังไงล่ะ ก็นายตัวเล็กนิดเดียวเอง เล็กกว่าผู้หญิงบางคนที่คณะอีก ตัวเล็กดูน่ารักน่าปกป้องอ่ะ ฉันยังคิดเลยว่าต้องคอยดูแลนายเวลาไปไหนมาไหน บางทีเวลาเห็นนายอยู่กับพี่วาฉันยังคิดว่าพวกนายเหมาะสมกันมาก”

“โอ้ว - มาย - ก็อด ฉัน...ฉะ ฉัน ฉัน I am a man M - A - N man I never thought I could look like that!” อลันด์ตกใจจนลืมภาษาไทยไปชั่วขณะ ทั้งโกรธทั้งฉุนที่คนินทร์พูดย้ำว่าเขาตัวเล็กตั้งสามครั้ง แต่ช็อกมากกว่าที่เพื่อนเหมือนจะดูความสัมพันธ์ของเขากับทิวากานต์ออก เจ้าตัวอ้าปากพะงาบๆ อยู่เกือบนาทีกว่าจะหาเสียงตัวเองเจอ

“เฮ้ย ตกใจอะไรขนาดนั้น ใจเย็นๆ”

“จะไม่ให้ตกใจได้ยังไงกัน ฉันเป็นผู้ชาย เรียนโรงเรียนชายล้วนมาตลอด แต่ดันดูมองว่าเหมือนเด็กผู้หญิงเนี่ยนะ แด๊ดคงภูมิใจน่าดู”

“ไม่ได้บอกว่าเหมือนเด็กผู้หญิงซะหน่อย มันแบบว่า...ก็ผู้ชายเนี่ยแหละแต่เป็นผู้ชายที่ดูน่ารักน่าทะนุถนอมน่ะ”

คำปลอบใจจากเพื่อนชาวไทยเพียงคนเดียวไม่ได้ช่วยให้จิตใจของอลันด์ดีขึ้นเลยสักนิด โอเค...เขาอาจจะชอบกับทิวากานต์ เคยเกือบมีเซ็กส์กับเพื่อนรักที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน แต่เขาก็มั่นใจว่าไม่ได้มีพฤติกรรม like a girl อะไรแบบนั้นสักนิด

“เครียดเหรออัล ไม่เอาน่าอย่าซีเรียส มีเยอะแยะไปออก ที่พวกผู้หญิงเขาเรียกว่าอะไรนะ เคะๆ เมะๆ อ่ะ เคยเห็นเจ้เรียกอยู่ เนี่ย...ไม่ใช่แค่ฉันคิดไปเองคนเดียวนะเว้ย คนอื่นเขาก็คิดเหมือนกัน แต่เขาจิ้นนายกับพี่นภอ่ะ”

“หา?” ยิ่งพูดอลันด์ยิ่งไม่เข้าใจ อะไรคือเคะ อะไรคือเมะ แล้วจิ้นนี่คืออะไร ทำไมถึงจิ้นเขากับพี่นภ มันดีหรือไม่ดี แต่ไม่น่าจะแย่เพราะเหมือนคิวจะชอบ?

“คืองี้จิ้นมันมาจากคำว่า imagine กับคำว่าจินตนาการเว้ย แล้วจิ้นเนี่ยเขาใช้กับคนสองคนที่อยู่ด้วยกันแล้วมีเคมีกุ๊กกิ๊กอ่ะ เดี๋ยวเปิดให้ดู แป๊บนะ” ว่าแล้วหนุ่มไทยผู้มีพี่สาวเป็นสาววายก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดๆ จิ้มๆ ก่อนยื่นหน้าจอโทรศัพท์ให้เพื่อนชาวต่างชาติดูรูปนักแสดงชายสองคน

“เอ่อ... เขาเป็นคู่รักกันใช่ไหม” ตาสีฟ้าอ่อนดูรูปผู้ชายสองคนนั่งเบียดชิดมองตากันหวานย้อย ดูไงก็คู่เกย์ชัดๆ

“ไม่ได้เป็นคู่รักแต่เป็นคู่จิ้น” หนุ่มไทยเฉลย “แค่เล่นหนังด้วยกันแต่คนดูแล้วลุ้นให้คู่กันยิ่งกว่าพระเอกกับนางเอกตัวจริง คนนี้เป็นรุกคนนี้เป็นรับ แล้วไม่ได้มีแค่สองคนนี้แต่มีอีกหลายคู่เลย ยิ่งพวกนักร้องเกาหลีนะมีเยอะมากกก แฟนคลับเห็นแล้วกรี๊ดฟินเว่อร์”

เด็กฝรั่งรู้สึกเหมือนเกิดอาการคัลเจอร์ช็อก สองมือกุมขมับ ขอเวลาทำใจแป๊บ เข้าใจดีว่าประเทศไทยเปิดกว้างเรื่องเพศที่สามมาก แต่ไม่คิดว่าจะมากขนาดนี้ ประเทศอังกฤษที่เขาอยู่มาทั้งชีวิต มีการเปลี่ยนแปลงกฏหมายสำหรับเพศที่สามมากมายยังดูไม่เปิดขนาดนี้เลย

“เดี๋ยวนะ แล้วทำไมถึงมีจิ้นๆ อะไรฉันกับพี่นภ”

“ที่พี่นภเขาชอบลงรูปคู่นายในไอจีไง พวกแฟนคลับพี่นภกรี๊ดเยอะมาก น้องสาวฉันยังจิ้น เมื่อวันประกวดได้ยินพวกผู้หญิงกรี๊ดกร๊าดที่พี่นภมาเชียร์นายด้วยอ่ะ แต่ขอโทษนะ ฉันจิ้นพี่วากับนายมากกว่า น่ารักกว่าเยอะ”

ให้ตายเถอะ อลันด์อยากลุกขึ้นแจกฟัคหลายๆ ทีให้ไอ้เพื่อนหน้าเข้มนี่ พูดแต่เรื่องเข้าใจยากและตบท้ายด้วยการบอกว่าเชียร์เขากับด็อกหน้าโหดนั่น โอเค มันก็ดีถ้าจะมีคนยอมรับเรื่องที่เขาคบกับผู้ชายได้ แต่เขาอยากคบกันเงียบๆ ไม่ต้องบอกให้ใครที่ไหนรับรู้นี่นา แล้วกับพี่นภนี่อะไรอีก นี่ไม่รู้ว่านภลงรูปในไอจีแบบไหนคนอื่นถึงเห็นแล้วเอาไปคิดต่อได้ขนาดนั้น แม้มันจะบริสุทธ์ใจกันทั้งสองฝ่ายก็เถอะ ถ้าคนขี้หวงอย่างทิวากานต์รู้เข้าได้มีเหวี่ยงแน่ๆ

“เห อย่าเครียดไปน่า นายไม่ได้ชอบผู้ชายจริงๆ สักหน่อยจะแคร์ทำไม”

เพราะมันมีส่วนจริงน่ะสิถึงแคร์ แน่นอนว่าอลันด์ไม่ได้พูดออกไปให้มัดตัวเอง เหมือนหนีเรื่องเรียนน่าปวดหัวมาเจอเรื่องปวดหัวกว่า ทั้งหมดต้องโทษไอ้หมาขนทองที่คิดถึงเขาจัดโทรมารังควานไกลจากมิวนิค

เด็กลูกครึ่งถอนหายใจเฮือกใหญ่หมดอารมณ์กินไก่ทอดสิ้นเชิง ยอมนั่งเงียบๆ ดูคิวกินไก่จนหมดถัง สงสัยอยู่เหมือนกันถ้าเพื่อนเขาลากลงไปกินในน้ำได้คงดีกว่านี้ #ผิดๆ



TBC

เด็กยังเป็นเด็กอยู่วันยังค่ำค่ะ ยังไงก็ประสบการณ์สู้พวกตาเฒ่า(หัวงู)ไม่ได้อยู่ดี
ไล่ต้อนคุณหมออยู่ดีๆ โดนเล่นคืนซะงั้น แต่คงสมใจน้องอัลเขาอยู่ละมังคะ หุหุ

 :hao7:

ปล. เหล้าแก้วละสี่พันห้าของพี่รัน (ไปจิกรูปจากเฟซบุ๊คเพื่อนมา)
(https://fbcdn-sphotos-c-a.akamaihd.net/hphotos-ak-xtf1/v/t1.0-9/12191706_1124573574227320_7907214571640228267_n.jpg?oh=b4443c1741c994c97abb6db40ab47682&oe=56C767A6&__gda__=1454900238_2af60f77141ec743ee88431d35813f62)
ปล. 2 เพลงที่หนูอัลเล่นบนเวที อยากให้ลองฟังดูค่ะตามลิงค์ข้างล่างเลย

1 Home - Gabrielle Aplin (https://www.youtube.com/watch?v=nT5pwQC4tmA)
2 Crazy - Gnarls Barkley (https://www.youtube.com/watch?v=sXLhh6p5hjo)
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 14 [08.11.15]
เริ่มหัวข้อโดย: Mokuchi ที่ 08-11-2015 16:50:33
นี่ตกลงคู่นี้เขาคบกันแล้วใช่มั้ยคะเนี้ย
แทบไม่ต่างจากเดิม เพิ่มเติมแค่หึงหวง  :hao3:
ปล. ปลื้มเด็กคิวเป็นพิเศษค่ะ สนับสนุนได้ถูกคู่ 555
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 14 [08.11.15]
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 08-11-2015 17:02:14
โอ้ยชอบอะ  ความสัมพันธ์มันแบบค่อยเป็นค่อยไปแต่มันทีความพิเศษในตัวของมันเอง แถมชายโสดผู้ไม่คิดอะไรกะเรื่องเซ็กอย่าหมอวายังไม่เร้งเร้ารอน้องพร้อมอีกตะห่าง  อิอ


ชอบที่อัลเรียกพี่หมอว่าวาเฉยๆจัง รับรู้เลยจ้าว่าอะไรยังไง
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 14 [08.11.15]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 08-11-2015 20:29:37
ค่ะน้องอัลไม่สาวและไม่ใช่เกย์ แต่มีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเพื่อนผู้ชาย
และเกือบได้เสียกับผู้ชาย
และตอนนี้คบกับผู้ชายแถมยังนอนเตียงเดียวกับผู้ชาย
ถึงหนูจะสับสนแค่ไหนป้าก็เข้าใจจ้ะ เรื่องความรักรู้กันสองคนก็พอ
และดีใจมากที่น้องอัลไม่แคร์ทอม ทำมายั่วให้หึง
เสียใจจ้ะอัลมีคนรู้ใจแล้วดูแลดีซะด้วย
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 14 [08.11.15]
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 08-11-2015 20:46:38
ง่าาาาา เกลียดหมาทอมมมม

อัลอย่าหวั่นไหวนะ พี่หมอน่ากินกว่าเยอะ!  :ling1:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 14 [08.11.15]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 08-11-2015 21:00:54
คุณพ่อจะว่าอย่างไรคะลูกชายมีแฟนแล้วน่ะ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 14 [08.11.15]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 09-11-2015 00:12:51
 :m20:



ชอบๆๆๆๆ น่าเอ็นดูจริง ไอ้หนูเอ้ยย
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 14 [08.11.15]
เริ่มหัวข้อโดย: pim-lovemj ที่ 09-11-2015 08:06:48
 :heaven ฟินน ตัวแตก พี่วากะน้องอัล น่ารักมุ้งมิ้ง ชวนให้อิจฉาปนหมั้นไส้จริง ๆ เลย
ชอบความสัมพันธ์แบบนี้ ค่อยเป็นค่อยไป พี่หมอวาขี้หวงนะเนี่ย ก้อนะมีแฟนเด็กก้องี้แหละ 555555
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 14 [08.11.15]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 09-11-2015 08:19:40
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 14 [08.11.15]
เริ่มหัวข้อโดย: boobooboo ที่ 09-11-2015 20:46:40
โธมัส  เริ่มเข้ามาอีกละ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 14 [08.11.15]
เริ่มหัวข้อโดย: VarainDark ที่ 11-11-2015 07:45:55
โธมัสจะตามมาป่วนอีกทำไมเนี่ย
ปล่อยตัวแสบให้หมอวาไปเถอะ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 14 [08.11.15]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 11-11-2015 13:30:51
น้องอัลงานจะเข้าไหม พี่หมอวายิ่งขี้หวงขี้หึงอยู่
 :mew2: :mew2:
ปล. ยิ่งอ่านยิ่งชังชื่อทอม ขึ้นทุกที
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 14 [08.11.15]
เริ่มหัวข้อโดย: LetGet ที่ 13-11-2015 06:47:18
น่ารักอ่ะ ใจนึงก็อยากให้อัลผอมจะได้ดูตัวเล็กๆน่าทะนุถนอม แต่อีกใจนึงก็ชอบให้อัลอวบๆตัวนุ่มนิ่มน่ารักดี  :hao5:  :hao5: พี่คะ เราลุ้นให้เค้าได้กันคะ ทอมยังได้ไปตั้งเยอะเลย เราอยากให้หมอวาได้เยอะกว่าทอม 55555555555555555555 (ความหื่นเข้าครอบงำ)  :impress2:  :impress2:  :impress2:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 14 [08.11.15]
เริ่มหัวข้อโดย: ゚゚ღ✿ศิลินส์✿ღ゚゚ ที่ 14-11-2015 09:46:47
สนุกค่ะ ชอบมาก น้องน่ารักเนอะเวลาอ้อน   :L2: :กอด1:
หัวข้อ: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 15 [14.11.15]
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 14-11-2015 14:03:28
TRACK 15



ทิวากานต์กลับห้องมาตอนเกือบสามทุ่มเพราะต้องอยู่ทำคลีนิคนอกเวลา สัปดาห์หน้ากับสัปดาห์ถัดไปมีเวรกลางคืนสองวันแทนการันต์กับคุณหมออีกสองท่านที่ต้องไปสัมมนาต่างจังหวัดคงไม่ค่อยมีเวลาอยู่กับอลันด์เท่าไหร่ ยิ่งเจ้าตัวมีสอบเขาคงไปช่วยอะไรไม่ได้ เรื่องอาหารการกินช่วงนี้คงต้องให้ให้แม่บ้านจากบ้านคุณตามาช่วยไปก่อน

ห้อง 2111 ปิดไฟมืดสนิท ไม่มีกลิ่นแอร์ เหมือนกับว่าทุกอย่างเหมือนเดิมตั้งแต่เขาออกจากห้องไปทำงานเมื่อเช้า ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเพราะตั้งแต่แม่เสียห้องนี้ก็เงียบเหงา เขาอยู่คนเดียว กินคนเดียว นอนคนเดียว หากที่สะกิดใจจนต้องรู้สึกแปลกๆ เพราะช่วงนี้มีคนมาช่วยแชร์ที่แห่งนี้ด้วยกันทุกวัน พอหายไปจึงอดรู้สึกไม่ได้

มือใหญ่เปิดไฟก่อนหย่อนกุญแจรถใส่ในชามแก้วบนชั้นวางรองเท้า เมื่อเดินเข้ามาด้านในจึงจัดการวางเสื้อกาวน์กับกระเป๋าบนโต๊ะกินข้าวแล้วขึ้นไปข้างบนเผื่อเจออลันด์นอนอยู่บนนั้น หากกลับไร้วี่แววเจ้าเด็กตัวแสบอย่างที่หวังไว้

คุณหมอหนุ่มถอดเนคไทกับเข็มขัดออก พับแขนเสื้อมากองบนศอกพลางนึกว่าไอ้ตัวแสบของเขาหายไปไหนพอดีกับได้ยินเสียงวิ่งตึงตังขึ้นบันไดมา

“วากลับมาแล้ว” เด็กฝรั่งตาสีซีดยิ้มตาหยีเดินเข้ามากอดมาหอมคางคลอเคลียเขาเหมือนแมว ไม่ใช่รักมากแต่จะดมหากลิ่นบุหรี่ต่างหากว่ามีใครแอบผิดสัญญาแอบสูบมวนกระดาษห่อไส้หรือเปล่า

“กลับมาแล้ว นี่ไปอยู่ไหนมา”

“อ่านหนังสือกับคิวที่ห้อง”

“ไม่พามาอ่านที่ห้องนี้ล่ะ หืม?” คุณหมอโน้มหน้าลงมาหอมแก้มเด็กดื้อฟอดใหญ่ เหมือนจะได้กลิ่นไก่ทอด “ไปกินอะไรมา”

“เคเอฟซี แต่กินไปแค่สองชิ้นแล้วก็กินตั้งแต่เที่ยงแล้ว ความจริงอยากกินอย่างอื่นนะแต่คนเยอะขี้เกียจรอ” เด็กหนุ่มตอบพลางกึ่งลากกึ่งจูงคนตัวใหญ่กว่าลงไปข้างล่าง

“แล้วกินข้าวเย็นหรือยัง”

“ยัง รอวา ไม่อยากให้วานั่งกินข้าวคนเดียว” คำตอบน่ารักเสียจนต้องให้จูบเป็นรางวัลหนึ่งที กระนั้นใบหน้าคุณหมอผู้ห่วงสุขภาพคนป่วนโรคผนังหัวใจรั่วกลับบึ้งตึงเพราะกลัวจะได้โรคกระเพาะเพิ่ม

“วันหลังไม่ต้องรอ กินไปเลย กินข้าวผิดเวลาเดี๋ยวปวดท้องเข้าใจไหม”

“Yes, sir”

“ยังไม่ได้ตอบอีกข้อนะ” ทิวากานต์คงคุณสมบัติคุณหมอที่ดีได้อย่างครบถ้วน ไม่ลืมชักถามข้อสงสัยและไม่ปล่อยให้ผ่านไปง่ายๆ ถ้าไม่ได้คำตอบยกเว้นเจ้าตัวจะจงใจ

“อ่า... ไม่มีอะไรหรอกแค่ไม่อยากรบกวนห้องวานี่นา”

“เหรอ แค่นั้นเหรอ วิ่งเข้าห้องเขาเหมือนห้องตัวเองเนี่ยยังจะเกรงใจอะไรอีกหึ”

“ก็...”

“ก็...” ทิวากานต์เลียนคำพูดอีกคน มองอลันด์หลบตา ยกมือลูบคางอย่างที่ชอบทำเวลาเขิน

“ก็คิวชอบวา ผมไม่อยากให้คิวเข้ามายุ่งห้องวานี่นา เจ้านั่นแค่รู้ว่าวาอยู่ห้องตรงข้ามห้องผมก็อยากจะเข้ามาดู เมื่อกี้พอรู้ว่าผมจะมาหาวาก็จะตามมาให้ได้ ไม่เอาหรอกผมหวง”

“หึหึ คำตอบถูกใจ เดี๋ยวทำไข่ตุ๋นฟักทองให้กิน” คุณหมอวัยสามสิบยิ้มกริ่ม ก้มลงจูบปากอีกคนเบาๆ ปิดเสียงร้องเย้เหมือนเด็กสามขวบก่อนตบก้นอลันด์ให้ไปเรียกเพื่อนมากินข้าวเย็นด้วยกัน “ไปอ่านหนังสือรอก่อนป่ะ แล้วอีกครึ่งชั่วโมงค่อยมากินข้าว เรียกเพื่อนมากินด้วยนะ”

“เห?”

“จะกินกันแค่สองคนได้ไง เขาอุตส่าห์มาช่วยติวให้เสียมารยาทแย่”

“แต่...”

“ไม่มีแต่...อัล รู้ว่าหวงแต่ก็ต้องมีมารยาทด้วยรู้ไหม แค่เข้ามาในห้องไม่เป็นไรหรอกน่า ยังไงคนที่ฉันให้ความสำคัญที่สุดก็คือเธอนะ” ฝ่ามือใหญ่ลูบแก้มขาวแทนการปลอบ รู้สึกผิดนิดหน่อยที่ไปแกล้งเจ้าตัวเอาไว้ตอนนั้นจนกลายเป็นเพิ่มความกลัวจะถูกลดระดับความสำคัญไป ทั้งที่เขาเองรู้ดีอยู่แก่ใจว่าอลันด์ไม่ชอบการถูกทิ้งและมีตัวอย่างให้เห็นจากเหตุการณ์ที่กลาสตันเบอรี่เป็นตัวยืนยันแล้วแท้ๆ

เขาทอดสายตามองอลันด์ที่เอียงแก้มแนบใบหน้าเข้ากับฝ่ามือ ออดอ้อนเหมือนแมวเหมียวตัวน้อยหวงเจ้าของ น่ารักเสียขนาดนี้ใครจะใจร้ายทิ้งได้ลง

“ไปอ่านหนังสือรอเถอะ เดี๋ยวเสร็จแล้วจะไปเรียก”

“ครับ”



“อาทิตย์หน้าฉันต้องอยู่เวรดึกสองวันนะ วันที่ฉันไม่อยู่เรื่องอาหารก็ให้แม่บ้านเขาเตรียมไว้ให้แล้วกัน ส่วนเราจะนอนห้องนี้หรือกลับไปนอนที่ห้องก็แล้วแต่เลย ช่วงสอบให้คิวมาอยู่เป็นเพื่อนก็ดีจะได้ช่วยกันติว แต่ถ้ามานอนนี่อย่าทำห้องเลอะ เข้าใจไหม” อลันด์มุดหัวออกมาจากผ้าห่มหันไปหาต้นเสียงแถวตู้เสื้อผ้าตรงทางเข้าห้องนอน ครู่เดียวร่างสูงใหญ่จึงปรากฏในคลองสายตา ทิวากานต์เอาผ้าขนหนูผืนเล็กพาดไว้บนบ่า เส้นผมสีดำสนิทยังไม่แห้งดี

“อ่าฮะ วาอยู่เวรวันไหนบ้างอ่ะ ให้ขับรถให้ไหม”

“อังคารกับพฤหัส อาทิตย์ถัดไปอยู่พุธกับศุกร์ออกเช้าเสาร์”

“ไหนอยู่ไปแล้วสองคืนไง ทำไมเดือนนี้อยู่เยอะจัง ปกติอยู่เดือนละคืนสองคืนเองไม่ใช่เหรอ” เด็กฝรั่งบ่นอุบพลิกตัวนอนตะแคงมองแผ่นหลังกว้างของคุณหมอที่เดินมานั่งหันหลังให้อยู่ข้างเตียง
 
“ต้องอยู่เวรแทนพี่รันกับอาจารย์สุเมธที่ไปสัมมนา” ถึงจะเป็น staff แล้วแต่การอยู่เวรกลางคืนเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ หลายครั้งต้องตื่นมารับโทรศัพท์ขอคำปรึกษาจากพวกนักเรียนแพทย์กลางดึกบ่อยๆ ถึงอย่างนั้นชีวิตก็สบายขึ้นกว่าตอนเทรนอยู่มาก

“แย่เลย” เจ้าตัวทำเสียงหงอย ดูเหมือนที่ว่าแย่น่าจะหมายถึงตัวเองมากกว่าคุณหมอที่ต้องอยู่โยงเฝ้าคนไข้ทั้งคืน

“แค่เดือนนี้น่า เดี๋ยวเดือนหน้าไม่ต้องอยู่เวรกับทำคลีนิคแล้วแลกกะพี่รันเรียบร้อย” เขาหันมายิ้มให้เด็กฝรั่ง ละมือจากผ้าขนหนูมาขยี้หัวอีกคนที่ยุ่งอยู่แล้วให้ยุ่งเข้าไปอีก “อืม... เราสอบเสร็จวันสุดท้ายวันพฤหัสใช่ไหม งั้นวันศุกร์ขับรถมารับด้วย จะได้นัดอาจารย์ไว้ให้ตอนเย็นส่องกล้องดูซะทีจะได้รักษาให้มันจบๆ ไป”

“อืม” อลันด์พยักหน้ารับก่อนอ้าปากหาวหวอดๆ กระนั้นตาสีฟ้าอ่อนยังฝืนลืมมองทิวากานต์เดินเอาผ้าขนหนูไปตากจนเดินกลับมาสอดตัวนอนข้างกันเช่นทุกคืน เมื่อไฟในห้องดับลงจนเหลือเพียงความมืดร่างเล็กๆ นั้นถึงกระเถิบตัวเบียดเข้าไปในอ้อมอกอีกคน “ตัววาอุ่นจัง”

“ติดแล้วล่ะสิ ถ้าฉันไม่อยู่จะนอนหลับไหม ฮึ?” ทิวากานต์รวบอีกคนให้เกยขึ้นมานอนบนอก ช่วงนี้อลันด์ลดน้ำหนักลงไปได้มากจนเกือบจะเท่ากับตอนมาอยู่ไทยใหม่ๆ แต่ทิวากานต์คิดว่ามันลดเร็วเกินไปกลัวจะมีปัญหาตามมาทีหลังได้ ที่เห็นชัดตอนนี้เลยก็อาการอ่อนเพลียนี่แหละ เขาเลยต้องบังคับให้ดื่มพวกเกลือแร่กับอาหารเสริมบางตัวไว้บ้าง

“ไม่รู้สิ” ทิ้งไว้เท่านั้นก่อนเงียบไปนานจนคุณหมอเคลิ้มๆ จะหลับ เสียงทุ้มติดจะแหบถึงดังขึ้นอีกครั้ง “วันนี้ทอมโทรมาล่ะ”

“แล้วไง”

“หมอนั่นมีแฟนใหม่อีกแล้ว บอกว่าเป็นนางแบบกำลังจะได้เดินโชว์ให้วิคตอเรีย ซีเครทรอบนี้ด้วย แล้วก็ชวนให้ผมไปดูที่ลอนดอน ฟรอนต์โรว์เลยนะ แต่ผมไม่ไปล่ะ”

“ฮ่าๆ ทำไมล่า ถ้าเป็นฉันนะรีบตอบตกลงไปแล้วนะ มีนางฟ้าสวยๆ ใส่ชุดชั้นในเดินไปเดินมาให้ดู สวรรค์ชัดๆ”

“น่าเบื่อจะตาย”

ทิวากานต์ทำเสียงพ่นลมออกจากจมูกคล้ายจะหัวเราะ “แล้วไงต่อ ทะเลาะกับทอมหรือเปล่า”

“นิดนึง สาบานเลยว่าไม่ได้หาเรื่องก่อน แต่ทอมว่าวาผมเลยโกรธ”

“ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ เขาจะว่าอะไรฉันก็ปล่อยไปเถอะฉันไม่รู้ด้วยสักหน่อย เธอเองก็ไม่ต้องเก็บมาใส่ใจมาโกรธแค้นแทน เข้าใจไหม” คนแก่กว่าพูดเสียงนิ่งๆ มือหนึ่งลูบผมคนในอ้อมอกคล้ายจะกล่อมให้หลับเสีย กะแล้วว่าต้องมีเรื่องกับไอ้เพื่อนขนทองถึงมาพูดกับเขา รักกันมากจนน่าหมั่นไส้พอทะเลาะกันเลยรู้สึกไม่ดี “แล้วคุยกันเรียบร้อยหรือยัง”

“ยัง ขี้เกียจทะเลาะกับทอมอีก”

“ยังอยากเป็นเพื่อนกับทอมไม่ใช่หรือไง งั้นพรุ่งนี้อย่าลืมโทรไปขอโทษแล้วคุยกันดีๆ ทอมคงหวงเพื่อน เขาจะหาเรื่องอะไรก็ยอมให้เขาหน่อย อย่าโมโหใส่กัน เข้าใจไหม”

“ไม่เข้าใจ วาไม่หวงผมกับทอมแล้วเหรอ”

“ถ้าแค่เพื่อนไม่หวงหรอก แต่ถ้ามากกว่านั้นโดนแน่ๆ” เขาขู่ติดตลก ได้ยินเสียงอลันด์หัวเราะคิกคักอยู่ตรงหน้าอก “เรื่องระหว่างเธอกับทอมฉันช่วยอะไรไม่ได้หรอกเธอต้องทำด้วยตัวเอง อยากให้เขาเป็นแค่เพื่อนก็ต้องกั้นเส้นแบ่งระหว่างเพื่อนให้ได้ ไม่มากไปกว่านี้แต่ก็ไม่น้อยจนเกินไป ฉันเชื่อว่าเธอทำได้”

.
.
.

อลันด์ไม่คิดว่าคนที่โทรมาหาเขาแต่เช้าจะเป็นคนจากลอนดอน เด็กหนุ่มโบกมือลาทิวากานต์ก่อนกระโดดลงจากซีรีส์ไฟว์คันโตแล้วค่อยรับสาย สองเท้าก้าวไปตามทางเท้าเลียบสนามกว้างไปมหาวิทยาลัย วันนี้ทิวากานต์มีประชุมช่วงบ่ายข้างนอกเลยต้องเอารถไป เขาที่ไม่อยากนั่งเรือข้ามฟากต้องมาเดินอาบแดดยามเช้าแบบนี้แหละ

“ไฮ เจมส์”

‘ไฮ อัล สบายดีนะ’

“อืม เรื่อยๆ ล่ะ นายล่ะโอเคไหม ยังไม่นอนหรือไง” เขาว่า ก้มดูหน้าปัดเล็กๆ บนนาฬิกาข้อมือที่ตั้งไว้เป็นเวลาสำหรับลอนดอน ตอนนี้ที่นู่นยังห้าทุ่มเที่ยงคืนอยู่เลย

‘กำลังจะเข้านอนแล้วล่ะ นายกำลังไปเรียนสินะ ฉันโทรมารบกวนหรือเปล่า’

“ใช่ แต่ไม่รบกวนหรอก อีกสองชั่วโมงกว่าจะเริ่มคลาสน่ะ มีอะไรงั้นเหรอ”

‘อยากจะบอกแค่ว่าอยากคุยกับนายเลยโทรมาหาน่ะนะแต่ความจริงแล้วทอมให้โทรมาน่ะ หมอนั่นบอกว่าติดต่อนายไม่ได้เลย มีปัญหากันใช่ไหม’ เจมส์หัวเราะเบาๆ แก้เขินมาตามสาย อลันด์ถึงนึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายแอบชอบเขาอยู่หลังจากลืมไปพักใหญ่ ตั้งแต่กลับมาเรียนที่นี่เขาคุยกับอีกคนนับครั้งได้และเป็นการคุยผ่านเฟซบุ๊คมากกว่าจะโทรมาแบบนี้

“นิดหน่อย”

‘ไอ - ซี’ เขาได้ยินเสียงเจมส์ถอนหายใจมาตามสาย ‘อันที่จริงฉันก็อิจฉาทอมนะที่สนิทกับนายมาก แต่ฉันไม่อยากเห็นพวกนายทะเลาะกันเลย ถึงจะยังไม่หายโกรธแต่อย่างน้อยโทรไปหาหมอนั่นหน่อยเถอะ ทอมเป็นห่วงนายจนแทบจะบ้าอยู่แล้ว’

“นายพูดเหมือนด็อกเลย”

‘ไม่ว่าใครที่รู้จักนายกับทอมก็ต้องพูดเหมือนกันนั่นแหละ’

“งั้นหรือ? ว่าแต่หมอนั่นไปซี้กับนายถึงขั้นปรึกษาปัญหากันได้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ฉันแน่ใจว่าต่อให้ฉันไม่เคยตีกับนาย แต่ทอมไม่มีวันพูดเรื่องนี้กับคนอื่นนอกจากครอบครัวแน่ๆ”

‘หวงทอมเหรออัล ไม่ต้องห่วงหรอกเราแค่ไปดื่มกันบ้างบางครั้ง ความจริงทอมเองก็บินกลับลอนดอนบ่อยๆ เราเลยเจอกันบ่อยขึ้น แล้วเหมือนพักหลังนี้ทอมดูมีเรื่องหนักใจเขาเลยหาเพื่อนระบายปัญหาก็เท่านั้น’ เจมส์พยายามพูดอ้อมๆ แต่คิดเพียงนิดก็รู้ว่าปัญหานั้นหมายถึงตัวอลันด์เอง

“ฉัน...ไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้นักหรอก” เด็กหนุ่มถอนหายใจ ตัดสินใจหยุดเดินตรงทางม้าลายหน้ามหาวิทยาลัย

‘ฉันรู้ ฉันว่าฉันเข้าใจนะ’ ชายหนุ่มว่าเหมือนรู้อะไรบางอย่างแต่ไม่ขยายออกมา ‘ยังไงตอนนี้นายควรรีบโทรไปหาทอม ไม่ต้องคุยดีๆ หรือจะทะเลาะกันต่อก็ได้ก่อนหมอนั่นจะบ้าเพราะฉันไม่รับประกันว่าจะช่วยอะไรนายได้นะอัล’

“โอเค ฉันจะโทรหาทอมเดี๋ยวนี้ล่ะ”

‘ดี งั้นฉันวางสายล่ะ’

“กู๊ดไนท์เจมส์”

‘ไนท์ ไม่สิ มอร์นิ่งอัล’

อลันด์อมยิ้มเดินข้ามทางม้าลายเข้าไปในมหาวิทยาลัย นิ้วเลื่อนกดหาเบอร์ที่บล็อคไปเมื่อวาน จัดการปลดบล็อคแล้วต่อสายหาเพื่อนซี้ หายใจไม่ทันสุดปอดโธมัสก็กดรับโทรศัพท์สุ้มเสียงไร้วี่แววแสดงอาการง่วงงุนทั้งที่ตอนนี้มิวนิคน่าจะตีหนึ่งแล้ว

‘อัล!!’ หนุ่มหล่อเจ้าของความสูงหกฟุตห้านิ้วลั่นชื่อเพื่อนรักดังสนั่นจนต้องยกหูโทรศัพท์ออกห่าง ‘พระเจ้า ให้ตายเถอะ นายทำฉันบ้า!’

“ฉันแค่ไม่อยากให้เราทะเลาะกันไปมากกว่านี้ถ้าเมื่อวานเรายังเถียงเรื่องไร้สาระกันต่อ”

‘ฉันขอโทษ ฉัน...ฉันมันบ้าไปเอง ฉันเสียใจ ทั้งที่เรานานๆ จะได้คุยกันแต่ฉันกลับทำให้นายโมโห’ เสียงทุ้มอ่อนระโหยบอกความรู้สึกคนพูดชัดเจนว่ารู้สึกแย่เพียงใด

“ช่างมันเถอะ ฉันเองก็ต้องขอโทษนายเหมือนกัน” ถ้าอยู่ด้วยกันตอนนี้โธมัสคงได้เห็นเพื่อนตัวเล็กกำลังฉีกยิ้มกว้าง แต่เพราะอยู่กันคนละทวีปเขาจึงยังกลัวอลันด์โกรธอยู่

‘ต่อไปนี้ฉันจะไม่ทำให้นายโมโหอีกแล้ว การที่นายเมินไม่คุยกับฉันมันทำให้ฉันปวดใจ ฉันไม่อยากให้เป็นแบบนี้เลย’

“เข้าใจแล้วน่า” เด็กฝรั่งวางกระเป๋าเป้ลงบนโต๊ะหน้าคณะ ตาสีฟ้ามองไปรอบๆ ดูนักศึกษาบางคนวิ่งไล่ลูกบอลอยู่บนสนามหญ้า ไม่คิดว่าตนเองก็มีอิทธิพลต่อเพื่อนสนิทมากขนาดนี้ แต่ใช่ว่าโธมัสจะรู้สึกกับเขาเช่นนี้ฝ่ายเดียว ตัวเขาเองก็ไม่ต่างกัน ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่รู้สึกแย่ที่ทะเลาะใส่กันทั้งที่โธมัสเองเคยทำกับเขาไว้เยอะ “เลิกขอโทษเถอะเพราะฉันเองก็ผิด เราผิดกันทั้งคู่ และฉันก็ไม่ชอบที่เราทะเลาะกันแบบนั้นเหมือนกัน”

‘ฉันรักนาย อัล...ฉันรักนายที่สุดนะ รู้ใช่ไหม’

“ฉันรู้ ฉันก็รักนาย” ไม่ต้องเห็นหน้าอลันด์ก็เดาได้ว่าเพื่อนรักตัวโตต้องยิ้มอยู่แน่ๆ

พวกเขาคุยโทรศัพท์สอบถามความเป็นไปของแต่ละฝ่ายกันอีกหลายนาทีโดยไม่แคร์ค่าโทรศัพท์ข้ามประเทศแม้แต่น้อย มีหลายเรื่องที่พวกเขาเคยมองข้ามและไม่ใส่ใจ แม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างการเรียนของแต่ละคนพวกเขาต่างแลกเปลี่ยนกันเหมือนอย่างที่เคยทำสมัยเรียนไฮสคูล (แน่ล่ะ โธมัสจะแคร์ทำไมในเมื่อเขาไม่ได้เป็นคนจ่าย ส่วนอลันด์คงต้องหาข้ออ้างดีๆ ที่ต้องไปอธิบายให้มัมฟังแน่ๆ)

“อ่อ ใช่ ฉันลงประกวดดนตรีของที่มหาวิทยาลัยด้วย นายต้องคิดไม่ถึงแน่ๆ ว่ามหาวิทยาลัยที่นี่มีกิจกรรมเยอะพอๆ หรือบางทีก็มากกว่าชั่วโมงเรียนด้วยซ้ำ”

‘งั้นหรือ แด๊ดดี้นายคงตั้งใจไว้ละมั้งถ้านายมัวแต่ยุ่งกิจกรรมจนการเรียนตกได้โดนลากกลับแน่ๆ’

“อ่า! นั่นไง ฉันว่าแล้วว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านั้น!”

‘หึหึ แล้วการประกวดของนายเป็นไงบ้างล่ะ’ โธมัสหัวเราะในคอหลังฟังเพื่อนตัวแสบบ่นเอเดลมาร์งุ้งงิ้ง

“ผ่านรอบแรกแล้ว แข่งอีกทีวันจันทร์หน้านู้นหลังสอบเสร็จน่ะ ฉันว่าจะลองเอาเพลงที่แต่งเองประกวดเพลงนึงส่วนอีกเพลงคงหาเพลงสนุกๆ โชว์กีตาร์สักหน่อย นายว่าไง มีข้อเสนออะไรพิเศษไหม”

‘Lightning Bolt’

“Great! ฉันจะเอาเพลงนี้”

‘คงดีถ้าฉันได้อยู่ดูนายประกวดด้วย’

“ให้ฉันถ่ายคลิปส่งไปให้ไหม”

‘มันไม่ live นี่น่า บางทีอาจจะเฟซไทม์ไปหา’

“ก็ดีนะ แต่ไม่อยากบอกเลยว่าอินเตอร์เน็ทที่นี่ห่วยชะมัด” อลันด์หัวเราะคิก เขาคุยกับโธมัสจนคนินทร์มาถึงยอมวางสายไปพร้อมยิ้มเปื้อนใบหน้าหลังจากที่เจ้าหมาตัวโตขนทองทิ้งท้ายไว้ว่าเจอกันเร็วๆ นี้ ให้ตายเถอะ เขากับโธมัสตัดกันไม่ขาดจริงๆ!

“คุยโทรศัพท์ท่าทางมีความสุขนะ คุยกับใครอ่ะ พี่วา?”

“คุยกับหมา” เด็กฝรั่งตอบเลี่ยงๆ แต่เพื่อนชาวไทยกลับตบเข่าฉาดร้องอ๋อเสียงดัง

“พ่อหนุ่มโกลเด้นหุ่นแซ่บที่นายทะเลาะกับเขาเมื่อวานใช่ไหม” คนินทร์ยักคิ้วลิ่วตาก่อนกระแซะตัวเข้ามาใกล้เพื่อนตัวเปี๊ยกทำท่างกระซิบกระซาบใส่ “คืนดีกันแล้วล่ะสิ ใครง้อก่อนล่ะ”

หนุ่มลูกครึ่งแสร้งตีหน้าดุเสริมหน้าขาวติดจะหยิ่งให้ยิ่งไม่น่าเข้าใกล้ หากแต่หนุ่มไทยเชื้อสายจีนใจกล้ากลับหัวเราะร่วนเพราะรู้ว่าเจ้าตัวอารมณ์ดีเกินจะมาโมโหใส่เขา แขนยาวโอบรอบคอคนตัวเล็กกว่าก้มมองอลันด์ที่แอบอมยิ้มแวบหนึ่งแล้วค่อยพากันเดินลากขาขึ้นห้องเรียน

.
.
.

การสอบผ่านพ้นไปด้วยดี อย่างน้อยอลันด์ก็คิดว่ามันดีแต่ไม่ดีนิดหน่อยตรงที่ต้องนอนคนเดียว อย่างที่ทิวากานต์ว่าไว้เป๊ะเขาติดอีกฝ่ายจนรู้สึกขาดไม่ได้เสียแล้ว คืนแรกที่คุณหมอต้องเข้าเวรเขานอนแทบไม่หลับ พลิกไปพลิกมาบนเตียงเล็กๆ ของตัวเองที่ไม่ได้กลับมานอนตั้งนานกว่าจะหลับได้เกือบตีหนึ่งด้วยอาการเพลียร่าง

เขาไปส่องกล้องมาแล้วด้วย ผลเป็นที่น่าพอใจมากสำหรับอาจารย์หมอเจ้าของไข้ รูรั่วยังกว้างเท่าเดิมไม่เล็กลงแต่ก็ไม่ได้ใหญ่ขึ้น ระหว่างที่ตรวจก็ต่อสายคุยกับมัมกับคุณลุงตลอด จนกำหนดวันสวนหัวใจได้เรียบร้อยเป็นช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนก่อนสอบปลายภาคหนึ่งเดือนพอดี แต่นั่นอาจทำให้เขาไม่ได้กลับไปฉลองคริสต์มาสกับปีใหม่ที่ลอนดอนเพราะหมออยากให้ดูอาการหลังรักษาก่อนสักสองเดือนเป็นอย่างต่ำ ครอบครัวไม่เท่าไหร่ มัมบอกว่าจะบินมาฉลองด้วยกันที่นี่ แต่กับเพื่อนรักอย่างโธมัสคงยาก

เด็กฝรั่งอ้าปากหาวพลางบิดตัวไล่อาการเมื่อยขบ เมื่อคืนทิวากานต์นอนกอดเขาจนกระดิกตัวแทบไม่ได้ นั่งอึนๆ ตั้งสติอยู่เกือบห้านาทีร่างของคนที่นอนด้วยเมื่อคืนถึงเดินตัวเปียกออกมาจากห้องน้ำ พอเห็นเขาตื่นแล้วเลยเปลี่ยนเป้าหมายจากตู้เสื้อผ้ามาเป็นเตียง จูบหัวเน่าไอ้ตัวแสบรับอรุณ

“ไปอาบน้ำป่ะ”

“อือ” รับคำสั้นๆ ก่อนเดินลากผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำ หยิบยาสีฟันบีบใส่แปรง ยัดเข้าปากถูๆ ไถๆ ตามสเต็ปที่มัมสอนมาตั้งแต่จำความได้ แปรงไปตาจะหลับไป เมื่อคืนเขาซ้อมดนตรีสำหรับงานประกวดวันนี้ถึงตีสอง พอตีห้าครึ่งก็ต้องตื่นไปเรียน ตอนแรกว่าจะแยกกันไปกับทิวากานต์แต่พออาจารย์เลื่อนคลาสมาสอนเร็วขึ้นแล้วนักศึกษาตัวเล็กๆ อย่างอลันด์จะทำอะไรได้

หกโมงเช้าไม่ขาดไม่เกินน้องมิ้ลค์ของอลันด์ได้ฤกษ์ออกจากคอนโดใจกลางกรุง ขึ้นทางด่วนอ้อมไปลงด่านยมราชเข้าแยกอุรุพงษ์ฝ่าด่านไฟแดงและมวลมหารถที่เริ่มเต็มถนนด้วยความเร็วสี่สิบกิโลเมตรต่อชั่วโมงจึงถึงมหาวิทยาลัยใหญ่ติดแม่น้ำ

ระหว่างทางบนรถเงียบสงบเพราะเด็กฝรั่งหลับสนิท ส่วนคุณหมอก็ขับรถไปแอบกินแซนด์วิชฝีมือตัวเองรองท้องก่อนตรวจวอร์ดช่วงเช้า หลังจอดรถได้ที่ตรงตึกหน้าคณะพอดีชายหนุ่มวัยสามสิบกับอีกหกเดือนถึงค่อยปลุกคนนั่งข้างให้ตื่น “ฉันไปก่อนนะ ถ้ายังง่วงอยู่ไปนอนต่อในห้องเรียนแทน อย่าลืมล็อครถด้วย ข้าวเช้าอยู่เบาะหลัง เย็นนี้เจอกัน”

“อือ วา”

“ว่า?”

“ขอบคุณ”

ทิวากานต์ยิ้มน้อยๆ รั้งคอให้ใบหน้าขาวจัดเข้ามาใกล้จัดการจูบกลางหน้าผากไปหนึ่งทีแทนรางวัล “wish you all the best of luck”

คุณหมอลงจากรถไปนานแล้วแต่อลันด์ยังนั่งอยู่ที่เดิมพร้อมเข็มขัดนิรภัย เจ้าตัวแสบหัวเราะกับตัวเองเบาๆ ก่อนลงจากรถ ไม่ลืมหยิบแซนด์วิชชิ้นโตพร้อมนมสดกับผลไม้อีกกล่องลงมาจัดการตามคำสั่งด้วย

ถึงจะเริ่มต้นวันแบบมึนๆ ไปเสียหน่อยหากอลันด์กลับคิดว่าเป็นแบบนี้มันดีเสียยิ่งกว่าทุกวัน แม้แต่ความประหม่าหวาดกลัวต่อการประกวดเย็นนี้ก็หายไปไม่มีเหลือเพียงแค่ได้คำอวยพรจากผู้ชายตัวโตที่น่ารักที่สุด และคำอวยพรของทิวากานต์เหมือนจะมีเวทมนต์ช่วยให้อลันด์เจอแต่เรื่องดีๆ ตั้งแต่เช้า เขาได้คะแนนท็อปจากการสอบกลางภาคของวิชามหาโหดเมื่ออาจารย์คนไทยที่พูดอังกฤษไฟแล่บประหนึ่งอิมพอร์ตตรงจากนิวยอร์กประกาศคะแนนสอบกลางภาคทันทีที่เริ่มคลาส ไม่มีอะไรจะสุขไปกว่านี้อีกแล้วล่ะ!

แต่เอ... ทำไมวันนี้หนังตาขวามันกระตุกแปลกๆ หว่า

.
.
.
หัวข้อ: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 15 [14.11.15]
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 14-11-2015 14:08:43
การพบเห็นชาวต่างชาติบริเวณพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาแถบนี้ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ประเภทเดินลงจากเบนซ์เอสคลาสโดยมีคนเปิดประตูรถให้พร้อมชุดสูทเนี้ยบเรียบกริบตั้งแต่หัวจรดเท้าก็นับว่าแทบไม่เคยปรากฏ โดยเฉพาะชายหนุ่มคนนั้นมีรูปร่างสูงใหญ่ไหล่กว้างน่าซบ ผมสีบลอนด์เข้มตาสีฟ้าสด หน้าตาดีมากถึงมากที่สุด ดูเป็นมิตรด้วยรอยยิ้มสว่างไสวและเพิ่มระดับการเอื้อมถึงด้วยหนวดเคราแบบเซอร์ๆ

โธมัสหยิบแว่นกันแดดเคลือบปรอทสะท้อนแสงวิ้งๆ ทรงนักบินของเรย์แบนด์ขึ้นทาบบนใบหน้าหลังจากพิจารณาแล้วว่าแดดยามใกล้เที่ยงของประเทศไทยนั้นเป็นพิษต่อดวงตาคู่งามของเขา เรียกสายตาทั้งผู้หญิงผู้ชายแถวนั้นให้พร้อมใจมองตามและเคลิบเคลิ้มล้มตายกันเป็นแถว

เด็กหนุ่มที่เพิ่มความคมเข้มให้ตัวเองด้วยหนวดเคราก้าวเท้าเข้าสู่เขตมหาวิทยาลัยตามที่คนขับรถของโรงแรมบอกไว้ กระนั้นก็จนปัญญาอยู่ดีว่าจะตามหาเพื่อนรักตัวเท่าอกได้ที่ไหน มองซ้ายมองขวาหาเหยื่อ ไม่สิ นักศึกษาสักคนมาถามไถ่คงได้เรื่อง ทันทีที่สายตาอันแหลมคมของเขาปะทะเข้ากับหญิงสาวผิวขาวหน้าเอเชียปุ๊บ ช่วงขายาวเกินมาตรฐานปกติก็รีบสาวเข้าไปหาด้วยความว่องไว

“Excuse me, lady?”

“คะ ขา... เอ่อ เยส”

“Could you give me direction to the BBA building, please?”

“เอ่อ... เขาถามหาอะไรวะแก” สาวเจ้าหันไปกระซิบถามกับเพื่อนข้างๆ ตอนนี้เธอตื่นเต้นกับชายหนุ่มรูปงามลุคแบดบอยตรงหน้าจนลืมภาษาอังกฤษที่ร่ำเรียนมาแต่เล็กหมดสิ้น

“เขาถามหาทางไปตึกบัญชีป่ะแก ได้ยินอะไรบีบีเอๆ สักอย่างนี่แหละ โหย แต่แม่งหล่อสัดๆ อ่ะ จะมาเป็นอาจารย์ที่นี่เปล่าวะ ถ้าใช่จะขอซิ่วมาเอนท์ใหม่เลยแก”

“เออดิอีเหี้ย แม่งหล่อเว่อร์ หล่ออย่างกับเทพบุตร อยากกรี๊ดว่ะแก”

แน่นอนว่าโธมัสไม่เข้าใจที่หล่อนพูดสักนิดเดียวและนึกไปเองว่าเธอคงปรึกษาหาคำตอบให้เขา หนุ่มอังกฤษเสี้ยวเยอรมันจึงยิ่งฉีกยิ้มไปให้เด็กสาวทั้งสอง เล่นเอาทั้งคู่แทบเป็นลมตรงนั้น

“เอ่อ ยูก็โกสเตรทออนนะ เดน เทิร์นไรท์ ยูวิวซีเอไวท์บิลด์ดิ้งออนเดอะไรท์ อิธอีสอะบีบีเอบิลด์ดิ้ง”

“Oh! I see, thank you so much” เขาพยักหน้ารับรู้ ไม่ลืมยิ้มขอบคุณสองสาวก่อนเดินจากมา ทิ้งให้สาวเจ้ากรี๊ดกร๊าดกับความหล่อของเจ้าตัวไว้เบื้องหลัง

โธมัสเดินไปตามทางที่หญิงสาวบอก แม้จะไม่ค่อยเข้าใจแต่ถ้าลองทำตามที่เธอพูดก็น่าจะเจอ เดินไม่กี่อึดใจเขาก็เจอตึกสีขาวที่เธอว่า มีวัยรุ่นใส่ชุดเหมือนๆ กันซึ่งเดาเอาว่าน่าจะเป็นเครื่องแบบนักเรียนของที่นี่นั่งอยู่ประปราย คราวนี้เขาเลือกถามผู้ชายแทนผู้หญิงเพื่อที่จะได้ตะลึงกับความหล่อของเขาน้อยหน่อย

หนุ่มอังกฤษแต่เพิ่งบินมาจากมิวนิคถามไถ่หาเพื่อนรักตัวซี้ บอกลักษณะท่าทางละเอียดยิบไม่ลืมเปิดโทรศัพท์ให้ดูรูปถ่าย เหมือนอลันด์จะเป็นที่รู้จักพอตัวเพราะเป็นเด็กต่างชาติเด่นๆ ไม่กี่คนของที่นี่ เพียงเห็นหน้าก็ได้คำตอบว่าเจ้าตัวกำลังเรียนอยู่ข้างบนและน่าจะลงมาตอนเที่ยงพอดี

เขาขอบคุณชายหนุ่มคนนั้นและเริ่มมองหาที่รอ เสื้อสูทของฮิวโก้บอสดูจะไม่เข้ากับสภาพอากาศที่นี่เสียเท่าไหร่เมื่อมันกำลังอบเขาทั้งเป็น โธมัสจัดแจงถอนมันออกก่อนนั่งรอบนม้านั่งใกล้ๆ บันได หยิบโทรศัพท์มาไถๆ ดูนั่นนี่ไปเรื่อย

พ่อหนุ่มโกลเด้น รีทีฟเวอร์ยิ้มกระหยิ่มอยู่ในใจ อัลของเขาต้องเซอร์ไพรส์มากแน่ๆ ที่เห็นเขาที่นี่ แน่นอนว่าการตัดสินใจบินเดี่ยวตรงจากมิวนิคมากรุงเทพนี้เขาไม่ได้บอกใคร ยอมโดดเรียนเกือบทั้งสัปดาห์เพื่อมาเชียร์เพื่อนรักประกวดดนตรีโดยเฉพาะ

ช่วงเวลาที่ผ่านมาดูจะเป็นช่วงที่แย่ที่สุดระหว่างพวกเขาทั้งคู่แล้ว เขาแทบบ้าที่อลันด์ปิดการติดต่อกับเขาทุกทาง แม้จะไม่ถึงวันแต่ยอมรับเลยว่ามันทำให้เขาเจ็บปวดที่สุด

ถ้าอลันด์ไม่ชอบถูกทิ้ง เขาเองก็ไม่ชอบถูกเมิน

พวกเขามีกันสองคนมาตลอด แต่ทุกอย่างมันเริ่มสั่นคลอนเมื่อคุณหมอคนนั้นก้าวเข้ามาในชีวิตอัล เพื่อนรักตัวเล็กเริ่มเอาแต่พูดถึงผู้ชายคนนั้นอย่างที่ไม่เคยทำกับใคร ถึงทิวากานต์จะเป็นผู้ใหญ่ที่ดีคนหนึ่งเท่าที่เขาเคยรู้จัก แต่เขาไม่ชอบ...ไม่ชอบเอาเสียเลยแม้จะไม่รู้ว่าทำไม

เสียงจ้อกแจ้กดังมาจากบันไดเรียกโธมัสให้เงยใบหน้าขึ้นใช้ตาสีฟ้าคู่สวยจับจ้องไปด้านบนมองดูนักศึกษากลุ่มใหญ่กำลังทยอยลงมา เขาลุกขึ้นยืนกวาดสายตาเพียงเห็นเสี้ยวหน้าของคนที่รอ คอยให้เจ้าตัวเปี๊ยกนั่นละสายตาจากคนอื่นเห็นเขาสักที ท่ามกลางการทำงานของอวัยวะก้อนเท่ากำปั้นใต้แผ่นอกด้านซ้ายที่ดันเต้นแรงอย่างไร้เหตุผล

โธมัสรู้สึกเหมือนเวลาหยุดลงตอนที่ตาสีซีดคู่นั้นสบกันกับเขาและเดินอีกครั้งเมื่อใบหน้าเฉยชาปรากฏรอยยิ้มกว้าง อีกแล้ว...หัวใจเขาเต้นแรงอีกแล้ว

“ทอม...”

“ไฮล์ อัล”

“มาได้ไงน่ะ” อลันด์ถลาลงมาจากบันไดหยุดยืนตรงหน้าเขา แหงนหน้าจนคอตั้งเพื่อสบสายตากัน

“เซอร์ไพรส์”

“สุดๆ” ไอ้ตัวแสบหัวเราะคิกก่อนตวัดแขนโอบรอบแผ่นหลังกว้างของเพื่อนตัวโตเมื่อโธมัสสวมกอดเขาแน่น และยอมเอียงใบหน้าให้อีกฝ่ายจูบตรงมุมปากอย่างเคย “เซอร์ไพรส์มาก นายมาถึงเมื่อไหร่กัน แล้วมานี่ที่ได้ยังไง”

“มาถึงเมื่อเช้า แต่ฉันแวะไปโรงแรมก่อนแล้วค่อยให้รถที่โรงแรมมาส่งที่นี่ มันคงดีถ้าเราได้กินมื้อเที่ยงด้วยกันแล้วค่อยไปเชียร์นายแข่งดนตรีในตอนเย็น”

“Great! ฉันว่างช่วงบ่ายพอดี”

“โอเค งั้นฉันจะโทรให้เขาขับรถมารับเราไปกินข้าวกันที่โรงแรมแล้วกันนะ ฉันจองโต๊ะไว้แล้วล่ะ”

“ได้ โอ้ ทอม...ให้ฉันพาเพื่อนไปด้วยได้ไหม” อลันด์มีสีหน้าลังเลไปชั่วขณะก่อนหันกลับไปหาเพื่อนที่เดินมาด้วยกัน “ทอมนี่คิวเพื่อนฉันที่นี่ คิวนี่ทอมเพื่อนซี้ฉัน”

“ยินดีที่ได้รู้จัก”

“เช่นกันครับ” คนินทร์จับมือกับโธมัสตามมารยาทก่อนหันมาหาคนกลางพูดภาษาไทยใส่โดยไม่สนใจมารยาทที่ดี “หมาขนทองตาสีฟ้าหุ่นเซ็กซี่... เขาดูดีกว่าที่นายพูดเยอะมากเลยอัล นี่มันนายแบบซีเคชัดๆ แน่ใจนะว่าพวกนายไม่เคยคบกันมาก่อน”

“Never” ไอ้ตัวแสบยักไหล่แล้วหันไปรัวภาษาอังกฤษสำเนียงแบบผู้ประกาศข่าว BBC ใส่เพื่อนรัก ตกลงกันเรียบร้อยว่ามื้อนี้จะมีหนุ่มไทยพ่วงไปด้วยอีกคน ให้รถของโรงแรมมารับเหมือนเดิมเพราะวันนี้คิวไม่ได้เอารถมา ส่วนอัลคงไม่เสี่ยงเสียที่จอดรถดีๆ ไปแน่นอน

“นายผอมลงนะอัล ไม่สบายหรือเปล่า” หนุ่มลูกเสี้ยวเยอรมันทักขึ้นหลังพากันขึ้นรถ ตาสีฟ้าเหลือบมองคนนั่งข้าง จากภายนอกก็ดูผอมลงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อตอนได้กอดก็รู้ว่ามากกว่านั้นเพียงแต่เสื้อที่ใส่พรางตาเอาไว้

“ฉันสบายดีแค่คิดว่าถึงเวลาต้องลดน้ำหนักแล้วเท่านั้น” ตาสีซีดหลุบลงต่ำยามพูดถึงน้ำหนักตัวที่หายไปหลายกิโลในช่วงที่ตั้งใจลดความอ้วน แน่นอนว่ามันมีปัญหาเมื่อบวกกับโรคหัวใจที่เขาเป็นอยู่ เขาอ่อนเพลียง่ายขึ้น ออกกำลังมากไม่ค่อยได้ และก่อนที่จะรอให้โธมัสจับผิดได้จึงรีบเปลี่ยนเรื่อง “นายเองเหอะ คิดไงปลูกหนวดเลี้ยงเครา”

“เทรนหนุ่มเซอร์กำลังมาน่ะ กำลังคิดไปไถหัวเล่นด้วย แต่สไตลิสต์ขอไว้ก่อน”

“ไอ - ซี เขาแนะนำให้นายเปลี่ยนกลิ่นน้ำหอมด้วยสินะ”

“คิดว่ากลิ่นนี้เป็นไงล่ะ”

“ดี เหมาะกับนายดี แค่สองสามเดือนไม่คิดว่าเราจะเปลี่ยนกันไปมากขนาดนี้นะ”

“นั่นสินะ” โธมัสครางรับในคอเบาๆ ไม่ใช่รู้สึกไปเองแน่ๆ ว่ามันมีเส้นอะไรบางอย่างขวางกั้นระหว่างเขากับเพื่อนซี้ไว้ แต่ในเมื่อตอนนี้อลันด์พูดคุยกับเขา ยิ้มให้เขา เขาจะตั้งคำถามเค้นเอาคำตอบให้มีปากเสียงกันอีกทำไม แค่ถูกเมินวันเดียวเขายังทนไม่ได้ ถ้าต้องนานกว่านั้น... โธมัสยังไม่รู้เลยว่าตัวเขาจะเป็นเช่นไรต่อไป



ในสายตาคนนอกอย่างคนินทร์ โธมัสคือผู้ชายสุดเพอร์เฟ็กต์เท่าที่เขาเคยเจอ (เพอร์เฟ็กต์ยิ่งกว่าทิวากานต์เสียอีกไม่อยากจะบอก จุ๊ๆ) ทั้งรูปร่างหน้าตาทั้งกริยาท่าทาง ไหนจะสำเนียงบริติชแบบผู้ดี๊ผู้ดีนั่นอีก เขาถึงไม่เข้าใจเอาเสียเลยว่าทำไมอลันด์ถึงดูเล่นตัว เอ๊ย วางตัวห่างเหินกับเพื่อนซี้เสียขนาดนั้น ถ้าเป็นเขามีผู้ชายดีขนาดนี้เสนอตัวมาให้ถึงที่เขายอมเป็นเกย์เลยเอ้า!

แต่เพราะคนินทร์ไม่ใช่อลันด์และไม่รับรู้ถึงพฤติกรรมแบบซาดิสม์ของพ่อลูกเสี้ยวเยอรมันสุดฮอต หนุ่มไทยเชื้อสายจีนหน้าเข้มจึงทำเพียงลอบสังเกตอาการคนทั้งคู่อยู่ห่างๆ โธมัสเทคแคร์เพื่อนตัวเล็กอย่างดีเยี่ยมในระดับที่เรียกได้ว่าไม่มากไม่น้อยเกินไป มีมุมหยอกล้อแกล้งกันอยู่บ้างและสบถคำหยาบคายใส่เนืองๆ ตามประสาเพื่อนสนิท เรียกได้ว่าพอจับคู่กันแล้วเข้ากันได้ดีมากจนเขากลายเป็นส่วนเกินบนโต๊ะอาหารไปเลย

มีหลายครั้งต้องบ่นในใจว่า ‘คุณมึงจะเอากูมาเป็น ก ข ค ทำไมวะ’ แต่นั่นแหละ...ย้ำอีกทีว่าเขาไม่ใช่อลันด์เขาจึงไม่เข้าใจความคิดเพื่อนแม้แต่นิดเดียวและยังคงนั่งกินอาหารเงียบๆ ต่อไปทั้งที่กำลังทำหน้าที่ไม้กันหมาให้เพื่อนตัวเปี๊ยกอย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่รู้ตัว

พวกเขากลับมาที่มหาวิทยาลัยอีกครั้งตอนบ่ายสอง หาห้องเรียนว่างๆ สักห้องซ้อมดนตรีก่อนการประกวดเย็นนี้ โธมัสกลายร่างเป็นกรรมกรรูปหล่อที่สุดเท่าที่สาวๆ ในมหาวิทยาลัยเคยพบยามเจ้าตัวช่วยเพื่อนซี้แบกกล่องใส่กีตาร์สองตัวเดินขึ้นไปชั้นบน เขาชมน้องมิ้ลค์ของอลันด์ด้วยว่าน่ารักเหมาะกับอลันด์มากตอนที่เห็นมันครั้งแรก (ในขณะที่คนชมขับบีเอ็มดับบริวเอ็มซิก คูเป้สีแดงแสบตาที่ได้เป็นของขวัญจากคุณตาไปเรียน)

“คลายเครียดสักหน่อยไหม” โธมัสล้วงซองบุหรี่ขึ้นโชว์ถามเพื่อนร่วมห้องอีกสองคน คนินทร์พยักหน้ารับตาวาวตั้งแต่เห็นซองบุหรี่ต่างชาติ จะได้ลองของแปลกสักที “คงไม่ดีเท่าไหร่ใช่ไหมถ้าเราจะสูบบุหรี่กันในห้องเรียน อืม...ไปสูบตรงไหนได้บ้างล่ะ”

“เดี๋ยวเดินออกไปข้างนอกดีกว่า จะได้ซื้อน้ำมากินด้วย” หนุ่มไทยเสนอ ลุกขึ้นยืนหยิบกระเป๋าเงินกับโทรศัพท์ยัดใส่กางเกง

“ไปกันอัล วางสุดที่รักนายสักแป๊บ”

“โทษทีทอม ฉันขออยู่ที่นี่ดีกว่า คือว่าฉัน...” เด็กลูกครึ่งเงยหน้ามองเพื่อนซี้ตาแป๋วคอย่นท่าทางหงอ “กำลังเลิกบุหรี่น่ะ”

“Jesus Christ! What’s wrong with you? Diet? Cold turkey? Don’t joke with me, Al” ไม่ทันไรระเบิดจากเยอรมันนีก็ลงเป็นชุดตามคาด

ตาสีซีดจ้องกลับเจ้าของความสูงหกฟุตกับอีกห้านิ้วพลางถอนหายใจยอมแพ้หลบตาไปทางอื่นก่อน มันไม่ใช่เรื่องน่าโมโหถ้าเพื่อนรักสักคนของคุณกำลังรักษาสุขภาพ แต่อลันด์เข้าใจในความโกรธของโธมัส พวกเขาแยกจากกันแค่ไม่กี่เดือนเพื่อพบว่าเพื่อนซี้ที่เคยรมควันบุหรี่ด้วยกันตั้งแต่สิบห้ากำลังเปลี่ยนไปเป็นอีกคนที่ไม่รู้จัก ที่ตาขวากระตุกเตือนแต่เช้าคงหมายถึงเรื่องนี้สินะ ซวยจริงๆ

“ฉันมีเหตุผลอยู่นะ คือเรื่องมันค่อนข้างจะซีเรียสนิดหน่อย” หลังเงียบไปหาทางออกดีๆ ได้แล้วคนตัวเล็กสุดจึงเอ่ยปากขึ้นท่ามกลางความตึงเครียด อลันด์หันไปส่งสีหน้าขอโทษขอโพยให้คนินทร์ที่ทำบรรยากาศเสียก่อนลุกขึ้นยืนเก็บกีตาร์ลงกล่อง “ฉันว่าเราไปหาน้ำหวานเย็นๆ ดื่มระหว่างฟังฉันสาธยายปัญหาส่วนตัวของฉันดีไหมทอม แล้วระหว่างนั้นถ้านายอยากสูบก็ไม่มีปัญหาอะไร”

“โอเค ถ้านายต้องการอย่างนั้น” โธมัสตอบตกลงในทันที เขาลุกขึ้นจากโต๊ะเลคเชอร์ตัวเล็กมาช่วยเพื่อนเก็บกีตาร์และเดินแบกออกไปข้างนอกเหมือนตอนเข้ามา

ชายหนุ่มต่างเชื้อชาติสามคนนั่งอยู่ในร้านคอฟฟี่ช้อปที่ครั้งหนึ่งอลันด์เคยมานั่งฟังคุณพยาบาลนินทาทิวากานต์เสียงดังลั่นร้าน หากวันนี้กลับเต็มไปด้วยสาวน้อยสาวใหญ่จับจองแน่นขนัด ส่วนหนึ่งนั่งหลบแดดอยู่ก่อนแล้ว อีกส่วนใหญ่เพิ่งมาหลังจากเห็นหนุ่มผมทองหน้าหล่อตัวสูงเดินเข้าร้าน

หลังดื่มน้ำหวานสีชมพูกันไปคนละอึกสองอึก โธมัสดูจะมีสีหน้าดีขึ้นเล็กน้อยแม้จะไม่ได้สูบบุหรี่ตามที่ต้องการเพราะป้าย NO SMOKING แปะหราที่หน้าประตู

“น้ำหวานนี่อร่อยดีจัง เขาเรียกว่าอะไรนะคิว”

หนุ่มไทยเชื้อสายจีนชูแก้วนมเย็นขึ้นชนกับเพื่อนใหม่ คิดไม่ผิดจริงๆ ที่เลือกสั่งเครื่องดื่มสีชมพูหวานจ๋า ขืนเลือกชากาแฟตอนนี้บรรยากาศได้ขมเกินกลืนแน่ “It’s call นมเย็น”

“โนมเยนนน” หนุ่มผมทองเลียนเสียงอีกคนในสำเนียงของตัวเองเรียกรอยยิ้มจากคนฟังได้ทั้งร้าน อย่างว่าเป็นชาวต่างชาติเวลาทำอะไรเปิ่นๆ มักดูน่ารักเสมอโดยเฉพาะชาวต่างชาติหล่อน่าลากอย่างโธมัส “โอเค ไอ้โนมเยนนี่มันอร่อยมาก มันทำให้ฉันอารมณ์ดีพอจะฟังคำแก้ตัวของนายแล้วอัล”

“ไม่อยากสูบบุหรี่แล้วเหรอ” ไอ้ตัวแสบถามกลับหยักคิ้วแถมให้แบบกวนๆ

“ฉันไม่โง่ขนาดอ่านสัญลักษณ์หน้าประตูนั่นไม่ออก เลิกถ่วงเวลาแล้วเล่าปัญหานายมาซะดีๆ”

“โอเค ฟังแล้วช่วยเก็บอาการด้วยล่ะ” อลันด์ยกมือขึ้นเสมอไหล่บอกอาการยอมแพ้ “คืองี้นะ ฉันมีปัญหาสุขภาพนิดหน่อย กำลังรักษาเร็วๆ นี้ แต่ระหว่างช่วงที่รอการรักษาฉันต้องงดบุหรี่ งดแอลกอฮอล์ ทำร่างกายให้แข็งแรงและลดความอ้วนนิดหน่อย ก็ไม่ตั้งใจจะลดมากจนเห็นชัดขนาดนี้หรอก แต่ไม่รู้สิ...พอตั้งใจลดมันก็ฮวบลงไปแบบที่นายเห็นนั่นแหละ ขนาดด็อกยังตกใจเลย”

“ถ้ามันถึงขั้นต้องงดมากขนาดนี้ฉันไม่คิดว่าจะเป็นแค่ไข้หวัดกิ๊กก็อกหรอกนะ แด๊ดกับมัมนายรู้หรือเปล่า ฉันว่านายควรกลับไปรักษาตัวที่ลอนดอนมากกว่าจะรักษากับหมอที่นี่”

“พวกเขารู้และเราตัดสินใจแล้วว่าจะให้ฉันรักษาตัวที่นี่ เผื่อนายจะลืม ลุงคนหนึ่งของฉันเป็นหมอ เขายืนยันว่าอาการฉันไม่อันตรายขนาดนั้นและหมอที่นี่มีความสามารถมากพอที่จะรักษาฉันได้ไม่ต่างจากที่ลอนดอน”

“สรุปนายเป็นโรคอะไรกันแน่อัล”

“ASD หรือจะพูดให้เข้าใจง่ายก็คือผนังหัวใจรั่ว ขอโทษที่เสือกนะอัล แต่ฉันฟังนายอ้อมโลกแล้วกลัวพ่อเพื่อนรักขนทองนายจะเป็นบ้าตายไปก่อนน่ะ” สองประโยคสุดท้ายเขาหันมาพูดกับเด็กลูกครึ่งเป็นภาษาไทยหลังแย่งอีกฝ่ายเฉลยความลับไปแบบหน้าด้านๆ อลันด์ไม่โกรธหรอกที่เพื่อนเสือกแต่สงสัยมากกว่าว่ามันรู้ได้ไงว่าเขาเป็นโรคอะไร

“โอ้ว - มาย - ก็อด ที่คิวพูดนั่นจริงหรือเปล่าอัล นายเนี่ยนะเป็นโรคหัวใจ”

“ใช่ แต่อย่างที่บอกมันไม่ได้ร้ายแรงอะไร แค่เพียงแต่ช่วงนี้ฉันจะทำตัวเป็นเด็กดีบ้างเท่านั้น”

“ฉันเสียใจที่นายไม่เคยบอกเรื่องนี้กับฉันเลย เรายังเป็นเพื่อนซี้กันอยู่หรือเปล่า” บทจะดราม่าขึ้นมาโธมัสก็เปลี่ยนสีหน้าได้เพียงพริบตาเก่งยิ่งกว่านักแสดงรางวัลตุ๊กตาทองเสียอีก ผู้หญิงหลายคนในร้านถึงกับอุทานแม่จ๋าเอามือทาบอกกันเป็นแถบๆ ด้วยความสงสารพ่อฝรั่งรูปหล่อที่ทำหน้าเศร้าน้ำตาคลอเบ้า

คนินทร์มองภาพนั้นแล้วแอบหันไปเบ้ปาก ชักเข้าใจเพื่อนตัวเล็กแล้วว่าทำไมไม่เลือกหมาหนุ่มเกรดพรีเมี่ยมตัวนี้ไปทำพันธุ์ ตอแหลเก่งแบบนี้อยู่ด้วยนานๆ คงปวดหัว แต่เฮ้ย...ทำไมอัลมันต้องทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ไปด้วยว่ะ อย่าบอกนะว่าเอ็งเชื่อไอ้โธมัสน่ะ!

“ขอโทษที่ทำให้รู้สึกแย่ ที่ไม่บอกฉันแค่ไม่อยากให้นายกังวล อาการมันไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้นรักษาแป๊บเดียวก็หาย”

“พอเถอะ...ฉันไม่อยากฟังคำปลอบใจ มันยิ่งทำให้ฉันดูเหมือนเป็นคนไร้ความสำคัญ ในขณะที่คนใกล้ชิดนายหลายคนรู้ เพื่อนนายที่นี่ก็รู้ แต่ฉันที่คบกับนายมานานกลับไม่เคยรู้เลย ด็อกเองก็รู้ใช่ไหม”

“ทอมอย่าพาลได้ไหม ด็อกเป็นหมอโรคหัวใจนะ เขาเป็นคนตรวจเจอเขาก็ต้องรู้สิ!”

“โฮ่ ไอ - ซี” ทุกสิ่งที่อลันด์พูดล้วนมีเหตุผลแต่โธมัสยังคงโกรธและโมโห เกือบหลุดปากออกไปแล้วว่าไปทำกันอีกท่าไหนถึงได้ตรวจเจอแต่ยังเป็นโชคดีของเขาที่ยั้งปากทันเสียก่อน เขาไม่ได้นั่งเครื่องบินมาเกือบสิบหกชั่วโมงเพื่อมาทะเลาะกับเพื่อนตัวเล็กหรอกนะ

“ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน ทุกอย่างจะโอเค” เพียงอลันด์จับมือเขาไว้และยิ้มอ้อนคล้ายจะขอคืนดีมาให้โธมัสก็แทบจะลืมความโกรธเคืองไปทั้งหมด เล่นน่ารักเสียขนาดนี้อยากรู้นักว่ามีใครใจร้ายจะโกรธลง

เขายกมือข้างว่างใช้นิ้วโป้งลูบแก้มใสนุ่มนิ่มเบาๆ “นายต้องผ่าตัดอะไรไหม หรือต้องกินยาเป็นกำมือ”

“คุณหมอบอกว่าไม่ต้องผ่าแต่เป็นการสวนหัวใจแทนน่ะ อาจจะต้องนอนโรงพยาบาลสักคืนสองคืน” พอเห็นว่าเพื่อนรักที่ลงทุนบินมาจากเยอรมันไม่โกรธแล้วเขาก็ยิ้มตาหยี ยอมเอียงใบหน้าเข้าหาฝ่ามือใหญ่รับความอบอุ่นคุ้นเคยจนสาวน้อยสาวใหญ่ในร้านหน้าหงิกหน้าหงอด้วยความเสียดายพร้อมติดแฮชแท็ก #ชะนีเจ็บใจแต่หนุ่มหล่อเจ็บตูด กันรัวๆ

“โอ้ว แล้วมันจะเสร็จเมื่อไหร่” โธมัสถามเสียงเบา จงใจไล้ปลายนิ้วโป้งสากๆ บนผิวแก้มเนียนนุ่มพอให้คนถูกกระทำจั๊กจี้จนหลุดหัวเราะออกมา

“คิกๆ ประมาณกลางเดือนหน้า ฉันนัดวันไว้แล้วล่ะ ถ้านายยังมีเวลาว่างมากพอจะมาก็ได้นะ”

“ฉันจะมาให้ได้” ยามกล่าวเขาใช้ตาสีฟ้าจับจ้องที่เพื่อนตัวเล็กแทนความในใจทั้งหมด เขาจะไม่ยอมให้อลันด์ต้องผ่านความเจ็บปวดนี้ไปคนเดียวแน่

“ขอบคุณมากนะทอม นายเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดในชีวิตของฉันจริงๆ”

คนินทร์ยิ้มหวานตาปิดให้กับบทสรุปของสองเพื่อนซี้ต่างไซส์ยามยกนมเย็นขึ้นดูดอีกอึกใหญ่ หลีกสายตาไม่มองเด็กฝรั่งสองคนแสดงความรักต่อกันไม่เกรงใจเพื่อนร่วมโต๊ะอย่างเขาอีกแล้ว

เฮอะ! นอกจากต้องทนดูละครรักโอเวอร์แอคติ้งหวานเลี่ยน ชีวิตกูแม่งยังเศร้ายิ่งกว่าตัวประกอบอดทนอีกเหอะ!!!



TBC

มีใครคิดถึงทอมบ้างคะ ยกมือหน่อยเร็ววว (ฮา)
คาดว่าหลายคนคงคิดถึงพระรองอย่างเจมส์มากกว่าเนอะ
แต่เราชอบทอมนะคะ รักนางมากรองจากพี่วาน้องอัลเลย เพราะนางหล่อ #ผิดๆ
มารอติดตามกันดีกว่าค่ะว่าตอนหน้าทอมมี่สุดหล่อของเราจะป่วนพี่วาและน้องอัลระดับไหน

แล้วเจอกันค่ะ จุ๊บๆ
 :mew1:

ปูลู แจ้งข่าวก่อนว่าช่วงนี้งานที่ออฟฟิซเราค่อยข้างยุ่งมาก(ไปจนถึงกุมภาปีหน้าเลย) คงทำให้ไม่มีเวลามาแอบอัพวันธรรมดาได้
แต่จะพยายามอัพทุกสัปดาห์ช่วงเสาร์อาทิตย์นะคะ ^^
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 15 [14.11.15]
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 14-11-2015 14:09:35
จิ้มจึกๆ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 15 [14.11.15]
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 14-11-2015 14:57:25
 สงสารคิว 55555555
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 15 [14.11.15]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 14-11-2015 15:07:25
อัลจะโดนทอมโหดใส่อีกมั้ยหว่ารอบนี้
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ทามพรากผู้เยาว์ TRACK 15 [14.11.15]
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 14-11-2015 15:09:27
ทอมมา!!!   อย่าป่วนนะทอม ห้ามมาทำอะไรอัลด้วย ตอนนี้อัลเป็นของหมอวา   นี่ละหวั่นใจ~~~~
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 15 [14.11.15]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 14-11-2015 15:32:16
จะเอาฮาใช่ไหมคิว  คุณหมอคะหมาขนทองโผล่มาแล้วน่ะ มาระวังให้อัลด้วยเร็วๆ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 15 [14.11.15]
เริ่มหัวข้อโดย: Mokuchi ที่ 14-11-2015 16:47:23
'เห็นหัวตรูบ้าง ไอ้พวกฝรั่ง' คิวคงคิดแบบนี้  555555555

หมอวาเตรียมปวดหัวได้เลยค่ะ อิหมาขนทองมันมาแล้วว
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 15 [14.11.15]
เริ่มหัวข้อโดย: ★KVH™★ ที่ 14-11-2015 17:45:28
หมอวา มาเก็บแมวอ้วนนี่ด่วนเลย
ทอมมาตอนเดียวแย่งซีนหมอไปหมดแล้วเนี่ย  :hao5:
ปล.อลันจ๋าห่างๆหมาขนทองนี่ไว้นะ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 15 [14.11.15]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 14-11-2015 18:41:44
คิวทำหน้าที่ไม้กันหมาได้ดีมาก ขนาดมีบุคคลที่สามอัลกะทอมยังหวานไม่แคร์สื่อ
อัลชัดเจนกะทอม แต่ทอมจะรับได้ไหมถึงความเปลี่ยนแปลง
หมอวากลายเป็นอากาศไปเลยตอนนี้
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 15 [14.11.15]
เริ่มหัวข้อโดย: igaga ที่ 14-11-2015 20:05:36
ทอม+คิว
ทอม+คิว
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 15 [14.11.15]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 15-11-2015 01:15:01
หมอวา ....
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 15 [14.11.15]
เริ่มหัวข้อโดย: ゚゚ღ✿ศิลินส์✿ღ゚゚ ที่ 16-11-2015 09:41:18
อ่านแล้วคิดถึงหมอวา 555+
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 15 [14.11.15]
เริ่มหัวข้อโดย: pim-lovemj ที่ 16-11-2015 12:45:57
 :m16: อิหมาทอม จะมาทำไมเนี่ย กลัวน้องอัลหวั่นไหวอ่ะ ยิ่งช่วงนี้พี่วาไม่ค่อยมีเวลาด้วย
น้องอัลอย่าใจอ่อนให้หมาทอมรังแกเอานะลูก
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 15 [14.11.15]
เริ่มหัวข้อโดย: VarainDark ที่ 16-11-2015 13:11:36
อ้อนเยอะไปแล้วนะไอตัวแสบ
ระวังหมอวาโกรธน้าาาาาา
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 15 [14.11.15]
เริ่มหัวข้อโดย: netich ที่ 19-11-2015 01:35:31
 :mew6:
หัวข้อ: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 16 [23.11.15]
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 23-11-2015 13:00:52
TRACK 16



“Holy shit! ชิบลอส ฉิบหาย หายนะสุดๆ”

“บ่นเหี้ยอะไรของมึงเนี่ย” การันต์ขออนุญาตไม่สุภาพด่ารุ่นน้องไปที หลังทิวากานต์ทำหน้าเหมือนเห็นผีแล้วงึมงำพ่นคำหยาบออกมาเป็นชุดตอนใกล้จะถึงหอประชุมอันเป็นจุดหมายจนต้องชะงักเท้าตามอีกคนไปด้วย

“ไอ้หมานั่น”

คุณหมอวัยสามสิบชี้นิ้วไปที่ฝรั่งตัวโตผมทองหน้าตาหล่อจัดสวมสูทผูกไทเรียบร้อยยืนพ่นควันอยู่หน้าทางเข้าหอประชุมที่ใช้จัดการประกวดดนตรีวันนี้ การันต์มองยังไงก็คนไม่ใช่หมาแน่ๆ

“จะพูดว่าไอ้หมอนั่นหรือเปล่า” เขาช่วยแก้ให้

“หมาถูกแล้วครับ นั่นอะหมาส่วนนี่อ่าหมอ” ทิวากานต์ยังยืนยันคำเดิมด้วยการชี้นิ้วไปที่ชายหนุ่มคนเดิมและชี้นิ้วมาที่ตัวเองไม่ลืมชี้ไปที่การันต์ด้วยตอนพูดคำว่าหมอ

“รู้จักเหรอ หล่อดีนะ เด็กๆ มองกันตาเยิ้มเลย”

“นิดหน่อยครับ เป็นเพื่อนซี้ไอ้ตัวแสบมัน อยู่คฤหาสน์หลังโตชานเมืองลอนดอน มีน้องอีกหกคน เป็นผู้หญิงหนึ่ง ฝาแฝดคู่ ผมทองตาสีฟ้าหน้าตาเหมือนกันทั้งบ้าน เลี้ยงโกลเด้นอีกเจ็ดตัว ขับบีเอ็มเอ็กซ์ไฟว์ เป็นอดีตกัปตันชมรมรักบี้ ตอนนี้เรียนวิศวะการบินอยู่ที่มิวนิค อนาคตจะเข้ากองทัพอากาศตามบรรพบุรุษ ว่างๆ รับจ๊อบเป็นนายแบบ เพิ่งเสียซิงไปเมื่อเดือนมิถุนาที่ผ่านมากับสาวลูกครึ่งจีน - อังกฤษนางหนึ่ง”

“ไม่นิดแล้วมั้งนี่มันยิ่งกว่ารู้จักอีกนะ” นายแพทย์รุ่นพี่ฟังแล้วถึงกับมองแรงใส่รุ่นน้อง “แต่ฟังมาก็โปรไฟล์ดีนี่ทำไมถึงไม่ชอบล่ะ”

“เด็กนั่นเพอร์เฟ็กต์ทุกอย่าง เสียอย่างเดียว...”

“เป็นพวกล่มปากอ่าวหรือไง” นายแพทย์รุ่นพี่ให้ความเห็นกวนๆ แต่ก็แอบคิดจริงจังเพราะมีหลายคนที่เขารู้จักเป็นแบบนี้จริงๆ หากคำตอบจากปากทิวากานต์พาลพาให้เขานึกไปถึงนิยายน้ำเน่ากล่อมใจสาวเปลี่ยวหาสาระไม่เจอของอี แอล เจมส์

“เป็นซาดิสม์ครับ ยังไม่แสดงออกชัดบนเตียงและไม่รู้ตัวเองว่าเป็น”

“เดี๋ยว... แล้วเอ็งไปรู้กะเขาได้ไงวะ หรือว่า...”

“ไม่ใช่ผม” ทิวากานต์รีบปฏิเสธพลางเสยผมขึ้นเปิดหน้าผาก ตาคู่คมจ้องโธมัสเขม็ง ทั้งตกใจและประหลาดใจพอสมควรที่เห็นไอ้หมาสองขามาโผล่อยู่แถวนี้ เขากับการันต์เดินต่อเข้าไปใกล้พอให้อีกฝ่ายสังเกตเห็น

“ไฮล์ ด็อก เป็นไงบ้าง” โธมัสฉีกยิ้มกว้างโชว์ฟันขาวซี่โตเรียงเป็นระเบียบ ชูมือข้างที่คีบบุหรี่อยู่ขึ้นโบก

“แปลกใจนิดหน่อยที่เห็นนายที่นี่ตอนนี้แทนที่จะเป็นห้องเลคเชอร์ที่ไหนสักแห่งในมิวนิค” เขายื่นมือไปจับก่อนถูกโธมัสดึงไปกอดแบบไม่ออมแรง ช่วงไหล่ลงมาถึงหน้าอกกระแทกเข้ากับกล้ามล่ำๆ ของอีกคนจนเจ็บไปหมด แม่ง...ต้องการประกาศสงครามกันชัดๆ

“เซอร์ไพรส์น่ะ มาให้กำลังใจอัล”

“พยายามดีมาก” คุณหมอหนุ่มว่าประชดหน้าซื่อตาใส

“ลียอนมาฟ้องว่าด็อกมีคนรักแล้ว เขาเสียใจมาก แต่นั่นแหละ...เขาต้องรู้จักการอกหักบ้างเป็นสีสันชีวิต ว่าแต่ไม่พาคนรักของด็อกมาด้วยกันเหรอ หรือว่า...” ตาสีฟ้าสดปรายมองไปยังชายหนุ่มด้านข้างการันต์

“นี่รองศาสตราจารย์นายแพทย์การันต์เป็นรุ่นพี่ฉันที่โรงพยาบาล”

“โอ - ไอ - ซี ผมโธมัส กริฟฟิสธ์ เรียกทอมก็ได้ครับ ยินดีที่ได้รู้จัก” โธมัสยื่นขาหน้า เอ๊ย มือออกไปจับกับคุณหมออีกคนพร้อมฉีกยิ้มสดใสเหมือนพระอาทิตย์ให้อีกฝ่าย

“ยินดีที่ได้รู้จัก เรียกฉันว่ารันก็ได้”

“แล้วนายเจออัลหรือยังล่ะ” ทิวากานต์รีบแทรกขึ้นมาก่อนที่การันต์จะหลุดอะไรเกี่ยวกับเขาและอลันด์ออกไป

“เจอแล้วครับ อัลกำลังเช็คเสียงอยู่ข้างในกับคุณนภ ผมว่างเลยเดินออกมาสูบบุหรี่ เอาสักหน่อยไหมด็อก” เด็กหนุ่มทำท่าล้วงบุหรี่ออกมาจากเสื้อสูทแต่ถูกทิวากานต์ห้ามไว้ก่อน

“ไม่เป็นไร ตอนนี้ฉันพยายามเลิกบุหรี่อยู่”

“อ่อ... เหมือนอัลเลยนะ หมอนั่นก็กำลังเลิก หักดิบเสียด้วย”

“เราสัญญากันไว้” ทิวากานต์ยักไหล่ ไม่อธิบายขยายความอะไรเพิ่มปล่อยให้คนฟังคิดไปเอง แน่นอนว่าโธมัสคิ้วกระตุกทันทีที่ได้ยิน

“ดีจริงๆ ผมกลายเป็นแบดบอยคนเดียวเลย”

“สาวๆ ชอบแบดบอยนี่ ได้ข่าวมาเหมือนกันว่านายเพิ่งคบกับนางแบบสาวสวยสุดเซ็กซี่ ไม่พาเธอมาด้วยล่ะ”

“เธอติดงานน่ะ อีกอย่างผมไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยกับที่กลาสตันเบอรี่ ด็อกรู้ดีนี่นาว่าอัลหวงผมมากกก”

ถ้าส่งไฟฟ้าผ่านสายตากันได้ คงได้เห็นแสงไฟแล่นแปลบปลาบระหว่างสองหนุ่มหล่อต่างวัยกันแน่ ทิวากานต์จ้องตากับโธมัสเขม็ง บรรยากาศมาคุจนเรียกได้ว่าเป็นการพบกันของศัตรูมากกว่ามิตร

“เอ่อ...ข้างนอกแดดมันร้อนนะว่าไหม ฉันว่าเราเข้าไปข้างในกันเถอะ” คนอาวุโสสุดเสนอขึ้นทั้งที่ตอนนี้เมฆฝนกำลังตั้งเค้าอยู่เหนือหัว แต่เป็นโชคดีที่สองหนุ่มเห็นด้วยกับเขา

โธมัสดับบุหรี่ในมือเดินนำคุณหมอทั้งสองเข้าไปหาแอร์เย็นเฉียบในหอประชุมจนการันต์ต้องห่อไหล่ บนเวทีมีนักศึกษากลุ่มใหญ่กำลังทำการซาวนด์เช็ค ที่นั่งด้านล่างมีนักศึกษาทั้งคนดู กองเชียร์ และนักดนตรีมาจับจองพื้นที่กัน มองซ้ายมองขวาครู่เดียวก็เจออลันด์นั่งอยู่กลางวงชายหนุ่มหน้าเดิมๆ ที่มาเป็นกำลังใจให้ตั้งแต่การประกวดครั้งที่แล้ว

ทั้งสามเดินเข้าไปหาเด็กลูกครึ่ง ได้ยินเสียงพูดคุยสลับเสียงหัวเราะมาแต่ไกล เด็กหนุ่มดูสบายๆ ไร้ความตื่นเต้นแม้ว่าวันนี้จะเป็นการแข่งครั้งสุดท้ายก็ตามที บนตักมีกีตาร์ไฟฟ้าที่จะใช้เย็นนี้วางอยู่พลางขยับนิ้วไล่ฟังเสียงไปทีละโน้ต เช็คแล้วเช็คอีกกับนภจนมั่นใจว่าเพื่อนรักจะไม่ทำขายหน้าบนเวทีจึงยอมปล่อยมือ พอดีกับเงยหน้าขึ้นมาเจอทิวากานต์ใบหน้าขาวถึงเผยรอยยิ้มกว้าง

“ไง ไม่ตื่นเต้นเลยนี่หว่า” คุณหมอยื่นมือออกไปขยี้หัวสีช็อกโกแลตนมจนยุ่ง เขากับการันต์ยกมือรับไหว้จากนภและเพื่อนอีกสองคนของเจ้าตัว

“โหย แค่นี้ ธรรมดามาก” ไอ้ตัวแสบปัดมือทิวากานต์ออกจากหัวแล้วรีบสางผมจัดทรงให้เข้าที่ก่อนหันไปยกมือไหว้การันต์ “พี่รันสวัสดีครับ นั่นทอมเพื่อมผม รู้จักกันแล้วใช่ไหมครับ”

“อืม เจอกันข้างหน้านี่เอง แล้วเจ้าคิวไปไหนล่ะ วันนี้ไม่มาเชียร์หรือไง”

“วิ่งไปซื้อน้ำข้างนอกน่ะครับเดี๋ยวคงมา” การันต์พยักหน้ารับรู้ มองดูคนตอบถูกทิวากานต์จับล็อคคอกระซิบกระซาบคุยเป็นภาษาไทยกันสองคน แค่นี้ก็รู้แล้วว่าไม่ต้องการให้หนุ่มผมทองรับรู้ด้วย

“ทำไมไม่บอกก่อนว่าไอ้หมาขนทองนั่นมาด้วย”

“ใครจะไปคิดว่าทอมจะมา ผมเองก็ตกใจเหมือนกันนั่นแหละ”

“อย่างน้อยส่งข้อความมาบอกกันหน่อยก็ยังดีเฟ้ย”

อลันด์ยกมือลูบหัวตรงที่ถูกคุณหมอโตแต่ตัวเขกเอา ปากอิ่มเบะออก สงสัยเขม่นกับทอมแล้วหงุดหงิดพาลมาลงกับเขาแหง

ก่อนได้โวยวายเอาเรื่องคนินทร์ก็เดินหิ้วถุงใส่แก้วน้ำกลับเข้ามาพอดี เขายกมือไหว้ทิวากานต์กับการันต์ปะหลกๆ แล้วค่อยส่งน้ำให้แต่ละคนตามที่สั่ง เสียงพูดคุยดังขึ้นอีกหนจนเกือบเป็นความวุ่นวายกระทั่งนักศึกษาที่เป็นเฮดจัดงานครั้งนี้ประกาศออกไมค์เรียกให้เหล่าผู้เข้าประกวดไปเตรียมตัวแสตนด์บายหลังเวทีถึงได้สงบลง

กลุ่มของนภกับอลันด์ลุกขึ้นหิ้วอุปกรณ์ดนตรีทยอยกันเข้าไปด้านใน (ถ้าทิวากานต์จำไม่ผิดเหมือนว่าวันนี้เพื่อนๆ ของนภจะมาช่วยเล่นแบ็คอัพให้ไอ้ตัวแสบในเพลงสุดท้าย)

“พี่อุตส่าห์โดดงานมาเชียร์อย่าทำให้พี่ผิดหวังนะน้องแสบ ถ้าวันนี้ชนะเดี๋ยวพาไปเลี้ยงซูชิ” พวกเด็กๆ โห่ร้องทันทีที่ป๋าการันต์พูดจบ แต่ละคนสีหน้าแช่มชื่นขึ้นมาทันทีหมายมาดจะฟาดซูชิราคาแพงกันเต็มที่ จากประสบการณ์ครั้งที่แล้วก็บอกอยู่ว่ารสนิยมคุณหมอคนนี้ดีแค่ไหน ถ้าไม่ใช่ร้านเด็ดร้านดังป๋าการันต์ไม่พาไปเลี้ยงแน่นอน

ทิวากานต์กลั้นยิ้ม พอได้มาคลุกคลีกับเด็กๆ แล้วก็พลอยกระชุ่มกระชวยขึ้นมาเหมือนกัน แม้ปกติจะต้องคลุกคลีกับเด็กนักศึกษาอยู่แล้ว แต่เด็กพวกนั้นวันๆ เอาแต่ก้มหน้าอ่านหนังสือ มีแหกคอกมาบ้างก็ยังไม่สดใสเท่าเด็กพวกนี้ คิดแล้วรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนแก่ แต่จะแคร์อะไรขนาดการันต์ที่พอจะเป็นพ่อเด็กพวกนี้ได้ยังไม่คิดเลย

คุณหมอวัยสามสิบดึงมือขาวไว้ตอนที่ทั้งหมดหันหน้าเดินไปทางเวที เขาบีบมือกระชับให้กำลังใจขยับปากพูดแบบไร้เสียงออกมาเป็นประโยคเดียวกับเมื่อเช้า เท่านั้นนักร้องหนุ่มลูกครึ่งก็มีกำลังใจเต็มเปี่ยม ฉีกยิ้มกลับมาให้

“วันนี้จะแรดอีกไหม”

“ถ้าแรด อาร์ - เอ - ดี ล่ะแน่นอน แอม โซ แรดอยู่แล้ว ยูก็รู้นี่” พูดไทยคำอังกฤษคำ เห็นนิ่งๆ แบบนี้ความจริงตื่นเต้นสุดๆ

“อย่าเห็นว่าไปแรดใส่ใครก็แล้วกัน ฉันงับหัวแน่”

“ช่วยไม่ได้นะ คนมัน RAD อ่ะ” พูดจบก็หัวเราะคิกคักกับมุกของตัวเอง อลันด์ฉีกยิ้มกว้างมองซ้ายมองขวาไม่เห็นใครมองอยู่ก็รีบเขย่งเท้าหอมปลายคางคนตัวโตกว่าไวๆ “ขอบคุณนะ สำหรับทุกอย่างเลย”

“เก็บไว้ขอบคุณคืนนี้ดีกว่า” เขาตบก้นไล่อีกคนให้เดินเข้าไปเตรียมตัวหลังเวทีสักที ตาสีน้ำตาลเข้มมองเด็กฝรั่งเดินหันหลังให้เพลินๆ กำลังอารมณ์ดีกลับต้องสะดุดกึกตอนเห็นไอ้หมาขนทองฉุดแขนอลันด์ไว้ก่อน เขาอยู่ไกลเกินกว่าจะได้ยินสองคนนั้นคุยกัน แต่แค่เห็นโธมัสดึงปกคอเสื้อให้ตั้งขึ้นแล้วก้มหน้าลงไปจูบปากกับเด็กของเขาเท่านั้นก็มากพอให้คุณหมอขี้หวงอารมณ์บูด

ถึงจะห้ามให้อลันด์ไม่ไปแรดใส่ใครแต่เขาคงลืมไปว่ามีหมาอยู่อีกตัวที่จ้องจะงาบเด็กเขาอยู่ทุกวินาที!

ศัลยแพทย์สองคนมองดูโธมัสรับแก้วพลาสติกใบที่สองจากคนินทร์ไปดูดจ๊วบๆ เหมือนเด็กสามขวบทั้งที่เมื่อกี้เพิ่งจูบเพื่อนผู้ชายไปต่อหน้านักศึกษานับสิบให้สาวน้อยสาวใหญ่กรีดร้องกันประหนึ่งเพิ่งเห็นโศกนาฏกรรมของโลกมนุษย์เกิดขึ้นตรงหน้า

“ฉันเข้าใจล่ะ” ตอนนี้การันต์ชักเข้าใจแล้วว่าทำไมรุ่นน้องถึงสบถออกมายาวเหยียดตอนที่เห็นหนุ่มผมทองคนนี้ เขาตบบ่าหนุ่มรุ่นน้องปุๆ พูดเพียงเท่านั้นก่อนส่ายสายตาหาที่นั่งชมการประกวดพร้อมกับคนินทร์ แน่นอนว่าเรื่องนี้เสี่ยจะไม่ยุ่ง!

ทิวากานต์ยืนกอดอกรอจนโธมัสเดินเข้ามาใกล้ยักคิ้วล่อตีนและทำการยั่วโทสะเขาอีกระลอกด้วยการชูแก้วในมือขึ้นตรงหน้า “ด็อกดื่มโนมเยนหน่อยไหม หวาน มัน หอมเหมือนอัลเลย แบ่งๆ กัน”

“ขอบคุณแต่ไม่ต้อง ฉันไม่ชอบแชร์ของร่วมกับใคร”

หนุ่มลูกเสี้ยวเยอรมันแสร้งทำหน้าตกใจโอเว่อร์แอคติ้ง ก่อนหรี่ตาลงแล้วยักคิ้วให้คุณหมอหน้าดุ “โอ้ว... ไอ - ซี จะจำไว้”



การแสดงของอลันด์เริ่มขึ้นหลังจากวงดนตรีที่เข้ารอบสองวงแรกแสดงจบไป เด็กหนุ่มเดินขึ้นมาบนเวทีพร้อมกีตาร์ไม้ตัวใหญ่ของมาร์ติน แอนด์ โค รอจนพิธีกรคู่เดิมกับวันแรกแนะนำตัวให้เสร็จเขาถึงกล่าวสวัสดีกับคนดูสั้นๆ เช่นเคย

ไฟในหอประชุมค่อยๆ หรี่ลงจนมืดสนิทมีเพียงแสงไฟจากสปอร์ตไลท์เพียงดวงเดียวเท่านั้นที่ฉายลงมากลางศีรษะเด็กหนุ่มช่วยขับโครงหน้าชัดเจนอย่างคนตะวันตกให้ยิ่งน่ามอง ไหนจะปกคอเสื้อที่ดึงตั้งขึ้นมานั่นอีก วันนี้เจ้าหนูจากเมย์แฟร์หล่อร้ายจนสาวๆ กรี๊ดกร๊าดกันน่าดู

ทิวากานต์สบสายตากับคนบนเวทีเงียบๆ เขาเชื่อว่าเด็กตัวแสบของเขาจะต้องทำได้และทำได้ดีมากในการประกวดวันนี้ ต่อให้มิสเตอร์เอเดลมาร์ไม่ชอบใจแต่ต้องยอมรับเลยว่าไม่มีอะไรจะหยุดยั้งพรสวรรค์ของอลันด์ได้อีกแล้ว เด็กหนุ่มคนนี้เกิดมาพร้อมความสามารถในการเป็นศิลปินเต็มตัว

‘I'll wait here for you for I'm broken down.
I'm coming down this town for my heart lies
Far and away where they took you down.
Led them over to your house where I'm broken.’

ทั้งที่ฉันจะรออยู่ตรงนี้เพื่อเธอเพื่อฉันที่แตกสลาย
ฉันกลับต้องลงมายังเมืองไกลแสนไกล ณ ที่เธอถูกทำลายไร้ค่า
ฝังกลบใจฉันไว้ที่นี้
ให้พาพวกเขาไปยังบ้านของเธอที่ที่ทำฉันปวดร้าว

‘Down by the people if they let you breathe.
Don't give a damn if you still can't see, still my heart beats for you.’

รู้สึกแย่เพราะผู้คนเหล่านั้นยังปล่อยให้เธอมีชีวิตใช่ไหม
เช่นนั้นอย่าได้โทษใครเลยถ้าเธอยังไม่เห็นว่าฉันมีชีวิตอยู่เพื่อเธอ

‘Have become all I lost and all I hoped for.
But I must carry on always one
Never broken.’

ถึงฉันจะต้องสูญเสียทุกอย่างกับสิ่งที่เคยหวังไว้
แต่ฉันจะยืนหยัดต่อไปเพื่อเป็นที่หนึ่ง
จะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด

‘Down in the valley where the church bells cry,
I'll lead them over to your eyes!
Whoa, oh, I am one
I am one.’

ณ หุบเขาที่ระฆังโบสถ์กังวานก้อง
ฉันจะพาเหล่าผู้คนไปแสดงให้เธอเห็น!
ฉันนี่แหละ
ฉันที่จะไม่มีวันยอมแพ้

เสียงปรบมือดังกึกก้องทันทีที่บนเวทีเงียบลง วันนี้เจ้าเด็กลูกครึ่งมีเสน่ห์มากกับกีตาร์อะคูสติกขนาดใหญ่กว่าตัว ฟันกระต่ายที่โผล่ออกมายามอ้าปากร้องทำให้เจ้าตัวดูน่ารักขึ้นมาหน่อย กระนั้นกลับกดคอร์ดและเคลื่อนไหวนิ้วทั้งสิบดีดสายกีตาร์ออกมาได้หนักแน่นชัดเจนสลักลึกเข้าไปในใจคนฟัง ไหนจะสปอร์ตไลท์ฉายลงมาที่เจ้าตัวให้เจิดจรัสเพียงคนเดียวทั้งหอประชุมอีกนั่น

หากชื่นชมกับเนื้อเพลงให้กำลังใจแบบหยิ่งยโสนั่นได้ไม่ทันไหร่ บรรยากาศบนเวทีก็เปลี่ยนไป กีตาร์ไฟฟ้าถูกหยิบมาใช้แทนตัวเดิม มีนักดนตรีแบ็คอัพอีกสองคนประจำตำแหน่งกลองกับเบส(เพื่อนนภนั่นแหละ)

เสียงกีตาร์แหลมหูดังขึ้นพร้อมกับเสียงกลองเป็นจังหวะตุบๆ ยามเสียงแหบห้าวของอลันด์ตะคอกผ่านลำคอออกมาประสานกับดนตรีเหล่าผู้ชมที่เพิ่งนั่งนิ่งซาบซึ้งกับเพลงเมื่อครู่ทุกคนในหอประชุมก็เริ่มขยับตัวตามจังหวะเพลงที่เร้าขึ้นมา พอหมดช่วงฮุคแรกเด็กลูกครึ่งไม่ให้ทุกคนปล่อยหยุดพักหายใจ เขาจงใจตีคนดูต่อด้วยโซโล่กีตาร์อันแพรวพราวที่เอาทุกคนเฮลั่นกรีดร้องและตบมือเกรียวกราว โธมัสกับคนินทร์ถึงขั้นลุกขึ้นมาเป่าปาก และจบการแสดงไปอย่างสวยงามด้วยเสียงเชียร์ดังอยู่เกือบนาที

ทิวากานต์กับโธมัสใจตรงกันขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นอลันด์กำลังเดินลงจากเวทีหลีกทางให้ผู้เข้าประกวดรายอื่นทำการแสดงต่อไป ทั้งคู่รีบลุกขึ้นวิ่งไปด้านหลังเวทีจะเข้าไปแสดงความยินดีด้วยแต่ก็ยังช้ากว่านภที่อยู่ข้างเวที นักร้องหนุ่มกอดรัดเด็กฝรั่งเสียจมอก

“เก่งมากแสบ ทำได้ดีมาก วันนี้ต้องได้รางวัลกลับบ้านสักอันแน่ๆ”

“ขอบคุณครับ” แขนขาวยกขึ้นกอดตอบอีกฝ่าย ตื่นเต้นจนหน้าแดงไปหมด บนเวทีเมื่อกี้มันสุดๆ ไปเลย

“วันนี้ถึงไม่ได้รางวัลก็ต้องฉลอง” หนุ่มไฮโซเดินมาขยี้หัวสีน้ำตาลเล่นจนยุ่งไปหมด ส่วนหนุ่มครึ่งญี่ปุ่นอีกคนก็เข้ามากอดรัดนัวเนีย

ทิวากานต์พยายามไม่คิดมาก มันก็แค่การแสดงความยินดีของเพื่อน ถึงอย่างนั้นก็ไม่ชอบใจอยู่ดี เป็นอีกครั้งที่เขาใจตรงกับโธมัส อดีตกัปตันรักบี้เองก็หน้าบูดหน้าบึ้งรีบแทรกเข้าไปดึงอลันด์ออกมาฟัด และด้วยขนาดตัวที่ใหญ่เกินชาวบ้านเขาไปหลายไซส์จึงไม่มีใครสามารถเข้าคลุกวงในเด็กเมย์แฟร์ได้อีกแม้แต่คนเดียว

.
.
.

การประกวดดนตรีจบไปแล้วตอนสามทุ่มเวลาเดิม ผู้ชนะการประกวดครั้งนี้เป็นวงโฟร์แบนด์จากคณะศิลปศาสตร์ ส่วนเด็กลูกครึ่งจากพาณิชยศาสตร์และการบัญชีได้ที่สอง แต่แค่นั้นเจ้าตัวแสบก็ยิ้มแก้มปริยืนถือซองเงินรางวัลพลางลูบคางแก้เขินบอกว่าความจริงที่ประกวดไม่ได้หวังรางวี่รางวัลอะไรแค่อยากร้องเพลงบนเวทีอีกแค่นั้นเอง

นภได้ยินแบบนั้นเชื้อนักดนตรีจากพ่อก็ลุกโชนตั้งใจวางแผนปลุกปั้นอลันด์เต็มที่ เตรียมหางานให้เด็กฝรั่งได้แสดงฝีมือกันรัวๆ

การันต์เองก็เปรยขึ้นมาเหมือนกันว่าเพื่อนร่วมรุ่นเทรนคนหนึ่งของทิวากานต์(หมอกวินไงจำได้ไหม)กำลังจะแต่งงาน ตอนนี้มองหานักดนตรีอยู่ และแนวดนตรีแบบที่เจ้าตัวเล่นก็เหมาะกับงานแต่งแบบนี้พอดี ถ้าเจ้าบ่าวเจ้าสาวเขาโอเคเดี๋ยวป๋ารันจะจ้างเองถือว่าให้เป็นของขวัญแต่งงาน เรียกว่าคุณหมอวัยเกือบสี่สิบคนนี้ทั้งรักทั้งหลงพร้อมดันน้องรุ่นลูกเต็มที่ไม่ให้น้อยหน้าใคร

หลังจากนัดกันเรียบร้อยว่าจะแยกกันขับรถไปเจอกันที่ร้านอาหารเลย หนุ่มลูกเสี้ยวเยอรมันตัวโตก็จับเพื่อนรักขึ้นคอวิ่งเหยาะๆ เรียกสายตาคนแถวนั้นได้เป็นกระบุง อลันด์ใช้สองมือขยุ้มผมสีทองยึดไว้หัวเราะคิกคักถูกใจสั่งให้หมาที่กลายร่างเป็นม้าชั่วคราววิ่งไปนู่นมานี่ทั่วสนามบอล ปล่อยทิวากานต์ยืนกอดอกอยู่ที่รถมองดูเด็กสองคนสร้างโลกส่วนตัวหมาแมว ทั้งหวงทั้งฉุนแต่มีความสุขมากกว่า ถ้าไม่มีเรื่องที่โธมัสจ้องจะงาบเพื่อนตัวเองเขาต้องยอมแพ้ในมิตรภาพของสองคนนี้จริงๆ

เกือบห้านาทีที่โธมัสวิ่งแบกอลันด์จนหมดแรงถึงยอมกลับมาที่รถ แต่ชายหนุ่มยังคงยึดเพื่อนตัวเท่าอกไว้แน่น เดินกระเตงๆ อุ้มอลันด์เข้าเอวมาหาทิวากานต์ในสภาพเหนื่อยหอบหากรอยยิ้มฉาบเต็มใบหน้า คุณหมอแซวสองเพื่อนซี้นิดหน่อยลูบหัวลูบหางเด็กทั้งคู่อีกนิดก็ต้อนขึ้นรถตามคนอื่นไปหาอะไรใส่ท้องเสียที

ร้านที่การันต์จองไว้อยู่ย่านทองหล่อ เพราะฉะนั้นกว่าจะมากันครบองค์ก็จวนใกล้ร้านจะปิดเต็มที พรุ่งนี้เด็กๆ ก็มีเรียนกันต่ออีกจึงทำได้แค่รีบกินแล้วแยกย้ายกันบ้านใครบ้านมัน

มื้อนี้ป๋าการันต์บอกแล้วว่าตั้งใจเลี้ยงเลยไม่ยอมให้ใครช่วยหารเด็ดขาด แม้แต่อลันด์ที่จะเอาเงินรางวัลมาช่วยก็ถูกบอกให้เก็บเงินไว้ซื้อขนมกิน คุณป๋าเลยจ่ายเน้นๆ ราคาซื้อสมาร์ทโฟนค่ายดังรุ่นเรือธงได้สองเครื่อง

โธมัสขอตัวออกไปสูบบุหรี่ข้างนอกหลังจากล้มเหลวกับความพยายามใช้ตะเกียบบนโต๊ะอาหาร เจ้าตัวแค้นจัดถึงขั้นประกาศกร้าวว่าจะกลับไปซ้อมจนกว่าจะใช้ตะเกียบคีบลูกปิงปองให้ได้ สมกับเป็นพวกบ้าจริงๆ หลังหนุ่มอังกฤษหายไปสักพักเพื่อนของนภก็ตามออกไปด้วยอีกสองคน บนโต๊ะเลยเหลือกันแค่ห้า

“อืม แล้วนี่เป็นไงบ้างเรา วามันมาฟ้องบอกว่าช่วงสอบเราน้ำหนักลงฮวบเลย เครียดเหรอ” การันต์เท้าคางกับโต๊ะเอียงหน้ามองดูเด็กฝรั่งตักไอติมชาเขียวเข้าปากหลังทิวากานต์ยอมให้กินได้สองลูก

“นิดหน่อยครับ อ่านหนังสือหนักด้วยเลยกลายเป็นไม่ค่อยอยากกินอะไร”

“ไม่อ้วนก็ดีอยู่หรอกแต่ถ้าจะลดลงขนาดนี้พี่ว่ามันจะแย่เอานา วาไม่ต้องให้น้องคุมอาหารแล้วมั้ง”

“ช่วงนี้ก็ไม่คุมแล้วนะครับ ไม่งั้นจะยอมให้กินติมตั้งสองลูกเหรอ” คุณหมอรุ่นน้องว่ายิ้มๆ มองอลันด์ตักไอติมเข้าปากอีกคำใหญ่ๆ

“อืม เราก็อย่าเครียดมากล่ะไอ้ตัวแสบ มันส่งผลต่อการทำงานของหัวใจรู้ไหม น่ากลัวว่าช่วงนี้หัวใจจะทำงานหนัก เดี๋ยวไงก่อนวันนัดสวนหัวใจสักสัปดาห์ไปให้อาจารย์เขาส่องอีกทีแล้วกัน”

“ครับ” ทิวากานต์รับคำแทนก่อนเอื้อมมือไปหยิบทิชชูยื่นให้เด็กหนุ่มเช็ดคราบชาเขียวบนแก้ม “กินยังไงเลอะไปถึงแก้ม สามขวบเหรอ”

“สิบแปดบรรลุนิติภาวะแล้วเถอะ”

“พูดงี้ต้องการอะไรหรือเปล่าวะ” คนินทร์แซวมาจากอีกฝั่งของโต๊ะ หนุ่มไทยเชื้อสายจีนหน้าเข้มยิ้มตาหยี เล่นเอาผู้ใหญ่อีกสองคนหัวเราะก๊าก จะมีก็แต่นภที่กระพริบตาปริบๆ ไม่เข้าใจกะคนบรรลุนิติภาวะแล้วที่หน้าแดงแปร๊ด

“ตอนน้องแสบมาบอกว่าเป็นโรคหัวใจแต่ไม่หนักมากผมก็ตกใจอยู่หรอก แต่พอฟังพี่วากับพี่รันคุยกันแล้วเหมือนอาการจะหนักเลยนะครับ” นักร้องหนุ่มหน้าใสขวัญใจวัยรุ่นถามซื่อๆ วันนี้พอออกจากมหาวิทยาลัยเขาก็ถอดแว่นกรอบดำไร้เลนส์กับหมวกแก็ปที่ใช้พรางตัวออก หลังจากตอนมาเชียร์อลันด์ประกวดเมื่อคราวที่แล้วมีนักศึกษาหลายคนจำได้แล้วถ่ายรูปเขากับไอ้ตัวแสบไปโพสต์ว่อนเน็ตปลุกกระแสคู่จิ้นขึ้นมาอีกรอบ เล่นเอาเขาต้องตอบคำถามนักข่าวไปหลายสำนักเลยทีเดียวว่าเขาไม่ได้เป็นเกย์

“ไม่ได้หนักอะไร แค่อยากให้รักษาสุขภาพไว้ก่อน ถ้าไม่ลดเสียบ้างนะวันนี้ทอมแบกขึ้นคอไม่ไหวหรอก อ้วนเป็นลูกหมูขนาดนั้น”

“ต่อให้อ้วนเป็นช้างทอมก็แบกไหว” อดีตลูกหมูเถียงหน้าแดง “ไม่เหมือนบางคน แบกได้หน่อยหลังจะหัก แก่แล้วก็งี้”

“ไม่หนุ่มล่ำกล้ามใหญ่บ้างให้มันรู้ไป”

ทั้งโต๊ะหัวเราะครืน แม้แต่คนที่โดนหาว่าแก่แล้วยังหัวเราะ คุยกันอีกพักใหญ่การันต์จึงเรียกเก็บเงิน อลันด์ทำท่าจะเดินไปตามเพื่อนกลับเข้ามาแต่ถูกทิวากานต์ยกมือห้ามไว้แล้วบอกว่าเดี๋ยวจะไปตามเอง ไหนๆ หักดิบเลิกบุหรี่ได้แล้วทั้งทีไม่อยากให้ไอ้ตัวแสบไปรมควันอีก แล้วเขาก็ว่าจะคุยเรื่องนี้กับโธมัสด้วยช่วงที่อยู่นี่

ลับหลังคุณหมออลันด์เหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ เขาดึงช้อนตักไอติมออกจากปากหันไปมองเพื่อนชาวไทยที่คุยกับนภเรื่องดนตรีติดพัน “คิว”

“มีอะไร”

“นายรู้ได้ไงวะว่าฉันเป็นโรคหัวใจ จำได้ว่าไม่เคยบอกใครนอกจากพี่นภ” ตาสีซีดเหลือบมองอีกคนที่โผล่มาในประโยค นักร้องหนุ่มเลยรีบส่ายหน้าบอกว่าพี่ไม่รู้เรื่องด้วยน้า

“นึกว่าอะไร” คนินทร์หัวเราะ ชะเง้อหน้ามองไปทางประตูเห็นทิวากานต์ยังไม่เข้ามาเลยดึงคอเด็กฝรั่งเข้าไปใกล้ “ก็ตอนไปกินสเต๊กคราวนั้นพี่วาเขาขอมาว่าตอนอยู่กับนายช่วยอย่าสูบบุหรี่ได้ไหม ไอ้ฉันก็สงสัยอยู่แล้วว่าทำไมตัวดูดควันแบบเอ็งเลิกกะทันหันเลยซอกแซกถามมาจนรู้นี่แหละ"

“งะ งั้นเหรอ”

“เออดิ อิจฉาว่ะมีคนดูแลดี ดูพี่เขาเป็นห่วงมากเลย”

“วามันเป็นคนงี้แหละ กับคนอื่นมันก็ร่าเริงกับเขาไปเรื่อยแต่ถ้าถูกใจใครขึ้นมาจะเทคแคร์ดีเว่อร์โอ๋ยิ่งกว่าไข่ในหิน บอกไว้ก่อนนะว่าวามันไม่ได้ถูกใจใครง่ายๆ พี่รู้จักมันมาสิบปีนับได้ไม่เกินมือข้างเดียว” การันต์เสริมขึ้นมาเมื่อได้ยินสิ่งที่สองหนุ่มแอบคุยกัน

“เป็นพวกรักแรงเกลียดแรงสินะครับ” นภว่า สำหรับเขาตั้งแต่เจอคุณหมอครั้งแรกก็รู้สึกได้ว่าน่ากลัว บวกกับคำบอกเล่าของพ่อที่บอกว่าหมอวาเป็นคนใจแข็งมากไม่ยอมรับวิคเตอร์เป็นพ่อสักทีทำเอาเขาไม่ค่อยกล้าคุยเล่นด้วย ยิ่งเห็นว่าคุณหมอรับดูแลอลันด์ช่วงอยู่ไทยเขายิ่งไม่กล้าพาอลันด์ออกนอกลู่นอกทางเลย

“ถ้าเกลียดคงดีกว่าเพราะยังรู้ว่ามีเยื่อใย แต่วามันเฉยใส่ไม่สนไม่แคร์นี่สิเจ็บยิ่งกว่าถูกเกลียดอีก เคยมีแฟนเก่ามันอยู่คนนอกใจไอ้วา พอรู้วันถัดมามันลืมไปเลยว่าเคยรู้จักคนๆ นั้น หางตายังไม่แลไม่สนใจยิ่งกว่าเป็นอากาศธาตุ เย็นชาจนผู้หญิงมายืนร้องไห้จะเป็นจะตายยังเดินผ่านไปได้เฉยๆ มาแล้ว เรื่องกระฉ่อนทั้งโรงบาลเลยล่ะตอนนั้น”

ทันทีที่พูดจบประโยคก็เกิดเสียงอืออึงขึ้นจากเด็กหนุ่มทั้งสามคน เด็กลูกครึ่งถึงกับหน้าซึม เขารู้สึกชอบทิวากานต์จริงๆ และทิวากานต์ก็ดีกับเขามาก คงทำใจรับไม่ได้แน่ๆ ถ้าวันหนึ่งจะต้องถูกผู้ชายคนนั้นหมางเมิน

“กลัวหรือไงเรา” การันต์วางมือบนหัวสีช็อกโกแลตนมจับโยกไปมาเบาๆ “ไม่ต้องกลัวหรอก วาไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยโมโหง่ายขนาดนั้นเสียหน่อยต้องทำให้เหลืออดจริงๆ นั่นแหละถึงจะเป็นแบบนั้น อีกอย่างมันอ่ะแพ้คนน่ารัก อย่างเราอ้อนเข้าหน่อยเดี๋ยวก็ใจอ่อน ขออย่างเดียวเวลามีเรื่องอย่าโกหก ไม่หมกเม็ด ต้องพูดความจริงเท่านั้นและบอกให้หมด เข้าใจหรือเปล่า”

“เข้าใจครับ”

“แหม พี่รันก็ขู่น้องเขาซะเหมือนว่าแสบเป็นแฟนหมอวางั้นแหละครับ” นภแซวแบบไม่คิดอะไรซ้ำยังตบโต๊ะเบาๆ เหมือนเป็นเรื่องตลก แต่พอเห็นรุ่นน้องคนสนิทหน้าแดงขึ้นมาแถมการันต์ยังอมยิ้มมีเล่ห์นัยนักร้องหนุ่มก็ถึงกับอ้าปากค้าง “เอ่อ... เดี๋ยวนะ นี่คงไม่...”

“แหม...ไอ้กระผมก็ว่าแล้วเชียวว่าสองคนนี้ยังไงๆ กันอยู่ ที่แท้ก็นะ...” คนินทร์ตบมือดังฉาด ยักไหล่ส่งยิ้มกรุ้มกริ่มไปทางคนตัวเล็กสุด เล่นเอาคนถูกแซวอายม้วนขดตัวก้มซ่อนหน้าแดงๆ กับโต๊ะเท่านั้นนภก็แทบลมจับ

เห็นแมนๆ เตะบอลกันครับแบบนั้นทั้งคู่ ใครมันจะไปคิดล่ะว่าคุณหมอรูปหล่อกิตติศัพท์เลื่องลือจะหันมากิน(ตับ)เด็กผู้ชาย!


หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 16 [23.11.15]
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 23-11-2015 13:05:05
ทิวากานต์ปะกับโธมัสพอดีตอนที่เปิดประตูออกไป อดีตกัปตันชมรมรักบี้มีกลิ่นบุหรี่ติดตัวอยู่นิดหน่อยจนแทบไม่ได้กลิ่น แต่เผอิญคุณหมอดันจมูกดีไปหน่อยเลยทำจมูกฟุดฟิดส่งสายตาบอกว่ามีเรื่องจะคุยให้เด็กหนุ่มแทนคำพูดพลางบุ้ยปากไปตรงลานจอดรถร้างผู้คน โธมัสเองก็เห็นด้วย ดีเหมือนกันเผื่อมีเรื่องซัดปากขึ้นมาจะได้ไม่มีใครเห็น

“รู้แล้วใช่ไหมว่าอัลเป็นโรคหัวใจ” คุณหมอเปิดประเด็นทันทีไม่มีกล่าวความเป็นมาให้เสียเวลา

“อืม เขาเพิ่งบอกผมเมื่อบ่าย มันไม่อันตรายจริงๆ ใช่ไหม”

“ใช่ เล็กน้อยมากถ้าเทียบกับคนไข้รายอื่น แต่การรักษาจะยากขึ้นถ้าเขายังใช้ชีวิตแบบเดิม สูบบุหรี่เหมือนสูดอากาศ กินเหมือนคนกระเพาะรั่ว”

“ไอ - ซี”

“เข้าใจก็ดี เพราะฉะนั้นฉันมีเรื่องจะขอร้องแค่เรื่องเดียวช่วงที่อยู่ที่นี่อย่าสูบบุหรี่ต่อหน้าอัลทำได้ไหม”

เด็กหนุ่มแค่นยิ้มเหมือนกับเรื่องที่ทิวากานต์พูดออกมานั้นไร้สาระ “เพื่ออัลผมทำได้ทุกอย่างอยู่แล้ว ด็อกไม่ต้องมาบอกผมก็รู้ว่าควรปฏิบัติกับเขายังไง”

“ดีนี่ งั้นระหว่างอยู่นี่ก็อย่าทำให้เขาลำบากใจด้วยแล้วกัน”

“ล้อผมเล่นเหรอ ผมนี่นะจะทำให้อัลลำบาก เรารู้จักกันมานานแค่มองตาก็รู้ใจ ไม่มีใครเข้าใจอัลได้ดีเท่าผมอีกแล้ว”

“บางทีใกล้กันมากเกินไปก็ทำให้มองข้ามอะไรสำคัญๆ ไปได้เหมือนกันนะพ่อหนุ่มน้อย” คุณหมอกอดอกเชิดหน้าพูดแสดงชัดว่าเหนือกว่าแม้จะต้องเงยหน้าเพื่อสบตากับอีกคนก็ตาม เหมือนว่าพ่อหนุ่มขนทองตาสีฟ้าจะสูงขึ้นอีกหน่อยแถมยังเลี้ยงเครา ดูผ่านๆ จะบอกว่าอายุเท่ากับเขาก็ไม่กระดากปาก

“หึ คอยดูแล้วกันเถอะ”

“จะจำไว้ แล้วนี่จะมาอยู่กี่วัน”

“สักสามสี่วัน ใจอยากอยู่นานกว่านี้แต่เสาร์นี้ผมมีเทสคงขาดไม่ได้ แต่คริสต์มาสผมจะมาแน่ๆ แล้วก็จะอยู่กับอัลจนเบื่อกันไปข้างเลย”

“ดี แล้วสองคนนั้นล่ะ พี่รันเรียกเก็บเงินแล้วจะได้กลับกันสักที” โชคดีที่การคุยกับโธมัสไม่ยุ่งยากเท่าที่คิด เขาเริ่มส่ายสายตามองหาเพื่อนของนภที่ขอตัวออกมาสูบบุหรี่ก่อนหน้านี้

“เห็นเดินไปแถวหลังร้านอ่ะ”

“โอเค งั้นไปตามสองคนนั้นกันเถอะจะได้กลับไปนอนสักที พรุ่งนี้ต้องตื่นไปทำงานแต่เช้าอีก”

โธมัสยักไหล่เดินนำคุณหมอไปตามหนุ่มลูกครึ่งญี่ปุ่นกับไฮโซวัยกระเตาะตรงจุดที่เห็นสองคนนั้นหายเข้าไป ความจริงก็น่าจะยืนสูบอยู่ด้วยกันเพราะไหนๆ ก็ถือว่าเป็นเพื่อนกันแล้ว แต่เหมือนสองคนนั้นจะเกร็งๆ เลยปล่อยเขาไว้คนเดียว

“กูว่าไอ้ฝรั่งนั่นต้องเป็นผัวมันแน่เลยวะ” เสียงพูดไม่เบานักจากประโยคเมื่อครู่ทำเอาทิวากานต์ชะงักเท้า เขาดึงไหล่โธมัสไว้จนเด็กหนุ่มหันมาเลิกคิ้วใส่แล้วต้องหุบปากที่กำลังจะถามเมื่อคุณหมอเอานิ้วแตะปากให้เงียบ เขาเอียงหูตั้งใจฟังเพื่อนของนภคุยกันเป็นภาษาไทย

“กอดจูบหวงกันขนาดนั้นคงเพื่อนธรรมดาหรอกมั้ง ก็คิดอยู่หรอกว่าเด็กมันไม่ใสแต่ใครจะคิดว่าเอาผัวมาเปิดตัว”

“แค่มีผู้ปกครองคอยคุมรับส่งเช้าเย็นก็หาทางแดกยากอยู่แล้ว เสือกพาผัวมาอีกกูละเซ็ง ไอ้นภก็ไม่ช่วยอะไรเล้ยยย ว่าวันพุธน้องมันเข้าไปซ้อมจะตามไปหยอดสักหน่อย เซ็งชิบหาย”

“เอาน่าเดี๋ยวผัวน้องมันก็กลับไปแล้ว คืนศุกร์นี้เลยเป็นไงไอ้นภมันจะพาน้องไปเลี้ยง ถ้าทางสะดวกก็จัดเลยมึง”

“เออ เหี้ย! มึงนี่ฉลาดเหมือนกันนี่หว่า”

“หึๆ ขอกูด้วยนะ ตัวเล็กๆ น่ารักแบบนั้นสเป็คเลยว่ะ”

“เพื่อเพื่อนให้ได้เสมอเว้ย กูเพิ่งได้ของใหม่มาพอดีน่าเอามาลองใช้ชิบหาย”

“จัดไปอย่าให้เสีย”

โธมัสต้องหุบปากไปแบบงงๆ อีกครั้งเมื่อทิวากานต์ทำหน้าดุสั่งให้เงียบแล้วลากเขาออกไปทั้งที่ยังไม่ได้เรียกเพื่อนนภสองคนนั้นออกมาตามความตั้งใจ เขาไม่เข้าใจหรอกว่าสองคนนั้นคุยอะไรกันแต่ฟังเสียงแล้วน่าสนุกไม่น้อย ไม่รู้ทำไมทิวากาต์ต้องทำหน้าเหี้ยมด้วย

“ด็อกเดินออกมาทำไมเนี่ย ไหนว่าจะไปตามสองคนนั้นไง แล้วนี่อะไร ทำหน้าน่ากลัวซะ”

“ช่วงที่นายยังอยู่ที่กรุงเทพช่วยทำตัวให้เป็นประโยชน์ด้วยการทำตัวเป็นหมาเฝ้าบ้านที่ดีที ฉันต้องเข้าเวรที่โรงพยาบาลคืนวันพุธนี้ เพราะงั้นอัลจะอยู่คนเดียวที่คอนโด เขามีซ้อมดนตรีตอนเย็น หลังจากนั้นฉันอนุญาตให้นายลากเขาไปนอนที่โรงแรมด้วยหรือนายจะอัญเชิญตัวเองไปนอนกับเขาที่ห้องยังไงก็ได้ขอแค่อย่าปล่อยให้อัลคาดสายตาตลอดทั้งวัน ทำได้ไหม”

“เฮ้ๆ ยังไงผมก็ต้องอยู่กับอัลอยู่แล้ว แต่ผมไม่เข้าใจทำไมต้องจับตาอัลด้วย สองคนนั่นวางแผนอะไรไม่ดีอยู่หรือไง” สมกับเป็นหมาเกรดพรีเมี่ยม แม้จะฟังไม่ออกแต่สัญชาตญาณแรงจนจับความไม่ชอบมาพากลได้

“ช่างมันเถอะน่า รับปากฉัน”

“ได้ ตกลง”

“แล้วช่วงระหว่างวันก็อยู่กับเขา”

“มันแน่นอนอยู่แล้ว”

“สัญญาลูกผู้ชาย”

โธมัสมองกำปั้นของทิวากานต์ตรงหน้าก่อนชกกลับไปไม่เบานัก “ด้วยเกียรติของตระกูลกริฟฟิธส์เลย”

“ดีมาก” คุณหมอพยักหน้ารับอย่างพึงพอใจ เขาตัดสินใจไม่บอกว่าได้ยินเด็กสองคนนั่นพูดอะไรกันทั้งๆ ที่เขาก็โกรธ แต่จะโวยวายให้เป็นเรื่องก็ใช่ที่เพราะสองคนนั้นยังไม่ได้ทำอะไรด้วยซ้ำแถมเมื่อครู่ก็ไม่มีหลุดชื่ออลันด์ออกมาอีกต่างหากมันจะกลายเป็นว่าเขาตีตนไปเอง แล้วถ้าบอกโธมัสไปรับรองว่าได้มีการละเลงเลือดเกิดขึ้นแน่นอน

หลังสัญญากันเรียบร้อยเขาก็ไล่ให้โธมัสไปตามสองหนุ่มนั่น ส่วนเขาขอเข้าไปข้างในสงบอารมณ์ก่อนได้ซัดหน้าไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมนั่น ให้ตายเถอะนภออกจะดูเรียบร้อยแต่ทำไมเพื่อนมันเหี้ยงี้วะ!!!

“อ้าว หายไปตั้งนานทำไมกลับมาคนเดียววะ” การันต์ถามงงๆ เขาเพิ่งเซ็นชื่อในใบเสร็จไปเมื่อกี้ส่วนคนที่บอกว่าจะไปตามเด็กๆ กลับเข้ามาก็ดันเดินมาคนเดียว

“เดี๋ยวมา” ทิวากานต์ตอบเสียงเซ็งจัด เขาดึงเก้าอี้ตัวข้างอลันด์ออกมานั่งก่อนชะโงกไปถามนภที่นั่งอยู่เกือบท้ายโต๊ะ “นภจะพาอัลไปเลี้ยงวันไหน ที่ไหน ยังไง กี่โมง”

“กะว่าจะพาน้องไปเจอเพื่อนฝรั่งที่เขาเรียนดนตรีอยู่อีกม. ก็คงศุกร์นี้เย็นๆ อ่าครับ คงไปหาร้านนั่งกินดื่มแถวนั้นฉลอง”

“ไปวันอื่นได้ไหม วันนั้นพี่ไม่ว่าง พี่อยากไปด้วย”

“คิวเพื่อนผมได้แค่ศุกร์นี้ด้วยสิครับ พี่วาไม่ว่าอะไรใช่ไหมอ่าครับ”

“ถ้าบอกว่าไม่อยากให้ไปล่ะ”

“ได้ไงอ่ะ” เด็กฝรั่งร้องเสียงหลง ตาสีซีดจ้องคุณหมอเขม็งรอทิวากานต์อ้าปากอธิบายโธมัสก็เดินนำเกมกับชิเข้ามาเสียก่อน เลยถูกตัดบทว่าค่อยไปคุยกันที่ห้อง

ทิวากานต์จัดการฝากฝังโธมัสให้ขึ้นซีรีส์ทรีกลับไปกับคิวหลังถามไถ่ได้ความว่าเจ้าตัวนอนโรงแรมเดิมกับคราวที่แล้ว หนุ่มน้อยหน้าเข้มกับหมาขนทองตัวโตเลยออกจากร้านไปพร้อมๆ กับนภและเพื่อนตัวร้ายอีกสองคนที่จะไปหาร้านต่อกันแถวอาร์ซีเอ

เขากับอลันด์ยกมือไหว้ขอบคุณคุณหมอใจป๋าที่พามาเลี้ยงฉลองเป็นครั้งที่สอง คุยกันอีกนิดหน่อยถึงแยกย้ายขึ้นรถใครรถมัน พออยู่กันสองคนอลันด์ก็หน้างอใส่ทันที ทิวากานต์เข้าใจอยู่หรอกว่าทำไมแต่จะให้เขาพูดก็เหมือนใส่ร้ายเพื่อนเจ้าตัวจึงเลือกเงียบมาตลอดทาง

“ทำไมวาพูดแบบนั้นกับพี่นภล่ะ พี่นภกลัววาจะตายแบบนี้เขาก็ไม่พาผมไปเลี้ยงสิ”

“แล้วเลี้ยงข้าวมันสำคัญขนาดนั้นเลยหรือไง ที่กินอยู่ทุกวันนี้ฉันไม่ได้เลี้ยงเหรอ” เขาเถียงกลับ หงุดหงิดขึ้นมาขึ้นจนอยากหาบุหรี่ดับอาการเพราะไอ้คนที่คอยให้ฟัดเวลาเครียดดันพองขนขู่ใส่อยู่นี่

“มันไม่เหมือนกันนี่ พี่นภเขาจะพาไปเจอเพื่อนเขาที่เป็นนักดนตรีด้วย”

“ไม่เห็นต้องรีบเลย รอฉันว่างก่อนแล้วค่อยไปพร้อมกันทีหลังก็ได้นี่นา”

“เห็นแก่ตัวว่ะ” เด็กฝรั่งใส่ไม่ไว้หน้าหลังทิวากานต์ทำเป็นไม่รู้ร้อนรู้หนาวหยิบหมากฝรั่งขึ้นมาเคี้ยว

“คิดหรือยังถึงพูดออกมาน่ะห๊ะ”

“คิดดีแล้วสิถึงพูด ทีตัวเองไปกินเหล้ากับพี่รันกลับบ้านดึกๆ ผมยังไม่ว่าอะไรเลย ผมจะไปบ้างก็มาห้าม วันศุกร์วาก็ไม่อยู่จะให้ผมนอนเหงาคนเดียวหรือไง โคตรเห็นแก่ตัว so fucking fucking selfish ถ้าจะเป็นห่วงก็ขอทีเถอะผมไม่ใช่เด็กแล้วนะ บรรลุนิติภาวะแล้ว มีใบขับขี่ด้วยทำไมจะเที่ยวบ้างไม่ได้”

“เอ๊าะเหรอ” ทิวากานต์ว่าเสียงสูง เขาต้องกลั้นหายใจนับหนึ่งถึงสิบไม่ให้ทำรุนแรงกับคนข้างตัวที่มาทำหยาบคายใส่ สงสัยอลันด์จะไม่รู้หรือแกล้งลืมไปแล้วว่าเขาโคตรเกลียดเด็กไร้มารยาท “แล้วไปเที่ยวกับเขาน่ะไว้ใจได้หรือไง”

“วา! วาเป็นคนพาผมไปเจอพี่นภเองนะแถมวันนั้นวายังทิ้งผมให้อยู่กับเขาอีก วาจะบอกว่าคนที่วาแนะนำให้ผมรู้จักเป็นคนไม่ดีงั้นสิ”

“ฉันไม่ได้หมายความถึงนภแต่ฉันหมายถึงเพื่อนนภสองคนนั้นต่างหาก” เขาเชื่อตามลางสังหรณ์ตัวเองว่านภเป็นเด็กดีแม้จะอยู่ท่ามกลางสิ่งยั่วยุก็ไม่ไขว้เขว้ และถ้าเกิดลางสังหรณ์เขามันพลาดเขามั่นใจอีกนั่นแหละว่านภจะไม่กล้าทำอะไรอลันด์แน่ๆ เพราะพ่อมันกู้เงินวิคเตอร์ไปเปิดบริษัทตั้งหลายล้าน ไม่งั้นจู่ๆ จะยอมให้คนอื่นเข้าไปใช้ห้องซ้อมส่วนตัวได้เหมือนบ้านตัวเองแบบนี้หรือไง

“พี่ชิกับพี่เก่งเขาเป็นเพื่อนพี่นภนะ วาคิดว่าพี่นภจะคบเพื่อนนิสัยไม่ดีหรือไง ผมเจอเขามาหลายครั้งเขาก็มาช่วยผมซ้อมดนตรีตลอด ผมยืนยันเลยว่าทั้งคู่ไว้ใจได้”

“หึ เด็กที่คิดว่าตัวเองโตแล้วมักคิดง่ายๆ แบบนี้แหละ”

“บางทีผู้ใหญ่แก่กะโหลกกะลาก็ควรจะเปิดตาดูบ้างว่าเด็กเดี๋ยวนี้มันโตเร็ว”

ทิวากานต์คันปากยิบๆ อยากถามกลับไปเหลือเกินว่าไปเอาสำนวนภาษาโบราณอย่างแก่กะโหลกกะลาจากไหนมาใช้ หากด้วยความโมโหทำให้เขาเลือกจะหุบปากสร้างสงครามเย็นใส่กันจนถึงคอนโด

คนแก่กว่าลงมาจากรถยืนกอดอกรออลันด์เปิดท้ายหิ้วกล่องกีตาร์สองตัวลงมาไม่เข้าไปช่วยอย่างเคย ตอนขับรถกลับมาเขาคิดหลักสูตรสร้างเสริมประสบการณ์ชีวิตให้ไอ้ตัวแสบเรียบร้อย ไม่ว่าผลจะออกมาแย่แค่ไหนเขาจะยอมรับมัน ขอเพียงอลันด์เข็ดไม่กล้ามาเถียงเขาอีกนานก็โคตรคุ้มแล้ว

“โตแล้วใช่ไหมอัล”

“...”

“โอเค ฉันผิดเองที่เห็นแก่ตัวและคิดว่าเธอยังเด็ก จะไปเที่ยวไหนก็ไปฉันไม่ห้ามแล้วแต่สัญญากับฉันก่อน”

เด็กลูกครึ่งเอียงคอมองงคนพูดแววตาเคลือบแคลง เมื่อกี้ยังทำหน้าเหี้ยมทำท่าจะเข้ามาบีบคอเขาอยู่เลย จะมาไม้ไหนอีกล่ะ “สัญญาอะไร”

“โตแล้วก็ต้องดูแลตัวเองได้ โอเคไหม”

“ถ้าดูแลตัวเองไม่ได้แด๊ดจะยอมให้มาอยู่คนเดียวไกลขนาดนี้เหรอ” มันต้องเถียงสักหน่อยสิน่า

“ถ้าเกิดปัญหาจำไว้นะว่าต้องแก้เองฉันจะไม่ช่วย”

เจ้าตัวอึกอักไปครู่หนึ่งแค่มองก็รู้แล้วว่าเริ่มไม่มั่นใจกับความคิดตัวเอง แต่ทิฐิทำให้ยอมตกลงไป “อ่าฮะ”

“งั้นสัญญานะว่าจะดูแลตัวเองให้ดีรักตัวเองให้มากๆ” เขาชูกำปั้นขึ้นพลางเหลือบตาดูเด็กตัวเท่าไหล่ชูกำปั้นขึ้นมาเก้ๆ กังๆ ลังเลก่อนชกเข้าใส่เบาๆ

“สัญญา”

“ดีมาก”

เท่านั้นทิวากานต์ก็ยิ้มออกให้อลันด์รู้สึกดีขึ้นและใจชื้นขึ้นมาอีกนิด ยิ่งเห็นคุณหมอก้มลงไปช่วยหยิบกล่องใส่กีตาร์มาถือก็โล่งไปได้เยอะ ที่เห็นเถียงฉอดๆ นี่ไม่ใช่ไม่กลัวโดนโกรธ ยิ่งฟังที่การันต์เล่ามายิ่งกลัวโคตรๆ แต่แค่อยากให้อีกคนเข้าใจว่าเขาก็ต้องมีสังคมและโลกส่วนตัวของเขาบ้าง จะให้ติดอยู่กับทิวากานต์ตลอดเวลาคงเป็นไปไม่ได้

“ไปเถอะ จะได้นอนกันสักที เหนื่อยจะแย่แล้ว”

“อื้อ” เขาจงใจยิ้มกว้างโชว์ฟันส่งไปให้คุณหมอ เมื่อกี้กวนตีนไว้เยอะตอนนี้ต้องรีบอ้อนก่อนถูกคิดบัญชีคืนย้อนหลัง แต่อลันด์ยังเด็กและอ่อนประสบการณ์กว่าทิวากานต์เยอะถึงไม่รู้ว่าถูกคิดบัญชีทบต้นทบดอกเป็นบทเรียนราคาแพงไว้ให้ล่วงหน้าแล้ว เล่นเอาจากนี้ไปเจ้าตัวแสบจะไม่มีวันกล้าดื้อกับทิวากานต์อีกเลย



TBC

มาลงตั้งแต่เมื่อวาน แต่ถูกพี่ลากไปนู่นมานี่ทั้งวันเลยขอยกมาเป็นวันนี้แทนค่ะ
ทอมมี่รอบนี้นางมาดีนะคะ อย่าไปตั้งแง่กับนางนักเลย
ดูซิทุกคนพร้อมใจเรียกว่าหมาขนทอง นางออกจะหล่อออก
มารอดูกันนะคะว่าพี่วาเขียนบทเรียนวิชาสปช.(สร้างเสริมประสบการณ์ชีวิต)ให้น้องอัลแบบไหน
ว่าแต่มีใครทันเรียนวิชาสปช.กันบ้างคะ ดักอายุกันไหม 5555

แล้วเจอกันตอนหน้าค่า ^^
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 16 [23.11.15]
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 23-11-2015 14:07:43
หมออออออออออออออ  ติ่งหมอวารายงานตัวค่ะ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 16 [23.11.15]
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 23-11-2015 15:04:17
รออ่านบทเรียนราคาแพงของอลันน้อย
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 16 [23.11.15]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 23-11-2015 15:05:29
อัลล์จะรอดแบบทดสอบนี้ไหม  บางทีเด็กก็คิดน้อยไป
ต้องให้เจอกับตัว ประสบการณ์ชีวิต
ปล. ยกมือด้วยคน (เค้าทัน)หลังรุ่นเขา2ปี
ไม่มีแล้ว บ่งบอกถึงอายุ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 16 [23.11.15]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 23-11-2015 15:16:46
นึกแล้วโมโห น่าจะกระทืบให้จมดิน ระวังเถอะแกแล้วจะรู้ว่านรกนะมีจริง
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 16 [23.11.15]
เริ่มหัวข้อโดย: VarainDark ที่ 23-11-2015 18:20:19
หมอวาเจ้าเล่ห์ หมอวาโหดร้าย
จะปล่อยตัวแสบไปกพพวกนั้นจริงๆหรอเนี่ย
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 16 [23.11.15]
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 23-11-2015 18:48:36
รออ่านบทเรียนราคาแพงของอัล  555
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 16 [23.11.15]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 23-11-2015 20:15:39
เด็กดื้อบอกดี ๆ ไม่มีฟังหรอก ต้องให้เจอเองแต่ต้องสอนวิธีเอาตัวรอดด้วยนะ
ไม่ว่าจะในฐานะผู้ปกครองหรือแฟนก็มีแต่เหนื่อยกับเหนื่อย ก็เด็กแสบ so hot นี่เนอะ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 16 [23.11.15]
เริ่มหัวข้อโดย: sweetyswtcou ที่ 23-11-2015 22:01:52
ค้างเลยอ่ะ  :serius2:
ทอมคงดูแลอัลได้และไม่ทำอะไรอัลนะ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 16 [23.11.15]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 24-11-2015 00:29:56
 :katai1:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 16 [23.11.15]
เริ่มหัวข้อโดย: Mokuchi ที่ 24-11-2015 03:11:47
นับว่าทอมมาถูกช่วงจริงๆ รับหน้าที่หมาเฝ้าบ้านไปซะ
หมอวาคือดีนะ ไม่ห้ามแต่ให้เรียนรู้บทเรียนเอง เด็กจะได้หายดื้อซะที #ติ่งหมอวา 555  :hao3:
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 16 [23.11.15]
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 24-11-2015 04:20:48
พลาดเรื่องสนุกๆแบบนี้ไปได้ยังไงกันนะ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 16 [23.11.15]
เริ่มหัวข้อโดย: pim-lovemj ที่ 24-11-2015 07:51:05
 :เฮ้อ: เหนื่อยใจแทนหมอวา น้องอัลดื้ออ่ะ
 :hao3: แต่หมอวาคงมีวิธีจัดการเด็กดื้อได้นะคะ
รอติดตามการทบต้นทบดอกของหมอวาละกันค่ะ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 16 [23.11.15]
เริ่มหัวข้อโดย: LetGet ที่ 25-11-2015 11:47:45
น้องตัวเล็กลงแล้ว ดีกับใจเรามากเลย น่าทะนุถนอมที่สุด พี่หมอวาต้องดูแลน้องดีดีนะ ถ้าน้องดื้อก็จัดการเลย ทบต้นทบดอกให้เสร็จสรรพ  :hao6:  :hao6:  :hao6:
หัวข้อ: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 17 [29.11.15]
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 29-11-2015 12:57:29
TRACK 17



กี่เดือนแล้วนะตั้งแต่ทิวากานต์ถูกกวนตอนนอนถ้าไม่นับถูกปลุกเพราะมีเคสตอนกลางคืน นับว่านานพอดูตั้งแต่ตอนที่อลันด์ย้ายมาใหม่ๆ และตอนนี้เขากำลังถูกไอ้บ้าที่ไหนไม่รู้รัวกริ่งใส่จนต้องแหกขี้ตาตื่นขึ้นมาตอนตีสอง แม่งบ้าไปแล้ว!

“อือ...”

“ชู่ว...” เขาก้มไปจูบเหม่งอลันด์เบาๆ กล่อมให้อีกคนหลับต่อหลังสะดุ้งขึ้นมาเพราะเสียงกริ่งเหมือนกัน พอคนร่วมเตียงหลับลงไปอีกครั้งคุณหมอก็รีบย่ำเท้าลงมาจากห้องนอนไปเปิดประตู หากปากที่อ้าเตรียมจะด่ากลับต้องหุบฉับเพราะไอ้หมาขนทองตัวยักษ์ยืนโวยวายใส่เขาเป็นชุดไม่เปิดโอกาสให้ต่อว่าได้เลย

“ด็อก! พระเจ้าช่วย! ผมกดออดตั้งนานนึกว่าคุณหายไปอีกคน ให้ตายเถอะอัลหายไปไหนไม่รู้ ผมกดกริ่งห้องเขาอยู่ครึ่งชั่วโมง โทรหาแล้วแต่ติดต่อเขาไม่ได้เลย อัลไม่ใช่พวกขี้เซาซะหน่อย หรือว่าอาการโรคหัวใจเขากำเริบ ด็อกรู้รหัสเข้าห้องอัลไหม ผมไปติดต่อเจ้าหน้าที่ข้างล่างเขาก็ไม่รู้เหมือนกันบอกต้องรอช่างมางัดตอนเช้า”

“ให้ตายเถอะทอม! นายเป็นบ้าอะไรมาหาอัลตอนตีสอง แล้วนี่ขึ้นมาได้ยังไง”

“ผมมาตั้งแต่ตีหนึ่ง เดินขึ้นบันไดหนีไฟมา”

คุณหมอแทบทึ้งหัวตัวเองทิ้งหลังได้ยินไอ้หมาขนทองมันบอกหน้าซื่อ ไม่รู้จะชมหรือด่าดีกับความอุตสาหะเดินบันไดขึ้นมาตั้ง 21 ชั้น! “นั่นแหละ ไม่คิดว่ามันดึกเกินไปหรือไง แล้วบุกรุกยามวิกาลมันผิดกฎหมายเว้ย”

“ก็ด็อกบอกให้ผมมาอยู่กับเขา”

“ฉันหมายความแค่วันพุธวันเดียว” ชายหนุ่มหน้ามุ่ย สมองใกล้ระเบิดเต็มทีที่ต้องมายืนเถียงกับชาวต่างชาติตอนตีสอง

“อยู่ทุกวันไม่ดีกว่าหรือไง เดี๋ยวสิอย่าเพิ่งเถียงกันเรื่องไร้สาระนี่ อัลหายไป เราต้องตามหาเขานะด็อก!”

ทิวากานต์อยากจะตบหน้าผากโชว์มันเสียตอนนี้ จะเจออลันด์ได้ไงในเมื่อเด็กนั่นมานอนห้องเขาแถมปิดเสียงปิดสั่นโทรศัพท์อีกต่างหาก ตะโกนเรียกหาให้ตายก็ไม่เจอหรอก

“วา...ใครมาอ่ะ” นั่นไง! ไม่ทันไรตัวต้นเหตุก็เดินตาปรือมาจากในห้องเขาพอดี คุณหมอนึกว่าเจ้าตัวหลับสนิทไปอีกรอบแล้วเสียอีก สงสัยเห็นเขาหายไปนานเลยออกมาหา ตาปิดขนาดนั้นโชคดีที่ไม่ตกบันไดลงมาคอหักตายไปก่อน

“อัล!”

“หือ ทอม?”

“ทำไมนายมาอยู่ห้องด็อกล่ะ” โธมัสโวยวายเสียงดังลั่นกลัวห้องอื่นเขาเดินออกมาด่าจริงๆ ทิวากานต์เลยจำใจเบี่ยงตัวให้ไอ้หมายักษ์เขามาในห้องแล้วปิดประตูให้เรียบร้อย “ฉันไปเคาะเรียกนายที่ห้องตั้งนานนึกว่านายหายไปหรือเป็นอะไรไปแล้วซะอีก”

“หะ หือ... เอ่อ คือว่า...” จากที่จวนเจียนจะหลับไปอีกรอบเมื่อครู่ก็กลายเป็นตาสว่าง เอียงหน้าหนีเพื่อนตัวโตที่ทำท่าจะกินเขาเข้าไปทั้งตัว

“OH - MY - GOD - ! YOU MAKE ME FUCKING CRAZY!!!”

“เดี๋ยวสิ แล้วนายมาทำบ้าอะไรตอนนี้” เด็กลูกครึ่งรีบเอามือยันหน้าโธมัสออกสุดแรงก่อนถูกกินเข้าไปจริงๆ

“ฉันจะมานอนกับนายไง”

“แล้วโรงแรม?”

“ไว้อาบน้ำ” หนุ่มผมทองตาฟ้าตอบชัดถ้อยชัดคำ เจ้าของโรงแรมห้าดาวมาได้ยินคงน้ำตาไหลพรากที่ห้องสวีทราคาคืนเป็นแสนมีค่าไว้เพียงอาบน้ำ “ว่าแต่นายเถอะ ทำไมมานอนห้องด็อกได้”

พอถูกย้อนคำถามเข้าบ้างก็อ้ำอึ้ง จะให้ตอบว่ามานอนห้องแฟนผิดตรงไหนก็ไม่ได้อีก อโศกได้ลุกเป็นไฟแน่ๆ

“คือว่าแอร์ที่ห้องมันเสียน่ะ เสียหมดทุกตัวเลย ไม่รู้เป็นอะไรฉันเลยขอมานอนห้องวาตั้งแต่เมื่อคืนแล้วล่ะ นี่ก็ยุ่งๆ เรื่องแข่งดนตรีเลยยังไม่ได้เรียกช่างมันดู ใช่ไหมวา” พอถูกจ้องกลับมาเหมือนจะไม่เชื่ออลันด์ก็รีบขุดเรื่องโกหกขึ้นมาบอก ไม่ลืมหันไปหาตัวช่วยหน้าบูด

“ใช่ เพราะงั้นกลับโรงแรมไปซะ คืนนี้ยังไม่มีที่ให้เธอนอนหรอก” ทิวากานต์ก็รับลูก พยักหน้ายืนยันเสียงนิ่งไม่ปรากฏพิรุธ

“อะไรกัน ทีอัลยังนอนกับด็อกได้เลยอ่ะ ผมขอนอนด้วยคนสิ”

“คิดว่าเตียงฉันจะพอยัดผู้ชายสามคนได้หรือไง”

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวให้อัลนอนบนตัวผมก็ได้ ยิ่งตอนนี้อัลผอมแล้ว สบายมาก”

ทิวากานต์ตาเหลือกเหมือนได้ยินเสียงเส้นเลือดข้างขมับเต้นตุบๆ ตาคมมองเด็กยักษ์ขนาดหกฟุตกับอีกห้านิ้วตั้งแต่หัวจรดเท้า ชุดพร้อมนอนมากแบกเป้มาด้วยอีกใบเหมือนหนีออกจากบ้าน อยากซัดหน้าไอ้หมาขนทองสักทีแต่เพลียเกินจะกล่าว “แค่คืนนี้คืนเดียว!”

“ทุกคืนก็ไหว”

“แต่นี่มันห้องฉัน ไม่งั้นก็นอนห้องรับแขก”

“โอเค คืนเดียวก็คืนเดียว” โธมัสยักไหล่ยอมแพ้ รอให้เจ้าของห้องเดินนำขึ้นไปชั้นบนถึงค่อยตามไป แต่ก็ยังโวยวายตอนที่เห็นเตียงขนาดใหญ่พิเศษของทิวากานต์ว่าใหญ่ขนาดนี้ให้เอาเจมส์มานอนด้วยอีกคนก็ยังไหว

คุณหมอศัลย์รูปหล่ออยากจะลับฝีปากด้วยอยู่หรอกถ้าไม่ติดว่านี่จะตีสองครึ่งแล้วและเขาต้องตื่นตีห้าไปทำงาน พอเจอเตียงก็รีบทิ้งร่างทันที ไอ้คนมาแย่งที่ก็กลัวโดนไล่เลยรีบล้มตัวเบียดนอนข้างๆ ดึงผ้าห่มมาคลุมตัวเรียบร้อย เหลือที่ตรงกลางนิดเดียวแต่ข้างเตียงสองด้านโล่งโจ้งให้อลันด์ที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำขยี้ตามองมึนๆ

ถ้าไปนอนฝั่งทิวากานต์โธมัสโวยวายแน่ๆ แต่ถ้าไปนอนฝั่งโธมัสคนแก่ขี้หวงอย่างทิวากานต์น่ะแหละจะหาเรื่องมาทะเลาะกับเขาทีหลัง เพื่อเป็นการตัดปัญหาเด็กลูกครึ่งเลยให้สองคนนี้มาเจอกันคนละครึ่งทาง มุดผ้าห่มไปแทรกกลางเสียเลย

“เขยิบหน่อย ทั้งคู่เลย” มือขาวตีแขนผู้ชายตัวโตสองคนคนละทีถึงยอมแยกจากกันให้เขามีที่นอน แต่เกิดปัญหาหมอนไม่พออีก อลันด์รีบตัดปัญหาไม่หนุนหมอนแม่งก่อนคุณอัลเซเชียนกับคุณโกลเด้นจะตีกันจนไม่ได้นอน แล้วต้องนอนหงายตรงๆ ด้วยนะจะได้ไม่มีใครได้กอดเท่าเทียมกันทุกฝ่าย

เจ้าเหมียวตัวแสบได้ยินเสียงคู่กัดกล่าวราตรีสวัสดิ์งำงึมเหมือนไม่พอใจ จนเขาขู่ว่าถ้ายังเรื่องมากเดี๋ยวเขาจะลงไปนอนที่ห้องนั่งเล่นเองถึงยอมหุบปากเงียบนอนกันได้เสียที



อลันด์สะลึมสะลือขึ้นมาตอนรู้สึกมีอะไรเย็นๆ แตะแก้ม ปรือตามองหน้าหล่อเหมือนพระเอกหนังฮ่องกงของทิวากานต์ที่ลอยอยู่ตรงหน้าจนภาพเบลอในตอนแรกแจ่มชัด จิตสำนึกบอกว่าถึงเวลาตื่นไปอาบน้ำแต่งตัวไปเรียนได้แล้ว หากพอเขาจะลุกขึ้นกลับถูกคนโตกว่ากดไหล่ไว้ซ้ำช่วงเอวยังถูกอะไรไม่รู้รัดแน่นจนขยับไม่ได้ ไหนจะเสียงกรนสนั่นเหมือนหวูดรถไฟแต่คุ้นหูนั่นอีก

“ชู่ว... นอนต่อเถอะไม่กวนแล้ว”

“วันนี้วันอังคารไม่ใช่เหรอ” งงอยู่หรอกแต่ก็ยอมทิ้งหัวแตะหมอนอีกครั้ง

“เดี๋ยวฉันไปก่อน วันนี้เราก็ขับรถไปเรียนเองแล้วกันอย่าลืมพาทอมไปด้วยล่ะ ฉันทำมื้อเช้าไว้ให้แล้ว หลับซะหกเจ็ดโมงค่อยตื่นใหม่” พอได้ยินชื่อเพื่อนรักถึงระลึกได้ว่าไม่ได้นอนอยู่คนเดียว แต่มีเจ้าของอ้อมกอดแน่นๆ และเสียงกรนร่วมเตียงอยู่ด้วย

เปลือกตาขาวซีดหย่อนลงอีกหนพร้อมจะหลับได้อีกครั้งทุกเมื่อ “อือ ขับรถดีๆ นะ”

“ครับ” คุณหมอฉีกยิ้มมาให้แถมจูบบนหน้าผากหนึ่งที อลันด์ถึงรู้ว่าไอ้เย็นๆ ที่ปลุกเขาขึ้นมาก็คือริมฝีปากของทิวากานต์นั่นเอง

เด็กหนุ่มกระพริบตามองตามหลังเจ้าของห้องตัวจริงในชุดทำงานผูกไทเรียบร้อยฉีด Creed  Aventus หอมฟุ้งจนอยากดึงมานอนซุกไม่ปล่อยให้ไปทำงานเจอพยาบาลหรือคนไข้ที่ไหนอีกเลย หากตอนนี้เขาถูกเสียงกรนของโธมัสกล่อมจนเผลอหลับไปอีกรอบอย่างง่ายดาย

เด็กฝรั่งรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกทีตอนใกล้จะเจ็ดโมงเช้า วันนี้มีเรียนสิบโมงถ้าออกตอนสายหน่อยรถคงไม่ติดเท่าไหร่ ร่างเล็กลุกขึ้นจากเตียงเดินลากขาเข้าไปในห้องน้ำจัดการล้างหน้าแปรงฟันเสร็จก็ออกมาใช้ตีนเตะไอ้หมาขนทองที่นอนแผ่เต็มเตียงให้ลุกขึ้นมาหากิน

“ด็อกล่ะ” โธมัสถามเสียงง่วง นั่งคอพับคองอตาปรือ

“ไปทำงานตั้งนานแล้ว”

“ขยันจังแหะ”

“ฉันต้องออกไปเรียนตอนเก้าโมงและนายคงฝังตัวอยู่ที่นี่ทั้งวันไม่ได้ เพราะงั้น...”

“ฉันจะไปนั่งเรียนด้วย” หนุ่มนักกีฬารีบเสนอตัวทันที ไอ้ท่าทางพร้อมล้มตัวลงนอนทุกเมื่อหายวับ หันไปมองอีกทีอลันด์ก็เห็นแต่หลังอีกฝ่ายคว้าเป้วิ่งหายเข้าไปในห้องน้ำแล้ว

ระหว่างนั้นแฟนเจ้าของห้องที่ดีก็ผลัดชุดนอนเป็นชุดนักศึกษาก่อนเดินลงไปดูมื้อเช้าที่ทิวากานต์เตรียมไว้ให้ มีซีเรียลโฮลวีทกับเบอร์รี่รวมที่ทำความสะอาดแล้วกล่องใหญ่  กีวี่หันแว่น นมจืดพร่องมันเนย (ช่วงไดเอตแรกๆ เป็นนมขาดมันเนยรสชาติเหมือนน้ำล้างจาน แต่กินสักพักแล้วติดหนุบหนับจนทิวากานต์บอกว่าไม่ต้องควบคุมอาหารเท่าตอนแรกแล้วเอานมจืดธรรมดามาให้กิน กลายเป็นว่าเด็กฝรั่งเกิดอาการเหม็นคาวกินไม่ได้ขึ้นมาซะงั้น เลยต้องค่อยๆ เปลี่ยนกลับมาเป็นแบบครึ่งๆ ไปก่อน) กับไข่ต้มอีกสองฟอง

อลันด์จัดมื้อเช้าให้ตัวเอง เทซีเรียลกับผลไม้ใส่ชามตามด้วยนมจนท่วมก่อนอุ้มออกมานั่งตรงห้องนั่งเล่นเปิดทีวีดูรายการข่าวเช้า ตักซีเรียลเข้าปากไม่ถึงสิบสามคำโธมัสก็วิ่งตึงตังลงมาจากข้างบนหน้าตาตื่น โวยวายเสียงดังหาว่าเขาจะทิ้งอีกคนไว้ที่นี่

“ให้มันน้อยๆ หน่อย มื้อเช้าอยู่ในครัว ชามอยู่ในตู้ข้างบนซิงค์ จัดการเอาเองนะ”

“ฉันนึกว่านายกินมื้อเช้าที่ห้องซะอีก แม่บ้านเขาไม่ได้มาทำให้กินหรือไง” หนุ่มผมทองในสภาพแตกต่างจากเมื่อวานราวกับเป็นคนละคนด้วยเสื้อยืดแขนสั้นกับกางเกงยีนส์ขายาวเลิกคิ้วฉงน เท้าสาวตรงเข้าไปในส่วนครัวหยิบอุปกรณ์การกินออกมาจัดการตามที่อลันด์บอก จนเสร็จถึงเดินกลับมานั่งเบียดเพื่อนรักบนโซฟาตัวใหญ่

“แล้วแต่บางวันจะสั่ง ส่วนใหญ่กินกับวานี่แหละง่ายดีไม่เสียเวลาดี ไงก็ออกไปพร้อมกันอยู่แล้ว”

“โฮ่ ไอ - ซี คงจะบ่อยมากจนรู้จักห้องนี้ทุกซอกทุกมุมเลยสินะ”

ตาสีซีดเหลือบมองคนข้างตัวแล้วยักไหล่ตักซีเรียลกินเหมือนไม่ได้ยินประโยคเมื่อครู่แกล้งเปลี่ยนไปเรื่องอื่นแทน “มีไข่ต้มบนโต๊ะด้วยนะ แต่ฉันไม่อยากกินยกให้นายสองฟองเลย”

“Thanks! ไม่เกรงใจล่ะ”

อยากจะตอกกลับไปเหลือเกินว่าเอ็งไม่เกรงใจตั้งแต่มากดกริ่งตอนตีสองแล้ว แต่เพื่อไม่ให้อะไรๆ มันมัดตัวอลันด์จึงทำเฉยไปซะ

พอจัดการมื้อเช้าล้างจานเก็บเสร็จเรียบร้อยอลันด์ก็พาโธมัสออกจากคอนโดเสียที ตอนแรกชายหนุ่มเสนอให้เรียกรถของโรงแรมมารับไปส่งเพราะไหนๆ จ่ายค่าที่พักไปแพงแล้วแต่ไม่ได้ใช้บริการอะไรเลยดูจะไม่คุ้ม แต่ทั้งหมดนั่นถูกอลันด์ปัดตกไปเพราะกว่ารถของโรงแรมจะฝ่าการจราจรจากแถวสาทรมาถึงอโศกเพื่อวนกลับไปส่งเขาที่มหาวิทยาลัยอีกทีคงได้เข้าคลาสสายแน่ๆ

สาวๆ ที่คณะดูจะตื่นเต้นที่ได้เจอชายหนุ่มรูปหล่อผมทองอีกครั้งในรูปแบบที่เอื้อมถึงมากกว่าเดิม ทว่าเป็นที่น่าเสียดายของพวกหล่อนที่ดวงตาสีฟ้าสดไม่สนใจมองใครเลยนอกจากเพื่อนซี้ตัวเล็กเพศชายแม้ว่าพยายามเดินอ่อยไปมาแล้วก็ตาม

“อ้าว มาแต่เช้าเลยนะ” คนินทร์ทักโธมัสที่นั่งหาวอยู่ข้างอลันด์บนโต๊ะใกล้ลิฟต์ จะว่าแปลกใจก็ใช่แต่ไม่แปลกใจที่เห็นหนุ่มฝรั่งตัวโตที่นี่ก็ใช่อีก คือคิดแหละว่าต้องมาแต่ไม่ใช่เช้าแบบนี้

“จะเป็นหมาที่ดีต้องคอยเฝ้าอัลตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง”

“หืม?” หนุ่มไทยเลิกคิ้วหรี่ตามองคนพูดเหมือนไม่แน่ใจเท่าไหร่ เขาแคะหูทำเหมือนได้ยินที่อีกฝ่ายพูดไม่ชัด อะไรหมาๆ นะ หรือเขาเกิดอาการไม่เข้าใจภาษาอังกฤษขึ้นมากะทันหันกัน “นายว่าอะไรนะทอม”

“ถ้านายให้ราคากับกัปตันชมรมรักบี้ที่สนใจแต่ว่าจะทำยังไงให้ทำแต้มโปโลได้มากกว่านักกีฬาโปโลทีมชาติ ขอบอกเลยว่าไปทำอะไรที่มีสาระกว่านี้เถอะ” เป็นอลันด์ที่แทรกขึ้นมาเพราะชักจะเอือมกับเพื่อนซี้ขนทอง ไม่รู้อยู่กับฝูงโกลเด้นที่บ้านมากเกินไปหรือไงถึงได้เพี้ยนจนนึกว่าเป็นพวกเดียวกันไปแล้วจริงๆ

“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ แต่มาหาอัลแต่เช้าเลยนะ นึกว่าจะเจ็ทแลคนอนซมอยู่ที่โรงแรมซะอีก”

“เคยได้ยินไหม คนบ้าไม่ป่วยน่ะ”

“ฉันไม่บ้านะอัล” โธมัสทำท่าครางหงิงๆ ถูคางกับไหล่เพื่อนตัวเล็กเหมือนหมาอ้อนเจ้าของ คนินทร์ถึงกับขยี้ตาเพื่อพิสูจน์ว่าไม่ได้ตาฟาดไปที่เห็นหูกับหางงอกออกมาจากตัวหนุ่มฝรั่งรูปหล่อ

“คงไม่มีคนปกติที่ไหนบุกมาบ้านคนอื่นตอนตีสองหรอก”

“อย่าบอกนะว่าเมื่อคืน...”

“ใช่ ไอ้หมานี่มาหาฉันตอนตีสองเพื่อจะบอกว่านอนเตียงโรงแรมไม่ได้” หนุ่มไทยแทบจะทำหน้าหมีใส่คนนอนเตียงโรงแรมห้าดาวไม่ได้ พ่อคุณนอนได้แต่เตียงยัดขนห่านหรือยังไง

“เพราะไม่มีอัลนอนด้วยต่างหาก”

“เข้าใจล่ะ” คนินทร์ชักเข้าใจความรู้สึกอลันด์ที่มีเพื่อนแบบนี้แล้ว ถ้าเป็นเขาคงขอชกสักที อัลเองคงอยากทำแบบนั้นเหมือนกันแต่ขนาดตัวไม่อำนวยให้ เกรงว่าก่อนได้ชกคงถูกดีดออกไปนอกโลกซะก่อน

เมื่อคลาสเรียนเริ่มโธมัสจำต้องระเห็จตัวเองออกจากเพื่อนตัวเล็กชั่วคราวเพราะอาจารย์ประจำวิชาไม่อนุญาตให้นักศึกษาต่างชาติและต่างมหาวิทยาลัยเข้าซิทอินด้วยได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับพวกที่เรียนวิศวกรรมศาสตร์หน้าหล่อที่เข้ามาฟังแล้วคงไม่เข้าใจและพลอยทำเอานักศึกษาสาวทั้งคลาสเรียนไม่รู้เรื่องไปด้วย หนุ่มลูกเสี้ยวเยอรมันเลยพาตัวเองเดินเล่นอยู่แถวนั้นแทนการไปฝังตัวอาบแอร์คอนดิชั่นเย็นๆ อยู่ในห้องสมุดของมหาวิทยาลัย อย่าได้กลัวหลงเพราะเขามีกูเกิ้ลและอินเตอร์เน็ทพร้อมอยู่ในมือ แถมทุกอย่างยังสะดวกสบายสอบถามทางกับใครก็มีแต่คนรีบวิ่งเข้ามาให้ความช่วยเหลือ บางคนถึงขั้นอาสาจะพาเขาเที่ยวด้วยซ้ำ ก็อยากอยู่หรอกนะแต่ไม่เอาล่ะเดี๋ยวอัลจะน้อยใจ

โธมัสใช้เวลาสองชั่วโมงเดินไปตามทางเลียบริมแม่น้ำหาของขึ้นชื่อแถวนั้นกิน ขอบอกตรงนี้เลยว่าอาหารเช้าที่ทิวากานต์เตรียมไว้ให้นั้นไม่พอเยียวยากระเพาะเขาให้หายหิวได้เลยแม้แต่นิดเดียว ดูแต่ละอย่างสิ นม ผลไม้ ซีเรียล เพราะงี้ไงถึงได้ตัวผอมแห้งไร้กล้ามเนื้อกันทั้งคู่ ถ้าอยากหุ่นดีแบบเขาต้องกินไข่ลวกสักสองฟอง ไส้กรอกสักสามชิ้น กับอกไก่ต้มครึ่งโลเป็นมื้อเช้าและออกกำลังกายต่างหาก!

หาอะไรกินจนอิ่มแปล้ก็เดินไปนอนอาบแดดฟังเสียงเรือวิ่งไปวิ่งมาจนถึงเวลาพักเที่ยง เขาเดินกลับไปมหาวิทยาลัยก่อนถูกเพื่อนคนไทยของอัลพาไปกินมื้อเที่ยงแบบไทยๆ ตามด้วยขนมหวานละลานตา

อลันด์ซื้อคุ้กกี้รูปดอกไม้ให้ถุงหนึ่ง บอกว่าเป็นคุ้กกี้แบบไทยมีกลิ่นหอมและรสชาติหวานละมุนลิ้นเรียกว่ากลีบลำดวน โธมัสลองแล้วติดใจซื้อกลับไปอีกห้าถุงบอกจะเก็บไว้เป็นเสบียงกรังตอนรอเพื่อนซี้เรียนช่วงบ่าย ส่วนคนแนะนำกลับกินแค่ชิ้นเดียวแล้วบ่นอุบว่าหวานทั้งที่ก่อนหน้านี้ชอบมากจนคะยั้นคะยอให้ทิวากานต์ทำให้กินที่คอนโดมาแล้ว

พอเพื่อนรักกลับไปเรียนคราวนี้โธมัสหอบถุงขนมใส่กระเป๋าเป้ ทดลองทำตัวเป็นแบคแพคเกอร์นั่งเรือกลับโรงแรมไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า

แม้ใจจะอยากอยู่กับอลันด์ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงตามที่ให้สัญญากับคุณหมอ แต่อลันด์มีคนินทร์อยู่ด้วยดูยังไงก็ไม่น่าจะเป็นห่วง แถมมหาวิทยาลัยอยู่ใกล้โรงพยาบาลแค่แม่น้ำกั้นเกิดอาการโรคหัวใจกำเริบขึ้นมายังไงก็ส่งถึงมือหมอทันแน่ๆ โธมัสคิดถึงเมื่อวานที่ไปตามเพื่อนนภสองคนนั้นกลับเข้าไปในร้าน ตอนนั้นทิวากานต์เริ่มทำตัวแปลกๆ ทำไมคุณหมอต้องให้เขาอยู่ตัวติดกับอัลด้วยนะ โดยเฉพาะวันพุธที่เจ้าตัวต้องเข้าเวรที่โรงพยาบาล มันแปลก...

“หรือว่าด็อกอยากให้เราใช้เวลานั้นปรับความเข้าใจกับอัล” หนุ่มขนทองสรุปเข้าข้างตัวเองหน้าซื่อ ยิ้มร่าเมื่อคิดว่าจะใช้เวลาทั้งคืนทำอะไรกับอลันด์ผู้น่ารักดี

.
.
.

และแล้ววันพุธหรรษาก็มาถึง อลันด์รู้สึกใจหายหวิวๆ ในช่วงอกเมื่อตอนต้องจากกับทิวากานต์ในช่วงเช้าและจะไม่ได้เจอกันอีกจนกว่าจะถึงพรุ่งนี้ ความจริงช่วงเย็นพอจะมีเวลานั่งกินข้าวด้วยกันที่โรงพยาบาลสักหน่อยแต่คุณหมอเป็นคนปฏิเสธข้อเสนอนั้นด้วยการต้องอยู่ดูแลคนไข้เคสหนึ่งตามที่การันต์ฝากฝังไว้เป็นพิเศษ เด็กฝรั่งรู้สึกอยากจะงอแงเป็นเด็กสามขวบใส่การันต์ขึ้นมาเสียเดี๋ยวนั้น ไม่รู้ทำไมต้องไปสัมมนาตอนนี้ด้วยนะ!

“ทอมกลับวันไหนกี่โมงนะ”

“พฤหัสค่ำๆ” เขาตอบเอื่อยๆ แกล้งทำเป็นหยิบกระเป๋าเป้ช้าๆ แต่เหมือนทิวากานต์จะรู้ทันเลยเอี้ยวตัวไปหยิบจากเบาะหลังมาให้

“จะไปส่งหรือเปล่า”

“ไม่รู้สิ นี่วา ถามจริงเถอะคิดไงให้โธมัสมานอนเป็นเพื่อนผมคืนนี้น่ะ” เด็กหนุ่มกอดกระเป๋าเป้แน่นทำหน้างอ ทิวากานต์เพิ่งบอกเมื่อคืนว่าจะให้โธมัสมานอนด้วยนี่เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เขารู้สึกมวนในท้อง มันต้องเกิดอะไรขึ้นกับความคิดของคุณหมอแน่ๆ “ไม่กลัวเขาไล่ปล้ำผมอีกหรือไง ไหนบอกหวง”

“แล้วใครบอกให้เธอนอนเฉยรอไอ้หมานั่นมาปล้ำล่ะ” ทิวากานต์ทำหน้าฉุน “ฉันแค่อยากให้เธอได้ใช้เวลากับเพื่อน เข้าใจไหม เพื่อน พอ - เอือ - นอ - เพือน - ไม้เอก - เพื่อนอ่ะ”

“เพื่อนที่จ้องจะงาบผมตลอดยี่สิบชั่วโมง ขอบคุณมาก วาลืมไปแล้วเหรอว่าผมกลัวเขา ผมสู้เขาไม่ได้หรอกถ้าจู่ๆ หมอนั่นอยากจะเล่นมวยปล้ำบนเตียงกับผมขึ้นมา”

“เธอทำได้” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง หันใบหน้ามาทางอลันด์ จดจ้องจนหน้าขาวผงะไปด้านหลัง “ฉันเชื่อว่าเธอมีวิธีจัดการกับทอมได้ ทอมไม่ใช่คนโง่แต่เป็นหมาฉลาดระดับพรีเมี่ยมที่ฟาร์มเพาะต้องการไปเป็นพ่อพันธุ์ คืนนี้เธอต้องพูดกับเขาให้เข้าใจว่าเธอขีดเส้นกั้นให้เขาได้แค่เพื่อน เข้าใจไหม ถ้าเธอเคลียร์ความสัมพันธ์ยุ่งเหยิงนี่ไม่ได้ด้วยตัวเองใครก็เข้าไปจัดการให้ไม่ได้หรอก แล้วพวกเธอก็จะเป็นแบบนี้ วนเวียนทะเลาะคืนดีกันเป็นวงจรอุบาทว์”

หากเหตุผลมากกว่านั้นที่ทิวากานต์ไม่บอกออกไปคือเขาตั้งใจใช้โธมัสเป็นคู่ซ้อมมือการเอาตัวรอดจากการถูกข่มขืนฉบับทดลองจริงแบบไร้ตัวช่วยสำหรับคืนวันศุกร์ที่จะถึงนี้ต่างหาก เขาไม่หวังอยู่แล้วว่าอลันด์จะชกหน้าโธมัสคว่ำ แต่แค่อลันด์ได้ฝึกรบกับโธมัสคงดีกว่าไปตัวเปล่าแบบไม่มีประสบการณ์เอาตัวรอดเสียเลย เจ้าพวกเพื่อนเลวของนภคงไม่ยอมรามือง่ายๆ เพียงแค่เจ้าเด็กแสบนี่ร้องไห้หรือสลบอย่างที่โธมัสทำแน่นอน

ถึงจะมั่นใจว่าโธมัสคงไม่เลวร้ายถึงขั้นขืนใจเพื่อนรักถ้าเพื่อนไม่สมยอม แต่เรื่องอะไรที่เขาจะไม่ป้องกันอะไรเลย เขาลูบหัวสีช็อกโกแลตนมเบาๆ เมื่อเห็นอีกฝ่ายหน้าซีด “ไม่ต้องกลัวน่า”

“วาไม่ต้องไปรบกับไอ้หมาบ้าที่ยกเบนช์เพรสได้สามร้อยสามสิบปอนด์(ประมาณร้อยห้าสิบกิโลกรัม)นี่!”

ทิวากานต์ทำตาโตมองอลันด์ที่ทำหน้างอไปแล้ว ยอมรับว่าตกใจที่ได้ยินสถิติยกเหล็กของไอ้หมาบ้านั่นอยู่บ้าง (ไม่ตกใจก็ไม่ใช่คนล่ะ นี่มันยกน้ำหนักได้เท่าน้ำหนักตัวเขาถึงสองเท่าเลยนะ!) ทิวากานต์กลืนน้ำลายลงคอดังเอื๊อกก่อนกระแอมเก๊กเสียงเข้ม “ต่อให้กล้ามใหญ่แค่ไหนยังไงก็คงไม่กันไฟฟ้าหรอกมั้ง”

“หือ?”

“เอ้านี่ เก็บไว้ใกล้ๆ ตัว ถ้าไม่ไหวก็ช็อตแม่งเลยเข้าใจไหม”

ตาสีซีดก้มมองเครื่องช็อตไฟฟ้าในมือทึ่งๆ ทิวากานต์เพิ่งหยิบมันออกมาจากกระเป๋ากางเกงเมื่อกี้ ให้ตายเถอะ! หมอเถื่อนมาก “วา... ทอมจะตายไหมเนี่ย”

“ห่วงจังนะ มันไม่ตายหรอกน่าแค่พอสลบสักชั่วโมงสองชั่วโมง ค่อยหนีตอนนั้นออกมาแล้วกัน”

“โอ้ - มาย - ก็อด นี่วาเป็นหมอจริงๆ ใช่ไหม”

“เห็นเป็นหมาหรือไงล่ะ” อลันด์บุ้ยหน้า เก็บเครื่องช็อตไฟฟ้าใส่กระเป๋าเป้ เอียงหูฟังทิวากานต์เทศนาต่อ “แล้วจำไว้นะ อย่าหยิบมาใช่สุ่มสี่สุ่มห้ารู้ไหม ถ้าคุยกันไม่รู้เรื่องแล้วทอมพยายามใช้กำลังค่อยเอาออกมา”

“อ่าฮะ”

“ดี วันนี้พาทอมไปซ้อมด้วย เป็นเด็กดีล่ะแล้วเจอกันพรุ่งนี้”

.
.
.

นภไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่เห็นโธมัสตามอลันด์มาซ้อมดนตรีด้วย แต่สงสัยเพื่อนทั้งสองคนของเขาที่ทำหน้าเบื่อแล้วขอตัวกลับก่อนเมื่อตอนหนุ่มผมทองเอาตัวใหญ่ๆ เบียดเพื่อนตัวเล็กบนเก้าอี้เล่นเปียโนมากกว่า คู่ซี้ต่างไซส์ออกจะเล่นเปียโนได้เข้าขาบรรเลงดนตรีออกมาไพเราะขนาดนี้ ทำไมเพื่อนเขามันไม่ชอบนะ

เขาไม่แปลกใจถ้าอลันด์จะพอเล่นเปียโนได้ แต่กลับหนุ่มนักกีฬาอย่างโธมัสต้องบอกว่าน่าประหลาดใจมากทีเดียวที่เล่น Marche Militaire Duet ของชูแบร์ทได้เข้าขากับเพื่อนออกมาน่าประทับใจจนนภต้องปรบมือให้ดังๆ ตอนที่เสียงเพลงจบลง

นอกจากนั้นหนุ่มเจ้าของความสูงหกฟุตห้านิ้วยังแสดงฝีมือการเล่นกีตาร์และร้องเพลงได้อย่างน่าทึ่ง เขาหยิบกีตาร์ไม้ตัวหนึ่งของอลันด์ขึ้นมาวางบนตัก เอานิ้วแตะปากให้ทั้งห้องเงียบพลางทำหน้าทะเล้น บอกกับทุกคนด้วยเสียงทุ้มต่ำ

“Surprise performance for my immortal beloved”

‘Oh no no don't leave me lonely now
If you loved me how'd you never learn
Ooh, coloured crimson in my eyes
One or two could free my mind’

โปรดเถอะ อย่างทิ้งฉันไว้คนเดียวตอนนี้เลย
ถ้าคุณเคยรักฉันอยู่บ้างแสดงว่าคุณไม่เคยจะเรียนรู้เลยสินะ
เส้นเลือดฝอยในตาฉันแตกแดงเถือก
แต่เอามาอีกเถอะ สักเม็ดสองเม็ดเผื่อมันจะช่วยปลดปล่อยฉันได้

‘This is how it ends, I feel the chemicals burn in my bloodstream
Fading out again, I feel the chemicals burn in my bloodstream’
1
มันจบลงแบบนี้แหละ ฉีดสารพวกนี้เข้าไปแผดเผาในกระแสเลือด
สารเคมีที่แผดเผาอยู่ในกระแสเลือดมันค่อยๆ จางหายไปอีกแล้ว

“นายไม่เหมาะกับอะไรแบบนี้เลย” อลันด์ว่า ไม่ได้หมายถึงการที่โธมัสลุกขึ้นมาดีดกีตาร์ครวญเพลงแต่หมายถึงเพลงเนื้อหาแบบนี้ ผู้ชายอกหักแล้วเป็นบ้าพึ่งยาเสพติดดับความทุกข์ทั้งๆ ที่รู้ว่าเป็นการตอกย้ำความเจ็บปวดให้กับตัวเอง เพื่อนเขาน่ะต้องแบบหนุ่มหล่อผู้ไม่มีวันแพ้ซี่

“ออกจะเท่ สาวๆ ชอบผู้ชายมีปมกันจะตาย”

“ฉันคิดถึงวันที่นายอกหักแล้วเป็นบ้าไม่ออกเลย”

“คงมีสักวันถ้าฉันได้เจอคนที่ฉันรักมากจริงๆ แต่เขาไม่รักฉัน ถึงตอนนั้นนายอย่าทิ้งฉันนะอัล”

“ไม่มีทางอยู่แล้ว” เด็กตัวเล็กยักไหล่ หยิบกีตาร์อีกตัวขึ้นมาตั้งสาย ไม่ได้บอกออกไปอีกว่าถ้านายไม่คิดจะงาบฉันทั้งตัวก็จะอยู่เป็นเพื่อนแบบนี้ไปตลอดนั่นแหละ

“สองคนนี้สนิทกันดีจัง รู้จักกันนานแล้วเหรอ” คำถามซื่อๆ ของนักร้องหนุ่มเรียกใบหน้าของเด็กทั้งคู่ให้หันไปหาพร้อมกัน ก่อนจะกลับมามองตากันเองแล้วหัวเราะ

“ก็ตั้งแต่สามสี่ขวบได้เนอะ”

“ตั้งแต่อัลยังตัวเท่าแมลง” โธมัสเอานิ้วโป้งกับนิ้วชี้ประกบกันบอกขนาดตัวเพื่อนครั้งแรกที่พบกัน “ตัวนิดเดียว ผมยังเป็นสีทอง”

“สิบห้าจะสิบหกปีได้แล้วมั้ง เกินครึ่งชีวิตแล้ว”

“นานจัง ฉันก็อยากมีเพื่อนแบบนี้บ้างนะ” นภทำหน้าเพ้อๆ สายตาบอกชัดว่าอิจฉาแต่ก็ชื่นชม ขนาดแค่แข่งดนตรีเล็กๆ ในมหาวิทยาลัยยังลงทุนบินจากเยอรมันมาเชียร์ นอกจากรักเพื่อนมากแล้วยังรวยอีกด้วยนะเนี่ย ตอนเขาไปหาอลันด์ที่ลอนดอนก็พอรู้อยู่หรอกว่าลูกศิษย์เขารวยพอสมควรแต่กับเพื่อนแบบโธมัสก็เพิ่งจะรู้นี่แหละ


หัวข้อ: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 17 [29.11.15]
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 29-11-2015 13:04:14
อลันด์ถอนหายใจหนักพลางจ้องหน้าตัวเองผ่านกระจกในห้องน้ำของที่คอนโด ตอนนี้สี่ทุ่มกว่าแล้วเขากับโธมัสเพิ่งกลับมาจากการถ่วงเวลา เอ๊ย แวะกินมื้อเย็นแถวบ้านนภ

ตอนแรกเขาบอกโธมัสไปว่าอยากนอนพักที่โรงแรมริมแม่น้ำดูบ้าง โดยมีเหตุผลลับๆ คือที่โรงแรมต่อให้ดึกแค่ไหนก็มีคนเยอะ ถ้าเกิดอะไรไม่คาดฝันขึ้นมามีคนช่วยแน่ๆ แต่ไอ้หมาทอมน่ะสิบอกว่าอยากนอนห้องเขา จะแกล้งบอกว่าแอร์ยังไม่ซ่อมก็ไม่ได้อีกเพราะวันอังคารโธมัสตามมากินมื้อเย็นด้วยที่ห้องและพบว่าแอร์ทุกตัวกลับมาใช้งานได้ดีเหมือนเดิม (แหงล่ะ มันไม่ได้เสียตั้งแต่แรกอยู่แล้วนี่!)

ตาสีฟ้าซีดก้มมองเครื่องช็อตไฟฟ้าในมือ ทำใจไว้อาลัยให้พ่อโกลเด้นในห้องนอนที่อาจจะเป็นหมาเกรียมได้ทุกเมื่อ ครู่เดียวจึงค่อยยัดวัตถุอันตรายใส่กระเป๋ากางเกงนอน

ตอนที่เขากลับเข้าไปข้างในโธมัสนอนแผ่เต็มเตียงเล็กๆ ของเขา ปล่อยฟูกและอุปกรณ์การนอนบนพื้นไว้ไม่ไยดี พ่อหนุ่มอดีตกัปตันชมรมรักบี้เปลือยท่อนบนโชว์ขนสีทองรกครึ้มและแผงอกที่ฟิตแน่นกว่าครั้งล่าสุดที่เห็นเมื่อสามสี่เดือนที่แล้ว พอบวกรวมกับหนวดเคราบนใบหน้าแล้วดูยุ่งเหยิงแต่ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีเสน่ห์ชวนน้ำลายหยดติ๋งๆ

เขาเอียงคอพิจารณาเพื่อนรักเล่นโทรศัพท์เงียบๆ ครั้งหนึ่งเขาเคยชอบโธมัสที่สัมผัสเขาแบบนั้น มันดีมากจนเหมือนลอยขึ้นไปอยู่บนสวรรค์ ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เปลี่ยนเป็นความกลัว

“โอ้ อัล!” หนุ่มผมทองสังเกตเห็นเพื่อนตัวเล็ก เขารีบโยนโทรศัพท์ทิ้งก่อนเบี่ยงตัวให้เกิดที่ว่างบนเตียงแค่พอแมวมุดไปนอนได้ “มานอนข้างฉันสิ”

“ถ้านายต้องการเตียงเดี๋ยวฉันนอนฟูกเอง”

“นอนด้วยกันก็ได้น่า ถ้าที่มันไม่พอก็นอนบนตัวฉันเลย”

“ไม่เอาน่าทอม นายไม่อึดอัดหรือไง”

“ทีนายนอนกอดกับด็อกกลมดิกฉันยังไม่เห็นนายบ่นเลย อย่าให้ฉันหงุดหงิดน่าเรากอดกันออกบ่อยจะมาหวงตัวอะไรกันตอนนี้”

“แค่ - นอน - กอด” เขายื่นคำขาด ทิวากานต์บอกว่าเขาต้องคุยกับโธมัสให้รู้เรื่องและจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวคนเดียว ผู้ชายคนนั้นทั้งที่ไม่ชอบหน้าเพื่อนเขาเท่าไหร่แต่ก็ให้โอกาสเขาจัดการปัญหาเรื่องนี้เอง เพราะฉะนั้นเขาไม่อยากทำให้ทิวากานต์ผิดหวังกับการทำตัวอ่อนแอซ้ำซาก

“อย่าตัดรอนกันแบบนั้นสิ นายไม่คิดถึงฉันอย่างที่ฉันคิดถึงนายบ้างอย่างนั้นเหรอ”

โธมัสลุกขึ้นจากเตียงตรงเข้ามาจูงมือเพื่อนไปนั่งด้วยกัน เขาแตะนิ้วบนแก้มใสขึ้นสีแดงฝาดเพราะน้ำอุ่น เจ้าตัวดูน่ารักน่ากินเอามากๆ ตอนอยู่ในเสื้อนอนผ้าฝ้ายนุ่มนิ่มเหมือนปุยนุ่น ไม่รอให้สมองสั่งการเขาก้มลงฝังจมูกกับริมฝีปากเข้าหาก้อนเนื้อนุ่ม สูดกลิ่นหอมจากครีมอาบน้ำเข้าเต็มปอด

“อื๊อ ไม่นะ...ทอม” อลันด์ร้องเสียงหลงเมื่อโธมัสจับเขากดลงกับเตียงและเริ่มปล้ำจูบไปตามใบหน้าเขา มือหนาหยาบกร้านล้วงเข้ามาใต้เสื้อนอนลูบไล้กักขฬะ

“คิดถึง... คิดถึงอัลมากๆ อยากจูบ อยากกอด อยากทำกับนาย”

“อย่าทอม!” เด็กหนุ่มตัวเล็กร้องเสียงหลง สองมือพยายามดันหน้ากับมือของโธมัสออกจากตัว เหมือนไม้ซีกงัดไม้ซุงอย่าว่าแต่จะขยับเขายังถูกเจ้าของความสูงหกฟุตกว่าทับลงมามากกว่าเดิมอีกต่างหาก

“I need you” แล้วโธมัสก็จัดการปิดเสียงร้องประท้วงของอลันด์ด้วยจูบร้อนแรงราวกับเผาร่างกายอีกคนให้ไร้แรงต่อต้านได้อีก เขาสอดลิ้นเข้าควานลึก ดูดดึงลิ้นน้อยๆ นั้นให้เจ้าของเสียววาบไปทั่วท้องน้อย รู้ดีว่าอีกคนชอบให้สัมผัสตรงไหนยังไง รับรองว่าคืนนี้อลันด์ไม่มีทางหลุดรอดมือเขาไปได้หรอก เขาจะใช้ทุกเทคนิคที่เรียนรู้มาตลอดช่วงเรียนมหาวิทยาลัยทำให้อัลยอมเป็นของเขาให้ได้!

แน่นอนว่าถ้าพ่อเขารู้ความคิดเมื่อครู่นี้โธมัสคงโดนตบหัวเน้นๆ พร้อมกับคำถามว่า ‘กูส่งมึงไปเรียนวิศวะหรือวิชาบนเตียงกันแน่วะ’ แต่พ่อคงกำลังนั่งด่าลูกน้องป่าวๆ อยู่ที่ลอนดอนจะตามมาตบเขาถึงนี่ไม่มีทางแน่ๆ

แป๊บเดียวเขาก็จับอลันด์ลอกคราบทั้งตัว เจ้าตัวน้อยหน้าซีดเผือดคงหนาว ไม่เป็นไรเขาจะกอดให้ความอบอุ่นเอง หนาวเนื้อต้องห่มเนื้อ! โธมัสกระชากกางเกงนอนทิ้งแล้วโถมตัวเข้ากอดรัดฟัดอีกฝ่ายจนน้ำลายเปรอะทั่วหน้า ถดตัวลงไปจูบอีกฝ่ายตั้งแต่ปลายเท้าขึ้นมาถึงต้นขาด้านในจนอลันด์ร้องเสียงหลง

“ไม่! ไม่ๆ ไม่ทำแบบนี้นะทอม ไม่!!!”

“แต่ฉันอยากทำนี่ ตามใจฉันหน่อยซี่ ทีแต่ก่อนนายยังไม่ว่าอะไรเลยทำไมตอนนี้ดื้อจังห๊ะ”

“มันไม่เหมือนกันนี่!” อลันด์ตะโกนหน้าแดง “ตอนนั้นฉันยังไม่รู้แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าคนที่เป็นเพื่อนกันเขาไม่ทำแบบนี้หรอก ไม่มีเพื่อนคนไหนที่ฉันรู้จักอยากจูบอยากมีเซ็กส์กับฉันสักคน”

“ก็เพื่อนแบบฉันไง!!!”

“ถ้านายทำฉันก็จะไม่คิดว่านายเป็นเพื่อนอีกแล้ว!!!” เสียงแหบสั่นตลอดเวลาที่พูดน้ำตาคลอดูน่าสงสาร แต่โธมัสหงุดหงิดที่เพื่อนเขาไม่ว่าง่ายเหมือนเดิม

“มันสำคัญเหรอว่าเพื่อนจะมีอะไรกับเพื่อนไม่ได้น่ะในเมื่อถ้าเราทำแล้วเราต่างมีความสุขด้วยกันทั้งคู่”

“ฉัน - ไม่ - มี - ความ - สุข - ทอม!” เด็กหนุ่มย้ำช้าชัดทีละคำ ก่อนน้ำเสียงจะอ่อนลงเมื่อเห็นใบหน้าหล่อตรงหน้าหงอยลงไป “เมื่อก่อนฉันมีความสุขนะทอม ฉันชอบให้นายกอดฉันแน่นๆ จูบฉัน ทำเหมือนฉันเป็นคนสำคัญที่สุดในชีวิตนาย แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว... นายมีคนรักของนาย ถ้านายยังทำกับฉันแบบนี้นายจะกลายเป็นผู้ชายเลวๆ คนหนึ่งที่ทำร้ายทั้งฉันและผู้หญิงคนนั้น”

“ฉันยินดีเลิกกับเขาตอนนี้เพื่อนายเลย”

อลันด์ส่ายหน้าอาศัยช่วงที่โธมัสสับสนลุกไปหยิบกางเกงมาใส่ แอบแตะตรงกระเป๋าดูว่าเครื่องช็อตไฟฟ้ายังอยู่ดี “ต่อให้นายเลิกกับเขาตอนนี้ฉันก็จะไม่นอนกับนาย”

“ทำไม”

“ตอนนี้ฉันแค่อยากเป็นเพื่อนกับนาย...ตลอดไป”

“ฉันไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจสิ่งที่นายพูดมาเลยแม้แต่นิดเดียวอัล ไม่ยอมให้ฉันกอดถ้าฉันยังมีแฟนอยู่ แต่จะให้ฉันเลิกกับเขานายก็ไม่เอา นายต้องการอะไรกันแน่”

“ความรัก ฉันอยากได้ความรักแบบที่ไม่ใช่สำหรับเพื่อน นายให้ฉันได้ไหมล่ะ”

“ฉัน...”

“ขนาดนายยังไม่รู้ตัวเองเลย แล้วเราจะทำทั้งที่เราไม่รักกันงั้นเหรอ ฉันรักนายนะ นายเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดในชีวิตฉันและฉันพร้อมจะรักนายในแบบอื่นถ้านายรักแบบนั้นบ้าง ตอนนี้ฉันมีอะไรกับนายไม่ได้เพราะสิ่งที่ฉันอยากได้คือความรักไม่ใช่แค่ร่างกาย”

“งั้นเหรอ... แต่ฉันรักนายนะ ฉันรู้แค่นั้น แต่ถ้านายบอกว่ารักของฉันไม่เหมือนกับของนาย... ก็คงเป็นฉันที่บ้าไปคนเดียว”

“ทอม...”

“ขอโทษนะที่ทำให้ลำบากใจ” เขาแตะนิ้วบนริมฝีปากอิ่มจิ้มลิ้มห้ามไม่ให้อีกคนพูดอะไรออกมาอีก แม้รู้ว่าคำเหล่านั้นคือคำปลอบใจแต่ตอนนี้เขาไม่ต้องการ “นอนซะ ฉันไม่มีอารมณ์จะทำอะไรนายแล้ว”

ร่างสูงใหญ่ลุกออกไปจากเตียง โธมัสก้มลงหยิบกางเกงนอนมาสวมไม่ลืมคว้าเสื้อผ้าฝ้ายตัวนุ่มโยนใส่หัวอลันด์งึมงำบอกให้ใส่ซะ ก่อนรวบฟูกกับหมอนขึ้น

“จะไปไหนน่ะ”

“ไปนอนข้างนอก ใต้บันไดดีไหม เวลานายเดินลงมาฉันจะได้รู้ไง”

“ทำไมไม่นอนในนี้ล่ะ”

“อยากให้ฉันเป็นบ้าลุกขึ้นมาปล้ำนายอีกทีหรือไง” เขาว่าติดฉุนแต่ใบหน้ากำลังเผยรอยยิ้ม “ตอนนี้ฉันจะปล่อยนายไปก่อน จนกว่าความรักของฉันกับนายจะตรงกัน ตอนนั้นนายไม่รอดแน่”

อลันด์สวมเสื้อแล้วยกนิ้วเกาแก้มแก้เขินมองโธมัสอุ้มอุปกรณ์การนอนออกไปจากห้องนอนไป ได้ยินเสียงอีกคนตะโกนมาว่าราตรีสวัสดิ์ก็รีบเปิดหน้าต่างชะโงกหน้าออกไปดูตรงบันไดเห็นเพื่อนตัวโตกำลังเดินอยู่

“ราตรีสวัสดิ์ทอม” หมอนั่นไม่คิดจะเงยหน้ากลับขึ้นมามองเขาด้วยซ้ำ แต่อลันด์คิดว่าเป็นแบบนั้นน่ะดีแล้ว

เขารีบปิดหน้าต่างเหมือนเดิมเมื่อเพื่อนรักลับสายตา ร่างเล็กหงายหลังกับเตียงเสียงดังกลบเสียงหัวเราะไปจนหมด อลันด์ยิ้มกว้างขณะเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มากดส่งข้อความไปหาทิวากานต์ ต้องบอกคุณหมอเสียหน่อยว่าไอ้วัตถุอันตรายที่ให้มาเป็นหมันเสียแล้ว โดยลืมไปสนิทว่าหนนี้โธมัสแค่ยอมรามือแต่ไม่ได้บอกว่าจะถอดใจจากเจ้าตัวสักนิดเดียว

.
.
.

คุณหมอวัยสามสิบค่อนข้างอารมณ์ดีไปถึงดีมากแม้จะผ่านช่วงอดนอนเพราะอยู่เวรมาทั้งคืนก็ตาม อารมณ์ดีถึงขึ้นนักศึกษาแพทย์กับนางพยาบาลจับกลุ่มปรึกษาหาสาเหตุกันเลยทีเดียว เป็นที่รู้กันทั่วว่าคุณหมอทิวากานต์เป็นพวกร้ายหน้าตาย เห็นยิ้มๆ แบบนี้แค่ปล่อยให้นักศึกษาตายใจแต่เชือดพวกทำงานไม่ได้ดั่งใจมาแล้วหลายราย บางคนถึงขั้นอยากเลิกเป็นหมอไปเลยก็มี

“อาจารย์รันไม่อยู่เลยไม่มีใครรู้ว่าอาจารย์วาเป็นอะไรกันแน่ บางทีอาจารย์อาจจะแค่ถูกหวยก็ได้นะ” เรสสิเดนท์นายหนึ่งกล่าวไว้หลังนักศึกษาตัวเปี๊ยกตามที่ทิวากานต์นิยามผ่านช่วงวัดใจตอนเช้ามาได้แบบประสาทเสียกันทั้งกรุ๊ป

ส่วนเป้าสนทนาวันนี้ยังคงยิ้มแย้มอารมณ์ดีพูดคุยกับคนไข้โปรยรอยยิ้มจนสาวน้อยสาวใหญ่สาววัยใกล้ฝั่งเดินหน้าแดงออกจากห้องตรวจมาเป็นแถว แน่นอนว่าไม่มีใครรู้นอกจากเจ้าตัว และต่อให้การันต์มาถามก็คงไม่เข้าใจ เพราะถ้าบอกว่าอลันด์เพิ่งฝึกหมาที่บ้านให้เชื่องได้ทุกคนคงหาว่าเขาบ้า

พอเลิกงานเขาก็นั่งเรือข้ามฟากไปหาอลันด์ ไอ้หมาขนทองก็นั่งรออยู่ด้วย อยากจะทักเหลือเกินว่าไม่เจอกันแค่คืนเดียวเชื่องขึ้นเยอะนะแต่เก็บปากไว้กินข้าวเย็นนี้ดีกว่า โดนต่อยมาดั้งหักไม่คุ้มกัน ที่มีอยู่นี่ของแท้พ่อให้มาเสียด้วย

เขาพาหนุ่มลูกเสี้ยวเยอรมันไปเลี้ยงสุกี้แบบพรีเมี่ยมเป็นการส่งท้ายก่อนที่อีกคนจะต้องกลับไปมิวนิคคืนนี้ ลงทุนสั่งเนื้ออย่างดีมาให้โดยเฉพาะแม้หนุ่มน้อยนักกีฬาจะขอเพิ่มแบบไม่บันยะบันยังเลยก็ตาม แต่เงินแค่นี้แลกกับการไม่ต้องเจอหน้าอีกคนไปนานๆ ถือว่าคุ้มมาก

“อัลรู้ไหม เจมส์ได้เป็นสมาชิกบูลลิงดอนคลับด้วยนะ” หนุ่มผมทองเม้าท์เพื่อนอีกคนที่สถิตอยู่อังกฤษขึ้นมากลางวงสุกี้ เด็กลูกครึ่งพยักหน้ารับรู้ก่อนคีบชิ้นเนื้อเข้าปากเคี้ยวตุ้ยเหมือนไม่ได้สนใจ

“โฮ่ เขารับเด็กโรงเรียนเราด้วยหรือไง ฉันนึกว่าเขาจะเอาแต่พวกอีตั้น เวสต์มินสเตอร์ หรือเซนต์พอลซะอีก”

“นั่นเป็นเหตุผลที่แด๊ดดี้ของนายกับแด๊ดดี้ของฉันเห็นพ้องต้องกันในการเลือกโรงเรียนมัธยมให้เราไงล่ะ”

โธมัสหัวเราะเบาๆ ตักลูกชิ้นกุ้งแสนอร่อยใส่ถ้วยใบเล็กแล้วค่อยเอาส้อมจิ้มเข้าปาก ตาสีน้ำเงินเข้มมองเลยไปหาทิวากานต์ที่เคี้ยวเนื้อจนแก้มตุ่ย ไม่อยากยอมรับเลยว่าสภาพคุณหมอตอนเอ็นจอยอีทติ้งมีแสงไฟสีเหลืองนวลอาบใบหน้าจะมีเสน่ห์เย้ายวนสวยเซ็กซี่มากจนน่าขย้ำพอๆ กับเนื้อในหม้อ แต่ก่อนความคิดจะไปไกลกว่านั้นเขาก็ดึงสายตากลับมาหาคนตัวเล็กข้างๆ

“เจมส์มีครบทุกอย่างที่พวกนั้นต้องการ เขาไม่สนใจหรอกว่าเจมส์จะจบมาจากโรงเรียนไหน”

“นั่นก็เหมาะกับเขาดี” อลันด์สรุปสั้นๆ ปากเล็กอ้าออกกว้างรองรับเกี๊ยวปลาชิ้นใหญ่เข้าไปทั้งอัน “นายเองถ้าไปเรียนอ็อกฟอร์ดก็ต้องได้อยู่ชมรมปัญญาอ่อนนั่นเหมือนกันแน่ๆ บางทีคงได้เป็นถึงประธานและขึ้นเป็นตำนาน คึคึ”

“ฉันถือว่านั่นคือคำชมนะ” หนุ่มผมทองกลั้วหัวเราะเบาๆ ในลำคอ เอื้อมมือข้างหนึ่งวางบนหัวเพื่อนตัวเล็กขยี้เบาๆ “แต่ไฮโซวัยกระเตาะที่ขอเงินพ่อแม่เที่ยวเตร่เบ่งใส่คนอื่นไปทั่วไม่ใช่สไตล์ฉันหรอกนะ”

“ไอซี... อย่างนายคงได้เป็นกัปตันชมรมเรือพายมากกว่า”

“พวกบ้าพลังกล้ามโตเท่าก้ามปู” เสียงกระเซ้ามาจากคนแก่สุด ทิวากานต์แกล้งเอามืออุดปากทำท่ากลั้นหัวเราะ

“เทรนด์สาวนิยมเดี๋ยวนี้เขาชอบหนุ่มล่ำมีซิกแพกไม่ใช่หนุ่มหน้าละอ่อนผอมแห้งกันแล้วด็อก”

“นิยมทั้งสาวๆ และกลุ่มไม้ป่าเดียวกัน”

“วา!” อลันด์ต้องรีบปรามคนแก่สุดให้เลิกยั่วเพื่อนรักเขาเป็นเด็กๆ เสียทีก่อนถูกพ่อนักกีฬาหุ่นทรมานใจสาวคว่ำโต๊ะสุกี้เสียก่อน กระนั้นเด็กลูกครึ่งกลับอมยิ้มกับตัวเอง เขาชอบบรรยากาศแบบนี้ อยากเก็บความรู้สึกนี้ไปนานๆ มีคนรักอยู่ข้างหนึ่งและเพื่อนรักอยู่อีกข้าง พูดคุยกันได้เรื่อยๆ เหมือนไม่มีวันจบ แต่เขารู้ดีว่าทุกงานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกลา

เที่ยวบินตรงไปมิวนิคมีเพียงเที่ยวเดียวต่อวันและเป็นเวลาเที่ยงคืนเพื่อถึงที่นู่นตอนเช้าพอดี ตอนออกจากร้านสุกี้หนุ่มลูกเสี้ยวเยอรมันต้องกลับไปอาบน้ำเตรียมตัวเดินทางกลับที่โรงแรมเสียก่อน พวกเขาเลยนัดแนะให้ไปเจอกันอีกทีที่สนามบินตอนห้าทุ่ม

อลันด์ดูหงอยตอนนั่งรถกลับคอนโด ไม่ต้องหาสาเหตุมากก็รู้ว่ามาจากการที่เพื่อนตัวโตจะต้องกลับไปเรียนต่อ ทิวากานต์มองแล้วทั้งห่วงทั้งหมั่นไส้ ไม่รู้จะอาลัยอาวรณ์อะไรกันนักหนา แต่พอเห็นอีกคนทำหน้าซึมเป็นแมวป่วยก็อดดึงมากอดมาลูบหัวไม่ได้ “เดี๋ยวก็ได้เจอกันอีกน่า”

“ไอ - ซี แต่แบบว่า...ไม่อยากให้ทอมกลับไปเลยอ่ะ”

“รักกันมากใช่ไหม” คุณหมอแกล้งทำเสียงเข้มขู่ฟ่อๆ สองมือขยุ้มผมตรงกกหูอีกคนจนยุ่ง ก่อนบดจูบบนหน้าผากแรงๆ จนเจ็บปากไปหมด “นี่แน่ะๆ ริรักคนอื่นมากกว่าฉันงั้นเหรอ”

“โอ๊ย ไม่ได้รักแบบเดียวกันสักหน่อย มันแค่ใจหายอ่ะ เข้าใจม่ะ”

ทิวากานต์เลื่อนริมฝีปากลงจนชิดกับปากอีกฝ่าย กระซิบบอกเสียงแหบ “รู้น่า แกล้งเล่นหรอก”

อลันด์สอดแขนเข้ากอดช่วงเอวสอบได้รูปของคุณหมอแล้วซุกหน้าลงบนอกกว้างหวังช่วยถมช่องว่างในใจ กลิ่นน้ำหอมราคาแพงผสมกับกลิ่นมื้อเย็นที่เพิ่งกินเข้าไปลอยเข้ามาในจมูก ไม่มีกลิ่นบุหรี่ติดตามตัวเหมือนเช่นทุกวันนับแต่ตอนที่สัญญาว่าจะเลิกบุหรี่เป็นเพื่อนเขา จะว่าไปพอตั้งใจเลิกบุหรี่มันทรมานแค่สามวันแรกเท่านั้น หลังจากนั้นก็ไม่รู้สึกอยากอะไรอีก แต่ช่วงที่ทรมานนั่นแหละอยากจนมือสั่นรู้สึกปากว่างต้องรีบหาของกินยัดเข้าปากตลอดเวลา

“ไปล้างหน้าล้างตาป่ะจะได้เตรียมไปส่งทอม” มือใหญ่ตบก้นอีกคนเบาๆ ไล่ไปทางห้องน้ำหลังเห็นนาฬิกาบนผนังว่าใกล้จะได้เวลานัดกันแล้ว



พวกเขามาถึงสนามบินก็เห็นโธมัสยืนอยู่ข้างรถของโรงแรมรอพนักงานยกกระเป๋าเดินทางใส่รถเข็นอยู่พอดี หนุ่มผมทองเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดสูททางการสีดำสนิทของฮิวโก้ บอสเข้ากับรองเท้าหนังแก้วมันขลับแบบอ็อกฟอร์ดเหมือนตอนมา ดูเป็นไฮโซวัยกระเตาะแม้เมื่อตอนมื้อเย็นจะพูดว่าไม่ใช่สไตล์ของตัวเองก็ตาม แต่เพราะถูกอบรมมาแบบนี้ต่อให้ใส่เสื้อยืดกับกางเกงยีนส์หากกริยาท่าทางทุกอย่างก็บอกได้อยู่ดี เรียกได้ว่าเป็นผู้ดีอังกฤษจากกมลสันดานโดยแท้

โธมัสหรี่ตาสีฟ้าสดมองดูพอร์เช่ 911 Turbo S เปิดหลังคาที่แล่นเข้ามาจอดท้ายรถของโรงแรมด้วยความสงสัยก่อนคลี่ยิ้มออกกว้างเมื่อเห็นเพื่อนรักเอี้ยวตัวโบกมือมาให้จากในรถ ประหลาดใจไม่น้อยหากไม่หยุดขายาวๆ ให้ก้าวเข้าไปหาคนทั้งคู่ได้ ตาสีฟ้ามองคนขับสลับกับรถซูเปอร์คาร์คันหรูพลางกัดปากครุ่นคิด มั่นใจว่าตอนมาไทยครั้งที่แล้วทิวากานต์ไม่มีรถคันนี้แน่ๆ

“นี่มันรถคันที่จอดอยู่ข้างๆ รถอัลเมื่อเช้านี่”

“น้องกบ ลูกสาวคนสวยของฉันเอง ทำความรู้จักไว้สิ” คนขับที่กระแดะใส่แว่นกันแดดทั้งที่เป็นตอนกลางคืนยักไหล่ตอบท่าทางไม่ยี่หระ

“สวยมาก โฮ่ ผมคงต้องขอพ่อให้เปลี่ยน M6 เป็นเจ้าตัวนี้บ้างแล้ว”

“ไหนบอกไม่ชอบขอเงินพ่อแม่ไงวะ”

“พูดมากน่า คันนี้พ่อก็ซื้อให้วาไม่ใช่หรือไง” เจออลันด์ขายแบบนี้เล่นเอาคุณหมออยากเตะโด่งไอ้เด็กข้างตัวออกไปให้พ้นๆ ทิวากานต์เกาหัวแก้เก้อบ่นอุบอิบว่าโดนยัดเยียดให้ต่างหากแล้วรีบถีบอลันด์ลงไปหาโธมัสเขาจะได้รีบเอารถไปจอดก่อนถูกตำรวจมาไล่ แต่ความจริงคือเปิดโอกาสให้สองเพื่อนซี้หมาแมวเขาได้ลากันแบบเป็นส่วนตัวมากกว่า

เด็กฝรั่งสองคนเดินเคียงกันข้ามสะพานคอนกรีตเข้าสู่ตัวอาคารเงียบๆ มีพนักงานของสายการบินบริการเข็นสัมภาระตามหลังมาให้ประสาคนใช้บริการที่นั่งโดยสารชั้นหนึ่ง

“กว่าจะได้เจอกันอีกทีก็คริสต์มาสเลยมั้งเนี่ย” โธมัสเปรยขึ้นเบาๆ ตาสีฟ้าสดเหลือบมองเพื่อนตัวเท่าอกข้างกาย หน้าขาวติดเรียบนิ่งไม่แสดงอาการอะไร แต่กับคนที่คบกันมานานก็ดูออกว่าเจ้าตัวกำลังหงอย

“คริสต์มาสนี้ฉันคงไม่ได้กลับลอนดอน”

“ไม่ต้องห่วง นายไม่กลับบ้านเดี๋ยวฉันมาหาเอง สอบเสร็จจะรีบบินมาหาเลย ตอนนายผ่าตัดฉันก็จะมาหานายด้วยไง เราจะได้เจอกันเร็วขึ้น อีกแค่เดือนเดียวเอง”

“ให้มันจริงเถอะ”

“ฉันเคยโกหกนายด้วยเหรออัล” อลันด์ส่ายหน้าแทนคำตอบ โธมัสเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดในชีวิตของเขา เจ้าตัวไม่เคยทำให้เขาผิดหวังเลย(ยกเว้นเรื่องผู้หญิงที่กลาสตันเบอรี่ แน่นอนว่าเด็กหนุ่มจดจำฝังใจไปจนวันตาย)

“ฉันคงคิดถึงนายน่าดู”

“อีกไม่กี่เดือนก็เจอกันแล้ว ฉันจะใช้เวลาช่วงนั้นทำความเข้าใจกับตัวเองอีกที นายจะได้ไม่ลำบากใจเพราะฉันอีก หวังว่าจะยังพอมีโอกาสให้ฉันบ้างนะ”

ตาสีซีดมองรอยยิ้มของผู้ชายตรงหน้าแล้วลอบถอนหายใจ อยากจะบอกอีกฝ่ายว่าโอกาสนั้นถูกคุณหมอศัลยกรรมที่แก่กว่าเขารอบหนึ่งคว้าไปแล้ว สิ่งที่เขาจะมีให้กับอีกคนต่อจากนี้ไปเหลือแค่คำว่าเพื่อนเท่านั้น แต่พอเห็นอีกคนมองมาด้วยประกายความหวังในสายตาเขาก็ใจร้ายบอกตัดไม่ลง

“ฉันรักนายนะทอม นายเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันเลย”

“ไอ - ซี”

หนุ่มผมทองหุ่นทรมานใจสาวแค่นยิ้ม พอจะเข้าใจที่อีกคนพูดแต่ไม่อยากรับรู้ เขาชักเกลียดตัวเองที่เหมือนจะเป็นคนฉลาดแต่สุดท้ายก็โง่อยู่ดี แขนแข็งแรงดึงไหล่อีกคนเข้ามากอดซุกกับตัว หวงแหนไม่อยากปล่อยไปไหนแต่เวลาบีบให้เขาต้องจากอีกคนไปเสียที ตาสีฟ้าสดมองทิวากานต์หยุดฝีเท้าอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลคล้ายจะต่อเวลาให้เขาได้ร่ำลาเพื่อนรักอีกหน่อย

“ดูแลตัวเองด้วยนะ”

“นายก็เหมือนกัน อย่าใช้ชีวิตสุดเหวี่ยงเกินไปล่ะ”

“ฉันรักนาย” โธมัสพูดเร็วพอกับการฉกลงไปขโมยจูบจากเพื่อนตัวเล็ก เขาบดปากหนักๆ ดูดดึงเนื้ออ่อนบางด้านล่างจนขึ้นสีแดงถึงผละออกมา “แล้วเจอกัน อัล”

“อะ อื้อ” เด็กหนุ่มรับคำงงๆ รู้สึกตัวอีกทีตอนทิวากานต์โผล่มาจากด้านหลังกอดลากับโธมัสตบหลังตบไหล่แรงๆ ใส่กัน เขารีบเอามือปิดปากหวังว่าเมื่อกี้ทิวากานต์จะไม่เห็นหรอกนะ

“โชคดี เดินทางปลอดภัย”

“ฝากดูอัลด้วยนะด็อก”

“ไม่ต้องห่วง จะดูแลอย่างดียุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอมหมาไม่ให้กัด” คุณหมอหนุ่มจงใจเน้นหนักเป็นพิเศษตรงคำว่าหมา เขากอดฟัดกับโธมัสตบกันดังตุ้บตั้บอีกครู่ใหญ่ถึงยอมผละออกจากกัน ให้ตายเถอะโธมัสมือหนักชะมัดเขาช้ำไปแทบทั้งตัวแล้วมั้งเนี่ย

เมื่อถึงเวลาที่ต้องจากกันจริงๆ โธมัสก็ฉีกยิ้มกว้างออกมา เขาโบกมือให้เพื่อนเผื่อไปถึงคุณหมอหน้าดุ นัยน์ตาสีฟ้าสดหมองลงเพียงครู่เดียวจนไม่มีใครสังเกตเห็น “บายอัล”

“บาย เดินทางปลอดภัย”



ซูเปอร์คาร์เปิดประทุนจากเมืองชตุทท์การ์ทแล่นไปตามถนนพระรามเก้าเพื่อกลับที่พักตอนเวลาเที่ยงคืน ทิวากานต์เห็นว่ายังพอมีเวลาอีกสักหน่อยบวกกับถนนกรุงเทพยามนี้ก็น่าซิ่งเหลือเกินเลยชวนคนข้างๆ นั่งรถเล่นรับลมเสียเลย

ช่วงสมัยที่ยังไม่เจอกับเด็กตัวแสบห้องตรงข้ามทิวากานต์ชอบทำแบบนี้บ่อยๆ เวลาออกเวรหรือเพิ่งเสร็จเศสหนักๆ ขับรถไปรอบกรุงจุดบุหรี่เผาปอดให้ร้อนรุ่ม ก่อนจบลงที่ร้านเหล้าสักร้าน หาสาวถูกใจสักคนไปช่วยคลายเหงาต่อที่ห้องนอน หากวันนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไป... เขาไม่เหงาอีกแล้ว ไม่ต้องวิ่งไปไกลๆ หาที่พักใจตั้งแต่มีคนข้างตัวโผล่เข้ามาในชีวิต ไม่จำเป็นต้องตัวติดกันตลอดเวลาแค่ตื่นมาเจอหน้ากัน ยิ้มให้ หัวเราะ แลกเปลี่ยนเรื่องราวในแต่ละวัน ล้มตัวลงนอนเคียงกันบนเตียงกว้างแค่นี้จริงๆ

คิดแล้วก็ขำ ตอนแรกรำคาญไอ้เด็กนี่แทบตาย สุดท้ายกลับเป็นเขาเองที่หวงอีกคนยิ่งกว่าอะไร อยากให้อยู่กับเขาไปเรื่อยๆ ไม่ต้องจากไปไหน ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าวันหนึ่งเจ้าตัวต้องกลับไปในที่ที่จากมา

ทิวากานต์มองอลันด์ชูแขนหงายไปด้านหลัง ลมพัดเส้นผมสีช็อกโกแลตนมจนปลิวยุ่ง ใบหน้าที่มักเรียบนิ่งปรากฏรอยยิ้มกว้างจนเห็นฟันกระต่าย พอเห็นอะไรน่าสนใจก็ชวนเขาคุยต่อบทสนทนาไปเรื่อยไม่ปล่อยให้หูว่าง อาการซึมเพราะจากเพื่อนแทบไม่เหลือ นับว่าคุ้มจริงๆ ที่ยอมเสียสละเวลานอนพาเด็กนั่งรถเล่น

น้องกบขาวอายุไม่ครบขวบปีดีพาสองหนุ่มตระเวนตั้งแต่ทางด่วนพระรามเก้าไปพญาไท ข้ามไปสาทรแล้ววกมาลงทางด่วนที่คลองเตยวิ่งเข้ารัชดาภิเษกกลับคอนโดย่านอโศก

คุณหมอล้มตัวลงนอนหลังแนบพื้นเตียงยังไม่สนิทดีไอ้เด็กแสบก็กลิ้งเข้ามากอด ทำหน้ากระเง้ากระงอดใส่ให้จับฟัดไปที “พรุ่งนี้ต้องนอนคนเดียวอีกล่ะ”

“พูดดี ไปปาร์ตี้ไม่ใช่หรือไง”

“วาห้ามกลับเกินสี่ทุ่มนี่”

“กลับเกินฉันก็ไม่รู้หรอก”

“ถือว่าอนุญาตแล้วนะ”

เด็กตัวแสบยิ้มแป้นคิดว่าหลอกคุณหมอได้ แต่ทิวากานต์ตั้งใจพูดแบบนั้นจริงๆ เขาอยู่เวรทั้งคืนไม่มีเวลาโทรเช็คหรอกว่าอีกคนทำอะไร ที่ไหน นอนหรือยั ง

“จะทำอะไรก็ทำเถอะ”

“งอนเหรอ”

“ตลก” พูดจบก็ได้กำปั้นเขกให้ทีจนร้องโอย แต่ร่างสูงแค่ห้าฟุตกับอีกหกนิ้วไม่ได้กลิ้งหนีกลับยิ่งกระแซะหน้าเข้ามาใกล้จนได้กลิ่นยาสีฟันรสมิ้นต์ ทิวากานต์ดึงคออีกคนให้โน้มลงมารับกู๊ดไนท์คิสเบาๆ จะว่าไปเขาห่างหายเรื่องบนเตียงนานพอดู เจอเด็กอ้อนใส่แบบนี้มีของขึ้นบ้างก็ได้แต่ท่องคุกๆ ในใจ รอเด็กมันโตอีกหน่อยเขาได้ลองประสบการณ์ใหม่แน่ๆ แต่เด็กสิบแปดช่างไม่ให้ความร่วมมือเลยเหอะ

“อืม... วา” ปลายนิ้วเล็กสากจนแข็งไต่ตามท่อนแขนแข็งตึงของคุณหมอศัลยกรรมคนเก่ง ปากยังมุ่งมั่นจูบอีกคนจนพาร่างขึ้นมานอนคร่อมคนโตกว่า ไม่รู้ทำไมวันนี้ทิวากานต์น่ากินกว่าทุกวัน พอคิดว่าถ้าคืนนี้จะต้องเสียตัวก็ยอมง่ายๆ ผิดกับตอนอยู่กับโธมัสเพื่อนซี้ แสดงถึงข้อแตกต่างระหว่างเพื่อนรักกับคนรักชัดเจน

เสียงจูบดังจ๊วบจ๊าบอยู่นานจนคนเด็กกว่ายอมแพ้ถอนหน้าออกมาเพราะหายใจไม่ทัน ไฟหัวเตียงบอกชัดว่าอลันด์หน้าแดงจัดน้ำตาคลอ เด็กแสบเผยอปากหอบหายใจน้อยๆ ดูน่าแกล้งให้ร้องไห้งอแง

“พรุ่งนี้ทำงาน”

ประโยคปฏิเสธห้วนสั้นจากปากคุณหมอดูดพลังออกจากร่างเด็กฝรั่งเสียเกลี้ยง ร่างเล็กๆ กลิ้งหล่นจากตัวทิวากานต์ลงไปนอนแผ่ อยากจะดีดเท้าโวยวายให้อีกคนเลิกทำงานแล้วหัดมาทำการบ้านกับเขาบ้าง นอนกอดกันมาเป็นเดือนๆ แล้วยังไม่มีอะไรมากกว่าเฟรนช์คิส คิดว่าที่นัวเนียใส่กันทุกวันนี้จะไม่รู้สึกอะไรเลยหรือไง เขาก็เป็นผู้ชายวัยเจริญพันธุ์มีอารมณ์ความรู้สึกคนหนึ่งนะเว้ย

ทิวากานต์ทำแบบนี้จนเขาชักคิดแล้วนะว่าอีกฝ่ายไม่กล้ามีอะไรกับผู้ชายจริงๆ เขาเองพอจะเข้าใจในฐานะเคยนอนแต่กับผู้หญิงมาก่อน จู่ๆ จะให้มีอะไรกับผู้ชายมันทำใจยาก ขนาดเขายังมีอะไรกับโธมัสไม่ลงเลย แต่แบบ...นี่มันคนรักกันนะ ทำไมรับไม่ได้ล่ะ!

“วาอ่ะ” หากประโยคต่อว่ากลับมีสั้นๆ แค่นี้ เอาจริงอลันด์กลัวชายหนุ่มวัยสามสิบหงอ ไม่กล้าโวยวายมากหรอกเดี๋ยวถูกถีบตกเตียง

“ถ้าไม่ไหวไปห้องน้ำซะ” แล้วดูอีกคนพูดตัดรอนไร้เยื่อใยเย็นชาประหนึ่งน้ำแข็งในขั้วโลกใต้ เด็กหนุ่มฟังแล้วขัดใจพลิกตัวนอนหันหลังดึงผ้าห่มคลุมหัวให้ซะเลย ไม่วายได้ยินเสียงคุณหมอหัวเราะคิกคักอีกจงใจแกล้งกันชัดๆ

งอนได้ไม่นานก็ถูกอีกคนดึงไปกอดแนบเข้ากับอก ชิดสนิทกันจนรู้ว่าชายหนุ่มเองมีอาการตื่นตัวไม่ต่างจากเขา เป็นอย่างนี้ทุกทีจนต้องยอมแพ้พลิกตัวกลับมาซุกหน้าเข้ากับอกกว้างฟังเสียงหัวใจเต้นขับกล่อมจนหลับสนิทอีกคืน



TBC

เห็นไหมคะว่าทอมออกจะเป็นหมา เอ๊ย คนที่ดี พี่วาต่างหากที่เป็นตัวร้ายน่ะ! #เดี๋ยวนะ
แต่ FC พี่เขาเยอะพี่เขาจะแคร์อะไร คนแก่ตายด้าน(?)ย่อมเร้าใจกว่าหนุ่มหล่อล่ำกล้ามโตอยู่แล้ว
ตอนหน้าเตรียมพบกับบทเรียนแสนแพงของน้องอัลที่แม้แต่นาฬิกาปาเต๊ะ ฟิลลิปก็สู้ราคาและช่วยอะไรไม่ได้
ปาเต๊ะเกี่ยวอะไร พี่วาจะใจร้ายกับน้องอัล(?)ได้ถึงขั้นไหน
เจอกันตอนหน้าค่า

ขอบคุณทุกคอมเม้นต์นะคะ เอฟซีพี่วาแสดงตัวกันหลายคนเลย หุหุ

ปล. เราลงเรื่อง Love|Hate ไปเมื่อวาน ฝากตามอ่านได้ที่ลิงค์ด้านล่างตรงลายเซ็นได้เลยค่ะ
ตัวละครจากเรื่องนั้นใกล้จะมาโชว์(แวบๆ)ในนี้แล้วอีกไม่นาน ><

 :mew1:

------------------

1 Bloodstream - Ed Sheeran
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 17 [29.11.15]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 29-11-2015 13:47:50
 o13
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 17 [29.11.15]
เริ่มหัวข้อโดย: Mokuchi ที่ 29-11-2015 13:57:03
รอบทเรียนราคาแพงของอัลตอนหน้าค่ะ
#ติ่งหมอวา #ทีมคนแก่  :laugh:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 17 [29.11.15]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 29-11-2015 14:07:03
  :mew1: :mew1::mew1: :mew1: :mew1: หมากับแมวมันคนละสายพันธุ์มันไปกันไม่ได้หรอกทอม ตัดใจเป็นแค่เพื่อนนะดีแล้ว ให้แมวเขาเป็นของหมอดีกว่า
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 17 [29.11.15]
เริ่มหัวข้อโดย: So_Da_Za ที่ 29-11-2015 15:46:34
โอ้ยยยยยยย
หลงรักเลยยยน
ตอนหน้านู๋อัลปลอดภัยนะลูกน้า
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 17 [29.11.15]
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 29-11-2015 18:06:20
ยังไม่วางใจอยู่ดีอะตอนนี้ทอมแค่ยืดเวลาให้ไม่ได้บอกว่าจะหยุด อัลเองก็เหมือนให้ความหวังไม่บอกให้ชัดเจน เห้ออออ....


รอดูบทเรียนราคาแพงของน้องอัลที่ไม่เชื่อคำเตือนพี่หมอวา 555 ที่สำคัญที่รอมากๆคือเมื่อไหร่สองคนนี้เขาจะตกล่องปล่องชิ้น เมื่อไหร่จะได้กัน เด็กมันโตแล้วน๊าหมอพ้นคุกปล้วจัดสักทีเถดะ  อิอิ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 17 [29.11.15]
เริ่มหัวข้อโดย: jinholmemin ที่ 29-11-2015 21:11:02
คงจะเป็นบทเรียนราคาแพงสำหรับอัลแน่ๆ

แต่ก็อย่าให้อัลโดนอะไรหนักๆเลยน้าาาาาาา เอาแค่เบาๆก็พอ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 17 [29.11.15]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 29-11-2015 21:30:23
อัลก็ไม่ยอมบอกทอมอยู่ดีว่ามีแฟนแล้ว เกิดวันหน้าถ้าทอมคิดได้ว่ารักอัลแบบคนรักและมาขอคำตอบจะทำไง  กับเรื่องเพื่อนเลว ๆ ของนภที่กำลังระแวงอยู่นี่ลำพังอัลไม่น่ารอดด้วยตัวเอง หมอวาคงไม่ยอมเสี่ยง
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 17 [29.11.15]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 29-11-2015 22:15:22
 :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 17 [29.11.15]
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 29-11-2015 22:52:34
มาตามติ่งหมอวา หมอใจเย็นไปป่าวกลัวหมาคาบไปแดกจัง กลัวหมอเสียใจอะ

กลับมาหาเรานะหมอรออยู่ตรงนี้เสมอ<<ประหนึ่งหมอเคยเป็นของเรามาก่อน :m3:

ไม่ทนนนนนนนนนนนนหมอวาาาาาาาาาาาาาาาาา

ติ่งหมอวาหนักมาก :katai1: เข้าขั้นซาแซง  :z3:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 17 [29.11.15]
เริ่มหัวข้อโดย: pim-lovemj ที่ 30-11-2015 07:45:12
 o22 หมอวาโหด เถื่อน ใจร้าย แต่เราชอบ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 17 [29.11.15]
เริ่มหัวข้อโดย: imac ที่ 01-12-2015 17:13:46
เชียร์หมอ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 17 [29.11.15]
เริ่มหัวข้อโดย: VarainDark ที่ 01-12-2015 23:17:49
ตัวแสบยอมขนาดนี้ ทำไมหมอวาไม่ยอมกินอ่ะ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 17 [29.11.15]
เริ่มหัวข้อโดย: LetGet ที่ 02-12-2015 15:00:50
รอร๊อรอตอนหน้าอย่างใจจดใจจ่อ บทเรียนแสนแพงคืออะไร เค้าจะได้เสียกันมั้ย นี่ลุ้นมาก อยากให้เค้าได้กัน  :hao6:  :hao6:  :hao6:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 17 [29.11.15]
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 03-12-2015 08:24:45
พี่วาอดทนได้ดีมากกกกกก
เราว่าพากันไปห้องน้ำทั้งคู่แหละ 55555
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 17 [29.11.15]
เริ่มหัวข้อโดย: Kun1gunde ที่ 04-12-2015 00:04:30
คิดถึง อัล แล้วค้าบ
หัวข้อ: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 18 [05.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 05-12-2015 15:56:40
TRACK 18



“อย่ากลับดึกมากนักล่ะ เป็นไปได้ก็งดแอลกอฮอล์ แต่ถ้าเมาอย่าขับรถเด็ดขาด อยู่ให้ห่างๆ พวกพ่นควันด้วย เครื่องช็อตไฟฟ้ายังอยู่ใช่ไหม เอาพกติดตัวไว้ซะ พรุ่งนี้เล่นดนตรีเสร็จไม่ต้องมารับนะเดี๋ยวนั่งแท็กซี่กลับเอง แล้วถ้ามีอะไรให้คิดถึงฉันก่อนเป็นคนแรกเสมอ เข้าใจนะ” คุณหมอหนุ่มสั่งยาวเหยียดประหนึ่งพ่อบอกลูกชายวัยหัดเที่ยว เขาหยิบกระเป๋าโน้ตบุ๊คกับแฟ้มขึ้นมาถือก่อนหันไปจุ๊บขมับอลันด์ที่ยังเคี้ยวแซนด์วิชอยู่ในปาก ไม่รออีกคนขานรับร่างสูงเกือบร้อยเก้าสิบเซนติเมตรก็พรวดพราดออกจากน้องมิ้ลค์ไป

เด็กฝรั่งกลืนซากขนมปังกับแฮมและผักกาดแก้วฝืดๆ ลงคอ คิ้วเรียวโก่งมุ่นเข้าหากันเล็กน้อย ให้ตายเถอะให้พกของอันตรายแบบนั้นติดตัว ทิวากานต์คิดว่าเขาจะถูกปล้ำอีกหรือไง เฮลโล... โธมัสกลับมิวนิคไปแล้วเถอะ

แม้จะรู้สึกแปลกๆ แต่อลันด์ยอมเป็นเด็กดีหย่อนเครื่องช็อตไฟฟ้าใส่กระเป๋ากางเกงระหว่างรอนภมารับ วันนี้คิวไม่ได้ไปด้วยเห็นว่าเจ้าตัวต้องไปงานเลี้ยงกับที่บ้าน เริ่มกลัวขึ้นมานิดหน่อยแต่คิดไปเองว่าเพราะถูกทิวากานต์ไซโคมาต่างหาก

เกือบหกโมงเย็นนักร้องหนุ่มถึงปรากฏตัวขึ้นที่มหาวิทยาลัยพร้อมรถมินิที่อัดหนุ่มไฮโซกับหนุ่มลูกครึ่งญี่ปุ่นและหนุ่มแปลกหน้าไว้อีกคน แนะนำตัวกันแบบเร็วๆ เก่งกับชิก็ขอย้ายก้นมานั่งน้องมิ้ลค์ให้สบายตัวกว่าไปอัดกันอยู่ในรถคันเล็ก

“เดี๋ยวแสบขับรถตามไอ้นภไปเลยนะ” หนุ่มไฮโซว่าหน้าแฉล้ม วันนี้ลงทุนนั่งเบียดมากับรถคันเล็กจิ๋วของนภเพื่อการนี้โดยเฉพาะ

“ศุกร์สิ้นเดือนรถท่าจะติดกว่าถึงคงเกือบสองทุ่มได้ เอาหนมหน่อยไหม” ชิ หรือ ซาโตชิหนุ่มครึ่งญี่ปุ่นยื่นถุงขนมขบเคี้ยวที่พกมาให้จากเบาะหลัง อลันด์ปฏิเสธไปทันทีบอกว่ากินเค้กรองท้องมาแล้วขืนกินมากกว่านี้คงยัดอะไรไม่ลงอีก

ขับรถตามตูดนภข้ามมาฝั่งธนฯ ได้ไม่เท่าไหร่เก่งก็ขอเปิดหน้าต่างดูดบุหรี่ จะห้ามก็ไม่กล้าด้วยเคารพอีกฝ่ายอยู่บ้างเลยแค่บอกให้ช่วยพ่นควันไปห่างๆ หน่อย พ่อหนุ่มเองเข้าใจเป็นอย่างดีเลยไม่มีปัญหาผิดใจกัน

พวกเขาคุยเรื่องนู้นเรื่องนี้กันตลอดทาง ส่วนใหญ่เป็นเรื่องดนตรีแล้วก็เรื่องวงในของวงการบันเทิงไทย ไม่พ้นเรื่องที่ว่าเก่งเคยคบกับดาราสาวคนไหนมาแล้วบ้างและตอนนี้กำลังจิ๊จ๊ะอิ๊อ๊ะกับใครอยู่ อลันด์รู้จักบ้างไม่รู้จักบ้างจนต้องออกตัวไว้ก่อนว่าไม่ค่อยเปิดทีวีดูละครสักเท่าไหร่

ใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงเต็มเพราะการจราจรอันติดขัดของกรุงเทพพวกเขาจึงถึงร้านเป้าหมายสักที ร้านที่นภพามาเป็นร้านอาหารค่อนไปทางบาร์ มีทั้งส่วนโอเพ่นแอร์และส่วนห้องแอร์ ตอนที่เข้าไปในร้านคนค่อนข้างบางตา วงดนตรีสดยังไม่ขึ้นเล่น มีเพียงเพลงเปิดผ่านลำโพงสร้างบรรยากาศแทนไปก่อน ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการส่วนมากล้วนเป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยใกล้ๆ กัน

นภจองโต๊ะไว้ก่อนหน้าแล้วเป็นโต๊ะตรงกลางติดเวทีเรียกได้ว่าดีที่สุดของร้าน เมื่อทุกคนนั่งพนักงานร้านก็ปรี่เข้ามารับออเดอร์อย่างรู้หน้าที่ ชายหนุ่มวัยไล่เลี่ยกันห้าคนแยกกันสั่งอาหารเสียงช้งเช้ง ทั้งกับแกล้มห้าอย่าง ข้าวผัดจานใหญ่ ยำวุ้นเส้นทะเล เอ็นหมูทอด ไส้กรอกย่าง ต้มยำน้ำข้นอีกถ้วย เบียร์สดหนึ่งทาวเวอร์ แล้วเปิดแบล็กสองขวดพร้อมน้ำแข็งกับมิกซ์เซอร์

ตาสีซีดกวาดมองรอบๆ ตัวด้วยความตื่นเต้น เป็นครั้งแรกที่เขาได้เข้าผับในต่างประเทศ ไม่ค่อยต่างจากผับแถวบ้านเขาเท่าไหร่ แต่แค่คิดว่าครั้งนี้เขามาเองได้โดยไม่ต้องมีผู้ปกครองพามาเหมือนตอนอยู่อังกฤษก็ชวนให้ตื่นเต้นไม่น้อย

“ชนกันหน่อย” นภชูแก้วเหล้าขึ้นสูงไล่ชนตั้งแต่เพื่อนตัวเองจนมาถึงน้องรักอย่างอลันด์ “เฮ้ พี่พามาเลี้ยงทั้งทีดื่มน้ำเปล่าได้ไง”

“วาไม่ให้ดื่มนี่นา”

“โหน้อง หมอวาไม่ใช่พ่อนะครับไม่ต้องเชื่อมากก็ได้ ดื่มนิดดื่มหน่อยหมอไม่รู้หรอก มาๆ เดี๋ยวพี่ชงให้ เอาอ่อนๆ เลย” หนุ่มเก่งกุลีกุจอรีบเอื้อมมือไปหยิบแก้วใบใหม่ขึ้นมาชงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้คนเด็กสุด คืนนี้ต้องเมา ไม่เมาไม่เลิก!

“แต่ว่า...” อลันด์ลังเล ใจอยากสนุกไปกับเขาด้วย แต่กลัวโรคหัวใจตัวเองก็กลัว กลัวคุณหมอหน้าดุโกรธก็ใช่

“รีแล็กซ์หน่อยนะครับ นะ แค่นี้ไม่เป็นไรหรอก พี่แอบไปถามหมอคนอื่นมาแล้วเขาให้กินได้นิดๆ หน่อยๆ สนุกกันดีกว่า เราเป็นตัวเด่นนะวันนี้จะมานั่งเงียบๆ ได้ไง”

“ใช่ๆ งานนี้เพื่อนักร้องคนเก่งนะ อย่าเหนียมนักเลย ดื่มกันดีกว่า”

พอถูกยุจากรอบโต๊ะสุดท้ายหนุ่มลูกครึ่งก็ยอมหยิบแก้วเหล้าจากมือเก่งขึ้นดื่ม รสขมปร่าของแอลกอฮอล์กับรสซาบซ่าของโซดาบาดคอจนต้องร้องฮ่าออกมาเสียงดัง นานหลายเดือนเชียวที่เขาไม่ได้แตะอะไรพวกนี้เลย ยังดีหน่อยที่ในห้องแอร์ห้ามสูบบุหรี่ไม่งั้นเขาคงยิ่งรู้สึกผิดที่ปล่อยให้ตัวเองถูกรมควันหลังหลีกมาได้ตั้งนาน

เด็กหนุ่มห้าคนกินข้าวดื่มเหล้าเบียร์กันเฮฮา ไม่ทันไรนภก็หน้าแดงขอยอมแพ้คนแรกตั้งแต่ยังไม่พ้นชั่วโมงแรกดีด้วยต้องขับรถกลับ อลันด์เองก็หน้าแดงแจ๋เพราะผิวขาวใสกว่าใครแต่เจ้าตัวยังไม่แม้แต่รู้สึกกรึ่มเพราะปริมาณที่ดื่มเข้าไปมีน้อยมาก สามคนที่เหลือเลยจัดการยัดเหล้าเข้าปากกันไม่ยั้ง

สักสามทุ่มวงดนตรีสดประจำวันขึ้นมาบนเวที เป็นวงทรีโอ มีกีตาร์ เชลโล่ และกลอง สองในสามเป็นชาวต่างชาติที่ดูปราดเดียวรู้ได้ทันทีว่ามาจากตะวันตก อีกคนเป็นเอเชียผมดำสนิทแต่ผิวขาวเหมือนสำลี

นักร้องนำพ่วงกีตาร์ตัวสูงมากแม้นั่งบนเก้าอี้ขายังเลยเวทีออกมา ไว้ผมยาวระต้นคอเลี้ยงหนวดจางๆ แผงอกที่โผล่พ้นเสื้อยืดคอกว้างออกมาก็มีแต่ขน ดูผ่านๆ แล้วคล้ายซีเรียส แบล็กเพิ่งออกจากคุกอัซคาบันยังไงยังงั้น ทว่าชายหนุ่มคนนี้กลับดูใจดีเพราะดวงตาสีน้ำตาลอ่อนใสซื่อไม่มีพิษมีภัย เขาไม่ได้แนะนำตัวอะไรก่อนมาถึงก็เล่นเพลงเลย

‘Honey, you're familiar like my mirror years ago
Idealism sits in prison, chivalry fell on its sword
Innocence died screaming, honey, ask me I should know
I slithered here from Eden just to sit outside your door’
1

อลันด์โยกตัวตามจังหวะดนตรี แนวเพลงที่วงนี้เล่นเป็นแจ๊ซประยุกต์ฟังได้เรื่อยๆ เหมาะกับไปเล่นในบาร์ชั้นสูงมากกว่าร้านเหล้าที่มีแต่พวกเด็กๆ ส่งเสียงโวยวาย

ยามเสียงเพลงจบลงนภกับเพื่อนๆ ก็ตบมือเป่าปากเสียงดัง ตอนนั้นเด็กลูกครึ่งถึงรู้ว่าเพื่อนคนที่นภว่าคือคนนี้นี่เอง

“สวัสดีครับ ขอให้ทุกคนมีความสุขกับค่ำคืนนี้ และขอมอบเพลงนี้ให้แก่หนุ่มน้อยชาวต่างชาติโต๊ะหน้าสุด To Be Alone” ชายหนุ่มพูดเป็นภาษาไทยไม่ชัดเท่าที่อลันด์พูดแต่ถือว่าชัดที่สุดเท่าที่ชาวต่างชาติคนหนึ่งจะพูดได้

เด็กลูกครึ่งหน้าร้อนผ่าวตอนสายตาอบอุ่นนั้นมองมาที่คนบนเวทีตอนบอกจะเล่นเพลงนี้เพื่อเขา อลันด์นั่งฟังเพลงชื่อน่ากลัวแต่กลับอ่อนหวานเมื่อบอกว่าจะ ‘alone with you’ ต่อให้อยู่ในที่ไม่ชอบแต่ถ้ามีเธออยู่ด้วยมันก็โอเค...

สามหนุ่มบนเวทีเล่นดนตรีต่อเนื่องอีกชั่วโมงเต็มๆ ก่อนลงมาพักที่โต๊ะของนภ นักร้องนำรับแก้วเหล้าจากมือชงอย่างเก่งไปจิบพลางเซย์เฮลโลรอบโต๊ะ

“แสบ นี่แอนดรูว์ คนที่ตีกลองชื่ออเล็กซ์ ส่วนคนนู้นเอลเล่นเชลโล่ ทั้งหมดนี่เพื่อนพี่เอง เรียนเอกดนตรีอยู่ที่ม. ใกล้ๆ นี่แหละ”

“อลันด์ เรียกอัลหรือแสบตามพี่นภก็ได้” เด็กหนุ่มไล่จับมือทักทายทีละคนตามการแนะนำ พูดคุยกันไม่ทันไรก็รู้จักกันหมด แอนดรูว์กับอเล็กซ์เป็นไอริชที่บ้านทำธุรกิจด้วยกัน พอพ่อแม่ย้ายมาขยายธุรกิจที่นี่เลยย้ายตามมาด้วย อยู่เมืองไทยมาแล้วหกปี ส่วนเอลเป็นลูกครึ่งอเมริกัน-ปักกิ่ง เลือกมาเรียนต่อที่ไทยโดยเฉพาะ

แอนดรูว์เป็นผู้ชายใจดีน่ารักตามคาด แม้จะตัวสูงพอๆ กับโธมัสแต่ตัวผอมบางและพูดจาเสียงเบาดูค่อนข้างขี้อาย แม้แต่ตอนจับแก้วนิ้วเรียวยาวยังค่อยๆ ประคองถือเหมือนกลัวแก้วเหล้าหนาหนักนั่นจะแตก ส่วนอเล็กซ์ไม่ค่อยพูดจาทั้งที่เจ้าตัวดูค่อนข้างซุกซนด้วยสายตาวิบวับเหมือนฝาแฝดจอมป่วนบ้านกริฟฟิธส์ หากคงมีรอยยิ้มประดับใบหน้าให้เพื่อนร่วมโต๊ะตลอดเวลา ผิดกับหนุ่มจีนที่ล้งเล้งกับพวกเก่งเสียงดังลั่น

เขาขอแลกอีเมล์ไว้ติดต่อกันเรื่องดนตรีเรียบร้อย สักพักนักดนตรีทั้งสามคนขอตัวกลับไปทำหน้าที่ต่อ พวกนักดื่มประจำโต๊ะเริ่มดวดกันหนักขึ้น ซาโตชิกับเพื่อนของนภอีกคนที่อลันด์นึกชื่อไม่ออกลากกันไปท้าเล่นพูลกับโต๊ะอื่น เก่งยังตั้งหน้าตั้งตาชงเหล้าคะยั้นคะยอให้เจ้าของงานตัวจริงดื่มไปอีกหลายแก้วจนเริ่มมึนๆ แดงไปทั้งตัว

พอเมาความคิดมากมายผุดขึ้นมาในหัวเหมือนไวรัสร้ายเข้าครอบครองเครื่องคอมพิวเตอร์ อลันด์ดูทุกคนมีความสุขสนุกสนาน ส่วนเขากลับเหงาเพราะไม่มีผู้ชายหน้าดุอยู่ใกล้ๆ ผู้ชายคนนั้นช่างร้ายกาจยิ่งกว่าแอลกอฮอล์ที่กำลังทำพิษใส่เขา มาทำให้เขาเสพจนติดจนขาดไม่ได้

เด็กหนุ่มก้มดูเวลาที่ข้อมือตอนนี้จะเที่ยงคืนแล้วเขายังนั่งอยู่ร้านเหล้าอยู่เลย ถึงทิวากานต์ไม่บีบบังคับให้ต้องกลับก่อนสี่ทุ่มตามที่พูดไว้ก็จริงแต่เขาไม่อยากนั่งอยู่ตรงนี้แล้วเหมือนกัน ถ้าต้องนั่งเบื่อคิดถึงอีกคนเป็นบ้าอยู่นี่สู้กลับไปนอนกอดหมอนข้างดมกลิ่นคุณหมอที่ห้องให้หายอยากดีกว่า

ตกลงกับความคิดตัวเองเสร็จสรรพ นิ้วเรียวรีบยื่นออกไปสะกิดเรียกนภที่กำลังฝอยแตกฟองกับสาวโต๊ะข้างๆ ที่จำนักร้องหนุ่มชื่อดังได้ อลันด์บังคับปากกับลิ้นตัวเองแจ้งความประสงค์ออกไปทั้งเสียงอ้อแอ้หน้าแดงก่ำ “พี่โนบบบ โก โฮมมม”

เผลอแป๊บเดียวเด็กที่รับปากจะดูแลดันเมาแอ๋เสียแล้ว ชายหนุ่มเจ้ามือตกใจหน้าซีดรู้สึกแววเงาหัวขาดมาแต่ไกล จำได้ว่าทิวากานต์บอกห้ามพาน้องกลับเกินสี่ทุ่มแต่ตอนนี้วงดนตรีของแอนดรูว์กำลังทยอยลงจากเวทีเข้าไปเก็บอุปกรณ์หากินหลังร้าน แสดงว่าเลยเวลาเคอร์ฟิวมาตั้งสองชั่วโมง!

ก่อนจะซวยมากกว่านี้เขารีบเรียกเช็คบิล ตะโกนบอกเพื่อนอีกสองคนให้กลับมาที่โต๊ะเตรียมพากันกลับ มือเปิดกระเป๋าเงินออกมาเตรียมควักจ่ายจะได้รีบไปกันเสียที

“เมาแล้วเหรอเนี่ย คออ่อนว่ะ” หนุ่มมือชงเย้ย เป็นเก่งเองนี่แหละที่จงใจเพิ่มปริมาณแอลกอฮอล์ทีละนิดให้เด็กลูกครึ่ง แต่คนชงใช่จะรอด สภาพเหมือนจะแย่กว่าด้วยซ้ำดีแค่ว่าลิ้นยังไม่พันกัน

“ม่ายมาว แค่มึนๆ” เถียงกลับยืนยันว่าตัวเองไม่เมาด้วยการลุกขึ้นยืน ตัวเล็กเซนิดหน่อยแต่กลับมายืนตรงได้เพียงแป๊บเดียว “ข้าวโห้งน้ามแปบ”

“ให้พาไปไหม”

“โน๊ววว ไอ แคน” เด็กหนุ่มปฏิเสธคำช่วยเหลือจากนภก่อนเดินแหงนคอหน้าตั้งไปทางห้องน้ำตามที่ซาโตชิชี้นิ้วบอก

อลันด์หัวเราะเบาๆ เมื่อคิดว่ากลับไปเขาคงต้องทำลายหลักฐานการเมาของตัวเองให้เกลี้ยงห้ามเหลือแม้แต่กลิ่น ทิวากานต์น่ะหูตาไวจมูกดีเหมือนหมาตำรวจ ลองเหลืออะไรติดนิดติดหน่อยเป็นได้ความแตกพอดี

เด็กฝรั่งยืนประจำหน้าโถ รูดซิปปลดกระดุมจัดการตัวเองตามเรื่องตามราว หน้าใสแหงนไปด้านหลังจนคอตั้งหลับตาพริ้ม รู้สึกสบายตัวจนร้องครางออกมาเบาๆ หลังปล่อยแอลกอฮอล์บางส่วนออกเรียบร้อยสติที่เหมือนถูกกดไว้ค่อยๆ คลายออก หัวโล่งตัวโล่งโปร่งสบาย

เก็บอาวุธเรียบร้อยยืนตั้งสติอีกแป๊บก็เดินตาปรือเบี่ยงตัวหลบผู้ชายตัวใหญ่ๆ สองคนเข้าไปล้างมือตรงอ่าง ไม่ได้ตั้งใจแอบฟังแต่เสียงจูบจ๊วบจ๊าบมันดังเข้ามาในหูจนหน้าแดงเพิ่มสีเข้มกว่าเดิม ให้ตายเถอะ หลบไปจูบกันในห้องน้ำได้ไหม หน้าไม่อายกันจริงๆ ผู้ชายพวกนี้... เดี๋ยวนะ! ผู้ชายพวกนี้!!!

ไอ้ที่ทำท่าเหมือนจะหลับเมื่อกี้กลายเป็นว่าตื่นเต็มตา อลันด์เห็นตัวเองทำหน้าเหรอหราใส่กระจก โคตรตลกแต่ตอนนี้ขำไม่ออกเพราะผู้ชายสองคนที่สะท้อนใส่นัยน์ตาสีซีดกลับคลับคล้ายคลับคลา เหมือนฝรั่งไอริชสองคนบนเวทีเมื่อกี้เดี๊ยะเลย!

“Oh… little kitty” แอนดรูว์ครางเบาๆ ดวงตาที่เคยตัดสินไปว่าใสซื่อเปลี่ยนเป็นดวงตาของหนุ่มแบดบอยหมดจดกวาดมองอลันด์ตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าก่อนฉีกยิ้มหวานให้

“ขะ ขอโทษ จะไปเดี๋ยวนี้แหละ” ไม่รู้ทำไมต้องขอโทษทั้งที่เขาไม่ได้เป็นคนผิด ถ้าเป็นเวลาปกติมีสติเต็มร้อยเด็กหนุ่มคงสบถใส่โทษเกะกะฐานขวางทาง

“จะกลับกันแล้วเหรอ ยังไม่คุยกันเท่าไหร่เลย” อเล็กซ์โผล่หน้ามาจากช่วงไหล่ของเพื่อนซี้ตัวสูง พอมายืนเสมอกันแบบนี้แล้วอลันด์ตระหนักได้อีกอย่างว่าอเล็กซ์เองไม่ได้เตี้ยเลย ดีไม่ดีสูงพอๆ กับทิวากานต์ด้วยซ้ำ มีแต่แอนดรูว์เท่านั้นแหละที่สูงเกินไป พาลโทษมาถึงพ่อตัวเองว่าถ้ามีเชื้อไอริชสักหน่อยเขาคงไม่เตี้ยขาสั้นแบบนี้

“อือ พี่นภเช็คบิลแล้ว” เด็กหนุ่มชกใต้คางตัวเองเบาๆ แก้เก้อ ตาสีซีดเสมองพื้นกระเบื้องดำวับ “เอ่อ...พวกนาย...คบกันเหรอ”

“คิดว่าไงล่ะ” คำถามค่อนข้างเสือกพอสมควรแต่อเล็กซ์กลับฉีกยิ้มช่วยเด็กหนุ่มตัวเล็กหาคำตอบ

แอนดรูว์เบ้ปากบิดคิ้วแสร้งทำเป็นคิด ทันใดนั้นเขาจับตัวเพื่อนวัยเด็กเหวี่ยงให้มายืนข้างกัน “เราคงไม่จูบกับคนที่เรารู้สึกแย่หรอกใช่ไหม”

“พวกนายคบกัน?”

“นายรังเกียจ?”

“ไม่ๆ ไม่ได้หมายความว่างั้น แค่แปลกใจคิดไม่ถึงว่าพวกนายจะมีความสัมพันธ์กันแบบนั้น ฉันเข้าใจพวกนายนะ แบบว่า...บางทีคนที่เรารักอาจจะเกิดมาเพศเดียวกันกับเราอะไรแบบนี้”

“คำตอบเมื่อกี้ทำให้นายดูดีขึ้นอีกสิบเท่า” อเล็กซ์ตบมือเปาะแปะ

“ฉันไม่ได้พูดเอาใจหรือว่าโลกสวยหรอกนะ แต่แบบว่า...ฉันมีแฟนเก่าสาวสวยที่เพิ่งผันตัวไปเป็นไบเซ็กช่วล มีเพื่อนที่ชอบผู้ชาย แล้วที่ประเทศฉันก็มีกฎหมายให้เพศที่สามแต่งงานกันได้” เขามองหน้างงๆ ของสองหนุ่มชาวไอริชที่ฟังเขาพล่ามประโยคอ้อมโลกเมื่อครู่ออกมา เด็กหนุ่มรู้สึกว่าแอลกอฮอล์ในตัวไม่ได้หายไปกับโถฉี่ทั้งหมด ยังมีบางส่วนตกค้างและทำให้เขาประมวลผลช้าและหมดยางอาย “แล้วตอนนี้ฉันก็กำลังคบกับผู้ชายคนหนึ่งเหมือนกัน”

“โอ้ว - มาย - ก็อด เซอร์ไพรส์สุดๆ” แอนดรูว์กระซิบเสียงแหบหน้าตายหากสายตาบอกว่าตกใจ เรียกได้ว่ามีอาการไม่ต่างกันเท่าไหร่นักเมื่อรู้ความลับของกันและกัน อลันด์ดูเหมือนเด็กผู้ชายซนๆ ธรรมดาไม่น่าจะเป็นเกย์ได้

“ฉันไม่ได้เป็นเกย์” อลันด์ท้วงเหมือนรู้ความคิดอีกฝ่าย “ฉันก็เหมือนพวกนาย แค่คนที่ชอบเป็นผู้ชาย ฉันเลยเข้าใจ ส่วนเมื่อกี้ก็แค่ตกใจนิดหน่อย”

“ไอ - ซี” สองหนุ่มไอริชพร้อมใจกันขานรับ ก่อนที่อเล็กซ์จะทำหน้าทะเล้น “แต่ที่นี่ไม่ใช่อังกฤษ ถึงเหมือนจะเสรีเรื่องเพศที่สามแต่ก็แค่เปลือก เพราะงั้นมันจะเป็นความลับระหว่างเรา”

“แน่นอน เราเป็นเพื่อนกันแล้วนิ” อลันด์ฉีกยิ้มให้ทั้งคู่รู้สึกดีก่อนชกกำปั้นกับทั้งสองคนตอกย้ำสัญญาลูกผู้ชาย “แต่ถ้าความลับแตกเพราะพวกนายมายืนจูบกันประเจิดประเจ้อฉันก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ”

“ฉันบอกแอนดรูว์ให้อดทนแล้ว แต่อย่างว่า...พวกเอาแต่ได้มักเอาแต่ใจ”

“ฉันรู้จักคนนึงที่เหมือนเขาเลย” อลันด์หัวเราะคิกเหมือนนึกไปถึงผู้ชายเอาแต่ใจตัวโตที่เพิ่งกลับมิวนิคไปเมื่อคืนวาน

“แต่ไม่เคยโกรธลงจริงๆ จังๆ สักครั้ง”

“แหงล่ะ นายชอบให้ทำจะตาย”

“แสบ! อ้าว แอนดรูว์ อเล็กซ์” หน้าของหนุ่มลูกครึ่งโผล่เข้ามาขัดได้จังหวะยั้งกำปั้นอเล็กซ์ค้างไว้อากาศได้ทันก่อนจะพุ่งไปกระทบหน้ารกหนวดของแอนดรูว์ ชาวต่างชาติสามคนหัวเราะแห้งๆ ใส่กันท่าทางมีพิรุธตอนมองซาโตชิ “ทำอะไรกันอยู่น่ะแสบ ฉันนึกว่านายเมาสลบคาส้วมไปแล้วซะอีก”

“โทษทีครับ พอดีคุยกับสองคนนี้เพลินน่ะ”

“อ้อ งั้นไปกันเถอะ ไอ้นภเช็คบิลเสร็จเป็นชาติแล้ว”

“ครับๆ ไว้คุยกันนะ” ท้ายประโยคหันไปบอกสองเพื่อนใหม่ก่อนร่างเล็กๆ จะรีบเดินตามหลังชิออกไป

นภทำหน้าโล่งใจเมื่อเห็นอลันด์เดินกลับมาจากในห้องน้ำ เขานึกว่าหนุ่มน้อยลูกครึ่งไข่ในหินของคุณหมอจอมโหดจะเมาคอพับคาห้องน้ำไปแล้ว แต่พอได้ยินเจ้าตัวอธิบายว่ายืนคุยกับเพื่อนนักดนตรีของเขาเพลินไปหน่อยก็ไม่ว่าอะไร แถมยังกลับมาพูดได้คล่องปร๋อลิ้นแข็งไม่อ้อแอ้แล้วแสดงว่าไม่เมามากจริงๆ

มือข้างหนึ่งยกขึ้นขยี้หัวอีกฝ่ายเล่นแก้อาการมันเขี้ยวแล้วทิ้งตัวลงมากอดคออีกฝ่ายไว้หลวมๆ อลันด์เล่นน่ารักขนาดนี้พอจะเข้าใจทิวากานต์ที่ทั้งห่วงทั้งหวงอยู่หรอก แต่เด็กผู้ชายถ้าไม่เฮ้วบ้างเสียชาติเกิดกันพอดี

“เส้นนี้ด่านเยอะด้วย แบ่งกันกลับเหมือนขามาแล้วกัน เดี๋ยวคันน้องแสบกูขับเอง ห่าเก่งเมาแล้วช่วยยืนเฉยๆ หน่อย” ซาโตชิที่ดื่มแค่เบียร์ไปสองแก้วว่า อย่างน้อยตอนเจอด่านโดนจับเป่าจะได้รอด แต่ตอนนี้เขาต้องยัดไอ้เพื่อนไฮโซเข้าไปนอนหลังรถก่อน

นักร้องหนุ่มพยักหน้าเห็นด้วย นัดแนะกันว่าเดี๋ยวไปส่งอลันด์ที่คอนโดก่อน จากนั้นถ้าจะไปต่อก็ค่อยว่ากันอีกที

“แสบช่วยดูไอ้เก่งมันหน่อยนะ เดี๋ยวพี่ขับรถให้เอง”

“ครับๆ” เจ้าของรถรับคำอย่างเสียไม่ได้ เขาสอดเข้าไปนั่งเบาะหลังจับเก่งให้นั่งดีๆ ตอนนี้ขออย่างเดียวอย่ามาอ้วกใส่น้องมิ้ลค์แล้วกัน ต่อให้เป็นคนสนิทก็มีเคือง

นิสสันคิวบ์สีขาวค่อยๆ คลานออกจากร้านตามหลังรถมินิของนภไปแบบไม่รีบ ดึกค่อนคืนแล้วทางโปร่งวิ่งสบายซ้ำถนนเส้นนี้ยังไม่ค่อยมีรถวิ่งมากนักนอกจากรถบรรทุกที่มากันเป็นขบวนชวนเสียวตลอดทาง

“อื้อ พี่เก่งนั่งเฉยๆ สิ”

เด็กฝรั่งบ่นอุบเมื่อคนเมาเริ่มเลื้อยตัวจนทับเขาไปทั้งแถบ สองมือพยายามดันอีกคนออกแต่พ่อหนุ่มไฮโซกลับตัวหนักเกินคาด ฉุดกันไปฉุดกันมากลายเป็นว่าเก่งนอนกอดเอวอลันด์เอาซุกหน้ากับตักอีกคนเหมือนหมาตัวโตๆ อลันด์คงยอมให้อีกฝ่ายนอนกอดไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงคอนโดถ้าสองมือจะอยู่ไม่สุขเลื้อยเข้ามาใต้เสื้อยืดเขาจนต้องจับไว้ก่อนไปถึงไหนต่อไหน

“เฮ้ยๆ หยุดเลยพี่หยุด พี่ชิ เพื่อนพี่ทำไมเมาแล้วเป็นงี้เนี่ย”

“ไอ้เก่งมันทำอะไรเรอะ”

“ลูบผมจนขนลุกหมดแล้ว เอามือออกไปเลยนะ!” ไอ้ตัวแสบโวยวายเสียงสนั่นมีเสียงหัวเราะของคนขับแทรกเป็นแบคกราวน์เหมือนเป็นเรื่องตลก แต่คนโดนน่ะไม่ตลกด้วย แทนที่จะขนลุกด้วยความสยิวกับเป็นลุกด้วยความสยองแทน มั่นใจสุดๆ ว่าตัวเองไม่ใช่เกย์ก็ตอนนี้เพราะเขาไม่ได้รู้สึกดีกับสัมผัสของผู้ชายด้วยกันสักนิด

“อารายกาน จับนิดจับโหน่ยมาทามเปนหวงตัว” หนุ่มไฮโซผงกหัวขึ้นมาอ้อแอ้ต่อว่า พยายามใช้สองมือลูบผิวขาวนุ่มเนียนมือใต้ร่มผ้าสุดความสามารถ

“เล่นแบบนี้ไม่ตลกนะพี่เก่ง เป็นเกย์หรือไงมาลวนลามผู้ชายเนี่ย เมาแล้วก็นอนเฉยๆ ไปสิ”

“ม่ายด้ายเปนนน แต่อยากด้ายอ่ะ แสบน่าร้ากกก พี่อยากด้ายยย ขอพี่เหอะนะ”

มือขาวรีบดันหน้าอีกคนไว้ได้ทันก่อนริมฝีปากจะแตะกัน หากกลับเป็นการเปิดโอกาสให้อีกคนรวบตัวกดไปนอนกับเบาะและขึ้นคร่อมได้ถนัดขึ้น ลำตัวหนาแทรกเข้ากลางหว่างขากันอีกคนเตะเข้ากล่องดวงใจ อลันด์ชักไม่คิดแล้วว่าเก่งจะเมาจริง คนเมาบ้าอะไรแรงเยอะชิบหายดิ้นเท่าไหร่ก็ไม่หลุดสักที

“ฮ่าๆๆๆ ทามมายดื้องี้ล่า หรือเพราะพี่ม่ายหล่อล่ำเหมือนผัวฝรั่งผมทองของน้อง หือ?”

“จะบ้าเหรอวะ!!! ใครผัวใครพูดให้มันดีๆ นะพี่เก่ง เข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ว กับโธมัสนั่นแค่เพื่อนกัน แล้วที่สำคัญผมไม่ได้เป็นเกย์! พี่ชิมาดึงเพื่อนพี่ออกไปเลยนะ”

“มีแฟนเป็นผู้ชายแล้วยังบอกว่าไม่ได้เป็นเกย์อีกเหรอ อย่าโกหกน่า พี่ได้ยินที่เราพูดกับพวกแอนดรูว์ที่ห้องน้ำนะ ไอ้เก่งมันหล่อเหมือนกันนะเว้ย บ้านก็รวย แถมอยู่ใกล้กว่าผัวน้องอีก ยอมๆ มันไปเถอะคิดซะว่าแก้เหงาตอนที่ผัวไม่อยู่แล้วกัน”

แทนที่จะได้ความช่วยเหลือ อลันด์กลับพบว่าลูกครึ่งญี่ปุ่นคนนี้ก็เข้าใจเขาเรื่องโธมัสผิดเหมือนกัน ซ้ำยังพูดจาหยาบโลนดูถูกตัวเขาอีกต่างหาก

เด็กฝรั่งโกรธจนเลือดขึ้นหน้า พยายามดิ้นรนหาทางเอาตัวรอดแต่กลับพบเข้ากับความจริงที่ว่าเขาอ่อนแอเกินกว่าจะสู้กับอีกคนได้ นึกโทษแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไป โทษที่ลดน้ำหนักจนหมดเรี่ยวหมดแรง โทษไอ้โรคบ้าๆ ที่ทำให้เขาเริ่มเหนื่อยหอบจนหน้ามืด โทษโธมัสที่ทำให้คนพวกนี้เข้าใจผิด โทษแม่ที่ทำให้เขาเกิดมาตัวเล็ก แต่ที่น่าโมโหสุดคือตัวเองที่ไม่ยอมเชื่อทิวากานต์ตั้งแต่แรก...

น้ำตาไหลอาบเมื่อคิดถึงผู้ชายคนนั้น ถ้าเพียงแต่เขาฟังอีกคนพูดเตือนบ้างก็คงดี เขาคงจะไม่ต้องมาเจอกับเรื่องเลวร้ายแบบนี้

“ร้องห้ายทามมาย เก็บแรงไว้ร้องครางก่าพี่คืนเน้ดีฝ่า”

“เชิญไปร้องหาพ่อมึงคนเดียวเถอะ!”

อลันด์อาศัยช่วงอีกคนเผลอซัดกำปั้นเข้าหน้าเต็มแรง เก่งร้องโอดเอามือกุมหน้าช่วงที่โดนต่อยเลยถูกเด็กฝรั่งตัวแสบเอาเท้ายันเข้ากลางอกอีกที รถทรงสี่เหลี่ยมถึงกับเป๋จนคนขับร้องเหวอเกือบไปสอยตูดรถบรรทุกคันข้างหน้าเข้าแล้วไหม

“โอ๊ย ไอ้เด็กเชี่ยยย!!! อ๊ากกกกกก!!!!!!”

“เฮ้ย มึงทำไรเพื่อนกูวะ” หนุ่มลูกครึ่งหันขวับมองเหตุการณ์ชุลมุนที่เบาะหลัง ตาตี่ๆ เบิกค้างเมื่อเห็นเพื่อนไฮโซนอนแบ่บหมดสภาพ ส่วนไอ้ตัวแสบถือเครื่องช็อตไฟฟ้าจ่ออยู่ที่คอ ซาโตชิกลืนน้ำลายช้าๆ กลัวอลันด์บ้าเอาไอ้วัตถุอันตรายจี้ตัวเขาตอนนี้ได้ตายกันทั้งรถพอดี “พี่ว่า...ใจเย็นๆ ค่อยๆ พูดค่อยๆ จากันดีกว่าไหม เก็บไอ้นั่นไปก่อนเหอะ ได้ไม่คุ้มเสียนะเว้ย”

“จอดรถ”

“ห๊ะ!”

“บอกให้จอดรถไงวะ!”

ขอมาเขาก็จัดให้ ซาโตชิกระทืบเบรกเต็มแรง ตัวรถกระตุกวูบพาไถลลงข้างทาง สองคนที่เบาะหลังไหลมากองกันพื้น โชคดีที่อลันด์ทับเก่งเข้าเต็มท้อง ไอ้คนโดนช็อตที่เริ่มมีสติเลยจุกสลบเหมือดไปอีกรอบ แต่โชคร้ายคือเครื่องช็อตไฟฟ้าดันหลุดมือกลิ้งไปใต้เท้าคนขับนี่สิ! หายนะโคตรๆ!!!

“หนอย...ตัวแค่นี้ แสบนักนะมึง”

“Shit!” ตาสีฟ้าซีดเบิกกว้างตอนเห็นหนุ่มลูกครึ่งญี่ปุ่นหยิบอาวุธของเขาขึ้นมาถือไว้เอง ร่างเล็กรีบปีนขึ้นกลับเบาะหลัง สองมือลนลานจับประตูรถพยายามเปิดออกไปแต่ติดล็อคในขณะที่ซาโตชิกำลังปีนจากเบาะหน้ามาจัดการเขา

“กูจะสั่งสอนมึงทบต้นทบดอกที่ทำเพื่อนกูเจ็บให้จำจนตายเลยว่าอย่ามาหือกับพวกกูอีก แค่ยอมง่ายๆ แค่เนี๊ยะทำโวยวายจะเป็นจะตายเหมือนพวกผู้หญิง ของมันเคยๆ อยู่แล้วจะหวงทำไมวะ”

“เคยพ่อมึงสิ ถึงกูจะชอบผู้ชายแต่กูก็เลือกเว้ย” หน้าสิ่วหน้าขวานแต่อลันด์ยังปากดีตอบโต้คนที่ดูถูกตน ตาสีซีดพยายามเพิ่งมองในความมืดหาอะไรก็ได้ที่จะใช้มาเป็นอาวุธสู้กับอีกฝ่าย แต่ก็ไม่เจออะไรที่มีประโยชน์เลยนอกจากกระเป๋าเป้อัดแน่นไปด้วยสมุดหนังสือ

ตอนที่ลังเลว่าจะหยิบกระเป๋ามาปาอัดหน้าไอ้ครึ่งปลาดิบนี่หรือปีนหนีไปหลังรถที่ปกติใช้เก็บกีตาร์แต่วันนี้โล่งมีที่พอให้ยื้อเวลาได้อีกหน่อย มือดันไปลื่นไปกดปลดล็อคประตูได้พอดี อลันด์รีบผลักประตูออกกว้างพาตัวเองพุ่งออกมาล้มลุกคลุกคลานบนถนนเห็นซาโตชิทำท่าจะพุ่งตามออกมาจับเขากลับขึ้นไป อลันด์จึงพยายามลุกขึ้นทั้งที่ขาหมดแรง เหนื่อยแทบขาดใจ ทุกครั้งที่เอาอากาศเข้าปอดเหมือนมีใครมาทุบอกเจ็บร้าวไปหมด

คราวนี้ถ้าโดนจับได้อลันด์คงหมดแรงหนีแล้ว แต่ไม่ว่ายังไงก็ไม่อยากให้คนชั่วพวกนั้นมาโดนตัวอีก ถ้าเป็นแบบนั้นยอมตายตรงนี้เสียดีกว่าถูกย่ำยีศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย

ตอนที่ตัดสินใจได้เด็กหนุ่มรู้สึกตาพร่าไปหมด ไม่ใช่เพราะน้ำตาแต่ด้วยแสงไฟสว่างจ้าพร้อมเสียงบีบแตรของรถบรรทุกดังลั่นไปทั้งถนน

ทุกอย่างมันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเพียงชั่วแวบเดียว พอรู้ตัวอีกทีอลันด์ก็นอนกลิ้งอยู่บนทุ่งหญ้าข้างทางมองไฟท้ายน้องมิ้ลค์ค่อยๆ หายไปจากสายตา หัวใจที่กระหน่ำเต้นแรงจนเจ็บอกค่อยๆ เต้นช้าลง ตอนนี้เขาเหนื่อยมาก...เหนื่อยจนอยากหลับตาไปเสียตอนนี้เลย!

.
.
.
หัวข้อ: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 18 [05.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 05-12-2015 16:10:06
เด็กหนุ่มลูกครึ่งอังกฤษ-ไทยกำลังสำรวจตัวเองคร่าวๆ หาสิ่งมีค่าที่ยังเหลือติดตัว หากนอกจากนาฬิกาปาเต๊ะ ฟิลลิป รุ่น Grand Complications แล้วพบว่าไม่มีอะไรที่พอจะใช้จ่ายเป็นค่ารถแท็กซี่ได้เลย ยกเว้นแต่คุณคนขับจะรับเข็มขัดแอร์เมสไปแทน เขาแม่งโง่หนีออกมายังเสือกทำกระเป๋าเงินกับโทรศัพท์ตกอยู่บนรถอีก สงสัยจะหล่นตอนรถเบรก

ในช่วงที่กำลังหาทางออกสวยๆ ให้ตัวเองรถแท็กซี่เขียวเหลืองก็เลี้ยวเข้าสู่เขตโรงพยาบาล ตาสีฟ้าเงยขึ้นดูบรรยากาศวังเวงชวนขนลุกตอนเกือบตีสอง ถ้าให้เดินคนเดียวคงได้มีหลอนกันบ้าง

“เดี๋ยวลุงจอดหน้าห้องฉุกเฉินนะ”

“เอ่อ ครับ”

อลันด์เออออตามคุณลุงคนขับใจดี กว่าเขาจะเจอแท็กซี่คันที่ยอมรับฝรั่งสภาพมอมแมมมีแผลเต็มตัวต้องยืนโบกรถรอตรงข้างทางมืดๆ นั่นอยู่เกือบครึ่งชั่วโมง ปกติพวกแท็กซี่จะชอบหน้าฝรั่งอย่างอลันด์มากแต่วันนี้พอจะเข้ามาจอดเห็นแผลตามตัวก็ขับหนีหมด ไหนจะต้องคอยหลบรถบรรทุกที่วิ่งมาเป็นระยะอีก แต่น่าแปลกกลับไม่เจอด่านตำรวจเลยแม้แต่ด่านเดียว วันนี้เขาหยุดกันหรือไง!

“ถึงแล้วพ่อหนุ่ม” ลุงคนขับหันมาบอกพร้อมรอยยิ้มเปื้อนหน้า เขามองค่าโดยสารเกือบสองร้อยแล้วกลืนน้ำลาย ตอนนี้แม้แต่บาทเดียวยังไม่มีจ่ายด้วยซ้ำ

“ลุงครับ พอดีตอนนี้ผมไม่มีเงินสดเลย แต่ว่า! เดี๋ยวผมจะเข้าไปเอาเงินเพื่อนมาจ่ายให้นะครับ ลุงจอดรถรอผมตรงนี้แป๊บเดียว ถ้าลุงกลัวผมหนีเอานาฬิกาผมไปเป็นตัวประกันก่อนก็ได้ครับ อันนี้ปาเต๊ะของแท้” เขาทำท่าแกะนาฬิกาที่ข้อมือให้คุณลุงไว้ต่อรอง แต่ถูกคนแก่กว่าเบรกไว้เสียก่อน

“ไม่ต้องๆ ไอ้หนุ่ม ไอ้ปาเต๊ะนี่มันแพงกว่ารถลุงอีกมั้ง ไม่กลัวลุงชิ่งไปหรือไง เดี๋ยวลุงรออยู่นี่แหละ”

“จะดีเหรอครับคุณลุง”

“เออน่ะ รีบเข้าไปเอาเงินเหอะ เดี๋ยวลุงกดมิเตอร์รอด้วย”

“โอเคครับลุง ขอบคุณมากนะครับ เดี๋ยวผมจะรีบไปรีบมา” อลันด์ยกมือไหว้ขอบคุณอีกคนแล้วรีบลงจากรถวิ่งเข้าไปในอาคาร

พอโผล่หน้าออกมาจากรถ บุรุษพยาบาลก็เดินเข้ามาหาเขาเตรียมปฏิบัติหน้าที่ทันทีที่เห็น ตามประสบการณ์แล้วคนที่มาโรงพยาบาลตอนกลางคืนมีแต่คนป่วยรีบหาหมอทั้งนั้น อีกทั้งเด็กฝรั่งที่มาใบหน้ายังเต็มไปด้วยบาดแผลทำให้เขารี่ไปช่วยเหลือทันที

“เดินไหวไหมครับ ดู ยู นีด อะ วีลแชร์”

ถึงจะเคยมาหาทิวากานต์ที่นี่ครั้งหนึ่งแต่นั่นตั้งแต่ตอนมาอยู่ไทยได้ใหม่ๆ ซ้ำยังเป็นช่วงที่มีคนพลุกพล่านไม่ใช่ช่วงที่เปิดทำการแต่แผนกฉุกเฉิน อลันด์หัวหมุนไม่รู้จะตามหาคนที่ต้องการเจอตัวได้อย่างไร “ไม่ครับ ผมไม่เป็นไร คือผมมาหาหมอทิวากานต์น่ะครับ ช่วยตามเขาให้หน่อยได้ไหมครับ”

“เอ่อ คือว่าเลือกหมอไม่ได้นะครับ” ตกใจนิดหน่อยที่เห็นชาวต่างชาติพูดไทยได้ชัดถ้อยชัดคำ แต่เขาก็รีบปฏิเสธเมื่ออีกฝ่ายจงใจระบุชื่อแพทย์

“ไม่ใช่ครับ ผมไม่ได้มารักษา ผมเป็นเพื่อนหมอและต้องการเจอหมอด่วนมาก ตอนนี้มือถือผมหาย ผมติดต่อเขาไม่ได้!” เขาขึ้นเสียงนิดหน่อยด้วยร้อนใจ ไม่อยากปล่อยให้คุณลุงคนขับแท็กซี่รอนาน

“แป๊บนะครับ เดี๋ยวตามให้” บุรุษพยาบาลหนุ่มลนลาน รีบเดินเข้าไปข้างในตั้งใจจะเรียกหมอคนอื่นมาดูอาการฝรั่งท่าจะเพี้ยนก็พอดีกับมีคุณหมอหน้าใสเดินมาเลยรีบเรียกมาฟ้อง “หมอครับ ผู้ชายคนนั้นเจ็บมาแต่ไม่ยอมให้ไปรักษาครับ แถมจะเรียกหาอาจารย์ทิวากานต์ด้วยครับ กลิ่นเหล้างี้หึ่งเลย”

“หือ ตอนนี้อาจารย์ทำเคสอยู่อีกตึกนะคะ เดี๋ยวเมย์ดูให้ก่อนก็ได้ค่ะ เขาอยู่ไหนคะ” นักศึกษาแพทย์สาวหน้าใสอาสา หล่อนเดินตามหลังบุรุษพยาบาลออกไปดูหน้าคนเจ็บที่ว่า กระพริบตางงๆ อยู่หน่อยตอนเห็นชาวต่างชาติตัวเล็กพอๆ กับเธอยืนหน้าเยินอยู่ข้างนอกไม่ยอมเข้ามาข้างใน พอเดินเข้าไปใกล้ก็ได้กลิ่นเหล้าตามที่บอกจริงๆ กระนั้นด้วยหน้าที่ของหมอต้องให้การรักษาคนเจ็บทุกคนเท่าเทียมกัน

“Hey you! Are you OK? เอ๊ะ หน้าคุ้นๆ แหะ”

“ให้ตายเถอะ ผมบอกว่าขอเจอกับหมอทิวากานต์”

พูดไทยได้ด้วยแบบนี้ชัดเลย! หมอเมย์ร้องอ๋อเสียงดัง นึกออกแล้วว่าเคยเจอเด็กฝรั่งคนนี้ที่ไหนมาก่อน หนุ่มน้อยแบกกีตาร์คนนั้นที่เคยมาหาทิวากานต์เมื่อตอนเธออยู่วอร์ดศัลยกรรมไงล่ะ หล่อนรีบฉีกยิ้มให้อีกคน “พี่วาติดเคสอยู่อีกตึกค่ะ คงอีกพักใหญ่เลยกว่าจะออกมา”

“เอ๋? ติดเคสเหรอครับ อีกประมาณกี่นาทีได้ครับ คือว่าผม...”

“มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าคะ เดี๋ยวฉันทำแผลให้ก่อนก็ได้ค่ะ”

“คือว่า...” อลันด์ช้อนสายตามองหญิงสาวตัวเตี้ยกว่าเขานิดเดียว กระดากอายจนต้องเกาแก้มแก้เขิน “ผมทำกระเป๋าตังค์กับมือถือหายน่ะครับ ตอนนี้ก็เลยไม่มีเงินจ่ายค่าแท็กซี่”

“อ๋อ ค่าแท็กซี่เท่าไหร่คะ เดี๋ยวเมย์ออกให้ก่อนก็ได้” คุณหมอสาวอาสาอีกครั้ง หน้าสวยใสตามสมัยนิยมฉีกยิ้มกว้าง บางทีการได้ช่วยเหลือเพื่อนของนายแพทย์รุ่นพี่รูปหล่ออาจทำให้เขาชม้ายชายตามองเธอเป็นผู้หญิงคนหนึ่งขึ้นมาบ้างก็ได้

“จะดีเหรอครับ”

“ไม่เป็นไรค่า นิดเดียวเองเดี๋ยวเมย์ค่อยไปเก็บเอาจากพี่วาทีหลัง”

เมื่อหล่อนยังยืนยันเช่นนั้นเด็กฝรั่งจนตรอกจึงรีบคว้าโอกาสสุดท้ายอย่างไม่ลังเล “รบกวนหน่อยนะครับ”

หลังจากจ่ายเงินค่าแท็กซี่เรียบร้อย เด็กฝรั่งที่แสบไม่ออกก็มานั่งจ๋องรอทิวากานต์ออกจากห้องผ่าตัดที่อีกตึก หมอเมย์ไปถามพยาบาลประจำตึกนั้นมาให้เห็นว่าเป็นเคสด่วนอาจใช้เวลาสักหน่อยเพราะเพิ่งเข้ากันไปได้ไม่นาน

เขาเห็นสภาพหน้าตัวเองตอนไปเข้าห้องน้ำแล้วไม่สงสัยเลยว่าทำไมบุรุษพยาบาลคนนั้นถึงคิดว่าเขามารักษา ตาปูดไปข้างหนึ่งไม่รู้พลาดโดนอะไรตอนไหน หางคิ้วแตก แก้มมีแต่รอยขีดข่วน เนื้อตัวก็สกปรก ไอ้เสื้อนักศึกษาที่ซื้อของเบอเบอร์รี่มาใช้คงต้องทิ้งอย่างเดียวเพราะตรงชายเสื้อเล่นขาดซะกลายเป็นผ้าขี้ริ้ว

แต่อลันด์ไม่ได้ให้หมอเมย์คนนั้นทำแผลให้ เขาว่ามันแค่นิดเดียวและไม่ได้รู้สึกเจ็บแล้ว อีกอย่างตอนนี้เขาก็ไม่มีเงินจ่ายค่ารักษา ไหนจะเอกสารแสดงตัวสำหรับชาวต่างชาติอีก ยุ่งยากขนาดนี้ปล่อยๆ ให้เป็นบาดทะยักตายสมค่าโง่เถอะ

หลับๆ ตื่นๆ อยู่บนเก้าอี้พลาสติกแข็งๆ นานเท่าไหร่ไม่รู้กระทั่งมีรองเท้าหนังคุ้นตาโผล่มาหยุดอยู่ตรงหน้า ตาสีอ่อนจึงเลื่อนขึ้นจากปลายเท้าขึ้นไปทีละส่วนจนเจอคนหล่อตีหน้ายักษ์ใส่ ข้างกันเป็นหมอสาวชื่อเมย์ที่บอกว่าจะกลับไปอยู่เวรต่อที่ตึกฉุกเฉินยืนยิ้มแป้น เธอคงไปตามทิวากานต์มาให้ตามที่รับปากไว้ อยากจะยิ้มดีใจด้วยหรอกนะแต่ว่าตอนนี้ปั้นหน้าตาน่าสงสารให้อีกคนเห็นคงเป็นเรื่องที่สมควรทำมากกว่า

“เท่าไหร่?” เสียงทุ้มต่ำห้วนจัด กดดันเด็กตัวแสบเสียต้องรีบหลบสายตา “ยืม - เงิน - เมย์ - ไป - เท่า - ไหร่”

“สะ สามร้อย”

ทิวากานต์ล้วงกระเป๋าสตางค์หยิบธนบัตรสีม่วงออกมาหนึ่งใบส่งให้ลูกศิษย์ บอกว่าไม่ต้องทอน หยิบธนบัตรสีเทาอีกใบยัดใส่กระเป๋าเสื้อตัวเองก่อนยัดกระเป๋าเงินทั้งใบใส่มืออลันด์ “ไปให้หมอเขาทำแผลแล้วกลับบ้านไปซะ เมย์พี่ฝากดูด้วย อ่อ ก่อนทำแผลช่วยถ่ายรูปแล้วส่งให้พี่ด้วยนะ ขอแบบละเอียด”

“คะ...? เอ่อ ได้ค่ะ”

“เดี๋ยววา” เด็กฝรั่งร้องเสียงหลงเมื่อจู่ๆ คุณหมอก็หันหลังทั้งท่าจะเดินหนี มือขาวรีบฉุดชายเสื้ออีกคนไว้แน่น “วา... ขอโทษ”

“ขอโทษทำไม”

“ขอโทษที่ไม่เชื่อฟังวา ขอโทษที่ดื้อ สำนึกผิดแล้ว อย่าโกรธนะ”

“ยังไม่ได้ว่าอะไรสักคำ” แต่น้ำเสียงเย็นยะเยือกยิ่งกว่าน้ำแข็งในช่องฟรีซนั่นจะบอกว่าไม่รู้สึกก็โง่กว่าโทรล์แล้ว เด็กฝรั่งแอบเบ้ปากในใจ หากตอนนี้ตัวเองผิดเต็มประตูไม่ควรงอนให้น่ารำคาญ

“งะ งั้นกลับพร้อมกันนะ นะ?”

“จะรอทำไม”

“ก็อยากกลับกะวา นะ อย่า... อย่าไล่ผมไป...ไหน ...เลยนะ”

คุณหมอถอนหายใจเสียงดัง เขายกข้อมือขึ้นดูเวลาอีกหลายชั่วโมงกว่าจะออกเวร ที่ไล่ให้กลับไปก่อนเพราะยังโกรธอยู่นั่นก็ส่วนหนึ่ง อีกส่วน(สำคัญ)คืออยากให้คนเจ็บกลับไปพัก แต่เหมือนจะไม่เข้าใจ

เขาเกาคอตัวเองเบาๆ มองแมวหลงถิ่นโดนหมาฟัดจนหมดสภาพ ไหนจะหน้าหงอยๆ นั่นอีก บอกแล้วว่าเขาไม่ใช่คนใจร้ายอะไร ยิ่งกับคนที่ตัวเองไบแอสยิ่งสปอยล์จนแทบเสียนิสัย

“ถ้าคิดว่ารอไหวก็รอ”

“ขอบคุณ งั้นเดี๋ยวไปทำแผลนะ เอ่อ...แต่ว่าไม่มีเอกสารอะไรเลย”

“อยู่ไหน”

“ติดไปกับรถ”

“แล้วรถไปไหน”

“ถูกพี่ชิขับหนีไปแล้ว” ก้มหน้าก้มตาบอกเสียงอ่อย รถโดนขโมยไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลย เรื่องนี้มีสิทธิรู้ไปถึงหูแด๊ดกับมัมที่อังกฤษแน่ๆ

หากแทนที่ทิวากานต์จะอารมณ์เสียชายหนุ่มกลับหัวเราะเสียงต่ำออกมาน่ากลัวจนหมอเมย์ผงะ อาการแบบนี้เหมือนตอนคุณหมอจะเชือดพวกนักศึกษาชัดๆ “ดี ทำร้ายร่างกายแล้วยังลักรถอีก เมย์อย่าลืมที่พี่บอกนะถ่ายรูปแล้วส่งมาให้พี่ด้วย ป่ะ พาน้องเขาไปทำแผล เรื่องเอกสารให้กรอกเท่าที่จำได้ก่อนแล้วกัน ส่วนค่ารักษามาเบิกกับพี่ อ่อ จับฉีด TIG2 ด้วยนะ”

“ได้ค่า” แพทย์สาวขานรับเสียงใส ตอนนี้ไม่ว่าคุณหมอรูปหล่อจะสั่งให้ทำอะไรหล่อนยินดีทำให้หมดเผื่อจะรอดไม่ถูกจับหักคอตอนอีกคนอารมณ์เสีย ตำแหน่งเธอตอนนี้ก็แค่นักศึกษาชั้นคลีนิกเองนะ ด้อยยิ่งกว่าผู้น้อยแบบหมอประจำบ้านอีก

อลันด์ถูกคุณหมอสาวหน้าใสลากกลับไปทำแผลที่ตึกฉุกเฉิน แต่ก่อนหน้านั้นต้องเปลื้องผ้าให้อีกฝ่ายถ่ายรูปก่อน สภาพด้านในส่วนใต้ร่มผ้าแย่ยิ่งกว่าข้างนอกมาก เพราะว่าขาวจัดเลยเห็นรอยช้ำเด่นชัด ไอ้ที่ไม่รู้สึกเจ็บก็มาเจ็บเอาตอนนี้ เสียงร้องซี้ดซ้าดดังทุกครั้งที่ถูกแต้มยา แถมโดนจับฉีดวัคซีนป้องกันบาดทะยักไปอีกเข็ม เสียวซี้ดถึงใจ กว่าจะทำแผลเสร็จรับยาเรียบร้อยตอนตีสี่พอดีเป๊ะ ได้ยาทาแก้ฟกช้ำมาสองหลอดใหญ่ๆ

มานึกดูทำไมชีวิตเขาช่วงนี้เจอแต่ผู้ชายจ้องจะงาบจังวะ แล้วแต่ละครั้งต้องได้แผลติดตัวมาตลอด น่าอดสูจริงๆ แบบว่าอลันด์มั่นใจว่าตัวเองหน้าตาดีอยู่นะแต่หล่อมากกว่าจะสวยเหมือนผู้หญิงอ่ะ จะว่าเพราะตัวเล็กแล้วไง สภาพเขาตอนลดน้ำหนักแล้วแม่งโคตรเหมือนคนขี้โรคเลยนะเว้ย พวกเกย์ไม่ได้ชอบแบบหล่อล่ำกล้ามใหญ่หุ่นแน่นกันเหรอ อย่างทิวากานต์เองถึงจะหล่อมากๆ แต่ไม่ได้หุ่นดียั่วน้ำลายแบบโธมัสหรือเจมส์สักนิด ที่พวกเขาคบกันเพราะอยู่ด้วยแล้วมีความสุขหรอก

วงการเพศที่สามนี่บางทีคิดมากไปก็มึนนะ มือใหม่หัดชอบผู้ชายแบบอลันด์ขอบอกเลยว่างงมาก! เอาเป็นว่านอกจากคุณหมอหน้าดุคนนั้นแล้วเขาก็ไม่คิดจะจิ๊จ๊ะกับผู้ชายคนไหนในชีวิตให้เจ็บตัวหรือปวดหัวอีกแล้วกัน!



ทิวากานต์ออกเวรตอนเกือบเก้าโมงเช้าสภาพยังดูดีแม้ไม่ได้นอนทั้งคืนแถมมีผ่าสองเคสยาวๆ เขาปิดปากหาวน้อยๆ ตอนเดินไปตามอลันด์กลับบ้าน ไอ้เด็กฝรั่งตัวแสบสภาพเยินเหมือนถูกหมาฟัดมาหลับคอพับไปกับเก้าอี้พลาสติกนั่งรอตรวจตรงแผนกฉุกเฉิน

คุณหมอดูรูปที่หมอเมย์ส่งมาให้แล้ว แผลเยอะยิ่งเสียกว่าตอนถูกโธมัสจับปล้ำเสียอีก อีหรอบนี้คงไม่ได้โดนจับขืนใจอย่างเดียวแน่ แต่เรื่องนั้นไว้ค่อยให้ตำรวจสอบเอาเองแล้วกัน เขาจะเล่นจนไอ้ไฮโซกับไอ้ครึ่งปลาดิบนั่นดิ้นพล่านวิ่งมากอดขาขอร้องให้ยกโทษข้อหามายุ่งกับของรักของหวงเขาจนน้ำตาเป็นสายเลือดเลย!

“ไอ้แมวขี้เมา ตื่นได้แล้ว” วางแผนไว้ในใจแล้วทิวากานต์จึงตัดสินใจปลุกอลันด์ ใช้ปลายนิ้วนุ่มสะกิดแก้มขาวเบาๆจงใจเลี่ยงตรงบาดแผล ไม่ต้องเปลืองแรงนักเด็กฝรั่งก็ลืมตาปูดๆ ขึ้นมามองเขามึนๆ

“วา... เลิกงานแล้วเหรอ”

“อือ กลับบ้านกัน”

“เหะๆ กลับๆ” เด็กฝรั่งรีบลุกขึ้นยืนจนเสื้อสูทตัวใหญ่เกือบหล่นลงไปกองกับพื้น ดีว่าทิวากานต์มือไวคว้าไว้ได้ทัน เขาเลยพับเสื้อห้อยไว้ที่แขน อีหรอบนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าของใครแล้วทำไมมาอยู่บนตัวอลันด์ได้

พอเดินออกนอกเขตโรงพยาบาลทิวากานต์แวะซื้อปาท่องโก๋แถวหน้าประตูให้เด็กหนุ่มกินรองท้อง ส่วนตัวเองก็ซัดกาแฟเย็นเป็นแก้วที่สี่ถ้านับตั้งแต่เมื่อวาน

“วาไม่รับโทรศัพท์อ่ะ สั่นตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ” เด็กหนุ่มว่าหลังขึ้นมานั่งข้างกันบนเบาะหลังรถแท็กซี่ เจ้าเครื่องมือสื่อสารในกระเป๋ากางเกงสั่นกราวจนคนอยู่ใกล้ๆ ยังรู้สึก

“ไม่อยากรับ”

“รู้หรือไงใครโทรมา เผื่อเป็นธุระสำคัญ”

“หึ สำคัญก็ดีสิจะได้กระวนกระวายขาดใจตายไปเลย” อลันด์ยู่ปากน้อยๆ ให้กับคำตอบไร้เมตตาไปหนึ่งที อยากรู้นักใครทำทิวากานต์โมโหได้ แต่รู้แน่ๆ ว่าไอ้คนนั้นไม่ตายดีแหง

แล้วคำตอบที่ว่าก็โผล่มาให้เห็นถึงที่ตอนสองหนุ่มต่างวัยเดินเข้าไปในล็อบบี้คอนโด นักร้องหนุ่มหน้าใสขวัญใจสาวน้อยสาวใหญ่ทั้งแท้และเทียมค่อนประเทศแทบจะกระโดดเข้ามากอดขาทิวากานต์ร้องห่มร้องไห้ขอขมาในความผิดที่ดูแลเด็กลูกครึ่งต่างถิ่นไม่ดี ยิ่งเห็นสภาพยับเยินของอลันด์แล้วไม่รู้ว่าฆ๋าตัวตายชดใช้ความผิดจะเพียงพอไหม

“ฮึก ผมน่ะขับรถตามหาน้องแสบทั้งคืน ฮึก! อยากไปแจ้งความคนหายด้วยซ้ำแต่ว่ายังไม่ยี่สิบสี่ชั่วโมงเขาไม่ให้แจ้ง” นภซับน้ำตาไปพูดไป ปลายจมูกแดงแจ๋ตาโหลเสื้อผ้าชุดเดิมกับเมื่อวาน สภาพโทรมสุดๆ แบบที่ว่าต่อให้แฟนคลับพันธุ์แท้มาเจอก็อาจจำไม่ได้

“แล้วไง” คนที่ไม่ได้นอนทั้งคืนเหมือนกันแต่สภาพคล้ายเพิ่งแต่งตัวเสร็จหมาดๆ ถามกลับเสียงนิ่ง หน้าดุดูเหี้ยมขึ้นมาในทันทีประหนึ่งมีออร่าประหลาดรอบล้อมตัว

“ฮือออ พี่หมอวา ผมขอโทษ ผมไม่รู้ว่าไอ้เก่งกับไอ้ชิมันจะทำแบบนั้นกับแสบอ่ะ ไม่งั้นผมไม่ปล่อยน้องไว้กับมันสองคนหรอก”

“เอ๊าะเหรอ แล้วไง”

ร้องห่มร้องไห้หมดมาดชายหนุ่มมาดแมนไปแล้วแต่หมอศัลย์หัวใจไม่มีแม้แต่วี่แววมอบเศษเสี้ยวความเมตตาให้ น้ำเสียงทุ้มต่ำยังคงราบเรียบเย็นชาประหนึ่งจะแช่แข็งคนฟังให้ตายช้าๆ นี่มันเอลซ่าแปลงร่างมาหรือเปล่าเนี่ย!

“แง้ อย่าทำอะไรผมเลยน้าผมยอมแล้ว จะให้ผมทำอะไรก็ได้ผมยอมหมด จะให้เป็นทาสเป็นข้ารับใช้เป็นเบ๊แล้วแต่ตามที่พี่ต้องการเลย” นภแทบจะก้มลงกราบคุณหมอใจน้ำแข็งเสียตรงนั้นเพื่อให้อีกฝ่ายเชื่อ แต่โชคดีที่ทิวากานต์พอจะใจอ่อนลงมาบ้างนิดหน่อยประโยคถัดมาน้ำเสียงจึงดูสุนทรีย์ผิดกับนักร้องหนุ่มลิบลับ

“จริงรึ”

“จริงสิ”

“แน่รึ”

“แน่สิ”

“ดีมาก” ทิวากานต์ตบมือฉาดจนอลันด์ที่ยืนฟังสองหนุ่มเขาเจรจากันเงียบๆ จนเกือบหลับสะดุ้งโหยง ตาสีฟ้าอ่อนเบิกกว้างเมื่อได้ยินประโยคถัดมาจากปากคนเป็นหมอ “เดี๋ยวขึ้นไปเขียนสัญญากันเลยว่าเอ็งจะยอมเป็นทาสหมอทิวากานต์ตลอดไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่”

เดี๋ยวดินี่มันสมัยไหนกันแล้ว หาทาสกันง่ายๆ แบบนี้เลยเรอะ!

“เอ่อ...”

“หรือจะคืนคำ”

“ฮึก ลูกผู้ชายพูดแล้วไม่คืนคำครับ” นภเอาหลังมือปาดน้ำตาเงียบๆ คนเดียว นี่ก็อีกคนบ้าจี้ยอมทำตามเขาง่ายๆ ซะงั้น ไม่รู้ว่าซื่อจนเซ่อหรือโง่กันแน่

“ดี ให้มันได้งี้สิค่อยคุยกันได้หน่อย แล้วรถล่ะ”

“เอามาคืนแล้วครับ จอดอยู่หน้าตึก อันนี้กุญแจครับ” ว่าแล้วก็ยื่นกุญแจรถให้อีกฝ่ายด้วยท่าทีนอบน้อมเหมือนเป็นทาสจริงๆ

ทิวากานต์รับคืนมาก่อนส่งต่อให้เจ้าของตัวจริงอีกที เขางุบงิบปากพูดทำนองว่าไม่น่ารีบคืนเลยไม่งั้นจะได้ยัดข้อหาหนักๆ กว่านี้ อลันด์ฟังแล้วอยากจะบอกว่าที่การันต์เคยขู่ไว้มันยังน้อยไป ทิวากานต์ไม่ได้ใจร้ายสักนิดแต่ชั่วบริสุทธิ์เลยแหละ หาทาสใช้งานกันแบบหน้าด้านๆ อีกคนดันยอมอีก เชื่อเขาเลย

ดีไม่ดีเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเจ้าตัวอาจจะรู้ล่วงหน้าอยู่ก่อนแล้วแต่ไม่ยอมพูดออกมาเพื่อเอาใช้ดัดหลังเขาโดยเฉพาะ ดูสิ! ตั้งแต่เขาเอาหน้าเยินๆ โผล่ไปหาคุณหมอรูปหล่อทำท่าตกใจบ้างสักนิดไหม ไม่มี๊!!!

ขอย้ำอีกทีว่าทิวากานต์น่าจะไปเป็นนักธุรกิจหน้าเลือดมากกว่าแพทย์ช่วยชีวิตคนครับ...



ตอนอยู่ในลิฟต์นภบอกว่ากว่าตอนเขาจะรู้เรื่องก็ตอนขับรถมาถึงคอนโดแล้วสักพัก นักร้องหนุ่มกับเพื่อนอีกคนรออยู่นานไม่เห็นรถที่ควรจะขับตามมามาถึงสักทีเลยโทรไปหาซาโตชิเพราะกลัวว่าจะถูกตำรวจซิวตัวไป แต่ทันทีที่หนุ่มลูกครึ่งญี่ปุ่นรับสายกลับถูกอีกคนร่ายยาวถึงความแสบสันต์ของอลันด์มาแทน ตอนนั้นแหละเลยรู้ว่างานเข้าของจริง โทรหาทิวากานต์จะบอกข่าวแล้วแต่คุณหมอก็ไม่รับสายสักที เขากับเพื่อนเลยรีบขับรถหาอลันด์รอบเมืองจนเช้าก่อนยอมแพ้มารอแจ้งข่าวคุณหมอที่นี่ดีกว่า ส่วนรถเขาให้เพื่อนช่วยไปเอาคืนจากที่บ้านซาโตชิให้ตอนเจ็ดโมงเช้า

“อย่าลืมไปเรียกเพื่อนเธอคนนั้นมาช่วยเป็นพยานด้วยนะ” ทิวากานต์ว่าสั้นๆ ก่อนไล่เด็กทั้งคู่ไปอาบน้ำด้วยมอมแมมเกินทน แถมใจดีเอาเสื้อผ้าตัวเองให้นภยืมใส่อีก แต่แค่ไม่นานหัวใจนักร้องหนุ่มก็เหี่ยวฟีบเป็นลูกโป่งถูกเจาะลมเมื่อคุณหมอบอกว่าระหว่างรอเขาอาบน้ำจะนั่งร่างสัญญาทาสไปพลางๆ

อลันด์เดินเช็ดหัวลงมาจากชั้นบน เขาเห็นทิวากานต์นั่งก้มหน้าก้มตาพิมพ์ต็อกแต็กๆ กับคอมพิวเตอร์เลยตัดสินใจเดินเข้าไปหาว่าจะอ้อนให้อีกคนทายาให้หน่อย

“วา ทำไรอยู่อ่ะ”

“ร่างสัญญา”

“เอาจริงดิ”

“อือสิ มีทาสเป็นนักร้องดังแบบนี้ไม่ใช่จะมีโอกาสให้คว้าทุกวันนะ”

“ให้ตายเถอะ เขาเลิกทาสกันตั้งแต่สมัยไหนแล้ว แล้วถามจริงเอาพี่นภไปเป็นทาสนี่จะใช้ทำอะไรได้สักเท่าไหร่”

“เยอะแยะ” คุณหมอว่า นิ้วยังจิ้มสัมผัสพิมพ์ข้อความสัญญายาวเหยียด จนเสร็จอ่านทวนอีกรอบหนึ่งแล้วค่อยสั่งปริ้นต์ออกมาสามฉบับ “หิวหรือยัง ในครัวมีข้าวผัดแน่ะไปตักกินไปจะได้กินยานอน”

ถ้าไม่นับความชั่วร้ายแล้วทิวากานต์จัดได้ว่าเป็นเพอร์เฟ็กต์แมนแท้ๆ เขาไปอาบน้ำสระผมแป๊บเดียวทำข้าวผัดเสร็จล่ะ แต่ตอนนี้ยังไม่ค่อยหิวเด็กฝรั่งเลยยื่นถุงยาให้อีกคนแทน “ทายาให้หน่อย”

“ซนเองรับผิดชอบเองครับ”

“หูย ใจร้าย”

“ถ้าใจร้ายจริงปล่อยให้นอนสบายที่โรงบาลไปแล้ว ดื้อเองโดนทำโทษแค่นี้ยังน้อยไป ฉันไม่ตีซ้ำก็บุญเท่าไหร่แล้ว สำนึกบ้างไหม”

“พูดเหมือนแด๊ดเลย สารภาพมานะว่าเป็นแด๊ดปลอมตัวมาใช่ไหม”

“หึ” เขาทำหน้าเอือมแต่มือดึงถุงยาไปเปิดดู โกรธอลันด์ก็จริงแต่โกรธไอ้คนที่มาทำของรักมากกว่า ทุกครั้งที่เห็นรอยแผลบนตัวอีกคนเขาได้แต่ทุกข์ใจที่ช่วยอะไรอีกคนไม่ได้ ไม่อยากมารักษาคนที่ตัวเองรัก มันไม่สนุกเลย

เหมือนจะพอเข้าใจความคิดคนโตกว่าอยู่บ้างแขนสองข้างจึงโอบรอบคออีกฝ่ายให้ซุกอกตนเอง ถ้าทิวากานต์ไม่อยากเห็นอลันด์เจ็บตัว เขาเองก็ไม่ต้องการเห็นอีกคนทำหน้าเจ็บปวดแบบนี้เหมือนกัน “ขอโทษนะ สัญญาต่อไปนี้จะไม่ทำให้เป็นห่วงอีกแล้ว”

“ไม่ต้องบอกก็รู้ ลองทำอีกทีสิได้เห็นดีกันแน่ๆ”

“คนอุตส่าห์ทำซึ้ง ช่วยคล้อยตามหน่อยได้ม่ะ”

“ไม่อยากได้ยินคำนี้แล้วนี่นา เบื่อแล้วเว้ย เอะอะก็ขอโทษ ถ้าอยากให้รู้ว่าสำนึกผิดจริงๆ ก็ช่วยเป็นเด็กดีว่านอนสอนง่ายไม่ดื้อไม่ซนจะเป็นพระคุณกว่ามาก” ทิวากานต์ดึงหน้าออกจากอกแบนเรียบ เมื่อกี้แอบสูดกลิ่นครีมอาบน้ำเข้าไปเต็มปอด หอมจนอยากจับฟัดเสียเดี๋ยวนี้ถ้าไม่ติดว่าอีกคนอยู่ในสภาพบอบช้ำและมีแขกไม่อยากจะรับเชิญอยู่ในบ้านด้วย

“หนอยยย แล้วอยากได้ยินคำว่าอะไรล่ะหึ นี่กำลังสำนึกผิดอยู่นะ” ท่าทีหงอก่อนหน้าหายวับ ชักเริ่มหมั่นไส้คนแก่กว่าที่ใจแข็งสมคำร่ำลือ ทำผิดแล้วต้องขอโทษไม่ใช่หรือไง หรือจะให้เซ็นสัญญาณเป็นทาสน้อยในเรือนเบี้ยตามนภไปอีกคนทิวากานต์ถึงพอใจ

มือขาวขยุ้มผมด้านหลังคุณหมอไม่แรงนักแต่มากพอให้อีกคนเงยหน้าขึ้นมาสบตากัน จะว่าไปทิวากานต์ผมเริ่มยาวจะประบ่าอยู่แล้ว แถมยังไม่ชอบเช็ตผมอีกปล่อยให้พองๆ เหมือนสิงโตเข้าไปทุกที คงต้องบอกให้ไปตัดก่อนจะรกรุงรังเหมือนหนุ่มไอริชสองคนที่เจอเมื่อคืน ส่วนทิวากานต์ทำหน้าเหมือนเจ็บแต่ยอมให้คนเด็กกว่าเล่นหัวไปเรื่อยมันก็เพลินดี ถ้าไม่นับแม่แล้วนี่ก็เป็นคนที่สองที่เขายอมให้เล่นแบบนี้ ไม่ต้องบอกอีกคนน่าจะรู้ได้แล้วว่าเขาทั้งรักทั้งหลงมากแค่ไหน

เขาโอบรอบเอวอีกฝ่ายหลวมๆ ดึงให้ไอ้ตัวแสบขึ้นมานั่งบนตัก อำนวยความสะดวกให้เล่นหัวเขาถนัดๆ แล้วฉวยโอกาสกอดรัดซุกหน้าดมกลิ่นครีมอาบน้ำอีกรอบจนพอใจถึงค่อยบอกความต้องการออกไป...

“พี่แค่อยากรู้ว่าอัลรักตัวเองบ้างหรือเปล่า ทำไมถึงชอบทำให้พี่ต้องเป็นห่วงคนที่พี่รักอยู่เรื่อยเลย”



TBC

เนื่องในวันพ่อที่โดนพ่อกับแม่ทิ้ง พากันหนีออกจากบ้านไปตั้งแต่เรายังไม่ตื่นจึงขอมาลงนิยายค่ะ (เกี่ยวกันไหม?)

หมอเขาก็รักของหมอเขาอ่านะคะ จะใจแข็งได้นานเท่าไหร่กัน
แต่เด็กแบบอัลต้องใช้ทั้งไม้อ่อนไม้แข็งควบคู่กันไปค่ะ
เคยได้ยินไหมคะที่เขาว่าปกครองคนต้องใช้ทั้งพระเดชและพระคุณ
อิพี่ก็ยึดคตินี้นี่แหละค่ะปกครองน้อง แต่กับคนอื่นคงใช้แต่พระเดช(และฤทธิ์เดช)ซะมากกว่า ฮา

แล้วน้องอัลจะตอบพี่วาอย่างไร
สองวายร้าย(ที่น่าจะร้ายที่สุดในเรื่องแล้วรองจากพี่วา)จะได้รับโทษจากคุณหมอและคุณตำรวจแบบไหน
เจอกันตอนหน้าค่า จุ๊บๆ

 :mew1:


------------------

1 From Eden - Hozier
2 TIG (Human Tetanus immunoglobulin) - วัคซีนป้องกันโรคบาดทะยักซึ่งผลิตจากเลือดของคน หมอจะพิจารณาให้ในผู้ป่วยที่มีแผลใหญ่หรือสกปรกมาก โดยจะให้ควบคู่กับวัคซีนป้องกันบาดทะยัก tetanus toxoid (T) ในกรณีที่ไม่เคยฉีดวัคซีนแบบ T มาก่อนหรือฉีดมานานเกินสิบปีแล้วและไม่ได้ฉีดซ้ำ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 18 [05.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 05-12-2015 16:25:12
คุกไปเหอะะะะะะ ไอ้ 2 คนนั้น อย่างน้อยต้องมีคดีทำร้ายร่างกาย ปล้นทรัพย์ติดตัวเป็นประวัตินะยะ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 18 [05.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 05-12-2015 16:56:21
พี่หมอวาขาแจ้งความเลยค่ะ บังอาจมาแตะต้องน้องแสบ  :m31:
แต่ตอนนี้คนที่น่าสงสารที่สัดไม่ใช่น้องแสบนะ เราว่าน่าจะเป็นนภอะ 5555
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 18 [05.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 05-12-2015 17:41:45
  หมอวาโหดจริงไรจริง  555  พี่แกให้บทเรียนราคาแพงชนิดที่อัลไม่กล้าทำอะไรที่บอกว่าไม่ดี ไม่เอา ต่อไปก็ลายเป็นลูกไก่ในกำมือหมอแน่นอน  555
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 18 [05.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: about ที่ 05-12-2015 17:44:46
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 18 [05.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 05-12-2015 17:55:29
ใช่เลย อ่านไปมีแต่คำถามในใจเหมือนที่หมอวาถามอัล
หวังว่าคราวนี้น้องจะเข้าใจอะไรขึ้นมาบ้าง งื้อออ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 18 [05.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 05-12-2015 20:56:45
 :angry2: เตรียมตัวรับโทษทัณฑ์ได้เลยพวกแกสองตัว เล่นกับใครไม่เลยไม่รู้ฤทธิ์พ่อซะแล้ว
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 18 [05.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 05-12-2015 22:45:11
 :z6:


หมอวา จัดให้หนักเลยยยยย
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 18 [05.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: Mokuchi ที่ 05-12-2015 23:09:29
หมอวาจัดการสองตัวนั้นหนักๆเลยค่ะ เอาให้มากอดขาร้องขอชีวิตเลย o18
ส่วนอัลคงเข็ดซะที ต่อไปคงเป็นเด็กดี ไม่ดื้อไม่ซน 555
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 18 [05.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: windwrite ที่ 06-12-2015 02:34:35
อ้อนกันเข้าไปอิจฉา
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 18 [05.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: jinholmemin ที่ 06-12-2015 14:07:41
ถึงหมอวาจะดูใจร้ายไปบ้าง แต่ยังไงก็รักอัลมากกกกกกก

 :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 18 [05.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: imac ที่ 06-12-2015 14:37:18
หมอวาจัดหนักไปเลย
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 18 [05.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 06-12-2015 15:05:00
ดัดหลังน้องก็ดี
แต่ถ้าพลาดหรือหัวใจทำงานหนักจนเป็นอะไรไปขึ้นมา หมอวาคงไม่ได้มาทำท่าเหนือกว่าอยู่อย่างนี้แน่
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 18 [05.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: yupa ที่ 06-12-2015 17:53:59
 :pig4: :L2: :L2: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 18 [05.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: cinnsin ที่ 06-12-2015 17:56:25
อย่าไปยอมค่ะพี่วาาาา จัดให้หนักไปเลยยย เอาให้กระอัก ให้อยู่ไม่ได้ไปโล้ดดดด! *ตามไปกระทืบอิสารเวรสองตัวรัวๆ*  :m31:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 18 [05.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: VarainDark ที่ 06-12-2015 23:48:15
โอ๊ยยยยยยยยย
มดกัดทั้งรังเลยคร้าบบบบบบบบบบบบ~
หวานกันเกินไปแล้ววววววว~
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 18 [05.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: ゚゚ღ✿ศิลินส์✿ღ゚゚ ที่ 07-12-2015 08:39:33
 :laugh: นภน่าสงสารจังเสียภาพพจน์นักร้องดังหมดเลย  :m20:

ส่วนอีตาสองคนนั้นเอาให้หนักเลยนะคะหมอวา!  :z6:

ปล. อลันด์  แอนดรูว์ อเล็กซ์ เอล มีแต่ตัว อ เนอะ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 18 [05.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: yupa ที่ 07-12-2015 08:45:03
รอจ้า :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 18 [05.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 07-12-2015 11:08:14
ดีที่รอดมาได้ อัลคงเข็ดหายดื้อไปอีกนาน
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 18 [05.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: nutty ที่ 07-12-2015 20:30:29
หมอวาส่งท้ายได้สมกับเป็นโอปป้า
น้องคงไม่หือไปพักใหญ่ๆ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 18 [05.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 08-12-2015 03:51:12
กรีดร้อง รักพี่วา รักเลยขอแบบนี้ชอบมาก เดลียดอัล 555
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 18 [05.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: Babelilong ที่ 12-12-2015 15:46:31
วันนี้จะมามั้ยหนอออออ

 :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 18 [05.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: coupdetat ที่ 12-12-2015 19:08:14
ขอได้มั้ย  ผู้ชายแบบหมอวา นี่แหละพ่อของลูก :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 18 [05.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-12-2015 19:35:45
นานแล้ว
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 18 [05.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: yisren. ที่ 12-12-2015 22:17:14
มานอนรอ นี่รู้สึกตกเป็นทาสหมอวาอีกคน ฮ่าๆๆๆๆๆๆ ปรากฏว่า อ่านแล้วไม่สงสารอัลเลย แต่สงสารนภแทน ขำจริงๆ55555
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 18 [05.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: windwrite ที่ 14-12-2015 01:48:49
หมอครับผมอยากโดนตรวจ
หัวข้อ: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 19.5 [14.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 14-12-2015 22:18:09
TRACK 19.5



“ไอ้ - เหี้ย - นภ!!!” ทิวากานต์ไม่ใช่คนดีเด่อะไรมากมายแต่น้อยครั้งจะพูดหยาบคายออกอากาศและคราวนี้เขาเลือกจะไม่ทน!

นายแพทย์ตัวสูงเฉียดร้อยเก้าสิบลุกขึ้นจากเก้าอี้ มือข้างหนึ่งกระชากผ้าคลุมบนคอเขวี้ยงทิ้งลงพื้นก่อนย่างสุขุมเข้าไปหานักร้องหนุ่มเจ้าของสรรพนามใหม่หน้าตาถมึงทึง

หนุ่มนักร้องยกมือพนมกลางอก ทำหน้าตาคล้ายจะร้องไห้เข้าไปทุกที ตอนนี้สายตาคนทั้งร้านหันมามองเหตุการณ์พร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย

“พี่วา ทรงนี้ไม่หล่อเหรอ นภเลือกกับช่างตั้งนานนะ นภว่าพี่ตัดแล้วหล่อจะตาย”

ทิวากานต์ฟังแล้วได้แต่แสยะยิ้มเหี้ยม เขายกฝ่ามือถูข้างศีรษะด้านที่ถูกไถออกไปจนเหี้ยนประหนึ่งนายแบบในจอโทรทัศน์ “หล่อ หล่อมาก หล่อเหมือนมาริโอ้ หล่อเหี้ยๆ”

“ฮึก แล้วพี่ไม่ชอบเหรอ”

“ถ้าชอบแล้วจะโมโหเหรอ มึงมานี่เลยนะไอ้นภ กูอุตส่าห์ไว้ใจมึงให้ช่วยเลือกทรงผมให้แล้วมึงทำแบบนี้กับกู มึงนึกว่ากูเป็นดาราเหมือนมึงหรือไง ไอ้สลัด กูเป็นหมอ!!!” ชายหนุ่มตะคอกคำว่าหมอใส่หน้านภเต็มๆ บรรยากาศในร้านหยุดนิ่งได้ยินแต่เสียงไดร์เป่าผมพ่นลมวี้ๆ กระนั้นเสียงกระซิบลอดไรฟันของทิวากานต์กลับได้ยินกันถ้วนหน้าราวกับให้ทุกคนเป็นพยาน “ถ้ากูโดนเรียกไปด่ามึงตายแน่”

“แง้ๆๆ ผมขอโทษ” นักร้องหนุ่มไหว้คุณหมอหนึ่งที เสร็จแล้วก็วิ่งหนีออกจากร้านไปทิ้งคนหน้าดุไว้ให้คนในร้านระทึกต่อ

“เท่าไหร่”

“คะ ครับ” ช่างคนที่ละเลงหัวทิวากานต์จนออกมาได้ทรงวินเทจอันเดอร์คัทไถข้างโล่งเตียนถึงกับสะดุ้งโหยงตอนคนบอกว่าเป็นหมอหันหน้ามาหา จะบอกหนูไม่รู้เรื่องด้วยน้าไปตกลงกันเองเถอะ แต่หลักฐานเป็นกรรไกรยังคาอยู่ในมือ ใครจะไปรู้ล่ะว่าหนุ่มหล่อตัวสูงอย่างกับนายแบบจะเป็นคุณหมอเลยจัดให้ซะเต็ม

“ค่าตัดเท่าไหร่ครับ”

“ฟะ ฟรี ก็ได้ครับ”

“เท่าไหร่ครับ”

อยากจะร้องหาแม่จ๋า เข้าใจแล้วว่าทำไมนักร้องหนุ่มลูกค้าประจำถึงวิ่งหนีออกไปแบบนั้น ตาคมดุยังคงจ้องกดดันสั่นประสาทอยู่ท่าเดิมจนกว่าเขาจะบอกราคาออกไป

“จะ เจ็ดร้อยห้าสิบครับ”

“ขอใบเสร็จด้วยนะครับ ผมจะไปเก็บกับมันทีหลัง” ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันที่ว่าคือใคร นายช่างหนุ่มหนวดงามยื่นมือสั่นๆ ไปรับธนบัตรสีเทามาก่อนวิ่งปรู๊ดหลบภัยที่เครื่องคิดเงิน

ทิวากานต์เดินจากร้านตัดผมด้วยความโล่งใจของทุกคน เขาแตะๆ ส่วนที่ถูกไถออกไปเหมือนไม่ชิน จะว่าไปตั้งแต่จำความได้มีแค่ช่วงเรียนมัธยมสี่ปีเท่านั้นที่ต้องตัดผมเกรียนแบบนี้ แต่นี่มันเกรียนแค่ข้างๆ กับท้ายทอยนิดหน่อย ที่เหลือยาวเสยไปด้านหลัง จะบอกว่าหล่อเข้ากับหน้ามันก็ใช่ถ้าไม่ติดว่าเขาทำงานเป็นหมอพ่วงตำแหน่งอาจารย์อยู่ในโรงพยาบาลที่ต้องอาศัยภาพลักษณ์เนิร์ดวิชาการก็คงชอบใจอยู่หรอก ไม่ต้องห่วงเรื่องโดนเรียกไปด่าเลย วันจันทร์ไปทำงานโดนแน่ๆ เขาไม่ยอมหูชาคนเดียวหรอก ไอ้นภก็ต้องตายสังเวยความผิดด้วยเหมือนกัน

เอาเข้าจริงคนผิดน่ะมันเขา ผิดที่ไว้ใจมันปล่อยให้มันเลือกทรงให้ เสร็จแล้วก็เผลอหลับยาวตื่นมาอีกทีตอนช่างสะกิดบอกว่าตัดเสร็จแล้วนั่นแหละ แบบคนมันเหนื่อยนี่หว่า ไม่ได้นอนมาตั้งสามสิบกว่าชั่วโมงแล้วไม่ได้ตื่นแสตนด์บายเฉยๆ ด้วยแต่มีเรื่องให้ทำตลอดไม่ได้พัก นี่คนไม่ใช่โทรศัพท์มือถือนะเว้ยจะได้เปิดข้ามวันข้ามคืนได้เป็นสัปดาห์

เรื่องของเรื่องก่อนเกิดเหตุสั่นประสาทในร้านตัดผมคือหลังจากจับนภเซ็นสัญญาทาสเขาก็ปล่อยให้เด็กๆ นอนพักไป สักบ่ายโมงถึงค่อยปลุกพาอลันด์กับนภไปแจ้งความที่สถานีตำรวจท้องที่ที่เกิดเรื่อง ไม่ลืมโทรบอกคุณลุงของเด็กฝรั่งให้มาด้วย เท่านั้นทุกอย่างก็จบลงอย่างรวดเร็วเพราะพ่อแม่ไฮโซของเก่งกับซาโตชิขอยอมแพ้ไม่สู้เส้นหลานอดีตท่านทูตแบบไม่มีข้อโต้แย้งสักแอะ ใครมันจะไปรู้ว่าบ้านของเก่งทำธุรกิจนำเข้าส่งออกเครื่องมือแพทย์แถมกำลังตกลงค้าขายกับโรงพยาบาลของลุงไอ้ตัวแสบพอดี แน่นอนว่างานนี้เสียทั้งชื่อเสียทั้งเงินก้อนใหญ่ จากที่เป็นแค่เรื่องเด็กทะเลาะกันจึงจบลงที่ผู้ใหญ่เสียหายหลายร้อยล้านซะได้

“ลุงชักจะเข้าใจความรู้สึกแด๊ดดี้ของน้องอัลตอนที่รู้ว่าเราจะเป็นนักร้องแล้ว เพราะมีแต่พวกนี้ไง มันไว้ใจกันได้ที่ไหน”

นักร้องพวกนี้แบบนภหน้าซีดกันทีเดียวเมื่อถูกว่ากระทบต่อหน้า เห็นเฮ้วๆ ทำหน้าเหมือน high ตลอดเวลาแบบนี้ใครมันจะไปรู้เล่า เขาก็เพิ่งมารู้พร้อมๆ กับไอ้เพื่อนเลวนี่แหละว่าอลันด์เป็นถึงหลานอดีตเอกอัครราชทูตกับเจ้าของโรงพยาบาลยักษ์ใหญ่ ถ้ารู้ก่อนจะประคบประหงมยิ่งกว่ากล่องดวงใจตัวเองอีก

ตอนแรกเกือบได้เป็นคดีความขึ้นโรงขึ้นศาลกันใหญ่โตด้วยซ้ำเพราะคุณลุงไอ้ตัวแสบโกรธมาก หลักฐานเองก็ชัดเจนดิ้นไม่หลุด แค่ยกเลิกทำธุรกิจด้วยกันมันยังน้อยเกินไป ดีว่าอลันด์ยังเห็นแก่ความดีที่เคยมาเล่นแบ็คอัพเลยช่วยอ้อนขอความเมตตาให้ เด็กเลวสองคนนั่นเลยแค่ถูกจับทำประวัติและนอนซังเตให้สาแก่ใจคุณหมอหนึ่งคืนแล้วจ่ายค่าเสียหายกันไปเป็นที่น่าพอใจแก่อลันด์ (จู่ๆ ก็ได้เงินค่าขนมมาเป็นล้านแน่ะ) หลังจากนั้นเด็กฝรั่งก็ถูกคุณลุงลากกลับไปนอนด้วยกันที่บ้านย่านรามอินทราเพื่อความสบายใจของคนแก่แบบขัดไม่ได้แลกกับการไม่บอกเรื่องนี้กับแด๊ดและมัม

ด้วยเหตุนั้นคุณหมอจำต้องแยกจากเด็กตัวแสบชั่วคราว ตอนนั้นเขารีบดึงคอเสื้อนภไว้ก่อนเจ้าตัวจะเผ่นหนีไป บอกให้พาไปตัดผมหน่อย นักร้องหนุ่มหน้าใสก็ระริกระรี้กระดิกหางปัดๆ บอกว่าเดี๋ยวพาไปร้านประจำที่สยาม สุดท้ายมันเลยจบลงแบบนี้นี่แหละ

ทิวากานต์เดินล้วงกระเป๋ากางเกงยีนส์สีซีดข้ามไปฝั่งห้าง กะหาอะไรกินเป็นมื้อเย็นข้างนอกดีกว่ากลับไปนั่งเหงาที่ห้องคนเดียว ดึกๆ อาจจะแวะไปเที่ยวเติมแอลกอฮอล์เข้าเส้นเลือดย้อมใจผมทรงใหม่ด้วยท่าจะดี ไหนๆ พรุ่งนี้ไม่มีเวรตรวจที่โรงพยาบาลเอกชนเพราะเจ้าของเขาให้หยุดพักร้อนหนึ่งวันฟรีๆ ไม่หักเงิน

เขาเลือกดูหนังสักเรื่องฆ่าเวลาก่อนไปร่อนหลังกินข้าวเสร็จ กะเวลาไว้อย่างดีให้ออกมาได้เวลาเที่ยวรอบดึก

น้องกบคันสวยเหมือนได้มาอยู่ถูกที่ถูกทางตอนขับเข้ามาในซอยทองหล่อ ซูเปอร์คาร์สวยๆ หลายคันมีให้เห็นตลอดทาง คิดๆ แล้วอดยิ้มไม่ได้ นานมากพอดูที่ห่างหายจากกิจวัตรแบบนี้ไป

เสียงดนตรีในร้านแบบนี้เหมือนมีเวทมนต์ชวนให้ผู้คนขยับตัวได้เสมอ ทิวากานต์ขยับตัวเป็นจังหวะเบาๆ พอให้สนุกระหว่างนั่งจิบเครื่องดื่มอยู่หน้าบาร์ ถ้าเป็นแต่ก่อนเขาไม่ลังเลที่จะสั่งเครื่องดื่มเลี้ยงใครสักคนที่ถูกใจหรือรับของใครมาดื่มเพื่อเปิดโอกาส หากวันนี้เขาขอสนุกคนเดียวเสียจนบาร์เทนเดอร์ที่จำหน้ากันได้ยังแปลกใจ

“ไม่เห็นหน้านาน กลับมาทั้งทีทำไมไม่ออกไปสนุกล่ะครับ”

“แค่นี้ก็โอเคแล้วครับ” เขาเครงแก้วเหล้าในมือประกอบคำพูด เผื่อรอยยิ้มไปให้สาวสวยที่เดินมานั่งข้างๆ เธอสวยมากจริงๆ เหมือนว่าจะเคยเห็นตามทีวีหรือหนังสืออยู่บ้างแต่นึกชื่อไม่ออก

“สวัสดีค่ะ มาคนเดียวเหรอคะ ครั้งแรกหรือเปล่า มิ้นต์ไม่เคยเห็นหน้าเลยอ่ะ”

“มาคนดียวครับแต่ไม่ใช่ครั้งแรก แค่ไม่ได้มานานแล้ว” ถึงจะบอกว่าอยู่คนเดียวดีกว่าแต่ถ้ามีคนชวนคุยก่อนเขาก็ไม่ปฏิเสธ ทำหยิ่งเรื่องมากจะมีปัญหากันได้ง่ายกว่า

“งานยุ่งเหรอคะ หรือว่า...แฟนไม่ปล่อยให้มา”

“ข้อแรกน่ะใช่ ส่วนข้อสองเกือบถูกครับ เขาไม่ได้ห้ามหรอกแต่ผมติดแฟนน่ะ”

“มีเจ้าของซะแล้วเสียดายจัง แต่ถ้าอยากได้เพื่อนแก้เหงามิ้นต์ช่วยได้นะ มิ้นต์ชอบช่วยเหลือคนหล่อ”

สาวเจ้าเล่นให้ท่าขนาดนี้จะปฏิเสธเด็ดขาดก็กลัวเธอเสียหน้า คุณหมอเลยทำเพียงหัวเราะกลบเกลื่อน ใช่เจอแบบนี้เป็นคนแรกในชีวิตเสียเมื่อไร นี่ยังดีมาแบบตรงๆ เจอพวกแอ๊บใสแต่หวังเคลมตลอดชีวิตนี่ได้แต่ส่ายหน้า พลาดทีโดนเกาะได้ไม่คุ้มเสีย

“อ้อ ชื่อมิ้นต์นะคะ แล้วคุณ...”

“วาครับ”

“วา มาจากอะไรคะ วาเลนไทน์หรือเปล่า โรแมนติกดีนะ”

“ทิวาครับ ทิวาที่แปลว่าพระอาทิตย์”

“ว้าว แล้วเป็นคนร้อนแรงเหมือนชื่อหรือเปล่าคะเนี่ย มิ้นต์อยากพิสูจน์จัง”

“เดี๋ยวผมให้แฟนพิสูจน์แล้วจะมาบอกนะครับ”

“อ้างแฟนอีกล่ะ ผู้ชายรักแฟนก็น่ารักดีหรอกนะคะ แต่ทำร้ายจิตใจผู้หญิงแบบมิ้นต์มากเลยบอกตรง แล้วนี่มีแฟนจริงๆ หรือแค่หลอกกันคะ ถ้ารักแฟนจริงทำไมไม่พาแฟนมาเที่ยวด้วยล่ะ”

“วันนี้แฟนหนีไปนอนที่อื่นครับ ผมนอนไม่หลับเลยมานั่งดื่มย้อมใจ”

“ว้า แฟนวาใจร้ายจัง ถ้าเป็นมิ้นต์นะจะนอนด้วยทุกคืนไม่ปล่อยเลย ฮิๆ”

เธอทำหน้ากระเง้ากระงอดได้น่ารักมากกว่าน่ารำคาญ ถ้าไม่ติดว่ารักแฟนมากอย่างปากว่าทิวากานต์อาจยอมเล่นกับเธอนานแล้ว ไม่รอให้มาง้องแง้งใส่แบบนี้หรอก

“แล้วนี่วาทำงานอะไรหรือคะ ทำเกี่ยวกับพวกแฟชั่นหรือเปล่า หล่อแบบนี้ต้องใช่แน่เลย” พอเรื่องเก่าจบเธอก็หาเรื่องใหม่มาคุย ช่างเป็นสาวน้อยที่มีความพยายามสูงมาก แน่นอนว่าผู้ชายอย่างทิวากานต์เองก็ใช่จะโผล่มาให้เห็นบ่อยๆ ถ้าใครคว้าได้ถือเป็นบุญชีวิต

“เป็นหมอครับ”

“ล้อเล่นหรือเปล่าคะ อยู่โรงบาลไหนเนี่ย มิ้นต์จะรีบไปรักษาเลยหมอหล่อขนาดนี้ยอมให้เอาหูฟังแนบหัวใจทั้งวัน เอ๊ะ คุณหมอเขาไว้ผมแบบนี้ได้ด้วยเหรอ ยังเรียนอยู่หรือว่าเป็นหมอหมาคะ”

“หมอคนครับ เพิ่งเทรนจบปีนี้” ทิวากานต์ไม่ได้ตอแหล เขาเทรนจบหมอศัลย์ปีนี้จริงๆ แต่ถ้าจบเป็นหมอมีใบประกอบโรคศิลป์รักษาคนไข้ได้นั่นก็หลายปีมาแล้ว แสดงว่าหน้าเขายังใสเด้งเต่งตึงอยู่พอจะเนียนไปกับพวกเด็กๆ ได้ สาวเจ้าถึงไม่ได้เอะใจ เอ๊ะ หรือเพราะในร้านมันมืดก็ไม่แน่ใจ

“ชักอิจฉาแฟนคุณหมอแล้วสิคะเนี่ย มีแฟนทั้งหล่อและเก่งแบบนี้ โอ๊ยยย อิจฉาตาร้อนผ่าว”

ถึงเธอแสดงอาการอยากได้เขาออกนอกหน้าแต่ไม่เล่นด้วยก็จบแค่ตรงนั้น ทิวากานต์ฟังเธอคุยนู่นนี่อยู่นานมันก็เพลินดี สักตีสองเขาก็ขอตัวกลับทั้งที่ดื่มไปแค่ไม่กี่แก้ว เบอร์โทรของสาวน้อยนามว่ามิ้นต์ถูกฉีกทิ้งทันทีที่ออกมาจากข้างใน

ขอบอกให้รู้อีกทีว่าเขารักแฟนมากกก

ทิวากานต์กลับมาชัตดาวน์ตัวเองที่คอนโดตอนเกือบตีสี่หลังเปิดเครื่องใช้งานตัวเองสี่สิบแปดชั่วโมงพอดีเป๊ะ หมอนข้างที่ถูกทิ้งเป็นหมาหัวเน่ามานานถูกดึงมากอดแทนไอ้ตัวแสบ พอได้กลิ่นอลันด์ตาที่แข็งค้างมาตั้งแต่เมื่อวานปรือลงได้อย่างน่าอัศจรรย์ อยากจะนอนไม่ตื่นจนกว่าเด็กคนนั้นจะกลับมา

เขาคงขี้เหงาจริงอย่างที่ใครต่อใครว่าเพราะเขาไม่อยากตื่นมาอยู่คนเดียวในห้องที่ไม่มีอลันด์เลยจริงๆ คำว่า ‘รัก’ จากปากหยักเหมือนแมวนั้นผูกมัดเขาไว้แน่นหนาเป็นเงื่อนตายรั้งใจดวงนี้ให้ไปไหนไม่รอด

คอยดูเถอะ ถ้าเด็กแสบนั่นกลับมาช้าเขาจะขาดใจตายให้ดู!



ร่างขนาดกะทัดรัดของหนุ่มลูกครึ่งอังกฤษ-ไทยยืนลังเลอยู่หน้าห้อง 2111 มาสักพัก สองมือเต็มไปด้วยถุงกระดาษปะยี่ห้อแบรนด์ไฮเอนด์ทั้งถุงเล็กถุงใหญ่ ความจริงจะกดรหัสผ่านเข้าไปในห้องเลยก็ได้ แต่... ไม่รู้สิ กดกริ่งให้คนข้างในวิ่งหน้ายักษ์มาเปิดให้คงดีกว่า

ตัดสินใจได้แล้วมือข้างที่ถือของน้อยที่สุดก็รัวกริ่งแบบไม่กลัวเสีย เพียงไม่กี่อึดใจทิวากานต์หน้ายักษ์วิ่งมาเปิดประตูให้ตามคาด แต่ที่คาดไม่ถึงกลับเป็นทรงผมที่แปลกไปของคุณหมอ หากก่อนจะได้ทักทิวากานต์กลับสวนขึ้นมาเสียก่อน

“บอกกี่ครั้งแล้วว่าให้เปิดเข้ามาเลยไม่ก็กดกริ่งแค่ครั้งเดียวแบบมีมารยาทน่ะทำเป็นไหม ห๊ะ! แล้วนี่อะไรเยอะแยะ ทำไมไม่เอาไปเก็บที่ห้องก่อน” เขาก้มมองบรรดาถุงช้อปปิ้งในมืออีกคน มีเกือบสักสิบถุงได้

“ของผมเอาไปเก็บแล้ว นี่ของวา คุณลุงซื้อให้”

“หา? ซื้อให้ฉัน” ทิวากานต์มองหน้าบวมๆ ของคนรักก่อนเบี่ยงตัวให้อลันด์เดินเข้ามาในห้องแล้วค่อยเดินตามเข้าไป “ซื้อทำไม”

“ขอบคุณที่วาช่วยดูแลผมแล้วก็ให้เอามาจีบวาย้ายไปทำงานที่โรงบาลจริงจังสักที” เด็กหนุ่มวางถุงช้อปปิ้งลงกลางห้อง หยิบถุงสองใบใหญ่ๆ ออกมา “อันนี้แจ็ตเก็ตกับกระเป๋าใบใหม่ของผมว่าจะทิ้งไว้ที่ห้องนี้แหละ สวยม่ะ คอลเลคชั่นใหม่ของอีฟส์ แซงต์ โลรองต์เลยนะ คุณลุงซื้อให้หมดเลยบอกว่าเป็นของปลอบใจเรียกขวัญ ถ้าเจ็บตัวแล้วได้อะไรแบบนี้มันก็คุ้มดีเนอะ”

ทิวากานต์ดูสินค้าฟุ่มเฟือยสองชิ้นของไอ้ตัวแสบ เดาได้ว่าบางส่วนที่เอาไปเก็บไว้ที่ห้อง 2112 แล้วคงมีไม่ต่ำกว่าสิบถุง งานนี้คุณลุงของไอ้ตัวแสบคงได้จ่ายค่าเรียกขวัญให้หลานไม่ต่ำกว่าสองล้าน แค่ไอ้เสื้อนั่นเชื่อว่าเขาคงต้องอยู่เวรทั้งเดือนถึงจะเอาเงินมาซื้อได้

“ให้มันน้อยๆ หน่อย ถามจริงเมืองไทยร้อนขนาดนี้จะเอาเสื้อแจ็คเก็ตหนังใส่ได้สักกี่หนเชียว”

“ของวาก็มีนะ ตัวนี้ผมเลือกเองเลยใส่แล้วหล่อแน่ๆ” เด็กฝรั่งทำหูทวนลม รื้อถุงยี่ห้อเดียวกันอีกใบหยิบเบลเซอร์สีดำกุ๊นขอบขาวขึ้นมาโชว์ “มีน้ำหอมด้วย อันนี้ผมดมแล้วชอบมาก กลิ่นเหมาะกับวาที่สุด”

“จ้ะ”

เขาปล่อยให้ไอ้ตัวแสบนั่งบรรยายสรรพคุณข้าวของที่ซื้อมาไปเรื่อย รู้สึกเซ็งนิดๆ ที่ตื่นมาแล้วแทนจะได้กอดอีกคนสมใจกลับต้องมาดูสินค้าฟุ่มเฟือยพวกนี้ จะว่าไปนี่เพิ่งบ่ายสามนับว่าอลันด์กลับมาเร็วกว่าที่คาดเขาเลยไม่ต้องนอนเหี่ยวเป็นผักอยู่บนเตียงยันมืด

ทิวากานต์อาศัยช่วงอีกคนโม้เพลินเข้าไปแปรงฟันล้างหน้าในห้องน้ำ ออกมาอีกทีเด็กฝรั่งตัวแสบนั่งหน้ามุ่ยท่ามกลางกองเสื้อผ้าเครื่องใช้เพราะถูกปล่อยให้พูดคนเดียวตั้งนาน

“อย่าบอกนะว่าเพิ่งตื่น เมื่อคืนนอนดึกหรือไง”

“ก็เกือบเช้า”

“แน่ะ แอบเที่ยวใช่ไหม”

“ทีเธอยังเที่ยวได้เลย ฉันเที่ยวมั้งสิ ไม่ได้เที่ยวตั้งนานแล้วมันต้องเช็คเรตติ้งกันหน่อย”

“โหยเที่ยวไม่ชวน”

“เที่ยวแล้วมีเรื่องนี่ยังไม่เข็ดใช่ไหม” ชายหนุ่มเดินเข้าไปล็อคคอเด็กแสบพอให้อีกคนดิ้นหัวเราะชอบใจ อลันด์ท่าจะเป็นมาโซจริงๆ ทำรุนแรงด้วยแล้วชอบ

“โด่ ไปกับวาจะกลัวอะไร วันหลังไปเที่ยวด้วยกันนะ”

“อื้อ” หอมขมับอีกคนฟอดใหญ่ก่อนจับอลันด์ให้นั่งพิงอกเขาดีๆ พอได้ตัวนุ่มนิ่มมากอดเขารู้สึกอยากจะหลับไปอีกรอบ เจ้าลูกหมูในอ้อมแขนดีกว่าหมอนข้างเย็นชืดนั่นเป็นร้อยเท่าพันเท่า ทิวากานต์หลงเด็กหัวปักหัวปำหาทางออกไม่เจอแล้วจริงๆ

“ว่าแต่...ผมทรงนี้มันอะไรกัน พี่นภพาไปตัดมาเหรอ”

“อือ หล่อม่ะ”

“หล่อมาก แบดบอยสุดๆ” หนุ่มน้อยแหงนคอมองเก้าอี้มีชีวิต เพราะว่าเพิ่งตื่นผมเลยยุ่งไม่เป็นทรงอย่างที่เช็ทเมื่อวาน แต่ก็ยังหล่อมากอยู่ดี อลันด์ได้รางวัลเป็นจูบหวานๆ หนึ่งทีพอชื่นใจ “เมื่อคืนไปเที่ยวต้องมีคนเข้ามาคุยด้วยเยอะแน่ๆ แอบนอกใจป่ะเนี่ย”

“คิดว่าไงล่ะ”

“หึหึ” เขาไม่ตอบแต่ดึงคออีกคนให้ลงมาจูบด้วยอีกที “อย่าปล่อยมือผมแล้วกัน”

“สัญญาด้วยเกียรติของลูกผู้ชายเลย” เขาชูกำปั้นขึ้นมารอให้อีกคนทำแบบเดียวกัน อลันด์มองแล้วค่อยเผยรอยยิ้มจนแก้มตึงชกกำปั้นตัวเองเข้ากับอีกคนเบาๆ

“สัญญากันแล้วนะ ห้ามผิดสัญญาล่ะรู้ไหม”

“แล้วฉันเคยทำหรือไง” เด็กฝรั่งส่ายหัว ตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน ตอนที่ต่างฝ่ายยังเป็นคนแปลกหน้าหากทิวากานต์ไม่เคยเบี้ยวหรือผิดคำพูดสักครั้ง จนถึงตอนนี้เขามั่นใจในตัวอีกฝ่ายมากว่าจะไม่มีวันปล่อยมือจากเขาไปแน่นอนไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคตก็ตาม



“พี่แค่อยากรู้ว่าอัลรักตัวเองบ้างหรือเปล่า ทำไมถึงชอบทำให้พี่ต้องเป็นห่วงคนที่พี่รักอยู่เรื่อยเลย”

‘รัก’ เจ้าเด็กแสบบอกแบบนั้นหลังอมยิ้มหน้าแดงจ้องตากับทิวากานต์อยู่นาน ‘แล้วก็รักพี่วาแบบที่อยากอยู่ด้วยกันนานๆ ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงครับ จากนี้ไปจะรักตัวเองให้เท่ากับที่รักพี่วา หายโกรธกันนะ’

‘หายโกรธก็ได้ แต่พูดแบบนี้แน่ใจแล้วใช่ไหม ฉันเลือกจับมือใครแล้วไม่ปล่อยไปง่ายๆ หรอกนะ ถ้าจะไปต้องตัดแขนทิ้งอย่างเดียว’ คุณหมอขู่พร้อมเพิ่มแรงรัดช่วงเอวอีกคนแน่นขึ้นประกอบคำพูด เตือนครั้งสุดท้ายแล้วแต่ตาสีฟ้าอ่อนยังคงจ้องเขาไม่หลบไปไหน ยืนยันด้วยการกระทำกลายๆ พลอยช่วยคนถามหัวใจพองฟู

‘แน่ใจ มั่นใจที่สุด ถ้าไม่ใช่พี่วาก็รักใครแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว เมื่อคืนผมก็คิดนะว่าแม่งแบบนี้เป็นเกย์เปล่าวะ ลังเลกับตัวเองตั้งนานแต่พอถูกพี่เก่งทำแบบนั้นหรือนึกไปถึงตอนที่ทอมพยายามกอดผมแบบนี้ทุกอย่างในตัวมันต่อต้านไปหมด เกลียดตอนที่ถูกผู้ชายเหมือนกันสัมผัสแนบชิด แต่แปลกดี ถ้าเป็นพี่วา...ผมกลับอยากให้พี่กอดผมแบบนี้ไปนานๆ ไม่มีที่สิ้นสุด อินฟินิตี้เลย’

‘ปากหวาน’ ว่าอย่างนั้นแต่คุณหมอหน้าดุกลับเขิน เกิดมาสามสิบฝนเพิ่งเจอผู้ชายสารภาพใส่นี่แหละ

‘รักพี่วานะครับ รักมากๆๆ รักม้ากมาก’ กลัวคุณหมอไม่เชื่ออลันด์เลยย้ำชัดๆ ช้าๆ ข้างหู ยิ่งเห็นคนแก่กว่าอายหน้าแดงยิ่งชอบใจกรอกหูอยู่หลายรอบจนนภออกมาจากห้องน้ำนั่นแหละถึงยอมหยุดแกล้งอีกฝ่าย

บอกรักทั้งที่จะขอซึ้งนานๆ หน่อยก็ไม่ได้ ต้องกวนให้จิ๊จ๊ะทุกครั้ง แสบเสมอต้นเสมอปลายน่าตีตั้งแต่วันแรกที่เจอกันเลยจริงๆ สิน่า ไอ้เด็กฝรั่งตัวแสบ


.
.
.

TBC

กราบขออภัยที่มาช้านะคะ
เสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมาน้องเราหอบคอมหนีออกจากบ้านไปค่ะ
จะแอบลงที่ออฟฟิซงานก็เยอะเกินทน เครื่องคอม PC ไม่ได้แตะเลย ;-;

ความจริงตอนนี้อยากลงให้เต็มตอน แต่กว่าจะเราจะมาอ่านจะมารีไรท์ได้ลงอีกทีคงเสาร์อาทิตย์เลย (ฮา)
ไหนๆ เห็นว่าตอนนี้มันตัดได้ครึ่งพอดี ถือว่าจบส่วนแรกของเรื่องแล้วก็คงไม่เป็นไร
หลังจากนี้จะเข้าสู่เนื้อจริงๆ หลังจากปูความสัมพันธ์ตัวละครมานาน
แล้วเจอกันกับอีก .5 ที่เหลือนะคะ

ปูลู เห็น FC หมอวาเยอะเหลือเกิน ใครมีคำถามถึงอิพี่ฝากไว้ได้นะคะ
ตอนหน้าจะลากพี่แกมาตอบคำถามให้ ถือว่าชดเชยที่มาลงช้าปล่อยให้รอกัน เหะๆ

ปูลูสอง เมื่อสัปดาห์ที่แล้วไปหาข้อมูลที่โรงบาลหมอวามา จะว่าไปหมอหล่อๆ มันก็มีนะคะ แต่ฝั่งที่เราไปหามีแต่สว.น่ะสิ ;-;
ส่วนหมอดุๆ เนี่ยมีแน่นอน โดนดุมาแล้ว (ฮา)
ยังไงช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยรักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ

จุ๊บๆ

 :mew1:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 19.5 [14.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 14-12-2015 22:29:19
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 19.5 [14.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: yisren. ที่ 14-12-2015 22:42:07
รักหมอวาเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือหลงทาสนภ ฮาๆๆๆๆ สีสันมากๆ เลยนะนิ อยากจะเดินไปส่องหน้าหมอวาที่โรงบาล หมอ หล่อ แบดบอยยย ละลายไปซี้ :hao7:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 19.5 [14.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: VarainDark ที่ 14-12-2015 22:53:20
โอ๊ยยยยยยยยยยยยย เจ็บๆๆๆ
หวานจนมดขึ้นแล้ววววววววววว
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 19.5 [14.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: Shonteen ที่ 14-12-2015 22:55:57
ป้าอยากให้หมอวากินนังเด็กอัลมอนด์นี้เสียที
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 19.5 [14.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 14-12-2015 23:02:38
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 19.5 [14.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: Mokuchi ที่ 14-12-2015 23:04:48
รอส่วนที่เหลือนะคะ  :กอด1:
#ติ่งหมอวาเช่นเคย
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 19.5 [14.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 15-12-2015 00:11:00
ไม่น่าเชื่อตั้งกะคบเด็กเนี่ยหมอวาไม่นอกลู่นอกทางเลย หนักแน่นมั่นคงมาก
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 19.5 [14.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 15-12-2015 03:22:36
เขาก็รักเหมือนกัน แอบสงสารนภนะโดนหมอวาว่าจนร้องไห้น้ำตาท่วมเลย
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 19.5 [14.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: minkey ที่ 15-12-2015 10:25:25
ฮืออออ ละมุนง่ะ
ชอบพี่หมอวาก่ะน้องอัล

น้องอัลมันเด็กขี้อ้อนนนนน
พี่หมอวาก็รักเดียวใจเดียววุ้ยยยยย

#ทีมหมอวา

รอตอนต่อไปนะคะ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 19.5 [14.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 15-12-2015 10:43:06
ขำนภเบาๆ 55555
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 19.5 [14.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 15-12-2015 12:15:20
อูยอยากเห็นทรงผมใหม่หมอวา ขอตามไปที่โรงพยาบาลได้ไหมคะ  :-[
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 19.5 [14.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: pim-lovemj ที่ 15-12-2015 12:51:50
 :pig4: ชักหลงรักน้องอัล กะ หมอวา มากขึ้นเรื่อย ๆ เลยค่ะ
รอติดตามนะคะ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 19.5 [14.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: So_Da_Za ที่ 16-12-2015 20:23:58
กรีดร้อง เพิ่งได้ว่างมาอ่านนนนนนนน
หมอวาตัดอันเดอร์คัตค่ะคุณผู้ชม
ฟินมากนะคะ ชอบค่ะชอบ
5555555+
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 19.5 [14.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: cinnsin ที่ 16-12-2015 21:26:11
อลันด์ขี้อ้อนอ่าาา > <
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 19.5 [14.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: DKTime ที่ 18-12-2015 04:14:18
มาต่อไวๆเถอะ ครับ อ่านรวดเดียวเลยตั้งแต่เย็น คุณพระ! ถ้าเปิดรวมเล่ม ผมก็ขอซื้อ!!!! สนุกมากกกก วางไม่ลงเลยจริงๆ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 19.5 [14.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: LetGet ที่ 18-12-2015 09:31:53
โอ๊ยยยยยย ย แบดบอย เมื่อไหร่หมอวาจะจับเด็กกดสักที  :hao6: :hao6:  :hao6: แล้วตอน19หล่ะ ทำไมมาเป็น19.5เลย  :hao4:
หัวข้อ: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 19 [19.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 19-12-2015 14:07:59
อ้างถึง
อย่าลืมอ่านตอนที่ 19.5 (http://bit.ly/1J7059A) ก่อนนะคะ

TRACK 19



“พี่วา พี่วาคะ”

ทิวากานต์หันไปตามเสียงเรียกคุ้นหูตอนกำลังเดินข้ามถนนเตรียมจะเข้าไปในโรงพยาบาล เมื่อเห็นสาวสวยคุ้นหน้าคุ้นตากำลังเดินตามมาจากด้านหลังก็ยิ้มหวาน “น้องขิง!”

“สวัสดีค่ะพี่วา”

“สวัสดีค่ะ มาทำอะไรแถวนี้แต่เช้าเลยคะ อย่าบอกนะว่าแค่มาซื้อของกิน” คุณหมอหน้าดุทักทายสาวเจ้าเสียงอ่อนหวานแบบที่ไม่เคยมีใครเห็น บุคลากรของโรงพยาบาลหลายคนที่รู้จักคุณหมอเดินผ่านมาได้ยินถึงกับตกใจอ้าปากค้าง ไม่ได้ตกใจแค่ปากหวานๆ ผิดปกติแต่ตกใจทรงผมคุณหมอด้วยนี่แหละ!

“พาป๊ามาหาหมอค่ะ มารอหมอตั้งแต่ตีห้าแน่ะ ขิงหิวเลยออกมาหาซื้ออะไรรองท้องก่อน เมื่อกี้เห็นผู้ชายหล่อๆ คล้ายพี่วาเลยลองทักดู กลัวหน้าแตกอยู่เหมือนกัน ตัดผมใหม่ซะน้องจำไม่ได้”

“เปลี่ยนลุคบ้างค่ะ แล้วลุงเข้มเป็นอะไรคะ ปกติไม่ได้มาหาหมอที่นี่นินา”

“ความดัน เบาหวานประสาคนแก่นั่นแหละค่ะ พอดีเพื่อนป๊าเขายุให้มาลองตรวจกะหมอที่นี่ดูก็เลยมาสักครั้งเผื่อจะเจอพี่วาด้วย ช่วงนี้ไม่ค่อยแวะไปที่บ้านเลยป๊าเขาคิดถึง พี่วาเถอะ ทำไมวันนี้นั่งเรือมาทำงานคะ ปกติเห็นซิ่งตลอด” เธอแซวคุณหมอศัลย์รูปหล่อแล้วเดินเคียงกับอีกคนเข้าไปในโรงพยาบาล ตอนนี้ยังเช้าอยู่มากพอให้ทิวากานต์มีเวลาเดินเอื่อยๆ ก่อนขึ้นไปดูเด็กราวน์ตอนเช้าสักพัก

“จอดไว้ฝั่งนู้นแน่ะ” เขาว่า “แล้วรถพี่เป็นไงบ้างคะ ดูแลดีหรือเปล่า”

“ทำตามที่พี่วาบอกเป๊ะเลย ขิงขับไปทำงานทุกวันไม่ปล่อยให้เหงาเลยค่ะ”

“ดีแล้วค่ะ” ทิวากานต์เดินตามหญิงสาวเข้าไปในตัวตึก กะจะเข้าไปสวัสดีสามีป้าอิงเสียหน่อย

ตลอดทางทุกสายตาล้วนจับจ้องที่หนุ่มหล่อสาวสวยคู่นี้กันไม่วาง โดยเฉพาะคนที่รู้จักคุณหมอทิวากานต์ ส่วนหนึ่งอาจจะสนใจที่เห็นเขาควงสาวเข้ามาด้านใน แต่ส่วนมากมักมองตรงไปที่ทรงผมแหวกแนวแหกกฎระเบียบโรงพยาบาล ยิ่งเจ้าตัวเป็นถึงอาจารย์ด้วยแล้วควรต้องรักษาภาพให้ดูน่าเกรงขามเป็นตัวอย่างแก่ว่าที่หมอในอนาคตต่อไป การทำแบบนี้ไม่ต่างจากก่อการกบฏทีเดียว ทิวากานต์พอจะรู้ตัวอยู่ว่าหลังจากนี้จะโดนอะไรบ้าง หวังว่าคงไม่แย่ถึงขึ้นพักงานอะไรเทือกๆ นั้นหรอกนะ ไร้สาระเกิ๊นกะอีแค่ทรงผม

“ว่าแต่คิดไงตัดทรงนี้คะ เคยได้ยินป้าหมอบอกว่าโรงบาลพี่วาเฮี้ยบไม่ใช่เหรอคะ”

“ก็ไม่ได้อยากตัดหรอกค่ะ แต่มันเป็นอุบัติเหตุ จะแก้ก็คงแย่ไปกว่านี้เลยช่างมัน รอยาวดีกว่า พี่ตัดทรงนี้แล้วหล่อใช่ม่ะ”

“หล่อค่ะ หล่อมว้ากกก พี่วาหน้าตาดีอยู่แล้วตัดทรงไหนก็ดูดี” ขัตติยาชมอีกคนจากใจจริง ไม่ลืมชูนิ้วโป้งเสริมสร้างกำลังใจให้อีกคน

ทั้งคู่คุยสัพเพเหระจนเดินมาถึงบริเวณนั่งรอของผู้ป่วย เพียงเข้าไปก็เห็นลุงเข้มหรือป๊าของขัตติยานั่งเล่นโทรศัพท์รอลูกสาวแทบจะในทันทีด้วยขนาดตัวใหญ่โตกว่าใคร และยีนเด่นส่วนนี้ถ่ายทอดมาถึงลูกสาวคนสวยไม่น้อยเสียด้วย ขัตติยาจึงไม่ลำบากเงยหน้าเวลาคุยกับทิวากานต์เหมือนอลันด์มากนัก เรียกได้ว่าส่วนสูงกำลังพอเหมาะพอดีกับทิวากานต์ราวกับจับวาง

“ลุงเข้มสวัสดีครับ”

“อ้าววา สวัสดีครับ ทำไมมากับน้องขิงได้ล่ะลูก”

“เจอกันข้างหน้าน่ะครับ ลุงเข้มเถอะจะมาหาหมอทำไมไม่บอกวาบ้าง ให้วาไปดูให้ที่บ้านก่อนก็ได้นะไม่ก็จะได้นัดหมอให้ ดูสิมาเองแบบนี้ต้องรอคิวนานจะตายกว่าจะได้ตรวจ”

“เห็นอิงบอกเรายุ่งๆ ลุงก็ไม่อยากจะรบกวน มาโรงหมอมันก็ดีกว่าด้วยจะได้ตรวจละเอียดไปเลย เราเองว่างๆ ก็แวะไปกินข้าวที่บ้านมั้งก็ได้ ตั้งแต่เมียเจ้าเขมท้องก็ไม่ค่อยกลับมาเยี่ยมบ้านเลย ขิงมันเหงาไม่มีใครให้อ้อน”

“หูย ขิงอ้อนป๊าอ้อนม้าทุกวันจะเอาเวลาที่ไหนไปเหงา คนเหงาน่ะป๊ามากกว่าไม่มีใครเม้าท์เรื่องรถด้วย”

“หึหึ นั่นสิ สวยขนาดนี้จะมีเวลาที่ไหนไปเหงา คงมีหนุ่มตามจีบตรึมล่ะสิ”

“ไม่มี๊ไม่มี ถ้าพี่วายังไม่แต่งขิงก็ไม่คิดมีแฟนหรอก เป็นน้องแต่งก่อนพี่ได้ไง ไม่ดีๆ” หญิงสาวทำหน้าทะเล้น เอาเข้าจริงอายุก็ไม่ใช่น้อยๆ อ่อนกว่าทิวากานต์แค่สามปี สาววัยนี้ส่วนใหญ่จะเตรียมวางแผนมีครอบครัวได้แล้ว แต่เหมือนเธอจะชอบอยู่เป็นโสดเหมือนสาวๆ แก๊งป้ามากกว่าถึงไม่คุยกับหนุ่มที่ไหนเลย

“ทำเป็นพูดไป ถ้าชาตินี้พี่ไม่แต่งงานเรากะจะเกาะคานไม่ลงเลยใช่ไหมคะ ลุงเข้มดูลูกสาวลุงนะหาข้ออ้างนอนบนคานชัดๆ”

“แล้ววาไม่คิดแต่งงานบ้างหรือไง ไม่ใช่หนุ่มน้อยแล้วนะ”

“ฮ่าๆ ชาตินี้คงไม่ได้แต่งแล้วล่ะครับ” เขาว่าอย่างนั้นตอนนึกถึงหน้าเด็กฝรั่ง คิดจะคบกับผู้ชายไม่มีทางประกาศให้ชาวบ้านเขารู้กันทั่วได้อยู่แล้ว เรื่องแต่งงานก็อย่าหวัง

“หล่อขนาดนี้จะบอกว่าไม่มีใครเอาเลยหรือยังไง เออแน่ะ เดือนหน้าเจ้าขิงจะไปงานแต่งเพื่อนที่หัวหินพอดี วาช่วยขับรถพาน้องไปหน่อยสิ งานมันเย็นลุงไม่อยากให้ขับรถไปกลับคนเดียว แล้วเราจะได้ส่องสาวๆ ในงานนั้นด้วยเลยเป็นไง เผื่อถูกใจใครสักคนเจ้าขิงจะได้ช่วยติดต่อให้”

“ไปขับรถให้น้องน่ะได้ครับ แต่ส่องสาวน่ะคงยาก”

“เอาเถอะๆ ยังไงลุงฝากน้องขิงด้วยนะ”

เขารับปากอีกฝ่ายแข็งขัน บอกกับคนน้องว่าเดี๋ยวจะโทรไปนัดเวลาทีหลังเพราะวันนั้นเขามีเวรตรวจตอนเช้าที่โรงพยาบาลเอกชนแล้วขอตัวไปทำงาน ก่อนจะไปทิวากานต์ถูกหญิงสาวขอถ่ายรูปคู่ไปหนึ่งแชะ ขัตติยาบอกว่าจะเอาไปให้พวกแก๊งป้าดูทรงผมหลานชายคนโปรดเสียหน่อย เชื่อว่าหลังจากที่ได้เห็นรูปกันโทรศัพท์เขาต้องสั่นเพราะไลน์จากป้าๆ ทั้งวันแน่

 ตลอดการทำงานช่วงเช้าเป็นช่วงที่ทิวากานต์รู้สึกอึดอัดพอสมควร หลายสายตาจับจ้องมาอย่างสงสัย คนไข้บางรายถึงกับเอ่ยปากถาม โชคดีที่ผลตอบรับออกมาในแง่บวก ทุกคนชมเปาะว่าคุณหมอตัดผมทรงนี้แล้วหล่อมาก ถึงจะดูดุกว่าเดิมแต่มองแล้วหลงอยากจะละลายตายในอ้อมกอดเสียให้ได้

หลังจากนั้นก็เป็นช่วงสบายเพราะผ่าอย่างเดียวไม่ลงตรวจ รอดสายตาสอดรู้ของชาวบ้านไปอีกหน วันนี้มีเคสเดียวแต่ใส่ขุดเขียวพาเพลินสิงตัวในห้องผ่าจนเกือบต้องกินข้าวเที่ยงในนั้นแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะได้กินสบายๆ กินไปครึ่งเดียวโดนตามไปดูเด็กผ่าต่อ ที่เห็นนี่ยังจิ๊บๆ ช่วงเทรนบางวันข้าวสักเม็ดยังไม่ได้แตะเลย

“วา พี่ถามจริง”

“ว่า” เขาถามกลับทั้งที่ยังก้มหน้าถือมีดเตรียมกรีดเปิดช่วงอกเคสรายที่สามของวัน ส่วนคนถามเป็นหมอวิสัญญีคู่ใจกันมาตั้งแต่สมัยเทรนยืนสังเกตค่าความดันไปตามหน้าที่ มีเฟลโล่ว์ เรสสิเดนท์ นักศึกษาแพทย์ พยาบาล พยาบาลผู้ช่วยในห้องต่างพร้อมใจกันเงี่ยหูฟังบทสนทนา

“คิดไงตัดทรงนี้วะ”

“ไม่ได้คิด” คำตอบของหมอศัลย์หน้าดุเรียกทุกสายตาให้หันไปมอง กิจกรรมทุกอย่างในห้องผ่าตัดหยุดนิ่ง ไอ้คนที่วางแผนแทบทุกอย่างในชีวิตแบบทิวากานต์เนี่ยนะจะทำอะไรไม่คิด “เพราะไอ้คนคิดหนีตีนไปแล้ว”

บุคลากรในห้องผ่าตัดถึงกับยืนอาลัยล่วงหน้าให้กับคนต้นคิดทันที ฟังแค่เสียงต่อให้โง่สุดในชั้นเรียนก็ยังรู้ว่าคุณหมอหงุดหงิดมาก งานนี้ถ้าคุณหมอเจอตัวมีแต่ตายกับตาย!!!

“สลัดเห็ด พี่รู้ว่าเอ็งหล่อแต่ถึงขั้นจ้างคนมาออกแบบทรงผมเลยเหรอวะ คือทรงนี้ก็หล่อนะเว้ย ถ้าพี่ไม่มีลูกมีผัวแล้วคงตามจีบอ่ะ แล้วต่อให้เอ็งตัดมาหล่อแค่ไหนใส่หมวกเขียวทั้งวันแม่งก็ไม่เห็นอยู่ดีล่ะวะ แต่แบบ...โดนด่าเปิงแน่”

“หึ ผมโง่เองแหละที่ไว้ใจมัน นี่ก็รอโดนเรียกไปด่าอยู่”

“โชคดีไอ้น้อง” ทิวากานต์พยักหน้ารับปลงๆ ก่อนลงมีดเริ่มเคสสุดท้ายของวันนี้กันเสียที



ทิวากานต์ออกจากห้องผ่าตัดมาตอนบ่ายสามโมงเกือบครึ่ง หยิบข้าวกลางวันบนโต๊ะเอามากินต่อ ทุกอย่างเย็นชืดไม่น่ากินแต่มันชาชินคิดซะว่ากินเพื่ออยู่ เลิกงานค่อยไปอยู่เพื่อกินแล้วกัน หากยังเคี้ยวข้าวคำที่สามไม่เสร็จดีก็มีสายเรียกให้เข้าไปพบอาจารย์หัวหน้าสาขา เขาถอนหายใจโยนกล่องข้าวทิ้งถังขยะเซ็งๆ เห็นใกล้เลิกงานนึกว่าจะรอดแล้วแต่ก็ไม่

ร่างสูงใหญ่เดินออกไปท่ามกลางสายตาเห็นใจจากเพื่อนร่วมงาน แต่มีบางคนที่คิดว่าสมควรแล้วด้วยอคติส่วนตัว หาว่าหมอหนุ่มวัยสามสิบคิดทำตัวเด่นเกินหน้าเกินตาคนอื่น ทั้งที่ต่างรู้ดีแก่ใจว่าต่อให้ไม่ต้องทำอะไรทิวากานต์ก็เด่นด้วยตัวตนและความสามารถที่มีอยู่ดี

หลังทิวากานต์เข้าไปในห้องทำงานส่วนตัวของหัวหน้าสาขาได้ไม่ทันไร อีกด้านหนึ่งการันต์ที่เพิ่งสอนเสร็จได้ข่าวน้องรักโดนเรียกจากผู้หวังดีก็รีบสับขาหน้าตั้งไปหา ถึงไม่แน่ใจว่าทิวากานต์โดนเรียกด้วยสาเหตุอะไรแต่เขามั่นใจว่าต้องเป็นไอ้ทรงผมเด็กแนวที่ได้ยินเขาลือกันไปทั่วโรงพยาบาลแหง แม้จะยังไม่เห็นกับตาเพราะวันนี้ต่างฝ่ายต่างยุ่งจนไม่ได้เจอกันแต่กับพวกอาจารย์อาวุโสต้องไม่ชอบใจแน่ๆ ถ้ามีใครสักคนแหกกฎ โดยเฉพาะพวกที่เด่นเกินหน้าเกินตาชาวบ้านอย่างทิวากานต์!

เขาเคาะประตูสองทีก่อนเปิดเข้าไปโดยไม่รอคำขออนุญาตขอคนในห้อง แต่นั่นเหมือนจะช้าไปกว่าที่คิด น้องรักยืนหน้าบูดหน้าบึ้งส่วนเจ้าของห้องที่แก่วัยกว่าเขาไม่กี่ปีก็ยืนกอดอกเทศนาอีกฝ่ายหน้าดำหน้าแดง

“ไร้มารยาท” รองศาสตราจารย์อาคม หัวหน้าสาขาวิชาศัลยศาสตร์หัวใจและทรวงอกเปลี่ยนเป้าหมายตำหนิใส่คนมาใหม่ทันที

“ขอโทษครับพี่คมผมรีบไปหน่อย” การันต์โค้งให้อีกฝ่ายฉีกยิ้มหวานประจบแล้วค่อยเบนสายตามองทิวากานต์ที่ดูจะตกใจไม่น้อย “ขอคุยด้วยหน่อยสิครับ วาออกไปทำงานต่อไป๊”

“ไม่ว่างไม่เห็นหรือไง” อาคมสวนกลับทันควัน ชายวัยเกือบห้าสิบหรี่ตาจ้องคนมาใหม่ผ่านกรอบแว่น ถ้าเป็นสมัยสักเมื่อยี่สิบปีก่อนการันต์คงกลัวอยู่บ้าง แต่ตอนนี้เขาสะสมบารมีเป็นถึงรองหัวหน้าสาขาแล้วจะให้หงออีกคนเหมือนตอนเข้ามาเรียนใหม่ๆ คงไม่ใช่เรื่อง

“แล้วพี่จะอะไรกับวามันนักล่ะครับ ปล่อยๆ มันไปบ้างเถอะ ดุด่าตั้งแต่มันปีสองจนตอนนี้มันเป็นอาจารย์แล้วไม่เบื่อเหรอครับ”

“ยิ่งโตยิ่งต้องด่าสิไม่ว่า โตเป็นถึงขั้นครูบาอาจารย์กับเขาแล้วยังแหกคอกเสมอต้นเสมอปลายแล้วเด็กมันจะไปนับถือลงได้ยังไง แทนที่จะเป็นตัวอย่างที่ดี ไอ้ผมทรงเด็กแว้นซ์แบบนี้ถามหน่อยซิเอาสมองส่วนไหนคิด”

“หมอที่อื่นเขายังตัดกันเยอะแยะ มีแต่ที่นี่แหละคร่ำครึเต่าล้านปี” ทิวากานต์เถียงกลับไม่ยอมกัน เขานิ่งให้อีกฝ่ายด่ามาตั้งแต่ก่อนการันต์เข้ามาจนตอนนี้ชักทนไม่ไหว ด่าวนเวียนอยู่แต่เรื่องเดิมๆ นั่นแหละ เสียเวลาทำการทำงาน

“ไอ้วา! รันดูเด็กแกปั้นนะ เถียงคำไม่ตกฟาก ปากดีตั้งแต่ตัวเท่าลูกหมา”

“แล้วทำได้อย่างปากด้วยสิ”

“วา! เอ็งหุบปากหน่อยได้ไหม ออกไปเลยไป พี่ๆ จะคุยกัน”

ชายหนุ่มทำหน้าเหม็นเค็มใส่ตัวช่วยก่อนยอมออกจากห้องไปแต่โดยดี เขาขี้เกียจฟังคนหัวโบราณพล่ามน้ำท่วมทุ่ง ปล่อยให้การันต์รับหน้าแทนไปเหมือนทุกครั้งนั่นแหละ คราวนี้ทิวากานต์ไม่กลับไปที่ห้องพักแพทย์แล้ว เบื่อสายตาสอดรู้สอดเห็นคนอื่นเต็มที เขาเดินไปห้องพักส่วนตัวกะเขียนรายงานก่อนกลับบ้าน ยี่สิบนาทีต่อมาการันต์ก็วิสาสะเปิดประตูห้องเข้ามายิ้มให้เหมือนเคย

“คิดไงตัดทรงนี้”

“ยี่สิบแปด”

“หือ?”

“พี่รันเป็นคนที่ยี่สิบแปดที่ถามคำถามนี้ และน้องขอตอบตรงๆ ว่าไม่ได้คิดเพราะคนคิดคือไอ้นภ มันก่อเรื่องไว้เสร็จก็หนีตีนวาไปเลย” ยิ่งพูดยิ่งแค้น ปากกาในมือแทบหักเป็นสองท่อน

“แต่หล่อดีนะเว้ยทรงนี้ อยากตัดเหมือนกัน แกว่าถ้าพี่ตัดบ้างจะหล่อม่ะ”

“หึหึ พี่น้องหน้าเหมือนกันขนาดนี้จะไม่หล่อได้ไงล่ะ” ทิวากานต์พอจะยิ้มออกมาได้บ้างก็ตอนนี้  เขาวางปากกาในมือ หลับตา แหงนคอพิงพนักเก้าอี้ “แล้วอาจารย์คมว่าไงบ้างอ่ะ”

“บ่นเหมือนเดิมนั่นแหละ บอกให้ไปแก้ทรงผมก็เลยบอกแกไปว่า ‘ถ้าให้วาแก้คงเหลือแต่สกินเฮดที่ทำได้ หน้ามันคงดุยิ่งกว่าเดิมเนอะ’ พี่คมเลยยอม สงสัยกลัวคนไข้ช็อกหน้าหมอไปก่อน หน้าเอ็งยิ่งดุกว่าชาวบ้านเขาอยู่ด้วย”

“เขาไม่ทำโทษเลยเหรอครับ”

“ไม่กล้าทำหรอก ถึงจะเข้มงวดแต่เขากลัวแกหนีไปทำที่อื่นจะตาย หมอมีฝีมือแบบนี้หาได้ง่ายๆ ที่ไหน แค่บอกว่าที่โรงบาลบ้านฉันอยากได้แกไปประจำพร้อมทุ่มไม่อั้นก็หุบปากเงียบแล้ว แล้วที่เขาเข้มงวดกับแกเพราะเขาก็หวังกับแกไว้มาก อย่างน้อยที่เขาเรียกแกมาด่าก่อนจะได้รอดไม่ต้องถูกพวกคณบดีเรียกละนะ”

“เหอะ ผมไม่อยากไปที่อื่นนักหรอก อยู่ที่นี่มันก็ดีแต่บางทีก็เบื่อ ไม่รู้จะจุกจิกไปไหน ดูอย่างหมอฝั่งนู้นซิจะตัดผมแต่งตัวเที่ยวไงก็ได้ ที่นี่แม่งเนิร์ดอย่างเขาว่าจริงๆ”

“แล้วตอนเอนท์ไม่เลือกที่นู่นเล่า จะมาบ่นทำไม” การันต์ตบไหล่รุ่นน้องเบาๆ แทนคำปลอบใจ บางทีนี่ก็อาจเรียกได้ว่ากฎแห่งกรรม เคยเลือกทำอะไรไว้ย่อมส่งผลมาถึงปัจจุบัน

“แม่ชอบกินขนมแถวนี้นี่ ตอนเอนท์ผมเลยเลือกนี่กะว่าจะได้ซื้อให้แม่กินบ่อยๆ ถ้ารู้เป็นงี้นะยอมเสียเวลานั่งรถต่อเรือมาซื้อดีกว่า”

ดูเหตุผลคุณหมอคนเก่ง ไร้สาระแต่กลับว่าไม่ลง อีกอย่างถ้าเจ้าตัวไม่เลือกเรียนที่นี่การันต์ก็คงไม่ได้พบเด็กคนนี้ นึกไปถึงตอนเจอกันครั้งแรกเด็กอะไรหน้าตาสวยหวานอย่างกับผู้หญิงแต่นิสัยเกินทน เขานี่ชักจะคิดถึงอดีตเหมือนคนแก่เข้าไปทุกที

“เอาเถอะ ช่วงนี้ระวังไว้หน่อยแล้วกัน อย่าทำอะไรให้เขามาด่าได้อีกล่ะ”

“คร้าบๆ ขอบคุณครับป๋า” ทิวากานต์ยกมือไหว้ขอบคุณอีกคน หยิบปากกาขึ้นมาเตรียมทำงานต่อ แต่การันต์ยังคงยืนกอดอกมองเขาไม่กลับออกไปสักที “มองไรอ่ะพี่รัน เขินนะเว้ย”

“จะว่าไป...ดูเด็กลงนะ หล่อมากด้วย”

“ชมไปผมไม่มีอะไรให้หรอกนะ”

“ไม่ใช่เว้ย คือฉันกำลังคิดว่าไหนๆ แกตัดผมทรงนี้แล้วทั้งทีอย่างให้เสียเที่ยวเลยว่ะ มีของมันต้องโชว์กันหน่อย”

“เหอะ ขนาดไม่โชว์คนหมั่นไส้ยังมีเลย ถ้าโชว์ไม่ยิ่งโดนเกลียดเลยหรือไง”

“เคยแคร์?”

“ก็ไม่” คุณหมอวัยสามสิบยักไหล่สบายๆ คนแบบเขาถ้าแคร์ขี้ปากชาวบ้านวันๆ คงไม่ต้องทำอะไรแล้ว เสียเวลาจะตาย

“คืองี้ มีนิตยสารฉบับหนึ่งเขาจะมาขอสัมภาษณ์ฉัน แต่ฉันยังไม่ได้ตกลงเลยว่าจะลองเสนอชื่อแกไปแทน”

“เฮ้ย จะดีเหรอพี่”

“ดีจะตาย เปลี่ยนความคิดคนข้างนอกเกี่ยวกับภาพลักษณ์ของหมอด้วย ให้คนอื่นเขาได้รู้บ้างว่าหมอก็เป็นคนธรรมดาไม่ใช่มีแต่พวกเนิร์ดแก่เรียน เอาเป็นว่า...เดี๋ยวฉันเอาแกไปเสนอกับทางนั้นก่อน ถ้าเขาตกลงจะได้นัดวันเวลากันเลย”

“แล้วแต่พี่รันเลยครับ”

“เออ แล้วคืนที่อยู่เวรมีเรื่องอะไรงั้นเหรอ ได้ยินน้องเมย์เม้าท์ไปทั่วว่ามีเด็กฝรั่งมาหาแกหน้าตายับเยิน เกิดอะไรกับอลันด์หรือไง”

“ปากไม่มีหูรูด” ทิวากานต์ทำหน้าเซ็ง โยนปากกาทิ้งลงบนโต๊ะอีกรอบ วันนี้งานจะเสร็จมั้ยไม่รู้แต่ดูสายตาคุณพี่ที่เคารพแล้วเขาคงต้องเล่าให้หมด

การันต์ฟังเรื่องราวคร่าวๆ จากหนุ่มรุ่นน้องพลางร้องอืออาในคอไปด้วยตลอดเวลา ไม่คิดเหมือนกันว่าเพื่อนของนภจะทำแบบนั้นกับอลันด์ เขานึกเสียดายเงินที่เลี้ยงข้าวสองคนนั้นชะมัด “อือหือ หลานท่านทูต เล่นของสูงนี่หว่า”

“ไอ้พวกนั้นใช่ไหม”

“หมายถึงเอ็งนี่แหละ” เขากลั้วหัวเราะ “เคยไปเจอหน้าตายายเขาหรือยังล่ะ”

“ยังเลย เห็นไอ้ตัวแสบบอกว่าเที่ยวอยู่ต่างประเทศไม่รู้จะกลับมาตอนไหนเหมือนกัน”

“ไม่กลัวเขากลับมาแล้วเอาเด็กไปอยู่ด้วยเหรอ”

“พูดเหมือนผมมีสิทธิไปห้ามได้งั้นแหละ แค่พูดให้อยู่ไทยต่อตอนอัลตรวจเจอ ASD แด๊ดดี้เขาแทบจะกินหัวผมแล้ว ตอนขึ้นโรงพักลุงเด็กนั่นเปรยอยู่เหมือนกันว่าเป็นหลานรักคุณตาคุณยาย เขาจะเอาไปอยู่ด้วยก็ไม่แปลกใจ ถ้าไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้วคงเหงาน่าดู” ท้ายประโยคเสียงเบาลงจนแทบไม่ได้ยิน ตาคมหม่นลงเพียงแค่จินตนาการวันที่ไม่มีอีกคนอยู่ใกล้ๆ

“ฉันเชื่อว่าทิวากานต์ที่ฉันรู้จักไม่ใช่คนยอมปล่อยมือจากอะไรที่ต้องการไปง่ายๆ เลือกจับมือกันไว้แล้วถ้าไม่ใช่นายหรืออลันด์เลือกปล่อยเองก็ไม่ใครจะมาทำจับแยกกันได้หรอกนะ”

“ผมก็ไม่คิดจะปล่อยมมือเขาอยู่แล้วล่ะน่า”

“ดีมากไอ้น้อง แล้วอย่าลืมเอานี่ไปพิจารณาด้วยล่ะ” ตอนนั้นทิวากานต์ถึงเพิ่งเห็นว่าการันต์ถือซองเอกสารมาด้วย เขารับมาถืองงๆ บนหน้าซองสีน้ำตาลไม่ได้เขียนอะไรไว้

“อะไรครับ”

“หาทุนเรียนต่ออยู่ไม่ใช่หรือไง พี่คมเขาไปหามาให้ ที่หนึ่งของอเมริกาเลยนะ ถือซะว่ากลับบ้านเก่าด้วยไง”

.
.
.
หัวข้อ: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 19 [19.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 19-12-2015 14:09:11
อลันด์นั่งเช็ดผมไปมองทิวากานต์นั่งดูรายการโทรทัศน์ไป วันนี้ตั้งแต่กลับมาดูเหมือนอีกคนจะมีปัญหา ตอนอยู่บนรถก็เงียบจนรู้สึกได้ถึงบรรยากาศตึงเครียด เขาไม่อยากเซ้าซี้เลยไม่ถามเพราะรู้ว่าถามไปคนแก่กว่าไม่มีทางตอบ

“วา” ลองเรียกหน่อย โอเค คุณหมอยังมีสติอยู่หันมามองหน้าตามเสียงเรียก ยักคิ้วแทนคำถามว่ามีอะไร “ร้องเพลงให้ฟังเอาม่ะ”

“เอาสิ”

อลันด์ยิ้มแป้น กระโดดลงจากโซฟาไปหยิบกีตาร์ลูกรักออกมาวางบนตัก ผ้าขนหนูยังวางแหมะอยู่บนหัว “อยากฟังเพลงไหนเป็นพิเศษไหม”

“ร้องมาเหอะ ฟังได้หมด” เขากดหรี่เสียงโทรทัศน์จนเงียบเหลือเพียงภาพผู้ประกาศกำลังรายงานข่าวภาคค่ำ

“งั้นเพลงนี้ดีกว่า อะแฮ่มๆ”

ทิวากานต์นั่งไขว้ห้างกางแขนวางบนพนักโซฟาดูคนเด็กกว่าเกือบรอบนั่งดีดกีตาร์ขึ้นอินโทรบนพื้น อยากรู้นักว่าไอ้ตัวแสบคิดจะทำอะไร พอเนื้อร้องตามมานั่นแหละเขาถึงกับหลุดหัวเราะตัวงอจนต้องรีบยกมือบอกให้อีกคนหยุดมือก่อน

“บอกให้รู้ไว้ หัวใจรักจริง ไม่เคยทอดทิ้ง ให้ใครเสียใจ ตัวผู้พันธุ์นี้ เขาเรียกหลายใจ จะให้ทำไง โอ๊ย!”

“เฮ้ยๆ เดี๋ยวก่อน หยุดก๊อน!!!”

“หืม ให้หยุดไม ไม่ชอบเพลงนี้เหรอ” เด็กหน้าฝรั่งจ๋าแต่ร้องเพลงปู พงษ์สิทธ์ชัดถ้อยชัดคำเอียงคอถามหน้ามึน ตาตาสีฟ้าอ่อนวิบวับมองปราดเดียวก็รู้ว่าจงใจแกล้งกัน

“ถามจริงเถอะใครสอนให้ร้องเนี่ย ตั้งแต่ไอ้สามสิบยังแจ๋วแล้ว นึกว่าฟังแต่พวกเพลงอังกฤษ”

“หึหึ คุณตาผมเป็นแฟนพันธุ์แท้สุรพล สมบัติเจริญเลยนะ เพลงพี่ปูด้วย ร้องได้หมดแหละ ว่าไงๆ หรืออยากฟังน้ำตาจ่าโท ผมร้องเป็นเวอร์ชั่นพี่ปูได้ด้วยนะ สิ้นสุดกันทีไม่ว่าชาตินี้ชาติไหน...

“โอ๊ย พอๆ ไม่ต้องร้องแล้ว จะฆ่ากันหรือไง” ทิวากานต์หัวเราะก๊ากตบเบาะตุ้บตั้บ มองอลันด์ร้องเพลงไทยหน้ามึนๆ ให้อารมณ์เหมือนดูลิปซิงค์สุดๆ จนนึกว่ากำลังดู Lip Sync Battle ของ Jimmy Fallon

“อะไร คนเขาจริงจังนะ” อลันด์แกล้งทำหน้าบูดซ่อนรอยยิ้ม รู้สึกดีที่ทำให้อีกคนกลับมามีชีวิตชีวาได้

“ไม่เอาอ่ะ เอาเพลงอื่นได้ม่ะ ชอบโอเอซิสนี่ ร้องให้ฟังสักเพลงสิ”

เด็กฝรั่งนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง พอตัดสินใจได้ก็วิ่งเริ่มพรมนิ้วบนคอร์ดกีตาร์ แค่ท่อนแรกคุ้นหูขึ้นทิวากานต์ก็หลับตาฟังเสียงดนตรี เท้ากระดิกตามจังหวะ สบายอารมณ์เขาเป็นที่สุด

‘And all the roads we have to walk along were winding
And all the lights that lead us there are blinding
There are many things that I would like to say to you
But I don’t know how’

หนทางที่เราต้องเดินผ่านไปด้วยกันช่างคดเคี้ยว แสงนำทางก็ดับมืด
มีหลายอย่างเลยนะที่ฉันอยากบอกกับเธอ แต่ไม่รู้จะพูดยังไงนี่สิ

‘Because maybe, you’re gonna be the one that saves me?
And after all you’re my wonderwall’
1
อาจเพราะว่าบางที... เธอคงเป็นคนเดียวที่ช่วยฉันได้มั้ง
ก็นั่นแหละ... เธอเป็นคนพิเศษของฉันนะ

“เอาเพลงนี้ไปร้องจีบสาวมากี่คนแล้ว” ทิวากานต์หัวเราะเสียงต่ำในลำคอ ชอบมากแต่ก็เขินมากเหมือนกัน

“ไม่บอก”

“หึ แล้วนี่ยังอยากไปซ้อมดนตรีกับนภอยู่อีกไหม”

“วาอยากให้ไปอยู่ไหมอ่ะ” ที่ถามนี่ไม่ใช่ว่าไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง แต่เขากลัวอีกคนจะไม่ชอบใจมากกว่า เหตุการณ์น่ากลัวที่ผ่านมาทำให้เขาแคร์คำพูดอีกคนมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว “ความจริงพี่นภเขาก็ดี ตอนที่เกิดเรื่องพี่เขาเมสเสจมาหาตั้งเยอะ ขอโทษจนผมเบื่อ แต่กลัววาโกรธอ่ะ”

“ฉันไม่ได้ไปซ้อมด้วยสักหน่อยจะโกรธทำไม อีกอย่างนภมันเป็นทาสในกำมืออยู่แล้วคิดว่าจะกล้าหาเรื่องใส่กบาลเพิ่มโทษให้ตัวเองอีกหรือไง ทั้งหมดมันแล้วแต่เธอตัดสินใจ ถ้าไม่สะดวกใจที่จะไปซ้อมที่นั่นแล้วก็บอกฉันจะได้หาที่อื่นให้”

“จริงนะ”

“เคยโกหกหรือไง”

เด็กหนุ่มส่ายหัวแทนคำตอบ เขาวางกีตาร์ทิ้งข้างตัวก่อนกระโดดขึ้นไปนั่งคร่อมตักอีกคนและเป็นฝ่ายเริ่มจูบก่อน ริมฝีปากหยักเหมือนแมวไล้เล็มผิวเนื้ออ่อนนุ่มของคุณหมอตั้งแต่ด้านบนลงมาถึงด้านล่าง อลันด์จงใจขบเม้มดึงกลีบปากล่างทิวากานต์ออกมาขบเม้มจนพอใจถึงยอมปล่อยให้เป็นอิสระ หากแค่แวบเดียวก็วกกลับเข้าไปบดเบียดใหม่ยอมเปิดปากให้อีกฝ่ายสอดแทรกลิ้นเข้ามา

เสียงดูดปากแลกน้ำลายลอยเข้าหูชัดๆ เมื่อทั้งห้องไม่มีเสียงอะไรเลย ถึงจะดูน่าอายแต่อลันด์ชอบให้มันเป็นแบบนั้น เขาสอดมือข้างหนึ่งเข้าใต้กลุ่มผมยาวที่เหลืออยู่เพียงสองในสี่ส่วนบนศีรษะอีกฝ่ายจับขยุ้มเล่นระบายความเสียวซ่านที่ก่อตัวขึ้น อีกข้างบีบไหล่กว้างไว้เป็นที่พยุงตัวไม่ให้หล่นลงไปกองบนตัก

ทิวากานต์จูบเก่งมาก เขารู้ดีว่าต้องทำแบบไหนคู่รักถึงจะพอใจ แม้จะมีความต้องการอยากกลืนกินอีกฝ่ายมากแค่ไหนเขาก็ผ่อนตัวเองให้อลันด์ได้มีโอกาสคุมเกมบ้างเป็นบางครั้ง ก่อนตลบหลังดูดกลืนเอาสติอีกคนไปง่ายดาย

“อันตราย... อันตราย” หมอศัลย์คนเก่งพึมพำกับซอกคอขาว พวกเขาเพิ่งถอนจูบกันตอนที่อลันด์ทำท่าจะหายใจไม่ทัน เป็นจูบที่ดีทำให้ลืมเวลาไปเลย

“Wa… I know what you want. Do it please”

“NOT THIS TIME” เขาส่ายหัวประกอบคำพูดเรียกเสียงจิ๊จ๊ะไม่พอใจจากคนเด็กกว่าได้ทันใจ แต่อลันด์ไม่เซ้าซี้ เขาแค่ถอนหายใจเซ็งๆ ปีนลงจากตักทิวากานต์เอากีตาร์ไปเก็บให้เรียบร้อยเตรียมตัวเข้านอน

“ถ้าไอ้นั่นวาไม่ตั้งผมคงคิดว่าวาตายด้านไปแล้ว”

“แรงนะ”

“มีเนื้อเสนอถึงปากแล้วไม่คาบ”

“บอกแล้วว่ามันยังไม่ถึงเวลา”

“ต้องรอถึงเมื่อไหร่ล่ะ” ตาสีฟ้าซีดตวัดควับกลับมาเอาเรื่อง “ทั้งที่มีแต่คนอยากได้ผม คุณกลับทำเหมือนผมไม่มีอะไรน่าสนใจให้เอา”

“ชักงี่เง่าแล้วนะ ระวังปากด้วย ฉันถนอมเธอไม่ดีหรือไง”

“นี่มันศตวรรษที่ยี่สิบแล้ววา คนรักกันอยากกอดกันไม่เห็นแปลก รักแต่ไม่อยากกอดสิแปลก ทำเหมือนคู่รักเป็นอะไรที่น่ารังเกียจ”

“ฉันไม่ได้พูดสักคำว่ารังเกียจ เลิกดูถูกตัวเองได้แล้วก่อนฉันทนไม่ไหว มาตั้งคำถามกับฉันแบบนี้เธอควรถามตัวเองก่อนว่าพร้อมแค่ไหนสำหรับเซ็กส์ของผู้ชาย มันไม่เหมือนเวลาที่เราทำกับผู้หญิงหรอกนะ”

“ผมรู้ แล้วไงล่ะ”

“งั้นใครที่กลัวตอนจะมีอะไรกันจริงๆ กับคนที่ยอมให้ maturbation มาตั้งหลายปี”

“วา!!!” เด็กหนุ่มเรียกชื่อคนรักเสียงดัง หน้าใสแดงแจ๋จนถึงใบหูทั้งโกรธทั้งอาย “เผื่อคุณไม่รู้... เพื่อนกับคนรักไม่เหมือนกัน ไม่เหมือนกันเลย! ถ้าเป็นคนที่ผมรักต่อให้มันเจ็บผมยอมได้ทั้งนั้นแหละ”

“โอเค ฉันขอโทษ ฉันแค่...” เขาหยุดคำพูดไว้เท่านั้นแล้วถอนหายใจเสียงดัง ร่างสูงใหญ่เดินไปด้านหลังอลันด์แล้วสวมกอดเอวไว้หลวมๆ “ขอโทษจริงๆ ฉันแค่ไม่อยากให้เธอกลัว ถูกอย่างที่เธอบอกทุกอย่างมันไม่เหมือนกันแล้วฉันก็ไม่ได้ตายด้าน ปัญหาคือฉันมีอารมณ์นั่นแหละ แต่ว่าฉันก็มีรสนิยมไม่ค่อยต่างจากทอมเท่าไหร่ กลัวทำให้เธอเจ็บจนฝังใจกว่าเดิม”

“คุณกำลังบอกว่าคุณเป็นซาดิสม์กับคู่นอนของคุณงั้นเหรอ ไหนบอกไม่ชอบเทียบกับทอมไง”

“ไม่ใช่แค่ทอมหรอก แต่ถ้าบอกว่าเหมือนมนุษย์ทุกคนบนโลกที่เห็นของโปรดจ่อปากอยู่มีใครบ้างไม่อยากรีบกลืนไปทั้งคำ ฉันก็เป็นคนพวกนั้นที่ห้ามใจกับของที่ตัวเองชอบไม่ค่อยอยู่” ทิวากานต์ปฏิเสธว่าตัวเองซาดิสม์ แต่ยอมรับในใจว่าอลันด์มีบางอย่างกระตุ้นสัญชาตญาณส่วนนั้นให้ทำงานทุกครั้งที่เขาจินตนาการถึงการกอดก่ายใกล้ชิดกัน

“ป๊อดชะมัด” เงียบไปนานอลันด์ก็ว่าเข้าให้ เขาสะบัดตัวออกจากทิวากานต์ก้มหน้าก้มตาเก็บกีตาร์ต่อ เลิกสนใจคนแก่ใจไม่ถึง เขาอยากให้อีกคนกอดจูบแรงๆ ด้วยซ้ำ แล้วดูทิวากานต์ทำสิ...อยากทะนุถนอมงั้นเหรอ เขาไม่ใช่ผู้หญิงนะ เรื่องแบบนี้บางทีไม่ต้องเกรงใจกันก็ได้ ยกเว้นแต่ตัวคนทำไม่อยากทำเท่านั้นแหละ

“ฉันอยากทำนะ แต่อย่างที่บอก...บางทีไม่ใช่เธอหรอกที่ไม่พร้อม ฉันนี่แหละที่ไม่พร้อม”

“โอเค มิสเตอร์ป๊อด วาคิดว่าไงกับชื่อนี้ เหมาะกับคุณดีนะ ชายหนุ่มวัยสามสิบที่ไม่กล้าขึ้นเตียงกับคนที่ชอบเหมือนว่าตัวเองยังเวอร์จิ้น”

“แล้วเธอจะต้องถอนคำพูดนี้ถ้าเราได้ขึ้นเตียงด้วยกันจริงๆ”

“พิสูจน์เลยซี่ มิสเตอร์ป๊อด” เด็กฝรั่งลอยหน้าลอยตายั่วโมโหคุณหมอ ตาสีฟ้าซีดนั้นท้าทายอย่างน่าตี หากทิวากานต์เพียงยักไหล่อมยิ้มให้เหมือนรู้ทัน

“ไม่ใช่วันนี้แน่ๆ ได้เวลาไปนอนแล้วเด็กดี พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้านะ”

“บางทีนะ...ผมก็อดคิดไม่ได้ว่าพวกผู้ใหญ่เนี่ยน่าเบื่อชะมัด เหตุผลล้านแปดและบางทีก็งี่เง่ามาก”

“เลิกยั่วให้ฉันโมโหจับเธอปล้ำได้แล้ว นี่ชีวิตจริงไม่ใช่ละครหลังข่าวที่เธอชอบดู ฉันไม่หน้ามืดจับใครสักคนขึ้นเตียงด้วยคำพูดแค่นี้หรอก”

“จิ๊ ผมไม่ได้ชอบดูละครพวกนั้นสักหน่อย” อลันด์เถียงกลับหน้าแดงก่ำ แค่เคยเปิดดูตอนว่างๆ ไม่รู้จะทำอะไรต่างหาก ชอบดูละครที่ไหนกัน นักแสดงไทยบางคนเขายังจำหน้าไม่ได้ด้วยซ้ำ!

“บางทีฉันก็คิดนะว่าทิ้งทีวีไปเลยก็ดี เดี๋ยวนี้มีแต่อะไรไร้สาระยัดความคิดแปลกๆ เต็มไปหมด”



TBC

งานเยอะเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือความขี้เกียจ (ฮา)
เชิญตั้งฉายาให้คุณหมอรูปหล่อตามสบายเลยค่ะ มิสเตอร์ป๊อดก็เข้าท่าดีนะคะว่าไหม

ปูลู ทรงหัวใหม่คุณหมอค่ะ หล่อพอไหมคะ ฮา
(http://i.imgur.com/WXGYBFS.png)

ปูลู 2 ชอบคำว่านังเด็กอัลมอนด์มากค่ะ 555555555555

---------------------

1 Wonderwall - Oasis
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 19 [19.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 19-12-2015 15:30:14
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 19 [19.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 19-12-2015 16:51:13
โอยยย  อลัยเรียกพี่วาว่ามิสเตอร์ป๊อด เจ็บและสะเทือนไปถึงไตมากค่ะลูก 5555
ปล.ถ้าพวาไปเรียนต่อ. เราคงได้กินมาม่าอีกชามใช่มั๊ยคะ.  :sad4:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 19 [19.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: yisren. ที่ 19-12-2015 17:13:01
หมอวาเป็นคนที่ทำให้รู้สึกคลั่งไคล้จริงๆ 55555 มาเรียกหมอป๊อด เอาจริงๆ เดี๋ยวจะต้องรอขอชีวิต 5555555 มาม่าเรียนต่อ เห้อออออออ รอๆ มันคงไม่แรงมากใช่มั้ยยยยย
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 19 [19.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: nutty ที่ 19-12-2015 17:20:55
ตอนหน้าให้พี่วาพิสูจน์เลย 555
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 19 [19.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 19-12-2015 17:33:46
ถ้าวาทำจริงๆ อลันคงกลัวแน่ๆ อ่ะ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 19 [19.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: DKTime ที่ 19-12-2015 19:48:48
“Wa… I know what you want. Do it please”

“NOT THIS TIME”

เขินแก้มแตกกันเลยทีเดียวกับสองประโยคนี้ โหยยยยยยยยยยย
เท่าไหร่มันก็ไม่พอ!!!!

อยากอ่านตอนเจ้าเดก็กลูกครึ่งตัวเท่าไหล่โดนกินซะแล้วสิ อยากรู้ว่าจะยังปากดีแบบนี้อยู่อีกไหม
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 19 [19.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: cinnsin ที่ 19-12-2015 21:06:26
อลันด์ยั่วเยอะๆไปเลยยยยยย เดี๋ยวลุงหมอ เอ๊ย! พี่หมอก็ทนไม่ได้จับกดเองแหละ =,.=  :hao6:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 19 [19.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 19-12-2015 21:40:28
เด็กแสบก็ขยันยั่วเหลือเกิน
ทรงผมหมอวาถูกใจอย่างแรง
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 19 [19.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: Mokuchi ที่ 19-12-2015 22:25:15
วัยรุ่นใจร้อน หมอวาไม่ได้ป๊อดนะ แค่ยังไม่อยากพรากผู้เยาว์ 5555 :laugh:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 19 [19.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 20-12-2015 01:12:06
 o13
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 19 [19.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 20-12-2015 09:51:52
มิสเตอร์คะ จัดการเด็กด่วนค่ะ โล๊ด~~~~
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 19 [19.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 20-12-2015 12:54:25
เจอเด็กแสบมันยั่ว  หมอวาจะอดใจไปได้อีกนานแค่ไหนน้อ     :hao3:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 19 [19.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: LetGet ที่ 20-12-2015 15:23:14
มิสเตอร์ป๊อด 5555555555555 อยากให้หมอวาทำโทษเด็กจริงๆเลย เอาให้รู้ไปเลยว่าอะไรเป็นอะไร  :hao6:  :hao6:  :hao6:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 19 [19.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 20-12-2015 19:27:22
คุณหมอคนดี เดี๋ยวเด็กมันงอนหรอก
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 19 [19.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: VarainDark ที่ 21-12-2015 15:45:20
หมอวาสุดยอด อดทนได้ไงเนี่ย นับถือจริงๆ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 19 [19.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 21-12-2015 23:35:34
อยากให้มาต่อน้องอัลบ่อยๆ :mew1:
หัวข้อ: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- HIDDEN TRACK 03 [23.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 23-12-2015 16:37:47
HIDDEN TRACK 03



เนื่องด้วยเหตุการณ์ระทึกขวัญที่เกิดขึ้นกับอลันด์ ทิวากานต์จึงมีความคิดจะให้ไอ้ตัวแสบหัดขับน้องกบซะ เวลาไปไหนมาไหนตอนที่เขาไม่อยู่ด้วยจะได้ไม่โดนขโมยรถง่ายๆ อย่างครั้งนั้นอีก แล้วก็เผื่อวันไหนเขาง่วงอยากนอนจะได้ยกหน้าที่คนขับรถให้ไอ้เด็กแสบมันบ้าง

“ทำไมต้องสอนอ่ะ มันไม่เหมือนน้องมิ้ลค์เหรอ” ตาสีฟ้าซีดเหลือบขึ้นมองคนชวนไปขับน้องกบ ปกติทิวากานต์หวงรถคันนั้นจะตาย จู่ๆ เดินมาบอกว่าจะใช้วันหยุดที่นานๆ จะได้หยุดทั้งวันแบบนี้สักทีสอนขับรถ

“ไม่เหมือน”

“ตรงไหน”

“ทุกอย่าง” เขาตอบเด็กฝรั่งเจ้าคำถามโดยไม่ขยายความอะไรนัก ออกแรงขุดอดีตลูกหมูจากชุดโซฟาแล้วพากันลงไปลานจอดรถข้างล่าง

ตอนแรกอลันด์ยังสงสัยอยู่ว่ามันก็รถเหมือนกันจะต่างกันสักเท่าไหร่เชียว เพียงครู่เดียวเท่านั้นหลังจากทิวากานต์หยิบกุญแจรถขึ้นมาคนที่เป็นแต่คนนั่งไม่ค่อยได้ขับรถเองถึงได้ประจักษ์กับความจริงว่าแม่งไม่มีอะไรเหมือนกันสักอย่าง!!!

แค่เดินเอากุญแจเข้าไปใกล้ๆ แล้วจับประตูก็เปิดรถได้แล้ว เวลาสตาร์ทรถก็ไม่มีรูให้เสียบกุญแจ บิดแต่ไอ้ตัวสตาร์ทตรงหน้าปัดเครื่องยนต์ก็พอ เรียกได้ว่าไม่ต้องมาเสียเวลาล้วงหากุญแจมาหยิบเสียบเลย เดินมาเปิดประตูแล้วกระโดดขึ้นรถขับไปได้ทันที

คนที่นั่งน้องกบมาตั้งนานเพิ่งจะรู้ซึ้งประโยชน์รถราคาแพงก็วันนี้แหละ

“เอ้า ขึ้นไปนั่งเลย”

“วาไม่ขับให้ดูก่อนรอบหนึ่งเหรอ”

“ขับให้ดูหลายรอบแล้ว มันไม่ต่างจากรถอื่นมากนักหรอกน่า ขึ้นไปๆ”

ทิวากานต์ไสตูดเด็กฝรั่งให้ขึ้นนั่งประจำที่คนขับแต่ยังไม่ให้สตาร์ทรถ หากไม่ทันไรก็ได้เรื่อง...

“วา... จับพวงมาลัยไม่ถึง” อลันด์ร้องเสียงอ่อย แค่หย่อนก้นลงไปนั่งก็เกิดปัญหาทันที เนื่องด้วยตัวรถที่สูงแค่เมตรกับอีกสามสิบเซนฯ เวลาคนตัวสูงเฉียดร้อยเก้าสิบอย่างคุณหมอจะขับต้องปรับเบาะเอนไปด้านหลังจนแทบกลายเป็นนอน และขยับระยะห่างระหว่างเบาะกับตัวพวงมาลัยออกมาอีกให้ขับสบายที่สุด พอเอาเด็กตัวเตี้ยไม่ถึงร้อยเจ็ดสิบไปนั่งมันเลยจับอะไรไม่ถึงสักอย่าง แม้แต่ตอนนี้ถ้าเอนราบไปกับเบาะหัวสีช็อกโกแลตนมยังโผล่ไม่พ้นคอนโซลรถด้วยซ้ำ

“ปรับเบาะสิ เหมือนเวลานั่งข้างๆ นั่นแหละ นี่กดตรงนี้ก่อนแล้วค่อยปรับ เอ้า! ปฏิบัติ”

เด็กหนุ่มปรับเบาะจนสามารถจับพวงมาลัยได้สะดวกและหัวก็โผล่จนมองทางข้างหน้าได้แล้ว คุณหมอถึงกดปุ่มเลขสองข้างตรงประตูค้างไว้เป็นอันตั้งค่าเบาะที่นั่งเสร็จเรียบร้อย

“เวลาจะขับก็กดปุ่มเลขสองตรงนี้ มันจะปรับเบาะให้เป็นแบบที่ตั้งค่าไว้ตะกี้ ถ้าจะตั้งใหม่ก็ทำแบบที่ฉันทำให้ดูเมื่อกี้ เข้าใจไหม”

“อ่าฮะ”

“ทีนี้จะอธิบายเรื่องเกียร์ก่อน คันนี้มีสองแบบ อันนี้เกียร์ PDK ส่วนนี่เกียร์แบบปกติที่เคยใช้ คล้ายๆ เกียร์น้องมิลค์ ไอ้ PDK เนี่ยเวลาปรับเกียร์มันจะเร็วขึ้นไม่ต้องรอนาน ขยับปุ๊บเปลี่ยนปั๊บ ซิ่งฉิ่วเลย”

“แล้วควรใช้เกียร์ไหนอ่ะ”

“ถนัดแบบไหนก็ใช้ไปเถอะ เออ เวลาขับในเมืองไม่ต้องกดเป็น Sport  หรือ Sport+ (Sport Plus) นะ ธรรมดาพอ เปลืองน้ำมัน”

อลันด์พยักหน้าฟังทิวากานต์อธิบายไปเงียบๆ พยายามเก็บข้อมูลเข้าสมองให้มากที่สุด ดีว่าคำสั่งทุกอย่างบนหน้าปัดเป็นภาษาอังกฤษเลยไม่ต้องเสียเวลาแปลไทยเป็นอังกฤษให้เข้าใจอีกรอบ จะว่ามันสะดวกสบายก็ใช่แต่สำหรับคนที่เคยเอาแต่นั่งมาตลอดรู้สึกมันยุ่งยากชิบหาย มีปุ่มเป็นล้านแปดในความคิดให้กดเต็มไปหมด แล้วรถคันนี้ก็ฉลาดมากถ้ารถติดนานๆ จะดับเครื่องไปเอง เวลาจะขับต่อก็เหยียบคันเร่งออกตัวได้ทันที แถมยังเชื่อมต่อกับโทรศัพท์ได้ด้วย จะฟังเพลง กดรับสาย โทรออกหาใคร ไม่ต้องหยิบโทรศัพท์แค่ต่อเข้ากับสมาร์ทโฟนที่ใช้ก็สั่งการผ่านหน้าจอทัชสกรีนซะ ระบบนำทางที่ให้มาด้วยเบๆ ไปเลย

และแล้วก็มาถึงช่วงสำคัญคือการลองขับ เด็กฝรั่งรู้สึกตื่นเต้นมือชื้นเหงื่อขึ้นมาทันที อารมณ์เหมือนตอนขึ้นไปดีดกีตาร์ร้องเพลงบนเวทีครั้งแรกต่อหน้าเพื่อนนับร้อย

“อัลจำไว้นะว่าทุกอย่างมันเร็ว ขับต้องมีสติ ห้ามขาลั่นเด็ดขาด”

“งื้อ”

“อ่อ ลืมบอกไปอย่าง คันนี้วางเครื่องยนต์ไว้ข้างหลังนะ”

“แล้วมันต่างจากอยู่ข้างหน้ายังไงอ่ะ”

“อืม... อธิบายง่ายๆ ก็เวลาขับรถเหมือนมีตัวอะไรดันก้นตลอดเวลาประมาณนั้น ถ้าไม่เคยจะแปลกๆ หน่อยแล้วรู้สึกเหมือนบังคับยาก แต่เขาก็วางสมดุลรถมาแล้วอ่านะ มือใหม่ขับคงไม่ปัด”

แทนที่ฟังแล้วจะโล่งอกขึ้น อลันด์รู้สึกเหมือนวิญญาณออกจากร่างไปช่วงหนึ่ง “วาคิดดีแล้วเหรอจะสอนผมขับอ่ะ ไม่กลัวผมขับไปชนหรือทำรถเป็นรอยหรือไง นี่ลูกรักวาเลยนะ”

ทิวากานต์ฟังแล้วยิ้มอ่อนหวานให้คนรักวัยกระเต๊าะ มือหนายกขึ้นลูบผมสีช็อกโกแลตนมด้วยความเอ็นดู “รถพังก็ซ่อมหรือซื้อใหม่ได้ แต่อัลมีคนเดียวฉันอยากให้ปลอดภัยที่สุด รถเฉพาะแบบนี้ใช่ว่าจะขับกันได้ทุกคน อย่างน้อยไม่ต้องห่วงว่าจะถูกเอารถไปแบบตอนนั้นอีก แล้วรถคันนี้ต่อให้ขับไปชนกับอะไรก็แข็งแรงกว่ารถญี่ปุ่นที่แค่จุ๊บกันหน่อยก็ยุบแล้ว”

ฟังเหตุผลคุณหมอแล้วเด็กหนุ่มพาลใจเต้นตึกตัก ในสายตาเขาตอนนี้เห็นแต่หน้าทิวากานต์ที่ดูหล่อกว่าเดิมหลายเท่าจนเขาหน้าแดง สงสัยเขาต้องเปลี่ยนความคิดต่อคุณหมอหน้าโหดคนนี้ใหม่ ทำไมแฟนเขาช่างหล่อทั้งหน้าตาและจิตใจ รู้สึกโชคดีที่ได้พบเจอกับผู้ชายคนนี้จนแทบกราบขอบคุณพระเจ้า

เอาล่ะ... ในเมื่อทิวากานต์เป็นห่วงและไว้ใจตัวเขาขนาดนั้น เขาก็จะตั้งใจขับรถคันนี้ให้คล่องภายในวันนี้ให้ได้!!!

“อืม... อีกอย่างนะ... ต่อให้เธอขับรถคันนี้ไปชนจนพังยับฉันก็มั่นใจว่าเธอมีปัญญาจ่ายค่าซ่อมแน่ๆ ก็แหม...น้องกบคันนี้ยังถูกกว่าเบนท์ลีย์ของเธอที่ลอนดอนเลยนี่นา”

“...” เอ่อะ เดี๋ยวนะ ไอ้เทพบุตรเมื่อกี้มันหายไปไหนแล้ว อลันด์ขอถอนคำพูดเมื่อกี้ทั้งหมดเหอะ!

อลันด์นั่งอ้าปากค้างพะงาบๆ พูดไม่ออกบอกไม่ถูกไปหลายนาที เขาควรระลึกอยู่เสมอนะว่าคนอย่างทิวากานต์ไม่เคยทำอะไรโดยไม่คิด และถ้าคิดก็ไม่คิดแค่ตื้นๆ ด้วย แต่จะคิดข้ามไปอีกหายสเต็ปจนฃยากจะตามทัน บางทีก็อยากถามนะว่านี่แฟนหรือแด๊ดเล่นคุมเขาเสียอยู่หมัด

หนอย! นึกว่าห่วงเขามากที่ไหนได้... คอยดูเถอะเดี๋ยวจะแกล้งเอาน้องกบไปเจิมกับเสาไฟฟ้าให้เป็นศิริมงคลสักที แล้วดูซิคุณหมอยังคิดจะให้เขาขับน้องกบอีกไหม!!!



TBC

งานเยอะ งานแทรก งานด่วน(แม่ง)ทุกงาน ใกล้เดธไลน์
ยังไม่เครียดเท่าเงินเดือนออกวันที่ 30

อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!

 :fire:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ HIDDEN TRACK 03 [231215]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 23-12-2015 17:03:45
ขอบคุณที่ปลีกตัวเอาหมอวาและอลันมาให้อ่านกันค่ะ เกือบจะหล่อสุดไปแล้วหมอวาถ้าประโยคสุดท้ายไม่โผล่มาเนี่ย
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ HIDDEN TRACK 03 [231215]
เริ่มหัวข้อโดย: yisren. ที่ 23-12-2015 17:09:46
หมอวาเป็นผู้สม่ำเสมอ 55555
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ HIDDEN TRACK 03 [231215]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 23-12-2015 17:30:29
 :hao6:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ HIDDEN TRACK 03 [231215]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 23-12-2015 17:40:09
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ HIDDEN TRACK 03 [231215]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 23-12-2015 19:49:45
ตั้งใจเรียนนะน้องอัล หมอวาเขารักและเป็นห่วงหนูมาก
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ HIDDEN TRACK 03 [231215]
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 23-12-2015 20:18:07
คุณหมอเป็นหมาป่าในคราบลูกแกะ 55555 อยากรู้ว่าถ้าเอาน้องกบไปจิ้มเสาไฟฟ้าจะเป็นยังไงจริงจริ๊ง  o18
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ HIDDEN TRACK 03 [231215]
เริ่มหัวข้อโดย: Mokuchi ที่ 23-12-2015 20:18:27
จะบอกว่าหมอวาเป็นคนรอบคอบ หรือเจ้าเล่ห์ดีนะ 555 :hao3:
สู้ๆค่ะคนแต่ง งานเยอะก็ขอให้ได้โบนัสเยอะๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ HIDDEN TRACK 03 [231215]
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 23-12-2015 20:35:43
หมอวาผู้เปนซาตานสม่ำเสมอ...
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ HIDDEN TRACK 03 [231215]
เริ่มหัวข้อโดย: cinnsin ที่ 23-12-2015 23:05:07
เกือบหล่อแล้วพี่หมอ 5555555555
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ HIDDEN TRACK 03 [231215]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 23-12-2015 23:10:15
ประโยคสุดท้ายซึ้งมากกก แหมมมมม หมอวาเอ้ยยย
จริงๆ กะให้น้องทำบุบนิดหน่อยแล้วไปถอยเบนท์ลีมาใช้ป่ะเนี่ย ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ HIDDEN TRACK 03 [231215]
เริ่มหัวข้อโดย: windwrite ที่ 25-12-2015 00:44:04
หมอวาสอนผมขับบ้างสิ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ HIDDEN TRACK 03 [231215]
เริ่มหัวข้อโดย: So_Da_Za ที่ 26-12-2015 08:00:48
หนูอัลจ๋าาาา
ฟังป้านะ
หมอวาทำถูกแล้ว
เพราะหมอวาหล่อ
จบนะคะลูก
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ HIDDEN TRACK 03 [231215]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 26-12-2015 09:03:09
เกือบหล่อแล้วหมอ ตัดจบแบบให้ได้อึ้งตลอด 5555
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ HIDDEN TRACK 03 [231215]
เริ่มหัวข้อโดย: Ryu7801 ที่ 26-12-2015 21:07:01
 :เฮ้อ:ทำใจให้ชินเถอะหนูอัน ตกหลุมหมอวาแล้วขึ้นไม่ได้ :hao5: :z10: :hao5:
หัวข้อ: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 20 [27.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 27-12-2015 19:26:18
TRACK 20



มิสเตอร์และมาดามโอเนลล์บินตรงจากลอนดอนมาถึงกรุงเทพตั้งแต่เช้าวันพุธเพื่อเป็นกำลังใจให้ลูกชายที่มีนัดสวนหัวใจในวันเสาร์ ครอบครัวอบอุ่นก็ดีหรอกแต่คนขี้เหงาแบบทิวากานต์น่ะสิที่มีปัญหา

“ทำไมต้องไปนอนที่บ้านคุณตาด้วย” หมอศัลย์คนหล่อบ่นไปขับรถไป ไหนๆ เย็นนี้ต้องถูกพรากอลันด์ไปจากอกทั้งที เขาเลยชิงตัวอีกคนออกจากบ้านมาก่อน ให้พ่อแม่ลูกเขาไปเจอกันตอนเด็กนี่เลิกเรียนเถอะ

“ก็คุณตาคุณยายกลับมาด้วยนี่นา อีกอย่างแด๊ดพาอัลเบิร์ตมาด้วย จะให้แยกไปนอนที่โรงแรมคนเดียวคงเรียกใช้ไม่สะดวก”

“โอเค๊”

“ทำไมทำเสียงงั้นล่ะ ไม่พอใจอะไรหรือไง”

“เปล่านี่”

“เหงาก็บอก เล่นตัวอยู่ได้” ทิวากานต์ไม่ตอบแต่แค่เห็นหน้าขึ้นสีอลันด์ก็รู้แล้ว เด็กฝรั่งเลยอาศัยช่วงรอรถเลี้ยวเข้ามหาวิทยาลัยโถมตัวกอดรัดอีกคนเสียแน่น “แค่ไม่กี่วันเอง เดี๋ยวก็กลับไปนอนด้วยแล้ว”

“อือ รีบๆ กลับมาล่ะอย่าไปนอนบ้านนั้นเพลิน”

“อ่าฮะ สัญญา” เด็กฝรั่งตัวแสบให้สัญญาด้วยการจุ๊บปลายคางคุณหมอหนึ่งที

ช่วงนี้นอกจากจะตัดผมใหม่กระชากไว้ทิวากานต์ยังแอบไว้หนวดเคราจางๆ เพิ่มความดิบเถื่อนน่าซบไปอีกขั้น อลันด์เลยชอบลูบส่วนนี้เล่นบ่อยๆ บอกว่าจั๊กจี้มือดี

แต่ความจริงทิวากานต์ไม่ต้องรอนานกว่านั้น เที่ยงวันถัดมาเขาได้เมสเสจชวนไปกินข้าวที่บ้านใหญ่จากอลันด์ ในข้อความบอกว่าคุณตากับคุณยายอยากรู้จักศัลยแพทย์หัวใจคนเก่ง เท่านั้นมือเนียนนุ่มกว่ามือผู้หญิงของทิวากานต์ถึงกับสั่นขึ้นมาอย่างหาสาเหตุไม่ได้ พอเล่าให้การันต์ฟังแทนที่จะช่วยนายแพทย์รุ่นพี่กลับหัวเราะใส่

“เหมือนเข้าบ้านแฟนไปแนะนำตัวเลยว่ะ พ่อแม่เขารู้ว่าคบกันหรือยัง”

“ยังเลยครับ เพิ่งคบกันจริงจังไม่เท่าไหร่เอง เลยว่าจะไปเรื่อยๆ ก่อน”

“หึๆ พ่อแม่เขาอุตส่าห์ไว้ใจฝากลูกไว้ดูแล ไม่รู้ซะแล้วว่าฝากปลาย่างไว้กับแมว”

“พี่รันพูดงี้ผมรู้สึกผิดกับแม่เขานะเนี่ย หรือจะหาข้ออ้างไม่ไปดี” คุณหมอคนเก่งถึงกับหน้าซีด เอาสองมือปิดหน้าทำท่าเหมือนจะร้องไห้กระซิกๆ แต่การันต์รู้ดีว่าทำตอแหลเรียกร้องความสนใจไปงั้น

“แทนที่เอาลูกเขาแล้วจะดูแลให้ดีให้เขาไว้ใจทำให้เห็นต่อหน้าไปเลย เลี่ยงไม่เข้าหน้าแบบนี้เวลาเขาจับได้จริงๆ เขาไม่ใจอ่อนยกโทษให้ง่ายๆ หรอกนะเว้ย”

“ยังไม่ได้เอา”

“หา? ยังอีกเหรอ นึกว่าเสร็จไปนานแล้วนะ” คราวนี้เป็นการันต์บ้างที่ตกใจ เขามองรุ่นน้องตั้งแต่หัวจรดเท้าเหมือนหาความผิดปกติ “เอ็งมีปัญหาตายด้านอะไรงี้เปล่าวะ ตอนเช้ายังตื่นอยู่ไหม พี่มีเพื่อนถนัดด้านนี้อยู่เดี๋ยวแนะนำให้ได้นะเว้ย”

“แค่ผมไม่ได้มีอะไรกับใครนี่ถึงกับตายด้านเลยเหรอพี่ ปกติหมดครับ มีอารมณ์ความรู้สึกเหมือนเดิม ยังตื่นมาทักทายทุกเช้า”

“ไม่ให้แปลกใจไงไหว พวกที่รู้สันดานแกทุกคนก็ต้องคิดแบบนี้เหมือนกัน”

“ผมเคยบอกไปแล้วนะว่าอยากรอให้อัลรักษาตัวก่อน”

“นึกว่าล้อเล่น” หนุ่มรุ่นพี่พูดจริงจัง ทิวากานต์เกือบเรียกได้ว่าผู้ชายรักสนุกกับทั้งคนที่คบจริงจังหรือแค่เล่นๆ ล้วนมีความสัมพันธ์ทางร่างกายภายในเวลาไม่นาน แต่ไม่คิดว่ากับเด็กผู้ชายจะยอมอดได้เป็นเดือนๆ ขนาดนี้ “หรือเพราะเป็นผู้ชายเหมือนกัน”

“ถ้าพี่รันจำเมื่อหลายปีก่อนได้จะรู้ว่ามันไม่เกี่ยว”

“อ่า...ที่แกเกือบเสียตัวให้เสี่ยสักคน”

“ไม่ใช่เสี่ย” เขาแก้ ในความทรงจำอันเลือนรางรู้สึกเหมือนจะเป็นชายหนุ่มขาวต่างชาติ(น่าจะจีนไม่ก็สิงคโปร์)รูปหล่อวัยยี่สิบกลางๆ สักคน อีกฝ่ายเลี้ยงเหล้าให้ สัมผัสตัวเขาอย่างน่ารักแค่นั้นเขาก็อยากลองเปิดประสบการณ์ถูกเสียบแล้ว เสียแต่ว่าตอนนั้นการันต์กับรูมเมทที่สนิทกันลากออกมาก่อน และยิ่งนานวันเข้าตัวเขาสูงขึ้นเข้มขึ้นมันเลยมีแต่คนเข้ามาต่อแถวให้เสียบ รสชาติการถูกผู้ชายกอดจึงหายวับไปกับกาลเวลา “คิดถึงตอนนั้นยังเสียดายไม่หาย พี่รันไม่น่ามาห้ามเลย”

“นี่ฉันผิดเหรอที่ช่วยแกไม่ให้เสียตูด ทำบุญบูชาโทษแท้ๆ”

“แหม... โอกาสแบบนั้นมันหาได้ง่ายๆ สักที่ไหนกันล่ะครับ” ทิวากานต์ทำหน้างอ ถ้าเป็นสักเมื่อสิบปีก่อนคงน่ารักน่าชัง แต่ตอนนี้ให้แค่น่าชังอย่างเดียวพอ

“หรือว่าที่ยังไม่ยอมนอนกับเด็กเพราะอยากเปิดซิงหาประสบการณ์ก่อน ถ้าอยากถูกเสียบทำไมตอนนั้นไม่ยอมป๋าดีๆ ล่ะหนู” ศัลยแพทย์รุ่นพี่ยิ้มกรุ้มกริ่ม นึกวันที่ชวนอีกคนลองขับรถใหม่แล้วพากันพูดจาสองแง่สามง่ามแกล้งเย้าอีกคนเล่น แต่ต่อให้วันนั้นทิวากานต์เอาจริงเขาก็คงเอามันไม่ลง ผู้ชายตัวโตๆ เหมือนกัน พลิกดูกี่ตลบก็เห็นแต่ความสยอง

“หึ” ทิวากานต์พ่นลมหายใจออกจากจมูกเสียงดัง เหลือบหางตาขึ้นมองการันต์ท่าทางมีลับลมคมใน พลอยให้คนถูกมองคิดไปว่าเป็นอย่างนั้นจริงๆ แต่ก่อนอีกฝ่ายจะได้เข้าใจผิดไปเขาก็พูดต่อ “ผมอยากให้เขาหายป่วยก่อนแค่นั้นจริงๆ ครับ”

“คนดีเหลือเกิ๊น”

“แน่น๊อน”

การันต์ไม่เชื่อทิวากานต์ฉันใด คำพูดทิวากานต์ก็เชื่อไม่ได้มากกว่านั้นหลายเท่า สมกับที่รู้จักกันมานานและสนิทมากที่สุด แน่นอนว่าเหตุผลที่หนุ่มรุ่นน้องบอกมามีส่วนจริงอยู่แค่คงเป็นแค่ความจริงของหนึ่งในร้อยส่วนของเหตุผลลับๆ บางอย่างที่บอกไม่ได้หรือตั้งใจจะไม่บอกให้ใครอื่นรู้ และคงเป็นเรื่องดีอย่างมากทิวากานต์ถึงเอาแต่อมยิ้มทั้งที่ทรมานตัวเองอยู่

“โบราณเคยว่า... ให้อดเปรี้ยวไว้กินหวาน

ตอนนี้การันต์ชักอยากรู้เร็วๆ แล้วสิว่าของหวานที่ทิวากานต์รอกินคืออะไร แต่ช่างมันก่อน เรื่องนั้นค่อยรู้ทีหลังก็ไม่สาย “แล้วสรุปเย็นนี้เอาไง ไปไม่ไป”

“ไปแหละครับ ทำอย่างที่พี่รันว่าดีกว่า อย่างน้อยประจบผู้ใหญ่ไว้ก่อนก็ไม่เสียหาย เผื่อเขาจะเอ็นดูเราสักนิด พี่รันมีเคล็ดลับอะไรแนะนำไหมในฐานะผู้มีประสบการณ์”

ผู้มีประสบการณ์ยิ้มตาปิด ชักหมั่นไส้ไอ้หน้าหล่อหัวเกรียนขึ้นมาทุกที “อย่างแกไม่ต้องทำอะไรมากหรอก แค่ตอแหลเหมือนทุกทีก็พอ”

“ตอแหลอะไรกันครับ นี่วาใสๆ”

“ไม่ต้องมาแอ๊บแบ๊ว เอ็งน่ะตัวตอแหลเลย โว้ย คุยกับแกแล้วปวดหัวไปทำงานต่อดีกว่า เอ่อ ดูแลน้องฉันให้ดีๆ ด้วยล่ะเข้าใจไหม”

“ใช่ซี่ พอน้องคนนี้มันโตก็ตกกระป๋องตามระเบียบ เดี๋ยวจะดูแลให้ความเอ็นดูและดูเอ็นอย่างดีเลยล่ะครับ”

“ไอ้ทะลึ่ง” การันต์หัวเราะก๊าก หยิบปากกามองบลังในกระเป๋าเสื้อปาใส่หัวคนบอกจะดูเอ็นเด็กเป็นของแถมให้ก่อนออกจากห้องไป แทนที่ทิวากานต์จะโมโหกลับรีบตะครุบปากกาแท่งละสองหมื่นนิดๆ ยัดใส่กระเป๋ายึดเป็นของตัวซะเลย แบบว่ารุ่นนี้มันเอามาใช้เขียนกับโทรศัพท์รุ่นที่เขาใช้อยู่ได้แบบพอดีเด๊ะเลยติ๊ต่างไปเองว่าคุณป๋าใจป้ำผู้ใช้ไอโฟนคงตั้งใจให้อยู่แล้วแต่ทำซึนไปงั้นเอง

.
.
.

จากโรงพยาบาลที่ทิวากานต์ทำงานอยู่จะไปบ้านคุณตาของอลันด์เหมือนจะไม่ไกลกันมากนัก หากแต่เมื่อรวมเข้ากับการจราจรอันเรียกได้ว่าห่วยแตก ต่อให้เป็นรถที่สามารถทำความเร็วได้เกินสองร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมงอย่างพอร์เช่ 911 Turbo S ก็ถูกบังคับให้วิ่งได้แค่ระดับเต่าคลานเท่านั้น

ถนนตอนเย็นช่วงออกนอกเมืองรถติดหนักยิ่งกว่าเวลากลับบ้านที่อยู่ในเมืองเสียอีก

ทิวากานต์ถอนหายใจเฮือกหลังพาน้องกบหนีรถติดเลี้ยวเข้าไปในหมู่บ้านได้เสียที จะว่าไป... “หมู่บ้านเดียวกับบ้านพี่รันเลยนี่หว่า” แถวบ้านรถติดแบบนี้นี่เองการันต์ถึงชอบทำงานต่อที่โรงพยาบาลดึกๆ ดื่นๆ ไม่ก็หนีไปนอนคอนโดริมแม่น้ำไม่ไกลจากโรงพยาบาลอยู่บ่อยๆ

“จริงอ่ะ” เด็กฝรั่งที่นั่งมาด้วยกันตั้งแต่ที่โรงพยาบาลทำตาโต หลังจากเขาส่งข้อความกลับไปว่าตกลงพอตอนเย็นเลิกงานก็เจออลันด์มานั่งรอแล้ว แปลกใจนิดหน่อยแต่พออีกคนบอกว่าคนินทร์นั่งเรือข้ามฟากมาส่งก็เลยเขกหัวไปที โตขนาดนี้แล้วยังกลัวน้ำเป็นแมวไปได้

“จะโกหกทำไมเล่า” เขาหัวเราะก๊าก ขับรถไปตามทางที่อีกฝ่ายบอก ยิ่งขับยิ่งคุ้นทางจนเห็นบ้านนายแพทย์รุ่นพี่อยู่ข้างหน้าเลยชี้ให้อลันด์ดู “นี่ไงบ้านพี่รัน”

“เฮ้ย ใกล้กันมากอ่ะ งี้บ้านคิวก็หลังข้างๆ ใช่ไหม นั่นๆ หลังนั้นบ้านคุณตา” เด็กหนุ่มชี้บ้านหลังโตที่ตั้งอยู่ห่างออกไปเกือบร้อยเมตรข้างหน้า ทิวากานต์เห็นด้วยที่ว่าบ้านใกล้กันมากจริงๆ แต่ไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่จะไม่รู้เพราะบ้านส่วนใหญ่แถวนี้จะออกแนวที่ใครที่มันสร้างไม่ติดกันอยู่แบบส่วนตัวสุดๆ

ซูเปอร์คาร์จากเยอรมันเลี้ยวเข้าไปในบ้านหลังโตกึ่งๆ คฤหาสน์รูปทรงโบราณแต่สภาพยังคงดูใหม่ ตอนแรกคนงานแจ้งว่าที่จอดรถเต็มแล้วแต่ทิวากานต์ไม่อยากเสี่ยงจอดรถข้างนอกเลยยอมจอดขวางไว้แถวๆ ลานว่างหน้าตัวบ้านเกือบติดประตูรั้วที่ยังเหลืออีกหน่อยดีกว่า ใครจะเข้าจะออกก็ยอมเสียเวลามาถอยให้ทีหลังเอา

บ้านหลังนี้ให้อารมณ์เหมือนบ้านคนมีอันจะกินจนเหลือทั่วไป ตกแต่งหรูหราสมฐานะออกโทนขาวถึงทอง มีกระจกกับคริสตัลประดับตามทาง หากให้ความอบอุ่นด้วยเครื่องไม้สีน้ำตาลชวนให้ผู้พักอาศัยและแขกผ่อนคลาย พื้นตรงโถงทางเข้าเป็นหินอ่อน ถัดเข้ามาด้านในจึงเป็นกระเบื้องแผ่นใหญ่สีขาวนวล

คุณหมอหนุ่มรูปหล่อรู้สึกเกร็งเล็กน้อยตอนที่เดินตามคนตัวเล็กกว่าเข้าไปในบ้าน ตัดสินใจเอาหนังสือเรียนตั้งใหญ่ของอลันด์มาช่วยถือไม่ให้มือไม้ว่างเกินไป ยังเดินไม่ถึงตัวห้องนั่งเล่นหญิงรับใช้วัยกลางคนก็ปรี่เข้ามาหากล่าวทักทายทั้งหลานเจ้าของบ้านและแขกบอกว่าตอนนี้ครอบครัวของคุณลุงเจ้าตัวแสบมาแล้วนั่งรออยู่ที่ห้องนั่งเล่น ส่วนมิสเตอร์เอเดลมาร์ไปวิ่งออกกำลังกายกับพ่อตามีอัลเบิร์ตพ่วงไปด้วยอีกประเดี๋ยวคงกลับมา ส่วนมื้อเย็นจะตั้งโต๊ะตอนทุ่มตรง

“คุณแม่ล่ะ”

“คุณอลิสาอยู่ในครัวกับคุณหญิงค่ะ”

อลันด์พยักหน้ารับก่อนชวนคุณหมอเข้าไปหาคนทั้งคู่ที่ครัวก่อน เด็กฝรั่งพาเลี้ยวไปทางซ้ายผ่านห้องรับประทานอาหาร ลึกเข้าไปด้านในจึงเจอครัวขนาดใหญ่มีคนขลุกอยู่ในนั้นไม่ต่ำกว่าสี่คน

“คุณยาย อัลกลับมาแล้ว” เด็กหนุ่มฉีกยิ้มกว้างโผล่หน้าเข้าไปในครัวเรียกคุณยายให้เงยหน้าจากหม้อซุป พอเห็นหลานรักก็กางแขนรับเด็กฝรั่งเข้าไปกอด หอมแก้มซ้ายขวาแล้วถึงโผไปกอดคนเป็นแม่บ้าง ทิวากานต์ยืนเก้ๆ กังๆ พอเห็นผู้ใหญ่ว่างแล้วจึงวางหนังสือในมือกับเคาน์เตอร์ว่างในครัวยกมือไหว้กริยาเรียบร้อย

“สวัสดีครับ”

“สวัสดีค่ะคุณหมอ ตัดผมใหม่หรือคะ หล่อขึ้นจมเลย”

เขาขานรับเบาๆ พลางลูบหัวเกรียนแก้เขิน มาดามโอเนลล์เดินเข้ามาดึงแขนเขาให้เดินเข้าไปยืนใกล้ๆ เจ้าของบ้านตัวจริงแล้วแนะนำให้คุณแม่ตนได้รู้จัก

“คุณแม่คะ นี่คุณหมอทิวากานต์ที่คอยช่วยดูแลตาอัลให้ คนเดียวกับที่พี่ชายถูกใจอยากให้มาทำงานที่โรงพยาบาลด้วยยังไงล่ะคะ อายุยังน้อยแต่ก็ได้เป็นอาจารย์ที่โรงพยาบาลแล้ว”

“สวัสดีครับ” ทิวากานต์ยกมือไหว้อีกครั้ง รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นเมื่อเห็นอีกฝ่ายยิ้มใจดีมาให้

“สวัสดีจ้ะ รูปหล่อกว่าที่น้องอัลเล่าให้ยายฟังอีกนะเนี่ย เวลาอยู่กับคุณหมอน้องอัลดื้อมากไหมจ๊ะ”

“สุดๆ เลยล่ะครับ” คำตอบเรียกเสียงหัวเราะได้จากทุกคนยกเว้นคนถูกบอกว่าดื้อที่ทำหน้าบูด

“ถ้าดื้อก็จับตีได้เลยไม่ต้องเกรงใจกัน ตอนเด็กๆ ก็โดนไม้เรียวไปหลายรอบกว่าจะเรียบร้อยเหมือนคนอื่นเขาได้”

“คุณยาย...” อลันด์เรียกคุณยายเสียงอ่อย ที่โดนไม้เรียวนั่นก็เพราะคุณยายจับเด็กฝรั่งมาฝึกมารยาทแบบไทยๆ หรอก ไหนจะให้นั่งพับเพียบ กราบ คลาน เดิน คนที่ไม่เคยทำตั้งแต่เกิดจะให้เก่งเลยได้ยังไงกัน ช่วงปิดเทอมที่โดนจับฝึกมารยาทไทยเปรียบเหมือนฝันร้ายครั้งใหญ่ในชีวิต ขาขาวๆ เป็นรอยไม้เรียวทุกวัน ช่วงแรกถึงกับเป็นไข้นอนซมร้องห่มร้องไห้อยากกลับลอนดอน นับเป็นอาการคัลเจอร์ช็อกที่คิดแล้วยังสงสารตัวเองมาถึงปัจจุบัน

“ป่ะ ไปนั่งพักกันข้างนอกก่อนเพิ่งมากันเหนื่อยๆ อัลพาพี่เขาไปหน่อย เดี๋ยวมื้อเย็นเสร็จจะให้เด็กไปเรียกนะจ๊ะ” มาดามโอเนลล์ยิ้มอ่อน รุนหลังทิวากานต์กับอลันด์ให้ออกจากห้องครัว พอคุณหมออาสาจะช่วยก็ถูกห้ามบอกว่าวันนี้มาเป็นแขกไปนั่งสบายๆ ดีกว่า เขาเลยยอมเดินออกมาไม่ลืมหิ้วหนังสือมาด้วย

คราวนี้แทนที่อลันด์จะพาเขาไปห้องนั่งเล่นก็พาเดินขึ้นบันไดวนไปที่ห้องพักส่วนตัววางข้าวของที่หอบไปหอบมาเสียก่อน ลงมาที่ห้องนั่งเล่นอีกทีก็เจอครอบครัวคุณลุงนั่งกันอยู่พร้อมหน้า ทิวากานต์ยิ้มแหยตอนไหว้ทักทายอีกฝ่ายคิดในใจว่าวันนี้คงถูกชวนให้ไปทำงานด้วยกันอีกแน่ๆ โชคดีว่าอลันด์ช่วยตัดบทให้ ขอตัวพาเขาไปเดินดูบ้านก่อนครั้งนี้จึงรอดไป

“แต่ก่อนเวลามากรุงเทพฯ ก็นอนโรงแรมนี่แหละเดินทางไปไหนมาไหนสะดวกไม่ค่อยได้มานอนที่นี่หรอก” หลานเจ้าของบ้านเริ่มเล่าตอนพาเขาเดินดูสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ด้านหน้าติดสวนใกล้ตรงที่ทิวากานต์จอดรถไว้ “คุณตาคุณยายก็ไม่ได้อยู่ที่นี่ ต้องออกโพสต์ต่างประเทศตลอด คนที่อยู่ก็มีครอบครัวคุณลุง จนคุณตาเกษียณกลับมาอยู่นี่คุณลุงเลยย้ายออก แต่คุณตาคุณยายก็ไม่ค่อยอยู่ติดบ้านอยู่ดี ท่องเที่ยวไปเรื่อย ตอนผมสักสิบสองทั้งคู่ก็มาอยู่ด้วยที่ลอนดอนพักใหญ่”

“แล้วเมื่อก่อนมาไทยบ่อยไหม”

“ปีละครั้ง บางปีก็ไม่ได้มา มาแค่แป๊บๆ สัปดาห์เดียวก็กลับ” เด็กหนุ่มว่างั้นก่อนพับขากางเกงขึ้นแล้วเอาเท้าจุ่มลงไปในสระ ขยับปากบอกว่าสระนี่เพิ่งสร้างเมื่อห้าหกปีก่อน “แต่มีช่วงนึง ตอนนั้นปิดเทอมกำลังขึ้น year 7 ถูกมัมส่งมาอยู่ที่นี่จนเกือบเปิดเทอม ร้อนตัวไม่เท่าไหร่แต่ร้อนใจอิจฉาทอม ปีนั้นทอมได้ไปมัลดีฟส์ โมรอคโค กรีซ ส่วนผมต้องมานั่งฝึกมารยาทแบบไทยๆ ร้องไห้จะเป็นจะตายถูกตีจนขาลายแต่ไม่มีใครมารับกลับเลย พอกลับบ้านไปโกรธมัมกับแด๊ดมากไม่ยอมพูดด้วยเกือบปี ปิดเทอมเล็กก็หนีไปนอนบ้านทอม จนแด๊ดซื้อกีตาร์ง้อนั่นแหละ”

“เราดื้อน่ะสิแม่เลยส่งมาดัดสันดาน” ทิวากานต์หัวเราะเสียงดัง ยกมือขยี้ผมสีช็อกโกแลตนมจนยุ่ง เลยถูกเด็กดื้อเตะน้ำใส่ซะเลย “เฮ้ย เปียกหมด”

“สมน้ำหน้า”

“หนอย...” คุณหมอมันเขี้ยวอยากจับอลันด์มาฟัดให้หายแค้น ติดแต่ว่าอยู่บ้านตายายเขาเลยต้องเกรงใจ

เดินเล่นไม่นานเด็กรับใช้เดินมาแจ้งว่าตั้งโต๊ะเสร็จแล้วจึงพากันกลับเข้าตัวบ้าน บนโต๊ะตัวยาวในห้องรับประทานอาหารมีคุณตาของเด็กฝรั่งนั่งหัวโต๊ะ ข้างขวาเป็นคู่ชีวิต ข้างซ้ายเป็นลูกสาวคนเดียวที่แต่งงานออกเรือนอยู่ต่างแดน เอเดลมาร์จึงนั่งถัดข้างภรรยา ตามด้วยอลันด์ ทิวากานต์ และ อัลเบิร์ต ส่วนอีกฝั่งเป็นคุณลุงกับสมาชิกครอบครัวอีกสามชีวิต

ทิวากานต์สวัสดีเจ้าของบ้านตามด้วยว่าที่พ่อตา เอเดลมาร์ดูไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ที่เห็นเขามาร่วมโต๊ะด้วยแต่ออกอาการอะไรไม่ได้มากนักเมื่อคุณยายของอลันด์ชมเขาออกนอกหน้า แสดงอาการชัดว่าถูกใจคุณหมอรูปหล่อไม่น้อย ส่วนคุณตาของอลันด์แม้เป็นถึงอดีตเอกอัครราชทูตกลับมีความเป็นอันเองกับทุกคนอย่างไม่ถือตัว ท่าทางยังคงแข็งแรงดีทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจแม้อายุจะล่วงเลยถึงเลขเจ็ดแล้วก็ตาม

บนโต๊ะอาหารมีเสียงพูดคุยกันเป็นระยะไม่ให้เงียบกันเกินไปนัก จนอาหารคาวหมดของหวานยกมาเสิร์ฟเสียงพูดคุยก็ดังขึ้นกว่าเดิม คนฮอตสุดบนโต๊ะอาหารแทนที่จะเป็นหลานชายคนเล็กอย่างอลันด์กลับกลายเป็นแขกหนุ่มอย่างทิวากานต์ไปเสีย เขาถูกคนนู้นคนนี้ถามไถ่ประวัติ บ้างก็ถามว่ามารู้จักกับอลันด์ได้อย่างไร โชคดีว่ามีคุณลุงของไอ้เด็กแสบคอยช่วยโม้สรรพคุณให้ ในสายตาเจ้าของบ้านเขาจึงดูน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้นแม้จะตัดผมอย่างที่คนเป็นหมอเขาไม่นิยมกัน

“ถ้าสมัยยายสาวๆ มีหมอรูปหล่ออย่างนี้บ้างคงดี หัวใจจะได้กระชุ่มกระชวยเสียบ้าง เวลาไปโรงหมอทีไรเจอแต่คนหน้าอมทุกข์ล่ะเนอะ มันก็ต้องอยากมีอะไรจรรโลงใจสักนิด”

“ตอนเจอครั้งแรกเห็นหุ่นก้านดีแบบนี้นึกว่าเป็นนายแบบเสียด้วยซ้ำครับคุณย่า” หลานชายคนโตสุดที่เพิ่งกลับจากต่อบอร์ดที่อเมริกาว่า เขาแก่กว่าทิวากานต์สักสามสี่ปี ปัจจุบันเป็นแพทย์เชี่ยวชาญด้านมะเร็งอยู่ที่โรงพยาบาลเอกชนของครอบครัว

“พี่กิตก็พูดเกินไปครับ มีคนหล่อกว่าผมอีกตั้งเยอะ”

“แต่พี่วาหล่อจริงๆ นะคะ เห็นครั้งแรกแล้วแบบปิ๊งเลย เพื่อนกานต์ที่เรียนอยู่ที่เดียวกับพี่วาชอบมาเม้าท์ให้ฟังเรื่อย บอกว่าพี่วาฮอต ตั้งแต่ปีหนึ่งจนกลับมาเทรนแล้วก็ยังมีสาวกรี๊ดเหมือนเดิม เสียอย่างเดียวพี่วาไม่คบหมอหรือพยาบาลเลย สาวๆ อกหักกันทั้งโรงบาล”

“แต่อายุขนาดนี้แล้วก็น่าจะหาคนรู้ใจได้แล้วนะจ๊ะ แก่ตัวไปจะเหงา”

ทิวากานต์ไม่พูดไม่ตอบอะไรกลับไปนอกจากยิ้มรับอย่างเดียว ปล่อยให้คนอื่นเขาพูดกันไป จะบอกได้ไงว่าตอนนี้มีแฟนแล้วนั่งอยู่ข้างๆ เดี๋ยวได้ช็อกตายกันทั้งบ้านพอดี

เมื่อหมดช่วงของหวานต่างคนต่างเริ่มทยอยกันไปที่ห้องนั่งเล่นหาเรื่องคุยกันต่อ ตอนแรกอลันด์ยังนั่งข้างทิวากานต์บนโซฟาอยู่ดีๆ พอลุงไอ้ตัวแสบกับลูกชายเข้ามานั่งคุยเรื่องงานด้วย หลานคนเล็กเลยระเห็จตัวไปนั่งพับเพียบเรียบร้อยบนพื้นพรมข้างคุณยายดูเป็นภาพแปลกตาไม่น้อย

เสียงปรบมือดังๆ สองครั้งเรียกความเงียบกลับเข้าห้องนั่งเล่นหลังจ้อกแจ้กด้วยสมาชิกนับสิบชีวิตอยู่เกือบชั่วโมง คนที่บอกให้ทุกคนเงียบคือเจ้าของบ้านวัยเจ็ดสิบกว่า ทิวากานต์เอียงคออมยิ้มมองชายชราผายมือไปยังแกรนด์เปียโนสีขาวหลังใหญ่ด้านหลังนำเสนอหลานชายนักดนตรี

เจ้าเด็กฝรั่งตัวแสบลุกขึ้นมายืนโค้งให้ทุกคนก่อนกลับไปนั่งบรรเลงเพลง Moonlight Sonata ของ บีโธเฟ่น ตามที่คุณยายสุดที่รักขอมา ปลายนิ้วที่มักจับสายกีตาร์จนหยาบกระด้างวันนี้แสดงความสามารถบนเครื่องดนตรีอีกชิ้นได้งดงามไร้ที่ติสร้างความประหลาดใจแก่ทิวากานต์ไม่น้อย เขามองนิ้วมือเรียวสวยขยับไหวบนลิ่มเปียโนด้วยความเพลินเพลิดเหมือนกับทุกคนในห้องนั่งเล่น

แม้กระทั่งมิสเตอร์เอเดลมาร์ที่ไม่ค่อยชอบใจกับเส้นทางที่ลูกชายเลือกยังอมยิ้มที่ได้เห็นลูกชายแสดงความสามารถ ขยับปลายเท้าเป็นจังหวะตลอดเวลา เปิดไหล่ให้ภรรยาเอนตัวเข้ามาซบร่วมชื่นชมแก้วตาดวงใจของครอบครัว

จวบจนเสียงดนตรีจบเสียงตบมือจากทุกคนในครอบครัวจึงดังขึ้นให้กำลังใจนักดนตรีตัวเล็ก เจ้าตัวลุกขึ้นโค้งให้ผู้ชนพลางยิ้มทะเล้นหน้าเป็นก่อนคลานเข่าเข้าไปคุณยายเมื่อถูกเรียก กริยาเรียบร้อยสมกับถูกอบรมมาดีการันตีด้วยไม้เรียวในห้องนอนคุณยาย

“เก่งมากหลานรักของยาย” ฝ่ามือเหี่ยวย่นลูบแก้มขาวตอบ มองหลานคนเล็กด้วยความรักใคร่แล้วยื่นกล่องของขวัญผูกโบไปตรงหน้า “ของขวัญจ๊ะ ยายให้”

“ขอบคุณครับ” อลันด์ก้มกราบที่เท้าเธอถึงค่อยเงยหน้าขึ้นรับกล่องของขวัญขนาดเล็กเท่าฝ่ามือแต่ราคาไม่น่าจะเล็กตาม

เท่าที่ได้ยินพี่น้องบ้านนี้เขาคุยกันเห็นว่าอลันด์เป็นหลานโปรด คุณตาคุณยายรักกว่าลูกหลานคนไหนๆ เพราะนอกจากเป็นคนเล็กสุดท้องอายุห่างจากพี่ๆ เยอะแล้ว หนำซ้ำหน้าตายังน่ารักแบบเด็กฝรั่งไม่เหมือนใครแล้วยังขี้อ้อนขี้ประจบคนแก่ ทุกคนพลอยคาดการณ์กันเล่นๆ ว่าในอนาคตมรดกพันล้านคงไม่ไปไหน

หลังจบการแสดงหลัก ทิวากานต์ยังนั่งคุยกับเพื่อนร่วมวิชาชีพอีกพักใหญ่ จิบสก็อตวิสกี้เคล้าเสียงดนตรีจนเกือบจะสี่ทุ่มถึงได้เอ่ยขอตัวกลับ

ชายหนุ่มไหว้สวัสดีผู้ใหญ่จนครบทุกคนถึงขอตัวออกมาก่อนเพราะจอดรถขวางคนอื่นไว้แม้ครอบครัวคุณลุงคงอยู่ค้างคืนที่นี่ก็ตาม เขาเดินออกมาจากห้องนั่งเล่นพร้อมกับอลันด์ที่ถูกมาดามโอเนลล์ตบหลังไล่ให้ออกมาส่งเพื่อนรุ่นพี่

“ทำหน้าหงอยเชียว เป็นอะไร” พอพ้นสายตาคนในบ้านทิวากานต์จัดการดึงคอเด็กฝรั่งมากอดหลวมๆ ใจอยากจูบหัวเน่าสักทีแต่ยังอยู่ในเขตบ้านเขาจึงทำได้เพียงห้ามใจไว้

“คิดถึงวาอ่ะ ไม่อยากให้กลับเลย นอนค้างด้วยกันที่นี่ม่ะ”

“จะบ้าเรอะ ไม่ใช่เด็กแล้วนะอัล อดทนหน่อยสิ อีกแค่ไม่กี่วันเอง นะ” ทิ้งประโยคเสียงอ่อน เดินอีกไม่กี่ก้าวก็ถึงรถทิวากานต์เลยเรียกอีกคนขึ้นไปนั่งคุยด้วยกันบนรถก่อน “พรุ่งนี้เดี๋ยวก็เจอกันที่โรงพยาบาลแล้วไง จะไปนั่งเฝ้าตอนเย็นเลยด้วยพอใจไหม”

“อือ แต่พอไม่ได้ยินเสียงหัวใจวาเต้นแนบหูเหมือนทุกทีมันนอนไม่หลับอ่ะ”

“คิดว่าฉันหลับลงเหมือนกันหรือไง” พูดไปแล้วต่างคนต่างเงียบ อยู่ด้วยกันทุกวันจนเหมือนมีอีกฝ่ายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตไปแล้ว

“เอางี้ไหม เราเปิดโทรศัพท์ทิ้งไว้ทั้งคืนเลยได้หรือเปล่า”

ความคิดออกจะเข้าท่าแต่ก็ถูกคุณหมอปัดทิ้งไปในทันทีด้วยเหตุผลว่าเปลือง อลันด์ทำหน้าหงอยเหมือนแมวถูกทิ้งจนชายหนุ่มอ่อนใจ เขาเอี้ยวตัวไปเบาะหลังทำกุกกักอยู่สักพักถึงกลับมาพร้อมสเตธในมือ เรียกตาสีฟ้าซีดมองอุปกรณ์การแพทย์งงๆ กำลังสงสัยว่าทิวากานต์จะตรวจอาการเขาตอนนี้เหรอก็พบว่าไม่ใช่เมื่อมือใหญ่เอาเครื่องมือหากินคล้องคอเขาไว้

“ทำอะไรน่ะวา”

“จุ๊ๆ” ส่งเสียงให้อีกคนเงียบพลางยัดเอียร์ทิปเข้าไปในหูแล้วจับยัดชีสต์พีซใส่มือเล็ก ถึงตอนนี้แล้วอลันด์ยังสับสนการกระทำของอีกคนอยู่ดี เด็กหนุ่มเอียงคอมองคนตรงหน้าตาปริบ หากเพียงครู่เดียวทุกอย่างจึงประจักษ์เมื่อคุณหมอหัวใจจับมืออลันด์ข้างที่ถือชีสต์พีซมาแนบหน้าอกด้านซ้ายของตัวเอง มีเสียงตุ้บๆ เหมือนกลองแล่นเข้ามาในหูเป็นจังหวะ

“ได้ยินเสียงหัวใจฉันไหม”

“อะ อือ”

“จำเสียงนี้ไว้นะ”

 เด็กฝรั่งกลั้นยิ้มแก้มแทบแตก  แดงไปทั้งหัวลงมาถึงคอเหมือนเลือดพร้อมใจกันวิ่งมากระจุกอยู่ที่ส่วนนี้ เขาฟังเสียงหัวใจทิวากานต์เต้นเป็นจังหวะแบบนั้นอยู่นานจนพอใจถึงถอดคืนอุปกรณ์ทำมาหากินให้เจ้าของ “อยากอัดเสียงเก็บไว้ฟังจัง”

“โลภมาก” คุณหมอทำท่าจะเอาสเตธเคาะหัวเด็กฝรั่ง ใบหน้าหล่อฉีกยิ้มไม่ต่างจากอีกคน “ความจริงมันมีรุ่นที่อัดเสียงเก็บได้ แต่ไม่ได้ซื้อมาใช้ เปลือง”

ปากบอกว่าเปลืองแต่เอาเข้าจริงราคายังถูกกว่าปากกามองบลังต์ที่การันต์โยนให้วันนี้เสียอีก

ทิวากานต์จูบปากอลันด์เร็วๆ ค่อยไล่ลงจากรถ ใจหายเหมือนกันที่ต้องจากไป แต่พอคิดว่าอีกไม่กี่วันจะได้กลับมานอนกอดกันเหมือนเดิมพร้อมกับเสียงหัวใจอีกฝ่ายที่เต้นเป็นปกติอีกครั้ง มันสมควรค่าแก่การรอคอยแล้วจริงๆ กะอีแค่นอนเหงาไม่กี่คืนคงไม่ขาดใจตายง่ายดายขนาดนั้นหรอก

.
.
.
หัวข้อ: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 20 [27.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 27-12-2015 19:33:08
อ้างถึง
อยากให้กดฟังเพลงธีมประจำตัวพี่วาระหว่างที่อ่านพาร์ทนี้ไปด้วยค่ะ ^^
Cigarette After Sex - Nothing's Gonna Hurt You Baby (https://soundcloud.com/cigarettesaftersex/01-nothings-gonna-hurt-you-2)


เช้าวันถัดมาอลันด์หยุดเรียนเตรียมตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล ความจริงจะมาวันสวนหัวใจเลยก็ได้แต่ตามประสาพ่อแม่มีเงินอยากให้ลูกชายได้รับแต่สิ่งที่ดีที่สุดเลยจับมาส่งล่วงหน้าหนึ่งวันเพื่อเช็คร่างกายให้แน่ใจ เด็กหนุ่มมาถึงโรงพยาบาลตอนบ่ายๆ นั่งโรลส์-รอยซ์มากับคุณตาคุณยายส่วนพ่อแม่นั่งรถตามมาอีกคัน

เด็กฝรั่งต้องนอนโรงพยาบาลอย่างต่ำก็สองคืน ห้องที่เลือกไว้ก็เป็นห้องพักขนาดใหญ่สุด มีห้องนั่งเล่นกับห้องพักสำหรับญาติไว้อย่างละห้อง สามารถมองเห็นแม่น้ำเจ้าพระยาประหนึ่งนอนอยู่โรงแรมห้าดาว มิสเตอร์เอเดลมาร์กับอัลเบิร์ตจะมานอนเฝ้าช่วงเวลาที่อยู่ที่นี่ ให้อารมณ์เหมือนแค่เปลี่ยนที่นอนมากกว่ามารักษาตัว

เด็กหนุ่มดูซึมไปถนัดตา นอกจากจะไม่ได้เจอทิวากานต์เหมือนอย่างเคย เมื่อคืนโธมัสโทรข้ามประเทศมาบอกว่าไม่สามารถมาอยู่เป็นเพื่อนได้เพราะติดทำรายงานกับสอบ เขาเข้าใจดีว่าเพื่อนรักมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ แต่เพราะสัญญากันไว้แล้วจึงอดรู้สึกเสียใจไม่ได้

เมื่อทำการแอดมิทเรียบร้อย อลันด์ถูกพยาบาลจับเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดคนป่วย พาไปตรวจร่างกาย ทำเอคโค่ เอกซเรย์ กว่าจะเสร็จได้เวลาอาหารเย็นพอดี พยาบาลแจ้งแล้วว่ามื้อนี้จะเป็นมื้อสุดท้ายก่อนทำการรักษาในวันพรุ่งนี้ ด้วยกลัวลูกชายหิวมาดามโอเนลล์จึงบังคับอดีตลูกหมูให้กินข้าวเย็นไปเสียสองจาน มีสมาชิกครอบครัวฝั่งแม่ที่เจอกันเมื่อวานพร้อมใจกันมาร่วมรับประทานอาหารกะไม่ให้เหงา

“ดูซิ ผอมลงไปตั้งเยอะ ตอนนั้นยังอ้วนกลมเป็นลูกหมูอยู่เลย ไม่ค่อยกินข้าวเหรออัล” เธอลูบแขนลูกชายพลางทำหน้าไม่สบายใจ ตอนที่เจอกันครั้งล่าสุดอลันด์ยังดูมีเนื้อหนังมากกว่านี้ พอห่างหูห่างตารอบล่าสุดน้ำหนักที่เพิ่มก่อนหน้าหายเรียบจนน่าตกใจ

“กินครบทุกมื้อแหละมัม แต่วาบอกให้งดอาหารพวกที่ทำให้อ้วน มัมรู้ไหมวาทำอาหารอร่อยมาก ทำให้ผมกินทุกวันเลยนะ ทั้งมื้อเช้ามื้อเย็น อิ่มแปร้แถมยังผอมด้วย”

“ตายล่ะ รบกวนคุณหมอเขาแย่ แล้วนี่เงินค่าขนมที่แม่ให้ก็ไม่ได้ใช้เลยล่ะสิเนี่ย” พอรู้ว่าเพื่อนบ้านที่ฝากฝังไว้ดูแลลูกชายตัวเองเป็นอย่างดีก็โล่งใจ แต่อีกใจกลัวจะไปทำให้เขารำคาญ

“ก็พอจะจ่ายวาไม่ให้จ่ายนี่นา วาบอกเด็กคนเดียวเลี้ยงได้สบาย” เด็กฝรั่งเล่าไปยิ้มไป ไม่ทันสังเกตว่าคนเป็นพ่อหน้าบูดขึ้นทุกที

ลูกเขาเลี้ยงมาเองกับมือไม่ยกให้คนอื่นเลี้ยงง่ายๆ หรอกเว้ย!

“เพิ่งรู้ว่าพี่วาทำอาหารเก่งด้วย ถ้ากานต์เอาไปเล่าให้เพื่อนฟังทุกคนต้องกรี๊ดกร๊าดกันมากกว่าเดิมแน่เลยค่ะ”

“พี่กานต์ก็อย่าเล่าสิ”

“หวงเหรอยะ”

“เออ”

“น้องอัลพูดไม่เพราะเลย ต้องบอกว่าครับสิคะ แล้วนี่ทำไมเรียกชื่อคุณหมอเขาเฉยๆ ยายได้ยินแล้วขัดหู เขาแก่กว่าเราตั้งรอบเป็นถึงมดเป็นถึงหมอมีคนนับหน้าถือตาเรายิ่งต้องให้เกียรติเขารู้ไหม น้องอัลคิดดูนะคะถ้าสมมติน้องอัลอยู่ข้างนอกกับคุณหมอแล้วเรียกชื่อเขาห้วนๆ ทั้งที่เด็กกว่าคนอื่นจะมองน้องอัลยังไง แล้วถ้ามีคนรู้จักคุณหมอมาเจออีกล่ะเขาจะมองคุณหมอยังไง ยังมีความนับถืออีกไหมให้เด็กมาเรียกชื่อแบบนั้น น้องอัลโตแล้วยายจะไม่ดุแต่จะให้ลองกลับเอาคิดดูนะคะ”

ได้ยินหลานๆ คุยกันสนิทสนมมันก็ดี แต่เจ้าหลานคนเล็กอายุห่างกับพี่ๆ ตั้งเยอะก็ควรพูดจาให้เกียรติกันบ้าง คุณยายเจ้าระเบียบเลยอบรมเสียยกใหญ่ นี่ถ้าไม่ติดว่าป่วยอยู่จะหาไม้เรียวมาฟาดเข้าสักที ฝ่ายหลานรักถูกดุก็หน้าจ๋อย รับคำในลำคอสั้นๆ นั่งคอตกเขี่ยข้าวในจานเล่นเลยถูกตีมือเสียเลย

พ่อเด็กลูกครึ่งไม่รู้หรอกว่าแม่ยายพูดอะไรกับลูกชายเขา แต่เห็นลูกรักซึมแถมยังโดนตีเลยเข้าไปโอบไหล่ไว้เงียบๆ ถึงจะไม่พอใจแต่ก็ไม่กล้าโวยใส่คุณแม่ยาย ปล่อยให้พ่อภรรยาออกหน้าแทน

“คุณจะมาดุหลานอะไรกันตอนนี้ อัลอยู่ต่างประเทศมากกว่าเมืองไทยจะให้มีมารยาททุกอย่างเหมือนคนไทยได้ยังไงกัน ดูซิ หลานตาหงอยหมดแล้ว คนกำลังป่วยแทนที่จะให้กำลังใจกัน”

“เพราะคุณชอบให้ท้ายหลานแบบนี้นี่แหละน้องอัลถึงได้ดื้อนัก” ในเมื่อคุณตาเถียงมาอย่างนั้นคุณยายจะยอมได้อย่างไร เป็นอดีตทูตแล้วยังไงคิดว่าเธอจะกลัว ไม่มีเสียหรอก! ให้รู้กันไปเลยว่าในบ้านใครมีอำนาจที่สุด เธอน่ะใหญ่กว่าท่านทูตอีกนะจะบอกให้

ก็อก! ก็อก!
หากก่อนจะเกิดสงครามระหว่างอดีตเอกอัครราชทูตและอดีตภริยาเอกอัครราชทูตเสียงเคาะประตูดั่งระฆังดังห้ามศึกกลับดังขึ้นขัด คนที่มาห้ามก็ไม่ใช่ใครเป็นคุณหมอในประเด็นนั่นเอง

ทิวากานต์โผล่เข้ามาในห้องพร้อมนายแพทย์รุ่นพี่ สองมือของสองหนุ่มหิ้วถุงขนมถุงใหญ่เอามาวางบนเคาน์เตอร์แล้วค่อยยกมือไหว้ผู้ใหญ่ในห้องถึงแนะนำการันต์ให้ทุกคนรู้จัก

“นี่รองศาสตราจารย์นายแพทย์การันต์ครับ เป็นรุ่นพี่ผมที่โรงพยาบาล”

“สวัสดีครับ”

“ไหว้พระเถอะลูก อืม ใช่ลูกคุณพิชัยเจ้าของโรงพยาบาล...รึเปล่า”

“ครับ” การันต์ยิ้มรับสีหน้ายิ้มแย้ม ส่งถุงขนมในมือตนเองให้ทิวากานต์เอาไปวางด้วย “คุณลุงรู้จักคุณพ่อด้วยหรือครับ”

“คนบ้านใกล้เรือนเคียงกันนี่แหละ เจอพ่อเราตอนไปวิ่งบ่อยๆ จำได้ว่าเคยเล่าให้ฟังว่ามีลูกชายคนเล็กเป็นหมออยู่ที่นี่แหละ ไม่ยอมกลับไปช่วยงานที่บ้านสักที นี่ก็ยังทำอยู่ที่นี่สินะ”

“ที่บ้านเขามีคนช่วยเยอะแล้วครับ ผมขอตามใจตัวเองเป็นอาจารย์อยู่ที่นี่กว่า ไม่อยากเครียดเรื่องบริหารน่ะครับ”

“เป็นลูกคนเล็กก็ดีอย่างนี้ล่ะนะ แล้วนี่รู้จักน้องอัลด้วยเรอะ โลกมันกลมจริงๆ”

“รู้จักผ่านเจ้าวานี่แหละครับ”

การันต์ตอบแล้วหันไปยิ้มให้รุ่นน้องสุดหล่อ เห็นหน้าญาติพี่น้องไอ้เด็กแสบแต่ละคนชักเข้าใจว่าทำไมทิวากานต์ถึงได้ป๊อด อย่างคุณตาคนที่ทักเขาถ้าเป็นคนบ้านใกล้เรือนเคียงที่เดียวกับที่คิดก็เป็นข้าราชการระดับสูงมีชื่อเสียงพอตัว ส่วนผู้ชายที่อยู่ด้านหลังนั่นก็เจ้าของโรงพยาบาลเอกชนที่มีเครือข่ายใหญ่ที่สุดในประเทศ แล้วฝรั่งตาฟ้าสองคนนั่นคงเป็นพ่อกับพ่อบ้านที่ตามมาดูแล แค่คิดว่าเป็นชาวต่างชาติที่ถึงขั้นมีพ่อบ้านคอยดูแลแม้มาต่างประเทศก็บอกได้ว่าไม่ธรรมดา

“แล้วนี่ซื้ออะไรกันมาเยอะแยะล่ะจ๊ะ”

“ขนมปังอบครับคุณยาย ร้านดังฝั่งนู้นการันตีรสชาติอร่อยสมชื่อร้าน วาให้คนช่วยไปซื้อให้ตั้งแต่เที่ยงกลัวหมดก่อน” ทิวากานต์รีบเสนอหน้าเอากล่องใส่ขนมปังเปิดห่อเรียบร้อยยื่นให้ผู้ใหญ่ชิม แป๊บเดียวขนมก็หมดกล่องด้วยทุกคนเข้ามาหยิบไปลองคนละชิ้นสองชิ้น แม้แต่มิสเตอร์เอเดลมาร์ที่ไม่อยากแตะต้องยังถูกภรรยายัดใส่มือไปสองชิ้นถ้วน

“ใช่ร้านใกล้มหาลัยเจ้าอัลหรือเปล่าคะคุณหมอ”

“ครับ”

“เดี๋ยวนี้เขามีแพคเกจจิ้งแล้วหรือเนี่ย สมัยก่อนตอนน้ายังเรียนอยู่ที่นั่นก็ชอบซื้อทานบ่อยๆ ค่ะ รสชาติยังเหมือนเดิมเลย”

“ถ้าคุณน้าอยากได้กลับไปกินที่นู่น เดี๋ยวก่อนกลับผมไปซื้อไว้ให้นะครับ”

“ขอบใจมากจ้ะ นี่ก็หิ้วมาเยอะแยะเชียว”

ทิวากานต์ยิ้มแต้ประจบผู้ใหญ่แล้วเดินกลับไปเปิดกล่องขนมอีกสองกล่องมาให้ลูกพี่ลูกน้องอลันด์ชิม ส่วนอีกกล่องก็ยกให้เจ้าตัวแสบเหมาคนเดียว

“กินซะ”

“เขาให้งดอาหารกับน้ำแล้วอ่ะ...ครับ”

ชายหนุ่มเลิกคิ้วกับคำลงท้ายแสนสุภาพ สงสัยแต่ไม่เก็บเอามาใส่ใจ “ตอนนี้ยังกินได้อยู่ หลังเที่ยงคืนแล้วค่อยอด มาลอง อันนี้อร่อย” เขาหักขนมปังอบกรอบเป็นชิ้นเล็กพอดีคำยื่นให้เจ้าตัวถึงปาก อลันด์ในโหมดต่อหน้าผู้ใหญ่ก็ว่าง่ายยอมอ้าปากให้เขาป้อน พอลิ้นสัมผัสรสหวานถึงได้ยิ้มออก

“อร่อย”

“ซื้อมาให้กินแล้วก็กินเยอะๆ”

“อือ...ครับ” ตอนแรกจะพูดแค่อือ แต่พอถูกคุณยายตวัดสายตามองก็รีบเปลี่ยนเป็น ‘ครับ’ ทันที “ทำไมวา เอ้อ พี่วามาช้าอ่ะ อ่า ครับ วันนี้ไม่มีเวรคลีนิคนอกเวลานี่นา”

“มีเคสน่ะเลยเลิกช้า อืม...แล้วนี่เป็นไงบ้าง โอเคไหม”

“โอเคสุดๆ”

“แต่ฉันว่าไม่โอเคนะ ทำไมวันนี้เรียบร้อยผิดปกติ” ทิวากานต์กระซิบเสียงเบา เด็กฝรั่งเลยบุ้ยปากไปที่คุณยายเท่านั้นปริศนาก็เฉลย “อ๋อ เข้าใจล่ะ แบบนี้ก็น่ารักดี”

คำว่า ‘น่ารักดี’ ผนวกกับรอยยิ้มกว้างโชว์ฟันขาวทำเด็กฝรั่งใจเต้นตึกตัก คิดเล่นๆ ว่าถ้าเรียกพี่วาทุกคำ คนถูกเรียกจะรักเขามากกว่านี้ไหมนะ

อลันด์แก้มแดงอ้าปากรอคุณหมอป้อนขนมปังชิ้นถัดไปเหมือนปลาฮุบเหยื่อ คราวนี้ว่าจะลองแกล้งงับนิ้วทิวากานต์ดูคงจั๊กจี้ไม่หยอก แต่ความตั้งใจกลังพังลงเมื่อมิสเตอร์เอเดลมาร์ยื่นหน้าเข้ามาคว้าชิ้นนั้นไปแทนท่ามกลางความตกใจของทุกคน

“อร๊อยอร่อย” ชายอังกฤษวัยห้าสิบสองพูดเป็นภาษาไทยแปร่งๆ แล้วเบียดตัวเองนั่งลงแทรกกลางระหว่างทั้งคู่หน้าตาเฉย “เห็นกำลังคุยกันสนุกเลย ให้แด๊ดฟังด้วยสิ”

หมอศัลย์รูปหล่อคิ้วกระตุก ถ้าไม่โง่ใครก็ดูออกว่าจงใจแกล้งกันชัดๆ จะแกล้งกลับทำเป็นคุยภาษาไทยกับอลันด์ก็ดูจะเสียมารยาทเลยบอกเลี่ยงอีกคนไปว่าไม่มีอะไร

“จะว่าไปสองคนนี้ก็สนิทกันดีเนอะ ถ้าหน้าตาไปแนวเดียวกันคงคิดว่าเป็นพี่น้องกันแน่ๆ”

“นั่นสิคะพี่ชาย เจ้าอัลกับหมอวาก็ลูกคนเดียวทั้งคู่ พอมาเจอกันเลยลงตัวพอดี คนนึงคงดีใจที่มีน้องให้ดูแล อีกคนคงชอบที่มีพี่ให้อ้อน” โชคดีที่ไม่มีใครแปลประโยคนั้นให้คุณพ่อหวงลูกชายฟัง ไม่งั้นอาจมีการกีดกันพี่น้องต่างสายเลือดกันขึ้น

พอสองทุ่มกลุ่มญาติก็ทยอยกันกลับให้คนป่วยได้พักผ่อนเสียที ทิวากานต์กับการันต์อาสาอยู่เป็นเพื่อนเด็กหนุ่มช่วงที่บ่าวนายชาวอังกฤษลงไปส่งครอบครัว เมื่อเหลือกันแค่สามคนคุ้นเคยคุณหมอรุ่นน้องถึงกับถอนหายใจ บ่นกระปอดกระแปดเรื่องมิสเตอร์เอเดลมาร์คอยกันท่าเขาตลอดเวลา

“เขาคงรู้มั้งว่ามีไอ้ตัวร้ายจ้องจะงาบลูกชายเขาอยู่”

“ร้ายตรงไหนครับ ออกจะคนดี” ทิวากานต์แก้ตัว เขาเพิ่งพาอลันด์เข้าไปแปรงฟันล้างหน้าในห้องน้ำแล้วค่อยพาออกมาขึ้นเตียงเตรียมให้นอนพักผ่อนสำหรับการสวนหัวใจในวันพรุ่งนี้

“วาน่ะตัวร้ายเลย”

“ไม่เรียกพี่วาแล้วหรือไง พอคุณยายไม่อยู่ก็ซ่าเหมือนเดิมนะเรา” ปากว่าแต่มือถือผ้าขนหนูซับหน้าให้เบาๆ ดูแลเหมือนเป็นลูกเป็นหลาน อลันด์นั่งขัดขาบนเตียงหลับตาพริ้ม ตั้งแต่อยู่ด้วยกันอีกคนคอยดูแลเขาตลอด สบายจนเริ่มเคยตัวกับการมีคนเอาใจใส่ จนบางทีรู้สึกเหมือนตัวเองใกล้เป็นง่อยไปทุกที

“แล้วชอบให้เรียกแบบไหนมากกว่า”

“อยากเรียกแบบไหนเรียกๆ ไปเถอะ เหมือนกันนั่นแหละ”

“พี่แนะนำนะ เวลาจะอ้อนค่อยเรียกพี่วา รับรองอยากได้อะไรไอ้วายอมให้หมด” คำแนะนำกลั้วเสียงหัวเราะจากคนแก่สุดดูเข้าท่า อลันด์ยิ้มเจ้าเล่ห์ขณะมองทิวากานต์ทำหน้าบูดเหมือนถูกเอาความลับมาเผย

“พี่วา...” เด็กฝรั่งลองเรียกดู คุณหมอทำหน้าบึ้ง หันหน้าไปหาแต่กลับไม่ยอมสบตา แถมยังสวนกลับห้วนๆ ว่าอะไร “พรุ่งนี้พี่วามาหาแต่เช้าได้ไหม”

ถ้าตาไม่ฝาดเหมือนจะเห็นอีกคนทำท่ากลืนน้ำลายลงคอ จู่ๆ อลันด์ได้ความคิดว่าช่วงเข้าด้ายเข้าเข็มกำลังนัวเนียกันอยู่ครั้งต่อไปเขาจะลองเรียกพี่วาแบบนี้ดู คนใจแข็งที่ไม่ยอมทำอะไรเขาสักทีต้องหลุดปล้ำกันขึ้นมาบ้างล่ะน่า

“คิดอะไรไม่ดีอยู่หรือเปล่า ทำหน้าน่าเกลียด” เสียงทุ้มว่าเข้าให้พร้อมดีดหน้าผากแถมอีกที ไอ้ตัวแสบต้องวางแผนทำอะไรแผลงๆ อยู่แน่ เขายืนกอดอกมองอลันด์ปฏิเสธเสียงสูงมีการันต์ยืนกลั้นขำจนตัวงอเป็นแบ็คกราวด์ หลังจากคาดโทษรุ่นพี่ไว้ในใจทิวากานต์ถึงยอมให้คำตอบคำร้องขอนั้นเสียที “โทษที แต่พรุ่งนี้ต้องทำงาน”

“เดี๋ยวลาคุณลุงให้เอาไหม” หลานเจ้าของโรงพยาบาลเสนอให้ แต่เหมือนไม่มีอะไรสามารถหยุดความขยันของคุณหมอรูปหล่อได้

“เสียใจ ไม่ใช่งานที่โรงพยาบาลนั้น”

“จิ๊”

“เอาน่า เดี๋ยวเลิกงานแล้วจะมาหา” เขากระซิบบอกอีกคนชิดใบหูขาวก่อนเลื่อนริมฝีปากประทับจูบให้อีกคนเบาๆ ต่อหน้าพยานบุคคลที่สามในห้อง

การันต์ถึงกับถอนหายใจ จะช่วยเกรงใจพ่อหม้ายแบบเขาสักนิดก็ไม่มี ดีว่าพอทิวากานต์ผละหน้าออกมามิสเตอร์เอเดลมาร์กับอัลเบิร์ตก็เปิดประตูโพล่ง การกระทำอุกอาจอย่างแสดงความรักต่อหน้าคนโสดจึงหยุดลงโดยไม่ต้องออกปากห้าม หมอศัลย์หัวใจทั้งสองคนเลยถือโอกาสเอ่ยลาให้คนป่วยได้พักจริงๆ จังๆ กันเสียที บอกเพียงว่าเจอกันพรุ่งนี้

.
.
.

เช้าวันสวนหัวใจมาถึงอย่างรวดเร็ว ไอ้ที่เตรียมใจมาแล้วก็รู้สึกเหมือนยังไม่ได้ทำ เด็กฝรั่งหน้าซีดไม่สดใสแต่เช้าแม้ว่าครอบครัวจะอยู่เคียงข้างและคุณลุงที่เป็นหมอคอยย้ำบอกว่าไม่มีอะไรน่ากังวล แต่กับคนที่ไม่มีความรู้ด้านการแพทย์ย่อมวิตกเป็นธรรมดา

นี่มันหัวใจเลยนะ! อวัยวะสำคัญที่สุดในร่างกาย ถ้าเกิดเป็นอะไรขึ้นมามีแต่ตายกับตายเท่านั้น!!!

สักเจ็ดโมงเช้าพยาบาลก็เข้ามาเจาะสายน้ำเกลือ ตอนนี้เองที่เด็กหนุ่มวัยสิบแปดเริ่มงอแงเหมือนเด็กเล็กๆ ไม่ถึงกับร้องไห้แค่น้ำตาซึมแต่เดือดร้อนถึงคนเป็นพ่อต้องรีบมากอดปลอบโอ๋ลูกชายสุดที่รักพักใหญ่ จนบอกว่าจะซื้อกีตาร์ไฟฟ้าตัวใหม่ให้ถึงยอมหยุดร้อง เลยถูกภรรยาค่อนขอดเอาว่าโดนเจ้าลูกชายตัวแสบหลอกเข้าให้

หลังจากน้ำเกลือหมดขวดเด็กฝรั่งจึงถูกพยาบาลพาไปทำความสะอาดร่างกายเป็นลำดับถัดไป รวมถึงจัดการโกนขนบริเวณที่ต้องเปิดร่างกาย ซึ่งบริเวณที่ว่าคือ ขาหนีบ...

แม้ไม่ค่อยมีแถมยังเป็นสีทองอ่อนๆ ยังโดนคุณพยาบาลผู้หญิงจัดโกนเสียเรียบเนียน ในชีวิตนี้นอกจากแม่กับยัยซาร่าแล้วไม่เคยเปิดให้ผู้หญิงไหนอื่นดูอีก(ส่วนเปิดให้ผู้ชายดูขอเป็นข้อยกเว้น อยู่โรงเรียนชายล้วนมาตลอดเห็นกันจนเบื่อ) นี่ต้องมาโดนคนไม่รู้จักสำรวจแล้วเอามีดมาไถๆ โคตรของโคตรอาย แต่พูดอะไรไม่ได้นอกจากปล่อยให้ตัวแดงหน้าแดงฟ้องความในใจ

หลังเสร็จขั้นตอนนั้นแล้วจึงพากลับมาที่ห้องพักเตรียมตัวขึ้นเขียงเป็นรายการต่อไป ตอนนี้เด็กแสบหัวใจห่อเหี่ยว อยากโทรหาทิวากานต์ขอกำลังใจสักนิดแต่พอคิดว่าอีกฝ่ายทำงานอยู่ก็โยนโทรศัพท์ทิ้งสักพักถึงหยิบขึ้นมาใหม่ ทำแบบนี้หลายรอบเข้าจนมารดาสังเกตเห็น

“จะโทรหาใครก็โทรสิอัล โยนโทรศัพท์ทิ้งอยู่นั่นแหละ เดี๋ยวก็ทำตกเตียงพังแม่ไม่ซื้อให้ใหม่หรอกนะ ถ้าจะโทรหาทอมก็โทรไปเถอะ ทอมไม่ว่าอะไรหรอกถ้าเป็นเรา” มาดามโอเนลล์เข้าใจไปว่าลูกชายคงอยากได้กำลังใจจากเพื่อนรักที่บินมาหาไม่ได้ เสียดายที่เธอเข้าใจผิดไปโขทั้งเรื่องโทรศัพท์และคนที่โทรหา เจ้าไอโฟนโฟร์เอสที่ใช้อยู่ต่อให้ไม่ตกเตียงมันก็ใกล้พังอยู่ดี ส่วนคนที่จะโทรหาน่ะเป็นคุณหมอรูปหล่อหน้าดุต่างหาก

เด็กหนุ่มย่นปากใส่โทรศัพท์ พาลเอาว่าเป็นหน้าทิวากานต์ตัวต้นเหตุที่ทำให้ถูกมัมเข้าใจผิดและดุ เขาตัดสินใจอยู่อีกครู่ใหญ่คราวนี้เลยกลายเป็นว่าทุกคนในห้องหันมามองอลันด์เป็นตาเดียว รอดูเจ้าน้องเล็กต่อสายหาคนที่ต้องการเสียที หากยังไม่ทันได้ทำอะไรไอโฟนเครื่องเก่ากึ้กกลับดังขึ้นมาเสียก่อน เสียงดนตรีเร้าใจของวง Muse ทำเอาทั้งห้องสะดุ้งโหยง

อลันด์ลนลานเกือบทำโทรศัพท์หลุดมือ เขารีบไสนิ้วบนหน้าจอกดรับสายพลางคาดโทษเพื่อนรักที่ตั้งเสียงเรียกเข้านี้ไว้และตัวเขาที่ลืมเปลี่ยนก่อนที่เสียงเพลงจะทำให้คุณยายตกใจไปมากกว่านี้

“ฮะ ไฮล์”

‘พระเจ้า ดีจริง ฉันไม่ได้โทรมารบกวนใช่ไหม’ เสียงทอมดูโล่งใจมาก ดูจากเวลาแล้วที่มิวนิคน่าจะเป็นเวลาสักตีหนึ่งได้

“ไม่”

‘นึกว่าจะไม่ทันซะแล้ว เป็นไงบ้าง โอเคไหม กลัวหรือเปล่า’

“โอเคดี กลัวนิดหน่อย แต่คุณลุงก็บอกว่าไม่มีอะไรต้องกังวล”

‘คิดถึงนายมากนะ ฉันอยากไปอยู่กับนายตอนนี้เลย เสียใจจริงๆ ที่ทำตามสัญญาไม่ได้’

“ช่างมันเถอะ ฉันไม่ซีเรียส ยังไงเรื่องสอบก็ต้องสำคัญกว่าอยู่แล้ว” เขาคิดอย่างนั้นจริงๆ ไม่ได้น้อยใจอะไรอีกคน ถ้าจะรู้สึกคงเป็นกับทิวากานต์มากกว่า ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าเขามีกำหนดรักษาวันไหนยังไม่ยอมลางานมาดูแลกัน มันน่าโมโหสุดๆ

‘โอเค คริสต์มาสจะรีบไปหา’

“อ่าฮะ เอ่อ แค่นี้ก่อนนะทอม ได้แล้วเวลาไปห้องผ่าตัดแล้วล่ะ”

‘ไอ - ซี ดูแลตัวเองนะ รักนายเสมอ’

“รักเหมือนกัน” พยาบาลกับบุรุษพยาบาลมารอพร้อมกับรถเข็นแล้ว ดูท่าจะไม่มีเวลาให้โทรหาทิวากานต์อย่างใจต้องการ เลยรีบกดส่งข้อความไปหาอีกคนว่าเขากำลังจะผ่าตัดแล้วนะจึงค่อยปีนลงจากเตียงเตรียมเข้ารับการรักษาเสียที มือขาวกำโทรศัพท์แน่นกะรอข้อความตอบกลับจากคนรักจนกว่าจะถึงหน้าห้องผ่าตัด

“เดี๋ยวแม่กับแด๊ดจะเดินไปส่งนะจ๊ะ” มาดามโอเนลล์หยุดยืนอยู่ข้างรถเข็น เธอลูบกลุ่มผมสีน้ำตาลเบาๆ ด้วยความรัก ปกติแม่ของอลันด์ตัวเล็กอยู่แล้วและวันนี้ดูจะตัวเล็กยิ่งกว่าเดิมคงเพราะกังวลเรื่องลูกชาย

อลันด์ซึมไปอีกครั้งแม้จะคุยกับเพื่อนซี้แล้วก็ตาม จนออกจากลิฟต์มาถึงชั้นที่ใช้ทำการรักษาโทรศัพท์ก็สั่นแจ้งข้อความเข้า ทิวากานต์ตอบกลับมา ‘Nothing’s gonna hurt you Baby as long as you’re with me, you’ll be just fine. C U XOXO’ หากแค่นั้นก็มากพอให้คนป่วยยิ้มออกได้ เขาอ่านทวนอีกสองรอบก่อนปิดเครื่องแล้วส่งให้มารดาตอนถึงหน้าห้องผ่าตัด

“ญาติกลับไปรอที่ห้องได้เลยนะคะ ไม่ต้องกังวลค่ะ เดี๋ยวรักษาเสร็จแล้วดิฉันจะพาน้องกลับไปพักฟื้นต่อที่ห้องค่ะ”

“ค่ะ อัล แม่ไปแล้วนะจ๊ะ” เด็กหนุ่มเอียงแก้มให้มารดาจูบ รอจนเธอถอยออกไปคุณบุรุษพยาบาลจึงค่อยเข็นเขาเข้าไปในห้องผ่าตัด

นับเป็นครั้งที่สองในชีวิตที่ได้เข้ามายังสถานที่แบบนี้ ครั้งแรกตอนแขนหักที่อังกฤษ เขาถูกหมอจับฉีดยาชาแล้วรักษาทั้งที่ยังมีสติ หวังว่าครั้งนี้เขาคงไม่ถูกทำอะไรกับหัวใจทั้งที่ยังลืมตาอยู่แบบนี้หรอกนะ บวกกับอากาศเย็นเฉียบเหมือนอยู่ในห้องแช่มันน่าสยองน้อยเสียเมื่อไหร่ล่ะ

พออลันด์ขึ้นไปนอนบนเตียงเรียบร้อยถึงมีเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ใส่ชุดเขียวท่าทางอารมณ์ดีเข้ามาหา ถามว่าพูดไทยได้ไหม วันนี้มาทำอะไร กลัวหรือเปล่า บลาๆๆ แล้วบอกให้เขาทำใจให้สบายๆ ตอนนั้นเองเขาถูกหน้ากากอ็อกซิเจนจากไหนไม่รู้ครอบเข้าที่หน้า

“เดี๋ยวหมอจะดมยาสลบนะครับ ให้น้องนับหนึ่งถึงสิบช้าๆ ในใจเอาไว้นะ”

คุณหมอที่ชวนคุยสั่งไว้อย่างนั้น เด็กฝรั่งสูดลมหายใจเข้าปอดลึกโดยไม่ทันรู้ตัว เขาลืมตามองเพดานห้องที่เปิดไฟสว่างจ้า นับเลขตามที่คุณหมอคนนั้นบอก หนึ่ง สอง สาม ตอนที่กำลังจะนับถึงสี่มีหมออีกคนชะโงกหน้าเข้ามา เป็นต้นเหตุให้เขาลืมที่คุณหมอคนนั้นบอกให้นับไปเสียสนิทใจ เพราะแม้จะใส่หมวกคลุมผมมีมาส์กปิดปากคาดบังใบหน้าไปเกินครึ่งแต่อลันด์คิดว่าเขาจำดวงตาคู่นั้นได้แม่น

ทิวากานต์ ชื่อนี้ผุดขึ้นมาในความคิดเป็นสิ่งสุดท้ายก่อนโลกจะดับไป...



TBC

เย้ ได้หยุดยาวแล้วค่ะ หยุดเก้าวันเลย จะขยันมาลงนิยายถี่ๆ นะคะ
ขอสวัสดีปีใหม่ล่วงหน้าตรงนี้เลยนะคะ
ใครไปเที่ยวไหนขอให้เที่ยวอย่างสนุก เดินทางปลอดภัยค่า

ขอบคุณทุกคอมเม้นต์และทุกคนที่เข้ามาอ่านค่ะ
ชอบคอมเม้นต์ของทุกคนมากเลย อ่านแล้วแอบขำ สงสารน้องอัลไม่มีใครเข้าข้างนางเลยอ้ะ ฮ่าๆๆๆ

พี่วาทำอะไร ไม่มาดูดีดูดำน้องอัลจริงหรือไม่
น้องอัลขึ้นเขียงแล้วจะออกออกฤทธิ์ได้อีกไหม
โปรดติดตามตอนต่อไปค่า

จุ๊บๆ
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 20 [27.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 27-12-2015 19:48:35
จิ้ม!!!!
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 20 [27.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: yisren. ที่ 27-12-2015 20:17:55
พี่วาก็มา แอร๊ยยย ยิ่งอ่านยิ่งหลงพี่วาจริงๆ เลิฟฟๆๆๆ
สู้ๆ นะจ๊ะอัลน้อย  ปลอดภัยแน่นอน มีหมอวาอยู่ทั้งคน
เปิดเพลงฟังตามฟินแท้ๆ
ลงถี่ๆ เลยค่ะ นี่ก็จะมาอ่านถี่ๆ เหมือนกัน เกี่ยวมั้ย? 55555
ขอให้มีความสุขนะคะคุณคนเขียน  :-[
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 20 [27.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 27-12-2015 20:41:10
พี่หมอวามาเอง อัลมีกำลังใจแน่นอน
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 20 [27.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 27-12-2015 21:09:27
"พี่วา"......  โอ๊ย!!! หัวใจคนแก่กระตุก........

ฝรั่งน้อยได้ทีเด็ดมายั่วหมอวาอีกแระ   พอรักษาหัวใจแข็งแรงแล้ว

พี่หมอวาไม่รอดฝรั่งน้อยแน่ๆ  :laugh5:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 20 [27.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: minkey ที่ 27-12-2015 21:48:50
ขอแบบหมอวาสักที่ได้ไหมคะ
เขินตอนเอาสเตธเสียบหูให้น้องฟัง
เขินจริงเขินจัง :-[

พี่หมอวาต้องเป็นคนทำให้น้องแน่เลยย

รอตอนต่อไปนะคะ
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 20 [27.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 27-12-2015 21:50:47
หมอวาต้องห่วงน้องอัลมากแน่ๆอ่ะ
ก็หมอวามาเองเลยนี่ หมอวาน่ารัก :กอด1:
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 20 [27.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 27-12-2015 21:51:45
‘Nothing’s gonna hurt you Baby as long as you’re with me, you’ll be just fine. C U XOXO’
หมอวาลงมือเองเลยใช่ไหม เท่จังเลย อัลต้องหายดีแน่ ๆ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 20 [27.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: black sakura ที่ 27-12-2015 23:44:16
อร้ายยยอิ C U XOXO คืออัลไลค่ะพี่วาาาาา
งานอ่อยให้เด็กใจแตกก็มาาาา
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 20 [27.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: VarainDark ที่ 28-12-2015 00:20:07
อ๊ากกกกกก เขินแทนไอตัวแสบอ่ะ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 20 [27.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: DKTime ที่ 28-12-2015 00:32:41
หมอเถื่อนถึงกับเข้ามาให้กำลังใจถึงเตียงกันเลยทีเดียว ฮ่ะๆๆๆๆ  :hao7: :hao7: :hao7:

รอๆๆๆ รอตอนต่อไปไวๆเลยครับ

ถ้าอย่างหมอเถื่อนใสๆ เห็นทีเจ้าเด็กลูกครึ่งก็เบบี๋เพิ่งเกิดล่ะครับ 5555+
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 20 [27.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 28-12-2015 01:37:56
 :katai2-1:


สู่ๆๆ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 20 [27.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 28-12-2015 01:54:05
แหม่ แหม่ แหม่ แหม่  :hao3:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 20 [27.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: Mokuchi ที่ 28-12-2015 02:51:31
ตอนนี้หวานจัง ทั้งหมอวาทั้งอัลน่ารักมากก :-[
แด๊ดก็น่ารักนะคะ ตอนหวงลูกนี่ทำตัวเหมือนเด็กเลย นั่งแทรกงี้ 5555
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 20 [27.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: san ที่ 28-12-2015 10:16:21
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 20 [27.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: ゚゚ღ✿ศิลินส์✿ღ゚゚ ที่ 29-12-2015 10:30:28
น่ารักจัง ดูเหมือนน้องจะติดพี่มากเหมือนกันนะคะเนี้ย ครอบครัวก็อบอุ่นน่ารัก

หมอวาชอบกั๊กเนอะ มาทำงานแหม...ไม่บอกกล่าวน่าตีจริง

แอบกระซิบบอกน้องอัล ว่าวาอยากถูกกดล่ะ 555 หมอวาก็รอน้องอัลกดล่ะกันเนอะ  หึหึ

แอบสงสัยที่หมอวายังไม่ได้กดน้องอีกเหตุผลหนึ่งคือเรื่องเรียนต่อหรือเปล่าหนอ เหตุผลเยอะเนอะ ต้องให้น้องอ่อยบ่อย ๆ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 20 [27.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: Imunspoken ที่ 29-12-2015 10:42:35
เพิ่งเข้ามาอ่านค่ะ แล้วก็ติดทันที อ่านยาวตั้งแต่เมื่อคืนเกือบไม่ได้นอน ไม่ได้เจอนิยายที่ชอบแบบนี้มานานละค่ะ

เราชอบเรื่องนี้มากค่ะ มีความดีงามหลายอย่างเลย อย่างแรกคือหมอวา 555555555 อ่านๆไปก็อยากได้แบบนี้บ้าง และภาษาดีมากเลยค่ะ อ่านง่าย ลื่น ตลกด้วย แต่ละตอนยาวจุใจมาก จะรอตอนต่อไปนะคะ เดี๋ยวกลับไปอ่านตอนเก่าๆ รอ 55555
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 20 [27.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: LetGet ที่ 29-12-2015 21:42:45
อยากบอกนะว่าพี่หมอวาเป็นคนลงมีด สุดยอดอ่ะ!! รออ่านตอนต่อไปนะ //เราก็ยังคงรอฉากที่พี่หมอจะเคี้ยวเด็ก  :hao6:  :hao6:  :hao6:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 20 [27.12.15]
เริ่มหัวข้อโดย: Ryu7801 ที่ 31-12-2015 08:08:30
รอพี่หมอวากับน้องอัน :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 21 [02.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 02-01-2016 19:24:34
TRACK 21


อลันด์รู้สึกตัวอีกทีเพราะอาการเจ็บคอ เขาปรือตามองเพดานสีขาวนวลด้วยความมึนงง ตอนกำลังสงสัยว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน กี่โมงแล้ว พยาบาลกับหมอก็เดินเข้ามาดูพอดี ถามไถ่อาการว่ามีคลื่นไส้เวียนหัวบ้างไหม หลังจากให้เขาได้จิบน้ำไปอึกใหญ่อาการเจ็บคอจึงค่อยทุเลาจนตอบคำถามได้

“วา...”

“ครับ?” คุณหมอทำหน้าแปลกๆ เหมือนไม่แน่ใจว่าได้ยินที่เด็กฝรั่งพูดถูกหรือเปล่า “ตอนนี้รู้สึกยังไงนะครับ”

“วา... หมอวา” ฤทธิ์ยาสลบคงค้างอยู่ในตัวเยอะไปหน่อยอลันด์จึงดูมึนงงนึกอะไรไม่ออกนอกจากชื่อทิวากานต์และภาพสุดท้ายที่ได้เห็นก่อนหมดสติ

“อ๋อ” วิสัญญีแพทย์หัวเราะในคอก่อนอาศัยจังหวะคนไข้กำลังมึนเฉไฉไปเรื่องอื่น “เหมือนจะซึม เดี๋ยวนอนรอในห้องนี้ให้หมอดูอาการก่อนเนอะแล้วค่อยย้าย ขาข้างนี้อย่าขยับนะครับ ทนรำคาญไว้ก่อน”

เด็กฝรั่งครางฮือเริ่มรู้สึกปวดหัวอยากจะอ้วกหลังจากนั้นก็หมดสติไปอีกรอบ คราวนี้พอตื่นมาเจอหน้าพ่อเลยร้องไห้โฮๆ ครางเรียกแด๊ดท่าทางน่าสงสารพาตกใจกันยกครอบครัว มะรุมมะตุ้มโอ๋น้องกันเสียงขรม ตามหมอเจ้าของไข้มาดูแล้วก็ยังไม่หยุดร้อง เรียกได้ว่าเป็นคนไข้ที่ทำให้อ่อนอกอ่อนใจกันทุกฝ่าย โชคดีว่าคุณหมอถนัดเคสเด็กเล็กอยู่แล้วเลยเอาของเล่นกับของกินมาล่อ ไม่กี่นาทีลูกครึ่งตัวป่วนจึงเลิกงอแงยอมให้หมอตรวจดูแผลแต่โดยดี

ฟังหมออธิบายคร่าวๆ ก็คือแผลเรียบร้อยดี ปิดรูรั่วสนิท หัวใจแข็งแรงเต้นเป็นปกติ ที่งอแงน่าจะเป็นผลต่อเนื่องมาจากอาการมึนยาสลบนิดหน่อย โดยรวมไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ไร้ภาวะแทรกซ้อน ระหว่างนี้จำเป็นต้องเอาถุงทรายดามขาข้างขวาที่ทำการสวนหัวใจไว้อีกสักหกชั่วโมงหรือถ้าให้ดีก็ทั้งคืน งดขยับเขยื้อนโดยเด็ดขาด แล้วถ้าหิวค่อยเรียกพยาบาล มีอาหารอ่อนเตรียมไว้ให้แล้ว

เมื่อคุณหมอกลับออกไปทุกคนในครอบครัวจึงเดินมาถามไถ่อาการคนเจ็บกันอีกรอบ คราวนี้ตอบดีๆ ไม่ร้องไห้แล้วแต่ตากับจมูกยังแดงก่ำท่าทางดูน่าสงสาร พี่สาวพี่ชายถึงกับลูกหัวลูบหางน้องคนเล็กด้วยความเอ็นดู

เหมือนเวลาผ่านไปนานเหลือเกินในความรู้สึกแต่ที่จริงแล้วเพิ่งจะบ่ายสองเท่านั้น คุณลุงบอกว่าเขาเข้าไปในห้องผ่าตัดแค่ชั่วโมงครึ่งแล้วนอนพักฟื้นดูอาการอยู่อีกเกือบสามชั่วโมงเพราะแพ้ยา พอกลับเข้าห้องมาไม่ทันไรก็ตื่นแล้วร้องไห้นี่แหละ กานต์กระเซ้าถามว่าร้องไห้ทำไมก็ไม่ตอบ ปล่อยให้มาดามโอเนลล์เข้าใจไปว่าลูกชายคงเครียดเลยร้องออกมา

“น้องอัลทำคนแก่ตกอกตกใจเสียยกใหญ่ ยายเราจะไปบนกับพระอยู่แล้วดีว่าหมอเข้ามาซะก่อน” อดีตเอกอัครราชทูตถึงกับถอนหายใจยาว เขาเดินมาลูบหัวหลานชาย ว่าแต่ยายในใจเขาเองก็เตรียมของรับขวัญหลานไว้แล้ว ยิ่งเห็นตื่นมาร้องไห้ของที่จะให้ก็ยิ่งต้องมีราคาสมกับค่าน้ำตาที่เสียไป

อลันด์นอนให้ครอบครัวเอาใจอยู่สักพักคนที่อดอาหารตั้งแต่เมื่อคืนก็เริ่มหิว มื้อแรกของวันเป็นโจ๊กรสอ่อนที่มิสเตอร์เอเดลมาร์ลงทุนป้อนด้วยตนเอง มีคุณยายสำทับอยู่ข้างหลังว่ากลับบ้านไปแล้วจะจัดอาหารมื้อใหญ่อีกที กะขุนหลานชายให้กลับมาอ้วนกลมเหมือนเดิมให้ได้

ตอนโจ๊กหมดชามมีคนเข้ามาในห้อง หนแรกอลันด์นึกว่าเป็นทิวากานต์มาหาหากเมื่อไม่ใช่หน้าขาวถึงกับออกอาการเซ็งอย่างเห็นได้ชัดแล้วกลายเป็นหงุดหงิดทันควันเมื่อพบว่าคนที่มาเป็นลูกพี่ลูกน้องคู่กัดอย่างฌาน รวี ได้ข่าวว่าตอนนี้ทำงานอยู่ที่ฮ่องกงไหงโผล่มาอยู่นี่ได้

“หมดสภาพ ดูไม่ได้จริงๆ” ชายหนุ่มว่าอย่างนั้นหลังกราบสวัสดีผู้ใหญ่หมดแล้ว ร่างสูงโปร่งหยุดยืนอยู่ข้างเตียงคนป่วยเพียงคนเดียว ปล่อยให้คนแก่ไปนั่งพักกันที่ส่วนห้องนั่งเล่นหมด ตากลมโตสวยเหมือนหงส์มองใบหน้าขาวซีดเซียวน่าสงสาร คิดในใจจะยอมไม่ชวนตีด้วยสักวันเพราะดูท่าให้ทะเลาะกันตรงนี้เขาชนะอย่างไม่ต้องสืบ

“หึ ไม่ได้อยู่ฮ่องกงหรอกเหรอ”

“พอดีมาทำงานที่นี่เลยแวะมาดูอาการเสียหน่อย เห็นป้าอรบอกว่าเป็นโรคหัวใจ ตอนนี้เป็นยังไงบ้างล่ะ”

“อย่างที่เห็น”

“น้องอัล พูดไม่เพราะอีกแล้ว” คำปรามจากห้องนั่งเล่นอีกฝั่งทำเอาหลานรักหน้างอ อลันด์ห่างกับฌานแค่สี่ปี เรียกได้ว่าอายุใกล้เคียงกันที่สุดแล้ว แถมอีกฝ่ายยังเติบโตที่อังกฤษความสนิทจึงมีมากพอให้เป็นคู่กัดตลอดกาลได้ จะให้เรียกพี่ฌาน พี่ชาร์ลบอกตามตรงกระดากปากเหลือเกิน หลังจากนั้นทั้งคู่เลยเลือกจะพูดคุยกันด้วยภาษาอังกฤษแทนเสียจะได้ไม่ต้องมีคำแทนตัวคำลงท้ายให้วุ่นวาย

ลูกพี่ลูกน้องของเขาดูเหมือนจะคล้ำขึ้นเล็กน้อย คุยกันสักพักถึงรู้ว่าเจ้าตัวเพิ่งบินมาจากภูเก็ตเมื่อเช้า พอถึงกำหนดกลับฮ่องกงเลยขออนุญาตเจ้านายแวะมาดูอลันด์เสียหน่อยแล้วค่อยบินกลับพรุ่งนี้เช้า ตอนนี้ท่านประธานก็รออยู่ที่โรงแรมคงจะอยู่คุยด้วยได้ไม่นานนัก

ในระหว่างที่กำลังซาบซึ้งน้ำใจของคู่กัดที่เสียเวลาแวะมาหาเขา เสียงทักทายจากฝั่งห้องนั่งเล่นพร้อมเสียงทุ้มเป็นเอกลักษณ์ของทิวากานต์ก็ดังลอดเข้ามาในหู เด็กฝรั่งตัวแสบตาวาวหูกระดิกดิ๊กๆ สะบัดหางไปมา พยายามชะเง้อหน้าออกไปดูว่าใช้คุณหมอสุดที่รักมาหาแล้วหรือเปล่า ติดแต่ขาขวาที่ถูกจับดามห้อยไว้เหมือนผู้ป่วยกระดูกหักนี่แหละจึงขยับตัวไม่ได้อย่างใจนึก

“เป็นบ้าอะไรน่ะ ใครมาหรือไง”

“ยุ่ง” ปากว่าอย่างนั้นแต่สีหน้าเหมือนอยากอวดให้ศัตรูรู้ คงเป็นเพื่อนสักคนของเจ้าหนูนี่และไม่น่าจะธรรมดา อาจจะรูปหล่อเป็นพิเศษ มีคุณสมบัติครบถ้วนแบบโธมัสกระมัง

หนุ่มลูกครึ่งไทย-ฮ่องกงยักไหล่ทำท่าไม่สนใจ เขามานี่ไม่ได้กะพูดคุยกับใครอยู่แล้ว แค่มาดูเด็กบ้าให้เห็นกับตาเท่านั้นว่ายังสบายดี และเท่าที่ดูก็ออกจะสบายดีเกินไปเพราะต่อปากต่อคำได้เหมือนเดิม ฌานแสร้งยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกาเตรียมตัวจะขอกลับเป็นจังหวะเดียวกับคนมาใหม่เสนอหน้าเข้ามาในห้อง

ทิวากานต์เดินยิ้มหน้าแป้นมาจากฝั่งห้องนั่งเล่นท่าทางอารมณ์ดี เขาทักอลันด์ก่อนเห็นว่ามีใครคนอื่นอยู่ด้วยซ้ำ “เป็นไงบ้าง ปวดแผลไหม”

เด็กฝรั่งส่ายศีรษะบนหมอนใบโต “ไม่อ่ะ วาไม่ต้องทำงานแล้วหรือไง”

“ยัง แต่แวบมาดูก่อน นี่จำอะไรไม่ได้เลยล่ะสิเนี่ย” คุณหมอหนุ่มเดินมายืนข้างเตียงฝั่งตรงข้ามกับฌาน เอื้อมมือไปลูบผมอีกคนเล่นเบาๆ ก่อนเงยหน้ามองคนไม่รู้จัก พลันทิวากานต์คนกล้าถึงกับชะงักเมื่อมองหน้าอีกฝ่ายเต็มตา เสียงที่เอ่ยออกมาก็ตะกุกตะกักอย่างที่ไม่เคยเป็น “เอ่อ สะ สวัสดีครับ ปะ เป็นเพื่อนอัลเหรอครับ”

“ญาติน่ะครับ ญาติห่างๆ”

“ห่างมากกก” เด็กฝรั่งสวนเสียงเขียว ตาสีซีดจ้องคุณหมอกับญาติตัวเองเขม็ง หนอย...เจอคนหน้าตาดีหน่อยไม่ได้ทิวากานต์มองตาเยิ้มเลย แล้วฌานเนี่ยสเปคตรงกับคู่ควงคนก่อนๆ ของคุณหมอเป๊ะ ทั้งสูง ผอม หุ่นดีและแม้จะเป็นผู้ชายแต่ก็ต้องยอมรับว่าลูกครึ่งไทย-ฮ่องกงคนนี้สวยกว่าผู้หญิงเสียอีก!

“ทิวากานต์ครับ เรียกพี่วาก็ได้ เป็นหมออยู่โรงบาลเครือเดียวกันนี่เอง” เขายื่นมือออกไปตรงหน้า ข้ามตัวอลันด์ที่นอนแบ่บไปเฉย ฌานเหมือนจะลังเลเล็กน้อยแต่ก็ยื่นมือไปจับตามมารยาท

“ฌานครับ เรียกชาร์ลก็ได้” แก้มอิ่มขึ้นสีแดงเรื่ออย่างน่ารัก ตากลมโตเมียงมองคุณหมอเหมือนไม่แน่ใจจนทิวากานต์เลิกคิ้วเป็นเชิงถามถึงได้เอ่ยปาก “คุณหมอหน้าคุ้นจังเลย เราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่าครับ”

ถ้าบอกว่าเป็นมุกจีบอลันด์บอกเลยว่าโคตรเชย แต่เพราะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้เด็กฝรั่งตัวแสบถึงกับตาเหลือกนอนไม่ติดเตียง เขาลืมไปได้ยังไงกันว่าฌานเป็นแฟนคลับตัวยงของวิคเตอร์ แล้วทิวากานต์น่ะหน้าตาแทบจะถอดแบบพ่อมาเป๊ะๆ จะปล่อยให้สองคนนี้มาสปาร์คกันทั้งที่เขายังนอนป่วยอยู่แบบนี้ไม่ได้นะเฮ้ย! นี่แฟนเขา เขาหวงเขาจะทวงของเขาคืน!!!

“อ๊ะ โอ๊ย!” ร้องออกไปไวเท่าความคิด อลันด์แกล้งตีสีหน้าเจ็บปวดเต็มประดา เท่านั้นทิวากานต์ก็เลิกสนใจหนุ่มหน้าสวย ก้มลงมาถามไถ่อาการคนป่วย

“อัล เป็นอะไร เจ็บตรงไหน”

“จะ เจ็บ...” เจ็บตรงไหนดีวะ “เจ็บ ไม่รู้อ่ะพี่วา โอ๊ยๆ”

“เดี๋ยวอัล หายใจเข้าลึกๆ นะ อ๊ะ!” ทิวากานต์หลุดร้องเสียงหลงตามคนเจ็บไปติดๆ ก็ตอนก้มหน้าลงไปดูอาการอีกคน มือขาวๆ กลับคว้าหูเขาแน่นไม่พอแถมยังจับบิดเหมือนกะให้หลุดซะงั้น

“อัลเป็นอะไรน่ะ คุณหมอครับ เกิดอะไรขึ้น”

“อะ อัล... อ๊ะ ไม่มี ไม่มีอะไรครับ สงสัยเจ็บแผล โอ๊ะ!” หมอศัลย์รูปหล่อละล่ำละลั่กตอบหน้าแดงก่ำ ตาคมมองไอ้ตัวแสบเขม็ง ถ้าไม่ติดว่าเพิ่งออกจาก OR เขาจะไล่เตะตูดให้นั่งไม่ได้เลย แม่งเอ๊ย! เขาก็นึกว่าเป็นอะไรที่ไหนได้มารยาหลอกเขาไปทำร้ายร่างกาย แล้วดูอลันด์นะมองเขาตาเขียวปั๊ด ถามจริงเถอะว่าทำผิดอะไรถึงต้องลงโทษกันแบบนี้!!!

“หนอย เห็นคนสวยหน่อยไม่ได้เลยนะวา”

“อะไรเล่า ขอมองหน่อยไม่ได้หรือไง”

“มองก็แค่มองสิ จับมือทำไม”

คู่รักต่างวัยผลัดกันโต้ตอบด้วยเสียงลอดไรฟัน คนนอกฟังแล้วเหมือนเสียงแมวขู่กันมากกว่า ฌาน รวีเห็นท่าไม่ค่อยดีจะเรียกผู้ใหญ่ฝั่งนั้นมาช่วยดูทิวากานต์ดันดึงหัวขึ้นมาเสียก่อน หน้าหล่อเหลาอย่างกับถอดแบบพระเอกหนังในดวงใจแดงก่ำโดยเฉพาะส่วนหู หากยังมีรอยยิ้มกว้างยังประดับเหมือนไม่มีอะไรทั้งที่คิ้วกระตุก

“น้องน่าจะตึงแผลตรงที่โดนเจาะ นอนเฉยๆ เดี๋ยวก็หายครับ แต่ถ้ายังปวดอยู่เดี๋ยวให้พยาบาลเอายาแก้ปวดมาให้”

“เอ่อ... แน่ใจนะครับว่าแค่นั้น” ถามกลับไม่ค่อยจะแน่ใจ เมื่อกี้คุณหมอก้มหน้าลงไปเกือบชิด นึกว่ามีปัญหาอะไรเสียอีก แน่นอนว่าเขาไม่ได้เอะใจเรื่องที่อลันด์เอามือตะบปหน้าอีกฝ่ายสักนิด ติ๊ต่างไปเองว่าน้องเจ็บเลยดิ้นจนมือฟาดหน้าทิวากานต์

“ครับ อัลแข็งแรงดี แข็งแรงมากกก” ชายหนุ่มจงใจเน้นเสียงท้ายประโยค ไม่แน่ใจว่าย้ำให้ญาติผู้ป่วยเบาใจหรือประชดไอ้ตัวแสบ แต่ดูท่าจะเป็นอย่างหลังมากกว่า

“โอเคครับ งั้นผมกลับก่อนดีกว่า ไม่อยากกวนคนป่วย” เห็นเป็นแบบนี้แล้วฌานเลยว่าทำตามความตั้งใจเดิม ขืนอยู่นานกว่านี้แล้วเด็กนี่เป็นอะไรขึ้นมาเขาจะรู้สึกแย่เอาได้

ชายหนุ่มเดินไปหยิบกระเป๋าเป้ขึ้นสะพายก่อนเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นลาผู้ใหญ่ มีทิวากานต์อาสาไปส่งเพราะมีเคสต้องไปดูต่อพอดีทำเป็นไม่สนใจอาการหน้างอตาเขียวปั๊ดของแฟนเด็ก คิดเสียว่าเอาคืนที่บิดหูเขาเกือบหลุด ตอนนี้ยังเจ็บจี๊ดๆ อยู่เลย เกิดมาสามสิบปีเพิ่งเคยโดนก็วันนี้ ดีว่ารักมากนะ ถ้าไม่รักมีจับเชือดไปแล้ว!

ทิวากานต์เดินเคียงกันออกมากับฌาน บอกผู้ใหญ่ในห้องไว้ว่าเดี๋ยวเย็นๆ จะมาอีกที มีสายตาไม่ต้อนรับจากมิสเตอร์เอเดลมาร์ไล่หลังแต่ who cares? ริจะกินลูกเขาแล้วอย่าได้กลัวว่าที่พ่อตา เพื่อนร่วมรุ่นคนหนึ่งเคยว่าไว้เช่นนั้น

“น้องฌานตัวสูงจังเลยนะครับ ไม่เหมือนอัลเลย รายนั้นเตี้ยซะอย่างกะไม่ได้มีพ่อเป็นฝรั่ง” เดินออกมาได้หน่อยทิวากานต์ก็ชวนอีกฝ่ายคุย เอาจุดเด่นอย่างส่วนสูงที่เกือบจะเท่าเขามาเป็นประเด็น  บอกตรงๆ ถ้าไม่ได้คบกับอัลเขาอาจจะจีบญาติผู้พี่เด็กฝรั่งไปแล้ว หน้าสวย ตัวสูง หุ่นดี สเปคสุดๆ

“สูงเหมือนพ่อน่ะครับ พ่อผมพอจะมีเชื้ออังกฤษอยู่หน่อย แต่เอาจริงก็มีเชื้อจีนมากกว่า”

“เป็นลูกครึ่งเหรอครับ มิน่า หน้ามีเสน่ห์มากเลย”

“ฮ่องกง-ไทยน่ะครับ”

“เหมือนพี่เลย!” ถ้าทิวากานต์มีหางคงเห็นมันส่ายริกๆ ถือโอกาสสร้างความสนิทสนมแทนตัวว่าพี่ซะ “พี่ก็ลูกครึ่งฮ่องกง-ไทย พ่อเป็นฮ่องกงน่ะ แต่พูดจีนไม่ได้สักคำ ได้แค่หนีฮ่าว พี่ออกเสียงถูกไหม”

“ได้อยู่นะครับ คิก จะว่าไปพี่วาก็หน้าเหมือนคนฮ่องกงจริงๆ ด้วย เหมือนวิคเตอร์ที่เป็นดาราน่ะครับ” ชายหนุ่มหัวเราะ

“เอ่อะ เหมือนขนาดนั้นเลยเหรอครับ” คุณหมอหนุ่มถึงกับอ้าปากค้าง เพิ่งจะเคยโดนบอกว่าหน้าเหมือนพ่อก็วันนี้แหละ

“ครับ เหมือนมาก ผมเป็นแฟนคลับวิคเตอร์ตัวยงเลย พอเห็นหน้าพี่วาครั้งแรกยังนึกในใจทำไมผู้ชายคนนี้หน้าเหมือนเขาจังอย่างกับเป็นพ่อลูกกันแน่ะ อ่อ จะว่าไปเหมือนจะเคยมีข่าวว่าวิคเตอร์มีลูกลับๆ อยู่ด้วย ตอนผมรู้ข่าวนะเหมือนหัวใจสลาย อย่างกับโดนหลอกให้รักมาตั้งหลายสิบปี รู้ตัวอีกทีเขามีลูกเมียอยู่แล้ว” พอเป็นเรื่องที่ชอบฌานก็คุยไม่เปิดโอกาสให้อีกคนพูด พาลทำให้ไม่ทันสังเกตสีหน้าอีกคนที่ตึงๆ ไป

ทิวากานต์พยายามระงับอาการแปลกๆ ที่เกิดขึ้นในใจ ย้ำกับตนเองว่าอีกฝ่ายไม่รู้เรื่องถึงพูดออกมาแบบนั้น เขาแกล้งเฉไฉไปเรื่องอื่น “เหรอครับ แล้วน้องฌานสนใจผู้ชายที่หน้าเหมือนคนในดวงใจบ้างไหมละครับ”

“ฮ่าๆ ถ้าเป็นก่อนหน้านี้สักปีสองปีผมอาจจะคิดนะครับ แต่ว่าตอนนี้ผมมีเรื่องสำคัญที่ต้องทำ...ไม่มีสิทธิคิดถึงความรักหรอกครับ” ฌาน รวีหลุบสายตาต่ำซ่อนความรู้สึกไว้ หากน้ำเสียงเบาหวิวทำให้คุณหมอรู้ว่าอีกฝ่ายคงมีเรื่องหนักใจอยู่ไม่น้อย คุณหมอรูปหล่อจึงอดแหย่ให้อีกฝ่ายอารมณ์ดีไม่ได้

“เสียดายจัง น้องฌานเนี่ยสเปคพี่เลย”

“ฮ่าๆ เหมือนถูกวิคเตอร์สารภาพรักเลยแหะ” แก้มใสแดงจัด ยิ้มตาหยี โดยไม่รู้ว่าประโยคนั้นทำร้ายทิวากานต์อีกครั้ง ตอกย้ำด้วยการบอกว่าเขาเหมือนผู้ชายคนนั้นแค่ไหน ความโด่งดังของผู้เป็นพ่อทำให้ครอบครัวเขาบิดเบี้ยวเพียงใด และไม่ว่าจะหลีกหนีแค่ไหนหลักฐานบนใบหน้าก็บอกว่าเขาเกี่ยวข้องกับวิคเตอร์อย่างไม่มีทางเป็นอื่น

ถ้าเพียงแต่...ถ้าเพียงแต่วิคเตอร์จะไม่ได้เป็นดารา...

เขาส่งหนุ่มน้อยที่ชั้นหนึ่งก่อนขอตัวไปทำงานต่อไม่ใส่ใจหัวใจที่ถูกข่วนเป็นรอยถลอกเลือนราง หนักหนากว่านี้ยังผ่านมาได้กะอีแค่คำพูดของคนเพิ่งเจอกันเขาจะเก็บมาใส่ใจทำไม เรื่องทุกอย่างมันผ่านมานานมากแล้วพอกับอายุของเขา ทุกวันนี้เขาก็มีความสุขดี การเก็บเอาปมขาดพ่อตอนเด็กมาแสดงอาการอ่อนแอมันไม่ใช่เรื่องที่คนอายุสามสิบจะทำกันแล้ว สู้กลับไปตั้งใจทำงานให้สมกับที่อาจารย์หมอจากฝั่งนี้ยอมให้เขาเข้าไปดูการทำเคสของอลันด์ดีกว่า

แม้แผลไม่ว่าจะเล็กจะใหญ่อย่างไร ในความจริงก็ทำให้เจ็บอยู่ดี...

.
.
.

“As the clouds roll by, I can see the sunshine mmhm…”

ฟ้าหลังฝนใครก็ว่าสดใส อลันด์เองก็คิดแบบนั้น เด็กฝรั่งตัวแสบฮัมเพลงงุ้งงิ้ง ตาสีซีดจับจ้องหน้าจอแมคบุ๊คแอร์เครื่องใหม่กิ๊กเลื่อนนิ้วดูเสื้อผ้าจากเว็บเซลล์เลอร์ชื่อดังอย่าง Mr. Porter รู้สึกอากาศเมืองไทยเริ่มหนาวขึ้นมานิดๆ ถ้าได้สเว็ตเตอร์สวยๆ สักตัวใส่ตอนไปเรียนคงดีไม่น้อย

ว่าแต่ถ้าของมาส่งทิวากานต์ต้องบ่นว่าเขาฟุ่มเฟือยอีกแหง แค่แมคบุ๊คที่ใช้อยู่ตอนนี้ ไหนจะไอโฟนหกใหม่เอี่ยมข้างตัว ไอแมคจอเรติน่า 5K ในห้องนอน กล้อง DSLR พร้อมเลนส์สามแบบและแอคชั่นคาเมร่าอย่าง GoPro Hero4 ที่ขนกลับคอนโดมา คุณหมอหน้ายักษ์ก็แทบจะกินหัวเขาแล้ว ยังดีนะที่เขาไม่บอกไปว่าได้กระเป๋าหนังจระเข้ฟอกสีขาวของเดลโว (delvaux) มาอีกใบ(แถมยังชอบม้ากมากจนอยากได้อีกใบสองใบให้ครบสามสี) ไม่งั้นมีหวังทิวากานต์ได้เทศน์ยาวจนหมดปีแน่

อยากจะถอนหายใจดังๆ แล้วบอกคนรักสูงวัยว่าเขาไม่เสียเงินสักบาท ทั้งหมดนี่เป็นเงินคุณตาที่ให้เป็นค่าเรียกขวัญหลังผ่าตัดทั้งนั้น เรื่องอะไรเขาจะเสียเงินเป็นล้านกับของที่ใช้บ้างไม่ใช้บ้างล่ะ

เชื่อเถอะว่าวินาทีที่คุณตาถามว่าอยากได้อะไรเป็นของขวัญออกจากโรงพยาบาล ต่อให้บอกไปว่าอยากได้เบนท์ลีย์ มูซานมาใช้เหมือนตอนอยู่อังกฤษคุณตาคงรีบไปหามาให้จริงๆ นี่ยังดีนะที่เขาบอกว่าไม่อยากได้รถคันใหม่เพราะรักน้องมิ้ลค์ม๊ากมาก ไม่เหมือนคนบางคนหรอกที่พอเอารถใหม่มาล่อก็รีบตะครุบไว้

เรื่องแค่นี้ทิวากานต์น่าจะเข้าใจ ไม่รู้จะบ่นไปทำไม หรือว่าเริ่มเข้าใกล้วัยทองแล้วเลยขี้บ่น แต่สามสิบไม่น่าจะวัยทองเร็วขนาดนั้น “อ๊ะ! ยีนส์ตัวนี้สวยจัง เท่าไหร่เนี่ย... สองร้อยเก้าปอนด์ ถูกเว่อร์”

“กางเกงตัวละหมื่นกับอีกสามสิบสองบาท1ถูกเว่อร์ๆ” เสียงทุ้มคุ้นหูดังเหนือหัวเรียกให้อลันด์เงยหน้าขึ้นไปส่งยิ้มหวานๆ ให้คุณหมอตัวสูงเหมือนเสาไฟฟ้า

“โอ๊ะ กลับมาแล้วเหรอวา” แทนที่จะตกใจที่ถูกจับได้ว่าแอบช้อปปิ้งเด็กหนุ่มกลับทึ่งกับการคิดเลขในใจได้อย่างรวดเร็วของอีกคนมากกว่า ตอนเด็กๆ แม่ให้กินเครื่องคิดเลขเข้าไปหรือไงนะ

“ยืนหัวโด่อยู่นี่ยังไม่กลับมามั้ง เอาแต่ช้อปอยู่นั่นแหละเดินเข้ามาเสียงดังยังไม่ได้ยิน ถ้าเป็นโจรเข้ามาคงโดนยิงตายไปแล้ว กินข้าวยัง?” ทิวากานต์ใช้มือรูดเนคไทลงพลางปลดกระดุมคอบนสุดแล้วเดินเอาหน้าไปจ่อช่องแอร์ วันนี้อากาศร้อนอย่างกับอยู่กลางเดือนเมษาทั้งที่เข้าหน้าหนาวไปทุกที สงสัยปีนี้กรุงเทพจะไม่หนาวแล้วซะละมัง

“ยังอ่ะ รอกินพร้อมวา”

“ก็บอกให้กินไปเลยไม่ต้องรอ วันนี้กินยาครบหรือเปล่า”

“ครบทุกเม็ด!”

อลันด์ออกจากโรงพยาบาลมาได้สองสัปดาห์แล้วแต่เพิ่งจะกลับคอนโดตอนเย็นวันศุกร์เมื่อวานหลังจากอยู่ให้คนแก่โอ๋จนพอใจพร้อมหอบของขวัญสูงท่วมหัวกลับมาให้ทิวากานต์ตกใจด้วย! ส่วนพ่อแม่เด็กแสบกลับลอนดอนไปตั้งแต่ตอนที่เด็กหนุ่มพักฟื้นที่บ้านคุณตาได้สองวัน

การรักษาผ่านไปด้วยดี หัวใจกลับมาเต้นเป็นปกติเรียบร้อยไร้เสียงฟู่ๆ ตอนนี้อาจต้องกินยาบางตัวไปสักระยะและพบหมอตามนัด แต่บอกได้เต็มปากเต็มคำว่าไอ้ตัวแสบสามารถกลับมาซ่าได้เหมือนเดิมไม่มีอะไรต้องห่วงอีก

ยืนให้แอร์เป่าจนหายร้อนคุณหมอตัวสูงค่อยเดินเข้าห้องครัว เมื่อเช้าก่อนไปทำงานเขาทำแซนด์วิชกับสลัดเป็นมื้อเช้า แกงจืดหมูสับสาหร่าย ไก่กระเทียม กับไข่ตุ๋นไว้ให้เด็กฝรั่งอุ่นกินมื้อเที่ยงกับมื้อเย็น แต่หลังเปิดตู้เย็นดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะกินไปแค่นิดหน่อย ข้าวในหม้อก็เหลือเกินครึ่ง ไม่ทันรู้ตัวคิ้วหนาเป็นปื้นของทิวากานต์เริ่มขมวดเข้าหากัน

“วันนี้กินข้าวบ้างรึเปล่า ทำไมข้าวเหลือเยอะ หรือฉันทำไม่อร่อยถูกปาก”

“เปล่าน้า วาทำอาหารอร่อยจะตาย” เด็กฝรั่งทำหน้าเชื่อง เอียงคอเอาใจพ่อครัวคนเก่ง “แต่ว่า...มันไม่ค่อยหิวอ่ะเลยกินไปนิดเดียว”

ทิวากานต์เอานิ้วเขี่ยแก้มตอบของแมวอิมพอร์ทที่เดินมาเกาะเอวอ้อนกลัวถูกดุ ใจนึงอยากทำแบบนั้นอยู่หรอกแต่ทำไปใช่ว่าอีกฝ่ายจะกลัวจริงจัง ถ้าไม่ใช่เรื่องที่สนใจหรือเป็นเรื่องคอขาดบาดตายแป๊บๆ เดี๋ยวก็ลืม

“ไปชั่งน้ำหนัก”

“หือ?”

“บอกให้ทำก็ทำเหอะน่า” ทิวากานต์กอดอกตีหน้ายักษ์ขู่ทางอ้อม อลันด์จึงยอมเดินคอตกไปขึ้นตาชั่งหน้าห้องน้ำแต่โดยดี “ห้าสิบจุดสี่ อืม... ตอนอยู่บ้านนู้นก็ไม่ค่อยกินข้าวหรือไง น้ำหนักลงตั้งสองโล”

ก่อนหน้าตรวจเจอเป็นโรคหัวใจคือเจ็ดสิบเก้า ตอนแอดมิทน้ำหนักอยู่ที่ห้าสิบสาม นับเวลาเกือบสามเดือนลดไปได้ประมาณสามสิบกิโลทั้งที่ไม่ได้ออกกำลังกายทำแค่ควบคุมอาหารอย่างเดียว พออนุมานได้ว่าก่อนมีปัญหาเจ้าตัวมีระบบการเผาผลาญที่ดีอยู่แล้ว เมื่อหัวใจกลับมาทำงานได้ปกติระบบต่างๆ ในร่างกายจึงกลับมาทำงานได้มีประสิทธิภาพตามเดิม

จะว่าดีมันก็ดี แต่ถ้ายังเบื่ออาหารอีกแบบนี้ไม่น่าจะไหว ผอมจนเขาแทบจับอุ้มได้แล้ว

“โอ๊ะ น้ำหนักลงอีกแล้วเหรอเนี่ย มิน่าล่ะกางเกงที่อัลเบิร์ตเพิ่งส่งมาให้ใหม่ถึงได้หลวม สงสัยต้องสั่งตัวใหม่ วาไม่ว่าอะไรใช่ไหมถ้าผมจะซื้อกางเกงเพิ่มอีกสักหน่อย”

ทิวากานต์แทบจะทึ้งหัวตัวเอง เด็กนี่ก็ไม่ได้คิดอะไรเล้ยยย ถ้าสนใจเรื่องตัวเองพอๆ กับเรื่องกีตาร์หรือช้อปปิ้งคงดีหรอก เขาดีดหน้าผากอีกคนแล้วเรียกมากินข้าว บริการอย่างดีตักข้าวตักกับให้กะขุนน้ำหนักขึ้นอีกหน่อยสักห้าโลกำลังดี แต่เด็กฝรั่งดันกินเท่าแมวดมก่อนวางช้อนส้อมแล้วยกน้ำดื่ม

“อิ่มแล้ว”

“กินไปไม่ถึงครึ่งจานเลย กินอีกหน่อย” ไม่นึกไม่ฝันว่าจะมีวันได้พูดคำนี้กับเด็กที่เคยขดข้าวกินหมดหม้อคนเดียวมาแล้ว

“ไม่เอาแล้ว วากินเหอะ”

ได้ยินแบบนี้แล้วไอ้ที่หิวๆ ก็หมดอารมณ์กินได้เหมือนกัน ทิวากานต์วางช้อนบ้าง “ถ้าอัลไม่กินฉันก็ไม่กิน กินไม่ลงเหมือนกัน”

“ได้ไงอ่ะ วันนี้วาได้กินข้าวบ้างหรือเปล่าเหอะ กินดิ ไม่หิวหรือไง”

“ถ้าอยากให้กินก็กินเป็นเพื่อนกัน ไหนว่ารอกินข้าวเป็นเพื่อนไงทำไมทิ้งกันกลางทาง”

หน้าขาวหงอหน่อยๆ ก่อนยอมหยิบช้อนขึ้นมาตักข้าวกินอีกครั้ง เขารอจนอลันด์เคี้ยวหมดคำแรกถึงตักกินบ้าง พอคำต่อไปก็รอเหมือนเดิม คราวนี้ถึงกินไม่หมดจานแต่ก็มากจนเป็นที่น่าพอใจ

ทีแรกคุณหมอคิดว่าจะเริ่มกลับมาตุนขนมในห้อง แต่เมื่อคิดดีๆ แล้วว่าให้อ้วนเพราะน้ำตาลคงไม่ดีกับสุขภาพเลยหาอย่างอื่นเสริมแทนดีกว่า บางทีเขาคงต้องปรึกษาเรื่องนี้กับอาจารย์เจ้าของไข้อลันด์ตอนนัดครั้งถัดไป

“จะว่าไป...เวลาผ่านไปเร็วเหมือนกันเนอะ อีกไม่เท่าไหร่ก็จะอยู่ที่นี่ครบปีแล้ว” เด็กตัวแสบว่าหลังยกแก้วดื่มนมอุ่นๆ ก่อนนอน คราบขาวเป็นรอยโค้งปรากฏขึ้นเหนือริมฝีปากหยักสีแดงจัดให้คนมองอมยิ้ม

“นั่นสินะ เร็วจริงๆ”

“ตอนมาอยู่ที่นี่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นอย่างนี้เหมือนกัน”

“อย่างไหน” ทิวากานต์หันหน้าไปดูคนข้างๆ ตวัดลิ้นเลียคราบนมบนปาก กริยายั่วไม่รู้ตัวกระตุ้นคุณหมอให้ก้มลงไปดูดลิ้นอีกคนในทันที “หือ ว่าไง เป็นอย่างไหน”

“มีแฟนเป็นผู้ชาย แก่กว่า แล้วก็เป็นหมอด้วย”

“หึหึ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ยังอยากให้เป็นอย่างนี้หรือเปล่า”

“ยังไงดีน้า...” ไอ้ตัวแสบแกล้งกรอกตาทำหน้าเจ้าเล่ห์พลางจิบนมในแก้วไปเรื่อย “ไม่รู้ดิ รู้แต่ตอนนี้มีความสุขเป็นบ้า”

“อยากอยู่กันแบบนี้ไปเรื่อยๆ เนอะ”

“อื้อ” อลันด์วางแก้วนมบนโต๊ะเตี้ยก่อนกอดแขนคนข้างกายแน่น “รักพี่วานะ”

“รู้แล้วน่า รักเหมือนกัน” คุณหมอรวบเอวอีกคนขึ้นมานั่งกอดบนตัก น้ำหนักตัวที่ลดลงไปยังคงทำให้เขาใจหายได้ทุกครั้งที่รู้ กระนั้นกลับอดพอใจกับสภาพนี้ไม่ได้ อลันด์เหมือนเป็นตุ๊กตาตัวเล็กๆ จะจับนั่งจับนอนหรือหิ้วไปที่ไหนก็ได้ น่ารักน่าฟัดเป็นที่สุด คิดแล้วก็ลงมือทำทันที เขาหอมแก้มใสซ้ายทีขวาทีสูดกลิ่นสบู่อ่อนๆ เข้าเต็มปอด อยากกลืนกินอีกฝ่ายเข้าไปทั้งตัวไม่ให้ใครได้เห็นอีก

“อ๊ะๆ พอเลย ให้แค่นี้พอ”

“หา?” ชายหนุ่มร้องเสียงหลง เขาผละหน้าออกจากซอกคออีกคนเลยถูกฝ่ามือขาวจัดปิดปาก

“รู้หรอกว่าเดี๋ยวก็หยุด เรื่องอะไรจะปล่อยให้นัวเนียจนค้างอีก พอเลยนะ! จะเล่นตัวบ้างแล้ว รู้ไหมว่าหมอบอกให้งดมีเพศสัมพันธ์อย่างน้อยหนึ่งเดือน นี่เพิ่งผ่านมาได้แค่สองสัปดาห์เอง เพราะงั้น...รอ - ไป - ก่อน - เถอะ!!!” ได้ยินคนเด็กกว่าพูดพูดเน้นตอกหน้าทีละคำทิวากานต์ก็ทำได้แค่กรอกตาขึ้นฟ้า

เขาจับโยนอีกคนกลับไปนั่งที่เดิม เด็กแสบก็รีบทำตัวเป็นเด็กดีหยิบแก้วนมขึ้นมาจิบต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน ซ้ำยังผิวปากอารมณ์ดีจนน่าหมั่นไส้



------------------------------------
1 - ค่าเงินปอนด์ ณ ตอนที่เขียนคือประมาณ 48 บาทต่อ 1 ปอนด์
หัวข้อ: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 21 [02.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 02-01-2016 19:29:10
สักสามทุ่มครึ่งอลันด์ถึงเตรียมตัวเข้านอน เด็กฝรั่งเดินเอาแก้วกระเบื้องไปล้างเก็บ ก่อนเดินนำหน้าทิวากานต์ที่รอปิดไฟชั้นล่างขึ้นไปข้างบน คุณหมอส่งอีกฝ่ายเข้านอนเป็นอย่างแรกแล้วค่อยไปจัดการตัวเอง

ร่างสูงใหญ่เดินออกมาจากห้องน้ำพลางปรายสายตาดูเวลาบนผนัง บวกเวลาไปอีกสองชั่วโมงคนที่อยู่แดนปลาดิบคงยังไม่นอน คิดแบบนั้นแล้วก็รีบคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายไปหาคนที่นึกถึงทันที

‘คุณชายวาโทรมาตอนนี้ได้ดูนาฬิกาก่อนหรือเปล่าครับว่ามันกี่โมงกี่ยามแล้ว’ รออยู่ไม่นานเสียงจากคนไกลจึงดังขึ้นพร้อมวาจาประชดประชันตามนิสัย เขาได้ยินเสียงขยับหน้ากระดาษแสดงว่าอีกคนยังไม่นอนและอ่านหนังสืออยู่ตามประสาคนบ้าเรียน

“ดูแล้ว เฮ้ยไอ้ฟ้า เมื่อไหร่ของที่ข้าสั่งถึงจะได้วะ นี่รอมาหลายเดือนแล้วนะเว้ย”

‘คุณชายครับ คุณมึงเล่นปรับไซส์ทุกสัปดาห์แล้วเมื่อไหร่ของมันจะเสร็จครับ นี่งานทำมือนะครับไม่ใช่ของโรงงาน แล้วช่างก็ฮอตเหลือเกิน กูไปขอเขาแก้แล้วแก้อีกจนเขาจะกระทืบอยู่แล้ว นี่โทรมาไม่ใช่ว่าจะขอแก้ไซส์อีกล่ะ คราวนี้เหลือเท่าไหร่ 24? 23?’

“24 คราวนี้ครั้งสุดท้ายแล้ว เล็กกว่านี้ไม่ไหว กอดไม่เต็มมือ”

‘มึงคิดผิดตั้งแต่เลือกแฟนแล้ว อุตริเปลี่ยนสเปคซะงั้น คิดไงวะเปลี่ยนจากไซส์ฝรั่งเป็นเอเชียตัวมินิ’

“คนชอบเสือกขอให้ไอ้หนึ่งหนีไปมีกิ๊ก”

‘หนอยไอ้คุณชายริอาจกินเด็ก คอยดูเถอะกูกลับไทยเมื่อไหร่จะฟ้องตำรวจให้มาจับมึงข้อหาพรากผู้เยาว์’

“สิบแปดแล้วเว้ย” เขาหัวเราะเสียงต่ำลอดลำโพง “เอาเป็นว่ามึงรีบๆ เอาไปแก้แล้วส่งมาให้กูได้แล้ว กูจะรีบใช้งาน เข้าใจไหม”

‘ให้กูส่งแอร์ดอลล์ไปแก้ขัดก่อนน่าจะเร็วกว่านะ’

“เก็บไว้ใช้เองเถอะ กูเข้าใจนะคนอยู่ห่างไกลกันต้องมีเหงามีเปลี่ยวมีเงี่ยนกันบ้าง แล้วถ้ามึงยังไม่หยุดพูดมากกูขอให้ไอ้หนึ่งมีกิ๊กจริงๆ”

‘เออๆ ไอ้ห่านิ เอะอะหาเรื่องทำครอบครัวคนอื่นเขาแตกแยกตลอด  กูจะรีบเท่าที่จะทำได้แล้วกัน รับรองไม่เกินปีใหม่มึงได้ใช้แน่ๆ’

“ดี ถ้าปีใหม่แล้วของมึงยังไม่มากูจะโทรไปยุไอ้หนึ่งให้หาเมียแหม่ม แค่นี้นะ เปลืองค่าโทรศัพท์ว่ะ” ทิวากานต์กดตัดสายทันทีไม่รอฟังคนปลายสายโวยวายกลับมาให้รำคาญหู

ใช้เวลาปะแป้งแต่งตัวครู่เดียวทิวากานต์ก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงข้างเด็กฝรั่ง คนที่คิดว่าหลับไปแล้วกลับพลิกตัวตะแคงกอดเขาหมับ คางมนเกยอยู่บนอกให้รู้สึกจั๊กจี้

“นิสัยไม่ดี”

คิ้วหนาเลิกขึ้นกับคำต่อว่าไร้ที่มาพลางขยับตัวอลันด์ให้กอดถนัดๆ หน่อย “อะไรกัน”

“ที่แช่งให้แฟนเพื่อนตัวเองนอกใจอ่ะ ทำไมเป็นคนงี้วะ แย่...แย่จริงๆ” อลันด์แกล้งทำหน้าระอาได้กวนตีนเจ้าของห้องสุดๆ พาลนึกไปถึงช่วงแรกที่เจอกัน เห็นน่ารักขึ้นนึกว่าจะเปลี่ยนไปบ้างที่ไหนได้ไอ้นิสัยชอบแกล้งยังอยู่ครบแค่เก็บมันไว้ไม่ให้เขาเห็นสินะ

“ไอ้เด็กแก่แดด นอนได้แล้ว”

“เฮ้อ...พอว่าเข้าหน่อยละเปลี่ยนเรื่องตัลหลอด เบื๊อเบื่อ”

“จ้ะ” คนแก่กว่าแค่นยิ้ม ตาคมมองเด็กฝรั่งหลับตาซุกหน้ากับอกเขาหลับตาพริ้มเหมือนเด็กตัวเล็กๆ เพราะน่ารักแบบนี้ไงเล่าถึงต่อให้กวนตีนแค่ไหนก็ทำใจร้ายใส่ไม่ลง รู้สึกเสียเปรียบชะมัดที่ต้องยอมอีกคนตลอด แต่ทำไงได้...เขาดันไปหลงรักเด็กนี่เองนี่นา

.
.
.

ทิวากานต์เช็คตัวเองกับกระจกรถอีกครั้งจนแน่ใจว่าหล่อเนี้ยบพร้อมออกงานแล้วถึงหันไปยิ้มหวานให้สาวสวยข้างกาย วันนี้ขัตติยาอยู่ในชุดกระโปรงสีหวานพาสเทล ผมยาวย้อมสีน้ำตาลอ่อนถึงกลางหลังมัดครึ่งศีรษะม้วนเป็นลอนหลวมๆ ปล่อยบางส่วนเคลียหน้ารูปไข่

“หล่อแล้วค่ะ” เธอยิ้มให้ยืนยันคำพูดอีกที เมื่อทิวากานต์ส่องกระจกอีกหนพลางจับผมหน้าเสยไปด้านหลัง

“จะไปกะสาวสวยทั้งทีพี่ขอเนี้ยบหน่อยเถอะค่ะ ถ้าไม่ติดงานพี่วาจะแต่งหล่อกว่านี้จนเจ้าสาวอิจฉาน้องขิงอยากเปลี่ยนตัวเจ้าบ่าวเลยด้วยซ้ำ” คุณหมอหัวเราะตาปิดพลางถอยรถออกจากบ้านหลังใหญ่ที่ใช้พื้นที่ส่วนหนึ่งด้านข้างเปิดเป็นคาร์แคร์

“โธ่ ทำครอบครัวเขาแตกแยก บาปกรรมนะคะ”

ชายหนุ่มอมยิ้มไม่แก้ตัวก่อนเฉไฉไปเรื่องอื่น “ต้องไปถึงงานสักกี่โมงคะ พี่จะได้คำนวณเวลาถูก”

“สักห้าโมงเย็นค่ะ”

“งั้นพี่ขอซิ่งหน่อยนะคะเดี๋ยวไม่ทัน น้องขิงรัดเข็มขัดให้แน่นเลย”

“รับทราบค่ะกัปตัน” ขัตติยารับมุกที่อีกคนโยนมาให้แล้วพากันหัวเราะร่วน

เกือบห้าโมงเย็นพอร์เช่ 911 Turbo S ของศัลยแพทย์รูปหล่อก็จอดเทียบอยู่หน้าสถานที่จัดงานฉลองมงคลสมรสหลังทำหน้าที่ได้ดีสมความตั้งใจผู้ขับ

เพราะมีพิธีตามประเพณีดั่งเดิมในช่วงเช้าไปแล้ว ตอนเย็นจึงเป็นปาร์ตี้ฉลองริมหาดแบบเป็นกันเองไม่เน้นพิธีการ ของกินในงานเน้นเป็นอาหารคอกเทลแบบสมัยใหม่ให้ผู้ร่วมงานส่วนใหญ่ซึ้งล้วนเป็นคนวัยไล่เลี่ยกันกับเจ้าสาวจากออฟฟิซเก่าของขิง ส่วนเจ้าบ่าวเป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรงที่รู้จักกันตอนติดต่อประสานงาน

ออกจะชวนเมื่อยไปบ้างทว่าทิวากานต์คิดว่าดีกว่าต้องทนนั่งอึดอัดท่ามกลางคนไม่รู้จักนานๆ ถึงจะเบื่อที่ต้องเดินตามหญิงสาวไปคุยกับกลุ่มคนรู้จัก หากเพื่อนของขิงแต่ละคนก็สวยน่ามองพอสร้างความเพลิดเพลินทดแทนได้ เสียอย่างเดียวก็สายตาวิบวับสอดรู้สอดเห็นของพวกสาวๆ นั่นแหละ แนะนำตัวไปแล้วว่าเป็นพี่ชายทำไมผู้หญิงพวกนี้ไม่ยอมเชื่อกัน จ้องจะยัดเยียดสถานะแฟนหนุ่มให้น้องสาวเขาอยู่ได้

ทนอยู่ในงานจนเกือบทุ่มทิวากานต์ก็ขอตัวออกมาโทรศัพท์ข้างนอก ตาคมปรายไปด้านหลังเห็นขิงถูกเพื่อนสาวรุมประหนึ่งถูกแร้งทึ้งสอบสวนความสัมพันธ์ก็ได้แต่ขอโทษน้องอยู่ในใจที่ตัวเองหนีเอาตัวรอดออกมา

ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงจุดบุหรี่สูบสักตัวสองตัวแก้เซ็ง พอละนิโคตินแบบถาวรไปแล้วกลับไม่มีอะไรทดแทนได้เท่าการคุยกับตัวต้นเหตุอย่างอลันด์ ทิวากานต์หยิบโทรศัพท์ขึ้นต่อสาย ปล่อยให้สัญญาณดังอยู่ไม่กี่ทีเสียงทุ้มต่ำติดจะแหบก็โพล่งขึ้นมาเรียกรอยยิ้มจุดตรงมุมปาก

‘เฮลโหล่ ไม่ทราบว่าใครโทรมาคร้าบ’

“โอ๊ะ สงสัยจะโทรผิด งั้นแค่นี้นะครับ ขอโทษด้วย”

‘เฮ้ย! เดี๋ยวสิวา’

“อ้าว รู้แล้วเหรอว่าใครโทรมา”

‘ชื่อโชว์หราขนาดนี้ไม่รู้มั้ง อ๊ะ!’ พอรู้ว่าหลุดที่แกล้งอีกคนไว้ออกมาเองเด็กฝรั่งปลายสายก็ทำเสียงตกใจแล้วเงียบให้ทิวากานต์หัวเราะอารมณ์ดีคนเดียว เขาหลับตาเอนตัวพิงกำแพงหนีบโทรศัพท์ไว้กับซอกคอฟังอลันด์หาเสียงตัวเองจนเจอโวยวายใส่เขาจนพอใจ

“กินข้าวยัง”

‘เรียบร้อย วันนี้แม่พี่นภทำต้มจับฉ่ายใส่หมูสามชั้นติดมันตุ๋นนุ่มละลายในปากกินกับข้าวต้มกุ๊ยใส่ใบเตยหอมอร๊อยอร่อย’

“หึ อร่อยแล้วกินไปกี่ชาม ห้ามโกหกนะ”

‘ก็...เกือบๆ หมดชาม แต่ว่าชามใหญ่มากเลยกินไม่หมด วาอ่ะ! อย่าโกรธนะ คนไม่หิวทำไมชอบบังคับให้กิน อยากให้กลับไปอ้วนเป็นวัวอีกเหรอ’

“ไม่ได้หมายความอย่างนั้น แค่อยากให้กินอิ่มๆ ผอมเกินไปแล้วนะ รู้หรือเปล่า” วิญญาณคุณหมอชอบดุคนไข้เข้าสิงทันที ช่วงนี้ไม่บังคับให้กินเป็นต้องแอบเขี่ยทิ้งตลอด น่าจับมาฟาดสักที

‘ก็อิ่มนี่ ไม่ได้ใช้แรงไปทำอะไรสักหน่อย ช่วงนี้หมองดออกกำลังนะรู้ไหม จะกินมากมายสะลมแคลอรี่ไว้ทำไมกัน นี่...ถามจริงเหอะ วาไม่ได้ชอบแบบผอมแห้งแรงน้อยหุ่นนางแบบอย่างชาร์ลหรอกเหรอ’

“ชาร์ล... ชาร์ลไหนวะ” คิ้วเข้มขมวดหากันงงๆ ก่อนร้องอ๋อเมื่อปลายสายพูดถึงลูกพี่ลูกน้องหนุ่มหน้าสวยชะนีอายที่มาเยี่ยมไข้เมื่อคราวนั้น “แบบน้องฌานก็ชอบ แต่ตอนนี้ชอบอัลมากที่สุด จะเป็นยังไงก็ชอบไม่ต้องผอมหรอก อวบหน่อยๆ กอดเต็มไม้เต็มมือดี”

‘ละ เหรอ... เอ่อ... แน่นะ แล้วที่คุยกับเพื่อนเมื่อคืนคืออะไรอ่ะ ไซส์ 24 23 ไซส์ตุ๊กตายางใช่ไหม บอกก่อนว่าไม่ตั้งใจแอบฟังนะวาพูดเสียงดังเองเลยได้ยิน’ ทิวากานต์ได้ยินแล้วจะขำก็ขำไม่ออกจะโมโหก็ไม่ใช่ ทั้งตลกปนระอาเด็กแสบหน้ามึน พอจินตนาการว่าอีกคนกำลังทำหน้าจริงจังพูดเรื่องไซส์ตุ๊กตายางก็หัวเราะก๊ากออกมา

“ไปกันใหญ่แล้ว ไม่ใช่ๆ”

‘ไม่ใช่แล้วมันอะไรกันเล่า หัวเราะอยู่ได้จะรู้เรื่องไหม’

“ขำนี่หว่า คิดได้ไงตุ๊กตายาง”

‘ไม่รู้ดิ แบบ...ฟังแล้วอย่าขำนะ ผมกำลังคิดว่าวาฝากเพื่อนซื้อตุ๊กตายางมาทดลองก่อนลงสนามจริงกับผู้ชายอ่ะ’

“จริงจังป่ะเนี่ย” ฟังอลันด์กระซิบมาตามสายแล้วได้แต่กลั้นขำจนตัวงอ หน้าหล่อแดงจัดถึงใบหู ไม่ต้องตอบก็รู้ว่าอีกฝ่ายคิดจริงจังไปแปดสิบเปอร์เซ็นต์

‘มันน่าคิดไม่ใช่เหรอ อ่อยแทบตายวาไม่ยอมทำอะไรสักที ถ้าไม่ใช่เพราะงี้ก็เดาไม่ถูกแล้วอ่ะ’

“ไว้เดี๋ยวค่อยเฉลยเมื่อถึงเวลานะ แต่ที่บอกมาน่ะขอเหอะอย่าไปเล่าให้ใครฟังล่ะ ตลกว่ะ คิดได้ไงเนี่ย”

‘Albert Einstein said Imagination is more important than knowledge.   And I think so! เพราะงั้นที่ผมคิดใช่ว่าจะไร้ความเป็นไปได้เสียเมื่อไหร่’

คุณหมอถึงกับกุมขมับให้เด็กที่ออกเสียงเรียกชื่ออัลแบร์ท ไอน์ชไตน์นักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ของโลกตามสำเนียงเยอรมันเป๊ะแบบหมดคำพูด เกิดมาชาตินี้เจอใครแถเก่งกว่าเขาก็อลันด์นี่แหละ

‘จะว่าไป...ก็น่าลองกับตุ๊กตายางสักครั้งนะ คงเย็นๆ เสียวพิลึก ว่าแต่มันจะมีเสียงร้องด้วยป่ะ อ๊ะ อ๊าย อะไรแบบนี้อ่ะ’ ไม่วายตบท้ายให้คุณหมอกุมขมับอีกรอบ ก็เสียงคนพูดจริงจังน้อยเสียเมื่อไหร่

“อัล... พอเถอะ ฉันจะตายแล้ว โอ๊ยยย เด็กบ๊อง”

แทนที่จะสลดบ้างอลันด์กลับหัวเราะเสียงต่ำมาตามสาย สุดท้ายก็กลายเป็นเขาเองที่กลั้นขำไม่ได้อีกต่อไปหลุดก๊ากดังลั่นจนพนักงานโรงแรมที่เดินผ่านไปหันมามองหวาดๆ เกือบนาทีกว่าทั้งคู่จะหยุดหัวเราะ ปลายนิ้วเนียนนุ่มยกขึ้นปาดน้ำที่หางตา หัวเราะจนท้องแข็งซิกแพคขึ้นโดยไม่ต้องเข้ายิมก็งานนี้

‘เฮ้ วาจะกลับกี่โมง’

ทิวากานต์รอปรับลมหายใจพยายามกรอกเสียงลงไปให้ปกติที่สุด แต่ก็มีบางช่วงที่ลมหายใจสะดุดอยู่ดี นานเท่าไหร่แล้วที่เขาไม่ได้หัวเราะมากขนาดนี้ “เดี๋ยวจะกลับแล้วล่ะ อ่า... เราก็รอที่บ้านนภนั่นแหละเดี๋ยวไปรับ”

‘รับทราบ ขับรถดีๆ ล่ะ’

“จ้ะ ไปซ้อมต่อเถอะไม่กวนแล้ว อ่อ ไอ้นภอยู่บ้านหรือเปล่า ถ้าอยู่ก็บอกมันด้วยว่าห้ามหนี ฉันจะกลับไปคิดบัญชี”

‘โอ๊ะเคร เดี๋ยวบอกให้ love you ม๊วบ’

“Love you” เสียงทุ้มติดหัวเราะนิดหน่อย ขำกับอาการทะลึ่งทะเล้นจนเหมือนล้นของอลันด์ เห็นหน้านิ่งแบบนั้นแต่ถ้าอารมณ์ดีได้อยู่กับอะไรที่ชอบก็เปิดเผยตัวเองเหมือนเด็กๆ เป็นอีกด้านที่ทิวากานต์ชอบและไม่ค่อยอยากให้คนอื่นได้เห็นสักเท่าไหร่

เขากลัว... กลัวว่าคนอื่นจะเห็นเด็กของเขาน่ารักแล้วมาแย่งไป

“อะแฮ่มๆ”

ตาคมหันไปหาต้นเสียงเห็นขัตติยายืนเก๊กหน้าขรึมกลั้นหัวเราะ ดูท่าเธอจะได้ยินบทสนทนาเมื่อกี้ไม่มากก็น้อย นึกแล้วได้แต่อายยกมือเกาท้ายทอยแก้เก้อที่ทำตัวเหมือนเด็กน้อยวัยใสมีปั๊บปี้เลิฟ เขาเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกงตามเดิมก่อนถามหญิงสาว “จะกลับแล้วเหรอคะ”

“ยังหรอกค่ะ แต่เห็นพี่วาหายไปนานขิงเลยมาตาม มีสาวๆ ในงานสนใจจะจีบพี่วาเต็มเลยนะคะ แต่ขิงว่า...อกหักกันตั้งแต่ยังไม่เริ่ม หัวใจพี่ชายสุดหล่อของขิงมีเจ้าของซะแล้วเสียดายแทนเลยค่ะ คิกๆ”

“อ่า...”

“เดือนก่อนยังบอกว่าไม่มีโอกาสแต่งงาน แต่ตอนนี้ขิงว่าไม่ใช่แล้วนะพี่วา ไม่เคยเห็นพี่วาคุยกับสาวคนไหนมุ้งมิ้งขนาดนี้มาก่อนเลยอ่ะ สารภาพมาซะดีๆ ว่าสาวผู้โชคดีคนนั้นคือใคร”

“สารภาพอะไรกัน พี่ไม่ได้ทำผิดซะหน่อยทำไมต้องสารภาพด้วย น้องขิงพูดไม่รู้เรื่องล่ะ”

“อย่ามาทำเฉไฉหน่อยเลยค่า ปากแข็งแบบนี้ขิงจะเอาไปฟ้องแก๊งป้าว่าพี่วามีแฟนแล้ว คราวนี้โดยซักจนขาวขิงก็ไม่ช่วยนะคะ”

“ขู่พี่เหรอคะ”

“เปล่านะคะ” ขัตติยายิ้มหน้าแป้น สอดแขนควงชายหนุ่มลากกลับเข้าไปในงานตามจุดประสงค์หลักที่ออกมาตาม อีกไม่กี่นาทีเจ้าสาวจะโยนช่อดอกไม้แล้ว พอเสร็จตรงนี้จะได้กลับกรุงเทพกันเสียที “พี่วาจะไม่บอกขิงจริงๆ เหรอว่าคนนั้นของพี่เป็นใคร ขิงอยากรู้ม๊ากมาก”

“รู้ไปแล้วจะทำไมเหรอคะ”

“จะได้ช่วยพิจารณาไงคะว่าคนนี้เหมาะจะมาเป็นพี่สะใภ้ให้หนูไหม ว่าไงคะ สวยเหมือนนางแบบที่เคยควงหรือเปล่า”

“ไม่สวยหรอกค่ะ” ทิวากานต์บอกตามตรง แหงล่ะ...อลันด์เป็นเด็กผู้ชาย แม้จะค่อนข้างดูดีแต่ใช่ว่าจะดูดีมากจนบอกได้ว่าสวยหล่อจัดๆ อย่างเขาหรือญาติผู้พี่แบบฌาน รวี

เขาเดินตามแรงดึงของขัตติยาที่ดูจะผิดหวังหน่อยๆ ไปบริเวณหน้าเวที เสียงพูดคุยวี้ดว้ายทำให้เขามองไปรอบตัวจึงเห็นว่าตนเองเป็นชายหนุ่มเพียงคนเดียวท่ามกลางสาวน้อยสาวใหญ่ รู้แล้วว่าอยู่ผิดที่ผิดทางทว่าพอจะเดินออกกลับติดแขนน้องสาวคนสวยดึงไว้

“ขิงคะ ปล่อยพี่เถอะค่ะ ตรงนี้มีแต่ผู้หญิง” พี่อาย... เขาเก็บประโยคสุดท้ายไว้ในใจ ไม่กล้าออกเสียงไปให้เสียฟอร์ม แต่สาวน้อยน่ารักของเขาไม่ยอมปล่อยไปเสียทีแถมยังกอดแน่นกว่าเดิมเสียอีก

“ขิงจะไม่ปล่อยพี่วาจนกว่าจะบอกว่าแฟนพี่คือใคร ไม่รู้ล่ะ ถ้าวันนี้ขิงไม่รู้พี่วาก็ต้องอยู่รอรับดอกไม้กับขิงตรงนี้” จะว่าหล่อนใจร้ายก็ได้ แต่พลังความเผือกมันมีมากกว่า พี่ชายเธอหล่อเหลาออกปานนี้ หญิงสาวที่คบหาต้องผ่านมาให้แสกนก่อนสิ!

“โธ่...น้องขิง” ทิวากานต์ได้แต่ครางเสียงอ่อน เขาน่าจะรู้ดีที่สุดว่าแก๊งป้าเป็นยังไงลูกไม้ใต้ต้นแบบขัตติยาย่อมถอดแบบออกมาได้ครบทุกกระเบียดนิ้วยังงั้น เรื่องชาวบ้านให้เผือกไม่เคยปล่อยรอดหูรอดตาไปง่ายๆ หรอก

คุณหมอถอนหายใจเฮือกใจตัดสินใจยอมแพ้แก่แรงเผือก แต่ให้มาพูดตอนนี้ที่นี่คงไม่ใช่เรื่อง เขาหันหน้าสบตากับหญิงสาวตั้งใจว่าจะบอกทุกเรื่องที่อยากรู้บนรถขากลับ ช่อดอกไฮเดรนเยียสีฟ้าอมม่วงเจ้ากรรมกลับลอยลิ่วลงปุ๊มาตรงหน้าพอดี สองคนมือไวรีบคว้าไว้ก่อนจะตกพื้นเลยกลายเป็นว่าทิวากานต์กับขัตติยารับช่อดอกไม้ได้พร้อมกัน!

ตาคมสบสายตากับหญิงสาวแล้วยิ้มให้เหมือนเคยท่ามกลางเสียงกรีดร้องชอบใจดังขึ้นรอบตัวสอดแทรกเสียงแซวว่าพวกเขาคงได้เป็นคู่แต่งงานคู่ถัดไปแน่ๆ จากที่ไม่รู้สึกก็เริ่มอายเอาตอนนี้ ขัตติยาก้มหน้าหัวเราะเบาแก้เขิน ทิวากานต์เองก็เงยหน้าหลบสายตาคนทั้งงาน ตอนนี้จะให้แก้ตัวปากเปียกปากแฉะคงไม่มีใครเชื่ออีกแล้วว่าพวกเขาเป็นแค่พี่น้อง ปล่อยให้เข้าใจผิดไปแบบนั้นจนเรื่องเงียบคงจะดีกว่า

“กลับบ้านกันเถอะค่ะ เดี๋ยวจะดึก”

“อืม” เขาผงกหัวแข็งๆ ไม่หือไม่อืออะไรอีก ปล่อยให้หญิงสาวจูงมือที่จับช่อดอกไม้ไว้ด้วยกันลากไปลาเพื่อนๆ และเจ้าของงานเตรียมตัวกลับกรุงเทพกันเสียที

ตลอดทางขากลับกรุงเทพทิวากานต์ชักไม่แน่ใจว่าที่ยอมเล่าเรื่องแฟนให้ขัตติยาฟังเป็นเรื่องดีหรือไม่ เพราะตอนนี้เขาได้แต่ขับรถเงียบๆ ปล่อยให้หญิงสาวล้อมาตลอดทาง ยังดียั้งปากไว้ทันไม่ได้บอกไปว่าไม่ใช่เด็กผู้หญิงน่ารักๆ แต่เป็นเด็กผู้ชายหน้าตายอิมพอร์ทตรงมาจากลอนดอน

เขาไม่น่าแพ้ลูกอ้อนของน้องสาวหน้ากลมคนนี้เลยจริงๆ ระดับการซักฟอกแทบไม่ต่างจากแก๊งป้าสักนิด

“โห ใครจะไปคิดว่าพี่วาคาสโนว่าฆ่าไม่ตายจะกลายเป็นโคแก่กินหญ้าอ่อน แถมยังอ่อนขนาดที่ว่าแหย่เท้าเข้าไปในตะรางแล้วข้างนึง ถ้าพวกหม่าม้ารู้นะมีหวังพี่วาโดนล้อยิ่งกว่านี้แน่ๆ แล้วไงคะ นอกจากอายุห่างกันรอบนึงแล้วยังเป็นยังไงอีก”

“น่ารักดีค่ะแต่ชอบกวนตีนทั้งที่ตัวเท่าลูกแมว ขู่ฟ่อๆ ใส่ไม่กลัวพี่เลย บางทีอดคิดไม่ได้ว่าทำไมต้องหลงรักเด็กนี่ด้วยมีแต่เรื่องปวดหัวให้ต้องคอยดูแล”

“เพราะว่าเป็นแบบนี้ละมั้งคะพี่วาถึงตกหลุมรัก”

“ยังไงกันคะ” เขาเลิกคิ้วประกอบคำถาม แวบหันไปมองหน้าคนพูดพักหนึ่งก่อนมองถนนต่อ

“พี่วาคงไม่รู้ตัวว่าเป็นพวกชอบดูแล ยิ่งเป็นคนที่ถูกชะตานะเอาใจตามใจทำนู่นทำนี่ให้ตลอด ดูอย่างแฟนเก่าพี่วาแต่ละคนสิคะ ทั้งที่พี่วาเรียนหนักจะตายยังมีเจียดเวลาพาไปเที่ยวพาไปกินข้าวตลอด สุดยอดแฟนตัวอย่างเลยค่ะ”

“หืม? พี่ดีขนาดนั้น?”

“สุดๆ ค่ะ เพื่อนขิงสมัยเรียนแต่ละคนนะอยากได้พี่วามาเป็นแฟนกันจะตาย อวดไปได้เป็นปี”

“เว่อร์ไปล่ะค่ะ พี่ก็คนธรรมดามีด้านแย่ๆ เยอะไป แต่เพราะขิงเป็นน้องที่พี่รักพี่เลยให้เราเห็นแต่ด้านดีๆ ยังไงล่ะคะ”

“แล้วกับแฟนคนนี้พี่วาให้เขาเห็นแต่ด้านดีๆ ด้วยหรือเปล่าคะ”

“เห็นด้านแย่ๆ กันตั้งแต่แรกเลยค่ะ first impression ติดลบทั้งคู่” เขาพูดไปพลางนึกไปถึงครั้งที่ที่เจอกัน อลันด์โคตรจะกวนตีนอ้อนส้นเท้า เขาเองก็ขี้โมโหโวยวายทำตัวเหมือนเด็กๆ “แต่พอได้ใช้เวลาด้วยกันบ่อยๆ มองไปมองมาก็น่ารักดี แล้วเขาค่อนข้างรับมือพี่ได้ รู้สึกเหมือนเจอคู่ต่อสู้สมน้ำสมเนื้อกันดี”

“หายากนะเนี่ยคนที่ไม่กลัวพี่วา เวลาพี่วาอารมณ์ไม่ดีบางทีขิงยังแอบเกรงๆ ไม่กล้าเข้าไปหาเลยค่ะ”

“เขาก็กลัวพี่บ้างบางครั้งค่ะ แต่ถ้าเขาไม่ผิดจะเถียงกันจนพี่ยอมนั่นแหละ”

“คึคึ ขิงชักอยากเห็นคนที่กุมหัวใจพี่วาแล้วสิคะ”

“พี่กำลังคิดว่าปีใหม่จะพาไปไหว้พวกป้าๆ อยู่เหมือนกัน ถ้าน้องขิงอยากเจอก็ตามป้าอิงมาแล้วกันนะคะ รับรองเซอร์ไพรส์สุดๆ”

พูดไปแล้วทิวากานต์ก็หัวเราะเสียงชั่วอยู่ในใจ แน่นอนว่าเซอร์ไพรส์กันหมดแน่ถ้าคนรักที่เขาพาไปเปิดตัวเป็นผู้ชาย หากแต่เพราะเขาจริงจังกับอลันด์ถึงตัดสินใจแบบนี้หรอก เขามั่นใจว่าป้าๆ จะไม่ว่าอะไรเขาสักคำและจะคอยเอาใจช่วยความรักครั้งนี้ของเขา ห่วงแต่เด็กฝรั่งนี่แหละ หวังว่าคงไม่กลัวจนหนีไปก่อนนะไอ้ตัวแสบ



TBC

ตอนนี้มีน้องฌาน รวีคนสวยโผล่มาแจมด้วยค่ะ
ถ้าอยากรู้ว่าน้องฌานสวยจนพี่วาเคลิ้มขนาดไหน แนะนำให้อ่าน LOVE|HATE (http://bit.ly/1lAjs5F) ค่ะ (ขายของกันโต้งๆ เลย 555)

น้องอัลก็พัฒนาแล้วนะคะ เดี๋ยวนี้มีหัดเล่นตัว
แต่ความลับของพี่วาคืออะไร สั่งของอะไรที่จาปอง หรือจะสั่งตุ๊กตายางมาลองก่อนจริงๆ?
โปรดติดตามตอนต่อไปค่า ><

จุ๊บๆ

 :mew1:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 21 [02.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: cinnsin ที่ 02-01-2016 20:52:18
อลันด์เอ้ยยย คิดไปได้นะ 555555
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 21 [02.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: LetGet ที่ 02-01-2016 22:03:19
อะไร ยังไง หมอวาสั่งอะไร?? มาต่อไวๆน๊าาาาา  :hao7:  :hao7:  :hao7:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 21 [02.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 02-01-2016 23:02:29
จิกหมอนเลยค่ะ~~~
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 21 [02.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: Mokuchi ที่ 02-01-2016 23:40:00
ไม่รู้จะเม้นอะไร เอาเป็นว่า#ติ่งหมอวาเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือรอตอนต่อไปนะคะ
 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 21 [02.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 03-01-2016 00:09:06
สามสิบโล  พระเจ้าาาา อิจฉา ลงมาทั้งชีวิตยังไม่กระเตื้องเลยอิชั้น  เศร้าแปป
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 21 [02.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 03-01-2016 00:26:13
เวลาหมอวาอยู่กับแสบน้อย ช่างต่างจากเวลาอยู่กับน้องสาวลิบลับ ดูเป็นคุณหมอสองหน้าจริงๆ

ตอนเปิดตัวแฟนกับเดอะแก้งส์คุณป้าน่าสนุกเนอะ คงถูกทั้งซักทั้งฟอกทั้งคู่จนขาวหมดจดแน่ๆ   o18

หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 21 [02.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: yisren. ที่ 03-01-2016 00:29:42
โอ๊ยยย ขำ หมอ หมอออออ เด็กมันแหย่หมอนะหมอ 555555

กลัวเรื่องขิงจะจุดประเด็นดราม่าจัง หมอวาแม่งคือออออ ดีงามมมมมมมมมม #เอฟซีหมอวา  :laugh:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 21 [02.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 03-01-2016 01:21:17
ขำเด็ก....รอตอนสนุก
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 21 [02.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 03-01-2016 06:36:03
 :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 21 [02.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 03-01-2016 09:12:01
น้องอัลน่ารัก แอบหึงโหดดึงซะหูคุณหมอเกือบหลุดติดมือ 55
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 21 [02.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: TR ที่ 03-01-2016 17:40:51
เพิ่งได้อ่านเรื่องนี้ อ่านลากยาวรับปีใหม่เลยทีเดียว
สนุกมาก ชอบการใช้ภาษาในเรื่องมาก ชอบบรรยากาศเรื่องและสถานที่
อ่านแล้วคิดถึงมหาลัยเลย อยากบอกว่าเด็กฝรั่งBBAมหาลัยนี้แซ่บจิง 555
แต่สมัยเราเรียนทำไม๊ทำไม ไม่เคยเจออย่างหมอวาบ้าง ห่างกันแค่แม่น้ำกั้น

เอาล่ะ อัลก็ผ่าตัดเสร็จแล้ว หมอวาเตรียมพร้อมแล้วสินะ คนอ่านก็พร้อม!!!
ว่าแต่ที่ฝากเพื่อนซื้อคืออะไร หึหึหึ
รอตอนต่อไปนะคะ ;)
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 21 [02.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 03-01-2016 19:20:04
 :laugh:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 21 [02.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: pim-lovemj ที่ 03-01-2016 20:51:40
 :L2: โอ้เย่ น้องอัลปลอดภัย ดีใจจังเลยค่ะ
 :กอด1: น้องอัลน่ารักเว่อร์ ๆ พี่วาหลบไป เค้าจะปล้ำน้องอัลแล้ว อดใจไม่ไหวอ่ะ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 21 [02.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: DKTime ที่ 04-01-2016 13:43:11
อย่าบอกว่าเป็นชุดคอสเพลย์พยาบาลนะ คุณหมอวาาาาาาาาส~~~ หึหึ งานนี้ คงสนุกล่ะ 5555555+
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 21 [02.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: VarainDark ที่ 05-01-2016 00:12:42
จะเปิดตัวแล้วๆ เย้ๆ
หัวข้อ: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 22 [06.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 06-01-2016 16:36:29
TRACK 22



ด้วยอากาศร้อนจัดและแสงแดดเจิดจ้ากลางเดือนธันวาคม ทำให้นักศึกษาต่างเชื้อชาติภาคอินเตอร์สองคนตัดสินใจหอบหนังสือกับชีทประกอบการเรียนไปอ่านทบทวนกันที่ห้องสมุด

เผลอแผล็บเดียวก็จะสอบปลายภาคกันแล้ว...

“ให้ตายเถอะ ช่วงเวลานี้ฉันควรอ่านหนังสือข้างเตาผิงมองดูหิมะตก ไม่ใช่หลบแดดมาอยู่ใต้ดินเหมือนงูแบบนี้” เด็กฝรั่งตาฟ้าซีดบ่นงึมงำ มือเรียวพลิกหน้ากระดาษอ่านข้ามๆ รู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก

“ทนเอาหน่อยน่า เดี๋ยวสอบเสร็จก็ได้เจอหิมะแล้ว” หนุ่มไทยหน้าเข้มคล้ายจะเจตนาดีพูดเอาใจเพื่อนรักที่มีบ้านเกิดอยู่ลอนดอนแต่กลับถูกอีกฝ่ายปาก้อนยางลบใส่

“ชิชะ ไอ้คนที่จะไปทัวร์ยุโรปก็พูดได้น่ะสิ” ในขณะที่คนินทร์จะใช้ช่วงปิดเทอมไปเที่ยวสวิต อิตาลี ออสเตรีย เชค เยอรมัน เบลเยี่ยม ฝรั่งเศสก่อนตบท้ายด้วยอังกฤษกับครอบครัว คนถือสัญชาติอังกฤษตั้งแต่เกิดกลับต้องติดแหง็กอยู่ที่ประเทศร้อนระอุเหมือนเตาอบแบบนี้ต่อไปเพราะยังอยู่ในช่วงพักฟื้น งดเดินทางไกลและขึ้นเครื่องบินจนกว่าจะหายดี

“เดี๋ยวซื้อขนมมาฝากนะ”

“ถ้าไม่ใช่จากแฮร์รอดส์ก็ไม่ต้องซื้อมานะ ความจริงหน้าหนาวน่ะต้องไปแล่นเรือใบ นอนอาบแดด ดูนกฟลามิงโก้ที่แคริบเบียนต่างหาก” ใครเขาจะไปขึ้นภูเขาดูหิมะทั้งที่หนาวๆ กัน มีแต่พวกต่างชาติเท่านั้นแหละ!

“เหอะ” เขาพ่นลมออกทางจมูกทิ้งท้ายไว้แค่นั้นเมื่ออลันด์ลุกไปหยิบหนังสืออ้างอิงจากบนชั้น แต่แป๊บเดียวฝรั่งไซส์มินิก็วิ่งหน้าตื่นกลับมาที่โต๊ะพร้อมหนังสือภาษาอังกฤษเล่มหนาในมือให้คนินทร์ถามเสียงห้วน “มีไร”

“ฉันว่า...เหมือนมีคนสะกดรอยตาม”

“หา?” หนุ่มตี๋แต่หน้าเข้มถึงกับวางปากกาในมือ เขามองอลันด์ที่รีบซุกตัวนั่งกับเก้าอี้ลนลานมองซ้ายมองขวาเหมือนกลัวอะไรบางอย่าง ซึ่งพอเขามองตามก็ไม่เห็นมีอะไรแปลกไปกว่าปกติ เห็นแต่นักศึกษาที่เข้ามาใช้บริการแน่นขนัดเพราะใกล้ช่วงสอบ

“ไม่ใช่แค่ครั้งแรกที่รู้สึกแบบนี้อ่ะ เหมือนถูกตามถูกมองแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว ตอนแรกคิดว่าคิดไปเองแต่ตอนนี้มั่นใจแล้วว่าไม่ใช่” เพราะกลัวเพื่อนไม่เชื่อ อลันด์จึงเล่าเนื้อหาเพิ่มเติมให้อีกฝ่ายฟัง

“งั้นเหรอ นานเท่าไหร่แล้ว” หนุ่มไทยขมวดคิ้ว ใจคล้อยตามเพื่อนตัวเล็กไปเกินครึ่ง ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงคิดว่าอลันด์ประสาทไปเอง จนมีเรื่องถูกเพื่อนนภลากไปปล้ำคราวนั้นขึ้นมาเขาเลยพลอยระวังแทนไปด้วย แถมช่วงนี้ไอ้ตัวแสบของพี่วายังน่ารักขึ้นผิดหูผิดตา ถ้าจะไปต้องตาเหล่าชายมีรสนิยมดูเอ็นผู้ชายที่ไหนคงไม่แปลก

“ตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลใหม่ๆ”

“บอกพี่วายัง”

เด็กฝรั่งส่ายหน้าจนผมปลิว “เห็นช่วงนี้วางานยุ่งๆ เลยไม่อยากกวน ไม่อยากให้เป็นห่วงด้วย”

“เฮ้อ... เอาเป็นว่าอย่าไปไหนมาไหนคนเดียวแล้วกัน ถ้ามีอะไรผิดปกติรีบบอกพี่วาไม่ก็ฉันเลยนะ” คนินทร์เคาะปลายปากกาลงบนโต๊ะเบาๆ ห่วงเพื่อนก็ห่วงแต่ห่วงตัวเองมากกว่า ขืนไอ้ตัวแสบนี่เป็นอะไรขึ้นมาคุณหมอรูปหล่อคงได้โร่มาแหกอกเขาแน่

“รู้แล้วน่า อย่าบ่นเหมือนวามากได้ม่ะ แค่นี้ก็เหมือนมีแด๊ดเพิ่มอีกคนแล้ว” อลันด์ยู่หน้าก่อนไสหนังสือเล่มที่เพิ่งไปเอามาไว้ตรงหน้าคนินทร์ “เอ้อ... ถามไรอย่างดิ”

“พูดมาดิ”

“ในฐานะผู้ชายเหมือนกัน มองฉันแล้วรู้สึกยังไงเหรอ”

“กวนตีน” คำตอบโพล่งขึ้นมาทันทีแบบไม่ต้องคิด “ตาขวาง หน้ามึน เห็นหน้าแม่งแล้วอยากกระทืบ”

“เออ ฉันก็คิดว่างั้นแหละ แต่ตอนนี้เริ่มไม่แน่ใจว่าทำไมถึงมีแต่ผู้ชายมาชอบ” ทั้งเจมส์ โธมัส เพื่อนพี่นภ ไหนจะพวกที่คอยแอบมองเขาอยู่เหมือนพวกโรคจิต ทิวากานต์ไม่นับเพราะรายนั้นอยากกระทืบเขาตั้งแต่แรก เพิ่งมาพิศวาสกันตอนนัวเนียๆ บนเตียงนี่แหละ

อย่า...อย่าคิดว่าไปถึงขั้นนั้นแล้วเขาหมายถึงแค่นอนกอดกันเฉยๆ ถ้าปั๊มกันแล้วคงไม่มาถามคนินทร์หรอก

“ขาว ตัวเล็ก สเป็คเกย์ละมั้ง”

“งั้นเหรอ แล้วถ้าแบบว่ามีโอกาส...” คนินทร์หรี่ตามองคนตรงหน้าเหมือนไม่ค่อยไว้ใจนัก แต่ก็พยายามตั้งใจฟังอีกคนใช้ปากอิ่มสีแดงสดกระซิบเสียงแหบพร่า “นายอยากลองมีเซ็กส์กับฉันหรือเปล่า”

“ชิบหาย!”

หนุ่มไทยสบถเสียงดัง แทบดีดตัวจากเก้าอี้ลงไปกองกับพื้น คนทั้งห้องสมุดพร้อมใจกันหันมารุมประณามด้วยสายตาพร้อมกับบรรณารักษ์ที่เตือนให้งดใช้เสียงและคำพูดไม่สุภาพในห้องสมุด เขาตะกายตัวเองให้กลับขึ้นมานั่งบนเก้าอี้ดีๆ มีอลันด์คอยทอดสายตายั่วยวนให้ตลอดเวลา

อย่าให้ทิวากานต์ได้รู้เชียวว่าแฟนตัวเองแรดแค่ไหน ไม่ใครก็ใครต้องตายกันไปข้าง!!!

“พูดบ้าอะไรเนี่ย พี่วารู้มีหวังฉันถูกฆ่าแน่ๆ แกก็ไม่รอดด้วยนะเว้ย” คนินทร์ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ไอ้ตัวแสบกระซิบเสียงลอดไรฟันทั้งที่หน้าแดงจัด แต่แทนที่อลันด์จะสลดเจ้าตัวกลับเอียงคอทำหน้ามึน

“ทำไมวาต้องฆ่าฉันกับนายด้วย ฉันแค่อยากรู้เฉยๆ ว่าถ้าให้มีอะไรกับฉัน นายจะทำได้หรือเปล่า ไม่ได้บอกให้มามีจริงๆ สักหน่อย”

“ก็นายบอกว่า...อยากลองมีเซ็กส์กับนายหรือเปล่า”

“ใช่ไง ถ้าเป็นนาย ผู้ชายที่ยังชอบมองผู้หญิงสวยๆ ถ้าให้ลองขึ้นเตียงกับผู้ชายอย่างฉัน จูบกันนัวเนียแล้วจะไปถึงขั้นมีเซ็กส์กันได้ไหม ว่าไง...บอกหน่อยสิ ทำได้หรือเปล่า”

“ไม่รู้ว่ะ ไม่เคยลองอ่ะ ทำไมถามแบบนี้ พี่วาไม่ทำการบ้านรึไง”

“ไม่จนเกือบคิดไปแล้วว่าตายด้านถ้าไม่ใช่ว่าไอ้นั่นวายังแข็งปั๋งอยู่” เด็กฝรั่งนั่งเท้าคางทำหน้าเซ็ง

“พี่วาเป็นสุภาพบุรุษไง คิดไรมาก”

“คิว... วาไม่ใช่สุภาพบุรุษที่จะปล่อยอะไรที่ตัวเองชอบลอยยั่วไปยั่วมาได้เป็นเดือนๆ หรอกนะ” มือขาวจัดปัดมือเพื่อนผู้หวังดีอยากปลอบออกจากไหล่ ยิ่งคิดยิ่งเซ็ง “นั่นน่ะขอให้ถูกใจ จับลากขึ้นเตียงง่ายๆ มาหลายรายแล้ว”

“ไม่แปลกใจ” คนินทร์พึมพำกับตัวเองเบาๆ หล่อขนาดนั้น ท่าทางแบดหน่อยๆ หน้าที่การงานก็ดี ถ้าไม่มีสาวติดพันสิค่อยว่าแปลก แล้วทำไมถึงไม่ทำอะไรเพื่อนเขาสักที หรือมีเหตุผลอะไรที่ทำให้ทำไม่ได้

“จะบอกความลับอะไรให้ฟังนะ ฉันเคยเกือบมีอะไรกับผู้ชายคนนึง หมอนั่นเครซี่ฉันมาก อยากสอดใส่ทุกครั้งที่เรานัวเนียกันแต่จบแค่ใช้มือ ฉันทำไม่ได้เพราะฉันไม่ได้รักเขาถึงขั้นนั้นไง ส่วนกับวาน่ะฉันพร้อมเสมอ ยั่วไปเท่าไหร่ ชวนขึ้นเตียงแค่ไหนก็จบอยู่แค่จูบทุกครั้ง พอถึงตอนที่กำลังจะเลยเถิดเขากลับหยุดทุกอย่าง ปล่อยให้ค้างแบบนั้นน่ะ คิดดูสิคิว  just a kiss ทั้งที่เราคบกันมาหลายเดือนแล้ว! อย่าว่าแต่จะใช้มือช่วยเลย แค่ถอดกระดุมสักเม็ดยังไม่เคย ฉันเลยกำลังคิดว่าวาไม่อยากมีอะไรกับฉันหรือเปล่า”

คนินทร์ไม่มีคำตอบให้เพื่อนต่างชาติตัวเล็ก เท่าที่ฟังอีกฝ่ายพูดอยู่ข้างเดียวคนที่มีปัญหาน่าจะเป็นตัวทิวากานต์เองไม่ใช่อลันด์ และถ้าคิดในแง่ของผู้ชายที่ไม่เคยคบกับผู้ชายมาก่อนคงบอกได้แค่ทิวากานต์ยังไม่พร้อมสำหรับผู้ชายจริงๆ แต่นั่นแหละ

“เพราะวาเป็นผู้ชายแล้วฉันก็เป็นผู้ชายใช่ไหมคิว”

“คิดมากน่า คงไม่มีอะไรหรอก บางทีพี่วาอาจต้องการเวลา นายรอเขาหน่อยสิ” หนุ่มไทยจับศีรษะกลมโยกเบาๆ ตั้งแต่รู้จักกันมาเกือบเทอมเพิ่งจะเคยเห็นอีกฝ่ายทำหน้าเศร้าเหมือนจะร้องไห้เป็นครั้งแรก และมันกระแทกใจเขาไม่น้อย

“พยายามอยู่ แต่มันอดน้อยใจไม่ได้นี่หว่า เหมือนกับว่าสุดท้ายแล้วเราไม่ใช่คนที่เขาต้องการจริงๆ”

“เฮ้ย ทำซึมแบบนี้ไม่สมกับเป็นนายเลยนะเว้ย สารภาพมาดีกว่าว่าผู้ชายที่เคยเกือบมีอะไรด้วยน่ะ ทอมใช่ไหม”

หน้าเศร้าซึมกระทือเมื่อครู่หายวับแทบจะทันทีที่ชื่อเพื่อนสนิทโผล่ออกมา ตาสีฟ้าซีดเบิกกว้างหน่อยๆ ขณะที่ริมฝีปากอ้าออกนึกหาคำพูด เขาไม่ได้พูดออกไปด้วยซ้ำว่าผู้ชายคนนั้นมีลักษณะยังไง “อะ เอ๋? ทะ ทำไมถึงรู้ล่ะ”

“ก็สายตาที่หมอนั่นมองนายน่ะสิ มองเหมือนจะกินไปทั้งตัว”

“ชัดขนาดนั้น”

“สุดๆ บางทีถ้านายเลิกกับพี่วา จะพิจารณาทอมบ้างไม่น่าจะเสียหาย น้องหมาแสนซื่อสัตย์ของนายดูดีออก” คนินทร์ให้ความเห็นตรงๆ ดูจะชอบใจโธมัสไม่น้อย

“When pigs fly!” ชาติหน้าตอนบ่ายๆ เถอะ! แล้วตัดคำว่าซื่อสัตย์ออกจากพจนานุกรมของไอ้หมาขนทองนั่นทิ้งไปได้เลย มันหมดไปตั้งแต่จะขายเขาให้เจมส์แล้ว

เด็กฝรั่งทำหน้าเซ็งก่อนก้มหน้าก้มตาทำหน้าเครียดอ่านหนังสือต่อ พลอยให้คนินทร์ต้องงับปากตัวเองไว้แค่นั้นแล้วอ่านเนื้อหาสำหรับสอบปลายภาคบ้าง ไม่รู้ไปพูดจาอะไรสะกิดต่อมเด็กลูกครึ่งเข้า

หากหลายครั้งที่เขาเหลือบตาขึ้นมองคนตรงหน้า ลอบมองแพขนตาหนาสีอ่อนที่หลุบลงต่ำ จมูกโด่ง แก้มตอบ ประกอบรวมเข้ากับริมฝีปากเป็นกระจับได้รูป รูปร่างปัจจุบันที่ผอมบอบบาง ข้อมือก็เล็กนิดเดียว ขาวเนียนน่าฟัดไปทั้งตัว ถ้าได้คลุกวงในกันสักหน่อย... แหม เขามั่นใจว่าต้องขอลองเป็นยอดชายดูสักตั้ง

ยังไงก็แล้วแต่...ถ้าไม่อยากมีสภาพเป็นทาสเหมือนนภ คนินทร์คงต้องเก็บความคิดนี้ไว้จนกว่าอลันด์จะเลิกกับทิวากานต์นั่นแหละ

.
.
.

สองหนุ่มหอบหนังสือเต็มสองแขนออกจากห้องสมุดตอนเกือบหกโมงเย็นหลังทิวากานต์เมสเสจมาบอกว่าเลิกงานแล้ว ทีแรกคนินทร์บอกว่าจะอยู่รอเป็นเพื่อนจนกว่าศัลยแพทย์สุดหล่อวัยสามสิบจะมาด้วยเป็นห่วงเรื่องที่อลันด์บอก แต่เด็กฝรั่งกลับไล่ให้กลับบ้านไปซะ “คนอยู่เยอะแยะ คงไม่มีโรคจิตที่ไหนกล้าพุ่งออกมาจับฉันไปปล้ำหรอกน่า”

ปากรูปกระจับแย้มยิ้มเล็กน้อย นัดแนะเวลาสำหรับติวพรุ่งนี้ที่คอนโด แล้วยืนส่งเพื่อนขึ้นบีเอ็มดับบริวซีรีส์ทรีขับถอยจากซองออกนอกมหาวิทยาลัยไป หากจังหวะหันหลังกลับจะเดินไปหาน้องกบที่จอดไว้อีกฟากดันชนเข้ากับกลุ่มคนที่เดินสวนมาพอดี เสียงร้องอุทานจากทั้งสองฝ่ายดังพร้อมๆ กับตำราในมือร่วงกราวกระเด้งกระดอนไปคนละทิศ แต่คนมวลน้อยไม่ได้ลงไปกองกับพื้นเหมือนหนังสือเพราะแขนยาวเก้งก้างที่ดึงเขาเข้าไปกอดไว้

“Well done!” ฝรั่งไซส์มินิถอนหายใจเฮือก สะบัดตัวหลุดจากการช่วยเหลือก่อนลงไปนั่งเข่าเก็บหนังสือหนังหาบนพื้น คู่กรณีก็แสนดีช่วยเก็บรวบรวมชีทเอสี่ที่ปลิวลงไปบนถนนให้

“ขะ ขอโทษครับ เอ่อ ซอรี่จริงๆ”

“ไม่เป็นไร” เด็กหนุ่มตอบกลับเสียงห้วน เงยหน้าขึ้นมาเห็นคู่กรณีทำหน้าอึ้งๆ แล้วยิ่งหงุดหงิด มันจะตกใจอะไรกันหนักกันหนากะอีแค่หน้าฝรั่งแต่พูดไทยได้เนี่ย

“ขอโทษจริงๆ นะครับ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”

“ไม่ครับ ผมไม่ระวังเอง” อีกฝ่ายสุภาพมาขนาดนั้นจะให้เขาเหวี่ยงใส่ก็ดูจะไร้มารยาท แถมยังมากันเป็นฝูง เกิดมีเรื่องกันเขาคงได้กินยำตีนเป็นมื้อเย็นแบบไม่ต้องสงสัย

มือเรียวขาวจัดตบไล่ฝุ่นบนหนังสือเบาๆ ก่อนลุกขึ้นยืนประจันหน้ากับคู่กรณี พอได้มองเต็มตาถึงรู้ว่านี่ก็เป็นอีกคนที่ทำลายความคิดดั้งเดิมว่าคนเอเชียเตี้ยได้อย่างสิ้นเชิง ไม่รู้จะสูงไปไหน อาจจะเตี้ยกว่าทิวากานต์หน่อยแต่ยังสูงจนต้องแหงนหน้ามอง

“ขอหนังสือคืนด้วยครับ”

“เอ่อ... เดี๋ยวพี่ช่วยถือไปส่งให้ไหม ท่าทางจะหนัก ถือว่าเป็นการไถ่โทษไงครับ”

“ไม่เป็นไรครับ ถือไหว”เขายื่นมือจะขอของคืนแต่อีกคนยังทำนิ่ง คราวนี้เริ่มโมโหจริงๆ เพราะชายหนุ่มในชุดนักศึกษากึ่งไปรเวทยังคงนิ่งเฉย พอเหวี่ยงตาใส่แทนที่จะกลัวดันทำหน้าหมาหงอยตาแป๋วอ้อนให้เจ้าของเล่นด้วยใส่เสียอย่างนั้น ไหนจะเสียงโห่ฮาของพวกที่เหลือข้างหลังนั่นอีก

“นะ นะครับ ให้พี่ช่วยเถอะ”

“ให้เพื่อนพี่ถือของไปส่งเถอะนะคร้าบบบ”

“ใช่ๆ เพื่อนพี่มันอึด ถึก และบึกบึน แข็งแรงเหมือนควาย แค่นี้เบาๆ”

บอกเลยว่าที่ยอมให้คู่กรณีแย่งหนังสือในมือไปถือเนี่ยไม่ใช่เพราะแพ้สายตาหมาน้อย แต่ไม่อยากฟังเสียงลูกคู่ต่างหาก นักศึกษาพวกนี้อย่างกะฝูงหมาบ้านโธมัส พอตัวหนึ่งเห่าอีกตัวต้องเสริม น่ารำคาญสุดๆ แล้วเขาไม่ได้โง่ขนาดดูจุดประสงค์คนพวกนี้ไม่ออก ไหนๆ อยากอาสาดีนัก ขอเอามาทดสอบอะไรหน่อยเถอะ!

“เอ่อ อากาศดีเนอะ”

อลันด์แหงนหน้ามองคนบอกว่าอากาศดีสลับกับพระอาทิตย์ที่ใกล้ตกดินไปทุกทีทั้งที่ยังไม่หกโมงเย็น ถึงอย่างนั้นก็ยังห่างไกลจากคนว่าอากาศดีอยู่มากเพราะโคตรร้อนอย่างกับอยู่กลางทะเลทราย ถ้าช่วงไหนเดินผ่านช่องว่างตึกที่มีลมจากแม่น้ำพัดมาหน่อยจึงค่อยดีอย่างที่อีกคนว่า แต่นั่นก็เลยมาไกลมากแล้ว

“น้องพูดไทยชัดจังเลย อยู่เมืองไทยนานแล้วเหรอครับ” เหมือนจะรู้ตัวว่าชวนคุยผิดเรื่อง หนุ่มไทยหน้ามนจึงเปลี่ยนคำถามใหม่เอาที่น่าจะเข้าท่าและเปิดให้มีประโยคถัดๆ ไปได้

“เดือนมีนาปีหน้าถึงจะครบปีครับ แต่โดนบังคับให้เรียนตั้งแต่เด็กๆ”

“เป็นลูกครึ่งสินะ ตอนแรกเห็นหน้านึกว่าเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนของภาคอินเตอร์ซะอีก อ๊ะ คุยกันมาตั้งนานลืมบอกชื่อ พี่ชื่อตั้มนะ ส่วนเพื่อนพี่คนนั้นชื่อบาส นี่ไอ้จั๊มป์แล้วก็พีทอยู่วิศวะม. เดียวกันนี่แหละแต่ไม่ได้เรียนที่นี่หรอก พอดีใกล้สอบเลยมาหาหนังสืออ่านเพิ่มที่ห้องสมุด”

“อลันด์ เรียน BBA ครับ อ่า...ถึงรถแล้วขอหนังสือคืนด้วยครับ”

“คันนี้เหรอ” หนุ่มวิศวะชี้ไปที่มินิคูเปอร์คันจิ๋วขนาดพอเหมาะกับตัวคนขับ ตั้งใจจะส่งหนังสือให้ถึงที่จริงๆ แล้วหวังว่าจะขอช่องทางติดต่อเผื่อไว้สำหรับภายภาคหน้า หากต้องเบนสายตาไปที่ซูเปอร์คาร์หลังคาผ้าใบคันข้างๆ แทนตอนที่เด็กฝรั่งไซส์มินิเดินไปหยุดอยู่ตรงท้ายรถ แสงสุดท้ายสะท้อนตัวหนังสือสีเงินว่า 911 Turbo S วิบวับสวยงาม

“คันนี้ต่างหาก”

“หือ?” แก๊งหนุ่มวิศวะพร้อมใจกันหันคอไปหาเสียงปริศนาในทันที

ทั้งสี่คนมองชายหนุ่มวัยทำงานในชุดเนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้ายกเว้นเสียแต่ทรงผมเด็กแนวไถข้างเสียเรียบที่ทำให้ทิวากานต์ดูเหมือนพวกพนักงานบริษัทเงินกู้มากกว่าอาจารย์หมอโรงพยาบาลรัฐ ยิ่งบวกรวมกับส่วนสูงเกือบร้อยเก้าสิบและตาคมดุประหนึ่งใบมีดก็พาลให้นักศึกษาชายสี่หน่อถึงกับขาสั่นแบบไม่รู้สาเหตุ

“มินิสามประตูคันจิ๋วแบบนั้นจะยัดเข้าไปนั่งได้ไง เฮ้ย ขอหนังสือด้วย” ทิวากานต์เดินอ้อมมายืนข้างหน้าพวกเด็กๆ ก่อนแบมือออกไปข้างหน้า พอเห็นพวกนั้นยังนิ่งเหมือนไม่ได้ยินเลยเพิ่มเสียงขึ้นมาอีกหน่อย “บอกว่าเอาหนังสือมา”

“คะ ครับ” ไม่ทันรู้ตัวก็เผลอก้าวขาถอยหลังออกมาแล้วสองคืบ ว่าที่นายช่างรีบยื่นหอบหนังสือให้คนมาใหม่ด้วยความนอบน้อมแบบไม่ต้องรอให้คุณหมออารมณ์ขึ้น

“ก็แค่นี้ต้องให้พูดหลายรอบ เด็กสมัยนี้หูตึงกันหมดแล้วหรือไง อัลกลับบ้าน”

“อ่าฮะ” เด็กฝรั่งยักไหล่ ปรายตามองทิวากานต์หิ้วหนังสือเรียนเขาขึ้นรถไปก่อนถึงค่อยหันมาหาแก๊งหนุ่มวิศวะ ไม่ลืมโปรยยิ้มปลอบขวัญให้แต่เหมือนจะเป็นยิ้มเยาะมากกว่าแต่ละคนถึงได้ทำหน้าไปไม่เป็น “ขอบคุณนะครับ”

“มะ ไม่เป็นไรครับ นั่นพี่ชายเหรอ ท่าทางดุน่าดู” หนุ่มตั้มบุ้ยปากไปที่รถสปอร์ตสีขาวปลอดหลังคาดำ อาการตื่นกลัวกับคำถามสิ้นคิดดึงปากหยักเหยียดยิ้มออกมาจางๆ

“แฟนน่ะครับ ดุยิ่งกว่าอัลเซเชียนอีก” สิ้นคำน้องกบก็ถอยมาอยู่ข้างๆ อลันด์ เสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มราวพร้อมกระโจนใส่พวกขวางหูขวางตา เจ้าตัวหันไปโบกมือน้อยๆ เป็นการบอกลา

“บาย” หวังว่าจะไม่เจอกันอีกนะ

.
.
.

ด้วยเป็นศุกร์แห่งชาติทิวากานต์จึงตัดสินใจหาอะไรกินข้างนอกดีกว่าหิ้วท้องรอไปกินที่บ้าน คุณหมอขับรถฝ่าการจราจรคับคั่งมุ่งหน้าไปหาสรรพสินค้าขนาดใหญ่ใจกลางเมือง ตาคมดุปรายมองคนข้างตัวที่เงียบตั้งแต่ขึ้นรถมา ปกติถ้าไม่ใช่เพราะหลับอลันด์ไม่มีทางเงียบได้นานแบบนี้ เขาจึงอาศัยตอนรถติดไฟแดงดึงมืออีกคนมาจูบมาหอม

“ตัวไม่ร้อนนี่ ทำไมซึมๆ ล่ะ โดนเด็กพวกนั้นแกล้งอะไรมาหรือไง”

“ไม่มีอะไรนิ”

“อืม...แล้วนี่พ่อแม่เธอจะมาอีกทีเมื่อไหร่”

“เช้าวันที่ 24 คงอยู่สักสองสัปดาห์ ปีนี้คุณตาคุณยายจะจัดงานปีใหม่ด้วย ผมคงต้องไปนอนที่นู่นสักพัก แต่คงไม่กี่วัน”

“ดีแล้ว ฉันจะได้ไม่นอนเฉาคนเดียวนานๆ” ทิวากานต์ยิ้มหวานเอาใจ เขาปล่อยมืออีกคนให้เป็นอิสระแล้วเลื่อนไปจับเกียร์ออกรถแทนตอนสัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นเขียว “วันนี้อยากกินอะไร สเต็กไหมหรือปิ้งย่างดี”

“อยากกินผักอ่ะ เอ็มเคได้ม่ะ”

“หึหึ ได้” เขาฉีกยิ้มชอบใจ ใช้ข้อนิ้วลูบแก้มอีกคนเบาๆ ไม่รู้ว่าอลันด์เป็นอะไร แต่ถ้าพูดแบบนี้ได้แสดงว่าไม่หนักหนา เดี๋ยวถ้าอึดอัดมากคงเปิดปากพูดกับเขาเอง

แม้จะใกล้กลางเดือนแล้วแต่หน้าร้านสุกี้ชื่อดังของห้างใหญ่ยังมีคนรอต่อคิวทั้งที่จะทุ่มเข้าไปทุกที หากในเมื่อเด็กแสบยืนยันว่าอยากกินทิวากานต์ก็ไม่ขัดใจ พอได้คิวมาก็พาอลันด์เดินดูขนมฆ่าเวลา เห็นช็อกโกแลตสดแบรนด์ดังจากญี่ปุ่นน่ากินเลยซื้อมากล่องใหญ่ไว้ให้เด็กแสบกินเป็นของว่าง

“เอาขนมอะไรอีกไหม หิวหรือเปล่า ลูกชิ้นรองท้องเป็นไง พรุ่งนี้คิวมาติวด้วยใช่ป่ะ ซื้อพวกคุกกี้ไว้กินตอนอ่านหนังสือดีไหม” คุณหมอหนุ่มร่ายยาวเป็นชุด คงเพราะเห็นคนวุ่นวายเงียบๆ ไปจึงอยากเอาใจให้กลับมาร่าเริงเหมือนเดิม

“อือ” ทั้งที่คุณหมอถามยาวเหยียดเด็กฝรั่งกลับตอบแค่คำเดียว

ตาสีฟ้าจับจ้องขนมเค้กสีสันสดใสในตู้โชว์ไม่วางตา แต่ก่อนคงไม่คิดมากถ้าจะซื้อ แต่ตอนนี้อะไรๆ มันก็ดูหวานเลี่ยนไปหมด สุดท้ายเลยไปต่อแถวรอซื้อมาการองเจ้าดังจากเชียงใหม่เพราะทิวากานต์บอกว่าหวานน้อย

“พี่วา! พี่วาจริงด้วย บังเอิญจังเลย มาทำอะไรแถวนี้คะ”

สองหนุ่มหันไปหาคนทักอย่างพร้อมเพรียง อลันด์กระพริบตามองเธอปริบๆ ก่อนเงยหน้าขึ้นมองคนข้างตัวเห็นคนรักฉีกยิ้มกว้างแบบการค้าอย่างที่ไม่เห็นมาสักพักใหญ่เลยหันหน้ากลับไปเล็งขนมในตู้กระจกต่อเพราะใกล้ถึงคิวตัวเองพอดี เด็กหนุ่มทำเป็นไม่สนใจแต่แอบเงี่ยหูฟังสองคนคุยกันตลอด อยากรู้นักว่าผู้หญิงคนนี้จะเป็นหนึ่งในอดีตกิ๊กคุณหมอเขาหรือเปล่า

“มาหาข้าวกินน่ะ”

“โชคดีของต่ายสินะคะที่ได้เจอพี่วา ไม่ได้เจอกันตั้งแต่พี่วาเรียนต่อเลยมั้ง กี่ปีแล้วน่อ... ตอนแรกไม่กล้าทักกลัวจำผิดคน หล่อขึ้นตั้งเยอะแน่ะค่ะ ทรงผมก็สุดยอด!” หล่อนยิ้มตาหยีพูดเอาใจคนแก่กว่าเต็มที่

“แล้วเราล่ะมาทำอะไรแถวนี้ ย้ายมาทำที่กรุงเทพแล้วเหรอ”

“ความจริงก็อยากย้ายมาอยู่หรอกค่ะ แต่อยู่บ้านนอกก็โอเค พอดีขึ้นมางานแต่งเพื่อนเลยแวะเที่ยว ไม่คิดว่าจะได้เจอพี่วาด้วย แล้วนี่มากับใครเหรอคะ”

เด็กฝรั่งถึงกับสะดุ้งเมื่อถูกพาดพิง โชคยังดีที่ถึงคิวซื้อขนมเจ้าตัวแสบเลือกทำเป็นเหมือนไม่ได้ยินก้มหน้าก้มตาจิ้มมาการองไป แต่หูกระดิกพั่บๆ รอฟังทิวากานต์แนะนำเขาให้เพื่อนรู้จัก

“น้องข้างบ้านน่ะ”

“ทั้งหมดแปดร้อยแปดสิบบาทครับ”

อลันด์เงยหน้ามองพนักงาน ขนมบ้าอะไรแค่สิบสองชิ้นตั้งแปดร้อยกว่า มือขาวล้วงกระเป๋าเงินขึ้นมาจะจ่ายก็ถูกทิวากานต์ยื่นแบงค์พันตัดหน้าไปแล้ว นี่ก็ป๋าตลอด...ตั้งแต่หอบผ้าไปนอนด้วยเขาแทบไม่เสียเงินสักบาท เงินที่มัมโอนให้ใช้แต่ละเดือนเหลือค้างบัญชีในระดับที่เอาไปดาวน์รถญี่ปุ่นสักคันได้เลย เด็กหนุ่มยื่นเงินทอนคืนคนจ่ายก่อนยกมือไหว้เพื่อนรุ่นน้องทิวากานต์

“สวัสดีครับ”

“พูดไทยได้ด้วย น่ารักจังค่ะ ต้องทำยังไงคะถึงจะมีเด็กแบบนี้มาอยู่ข้างบ้านบ้าง”

“หึหึ ไม่รู้สิ ฟลุคได้มาเหมือนกัน” มือใหญ่วางแหมะบนหัวทุยขยี้เบาๆ ทิวากานต์ก้มหน้าลงมาจนเกือบอยู่ระดับเดียวกับอลันด์พลางฉีกยิ้มให้สาวเจ้าอิจฉาเล่น “พี่ไปก่อนนะ เดี๋ยวไม่ทันคิว”

.
.
.
หัวข้อ: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 22 [06.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 06-01-2016 16:40:25
ศัลยแพทย์รูปหล่อเหลือบมองเด็กข้างตัวตลอดทางที่ขับรถกลับคอนโด เงียบไม่พอยังเอาแต่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเหม่อไปนอกรถ ตอนกินข้าวก็กินนิดเดียวทั้งที่เป็นคนบอกเองว่าอยากกินสุกี้ เขาบังคับจนเหนื่อย หากแม้แต่แครอทกับฟักทองที่ชอบมากๆ ยังเอาเข้าปากไม่กี่ชิ้น จะว่ามีเรื่องกับโธมัสคงไม่ใช่ หรือเป็นผลข้างเคียงจากการรักษาก็ไม่น่าใช่อีก เขายื่นหลังมือไปแตะซอกคออีกคนจะวัดอุณหภูมิอีกทีก็ปกติทุกอย่างแต่ที่แปลกคืออลันด์เบี่ยงตัวหลบมือเขานี่แหละ

วันนี้แมวดื้อของเขาพยศเว้ยเฮ้ย!

จนรถจอดเข้าที่ดับเครื่องแล้วทิวากานต์ตัดสินใจยังไม่ปลดล็อคก่อนโน้มตัวเข้าไปหาอีกคน ปลายจมูกโด่งแตะแถวๆ แก้มและซอกคอดมฟุดฟิดแล้วจะจบด้วยจูบปากเหมือนเคย เท่านั้นเด็กฝรั่งตัวแสบก็เอียงหน้าหนีหลบสายตา

“ถามอีกที มีอะไรหรือเปล่า”

“คิดว่ากำลังมี” เงียบไปพักใหญ่ตาสีฟ้าจึงยอมเงยสบกับอีกคน

“อ่าฮะ แล้ว...”

“ขึ้นข้างบนเหอะ ผมเหนื่อย” อลันด์ตัดบท ทำท่าเหมือนจะสวมกอดทิวากานต์กลับแต่ความจริงต้องการเอื้อมแขนมากดปลดล็อครถ

ตาคมมองคนเด็กกว่าเอื้อมตัวไปเบาะหลัง หยิบหนังสือกับถุงขนมมาถือไว้แล้วเปิดประตูลงจากรถไป อาการแบบนี้บวกกับลางสังหรณ์บางอย่างบอกชัดเลยว่า ‘มี’ ที่ว่าเนี่ยเกี่ยวกับเขาเต็มๆ

ทิวากานต์สาวเท้าเดินเคียงอลันด์ไปถึงลิฟต์ก่อนแย่งหนังสือเรียนเล่มใหญ่มาถือไว้เองเกือบหมด อีกคนก็ไม่หือไม่อือ ยืนเงียบทำหน้านิ่งตามสไตล์เหมือนตุ๊กตากระเบื้อง จนถึงหน้าห้องแทนที่จะกดรหัสประตูเข้าไปก่อนเหมือนเคยจู่ๆ ร่างสูงแค่หัวไหล่กลับหมุนตัวหันมาเผชิญหน้าแล้วแบมือ

“ขอหนังสือคืนด้วย คืนนี้ผมจะกลับไปนอนที่ห้อง”

“ทำไมล่ะ” เขาไม่ได้ยื่นหนังสือคืนให้แต่ดึงมันมากอดแนบอก ใช้มืออีกข้างกดรหัสเปิดประตูห้องรอให้อลันด์เดินเข้าไปข้างใน

“เดี๋ยวพรุ่งนี้คิวมาเลยไม่อยากรบกวน”

“มาติวที่ห้องฉันก็ได้นี่ ยังหวงอีกหรือไง หือ...เด็กน้อย”

“เปล่า แค่ไม่อยากรบกวนจริงๆ”

“พูดตลกน่ารบกวนอะไรกันตอนนี้ มาอยู่จนเหมือนเป็นเจ้าของไปแล้วเพิ่งรู้สึกเหรอ” ทิวากานต์หัวเราะเบาๆ มือข้างว่างลูบผมที่ตกลงมาปรกหน้าผากกลับขึ้นไป หัวใจเต้นแรงขึ้นเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์บีบคั้นที่เขาก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร หรือบางทีอาจจะรู้แล้วแต่แกล้งทำเป็นไม่เข้าใจ... ไอ้อาการจะเสียของรักเนี่ยทำไมจะไม่เคยเป็น

“พรุ่งนี้ก็ติวอยู่นี่แหละเดี๋ยวจัดมื้อใหญ่ให้ อยากกินอะไรพิเศษไหม หือ อัลว่าไง...”

คนฟังได้แต่เหยียดยิ้มแกนๆ แพขนตาสีอ่อนหลุบต่ำก่อนใบหน้าขาวซีดจะสะบัดไปมาแทนคำปฏิเสธ แล้วพูดประโยคดั่งฟ้าผ่าลงกลางใจคุณหมอ “เราแยกกันอยู่สักพักดีไหมวา”

ทิวากานต์กลั้นหายใจไปสามวิก่อนหน้าหล่อๆ จะเปลี่ยนเป็นยักษ์แทบในทันที เขาพยายามสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ กดอารมณ์เดือดดาลไว้ในใจ เอียงคอกดสายตามองอลันด์ที่อยู่ต่ำลงไป แสดงให้อีกฝ่ายรู้ชัดเจนว่าไม่พอใจอย่างที่สุด “ให้โอกาสพูดอีกที เอาดีๆ จริงจังนะอัล”

“ไม่มีแล้ว”

“ฉันอยากรู้เหตุผล!”

“ไม่มีเหตุผลหรอกวา มีแต่ความรู้สึก!” ตาสีฟ้าซีดเงยขึ้นสบอีกคนบอกแทนสิ่งที่อยู่ในใจ ทั้งเหนื่อยทั้งล้า “แค่รู้สึกตอนนี้ไม่อยากอยู่ใกล้ๆ วาเท่าไหร่”

“อยู่กับฉันแล้วอึดอัดเหรอ” เพราะเสียงแผ่วๆ เหมือนจะขาดใจของคนพูดระงับทิวากานต์ไม่ให้อาละวาดใส่อีกคนตามต้องการได้ชะงัด ใครบ้างได้ยินคนที่ตัวเองรักพูดแบบนี้แล้วจะไม่รู้สึกอะไร ไม่ใช่อลันด์เองหรือไงที่เข้ามาหาเขาก่อน แล้วพอไม่ต้องการกันก็เฉดหัวส่งแบบนี้? ฝันไปเถอะว่าคนอย่างเขาจะยอม!!!

“มั้ง? วาไม่คิดว่าเราใกล้กันเกินไปบ้างหรือไง ไม่มีคนข้างบ้านที่ไหนนอนเตียงเดียวกันทุกคืนหรอก”

ทิวากานต์มองคนพูดจาประชดประชันแบบเด็กๆ แล้วอยากจับมาเขย่าถามเหลือเกินว่าเกิดบ้าอะไรขึ้นมา แต่ที่เขาทำมีเพียงอาการยืนกัดฟันจ้องอีกคนแล้วตอกกลับเสียงนิ่งบ้าง “อ๋อ... จะให้แนะนำว่านี่แฟนฉันหรือไง”

“ก็ต้องเป็นอย่างนั้นไม่ใช่เหรอ หรือว่าเราไม่ใช่ ที่จูบกันทุกวันนี้แค่จูบปากกับคุณพี่ชายข้างบ้านสินะ ไอ- ซี จะจำไว้”

“โธ่ อัล” ไม่ว่าพูดอย่างไรตอนนี้ก็มีแต่เข้าตัว ทิวากานต์จึงยอมลงให้อีกคน เขารู้ว่าอลันด์กำลังน้อยใจ สาเหตุคงมาจากอาการท่ามากของเขาหลายๆ เรื่องรวมกัน แต่... “ถ้ากับคนสนิทพี่บอกแน่นอนแต่นี่พี่กับเขาไม่ได้สนิทกัน สังคมหมอเมืองไทยมันแคบจะตาย เขาจะเอาพี่กับเราไปพูดต่อยังไงบ้างก็ไม่รู้ ถึงเห็นพี่ไม่ค่อยแคร์ใครแบบนี้แต่พี่ก็มีหน้าตามีสถานบันที่ต้องรักษาไว้เหมือนกันนะ”

“ทำไมผมฟังแล้วรู้สึกว่าคุณไม่พร้อมจะคบกับผู้ชายเลยนะ งั้นเรากลับไปเป็นแค่เพื่อนบ้านกันเหมือนเดิมดีกว่าไหม!”

“อัล! ขอร้องล่ะ อย่าเพิ่งประชดได้ไหม ฟังเหตุผลพี่แล้วคิดก่อนสิ ถ้าพี่ไม่รักพี่จะยอมอัลขนาดนี้เหรอ”

“ยอม... วาพูดเหมือนว่าโดนบังคับให้คบ”

“ไปกันใหญ่แล้ว ไม่ได้หมายความว่ายังงั้นสักหน่อย”

“So what? What do you mean? Huh, tell me. แล้วใครกันแน่ที่ยอม เอาเลย ตามสบาย เอาที่วาสบายใจเลย ผมเคยทำอะไรวาได้ที่ไหน ทุกวันก็มีแต่ทำตามที่วาบอก แม่ง...อย่างกับมีแด๊ดเพิ่มมาอีกคน เรื่องบนเตียงก็อีกเรื่อง ไม่อยากทำ ไม่พร้อม ทำกับผู้ชายไม่ได้ก็บอกมาตรงๆ ไม่ใช่จะทำๆ แล้วเลิกกลางคันแม่งทุกที เจอแบบนี้บ่อยๆ ก็เสียใจเป็นนะเว้ย ทำเหมือนเราเป็นอะไรสักอย่างที่ต้องฝืนทน แย่ชิบหาย...”

อลันด์พ่นทุกอย่างออกมารวดเดียวแทบลืมหายใจ ร้อนวูบวาบไปทั้งหน้าโดยเฉพาะกระบอกตาทั้งสองข้าง ไม่อยากร้องไห้ประจานตัวเองและให้คนใจร้ายเห็นแต่กลั้นไม่ไหวแล้วจริงๆ ถึงอย่างนั้นก็รีบใช้หลังมือปาดน้ำตาออกทันทีที่มันหยดลงมาบนแก้ม

เด็กฝรั่งกัดแก้มตัวเองยืนสั่นก่อนตัดสินใจพูดสิ่งที่คิดทบทวนหลายตลบตั้งแต่นั่งรถกลับมาออกไป “เลิกกันไหม วากลับไปคบผู้หญิงเหมือนเดิม ส่วนผมจะไปหาคนอื่นบ้างคบดูบ้าง อาจจะผู้หญิงไม่ก็ผู้ชาย เหมือนตั้งแต่มาอยู่นี้ดูจะมีเสน่ห์กับเพศเดียวกันเหลือเกิน วันนี้ก็เพิ่งมีเด็กวิศวะมาจีบนี่นะ”

“ถ้าไม่อยากให้ฉันโมโห หยุด - พูด - ประ- ชด - ฉัน - เสีย - ที”

“ไม่ได้ประชด พูด - จริง และ จะ - ทำ - จริง ด้วย!”

“อลันด์!!!”

ถ้าพวกนักศึกษาเคยเห็นทิวากานต์เวอร์ชั่นองค์ลงตอนทำงานได้มาเห็นสภาพตอนนี้ คงได้แต่ตบอกเรียกขวัญตัวเองพร้อมบอกว่าโชคดีแล้วที่เจอแค่นั้น เพียงตาคมหรี่ลงเหมือนสิงโตจ้องเล็งพร้อมตะครุบเหยื่อก็พลอยเอาคนถูกจ้องขาสั่นพั่บๆ แทบล้มทั้งยืน ไหนจะเสียงตวาดเมื่อกี้อีก ใครใจแข็งยืนสู้อยู่ได้ต้องขอนับถือจริงๆ

แน่นอนว่าอลันด์กลัวคุณหมอเวอร์ชั่นนี้มาก แต่เด็กฝรั่งตัวเท่าไหล่ไม่หลบไปไหน ยืนประจัญหน้าพร้อมสู้ตาย ถ้าทิวากานต์จะลงไม้ลงมือกับเขา เขาก็จะเอาหัวกลมๆ นี่แหละโหม่งคืนแม่ง!

สุดท้ายกลายเป็นทิวากานต์หมดความขยับตัวก่อนหลังสองหนุ่มต่างไซส์ยืนเล่นเกมจ้องตาแทนเสียงขู่แง่งๆ ใส่กันอยู่เกือบนาที เด็กตัวเท่าไหล่ถึงกับผงะไปข้างหลังแต่ก็พร้อมจู่โจมถ้าอีกฝ่ายแตะตัวเขา

ทว่าหากก่อนได้เกิดศึกวัยทรงชัยนอกรอบขึ้น เสียงเป้งของระฆังห้ามยกก็ดังขึ้นขัดตาทัพเสียก่อน ส่วนกรรมการผู้ห้ามไม่ใช่ใครอื่นไกลแต่เป็นนายธนาคารหนุ่มห้องข้างเคียงอย่างเมษาที่ไม่เห็นหน้ามานานนับเดือน

“หมอวาใจเย็นเย้นนน อย่าเพิ่งตีกันนะครับ” ชายไทยวัยสามสิบต้นๆ รูปร่างมาตรฐานเดินเข้ามายืนขวางระหว่างคุณหมอตัวยักษ์กับลูกครึ่งไซส์มินิขาสั่นกล้าๆ กลัวๆ กับแค่อลันด์น่ะไม่เท่าไหร่ แต่คุณหมอนี่สิเห็นผอมๆ บางๆ แต่ตัวใหญ่อย่างกับยักษ์แบบนี้น่ากลัวน้อยสักที่ไหน  “มีอะไรก็ค่อยๆ พูดๆ ค่อยๆ จาสิครับ รู้ตัวหรือเปล่าว่าทะเลาะกันเสียงดังจนห้องอื่นเขาออกมาดูกันหมดแล้ว”

คุณเมษาบุ้ยคางไปด้านหลังทิวากานต์ชวนให้สองคู่กรณีหันไปดู เพื่อนบ้านห้องโซนเดียวกันแง้มบานประตูออกมาดู บางคนก็แอบมองจากหัวมุมหน้าลิฟต์ ดีว่าห้องคุณหมอกับเด็กฝรั่งอยู่สุดทางเดินเสียงเลยไปไม่ไกลถึงอีกฝั่งและโซนนี้ก็มีห้องแค่ห้าห้องเท่านั้น แต่แค่นี้ก็ขายหน้าเพื่อนบ้านมากแล้วสำหรับทิวากานต์ที่วางตัวเงียบขรึมมาตลอด

ทิวากานต์เสยผมอีกหนพลางลอบมองอลันด์ทำตัวลีบตัวเล็กหลบอยู่หลังเมษา ดูแล้วเหมือนไอ้ตัวแสบกำลังวางแผนชิ่งกลับห้องตัวเอง ความจริงจะเข้าไปลากกลับมาที่ห้องตัวเองก็ได้เพราะเขาก็รู้รหัสเข้าห้องอีกคน แต่เกิดเด็กนั่นบ้าจี้แจ้งตำรวจขึ้นมาเขานี่แหละจะซวยมากกว่าเดิม หากในตอนที่ภาพลักษณ์บางส่วนมันเสียไปแล้ว เขาก็ขอเสียให้มันสุดๆ ต่อหน้าเพื่อนบ้านเลยแล้วกัน!

“คุณเมษครับ” คุณหมอเจ้าเล่ห์เรียกกรรมการเสียงหวาน หากตายังคงมองอลันด์วาววับ เขารอจนเมษาขานรับก็รีบยัดหนังสือเรียนตั้งใหญ่ใส่มืออีกฝ่าย เท่านั้นการตะลุมบอนบังเกิดขึ้นทันที

ศัลยแพทย์ตัวโตกระโจนพรวดเดียวชนเมษาล้มตึงเข้าไปจับอลันด์ไว้ได้ก่อนอีกฝ่ายวิ่งหนีไปถึงหน้าห้อง 2112 ไอ้เด็กฝรั่งตัวแสบดิ้นปัดๆ สู้ขาดใจ เสียงอุทานของเพื่อนบ้านร้องดังระงม หากไม่มีใครกล้าเข้ามาช่วยอลันด์แม้แต่คนเดียว

สุดท้ายเด็กตัวเท่าลูกแมวหรือจะสู้คนตัวใหญ่กว่าเกือบเท่าได้ อลันด์ถูกทิวากานต์หิ้วเอวตรงเข็มขัดไว้ด้วยมือข้างเดียวท่ามความตกตะลึงของทุกคน เห็นเป็นคุณหมอตัวผอมแสนสุภาพใครจะนึกว่าแรงเยอะอย่างกับควาย พอลงแบบนี้ยิ่งไม่มีเพื่อนบ้านคนไหนกล้าเข้ามาช่วยใหญ่ ทุกคนทำได้แค่ยืนมองหนุ่มน้อยต่างชาติดิ้นปัดๆ ตะโกนแหกปากด่าคำหยาบคายเป็นภาษาอังกฤษพลางเอาถุงขนมฟาดขาคุณหมอถูกหิ้วเข้าห้อง 2111 ไป

ประตูห้อง 2112 ปิดดังปังเล่นเอาไทยมุงกระดุ้งกันเป็นแถวๆ ก่อนจะเปิดออกมาให้สะดุ้งกันอีกรอบพร้อมหน้าหล่อ ๆของคุณหมอใจโฉด “คุณเมษครับ ผมจะบอกว่าขอฝากหนังสือไว้หน่อยนะครับ คืนนี้ขอผมเคลียร์กับแฟนก่อนแล้วพรุ่งนี้จะไปเอาคืน”

รอบนี้เสียงปิดประตูดังสะเทือนเลือนลั่นแค่ไหนกลับไม่มีไทยมุงคนไหนสะดุ้งสักคน แม้แต่เมษาที่ถูกชนจนล้มไปนอนแผ่กับพื้นมีหนังสือเรียนเล่มหนาทับอยู่บนตัวยังได้แต่ลืมตาอ้าปากพะงาบๆ กับคำว่า ‘แฟน’

คุณหมอวามีแฟนแล้ว เป็นผู้ชายไม่พอยังเป็นเด็กห้องตรงข้ามที่เคยเกือบฟาดปากกันเมื่อเกือบสิบเดือนก่อน! ให้ตายเถอะ... นี่มันยิ่งกว่าวัวออกลูกเป็นแมวอีกนะเนี่ย!!!



“Shit! F*ck off!!! asdfghjkl!!!!!”

เด็กฝรั่งตัวแสบร้องลั่นสบถด่าไม่เป็นภาษาตลอดเวลาที่ถูกทิวากานต์จับหิ้วเข้ามาในห้อง สองแขนสองขาดิ้นคว้างกลางอากาศ ทั้งโกรธทั้งโมโหจนหน้าแดงแปร๊ดหากทำอะไรไม่ได้นอกจากขู่แง่งๆ จนถูกทิวากานต์จับโยนลงโซฟาเบด หน้ากระแทกเบาะนุ่มๆ จริงแต่เจ็บไม่น้อย ถุงขนมกระเด็นตกบนพื้นพร้อมไฟในห้องที่สว่างพรึ่บและเสียงแอร์คอนดิชั่นเริ่มทำงาน

“อู๊ยยย... ไอ้ด็อกเถื่อน หมอปีศาจ คนใจยักษ์ หน้าตาอย่างกับมาร ถ้าเลือดกำเดาไหลจะบอกคุณลุงให้ไล่ออก”

“ปากดีเข้าไปเถอะ ไม่สะทกสะท้านเว้ย” คนถูกด่ายืนกอดอกมองอลันด์โก่งตูดพยายามจะลุกขึ้นนั่ง แต่เหมือนเขาจะโยนแรงไปหน่อย จนตอนนี้เด็กนั่นยังเอาแต่นอนคว่ำหน้าซุกเบาะอยู่แบบนั้น แต่ก็ควบคุมง่ายดี “ให้โอกาสอีกที ครั้งที่สาม ครั้งสุดท้าย จะอยู่กับฉันไหม คิดให้ดีก่อนตอบนะ”

“ถ้าบอกว่าไม่ล่ะ”

“หึ”

เสียงเยาะจากเจ้าของห้องทำเอาเด็กตาฟ้าขนลุกซู่ สัญชาตญาณการเอาตัวรอดบอกให้อลันด์พลิกตัวกลิ้งลงจากโซฟาซะเดี๋ยวนั้น แต่ยังช้าไปกว่าคุณหมอที่เหมือนจะมีวิญญาณอัลเซเชียนเข้าสิง ทิวากานต์กระโจนพรวดเดียวกักอีกคนไว้บนโซฟาได้ทั้งตัวหมดทางหนีโดยสิ้นเชิง

“ตอบฉันมาซิ จะทิ้งฉันไปหาคนอื่นจริงๆ งั้นเหรอ จำไม่ได้หรือไงใครกันที่ขอให้ฉันจับมือนี้ไว้ ฉันเคยบอกเธอไว้แล้วว่าถ้าฉันเลือกจับมือใครแล้วจะไม่มีวันปล่อยมือเด็ดขาด ถ้าอยากไปต้องตัดแขนทิ้งอย่างเดียว จำได้ไหม หือ ไอ้ตัวแสบ จำได้หรือเปล่า!”

“ถ้านี่เป็นโอกาสครั้งสุดท้ายที่วาจะให้ผม นี่ก็เป็นโอกาสสุดท้ายที่ผมจะให้วาทบทวนตัวเองอีกทีเหมือนกันว่ารักผมจริงๆ หรือเปล่า!”

“ไม่รักจะบ้าแบบนี้เหรอ”

“แล้วทำไมชอบทำให้ผมเสียใจ”

“ขอโทษ...” ชายหนุ่มก้มใบหน้าเอ่ยถ้อยคำนั้นชิดใบหูอีกฝ่ายก่อนผละออกมาดูอลันด์พลิกตัวนอนหงาย เห็นตาสีอ่อนแดงๆ เหมือนจะร้องไห้พลอยใจหาย ได้แต่ด่าตัวเองที่ทำให้คนรักต้องเสียใจ “พี่งี่เง่าเอง พี่ผิดไปแล้ว อย่าร้องไห้นะคะ พี่ไม่ชอบเลย นะ นะๆ ไม่ร้องนะคะ”

“แหวะ ประสาทกลับไปแล้วเหรอ” ทิวากานต์อมยิ้มแม้คนฟังจะเบะหน้าใส่ ดีใจที่อลันด์หยุดร้องไห้แล้วถึงจะหยุดเพราะเสียมู้ดก็เหอะ

“พูดเพราะๆ แบบนี้ด้วยชอบไหม หึ ชอบไหมคะ”

“อย่าเลยวา ขอร้องล่ะ ตลกมาก”

“จ้ะ จะไม่ทำแล้ว อะไรที่เราไม่ชอบพี่จะไม่ทำอีก จะตามใจทุกอย่างเลยดีไหม เพราะงั้นอย่าทิ้งพี่ไปนะ พี่แก่แล้วถ้าถูกเราทิ้งอีกต้องอยู่คนเดียวไปตลอดแน่ๆ”

“ทั้งกวนตีนทั้งตอแหลเลยนะวา หล่อขนาดนี้มีแต่คนอยากได้ล่ะสิไม่ว่า...”

“แต่ถ้าไม่ใช่คนที่รักจะมีความหมายอะไร” ปลายนิ้วเนียนนุ่มเหมือนเด็กปัดปรอยผมหน้าม้าของอลันด์ออกให้เห็นตาอีกคนชัดขึ้น เขามองใบหน้าคนที่เขารักก่อนจูบลงไปบนหน้าผากกว้าง “ขอโทษ กับทุกเรื่องที่ทำให้คิดมากแล้วก็เสียใจ พี่ยอมอัลไม่ใช่เพราะโดนบีบให้ยอม แต่พี่ยอมเพราะอัลคือคนที่พี่รัก ไม่ว่ายังไงก็ไม่อยากทำให้เสียใจ แล้วไม่ใช่พี่ไม่พร้อมแต่พี่แค่งี่เง่าไปเองคนเดียว”

ตาสีฟ้าปิดลงหลังทนมองคนบนร่างทำหน้าตาเจ็บปวดใส่ ตอนที่ทิวากานต์เห็นเขาร้องไห้คงรู้สึกอย่างเขาตอนนี้สินะ เจ็บปวดจนทนดูไม่ได้

“พี่ลืมไปว่าเราน่ะไม่ชอบถูกทิ้งถูกเมิน แต่ก็เผลอทำไปทุกที ไม่แก้ตัวหรอกนะ แต่สัญญาว่าในอนาคตจะปรับปรุงตัว”

อลันด์ยอมให้คนตัวโตโถมกอดทับลงมาทั้งตัว สองแขนโอบรอบคอทิวากานต์ไว้หลวมๆ รู้สึกดีขึ้นมากแล้วแต่ยังมีอะไรเล็กๆ ตกค้างอยู่ในใจ “เคยคิดบ้างไหมว่าทำไมผมถึงไม่เกิดเป็นผู้หญิงจะได้คบออกหน้าได้เหมือนคนอื่นๆ จะได้ไม่ต้องคิดมากเท่านี้”

“งั้นพี่ขอถามเรากลับบ้างนะ เคยอยากเป็นผู้หญิงบ้างไหม ตั้งแต่คบกับพี่มาเนี่ย เคยคิดสักครั้งไหม” เด็กฝรั่งส่ายหน้าแทนคำตอบ เรียกรอยยิ้มกว้างจากคนแก่กว่าแทบจะในทันที

“พี่ชอบเราที่เป็นอย่างนี้ล่ะ อลันด์ที่เป็นเด็กผู้ชายตัวกระเปี๊ยกหน้าตายกวนตีน คิดดูนะ...ถ้าเจอเด็กผู้หญิงแบบที่ว่ามาไม่เห็นจะน่ารักตรงไหน”

“เป็นผู้ชายก็ไม่น่ารัก”

“ใช่ม่ะ แต่ช่วยไม่ได้รักไปแล้วนี่หว่า” เขาหัวเราะคิกข้างหูอลันด์ แอบงับเล่นไปอีกสองทีเล่นเอาอีกฝ่ายดิ้นพล่าน “หน้าตาก็งั้นๆ แสบเป็นที่หนึ่ง ดื้อเป็นที่สุด ทำไมทำให้รักได้ขนาดนี้ แอบวางยาพี่หรือเปล่า สารภาพมานะ!” พอสถานการณ์เริ่มดีขึ้น ทิวากานต์จึงกล้าเล่นกับเด็กฝรั่งในอ้อมแขนเหมือนเดิมแม้จะยังแอบกลัวแมวเด็กพยศขึ้นมาอีกรอบก็เหอะ

“ถ้าทำได้ผมไปวางยาผู้หญิงสวยๆ สักคนไม่ดีกว่าหรือไง อื้อวา...อย่ากัดหูมันจั๊กจี้ อ๊ะ! ปล่อยเดี๋ยวนี้เลยนะ พี่วา...”

“เรามันน่ามันเขี้ยว” น่ากัดน่างับน่าฟัดที่สุดแล้ว อยากกินเข้าไปทั้งตัว ทิวากานต์แปลกใจเหมือนกันว่าทอมทนได้ยังไงตั้งหลายปีเพราะเขาเองให้ทนแค่ไม่กี่เดือนยังแย่เลย และตอนนี้คิดว่าจะไม่ทนแล้ว ขืนปล่อยให้ลอยนวลอยู่แบบนี้คงได้เสียให้คนอื่นไปจริงๆ

“พี่วา...ถ้าไม่คิดอยากทำก็หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ ถ้าหยุดกลางคันอีกทีผมจะหอบเสื้อผ้าหนีไปนอนบ้านคุณตาจริงๆ ด้วย เห็นเปรยๆ อยู่ว่าจะซื้อคอนโดริมแม่น้ำให้อยู่แถมรถคันใหม่มาล่อ”

“ไม่ต้องขู่เลย พี่ทำจริงอย่ามาห้ามแล้วกัน” ว่าแล้วคุณหมอก็เนียนแทรกตัวเข้าไปอยู่หว่างขาอลันด์เรียบร้อย ริมฝีปากบางจูบหลังใบหูอีกคนเบาๆ ลากปลายลิ้นลงมาถึงคาง “ความจริงกะว่าจะพาไปสวัสดีผู้ใหญ่ช่วงปีใหม่ก่อน อยากทำอะไรๆ ให้มันเรียบร้อยเขาจะได้ไว้ใจให้เราคบกัน”

“หือ ผู้ใหญ่นี่ใคร บ้านผมหรือบ้านพี่วา”

“ป้าๆ ที่เลี้ยงพี่มาน่ะ เคยเจอไปแล้วสองคนที่กินแกงกะหรี่ด้วยกันเมื่อตอนนั้นไง”

“อ๊า...” เด็กแสบหลุดครางเสียงสูงยามปลายนิ้วนิ่มเกาเบาๆ ตรงคาง “ขะ เขาจะไม่ตกใจเหรอ อื้ม...”

“คงตกใจนิดหน่อย แต่รับรองจะไม่มีใครขัดขวางเราเรื่องนี้ อยากให้พี่ไปบอกมัมกับแด๊ดเราด้วยไหมล่ะ พี่พร้อมนะ”

“อย่าเพิ่งนะ อื้อ... ต่ำอีกนิดสิพี่วา กัดตรงนั้นแหละ”

“กัด?” ทิวากานต์ยอมผงกหน้าขึ้นจากซอกคอกรุ่นกลิ่นหวานแตงโมจาก Chic for Men by Carolina Herrera มองตาสีฟ้าซีดขอความมั่นใจจากสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่อีกที พอเห็นอลันด์ยักคิ้วอนุญาตเลยแยกเขี้ยวขู่หนึ่งที “ทำไมล่ะ กลัวแด๊ดช็อคหัวใจวายหรือไง ช่วยปั๊มให้ได้นะ ไม่อยากอวดว่าตอนอยู่ ER เรื่อง CPR เนี่ยถนัดมาก”

“ไม่ตลก!” มือขาวฟาดเพี๊ยะบนคางคุณหมอสักที เรียกริ้วแดงขึ้นทันตา “เรื่องนี้เดี๋ยวผมจัดการเอง ขอเวลาหน่อย แด็ดกับมัมคงทำใจไม่ค่อยได้ อย่างที่รู้...พวกเขาค่อนข้างหัวโบราณนิดนึง”

“โอเค พร้อมเมื่อไหร่ก็บอกแล้วกัน ถ้าเขาจะรับไม่ได้ถึงขั้นตัดออกจากองมรดกก็ไม่เป็นไร เด็กตัวแค่นี้พี่เลี้ยงได้ อาจจะไม่เท่าที่อัลเคยเป็นแต่จะพยายามให้ใกล้เคียงที่สุด แบบเสื้อนักศึกษาตัวละหมื่นของเบอเบอร์รี่อาจจะเหลือแค่ G2000 ตัวละไม่กี่พัน”

“หึหึ ปกติตอนเมคเลิฟกับสาวๆ พี่วาพูดมากอย่างนี้หรือเปล่า”

“ไม่หรอก แต่วันนี้จะเปิดซิงเด็กต้องหลอกล่อกันหน่อย”

อลันด์มองหน้าคนเจ้าเล่ห์ยิ้มตาปิด เห็นแล้วหมั่นไส้อยากเอาคืนให้ค้างบ้างสักที แต่แหม...หยุดถูไถๆ ตัวเองกับต้นขาเขาสักทีได้ไหม ถูจนขึ้นแล้วมันลงยากนะเว้ย

ทั้งฉุนทั้งเขินหากทำอะไรไม่ได้นอกจากนอนให้ทิวากานต์ป้อนจูบลึกซึ้งให้ คนรักแก่วัยมากด้วยประสบการณ์เช่นทุกครั้ง เรียวลิ้นร้อนล้วงเข้ามาชวนเขาแลกการต่อสู้กันดุเดือด ทั้งผลักทั้งดันบางจังหวะก็ชักหนี ยั่วโมโหเขาจนเลือดขึ้นหน้าก็ผละออกไปแล้วกัดปากเขาทิ้งท้าย โดยระหว่างนั้นก็ถูกจับรูดเนคไทปลดกระดุมเสื้อแถมยังดึงกางเกงกับชั้นในโยนทิ้งพื้นไปอีกแบบไม่ทันให้ตั้งตัว

“โทษนะ พี่ไม่ชอบเล้าโลมเน้นแต่ปฏิบัติจริง” เสียงหัวเราะในลำคอช่างฟังดูร้ายกาจ แต่อลันด์ว่าเหมาะกับคุณหมอคนนี้ที่สุด และเขาคิดว่าเขาเป็นคนโชคดีที่ได้เห็นทั้งด้านดีและด้านร้ายของคนรัก

ทิวากานต์สอดประสานปลายนิ้วทั้งห้าเข้ากับฝ่ามืออีกฝ่ายจนแน่น ก่อนใช้เนคไทที่รูดออกมาเมื่อครู่พันมือตัวเองเข้ากับมืออีกฝ่ายไว้ด้วยกันแล้วยกขึ้นมาจูบด้วยความรักใคร่ เขากวาดตามองอลันด์ตั้งแต่ใบหน้าจนถึงส่วนล่างเปลือยเปล่า ผิวขาวจัดอย่างขาวตะวันตกขึ้นสีแดงเรื่อไปทั้งตัวเหมือนกุ้งต้ม

“ครั้งที่สอง”

“หือ?”

“ครั้งที่สองที่พี่ได้เห็นอัลสภาพนี้” ตาคมจงใจมองข้างล่างของเด็กแสบย้ำอีกที เคยโป๊ให้คนอื่นเห็นมาก็แล้วแต่ไม่เคยถูกจ้องจาบจ้วงด้วยสายลามกแบบนี้มาก่อน (ความจริงจะว่าไปต้องนับโธมัสด้วยนะ) อลันด์จะหนีบขาซ่อนส่วนกลางกายไว้ก็ติดตัวใหญ่ๆ ที่นั่งคุกเข่าขวางไว้นี่แหละ

“อย่ามามั่ว ครั้งที่สองได้ยังไง ครั้งแรกสิ”

“นี่จำไม่ได้จริงๆ เหรอ ที่ห้องผ่าตัดไง”

เท่านั้นแหละเด็กฝรั่งถึงกับอ้าปากพะงาบๆ ครางไม่เป็นภาษา ใช้มือข้างที่ไม่ถูกพันธนาการชี้หน้าคุณหมอ “อย่าบอกนะว่าคุณหมอคนนั้นเป็นวาจริงๆ น่ะ”

“แหงสิ จะเป็นใครไปได้ล่ะ ลงทุนไปขออาจารย์เป็นกรณีพิเศษเลยนะ เราตอนนอนนิ่งๆ ก็น่ารักดีอยู่หรอก แต่ตื่นมาแล้วงอแงชะมัด ทำเอาเขาวุ่นไปหมด น่าตีจริงๆ”

“ตอนนั้นมันขยับขาไม่ได้นี่นา แถมยังมึนๆ จะไม่ให้หงุดหงิดได้ไงกัน”

“ขาข้างนี้เหรอ” ไม่พูดเปล่ายังจับยกขึ้นมาพาดบ่า ไล่สายตาตั้งแต่น่องลงไปถึงต้นขาขาวเนียนไร้ขนยิ่งกว่าผู้หญิงบางคน “แผลตรงขาหนีบหายดีแล้วเนอะ งั้นเอาเลยแล้วกัน”

“เฮ้ยยย!!!” อลันด์ถึงกับร้องเสียงหลงตอนคุณหมอรูดซิบกางเกงตัวเองลงหน้าตาย นี่พี่จะไม่เล้าโลมอะไรแล้วใช่ไหม อุปกรณ์ป้องกันเตรียมพร้อมอะไรก็ไม่มี ให้ตายเถอะ!

“จะสดงดถุงก็ได้นะ พี่ตรวจเลือดทุกสามเดือนรับรองไร้โรคร้าย แถมงดกิจกรรมอย่างว่าตั้งแต่เรากลับมาไทยรอบนี้ มั่นใจได้ว่าสะอาดสุดๆ”

“โอ้ว - มาย - ก็อด ไม่ใส่คอนด้อมก็โอเค แต่...มันจะไม่เจ็บใช่ไหม”

“ไม่ลองก็ไม่รู้นะ พี่ไม่เคยลองกับผู้ชายมาก่อนด้วย แต่ว่าเจ็บนิดๆ น่าจะซี้ดซ้าดถึงใจดี ว่าไหม”

“ถ้างั้นพี่วาช่วยทำจนลืมเจ็บเลยนะ” แทนที่จะเขิน เด็กฝรั่งตอบกลับหน้าตาย ไม่รู้เอาจริงหรือแกล้งล้อเล่น แต่วินาทีคุณหมอเอาจริงและจะเอาให้ได้ ใครมาขวางได้มีการกินหัวกันแน่

ทิวากานต์หัวเราะเบาๆ พลางจูบแก้มไอ้ตัวแสบ “ไม่ใช่ว่าที่ยั่วให้โมโหจนทะเลาะกันเนี่ย เพราะหวังผลแบบนี้อยู่หรือเปล่า ห๊ะ ไอ้ตัวแสบ สารภาพมานะ”

“อะไรกัน ใครจะไปอยากทะเลาะด้วยบ่อยๆ” ปากบอกอย่างนั้นแต่รอยยิ้มที่ผุดขึ้นมาได้ให้คำตอบแก่คุณหมอวัยสามสิบว่าเสียรู้เด็กแก่แดดเรียบร้อย แบบนี้มันน่าเอาคืนเสียให้เข็ด ร้องไห้อ้อนวอนขอให้เขาหยุดทรมานด้วยความรักบนเตียงจนน้ำตาอาบหน้าเสียจริงๆ

หมอศัลย์รูปหล่อล้วงเอาเจลหล่อลื่นจากส่วนไหนของห้องรับแขกก็ไม่ทราบมาช่วยก่อนเริ่มกิจกรรมเข้าจังหวะ หาก กระนั้นเด็กฝรั่งตัวแสบยังคงเจ็บน้ำตาคลอทำหน้าตาน่าสงสารตั้งแต่นิ้วแรกที่สอดเข้ามา เจ็บจนอยากหยุดแต่จะให้เลิกตอนนี้คงได้ตีกันอีกรอบเลยกัดฟันทนเจ็บไปพักใหญ่ พอเริ่มชินอะไรๆ มันก็เพลิดเพลิน อลันด์ร้องครางเสียงแหบต่ำพลางแลกจูบกับอีกคนนัวเนีย บางครั้งก็หลุดร้องเสียงสูง เกือบกรี๊ดออกมาก็มีเพราะศัลยแพทย์รูปหล่อเล่นกัดเสียขึ้นรอยฟัน ตั้งแต่หลังหู ไหปลาร้าลงมาถึงท้องน้อย ถึงกับซี้ดปากด้วยความเสียวดังเป็นระยะ

กระทั่งทิวากานต์เปลี่ยนนิ้วเป็นอันที่เพิ่งควักออกมาจากในกางเกง เด็กฝรั่งถึงกับสะดุ้งหลังลอยจากโซฟา ทั้งเจ็บทั้งจุกจนน้ำตาไหลพราก แต่เหมือนคนแก่กว่าจะติดเชื้อซาดิสม์มาจากไอ้หมาลูกเสี้ยวเยอรมัน แทนที่เห็นเขาร้องจะเข้ามาปลอบกลับยิ่งกระแทกกระทั้นเล่นเอาร้องไห้โฮกัดปากตัวเองแดงช้ำไปหมด ส่วนกลางตัวแข็งตึงใกล้ถึงฝั่งแม้ไม่ได้แตะเลยสักนิด

ถามว่าทรมานไหม ตอบได้ทันทีว่าทรมานสุดๆ แถมเจ็บอีกต่างหาก ร้องไห้ส่งเสียงครางจนแหบแห้งคนทำไม่มีสงสารสักนิดนอกจากจูบปลอบอยู่ไม่กี่ที มือข้างที่ถูกผูกกันไว้รัดแน่นจนชา แต่น่าแปลก...อลันด์กลับชอบให้ทิวากานต์รักเขาแรงๆ แบบนี้ จะว่าเป็นมาโซก็ยอมรับตรงนี้เลย เจ็บแล้วรู้สึกฟินคงตีความไปเป็นอื่นไม่ได้

อลันด์เกลือกใบหน้ากับโซฟาตอนใกล้ถึงฝั่งฝันเต็มที คนทำเหมือนจะรู้จึงรีบซอยสะโพกใส่ถี่ๆ จนซิบกางเกงข่วนต้นขาขาวจัดถลอกเป็นแผลเล็กๆ ถัดจากนั้นไม่ถึงนาทีน้ำสีขาวขุ่นจึงได้พ่นทะลักทลายออกมาเต็มหน้าท้อง บางส่วนกระเด็นไปไกลถึงปลายคางแถมเลอะเปรอะไปถึงเสื้อทำงานของทิวากานต์อีก

ทั้งที่ถึงจุดหมายแล้วแต่ความทรมานอันหวานหอมยังไม่จบเสียทีเดียว เด็กฝรั่งยังคงครวญครางต่อไปยาวนานหลายนาทีจนคนแก่กว่าเข้าถึงเส้นชัยปล่อยน้ำอุ่นเข้าไปในตัว เล่นเอาผิวกายร้อนวูบวาบกันทั้งสองฝ่าย เสียงแข่งกันหอบหายใจดังก้องภายในห้องรับแขก ตาสองสีจ้องมองกันเงียบๆ ไม่รู้จะพูดอะไรในเมื่อหน้าตาของหัวใจบอกแทนไปหมดแล้ว เป็นคำว่า รัก คำนี้คำเดียว

ทิวากานต์ชอบความพิเศษของการมีเซ็กส์กับคนที่รัก รักช่วงเวลาอันแสนวิเศษนี้อยู่ด้วยกันในโลกที่มีเพียงคนสองคน แลกเปลี่ยนความรู้สึกและปรารถนาผ่านความเจ็บปวดอันสุขสมไปด้วยกันเพียงการสัมผัสร่างกายและมองตา

“Kiss me” ปากเด็กตัวแสบสั่งท่ามกลางความเงียบงันหากมือขยับดึงเนคไทคนบนตัวบังคับให้อีกฝ่ายโน้มหน้าลงมาแตะริมฝีปาก สัมผัสกันครั้งแล้วครั้งเล่าเหมือนไม่เคยพบและไม่รู้จักพอ เติมเต็มความสุขในอกที่ใส่เข้าไปเท่าไหร่ก็รู้สึกว่ามันไม่เต็มทั้งที่ล้นทะลักออกมาจนรู้สึกได้

เซ็กส์ไม่ว่าจะกับผู้หญิงหรือผู้ชาย ถ้าได้มีกับคนที่รักล้วนแต่ให้ความรู้สึกดีๆ กลับมา

อลันด์เข้าใจถ่องแท้แล้วว่าทำไมเขาถึงทำกับโธมัสไม่ได้สักทีทั้งที่เคยคิดว่ารัก นั่นเพราะความรักที่แท้จริงคือผู้ชายคนนี้ต่างหาก คนที่บอกรักเขาตอบผ่านร่างกายอยู่ตอนนี้ แค่คนนี้คนเดียวเท่านั้น ไม่มีอีกแล้วที่จะมีใครเหมือนทิวากานต์ และแม้จะบอกผ่านสายตาไปแล้วก็อยากพูดให้อีกคนได้ยินจนกว่าจะตายจากกัน

“ผมรักพี่วา”

รักจนไม่รู้จะพูดคำไหนได้อีก
รักจนตระหนักได้ว่าคงหายใจไม่ได้ถ้าวันหนึ่งทิวากานต์ทิ้งเขาไป
รักมากขนาดนั้นทีเดียว




TBC

ซะ เซอร์ไพรส์กันไหมคะ 55555
มิมีสัญญาณบอกก่อนล่วงหน้าเลย
แต่ก็นะ...เด็กฝรั่งมันร้ายค่ะท่านผู้โชมมม
ออกตัวก่อนนะคะว่าไม่ถนักเขียนฉากรัก คงบรรยายขาดๆ เกินๆ ไปบ้าง
ขอน้อมรับคำติชมและพร้อมปรับปรุงแก้ไขค่ะ ;-;

เขาได้กันแล้ว ตอนหน้าพี่วาจะหลงเด็กยิ่งกว่าเดิมหรือเด็กจะหลงหมอมากกว่า
ติดตามได้ตอนต่อไปค่า

จุ๊บๆ

 :mew1:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 22 [06.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: yisren. ที่ 06-01-2016 17:03:41
ร้ายมากค่ะน้องหนูอัล เป็นการลงทุนที่หวังผลโดยตรงมากๆ 555555
#หมอแซ่บบอกต่อด้วย
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 22 [06.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 06-01-2016 17:04:12
 :mc4:

ได้กันแล้วววววววววว
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 22 [06.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 06-01-2016 17:53:26
ได้กันจนได้  :pighaun: น้องอัลนี่มันจริงๆเลย ทำเอาพี่หมอวาหัวปั่นได้ตลอด แต่อีพี่หมองี่เง่าจริงๆนั่นแหละ ถ้าทำน้องเสียใจอีกนะ
จะยุให้น้องอัลหนีไปนอนบ้านคุณตาเลย  :laugh:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 22 [06.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 06-01-2016 18:05:30
เขาได้กันแล้ว หมอวาจัดให้ (ต่อไปคงโดนบ่อย หมอวาหื่น)
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 22 [06.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: TR ที่ 06-01-2016 18:37:03
ว้ากกกกก ในที่สุดก็ได้กันแล้ววววว
เมื่อมีครั้งแรกแล้ว หมอวาคงไม่ทนอีกต่อไปแล้วแน่ หึหึ
อินหนูอัลเรียกร้องดีนัก ระวังหมอวาจัดหนักจัดเต็มไม่ปล่อยนะ

ชอบอัลที่มีอะไรก็พูดตรงๆแสดงออกทันที และหมอวาก็รู้จักขอโทษเมื่อตัวเองผิด
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 22 [06.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 06-01-2016 19:37:20
เขาได้กันแล้ว  :mc4:    ต่อไปทั้งหมอทั้งเด็กก็ขอให้หลงกันและกันมากขึ้น 
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 22 [06.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 06-01-2016 19:40:29
นี่เป็นแผนล่อลวงคนแก่ของเด็กแสบสินะ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 22 [06.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: Shonteen ที่ 06-01-2016 20:25:46
เป็นบทอัศจรรย์ที่ตะลึง ฉันอ่านผ่านแบบเพลินๆชิวๆ โดยไม่เยิ้มเลย.....

เขียนได้ดีแล้วลูก ป้าชอบ

แต่ป้าเสียใจ.......เพราะป้าไม่ฟิน
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 22 [06.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: black sakura ที่ 06-01-2016 20:56:04
หมอวาโดนเด็กหลอกฟันซะแล้วววว :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 22 [06.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 06-01-2016 21:06:10
เซอร์ไพร์สมากๆๆๆๆๆๆๆๆ สะใจไหมละอลัน
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 22 [06.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: cinnsin ที่ 06-01-2016 21:47:02
อลันด์เป็นมาโซสินะ สินะ  :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 22 [06.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: LetGet ที่ 06-01-2016 22:18:37
ในที่สุดเค้าก็ได้กัน  :pighaun: อยากรู้จังว่าของที่หมอวาสั่งคืออะไร  :hao6:  :hao6:  :hao6:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 22 [06.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 06-01-2016 22:45:43
ฟินเลยสินะหนูอัล  โอ้ยยยย...คุณหมอเสียรู้เด็กจนเกิดเหตุเสียซิง อิอิ


หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 22 [06.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 06-01-2016 22:51:01
เราเป็นโรคจิตหรือเปล่านะที่ชอบอ่านฉากที่เขาทะเลาะกันมากกว่าฉากบนเตียงเสียอีก 5555

ตอนเถียงกันมันส์มากเล้ย ยิ่งข้างห้องออกมามุงกันอีก นึกภาพตามแล้วฮามากเลยค่ะ อิอิ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 22 [06.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 06-01-2016 23:18:51
mission complete แล้วนะน้องอัล  ปรบมือรัวๆ   :katai2-1:

ร้ายจริงๆ เล่นเอาหมอวาตบะแตกจนได้ ชิ!

แต่สงสารห้องข้างๆ ไม่รู้จะรู้สึกยังงัยกันบ้าง 55555
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 22 [06.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: Mokuchi ที่ 06-01-2016 23:25:20
แหมม มาแบบไม่ทันตั้งตัวกันเลยทีเดียว  :-[
นึกว่าจะอีกสักสิบตอนถึงจะได้กัน 5555
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 22 [06.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: DKTime ที่ 07-01-2016 00:11:41
โอ๊ยยยยยยยยยยย หัวใจแดดิ้น ถ้าจะขนาดนี้
ฟินตัวตายกันไปข้าง
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 22 [06.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: VarainDark ที่ 07-01-2016 00:26:22
ว๊ากกกกกกกกก
ดะ ดะ ได้กันแล้ววววววววววววว
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด
รอตอนนี้นานมว๊ากกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 22 [06.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: imfckwn ที่ 07-01-2016 01:54:37
โว้ววว แบบนี้ชอบเลย!!!
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 22 [06.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: nutty ที่ 07-01-2016 03:08:54
ในที่สุดกัอมี nc รอหมอวาจัดให้น้องมานานล่ะ
คาดว่าหลังจากนี้หลงกันทั้งคู่ รักล้นอกขนาดนี้
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 22 [06.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: san ที่ 07-01-2016 18:20:34
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 22 [06.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: pim-lovemj ที่ 07-01-2016 19:52:04
:m25: นะ น้องอัลมาแผนสูงมั๊ก ๆ นี่หลอกกินตับพี่วากันตาใส ๆ เลยนะคะ OMG
 :heaven
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 22 [06.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: iammilk ที่ 07-01-2016 21:10:55
ร่วมยินดีกับความสำเร็จในครั้งนี้  :monkeysad: :sad11: ประทับใจมากค่ะ  :impress2: :man1:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 22 [06.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: imac ที่ 07-01-2016 22:46:49
แผนสูงแบบนี้หมอวาต้องจัดหนัก
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 22 [06.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: xirainx@gamil.com ที่ 08-01-2016 02:04:12
 :mew3: :z13: :กอด1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 23 [09.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 09-01-2016 20:52:11
TRACK 23



Rrrr... Rrrr...
ทิวากานต์สะดุ้งตื่นทั้งที่ยังไม่ลืมตา มือขวากวาดขึ้นไปหาต้นตอกำเนิดเสียงจนเจอโทรศัพท์สั่นอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียงก็รีบจัดการพลิกเครื่องมือสื่อสาร เท่านั้นเสียงริงโทนเพลงโปรดก็เงียบลงทันที คุณหมอนึกขอบคุณฟังก์ชั่นเจ๋งๆ นี้ในใจที่ช่วยให้เด็กแสบตัวกระเปี๊ยกในอ้อมอกเขายังคงหลับสนิท

ตาคมหยีลงเมื่อแสงสาดขึ้นในความมืด เห็นชื่อนายแพทย์รุ่นพี่ที่เคารพรักโทรมาตอนเกือบเที่ยงคืนพลันรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี คืนนี้การันต์อยู่เวรที่โรงพยาบาลและจะอยู่ยาวถึงวันจันทร์เพื่อดูเคสที่รับผิดชอบเป็นพิเศษ เขาขยับตัวลุกขึ้นนั่งพลางประคองอลันด์ให้นอนหนุนหมอนดีๆ แล้วค่อยกดรับสาย พูดเสียงเบา “ครับพี่”

‘นอนแล้วเหรอวา โทษทีว่ะ แต่ว่าอยากให้มาช่วยหน่อย อาการเขารอไม่ได้แล้วพี่ว่าจะผ่าเลย มาช่วยพี่นะ’

มาอีหรอบนี้ถึงจะออกแนวประโยคขอร้องแต่ก็บังคับกันชัดๆ แล้วน้องรักจะทำอย่างไรได้นอกจากยอม “กี่โมงครับ”

คนถูกโทรตามกลางดึกก้มหน้ากุมขมับมึนหัวเพราะนอนไปได้ไม่ถึงชั่วโมงดี เห็นคนรักยังหลับสนิทก็อิจฉา เอาหัวไปถูกับหน้าผากอีกคนเล่น เหมือนจะตัวร้อนแหะ

‘ตีสอง’

“เดี๋ยวอีกชั่วโมงเจอกันที่โรงบาลครับ จะรีบไป พี่มีอะไรบรีฟเป็นพิเศษก็ไลน์มาเลย”

‘ขอบใจมากเว้ย’

“อื้อ...” จะตอบปลายสายไปว่า ‘ไม่เป็นไรครับ’ กลับมีเสียงเด็กตัวแสบแทรกขึ้นมาเสียก่อน

ลูกแมวพลัดถิ่นบิดตัวนอนตะแคงกอดรัดเอวทิวากานต์แน่นเหมือนจะบอกไม่ให้ไป คิ้วเรียวขมวดทั้งที่ยังไม่ลืมตา น่ารักน่าเอ็นดูจนต้องหอมแก้มหนึ่งทีพอชื่นใจเสียงดังฟอดลอดลำโพงไปถึงการันต์

‘นอนอยู่ด้วยกันเหรอ’ เสียงการันต์ดูไม่แปลกใจ ออกแนวตั้งใจจะหยอกล้อรุ่นน้องเสียด้วยซ้ำ

“ประมาณนั้นครับ แค่นี้ก่อนนะพี่ แล้วเจอกัน” ทิวากานต์รีบกดตัดสายโยนโทรศัพท์ทิ้งบนผ้าห่ม ก้มหน้าลงไปมองตาสีฟ้าปรือขึ้นด้วยรำคาญ อลันด์ครางเบาๆ งึมงำภาษาแม่ออกมาจับใจความได้ว่าหนาว สองแขนเล็กๆ นั่นจึงพยายามกอดรัดหมอนข้างมีชีวิตไว้แน่น ซุกศีรษะเข้ากับหน้าท้องอีกคนอ้อนให้ลูบหัวลูบหน้าอยู่พักใหญ่คุณหมอถึงแข็งใจ แกะแขนอีกคนออกแล้วดันกลับให้ลงไปนอนหนุนหมอนเหมือนเดิม “ไม่สบายแน่ๆ นอนคนเดียวก่อนนะเดี๋ยวพี่ไปเอายามาให้กินกันไว้ก่อน”

คุณหมอลุกจากเตียงเปิดไฟผนังให้แสงสลัวแทนไฟดวงใหญ่ก่อนลงไปข้างล่างหยิบน้ำหยิบยา แล้วค่อยกลับขึ้นมาคุ้ยตู้เสื้อผ้าหาเสื้อแขนยาวมีฮู้ดเนื้อหนาผ้านิ่มติดมือกลับไปหาเด็กฝรั่งที่หลับไปอีกรอบ เขาตบแก้มขาวเบาๆ ปลุกให้อีกฝ่ายลุกขึ้นมากินยา “อัล อัลลุกขึ้นมานั่งก่อนเร็ว อ้าปากครับ อ้า...”

คนถูกปลุกให้ลุกทั้งตายังปิดอยู่แต่กลับเบะหน้าใส่ทิวากานต์ได้ถูกทิศ เจ้าตัวงอแงใช้หลังมือขยี้ตาแต่ก็ยอมอ้าปากให้คุณหมอประจำตัวป้อนยาป้อนน้ำแต่โดยดี เสร็จแล้วก็ถูกสั่งให้ชูแขนขึ้นสูงเอาเสื้อแขนยาวใส่ทับชุดนอน

“เก่งมาก อย่าเพิ่งนอนนะเดี๋ยวอ้วก รอพี่ไปอาบน้ำก่อน”

นิ้วขาวจัดที่โผล่พ้นแขนเสื้อคว้าหมับเข้าที่ชายเสื้อยืดคุณหมอรั้งไม่ให้ไปไหน ตาสีซีดลืมเต็มที่ช้อนมองหงอยๆ “วาจะไปไหน”

“ไปโรงบาล พี่รันโทรมาตามให้ไปช่วยเคสด่วนน่ะ”

“หระ... เหรอ”

เห็นเด็กตัวแสบซึมไปก็ใจอ่อนยวบ แต่จะไม่ไปทำงานก็ไม่ได้ ทิวากานต์ยอมเสียเวลาอีกนิดก้มลงจูบกลีบปากอิ่ม “เป็นแฟนหมอต้องอดทนหน่อยเนอะ”

เท่านั้นมือเล็กก็ยอมปล่อยให้ศัลยแพทย์งานยุ่งไปอาบน้ำอีกรอบทั้งที่เพิ่งอาบไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้า นึกถึงตรงนี้คนป่วยก็หน้าแดงเหมือนไข้ขึ้น จะเรียกว่าอาบน้ำได้หรือเปล่านะในเมื่อพวกเขาทำอะไรๆ ในนั้นต่อเป็นรอบที่สองหลังเสร็จศึกตรงโซฟาชั้นล่างไปแล้ว แถมยกนี้ทิวากานต์ยังให้เด็กฝรั่งออนท็อปเสียอีก อลันด์เผลอหมั่นเขี้ยวคนมากประสบการณ์จนกัดคอกัดไหล่อีกคนไปตั้งหลายแผล ไม่รู้ตอนเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเข้าห้องผ่าตัดจะเป็นอะไรไหม

ไม่ถึงสิบห้านาทีร่างสูงใหญ่เดินกลัดกระดุมออกมาจากส่วนห้องแต่งตัว กลิ่นครีมอาบน้ำหอมฟุ้งจนอลันด์ทำจมูกฟุดฟิดๆ แล้วจามออกมาสองทีติด

“นอนได้แล้วล่ะ ยังหนาวอยู่ไหม” ชายหนุ่มยิ้มหวาน ช่วยประคองอีกฝ่ายนอนลงกับเตียง ดึงผ้านวมขึ้นห่มให้ถึงคอ

“หนาว...”

เท่านั้นเขาก็เดินออกไปข้างนอกก่อนกลับมาอีกทีพร้อมตุ๊กตาหมีสูงห้าฟุต สอดเครื่องมือให้ความอบอุ่นชนิดยัดนุ่นเข้าไปอยู่ใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน แล้วเอาหมอนข้างที่ถูกเมินขนาบหลังอลันด์ไว้อีกข้าง เจ้าเด็กฝรั่งกอดตุ๊กตาหมับซุกหน้าเข้ากับขนนิ่มๆ แล้วยิ้มชอบใจ

ทิวากานต์นั่งคุกเข่าอยู่ข้างเตียงลูบแก้มคนรักเบาๆ คล้ายกล่อมให้หลับ “ขอโทษที่ไม่ได้อยู่ด้วยตลอดคืนทั้งที่เป็นคืนแรก อัลกอดพี่คริสแทนพี่วาไปก่อนนะ แล้วพี่จะรีบกลับมาให้ทันก่อนเราตื่น”

“สู้ๆ วาช่วยคนไข้ให้ได้นะ”

“อือ นอนเถอะพี่ไม่กวนแล้ว” ฝ่ามือใหญ่เลื่อนขึ้นไปลูบหัวเป็นการทิ้งท้าย นั่งคุกเข่ารอจนเห็นว่าอีกฝ่ายหลับไปอีกรอบถึงยอมลุกขึ้นจากข้างเตียงเดินไปปิดไฟห้องนอน ออกไปทำหน้าที่ในชั่วโมงยามแห่งราตรีที่ค่อนประเทศตกอยู่ในนิทรา

.
.
.

การันต์ลุกขึ้นจากเก้าอี้ตอนที่เห็นน้องรักเดินเข้ามาในห้อง อีกสิบนาทีจะตีหนึ่งแสดงว่าทิวากานต์คงเหยียบคันเร่งแบบไม่กลัวใบสั่งมาแน่ๆ เขาส่งยิ้มเซี้ยวๆ ให้อีกฝ่ายพร้อมเรียกทีมแพทย์ที่จะเข้าผ่าตัดทั้งหมดเข้ามาประชุมแผนงานก่อนลงมือจริงทันที

ใช้เวลาบรีฟเกือบสิบห้านาที แจกแจงหน้าที่ก็บอกให้ทุกคนไปเตรียมตัวเข้าห้อง OR เคสด่วนคืนนี้จะมีการันต์เป็นมือหนึ่ง ทิวากานต์เป็นมือสอง เรสซิเดนท์ที่อยู่เวรเป็นมือสามกับสี่ แล้วก็มีนักศึกษาที่ขอเข้ามาดูเพื่อศึกษาอีกสองคน

“จะว่าไปก็นานแล้วเหมือนกันนะที่ไม่ได้ทำเคสกับพี่รัน ถึงสองปีไหม” ทิวากานต์เปรยขึ้นตอนพวกเขาเข้ามาล้างมือเตรียมเข้าห้องผ่าตัดหรือที่เรียกว่าสครับ ขั้นตอนฆ่าเชื้อนี้เป็นอีกเหตุผลที่ว่าทำไมมือคุณหมอถึงได้นุ่มอย่างกะนิ้วเด็ก เล่นทั้งล้างทั้งขัดอยู่สิบกว่านาทีทุกครั้งที่ทำเคสมันจะไม่นิ่มได้ไง

“น่าจะเกือบๆ” รองหัวหน้าสาขาศัลยกรรมทรวงอกว่าติดหัวเราะ หากกล้ามเนื้อบนใบหน้ายังคงเครียดเกร็งดูจริงจังเพราะนอกจากเป็นเคสใหญ่แล้วยังเกี่ยวพันกับหัวใจตัวเองด้วย งานนี้คนไข้จะรอดไม่ได้อยู่แค่หมอเท่านั้นแต่ผู้เข้ารับการรักษาก็ต้องสู้เหมือนกัน “ขอบคุณมากนะวาที่มาช่วยพี่ เรามันน้องที่พี่ไว้ใจสุดแล้ว”

“เฮ้ย อย่ามาทำซึ้งสิครับยังไม่ทันเริ่มเคสเลย รอเสร็จแล้วค่อยมาขอบคุณก็ยังไม่สายหรอกน่า”

“หึ แกนี่มัน... เอ๊ะ! เดี๋ยวนะ นั่นรอยอะไรฟร่ะ” หัวหน้าทีมหรี่ตาจ้องต้นคอหนุ่มรุ่นน้อง แดงเป็นปื้นแบบนั้นแถมเหมือนจะมีรอยฟัน “เฮ้ย! อย่าบอกนะว่าเอ็ง... จัดการน้องแสบแล้วน่ะ” ท้ายประโยคหรี่เสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน แต่การันต์คงลืมไปว่าห้องนี้มันเงียบนอกจากเสียงน้ำแล้วก็ไม่มีเสียงอะไรอีก แถมพวกที่จะเข้าเคสด้วยก็ยืนล้างมืออยู่ข้างๆ รับรองได้ว่าไม่เกินแปดโมงเช้าวันจันทร์คนทั้งโรงพยาบาลได้รู้กันหมดว่าหมอศัลย์หัวใจรูปหล่อแบดบอยไปฟัดกับสาวก่อนมาเข้าเคส งานนี้ทิวากานต์ถูกหัวหน้าอาคมเรียกเข้าไปด่าอีกแหง

หากแทนที่จะอาย คนหน้าหนากลับยักคิ้วให้อารมณ์สุนทรีย์เป็นที่สุด “ตามที่เข้าใจแหละพี่ แบบว่าช่วงนี้ ชีวิตดี๊ดี”

“จิ๊ โทษทีเว้ยพี่ไม่รู้ นึกว่าแค่นอนด้วยกันเฉยๆ เห็นแกบอกจะรอก่อน ไม่งั้นไม่ตามให้มาทำเคสหรอก คืนสำคัญทั้งที แล้วน้องไม่งอนเหรอวะ”

“หงอยนิดหน่อยแต่ตัวแสบมันเข้าใจ ให้กินยาไปแล้วด้วยคงหลับยาวไม่ตื่นมางอแงยันเช้านู่นแหละ”

“โธ่เอ๊ย แสบของพี่รัน”

“ของผมเว้ย ของพี่น่ะนอนรออยู่ใน OR แล้ว” หนุ่มรุ่นน้องดันเข่าปิดก๊อกพลางหัวเราะเสียงใส ไม่มีวี่แววของความง่วงทั้งที่ใกล้ตีสองเข้าไปทุกที “รีบไปทำงานกันเถอะครับ ผมจะได้รีบกลับไปนอนกอดแฟน”

“แกนี่มัน... ให้ตายเถอะ อิจฉาคนมีความสุขเว้ย”



เคสนี้คนไข้มีอาการผนังหัวใจห้องบนซ้ายรั่วขนาดเกินเจ็ดเซนติเมตรในตอนที่ถูกส่งตัวมาจากทางฝั่งอายุรกรรม มีการันต์เจ้าของเคสที่รับคอนซัลท์ต่อจากอาจารย์วุฒิมาอีกที

กำหนดผ่าตัดจริงๆ คือวันจันทร์ตอนเจ็ดโมงเช้า แต่เนื่องด้วยหลังจากคนไข้พักผ่อนช่วงเย็นไปแล้วเกิดอาการตัวเขียว เจ็บหน้าอก เริ่มหายใจลำบากจนในที่สุดหายใจเองไม่ได้ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ คุณหมอที่รับผิดชอบจึงจับไปฉีดสีแล้วพบว่ารูรั่วขยายกว้างกว่าเดิม เลือดดำเข้าไปปนกับเลือดแดงจำนวนมาก มีโอกาสน้ำท่วมปอดพอๆ กับหัวใจวายเฉียบพลันจึงเป็นสาเหตุของการทำเคสผ่าเปลี่ยนลิ้นหัวใจปุบปับเอาตอนตีสองเช่นนี้

อากาศในห้อง OR ความจริงเย็นแสนเย็นแต่คุณหมอสี่คนที่ยืนรุมอยู่ข้างเตียงคนไข้ล้วนเหงื่อแตกด้วยไฟให้แสงด้านบนช่างสว่างร้อนแรงจนต้องเรียกพยาบาลให้ช่วยซับหน้าบ่อยๆ โดยเฉพาะหมอทิวากานต์ที่เหล่าพยาบาลประจำห้องผ่าตัดรู้กันดีว่าเป็นคนขี้ร้อน แถมพ่อคุณยังตัวสูงเกินชาวบ้านลำบากคุณพยาบาลต้องปีนเก้าอี้เอาผ้าไปซับ

ภายในห้องปลอดเชื้อเงียบกริบ ทั้งทีมสตาฟศัลย์ เรสสิเด้นท์เวร พยาบาล และนักศึกษาแพทย์ที่เข้ามาศึกษาล้วนดูเคร่งเครียดจนบรรยากาศวังเวงเพราะรู้ว่าแพทย์ผ่ามือหนึ่งไม่ชอบคุยหรือให้มีเสียงระหว่างทำการหัตถการ นานทีจะมีเสียงการันต์สั่งดังขึ้นสักหน นี่ถ้าทิวากานต์เป็นเจ้าของเคสเองดึกๆ แบบนี้เขาให้พยาบาลเปิดเพลง EDM เซิ้งไปแล้ว และเหมือนนายแพทย์รุ่นพี่จะรู้เท่าทันความคิดหนุ่มรุ่นน้อง เจ้าของเคสจึงเงยหน้าขึ้นมาดุด้วยสายตาผ่านแว่นให้หนึ่งที ศัลย์มือสองเลยได้แต่หัวหดก้มหน้าก้มตาช่วยการันต์รุมคนไข้ต่อไป

ส่วนวิสัญญีแพทย์เวรวันนี้ก็เติมยากันสนุกสนาน อะดรีนาลีนหมดกันไปหลายแอมป์ทำงานกันเพลินลืมโลกภายนอกชั่วคราว เป็นโชคดีที่ไม่เกิดภาวะเสี่ยงในระหว่างทำหัตถการ ประกอบกับฝีมือชั้นครูของการันต์ก็ทำให้การผ่าตัดครั้งนี้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี

ออกมาอีกทีคือฟ้าสว่างจ้า สิริรวมเวลาทั้งหมดก็หกชั่วโมงกับอีกสามนาทีพอดี เรียกได้ว่างานนี้พวกตัวเปี๊ยกที่เข้ามาดูถึงกับขาแข็งร้องหายานวดกันใหญ่

“หน่อยไหมพี่” ทิวากานต์ยื่นขวดกระทิงแดงให้นายแพทย์รุ่นพี่ที่เพิ่งเดินออกจากห้องซีซียูดูอาการคนไข้ที่เพิ่งผ่าจนแน่ใจอีกรอบว่าจะไม่เกิดแอคซิเดนอะไรขึ้นมาอีก การันต์มองแทนคำถามว่าไปเอามาจากไหนเจ้าตัวก็บอกว่าไปขโมยในห้องพักแพทย์มา “ห่วงกันขนาดนี้ผมว่าพี่ต้องรีบจีบแล้วนะ เดี๋ยวพอเขาออกจากโรงบาลถูกคนอื่นคาบไปกินไม่รู้ด้วย ก็รู้ๆ อยู่ว่าหมออย่างเรามันมีเวลาสักที่ไหน”

“ความจริงก็คิดๆ ไว้อยู่ว่ะ แต่...เข้าใจไหมวา เขาเพิ่งยี่สิบห้า พี่จะสี่สิบแล้ว ห่างกันตั้งสิบห้าปี เขาจะชอบพี่เหรอวะ” คิดเรื่องนี้แล้วมันกลุ้มยิ่งกว่าตอนทำเคสอีกนะจะบอกให้

“แคร์อะไรกันครับ ดูผมกับไอ้ตัวแสบสิ ห่างกันสิบสองปีเบๆ แถมคบเด็กดีจะตาย เหมือนได้ย้อนวัย ชีวิตกระชุ่มกระชวยยิ่งกว่าดื่มชวนป๋วยปี่แป่กออีก”

“นั่นมันแก้ไอไม่ใช่เหรอวะ”

“พูดเพราะมันคล้องจองเฉยๆ ครับ” หนุ่มสามสิบยิ้มหวาน ยื่นขวดกระทิงแดงไปตรงหน้าการันต์ยักคิ้วให้กวนๆ “ยินดีต้อนรับสู่สมาคมกินเด็กนะพี่รัน”

หนุ่มรุ่นพี่แทบอยากกุมขมับ แต่เขาก็ขำเกินกว่าจะทำแบบนั้น กระทิงแดงสองขวดกระแทกกันเบาๆ จนเกิดเสียงเคร้ง “แด่คนรักเด็กทุกคน”

ทิวากานต์ยืนซดกระทิงแดงเป็นเพื่อนการันต์ต่อจนหมดขวดก็อาสาเอาไปทิ้ง “แล้วนี่จะอยู่เฝ้าต่อเลยไหมครับ หรือจะกลับไปพักก่อน”

“คงงั้นล่ะ สายขนาดนี้แล้วคงนอนไม่ไหว แล้วเอ็งไม่มีงานที่นู่นต่อเหรอถึงมาโอ้เอ้อยู่แถวนี้”

“ได้หยุดพอดีอ่ะพี่ ช่วงนี้ว่างเหลือแค่เคลียร์คนไข้อีกไม่กี่เคส หลังปีใหม่ลุงไอ้ตัวแสบก็จะให้ย้ายทำ CVT (Cardiovascular and Thoracic surgery - ศัลยกรรมหัวใจ หลอดเลือดและทรวงอก) เต็มตัวแล้ว แต่นี่จะไปแล้วล่ะครับ บอกไอ้ตัวแสบไว้แล้วว่าจะกลับก่อนเขาตื่น ไม่อยากผิดคำพูด”

“งั้นก็ไปเถอะ ตรงนี้พี่ดูต่อคนเดียวได้ โชคดีเว้ย” คนแก่กว่าตบบ่ากว้างสองสามที “ถ้าไม่อยากถูกทิ้งอย่างพี่ต้องดูแลคนที่บ้านให้เหมือนดูแลคนไข้ จำไว้นะวา...พวกเขาคือคนสำคัญ”

“ขอบคุณครับพี่ ผมไปล่ะ แล้วเจอกัน” ทิวากานต์ยกมือไหว้อีกฝ่ายด้วยความเคารพแทนการโค้งอย่างทุกที ร่างสูงใหญ่ก้าวเท้ามุ่งหน้าตามป้ายที่เขียนไว้ว่าทางออกอย่างมั่นคง รอยยิ้มแห่งความสุขระบายเต็มใบหน้าเมื่อคิดถึงเด็กฝรั่งที่ป่านนี้น่าจะยังนอนกอด ‘พี่คริส’ ตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ของแม่เขาอยู่บนเตียงไม่ไปไหน รอให้เขาไปหาเพื่อจะได้ตื่นลืมตาขึ้นมาเจอหน้ากันเป็นคนแรกของวัน



พอร์เช่ 911 Turbo S สีขาวกลับมาถึงคอนโดตอนเกือบเก้าโมงเช้า สายป่านนี้แล้วบางทีอลันด์อาจจะตื่นก่อนเขาไปถึง ไม่รู้จะงอแงหรือเปล่าแต่เขาก็รีบที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว

ก่อนเข้าห้อง 2111 คุณหมอตัวสูงไม่ลืมกดกริ่งห้องเมษาขอหนังสือที่ฝากไว้เมื่อคืนกลับมาด้วย นายธนาคารเพื่อนบ้านทำหน้าอิหลักอิเหลื่อเล็กน้อยตอนเดินกลับไปเอาของมาให้ สุดท้ายก็อดเปิดปากถามสิ่งที่ติดใจมาตั้งแต่เมื่อคืนไม่ได้

“สรุปว่าคบกันจริงๆ เหรอครับ ขอโทษนะครับ แต่หมอวาดูไม่เหมือนเกย์เลยอ่ะ”

“สักพักแล้วล่ะครับ แบบว่า...อะไรก็เกิดขึ้นได้ถ้ายังมีปาปริก้าขายน่ะนะ” ทิวากานต์หัวเราะท่าทางอารมณ์ดีไม่มีแววง่วงงุนแม้อดนอนมาทั้งคืน เอ่ยขอบคุณอีกฝ่ายจึงถอยออกมา ได้ยินเมษาอวยพรให้เบาๆ แม้จะพูดตามมารยาทแต่เขาก็ดีใจที่เพื่อนบ้านคนนี้รับได้

หนังสือเรียนตั้งใหญ่ถูกวางบนโต๊ะทำงานใต้บันได ภายในห้องยังเหมือนเดิมกับตอนที่เขาออกไป ไม่แน่ใจว่าอลันด์หนีออกไปแล้วหรือยังนอนอยู่บนเตียง

ทิวากานต์หัวเราะตัวเองตอนเดินขึ้นบันไดไปหาเด็กตัวแสบ ขายาวๆ ดันสั่นขึ้นมาซะได้เอาตอนนี้ ไม่รู้เป็นเพราะผลข้างเคียงจากการยืนผ่าตัดหกชั่วโมงหรือกลัวที่จะเดินขึ้นไปพบความว่างเปล่าบนนั้นกันแน่ แม้แต่มือก็ยังสั่นตอนเปิดประตูเข้าไป แต่ทุกอย่างหายวับในพริบตาเมื่อเห็นกลุ่มผมสีช็อกโกแลตนมโผล่พ้นออกมาจากผ้านวมผืนหนา

ร่างสูงใหญ่ทรุดลงนั่งบนพื้นข้างเตียง เท้าแขนเกยคางมองเด็กฝรั่งขี้เซา สายโด่งป่านนี้ยังไม่ตื่นอีกมือใหญ่เอื้อมแตะหน้าผากกว้างแล้วไล้ลงมาลูบผิวแก้มเช็ดคราบน้ำตาเบาๆ ตัวยังอุ่นอยู่ตื่นมากินข้าวกินยานอนพักอีกทีน่าจะหาย แต่ไม่รู้จะร้องไห้ทำไมหรือว่าจะฝันร้ายตอนที่เขาไม่อยู่

จู่ๆ ก็ง่วงขึ้นมาซะได้ เขาเอียงหน้าซบแขนตัวเองหาวน้ำตาเล็ด ในหัวเกิดเสียงดนตรีเพลงสากลของหลายปีก่อนที่ได้ฟังตอนขับรถกลับบ้าน ช่างเข้ากับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าเสียหลุดยิ้มออกมาก่อนตามเด็กขี้เซาเข้าห้วงนิทราไปอีกคน

The sweetest thing is what you are
From you I'll never be too far
Please say, forever you will stay beside me
สิ่งที่หอมหวานที่สุดก็คือสิ่งที่เธอเป็น
ฉันไม่มีวันไปไหนได้ไกลจากตัวเธอเลย
พูดออกมาเถอะนะว่าจะอยู่เคียงข้างฉันตลอดไป

You're my past, my future, my all, my everything
My six in the morning when the clock rings
And I open up my eyes to a new day
My laughs, my frowns, my ups, my downs
It's the feeling that you get
When you know that something's true
When I think of love, I think of you
เธอเป็นทั้งอดีต อนาคต ทุกสิ่งและทุกอย่างของฉัน
เหมือนยามเช้าที่ฉันลืมตาตื่นขึ้นมา
ตอนนาฬิการ้องทุกหกโมงเช้าของวันใหม่
เป็นทั้งรอยยิ้ม ทั้งรอยเครียด โชคดีและโชคร้ายของฉัน 
มั่นใจเถอะว่าความรู้สึกที่เธอสัมผัสได้เธอเข้าใจมันถูกแล้ว
ตอนที่ฉันนึกถึงความรัก ฉันนึกถึงเธอนั่นแหละ




อลันด์รู้สึกตัวตอนที่กระเพาะส่งเสียงโครกคราก น้ำย่อยในท้องร้องหาอาหารจนต้องยอมลืมตาแม้ยังอยากนอนต่อ แต่ภาพแรกที่เห็นตอนตื่นกลับเป็นหน้าทิวากานต์ที่นอนฟุ่บอยู่ข้างเตียงทั้งชุดทำงาน สมองน้อยๆ รำลึกความหลังได้ทันทีว่าเมื่อคืนคุณหมอโดนโทรตามไปปฏิบัติหน้าที่ทิ้งเขาไว้กับตุ๊กตาหมี หากสุดท้ายยังทำตามที่บอกไว้ว่าจะกลับมาก่อนเขาตื่น

เด็กฝรั่งอมยิ้มจนแก้มตุ่ย หันไปดูนาฬิกาเพิ่งจะเก้าโมงครึ่ง ไม่รู้ว่าทิวากานต์กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ดูสภาพหลับไปทั้งชุดทำงานคงเหนื่อยมากเลยฟุ่บไปทั้งอย่างนั้น เห็นแล้วสงสารไม่อยากกวนคุณหมอคนเก่ง ยอมทนหิวมองหน้าคนรักแก้ขัดจนหลับไปอีกรอบ



ลืมตาขึ้นมาอีกทีเห็นตาคมๆ สีน้ำตาลเข้มจ้องมาอยู่ก่อนแล้ว หัวใจเต้นดังตึกตักพาลเอาหูอื้อ นานเท่าไหร่แล้วที่ไม่ได้รู้สึกแบบนี้กับใคร

“Good morning”

“Moring ไม่สิ เที่ยงแล้วนี่หว่า” ทิวากานต์หัวเราะจนตาปิด ยื่นมือออกมาแตะหน้าผากเด็กฝรั่งไล้ลงมาถึงแก้มนิ่ม “ไข้ลดแล้ว หิวข้าวยัง”

“อือ แล้ววากลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่อ่ะ เมื่อเช้าผมตื่นไปรอบนึงเจอวานอนฟุ่บอยู่ตรงนี้แล้ว ทำไมไม่ขึ้นมานอนบนเตียง ไม่เมื่อยหรือไง” ถามเป็นชุดไม่เปิดโอกาสให้จำเลยได้ตอบข้อสงสัย แต่วันนี้คุณหมออารมณ์ดีฟังไปยิ้มไป ค่อยๆ ตอบข้อสงสัยทีละข้อ

“มาตอนแปดโมงกว่า มาก็เจอคนขี้เซาหลับไม่รู้เรื่อง เห็นแล้วสงสารไม่อยากปลุก นั่งมองไปมองมาดันง่วงเลยหลับอยู่ตรงนั้นแหละเพราะอยากให้อัลตื่นมาเจอพี่เป็นคนแรก”

คำตอบจากจำเลยเรียกเลือกสูบฉีดขึ้นหน้าตั้งแต่ตื่นนอน มือขาวดึงผ้าห่มปิดถึงจมูกเหลือแต่ตาสีอ่อนโผล่พ้นออกมา

เล่นเกมจ้องตากันสักพักก็ถูกทิวากานต์ไล่ให้ไปอาบน้ำ มีปัญหานิดหน่อยตรงที่ไอ้ตัวแสบปวดหลังปวดเอวลุกเดินไม่ค่อยจะไหว คุณหมอเจ้าระเบียบเลยยอมให้แค่เดินไปแปรงฟันแล้วนั่งรอกินข้าวข้างบน เรื่องติวกับคนินทร์เป็นอันต้องยกเลิกไปโดยปริยาย อลันด์ถูกบ่นนิดหน่อยที่เพิ่งโทรไปบอกเพราะหนุ่มไทยหน้าคมขับรถมาได้ครึ่งทางแล้ว

หลังกินข้าวเสร็จถูกจับกินยาเรียบร้อย เด็กฝรั่งให้ทิวากานต์ยกหนังสือขึ้นมาทบทวนบทเรียนคนเดียวเงียบๆ ส่วนคุณหมอคนเก่งหลับเป็นตาย (หลับเหมือนตายจริงๆ หลับเงียบแทบไม่ได้ยินเสียงหายใจ ตอนนอนลงท่าไหนตื่นมาท่านั้น)

พวกเขาใช้เวลาช่วงบ่ายแบบตัวใครตัวมันเงียบๆ สักสี่โมงเย็นทิวากานต์ตื่นจึงค่อยลุกกันมาช่วยทำข้าวเย็น (แม้อลันด์ทำเป็นแค่ช่วยปลอกหัวหอมก็เหอะ) นั่งกินสปาเก็ตตี้คาโบนาร่า บัพฟาโล่วิงค์ ขนมปังอบกระเทียมและซีซ่าร์สลัดชามใหญ่หน้าทีวี ต่อด้วยไอศครีมถ้วยใหญ่ เป็นมื้อที่หนุ่มวัยสามสิบมีความสุขมากที่เห็นอลันด์กลับมาเอ็นจอยอีทติ้งอีกครั้ง นอนกลิ้งดูละครน้ำเน่า ก่อนช่วยกันอาบน้ำ กอดหอมจนชื่นใจ เผลอแป๊บๆ เวลาหนึ่งวันที่เหลือใกล้หมดลงทุกที

แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเวลาที่ผ่านมาพวกเขาไม่มีความสุข และต่อให้ในอนาคตพวกเขายังใช้ชีวิตเรียบง่ายแบบนี้ ไม่ต้องมีเหตุการณ์หวือหวาเหมือนในนิยาย ความสุขก็ไม่มีวันจากไปไหนเพียงถ้ายังได้อยู่เคียงข้างกันแบบนี้ต่อไป

.
.
.
หัวข้อ: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 23 [09.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 09-01-2016 20:57:36
อลันด์สอบเสร็จก่อนปิดเทอมตั้งแต่วันพุธ ทิวากานต์ถึงกับหงุดหงิดอิจฉาเด็กนักเรียนที่ได้หยุดพัก ส่วนคนวัยทำงานอย่างเขามีภารกิจยาวถึงวันสิ้นปี ถึงอย่างนั้นเด็กแสบไม่ได้นอนกลิ้งไปกลิ้งมาเฉยๆ หรือไปห้องซ้อมทุกวันอย่างที่ต้องการ แต่มิสเตอร์เอเดลมาร์โทรศัพท์ข้ามทวีปสั่งงานให้ทำเรียบร้อย มีของขวัญคริสต์มาสล่อใจด้วยถ้าหากทำภารกิจสำเร็จ

งานที่ว่าคือช่วยรับรองลูกค้าคนสำคัญและทำยังไงก็ได้ให้ลูกค้าคนนั้นยอมเซ็นสัญญาซื้อห้องชุดคอนโดมิเนียมสุดหรูมูลค่าห้าสิบกว่าล้านบาท งานนี้ไม่ง่าย เด็กหนุ่มต้องเตรียมข้อมูลของสิ่งที่จะเสนอ หาข้อดีข้อเสียของโครงการ โดยได้รับความช่วยเหลือจากบริษัทสาขาของบิดาในประเทศไทย และมีเวลาเตรียมตัวทั้งหมดเพียงแค่คืนเดียว!

“นัดไว้กี่โมงล่ะ”

“เที่ยงนู่นแน่ะ แด๊ดให้ไปกินข้าวกับเขาก่อน แต่ยังสรุปข้อมูลไม่เสร็จเลยอ่ะ” เด็กฝรั่งบ่นงึมงำ หยิบกระดาษเอสี่ปึกใหญ่ขึ้นมาเปิดอ่านผ่านๆ อีกมือตักซีเรียลเข้าปากเคี้ยวงุบๆ

“น่าจะนอนอีกหน่อย ช่วงสอบก็อ่านหนังสือจนไม่ได้หลับไม่ได้นอน ตาดำเป็นหมีแพนด้าหมดแล้ว ถ้าเสร็จงานแล้วเหนื่อยก็ไม่ต้องไปซ้อมดนตรีนะกลับมาห้องเลยรู้ไหม” คุณหมอว่าพลางเหลือบดูนาฬิกา เพิ่งจะตีห้ากว่าแต่อีกไม่กี่นาทีเขาก็ต้องรีบออกไปทำงานแล้วเช่นกัน “วันนี้พี่มีตรวจนอกเวลานะ กินข้าวบ้านนภไปเลย ถ้ามีอะไรให้ช่วยโทรมาแล้วกัน”

“ขอบคุณครับ วาไปทำงานเหอะเดี๋ยวจัดการเอง”

“อ่าฮะ อย่าลืมที่บอกล่ะ”

“รับทราบ” ไอ้ตัวแสบรับคำแข็งขันพร้อมเอียงแก้มให้คนรักจุ๊บเติมกำลังอย่างรู้งาน

พอทิวากานต์ไปก็กลับมามุ่งมั่นกับการย่อยข้อมูลมหาศาลนี้อีกครั้ง แน่นอนว่าไม่ได้มีแค่ของขวัญคริสต์มาสที่ล่อตาล่อใจ เงินค่านายหน้า 10% ตอนทำสัญญานั่นน้อยเสียเมื่อไหร่ ซื้อเบนซ์เอสคลาสได้คันเลยนะไม่อยากจะบอก!

สักสิบโมงอลันด์ที่นั่งเตรียมข้อมูลทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยจึงค่อยลุกจากโต๊ะกินข้าวเดินกลับไปอาบน้ำที่ห้องตัวเอง เขาส่งยิ้มให้แม่บ้านจากบ้านคุณยายที่เงยหน้ามองเขางงๆ ระหว่างดูดฝุ่นตรงห้องนั่งเล่น หล่อนคงสงสัยว่าเขาหายไปในแต่เช้าถึงได้กลับมาในชุดนอน

แหงล่ะ เธอไม่รู้เรื่องที่อลันด์ย้ายตัวเองเข้าไปอาศัยนอนห้องฝั่งตรงข้ามมาหลายเดือนแล้ว คุณแม่บ้านวัยสามสิบปลายรู้เพียงแต่ถูกลดหน้าที่ลงให้เหลือเข้ามาทำความสะอาดตอนช่วงสายๆ สามวันครั้งเท่านั้นพอ ส่วนเรื่องอาหารการกินค่อยจัดการตามแต่เด็กหนุ่มจะแจ้งล่วงหน้า ซึ่งนานๆ จะมีสักที และมักเป็นช่วงที่ทิวากานต์อยู่เวรข้ามคืนนั่นแหละ

“อ่อ คุณอันคะ มีพัสดุส่งมาจากอังกฤษค่ะ ฉันวางไว้บนโต๊ะในห้องนอนนะคะ” เธอเรียกชื่อคุณหนูเล็กทื่อๆ เหมือนแม่บ้านคนอื่นที่คิดว่าหลานชายคนโปรดเจ้าของบ้านมีชื่อเล่นน่ารักว่าน้องอัน

“ขอบคุณครับ” อลันด์ยิ้มอีกรอบแทนคำขอบคุณก่อนเดินขึ้นไปบนห้องนอน

ตาสีซีดหันมองพัสดุกล่องใหญ่บนโต๊ะหนังสือ หน้ากล่องจ่าชื่อพ่อบ้านส่วนตัวของตน เท่านั้นร่างผอมรีบหยิบคัตเตอร์มากรีด เสื้อผ้ามากมายที่เขาลิสต์รายชื่อไว้เมื่อหลายสัปดาห์ก่อนถูกอัลเบิร์ตรวบรวมไว้หมดแล้วในนี้ ลองหยิบกางเกงยีนส์สกินนี่มาสวมก็พบว่าพอดีตัวเป๊ะ เด็กฝรั่งจัดการยัดของที่รื้อออกมายัดกลับลงกล่องแล้ววิ่งลงไปให้คุณแม่บ้านเอาไปซักรีดให้เรียบร้อย แน่นอนว่าเรื่องนี้ห้ามให้ทิวากานต์รู้เด็ดขาดถ้าไม่อยากหูชาโดนเทศนาเรื่องการใช้เงินไปสามวันสามคืน!

กับเข้าห้องนอนมาอีกรอบเขาถึงมองหาชุดที่แม่บ้านจัดเตรียมไว้ให้ ปกติเด็กหนุ่มแต่งตัวค่อนข้างเรียบร้อยอยู่แล้ว หากวันนี้ต้องทำหน้าที่คล้ายตัวแทนบิดาในการทำธุรกิจจึงต้องใส่ใจมากเป็นพิเศษ เสื้อสูทสีดำเข้ารูปกับเชิ้ตสีขาวและเนคไทสีเดียวกับดวงตาถูกแม่บ้านนำมาเตรียมไว้ที่หน้าตู้เสื้อผ้าเสร็จสรรพ งานเนี้ยบสมกับที่ทำงานบ้านคุณยายมาหลายสิบปี

อลันด์ออกจากที่พักย่านอโศกไปยังจุดมุ่งหมายของวันที่คอนโดมิเนียมติดโรงแรมหรูย่านสาทรใต้โดยรถจากบ้านคุณตา เจ้าตัวไปถึงก่อนเวลานัดเกือบสิบห้านาที ส่วนลูกค้าที่นัดก็มาตรงเวลาเป๊ะๆ

เอาจริงๆ แล้วลูกค้าคนสำคัญของมิสเตอร์เอเดลมาร์คนนี้อลันด์รู้จักดีเพราะเป็นเพื่อนสนิทคนหนึ่งของครอบครัว ประกอบธุรกิจด้านนำเข้า-ส่งออกมีสาขาไปทั่วโลกรวมไปถึงที่ประเทศไทย แต่เบื่อที่จะต้องนอนเปลี่ยนโรงแรมไปเรื่อยๆ ยามมาติดต่องานที่สาขาเมืองไทยจึงได้ให้เพื่อนรักเจ้าของธุรกิจอสังหายักษ์ใหญ่ของโลกช่วยจัดหาให้

เด็กหนุ่มร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับเพื่อนรักบิดาพลางคุยสัพเพเหระถามไถ่ถึงความเป็นอยู่ก่อนค่อยแนะนำตัวห้องที่จะเสนอให้วันนี้ เป็นห้องขนาดสองห้องนอน เนื้อที่ 163 ตารางเมตร มูลค่าตอนที่เอเดลมาร์สอยมาได้นั้นอยู่ที่ห้าสิบเกือบหกสิบล้านบาท ได้รถเฟี๊ยตรุ่นพิเศษแถมมาคัน (ปัจจุบันยกให้พี่กานต์เอาไปใช้แล้ว) แต่ราคาขายให้เพื่อนคือเพิ่มมาอีก 20% จากราคาจริง เรียกได้ว่าต่อให้เป็นเพื่อนรักกันก็ไม่ยอมขาดทุนเด็ดขาด สมกับเป็นนักธุรกิจมาก

“อืม... เท่าที่ดูก็น่าสนใจดี ฉันก็ไม่คิดหรอกว่าเอเดลมาร์จะแนะนำที่ห่วยๆ ให้ แต่คงดีกว่าถ้าได้ดูของจริงนอกจากรูปกระดาษพวกนี้”

“ผมตั้งใจจะพาคุณลุงขึ้นไปดูห้องอยู่แล้วครับ เดี๋ยวเราเดินทะลุตัวโรงแรมไปเลยแล้วกัน ผมจะได้แนะนำส่วนประกอบอื่นๆ ของโครงการไปด้วย”

หลังจบมื้ออาหารที่อลันด์เป็นเจ้ามือ เจ้าเด็กแสบในมาดนักธุรกิจวัยกระเตาะก็พาแขกของบิดาเดินผ่านส่วนของโรงแรมเข้าสู่ตัวโครงการคอนโดมิเนียม เสียงทุ้มต่ำบรรยายถึงสิ่งอำนวยความสะดวกสบายและส่วนต่างๆ ไปเรื่อยพร้อมบอกถึงข้อดีข้อเสียอย่างตรงไปตรงมา

โชคดีเขาเคยมาที่นี่อยู่ครั้งตอนหาที่พักระหว่างเรียนต่อในเมืองไทย มาดามโอเนลล์พาเขาตระเวนดูห้องชุดทั้งหลายที่เป็นของบริษัทบิดาไปทั่วกรุงเทพโดยมีพนักงานสาขาคอยให้คำแนะนำ ก่อนสุดท้ายจะไปจบลงที่คอนโดระดับกลางค่อนไปทางสูงใจกลางเมือง

เด็กหนุ่มรู้สึกตื้อในอกขึ้นมาทันทีเมื่อคิดถึงตรงนี้ ถ้าเขากับมัมเลือกคอนโดมิเนียมอื่นที่หรูหราสะดวกสบายกว่า เขาคงไม่มีโอกาสได้เจอกับทิวากานต์และคบเป็นคนรักกันแบบนี้แน่นอน

“ความจริงคุณพ่อเลือกห้องชุดตามสเปคที่คุณลุงรีเควสต์ไว้แล้วครับ แต่ผมเห็นว่าไหนๆ ก็มาดูทั้งทีเลยขอกุญแจห้องแบบ duplex มาเป็นตัวเลือกเพิ่มเติมด้วย” เจ้าตัวว่าก่อนพาเพื่อนบิดาขึ้นไปยังชั้นบนหลังพาเที่ยวชมรอบๆ โครงการจนทั่วแล้ว

ห้องแรกที่พาไปเป็นห้องที่มิสเตอร์เอเดลมาร์ตั้งใจไว้ เพดานห้องสูงให้ความรู้สึกโปร่งโล่งสบายเหมือนอยู่บ้านหลังใหญ่ เมื่อออกไปที่ระเบียงจะเจอสระว่ายน้ำของโครงการอยู่ด้านล่าง มองออกไปจะเจอตึกน้อยใหญ่ห่างออกไปหลายร้อยเมตร ทั้งที่อยู่ใจกลางเมืองกลับให้ความเงียบสงบไร้ความวุ่นวาย

เมื่อดูรอบๆ ห้องจนครบแล้วลูกค้าคนนี้ดูจะถูกใจห้องนี้ไม่น้อย เขาเปรยกับเด็กหนุ่มคราวลูกว่าชอบที่นี่มาก ตัวโครงการก็ดี แถมยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ไม่ไกลจากที่ทำงานและเดินทางง่าย

จนมาถึงห้องที่อลันด์เลือกเป็นตัวสำรอง แม้ดูเนื้อที่จะคับแคบกว่าเล็กน้อยหากทดแทนด้วยเพดานรับแสงที่สูงกว่าห้องอื่นเนื่องด้วยเป็นห้องที่มีสองชั้น ให้ความรู้สึกเป็นบ้านมากกว่าอีกห้อง

หลังเดินดูเปรียบเทียบจนพอใจแล้วเหมือนเพื่อนบิดาคนนี้เหมือนจะได้คำตอบในใจ อลันด์พาเขากลับมาดื่มกาแฟเพื่อคุยสรุปกันเรื่องห้องและราคา โดยที่ชายวัยห้าสิบปลายเลือกห้องแรกด้วยเหตุผลของพื้นที่ที่มากกว่าในราคาที่พอรับได้ ส่วนเรื่องทำสัญญาจะให้พนักงานของบริษัทและฝ่ายกฎหมายเป็นคนจัดการต่อ

“ฉันพอรู้เรื่องที่เธออยากเป็นนักดนตรีอยู่บ้าง เอาจริงๆ ฉันชื่นชมเด็กหนุ่มที่มีความฝันนะ แต่หลังจากได้คุยกับเธอวันนี้แล้วฉันคิดว่าเธอตั้งใจช่วยกิจการครอบครัวจะดีกว่า เธอเก่งนะอัล ในอนาคตเธอจะเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จไม่แพ้พ่อเธอ เอเดลมาร์จะภูมิใจที่มีทายาทอย่างเธอรับช่วงดูแลกิจการ” เขาตบไหล่หนุ่มน้อยคราวลูกก่อนก้าวขึ้นรถที่มารอรับ

เด็กหนุ่มยิ้มรับคำชมฝืนๆ มองรถซีดานสีดำแล่นจากไป เขาเดินกลับมาที่เล้าจ์นั่งจิบน้ำส้มแก้เซ็ง ชักไม่แน่ใจว่าการตัดสินใจรับงานนี้ด้วยเห็นแก่เงินส่วนแบ่งนั้นคุ้มหรือไม่กับเส้นทางในอนาคต เหมือนพ่อเขาจะไม่ยอมตัดใจเรื่องอยากให้เขาเป็นนักธุรกิจง่ายๆ

อลันด์ส่งข้อความหานภให้มารับที่โรงแรมเพื่อจะไปซ้อมดนตรีกันต่อ ก่อนต่อสายทางไกลหามิสเตอร์เอเดลมาร์รายงานผลงาน แด็ดดี้ดูจะพอใจกับผลงานชิ้นนี้มาก ส่วนเรื่องเงินค่านายหน้าจะโอนให้เมื่อมีการทำสัญญาซื้อขายเสร็จเรียบร้อยภายในหนึ่งสัปดาห์ ทิ้งท้ายด้วยคำชมสั้นๆ ไม่ยกยอลูกชายตามสไตล์ก่อนวางสาย

นั่งรอไม่ถึงสิบห้านาทีนภก็โทรมาบอกให้ออกไปรอตรงจุด drop off อีกไม่ถึงสามนาทีจะวนรถเข้าไปรับเด็กฝรั่งจัดการจ่ายค่าเครื่องดื่มหอบแฟ้มเอกสารเดินไปยังจุดนัดพบ เพียงไม่นานมินิคูเปอร์คันคุ้นตาก็จอดเทียบตรงหน้า

“หน้ามึนกว่าปกตินะ จะไปซ้อมไหวเร้อออ” นักร้องหนุ่มทักพลางมองถนนหาจังหวะเลี้ยวออกจากตัวโรงแรมห้าดาว

“เพลียนิดหน่อยครับ เมื่อคืนได้นอนแค่แป๊บเดียว” พูดจบเจ้าตัวก็หาวอ้าปากกว้าง กาแฟที่ดื่มเมื่อครู่ไม่ได้ช่วยอะไร

“งั้นวันนี้ไม่ต้องไปซ้อมหรอก ปิดเทอมแล้วมีเวลาว่างอีกตั้งหลายวัน วันนี้ไปเดทกับพี่ดีกว่า”

“หือ เดท?” ตาสีฟ้าซีดหันมองคนพูดงงๆ เขาเห็นนภหยิบหมวกแก๊ปกับแว่นตากันแดดที่ไม่รู้ไปเอามาจากไหนขึ้นมาโชว์ ใบหน้าหล่อเหลาตามเทรนนิยมฉีกยิ้มกว้างละลายใจแฟนคลับส่งมาให้ ท่าทางแบบนี้ใครปฏิเสธลงก็ใจร้ายแย่



สถานที่เดทกับซูเปอร์สตาร์หนุ่มสุดหล่อขวัญใจสาวน้อยยันสาวแก่ทั้งประเทศคือห้างเปิดใหม่อายุไม่ครบขวบปีดีตรงที่ตั้งสถานทูตสหราชอาณาจักรเก่า ด้วยการตั้งเกณฑ์กลุ่มลูกค้าระดับบนชัดเจนบวกกับวันนี้เป็นวันธรรมดาคนในห้างจึงมีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย อุปกรณ์พรางตัวของนักร้องหนุ่มกลายเป็นหมันไปแทบจะทันที

ถึงอย่างนั้นใช่ว่าจะไม่มีใครสนใจนภ ยิ่งเดินคู่มากับอลันด์ที่ถอดสูทกับเนคไททิ้งไว้ในรถและพับแขนเสื้อขึ้นมาถึงข้อศอกกระนั้นก็ยังดูสุภาพมาก ผิดกับเจ้าตัวที่แต่งกายสบายๆ จึงเกิดความโดดเด่นดูดสายตาได้เป็นอย่างดี

“มีหนังอยากดูพอดี พี่ว่าเราดูหนังก่อนแล้วค่อยมาหาอะไรกินกัน โอเคไหม”

“ยังไงก็ได้”

“โรงหนังที่นี่เจ๋งมาก มีเตียงด้วย นอนดูอย่างกะอยู่ที่บ้าน พี่เลยชอบมาดูที่นี่บ่อยๆ” เจ้าตัวโฆษณาระหว่างเดินนำอลันด์ขึ้นบันไดเลื่อนไปชั้นบนสุด แม้จะเป็นชั้นโรงหนังหากคนก็ยังบางตา เท่าที่เห็นนอกจากพนักงานแล้วลูกค้าก็มีเพียงแค่เด็กหนุ่มนักดนตรีสองคนเท่านั้น ตั๋วก็ไม่ต้องยืนซื้อเดินเข้าไปนั่งรอในเล้าจ์สบายๆ พนักงานจะเดินมาบริการให้ถึงที่

ตาสีฟ้ากวาดมองไปรอบๆ ดูความเงียบสงบเกือบถึงขั้นวังเวง แลดูเป็นส่วนตัวแบบสุดๆ จึงไม่แปลกใจว่าทำไมนักร้องหนุ่มสุดฮอตถึงชอบมาดูหนังที่นี่

นภเลือกภาพยนตร์อะนิเมชั่นซูเปอร์ฮีโร่จากค่ายการ์ตูนชื่อดังเสร็จก็จิ้มที่นั่งแบบเตียงใหญ่สำหรับผู้ชายสองคนนอนดูสบายๆ พนักงานสาวลอบมองนักร้องหนุ่มเป็นระยะพลางอมยิ้มหน้าแดง เธอรับบัตรเครดิตไปจัดการเพียงครู่เดียวก็กลับมาพร้อมสลิปและตั๋วหนังสองใบใส่ซองกระดาษอย่างดี พอนภเซ็นชื่อเสร็จเธอก็เอ่ยกล้าๆ กลัวๆ ขอลายเซ็นแม้รู้ว่าถ้าเรื่องนี้หลุดถึงหูผู้จัดการจะต้องโดนตำหนิถึงขั้นไล่ออกก็ตาม หากคนของประชาชนกลับไม่ถือสาฉีกยิ้มกว้างเซ็นลายเซ็นอีกแบบให้เธอใส่หลังซองตั๋วหนังไป

“นี่ถ้าไม่มีเหตุการณ์เมื่อกี้ผมคงลืมไปแล้วว่าพี่นภดังมากกก” เด็กแสบแกล้งลากเสียงยาว ร่างผอมบางเอนตัวพิงพนักโซฟาบุนวมนุ่มพลางดึงหมอนอิงทรงสี่เหลี่ยมมากอด หน้าขาวซับสีเลือดเล็กน้อยหลังได้จิบน้ำผลไม้เย็นๆ เข้าไป ตรงหน้ามีอาหารว่างแบบคอกเทลวางยั่วน้ำลาย

“อะไรกัน พี่ดูไม่มีออร่าขนาดนั้นเลยเหรอ”

“เปล่าครับ แค่เห็นจนชินแล้วเฉยๆ อีกอย่างก็เจอแต่ที่บ้าน ถ้าไม่นับตอนครั้งแรกที่พี่นภพาไปกินสเต๊กนี่ก็เป็นครั้งที่สองเองมั้งที่เรามากันแค่สองคน”

“เออเนอะ” นักร้องหนุ่มยิ้มกว้างโชว์ฟันขาวเรียงเป็นระเบียบ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปคู่ตัวเองกับเด็กฝรั่ง “เดทครั้งที่สองทั้งที อย่างนี้ต้องอวดหน่อย”

“ถ้าวามางับหัวผมไม่ช่วยนะ”

“พี่วาไม่เล่นไอจีไม่รู้หรอกน่า” เด็กฝรั่งส่ายหัวให้กับความรั้นของคนแก่กว่า โดนจับเซ็นสัญญาทาสไปแล้วยังไม่เข็ดสงสัยต้องให้โดนตีนก่อนจริงๆ ถึงเลิกจะสำนึก

ระหว่างรอก็มีลูกค้าคนอื่นทยอยตามมา ถึงอย่างนั้นก็นับหัวได้ไม่เกินสองมือ แต่ละคนล้วนดูต้องการความเป็นส่วนตัวจึงไม่มีใครสนใจใครกันนัก

เมื่อใกล้เวลาฉายสองหนุ่มจึงเคลื่อนตัวจากเล้าจ์รับรองด้านหน้าเข้าไปในโรงหนัง มีพนักงานเดินไปส่งถึงที่ พอเห็นเตียงเด็กฝรั่งแทบจะถลาตัวเข้าไปนอน ร่างเล็กปีนขึ้นเตียงทั้งรองเท้าหนังดึงผ้าห่มคลี่ลวกๆ คลุมถึงปลายคาง สภาพพร้อมหลับจนคนมาด้วยถึงกับแซว

“ค่าตั๋วแพงนะเว้ย ห้ามหลับ”

“ไม่หลับหรอกน่า” เด็กฝรั่งงึมงำตอบอีกคนที่ล้มตัวลงนอนใกล้ๆ แต่นภไม่ได้ล้มนอนทั้งตัวเหมือนอลันด์ เขาเอาหมอนอิงใบเล็กๆ ซ้อนไว้ด้านหลังตะแคงตัวมาทางเด็กฝรั่งเล็กน้อยจนได้ท่าที่สบายตัวที่สุด

ตัวหนังสนุกสมกับชื่อค่ายผู้สร้างยักษ์ใหญ่ เพลงประกอบก็เพราะ มีเสียงระเบิดตูมตามเป็นระยะ ถึงอย่างนั้นเด็กหนุ่มตัวเล็กกลับเข้าสู่ห้วงนิทราตั้งแต่หนังเริ่มได้แค่ครึ่งชั่วโมง นภที่จดจ่ออยู่กับจอสกรีนตรงหน้าเพิ่งรู้ตัวก็ตอนที่เพื่อนอ่อนวัยซุกตัวเข้าหาเอามือขาวๆ ปลายนิ้วเย็นเฉียบจับท่อนแขนเขาไว้หวังไออุ่นนี่แหละ

นักร้องหนุ่มถึงกับหายใจสะดุดตอนก้มมองหน้าขาวใสแนบแก้มชิดผิวเนื้อเขาด้วยท่าทางไร้เดียงสา ขนาดเขาที่ไม่ได้ชอบผู้ชายมองอย่างไรก็เห็นแต่ความน่ารัก จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมทิวากานต์ถึงหวงนักหวงหนา และเพื่อนเวรของเขาถึงได้ลงมือทำกระทำสิ่งเรียกตีนแบบนั้น

ปลายนิ้วหยาบอย่างคนเล่นดนตรีแตะแก้มนุ่มเกลี่ยเบาๆ กระซิบกับตัวเอง “จะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับให้นะ รับรองว่าจะไม่ฟ้องพี่วาว่าเรามาทำน่ารักใส่พี่แบบนี้ ไอ้ตัวแสบ”

อลันด์ถูกล้อไปตามระเบียบเมื่อออกจากโรงแล้วจำไม่ได้สักนิดว่าหนังที่ดูมีเนื้อเรื่องยังไงบ้าง หากเด็กหนุ่มยืนทำเฉยปล่อยให้นภแซวไปส่วนตัวเองก็มองหาร้านฝากท้องเย็นนี้

ร้านอาหารซีฟู้ดชื่อดังมีโลโก้สีแดงตัดปูก้ามใหญ่สีขาวถูกเลือกโดยนักร้องหนุ่มผู้อาสาเป็นเจ้ามือตลอดทริปเดท สั่งมาทั้งปลากะพงนึ่งมะนาว กุ้งอบวุ้นเส้น ผัดผักสี่สหาย และที่ขาดไม่ได้ถ้ามาร้านนี้คือปูผัดผงกะหรี่ที่อร่อยเสียจนสองหนุ่มตักน้ำซอสราดคลุกข้าวสวยร้อนๆ กินเปล่าไม่มีกับไปคนละจานสองจาน เด็กฝรั่งมีความสุขกับกินเสียจนถ้าทิวากานต์มาเห็นคงดีใจคะยั้นคะยอให้กินอีกเรื่อยๆ จนท้องแตกแน่

พอจบการกินตรงนี้นภก็พาเด็กฝรั่งเปลี่ยนบรรยากาศเงียบๆ เป็นส่วนตัวไปสู่ความวุ่นวายเล็กๆ ด้วยการไปหาของหวานต่อที่ร้านไอศกรีมผสมกับเบเกอรี่สไตล์ญี่ปุ่นอันเต็มไปด้วยนักเรียนและครอบครัวที่พาลูกหลานมาหาของกินนอกบ้าน

เสียงกรี๊ดเบาๆ ดังมาจากโต๊ะของเด็กนักเรียนคอนแวนต์โต๊ะหน้าติดทางเข้าร้านเมื่อเธอเห็นนักร้องหนุ่มขวัญใจเดินตามหลังพนักงานร้านมา

นภยิ้มฝืดๆ ให้เด็กหนุ่มเมื่อเก้าอี้ที่ถูกจัดให้ดันเป็นจุดที่มีคนเดินผ่านไปผ่านมาตลอดเวลาเนื่องด้วยตัวร้านตั้งอยู่บริเวณกลางลานเปิดโล่งมีเพียงรั้วขอบเตี้ยๆ กั้นพื้นที่เอาไว้เท่านั้น ชายหนุ่มเลือกนั่งชิดรั้วหันหลังให้ด้านนอก ก่อนมือใหญ่จะหยิบเอาหมวกแก็ปขึ้นสวมก่อนรับเมนูมาเปิด “ไอติมที่นี่อร่อยนะ ไม่หวานมากด้วย แคลอรี่น้อย รับรองว่ากินแล้วไม่อ้วน”

“วาจะดีใจกว่านี้ถ้าผมกินอะไรที่มันทำให้อ้วนขึ้นมาสักนิด” เด็กหนุ่มว่าติดตลก เขาเปิดดูซอฟต์ครีมผสมถ่านและชาเขียวจัดคู่มากับเค้กโรลแบบต่างๆ ในเมนู มีอยู่อันสะดุดตามากเพราะเป็นลายวัวเหมือนเจ้าเหมียวมิวมิวที่ลอนดอน และสุดท้ายนิ้วขาวจัดอย่างชาติตะวันตกก็จิ้มสั่งอันนี้ไป ส่วนนักร้องหนุ่มเลือกโรลสตรอเบอรี่สีชมพูหวานไม่เข้ากับหน้าตา

ระหว่างนั่งรอมีเด็กนักเรียนสาวใจกล้าสองคนเดินมาประชิดที่โต๊ะ ในมือถือสมุดโน้ตกับโทรศัพท์ติดแนบอก หน้าใสแดงจัดก่อนที่ใครคนหนึ่งจะเป็นหน่วยกล้าตายพูดขึ้นมาก่อน

“พี่นภใช่ไหมคะ พี่คะเชอร์เบทเป็นแฟนคลับพี่นภมาตั้งแต่ม. สาม คอนเสิร์ตครั้งที่แล้วก็ไปดู พี่นภเท่มากเลยค่ะ”

“ใช่ค่ะ เท่สุดๆ เลย” สาวน้อยเพื่อนรักขึ้นเป็นลูกคู่ ก่อนจะพากันกรี๊ดเมื่อนักร้องหนุ่มเงยหน้าส่งยิ้มให้พร้อมคำขอบคุณอย่างสุภาพ

“เชอร์เบทขอถ่ายรูปกับลายเซ็นได้ไหมคะ”

“ได้ครับ ไหนครับ ให้พี่เซ็นตรงไหน”

พอนักร้องหนุ่มอนุญาตสมุดโน้ตสีหวานจึงถูกยื่นมาแทบจะในทันทีพร้อมเสียงกรี๊ดด้วยความกระตือรือร้น “ตรงนี้ค่ะ”

“ให้น้องเชอร์เบทเนอะ เอ้า เสร็จแล้วครับ” เขายื่นสมุดคืนให้ แล้วก็รับของอีกคนมาทำเหมือนกันก่อนให้เด็กสาวเข้ามาถ่ายรูปข้างๆ ตอนสลับกันถ่ายคนละทีก็ไม่เท่าไหร่ แต่พออยากจะถ่ายคู่อลันด์ที่นั่งเท้าคางมองอยู่นานก็ถูกเด็กสาวไหว้วานจนได้

อลันด์รับสมาร์ทโฟนรุ่นเดียวกับที่เขาใช้มาถือไว้ในมือ ตั้งใจถ่ายให้สวยๆ รอบเดียวจบค่อยคืนพวกเธอไป สาวน้อยทั้งสองกล่าวขอบคุณพลางรับโทรศัพท์กลับ จนเมื่อมองหน้าคนที่ช่วยถ่ายรูปให้เต็มๆ ก็พากันหลุดกรี๊ดออกมาอีกรอบ

“นี่พี่แสบตัวจริงใช่ไหมคะเนี่ย ว้าย ตัวจริงน่ารักกว่าในรูปเยอะเลย”

เด็กหนุ่มพยักหน้ารับมึนๆ ว่าจะนั่งเงียบจนกว่าพวกเธอจะไปดันกลายเป็นเป้าเสียเอง เท้าใต้รองเท้าหนังเบอร์เจ็ดเตะหน้าแข้งคนฝั่งตรงข้ามไม่เบานักบอกให้นักร้องหนุ่มจัดการอะไรสักอย่างกับแฟนคลับสองคนนี้ที

“อืม...ไอติมมาแล้ว พี่ขอเวลาส่วนตัวกับเพื่อนหน่อยเนอะ”

ต้องขอบคุณไอศกรีมที่มาถูกเวลาช่วยให้สองสาวน้อยคอนแวนต์ยอมล่าถอยไปแต่โดยดี หากไม่วายก่อนจากยังมือเป็นรูปหัวใจบอกนักร้องหนุ่มกับเพื่อนฝรั่งคู่จิ้น เล่นเอาอลันด์หน้าม้านได้แต่กัดปากทำอะไรไม่ถูก

“ค่ะๆ ขอบคุณพี่นภกับพี่แสบมากนะคะ เชอร์เบทกับจุ๊บจิ๊บไม่รบกวนเวลาเดทของพี่สองคนแล้วค่ะ ขอให้มีความสุขกันมากๆ นะคะ ฮิฮิ”

อลันด์มองหน้านภอระอักกระอ่วน โชคดีที่พนักงานร้านนำไอศครีมใส่ถาดไม้ทรงสี่เหลี่ยมวางบนโต๊ะพอดี ฝ่ายเด็กฝรั่งจึงไม่พูดพร่ำทำเพลงรีบเลี่ยงสถานการณ์ชวนอึดอัดคว้าช้อนขึ้นตักซอฟต์ครีมสีเทาเข้าปาก ด้วยรสชาติไม่หวานจัดและออกกลิ่นเป็นนมจางๆ ทำให้มีคำที่สองต่อแทบจะในทันที

“บอกแล้วว่าอร่อย” นภยิ้มตาปิด เขานั่งเท้าแขนบนโต๊ะแกล้งโน้มตัวไปข้างหน้าจนใบหน้าห่างกันไม่มาก “ขอโทษนะ อึดอัดหรือเปล่า อุตส่าห์มาเดทกันสองคนแท้ๆ ดันมีคนมาขัดจนได้ บรรยากาศเสียหมดเลย”

“ช่างมันเถอะ พี่นภรีบกินดีกว่าเดี๋ยวติมละลาย”

“อืม แต่วันนี้พี่สนุกมากนะ ความจริงก็นานแล้วล่ะที่ไม่ได้เที่ยวเงียบๆ แบบนี้ ไว้เราแก้ตัวกันวันหลังเนอะ”

“หึหึ อยากเห็นพี่นภลองเดทกับวาสองต่อสองบ้างจัง เชื่อเลยว่าต้องมีคนมองตลอดทางแต่คงไม่มีใครกล้าเข้ามาทักสักคน” ฟังแล้วซุปตาร์ดังถึงกับกุมขมับผิดกับคนพูดที่ยิ้มจนตาหยี ให้เขา เดทกับทิวากานต์แทบไม่ต่างจากส่งเข้าหลักประหารเลยเหอะ

ตลอดเวลาที่นั่งอยู่ในร้านขนม นภรับรู้ตลอดว่ามีคนคอยถ่ายรูปเขากับอลันด์ไว้ เป็นพวกแฟนคลับหรือคนที่จำนักร้องหนุ่มได้นั่นแหละ แต่กับเด็กฝรั่งที่ไม่ใช่คนมีชื่อเสียงคงรู้สึกอึดอัดอยู่บ้าง หมวกแก็ปสีกรมจึงย้ายไปครอบผมสีช็อกโกแลตนมแทน ส่วนตัวเขาก็หยิบแว่นกันแดดขึ้นมาสวมทั้งที่อยู่ในอาคารแม้จะช่วยอะไรไม่ได้เลยก็ตาม

ใช้เวลาตั้งแต่ก้าวเข้ามานั่งไม่ถึงครึ่งชั่วโมงสองหนุ่มก็ลุกออกจากร้าน ตอนแรกนภว่าจะชวนอีกคนเดินซื้อของต่อ แต่พอเห็นกลุ่มเด็กนักเรียนกลุ่มใหม่เดินตามจึงตัดสินใจกลับทันที

“พี่นภไม่รู้สึกรำคาญหรือหงุดหงิดบ้างเหรอ พวกนี้มันละเมิดสิทธิส่วนบุคคลชัดๆ” เด็กหนุ่มว่าเข้าให้เมื่อขึ้นนั่งประจำที่บนรถมินิคาดเข็มขัดเรียบร้อย

“แรกๆ ก็มีบ้างหรอก แต่ทำไงได้ อยากเป็นคนสาธารณะเองต้องทำใจ ถ้าไม่มีเขาเราก็ไม่มีงาน อาชีพเรามันก็เหมือนหากินกับความชอบของคนนั่นแหละต้องทำให้เขารักเราดีกว่าเกลียดเรา ถึงบางทีเราจะอยากมาเงียบๆ เป็นส่วนตัว แต่ถ้าเขาขอมาจะปฏิเสธก็ลำบาก ยิ่งเดี๋ยวนี้คนเรามีสื่ออยู่ในมือการแพร่กระจายข่าวมันง่าย ทำพลาดครั้งเดียวหรือต่อให้มีคนเข้าใจผิดเอาไปเขียนป่าวประกาศเสียๆ หายๆ คนเขาก็จำฝังใจว่าเราเป็นอย่างนั้นไปกันหมดแล้ว”

เหมือนได้ระบายความอัดอั้นตันใจออกมา นักร้องหนุ่มรูปหล่อถึงพูดยาวเหยียดพลางไถใบหน้ากับพวงมาลัยรถ เพียงแป๊บเดียวก็เงยหน้าขึ้นมายิ้มให้

“โฟกัสแค่งานเราไม่ได้หรือไง”

“การมีชื่อเสียงเท่ากับเป็นจุดสนใจ เราบังคับให้เขามองแค่งานเราไม่ได้หรอก มันต้องมีคนที่สนใจส่วนอื่นนอกจากงานบ้างแหละ เป็นคนดังต้องทำใจว่ะ”

“มีแต่ทางเลือกยากๆ นะ” ไม่ว่าจะเป็นนักร้องหรือนักธุรกิจ

“อย่างนั้นแหละ ถ้าง่ายคนอื่นเขาก็เป็นกันได้หมดโลกแล้ว” นักร้องหนุ่มทิ้งท้ายไว้อย่างน่าฟังและชวนให้คิดพร้อมตบท้ายด้วยรอยยิ้มหวานออดอ้อนแม่ยก แน่ล่ะว่าเอามาใช้กับอลันด์ไม่ได้ผลจนกว่าชายหนุ่มจะมีหน้าเหมือนทิวากานต์



TBC

เซอร์ไพรส์อีกแล้ว มาเร็วไหมคะ ฮ่าๆๆๆ
มาลงเนื่องในวันเด็กค่ะ ตอนนี้เลยมีแต่คุณหมอกิน เอ๊ย รักเด็ก #ผิดๆ
ความจริงกลัวพรุ่งนี้ไม่ว่างมาลงค่ะ ไม่ใช่อะไร แหะๆ

แอบสปอยล์ตอนหน้าด้วยรูปนี้ พร้อมแคปชั่น
'when ur girl is mad at u & u tell her to calm down'
(http://i.imgur.com/vCBjxKb.gif)

น้องอัลตบพี่วาทำไม พี่วาทำอัลไลผิด
โปรดติดตามตอนต่อไปค่า

 :mew1:

ปล. สุขสันต์วัน(คนรัก)เด็กค่า
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 23 [09.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: yisren. ที่ 09-01-2016 21:19:07
แสบเอ้ยยยย เด็กอะไรอ่อยเรี่ยราดไม่รู้ตัว

ตบหมอของเค้าทำไมมมมมมมมมม เดาๆ มันต้องเกี่ยวกับงานแต่งคราวนั้น นี่เราติดใจงานแต่งจริงๆ นะ 555555
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 23 [09.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: pim-lovemj ที่ 09-01-2016 22:01:30
 :L1: อยากเข้าสมาคมคนรักเด็กบ้างง่ะ แต่กลัวพี่วางับหัว
รอติดตามตอนต่อไปครัช
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 23 [09.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 09-01-2016 22:18:08
พี่วาต้องหึงเลือดขึ้นหน้าแน่ๆเลย
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 23 [09.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 09-01-2016 22:44:22
เด็กแสบฟีโรโมนฟุ้งแบบนี้ชักจะหวงแทนหมอวาแล้วนะ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 23 [09.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: DKTime ที่ 09-01-2016 22:52:08
ยิ่งอ่านยิ่งติด ต้องรวมเล่มนะ ต้องร่วมเล่ม!
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 23 [09.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 09-01-2016 23:11:04
 :hao3:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 23 [09.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 10-01-2016 00:22:52
ขอให้รักเด็กหลงเด็กคนนี้ไปนานๆนะหมอวา
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 23 [09.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 10-01-2016 00:28:20
เดี๋ยวหมอวาตามหึงตามหวงน้องแสบจนประสาทจะกินแน่ 555555+ ก็น้องน่ารักขนาดนี้ใครๆก็ชอบเนอะหมอวา  :hao3: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 23 [09.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 10-01-2016 01:33:38
 :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 23 [09.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: Mokuchi ที่ 10-01-2016 01:46:39
เด๊ะๆ เจ้าทาสนภ เดี๋ยวจะโดนมิใช่น้อย
ถ้าหมอวารู้นี่ ศพไม่สวยแน่นอน 55555  :hao3:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 23 [09.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 10-01-2016 11:46:16
น้องอัลวันนี้มีความผิดสองกระทงนะ 5555  แอบออเดอร์สินค้าและไปเดทกะชายอื่น
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 23 [09.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: Ryu7801 ที่ 10-01-2016 16:18:13
พี่นภไม่กลัวตาย เดี๋ยวหมอวาจัดให้ :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 23 [09.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: ゚゚ღ✿ศิลินส์✿ღ゚゚ ที่ 10-01-2016 17:17:56
มาตามอ่านหลายตอนเลย ช่วงนี้อัพไวชอบค่ะ 555

อืม อัลนี้เซ็กแอพพีลสูงมากเนอะ โดยเฉพาะกับผู้ชาย อีพี่นพ ตอนแรกก็สงสารนะแต่ตอนนี้ น่าหมั่นไส้มากอ่ะ น่าหาสามีให้นางสักคนเนอะ :laugh:
ตอนหน้าจะเป็นไงจะรออ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 23 [09.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: iammilk ที่ 10-01-2016 21:02:03
 :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 23 [09.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: Jadeite ที่ 10-01-2016 23:37:35
ไล่อ่านมาจนทันตอนล่าสุดแล้วค่าาา
โอ้ยยยยย ชอบมากกกกกกกกกกกกกกก ชอบแบบไม่รู้จะพูดยังไง ชอบอลันด์ ชอบพี่วา โอ้ยยยย ชอบทุกตัวละครในเรื่องนี้เลยค่ะะ

พี่วานี่น่ารักมากกกกกก ถึงจะดูดุแต่แบบเป็นคนที่ดูอบอุ่นที่สุด ชอบผู้ชายแนวนี้จังเลยค่ะ เป็นผู้ชายในฝันเลย ชอบมาก

ส่วนน้องอลันด์ ชอบมากกกกกกกก นางกวน นางเจ้าเล่ห์ นางน่ารัก นางขี้อ้อนอีกด้วยยย โอ้ยย อยากจับฟัดๆๆๆ เหมือนแมวเลยค่ะ น่ารักมากกกกกกกกกกกกกก ไม่แปลกใจที่พี่วาหลงขนาดนี้

ว่าแต่ตอนนี้พี่นภชวนน้องอัลเดทแบบนี้ไม่กวนพี่วาหรอคะ 555555555 แต่เอ...สปอยล์ตอนหน้าพี่วาโดนตบแฮะ ทำอะไรให้น้อง
อัลโมโหกันคะเนี่ย รอดูกันต่อไปค่ะ
ขอติดตามเป็นแฟนคลับเรื่องนี้ เป็นแฟนคลับพี่วากับน้องอลันด์ด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 23 [09.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: VarainDark ที่ 12-01-2016 01:00:13
ถ้าหมอวารู้ นพได้ตายแน่ๆ คึหึหึๆ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 23 [09.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: LetGet ที่ 12-01-2016 15:35:44
ตอนหน้าคืออะไร มาสปอยแบบนี้ เค้าอยากรู้!!  :katai1:  :katai1:  :hao5:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 23 [09.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 13-01-2016 00:23:13
น้องอัลจะน่ารักไปไหน  แค่นี้พี่วาก็หลงจะแย่แล้ว
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 23 [09.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: san ที่ 13-01-2016 04:35:47
 :L2: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 23 [09.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: meeoldly ที่ 17-01-2016 00:08:16
มานั่งรอ :mew2:
หัวข้อ: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 24 [17.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 17-01-2016 14:26:07
TRACK 24
(http://i.imgur.com/n4fAkhg.gif)



“ถ้าวาอธิบายไม่ได้ว่าชุดพยาบาลพวกนี้มาอยู่ในตู้เสื้อผ้าได้ยังไง ผมจะหนีไปนอนบ้านคุณตาไม่กลับมาที่นี่อีก!!!”

ประโยคข่มขู่จากเจ้าลูกแมวตัวกระเปี๊ยกเมื่อครู่ไม่ทำให้ศัลยแพทย์หนุ่มยืนหน้าซีดอ้าปากพะงาบๆ พูดอะไรไม่ออกได้เท่าตอนถูกโยนชุดนางพยาบาลกับถุงน่องดำพร้อมสายรัดใส่อกทันทีที่เปิดประตูห้องพักเข้ามา

ทิวากานต์พับคอมองชุดเจ้าปัญหาค่อยๆ ร่วงลงไปกองที่พื้นแทบรองเท้าหนังวัวคู่เก่งราวภาพสโลว์ หน้าขาวซีดเผือดไร้สีเลือดตอนเห็นของกลางเต็มตา คำว่า ‘เหยดแม่...’ ผุดขึ้นมาในหัวพร้อมๆ กับคำว่า ‘ซวยนรก’

หากกิริยาอย่างคนทำผิดแล้วถูกจับได้ยิ่งทำให้คนรักอ่อนวัยปรี๊ดแตกความดันพุ่งจนหน้าขาวแดงจัด อยากพุ่งเข้าไปทุบอกอีกคน เอาหัวโหม่งให้สมองเสื่อม อลันด์เสียงดังโวยวายลั่นห้องแบบไม่กลัวเพื่อนบ้านร้องเรียนใส่คุณหมอรูปหล่อรัวๆ “ไหนบอกว่าไม่ชอบพวกนางพยาบาล ไม่อยากยุ่งกับคนที่ทำงาน แต่นี่เสื้อผ้ามาครบ แถมยังซ่อนอยู่ในตู้เสื้อผ้าลึกสุดอีก บอกมาเดี๋ยวนี้นะว่าของใคร ซ่อนไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่เคลียร์มีเลิก!”

ไม่เคยสักครั้งในชีวิตที่ผู้ชายหน้าดุจะหงอได้ขนาดนี้ถ้าไม่ใช่กับแม่ ทิวากานต์ยกหลังมือปาดเหงื่อบนหน้าผากสวย สาบานได้ว่าไม่เคยกลัวเมีย(เด็ก)แต่เกรงใจคนบ้านคุณตาถ้าเกิดเด็กแสบนี่จะหนีไปอาศัยที่นั่นจริงๆ “อัลจ๋าใจเย็นๆ ก่อน ฟังพี่ก่อน”

เจ้าเด็กตัวแสบสูงเท่าไหล่ฮึดฮัดกับตัวเอง “วาก็บอกมาสิว่านี่มันเสื้อผ้าใคร ถ้าวันนี้ผมไม่ไปบังเอิญเจอคงโง่ให้วาหลอกสวมเขาไปเรื่อยๆ ใช่ไหม” ตาสีฟ้าซีดจ้องคนรักเขม็ง อลันด์ยืนเท้าเอวรอทิวากานต์สารภาพพฤติกรรมสุ่มเสี่ยงซุกกิ๊กด้วยความอดทน แต่ใจคิดถึงกีตาร์รุ่นในตำนานที่วางทิ้งไว้ในห้องนั่งเล่นแล้ว งานนี้ตอบไม่ถูกใจได้เอาเลือดหัวคุณหมอออกแน่ๆ

“แน่ใจนะว่าบังเอิญเจอไม่ได้แอบค้นห้องอ่ะ” พูดไปแล้วปิดปากตัวเองแทบไม่ทัน เขาลืมไปว่าตัวเองอยู่ในฐานะจำเลยไม่มีสิทธิถามกลับ ตาคมเหลือบมองคนตรงหน้ากล้าๆ กลัวๆ แล้วนึกอยากตบปากตัวเองสามครั้งเมื่อเห็นอีกฝ่ายตาแดงคล้ายจะร้องไห้ ถามว่าตอนนี้ทิวากานต์กลัวอะไรมากที่สุดในโลกก็น้ำตาไอ้เด็กแสบนี่แหละที่ไม่อยากเห็น และต้นเหตุก็มาจากความสะเพร่าของเขาเองที่ไม่เก็บของให้ดีจนอลันด์ไปบังเอิญเจอ

ใช่...เรื่องมันเริ่มจากความบังเอิญแท้ๆ ไม่มีเผือกปนสักนิด



หลังจากวันที่ทำงานให้เอเดลมาร์เรียบร้อยอลันด์ได้ใช้ช่วงวันหยุดปิดเทอมไปกับการซ้อมดนตรีที่บ้านนภ ขลุกอยู่ห้องซ้อมใต้ดินกับนักร้องหนุ่มทุกวันตั้งแต่เช้าจรดเย็น ด้วยเมื่อนภปิดเทอมนักร้องหนุ่มมีคิวออกทัวร์คอนเสิร์ตตั้งแต่ช่วงสิ้นปียาวไปถึงปีหน้าทำให้ไม่มีเวลามาเล่น(ดนตรี)ด้วยกันอีก

ส่วนวันเสาร์อาทิตย์ก็กลับไปเป็นเหมือนเดิมคือเจ้าเด็กฝรั่งตัวแสบจะติดรถทิวากานต์ไปโรงพยาบาลคุณลุง ดีดกีตาร์ร้องเพลงหาเงินค่าขนมอย่างเคย เสร็จงานจึงกลับก่อนตามแต่จะไปไหน

วันแรกไม่มีอะไร เด็กแสบออกโรงพยาบาลมาก็มุ่งตรงไปบ้านนภซ้อมดนตรีรอคนรักมารับกลับ

เรื่องมันเกิดเอาวันที่สอง อลันด์ไม่มีธุระไปไหนต่อ นภก็ไปติวหนังสือกับเพื่อน เจ้าตัวเลยตรงกลับคอนโดหวังเปิดแอร์นอนเป่าพุงสบายใจ ตอนที่แท็กซี่เลี้ยวเข้าซอยเจ้าของห้อง 2111 เสียงข้อความเข้าเป็นคำสั่งจากคุณหมอที่รักบอกให้เขาเอาเสื้อผ้าที่ร้านซักรีดให้ด้วย

ปกติแล้วเรื่องเสื้อผ้าจะมีแม่บ้านที่คุณหมอจ้างไว้เป็นคนจัดการส่งซักรีดให้ แต่บางครั้งทิวากานต์จะเป็นคนส่งซักและรับขึ้นมาเอง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชุดทำงานกับชุดไพรเวททั่วไป พวกชุดนอนกับชั้นในและถุงเท้าคุณหมอจะทำเองเท่าที่เวลาอำนวย ถ้าช่วงไหนไม่ว่างจริงๆ อย่างช่วงเป็นเรสซิเดนท์ดองไว้เป็นเดือนค่อยซักก็เคยมาแล้ว แต่วันนี้คงเห็นเจ้าตัวยุ่งอยู่ว่างๆ เลยใช้งานเสียเลย

ปากสีสดเบะออกหลังอ่านข้อความจบ ตาสีฟ้าซีดเหลือบมองกล่องใส่กีตาร์อันเบ่อเร้อของตัวเอง ดูท่าแล้วคงต้องเอาขึ้นไปเก็บก่อนแล้วค่อยลงมาเอาชุดที่ซักรีดให้คนรักอีกที

เมื่อถึงห้องเด็กฝรั่งจึงผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดเป็นเสื้อมีฮู้ดเนื้อนุ่มแขนยาวกับกางเกงขาสั้นเสมอเข่า ส่วนชุดที่ใส่แล้วจะเอาใส่ตะกร้าของตัวเองรอยกไปเทรวมกับที่ห้องนู้นให้แม่บ้านจัดการอีกที เขาเคยมีความคิดให้ทิวากานต์ใช้แม่บ้านคนเดียวกับเขาเป็นการตอบแทนที่ช่วยดูแลเขาให้อยู่เหมือนกัน แต่พอมานั่งคิดดีๆ แล้วว่าถ้าไม่อยากให้เรื่องคบกันไปถึงหูผู้ใหญ่โดยไม่ตั้งใจก็อย่าเลยดีกว่า เขายังไม่พร้อมเปิดตัวคนรักกับที่บ้านตอนนี้หรอกนะเดี๋ยวได้มีช็อคตาตั้งกันพอดี

ระหว่างพักให้หายเหนื่อย อลันด์เดินไปเปิดตู้เย็นรินนมใส่แก้วดื่มกินคู่กับธัญพืชอัดแท่งที่คุณหมอซื้อมาให้เจ้าตัวแสบไว้เป็นของว่างแต่เจ้าตัวดันเอามากินเป็นมื้อเที่ยงแบบง่ายๆ แทน ส่วนมืออีกข้างสไลด์หน้าจอโทรศัพท์อ่านข้อความจากโธมัส เจ้าหมาบ้าขนฟูสีทองนั่นกำลังจะสอบวิชาสุดท้ายเสร็จพร้อมขึ้นเครื่องบินมาหาเขาได้ทุกเมื่อ ดีใจน้ำตาแทบไหลที่อย่างน้อยปิดเทอมนี้ก็มีคนให้เล่นด้วย แม้มีลางสังหรณ์ว่าเขาจะต้องปวดหัวกับปัญหาล้านแปดที่ตามมาก็เหอะ

สักบ่ายโมงครึ่งเด็กฝรั่งตัวกระเปี๊ยกจึงลงไปเอาผ้าที่ซักรีดด้านล่างตามคำสั่ง อลันด์หิ้วเสื้อผ้าของทิวากานต์เข้าห้องด้วยความระมัดระวังไม่ให้ผ้ายับ

เห็นบ้านรวยเป็นคุณหนูแบบนี้ใช่ว่าจะทำอะไรไม่เป็น ต้องขอบคุณแด๊ดที่ส่งไปอยู่โรงเรียนประจำตั้งแต่เด็กทำให้ได้ทักษะการใช้ชีวิตติดตัวมาเยอะทีเดียว แม้จะรีดผ้าไม่เก่ง ซักผ้าเองไม่ได้(แพ้ผงซักฟอก) ทำอาหารได้แค่ปิ้งขนมปัง ทอดไข่ดาว ชงกาแฟ(ตอนนี้มีสกิลปอกหัวหอมกับหั่นแครอทแล้วนะรู้หรือยัง) แต่เรื่องอื่นก็พอทำได้ถูไถอยู่บ้าง

เด็กฝรั่งตัวเท่าไหล่คุณหมอเอาหอบผ้าคนรักวางบนโซฟากะให้เจ้าของมาเก็บใส่ตู้เอง แต่พอนึกหน้าทิวากานต์กลับห้องมาเหนื่อยๆ ทำมื้อเย็นให้กิน ดูแลปรนนิบัติพัดวีเขาอย่างดีประหนึ่งเป็นเมียแก่รับใช้ผัวหนุ่มแล้วยังต้องมาเก็บเสื้อผ้าพวกนี้อีก อลันด์ในฐานะคนรักจะไม่ช่วยเบาแรงอีกฝ่ายเลยหรือไง

ตัดสินใจแน่วแน่แล้วจึงลุกขึ้นหอบเสื้อผ้าขึ้นชั้นบน จัดการเปิดตู้จับเรียงผ้าแขวนแยกประเภทไล่สีสวยงามประหนึ่งแม่บ้านมืออาชีพ ส่วนเนคไทจับม้วนใส่ลิ้นชัก ทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยภายในเวลาไม่ถึงสิบนาที

“Good job, Al! เก่งเหมือนกันนะเนี่ยเรา” ชมตัวเองพอเป็นพิธี เอามือขยี้หัวติ๊ต่างว่าเป็นทิวากานต์ทำให้ด้วยความเอ็นดูแล้วก็ยืมยิ้มเหมือนคนบ้าอยู่คนเดียว “where where is where where ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ช่วยจัดตู้ให้วาด้วยดีกว่า”

และไม่รู้คึกมาจากไหน จู่ๆ เด็กขี้เกียจทำงานบ้านก็อยากจะช่วยคนรักขึ้นมา เขาเริ่มรื้อตู้เสื้อผ้าที่เก็บเป็นระเบียบเรียบร้อยดีอยู่แล้วเอาออกมากองข้างนอก โดยเริ่มจากลิ้นชักเก็บชุดชั้นในเป็นที่แรก...

ไม่ได้ทะลึ่งหรือคิดอะไรลามกจริงๆ นะสาบานได้ แค่คุ้นๆ ว่าเคยเห็นคุณหมอโยนๆ ยัดๆ เก็บไม่เป็นระเบียบ เวลาจะใช้ต้องเสียเวลาคุ้ยอยู่นานสองนาน สู้ของเขาก็ไม่ได้มีแม่บ้านพับเก็บให้เรียบร้อยเลือกหยิบใช้ง่าย เห็นข้อแตกต่างไหม นั่นแหละเป็นเหตุผลว่าทำไมต้องรื้อมาจัดใหม่ คิดในแง่ดีสิ นี่เขายังเป็นแค่เด็กอายุสิบแปดไร้เดียงสา(ที่ถูกทิวากานต์ทำให้ใจแตก)เองนะ

เด็กฝรั่งคุ้ยชุดชั้นในจนหมดตู้แล้วหยิบแต่ละอันมาพับวางเรียงเป็นแถว ทำไปปากอิ่มสีสดขยับมุบมิบบ่นทิวากานต์ไปเหมือนแม่บ้านแก่ๆ “ว่าแต่เราฟุ่มเฟือย วาก็ชอบซื้อของแพงใช่เหมือนกันนั่นแหละ กะแค่กางเกงในยังใช้อาร์มานี่ เสื้อทำงานก็ตัวตั้งสองสามพัน เข็มขัดเส้นละหมื่นกว่า ชิชะ”

แต่อลันด์คงลืมไปว่าตัวเองก็ใช้กางเกงในของเบอเบอร์รี่และทิวากานต์ไม่ได้ช้อปปิ้งบ่อยเท่าตัวเอง

แต่จัดไปจัดมา ทำไม... “มีถุงน่องได้เนี่ย nylons? What the f*ck?!”

อลันด์ใช้สองนิ้วคีบวัตถุตกสงสัยขึ้นส่องให้เห็นกันจะๆ ถุงน่องของผู้หญิงสีดำลายลูกไม้สุดเซ็กซี่พร้อมสายรัด ทำไมมาอยู่ในตู้ชุดชั้นในของชายโสดที่เพิ่งปลุกปล้ำกับผู้ชายด้วยกันไปเมื่อสัปดาห์ก่อน

“หรือกิ๊กเก่าจะลืมไว้” อลันด์พยายามสันนิษฐานในแง่ดีไปก่อน ทว่าตอนนั้นเองที่ตาสีฟ้าซีดเหลือบไปเห็นชายผ้าผืนหนาสีขาวแผล่มออกมาจากลิ้นชักชั้นล่างสุด แม้จะเริ่มสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมาอย่างหาสาเหตุไม่ได้แต่เด็กฝรั่งก็ทำใจกล้าเอื้อมมือสั่นเทาออกไปหาวัตถุต้องสงสัยชิ้นที่สอง

“อืม...มาเป็นชุดนางพยาบาลเลย” หลังจับจ้องผ้าสีขาวผืนหนาพับเรียบร้อยวางอยู่ในนั้นแล้วรื้อออกมาดูก็นับได้ถึงสามตัว “แบบนี้ไม่ลืมแล้วมั้ง คนบ้าที่ไหนจะลืมชุดทำมาหากินได้ตั้งสามครั้งสามครา”

พูดไปหน้าขาวก็บูดเป็นตูดตามอารมณ์ไป ในสมองเริ่มทำการมโนแจ่มจงจินตนาการเกิดนิมิตขึ้นมาทันที

หนอยแน่ะคุณหมอตัวดี! แอบซุกกิ๊กไว้ลับหลังเขาเรอะ ไหนบอกไม่คบกับคนในที่ทำงานไง หรือว่าเป็นพยาบาลจากที่อื่น(เพราะชุดไม่คุ้น)เลยคบได้ แถมยังพากันมาหาความสำเริงสำราญกันถึงที่นี่ ทิ้งเสื้อผ้าไว้เป็นหลักฐานทิ่มลูกตา คงอาศัยช่วงที่เขาไปนอนบ้านคุณตาสินะ

ยิ่งคิดยิ่งโมโห มั่นใจว่าถ้าทิวากานต์อยู่ต่อหน้าคงถูกเจ้าเหมียวจับข่วนเสียโฉมแน่ๆ แต่ตอนนี้จำเลยตัวดียังไม่กลับมารับฟังข้อกล่าวหาอลันด์เลยจัดการขย้ำชุดคุณพยาบาลสีขาวสะอาดจนยับคามือ ร่างเล็กเดินกระแทกส้นเท้าลงไปด้านล่าง เกากีตาร์กล่อมตัวเองให้ใจเย็นแต่ทำอิท่าไหนไม่รู้ทำสายขาดไปสองตัวตัวละเส้น จนคุณหมอเปิดประตูกลับมาเจอระเบิดลูกโตอย่างที่อ่านไปแล้วก่อนหน้านั่นแหละ

“ว่าไง จะบอกไหมว่าชุดของใคร มาอยู่ในตู้วาได้ไง ซุกกิ๊กก็บอก จะได้เลิก!”

“ไปกันใหญ่แล้ว ไม่มีกิ๊ก ไม่เลิกอะไรทั้งนั้น ไม่ยอมให้เลิกด้วยเคยบอกแล้วไง” จำเลยตัวโตถอนหายใจ ก้มลงเก็บชุดนางพยาบาลกับถุงน่องสีดำลายลูกไม้สุดเซ็กซี่พร้อมสายรัดถือแนบไว้กับอก

“หรือจะบอกว่าของคุณแม่พี่วา” ถามโง่ๆ ออกไปทั้งที่หน้าเบะเตรียมปล่อยก็อกน้ำตาเต็มที่ถ้าทิวากานต์ยังไม่อธิบายอีก

“เอ่อะ ไม่ใช่ แม่ฉันไม่ชอบแต่งคอสเพลย์ เอ่อ... เฮ้ย อัลอย่าร้องนะ ไม่ร้องนะครับ ไม่ร้องน้า พี่ไม่ได้ซุกกิ๊กจริงๆ ก็ชุดนี้มันของอัล...” คำสารภาพท้ายประโยคเสียงเบาจนแทบต้องเงี่ยหูฟัง หากเด็กตัวแสบกลับได้ยินชัดเต็มสองรูหู น้ำตาที่กำลังไหลอาบแก้มหยุดกึกราวสั่งได้ “พี่สั่งตัดให้... อัล”

เดี๋ยวนะ... “ของ...เอ่อ...ผม สั่ง...ตัด...ด้วย”

ทิวากานต์ค่อยๆ เลื่อนสายตาขึ้นมองฝ้าเพดานข่มความอายก่อนเดินเข้าไปกอดอีกคน จับศีรษะทุยซุกกับหน้าอกตัดปัญหามองหน้าไม่ติด “อือ ฝากเพื่อนที่ญี่ปุ่นตัด แก้ตั้งหลายรอบกว่าจะได้ไซส์”

“เอิ่มมม... วา - ชอบ - แบบ - นี้ - เหรอ” เด็กตัวเท่าไหล่ผละตัวออกมา หยิบชุดนางพยาบาลอีกสองตัวบนพื้นขึ้นชูให้อีกฝ่ายเห็นเต็มสองตาแล้วเอาตัวหนึ่งมาทาบกับตัวเองตอนพูดคำว่า ‘นี้’ เอามาทาบแล้ววางทาบแล้ววางอยู่สองที “ชอบแบบนี้?”

นึกๆ ไปไม่กี่วันก่อนทิวากานต์กลับบ้านมาพร้อมกล่องพัสดุกล่องใหญ่ เอิ่ม... นั่นคงเป็นลังบรรจุชุดปัญหาพวกนี้สินะ

“ลองแบบแปลกๆ บ้างชีวิตจะได้ไม่จำเจไง”

“แค่มีเซ็กส์กับผู้ชายนี่ยังแปลกไม่พอ”

“โทษที พูดผิดไปหน่อย แบบว่าสร้างความตื่นเต้นน่ะ”

“มียาดมไหมขอสักหลอด ให้ตายเถอะวา ผมไม่ยักรู้ว่าคุณมีรสนิยมแบบนี้ กับคนอื่นก็ทำแบบนี้เหรอ? เอาชุดพยาบาลให้ใส่?”

“แค่หูแมวเท่านั้นแหละ อืม...ใส่หางด้วย”

ฟังแล้วลมจะขึ้น ทำไมผู้ชายรอบตัวเขาแต่ละคนไม่ค่อยจะปกติกันสักคน ให้ตายเถอะ ชอบสาวดุ้นทำไมไม่บอก มาลวงมาหลอกฉันเล่นทำไม!

“น่ารักดีออก อัลไม่คิดอย่างนั้นเหรอ” คุณหมอวัยสามสิบผู้มีรสนิยมแปลกประหลาดว่าหน้าตาย เหมือนความเขินอายก่อนหน้านั้นจะหายเกลี้ยงไม่มีเหลือเพราะย้ายมาอยู่กับอลันด์แทน “อัลลองใส่สิ พี่จะได้รู้ว่าพอดีไหม เราตัวเล็กลงอยู่เรื่อย สั่งแก้จนเพื่อนบ่นหูชา อ๊ะ! เดี๋ยวนะ รอนี่ก่อน ขาดวิกกับหมวก”

ศัลยแพทย์ตัวโตยัดชุดคอสเพลย์นางพยาบาลกับถุงน่องดำใส่แขนคนเด็กกว่าแล้วรีบวิ่งปรู้ดขึ้นไปบนห้อง ไม่ถึงนาทีก็กลับมาพร้อมกล่องกระดาษสีน้ำตาลอ่อนเรียบๆ หนึ่งใบ ซึ่งเปิดออกมาแล้วได้แต่ตาโตเพราะมีทั้งวิกผม หมวกนางพยาบาล หูแมว ปลอกคอห้อยกระดิ่งดังกรุ๋งกริ๋งทุกครั้งที่ขยับ!!!

“อ้ะ อัลไปลองเปลี่ยนมาให้พี่ดูหน่อย” เขายัดวิกสีเดียวกับผมบนหัวเด็กฝรั่งพร้อมหมวกนางพยาบาลใส่รวมไปกับเสื้อผ้าในอ้อมแขนเล็ก อลันด์ได้แต่ยืนอ้าปากค้างพูดไม่ออก แม้ตอนนี้จะถูกทิวากานต์รุนหลังให้เข้าไปในห้องน้ำก็มึนจนหมดแรงต้านทาน สุดท้ายเลยเข้ามายืนงงในห้องน้ำ สองแขนเต็มไปด้วยอุปกรณ์คอสเพลย์

เด็กหนุ่มหายเข้าไปเกือบครึ่งชั่วโมงจนคุณหมอต้องไปเคาะประตูถามว่ามีอะไรให้ช่วยไหมถึงยอมเปิดประตูออกมา ไม่รู้ทิวากานต์ไปวัดขนาดตัวเขาตอนไหนยังไง แต่ชุดนางพยาบาลนี่โคตรจะเป๊ะกับหุ่น(นมไม่มีคือไม่มีจริงๆ) เด็กหนุ่มยืนหนีบขา มือหนึ่งคอยดึงกระโปรงทรงสอบแสนสั้นไว้ตลอดเวลา อีกมือปัดวิกผมปลอมที่เคลียแก้มไปด้านหลัง แล้วถ้าถามว่าใครบ้ากว่ากัน อลันด์ขอเลือกตัวเองเป็นคำตอบสุดท้ายที่บ้าจี้ทำตามทิวากานต์นี่แหละ!!!

“น่าร้ากกก” หมอโรคจิตแทบจะกรีดร้องตอนเห็นหนุ่มลูกครึ่งในชุดนางฟ้าแห่งโรงพยาบาลขนาดพอดีตัว แม้อลันด์จะไม่ได้หน้าหวานหยดย้อยเหมือนผู้หญิง แต่ก็พูดได้เต็มปากเต็มคำว่าน่ารักมาก

ทิวากานต์กระตุกยิ้มมุมปาก มือข้างหนึ่งแกะเนคไทออกมาก่อนตวัดอ้อมหลังคอเด็กหนุ่มรั้งให้อีกคนเข้ามาใกล้ๆ ภาพที่เคยวาดฝันไว้เป็นจริงก็คราวนี้ แม้จะผิดแผนไปหน่อยตรงที่ไม่ใช่คืนแรกระหว่างเขากับอลันด์ หากก็ไม่สำคัญตราบเท่าที่คนใส่ยังทำหน้าประดักประเดิดเขินอาย ท่าทางแบบนี้แหละที่น่ารังแกให้ร้องไห้เป็นที่สุด!

“วา... ไม่เอาแล้ว”

“ไม่เอาอะไร หืออัลอ่า...ทำไมน่ารักอย่างนี้นะ” เขาก้มหน้าแตะปลายจมูกเข้ากับของอีกฝ่ายถูไปมา เจ้าเด็กตัวแสบยืนเม้มปากนิ่ง แก้มใสขึ้นสีแดงจนกลัวจะมีไอร้อนพุ่งออกมา “แบบนี้ต้องจัดหนักเอาให้ร้องแง้ๆ เลยดีไหม”

“โรคจิตเหรอ”

“เคยไปตรวจแล้วหมอบอกว่าปกตินะ เขาบอกว่ามันเป็นรสนิยมส่วนตัว ถ้าไม่ทำให้เกิดปัญหากับการใช้ชีวิตประจำวันก็โอเค”

“เอ่อะ...” ฟังแล้วก็พูดไม่ออก ไม่รู้จะทำหน้ายังไงดีด้วย รู้แต่ไม่เคยอายเท่านี้มาก่อนในชีวิต อลันด์หลับหูหลับตาก้าวเท้าตามแต่ผ้าไหมสีน้ำเงินเส้นเล็กบนหลังคอจะนำไป ทุกครั้งที่ขยับต้นขาจะเสียดสีเข้ากับท่อนขาอีกคนใต้กางเกงแสล็ค ใบหน้าขาวร้อนผ่าวเมื่อส่วนกลางตัวคุณหมอที่กำลังบดเบียดบนหน้าท้องเขาแข็งขึ้นทุกที

ร่างสูงใหญ่ปัดหนังสือบนโต๊ะทำงานใต้บันไดออกไปข้างๆ อย่างไม่ใส่ใจนักก่อนขึ้นไปนั่งเอนหลังพิงผนังกระจกหลังผ้าม่านผืนหนา ฝ่ามือร้อนปล่อยปลายเนคไททิ้งแล้วเลื่อนลูบผ่านหน้าอกแบนราบลงไปถึงเอวเล็กขนาดยี่สิบสี่นิ้ว เล็กเหมือนผู้หญิงที่ใช้เพียงสองมือก็รวบได้หมด จับอุ้มให้เด็กหนุ่มตัวกระเปี๊ยกขึ้นนั่งคร่อมบนหน้าขากว้าง

คนถูกอุ้มตกใจเกือบร้องวี้ดออกมา หากมือทั้งสองไวเท่าความคิดรีบจับชายกระโปรงดึงรั้งไว้ก่อนมันจะถลกขึ้นเปิดให้เห็นอะไรต่อมิอะไรใต้นั้น แต่กลายเป็นว่าถูกทิวากานต์รวบเอวดึงเข้าไปชิดกว่าเดิมจนผิวเนื้อที่โผล่พ้นชั้นในกับถุงน่องสัมผัสเข้ากับผ้ากางเกงอีกคนให้รู้สึกแปลกๆ

ทิวากานต์ก้มหน้าแนบหน้าผากเข้ากับอีกคนก่อนแตะปากกับนางพยาบาลจำเป็นบนตัก ปลายนิ้วนุ่มนิ่มเหมือนผู้หญิงไต่เข้าใต้ชายกระโปรงลูบผิวเนื้อเนียนเบาๆ จับขอบชั้นในดึงลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปเรียกเลือดลมคนถูกถอดมากองบนใบหน้า ชักเข้าใจเหตุผลที่ทิวากานต์รอให้เขารักษาโรคหัวใจเสร็จก่อนก็ตอนนี้ ถ้าเป็นสักเมื่อสองเดือนก่อนมีหวังเขาหัวใจวายตายคาอกคุณหมอแน่!

ร่างเล็กถูกอุ้มก้นลอยพ้นหน้าขากว้างพร้อมกับชั้นในถูกดึงออกปลดปล่อยอวัยวะอ่อนนุ่มที่ถูกห่อหุ้มไว้ห้อยลงมา ทิวากานต์กระซิบบอกอีกฝ่ายให้ขยับร่างกายตามคำสั่งจนรูดชั้นในสีเข้มหลุดจากท่อนขาขาว แล้วเหวี่ยงมันทิ้งแถวพื้นหน้าโต๊ะทำงานไม่ใส่ใจอีก

“หน้าแดงขนาดนี้...ไม่สบายหรือเปล่าน้า”

น้ำเสียงเจ้าเล่ห์ ไม่ต้องมีความสามารถพิเศษอ่านใจก็เดาได้ว่าคุณหมอกำลังคิดอะไรแผลงๆ อยู่ เด็กฝรั่งเม้มปากเป็นเส้นตรง ให้ตายก็จะไม่ตอบโต้อะไรให้เข้าตัว ปล่อยร่างกายให้คนแก่กว่าจัดการตามแต่จะพอใจ

เสียงครางผะแผ่วดังเป็นระลอกเมื่อมือนุ่มสัมผัสต้นขาด้านใน จับอวัยวะไวสัมผัสคลึงเคล้าตั้งแต่ด้านล่างขึ้นถึงส่วนปลาย ทำซ้ำแล้วซ้ำอีกอยู่เพียงไม่นานส่วนนั้นของคนเด็กกว่าจึงแข็งสู้มือ

ไหนบอกไม่ชอบเล้าโลม แล้วที่ทำอยู่นี่คืออะไร เด็กหนุ่มกรีดร้องในใจในขณะที่ปากจริงได้แต่อ้าออกน้อยๆ ครางเสียงแหบแทบไม่เป็นจังหวะ ทิวากานต์ใช้เวลาลูบไล้ส่วนนั้นอยู่นานจนคนถูกปรนเปรอแทบก้าวเท้าสู่สวรรค์อีกเพียงไม่กี่ก้าว ถ้าเป็นเวลาปกติคงไม่ใช้เวลารวดเร็วขนาดนี้ต้องบอกว่าชุดคอสเพลย์พวกนี้มีส่วนกระตุ้นเพิ่มความหรรษาในเพศรสจริงๆ

“อืม...อัล ชอบหรือเปล่า” ทิวากานต์ถามเสียงแตกพร่า ตาคมสีน้ำตาลเข้มจับจ้องใบหน้าน่ารักแดงจัดทั้งที่มือยังขยับทำงานด้านล่างไม่หยุด

“อะ อื้อ ชอบ ชอบมาก”

“เด็กดี” เขาป้อนจูบหวานๆ แทนของรางวัล ดึงลิ้นเกี่ยวพันกันในโพรงปากเล็กเหมือนจะสู้กัน

อลันด์หลุดครางเสียงหลงเมื่อรู้สึกเหมือนมีอะไรเฉอะแฉะสอดเข้ามาในร่างกาย สะโพกเล็กกระถดหนีได้แค่นิดเดียวสิ่งนั้นก็ขยับออกก่อนสอดเข้ามาอีกครั้ง ทำแบบนี้ช้าๆ อยู่สามสี่ทีก็สวนเข้ามาพรวดเดียวจนเอวกระเด้ง ตอนแรกนึกว่าเป็นของเล่นที่คุณหมอเตรียมไว้แต่พอมันขยับไต่ในร่างกายก็รู้ทันทีว่าเป็นนิ้วของอีกฝ่าย

ร่างเล็กสะดุ้งเป็นระยะเมื่อนิ้วซุกซนจี้ถูกจุด บางครั้งย้ำถี่เล่นเอาตัวลอย วี้ดเสียงหลงปล่อยน้ำลายไหลย้อยเปื้อนคางอย่างควบคุมไม่ได้ อวัยวะส่วนหน้าแข็งตึงพร้อมปล่อยความทรมานเพียงแค่คนขี้แกล้งจะปราณีลูบมันต่ออีกสักหน่อย หากทิวากานต์หยุดไว้ตรงนั้น ถอดมือทั้งสองข้างออกมากอดเอวบางไว้หลวมๆ อยากบอกอีกฝ่ายให้รักเขามากกว่านี้ ทว่าอับอายเกินจะร้องขอตาสีซีดจึงลืมขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลาร้ายกาจหากยั่วเย้าเหลือเกินในความรู้สึกด้วยอารามขัดใจและเว้าวอนในที

“ไม่ไหวแล้วมั้งอัล หน้าแดงแจ๋เลย ตัวก็ร้อนๆ ทำไงดีนะ”

หัวทุยส่ายช้าๆ น้ำใสคลอตา ไม่ชอบความรู้สึกถูกทิ้งค้างเช่นนี้ อยากให้อีกฝ่ายเติมเต็มเขาด้วยความรักรุนแรงเหมือนค่ำคืนแรกที่สร้างร่วมกัน

“วะ ไหว... วา please... I really need you so bad. Don’t tease me”

“พูดสิ คุณหมอคะ หนูเป็นอะไรไม่รู้ คุณหมอช่วยฉีดยาหนูทีนะคะ”

ได้ยินน้ำเสียงชั่วร้ายพูดแล้วน้ำตาแทบไหลด้วยความอับอาย ถูกจับแต่งตัวเป็นผู้หญิงว่าแย่แล้วยังต้องเอ่ยคำร้องขอเหมือนนางเอกหนังเอวีแบบนั้นมันอับอายยิ่งกว่า

เขาส่ายหน้าปฏิเสธแม้รู้สึกวูบวาบไปทั่วท้องน้อย ปากอิ่มเม้มเข้าหากันอีกครั้งเมื่อสองมือของคุณหมอลูบช่วงเอวไปมา น้ำเสียงแหบพร่าพ่นคำพูดหยาบโลนคล้ายยั่วให้เขาสติแตก “หมอช่วยไม่ได้หรอกนะถ้าคุณพยาบาลปฏิเสธการรักษาแบบนี้... หมอรู้ว่าเธอกำลังทรมานและหมอช่วยเธอได้นะ ร้องขอสิ...บอกหมอให้ช่วย ไม่อยากหายเหรออัล แค่บอกว่าเธอต้องการฉัน อยากให้ฉันช่วย... ฉีดยาฉันสิคะ...ฉีดยาฉันแรงๆ

“No”

“Tell me what you want”

“No way”

อลันด์ได้ยินเสียงหัวเราะต่ำท่ามกลางเสียงหอบหายใจแรงของตัวเอง เขาผ่อนตัวลงนั่งบนตักทิวากานต์ ขยับส่วนล่างโล่งโจ้งใต้กระโปรงทรงสอบถูไถกับร่างกายอีกฝ่ายผ่านกางเกงแสลคเนื้อหนาหวังบรรเทาอาการปวดหน่วง

“แค่นี้พอเหรอ... หืม... I know isn’t enough”

“It’s OK”

“You’re not OK, trust and follow me”

“N... no! Wa stop trying tease me, please!”

“what’s you say, I’m not doing anything” ชายหนุ่มยกสองมือเสมอบ่า กดยิ้มมุมปากทำหน้าเจ้าเล่ห์ขณะที่บอกว่าไม่ได้ทำอะไรอีกคน หลักฐานก็เห็นๆ กันอยู่ “ฉันหยุดแล้วนะ แต่อัลเถอะเมื่อไหร่จะหยุดถูไอ้นั่นกับหน้าขาฉันสักที”

“F*ck!” ถูกด่าหยาบคายหากคุณหมอยังยิ้มหน้าระรื่น ในขณะที่อีกคนอารมณ์ยิ่งขึ้นแดงไปทั้งตัวหายใจแรง

ตาสองสีจ้องกันเงียบราวกับรอเวลาที่ใครจะหมดความอดทนก่อนกัน และเป็นคุณหมอตัวโตทำท่าขยับจะลุกเด็กฝรั่งถึงกับผวารีบกอดคออีกคนไว้แน่น หน้าขาวซุกกับซอกคออีกฝ่ายคล้ายจะไม่ยอมปล่อยไป

“เฮ้อ... อัล จะเอาไงแน่ หือ? เมื่อกี้พูดว่าไงนะ อะไรฟักๆ นะ ถ้าไม่อยากให้ทำก็ปล่อยสิจะไปอาบน้ำนอนแล้ว พรุ่งนี้ทำงานเช้านะ”

“...”

“อัล...”

“ฉะ...ฉีดยา”

“หืม ว่าอะไรนะ หมอไม่ได้ยินเลยครับ”

“ฉะ ฉีดยา...ก็ได้” พูดจบทิวากานต์ก็ได้ยินเสียงสูดลมหายใจดังฟืด “คุณหมอฉีดยาให้อัลทีนะ อัลไม่ไหวแล้ว”

เป็นโชคดีของศัลยแพทย์เจ้าเล่ห์ที่อลันด์กอดคอตัวเองไว้จนไม่เห็นรอยยิ้มสมใจน่าตบ ทิวากานต์แกล้งถามกลับว่าแน่ใจเหรอ เอาจริงอ่ะ อยู่สามสี่รอบจนเด็กฝรั่งตะโกนใส่หน้าเสียงดัง

“ก็บอกให้ฉีดยาให้ไงเล่า ทำมาเล่นตัวเดี๋ยวก็หนีไปให้หมอคนอื่นช่วยแทนซะเลยนี่!”

เท่านั้นคุณหมอก็จัดการจับนางพยาบาลจำเป็นฉีดยาเข็มแล้วเข็มเล่าคลอเสียงครางด้วยความเจ็บปวดผสมกับความพอใจค่อนคืน จากบนโต๊ะทำงาน ขึ้นไปบนบันได ต่อกันที่เตียงนอน โดยที่พร็อบประกอบบนร่างกายอลันด์ทุกชิ้นยังอยู่ครบถ้วน มีแต่ทิวากานต์ที่ปลดกระดุมเสื้อและถอดกางเกงออกให้เด็กหนุ่มฝากรอยเล็บทิ้งไว้บนหน้าอกจนถึงหน้าขา เรียกได้ว่าเอาคืนจากครั้งที่แล้วได้ครบถ้วน แต่ความอับอายครั้งนี้จะเก็บทบไปไว้ครั้งหน้า มั่นใจได้ว่าทิวากานต์ต้องอับอายไม่แพ้เขาในครั้งนี้แน่

.
.
.
หัวข้อ: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 24 [17.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 17-01-2016 14:32:42

เสียงโทรศัพท์บ้านกรีดร้องขึ้นท่ามกลางความเงียบและอากาศเย็นเฉียบจากแอร์คอนดิชั่น กองผ้านวมบนเตียง ขยับหยุกหยิกก่อนที่กลุ่มผมสีช็อกโกแลตนมจะโผล่ออกมาพร้อมท่อนแขนขาวเพรียว มือหยาบปัดป่ายไปทั่วจนจับวัตถุส่งเสียงรบกวนการนอนขึ้นมาได้แล้วดึงมันตามเข้าไปในผ้านวม อลันด์รับสายด้วยเสียงแหบแห้งจนตัวเองยังรู้สึก ไม่รู้เป็นเพราะเพิ่งตื่นหรือเพราะเมื่อคืนร้องมากไป

“Hello?”

‘สวัสดีค่ะ ดิฉันเป็นรีเชปชั่นของคอนโดนะคะ ขออนุญาตเรียนลูกบ้านห้อง 2111 ให้ทราบว่ามีแขกชาวต่างชาติสองท่านมาติดต่อขอพบค่ะ’

“อะแฮ่มๆ อ่า...ครับ ใครหรือครับ” เจ้าตัวกระแอมเล็กน้อย แต่เสียงก็ยังแหบอยู่ดีเลยปล่อยช่างแม่ง

‘สักครู่นะคะ’ อลันด์พาตัวเองตะกายขึ้นมาจากกองผ้าห่ม มือข้างหนึ่งขยี้ตาเบาๆ พลางอ้าปากหาวหวอดระหว่างรอคำตอบก่อนจะตาโตเท่าไข่ห่านเมื่อนามสกุลเพื่อนสองคนลอยเข้าหู ‘มิสเตอร์กริฟฟิธส์และมิสเตอร์สเปนเซอร์ค่ะ’

“Holy shit!!! Oops! So sorry” ไอ้ที่สะลึมสะลือเมื่อครู่กลายเป็นตื่นเต็มตา กระเด้งขึ้นมานั่งลืมดูสภาพบั้นเอวตัวเอง หลุดร้องโอ๊ยลอดหูโทรศัพท์ดังลั่น “บอกเขาทีว่ารอสิบนาทีเดี๋ยวผมลงไปรับ”

‘ได้ค่ะ’

อลันด์แทบเขวี้ยงหูโทรศัพท์คืนแป้น ร่างผอมกลิ้งลงจากเตียงสภาพล้มลุกคลุกคลาน พอลุกได้ก็รีบวิ่งเขย่งขาเข้าห้องน้ำไปจัดการตัวเองแบบเร่งด่วนทั้งที่ยังเจ็บสะโพกและก้นจากการเล่นเพลย์เป็นคุณหมอจอมหื่นกับพยาบาลสาว(?)ยั่วสวาทค่อนคืน บวกกับตอนตีสี่ทิวากานต์เกิดคึกขึ้นมาตั้งแต่ตื่นนอนจับเด็กฝรั่งหม่ำเป็นอาหารเช้าทั้งที่ตาสีฟ้ายังลืมไม่ขึ้นด้วยซ้ำ พอกินเสร็จหมอศัลย์โรคจิตต้องรีบออกไปทำงาน ปล่อยซากอาหารหมดแรงสลบคาเตียงไว้สภาพไหนสภาพนั้น ทิ้งอลันด์นอนล่อนจ้อนท่อนล่างเสื้อไม่ติดกระดุมตั้งแต่ตีสี่! ไม่เป็นหวัดไปก่อนก็บุญแค่ไหนแล้ว!!!

ยังดีว่าเมื่อเช้าคุณหมอใส่ถุงไม่ต้องเสียเวลามาล้วงมาล้างข้างล่างอีกรอบ เขาอาบน้ำสระผมถูสบู่จนมั่นใจว่าสะอาดเอี่ยม ก่อนวิ่งออกมาเช็ดตัวลวกๆ เลือกเสื้อแขนยาวมีฮู้ดรูดซิปปิดถึงคอกับกางเกงขาสั้นตัวหนึ่งใส่ได้ก็วิ่งหัวเปียกลงไปรับเพื่อนซี้ที่ล็อบบี้ด้านล่าง ทิ้งอุปกรณ์ประกอบกิจกรรมเล่นเพลย์เรี่ยราดไว้ทั่วห้องนอน กะไว้ว่าค่อยหาเวลาแอบมาเก็บไม่ก็พาเพื่อนไปที่อื่นจนกว่าทิวากานต์จะเลิกงานกลับมาจัดการเอง

โธมัสและเจมส์ยังคงดูดีระดับวัวตายควายล้มแม้จะใส่เสื้อกล้ามกับกางเกงสามส่วนและรองเท้าแตะธรรมดามากถึงมากที่สุด แต่อลันด์แอบเทคะแนนให้เพื่อนซี้มากกว่าเพราะนับตั้งแต่รับจ๊อบเป็นนายแบบเจ้าตัวดูจะมีออร่าเซเลปฟุ้งกระจาย ผมสีทองที่เคยไว้ยาวถึงบ่าปล่อยตามมีตามเกิดก็ถูกตัดแต่งเป็นทรงวินเทจอันเดอร์คัตเหมือนทิวากานต์อย่างกับถอดแบบกันมา(และดูเหมือนจะสีเข้มขึ้นคงไปทำสีมาแน่ๆ) ถึงอย่างนั้นเจ้าหมาขนทองรูปหล่อตัวโตดูหงุดหงิดและปล่อยรังสีน่ากลัวออกมาระหว่างใช้ตาสีฟ้าเข้มตวัดมองเด็กตัวเปี๊ยกเขม็ง เล่นเอาเจ้าบ้านชะงักเท้าไม่กล้าเข้าไปหา

“สวัสดีอัล”

คนถูกเรียกหันไปมองตาสีเขียวๆ ของเจมส์ก่อนยกมือโบก อลันด์เดินห่อไหล่เข้าไปหาทั้งคู่เหมือนคนทำผิด เขากระแอมเรียกเสียงในคอสองสามทีแล้วทักกลับแหบแห้ง “หวัดดี”

“ รีบมากใช่ไหม หัวนายยังเปียกอยู่เลย”

“กลัวพวกนายรอนานน่ะ แบบว่าเพิ่งตื่น แล้ว...พวกนายมาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมไม่บอกก่อน ฉันเลยไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย”

“สอบเสร็จเมื่อเย็นก็ตีตั๋วมาเลย กะว่าจะเซอร์ไพรส์ไม่คิดว่าจะได้เจอเอง” อดีตกัปตันรักบี้กอดอกว่าเสียงเรียบ เขากดสายตาลงต่ำดูเพื่อนซี้ตั้งแต่หัวจรดเท้า “แอร์ที่ห้องเสียอีกหรือไงถึงต้องไปนอนห้องด็อกเตอร์วา”

“เฮ้...เดี๋ยวสิ พวกนายรู้ได้ไงว่าฉันไปนอนห้องเขา” เด็กหนุ่มถามเสียงตื่นพยายามทำตัวไม่ให้มีพิรุธแต่กลับกรอกตามองเจมส์ทีโธมัสที

เหมือนจะถามโง่ไปหน่อยหนุ่มผมทองจึงมีท่าทีจะกินหัวเสียให้ได้

“พวกฉันมาถึงนี่ตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า โทรเข้ามือถือนายไม่ติด ให้รีเชปชั่นโทรขึ้นไปบนห้องนายก็ไม่มีคนรับ นึกว่านายหายตัวไปด้วยซ้ำ แต่เจมส์บอกให้ไปเก็บของที่โรงแรมก่อนเผื่อบางทีนายอาจจะยังไม่ตื่น ฉันโทรไปหาด็อกจะถามเรื่องนายเขาก็บอกนายว่ายังนอนอยู่ที่ห้องนั่นแหละ พอสิบเอ็ดโมงฉันกลับมาก็ยังเหมือนเดิมเลยลองให้เขาโทรเข้าห้องด็อกดูถึงได้รู้ไงล่ะว่านายไปสิงอยู่ห้องเขาตั้งแต่เมื่อคืน!”

โดนจับได้ขนาดนี้อลันด์ได้แต่ยืนสะอึกทำเป็นโมโหกลบเกลื่อน “ก็มือถือมันแบตหมด อีกอย่างฉันจะไปนอนห้องใครแล้วมันยังไงกันเล่า”

“ไม่อะไร แค่ได้รู้ว่านายกับด็อกสนิทกันดีนี่ ไปนอนด้วยกันกี่ครั้งแล้วล่ะ”

“ทอม!”

“เอาน่าๆ สนิทกันก็ดีแล้วไม่ใช่หรือไง อัลต้องอยู่ที่นี่อีกนาน จะมีเพื่อนสนิทเพิ่มบ้างจะเป็นไรไป” เป็นเจมส์ที่เอ่ยขัดขึ้นมาก่อนสองเพื่อนรักต่างไซส์จะตีกัน แน่นอนว่าโธมัสมีท่าทีฮึดฮัดแต่ยอมหุบปากมองหนุ่มโปโลทีมชาติยิ้มหวานดึงมือคนตัวเล็กสุดมาจับ “ฉันหิวแล้วไปหาอะไรกินกันดีกว่า อัลมีร้านอะไรแนะนำไหม ชักเบื่ออาหารไทยแบบในโรงแรม อยากลองใช้ชีวิตแบบคนพื้นที่บ้าง พาฉันไปหน่อยนะ”

“อ่า ได้ งั้นรอแป๊บนะ เดี๋ยวฉันขับรถพาเที่ยวเอง” อลันด์กระชากมือกลับหาตัวเนียนๆ เอามาเกาแก้มแก้เขินไม่ให้ดูเสียมารยาท เกือบลืมไปแล้วว่าเจมส์แอบชอบตัวเองอยู่ เห็นดีด้วยหน่อยทำเนียนหลอกจับเนื้อจับตัวอยู่เรื่อย

คนตัวเล็กสุดสั่งทั้งคู่ให้รออยู่ที่เดิมก่อนวิ่งขึ้นลิฟต์ไปเอากระเป๋าเงิน โทรศัพท์กับกุญแจรถ แล้วยังเปลี่ยนกางเกงเป็นขายาวทั้งที่เพิ่งใส่ตัวเดิมได้ไม่ถึงสิบนาทีดี

ลงมาอีกทีก็พาเพื่อนจากอังกฤษทั้งสองคนขึ้นรถขับพาไปหาร้านอาหารอร่อยๆ ที่ห้างเก่าไม่ไกลมหาวิทยาลัยเป็นมื้อเที่ยง เด็กลูกครึ่งแนะนำให้สองหนุ่มลองชิมก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่กินคู่กับซอสพริกรสหวานอมเปรี้ยวเป็นอันถูกอกถูกใจชาวต่างชาติแท้ๆ ทั้งคู่จนร้องขอจานสองกันเสียงดังลั่น แต่กระนั้นยังไม่พอเติมเต็มกระเพาะนักกีฬาตัวใหญ่ได้ เมนูผัดกะเพราไข่ดาวแบบเผ็ดน้อยจึงถูกเสิร์ฟเป็นจานถัดมา

โธมัสหน้าแดงแจ๋ตอนตักกะเพราคลุกข้าวมีไข่แดงเยิ้มๆ เข้าปากเคี้ยวตุ้ย อลันด์อมยิ้มมองหากระดาษทิชชูมาช่วยซับเหงื่อบนหน้าแล้วค่อยเอานิ้วเขี่ยเศษข้าวที่ติดเคราสีอ่อนให้

“เผ็ดแต่อร่อยมาก” หนุ่มฝรั่งที่ปัจจุบันมัดผมเป็นจุกไว้กลางศีรษะคอมเมนต์ เขาทำท่าจะสั่งเพิ่มอีกจานแต่โดนเบรกไว้เก็บท้องไปกินขนมหวานบ้าง

ตาสีซีดหันมามองดูเจมส์ หนุ่มนักกีฬาคนนี้มีสภาพไม่ต่างจากคนแรกเท่าไหร่ ปากบางสวยบวมเป่งและขึ้นสีจัด ดูท่าเผ็ดเอาเรื่องแต่เจ้าตัวไม่บ่นว่าอะไรสักคำเห็นยังกินเอร็ดอร่อย จะมีก็แต่ตาสีเขียวมรกตที่มองสบกลับมาสลับกับกระดาษทิชชูในมือคล้ายจะอ้อนให้อลันด์ทำเหมือนกับโธมัสบ้าง แล้วเรื่องอะไรที่อลันด์จะหาเรื่องใส่ตัวเพิ่มให้ปวดหัว มือเล็กแค่จับยัดทิชชูใส่มืออีกฝ่ายให้ไปเช็ดดูแลตัวเองตามมีตามเกิด

เสร็จจากตรงนี้คนตัวเล็กสุดก็พาทั้งคู่ไปเดินดูขนมหวานที่ชั้นล่าง โธมัสดูอารมณ์ดีขึ้นมากเมื่อเห็นอลันด์เอาอกเอาใจเขาด้วยการแนะนำให้ลองชิมขนมไทยหลายๆ อย่าง ทั้งลูกชุบ อาลัว ขนมตระกูลทอง ขนมชั้น กลีบลำดวน อื่นๆ อีกมากมาย เรียกได้ว่าลองหมดทุกร้านที่เดินผ่าน สองมือหิ้วถุงขนมจนล้น

สักบ่ายสองอลันด์จึงชวนเพื่อนไปเดินเล่นที่ห้างใจกลางเมืองเป็นการย่อย ตอนแรกว่าจะให้กินมื้อเย็นกันที่นี่เลยแต่คิดไปคิดมาให้พวกนี้ได้ลองอาหารไทยแบบครอบครัวฝีมือทิวากานต์น่าจะดีกว่าจึงหยิบโทรศัพท์ที่ชาร์จไฟเรียบร้อยแล้วส่งข้อความไปบอกอีกฝ่าย

ระหว่างรอข้อความตอบกลับ อลันด์พาสองหน่อเดินเรื่อยเปื่อยก่อนไปจบที่ร้านน้ำแข็งไสสไตล์เกาหลีหวานเย็นสดชื่นถึงใจดับร้อนได้ดีนัก ทำเอาสองหนุ่มที่ใส่เสื้อกล้ามแทบร้องไห้ด้วยความดีใจ อากาศเมืองไทยไม่ปราณีฝรั่งตัวโตๆ มีพื้นที่ผิวหนังมากกว่าชาวบ้านสองคนเลย

“แน่ใจนะว่านี่ฤดูหนาวแล้ว โกหกกันชัดๆ” หนุ่มผมทองวิจารณ์ตรงไปตรงมา มือตักมะม่วงสุกผสมกับน้ำแข็งไสรสนมเข้าปากเคี้ยวแล้วทำหน้าเคลิ้ม “นอกจากโนมเยนแล้วก็มีไอ้นี่แหละที่ฉันรักมากที่สุด”

เด็กลูกครึ่งเงยหน้ามองคนพูดก่อนแค่นยิ้ม อดเห็นด้วยกับอีกคนไม่ได้แม้ว่าตอนนี้จะรู้สึกหนาวจนต้องห่อตัวกับเสื้อแขนยาว ไม่รู้แอร์ในร้านเย็นไปหรือเขากำลังไม่สบายกันแน่

“อัลหนาวเหรอ” คนถูกถามส่ายหัวพึมพำตอบกลับเสียงเบาว่านิดหน่อย แต่คนถามนิ่วหน้าไปแล้ว “หน้าซีดด้วยนะ ไม่สบายหรือเปล่า เสียงก็ไม่ค่อยมี แล้วฉันก็สังเกตมาสักพักแล้วว่านายเดินแปลกๆ เป็นอะไรหรือเปล่า”

“นั่นสิ นายตื่นซะเกือบเที่ยง ฉันจำได้นะว่านายไม่ใช่คนขี้เกียจนอนติดเตียง หรือว่าอาการโรคหัวใจนั่นไม่ค่อยดี ไปหาหมอไหม”

“ไม่ๆ ทุกอย่างโอเค แค่เพลีย แบบว่า...เมื่อคืนไม่ค่อยได้นอน มัวแต่ทำนู่นทำนี่รู้ตัวอีกทีก็จะเช้าแล้ว แถมตอนตื่นยังรีบลงไปหาพวกนายเลยเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย...กลิ้งตกเตียงน่ะ” คนตัวเล็กสุดทำเป็นพูดไปหัวเราะไปขณะมองโธมัสกลับไปจ้วงกินน้ำแข็งถ้วยใหญ่คนเดียวแทบไม่แบ่งใคร หันไปข้างๆ เจอเจมส์ยิ้มหวานมองมาด้วยสายเป็นห่วงก็ต้องรีบดึงสายตาหนีก่อนจะออกอาการเขินให้อีกคนจับได้ แต่ก่อนกัดกันแทบตายตอนนี้แค่มองหน้ายังรู้สึกเขิน ไม่ได้เขินแบบที่เป็นกับทิวากานต์แต่ออกแนววางตัวไม่ถูกมากกว่า

“แล้วตอนนี้อาการเป็นไงบ้าง ยังต้องไปหาหมออยู่หรือเปล่า” หนุ่มอังกฤษถามพลางลูบหลังมือขาวที่วางอยู่บนโต๊ะ อลันด์แอบเห็นโธมัสเหลือบมามองนิดหน่อยก่อนกลับไปสนใจน้ำแข็งไสต่อ

“ปกติดีแล้วล่ะ แต่หมอนัดเรื่อยๆ ก่อนปีใหม่ก็มีนัดอีก คงพักใหญ่เลยกว่าจะเดินทางไกลได้”

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันมาหาเอง นี่นัดกับทอมไว้ว่าสอบเสร็จให้มาเจอกันที่ลอนดอนก่อนค่อยบินมาหานาย แต่หมอนั่นเป็นห่วงนายมากกว่าฉันเสียอีก ตอนแรกจะบินตรงจากมิวนิคมาก่อนด้วยซ้ำ”

หมอนั่นเงยหน้าขึ้นจากถ้วยน้ำแข็งไสใช้ตาสีฟ้าสวยมองเพื่อนสองคนคนละที “อยากรีบมาหาไง ตอนนั้นผิดสัญญาไปทีที่ไม่ได้อยู่ด้วยตอนผ่าตัด แต่ตอนนี้เห็นมีความสุขดีก็...โอเค๊”

“อ่า ขอบคุณ...ทั้งสองคนนั่นแหละ” เด็กหนุ่มลูกครึ่งอ้อมแอ้มบอก

อลันด์งับช้อนเงินเงาวับขณะลอบมองเพื่อนซี้กินน้ำแข็งไสเหมือนสูบ จู่ๆ ก็มีความคิดว่าถ้าบรรยากาศดูเป็นใจแบบนี้จะลองบอกความสัมพันธ์ระหว่างเขากับทิวากานต์ให้รู้ดีไหมนะ โธมัสคงโกรธเขานิดหน่อย แต่สู้บอกไปตอนนี้ดีกว่าเก็บไว้จนอีกฝ่ายมารู้อีกทีหลังน่าจะดีกว่า อีกอย่างอยู่ในที่สาธารณะอย่างนี้เพื่อนซี้เขาคงไม่กล้าอาละวาดหรอกมั้ง

“เอ่อ...ทอม ฉันมีเรื่องจะบอกล่ะ” พอตัดสินใจได้แล้วจึงทำเป็นหยั่งเชิงเรียกเพื่อนซี้ดู อีกฝ่ายก็เงยหน้าจากน้ำแข็งไสสุดรักขึ้นมาจ้องตา

“อะไรล่ะ”

“เอ่อ...” พอจะพูดดันพูดไม่ออกซะงั้น เด็กหนุ่มเอ่ออ่าอยู่นานจนเจ้าของคิ้วสีทองขมวดเข้าหากันบอกอารมณ์เจ้าตัวที่เริ่มขุ่นมัวจนอลันด์กลืนน้ำลายลงคอดังอึก

“ว่าไง มีอะไรก็พูดสิ อ้ำอึ้งไม่สมเป็นนายเลยนะ”

“คือว่าฉันกับวา... เอ่อจะช่วยกันทำอาหารเย็น ใช่ ฉันเป็นลูกมือเขาเสมอนั่นแหละ ชอบโดนใช้ให้ปลอกหอมน้ำตาไหลพรากทุกที เดี๋ยวนี้อัพเกรดได้หั่นแครอทแล้วนะ หั่นเป็นลูกเต๋าได้ด้วย อะเมซิ่งไหม”

“สำหรับคนที่ทำเป็นแค่ทอดไข่ดาวอย่างนายก็น่าแปลกใจอยู่ล่ะ” โธมัสให้ความเห็นเรียบๆ ก่อนพูดขึ้นมาอีกประโยค “จะเป็นอะไรไหมถ้าฉันจะสั่งไอ้นี่อีกสักถ้วย”

“เดี๋ยวก็ท้องเสียหรอก นายคงไม่อยากใช้วันหยุดปิดเทอมไปกับห้องน้ำใช่ไหมทอม” เจมส์ปราบเสียงเรียบ แม้ใจเขาอยากสั่งมาอีกถ้วยเหมือนกันก็ตาม

“นั่นดิ กินหรือสูบวะเนี่ย ไม่กลัวหุ่นสวยๆ จะเสียบ้างหรือไง เห็นว่าอาชีพนายแบบกำลังรุ่งไม่ใช่เหรอ” อลันด์แกล้งทำเป็นต่อยไปที่หน้าท้องขึ้นกล้ามแข็งเป็นลอนโชว์สัดส่วนชัดเจนผ่านเสื้อกล้ามสีขาวตัวบาง แค่สัมผัสเบาๆ ยังรู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งอย่างเพศชายทะลักออกมาเต็มเปี่ยม

“แค่นี้ไม่สะเทือนหรอกน่า อัลอิจฉาหุ่นสวยๆ ของฉันล่ะสิ บอกแล้วว่าให้หัดเข้ายิมบ้างไม่ใช่เข้าแต่สตูดิโอ”

“ไม่ใช่พวกบ้ากล้ามสักหน่อย อ๊ะ วาส่งข้อความมา แป๊บนึงนะ วาบอกให้พวกเราช่วยกันซื้อของสดไปที่ห้องด้วย เดี๋ยวตอนเย็นเขากลับมาจะได้ทำเลย”

“ดีสิ ว่าแต่นายเคยจ่ายตลาดไหมเจมส์”

“คิดว่าเคยไหมล่ะ”

คุณชายนักกีฬาสบตากันเงียบๆ แล้วพร้อมใจกันหันมองคนตัวเล็กสุดในกลุ่ม รู้จักกันมาหลายปีทำไมจะไม่รู้ว่าคุณหนูของแท้ตั้งแต่เกิดสกิลงานบ้านงานครัวต่ำเตี้ยสุดก็คนตาสีฟ้าซีดนี่แหละ

“ไหงมองกันอย่างนั้นล่ะ ฉันบอกแล้วไงว่าอัพเกรดแล้ว เรื่องจ่ายตลาดน่ะจิ๊บๆ วาเทรนมาดี นี่เข็นรถตามตลอด รู้หมดแหละว่าใช้อะไรบ้าง” ทั้งที่บอกไปด้วยความมั่นใจแต่ไหงถึงได้สายตาไม่ไว้วางใจแบบนั้นกลับมา “เฮ้ๆ เชื่อใจกันหน่อยดิ๊ นี่ลูกมือเชฟวาเลยนะ ไม่อยากจะอวด”

“อ่านะ...จะพยายามเชื่อก็ได้” โธมัสพูดเสียงขึ้นจมูกก่อนหันไปหัวเราะกับเจมส์ ปล่อยให้ลูกมือเชฟวานั่งฮึดฮัดขัดใจคาดโทษสองหน่ออยู่คนเดียว เดี๋ยวเถอะจะโดนพริกยัดปาก!



เมนูที่ทิวากานต์หมายมั่นจะให้แขกต่างชาติจากเกาะอังกฤษเป็นอาหารบ้านๆ อย่างที่ทำกินกับอลันด์ทุกเย็นแต่มั่นใจได้ว่าตามโรงแรมชื่อดังไม่มีแนะนำให้นักท่องเที่ยวได้ลองหรอกเพราะง่ายเกินไป ใครๆ ก็ทำกินกัน มีทั้งผัดผักน้ำมันหอยพื้นๆ ไข่ตุ๋นฟักทอง ปลาทูทอดราดขิง หมูสามชั้นผักพริกขิง ต้มจับฉ่ายกะหล่ำปลี และปลาเก๋าต้มยำ

รายการอาหารยาวน่ากลัวจะกินกันไม่หมดด้วยเยอะกว่าปริมาณปกติถึงสามเท่า หากเมื่อนึกถึงขนาดตัวและกระเพาะของโธมัสและเจมส์ที่พิสูจน์ให้เห็นมาแล้วหลายครั้ง อลันด์เชื่อว่าแค่นี้ไม่ทำให้นักกีฬาบ้าพลังอิ่มกันได้หรอก ตอนที่เข็นรถซื้อของกันจึงแอบหยิบไส้กรอกรมควันหนักหนึ่งกิโลติดมือมาด้วย

เกือบห้าโมงเย็นเด็กฝรั่งสามคนถึงฝ่าการจราจรอันติดขัดกลับมาถึงคอนโดมิเนียมย่านใจกลางธุรกิจของกรุงเทพได้สักที สองมือหิ้วของสดเดินพูดคุยกันมาตลอดทางตั้งแต่ลานจอดรถถึงชั้นที่ 21 ต้องขอบคุณพนักงานของห้างที่ช่วยให้คำแนะนำเลือกซื้อของ พวกเขาเลยได้ทุกอย่างสำหรับมื้อเย็นนี้ครบถ้วน รวมไปถึงข้าวสารหอมมะลิแท้ 100% ขนาดห้ากิโลกรัมบนบ่าโธมัส

“ให้ตายเถอะ ฉันรู้สึกเหมือนเป็นกรรมกรยังไงชอบกล ด็อกต้องหาเรื่องแกล้งกันแหงๆ ถึงให้ซื้อของเยอะแบบนี้” หนุ่มผมทองตาสีฟ้าเข้มบ่นเป็นหมีกินผึ้งตั้งแต่ลงจากรถ มองไปมองมาก็เหมือนกรรมกรแบกหามอย่างที่เจ้าตัวว่าจริงๆ เพียงแต่คงเป็นกรรมกรที่หล่อที่สุดในโลกก็เท่านั้น

“ใครใช้ให้พวกนายกินกันเยอะล่ะ ถ้ากินเหมือนที่คนปกติกินกันก็ไม่ต้องซื้อของเยอะขนาดนี้หรอก”

“เรามันวัยกำลังโตต้องใช้พลังงานเยอะนะอัล จะให้กินเท่าอาหารแมวหนึ่งซองอย่างนายได้ยังไงกัน”

“จะบอกว่าฉันหยุดโตแล้วงั้นสิ ใช่ไหมเจมส์?”

“ฉันยังไม่ได้พูดแบบนั้นสักคำ นายร้อนตัวไปเองนะ” เจมส์หัวเราะคิกใช้ตาสีมรกตมองคนเดินนำหน้าตัวเท่าอกด้วยความเอ็นดู อยากจะบอกว่าไม่ต้องโตแล้วตัวแค่นี้กำลังดี อุ้มง่ายน่ากอดสุดๆ

หนุ่มนักกีฬาหันมายิ้มสบตากันเงียบๆ อย่างรู้กันก่อนรีบสาวเท้าตามเจ้าถิ่นที่งอนเดินหนีไปแล้ว

“เราไม่ใช้ครัวห้องนายหรอกเหรอ” คนตัวโตสุดถามด้วยความสงสัยหลังเดินตามอลันด์มาหยุดที่ห้อง 2111 ฝั่งตรงข้าม

“เอ่อ... ครัวห้องวาดีกว่านะ ครัวที่ห้องฉันไม่ค่อยได้ใช้น่ะ อีกอย่างห้องวามีของครบกว่า” เจ้าตัวตอบอย่างนั้นก่อนจิ้มรหัสเข้าห้องเร็วๆ วิ่งตื๋อเอาถุงของสดไปวางบนโต๊ะกินข้าวแล้วตะโกนบอกให้เพื่อนเอาของไปไว้ในครัว ส่วนตัวเองก็วิ่งขึ้นไปบนห้องนอน จัดการล็อคประตูลงกลอนเรียบร้อยแล้วเริ่มจัดการเก็บกวาดอุปกรณ์ประกอบการเล่นรักเมื่อคืน

เพียงห้านาทีอลันด์ก็เดินหอบแฮ่กหน้าแดงลงมาจากชั้นบน ไม่รู้ว่าทิวากานต์เก็บกล่องใส่พวกบรรดาหูแมวต่างๆ ไปหรือยัง ก่อนพบคำตอบชวนเป็นลมล้มกลิ้งลงบันไดเมื่อเจอเพื่อนทั้งสองหยิบเอาที่คาดผมหูแมวมาสวมเล่นกันสนุกสนาน

จะบ้าตาย... “ทำอะไรกันน่ะ”

“อ้าวอัล ดูนี่ดิ น่ารักป่ะ” โธมัสที่สวมหูแมวสีส้มหันมาทำหน้าตาบ๊องแบ๊วใส่ คงน่ารักดีอยู่หรอกถ้าเปลี่ยนจากหนุ่มกล้ามล่ำหัวเกรียนเป็นสาวน้อยบอบบางสักคน

“ทุเรศลูกตามาก ถอดออกเหอะ”

“ร้ายกาจ” หนุ่มร่างยักษ์เบ้ปาก ไม่ยอมถอดหูแมวออกแถมยังหยิบสีดำจากในกล่องมาอันหนึ่งเดินตรงดิ่งมาหาอลันด์ “นายก็ใส่ด้วยสิ”

“ไม่เอาน่า แล้วนี่ไปเอามาจากไหน รื้อของวาเล่นเดี๋ยวก็โดนกินหัวหรอก”

“เห็นวางอยู่ใต้บันได ไม่ยักรู้ว่าด็อกมีรสนิยมแบบนี้แหะ ฮ่าๆๆ”

“ของมัมมี้วาล่ะมั้ง วาจะเอาหูแมวพวกนี้ไปทำอะไร ไม่ใช่พวกบ้าการ์ตูนสักหน่อย” อลันด์แก้ตัวแทนคนรักทั้งที่สิ่งที่โธมัสพูดมาล้วนเป็นความจริงทุกอย่าง

ร่างเล็กดิ้นปัดๆ ย่นคอหนีมือใหญ่ที่พยายามยัดเยียดหูแมวสีดำแม้จะถูกอีกฝ่ายจับล็อคคอแน่น แต่แล้วคนตัวบางแรงน้อยจะไปสู้อะไรกับอดีตกัปตันรักบี้ได้ เด็กหนุ่มหน้ายู่ตอนเห็นหูแมวบนหัวตัวเองผ่านเงาสะท้อนกระจกนึกดีใจที่ไม่ถูกรัดคอตายไปก่อน

“อา... ไอ - ซี” เจมส์ครางเบาๆ บนหัวสีน้ำตาลเข้มก็มีหูแมวสีเดียวกันประดับอยู่ กลายเป็นแก๊งแมวเหมียวสามตัวไปเสียได้

หลังเล่นกันจนพอใจแมวยุโรปสามตัวจึงไปช่วยกันเรียงของสดใส่ตู้เย็น ของแห้งวางบนชั้นตามที่เก็บ รอคุณหมอกลับมาจัดการมื้อเย็นให้

“ด็อกจะกลับมาถึงกี่โมงน่ะ”

“ถ้ารถไม่ติดก็สักหกโมงครึ่ง อย่าบอกนะว่าพวกนายหิวกันอีกแล้ว” อลันด์บ่นปอดแปด ตาสีฟ้าซีดมองเพื่อนตัวใหญ่เอือมๆ ทำไมเวลาเขากินเยอะไม่เห็นจะตัวยืดตัวใหญ่แบบนี้บ้าง มีแต่ออกข้างออกพุง ไม่ยุติธรรมที่สุด

“ถ้ามีขนมกินรองท้องไว้น่าจะดีกว่าไม่ใช่หรือไง ฉันบอกแล้วว่าเราอยู่ในช่วงกำลังโตน่ะ”

โธมัสให้เหตุผลได้น่าเอาเท้าไปยันสักที สุดท้ายก็พากันกระเตงลงไปหาซื้อขนมถุงกันที่ร้านสะดวกซื้อด้านล่างทั้งที่ยังมีหูแมวบนหัว เพราะโธมัสขู่ทุกคนห้ามถอดเด็ดขาดถ้าไม่อยากโดนอัดเข้ากับกำแพง รู้ทั้งรู้ว่าไอ้หมายักษ์พูดไปงั้นแต่ไม่มีใครกล้าเสี่ยงขัดใจ

สองหนุ่มผู้มาเยือนหอบเลย์รสชาติที่มีเฉพาะในไทยเต็มสองแขน ไม่นับรวมพวกขนมยี่ห้ออื่น ช็อกโกแลตแปรรูปแบบต่างๆ รวมไปถึงโคอาล่ามาร์ชกล่องใหญ่ ซื้อทีกะว่าตุนไว้กินถึงเดือนหน้าแต่เชื่อเหอะไม่พ้นพรุ่งนี้ก็หมดเกลี้ยง

หากแทนที่จะเดินกลับขึ้นห้องเลยเจมส์ออกไอเดียชวนทุกคนไปนั่งกินขนมตรงสระน้ำที่อลันด์กับทิวากานต์เคยลงไปเล่นมาแล้ว ดอกบัวชูช่ออวดดอกสวยทั้งที่ฟ้าใกล้มืดเต็มที ลมพัดโกรกเป็นระยะช่วยเด็กฝรั่งทั้งสามไม่ร้อนอบอ้าวจนเกินไป

“อากาศดีเนอะ” หนุ่มตาสีเขียวเปรยเบาๆ เอนร่างสูงใหญ่ลงนอนบนขอบปูน “ถ้ามีดนตรีสักหน่อยคงดีไม่น้อย”

“นั่นสินะ เดี๋ยวฉันขึ้นไปเอาแล้วกัน นายสองคนรอนี่ล่ะ” อลันด์พยักหน้าเห็นด้วยก่อนลุกขึ้น เขาหันไปมองเพื่อนซี้งงๆ เมื่อเห็นอีกฝ่ายลุกตาม

“เดี๋ยวไปช่วยยก”

“ฉันถือเองได้ นายอยู่นี่กับเจมส์เถอะ”

“จะไปด้วย” โธมัสตัดบทด้วยการเดินนำหน้าคนตัวเล็กกลับเข้าไปในตึก ทิ้งเจ้าถิ่นยืนถอดหายใจหน่ายๆ อลันด์สบตากับเจมส์คล้ายขอความเห็น พออีกคนบุ้ยคางบอกให้รีบตามอดีตกัปตันชมรมรักบี้ไป ร่างเล็กถึงยอมก้าวเท้าเดินตามแผ่นหลังกว้าง

สองเพื่อนรักต่างไซส์เดินเคียงกันออกมาจากลิฟต์เงียบๆ จนถึงโถงทางเดินระหว่างหน้าห้อง 2111 กับห้อง 2112 อลันด์ชะงักเท้ายืนนิ่งไปครู่นึกในใจว่าเก็บกีตาร์มาร์ติน รุ่น M36 ไว้ที่ห้องไหนแล้วค่อยยื่นนิ้วจิ้มรหัสปลดล็อคที่หน้าห้องตัวเอง “ไม่ต้องเข้ามาก็ได้นะ ฉันเข้าไปหยิบแป๊บเดียว” บอกแบบนั้นแล้วเดินเข้าห้องแต่เปิดประตูทิ้งไว้

ของที่ต้องการวางอยู่ในกล่องใต้บันได ร่างเล็กจึงย่อตัวนั่งคุกเข่าหยิบเพียงเครื่องดนตรีออกมา เมื่อได้ของที่ต้องการจึงปิดฝากล่องเรียบร้อย หากกำลังจะลุกขึ้นยืนเป็นอันต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงทุ้มต่ำคุ้นหูดังไม่ไกลจากด้านหลัง

“ห้องสะอาดเหมือนไม่ค่อยได้ใช้งานเลยนะ”

“แม่บ้านเพิ่งมาทำความสะอาดไปเมื่อวาน แล้วแม่บ้านของคุณยายก็ทำงานเนี้ยบที่หนึ่งเลยล่ะ” คนตัวเล็กกว่าตอบไปตามจริง

“อืม...” โธมัสขยับศีรษะรับก่อนเอนไปทางขวา เขาใช้ดวงตาจับจ้องเพื่อนรักตัวเล็กด้วยความรู้สึกที่เอาคนถูกมองร้อนๆ หนาวๆ ขึ้นมา “มีอะไรอยากบอกฉันหรือเปล่าอัล”

จู่ๆ โธมัสก็โพล่งขึ้นมาท่ามกลางความสับสนของคนถูกถาม ตาสีฟ้าอ่อนซีดมองใบหน้าหล่อเหลากระพริบปริบคล้ายไม่เข้าใจในคำถาม หากประกายบางอย่างในนัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มทำให้อาการวัวสันหลังหวะครอบคลุมร่างกายจนไม่กล้าสบสายตาอีกต่อไป

“หือ? ไม่นิ” เขาปฏิเสธเสียงสั่น แม้แต่มือที่จับกีตาร์ยังเกร็งจนรู้สึกเจ็บ อลันด์กลั้นหายใจก่อนหันไปเผชิญหน้ากับเพื่อน กำลังคิดว่าควรบอกเรื่องที่คบกับทิวากานต์ตอนนี้เลยดีไหม หากได้สบกับดวงตาสีฟ้าเข้มเป็นอันต้องหุบปากสนิท

“ฉันเคยบอกแล้วใช่ไหมว่านายโกหกไม่เก่งเอาเสียเลย” โธมัสยกหลังมือแตะแก้มขาวไล้เบาๆ ลงมาถึงปลายคางมน “วันนี้ถ้าให้นับว่าตอนไหนที่นายพูดความจริงคงง่ายกว่า”

“นายกำลังหาเรื่องนะ ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ”

อลันด์เบี่ยงหน้าหนี ในหัวพยายามนึกหาทางหนีทีไล่ หากเพียงพริบตาที่เห็นดวงตาคู่สวยวาวโรจน์ขึ้นเด็กหนุ่มจำต้องรีบปล่อยเครื่องดนตรีสุดรักทิ้ง เสียงตึงดังขึ้นพร้อมๆ กับใช้สองมือดึงคอเสื้อตัวเองยื้อกับคนตัวใหญ่กว่าที่พุ่งเข้ามากระชากคอเข้าไปหา เสียงอึกอักหลุดลอดลำคอออกมาด้วยความลำบาก ไม่ว่าพยายามดิ้นให้ตัวเองหลุดจากการประทุษร้ายแค่ไหนโธมัสกลับไม่เขยื้อนแม้แต่น้อย

“เห็นฉันเป็นแค่หมาหน้าโง่หรือไง จะโกหกกันไปถึงไหนอัล!!!” โธมัสตะคอกเสียงดังพลางจับอีกฝ่ายเขย่าหัวสั่นหัวคลอน เท้าเล็กลอยจากพื้นเป็นช่วงๆ “นายนอนกับมันใช่ไหม นอนกับด็อกเตอร์วาใช่ไหม”

“ชะ อึก! ฉัน จะนอนกับใคร แล้วมันหนักหัวนายหรือไง! แค่กๆ”

อลันด์ไม่ตอบรับแต่ประโยคเมื่อครู่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ ซ้ำยังเหมือนน้ำมันราดลงบนกองเพลิงให้คนฟังร้อนรนจนไม่อาจอยู่เฉยต่อไปได้ โธมัสดึงร่างเล็กชิดตัวก่อนก้มใบหน้าชิดใบหูเล็ก “เพราะนายเป็นของฉัน! นายเป็นของฉันไม่เข้าใจหรือไง!!!”

“ฉันเป็นของของฉันไม่ใช่ของใคร ฉันมีสิทธิเลือกคนที่จะขึ้นเตียงเองเว้ย”

โธมัสปล่อยมือออกจากคอเสื้อเพื่อนรักแทบจะทันที คนที่ได้อิสระอย่างไม่ทันตั้งตัวถึงกับสำลักอากาศ คู้ตัวไอค่อกแค่กหน้าแดงแจ๋

“ทำไมอัล ทำไมถึงนอนกับมันได้ทั้งที่ปฏิเสธฉันแทบตาย ทำไม! ทำไม!!” ตาสีฟ้าเข้มมองคนตรงหน้าด้วยความผิดหวัง

“ฉันคบกับเขา...สักพักแล้ว”

หนุ่มผมทองเม้มปากเน้นเมื่อได้ฟังคำตอบ นัยน์ตาสีสวยกรอกมองไปทั่วอย่างหาจุดโฟกัสไม่ได้ก่อนวกกลับมาจบยังอลันด์ที่ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองเขาช้าๆ “ประชดฉันเหรอ”

“ฉันจะทำอย่างนั้นทำไม ไร้สาระ”

“แล้วทำไมถึงไม่ใช่ฉัน...หรือเจมส์ก็ได้”

สิ้นคำถามนั้นดวงตาต่างเฉดสองคู่จึงได้สบกันอีกครั้งท่ามกลางความอึดอัด ทั้งที่โธมัสอยากรู้คำตอบจากปากเพื่อนสนิทแทบขาดใจ หากอีกด้านหนึ่งกลับไม่ต้องการให้อลันด์พูดมันออกมา เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกกลัวอะไรบางอย่างที่มองไม่เห็น กลัวถึงขั้นสั่นไปทั้งร่างอย่างควบคุมไม่ได้

“เพราะฉันไม่ได้รักนาย ไม่ได้รักเจมส์ แต่ฉันรักวา เรารักกัน นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมฉันถึงนอนกับเขาไม่ใช่กับนาย”



TBC

ขอบคุณทุกคอมเม้นต์จากคนอ่านทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่นะคะ ยินดีที่ยังอยู่อ่านเรื่องนี้ไปด้วยกัน
พี่วากับน้องอัลมี FC เพิ่มขึ้นเรื่อยเลยโดยเฉพาะคุณหมอ
มีคนเดาถูกด้วยค่ะว่าพี่วาสั่งอะไรมาเล่นกะนุ้งอัล
พี่แกฝากมาบอกว่าไม่ได้โรคจิตนะแต่ใช้แค่เพื่อความสนุกบนเตียงเท่านั้น (ฮา)
เคยบอกไปหรือยังคะว่าเรื่องพระเอกเป็นโรคจิต นายเอกเป็น M เพื่อนนายเอกเป็น S และมีพระรองเป็นตัวประกอบ

และแล้วพ่อโกลเด้นสุดหล่อของเราก็กลับมาอีกครั้ง(พร้อมพระรองค่ะ)
คราวนี้ทอมจะทำอะไร เลือดจะสาดกระจายเต็มหน้าจอหรือไม่ อัลจะเอาตัวรอดได้อีกหรือไม่
โปรดติดตามตอนต่อไปค่า

(http://i.imgur.com/CCTsPTC.jpg)
โธมัสคนหล่อคัมแบค!!!
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 24 [17.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: iammilk ที่ 17-01-2016 14:55:22
 :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 24 [17.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: yisren. ที่ 17-01-2016 15:09:00
โอ้ยยยยยยย หมอแซ่บบอกต่อด้วย แซ่บลืมมมม 555555
เคลียร์กะหมาตัวโตหัวทองให้ดีๆ นะนุ้งอัล สู้ๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 24 [17.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 17-01-2016 16:06:50
ไฟลุกเลย
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 24 [17.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 17-01-2016 16:32:50
คุณหมอกะน้องอัลสุดยอดมาก

คือมันใช่อะ เข้ากันได้


แต่ตอนื้ายแอบกลัวแทน ซื้อแอร์

น้องลอัลเอาตัวรอดให้ได้นะ

หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 24 [17.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: Mokuchi ที่ 17-01-2016 17:11:08
น้องอัลจะโดนหมากัดแล้ว หมอวารีบกลับด่วน
ปล. รสนิยมไม่เลวเลยนะคะคุณหมอ  :o8:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 24 [17.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: meeoldly ที่ 17-01-2016 17:44:43
หมออออ แซบมากค่าาา :laugh:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 24 [17.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: LetGet ที่ 17-01-2016 19:26:33
หมอวากลับมาสักที๊ น้องอัลจะแย่แล้ว หมาตัวโตเริ่มคลุ้มคลั่ง   :hao5:  :hao5:  :hao5:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 24 [17.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 17-01-2016 20:04:50
อีหมาทอมห้ามทำะไรน้องอัลนะ :katai1:
พี่หมอวารีบกลับมาหาน้องเร็วๆ  :serius2:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 24 [17.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 17-01-2016 21:22:45
ทอมนายแพ้แล้ว ควรยอมรับความจริง
เอิ่ม...ผู้ชายรอบตัวน้องอัล มีปกติบ้างไหม
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 24 [17.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: cinnsin ที่ 17-01-2016 21:44:44
พี่หมอแม่มโรคจิตสุดๆไปเลย - -
ปล. สนับสนุนให้เพื่อนนายเอกกับพระรองได้กันค่ะ!!!  :hao6:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 24 [17.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: nutty ที่ 17-01-2016 23:34:14
เอาพระรองสองคนมากินกันเอง
เสียดายไอหล่อทอม
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 24 [17.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 17-01-2016 23:40:16
ไม่คิดเลยว่าหมอวาจะจิตและหื่นอย่างนี้   สงสารน้องแสบเล็กๆ 555

ตอนหน้าน่าจะมีเลือดตกกันมั่งนะ  หมอวาจะโดนรุมหรือเปล่า โจทย์มาพร้อมกันทั้งสองคนเลย
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 24 [17.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 18-01-2016 05:34:00
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 24 [17.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: pim-lovemj ที่ 18-01-2016 07:22:04
 :z1: แซ่บทั้งคุณหมอทั้งคุณพยาบาลสาว?
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 24 [17.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: So_Da_Za ที่ 18-01-2016 18:29:37
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 24 [17.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: VarainDark ที่ 19-01-2016 00:41:04
ในที่สุดก็จะได้จบกับความอึดอัดสักทีนะ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 24 [17.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: Jadeite ที่ 19-01-2016 00:56:30
โอ้ยยยยยยยยยย ตายแล่วววววววววว ตายแล้วววววววว พี่วาแซ่บมากกกกกกกกกกกกกกก ไม่คิดว่าพี่วาจะมีมุมนี้เลย 5555555 ตอนที่โทรหาเพื่อนสั่งเราก็นึกว่าอาจจะเป็นกางเกงยีนส์หรืออะไร โอโหนี่ชุดพยาบาลจัดเต็มทั้งชุด อันนี้คือมุมที่เราเขินเองคือพี่วากะขนาดน้องอัลเป๊ะมากกกกก แสดงว่าพี่วาใส่ใจน้องอัลมากจริงๆ

ส่วนหมาทอมมมมมมมมม เป็นตัวละครอีกตัวที่ชอบ ฮืออออ ให้อารมณ์เล่นกับโกลเด้นขนทองพละเยอะ มารอบนี้สังเกตุว่านางหงุดหงิดแต่เช้าล่ะะ ไม่คิดว่าจะรู้เร็วขนาดนี้ หมาทอมมมมม อย่าทำอะไรน้องอัลนะ พี่วาอยู่ไหนน มาช่วยน้องเร็วววว
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 24 [17.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: ゚゚ღ✿ศิลินส์✿ღ゚゚ ที่ 19-01-2016 09:56:43
ห้! เหตุผลที่รอกินน้องนี่ พี่วาาาาาา โอ๊ยสั่งมาแค่ชุดพยาบาลอย่างเดียวเหรอ มีคุณกระต่ายป่ะคงแซบน่าดู  :laugh:

หวังว่าพ่อหมาขนทองคงไม่เสียใจจนฟิวส์ขาดมากไปกว่านี่นะเออ สงสารอัล
นพฉันหาคู่ให้เธอได้แหละพ่อหมาขนทองนี่ไง 555
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 24 [17.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: ammie_mn ที่ 20-01-2016 18:33:56
ต้องสารภาพว่าพึ่งเจอเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราใช้เวลาอ่านนานมากๆ เพราะแต่ละตอนยอมรับว่ายาวจริงๆ อ่านคำโปรยของคนเขียนตอนแรกว่าจะกดออกเพราะปกติจะจินตนาการหมอต้องนุ่มนวลแต่นี่ตรงข้ามเลย 555 มันเป็นความชอบส่วนตัวที่ชอบแบบนั้นแต่อ่านไปเรื่อยๆคือวางไม่ลงจริงๆ ชอบการบรรยายชีวิตทุกคนคือทำให้ตาร้อนเลยอะไรจะรวยขนาดนี้ได้ความรู้เรื่องรถ แบรนด์เสื้อผ้าเยอะเลย 555 ปกติไม่ค่อยสนใจอะไรพวกนี้ ชอบความสัมพันธ์ที่ค่อยๆสร้างขึ้นมันไม่ฉาบฉวยค่อยๆไป ทำให้รู้ว่าความรักของอัลกับวาเนี่ยมันไม่ใช่เล่นๆเพราะกว่าจะรักได้ทั้งคู่ต่างต้องผ่านความสัมพันธ์รูปแบบอื่นๆมาก่อนจะเข้าใจและยอมรับสิ่งที่เป็น เป็นการเฝ้ามองพัฒนาการความรักที่มีความสุขมากๆ ปล.เจมส์โธมัสมีลุ้นหรือไม่  :hao3:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 24 [17.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 20-01-2016 20:40:42
เจ้าหมาทอมอย่าทำอะไรรุนแรงกับน้องอัลนะ ไม่งั้นโดน  :z6: พี่บอกเลย
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 24 [17.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: ren ที่ 20-01-2016 22:55:54
เซอร์ไพรส์ชุดคอสเพลย์ สั่งตัดของน้องอัลค่า 5555
หมอวานี่มีเซอร์ไพรส์ได้ตลอด   
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 24 [17.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: greensnake ที่ 21-01-2016 16:53:51
สารภาพว่าแอบซุ่มอ่านเรื่องนี้ตั้งแต่ตอนแรกจนทันตอนล่าสุด
ปวดแก้มไปหมด คู่พระนางคู่นี้น่ารักมากๆ รวมถึงคนรอบข้างด้วย
เป็นอีกเรืองที่อ่านแล้วลื่นไหล ทั้งภาษาและความถูกต้อง
ชอบอะไรที่เรื่อยๆ ค่อยๆพัฒนาความสัมพันธ์กันไป
ออกแนวผูกพันธ์รู้ตัวอีกทีก็รักกันแบบคนรักซะแล้ว
ยิ่งแนวพระเอกสามสิบอัพกินเด็กอย่างนี้ยิ่งชอบ :z1:
จะติดตามต่อไปนะคะ
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ :L2:
+1และเป็ดให้หนูอัล
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 24 [17.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: san ที่ 21-01-2016 20:35:01
 :L2: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 24 [17.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 22-01-2016 07:43:53
 :hao3:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 24 [17.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 23-01-2016 17:35:28
OMG
หัวข้อ: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 25 [24.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 24-01-2016 12:32:59
TRACK 25



“โกหก”

หนุ่มลูกเสี้ยวเยอรมันสวนขึ้นมาทันที หน้าหล่อเหลานั่นซีดเผือดเหมือนเจอเรื่องช็อคสุดๆ ในชีวิต พอเขาทำท่าจะเข้ามาขย้ำอลันด์อีกครั้งร่างเล็กกว่าจึงรีบก้าวถอยหลัง แววตาไหวระริกบอกชัดว่ากลัวหากยังคงขยับปากตอกย้ำให้โธมัสยอมรับความจริงเสียที

“งั้นนายต้องการอะไรกันแน่ทอม พอฉันโกหกก็บอกให้พูดความจริง พอฉันพูดความจริงก็หาว่าโกหก จะให้พูดอีกครั้งไหมว่าฉันรักวา ฉันรักเขา!”

“นายไม่ได้รักมันหรอก นายรักฉันต่างหากอัล เรารักกันมานานไม่ใช่เหรอ” เสียงใหญ่แผ่วปลายคล้ายจะไม่แน่ใจในสิ่งที่ตนเองพูดเท่าไหร่นัก แม้แต่แววตาก็ปรากฏร่องรอยความหวั่นไหวออกมา

“ก็คงงั้น... มั้ง” อลันด์เอียงคอจ้องหน้าโธมัสจับตรึงอีกฝ่ายไว้ด้วยสายตาเหมือนพลิกกลับเป็นฝ่ายไล่ต้อนบ้าง “ฉันเคยนะ ‘เคย’ คิดรักนายมากเกินเพื่อนในตอนที่ปล่อยตัวให้ไปโดยไม่รู้ว่านายคิดยังไงกับฉันเคยรักนายตอนที่นายพยายามเปิดทางให้เจมส์เข้าหาฉัน ส่วนนายก็หาสาวคนอื่นไปเรื่อย แล้วเรื่องอะไรที่ฉันจะรอความรักจากคนที่เห็นฉันเป็นไม่ได้ไปมากกว่าเซ็กส์เมท”

“นายพูดอะไร...”

“นายบอกให้ฉันเลิกโกหก งั้นทีนี้นายไม่ทำบ้างล่ะ” เด็กหนุ่มว่าก่อนสูดลมหายใจเฮือกใหญ่เรียกกำลังใจเพื่อจะพูดประโยคต่อไป “นายบอกว่ารักฉันใช่ไหม”

“ใช่ แน่นอน ฉันรักนายมากที่สุด มากกว่าใคร นายเองก็รู้ดีที่สุด” เมื่อให้พูดความรู้สึกที่มีต่อคนตัวเล็กเขาสามารถพูดได้ฉะฉาน ยืนยันว่าเขารักอลันด์มากกว่าใครคนไหนบนโลกนี้

“งั้นเหรอ งั้นนายคงเป็นผู้ชายที่ใจดีที่สุดโลกเลยสินะที่ปล่อยให้คนอื่นจูบคนที่นายรัก นายยอมให้เจมส์จูบฉันทั้งที่นายก็รู้ว่าไอ้เฮนรี่ที่สามมันจ้องจะงาบฉันอยู่! นี่น่ะเหรอที่ว่ารักกัน รักแล้วทำไมต้องผลักไสฉันไปให้คนอื่น”

“ฉัน...”

“จะบอกให้นะทอม นายไม่ได้รักฉันจริงๆ หรอก นายแค่กำลังหวงของเล่นที่อยู่กับนายมานานต่างหาก”

“ไม่ ไม่... อย่ากล่าวหากันว่าฉันไม่รักนาย โอเค ฉันอาจจะรู้ตัวช้าอาจจะเพิ่งมาสำนึกได้เอาวันนี้ แต่ฉันรักนายจริงๆ นะอัล และ...แน่นอน...รักมากจนไม่อยากเห็นนายเป็นของใคร ฟังฉันก่อนนะ ได้โปรดล่ะ ในเมื่อตอนนี้เราต่างรู้ว่าเราใจตรงกัน แล้วทำไมเราไม่กลับมาเริ่มต้นกันใหม่ ไม่สิ เรามาคบกันนะ มาเป็นมากกว่าเพื่อน มากกว่าใครๆ ให้โอกาสเราได้รักกัน”

“ฉันบอกไปแล้วทอมว่า ‘เคยรัก’ ทุกอย่างมันสายไปแล้ว ตอนนี้ฉันไม่ได้รักนายแต่คนเดียวที่ฉันรักคือวา แต่ต่อให้ฉันยังรักนาย ฉันคงไม่ย้อนกลับไปหาอดีตที่ข้ามผ่านมาแล้วหรอก เมื่ออดีตมันทำฉันเจ็บซะขนาดนั้น”

There's a love between us still
but something's changed and I don't know why
ระหว่างเรายังมีความรักอยู่นะ
แต่บางอย่างมันเปลี่ยนไปแล้วและฉันไม่รู้ว่าทำไมด้วยสิ

You wanna touch me but you're too late
You wanna touch me but there's too much history
Starting to live the lies we tell ourselves
เธออยากสัมผัสฉันแต่มันสายไปแล้ว
เธออยากแตะฉัน แต่ร่องรอย...
ที่เราใช้ชีวิตกับการโกหกตัวเองมันมีมากเกินไป1


“ความรักระหว่างมันจบไปนานแล้วทอม”

I only need you to be friends with me
ตอนนี้ฉันต้องการแค่เพียงให้เธอเป็นเพื่อนกับฉันเท่านั้น


“มันยังไม่จบ ฉันไม่ยอมให้มันจบ จะจบได้ยังไงในเมื่อฉันกำลังเป็นบ้าตายเพราะนาย เลิกทรมานฉันเถอะอัล” มือใหญ่หยาบกร้านอย่างนักกีฬาทึ้งเส้นผมสีทองของตัวเองจนหลุดติดมือมาหลายเส้น ดวงตาคู่สวยตวัดมองอลันด์ทั้งตัดพ้อต่อว่าด้วยความน้อยใจ

โธมัสไม่เข้าใจ ทำไมอีกฝ่ายถึงพูดว่าเลิกรักเขาได้ง่ายๆ ทั้งที่กว่าเขาจะรู้ตัวว่ายอมเสียอลันด์ให้คนอื่นไม่ได้ยังต้องใช้เวลานานหลายปีขนาดนี้ ไม่คิดว่ามันน่าเศร้าบ้างหรือกับเมื่อความสัมพันธ์สิบปีกว่าของพวกเขาต้องจบลงภายในเวลาไม่เท่าไหร่ที่เพื่อนตัวเล็กมาอยู่ที่เมืองไทย เพียงแค่เขาไม่ได้อยู่เคียงข้างด้วยในเวลาที่อลันด์กำลังลำบาก แต่เป็นคุณหมอรูปหล่อที่อยู่เคียงข้างแทน แค่นั้นก็ทำให้หัวใจดวงน้อยเปลี่ยนไปง่ายดายถึงเพียงนี้เลยหรือ ถึงเขาจะทำให้เสียใจแต่ไม่ใช่เขาหรอกเหรอที่อยู่เคียงข้างกันมาตลอดเกือบทั้งชีวิต

ทำไมถึงตัดความสัมพันธ์ง่ายดายเหลือเกิน...

หยดน้ำใสกลิ้งบนผิวแก้มหยาบเต็มไปด้วยหนวดเคราเหมือนน้ำไหลเอื่อยลงจากหน้าผา ช่วงวินาทีที่มือเล็กยื่นออกไปด้วยความเห็นใจร่างทั้งร่างพลันถูกรวบเข้าไปก่อนริมฝีปากหนาจะทาบลงมาบดขยี้รุนแรง

อารามตกใจอลันด์พยายามใช้สองมือขืนตัวไว้แม้รู้ทั้งรู้ว่าสู้แรงอีกฝ่ายไม่ได้แม้แต่น้อย มือข้างหนึ่งของโธมัสจับล็อคหลังศีรษะทุยไว้แน่นระหว่างตะกละตะกรามกินปากอีกฝ่าย คนตัวเล็กกว่าครางอือในคอพยายามไม่เคลิ้มไปกับรสสัมผัสดุเดือดที่ถูกป้อนให้ หากปลายคางถูกบีบเอาไว้แน่นทำให้ต้องปล่อยโธมัสดูดปากดูดลิ้นไปหลายครั้งจนเริ่มชาและหมดแรงดิ้นรนต่อไปในที่สุด

เข่าสองข้างทรุดกองลงกับพื้นทันทีเมื่อถูกปล่อยเป็นอิสระ ถ้าไม่ได้สองมือใหญ่ช่วยโอบประคองไว้เขาคงลงไปนอนแผ่หมดสภาพบนพื้นแล้ว ร่างเล็กหายใจหอบเอาอากาศเข้าปอดเร็วๆ จนเกือบสำลักได้ไม่ทันไรจูบรสหวานก็ป้อนให้อีกครั้งเหมือนไม่รู้จักพอ มือเล็กสองข้างยึดสายเสื้อกล้ามอีกคนไว้จนแทบหลุดติดมือ

ให้ตายเถอะ...ทอมจูบเก่งขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่

แน่นอนว่าถ้าเขายังเคลิ้มและปล่อยให้ไอ้หมาตัวโตจูบเอาๆ อยู่แบบนี้เขาต้องได้เสียตัวเป็นแน่ กัดแม่งเลยดีไหมนะ ตอนที่คิดไปอย่างนั้นร่างกายดันขยับไปด้วย ผลคือฟันกระต่ายสองซี่ที่ทิวากานต์ชอบล้องับลงไปบนลิ้นโธมัสเต็มแรงถึงขนาดที่ว่าไอ้หมาขนทองสะดุ้งแล้วตบอลันด์กระเด็นไปกระแทกโซฟานอนตัวงอบนพื้นด้วยความจุก

อดีตกัปตันรักบี้ย่างเท้าสุขุมเข้าหาเด็กหนุ่มก่อนร่างสูงนั้นจะนั่งคร่อมทับสะโพกเพื่อนรักเอาไว้ “แค่รักฉันมันจะตายให้ได้เลยใช่ไหม”

อลันด์ไม่ได้ตอบแต่ใช้ตาสีซีดจ้องอีกฝ่ายเขม็งก่อนถุยน้ำลายผสมเลือดใส่หน้าอีกฝ่ายเต็มๆ ไม่สนใจว่าวินาทีนี้จะโดนตบอีกรอบให้ฟันหลุดก็ตามแม้จะแอบสะดุ้งเล็กน้อยตอนเห็นหลังมือใหญ่ยกขึ้น ตอนแรกเขาคิดว่าโดนตบอีกแน่ๆ หากโธมัสทำเพียงปาดคราบน้ำลายกับเลือดบนหน้าออกแล้วดึงชายเสื้อกล้ามขึ้นเช็ดอีกที เมื่อคิดว่ารอดไปอีกหนมือใหญ่ขนาดรวบข้อมือเขาสองข้างได้จัดการทึ้งเสื้อมีฮู้ดผ้าหนาของเขาขาดเป็นทางยาว ตาสีซีดเบิกกว้างตกใจกับพละกำลังของอีกฝ่าย

“ฉันไม่เชื่อหรอกว่าเราจะกลับไปรักกันอีกไม่ได้ ฉันจะพิสูจน์ให้นายรู้ว่าฉันมีดีกว่าไอ้หมอนั่นทุกอย่าง แม้กระทั่งเรื่องบนเตียง”

“โธมัส! นายบ้าไปแล้วหรือไง”

“เพราะนายไง!!!” หนุ่มผมทองตะคอกเสียงดังตาขวางมองอะไรก็ไม่เข้าตา เขาหอบหายใจแรง หน้าตาแดงไปหมดเหมือนเป็นบ้าไปแล้วจริงๆ

นานพอดูกว่าอลันด์จะเก็บซ่อนความกลัวไว้ข้างในเลือกเค้นคำพูดตอบโต้ออกมาได้ “ต่อให้นอนกับนายตอนนี้ฉันก็ไม่รักนาย ไม่ว่าทำยังไงก็ไม่รัก เพราะความรักที่ฉันเคยให้ไปมันจบแล้ว มัน - จบ - ไป - แล้ว”

“ฉันไม่เชื่อหรอก! มันยังอัดแน่นอยู่ตรงนี้เลย” เขาทุบอกข้างซ้ายแรงๆ “แล้วจะจบได้ไง”

คนตัวเล็กกว่าส่ายหน้าทั้งน้ำตา จะต้องบอกยังไงทำแบบไหนโธมัสถึงจะยอมรับได้สักทีว่าระหว่างพวกเขามันเดินหน้าไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว เขามีคนรักใหม่ หัวใจถูกยกให้ผู้ชายอีกคนรับไปดูแลหมดทั้งดวง ในขณะที่ความรู้สึกต่อโธมัสเหลือเพียงแค่คำว่า ‘เพื่อน’ เท่านั้น

เขาไม่สามารถรักโธมัสได้มากกว่าเพื่อนอีกแล้ว ในเมื่อพวกเขาเริ่มต้นจากคำว่าเพื่อนอย่างน้อยก็ควรคงมิตรภาพนี้ต่อไป เขาไม่อยากให้มันจบลงในเมื่ออีกคนคือเพื่อนที่ดีที่สุดและเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว

“ทำไมนายดันทุรังอย่างนี้...ทอม”

“เพราะฉันโง่มั้ง”

โอเค อลันด์เชื่อแล้วว่าโธมัสอาจจะโง่จริงๆ เขาร้องไห้อีกหนไม่ใช่เพราะกำลังถูกหมาตัวโตลวมลามจับจูบตั้งแต่หน้าผากลงมาถึงหน้าอก แต่เสียใจกับอวัยวะในกะโหลกหนาๆ ที่คิดเลขได้แม่นยำที่สุดในชั้นเรียนหากกลับไม่เข้าใจเพียงคำว่า ‘ไม่ได้รัก’ เขาชักเริ่มสงสัยว่าระหว่างที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันโธมัสเผลอเอาหัวไปฟาดอะไรแรงๆ มาหรือเปล่า กระบวนการคิดถึงได้บกพร่องขนาดนี้ หรือเป็นผลจากการเล่นรักบี้มาอย่างยาวนาน?

ฟันขาวงับปากตัวเองทุกครั้งที่ใกล้จะเผลอร้องครางออกไป นอกจากจะจูบเก่งขึ้นแล้วฝีมือเล้าโลมยังเหนือชั้นกว่าทิวากานต์ทำเอาสั่นไปทั้งตัว แม้แต่อวัยวะด้านล่างยังตื่นตัวขึ้นได้โดยไม่ต้องสัมผัสสักนิดและเหมือนลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่ากำลังโดนข่มขืน

จะบ้าเหรอ! ไม่ใช่ละครหลังข่าวช่องน้อยสีมากสีที่เคยดูนะนางเอกถึงจะได้โดนพระเอกขืนใจแล้วยอมง่ายๆ น่ะ อีกอย่างเขาไม่ใช่นางเอกแล้วโธมัสก็เป็นตัวร้ายชัดๆ (ถึงจะหล่อระดับพระเอกก็เหอะ)

ตั้งสติไว้อัลมันต้องมีทางออกสักท่า เอ๊ย สักทาง อีกอย่างพวกเขาหายมานานแบบนี้เจมส์ต้องเอะใจบ้างแหละ ขอเพียงหมอนั่นฉลาดสักนิดหาทางขึ้นมาบนนี้โดยไร้คีย์การ์ดเข้าอาคารและขึ้นลิฟต์มาชั้น 21 ได้เป็นพอ

“อือ...” เผลอคิดเรื่องอื่นแค่ครู่เดียว ปากอิ่มแดงจัดถึงกับปล่อยเสียงครางออกมา หนุ่มผมทองตาฟ้าหยักยิ้มพอใจไต่ปลายนิ้วจากช่วงอกลงไปหาสีข้างช่วงเอวก่อนเกี่ยวเข้ากับขอบกางเกงยีนส์

“อยู่นิ่งๆ เป็นเด็กดีนะอัล”

ต่อให้ไม่บอกอลันด์ก็ขยับไปไหนไม่ได้ในเมื่อขนาดตัวที่ใหญ่กว่าเกือบเท่าทับขาไว้จนชา มือไม้อ่อนแรงจากการถูกเล้าโลมติดๆ กันแบบไม่ให้พักหายใจ แม้แต่ตอนนี้ยังทำได้เพียงนอนขนลุกอยู่กับที่เมื่อลมหายใจร้อนผ่าวเป่ารดท้องน้อย

เด็กหนุ่มนอนเหม่อมองเพดานห้องที่ถูกฉาบด้วยสีส้มจากแสงสุดท้ายของวัน อีกไม่นานในห้องคงมืดสนิท พอเหลือบตาลงไปหาโธมัสก็เห็นเพียงกลุ่มผมสีทองกับหูแมวที่ขยับไปมา เป็นภาพที่ใช้ได้อยู่แต่คงดีกว่านี้ถ้าเปลี่ยนจากโธมัสเป็นทิวากานต์ ไม่ก็เปลี่ยนโพสิชั่นเป็นเขาเองที่อยู่ตรงนั้น จะว่าไปเมื่อคืนคุณหมอสุดที่รักคงเห็นวิวคล้ายๆ กันอย่างนี้ตอนที่เขาถดตัวลงไปทำความสะอาดเข็มฉีดยาอันเขื่องด้วยสินะ

อา...บางทีเขาคงบ้าตามเพื่อนซี้ไปแล้วก็ได้ที่ยังคิดเรื่องลามกในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้

กระดุมกับซิปถูกปลดออกเผยให้เห็นชั้นในสีเข้ม โธมัสทำเสียงฟืดฟาดเหมือนหมาติดสัดก่อนเอาปลายจมูกดุนท่อนเนื้อขนาดพอดีตัวจนมันเริ่มพองตัวสู้ใต้ผืนผ้าบางๆ ห่างหายไม่ได้สัมผัสมานานไม่แปลกที่จะตื่นเต้นไปหมด ชายหนุ่มอ้าปากใช้ฟันงับขอบกางเกงชั้นใน จงใจขูดผิวเนื้ออ่อนใสเบาๆ ก่อนรูดปราการด่านสุดท้ายลงให้อวัยวะด้านในลืมตาตื่นขึ้นมาดูโลกภายนอก

“You’re so lovely”

อลันด์กลั้นใจหายใจตอนที่หมาตัวโตใช้มือปลุกปั่นเบื้องล่าง หลังมือข้างหนึ่งยกขึ้นปิดปากตัวเองกลั้นเสียงร้องจนตัวสั่น แม้แต่ตอนที่ถูกรังแกอย่างไม่เต็มใจร่างกายเขากลับยินดีไปกับทุกสัมผัสหยาบโลนที่อีกคนมอบให้ บางทีเขาอาจเป็นมาโซคิสม์จริงๆ ก็ได้ เกลียดตัวเองที่เป็นแบบนี้ชะมัด

“ถ้านายไม่รักฉันบ้างนายคงไม่รู้สึกหรอก”

“ฮึก... เลิกหลอกตัวเองเถอะทอม นายเป็นผู้ชายเหมือนกันจะไม่รู้ได้ไงว่าไอ้จ้อนมันพร้อมจะตั้งทุกครั้งที่มีคนจับนั่นแหละ” ถ้าไม่ได้เถียงคืนบ้างคงไม่ใช่อลันด์ตัวจริง

โธมัสเอียงคอมองคนต่ำกว่าสื่อด้วยสายตาว่าแล้วไง เสื้อกล้ามเปื้อนเลือดถูกถอนโยนทิ้งส่งๆ คนตัวเล็กกลืนน้ำลายลงคืออึกใหญ่หลังเห็นก้อนเนื้อแน่นและนมคัพอีแบบที่สาวๆ ยังอายกับลอนคลื่นบนหน้าท้องนับได้แปดก้อนไม่ขาดไม่เกินแบบที่เอาหุ่นไปแข่งกับพี่ธอร์ไม่ก็กัปตันอเมริกาได้สบาย

ใกล้เวลาถูกเชือดเข้าไปทุกทีแต่อลันด์ยังหาทางออกไม่เจอ พูดกล่อมไปยังไงคนที่ตาบอดไปแล้วคงไม่ฟังแน่ จะให้สู้? แค่เห็นหุ่นคำตอบแทบจะมากองอยู่ตรงหน้าว่าเขาคงได้กลายเป็นเศษเนื้อภายในเวลาไม่กี่วินาทีแน่ จะถ่วงเวลาออกไปรอทิวากานต์กลับมาคงไม่ทันอีก

น้ำตาคลอรื้นขึ้นมาอีกครั้งเมื่อนึกถึงคนรัก คุณหมอคนนั้นจะรู้สึกยังไงถ้ารู้ว่าเขาถูกเพื่อนสนิทข่มขืน จะทิ้งเขาหรือเปล่า...

ไม่หรอก ทิวากานต์ไม่ใช่คนแบบนั้นสักหน่อย

เด็กหนุ่มปลอบตัวเองในใจ เพิ่งรู้สึกตัวเอาตอนนี้ว่าทิวากานต์เหมาะกับอาชีพหมอมากกว่าใคร ต่อให้เขาถูกใครทำร้ายมาหนักหนาสาหัสแค่ไหน แต่ผู้ชายคนนั้นจะคอยดูแลเยียวยารักษาเขาเอง

“ขอร้องล่ะทอม หยุดเถอะนะ ต่อให้นายกอดฉันกี่ครั้งหัวใจฉันมันเปลี่ยนกลับไปรักนายไม่ได้อีกแล้ว ฉันยกหัวใจให้วาไปหมดแล้ว”

“แล้วคิดว่าไอ้หมอนั่นมันจะยังคบกับนายอีกหรือไง ถ้ารู้ว่านายนอนกับฉัน” ใบหน้าหล่อเหลายิ้มเยาะก่อนค่อยๆ เลือนลงเมื่อเห็นคนด้านล่างส่งยิ้มกลับมาให้

“แน่นอน เพราะวาน่ะรักฉันไงล่ะ”

เขาส่ายหัวไม่ยอมรับ ก้มใบหน้าลงไปจนปลายจมูกชิดกัน “ฉันต่างหากที่รักนาย”

“คนรักกันเขาไม่ทำร้ายกันแบบนี้หรอกนะ!”

จบประโยคคนตัวเล็กกว่าอาศัยจังหวะนั้นโหม่งศีรษะกลับไป เจ็บจนตาพร่าไปชั่วขณะถึงอย่างนั้นรู้สึกได้ว่าท่อนล่างเป็นอิสระชั่วคราว เขารีบพลิกตัวออกมา คลานหนีไปตามพื้นหวังจะหยิบกีตาร์สุดรักมาเป็นอาวุธ หากไปได้ไม่ไกลเท่าไหร่ก็ถูกดึงขาแรงขนาดที่หน้าทิ่มกับพื้นดังปึ้ก แสบโพรงจมูกพอๆ กับสัมผัสได้ถึงของเหลวไหลออกมาเปรอะปาก เจ็บก็เจ็บแต่ร้องไม่ออก

“แสบนักนะ!” เสียงทุ้มอู้อี้ คาดว่าโธมัสคงเจ็บพอควร

“ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยด้วย help me! help me!” อลันด์ร้องเสียงดังโวยวาย วินาทีนี้รอเจมส์หรือทิวากานต์มาช่วยคงไม่ทันต้องช่วยตัวเองก่อน อย่างน้อยเพื่อนบ้านร่วมชั้นได้ยินเสียงก็ยังดี เด็กหนุ่มจิกเล็บกับพื้นพรมขืนตัวไว้แม้ไม่ค่อยจะได้ผลแต่ยังดีกว่าปล่อยให้โธมัสลากเขาไปคร่อมทับเหมือนเดิมง่ายๆ

“Shut up!!!”

“No way! Hey! Help me please! Hey! Hey! HEY!!! อื้อออ”

ร่างเล็กดิ้นเร่าเหมือนปลาถูกทุบหัว หน้าขาวส่ายไปมาหนีฝ่ามือใหญ่ที่จ้องจะเก็บเสียงร้องให้เงียบ เขายังคงตะโกนโหวกเหวกทั้งถีบทั้งดิ้นแบบลืมเหนื่อย ถ้าคิดจะปิดปากกันอลันด์ตั้งใจจะกัดมือสากนั่นให้จมเขี้ยวเลยคอยดู!

“เฮ้! อัล ทอม พวกนายอยู่ในนั้นหรือเปล่า”

ราวกับเสียงจากสวรรค์ เพียงแค่ประโยคนั้นจากอีกฟากผนังห้องพร้อมเสียงเคาะรัวบนบานประตูทั้งที่มีออดให้กด อลันด์ก็รู้สึกนึกรักนายเฮนรี่ที่สามขึ้นมาก็คราวนี้ ไม่รู้เหมือนกันว่าขึ้นมาถึงชั้นที่ 21 ได้ยังไงโดยไม่พึ่งลิฟต์แต่ตอนนี้นายแม่งโคตรเป็นอัศวินขี่ม้าขาวเลย

“เจมส์ ช่วยด้วย ทอมแม่งบ้าไปแล้ว อั้ก!” เด็กหนุ่มกระตุกตัวงอเมื่อโดนกำปั้นซัดเข้าไปกลางท้องน้อยอย่างจัง จุกแน่นลามขึ้นมาถึงลำคอคล้ายจะขย้อนของเก่าออกมา แม้แต่จะหายใจยังลำบาก

“อัล เกิดบ้าอะไรขึ้นวะเนี่ย เฮ้ ฉันเปิดประตูไม่ได้มันล็อค” เจมส์โวยวายมาจากอีกฟากหนึ่งของประตู เขารัวกำปั้นติดๆ กัน เชื่อได้ว่าเพื่อนบ้านทั้งชั้นต้องรู้แล้วว่าพวกเขากำลังมีเรื่อง “ทอมใจเย็นนะเฮ้ย มีอะไรค่อยพูดค่อยจากัน พวกนายเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ”

ก็พังสิวะ... แม้แต่เสียงในใจยังเป็นแค่เสียงครางราวคนไร้เรี่ยวแรง อลันด์เงยหน้าสบกับนัยน์ตาสีฟ้าเข้มอย่างสิ้นหวัง

“ตอนนี้ถึงจะเป็นเจมส์ฉันก็ไม่ยกให้หรอกนะ” ชายหนุ่มพึมพำปิดความหวังทุกอย่างให้มอดแสงลงไปอีก แม้แต่เจมส์คนที่โธมัสเคยคิดจะยกเขาให้ยังไม่แคร์ สุดท้ายอัศวินขี่ม้าขาวยังไร้ประโยชน์ ถ้าไม่มีใครบุกเข้ามาช่วยได้เขาคงไม่รอดพ้นเป็นเมียเพื่อนจริงๆ

“โธ่เว้ย รหัสบ้าอะไรวะ อัล! อัลได้ยินฉันไหม ฉันต้องการรหัส”

“ไอ้โง่ทำไมไม่พังประตู เลี้ยงกล้ามไว้ทำด๋อยอะไรวะ” เสียงพึมพำเบายิ่งกว่าเสียงแมลงลอดออกจากกลีบปากหยักแดงช้ำ รู้สึกเจ็บไปทั้งตัวยิ่งกว่าตอนหนีไอ้คู่หูนรกที่ขโมยรถเขาอีก นี่ถ้ามีเครื่องช็อตไฟฟ้าอยู่เหมือนตอนนั้นบางทีเขาอาจจะเอาตัวรอดได้ดีกว่านี้ เขาไม่ควรไว้ใจไอ้หมาขนทองนี่เลยจริงๆ “เป็นเพื่อนกันมาตั้งนานจู่ๆ ก็อยากเป็นอย่างอื่นไม่ถามความสมัครใจกันสักนิด”

“ยังมีแรงพูดอะไรอีกหรือไงอัล หือ... ว่าไง บอกฉันซิว่าจะหนีไปจากฉันอีกไหม”

“ถ้านายอยากได้ร่างกายฉันนักก็เอาไปเหอะ แค่ให้หมามันเอาฉันไม่แคร์ แต่จำไว้แล้วกันว่านับจากนี้ไปแม้แต่ความเป็นเพื่อนฉันก็ไม่มีให้”

“ฉันไม่อยากเป็นเพื่อนนายแล้วอัล ฉันอยากเป็นแค่คนที่นายรัก”

“มันจะไม่มีวันนั้น”

“จะทำให้มี”

“หนึ่ง!”

“หืม?” โธมัสเลิกคิ้วเมื่อจู่ๆ อลันด์ตะโกนตัวเลขใส่หน้า จะว่านับให้สัญญาณคงไม่ใช่เพราะห้องนี้ปิดตายไปแล้ว นอกจากจะมีรหัสเปิดประตู...

“สี่!”

“บ้าเอ๊ย!” หนุ่มผมทองหยิบเสื้อกล้ามของตัวเองบนพื้นเอามาจัดการปิดปากคนตัวเล็กแต่ลูกบ้าเยอะอย่างอลันด์ทันที เขามองอีกฝ่ายดิ้นรนทุบตีพยายามหนีหลายครั้งหลายหนเหมือนคนไม่รู้จักจำ สุดท้ายอลันด์เองนั่นแหละที่เหนื่อยหมดแรงไปเองโดยที่เขาไม่ต้องทำอะไรเพิ่มเติม

โธมัสตรึงข้อมือเล็กกับพื้นพรม เอาตัวใหญ่ๆ แทรกกลางหว่างขา ไล่สายตามองตั้งแต่ใบหน้าฟกช้ำมีเลือดไหลออกจมูกพรากๆ จากฝีมือเขาลงมาถึงท้องน้อยไร้สิ่งปกปิด สภาพดูไม่ได้กว่าครั้งไหน เห็นแล้วแทบไม่อยากเชื่อเหมือนกันว่าเป็นฝีมือเขาทั้งหมด คนที่บอกว่ารักมากจนเสียไปไม่ได้คนนี้นี่แหละที่ทำ!

อยากถามว่าเจ็บไหม อยากบอกว่าขอโทษ แต่ถ้าต้องหยุดแล้วเสียอลันด์ไปให้คนอื่นตลอดกาล เขายอมเสี่ยงสักครั้งหวังเพียงความสัมพันธ์ทางร่างกายจะช่วยดึงรั้งไว้ได้แม้เพียงสายใยบางๆ ยังดี

“ฉันรักนาย”

อลันด์หลับตาปฏิเสธจะรับฟังคำพูดนั้น โธมัสอยากทำอะไรให้ทำไปเขาจะคิดว่ามันเป็นแค่ฝันร้าย หลังจากผ่านคืนนี้ไม่ว่าเรื่องจบลงแบบไหนไม่ว่าดีหรือร้ายคำว่าเพื่อนหรือแม้แต่คนรู้จักจะไม่มีให้กันอีกต่อไป เพราะเขาเชื่อที่ทิวากานต์บอก...ไม่มีใครทำร้ายคนที่เรารักได้หรอก สิ่งที่โธมัสทำมาตลอดและกำลังทำอยู่ไม่เคยใกล้เคียงกับคำๆ นั้นสักนิด

“แล้วนี่เหรอสิ่งที่มึงทำกับคนที่มึงบอกว่ารัก ไอ้เหี้ยเอ๊ย!!!”

ชื่อสัตว์เลื้อยคลานกระแทกเข้าหูเต็มๆ แต่นั่นไม่น่าตกใจเท่าร่างสูงหกฟุตห้านิ้วกับน้ำหนักอีกเกือบร้อยโลฯ ลอยกระเด็นไปไกลห้าหกเมตร ตาสีซีดเบิกกว้างมองคนมาใหม่ถลกแขนเสื้อเชิ้ตเดินดุ่มไปหยิบกีตาร์ Martin M36 เอามาฟาดใส่กลางลำตัวโธมัสจนชิ้นส่วนไม้แตกกระจายกลายเป็นเศษเล็กเศษน้อย

อลันด์น้ำตาแทบไหลเป็นสายเลือด ไม่ได้ดีใจที่ทิวากานต์มาช่วยได้ทัน แต่กีตาร์สุดรักนั่นตัวเกือบแสนบาท พี่แกเล่นทำพังแบบนี้เขาก็ต้องซื้อใหม่น่ะสิ ทำไมไม่หยิบตัวที่มันถูกกว่านั้น “เฮ้อ...ฉันจะเป็นลม”

“อัล อัลเป็นไรไหม” เจ้าชายขี่ม้าขาวเพิ่งจะมา เจมส์จับอลันด์พยุงลุกขึ้นช้าๆ เจ้าตัวเลยถือโอกาสเก็บหนอนน้อยเข้าที่ก่อนโชว์ให้คนมาใหม่ใจแตกไปเสียก่อน

“โอ... โอเค ฉันไม่เป็นไร อู๊ย...” อลันด์ครวญครางเมื่อเจ็บไปทั้งตัว เขาเอาหลังมือปาดเลือดกำเดาลวกๆ พ่อเฮนรี่ที่สามก็รู้งานรีบถอดเสื้อกล้ามมาให้เขาใช้อุดจมูกห้ามเลือดไปก่อน

“ให้ตายเถอะ ทะเลาะอะไรกัน ทำไมลงมือกันรุนแรงแบบนี้”

“เรื่องนั้นช่างมันก่อน นายรีบเข้าไปห้ามสองคนนั้นก่อนที่ห้องฉันจะเละไปมากกว่านี้เถอะ”

“จะ จะดีเหรอ” เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่เห็นสุภาพบุรุษตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างเจมส์เกิดอาการกลัว แต่ใครไม่กลัวสิน่าแปลกกว่าในเมื่อทิวากานต์ต่อยโธมัสกระเด็นไปชนบันได แล้วไอ้คนที่ตัวอัดอยู่กับที่ก็เอาคืนด้วยการถีบคุณหมอกระเด็นโดนโซฟาล้มดังตึงตัง เหมือนหมาตัวใหญ่สองตัวกำลังฟัดกันอย่างเมามันแบบไม่มีตัวไหนยอมลงให้ก่อน

“ดีสิ รีบๆ ไปห้ามเลย”

เขารีบรุนหลังคนตัวใหญ่กว่าเข้าไปกลางวงสมรภูมิทั้งที่ตัวเองก็กลัวขาสั่น ทิวากานต์มีเรื่องให้น่าเซอร์ไพรส์อยู่เรื่อย ตอนนี้ก็กำลังทำด้วยการพลิกขึ้นคร่อมโกลเด้นขนทองแล้วรัวหมัดใส่หน้าหล่อๆ ไม่ยั้ง แม่งน่ากลัวชิบหาย พ่อเอ๊ย!

เขาขอถอนคำพูดที่บอกว่าอีกฝ่ายเหมาะกับอาชีพหมอเดี๋ยวนี้เลย!

นอกจากสองหนุ่มร่างใหญ่คับห้องจะแลกมือแลกเท้าแบบไม่ให้ใครขาดทุนหรือได้กำไรเกินควร เสียงสบถด่าเป็นภาษาอังกฤษยังดังลั่นชนิดที่นึกว่าอยู่กลางดงสงครามที่ใช้ F word แทนกระสุนลอยทั่ว

หนุ่มเจมส์ปาดเหงื่อบนหน้าผากในหัวคิดหาวิธีแยกหมาบ้าสองตัวออกจากกัน แต่เหมือนจะยืนผิดที่ไปนิด ยังไม่ทันได้แผนการอะไรเท้าใครสักคนยันเข้าที่ท้องเป็นของฝากให้ลงไปนอนจุกเสียแล้ว

“ไอ้ลูกหมายังไม่หย่านมแม่ มึงคิดว่าทำแบบนี้แล้วกูจะปล่อยอัลให้มึงหรือไง ฝันเปียกไปเถอะ”

“มึงมันไอ้หน้าด้าน ทั้งที่รู้ว่าอัลเป็นของกูยังแย่งไปดื้อๆ”

“กูไม่ได้แย่ง เขาเลือกกูเองเว้ย มึงมันห่วย นกเขาไม่ขันเองต่างหาก”

“ไม่มีทาง โธมัสเก้านิ้วน่ะรู้จักไหม”

ด่าใส่กันพลางผลัดกันขึ้นคร่อมต่อยอีกฝ่าย หน้าหล่อๆ หมดสภาพเห็นแต่คราบเลือดบนหน้า อลันด์ไม่เคยคิดไม่เคยฝันมาก่อนในชีวิตว่าจะมีซีนที่ผู้ชายสองคนต่อยกันเพื่อแย่งตัวเอง ชีวิตเขาชักจะน้ำเน่าเข้าไปทุกทีตั้งแต่คบกับผู้ชาย

ใจหนึ่งอยากรู้อยู่หรอกว่าสุดท้ายใครจะชนะในศึกวันทรงชัยนอกรอบครั้งนี้ แต่ถ้ายังปล่อยให้อาละวาดต่อไปห้องเขาคงได้พินาศหมดทุกอย่าง เจมส์ก็พึ่งพาไม่ได้ สุดท้ายต้องพึ่งตัวเองอยู่ดี

โกลเด้น รีทีฟเวอร์ขนทองกับอัลเซเชียนขนดำกระโดดแยกจากกันทันทีที่โดนน้ำจากในอ่างสาดใส่หน้าเข้าหูเข้าตากันไปถ้วนหน้า โธมัสและทิวากานต์พร้อมใจกันสะบัดหัวน้ำกระจายเปียกพื้นพรมเป็นหย่อมๆ ก่อนมองหาที่มาเห็นตัวต้นเรื่องยืนเท้าเอวมองมาหน้าตาเอาเรื่อง

“หายบ้ากันหรือยัง ห้องพังหมดแล้วเนี่ย!”

“อย่ามาโวยวายใส่ฉันนะ ไปโทษไอ้หมาบ้านี่สิ ถ้าฉันมาช่วยไม่ทันเธอนั่นแหละจะตกเป็นเมียมันไม่รู้ตัว”

“อันนั้นเข้าใจแล้วก็ขอบคุณมากวา แต่ไม่ใช่ซัดกันเหมือนหมาแบบนี้ โอ้ว - มาย - ก็อด กีตาร์นั่นตัวละสองพันกว่าปอนด์ หมด! หมดกัน!!!”

“เดี๋ยวซื้อให้ใหม่” ทำป๋าพูดไปงั้น อยู่เวรทั้งเดือนยังซื้อไม่ได้ถึงครึ่งตัวเลยมั้ง คงต้องรับจ็อบนอกเพิ่มสักหน่อย คิดแล้วเครียด ตอนนั้นไม่น่าหน้ามืดคว้าอะไรมาฟาดไอ้หมาเลยจริงๆ

“ดี อันนั้นค่อยว่ากันทีหลัง แล้วนี่จะฆ่ากันให้ตายเลยใช่ไหม เป็นหมอไม่ใช่เหรอ อย่านึกว่าไม่เห็นตอนบีบคอทอมนะ ไม่ตายก็บุญแค่ไหนแล้ว ขี้เกียจไปส่งข้าวให้ที่ห้องขัง”

“ก็มันถีบพี่ก่อน” คุณหมอแก้ตัวเสียงอ่อยชักน้อยใจคนรักอ่อนวัย ขึ้นเสียงใส่เขาอย่างกับเมียแก่ เออ...ในทางปฏิบัติก็ใช่แต่อลันด์แค่ยังไม่แก่ แล้วนี่เขากลัวเมียใช่ไหม? “แล้วทำไมว่าแต่พี่ละ ว่ามันบ้างสิ มันตัวก่อเรื่องนะ”

ตาสีอ่อนเหลือบมองหมาขนทองนั่งขัดขากอดอกทำหน้าไม่สำนึกอยู่ข้างๆ ทิวากานต์ เมื่อกี้ตอนสาดน้ำเจ้าตัวกำลังพลาดท่าเสียทีถูกคุณหมอสะบัดหมัดใส่ไม่ยั้ง เขาช่วยไว้แท้ๆ ยังเชิดหน้าชูคออยู่อีก มันน่าปล่อยให้คุณหมอผ่าตัดจับมาเฉือนเนื้อซะให้เข็ด นี่ยังดีว่าสู้กันที่ห้องเขา ถ้าเป็นอีกห้องมีหวังทิวากานต์หยิบเอาปืนลูกรักรัวกระสุนใส่ร่างหนานี่แน่

อลันด์พ่นลมหายใจออกจมูกแรงๆ แล้วสะบัดหน้ากลับมามองหน้าอาบเลือดของทิวากานต์อีกครั้ง “ไม่อยากพูด พูดไม่รู้เรื่อง พูดแล้วก็ไม่ฟัง ไม่รู้จะพูดอีกทำไม บ้าเอ๊ย...”

แพขนตาสีอ่อนกระพริบถี่กลั้นหยดน้ำร้อนไว้สุดความสามารถแต่สุดท้ายก็หยดลงพื้นอาบแก้มเปียกไปหมด

ทิวากานต์ลุกขึ้นเดินมารวบอีกคนเข้าไปกอดแน่นๆ ลูบหลังลูบไหล่เท่าไหร่คนตัวเล็กไม่ยอมหยุดร้องไห้เสียทีจนใจเสียกันไปทั้งห้อง

“เจ็บไหม”

คำถามของทิวากานต์ไม่ได้จงเจาะไปที่คนขี้แยในอ้อมแขนหากหมายถึงหนุ่มผมทองที่สะบัดหน้าหนีไปอีกทาง แน่นอนว่า ‘เจ็บ’ ของทิวากานต์ไม่ได้หมายถึงร่างกาย ตาคมปรายมองโธมัสก่อนหันไปมองหนุ่มฝรั่งอีกคน พูดด้วยสายตาให้อีกคนเข้าไปช่วยพยุงคนปากหนัก

“ถ้ารู้สึกเจ็บก็ตามมาจะทำแผลให้ แต่ถ้าไม่ก็ไสหัวไป แล้วไม่ต้องมาเจอกันอีก” ทำไมทิวากานต์จะไม่โกรธโธมัสที่อาจหาญทำการขืนบังคับใจเด็กเขา หากเพราะรู้ดีว่าสายสัมพันธ์ที่ทั้งคู่มีให้กันมีค่ามากแค่ไหน ในฐานะคนที่เกี่ยวข้องจึงอยากช่วยรักษาให้มันคงอยู่ต่อไป แต่นั่นหมายถึงทั้งคู่เองต้องการที่จะเก็บความเป็นเพื่อนนี้ไว้ด้วยเช่นกัน



----------------------------
1 Shura - Touch
หัวข้อ: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 25 [24.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 24-01-2016 12:41:39
คุณหมอหน้าดุประคองอลันด์เดินออกจากห้อง 2112 กลับห้องฝั่งตรงข้าม เพียงเปิดประตูออกก็เจอทั้งเพื่อนร่วมชั้นและพนักงานรักษาความปลอดภัยยืนออกันให้เต็ม เขาเอ่ยขอโทษขอโพยลูกบ้านทุกคนที่ทำเสียงดังรวมไปถึงเจ้าหน้าที่ของคอนโดและแจ้งความประสงค์ว่าไม่ต้องการให้เรื่องถึงตำรวจ เป็นแค่การเข้าใจผิดกันเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น ถ้าเป็นคนอื่นพูดคงไม่มีใครเชื่อเท่าไหร่ หากเป็นศัลยแพทย์หน้าตาดีท่าทางสุภาพแม้หน้าจะเยินเลือดอาบทุกคนก็ไม่ติดใจแยกย้ายกลับห้องใครห้องมัน

เขาให้อลันด์นั่งที่โซฟาก่อนเดินไปเดินมาหยิบอุปกรณ์ทำแผลมากองไว้บนโต๊ะ ตอนนั้นถึงเพิ่งสังเกตว่าเสื้อสวมหัวของคนเด็กกว่าถูกฉีกขาดแทบกลายเป็นเสื้อผ่าหน้า ศีรษะทุยส่ายไปมากับความบ้าพลังของโธมัส ตัดสินใจเดินขึ้นไปชั้นบนเปลี่ยนเสื้อผ้าชุ่มน้ำแล้วหยิบเสื้อตัวใหม่ลงมาให้อลันด์เปลี่ยนด้วย ก่อนเดินย้อนไปหยิบเสื้อมาอีกสองตัวเมื่อเห็นไอ้หมาขนทองกับพ่อเฮนรี่ที่สามเสนอหน้าเอาตัวมานั่งโชว์หุ่นเซ็กซี่ให้ใส่กันอุจาดตา ใช่ว่ามีหกห่อแล้วจะเดินถอดเสื้อผ้าโทงๆ ได้ซะที่ไหน

“ไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำซะ แล้วมานั่งรอทำแผลตรงนี้” ทิวากานต์สั่งโดยไม่มองหน้าโธมัส แต่โยนเสื้อยืดตัวใหญ่วางแหมะบนตักแม่นยำเหมือนมีตาหลัง ก่อนบอกให้เจมส์หยิบกระจกบนโต๊ะมาสำรวจบาดแผลบนหน้าตัวเอง

คิ้วแตก ตาแตก ปากแตก แตกขนาดนี้แอนตาซินคงไม่จ่ายแต่เตรียมโทรไปลางานได้เลย ขืนเอาหน้าบวมๆ ไปโรงพยาบาลคงได้ตกใจกันทั้งพยาบาลและคนไข้ ดีไม่ดีโดนอาจารย์อาคมเรียกไปด่าอีก

ทิวากานต์เอาผ้าขนหนูชุบน้ำทำความสะอาดหน้าตัวเองลวกๆ แล้วค่อยหยิบสำลีแปะแผลแตกเหนือคิ้วกดห้ามเลือด ตอนนั้นไอ้ตัวต้นเหตุเดินกลับมาพอดีหน้าตาสะบักสะบอมไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่าไหร่ ดูแล้วน่าจะเละกว่าสักสองเท่าด้วยซ้ำเขาเลยจับมาห้ามเลือดไปด้วยอีกคน

“นั่งกดสำลีรอไปก่อน แตกแบบนี้ต้องเย็บ” คุณหมอว่าอย่างนั้นก่อนมือใหญ่จะจับอลันด์ให้หันหน้ามาทางตนแล้วเริ่มลงมือทำแผลให้ “ดูซิ แก้มบวมหมดเลย เจ็บไหมฮึ เลือดกำเดาหยุดแล้วใช่ไหม”

“ซี้ด...” เด็กหนุ่มจิ๊ปากแทนคำตอบเมื่อถูกอีกฝ่ายเอาผ้าขนหนูชุบน้ำลูบทำความสะอาดไปตามใบหน้า คงหาภาพหมอหน้าเยินทำแผลให้คนไข้สภาพไม่ต่างกันแบบนี้ที่ไหนไม่ได้อีกแล้วล่ะ

“เจมส์ช่วยไปต้มน้ำแล้วเอาใส่ถุงน้ำร้อนในลิ้นชักข้างตู้เย็นมาให้ที”

“ครับ” หนุ่มอังกฤษลุกขึ้นไปทำตามคำสั่งเงียบๆ มีเพียงเสียงก๊อกแก๊กหาของช่วยไม่ให้บรรยากาศตึงเครียดเกินไป

“ถอดเสื้อเร็วอัล จะทายาให้”

อลันด์ดึงซากอดีตเสื้อออกทางหัวแล้วปล่อยทิ้งไว้บนพื้น นั่งนิ่งบนโซฟาให้ทิวากานต์เอายานวดๆ ถูๆ ตามรอยช้ำ ทั้งเจ็บทั้งแสบแต่คนที่ทำให้ดูท่าจะเจ็บกว่าจึงไม่ร้องบ่นออกมาสักแอะ จนทายาเสร็จเรียบร้อยจึงชูแขนขึ้นรอคุณหมอสวมเสื้อตัวใหม่ให้

“นอนระบมทั้งคืนแน่” ทิวากานต์ยิ้มจาง ใช้มือใหญ่แสนอบอุ่นลูบผมสีช็อกโกแลตนมลงมาถึงแก้มนุ่ม ตอนนั้นเจมส์เดินออกมาจากครัวพร้อมถุงน้ำร้อนพอดี เขาเลยบอกให้พ่อหนุ่มโปโลส่งมันให้อลันด์ประคบตรงช่วงท้องที่ถูกต่อยเสีย

เมื่อจัดการคนรักเสร็จจึงถึงคิวตัวคุณหมอกับหมาบ้าเสียที เขาเอากรรไกรตัดหลอดยาเป็นสองส่วน โยนให้โธมัสไปจัดการตัวเองครึ่งหนึ่งอีกครึ่งเอามาทาตามเนื้อตามตัวตรงที่เริ่มขึ้นรอยช้ำ เพราะว่าผิวขาวกันทั้งห้องไม่ต้องรอข้ามวันรอยขึ้นให้เห็นแทบจะทันที ระหว่างทาทิวากานต์หยิบโทรศัพท์ต่อสายไปหาเพื่อนรุ่นน้องที่เปิดคลินิกอยู่แถวนี้ สั่งอีกฝ่ายแบบเผด็จการว่าอย่าเพิ่งปิดร้านและให้เตรียมอุปกรณ์เย็บแผลไว้อีกครึ่งชั่วโมงจะไปหา

อลันด์นั่งฟังคุณหมอคุยโทรศัพท์เป็นภาษาไทยตาปริบๆ เข้าใจว่าจะพาทั้งตัวเองและโธมัสไปเย็บแผลแตกบนหน้ากันที่นั่น ไม่รู้จะเป็นคนดีไปไหน ถ้าเป็นเขาปล่อยให้ไปหาหมอข้างนอกเองตั้งนานแล้วไม่ปล่อยให้ยังนั่งหน้าสลอนไม่รู้ร้อนรู้หนาวเหมือนคนไม่สำนึกอยู่แบบนี้หรอก

คนตัวเล็กสุดแทบไม่มองหน้าเพื่อนรักตั้งแต่ไปเปิดประตูให้อีกฝ่ายเข้าห้องมาด้วยซ้ำ เห็นแล้วมันหงุดหงิด ทั้งโกรธทั้งน้อยใจ แต่ที่มากกว่าอะไรทั้งหมดคือโมโหตัวเองที่เกลียดโธมัสไม่ลง

“พี่รันพรุ่งนี้ผมลาป่วยนะช่วยหาคนทำเคสแทนให้ทีสิ ผมโทรไปบอกที่โรงบาลแล้วล่ะแต่พรุ่งนี้มีเคสทำบายพาสอยากได้คนที่ไว้ใจได้หน่อย เอาเดนท์กลุ่มพี่ก็ได้ อ๋อ ไม่มีไรพี่อุบัติเหตุน่ะ กำลังไปหาหมอครับ คลินิกไอ้วีที่เทรนศัลย์จบเมื่อปีที่แล้วอ่ะพี่ ใกล้บ้านดี ไม่ต้องมาๆ ดูแลตัวเองได้ ไอ้ตัวแสบก็อยู่ด้วย พี่ไม่ต้องเป็นห่วงนี่ระดับไหนแล้วเย็บแผลเองยังไหว ครับ ขอบคุณมากครับพี่ ครับ สวัสดีครับ”

ทิวากานต์วางโทรศัพท์หลังโทรไปลางานที่โรงพยาบาลและโทรไปฝากงานกับการันต์แล้ว เขาถอนหายใจยาวเหยียด ตาคมเลื่อนไปหาหนุ่มผมทองตัวโตก่อนลุกขึ้นยืนเดินไปหยิบกุญแจรถแล้วหันกลับมาบอกพวกเด็กน้อยวัยว้าวุ่น

“เอ้าลุก หรือจะนั่งตรงนี้ให้แผลปริอีกรอบ อยู่เฉยๆ แผลมันไม่หายเองหรอกนะ”

“ขับรถไหวเหรอวา ไปแท็กซี่ดีกว่าไหม”

“จะอัดไงตั้งสี่คน พูดเหมือนทุกคนตัวเท่าเรางั้นแหละ ฮึ่ม...” หยอกคนรักแล้วก็ร้องครางในคอเมื่อเดินลงเท้าแรงไปหน่อย มันเจ็บร้าวอยู่ในทรวงจี๊ดขึ้นถึงสมอง ไอ้หมานั่นก็ต่อยมาได้ไม่ดูอายุเขาเลย วัยเขาไม่ใช่วัยที่กระดูกจะต่อได้ง่ายๆ เหมือนเด็กแล้วนะเว้ย

“ผมขับให้ไหม มีใบขับขี่สากลนะ” เจมส์ที่สภาพสมบูรณ์สุดอาสา หากคนรักรถยิ่งกว่าลูกส่ายหน้าพรืด ถึงจะมีใบขับขี่สากลใช่ว่าจะขับรถในกรุงเทพได้ง่ายเสียเมื่อไหร่ รู้กันอยู่ว่าคนที่นี่มารยาทบนท้องถนนดีเหลือเกิน สุดท้ายเป็นอลันด์ขอรับหน้าที่นี้เอง มีทิวากานต์นั่งหลังคอยบอกทางให้

บนบีเอ็มดับบริวซีรีส์ไฟว์คันโตเต็มไปด้วยความเงียบ อลันด์ที่ไม่ชินกับการขับรถเก๋งคันใหญ่ตั้งสมาธิมองถนนจนแทบลืมคนเจ็บตัวโตสองคนที่นั่งอยู่เบาะหลัง ตอนนี้ขอเพียงอย่าเพิ่งลุกขึ้นมาตีกันอีกรอบเป็นพอไม่งั้นมีหวังได้เป็นวิญญาณเฝ้าข้างทางกันทุกนาย

ใช้เวลาฝ่าการจราจรช่วงหัวค่ำทะลุเข้าตรอกซอกซอย เด็กฝรั่งก็พาผู้โดยสารทุกคนมาถึงที่หมายอย่างปลอดภัย อลันด์ช่วยพยุงทิวากานต์ลงจากรถเข้าไปในคลินิก ปล่อยให้โธมัสช่วยเหลือตัวเองกับเจมส์ไปตามยถากรรม พอพยาบาลกับคุณหมอเห็นคนเจ็บจึงปรี่กันมาช่วยคนละไม้คนละมือ เสียงถามไถ่ด้วยความสงสัยดังก้องห้องโถงเล็กๆ

“ไปทำอะไรกันมาครับเนี่ย หน้าเยินหมดหล่อแล้วเฮียกู”

“กัดกับหมามามั้ง เตรียมของไว้แล้วหรือยังจะได้เย็บๆ ให้เสร็จไปสักที”

“เรียบร้อยรอเฮียวามาใช้ตั้งนานแล้ว ห้องแรกเลยครับ เฮียเข้าไปรอเลยเดี๋ยวผมทำให้”

“ไม่ต้อง เดี๋ยวฉันเย็บให้ไอ้เด็กนั่นก่อน ขอพยาบาลช่วยด้วยคน ส่วนแกสั่งยาให้เด็กคนนั้นที พูดไทยได้ คล่องยิ่งกว่าเจ้าของภาษา ไปถามอาการกันเอาเอง” ทิวากานต์ชี้ไปที่คนรักให้นายแพทย์รุ่นน้องดูแล้วหันกลับมาหาโธมัสก่อนสั่งอีกคนเป็นภาษาอังกฤษ “ส่วนทอมตามฉันมานี่ จะทำแผลให้”

หนุ่มลูกเสี้ยวเยอรมันลุกเดินตามอีกฝ่ายเข้าห้องตรวจไปตามคำสั่ง มือข้างหนึ่งนวดตรงซี่โครงไปด้วย ใช่ว่าเขาลงมือกับทิวากานต์หนักคนเดียวเสียเมื่อไหร่ ไอ้หมอโฉดนั่นก็ลงตีนกับเขาไม่แพ้กันนั่นแหละ

“นั่นเตียงขึ้นไปนอนแล้วอยู่นิ่งๆ ฉันถามก็ตอบ ถ้าไม่ได้ถามก็เงียบ เข้าใจแล้วขึ้นไปนอนซะ”

เห็นคนไข้ว่าง่ายถอดรองเท้าขึ้นนอนรอบนเตียง ทิวากานต์จึงให้พยาบาลล้างแผลบนหน้าหนุ่มหล่อทันที หญิงสาวหนึ่งเดียวในห้องถึงกับหันมาเม้าท์ด้วยเป็นภาษาไทยหลังเห็นหน้าตาโธมัสชัดๆ ว่าหล่ออย่างนั้นหล่ออย่างนี้ น่าหมั่นไส้ชวนให้เย็บแผลหยาบๆ ทิ้งรอยแผลเป็นไว้เป็นที่ระลึกเสียจริง แต่ปากกลับบอกอีกฝ่ายว่าจะเย็บให้สุดฝีมือทิ้งรอยแผลไว้น้อยที่สุดจะได้ไม่กระทบกับอาชีพนายแบบที่ต้องใช้หน้าหล่อๆ

“เจ็บไหม”

“ไม่” เด็กหนุ่มกัดฟันตอบขณะหลับตาให้หมอโฉดเย็บแผลตรงหางคิ้วโดยไม่ฉีดยาชาสักเข็ม! พยาบาลทักแล้วก็ทำหูทวนลมไม่สนใจ แถมยังไล่หล่อนออกจากห้องไปหลังจากเธอทำความสะอาดแผลคนเจ็บเสร็จ

“ดี แล้วทำอัลร้องไห้เจ็บไหม”

“...”

“ฉันถามก็ตอบ พูดมาไม่ต้องตีมึน อย่าลืมว่าหน้าหล่อๆ ของแกอยู่ในกำมือฉันนะ”

“เจ็บ เจ็บแทบบ้าเลย! พอใจหรือยัง” หนุ่มผมทองกระชากเสียงตอบ ถ้าไม่ติดว่าอยู่ในสถานพยาบาลเขากับไอ้หมอคงได้ลุกขึ้นมาต่อยกันอีกรอบ

“นึกว่าโง่จนคิดไม่ได้ ก็ดี๊” ทิวากานต์ทำเสียงสูงขณะบรรจงเย็บแผลให้อีกฝ่าย “แล้วรักอัลมากไหม”

“ถ้าไม่รักจะเป็นบ้าแบบนี้เหรอ”

เออแน่ะ รู้ตัวเสียด้วย “งั้นทำไมถึงทำร้ายคนที่รักล่ะ อันนี้ไม่ต้องตอบนะแค่พูดให้ฟังแล้วเอาไปคิด”

“ด็อกจะไปเข้าใจอะไร ด็อกไม่ใช่ผมนี่ ด็อกเป็นคนที่อัลเลือกก็พูดได้สิ ส่วนผมมันแค่คนถูกทิ้ง ทั้งที่ผมมาก่อนใครทุกคน แล้วทำไมผมถึงต้องแพ้”

“เคยเอาคำพวกนี้ย้อนกลับไปถามตัวเองหรือยัง นายพูดถูกฉันไม่ใช่นายฉันไม่เข้าใจหรอก คนอื่นก็เหมือนกัน ทั้งอัล เจมส์ หรือใครต่อใครข้างนอกนั่นไม่มีใครที่เป็นนายสักคน พวกเขาไม่มีวันเข้าใจ มีแต่นายเท่านั้นที่ต้องทำความเข้าใจตัวเองให้ได้ก่อนไปเรียกร้องให้คนอื่นเข้าใจ”

“...”

“แต่ฉันตอบได้อย่างหนึ่งนะว่าทำไมทั้งที่นายมาก่อนแล้วถึงไม่ใช่คนที่ถูกเลือก”

“ทำไม”

“เพราะนายเป็นคนที่ทิ้งอัลก่อนไง”

ทิวากานต์เฉลยพลางหยิบกรรไกรมาตัดไหม เขาเย็บแผลได้เร็วและสวยสมกับเป็นหมอศัลย์หัวใจที่ต้องทำงานแข่งกับเวลา

“นายเป็นคนที่ได้ทุกอย่างจากอัลก่อนใครแล้วนายก็โยนมันทิ้งไม่ใส่ใจ ไม่เคยเห็นค่า มองเป็นแค่สิ่งที่นายควรได้ พอวันหนึ่งมีคนอื่นได้ไปนายถึงเพิ่งรู้สึก ฉันไม่ตัดสินว่าสิ่งที่นายรู้สึกต่ออัลเป็นความรักจริงๆ หรือแค่อาการหวงของของพวกเด็กนิสัยเสียหรอกนะ แต่อัลเคยรักนายจริงและเขาเจ็บปวดมากกับสิ่งที่นายปฏิบัติต่อเขา”

เด็กหนุ่มวัยสิบเก้าปีหลับตาปล่อยให้หยดน้ำกลิ้งออกมาจากส่วนปลายช้าๆ สีหน้าเขาดูเจ็บปวดและทรมาน แผลภายนอกทั้งหมดเทียบไม่ได้เลยกับแผลในหัวใจที่เขาเป็นคนลงมือทำเอง

“ผมเข้าใจทั้งที่อัลบอกและที่ด็อกพูดนะ แต่ผมไม่อยากยอมรับมันเลย เพราะถ้ายอมรับมันก็เท่ากับผมเสียอัลไปแล้วจริงๆ ผมทำใจไม่ได้ถ้าจะตอบตัวเองว่าทำพลาดและปล่อยเวลามานานเกินไป”

“ถึงจะสายไปแล้วแต่ใช่ว่าจะคว้าโอกาสสุดท้ายไม่ได้ ฉันเชื่อว่าต่อให้เหตุการณ์วันนี้จะเลวร้ายกับอัลมากแค่ไหนแต่สิ่งเดียวที่จะไม่เปลี่ยนไปคือความรักอย่างที่เพื่อนคนหนึ่งจะมีให้กับเพื่อนอีกคนแบบไม่มีขีดจำกัดและกาลเวลา ทอม...นายยังเหลือสิ่งนี้ให้คว้าไว้นะ คิดให้ดีๆ ว่ายังอยากได้โอกาสนี้อีกไหม”

“คุณนี่แปลกนะด็อกเตอร์วา ทั้งที่ผมทำร้ายคนที่คุณรักแต่คุณยังบอกให้ผมกลับไปเป็นเพื่อนกับเขาอีกเนี่ยนะ”

“เพราะฉันรู้ไงว่าไม่มีใครเป็นหมาที่รักอัลได้ดีเท่านายอีกแล้ว” เขาว่าก่อนบนให้อีกคนพลิกตัว มือข้างหนึ่งดึงขอบกางเกงลงแล้วค่อยหยิบเข็มฉีดยากันบาดทะยักทิ่มลงไปบนก้นแน่นๆ

โธมัสหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ อมยิ้มจนตาหยีทั้งที่หน้าตาปูดบวมหมดคราบนายแบบสุดหล่อ บางทีเขาควรยอมรับความจริงเสียทีแม้จะเจ็บปวดเจียนตาย แต่เพื่อให้ได้อยู่เคียงข้างอลันด์ต่อไป และเขาต้องผ่านมันไปให้ได้ด้วยตัวเอง

ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เพื่อใคร หากเพื่อเขาและคนที่เขารักที่สุดในโลกอย่างอลันด์

.
.
.

พวกเขาแยกย้ายกันตั้งแต่หน้าคลินิกเมื่อเจมส์ตัดสินใจพาเพื่อนตัวโตกลับโรงแรมแทนกลับไปกินมื้อเย็นฝีมือทิวากานต์ที่คอนโดตามแผนการเดิม คู่รักหน้าบวมตาปูดจึงขึ้นรถขับกลับทันทีปล่อยสองหน่อต่างด้าวเรียกแท็กซี่กันเอง

แม้โธมัสจะเคลียร์กับคุณหมอเรียบร้อยแล้ว แต่พอออกจากห้องตรวจเขายังคงนิ่งเงียบไม่พูดและไม่มองอลันด์เหมือนเดิม ทำให้คนตัวเล็กน้อยใจถึงขั้นสูดน้ำมูกฟืดฟาด พอขึ้นประจำที่นั่งคนขับสตาร์ทเครื่องแล่นรถออกมาได้ไม่เท่าไหร่ก็ระบายให้คนรักฟังสลับเสียงสะอื้น ทิวากานต์กลัวจะกลับกันไม่ถึงบ้านขอเปลี่ยนที่นั่งยอมทนเจ็บขับรถเองดีกว่า

“แค่พูดคำว่าขอโทษแค่นี้มันจะตายหรือไง นี่น่ะเหรอที่บอกว่ารักกัน ฮึก...”

“บางทีทอมอาจต้องการเวลาสักนิด”

“ช่างแม่งเหอะ จะไปบ้าที่ไหนก็ช่างแม่ง ผมจะไม่สนใจทอมแล้ว”

“งั้นก็เลิกร้องไห้ซะนะ เช็ดหน้าเช็ดตาให้เรียบร้อยด้วยเดี๋ยวถึงแล้วเข้าเซเว่นไปซื้อข้าวกล่องมานะ ขี้เกียจทำข้าวกินล่ะ”

“ตังล่ะ”

ทิวากานต์ล้วงกระเป๋าตังส่งให้อีกคนทั้งใบ เมื่อกี้ก็จ่ายค่ายาค่ารักษาให้ทั้งตัวเองกับเด็กอีกสองคน ถึงนายแพทย์รุ่นน้องจะบอกว่าไม่เอาแต่เขาก็ยัดเงินไปให้สองพัน ไหนจะค่ากีตาร์ไอ้เด็กตัวแสบแล้วพรุ่งนี้ต้องจ้างแม่บ้านให้ไปทำความสะอาดห้องนู้นอีก ดีว่าอีกสี่วันเงินเดือนจะออกไม่งั้นต้องไปเอาเงินสำรองมาใช้แน่ เหมือนตั้งแต่รับเด็กมาเลี้ยงการเงินเขาชักจะตึงๆ แล้วสิ

เมื่อถึงคอนโด ทิวากานต์ตีไฟคู่จอดหน้าเซเว่นให้อลันด์ลงไปซื้อข้าวกล่องสำเร็จรูปรอขึ้นห้องไปด้วยกัน เพียงแค่ห้านาทีเด็กฝรั่งก็กระโดดขึ้นรถพร้อมถุงเซเว่นส่งกลิ่นหอมฉุย ท่าทางอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อยเพราะไม่สะอื้นแล้วแถมยังถามนู่นถามนี่จนขี้คร้านจะตอบ

“จะว่าผมยังไม่ได้ถามเจมส์เลยว่าขึ้นมาข้างบนได้ยังไงโดยที่ไม่มีคีย์การ์ด เอาจริงนะ ตอนนั้นผมนึกว่าหมอนั่นจะเป็นเจ้าชายขี่ม้าขาว ที่ไหนได้...ช่วยอะไรไม่ได้สักอย่าง นี่ถ้าวาไม่ทันผมได้เสร็จไอ้หมาจริงๆ แน่”

“แต่ถ้าเจมส์ไม่เคาะประตูโวยวายจนเพื่อนบ้านโทรไปแจ้งยาม ฉันคงเอ้อระเหยแวะซื้อของที่เซเว่นไม่รีบขึ้นลิฟต์หน้าตื่นไปช่วยเธอหรอก”

“คิก ขอบคุณนะวา แล้วนี่เจ็บมากไหม แผลที่แตกไม่เย็บจริงๆ จะดีเหรอ” อลันด์ลงจากรถเดินอ้อมมาช่วยพยุงคนรักเดินออกจากลานจอดรถ ตอนอยู่ที่คลีนิคหลังจากทำแผลให้โธมัสแล้วตอนแรกทุกคนนึกว่าทิวากานต์จะให้หมอเจ้าของร้านทำแผลให้ต่อ แต่เจ้าตัวบอกไม่ต้องเห็นว่าแผลแค่นี้เอาพลาสเตอร์ยาปิดเอาก็ได้

“แผลไม่ถึงเซ็นเย็บไปให้หน้าเป็นแผลเป็นเปล่าๆ ปล่อยไว้งี้แหละเลือดหยุดก็พอ ไม่ตายง่ายๆ หรอกไกลหัวใจตั้งเยอะ ทำหน้าไม่เชื่ออีก นี่ใคร...นี่หมอนะ”

“ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย” คนตัวเล็กกว่าบ่นอุบ ไม่เข้าใจว่าจะเก็บความหล่อไว้ทำไมทั้งที่อายุไม่ใช่น้อยๆ แล้ว ถ้ารู้ว่าจะเอาไปล่อสาวได้มีบ้านแตกแน่

“คิดอะไรไร้สาระอีกล่ะสิ”

“เปล่าสักหน่อย” เขาตัดบทพอดีกับที่เดินมาถึงหน้าห้อง เมื่อเข้าไปทิวากานต์มีอันต้องโวยวายที่เห็นกล่องใส่อุปกรณ์แมวเหมียวของรักถูกรื้อค้น อลันด์จำต้องรับสารภาพว่าเพื่อนฝรั่งทั้งสองเป็นคนเอามาเล่นแล้วบังคับให้เขาใส่ด้วย แต่พอเกิดเหตุขึ้นหูแมวทั้งสามได้กระจัดกระจายหายไป คาดว่าสองอันน่าจะอยู่ที่ห้อง 2112 แต่อันที่เจมส์ใส่ไม่ทราบชะตากรรมแน่ชัด คุณหมอหนุ่มถึงกับกรีดร้องโวยวายจะเอาเรื่อง หาสะสมมาตั้งนานดันถูกเด็กเวรทำหายง่ายๆ ซะงั้น

ทั้งคู่นั่งจัดการมื้อเย็นตอนเกือบสามทุ่มกันที่โซฟาหน้าทีวีเงียบๆ ทิวากานต์นั้นหน้าบูดเป็นตูดเอาแต่กดโทรศัพท์คาดว่าน่าจะกำลังทำการกดดันนายแพทย์วชิระเพื่อนรักเพื่อนชังให้ซื้อหูแมวจากญี่ปุ่นส่งมาแทนของเดิมที่หายไป อลันด์เห็นว่านอกจากเรื่องงาน เรื่องรถ ก็เห็นจะมีเรื่องนี้ที่คุณหมอหน้าโหดทุ่มสุดตัว ไร้สาระมากขอบอกเลย

ข้าวยังไม่ทันหมดเสียงดนตรีพื้นฐานจากโทรศัพท์รุ่นยอดนิยมก็ดังทำลายความเงียบ อลันด์หยิบขึ้นดูชื่อคนโทรเข้ามาเห็นเป็นหนุ่มอังกฤษที่เพิ่งแยกกันไปก็ขมวดคิ้ว กลัวมีเรื่องอะไรอีก “ไงเจมส์ มีปัญหาอะไรอีกหรือเปล่า”

‘ไม่มีหรอก แค่จะโทรมาลา’

“ลา? หมายความว่าไง”

‘ฉันกับทอมคุยกันแล้วว่าเราจะกลับลอนดอนกันคืนนี้เลย เพิ่งให้ทางโรงแรมจองตั๋วให้ได้เที่ยวบินตอนตีสองครึ่ง’

“เดี๋ยวสิ ทำไมรีบกลับกัน... อ่า โอเค ฉันเข้าใจล่ะ” หัวทุยส่ายกับโทรศัพท์ข้างหู พอจะเข้าใจเหตุผลที่สองหนุ่มจะกลับลอนดอนทั้งที่เพิ่งมาถึงเมืองไทยเมื่อเช้า

‘ทอมต้องการเวลาทำใจสักหน่อย อืม...แต่ว่า...จะเป็นอะไรไหมถ้าฉันจะขอร้องนายสักเรื่อง ช่วยมาหาทอมหน่อยได้ไหม อย่างน้อยมาส่งที่สนามบินก็ได้ มาให้ทอมได้เอ่ยปากขอโทษนายสักครั้งก่อนที่จะไม่ได้เจอกันอีก’

“ฉัน... ฉันจะเก็บไปคิดดู”

‘ขอบคุณมากอัล’

“ขอโทษด้วยนะ เลยกลายเป็นเที่ยวไม่สนุกเลย”

‘ไม่หรอก อย่างน้อยฉันจะได้ตัดใจจากนายเหมือนกัน เจ้าของดุซะขนาดนี้’

“รู้แล้วก็ดี”

‘นี่ไม่ตกใจหน่อยหรือไงที่ฉันชอบนายน่ะ’

“ฉันรู้เป็นชาติแล้ว รู้เรื่องที่นายแอบมาขโมยจูบฉันด้วย ถือว่าทำบุญให้แล้วกัน”

‘เหอะนายนี่มัน...ฉันชอบเข้าไปได้ไงเนี่ย’

“ไม่ได้ขอให้มาชอบสักหน่อย” เขาย่นจมูกใส่โทรศัพท์แม้ว่าคนปลายสายจะไม่เห็น “ฉันวางสายแล้วนะจะกินข้าวต่อ”

‘โอเค แล้วฉันจะรอนะ บาย’

“บาย”

“มีอะไรหรือเปล่า” เสียงทุ้มถามหลังเขาโยนโทรศัพท์ทิ้งบนโซฟา อลันด์ยักไหล่ให้คนรักพลางตักข้าวเข้าปาก

“เจมส์โทรมาสารภาพรัก”

“อ่าฮะ แล้ว?”

“แล้วก็บอกว่าจะกลับลอนดอนกันคืนนี้ ให้ผมไปส่งทอมด้วย ผมเลยบอกว่าขอคิดดูก่อน” พูดจบก็ซัดข้าวที่เหลือเข้าปากจนหมดเกลี้ยงเหมือนกลัวมีใครมาแย่ง ทิวากานต์ส่ายหน้าระอาแต่ก็ยื่นแก้วน้ำให้เมื่ออลันด์ทำท่าเหมือนข้าวติดคอ

“อยากไปไหมละ”

“แล้ววาอยากให้ไปไหมล่ะ”

“ไม่ใช่เรื่องที่พี่ต้องตัดสินใจ ทอมกำลังขอโอกาสครั้งที่สามและเป็นโอกาสครั้งสุดท้าย ทุกอย่างอยู่ที่ตัวอัล แต่พี่ว่าเรามีคำตอบอยู่ในใจอยู่แล้วนะ” ทิวากานต์ทิ้งท้ายไว้ก่อนลุกขึ้นเดินยักแย่ยักยันเอากล่องข้าวไปทิ้งถังขยะในห้องครัว ปล่อยให้อลันด์นั่งตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อไปกับความสัมพันธ์อีรุงตุงนังของตนเองและเพื่อนรัก



หลังจากนั่งคิดจนเกือบหลับไปด้วยฤทธิ์ยา อลันด์เอาเท้าตัวเองมาแตะที่สนามบินอีกครั้งอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก เขาหันไปมองทิวากานต์ อีกฝ่ายพูดแค่ว่าจะขับรถวนอยู่แถวนี้ถ้าเสร็จแล้วให้โทรหาจะกลับมารับ เด็กฝรั่งจึงต้องเดินมึนๆ ผ่านประตูเก้าเข้าไปในอาคารสอดส่ายสายตามองหาเพื่อนตัวโตทั้งสอง

“อัล!”

“หือ?” เด็กหนุ่มหันไปมองคุณหมอรูปหล่อบนพอร์เช่เปิดประทุน คิ้วหนายักคิ้วส่งมาให้กวนๆ ก่อนบอกสาเหตุที่เรียกไว้

“อย่าลืมทวงค่าเสียหายเรื่องหูแมวกับเจมส์ด้วยล่ะ”

“ประสาท!” เด็กฝรั่งร้องเสียงหลงเดินกระแทกส้นเท้าเข้าไปในอาคารไม่สนใจคนโรคจิตอีก

เจมส์บอกว่าตั๋วกลับลอนดอนชั้นเฟิร์ตสคลาสเร็วสุดที่หาได้เป็นของสายการบินอาหรับ ต้องไปทรานซิสที่ดูไบเกือบสี่ชั่วโมงและเครื่องจะเทคออฟตอนตีสองยี่สิบห้า ถ้าจะมาเช็คอินอย่างช้าสุดก็สักก่อนเครื่องออกหนึ่งชั่วโมง

ตอนนี้เที่ยงคืนครึ่งแล้วไม่รู้เขามาทันหรือเปล่า กำลังจะหยิบโทรศัพท์ติดต่อหาอีกฝ่ายพอดีกับหางตาเห็นแผ่นหลังคุ้นเคยผ่านมาไวๆ จึงรีบเรียกไว้ไม่ทันได้คิดว่าเป็นคนที่ไม่กล้าเผชิญหน้าอย่างโธมัส

“ทอม!”

ชายหนุ่มผมสีบลอนด์เข้มตัดอันเดอร์คัตทรงเดียวกับทิวากานต์สวมสูทสีดำสนิทค่อยๆ หันกลับมามองคนเรียกราวกับไม่แน่ใจ พอเห็นชัดว่าเป็นใครร่างสูงถึงกับถอนหายใจเสสายตามองเพดานอาคารผู้โดยสารแทน ผิดกับเจมส์ที่แสดงความยินดีออกมาทางสายตาและริมฝีปากที่ยักโค้งขึ้น พวกเขายืนนิ่งอยู่ตรงนั้นจนเพื่อนรักตัวเล็กเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า

“นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว” หนุ่มเจมส์โล่งอกเบาๆ เขาฉีกยิ้มให้คนตัวเล็กก่อนรับอีกฝ่ายเข้ามาในอ้อมกอด

“ไม่ได้มารับอย่างน้อยมาส่งก็ยังดี เดินทางดีๆ นะเจมส์ ขอโทษที่ไม่ได้เทคแคร์เท่าไหร่”

“ไม่เป็นไร ฉันยังมีโอกาสอีกเยอะ” เขาผละออกมาขยี้หัวอีกฝ่ายเล่นก่อนหันไปบอกเพื่อนที่มาด้วยกัน “งั้นฉันเข้าไปก่อนนะทอม แล้วเจอกันอัล”

“บาย”

“บาย คุยกันดีๆ ล่ะ” ท้ายประโยคหันไปบอกโธมัสที่ยังยืนนิ่งมองเพดานเหมือนเดิม หนุ่มตาเขียวยักไหล่ก่อนเดินถือแก้วกาแฟสตาร์บั๊คส์เข้าไปด้านในที่ต้องตรวจร่างกาย

เมื่อเหลือกันสองคนความเงียบจึงกลับมาเยือนอีกครั้ง แม้สนามบินยามตีสองจะยังคงมีคนพลุกพล่านเหมือนไม่มีวันหลับใหล ต่างคนต่างจมอยู่กับความคิดตัวเองกระทั่งโธมัสเป็นฝ่ายเปิดปากพูดกับอลันด์เป็นครั้งแรกนับจากเกิดเรื่อง

“ความจริง...ฉันยังไม่พร้อมจะเจอนายเท่าไหร่ ฉันต้องการเวลาทำใจและยอมรับความจริง ความจริงที่ว่า...ฉันทำร้ายนายและเสียนายไปแล้ว”

“ถ้านายเสียฉันไปแล้ว งั้นที่ยืนอยู่ตรงนี้ไม่ใช่ฉันหรือไง”

“นั่นสินะ อัล...อัลตัวเป็นๆ”

“It’s me”

“ใช่ เป็นนาย เป็นอลันด์...ของฉัน ฮึก...”

โธมัสพูดไม่ออก ทุกสิ่งทุกอย่างที่อัดแน่นอยู่ในใจกลั่นออกมาเป็นน้ำตาไหลอาบหน้า เขาทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าตรงหน้าอลันด์ สองมือปิดหน้าซ่อนความอ่อนแอทั้งที่ตัวสั่นเทิ้ม ไม่นึกสนใจนักเดินทางที่ผ่านไปผ่านมา

“ขอโทษ... ฉันขอโทษ”

เด็กหนุ่มรวบเพื่อนรักเข้าไปกอดซุกอก เขาเองก็ไม่รู้จะพูดอะไรได้แต่ปล่อยให้โธมัสระบายความรู้สึกออกมาเป็นน้ำตา เพียงได้ยินคำว่าขอโทษ ความอึดอัดน้อยใจทั้งหลายพลันมลายหายไปหมด เหลือเพียงความคิดแค่ว่าโธมัสคือคนสำคัญในชีวิตที่เขาจะเสียอีกฝ่ายไปไม่ได้เหมือนกัน

“You are my fucking best friend forever and ever”

วินาทีนั้นอลันด์กอดโธมัสแน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นอย่างไร ทำผิดพลาดทำร้ายเขาแค่ไหน เขาตัดสายสัมพันธ์อันยาวนานนี้ไม่ขาดหรอก ถ้าจะมีอะไรพลาดไปก็คงพลาดตั้งแต่วันนั้นที่พวกเขารู้จักกัน และเป็นเขาเองที่ตัดสินใจวางมือบนมืออีกคนให้พาเขาเดินไปข้างหน้าในฐานะเพื่อนคนแรกและจะเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่รักมากกว่าใคร

“Yeah, I know I am”

ไม่มีทั้งคำกล่าวอำลา ไม่มีคำอวยพรให้เดินทางปลอดภัย โธมัสผละตัวเองออกจากอ้อมกอดอันปรารถนาหันหลังเดินจากมาโดยที่ไม่รู้ว่าวันที่จะมองหน้ากันได้สนิทใจอีกครั้งจะมาถึงเมื่อไหร่ หากไม่รีบตัดใจเสียแต่ตอนนี้เขาก็กลัว... กลัวจะทำร้ายคนที่เขารักอีกเพียงเพราะรู้ตัวช้าไป

I've got high hopes it takes me back to when we started
High hopes, when you let it go, go out and start again
High hopes, when it all comes to an end
But the world keeps spinning
ฉันยังหวังไปว่าจะได้กลับไปยังจุดที่เราเริ่มต้นกัน
หวังว่าเธอจะให้อภัย ปล่อยวาง แล้วเริ่มใหม่อีกครั้ง
หวังสูงไปก็เมื่อตอนที่ทุกอย่างมาถึงจุดจบ
ในขณะที่โลกยังคงเดินหน้าต่อไป2


กลีบเนื้ออ่อนมีรอยแตกตรงมุมปากขยับร้องเพลงออกมาเบาๆ ดวงตาสีฟ้าสดทอดมองออกไปนอกหน้าต่างคล้ายมองหาความหวังท่ามกลางความมืดมิดเหนือพื้นดินกว่าสามหมื่นฟุต เขาลืมตามองอยู่เช่นนั้นจนพระอาทิตย์ขึ้นอีกครั้ง เป็นอีกวันที่เขาต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อยอมรับความจริงที่ว่าความหวังของเขามันไม่มีทางเป็นไปได้อีกแล้วตลอดกาล



TBC

ตอนนี้หลายคนอาจด่าพี่วาที่ตัดสินใจแบบนี้
รวมไปถึงน้องอัลที่ยังคงให้อภัยหมาทอมเหมือนคนโง่
แต่ถ้าลองนึกๆ ดู ในชีวิตคนเราอย่างน้อยก็มีคนที่รักและแคร์มากๆ จนไม่เคยโกรธลงเลยอยู่สักคนสองคนใช่ไหมคะ
สำหรับอัลแล้วทอมเป็นหนึ่งในนั้นค่ะ เพราะมีความทรงจำร่วมกันมากเกินไปจึงไม่อาจปล่อยให้หายไปจากชีวิตได้

ความจริงมีตอนพิเศษของหมาทอมอยู่ แต่เก็บไว้จนลงเรื่องนี้ก่อนดีกว่า อุฮิ

หลังจากนี้ไปจะเข้าสู่โค้งสุดท้ายของเรื่องนี้แล้วค่ะ
เหลืออีกไม่ไม่เกินสิบตอน เขียนไว้หมดแล้วรอรีไท์ครั้งใหญ่อยู่ ฮา

ขอบคุณทุกคอมเม้นต์จากคนที่ตามอ่านอยู่แล้วและคนที่เพิ่งหลงเข้ามาอ่านนะคะ
ชอบทุกคอมเม้นต์เลย ขอบคุณจริงๆ เวลาอ่านคอมเม้นต์ละชอบกลับมาอ่านซ้ำๆ มันหยุดยิ้มไม่ได้

ใครที่เชียร์หมาทอมกะพ่อเฮนรี่ที่สามขอบอกว่าไม่มีหวังนะคะ ทอมนางรักเดียวใจเดียวค่ะ
ส่วนที่เชียร์นภกับทอมนั้น... ช่วยสงสารนภคนดีศรีสังคมด้วยเถอะค่ะ แค่ตกเป็นทาสพี่วาชีวิตก็แย่แล้ว ฮ่าๆๆ

แล้วเจอกันตอนหน้าค่า

 :mew1:

-----------------

2 Kodaline - High Hope
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 25 [24.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 24-01-2016 14:10:01
โถ่ นภศรี ไม่มีคู่
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 25 [24.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: Mokuchi ที่ 24-01-2016 14:18:49
เราว่าตอนนี้หมอวาทำดีนะ คือดูเป็นผู้ใหญ่ที่เข้าใจอะไรหลายๆอย่างดี

หมาทอมนี่จับคู่กับน้องคิวได้มั้ยคะ รู้สึกน้องเป็นตัวประกอบไร้ตัวตนเหลือเกิน เราชอบน้อง อยากให้น้องมีบทเยอะๆ 5555
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 25 [24.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 24-01-2016 14:36:59
ง่าาาา. ไม่รู้จะสงสารใครดี
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 25 [24.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: Ryu7801 ที่ 24-01-2016 14:44:35
รู้สึกตอนนี้มาม่านิด  แต่ก็อยากให้ความสัมพันธ์ของเพื่อนยังอยู่นะ :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 25 [24.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 24-01-2016 15:02:42
โดนฉีดยาไป หายเป็นหมาบ้าเลยทอม
สงสารนะ แต่สะใจมากกว่า 55
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 25 [24.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 24-01-2016 15:05:14
เห็นใจทอมรักอัลมานาน พอเสียให้คนอื่นเลยทนไม่ได้
แต่ในส่วนของการใช้ความรุนแรงนั้น รับไม่ได้เด็ดขาด
เอะอะใช้กำลังถึงกับเลือดตกยางออก ขืนคบกันอัลได้ตายจริงแน่
อัลก็ใจดีเกิ๊น ไม่มีจะโกรธ ให้อภัยกี่ครั้งแล้ว
เลือกหมอวาน่ะถูกแล้ว ผู้ใหญ่ ใจดี ดูแลเราได้
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 25 [24.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: moonma_bell ที่ 24-01-2016 15:34:24
คำว่าเพื่อนรักเพื่อนตายมันยิ่งใหญ่เสมอ ต่อให้ทำผิดร้ายแรงกว่านี้คิดว่าเพราะคำว่าเพื่อนจะทำให้อัลให้อภัยได้ในที่สุด
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 25 [24.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: yisren. ที่ 24-01-2016 16:04:00
ขอกรี๊ดหมอวาก่อน แก่แต่แซ่บ เท่เกือบทุกสถานการณ์ 5555 อัลลืมทวงเรื่องค่าหูแมวรึเปล่า อิอิ
เรื่องทอม อัล ขอไม่ออกความเห็น แต่ผลก็ออกมาดี แฮปปี้ดี จริงๆ ก็อยากให้ทอมคู่เจมส์ ส่วนนภไม่ไหวหรอก อย่างที่ว่าแหละ แค่สัญญาทาสก็น่าสงสารแล้ว 55555555555
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 25 [24.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 24-01-2016 17:19:56
เป็นตอนที่ใช้เวลอ่านนานมาก มันทั้งโหดร้ายแล้วก็ซาบซึ้งในเวลาเดียวกัน
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 25 [24.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: imac ที่ 24-01-2016 17:36:14
สงสารอัลกับทอม แต่เป็นเพื่อนกันก็ดีแล้ว
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 25 [24.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 24-01-2016 17:54:50
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 25 [24.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 24-01-2016 18:56:32
ไม่รู้จะสงสารหรือสมน้ำหน้าทอมดี
แต่สงสารอัลอ่ะ เฮ้อออออออ
ความสัมพันธ์แบบเพื่อนมันยาวนานกว่านะ

หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 25 [24.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: cinnsin ที่ 24-01-2016 22:30:22
หมั่นไส้พ่อหนุ่มเลือดร้อนเบาๆ พี่หมอน่าจะจัดให้เลือดโชก เหอะ - -''
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 25 [24.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 24-01-2016 22:57:22
พี่หมอวาหึงโหดอยู่ เกือบไปแล้วดีนะมาทัน
(ขำตรงพี่หมอเย็บแผลแบบสดให้ทอม เอาคืนเล็กๆ)
หมดเรื่องทอม คุณพ่อตารออยู่นะ หวงลูกมากด้วย
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 25 [24.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: ren ที่ 24-01-2016 23:46:38
อ่านมาถึงตอนนี้ก็รู้สึกหลงรักหมอวามากขึ้นอีก ถ้าเจอผู้ชายที่นิสัยแบบหมอวา  เราว่ามันดีมาก
น้องอัลเป็นที่รักของหมอวามากจริงๆๆ   
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 25 [24.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: san ที่ 25-01-2016 19:12:40
 :katai2-1: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 25 [24.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 25-01-2016 23:10:36
หมอวาพระเอกมากค่าๆๆๆ หวังว่าเรื่องร้ายๆจะไม่เกิดขึ้นอีกนะ ปล.หมอว่าเตรียมตัวเสียตังซื้อกีตาร์ให้เมียด่วน !!!
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 25 [24.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 25-01-2016 23:52:08
สงสารน้องอัล เจ็บตัวตลอด หวังว่าไอ้หมาตัวเบ้งนี่จะคิดได้ไวไว ว่าความรักจริงๆ นั้นเป็นแบบไหน

ส่วนพี่หมอเถื่อน ถึงพี่จะออกกำลังในร่มมาบ้างก็เถอะ แต่สังขารมันไม่เที่ยงจริงๆ  ของสะสมพี่ก็...อ่ะนะ   :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 25 [24.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: VarainDark ที่ 27-01-2016 00:19:37
เสียดายหน้าของแต่ละคนอ่าาาาาาา
หัวข้อ: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : Weathered [31.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 31-01-2016 19:33:24
SPECIAL TRACK : Weathered (http://bit.ly/1WUJn59)



ยิ่งเติบโตมากเท่าไหร่ยิ่งทำให้หลงลืมความคิดในเยาว์วัยมากขึ้นทุกที



สนามบินชางฮีใหญ่โตหรูหรากว่าครั้งที่ผมเคยมาเมื่อนานมาแล้วอย่างเห็นได้ชัดสมกับเป็นสนามบินอันดับต้นๆ ของโลก ผู้คนมากมายหลากหลายเชื้อชาติเดินผ่านไปมาจนน่าเวียนหัว กระนั้นความเป็นระเบียบของผู้คนอย่างประเทศพัฒนาแล้วกลับทำให้ตั้งแต่เดินลงจากเครื่องบินจนขึ้นรถจากโรงแรมผมไม่เจอปัญหาเลยแม้แต่น้อย

“คุณวิคเตอร์จะมาถึงที่นี่ประมาณสี่โมงเย็นตามเวลาท้องถิ่น เขาอยากคุยกับคุณทันทีเพราะเขาต้องบินไปอเมริกาต่อพรุ่งนี้ตอนเที่ยงคืน ถ้าคุณสะดวกจะคุยกับเขาวันนี้ ผมจะได้แจ้งให้คุณวิคเตอร์ทราบ” คุณทนายวัยสี่สิบปลายแต่ดูแก่กว่าวิคเตอร์แจ้งความจำนงให้เมื่อเรามานั่งจิบอาฟเตอร์นูนทีกันที่เล้าจ์ของโรงแรมตอนบ่ายสองโมง

ผมนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง...ในเมื่อผมเองก็ไม่มีอะไรทำ การนัดคุยกันคืนนี้ให้มันจบเรื่องไปเลยคงดีที่สุด “เอาตามนั้นก็ได้”

“ถ้าอย่างนั้นเรามาเคลียร์เอกสารพวกนี้กันก่อนเลยดีกว่าครับ จะได้ไม่เสียเวลา” ว่าแล้วคุณทนายก็เริ่มหยิบซองเอกสารออกมาวางบนโต๊ะที่เรียงรายไปด้วยกาน้ำชาและชั้นขนมเท่าที่สถานที่จะอำนวย

ผมลองกวาดสายมองคร่าวๆ แล้วส่วนใหญ่เป็นเอกสารกรรมธรรม์ของหม่าม้าที่ทำไว้ เหมือนว่าก่อนจากไปหม่าม้าจะทิ้งสมบัติไว้ให้ผมพอตัวอยู่เหมือนกัน ทั้งห้องเช่าสามแห่ง เงินประกันชีวิตจากสองที่ เงินสดในบัญชีธนาคาร และทรัพย์สินมีค่าชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่ไม่รู้คุณทนายไปหาข้อมูลมาจากไหนมาแจกแจงให้ผมงงเล่นๆ ว่ามีของแบบนี้ด้วยเหรออีกหลายสิ่ง ซึ่งพอรวมแล้วผมสามารถลาออกจากการอบรมแพทย์ประจำบ้านมานั่งๆ นอนๆ ปล่อยให้ราขึ้นตัวได้สักสี่ห้าปีเลยทีเดียว

นั่งคุยกับทนายของวิคเตอร์รอบแรกเสร็จตอนบ่ายสามโมงนิดๆ ก่อนแยกกัน หากก่อนจากก็ไม่ลืมแจ้งกำหนดการณ์ถัดไปในอีกสองชั่วโมงข้างหน้าที่ห้องพักส่วนตัวของวิคเตอร์

เมื่อลับหลังคุณทนายผมถึงกับถอนหายใจออกมา เสียงดนตรีคลาสสิกจากแกรนด์เปียโนบรรเลงบทเพลงทำนองช้าอารมณ์เศร้าออกมาเหมือนอ่านความรู้สึกผมได้ ถึงภายนอกจะดูนิ่งแต่ข้างในเต็มไปด้วยความสับสนมากมายที่อธิบายไม่ถูก อีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้ผมจะได้เจอกับผู้ชายที่เป็นพ่อของผมเป็นครั้งที่สองในชีวิต ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าจะได้เผชิญหน้ากันอีกครั้งแต่ผมกลับไม่มั่นใจ ผมตอบตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำว่ามาที่นี่ทำไม แต่เพราะความรู้สึกเคว้งคว้างหลังหม่าม้าตายทำให้ผมไม่ใคร่จะอยากอยู่คนเดียวนักในตอนนี้ ผมจึงลางานนั่งเครื่องบินจากไทยมาหาวิคเตอร์ตามคำชวนของเขา

ข้างนอกหน้าต่างนั่นอ่าวมาริน่าดูขะมุกขะมัวตามสภาพอากาศที่ฝนทำท่าจะตกตลอดเวลาเหมือนกับความคิดและจิตใจของผม ที่จนตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่าควรทำอย่างไรต่อไปถ้าได้คุยกับวิคเตอร์แล้ว...

.
.
.

ผมกลับมาพักสายตาที่ห้องได้ไม่เท่าไหร่คุณทนายก็มาเคาะประตูเรียกตอนห้าโมงตรง ผมบอกให้เขารอสักห้านาทีก่อนเข้าไปล้างหน้าล้างตา ไม่ลืมหยิบแว่นสายตาสั้นมาสวมแล้วออกไปหาวิคเตอร์

ห้องพักของดาราชาวฮ่องกงชื่อดังเป็นห้องสวีทเหมือนกันกับของผมแต่อยู่อีกฟากของตัวตึก จากห้องนั่งเล่นสามารถมองเห็นสิงคโปร์ ฟลายเออร์ อ่าวมาริน่า ตึกมาริน่า เบย์ แซนด์ และเมอร์ไลอ้อนได้แบบร้อยแปดสิบองศา สมกับเป็นห้องดีราคาแพงตกราคาหลายแสนบาทต่อคืน

วิคเตอร์นั่งรอผมอยู่ก่อนแล้ว ใบหน้าเขาดูเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางไกลหากยังมีรอยยิ้มติด ได้ยินคุณทนายเปรยว่าบินมาจากอังกฤษเพื่อเรื่องของผมโดยเฉพาะ และเมื่อเสร็จธุระนี่แล้วจะต้องไปถ่ายหนังที่อเมริกาต่อ

ผมนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับเขา มีทนายนั่งอยู่ตรงกลางหันหน้าเข้าหาเราสองคน เพราะการเดินทางมาสิงคโปร์ครั้งนี้ของวิคเตอร์เป็นความลับจึงไม่ได้เรียกรูมเซอร์วิสให้ยกชุดน้ำชาเข้ามาเสิร์ฟ แต่ได้ผู้ติดตามของนักแสดงชื่อดังหยิบเครื่องดื่มในห้องมาให้เป็นวิสกี้อย่างดีคนละแก้ว

“ที่อยากให้มาคุยด้วยกันวันนี้ ฉันอยากถามวาว่าสนใจจะไปอยู่ด้วยกันไหม”

คำถามแรกหลังเราจิบวิสกี้ไปคนละนิดคนละหน่อยเล่นเอาผมมือไม้อ่อนวางแก้วลงแทบไม่ทัน นี่เขาเมาอะไรอยู่หรือเปล่าถึงพูดออกมาแบบนี้ นี่มันบ้าอะไรกัน...ผู้ชายที่ผมไม่เคยเห็นหน้ามาเลยตั้งแต่เกิดจนมาบอกว่าเป็นพ่อเมื่อเดือนที่แล้วกำลังจะชวนให้ผมไปอยู่กับเขาเนี่ยนะ!

“คุณว่าอะไรนะ ไปอยู่ด้วยกัน”

วิคเตอร์เงยหน้าขึ้นมาประสานสายตากัน มันมีแต่ประกายของความอ่อนโยนอย่างผู้ใหญ่ใจดี “คล้ายๆ อย่างนั้น ความจริงฉันอยู่ไม่ค่อยจะติดที่นักหรอก แต่วาอยากย้ายกลับไปอยู่นิวยอร์คไหม แมนชั่นที่เธอเคยอยู่ตอนเด็กๆ ฉันซื้อไว้เอง ตอนนี้มันยังอยู่ดี ถ้ากลับไปอยู่ที่นั่นจะได้ไม่ต้องเป็นหมอ แล้ววาจะได้กลับไปทำตามความฝันที่อยากเป็นเชฟ”

หัวใจผมเผลอกระตุกขึ้นมา...
ความฝันในอดีตของผมเมื่อสิบสองปีที่แล้ว ผมคิดว่านอกจากหม่าม้าแล้วคงไม่มีใครรู้ ไม่นึกว่าเขาเองก็รู้

“จะไปเรียนที่ฝรั่งเศสหรือที่ไหนก็ได้ เรื่องทุนไม่ต้องห่วง ฉันพร้อมสนับสนุน”

“ผม...” จู่ๆ มันก็พูดไม่ออก ความฝันที่ผมหลงลืมไปแล้วไม่คิดว่าเขาจะรู้และจำมันได้ถึงกับเอามาล่อให้ผมญาติดีกับเขา

“ที่มาเป็นหมอก็เพราะหม่าม้าเป็นโรคหัวใจใช่ไหมล่ะ”

วิคเตอร์จี้ตรงจุดที่ผมคิดทบทวนมาตลอดตั้งแต่หม่าม้าเสียไป ถึงไม่เคยบอกเป็นคำพูดแต่คนรอบตัวล้วนรู้ดีถึงเหตุผลที่ผมมาเป็นหมอตอนอายุสิบหก ตั้งใจเรียนต่อทางด้านโรคหัวใจทั้งที่ความฝันคือการเป็นเชฟก็เพราะอยากรักษาหม่าม้าให้หายดี

“แต่ว่าตอนนี้หม่าม้าน่ะไม่อยู่แล้ว ไม่ได้ชอบเป็นหมอไม่ใช่เหรอ ก่อนหน้านี้ก็ยังทำอาหารอร่อยๆ กับหม่าม้า ถึงจะอายุเท่านี้แล้วแต่มันไม่มีคำว่าสายไปสำหรับความฝันหรอกนะ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวเธอเอง ยังอยากกลับไปทำตามความฝันอยู่ไหมล่ะ”

“ผมไม่รู้”

ข้างนอกนั่นฝนกำลังตกราวกับกำลังร้องไห้เสียใจให้กับทางเดินที่ไปไม่ถึงเส้นชัยของผม ถ้าไม่ใช่เพราะผมช้าเกินไปยังไม่ทันได้สำเร็จเป็นหมอหัวใจอย่างที่หวังผมคงได้ดูแลหม่าม้าได้ดีกว่านี้

มันถึงเวลาที่ผมควรเลี้ยวกลับไปเริ่มต้นใหม่กับสิ่งที่เคยวาดหวังหรือยังนะ...

.
.
.

วิคเตอร์บอกว่าจะให้เวลาผมคิดหนึ่งคืน ได้คำตอบแล้วให้มาบอกเขาพรุ่งนี้

เขาไม่ได้บังคับ ร้องขอ อ้อนวอน แต่ล้วงมือเข้ามาในร่างกายของผม แตะลงบนความลับในใจเพียงเบาๆ หากมากพอจะสั่นไหวจนผมไม่เป็นตัวของตัวเอง ตอนออกมาจากห้องของวิคเตอร์แล้วมันรู้สึกอึนๆ ไม่รู้อยากทำอะไรต่อ พอดีกับที่คุณทนายยื่นเครดิตการ์ดให้หนึ่งใบ ผมมองหน้าเขาสลับบัตรแทนเงินสดเหมือนคนโง่

“คุณวิคเตอร์ให้คุณทิวากานต์ไว้เผื่ออยากใช้ซื้อของหรือไปเที่ยวเล่นแถวนี้ ที่มาริน่า เบย์ แซนด์มีร้านค้าน่าสนใจอยู่เยอะถ้าไปที่นั่นจะได้ของมากมายทีเดียว อ่อ บัตรไม่จำกัดวงเงินนะครับ”

“เหอะ”

นี่คิดจะใช้เงินมาล่อกันหรือยังไง ถึงจะคิดแบบนั้นแต่ผมก็หยิบการ์ดเล็กๆ สีดำใบนั้นมา แผนการชั่วร้ายบางอย่างผุดขึ้นมาในหัว ในเมื่อเอาเงินมาให้ก็ขอใช้ให้หนำใจแล้วกัน

ถามพนักงานโรงแรมดูว่าถ้าอยากซื้อของฝากเล็กๆ น้อยๆ แถวนี้ไปที่ไหนได้บ้าง เธอก็แนะนำให้มาที่มาริน่า เบย์ แซนด์เหมือนคุณทนาย หากยังช่วยชี้โพรงถึงคาสิโนที่ให้เปิดชาวต่างชาติเข้าฟรี เท่านี้ผมก็รู้แล้วว่าควรไปที่ไหน

ผมเรียกใช้บริการรถของโรงแรมให้ไปส่งที่ตึกรูปทรงประหลาดมีเรือตั้งอยู่ด้านบน เพื่อเดินเข้าไปเสี่ยงโชคในคาสิโนเยี่ยงราชาก่อนกลับออกมาเหมือนยาจกเพราะตั้งแต่เริ่มแทงมาผมยังไม่ได้เงินคืนสักเหรียญ ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่เมื่อผมไม่มีโชคด้านการพนันตั้งแต่เด็กแล้ว แต่จะแคร์ทำไมในเมื่อมันไม่ใช่เงินผมสักเหรียญ ในเมื่ออยากให้ใช้นักก็ขอใช้ชีวิตเยี่ยงเศรษฐีโปรยเงินทิ้งเล่นหน่อยเถอะ

ใช้เวลาละลายเงินที่วิคเตอร์ให้ไปเกือบสองพันดอลล่าร์สิงคโปร์ในนั้นไปสามชั่วโมง พอออกมาชักเริ่มรู้สึกหิวแต่ความเซ็งที่เสียเงินไปเกือบครึ่งแสนบาทรวมกับความเบื่อหน่ายชีวิตก่อนหน้าทำให้ผมเลือกเดินสูบบุหรี่แก้เซ็งแถวนั้นแบบไม่กลัวตำรวจก่อนกลับไปพึ่งอาหารฟรีจากรูมเซอร์วิสที่โรงแรม

กระนั้นอ่าวมาริน่าไม่ใช่สถานที่จะปล่อยตัวสบายๆ คนเดียวได้ตอนสี่ทุ่มเพราะผู้คนมากมายที่แวะเวียนเข้ามาชมแสงสีกันไม่ขาด ผมเดินข้ามสะพานเฮลิกซ์เข้าไปในสวนสาธารณะเล็กๆ ลงไปใต้สะพานที่ค่อนข้างเงียบจุดแท่งนิโคตินขึ้นสูบ

แต่ถึงจะเป็นเวลาเที่ยวขนาดไหน... มันก็ไม่ใช่เวลาสำหรับเด็กผู้หญิงมายืนเงียบๆ คนเดียวเปล่าวะ

ตอนแรกว่าจะทำเฉยไม่สนใจ แต่ยืนมองอยู่นานก็ไม่เห็นขยับไปไหน นอกจากทำท่าเอามือปาดหน้าอยู่หลายรอบ อีหรอบนี้ไม่หลงทางก็หนีออกจากบ้านแหงๆ

แล้วคุณคิดว่าผู้ชายดีๆ อย่างทิวากานต์คนนี้จะทำยังไงล่ะ ก็ช่างหัวมันสิ เรื่องอะไรจะไปหาเหาใส่หัวถ้าไม่ติดว่าไอ้เด็กนี่หน้าตาน่ารักไม่หยอก เฮ้ๆ อย่ามองผมด้วยสายตาอย่างนั้นสิ ผมเป็นโรคแพ้คนหน้าตาดีนะ ยิ่งโดยเฉพาะเด็กผู้หญิงผมสีอ่อนแก้มใสท่าทางบอบบางเหมือนลูกคนมีเงินแบบนี้จะปล่อยให้กลายเป็นเหยื่อไอ้เข้ได้ไง แม้สิงคโปร์จะได้ชื่อว่าปลอดภัยก็เถอะ

สุดท้ายหลังล่อลวงอีกฝ่ายด้วยของกิน ผมจึงเดินพาเด็กนั่นไปที่สถานีรัฟเฟิลส์เพราะเดาเอาว่าคงหนีออกจากอกพ่อแม่มาแบบไม่คิดแล้วน่าจะยังไม่กินอะไร อีกอย่างหม่าม้าเคยบอกว่าถ้าคิดอะไรไม่ออกให้ไปหาอะไรกินเพราะเมื่อท้องอิ่มมันจะช่วยจะเรียกสติกลับคืนมา ผมซึ่งพิสูจน์มาแล้วว่ามันจริงจึงยอมหิ้วท้องเดินพาเด็กนี่ไปเสียเงินเพิ่มที่ศูนย์อาหารอันได้ชื่อว่าเด็ดเรื่องสะเต๊ะแทน ถึงแม้ผมจะเกือบโดนลากเข้าตะรางเพราะถูกเข้าใจผิดว่าลักพาตัวเด็กนี่มาก็เหอะ

หลังเดินเลี่ยงสายตาแปลกๆ ของคนในศูนย์อาหารที่คิดว่าผมไปลักพาตัวเด็กมากลับมาที่เดิมเด็กนี่ถึงเริ่มเปิดปากพูดยาวๆ ทั้งที่ก่อนหน้านั้นถามไปห้าจะตอบกลับแค่หนึ่งเท่านั้น

ผมยืนฟังจากยัยเด็กนี่เล่าเรื่องราวการผจญภัยเปลี่ยนลูกเศรษฐีเป็นแบคแพคเกอร์ยาจกมีเงินติดตัวแค่ร้อยเหรียญสำหรับการเที่ยวเจ็ดวันด้วยความสนใจกับสำเนียง RP (Recieved Pronuciation - สำเนียงมาตรฐานอังกฤษที่ราชวงศ์อังกฤษใช้กัน) ที่บ่งบอกความเป็นผู้ดีของแท้ ก่อนสรุปความได้ว่าความฝันของเด็กน้อยลูกคนหนูหน้าตาน่ารักคนนี้ที่ถูกขัดขวางคือการอยากเป็นผู้ชายแน่นอน

ไม่ใช่ล่ะ... ถึงท่าทางเหมือนทอมแต่เจ้าตัวดูอ่อนหวานแก่นเซี้ยวเหมือนพวกเด็กห้าวๆ มากกว่า ผมคิดว่าความฝันของเขาน่าจะเป็นพวกดารานักร้องไม่ก็นางแบบวิคเตอเรีย ซีเครท(ทั้งที่สูงแค่อกผม)ตามสมัยนิยม

ซึ่งไม่แปลกใจถ้าคนเป็นผู้ปกครองจะไม่เห็นด้วยโดยเฉพาะผู้ปกครองที่มีสตางค์และมีการศึกษามาก ขนาดในสายตาผู้ชายอายุยี่สิบแปดแบบผมยังมองว่าอาชีพในวงการบันเทิงนั้นคนที่ประสบความสำเร็จมันก็มี แต่ที่ล้มเหลวกลับเยอะกว่ามาก

“คุณเคยมีความฝันไหม”

จู่ๆ เด็กนี่ก็ถามขึ้นมา ผมนิ่งไปชั่วครู่แล้วตอบกลับไปตามตรง “เคย แต่ทิ้งไปนานแล้ว”

“ทำไมล่ะ”

“ฉันเลือกเดินไปอีกทางที่มันดีกว่า”

“แล้วคุณรู้ได้ไงว่ามันดีกว่า”

คำถามของเขาทำเอาผมสะอึกนิ่งไปอีกครั้ง นั่นสิทำไมผมถึงคิดว่าการมาเป็นหมอถึงดีกว่าการเป็นเชฟนะ ผมเงียบไปอีกครั้ง พยายามคิดว่าทำไมตอนอายุสิบห้าถึงตัดสินใจมาเรียนหมอทั้งที่วัยนั้นผมน่าจะเฮี้ยวน่าดู

“อืม... เพราะมันได้เงินแน่นอนกว่า แล้วก็ฉันยังทำสิ่งที่เป็นความฝันของฉันได้ไปพร้อมๆ กันไง”

“ความฝันของคุณคืออะไรเหรอ”

“ฉันอยากเป็นเชฟ คนทำอาหารน่ะ”

“หน้าอย่างคุณเนี่ยนะ”

ยัยเด็กเสียมารยาท! ผมอยากจับเขกหัวสักทีแต่ติดหน้าตาน่ารักนั่นเลยตัดใจไม่ทำ

เห็นหล่อๆ แบบนี้แต่ทิวากานต์ก็ทำอาหารเก่งนะเว้ย เก่งระดับที่ถ้าได้ไปเรียนเลอ กอร์ดอง เบลอป่านนี้คงเป็นเชฟอยู่ที่ไหนสักแห่งบนโลกนี้ แล้วก็ไม่ต้องใส่แว่นสายตาสั้นนี่เพราะอ่านหนังสือมากเกินไปด้วย

“หน้าอย่างฉันมันทำไมหือ? ฉันชอบทำอาหารมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว เคยคิดอยากไปเรียนที่เลอ กอร์ดอง เบลอด้วยซ้ำ ถ้าไม่ติดว่าดันสอบเข้ามหาลัยได้ซะก่อน”

“คุณก็เลยล้มเลิกความฝันที่อยากเป็นเชฟ”

“ใช่”

“คุณไม่เสียใจเหรอ”

“ไม่ เพราะฉันคิดว่าฉันรักการทำอาหารมากกว่าการได้เป็นเชฟ ต่อให้ฉันไปทำอาชีพอื่น แต่ไม่ว่ายังไงฉันก็ยังได้ทำอาหารอยู่ดี มันไม่จำเป็นหรอกที่ต้องชอบทำอะไรมากๆ แล้วต้องจบลงด้วยอาชีพนั้นๆ ฉันแค่เลือกทางเดินที่ดีที่สุดในตอนนั้นให้ตัวเอง ควบคู่ไปกับการได้ทำสิ่งที่ฉันรัก และฉันก็มีความสุขกับทางเลือกนี้มาก”

ใช่แล้วล่ะ ครั้งหนึ่งผมเคยยกมันมาเป็นเหตุผลตัดใจจากอาชีพเชฟเพื่อมาเป็นหมอ เป็นเหตุผลที่ผมคอยตอกย้ำใส่ตัวเองตลอดเวลาที่ท้อแท้ยามเจอบททดสอบหนักหนาสาหัสระหว่างเดินอยู่ในเส้นทางของการเป็นแพทย์ที่ดี แม้สุดท้ายผมจะไม่ได้ใช้ความเป็นหมอช่วยรักษาชีวิตหม่าม้าไว้ตามความตั้งใจที่เบนเส้นทางมาตรงนี้ แต่พอมานึกดูดีๆ ผมไม่เคยเสียดายเวลาที่ได้ใช้ร่วมกับหม่าม้าไปอย่างเปล่าประโยชน์ ผมทำหน้าที่ตามความตั้งใจอย่างสุดความสามารถแล้ว

ถึงวันนี้หม่าม้าจะไม่ได้อยู่เป็นเป้าหมายในชีวิตอีกต่อไป แต่ผมเชื่อว่าถ้าหม่าม้าก็จะบอกอะไรกับผมสักอย่างก็คงบอกให้ผมสู้กับเส้นทางนี้ต่อไปจนถึงจุดหมายที่เลือกเดินมาในระยะเวลาเกือบครึ่งหนึ่งของชีวิต และปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการเป็นหมอทำให้ผมได้เจอคนดีๆ รวมไปประสบการณ์อีกมากมายที่ไม่รู้ว่าชาตินี้จะได้เจอไหมถ้าผมไม่ได้เป็นหมอ

ทั้งอาจารย์ใหญ่ที่มอบความรู้ให้แม้ชีพจะสิ้นไปแล้ว อาจารย์ในคณะที่คอยดุด่าสั่งสอน รุ่นพี่ดีๆ เพื่อนร่วมรุ่นที่ผ่านทั้งทุกข์และสุขมาด้วยกัน คนไข้ที่ยอมให้เรารักษาทั้งที่ไม่รู้ว่าเราจะช่วยเขาได้มากแค่ไหน และคำขอบคุณจากคนไม่รู้จักอีกหลายๆ คนที่เราเคยช่วยเขาไว้ได้ คิดดูซิถ้าเป็นเชฟจะได้ประสบการณ์ในชีวิตอะไรแบบนี้ไหม ไม่มีหรอกผมรับประกันได้เลย

ผมไม่สนใจแล้วว่าพรุ่งนี้วิคเตอร์จะพูดอะไรกับผมอีก แต่ผมจะเป็นทิวากานต์คนเดิม ชีวิตผมจะเป็นเหมือนเดิม เหมือนก่อนที่ผมได้รับรู้ว่าใครเป็นพ่อแท้ๆ ของผม ผมก็คือผม วิคเตอร์ก็คือวิคเตอร์ เราต่างมีทางเป็นของตัวเอง และทางของผมมันคงไม่เปลี่ยนเลี้ยวไปทางไหนอีกแล้วเพราะผมเดินมาในเส้นทางนี้ไกลเกินจะถอยหลังกลับ ความรู้ที่สั่งสมมาแม้ไม่ได้ใช้รักษาหม่าม้าแต่ผมจะใช้รักษาคนไข้คนอื่นเพื่อให้พวกเขาได้อยู่กับครอบครัวได้นานยิ่งขึ้น นานกว่าที่ผมได้อยู่กับหม่าม้า ผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่เข้มแข็งกับทางเดินที่ตัวเองเลือกตลอดจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต แล้วผมที่เป็นผู้ชายซ้ำยังตัวโตกว่าตั้งเยอะจะท้อได้ยังไงกัน

“งั้นเหรอ” เด็กนี่ทำหน้าเหมือนไม่ค่อยแน่ใจ แต่ดูจากท่าทางเขาเองคงกำลังคิดตามในสิ่งที่ผมพูดอยู่

“แต่ท่าทางหัวแข็งอย่างเธอไม่ว่ายังไงก็อยากทำตามความฝันให้ได้สินะ”

“ใช่” นั่นไงล่ะ ผมเดาผิดที่ไหน

“เพราะฉะนั้น... สิ่งที่เธอสมควรทำคือยึดมั่นความคิดนี้ไว้และพยายาม ไม่ว่าจะเจอเงื่อนไขอะไร อุปสรรคใหญ่โตแค่ไหนก็ต้องผ่านมันไปให้ได้ เริ่มจากกลับไปที่โรงแรมแล้วสวมบทบาทของแบคแพกเกอร์ให้จบซะ ทำได้ใช่ไหมล่ะ”

“ได้ แน่นอนอยู่แล้ว”

“ดีมาก แล้วอย่าลืมว่าวันนี้เธอเคยพูดอะไรไว้กับฉันล่ะ ในเมื่อพบเจอความฝันของตัวเองแล้วก็ทำมันให้ดี ถ้าเจออุปสรรคอะไรก็ขอให้เดินไปตามเส้นทางนั้นอย่างไม่ย่อท้อ แต่ถ้าวันหนึ่งเจอทางแยกที่ต้องเลือกขึ้นมา อย่าลืมเลือกเส้นทางที่ทำให้ตัวเองมีความสุขนะ”

ผมไม่บอกให้เขาล้มเลิกความฝัน ผมแค่บอกให้เขาเลือกดีๆ เลือกทางที่ทำแล้วมีความสุขที่สุดเหมือนที่หม่าม้าเคยบอกกับผม หวังว่าเขาจะเข้าใจความหมายของมันและเลือกจะทำให้ตัวเองมีความสุข

เราเอากำปั้นชกกันเบาๆ แทนคำสัญญา ยัยเด็กนี่ห้าวอย่างกับเด็กผู้ชายจริงๆ ถ้าเกิดอยากเป็นผู้ชายขึ้นมาอีกอย่างพ่อแม่คงได้อกแตกตาย แต่เอาเถอะ...ถ้ามันมีความสุข อยากจะเป็นอะไรก็เป็น

When I grow old, my weathered soul
And memories recluse, elusive
Help me take them out
So keep me young and call my bluffs
And help me out when you say, you say
There's no room for doubt
เมื่อฉันโตขึ้น จิตวิญญาณผ่านร้อนผ่านหนาว
และความทรงจำแตกแยกสับสน
ช่วยเรียกความทรงจำฉันกลับมาที
เตือนให้ระลึกถึงวัยเยาว์
ว่าฉันยังคงเป็นเด็กอยู่เสมอ

When I grow old, I'll drink and smoke
But just as long as you stay, you stay
I found a way out
เมื่อฉันโตขึ้นฉันคงดื่มเหล้าสูบบุหรี่
แต่ขอเพียงตราบที่ยังคงหวนคิดถึงชีวิตครั้งยังเยาว์ได้
ฉันจะหาทางออกได้เสมอ


.
.
.
หัวข้อ: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : Weathered [31.01.16]
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 31-01-2016 19:36:33
“ขอบคุณนะ” เด็กนี่หันมายิ้มปากกว้างตาหยีให้เมื่อผมเอารถของโรงแรมมาส่งเขาถึงที่โฮสเทลในย่านไชน่าทาวน์ ผมสีออกบลอนด์น้ำตาลหลุดรุ่ยจากจุกด้านหลังลงมาล้อมกรอบหน้ารูปไข่ มองๆ ไปก็น่ารักน่ามันเขี้ยวอย่างกับตุ๊กตา

“ไม่เป็นไร ถือซะว่าช่วยเหลือสัตว์เล็กตกทุกข์ได้ยาก” ผมเองก็อยากขอบคุณเขาเหมือนกันที่ช่วยทำให้ผมตระหนักถึงทางเดินที่ผมเลือกแต่กลัวเสียฟอร์มเลยทำเป็นพูดไปงั้น และไม่กล้าบอกความจริงที่ว่า ‘ถ้าเธอไม่หน้าตาน่ารักผมก็คงไม่ช่วยหรอก’ ออกไปด้วย

ทิวากานต์เนี่ยเป็นคนดีศรีสังคมจริงๆ อย่าไปบอกตำรวจล่ะ

ยัยเด็กนี่ทำหน้ายู่ใส่ทำท่าจะพุ่งลงจากรถไป หากก่อนที่เราจะจากกันจริงๆ ผมเรียกเขาไว้เพื่อทิ้งท้ายให้เขาจำมันไว้ในใจและเป็นการย้ำเตือนตัวเองไปอีกครั้งด้วย

“ไม่ว่าในอนาคตจะเจออะไร อย่าลืมเลือกทางเดินที่ทำให้ตัวเองมีความสุข จำไว้นะ ความสุขของตัวเองสำคัญที่สุด อย่าให้อะไรมาลดทอนมันไป”

ผมมองเขาเปิดประตูรถเตรียมลงรถเพื่อเข้าไปยังโฮสเทลตรงหน้าจริงๆ เสียที แต่ยัยเด็กนี่ช่างทะเล้นเหลือรับเมื่อกระโดดกลับเข้ามาในรถเพื่อขโมยหอมแก้มผมแล้วรีบวิ่งหนีไปเลย

หนอยแน่... ถ้าไม่ติดว่ากลัวข้อหาพรากผู้เยาว์ผมคงลากเขากลับไปกกที่โรงแรมไม่ให้เสียชื่อทิวากานต์หรอก นี่ยังเห็นแก่เด็กน้อยตาฟ้าๆ น่าตาน่ารักน่ากินหรอกนะ อะแฮ่มๆ ถึงจะเสียดายนิดหน่อยที่ไม่ได้ถามชื่อมา แต่ดีแล้วล่ะผมจะได้ไม่เสียดายที่น้องเขาเกิดมาช้าไปมากกว่านี้ อีกอย่างผมก็ไม่แน่ใจตัวเองด้วยสิว่าถ้าเจอกันครั้งหน้าผมจะไม่ตบะแตกจับเด็กนี่ทำเมีย ก็ใครใช้ให้จุดอ่อนของผู้ชายชื่อทิวากานต์เป็นคนหน้าตาน่ารักกัน บอกอีกครั้งตรงนี้เลยว่าอย่าไปบอกตำรวจล่ะถ้าไม่อยากเห็นผู้ชายหน้าตาดีอย่างผมนอนคุกน่ะ

แต่ให้ตายเถอะ...ปากหยักแดงเหมือนแมวนั่นนุ่มนิ่มจริงๆ

.
.
.

“สรุปก็คือจะเป็นหมอต่อ?”

วิคเตอร์พูดด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยอยากจะเชื่อเสียเท่าไหร่ เขาคงนึกว่าผมจะไปอยู่กับเขาสินะ แต่ขอโทษด้วย...สำหรับผมแล้ววิคเตอร์ เหลียงมีค่าไม่ต่างจากคนแปลกหน้าเท่านั้นแหละ

“ใช่”

“ไม่อยากเป็นเชฟแล้วเหรอ”

“ทุกวันนี้ก็เป็นอยู่” ผมตอบกลับกวนๆ “แถมฝึกการใช้มีดกับคนทุกวัน”

“เป็นฮันนิบาลเรอะ” เขาตบมุกกลับมา ดูไม่ค่อยซีเรียสเท่าไหร่ที่ผมไม่ไปอยู่ด้วย ซึ่งเป็นแบบนี้ก็ดี “ก็กะไว้แล้วล่ะนะ แต่มันอดผิดหวังนิดๆ ไม่ได้น่ะ”

“เอาเป็นว่าทางใครทางมันเหมือนเดิม”

ผมสรุปสั้นๆ วิคเตอร์ทำท่าเข้าใจ เขาไม่ได้พูดอะไรกับผมแต่หันไปหาทนายแล้วขออะไรบางอย่างออกมายื่นให้ผม มันเป็นสมุดบัญชีธนาคารในประเทศไทยที่ผมมองแล้วมองอีกก็ไม่เข้าใจว่าให้มาทำไม

“นี่เป็นเงินที่ฉันฝากให้เธอตั้งแต่เกิดทุกเดือนจนอายุยี่สิบห้า ความจริงควรให้ตั้งแต่สามปีที่แล้ว แต่ฉันกับหม่าม้าเธอกลัวว่าถ้าเธอได้ไปแล้วจะเลิกเป็นหมอหนีไปเปิดร้านขายปาท่องโก๋แทน ในเมื่อยังตั้งมั่นอยากเป็นหมออยู่เงินก้อนนี้ก็เก็บไว้เป็นเผื่อเอาไปเรียนต่อแล้วกัน ได้ยินพวกป้าๆ บอกว่าทำงานหนักแถมไม่ได้เงินเดือนด้วยนิ”

หือ เงินฝากตั้งแต่เกิด งี้ก็แสดงว่าวิคเตอร์คอยดูแลผมกับแม่มาอย่างลับๆ ตลอดเลยสินะ ไหนจะเรื่องแมนชั่นในนิวยอร์กที่เขาพูดเมื่อวานอีก เขาคงติดต่อกับหม่าม้าไม่ได้ทอดทิ้งอย่างที่ผมคิด ผิดแค่ผมที่ไม่รู้เรื่องมาก่อนเลยว่ามีพ่อเป็นนักแสดงชื่อดัง แต่ทำไมถึงบอกเรื่องนี้กับผมไม่ได้นะ ดูๆ แล้วบางทีเจ้าของความคิดพวกนี้น่าจะมาจากหม่าม้าผมมากกว่าวิคเตอร์แหะ แต่หม่าม้าทำไปเพื่ออะไร...

“ความจริงก็ได้นิดๆ หน่อยๆ ไม่ถึงกับขาดอะไร ตอนนี้ยังมีพอ ที่หม่าม้าทิ้งให้ก็มี เก็บเงินคุณไปเถอะ”

“หือ ไม่เอาจริงน่ะ” วิคเตอร์ทำตาโต ถามซ้ำอยู่สามสี่รอบและได้คำตอบเดิมกลับไปทุกครั้ง

“ไม่เอา”

“ตามใจ ไว้แต่งเมียจะเอามาให้อีกทีแล้วกัน เผื่อเมียแกจะเอา”

เขาไม่ได้ตื๊อต่อตามที่ผมคิดและส่งสมุดบัญชีคืนคุณทนายไปทันที ผมคิดว่าเงินในนั้นคงเยอะอยู่ แต่คงไม่เยอะเกินที่ผมจะหาได้ในชีวิตนี้ เพราะงั้นอย่าเอามาให้เป็นบุญคุณกันดีกว่า

“แต่ผมมีเรื่องอยากถามคุณข้อหนึ่ง”

“ว่ามาสิ ถ้าตอบได้ก็จะตอบ”

“ทำไมถึงต้องปิดบังเรื่องที่เป็นพ่อผมด้วยล่ะ”

เขาทำหน้าตกใจเล็กน้อยที่ได้ยินคำถามก่อนหัวเราะออกมาเบาๆ “ไปถามหม่าม้าเธอสิ”

“นี่คุณ!” ตอบแบบนี้มันกวนตีนกันนี่หว่า เหมือนถูกพูดใส่หน้าว่าไปถามแม่มึงสิ ทั้งๆ ที่ก็รู้ว่าหม่าม้าเพิ่งเสียไปไม่ถึงเดือนดี “อย่ามาลามปามหม่าม้านะ”

“เอ้า เป็นงั้นไป ฉันพูดจริงๆ นะที่ให้ไปถามหม่าม้าเธอน่ะ เพราะเธออยู่กับเขาตลอดเวลาเขายังไม่เคยบอกเธอเลยนี่ว่าเป็นฉันเป็นพ่อทั้งที่เขาจะพูดตอนไหนก็ได้”

“บางทีคุณอาจจะขู่ให้หม่าม้าปิดปากก็ได้เพราะตอนนั้นคุณกำลังดังเลยนี่ ถ้าเรื่องมีลูกเมียแตกออกไปอนาคตคุณจะดับ ผมพูดถูกไหม”

“จะคิดอย่างนั้นก็ตามใจ เรื่องเป็นดาราก็ใช่ส่วนหนึ่งแต่ไม่ใช่ทั้งหมด ถ้าไม่เชื่อที่ฉันพูดก็ลองไปถามพวกป้าๆ เธอสิ ชอบสุ่มหัวกันดีนักนี่”

“วิคเตอร์!” นอกจากลามปามหม่าม้าผมแล้วยังเผื่อแผ่มาถึงแก๊งป้าที่เคารพรักของผมอีก เพราะเขาไร้มารยาทแบบนี้ไงเล่าหม่าม้าถึงรับไม่ได้แล้วไม่เคยบอกว่าเป็นพ่อผมน่ะ

“เรื่องบางเรื่องไม่รู้ก็ดีกว่านะเธอจะได้ไม่ผิดหวัง แต่ถ้าถามว่าเรื่องนี้ใครผิด มันก็ผิดด้วยกันทั้งคู่ทั้งฉันและหม่าม้าเธอนั่นแหละ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ที่ทำให้ครอบครัวของเธอไม่สมบูรณ์มาตลอดยี่สิบแปดปี” วิคเตอร์ก้มหัวให้ผมทันที แม้จะค่อนข้างตกใจกับการกระทำของเขา แต่ผมที่กำลังเลือดขึ้นหน้ากลับมองแล้วขัดหูขัดตา

“พอเถอะ ผมไม่อยากคุยอะไรกับคุณอีกแล้ว ผมจะกลับกรุงเทพ พรุ่งนี้มีงานต้องทำเหมือนกัน!”

“เอาที่สบายใจ อ๊ะ เดี๋ยวก่อน แล้วบัตรเครดิตที่ให้ไปเมื่อวานล่ะ”

ผมแอบจิ๊ปากนึกว่าให้แล้วแล้วให้เลย อุตส่าห์ทำเนียนๆ ไม่พูดถึงกะจะแฮปไปรูดซื้อรถเล่นสักคันสองคันก่อนถูกอายัดแต่วิคเตอร์ดันนึกขึ้นมาได้ก่อนเลยต้องจำใจคืนให้แบบไม่ค่อยเต็มใจนัก ชิชะ ทำไมไม่ป๋าเหมือนพี่รันเลยนะ รายนั้นให้แล้วให้เลยไม่เคยเอาคืน

“งั้นก็กลับดีๆ ล่ะ ไว้ว่างๆ ฉันจะไปหา”

“ไม่มาก็ได้นะ ไหนๆ ทำเหมือนไม่มีตัวตนมาตั้งเกือบสามสิบปี ทำต่อไปอีกหน่อยหม่าม้าคงไม่โมโหจนตามมาเข้าฝันหรอก”

“หึ หัวแข็งเหมือนแม่ไม่มีผิด”

ยัง! วิคเตอร์ยังไม่เลิกลามปามหม่าม้าผมอีก ผมชี้หน้าเขาสาบานกับตัวเองตั้งแต่วันนี้เลยว่าจะไม่มีวันญาติดีกับผู้ชายคนนี้อีกตลอดชีวิต คิดถูกจริงๆ ที่ไม่หลงคารมที่อีกฝ่ายเอาเงินเอาของมาล่อให้ไปอยู่ด้วย ไม่งั้นผมคงรู้สึกเสียศักดิ์ศรีมากแน่ๆ เขากล้าพูดออกมาได้ยังไงว่าที่ชีวิตผมเป็นแบบนี้ก็เพราะหม่าม้า ถ้าจะมีใครสักคนที่ผิดก็ต้องเป็นวิคเตอร์นั่นแหละ ถ้าเขาเป็นแค่คนธรรมดาชีวิตของผมคงไม่ขาดๆ เกินๆ แบบนี้หรอก!

ผมเดินออกมาจากห้องพักของเขาเตรียมตัวกลับกรุงเทพ เกือบครึ่งชั่วโมงคุณทนายก็มาหาที่ห้องพร้อมตั๋วเครื่องบินชั้นเฟิร์สตคลาสและจัดการเช็คเอาท์รวมไปถึงค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้ตามที่ตกลงกันตั้งแต่แรกก่อนมาสิงคโปร์ ยังดีที่ผมอาละวาดใส่แล้วเขายังจ่ายให้ แต่ถึงจะไม่จ่ายให้ผมก็มีปัญญาจ่ายเองเว้ย แค่คืนละไม่กี่แสน จิ๊!

พอมาถึงสนามบินยังเหลือเวลาอีกพอสมควรก่อนบรอดดิ้งผมเลยแวะใช้บริการเล้าจ์ของสายการบินเจ้าถิ่นเสียหน่อย ไหนๆ ได้ตั๋วเฟิร์สตคลาสมาแล้วทั้งที

ผู้โดยสารในเล้าจ์ส่วนมากเป็นชาวต่างชาติหัวทองหัวแดงกันซะเยอะ ผมเห็นแล้วเลยนึกถึงยัยเด็กคนเมื่อวานได้ ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นยังไง จะแอบไปร้องไห้เพราะทนความลำบากไม่ไหวอีกหรือเปล่า เพื่อนยัยเด็กนั่นก็ช่างคิดจริงๆ ที่ให้ลูกคุณหนูท่าทางนุ่มนิ่มแบบนั้นมาเป็นแบคแพคเกอร์ ความคิดสร้างสรรค์ค่อนไปทางพิเรนทร์จนอยากเห็นหน้าสักที

แต่ว่าอยากจะเป็นดาวจรัสแสงในวงการบันเทิงอย่างนั้นน่ะจะรู้บ้างไหมว่าต้องทิ้งอะไรไปบ้างเมื่ออยู่ในที่แจ้งมีคนคอยจับตาตลอดเวลา ถ้าทนได้ก็ดีหรอกแต่ถ้าทนไม่ได้คงน่าสงสาร ท่าทางดื้อรั้นหัวแข็งแบบนั้นถ้าไปไม่รอดจะดับเลยหรือเปล่านะ

เอาเถอะ... ยัยเด็กนั่นยังเด็กอยู่มาก ก่อนจะเติบโตผลิดอกออกผลคงเจอทางแยกอีกมากมายให้เลือก บางทีเส้นทางชีวิตของเขาอาจไม่ได้จบลงที่ปลายทางของความฝันเหมือนผมก็ได้ แต่ไม่ว่ายังไงเส้นทางที่เลือกเดินก็ขอให้มีความสุขไว้ก็พอ อย่าเลือกแล้วต้องทนทำเหมือนมีความสุขอย่างหม่าม้ากับวิคเตอร์เลย...



TBC

ช่วงนี้งานเยอะหัวหมุนมากจนวิ่งเข้าออกโรงบาลเป็นว่าเล่นเลยค่ะ
แอบไปส่องหมอและเก็บข้อมูลเล็กๆ น้อยด้วยแหละ อิอิ
ตอนนี้เป็นเรื่องราวของพี่วาสมัยยังไม่เจอน้องอัลแต่ก็ฉายแววกินเด็กแล้ว
ส่วนคอมเม้นต์ตอนที่แล้วขอบคุณมากเลยนะคะ ชอบทุกคอมเม้นต์มากค่ะ ><

แล้วเจอกันตอนหน้าเร็วๆ นี้ไม่นานเกินรอค่า
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ SPECIAL TRACK [310116]
เริ่มหัวข้อโดย: Jitsupa_milk ที่ 31-01-2016 21:30:51
เด็กคนนั้นคือใครรร
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ SPECIAL TRACK [310116]
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 31-01-2016 21:41:44
คิดถึงหมอวาาาา
ยังคอยตามเป็นติ่งหมอวา
จะแวะไปถือป้ายไฟที่โรงบาล
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ SPECIAL TRACK [310116]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 31-01-2016 22:07:46
เด็กคนนั้น จะเป็นอัลหรือป่าว
วาว่าเด็กคนนั้นออกห้าวๆ ออกแนวทอมบอย (อัลหน้าหวานอยู่นะ)
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ SPECIAL TRACK [310116]
เริ่มหัวข้อโดย: san ที่ 31-01-2016 22:29:22
 :L2: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ SPECIAL TRACK [310116]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 31-01-2016 22:46:49
คงไม่ใช่อลันหนีพ่อมานะ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ SPECIAL TRACK [310116]
เริ่มหัวข้อโดย: yisren. ที่ 31-01-2016 22:57:12
หมอดื้อน่ารักเหมือนกันนะนี่  :katai3:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ SPECIAL TRACK [310116]
เริ่มหัวข้อโดย: VarainDark ที่ 31-01-2016 23:25:36
อ่าาาาา เกือบมีมาม่าแบ้ว
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ SPECIAL TRACK [310116]
เริ่มหัวข้อโดย: Petalkiss ที่ 31-01-2016 23:42:19
ยัยเด็กน่าฟัดคนนั้นต้องโตมาเป็นเมียหมอในอนาคตแน่ๆค่ะ 555555555555
ดูจากลักษณะท่าทางที่บรรยาย ไหนจะความไฮโซ ไหนจะสำเนียงอังกฤษแบบนั้น ไม่น่าเป็นคนอื่นไปได้...
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ SPECIAL TRACK [310116]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 31-01-2016 23:43:08
เด็กคนนั้นคือน้องอัลหรือเปล่าาาา

ถ้าใช่ก็พรหมลิขิตเลยนะ  :-[
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ SPECIAL TRACK [310116]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 01-02-2016 00:36:42
หมอวานี่ไม่ใช่เล่นๆ เลยนะ

น้องอัลคงน่ารักเหมือนเด็กผู้หญิงมากๆ ถึงขนาดพี่วายังดูไม่ออกเลอ   :mew1:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ SPECIAL TRACK [310116]
เริ่มหัวข้อโดย: Mokuchi ที่ 01-02-2016 01:30:37
เด็กน้อยคนนั้น เป็นน้องอัลหรือเปล่า???
ถ้าใช่เนี้ย คือแอบอ่อยหมอไว้นานแล้วสินะ 555  :hao3:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ SPECIAL TRACK [310116]
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 01-02-2016 08:26:23
คือแบบอ่านแล้วหลงรักคุณแม่หมอวาอะ อยากรู้จักคุณแม่บ้างขอตอนพิเศษของหมอวากับคุณแม่และแก๊งป้าบ้างนะคะคือแบบอยากรู้จริงๆว่าเลี้ยงลูกยังไงถึงได้น่ารักขนาดนี้
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ SPECIAL TRACK [310116]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 01-02-2016 15:53:07
 o13
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ SPECIAL TRACK [310116]
เริ่มหัวข้อโดย: FaiiFay_Elle ที่ 03-02-2016 23:38:43
เด็กสาวนั่นที่ว่าพูดถึงคือน้อวแสบใช่ไหมเนี้ย?
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ SPECIAL TRACK [310116]
เริ่มหัวข้อโดย: greensnake ที่ 04-02-2016 10:44:50
นั่งนึกถึงอดีตเหมือนคนแก่เลยหมอวา :laugh:
แต่ก็ทำให้รู้ว่าจริงๆแล้วหมอวาชอบกินเด็ก
แล้วก็ได้กินสมใจ หนูอัลยิ่งน่ารักอยู่ด้วย
อยากให้อัลกลับไปแก้มยุ้ยเหมือนก่อนหน้าจังเลย
หมอวาคงจะหมั่นเขี้ยวเช้าเย็นเป็นแน่
แค่นี้ก็หึงจนหน้ามืดวันละหลายรอบแล้ว
คงต้องฟิตแอนด์เฟิร์มมากกว่านี้ล่ะนะคุณหมอ
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ :L2:

หัวข้อ: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 26 [04.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 04-02-2016 15:40:27
TRACK 26



“!”

ทิวากานต์ลืมตาตื่นขึ้นมากลางดึก ถ้าเด็กฝรั่งตัวแสบนอนอยู่ข้างกันอย่างทุกคืนคงได้ตื่นตามมาถามแล้วว่าเขาเป็นอะไรเพราะเมื่อครู่เขาสะดุ้งแรงพอสมควร หากความเย็นของเตียงนอนด้านข้างทำให้รู้ตัวว่าอลันด์ไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย

ร่างสูงโปร่งลุกนั่งพิงหัวเตียง มือข้างหนึ่งยกกดขมับให้กับอาการปวดหัว จู่ๆ ดันฝันถึงเรื่องในอดีตซะได้ทั้งที่ปกติเขาไม่เคยจำความฝันได้สักครั้ง

“ป่านนี้ยัยเด็กนั่นจะเป็นยังไงแล้วนะ” เสียงทุ้มเปรยกับตัวเองเบาๆ เมื่อนึกถึงเด็กผู้หญิงจอมทะเล้นที่เคยเจอเมื่อสองปีก่อน จะว่าไป... “หน้าคล้ายอัลเหมือนกันแหะ แต่คงไม่ใช่หรอก หึหึ”

สรุปกับตัวเองแล้วลงจากเตียงไปหาน้ำดื่มข้างล่าง ดูเวลาแล้วยังเหลืออีกค่อนคืนกว่าจะเช้า ตอนนี้อลันด์คงนอนหลับอุดตุฝันหวานอยู่ในบ้านตากอากาศสวยๆ ที่เขาใหญ่อยู่แน่ อยากจะโทรไปแกล้งสักหน่อยแต่อีกใจก็ขี้เกียจ จะให้นอนต่อเลยคงไม่หลับจึงได้แต่เดินงุ่นง่านหยิบโทรศัพท์มากดเข้าแอพพลิเคชั่นยอดฮิตอย่างเฟซบุ๊คไถไทม์ไลน์เล่นแก้เซ็ง พี่รันนี่เร็วจริงๆ เผลอแป๊บเดียวก็พาสาวใหม่เข้าไปไหว้ผู้ใหญ่ในบ้านแล้ว เห็นเจมส์ถูกแท็กรูปฉลองปีใหม่บนเรือสำราญอยู่หลายรูปด้วย ส่วนโธมัสก็เงียบไปเลยตั้งแต่เกิดเรื่องวันนั้น

หลังจากเกิดเรื่องทิวากานต์ไม่ได้ถามหรือพูดอะไรอลันด์เกี่ยวกับเรื่องโธมัสอีก เขาแค่ขับรถพาอีกฝ่ายไปนั่งตากลมบนสะพานพระรามแปดจนถึงตีสี่ค่อยกลับมาพักผ่อน ตอนสายๆ ก็ให้แม่บ้านเข้าไปจัดการทำความสะอาดห้อง 2112 ส่วนเขากับเด็กหนุ่มออกไปซื้อกีตาร์แทนตัวเก่าที่ทำพังไป งานนี้นอกจากเสียงานแล้วยังเสียเงินรูดบัตรไปอีกเป็นแสน

วันถัดมาเอาหน้ายับๆ ไปทำงานให้อาจารย์อาคมด่าเล่นอีก ถึงจะบอกว่าเป็นอุบัติเหตุแต่พวกเพื่อนร่วมงานผู้มีความรู้สูงทั้งหลายทำไมจะดูไม่ออกว่าโดนอัดมา เรื่องที่โดนด่าเลยไม่จบแค่เอาหน้าเยินๆ มาทำงานแต่ลากยาวไปถึงการปฏิบัติตัวที่ไม่สมกับเป็นนายแพทย์และอาจารย์สักนิด แถมต้องหัวหมุนเคลียร์คนไข้ที่โรงพยาบาลทั้งรัฐทั้งเอกชนจนแทบไม่ได้เจอหน้าอลันด์ พอครอบครัวโอเนลล์มาถึงไทยก็พากันย้ายไปอยู่บ้านใหญ่ทิ้งคุณหมอที่รีบเคลียร์งานแลกเวรช่วงปีใหม่ให้กลับคอนโดมาพบแต่ความว่างเปล่าชวนเหงาหัวใจ

...เป็นโคตรของความบัดซบช่วงส่งท้ายปีของแท้

ยังดีที่ตายายไอ้ตัวแสบชวนศัลยแพทย์วัยสามสิบไปทำบุญควบฉลองปีใหม่ที่บ้าน คืนวันสิ้นปีเขาเลยขออนุญาตมาดามโอเนลล์พาอลันด์ไปเคาท์ดาวน์กันข้างนอกสองคน แน่นอนว่ามิสเตอร์เอเดลมาร์มองตาขวางไม่อยากปล่อยลูกชายไปกับเขาแต่ขัดภรรยาไม่ได้

ตอนแรกทิวากานต์อยากพาคนรักไปดินเนอร์บนตึกสูงๆ ดูพลุอยู่เหมือนกัน หากชวนกันฉุกละหุกเกินจะไปที่ไหนก็เต็มหมด สุดท้ายจึงพาขับรถเล่นไปดูพลุที่สะพานภูมิพลจนหมดถึงพากันกลับสายสองรอตื่นมาทำบุญตอนเช้า

แม้ชายหนุ่มวัยสามสิบจะเป็นโรคไม่ถูกกับวัดหรืองานบุญต่างๆ หากการได้ฟังพระสวดท่ามกลางความเงียบสงบนั้นพาให้จิตใจผ่องใสไม่น้อย ปกติแล้วทุกปีใหม่ถ้าไม่ได้อยู่บ้านกับแม่สองคนเขาก็อยู่โรงพยาบาลคอยดูแลคนไข้ บรรยากาศของครอบครัวใหญ่บนโต๊ะอาหารของบ้านอลันด์ทำให้เขารู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ถึงจะวุ่นวายไปบ้างหากเต็มไปด้วยสีสันของความมีชีวิตชีวา

ทิวากานต์แอบจับมือกับอลันด์ตอนอีกฝ่ายเดินมาส่งเขาขึ้นรถ เดี๋ยวตอนบ่ายบ้านนี้จะไปเขาใหญ่กัน อดีตเอกอัครราชทูตเอ่ยปากชวนคุณหมอไปเที่ยวด้วยแต่เขาปฏิเสธด้วยเกรงใจและถือว่าตนเองยังเป็นคนนอกอยู่ อีกอย่างเขากลัวอดใจไม่ไหวทำอะไรเกินเลยไปให้ผู้ใหญ่จับความสัมพันธ์ได้ เพิ่งเห็นข้อเสียของการคบเพศเดียวกันก็ตอนนี้ ใครว่าประเทศไทยเปิดรับเรื่องนี้ได้ เอาจริงๆ แล้วคงไม่มีใครดีใจหรอกถ้ารู้ว่าลูกหลานคบกับคนเพศเดียวกัน

“ไม่เปลี่ยนใจไปด้วยกันจริงๆ อ่ะ”

“ไม่ล่ะ อัลอยู่กับที่บ้านเหอะ พี่นอนแห้งอยู่แถวนี้แหละ”

“จะหนีเที่ยวล่ะสิ” ตาสีฟ้าซีดเป็นประกายวิบวับ ไม่ได้ติดใจอะไรถ้าอีกฝ่ายจะไปเที่ยวไหน เขาไว้ใจและให้เกียรติคนที่คบกันมากพอไม่ว่าจะเป็นเพศไหนก็ตาม

“รู้ทันอีกแน่ะ” คนตัวโตยิ้มล้อ เขาก็คงมีเที่ยวบ้างแต่คงไม่คิดจะกลับไปมีไลฟ์สไตล์เดิมๆ ที่ถูกใจใครแล้วพากันมาหาความสนุกต่อเมื่อมีตัวจริงแล้ว “ถ้าพี่ไปเที่ยวจริงๆ แล้วไง”

“ก็เปล๊า แค่อย่าให้รู้แล้วกันว่าแอบไปมีกิ๊กน่ะ ไม่งั้นนะ...” แต่หมอวาโซ ฮอทขนาดนี้แอบขู่ไว้หน่อยก็ดี

“กลัวตาย ล้อเล่นน่าไม่ไปไหนหรอก เที่ยวกับพี่รันที่โรงพยาบาลแถวนี้แหละโทรเช็คก็ได้ มีแฟนแล้วรักแฟนคนเดียวด้วย” ให้ตายทิวากานต์ก็เลิกนิสัยตบหัวแล้วลูบหลังคนที่ตัวเองเอ็นดูไม่ได้สักที เขาลูบหัวอีกคนเล่นก่อนเข้าไปนั่งในรถ “พี่ไปแล้ว เที่ยวให้สนุกนะแล้วเจอกัน”

“อือ ขับรถดีๆ นะวา”

“บาย”

“บาย”

เฮ้อ... ชีวิตรักของทิวากานต์มันก็มีแค่นี้แหละ ถึงจะเพิ่งคบกันแต่ใช่ว่าจะหวานชื่นเหมือนคู่ข้าวใหม่ปลามันอย่างคนอื่นเขา เพราะเป็นผู้ชายเหมือนกันจะให้มาเอาใจจิ๊จ๊ะตลอดเวลาจะพาลสยองตัวเองกันเปล่าๆ แถมงานหมอศัลย์ยังยุ่งชนิดที่เหลือเวลาให้นอนก็บุญแล้ว มีแค่เวลาอยู่บ้านกับบนเตียงเท่านั้นแหละที่ทั้งเขาและอลันด์คิดว่าค่อยดูเหมือนคนรักกันบ้าง ถึงจะไม่ค่อยหวานความสัมพันธ์ภายนอกเหมือนคนรู้จักทั่วไป แต่วันเสาร์นี้ทิวากานต์คิดว่าถึงเวลาจะเปิดตัวอลันด์ให้พวกป้าๆ รู้จักเสียที

เขาปิดหน้าจอโทรศัพท์ก่อนล้มตัวลงนอนบนเตียงเหมือนเดิม ไม่ลืมหยิบหมอนที่อลันด์ใช้หนุนนอนมากอดสูดกลิ่นประจำตัวอีกฝ่ายให้ชื่นใจ

“รีบกลับมานะไอ้ตัวแสบ พี่วาคิดถึงจะบ้าตายอยู่แล้ว”

.
.
.

หลังเลิกงานเย็นวันศุกร์หนึ่งช่วงเดือนมกราคม คุณหมอนั่งเรือข้ามฟากมารับอลันด์ตามปกติ หากวันนี้เขาชวนอีกฝ่ายกินข้าวข้างนอกแล้วแวะซูเปอร์มาร์เก็ตซื้อวัตถุดิบทำขนมเป็นของขวัญปีใหม่ย้อนหลังให้พวกป้าๆ

เด็กฝรั่งเอียงคอกระพริบตามองคุณหมอหยิบแป้งเค้กกับน้ำตาลไอซิ่งอย่างละถุงแค่นั้นก็ออกไปคิดเงิน พอถามว่าจะทำขนมอะไรคนตัวใหญ่หันมายิ้มให้ไม่ยอมตอบ บอกแค่ว่าเดี๋ยวถึงบ้านก็รู้เอง

เมื่อกลับมาถึงคอนโดทิวากานต์ไล่ให้เด็กหนุ่มไปเก็บของแล้วลงมาช่วยกันทำขนม ด้วยความตื่นเต้นอลันด์รีบขึ้นข้างบนเก็บกระเป๋าล้างหน้าล้างมือ ลงมาอีกทีเห็นคนรักหยิบอุปกรณ์วางเรียงบนเคาน์เตอร์ในห้องครัวเต็มไปหมด มีทั้งกะละมังใบเล็ก ถ้วยตวง ที่ร่อนแป้ง มีด พู่กันเบอร์หนึ่ง แล้วก็โหลแก้วอันใหญ่

ขนมที่ทิวากานต์จะทำคืนนี้ก็คือกลีบลำดวน คุกกี้แบบไทยๆ รสชาติหวานมันมีกลิ่นหอมแปลกๆ ที่ทั้งอลันด์และโธมัสชอบมากนั่นเอง คุณหมอเคยบอกเมื่อนานมาแล้วว่าทำง่ายแต่เด็กฝรั่งไม่คิดว่าจะใช้อุปกรณ์และวัตถุดิบแค่นี้

“ก่อนอื่นให้ตวงแป้งเตรียมร่อนสี่ถ้วย น้ำตาลไอซิ่งสองถ้วย”

คุณหมอค่อยๆ เทแป้งเค้กใส่ถ้วยตวงที่อลันด์ถืออยู่จนล้นแล้วใช้สันมีดปาดออกเรียบเสมอก่อนบอกให้เทใส่ที่ร่อนบนกะละมัง หลังจากนั้นก็ทำแบบนี้กับน้ำตาลไอซิ่งบ้างแล้วถึงเริ่มร่อนแป้งโดยจับอุปกรณ์เคาะกับฝ่ามือเบาๆ ไม่ให้แป้งฟุ้งกระจาย ทำแบบนี้ซ้ำกันสี่รอบเพื่อให้ได้เนื้อคุ้กกี้เนียนละเอียดที่สุด

“ร่อนเกลือหนึ่งช้อนชาเพิ่มรสชาติเค็มนิดๆ เสร็จแล้วก็ใช้นี่ผสมส่วนผสมให้เข้ากัน” คุณหมอหมุนตัวหยิบขวดน้ำมันถั่วเหลืองบนเคาน์เตอร์เปิดฝาแล้วเททีละนิดลงบนแป้ง “จับขย้ำเลย”

“หือ เอามือขยุ้มๆ แป้งกะน้ำมันเลยอ่ะเหรอ”

“ใช่ มาเดี๋ยวสอนให้” ว่าแล้วก็เอาตัวเองไปยืนซ้อนหลังคนเด็กกว่า จับบนหลังมือเล็กให้ขยำแป้งเบาๆ จนส่วนผสมเริ่มเกาะตัวเป็นก้อน “ขยำพลางเติมน้ำมันไปทีละนิดจนเนื้อแป้งเนียนเข้ากันหมด”

“ไอ - ซี แต่อีกมือไม่ต้องมาขยำก้นได้ม่ะ เดี๊ยะๆ”

“เดี๊ยะอะไร นี่เราไม่ได้กุ๊กกิ๊กกันหลายวันแล้วนะ”

“แล้วเมื่อวันพุธของใครเพิ่งแตกใส่ปากผมวะ รสชาติแย่ชะมัด”

“บอกให้รีบคายทิ้งมัวแต่อมอยู่ได้ อร่อยก็บอก” พูดจบปุ๊บทิวากานต์ถึงกับเซไปข้างหลังเพราะไอ้ตัวแสบดันถองศอกใส่เขาเต็มแรง เขาหัวเราะชอบใจก่อนเดินไปล้างมือปล่อยให้อลันด์นวดแป้งไป

ถ้าไม่นับข้อเสียของการมีแฟนเป็นเพศเดียวกันเรื่องที่เปิดเผยมากไม่ได้ ทิวากานต์ว่าการเป็นเกย์โอเคกับชีวิตในระดับแฮปปี้เวรี่มัช โดยเฉพาะเรื่องบนเตียงที่สะใจ ถึงใจ และได้ใจกว่ามีอะไรกับผู้หญิง ถึงว่าทำไมคนในวงการเดียวกันผันตัวไปก็เยอะ อย่างไอ้ฟ้าที่ช่วยหาชุดนางพยาบาลมาให้นั่นก็คบกับเพื่อนหมอที่เป็นรูมเมทกันตั้งแต่สมัยเรียน เขาไม่น่าโง่มาตาสว่างเอาตอนนี้เลย ไม่งั้นแฮปปี้ไปนานแล้ว

ทิวากานต์เดินไปเปิดทีวีนั่งดูข่าวรอบดึกระหว่างรออลันด์นวดแป้งแล้วค่อยกลับมาหยิบถาดรองอบมาวาง เขาเอาเนยขาวทาบางๆ ที่ถาดรองฆ่าเวลา จนเนื้อคุ้กกี้สำเร็จเรียบร้อยจึงได้เริ่มขั้นตอนถัดมาคือการปั้นแป้งให้เป็นกลีบดอกไม้

มือใหญ่หยิบแป้งจากในกาละมังขึ้นมาเพียงหยิบมือ ปั้นให้เป็นลูกกลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางขนาดเกือบหนึ่งนิ้ว แล้วเอามีดผ่าให้เป็นสี่ส่วนเท่ากัน หยิบเอาตรงปลายของทั้งสามส่วนมาต่อกันให้เป็นกลีบดอกไม้ ส่วนที่เหลือเอาใส่กะละมัง พอได้หนึ่งอันให้หยิบแป้งในกะละมังก้อนเล็กๆ ปั้นเป็นเกสรทรงกลมวางบนส่วนต่อตรงกลางดอกไม้แล้ววางบนถาดที่เตรียมไว้ ทำแบบนี้จนแป้งหมดหรือกลีบลำดวนเต็มถาดถึงหยุดมือ

“เสร็จแล้วก็จะเอาไปอบเลยใช่ไหม”

“ยังก่อน เราต้องตกแต่งดอกไม้ของเราให้มีสีสันกันสักหน่อย อัลไปหยิบไข่ไก่ในตู้มาตอกใส่ถ้วยแยกเอาแต่ไข่แดงนะ”

“อ่าฮะ” เด็กแสบเดินไปล้างมือเช็ดทำความสะอาดเรียบร้อยถึงทำตามที่คุณหมอสั่ง เขาค่อยๆ แยกไข่ขาวกับไข่แดงออกจากกันอาศัยจากที่เคยเห็นทิวากานต์ทำก็ได้ไข่แดงสภาพแตกเล็กน้อยใส่ถ้วยมาให้

“คราวนี้ใช้พู่กันตีไข่แดงให้แตก แล้วเอานี่แหละป้ายบนเกสร”

“ไอ - ซี อันนี้ผมขอทำคนเดียวนะ” ว่าแล้วเจ้าตัวก็จัดการละเลงไข่แดงบนขนมด้วยความสนุก ทำเลอะโดนส่วนกลีบบ้างหกใส่ถาดบ้างแต่ไม่ได้ถึงขั้นเสียจนใช้ไม่ได้

พอเติมสีเสร็จทีนี้ถึงขั้นตอนเอาเข้าเตาอบ ตั้งอุณหภูมิประมาณ 170 องศา ใช้ทั้งไฟบนและไฟล่าง อบประมาณสิบถึงสิบห้านาที ระหว่างนี้ทิวากานต์เลยไล่อลันด์ให้ไปอาบน้ำแล้วค่อยมาช่วยกันแกะคุกกี้ลงโหล

เด็กฝรั่งหายไปทำความสะอาดตัวเองเกือบยี่สิบนาทีเดินลงมาจากชั้นบนตัวหอมฉุย ได้กลิ่นขนมหวานๆ ก็ยิ้มร่ายืนส่องผลงานตัวเอง ยังเหลืออีกถาดที่ไม่ได้อบทิวากานต์เลยให้อลันด์จัดการตามที่เห็นไปก่อนหน้า ส่วนคนสั่งอาศัยช่วงนี้ไปอาบน้ำบ้าง

ระหว่างรอขนมถาดที่สองสุก อลันด์นั่งลงหน้าโซฟาหยิบรีโมทกดเปลี่ยนจากช่องข่าวเป็นละครเรื่องที่เคยดู ถึงจะโดนค่อนขอดว่าดูอะไรไร้สาระแต่ไม่รู้สิ...เขาหยุดดูมันไม่ได้สักที ละครไทยบางเรื่องตลกจะตาย มีอย่างที่ไหนพระเอกโง่นางเอกก็แสนดีเหมือนไม่ใช่คน

ขนมถาดสองสุกก่อนทิวากานต์จะลงมา เด็กหนุ่มจึงต้องเป็นคนเอาออกมาวางข้างนอกรอให้เย็นเท่านี้เป็นอันเสร็จ “หรือเปล่านะ?”

“ว่าไงไอ้ตัวแสบ ขนมเป็นไงมั้ง”

“เสร็จแล้ว” ตาสีซีดเงยมองคนถามในชุดนอนลายทางสีกรมส่งยิ้มตาหยีให้ “ลองกินได้ไหม”

“เอาสิ”

รสชาติของกลีบลำดวนโฮมเมดนั้นต่างจากที่ซื้อมาเล็กน้อย หากหวานมันกรุบกรอบจนต้องขอชิ้นที่สอง ชิมจนพอใจทิวากานต์ถึงเอาตะหลิวแบนๆ มาแซะก้นคุกกี้ออกจากถาดแล้วให้อลันด์ช่วยเรียงใส่โหลแก้ว

“อันนี้เป็นขั้นตอนมหัศจรรย์ เราจะทำให้กลีบลำดวนมีกลิ่นหอมเหมือนดอกไม้จริงๆ”

“ยังไง”

“ใช้ไอ้นี่ เขาเรียกว่าเทียนอบขนม” คุณหมอชูแท่งดินสีน้ำตาลคล้ำขึ้นให้เด็กต่างชาติดู “รู้จักเปล่า”

“รู้จัก เคยเห็นคุณยายเอามาใช้อบขนม”

“เก่งมาก เราจะใช้เทียนอบรมควันกลีบลำดวนพวกนี้ล่ะ” ทิวากานต์จุดไฟที่ส่วนปลายทั้งสองข้าง รอจนเปลวไฟเผาเนื้อเทียนแล้วเป่า ขั้นตอนนี้ต้องเร่งมือรีบเอาเทียนอบใส่ในขวดโหลแล้วปิดฝาให้สนิท ควันไฟสีขาวลอยตลบอบอวลอยู่ด้านในจนแทบมองไม่เห็นตัวขนม

อลันด์ทำจมูกฟุดฟิดดมกลิ่นเทียนอบที่หลงเหลืออยู่ข้างนอกแล้วทำหน้าเคลิ้ม “หอม กลิ่นเหมือนวานิลาเลย แล้วเราทำไงต่ออ่ะวา”

“ทิ้งไว้คืนนึง พรุ่งนี้เช้าค่อยเอาขนมใส่ถุงไปให้ป้าๆ”

“ที่บอกจะให้ผมไปด้วยน่ะ เอาจริงใช่ไหม”

“แหงสิ” คนตัวโตหันมาสบตายืนยันอีกครั้ง “พี่บอกไปแล้วว่าจะพาแฟนไปเปิดตัว น้องขิงก็มาด้วย ดีเลยจะได้รู้จักให้หมดทีเดียวนี่แหละ ขี้เกียจแนะนำหลายรอบ”

เด็กฝรั่งทำหน้าแหยง เขายังไม่มีความคิดจะพาทิวากานต์ไปเปิดตัวกับที่บ้านในสถานะแฟนสักครั้ง ทั้งตายาย พ่อแม่ ญาติพี่น้อง แต่ละคนหัวโบราณกันสุดๆ มีหวังได้เป็นลมกันยกบ้าน แค่เรื่องจะเป็นนักร้องแด๊ดดี้ยังเต้นเป็นเจ้าเข้า เลิกหวังเรื่องเขาจะเป็นเกย์ไปอีกอย่างด้วยได้เลย ถ้าจะบอกคงต้องรอให้เขาอายุเยอะๆ แล้วไม่มีเมียมีลูกให้อุ้มก่อนนั่นแหละค่อยเปิดตัว

“วาไม่กลัวเขาตกใจหัวใจวายกันหรือไง”

ฟังแล้วทิวากานต์ได้แต่ยิ้ม จูงมือคนเด็กกว่าไปช่วยทำความสะอาดอุปกรณ์ทำขนม “บอกแล้วว่าทำ CPR เก่ง อีกอย่างเชื่อพี่เหอะว่าพวกเขารับได้และจะสนับสนุนเราด้วย”

“มันน่ากลัวนี่”

“คิดมากน่า ไม่มีอะไรน่ากลัวหรอก เราก็เคยเจอป้าหมอกะป้าแอนแล้วไม่ใช่เหรอ”

“ก็จริง แต่ว่า... เฮ้อ ไม่รู้สิ” เขาล้างมือแล้วเช็ดกับกระดาษทิชชูจนแห้งค่อยเดินตามคนรักขึ้นห้องนอนต้อยๆ “เขาจะผิดหวังไหมที่วาคบกับผู้ชาย”

“พวกเขาไม่เคยหวังอะไรกับพี่หรอก ก็เหมือนกับแม่พี่นั่นแหละ ขอแค่พี่มีความสุขก็พอ แล้วอัลไม่ต้องกลัวนะ ถึงจะมีคนรับไม่ได้หรือไม่เห็นด้วยแต่พี่จะไม่มีวันปล่อยมือจากเราเด็ดขาด” ฝ่ามือใหญ่เอื้อมจับมือเล็กกว่าไว้แน่น ความอบอุ่นแผ่ออกมาเผื่อให้อีกคนวูบวาบไปทั้งใบหน้า

“ถ้าวามั่นใจแบบนั้น ผมก็โอเค๊” เด็กตัวเท่าไหล่เกาคางตัวเองแก้เขิน เหลือบตามองนาฬิกาในห้องเพิ่งจะสี่ทุ่มครึ่ง “แล้ววานัดพวกคุณป้าไว้กี่โมงอ่ะ”

“เที่ยง ทำไมรึ”

“งั้นคืนนี้ก็นอนดึกได้อ่ะดิ”

แค่มองตาวิบวับสีฟ้าทิวากานต์ก็รู้ความหมายที่อีกคนบอก แขนยาวล็อคคออีกคนเข้ามาซุกอกก่อนก้มใบหน้าลงไปให้เท่ากันแล้วป้อนจูบให้เป็นรางวัลหนึ่งที

“คืนนี้อยากเล่นบทไหนดีล่ะ”

.
.
.

หลอดกาแฟสีเขียวเข้มอันเป็นเอกลักษณ์ของร้านกาแฟแบรนด์ดังถูกฟันหน้าคู่ใหญ่ของเด็กลูกครึ่งอังกฤษ-ไทยขบช่วงปลายจนใช้การไม่ได้อีกต่อไป บนโต๊ะมีถุงกระดาษใบใหญ่ใส่ขนมถุงเล็กๆ อีกที พวกเขามาถึงก่อนเวลานัดเกือบสิบห้านาทีเลยเลือกมานั่งรอทุกคนที่นี่ ตอนแรกอลันด์ไม่อยากให้พวกป้าๆ มาเร็วนักหรอก แต่ตอนนี้ชักอยากให้ทุกคนรีบมาแล้วสิ

“ขอไลน์ได้ไหมคะ”  คนที่ห้า! คนที่ห้าแล้วที่พูดประโยคนี้กับทิวากานต์ แฟนเขานั่งหัวโด่หน้าตูมอยู่นี่มองไม่เห็นหรือไง แล้วด็อกนี่ยังไงแทนที่จะปฏิเสธไปเน้นๆ สมเป็นลูกผู้ชายว่ามีแฟนแล้วดันยิ้มอ่อยทำตาหวานใส่เขาอีก

“ไม่เล่นไลน์ครับ” โกหกชัดๆ แล้วไอ้โปรแกรมเขียวๆ ที่เล่นอยู่ทุกวันกับคนอื่นนี่คืออะไร

“งั้นขอเบอร์หรือเฟซบุ๊คแทนได้ไหมคะ บุ้งอยากรู้จักพี่...”

“วาครับ” นั่น...จะไปบอกชื่อเขาทำไม

“พี่วา ขอได้ไหมคะ บุ้งอยากได้...” อยากได้อะไร เฟซบุ๊ค เบอร์ หรือผู้ชายของเขา!

“ให้ไม่ได้จริงๆ ขอโทษด้วยนะครับ แบบว่าแฟนหวงมากกก กอ ไก่ล้านตัว” เขาแทรกมุกตลกเล็กๆ สร้างความน่าเข้าใกล้แก่หญิงสาวขึ้นอีกระดับ

“แฟนพี่วาไม่รู้หรอกค่ะ นะคะ บุ้งอยากได้พี่วาจริงๆ”

นี่เธอ พูดเฉยๆ ไม่ได้ต้องก้มไม่ต้องเบียดทำเนียนนมหกใส่แฟนเขาได้ไหม แล้วพูดคำไหนตกไปหรือเปล่า สรุปเธออยากได้แค่เบอร์หรืออยากได้คนข้างตัวเขาไปกกกันแน่!!!

“ฮ่าๆ ถ้าพี่ให้บุ้งไปทำไมพี่แฟนจะไม่รู้ล่ะค่ะ ก็เขานั่งงอนอยู่ข้างๆ นานแล้วเนี่ย” นี่ก็อีกคน เผลอแป๊บเดียวเรียกชื่อเหมือนรู้จักกันมานาน มันน่าเตะหน้าแข้งสักที

“อุ๊ย ล้อกันเล่นหรือเปล่าคะ อย่ามาเนียนแกล้งกันหน่อยเลย บุ้งไม่เชื่อหรอก บอกว่ามาด้วยกันยังไม่เชื่อเลย”

“เอ้า พูดจริงๆ ไม่เชื่อเหรอ อัล...บอกบุ้งไปสิว่าเราเป็นแฟนกัน”

“เพิ่งนึกได้เหรอว่าเอาผมมาด้วยน่ะ วานี่มันน่า...ไม่ต้องมากอดเลยนะ ชิ้วๆ” แค่เห็นเด็กหน้าฝรั่งพูดไทยชัดถ้อยชัดคำก็ว่าตกใจแล้ว แต่เห็นผู้ชายที่เพิ่งอ่อยไปกำลังดึง ‘แฟน’ มากอดให้เห็นเต็มๆ ตา สาวไทยใจกล้าถึงกับรีบเดินหนีไปหาเพื่อนชวนเม้าท์กันสนั่นที่ผู้ชายหน้าตาดีสมัยนี้กลายพันธุ์กันเสียหมด

พอเห็นว่าสาวน้อยนามบุ้งเดินจากไปแขนยาวจึงยอมคลายออกจากเอวเล็ก คุณหมอเนื้อหอมถึงกับถอนหายใจยาวๆ มีหลายคนในร้านที่แอบสังเกตการณ์อยู่ทำตามแบบเงียบๆ โล่งใจว่าประชากรชายไทยยังอยู่ดี ที่เห็นเมื่อกี้เป็นแค่การแสดงไล่ชะนีเท่านั้น

“ไปสักที ตื๊ออยู่ได้”

“ทีงี้ทำเป็นรำคาญ เมื่อกี้เห็นมีความสุขดีอยู่นิ ทำไมไม่ให้ไปซะเลยล่ะ สวยน้อยเสียเมื่อไหร่” อลันด์หน้างอ หยิบหลอดมาหักครึ่งจนใช้การไม่ได้อีก

“หึงเหรอ” ทิวากานต์หันหน้าหล่อไปหาคนเด็กกว่าพลางตีหน้าซื่อบ๊องแบ๊วเลยได้ของแถมเป็นเตะเจาะยางไปหนึ่งที “อู๊ย อัลก็รู้นี่ว่าพี่รักแฟนพี่จะตาย”

“เบื่อวาว่ะ ขอทีเหอะไอ้นิสัยตบหัวแล้วลูบหลังเนี่ย บ่อยๆ ก็น้อยใจเป็นนะ”

“เรามันน่าแกล้งนี่” ท่าทางสำนึกสักนิดก็ไม่มี แบบนี้มันน่าตีให้ตายนัก!

อลันด์ลุกเดินเอาหน้าตูมๆ ไปหยิบหลอดกาแฟอันใหม่มาแทนของเก่าที่ถูกทำจนใช้ไม่ได้ เขากลับมานั่งที่เดิมทำเงียบไม่พูดไม่จากับคนแก่ขี้ยั่วได้แป๊บเดียวคราวนี้มีผู้หญิงเข้ามาทักทิวากานต์อีกแล้ว หากดูจากหน้าตาที่มีอายุหน่อยเลยพอคิดได้ว่าคงไม่ใช่มาจีบคุณหมอหรอก แต่ทำไมแฟนเขามันถึงได้ฉีกยิ้มหูตั้งหางกระดิกเหมือนเจออะไรถูกใจ

“อ้าวป้าเต็ม หวัดดีครับ มาคนแรกเลยอ่ะ นั่งก่อนๆ” พูดจบปุ๊บทิวากานต์เอาตัวใหญ่ๆ เขยิบมาเบียดอลันด์ที่เดินกลับมานั่งที่แล้วปั๊บ “ป้าเต็ม นี่น้องอัลแฟนวาที่บอกไง น่ารักเปล่า”

เด็กฝรั่งกระพริบตาปริบๆ พอรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นหนึ่งในแก๊งป้าของคนรักถึงกับตัวเกร็งขึ้นมาทันที เขาค่อยๆ ยกมือไหว้อีกฝ่ายเมื่อทิวากานต์แนะนำเขาให้รู้จัก “สวัสดีครับ”

“นี่พูดจริงป่ะเนี่ย พี่โบกะพี่แอนทายถูกจริงด้วยอ่ะ น้องอัลน่ารักมากกก นี่ป้าเต็มนะจ๊ะจะเรียกพี่เต็มก็ได้ไม่ว่ากัน” เธอนั่งลงข้างทิวากานต์ก่อนชะโงกหน้ามาพิจารณาเด็กที่ว่าเป็นแฟนหลานชาย ท่าทางปกติเหมือนกับว่าการที่ทิวากานต์คบกับผู้ชายไม่ใช่เรื่องแปลกไม่ได้ช่วยให้อลันด์หายกังวล แต่กลับรู้สึกว่ามันราบรื่นเกินไปจนน่าขนลุก

“ป้าเต็มเอาน้ำไรไหม เดี๋ยววาไปซื้อให้”

“ฮอตช็อก”

“เอ่อ เดี๋ยวผมไปซื้อให้ดีกว่า”

“นั่งเป็นเพื่อนป้าเต็มอยู่นี่แหละพี่ไปเอง” ทิวากานต์ยิ้มเจ้าเล่ห์พลางกดไหล่เล็กไว้ ส่วนตัวเองรีบลุกเดินลิ่วๆ ไปต่อแถวยาวเหยียดสั่งเครื่องดื่มให้คนมาใหม่

เมื่อเหลือกันสองคนบนโต๊ะว่าอึดอัดแย่แล้ว ยังไม่ทันที่ใครได้พูดอะไรขึ้นมาป้าอีกสองคนก็มาถึง อลันด์จำได้ว่านี่เป็นป้าหมอกะป้าแอน ทักทายกันไม่ทันเสร็จก็มีมาอีกชุดและอีกชุดจนตอนนี้อลันด์มีหญิงรุ่นราวคราวแม่เกือบเจ็ดชีวิตยกเว้นแต่สาวสวยอายุน่าจะเท่าทิวากานต์ไว้คน

“สะ สวัสดีครับ” เด็กฝรั่งพนมมือยกไหว้แก๊งคุณป้าเหมือนตอนถูกคุณยายจับอรบรมเรียบร้อยสวยงามหลังพวกหล่อนแนะนำตัวครบทุกคน มีทั้งป้าก้อย น้าตา ป้าอิงแล้วก็พี่ขิงลูกสาวคนสวย แต่ละคนมองเขาในตำแหน่งแฟนหมอศัลย์อย่างไม่แปลกใจหรือตกใจอะไร ตาสีฟ้าเหลือบมองคนตัวสูงในแถวคิวหน้าเคาน์เตอร์ขอความช่วยเหลือแต่ทิวากานต์กลับทำไม่รู้ไม่ชี้ได้น่าหมั่นไส้เป็นที่สุด

“ขิงก็ว่าแล้วเชียวว่าแฟนพี่วาต้องไม่ธรรมดา มิน่าถึงบอกว่าแฟนไม่สวยแล้วก็คงไม่ได้แต่งงานเพราะน้องอัลเป็นเด็กผู้ชายนี่เอง” ขัตติยายิ้มตาปิดระหว่างเผาพี่ชายให้คนเด็กสุดฟัง เซอร์ไพรส์เหมือนกันที่พี่ชายเพลย์บอยเปลี่ยนแนว แต่ถ้าเปลี่ยนแล้วชีวิตดีขึ้นเธอไม่เห็นว่าจะมีอะไรเสียหายถึงจะน่าเสียดายไปหน่อยก็เหอะ

“แต่ยังเด็กอยู่เลย วามันหลอกเด็กชัดๆ” น้าตาว่าก่อนหันไปขอความเห็นจากเพื่อนคนอื่นก็มีป้าก้อยนี่แหละที่จริงจังไปด้วย

“นั่นสิน้องอัลอายุเท่าไหร่กัน บรรลุนิติภาวะหรือยัง เดี๋ยวหลานเรามันก็ได้นอนคุกหรอก”

“กินเด็กดีจะตายค่ะจะได้เป็นอมตะ” ไม่น่าเชื่อว่าประโยคนี้จะออกมาจากปากของป้าหมอที่น่าจะดูมีหลักการมากสุดในกลุ่มแล้ว เล่นเอารอบวงหัวเราะร่วน

อลันด์แอบอมยิ้ม รู้สึกชอบคุณป้าคนมากกว่าคนอื่นๆ ก่อนตอบคำถามเมื่อถูกย้ำให้บอกอายุ “กำลังจะสิบเก้าเดือนหน้าครับ”

“กรี๊ดดด ยังไม่ยี่สิบเลย เกลียดวาว่ะ กินเด็กสุดๆ” ปากบอกว่าเกลียดแต่น้าตากลับหัวเราะชอบใจ

บรรยากาศการเปิดตัวเป็นไปได้ด้วยดีผิดคาด ไม่มีผู้ใหญ่คนไหนติดใจที่หลานชายรูปหล่อมาคบกับเด็กผู้ชายซ้ำยังดูออกยินดีที่ทิวากานต์คนขี้เหงามีแฟนเป็นตัวเป็นตนเสียทีหลังปล่อยตัวโสดเป็นพ่อมาลัยอยู่หลายปี

เด็กฝรั่งนั่งฟังป้าๆ เผาทิวากานต์ให้ฟังหลายต่อหลายเรื่อง มีบ้างบางครั้งที่เขาเผลอร่วมวงเม้าท์ไปด้วย แป๊บเดียวเท่านั้นก็รู้สึกเหมือนกลายเป็นคนในกลุ่มไปแล้ว แถมป้าแต่ละคนยังเอ็นดูเด็กหนุ่มอบอุ่นจนร้อน กว่าทิวากานต์จะกลับมาพร้อมแก้วเครื่องดื่มเต็มมือคุณหมอรูปหล่อก็กลายเป็นหมาหัวเน่าไปเรียบร้อย

คนตัวโตอมยิ้มเมื่อเห็นอลันด์เข้ากับพวกป้าๆ ได้ดี ดูท่าการผันตัวมาคบกับผู้ชายของเขาจะไม่มีอะไรให้น่าเป็นห่วงแล้วล่ะ


หัวข้อ: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 26 [04.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 04-02-2016 15:41:50
“ป้าอิงใจดีจัง ให้ขนมมาตั้งเยอะแน่ะ อันนี้อร่อย วากินไหม” ตั้งแต่แยกกันขึ้นรถกลับบ้านใครบ้านมันอลันด์ยังไม่หยุดพูดถึงเหล่าป้าและพี่สาวใจดีสักวินาที  มือเรียวสวยหยิบห่อขนมอิมพอร์ตจากญี่ปุ่นขึ้นสูงก่อนแกะส่งให้ทิวากานต์ถึงปากโดยที่คนขับยังไม่ทันได้ร้องบอก “น้าตาก็เก่ง ใครจะคิดว่าทำงานเกี่ยวกับเครื่องบิน แบบนี้ถ้าได้เจอกับทอมคงคุยกันสนุก อ๊ะ!”

คุณหมอเหลือบหางตามองคนข้างกายที่นิ่งไปหลังจากหลุดชื่อเพื่อนซี้ออกมา ตาสีฟ้าซีดแสดงอาการซึมเศร้าชัดเจน

นับตั้งแต่เกิดเรื่องวันนั้นเจ้าตัวไม่เคยพูดถึงโธมัสอีก ถึงจะบอกว่าเข้าใจกันแล้วแต่จะให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมคล้ายไม่มีอะไรเกิดขึ้นในทันทีคงทำไม่ได้ เรียกได้ว่าทิ้งรอยแผลเป็นขนาดใหญ่ไว้ด้วยกันทั้งคู่

“อ่า...ใช่ พี่ขิงชมด้วยแหละว่ากลีบลำดวนที่ผมทำอร่อยมาก” เงียบได้ไม่เท่าไหร่เด็กแสบก็กลับมาพูดเจื้อยแจ้วได้อีกครั้ง หน้าขาวกลมแป้นยิ้มตาหยีโชว์รอยบุ๋มเล็กๆ บนแก้มนุ่มเมื่อขนมที่ตนทำได้รับคำชมมากมาย

“แน่ใจเหรอว่าผมทำ ไม่ใช่เราทำด้วยกันหรือไง”

“จะผมหรือเราก็เหมือนกันนั่นแหละน่า เราเป็นคนๆ เดียวกันแล้วนะวา”

พอโดนอ้างเอาเครดิตด้วยเจ้าเด็กฝรั่งก็โต้กลับแบบที่คนฟังถึงกับส่ายหน้า ไม่คิดว่าจะเล่นมุกได้กันแล้วถือว่าเป็นคนเดียวกัน นี่เขายังไม่ได้แต่งงานนะได้ข่าว “พี่ละเหนื่อยจะพูดกับเด็กอย่างเราจริงๆ”

“ว่าแต่พี่ขิงสวยจัง นี่ถ้าไม่ได้วาก่อนผมจีบไปแล้วนะเนี่ย” อลันด์ทำหูทวนลมพูดไปเรื่องอื่น นึกถึงพี่สาวคนสวยซ้ำยังใจดีเหมือนนางฟ้าไม่น่าเป็นพี่น้องโตมาพร้อมกับคุณหมอหน้าดุใจโฉดเลย

“พูดให้มันดีๆ นะเรา จะจีบอะไร ไม่ให้จีบ หวง”

“ผมเหรอ?”

“หวงขิงต่างหาก ถ้าคิดจะจีบต้องผ่านด่านพี่ชายสุดหล่อคนนี้ไปก่อนเฟ้ย”

“แหวะ” เด็กหนุ่มแกล้งทำท่าโก่งคอแต่หน้าตาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม การได้พบเจอครอบครัวของคุณหมอวันนี้ทำให้เขารู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตอีกคนเข้าไปอีกขั้น

อลันด์ประจักษ์เองแก่สายตาแล้วว่าทิวากานต์เป็นชายหนุ่มที่รักครอบครัวมากจริงๆ ทั้งที่ไม่มีสายเลือดผูกพันกัน เพียงเติบโตร่วมกันมาชายหนุ่มยังรักขัตติยาเหมือนน้องสาวแท้ๆ รวมไปถึงความรักและเคารพเหล่าป้าที่เลี้ยงดูกันมา แม้ตอนนี้จะเติบโตขึ้นมีหน้าที่การงานมีเส้นทางเดินเป็นของตัวเองทำให้ไม่ได้เจอกันบ่อยๆ แต่ความรักความผูกพันที่มีให้กันไม่เคยจืดจางไปตามกาลเวลา เขาชอบความสัมพันธ์ของครอบครัวนี้ และนึกเสียดายที่มาช้าไปไม่ทันได้พบเจอกับแม่ของคนรัก

ถ้าได้เจอ...เขาคงมีเรื่องพูดคุยกับเธอเยอะทีเดียว

“วันนี้ผมมีความสุขมากเลย ไม่คิดว่าทุกคนจะยอมรับและยินดีกับความรักของเราขนาดนี้ วาโชคดีจังนะที่มีครอบครัวแบบนี้ ยอมรับเลยว่าอิจฉาสุดๆ”

“ถ้าอัลยังอิจฉาแสดงว่าอัลไม่คิดว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวพี่แล้วงั้นสิ” รอยบุ๋มกดลึกบนแก้มคร้านด้านซ้ายปรากฏให้คนนั่งข้างๆ ได้เห็น

“เอ๋? หมายความว่าไงนะวา”

“หมายความตามที่พูด”

“เหะๆ มีความสุขจัง”

อลันด์เอามือลูบคางตัวเองไปมาอย่างที่ชอบทำเวลาเขิน เขายังไม่ยี่สิบไม่เคยมีความคิดจะแต่งงานเร็วด้วย หากการได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวคนรักทำให้ใจอิ่มเอมหุบยิ้มไม่ไหว ลิ้นแดงแลบออกมาแตะริมฝีปากบนระหว่างใช้ความคิดก่อนเหลือบมองคนข้างกาย เขาเองก็อยากให้ทิวากานต์รู้สึกแบบเดียวกันบ้าง หากเขารู้จักครอบครัวตัวเองดีว่ามันเป็นไปได้ยากและต้องใช้เวลากับความอดทนมาก

เขาแตะหลังมืออีกคนลูบเบาๆ อย่างที่ทิวากานต์ชอบทำให้ “ขอบคุณนะวา สักวันผมเองก็จะพาวาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวบ้างเหมือนกัน ขอเวลาให้ผมกับครอบครัวสักหน่อย ขอแค่อดทนรอ...”

“ฉันรอได้อยู่แล้ว แต่ถ้า...” ครอบครัวโอเนลล์รับไม่ได้อลันด์นั่นแหละจะทำยังไง

เขาเก็บคำถามนั้นไว้ในใจไม่อยากให้คนฟังเครียด ในฐานะคนเป็นผู้ใหญ่กว่าเขารู้อยู่แล้วว่าครอบครัวคนปกติทั่วไปคงรับไม่ได้ง่ายๆ เหมือนอย่างของเขา ถ้าวันหนึ่งเกิดถึงทางแยกขึ้นมาให้ต้องเลือกระหว่างครอบครัวกับคนรัก เด็กที่เติบโตมาอย่างสมบูรณ์ในบ้านที่อบอุ่นอย่างอลันด์ต้องเจ็บปวดมากแน่ๆ

“ถ้าอะไรเหรอวา”

“แต่ถ้าฉันแก่ไม่หล่อแถมลงพุงก็อย่าทิ้งกันล่ะ”

“ฮ่าๆ นึกภาพวาแก่เป็นคุณตาไม่ออกเลย แต่ใช่ว่าวาจะแก่คนเดียวสักหน่อย cause all I  wanna do is grow old with you อ๊ะ! รู้ล่ะ เพลงที่จะไปเล่นในงานแต่งเพื่อนวาสัปดาห์หน้าก็เอาเพลงนี้ด้วยดีกว่า” ว่าแล้วเจ้าตัวเลยจัดการฮัมเพลงงุ้งงิ้ง “I wanna make you smile whenever you're sad, carry you around when your arthritis is bad. Oh all I wanna do is grow old with you

“งานนี้พี่รันให้ค่าจ้างเท่าไหร่ล่ะ หืม?”

“ไม่บอก” เด็กแสบยิ้มแป้นส่ายหน้าไปมา อารมณ์ดีเกินจนคนแก่ชักอยากแหย่เล่น

“วันนี้มีความสุขไปเถอะ สัปดาห์หน้าเจอพวกเพื่อนๆ พี่อย่าป๊อดขึ้นมาล่ะ”

เท่านั้นเจ้าตัวถึงกับอ้าปากค้างพะงาบๆ งับอากาศอยู่หลายที “เออว่ะ แล้ววาจะไม่เป็นไรเหรอ เพื่อนวาจะ...”

“ไม่รู้สิ” เขายักไหล่แต่คิดว่าคงไม่ต่างจากวันนี้สักเท่าไหร่ ทิวากานต์มีเพื่อนในกลุ่มที่จะมาร่วมงานแต่งเป็นคู่ผัวเมียสระอะที่แกรนด์โอเพ่นนิ่งตั้งแต่สมัยเรียน เพื่อนบางคนก็เคยถูกใจดีเทลเลอร์ยาหนุ่มๆ จนไปสนุกเถิดเถิงกันมาแล้ว เขาเองยังเคยโดนไอ้พวกนี้ล้อกับการันต์เลย ถ้าเขาจะเป็นไปอีกคนคงไม่มีเพื่อนคนไหนกล้าตัดเพื่อนกันเพราะเรื่องแค่นี้หรอกมั้ง

“หรือผมจะไม่ไปดี”

“คิดมากน่า”

“แต่ถ้ามันทำให้วาเสียชื่อเสียความน่าเชื่อถือล่ะ”

เขาลอบสบตาสีฟ้าที่มองมาหงอยๆ จนอดถอนหายใจไม่ได้ นับวันอลันด์ดูจะกลายเป็นเด็กคิดมากไปทุกทีทั้งที่แต่ก่อนออกจะเอาแต่ใจและทำตามอารมณ์ตัวเองแท้ๆ “พี่แค่แนะนำเราให้รู้จักกับเพื่อน ไม่ได้เอาไปประกาศให้คนอื่นรู้กันทั่วสักหน่อย อีกอย่างถ้าพี่ไม่มั่นใจคงไม่ตัดสินใจทำเหมือนวันนี้หรอกนะ เชื่อใจพี่เถอะน่า”

ฝ่ามือใหญ่เอื้อมมาลูบผมคนรักก่อนกลับไปจับเกียร์ตามเดิม แค่นั้นก็มากพอแล้วสำหรับอลันด์สำหรับการเผชิญหน้ากับทุกอย่าง

“อ่อ อีกอย่างนะวันนั้นคงเรื่องของเราคงไม่ตกเป็นประเด็นเท่าพี่รันหรอก”

“พี่รันทำไมเหรอ”

“พาแฟนมาเปิดตัวเหมือนกันน่ะสิ”

.
.
.

“กวินเป็นน้องคนหนึ่งที่ผมภูมิใจ ผมเจอกับเขาครั้งแรกตั้งแต่ตอนที่เจ้าตัวยังเป็นนักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่สอง บอกได้เลยว่าทั้งชั้นมีกวินนี่แหละที่ตั้งใจเรียนกว่าใครเพื่อน เขาทั้งฉลาดและเฉลียว มีความมานะบากบั่นไม่แพ้เพื่อนร่วมรุ่นคนไหน งานหนักเบาเขาสู้หมด เป็นที่รักของเพื่อนร่วมงาน คนไข้ และคนที่ได้รู้จักทุกคน เห็นกันมานานจนรักเหมือนน้องแท้ๆ คนหนึ่ง วันนี้ไอ้เด็กแว่นที่ชอบหอบหนังสือเล่มโตเรียกพี่รันๆ โค้งตัวให้ทุกครั้งที่เจอจะมีครอบครัวเป็นของตัวเองแล้ว ผมอดภูมิใจในตัวน้องชายคนนี้ไม่ได้จริงๆ และในฐานะอาจารย์คนหนึ่งของเขาผมอยากจะฝากฝังคุณหมอคนเก่งคนนี้ไว้ให้เจ้าสาวได้ช่วยดูแล อย่างที่รู้อาชีพหมอนั้นงานหนัก เราดูแลคนอื่นจนบางครั้งหลงลืมดูแลคนในครอบครัวไป ผมหวังว่าเจ้าสาวที่ลูกศิษย์ผมเลือกมาดีแล้วจะเข้าใจช่วยดูแลเขาและครอบครัวต่อไป ทั้งนี้ผมมั่นใจ...เจ้าบ่าวและเจ้าสาวจะต้องมีครอบครัวที่น่ารัก มีไอ้ตัวเล็กเร็วๆ เดี๋ยวผมจะให้เพื่อนรักผมอาจารย์ชวินสูติฯ มือฉมังช่วยทำคลอด...”

เสียงหัวเราะครืนดังทั่วสถานที่จัดงานแต่ง ตาสีฟ้าซีดกระพริบมองการันต์บนเวทีตาปริบ วันนี้คุณป๋าใส่สูทผูกไทเก็บผมเรียบร้อยดูหล่อสุดๆ เพื่อนเจ้าสาวบางนางถึงกับมองตาเป็นมัน ลามเผื่อแผ่มาถึงคุณหมอหัวอันเดอร์คัตข้างตัวเขาด้วย

แต่เสียใจจ้ะชะนี... วันนี้สองศัลยแพทย์รูปหล่อพาตัวจริงมาด้วย

“ป๋ารันเนี่ยหล่อไม่สร่างไม่จริงๆ เห็นหน้าแบบนั้นใครจะไปนึกว่าพี่แกเลยบางเขนจะเข้าหลักสี่แล้ว สงสัยกินเด็กจะเป็นอมตะตามเขาว่าแหะ” นายแพทย์อชิตะหนึ่งในเพื่อนร่วมรุ่นของทิวากานต์ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมชายล้วนปลายตามองหญิงสาวฝั่งตรงข้ามตอนท้ายประโยค ทุกคนบนโต๊ะจีนรู้กันหมดว่ามันจงใจแซวคนที่การันต์พามาด้วยโดยเฉพาะ แถมยังเลือกช่วงจังหวะที่นายแพทย์รุ่นพี่ขึ้นไปกล่าวอวยพรบ่าวสาวบนเวทีด้วยนะ

“นั่นสินะ ไอ้คนหัวเกรียนนี่ก็เหมือนกัน หน้าอ่อนหน้าขาวอย่างกับตูดเด็กฝรั่ง” วชิระคุณหมอผู้เคยรับจ้างเป็นนายหน้าจัดหาชุดคอสเพลย์นางพยาบาลเอียงคอมองทิวากานต์กับอลันด์สายตาวิบวับ เขาสงสัยตั้งนานว่าไอ้หมอโฉดไปลงหลักปักฐานกับใครที่ไหน ได้เจอตัวจริงวันนี้ถึงกับตกใจ แหม่...ใครจะไปคิดว่าไอ้รูมเมทปากหมาฟัดแต่ชะนีจะเปลี่ยนรสนิยมมากิน(เด็ก)ผู้ชายเหมือนเขา

“ก็ดีกว่าพวกกินกันเองนั่นแหละว่าไหมไอ้ฟ้า”

“อุ๊ย”

เจอสวนกลับเรียบๆ วชิระรีบเอามือปิดปากตัวเองแน่น เขาลืมไปได้ยังไงว่าทิวากานต์มันปากร้าย ขนาดเขาที่อายุมากกว่ามันตั้งสองปีมันยังไม่เคยเรียกพี่ให้ชื่นใจสักครั้งทั้งที่เป็นรุ่นพี่ที่โรงเรียนชายล้วนมาก่อน ถือเอาว่าเอนท์ติดแพทย์ปีเดียวกันก็เหมานับเป็นเพื่อนหมด แม่งสันดานเสียจริงจัง

“นี่น้องอัลน้องแอฟรู้ไหม สมัยเรียนนะมีข่าวลือว่าไอ้วากับพี่รันกิ๊กกันด้วยล่ะ”

เห็นแฟนตัวเองโดนขู่หงอมีเหรอที่อชิตะจะยอม เขารีบตีไข่ใส่สีเล่าเรื่องให้อลันด์กับอักษราฟัง ทันใดนั้นเพื่อนนายแพทย์คนอื่นๆ ก็รีบโหมกระพือเรื่องนี้เป่าไฟลุกใส่หูสองคนกันสนุกสนาน แม้แต่ทิวากานต์ยังห้ามไม่ได้ ดูเหมือนการพาคนรักมาเปิดตัวให้เพื่อนรู้จักในงานนี้ของการันต์กับเขาจะไม่เป็นเรื่องดีซะแล้ว จะมีก็แต่เด็กฝรั่งนี่แหละที่นั่งฟังแล้วยิ้มหวาน จากที่กังวลตอนแรกไม่ทันไรก็ตีซี้กับเพื่อนๆ ทิวากานต์ได้หมด ดูเหมือนเจ้าตัวมักเป็นที่ถูกชะตาของคนสูงวัยกว่าจริงๆ

“คุยอะไรกันท่าทางน่าสนุก ขอฉันร่วมวงด้วยสิ” เสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นพร้อมการันต์นั่งลงบนเก้าอี้ว่างข้างตัวอักษราซึ่งเป็นหญิงสาวเพียงคนเดียวบนโต๊ะ

“เปล่าครับพี่ แค่โฆษณาอะไรเล็กๆ น้อยๆ หน่อยเดียว” อชิตะรีบแก้ตัวพัลวัล ถึงเขาไม่ได้เทรนโดยตรงกับการันต์ตอนเรียนต่อ แต่เขาเคารพและหงอกับรุ่นพี่คนนี้มาตั้งแต่สมัยเรียนด้วยอะไรบางอย่างที่เขาเองก็ไม่ค่อยจะเข้าใจ

“พี่หนึ่งบอกว่าพี่รันกับพี่วาเคยกิ๊กกันมาก่อนค่ะ”

“วาไม่แก้ตัวด้วยนะ” เด็กฝรั่งสำทับเลยโดนทิวากานต์ดึงคอเข้าไปกอดรีบง้อ

“จะแก้ตัวได้ไงล่ะ พวกนี้พูดกันไม่เปิดช่องให้เลย”

“แล้วจริงหรือเปล่าคะ แต่หนูว่า...สองคนนี้ถ้าคบกันก็น่ารักดีนะคะ รุ่นพี่รุ่นน้องในโรงเรียนแพทย์น่าเอาไปเขียนนิยายลงเล้าสุดๆ” อักษรายิ้มหวานเอียงคอมองสองหนุ่มตาเป็นประกายเห็นเป็นเรื่องน่ายินดี เห็นเท่านี้ทิวากานต์ตรัสรู้ในทันทีว่าหล่อนเป็นสาววายประเภทเดียวกับแก๊งป้าเขาแน่นอน!

“อู๊ย น้องแอฟพูดแบบนั้นได้ไงครับ ตัวจริงไอ้วานั่งอยู่นี่เดี๋ยวก็งอนตุ๊บป่องกันพอดี”

“อุ๊ย ขอโทษค่ะ ลืมตัวไปหน่อย น้องแสบอย่าโกรธพี่น้าาา” หล่อนทำเสียงน่ารักก่อนหันมาง้ออลันด์ที่นั่งข้างกัน ดูแล้วแฟนของทิวากานต์ก็เข้ากับแฟนของนายแพทย์รุ่นพี่ได้เป็นอย่างดีเช่นกัน ดีจนบางทีจับคู่คุยลืมคนที่พามาด้วยเฉย

“พอๆ ไร้สาระ ดูบนเวทีดีกว่า ได้เวลาน้องแสบจะไปเซอร์ไพรส์แล้ว” การันต์ดุหญิงสาวเบาๆ ก่อนจับให้เธอหันไปมองบนเวที อักษราทำหน้าบูดหน่อยๆ หากยอมเชื่อฟังคุณหมอเจ้าของไข้ตัวเองดี ขืนดื้อสิโดนจับยัดแอดมิทแน่ๆ การันต์น่ะหาเตียงคนไข้ในโรงเรียนแพทย์ที่ว่าต้องต่อคิวนานเป็นเดือนๆ ได้เก่งมาก เธอพิสูจน์มาแล้วจากตอนรักษาโรคผนังหัวใจรั่วเมื่อปลายปีที่ผ่านมา แจ้งวันนี้พรุ่งนี้หาเตียงได้เลยไม่มีเวลาให้เตรียมตัวเตรียมใจสักนิด

ส่วนทิวากานต์ก็รีบลุกพาอลันด์เข้าหลังเวทีเตรียมไปทำงานที่ได้รับมอบหมายมา พอถึงด้านหลังเวทีชายหนุ่มช่วยอีกคนจัดแจงสะพายกีตาร์ เสียบสายลำโพง เช็คความเรียบร้อยจนดีแล้วค่อยตบไหล่ให้กำลังใจ

“สู้ๆ”

“อื้อ เชื่อมือผมเหอะ”

จนออแกไนซ์เซอร์ให้คิว ร่างเล็กกะทัดรัดจึงรีบวิ่งปรือไปยืนประจำตำแหน่ง ตาสีฟ้ายืนมองเจ้าบ่าวกล่าวความในใจกับเจ้าสาวเป็นลำดับถัดไปหลังก่อนหน้านี้ที่บรรดาผู้ใหญ่ขึ้นมากล่าวอวยพรจนครบทุกฝ่าย

เสียงกีตาร์กับน้ำเสียงแหบต่ำถึงดังขึ้นพร้อมเนื้อเพลงรักอ่อนหวานเข้ากับบรรยากาศงาน เด็กฝรั่งตัวเล็กยืนเกากีตาร์อยู่ด้านล่างข้างเวที มีแสงสปอร์ตไลท์ส่องลงมากระทบเส้นผมสีน้ำตาลอ่อนเป็นเงา ถ้าเป็นงานอื่นคงเป็นตัวเด่นอย่างไม่ต้องสงสัย หากวันนี้คู่รักเป็นตัวเด่นของงานทุกสายตาจึงจับจ้องไปที่กลางเวที มีเพียงทิวากานต์เท่านั้นที่มองดูคนรักของเขาด้วยความภาคภูมิใจ

“I’ll get your medicine when your tummy aches
Build you a fire if the furnace breaks
Oh it could be so nice, growing old with you
I could be the man who grows old with you1


พอได้เวลาเจ้าบ่าวจับจูงเจ้าสาวไปด้านหน้าเพื่อเตรียมการตัดเค้กตามกำหนดการ ใบหน้าของหมอกวินและคู่ชีวิตวันนี้ช่างดูอิ่มเอิบสดใสสมกับเป็นวันที่มีความสุขที่สุด แม้แต่โต๊ะของบรรดาเพื่อนที่ยังไม่มีใครลงหลักปักฐานกันเป็นเรื่องเป็นราวสักคนอย่างโต๊ะการันต์ยังอดรู้สึกมีความสุขไปด้วยไม่ได้

การันต์เหลือบมองอักษราตอนบ่าวสาวจับมือกันช่วยตัดเค้ก เขาเคยผ่านพิธีเช่นนี้มาก่อนแล้วรู้ดีว่ามันมีความสุขมากเพียงใด แต่การแต่งงานไม่ใช่ฉาก Happy Ending ของชีวิตคู่มันหากคือจุดเริ่มต้นอีกด้านหนึ่งของชีวิตคู่ที่อาจจะลงท้ายไม่สวยงาม

เขาเคยเจ็บปวดกับความรักเจียนตายผ่านความล้มเหลวมาแล้วกับชีวิตคู่ จะผิดไหมถ้าวันนี้เขาอยากจะเริ่มต้นการสร้างครอบครัวอีกสักครั้งกับผู้หญิงคนนี้ คนที่อายุน้อยกว่าเขาหลายปีซ้ำยังรู้จักกันได้ไม่นาน ทว่าอักษราเป็นคนปลุกความรู้สึกนั้นที่เขาเก็บไว้ในส่วนลึกขึ้นมาได้อีกครั้ง อยากดูแลอยากอยู่ด้วยกันตลอดไปจนกว่าจะแก่เฒ่าและตายจาก

“แอฟ...”

“คะ?”

“คือพี่ว่าเรา...”

ไม่ทันรู้ตัวการันต์เผลอเรียกชื่ออีกฝ่ายออกไปซะแล้ว เขามองนัยน์ตากลมโตสีนิลคู่นั้นที่จับจ้องมองเขามาด้วยความสงสัย ท่าทางใสซื่อนั้นยังคงเหมือนเดิมตั้งแต่วันแรกที่รู้จักกัน จนอดคิดไม่ได้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมามีเพียงแค่เขาคนเดียวที่รู้สึกไปเองกับความรักครั้งนี้

“อ๊ะ! เจ้าสาวจะโยนดอกไม้แล้ว น้องแอฟรีบไปแย่งเร็ว” วชิระชะโงกข้ามโต๊ะมาตีไหล่หญิงสาวเบาๆ กะทันหันทำเอาทั้งคู่สะดุ้งเหมือนได้สติกลับมา หญิงสาวเปลี่ยนโฟกัสไปที่นายแพทย์หนุ่มท่าทางนุ่มนิ่มแทน

“อะไรนะคะพี่ฟ้า”

“ไปแย่งดอกไม้เจ้าสาวไง นู่นๆ เขาเรียกสาวๆ ไปหน้าเวทีแล้ว”

“ใช่ พี่กำลังบอกให้เราไปแย่งดอกไม้กัน!” อะไรไม่รู้ล่ะการันต์ขอเออออไปก่อน

บ้าเอ๊ย! ไม่รู้เป็นเพราะบรรยากาศพาไปหรืออะไรแต่เมื่อกี้เขาเกือบเอ่ยปากขออีกคนแต่งงานไปแล้ว!!!

“เอ๋ ป๋ารันจะไปด้วยเหรอ” หมอฟ้าทำตาโต ไม่ได้รู้เรื่องเลยว่าเมื่อกี้ไปขัดจังหวะสารภาพรักเข้า การันต์เลยต้องอาศัยจังหวะนี้แก้เก้อไปตามเรื่อง “ถ้าป๋าไปงั้นฟ้าไปด้วย ตอนแรกฟ้าอยากไปนะแต่จะให้ไปร่วมวงกับสาวๆ อ่ะน่าเกลียดตาย แต่ถ้าป๋าไปฟ้าก็จะได้มีเพื่อนตบตีกะชะนี”

“เฮ้ย! ไปทำไม มีแต่ผู้หญิงอายเค้าวุ้ย ฉันหมายถึงให้เราน่ะ แอฟ เราน่ะ...ไปเอาดอกไม้ให้ไอ้ฟ้ามันหน่อย มันอยากจะแต่งกับไอ้หนึ่งเต็มแก่ล่ะแต่ไอ้หมอกระดูกไม่ขอสักที”

“อ๋อ ฮ่าๆ ได้เลยค่า หนูจะสู้สุดฝีมือเลย พี่ฟ้าจะได้แต่งกับพี่หนึ่งสักที” ได้ยินแล้วสาวน้อยถึงกับลุกขึ้นยืนกำหมัดแน่น ไฟลุกท่วมตาเหมือนกับว่าจะไปสู้ศึกอะไรสักอย่าง แน่นอน...เพื่อความรักของเพศเดียวกันแล้วเธอพร้อมให้การสนับสนุนสู้สุดใจ แม้ว่าชะนีจะไร้ที่ยืนต้องนั่งคานตลอดชีพก็ไม่ใช่ปัญหา

ว่าแล้วอักษรารีบวิ่งปรู๊ดไปหน้าเวทีทันทีเมื่อพิธีกรกำลังนับถอยหลัง มีเสียงการันต์ตะโกนไล่หลังบอกว่าอย่าวิ่งเป็นแบ็คกราวด์ไปตลอดทาง ไม่ได้กลัวจะล้มหรอกนะแต่บางทีอักษราก็ลืมตัวไปว่าเพิ่งผ่าตัดมาได้ครบเดือน! “แอฟอย่าวิ่ง แอฟ...พี่บอกว่าอย่าวิ๊งงง”

“คบเด็กมีแต่เรื่องปวดหัวแบบนี้แหละพี่ ต้องทำใจ” ทิวากานต์กับอลันด์เดินกลับมานั่งที่หลังเสร็จภารกิจทันเห็นได้ยินพอดี เขานั่งลงที่เดิมยิ้มแก้มแทบแตกไม่แพ้อลันด์เพราะมีแต่คนชมเด็กในสังกัดว่าร้องเพลงเพราะมาตลอดทางตอนเดินกลับ

งานนี้เด็กฝรั่งหน้าบานเป็นกระด้งไม่แพ้กัน ร้องเพลงเดียวแต่ป๋ารันใจป้ำให้ค่าจ้างตั้งสองหมื่น แถมยังมีของขวัญใส่กล่องมาให้อีกเป็นการขอบคุณและขอโทษที่เรียกตัวทิวากานต์ไปช่วยผ่าตัดในคืนสำคัญของคนทั้งคู่ ไม่รู้ว่าเป็นอะไรแต่น่าจะเป็นพวกน้ำหอมอะไรประมาณนี้

“เอ็งก็บอกเคล็ดลับป๋าเขาหน่อยสิวะไอ้วาในฐานะผู้บุกเบิกเทรนด์กินเด็กของกลุ่ม” อชิตะแซวขึ้นมาเลยถูกเพื่อนอ่อนกว่าสองปีเอื้อมแขนยาวๆ ตบหัวไปหนึ่งที

“ปากดีนักนะมึง เดี๋ยวกูแฉหรอกว่ามึงไลน์มาปรึกษาเรื่องจีบสาวนมโตที่นิวยอร์ก”

“ชิชะ ไอ้นี่... ไอ้วา ไอ้ตอแหล ไอ้พวกยุให้ครอบครัวเขาแตกแยก เก๊าไม่เคยนอกใจฟ้านะ”

“เอ๊าะเหรอ” วชิระสวนกลับนิ่งทั้งหน้าทั้งตา รู้จักกันตั้งแต่ม. หนึ่งทำไมเขาจะไม่รู้จักสันดานเจ้าชู้อีกคนดี “ใช่สิ เรามันของตาย นมไม่มี แถมอยู่บ้านนอกที่ญี่ปุ่นมันจะไปเร้าใจอะไร”

“ฟ้าอ่า เชื่อไอ้วามันมากกว่าหนึ่งเหรอ”

“กูเคยโกหกพวกมึงเหรอ” แทนที่จะช่วยให้ดีขึ้นหมอศัลย์หัวใจรูปหล่อยิ้มชั่วเติมถ่านเข้าไปอีกถุงใหญ่ เขาหยิบถั่วลิสงเข้าปากเคี้ยวรอดูผัวเมียตีกัน ไม่ลืมคีบเป็ดย่างบนโต๊ะให้เด็กฝรั่งข้างตัวกินเติมท้องด้วย “กินเข้าไปเยอะๆ”

“ไม่หิวแล้วอ่ะ”

“ไม่หิวก็ต้องกิน พี่รันดูไว้นะครับ ถ้าเด็กดื้อเราต้องดุ ถ้าเด็กงอนเราต้องง้อ แต่ถ้าเด็กอ้อนก็จัดเลย”

“แกนี่มัน...” การันต์ส่ายหัวกับคำแนะนำจากรุ่นน้อง เขามองไปที่หน้าเวทีเห็นอักษราเดินยิ้มหวานถือช่อดอกไม้กลับมาพอดี ดูเหมือนจะปฏิบัติภารกิจสำเร็จ

“หนูได้ดอกไม้มาด้วยล่ะ เย้” เจ้าหล่อนกระโดดเขย่งปลายเท้าท่าทางเหมือนเด็กสามขวบตั้งแต่หน้าเวทีมาถึงโต๊ะ ก่อนยื่นช่อดอกไม้เจ้าสาวไปให้หมอกระดูก “พี่หนึ่งเอาไปขอพี่ฟ้าแต่งงานนะคะ”

อชิตะกับวชิระหยุดตีกันทันที ตาสองคู่มองช่อดอกไม้ตาปริบ เขาไม่นึกว่าเธอจะไปเอามาได้จริงๆ แต่ถึงเอามาได้เขาก็คงไม่ขออีกคนแต่งงานหรอก ได้เสียกันตั้งแต่เป็นรูมเมทก่อนแยกกันไปเรียนต่อก็อยู่ด้วยกันมาตลอด เรียกว่าเลยการแต่งงานมาไกลแล้ว

“เฮ้ย พี่พูดเล่น อย่างพี่กับไอ้หนึ่งอยู่กินกันเป็นผัวเมียมาเป็นชาติแล้วจะแต่งอะไรกันอีก”

“ใช่ๆ น้องแอฟเก็บไว้เองเถอะอุตส่าห์ไปเอามาได้ นี่ไง...เขาว่าอะไรนะหนึ่ง คนที่รับดอกไม้เจ้าสาวได้อ่ะ”

“จะได้เป็นเจ้าสาวคนถัดไปไง สงสัยงานหน้าเป็นคิวพี่รันกะน้องแอฟชัวร์ๆ” อชิตะรีบเสริมอย่างรวดเร็ว ไม่ลืมแกล้งหยอดใส่ศัลยแพทย์รุ่นใหญ่ไปหนึ่งดอก

“หนูกับพี่รันไม่ได้เป็นแฟนกันสักหน่อย” หล่อนฟังแล้วยู่หน้า ไม่ใช่ว่าแบ๊วจนไม่รู้เรื่องแต่เป็นการันต์ต่างหากที่ไม่เคยพูดอะไรกับเธอตรงๆ มีแต่บังคับให้ทำนู่นนี่ อย่างงานแต่งที่เธอไม่รู้จักใครสักคนดันลากให้มาด้วย ยังดีว่าพวกรุ่นน้องของการันต์คุยเก่ง แถมยังมีเด็กวัยใกล้ๆ กันอย่างอลันด์เธอจึงไม่แกร่วอย่างที่คิด

“อ้าว ไหงงั้นล่ะป๋า”

“พูดมากน่า แอฟ...มานั่งกินข้าวต่อได้แล้ว เมื่อกี้ก็กินไปนิดเดียวเอง จะผอมแข่งกับน้องแสบหรือไง” การันต์รีบตัดบทก่อนงานจะเข้าตัว ได้ยินสาวเจ้าบอกว่าไม่ได้เป็นอะไรกันแล้วมันเจ็บจี๊ดถึงทรวง

“ไม่อยากกินแล้วอ่า”

“ไม่อยากก็ต้องกิน เร็วเข้า”

“พี่รันอย่าดุเหมือนวาสิ เฮ้อ...ทำไมชอบบังคับให้กินข้าวเยอะๆ ด้วย คนมันไม่อยากกินบังคับอยู่นั่นแหละ ทีตอนเราอ้วนก็บอกให้ลด พอผอมก็ขุนให้อ้วน นี่คนนะไม่ใช่หมู” ได้ทีเด็กฝรั่งรีบบ่นคุณหมอจอมเฮี้ยบเป็นภาษาไทยชัดถ้อยชัดคำให้ทุกคนบนโต๊ะหัวเราะครืนเลยถูกดีดจมูกไปเบาๆ แล้วจำต้องอ้าปากรับเนื้อเป็ดย่างชิ้นใหญ่ไปเคี้ยว “อันนี้อร่อยอ่ะ เอาอีกชิ้นซิวา”

“ทีงี้ได้ทีใช้ใหญ่นะเรา เมื่อกี้ยังบ่นไม่อยากกินแท้ๆ” ปากบ่นมือขยับคีบเนื้อเป็ดฉ่ำน้ำซอสให้อีกคนอยู่ดี

วชิระมองเด็กหนุ่มเด็กสาวแล้วส่ายหัว “เป็นพี่ก็อยากให้เราสองคนกินเยอะๆ นะ ผอมกันเกินไปแล้วรู้ไหม นี่ก็เพิ่งรักษา ASD มาเหมือนกันด้วยนิใช่ไหม บังเอิญจังเลยเนอะ แต่ถึงจะรักษาหายแล้วใช่ว่าจะใช้ชีวิตแบบเดิมได้เต็มที่นะ คนที่มีประวัติเป็นโรคหัวใจมักมีโอกาสเกิดโรคที่เกี่ยวกับหัวใจขึ้นอีกมากกว่าคนปกติทั่วไป สิ่งที่ควรทำต่อไปนี้ก็คือรักษาสุขภาพให้แข็งแรง กินอาหารให้ครบห้าหมู่และหมั่นออกกำลังกาย แล้วหมอบอกอะไรก็เชื่อด้วย”

ในฐานะหมอหัวใจอีกคนบนโต๊ะวชิระจึงถึงโอกาสให้คำแนะนำไปด้วยเสียเลย หมอบางคนมักไม่อยากคุยเรื่องงานถ้าอยู่นอกโรงพยาบาล แต่ด้วยจิตสำนึกแล้วไม่มีหมอคนไหนจะมองเฉยกับอาการเจ็บป่วยของคนรอบข้างไปได้หรอก

“ไอ - ซี เอาจริงนะพี่ฟ้าพูดแล้วน่าทำตามกว่าวาเยอะเลยอ่ะ วานะมีแต่สั่ง สั่ง สั่งให้ทำตาม เผด็จการสุดๆ”

“พี่รันก็เหมือนกัน บ่นนู่นบ่นนี่เป็นคนแก่ ยังไม่สี่สิบแท้ๆ ทำตัวเหมือนคนวัยทอง”

ได้ทีสองคนป่วยรีบฟ้องใหญ่เรียกเสียงหัวเราะได้อีกหน เล่นเอา ‘คนวัยทอง’ หน้างอเป็นจวักจ้องงาบหัวไอ้พวกรุ่นน้องเป็นรายตัว



TBC

งวดนี้มาเร็วค่ะ งานเริ่มซาแล้วลงสองเรื่องพร้อมเลย (อีกเรื่องก็ Love l Hate (http://bit.ly/1PBTp9K) ค่ะ ลงเมื่อเช้า)
ความจริงคือวันนี้ว่างนี่เอง พรุ่งนี้ค่อยหัวหมุนต่อ

ตอนนี้พี่วาพาน้องเปิดตัวแล้ว เหลือแต่คนน้องนี่แหละเมื่อไหร่จะพาพี่เปิดตัวบ้าง อุฮิ
ส่วน ‘ยัยเด็กนี่’ จากตอนพิเศษคือใคร เรามีตอนพิเศษของ ‘ยัยเด็กนี่’ ด้วยค่ะ แต่ขอเก็บไว้ก่อน
จะใช่น้องอัลหรือไม่ โปรดติดตามกันต่อไปยาวๆ เลยค่า

ฝากแท็ก #พี่วาน้องอัล สำหรับคนที่เล่นทิวตเตอร์ด้วยนะคะ
ลงนิยายมาตั้งนานเพิ่งคิดได้ว่าควรมีแท็คไว้เช็คเรตติ้งกะเขาบ้าง 555

จุ๊บๆ เจอกันตอนหน้าค่า

 :mew1:

--------------------------
1 Adam Sandler - Grow Old With You
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 26 [04.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 04-02-2016 17:12:21
พวกป้าๆกับเพื่อนหมอว่าน่ารักอ่ะ  :katai2-1:
น้องอัลน่ารักตลอดๆ
ปล.หวังว่ายัยเด็กนั้นจะเป็นน้องอัลของเรา  :L2:

ปล.มาต่อบ่อยๆนะคะ จุ้บ :mew1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 26 [04.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 04-02-2016 18:47:30
  ชมรมคนกินเด็ก o13o13  o13
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 26 [04.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 04-02-2016 19:26:58
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 26 [04.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 04-02-2016 19:53:39
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 26 [04.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 04-02-2016 20:43:48
น่ารักจริงค่ะร้องแสบ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 26 [04.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: Mokuchi ที่ 04-02-2016 20:52:42
ชอบตอนนี้จังค่ะ ดูอบอุ่นละมุนดี :-[
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 26 [04.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 04-02-2016 20:57:17
เป็นตอนที่คึกคักมาก หมอวาพาหวานใจไปเปิดตัว ผ่านทุกด่านไม่มีดราม่า
ฝั่งน้องอัลจะเป็นไงบ้างหนอ มีแต่คนแก่หัวโบราณ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 26 [04.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 04-02-2016 22:07:36
ฝั่งสาโอเคแหละ งานกลังอยู่ฝั่งตัวแสบคุณพ่อสุดหวงขนาดนั้นนนนน
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 26 [04.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 04-02-2016 22:49:42
น่ารักจัง...หมอวาพาเปิดตัวทั้งเพื่อนและครอบครัวเลยอะ เริ่ด......
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 26 [04.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 05-02-2016 01:16:29
น้องอัลผ่านฉลุย เข้าได้ทุกคณะ เพราะน้องน่าร้ากกกกก   :mew1:

เอาใจช่วยป๋ารันต์ค่า

หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 26 [04.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 05-02-2016 03:28:58
น้องอัลน่ารักมากค่ะ ไม่อยากให้มีฉากดราม่าเลย  :ling3:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 26 [04.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 05-02-2016 09:11:26
น้องอัลผ่านด่านคุณป้าฉลุยเลย คึคึ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 26 [04.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: misskimji ที่ 05-02-2016 21:13:24
ตามอ่านจนทันแล้ว
สนุกมากเลยค่ะ ชอบๆ
รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 26 [04.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: VarainDark ที่ 05-02-2016 22:40:20
ว๊าวววววว พี่รันเปิดตัวว่าที่เจ้าสาวแล้ว
แล้วเมื่อไร 'ตัวแสบ' จะเปิดตัว่าที่ 'เจ้าบ่าว' กับที่บ้านบ้างล่ะ
ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 26 [04.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 05-02-2016 23:04:17
เปิดตัวฝ่ายหมอวาแล้ว เหลือแต่ฝ่ายอัล
ด่านหินทั้งนั้น หมอวากะอัลสู้ไปด้วยกันนะ แด๊ดดี้หวงลูกมาย
หัวข้อ: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 27 [07.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 07-02-2016 15:22:52
TRACK 27



ยิ่งดึกบทสนทนาบนโต๊ะยิ่งเปลี่ยนไปเรื่อยแล้วแต่ใครจะนึกอะไรขึ้นมาได้ สักสี่ทุ่มครึ่งจึงทยอยกันแยกย้าย บางกลุ่มจะไปกินกันต่อ บางคนต้องกลับไปเข้าเวร บางส่วนก็กลับบ้านพัก

“แล้วนี่พวกมึงกลับกันวันไหนวะ” ทิวากานต์เดินล้วงกระเป๋า ไหล่ข้างหนึ่งสะพายกล่องใส่กีตาร์ไว้ดูเท่ประหนึ่งนายแบบบนหน้านิตยสาร ตัวเขาว่าจะไปส่งอลันด์ที่คอนโดแล้วไปต่อกับเพื่อนที่ผับแถวทองหล่อ เหลือแต่ไอ้คู่รักสระอะที่ถ่อมาจากต่างประเทศนี่แหละยังไม่รู้อนาคต

“พรุ่งนี้เช้าว่ะ”

“แล้วไอ้หนึ่ง มึงกลับเมกาวันไหน”

“พร้อมฟ้านี่แหละ”

“ไหนว่าลาพักร้อนมาหลายวัน” คิ้วเข้มแกล้งขมวดเข้าหากัน พอจะเดาคำตอบได้อยู่หรอกว่าทำไมมันสองตัวถึงจะกลับพร้อมกันทั้งที่คนหนึ่งเทรนที่ญี่ปุ่นส่วนอีกคนต่อบอร์ดที่แอลเอ

“กูอยากแวะเที่ยวญี่ปุ่นหน่อยว่ะ เห็นเขาว่าคิทแคทชาเขียวแม่งอร่อย”

“เออ ใช่ รอแป๊บนึง กูซื้อมาฝากด้วย น้องแอฟอย่าเพิ่งให้ป๋ารันลากกลับนะ รอเอาของฝากก่อน” สั่งเสร็จปุ๊บ วชิระรีบวิ่งไปที่รถตัวเองเปิดประตูหลังคนขับหยิบถุงของฝากถุงใหญ่ออกมาแจกจ่ายเพื่อนฝูง “กินเยอะๆ นะ”

“ขอบคุณครับ” อลันด์ยกมือไหว้แล้วค่อยรับของมา มารยาทดีเป็นที่ถูกใจคนแก่ๆ สักพักบรรดาคุณหมอวัยสามสิบอัพเลยแจกเงินเป็นค่าขนมกันใหญ่

“ไอ้วามันเลี้ยงอดๆ ยากๆ ล่ะสิถึงได้ผอมแบบนี้ อะ...พี่ให้ค่าขนม” เพื่อนร่วมรุ่นคนหนึ่งของทิวากานต์เริ่มยื่นแบงค์พันให้ไอ้ตัวแสบ คราวนี้ต่างคนต่างไม่ยอมแย่งกันให้จนรับไม่หวาดไม่ไหว ทิวากานต์จะขำก็ขำไม่ออก มองไอ้เด็กหน้ามึนยิ้มกว้างไหว้ขอบคุณคนนู้นคนนี้รับเงินค่าขนมมาเต็มมือ อยากบอกเพื่อนเหลือเกินว่าไอ้เด็กนี่บ้านรวยกว่าพวกมึงอีก!

“ป๋า แล้วป๋าไม่ให้ค่าหนมน้องบ้างเหรอ “ ไม่ทันไรคนหนึ่งในกลุ่มก็เรียกการันต์ คุณป๋ายิ้มโชว์ฟันขาวหยิบกระเป๋าสตางค์แจกให้ไอ้ตัวแสบไปอีกห้าพัน นี่ยังไม่รวมค่าจ้างร้องเพลงเป็นใบเช็คมาให้อีกนะ

“วู้ว ป๋าใจป้ำสุดๆ ป๋าขาไปเที่ยวกันไหมลอนดอนเซี่ยงไฮ้หนูช๊อบชอบ สร้อยแหวนนาฬิกาปาเต๊ะไอโฟนไอแพดล่ะหนูช๊อบชอบ รถสปอร์ตแอสตันมาร์ตินขับโฉบวิ่งฉิวล่ะหนูช๊อบชอบ” วชิระรีบโฉบมากอดแขนการันต์บีบนวดเอาใจ เริ่มร้องเพลงแซวเป็นที่สนุกสนานเรียกเสียงฮากันไป

“ไอ้ฟ้าเล่นไม่ดู ไม่เห็นเหรอว่าวันนี้ป๋าควงตัวจริงมาด้วย หนอยริอาจอยากเป็นตุ๊กตาเก้งหน้าแอสตันป๋า ไปบอกผัวมึงไป๊”

“แล้วมึงคิดว่ากูมีปัญญาซื้อให้มันนั่งเหรอ” อชิตะชี้นิ้วใส่อกตัวเองปลงๆ ถึงบ้านเขาจะเป็นร้านทองแต่ใช่ว่าจะมีเงินซื้อรถสปอร์ตมาขับเล่นง่ายๆ แบบทายาทเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังนะ

“ฟ้าเอ๊ย มึงเลือกผัวผิดแล้วล่ะ”

“ไอ้พวกนี้เลอะเทอะใหญ่ ไปๆ แยกย้ายกันได้แล้ว เสียงดังเกรงใจคนอื่นบ้าง” สุดท้ายเป็นการันต์ต้องตบมือไล่พวกรุ่นน้องกลับบ้าน เขารับไหว้จากทุกคนแล้วพาอักษราขึ้นแอสตันมาร์ตินคันเก่งกลับบ้านไม่ไปต่อที่ไหนแล้ว

ทิวากานต์เองโดนแซวเรื่องรถกับทรงผมไม่น้อย อชิตะถึงกับเดินผิวปากชื่นชมน้องกบเขาอยู่หลายรอบ ท่าจะชอบใจแต่ได้ยินราคาก็ถอย รอพ่อแม่เขายกกิจการร้านทองให้ก่อนแล้วกันค่อยว่าอีกที

“ไม่ไปด้วยกันเหรอพวกมึง นานๆ เจอกันที” เขาถามคู่ผัวเมียที่วนอยู่แถวพอร์เช่ 911 Turbo S แต่คู่รักสระอะกลับปฏิเสธบอกว่าต้องขึ้นเครื่องแต่เช้าคงไม่ไหว ไว้ค่อยรอฉลองตอนพวกเขาจบการเทรนที่ต่างประเทศแล้วดีกว่า ซึ่งก็คงอีกไม่ถึงปี

“เออดี งั้นมึงรีบๆ กลับมาเลยไอ้ฟ้า จารย์คมแม่งจ้องงาบหัวกูอยู่เรื่อย มีลูกรักอย่างมึงมาเลียแข้งเลียขาประจบเขาหน่อยจะได้ไม่ว่างมาหาเรื่องกู”

“มึงชอบไปกวนตีนเขานิ”

“ตรงไหน กูอยู่เฉยๆ ของกูเนี่ย”

“แค่ลูกสาวแกมาชอบก็เป็นเหตุผลที่ทำให้เขาเกลียดขี้หน้ามึงแล้วไอ้วา” อชิตะกอดอกว่า ตอนนั้นถึงกับเป็นข่าวกันเลยว่าลูกสาวอาจารย์อาคมพยายามเอนท์หมอทั้งที่ไม่เคยสนใจด้านนี้เพียงแค่ได้เจอกับทิวากานต์ “เออ กูได้ยินข่าวลือมาว่าจารย์แกหาทุนอเมริกามาให้นี่หว่า คืนดีกันแล้วเหรอวะ”

“คืนดีห่าไรล่ะ เดือนที่แล้วยังเรียกกูไปด่าอยู่เลย เขาก็หาให้ตามปกตินั่นแหละ เหมือนของไอ้ฟ้าไง”

“แล้วจะไปไหมวะ สาวเมกันแม่งแจ่มนะเว้ย นมเป็นนม ตูดเป็นตูด แต่กูว่ามึงไม่ไปแน่ๆ ติดเด็กขนาดนี้”

“ไร้สาระ เลิกพูดเหอะ แกก็มางานนี้เดี๋ยวได้ยินจะมาหาเรื่องกูอีก” ชายหนุ่มตัดบทสนทนา ไอ้เรื่องกลัวคนในบทสนทนามาได้ยินก็เรื่องหนึ่ง แต่คนข้างตัวที่ทำหน้างอเข้าไปทุกทีนี่แหละเหตุผลสำคัญ

“กลัวเมียนะมึง”

“เขาเรียกว่าให้เกียรติเว้ย แล้วมาเรียกมงเมียอะไร ไอ้ตัวแสบเสียหายหมด”

“ได้กันยังวะ”

“ไอ้สัดหนึ่งจะหยุดไหม” ทิวากานต์ชักมือขึ้นหวังฟาดกบาลไอ้หมอกระดูก “ได้เหี้ยไร น้องยังเด็ก คุกเว้ยคุก”

“พูดงี้ได้กันแล้วชัวร์ ห่า มึง...ไม่กลัวคุกเลยนะ” คู่รักสระอะพร้อมใจกันชี้นิ้วด่าทิวากานต์ ถ้าเป็นการันต์กับอักษราจะไม่ว่าเลยเพราะฝ่ายหญิงก็ยี่สิบห้ามีการมีงานทำแล้ว แต่น้องแสบยังสิบแปดแถมเพิ่งขึ้นปีหนึ่ง กินเด็กของแท้!

“เสือก กลับไปเลยไป กูจะไปแล้วเดี๋ยวพวกไอ้แบงค์ด่า” คนตัวสูงจิ๊ปาก พูดอะไรไปเข้าตัวหมด ช่วยไม่ได้เพราะทำตัวเองแท้ๆ

เขาแจกนิ้วกลางแทนคำลาให้อดีตรูมเมทไปคนละดอกก่อนพาอลันด์ขึ้นรถ เด็กนี่ไม่ช่วยแก้ตัวแทนเขาสักนิดเอาแต่ยืนเงียบกลั้นขำอยู่นั่น เดี๋ยวจะโดนเขาลงโทษ ไม่ใช่เพราะอลันด์เอาแต่ยั่วหรือไงเขาถึงต้องมาเสี่ยงคุกอยู่แบบนี้

“มีความสุขเหลือเกินนะ”

“เพื่อนวาตลกอ่ะ ใจดีกันทุกคนไม่เหมือนวาเลย”

“เหอะ ไอ้พวกนี้มันก็งี้แหละวันๆ ทำแต่งานเงินไม่ค่อยได้ใช้ เมียก็ไม่มีบ้าบอไปวันๆ พี่เขาให้เงินมาก็เก็บไว้ล่ะไม่ใช่เอาไปซื้อเสื้อผ้าหมด”

“รู้แล้วน่า ช่วงนี้ผมกำลังเก็บเงินอยู่นะ นี่ว่าจะให้พี่นภช่วยหางานเล่นดนตรีให้ด้วยล่ะ”

“จะเอาเงินไปทำอะไร ทุกวันนี้ยังไม่พอใช้อีกเหรอ” เท่าที่เขารู้วันๆ อลันด์แทบไม่มีค่าใช้จ่ายอะไรนอกจากค่าข้าวบางมื้อในแต่ละวัน ช้อปปิ้งก็ใช่ว่าจะช้อปทุกวัน แถมเงินส่วนนั้นมักเป็นเงินที่คนอื่นให้มาใช้ด้วย

“พอเหลือแหล่ แต่ตอนนี้ผมกำลังคิดจะหาเงินทุนสักก้อน”

“หา?” คำตอบที่ออกจะเกินความคาดหมายทำเอาคุณหมอละสายตาจากถนนหันมามองคุณชายจากย่านเมย์แฟร์ให้เต็มตา บอกว่าหาเงินทุนแสดงว่าคิดจะลงทุนทำอะไรสักอย่าง แต่อลันด์เนี่ยนะจะลงทุนเพิ่มเงินในกระเป๋าที่มีจนใช้แทบไม่หมด “คิดจะทำอะไร”

“เผื่ออนาคตน่ะ เกิดวันไหนถูกแด๊ดตัดหางปล่อยวัดขึ้นมาจริงๆ จะได้มีเก็บไว้ตั้งตัวบ้าง”

“แล้วจะเอาไปลงทุนทำอะไร ค้าขาย? เสียเวลาน่าเก็บเงินไว้ดีกว่า ทุกวันนี้พูดเหมือนมีค่าใช้จ่ายเยอะงั้นแหละ หรือฉันเลี้ยงไม่ดี” แทนที่จะกลัวคนรักถูกทางบ้านตัดขาด ทิวากานต์ดันคิดว่าเขาเลี้ยงอีกคนไม่ดีจนต้องหารายได้เสริมแทนซะงั้น

“ไม่ใช่อย่างนั้น ผมแค่ไม่อยากรบกวนวาเรื่องอื่นนอกจากกินอยู่ วาก็รู้ผมช้อปปิ้งเก่งจะตาย แล้วไม่มีเวลาว่างขนาดนั้นหรอก มันมีวิธีเพิ่มเงินง่ายๆ อย่างการเล่นหุ้นแล้วก็การลงทุนที่ยังไงก็ได้กำไรอย่างอสังหา แต่อันหลังนี่น่าจะยาก ผมถือสัญชาติบริติชยังไงก็ซื้อขายลำบาก”

“เดี๋ยวนะ...จะลงทุนพวกนี้มันต้องใช้เงินหมุนเยอะมากเลยนะ”

“ตอนนี้ผมมีเงินเก็บในบัญชีธนาคารของไทยประมาณ เอิ่ม... จำไม่ได้ล่ะ ขอเช็คแป๊บ” ไอ้ตัวแสบก้มหน้าลงไปกดโทรศัพท์ยิกๆ ก่อนโชว์หน้าจอให้ทิวากานต์ดู “เท่านี้พอไหม”

“หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า... หก... เจ็ด... ดะเดี๋ยวนะอัล ไปเอาเงินมาจากไหนเยอะแยะเนี่ย” เขาเกือบขับรถเสยตูดคันหน้าหลังอ่านจำนวนหลักด้านหลังเลขสองด้านหน้าสุด เจ้าเด็กสิบแปดนี่มีเงินเก็บมากกว่าเขาเสียอีก!

“มีเงินที่มัมโอนให้ใช้ทุกเดือน เงินที่คุณตาคุณยายให้เป็นของขวัญเข้ามหาลัย เงินปลอบขวัญตอนผ่าตัด แล้วก็เงินปีใหม่ แต่ก้อนใหญ่จริงๆ ก็เงินค่านายหน้าที่แด๊ดหักให้ตอนไปช่วยขายห้องเมื่อปลายปีล่ะ หักภาษีแล้วยังได้เกือบสิบล้าน”

“เอาจริงนะอัล เงินขนาดนี้ฝากไว้กินดอกในธนาคารเฉยๆ นายก็ใช้ชีวิตอยู่กับฉันที่เมืองไทยสบายแล้ว อย่าเสี่ยงเลย ไม่มีใครที่จะประสบความสำเร็จกับการเล่นหุ้นไปทุกคนหรอกนะ ขนาดฉันยังได้กำไรปีละนิดเดียวเอง”

หากแทนที่ฟังแล้วจะสลดเด็กฝรั่งกลับอมยิ้มเหมือนวางแผนร้ายอะไรอยู่ในหัว “เอาเป็นว่าผมจะลงทุนแค่ล้านเดียวก่อนแล้วกัน ไม่เกินหกเดือนผมจะทำกำไรให้ได้เป็นสามเท่าอย่างต่ำ”

“หึ มั่นเหลือเกินนะเรา อย่าขาดทุนมาร้องไห้ให้เห็นแล้วกัน” แยกเขี้ยวขู่ให้รู้ว่าเอาจริง ถึงเงินนั่นจะไม่ใช่เงินเขาแต่เงินตั้งล้านถึงได้มาฟรีๆ ถ้าเอาไปละลายกับอากาศหมดมันก็น่าเสียดายไม่น้อย แถมจะเล่นให้ได้กำไรสามเท่าภายในหกเดือนเนี่ยนะ กับมือใหม่ไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน เขาขอปรามาสอีกฝ่ายไว้ตอนนี้เลย

“วารอดูแล้วกัน” เด็กฝรั่งตัวแสบกำหมัดมุ่งมั่น ตั้งใจจะใช้ความรู้ทุกอย่างที่มีหาเงินให้ได้มากที่สุด ก่อนเจ้าตัวจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “เออ ได้ยินที่พี่หนึ่งพูดเรื่องทุน ทุนอะไรเหรอวา”

“ไม่มีอะไรหรอกแค่ทุนเรียนต่อที่เมกาน่ะ ดูแล้วมันเร็วไปหน่อย ว่าจะทำงานเก็บประสบการณ์อีกนิดค่อยคิดอีกที”

“เหรอ แต่ตอนนั้นยังเห็นวาไปดูที่เรียนต่ออยู่เลยนี่”

“เวลาเปลี่ยนความคิดมันก็เปลี่ยน อีกอย่างไม่ได้รีบอะไรขนาดนั้น ความจริงไม่ไปเรียนต่อก็ยังได้ ยังไงงานก็มีอยู่แล้ว”

ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่อลันด์มั่นใจว่าเหตุผลส่วนหนึ่งต้องเป็นเพราะตัวเขาด้วยแน่ๆ อย่างที่อชิตะแซว เมื่อครั้งอยู่ที่อังกฤษด้วยกันช่วงซัมเมอร์คุณหมอคนเก่งมีท่าทีกระตือรือร้นเรื่องเรียนต่อจะตาย แต่พอกลับไทยมาก็เฉยๆ จนถึงขั้นทำท่าจะเมินทุนจากอเมริกาที่มีอาจารย์เสนอให้ ถึงจะแอบดีใจที่อีกฝ่ายเห็นตัวเองสำคัญแต่อีกใจก็ไม่อยากเป็นภาระถ่วงชีวิตอีกคนไว้

“แต่ถ้าเรียนมาอีกก็จะมีความรู้มารักษาคนไข้เพิ่มขึ้นไง” เขาลองแย็บขึ้นมา

“อ่านหนังสืออ่านรีเสิร์ช ไปอบรมเอาก็ได้ ไม่จำเป็นต้องไปเรียนเอาวุฒิให้เสียเวลา อีกอย่างเงินฉันก็มีไม่จำเป็นต้องไปขอทุนให้มีพันธะมาชดใช้หลังอานกันทีหลังหรอก”

ในเมื่ออีกฝ่ายยกเหตุผลขึ้นมาเสียขนาดนี้ ขืนพูดต่อคงได้เถียงกันยาวอลันด์จึงเลือกเงียบยอมคนหัวแข็งในยกนี้ไป ถ้าคุณหมอเขาว่าไม่เป็นไรอลันด์ก็จะไม่เป็นไรด้วย ดีเสียอีกเขาจะได้นอนกอดอีกคนจนเบื่อกันไปข้าง

ทิวากานต์เองก็ตั้งใจขับรถกลับคอนโดไม่พูดเรื่องเรียนต่ออีกกระทั่งเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ตอนแรกเขานึกว่าพวกเพื่อนๆ โทรมาเร่งให้ไปผับแต่พอเห็นเป็นชื่อขัตติยาหัวคิ้วถึงกับขยับเข้าหากัน ถ้าไม่มีเรื่องด่วนอะไรเธอคงไม่โทรมาหาเขาดึกๆ แบบนี้หรอก

“ว่าไงคะขิง มีอะไรหรือเปล่าถึงโทรหาพี่ดึกแบบนี้”

‘พี่วา...ป๊า’

“ลุงเข้มทำไมคะ ขิงใจเย็นๆ นะ หายใจเข้าลึกๆ ค่ะแล้วบอกพี่” ระหว่างนั้นเขาหันไปหาอลันด์บอกให้อีกฝ่ายช่วยถือโทรศัพท์แล้วเปิดลำโพงให้หน่อย

‘เมื่อเย็นป๊าปวดท้องมากขิงกับม้าเลยพามาโรงบาล แล้วหมอเขาพาป๊าไปตรวจนานมากเลย เพิ่งออกมาเมื่อกี้... หมอบอกว่าป๊า...ป๊าน่าจะเป็นมะเร็งลำไส้และน่าจะเป็นขั้นสุดท้ายแล้ว พี่วา...ขิง...’ เสียงหญิงสาวขาดห้วงไปได้ยินแต่เสียสะอื้นดังลอดออกมาเบาๆ

ชายหนุ่มหันมาสบตากับอลันด์ครู่เดียวก่อนหักรถวกกลับไปทางด่วนทั้งที่เพิ่งขับผ่านมา “ขิงพาป๊าไปโรงบาลไหน เดี๋ยวพี่ไปหา รอพี่แป๊บเดียวนะคะ บอกป้าอิงด้วยว่าใจเย็นๆ พี่จะรีบไป”

‘โรงบาล...ค่ะ’ เธอบอกชื่อโรงพยาบาลเอกชนแถวบ้านที่ใช้บริการเป็นประจำ ทิวากานต์ทำเสียงตอบกลับเป็นอันรับรู้ก่อนให้อลันด์กดวางสายไป

“ขอโทษนะอัล คืนนี้คงยังไม่ได้นอนไปโรงบาลกับพี่ก่อนแล้วกัน

“ไม่เป็นไร” เงียบไปอึดใจ เสียงถอนหายใจดังขึ้นท่ามกลางความเงียบภายในรถ “วา...พ่อพี่ขิงจะเป็นอะไรไหม”

“ไม่รู้สิ ต้องรอหมอประเมินก่อนคงอีกสองสามวันนั่นแหละถึงจะรู้แน่ชัด บางทีอาจจะไม่ร้ายแรงเท่าที่คิดก็ได้ ลุงเข้มแข็งแรงจะตาย”

“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีสินะ” อลันด์รำพึงรำพันกับตัวเอง แม้ไม่เคยเจอพ่อของขัตติยาแต่เขาอดรู้สึกเสียใจด้วยไม่ได้ เหมือนว่าเขาได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวทิวากานต์ไปแล้วจริงๆ



ทิวากานต์ใช้เวลาเพียงสิบห้านาทีขับรถจากอโศกมาโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังย่านธนบุรี ตอนที่เขาไปถึงบิดาของขัตติยาถูกนำตัวออกมาพักฟื้นข้างนอกแล้ว ป้าอิงกับลูกสาวนั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียงไม่ห่าง

“ป้าอิง”

“น้องวา น้องอัลก็มาด้วย”

“สวัสดีครับ” เด็กฝรั่งยกมือไหว้สองคนที่อยู่ในห้อง ตาสีฟ้าซีดเหลือบมองคนป่วยบนเตียง เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกับลุงเข้ม ชายอารมณ์ดีที่ทิวากานต์เคยเล่าให้ฟัง

“เมื่อกี้ก่อนเข้ามาวาแวะไปคุยกับหมอเจ้าของไข้ลุงเข้มแล้ว วาว่าจะให้ลุงเข้มย้ายไปรักษาที่โรงบาลวา ป้าอิงไม่ต้องเครียดนะ”

“ตอนแรกป้าก็อยากให้ย้ายอยู่ค่ะแต่หมอเขาโทรไปแล้วบอกว่าไม่มีเตียงว่างเลย”

“ป้าอิงไม่ต้องห่วงเลย เรื่องเตียงเดี๋ยววาหาให้ไม่เกินพรุ่งนี้ได้แน่ๆ แล้วนี่พี่เขมรู้เรื่องหรือยังครับ”

“ตาเขมไปต่างจังหวัดกับเมียเขาเมื่อวานนี้เอง ป้าไม่อยากโทรไปบอกเดี๋ยวจะรีบขับรถกลับมากลัวเกิดอุบัติเหตุเป็นอะไรไปอีกคน ความจริงเมื่อกี้ป้าก็ปรึกษากับพี่โบเรื่องพี่เข้มไปตะกี้ พี่โบบอกว่าถ้าวาหาเตียงไม่ได้เดี๋ยวเขาจะให้ส่งอิงไปที่...แทน” ป้าอิงพูดถึงโรงเรียนแพทย์ชื่อดังอีกแห่งที่ป้าหมอมีเส้นสายอยู่บ้าง ได้ยินแบบนี้ทิวากานต์พอโล่งใจไปอีกเปาะ เพราะโรงพยาบาลที่เขาทำงานขึ้นชื่อเรื่องหาเตียงคนไข้ยากมากๆ ถ้าเขาหาไม่ได้ให้ส่งไปที่นั่นก็ดีเหมือนกัน

“งั้นเดี๋ยววาออกไปคุยโทรศัพท์แป๊บนึงนะครับ อัลอยู่กับป้าอิงพี่ขิงก่อนนะเดี๋ยวพี่มา”

“อื้อ”

พอร่างสูงใหญ่หายไปอลันด์ก็รู้สึกเคว้งๆ เหมือนขัตติยาจะรู้เลยเดินมาจับแขนพาไปนั่งที่โซฟา “ทำน้องอัลลำบากไปด้วยเลย นี่ไปเที่ยวไหนมากับพี่วาหรือเปล่าจ๊ะแต่งตัวหล่อเชียววันนี้”

“ไปงานแต่งเพื่อนพี่วามาครับ ผมไม่ลำบากหรอกพี่ขิงกับป้าอิงต่างหาก เหนื่อยไหมครับ พักก่อนไหมเดี๋ยวผมเฝ้าคุณลุงให้”

“ไม่เหนื่อยหรอกจ้ะ เราเถอะหน้าซีดๆ นอนก่อนก็ได้นะเดี๋ยวจะกลับค่อยให้พี่วามาปลุก” เด็กหนุ่มส่ายหน้า หากพอโดนแอร์เย็นๆ เป่าใส่ได้ไม่เท่าไหร่ก็เผลอหลับไปในที่สุด

.
.
.

“เดี๋ยววันจันทร์ย้ายได้เลยครับ ผมคุยให้แล้ว ยังไงจันทร์ผมไม่มีเคสมาถึงแล้วก็โทรมานะครับจะได้ไปช่วยดูให้”

“ขอบคุณมากค่ะน้องวา”

“ไม่เป็นไรครับป้าอิง ไงน้องขิง ยิ้มได้แล้วสินะ โอ๋ๆ ไม่ร้องค่ะ ป๊าต้องไม่เป็นไรเนอะ”

อลันด์ปรือตาขึ้นตอนได้ยินเสียงคนคุยกันเหนือหัว รอจนสายตาปรับได้ที่ถึงเห็นทิวากานต์กำลังดึงตัวขัตติยาเข้าไปกอด ใบหน้าของหญิงสาวซุกซบบนไหล่ชายหนุ่มได้พอดีด้วยส่วนสูงที่พอเหมาะพอเจาะกัน จู่ๆ เขาต้องกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่เมื่อได้สติจากความคิดไร้สาระของตนเองที่เผลอคิดไปว่าหนุ่มสาวตรงหน้าช่างเหมาะสมกันราวกับภาพวาด

“อ้าว น้องอัลตื่นพอดี พวกป้าคุยกันเสียงดังรบกวนหรือเปล่าคะ”

“เปล่าครับ” เขาส่ายหัวมึนๆ ก่อนลุกขึ้นนั่ง ไม่รู้ว่าเผลอเอนลงไปนอนตอนไหน

“น้องตื่นแล้วงั้นผมกลับเลยแล้วกันครับ ถ้ามีอะไรฉุกเฉินโทรมาได้เลยไม่ต้องเกรงใจ”

“จ้ะ ป้าขอบใจวามากนะ ถ้าไม่ได้เราป่านนี้คงยังทำอะไรไม่ถูก ตอนนี้สบายใจขึ้นมากแล้วล่ะจ้ะ” ป้าอิงลูบแขนคุณหมอเบาๆ ลูกชายไม่อยู่ก็ได้หลานคนนี้คอยช่วยพยุง ชีวิตเธอช่างโชคดีกว่าคนอื่นนัก

“อย่าเอาแต่เฝ้าลุงเข้มจนไม่ได้พักผ่อนกันล่ะครับ เดี๋ยวจะแย่กันไปอีก น้องขิงก็ด้วยนะคะ เข้มแข็งไว้ค่ะคนป่วยโรคนี้ต้องการกำลังใจเป็นสิ่งสำคัญกว่าอะไรทั้งหมดเลย” ทิวากานต์ดึงเธอมากอดอีกที เขาลูบผมหญิงสาวด้วยความทะนุถนอมก่อนผละออกมาลูบหัวอลันด์บ้าง “ป่ะอัล กลับบ้านกัน”

“อืม” เด็กหนุ่มลุกขึ้นบอกลาคนทั้งคู่ก่อนเดินจับมือทิวากานต์ออกมา ดูเหมือนสถานการณ์ต่างๆ จะดีจึ้นมาป้าอิงกับขัตติยาถึงได้มีสีหน้าดีขึ้นมากกว่าที่เจอครั้งแรก “วา...ลุงเข้มจะไม่เป็นไรใช่ไหม”

“ยังไม่รู้หรอกต้องดูอาการไปก่อน เดี๋ยววันจันทร์ก็จะย้ายไปที่...แล้ว พี่รันนี่แน่นอนจริงๆ โทรไปขอปุ๊บไม่ถึงสิบห้านาทีก็หาเตียงให้ได้แล้ว”

“แล้วให้ลุงเข้มไปรักษาที่เดียวกับผมไม่ได้เหรอ หมอก็หมอที่เดียวกันนี่ ไม่ต้องรอเตียงด้วย”

“มันแพง ถึงครอบครัวป้าอิงจะมีเงินแต่คงรับภาระค่ารักษากันหลังอาน โรคนี้ต้องรักษากันยาวค่าใช้จ่ายบานปลายกันทุกครอบครัว โรงบาลรัฐดีกว่าประหยัดไปได้เยอะ”

“อ่า... ไอ - ซี” พอถึงตรงนี้อลันด์เพิ่งนึกถึงตอนเข้ารับการรักษาได้ เขานอนแค่สองคืนแต่เลือกห้องพักที่ดีที่สุดยังโดนไปเกือบหกหลัก

“ไป กลับบ้านเรากันดีกว่า”

“แล้ววาไม่ไปกินเหล้ากับเพื่อนแล้วเหรอ”

“นี่จะตีสองล่ะ ไปก็ไม่ทันแล้ว”

“ดึกขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย ผมยังนึกว่าเพิ่งเที่ยงคืนเอง”

ทิวากานต์ฟังแล้วถึงกับดึงคออีกคนมากอดพาเดินไปที่รถ เขาแกล้งเอาหัวถูกับอีกคน ดีว่าด้านข้างเขามันยังสั้นเกรียนอยู่ผมเลยไม่พันไปซะก่อน “หลับสนิทเลยสินะเรา กลับไปจะนอนหลับหรือเปล่า”

“หลับสิ ง่วงจะตาย” ว่าแล้วเจ้าตัวแสบจัดการหาวโชว์ซะเลย

“งั้นรีบกลับกันดีกว่า คิดถึงเตียงชะมัด”

.
.
.

ภาคเรียนที่สองเปิดมาได้ไม่ถึงสองสัปดาห์ดีก็มีงานกีฬาฟุตบอลประเพณีกระชับความสัมพันธ์(?)ระหว่างมหาวิทยาลัยที่อลันด์กับนภเรียน คนินทร์อธิบายให้ฟังว่าเป็นงานคล้ายๆ กับประเพณีแข่งเรือพายของอ็อกฟอร์ดกับเคมบริจด์แต่มีการจัดงานใหญ่โตและการเดินขบวนพาเหรดที่ได้ออกหน้าหนังสือพิมพ์อยู่เรื่อย

งานนี้เด็กภาคอินเตอร์ไม่ค่อยมีส่วนร่วมเท่าไหร่ แต่เพื่อนผู้หญิงบางคนก็กระตือรือร้นทำชุดทีมของเด็ก BBA ขึ้นมาใส่เล่นๆ มีการวัดขนาดกันไปตั้งแต่ก่อนปิดเทอม ผ่านไปหนึ่งเดือนเจ้าชุดที่ว่าก็มาถึง

“ทำไมของฉันไม่เหมือนของนายล่ะ” เด็กฝรั่งตีคิ้วยุ่ง ชูชุดเอี๊ยมยีนส์ฟอกสีเย็บด้ายแดงแบบเปิดหลังขาสั้นขึ้นเทียบกับชุดของคนินทร์ที่เป็นชุดเอี๊ยมสีเดียวกันแต่เป็นขายาว “จ่ายเงินเท่ากันแต่ฉันได้ผ้าน้อยกว่าไม่ยุติธรรมเลย”

“ตัวแสบเตี้ยใส่ขายาวได้ดูตัวสั้นกันพอดี แบบนี้แหละน่ารักกว่า ไปๆ ไปเปลี่ยนชุดให้ดูหน่อย”

ฟังคำตอบจากเพื่อนสาวที่เป็นคนจัดการเรื่องชุดแล้วเขาถึงกับชูนิ้วกลางให้ รู้ตัวหรอกว่าสูงแค่ห้าฟุตหกนิ้วเนี่ยมันเตี้ย แต่ไม่ต้องพูดตรงๆ ได้ไหมมันจี๊ดไปถึงข้างใน แทงข้างหลังทะลุถึงตับไตเลยนะ!

“เอาน่า ไปเปลี่ยนก่อนถูกไอ้สากินหัวเหอะ”

คนินทร์หัวเราะคิก เขารีบดันหลังคนตัวเล็กไปทางห้องน้ำชาย ถอดเสื้อเชิ้ตขาวผลัดเป็นเสื้อกีฬาประจำปีนี้กับเปลี่ยนกางเกงแสล็คขายาวที่ใส่มาเรียนออกแล้วสวมชุดเอี๊ยมที่ได้มาแทนก็เป็นอันเรียบร้อย พอพากันออกมาจากห้องน้ำอลันด์ถูกสาวิตรีจับพับชายกางเกงขึ้นอีกสองทบสั้นให้พอดีเข่าโชว์หน้าแข้งเล็กๆ ขาวๆ เข้าคู่กับรองเท้าผ้าใบสีขาวส้นแบนของ Fred Perry ก็เป็นอันเรียบร้อย

“ตัวแสบน่าร้ากกก” เมื่อรวมกับผมสีช็อกโกแลตนม ตาสีฟ้าอ่อนและโครงหน้าอย่างชาวต่างชาติ สาวๆ ถึงกับกรี๊ดกร๊าดจับเด็กหนุ่มหมุนไปมาราวกับตุ๊กตายัดนุ่น เสียงชื่นชมดังขึ้นไม่ขาดปาก บางคนก็หยิบโทรศัพท์มาถ่ายรูปคู่บ้าง เด็ดสุดคือตอนคนินทร์จับอลันด์ล็อคคอแล้วมัดจุกน้ำพุเปิดหน้าผากเหม่งๆ โชว์ เท่านี้เสียงกรี๊ดของพวกผู้หญิงก็เหมือนจะดังขึ้นอีกเป็นเท่าตัว

“ไอ้คิวก็หล่อ มาๆ จับถ่ายรูปคู่ส่งไปเพจ cute boy ดีกว่า เขาจะได้รู้ว่าที่นี่ก็มีของดีเหมือนกัน” สาวิตรีฉีกยิ้มหน้าบาน รีบจับสองหนุ่มต่างสไตล์ขึ้นมาแชะรูปคู่หวังโปรโมตหนุ่มๆ ในคณะตัวเองบ้าง

กว่าสองหนุ่มจะหลุดออกมาได้ก็ตอนที่ทิวากานต์โทรศัพท์เข้ามาหาอลันด์นั่นแหละ เด็กหนุ่มเลี่ยงออกมาคุยบนห้องเรียนร้างพร้อมใบหน้าบูดบึ้งเป็นตูดลิง หากเพียงได้ยินเสียงทุ้มนุ่มผ่านลำโพงไอโฟนหกก็ถึงกับยิ้มแป้น คุณหมอบอกว่าตอนนี้กำลังมาถ่ายแบบให้สัมภาษณ์ลงนิตยสารอยู่ที่สวนสาธารณะไม่ไกลจากมหาวิทยาลัย ถ้าอลันด์ว่างก็อยากให้มาหาสักตอนบ่ายสองเดี๋ยวจะพาไปกินขนม

“ไปหาตอนนี้เลยได้ไหม ผมไม่มีเรียนแล้วล่ะ”

‘งั้นก็นั่งรถมาเลย ถึงแล้วเดี๋ยวก็เจอพี่ หาไม่ยากหรอก’

“โอเค ไม่เกินยี่สิบนาทีแล้วเจอกันนะ บาย”

พอได้ข้ออ้างหนีจากความวุ่นวายอลันด์ก็วิ่งหน้าตั้งกลับมาที่กลุ่มเพื่อน เจ้าตัวหยิบเป้ Kanken สีน้ำเงินเข้มไซส์คลาสสิกขึ้นสะพายไหล่บอกเพื่อนว่ามีธุระด่วนแล้ววิ่งหนีออกมาทันที คนินทร์เลยอาศัยโอกาสนี้อาสาไปส่งหาเรื่องชิ่งออกมาเหมือนกัน

“ไปไหนอ่ะ ไหนว่าจะรอพี่นภมารับ” เมื่อเช้าหนุ่มไทยจำได้ว่าอลันด์มีนัดกับนักร้องหนุ่มตอนบ่ายสี่สามโมงครึ่งจะไปซ้อมดนตรีด้วยกัน

“ไปหาวา วาโดดงานมาถ่ายแบบอยู่ที่สวนสันติ”

“หือ ถ่ายแบบ?”

“สัมภาษณ์นิตยสารน่ะ เห็นว่าพี่รันเสนอชื่อไปให้ เขาเลยมาขอสัมภาษณ์ตั้งนานแล้วแต่คิววาเพิ่งว่าง”

“อ่อ เฮียวาเจ๋งเนอะ ทั้งหล่อทั้งเก่ง ไม่แปลกหรอก ฉันแปลกใจมากกว่าว่าทำไมเขาถึงมาคบกับเด็กแบบนายได้”

“อย่างน้อยวาก็ทั้งรักทั้งหลงเด็กแบบฉันนี่แหละ” ไอ้ตัวแสบแสยะยิ้มก่อนเดินเป่าปากกระโดดขึ้นบีเอ็มดับบริวซีรีส์ทรีของคนินทร์

อันที่จริงระยะทางจากมหาวิทยาลัยไปสวนสันติชัยปราการไม่ได้ไกลกันเท่าไหร่ จะเดินมาก็ยังได้แต่เพราะหาที่จอดรถลำบากนี่แหละถึงเสียเวลาขับวนอยู่หลายนาที หลังหาที่จอดได้พวกเขาก็เดินตรงมาที่สวนสันติฯ เข้ามาก็เห็นทิวากานต์พร้อมกองถ่ายขนาดย่อมอย่างที่เจ้าตัวบอกทันที

“หืม...จริงจังไม่ใช่เล่นนะเนี่ย” คนินทร์ถึงกับอ้าปากทึ่ง ตอนแรกเขานึกว่าจะมีแค่นักเขียนกับตากล้องอย่างละคนเสียอีก แต่เท่าที่ดูมีทีมงานเกือบสิบชีวิตได้ ไหนจะเตนท์เปลี่ยนเสื้อผ้าชั่วคราวนั่นอีกล่ะ

“นั่นสิ” อลันด์กระชับสายเป้ เดินเข้าไปใกล้กองถ่ายอีกนิด ไม่ทันไรภาพทิวากานต์ในชุดลำลองสบายๆ นั่งเก๊กหน้าหล่อริมแม่น้ำเจ้าพระยามีตากล้องจับภาพจึงปรากฏแก่สายตา ถ้าไม่ได้เข้าข้างคนรักตัวเองมากเกินไป เขาว่าวันนี้คุณหมอหล่อน่ามองกว่านภที่เป็นซูเปอร์สตาร์หลายสิบเท่าเลยล่ะ

“เรียบร้อยครับ เดี๋ยวพักครึ่งชั่วโมงเปลี่ยนเป็นชุดถัดไปได้เลยนะครับ” สิ้นเสียงช่างภาพมือหนึ่ง สไตลิสต์ก็รีบพุ่งชาร์จตัวชายหนุ่มช่วยซับเหงื่อให้ ดูจากสายตาเธอเหมือนจะตกหลุมรักคุณหมอวัยสามสิบปีไปแล้ว

“วา” เด็กฝรั่งส่งเสียงเรียกอีกฝ่ายออกไปเมื่อเห็นชายหนุ่มกำลังเดินไปที่เตนท์ พอทิวากานต์หันมาเห็นเขาก็ทำหน้าประหลาดใจ ขายาวๆ รีบเปลี่ยนทิศเดินทันที

“ทำไมแต่งตัวกันแบบนี้เนี่ย มีงานอะไรกันหรือเปล่า” ไม่พูดอย่างเดียว ฝ่ามือใหญ่ยังจับจุกน้ำพุบนหัวทุยดึงเล่นอีกด้วย ตาคมดุเป็นประกายมองอลันด์ตั้งแต่หัวจรดเท้า วันนี้ไอ้ตัวแสบของเขาน่ารักสุดๆ น่ารักอย่างกับตุ๊กตา

“ชุดทีมงานบอลประเพณีของที่สาขาน่ะครับ แต่เฮียเหอะ วันนี้หล่อเป็นพิเศษเลยนะ” คนินทร์ตอบแทนเพื่อนที่เหมือนจะเขินลิ้นอุดปากไปแล้ว แก้มงี้แดงเถือกไม่รู้ว่าอากาศร้อนหรือคนหล่อตรงหน้าที่ทำให้ร้อนกันแน่ ขนาดเขาเป็นผู้ชายแมนๆ ยังยอมรับเลยว่าวันนี้ทิวากานต์หล่อมาก รัศมีดาราจับสุดๆ

“ไม่คิดว่าเขาจะให้ถ่ายแฟชั่นเช็ตเหมือนกัน นึกว่าแค่มานั่งคุยๆ สัมภาษณ์แล้วก็จบ” สงสัยตอนที่มาคุยกันก่อนหน้านี้ทางหัวหน้ากองบรรณาธิการจะเห็นแววเลยขอเพิ่มส่วนตรงนี้เข้ามาด้วย เขาเองเห็นว่าได้เงินดีแถมไม่เสียหายอะไรจึงตกลง “พวกเรามาตอนพักกองก็ดี เดี๋ยวพาไปกินหนมเค้กอร่อยๆ”

ทิวากานต์เดินไปหาทีมงานจะขอพักนานขึ้นอีกสักสิบห้านาทีได้ไหม หัวหน้าช่างภาพเห็นว่าคุณหมอใช้เวลาถ่ายไม่นาน ก่อนหน้านี้ก็ถ่ายเสร็จเร็วกว่ากำหนดจึงให้เวลาเพิ่มเป็นหนึ่งชั่วโมงกับทั้งตัวผู้ให้สัมภาษณ์และทีมงานเพื่อนทุกคนจะได้แยกย้ายกันไปหามื้อเที่ยงลงท้องกันด้วยหลังโหมงานกันมาตั้งแต่เที่ยงตรง เท่านั้นร่างสูงจึงเดินกลับมากอดคออลันด์พาเด็กๆ เดินข้ามถนนไปร้านอาหารที่หมายมั่นไว้
หัวข้อ: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 27 [07.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 07-02-2016 15:23:26
ร้านที่ศัลยแพทย์ภูมิใจนำเสนอเป็นคาเฟ่เล็กๆ อยู่ในตึกแถวริมถนนไม่ห่างจากทางเรือเสียเท่าไหร่ ภายในร้านค่อนข้างคับแคบมีโต๊ะให้นั่งไม่กี่ตัวแต่ลูกค้าแน่นขนัดทั้งที่เป็นเวลาบ่ายสองโมงแล้ว และส่วนใหญ่ก็เป็นสาวๆ ที่มาเลือกซื้อขนมเค้กกลับไปนั่นเอง

หลังขนมที่เลือกขนมไว้มาเสิร์ฟ เด็กหนุ่มในชุดเอี๊ยมทั้งสองคนก็จัดการลองชิมทันที ทิวากานต์นั่งเท้าคางดูอลันด์ตักสตรอเบอรี่ช็อตเค้กเข้าปากชิมคำใหญ่เห็นไอ้ตัวแสบยิ้มทั้งที่ยังเคี้ยวอยู่จึงพอเดาได้ว่าอีกฝ่ายน่าจะถูกใจไม่น้อย

นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มมองคนรักอ่อนวัยเป็นประกายผิดปกติ อลันด์ไม่อยากคิดว่ามันเร่าร้อนกว่าทุกทีหากนี่เป็นครั้งแรกเลยมั้งที่เด็กหนุ่มไม่กล้าสบสายตากับอีกฝ่ายตรงๆ ตอนที่เผลอหันไปเจอทีไรรู้สึกเหมือนถูกจับกินทุกที เลยเอาแต่ก้มหน้าก้มตาจิ้มเค้กเข้าปากเคี้ยวไม่คุยกับใคร

“เฮียครับ ถ้าเฮียจะมองเพื่อนผมแบบนี้ผมว่าจับกินเลยดีกว่าไหมครับ แหม่...นี่ถ้าเป็นปลากัดไอ้แสบคงท้องลูกแฝดไปแล้ว”

“คิว!” เสียงแหบแหวลอดไรฟันขึ้นมาเบาๆ หน้าที่ว่าแดงแล้วเพิ่มระดับความเข้มจนใกล้เคียงกับซอสมะเขือเทศสูตรเข้มข้นในกระป๋องไปทุกที ส่วนตัวต้นเหตุไม่มีหรอกจะคิดแก้ตัวหนำซ้ำยังหัวเราะอารมณ์ดีจิ้มเค้กเข้าปากท่วงท่าประหนึ่งนายแบบ ใช่สิ...วันนี้คุณหมอผันตัวมาถ่ายแบบเฉพาะกิจนี่นา เพิ่มความน่าหมั่นไส้ไปอีกสิบระดับ

“อยากจับกินอยู่หรอก แบบ ‘อยากจะกลืนกินทั้งตัว ไม่อยากเหลือไว้ให้ใครได้กลิ่น’ เลยล่ะ”

“วา...”

“เรียกทำไม เรียกนี่อยากโดนเหรอ”

“จิ๊ เลิกแกล้งได้แล้วน่า” เขาทำเสียงจิ๊จ๊ะหันหน้าแดงๆ หนีไปทางอื่น

“อัลน่ารักนี่นา” คุณหมอชมเสียงหวาน ตายังคงเป็นประกายไม่คิดจะปิดบัง คนินทร์มองแล้วได้แต่เอามือเกาแขนเกาขา บี้นิ้วหัวมือแม่ไปรอบๆ โต๊ะ แกล้งแซวว่ารักกันหวานชื่นจนมดขึ้นขนมเค้กจืดร้านเขาจะเจ๊งก็วันนี้

อลันด์นั่งให้คนรักแทะโลมทางสายตาอยู่เกือบครึ่งชั่วโมงก็พากันออกจากร้าน ทิวากานต์ยังใจป๋าเหมาเค้กไปเลี้ยงเท่าจำนวนทีมงานโดยมีคนินทร์คอยช่วยถือ ส่วนคนตัวเล็กสุดก็เดินสะพายเป้ตัวปลิวแต่แค่นั้นพอเจอแดดแรงๆ ยามบ่ายก็หอบแฮ่กหน้าแดงแจ๋ เหงื่อเม็ดเป้งผุดขึ้นเต็มหน้าผากกว้างบางส่วนไหลย้อยลงมาถึงคางหยดลงพื้นติ๋งๆ

การถ่ายทำเริ่มขึ้นอีกหนหลังนายแบบเติมเครื่องสำอางเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดใหม่เรียบร้อย ทิวากานต์ใส่เสื้อเชิ้ตสีกรมท่าใหญ่กว่าขนาดตัวหนึ่งไซส์ปลดกระดุมเม็ดบนสองเม็ดพับแขนมากองบนข้อศอกกับกางเกงแสลคผ้าไหมสีครีม บนใบหน้ามีแว่นกันแดดทรงนักบินปิดดวงตาสีน้ำตาลเข้ม

“บอกทีเถอะว่านั่นเป็นหมอจริงๆ หมอบ้าอะไรหล่อขนาดนี้วะ คนไข้เจอทีไม่ตื่นเต้นเป็นลมไปเลยหรือไง” เด็กฝรั่งฟังเพื่อนบรรยายความหล่อทิวากานต์ไม่หยุดปาก เขาเองก็เห็นด้วยทุกอย่างตามที่ได้ยินจนอดมองตัวเองไม่ได้ ถึงไม่ได้ขี้เหร่แต่ก็ไม่ได้หน้าตาดีหรือมีรูปลักษณะชวนฝันเท่าอีกคนสักนิด “เฮ้อ ทั้งหล่อทั้งรวย เฮียแกเป็นผู้ชายระดับเกรดโคตรพรีเมี่ยมเลยว่ะ ถ้าได้แบบนี้เป็นเกย์ก็ยอมเลยเอ้า”

“ไม่ได้ใช้ความรู้สึกเลือกคบใครสักคนหรอกเหรอ”

“อันนั้นมันก็ใช่ แต่รูปลักษณ์ภายนอกเป็นสาเหตุแรกที่ทำให้รู้สึกปิ๊งใครสักคนไม่ใช่หรือไง อย่าบอกนะว่าไม่ได้ชอบที่หน้าตาเฮียเลย”

“ชีวิตฉันเห็นคนหน้าตาดีมาจนเบื่อ ถ้าจะเลือกชอบใครจากหน้าตาก่อนงั้นฉันไม่เลือกคบกับทอมหรอกเหรอ ไอ้หมาบ้านั่นหล่อกว่าวาตั้งกี่เท่ากัน” ถึงไม่อยากพูดถึงแต่เรื่องหน้าตายังไงโธมัสกินทิวากานต์ขาด ทั้งใบหน้ารูปร่างไม่มีตรงไหนให้ติได้สักนิด ยิ่งดวงตาสีน้ำเงินเข้มคู่นั้น...มีใครเคยถูกจ้องแล้วไม่ใจเต้นบ้างไหม

“เออแหะ แล้วทำไมถึงมาคบกันได้ล่ะ แบบว่านายกับเฮียมันคนละแนวกันเลย เข้าใจใช่ไหม?”

“ฟังภาษาไทยรู้เรื่องทำไมจะไม่เข้าใจ” เท้าเบอร์เจ็ดยันหน้าแข้งเพื่อนชาวไทยไปหนึ่งที “แค่อยู่กับใครแล้วรู้สึกดีมีความสุข อยากตื่นขึ้นมาเห็นหน้าเขาคนแรกและเห็นหน้าเขาเป็นคนสุดท้ายก่อนนอนมันก็แค่นั้น... ความรักจะเอาเหตุผลซับซ้อนอะไรมากมาย”

“Simple, but effective1 สินะ”

“แน่นอน บัฟเฟตต์น่าเชื่อถือเสมอ”



สี่โมงเป๊ะนักร้องหนุ่มขวัญใจชาวไทยก็ปรากฏตัวขึ้นสร้างความแตกตื่นแก่บรรดาทีมงาน นึกว่างานนี้จะได้มีนักร้องดังระดับประเทศมาเซอร์ไพรส์ร่วมงานด้วย แต่คุยไปคุยมาถึงได้รู้ว่านภมารับน้องตัวแสบไปซ้อมดนตรีและโลกก็กลมไปอีกเมื่อพ่อนักร้องรู้จักกับนายแบบกิตติมศักดิ์เป็นการส่วนตัว

ทีมงานคนหนึ่งถึงกับกรี๊ดวิ่งมาจับแขนอลันด์ สาวเจ้าบอกว่าตัวเองเป็นแฟนคลับเด็กฝรั่งมาได้สักพักแล้ว เริ่มจากติดตามผ่านไอจีนภจนไปถึงกดติดตามผลงานผ่านช่องทางยูทิวบ์

“พี่ก็ว่าแล้วว่าน้องหน้าคุ้นมากเลยแต่ไม่คิดว่าจะเป็นตัวแสบของน้องนภ พอได้เจอตัวจริงแล้วน่ารักกว่าในจอเยอะเลย ขอถ่ายรูปคู่ด้วยได้ไหมจ๊ะ”

“คะ ครับ” อลันด์ผงกศีรษะหน้าแดงไปถึงคอ คงเขินที่มีแฟนคลับมาขอถ่ายรูปด้วย งานนี้ทีมงานสาวถึงกับกรี๊ดสลบเพราะนอกจากจะถ่ายรูปคู่กับคนที่ชอบยังได้นักร้องชื่อดังมาเป็นตากล้องให้อีก

หลังจากนั้นกองถ่ายถึงกับเกิดความวุ่นวายขนาดย่อมขึ้นเมื่อทุกคนขอถ่ายรูปคู่กับหนุ่มหล่อกันมั่วไปหมด แม้แต่คนินทร์ยังโดนลากไปถ่ายด้วยข้อหาหล่อถูกใจเจ้ ตากล้องมือหนึ่งจำต้องออกปากพักเบรกชั่วคราวแต่ไม่วายบ่นนภที่มาทำกองป่วนไปหมด

“ถ่ายกันเสร็จหรือยังจะได้ถ่ายต่อ เดี๋ยวแสงจะหมดแล้วนะเว้ย” สิบนาทีต่อมาช่างภาพก็ลุกขึ้นป้องปากตะโกนเรียกทีมงาน ที่แอบอู้กันเมื่อกี้เลยรีบผละกันออกมาเตรียมถ่ายต่อ สี่หนุ่มหล่อถึงได้พักหายใจหายคอคุยกันช่วงนั้น

“ถ้าน้องแสบไม่บอกผมก็ไม่ยักรู้นะว่าพี่วาจะรับจ๊อบอะไรแบบนี้ด้วย”

“กลัวฉันแย่งงานหรือไง” คุณหมอว่าทั้งหลับตาให้ช่างแต่งหน้าเติมแป้ง

“กลัวสิคร้าบ พี่เล่นหล่อไม่เกรงใจแบบนี้ต่อให้พี่ติ๊กก็พี่ติ๊กเถอะมีหนาวนะนี่” เจ้าตัวว่าปะเหลาะเอาใจเดินมานั่งเข่าบีบไหล่บีบขา ทำเอาช่างแต่งหน้าถึงกับทำตัวไม่ถูกที่เห็นนักร้องหนุ่มเอาใจคุณหมอรูปหล่อ งานนี้ได้มีเรื่องให้เม้าท์กันแน่ๆ

ส่วนนักร้องหนุ่มไม่ได้รู้ตัวหรอกว่ากำลังก่อข่าวฉาวให้ตัวเองอีกรอบ นภรู้แต่ว่าโผล่มาแล้วทำให้เขาวุ่นวายกันไปทั้งกอง ไหนจะคนที่มาขอถ่ายรูปคู่กับอลันด์อีก เล่นเอาคนขี้หวงหน้าบูดปล่อยรังสีทะมึนออกมา นี่ยังไม่นับรวมเรื่องรูปคู่ในไอจีเขาอีกนะ รูปถ่ายคู่ใกล้ชิดว่าแย่แล้วเจอพวกคอมเม้นต์จิ้นเขากับอลันด์นี่สิที่แย่กว่า ดีว่าคุณหมอหน้าดุไม่เล่นไอจีเขาจึงยังมีชีวิตรอดปลอดภัยจวบจนถึงทุกวันนี้

“ไม่ต้องมายอ จะไปไหนก็ไป เห็นหน้าแกแล้วอารมณ์เสียทุกที อ้อ! แล้วพาอัลไปซ้อมดนตรีก็แค่ซ้อมดนตรี ฉันพูดแค่นี้เข้าใจใช่ไหม”

“คะ ครับ”

“เข้าใจแล้วก็ไป สามทุ่มฉันไปรับเองไม่ต้องไปส่ง” คนตัวสูงใหญ่ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงให้สไตลิสต์อีกคนเข้ามาจัดเสื้อผ้าชุดใหม่จากห้องเสื้อชื่อดัง

“คร้าบ”

“ขี้หึงชิบหาย” คนินทร์ก้มลงกระซิบข้างหูเพื่อนตัวเล็ก ซึ่งอลันด์ก็เห็นด้วยแบบไร้ข้อโต้แย้ง นี่ถ้าคนินทร์รู้เรื่องโธมัสถูกกระทืบมีหวังไม่กล้าทำตัวสนิทสนมกับเขาอย่างที่ทำทุกวันนี้แน่

“เออ... เดี๋ยวก่อนครับพี่วา”

“อะไร”

“ผมยังไม่ได้ถ่ายรูปคู่กะพี่เลยอ่ะ วันนี้พี่โคตรหล่อ ขอผมถ่ายไปลงไอจีหน่อยนะ”

“พี่นภแม่งโง่หรือปัญญาอ่อนวะ เจอแบบนี้ยังกล้าอีก” หนุ่มไทยก้มลงไปคุยกับเพื่อนตัวเล็กอีกที เด็กสามขวบเห็นหน้าคุณหมอยังรู้เลยว่าอารมณ์ไม่ดี นี่แม่งยังกล้าไปขอถ่ายรูปคู่อีก ช่างไม่กลัวตายเอาเสียเลย

“ไอ้นี่...” ทิวากานต์เตรียมปฏิเสธ แต่ทางทีมงานเห็นว่าถ้าได้ถ่ายรูปคู่กันลงโซเชียลก็จะช่วยโปรโมตนิตยสารได้อีกทาง นายแบบจำเป็นจึงปฏิเสธไม่ได้ยอมร่วมเฟรมเดียวกับไอ้เด็กหน้าอ่อนไปสองสามแชะ ไปๆ มาก็ได้รูปเซลฟี่รวมไปถึงรูปหมู่ถ่ายรวมกันสี่หนุ่มอีกอย่างละหนึ่งแชะ

“อ๊ะ ขอพี่วายังไม่ได้ถ่ายรูปคู่กับแสบเลยนี่นา มาๆ เดี๋ยวผมถ่ายให้”

ทั้งที่คิดว่าเสร็จแล้วและจะได้ไปถ่ายงานต่อ กลับกลายเป็นว่านภขอขึ้นมาอีกรูป แต่งานนี้คนที่ถูกบอกให้ถ่ายรูปคู่กันกลับเขิน จะว่าไปพวกเขาไม่เคยถ่ายรูปคู่ด้วยกันมาก่อนเลยสักครั้ง

นักร้องหนุ่มเอาโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมากดถ่ายรูปคู่รักรัวๆ ทั้งรูปแอบถ่ายและตั้งใจถ่าย ถึงวันนี้นภจะทำตัวเรียกตีนมากไปหน่อย แต่คอยดูเถอะ...งานนี้ทิวากานต์ต้องชมเขามากกว่าด่าแน่นอน

.
.
.

กลายเป็นเรื่องปกติไปแล้วที่คนในตึกผ่าตัดจะเห็นคุณหมอหน้าดุอมยิ้มมีความสุขให้เห็นตลอดเวลา แม้แต่คนที่เข้าทำเคสด้วยกันยังบอกมาเลยว่าอาจารย์ทิวากานต์ถึงขั้นเย็บไปฉีกยิ้มไป แทนที่จะชวนผ่อนคลายกลับเป็นสยองขวัญกันทั้งแผนก

จะมีแต่รองหัวหน้าสาขาศัลยกรรมทรงอกและหัวใจเท่านั้นที่รู้ต้นสายปลายเหตุ ก็อะไรซะอีกถ้าไม่ใช่รูปแฟนเด็กหนุ่มน้อยลูกครึ่งทำหน้าตาน่ารักมัดจุกเปิดเหม่งใส่เอี๊ยมเป็นภาพพื้นหลังโทรศัพท์ ร้อยวันพันปีมีอย่างที่ไหนคนแบบทิวากานต์จะเอารูปคนขึ้นตั้งหน้าจอโทรศัพท์ ในฐานะที่รู้จักกันมาหลายปีตอนนี้เจ้ารุ่นน้องเขากำลังหลงเด็กได้ที่ชนิดยอมสิ้นทุกสิ่งอย่าง นี่การันต์ก็ว่าจะไปลองยุให้อลันด์บอกทิวากานต์ลาออกมาจากหมอไปขายน้ำเต้าหู้แทน เชื่อขนมกินได้เลยว่าไอ้หน้าหล่อนั่นต้องมีเก็บไปคิดจริงจังบ้างล่ะ!

“อะแฮ่มๆ”

ทิวากานต์เงยหน้าขึ้นจากแฟ้มรายงานก่อนยกมือไหว้ส่งยิ้มหวานจ๋อยไปให้นายแพทย์รุ่นพี่ เมื่อกี้เห็นแวบๆ ว่ามีถุงขนมหิ้วติดมือมาด้วย ลาภปากเขาอีกล่ะ “สวัสดีครับพี่รัน เอาหนมมาฝากเหรอ”

“เออ ฝากพยาบาลเขาไปซื้อมา เอ้า เอาไป”

“ขอบคุณคร้าบ แต่พี่รันคงไม่ได้มาหาผมแค่จะขนมมาฝากใช่ไหม มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าครับ”

“ไม่มีหรอก แต่...” การันต์กลั้นลมหายใจไปช่วงก่อนพรูออกมา “เรื่องลุงของแกน่ะ พอดีตอนแกไปทำเคสเมื่อเช้าอาจารย์พัฒเขามาหาฉันเลยรับเรื่องไว้แทน”

“ไม่เหลือเวลาแล้วเหรอครับ”

“อยู่ได้ถึงเดือนก็เก่งแล้ว” นายแพทย์รุ่นพี่เดินมาตบไหล่อีกฝ่ายหนักๆ คล้ายจะบอกให้ทำใจ “ทางครอบครัวเขาก็รู้แล้วเลยว่าจะเอากลับไปอยู่บ้าน แต่น้าโบบอกว่าให้นอนโรงพยาบาลดีกว่าจะได้ดูแลง่าย แกก็ไปช่วยเขาตัดสินใจแล้วกันว่าจะเอาไง”

“ขอบคุณมากครับพี่รัน”

“ไม่เป็นไร อ้อ! แล้วเรื่องทุนที่พี่คมไปหามาให้น่ะว่าไง เงียบไปเลยนะ ใกล้หมดเขตส่งใบสมัครแล้วนะเว้ย”

ทิวากานต์ทำหน้างงๆ ใส่คนแก่กว่าก่อนร้องอ๋อออกมาเสียงดัง ถ้าการันต์ไม่พูดเขาคงลืมไปแล้วเหมือนกัน ตอนนี้ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าเก็บใบสมัครไว้ไหน “ลืมไปเลยครับ แต่ความจริงก็ยังไม่ได้คิดจะไปตอนนี้ อยากทำงานก่อนสักปีสองปี รอไอ้ฟ้ามันกลับมาช่วยก่อนค่อยไป”

“แต่ที่นี่ไม่ได้เอาใบสมัครมาได้ง่ายๆ นะ” การันต์ลองหยั่งเชิง ใจหนึ่งเขาก็ตามใจน้อง แต่อีกใจก็อยากให้น้องได้โอกาสดีๆ ที่ไม่ได้หามาง่ายๆ โดยเฉพาะโอกาสที่มีผู้ใหญ่อย่างรองศาสตราจารย์อาคมหามาให้แถมยังเป็นมหาวิทยาลัยระดับโลก

“ความจริงก็เสียดาย ได้กลับบ้านเก่าด้วย แต่ตอนนี้...ผมทิ้งอัลไปไม่ได้หรอกครับ” เขาอมยิ้มเมื่อพูดถึงคนรักอ่อนวัย “รอให้เขาเรียนจบที่นี่ก่อนแล้วค่อยไปโกอินเตอร์พร้อมกันดีกว่า แถมมหาลัยแพทย์เจ๋งๆ ที่อังกฤษก็มีน้อยเสียเมื่อไหร่ ยังไงเรื่องหัวใจต้องไปอังกฤษ เหมือนกระดูกต้องไปเยอรมันนั่นแหละ”

“มองการณ์ไกลเหมือนกันนี่หว่า”

“นี่ทิวากานต์นะครับ เรื่องอนาคตทั้งทีต้องวางแผนกันหน่อยสิ”

“เอาเถอะ เดี๋ยวพี่ไปพูดกับพี่คมให้ แล้วจะช่วยหาทุนของอังกฤษให้อีกที คราวนี้ห้ามปฏิเสธอีกล่ะ”

“ครับผม รับรองคราวหน้าไม่มีเบี้ยวแน่นอน”

“ดีๆ เออ ฝากบอกไอ้ตัวแสบด้วยนะ บ่ายสามวันอาทิตย์นี้เดี๋ยวพี่ไปรับมาว่ายน้ำกับยัยแอฟ”

หลังคุยธุระจบแล้วการันต์ก็นึกได้ถึงเรื่องนัดกับเด็กลูกครึ่งตัวเล็กสุดสัปดาห์นี้ เขากับทิวากานต์คุยกันมาสักพักแล้วเรื่องสุขภาพของคนป่วยโรคหัวใจสองคนนี้และมีความเห็นตรงกันว่าให้ไปออกกำลังกายด้วยกันน่าจะดี กีฬาก็เอาว่ายน้ำนี่แหละได้ครบหมดทุกส่วนในร่างกาย ถึงอลันด์จะกลัวน้ำแต่ทิวากานต์ก็สืบมาแล้วว่าเจ้าตัวว่ายน้ำเป็นสบายบรือ แค่กลัวเวลานั่งเรือเฉยๆ

“ครับ ฝากดูแลอัลด้วยนะครับ ถ้าดื้อก็จับตีได้เลยผมไม่ว่า เดี๋ยวผมไปรับเองสักทุ่มสองทุ่ม”

“ให้ไปส่งดีกว่าไหม จะได้ไม่ต้องขับรถกลับไปกลับมา”

“ไม่เป็นไรพี่ ผมมีธุระที่คอนโดนั้นพอดี ของขวัญเซอร์ไพรส์วันเกิดไอ้ตัวแสบจากตายายเขานั่นแหละ เขาให้ช่วยเข้าไปดูหน่อย”

“ได้ๆ มีอะไรให้ช่วยก็บอกแล้วกัน”

ชายหนุ่มยิ้มให้การันต์แล้วก้มหน้าอ่านรายงานต่อให้เสร็จๆ เมื่อถึงเวลาเลิกงานก็เดินไปตึกผู้ป่วยหาลุงเข้มที่นอนรักษาตัวมาตั้งแต่วันที่ส่งมาจากโรงพยาบาลเอกชนคราวนั้น ป้าอิงกับขัตติยานั่งเฝ้าคนป่วยอยู่ที่ห้อง ส่วนเขมชาติลูกชายคนโตพาภรรยาไปตรวจครรภ์ที่อีกโรงพยาบาลเดี๋ยวจะตามมา ลุงเข้มนอนหลับตั้งแต่บ่ายคงตื่นมาอีกทีก็คงตอนเย็นๆ ตอนนี้รับได้แต่พวกสารอาหารทางสายยาง ร่างกายที่เคยอ้วนท้วนก็ผอมซูบ ดูๆ แล้วน่าใจหายไม่น้อย

“ป้าอิงโอเคนะครับ” เขาจับมืออีกฝ่ายขึ้นมาบีบเบาๆ แม้ใบหน้าจะมีร่องรอยอิดโรยอยู่บ้างแต่คุณป้าคนสวยและแสนใจดีของเขาก็เหมือนจะทำใจได้ระดับหนึ่ง

“ค่ะ ป้าโอเค น้องวาเลิกงานแล้วหรือยังคะ”

“เลิกแล้วครับ อาจารย์พัฒเขาบอกวามาแล้วล่ะ วาว่าให้ลุงเข้มนอนที่นี่อย่างที่ป้าโบบอกดีกว่าครับ อยู่ใกล้หมอเผื่อมีอะไรจะได้ช่วยเหลือทัน”

“ค่ะ เอาตามที่คุณหมอว่าดีเถอะ” ป้าอิงยิ้มอ่อนโยนให้เหมือนเคยก่อนลุกขึ้นบอกว่าจะไปซื้ออาหารขึ้นมากิน พอขัตติยาอาสาจะไปแทนกลับถูกบอกให้นั่งอยู่ที่นี่และให้ทิวากานต์ช่วยปลอบน้องที

“คนดีของพี่เครียดเหรอคะ”

“ขิง...ขิงว่ามันเร็วเกินไป ขิงไม่อยากให้ป๊าไป อย่างน้อยขิงอยากให้ป๊าได้เห็นหน้าลูกพี่เขมก่อนก็ยังดี”

“งั้นขิงต้องคอยอยู่เป็นกำลังใจให้ลุงเข้มนะคะ ถ้ากำลังใจดีพี่เชื่อว่าลุงเข้มต้องอยู่ได้ถึงเห็นหน้าหลานคนแรกแน่ๆ” เขาดึงมือเล็กมาบีบๆ นวดๆ เหมือนที่ทำกับป้าอิง หาเรื่องพูดไปเรื่อยจนหญิงสาวยิ้มออก

“ขิงอิจฉาพี่วาจังค่ะ ทำยังไงขิงถึงจะคิดแบบพี่วาได้บ้าง”

“ยังไงคะ”

“มีความสุขกับทุกสิ่งที่ทำแล้วก็ทุกเรื่องที่ผ่านมา”

“พี่น่ะมีความสุขกับสิ่งที่ทำอยู่แล้วค่ะ แต่กับทุกเรื่องที่ผ่านมาบางเรื่องพี่ไม่ได้เห็นด้วยมีความสุขกับมันไปเสียทั้งหมด พี่แค่ปล่อยมันไปค่ะ...คิดเสียว่าเป็นทางเดินที่ผ่านมาแล้วแก้ไขไม่ได้ก็มีแต่ต้องยอมรับและเดินหน้าต่อ ถ้าเก็บทุกเรื่องมาคิดชีวิตนี้คงไม่ต้องทำอะไรแล้วล่ะค่ะ ชีวิตนี้ยังมีอะไรให้ทำอีกเยอะ”

“ฮือ... ขิงรักพี่วาจัง แล้วตอนแม่พี่วาเสีย พี่วาปลอบใจตัวเองยังไงคะ”

“ทำไมพี่ต้องปลอบใจตัวเองด้วยล่ะคะ” แทนที่จะตอบเขาลองถามกลับ แขนยาวโอบตัวหล่อนเข้ามากอดเกยคางกันหลวมๆ “พี่ไม่มีอะไรให้เสียใจนี่นา”

“ก็จะไม่ได้เจอคนที่รักมากๆ อีกแล้ว พี่วาไม่เสียใจเหรอคะ”

“ไม่เสียใจหรอกค่ะเพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาพี่กับแม่เรามีความสุขมากแล้ว แล้วพี่ก็ทำดีที่สุดแล้ว พี่แค่ใจหายมากกว่าที่ต่อไปนี้จะไม่ได้เจอกันอีก คนเราเกิดขึ้นมาบนโลกนี้ก็เกิดมาเป็นตัวเราแค่คนเดียว คนอื่นถึงจะพ่อแม่ครอบครัวมีสายเลือดเดียวกันยังไงก็นับว่าเป็นคนอื่น คนทุกคนไม่เหมือนกัน สุดท้ายแต่ละคนก็ย่อมมีทางเดินเป็นของตัวเอง การตายจากก็เหมือนกันค่ะ”

“ยังไงคะ”

“ถึงตัวจะจากไปแต่ความทรงจำยังอยู่นี่คะ จะบอกยังไงให้ขิงเข้าใจดีล่ะ... อารมณ์ประมาณเพลงพรุ่งนี้อาจไม่มีฉันของปาล์มมี่มั้ง ขิงกับลุงเข้มรักกันดีมาตลอดใช่ไหมล่ะ ถ้าสมมติจะไม่ได้เจอกันอีกแล้วถึงจะโหวงเหวงแต่ความทรงจำดีๆ ที่เคยทำร่วมกันมาจะช่วยให้ขิงมีกำลังใจใช้ชีวิตต่อไปได้เองค่ะ”

“แล้วถ้าสมมติเราต้องแยกจากกันตอนที่มีแต่ความทรงจำที่ไม่ดี คนที่ยังต้องใช้ชีวิตต่อไปก็จะเป็นคนที่เจ็บปวดใช่ไหมคะ”

“ใช่ค่ะ ถ้าคนๆ นั้นเป็นคนสำคัญของเรานะคะ คนไม่สำคัญน่ะไม่ต้องเก็บมาไว้รกพื้นที่สมองหรอกค่ะ”

“พี่วาเนี่ย...บางทีก็เลือดเย็นไปนะ”

เขาไม่แก้ตัวและยอมรับอยู่ในที “พี่เชื่ออยู่อย่างหนึ่งค่ะว่ากรรมเป็นผลของการกระทำ ไม่เกี่ยวกับเรื่องศาสนาหรืออะไรนะคะ ขิงก็รู้ว่าพี่ไม่ชอบเข้าวัด แต่มันเป็นเรื่องที่พิสูจน์ได้ค่ะว่าถ้าเราอะไรไว้ก็มักได้ผลอย่างนั้น แม้จะมีตัวแปรเยอะก็เถอะ แต่ความรู้สึกในใจเราจะรับรู้ได้ทันทีและเปลี่ยนกันไม่ได้ พี่ถึงเลือกทำดีไว้ก่อนต่อให้เขาปฏิบัติกับเราไม่ดีเพราะอย่างน้อยเราก็รู้ตัวว่าเราทำดีไปแล้ว ใจเรามันจะดีเองค่ะ หลังจากนั้นค่อยจัดการไปตามเรื่องแบบถ้ากวนตีนมากก็ซัดปากแม่งเลย อะไรแบบเนี้ย”

พูดไปแล้วเลยถูกสาวเจ้าทุบอกดังปึ้ก ขัตติยาลุกขึ้นจากเก้าอี้บอกว่าจะไปเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาเสียหน่อยแล้วอาจเลยลงไปซื้อขนมกิน ศัลยแพทย์หนุ่มเลยอาสาจะอยู่เฝ้าลุงเข้มให้จนกว่าป้าอิงจะขึ้นมา

ทิวากานต์ดูเวลาอีกไม่กี่นาทีจะหกโมงเย็น ถึงจะเมสเสจไปบอกแล้วแต่ป่านนี้เด็กฝรั่งคงรอแย่ เย็นนี้ให้กินข้าวนอกบ้านท่าจะดีกว่าหิ้วท้องกลับไปทำกินที่ห้อง คิดแล้วคุณหมอหน้าดุก็หลุดยิ้มออกมา ตั้งแต่รับเด็กคนนั้นชีวิตเขาในแต่ละวันก็คิดแค่ว่าจะดูแลอีกคนยังไง จะทำอะไรให้กิน มื้อนี้จะกินอะไร อาบน้ำสระผมได้เป่าผมไหม การบ้าน รายงานทำเสร็จหรือยัง อย่างกับมีลูกแน่ะ

“วา...”

“ลุงเข้ม เป็นยังไงบ้างครับ เอาน้ำหน่อยไหม” ชายหนุ่มโผไปเกาะข้างเตียงดูคนป่วยที่เพิ่งลืมตาตื่นขึ้นมา พออีกคนพยักหน้าก็รินน้ำใส่แก้วเสียบหลอดให้ดูด “ป้าอิงกับขิงลงไปซื้อของกินเดี๋ยวก็ขึ้นมาครับ”

“ขอบใจนะที่มาเยี่ยมลุง งานก็ยุ่งยังมาช่วยดูแลให้ตั้งหลายอย่าง”

“เรื่องแค่นี้เองครับ ลุงเข้มเป็นยังไงบ้างครับ เจ็บตรงไหนไหมพอขยับตัวได้หรือเปล่า ถ้ารู้สึกปวดท้องก็เรียกพยาบาลเลยนะครับไม่ต้องทน วาฝากให้เขาช่วยดูแลเตียงลุงเข้มเป็นพิเศษไว้แล้ว”

“ตอนนี้มันเฉยไปแล้วล่ะวา ลุงทำใจได้แล้ว อยากไปสบายๆ มากกว่า เสียดายอยู่อย่างเดียวที่คงอยู่ไม่ทันได้เห็นหน้าหลาน”

“ลุงเข้มครับ...” เขาเอื้อมแขนไปจับมืออีกคนเอามาแนบแก้ม บางทีเรื่องความเป็นความตายมันก็พูดยาก ยิ่งกับคนที่ทำใจได้แล้วไม่รู้จะปลอบใจยังไงดีเพราะเดี๋ยวพูดมากไปจะทำให้เจ้าตัวมีกังวลแทนจะได้ไปสบายอย่างตั้งใจตอนแรก ทิวากานต์นั่งเงียบๆ ฟังคนป่วยพูดไปเรื่อย

“แล้วก็ห่วงเจ้าขิงนี่แหละ ถ้าลุงไปแล้วใครจะคอยดูแล ไหนจะขวัญอีก ผู้หญิงสองคนอยู่บ้านดูแลอู่มันจะไปไหวยังไง เจ้าเขมมันก็มีครอบครัวของมันคงไม่ว่างมาช่วยดูแลได้ตลอด”

“ลุงเข้มไม่ต้องห่วงนะครับ สองคนนั้นเดี๋ยววาดูแลต่อให้เอง”

“ได้ยินแบบนี้ลุงก็สบายใจ ลุงเคยคิดนะว่าถ้าวายังไม่มีแฟนลุงคงขอให้วาแต่งงานกับขิงแล้วล่ะ มีแต่วานี่แหละนะที่ลุงไว้ใจได้มากที่สุด ยังไงถ้าโดนแฟนทิ้งอย่าลืมรับลูกสาวลุงไปพิจารณาด้วยนะคุณหมอ”

“ฮ่าๆ ลุงเข้มต้องถามน้องขิงก่อนแล้วล่ะครับว่าอยากแต่งกับผู้ชายแบบวาไหม” เขาหัวเราะเบาๆ ไม่ให้รบกวนคนไข้ห้องอื่น มันไม่ใช่ครั้งแรกที่ลุงเข้มเคยพูดทีเล่นทีจริงกับเขาเรื่องนี้ ตอนเด็กๆ พวกแม่ยังเคยคิดจะให้เขาแต่งกับขัตติยาเลย แล้วก็แซวอยู่เรื่อยจนเขาโตทำงานหนัก คบคนนู้นทีคนนี้ที บางทีก็คบซ้อนไม่หาใครเป็นตัวเป็นตน วันๆ ทำแต่งานถึงเลิกพูดไป ครั้งสุดท้ายที่ได้ยินก็หลายปีมาแล้ว

“ขิงน่ะต้องอยากแต่งกับวาอยู่แล้วล่ะ”

“ครับ?”

“วาไม่รู้เหรอว่าน้องแอบรักเรามานาน”

“ไม่รู้หรอกครับ” เขากลั้นหายใจไม่รู้ตัว อยากคิดว่าลุงเข้มคงแค่แซวเล่นเหมือนทุกทีแต่คำพูดจากคนใกล้ตายไหนจะนัยน์ตาที่มองมาเช่นนั้นทำให้เขาพูดไม่ออก เขาไม่เคยมองขัตติยาเป็นมากกว่าน้องสาวสักครั้งและอีกฝ่ายปฏิบัติกับเขาเหมือนพี่ชายคนหนึ่งมาตลอดถึงไม่เคยเอะใจเลย

“ขิงเขาก็รักตามประสาเด็กนั่นแหละวา เราน่ะเป็นเหมือนเจ้าชายของยัยขิงมาตั้งแต่เด็ก ผู้หญิงก็นะ...มันต้องมีความคิดอยากแต่งงานกับเจ้าชายในฝันกันบ้างล่ะ เผื่อจะได้เป็นเจ้าหญิงบ้างไง”

“เจ้าชายคนนี้ดันเจอเจ้าหญิงของตัวเองแล้วน่ะสิครับ” ทิวากานต์ก้มหน้า นึกภาพเด็กฝรั่งแต่งชุดเจ้าหญิงเหมือนในนิทานถึงกับกลั้นขำตัวงอ “ผมว่าน้องขิงคงได้เจอเจ้าชายตัวจริงของตัวเองสักวัน แต่คงไม่ใช่ผมแน่นอน”

TBC

เพราะว่าวาเป็นพี่สาวคนโตของน้องขิงค่ะ #ผิดๆ

ลงตอนใหม่รับปีใหม่จีนค่า
ในเรื่องยังต้วมเตี้ยมอยู่ที่เดือนมกราคมอยู่เลย แหะๆ
แต่ตอนหน้าจะมีคนมาแจกซองแดงให้น้องอัลมาสำรองทุนเพิ่มค่ะ
ส่วนใครจะมาแจกซองแดงให้นั้น โปรดติดตามตอนต่อไป

แล้วเจอกันค่า ^^

#พี่วาน้องอัล

------------------------------

1 – ‘Simple, but effective’ เป็นแนวคิดของวอร์เรน บัฟเฟตต์นักลงทุนและนักธุรกิจชื่อดังระดับโลก มีความหมายว่าใช้ความเรียบง่ายแต่ให้ผลที่มีประสิทธิภาพ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 27 [07.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: Mokuchi ที่ 07-02-2016 16:44:37
หมอวาพูดชัดเจนดีมากค่ะ
หวังว่าจะไม่มีดราม่าเรื่องขิงนะ น้องอัลยิ่งแอบๆคิดเรื่องนี้อยู่ :hao4:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 27 [07.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 07-02-2016 19:32:21
เกิดแก่เจ็บตาย
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 27 [07.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: AuyAaiz ที่ 07-02-2016 19:51:46
 o13
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 27 [07.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 07-02-2016 21:33:51
 o13
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 27 [07.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 07-02-2016 21:36:57
  o13o13 o13
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 27 [07.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 07-02-2016 21:39:59
ใจต้องสู้ค่ะน้องขิง รักคุณหมอวาที่มั่นคง
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 27 [07.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 07-02-2016 21:54:00
ส่งหมอวาไปเรียนต่อยังดีกว่ามีดราม่ากับชะนี
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 27 [07.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 07-02-2016 22:31:49
หมอวาชัดเจนดีนะเรื่องขิง  น้องคือน้อง
ถ้าไม่ชัดเจนอัลคงคิดมากล่ะ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 27 [07.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: VarainDark ที่ 07-02-2016 22:39:38
ความคิดหมอวาเริศ
จับอัลแต่งชุดเจ้าหญิงจริงๆเลยสิ
ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 27 [07.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 07-02-2016 22:42:02
หวังอย่างเดียวว่าจะไม่มีดราม่าเรื่องขิงนะ
ไม่งั้นยุให้อัลหนีกบับลอนดอนไปเลย  :hao4:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 27 [07.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 07-02-2016 23:22:08
เราเชื่อนะที่บอกว่าขิงรัพี่วา แต่ถ้าว่านางรักแบบอยากครอบครองรึป่าวเราว่าไม่อะรูไส้รู้พุงเยอะเกินไปเป็แค่พี่ชายอะดีทุ่สุดแล้ว แถมตอนนี้พี่สะใภ้ยังโดนใจและพาฟินอีก555
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 27 [07.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: misskimji ที่ 07-02-2016 23:57:46
 :pig4:
 :L1:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 27 [07.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: san ที่ 09-02-2016 08:01:07
 :L2: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 27 [07.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: greensnake ที่ 09-02-2016 13:52:40
โล่งไปเปราะหนึ่งแล้ว ทางฝั่งพี่หมอผลตอบรับดีเกินคาด
ป้าๆคงคิดว่าความสุขของเขาก็คือความสุขของเราสินะ
ถึงจะยังไม่รู้ว่าทางครอบรัวหนูอัลจะรับได้หรือไม่
มันเป็นเรื่องของอนาคตล่ะนะ มีความสุขกับทุกวันนี้ก็พอ
พี่หมอวาพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าหนูอัลคือครอบครัว
ไม่ว่าจะเป็นยังไงเราเป็นกำลังใจให้ทั้งคู่เหมือนเดิมจ้า
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ :กอด1:
+1และเป็ดค่ะ
หัวข้อ: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 28 [12.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 12-02-2016 17:21:47
TRACK 28



เย็นนั้นทิวากานต์พาอลันด์หาข้าวกินที่ร้านอาหารใกล้ๆ คอนโด ไอ้ตัวแสบคงเห็นเขาซึมไปนิดหน่อยหลังจากไปเยี่ยมลุงเข้ม เจ้าตัวเลยอาสาขับน้องกบให้ตอนขากลับแถมยังแหกปากร้องเพลงเสียงดังลั่นรถ เล่นเอาคุณหมอปวดหัวตุ้บๆ อยากหาอะไรอุดปากซะเดี๋ยวนั้น

“เอ๊ะ! เมื่อเช้าวาลืมปิดไฟเหรอ” เดินเข้าห้องมาแล้วคิ้วสีน้ำตาลเข้มถึงกับขมวดเข้าหากัน เท้าเบอร์เจ็ดหยุดอยู่กับที่ไม่กล้าเข้าไปเลยถูกคนเดินตามหลังเตะก้น

“เกะกะขวางทาง เข้าไปได้แล้ว”

“เดี๋ยวสิวา!” คนตัวเท่าไหล่กระซิบเสียงสูง เขย่งปลายเท้าเอานิ้วชี้ทาบปิดริมฝีปากบาง “ไฟที่ห้องเปิดอยู่ล่ะ”

“เมื่อเช้าลืมปิดมั้ง” เขาว่าก่อนผลักอลันด์ให้เปิดทางแล้วเดินเข้าไปข้างใน โยนกุญแจรถใส่ชาม รองเท้าหนังสองคู่ถอดเก็บบนชั้นเรียบร้อย หากไอเย็นจากแอร์คอนดิชั่นพาลให้คุณหมอหนุ่มรูปหล่อขมวดคิ้วไปด้วยอีกคน ช่วงนี้เขามีเรื่องให้คิดมากจนถึงขั้นลืมปิดไฟปิดแอร์เลยเหรอวะ

“อ้าว ทำไมเพิ่งกลับกันมาล่ะ”

ดวงตาสองคู่เงยขึ้นมาตามเสียงถึงได้เห็นวิคเตอร์กำลังลากหมีพี่คริสลงมาจากชั้นบน เท่านั้นคิ้วที่ขยับเข้าหากันอยู่ถึงกับชนกันเป็นเส้นเดียว

“เข้ามาได้ไง มาทำไม ไม่ต้อนรับ ออกไป!”

“ห้องนี้เงินฉันซื้อ มาเที่ยวตรุษจีน ฉันจะอยู่ ไม่ไปไหนเฟ้ย”

“แต่ตอนนี้ห้องนี้เป็นชื่อผม ถ้าไม่อยากโดนข้อหาบุกรุกก็รีบๆ ออกไป แล้วปล่อยมือจากพี่คริสเดี๋ยวนี้นะ”

“หวงจังเว้ย หมีตัวนี้ฉันก็ซื้อให้หม่าม้าแกนะ!” วิคเตอร์กระทืบเท้าลงมาข้างล่างก่อนเอาตุ๊กตาหมีตัวโตนั่งบนโซฟาหน้าทีวี “อ้าว อลันด์ ว่าไงทำไมไปยืนแอบอยู่หลังวาอย่างนั้นล่ะ ไม่เจอกันตั้งนานโตขึ้นเยอะเลยนะ เอ๊ะ ตัวเล็กลงมากกว่าแหะ”

แหงล่ะ...ไม่ได้เจอกันเกือบปี ตอนที่เจอคราวนู้นเขากำลังอ้วนเป็นลูกหมูเลย แต่นับถือความจำของผู้ชายวัยครึ่งร้อยเลยแหะ

“หวัดดีฮะ” ทักไปแล้วจึงค่อยหันมาสบตากับคนรักว่าเอายังไงต่อ หากทิวากานต์ทำเหมือนวิคเตอร์ไม่มีตัวตนแล้วบอกให้เขาขึ้นไปเก็บของอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าซะ ตาสีฟ้าเหลือบมองแขกไม่ได้รับเชิญแวบเดียวก่อนทำตามที่คนรักสั่ง สองพ่อลูกรอจนได้ยินเสียงปิดประตูห้องนอนถึงยอมเปิดปากทะเลาะกันอีกรอบ

“ย้ายมาอยู่ด้วยกันนานหรือยัง”

“สี่ห้าเดือนได้แล้วมั้ง”

“ฉันควรตกใจใช่ไหมที่ลูกชายเพลย์บอยผันตัวไปเป็นเกย์เนี่ย”

“นั่นก็เรื่องของคุณ” ฝ่ายลูกชายว่าเหมือนไม่ใช่เรื่องสำคัญ เขาเดินไปที่โต๊ะทำงานใต้บันไดถอดเนคไทพับวางไว้บนเก้าอี้ ตามด้วยกระเป๋าเงิน และโทรศัพท์ แขนเสื้อถูกรั้งขึ้นมากองบนข้อศอกลวกๆ ทำทุกอย่างเหมือนทุกวันคล้ายกับว่าการปรากฏตัวของบิดาผู้ให้กำเนิดไม่ใช่ที่ต้องใส่ใจ

“แล้วฉันจะว่าอะไรแกได้ นอกจากเป็นห่วงเท่านั้นแหละ”

“เป็นห่วงผิดเวลาไปหน่อยนะ คุณว่างั้นไหม”

“สำหรับคนเป็นพ่อแม่เขาห่วงลูกได้ตลอดนั่นแหละ”

“เก็บความหวังดีคุณไปเถอะ” ชายหนุ่มหมุนตัวเดินผ่านหน้าวิคเตอร์ไปยังห้องครัว เปิดตู้เย็นหยิบเบียร์ออกมาสองกระป๋องก่อนโยนให้คนเป็นพ่อ เขารับมาแบบงงๆ ก่อนเปิดฝายกซด

“ปากร้ายแต่ใจดีนะเนี่ยลูกชายฉัน” นักแสดงชื่อดังยิ้มกริ่ม เขาเขยิบตัวไปนั่งเบียดพี่คริสให้มีที่พอสำหรับลูกชายตัวโตมานั่งข้างๆ แต่กลับถูกทิวากานต์ขมวดคิ้วใส่ก่อนเดินไปนั่งที่โซฟาเดี่ยวอีกตัวแทน “แต่ยังเย็นชากับพ่อมันเหมือนเดิม”

“แล้วที่บอกมาเที่ยวตรุษจีนนี่คืออะไร บอกไว้ก่อนนะว่าที่นี่ไม่ใช่โรงแรม ผมต้องการความเป็นส่วนตัวกับแฟน

“เต็มปากเต็มคำนะ ฉันนอนห้องหม่าม้าแกก็ได้ไม่รบกวนอะไรมากหรอก ไม่ใช้เตียงซะบ้างเดี๋ยวพัง” บางทีวิคเตอร์คงจำสลับกันระหว่างเครื่องใช้ไฟฟ้ากับเฟอร์นิเจอร์ในบ้าน

“กี่วัน”

“สามสี่วัน เสร็จธุระก็ไป”

“เช่น?”

“ซื้อของ ไหว้เจ้า ไหว้บรรพบุรุษ ไหว้เมีย แจกซองแดงแล้วก็เที่ยวไง”

ฟังแล้วคนลูกถึงกับมองบน เขาหยิบรีโมทมาเปิดทีวีดูรายการข่าวภาคค่ำแทนการบอกตัดบทสนทนา ไม่ถึงสิบนาทีเด็กผมหัวสีอ่อนสวมชุดนอนสีเข้มก็เดินกระหย่องกระเหย่งหอบการบ้านลงมาจากชั้นบน วิคเตอร์หันไปเจอพอดีเลยเรียกให้มานั่งด้วยกันแทนที่จะไปทำงานบนโต๊ะหนังสือ

“เรียนอะไรอยู่ฮึ แล้วเรียนอยู่ชั้นไหนแล้ว”

“เรียนไฟแนนซ์ปีแรกครับ”

“อ๋อ เข้ามหาลัยแล้วนี่เอง มิน่าอาถึงไม่เห็นเธอใส่ชุดนักเรียนน่ารักๆ เลย ยี่สิบหรือยัง”

“จะสิบเก้าสิ้นเดือนนี้ครับ”

ได้ยินอายุแฟนลูกชายแล้วคุณพ่อรูปหล่อถึงกับอ้าปากค้างหันไปมองไอ้คนเอาขาตัวเองไปเสี่ยงตะรางคดีพรากผู้เยาว์ ถึงสิบเก้าจะไม่เด็กแล้วและเขากับคนรักก็มีลูกตอนอายุประมาณเท่านี้ แต่ว่า... “ฉันไม่ยักรู้ว่าแกชอบเด็ก”

“แล้วจำเป็นต้องรู้ทุกเรื่องไหมล่ะ อัล...พี่ไปอาบน้ำก่อนนะ ถ้าตาลุงนี่ถามอะไรก็ไม่ต้องตอบพูดอะไรไม่ต้องฟังนะ”

“อื้อ” เด็กหนุ่มอมยิ้มแล้วค่อยก้มหน้าทำการบ้านต่อ ลับหลังทิวากานต์ได้ไม่เท่าไหร่คนพ่อจึงเริ่มพูดไปเรื่อยเปื่อย เห็นเขานิ่งไม่ตอบโต้ก็แซะว่าเชื่อฟังกันดีเหลือเกิน สักพักเหนื่อยถึงยอมหยุดปากไปเอง

“แล้วเรื่องดนตรีเป็นไงบ้าง เห็นนภบอกว่าไปซ้อมเรื่อยๆ เลยนิใช่ไหม”

“ครับ” เมื่อถูกคุยเรื่องดนตรีเลยตอบไปแบบไม่รู้ตัว

“ขยันดีจัง ทั้งเรียน ทั้งเล่นดนตรี ฉันได้ดูคลิปที่เธอร้องเพลงหลายอันเลยล่ะ เก่งมากจริงๆ”

“ขอบคุณครับ”

“สนใจทำอัลบั้มไหม ฉันช่วยได้นะ ฉันมีเพื่อนเป็นโปรดิวเซอร์เก่งๆ เยอะเลย ทั้งจีน เกาหลี อเมริกา เห็นอย่างนี้แต่ฉันก็เคยออกอัลบั้มมาก่อนเหมือนกันนะเว้ย”

“ฮ่าๆ ผมเคยฟังล่ะ พี่นภเปิดให้ดู ผมดีใจนะที่คุณอาสาเรื่องนี้แต่พอดีผมมีสัญญากับเพื่อนโปรดิวเซอร์ที่อังกฤษไว้แล้วล่ะ”

“หมายถึงสัญญา license หรือ promise”

“promise สัญญาปากเปล่าน่ะ ปีเตอร์เป็นโปรดิวเซอร์ของ BBC เขาบอกว่ารอผมเรียนจบได้ นี่แป๊บเดียวก็ผ่านมาจะปีแล้ว อีกแค่สามปีก็ไม่เท่าไหร่หรอก ช่วงนี้ผมจะยิ่งขัดฝีมือให้ดีกว่าเดิมไม่ให้ปีเตอร์เสียใจที่ตัดสินใจรอ”

“นักร้องเนี่ยเป็นเป้าหมายสูงสุดในชีวิตเลยใช่ไหม”

“มันคือความฝันที่อยู่กับผมมาตั้งแต่เด็ก”

“แล้ว...” เด็กหนุ่มหันไปสบตากับพ่อของคนรักที่ทำเสียงมีเล่ห์นัย ดวงตาแบบเดียวกันกับลูกชายหรี่มองมาที่เขาอย่างไม่ค่อยน่าไว้ใจนัก “ถ้าระหว่างความฝันกับความรักมันไปด้วยกันไม่ได้ เธอจะเลือกอันไหนดีล่ะหนุ่มน้อย”

“...”

“ฉันแค่ล้อเล่นน่า อย่าทำหน้าตาน่ากลัวอย่างนั้นสิฉันกลัวนะ”

วิคเตอร์ทำเสียงหัวเราะตลกๆ ออกมาแต่บรรยากาศในห้องไม่ได้ดีขึ้นสักนิด หากนักแสดงชื่อดังคิดไว้แล้วว่าคงต้องเป็นอย่างนี้เขาจึงหยุดทำเสียงประหลาดๆ แล้วเหยียดริมปากยิ้มเยาะ กระนั้นอลันด์กลับคิดว่าวิคเตอร์ทำแบบนั้นให้ตัวเองมากกว่า

“บางทีนะ... ทั้งที่เราคิดว่ามันเป็นเรื่องของเราแต่สุดท้ายคนที่ตัดสินใจกลับไม่ใช่เรา ไม่ยุติธรรมเลยใช่ไหมล่ะ”

“ถ้ามันเรื่องของเราก็ต้องเป็นเราที่ต้องตัดสินใจเลือกไม่ใช่เหรอครับ”

“แล้วถ้าเป็นเรื่องของคนสองคนล่ะ”

เจอย้อนแบบนี้อลันด์เองก็ไปไม่เป็น แต่ความคิดอ่านกับประสบการณ์ชีวิตของเด็กอายุสิบแปดยังไงก็ไม่เท่ากับคนอายุห้าสิบอยู่แล้ว ผมสีน้ำตาลเข้มสะบัดเบาๆ ตามแรงเหวี่ยงของศีรษะ

“วาเคยบอกไหมว่าทำไมถึงมาเป็นหมอหัวใจ”

“เพราะรวย” เจ้าตัวยังจำช่วงเวลาที่เขากับทิวากานต์คุยกันเรื่องนี้ที่กลาสตันเบอรี่ได้ดี มีอย่างที่ไหนหมอบอกว่ามาเป็นหมอเพราะรวย ขวานฝ่าซากสุดๆ

“ฮ่าๆ งั้นเหรอ” วิคเตอร์หัวเราะชอบอกชอบใจ ใช้เวลาอยู่นานกว่าจะหยุดได้ “แต่ความจริงน่ะนะ เพราะคนรักของฉัน หม่าม้าของวาน่ะเขาเป็นโรคหัวใจ”

ตาสีฟ้าซีดเงยหน้าจากการะดาษรายงานมองหน้าคนพูดทันที ทิวากานต์ไม่เคยบอกและเขาไม่เคยถาม เขานึกมาตลอดว่าที่เจ้าตัวทำงานหนักทุกวันนี้เพียงเพื่อเงินอย่างที่เคยบอกจริงๆ แต่ไม่คิดว่า...

“รู้ว่าเป็นตอนวามันสิบห้าพอดี ตอนนั้นมันเลยไปขอให้โบช่วยติวให้จนติดหมอตอนสิบหก ทั้งๆ ที่เคยมีความฝันอยากทำอย่างอื่นแท้ๆ เมียฉันพูดเกลี่ยกล่อมยังไงก็ไม่ฟัง บอกแต่ว่าวาจะเลือกทางนี้และวามีความสุขดีที่ได้เลือก วารักหม่าม้ามากที่สุดในโลก เพราะฉะนั้นถ้าทำอะไรเพื่อหม่าม้าได้วาก็จะทำ”

ไม่รู้ว่าความหนักอึ้งในหัวใจมาจากไหน แต่อลันด์รู้สึกได้ว่าความมุ่งมั่นของทิวากานต์ต่ออาชีพที่ทำอยู่แรงกล้ากว่าความฝันที่อยากเป็นนักร้องของเขาเสียอีก

.
.
.

วิคเตอร์มาไหว้ตรุษจีนจริงตามปากว่า วันถัดมาซึ่งเป็นวันจ่ายดาราดังก็ตื่นแต่เช้าไปเยาวราชซื้อของสำหรับไหว้มาเต็มบ้าน เดือดร้อนทิวากานต์กับอลันด์ต้องมาเป็นลูกมือช่วยเตรียมของ แล้วระดับนี้ไม่มีความคิดจะซื้อของสำเร็จหรอก ต้มไก่ต้มเป็ดนี่ต้มเองหมด ยังดีพวกขนมเทียนขนมเข่งนี่ซื้อเอา

ทั้งผัดหมี่ ต้มจับฉ่าย ต้มไก่ ต้มเป็ดพะโล้ ต้มหมูสามชั้น และกับข้าวอื่นๆ อีกหลายอย่างล้วนรังสรรค์ผ่านฝีมือหมอผ่าตัดที่ใช้มีดเก่งเป็นส่วนใหญ่ อลันด์มีหน้าที่ช่วยล้างผักเตรียมของจะคอยแอบลอบมองคนรักในชุดผ้ากันเปื้อนบ่อยๆ นี่ถ้าทิวากานต์หน้าตามีอายุสักหน่อยเขาจะส่งไปแคสต์ติ้งบทคุณหมอฮันนิบาลแข่งกับพี่แมดส์ มิคเคิลเซนที่ช่อง NBC ซะเลย

กว่าจะเตรียมของเสร็จคืนนั้นเกือบเที่ยงคืน พอถึงวันไหว้วิคเตอร์ก็ลุกมาจัดของเตรียมไหว้ตั้งแต่ตีสาม ทิวากานต์ตื่นมาอาบน้ำตอนตีสี่เห็นคนพ่อกำลังไหว้เจ้าที่ประหลกๆ

ตีสี่ครึ่งเป็นคิวเด็กฝรั่งตื่นไปอาบน้ำ ผ่านไปครึ่งชั่วโมงอลันด์ที่ไม่มีเชื้อจีนสักเสี้ยวแต่ถูกวิคเตอร์บังคับจึงแต่งตัวเรียบร้อยมานั่งคุกเข่าถือธูปอยู่หน้าป้ายวิญญาณบรรพบุรุษ(ไม่รู้วิคเตอร์ไปเอามาจากไหน แต่น่าจะขนมาจากฮ่องกง)รวมกับป้ายวิญญาณแม่ของทิวากานต์ทำพิธีตามที่สองพ่อลูกบอก

เด็กฝรั่งแพ้ควันธูปจามฮัดชิ้วไปหลายรอบน้ำหูน้ำตาไหลพรากแต่ว่าที่พ่อสามีไม่มีทีท่าจะเห็นใจสักนิด มีแต่บอกว่าจะเป็นสะใภ้บ้านนี้ให้รอดก็ต้องฝึกกันตั้งแต่ตอนนี้แหละ ฟังจบทิวากานต์แทบกระโดดถีบพ่อตัวเอง

ตาสีฟ้าซีดมองป้ายวิญญาณสลับของไหว้วางบนโต๊ะหน้าทีวีเต็มจนล้นออกมาวางบนพื้นไปปากขมุบขมิบทำความเคารพเทือกเขาเหล่ากอคนรักไป ปักธูปลงกระถางข้าวสารได้ก็รีบเดินเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาแล้วหนีขึ้นห้องนอนไม่ลงมาอีกจนกว่าธูปจะหมดดอก

พอชุดแรกหมดก็ต้องจุดธูปไหว้ลาอีกรอบก่อนยกของเก็บ ส่วนหนึ่งทิวากานต์แยกไว้เป็นมื้อเช้าก่อนไปทำงาน อีกส่วนทำใส่กล่องเป็นมื้อเที่ยง แล้วก็ยัดที่เหลือแบ่งแช่ตู้เย็นไว้กินต่อมื้ออื่นกับแบ่งไปแจกชาวบ้าน ส่วนใหญ่เป็นขนมไหว้กับพวกผลไม้อย่างแอปเปิ้ล สาลี่ เชอร์รี่ ส้ม

ก่อนออกไปทำงานวิคเตอร์แจกซองแดงบางๆ ให้คนละซอง เปิดดูทีหลังถึงเห็นเป็นเช็คเงินสด ทิวากานต์ได้ไปหนึ่งล้านบาทถ้วน อลันด์ได้แค่หมื่นเดียว เล่นเอาเด็กขี้งกโหยหวน ความยุติธรรมอยู่ตรงไหนลูกสะใภ้ต้องได้เท่าสามีสิ!

กว่าจะได้ฤกษ์ออกมาเจ้าของบ้านตัวจริงหน้าบูดเดินกระทืบเท้าออกมาจากห้องสองมือหิ้วถุงใส่ของไหว้พะรุงพะรังจะเอาไปแจกคนที่โรงพยาบาล อลันด์เองมีสภาพไม่ต่างกัน ก็รู้ว่าอยู่กันแค่สามคนแต่วิคเตอร์ซื้อของไหว้มาเหมือนจะเลี้ยงทั้งหมู่บ้าน โชคดีเจอเมษาที่หน้าลิฟต์เลยยัดใส่มือไปสองถุง ปลดภาระไปได้หน่อย

เพื่อนที่มหาวิทยาลัยอลันด์เองออกจะงงไม่น้อยที่เห็นเด็กลูกครึ่งหน้าฝรั่งจ๋าหิ้วของไหว้มาให้กิน พอบอกว่าทิวากานต์ไหว้แล้วแบ่งมาให้เลยเอาไปกินกันแบบไม่สงสัย คนินทร์ถึงกับเหมาแอปเปิ้ลไปห้าลูก พอเที่ยงก็ยังมาช่วยกินผัดหมี่ซั่วกับเป็ดต้มพะโล้ในปิ่นโตเถาน้อยเสียเกลี้ยงพลางชมฝีมือการทำอาหารของคุณหมอตลอดเวลา

“ความจริงที่บ้านฉันก็ไหว้นะแต่กินทุกปีก็เบื่อว่ะ” ปากบ่นแต่ไม่หยุดขยับตักเส้นหมี่ซั่วเข้าปาก พอถูกแซะกลับก็แก้ตัวหน้าตาย “มันต้องเปลี่ยนรสชาติกันบ้าง อย่างเฮียวาเนี่ยทำอาหารอร่อยเว่อร์ ใครจะเบื่อได้ง่ายๆ ว่าม่ะ”

หากนอกจากการมาทำให้ห้อง 2111 ที่สงบวุ่นวายไปพักใหญ่แล้ววิคเตอร์ใช้โอกาสนี้มาเยี่ยมลุงเข้มและยังเจ้ากี้เจ้าการย้ายอีกฝ่ายไปรักษาตัวในส่วนเอกชนของโรงพยาบาลแทน ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายเขาจะเป็นคนจัดการให้ทั้งหมดทุกบาททุกสตางค์รวมไปถึงค่ารักษาก่อนหน้านี้ด้วย ถึงไม่บอกออกมาเป็นคำพูดแต่ทุกคนรู้ว่าวิคเตอร์ทำเพื่อตอบแทนที่ลุงเข้มและป้าอิงที่ช่วยดูแลลูกชายมาให้ตั้งแต่ทิวากานต์ยังอยู่ในท้องแม่ จะว่าไปแล้วดาราฮ่องกงชื่อดังแทบยกอีกฝ่ายมีศักดิ์เป็นพ่ออีกคนของทิวากานต์ด้วยซ้ำ

“มีอะไรให้ช่วยบอกได้เลยไม่ต้องเกรงใจ เฮียเคยช่วยผมกับเมียมาตั้งเท่าไหร่ เรื่องแค่นี้ทำไมผมจะทำให้พี่ไม่ได้”

วิคเตอร์อยู่เยี่ยมลุงเข้มต่ออีกวันจึงยอมกลับไปทำงานต่อ เห็นว่ามีโปรเจคต์ถ่ายหนังเรื่องใหม่ที่อเมริกา หากก่อนกลับเขาขอร้องให้ลูกชายเอาน้องกบขับไปส่งที่สนามบินหน่อย ทิวากานต์เห็นแก่เงินคนซื้อเลยยอมไปแบบไม่อิดออด

“เห็นวามีความสุขฉันก็ดีใจ” ออกจากคอนโดมาได้สักพักวิคเตอร์จึงเริ่มเกริ่นเรื่องที่ต้องการคุยกับลูกชายสองต่อสอง เหมือนทิวากานต์จะรู้ตลอดหลายวันที่มาอยู่ด้วยจึงหาทางเลี่ยงโดยเอาคนรักมาเป็นกันชนตลอด สุดท้ายเมื่อเลี่ยงไม่ได้จึงต้องเปิดอกคุยกันจริงๆ จังๆ เสียที

“ขอบคุณ”

“แต่เรื่องอลันด์ฉันอยากให้วา...”

“ผมไม่มีความคิดจะเปลี่ยนใจอะไรทั้งนั้น” ชายหนุ่มสวนกลับในทันที เขาเข้าใจวิคเตอร์อยู่บ้างว่าอีกฝ่ายมีความเป็นห่วง แต่วิคเตอร์ไม่ได้มีอิทธิพลในชีวิตเขามากพอที่จะทำให้เขาเชื่อฟัง

“ฉันไม่ได้จะพูดอย่างนั้น แต่ถ้าลูกคิดอย่างนั้นก็ดี อลันด์ยังเด็กแต่เขาก็รักเรามาก ถ้าเลือกจะรับเขามาดูแลแล้วก็ต้องทำให้ตลอดรอดฝั่ง ถ้าเจอทางที่ต้องเลือกก็จงเลือกเขาไว้อย่าทิ้งเขาเหมือนกับ...”

“เหมือนที่คุณทำกับหม่าม้าใช่ไหม”

แทนที่จะโกรธเพราะถูกลูกชายจี้ใจดำใส่วิคเตอร์กลับหัวเราะ “ฉันยังไม่ได้พูดแบบนั้นสักคำ”

“ก็คุณ...”

“รู้ไหม...” เขารีบแทรกก่อนลูกชายเพียงคนเดียวจะพูดไปมากกว่านี้ น้ำเสียงเขาแผ่วเบาเหมือนคนไม่มีแรงผิดกับภาพลักษณ์ภายนอก “ถ้าเลือกได้ฉันก็ไม่อยากเป็นดาราดังแบบนี้หรอกนะ”

“แต่คุณก็เลือกทางนั้น”

“ตอนนั้นฉันเคยคิดว่าความฝันจะเดินคู่ไปกับความรักได้ แต่สุดท้ายหม่าม้าของลูกก็ทำให้รู้ว่ามันไม่ใช่ บางเรื่องมันตัดสินใจคนเดียวไม่ได้ ฉันไม่โทษม้าแกหรอกนะแต่ปฏิเสธไม่ได้เหมือนกันว่าที่ครอบครัวเราขาดๆ เกินๆ อย่างทุกวันนี้เป็นเพราะหม่าม้าเรา”

“อย่ามาโทษม้าแบบนี้นะ ทุกอย่างมันเป็นเพราะคุณต่างหากที่เลือกจะทิ้งไปน่ะ ถามจริงเถอะมีใครบังคับให้คุณไปเป็นดาราหรือไง!” ทิวากานต์ทุบพวงมาลัยรถอย่างไม่กลัวว่ารถที่กำลังวิ่งด้วยความเร็วเกือบร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมงจะเลี้ยวลงข้างทาง หากคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาก่อนกลับหลับตาส่ายหน้าไปมาและไม่ช่วยไขข้อข้องใจอะไรไปมากกว่าการบอกให้ลูกชายที่กำลังคลั่งไปหาคำตอบเอาเอง

“พูดไปกี่ครั้งแกคงไม่เข้าใจ ตอนนั้นทั้งฉันและม้าแกยังเด็ก เราตัดสินใจกันแบบเด็กๆ แต่วาที่โตแล้วฉันหวังแค่ว่าจะเลือกทางที่ตัวเองมีความสุข วาไม่ใช่คนดีที่จำเป็นต้องเสียสละไปซะทุกเรื่อง วาเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง เห็นแก่ตัวเรื่องความรักซะบ้างคงไม่มีใครมาด่าหรอก”

“...”

“อีกอย่างนะ ถ้าฉันไม่ได้เป็นดาราก็คงไม่ได้เจอกับหม่าม้าแกแล้วคงไม่มีแกโผล่ออกมารักกับเด็กฝรั่งนั่นหรอก บางทีวันนี้เลือกผิดไป แต่ใช่ว่าในอนาคตจะไม่มีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นเลยนี่นา”

.
.
.

ทิวากานต์ไม่ได้ฟังเรื่องที่อลันด์โม้หลังไปรับกลับจากว่ายน้ำที่คอนโดของการันต์สักเท่าไหร่ อีกคนหยุดพูดไปตอนไหนยังไม่รู้ด้วยซ้ำ จนมือเย็นแตะเข้าที่แขนเขาถึงได้รู้สึกตัวละสายตาจากถนนหันไปมอง

“ผมไม่อยากก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของวานะ แต่ช่วงนี้วาเครียดมากไปหรือเปล่า” เด็กหนุ่มเลือกที่จะพูดสิ่งที่คิดออกไปตรงๆ อย่างทุกครั้ง ใบหน้าขาวนิ่งเฉยไม่แสดงอารมณ์ทว่านัยน์ตาสีอ่อนบอกความกังวลออกมาชัดเจน

“โทษที อึดอัดเหรอ”

“ไม่ๆ ผมแค่เป็นห่วง”

แค่ไม่กี่คำกลับมีอำนาจทำให้ทิวากานต์ยิ้มออกได้ เขาอาศัยช่วงการจราจรตรงหน้าชะงักโน้มคอลงไปแตะปลายจมูกเข้ากับแก้มใส เพราะอลันด์น่ารักแบบนี้ไงเขายอมให้อีกฝ่ายมาอยู่ใกล้ๆ จนกลายเป็นคนรักกันในที่สุด แล้วเขาจะคิดมากเรื่องที่วิคเตอร์พูดอีกทำไม เขามั่นใจว่าเขาเลือกดีแล้วและไม่มีอะไรให้ต้องตัดสินใจอีก

ที่มีความสุขอยู่ทุกวันนี้เพราะมีอลันด์อยู่ด้วยกันนี่แหละ

“มีเรื่องให้คิดนิดหน่อยแต่ตอนนี้ไม่ล่ะ”

“เรื่องลุงเข้มเหรอ” ลองเดาดูแต่ทิวากานต์ส่ายหัว

“เปล่าหรอก เรื่องไร้สาระ”

“จะพยายามเชื่อนะ” เด็กแสบทำหน้าทะเล้นเหมือนรู้ทัน เห็นหน้ากันมาเกือบปีถ้าเป็นเรื่องไร้สาระจริงทิวากานต์คงโวยวายออกมาแล้วไม่ใช่เก็บไปคิดเงียบๆ คนเดียวแบบนี้ แต่ถ้ายิ้มออกมาได้แล้วคงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง “เอ้อ แล้วเมื่อกี้วาจำได้ไหมที่ผมเล่าน่ะ สระว่ายน้ำที่คอนโดพี่รันนะว่ายไปหวาดเสียวไปแถมหนาวอีกต่างหาก แต่วิวพาโนรามานี้ยอมจริงๆ เห็นเวิ้งแม่น้ำคดอย่างกะงู แต่ผมกับพี่แอฟคิดไว้แล้วล่ะว่าคราวหน้าจะลงไปว่ายสระของส่วนกลางลองว่ายขนานไปกับแม่น้ำเจ้าพระยาดูบ้างบรรยากาศคงดีไม่หยอกแถมไม่ต้องเจอลมหนาวๆ อีก”

“อ่าฮะ ชั้นเจ็ดสิบ ไม่หนาวก็บ้าล่ะ แล้วชอบที่นั่นไหม”

“ก็ดีนะ วิวสวยบรรยากาศดี เงียบๆ เป็นส่วนตัวดี”

“อืม...งั้นเหรอ”

“วาอยากซื้อห้องใหม่เหรอ” อลันด์โพล่งขึ้นมา มือขาวเอื้อมไปเปิดเพลงหลังรู้สึกว่าในรถชักจะเงียบไปหน่อย

“จะเอาเงินที่ไหนไปซื้อ คอนโดนั่นห้องนึงไม่ใช่ถูกๆ”

“อะไรกันทีพี่รันยังมีเพนท์เฮ้าส์ที่ชั้นบนสุดได้เลย”

“ห้องนั่นซื้อมาแบบลดราคายังตั้งสองร้อยล้าน เงินพี่แกคนเดียวไม่มีเงินพ่อแม่มาเอี่ยวสักบาท เห็นเป็นหมอโรงบาลรัฐก็เหอะแต่บ้านพี่แกรวยจะตาย แค่นอนกินเงินปันผลจากหุ้นโรงพยาบาลที่ถืออยู่ก็รวยไม่รู้เรื่องแล้ว”

“โอ้ว - มาย - ก็อด เพิ่งรู้นะเนี่ย มิน่าเพื่อนวาถึงเรียกป๋ากันเป็นแถว งั้นวันหลังผมเรียกบ้างดีกว่าเผื่อจะได้เงินกินขนมอีก รวยแล้วไม่ขี้งกเหมือนพ่อใครบางคน นี่สิคนจริง  ป๋า...ป๋าขา ป๋าสั่งอะไรหรือยัง แหมรู้ใจจังสั่งที่หนูชอบ

คุณหมอถึงกับร้องเหอะใส่คนหน้าเป็นที่เริ่มร้องเพลงลูกทุ่งชื่อดังเมื่อเกือบยี่สิบปีก่อน หนำซ้ำยังมีหน้ามาแขวะพ่อเขาอีกนะ สงสัยยังเจ็บใจเรื่องเงินแต๊ะเอียไม่หาย เขาว่าคนรวยขี้งกน่ะน่าจะเป็นตัวอลันด์เองเสียมากกว่า ที่บ้านมีทรัพย์สินเยอะกว่าวิคเตอร์กว่าการันต์ตั้งเท่าไหร่ยังอยากได้เงินค่าขนมฟรีอีกนะ!

“อ๊ะ! วาฟัง Damien Rice ด้วยเหรอ” ก่อนจะได้แซวกลับเจ้าเด็กขี้งกก็โพล่งขึ้นมาเสียก่อน คิ้วหนายกขึ้นเงี่ยหูฟังเสียงเพลงจากในลำโพง

“เพลงไหนชอบถูกใจก็ฟังหมด”

I don’t want to change you, I don't want to change your mind” เด็กหนุ่มร้องคลอตามเสียงจากลำโพง “ช่างเป็นผู้ชายที่ไม่มีความมั่นใจในความรักเอาซะเลย”

“บางทีความรักของเขาอาจจะแค่ต้องการเห็นคนที่ตัวเองรักมีความสุขกับสิ่งที่เป็นมากกว่าได้อยู่ด้วยกันนะ เขาตกหลุมรักเพราะสิ่งที่คนนั้นเป็นไม่ใช่หรือไง”

“งั้นสมมติว่าอีกคนอยากอยู่ด้วยกันโดยยอมเปลี่ยนแปลงตัวเองล่ะ” เด็กหนุ่มถามกลับ สำหรับอลันด์ตั้งแต่ได้คุยกับวิคเตอร์วันนั้นเขาก็เริ่มคิดได้ว่าความรักเป็นเรื่องของคนสองคนที่ต้องตัดสินใจร่วมกันมากกว่าใครคนใดคนเดียว การคบกับใครโดยที่ยังเป็นตัวของตัวเองได้คือสิ่งดี แต่ไม่มีใครไม่เปลี่ยนแปลงหรอกขนาดลมยังมีเปลี่ยนทิศเลย มันอยู่ที่ว่าจะปรับตัวยังไงให้ความรักไปได้ตลอดรอดฝั่งมากกว่า

“ถ้าอยู่ด้วยกันแล้วไม่ได้เป็นตัวของตัวเอง แบบนั้นยังมีความสุขอยู่อีกเหรอ”

“แบบไหนล่ะวา”

“แบบที่ต้องเลือกระหว่างความฝันกับความรักน่ะ”

ไม่มีคำตอบออกมาจากปากของอลันด์นอกจากเสียงร้องอันชวนหดหู่ของนักร้องชาวไอริชที่ขับกล่อมคนทั้งคู่ไปตลอดทาง ต่างคนต่างจมอยู่กับความคิดของตัวเองโดยไม่รู้ว่าพวกเขาทั้งคู่กำลังคิดในสิ่งเดียวกัน

ถ้าหากวันหนึ่งความรักเดินทางมาถึงจุดที่ต้องเลือก แน่นอน...ไม่ว่าอย่างไรทุกคนย่อมอยากให้คนที่ตนเองรักมีความสุขกับสิ่งที่มาดหมาย แต่ความสุขของตนเองเล่าจะทำเป็นหลงลืมไปได้อย่างไร

I've never been with anyone
In the way I've been with you
But if love is not for fun


ท่ามกลางดนตรีเพลงใหม่ที่เปลี่ยนผ่านใครสักคนในรถพึมพำขึ้นมาเบาเสียจนแทบไม่ได้ยิน หากกลับแทรกลึกลงไปถึงกลางใจ...

“KEEP YOUR PROMISE”

.
.
.
หัวข้อ: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 28 [12.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 12-02-2016 17:22:42
เพลงอกหักรักคุดโดนเขาทิ้งถูกเด็กฝรั่งหน้างอเล่นตั้งแต่ย่างเท้าเข้ามายังสตูดิโอใต้ดินแห่งนี้ ทั้ง All I Want ของ Kodaline เพลง Dancing On My Own เวอร์ชั่นของ Kings of Leon หรือเพลงจากนักร้องคนโปรดอย่าง Someone Told Me ทำเอานภที่วันนี้ว่างมาซ้อมด้วยมองตาปริบๆ

นักร้องหนุ่มก้มหน้าก้มตาเช็ดกีตาร์ของตัวเองไปเงียบๆ เอาเป็นว่าเรื่องนี้นภจะไม่ยุ่ง ไม่ใช่เขาไม่คิดจะถามไถ่ห่วงใยตามประสาคนรู้จัก หากตั้งแต่ทิวากานต์รู้ว่าเขามีกระแสจิ้นกับอลันด์ในอินสตาแกรมเขาก็ถูกเขม่นหนักกว่าเดิม เกิดถามไปแล้วน้องแสบร้องไห้ขึ้นมาแล้วทิวากานต์คิดว่าถูกเขาแกล้งความซวยตกลงมาที่เขาอย่างไม่ต้องสงสัย งานนี้ไอ้นภคงตายหยังเขียด แฟนคลับทั้งประเทศก็ช่วยไม่ได้

“พี่นภ”

“ห๊ะ หา?” นั่นไง ไม่ทันไรลางมรณะเริ่มมาเยือน เขาหมุนคอขวับกระดูกแทบหลุดหันไปมองเด็กลูกครึ่งที่ถูกชะตาตั้งแต่แรกเจอ แต่ตอนนี้ชักไม่อยากถูกชะตาด้วยแล้วสิ

“ผม...รู้สึกเหมือนใกล้จะบ้า”

“ทำไมเหรอ มี... เอ่อะ มีอะไรหรือเปล่า ถ้าเป็นเรื่องเรียนละก็พี่บอกเลยว่าขยันอ่านหนังสือเข้าไว้เดี๋ยวมันก็ผ่านไป”

“ไม่ เรื่องวา”

“เอ่อะ...” ทำไมเดาอะไรไม่เคยถูกเหมือนเรื่องนี้เลยแหะ นภแทบเอาหัวโขกผนัง เค้าลางความวุ่นวายก่อตัวอยู่เหนือหัว “พี่วาทำไมเหรอ”

“ฮึก... วา... เหมือนวากำลังหาเรื่องเลิกกับผมเลย” พูดจบเจ้าเด็กแสบก็เป่าปี่ปล่อยโฮออกมาเสียงดังลั่นห้องซ้อมทำเอาเจ้าของสถานที่ลนลานรีบกระโดดไปปลอบเก้ๆ กังๆ

อีเหี้ยเอ๊ย...ร้องไห้แบบนี้ถ้าหมอวารู้เข้า เขานี่แหละจะตายก่อนใครเพื่อน

ถึงในใจพ่อนักร้องจะคิดแบบนั้นแต่มือหนาก็ลูบหลังลูบไหล่ นึกคำแก้ตัวแทนคุณหมอหน้าดุจ้าละหวั่น “ไม่หรอกน่าตัวแสบ พี่วาทั้งรักทั้งหวงเราจะตาย เขาจะทิ้งเราไปทำไมกัน คิดมากไปแล้ว”

“จะไม่ให้คิดมากได้ไงอ่ะพี่นภ หลังปีใหม่วาเล่นทำงานทุกวัน ยิ่งช่วงนี้ยิ่งกลับดึกทุกคืนไม่รวมเวรที่โรงพยาบาลถี่ๆ อีกนะ แล้วตั้งแต่แด๊ดดี้วามาเมื่อสัปดาห์ที่แล้วยังมาพูดเป็นนัยๆ ว่าวาจะทิ้งผมอีก วันก่อนก็เพิ่งพูดเรื่องเลือกๆ เหมือนจะหาทางทิ้งผมงั้นแหละ เนี่ย...แล้วดูอย่างวันนี้สิให้ผมขับรถกลับเอง แต่ผมโทรไปถามพี่รันเขาบอกว่าวันนี้วาไม่มีทั้งเวรคลีนิกพิเศษหรือเวรกลางคืนที่โรงพยาบาล ที่โรงพยาบาลลุงผมก็ไม่มีเคสให้ไปช่วย เขาว่างแต่เขาไม่มารับผม เขาให้ผมกลับเอง!”

พอได้พูดแล้วหยุดไม่อยู่ หลายเรื่องที่อัดอั้นในใจไหลบ่าราวน้ำป่าทะลัก ดีอย่างเดียวคือหยุดร้องไห้เสียที

“คิดมากน่าแสบ พี่เขาอาจจะมีธุระอย่างอื่นก็ได้”

“มันสำคัญมากกว่ามารับแฟนกลับบ้านเหรอ”

“พี่ว่าเรากำลังพาลนะ”

“พี่นภ!”

“ตัวแสบ อย่าเพิ่งโวยวายแล้วฟังพี่นะ” เขากดบ่าคนเด็กกว่าไว้ป้องกันอีกฝ่ายลุกขึ้นมาซัดหน้า

เห็นตัวเล็กแบบนี้ไอ้เพื่อนเลวอย่างซาโตชิกับเก่งเคยเจออิทธิฤทธิ์หลานท่านทูตหน้าตาปวดบูดมาแล้วนะ ประมาทได้สักที่ไหนกัน

พออลันด์ยอมนิ่งลงตามที่บอกนภจึงนั่งลงบนพื้นตรงหน้าเด็กหนุ่มรุ่นน้อง เกิดมาไม่เคยเป็นศิราณีให้ใคร เคสแรกก็ได้เป็นความรักของเพศเดียวกันซะแล้ว แต่เขาคิดว่าเพศไม่ใช่ประเด็นเท่ากับความรักที่ชักจะเริ่มจูนกันไม่ติดของคู่รักต่างวัยคู่นี้มากกว่า ประสบการณ์ พื้นฐานการใช้ชีวิต อาชีพ อายุ ปัจจัยพวกนี้คือตัวแปรสำคัญที่ทำให้หลายคู่ไปไม่รอด เขาถึงว่าความรักต้องมีการปรับการหาตัวเข้าหากัน

“ที่พี่บอกว่าเรากำลังพาลเพราะพี่เห็นว่าแต่ก่อนพี่วาไม่มารับเรายังขับรถกลับห้องคนเดียวได้นี่นา ใช่ไหม”

“ชะ ใช่”

“เห็นไหมล่ะ พี่ไม่ได้เข้าข้างพี่วาเพราะพี่เป็นทาสเขาหรืออะไรแต่พี่กำลังพูดตามที่พี่เห็นและคิดนะ พี่ว่าพี่วาไม่ได้กำลังตีตัวออกห่างเราสักนิด ถึงเขาไม่มีงานของโรงพยาบาลก็ใช่ว่าเขาจะมีธุระส่วนตัวอย่างอื่นบ้างไม่ได้นี่ แล้วทำไมตัวแสบไม่ลองถามพี่วาตรงๆ เก็บมาน้อยใจแบบนี้ไม่ใช่นิสัยเรานะ”

“ผมเห็นวาทำงานเยอะ ไหนจะดูแลผมอีก ไม่อยากไปเซ้าซี้ แต่...วันนั้นวาก็พูดเหมือนจะเลิกกัน”

“แน่ใจเหรอ”

“ก็...วาพูดเหมือนว่าถ้าเลือกระหว่างความรักกับความฝันจะยอมทิ้งความรักไปตามฝันเลยอ่ะ”

“แต่ไม่ได้พูดว่าจะทำแบบนั้นนิ”

“ชะ ใช่”

นภฉีกยิ้มหวานก่อนดึงมืออีกคนมาจับ เขารู้สึกว่าอลันด์เวอร์ชั่นไร้ความมั่นใจในตัวเองอย่างเคยดูน่ารักกว่าเวลาปกติเป็นกอง ทิวากานต์คงได้เห็นด้านนี้หลายครั้งแล้วแน่ๆ ถึงตกหลุมรักจนหวงออกนอกหน้าขนาดนั้น

“พี่วาเขาอายุมากกว่าพวกเราตั้งเยอะเขาก็คงมีมุมมองมีความคิดในแบบเขานั่นแหละ เหมือนเวลาเราทำเพลงไง บางทีเราทะเลาะกับทีมงานกับโปรดิวเซอร์เพราะเห็นไม่ตรงกันบ่อยๆ แต่เพราะเขามีประสบการณ์มากกว่าเขาถึงเห็นอะไรมากกว่าแล้วเอามาช่วยปรับแก้ให้ ตัวแสบลองคิดดูดีๆ นะว่าตั้งแต่คบกับพี่วามา พี่วาเคยทำให้เสียใจมากๆ ไหม”

“ไม่”

“นั่นไง เพราะงั้นคราวนี้ก็มั่นใจในตัวพี่วาอีกครั้งนะ แล้วถ้ามีอะไรพี่ว่าเราพูดกับพี่วาตรงๆ ไปเลย รับรองเขาต้องมีเหตุผลมาอธิบายแน่ๆ”

“อืม”

“ดีมาก วันนี้ไม่ต้องซ้อมแล้ว ขึ้นไปกินข้าวกันดีกว่า ถ้ายังกินข้าวแค่แมวดมอีกพี่จะฟ้องพี่วาให้จัดการ”

“เฮ้ย ห้ามฟ้องนะพี่นภ” เจ้าเด็กแสบแทบจะถลาลงไปบีบคอคนขู่ จะฟ้องเรื่องอะไรฟ้องไปเถอะเขามั่นใจว่าเอาตัวรอดได้แต่เรื่องกินข้าวนี่ขอที คุณหมอรู้ได้ถูกบ่นไปทั้งวัน บ่นเพราะความเป็นห่วงล้วนๆ ...แล้วแบบนี้เขายังคิดว่าทิวากานต์จะทิ้งตัวเองไปได้อย่างไร

อลันด์กับนภขึ้นจากห้องใต้ดินมากินมื้อเย็นฝีมือคุณแม่พี่นภ วันนี้ก็ทำอาหารแกงใส่กะทิอร่อยๆ อีกแล้ว เด็กฝรั่งอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อยกินข้าวไปพูนจานเป็นที่ชอบอกชอบใจคนทำ แถมก่อนกลับคุณแม่ยังเอาแกงไก่กับสังขยาฟักทองแพคใส่กล่องให้เอากลับไปอุ่นกินเป็นมื้อเช้าพรุ่งนี้ที่ห้องด้วย

พอตอนจะกลับนภออกปากอาสาจะขับรถไปส่ง นักร้องหนุ่มพูดตรงๆ ว่าไม่ไว้ใจจะปล่อยคนที่เพิ่งนอยด์ขับรถกลับคนเดียว กลัวอีกฝ่ายเกิดอาการคิดมากจนเตลิดขับรถเข้าข้างทางแล้วถูกทิวากานต์มากินหัวทีหลังเอาได้

น้องมิ้ลค์แล่นมาถึงหน้าทางเข้าคอนโดตอนสามทุ่มครึ่ง ทีแรกอลันด์ชวนนภขึ้นไปบนห้องด้วยตามมารยาท แต่อีกฝ่ายบอกปัดไปแล้วขอลงตรงหน้าทางเข้าเพื่อโบกแท็กซี่กลับบ้านย่านทองหล่อ

“เฮ้ ผมลืมเอานี่ให้ ต้องมาให้ได้นะ” นี่ ของอลันด์เป็นการ์ดดีไซน์รูปกีตาร์ เด็กฝรั่งหยิบมาให้ตอนย้ายที่นั่งไปฝั่งคนขับแล้ว นภเอื้อมมือรับจากกระจกด้านข้างคนขับ เขาพลิกดูแล้วร้องอ๋อและให้คำตอบในทันทีว่าจะไปร่วมงานฉลองวันเกิดครบรอบสิบเก้าปีของไอ้ตัวแสบแน่นอน

“พี่มีงานคงไปดึกหน่อย ยังไงอย่าเพิ่งหนีกลับก่อนล่ะ” นักร้องหนุ่มขยิบตาให้แม้ในใจจะหวั่นกับการเผชิญหน้าครอบครัวของอีกฝ่ายไม่น้อย แหงล่ะ...คุณลุงเจ้าของโรงพยาบาลต้องเกลียดขี้หน้าเขาอยู่แน่นอน เขายังจำสายตาไม่พอใจตอนไปเยี่ยมอลันด์ที่โรงพยาบาลคราวนั้นได้อยู่เลย

“ถ้าไม่เมาไปซะก่อนนะ งานนี้วาให้ดื่มได้ไม่อั้นล่ะ”

“See ya!”

“See ya~ จุ๊บ” ท่าทางอารมณ์ดีขึ้นมาแล้วเด็กฝรั่งตัวแสบถึงได้ทำหน้าทะเล้นส่งจูบไปให้ก่อนขับรถเข้าไปในคอนโด

ห้อง 2111 มืดสนิทและไร้สัญญาณของสิ่งมีชีวิตตอนที่อลันด์เปิดประตูเข้าไป เจ้าตัวถอนหายใจเร็วๆ ก่อนเดินขึ้นห้องนอนไปจัดการตัวเองแล้วลงมานั่งอ่านหนังสือที่ชุดโซฟาด้านล่าง ตอนอาบน้ำทิวากานต์ส่งข้อความมาบอกแล้วว่าให้นอนไปก่อนเลยไม่ต้องรอ แต่เขายังแอบหวังเล็กๆ ว่าระหว่างทบทวนบทเรียนอยู่ตอนนี้คนรักจะกลับมาเพื่อเข้านอนไปพร้อมกัน



ตาสีซีดเปิดขึ้นพร้อมอาการมึนหัวจากแรงสั่นสะเทือนเบาๆ ไออุ่นและกลิ่นน้ำหอม Creed  Aventus อันแสนคุ้นเคยในอ้อมแขนเรียกให้อลันด์ซุกศีรษะเข้ากับซอกคอคนตรงหน้า “วา... you’re home”

“I’m home”

“miss you so bad”

ผู้ชายตัวโตหัวเราะจนตัวอลันด์เขย่าไปด้วย ทิวากานต์ก้าวเท้ามั่นคงเดินขึ้นบันไดมีเด็กฝรั่งห้อยอยู่บนหลัง ไฟชั้นล่างปิดมืดหมดแล้วเหลือเพียงไฟส่องทางตรงผนัง

“ไปทำอะไรผิดมาถึงได้อ้อน”

“No แค่คิดถึง จริงๆ นะ”

“เจอหน้ากันทุกวันยังคิดถึงอีกเหรอ นึกว่าเบื่อหน้ากันซะแล้วอีก”

“ไม่เบื่อหรอก เบื่อได้ไง...รักวาจะตาย”

“รักแล้วทำไมบอกอะไรไม่ฟังเลย บอกว่าไม่ต้องรอก็ยังรอ แทนที่จะรอบนเตียงดีๆ” เขาเปิดประตูห้องนอน เดินผ่านตู้เสื้อผ้าเลี้ยวเข้าไปข้างในแล้วหันหลังโยนลูกแมวลงเตียง เจ้าเหมียวตาฟ้าร้องตะแง้วๆ ดีดขาขัดใจแต่ยิ้มโชว์ฟันกระต่าย

“ไม่ได้รอ นั่งอ่านหนังสือแล้วเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ต่างหาก”

“จ้าๆ” คุณหมอให้จูบบนปลายจมูกโด่งแทนรางวัลหนึ่งที แล้วดึงผ้าห่มมาคลุมตัวเด็กตัวแสบ “นอนซะไอ้ดื้อ Goodnight ครับ”

“Nite Nite” ทิวากานต์เป็นเหมือน safe zone ของเขาที่พออยู่ใกล้แล้วลืมความกังวลทุกอย่างหมดสิ้น เด็กหนุ่มหลับตาเตรียมเข้าสู่นิทรา แต่เดี๋ยวนะ... “เดี๋ยวก่อนวา!”

“หือ? มีอะไร” หนุ่มสามสิบเลิกคิ้วพลางปลดกระดุมเสื้อเตรียมไปอาบน้ำ

“ทำไมช่วงนี้กลับบ้านดึก แอบมีอีหนูเหรอ”

“จะ - บ้า - เหรอ”  ได้ยินแล้วถึงกับกุมขมับก่อนหลุดหัวเราะก๊ากชุดใหญ่ “จะเอาเวลาที่ไหนไปมีกิ๊กห๊ะ! แค่มีไอ้ตัวเนี๊ยะตัวเดียวก็ไปไหนไม่รอดแล้ว”

“ไม่ต้องปากหวานเลย แต่ไม่ได้แอบไปมีกิ๊กจริงๆ แน่นะ”

“จริงครับที่รัก” เขาโถมตัวลงบนเตียงลงไปกอดรัดเด็กขี้ระแวงจับฟัดแก้มไปให้ชื่นใจหลายๆ ฟอด “พอดีมีธุระหลายเรื่องต้องไปทำน่ะ ทั้งเรื่องลุงเข้ม เรื่องงานวิจัยรุ่นน้อง ก็...แค่สัปดาห์นี้แหละหลังจากนี้ไม่มีแล้ว”

“อืม... ไม่มีกลิ่นบุหรี่ ไม่มีกลิ่นน้ำหอมผู้หญิง จะเชื่อก็ได้”

“อัล” ทิวากานต์แกล้งกดเสียงต่ำบอกให้รู้ว่าเรื่องที่จะพูดนี่เอาจริง “ไม่เชื่อใจพี่เหรอ”

“ปะ เปล่า แต่...อดคิดไม่ได้นี่ วาเสน่ห์แรงจะตายไป ถ้าเกิดมีผู้หญิงมาจีบอีกแบบตอนนั้นแล้วเขาตื๊อมากๆ เข้าล่ะ ผมกลัวบ้างไม่ได้เลยหรือไง”

“งั้นพี่บอกตรงนี้ว่าอัลไม่ต้องกลัว keep calm because I love only you”

เด็กหนุ่มพยักหน้ารับเบาๆ หลับตาพริ้มตอนทิวากานต์จูบหน้าผาก ความหนักอกหนักใจมลายหายไปเมื่อได้เปิดอกพูดกับคนรักตรงๆ อย่างเช่นทุกที ดวงตาคมดุคู่นั้นยังมีเพียงแต่ภาพเขาและไม่เคยหลบสายตา ความจริงใจของทิวากานต์นั้นไร้ข้อกังขาโดยสิ้นเชิง



TBC

สวัสดีตรุษจีนย้อนหลังค่ะ
วันก่อนไปเจอกระทู้นึงมาในพันทิป อดคิดไม่ได้ว่านังน้องอัลแอบไปตั้งมาหรือเปล่า
อ้างถึง
18+ใส่ชุดนอน ไม่ได้นอน เซอร์ไพส์แฟน http://pantip.com/topic/33588436
55555

ตอนหน้าพบกับพาร์ธี่วันเกิดน้องอัลและหนุ่มฮอตปรอทแตก
คราวนี้จะสวมบทบาทอะไร รอติดตามตอนต่อไปเลยจ้า ^^

จุ๊บๆ

 :mew1:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 28 [12.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 12-02-2016 19:25:07
นั้นสินะ ความฝันกับความรักจะเลือกอะไร โดนอย่างแรง เฮ้อออ นี้แอบคิดเหมือนกันนะ ว่าแต่เรากะแฟนต้องเลือกจริงๆจะเลือกอะไร  :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 28 [12.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: misskimji ที่ 12-02-2016 20:21:02
พี่วาน้องอัลสู้ๆ รักกันๆ
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 28 [12.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-02-2016 20:28:24
อึมครึมเชียว
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 28 [12.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 12-02-2016 20:57:26
เหมือนจะมีลางดราม่าอะไรรึเปล่าาาา :ling3:
มันดูอึดอัดใจชอบกล ไม่สบายใจเลยยยย  :katai1:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 28 [12.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 12-02-2016 21:12:37
น้อววาโหมดนอยแดกทำเราใจหายอะ หมอวาคนดีช่วยที..

ตอนหน้าขอแบบหวีทหวานสะท้านทรวงทีน๊าาาาาา อิอิ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 28 [12.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: Mokuchi ที่ 12-02-2016 21:17:06
รู้สึกตอนนี้มันอึมครึมอึดอัดชอบกล จะมีเรื่องดราม่าอีกหรือเปล่าคะเนี้ย
เรายังไม่พร้อม เราชอบหวานๆ :ling3:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 28 [12.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 12-02-2016 21:19:22
 o13
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 28 [12.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: yisren. ที่ 12-02-2016 21:22:27
เข้าใจพ่อวิคแฮะ แต่ก็เข้าใจว่าหมอวารักแม่มาก เลยเลือกไม่ฟัง ไม่รู้ดีกว่า
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 28 [12.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: san ที่ 12-02-2016 22:04:39
 :L2: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : ที่แห่งนี้ [14.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 14-02-2016 20:17:11
อ้างถึง
อย่าลืมกดฟังเพลง 'ที่แห่งนี้' (http://bit.ly/20wI6S1) ระหว่างอ่านด้วยนะคะ



SPECIAL TRACK : ที่แห่งนี้ (http://bit.ly/20wI6S1)



“วาเลนไทน์?”

“อื้อ”

ถ้าทิวากานต์ตาไม่ฝาดไปละก็เขาว่าเขาเห็นพวงหางฟูๆ กวัดแกว่งอยู่หลังอลันด์พร้อมกับหูแหลมๆ กระดิกดุกดิ๊กบนกลุ่มผมสีน้ำตาลเข้ม อย่างกะถูกแมวตัวโตมาอ้อนยังไงยังงั้น

“สิบสี่กุมภาใช่ไหม” เขาเริ่มทบทวนความทรงจำ “วันเสาร์นี้แล้วนี่”

“ใช่ ไปเดทกันนะ”

“หึ” คุณหมอหนุ่มส่ายศีรษะช้าๆ ตีหน้าเศร้า “เสียใจด้วย พี่มีเคสที่โรงบาลลุงเราตอนทุ่มนึงพอดี กว่าจะเสร็จคงเกือบเที่ยงคืนนู่นแน่ะ”

“อะไรกัน! ไม่ได้นะ วันแห่งความรักต้องใช้เวลากับแฟนซี่” เจ้าเด็กตัวเท่าไหล่กระทืบเท้ารัวๆ จนพื้นสั่น

“พี่ขอโทษ แต่วันนั้นไม่ได้จริงๆ มีงานทั้งวันเลย ไว้ไปเดทกันวันหลังนะ จะชดใช้ให้ทบต้นทบดอกเลย”

ถึงบอกไปอย่างนั้นแต่ใช่ว่าอลันด์ยอมฟังเสียที่ไหน ไอ้ตัวแสบวิ่งหนีขึ้นไปบนห้องนอนคว้าโทรศัพท์ต่อสายถึงคุณลุงสุดที่รักถามถึงตารางงานคุณหมอรูปหล่อด้วยตนเอง ก่อนเดินลงบันไดกลับมาพร้อมใบหน้าเงื่องหงอยเพราะเช็คแล้วพบว่าทิวากานต์มีงานที่โรงพยาบาลทั้งวันจริงๆ แถมเคสตอนเย็นนั้นยังเป็นเคสสำคัญมาก คนรักของเขาจะได้ถือมีดเป็นมือหนึ่งครั้งแรกในการผ่าตัดของโรงพยาบาลเอกชน

“เอาน่า เดี๋ยววันอาทิตย์พี่พาไปกินข้าวที่หัวหินเลย ช้าไปวันเดียวไม่เป็นไรหรอกเนอะ”

“อือ...” อลันด์ครางรับคำเสืยงอ่อน ตั้งใจว่าวันนั้นจะไปเล่นดนตรีที่โรงพยาบาลให้เห็นหน้าคนรักเพิ่มอีกสักสิบยี่สิบนาทีก็ยังดี

เป็นวาเลนไทน์ที่เหงาชะมัด...ให้ตายเถอะ

.
.
.

“วันวาเลนไทน์พี่แอฟไปเดทกับพี่รันที่ไหนเหรอ”

“ไม่ได้ไปไหนหรอก พี่รันติดงานที่โรงพยาบาล” อักษรายิ้มหวานส่งไปให้เด็กลูกครึ่งฝรั่งตรงหน้า วันนี้เธอมีนัดตรวจที่โรงพยาบาลพอดี เสร็จแล้วเลยนั่งเรือข้ามฟากมากินข้าวเที่ยงกับอลันด์เม้าท์กันตามประสาสาวๆ(?)

“อะไรกัน หมอพวกนี้ใช้ไม่ได้เลย วันสำคัญทั้งทีต้องใช้กับแฟนสิ” เด็กตัวแสบทำท่าโมโหแทนพี่สาวคนสนิท ไม่นึกว่าทั้งศิษย์พี่ศิษย์น้องจะบ้างานถอดแบบกันมาแบบนี้

“จะพูดอย่างนั้นก็ไม่ถูกน้าน้องอัล มันเป็นงานนี่นา อย่างพวกเรายังมีเวลารอได้แต่ผู้ป่วยน่ะรอได้ที่ไหนกัน”

“ก็จริง แต่...”

“วันสำคัญไม่ได้มีแค่วันเดียวสักหน่อย เอาเข้าจริงแล้ววันวาเลนไทน์มันก็แค่วันหนึ่งที่คนอุปโลกน์ขึ้นมาเอง ที่สำคัญคือทุกวันที่ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันต่างหาก ทำไมเราไม่ทำให้มันเป็นวันสำคัญล่ะ” หญิงสาวยิ้มอีกหนส่งให้ใบหน้าเรียบๆ ดูน่ามองมากกว่าเดิมหลายเท่าจนอลันด์ชักเข้าใจว่าทำไมการันต์ถึงตกหลุมรักเธอ อักษราเป็นหญิงสาวที่มองโลกในแง่ดีแต่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความจริง ปฏิเสธไม่ได้เลยว่านี่เป็นเสน่ห์ของเธอ

“งั้นวันวาเลยไทน์เราสองคนหนีไปเดทกันเองไหม ผมน่ะอยากไปกินน้ำแข็งไสที่สยามอีกแล้วล่ะ แต่ว่าไม่มีใครว่างไปด้วยสักที”

“น่าสนใจจัง แต่ไว้วันหลังน้าน้องอัล วันนั้นพี่มีภารกิจแล้วล่ะ”

“ภารกิจอะไรเหรอครับ”

“ส่งเสบียงให้พี่รันน่ะ แหะๆ”

แล้วอักษราก็เล่าความเป็นมาให้เด็กฟังว่าตัวเองได้เข้าไปสวัสดีคุณพ่อคุณแม่ของการันต์ที่บ้านแล้ว คุณแม่ของศัลยแพทย์วัยใกล้หลักสี่ก็สั่งสอนเรื่องการเป็นคนรักที่ดีของหมอให้ฟัง เพราะศัลยแพทย์มักทำงานไม่เป็นเวลา ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะมีคนไข้ให้ไปรักษา โดนเรียกตัวตอนดึกดื่นค่อนคืนก็มีบ่อยไป ฉะนั้นสิ่งเดียวที่คนอยู่ด้านหลังจะทำได้คือเข้าใจและเป็นกำลังใจให้คนรักทุกครั้งที่เขาต้องการ แค่นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับแพทย์ทุกคน

อลันด์ฟังแล้วอดรู้สึกแย่กับตัวเองไม่ได้ เขาไม่เคยดูแลทิวากานต์เลย หนำซ้ำยังเป็นคนที่ถูกอีกฝ่ายดูแลบ่อยๆ ด้วย ทั้งที่รู้ดีว่าอีกฝ่ายทำงานมาเหนื่อยแต่เขายังเอาแต่ใจเสมอ ถ้าวันหนึ่งทิวากานต์จะนึกเบื่อขึ้นมาคงไม่แปลกใจ

“ดูทำหน้าเข้า เดี๋ยวพี่วามาเห็นเข้าใจผิดว่าถูกพี่แกล้งกันพอดี”

“ผมแค่คิดว่าตัวเองทำไมเป็นคนรักที่แย่จัง ไม่เคยช่วยแบ่งเบาภาระอะไรวาเลย”

“โธ่ หมอใช่ว่าจะเหมือนกันทุกคนเสียเมื่อไหร่ บางทีพี่วาเขาอาจจะชอบดูแลก็ได้ แค่น้องอัลอยู่ดีมีสุขคอยยิ้มหวานให้กำลังใจพี่วา พี่ว่าพี่วาก็คงพอใจแล้วล่ะ”

“หระ เหรอครับ”

“อื้อ เชื่อพี่เถอะ หรือถ้าอยากจะทำอะไรพิเศษวันวาเลนไทน์ล่ะก็มาช่วยพี่ทำเสบียงก็ได้นะ”

เด็กฝรั่งหูตั้งขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินคำชวน หากก็หูตกเมื่อนึกได้ว่าตนเองมีหน้าที่ที่ต้องไปรับผิดชอบเช่นกัน “คงไม่ได้หรอกครับ วันนั้นผมมีเล่นดนตรีที่โรงพยาบาลตั้งแต่เช้า”

“แย่จัง แต่ไม่เป็นไร ร้องเพลงเพราะๆ ก็พอ พี่ว่าถ้าพี่วาได้ยินคงมีกำลังใจพร้อมลุยงานทั้งวันแน่ๆ”

“อื้อ แต่ผมคิดไว้แล้วล่ะ ถ้าไม่มีเวลาทำเดี๋ยวสั่งข้าวกล่องมาให้วาดีกว่า วาน่ะชอบบ่นแต่ผมเรื่องไม่ยอมกินข้าวแต่ตัวเองก็ทำงานแล้วลืมกินข้าวทุกที เห็นว่าชอบกินเป็ดเอ็มเค เดี๋ยวผมจะสั่งมาให้หนึ่งตัวเลย”

“สู้ๆ นะ ถ้ามีอะไรให้พี่ช่วยก็บอกมาได้เลยไม่ต้องเกรงใจ”

“ครับ ขอบคุณพี่แอฟมากนะครับ พี่แอฟน่ารักแบบนี้รับรองพี่รันหนีไปไหนไม่รอดหรอก”

“พี่ก็ว่าพี่วาหนีน้องแสบไปไหนไม่รอดเหมือนกัน ก็เราเล่นน่ารักน่าเอ็นดูแบบนี้ ใครไม่รักก็โง่เต็มทีล่ะจ้ะ”

ผลัดกันอวยก่อนต่างคนต่างหัวเราะแล้วแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเอง อลันด์เดินกลับมาเรียนพร้อมกับแผนการต่างๆ ในหัว มีบางอย่างที่อาจต้องให้เพื่อนรักชาวไทยอย่างคนินทร์ช่วยสักหน่อย แต่เชื่อว่าถ้าทิวากานต์ได้รับจะต้องรักเขามากขึ้นแน่ๆ

.
.
.

ทิวากานต์เลิกคิ้วสงสัยเล็กน้อยเมื่อไม่เห็นคนรักวัยกระเต๊าะแสดงอาการงอแงใส่ แถมอลันด์ยังอารมณ์ดีขนาดที่ฮัมเพลงไปพลางแบกกระเป๋ากีตาร์ใส่หลังรถไปพลาง

“อัล”

“หือ?”

“ไม่สบายหรือเปล่า ไหนมาวัดไข้หน่อยซิ” พูดจบคุณหมอก็ดึงเจ้าเด็กตัวเท่าไหล่เข้ามาจูบเหม่งก่อนหัวเราะชอบใจเมื่อถูกสะบัดตัวออก “สุขสันต์วันแห่งความรักครับ”

“หึ เก็บไว้พูดพรุ่งนี้ดีกว่าไหม ไหนใครบอกว่าจะพาไปกินข้าวที่หัวหิน ผมไม่ลืมหรอกนะ”

“โทรจองโต๊ะไว้แล้วน่า” เขาใช้นิ้วหัวแม่มือลูบแก้มอีกฝ่ายเบาๆ ก่อนเลื่อนลงมาตรงสะโพกแล้วตบให้อลันด์เอาของไปเก็บหลังรถ

ใช้เวลาไม่ถึงยี่สิบนาทีคู่รักต่างวัยก็มาถึงโรงพยาบาล ทิวากานต์ไปลงชื่อเข้าเวร ส่วนอลันด์ก็แยกไปเตรียมตัวเล่นดนตรีกล่อมเกลาจิตใจผู้เข้ามารับบริการ ต่างฝ่ายต่างแยกไปทำหน้าที่ของตนเองจวบจนถึงเวลาพักเที่ยงทิวากานต์จึงออกมาจากห้องตรวจเพื่อไปพักทานข้าวจะได้กลับมาทำตรวจคนไข้ต่อในตอนบ่าย

“คุณหมอคะ ช่วยรับนี่ไว้ด้วยค่ะ”

ทิวากานต์เลิกคิ้วสูงเมื่อจู่ๆ เลขานุการของท่านผอ.ยื่นถุงกระดาษมาให้ตรงหน้าหลังเขาเปิดประตูออกมาจากห้องพักแพทย์ได้ไม่ถึงสามวินาที “อะไรกันครับ”

“คุณหนูอลันด์ฝากให้ดิฉันนำมาให้คุณหมอค่ะ”

“หือ ขอบคุณครับ” ถึงจะงงๆ แต่เขาก็รับมันมาถือไว้ ยังไม่ทันได้ถามอะไรเพิ่มเติมเลขานุการวัยสามสิบปลายก็เดินจากไปแล้ว เขาเปิดถุงออกส่องดูข้างในเห็นโพสอิสใบหนึ่งแปะไว้เป็นภาษาไทยโย้เย้เหมือนเด็กอนุบาล ลายมืออ่อานอยากยิ่งกว่าหมอบางคนเสียอีก กระนั้นเขาก็ตั้งใจอ่านทีละตัวพร้อมกับรอยยิ้มที่ฉีกกว้างขึ้นทุกทีๆ น่ารักเสียจนอยากมอบรางวัลให้เป็นจูบเน้นๆ

‘อย่าลืมทานข้าวเที่ยงนะครับ
อัล’

คุณหมอจัดการข้าวหน้าเป็ดจากร้านสุกี้ชื่อดังสองกล่องจนหมดเกลี้ยงก่อนเดินไปยังห้องโถงของโรงพยาบาล มั่นใจว่าเวลานี้ไอ้ตัวแสบต้องทำงานอยู่แน่ๆ กะจะสั่งช็อคโกแลตปั่นของโปรดให้แก้วหนึ่งเป็นการตอบแทน หากโผล่หน้าไปให้อีกคนเห็นไม่ทันไรอลันด์ที่กำลังร้องเพลงอยู่ก็วางกีตาร์ลงแล้วเดินไปยังแกรนด์เปียโนหลังใหญ่ เริ่มพรมนิ้วบนลิ่มขาวดำบรรเลงดนตรีบทใหม่ขึ้นพร้อมเสียงร้องแหบห้าว

“ที่แห่งนี้มีความรักอยู่ คอยรับรู้และคอยเข้าใจ
แม้ข้างนอกจะเป็นอย่างไร จะร้อนหรือหนาวแค่ไหน ก็ไม่สำคัญ
จะเตรียมความรักไว้ให้เธอพักผ่อน ลืมความร้อนเรื่องราวที่ไหวหวั่น
และรอยยิ้มที่มาจากใจ เพื่อเพิ่มเติมความสดใส เมื่อไหร่ที่พบกัน”


อย่า... อย่าถามทิวากานต์เลยว่าตอนนี้รู้สึกอย่างไร เขาบอกไม่ถูกหรอก รู้แต่มันคับอยู่ในอกจนจะแตกอยู่แล้ว ใครจะคิดว่าแค่ง่ายๆ แบบนี้จะทำให้มีความสุขได้ถึงเพียงนี้ แค่การเอาใจใส่เล็กๆ น้อยๆ ที่อลันด์ไม่เคยทำกลับทำให้เขารึ้กรักอีกฝ่ายมากขึ้นเป็นเท่าตัว

“ไม่ว่าวันเวลาจะหมุนจะเวียนเปลี่ยนไปแค่ไหน จะเป็นกำลังใจให้เธอได้รู้สึกดี
เป็นที่พักที่ให้ความเข้าใจ นานเท่าไรก็จะมี ให้กับเธอ อยู่ตรงนี้”


ถึงวันวาเลนไทน์จะไม่ได้ใช้เวลาร่วมกันกับคนรัก แต่อย่างน้อยการคอยซัพพอร์ทอยู่ใกล้ๆ ก็ทำให้เห็นถึงความรักและเอาใจใส่ได้ชัดเจนยิ่งกว่าการแสดงความรักตรงๆ เสียอีก

พวกเขาแอบสบตากันเงียบๆ ก่อนคุณหมอจะปลีกตัวเข้าไปในร้านกาแฟ สั่งเครื่องดื่มที่คนรักของชอบแล้วสั่งให้พนักงานเอาไปให้เมื่อเจ้าตัวเสร็จงาน ส่วนตัวเองก็กลับไปทำหน้าที่หลังเวลาพักหมดลง สงสัยพรุ่งนี้ทิวากานต์คงต้องให้รางวัลอลันด์เป็นสองเท่าเสียแล้วเนื่องในโอกาสที่ทำตัวน่ารักเกินขนาด

มีแฟนเด็กมันกระชุ่มกระชวยแบบนี้เองสินะ เง้อ...

.
.
.








สุขสันต์วันแห่งความรักค่ะ
แอบเอาตอนพิเศษมาลง แต่งสดๆ ร้อนๆ เลย แหะๆ
อย่าลืมกดฟังเพลงที่แห่งนี้ระหว่างอ่านด้วยนะคะ
แล้วเจอกันตอนหน้าค่า

ปล. ทำไมถึงเป็นวาเลนไทน์วันเสาร์ เพราะเหตุการณ์ตามทล.คือปีที่แล้วค่ะ ไม่ใช่ปีนี้

 :mew1:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 28 [12.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 14-02-2016 20:31:02
แบ่งปันความหวานให้แก่กัน น่ารัก~~~
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : ที่แห่งนี้ [14.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 14-02-2016 20:49:22
น้องอัลน่ารักกกกกก  :L2:  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : ที่แห่งนี้ [14.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: yisren. ที่ 14-02-2016 21:01:24
อัลน่ารักงี้ หมอวาจะเหลือรอดเหรอจ๊ะ 5555
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : ที่แห่งนี้ [14.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 14-02-2016 21:15:06
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : ที่แห่งนี้ [14.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 14-02-2016 21:31:24
อัลนี่..น่าร๊าก~~~
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : ที่แห่งนี้ [14.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: nutty ที่ 14-02-2016 21:34:08
เลิฟพี่หมอของน้องอัล
หวานสม่ำเสมอตลอด
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : ที่แห่งนี้ [14.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: san ที่ 14-02-2016 21:35:24
 :L2: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : ที่แห่งนี้ [14.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: Mokuchi ที่ 14-02-2016 21:39:52
 เรียบๆแต่หวานละมุน :-[
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : ที่แห่งนี้ [14.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: Petalkiss ที่ 14-02-2016 21:54:48
หวานมากกกกกกกกกกก น้องอัลน่ารักแบบนี้คุณหมอรักตายเลย
นั่งอ่านไปด้วย ฟังเพลงไปด้วย ฟินจนหยุดยิ้มไม่ได้เลยค่ะ ความหมายของเพลงดีมากๆ
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : ที่แห่งนี้ [14.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 15-02-2016 03:29:36
 :3123:
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : ที่แห่งนี้ [14.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 15-02-2016 09:06:36
งือออออ..น่ารักอะ
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : ที่แห่งนี้ [14.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: misskimji ที่ 15-02-2016 15:51:23
หวานละมุนละไม
 :L1:
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : ที่แห่งนี้ [14.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 15-02-2016 20:25:29
มีแฟนเด็กต้องมั่นเอาใจ เดี๋ยวเด็กงอแง

ส่วนเด็กที่มีแฟนแก่ก็ต้องมั่นดูแลนะจ๊ะ จะได้รักได้หลงเราไปไหนไม่รอด
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : ที่แห่งนี้ [14.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: greensnake ที่ 16-02-2016 11:23:18
วิ่งผลัดสี่คูนร้อยตามอ่านอีกเช่นเคย ยุ่งจริงๆช่วงนี้
พอได้เข้ามาอ่านไอ้ที่เหนื่อยๆหายเป็นปลิดทิ้งเลย
อยากจะเข้าไปหยิกแก้มเด็กฝรั่งสักทีสองทีให้หายหมั่นเขี้ยว
ขยันทำให้พี่หมอวารักนัก แค่นี้ก็โงหัวไม่ขึ้นแล้วล่ะ
ตอนนี้มีความสุขกับทุกวันก็พอแล้ว อนาคตอย่าเพิ่งไปกังวล
ถ้าวันที่ต้องเลือกมาถึงจริงๆ เชื่อว่าทั้งสองก็จะยังมีความสุขแน่นอน
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : ที่แห่งนี้ [14.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 16-02-2016 23:01:46
ไม่น่ารักธรรมดานะ แฟนเด็กน่ารักมากด้วย  :mew3:
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : ที่แห่งนี้ [14.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: VarainDark ที่ 20-02-2016 16:32:22
คู่นี้หวานกันมากจนน่าหมั่นไส้เบาๆนะเนี่ย
ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 29 [20.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 20-02-2016 18:57:44
TRACK 29



วันเกิดอลันด์ปีนี้ตรงกับวันเสาร์สิ้นเดือนพอดี ถ้าเป็นตอนอยู่ที่อังกฤษเขาจะจัดงานวันเกิดเล็กๆ ที่หอในโรงเรียนประจำกับเพื่อน พอสุดสัปดาห์ถึงทำเรื่องขอกลับบ้านไปฉลองอีกที

แต่ปีนี้เป็นปีแรกที่เขาได้ฉลองวันเกิดที่เมืองไทยโดยไร้เงาของผู้ให้กำเนิดเนื่องจากทั้งคู่ติดประชุมสำคัญ กระนั้นก็ไม่ลืมจะหาไฟลท์บินมาหาทันทีเมื่อว่าง งานนี้คุณตาคุณยายจึงสวมรอยจัดการเหมาร้านกินดื่มย่านทองหล่อเนรมิตงานปาร์ตี้วันเกิดให้หลานคนโปรดเสียเลย ซึ่งถ้ามิสเตอร์และมาดามโอเนลล์รู้เข้าคงรีบห้ามทันทีเพราะแค่นี้ลูกชายคนเดียวก็ถูกคนแก่สปอยล์จะแย่แล้วเดี๋ยวจะกลายเป็นว่าส่งลูกมาผจญชีวิตต่างแดนคนเดียวจะเสียเที่ยว กลับไปกลายเป็นคุณหนูยิ่งกว่าเดิม ผิดจุดประสงค์แด๊ดดี้เขาหมด

เด็กหนุ่มลูกครึ่งวัยสิบเก้าปีลืมตาตื่นตอนหกโมงเช้าเป๊ะๆ ด้วยเสียงโทรศัพท์ไกลจากต่างแดน เจ้าตัวแสบกระพริบตาปริบๆ ฉีกยิ้มหวานกดรับเบิร์ธเดย์คอลจากแด๊ดดี้และมัมมี้เสียงใสแจ๋วไม่เหมือนคนเพิ่งตื่น แต่อย่าให้กดวิดีโอคอลเชียวจะได้เห็นหน้ายับๆ กับผมสีช็อกโกแลตนมยุ่งไม่เป็นทรง แถมด้วยหนุ่มหล่อห้องตรงข้ามที่เจ้าตัวใช้เป็นหมอนหนุนอีกต่างหาก

“Love you, mom. Love you, dad. Chups!” ปากอิ่มหยักเหมือนแมวทำท่าส่งจูบผ่านไอโฟนก่อนกดตัดสายแล้วโยนทิ้งบนผ้าห่ม ร่างผอมบางพลิกตัวนอนคว่ำเอื้อมแขนกอดหมอนมีชีวิตหมับ “Morning Honey”

“Happy Birthday”

ทิวากานต์ดึงคนรักขึ้นมาเกยบนอกป้อนจูบดูดดื่มรับอรุณ สองร่างนัวเนียบนเตียงกว้างจนเกือบได้ออกกำลังยามเช้า หากเป็นคุณหมอที่จำใจผละออกมาก่อนด้วยความเสียดาย

ร่างสูงลุกขึ้นจากเตียงเดินเข้าห้องน้ำเตรียมตัวไปทำงาน มีเสียงอลันด์โวยวายใส่คุณลุงที่ไม่ยอมให้เขาหยุดงานวันนี้ พอถูกคนแก่กว่าย้อนว่างั้นทำไมไม่ไปทำงานด้วยกัน เจ้านักดนตรีอินดี้กลับบ่ายเบี่ยงบอกว่าวันนี้เป็นวันของเขาต้องได้หยุดพักแล้วไปผ่อนคลายน่ะถูกแล้ว

“อย่าอารมณ์เสียน่า เดี๋ยวไงเย็นนี้ก็เจอกันอยู่ดี”

“จะกลับมาที่นี่ก่อนหรือเจอกันที่ร้านเลย”

“ที่ร้านเลย” คุณหมอผลุบหายไปตรงส่วนตู้เสื้อผ้าก่อนชะโงกหน้ากลับออกมาเรียกเด็กหนุ่มบนเตียง “อัล”

“What?”

“เลือกชุดให้หน่อยสิ เอาแบบใส่แล้วหล่อกว่าเจ้าของงานน่ะ”

“เรื่องแน่ะ!” พอแหย่คนรักได้คนแก่กว่าถึงกับหัวเราะร่วน

ทิวากานต์เดินหายเข้าไปในห้องน้ำได้แป๊บเดียวคนที่บอกปัดไปก็ลุกจากเตียงมาเลือกชุดให้อยู่ดี ถึงจะบอกว่าเป็นงานปาร์ตี้วันเกิดแต่ในการ์ดเชิญบอกไว้ว่าให้แต่งกายสุภาพ งานนี้ทั้งผู้หญิงผู้ชายต่างต้องพากันจัดเต็ม แล้วคนรักของเขาจะหล่อน้อยกว่าคนอื่นได้ไง

นิ้วเรียวไล่ดูเสื้อเชิ้ตของคุณหมอทีละตัวก่อนตัดสินใจดึงเชิ้ตผ้าไหมสีถ่านแขนยาวของ DOLCE & GABBANA กับเสื้อกั๊กและสูทสองกระดุมพร้อมกางเกงเข้าชุดของ BOSS ออกมา เนคไทเลือกผ้าไหมสีแดงตัดกับสีสูทและสีผิวขาวน้ำนมของทิวากานต์ ส่วนรองเท้าเป็นรองเท้าทรงอ็อกฟอร์ดหนังผสมจาก Magnanni แล้วฉีด La Nuit de l’Homme ของ YSL ด้วยนะ แค่จินตนาการยังมั่นใจว่าวันนี้ทิวากานต์ต้องหล่อเซ็กซี่มีเสน่ห์เรียกแขกกว่าทุกคนในงานแน่นอน

“อัล หยิบมีดโกนหนวดให้หน่อย” คุณหมอตะโกนออกมาจากห้องน้ำเหมือนรู้ว่าอลันด์เลือกเสื้อผ้าให้อยู่ไม่ไกล เขาเปิดเก๊ะหยิบของที่ต้องการแล้วเอาเข้าไปให้ถึงข้างใน คนตัวสูงยืนพันผ้าเช็ดตัวเท้าแขนกับขอบอ่างล้างหน้า ขนาดหัวยังยุ่งหน้าซีดยังหล่อจนอยากเอามีดโกนไปกรีดให้เสียโฉม

“อ่ะ”

“โกนให้หน่อยสิ”

“นี่พูดจริงหรือพูดเล่น ไม่กลัวเสียโฉมหรือไง”

“หล่อน้อยลงก็ดีนะ เด็กขี้หึงแถวนี้จะได้เลิกคิดมากสักที มานี่มา” เขาอุ้มเด็กตัวเท่าไหล่นั่งบนขอบอ่างให้อ้าขากว้างพอที่ตัวเขาจะแทรกกลางได้ ก่อนจะรีบยัดขวดโฟมใส่มือเล็ก “โกนให้หน่อยเร็วๆ เดี๋ยวไปทำงานสาย”

“ไม่สบายป่ะเนี่ย อ้อนจัง วันนี้มันวันเกิดผมนะ ผมต้องเป็นฝ่ายอ้อนสิ”

“อ้าวเหรอ เพิ่งรู้นะเนี่ย ไม่เอาน่า โกนให้หน่อย เร็วๆ นะครับ”

เจอลูกอ้อนแบบนี้ใครจะทนไหว หากก่อนตามใจของเอานิ้วหนีบพุงย้วยๆ คุณหมอหน่อยเถอะ แต่ก่อนไม่เคยเห็นมีออกจะผอมแห้ง พอได้เป็นอาจารย์แล้วชีวิตสบายขึ้นมาหน่อยสินะ วันๆ เอาแต่ยืนผ่าไม่ลงพุงก็ไม่รู้จะว่าไง

มือเล็กจัดการบีบโฟมลงบนแก้มคร้านจนทิวากานต์กลายร่างเป็นซาตานครอส จัดการเปลี่ยนใบมีดโกนแล้วเอาแตะบนผิวบาง จังหวะลากไล้ลงมาเบามือเหมือนขนนกสัมผัสทั้งที่อลันด์กลั้นหายใจเกร็งไปทั้งตัวกลัวทำหน้าหล่อๆ ของคุณหมอเป็นแผลเข้า

เด็กหนุ่มถึงกับถอนหายใจยาวหลังปาดซ้ายสามทีขวาอีกสี่ทีเป็นอันเรียบร้อย หน้าคุณหมอกลับมาเกลี้ยงเกลาไร้หนวดเคราหล่อใสเหมือนเดิมไม่มีรอยแผลแถมมาด้วย

“ถ้าพลาดมีหมดหล่อจริงๆ นะเนี่ย วันหลังไม่เอาแล้วนะ น่ากลัวจะตาย” เสียงบ่นกระปอดกระแปดไม่ทำให้ทิวากานต์หยุดยิ้ม เขาส่งผ้าขนหนูชุบน้ำให้อีกฝ่ายช่วยเช็ดคราบโฟมบนหน้าออกให้จนเกลี้ยงแล้วมอบรางวัลเป็นจูบหวานๆ ให้

“จะกลัวอะไร มันก็เหมือนโกนหนวดตัวเองนั่นแหละน่า”

“วาก็รู้ผมไม่ค่อยมีขน ปีนึงๆ เคยโกนซะที่ไหน อัลเบิร์ตจัดการให้ทั้งนั้นแหละ”

“แสดงว่าพี่เพิ่งเอาคอไปพาดเขียงมาสินะ” นอกจากจะไม่สลดแล้วยังหัวเราะชอบใจ ทิวากานต์กวักน้ำล้างหน้าแล้วเอาผ้าขนหนูผืนใหม่มาซับพอหมาดค่อยหยิบอาฟเตอร์เชฟมาตบ กลิ่นหอมลอยฟุ้งจนเด็กฝรั่งอยากจะเอาจมูกไปดม

ผ่านช่วงชวนหวาดเสียวยามเช้ามาแล้ว ทิวากานต์จึงออกมาแต่งตัวเตรียมไปทำงานที่โรงพยาบาลเอกชนต่อ ตั้งแต่ย้ายแผนกมาเขาไม่จำเป็นต้องไปทำงานแต่เช้าอย่างเคย งานก็เบาขึ้นเยอะในขณะที่รายได้สูงขึ้นแต่ถ้ามีเคสขึ้นมาความเครียดมักตามมากว่าตอนอยู่โรงเรียนแพทย์เสมอ อาจเป็นเพราะยังไม่คุ้นกับเพื่อนร่วมงานและสภาพแวดล้อมก็คงใช่ ไหนจะมีปัญหาการฟ้องร้องจากญาติผู้ป่วยที่ชักมากขึ้นทุกวัน ถึงตอนนี้จะไม่พลาดแต่ป้องกันไว้ก่อนดีกว่า

ช่วงเวลานั่งทานมื้อเช้ากับอลันด์ตอนเจ็ดถึงแปดโมงเช้าวันเสาร์อาทิตย์กลายเป็นการพักผ่อนหย่อนใจและช่วยชาร์จแบตเตอรี่จิตใจที่ได้ผลดีเกินคาด เจ้าเด็กตัวแสบหน้าตายสรรหาเรื่องมาพูดคุยกับเขาได้ไม่หยุดปาก เจอกันครั้งแรกเห็นนิ่งๆ กวนประสาทใครจะไปนึกว่าพูดมากขนาดนี้

“ไม่ได้เลือกนาฬิกาให้ด้วยเรอะ” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยถามหลังก้มๆ เงยๆ แพคเสื้อผ้ารองเท้าสำหรับปาร์ตี้คืนนี้ใส่ถุงคลุม รองเท้ากับน้ำหอมก็ไปรื้อเอากล่องมาใส่หย่อนลงถุงกระดาษเรียบร้อย พร้อมแปลงร่างจากคุณหมอมาดดุเป็นหนุ่มสังคมสุดฮอตทันทีหลังเลิกงาน

“โอเมก้าเรือนที่ใช้ประจำนั่นแหละ”

ตาคมเลื่อนดูนาฬิกาที่ข้อมือแล้วยักไหล่ เขาหอบข้าวของพร้อมอุปกรณ์ทำมาหากินเดินไปที่ประตูมีเด็กฝรั่งในชุดนอนตามมาส่ง ล่ำลากันเล็กน้อยเหมือนเคยปิดท้ายด้วย Goodbye kiss ตอนแปดโมงสิบห้านาทีเป๊ะ คุณหมอรูปงามจึงได้ฤกษ์ออกไปทำมาหากินเสียที

ส่งคนรักไปทำงานแล้วถึงคราวแม่บ้าน เอ๊ย เด็กฝรั่งไปจัดการตัวเองบ้าง เขาอาบน้ำขัดตัวจนสะอาดออกมาแต่งตัวสบายๆ กึ่งทางการด้วยเสื้อโปโลกับกางเกงแสลคขายาว ฉีดโคโลญจน์ Happy for Men กลิ่นสะอาดชวนสดชื่นของ Clinique สักหน่อยถึงเดินไปหยิบเสื้อคลุมแขนยาวกับกระเป๋าเงินและโทรศัพท์มือถือออกจากห้องไป

นั่งรออยู่ที่ล็อบบี้คอนโดไม่ถึงสิบห้านาทีดีรถแวนจำนวนหกที่นั่งก็มารับ อลันด์ยกมือไหว้คุณตาคุณยายก่อนพากันออกไปทำบุญวันเกิดกันที่โรงพยาบาล ไอเดียนี้มาจากคุณตาที่เห็นว่าหลานรักเพิ่งประสบเจอกับโรคหัวใจมาจึงเสนอให้บริจาคเงินสำหรับช่วยเหลือผู้ป่วยยากไร้และเงินวิจัยเกี่ยวกับโรคทรวงอกกับองค์กรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลรัฐชื่อดังหลายแห่ง

หลังตระเวนทำบุญก็พอดีกับมื้อเที่ยง สามชีวิตกับหนึ่งคนขับรถจึงพากันฝากท้องที่ห้องอาหารโรงแรมหรูติดแม่น้ำลิ้มรสอาหารไทยที่เคลมว่าเป็นสูตรชาววัง (แต่คนที่เคยอยู่ในรั้วในวังมาก่อนอย่างคุณหญิงถึงกับส่ายหน้าเพราะอาหารโรงแรมพวกนี้สู้รสมือเธอไม่ได้สักนิด) แล้วค่อยแยกย้ายกันกลับไปเตรียมตัวสำหรับงานเลี้ยงเย็นนี้หลังละเลียดอาฟเตอร์นูนทีกันจนอิ่มหนำ

ก่อนจากอดีตเอกอัครชารทูตไม่ลืมเตือนหลานชายเรื่องงานเลี้ยงตอนเย็นที่จะให้คนรถมารับไปแต่งหน้าทำผมพร้อมบริการเบิร์ธเดย์บอยเต็มที่ไม่ต้องขับรถญี่ปุ่นทรงเหลี่ยมๆ แบกข้าวของไปเอง

งานนี้ยิ่งตอกย้ำว่ามิสเตอร์เอเดลมาร์คิดผิดสุดๆ ที่ส่งลูกชายมาอยู่คนเดียว นอกจากจะไม่ค่อยได้ช่วยเหลือตัวเองนอกจากงานบ้านเล็กๆ น้อยๆ เรื่องเรียนและเรื่องดนตรีแล้วทุกสิ่งแทบจะมีคนประเคนให้ อยู่เมืองไทยโคตรสบ๊ายสบายยิ่งกว่าตอนอยู่อังกฤษ แถมยังได้สามี(?)หล่อเริ่ดชนิดอวดใครก็ไม่อายอีกต่างหาก (ถ้าแด๊ดรู้ข้อหลังมีหวังบ้านแตกแน่)

อลันด์กลับมาอาบน้ำทาครีมพิถีพิถันกว่าทุกครั้ง สักบ่ายสี่จึงยอมงัดตัวออกจากห้องน้ำมาเลือกชุดสำหรับใส่คืนนี้ ไหนๆ เลือกให้ทิวากานต์หล่อเนี้ยบไปแล้วเจ้าของจะด้อยกว่าได้ยังไง

ระหว่างนั้นก็เข้าไปเช็คข้อความในโซเชียลเน็ตเวิร์คสักหน่อย เพื่อนๆ ทั้งที่อังกฤษและไทยโพสข้อความอวยพรเต็มหน้าวอลล์เฟซบุ๊ค ในไอจีนภกับแฟนคลับกลุ่มเล็กๆ ก็แทครูปอวยพรมาให้ แค่นี้ก็ชื่นใจมากแล้วแม้จะขาดข้อความจากเพื่อนซี้อย่างโธมัสเหมือนเช่นปีก่อนๆ ถึงใจจะวูบโหวงแต่เขาต้องยอมรับการตัดสินใจของเพื่อน โธมัสอาจยังคงต้องการเวลาอีกมากกว่าจะกลับมารู้สึกได้เหมือนเดิม

เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยพอดีกับคนรถของคุณตามารับเขาจึงให้ชายวัยกลางคนช่วยหิ้วเสื้อผ้าเครื่องแต่งตัวไปไว้ที่รถ ตาสีฟ้าอ่อนเป็นประกายวิบวับยามเห็นเบนท์ลีย์ มูซานรุ่นเดียวกับที่เขาใช้ตอนอยู่ลอนดอนแต่เป็นสีขาวจอดอยู่ในช่อง เขาจำทะเบียนได้ว่าเป็นของคุณยาย มิน่าถึงย้ำอยู่หลายทีให้คนมาขับรถให้กะเซอร์วิสหลานรักแบบสุดๆ นี่เอง

เขาบอกคนขับรถให้ตรงไปยังร้านทำผมที่นภแนะนำมา ตัดผมเล็มส่วนที่เริ่มยาวเกะกะให้เข้าทรงแล้วใส่มูสขย้ำให้เป็นทรงพองๆ ยุ่งนิดหน่อย ลงรองพื้นปะแป้งทาลิปมันอีกนิดเป็นอันเรียบร้อย แต่งองค์ทรงเครื่องด้วยชุดสูทที่หอบหิ้วมา ฉีด Creed - Green Irish Tweed ให้หอมฟุ้งเท่านี้ก็พร้อมออกงานแล้ว

เบนท์ลีย์ มูซานสีขาวจอดหน้าร้านตอนสิบแปดนาฬิกาสี่สิบห้านาทีสายเกินเวลาในการ์ดไปหน่อย มีบรรดาเพื่อนร่วมคณะที่ได้การ์ดรับเชิญมากันบ้างแล้วประปราย งานนี้ซี้คนไทยเพียงหนึ่งเดียวอย่างคนินทร์ไม่มีพลาด ร่างสูงใหญ่หน้าคมเข้มอยู่ในชุดสูทกึ่งทางการสีฟ้าอ่อนออกมาต้อนรับถึงประตูรถ เขาผิวปากหวือเมื่อเห็นเพื่อนฝรั่งตัวเล็กลงมาจากประตูหลังของ Luxury Car แบรนด์ดังจากอังกฤษ

“Happy Birthday!”

คนินทร์ปรบมือเป็นการต้อนรับรัวๆ แล้วแกล้งยื่นแขนให้อีกคนควงเลยถูกต่อยกลับมาก่อนพากันเดินเข้างาน คุณตาคุณยายและครอบครัวคุณลุงไอ้เด็กตัวแสบมาถึงแล้วตั้งแต่หกโมงครึ่งขาดแต่หมอกิตพี่ชายคนโตที่ยังเดินทางมาไม่ถึง

เด็กฝรั่งยิ้มตาหยีเดินรับคำอวยพรจากเพื่อนๆ ที่มาถึงแล้วจากหน้าประตูจนถึงโต๊ะที่ญาติๆ นั่งอยู่ด้านในสุด เขายกมือไหว้สวยงามจึงค่อยแตะจมูกหอมแก้มคุณยายให้คนแก่ชื่นใจ ร่างเล็กดึงเก้าอี้ว่างตัวข้างๆ ลงนั่งพูดคุยกับญาติพี่น้องสักพักจึงค่อยขอตัวออกมาต้อนรับเพื่อนอีกกลุ่มที่เพิ่งมา

งานนี้คุณหมอการันต์ไม่มีพลาดควงอักษราเข้ามาในร้านตอนทุ่มตรงเป๊ะ หมอศัลย์มือฉมังอวยพรวันเกิดแก่เจ้าของงานพร้อมของขวัญใส่กล่องสี่เหลี่ยมผืนผ้าผูกโบใบใหญ่ถึงค่อยพาหญิงสาวเข้าไปทักทายรวมกลุ่มผู้ใหญ่ที่โต๊ะด้านในสุด

เขาอุ้มกล่องที่การันต์ให้แนบอก ลองคะเนน้ำหนักน่าจะเกือบกิโล จะเขย่าก็ไม่กล้ากลัวเป็นของแพงแล้วพังขึ้นมาจะเสียดายเอาเปล่าๆ เลยถือไปวางบนโต๊ะรวมกับของเพื่อนคนอื่น แต่ระดับป๋าการันต์ไม่มีผิดหวังแน่นอน

อลันด์เดินไปนั่งรวมกลุ่มเพื่อนด้วยรอยยิ้มที่มีมากกว่าทุกวัน แม้จะรู้จักกันได้ไม่นานแต่ทุกคนล้วนคุยสนุกเฮฮาปาร์ตี้เป็นอย่างดี มือขาวจัดเหวี่ยงก้านแก้วไวน์ทรงสูงในมือเบาๆ พลางเคี้ยวอัลมอนด์แกล้ม Dom Pérignon Vintage ปี 2000 ที่มีเพียงสิบขวดในงานเท่านั้น ใครช้าจะได้ดื่มดอมปีอื่นๆ ที่ราคาถูกลงมาแทน นอกจากนี้ยังมี Moët & Chandon และ Krug รวมไปถึงแอลกอฮอล์ประเภทอื่นอย่างเหล้า เบียร์ ไวน์ให้เลือกดื่มไม่อั้นตามแต่จะสั่งบาร์เทนเลือกเอาแบบที่ชอบ งานนี้อลันด์ประกาศแก่เพื่อนทุกคนว่าไม่เมาไม่เลิกเด็ดขาด แต่กว่าทุกคนจะยอมเมากันก็คงต้องรอให้ผู้ใหญ่กลับกันไปก่อนอยู่ดี

พอมีเพื่อนกลุ่มใหม่เข้ามาก็ลุกไปต้อนรับอย่างเจ้าภาพที่ดี ตอนยัยสาวิตรีเห็นหน้าหนุ่มลูกครึ่งหน้ามนในชุดสูทแต่งหน้าทำผมเป็น English Gentleman ถึงกับกรีดร้องเสียงดังรีบพุ่งตัวฝ่าสาวคนอื่นเข้ามาควงแขนพร้อมประกาศกร้าวติ๊ต่างเป็นแฟนหลานท่านทูตสักวัน เล่นเอาเพื่อนๆ ขำกันทั้งร้าน

“วันเกิดตัวแท้ๆ ทำหน้าให้มันร่าเริงหน่อยซี้”

ตาสีซีดเหลือบขึ้นมองคนพูดกวาดตั้งแต่หัวจรดปลายรองเท้าหนังมันขลับ คนินทร์ยืนถือแก้วใส่ดอม เพอริญอง ปี 2000 เก๊กท่าเอาให้คล้ายพระเอกในหนังสายลับ ทั้งที่หน้าตาไม่ได้ด้อยแต่แอคติ้งที่มากไปนั่นแหละถึงทำให้ดูตลกมากกว่าจะหล่อ พออลันด์ขมวดคิ้วบอกว่าไม่เข้าใจ หนุ่มไทยถึงกับหลุดมาดเท้าเอวยั๊วะใส่เจ้าของงาน

“ทำหน้าเป็นแมวป่วยยังไม่รู้ตัวอีก ได้นับบ้างไหมว่ามองไปนอกร้านกี่ครั้งแล้วตั้งแต่เข้ามา”

“จะรู้ไหมล่ะ ไม่ได้นับสักหน่อย”

“เหอะ มาสนุกกันดีกว่าน่าเดี๋ยวเฮียก็มาเองแหละ”

“สนุกอยู่”

“งั้นชนกันหน่อย หมดแก้วนะเว้ย”

“เอาซี่” สองหนุ่มต่างเชื้อชาติพร้อมใจหลับตาปี๋ส่งเสียงอืออ้าด้วยความซาบซ่านขนหลังคอลุกซู่จากแอลกอฮอล์ขวดละหมื่นกว่าหลังยดซดหมดแก้วในทีเดียว จังหวะกระแทกแก้วเปล่าคืนบนโต๊ะตาสีฟ้าอ่อนเหลือบไปเห็นแขกคนใหม่เปิดประตูเข้ามาพอดี อลันด์ร้องกรี๊ดเสียงหลงพาลเอาคนินทร์ตกใจเกือบทำแก้วหลุดมือ กำลังจะออกปากด่าไอ้เพื่อนตัวเล็กดันวิ่งหนีไปยืนยิ้มกระทืบเท้าเหมือนเป็นบ้าหน้าหนุ่มต่างชาติในชุดสูทสุภาพเรียบร้อยแล้ว หนุ่มไทยสาบานว่ายังไม่เมาแต่เขามองยังไงฝรั่งคนนั้นก็ไม่เหมือนโธมัสซี้รักสักนิด

แขกเซอร์ไพรส์คนนี้ไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นคนใกล้ชิดสุดรองจากครอบครัวและโธมัสส่งตรงมาจากเมย์แฟร์เพื่องานเลี้ยงวันเกิดนี้โดยเฉพาะ เจ้าของงานกระทืบเท้ารัวๆ ชอบอกชอบใจที่เห็นอัลเบิร์ตอยู่ตรงหน้า ในอ้อมแขนพ่อบ้านหนุ่มมีช่อดอกกุหลาบขาวช่อใหญ่ ด้านหลังเป็นคนขับรถชาวไทยถือกล่องของขวัญเต็มอ้อมแขน

“สุขสันต์วันเกิดครับคุณชาย”

“โอ้ - มาย - ก็อด นายมาได้ไงเนี่ย เซอร์ไพรส์ตาตั้งเลย”

“ผมนำของขวัญวันเกิดคุณชายจากมิสเตอร์กับมาดามโอเนลล์ คุณชายกริฟฟิธส์ และคุณชายสเปนเซอร์มามอบให้ครับ ช่อดอกไม้นี้คุณชายสเปนเซอร์สั่งให้คุณชายโดยเฉพาะ” อลันด์รับช่อดอกไม้มาถือแบบงงๆ ก่อนหลุดยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงหน้าคนให้ ไอ้เฮนรี่ที่สามสมองกลับไปแล้วหรือไงถึงสั่งดอกไม้ให้เขา

อัลเบิร์ตสั่งคนขับรถให้วางกล่องของขวัญไว้รวมกับของคนอื่นบนโต๊ะ ก่อนเดินตามแรงฉุดของมือเรียวเข้าไปยังโต๊ะด้านใน คุณชายวัยสิบเก้าหน้างอตามคาดเมื่อทุกคนเฉลยว่าเป็นแผนเซอร์ไพรส์พิเศษที่มาดามโอเนลล์คิดขึ้นมา ตอนนี้ถ้าให้พ่อแม่มาโผล่ตอนนี้เขาก็ไม่แปลกใจจนกรี๊ดลั่นเหมือนเด็กสามขวบแบบเมื่อกี้แล้วล่ะ

หลังจบการต้อนรับพ่อบ้านที่บินข้ามทวีปมาเซอร์ไพรส์เจ้านาย อลันด์ก็ต้องตอบคำถามเพื่อนๆ ปากแฉะว่าหนุ่มอังกฤษผมสีชาตาสีเขียวคนนี้เป็นใคร อายุเท่าไหร่ มีแฟนหรือยัง ทำไมมีดอกไม้มาให้ เขาเป็นอะไรกับเธอ พอทุกคนรู้ว่าเป็นพ่อบ้านส่วนตัวก็กรีดร้องกันใหญ่ โดยเฉพาะพวกผู้หญิงแย่งกันขอสมัครเป็นแม่บ้านขึ้นมาทันที

“ทำไมรอบตัวแสบถึงมีแต่ผู้ชายหน้าตาดีๆ น้า ทั้งพี่นภ ทั้งเพื่อนฝรั่งผมทองคนที่เคยมาจุ๊บหน้าตึก พี่หมอห้องตรงข้าม ขนาดพ่อบ้านยังหล่อเลยอ่ะ ถ้าเป็นฉันคงฟินตายไปแล้ว” สาวิตรีระบายออกมาด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ แต่พอกระดกไวน์โรเซ่สีชมพูเข้าไปตาเรียวชั้นเดียวบอกชาติพันธุ์ก็ทอประกายมุ่งมั่นไฟลุกพรึ่บ “ไม่เป็นไร ฉันยังสาว ฉันยังโสด และสวยมาก มันต้องมีดีๆ แบบนี้ตกมาถึงท้อง เอ๊ย ถึงมือกันบ้างแหละ เออ แล้วคุณหมอสุดหล่อ next door แกหายไปไหนทำไมไม่มาอีกล่ะ จะสองทุ่มแล้วนะ ไอ้แสบโทรไปตามพี่หมอซิ ฉันจะได้มีอาหารตากินแกล้มไวน์แกล้มเหล้าให้เมาเผื่อพี่เขาใจดีพาไปส่ง”

“ฝันไปเถอะย่ะ” เพื่อนสาวคนหนึ่งทนฟังคำมโนสาวิตรีไม่ได้ถึงกับผลักหัวให้ผมที่เกล้ามวยมาอย่างดียุ่งเหยิง

สงครามของเหล่าสาวน้อยปะทุขึ้นท่ามกลางอารมณ์บูดที่ถูกกวนให้ขุ่นขึ้นมาอีกครั้งของเจ้าภาพ อลันด์นั่งเท้าคางเปลี่ยนมาจิบโมเอ็ท เอ ชองดงหรือที่เขาชอบเรียกกันว่าโมเอ้แก้เซ็ง คนที่บอกว่าเจอกันที่งานตั้งแต่เช้าจนป่านนี้ยังไม่โผล่หัวมาน่าเอาขวดแชมเปญฟาดให้ตายจริงๆ

“เดี๋ยววามันก็มาไม่ต้องชะเง้อมากคอได้ยืดเป็นยีราฟพอดี” คราวนี้คนที่มาชวนคุยเป็นนายแพทย์รุ่นพี่ของโจทก์หน้าหล่อที่ยังไม่โผล่หัวมา การันต์นั่งลงบนเก้าอี้สตูลตัวข้างๆ ก่อนยกแก้วน้ำส้มชนกับเด็กหนุ่ม

“น้องพี่รันช้าเกินไปแล้วนะ ถ้ามาไม่ทันเป่าเค้กล่ะน่าดู”

“เป่าตั้งสามทุ่มจะกลัวอะไร ให้เวลามันไปแต่งหล่อหน่อยซี่ สุดที่รักเขาอุตส่าห์เลือกชุดให้ทั้งทีจะแต่งลวกๆ ได้ไง”

“ไม่รู้ล่ะ ถ้ามาไม่ทันผมเอาดอมฟาดหัวแน่ เฮ้ แล้วไหงดื่มน้ำส้มล่ะ เอาดอมไหม เดี๋ยวผมเรียกบาร์เทนเดอร์ให้”

การันต์ดึงมือขาวลงแล้วส่ายหน้าปฏิเสธ “พี่ต้องขับรถกลับ คืนนี้งดเมา”

“อะไรกัน งานวันเกิดผมทั้งทีสนุกหน่อยสิ”

“แค่น้ำส้มก็สนุกได้น่า”

“อย่าหาว่าเจ้าภาพเลี้ยงไม่เต็มที่ล่ะ แต่...เดี๋ยวก่อนนะ ผมไม่เห็นรถพี่รันเลยอ่ะ ไม่ใช่ว่าตอนมามีคนมาส่งหรอกเหรอ” อลันด์หรี่ตาจ้องจับผิด คุ้นๆ เหมือนว่าตอนเดินออกไปต้อนรับการันต์กับอักษราจะเห็นอีกฝ่ายลงจากเบาะหลังเบนซ์ เอสคลาสมา

“เพลาๆ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็ดีนะ พี่ว่าเราเมาจนจำผิดจำถูกแล้วล่ะ”

“ยังไม่เมาสักหน่อย” เจ้าตัวปฏิเสธทั้งที่รู้สึกร้อนๆ บนหน้า ไม่ได้ดื่มมานานตั้งแต่ตรวจพบโรคหัวใจจนถึงตอนนี้ก็เกือบครึ่งปีแล้ว ถ้าจะเมาเร็วก็ไม่น่าแปลกใจ “อ่อ ใช่ พี่รันผมขอถามอะไรหน่อยสิ”

“ว่ามาสิ”

“วาจะไม่ไปเรียนต่อแล้วเหรอครับ”

“อ้าว เรื่องนั้นทำไมไม่ถามเจ้าตัวเขาเองล่ะ พี่จะตอบแทนได้ไหมเนี่ย”

“ผมถามแล้วแต่วาบอกว่าจะไม่ไปเรียนต่อ ผมเลยอดคิดว่าเป็นเพราะผมไม่ได้”

“ก็อาจจะใช่” คุณหมอวัยสามสิบปลายตอบตามตรง “แต่ไม่ต้องห่วงคนอย่างมันหรอก วามันรู้ตัวเสมอว่ากำลังทำอะไรอยู่ เรามีหน้าที่ตั้งใจเรียนแล้วก็เลิกทำหน้ามึนเหมือนแมวเมาก็พอ”

การันต์หัวเราะยกมือขยี้ผมเด็กหนุ่มก่อนลุกกลับไปที่โต๊ะด้านในสุด ทิ้งเบิร์ธเดย์บอยนั่งหน้ายู่หน้ายับไว้คนเดียวหน้าเคาน์เตอร์บาร์ เขาไม่ได้คออ่อนขนาดนั้นสักหน่อย


หัวข้อ: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 29 [20.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 20-02-2016 18:58:29
หลังจากรอแล้วรอเล่าจนจะสองทุ่มครึ่งแล้วคนที่รอก็ยังไม่โผล่มาเสียทีอลันด์จึงยอมตัดใจเลิกชะเง้อคอเดินไปบอกบาร์เทนเดอร์ให้ช่วยเก็บดอม ปี 2000 ไว้ฟาด เอ๊ย ให้ทิวากานต์ชิมหนึ่งขวดแล้วไปเฮฮากับเพื่อนๆ ดีกว่า

เด็กหนุ่มรวมกลุ่มเพื่อนนั่งกินนั่งดื่มจนอิ่ม คุยเรื่องสัมเพเหระไปเรื่อยทั้งเรื่องส่วนตัวเรื่องเรียน จนการันต์เดินมาร่วมวงเอ่ยชวนกันเล่นเกมดึงแบงค์พันออกจากหอคอยแก้วคอกเทล ใครทำได้โดยที่แก้วไม่ตกลงมาแตกเอาเงินไปเลย งานนี้ป๋ารันพร้อมแจกไม่อั้น เรียกเสียงฮือฮาจากเด็กหนุ่มเด็กสาวได้ทุกทิศ

เกมนี้เจ้าของวันเกิดต้องเป็นคนประเดิมตามธรรมเนียม คุณหมอคนต้นคิดเกมควักธนบัตรสีเทาจากกระเป๋ามาวางบนฐานแก้วคอกเทลที่ใส่เหล้าไว้ค่อนแก้วแล้วเอาอีกใบวางทับเป็นยอด งานนี้ถ้าดึงพลาดแก้วล้มนอกจากจะได้เก็บเศษแก้วเช็ดเหล้าแล้วเงินมูลค่าหนึ่งพันบาทยังเสี่ยงเปื่อยยับใช้ไม่ได้อีกด้วย เรียกได้ว่ามีแต่เสี่ยงกับเสี่ยง แต่เพราะเสี่ยงแบบนี้แหละถึงสนุก

อลันด์กลั้นหายใจเอานิ้วหนีบปลายธนบัตรทั้งสองด้านดึงไว้จนตึงเปรี๊ยะท่ามกลางสายตาลุ้นระทึกจากเพื่อนร่วมคณะ พอได้จังหวะเขาจัดการตวัดนิ้วเร็วๆ เพียงปริบตาเงินสดมูลค่าหนึ่งพันบาทก็ลอยออกมาอยู่ข้างนอกแล้ว เด็กแสบยักคิ้วเหมือนเป็นเรื่องง่ายๆ ให้คนต้นคิดเกม มีอัลเบิร์ตยืนปรบมือเชียร์เป็นแบ็คกราวด์ เกมนี้สำหรับคุณชายโอเนลล์แล้วถือว่าง่ายเหมือนปลอกกล้วย คุณอาคนหนึ่งทางฝ่ายพ่อเคยสอนเทคนิคนี้กับเขาตอนสิบสี่ หลังจากนั้นพอมีเกมแบบนี้ทีไรเขาได้กินเงินเจ้ามือตลอด

ถัดมาเป็นตาของเพื่อนผู้ชายที่อยากได้เงินกินขนมออกมาอาสา เด็กหนุ่มหมายมั่นปั้นมือเป็นอย่างดี ยิ่งมีตัวอย่างให้เห็นแล้วเขามั่นใจว่าจะไม่พลาด แต่เพราะเป็นมือใหม่แก้วค็อกเทลจึงตกลงมาหกเลอะเทอะ เสียงแก้วแตกดังไม่เท่าเสียงร้องกรี๊ดของพวกผู้หญิงที่ดังยาวนานจนหลายคนสงสัยโดยเฉพาะเสียงกรี๊ดของสาวิตรีทั้งที่อำนาจทำลายล้างของแก้วเป็นแค่วงสั้นๆ บนโต๊ะกลมตัวหนึ่งแถมกินเวลาไม่นานด้วยซ้ำ

“หละ...หละ หลบหน่อยพระเอกมา โหย มาก็สายยังแย่งซีนไอ้บู้อีกนะ” คนินทร์โผล่มาเกาะหลังเพื่อนซี้ตัวเล็กทันทีที่เห็นต้นตอเสียงกรี๊ดเป็นรถซูเปอร์คาร์สีขาวหลังคาดำคันคุ้นตา

ตาสีซีดจับจ้องชายหนุ่มร่างสูงเดินลงมาจากรถด้วยท่วงท่าเหมือนนายแบบโฆษณาโดยไม่ฝืนเก๊กจนไม่เป็นธรรมชาติเหมือนที่เพื่อนด้านหลังเคยลองทำ แม้แต่ตอนใช้นิ้วเรียวสวยกลัดกระดุมบนเสื้อสูทยังสมบูรณ์แบบจนหลายคนเคลิ้ม ริมฝีปากสีแดงเรื่อแต้มรอยยิ้มจางหากเด่นสะดุดตามากกว่าเนคไทสีเดียวกันบนชุดดำทั้งตัว

อลันด์กะไว้แล้วว่าทิวากานต์ในชุดสูทที่เขาเลือกให้จะต้องดูดีโดดเด่น แต่เหมือนเขาประเมินต่ำไปหน่อยเพราะตอนนี้คนรักเขามีเสน่ห์สะดุดตายิ่งกว่าโธมัสเสียอีก

“YOU - ARE - LATE!”

“But finally I’m here” คนมาสายยิ้มเหมือนไม่รู้ว่าตัวเองผิด เขาลูบผมอลันด์ลงมาถึงแก้มนุ่มก่อนดึงแขนอีกคนเข้าไปหาผู้ใหญ่เป็นเพื่อน

ชายหนุ่มยกมือไหว้ตั้งแต่คุณตาคุณยายจนถึงคุณลุงและภรรยาแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ว่าง เอ่ยขอโทษที่มาช้าแต่เหมือนไม่มีใครติดใจอะไร ตอนนั้นอลันด์เพิ่งสังเกตว่าพี่กิตมาถึงพร้อมกับทิวากานต์แต่ถูกแย่งซีนไปหมด

กานต์ถึงกับเก็บอาการไม่อยู่กรี๊ดกร๊าดกับความหล่อของนายแพทย์วัยสามสิบจนถูกคุณย่าเอ็ดเสียงเขียวกับความไม่เป็นกุลสตรี “โธ่ คุณย่าขา ขอกานต์กรี๊ดเหมือนพวกน้องๆ ให้สมกับความหล่อพี่วาหน่อยเถอะค่ะ เดินเข้ามาทีเหมือนโลกหยุดหมุน หล่อขนาดมาริโอ้ชิดซ้ายณเดชชิดขวา น้องแอฟก็คิดเหมือนพี่ใช่ไหมคะ”

หญิงสาวไม่ลืมหันไปหากองหนุนวัยใกล้เคียงกัน หากอักษราเอาแต่ยิ้มไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ ขืนลองบอกว่าทิวากานต์หล่อวัวตายควายล้มได้ถูกคนแก่งอนแน่ๆ เธอเงียบเก็บไปกรี๊ดคนเดียวในใจดีกว่า

“ดูพูดเข้า ไม่เกรงใจย่าก็เกรงใจคุณหมอเขาหน่อยเถอะ”

“ฮ่าๆ ไม่เป็นไรหรอกครับคุณยาย มีคนชมแบบนี้ผมค่อยมั่นใจหน่อยว่ายังหล่อเหมือนเดิม เห็นวันเกิดแบบนี้แล้วอดรู้สึกว่าตัวเองแก่ขึ้นทุกปีไม่ได้” ทิวากานต์ยิ้มรับไม่ถือสา เขาเบี่ยงตัวหันไปหาบริกรสั่งเครื่องดื่ม เห็นมีของดีอย่างดอม เพอริญองก็จัดมาเสียหน่อย คืนนี้ไม่เมาไม่เลิก

แต่กลายเป็นว่าถูกเด็กฝรั่งดึงชายเสื้อเอ็ดเข้าให้ “ดื่มแบบนี้แล้วจะขับรถกลับยังไง ขนาดพี่รันยังไม่ดื่มเลย”

“ไม่ต้องห่วง ระดับนี้เมาไม่ขับอยู่แล้ว”

“หมายความว่าไง” เสียงแหบเริ่มเหวี่ยง มาสายแล้วยังทำให้สงสัยอีกนะ

“เดี๋ยวก็รู้น่า ขอพี่กินอะไรก่อนนะหิวมากเลย”

“คุณลุงใช้งานพี่วามากไปแล้วนะ” พอเอาผิดกับคนข้างตัวไม่ได้เจ้าของวันเกิดจึงไปลงกับเจ้านายคนรักแทน พอเห็นพี่ชายแม่ทำหน้าตกใจเด็กหนุ่มจึงใส่ไม่หยุด “ก็เดือนนี้พี่วากลับดึกประจำเลย”

“พี่เขาต้องทำงานแล้วเราไปวุ่นวายอะไรกับเขาล่ะฮึไอ้ตัวยุ่ง”

“คุณยายยย...” พอถูกสกัดเจ้าตัวแสบถึงกับร้องโอดครวญหน้างอเดินปึงปังกลับไปรวมกลุ่มกับเพื่อนเล่นเกมต่อ คนที่หวังให้มาง้อก็ไม่มานั่งกินข้าวอยู่กับพวกคนแก่ตรงนั้นแหละ กระนั้นเขารู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมากขนาดที่คนินทร์รีบเข้ามากระเซ้า

เกมดึงธนบัตรดำเนินต่อไปเรื่อยๆ มีคนทำได้บ้างไม่ได้บ้างแต่ส่วนใหญ่จะชวดเสียมาก เกมกินเงินป๋ารันไม่ใช่ง่ายๆ เลย

พอสามทุ่มจึงได้ฤกษ์เริ่มไฮไลท์สำคัญของงานวันเกิด เค้กปอนด์รูปทรงกีตาร์ปักเทียนเลขอายุถูกยกออกมาโดยฝีมือหมอกิตท่ามกลางไฟสลัวและเสียงร้องเพลงแฮปปี้ เบิร์ธเดย์

อลันด์หลับตาอธิษฐานก่อนก้มลงเป่าเทียนจนเปลวไฟมอดลงแสงนีออนจึงสว่างขึ้นมาอีกครั้ง เขายกมือไหว้ขอบคุณคุณตาคุณยายที่จัดงานวันเกิดนี้ให้ ตัดเค้กแจกผู้ใหญ่รับขวัญรับพรเป็นที่เรียบร้อยอดีตเอกอัครราชทูตกับภริยาถึงค่อยยื่นซองจดหมายสีครีมเรียบๆ ให้หลานชายคนโปรด ทีแรกเด็กหนุ่มคิดว่าคงได้เป็นเช็คเงินสดอย่างเคย หากคิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอัตโนมัติเมื่อสัมผัสวัตถุนูนๆ ด้านใน

“เปิดดูเลยสิจ๊ะ ยายจะได้รู้ว่าเราชอบหรือเปล่า”

เมื่อได้รับอนุญาต เด็กฝรั่งตัวแสบจึงไม่รอช้าแกะซองแล้วเทของที่อยู่ข้างในออกมาดู เพียงแค่เห็นคีย์การ์ดกับกุญแจรถมินิก็อ้าปากกรี๊ดเป็นเด็กๆ อลันด์ดึงคุณตาคุณยายมากอดแถมจูบให้อีกคนละฟอดแล้ววิ่งออกไปดูมินิ คูเปอร์ เอสสีขาวล้วนคันใหม่เอี่ยมทะเบียนประมูลที่จอดโชว์อยู่หน้าร้าน เดินๆ ดมๆ อยู่สามรอบถึงกลับเข้ามาข้างในถามถึงคีย์การ์ดที่ได้เป็นของขวัญอีกชิ้น

“ชิ้นนี้งานเลิกแล้วค่อยไปดู” ทิวากานต์ฉวยคีย์การ์ดสอดใส่เสื้อสูทตัวเอง ก่อนเดินไปหาดีเจให้เริ่มปาร์ตี้เต็มรูปแบบได้เลย

คนตัวเท่าไหล่เบะปาก ของขวัญชิ้นนี้ดูท่าคุณหมอคงมีส่วนรู้เห็นด้วยไม่น้อย เมื่อกี้เห็นแวบๆ บนหน้าการ์ดเป็นชื่อโรงแรมหรือคอนโดอะไรสักอย่าง แสดงว่าราตรีนี้ยังอีกยาวไกลจะเมาหัวทิ่มไม่ได้เด็ดขาด

เสียงดนตรีอิเลคโทรนิคแนว EDM ดังขึ้นเป็นสัญญาณบอกเริ่มงานปาร์ตี้และหมดเวลาครอบครัวแล้ว เจ้าของวันเกิดเดินไปส่งคุณตาคุณยายขึ้นรถกลับบ้าน คุณลุงกับภรรยาเองก็ขอกลับไปพร้อมกันเหลือแค่พี่กิตพี่กานต์ไว้ ด้านหมอการันต์พอร่วมวงแดนซ์กับเด็กๆ ไปได้หน่อยก็ขอตัวพาอักษรากลับบ้าน คุณป๋าหน้าใหญ่ไม่ลืมอวยพรวันเกิดให้ศีลให้พรเบิร์ธเดย์บอยอีกรอบแล้วกระโดดขึ้นน้องกบของทิวากานต์ขับออกไป เด็กหนุ่มทำหน้างงคิดไปเองว่าคุณหมอคงเอารถฝากไว้กับการันต์แล้วขับมินิกลับห้องไปกับเขา

เด็กฝรั่งฝ่าเพื่อนๆ ที่เริ่มออกลวดลายขยับร่างกายไปหาทิวากานต์ท่ามกลางวงล้อมสาวน้อยหน้าตาดี ตั้งแต่เริ่มปาร์ตี้คนรักเขาฮอตปรอทแตกมีแต่คนเข้ามาสี ยิ่งเจ้าตัวสวมบทบาทแบดบอยรักสนุกพวกผู้หญิงยิ่งกรี๊ดเข้าไปใหญ่ ถ้าตาไม่ฝาดไปเหมือนจะเห็นเพื่อนชายออกสาวเข้าไปสีด้วย

“พี่รันไปแล้วไม่มีสปอนเซอร์จ่ายค่าเกมเลยอ่ะ” ใครสักคนร้องขึ้นมา กิตเห็นแบบนั้นเลยสวมรอยเป็นเสี่ยเล่นเกมแจกเงินบ้าง แต่จะให้ดึงแบงค์จากแก้วคอกเทลก็ดูจะเกิดความเสียหายมากไปเลยใช้ขวดแชมเปญเปล่าแทน เขาคว่ำปากขวดให้ทับธนบัตรมูลค่าหนึ่งพันบาทไว้แล้วขออาสาสมัคร งานนี้ดูเหมือนง่ายแต่ลองแล้วทำยังไงขวดก็ล้มทุกที

“อ่อน!” หนุ่มฮอตแย่งซีนเจ้าของงานตะโกนเสียงดังหลังคนินทร์เข้าไปลองแล้วทำขวดล้ม เสียงโห่ฮาดังขึ้นรอบทิศราวจะท้าให้คนพูดออกมาลองเองบ้าง “เดี๋ยวก็รู้ว่าเรามันคนละระดับกัน”

ทิวากานต์เข้าไปยืนหน้าโต๊ะกลมตัวที่ใช้เล่นเกม เสื้อสูทถูกโยนให้หนุ่มไทยที่เพิ่งแพ้เกมไปเป็นคนถือ เขาอวดหุ่นตึงแน่นสมส่วนใต้เสื้อกั๊กเรียกเสียงกรี๊ดได้อีกระลอก

“ของแค่นี้ กล้วยๆ” พูดจบปุ๊บเขากระทืบรองเท้าหนังบนพื้นแรงๆ แล้วใช้นิ้วนุ่มตวัดดึงธนบัตรออกมารวดเร็วง่ายดายทำเอาเสียงกรี๊ดดังขึ้นอีกเท่าตัว

“จะเด่นเกินหน้าเกินตาน้องชายพี่ไปแล้วไหมหมอวา แบบนี้อัลน้อยใจแย่”

ตาเรียวดุหันไปมองเชิงถามว่าแค่นี้งอนเหรอ เลยถูกคนเด็กกว่าสะบัดหน้าใส่ วันนี้ทิวากานต์ทำตัวน่าเอาขวดแชมเปญฟาดหัวจริงๆ อลันด์เดินไปหาบาร์เทนเดอร์สั่งมอคเทลมาดื่มให้อารมณ์เย็น พยายามไม่นับว่าตั้งแต่เริ่มงานปาร์ตี้มาเจ้าตัวทำให้เขาหงุดหงิดไปแล้วกี่ครั้ง

เสียงเพลงดังขึ้นเรื่อยๆ เท่ากับระดับแอลกอฮอล์ในร่าง งานปาร์ตี้ยิ่งสนุกเข้าไปใหญ่เมื่อนักร้องหนุ่มชื่อดังขวัญใจหญิงไทยค่อนประเทศโผล่มาตอนสี่ทุ่ม เด็กหนุ่มหลายคนถอดสูทวาดลวดลายบนฟลอร์เต้นรำอย่างไม่มีใครยอมใคร สาวคนไหนหมายตาหนุ่มคนใดก็เข้าไปกระแซะใกล้ๆ เล่นเอาหนุ่มฮอตอย่างนภกับทิวากานต์เหงื่อท่วมตัวแต่กลับยิ่งน่ากินขึ้นอีกหลายเท่า สุดท้ายเป็นหนุ่มวัยสามสิบยอมแพ้ขอนั่งพักเหนื่อยสั่งบรั่นดีมาจิบเบาๆ ที่เคาน์เตอร์บาร์ พอมีสาวตามมานั่งด้วยเด็กฝรั่งขี้หึงจะรีบพุ่งมานั่งกันท่าส่งสายตาขวางๆ ใส่ทุกคนที่ทำท่าจะเข้ามา เล่นเอาถอยหลังกลับกันแทบไม่ทัน

ขอเวลาส่วนตัวให้คู่รักบ้างเถอะ!

“เป็นเจ้าของงานแท้ๆ ไปแยกเขี้ยวใส่แขกได้ไง นิสัยเสีย”

“วันนี้ฟีโรโมนฟุ้งยั่วแมลงเป็นพิเศษนะ” ไม่ต้องอารัมภบทกันมากมายเจ้าตัวแสบเปิดประเด็นตามนิสัยทันที หากคนปล่อยฟีโรโมนจะสลดสักนิดเป็นไม่มีแถมยังยกมุมปากยักไหล่บอกว่าเป็นเรื่องช่วยไม่ได้

“อัลเลือกชุดเองนะ” เจอย้อนแบบนี้คนตัวเล็กถึงกับออกอาการจิ๊จ๊ะจนทิวากานต์อยากจับมาตีปากด้วยปากเน้นๆ สักที

พวกเขานั่งดื่มกันเงียบๆ สักพักนภก็เดินมาสมทบพร้อมสาวสวยอีกสองคน ทิวากานต์เลยลุกกลับไปลงสมรภูมิแดนซ์อีกครั้ง ชายหนุ่มแทรกตัวเข้าไปกลางฟลอร์แล้วเริ่มขยับร่างกายตามจังหวะเพลง EDM จากเบาๆ จนกระทั่งหัวสั่นหัวคลอน เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ถูกส่งให้ดื่มจากแทบทุกทิศ ยิ่งเต้นยิ่งคึกร่างกายร้อนผ่าวโดยเฉพาะตอนสัมผัสเสียดสีเสื้อผ้ากับคนอื่น หน้าตาชื้นเหงื่อเซ็กซี่ยั่วยวนจนอลันด์ที่มองอยู่เผลอกัดปากด้วยความอยากกินหลายครั้งจนเลือดซิบ

หากก่อนจะตบะแตกไปลากคนกลางฟลอร์มาจูบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงก็สั่นกราว ยกขึ้นมาดูเห็นเป็นชื่อคุณชายจากอังกฤษจึงเดินเลี่ยงออกมารับที่นอกร้าน

‘Happy Birthday หวังว่ายังทันนะ’ เสียงทุ้มนุ่มสำเนียงบริติชแบบผู้ประกาศข่าว BBC ดังผ่านลำโพงให้ได้ยินพลางจินตนาการถึงใบหน้าหล่อเหลาอย่างนักกีฬาโปโลทีมชาติขึ้นมาทันที

“ถ้าช้าไปกว่านี้สักชั่วโมงคงไม่ทัน”

‘อ่า...กะเวลาผิดจนได้ ฉันอยากอวยพรเป็นคนสุดท้ายน่ะ ได้รับของขวัญกับช่อดอกไม้หรือยัง’

“ขอทีเถอะเจมส์เรื่องดอกไม้เนี่ย ฉันไม่ใช่ผู้หญิงนะ”

‘อย่าซีเรียสน่า’ หนุ่มอังกฤษหัวเราะชอบอกชอบใจ เขามีอะไรอีกมากที่อยากพูดแต่เลือกเก็บไว้กับตัวจะดีกว่า ‘อืม...ยังไงก็ขอให้มีความสุขแล้วกัน สุขสันต์วันเกิดนะอัล’

“ขอบใจ” เขาสอดโทรศัพท์เก็บที่เดิมหมุนตัวกลับเข้าไปในร้าน มือเรียวผลักบานประตูกระจกเข้าไปเจอทิวากานต์ยืนอยู่ตรงหน้า

“ใครโทรมา ทอม? เจมส์?”

“เจมส์โทรมาเบิร์ธเดย์ แล้ววาไม่เต้นต่อแล้วเหรอ”

“ไม่อ่ะ พอ เหนื่อย แก่แล้ว” เขาถลกแขนเสื้อดูเวลา อีกสี่สิบห้านาทีจะเที่ยงคืน “ได้เวลาล่ะ ไปนั่งรถเล่นกันเหอะ”

“หืม จะหนีปาร์ตี้ไปนั่งรถเล่น”

“ใช่ ไปกันเถอะ”

ถึงจะพูดอย่างนั้นทิวากานต์กลับจูงอลันด์เข้าไปด้านในบอกให้เด็กหนุ่มแต่งตัวใหม่ให้เรียบร้อย ส่วนคนสั่งก็เดินไปไปทั่วตามหาอัลเบิร์ตที่โดนนักศึกษาสาวล่อลวงอยู่มุมหนึ่งของร้านแล้วเอาเสื้อสูทที่ถอดทิ้งไว้ตั้งแต่ตอนสามทุ่มมาสวม เมื่อทิวากานต์เดินกลับมาหาเขาอีกครั้งพร้อมพี่กิตพี่กานต์ถึงได้รู้ว่าเซอร์ไพรส์วันเกิดเขายังไม่จบแค่นี้

“รีบไปกันเถอะเดี๋ยวไม่ทัน ตรงนี้พี่ดูต่อเอง” กิตเดินมาตบไหล่น้องชายคนเล็ก เขาอวยพรอีกฝ่ายอีกนิดหน่อยก็ปล่อยให้เดินตามทิวากานต์ออกมาข้างนอก ทิวากานต์ยืนหล่อข้างเบนท์ลีย์ มูซานสีขาวคันเดียวกับที่เขานั่งมา อัลเบิร์ตยืนอยู่ไม่ไกลรอเปิดประตูให้

ไม่มีใครพูดบอกให้ทำอะไรแค่เพียงอัลเบิร์ตเปิดประตูรถร่างกายก็ขยับไปโดยทันที ร่างเล็กสอดตัวเข้านั่งที่เบาะหลังเงียบๆ จนประตูปิดลงและรถเคลื่อนตัวออกจากร้านแล้วถึงเพิ่งรู้ว่าทิวากานต์นั่งอยู่ด้านข้างชูแก้วไวน์ที่รินดอมไว้ส่งให้

“คืนนี้ยังอีกยาวนานเบิร์ธเดย์บอย”

“ยังมีเซอร์ไพรส์อะไรอีกไหม” มือเล็กคว้าก้านแก้วมาถือเองแล้วชนกับอีกคนจนเกิดเสียงเคร้งเบาๆ เสียงดนตรีแจ๊สนุ่มละมุนดังคลอในห้องโดยสารไม่ให้เงียบเหงา

“หลังจากนี้ยังมีอีกเยอะ อย่าเพิ่งช็อคไปก่อนล่ะ”



รถซีดานสีขาวเคลื่อนที่ไปบนทางด่วนด้วยความเร็วสม่ำเสมออย่างไร้จุดหมายปลายทางให้ผู้โดยสารสองคนบนที่นั่งตอนหลังดื่มด่ำชมบรรยากาศแสงไฟยามค่ำเคล้าดอม เพอริญอง ปี 2002 หลายต่อหลายแก้วจนหน้าแดงแจ๋ทั้งคู่

กระทั่งรถวิ่งมาถึงสะพานเดียวกับตอนที่พวกเขาใช้เคาท์ดาวน์ปีใหม่ ทิวากานต์สอดนิ้วรูดปมเนคไทให้คลายลงช้าๆ เขากระซิบข้างหูเด็กหนุ่มให้หลับตาแล้วใช้ผ้าไหมผืนหนาสีแดงสดปิดทับเอาไว้ อลันด์หัวเราะคิกคักพึมพำภาษาบ้านเกิดออกมาจับใจความไม่ได้

ท่ามกลางความมืดเขารู้แต่รถยังแล่นไปอีกหลายนาทีก่อนหยุดนิ่ง เสียงเปิดปิดประตูรถดังสลับติดๆ กันก่อนตัวเขาจะถูกทิวากานต์ฉุดให้ลงจากรถพาเดินสะเปะสะปะเดี๋ยวเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวามึนหัวไปหมด ไม่นานเท่าไหร่คนจูงก็หยุดฝีเท้าลง มีเสียงติ๊งดังขึ้นเบาๆ เดาเอาว่าเป็นลิฟต์และน่าจะใช่เพราะต้องเดินเข้าไปไม่กี่ก้าวแล้วความรู้สึกเหมือนเท้าลอยจากพื้นก็เกิดขึ้น หูอื้อปวดไปถึงข้างในพยายามขยับกรามหลายๆ ทีให้หายกระทั่งลิฟต์จอดยังไม่ทันจะหายดีก็ถูกลากให้เดินออกไปอีกครั้ง

อลันด์สัมผัสได้ถึงไอร้อนและกลิ่นน้ำหอมชวนฟัดจากร่างกายซ้อนทับด้านหลังเมื่อถูกจับมาหยุดนิ่งอีกครั้ง เสียงก๊อกแก๊กเบาๆ ลอดเข้ามาให้ได้ยินพร้อมแรงโอบรัดรอบเอว

“Happy Birthday Naughty Boy”

เมื่อดวงตาเป็นอิสระอีกครั้งอลันด์จึงได้เห็นทางเข้าห้องเต็มไปด้วยลูกโป่งสีเงินสลับขาว พอเดินเข้าไปด้านในก็เจอลูกโป่งรูปตัวอักษรย่อภาษาอังกฤษว่า ‘HBD’ กล่องของขวัญทั้งหมดจากในงานปาร์ตี้ถูกยกมากองไว้ตรงกลางห้องแล้ว คงอาศัยช่วงเวลาที่เขานั่งรถเล่นจัดเตรียมไว้นั่นเอง แต่ลูกโป่งพวกนี้คงทำไว้ตั้งแต่เย็น และคนทำคงไม่พ้นผู้ชายตัวโตคนนี้แน่ เห็นแบบนี้แล้วเขาจะไม่คิดบัญชีเรื่องที่มาสายแล้วก็ได้

ทิวากานต์เดินตามเข้ามาหลังปิดประตูให้ เขาตรงเข้าไปจูงมือเด็กหนุ่มเดินดูรอบๆ ห้องและมาจบที่ผนังกระจกเห็นแม่น้ำเจ้าพระยาโค้งตัวสวยงามอยู่ด้านล่าง ตอนนั้นเด็กฝรั่งถึงรู้ว่านี่ไม่ใช่ห้องชุดที่อโศก “ชอบไหม” เสียงทุ้มแหบพร่ากระซิบชิดใบหูขาวก่อนไล้ริมฝีปากลงมาถึงปลายคางมน

“Yes” เสียงแหบพร่าพึมพำตอบกลับไปเหมือนละเมอ ใบหน้าเล็กพลิกเข้าหาอีกคนมอบจูบดูดดื่มแทนคำขอบคุณที่ทำทุกอย่างให้เขาขนาดนี้

“ทันก่อนเที่ยงคืนพอดี” ทิวากานต์ว่า “มานี่มา ยังมีเซอร์ไพรส์อีก”

“ยังมีอีกเหรอ”

“แน่นอน มาเหอะพี่เชื่อว่าเราจะชอบ”

สถานที่ที่ทิวากานต์พามาคือห้องน้ำในมาสเตอร์เบดรูมชั้นบนของห้องชุดแบบ Duplex มีอ่างจากุซซี่ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ชิดริมกระจกเห็นทิวทัศน์กรุงเทพยามค่ำคืน น้ำร้อนผสมโฟมอาบน้ำถูกรองไว้เกือบเต็ม เทียนอโรมาถูกจุดให้ความสว่างส่งกลิ่นหอมไปทั่ว ถ้าบอกว่าไม่ตกใจเลยคงเป็นการโกหก คืนนี้เขาถูกเซอร์ไพรส์จนคร้านจะนับ

ร่างสูงใหญ่ยืนซ้อนด้านหลังปลดกระดุมก่อนไล่ปลายนิ้วเนียนนุ่มกว่าหญิงสาวรั้งช่วงปกให้เสื้อสูทตกลงพื้น เสื้อผ้าปกปิดร่างกายถูกเปลื้องไปกองด้านล่างออกทีละชิ้น แม้แต่กางเกงและชั้นในทิวากานต์ยังช่วยรูดลงให้เรียบร้อย

อลันด์ตัวสั่นขนลุกเกรียว ไม่แน่ใจสาเหตุว่าเกิดจากอากาศเย็นของแอร์คอนดิชั่นที่ลอดผ่านประตูห้องน้ำมาหรือเกิดจากอาการตื่นเต้นกันแน่ ในหูได้ยินแต่เสียงสะท้อนของหัวใจเต้นดังตุ้บๆ ปวดหน่วงไปทั้งอกน่ากลัวจะเป็นโรคหัวใจอีกรอบ เงาร่างขาวซีดสะท้อนแสงเทียนวูบวาบเหมือนภาพในจินตนาการมากกว่าความจริงทอดบนผนังกระเบื้อง เคลื่อนไหวเป็นริ้วแสงกระทั่งหายลงไปในอ่างอาบน้ำ

เปลือกตาบางหลุบลงยามแผ่นหลังเล็กเอนพิงผนังเซรามิคซึมซัมบรรยากาศแสนสบายในอ่างจากุซซี่ น้ำอุ่นกำลังดีโอบรอบกายค่อยๆ เปลี่ยนผิวขาวซีดเป็นสีแดงเรื่อ เขาปล่อยตัวจมในอ่างจนถึงสันจมูก รู้สึกสบายเหมือนตอนไปพักร้อนที่มอนเตเนโกรชะมัด

เสียงครืดคราดปลุกเด็กหนุ่มออกจากภาพฝันวันวาน เป็นทิวากานต์กลับมาอีกครั้งในสภาพสวมชุดคลุมอาบน้ำเข็นรถใส่ถังน้ำแข็งแช่ขวดแชมเปญกับแก้วไวน์ทรงสูงสองใบ มีตระกร้าใบเล็กๆ น่ารักใส่สตรอเบอรี่วางคู่มาด้วย

“Dom Pérignon Vintage 1996, your birthyear” ทิวากานต์หยิบขวดขึ้นจากถังแช่ เอาผ้าเช็ดจนแห้งแล้วยื่นให้เด็กหนุ่มอ่านฉลาก “เปิดเลยนะครับ”

“Whatcha doin’” เด็กฝรั่งผุดขึ้นจากน้ำโวยวายเคล้าเสียงหัวเราะดังลั่นกับมาดบริกรชุดอาบน้ำของคนรักที่ยังคงสวมบทบาทตีหน้านิ่งได้อย่างเหลือเชื่อ ตาสีอ่อนมองทิวากานต์จัดการเปิดจุกไม้คอร์กออกอย่างคล่องแคล่วแล้วรินส่งแก้วไวน์ให้ เขารับมาจิบเบาๆ กินคู่กับสตรอเบอรี่หวานฉ่ำแล้วยังแช่น้ำร้อนอยู่แบบนี้มีสิทธิ์เมาหัวทิ่มได้ง่าย “ไหนๆ แล้วหยิบโทรศัพท์ให้ทีสิ”

“ได้ครับ”

บริกรจำเป็นก็บ้าจี้ล้วงโทรศัพท์มือถือจากกองเสื้อผ้าบนพื้นแล้วส่งให้อลันด์เอาไปถ่ายรูป เดี๋ยวเปลี่ยนมุมนั้นเปลี่ยนมุมนี้ถ่ายแล้วถ่ายอีก ลามมาถึงชายหนุ่มช่วยถ่ายให้อีก นิ้วขาวเลื่อนๆ จิ้มๆ เลือกรูปที่ถูกใจที่สุดโพสลงอินสตาแกรมพร้อมใส่แคปชั่น ‘Best B-day I ever had #bestbday #mybirthday #growingup #19’ เป็นที่พอใจถึงส่งโทรศัพท์ให้คนรักเอาไปเก็บพ้นน้ำ

“วาซื้อห้องนี้เหรอ” พอคนรักเดินกลับมายืนกอดอกข้างอ่างเขาถึงเงยหน้าขึ้นไปถาม หวนนึกไปถึงสัปดาห์ก่อนที่ทิวากานต์เคยแย็บๆ ถามว่าชอบคอนโดนี้ไหม

“บอกแล้วว่าจะเอาเงินที่ไหนมาซื้อ ใครให้คีย์การ์ดมาก็คนนั้นแหละ ฉันแค่มาช่วยตกแต่งเฉยๆ ชอบไหม”

“ชอบมาก ไม่คิดว่าคุณตาจะซื้อให้อ่ะ ถ้าแด๊ดรู้นะ...หึหึ” มือขาวยื่นแก้วเปล่าไปตรงหน้าทิวากานต์ให้เติมแชมเปญแก้วที่สองแล้วเปลี่ยนหัวข้อสนทนาเพราะไม่อยากพูดถึงบิดาจอมเฮี้ยบ “ย้ายมาอยู่ที่นี่กันไหมวา ใกล้มหาลัยแล้วก็ใกล้ที่ทำงานวาด้วยนะ”

“ย้ายมาอยู่ในฐานะอะไรล่ะ”

“คนพิเศษของผมไง จะว่าไปผมยังไม่ได้ของขวัญวันเกิดจากวาเลยนะ”

“ฉันไงของขวัญ” ตาสีซีดกระพริบปริบก่อนสำลักแชมเปญลงอ่างเมื่อเห็นชายหนุ่มวัยสามสิบยังคงยืนยันคำพูดด้วยใบหน้าจริงจัง

“แค่กๆ ล้อกันเล่นป่ะเนี่ย”

“ล้อเล่นที่ไหนกัน นี่ไงโบว์ ปลดเลยสิ” อลันด์เลื่อนสายตาไปตามนิ้วยาวมองปมชุดคลุมอาบน้ำตรงช่วงเอวแล้วหน้าแดงนึกไปถึงไหนต่อไหนใต้ผ้าขนหนูเนื้อหนา ทิวากานต์ช่างขยันทำให้คนเป็นบ้าเสียจริง “ฉันรู้น่าว่าเธออยากได้ของขวัญชิ้นนี้จะแย่”

“SHUT - THE - FUCK - UP!”

บางทีอลันด์ก็อยากถามว่าพี่ไปเอาความมั่นหน้ามาจากไหน พูดมาได้ยังไงกันว่าเขาอยากได้ทิวากานต์จะแย่ ถึงมีส่วนเป็นจริงอยู่บ้างเถอะ!

“ไม่อยากได้เหรอ อะไรกัน คนอื่นยังอยากได้เยอะแยะ เพื่อนเธอแต่ละใช่ย่อยที่ไหนทิ้งเบอร์ไว้ให้เต็มเลย”

“วาอ้ะ มานี่เลยนะ” เด็กฝรั่งตีขาในอ่างแรงๆ จนน้ำกระจาย หน้าขาวง้ำงอเรียกให้คนสูงวัยกว่าเข้ามาใกล้ระยะเอื้อมแขนถึงแล้วจัดการกระตุกปมรัดชุดคลุมอาบน้ำออก ได้ยินเสียงหัวเราะดังแว่วมาเป็นอันรู้ว่าโดนหมอศัลย์จอมเจ้าเล่ห์ยั่วเข้าให้อีกแล้ว

“ล้อเล่นน่า อัลเหยิบหน่อยขอพี่วานั่งด้วยคนนะครับ”

ไม่ต้องรอคนเด็กกว่าอนุญาต ทิวากานต์จัดการเปลื้องเสื้อคลุมอาบน้ำออกพาร่างเปล่าเปลือยลงไปนั่งเบียดอีกคนในอ่าง เขาฉีกยิ้มกว้างพลางใช้มือเปียกน้ำลูบแก้มขาวเบาๆ เอาอกเอาใจเหมือนอลันด์เป็นแมวขี้หงุดหงิด แรงดันในอ่างจากุซซี่ทำหน้าที่ได้ดีสมราคาแป๊บเดียวคนหน้างอก็ผ่อนคลายยอมให้คุณหมอนั่งซ้อนเอนตัวพิงอกทิวากานต์จิบแชมเปญเคล้าสตรอเบอรี่เพลินๆ ผลัดกันชิมผลัดกันป้อนคุยกันหัวเราะคิกคัก

กระทั่งคุณหมอรวบเอวเด็กฝรั่งด้วยสองมือแล้วเกยคางบนไหล่อีกฝ่าย กระซิบเสียงแหบพร่าชิดใบหู หาประโยคบอกกล่าวนั้นหวานจับใจเล่นเอาคนฟังน้ำตาคลอ

“ของขวัญที่พี่จะให้เป็นของที่มีค่าที่สุด พรุ่งนี้... ไม่สิ วันนี้พี่วาจะมอบเวลาของพี่ให้อัลเป็นของขวัญ จะเป็นของอัลอยู่กับอัลตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง”

อลันด์ไม่ตอบอะไรนั่งเงียบฟังคนข้างหลังพูดต่อ แต่ไม่ลืมกระชับมือจับแขนอีกคนไว้แน่นๆ

“มีเด็กปากมากโทรมาฟ้องหาว่าพี่ละเลยอัลทำอัลร้องไห้ จะหาว่าแก้ตัวก็ได้แต่พี่ต้องวิ่งเตรียมของขวัญวันเกิดเราให้วุ่น มินินั่นคุณยายเขาก็ให้ไปช่วยเลือก ตอนแรกเขาจะซื้อรถแบบพี่ให้ด้วยซ้ำแต่พี่บอกว่าอัลไม่ชอบหรอก เคยให้ขับน้องกบแล้วขาเหยียบไม่ถึงคันเร่งอย่างอัลต้องคันเล็กๆ ดูเป็นอังกฤษมากกว่าก็เลยเอาคันนี้ ห้องนี้เขาก็มาถามว่าจะแต่งยังไงดี อยากให้เป็นของอัลคนเดียวเลย พี่เลยต้องหาอินทีเรียมาช่วย ทำทั้งห้องดูหนังทั้งห้องซ้อมดนตรี สั่งเก็บเสียงไม่รบกวนเพื่อนบ้าน แล้วก็เอาห้องนอนเล็กทำเป็นวอล์กอินโครเซ็ทให้เพราะรู้ว่าเราชอบช้อปปิ้ง ทำตั้งแต่หลังปีใหม่มีเวลาแค่สองเดือนรีบจนไม่รู้จะทันไหม พอใกล้แล้วยังไม่เสร็จเลยต้องมาคุมมาเร่งช่างกันสุดๆ พลอยกลับบ้านดึกประจำ วันนี้ทำเคสเสร็จก็รีบมาตรวจงานรอบสุดท้ายกับพี่กิตแล้วเตรียมลูกโป่งข้างนอกนั่นต่อ กว่าจะแต่งตัวหล่อให้สมกับที่มีคนเตรียมไว้ให้ สุดท้ายไปงานวันเกิดสายจนได้ ลืมไปเลยว่ามีเด็กขี้งอนไม่ชอบถูกทิ้งรออยู่ พี่ขอโทษ...แต่เชื่อเถอะว่าพี่ไม่เคยคิดจะเลิกกับเราเลยนะ”

ฟังประโยคสารภาพยาวเหยียดแล้วมีหลายคำพูดที่อลันด์อยากบอกออกไปแต่ลำคอกลับตีบตันเปล่งเสียงไปไม่ได้ เด็กหนุ่มอยากบอกขอโทษ...อยากบอกว่ารักวา... หากมีเพียงน้ำตาอุ่นๆ ที่ไหลอาบแก้มเป็นบทเรียนแก่การไม่เชื่อใจคนรักที่อลันด์จะจำจนตาย

เขาเชื่อแล้วจริงๆ ว่าบนโลกนี้จะหาใครรักเขาได้เท่าที่ทิวากานต์ทำนั้นคงไม่มี



TBC

ให้เขาหวานกันต่อไปพิเศษสำหรับเดือนแห่งความรัก
หุหุ

เจอกันตอนหน้าเมื่อพี่วาพาน้องไปไหว้แม่ค่า
จุ๊บๆ
 :mew1:

ปล. ฝากแท็ก #พี่วาน้องอัล ด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 29 [20.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 20-02-2016 19:38:04
เอ่อมมม.   ของขวัญแต่ละอย่างเลอค่ามาก. ว่าแต่หมอวาจะให้ไรอลันด์อะ   :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 29 [20.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 20-02-2016 19:50:16
ง้อพี่วาหน่อยด้วยนะอัล
อย่าโกรธเลย พี่วาตั้งใจทำให้อัล
เบิร์ดเดย์นะจ๊ะน้องอัล
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 29 [20.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 20-02-2016 20:25:03
HBD น้องอัล    :L2:   พี่วาทำหวานจริงๆช่วงนี้ ชอบค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 29 [20.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 20-02-2016 20:29:57
โอ้ยยยย...อิจฉาน้องอัล

หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 29 [20.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: minkey ที่ 20-02-2016 20:35:20
หมอวาคือให้เวลาน้องงี้อ่อ  :hao6:
งื้อออออ ของขวัญน้องแต่ละอย่างพี่วามีส่วนร่วมหมดเลยอ่ะ
น่าร๊ากกกกก
รีบเปิดตัวกับทางบ้านไวๆนะ


ละมุนอ่ะ หวานอ่ะ อิจฉาน้องอ่ะ
555555

แบบหมอวานี่หาได้จากไหนนนน :hao7:
 :ling1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 29 [20.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 20-02-2016 20:40:24
เซอร์ไพรส์หนักมากๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 29 [20.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 20-02-2016 20:43:08
ก่อนหน้านี้ อย่าว่าแต่อัลงอนเลย คนอ่านก็แอบงอนคุณหมอ
พอเฉลย คุณหมอวาช่างเป็นแฟนที่แสนดีอะไรเช่นนี้
ต้องทำบุญด้วยอะไรคะถึงจะได้เกิดเป็นน้องอัล
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 29 [20.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: itsbelle ที่ 20-02-2016 23:05:28
มาแล้วววววว ดีใจมากเข้ามาเปิดดูทุกวัน รักนิยายเรื่องนี้มากกกก  :mew1:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 29 [20.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: yisren. ที่ 20-02-2016 23:50:28
หวานมากอ่ะ ฮื่ออออ หมอวาคนดีคนโซฮอต อิจอัลน้อยมากค่ะตอนนี้ 555555
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 29 [20.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 20-02-2016 23:53:13
ขอแบบหมอวาคนเถอะนะ  :mew1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 29 [20.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: Apple_matinie ที่ 21-02-2016 00:13:44
 o13
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 29 [20.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: Apple_matinie ที่ 21-02-2016 00:16:25
 o18
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 29 [20.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: Mokuchi ที่ 21-02-2016 00:29:32
น้องอัลชีวิตดี๊ดีจริงๆค่ะ น่าอิจฉาเกินไปแล้ววว :-[
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 29 [20.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 21-02-2016 01:11:34
 o13
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 29 [20.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: ren ที่ 21-02-2016 01:21:14
เจอเรื่องเครียดๆมาติดๆกันและเพิ่งมีโอกาสเเวะมาอ่านตอนวาเลนไลน์กับตอนล่าสุดนี้  ความเครียดเราหาไปเลยยนะ  อ่านไปยิ้มไปกับพี่หมอวาและน้องอัล  หวานๆและอบอุ่นมาก 
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 29 [20.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: nutty ที่ 21-02-2016 03:24:29
BD ที่อัลลืมไม่ลง พี่วารักน้องสุดๆ

ปล เรื่องนี้เต็มไปด้วยหนุ่มหล่อนานาชาติ แต่ที่สุดต้องสุดหล่อวัวตายควายล้ม ชอบคำนี้เจงๆ 555
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 29 [20.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: VarainDark ที่ 21-02-2016 13:31:27
อ๊าาาา อิจฉาตัวแสบเลย หมอวาแสนดีมากอ่าาาา
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 29 [20.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 25-02-2016 00:15:06
กรี๊ดดดดดดดด  พี่วาขา  ขอยกตำแหน่งสามีดีเด่นให้เลยค่า   :mew1:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 29 [20.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 25-02-2016 13:28:19
ชีวิตอัลช่างน่าอิจฉาจริงๆเลย  :o8:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 29 [20.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 27-02-2016 07:03:44
หลงรักหมอวาบอกเลย
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 29 [20.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: imac ที่ 27-02-2016 16:49:36
คิดถึงแล้ว :z10:
หัวข้อ: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 30 [27.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 27-02-2016 17:26:40
TRACK 30



แดดยามสายสอดลอดผ่านกระจกหนาและผ้าม่านทอดเป็นแสงขาวจากปลายเตียงส่องให้เห็นปลีน่องขาวสองคู่โผล่พ้นผ้านวมหนาตวัดพันเกี่ยวกันไปมา เสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้นเป็นระยะตามแรงขยับขึ้นลงของผ้าห่ม อลันด์อ้าปากโชว์ฟันขาวงับเข้าที่คางคนรักเต็มแรงเมื่อมือนุ่มเหมือนมือเด็กเริ่มซุกซนล้วงเข้าส่วนลับด้านล่าง

“เป็นหมาเหรอเรา หืม...ไอ้ตัวแสบ” ทิวากานต์บี้ปลายจมูกเข้ากับอีกคนด้วยความมันเขี้ยวล้วนๆ มือขวาไม่หยุดสอดแทรกเข้าไปในช่องทางอ่อนนุ่ม เรียวนิ้วยาวตวัดกวาดไปทั่วโพรงอุ่นแคบ

“ไม่เอาน่าวา อื้อ...อา... อ๊ะ วา ไม่นะ... พอ... อืม... ผมไม่ อ๊า ไม่ไหวแล้ว” แผ่นอกบางสะท้านไม่เป็นจังหวะ จะอ้าปากพูดออกมาแต่ละคำแทบขาดใจตาย

“ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย แค่จะทำความสะอาดให้ ถ้าไม่ทำเดี๋ยวท้...”

“เดี๋ยวท้องเสีย” เด็กหนุ่มรีบแทรกขึ้นมา อาศัยจังหวะคุณหมอผู้ถนัดทำหัตถการชะงักตวัดขาขึ้นปัดท่อนแขนใหญ่ออกไปแล้วกลิ้งตัวลงจากเตียงไม่ลืมดึงผ้าห่มมาด้วย “พอเลย สต็อปปฺ ผมทำเองได้”

“ก็พี่อยากทำให้อ้ะ”

“เมื่อคืนก็พูดแบบนี้ แล้วมันจบแค่ล้วงไหมวา เป็นกระต่ายหรือไงเซ็กจัดชะมัด พี่วาไม่สงสารผมบ้างเหรอ”

พูดไปแล้วคนฟังไม่มีทีท่าสลดอลันด์จึงต้องงัดท่าไม้ตายเรียกพี่เสียงอ่อนแค่นี้คุณหมอกระต่ายหื่นก็ยอมแพ้สิ้นทุกสิ่งอย่าง รวมไปถึงไอ้นั่นที่ตั้งตรงเคารพธงชาติตอนแปดโมงเช้าเป๊ะก็หดลงด้วย แต่ไม่วายบ่นกระปอดกระแปดเอาแต่ใจเหมือนเด็กโทษอลันด์ว่าน่ารักน่ากินเกินไปจนเขาห้ามใจไม่ไหว

ถ้าจะบอกว่าทิวากานต์งี่เง่าตอนไหนที่สุดอลันด์บอกเลยว่าตอนอยู่บนเตียงนี่สุดๆ แล้ว สารพัดสารเพวิธีการตักตวงความสุข เอาแต่ใจเอาแต่ได้และเอาแต่...นั่นแหละ

เด็กหนุ่มพาส่วนสูงห้าฟุตกับอีกหกนิ้วเดินหายเข้าไปในห้องน้ำอันเป็นสถานที่ฉลองวันเกิดกับคนรักสองต่อสองเมื่อคืน ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงจึงกลับออกมาอีกครั้ง ร่างขาวสวมเสื้อคลุมอาบน้ำผ้าขนหนูเนื้อหนาและมีผ้าอีกผืนโพกไว้บนหัว ตาสีซีดตวัดมองไปบนเตียงยังเห็นทิวากานต์นอนเล่นโทรศัพท์จึงทำเป็นไม่สนใจเดินเลี้ยวไปยังห้องแต่งตัวที่สร้างขึ้นมาใหม่ให้เขาโดยเฉพาะ

เสื้อผ้าใหม่เอี่ยมรวมไปถึงเครื่องประดับบางชิ้นถูกจัดวางเป็นระเบียบเรียบร้อยพร้อมให้หยิบใช้งาน อลันด์เลือกเอาชุดลำลองสีเข้มมาใส่พลางคิดกิจกรรมวันนี้ว่าจะทำอะไรบ้าง แต่อย่างแรกเลยคงเป็นการสำรวจห้องชุดนี้เสียก่อน

ตอนออกมาจากห้องแต่งตัวก็พบว่าบนเตียงว่างเปล่าแล้ว ผ้าห่มกับผ้าปูเตียงถูกรื้อยัดใส่ตะกร้าไม้สานรวมกับเสื้อผ้าชุดเก่าตรงมุมห้อง พอกำลังคิดว่าทิวากานต์หายไปไหนก็ได้ยินเสียงน้ำแว่วมาจากด้านในพอดีอลันด์เลยถือโอกาสนี้หลบไปดูห้องอย่างที่ตั้งใจคนเดียว

ห้องชุด Duplex ที่ได้มาเหมือนจะเป็นตึกเดียวกับของการันต์แต่อยู่ชั้นต่ำลงมาสิบกว่าชั้น กระนั้นยังมองเห็นภาพทิวทัศน์โค้งแม่น้ำเจ้าพระยายามกลางวันสวยงามไม่แพ้ตอนกลางคืน ผิวน้ำสะท้อนแสงแดดเป็นประกายระยิบระยับ มองไกลออกไปจะเห็นชิงช้าสวรรค์อันโต อลันด์เชื่อว่าถ้ามีกล้องส่องทางไกลกำลังสูงสักอันคงมองเห็นถึงปากอ่าวไทยแน่ๆ

ส่วนกล่องของขวัญเมื่อคืนยังคงตั้งอยู่กลางห้องด้านล่างท่ามกลางลูกโป่งหลากสีอย่างเดิมด้วยถูกเจ้าของเมินเพราะตอนนี้เด็กฝรั่งตัวแสบอยากเห็นห้องซ้อมดนตรีที่ทิวากานต์บอกไว้มากกว่า เขาไล่เปิดดูทุกห้องบนชั้นสองแล้วก็ต้องผิดหวังเมื่อเจอแต่ห้องนอนกับห้องน้ำ

อลันด์ก้าวเร็วๆ ลงบันไดสำรวจด้านล่างต่อ กองของขวัญถูกเดินผ่านให้เด็กฝรั่งไปเปิดประตูห้องนู้นห้องนี้หาสิ่งที่ต้องการต่อ ที่นี่กว้างกว่าห้องที่อโศกมากพอดูเพราะมีทั้งห้องครัวไทยและชุดครัวฝรั่งแถมโต๊ะกินข้าวขนาดหกที่นั่ง มีห้องแม่บ้าน ห้องทำงาน และในที่สุดเขาก็เจอห้องซ้อมดนตรีที่ว่าเสียที

เหมือนว่าอินทีเรียจะเอาห้องนอนเล็กมาทำห้องเก็บเสียงให้เขา แต่บอกว่าเป็นห้องนอนเล็กก็ยังมีขนาดเกินครึ่งของห้องนอนทิวากานต์ที่คอนโดนู้นจนพอจะยัดกีตาร์กับเครื่องแอมป์รวมกับกลองชุดได้สักอันสบาย ตัวห้องยังโล่งมีแค่โซฟายาวตัวเดียวตั้งริมผนังด้านหนึ่ง คงรอให้เขาเอาลูกรักทั้งหลายย้ายจากที่อโศกมาไว้เอง ผนังห้องบุแผ่นกันเสียงสีเลือดหมูเรียบร้อย คราวนี้เขาจะเล่นดนตรีดังแค่ไหนก็ได้ตามใจ ไม่ต้องไปพึ่งห้องซ้อมของนภอีกเลยก็ได้ พอสำรวจละเอียดถึงเห็นว่ามีเครื่องฉายโปรเจกเตอร์กับจอผ้าม้วนเก็บไว้อยู่ กลายเป็นห้องทูอินวัน ซ้อมดนตรีก็ได้ดูหนังก็เพลิน

“ชอบไหม”

“มาก ขอกรี๊ดได้ไหม” เด็กหนุ่มหันไปมองคนที่โผล่มาเงียบๆ ทิวากานต์อยู่ในชุดเสื้อยืดกับกางเกงยีนส์ดูแปลกตา จะว่าไปตั้งแต่รู้จักกันมาแทบนับครั้งที่เห็นคุณหมอใส่ยีนส์ได้

“งั้นรอพี่ออกไปกินข้าวก่อนแล้วค่อยกรี๊ดนะ รีบตามมาล่ะเดี๋ยวข้าวเช้าเย็นหมด” เขาหัวเราะทิ้งท้าย ไม่ลืมปิดประตูให้เด็กฝรั่งกรี๊ดดีใจเต็มที่กับของขวัญชิ้นใหญ่



หลังกินมื้อเช้าค่อนไปทางสายอลันด์จึงมานั่งจัดการกับกองของขวัญ เขาไล่แกะทีละชิ้นพร้อมอ่านการ์ดของคนให้ ถ้าเป็นพวกเพื่อนสาวในชั้นเรียนก็จะให้ของใช้อย่างพวกน้ำหอม เข็มขัด กระเป๋าสตางค์ ไปจนถึงตุ๊กตาหรืออะไรที่กุ๊กกิ๊กน่ารัก ถ้าเป็นเพื่อนผู้ชายที่รู้รสนิยมกันก็จะให้ซีดีเพลงต่างประเทศบ้างไทยบ้างหลากหลายแนว ส่วนคนินทร์หุ้นเงินกับเพื่อนอีกสามคนให้หูฟัง Beats By Dr. Dre รุ่น Studio สีขาวสวยงามเป็นที่ถูกอกถูกใจคนรับมาก กล่องของขวัญของการันต์ที่เล็งมาตั้งแต่เมื่อคืนก็ไม่มีผิดหวังเมื่อป๋ารันใจป้ำซื้อกีตาร์ตัวเล็กรุ่น Little Martin LX1E ให้ พอทิวากานต์บอกว่าไม่เห็นต่างจากตัวที่ห้องเลยแค่เล็กกว่าหน่อยเดียวเลยโดนเด็กฝรั่งโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงใส่แต่หัววัน

มีของขวัญอีกสองห่อที่ยังไม่ได้แกะ อันหนึ่งเป็นของเจมส์อีกอันเป็นของโธมัส เด็กหนุ่มมองอย่างช่างใจก่อนเลือกของหนุ่มตาเขียวมาเปิดก่อน นิ้วเล็กพลิกการ์ดอ่านขอความอวยพรสั้นๆ แล้วค่อยแกะห่อสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาวกว่าฝ่ามือออกดู ทีแรกนึกว่าจะเป็นปากกาหรือนาฬิกาหรูตามสไตล์คุณชาย แต่เมื่อเปิดออกมากลับพบแว่นกันแดดลายเสือดาวที่ทิวากานต์ให้ความเห็นว่าเป็นแว่นคุณป้า เลยถูกอลันด์ตีเข้าให้เพราะเขาชอบมันมากถึงขั้นลองสวมทันที

“ออกจะดูดี”

“จะจำไว้นะว่าชอบอะไรแบบนี้”

“เมมไว้เลย เอาล่ะ ชิ้นสุดท้ายแล้ว เรามาดูกันดีกว่าว่าทอมคนดีให้อะไรมา”

“แผ่นเสียงแน่ๆ” คนแก่กว่าหลังหยิบมาลูบๆ คลำๆ แล้วส่งให้เจ้าของตัวจริงพิสูจน์เอง

เป็นแผ่นเสียงไวนิล(vinyl)อย่างที่ทิวากานต์ว่าจริงๆ ตอนที่กำลังกังวลว่าต้องสิ้นเปลืองเงินซื้อเครื่องเล่นแผ่นเสียงมาเพื่อเปิดโดยเฉพาะเขาก็พลิกดูปกอัลบั้ม Rubber Soul ของ The Beatles แล้วต้องตกใจที่เห็นลายเซ็นกำกับชื่ออยู่บนนั้นตรงรูปเซอร์พอล แมคคานีย์กับริงโก้ สตาร์ ขาดเพียงแค่สมาชิกสองคนที่ล่วงลับไปแล้วเท่านั้น!

“โอ้ ฉันยอมแพ้เพื่อนรักเธอเลย”

“โอ้ว - มาย - ก็อด แมคคานีย์เขียนว่าสุขสันต์วันเกิดผมด้วย อ๊ะ มีการ์ดด้วยแหะ” เขาหยิบการ์ดใบน้อยขึ้นมาจากบนพื้นหลังเห็นหล่นจากซองบรรจุแผ่นเสียงแวบๆ

‘In my life I love you more
Hillier Hermann
Your BEST’


ลายมือหวัดตวัดน้ำหมึกลงบนกลางกระดาษสั้นๆ และลงชื่อไว้แค่นั้นแต่อลันด์รู้ความหมายมันดี รอยยิ้มอ่อนจางปรากฏบนหน้าขาว โธมัสก็เป็นเสียแบบนี้เขาจะโกรธได้นานสักแค่ไหนกัน

“ฮิลลิเออร์? ใครน่ะ ไม่ใช่ทอมหรอกเหรอ”

“ชื่อทอมนั่นแหละแต่เป็นชื่อกลาง โธมัส ฮิลเลียร์ เฮอร์มานน์ กริฟฟิธส์ เป็นชื่อกับนามสกุลคุณตาที่เป็นเยอรมัน พี่น้องบ้านนี้ใช้นามสกุล Hermann กันทุกคนล่ะยกเว้นลียอน”

“ทำไมล่ะ”

“เพราะหมอนั่นเกิดที่อังกฤษไง”

“อาฮะ แล้วชื่อกลางของอัลล่ะชื่ออะไร”

“เอลเมอร์ ราวี่ หรือ เอลเมอร์ รวี จะออกเสียงแบบไหนก็ได้ เอามาจากชื่อแด๊ดกับนามสกุลเก่าคุณยาย”

“อลันด์ เอลเมอร์ รวี โอเนลล์ ชื่อยาวชะมัด”

“นี่สั้นแล้วนะ ถ้าเป็นพวกพี่ชายเจมส์ยาวกว่านี้อีก เฟเดอริค อเล็กซานเดอร์ที่หนึ่ง ชื่อทวดคนนู้นคนนี้ บลาๆๆ ใครจะไปจำได้ แล้ววาอ่ะ ไม่มีชื่อกลางอะไรแบบนี้เหรอ”

“ไม่มีหรอก แค่ชื่อกับนามสกุลก็ยาวเขียนมือหงิก”

“ทิวากานต์ เชาวกรกุล อืม...ถ้าเขียนเป็นภาษาอังกฤษคงลำบากน่าดู” เด็กฝรั่งให้ความเห็น ชื่อเขาถึงจะยาวแต่เขียนเป็นภาษาอังกฤษก็สั้นนิดเดียวแถมอ่านง่ายไม่เหมือนชื่อคนไทย “แล้วทิวากานต์แปลว่าอะไรเหรอ”

“เดี๋ยวก่อนๆ ไปรู้นามสกุลฉันมาจากไหน หือ? ไอ้ตัวแสบ”

“บนแฟ้มงานที่วาวางทิ้งไว้ทั่วห้องไง อ่านภาษาไทยออกนี่ไม่ได้โง่สักหน่อย ตาวาบอกแล้วว่าชื่อวาแปลว่าอะไร เร็วๆ อย่ามายวนกันนะ”

“เชื่อแล้วว่าอ่านภาษาไทยคล่อง ไม่ต้องใช้ศัพท์โบราณใส่ก็ได้” คุณหมอยกมือยอมแพ้ เวลาเห็นหน้าเด็กฝรั่งจ๋าแต่ใช้ภาษาเหมือนคนแก่สักสี่สิบห้าสิบปีขึ้นอดจั๊กกะเดี๊ยมไม่ได้ทุกที “ทิวาคือพระอาทิตย์ ส่วนกานต์คำนี้มีความหมายว่าคนที่เป็นที่รัก พอเอามารวมกันเลยกลายเป็นที่รักของพระอาทิตย์ไง เอาล่ะตาพี่ถามกลับมั้ง แล้วชื่อเราทำไมต้องมีตัว D ด้วย Alan เฉยๆ ไม่ได้เหรอ”

“ความจริงจะว่าไม่ต่างก็ไม่ต่างแต่จะว่าต่างก็ต่างนะ” เด็กหนุ่มทำท่านึกก่อนพูดชวนงง ร่างเล็กเริ่มไถลลงนอนกับพื้นพรม “มันเป็นชื่อเก่าโหลๆ เหมือนนามสกุลสมิธแหละ แต่พวกอังกฤษไม่ค่อยใช้แบบมีตัว D กันหรอก ถ้าเวลส์ล่ะก็มีใช้บ้าง แต่ที่ตั้งชื่อนี้เพราะแด๊ดกะมัมพบรักกันที่เกาะโอลันด์(Åland) สวีเดน เขาเลยเอามาตั้งเป็นชื่อผม ถ้าจะเอาความหมายก็ประมาณว่าสดใสเหมือนกับพระอาทิตย์ล่ะมั้ง”

“แด๊ดดี้คงรักเราน่าดู”

“แน่นอน อ๊ะ ผมจำได้ล่ะเรื่องนามสกุลคุณยาย” นอนเท้าคางยิ้มพอใจได้ไม่เท่าไหร่ร่างเล็กก็ผุดตัวลุกขึ้นนั่งทำตาโต

“รวีน่ะเหรอ”

“ใช่ ตอนเด็กๆ ผมเคยถามคุณยายว่ารวีแปลว่าอะไร วาอยากรู้ไหม”

“ว่ามาสิ”

“แปลว่าพระอาทิตย์”

“หึ จะบอกว่าเป็นเรื่องบังเอิญหรือพรหมลิขิตดีล่ะ”

เด็กแสบยิ้มหวานตาหยี คลานเข่ากระดึ๊บๆ หยิบเบบี้ กีตาร์ตัวใหม่มาตั้งสายแล้วตอบคำถามด้วยเสียงเพลงและภาษาไทยชัดถ้อยชัดคำคมคายตามแบบฉบับเพลงของครูเอื้อ สุนทรสนาน

“พรหมลิขิตบันดาลชักพา ดลให้มาพบกันทันใด
ก่อนนี้อยู่กันแสนไกล พรหมลิขิตดลจิตใจ ฉันจึงได้มาใกล้กับเธอ”


“อย่าบอกนะว่าคุณตาชอบฟังสุนทราภรณ์เลยร้องได้”

“อันนี้คุณยายชอบต่างหาก” คนอันเป็นที่รักของพระอาทิตย์ได้ยินถึงกับยิ้มแป้น ดึงเด็กหนุ่มขึ้นนั่งตักก่อนมอบจูบหวานๆ ให้เป็นรางวัล ทิวากานต์ก็เชื่อว่ามันเป็นพรหมลิขิตดลให้คนที่อยู่กันคนละซีกโลกได้มาเจอกันแล้วก็รักกันอย่างไม่น่าเป็นไปได้ ทำให้เขาเปลี่ยนสายตาที่เอาแต่มองผู้หญิงหยุดอยู่ที่เด็กผู้ชายคนนี้ กามเทพช่างเล่นตลกเสียจริง



หลังแกะของขวัญเสร็จทิวากานต์ชวนอลันด์ออกไปหามื้อเที่ยงกินกันข้างนอก ตาสีฟ้ามองแผ่นโลหะสีเงินบอกระดับชั้นวันหลังมาจะได้หาห้องถูก หากอดคิดไม่ได้ว่าสูงน่าดู

น้องกบของคุณหมอจอดรออยู่ด้านล่างแล้ว ข้างๆ กันเป็นมินิคันใหม่เอี่ยมของขวัญอีกชิ้นที่อลันด์ชอบใจน่าดู พอให้เลือกว่าจะขับคันไหนก็ได้คำตอบตามคาดว่าเป็นมินิคันเล็ก คนตัวสูงขายาวจึงต้องทนนั่งงอเข่าเมื่อยๆ ขับรถวิ่งเข้าถนนราชพฤกษ์ออกบางบัวทองผ่านแยกนพวงศ์ไปถนน 346 แวะซื้อเป็ดพะโล้กับกุ้งเผาข้างทางแล้วก็น้ำดื่ม

ขับต่ออีกสามสิบนาทีมินิคันงามแล่นมาจนถึงสถานที่โล่งแจ้งแห่งหนึ่ง ปากทางเข้าคล้ายกับศาลจีน มองไกลออกไปจะเห็นเนินดินสูงเหมือนภูเขาขนาดย่อมเป็นแถวยาวตลอดแนวสายตา ทิวากานต์จอดรถที่หน้าทางเข้าบอกให้เด็กหนุ่มรออยู่ในนี้ส่วนตัวเองกระโดดลงไปซื้ออะไรบางอย่างแล้วกลับมาเดินทางต่อ

“เราจะมาปิกนิคกันที่นี่เหรอวา ที่ไหนกันอ่ะ ทำไมดูน่ากลัว”

ชายหนุ่มไม่ตอบแต่มุ่งมั่นขับรถผ่านตรอกแคบๆ ขรุขระ นึกในใจว่าดีเหลือเกินที่ไม่เอาน้องกบมาไม่งั้นคนรักรถเท่าชีวิตมีร้องแน่ๆ

ด้านคนเด็กกว่าพอไม่ได้คำตอบก็หันออกไปมองนอกรถ นอกจากเป็นเนินภูเขาขนาดย่อมแล้วบางอันมีหญ้าปกคลุมบ้างปลูกต้นไม้ไว้ข้างบน บางอันก็เป็นหน้าดินแตกแห้งบางอันรกร้างปล่อยต้นไม้แห้งตาย แต่ที่เหมือนกันทุกอันคือมีป้ายหินอยู่ด้านหน้าพร้อมรูปถ่ายและตัวหนังสือภาษาจีนที่อ่านไม่ออก ดูๆ ไปก็คล้ายกับ...

“เอ่อะ... อย่าบอกนะว่าที่นี่คือสุสานน่ะ”

“ทายถูกด้วย เก่งจัง”

“โอ้ว - มาย - ก็อด วาพามาเดทกันที่สุสานเนี่ยนะ หรือว่า...จะฆ่าผมหมกป่า”

“คิดไปไหนเนี่ย เรื่องไร้สาระนี่จินตนาการเก่งจังนะ พี่พามาไหว้แม่ต่างหาก”

“ก็วาไม่บอกก่อนผมมีสิทธิจะกลัวนะ แล้ว...เดี๋ยวก่อนสิ หลุมศพแม่วาไม่ได้อยู่ในวัดเหรอ”

“อันนี้เป็นสุสานแบบคนจีนเรียกว่าฮวงซุ้ย แม่ฉันเขาก็มีเชื้อจีนเสี้ยวนึงตอนเสียเลยทำพิธีแบบจีน ความจริงฉันไม่ค่อยชอบหรอกแพงแล้วยังต้องดูแลตลอดไม่มีเวลามากขนาดนั้น จ้างคนงานก็ช่วยอะไรไม่ค่อยได้ แต่วิคเตอร์เขาอยากให้ทำก็เออทำไปเหอะ เงินเขาจ่ายทั้งหมดนั่นแหละ”

“ไอ - ซี” เขาพยักหน้ารับ ตัดสินใจเลิกมองออกไปข้างนอกเพราะหันไปทางไหนก็เจอแต่สุสานคนตาย ทิวากานต์เลือกที่เดทหลังค่ำคืนอันเร่าร้อนได้เสียวสยิวชวนขนหัวลุกซู่มาก

น้องมินิแล่นผ่านหลุมแล้วหลุมเล่าจนถึงด้านหลังสุสานอันเป็นที่ตั้งหลุมศพขนาดใหญ่ก่อนจอดที่หน้าหลุมหนึ่ง อลันด์เห็นความแตกต่างของฮวงซุ้ยอันนี้กับอันอื่นได้ชัดตรงที่ป้ายหินมีแค่ชื่อแล้วก็รูปแค่คนเดียวในขณะที่ของคนอื่นแทบยกมาทั้งตระกูล ด้านข้างปลูกต้นลีลาวดีออกดอกขาวนวลสะพรั่งทั้งต้น

ทิวากานต์เอาอาหารที่ซื้อมาจัดวางด้านหน้าคล้ายตอนไหว้ตรุษจีนที่บ้านแล้วจุดธูปแบ่งกับอลันด์คนละดอก “อัลบอกหวัดดีหม่าม้านะ แล้วบอกว่าอัลเป็นใครเป็นอะไรกับพี่ เสร็จก็เอาธูปไปปัก”

เด็กหนุ่มพยักหน้า รับธูปมาถือไว้รอทิวากานต์ทำก่อนค่อยทำตาม เขาพนมมือพูดสวัสดีในใจแนะนำตัวสั้นๆ เหมือนที่อีกคนบอก เสร็จแล้วจึงเอาธูปปักบนกระถางดินเผาเก่าๆ เช่นเดียวกับทิวากานต์ที่พอเสร็จก็นำมาปักข้างกัน

“วาพูดอะไรกับแม่บ้างเหรอ” ระหว่างรอธูปไหม้หมดดอกเพื่อจะได้ลาแล้วลงมือกินมื้อเที่ยงตอนบ่ายสอง เด็กหนุ่มชาวต่างชาติจึงเอ่ยถามด้วยความสงสัยว่ามันจะเหมือนเวลาเขาไปเคารพหลุมศพคุณปู่คุณย่าหรือเปล่า

“ก็บอกหม่าม้าว่าพาแฟนมาแนะนำ แฟนน่ารักไหม หม่าม้าชอบหรือเปล่า ถ้าชอบคืนนี้มาบอกพร้อมเลขท้ายสองตัวด้วยจะเอาไปซื้อหวย”

“อันหลังผมว่าไม่ใช่ล่ะ”

พอถูกจับได้ชายหนุ่มถึงกับหัวเราะร่วน ร่างสูงใหญ่เอนหลังลงนอนบนพื้นหญ้ามองดูฟ้าใสไร้เมฆของเดือนมีนาคมช่วงปลายฤดูหนาว ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีความสุขมาก

พอลาหม่าม้าแล้วทิวากานต์ก็ขนของกลับขึ้นรถจะพาไปที่บรรยากาศดีๆ กินมื้อเที่ยงกัน เขาขับออกมาจากสุสานอีกยี่สิบนาทีเลี้ยวเข้าไปในวัดไทย อลันด์กรอกตามองบน จากสุสานจีนพาเข้าวัดต่อ บรรยากาศดีมาก(กอ ไก่ล้านตัว) ถ้ายังไม่ได้เป็นแฟนกันรับรองว่าไม่มีเดทที่สองต่อแน่

สองหนุ่มต่างวัยขนของกินลงจากรถไปวางไว้บนเก้าอี้เหนือแพตรงท่าน้ำวัดล้อมรอบด้วยแปลงผักบุ้งเขียวขจี น้ำใสจนผิวน้ำส่วนไหนไม่ถูกบังจะเห็นปลาตัวเล็กตัวใหญ่ว่ายมารับอากาศด้านบนเต็มไปหมด ลมเย็นพัดโกรกชวนสดชื่นจนต้องยืนหลับตารับอากาศบริสุทธิ์เข้าปอด หากเป็นช่วงเช้าจะเห็นไอหมอกขาวลอยเหมือนภาพฝันสวยงามตื่นตากว่านี้มาก

พวกเขานั่งจัดการมื้อเที่ยงกันเงียบๆ ไม่มีคำพูดมากมาย หากต่างรู้ดีถึงความสุขที่อวลอยู่ตรงช่องอกไหลเวียนหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณให้มีกำลังใจต่อไป

สักบ่ายสี่แดดเริ่มร่มทิวากานต์จึงชวนคนเด็กกว่ากลับกรุงเทพ ขับรถออกมายังไม่พ้นเขตนครปฐมดีเสียงโทรศัพท์อลันด์ก็ดังขึ้น ตาสีฟ้าอ่อนมองหมายเลขปริศนาขึ้นต้น +44 แสดงว่าโทรมาจากอังกฤษ เขามองคนด้านข้างก่อนตัดสินใจกดรับ

“Hello?”

.
.
.

ใครว่าคนเป็นหมอเจ็บป่วยไม่เป็นขอแนะนำให้ไปคิดใหม่ หมอก็คนมีเนื้อมีหนังมีกระดูกมีเลือดเหมือนกันกับมนุษย์ทุกคนบนโลกนี้ ที่เกริ่นอย่างนี้ไม่ใช่อะไร ตอนนี้ทิวากานต์คุณหมอคนเก่งรูปหล่อกำลังมีอาการที่เรียกว่าไม่สบายนั่นเอง

หลังกลับจากพาอลันด์ไปไหว้แม่ที่ฮวงซุ้ยได้ไม่ถึงสัปดาห์เขาเริ่มมีไข้ ไม่เป็นไร...กินพาราแล้วไปทำงาน ทำเคสเหมือนเดิม

สองวันต่อมาไข้ลดเขาก็ออกตรวจ ราวนด์วอร์ด ทำเคสเหมือนเดิม สดใสร่างเริงแม้จะติดเพลียนิดหน่อย ถัดไปอีกวันอลันด์สังเกตเห็นว่าเขามีผื่นแดงขึ้นเต็มหลังตอนอาบน้ำก่อนไปทำงาน หากคุณหมอไม่ยักกะคันเลยปล่อยให้มันยุบเอง พอตกเย็นตัวมีอาการไข้สูงขับรถไม่ไหว เด็กฝรั่งต้องจัดการพาคุณหมอกลับคอนโดสภาพทุลักทุเล บอกให้ไปหาหมอ ศัลยแพทย์คนเก่งก็บอกว่าตัวเองเป็นหมออาการแบบนี้เดี๋ยวกินพารานอนพักก็หาย

หากเช้าวันต่อมานอกจากไข้ไม่ลดแล้วยังดูหนักกว่าเดิมแต่ยังพอลุกเดินไปเข้าห้องน้ำหรือหาอะไรกินได้ เขาลางานนอนแบ่บอยู่ที่ห้อง อลันด์จำใจทิ้งอีกคนไว้แล้วไปเรียนไม่ลืมกำชับว่าถ้าไม่ไหวให้โทรหาไม่ก็เรียกรถพยาบาลซะ เท่านั้นล่ะได้เรื่องเลย!

“ไปโรงบาลไหนดีวะ” คนินทร์หันไปถามเพื่อนตัวเล็กที่เบาะหลังระหว่างขับรถออกมาจากคอนโดย่านอโศก ทิวากานต์บนตักอลันด์หน้าซีดเอามือกุมท้องท่าทางทรมานมากเห็นแล้วชักใจเสีย แต่เขายังพอมีสติอยู่จึงตอบแทนคนเด็กกว่าที่คล้ายจะสติหลุดไปแล้ว

“ไป...”

“วาไปโรงบาลคุณลุงดีกว่า ใกล้กว่านะ”

“รถติดพอกันแหละ ไปที่...เถอะ” เขายังย้ำคำเดิมให้ไปส่งโรงพยาบาลรัฐที่ตนทำงาน คนินทร์จึงรีบเลี้ยวไปทางเดียวกับตอนขามาทันที รู้สึกตัดสินใจถูกที่โดดเรียนมาหาทิวากานต์กับอลันด์เพราะดูท่าให้แบกคุณหมอตัวโตไปโรงพยาบาลคนเดียวคงไม่ไหว

“อัลโทรบอกพี่รันยังอ่ะ”

“พี่รันไม่รับโทรศัพท์ สงสัยติดเคส แต่ฉันส่งข้อความไปแล้วล่ะถ้าเห็นคงติดต่อกลับมาเอง คิวเหยียบหน่อยดิ”

เด็กหนุ่มตอบเพื่อนรักแล้วบอกให้อีกคนเร่งความเร็วรถหน่อย เขาก็อยากทำให้หรอกนะแต่ย่านอโศกตอนบ่ายรถน้อยเสียที่ไหน คงต้องรอขึ้นทางด่วนก่อนนั่นแหละถึงทำความเร็วได้ กระนั้นเขาก็ใช้เวลาแค่ครึ่งชั่วโมงพาทิวากานต์มาส่งห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลได้

ทิวากานต์ถูกโยนขึ้นเตียงลากเข้าไปในห้อง ER ทันที เสียงหมอกับพยาบาลพูดรับส่งกันเร็วปร๋อเป็นศัพท์เฉพาะล้วนทำเอาคนมาส่งมึนงงและหน้าเสียไปเมื่อคิดว่าอาการคนป่วยคงหนักมากทุกคนถึงดูวุ่นวายกันอย่างกะในหนัง

“คิว... วาจะตายไหมอ่ะ”

“เฮ้ย ปากเฉีย!” หนุ่มไทยร้องเสียงหลงรีบเอามืออุดปากเพื่อนต่างชาติก่อนลากออกไปรอที่เก้าอี้ด้านนอก “อยู่กับหมอแล้วไม่เป็นอะไรหรอก”

“ขนาดวาเป็นหมอยังวินิจฉัยโรคตัวเองไม่ได้เลย วาจะเป็นโรคอะไรร้ายแรงหรือเปล่า หรือจะติดอีโบล่า เครียดว่ะ”

“อีโบลงอีโบล่าอะไรไปกันใหญ่แล้ว ไทยปลอดเชื้อเว้ย  ใจเย็นๆ ปกติเฮียแข็งแรงจะตาย ไม่เป็นไรง่ายๆ หรอกน่า”

อลันด์ถอนหายใจเฮือก นัยน์ตาสีอ่อนเต็มไปด้วยความกังวล กลัวคนรักจะเป็นอะไรไปจนเหงื่อออกทั้งหน้าทั้งฝ่ามือ ระหว่างนั่งรออยู่โทรศัพท์ก็ดังเป็นการันต์โทรกลับมาหลังอ่านข้อความ คุณหมอวัยใกล้สี่สิบเพิ่งสอนเสร็จเมื่อได้อ่านข้อความจึงรีบโทรมาถาม พอรู้ว่าตอนนี้ทิวากานต์อยู่ที่ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลก็บอกว่าจะรีบไป

ไม่ถึงสิบนาทีนายแพทย์การันต์ก็วิ่งหอบมาถึงหน้าห้องฉุกเฉิน เขาลูบหัวเด็กฝรั่งแล้วเข้าไปดูอาการทิวากานต์ด้านใน เพียงครู่เดียวจึงออกมาพร้อมใบหน้าที่เอาคนมองรู้สึกดีขึ้น

“เหมือนจะเป็นไข้เลือดออก ตอนนี้กำลังรอผลเลือดแต่จะย้ายวาไป ICU ก่อน ตัวแสบไม่ต้องห่วงนะ ไอ้วาไม่เป็นไรแล้ว ไม่ต้องร้อง” ชายหนุ่มลูบหัวลูบหลังเด็กหนุ่มที่ปล่อยน้ำตาเม็ดโตหล่นเผาะทันทีที่เขาบอกว่านายแพทย์รุ่นน้องเป็นไข้เลือดออก เขานึกชมตัวเองที่ตัดสินใจถูกไม่บอกเรื่องทิวากานต์เกือบช็อกเพราะเกล็ดเลือดต่ำมากออกไป ร่วมถึงมีเปอร์เซ็นต์ที่เลือดออกในกระเพาะด้วย ไม่งั้นได้เห็นฝรั่งร้องไห้กลางโรงพยาบาลแน่ๆ

หลังเฝ้าดูอาการอยู่หลายชั่วโมงอาจารย์หมอเจ้าของไข้ก็ให้ทิวากานต์ดูอาการใน ICU ต่ออีกหนึ่งคืน ให้เลือดให้ยาทางสายยางและต้องเจาะเลือดตรวจทุกสี่ชั่วโมงจนกว่าค่าเกล็ดเลือดจะดีขึ้นเป็นที่น่าพอใจ (เขากะว่าจะเอาหมอศัลย์สุดฮอตของโรงพยาบาลเป็นเคสศึกษาให้พวกนักศึกษาซะ รับรองได้ว่าพวกนักศึกษาสาวและหนุ่มน้อยจะตั้งใจดูเคสนี้กันเต็มที่) แน่นอนว่าห้ามเยี่ยม แต่อลันด์ใช้เส้นการันต์แอบเข้าไปดูคนรักแป๊บๆ ก่อนกลับคอนโดไปพักตามคำสั่งของคนแก่

ระหว่างทางกลับคอนโดอลันด์นั่งเงียบมาตลอดมีคนินทร์ขับ BMW ซีรีส์ไฟว์ของทิวากานต์ให้ กระทั่งถึงที่พักเขาก็ตัดสินใจจะหอบเสื้อผ้าหนังสือเรียนไปนอนคอนโดริมแม่น้ำสำหรับคืนนี้และคืนต่อๆ ไปจนกว่าทิวากานต์จะออกจากโรงพยาบาล

หนุ่มไทยเห็นอาการใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวของเพื่อนสนิทจึงอาสาไปนอนเป็นเพื่อนด้วยคนและถือโอกาสนี้อ่านหนังสือเตรียมสอบไปด้วยเสียเลย
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 30 [27.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 27-02-2016 17:30:47
เช้าวันต่อมาก่อนเข้าเรียนเด็กหนุ่มแวะไปหาทิวากานต์ที่โรงพยาบาล ใช้เส้นการันต์เข้าไปหาคนรักในห้อง ICU อีกครั้ง อาการชายหนุ่มพ้นขีดอันตรายแล้วแต่อาจารย์หมอที่รักษายังอยากให้ดูอาการในนี้อีกคืน หลังจากนั้นถึงแจ้งข่าวการป่วยของทิวากานต์ให้เหล่าคนใกล้ชิดและแก๊งป้าทราบ ป้าอิงกับขัตติยาที่มาเฝ้าลุงเข้มอยู่แล้วพอรู้ข่าวว่าหลานคนเก่งล้มหมอนนอนเสื่อก็รีบมาหาทันที ถามไถ่อาการเห็นว่าปลอดภัยแล้วจึงค่อยโล่งอกกลับไปดูอาการสามีตัวเองต่อ

งานนี้คุณหมอรูปหล่อต้องอาศัยโรงพยาบาลยาวพอกับตอนอยู่เวรสมัยเรียน ไอ้ที่จะได้พักผ่อนรักษาตัวก็แค่ช่วงแรกที่อยู่ไอซียูเท่านั้น พอย้ายออกมาอยู่ห้องพักผู้ป่วยบรรดาเพื่อนร่วมงานทั้งอาจารย์ พยาบาล นักศึกษาต่างแวะเวียนกันมาเยี่ยมไม่ได้ขาดเรียกได้ว่าสะกดคำว่าเหงาไม่เป็นทีเดียว บางทีเรสสิเดนท์ที่อยู่ในความดูแลเขาก็มาขอคำปรึกษาทั้งที่อาจารย์มันนอนเดี้ยงอยู่บนเตียงนี่แหละ ดึกดื่นค่อนคืนไม่มีเว้น ไอ้ที่คิดว่าจะนอนแบ่บเบื่อๆ หายใจทิ้งเป็นอันคิดผิด

ด้านคนรักวัยกระเตาะก็แสนดีมาเฝ้าเช้า - เที่ยง - เย็น กลางคืนยังหอบหนังสือมาอ่านระหว่างเฝ้า เขาไล่กลับไปนอนเตียงที่คอนโดดีๆ บอกว่าโรงพยาบาลเชื้อโรคมันเยอะเดี๋ยวจะป่วยไปอีกคนดันทำปั้นปึ่งงอนใส่หาว่าไล่ไปไกลหูไกลตากะกุ๊กกิ๊กกะพวกพยาบาลหรือหมอสาวๆ อีกแน่ะ สภาพเขาแบบนี้จะเอาแรงที่ไหนไปกุ๊กกิ๊กได้ สุดท้ายหมดแรงจะดุยอมปล่อยเลยตามเลยให้มานอนเฝ้าบนโซฟาเล็กๆ เก่าๆ ให้เข็ด

“แล้วตอนนี้พี่วาเป็นไงบ้างอ่ะ” นภถามขึ้นหลังรู้จากปากอลันด์ว่านายแพทย์หนุ่มจอมโหดเป็นไข้เลือดออก (ไม่ยักรู้ว่าคนแบบนั้นก็เจ็บป่วยเหมือนมนุษย์ปกติได้) อลันด์เลยหายไปพยาบาลคนรักไม่โผล่ที่ห้องซ้อมตลอดทั้งสัปดาห์จนเขาต้องมาตาม

“ดีขึ้นมากแล้วครับ แต่หมอยังให้นอนโรงบาลต่อจนกว่าเกล็ดเลือดจะกลับมาเป็นปกติ พี่รันบอกว่าอีกสักสี่วันคงได้กลับบ้าน”

“นอนยาวเลยเนอะ” นักร้องหนุ่มให้ความเห็นก่อนเริ่มสอดส่ายสายตาสำรวจห้องคอนโดหรูริมแม่น้ำ สักพักคนินทร์ก็เดินถือจานขนมออกมาจากห้องครัวตั้งบนโต๊ะเตี้ยหน้าโทรทัศน์ “แล้วบอกวิคเตอร์หรือยัง”

“บอกแล้ว แต่วิคเตอร์ติดถ่ายหนังคงไม่มาหาหรอก”

“แล้วคืนนี้จะไปนอนเฝ้าเฮียอีกป่ะวะ” คนินทร์ถามดู กะไว้ถ้าอลันด์ไปนอนเฝ้าอีกคืนนี้เขาจะกลับไปนอนบ้านตัวเองบ้างหลังสิงอยู่ที่นี่ไม่ก็โรงพยาบาลปั่นรายงานกับเพื่อนตาน้ำข้าวมาแล้วหลายวัน จะสอบสัปดาห์หน้าแล้วแท้ๆ แต่อาจารย์ยังหางานมาให้ทำได้ไม่หยุดหย่อนจริงๆ

“ไม่แน่ใจอ่ะ วันนี้พวกคุณตากับคุณลุงจะไปเยี่ยมวาด้วย เจอกันที่โรงบาลตอนหกโมงนี่แหละ กลัวโดนลากไปนอนที่บ้านใหญ่ไม่อยากปล่อยวาไว้ที่โรงบาลคนเดียวเลย พี่นภไปหาวาด้วยกันไหม” ท้ายประโยคหันมาถามนักร้องหนุ่มที่นั่งอยู่ไม่ไกล

“ไม่ดีกว่า ลุงเราไม่ชอบหน้าพี่อยู่เดี๋ยวจะงานกร่อยกันซะเปล่า ไว้ค่อยไปเยี่ยมวันหลังแล้วกัน” เขาหยุดเงียบไปพักก่อนออกความเห็น “ตัวแสบดูรักพี่วาจังเนอะ”

“เปล่าพี่นภ อัลมันกลัวผู้หญิงเข้าไปแทะโลมเฮียวาหรอก วันก่อนยังแย่งคุณพยาบาลเช็ดตัวแทนเลย เฮียวางี้ตัวเปียกหวิดจะเป็นปอดบวมอีกอย่าง” แซะคนตัวเล็กแล้วก็หัวเราะร่าเลยถูกหมอนอิงใบเขื่องสำเร็จโทษบนหัวเข้าเต็มรัก

“ไว้ใจได้ที่ไหน ยิ่งหมอเมย์นะเห็นเราสนิทกับวาวันก่อนเลยเดินมาถามว่าวามีแฟนหรือยัง แล้วหลุดมาหมดเลยว่าถ้ายังจะได้ฉวยโอกาสนี้ไปปรนนิบัติพัดวีอาจารย์วาเผื่อจะเห็นความดีพิจารณาเธอบ้าง พอฉันตอกกลับไปว่ามีตัวจริงแล้วรักมากด้วยก็หน้าเสียไปเลย สมน้ำหน้า”

นักร้องหนุ่มฟังแล้วอ่อนใจ รู้ว่าอลันด์คบกับทิวากานต์แต่ไม่เคยเห็นทั้งสองคนทำตัวออกสาวสักครั้ง มีวันนี้แหละที่นภเห็นว่าอลันด์น่ะนิสัยผู้หญิงชัดๆ “ขี้หึงยิ่งกว่าผู้หญิงบางคนอีกนะเรา ไม่กลัวพี่วารำคาญบ้างหรือไง”

“หึ อย่างวาน่ะเหรอตัวดีเลยชอบยั่วให้หึงจะตาย เป็นอะไรไม่รู้หาเรื่องแกล้งตลอด แล้วถ้าจะบอกว่าผมขี้หึงน่ะน้อยไป ต้องเจอคนนั้นหึงยิ่งกว่าอะไรถ้าไม่ใช่พวกที่วารู้จักอย่างคิวหรือพี่นภอย่าคิดจะให้เห็นอยู่ด้วยกันสองต่อสองหรือแตะเนื้อต้องตัวเชียวมีทะเลาะบ้านแตก”

“ไม่ยักกะรู้แหะ”

“พี่นภอยากเห็นไหมล่ะ มาลองเล่นชู้กับผมดูสิจะได้รู้ว่านรกมีจริง”

“จ้ะ แต่ถ้ารายงานไม่เสร็จแกได้เจอนรกก่อนสอบแน่ มาช่วยพิมพ์รายงานต่อได้แล้ว ส่งมะรืนนี้นะเว้ย” คนินทร์ตบมือเรียกสติเพื่อนรักก่อนไฟนรกเพราะไม่มีงานส่งอาจารย์จะไหม้ห้องชุดสุดหรูไปเสียก่อน

อลันด์แอบเบ้ปากใส่คนหน้าเข้มก่อนยอมเดินหน้างอมานั่งหน้าแม็คบุ๊คโปรตัวใหม่เอี่ยมเริ่มพิมพ์รายงานต็อกๆ แต็กๆ ไปตามเรื่อง พอรู้สึกปากว่างก็หยิบขนมในจานมาเคี้ยวแทนชวนนภคุยจนงานไม่เดินอีก อีกอย่างถ้าวันนี้งานไม่เสร็จจริงๆ เขาต้องหอบงานไปปั่นที่โรงพยาบาลตอนเฝ้าทิวากานต์ตอนกลางคืนแล้วแบบนั้นคนป่วยจะพลอยไม่ได้พักผ่อนเต็มที่กันพอดี

 ด้านนักร้องหนุ่มพอไม่มีคนคุยด้วยก็นอนกลิ้งไปกลิ้งมาจนเบื่อได้ที่จึงลุกขึ้นเดินสำรวจห้องราคาหกสิบกว่าล้านดูพลางคิดว่าต้องทำงานในวงการหนักแค่ไหนถึงจะซื้อได้ ถึงอาชีพคนของประชาชนจะมีรายได้ดีแต่ใช่ว่าจะดีเท่าทำธุรกิจ มิน่าเพื่อนในวงการหลายคนพอเริ่มมีเงินเก็บก็หันมาเปิดกิจการทำธุรกิจส่วนตัวกันใหญ่ แต่อย่างว่าถ้าไม่แข็งจริงมีแต่เจ๊ง และเท่าที่เห็นก็มีไม่ถึงสิบเปอร์เซ็นต์ที่พากิจการรอด

เขาเดินกลับมานั่งที่เดิม วิสาสะหยิบเบบี้ กีตาร์มาดีดเล่นมองเหม่อออกไปยังโค้งน้ำเจ้าพระยาประหนึ่งกำลังถ่ายมิวสิควิดีโอจนคนินทร์เดินมาบอกให้ช่วยลงไปยกปริ้นเตอร์ที่รถเขาข้างล่างให้หน่อยเพราะงานจะเสร็จแล้ว นภจึงลุกขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลออกมาจากฟีลลิ่งรับคีย์การ์ดกับกุญแจรถบีเอ็มไปหยิบของ

“พี่นภแม่งไม่เต็มเปล่าวะดีดกีตาร์แล้วร้องไห้เฉย หรือมันเป็นอารมณ์ศิลปิน” ลับหลังศิลปินหนุ่มเด็กหนุ่มสองคนก็จับกลุ่มรวมหัวกันนินทาทันที

“แล้วมันมีคนดีๆ ที่ไหนยอมเซ็นสัญญาทาสแบบไม่คิดอะไรเลยบ้างล่ะ”

“เฮ้อ... ไม่น่าบ้าเลยเสียดายความหล่อว่ะ”

หายไปเกือบสิบห้านาทีนักร้องหนุ่มจึงกลับมาพร้อมปริ้นเตอร์ตัวใหญ่ เขาช่วยแบ่งเบาภาระเด็กหนุ่มรุ่นน้องต่อสายไฟให้ ไม่นานรายงานที่ต้องส่งวันมะรืนก็เสร็จเสียที แต่อลันด์บอกให้ปริ้นต์มาอ่านตรวจทานก่อนสักสองรอบแล้วค่อยส่ง เพราะฉะนั้นงานนี้ยังไม่จบลงง่ายๆ เขากดสั่งริ้นต์ออกมาสองชุดแบ่งกันอ่านหาจุดผิดแล้วค่อยมาแก้ต่อพรุ่งนี้

“เออ แล้วเรื่องที่บอกมีโปรดิวเซอร์ติดต่อมาอ่ะ ทำไมเหรอ” นักร้องหนุ่มคนดีแต่ไม่ค่อยเต็มเอ่ยขึ้นอย่างนึกได้ระหว่างช่วยสองหนุ่มน้อยจัดการขนมในจาน เมื่อเกือบสัปดาห์ก่อนอลันด์เมสเสจมากรี๊ดใส่เขาแต่ตอนนั้นเขายุ่งๆ กับคอนเสิร์ตเลยไม่ได้ถามต่อจนลืมไป

“อ๋อ ใช่ๆ ผมก็ลืมบอกไปมัวแต่ยุ่งเรื่องวาไม่สบาย คืองี้... พี่นภจำปีเตอร์ได้ไหม คนที่ผมเคยเล่าให้ฟังว่าเป็นโปรดิวเซอร์ของ BBC 1 น่ะ เขาโทรมาบอกว่ามีผู้บริหารของค่ายเพลงเห็นคลิปเพลงที่ผมอัดลงยูทิวบ์แล้วชอบมาก เขาจะหาทางให้ผมออกสื่อท้องถิ่นแล้วขึ้นเวที Introduce ที่กลาสตันเบอรี่อีกครั้งภายในปีสองปีนี้ ถ้ากระแสดีก็จะจับเซ็นสัญญาเลย เพราะตอนนี้ผมบรรลุนิติภาวะเรียบร้อยไม่มีปัญหาเรื่องเซ็นสัญญาแล้ว เพลงก็ให้เตรียมไว้เรื่อยๆ รอให้เรียนจบปุ๊บเดบิวต์เลย”

“ว้าว สุดยอด เห็นไหมล่ะพี่บอกแล้วว่าอัดคลิปลงยูทูปน่ะดีแล้ว”

“อืม ปีเตอร์ก็บอกให้ผมทำเพลงลงเรื่อยๆ ยิ่งเป็นเพลงที่แต่งเองยิ่งดี”

“ไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวพี่ช่วยเอง อยากเห็นน้องชายได้ดิบได้ดีเหนื่อยแค่ไหนก็สู้ เป็นศิลปินต่างประเทศยังไงก็ดูดีมีอนาคตกว่าที่นี่เยอะ”

“เรื่องเป็นนักร้องนี่เอาจริงเหรอ ฉันนึกว่าทำเล่นๆ ซะอีก” จู่ๆ หนุ่มไทยหน้าเข้มก็ทะลุขึ้นมากลางปล้อง เล่นเอาสองพี่น้องต่างสายเลือดหันไปมองค้อน “อ้าว...ฉันผิดอีก ก็พูดตามจริงนี่หว่า เห็นตั้งใจเรียนทำเกรดดี ไหนจะลงทุนในตลาดหุ้นอีก”

“หาทุนสำรองไว้เผื่อถูกแด๊ดตัดออกจากกองมรดกไง”

“อืม... ก็ดีนะถึงฉันจะมั่นใจว่าต่อให้นายไปเป็นนักร้องที่ไหนก็คงไม่ตัดออกจากกองมรดกง่ายๆ หรอก อย่างน้อยครอบครัวทางแม่ก็ดูสปอยล์นายออกจะตาย”

“นั่นสิ” นภพยักหน้าเห็นด้วย

“แต่สุดท้ายฉันก็ต้องอยู่ด้วยตัวเองให้ได้อยู่ดี ฉันคงไม่ได้ทิ้งมหาวิทยาลัยดีๆ ที่อังกฤษเพื่อมาตามฝันเล่นๆ ที่เมืองไทยหรอกนะ” อลันด์ถอนหายใจฉุนๆ สองคนนี้ทำเหมือนเขาเป็นลูกคุณหนูหยิบจับอะไรไม่เป็น

“ก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ถ้านายกลับไปเป็นนักร้องที่อังกฤษแล้วกับเฮียวาล่ะจะเอาไงต่อ”

“ก็...คบกันต่อไง”

“แต่เท่าที่เห็น นายกับพี่วาออกจะตัวติดกัน ถามจริงเถอะ ถ้าต้องแยกกันอยู่จริงๆ จะทนได้แค่ไหนเชียว”

นั่นสิ... แค่ไม่เจอหน้ากันแค่วันเดียวยังคิดถึงแทบบ้า แล้วถ้าต้องห่างกันจริงๆ จะทนได้แค่ไหนกัน

“มันเป็นเรื่องของอนาคต” อลันด์ตอบอย่างไม่มั่นใจนัก รักร่วมเพศว่ายากแล้วแต่รักทางไกลก็ยากยิ่งกว่า คนไม่ได้อยู่ใกล้กันใจมันจะหวั่นไหวบ้างไหมน้อ

“มันก็ใช่ แต่นายก็ต้องคิดไว้บ้างสิ ไม่ใช่ลอยไปวันๆ แบบนี้” คนินทร์ทำหน้าระอาใส่ มีนภมองสลับไปมาระหว่างสองเพื่อนสนิทคอยสังเกตการณ์ เผื่อว่าถ้าระเบิดลงเขาจะได้เอาจานขนมหลบไปก่อน

“เหอะน่า จะรีบคิดไปทำไม ยังมีเวลาอีกตั้งสองสามปี บางทีวาอาจจะตามไปอยู่อังกฤษกับฉันก็ได้” เจ้าตัวตอบคล้ายไม่ใส่ใจนัก มือขาวทำท่าจกขนมในจานมากินต่อ

“น่าสงสารเฮียแหะ”

“ทำไมวะ”

“มีแฟนแบบแกไง”

“แฟนประเสริฐแบบฉันหาไม่ได้ง่ายๆ นะ”

“แฟนที่เหมือนลูกน่ะเหรอ” คนินทร์หัวเราะก๊าก จนเจ้าของห้องหน้างอเท้าเอวจ้องตาเขียวปัด “เอ้าก็จริงนี่ ฉันว่าแกโชคดีที่ได้แฟนประเสริฐแบบเฮียวามากกว่า”

“แต่วาก็รักแฟนแบบฉันมากแล้วกัน”

“เพราะงี้ไงถึงน่าสงสาร แกก็รู้เรื่องทุนของเฮียแล้วไม่ใช่เหรอ” อลันด์เบิกกว้างมองคนินทร์ด้วยความตกใจหลังได้ยินประโยคนั้น ไม่คิดว่าเพื่อนจะรู้เรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน ก่อนคนินทร์จะสารภาพตามตรง “ฉันแอบได้ยินที่นายคุยกับพี่รันตอนงานวันเกิด เลยไปหลอกถามมาอีกที แล้วก็ไปหาข้อมูลมาเพิ่มเติมเรื่องทุนนี้มา เฮียฉันที่เรียนหมอบอกว่าเป็นทุนที่ไม่ค่อยมีมาบ่อยๆ และใช่ว่าจะได้ใบสมัครกันทุกคน ถ้าไม่มีคนรับรองที่เชื่อถือได้ก็อด แล้วถ้าได้แต่สละสิทธิ์จะเสียเครดิตกันทั้งคนขอและคนรับรอง”

“ฉันไม่รู้ วาบอกแค่ว่ามันไม่สำคัญ และฉันก็เชื่อเขา”

“แล้วไม่ได้คิดหรือไงว่าทำไม จู่ๆ เขาถึงทิ้งโอกาสหายากแบบนี้ไป”

“ฉันไม่อยากคิด” เด็กฝรั่งถอนหายใจ ตาสีอ่อนมองออกไปด้านนอกดูท้องน้ำยามเย็นที่เป็นสีเหลืองทอง เหตุผลที่ทิวากานต์เรียนหมอเพราะหม่าม้าไม่สบายเวียนกลับเข้ามาในความคิดอีกครั้ง “ฉันมันโลภมากว่ะคิว อยากได้ทุกอย่างมาไว้ในมือ แล้วถ้าวาพูดว่าโอเค ฉันก็จะเชื่อว่าเขาโอเค ทั้งที่ฉันรู้สึกมันไม่โอเค”

“ลองคุยกับเฮียอีกทีเถอะ โอกาสแบบนี้ใช่ว่าจะหากันได้ง่ายๆ”

“แต่ถ้าวาได้ทุนนี้ เขาก็ต้องไปเรียนเลยนะ แล้วฉันล่ะ ต้องอยู่ที่ไทยคนเดียวเหรอ”

“อ้าว แล้วญาติตัวแสบจะไม่อยู่ที่ไทยกันแล้วเหรอ” นักร้องหนุ่มแทรกขึ้นมากลางวงทำเอาสองหนุ่มน้อยค้อนใส่ประหลับประเหลือก

“ผมหมายถึง...ผมจะถูกวาทิ้งให้อยู่เรียนต่อที่ไทยคนเดียวเหรอ”

“อ้าวเหรอ พี่ไม่รู้” นภสารภาพเสียงอ่อนก่อนหยิบขนมชิ้นใหม่ในจานมากินให้ปากไม่ว่าง

“คิดดูสิคิว ถ้าวาไปเรียนฉันก็ต้องอยู่นี่คนเดียวอีกสามปี พอวาเรียนจบกลับมาฉันก็เรียนเสร็จพอดีเหมือนกัน แต่ตอนนั้นฉันก็ต้องกลับไปเป็นนักร้องที่อังกฤษแล้วไหม ส่วนวาน่ะต้องอยู่ทำงานใช้ทุนอีกกี่ปีกัน”

“เฮียคงมีไอเดียดีๆ หรอกน่า ยังไงพ่อเขาก็มีเงินไม่ใช่เหรอ อาจจะจ่ายเงินแทนทำงานใช้ทุนก็ได้ แสบลองไปคุยอีกทีเถอะ ทุนจากมหาลัยดังแบบนั้น ถ้าไม่เอามันก็ออกจะน่าเสียดายนา”

“จะลองแล้วกัน แต่ถ้าวาโกรธฉันจะให้เขามากระทืบแก”

“อู๊ยยย เสียวแทน” นภที่เพิ่งกลืนขนมลงคอไปนั่งเอามือกุมเป้าทำหน้าแหยง พาให้เด็กสองคนหัวเราะออกมาเสียงดังลืมเรื่องเครียดๆ ได้ชะงัด

ทว่าภายใต้ความสดใสนั้นก็มีความไม่แน่ใจซ่อนอยู่เช่นกัน อลันด์ได้แต่หวัง... หวังว่าเขาจะสามารถเป็นคนโลภได้ต่อไป...

.
.
.

ครอบครัวของอดีตท่านทูตพากันยกโขยงมาที่โรงพยาบาลตอนเกือบหกโมงเย็นตามด้วยคนรถกับสาวใช้หอบกระเช้าของเยี่ยมกับช่อดอกไม้เต็มสองมือ หนำซ้ำยังมีนายแพทย์การันต์ไปทำการต้อนรับ สร้างความแตกตื่นแก่บุคลากรในโรงพยาบาลเป็นอย่างมากพาลให้สงสัยไปอีกว่าคนใหญ่คนโตที่ไหนมาทำอะไรแถวนี้ แต่พอเห็นหน้าเด็กฝรั่งที่ชักเริ่มคุ้นตาในตึกผู้ป่วยจึงพออนุมานกันได้ว่ามาเยี่ยมคุณหมอรูปหล่อขวัญใจสาวน้อยสาวใหญ่นี่เอง

ที่หน้าห้องพักเดี่ยวปรากฏร่างสาวน้อยในชุดกาวน์สองคนยืนด้อมๆ มองๆ อยู่หน้าประตูทางเข้า การันต์เห็นดังนั้นจึงกระแอมกะความดังพอให้นักศึกษาปีห้าสองคนรู้สึกตัว ว่าที่หมอเมย์และว่าที่หมอแตงกวาสะดุ้งโหยงมองหน้ากันเลิ่กลั่กก่อนจะเห็นรองหัวหน้าสาขาศัลยกรรมทรวงอกเดินหน้าดุเข้ามาใกล้

“มาทำอะไรแถวนี้ ผมจำไม่ได้ว่าพวกคุณมีธุระอะไรที่ตึกนี้นะ กลับไปเฝ้าเวรที่ตึกก่อนผมจะแจ้งละเลยการปฏิบัติหน้าที่ของพวกคุณให้อาจารย์อดิศรทราบ”

“ขะ ขอโทษค่ะอาจารย์ พวกหนูแวบมาแค่เยี่ยมอาจารย์วาแป๊บเดียวเดี๋ยวจะไปแล้วค่า” สองสาวรีบค้อมศีรษะให้แล้วรีบเดินกลับตึกไปเฝ้าเวรต่อ อลันด์เพิ่งเคยเห็นการันต์โหมดอาจารย์ครั้งแรกถึงกับกลัวแทนสองสาวเพราะท่านรองศาสตราจารย์คนนี้ดุใช่ย่อย แต่เรื่องอะไรที่เขาต้องเห็นใจพวกหล่อนที่หวังมาแทะโลมคนรักเขากัน ถึงจะไม่สมกับเป็นสุภาพบุรุษแต่อดสมน้ำหน้าไม่ได้จริงๆ

พอสองสาวเดินผ่านหน้าไปเขาเลยยักคิ้วแสดงความเหนือกว่าให้สองจึ้ก หากริมฝีปากของหมอเมย์ที่ขยับพูดอะไรเร็วๆ และเบาจนได้ยินเป็นคำไม่ปะติดปะต่อก็ชวนให้ฉงนไม่น้อยจนต้องเอียงคอคิด ถ้าไม่หูฝาดคิดไปเองเขาว่าได้ยินหล่อนพูดอะไรตัวจริงๆ สักอย่าง แต่เอาเหอะจะสนใจทำไมขอแค่ไม่ได้ด่าเขาเป็นพอ

การันต์เปิดประตูเข้าไปก่อนแล้วตามด้วยผู้ใหญ่สองท่านจึงมีเพียงสามคนทันได้เห็นขัตติยายืนอยู่ข้างเตียงผู้ป่วย ใช้มือข้างหนึ่งหนีบอยู่บนแก้มคุณหมอรูปหล่อ พอเห็นแขกมาเยี่ยมมือเล็กๆ ก็รีบดึงออกซ่อนไว้ด้านหลังขวับ

“พี่รัน สวัสดีค่ะ” หญิงสาวทักทายนายแพทย์รุ่นพี่ ตาโตกระพริบมองคนกลุ่มใหญ่ที่ทยอยกันเข้ามาในห้องอย่างสงสัยก่อนถึงบางอ้อเมื่อเห็นหน้าคุ้นตาของคนรักพี่ชายจึงหลบไปยืนด้านในสุดห้องพักให้ทุกคนอัดอยู่ในห้องเล็กๆ นี้ได้

“ยายมาขัดจังหวะอะไรหรือเปล่าจ๊ะ”

“สวัสดีครับคุณตาคุณยาย ท่านผอ. ก็มาด้วย มากันหมดทุกคนเลย” คนป่วยไข้เลือดออกลุกนั่งยืดขาบนเตียง ทำเป็นทักทายแก้เก้อทำเหมือนไม่ได้ยินคำแซวเมื่อครู่

“อยากจะมาเยี่ยมหลายวันแล้วล่ะจ้ะ แต่บ้านตาชายเขาก็อยากมาด้วยเลยรอมาพร้อมกัน ผอมซูบลงไปเยอะเลยนะหมอวา ยายซื้อพวกของบำรุงมาให้กินได้ใช่ไหมจ๊ะ ตาศักดิ์ยัยนิภาเอาของฝากไปวางไว้บนโต๊ะสิ” ท้ายประโยคหันไปสั่งคนรถกับสาวใช้ รอจนทั้งคู่ทำตามคำสั่งจนเสร็จแล้วออกจากห้องไปทิวากานต์ถึงแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกับขัตติยา

“นี่น้องสาวผมเองครับเป็นลูกพี่ลูกน้องกันชื่อขิง น้องขิงคะนี่คุณตาคุณยายของอัลค่ะ นั่นคุณลุงเป็นผอ. โรงพยาบาลเอกชนที่พี่ทำงานอยู่ด้วย แล้วที่ยืนหล่อยืนสวยอยู่นั่นก็พี่หมอกิตกับน้องกานต์ลูกพี่ลูกน้องอัล น้องกานต์เป็นหมอฟันน่าจะรุ่นเดียวกับขิงนะ ยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปดใช่ไหม”

“รุ่นเดียวกันค่ะ” กานต์ส่งยิ้มหวานให้เพื่อนสาวรุ่นเดียวกันหลังรู้ว่าเป็นแค่น้องสาวไม่ใช่แฟนสาวของคุณหมอรูปหล่อ ไม่งั้นงานนี้มีหวังสาวๆ ได้ใจสลายกันเป็นแถบ

“ผมเพิ่งรู้ว่าหมอวามีน้องสาวด้วยแถมยังสวยน่ารักขนาดนี้ เจ้ากิตสนใจไหมเดี๋ยวพ่อช่วย” ท่านผอ. ว่าทีเล่นทีจริงแต่ทำเอาลูกชายคนโตหน้าแดงแจ๋พูดไม่ออกดูท่าคงชอบขัตติยาอยู่ไม่น้อย

“พ่อ...”

“แล้วนี่อาการเป็นอย่างไรบ้างคุณหมอ จะได้ออกจากโรงพยาบาลเมื่อไหร่”

“ตอนนี้รอแค่เกล็ดเลือดกลับมาเป็นปกติก็กลับบ้านได้แล้วครับ อาจจะอีกสักสามสี่วัน” เขาหันไปตอบอดีตท่านทูตไม่ลืมส่งสายตาเลยไปหาเด็กหนุ่มด้านหลัง อลันด์ทำปากยู่ใส่เขาก่อนเดินมานั่งบนขอบเตียง มือหนาจัดการขยี้กลุ่มผมหนาสีอ่อนด้วยความเอ็นดูพลางเอ่ยชม  “แต่ตอนแอดมิทก็เกือบแย่เหมือนกันครับ ถ้าไม่ได้น้องอัลผมคงซี้ไปแล้ว”

“เป็นเพื่อนบ้านกันผลัดกันสอดส่องช่วยกันดูแลก็ดีแล้ว ตอนเจ้าตัวแสบนี่แย่ก็ได้หมอมาช่วยไว้หลายครั้งเหมือนกัน ถือเป็นโชคดีของเจ้าอัลเขาล่ะที่ได้รู้จักกับหมอวา”

“เป็นโชคดีของผมเหมือนกันครับที่ได้เจออัล” เขาระบายยิ้มอ่อนทำให้หน้าเซียวดูมีชีวิตชีวาขึ้นโข

พูดคุยกันได้สักพักขัตติยาก็ขอตัวกลับไปดูแลพ่อตนเองต่อ พอท่านผอ. รู้ว่าบิดาของหญิงสาวรักษาโรคมะเร็งอยู่ก็รีบดันตัวลูกชายซึ่งเป็นหมอเชี่ยวชาญด้านนี้ให้ตามไปช่วยดูด้วย ท่าทางอยากได้ขัตติยาเป็นสะใภ้จริงจัง แต่ทิวากานต์ว่าท่านผอ. อยากดองกับเขาเพื่อดึงตัวไปทำงานที่โรงพยาบาลมากกว่า

ด้านครอบครัวของอลันด์อยู่คุยกับศัลยแพทย์ทั้งสองจนได้เวลาจึงขอตัวกลับให้คุณหมอในคราบคนป่วยได้พักผ่อน เด็กตาฟ้าอ่อนเองต้องตามออกไปทานมื้อค่ำด้วย แต่ก็บอกไว้ว่าคืนนี้จะมานอนเฝ้าเหมือนเคยแค่อาจจะมาดึกหน่อยเท่านั้น ทิวากานต์ไม่ได้ว่าอะไรดีใจเสียอีกที่อลันด์จะได้ไปสังสรรค์บ้างหลังอยู่ดูแลเขามาหลายวัน

ตั้งแต่เข้าโรงพยาบาลทิวากานต์พบเรื่องเซอร์ไพรส์จากคนรักได้แทบทุกวัน เขาไม่เคยคิดว่าลูกคุณหนูขนานแท้อย่างอลันด์จะทำอะไรแบบนี้ได้ แม้เรื่องเช็ดตัวจะหวิดทำเขาเป็นปอดบวมแต่เด็กหนุ่มตั้งใจทำอย่างดี ดึกดื่นเขาไข้ขึ้นก็ตามพยาบาลมาดูไม่เคยบ่นเหนื่อยให้ได้ยินสักครั้ง คงจริงอย่างเขาว่าถ้าอยากรู้ว่าใครรักเราแค่ไหนให้ดูตอนที่เราลำบาก และเด็กคนนี้ไม่ทำให้ผิดหวังเลยแม้แต่น้อย

นับวันเขายิ่งมีแต่จะรักอลันด์มากขึ้นทุกที รักจนคิดว่าชีวิตนี้คงฝากไว้ในมือเล็กๆ หยาบกร้านคู่นั้น ยอมเป็นลูกไก่ตัวน้อยในกำมือทำตัวให้เด็กหนุ่มเอ็นดูจะได้อยู่ด้วยกันนานๆ และหวังว่าจะตลอดไป



TBC

ตอนที่เขียนตอนนี้คือเมื่อประมาณปีก่อน ก่อนที่จะมีข่าวของพี่ปอ ทฤษฎีป่วยเป็นไข้เลือดออกค่ะ
เคสตัวอย่างที่เราเอามาอ้างอิงก็เอามาจากคุณพ่อของเราเอง
ไม่น่าเชื่อนะคะว่าแค่ไข้เลือดออกจะทำให้คนตายได้
นี่ถ้าพี่วาไปโรงพยาบาลช้ากว่านี้อีกนิด นังน้องอัลเป็นหม้ายแน่นอน
เราๆ ก็คงอดแซ่บพระเอกหล่อวัวตายควายล้มคนนี้ด้วยเหมือนกัน ฮา
เพื่อลดการระบาดของโรคไข้เลือดอย่าลืมกำจัดแหล่งเพาะลูกน้ำยุงลายกันนะคะ

สปอยล์ตอนหน้า...
อีกบคู่แข่งหัวใจตัวฉกาจของน้องอัลปรากฏตัว เด็กฝรั่งตัวเท่าไหล่จะทำอย่างไร
โปรดติดตามตอนต่อไปค่า
#พี่วาน้องอัล

ปล. ตอนนี้เรารีไรท์ HEART ATTACK เสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะเลยว่างไปเปิดนิยายเรื่องใหม่
ฝาก . . . ไม่รัก . . . (https://t.co/OnjBzSt1z7) กันด้วยนะคะ ^^

 :mew1:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 30 [27.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: about ที่ 27-02-2016 18:37:41
พี่หมอวาหายไวๆน้า
อลันดูแลพี่วาดีๆนะ :mew1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 30 [27.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 27-02-2016 19:29:34
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 30 [27.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 27-02-2016 19:45:23
หมอก็ป่วยเป็น หมอวาหายป่วยไวๆ
มีอัลเป็นกำลังใจอยู่ข้างๆ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 30 [27.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 27-02-2016 20:40:49
ทึกๆอย่างหมอวาก็ป่วยเป็นเนอะแถมแฟนดูแลดีจนอิจฉา
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 30 [27.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 27-02-2016 21:21:56
โหยยย...อ่านสปอยแล้วอยากให้เสาร์หน้ามาถึงเร็วๆ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 30 [27.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: Mokuchi ที่ 27-02-2016 21:41:31
คุณหมอแอบวางแผนไว้แล้ว น้องอัลไม่ต้องกังวลเรื่องทุนหรอก
ว่าแต่คู่แข่งจะเป็นใครนะ รอตอนหน้าค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 30 [27.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: cinnsin ที่ 27-02-2016 22:56:54
อลันด์งานเข้าแล้วหล่ะสิตอนหน้า...
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 30 [27.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 27-02-2016 22:58:15
รอดูหน้าคู่แข่ง จะเป็นยังไงมาแบบไหน :hao4:

โอ๊ยยยย หมอวาหายไวๆนะ น้องอัลดูๆพี่วาหน่อยนะลูก
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 30 [27.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 27-02-2016 23:01:43
 :hao3:
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 30 [27.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 28-02-2016 15:37:15
ไม่คิดว่าหมอวาจะป่วยเป็นเหม่อนกันนะเนี่ย  แต่ขนาดป่วยก็ยังฮอตเหมือนเดิม 5555
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 30 [27.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: VarainDark ที่ 29-02-2016 01:48:29
อิจฉาหมอวาแปป
อยากได้แฟนแบบอัลอ่ะ
หัวข้อ: Re: ♥ HEART ATTACK ♥ ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ TRACK 30 [27.02.16]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 01-03-2016 15:18:18
ถึงอัลจะเด็กแต่เป็นแฟนที่ดีนะ ไม่อยากนึกถึงตอนสองคนนนี้ห่างกัน อย่าให้มีเลยดีกว่า
หัวข้อ: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- HIDDEN TRACK 04 [05.03.16]
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 05-03-2016 15:39:07
HIDDEN TRACK 04



ทิวากานต์เป็นคนรักที่ดีมากจริงๆ แต่ก็มีข้อเสียอยู่ไม่กี่อย่างที่อลันด์รับไม่ค่อยจะได้ โดยเฉพาะข้อที่ว่ารักรถมากเกินความจำเป็นและคราวนี้ก็รักเกินจนเขาทนไม่ไหว

หลังกลับมาจากโรงพยาบาล คุณหมอที่กลายเป็นคนป่วยชั่วคราวจำต้องพักฟื้นต่ออีกสองวันเป็นอย่างน้อย(และต่อให้กลับไปทำงานก็ใช่ว่าจะได้ทำเคสผ่าเลยเพราะสภาพร่างกายที่ทำให้ยืนนานๆ ยังไม่ค่อยได้ แก่แล้วก็งี้) แต่สำหรับคนที่ไม่ชอบอยู่เฉยๆ กลับรู้สึกเบื่อแทบแย่ เขาเลยตั้งใจว่าจะใช้ช่วงนี้ไปรับส่งเจ้าตัวแสบที่มหาวิทยาลัยช่วงมีสอบกลางภาค ซึ่งก็เหลืออีกแค่วันเดียวคือวันพรุ่งนี้แล้วต่อด้วยมื้อค่ำแสนโรแมนติก

แต่กลายเป็นว่าที่สัญญากันเป็นมั่นเป็นเหมาะมีอันต้องยกเลิกเพราะคุณหมอที่บอกว่าจะตื่นไปส่งตอนเก้าโมงเช้าดันหายหัวไปทิ้งไว้แต่โน้ตพร้อมลายมือยุ่งๆ ที่อ่านแทบไม่ออกว่าจะพาน้องกบไปเช็คสภาพ เจ้าตัวอ่านแล้วจี๊ดใจถึงกับร้องกรี๊ดๆ ออกมาเหมือนนางร้ายช่องหลายสีลั่นห้องนอน

เด็กหนุ่มอาบน้ำแต่งตัวหอบหนังสือขับน้องมินิออกจากคอนโดด้วยความเร็วราวพายุหมุนลูกย่อม ถึงอารมณ์บูดสุดชีดแต่ใช่เหตุที่จะมาเสียการเรียนหรือ สำหรับอลันด์แล้วไม่มีทางแน่นอน

เขาอาศัยความโกรธมุตัวเองให้อ่านหนังสือฟาดงวงฟาดงากับเนื้อหาที่จดสรุปไว้จนเพื่อนคนไหนก็ไม่กล้าเข้าใกล้ ทุ่มความโกรธลงไปในโจทย์ทุกข้อที่อาจารย์ให้มา และออกจากห้องสอบเป็นคนแรกหลังจรดปากกาเขียนอย่างเร็วจนมือแทบหงิก (ซึ่งในภายหลังอลันด์อยากขอบคุณทิวากานต์มากที่ทิ้งกันไปในเช้าวันนั้นเพราะเขาได้คะแนนเต็มเพียงคนเดียวของจำนวนนักศึกษาทั้งหมดที่ลงวิชานี้)

สอบเสร็จเดินออกมาตอนบ่ายสาม โทรศัพท์รุ่นใหม่ยังคงนิ่งเงียบไร้สัญญาณการติดต่อจากทิวากานต์ ถามว่างอนไหม... หึ ริมฝีปากอิ่มหยักบิดเบ้อยากตอกหน้าคนถามว่ามันเลยคำว่างอนไปไกลแล้ว

THIS IS A WAR!!! นี่มันคือสงครามระหว่างเขากับคนรักต่างหาก!!!

อลันด์ไม่ได้ตรงกลับคอนโดในทันที เขาไปกินข้าวฉลองสอบเสร็จกับเพื่อนร่วมชั้นแถวสยาม พอแยกย้ายกันก็ตรงไปที่ห้องซ้อม ระบายอารมณ์กับกีตาร์อยู่พักใหญ่นภเลิกงานกลับมาพอดีทั้งที่แม่นักร้องหนุ่มบอกเขาไว้ก่อนหน้านั้นว่าคืนนี้ลูกชายมีงานถ่ายละครข้ามคืน ถามไถ่ได้ความมาว่านางเอกที่เป็นตัวหลักวันนี้ประสบอุบัติเหตุจำเป็นต้องยกกองกะทันหัน ไม่รู้ว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้ายของชายหนุ่มวัยยี่สิบสองที่ต้องมานั่งรับฟังคำบ่นของเด็กฝรั่งตัวแสบแทน

“วาโกหก กระล่อน ตอแหล เชื่อไม่ได้ บอกรักเราแทบตายพอรถเป็นอะไรนิดหน่อยก็ทิ้งเราไปหารถก่อน  ใช่สิ อีกบมันแพงนิ คันตั้งเกือบสามสิบล้าน อยากรู้นักว่าถ้าวาป่วยอีกอีกบมันไปช่วยเฝ้าช่วยพยาบาลได้ไหม”

  ถ้าไม่ได้รู้จักกันมาก่อนนภคงคิดว่าไอ้ฝรั่งนี่ต้องแอบเปิดลำโพงแล้วลิปซิงค์แน่ๆ ขนาดรู้จักกันมาเกือบปียังรู้สึกแปลกตาทุกครั้งที่เห็นอลันด์พูดภาษาไทยด้วยท่าทางเหมือนคนพื้นที่ไม่ผิดเพี้ยน ยิ่งตอนด่านะ...อย่าให้บรรยาย เจ็บสุดๆ แล้วเรียกรถพอร์เช่ว่า ‘อีกบ’ แม่งคิดได้ไงวะ

“แล้วไมไม่โทรหาพี่วาก่อนล่ะ”

“โทรไปให้จี๊ดเหรอว่ามัวแต่ดูอีกบอยู่จนลืมเมีย มะ เอ้ย ลืมผมไปแล้วน่ะ”

นักร้องหนุ่มนั่งฟังตาปริบๆ ดูเด็กฝรั่งหยิบกีตาร์ไม้มาดีดแก้เก้อ ดูท่าแบบนี้ไม่น่าจะไหว พาไปกินข้าวให้อารมณ์ดีดีกว่า

สามสิบนาทีต่อมาสองหนุ่มนักดนตรีพาตัวเองมานั่งจุมปุ๊กร้านสเต๊กร้านแรกที่เคยมาด้วยกัน นภว่าถ้าทิวากานต์ได้มาเห็นอลันด์ตอนนี้ต้องยิ้มหน้าบานแน่ๆ เพราะเจ้าของความสูงห้าฟุตหกนิ้วกำลังยัดเนื้อทีโบนเข้าปากเอาเป็นเอาตาย ไม่นับรวมซีซาร์สลัด มันบด และบัฟฟาโล่วิงค์ที่วางเรียงเต็มโต๊ะ

แต่แทนที่กินเสร็จจะแยกกลับทางใครทางมันหนุ่มน้อยตาสีฟ้าดันเปรยขึ้นมาว่ามีดอม เพอริญอง ปี 2002 เหลืออยู่สองขวดที่คอนโด ถ้าไม่รีบกินภายในปีนี้เชมเปญขวดเป็นหมื่นจะเสียไปซะก่อน นภไม่อยากคิดภาพตอนทิวากานต์มาเจอเขาเมาแอ๋อยู่กับอลันด์สองต่อสองในห้อง ใช้คำว่านรกบรรยายอาจจะน้อยไป แต่อาการเปรี้ยวปากอยากของแพงมันห้ามกันได้ที่ไหน สุดท้ายเลยยอมขับรถตามอีกฝ่ายไปที่คอนโดย่านอโศกง่ายๆ เหมือนหมาถูกจูงจมูก

ริมฝีปากหยักเหมือนแมวของอลันด์เบะจนน่าเกลียดยามเห็น ‘อีกบ’ ลูกรักจอดอยู่ที่ช่องในสภาพวิ้งวับใสปิ๊ง แบบนี้แสดงว่าทิวากานต์กลับมาแล้วและแทนที่จะติดต่อเขาก็ไม่มี ชวนน้อยใจยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ที่คนรักเห็นรถดีกว่าตัวเอง

เป็นไปตามคาดว่าจะเจอทิวากานต์ที่ห้อง 2111 ชายหนุ่มวัยสามสิบปีนั่งไขว้ห้างกดโทรศัพท์ท่าทางสบายอารมณ์ เห็นแบบนี้แล้วยิ่งโมโห เขาเดินนำนภเข้าไปในห้องเสียงดังให้อีกฝ่ายรู้สึกตัวและดวงตาคมดุสีน้ำตาลเข้มแทบจะมองมาทันทีตามคาด

“ไปเถลไถลที่ไหนมา พี่ไปรับที่มหาลัยตอนบ่ายสี่ก็ไม่เจอเราแล้ว” เป็นคุณหมอคนหล่อเริ่มเปิดวอร์ก่อนโดยไม่ให้อีกฝ่ายตั้งตัวด้วยน้ำเสียงดุไม่แพ้ใบหน้า หากคนที่วอร์มเครื่องมาตลอดทางขึ้นลิฟต์เองก็โต้กลับได้รวดเร็วไม่แพ้กัน

“เก็บประโยคนั้นไปถามตัวเองดีกว่าไหม ใครกันที่หายไปตั้งแต่ตื่นทั้งที่บอกว่าจะไปส่ง”

“ก็เขียนโน้ตบอกแล้วว่าน้องกบเสียจะให้ขับรถไปส่งได้ไงต้องเอาไปเข้าอู่ก่อนดิ”

“พอเข้าอู่แล้วเลยไร้การติดต่อไปทั้งวันงั้นสิ”

“โทรศัพท์พังพอดีสุดวิสัยจริงๆ เนี่ยเครื่องใหม่เพิ่งซื้อมาเมื่อกี้เอง ก็เรานั่นแหละไปหาแล้วไม่อยู่ว่าจะชวนไปซื้อเครื่องใหม่ด้วยกัน” เขาชูโทรศัพท์เครื่องใหม่เอี่ยมให้ดูเป็นหลักฐาน แต่คิดว่าแค่นั้นจะทำให้แมวเหมียวขี้โมโหพอใจหรือไง คิดตื้นๆ

“อ่อ โอเค ผมผิดที่ไม่รอ แล้ววาไม่คิดว่าผมจะมีธุระของผมบ้างหรือไงทำไมต้องง้อรอวาอยู่คนเดียว”

“อย่างี่เง่าน่า” คนแก่กว่าปราม ตาสีน้ำตาลเข้มกวาดมองไปรอบห้องก่อนสังเกตเห็นนักร้องหนุ่มยืนอยู่ด้านหลังอลันด์ ถึงจะสงสัยเล็กน้อยแต่ถ้ามีคนนอกอยู่ด้วยคงทำให้อลันด์ใจเย็นกับเขามากกว่านี้ “อ้าวนภก็มาด้วยเหรอช่วยส่งเสียงแสดงการมีตัวตนได้ไหมตกใจหมดนึกว่าวิญญาณตามติดที่ไหน แล้วนี่มาทำอะไร มาส่งอัลเหรอ? เมื่อเช้าอัลขับรถไปเองนิตอนกลับมาไม่เห็นมินิจอดที่ช่อง”

“ไม่ต้องเปลี่ยนเรื่องเลยวา มาคุยเรื่องนี้กันให้จบก่อน”

“ไม่เอาน่า ไม่ทะเลาะนะ พี่ผิดพี่ขอโทษแล้วไง”

“อ๋อ ขอโทษแบบขอไปที แสดงว่าสัญญาที่ให้ไว้ไม่สำคัญเลยใช่ไหม ถ้าไอ้คันนั้นเสียทำไมไม่เอาอีกคันไปส่งผม แก้ตัวเหมือนตัวเองมีรถแค่คันเดียว ทุเรศมาก นี่ไม่อยากจะงี่เง่าเหมือนผู้หญิงหรอกนะแต่ถามหน่อยเหอะว่าความจริงวารักผมหรืออีกบมากกว่ากัน”

“อีกบ? ว้อท - เดอะ - เฮล? หยาบคายมาก” ศัลย์แพทย์ยังหนุ่มทำหน้าตกใจ ไม่ได้ตกใจที่อลันด์เรียกรถเขาว่าอีกบแต่ตกใจที่เด็กหนุ่มพูดไม่สุภาพแบบนี้มากกว่า แต่เหมือนอีกฝ่ายจะเข้าใจผิดไปถึงเท้าสะเอวทำหน้ายักษ์

“แตะไม่ได้เลยสินะ ใช่ซี่ อีกบมันเมียหลวงส่วนนี่อ่ะเมียน้อย ใครจะไปสวยโฉบเฉี่ยว เซ็กซี่ ดีงาม ราคาสามสิบล้าน ขับง่ายขี่คล่องแบบอีกบล่ะ” เขาอยากเอากระเป๋าเป้บนหลังเขวี้ยงใส่หน้าหล่อๆ นั่นสักที แค่เรียกลูกรักว่าอีกบถึงกับทำหน้ารับไม่ได้ ดัดจริตที่สุด!

“อัล... ไม่คิดว่ามันไร้สาระเหรอที่เอาตัวเองไปเทียบกับรถน่ะ” ทิวากานต์กรอกตามองบนครางเสียงอ่อนเมื่อเห็นท่าทีคนรักอ่อนวัย เริ่มรู้สึกว่าอลันด์ชักพาลเข้าไปทุกทีแม้คนผิดจะเป็นเขาก็เหอะ ชายหนุ่มสบตากับบุคคลที่สามก่อนพูดหาพวก “นภ นายก็คิดใช่ไหมว่ามันไร้สาระมากที่เอาตัวเองไปเทียบกับรถ “

“เฮ้ย ผมไม่เกี๊ยววว” นักร้องหนุ่มแก้ตัวเสียงสูง ขายาวก้าวถอยไปข้างหลังอัตโนมัติหนึ่งก้าว หมอคนนี้นี่ยังไง เขาอยู่เฉยๆ ดันหาเรื่องให้ถูกกินหัวไปด้วย นี่มาหวังดื่มของแพงฟรีนะไม่ได้อยากดูผัวเมียตีกัน

“พี่นภก็คิดเหมือนวาล่ะสิ ใช่ไหมล่ะ”

“ยังไม่ได้พูดแบบนั้นสักคำ”

“อัลชักพาลใหญ่แล้วนะ ไม่น่ารักเลยรู้ตัวไหม!” เมื่อเห็นคนอ่อนกว่าชักมีพฤติกรรมไม่เข้าตาคนที่แก่กว่าทั้งวัยวุฒิและคุณวุฒิจึงต้องปรามไม่ให้เสียนิสัย แต่นั่นแหละ...ตอนนี้เรื่องเขาเองยังเคลียร์ไม่เรียบร้อย พูดอะไรออกไปตอนนี้มีแต่ทำให้คนฟังเข้าใจผิดยิ่งขึ้น

เด็กฝรั่งเบะปากหน้างอน้ำตาคลอก่อนเขวี้ยงกระเป๋าเป้ในมือใส่คนรักแล้วผลุนผลันออกจากห้องไป พร้อมตะโกนทิ้งท้ายไว้เสียงดังให้สองหนุ่มหน้าตาตื่น

“ในเมื่อรักอีกบมากขนาดนั้นก็เชิญอยู่กับอีกบไปเลย ผมไม่อยู่กับวาแล้ว!!!”

ปัง!!!

“เฮ้อ... ปกติทะเลาะกันแบบนี้บ่อยไหมครับเนี่ย” นภเอ่ยขึ้นทันทีเมื่อความเงียบกลับเข้ามาในห้อง เขามองทิวากานต์ถอนหายใจเอนหลังพิงกับโซฟา

“ไม่หรอก น่าๆ จะงี่เง่าที อัลขี้น้อยใจไม่ชอบถูกทิ้งน่ะ”

“แล้วไม่ตามไปจะดีเหรอครับ เห็นหยิบกุญแจรถไปด้วย ขับรถอารมณ์แบบนี้เดี๋ยวเกิดอุบติเหตุเข้าจะแย่เอานะ”

“คงไปอยู่คอนโดใหม่เขาละมั้ง ไม่ต้องห่วงหรอกเด็กนั่นขับรถช้าจะตาย” ถึงปากจะพูดแบบนั้นแต่ทิวากานต์ก็เดินมาดูชามใส่กุญแจรถที่วางไว้บนชั้นรองเท้าตรงทางเข้าห้อง เขามองกุญแจรถที่นอนเอ้งเม้งอยู่ในนั้นสามอัน พยายามดูให้แน่ใจว่าตัวเองไม่ได้ตาฝาด แต่ขยี้ตาดูสองครั้งก็เห็นแค่กุญแจยี่ห้อมินิ นิสสัน แล้วก็บีเอ็มดับบลิว “ฉิบ - หาย - แล้ว”

“อะไรหายเหรอพี่วา”

“เรือหายสิวะ อัลหยิบกุญแจน้องกบไป”

“หา?”

ทิวากานต์ไม่ได้ขยายความต่อ เขาวิ่งออกไปข้างนอกพุ่งไปห้อง 2112 ดูจนแน่ใจว่าอลันด์ไม่อยู่ในนั้นก็กลับมาหานภที่เหมือนจะยังไม่เข้าใจว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น “นภไปกับพี่ อัลเอากุญแจน้องกบไป”

“นี่พี่ห่วงรถมากกว่าตัวแสบจริงๆ สินะ” นักร้องหนุ่มชักฉุนแทนหนุ่มรุ่นน้อง เมื่อกี้ตอนอลันด์หุนหันเดินออกไปเจ้าตัวยังนั่งเฉยไม่รีบร้อนตามออกไป แต่พอเห็นว่ารถสุดที่รักถูกเอาไปเท่านั้นแหละร้อนรนจะเป็นจะตายขึ้นมาทันที

คุณหมอหน้าหล่อฟังแล้วถึงกับกุมขมับ เขาเดินกลับเข้าไปในห้องหยิบกระเป๋าเงินแล้วออกมาคว้ากุญแจรถลากนภออกไปข้างนอกด้วยกัน “จะคิดยังไงก็ช่างเหอะนะ แต่เด็กนั่นเคยลองขับน้องกบไม่กี่ครั้งแล้วไม่ชินกับเครื่องวางกลางด้วย ภาวนาให้หาอลันด์กับรถเจอก่อนจะเกิดอุบัติเหตุแล้วกัน!”

.
.
.

“งี่ - เง่า - ชะ - มัด”

เสียงแหบพูดกับตัวเองขณะใช้ดวงตาสีอ่อนกวาดไปทั่วกระจกใสมีไอฝ้าขึ้นจนแทบมองไม่เห็นขวดน้ำด้านใน เด็กหนุ่มตัดสินใจเปิดประตูตู้แช่หยิบน้ำแร่ออกมาหนึ่งขวดแล้วเดินไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์ ระหว่างที่รอเงินทอนไม่ลืมจะถามพนักงานร้านสะดวกซื้อว่าตอนนี้เขาอยู่ส่วนไหนของประเทศไทยหลังขับรถมั่วมาเรื่อย

“ถนนเลี่ยงเมืองชลบุรี อีกนิดก็ระยอง”

น้ำเสียงตอบกลับเหมือนซอมบี้ไม่ทำให้ตกใจได้เท่ากับความงี่เง่าของตัวเองที่ขับรถเตลิดออกจากกรุงเทพมาไกล อลันด์เดินลากขาออกมาจากร้านสะดวกซื้อในปั๊มน้ำมัน เห็นอีกบจอดอยู่ไม่ไกลถึงกับถอนหายใจที่พามันมาร่วมชะตากรรมหนีออกจากบ้านด้วย

จะเอายังไงต่อกับชีวิตก็ไม่รู้ ขับรถกลับกรุงเทพไปหาทิวากานต์ตอนนี้มีหวังถูกโกรธแน่ๆ ทำงี่เง่าไว้เยอะแถมยังขโมยรถสุดที่รักเขามาอีก ถ้าถูกขอเลิกเขาจะไม่แปลกใจเลย ดีไม่ดีถูกแจ้งความขึ้นมาแด๊ดคงรีบบินมาลากตัวกลับลอนดอนแน่ๆ แต่จะโทษใครได้นอกจากตัวเองที่ปล่อยอารมณ์เป็นใหญ่

“ยังไงก็กลับกรุงเทพก่อนแล้วกัน เรื่องอื่นค่อยคิด” เขาตัดสินใจหลังดื่มน้ำเข้าไปอึกใหญ่ เท้าเบอร์เจ็ดก้าวเข้าหาพอร์เช่ 911 เทอร์โบ เอสที่ให้กินน้ำมันจนอิ่มเรียบร้อยแล้ว

หากจู่ๆ เสียงเร่งเครื่องยนต์ไม่ไกลจากกันเท่าไหร่ทำเอาคนตัวเล็กชะงักเอามืออุดหู ตาสีอ่อนหันมองต้นเหตุฉับก่อนเจอมอเตอร์ไซค์แต่งเครื่องกลุ่มใหญ่ส่องไฟมาทางตน บางคันยังทำเสียงดังน่ารำคาญคล้ายจะข่มขวัญหนุ่มน้อยชาวต่างชาติ และค่อนข้างได้ผลไม่น้อยเมื่อใบหน้าขาวซีดมีร่องรอยตื่นตระหนก

“ไนซ์ คาร์!” คนที่ยืนคร่อมจักรยานยนต์คันหน้าสุดตะโกนฝ่าเสียงเครื่องยนต์มาให้ได้ยิน พอพวกมันเห็นเด็กหนุ่มชาวต่างชาติสะดุ้งก็พากันหัวเราะชอบใจ

อลันด์เหลียวซ้ายแลขวา เขามั่นใจว่าปั๊มน้ำมันแห่งนี้พลุกพล่านพอที่จะช่วยปรามการก่ออาชญากรรมได้ระดับหนึ่ง หากแต่มองไปล้วนเจอรถบรรทุกคันใหญ่และเด็กปั๊มที่ดูขี้ขลาดแล้วเขาจึงเริ่มชักไม่แน่ใจ หัวสมองคิดหาทางรอดเร็วจี๋ อย่างน้อยถ้าอยู่ในรถพวกนั้นจะทำอะไรเขาไม่ได้ ระยะห่างแค่สิบห้าเมตรสับขาหน่อยน่าจะทัน

“เฮ้ๆ ยัวร์ คาร์ เวรี่ บิวตี้ฟลู ไอ ว้อท อิท”

ร่างเล็กหยุดนิ่งตัวแข็งทื่อหลับตาปี๋เมื่อมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งปาดมาจอดตรงหน้าด้วยความเร็วก่อนที่เข้าจะทันได้ขยับตัววิ่งด้วยซ้ำ พอลืมตาขึ้นมองเขาก็เห็นไอ้ตัวหัวโจกยิ้มแสยะใส่ ด้านหลังไกลออกไปเป็นเด็กปั๊มที่ทำเหมือนไม่เห็นเหตุการณ์

“G... Go away”

“ตัวสั่นเป็นลูกหมายังกล้าไล่อีกเหรอ นึกว่ากูฟังภาษาอังกฤษไม่ออกหรือไง แค่จะขอดูรถใกล้ๆ นิดเดียวเอง ไม่ต้องกลัวน่า”

“กะ กลัวพ่อมึงสิ”

“อ้าวพูดไทยได้นี่หว่า”

“มันด่ามึงด้วยอ่ะ โคตรจี้” ไอ้พวกที่อยู่ด้านหลังเป่าปากหัวเราะกันเป็นที่สนุกสนาน แต่ได้แค่แป๊บเดียวเป็นต้องเงียบเมื่อมีเสียงล้อยางบดกับถนนดังลั่นเข้ามาใกล้ กลุ่มมอเตอร์ไซค์รวมทั้งเด็กฝรั่งพากันหันไปมองบีเอ็มดับบริวสีขาวคันโตดริฟต์เข้ามาจอดนิ่งในปั๊มน้ำมันอย่างพร้อมเพรียง

อลันด์ถึงกับหยุดหายใจเมื่อรถคันคุ้นตาจอดสนิทและปรากฏร่างของทิวากานต์กับนภก้าวลงมาจากรถ ชายหนุ่มหันไปตบหัวนักร้องชื่อดังพร้อมกระซิบอะไรบางอย่างใส่ เท่านั้นนภก็รีบหันมาโบกมือพร้อมยิ้มให้กำลังใจโจรขโมยรถหน้าละอ่อนก่อนกระโดดขึ้นรถคันโตและขับออกไปด้วยความรวดเร็วพอกับขามาทิ้งไว้เพียงความงุนงงท่ามกลางสายตาของทุกคนในปั๊มน้ำมันที่เห็นนักร้องขวัญใจโผล่มาแบบไม่ให้ทันตั้งตัวและจากไปราวพายุ

“นั่นใช่พี่นภที่เล่นละครหัวใจภูผาเปล่าวะ”

“ไม่แน่ใจว่ะ แต่ถ้าใช่คือหล่อโคตร สิ้นเดือนเขามาร้องเพลงที่พัทยาด้วยนี่หว่า แม่ง...แบบนี้กูต้องไปดะ...”

“ไอ้ - ตัว - แสบ”

เสียงคุณหมอตัวโตตะโกนย้ำทีละคำทำแก๊งมอเตอร์ไซค์ที่เริ่มจับกลุ่มซุบซิบพากันหุบปากฉับเบี่ยงสายตามองร่างสูงใหญ่เดินฝ่าวงช้าๆ โดยที่ทุกคนไม่กล้าขยับไปไหนได้แต่มองเงียบไร้ปากเสียงแล้วสะดุ้งกันอีกหนเมื่อเสียงตวาดดังขึ้น

“ทำไมถึงกล้าหนีออกจากบ้านมาที่แบบนี้ห๊ะ!!!”

“ผะ ผม...” ผมผิดไปแย้ววว เด็กหนุ่มเกิดอาการติดอ่าง แทบจะร้องไห้กอดขาอ้อนวอนคนตัวโตว่าอย่าฆ่าหนูเลย หนูผิดไปแล้วจะให้ทำอะไรก็ได้ ดูทิวากานต์ตอนนี้สิน่ากลัวกว่าพวกแก๊งมอเตอร์ไซค์พวกนี้หลายร้อยเท่าอีกอ่ะ ทุกย่างก้าวอย่างกับนับเวลาถอยหลังชีวิตเขาอย่างนั้นแหละ

“มา - นี่” ปากบอกให้มาหาแต่คุณหมอกลับเข้าประชิดตัวและคว้าแขนอลันด์ลากผ่านหน้าหัวโจกแก๊งมอเตอร์ไซค์ให้เดินไปหาน้องกบด้วยกันท่ามกลางความมึนงงอีกครั้งของทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์

มือใหญ่เปิดประตูรถฝั่งคนขับออกง่ายดายแล้วดันเด็กหนุ่มเข้าไปข้างใน ไม่ลืมสั่งคนตัวเท่าไหล่ให้ย้ายก้นไปนั่งอีกฝั่ง ร่างสูงค้อมตัวหาอะไรบางอย่างใต้เบาะคนขับก่อนล้วงเอาปืนพกขนาดพอดีมือออกมาถือไว้ อลันด์ถึงกับลืมหายใจยามเห็นอาวุธฆ่าคนในมือคุณหมอรักษาคน ทั้งที่รู้มาก่อนแล้วว่าคนรักมีดีกรีเป็นอดีตนักกีฬายิงปืนแต่ไม่เคยได้เห็นไอ้อุปกรณ์ที่ว่าหรือภาพเขาจับอาวุธชนิดนี้สักครั้ง

ที่สำคัญคือเขานั่งทับไอ้ของที่ว่านี่มาตั้งแต่กรุงเทพเลยหรือเนี่ย!

ทิวากานต์เหน็บกระบอกปืนไว้ตรงเอวกางเกงด้านหลัง จงใจโชว์ให้พวกแก๊งเด็กแว้นซ์เห็นชัดๆ แล้วก้าวขึ้นรถสุดที่รัก เขาปิดประตูเสียงดังอย่างที่ไม่เคยทำและกระชากตัวออกจากปั๊มโดยทิ้งเหล่าคนที่ยังมึนงงไว้ด้านหลังคล้ายกับว่าไม่เคยมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นที่ปั๊มน้ำมันแห่งนั้นมาก่อน

.
.
.

“ไหนๆ ก็มาถึงนี่แล้วแวะเที่ยวต่อเลยแล้วกัน” เสียงทุ้มต่ำพูดขึ้นในความเงียบเรียกดวงตาสีอ่อนให้หันไปมองกล้าๆ กลัวๆ และยิ่งกลัวไปอีกตอนเห็นคุณหมอล้วงปืนจากด้านหลังมาเสียบตรงเกียร์รถ

อีหรอบนี้จะพาเขาไปฆ่าทิ้งทะเลหรือเปล่าวะ

“แล้วพี่นภล่ะ”

“ให้กลับไปแล้ว คนอะไรโง่จริงโง่จัง รู้ก็รู้ว่าตัวเองเป็นคนดังเสือกโผล่หน้ามาให้ไอ้พวกนั้นเห็นอีก ถ้าเป็นข่าวขึ้นมาจะไม่ช่วยแม่ง”

“งะ งั้นเราก็กลับบ้านกันดีกว่า วาไม่ห่วงพี่ขาวเหรอ” เด็กฝรั่งยกเอารถอีกคันที่ทิวากานต์ให้นภขับกลับกรุงเทพไปขึ้นมาอ้าง แต่คุณหมอรูปหล่อกลับแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้

“เดี๋ยวคนแถวนี้หาว่ารักรถมากกว่าตัวอีก แล้วอยากหนีออกจากบ้านไม่ใช่หรือไง เนี่ยขับไปไม่เกินชั่วโมงก็ถึงจันท์แล้ว มีร้านอาหารทะเลอร่อยเยอะแยะ ไหนจะสวนผลไม้อีก ทุเรียนเคยกินไหม ทุเรียนที่นี่อร่อยนะ อากาศก็ดี”

“เคยกินแต่ก้านยาวของนนท์”

“ไม่มีปัญญาซื้อให้กินหรอก แม่งแพงไร้สาระ”

“วา...วาไม่โกรธผมเหรอ” กลั้นใจถามออกไปแล้วรีบกัดปากตัวเองที่พูดไม่ดูสี่ดูแปด ทิวากานต์ที่เหมือนจะอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อยเมื่อกี้กลับมาทำหน้าเหี้ยมอีกแล้ว “ขอโทษ”

“เฮ้อ... มันจะดีถ้าอัลเลิกทำให้พี่เป็นบ้าน้อยลงสักนิดนะ ทั้งโกรธทั้งโมโหทั้งปวดหัวเลย หนีออกจากบ้านก็น่าตีอยู่แล้วดันหยิบกุญแจรถผิดเอาคันที่ขับไม่คล่องออกมาอีก แล้วแทนที่จะกลับบ้านคุณตาหรือไปคอนโดดันขับรถออกมานอกกรุงเทพ ถ้าเกิดอุบัติเหตุหรือเหตุการณ์อย่างเมื่อกี้แต่พี่มาช่วยไม่ทันจะว่าไง ทำไมทำอะไรไม่คิดถึงใจคนอื่นบ้างเลยว่าจะเป็นห่วงแค่ไหน”

“ผม...ผมขอโทษ ผมมันงี่เง่าเองแหละ”

“รู้ตัวก็ดี จะได้ไม่ต้องเทศนามาก นั่งเงียบๆ สำนึกผิดไป ถึงที่แล้วจะบอกเอง”

“โอเค” เจ้าตัวแสบรับคำเสียงหงอย รู้สึกแย่ไม่น้อยที่ทำให้คนรักร้อนรน ตอนนี้ไม่มีคำถามแล้วว่าระหว่างตัวเขากับรถคันนี้ทิวากานต์รักใครมากกว่ากัน เพราะความห่วงใยที่ส่งผ่านมาชัดเจนมากพอที่เขาจะยอมรับมันได้ง่ายและหมดข้อกังขาต่อความรักที่มีให้ไป แต่นั่งเงียบได้ไม่นานเจ้าตัวแสบก็เงยหน้าขึ้นมาถามอีกจนได้ “แล้ววารู้ได้ไงอ่ะว่าผมอยู่ไหน”

ตาเรียวดุเหลือบมองคนถามประหนึ่งว่าโง่เสียเหลือเกินที่เรื่องแค่นี้ก็ไม่รู้ก่อนตอบให้หายข้อข้องใจ “ฉันไม่โง่ขนาดปล่อยรถราคาเป็นสิบล้านทิ้งไว้เฉยๆ ไม่ติดสัญญาณกันขโมยล่อตาโจรหรอกนะ หึ เพิ่งจะได้ใช้ประโยชน์สมกับที่จ่ายรายเดือนเป็นร้อยสักที”

“แล้วเครื่องมือที่ว่ามันคืออะไรอ่ะ”

“GPS Tracking ตามหาตำแหน่งรถได้จากดาวเทียม เช็คดูได้ด้วยว่าขับไปไหนมาไหนบ้าง”

“เอ๋? มันมีอะไรแบบนี้ด้วยเหรอ แล้ววาติดทุกคันเลยใช่เปล่า” พออีกคนตอบกลับมาน้ำเสียงดีๆ อลันด์ก็กล้าชวนคุยมากขึ้น บรรยากาศเดิมๆ เริ่มกลับมาถ้าไม่สนใจมองปืนที่ยังวางกั้นพวกเขาสองคนอยู่

“ติดหมดนั่นแหละ”

“ของผมด้วยเหรอ”

“แล้วคิดว่าไงล่ะ”

เด็กฝรั่งหุบปากฉับเลิกถามต่อ ใจหนึ่งคิดว่าคนเจ้าเล่ห์อย่างทิวากานต์ต้องแอบติดไอ้ตัวส่งสัญญาณที่ว่าในรถทั้งสองคันของตัวเองแน่ แต่อีกใจก็คิดว่าคนรักคงไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวกันขนาดนั้นหรอก

“ทำเป็นเครียด ไม่ได้ติดหรอก ถ้าติดก็รู้หมดแล้วว่าวันนี้เราเถลไถลที่ไหนมาไม่ยอมกลับห้อง”

“จะติดก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง แล้วถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกวาจะได้มาช่วยอย่างเมื่อกี้ไง”

“หึหึ ไม่ใช่ซุปเปอร์แมนนะถึงจะช่วยได้ทุกครั้งน่ะ ขอแค่เลิกทำตัวให้เป็นห่วง จะทำอะไรคิดถึงคนรอบข้างให้มากก็เป็นพระคุณแล้ว”

“คะ ครับ”

ทิวากานต์หันไปมองแมวหงอยก่อนลอบถอนหายใจเบาๆ เท้าผ่อนคันเร่งเมื่อสัญญาณไฟจราจรด้านหน้าฉายแสงสีแดง รอจนรถนิ่งสนิทถึงเอื้อมมือไปลูบหัวทุย “พี่เองก็ต้องขอโทษเหมือนกันที่ผิดสัญญา ไม่ได้เอาใจใส่มากเท่าที่ควร คืนดีกันนะ”

มือซ้ายพร้อมนิ้วก้อยชูออกมาถูกยื่นไปตรงหน้าฝรั่งให้ตาสีน้ำข้าวมองด้วยความแปลกใจระคนดีใจ ใบหน้าอย่างคนตะวันตกกลั้นยิ้มจนแก้มตึงพลางเอานิ้วของตัวเองไปเกี่ยวเข้ากับอีกคนไว้หลวมๆ

“คืนดีกันแล้วเนอะ”

อลันด์ว่า ยึดเอามือใหญ่มาจูบหลังมือเบาๆ ตอนที่คนแก่กว่ารับคำกลับมาว่า ‘เนอะ’ เหมือนกัน แล้วปล่อยให้อีกคนเอาไปจับเกียร์ขับรถต่อเมื่อสัญญาณไฟเปลี่ยนสีระหว่างทำเป็นลืมปืนสีดำมันขลับที่ยังวางนิ่งอยู่ตรงกลางระหว่างพวกเขา เชื่อขนมกินได้ว่าถ้าไม่มีมันอลันด์คงไม่ยอมคืนดีกับทิวากานต์ง่ายแบบนี้แน่ๆ

เด็กฝรั่งคิดในใจแล้วว่ากลับกรุงเทพไปคราวนี้เขาคงต้องไปสำรวจทั้งพี่ขาว น้องมิ้ลค์ และน้องมินิดูแล้วว่ามีไอ้ของอันตรายแบบนี้ซ่อนไว้ใต้เบาะอีกหรือเปล่า จะได้เอาไปโยนทิ้งให้หมดไม่ต้องเอามาไว้ใช้ขู่ทั้งเขาหรือทั้งใครคนอื่นอีกเลย!



TBC

โฉมหน้า อีกบ ต้นเหตุแห่งความร้าวฉานค่ะ
(http://www.rssportscars.com/photos/cars/2014-porsche-911-turbo-s-cabriolet/2014turbo-s-cabriolet-h.jpg)

สวยแบบนี้ก็น่าอิจฉาล่ะเนอะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ส่วนสปอยล์ตอนหน้า...
ไม่มีค่ะ ของดสปอยล์ไว้ไปอ่านกันเองดีกว่า
แต่จะมาก่อนวันเสาร์นะคะเพราะเราจะหนีไปเที่ยวจันท์ตามพี่วาน้องอัลเหมือนกัน หุหุ

ขอบคุณทุกคอมเม้นต์และบวกเป็ดค่ะ
แล้วเจอกันค่า ^^

ปล. ฝากแท็ก #พี่วาน้องอัล ด้วยนะคะ
ปล. 2 ไหนๆ เหลืออีกไม่ถึงสามตอนก็จะจบแล้ว มีใครสนใจรวมเล่มไหมคะ
เราทำโพลไว้ข้างบน ฝากรบกวนช่วยโหวตด้วยนะคะ
ขอบคุณค่ะ

 :mew1:
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- HIDDEN TRACK 04 [05.03.16]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 05-03-2016 18:12:43
อัลน้อยใจพี่หมอวา พี่แกรักคนมากกว่ารถอยู่แล้ว
ไม่งั้นคงไม่ร้อนลนออกตามหาหรอก

แต่เรียกเมียน้อยพี่วาว่าอีกบเลยเหรอ 5555
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- HIDDEN TRACK 04 [05.03.16]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 05-03-2016 18:22:03
กระชับความสัมพันธ์ในครอบครัว
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- HIDDEN TRACK 04 [05.03.16]
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 05-03-2016 20:11:45
ถ้าน้องกบมันพูดได้มันคงบอกว่าอย่าเอาหนูไปเป็นต้นเหตุความร้าวฉานของพี่เลยหนู555
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- HIDDEN TRACK 04 [05.03.16]
เริ่มหัวข้อโดย: Mokuchi ที่ 05-03-2016 20:39:23
ต่างวัยกันมาก มันก็ต้องทะเลาะกันบ่อยเป็นธรรมดา(หรือเปล่า?)ล่ะนะ 555
ว่าแต่ นับวันน้องอัลเหมือนจะปากคอเราะร้ายขึ้นเรื่อยๆนะคะเนี้ย  :hao3:
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- HIDDEN TRACK 04 [05.03.16]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 05-03-2016 20:42:27
อลันเรียกน้องกบได้เจ็บมากกกกกกก 555555
พี่หมอวาใส่ใจน้องอัลมากๆหน่อยเดี๋ยวน้องน้อยใจอีกนะ
ยังเราก็ทีมน้องอัลนะขอบอก :mew1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- HIDDEN TRACK 04 [05.03.16]
เริ่มหัวข้อโดย: itsbelle ที่ 05-03-2016 22:55:33
อีกบ 55555555555
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- HIDDEN TRACK 04 [05.03.16]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 05-03-2016 23:20:49
มีเมียเด็กก็ต้องเอาใจเยอะๆ หน่อยนะพี่วา

ว่าแต่พี่วาเป็นหมอจริงๆ หรือเปล่าเนี่ย  พี่เป็นมาเฟียปลอมตัวมาหรือเปล่าฮะ
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- HIDDEN TRACK 04 [05.03.16]
เริ่มหัวข้อโดย: san ที่ 06-03-2016 00:01:11
 :L2: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- HIDDEN TRACK 04 [05.03.16]
เริ่มหัวข้อโดย: Wereena ที่ 06-03-2016 12:16:28
ฮา....อีกบ.....มากกกก 5555  :m20: :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- HIDDEN TRACK 04 [05.03.16]
เริ่มหัวข้อโดย: misskimji ที่ 06-03-2016 23:12:06
 :hao7: :hao7: :hao7:

 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- HIDDEN TRACK 04 [05.03.16]
เริ่มหัวข้อโดย: VarainDark ที่ 08-03-2016 00:22:46
ย๊าาาา หมอวาแอบโหดมากอ่ะ
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- HIDDEN TRACK 04 [05.03.16]
เริ่มหัวข้อโดย: pim-lovemj ที่ 08-03-2016 07:57:47
 :laugh: ต้นเหตุของความร้าวฉานคือ อีกบ นี่เอง น้องอัลปากคอเราะร้ายจริง ๆ พี่วาต้องงดละครหลังข่าวของน้องอัลแล้วล่ะ
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- HIDDEN TRACK 04 [05.03.16]
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 08-03-2016 11:49:11
อัลนี่เรียกอีกบเอาซะเงิบเลย!!! แบบให้อารมณ์หึงหวงจริงๆ 555
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- HIDDEN TRACK 04 [05.03.16]
เริ่มหัวข้อโดย: greensnake ที่ 09-03-2016 15:27:38
ไม่ได้เจอคู่รักต่างวัยคู่นี้ซะนาน กลับมาอีกทีเด็กน้อยเราดื้อซะแล้ว
เล่นเอาคุณหมอเกือบหัวใจวายสองรอบในวันเดียว
แต่หนูอัลเป็นเด็กที่ว่านอนสอนง่ายอยู่แล้ว อธิบายดีๆก็เข้าใจ (เหรอ)
แต่ครั้งนี้มันเหลืออดเด็กน้อยก็เลยงอแงมากกว่าปกติไปหน่อย :laugh:
ไหนๆก็คืนดีกันแล้วตอนหน้าตามไปดูเขามุ้งมิ้งกันดีกว่า :hao3:
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ :กอด1:
+1และเป็ดค่ะ
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- HIDDEN TRACK 04 [05.03.16]
เริ่มหัวข้อโดย: nijikii ที่ 10-03-2016 09:22:30
ตาม-อ่าน-ตั้ง-แต่-ตอน-แรก-ถึง-ตอน-ปัจจุบัน-แล้ว-ค่าาาาาาาาาาาาาาาาาาา
(ปาดเหงื่อหนักมาก)
 :katai5:

จะเริ่มว่าอะไรดี
ชอบมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ชอบเรื่องนี้มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
คือทุกตัวละครมีมิติทุกด้านเลยอะ
ไม่ใช่ว่าคนนี้ดีเลิศประเสริฐศรีหมด เพอร์เฟคแมนอะไรแบบนี้
แต่ยังมีด้านแต่ละด้านที่ทำให้รู้จักและรักตัวละครมากขึ้นมากขึ้นในแต่ละตอน
แม้ว่าแต่ละครจะมีทั้งด้านดีและไม่ดี
โดยเฉพาะคุณหมอวา ช่างเป็นหมอที่อยากให้จับมีดมาผ่าลงกลางใจซะเหลือเกิน
คนอะไรทำไมช่างหล่อร้าย แล้วการที่คิดจะให้โดนเสียบตูดทำเราอึ้งมาก เป็นพระเอกที่โคตรของโคตรบ้า ให้ตายเถอะ ดีที่ป๋ารันของเรา(เดี๋ยวๆ)ช่วยไว้ไม่ให้เสียซิงเนอะ
5555555555
ส่วนน้องอัล เราไม่คิดเลยว่าจะมีประเด็นเรื่องเซ็กเมทเซ็กเฟรน ตอนแรกก็อยากจะจับน้องมาตีอยู่หรอกค่ะ แต่อ่านไปอ่านมาเข้าใจทั้งทอมและอัลเลย แอบสงสารด้วยนะโดยเฉพาะอัล ยังดีที่ว่ามาเจอคุณหมอเถื่อนเข้าซะก่อน (ที่แอบสงสารเพราะตอนแรกลุ้นจะตายว่าน้องจะสมยอมมั้ย กลัวว่าถ้าน้องยอมทอมไปแล้วคุณหมอวาของเราจะเป็นยังไง เพราะอัลเหมือนไม่เข็ด เหมือนใจอ่อนตลอดเลยกะทอมเนี่ย)

ส่วนที่ชอบที่สุดเลยคือความสัมพันธ์ของหมอวากับน้องอัล
คือมันมีการพัฒนาในทุกตอน
ถ้าจะพูดคือพระเอกไม่งี่เง่านายเอกก็ไม่ได้เอาแต่ใจเว่อวัง(ส่วนจะมีงอแงบ้างตามประสาเด็กนี่เข้าใจค่ะ)
เลยเหมือนอ่านไปก็เห็นการพัฒนาของตัวละครไป
เห็นถึงความรักที่แท้จริง
แถมต่อไปอาจจะได้เสียน้ำตาด้วยรึเปล่า
เพราะมีประเด็นในเล่นทั้งนั้น ทั้งทุนเรียนต่อ ความฝันของอัล ผู้ใหญ่ทางบ้าน
แต่เราก็คิดว่าทั้งสองจะจับมือกันเดินฝ่าฟันอุปสรรคไปได้
แอบหวังเหมือนกันเรื่องทุนหมอว่าคงไม่มีดราม่ายืดยาวนะ เพราะที่หมอวาวางแผนไว้มันอาจจะตอบโจทย์หมดแล้วก็ได้ ถ้าความฝันมันต้องสวนทางกับความรัก ก็เอาความฝันกับความรักเดินทางไปพร้อมกันเลย
ไปค่ะ
ไปอังกฤษบ้านเกิดน้อง
ไปโดนลูกซองพ่อน้องอัลกินเล่นซะดีๆ
55555555555555

เป็นกำลังใจให้คนแต่งน้า
สู้ๆนะคะ
จะติดตามอ่านต่อไปค่า
(ป.ล.เห็นเรื่องใหม่ชื่อเรื่องดูดราม่ามากเลยค่ะ นี่ไม่ค่อยนิยมดราม่า กลัวอ่านไปมีแต่น้ำตาหยดลงหน้าจอ เลยยังไม่ได้อ่านเลย งั้นขอติดตามเรื่องนี้ก่อนแล้วกันนะคะ แต่ถ้าเปิดเรื่องใหม่ขอแนวหวานมดขึ้นมีรสขมนิดๆแล้วกันนะคะ พอดีชีวิตขาดความหวาน อิอิ)
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- HIDDEN TRACK 04 [05.03.16]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 10-03-2016 12:50:34
อารมณ์แปรปรวนแท้เด็กน้อย โกรธหมอวาก็ตีกันที่ห้องดีกว่าขับรถเตลิดแบบนั้น อันตรายโคตร อย่าทำอีกนะ
หัวข้อ: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 31 [11.03.16]
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 11-03-2016 13:47:39
TRACK 31



วันหนึ่งหลังสอบกลางภาคตัวสุดท้ายเสร็จเพื่อนชาวไทยเชื้อสายจีนแต่หน้าคมก็ออกปากมีเรื่องให้ช่วย เขาฟังแล้วเห็นว่าไม่เหนือบ่ากว่าแรงจึงยอมตกลง ลูกเศรษฐีอังกฤษเลยได้ไปเยือนบ้านเศรษฐีไทยคนอื่นนอกจากบ้านคุณตาตนเองเป็นครั้งแรกเพื่อมาพบกับอาเจ็กหรือคุณอาของคนินทร์ผู้เป็นคนร้องขอความช่วยเหลือจากเด็กฝรั่งตัวจริง

“ได้ยินวีรกรรมเราจากปากคิวกับพี่รันมาเยอะ ตัวจริงน่ารักกว่าที่คิดนะเนี่ย” ชนกานต์หรือคุณอายี่หวายิ้มพลางลูบหัวอีกคนเล่นเหมือนลูกหมาตัวเล็กๆ ซึ่งไม่ต่างไปจากความจริงเสียเท่าไหร่เพราะอลันด์สูงเลยไหล่อีกฝ่ายมานิดเดียวเท่านั้น

“คุณอารู้จักกับพี่รันด้วยเหรอครับ”

“หูยยย รู้จักซี่ รู้จักตั้งแต่เกิดแหละ ซี้กันจะตาย แล้วอย่าเรียกอาเหมือนคิวมันเลย เรียกพี่ดีกว่า”

“ผมก็ว่างั้นแหละ” อลันด์หัวเราะเบาๆ เพราะคุณอายี่หวาเพิ่งจะอายุยี่สิบสองเท่านั้น และยังเป็นนิสิตปีสามอยู่ที่มหาวิทยาลัยเดียวกันกับนภอีกด้วย ได้ยินคนินทร์เล่าให้ฟังว่าเป็นลูกหลง แม้จะงงๆ ไม่ค่อยเข้าใจคำศัพท์นี้แต่ไว้เดี๋ยวค่อยถามทิวากานต์เอาทีหลังก็ได้

“แล้วเราเล่นอะไรเป็นอีกไหมนอกจากกีตาร์”

“ก็เปียโนกับกลองครับ เบสก็ได้นะ ไวโอลินได้นิดนึง”

เรื่องให้ช่วยของคนินทร์ก็คือมาช่วยเล่นดนตรีให้ชนกานต์ในงานเปิดตัวสินค้าการกุศลงานหนึ่งให้หน่อย อลันด์เห็นว่างานง่าย แค่ไปดีดกีตาร์เล่นเปียโนสองสามเพลงก็ได้ค่าจ้างหลายบาทแล้ว แถมงานนี้คุณยายยังเป็นหนึ่งในแขกของงานตั้งใจใช้เขาเปิดตัวกับสังคมด้วย มีแต่ได้กับได้จึงไม่เห็นว่าจะปฏิเสธไปทำไม

พวกเขาใช้เวลาหลังเลิกเรียนซ้อมอยู่ห้าวันก็ได้ฤกษ์ออกงาน งานนี้จัดที่ห้างสรรพสินค้าหรูกลางใจเมืองแห่งหนึ่งเป็นงานเปิด มีนักแสดงและเซเลปของเมืองไทยมาร่วมงานมากมาย พร้อมกับกองทัพนักข่าวและแฟนคลับที่ขนมาให้กำลังใจกันแน่นขนัด อลันด์ตื่นเต้นเล็กน้อยเพราะเป็นงานแสดงต่อหน้าสื่ออย่างเป็นทางการครั้งแรก แต่มีคุณยายกับพี่กานต์คอยให้กำลังใจเป็นเงินสดล่อตาเลยขอสู้แค่ตาย

หลังท่านประธานมูลนิธิซึ่งเป็นพี่สะใภ้ของชนกานต์(หรือแม่ของคนินทร์)กล่าวเปิดงาน อลันด์กับคุณอายังหนุ่มก็ก้าวเท้าขึ้นเวทีประจำตำแหน่งของแต่ละคน เด็กฝรั่งนั่งบนเก้าอี้สตูลวางกีตาร์คู่ใจไว้บนตัก นิ้วเรียวจับคอร์ดดีดเส้นสายให้เสียงก้องกังวานไปทั่วบริเวณเป็นทำนองหวานเศร้าก่อนที่ชนกานต์จะเปล่งเสียงร้องตามออกมา

“Here am I, a lifetime away from you
The blood of Christ, or the beat of my heart
My love wears forbidden colours
My life believes”1


อลันด์เล่นเพลงนี้ไปก็อดจี๊ดในใจไม่ได้เพราะเนื้อหาหมายถึงรักร่วมเพศว่าเป็นสิ่งต้องห้ามอย่างชัดเจน ไม่รู้ว่าที่ชนกานต์เลือกเพลงนี้มาแสดงจะมีเหตุผลอะไรหรือเปล่า หากเสียงทุ้มหวานเศร้าที่ขับร้องออกมานั้นไพเราะเสียจนสะกดผู้ฟังทุกคนไว้ได้อยู่หมัด

เมื่อจบเพลงแรกพวกเขาก็ต่อกันเพลงถัดไปทันที คราวนี้จังหวะเร็วมีความสดใสมากขึ้นและยังคงเป็นเพลงสากลเช่นเดิม คุณอายังหนุ่มร้องไปยิ้มหวานไปเรียกเสียงกรี๊ดกระจาย อย่าเห็นเป็นแค่เซเลปไฮโซรุ่นเยาว์เชียวเพราะชนกานต์มีคนตามอินสตาแกรมเกือบล้านคน เรียกได้ว่าโด่งดังจนได้รับเชิญไปออกสื่อบ่อยๆ แถมหน้าตายังดีขนาดเป็นพระเอกหนังได้สบาย ติดที่เจ้าตัวไม่อยากทำเองนี่แหละ

หลังจบการแสดงสองหนุ่มบนเวทีก็แยกย้ายไปหาผู้ปกครอง อลันด์ถูกคุณยายพาไปแนะนำให้คนอื่นรู้จัก ปั้นยิ้มพูดคุยกับคนนู้นคนนี้อยู่นานจึงหาทางหนีออกมานั่งร้านกาแฟกับคนินทร์ สักพักชนกานต์ก็ตามมาสมทบพร้อมชายหนุ่มวัยไล่เลี่ยกันอีกคน

“นี่สิงห์ หลานพี่รัน เพื่อนพี่เอง”

“สวัสดีครับ” เด็กฝรั่งยกมือไหว้อีกคนผิดกับคนินทร์ที่ลุกขอตัวไปเข้าห้องน้ำทันทีที่เพื่อนของชนกานต์นั่งลง ดูจากอากัปกิริยาแล้วเหมือนว่าเพื่อนเขาจะไม่ค่อยชอบพี่สิงห์นี่เสียเท่าไหร่ คนถูกลากก็หน้าบูดหน้าบึ้งผิดกับคนลากมา

“สิงห์เอาอะไรไหม เดี๋ยวฉันไปสั่งให้ สิงห์ชอบอเมริกาโน่นี่เนอะ” ชนกานต์พูดเองตัดสินใจเองเสร็จก็ลุกไปอีกคน

อลันด์ลอบกลืนน้ำลายเมื่อถูกทิ้งให้นั่งกับคำแปลกหน้า หากสักพักอีกฝ่ายก็เปิดปากชวนคุยก่อน “รู้จักกับอารันด้วยเหรอ”

“ครับ พี่รันเป็นรุ่นพี่คนรู้จักผม พี่วาน่ะครับ พี่สิงห์รู้จักไหม”

“อืม เคยเจออยู่สองสามครั้ง โลกกลมดีนะ”

“นั่นสิครับ” เขารับคำเบาๆ ก่อนพากันนั่งเงียบเมื่อไม่รู้จะพูดอะไรต่อ กระทั่งชนกานต์กลับมาพร้อมแก้วกาแฟร้อนในมือ

“คุยอะไรกันอยู่เอ่ย”

“คุยเรื่องโลกลกมน่ะครับ ไม่คิดว่าสุดท้ายจะรู้จักกันหมด” อลันด์ตอบแทนเพื่อนของคนถามที่ทำนิ่งเงียบไม่แม้แต่จะหยิบแก้วกาแฟขึ้นมาดื่ม หากชนกานต์ก็ทำเหมือนไม่มีอะไร เขานั่งลงที่เดิมแล้วเริ่มชวนคนอื่นคุย หากสังเกตเพียงนิดเดียวจะรู้ว่าเจ้าตัวพยายามเอาใจคนที่นั่งข้างๆ เกินปกติ จนทำให้สิงหารู้สึกรำคาญจนต้องจับข้อมือขาวไว้เมื่ออีกฝ่ายชักจะลามปามมาเล่นหัวเขา

“อย่าทำตัววุ่นวายได้ไหมหวา น่ารำคาญ”

“ขอโทษ เราเห็นผมมันปรกตาสิงห์ แค่จะช่วยปัดออก”

“เรื่องของเรา เราทำเองได้ ไม่ต้องยุ่ง” นอกจากพูดห้วนห้าวแล้วสีหน้าของสิงหายังบอกความรำคาญเต็มทน หากก่อนสถานการณ์จะอึดอัดไปมากกว่านี้เสียงดนตรีจากเครื่องมือสื่อสารของใครสักคนก็ดังขึ้น หลานของการันต์หยิบโทรศัพท์ขึ้นดูชื่อคนโทรเข้าก่อนปล่อยมือชนกานต์ทิ้งไว้แล้วลุกออกไปคุยที่อื่น

อลันด์ลอบสังเกตชนกานต์ที่มองตามแผ่นหลังกว้างตาละห้อยแล้วอดสงสารไม่ได้ “พี่หวาชอบพี่สิงห์เหรอครับ”

หนุ่มไทยเชื้อสายจีนยิ้มเศร้าแทนคำตอบ พวกเขานั่งดื่มเครื่องดื่มกันโดยไร้บทสนทนาอยู่อีกพักใหญ่แต่ทั้งสิงหาและคนินทร์ก็ไม่ท่าทีจะกลับมาสักที สุดท้ายชนกานต์จึงทำลายความเงียบลง “ขนาดเจอกันแป๊บเดียวน้องอัลยังดูออก ทำไมสิงห์ไม่เคยรู้เลยนะ แต่บางทีสิงห์อาจจะรู้แต่แกล้งทำเป็นไม่รู้ก็ได้ หมอนั่นไม่ได้ชอบผู้ชายนี่นา”

“เพลงที่เล่นวันนี้ก็เล่นให้พี่สิงห์สินะครับ” คนินทร์เคยบอกว่าทั้งชื่อจริงและชื่อเล่นของคุณอาล้วนแปลว่าผู้อันเป็นที่รักของทุกคน แต่ทำไมกลับมีแค่คนเพียงคนเดียวที่ไม่รักนะ หรือเพราะไม่ได้ชอบผู้ชายเหมือนกันจริงๆ เจ้าตัวถึงได้บรรยายผ่านบทเพลงได้เศร้ากินใจใครหลายๆ คน

“เปล่าหรอก เล่นให้ตัวเองต่างหาก” ชายหนุ่มปฏิเสธด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “ถึงวันหนึ่งเกิดปาฏิหาริย์เราสองคนใจตรงกันขึ้นมา พี่ก็ไม่คิดว่าเราจะได้คบกันหรอก”

“ทำไมล่ะครับ” เด็กฝรั่งตาโต ไม่ว่ามองอย่างไรชนกานต์ก็รักสิงหามากถึงยอมถูกทำให้เจ็บช้ำน้ำใจหลายอย่าง ถ้าใจตรงกันขึ้นมาก็น่าจะดีใจไม่ใช่หรือ

“มันเป็นเรื่องของครอบครัวน่ะ ที่บ้านพี่ไม่ได้เปิดเสรีเหมือนครอบครัวอื่นเท่าไหร่ อีกอย่าง...พี่ก็ทำใจทำให้คนที่บ้านเสียใจไม่ได้เหมือนกัน แค่นี้เขาก็เหนื่อยกับพี่มากพอแล้ว ถึงอยากจะเลือกจับไว้ทั้งสองมือแต่สุดท้ายเพื่อคนที่เรารักก็ต้องยอมปล่อยมือไปข้างหนึ่งอยู่ดี ดีกว่าเสียไปทั้งสองอย่างเพราะความโลภ”

แม้ไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายพูดนักหากอลันด์กลับรับรู้ได้ถึงสิ่งที่ชนกานต์สื่อ ตาสีฟ้าอ่อนสบกับตาสีน้ำผึ้งคล้ายจะบอกว่าเขาเองก็เข้าใจและกำลังเผชิญสิ่งที่ว่าอยู่เช่นกัน

และก่อนจากชนกานต์ได้ทิ้งท้ายประโยคหนึ่งเป็นคำถามสลักไว้ในใจอลันด์ด้วยใบหน้าเศร้าสร้อยชวนใจหาย

“ถึงไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่ความรักมันก็อยู่กับคนที่รักเสมอนี่นา จริงไหมน้องแสบ”

.
.
.

วันนี้เป็นเช้าวันจันทร์ที่ต้องตื่นมาทำงานแต่เช้าอย่างเคย หลังส่งอลันด์ที่มหาวิทยาลัยทิวากานต์ก็พาตัวเองนั่งเรือข้ามฟากไปทำงาน  ทักทายเหล่าพยาบาลเจ้าของสถานที่ตัวจริง รับไหว้คนไข้ที่มานั่งรอหมอกันตั้งแต่ตีสี่ตีห้า โค้งให้อาจารย์ที่เคยชิงชังสมัยเรียนว่าทำไมออกข้อสอบยากชิบหายแต่ปัจจุบันเปลี่ยนสถานะเป็นรุ่นพี่ในที่ทำงานที่แสนใจดีแต่บางทีก็ยังมีกินหัวบ้างเป็นบางครั้งเมื่อเขาทำไม่ถูกใจหรือมีข้อผิดพลาดในการทำงาน

ชายหนุ่มเข้าห้องพักหยิบแฟ้มรายงานของนักศึกษาที่ราวน์ตอนเช้ามาดูว่ามีเคสไหนมีปัญหาไหม เขียนคอมเม้นต์เพิ่มเติมส่งกลับไปแล้วเข้าประชุมก่อนเริ่มงานอย่างเช่นทุกวัน แต่ถ้าจะมีอะไรแปลกไปก็คงเป็น...

“พี่รันเมาเนื้อเปล่าวะ” นายแพทย์รุ่นน้องเอามือป้องปากหันไปกระซิบกับหมอศัลย์หลอดเลือดข้างตัวระหว่างประชุม เอะใจตั้งแต่เดินเข้ามาในห้องแล้วเห็นพี่ชายสุดที่รักยิ้มตาเยิ้มอย่างกับคนพี้กัญชามา

“ไม่รู้ว่ะ แต่เห็นพยาบาลบอกเป็นงี้ตั้งแต่เข้ามาแล้ว”

“เฮ้ย เอ็งสองตัวพูดไรได้ยินนะเว้ย สงสัยทำไมไม่ถาม นินทาอยู่ได้ นี่อยากจะบอกจะแย่” แทนที่จะด่าการันต์กลับยิ้มหวานกว่าเดิมทำเอาเหล่าสตาฟขนลุกชันกันถ้วนหน้า ยังดีที่อาจารย์อาคมไม่ได้เข้าประชุมเคสเช้านี้ด้วย ไม่งั้นการันต์ก็การันต์เถอะมีโดนเฉ่งยกห้อง

“งั้นก็บอกพวกมาเลยสิ ไหนๆ ก็คุยเสร็จแล้วนี่” หนึ่งในกลุ่มสตาฟอาวุโสบ่น เขาเองก็อยากรู้ไม่ต่างจากคนอื่นในห้องเท่าไหร่นัก

ชายหนุ่มวัยใกล้สี่สิบหัวเราะในลำคอท่าทางมีเลศนัยมองนายแพทย์รุ่นพี่ที่ได้ตำแหน่งศาสตรจารย์นำหน้าไปแล้วแต่ยังโสดไร้สาวเหลียวแลเพราะมัวแต่ทำงานจนไม่ได้ออกไปดูเดือนดูตะวันอย่างคนอื่นเขา ก่อนปรายตามองทิวากานต์เป็นรายถัดมาประหนึ่งเยาะเย้ยวางมาดเป็นป๋าได้น่าหมั่นไส้กว่าทุกวัน

การันต์แสร้งวางท่ากระแอมเรียกเสียงในลำคอสองสามทีถึงค่อยเปิดปากให้พวกอยากรู้อยากเห็นหายข้อข้องใจ “คืองี้ ผม...กำลังจะแต่งงานล่ะ”

“หา?!” ไม่ใช่แค่ทิวากานต์ตกใจ แต่นายแพทย์ทุกคนก็มีอาการตาโตอ้าปากค้างไม่ต่างกัน บางคนช็อคถึงขั้นทำแฟ้มตกพื้นที่ได้ยินว่ารองศาสตราจารย์การันต์คนโก้กำลังแต่งเมียรอบสอง

“แต่งงาน? แต่งกับใครครับ น้องแอฟเหรอ” เป็นคุณหมอรูปหล่อดึงสติกลับมาได้ก่อนใครเพื่อนถามสิ่งที่ทุกคนอยากรู้ออกมา งานนี้ถ้าเกาะขาเป็นลูกหมาได้คงทำกันแล้ว

“ไม่แต่งกับแอฟให้แต่งกับแมวที่ไหนล่ะคร้าบพี่น้อง มีอยู่คนเดียวเนี่ย”

“เดี๋ยวๆ แล้วไปทำอีท่าไหนเขาถึงยอมแต่งด้วยเนี่ย ได้ข่าวว่ายังไม่ได้คบเป็นแฟนจริงจังเลยด้วยซ้ำไม่ใช่เหรอวะ” สตาฟอาวุโสอีกรายรีบแทรกขึ้น งานแต่งหมอกวินเขาก็ไปร่วมทำให้พอรู้ข่าวคราวชีวิตรักนายแพทย์คนนี้อยู่บ้าง แต่เท่าที่ได้ยินเขาเม้าท์กันมายังไม่เรียกว่าแฟนเลยนี่

“พี่ถามอะไรอย่างนั้น ก็ขอเขาแต่งงานสิครับเขาถึงยอมแต่งด้วย แฟนไม่ต้องเป็นหรอกเป็นเมียเลยนี่แหละ คนนี้จริงจังมาก ถึงไม่ใช่คนแรกแต่จะเป็นคนสุดท้ายของชีวิต ให้แม่ไปหาฤกษ์มาแล้ว ยี่หกเมษาก่อนวันเกิดไอ้วาสองวัน เดี๋ยวสัปดาห์หน้าเอาการ์ดมาแจก รวดเร็วทันใจวัยรุ่นสุดๆ”

“โห่!!!”

“ปูนนี้ไม่วัยสะรุ่นแล้วพี่ ใกล้ฝั่งแล้วมากกว่า”

ฟังท่านรองหัวหน้าภาคพูดแล้วทุกคนถึงกับพากันโห่ใส่บ้างก็แซวเรื่องอายุเลยโดนการันต์ไล่เตะไปคนละทีสองทีก่อนแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ใครหน้าที่มัน ทิวากานต์เดินคู่รุ่นพี่คนสนิทออกมาจากห้องไม่วายถามไถ่ให้ได้ข้อมูลเชิงลึกเพื่อเอาไปเม้าท์กับคนรักวัยกระเตาะต่อ

“เดือนหน้าเองนี่พี่ ไม่เร็วไปเหรอครับ แล้วทำไมจู่ๆ น้องแอฟเขายอมแต่งงานกับพี่ง่ายจังอ่ะ ทำเขาท้องเหรอพี่” ประโยคหลังหนุ่มรุ่นน้องเอามือป้องปากกระซิบถามเสียงเบาเลยถูกโบกไปหนึ่งที

“เอ็งพูดเหมือนแอฟใจง่ายเลย” การันต์แกล้งทำหน้าไม่พอใจใส่รุ่นน้องรูปหล่อ “ความจริงเขาไม่อยากแต่งหรอก ฉันกึ่งบังคับเขาด้วยซ้ำ โชคดีพาเข้าบ้านมาหลายหน พ่อแม่เขาเอ็นดูอยากได้เป็นสะใภ้เหมือนกัน เมื่อวานเลยให้พ่อกับแม่ช่วยพูดให้ ตะล่อมนิดตะล่อมหน่อยบอกว่าฉันแก่แล้วไม่มีคนดูแลเดี๋ยวมีลูกไม่ทันได้เล่นด้วยก็ยอมแบบงงๆ นี่ยังรู้สึกเหมือนหลอกเด็กอยู่เลย ดีนะแอฟยี่สิบห้าแล้วไม่ใช่สิบเจ็ดสิบแปด”

“แหม่... ถ้าจะแซะกันแบบนี้นะ” ไปๆ มาๆ ดันเข้าตัวซะได้ ทิวากานต์ทำหน้างอ “แต่คนนี้พี่รักจริงใช่ไหมล่ะ”

“อืม รักมากเลยล่ะ ไม่อยากปล่อยให้ไกลหูไกลตา อยากอยู่ใกล้ๆ แบบนี้จนกว่าจะหมดลมหายใจ พี่เนี่ย...อย่างกับเด็กหัดรักเลยเนอะ”

“ผมก็ไม่ต่างจากพี่หรอกน่า เอาเป็นว่ามีอะไรให้ช่วยก็บอกแล้วกัน อีกอย่างผมว่าแอฟเป็นเด็กน่ารักดีเขาจะไม่มีวันทำให้พี่ชายผมเสียใจแน่นอน ยินดีด้วยนะพี่รัน”

“ขอบใจเว้ยวา” เขาตบไหล่หนุ่มรุ่นน้องไม่เบานักแล้วแยกตัวไปสอนนักศึกษาแพทย์ตัวน้อย



เมื่อทิวากานต์กลับมาเจออลันด์อีกครั้งในตอนเย็นและแจ้งเรื่องนี้ให้คนรักรับรู้ เจ้าตัวแสบก็มีปฏิกิริยาไม่ต่างจากคนอื่นเลยสักนิด แต่แปลกใจได้ไม่ทันไรเจ้าตัวกลับยิ้มเผล่เอามือลูบคาง “ผมว่าอยู่แล้วล่ะ ตอนไปว่ายน้ำด้วยกันสายตาพี่แอฟดูรักพี่รันไม่น้อยเลย ที่ทำนิ่งๆ เพราะพี่รันไม่ยอมพูดอะไรให้มันชัดเจนก่อน แต่ไม่นึกว่าพูดทีจะขอแต่งงานเลยแบบนี้ หึหึ ใจร้อนไม่เบานะพ่อเสือเฒ่า”

คนตาดุฟังประโยคโบราณจากเด็กหนุ่มหน้าฝรั่งแล้วถึงกับส่ายหน้าพาเปลี่ยนไปอีกเรื่อง “สนใจไปเล่นดนตรีงานพี่รันไหม เดี๋ยวพี่จ้างเอง”

“งานนี้เล่นให้ฟรีเลยเอ้า ว่าแต่...เดือนหน้าสินะ ซื้ออะไรเป็นของขวัญแต่งงานให้พี่รันดีล่ะ แพคเกจฮันนีมูน เหล้า แชมเปญ อ่า...ต้องไปบอกพวกคุณยายด้วย”

“ค่อยๆ คิดก็ได้มีเวลาอีกตั้งเดือน ตอนนี้มาเรื่องของเราดีกว่าว่าเย็นนี้จะกินอะไรดี?”

“ต้มมะระยัดไส้ใส่กระดูกหมู ปีกไก่ทอดกระเทียม แล้วก็ผัดผักน้ำมันหอย”

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าเด็กรุ่นใหม่ซ้ำยังเป็นต่างชาติจะชอบกินมะระ แล้วมีการบอกด้วยนะว่ามะระที่ไม่ขมก็เหมือนจิมมี่ เฮนดริกซ์ที่เกิดมาไม่รู้จักกีตาร์ ดูเขาเปรียบเข้า

ทั้งคู่แวะซื้อของสดที่ซูเปอร์ มาร์เก็ตแถวคอนโดไว้ทำมื้อเย็น ระหว่างที่ทำอลันด์ก็เข้ามาเป็นลูกมือช่วยหยิบจับนู่นนี่ สกิลงานครัวพัฒนาขึ้นมากหลังจากที่เคยปอกเป็นแต่หัวหอม ตอนนี้ถึงขั้นล้วงไส้มะระออกเพื่อยัดไส้หมูสับปรุงรสได้แล้ว

“แม้มีปีก...โผบินได้เหมือนนก อก...จะต้อง...ธนูเจ็บปวดนัก
ฉันจะบินมาตายตรงหน้าตัก ให้ยอดรัก...เช็ดเลือดและน้ำตา”


“คุณยายไม่เคยสอนหรือว่าร้องเพลงตอนทำอาหารจะได้ผัวแก่” ทิวากานต์เงยหน้าขึ้นจากหม้อ ปากบางยักยิ้มน้อยๆ เอ่ยแซวคนตัวเท่าไหล่ที่ร้องเพลงสมัยคุณยายยังสาวขณะเอามือคลุกปีกไก่กับเครื่องปรุงรสอยู่ตรงโต๊ะเตรียมอาหาร

“ก็ได้แล้วไง จะสามสิบเอ็ดเนี่ยใกล้แก่แล้ว”

“เด็กบ้า สามสิบเอ็ดนี่วัยกำลังหล่อน่ากินเลยนะเว้ย แก่ตรงไหนกัน” คนใกล้แก่โวยวายแก้ตัว คิดไปคิดมาในขณะที่เขาขึ้นเลขสามแล้วอลันด์ยังไม่ถึงเลขสองเลย ช่องว่างระหว่างตัวเลขเยอะจนน่าใจหาย “เหอะ แก่แล้วไงวะ อัลยกไก่มาทอดได้แล้วป่ะ” เขากระดิกนิ้วเรียกคนรักให้ยกอ่างใส่ปีกไก่มาไว้ใกล้กระทะตั้งน้ำมันเดือดปุดๆ ตัดบทงดคุยเรื่องอายุ

“เรื่องของขวัญให้พี่รันกับพี่แอฟเดี๋ยวผมว่าไปดูให้ที่ลอนดอนดีกว่า ให้มัมกับอัลเบิร์ตช่วยดูให้ด้วยยังไงช่วงสงกรานต์ก็กลับบ้านอยู่แล้ว วาได้หยุดกี่วัน ไปด้วยกันไหม” คนตัวเล็กวกกลับมาคุยเรื่องของขวัญ หลังจากนัดตรวจรอบล่าสุดคุณหมอบอกว่าสุขภาพร่างกายของอลันด์ดีมากและพร้อมสำหรับเดินทางไกลแล้ว ในช่วงมหาวิทยาลัยหยุดยาววันสงกรานต์ที่จะถึงนี้เด็กหนุ่มจึงตั้งใจกลับบ้านที่เมย์แฟร์ไปกอดแมวอ้วนลายวัวชื่อเหมือนแบรนด์เสื้อผ้าให้หายคิดถึง

“อยากไปด้วยหรอกนะแต่ปีนี้อยู่เวรยาวชดเชยที่หยุดนอนป่วยไง งั้นของขวัญให้พี่รันพี่ฝากเราดูแล้วกัน ราคาเท่าไหร่ค่อยมาหารกันคนละครึ่ง”

“โอเค” เด็กหนุ่มรับคำก่อนเดินไปหลบหลังร่างสูงเมื่อทิวากานต์เริ่มหย่อนปีกไก่ลงในกระทะที่มีน้ำมันร้อนๆ

“แล้วแด๊ดดี้กับมัมมี้เราจะมาเมื่อไหร่ หรือไม่มาแล้วไปเจอกันที่ลอนดอนเลย”

“มาช่วงหยุดอีสเตอร์ ก็ประมาณวันที่สี่ที่ห้านี่แหละแล้วอยู่ด้วยยาวรอกลับไปลอนดอนพร้อมกัน แต่ไม่ให้ไปนอนที่คอนโดใหม่หรอกเดี๋ยวแด๊ดบ่นคุณตาที่ซื้อให้ ขี้เกียจฟัง นอนนี่ดีกว่าใกล้วาดีด้วย เออใช่! คุณตาคุณยายก็ไปลอนดอนด้วยนะคราวนี้ เห็นว่าจะไปคุยกับป้าของชาร์ล หมอนั่นไปก่อเรื่องไว้ที่ฮ่องกงล่ะ”

“หืม? ท่าทางเรียบร้อยอย่างนั้นน่ะเหรอจะก่อเรื่อง” เขาพยามนึกภาพชายหนุ่มหน้าสวยหวานขนาดผู้หญิงยังอายที่เคยเจอกันแป๊บๆ และจบด้วยการบอกว่าเป็นแฟนคลับตัวยงของพ่อเขา

“เห็นว่าเรื่องใหญ่อยู่เหมือนกัน ได้ยินมัมบ่นๆ ว่าชาร์ลไปปั่นหัวท่านประธานจนเกิดศึกแย่งตัวกันกับมือขวา”

“หือ? ขนาดนั้นเลย แล้วท่านประธานนี่ผู้หญิงหรือผู้ชายกัน”

“ผู้ชายน่ะสิ มือขวานั่นก็ผู้ชายนะ แต่อันนั้นไม่มีใครเขาตกใจกันเท่าไหร่หรอก ชาร์ลน่ะออกสาวตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ป้าอรก็ทำใจมานานว่าถ้าชาร์ลจะหาหลานเขยให้ก็จะยอมรับ แต่ที่เขาวุ่นวายกันเพราะทางท่านประธานนั่นคิดว่าคนที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมดคือบริษัทของแด๊ด พวกผู้ใหญ่เขาเลยวุ่นวายหาหลักฐานมาแย้งกันใหญ่ กลัวทางนั้นเขาฟ้องกลับมาจะซวยกันไปหมด” เจ้าตัวเล่าไปทำน้ำเสียงอิดหนาระอาใจใส่ลูกพี่ลูกน้องผู้พี่ไป มองแล้วเกิดอาการมันเขี้ยวไม่น้อย คุณหมอผู้ผันตัวมาเป็นพ่อครัวชั่วคราวจึงดีดนิ้วใส่ปลายจมูกโด่งหนึ่งที

“ว่าแต่พี่เขาออกสาว ตัวเองก็สาวขึ้นทุกวันเหอะ ไอ้นิสัยชอบกรี๊ดๆ นี่เลิกได้ไหม ได้ยินแล้วตกใจทุกที วันก่อนก็กรี๊ดดังลั่นท่าน้ำกะอีแค่แมลงสาบตัวเดียว ไม่อายคนอื่นบ้างหรือไง” เขาพูดหน้านิ่วนึกไปถึงเรื่องเมื่อหลายวันก่อนที่อลันด์เหลือบตาไปเห็นเจ้าปีเตอร์ตัวสีน้ำตาลขนาดเท่าสองนิ้วทิวากานต์รวบติดกัน เด็กฝรั่งนี่ร้องกรี๊ดลั่นสาวแตกวิ่งกระโดดขึ้นหลังคุณหมอเกาะแน่นเป็นลูกแมว ในขณะที่คนฟังทำหน้าสยดสยองราวกับมีไอ้แมลงสกปรกอยู่แถวนี้

“แค่แมลงสาบที่ไหนวา แมลงสาบเลยนะ มะ - แลง - สาบ น่ากลัวจะตายไป ถ้ามันบินขึ้นมาล่ะ ไม่อยากจะคิด”

“ถอดรองเท้าฟาดมันซะสิ”

“จะบ้าเหรอ แค่ให้เข้าใกล้ก็จะอ้วกล่ะ พอๆ เลิกพูดเดี๋ยวกินข้าวไม่ลงวาก็มาว่าอีก”

“บอกให้ทำเยอะขนาดนี้กินไม่หมดละน่าดู” เขาขู่ก่อนใช้ตะเกียบคีบชิ้นไก่ในกระทะพลิกอีกด้าน ส่วนลูกแมวขนฟูสีน้ำตาลอ่อนก็วิ่งไปหยิบจานกระเบื้องใบใหญ่มารออย่างรู้งาน

กับข้าวทั้งสามอย่างจัดวางบนโต๊ะตอนสองทุ่มพอดิบพอดี อลันด์คดข้าวสวยร้อนๆ ใส่จานกระเบื้องสองใบรอพ่อครัวใหญ่ล้างหน้าล้างมือมากินพร้อมกัน ตลอดเวลามื้อค่ำไม่ใช่ทิวากานต์ไม่ได้สังเกตคนรักว่าเหลือบมองตนบ่อยแค่ไหน เขาสัมผัสได้ว่าอลันด์มีอะไรในใจอยากพูดกับเขาตั้งแต่เจอกันเมื่อตอนเย็นแล้ว เขาจึงรอให้อีกฝ่ายเปิดปากพูดขึ้นมาเองตามประสาคนตรงๆ ไม่คาดคั้นเช่นทุกที

“วา...”  นั่นประไร... ข้าวพร่องยังไม่ถึงครึ่งจานเจ้าตัวเล็กก็ยอมเปิดปาก เขาเหลือบตามองอีกฝ่ายบุ้ยคางเป็นเชิงบอกให้พูดต่อ

“คือจำตอนที่ปีเตอร์โทรมาหลังวันเกิดผมได้ไหม” เจ้าตัวเกริ่นนำรอจนอีกฝ่ายตอบรับจึงพูดต่อ “คืองี้...เมื่อตอนเที่ยงเขาติดต่อมาอีก บอกว่าเอาเดโมที่ผมเคยส่งไปลองเปิดในวิทยุท้องถิ่นแล้วได้ผลตอบรับค่อนข้างดี ช่วงหยุดยาวที่ผมจะกลับลอนดอนคราวนี้เลยว่าให้ผมลองไปคุยกับทางค่ายเพลงดู คือ...มันมีโอกาสที่ผมจะได้เซ็นสัญญากับทางนั้นสูงมากภายในปีสองปีนี้”

“ฟังดูเป็นข่าวดีนี่ แล้วมีอะไรน่าหนักใจงั้นเหรอ”

“ไม่เชิงเรื่องหนักใจหรอก แต่เพราะคิวมันพูดมาน่ะผมเลยอยากถามวาว่า... ถ้าเกิดผมได้เป็นนักร้องจริงๆ ต้องกลับไปอยู่อังกฤษแล้วก็ออกทัวร์ไปทั่วโลก วาจะทำยังไง แต่อย่างวาก็คงคิดไว้แล้วใช่ม้า” เด็กหนุ่มฉีกยิ้มแหย มั่นใจว่าหนุ่มคนรักต้องคิดถึงวางแผนไว้แล้วอย่างเช่นทุกครั้ง

“มันยังไม่ถึงเวลาไม่ใช่เหรอจะรีบคิดไปทำไม” คำตอบของคุณหมอจอมเจ้าเล่ห์ออกจะผิดคาดและทำให้เด็กหนุ่มใจเสียไม่น้อย เหมือนว่าทิวากานต์ไม่เคยคิดถึงอนาคตที่มีเขาร่วมอยู่ไว้เลย อารมณ์น้อยใจปะทุขึ้นมาเงียบๆ หากลองคิดในอีกแง่เขายังต้องอยู่ที่เมืองไทยอีกสามปีเป็นอย่างต่ำไว้ค่อยคิดหลังจากนี้ก็ยังไม่สายเสียหน่อย

“ก็เผื่อไว้ก่อน เฮ้อ... ความจริงผมไม่ได้คิดหรอกนะ แต่คิวมันพูดมากน่ะ ทำเอาผมสับสนไปพักใหญ่”

“คิวพูดอะไร” ชายหนุ่มวางช้อนส้อม เอามือกอดอกเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ มองดูแล้วทำท่าราวกับกำลังสอบสวนผู้ต้องหาคดีอุกฉกรรจ์ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มมีแววไม่สบอารมณ์ ความจริงเขาเคยคิดๆ เรื่องนี้อยู่เหมือนกันตั้งแต่ตัดสินใจคบกับคนอายุอ่อนกว่ารอบและกลับมาคิดทบทวนอีกครั้งเมื่อครั้งที่วิคเตอร์มาหารอบล่าสุดจนได้คำตอบที่แน่ใจ แต่เขาไม่คิดจะบอกออกไปตอนนี้ เขายังอยากรู้ความคิดอีกคนก่อนว่าจะคิดเหมือนเขาหรือไม่

ตอนนี้อลันด์ชักอยากเอาข้าวยัดปากจะได้ไม่ต้องพูด เขาเดาความคิดคนรักไม่ถูกว่าตอนนี้มีความเห็นอย่างไรและกำลังรู้สึกเช่นไหน การมีเรื่องผิดใจกับทิวากานต์ไม่เคยทำให้เขารู้สึกดีสักครั้ง

“เด็กนั่นพูดอะไรกับเธอ จะบอกพี่เองหรือให้พี่ไปเค้นคอเอากับคิว” เสียงทุ้มเค้นต่ำกดดันพร้อมกับแววตาคมดุจ้องเขม็งไม่รามือง่ายๆ สุดท้ายคนเปิดประเด็นจึงต้องสานต่อให้จบ

 “เรื่องทุนของวาน่ะ”

“แล้ว...?”

“วาจะไม่ไปเรียนต่อจริงๆ เหรอ”

“เราพูดกันจบไปแล้วไม่ใช่เหรอ”

“ก็ใช่ แต่วาคิดดีแล้วเหรอ ผมน่ะดีใจนะที่วาไม่ไปเรียนต่อเพราะผมจะได้อยู่กับวาอีกตั้งสามปี แต่ผมเห็นแก่ตัวไม่ได้หรอกในเมื่อมันเป็นอนาคตของวา”

“ขอบคุณที่คิดถึงอนาคตของฉัน แล้วไง...ถามความสมัครใจฉันหรือยัง”

“ขอโทษ” เด็กหนุ่มเสียงอ่อย ในใจนึกคาดโทษเพื่อนตัวดีไปแล้ว

“ถามหน่อยถ้าพี่ไปเรียน สามปีข้างหน้าอัลจะอยู่ใคร”

“อยู่รอวาไง”

“ทั้งที่พอครบกำหนดอัลก็จะกลับไปนักร้องที่ลอนดอนใช่ไหม แล้วพี่กลับมาใช้ทุนพี่จะอยู่กับใคร อัลจะเลิกเป็นนักร้องมาอยู่กับพี่ที่ประเทศนี้ไหม ทำไม...แค่พี่เสียโอกาสตอนนี้เพื่อให้เราได้อยู่ด้วยกันในอนาคตมันแย่มากเลยเหรอ”

“ไม่ๆ แต่ถ้าถึงวันนั้นวาจะทำยังไง เราต้องทำยังไงถึงจะได้อยู่ด้วยกัน ผมไม่อยากอยู่แยกจากวาจริงๆ นะ แต่ถ้าเป็นนักร้องผมคงไม่ได้อยู่ติดที่แบบนี้ วาจะตามผมไปได้ทุกที่หรือเปล่า จะอยู่กับผมตลอดไปได้หรือเปล่า”

“พี่ทำได้ทุกอย่าง”

“แม้ไม่ได้เรียนต่อทางหัวใจตามที่ตั้งใจน่ะเหรอ”

“พูดแบบนี้กำลังหาเรื่องเลิกกันเหรอ”

“ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้น อย่าคิดไปเองได้ไหม”

“ถ้าไม่ได้คิดแบบนั้นทำไมถึงพูดเหมือนกับว่าไม่ช้าไม่เร็วเราก็ต้องเลิกกัน! ต่อให้ต้องเลิกเป็นหมอตามเธอไปตะลอนทั่วโลกฉันก็ทำได้ เพราะงั้นหุบปากแล้วกินข้าวซะ” เขาตัดบทสนทนาชวนทะเลาะด้วยการหยิบช้อนส้อมขึ้นมาอีกรอบ แต่เจ้าของดวงตาสีอ่อนไม่เหลือความอยากอาหารแล้ว

อลันด์นั่งเท้าคางมองชายหนุ่มตรงหน้า “ถ้าวาทำอย่างนั้นผมจะรู้สึกแย่ ผมไม่รู้หรอกว่าการเป็นหมอใช่ความฝันของวาหรือเปล่าแต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายกว่าจะก้าวมาถึงตรงนี้”

“แล้วจะให้ทำยังไง หึ?” เสียงทุ้มกดต่ำ “ไม่มีใครได้อะไรไปทุกอย่างโดยไม่มีการเสียสละหรอก!”

“ใช่ วาพูดถูก แต่ผมเห็นแก่ตัวไม่ได้ ผมรู้แล้วที่วามาเป็นหมอน่ะไม่ใช่เพราะเงินบ้าบออะไรทั้งนั้น แต่วาเป็นหมอเพราะอยากให้หม่าม้าหาย ถึงตอนนี้หม่าม้าจะไม่อยู่แล้ว แต่วาเคยพูดเองนี่เรื่องหน้าที่ของมือคนเราน่ะ มือของวาใช้ช่วยเหลือชีวิตคนมามาก จะทิ้งมันไปง่ายๆ เพราะผมอย่างนั้นเหรอ”

“ขอร้องล่ะอัล อย่าพูดแบบนี้อีก อย่าทำเหมือนจะเลิกกัน” เขาถอนหายใจ เปลือกตาหนาปิดซ่อนดวงตาไว้ไม่ให้อ่านความรู้สึกได้ “พี่เสียอะไรก็เสียได้ แต่พี่ไม่อยากเสียคนที่พี่รักอีกแล้ว พี่เต็มใจเลือกอัลเองไม่ได้มีใครบังคับให้ทำ สัญญาไว้ว่าจะไม่ปล่อยมือก็คือไม่ - ปล่อย - มือ หมายความตรงตามตัวอักษรทุกคำ ถ้าเราจะเลิกกันขอให้เป็นเพราะเราไม่ได้รักกันแล้วเท่านั้นได้ไหม ทุกวันนี้ที่คบกันพี่มีความสุขดี ไม่สิ...พี่มีความสุขมาก”

มือเล็กเอื้อมแตะหลังมืออีกฝ่ายบนโต๊ะทานข้าว “ผมรักวานะ แต่...”


-------------
1 - Sylvian & Sakamoto - Forbidden Colours
หัวข้อ: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 31 [11.03.16]
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 11-03-2016 13:54:56
“ถ้าอัลไม่ชอบถูกทิ้ง พี่เองก็ไม่ชอบถูกทิ้งเหมือนกัน!” ชายหนุ่มรีบแทรกขึ้นมาก่อนที่อีกฝ่ายจะพูดต่อให้จบประโยค ตอนนี้เขาไม่อยากรับรู้อีกแล้วว่าอลันด์จะพูดอะไร เขาขอแค่อีกฝ่ายไม่ทิ้งกันไปก็พอ

ถึงทิวากานต์จะเติบโตมาคล้ายไม่ขาดแต่ใช่ว่าไม่ขาด ท่ามกลางฉากหน้าของชายหนุ่มหัวสมัยใหม่มีความมั่นใจในตนเองสูง รักความเร็ว และไม่เคยแคร์ใคร หากความไม่มั่นคงในชีวิตคู่ของพ่อแม่ในวัยเด็กได้ทิ้งเมล็ดความกลัวซุกซ่อนอยู่ในใจลูกชายเงียบๆ และเลือกเติบโตช่วงที่เขาอยู่ในวัยกำลังตามหาความรักจริงจังยั่งยืนเพื่อลงหลักปักฐานกับใครสักคน กำแพงความรู้สึกที่สร้างขึ้นมาตลอดช่วงเวลาของการเป็นวัยรุ่นกำลังถูกรากแห่งความกลัวซอนไซจากภายในให้หินหนาปริแตกทีละน้อย เขากลัวจะกลายเป็นคนที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลังเหมือนที่แม่ของเขาเคยถูกวิคเตอร์ทิ้งเพื่อไปเป็นนักแสดงไขว่คว้าอนาคตสดใสข้างหน้าโดยที่พวกเขาแม่ลูก กลายเป็นสิ่งที่ไม่เป็นที่ต้องการของคนรักอีกต่อไป...

ฉะนั้นเขาจึงคิด...คิดตั้งแต่เมื่อครั้งที่วิคเตอร์มาหาเมื่อคราวนั้นแล้วว่าถ้าเกิดอลันด์จะไปเป็นนักร้องจริงๆ เขาจะยอมทุกอย่างทำยังไงก็ได้ให้ได้อยู่กับอีกคน ต่อให้ต้องเลิกเป็นหมอต้องอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ เขาก็จะทำขอเพียงแค่อีกฝ่ายไม่ทิ้งกัน

“อย่าทิ้งกันนะ...”

“ผมจะทิ้งวาได้ยังไงในเมื่อเราจับมือกันแน่นขนาดนี้” คุณหมอคนเก่งคงไม่รู้ว่าทุกครั้งที่เขาเกิดอาการกลัวหรือรู้สึกไม่มั่นใจ ปลายนิ้วและเล็บจะกลายเป็นสีขาวซีดทุกที อลันด์ที่สังเกตเห็นจึงบีบกระชับหลังมืออีกฝ่ายไว้แน่นราวกับคนที่กลัวถูกทิ้งคือตัวเขาเอง ตาสีอ่อนสั่นระริกพร้อมกับหยาดอารมณ์เริ่มเอ่อคลอจนภาพตรงหน้าพร่ามัวเมื่อเขากำลังตัดสินใจอะไรบางอย่าง “แต่ที่ผมกำลังจะพูดคือผม... ผมอยากให้วาเป็นหมอต่อไปนะ มือของวามีประโยชน์กว่ามือของผมเยอะ  เพราะงั้นให้ผมทิ้งความฝันดีกว่า”

“อัล!” ตาเรียวคมเบิกกว้างตกใจไม่น้อยกับการตัดสินใจของคนอ่อนวัยกว่า

ทิวากานต์ขยับปากจะค้านก็พอดีกับโทรศัพท์ของเด็กหนุ่มดังขึ้น เด็กหนุ่มใช้มืออีกข้างที่ไม่ได้จับมือทิวากานต์ไว้ล้วงอุปกรณ์สื่อสารจากกระเป๋ากางเกง เขากลืนก้อนสะอื้นเมื่อเห็นชื่อปีเตอร์เป็นคนโทรมาก่อนกดรับสาย

“ฮัลโหลด ปีเตอร์ มีอะไรหรือเปล่า อ่าฮะ...ไม่ๆ ผมโอเค พูดมาเลย” เขาเงียบฟังปลายสายพูดพลางเหลือบตามองทิวากานต์เป็นระยะ ฟันขาวขบริมฝีปากล่างแน่นขึ้นทุกขณะเมื่อเวลาผ่านไปช้าๆ ไม่ทันไรหยดน้ำใสก็กลิ้งลงจากดวงตาสีอ่อนแดงช้ำ “รีดดิ้งเหรอ ดีนี่... ผมดีใจมากเลย ไม่ใช่กลาสตันเบอรี่แต่เป็นที่รีดดิ้งมันก็โอเค ใช่... ใช่...ปีเตอร์...ผม....”

เสียงแหบหยุดชะงักไปเมื่อมือใหญ่นุ่นนิ่มที่เขาจับมาตลอดดึงออกไป อลันด์เงยหน้ามองทิวากานต์ที่กำลังทำหน้าเจ็บปวดก่อนเปลี่ยนเป็นโกรธขึ้งทีละน้อย

“ปีเตอร์ ค่อยกลับไปคุยกันที่ลอนดอนนะ บางทีผม...ผมก็ไม่อยากทำมันแล้ว”

อลันด์กดวางสายก่อนสะดุ้งสุดตัวเมื่อทิวากานต์จัดการคว่ำโต๊ะอาหาร เศษจานชามแตะกระจาย มื้อเย็นที่ช่วยกันทำหกเลอะเทอะเต็มพื้นพรม เด็กหนุ่มตัวสั่นด้วยความกลัว เขาไม่เคยเห็นทิวากานต์โมโหขนาดนี้มาก่อน น้ำตาอีกหนึ่งหยดกลิ้งผ่านแก้มใสสะท้อนแสงไฟก่อนหายวับไปบนปกเสื้อเชิ้ตสีขาว เด็กหนุ่มเม้นปากแน่นพยายามกลั้นสะอื้น ที่ผ่านมาเขาทะเลาะกับทิวากานต์ออกจะบ่อย แต่ส่วนใหญ่ก็ทะเลาะกันเรื่องไร้สาระที่ไม่ใครก็ใครงี่เง่า ขอโทษกันแล้วก็หาย แต่เหมือนครั้งนี้นอกจากจะงี่เง่ากันทั้งสองฝ่ายยังทะเลาะกันแรงถึงขั้นเขากลัวจนร้องไห้

เกิดความเงียบครอบคลุมไปทั่วห้องเมื่อไม่มีใครพูดอะไรออกมาจนเป็นคนที่ระเบิดออกมาก่อนเปิดปาก

“ลืมสัญญาระหว่างเราที่กลาสตันเบอรี่ไปแล้วเหรอ ไอ้เด็กคนไหนวะที่บอกว่าจะเป็นนักร้องดังตอกหน้าพ่อมันน่ะ ไอ้ที่บอกว่ามีความฝันมุ่งมั่นนั่นก็แค่คำพูดเอาเท่ของเด็กๆ ใช่ไหม”

“งั้นจะให้ผมทำยังไง! ผมไม่อยากให้เรารักกันโดยไม่สนใจอะไร ผมไม่อยากเป็นคนเห็นแก่ตัว วาทำให้ผมมาหลายอย่างแล้วทำไมผมจะทำอะไรให้วาบ้างไม่ได้”

“ไอ้ความหวังดีแบบนี้ฉันไม่ต้องการ!”

“วา... วาฟังหน่อยสิ ถ้าผมเป็นนักร้องมันจะลำบากทั้งผมทั้งวานะ ถ้าให้พูดตามตรงเลย...มันยากมากนะถ้าจะเป็นคนดังแล้วมีคนรักเป็นเพศเดียวกัน ถึงสังคมโลกเขาจะยอมรับแต่แฟนเพลงใช่ว่าจะยอมรับได้ทุกคน ผมรักวาเกินกว่าจะทำร้ายวาแบบนั้น ผมก็ไม่อยากพูดแบบนี้หรอกนะเพราะไม่รู้ว่าวาถือเรื่องอายุมากไหม แต่เด็กอย่างผมคิดว่าวากำลังหลงอยู่กับความรักมากเกินไปหรือเปล่า ปกติวาเป็นผู้ใหญ่มีเหตุผลมากกว่านี้นี่ อย่าให้ความรักบังตาซี่”

“นั่นสินะ... เป็นคนดังมันต้องแคร์สายตาคนอื่น ยิ่งมีชื่อเสียงก็ยิ่งต้องแคร์ ลืมไปได้ไงนะ ทำไมถึงคิดว่าถ้าคบแล้วเราแค่ไม่ยอมปล่อยมือจากกันอุปสรรคอะไรมันก็ง่ายดาย โลกความจริงมันไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย”

“ใช่วา... ผมรู้แล้ว โลกมันไม่ง่าย”

ทิวากานต์ฟังแล้วเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็เงียบไป ร่างสูงใหญ่เดินผ่านอลันด์ขึ้นบันไดไปชั้นบนทิ้งอีกคนไว้ด้านล่าง มีดวงตาสีฟ้าซีดมองตามแผ่นหลังกว้างจนลับสายตาก่อนเบนมองผ่านผนังกระจกออกไปด้านนอก ใจกลางเมืองที่ถูกย้อมไปด้วยสีดำมีแสงไฟตามจุดต่างๆ ประดับประดาทอดยาวเหมือนดาวบนดิน อยู่มาตั้งหนึ่งปีเพิ่งจะสังเกตเห็นความสวยเอาวันนี้เพราะทุกทีเขาจะมีทิวากานต์คอยดึงความสนใจตลอด หากมีเวลาให้ชื่นชมได้ไม่นานเสียงตึงตังก็บอกให้รู้ว่าเจ้าของห้องตัวจริงกำลังเดินลงมา ในอ้อมแขนคุณหมอตัวสูงมีกระเป๋าเดินทางขนาดเล็กหนึ่งใบ เขาถือมันไปวางไว้หน้าห้องทำอะไรกุกกักเสียงดังก่อนเดินกลับเข้ามาหาอลันด์

“ในเมื่อโลกนี้มันยากนัก เราก็...เลิกกันเถอะ โอกาสเป็นนักร้องของเธอมาแล้วรีบคว้ามันไว้ซะ จะได้เป็นเล่นที่งาน Reading ใช่ไหม อวยพรล่วงหน้าเลยแล้วกัน ส่วนพี่... ฉัน... ขอเป็นคนผิดสัญญายอมปล่อยมือก่อน กลับไปมีชีวิตเป็นของตัวเองทางใครทางมัน อย่างน้อยทั้งฉันและเธอจะได้ใช้ชีวิตบนโลกนี้ได้ง่ายขึ้น”

“What? อะ... อะไรนะวา”

“เลิก - กัน - เถอะ” เขาพูดช้าๆ เน้นย้ำทีละคำแล้วพูดเร็วขึ้นเรื่อยๆ เหมือนเก็บอารมณ์คุกรุ่นไม่ไหวแล้ว “ชัดไหม ให้พูดอีกทีหรือเปล่า ไปทางใครทางมันเลยแล้วกัน ยังไงทางของเราคงมีแต่จะแยกไปคนละทาง เพื่อไม่ให้เสียเวลาก็เลิกกันแม่งตั้งแต่ตอนนี้เลย เสื้อผ้าข้าวของเธอฉันเก็บให้หมดแล้ว ส่วนกระเป๋านั่นแถมให้แลกมาฟรีจากแต้มเครดิตการ์ดจะได้ไม่ต้องคิดเป็นบุญคุณเอามาคืน พวกกีตาร์ก็หิ้วไปด้วยล่ะ ไม่งั้นจะเอาไปกองไว้หน้าห้อง ส่งแค่นี้นะ บาย”

“พูดเล่นหรือเปล่าวา”

“จริงทุกคำเลย”

“อย่ามาประชดกันนะ!”

“ไม่ได้ประชด พูดจริง ทำจริง คิดว่าเสียใจเป็นคนเดียวหรือไงวะ!” เขาสะบัดแขนที่เด็กหนุ่มจับไว้อย่างแรงจนร่างเล็กๆ นั่นเซไปด้านข้างหลายก้าว ทิวากานต์กลืนก้อนสะอื้นลงคอช้าๆ ชี้ไปหน้าห้อง “ออกไป! ไปทำตามความฝันการเป็นนักร้องของเธอซะ ฉันไม่อยากเห็นเธอเป็นเด็กเหลาะแหละดีแต่ปาก เธอเองก็มีพรสวรรค์ไม่ต่างกันไม่จำเป็นต้องมาเสียสละให้ฉัน ที่ผ่านจะถือว่าเป็นความทรงจำที่ดี จากนี้เป็นแค่คนรู้จักกันเหมือนเดิมก็พอ”

“You - dick” เด็กหนุ่มสบถใส่หน้าอีกคนไม่ไว้หน้า เลิกกันว่าเจ็บแล้วยังไม่เท่าถูกไล่เหมือนหมูเหมือนหมาแบบนี้ อารมณ์ทั้งโกรธทั้งโมโหทั้งน้อยใจผสมปนเปไปหมดจนตัวสั่น

“ใหญ่ด้วย” คุณหมอโต้กลับหน้าตาย เขายืนกอดอกมองอลันด์คว้ากล่องกีตาร์สุดที่รักแนบอกเดินกระทืบเท้าตรงไปคว้ากุญแจรถที่ใส่อยู่ในชามแก้วบนชั้นวางรองเท้า “อ่อ คราวนี้อย่าหยิบกุญแจรถไปผิดคันอีกล่ะ ไม่งั้นฉันจะแจ้งความ”

“เหอะ ถ้าไม่เพราะรีบร้อนโมโหใครอยากจะหยิบผิดเอาอีกบนั่นไปกัน มีปัญญาซื้อดีกว่านี้เว้ย” เด็กหนุ่มจงใจแกล้งยืนล้วงกุญแจรถเหมือนจริงจังมาก พอคว้ากุญแจรถมินิกับคิวบ์ได้ก็หันไปชูนิ้วกลางใส่เจ้าของห้องเดินจากไปไม่หันหลังกลับมามอง ไม่ลืมปิดประตูห้องให้เสียงดังสนั่นลั่นโถงทางเดิน

อลันด์เอาตัวพิงบานประตูที่เพิ่งปิดลงคล้ายคนหมดแรง พยายามสูดลมหายใจเข้าลึกแต่มันเจ็บจนชาไปทั้งอกแทบหายใจไม่ออก ไม่คิดว่ามันจะจบแบบไม่ทันได้ตั้งตัวและรวมเร็วอย่างนี้ ไม่เคยคิดมาก่อนเลย...

ริมฝีปากอิ่มหยักสั่นระริก แต่เขาจะไม่ร้องไห้ให้กับผู้ชายเผด็จการคนนั้น ในเมื่อทิวากานต์คิดว่าความรักระหว่างกันเป็นตัวถ่วงความเจริญในชีวิตของพวกเขาทั้งคู่ เขาจะยอมรับทางเลือกที่อีกฝ่ายตัดสินใจก็ได้ จะกลับไปเป็นแค่คนรู้จักกันตามที่อีกฝ่ายต้องการ จะไม่...จะไม่รักใครอีกแล้วถ้ามันจะเจ็บแบบนี้ “FUCK!!! fuck fuck fuck fuck... fuck you”

เด็กหนุ่มยัดตัวออกมาจากบานประตูตะโกนเสียงดังหวังให้คนในห้องได้ยินก่อนลดเสียงลงเรื่อยๆ ด้วยตะโกนจนหมดแรง มือเล็กตบอกปลอบใจตัวเองเบาๆ ตั้งขาแข็งลากกระเป๋าเดินทางหอบลูกรักเดินไปขึ้นลิฟต์ ถึงจะทำใจได้เร็วแต่ใช่ว่าจะทนอยู่ใกล้เหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นได้ ยังไงเสียตอนนี้ขอหลบไปเลียแผลก่อนแล้วกัน

“Don’t cry, you do not cry for him anymore”

.
.
.

“พี่ครับ เดี๋ยวไปที่โรงพยาบาล...ต่อเลยนะครับ” ทิวากานต์บอกคนขับแท็กซี่ที่เขาโบกจากหน้าคอนโดย่านอโศกมาจนถึงคอนโดหรูริมแม่น้ำแห่งนี้ รอจนเห็นรถคิวบ์สีขาวคุ้นตาเลี้ยวหายเข้าไปในอาคารจอดรถเขาจึงแจ้งที่หมายต่อไป

“ไม่สบายเหรอน้อง ไปโรงบาล...ดีกว่าไหม ใกล้กว่านะ สีหน้าแย่นะเนี่ยไหวเปล่า”

“สบายดีพี่แค่มีเรื่องให้คิดหน่อย ไปที่ผมบอกเหอะผมทำงานที่นั่น”

“อ้าวเหรอ เป็นอะไรล่ะ”

“เป็นหมอครับ”

“ว่าแล้วเชียวเห็นหน้าตาดูมีความรู้ นี่ดึกแล้วยังต้องไปทำงานอีกเรอะ ถึงพี่จะเรียนมาน้อยแต่พอจะรู้นะว่าหมองานหนักจะตาย วันนึงต้องดูคนไข้กี่คนกัน พวกคนไข้บางคนก็ไม่เข้าใจเล้ยเรียกร้องกับหมออยู่นั่นแหละ แต่ใช่ว่าทุกคนจะเป็นหมอได้นี่เนอะ ต้องเก่งต้องขยัน แล้วก็หล่อแบบน้องด้วย ฮ่าๆ”

คนขับแท็กซี่ป้อยอลูกค้าทิ้งท้าย ทิวากานต์ฟังแล้วอมยิ้มเอนหลังพิงเบาะฟังพี่แกโม้ไปจนถึงโรงพยาบาลมีเสียงเพลงวิทยุขับกล่อมชวนให้น้ำตาไหลอยู่หลายหน หากคงไม่มีเพลงใดกระแทกใจได้เท่าเพลงที่เพิ่งมีใครบางคนร้องให้ฟังเมื่อชั่วโมงก่อน

ฉันรักเธอ...รักเธอด้วยความไหวหวั่น   ว่า...สักวันฉันคงถูกทอดทิ้ง
ไม่นานเท่าไหร่แล้วเธอก็ไปจากฉันจริงๆ   เธอ...ทอดทิ้งให้อาลัยรักอยู่กับความรัก
แม้มีปีกโผบินได้เหมือนนก   อกจะต้อง...ธนูเจ็บปวดนัก
ฉันจะบินมาตาย...ตรงหน้าตัก   ให้ยอดรักเช็ดเลือดและน้ำตา

หลังจ่ายค่าโดยสารแล้วเขาก็เดินเข้าไปในตึก หลายคนที่เห็นหน้าเขาถึงกับเข้ามาถามไถ่ว่าทำไมโผล่มาตอนสามทุ่มแบบนี้ วันนี้ไม่มีเวรไม่ใช่หรือไง เขาก็ตอบไปว่าว่างไม่อยากอยู่ห้องคนเดียวขอมาช่วยงานแถวนี้ดีกว่า

“เลิกกับแฟนเหรอพี่” เรสสิเด้นท์อยู่เวรคนหนึ่งที่คุ้นเคยกันเอ่ยเข้ามากระแซะไม่จริงจังนัก ชายหนุ่มพอจะรู้มาว่าทิวากานต์มีแฟนแล้ว ตอนงานแต่งหมอกวินก็พาไปเปิดตัวกับเพื่อน ก่อนหน้านั้นก็ดูมีความสุขดี คืนนี้ดันเดินหน้าซีดเข้ามาแย่งงานนักศึกษาซะงั้นจึงเดาเป็นอื่นไม่ได้

“เออ”

“เฮ้ย จริงเหรอพี่”

“เออ รู้แล้วก็หุบปาก รำคาญว่ะ ไหนเอาแฟ้มมาดูดิมีอะไรให้ช่วยไหม” ทิวากานต์แกล้งพาล พยายามทำตัวเป็นปกติคือดุ เขี้ยว แล้วก็โหดใส่พวกรุ่นน้อง ทั้งที่ตอนนี้อยากร้องไห้เป็นบ้า แต่เขาเลือกแล้ว... เลือกเป็นคนผิดสัญญาปล่อยมืออลันด์ไปให้อีกฝ่ายได้เติบโตในเส้นทางที่มุ่งหมายมาตลอด

เขาเคยจมอยู่กับความสับสนและไม่เข้าใจว่าทำไมวิคเตอร์ถึงทิ้งแม่และเขาไป แต่เหมือนตอนนี้จะเข้าใจขึ้นมาอีกนิด ที่วิคเตอร์เคยบอกว่าไม่ได้ทิ้งแต่แม่เขาต่างหากที่เป็นคนทิ้งอีกฝ่ายน่าจะจริง ทิ้งเพื่อให้คนที่รักที่สุดได้ทำตามความฝันเจิดจรัสบนเวทีและมีคนรักอีกมากมาย

เชื่อเถอะว่าใช้เวลาไม่นานอลันด์ก็จะกลับมายืนหยัดเป็นตัวของตัวเองได้เหมือนเดิม ส่วนคนผิดสัญญาอย่างเขาก็ต้องยอมรับผลแห่งการกระทำห้ามปริปากบ่นเพราะตัดสินใจเลือกเดินทางนี้ด้วยตนเอง

.
.
.

“วาว่างไหม มาคุยกันหน่อย” ตาสีน้ำตาลเข้มเหลือบขึ้นมองนายแพทย์รุ่นพี่คนสนิทก่อนดูนาฬิกาบนฝาผนัง เพิ่งจะตีห้าครึ่งแต่การันต์ก็มาทำงานแล้ว ช่างเป็นคุณหมอดีเด่นจริงๆ

“ครับ” เขาขานรับสั้นๆ ลุกจากเก้าอี้ในห้องพักเดินตามชายหนุ่มรุ่นพี่ออกไปข้างนอก

“ยังพอมีเวลาหน่อย น้ำเต้าหู้ร้อนๆ น่าจะดี หรือกาแฟ เมื่อคืนได้นอนบ้างไหม หน้าซีดหน้าเซียวเชียว”

“จะเอาเวลาที่ไหนไปนอนครับ มีอุบัติเหตุมาพอดีเลยไปช่วยเขาเซิ้งทั้งคืน เพิ่งเสร็จก่อนพี่รันมาชั่วโมงเดียวเอง แต่แค่นี้จิ๊บๆ เปิดเครื่องห้าวันติดยังทำมาแล้วเลย"

“แต่กับอกหักมันไม่เหมือนกันนะเว้ย” เขาหันกลับมาดูรุ่นน้องที่ชะงักเท้าไปเล็กน้อยก่อนเดินตามต่อเหมือนไม่มีอะไรไปสะกิดใจเข้า “ไม่ต้องฟอร์มน่า เจ้าธีบอกหมดแล้วว่าเอ็งเพิ่งเลิกกับน้องแสบ ทำหน้าตาดูไม่ได้เข้ามาแย่งงานพวกมัน คิดดีแล้วเหรอวะ”

“ไม่รู้สิครับ ตอนตัดสินใจก็คิดว่าดี แต่ตอนนี้รู้สึกเหมือนจะตาย อยาก... ช่างมันเถอะ ผมเลือกปล่อยเขาไปแล้ว จะมางอแงคงไม่ใช่”

“พูดเหมือนแกไปกักขังหน่วงเหนี่ยวเขาไว้งั้นแหละ ถามจริง...แกปล่อยเขาหรือบังคับให้เขาออกไปจากชีวิตวะ”

“...” คำพูดของนายแพทย์คนสนิททำเอาคนฟังสะอึกเถียงไม่ออก

“โตแล้วนะวา อย่าปล่อยความรักทำให้เรากลายเป็นบ้า อยู่กับมัน เรียนรู้มัน ใช้ความรักทำให้ตัวเองมีความสุขไม่ใช่เอามาผูกมัดตัวเอง บางทีที่เราคิดว่าดีอีกคนอาจไม่คิดเหมือนกัน พี่สอนได้เพราะพี่เคยผ่านมันมาก่อน สำหรับความรักถึงบอกว่าไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกันแต่การที่มีใครสักคนอยู่เคียงข้างตลอดเวลา แชร์ความรู้สึกร่วมไปกับเรา มันไม่ใช่เรื่องดีหรอกเหรอ”

“แต่...”

“อย่ามาแก้ตัวกับพี่ เอาไปคุยกับตัวเองให้ดี คิดให้ตก แล้วเอาไปบอกกับตัวแสบก่อนจะไม่มีโอกาสเหลืออีก” ชายหนุ่มทิ้งท้ายไว้เท่านั้นก่อนเดินนำรุ่นน้องไปซื้อปาท่องโก๋กับน้ำเต้าหู้รองท้องเป็นมื้อเช้า

ทิวากานต์เม้มปากกั้นคำพูดที่อยากบอกการันต์เหลือเกินว่าในเมื่อความรักจากเขาไปแล้ว เขาจะยังเรียกมันกลับคืนมาได้อีกหรือ และที่ยากกว่าคือเขา...คนที่ไม่เคยเลือกหันหลังกลับให้กับทางที่เคยเลือกจะยอมลดทิฐิตัวเองกลับไปเลือกใหม่ได้ไหม



ข่าวคราวการเลิกรากันของคู่รักต่างวัยแพร่สะพัดไวและไปไกลยิ่งกว่าไฟลามทุ่งในหมู่เพื่อนฝูงใกล้ชิด เร็วและไกลขนาดไหนพิสูจน์ได้จากการที่อลันด์เดินลงมาจากอาคารแล้วเจอหนุ่มนักกีฬาโปโลทีมชาติอังกฤษยืนรอในสองวันถัดมาที่เลิกกับทิวากานต์

“ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ” เขาถามมึนๆ เหมือนไม่มีสติอยู่กับตัวมองเจมส์ทีเอ็ดเวิร์ดพ่อบ้านส่วนตัวคุณชายเขาที สองคืนที่ผ่านมานี้เขาแทบไม่ได้นอนจนขอบตาช้ำ สภาพโทรมเหมือนซอมบี้

“มารับไปทานมื้อเที่ยงน่ะ อืม...คาบบ่ายนายว่างนิใช่ไหม ฉันจองโต๊ะที่โรงแรมไว้แล้วล่ะ” หนุ่มอังกฤษไม่รอคำตอบ เขาเข้ามาโอบไหล่พาคนตัวเล็กเข้าไปนั่งที่เบาะหลัง รอพ่อบ้านปิดประตูรถให้แล้วขึ้นนั่งข้างคนขับจากโรงแรม ทิ้งคนินทร์และเพื่อนๆ ยืนงงว่ามีคุณชายชาวต่างชาติที่ไหนมาพาตัวอลันด์ไป

พวกเขากินมื้อเที่ยงกันที่ห้องอาหารของโรงแรมที่เจมส์พักแล้วค่อยขึ้นมาคุยกันบนห้อง อลันด์นอนหนุนแขนเหยียดตัวบนเตียงใหญ่ระหว่างที่อดีตเพื่อนร่วมชั้นเรียนเดินไปเดินมาอย่างไม่มีอะไรทำ สุดท้ายก็เป็นคนที่บินตรงมาจากลอนดอนเปิดปากถามสิ่งข้องใจก่อน

“นายเลิกกับด็อกเตอร์วาแล้วจริงๆ น่ะเหรอ”

“ใช่” เขายอมรับง่ายๆ “ข่าวไปไวจังนะ ใครบอกล่ะ”

“ใครบอกมันไม่สำคัญหรอกแต่ตอนนี้ฉันเป็นห่วงนาย นายดูผอมลงไปมากจากตอนล่าสุดที่เราเจอกันเสียอีก เมื่อกี้ก็กินนิดเดียว เขาไม่รักนายแล้วก็ไม่เป็นไรแต่นายต้องรักตัวเอง”

“ฉันพยายามอยู่ มันอาจต้องใช้เวลาสักระยะ”

“Poor Al” หนุ่มหล่อคราง เขาเอื้อมมือไปปัดปอยผมสีอ่อนให้พ้นจากใบหน้าขาวซีด ไม่ทันไรน้ำตาก็ไหลจากนัยน์ตาสีฟ้าซีด เจมส์ไม่รีรอจะรั้งตัวอลันด์ขึ้นมากอดแนบอก “ร้องซะอัล ร้องเสียให้พอ เขาไม่รักเราแล้วก็ช่าง นายยังมีฉัน มีทอมที่รักนาย”

“ฉันเสียใจ... ทำไมฉันรักษาความรักกับความฝันไปด้วยกันไม่ได้ มันเจ็บมากเลยเจมส์ที่ต้องเลิกกันทั้งที่เราก็ยังรักกันอยู่”

“หมอนั่นมันโง่ต่างหากอัล อัลน่ะพยายามทำดีที่สุดแล้ว คนที่ยอมแพ้คนที่ไม่สู้ก็คือด็อกเตอร์วา เขามันขี้ขลาด ในขณะที่นาย...” เขายิ้มอ่อนให้คนในอ้อมแขน “นายโตขึ้นมานะอัล ถ้าเป็นเมื่อปีก่อนนายคงโวยวายหาเรื่องกับเขาไปแล้ว แต่ดูนายตอนนี้สิ นายมีเหตุผลมากขึ้น นายทำตามอารมณ์ตัวเองน้อยลง พ่อนายต้องภูมิใจในตัวนายสมกับที่ลงทุนส่งนายมาอยู่ที่นี่แน่ๆ”

“ไม่หรอก ฉันยังไม่โตหรอกเจมส์ ฉันแค่คิดว่าโวยวายไปมันก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ยอมรับมันแล้วเดินหน้าต่อไปดีกว่า”

“นั่นแหละ การยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ก็ถือว่าโตขึ้นแล้ว” นิ้วหัวแม่มือปาดน้ำตาบนแก้มใส ไม่ลืมยิ้มให้กำลังใจอีกคน เขานั่งกอดอลันด์อยู่บนเตียงอย่างนั้นจนคนเล็กถามขึ้นมา

“แล้วนายจะกลับลอนดอนวันไหนเหรอ มานี่ไม่มีเรียนหรือไง”

“โดดเรียนมาสิ แต่ก็แค่สองวันล่ะ ฉันจะกลับคืนพรุ่งนี้”

“เหรอ...” อลันด์ฟังแล้วนิ่งเงียบไปก่อนตัดสินใจอะไรบางอย่าง “งั้น...ช่วยจองตั๋วเพิ่มให้สักใบได้ไหม ฉันอยากกลับไปชาร์จแบตที่บ้านสักหน่อย”

“กลับไปกะทันหันแบบนี้จะไม่เป็นไรเหรอ”

“ไม่ต้องห่วง ฉันจัดการได้ จะว่าไปคืนนี้ขอนอนที่นี่ด้วยแล้วกัน นายไม่ว่าอะไรใช่ไหม”

“ไม่แน่นอน ยินดีต้อนรับนายเสมอ” เจมส์ฉีกยิ้มรับด้วยความเต็มใจ มือหนาเชยคางมนขึ้นมาก่อนจูบลงบนกลีบปากอิ่มหยักเบาๆ แม้รู้ดีว่ากำลังฉวยโอกาสอาศัยตอนที่อีกฝ่ายกำลังอ่อนแอ แต่ในเมื่อทิวากานต์เลือกทิ้งอลันด์ไปแล้ว คนที่แอบรักมานานอย่างเขาก็ควรมีสิทธิสักทีไม่ใช่หรืออย่างไร



TBC

และแล้วพระรองของเราก็มาทำหน้าที่พระรองสักทีค่ะ มีใครคิดถึงเจมส์บ้างคะ
แขกรับเชิญก็เพียบค่ะ มาจากทั้งเรื่อง LOVE | HATE (http://bit.ly/1PBTp9K) และ . . . ไม่รัก . . . (https://t.co/OnjBzSt1z7) (แอบโปรโมตหน่อย)
ตอนนี้ FC พี่วาหลายคนคงอยากตบหน้าอิพี่รัวๆ เราก็อนุญาตให้ด่าพี่วาได้เต็มที่ค่ะ ทำตัวสมควรโดนมาก

ส่วนตอนหน้าจะเป็นยังไง อัลจะหนีไปซบอกล่ำๆ ของหนุ่มโปโลหรือไม่
โปรดติดตามตอนต่อไปค่า

แล้วเจอกันนะคะ จุ๊บๆ
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 31 [11.03.16]
เริ่มหัวข้อโดย: Jitsupa_milk ที่ 11-03-2016 14:39:18
เอากีต้าร์ขว้างใส่หน้าหมอวาไปเลย  :m16:
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 31 [11.03.16]
เริ่มหัวข้อโดย: AuyAaiz ที่ 11-03-2016 15:01:20
 เลิกกันทำม้ายยยยยยยย ไอ้หมอบ้า!!!
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 31 [11.03.16]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 11-03-2016 15:09:54
หมอวาใจร้ายยย
ทำร้ายอัลได้ลงคอ
อัลหาสามีใหม่เลยลูก
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 31 [11.03.16]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 11-03-2016 15:13:08
 :pig4: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 31 [11.03.16]
เริ่มหัวข้อโดย: yisren. ที่ 11-03-2016 15:54:08
ผิดคนละครึ่งนะ ไม่มีใครฟังใครทั้งนั้น เอาจริง เลิกๆ กันไปเลยก็ดี อยู่กันไปถ้าไม่จูนเข้าหากันยังไงก็ไม่รอด อัลเห็นแก่ตัวมาก ยอมทิ้งความฝันตัวเอง แล้วตราบาปที่ทำลายฝันนั้นก็จะกลายเป็นของหมอวา ส่วนหมอวาก็ใจร้ายมากกกกก พ่อเจ้าประคุณเล่นฟาดไม่ยั้ง แต่จริงๆ ก็เห็นแก่ตัวพอกันนั่นแหละ เห้อ อ่านละเซ็ง  :katai1:
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 31 [11.03.16]
เริ่มหัวข้อโดย: cinnsin ที่ 11-03-2016 16:06:02
อิพี่วาาาาาาาา!!!!! คอยดูนะถ้าเจมส์ได้อลันด์ไปน้องจะหัวเราะให้ปากฉีกเลย! ฮึ่ยย..
แต่ก็เข้าใจแหละว่าไม่มีใครที่ควบคุมอารมณ์ได้ดีทุกครั้ง มันก็ต้องมีน็อตหลุดกันบ้าง.. แต่ถ้าเสียอลันด์ไปจริงๆนั่นก็เป็นเพราะว่าตัวเองปล่อยมือนั่นแหละพี่วา ชิ
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 31 [11.03.16]
เริ่มหัวข้อโดย: iAlexiajang ที่ 11-03-2016 16:53:58
ทุกคำพูดของน้องอัลนั้นแหละ มันเป็นตัวกดดันทำให้พี่หมอวาตัดสินใจแบบนั้น....
นี่ #ทีมพี่หมอวา ทั้งหมดมันก็ต่างเสียใจกันทั้งนั้น

 
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 31 [11.03.16]
เริ่มหัวข้อโดย: Mokuchi ที่ 11-03-2016 17:31:14
โอ้ โนวววว อะไร ทำไม
กะทันหันเกินไปแล้ววววว ดราม่ามาแบบตั้งตัวไม่ทันเลยค่ะ :a5:
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 31 [11.03.16]
เริ่มหัวข้อโดย: nijikii ที่ 11-03-2016 18:17:32
เอ้า..
เอ้อ..
งั้นก็จบแล้วสินะกับความรักที่ผ่านมา
งงๆ
เหมือนแต่ก่อนไม่เคยรักกันเลยเนาะ
 :katai5:

อัลเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นนะในเรื่องของการไม่โวยวาย ไม่ท้าตีท้าต่อยแบบเด็กๆ (แต่หนูพึ่งเลิกกับแฟนก็ให้เพื่อนจูบปลอบใจเลยหรอลูก)
แต่อัลก็เหมือนไม่เข้าใจความคิดของหมอวา
ส่วนหมอวาก็เผด็จการทุกอย่าง ไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นของอัลเลย
แต่ถ้าเลิกกันเพราะแบบนี้ เราว่าให้มันจบแบบไม่แฮปปี้เอนดิ้งดีกว่า
ต่างคนต่างเอาอารมณ์ตนเองเป็นหลัก
เหมือนที่ผ่านมาก็แค่ความรักฉาบฉวย ไม่ใช่รักแท้
เรื่องที่คุยกันไม่มีใครผิดนะ ใครจะอยากให้คนที่ตัวเองรักต้องเสียสละหน้าที่การงานหรือความฝันกันล่ะ
แต่มันผิดที่ทั้งสองคนไม่ยอมฟังกัน ไม่ยอมปรึกษากันนี่แหละ

(แต่ถ้าบอกว่าอัลจะเลือกทิ้งความฝันการเป็นนักร้อง ส่วนตัว เราคิดว่ามันก็ง่ายกว่าให้หมอวาทิ้งอาชีพของหมอ อัลมีความสามารถหลากหลาย ไม่ใช่แค่นักร้องนักดนตรี แต่งานในส่วนของบ.แด๊ดอัลก็ทำได้เหมือนกันนะ)
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 31 [11.03.16]
เริ่มหัวข้อโดย: kyungploy ที่ 11-03-2016 20:25:52
พี่วาใจร้ายมากจริงๆ ตอนนี้เราเห็นใจอัลนะ ยอมเสียสละในสิ่งที่ตัวเองรักมากเพื่อพี่วา แต่พี่ว่ากลับโยนคำว่าเลิกกันใส่หน้าอะ
โห ไม่รู้จะพูดไรเลย
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 31 [11.03.16]
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 11-03-2016 20:32:55
เราเข้าใจหมอวานะ...เรื่องนักร้องอะมันคือสิ่งที่อัลทุ่มเทมาตลอด มันคือความฝันที่อัลลงมือและพยายามมาตั้งนานแล้วจู่ๆจะปล้อยไปง่ายๆแบบนี้เหรอ ลองคิดในมุมวาสิถ้าคนที่เรารักทิ้งสิ่งที่เขารักมาเพื่อเราเราจะรู้สสึกยังไง...แล้ววาก็ไม่ใช่ไม่รักไม่ห่วงไม่งั้นจะนั้งรถตามไปดูเหรอ

ในมุมกลับกันที่คนอื่นมองว่าสงสารอัลคือเราก็สงสารนะแต่พอเจอท้ายบทที่นางยอมให้เพื่อนจูบนี่คือหมดเลยจ้า ฟิลเปลี่ยน...อัลดูไม่มันคงเลยอะ เหมือนไม้หลักปักเลนที่เอนไปหาใครก็ได้


#ทีมหมอวา งานนี้นอยอัล จะขอเสนอตัวปลอบใจพี่หมอเอง 5555 ใคร็ห้ามปาเกิบนะ 555
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 31 [11.03.16]
เริ่มหัวข้อโดย: So_Da_Za ที่ 11-03-2016 20:49:59
อิ๊พี่วาาาาาาาาาาาาา
โอ้ยยยยย ขัดใจ
 :z6: :z6: :z6: :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 31 [11.03.16]
เริ่มหัวข้อโดย: DKTime ที่ 11-03-2016 21:08:56
ขอพูดแบบเป็นกลางนะ
ถ้าให้เลือกแบบนี้มันก็เลือกยากนะ อลันด์รักวา เลยไม่อยากให้วาต้องเสียสละเพื่อตัวเอง เราว่าน้องก็มองการไกลในด้านของน้องนะ น้องไม่ผิดที่เลือกจะเป็นฝ่ายเสียสละเอง แต่ถ้ามองด้านของวา คงไม่มีคนรักคนไหนอยากเห็นคนที่รักต้องทิ้งความฝันของตัวเองเพื่อตัวเองหรอก และในเมื่อมันหาทางออกไม่ได้ ทางเดียวที่คิดออกคือเลิก เราก็ไม่โทษวาหรอกนะที่บอกเลิกน้อง และยอมกลายเป็นคนที่ผิดสัญญาเอง แต่ว่านะ ถ้าเราเป็นวา เราก็เจ็บนะ ถ้าน้องมาบอกว่า ถ้าเป็นนักร้องแล้ว อะไรๆมันคงไม่ง่าย ถ้ามองตามหลักความเป็นจริง มันก็จริงอย่างที่น้องพูด เพราะงั้นเราเลยเข้าใจทั้งวาและน้องนะ ถ้าเป็นเราอยู่ในสถานการณ์นั้น ก็คงไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน ก็ได้แต่เอาใจช่วย ขอให้ทั้งสองคนหาวิธีสำหรับเรื่องนี้ออกเร็วๆนะ
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 31 [11.03.16]
เริ่มหัวข้อโดย: misskimji ที่ 11-03-2016 21:13:02
ดราม่าซะงั้น ฮือออออ
 :sad4: :o12: :hao5:
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 31 [11.03.16]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 11-03-2016 22:59:11
ต่างฝ่ายก็อยากเสียสละความฝันของตัวเองเพื่อให้อยู่ด้วยกันนาน ๆ แต่กลับกลายเป็นว่าสร้างความเจ็บปวดให้กันเสียนี่ ความรักไม่ต้องเสียสละเสมอไป เห็นแก่ตัวบ้างก็ได้
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 31 [11.03.16]
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 11-03-2016 23:31:57
ป๊าด~~~บระเจ้า!!!
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 31 [11.03.16]
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 11-03-2016 23:58:34
ลุ้นตอนต่อไป
รักหมอว่ากับอัลอยู่ดี สู้ๆนะทั้งคู่ :impress2:
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 31 [11.03.16]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 12-03-2016 01:28:51
พี่วาใจร้ายง่า  รีบตัดสินใจไปมั๊ย

น่าจะคุยกับน้องดีๆ  คนรักกันต่างคนต่างอยากเสียสละตัวเองให้คนที่รัก

น่าจะมีทางออกที่ดีกว่าเลิกกันนะ  สงสารน้องแสบ
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 31 [11.03.16]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-03-2016 04:06:37
จัดหนักจัดเต็มมาม่าชามโต
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 31 [11.03.16]
เริ่มหัวข้อโดย: nutty ที่ 12-03-2016 15:17:29
เลิกทั้งย้งรัก หมอวาตัดใจเลิกเร็วไปแล้ว
กดดันให้รีบคุยก่อนน้องบินไปนอก
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 31 [11.03.16]
เริ่มหัวข้อโดย: kaokorn ที่ 14-03-2016 14:48:54
คนที่น่าเห็นใจน่าจะเป็นหมอวา อัลยังเด็กมาก ถ้าต้องทิ้งความฝันมาเพื่อหมอวาก็น่าสงสาร
แล้วอัลยังทำเหมือนว่าการที่รักกับหมอวาเป็นเรื่องที่สังคมจะรับไม่ได้ ทั้งๆที่หมอวาเองก็ปล่อยเรื่องให้ค่อยๆเป็นค่อยๆไปแล้ว
หมอวาเป็นพวกตัดสินใจเร็ว และเด็ดขาดจึงเห็นว่าทางนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับอัล ย้ำว่าสำหรับอัลนะ
สรุป เรารออ่านต่อไปดีกว่าฮะ น่าจะมีทางออกดีๆสำหรับทั้งคู่  :L2:
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 31 [11.03.16]
เริ่มหัวข้อโดย: greensnake ที่ 15-03-2016 10:02:53
เรื่องที่รักกันมากไปนี่มันจะมาหาคนผิดก็คงจะไม่ได้ซะทีเดียว
เข้าใจสิ่งที่หมอวาทำ คิดว่าอดีตของพ่อแม่มันเป็นตัวกระตุ้นอยู่ด้วย
อยากอยู่เคียงข้างให้คนรักทำตามฝันไม่ว่าจะในสถานะอะไรก็ตามที
พี่หมอวาไม่ได้มีความฝันแรงกล้าว่าจะเป็นอะไรเหมือนน้องอัล
การที่มาเป็นหมอเพราะจุดมุ่งหมายอยู่ที่แม่ แต่เป็นแล้วก็ทำให้ดีที่สุด
ในเมื่อต้องเลือกก็อยากเลือกหัวใจตัวเองบ้าง ไม่ผิดนะที่คิดแบบนี้
แต่วิธีที่แสดงออกมันอาจจะดูวู่วาม ใจร้อน ใจร้ายไปสักหน่อย
ทั้งนี้อาจจะเพราะน้อยใจคำพูดน้องอัลด้วยแหละมั้งก็เลยพูดอย่างนั้น
ทั่วหมดทั้งมวลคือทั้งคู่รักกันมาก จนไม่อยากให้อีกฝ่ายต้องทิ้งอะไรไป
คิดว่าที่ตัวเองกำลังคิดกำลังทำก็เพื่ออีกฝ่าย แต่ไม่ได้คุยกันมาก่อนเลย
ได้แต่รับฟังจากคนรอบข้างแล้วก็เก็บมาเป็นตะกอน แล้วก็ระเบิด
แต่ก็นับว่าน้องอัลโตขึ้นมากนะ ทั้งทางด้านของอารมณ์และการแสดงออก
เรื่องความคิดก็ยังตรงๆอยู่ คิดยังไงพูดอย่างนั้นทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจ
คำพูดคำเดียวกันแต่บางทีคนฟังก็แปลได้หลายความหมายล่ะนะ
งานนี้เราคิดว่าครึ่งๆ แต่หมอวาเป็นผู้ใหญ่ก็เลยรับไปเต็มๆคนเดียวเลย
เรายังคิดว่าเวลาที่เกิดปัญหาการหันหน้ามาคุยกันก็ยังเป็นทางออกที่ดีอยู่นะ
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ :กอด1:





หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 31 [11.03.16]
เริ่มหัวข้อโดย: ゚゚ღ✿ศิลินส์✿ღ゚゚ ที่ 16-03-2016 20:22:31
ตามอ่านทันแล้ว

เรายังขำกับ 'อีกบ' อยู่เลย ไหงตอนล่าดราม่าซะงั้น

เห็นใจทั้งสองคนนะ ที่จริงปัญหานี้ก็เป็นเสี้ยนหนึ่งที่ต้องเคลียร์กันจริง ๆ นั้นแหละ

หวังว่าห่างกันไปแล้วทั้งคู่จะเข้าใจตัวเองมากขึ้น ถ้าไม่มีอีกฝ่ายจะอยู่ได้ไหม? ถือเป็นช่วงทดลองแล้วกัน และกลับมาเคลียร์กันไว ๆ นะ

เอาใจช่วยทั้งคู่
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 31 [11.03.16]
เริ่มหัวข้อโดย: VarainDark ที่ 17-03-2016 22:36:34
วาคิดดีแล้วหรอ? ที่ปล่อยมืออัลไปนะ
หัวข้อ: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 32 [20.03.16]
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 20-03-2016 11:34:05
TRACK 32



“โง่ค่ะ แบบนี้เขาเรียกว่าโง่ค่ะไม่ใช่ฉลาด”

“ขิงก็ว่าโง่ค่ะ”

“มันหมดยุคพระเอกแสนดีผู้เสียสละแล้วนะ เธอกำลังคิดว่าเล่นละครอยู่หรือไง หึ”

“โธ่ พี่โบพี่แอนก็ว่าหลานซะ แล้วยัยขิงยังจะไปว่าพี่เขาอีก แค่นี้น้องวาก็เครียดจะแย่แล้วนะ” ป้าอิงรีบปรามขึ้นมาก่อนสามสาวจะรุมชายหนุ่มเพียงหนึ่งเดียวไปมากกว่านี้

ตอนนี้ทิวากานต์กำลังถูกสอบสวนอยู่ที่ห้องผู้ป่วยของลุงเข้ม หลังข่าวการเลิกรากับเด็กฝรั่งลอยไปถึงหูป้าๆ กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตในกรุ๊ปไลน์จนต้องมีนัดประชุมด่วนกันเย็นนี้ พอเห็นหน้าก็ถูกจับซักฟอกจนขาวแล้วถูกกระแหนะกระแหนใส่อย่างที่เห็นนั่นแหละ

แต่คนอย่างทิวากานต์มีหรือจะใส่ใจฟัง ได้แต่นั่งนิ่งปล่อยคำพูดเข้าหูซ้ายทะลุออกหูขวา

“ไม่ต้องมาทำตีมึนเลยนะวา มานี่ซิ! ขอป้าตีหน่อย ทำไมเป็นคนใจร้ายแบบนี้” ป้าหมอง้างมือแต่ไกล ช่วยเลี้ยงเจ้าเด็กนี่มาตั้งแต่เกิด ตอนทำคลอดยังไปช่วยเชียร์แม่มันเบ่งด้วยซ้ำ เธอไม่เคยลงไม้ลงมือกับหลานชายคนนี้สักที แต่วันนี้มันหมั่นไส้มากขอฟาดสักเพี๊ยะสองเพี๊ยะเถอะ

“แล้วจะให้ผมทำไงล่ะครับ เด็กนั่นจะเลิกเป็นนักดนตรีทั้งที่กำลังได้ขึ้นเวทีที่เทศกาลรีดดิ้งแล้วแท้ๆ ผม...ผมทนไม่ได้หรอก”

“ฉันไม่รู้หรอกนะว่าไอ้งานรีดดงรีดดิ้งนี่มันงานดนตรีอะไรใหญ่แค่ไหน แต่ถ้าน้องเขาเลือกวามากกว่าดนตรีที่เขารักแสดงว่าน้องรักวามากกว่าไม่ใช่หรือไง” ป้าแอนให้ความเห็นบ้าง

“อัลยังเด็ก เดี๋ยวเดียวเขาก็ลืมวาไปรักคนอื่น ดนตรีสำคัญกับอัลขนาดไหนผมรู้ดี ไม่งั้นจะยอมมาลำบากเรียนต่อที่นี่เหรอ วามันก็แค่ทางผ่านให้เขาเท่านั้นแหละ”

“แกต่างหากที่เด็ก” พูดจบปุ๊บป้าหมอก็ฟาดใส่สะบักไหล่หลานรักดังเพี๊ยะ “คิดอะไรงี่เง่าแบบนี้ได้นี่มันเด็กมากจริงๆ”

“อะไรกัน วาหวังดีกับอัลหรอกนะ เหมือนม้าไง...ม้าก็เคยปล่อยวิคเตอร์ไปแบบนี้ไม่ใช่เหรอ” ท้ายประโยคชายหนุ่มพูดเสียงเบา เพิ่งเข้าใจในสิ่งที่วิคเตอร์พูดจริงๆ เมื่อตอนเอ่ยปากไล่อลันด์ออกไปเอง คนที่ทิ้งไม่ใช่พ่อแต่เป็นแม่ที่เลือกทิ้งเพื่อให้ผู้ชายคนนั้นได้ทำตามความฝัน

“เฮ้อ...น้องวา” ป้าอิงเดินมาลูบหัวชายหนุ่มเบาๆ “มันไม่เหมือนกันหรอกนะคะ ม้าวาก็ส่วนม้าวา ตัววาก็ส่วนตัววา สถานการณ์ เวลา แล้วก็ปัจจัยอื่นๆ มันต่างกัน ความจริงแล้วตอนสมัยหม่าม้าน้องวาพวกป้าก็ไม่ได้สนับสนุนหรอกนะคะ แต่เพราะห้ามไม่ทันแล้วถึงได้กลายเป็นแบบนี้ต่างหาก”

“ใช่ ตอนนั้นน่ะแม่เรามันตัดสินใจคนเดียวก่อนหิ้วท้องโตๆ มาหาพวกฉัน ฉันยังโกรธเลยว่าทำไมมันถึงได้โง่แบบนี้ ผู้หญิงตัวคนเดียวจะเลี้ยงลูกยังไงไหว”

“ถ้าไม่ได้พวกป้าเลี้ยงเราไม่รอดมาสมบูรณ์ขนาดนี้หรอกนะ ตอนนั้นแม่เราอายุยังแค่ยี่สิบเอง ยังเด็กกว่าเราตั้งเยอะ แล้ววิคเตอร์ก็กำลังเป็นนักแสดงดาวรุ่งถ้าจู่ๆ มีข่าวแต่งงานมีลูกออกไปก็จบเลย หมอนั่นมันก็โง่ทำอาชีพอื่นกับเขาเป็นที่ไหน คงได้แต่เป็นนักแสดงประกอบกิ๊กก๊อกไม่ก็เข็นรถส่งผักอยู่ตามตลาดหาเลี้ยงแกกับแม่แกนั่นแหละ ไม่เหมือนน้องอัลถึงไม่ได้เล่นดนตรีแต่เขาก็ยังได้เรียนหนังสือมีอนาคตมีการงานดีๆ รออยู่”

“หมายความว่าไงครับป้าโบ”

“หมายความว่าพ่อแกมันโง่ไง เรียนจบแค่มอสามก็ออกจากโรงเรียนมาเป็นนักแสดง” ป้าแอนเฉลยให้ ทิวากานต์ที่ไม่เคยสนใจประวัติพ่อตัวเองมาก่อนจึงเพิ่งได้รู้วันนี้ ถึงจะจบแค่มัธยมต้นแต่หมอนั่นก็มีรายได้มากพอจะซื้อรถแพงๆ ให้เขาได้ล่ะนะ

“ถึงอย่างนั้นก็เหอะ อัลก็ไม่อยากให้ผมลาออกจากหมอตามเขาไปทัวร์เหมือนกัน ในเมื่อต่างคนต่างเห็นตรงกันก็จบมันแค่นี้แหละจะยากอะไร”

“โอ๊ยตาย ฉันปวดหัวกับเธอ” หมอดมยาวัยใกล้เกษียณเอามือเล็กๆ กุมหัว อุตส่าห์ดีใจหลานพาแฟนมาเปิดตัวให้เห็นกะว่าคนนี้จริงจังแน่แต่คบได้แป๊บเดียวก็เลิกเพราะเหตุผลที่เธอคิดว่าโคตรงี่เง่าเหมือนแม่มันไม่มีผิด!

“อย่างน้อยก็น่าจะคบกันต่อไปก่อนนะคะ ยังมีเวลาอีกตั้งสามปีนี่นา คบกันไปเรื่อยๆ อนาคตอาจมีอะไรเปลี่ยนแปลงไม่ต้องเลิกกันเพราะเหตุผลแบบนี้ก็ได้” ขัตติยาให้ความเห็น หลังนั่งฟังมานาน เพิ่งจะรู้ประวัติความเป็นมาก่อนทิวากานต์เกิดเหมือนกัน หม่าม้าทิวากานต์เนี่ยแอบใจเด็ดชะมัด

“หึ เหลือเวลาสามปีอะไรกัน เขาน่ะไล่พี่ไปเรียนต่อตอนนี้เลยด้วยซ้ำ”

“เฮ้อ...หลานฉัน ทำตัวน้อยใจเป็นเด็กสามขวบไปได้ ฉันละปวดหัว”

“สั่งยาให้ไหม”

“ฉันสั่งเองได้ย่ะ” ป้าหมอว่าหยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพายก่อนชวนป้าแอนลงไปซื้อของกินข้างล่าง ทิ้งทิวากานต์ไว้กับสองแม่ลูกข้างบน

ขัตติยามองหน้าพี่ชายคนเก่งของเธอด้วยความขัดใจ หล่อนมองจนทิวากานต์รู้สึกอึดอัดจึงหันไปแซวเธอแก้เขิน “มองพี่ทำไมคะ รู้ตัวว่าหล่อค่ะไม่ต้องมองมากเดี๋ยวสึก”

“ยังไม่บวชนี่คะจะสึกได้ไง” เล่นมาเธอก็เล่นกลับ ยอมกันได้ที่ไหน “ขิงมองผู้ชายขี้ขลาดหรอกค่ะ”

“พูดให้มันดีๆ นะคะ เป็นน้องพี่ก็ตีได้”

“ม้า พี่วาจะตีขิงแหละ” พอสู้ไม่ได้เธอก็เรียกแม่มาเป็นกำลังเสริม แต่คนรักสงบอย่างป้าอิงทำเพียงส่ายหน้าให้ลูกสาวและหลานชายก่อนขอตัวไปดูคู่ชีวิตที่นอนอยู่อีกห้องทิ้งทั้งคู่ให้ตีกันต่อบนโต๊ะทานอาหาร

“หึ ไม่มีแม่ช่วยแล้ว”

“หนอย พี่วานิสัยไม่ดีรังแกน้อง”

“ใครใช้ให้น้องกวนตีนพี่ก่อนล่ะคะ”

“ไม่ได้กวนสักหน่อย ขิงพูดความจริง พี่วาขี้ขลาดไม่สู้เลยอ่ะ เพิ่งเริ่มต้นแท้ๆ พอเจออุปสรรคก็ถอยไม่เอาเลยเหมือนไม่ใช่พี่ชายคนเก่งที่ขิงรู้จักสักนิด ตัวปลอมหรือเปล่าคะ”

ทิวากานต์สะอึกไปกับคำพูดหญิงสาว แต่เขาก็หาข้อแก้ตัวให้กับตัวเองอย่างรวดเร็ว เขาไม่ได้ขี้ขลาด ไม่ใช่ไม่คิดสู้ แต่เพราะคิดแล้วพบว่าสู้ไปก็เท่านั้น เขาก็ยอมถอยดีกว่าปล่อยให้เสียเวลากันไปเปล่าๆ ทั้งสองฝ่าย “พี่บอกแล้วนี่คะ ในเมื่อต่างฝ่ายต่างคิดว่าเส้นทางอนาคตของอีกฝ่ายสำคัญ แต่ทางมันมันไม่มีทางมาบรรจบกันได้ก็เลิกดีกว่า ดีซะอีกพี่จะได้กลับไปคบผู้หญิงเหมือนเดิม เป็นเกย์แค่ให้เป็นประสบการณ์ชีวิตพอ”

“นี่พี่วายังคิดกลับไปคบกับผู้หญิงอีกเหรอคะ”

“ทำไมคะ พี่เป็นผู้ชายนะ ถึงจะเคยคบกับผู้ชายแต่ก็แค่คนเดียว พี่น่ะยังไงก็คิดว่าผู้หญิงดีกว่าอยู่ดีนะ แบบว่ามีนมให้จับน่ะ” เขาแกล้งทำมือขย้ำอากาศจนขัตติยาร้องกรี๊ดรับไม่ได้

“แย่อ่ะ พี่วาแย่ที่สุด แบบนี้ต่อให้เป็นขิง ขิงก็ไม่แต่งด้วยหรอกค่ะ”

“อ้าว...ขิงพูดจริงเหรอ”

“ทำไมคะ”

“ก็พี่กำลังคิดจะขอขิงแต่งงานน่ะสิ”

“พะ พี่วา! พูดอะไรออกมารู้ตัวไหมคะ” หญิงสาวโวยวายก่อนชะงักเมื่อฝ่ามือใหญ่แตะแก้ม ใบหน้าหล่อเหลาโน้มเข้ามาใกล้จนปลายจมูกห่างกันไม่ถึงหนึ่งฝ่ามือ หัวใจเธอเต้นโครมครามแทบกระดอนหลุดออกมานอกอกเมื่อชายหนุ่มขยับหาจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจเป่ารดผิว

“น้องขิงคะ...”  ทิวากานต์กระซิบเสียงแผ่ว “พี่ล้อเล่นค่ะ อะ โอ๊ยยย!!!”

“กรี๊ด อีพี่วา อีพี่บ้า” นอกจากจะกรี๊ดใส่หูชายหนุ่มเข้าเต็มๆ แล้วขัตติยายังบีบท่อนแขนอีกฝ่ายจนคนขี้แกล้งร้องโอดโอย เสียงทะเลาะของสองพี่น้องดังลั่นจนป้าอิงต้องวิ่งมาดูจากอีกห้องแล้วอบรมเทศนาชุดใหญ่ข้อหาเล่นไม่รู้เรื่องกันทั้งพี่ทั้งน้อง

“โหยป้าอิง ดูลูกสาวป้าสิบับแขนวาช้ำไปหมดแล้วเนี่ย นี่เครื่องมือทำมาหากินเลยนะ แขนหักขึ้นมาว่าไง รับผิดชอบไหมเนี่ย”

“ใครใช้ให้พี่วาเล่นบ้าๆ ก่อนล่ะ หม่าม้าดูนะมีอย่างที่ไหนมาล้อเล่นขอแต่งงาน เดี๋ยวให้ป๊าจับกินซะเลย”

“พอๆ ไม่ต้องเถียงกันแล้วค่ะ ผิดทั้งคู่นั่นแหละเล่นไม่ดูอายุเลย โตๆ เป็นผู้ใหญ่กันแล้วนะยังพูดเล่นกันอยู่อีก แล้ววา...ไม่ต้องมาแกล้งลูกสาวป้าเลยนะ ต่อให้วามาขอป้าก็ไม่ยกให้หรอก เรามันใช้ได้ที่ไหนกัน”

“อะไรกันครับ ทีลุงเข้มยังอยากได้ผมเป็นลูกเขยเลย” เขายกคนป่วยมาอ้าง ทำท่ายักไหล่น่าตี “แต่อย่างขิงต่อให้แถมอู่ซ่อมรถพร้อมที่ดินสิบไร่ผมก็ไม่เอาหรอก”

“ปากดี ขอให้น้องอัลไม่ยอมคืนดีด้วย”

“ไม่ได้อยากให้มาคืนดีด้วยสักหน่อย” ชายหนุ่มพูดถือดีพลางปลายตามองไปที่ประตูหน้าห้องพักไม่เห็นเงาเด็กไร้มารยาทอย่างคนินทร์ก็ยิ้มพอใจ ป่านนี้เด็กนั่นคงรีบแจ้นคาบเอาข่าวผิวๆ ไปฟ้องอลันด์แล้วมั้งว่าเขาจะแต่งงาน ดีเหมือนกันฝ่ายนั้นจะได้ตัดใจจากเขาง่ายขึ้นไม่ต้องมาห่วงมาเป็นภาระกันอีก

.
.
.

ทิวากานต์โบกแท็กซี่กลับคอนโดเป็นครั้งแรกในรอบสามวันนับจากคืนที่ตามออกไปดูอลันด์และใช้ชีวิตกินอยู่ในโรงพยาบาลประหนึ่งเป็นช่วงเรียนต่อเฉพาะทาง ที่กลับมาวันนี้ก็แค่จะเก็บของที่จำเป็นต้องใช้กับมาเอารถหลบไปพักทำใจที่อื่นบ้างซึ่งคงไม่พ้นโรงพยาบาลหรือหอพักแถวนั้น

ชายหนุ่มบังเอิญเจอนายธนาคารเพื่อนบ้านอย่างเมษาพอดีตอนรอลิฟต์ พวกเขาทักทายกันเล็กน้อยหลังจากที่ไม่เจอกันมานานหลายเดือน จนลิฟต์มาถึงก็หยุดคุยค่อยๆ พาร่างเข้าในกล่องเหล็กพร้อมกับลูกบ้านคนอื่นๆ อีกสี่ห้าคน

“รอด้วยครับ” นอกจากเมษาแล้วคุณหมอหนุ่มยังแจ็ตพอตเจอเพื่อนบ้านฝั่งตรงข้ามที่วิ่งกระหืดกระหอบแทรกตัวเข้ามาในลิฟต์เช่นกัน เด็กฝรั่งชะงักค้างไปเล็กน้อยตอนสบเข้ากับนัยน์ตาคมดุแล้วตัดสินใจเป็นฝ่ายหันหลังให้ก่อน ไม่มีการทักทายไม่มีการสนใจ พวกเขายืนเงียบเหมือนต่างฝ่ายต่างไร้ตัวตน กระทั่งถึงชั้น 21 ลูกบ้านที่อาศัยชั้นนี้จึงเดินออกมากันสามคนถ้วน

เมษามองคุณหมอทีมองเด็กหนุ่มต่างชาติที เหมือนเจอกันรอบล่าสุดทั้งคู่จะบอกว่าคบกันอยู่แต่เท่าที่เห็นดูไม่ใกล้เคียงกันสักนิด เขาลอบสังเกตเงียบๆ แกล้งทำเป็นหาคีย์การ์ดเข้าห้องทั้งที่ถืออยู่ในมือและไม่จำเป็นต้องใช้เพราะเปลี่ยนระบบล็อคเป็นรหัสนิรภัยไปแล้วเพื่อดูทีท่าเพื่อนบ้านห้อง 2111 และ 2112

สองคนนั้นเดินตีคู่กันไปแต่ก็ห่างกันราวครึ่งเมตรเท่าที่ความกว้างของโถงทางเดินจะอำนวย พอถึงประตูห้องต่างฝ่ายต่างหันหน้าเข้าประตูตัวเอง ยืนกดรหัสสี่ตัวแล้วเปิดประตูก้าวเข้าไปและปิดลงพร้อมๆ กัน ทิ้งความสงสัยให้นายธนาคารเป็นอย่างมาก

“เกิดอะไรขึ้นหว่า ไปถามรีเซปชั่นข้างล่างจะรู้เรื่องไหมเนี่ย เฮ้อ... อยากเสือกเรื่องชาวบ้านจุง”



อลันด์ถอนหายใจแทบจะทันทีที่ประตูห้องปิดลง เขาอัดอึดแทบแย่ที่ต้องอยู่ใกล้ๆ ทิวากานต์แล้วทำเป็นไม่สนใจทั้งที่อยากเข้าไปกอดออดอ้อนขอคืนดีแม้คนผิดจะไม่ใช่เขาด้วยซ้ำ

เด็กหนุ่มยืนตั้งสติอยู่พักใหญ่จึงเดินขึ้นชั้นบนหยิบกระเป๋าเดินทางออกมากาง เสื้อผ้าของใช้บางอย่างถูกพับใส่กระเป๋ารวมไปถึงหนังสือเดินทางประจำตัว ชุดสูทสำหรับเดินทางก็เอามาใส่ซองพลาสติกกันยับไว้ ก่อนหน้าจะมาที่นี่ก็โทรไปลากับอาจารย์ที่ปรึกษาและบอกเพื่อนร่วมชั้นอย่างสาวิตรีไว้แล้วว่าจะกลับต่างประเทศยาวไม่มีกำหนดกลับแน่นอน หากอย่างช้าสุดคงเป็นช่วงเปิดเรียนหลังสงกรานต์ก็จะขอให้อีกฝ่ายช่วยจดเลคเชอร์และฝากจดงานไว้ให้ด้วย ถ้าชิ้นไหนทำคนเดียวได้ไม่มีปัญหาจะทำส่งมาให้จากอังกฤษ

ใช้เวลาไม่นานเขาก็เก็บข้าวของทุกอย่างเรียบร้อยพอดีกับที่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ชื่อสาวิตรีทำให้เขากดรับไม่ลังเล

“ว่าไงสา”

‘ไอ้ตัวแสบบบ ทำไมฉันติดต่อนายไม่ได้ห๊ะ แล้วนี่ถูกฝรั่งที่ไหนลักพาตัวไปถึงจะไม่มาเรียน’

“คิว?” เด็กฝรั่งดึงโทรศัพท์ออกจากหูดูชื่อคนโทรเข้าเป็นสาวิตรี แหงล่ะ...เขากดบล็อคเบอร์หมอนั่นไปก็ไม่แปลกที่จะโทรหาเขาไม่ได้ นี่คงรู้เรื่องที่เขาจะกลับบ้านที่อังกฤษถึงได้โทรมา วุ่นวายไม่เข้าเรื่องจริงๆ

‘ก็ฉันน่ะสิ นี่...อย่ากดวางสายนะ ฉันรู้ว่าฉันสร้างปัญหาให้นายกับเฮียวา แต่ฉันไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนั้นสักนิด ใครจะไปรู้ว่าจู่ๆ เฮียเขาจะบ้าขอเลิกกับแกแล้วแต่งงานกับผู้หญิงเพื่อประชดน่ะ’

“แต่งงาน หมายความว่าไง วา...วาเนี่ยนะจะแต่งงาน” ขาเล็กหมดแรงยืนจนต้องนั่งลงที่ปลายเตียง ผู้ชายอดีตคนรักหน้าตาเศร้าหมองที่เขาเพิ่งเจอเมื่อกี้เนี่ยนะจะแต่งงาน แต่งกับใครกัน?

‘ใช่ ฉันได้ยินเขาขอพี่ผู้หญิงคนสวยๆ ที่พ่อเขาป่วยเป็นมะเร็งอยู่โรงบาลที่นายบังคับให้ฉันนั่งเรือข้ามฟากไปเยี่ยมด้วยกันบ่อยๆ แต่งงานนี่ได้ยินมากับหูเลยนะไม่ได้มั่ว’

“พี่ขิง...” เขาพึมพำชื่อหญิงสาวคนเดียวที่สนิทชิดเชื้อกับทิวากานต์มากที่สุด แวบแรกก็ไม่แปลกใจถ้าจะเป็นคนนี้แต่คิดแล้วก็เจ็บเสียดขึ้นมาจนหายใจไม่ออกเมื่อรู้ว่าผู้ชายที่ขอเลิกกับเขาได้ไม่ถึงสามวันดีจะทำใจได้เร็วขนาดขอคนอื่นแต่งงานปุบปับเช่นนี้ “เรื่องเขาสิ ฉันไม่เกี่ยวอะไรกับเขาแล้วนิ”

‘อัล...ฉันคิดว่าพี่เขาก็แค่พูดประชดไม่แต่งจริงๆ หรอกน่า กลับไปคุยกับเฮียเหอะนะ เดี๋ยวฉันจะไปด้วย ฉันจะไปขอโทษแล้วทำให้เขาเข้าใจเอง’

“พอเหอะคิว ไม่ต้องทำอะไรแล้ว... ปล่อยวาไปเหอะ ต่อให้คบกันใหม่สุดท้ายมันก็กลับมาจบแบบนี้อยู่ดี วาเขาคิดจะทิ้งฉันตั้งแต่แรกอยู่แล้ว” เขาไม่รอฟังเพื่อนสนิทคนไทยประท้วงอะไรขึ้นมาอีกรีบกดตัดสายทิ้งทันที หลังมือขาวปาดน้ำตาบนหน้าลวกๆ คว้าข้าวของเดินออกจากห้อง 2112 ลงลิฟต์ไปหาเอ็ดเวิร์ดกับคนขับรถของโรงแรมเตรียมตัวกลับลอนดอนคืนพรุ่งนี้พร้อมกับเจมส์

ความรักครั้งที่สองของเขา...มันจบลงแล้ว จบลงภายในเวลาแค่หกเดือน



ถึงอลันด์กับทิวากานต์จะยอมจบแต่คนินทร์ผู้เป็นต้นเรื่องกลายๆ ไม่ยอมจบแค่นี้แน่ เขาคิดอยู่นานว่าจะปรึกษาใครดีชื่อการันต์ก็โผล่มาเป็นคนแรกและถูกตัดออกไปเร็วพอๆ กับที่คิดออกเพราะตอนนี้บ้านเขาก็กำลังมีปัญหาฮึ่มฮั่มกับบ้านข้างๆ อยู่เหมือนกัน คนถัดมาจึงเป็นนักร้องหนุ่มขวัญใจมหาชนอย่างนภที่เขามีเบอร์โทร เล่าไปตีไขใส่สีอีกนิดพ่อคนดีของสังคมก็เกิดอาการของขึ้นรับปากว่าจะรีบจัดการเรื่องนี้ให้ทันที แล้วไม่รู้ว่านักร้องคนซื่อไปจัดการอย่างไรเรื่องถึงได้เข้าหูวิคเตอร์ที่ถ่ายหนังไกลอยู่อีกซีกโลกหนึ่งได้

นักแสดงระดับโลกอย่างวิคเตอร์ เหลียงต่อสายตรงหาเด็กลูกครึ่งฝรั่งก่อนลูกชายตนเองทันที เขากดโทรอยู่สามครั้งคนปลายสายจึงยอมกดรับ

‘Hello’

“สวัสดีอัล นี่วิคเตอร์นะ ฉันโทรมารบกวนเวลานอนเธอหรือเปล่า’ วิคเตอร์ได้ยินเสียงถอนหายใจดังลอดผ่านลำโพงพร้อมเสียงผู้ชายอีกคนพึมพำภาษาอังกฤษอะไรสักอย่างก่อนตามด้วยเสียงพลิกตัวผ้าห่มขยับสวบสาบ แต่ที่แน่ๆ ไม่ใช่เสียงลูกชายเขาแน่ๆ แทนที่จะรอคำตอบก็รีบพูดแทรกทันที ‘นี่ฉันรู้เรื่องหมดแล้วนะ นี่มันอะไร เลิกกับวาได้ไม่ทันไหร่ก็มีคนใหม่แล้วเหรอ”

‘พูดให้ดีๆ นะวิคเตอร์ คนที่มีคนใหม่แล้วจะแต่งงานน่ะลูกชายคุณต่างหาก ถ้าจะโทรมาหาเรื่องกันล่ะก็หยุดซะตอนนี้เลย’

“เฮ้ย! เออ - ใช่ ลูกชายฉันมันก็ผิด แต่ไหนว่าเธอรักเขามากไง ทำไมมานอนกับคนอื่นแบบนี้ล่ะ ถ้าวารู้จะโกรธเอานะ”

‘ช่างหัวมันสิ’ เขาพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดที่ถูกปลุกมาทะเลาะผ่านโทรศัพท์ตอนเที่ยงคืน ‘บอกเขาไปด้วยแล้วกันว่าผู้ชายที่ผมนอนด้วยชื่อเจมส์ เฮนรี่เดอะเติร์ด เป็นนักกีฬาโปโลทีมชาติ สูงหกฟุตสองนิ้ว ผมสีน้ำตาลเข้ม ตาสีเขียว พ่อเป็นเอิร์ลมีบ้านอายุสามร้อยปีอยู่ที่เชลซี แล้วผมกำลังจะบินกลับอังกฤษพรุ่งนี้แล้วจะไม่กลับมาไทยอีกเพื่อไปเป็นสะใภ้ตระกูลสเปนเซอร์ จะจัดงานแต่งที่เวสต์มินสเตอร์แอบบีย์ด้วย แค่นี้นะ!’

สายถูกตัดไปพร้อมความงุนงงของชายวัยห้าสิบ หากด้วยความร้อนใจเป็นห่วงลูกชายคนเดียววิคเตอร์จึงรีบกดโทรศัพท์หาทิวากานต์ เขาค่อนข้างมั่นใจว่าเวลานี้อีกคนคงยังไม่นอนแต่จะยอมรับโทรศัพท์เขาไหมก็อีกเรื่อง โชคดีที่รอสายเพียงแค่ครั้งเดียวลูกชายที่ถอดแบบใบหน้าตัวเองออกมาก็กดรับ

‘มีอะไร’

“ฉันได้ข่าวว่าแกเลิกกับอัลแล้วกำลังจะแต่งงานกับผู้หญิง นี่มันอะไรกัน เมื่อเดือนที่แล้วยังดีๆ กันอยู่เลยนี่นา”

ทิวากานต์ทำเสียงจิ๊จ๊ะ ‘ใครคาบข่าวไปฟ้องล่ะ’

“จะใครก็ช่างเหอะ แต่แกอธิบายมาซิทำไมถึงยอมแพ้แบบนี้ เป็นนักร้องแล้วทำไมถึงคบต่อไม่ได้ เดี๋ยวนี้สังคมเขาเปิดไปถึงไหนต่อไหนแล้ว อย่าทำตัวแบบแม่แกได้ไหม”

‘อย่ามาว่าแม่ผมนะ!’ เขาโต้กลับเสียงขุ่น ‘ผมจะทำยังไงมันก็เรื่องของผม’

“วา... พ่อไม่อยากให้แกเสียใจเหมือนพ่อกับแม่นะถึงได้โทรมาเตือน ถึงฉันจะไม่ได้เลี้ยงแกมาแต่ทำไมจะไม่รู้ว่าแกรักเด็กคนนั้นมากแค่ไหน ปล่อยไปแบบนี้จะดีจริงๆ เหรอวา คิดให้ดีนะ”

‘ผมคิดดีแล้ว’ ชายหนุ่มยังคงยืนยันคำเดิม

“แม้ว่าอัลเขาจะประชดแกกลับด้วยการแต่งงานบ้างน่ะเหรอ”

‘หา? พูดอะไรไร้สาระ เด็กนั่นเนี่ยนะจะแต่งงาน แต่งกับใคร ซาร่าเหรอ?’

“ใครคือซาร่าฉันไม่รู้หรอกนะ แต่เมื่อกี้ฉันโทรไปหาอัลก่อน เด็กคนนั้นนอนนกับผู้ชายคนอื่น ชื่อเจ...เจอะไรสักอย่างเนี่ย แล้วจะบินกลับอังกฤษไปแต่งงานกันพรุ่งนี้ที่เวสต์มินสเตอร์แอบบีย์” เค้นความทรงจำสาธยายออกไปก็ได้ยินเสียงถอดหายใจมาจากไอ้ลูกชาย

‘วิคเตอร์ อัลนอนกับเพื่อนมันชื่อเจมส์ ผมโทรเรียกให้มาดูแลอัลเองแหละ แล้วเวสต์มินสเตอร์แอบบีย์ก็เป็นวิหารของราชวงศ์ คนธรรมดาจะไปแต่งได้ไง โดนอัลหลอกแล้ว’

“อ้าว ฉันจะไปรู้เหรอเห็นร่ายมาซะยาว แต่ถึงไม่แต่งงานก็กลับอังกฤษจริงๆ นะ บอกว่าจะไม่กลับประเทศไทยแล้วด้วย”

‘หึ เรื่องเขาสิ แค่นี้นะ’

“เฮ้ยๆ ห้ามวางนะ อะไรเนี่ยพวกแกสองคนจะเหมือนกันเกินไปแล้วนะ หัดมีความเมตตาให้คนแก่บ้าง เมื่อกี้อัลก็ตัดสายฉันไปคนแล้ว แกเป็นลูกชายห้ามทำเว้ย”

‘มีอะไรอีกล่ะ รีบพูดมา จะไปทำเคสแล้ว’ แกล้งทำเสียงระอาโกหกออกไปว่ามีเคส ความจริงนั่งกอดขวดเหล้าอยู่ที่ห้องยังทำใจไม่ได้ที่เจอหน้าอดีตคนรักวัยกระเตาะแบบไม่ทันตั้งตัว เห็นเด็กนั่นผอมลงอีกแล้วอดนึกเป็นห่วงไม่ได้ว่าไม่มีเขาอยู่แล้วใครจะมีบังคับกินข้าวบ้างไหม

“วาไม่คิดว่าอัลจะไปแล้วไปเลยจริงๆ เหรอ”

‘เด็กนั่นไม่ทำหรอก เขามีสัญญากับแด๊ดดี้ไว้ว่าต้องเรียนที่ไทยให้จบถึงจะเป็นนักร้องได้ ยังไงถ้ายังอยากเป็นนักร้องก็ต้องกลับมา’

“แล้วถ้าเขาไม่อยากเป็นนักร้องแล้วล่ะวา...”

‘ไม่มีทางหรอก เด็กนั่นรักดนตรีจะตาย’

“เฮ้อ... คนเรามันเปลี่ยนกันได้นะเว้ย อะไรที่เคยรักถ้าเจอของที่รักมากกว่ายังไงก็ยอมตัดใจจากของเก่าได้ง่ายๆ ที่ฉันพูดเนี่ยเพราะฉันเคยเป็นมาก่อน ไม่ได้อยากว่าแม่แกหรอกนะแต่ตอนที่ฉันคบกับเขาน่ะฉันกำลังดังเลย พอเรามีแกฉันก็ตั้งใจจะเลิกเป็นนักแสดงมาอยู่กับแม่แก ไม่ก็พาเขาไปอยู่ที่ฮ่องกงด้วยกัน”

‘แต่แม่ก็ไม่ยอมไล่คุณกลับไปเป็นนักแสดงเพื่อปกป้องชื่อเสียงให้ใช่ไหมล่ะ ผมรู้แล้วน่า...พวกป้าๆ เล่าให้ฟังเมื่อเย็นนี้เอง แต่ผมว่าแม่อ่ะทำถูกแล้วนะ ถ้าคุณไม่เป็นนักแสดงจะเอาเงินมากมายที่ไหนมาเลี้ยงผมกับแม่ให้อยู่สบายขนาดนี้ ไปรับจ้างเข็นผักมันจะได้สักกี่ตังค์’

“เออนั่นแหละ เฮ้ย เดี๋ยวก่อน...เข็นผักอะไรวะ” วิคเตอร์เบรกเจ้าลูกชาย “ถึงฉันไม่เป็นนักแสดงแต่บรรพบุรุษแกก็เป็นเจ้าของท่าเรือนะเว้ย มีเงินเยอะแยะจะตาย ฉันนี่แหละเกเรออกจากโรงเรียนมาเป็นนักแสดงเอง”

‘อ้าว จริงเหรอ’

“จะโกหกทำไม ฉันตายมรดกก็ยกให้แกอยู่ดี ถึงตอนนี้จะเหลือแค่หุ้นไม่กี่เปอร์เซ็นต์ก็เหอะ”

‘แล้วแม่กับพวกป้าๆ รู้เรื่องนี้หรือเปล่า’

“ทำไมจะไม่รู้ ฉันกับแม่แกเจอกันตอนงานฉลองครบรอบห้าสิบปีบริษัทเตี่ย แม่แกเขาฝึกงานเป็นล่ามให้คนไทยที่ทำธุรกิจด้วยกันพอดีถึงได้รู้จักกัน พวกป้าๆ แกนั่นแหละตัวดีเชียร์ให้เราสองคนคบกันจะตาย”

ได้รู้ความจริงทิวากานต์ถึงกับอ้าปากค้าง ขวดเหล้าที่กอดอยู่ก็รีบเอาไปวางไว้บนโต๊ะก่อนจะมีเรื่องตกใจมากกว่านี้แล้วเผลอช็อคจนทำตกแตก นี่เขาเพิ่งรู้นะเนี่ยว่าเป็นทายาทเจ้าของท่าเรือที่ฮ่องกง ไม่อยากจะคิดถึงตอนเสียภาษีมรดกเลยว่าหักไปแล้วจะเหลือเข้ากระเป๋ากันสักเท่าไหร่

“เฮ้อ...” วิคเตอร์ถอนหายใจอีกรอบของวัน “พูดแล้วมันเศร้า ถ้าตอนนั้นฉันเข้มแข็งอีกนิดไม่ยอมเห็นแก่ตัวทำตามความฝันที่แม่แกยุยงป่านนี้เราพ่อลูกคงได้อยู่กันเป็นครอบครัวอย่างมีความสุขนานแล้ว”

‘ผมหายเมาเลยนะเนี่ย’

“เฮ้ย ไหนว่ามีเคสทำไมเมาได้วะ”

‘โกหกน่ะสิ เป็นสตาฟแล้วจะอยู่เวรทำไมบ่อยๆ ให้เด็กเฝ้าไปนั่นแหละ แค่โดนโทรมาคอนซัลท์ตอนกลางคืนก็เหนื่อยแล้ว’

“ดีจริงลูกชายฉัน ตอนนี้วางขวดเหล้าเลิกเมาแล้วตั้งสติก่อนนะ พ่อถามแล้วเราก็ตอบ ยังรักอัลอยู่ไหม”

นิ่งเงียบไปนานจนวิคเตอร์คิดว่าทิวากานต์หลับคาขวดเหล้าไปแล้วจึงได้ยินเสียงตอบกลับมา ‘รัก’

“อยู่กับอัลมีความสุขไหม”

‘มาก ตื่นเช้ามาก็เจอ นั่งกินข้าวด้วยกัน ไปทำงานไปเรียนพร้อมกัน กลับบ้านด้วยกัน นอนหลับพร้อมกัน มีความสุขที่สุด’

“แล้วตอนนี้มีความสุขไหม”

‘ไม่มีความสุขเลยเตี่ย’ เสียงทุ้มจากปลายสายสั่นเครือ วิคเตอร์ยิ้มจางดีใจที่ทิวากานต์เรียกเขาว่าพ่อแม้ตอนนี้เจ้าลูกชายตัวโตคงกำลังนั่งร้องไห้น้ำตาไหลพรากอยู่อีกซีกโลก

“งั้นก็ไปตามความสุขตัวเองกลับมานะวา เห็นแก่ตัวบ้างคงไม่มีใครว่าหรอก อุตส่าห์โชคดีได้เกิดมาเจอคนที่รักแล้วทั้งทีอย่าปล่อยให้เขาหลุดมือไปง่ายๆ จับมือเขาไว้อีกครั้งคราวนี้คว้าให้แน่น เชื่อเถอะว่าบางทีคนเราก็ไม่ต้องการคนมารักเป็นพันเป็นล้านคน ขอแค่มีคนที่รักเราจริงๆ คนเดียวมันก็พอแล้ว”

เพราะอยู่กันคนละทวีปวิคเตอร์จึงไม่เห็นทิวากานต์กำลังเช็ดน้ำตาป้อยๆ เหมือนเด็กสี่ห้าขวบ ถ้าอยู่ข้างกันตอนนี้เขาคงดึงลูกชายมากอดปลอบให้หายเศร้าทำหน้าที่ทดแทนเวลาที่ขาดหายไปสามสิบปี

“เดี๋ยวพ่อไปสืบให้ว่าอัลจะบินกี่โมง วาไปนอนพักผ่อนเถอะพรุ่งนี้ต้องทำงานรักษาคนไข้อีกนะ”

‘ครับ ขอบคุณนะเตี่ย’

“ไม่เป็นไรเว้ยไอ้ลูกชาย ราตรีสวัสดิ์ลูก ฝันดี”

.
.
.
หัวข้อ: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 32 [20.03.16]
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 20-03-2016 11:43:13
 “อาจารย์คะ อาจารย์การันต์เรียกประชุมที่ห้องพักด่วนค่ะ” ทิวากานต์ขมวดคิ้วหน่อยๆ ตอนที่พยาบาลเดินมาเรียกเอาเมื่อเขาเตรียมตัวไปทำเคสที่สองของวันนี้

“ผมกำลังไปทำเคสนะ อย่างนี้วิสัญญีด่าตายสิ” เขาหันไปบอกคุณพยาบาลที่เข้ามาแจ้งคราวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

ปกติการผ่าตัดครั้งหนึ่งจะต้องมีการเตรียมห้องผ่าตัดและคนไข้ก่อน วิสัญญีแพทย์หรือหมอดมยาเป็นบุคลากรในการทำหน้าที่ระงับความรู้สึกผู้ป่วยซึ่งจะมีการกะเกณฑ์เวลาให้พอดีกับศัลยแพทย์ที่เข้าทำการผ่าตัดเพื่อให้ดำเนินการรักษาผ่านไปได้โดยราบรื่นและเสียเวลาน้อยที่สุด ถ้าเขาไปช้าวิสัญญีก็ต้องรอและต้องให้ยาระงับความรู้สึกผู้ป่วยเพิ่มขึ้น ซึ่งบางครั้งก็ไม่ค่อยมีผลดีนัก และหมอศัลย์นี่แหละที่จะถูกค่อนขอดเอาลับหลัง

“อาจารย์การันต์บอกให้หมอธีทำเคสแทนอาจารย์เลยค่ะ เมื่อกี้ดิฉันก็เพิ่งไปแจ้งหมอธีมา”

“มีอะไรด่วนงั้นเหรอ”

“อาจารย์สุเมธที่มีเคสเปลี่ยนหัวใจลื่นล้มในห้องน้ำเมื่อกี้ค่ะ ตอนนี้ส่งตัวไปให้ออโธดู เหมือนจะกระดูกหักเข้ามาทำเคสไม่ได้แล้ว อาจารย์การันต์เลยจะให้อาจารย์ทิวากานต์เข้าแทน”

ชิบ - หาย

ศัลยแพทย์หัวใจวัยสามสิบปีถึงกับหลุดอุทานออกมาต่อหน้าคุณพยาบาลวัยแม่ เขารีบไปหาการันต์ที่ห้องพักแพทย์ก็เห็นสตาฟหลายคนยืนหน้าเครียดรออยู่แล้ว

“วามาพอดี รู้เรื่องแล้วใช่ไหม พี่จะให้เราทำเคสแทนพี่สุเมธนะ”

“เดี๋ยวพี่รัน มันปุ๊บปั๊บไปไหม แล้วให้ผมเข้าแทนพี่เมธเนี่ยจะดีเหรอครับ”

อาจารย์สุเมธเป็นศัลยแพทย์ที่เชี่ยวชาญด้านผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ เมื่อช่วงเทรนปีสุดท้ายทิวากานต์เข้าทำเคสกับท่านบ่อยๆ เพราะสนใจศึกษาด้านนี้อยู่แล้ว แต่เพราะการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจเป็นเคสพิเศษที่นานๆ จะมีสักทีและมักเป็นเคสเร่งด่วนเพราะไม่รู้ว่าจะได้หัวใจมาเปลี่ยนเมื่อไหร่ ที่ผ่านมาเขาจึงได้แต่เป็นมือสองคอยศึกษาจากอาจารย์และคิดว่าตนเองยังไม่มีวิทยายุทธมากพอจะรับงานด่วนแบบนี้ได้ด้วยตัวคนเดียว

“ดีสิวา พี่รู้ว่าเราสนใจเรื่องนี้ นี่เป็นโอกาสดีให้เราเก็บประสบการณ์ อีกอย่างตอนนี้หัวใจก็ใกล้จะมาถึงแล้ว”

“ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวฉันเข้าด้วย” รองศาสตราจารย์อาคมที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามาพูดขึ้น “คนไข้เป็นชาย ยี่สิบสาม วาเคยช่วยพี่เมธดูเคสนี้มาตั้งแต่ตอนเทรนนิ ข้อมูลมีอยู่แล้วกะตัวถ้าลืมก็รีบอ่านทบทวนซะ ที่เหลือเดี๋ยวเมธบรีฟทางโทรศัพท์ เคสนี้ไม่ยากหรอก พี่เป็นมือสองให้ทั้งคน”

ถึงมีเรื่องกระทบกระทั่งในการทำงานที่เป็นคนละสไตล์บ้างแต่อาจารย์ทุกคนล้วนหวังดีกับเขาและมีเป้าหมายเดียวกันคือรักษาคนไข้ด้วยความรู้ความสามารถทั้งหมดที่มี แม้แต่อาจารย์อาคมเองยังยอมลดมือตัวเองเป็นไม้สองเพื่อให้เขารับประสบการณ์ครั้งนี้เป็นวิทยาทานเต็มที่ ทิวากานต์จึงไม่ลังเลแม้แต่น้อยที่จะตกปากรับคำ “ครับ”

หัวใจจากผู้บริจาคเดินทางมาถึงโรงพยาบาลแล้วและมีเวลาเหลือให้ศึกษาเคสเร่งด่วนนี้เพียงครึ่งชั่วโมง โชคดีที่เป็นคนไข้คุ้นเคยกันมาก่อน ทิวากานต์อ่านชาร์จอ่านเอ็กซ์เรย์ร่วมกับทีมสตาฟแป๊บเดียวก็บรีฟลูกทีมได้ และนับเป็นโชคดีที่อาจารย์สุเมธอาการไม่หนักเท่าที่คิดจึงยังให้คำปรึกษาผ่านทางโทรศัพท์อยู่เป็นระยะ เมื่อถึงเวลาบรรดาคุณหมอก็เข้าไปล้างมือเปลี่ยนชุดเตรียมเข้าห้อง OR ทำภารกิจสร้างชีวิตให้ใหม่ผู้ป่วย

“ไม่ต้องเครียด แกเก่ง แกทำได้อยู่แล้ววา” กำลังใจจากอาจารย์คู่ปรับสร้างความมั่นใจแก่ชายหนุ่มมาก กายสูงค่อยๆ ค้อมศีรษะลงเป็นการเคารพเหมือนเมื่อครั้งเป็นนักศึกษาแพทย์ตัวเปี๊ยกสวัสดีอาจารย์

บ่ายสองโมงตรงทีมศัลยแพทย์สำหรับการเปลี่ยนถ่ายหัวใจต่างยืนพร้อมกันหน้า ไฟผ่าตัดด้านบนส่องผิวผู้ป่วยเห็นผิวหนังเป็นสีขาว ฝ่ามือใหญ่ใต้ถุงมือยางแบออกไปด้านข้างคุณพยาบาลห้องผ่าตัดก็วางอุปกรณ์ให้อย่างรู้งาน

การผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจเป็นงานที่ใช้เวลาค่อนข้างมาก ซ้ำยังต้องแข่งกับเวลา มีความซับซ้อนใช้สมาธิและฝีมือของผู้ทำหัตถการสูง หากที่น่ากังวลสุดคือเป็นการผ่าตัดที่มีความเสี่ยงและมีปัจจัยอื่นๆ อีกมากที่อาจทำให้การรักษาไม่ประสบผลสำเร็จ

ทีมแพทย์ทำการเชื่อมหลอดเลือดผู้ป่วยออกไปสู่หัวใจและปอดเทียมด้านนอกเพื่อให้ทำหน้าที่แทนระหว่างเปลี่ยนถ่ายหัวใจเก่าเป็นหัวใจจากผู้บริจาค บรรดาคุณหมอเพ่งสมาธิกันสุดตัวระหว่างเอาผ่าหัวใจดวงเก่าออก หลังจากนั้นจึงนำอวัยวะใหม่ที่ได้จากผู้บริจาคมาแทนที่ จนเมื่อเชื่อมหัวใจดวงใหม่เข้ากับหลอดเลือดเรียบร้อยแล้วถึงทำการกระตุ้นหัวใจให้เต้นอีกครั้ง

มือของนายแพทย์วัยสามสิบย่างสามสิบเอ็ดจับที่อวัยวะเล็กๆ ขนาดเท่ากำปั้น เขาหันไปดูมอนิเตอร์ก่อนบีบกระตุ้นเบาๆ เพียงเท่านั้นเจ้าอวัยวะสำคัญของร่างกายก็กลับมาเต้นตุ้บๆ อีกครั้งบนร่างกายใหม่

ทิวากานต์ฉีกยิ้มพอใจกับผลงานแม้จากนี้ต้องคอยลุ้นว่าร่างกายผู้ป่วยจะมีอาการปฏิเสธอวัยวะหรือไม่แต่เขาก็พอใจกับการทำเคสครั้งนี้มาก ตอนนี้หน้าที่เขาหมดแล้วปล่อยให้หมอวิสัญญีมาดูต่อ

“เก่งเว้ย ไม่เกินหกชั่วโมง อย่างนี้เมธคงเครียดเจอคู่แข่งแล้ว”

“ผมยังห่างชั้นจากอาจารย์สุเมธเยอะครับ ถ้าไม่ได้อาจารย์ช่วยคงไม่ราบรื่นขนาดนี้” เขาหันไปขอบคุณอาคมที่มั่นใจในตัวเขาไม่แทรกแซงและคอยช่วยเหลือตลอดการผ่าตัดด้วยความเคารพจากใจจริงๆ

“อาจงอาจารย์อะไรฟังแล้วแก่ชะมัด เรียกพี่ดีกว่า ป่ะ ล้างมือออกไปหาข้าวกินดีกว่าหิวจะแย่แล้วเดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง ไม่รู้ป่านนี้จะยังมีร้านไหนเปิดอยู่บ้าง”

คำพูดของอาคมทำให้ทิวากานต์ต้องมองหานาฬิกาทันที เพียงเห็นตำแหน่งเข็มสั้นเข็มยาวบนหน้าปัดเขาก็รีบเดินไปห้องอาบน้ำตะโกนบอกเพื่อนร่วมงานให้ยกยอดไปไว้วันหลังเพราะตอนนี้เขามีธุระ

“ธุระอะไรรีบร้อนขนาดนั้น”

“ไปตามหาหัวใจครับ!!!” เขาตะโกนกลับมาเสียงดังชวนให้ทุกสายตาหันไปมองแล้วอมยิ้มเป็นแถว ส่วนท่านรองศาสตราจารย์อาคมอยากจะเอารองเท้าแตะเขวี้ยงใส่หัวข้อหาทำเสียงดัง ไอ้นี่ดีด้วยแล้วเหลิงจริงๆ

ทิวากานต์นึกดีใจที่เอาน้องกบมาทำงาน เขาบึ่งรถรุ่นตำนานของค่ายพอร์เช่ออกจากโรงพยาบาลตอนเกือบสามทุ่ม ทำเคสเพลินจนลืมเวลาไปเลย ดีว่าเที่ยวบินไปลอนดอนที่วิคเตอร์สืบมาได้เป็นตอนตีหนึ่งถ้าเหยียบหน่อยคงไปดักรอที่สนามบินได้ก่อนแน่ๆ

แต่โชคไม่เข้าข้างชายหนุ่มมากนักเพราะมีฝนหลงฤดูทำให้เกิดอุบัติเหตุบนทางด่วนรถติดยาว ต่อให้เพิ่มแรงม้าก็วิ่งมากกว่าหกสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมงไม่ได้

“โธ่เว้ย... หรือไปแอร์พอร์ตลิ้งค์ดี เพชรบุรีตอนนี้รถติดไหมวะ” เขากระแทกมือกับพวงมาลัยแล้วรีบกดเปิดฟังการจราจรที่คลื่นจส. 100 หากยิ่งฟังยิ่งท้อแท้เพราะเหมือนรถจะติดไปทั้งเมือง “เอาไงดี...เอาไงดีไอ้วา รู้งี้ไปหาตั้งแต่เมื่อคืนก็ดีหรอก”

เพราะดื่มเหล้าเขาจึงไม่ขับรถออกไปหาอลันด์ที่โรงแรมตั้งแต่เมื่อคืน ตั้งใจว่าวันนี้ทำงานเสร็จจะรีบไปง้อขอคืนดีแต่ก็อย่างที่เห็นคือเขาต้องรับหน้าที่ทำเคสแทนอาจารย์ที่ประสบอุบัติเหตุพอดี ดูเหมือนอะไรๆ จะไม่เป็นใจให้เขาได้เจอกับอลันด์เลย สักพักวิทยุก็รายงานว่ามีอุบัติเหตุบนถนนเส้นมุ่งไปสุวรรณภูมิอีก ทิวากานต์จึงตัดสินใจหักรถเลี้ยวลงทางด่วนผ่าการจราจรอันติดขัดตอนสามทุ่มกว่าเอาน้องกบสุดที่รักไปจอดในซอยใกล้ๆ แอร์พอร์ตลิ้งค์แล้ววิ่งขึ้นบันไดไปซื้อตั๋วรถไฟ

เมื่อกี้รถไฟเพิ่งออกไป ตอนนี้ยังไม่ห้าทุ่มยังไงเขาก็น่าจะไปทันถ้าอลันด์กับเจมส์ไม่รีบร้อนเข้าเกทไปก่อน อีกอย่างรถติดขนาดนี้สองคนนั้นไม่น่าจะถึงสนามบินเร็วหรอก

ทิวากานต์กระสับกระส่ายตลอดเวลาที่รอรถไฟ แม้ได้ขึ้นมาแล้วเขาก็ยังกังวลจนต้องกัดนิ้วหัวแม่มือคลายเครียด

ชายหนุ่มถึงสุวรรณภูมิตอนห้าทุ่มครึ่ง รีบวิ่งขึ้นบันไดเลื่อนจากชั้นล่างสุดไปชั้นบนสุดเพื่อไปตามหาตัวคนรักที่เคาน์เตอร์เช็คอินของสายการบินแห่งชาติ ตอนขึ้นไปเขาเห็นนักเดินทางทยอยเข้ามาเช็คอินกันแล้วจึงยิ่งร้อนใจกลัวหาตัวอลันด์ไม่เจอ

“ทำไงดีวะ” พึมพำกับตัวเองพยายามทำใจเย็นๆ เอามือตบหน้าขาลดความเครียดอีกทางก็แตะไปโดนโทรศัพท์พอดี “เออ โทรศัพท์ไง”

เขาหยิบโทรศัพท์มากดปลดล็อคหากพยายามอยู่สองสามครั้งก็เห็นแต่หน้าจอดำมืด ตอนแรกนึกว่าซัมซุง กาแลคซี่โน้ต ที่เพิ่งถอยมาจะเจ๊งตามเครื่องเก่าไปแล้ว ยังดีนึกได้ว่าไม่ได้ชาร์จไฟตั้งแต่เมื่อคืน สภาพแบบนี้จึงบอกได้คำเดียวว่าแบตหมด

เหมือนเห็นความหวังสุดท้ายหายวับไปกับตา ทิวากานต์ไม่เคยรู้สึกสิ้นหวังขนาดนี้มาก่อนเลย น้ำตาจากไหนไม่รู้ไหลอาบหน้า แน่นหน้าอกหายใจไม่ออกได้แต่สะอื้นเหมือนเด็กๆ ถ้าไม่ได้เจออลันด์อีกเขาจะทำยังไง มันเจ็บยิ่งกว่าตอนที่รู้ว่าแม่ไม่อยู่บนโลกนี้แล้วเสียอีก

“God, are you kidding me?”

เสียงแหบต่ำคุ้นหูไม่ไกลจากตัวเรียกนายแพทย์ตัวโตเกือบร้อยเก้าสิบปาดน้ำนองตาเงยหน้ามองให้เห็นชัดๆ เจ้าเด็กฝรั่งตัวแสบที่เขาหาไม่เจอจนร้องไห้ออกมายืนกอดอกทำหน้าระอาใส่ประหนึ่งคุณหมอคนเก่งเป็นผู้ใหญ่ที่ใช้ไม่ได้เอาเสียเลย

อลันด์ถอนหายใจ หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋าเสื้อสูทแล้วยื่นไปตรงหน้าทิวากานต์ “ให้ตายเถอะผู้ชายตัวโตพวกนี้เป็นบ้ากันไปหมดแล้วหรือไงถึงชอบมาปล่อยโฮกันที่สนามบินเนี่ย เอ้า ยังไม่หยุดร้องอีก ไม่อายชาวบ้านเขาหรือไง”

ทิวากานต์ส่ายหัวแทนคำตอบ อาการพูดไม่ออกบอกไม่ถูกเป็นอย่างไรก็เพิ่งเข้าใจวันนี้ ชายหนุ่มทำเพียงยืนนิ่งๆ ให้เด็กตัวสูงเท่าไหล่เขย่งเท้าเอื้อมแขนเช็ดน้ำตาให้ แต่เช็ดเท่าไหร่ก็ไม่หมดเสียทีเพราะน้ำตามันไม่หยุดไหลง่ายๆ จนสุดท้ายคนทำความสะอาดเมื่อยแขนดึงผ้าเช็ดหน้ามาเก็บ แล้วใช้แขนสองข้างรั้งศีรษะคนตัวโตเข้ามากอด

“ฮึก... นึก...นึกว่าจะมาไม่ทันหาอัลแล้ว”

“ยังไม่ถึงเวลาเช็คอินเลย ดูสิ รีบมากใช่ไหมเนี่ย หัวชี้โด่ชี้เด่ไม่เป็นทรงหมดแล้ว สาวๆ มาเห็นคงยี้”

“อืม รีบ” เขาซุกหน้ากับบ่าเล็ก โอบกอดอลันด์ไว้แน่น “กลัวอัลหนีไปไม่กลับมาหากันอีก”

“ใครไล่ล่ะ”

“พี่งี่เง่าเอง คิดตัดสินใจคนเดียวไม่สนใจความรู้สึกอัลสักนิด พี่ขอโทษ พี่จะไม่ไล่อัลไปไหนอีกแล้ว อัลอย่าทิ้งพี่นะ”

“ไม่อยากจะทิ้งวาอยู่แล้ว แต่ได้ข่าวว่าจะแต่งงานกับพี่ขิงไม่ใช่หรือไง” พูดจบอลันด์ใช้สองมือขยุ้มผมคุณหมอดึงไปด้านหลังจนคนตัวโตต้องแอ่นเอวร้องโอดครวญ แต่ก็ต้องรีบเงียบปากเมื่อนัยน์ตาสีอ่อนจ้องเขม็ง งานนี้ได้คำตอบไม่ดีมีอาละวาด

“ใครจะไปแต่งกับขิง เห็นมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย ที่พูดอ่ะตั้งใจให้คิวมันได้ยินเอาไปฟ้องอัล อัลจะได้ตัดใจจากพี่ง่ายขึ้นไง”

“แล้วมันก็ตาลีตาเหลือกมาฟ้อง เข้าแผนเลยเนอะ”

“อือ”

“เกลียดวาชะมัด” เขายอมปล่อยมือออกจากเส้นผมหนาสีดำลื่นมือให้คุณหมอยืนด้วยสองขาเอง ผมที่ยุ่งไม่เป็นทรงอยู่แล้วยิ่งเละเข้าไปใหญ่

“ขอโทษที่ทำให้เสียใจแล้วก็ผิดสัญญา” ทิวากานต์ตั้งใจพูด พยายามไม่กระพริบตาเพราะไม่อยากให้น้ำตาไหลลงมาอีก ฝ่ามือใหญ่ยื่นไปตรงหน้าอลันด์ “จับมือเดินกันไปอีกครั้งด้วยกันนะ คราวนี้จะไม่ปล่อยมือแล้วจริงๆ ต่อให้โดนว่าว่าเห็นแก่ตัวก็ยอม เพราะความสุขของพี่คืออัล...อัลคือคนที่พี่รัก พี่ - รัก - อัล”

เด็กหนุ่มฟังคำสารภาพรักแสนอ่อนหวานจากผู้ชายตัวโตยืนทำหน้าหงอตาแดงแล้วอยากจะแกล้งให้ร้องไห้อีกสักหน เข้าใจแล้วว่าทำม้ายทำไมทิวากานต์จึงชอบแกล้งตบหัวแล้วลูบหลังตนนัก แต่ถึงอยากจะแกล้งยังไงในสถานการณ์แบบนี้คงต้องงดไปก่อนถ้าไม่อยากเห็นยักษ์ร้องไห้น้ำตาท่วมสุวรรณภูมิ

ถึงจะน่าเสียดายที่ทิวากานต์ไม่มีโอกาสได้เห็นรอยยิ้มของคนรัก เนื่องด้วยมือเล็กหยิบตั๋วเครื่องบินออกมาจากกระเป๋าเสื้อสูทด้านในวางทาบบนใบหน้าปิดให้เห็นแค่ลูกตาสีอ่อนฉายแวววิบวับเจ้าเล่ห์ แต่ถ้อยคำที่เปล่งออกมาก็ทำให้เขาดีใจกระโดดตัวลอยแล้วร้องเย้เสียงดัง

“งั้นวาพอจะบอกวิธีรีฟันด์ตั๋วเครื่องบินหน่อยได้ไหม ตั๋วเฟิร์ตสคลาสราคาตั้งแสนกว่า เสียดายเงินแย่”

“ถ้ารีฟันด์ไม่ได้เดี๋ยวออกให้ก็ได้ เพิ่งรู้เหมือนกันว่าเป็นทายาทเศรษฐีฮ่องกง”

“ดีเลย” เด็กตัวแสบว่าพลางยิ้มมุมปาก ก่อนกระโดดโถมตัวใส่ทิวากานต์เกือบพากันล้มไปกองบนพื้นทั้งคู่ ดีว่าคุณหมอขาแข็งแรงเป็นหลักกิโลเลยทรงตัวไว้ได้อยู่ “ห้ามเลิก ห้ามทิ้ง ห้ามปล่อยมืออีกนะ หัวใจผมไม่ได้แข็งแรงพอจะรับความเสียใจได้บ่อยๆ ดีนะวันนั้นไม่ HEART ATTACK ไปก่อน”

“Don’t  worry คุณหมอคนนี้รับรองจะดูแลหัวใจอัลตลอดชีวิต รับประกันด้วยเกียรติของศัลยแพทย์หัวใจเลย”

อลันด์ส่ายหัว อมยิ้มกับใบหน้าทะเล้นผิดปกติของทิวากานต์ก่อนซุกใบหน้าเข้ากับอกอีกฝ่าย ฟังเสียงหัวใจเต้นรัวเป็นจังหวะเดียวกันกับเขา

“I love you”

“I’m in love with you too”

.
.
.

“เจมส์หมัดหนักเหมือนกันนะเนี่ย” เสียงคุณหมอวัยสามสิบออกความเห็นระหว่างเอานิ้วชี้แตะๆ แถวมุมปาก รู้สึกเจ็บซี้ดซ้าดไม่น้อยช่วงนี้คงต้องงดกินเผ็ดสักพักล่ะ กระนั้นเขายังคงฉีกยิ้มกว้างใช้วงแขนกระชับอ้อมกอดลากคนตัวเท่าไหล่เดินออกจากลานจอดรถไปพร้อมกัน

“แบบนี้ไปทำงานจะโดนอาจารย์อา อา...อะไรนะ”

“อาคม”

“อาจารย์อาคมจะด่าวาหรือเปล่า”

“สบายมากน่า ไม่ได้ช้ำน่าเกลียดอะไรสักหน่อย แต่ถึงโดนด่าก็ยอมล่ะ หนึ่งหมัดแลกกับได้อัลกลับมาถือว่าคุ้มสุดๆ” พูดจบริมฝีปากบางมีแผลแตกก็จุ๊บหัวเน่าแตะจมูกหอมฟอดใหญ่ “ไม่ได้กอดตั้งหลายวัน มันเขี้ยวเราชะมัด”

เด็กหนุ่มต่างชาติหัวเราะคิกคักซุกหน้าเข้ากับคุณหมอ คู่รักต่างวัยยืนกอดกันกลมดิกจนแทบรวมเป็นเนื้อเดียวกันระหว่างรอลิฟต์ โชคดีว่าตอนตีสี่กว่าเกือบจะตีห้าโถงทางเดินช่างร้างผู้คนจึงสามารถแสดงความรักกันประเจิดประเจ้อได้ไม่ต้องระวังอะไรหรือตอนนี้ต่อให้มีคนอื่นยืนมองอยู่พวกเขาสองคนก็ไม่แคร์หรอก เพราะกว่าจะได้กลับมารักกันหวานชื่นแบบนี้ต่างฝ่ายต่างเสียน้ำตากันเป็นปี๊บเจ็บหัวใจกันเกือบเกิดอาการหัวใจวายเฉียบพลันซะแล้ว


เมื่อห้าชั่วโมงก่อนที่สนามบินหลังทิวากานต์กับอลันด์ปรับความเข้าใจกันได้แล้ว เจมส์พร้อมพ่อบ้านส่วนตัวจึงโผล่ออกมาที่ด้านหลังคุณหมอตัวโตแล้วซัดเปรี้ยงเข้าที่แก้มเต็มแรงแบบไม่ทันให้ตั้งตัว หนุ่มอังกฤษตาเขียวตีหน้านิ่งปัดมือพลางบอกว่าโธมัสฝากมา ทิวากานต์จึงไม่ตอบโต้กลับและคิดว่าสมควรแล้วที่ไอ้หมาขนทองจะโกรธเพราะเขาดูแลอลันด์ไม่ดีเอง

บุตรชายท่านเอิร์ลก้มดูปาเต๊ะ ฟิลลิปที่ข้อมือเห็นว่ายังมีเวลาเหลืออีกเกือบสองชั่วโมงก่อนถึงเวลาเดินทางจึงชวนเพื่อนรักและคนรักของเพื่อนไปนั่งพูดคุยกันที่ร้านกาแฟชั้นสามของสนามบิน ส่วนพ่อบ้านเอ็ดเวิร์ดให้เช็คอินเข้าไปรอที่เล้าจ์ด้านในล่วงหน้าก่อนเลย

ที่ร้านกาแฟอลันด์บอกว่าทีแรกก็จะเช็คอินเข้าไปในเกทแล้ว หากตอนก้าวขาเข้าอาคารผู้โดยสารได้แค่ขาเดียวการันต์กับอักษราก็วิ่งหน้าเริดโผล่เข้ามาห้ามเสียงหลงพร้อมบอกให้รอทิวากานต์ก่อนท่ามกลางความไม่พอใจของเจมส์ที่มุ่งมั่นพาเพื่อนกลับลอนดอนเป็นอย่างมาก ท่านรองศาตราจารย์ทุ่มเถียงกับสองหนุ่มน้อยชาวต่างชาติอยู่สักพักจึงรู้ว่างานนี้ทำกันเป็นขบวนการ ตั้งแต่คนินทร์ นภ หมอการันต์ แก๊งป้า ขัตติยา รวมไปถึงคนที่อยู่อีกทวีปอย่างวิคเตอร์

‘เมื่อคืนป๊าไอ้วาโทรคุยกับวาเรียบร้อยแล้วว่าจะให้มาง้อเราวันนี้ แต่ทีนี้ป๊ามันกลัวไอ้วาเบี้ยวเลยโทรหาพี่โบเมื่อเที่ยงบอกว่ารู้เรื่องที่เราสองคนเลิกกันจากนภที่คิวมาฟ้องอีกที ทีนี้วามันสำนึกแล้วก็อยากฝากพี่โบช่วยเป็นหูเป็นตาดูมันหน่อย แต่พอดีผอ. โรงบาลแกไปประชุมพี่โบต้องอยู่รักษาการแทนเลยโทรบอกให้พี่มาดูให้อีกที แต่กว่าพี่จะรู้ก็ตอนพี่เสร็จเคสออกมาเจอข้อความในโทรศัพท์นี่แหละ แล้วตอนนั้นพี่ส่งวาไปทำเคสเปลี่ยนหัวใจได้ห้าชั่วโมงแล้ว งานนี้มันเครียดไม่รู้จะเสร็จเคสกี่โมง พี่กับแอฟกลัวไม่วาออกมาไม่ทันเลยมาดักรอเราก่อนนี่แหละ’

คำบอกเล่าจากปากการันต์ชวนงงไม่น้อยเพราะตัวละครเยอะและโยนความรับผิดชอบกันไปมา อักษราจึงต้องสรุปให้ฟังอีกทีว่า... ‘สรุปก็คือตอนนี้พี่วาติดเคสใหญ่อาจเลิกเคสมาไม่ทันหาน้องอัลที่สนามบิน พี่กับพี่รันเลยรีบมารับหน้าแทนก่อนไงล่ะจ๊ะ’

‘เลดี้คนสวยพูดเข้าใจง่ายกว่าคุณหมอคนนี้มากเลย’

ว่าที่เจ้าสาวถึงกับอายม้วนต้วนยิ้มเขินหน้าแดงทันทีเมื่อถูกเด็กหนุ่มรุ่นน้องหน้าตาหล่อเหลาราวพระเอกหนังเมื่อห้าสิบปีที่แล้วชม แม้จะมีรอยแผลบนใบหน้ามาลดทอนไปหน่อย แต่ก็ทำให้ใจเธอเต้นได้อยู่ดี

งานนี้หนุ่มเจมส์จึงถูกหมอการันต์หมายหัวไว้เรียบร้อยข้อหามาป้อคู่หมั้นเขาหลังนึกหมั่นไส้มานานตั้งแต่ยังไม่เจอหน้าจากคำบอกเล่าของทิวากานต์

‘ตอนนี้พี่วากำลังรับผิดชอบต่อหน้าที่ช่วยชีวิตคนไข้อยู่ทั้งที่อยากมารักษาความรักของตัวเองใจจะขาด น้องอัลช่วยรอพี่วาหน่อยนะคะ ถือว่าพี่กับพี่รันขอร้องล่ะค่ะ’

‘คนขี้ขลาดแบบนั้นจะมาจริงเร้อออ’

หนุ่มต่างชาติปรามาส ชายหนุ่มรุ่นพี่ที่เปรียบเสมอพ่ออีกคนของทิวากานต์จึงต้องออกตัวแทนรุ่นน้อง ‘น้องชายฉันไม่ใช่คนขี้ขลาดแต่เขาแค่โง่บ้างในบางที ฉันรับประกันเลยว่าถ้าวามันหายโง่แล้วมันต้องมารับคนที่มันรักกลับไปแน่นอน’

ด้วยคำพูดรับรองของการันต์สองหน่อจากลอนดอนจึงตัดสินใจยอมรอทิวากานต์แถวประตูหนึ่งจนกว่าใกล้หมดเวลาเช็คอิน แล้วทิวากานต์ก็โผล่มาจริงๆ หลังการันต์กับอักษราขอตัวกลับไปพักก่อนด้วยหญิงสาวเริ่มมีไข้แค่สิบห้านาที

อลันด์ใจอ่อนยอมหายโกรธตั้งแต่เห็นคนตัวสูงปรากฏในคลองสายตา และยิ่งรักอีกคนมากขึ้นไปอีกเมื่อเห็นผู้ชายอย่างทิวากานต์ร้องไห้เหมือนเด็กๆ เพื่อเขา แถมได้คะแนนเพิ่มอีกร้อยแต้มทันทีที่ทิวากานต์บอกว่าทิ้งอีกบไว้ในซอยแถวนั้นใกล้ๆ แอร์พอร์ตลิ้งค์เพื่อมาสนามบินให้ทัน

พวกเขาสามคนพูดคุยปรับความเข้าใจกันอยู่เกือบชั่วโมง เจมส์ขอคำมั่นสัญญาจากคนมากวัยวุฒิกว่าอยู่หลายครั้งว่าจะไม่ทำให้คนที่เขารักมานานต้องเสียใจอีกไม่เช่นนั้นจะแท็กทีมกับโธมัสมารุมกระทืบคุณหมอที่เมืองไทยแน่ๆ ซึ่งทิวากานต์ก็ยอมให้ทุกอย่างหมดคราบคนเจ้าเล่ห์และถือดี เขายังบอกอีกว่ายินดีทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อความสบายใจของทุกคนด้วย แต่อลันด์เห็นว่ามันออกจะเกินไป ‘หนังสือสัญญารัก’ จึงไม่มีโอกาสได้เกิด

ทิวากานต์และอลันด์อยู่ส่งเจมส์เข้าเกทตอนตีหนึ่ง พอจะกลับที่พักบ้างท้องย้วยๆ ของคุณหมอรูปหล่อก็ส่งเสียงโครกครากออกมาเสียก่อน เขาสารภาพกับคนรักว่ามื้อสุดท้ายที่ได้กินคือข้างกล่องเซเว่นเมื่อเที่ยงวาน นอกจากนั้นคือของเหลวจำพวกกาแฟ แอลกอฮอล์ กระทิงแดง และน้ำเปล่าเนื่องจากมีเคสยุ่งแต่เช้า ก่อนมานี่ก็ติดเคสใหญ่กินเวลานานแม้แต่พักเข้าห้องน้ำยังไม่มี ขนาดโทรศัพท์ยังไม่ได้ชาร์จแบตจนดับไปแล้ว งานนี้คุณหมอจึงถูกเด็กฝรั่งดุคืนบ้างเรื่องไม่กินอาหารให้เป็นเวลาแล้วบังคับให้คนรักตัวโตหาอะไรกินเสียที่สนามบินให้เรียบร้อย

เขาเลือกแซนด์วิชร้านซับเวย์ชั้นล่างใกล้สถานีแอร์พอร์ตลิ้งค์เป็นแหล่งเติมพลังงาน ด้วยความหิวจัดเลยจัดการไปถึงสองชิ้นใหญ่ ส่วนอลันด์ก็นั่งหาวรออยู่ฝั่งตรงข้ามจนเผลอหลับไป พอกินหมดทิวากานต์ไม่กล้าปลุกคนรักจึงนั่งมองอยู่แบบนั้นกระทั่งคนอ่อนวัยตื่นขึ้นมาเองเมื่อมีนักท่องเที่ยวจีนกลุ่มใหญ่ทำเสียงดังโล้งเล้งเดินผ่านหน้าร้านไป

เด็กฝรั่งตัวแสบยิ้มเขินยามสบกับแววตาอบอุ่นที่ทอดมองมาจากคนรัก พวกเขาลุกขึ้นเอาขยะกับถาดไปเก็บแล้วหอบกระเป๋าเดินทางใบย่อมขึ้นรถแท็กซี่ไปเอารถที่แอร์พอร์ตลิ้งต์มักกะสัน ทิวากานต์น่าจะทำบุญมาดีเพราะรถราคาหลายสิบล้านยังคงมีสภาพดีไม่บุบสลายตรงไหนให้เจ้าของปวดใจขับกลับมาเก็บที่คอนโดกันตอนตีห้านี่แหละ

ขากลับเพื่อไม่ให้คนขับหลับในไปเสียก่อนอลันด์จึงเปิดเพลงฟังอย่างเคย หากที่แปลกไปกว่าปกติคือเพลงที่เปิดเป็นเพลงไทยสมัยก่อนที่ทิวากานต์ไม่ฟัง หากเด็กฝรั่งที่โตมากับเพลงเหล่านี้ฟังแล้วร้องตามได้ทุกท่อนทุกประโยค โดยเฉพาะเพลงใจรักที่ตั้งใจร้องให้คนข้างกายฟังแทนความในใจทำเอาคุณหมอหน้าดุอายแก้มแดง

‘เมื่อดวงใจมีรัก ดั่งเจ้านกโผบิน บินไปไกลแสนไกล
หัวใจฉันก็ลอยลิบไป ถึงแดนดินถิ่นใดนะใจ โอ้ดวงใจเจ้าเอ๋ย
เมื่อต่างเราก็รัก จักเกรงกลัวฉันใด ใจเรานั้นแน่นอน
ขอให้เธอมั่นใจรักจริง รักเธอจริงแน่ใจขอวอน ก่อนตัดใจร้างลา
โอ้ใจรักเธอ คิดถึงเธอ เฝ้าครวญหา
โอ้ใจนะเออ ใยละเมอ ถึงเธอร่ำไป
เมื่อดวงใจมีรัก มอบแด่ใครสักคน หมดทุกห้องหัวใจ
ขอให้เธอมั่นใจรักจริง ฉันจะยอมมอบกายพักพิง แอบแนบอิงนิรันดร์’

น่ารักแสนดีแบบนี้ทิวากานต์จะใจร้ายทิ้งอลันด์อีกได้ยังไงกันเล่า



หัวข้อ: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 32 [20.03.16] + แจ้งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 20-03-2016 11:44:11
“ว่าแต่หน้าเจมส์ไปโดนอะไรมาน่ะ มีเรื่องกับใครแจ้งตำรวจหรือยัง” ระหว่างเดินออกจากลิฟต์คุณหมอรูปหล่อจึงโพล่งขึ้นมาเหมือนนึกได้

ถึงเป็นศัตรูหัวใจกันแบบไม่เปิดเผย แต่เมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาของลูกผู้ดีอังกฤษมีรอยข่วนตั้งแต่หางตาลงมาถึงปลายคางแล้วสยองแทนไม่ได้ เพราะถ้าพลาดไปอีกนิดเดียวจะโดนลูกตามีสิทธิตาบอดได้เลย

“ไม่รู้สิ”

อลันด์ทำท่านึกอยู่ครู่ก่อนอมยิ้มแล้วส่ายหัวไม่เฉลย ก็จะให้บอกได้ยังไงว่าเป็นฝีมือเขาเองที่จัดการข่วนคนฉวยโอกาสแอบจูบเขาตอนกำลังเผลอ พอดีตกใจไปหน่อยมือเลยลั่นได้เลือดซะหน้าหล่อๆ นั่นเกือบเสียโฉม อย่ามาหาว่าน้องอัลใจง่ายนะเออ เขาน่ะรักเดียวใจเดียว!

ก่อนทิวากานต์จะซักไซ้ไปมากกว่านี้ให้เข้าตัวก็ชวนเปลี่ยนเรื่องดีกว่า “แล้ววาจะไปทำงานไหวไหมเนี่ยยังไม่ได้นอนเลยสักงีบ วันนี้...ไม่สิ เมื่อวานก็ทำเคสใหญ่ด้วย”

“สบาย ไม่ได้นอนมากกว่านี้ยังเคยเลย”

“เดี๋ยวผมขับรถให้ดีกว่า” เด็กตัวเท่าไหล่ตัดสินใจ

เขากับทิวากานต์เดินมาจนถึงห้องประตูห้องของคนทั้งคู่แล้วค่อยแยกไปที่ห้อง 2112 บอกว่าจะเอากระเป๋าเดินทางไปเก็บ แต่คุณหมองอแงไม่อยากแยกจากกันเลยขอตามมาด้วย เขาช่วยหิ้วกระเป๋าเดินทางใบย่อมขึ้นชั้นสองเข้าไปในห้องนอนเล็ก ทุกอย่างยังคงเดิมเหมือนครั้งที่เขาเข้ามาส่งเด็กนี่นอนครั้งแรก

“วางีบสักนิดไหมแล้วค่อยตื่นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าทำงาน ยังพอมีเวลาอยู่หน่อยนะ”

“นอนคนเดียวไม่หลับหรอก อัลมานอนด้วยกันสิ” ชายหนุ่มอ้อนเสียงหวานทำหน้าตาน่าสงสาร

“เดี๋ยวได้ไม่ต้องตื่นไปไหนกันทั้งคู่พอดี”

“งั้น...เรามาทำอะไรสนุกๆ ฆ่าเวลากันดีกว่า”

อลันด์ทำหน้าเอือมใส่คนเล่นไม่รู้เวลา เขาถอดเสื้อสูทพาดกับพนักเก้าอี้แล้วจัดการเปิดกระเป๋าเดินทางเก็บเสื้อผ้าใส่ตู้ปล่อยทิวากานต์นั่งยั่วบนเตียงไป หากไม่ทันไรกลับถูกจู่โจมจากด้านหลังลากขึ้นเตียงขนาดสามฟุตครึ่งไปด้วยกัน

“วา! เล่นบ้าอะไรเนี่ยเดี๋ยวได้กลิ้งตกไปข้างล่างหรอก” เด็กหนุ่มเอ็ดเสียงเขียวเพราะหน้าต่างห้องนอนบานใหญ่ที่ติดกับบันไดเปิดอยู่ แล้วตอนกลิ้งมาด้วยกันเขาก็อยู่ด้านบนพอดีถ้าไม่มีแขนใหญ่ดึงไว้มีสิทธิหงายหลังตกไปคอหักตาย

“โอ๋ๆ ก็อัลไม่สนใจพี่เลยอ่ะ คืนดีกันทั้งทีขอชื่นใจหน่อยสิ”

“ยังมีเวลาอีกตั้งเยอะแยะ”

“เห็นไหมล่ะ”

“ผมหมายถึงหลังจากเย็นนี้ไม่ใช่ตอนนี้ วา... ไม่เอาน่า อืม...” เขาหลุดครางออกมาเมื่อริมฝีปากบางตั้งใจบดขยี้ชวนรู้สึกหวิวไหวในช่องท้อง ฝ่ามือเล็กขย้ำบ่าอีกคนระบายอารมณ์และยึดเป็นหลักไม่ให้ล้มลงไปทับคุณหมอที่เอนตัวรองเป็นเบาะนั่ง

“อัล... อืม... ทำโทษพี่สิ พี่ทำไม่ดี อัลมีสิทธิลงโทษได้เต็มที่เลย”

“จะให้ทำ... อ๊ะ ทำโทษยังไงดีล่ะ” เสียงแหบขาดห้วง จากที่ไม่รู้สึกตอนนี้ชักเริ่มอยากรักกับทิวากานต์เร็วๆ เสียแล้ว

อลันด์รูดเนคไทลงพลางปลดกระดุมออกเร็วๆ จนแทบเป็นกระชาก เสร็จแล้วเขาก็ดึงคอเสื้อทิวากานต์ขึ้นมาประกอบปากกันอีกหน สะโพกเล็กบดเบียดช่วงกลางลำตัวคุณหมอแรงๆ จนส่วนนั้นที่กรึ่มๆ อยู่ใต้กางเกงแสลคเริ่มแข็งขึ้นเป็นท่อนลำ

“แล้วแต่อัลจะลงทัณฑ์เลย นักโทษคนนี้ยอมทุกข้อกล่าวหา”

สรุปคือทิวากานต์อยากเล่นเพลย์เป็นผู้คุมกับนักโทษนี่เอง เด็กหนุ่มใจดีจัดให้ทันทีด้วยการเอาเนคไทมัดข้อมือคนรักไว้ด้วยกันหลวมๆ พอให้กระชากออกเองได้ ปลายนิ้วหยาบไล้ไปบนใบหน้าหล่อเหลาอย่างคนเอเชียจากขมับถึงปลายคางแล้วใช้ปลายลิ้นร้อนเลียริมฝีปากล่างเป็นการกระตุ้น มือเล็กกระชากสาบเสื้อนักโทษตัวดีออกจากกันจนเม็ดกระดุมขาดกระจาย

“จะลงโทษให้สมกับความผิดจนวาต้องร้องขอความเมตตาเลย”

“เอาเลยค่ะ ลงโทษพี่เลย”

อลันด์ฟังแล้วเลือดขึ้นหน้า เขาถอดเสื้อเชิ้ตออกโยนสะเปะสะปะออกไปนอกหน้าต่างแล้วลงมือปล้ำ เอ๊ย ลงโทษคนร้ายคดีอุฉกรรจ์ ปากอิ่มอ้าออกอวดฟันกระต่ายสีขาวคู่โตหมายงับเนื้อส่วนคอหม่ำเป็นมื้อเช้า เคยเห็นแต่คุณหมอฮันนี่ เอ๊ย ฮันนิบาลกินเนื้อคน วันนี้จะเห็นแมวเหมียวขนฟูกินคุณหมอบ้างล่ะ

“งั้นไม่เกรงใจละน้าาา”

“เอ่อะ ยังไงลูกก็น่าจะเกรงใจมัมกะแด๊ดหน่อยนะอัล”

ผู้คุมจำเป็นชะงักค้างกลางอากาศ ตาสีอ่อนสบกับคนรักที่ทำหน้าเหรอหราไม่ต่างกัน ไม่ต้องพูดก็เข้าใจได้ว่ากำลังเถียงว่าเมื่อกี้เสียงใครพูด ทิวากานต์ส่ายหน้าดิกว่าไม่ใช่เขาแน่ๆ แต่เสียงที่ได้ยินช่างคุ้นเหลือเกิน แถมประโยคเมื่อกี้มันก็...

ทิวากานต์กับอลันด์ค่อยๆ มองไปที่หน้าประตูพร้อมกัน มาดามโอเนลล์ยืนหน้าซีดอยู่ตรงทางเดิน ด้านหลังคือเอเดลมาร์กำลังสูดลมหายใจเข้าออกลึกๆ ทั้งที่มีเสื้อเชิ้ตของลูกชายวางแหมะอยู่บนหัว พวกเขากลืนน้ำลายลงคอดังเอื๊อกก่อนที่อลันด์จะฉุดแขนทิวากานต์ให้ลุกขึ้นนั่งแล้วดันร่างกายใหญ่โตให้โดดหนีออกไปทางหน้าต่างเมื่อคุณแด๊ดที่รักดึงเสื้อออกจากศีรษะแล้วตะโกนชื่อลูกชายเสียงดังคอนโดมิเนียมลั่นตอนตีห้าครึ่ง

งานนี้มันต้องมีเลือดตกยางออกกันบ้างแหละ มาดามโอเนลล์ฟันธง!



TBC

ยาวจนต้องตัดเป็นสามท่อนเลย

ไม่ดราม่านะคะ เรื่องนี้ดราม่ากันไม่นานค่ะ ฮา
อ่านคอมเม้นต์แต่ละคนแล้วก็อดพยักหน้าเห็นด้วยไม่ได้
แต่ที่ชวนให้หัวเราะคือเจมส์ค่ะ จากพระรองที่หลายคนเชียร์ทำไมถึงโดนด่าได้ ฮ่าๆ
เอาน่ะ นางโดนลงโทษจนเกือบหมดหล่อไปแล้ว อย่าโกรธนางเลยนะคะ

ส่วนข่าวที่จะแจ้งคือ ตอนนี้ HEART ATTACK กำลังจะได้รวมเล่มแล้วนะคะ
รวมกับทางสนพ. Rainy Night ค่ะ รอติดตามข่าวสารกันได้เลย

ข่าวอีกอย่างคือตอนนี้เรามีเพจเป็นของตัวเองแล้ว เย้ๆ
สามารถติดตามนิยายที่เราอัพเดทและเรื่องการรวมเล่มได้ที่เพจ http://bit.ly/1pBDtuV (http://bit.ly/1pBDtuV) นะคะ ^^

และมีข่าวร้ายอีกอย่างค่ะคือตอนหน้าก็จะจบแล้วสำหรับ HEART ATTACK
จะจบยังไง ฝากอยู่ติดตามกันจนถึงตอนสุดท้ายด้วยนะคะ

ขอบคุณค่า จุ๊บๆ
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 32 [20.03.16] + แจ้งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 20-03-2016 13:03:39
โอ้ยยยยย...นี่ตั้งตารอตั้งแต่เมื่อวานเลยน่ะ บอกเลยว่างานนี้ฟินมากกะการที่หมอวาร้องไห้ที่สนามบิน 555 จากงี่เง่ากลายเป็นงอแงซะงั้น  ต่ารักจุง


แจ่แอบฮาตอนท้ายเนื่อง ถถถถ เรื่องนี้ชอบหักมุมตอนจบตอน 555
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 32 [20.03.16] + แจ้งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: Mokuchi ที่ 20-03-2016 14:27:22
เดี๋ยวๆๆๆ ฉากสุดท้ายนั้นมันอะไร 5555 :m20:
รอตอนหน้าค่ะ ภาวนาให้หมอวามีชีวิตรอด  :heaven
ปล.อุดหนุนรวมเล่มแน่นอนค่ะ หยอดกระปุกรอเลย
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 32 [20.03.16] + แจ้งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 20-03-2016 14:30:55
อัลเปิดตัวกับพ่อแม่ได้เรียกเลือดจริงๆ คราวนี้คงได้แต่ยอมรับก้มหน้าสารภาพบาปสินะ ปฏิเสธไม่ได้เพราะหลักฐานคาหัวพ่อเลย 555
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 32 [20.03.16] + แจ้งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 20-03-2016 15:51:23
งานงอก งานหาม งานย่ำรุ่ง 5555
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 32 [20.03.16] + แจ้งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: thanapontigy ที่ 20-03-2016 15:55:48
แปะๆ  :man1:
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 32 [20.03.16] + แจ้งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: iAlexiajang ที่ 20-03-2016 16:36:40
มันคุ้มสมการรอคอย(ของเรา)มากจริงๆค่ะทุกคนนนนนนน เขินนนนนนนนน  :z2: :katai1:
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 32 [20.03.16] + แจ้งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: itsbelle ที่ 20-03-2016 17:36:43
สมกับที่รอคอย เปิดเข้ามาดูทุกวัน ดีใจจะมีรวมเล่ม สัญญาว่าจะไม่พลาดค่ะ
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 32 [20.03.16] + แจ้งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: Screen168 ที่ 20-03-2016 18:05:18
เล้าเป็ดก๊าบๆ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 32 [20.03.16] + แจ้งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 20-03-2016 20:53:34
งานนี้หมอวาตายแน่บอกตรง  :katai2-1:
เอาพ่อแม่อัลรู้แล้วจะทำไงล่ะที่นี้  :a5:
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 32 [20.03.16] + แจ้งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 20-03-2016 21:17:20
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 32 [20.03.16] + แจ้งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: misskimji ที่ 20-03-2016 22:09:05
 :impress2: :-[

 :pig4:

 :L1:
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 32 [20.03.16] + แจ้งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 20-03-2016 23:51:13
พ่อแม่จับได้คาหนังคาเขาแบบนี้หมอวาอ่วมแน่ โทษฐานรับฝากดูแลลูกชายเขาแล้วกินเสียเอง
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 32 [20.03.16] + แจ้งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 22-03-2016 10:12:59
 :hao7: เอาอีกกกกก :ling1:
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 32 [20.03.16] + แจ้งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: cinnsin ที่ 22-03-2016 17:49:48
ขุ่นพ่อขาใจเย็นเย๊นนนนนนนน  :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 32 [20.03.16] + แจ้งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: ้Sin.7 ที่ 22-03-2016 18:36:08
 :katai1: ค้างงงงงงงงงง โอ้ยชอบบบบบบ มาต่อไวๆนะคุณคนดี :-[
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 32 [20.03.16] + แจ้งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 22-03-2016 22:11:02
ม่ายยยยย  จะจบแล้วเหรอ เรื่องกำลังสนุกเลย คู่นี้ไม่น่าจะผ่านด่านสุดโหด สุดหินจากคุณแด๊ดสุดโหดได้ยังงัย แต่ฉากนี้พี่วาเป็นฝ่ายถูกกด อาจจะพอแถเนียนเป็นผู้เสียหาย เรียกร้องให้น้องอัลรับผิดชอบได้     :laugh:

พี่วา FC นี่ทีมเวอคดีจริงๆ 

สุดท้ายพี่วาก็เลือกน้องอัลมากกว่าอีกบล่ะนะ  5555
หัวข้อ: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 33 [27.03.16]
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 27-03-2016 10:16:53
TRACK 32



สองสามีภรรยาครอบครัวโอเนลล์ก้าวลงจากรถลีมูซีนของสนามบินเมื่อมาถึงคอนโดมิเนียมระดับไฮคลาสที่ซื้อไว้ให้ลูกชายอาศัย เอเดลมาร์ยื่นศอกออกไปให้คนรักจับขณะพากันเดินเข้าไปในอาคาร ยามนี้เริ่มมีผู้พักอาศัยบางส่วนทยอยเดินออกมาจากลิฟต์ บ้างก็รอกลับขึ้นไปพร้อมด้วยอาหารเช้าเต็มสองมือ

“ป่านนี้เจ้าอัลน่าจะยังไม่ตื่น เรามากันเช้าไปหรือเปล่าคะเนี่ย”

“ดีสิ ผมจะได้เซอร์ไพรส์ไอ้ตัวแสบตั้งแต่ตื่นนอนเลย อัลลี่ต้องดีใจมากแน่ๆ ที่รู้ว่าแด๊ดดี้กับมัมมี้บินมาหาล่วงหน้าตั้งหลายวัน”

“ต้องขอบคุณกัปตันที่ทำเวลาดี แลนด์ก่อนเวลาตั้งครึ่งชั่วโมงแน่ะ” มาดามโอเนลล์หัวเราะคิกคัก ควงแขนสามีออกจากลิฟต์เมื่อถึงชั้น 21

มือเนียนนุ่มอย่างได้รับการดูแลมาอย่างดีบรรจงจิ้มรหัสปลดล็อคหน้าประตูสี่ตัว หากเมื่อเข้าไปแล้วทั้งคู่กลับประหลาดใจที่เห็นไฟในห้องเปิดสว่างโร่ เธอหันมองหน้าสามีก็เจออีกฝ่ายกำลังก้มมองรองเท้าหนังเบอร์เก้าครึ่งด้วยความฉงน

“ตาอัลพาเพื่อนมาค้างทำรายงานหรือเปล่าคะ”

“น่าจะอย่างนั้น แต่ห้องเงียบขนาดนี้สงสัยจะเผลอหลับกัน” จบประโยคจากปากหัวหน้าครอบครัวเสียงตึงตังจากชั้นบนก็ลอยเข้าหูให้ได้ยินปั๊บ ทั้งคู่มองตากันเชิงปรึกษาและเป็นเอเดลมาร์ที่เดินนำไปก่อนจนถึงตีนบันไดจึงได้ยินบทสนทนาชวนสงสัยแว่วมา

“จะลงโทษให้สมกับความผิดจนวาต้องร้องขอความเมตตาเลย”

“เอาเลยค่ะ ลงโทษพี่เลย”

ถ้าเขาหูไม่ฝาดไปเสียงแรกนั่นคือไอ้ลูกชายตัวดี ส่วนอีกเสียงเนี่ยโคตรคุ้น คุ้นมากเหมือนเคยได้ยินจากที่ไหนมาก่อน หากเป็นโชคร้ายของเอเดลมาร์ที่เป็นเขยคนไทยทั้งทีแต่ดันรู้ภาษาไทยน้อยมาก ไม่พอจะสื่อสารได้เขาจึงไม่อาจเข้าใจว่าคนบนห้องพูดคุยอะไรกัน ผิดกับภรรยาที่ได้ยินชัดเจนเข้าใจแจ่มแจ้ง หล่อนช็อกถึงขั้นอ้าปากค้างแล้วตั้งสติตัดสินใจฉุดแขนสามีให้ถอยไปตั้งหลักที่อื่นก่อนโผล่ไปเห็นฉากเด็ดลูกชายสุดที่รักกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มกับแฟนหนุ่ม(?) หากโชคชะตาไม่เป็นใจบรรดาลให้สามีเธอเหลือบตาสีฟ้าซีดเหมือนบุตรชายเงยหน้าขึ้นไปมองแล้วมีเสื้อเชิ้ตลอยละลิ่วลงมาแปะบนหน้าพอดิบพอดี

เอเดลมาร์ตัวสั่นด้วยความโกรธ เขาย่องนำคู่ชีวิตขึ้นไปยืนหน้าห้องนอนเล็กก่อนพบภาพลูกชายสุดที่รักเปลือยท่อนบนนั่งคล่อมไอ้หมอผ่าตัดห้องตรงข้าม

What - the - HELL!!!
นี่มันเกิดบ้าอะไรวะ!!!


สังหรณ์แล้วเชียวว่าไอ้หมอผ่าตัดมันไว้ใจไม่ได้ หน้าตาท่าทางเจ้าเล่ห์แบบนั้นไม่รู้มาแอบล่อลวงอัลลี่ของแด๊ดดี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่ นี่ก็ไม่รู้ไปถึงขั้นไหนแล้ว ถึงจะเห็นว่าฝ่ายคุกคามจะเป็นลูกชายตัวน้อยของตัวเองก็เหอะแต่เขาต้องลากทิวากานต์เข้าตะรางให้ได้!

คิดแล้วเขาจึงเตรียมเข้าตะครุบตัวไอ้คนร้ายพรากผู้เยาว์ เสียแต่เจ้าลูกชายตัวดีดันช่วยชายหนุ่มห้องตรงข้ามกระโดดหนีออกหน้าต่างไปเสียก่อน พอจะวิ่งลงบันไดตามไปกลับถูกแขนเล็กกอดเอวหมับรั้งไว้หน้าประตู ยื้อยุดฉุดกระชากกันน่ากลัวว่าจะกลิ้งตกลงไปข้างล่างให้หัวร้างข้างแตก สุดท้ายเอเดลมาร์ยอมแพ้ไม่ตามไปเพราะหน้าตาน่ารักที่ถอดแบบเขามาไม่น้อยกำลังถูไถออดอ้อนชวนอ่อนใจและใจอ่อน ที่สำคัญคือภรรยาคู่ชีวิตที่เหมือนจะเป็นลมไปแล้วนั่นเอง



เจ็ดโมงตรงไม่ขาดไม่เกิน อลันด์ในสภาพสวมชุดนักศึกษาสะพายกระเป๋าเป้เรียบร้อยเดินออกมาจากห้องนอนหน้าตาเจี๋ยมเจี้ยม พ่อยืนกอดอกหลังตรงอกผ่ายไหล่ผึ่งประหนึ่งนายทหารหน้าห้องครัว ส่วนแม่เดี๋ยวหน้าซีดเดี๋ยวหยิบยาดมมาสูดเป็นพักๆ อยู่บนโซฟา พอทั้งคู่เห็นบุตรชายคนเดียวเดินลงมาก็หันไปมอง

เด็กหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอ เดินย่องมานั่งบนโซฟาเดี่ยวเมื่อเอเดลมาร์ชี้นิ้วสั่ง ชักเริ่มรู้สึกอยากเป็นลมตามมัมไปอีกคน บรรยากาศในครอบครัวตึงเครียดและน่ากลัวยิ่งกว่าตอนเขาบอกว่าจะออกจากโรงเรียนไปเป็นนักดนตรีเสียอีก

“อัล” คนถูกเรียกกระพริบตามองบิดาปริบๆ เอเดลมาร์กำลังหลับตาสูดลมเรียกขวัญกำลังใจแล้วจ้องหน้าเขากลับ“วันนี้ลูกไม่ต้องไปเรียน เราจะไปแจ้งความกัน”

“เอ่อะ... แจ้งความอะไร”

“แจ้งความจับไอ้หมอผ่าตัดข้อหาพรากผู้เยาว์ยังไงล่ะ”

“แด๊ด!” ฝ่ายโจทก์ถึงกับร้องเรียกพ่อเสียงหลง “พรากผู้เยาว์อะไรกัน ผมเกินสิบแปดแล้วนะ แล้ววาไม่ได้พรากด้วย ผมเต็มใจนอนกับเขาเอง”

“โอ๊ยตาย ฉันจะเป็นลม” ฟังไอ้ตัวแสบพูดแล้วคนเป็นแม่ถึงกับควักหายาดมกันอีกรอบ ถึงจะไม่แปลกใจที่เด็กสมัยนี้แก่นแก้วแก่แดดชิงสุกก่อนห่ามกันเท่าไหร่ แต่คำยืนยันเต็มปากเต็มคำว่า ‘ลูกชาย’ นอนกับ ‘ผู้ชาย’ ก็ชวนช็อคอยู่ดี “แม่... แม่เลี้ยงเราดีเกินไปหรือลูกถึงเป็นตุ๊ด”

“มัม!!! อัลไม่ได้เป็นตุ๊ด”

“งั้นก็เป็นเกย์” เอเดลมาร์แทรกขึ้นมา

“ตายล่ะ หรือว่าหมอวาเป็นเกย์ ทำไมไม่เห็นมีใครบอกแม่ก่อนเลย เห็นหน้าหล่อขนาดนั้น ไม่น่าเลย...”

“มัม... แด๊ด... ไม่ได้เป็นอะไรกันทั้งนั้นแหละ ผมกับวาแค่รักกันเฉยๆ ผมไม่ได้ชอบผู้ชายคนอื่นนอกจากวา วาก็ไม่ได้ชอบผู้ชายคนอื่นนอกจากผม เอาเป็นว่าถ้าไม่ใช่คนนี้ผมก็ไม่คิดไปนอนกับผู้ชายที่ไหนอีก เข้าใจไหม?”

“ไม่จ้ะ แม่ไม่เข้าใจ ขอเวลาแม่ตั้งสติแป๊บนะลูก”

“เรื่องนั้นช่างมันก่อน แต่พ่อจะเอาไอ้หมอเข้าคุกให้ได้” บิดายังคงยืนยันคำเดิม อลันด์จึงต้องอธิบายอีกรอบว่าเขาเต็มใจไม่ได้ถูกพราก หรือต่อให้พรากเขาก็อายุเกิน 18 ปีบริบูรณ์แล้วจะเอาข้อหาอะไรไปจับทิวากานต์ได้ ปกติพ่อแม่เขาไม่ใช่คนพูดอะไรเข้าใจยากแบบนี้หรอกแต่วันนี้คงช็อคสติหลุดมากกว่าถึงอธิบายไปยังไงก็ไม่เข้าใจ

เด็กหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ลุกจากที่นั่งจนเอเดลมาร์ถามว่าจะไปไหน

“ไปเรียนสิครับ ออกสายเดี๋ยวรถติดเข้าเรียนไม่ทัน”

“เดี๋ยวพ่อไปด้วย”

“เอ่อ...ไม่ดีกว่า ผมขับรถไปเองไม่รบกวนแด๊ดหรอก เดินทางมาเหนื่อยๆ นี่นา นอนหลับสักงีบนะเผื่อจะดีขึ้น มัม...ไปนอนนะ พาแด๊ดไปนอนด้วยอ่ะแหละ ไปทั้งคู่เลย ผมไปแล้วนะ บาย” พูดจบปุ๊บเด็กฝรั่งตัวแสบก็วิ่งออกจากห้องปั๊บ เอเดลมาร์วิ่งตามออกมาก็ไม่เจอตัวแล้ว หารู้ไม่ว่าไอ้ตัวดีเข้าไปแอบที่ห้องฝั่งตรงข้าม

วันนี้มีเรียนตอนบ่ายจะรีบออกไปเรียนทำไม แถมฝากสาวิตรีขาดเรียนไปแล้วด้วยยังไงวันนี้ก็โดดเรียนนั่นแหละ แต่จะให้ฝังตัวอยู่ห้องทิวากานต์ทั้งวันคงไม่ดี ตอนนี้แด๊ดกับมัมยังตกใจอยู่มากจึงไม่โวยวายใหญ่โต แต่ถ้าสติกลับมาเมื่อไหร่ทั้งเขาและคนรักนี่แหละที่จะเป็นฝ่ายเครียดแทน เขาคงต้องเตรียมวางแผนรับมือหาทางทำอะไรสักอย่าง แต่จะโทรไปปรึกษาคนตัวโตก็โทรไม่ติด คาดว่ายังไม่ได้ชาร์จแบตโทรศัพท์และดูจากเวลาก็น่าจะเริ่มงานรักษาคนไข้แล้ว

ด้วยความที่ไม่รู้จะทำอะไรดีอลันด์จึงเดินขึ้นไปนอนพักเอาแรงข้างบน เมื่อคืนใช่ว่าเขาจะได้นอนเยอะ พอเห็นเตียงคุ้นตากับกลิ่นคุ้นจมูกจึงรีบโถมตัวเข้าใส่และหลับไปในเวลาไม่นาน

อลันด์ตื่นขึ้นมาอีกทีตอนเที่ยงกว่าจากเสียงโทรศัพท์เข้า เบอร์คุณตาโชว์หราหน้าจอทำเอาเขาลังเลอยู่นานว่าจะรับไม่รับดี อีหรอบนี้แสดงว่าแด๊ดกับมัมเอาไปฟ้องแล้วเป็นแน่ เพิ่มความเครียดให้คนตัวเล็กอีกหลายเท่า หากสุดท้ายก็กดรับโทรศัพท์เมื่อคุณตาที่รักโทรเข้ามาเป็นรอบที่สี่

การพูดคุยผ่านโทรศัพท์ไม่น่ากลัวเท่าที่คิด คุณตาถามแค่ว่าเขาอยู่ที่ไหนเพราะให้คนไปถามเพื่อนที่มหาวิทยาลัยจึงรู้ว่าวันนี้หลานชายขอลาตั้งแต่เมื่อวานซืน ไปตามที่คอนโดริมแม่น้ำก็ไม่เจอตัว อยากจะให้มาคุยด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตาที่บ้านใหญ่ ซึ่งพร้อมหน้าพร้อมตาที่ว่านั้นรวมถึงทิวากานต์ด้วย เขาจึงบอกไปว่าจะเข้าไปพร้อมกับคุณหมอตอนหัวค่ำหลังอีกฝ่ายเลิกงาน ส่วนตอนนี้ยังอยู่ที่คอนโดแต่สักพักจะออกไปแล้ว

‘เอาเถอะ ยังไม่เตลิดไปไหนก็ดี มีปัญหาแล้วอย่าหนี คืนนี้มาพูดคุยกันให้รู้เรื่องไปเลย’

“ครับ”

‘เฮ้อ...อัลเอ๊ย ตารักหลานมากแค่ไหนหลานก็รู้ใช่ไหม’

“รู้ครับ ผม...ผมขอโท...”

‘ไม่ต้องขอโทษ ไม่ว่าหลานจะเป็นยังไง หลานก็ยังเป็นหลานที่น่ารักของตากับยายอยู่ดี ขอแค่อย่าทำให้ผู้ใหญ่เป็นห่วงแล้วกัน ตาจะรอเรากับหมอวาที่บ้านนะ’

“ครับคุณตา อัลรักตานะ” เขายิ้มให้คนปลายสายก่อนกดวางไป ในอกกำลังฟู่ฟ่องที่อย่างน้อยยังมีคนยอมรับเขาได้ไม่ว่าเขาจะคบกับใครที่ไหน

เมื่อรู้เป้าหมายของวัน เด็กหนุ่มจึงเตรียมตัวออกไปหาอะไรใส่ท้องข้างนอกแล้วแวะแจ้งข่าวทิวากานต์ที่โรงพยาบาลเสียเลย เขาลุกไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ แอบหยิบ Creed Aventus ของทิวากานต์มาฉีด จัดแต่งทรงผมดูเสื้อผ้าเรียบร้อยจึงคว้ากระเป๋าเป้ลงไปหยิบกุญแจรถที่ตู้รองเท้า แต่อลันด์ลืมไปว่าตอนโดนไล่ออกจากห้องเขาหยิบกุญแจรถกลับไปด้วยทั้งหมดและทิ้งไว้ที่ห้องคอนโดริมแม่น้ำหนำซ้ำยังจอดน้องมิ้ลค์ทิ้งไว้ที่มหาวิทยาลัยอีก ตอนนี้ในชามใส่กุญแจรถจึงเหลือเพียงอีกบ เอ๊ย น้องกบคันเดียวเพราะคุณหมอคนรักขับซีรีส์ไฟว์ไปทำงานแล้ว

“ถึงฉันจะไม่ค่อยชอบเธอแต่ช่วยไม่ได้ล่ะนะ ขอควงไปด้วยสักวันแล้วกัน” พูดกับโลโก้พอร์เช่แล้วมือเล็กก็รีบคว้ากุญแจรถติดมือไปแบบไม่ลังเล ว่าจะลองเอาไปขูดกับเสาเอาคืนที่ทำให้เขาเสียใจสักหน่อย ดูซิทิวากานต์จะทำหน้ายังไงตอนเห็นสภาพเมียรัก

.
.
.

“ผลการผ่าตัดออกมาดีมาก ตอนนี้ร่างกายผู้ป่วยยังไม่มีอาการปฏิเสธอวัยวะใหม่ พี่สุเมธฝากชมมาด้วยว่าวาเก่งมาก คราวหน้าถ้ามีเคสอีกจะยกให้ทำคนเดียว แล้ว...เมื่อคืนเป็นไงบ้างวะ” การันต์สรุปผลที่รับมาจากแพทย์เวรอีกคนให้หนุ่มรุ่นน้องฟังทันทีที่เห็นหน้าตอนเช้าและไม่ลืมตามผลที่นอนลุ้นมาตลอดทั้งคืน

“ดีครับ เข้าใจกันแล้ว”

“หือ? แค่นั้นเองเหรอวะ ทำไมเอ็งทำหน้าเหมือนไม่ดีใจ มีปัญหาอะไรหรือไง หรือว่าน้องแสบไม่ยอมให้จิ๊จ๊ะด้วย”

ทิวากานต์ถอนหายใจเฮือก หน้าซีดเซียวรอบตาดำคล้ำเพราะพักผ่อนไม่เพียงพอ เดินห่อไหล่ท่าทางดูอมทุกข์ มองยังไงก็ไม่เหมือนคนเพิ่งคืนดีกับแฟนมาสักนิดเดียวจนคนถามชักใจเสียเอง

“มีอะไรวะ”

“คืนดีกันเรียบร้อยแล้วนั่นแหละครับสวีทหวานได้ที่ เมื่อเช้าเลยว่าจะทำกิจกรรมกระชับความสัมพันธ์สักยกสองยก พอดี๊แด๊ดดี้กับมัมมี้ไอ้ตัวแสบโผล่มาเจอตอนกำลังคร่อมพอดี แจ็คพอตแตกสิ ผมนี่หนีออกมาแทบไม่ทัน กระโดดออกหน้าต่างห้องนอนอัลมาเลย อย่างกับเป็นชู้เมียชาวบ้านงั้นแหละ”

“ว้าว น้องฉัน” เรื่องพลิกไปแบบนี้การันต์ก็พูดอะไรไม่ออกเหมือนกัน “แล้วตัวแสบล่ะ”

“ไม่รู้เหมือนกันครับ ตอนผมหนีออกมาอัลก็ช่วยรั้งพ่อเขาให้อยู่ นี่เพิ่งเอาโทรศัพท์ไปชาร์จยังเปิดเครื่องไม่ติดเลย ว่าเที่ยงๆ จะลองโทรไปดู หวังว่าจะไม่โดนลากกลับลอนดอนไปก่อนนะ พ่อเขารักมากอยู่ อ้อนๆ หน่อยน่าจะเอาตัวรอดมาได้”

“เรื่องนี้ฉันไม่รู้จะช่วยยังไงเหมือนกันว่ะ แบบว่าเด็กพี่มันก็โตแล้วไม่ใช่พวกเพิ่งสลัดแพมเพิร์สแบบแฟนแกอ่านะ เอาเป็นว่าเรื่องใกล้คุกใกล้ตะรางอาจารย์การันต์ไม่ยุ่ง” เหมือนจะปลอบใจแต่ไม่วายแซะและเยาะเย้ยหนุ่มรุ่นน้องเนียนๆการันต์ตบไหล่รุ่นน้องปุ๊ๆ แล้วแยกย้ายกันไปทำงานของใครของมัน ทิ้งคุณหมอรูปหล่อไว้กับปัญหาใหม่ที่ดูจะแก้ยากกว่าโจทย์เก่าหลายเท่า

หากอย่างน้อยในความโชคร้ายยังมีโชคดี ไม่มีเคสในวันศุกร์นอกจากดูแฟ้มรายงานที่เรสสิเดนท์ส่งมาให้ อ่านวิจัย เคลียร์เอกสาร ให้คะแนนเด็ก แถมยังมีนักศึกษาหิ้วขนมมาฝากถึงห้องไม่ได้หวังคะแนนพิศวาสแต่ประจบอาจารย์ให้ช่วยเอ็นดูขึ้นอีกสักนิดตอนทำเคสด้วยกันก็ยังดี

ทิวากานต์กินคุกกี้ตูเล่เพลินๆ ระหว่างทำงานจนหมดกระปุก ไม้เบื่อไม้เมาอย่างท่านรองศาสตราจารย์อาคมก็ให้เกียรติมาเยี่ยมถึงห้องบอกว่าจะพาไปเลี้ยงข้าวที่บอกไว้เมื่อคืน ถึงรู้ว่าคงเป็นร้านข้าวถูกๆ ในโรงพยาบาลตามสไตล์หมอขี้เหนียวแต่ข้าวฟรียังไงก็อร่อยกว่าจ่ายเงินเองสตาฟผู้น้อยจึงตกปากรับคำไม่ลังเล

สองหนุ่มต่างวัยเดินตีคู่กันมาให้เป็นที่ประหลาดใจของบุคลากรในโรงพยาบาล ร้อยวันพันปีจะเห็นคู่นี้อยู่ด้วยกันจึงไม่แปลกที่จะมีหน่วยกล้าตายบางคนแกล้งทำท่าขยี้ตาเหมือนไม่เชื่อตอนเห็นทั้งคู่เดินผ่านหน้าไป

“อ้าว จะไปไหนกันล่ะสองคนนี้” คนทักคือแพทย์อายุรกรรมหัวใจที่ติดต่อกันบ่อยๆ เวลามีคอนซัลท์คนไข้อาการหนักจำเป็นต้องรักษาด้วยการผ่าตัดหากไม่ค่อยเห็นหน้ากันเท่าไหร่นักเพราะทำงานคนละตึกคนละชั้น การปรากฏตัวของอาจารย์วุฒิที่นี่จึงน่าแปลกใจไม่น้อย

“ไปหาอะไรกิน หมอนั่นแหละทำไมถึงมาแถวนี้” อาคมตอบกลับ

“มาส่งคอนซัลท์น่ะซี่ พอดีที่นู่นกำลังยุ่งๆ ไม่มีใครว่างเลย เราเพิ่งตรวจเสร็จเลยเดินเอาใบคอนมาส่งเองดีกว่า ถึงเร็วดีด้วยไม่ต้องรอใคร ไงหมอวาสบายดีนะ ได้ข่าวเมื่อวานทำเคสเปลี่ยนหัวใจเหรอ หมอเขาลือกันทั้งโรงพยาบาลว่างานเนี้ยบเหลือเกินจนอยากชมสักหน พอจะมีเคสให้พาเด็กเข้าไปดูหน่อยไหม เอาเคสเล็กๆ ไม่ยุ่งยากก็ได้”

“ผมพร้อมเสมอล่ะครับอาจารย์ ยินดีต้อนรับทุกเมื่อ”

“ดีๆ กลัวแต่นักศึกษาจะเอาแต่มองหน้าหล่อๆ ของหมอแทนคนไข้”

“จะเห็นอะไรกันปิดหน้าปิดตาแบบนั้นใครเป็นใครยังไม่รู้เลย” อาจารย์อาคมเริ่มขัดเมื่อเห็นไอ้ศิษย์รุ่นน้องเริ่มหน้าบาน “แล้วหมอวุฒิเสร็จแล้วไปไหนไหม กินข้าวด้วยกันสิ”

“ไม่ล่ะๆ แม่บ้านเขาทำมาให้แล้ว นี่จะออกไปกินข้างนอกกันหรือเปล่า เออ แต่เมื่อกี้ตอนเดินมาผมว่าผมเห็นรถหมอวาเพิ่งขับเข้ามาในโรงบาลนี่นะ ไอ้รถสปอร์ตสีขาวหลังคาผ้าใบทะเบียนประมูล 28 ใช่ไหม คันนี้ทั้งโรงบาลมีหมอขับคนเดียว ผมว่าผมจำไม่ผิดนะ”

“หือ ใช่ครับ แต่ผมยังไม่ได้ออกไปไหนแต่เช้าเลยนะ แล้ววันนี้ก็ขับรถอีกคันมาด้วย”

“เอ... หรือจะเป็นของญาติคนไข้” อาจารย์วุฒิคิดแล้วก็ตาโตนึกได้ว่าเอาใบคอนซัลท์มาส่งจึงตาลีตาเหลือกเดินหายไปทิ้งความสงสัยไว้แก่ชายสองคน

อาคมมองหน้าศิษย์น้องเจ้าของรถก่อนก้าวขานำตรงไปโรงอาหารตามเจตนาเดิม นึกหาคำพูดไม่ให้ทิวากานต์ประสาทเสียเพราะรถไปก่อน “คงเป็นของคนอื่นที่ทะเบียนเหมือนกันละมัง”

“ผมขอเช็คก่อนแล้วกันครับ ติด GPS tracking ไว้” พูดจบก็หยิบโทรศัพท์ที่กลับมามีชีวิตอีกครั้งด้วยไฟฟ้าเต็มเปี่ยมขึ้นกดเข้าแอพดูตำแหน่งรถ ขายาวชะงักกึกทันทีที่ตาเห็นตำแหน่งรถปัจจุบันเป็นที่โรงพยาบาลจริงๆ

“ทำไมรึ”

“รถผมอยู่นี่”

“หือ? มาอยู่ที่นี่ได้ไง”

“ไม่รู้เหมือนกันครับ” ชายหนุ่มพยายามนึกถึงความเป็นไปได้ต่างๆ เขาว่ารถเขาก็ติดสัญญากันขโมยอย่างดี หนำซ้ำโจรที่ไหนมันจะขโมยรถมาจอดที่ที่เจ้าของทำงานอยู่ หรือจะเป็น...

“แฟนแกเอามาขับหรือเปล่า ได้ข่าวจากรันว่าเมื่อคืนไปง้อมานิ เป็นไงง้อสำเร็จไหม”

ยังไม่ได้ทันได้พูดคำตอบที่อาคมต้องการก็มาโผล่อยู่ตรงหน้า ไอ้เด็กแสบตัวเท่าไหล่ยืนถือโทรศัพท์กับกุญแจรถพอร์เช่โบกอยู่ตรงหน้าอาคาร ผมสีน้ำตาลช็อกโกแลตนมสะท้อนแสงแดดยามบ่ายวิบวับส่งให้ใบหน้าขาวดูกระจ่างตาประหนึ่งกินโอโม่เข้าไป เจ้าโจรขโมยมามอบตัวถึงที่ไม่ต้องตามจับ แหม่...ดีจริงๆ



รองศาสตราจารย์อาคมแห่งสาขาศัลยกรรมหัวใจและทรวงอกพยักหน้ารับไหว้จากเด็กฝรั่งตัวเล็กหน้าตามึนๆ อายุไม่น่าเกินสิบแปดเมื่อมีคนกลางแนะนำให้รู้จัก รู้สึกคุ้นอยู่บ้างคล้ายเคยเห็นแถวนี้แวบๆ หากไม่คิดมาก่อนว่าจะรู้จักกับหมอในโรงพยาบาลนี้ โดยเฉพาะหมอประเภทเกลียดเด็กเข้าไส้อย่างทิวากานต์

“ไหนๆ แล้วก็ไปกินข้าวด้วยเลยแล้วกัน กินอาหารไทยได้ไหม” เขาว่าไม่ลืมหันไปถามเด็กหนุ่มหน้าต่างชาติแต่พูดไทยชัดแจ๋ว

“ได้ครับถ้าไม่เผ็ดมาก”

“ดีๆ” อาจารย์อาคมฉีกยิ้มจาง เดินนำสองหนุ่มไปโรงอาหาร ตอนแรกว่าจะไปโรงร้อนแต่เห็นแก่แขกหน้าใหม่กลัวจะทนอากาศเมืองไทยไม่ได้จึงพาไปโรงอาหารใหม่ติดแอร์ สั่งอาหารกันมาคนละจานนั่งกินรวมกับคนในโรงพยาบาล บ้านๆ สมถะตามสไตล์ จากที่ว่าจะมานั่งกินให้จบมื้อไปก็กลายเป็นคุยติดลมกับเด็กหนุ่มตาฟ้าจนรู้ประวัติกันคร่าวๆ

“...แล้วก็เลยถูกแด๊ดเตะโด่งมาเรียนที่เมืองไทยนี่แหละครับ” ไอ้ตัวแสบเองคุยกับอาคมถูกคอไม่เบา สมแล้วกับที่เป็นที่เอ็นดูของคนสูงวัย แม้แต่อาจารย์จอมเฮี้ยบยังมีรอยยิ้มติดหน้าตลอดการสนทนา

“ฮืม... แล้วมารู้จักกับเจ้าวาได้ไงกันล่ะลูก ดูท่าเจ้านี่ไม่น่าจะเป็นพวกรักเด็กได้เลย”

“อยู่ห้องตรงข้ามกันครับ ได้วา เอ๊ย พี่วาช่วยเหลือมากเลย ตอนแรกที่รู้จักกันพี่วาดุมาก ชอบขู่ ชอบแกล้ง แต่ความจริงเป็นพวกปากร้ายใจดีนะครับ แล้วก็รักเด็กมากด้วย” ท้ายประโยคจงใจแซะคนข้างตัวเต็มที่ ทิวากานต์เกือบสำลักน้ำซุปข้าวมันไก่ออกทางจมูก

“หึหึ ลุงเห็นหน้ามันตั้งแต่ยังละอ่อนไม่ยักรู้ วันๆ เอาแต่กวนประสาทหาเรื่องปวดหัวให้ทุกวัน ถ้าไม่ประจบเก่ง เอ๊ย เก่งจริงคงอยู่ไม่รอดถึงทุกวันนี้หรอก”

“จะพูดอะไรก็เอาเถอะครับตามสบาย ผมลาออกไปอยู่เอกชนจริงแล้วอย่ามาเกาะขาขอร้องอ้อนวอนแล้วกัน พี่คมไม่รู้อะไรซะแล้วว่าเด็กนี่เป็นไส้ศึกถูกจ้างมาตามจีบผม ลุงเค้าเป็นผอ.โรงบาลเอกชนเครือใหญ่กว่าบ้านพี่รันอีกนะ”

“หลานพี่หมอชายหรอกหรือเนี่ย”

“ครับ ลุงคมก็รู้จักลุงชายด้วยเหรอครับ”

“รู้จักซี่ เขาเป็นรุ่นพี่ลุงเอง งั้นฝากไปบอกลุงเราด้วยแล้วกันว่าถ้าจะเอาไอ้วามันไปก็มาเอาไปเลยที่นี่ไม่ได้รั้งไว้หรอก มันน่ะรั้งตัวเองไว้ เทรนจบก็ไม่ยอมไปเกาะแข้งเกาะขาของานทำจนเขาใจอ่อนโยนตำแหน่งให้”

“พูดซะผมเสียเลยนะพี่คม ถึงมันจะจริงบ้างบางส่วนก็เหอะ”

เพราะทิวากานต์เข้ามาเรียนต่อด้วยทุนตัวเองไร้สังกัดที่ต้องกลับไปทำงานชดใช้เงินการศึกษา เมื่อสอบได้วุฒิบัติเป็นแพทย์ชำนาญการจึงเปรียบเสมือนคนตกงานกลายๆ ต้องไปหาสมัครงานตามโรงพยาบาลทั่วไป เรื่องฝีมือไม่เป็นที่กังขาอยู่แล้วโรงพยาบาลไหนก็อยากรับ แต่ทิวากานต์ไม่ชอบโรงพยาบาลเอกชน จึงรับราชการทำงานที่โรงพยาบาลเดิมตั้งแต่ตนเริ่มเรียนทางสายแพทย์ตามคำชวนของรุ่นพี่คนสนิทอย่างการันต์เพื่อรอหาทุนไปเรียนต่อต่างประเทศดีกว่า

“พอเอาทุนมาให้มันก็ไม่เอาอีก”

“ลุงคมเป็นเอาใบทุนมาให้พี่วาเหรอครับ แล้วตอนนี้ยังสมัครทันอยู่ไหม”

“หมดเขตไปตั้งแต่สิ้นเดือนที่แล้วแล้วล่ะ”

อลันด์ตาโตก่อนหันไปค้อนปะหลับปะเหลือกใส่คนรัก เพราะถ้าบอกว่าสิ้นเดือนที่แล้วก็หมายความว่าหมดตั้งแต่วันเกิดเขา ทิวากานต์ก็ไม่บอกปล่อยให้ทะเลาะกันใหญ่โตอยู่ได้ตั้งนาน ถ้าไม่ติดว่าอยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่แล้วก็โรงพยาบาลล่ะก็ทิวากานต์ได้ถูกทุบเป็นกระท้อนไปแล้ว

ตอนนี้ทุนก็หมดเขตไปแล้วจะทำยังไงต่อล่ะเนี่ย!

“แล้วเราน่ะขโมยรถพี่มาหาถึงที่เนี่ยมีอะไร แด๊ดดี้กับมัมมี้ยอมปล่อยตัวมาแล้วเหรอ” เมื่อบทสนทนาเริ่มเข้าตัวเขาจึงชวนเปลี่ยนหัวข้อ แต่ดูท่าจะคิดผิดเพราะประโยคถัดมาจากปากอลันด์มันเข้าตัวยิ่งกว่าเดิม เด็กลูกครึ่งตัวแสบทำท่าตกใจลืมเรื่องทุนไปชั่วคราว

“ใช่! ผมเกือบลืมไปแล้วนะเนี่ย แย่แล้วล่ะวา แด๊ดกับมัมไปฟ้องคุณตาเรื่องของเราเรียบร้อยแล้ว!”

“มีเรื่องอะไรกันรึ” เสียงตกอกตกใจประหนึ่งมีเรื่องร้ายแรงทำให้อาคมอดถามไม่ได้ แต่เขาเพิ่มมารู้ว่าคิดผิดที่ถามก็เมื่อดวงตาตื่นๆ ต่างสีสองคู่หันมามองโดยไม่ได้นัดกัน



ข่าวสตาฟศัลย์คาร์ดิโออาวุโสเกิดอาการเป็นลมหน้ามืดระหว่างกินข้าวแพร่สะบัดไปทั่วโรงพยาบาลรู้ตั้งแต่รปภ. ยันอธิการบดีภายในเวลาแค่ชั่วโมงด้วยความเป็นห่วงใยสุขภาพอาจารย์หมอคนเก่าแก่ พร้อมกันนั้นก็มีข่าวอีกชุดตามคู่กันไปถึงสาเหตุที่ทำให้รองศาสตราจารย์อาคมเป็นลมล้มตึงคาโต๊ะกินข้าวเพราะหมอรุ่นน้องคู่ปรับพาแฟนมาเปิดตัว

“พี่วาพาแฟนมาเปิดตัว?” นักศึกษาสาวหน้าใสชั้นคลินิกอ้าปากค้างระหว่างฟังเพื่อนรักคาบข่าวมาบอก หากเธอติดใจที่อาจารย์อาคมเป็นลมกะเรื่องแค่นี้มากกว่า เพราะคนที่น่าจะเป็นลมหัวใจสลายน่ะคือพวกหล่อนที่แอบชอบมานานไม่น่าจะใช่อาจารย์หมออายุห้าสิบอัพ

“เขาว่ากันว่าแฟนพี่วาเป็นเด็กผู้ชายลูกครึ่งหน้าตาน่ารักอายุห่างกันรอบนึงน่ะสิยัยเม!”

“เด็กผู้ชาย... ลูกครึ่ง”

“ใช่” สาวน้อยแตงกวายืนยันคำบอกเล่าที่ได้ยินมาจากพี่พยาบาลที่ฟังมาจากเรสสิเดนท์ออโธฯ ที่ฟังมาจากแม่ค้าร้านข้าวที่อยู่ในเหตุการณ์อีกที เธอมองเพื่อนรักกระพริบตาปริบๆ ราวกำลังนึกอะไรบางอย่างจึงนึกเอะใจ “เดี๋ยวนะ ลูกครึ่ง ผู้ชาย”

“คุ้นๆ นะว่าไหม”

“เอ่อะ คงไม่ใช่ เอ่อ... น้องคนนั้นหรอกใช่ไหม”

“เหอะๆ คงไม่ใช่หรอกน่า อย่างพี่วาเนี่ยต้องสาว สวย ตัวสูง หุ่นดี เป็นผู้ใหญ่ต่างหากเนอะ พี่แกคงไม่โอเพ่นนิ่งตอนอายุสามสิบหรอกน่า” พูดปลอบใจตัวเองแล้วพากันถอนหายใจ งานนี้มีน้ำตาท่วมโรงพยาบาลแน่ๆ ถ้าหนุ่มหล่อแห่งยุคจะเปิดตัวว่าชอบเพศเดียวขึ้นมาหลังปล่อยให้สาวน้อยสาวใหญ่หลงรักมาตั้งนาน

ส่วนหนุ่มน้อย หน้ามึน ตัวเล็ก ผอมแห้ง ท่าทางเหมือนเด็กซนๆ ตรงข้ามสเปคทิวากานต์ทุกประการในบทสนทนาเมื่อครู่กำลังนั่งหาวอยู่ร้านกาแฟตราแมงดาวระหว่างรอคนรักทำงาน ในหัวพยายามคิดหาทางเอาตัวรอดกับการซักฟอกที่บ้านใหญ่เย็นนี้ยังไงดี ขนาดลุงอาคมที่ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับเรื่องนี้รู้เข้ายังเป็นลมล้มพับ อลันด์ล่ะนับถือคุณตาคุณยายตัวเองเหลือเกินที่รู้แล้วยังยอมรับในตัวเขาได้ สงสัยก่อนเข้าบ้านต้องแวะซื้อพวงมาลัยงามๆ ไปกราบเสียหน่อย

สี่โมงครึ่งทิวากานต์จึงโผล่หน้ามาพร้อมการันต์ ว่าที่เจ้าบ่าวแซวสองหนุ่มรุ่นน้องพอเป็นพิธีก่อนแนะแนวทางและให้กำลังใจไปสู้ศึกใหญ่เย็นนี้ “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จำไว้นะเวลาคุยกับผู้ใหญ่ให้ใช้เหตุผลอย่าใช้อารมณ์ เขาจะใช้อารมณ์ตีกลับมาก็อย่าไปสน อดทนไว้เราต้องมีสติ เมื่อสติมาปัญญาจะเกิด”

“ครับ” เด็กฝรั่งพยักหน้ารับคำสอนก่อนยกมือไหว้อีกฝ่ายด้วยความเคารพ “ขอบคุณครับพี่รัน”

“ส่วนวา ในฐานะเอ็งเป็นผู้ใหญ่กว่าเอ็งต้องเป็นที่พึ่งให้น้องไม่ใช่ทำให้น้องลำบากใจ ครอบครัวเขาครอบครัวเรามันไม่เหมือนกัน ไม่มีใครยอมรับกับสิ่งที่เราเลือกได้ทั้งหมดหรอก พี่พูดเข้าใจใช่ไหม”

“ครับพี่”

“ถึงอัลจะไม่เด็กแล้วแต่ใช่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่ ใครมองเขาก็คิดแหละว่าเราไปหลอกน้องมา พิสูจน์ตัวเองให้เขาเห็นว่าเราจะดูแลน้องได้ คบกันแล้วพากันได้ดี ให้ผู้ใหญ่เขาไว้ใจ เดี๋ยวเขาจะวางใจให้เราคบกันเอง แล้วอย่าลืมไปขอขมาครอบครัวน้องด้วยรู้ไหม”

“ครับ ขอบคุณมากครับพี่” ทิวากานต์ไหว้การันต์ทั้งที่ในใจอยากก้มลงไปกราบแทบเท้า การันต์นั้นเป็นเหมือนพี่ชายเป็นเหมือนพ่อของเขาไปแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างที่ชายหนุ่มรุ่นพี่ทำให้เขานั้นตอบแทนเท่าไหร่ก็ไม่มีวันหมด

“ไป ไปสู้ มีความหวังได้แต่อย่าลืมเผื่อใจ แต่พี่เชื่อว่าเราสองคนจะผ่านมันไปได้ถ้ารักกันจริง”

.
.
.
หัวข้อ: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 33 [27.03.16]
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 27-03-2016 10:19:51
บีเอ็มดับบริว ซีรีส์ ไฟว์คันใหญ่เลี้ยวเข้ามาจอดบนลานหน้าบ้านอดีตเอกอัครราชทูตตอนทุ่มครึ่ง ทิวากานต์กับอลันด์ถอนหายใจออกมาแทบจะพร้อมกัน หากเสียงเพลงจากวิทยุที่เปิดทิ้งไว้ในรถก็ช่วยดับความกลัดกลุ้มลงไปได้มากจนเปลี่ยนเสียงถอนใจเป็นเสียงหัวเราะ พวกเขาจ้องตากันเงียบๆ ก่อนจับมือให้กำลังใจอีกฝ่ายแล้วเปิดประตูรถลงไป

จะยังกลัวอะไรอีกในเมื่อได้เจอกับคนดีที่พร้อมจะจับมือเราเดินไปข้างหน้า...

หากว่าเธอนั้นคือความรัก...ก็เป็นรักที่ดีจนไม่มีคำบรรยาย
ฉันโชคดีเหลือเกินที่มีเธอเดินข้างกาย...ชีวิตนั้นได้เติมเต็มสิ่งที่ขาดหาย


ทั้งคู่เดินเคียงข้างรักษาระยะห่างไม่ให้ดูใกล้ชิดหรือห่างกันจนน่าเกลียดเข้าไปด้านใน ที่ห้องรับรองครอบครัวโอเนลล์และญาติพี่น้องทางฝั่งแม่นั่งกันอยู่ครบถ้วน สายตาแปดคู่จับจ้องยังแขกผู้มาเยือนพร้อมกันในทันที บรรยากาศในห้องตึงเครียดขึ้นมาอัตโนมัติ แม้แต่ทิวากานต์ที่ว่ามั่นใจในตัวเองมากยังอดเกร็งไม่ได้ เขายกมือไหว้ผู้ใหญ่ทุกคนในห้องแล้วยืนนิ่งรอกับอลันด์ราวกำลังถูกผู้ใหญ่พิพากษาความผิด

“มากันช้าไปหน่อยยายเลยให้เขาเก็บโต๊ะไปแล้ว ทานมื้อเย็นมากันหรือยังล่ะ” คนแรกที่ทำลายความเงียบคือคุณยาย แม้หน้าตาเรียบเฉยหากสายตาทอดความห่วงใยให้หลานชายก็พอทำเอาทั้งคู่ใจชื้นขึ้นมาบ้าง

“ยังครับ แต่...” ทิวากานต์กำลังปฏิเสธเพราะอยากเข้าเรื่องคุยให้จบๆ กันไปกลับถูกแทรกขึ้นมา

“งั้นไปทานอะไรกันในครัวก่อนแล้วค่อยออกมาคุยกัน ไปบอกให้ยายน้อมอุ่นพะแนงแล้วเจียวไข่กินนะ” เมื่อถูกคนใหญ่สุดในบ้านสั่งเช่นนั้น สองหนุ่มต่างวัยจึงรับคำแล้วพากันเข้าไปในครัวโดยมีสายตาของเอเดลมาร์จ้องเขม็งตามหลัง

ที่ครัวใหญ่เหล่าแม่บ้านกำลังช่วยกันทำความสะอาดครัว พอเห็นคุณหนูคนเล็กกับคุณหมอรูปหล่อเข้ามาหาของกินจึงรีบจัดการหากับข้าวกับปลาให้ พอดีกับทำความสะอาดเสร็จจึงพากันออกไปให้เจ้านายอยู่เป็นส่วนตัวเมื่อทิวากานต์บอกว่าจะจัดการล้างจานที่กินเสร็จแล้วนี่เอง

อลันด์แสดงความเครียดออกมาด้วยการกินข้าวไปได้เพียงหนึ่งในสามของจานก็รวบช้อน ทิวากานต์จนใจจะดุเพราะเขาเองมีอาการไม่ต่างกันนัก เมื่อไม่มีอารมณ์จะกินต่อแล้วชายหนุ่มจึงลุกขึ้นเก็บจานชามไปล้าง มีเด็กหนุ่มลุกเดินตามมาสวมกอดคนรักจากทางด้านหลัง แม้จะถูกคนแก่กว่าดุที่ทำอะไรประเจิดประเจ้อในบ้านแต่ใบหน้าเล็กกลับยิ่งซุกเข้าหาแผ่นหลังกว้างราวออดอ้อนขอความเอ็นดู

“วา...ถ้าผมถูกตัดออกจากตระกูลจะทำไงดี”

“หือ? อย่างเราเนี่ยนะจะถูกตัดออกจากตระกูล พ่อแม่ตายายเขารักเราจะตายไม่มีวันทำอย่างนั้นหรอกน่า” เสียงทุ้มติดจะขึ้นจมูกหน่อยๆ ด้วยความขบขันกับความคิดแบบเด็กแล้วเล่นมุกต่อผ่อนคลายบรรยากาศ “แต่ถ้าเขาไม่รักอัลแล้วก็ไม่เป็นไร พี่จะดูแลอัลเอง... เดี๋ยวจะเป็นเสี่ยเลี้ยงเด็กส่งเสียให้เรียน จ่ายค่าเทอม ค่าขนม ค่าเสื้อผ้ากระเป๋าให้ หึหึ คงใช้เงินเยอะน่าดูเพราะอีหนูเล่นใช้แต่ของแบรนด์เนม”

“มีเงินซื้อของเองหรอกน่า รู้อยู่หรอกว่าใช้เงินเก่ง”

ทิวากานต์คลี่ยิ้มอ่อน เขาเอามือเปื้อนฟองสบู่ล้างน้ำเปล่าแล้วจับกับแขนเล็กที่โอบรอบเอวไว้ “เก็บเอาไว้ใช้ตอนฉุกเฉินเถอะ พี่มีปัญญาเลี้ยงเราอยู่แล้ว แค่เด็กคนเดียวจะไปยากอะไร ตอนนี้ก็ทำอยู่นี่นา... รับรองว่าจะไม่ปล่อยให้อัลลำบาก แต่ตอนนี้ยังไม่มีปัญญาถอยเบนท์ลีย์ทนนั่งบีเอ็มไปก่อนแล้วกันเนอะ อีกสักห้าปีคงเก็บเงินซื้อได้”

“นั่งบีเอ็มก็สบายก้นเหมือนกันแหละน่า ไม่ต้องเลี้ยงผมดีนักหรอก ได้อยู่กับวามันดีอยู่แล้วแค่อย่าทิ้งกันอีกก็พอ”

“อืม จะไม่ทิ้งอีกแล้ว จะไม่ปล่อยมืออีกแล้ว ไม่มีวัน...” ชายหนุ่มพลิกตัวดึงอลันด์เข้ามาซุกกับอก ปลายจมูกแตะดมกลิ่นแชมพูบนเส้นผมสีอ่อน คำพูดที่ว่าคนเราจะแข็งแกร่งขึ้นเมื่อมีคนให้ปกป้องนั้นดูท่าจะจริง เพราะจากที่หวั่นใจในทีแรก ตอนนี้ทิวากานต์กลับมาฮึดเรียกความมั่นใจคืนมาได้เหมือนเดิมและน่าจะมากกว่าเก่าสองสามเท่า

เมื่อจัดการทำความสะอาดในครัวเสร็จชายหนุ่มจึงเดินนำอลันด์กลับมาที่ห้องรับรอง เสียงพูดคุยหยุดลงพร้อมกับทุกสายตาที่จ้องมองไปยังชายหนุ่มทั้งสอง

เจ้าของบ้านถอนใจน้อยๆ แล้วบอกให้ทั้งคู่นั่งลงบนเก้าอี้แยกไปคนละมุมกันพลางขยับแว่นสายตาที่ใส่มองหลานชายตัวดีสลับกับคุณหมอ เคยนึกแปลกใจอยู่บ้างว่าทำไมคนที่ต่างกันราวอยู่คนละขั้วจึงสนิทสนมกันได้ถึงเพียงนี้แต่ไม่เคยเอามาใส่ใจ ทั้งที่มีเหตุการณ์หลายอย่างบ่งชี้ ตั้งแต่ตอนที่อลันด์ผ่าตัด วันปีใหม่ หรือแม้แต่วันเกิดที่เขาให้คุณหมอรูปหล่อเป็นคนจัดการเซอร์ไพรส์หลานชายสองต่อสองด้วยของขวัญวันเกิดชิ้นใหญ่ และวันนี้เขาก็ได้คำตอบเสียที ดูแค่สายตาตอนที่สองคนนั้นมองกันตอนนี้สิแทบไม่เคยปิดบังความรักที่มีให้กันเลย ถ้าเขาสังเกตสักหน่อยคงรู้ด้วยตนเองนานแล้วไม่ต้องรอให้ลูกเขยตาน้ำข้าววิ่งโร่มาฟ้องแบบนี้

เขาเองคงแก่มากจริงๆ หูตาถึงได้ฝ้าฟางมองข้ามสิ่งสำคัญไปได้

เมื่อเห็นว่าทั้งหมดพร้อมจะคุยแล้ว ประมุขของบ้านจึงเปิดปากคุยเรื่องสำคัญ  “ก่อนที่ทั้งคู่จะมาที่นี่พวกตาตกลงคุยกันแล้ว ตาแค่จะบอกให้อัลรู้ว่าตากับยายยังยืนยันคำเดิมที่บอกหลานไป แต่ส่วนเรื่องพ่อแม่ของหลานนั้นเรากับคุณหมอต้องจัดการกันเอง”

“ขอบคุณครับคุณตา”

ได้ยินแค่นั้นเด็กฝรั่งก็น้ำตาไหล เขาเดินเข่าเข้ามากราบเท้าคุณตาคุณยายก่อนกอดคนทั้งคู่ แต่พอทิวากานต์จะลงมากราบบ้างท่านก็เบรกไว้ก่อน

“คุณหมอยังไม่ต้อง ผมรับแค่หลานผมก่อน ส่วนคุณมีหน้าที่อธิบายในฐานะที่โตกว่าว่าทำไมถึงมาคบกับหลานผมได้”

ศัลยแพทย์คนเก่งถึงกับมือสั่นเหงื่อซึม อารมณ์คล้ายมาขอสาวแต่งงานแต่พ่อตาดุ๊ดุ “เรื่องนั้นผม... ผมก็บอกไม่ถูกครับ เรา...หมายถึงผมกับน้อง คือ... เอ่อ...”

“หมอวาใจเย็นๆ ไม่ต้องตื่นเต้น พ่อผมท่านไม่ลุกเอาปืนมาไล่หรอกครับ” ทิวากานต์ถอนหายใจเฮือกกับคำปลอบกึ่งแซวจากท่านผอ. โรงพยาบาล อีหรอบนี้เขาคงผ่านด่านญาติแฟนได้แล้วเหลือก็แต่ตายายกับพ่อแม่สินะ เขาเม้มปากแล้วปล่อยอยู่สองสามรอบระหว่างเรียบเรียงคำพูดในหัวแล้วพูดออกมาช้าๆ

“ตอนแรกผมกับน้องก็คบกันตามประสาคนรู้จักครับ แต่ว่ามีช่วงหนึ่งน้องมีปัญหากับเพื่อนแล้วก็กับที่บ้านมาปรึกษา เราก็เริ่มสนิทกันตอนนั้น ยิ่งได้พูดคุยทำความรู้จักกันผมก็ชอบน้อง น้องอัลน่ารัก...น่ารักมากครับ ถึงจะดื้อไปบ้างแต่เขาก็ยอมรับฟังเหตุผลของผมแล้วยอมปรับตัว อยู่กับเขาแล้วผมมีความสุขมาก” ชายหนุ่มยืนยันคำพูดด้วยรอยยิ้มเขินอายบนใบหน้า “เราก็เลยคบกัน”

“แล้วคบกันมานานเท่าไหร่แล้วฮึ”

“เลยครึ่งปีได้แล้วครับ” ทิวากานต์ตอบฉะฉาน คราวนี้สบตากับอดีตท่านเอกอัครราชทูตไม่มีหลบ

“อืม... พอสมควรอยู่ แล้วไม่คิดจะบอกให้ใครรู้เลยหรือไง”

“ถึงไม่ได้ป่าวประกาศไปทั่วแต่ผมไม่เคยปิดบังอยู่แล้วครับ คนใกล้ชิดผม เพื่อนร่วมงานทุกคนรับรู้ความสัมพันธ์นี้หมดและยอมรับได้ แต่ที่ไม่ได้บอกทางนี้เพราะอัลขอไว้ เขาอยากได้เวลาค่อยๆ ทำให้ทุกคนเข้าใจแล้วจะเป็นคนบอกเอง”

“อย่างนี้แม้แต่หมอการันต์ก็รู้ด้วยสินะ หึ รู้กันหมดแล้วช่วยปิดบังตา งั้นอัลไม่ต้องรอจนตาตายก่อนเลยหรือไงถึงจะบอกได้ หลานเห็นตาเป็นคนยังไงกันฮึ”

“คุณตา! ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะครับ” เจ้าตัวเล็กรีบโผกอดเอวอ้อนคุณตาก่อนแบคอัพอันแข็งแกร่งจะน้อยใจแล้วพลันเปลี่ยนข้าง “แต่ผม...ผมยอมรับว่าผมขี้ขลาดด้วยส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนเพราะผมเป็นห่วง ผมรู้ว่าทุกคนค่อนข้างไปทางขวาคงยอมรับกันไม่ได้ ดูอย่างแด๊ดกับมัมสิ”

“ใช่... พ่อไม่เห็นด้วย” เอเดลมาร์ยอมรับตามตรง เขานั่งเงียบฟังมานาน ยิ่งได้ฟังคำสารภาพรักของไอ้หมอหน้าหล่อยิ่งหงุดหงิด ตาสีฟ้าอ่อนเหมือนอย่างลูกชายปรายมองไปที่ทิวากานต์ด้วยความดูแคลน “ลูกเป็นผู้ชายจะรักกับผู้ชายได้ยังไงกัน พ่อเคยเห็นลูกคบกับผู้หญิงมาก่อน จู่ๆ ก็เปลี่ยนมาคบกับผู้ชายแบบนี้จะให้พ่อคิดยังไงกันฮึ หมอนี่ก็เหมือนกันได้ข่าวว่าเป็นเพลย์บอยควงหญิงไม่ซ้ำหน้า ทำไมจู่ๆ ถึงเปลี่ยนมาลองคบกับเด็กผู้ชาย หน้าตาก็เจ้าเล่ห์ดูยังไงก็มีเจตนาไม่ดี”

“แด๊ด แค่ผมอยู่กับเขาแล้วมีความสุขแล้วทำไมผมจะคบกับเขาไม่ได้ สารภาพตรงนี้เลยนะว่าคบกับผู้ชายสบายใจกว่าผู้หญิงเยอะ แด๊ดไม่รู้หรอกตอนที่ผมคบกับซาร่ามันน่าปวดหัวแค่ไหน แต่กับวาแค่มองตาก็รู้ใจกันทุกเรื่องแล้ว อีกอย่าง...หึ ถึงผมไม่ได้คบกับวาแต่แด๊ดอย่าคิดเลยว่าผมจะได้แต่งงานกับผู้หญิงในเมื่อทอมจ้องงาบผมอยู่ ถ้าตอนนั้นไม่ได้วาช่วยไว้ตอนนี้แด๊ดคงเห็นผมเป็นคู่ผัวตัวเมียกับไอ้หมาขนทองนั่นอยู่ดี”

“What the hell? ลูกกำลังจะบอกว่าทอมเนี่ยนะจะ...ลูก”

อลันด์ยักไหล่ให้คนเป็นพ่อด้วยใบหน้าเรียบเฉย “เราเกือบมีอะไรกันตั้งหลายครั้งตั้งแต่สมัยอยู่โรงเรียนประจำ”

“โอ๊ยตาย ฉันจะเป็นลม” มาดามโอเนลล์ทำท่าจะล้มพับไปอีกหน กานต์ที่นั่งอยู่ใกล้ๆ จึงรีบหยิบยาดมยื่นไปให้

“ลูกอย่าใส่ร้ายเพื่อนนะ มันไม่เป็นสุภาพบุรุษเอาเสียเลย”

“งั้นแด๊ดโทรไปถามเจมส์ตอนนี้เลยไหมว่าทำไมเพื่อนผมทั้งสองคนที่ควรอยู่ฉลองปีใหม่ด้วยกันที่ไทยถึงได้บินกลับอังกฤษกะทันหันทั้งที่เพิ่งมาถึงไทยได้ไม่ครบยี่สิบสี่ชั่วโมง หรือถ้ากลัวว่าผมเตี๊ยมกับเจมส์ไปลองถามคนที่คอนโดก็ได้ว่าวันนั้นมันเกิดอะไรขึ้น อ่อ แล้วเจมส์ก็เป็นอีกคนที่จ้องจะงาบผมเหมือนกัน หมอนั่นแอบขโมยจูบผมด้วยล่ะ” ตั้งสองครั้งแน่ะ!

“อัล... พอ... ขอพ่อพักแป๊บ” เอเดลมาร์ถึงขั้นยกมือขอเวลาทำใจ พบว่าลูกชายเป็นเกย์มันน่าช็อคแล้ว ยิ่งรู้ว่าลูกเกือบถูกเพื่อนสนิทท่าทางแมนๆ ปล้ำอีก ในสายตาเขามองยังไงอลันด์ก็เป็นเด็กผู้ชาย ถึงจะหน้าตาน่ารักแต่ปกติพวกเกย์เขาชอบแบบมีกล้ามเนื้อสวยงามไม่ใช่ขี้ก้างแบบนี้ไม่ใช่เหรอ

“หลานฉันฮอตเหมือนกันนะเนี่ย” คุณยายถึงกับหลุดพึมพำออกมา ไม่ต่างกับกานต์ที่นั่งอ้าปากค้างจ้องน้องชายด้วยความอิจฉา เธอเป็นผู้หญิงแท้ๆ ยังไม่เคยมีหนุ่มหล่อวัวตายควายล้มมารุมแย่งกันแบบนี้เลย แม้แต่หมอทิวากานต์ขวัญใจสาววงการแพทย์ยังถูกคาบ เอ๊ย ถูกขโมยหัวใจไปได้ น้องชายเธอทำบุญมาด้วยอะไรเนี่ย!

“เอาล่ะ เรื่องนั้นช่างมัน แล้วลูกแน่ใจได้ยังไงว่าจะคบกับหมอนี่ได้ตลอดรอดฝั่ง ลูกจะเป็นนักร้องไม่ใช่เหรอ นักร้องเพลงร็อคเขาไม่เป็นเกย์กันหรอกนะ”

“เฟรดดี้ เมอร์คิวรี่ไม่ได้เป็นเกย์หรอกเหรอครับ”

เจอลูกชายเอานักร้องนำวงร็อคในตำนานอย่าง QUEEN ที่เป็นเกย์มาตอกเอเดลมาร์ถึงกับสะอึก แต่คนอย่างเขาไม่คิดจะยอมแพ้ง่ายๆ หรอก “แต่มีกี่คนกันที่ยอมรับเฟรดดี้ได้ เขาปกปิดมันจนตายนั่นแหละทุกคนถึงได้รู้ แล้วลูกคิดว่าจะทนปกปิดความลับได้นานหรือไง สักวันก็ต้องเลิกกันอยู่แล้ว สู้เลิกกันไปตั้งแต่ตอนนี้เลยดีกว่า”

“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมกับอัลเพิ่งตกลงเรื่องนี้กัน เราจะไม่เลิกกันแน่นอน ผมยินดีปกปิดเป็นความลับเพื่อเขา และถึงแม้อนาคตเราจะเลิกกันมันก็เป็นเรื่องของอนาคตที่เราไม่รักกันอีกแล้ว ผมยอมรับนะครับว่าผมไม่ใช่คนดีมากมายอะไร บางทีก็งี่เง่าต้องให้อัลคอยเตือนสติอยู่บ้าง แต่ถ้าตอนนี้เรายังรักกันเราจะไม่มีวันปล่อยมือจากกันเด็ดขาด”

“มั่นใจมากนะคุณหมอ”

“ถ้าไม่มั่นใจผมไม่พูดหรอกครับ”

เหมือนมีกระแสไฟฟ้าส่งเสียงเปรี๊ยะๆ แล่นออกมาจากดวงตาของทั้งคู่ คนดูข้างสนามถึงกับต้องเอามือป้องตากันโดยอัตโนมัติ เป็นการปะทะกันของพ่อตากับว่าที่ลูกเขยที่ดุเดือดเลือดพล่านที่สุด

“หึ แล้วเธอมั่นใจด้วยใช่ไหมว่าจะดูแลลูกชายฉันได้ดีน่ะ ถ้าอัลยังยืนยันจะเป็นนักร้องฉันก็ตั้งใจไว้นานแล้วว่าจะตัดออกจากการมีส่วนร่วมในทรัพย์สินทุกอย่างของตระกูลโอเนลล์ แม้แต่เพนนีเดียวก็จะไม่ได้  อัลไม่เคยลำบากเธอจะดูแลเขาได้ดีสักแค่ไหนเชียว”

“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นเลยครับ ต่อให้เขามาตัวเปล่าผมก็รับรองได้ว่าดูแลเขาได้ดีไม่แพ้คุณ ทุกวันนี้พวกเราก็อยู่ด้วยกัน ค่ากินค่าอยู่ผมเป็นคนออกเองหมด ผมตั้งใจไว้แล้วว่าถ้าเราย้ายมาอยู่ด้วยกันจริงจังผมจะยกเงินเดือนทั้งหมดให้เขาดูแล ถึงทรัพย์สินที่ผมมีจะไม่ได้มากมายแต่ก็มั่นใจได้ว่าอัลจะไม่ลำบาก ถ้าหากเขาอยากได้เบนท์ลีย์ โรลส์-รอยซ์ก็ขอเวลาผมทำงานเก็บเงินสักห้าปีจะซื้อให้เขานั่งแน่ๆ ต่อให้ต้องทำงานหนักออกจากโรงพยาบาลรัฐไปทำเอกชนก็ยอม”

“หือ ถ้าได้สามีแบบนี้คือประเสริฐมากค่ะ หนูยอมแต่งแถมที่พร้อมข้าวสารให้อีกสามกระสอบเลย” หญิงสาววัยรุ่นคนเดียวในห้องหลุดปากอุทานเสียงดัง ส่วนพ่อเธอที่เป็นผอ. โรงพยาบาลเอกชนก็ยิ้มหน้าบาน อยากดึงตัวหมอมาทำงานด้วยนานแล้ว ถ้างานนี้หลานชายตัวได้กับทิวากานต์จริงๆ ความฝันของเขาก็ดูจะไม่ไกล

“มั่นใจเหลือเกินนะคุณหมอ ให้มันจริงเถอะไม่ใช่พอคบกันแล้วพบว่าอัลตัวเปล่าไม่มีสมบัติอะไรก็ทิ้ง”

“แด๊ดไม่มีเหตุผลแย้งที่สร้างสรรค์กว่านี้แล้วเหรอ!” เจ้าตัวแสบยืนเท้าเอวจ้องพ่อหน้านื่ง เดือนร้อนคุณยายต้องปรามหลานรักเสียงเขียว

“อัล! พูดกับคุณพ่อไม่เพราะเลยนะคะ”

อลันด์ยังคงจ้องพ่อตัวเองตาเขียว เขาไม่เคยโมโหเอเดลมาร์เท่าวันนี้มาก่อนจริงๆ กระนั้นก็ยอมเอ่ยปากขอโทษ “ขอโทษครับ แต่ผมไม่ชอบคนที่ดูถูกคนอื่น โดยเฉพาะคนที่ไม่ได้รู้เรื่องราวจริงๆ อะไรเลยดีแต่วิจารณ์”

ไม่วายจิกกัดบิดาให้คนแก่อ่อนอกอ่อนใจ ครอบครัวคนไทยอาจไม่ชินกับการทะเลาะกันของครอบครัวต่างชาติ มาดามโอเนลล์ที่เห็นฉากสองพ่อลูกปะทะคารมกันมาหลายหนแล้วจึงรู้สึกเฉยๆ และดึงแขนมารดามาจับให้ใจเย็นๆ ไม่ต้องดุหลาน แม้หล่อนจะไม่ชอบที่เห็นลูกชายขึ้นเสียงกับบิดาแต่สามีเธอเองก็พูดจาไม่เข้าหูจึงสมควรแล้ว

“ก็เพราะฉันไม่รู้น่ะสิถึงระแวง หมอนี่เป็นใครมาจากไหนฉันยังไม่รู้เลย จู่ๆ ก็โผล่มาแบบนี้คิดว่าจะยอมรับได้หรือไง”

“ถ้าคุณคิดว่าผมคบกับอัลเพื่อหวังอะไรแบบนั้นขอให้สบายใจได้เลยว่าไม่มีวันเป็นแบบนั้นแน่ๆ เอาเป็นว่าเพื่อพิสูจน์ตัวเองว่าผมก็ไม่ใช่คนสิ้นไร้อะไรขนาดนั้นผมอยากให้ทุกคนรู้จักกับพ่อของผมสักหน่อย แต่...ผมว่าทุกคนน่าจะรู้จักเขานะ”

“พ่อแกชื่อตู่หรือไง”

ทิวากานต์ทำเป็นหูทวนลมไม่ใส่ใจคำหาเรื่องชวนถูกเรียกไปปรับทัศนะคติของเอเดลมาร์ เขาบอกให้อลันด์ช่วยเฟซไทม์ไปหาพ่อเขาหน่อย เด็กตัวแสบที่เข้าใจความคิดเขาก็รีบจัดให้ตามคำขอ รอสายไม่นานวิคเตอร์ก็กดรับโชว์ใบหน้าที่ยังแต่งไม่เสร็จดีขึ้นมาบนหน้าจอไอโฟน

‘ไง คืนดีกับวาแล้วใช่ไหม’

“ใช่ คืองี้นะวิคเตอร์ มีคนอยากทำความรู้จักกับคุณในฐานะพ่อของวาน่ะ ช่วยแนะนำตัวหน่อยนะ”

‘ได้เลย ใครล่ะ’

“ครอบครัวผมเอง เริ่มที่คุณตาคุณยายก่อนแล้วกัน” พูดจบอลันด์ก็หันหน้าจอโทรศัพท์ไปทางคุณตาคุณยาย วิคเตอร์กล่าวทักทายคนทั้งคู่เป็นภาษาไทยง่ายๆ แล้วแนะนำตัว

‘สวัสดีครับ ผมวิคเตอร์ เหลียงเป็นพ่อของทิวากานต์ครับ เจ้านั่นไปก่อเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ’

“ไม่ค่ะ คือว่า...นี่ใช่วิคเตอร์ที่เล่นหนังเรื่องเทพบุตรเฉือนคมหรือเปล่าคะ ตายแล้ว ยายชอบหนังเรื่องนั้นมากเลย วิคเตอร์เนี่ยตั้งแต่ตอนเล่นเรื่องนั้นจนถึงตอนนี้หน้าตาไม่เปลี่ยนเลยนะคะเนี่ย” คุณยายของเด็กฝรั่งถึงขั้นกรี๊ดกร๊าดจิกแขนสามีแน่นเมื่อได้เจอพระเอกหนังในดวงใจ เสียดายเธอเกิดเร็วไปหน่อย ไม่งั้นคงไม่ได้เป็นภริยาท่านทูตอย่างทุกวันนี้แน่

“หา? พ่อหมอวาคือวิคเตอร์ที่เป็นดาราฮ่องกงน่ะหรือคะ” มาดามโอเนลล์ถึงขั้นวางหลอดยาดมกระโดดไปร่วมเฟรมดูหน้าดาราคนโปรดด้วยคน พอเห็นเท่านั้นก็กรี๊ดเหมือนสาวๆ “ตายแล้ว มิน่าหมอวาทำไมถึงหล่อนัก ถอดแบบพ่อมานี่เอง”

‘ฮ่าๆ สวัสดีครับคุณผู้หญิง ผมว่าผมหล่อกว่าเจ้าวานะ’

“แน่นอนค่ะ หล่อกว่ามากๆ เลย คุณคะคนนี้ฉันให้ผ่านค่ะ” ท้ายประโยคเธอหันไปหาสามี ตั้งมั่นแล้วว่ายังไงก็จะต้องให้ลูกชายดองกับทิวากานต์ให้ได้เพื่อที่เธอจะได้เกี่ยวกับดาราขวัญใจแม้จะในฐานะพ่อของลูกเขยก็ตาม

บรรยากาศในห้องเปลี่ยนไปแทบไม่เหลือความตึงเครียด โทรศัพท์ของอลันด์ถูกเวียนไปให้วิคเตอร์ได้แนะนำตัวจนครบและหยุดที่เอเดลมาร์เป็นคนสุดท้าย ชายอังกฤษกับชายจีนจ้องตากันเงียบๆ ก่อนที่วิคเตอร์จะยิ้ม

‘คุณพ่อน้องอัลก็หน้าเหมือนน้องอัลเลยนะครับเนี่ย แต่เหมือนลูกชายคุณจะน่ารักกว่ามากแล้วก็ป่วนมากด้วย เก่งนะครับที่ทำลูกชายใจยักษ์ของผมเสียน้ำตาได้ แต่เอาเถอะเห็นว่ารักกันผมจะยอมยกลูกชายผมให้ไปเป็นเขยบ้านคุณ ถึงบรรพบุรุษจะเสียใจที่ตระกูลเราจะไร้ทายาทสืบสกุลก็ตาม’

“ผมต้องเป็นคนพูดประโยคนั้นมากกว่านะคุณวิคเตอร์”

‘งี้แสดงว่าคุณยอมรับวาให้เป็นลูกเขยคุณแล้วใช่ไหมครับ ดีจัง งั้นผมวางสายล่ะ ผู้กำกับเรียกแล้ว ไว้คุยกันนะครับ’

“อ๊ะ ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นสักหน่อย” เอเดลมาร์หน้าหลุดเก๊กพลาดท่าเสียทีความเจ้าเล่ห์ของนักแสดงชื่อดังเข้าแล้ว ยังไม่ทันได้โวยวายกลับอีกฝ่ายก็ชิงตัดสัญญาณไปก่อนทิ้งไว้เพียงหน้าจอดำมืด

ชายชาวอังกฤษถึงกับหน้ากระตุกจะปาโทรศัพท์ทิ้งเจ้าลูกชายตัวดีก็วิ่งมาแย่งไปเสียก่อน ทีนี้พอมองไปรอบห้องก็เห็นสายตาทุกคนยอมรับในตัวคุณหมอหนุ่มโดยไร้ข้อกังขา เพราะถึงจะเป็นนักแสดง แต่วิคเตอร์ เหลียงก็เป็นนักแสดงจีนที่มีทรัพย์สินติดอันดับหนึ่งในสิบของประเทศจีนมาหลายสิบปีแล้ว

“หมอวามีพ่อเป็นคนดังระดับนี้ทำไมไม่รีบแนะนำให้รู้จักล่ะจ๊ะ เนี่ยๆ สาวบ้านนี้เขาเป็นแฟนคลับพ่อเรากันทั้งนั้น” คนพูดขึ้นมาคือมาดามโอเนลล์ที่เข้าโหมดเพ้อไปแล้ว ตอนนั้นถ้าพ่อเธอไปประจำที่ฮ่องกงเธอคงได้รู้จักกับนักแสดงในดวงใจนานแล้วและอลันด์คงไม่ได้เกิดขึ้นมาหรอก

“ผมกับพ่อไม่ค่อยสนิทกันเท่าไหร่น่ะครับ อีกอย่างเรื่องที่เขามีลูกก็เป็นความลับ”

“จริงด้วยสิ อย่างนี้พ่อเราก็หักหลังแฟนคลับมาตั้งสามสิบกว่าปี แต่ไม่เป็นไรจ๊ะ น้ารับได้ วามาเป็นเขยบ้านน้าเถอะ”

“นี่คุณ แค่เห็นหน้าพ่อก็เปลี่ยนใจปุบปับเลยเหรอ”

“แล้วจะให้ฉันตั้งเงื่อนไขอะไรขึ้นมาอีกล่ะคะ ในเมื่อฉันเห็นว่าลูกของเรามีความสุข หมอวาก็พึ่งพาดูแลได้ ฉันก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้วล่ะค่ะ”

“แต่...” เอเดลมาร์ถอนหายใจ “แต่พ่อยังยอมรับไม่ได้ พ่อมีลูกของพ่อคนเดียว เลี้ยงดูมาด้วยความรัก เลือกแต่สิ่งที่ดีให้มาตลอด พ่อทำใจไม่ได้ถ้าเกิดว่าสิ่งที่ลูกเลือกจะทำให้ลูกต้องเจอกับปัญหาใหญ่ๆ อีกมากมายข้างหน้า แค่เป็นนักร้องก็ยากแล้ว ลูกยังมีคนรักเป็นผู้ชายมันยิ่งยากเข้าไปอีก พ่อรักอัล...ไม่อยากเห็นอัลต้องเจ็บปวด”

“แด๊ด...”

“พ่อคงทำใจไม่ได้ถ้าเห็นลูกจะเลือกเดินทางยากๆ สองทางไปพร้อมกัน คนเราถ้าโลภมากจะเอาทุกสิ่งสุดท้ายมักไม่เหลืออะไรเลย”

“ผมดีใจนะที่ได้เกิดมาในครอบครัวของแด๊ดกับมัม ผมรู้ว่าทั้งคู่รักผมมาก ผมเองก็รักแด๊ดกับมัมมากเหมือนกัน แต่ว่าชีวิตนี้เป็นของผมไม่ใช่ของใคร ผมก็อยากเลือกทางเดินในชีวิตผมเองบ้างแม้เส้นทางที่เลือกเดินมันจะขรุขระไปบ้างก็เถอะ”

เด็กหนุ่มเดินเข้าไปกอดเอเดลมาร์ ซุกใบหน้ากับอกอุ่นๆ ของพ่อที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็รู้สึกปลอดภัย อลันด์ยอมรับว่าทุกอย่างที่พ่อเลือกให้ตั้งแต่เด็กจนปัจจุบันล้วนดีกับตัวเขาทั้งนั้น แต่เขาคงปล่อยให้เป็นแบบนั้นต่อไปไม่ได้ หากว่าวันหนึ่งแด๊ดไม่อยู่กับเขาแล้วเขาจะทำอย่างไร ถ้าอยากเติบโตก็ต้องหัดขาแข็งยืนด้วยตนเองตั้งแต่เสียตอนนี้

“ผมอยากโต อยากลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง อยากเจออุปสรรคบ้าง อยากเป็นคนที่เข้มแข็งได้แม้แด๊ดจะไม่ได้อยู่กับผมแล้ว”

“ลูกดูถูกความรักความเป็นห่วงของพ่อมากไปนะ ต่อให้ลูกจะไปเป็นของคนอื่น มีครอบครัวของตัวเอง เดินตามเส้นทางที่ตัวเองสร้างขึ้นมาก็หยุดความห่วงใยของพ่อแม่ไม่ได้หรอก เอเดลมาร์ก้มหน้าจูบกระหม่อมลูกชายสุดที่รัก แน่นอนว่าเขาอยากให้ลูกมีความสุข ถ้าการบังคับจะทำให้คนที่เขารักต้องทุกข์เขาก็จะยอมลงให้ “ก็ได้... ในเมื่อลูกอยากสร้างอนาคตกับหมอ งั้นเรามาเจอกันคนละครึ่งทางเอาไหม”

“ยังไงครับ”

“พ่อจะเสนอทางเลือกให้ลูกสองทาง ลูกต้องตัดสินใจเลือกดีๆ แน่นอนว่าทางเลือกของพ่อดีกับลูกแต่ไม่ที่สุดทั้งสอง ลูกจะได้เจออุปสรรคแต่ก็แค่ครึ่งเดียวของที่ลูกเลือกไว้ทั้งหมดเพราะพ่อคงทำใจไม่ได้ถ้าต้องเห็นลูกเสียใจ ตกลงไหม”

“ครับ”

“ดี ทางเลือกแรกคือกลับไปเรียนที่เดิมตามสัญญาแรกของเรา ระหว่างนั้นลูกจะไปขึ้นเวทีเป็นนักร้องที่ไหนก็ได้แต่ลูกต้องเรียนให้จบ แน่นอนว่าถ้าลูกกลับมาเป็นนักร้องที่อังกฤษลูกต้องหาทางแก้ปัญหาเรื่องความรักทางไกลของลูกกับคุณหมอเอง พ่อและแม่จะไม่เข้าไปยุ่งด้วยเด็ดขาด”

“ครับ”

“กับอย่างที่สองคือพ่อจะให้เรากลับไปเรียนเศรษฐศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยในอังกฤษให้จบ หลังจากนั้นพ่อจะให้เรากลับไทยมาอยู่ที่นี่กับหมอเขาโดยที่พ่อจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับชีวิตลูกอีก ที่พ่อตั้งข้อเสนอแบบนี้เพราะพ่อถือว่าการศึกษาเป็นเรื่องสุดท้ายที่พ่อจะส่งเสริมให้ลูกได้ เข้าใจใช่ไหม”

ทางหนึ่งก็คนที่รักอีกทางก็ความฝันที่หมายมาทั้งชีวิต
หัวข้อ: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 33 [27.03.16]
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 27-03-2016 10:21:02
เด็กลูกครึ่งพยักหน้ารับในข้อตกลงที่เสนอมา ทางเลือกข้อเอเดลมาร์นั้นเหมือนให้เลือกระหว่างคนรักกับความฝัน เป็นหัวข้อที่เขาและทิวากานต์เคยผ่านมันมาก่อนหน้านี้แล้วจนเกือบจะเลิกกัน แน่นอนว่าคำตอบนั้นอลันด์เลือกให้กับตัวเองได้ทันทีและนึกขอบคุณแด๊ดที่ช่วยให้อะไรๆ มันง่ายขึ้น

“เอาล่ะ...ถึงเวลาที่ลูกต้องเลือกแล้ว เลือกดีๆ นะอัล เรายังเด็กยังมีเวลาและโอกาสอีกมากที่จะได้เจอคนใหม่ๆ บางทีความรักที่ลูกมีตอนนี้อาจไม่ใช่ความรักที่แท้จริงก็ได้”

ส่วนทิวากานต์นั้นฟังแล้วก็มั่นใจว่าคนรักคงเลือกเส้นทางดนตรีตามความฝันแต่แรกเพราะเรื่องทุนของเขานั้นยังไงมันก็เอากลับมาไม่ได้แล้ว

เขาหันไปยิ้มให้คนรัก บอกความนัยผ่านดวงตาว่าเขาพร้อมยอมรับทุกเส้นทางที่อีกฝ่ายเลือก

 “ไม่เห็นยากเลยแด๊ด...” เจ้าเด็กลูกครึ่งตัวแสบยักไหล่ ทำหน้ามึนกวนๆ ใส่คนเป็นพ่อก่อนเดินมาควงแขนกับทิวากานต์ “ยังไงผมต้องเลือก ‘วา’ อยู่แล้ว ไม่งั้นผมจะมาเถียงกับแด๊ดให้เหนื่อยเหรอ เดี๋ยวให้อัลเบิร์ตสมัครสอบที่อ็อกฟอร์ดเลย ผมจะกลับไปเรียนที่อังกฤษเทอมหน้า”

“อัล!” ดูเหมือนคำตอบของอลันด์จะไม่ได้ทำให้แค่เอเดลมาร์ช็อคเพราะคนที่ถูกเลือกเองก็ตกใจ ทิวากานต์ทำหน้าเหมือนเด็กหนุ่มเพิ่งเอาน้องกบไปขูดเสามางั้นแหละ

“นี่ลูกกำลังทิ้งความฝันและอนาคตการเป็นนักร้องดังที่รออยู่ข้างหน้าเลยนะ”

“แด๊ด ผมไม่ได้ทิ้งอนาคตนะ แต่ผมกำลังเลือกสร้างอนาคตกับวาต่างหาก”

“อัล คิดใหม่อีกทีได้นะ” ทิวากานต์เองก็แย้งขึ้นมา เขาเห็นความตั้งใจในการเป็นนักดนตรีของอลันด์มาตลอด ไม่อยากให้ทิ้งความฝันไปเพียงเพราะตัวเขาเลย เขาน่ะมันไม่มีความฝันอะไรตั้งนานแล้ว จะให้เปลี่ยนไปทำอะไรก็คงไม่รู้สึกไปมากกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ แต่กับอัลน่ะสิ...

“ผมคิดดีแล้ววา เคยมีคนบอกกับผมว่าไม่จำเป็นหรอกที่ต้องชอบทำอะไรมากๆ แล้วต้องจบลงด้วยอาชีพนั้นๆ ตอนนี้เมื่อถึงทางแยกผมก็แค่เลือกทางเดินที่ดีที่สุดให้ตัวเอง ควบคู่ไปกับการได้ทำสิ่งที่ผมรัก ดนตรีน่ะ...ถึงไม่ได้เป็นนักร้องแต่ใช่ว่าจะไม่ได้ร้องเพลงอีกนี่นา อยู่ที่ไหนก็ร้องเพลงได้ขอแค่มีกีตาร์สักตัวกับตัวผม จริงไหม”

ถ้าต้องเดินตามความฝันแต่ต้องอยู่กับคนรักแบบหลบๆ ซ่อนๆ เขาคงทำไม่ได้ เขาอยากให้เกียรติคนรัก อยากอยู่กับเขาทุกที่โดยไม่ต้องแคร์สายตาใครมากมาย แค่ในชีวิตหนึ่งของคนธรรมดาการได้เจอกับความรักแสนพิเศษแบบนี้นับว่าเป็นโชคดีมากแล้ว

มือเล็กของอลันด์เลื่อนลงสอดประสานกับฝ่ามือใหญ่ของทิวากานต์ ก่อนเจ้าตัวจะเงยหน้าขึ้นสบสายตาคนรักแล้วยิ้มให้จนตาปิด

“แต่วามีคนเดียวผมไม่สามารถหาคนแบบวาได้ที่ไหนบนโลกใบนี้ได้อีกแล้ว คนที่ผมพยายามแทบตายเพื่อให้เขายอมมีอะไรด้วย คนที่ดุผมแต่ก็ปลอบใจผม คนที่สอนให้ผมใจเย็นขึ้นเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น เป็นคนที่ผมเชื่อได้ว่าถ้าอยู่กับเขาแล้วจะมีความสุข แม้แต่ตอนทะเลาะกันก็ยังชอบที่เราเถียงกัน ที่สำคัญคือเขาเป็นผู้ชายที่ผมรัก แค่ตอนที่วายอมทิ้งรถเพื่อมาตามผมที่สนามบิน ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับวามันก็เลยคำว่ารักไปแล้ว และจากนี้ไปผมก็อยากให้วาเป็นชีวิตที่เหลือทั้งหมดของผม อยู่กับผมไปด้วยกันตลอดนะ”

เธอเป็นมากกว่ารัก เพราะเธอนั้นคือครึ่งชีวิต
ฉันใช้เวลาทั้งชีวิต เพื่อตามหาและรอคอยเธอมาแสนนาน
และสุดท้ายก็เจอ ว่าเธอคือทุกอย่างที่เติมเต็มหัวใจ
จากนี้ทุกลมหายใจฉันคือเธอ...

ทิวากานต์กลั้นยิ้มจนแก้มตึง ความรู้สึกเป็นคนที่ถูกเลือกเนี่ยไม่ว่ากี่ครั้งก็รู้สึกดีจริงๆ แต่ก็ไม่วายแซวคนรักที่ยืนเขินหน้าแดงเป็นลูกตำลึง “งั้นพี่ควรขายน้องกบทิ้งสินะ”

“ไม่ได้พูดนะ” เด็กฝรั่งทำหน้านิ่งยักคิ้วกวนๆ ก่อนคลี่ยิ้มสว่างสดใสออกมาพร้อมประโยคน่ารักน่าหยิกให้คนฟังอยากเข้าไปฟาดสักที “แต่ขายทิ้งก็สงสารน้องกบแย่น่ะสิ ถ้าไม่ได้น้องกบเราจะรักกันแบบนี้เหรอวา สำนึกบุญคุณน้องกบบ้างนะ”

“โธ่เอ๊ย! ไอ้ตัวแสบ” คุณหมอดึงอีกคนมากอดซุกอก เพราะว่ารักหรอกนะจะไม่เตะก้นหนึ่งวันโทษฐานเล่นไม่รู้จักเด็กรู้จักแก่ก็แล้วกัน แต่ในอนาคตไม่แน่ ถ้าดื้อเมื่อไหร่เขาจะจับลงโทษจนเข็ดเลย คอยดูสิ!

“อยากลืมนะที่สัญญากันว่าจะไม่ปล่อยมืออีกแล้วน่ะ”

“แน่นอน สัญญาด้วยชีวิตทั้งชีวิตเลย”

ทิวากานต์ดึงคนตัวเท่าไหล่มาจูบปากโชว์ครอบครัวของอลันด์ให้เห็นกันจะๆ เล่นเอาคุณพ่อติดลูกถึงกับดิ้นเร่าๆ อยากสิ่งเข้าไปกระชากออกมา ผิดกับคนแม่ที่ได้แต่ซับน้ำตาที่ลูกชายเป็นเป็นฝั่งเป็นฝาเสียที ส่งลูกมาเรียนที่เมืองไทยรอบนี้เกินคุ้มจริงๆ เพราะนอกจากลูกชายจะเติบโตขึ้นยังได้ลูกเขยแถมกลับมาตั้งหนึ่งคนแน่ะ!



TBC

มีบทส่งท้ายอีกนิดค่ะ
รออ่านได้เร็วๆ นี้ ^^

ตอนนี้พี่วารอดตีนพ่อตานะคะ เพราะได้เตี่ยมาช่วยไว้
ส่วนการตัดสินใจของน้องอัล ยกหน้าที่ให้คนอ่านพิจารณากันเองเลยค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 33 [27.03.16]
เริ่มหัวข้อโดย: Mokuchi ที่ 27-03-2016 12:45:40
ควรจะสงสารคุณพ่อตาดีมั้ย
โดนแย่งลูกชายแถมยังไม่มีใครเข้าข้างอีก 555 :laugh:
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 33 [27.03.16]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 27-03-2016 14:33:43
 :pig4: :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 33 [27.03.16]
เริ่มหัวข้อโดย: AllStaRK ที่ 27-03-2016 14:36:14
งืมมมมมมมมมมมมมม โดนแย่งลูกชาย :a5:
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 33 [27.03.16]
เริ่มหัวข้อโดย: imac ที่ 27-03-2016 14:57:01
อ่านไปยิ้มไป ตอนนี้ตัวแสบกับหมอวาโชว์หวานไม่แคร์สื่อ
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 33 [27.03.16]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 27-03-2016 15:27:56
คุยกันดีๆ ก็เข้าใจ ความรักของพ่อแม่ยิ่งใหญ่เสมอ
มีโชว์ท้ายด้วย
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 33 [27.03.16]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 27-03-2016 16:03:34
ทั้งซึ่งทั้งฮาและสงสารคุณพ่อตามากๆ
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 33 [27.03.16]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 27-03-2016 20:46:13
สงสารแต่พ่อตาโดนแย่งลูกชายสุดที่รักไป

ตอนนี้ทั้งอบอุ่นทั้งฮาเลยค่ะ ชอบบบบ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 33 [27.03.16]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 28-03-2016 00:44:37
คุณพ่อตาหัวเดียวกระเทียมลีบเลยทีนี้
ปรบมือให้กับทั้งหมอวาและอัลที่เลือกกันและกันแทนที่จะเลือกทำตามความฝัน
ซึ่งคนส่วนใหญ่มักเลือกจะทิ้งคนรักแล้วไปตามล่าฝัน
พ่อหมอวาช่วยได้เยอะเลยงานนี้ มี fc เป็นคุณแม่และคุณยาย
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 33 [27.03.16]
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 28-03-2016 06:49:47
หมอวาต้องรักเตี่ยให้มากๆ นะ บอกเลยงานนี้รอดได้เพราะความฮอตของเตี่ยช่วยไว้ 555
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 33 [27.03.16]
เริ่มหัวข้อโดย: Autonomyz ที่ 28-03-2016 11:27:52
ต้องขอบคุณเตี่ยนะวา ที่ทำให้มีวันนี้ 5555
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 33 [27.03.16]
เริ่มหัวข้อโดย: misskimji ที่ 29-03-2016 03:55:37
อ่านไปยิ้มไปเลยค่ะ
ตอนนี้ดีงามมากกกกก
รักพี่วาน้องอัล และคนเขียนนะคะ

 :กอด1: :L1:

หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 33 [27.03.16]
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 29-03-2016 06:07:12
คือมันดีอะ...

แต่งานนี้คงต้องบอกว่ายกความดีความชอบให้อิตาคุณพ่อของพี่วาปะ มีตำแหน่งดาราดังการันตรีลูกชายเลยได้คะแนนความพึงพอใจจากครอบครัวหนูอัลมาเต็ม 555
หัวข้อ: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- EPILOGUE [31.03.16]
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 31-03-2016 17:08:01
EPILOGUE



แปดเดือนต่อมา...
ลอนดอน สหราชอาณาจักร


“คุณหมอว่ายังไงบ้างครับคุณชาย” อัลเบิร์ตเอ่ยถามเจ้านายร่างเล็กที่เดินออกมาจากห้องตรวจ เขายื่นเสื้อโค้ทให้อีกฝ่ายสวมเมื่อการตรวจหัวใจที่ทำเป็นประจำทุกเดือนหลังจากการรักษาเสร็จสิ้น

“ทุกอย่างโอเคเหมือนเดิมยกเว้นน้ำหนัก ตาแก่นั่นอยากให้ฉันเพิ่มสักสิบปอนด์ ให้ตายเถอะใครจะไปทำได้” เขาบ่นเป็นหมีกินผึ้งระหว่างให้พ่อบ้านส่วนตัวจัดการเรื่องค่าใช้จ่าย

“แต่ถ้าคุณชายยังไม่เพิ่มน้ำหนักให้มากกว่านี้ เกรงว่าคุณท่านจะให้ผมตามไปอยู่ที่หอด้วย”

“แด๊ดเพี้ยนหรือไง มีใครบ้างเอาพ่อบ้านไปอยู่ด้วยที่หอมหาวิทยาลัย ขนาดเจมส์ยังไม่เอาเอ็ดเวิร์ดไปอยู่ด้วยเลยนะ” อลันด์ระบายอารมณ์หงุดหงิดด้วยการกระแทกก้นนั่งกับเบาะหลังของเบนท์ลีย์ มูซานแรงๆ

รถยนต์คันหรูแล่นข้ามแม่น้ำเทมส์มุ่งสู่เขตเมย์แฟร์อันเป็นที่ตั้งบ้านของเด็กหนุ่มด้วยความเร็วคงที่ เมื่อใกล้ถึงที่หมายคุณชายจึงบอกให้พ่อบ้านส่วนตัวจอดรถที่สวนสาธารณะไฮด์ปาร์ค “อากาศกำลังดีฉันจะแวะเดินเล่นสักหน่อย นายกลับไปที่บ้านเลยนะไม่ต้องรอ”

“ให้ผมมารับไหมครับ”

“ไม่ได้ไกลฉันเดินกลับเองได้ อ่อ บอกลินดาด้วยนะว่ามื้อเย็นฉันขอเนื้อชิ้นเล็กหน่อยแล้วหัวหอมก็ขอสุกๆ สุกแบบนิ่มเลยนะถ้ามันแข็งจะเหม็นเขียวฉันไม่ชอบ อย่าลืมให้ขนมมิวมิวด้วยล่ะ” เขาสั่งพ่อบ้านยาวๆ แล้วเปิดประตูรถลงไป

ตอนนี้ลอนดอนเข้าสู่ช่วงใบไม้ร่วงเตรียมเข้าฤดูหนาวแล้ว ลมเย็นพัดมาทำให้เด็กหนุ่มต้องห่อตัวเองเข้ากับเสื้อโค้ท เขาเดินไปเรื่อยพลางรำลึกความหลังที่เคยใช้เวลาช่วงฤดูร้อนกับทิวากานต์ที่นี่

อลันด์ไม่ได้เจอกับทิวากานต์อีกเลยหลังงานแต่งงานของการันต์กับอักษราเพราะเสร็จงานคืนนั้นเขาก็ต้องรีบบินกลับอังกฤษเพื่อมาเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัยตามคำพูดที่ให้ไว้กับเอเดลมาร์ แม้กระทั่งของขวัญวันเกิดยังทำได้เพียงฝากคนินทร์ไปให้ทั้งที่อยากเป็นคนมอบให้ด้วยตนเอง ไม่รู้คนขี้เหงานั้นจะเป็นยังไงบ้าง เหงาจนลืมเขาไปมีคนอื่นหรือยัง

แรงสั่นเบาๆ ของโทรศัพท์ในกระเป๋าเสื้อเรียกสติกลับคืนมา นั่น...ตายยากจริงๆ พอบ่นคิดถึงหน่อยก็ส่งเมสเสจมาเชียว

P’ Wa:    ทำอะไรอยู่ ไปหาหมอมาเป็นไงบ้าง
AL:    เหมือนเดิม เบื่อๆ เลยมาเดินเล่น
P’ Wa:    ยังไม่กลับหอเหรอ
AL:    ไม่อ่ะ
ไม่มีการบ้าน ทำรายงานเสร็จแล้วด้วย
ค่อยกลับวันจันทร์ให้อัลเบิร์ตไปส่ง
P’ Wa:    I C
   ตอนนี้ที่นั่นใบไม้เปลี่ยนสีหรือยัง
AL:    เริ่มแล้วล่ะ
   อยากให้วามาอยู่ที่นี่ด้วยจัง
P’ Wa:    อดทนหน่อยน่า อีกแค่แป๊บเดียว
AL:    แป๊บเดียวน่ะอีกเท่าไหร่กัน กว่าจะเรียนจบ ตั้งสามปีนะ!
P’ Wa:    เชื่อพี่เหอะน่า แป๊บเดียวจริงๆ
AL:    ก็ได้
   แล้วนี่ไม่หลับไม่นอน จะเที่ยงคืนแล้วนะ หรือมีงาน
P’ Wa:    กำลังวิ่งอยู่
AL:    หือ?
   วาเนี่ยนะจะวิ่ง เพิ่งสำนึกได้เหรอว่าลงพุงแล้วควรได้เวลาฟิตสักทีน่ะ
P’ Wa:    บร๊ะ! ก่อนอัลจะมาอยู่กับพี่พี่ออกกำลังกายตลอดนะ
AL:    ฮ่าๆ
P’ Wa:    อัล
AL:    หือ?
P’ Wa:    ได้ยินเสียงอะไรไหม
AL:    เสียงอะไร

เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์มองไปรอบๆ พยายามเงี่ยหูฟังเสียงที่ทิวากานต์บอก แต่นึกเอะใจขึ้นได้ว่าพวกเขาอยู่คนละซีกโลกกันจะไปได้ยินเหมือนกันได้ไง

AL:    จะบ้าเหรอวา ผมจะไปได้ยินได้ยังไงล่ะ อยู่คนละที่กันนะ
   ผีหลอกแล้ว
P’ Wa:    เฮ้ย ได้ยินจริงๆ นะ อัลลองฟังดีๆ ดิ
AL:    อย่ามาอำกันเสียให้ยาก
P’ Wa:    ไม่ได้อำ
อัลลองตั้งใจฟังดีๆ เหมือนจะเป็นเพลงนะ

หน้าขาวบิดเบ้ ไม่รู้คราวนี้ทิวากานต์หาอะไรมาแกล้งเขาอีกเหมือนเมื่อครั้งร่วมมือกับเจมส์เซอร์ไพรส์เขาตอนที่สอบเข้าอ็อกฟอร์ดได้ด้วยการให้เจมส์หิ้วพี่คริส ตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ของหม่าม้ามาให้ในวันย้ายเข้าหอ กระนั้นอลันด์ยอมหลับตาเงี่ยหูฟังเสียงที่ทิวากานต์ว่า... นอกจากเสียงลมแล้วก็เหมือนจะได้ยินเสียงกีตาร์เบาๆ ลอยมาจากที่ไหนสักที่

When I wake up, well I know I'm gonna be
I'm gonna be the man who wakes up next to you
And when I go out, yeah I know I'm gonna be
I'm gonna be the man who goes along with you


P’ Wa:    ได้ยินยัง
AL:    ได้ยินแล้ว
P’ Wa:    บอกแล้ว
   
But I would walk 500 miles and I would walk 500 more

P’ Wa:    Just to be the man who walked 1000 miles to fall down at your door

“จับได้แล้ว”

“อ๊ะ!” อลันด์หวีดร้องเสียงหลงเมื่อถูกจู่โจมจากด้านหลัง หน้าแทบคว่ำล้มขมำไปกับพื้นหญ้า มือเล็กแตะที่หน้าอกตัวเองได้ยินเสียงหัวใจเต้นแรงผสานเสียงหัวเราะร่วนที่ไม่ได้ยินกับหูมานาน พอตั้งสติได้จึงหันไปแว้ดใส่คนที่ทำเอาเขาตกใจจนเกือบช็อคตาย มือเล็กทุบเข้าหัวไหล่ทิวากานต์ดังอั้กเรียกความสนใจจากคนที่เดินอยู่แถวนั้นได้หลายคน

“อู๊ย ตัวแค่นี้ทำไมแรงเยอะจัง”

“จะทุบให้นุ่มเลย เล่นบ้าอะไรเนี่ยวา หัวใจวายขึ้นมาจะว่ายังไง”

“หัวใจวายก็ทำ CPR ดิ ไงเซอร์ไพรส์ไหม นี่วิ่งมาเหนื่อยๆ เลยนะเนี่ย”

“เซอร์ไพรส์อะไรที่มันเข้าท่ากว่านี้หน่อยไหม นี่นึกว่าถูกผีหลอกแล้วนะ แล้วเดี๋ยวนะ... วามาอยู่ที่นี่ได้ไง”

“นั่งอันเดอร์กราวน์มาน่ะสิ” เขาตอบเหมือนที่อีกคนถามช่างไร้สาระ “เธอต่างหาก แทนที่จะกลับบ้านเลยมาเดินโต๋เต๋แถวนี้ คนเขาไปรอที่บ้านตั้งนาน นี่วิ่งมาจากบ้านอัลเลยนะ เหนื่อยชะมัด”

“ไม่ใช่สิ ผมหมายถึงทำไมวามาอยู่ที่อังกฤษได้ล่ะ ลาพักร้อนมาเหรอ”

ทิวากานต์ส่ายหัว เขาโอบแผ่นหลังเด็กตัวเท่าไหล่พาเดินออกไปหาที่เงียบๆ คุย ตาสีฟ้าลอบสังเกตคนข้างกายไม่หือไม่อือเหมือนยังมึนๆ ทิวากานต์ยังดูหล่อเหมือนเดิมแม้จะอายุสามสิบเอ็ดแล้ว เป็นวัยกำลังน่ากินอย่างที่เจ้าตัวเคยว่านั่นแหละ ผมก็กลับไปยาวเป็นทรงสิงโตยุ่งๆ เหมือนเดิม ไม่มีอะไรแปลกไปเลย...ทิวากานต์ของเขายังเหมือนเดิมทุกอย่าง

พวกเขาได้ม้านั่งว่างตัวหนึ่งใกล้ทะเลสาบเป็นที่นั่งคุยกัน คุณหมอหนุ่มอาศัยช่วงที่ไม่มีใครมองก้มลงหอมแก้มใสเร็วๆ พอให้หายคิดถึงก่อนดึงอลันด์เข้ามากอด

“คิดถึงจัง คิดถึงมากๆ ฟังแค่เสียงหัวใจเต้นที่อัดไว้ก็นอนไม่ค่อยหลับเลย”

“แต่นี่นอนกอดพี่คริสหลับสนิททุกคืนเลยนะ”

“เชอะ กอดคนเป็นๆ ดีกว่ากอดหมีนะ” เขาว่า “อัลจ๋า...อัล คิดถึงอัลที่สุด”

“วาเป็นเอามากนะเนี่ย” เด็กหนุ่มหัวเราะเก้อๆ เพิ่งเคยเจอทิวากานต์โหมดนี้ โหมดปัญญาอ่อนผิดหน้าตาโหดๆ

“คนแก่ก็งี้แหละ กลัวโดนทิ้งจะตายต้องขยันอ้อนหน่อยกลัวเด็กลืม”

“ลิมิเต็ดขนาดนี้ลืมได้ไง แล้ววาจะบอกได้หรือยังว่ามาอยู่แถวนี้ได้ไง”

“ไม่ได้อยู่แถวนี้หรอก ความจริงอยู่ถัดบ้านอัลไปสี่สถานีน่ะ อยู่มาจะสองเดือนแล้ว”

“หือ? หมายความว่าไง” เด็กหนุ่มเงยหน้ามองคนรักแทบจะในทันทีเมื่อได้ยินคำว่าสองเดือน ดวงตาสีอ่อนเต็มไปด้วยความสับสน ประหลาดใจ และน้อยใจหน่อยๆ ที่ทิวากานต์มาอยู่ลอนดอนตั้งนานแล้วเพิ่งจะโผล่มาหาเขา

เหมือนจะรู้ว่าคนรักกำลังงอนมือใหญ่จึงจับแก้มขาวไล้นิ้วโป้งเบาๆ เป็นการง้อ “ขอโทษที่ไม่ได้บอกก่อน อยากเซอร์ไพรส์น่ะ ก็แด๊ดดี้เราไม่มีข้อห้ามไม่ให้พี่ตามมาอยู่ที่นี่ด้วยสักหน่อย พี่ก็เลย...หาทุนมาเรียนต่อที่นี่ ความจริงที่ตอนนั้นไม่เอาทุนของอาจารย์อาคมก็เพราะรอทุนที่อังกฤษนี่แหละ แล้วพอดีติดเด็กก่อนเลยชะลอไป แต่ไหนๆ ตอนนี้ได้โอกาสพอดีเลยมาเรียนที่นี่ด้วยจนกว่าอัลจะจบกลับไทยพร้อมกัน”

“ฮ่ะ ฮ่า... จริงเหรอเนี่ย”

“จริงซี่ อัลอ่า...จะร้องไห้ทำไมกัน ไม่ดีใจเหรอ”

“ดีใจสิ ดีใจมากเลย ไม่คิดว่าวาจะทำขนาดนี้”

“พี่ก็ทำเพื่อตัวเองด้วยนั่นแหละ มีแต่ได้ทั้งนั้น”

“แด๊ดรู้เข้าต้องเต้นแน่ๆ เลย แต่ช่างเหอะ...ผมก็ดีใจที่วามาอยู่ใกล้ๆ ดีใจมากจริงๆ นะ” เขาพูดเสียงอู้อี้ก่อนซุกหน้าบนอกคนตัวโต “ขอบคุณนะวา ขอบคุณที่ทำให้ผมขนาดนี้ ขอบคุณที่ทำให้ผมรู้ว่าผมเลือกไม่ผิด”

ความรักของพวกเขาเพิ่งจะเริ่มต้น แต่สิ่งที่ทั้งทิวากานต์และอลันด์สนใจไม่ใช่อนาคตว่ามันจะจบลงเมื่อไหร่หรือความรักครั้งนี้จะยืดยาวแค่ไหน สิ่งที่พวกเขาใส่ใจคือการทำปัจจุบันให้มีความสุขที่สุด บางครั้งเราอาจเลือกพลาด บางทีต้องตัดใจเลือกอีกอย่างเพื่อทิ้งอีกอย่าง แต่เมื่อตัดสินใจเลือกแล้วก็ต้องอยู่กับสิ่งที่เลือกให้ดีที่สุดไม่ให้กลับมาเสียใจในสิ่งที่ทิ้งไปได้ ซึ่งทั้งคู่ไม่เคยเสียใจเลยที่เลือกจะมีคนรักเป็นผู้ชายเหมือนกันถ้ามันจะทำให้ยิ้มและหัวใจพองโตได้ขนาดนี้

ไม่ว่าจะเป็นเพราะพรหมลิขิตบันดาลหรือเรื่องบังเอิญ แต่ต้องขอบคุณจริงๆ ที่ทำให้พวกเขาได้รู้จักกัน ได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน และตกหลุมรักกันในที่สุด

“I told you I’m gonna be the man who takes care your heart forever and ever”

.
.
.



















เห็นหรือเปล่าคะว่ายังไม่มีคำว่า END (ฮา)
เพราะเดี๋ยวเราจะแถมตอนพิเศษที่เป็น real ending ให้อีกหนึ่งตอนค่ะ
แต่ไม่ว่ายังไงบทสรุปของคู่รักต่างวัยคู่นี้ก็มาถึงตอนจบแล้วจริงๆ

เราเริ่มเขียนเรื่องนี้ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2014 หลังจากไปตกหลุมรักเด็กอังกฤษคนนึงมา
บวกกับ passion ส่วนตัวที่อยากเขียนเรื่องราวที่ว่าด้วยคำสัญญา ความรักและความฝัน ว่าถ้าต้องเลือกจริงๆ จะเลือกอะไร
ผ่านไปหนึ่งปีพอดีเรื่องนี้ก็เขียนจบได้ฤกษ์ลงเล้า ใช้เวลาอีกห้าหกเดือนลงจนจบและเป็นฉบับสมบูรณ์

ต้องขอขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน ทุกคอมเม้นต์ที่ทำให้เราหัวเราะและยิ้มได้
ขอบคุณคนอ่านที่ให้กำลังใจกันมาตลอด เราจำชื่อหน้าประจำได้เกือบทุกคนเลย(ทั้งที่ปกติจำชื่อใครไม่ค่อยได้)
ขอบคุณคุณหมอที่ให้ข้อมูลโดยไม่บ่นเวลาเราไปถามเอามาเขียนนิยาย
ขอบคุณคุณพี่สาวท่านหนึ่งที่ให้ยืมเคสโรคผนังหัวใจรั่วมาใส่น้องอัล
ขอบคุณตัวเองด้วยที่แต่งจบ นานๆ จะแต่จบสักเรื่อง ฮา

แล้วเจอกันตอนหน้าที่มีชื่อตอนว่า รัก ค่ะ

ปล. ติดตามรายละเอียดการรวมเล่มได้ที่เพจเฟซบุ๊คของเราหรือของทาง rainy night นะคะ ^^

สวัสดีค่ะ

 :mew1:
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- EPILOGUE [31.03.16] END
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 31-03-2016 17:45:44
   o13:heaven :heaven
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- EPILOGUE [31.03.16] END
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 31-03-2016 18:14:31
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- EPILOGUE [31.03.16] END
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 31-03-2016 18:29:53
พี่หมอวา น่ารัก สุดๆ



หนูอัลต้องไปใหนไม่รอดแน่
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- EPILOGUE [31.03.16] END
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 31-03-2016 19:46:47
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- EPILOGUE [31.03.16] END
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 31-03-2016 21:14:16
ชอบเรื่องนี้มากเลยนะ เรียกได้ว่าติดงอมแงมชนิดที่อยากให้ทุกวันเป็นวันเสาร์(เพราะปกติอัพวันเสาร์555)  รักหมอวากะน้องอัล จะรอตอนพิเศษและรออ่านเรื่องต่อๆไปจ้า
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- EPILOGUE [31.03.16] END
เริ่มหัวข้อโดย: minkey ที่ 31-03-2016 21:32:58
ฮือออออ จะจบจริงๆแล้วเหรอออออ
พี่วาน้องอัลลลล
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- EPILOGUE [31.03.16] END
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 31-03-2016 21:44:20
แบบนี้ดีกว่าเยอะ ไม่ต้องต่างคนต่างรอ อยู่ใกล้กันมันดีต่อหัวใจนะเออ
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- EPILOGUE [31.03.16] END
เริ่มหัวข้อโดย: Autonomyz ที่ 31-03-2016 21:49:29
ผู้ชายวัยสามสิบนี่มันน่าแซ่บจริงๆนะคะ
บอกเลย เอฟซีวิคเตอร์ เหลียง ตั้งแต่ต้นยันจบเรื่อง
ฮ่าๆๆๆๆ *โดนหมอวาเขม่น*
คือหมอวาคะ จะทำให้อิจฉาเด็กไปถึงไหนคะ
แค่นี้ก็หลงสเน่ห์หมอแบบไปไหนไม่รอดแล้วค่ะ
ยิ่งวัย 30+ ด้วยแล้ว โอ้ยตายๆ
น่ารักไปอีกกกก
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- EPILOGUE [31.03.16] END
เริ่มหัวข้อโดย: ゚゚ღ✿ศิลินส์✿ღ゚゚ ที่ 31-03-2016 22:12:09
วา โถ! หางจุกก้นเลย เอ้ย! ไม่ใช่ ๆ  :laugh: แหมน่าสงสารเนอะ หึหึ

'อีกบ' นางก็มาแอบขโมยซีนนะเราอ่านเมื่อไหร่ก็ขำและตลกอันด์ตลอดอ่ะ แต่ตอนสุดท้ายซึ้งมากเลยค่ะ ตื้นตันกับทั้งคู่จริง ๆ

จะจบแล้ว เฮ้อออ...อยากอ่านต่ออีกจัง แล้วเราจะรอตอนพิเศษนะคะ ขอบคุณผู้เขียนมากค่ะที่เขียนเรื่องสนุก ๆ มาให้อ่าน เราชอบมาก
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- EPILOGUE [31.03.16] END
เริ่มหัวข้อโดย: itsbelle ที่ 31-03-2016 22:59:19
อยากได้เล่มแล้วววว
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- EPILOGUE [31.03.16] END
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 31-03-2016 23:01:10
 :z13: :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- EPILOGUE [31.03.16] END
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 31-03-2016 23:30:46
น่ารักที่สุด!!!
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- EPILOGUE [31.03.16] END
เริ่มหัวข้อโดย: misskimji ที่ 01-04-2016 03:36:31
 :L1: :L1: :L1:
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- EPILOGUE [31.03.16] END
เริ่มหัวข้อโดย: greensnake ที่ 01-04-2016 19:51:59
อ่านตอนจบแล้วทำเอาเราอายม้วนเลยทีเดียว
ไม่คิดว่าหมอวาจะน่ารักมุ้งมิ้งและขี้อ้อนได้ขนาดนี้
ถ้าไม่ใช่เด็กฝรั่งก็คงไม่มีทางได้เห็นโมเม้นท์นี้แน่
ทั้งสองคนพยายามในแบบของตัวเองได้ดีมากเลย
อีกไม่นานความอดทนนี้ก็จะพิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็น
ทั้งสองคนพร้อมที่จะเดินเคียงข้างกันไปในวันข้างหน้า
สู้ๆนะจ๊ะ อีกไม่นานก็จะได้พบกับวันนั้น :hao3:
แม้คนเขียนจะบอกว่ายังมีตอนพิเศษต่ออีก
แต่ก็อดใจหายไม่ได้อยู่ดี  :เฮ้อ: รอตอนพิเศษนะคะ
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ :กอด1:
+1และเป็ดแทนคำขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- EPILOGUE [31.03.16] END
เริ่มหัวข้อโดย: ้Sin.7 ที่ 01-04-2016 21:02:58
ฉันจะรอออออออออออ โอ้ยชอบบบบบบบบ :-[
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- EPILOGUE [31.03.16] END
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 01-04-2016 23:28:07
ชอบเรื่องนี้มากค่ะ น้องอัลเด็กแสบที่ตอนหลังๆ ไม่แสบแล้ว แต่น่ารักมากๆ
ไม่แปลกใจที่พี่วาทั้งรัก ทั้งหลง   o18

จะจบเรื่องแล้ว เสียดายจัง   

จะรออ่านเรื่องใหม่นะคะ  ขอบคุณมากค่ะ   :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- EPILOGUE [31.03.16] END
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 02-04-2016 03:19:32
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- EPILOGUE [31.03.16] END
เริ่มหัวข้อโดย: Ryu7801 ที่ 02-04-2016 17:17:58
หมอวาน่ารัก :hao6:
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- EPILOGUE [31.03.16] END
เริ่มหัวข้อโดย: Kio ที่ 02-04-2016 20:24:07
โอเอ็มจี ทำไมเราเพิ่งเจอนิยายดีๆ แบบนี้อะ คือดีคือเลิศ เหมือนตามหามานาน แถมได้เพลงโดนใจไปฟังหลายเพลง  :-[

ชอบหมอวามากกก(กอไก่ล้านตัว)

เท่าที่เคยอ่านนี่ชอบพระเอกแบบนี้สุดๆ เล่อะ ขาดไม่ได้คงวิคเตอร์ โผล่มาตอนสองตอนเรานี่แทบเทใจให้คุณพ่อเลยค่ะ ยิ่งตอนท้ายเป็นคนสำคัญสุดๆ ที่ขาดไม่ได้เลย ช่วยให้หมอรอดตีนพ่อตาแล้วยิ่งฮอตกว่าลูกชายเข้าไปใหญ่ ฮาา

รู้สึกไม่ประหลาดใจกับทางที่น้องอัลเลือก เพราะตอนที่ไปเดท(?) กับพี่นภผู้อาภัพเห็นได้ชัดเลยว่าน้องไม่ชอบถูกรุกรานความเป็นส่วนตัวสุดๆ ยิ่งถ้าจะเป็นนักร้องที่บ้านเกิดนี่คงบูมยิ่งกว่านี้ ตอนเขียนตอนนี้นี่คนเขียนต้องการจะบอกแบบนี้รึเปล่าคะเนี่ย ฮา

ตามอ่านสามวันกว่าๆ ถึงจบ ได้กลิ่นอายต่างประเทศของแท้ ทำเอาอยากจะรีบเรียนให้จบแล้วไปแอ๊วต่างแดนบ้างเลย ถถถถถถ  ชอบภาษามากเลยค่ะ มันดูเรียล มันละเอียด พอนึกภาพตามออกได้ว่าคนเป็นหมอจริงๆ ลำบากมากกว่าที่เราคิดไว้อีก

ปล. แอบสงสัยตอนแรกๆ อะค่ะว่าวิคเตอร์ไปเตี๊ยมกับน้องอัลตอนไหนเรื่องซื้อรถ เราอ่านข้ามอะไรไปเปล่าหว่า?
ปลล. ขอโทดที่เม้นยาวไปค่ะ ... นานๆ ทีจะคลั่งนิยายแบบนี้สักเรื่อง 555555555555

รอตอนพิเศษนะคะ ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆ แบบนี้มาให้เราอินจนคลั่งได้ :L2:
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- EPILOGUE [31.03.16] END
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 06-04-2016 23:18:13
 o13
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- EPILOGUE [31.03.16] END
เริ่มหัวข้อโดย: nijikii ที่ 07-04-2016 08:53:41
 :hao5:
จบแย้วจริงๆหยอ
เหมือนพึ่งอ่านพี่วากับน้องอัลไปเองนะ
เหมือนพึ่งรักกันแล้วตีกันไปอยู่เลย 555

แต่เรื่องนี้เราชอบตรงนี้แหละ
เห็นแง่มุมของชีวิตของคนได้หมดเลย
ถูกบ้างผิดบ้างดีบ้างเละบ้าง
แต่แค่มีเป้าหมายไว้พุ่งชนสักอย่าง
ไม่ว่าจะเป็นอะไรมันดีกับใจจริงๆ
กรณีของพี่วากับน้องอัลคือความฝันที่ผูกกันกับตัวคนเอาไว้สินะ
ฮือออ ไม่อยากให้จบเลยยย
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- EPILOGUE [31.03.16] END
เริ่มหัวข้อโดย: Littlesir ที่ 07-04-2016 15:31:20
จบแล้วเหรอ เพิ่งตามอ่านทันเองนะ
ชอบหมอวามากกกก ชอบทั้งหน้าตา ส่วนสูง นิสัย ความเจ้าเล่ห์ ความโหด ความดุ ชอบความเป็นผู้ใหญ่ของหมอ แล้วก็ชอบความเป็นเด็ดในตัวหมอด้วย
คือรักนางเลยก็ว่าได้
ไม่อยากให้จบบบบบ
อัลก็น่ารักดีนะ แต่ถามว่าชอบไหม อืมมมท ชอบนิดนึงแต่ไม่มาก 55555555555
สเปนเซอร์ดูเจ้าชายมา เจ้าชายในนิทานด็มา แต่เราชอบตัวละครที่จับต้องได้อะ แล้วหมอวานางใช่
โดยเนื้อเรื่องก็ดีมากเลย อ่านสนุกมากกกกก
แต่โดยส่วนตัวแล้วไม่ค่อยชอบทอมนะ ไม่ชอบเลยก็ว่าได้ไม่ชอบตั้งแต่งานตีครีชิงดีชิงเด่นนั่นอะ นางดูไร้เหตุผลโคตรๆ
อ่อ แล้วก็นะเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่อยากซื้อหนังสือเลยแหละ แล้วก็จะซื้อด้วย สัญญา (แปะมือ)
หัวข้อ: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : รัก [08.04.16]
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 08-04-2016 17:15:27
SPECIAL TRACK : รัก (http://bit.ly/1UMCWTI)



ห้องนอนที่ใช้ซุกหัวตั้งแต่สามขวบบัดนี้เต็มไปด้วยกล่องลังมากมาย เจ้าของห้องยืนกอดอกดูแม่บ้านถูกอัลเบิร์ตควบคุมต่ออีกทอดเก็บข้าวของเครื่องใช้ที่เขาตั้งใจจะนำไปเมืองไทยด้วยลงกล่อง โปสเตอร์นักฟุตบอลรวมไปถึงวงดนตรีสุดโปรดถูกม้วนเก็บใส่กระบอกเพื่อเอาไปทิ้งไว้ในห้องเก็บของ รูปภาพบนหัวเตียงที่เคยมีแต่รูปคู่กับพ่อแม่และโธมัสจนตอนนี้มีอีกคนสำคัญเพิ่มเข้ามาอลันด์ลงมือเก็บใส่สมุดบันทึกส่วนตัวด้วยตนเอง

แม่บ้านสี่คนช่วยกันไม่นานข้าวของทุกอย่างก็ถูกแพคเรียบร้อย ห้องนอนชั้นสามของบ้านโล่งไปอย่างน่าใจหายโดยเฉพาะกับหญิงไทยตัวเล็กที่เปิดประตูเข้ามา

“เก็บเรียบร้อยแล้วหรือจ๊ะ”

“ครับ เดี๋ยวให้โรเบิร์ตเรียกเฟดเอ็กซ์มารับได้เลย” เขาหันไปบอกอัลเบิร์ตให้ไปบอกบิดาตนเองที่เป็นพ่อบ้านใหญ่ของบ้านนี้เรียกบริษัทขนส่งมาจัดการของเตรียมขนย้ายไปกรุงเทพ

“แล้วที่อยู่อะไรที่นู่นเตรียมไว้เรียบร้อยแล้วใช่ไหม”

“คุณยายจัดการให้แล้วครับ พร้อมเข้าอยู่ยี่สิบสี่ชั่วโมง”

“อย่าลืมขอบคุณคุณยายด้วยนะจ๊ะ แล้วหมอวาจะมากี่โมงหืม? แม่จะได้ให้เขาไปเตรียมมื้อเย็นให้”

“โทรมาบอกว่าจะถึงแล้วล่ะครับ ทางนั้นเพิ่งให้เฟดเอ็กซ์มารับของไปเอง” แขนเล็กสวมกอดเอวมารดาก่อนซุกหน้าบนบ่าเล็ก “ผมคงคิดถึงมัมกับแด๊ดแย่”

“โตจนมีสามีเป็นตัวเป็นตนแล้วยังอ้อนเป็นเด็กอีกนะเรา คิดถึงก็บินกลับมาเยี่ยมบ่อยๆ สิจ๊ะ”

“สามีอะไรกันวาเป็นภรรยาผมต่างหาก” พูดจบก็ถูกคนแม่ตีไหล่เพี๊ยะ คนถูกทำโทษเลยบ่นอุบอิบขยับปากไร้เสียงทำนองว่าส่วนสูงไม่ใช่ตัวชี้วัดสถานะสักหน่อย “แล้วจะหาเวลาว่างบินมาหานะครับ อ้อ ไม่รู้คุณตาบอกมัมหรือยัง วันเสาร์ปลายเดือนหน้าคุณยายจะจัดงานทำบุญให้ผมกับพี่วา ก็...คล้ายๆ งานแต่งละมั้ง มัมกับแด๊ดไปให้ได้นะ”

“ต้องแล้วแต่พ่อเรานั่นแหละจะว่างหรือเปล่า ป่ะ ลงไปข้างล่างต้อนรับคุณหมอกันดีกว่าจ้ะ ป่านนี้น่าจะถึงได้แล้วนะ”

คุณหมอรูปหล่อมาถึงบ้านโอเนลล์แล้วตามคาด เสื้อโค้ทกันฝนตัวใหญ่ถูกแม่บ้านรับไปแขวนก่อนที่ทิวากานต์จะเงยหน้าขึ้นมาเจอสองแม่ลูกเดินลงมาจากชั้นบนพอดี รอยยิ้มกว้างถูกส่งไปให้และได้รับตอบกลับมาเช่นกัน

“เก็บของเสร็จหรือยัง”

“เรียบร้อยแล้วล่ะ เดี๋ยวอีกสักพักบริษัทขนส่งคงมาเอา ฝนตกแล้วทำไมไม่กางร่มครับ” ปากบ่นแต่ก็สั่งแม่บ้านไปเอาผ้าขนหนูมาให้คุณหมอเช็ดหัวชื้นละอองน้ำ คนถูกดุก็แก้ตัวไปว่าเอาร่มใส่ลังส่งกลับไทยแล้ว

“หมอวารอหน่อยนะจ๊ะ แม่เพิ่งให้เขาเตรียมมื้อเย็น อัลพาพี่เขาไปนั่งเล่นก่อนไป”

ทิวากานต์ยิ้มกับคำแทนตัวของผู้หญิงตัวเล็กตรงหน้า ได้ฟังกี่ครั้งก็ชื่นใจทุกทีไปเหมือนว่ามีแม่อีกคนเป็นของตัวเอง เขาเข้าไปกอดอ้อนมาดามโอเนลล์ให้พอชื่นใจก็ตามคนตัวเล็กไปเล่นกับแมวข้างบน

เมื่อพ้นสายตาคนอื่นชายหนุ่มใช้สองแขนจัดการอุ้มคนรักแนบอกแล้วจับฟัดไปชุดใหญ่ เกือบสี่ปีที่ผ่านมานอกจากน้ำหนักอลันด์จะไม่เพิ่มแล้วส่วนสูงเองก็มีชะตากรรมเช่นเดียวกัน จึงไม่แปลกที่คุณหมอวัยสามสิบสี่จะจับยกได้สบายเหมือนยกนุ่น โดยเฉพาะคุณหมอคนที่ว่าใช้เวลาว่างฟิตกล้ามเนื้อแข่งกับคู่แฝดตัวป่วนจากบ้านกริฟฟิธส์ที่กำลังเรียนมหาวิทยาลัยด้านวิทยาศาสตร์ในลอนดอนกันทั้งคู่ เข้าตำราที่เขาว่ายิ่งแก่ยิ่งมีเสน่ห์จริงๆ กลับไทยไปรอบนี้ไม่ต้องเดาเลยว่าทิวากานต์จะฮอตมากกว่าเก่าอีกกี่เท่า

ทุ่มตรงเอเดลมาร์ก็กลับมาพร้อมแม่บ้านเริ่มตั้งโต๊ะมื้อเย็น ตาสีฟ้าอ่อนอย่างของลูกชายปรายตามอง ‘แขกประจำ’ ของบ้านนิ่งๆ แล้วนั่งลงที่หัวโต๊ะ ทิวากานต์ถึงกับเลิกคิ้วประหลาดใจเพราะปกติเจอหน้ากันทีไรว่าที่พ่อตาหาเรื่องจิกกัดเขาทุกที แต่วันนี้มาแปลกนอกจากไม่พูดแล้วยังทำเหมือนเขาไม่มีตัวตนอีกแน่ะ สงสัยจะน้อยใจที่เขาพรากลูกชายสุดที่รักไปอยู่ด้วย

เมื่อจบมื้อค่ำทั้งสี่จึงย้ายไปนั่งคุยกันที่ห้องนั่งเล่น เหมือนรู้ว่าบิดากำลังน้อยใจอลันด์จึงคอยคลอเคลียไม่ห่าง หามุกตลกๆ มาเล่าพอเรียกรอยยิ้มได้บ้างพอให้คนเป็นพ่อแม่ลืมเลือนความเศร้าในหัวใจไปชั่วขณะ หากไม่มีใครห้ามโลกไม่ให้หยุดหมุนได้ ดังนั้นเมื่อถึงเวลาหนุ่มน้อยก็ต้องจำใจลาจากอกอุ่นของผู้ให้กำเนิดเสียที

รอยยิ้มกว้างจุดขึ้นบนใบหน้าอ่อนเยาว์เมื่อถูกมือเล็กฟาดที่ไหล่หลังอลันด์เอานิ้วโป้งเช็ดแถวๆ หางตามารดาแล้วเอามาแตะลิ้นตัวเองก่อนบ่นว่าเค็ม

“ลูกเล่นชักเยอะขึ้นทุกวัน แม่ล่ะปวดหัวกับเราจริงๆ หมอวาเอาไปเลี้ยงต่อแล้วมาเบิกค่ายากับแม่ได้นะคะ แต่ถ้าเลี้ยงไม่ไหวก็เอามาคืนแม่ไม่ว่าหรอกค่ะ ดื้อขนาดนี้แม่เข้าใจ”

“ลองเอามาคืนสิน่าดู” คนตัวเล็กชี้นิ้วขู่ทิวากานต์ไว้ก่อนทั้งที่รู้ดีว่าคงไม่มีวันนั้น ยิ่งอยู่ด้วยกันเขายิ่งรู้ว่าความรักอาจจะหวือหวาน้อยลงแต่กลับซึมลึกลงในใจมากขึ้นทุกที สามปีกว่าที่ผ่านมาก็พิสูจน์ได้มากพอ

“เราอย่าดื้ออย่าเอาแต่ใจกับพี่เขามากนักล่ะอัล ถึงพี่เขาจะรักจะตามใจเราแค่ไหนก็ต้องยิ่งเกรงใจนะรู้ไหม เป็นผู้ใหญ่แล้ว จะทำอะไรคิดให้มากๆ แม่สอนเข้าใจไหมคะ”

“มัมพูดเป็นรอบที่ล้านถ้ายังฟังไม่เข้าใจอีกก็ไม่ใช่คนแล้วล่ะ”

“ตาอัล! แม่พูดยังไม่ทันขาดคำ”

ผลจากการแซะแม่ตัวเองหนุ่มน้อยจึงถูกฟาดเข้าไปอีกที ทิวากานต์ถึงกับหัวเราะรู้สึกเหมือนเห็นภาพตัวเองถูกอลันด์ทำโทษเป๊ะ แม่ลูกคู่นี้ถ่ายทอดนิสัยกันมาไม่มีเพี้ยนเลย

แต่ศึกสายเลือดก็จบลงอย่างรวดเร็วเมื่ออลันด์พุ่งเข้ากอดมารดา แก้มนิ่มถูไถกับบ่าเล็กเบาๆ ออดอ้อนเหมือนตนเองเป็นสัตว์ตัวเล็กๆ “มัมดูแลรักษาสุขภาพด้วยนะ ไม่ต้องเลี้ยงผมแล้วงานก็เพลาๆ ลงบ้าง อยู่บ้านดูแลมิวมิวแทนผม แล้วให้แด๊ดเลี้ยงซะ ผมรักมัมมากนะ”

“จ้ะ แม่รู้แล้วล่ะ แม่ก็รักลูกนะ” เธอจับลูกชายมาหอมแก้มเสียงดังฟอดแล้วผละออกมาทันทีราวกับกลัวว่าถ้ายังกอดอยู่แบบนี้เธอจะทำใจปล่อยไปไม่ได้

อลันด์ก็ไม่กล้าสบตากับแม่กลัวจะร้องไห้ออกมาหันไปหาบิดาที่ยืนนิ่งอยู่บนขั้นบันไดแทน “แด๊ด...ผมฝากดูแลมัมด้วยนะ”

“นี่มันเรื่องในครอบครัวฉันไม่ต้องให้เธอมาบอกหรอก”

ปากอย่างนี้ถึงเป็นพ่อคนรักแต่ทิวากานต์ก็อยากต่อยสักเปรี้ยง เขามองอลันด์ที่หน้าเสียจะร้องไห้ยิ่งหงุดหงิดเข้าไปอีก ปากกับมือใหญ่ไปไวเท่าความคิด คุณหมอยกมือไหว้มาดามโอเนลล์แล้วคว้าคันลากกระเป๋าเดินทางใบเล็กมาถือก่อนเข้าไปจูงมือคนตัวเล็กเดินออกมาเลย

ในเมื่อจากกันทั้งทีลาดีๆ ไม่ได้ก็ไม่ต้องลาแม่งแล้ว ถ้ามาร้องไห้เสียใจทีหลังเขาจะสมน้ำหน้าให้

“ผมรักแด๊ดนะ!” อลันด์หันหน้าตะโกนบอกเอเดลมาร์ที่ยืนทำหน้านิ่งแม้จะถูกภรรยาทุบไปหลายที น้ำตาใสๆ อาบแก้มขาว เขารู้ดีว่าพ่อนั้นรักเขามากกว่าใครแต่ผิดที่เขาเองที่รักพ่อตอบแทนได้ไม่เท่าที่รับมา ถ้าจะถูกเมินกันแบบนี้ก็สมควรแล้ว

.
.
.

ถึงจะยังรู้สึกใจหายและเศร้าไม่น้อยที่ไม่ได้ลาจากกับบิดาดีๆ แต่อลันด์ก็โตพอจะไม่เก็บมาเป็นสาระสำคัญในชีวิตให้เกิดอุปสรรคตั้งแต่การเริ่มต้นสร้างครอบครัวใหม่

คอนโดมิเนียมริมแม่น้ำที่ได้รับเป็นของขวัญวันเกิดครบรอบสิบเก้าปีถูกใช้เป็นบ้านหลังแรกสำหรับพวกเขาสองคน ทีแรกทิวากานต์ไม่ยอมเพราะรู้สึกเหมือนเกาะเด็กกิน แต่อลันด์ก็อธิบายว่าที่นี่ใหญ่กว่าและยังใกล้โรงพยาบาลกว่าคุณหมอจะได้ไม่ต้องขับรถไปกลับให้เหนื่อย ส่วนห้องเก่าก็เอาไปปล่อยเช่าเสียแล้วเอาเงินมาจ่ายค่าน้ำค่าไฟค่าส่วนกลางที่นี่แทน เมื่อมีเหตุผลขนาดนี้คนโตกว่าจึงยอมในที่สุด

ส่วนรถจากที่เคยมีสี่คันก็เหลือแค่น้องกบกับน้องมินิที่ฝากการันต์ให้ช่วยดูแลมาตลอดสามปีสภาพรถจึงยังพร้อมใช้งานเสมอ ด้านซีรีส์ไฟว์คันโตทิวากานต์ได้ขายตั้งแต่ก่อนบินไปเรียน น้องมิ้ลค์ของอลันด์เองก็มีชะตากรรมไม่ต่างกันมากนัก แต่จะให้ขับรถสปอร์ตแบบนี้ไปทำงานทุกวันคงไม่ไหว พวกเขาจึงตกลงหุ้นเงินกันคนละครึ่งซื้อบีเอ็ม ซีรีส์เจ็ดไว้ใช้งานทั่วไป โดยที่ทิวากานต์เป็นคนออกเงินทั้งหมดให้ก่อน ส่วนของอลันด์หางานทำได้เมื่อไหร่ค่อยมาผ่อนคืนทีหลัง

พวกเขากลับถึงไทยเช้าวันเสาร์ แม้จะให้แม่บ้านช่วยจัดห้องให้ก่อนแล้วแต่ของที่บินตามมาจากอังกฤษพร้อมๆ กันนั้นก็ต้องเอามาเรียงใหม่อยู่ดี ใช้เวลาทั้งวันเร่งมือทำให้เสร็จจะได้พักผ่อนเสียที แต่ทิวากานต์ยังมีเอกสารรายงานตัวให้ต้องเตรียมสำหรับเข้าทำงานในวันจันทร์นี้แล้ว

ตาสีฟ้าอ่อนทอดนิ่งมองคนรักที่นั่งอ่านเอกสารบนโซฟา เหมือนจะมีอีกหลายเรื่องให้จัดการแต่คนตัวโตรับเอาไปทำหมดคนเดียว อลันด์ที่หมดหน้าที่แล้วจึงเข้าครัวชงกาแฟมาให้

“พักก่อนนะ” เขาคลี่ยิ้มให้ทิวากานต์ก่อนเอาตัวเข้าไปซุกกับอกอีกฝ่ายเป็นการบังคับกลายๆ ให้วางงานทุกอย่างแล้วมาเล่นกับเขาเสียเดี๋ยวนี้

“เป็นแมวหรือไงฮึเรา”

“เหมียว... จะว่าไปก็ไม่ได้เล่นเป็นแมวเหมียวกันนานแล้วเนอะ”

“หึหึ อยากได้ป่ะล่ะเดี๋ยวจัดให้” ไม่รอคำตอบคนตัวโตกว่าก็จับแมวขนสีน้ำตาลฟัดชุดใหญ่จนพอใจ หลังจากนั้นก็หันไปสนใจงานในมือต่อ

อลันด์ไม่น้อยใจที่คนรักสนใจงานมากกว่าแต่กลับรู้สึกเป็นห่วง ในขณะที่เขายังมีเวลาลอยไปลอยมาเพราะยังไม่มีงานทำ ทิวากานต์ต้องรีบกลับไปทำงานชดใช้ทุนของมหาวิทยาลัยที่ส่งเขาเรียนต่อ ความจริงแล้วเวลาไม่กระชั้นแบบนี้หรอกแต่เพราะชายหนุ่มยืดเวลาไม่ยอมกลับไทยเสียเพื่อรอเขาจัดการเรื่องต่างๆ แล้วบินมาพร้อมกันถึงต้องเหนื่อยแบบนี้

“อ๊ะ ใครมาหว่า” เสียงออดเรียกหนุ่มน้อยให้ผละออกจากอกอุ่นเดินไปที่เครื่องอินเตอร์คอมฯ หน้าประตู พอรู้ว่าการันต์กับอักษรามาเยี่ยมก็รีบเปิดประตูต้อนรับทันที

คู่สามีภรรยาไม่ได้มากันแค่สองคนแต่กระเตงลูกชายอีกสองหน่อมาด้วย เขาอ้าแขนรับกอดจากอักษราแล้วรับเจ้าตัวเล็กสุดมาอุ้ม ลูกชายคนเล็กของศัลยแพทย์มือฉมังแก้มยุ้ยหน้าตาน่ารักน่าตีแถมยังหัวเราะเสียงดังเมื่อถูกคุณอาชาวต่างชาติหอมไปฟอดใหญ่ ผิดกับคนพี่ที่ยืนจับมือพ่อนิ่งไม่หือไม่อือ

“น้องฟ้าน่ารักจังพี่แอฟ อายุน่าจะพอๆ กับเจ้าฮิลลูกเพื่อนผมนะเนี่ย ส่วนนี่ก็น้องครามสินะ กี่ขวบแล้วครับ”

“จ๋ามขวดคับ” เด็กน้อยตอบฉะฉานผิดก็แต่การออกเสียงที่เพี้ยนไปเสียหน่อยเพราะฟันที่ยังขึ้นไม่ครบดีเรียกรอยยิ้มจากผู้ใหญ่ได้ไม่ยาก

อลันด์พาแขกเข้าไปหาทิวากานต์ข้างใน พอน้องฟ้าเห็นหน้าคุณอารูปหล่อแต่ตาดุก็ร้องไห้จ้าซุกซอกคออลันด์หนีจนยักษ์ชักอยากฟาดเด็กสักที ถ้าไม่ติดว่าเป็นลูกรุ่นพี่ที่เคารพนะโดนเบิ๊ดกะโหลกไปแล้ว ส่วนน้องครามก็นั่งกอดแขนแม่เงียบๆ ฟังผู้ใหญ่คุยกัน

“เมื่อวานถ้าไม่ติดว่ามีทำบุญที่บ้านก็จะไปรับที่สนามบินหรอก แล้วนี่เป็นไงไหวไหมเนี่ยเอ็ง เลื่อนรายงานตัวไปก่อนสักวันสองวันก็ได้นะ”

“ไหวพี่ ยังหนุ่มยังแน่นแค่นี้สบาย”

“หึ เอาเหอะ ปีหน้าก็สามห้าแล้วคงพูดว่าหนุ่มได้ไม่เต็มปาก แล้วตัวแสบเราเป็นไงบ้าง โอเคไหม”

“รู้สึกเหมือนตอนถูกแด๊ดเตะตูดมาอยู่ไทยใหม่ๆ แต่คราวนี้ถูกไล่ออกจากบ้านถาวร อดใจหายไม่ได้ครับ”

“พี่ก็เคยเป็นพี่เข้าใจ” อักษราดึงมือขาวมาจับให้กำลังใจ “แต่เดี๋ยวก็ชินจ๊ะ เพราะที่นี่ก็เป็นบ้านหลังใหม่ของแสบแล้วเหมือนกัน”

“ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกันนะ แต่ว่าแด๊ด... อย่างน้อยผมก็อยากให้แด๊ดยอมรับครอบครัวของผมก็เท่านั้น” ชายหนุ่มวัยยี่สิบสองอดถอนหายใจออกมาไม่ได้ เหมือนว่าการจากกันครั้งสุดท้ายที่ลอนดอนนั้นได้ทิ้งบาดแผลให้เขาเอาไม่น้อย

ทิวากานต์เห็นอาการคนรักจึงดึงอีกฝ่ายมากอดให้กำลังใจเงียบๆ หากในความคิดเขาจะไม่ยอมให้อลันด์ต้องเจ็บปวดจากการเลือกมารักกับเขาแน่ๆ เขาคงต้องทำอะไรสักอย่างซะแล้วสิ...

.
.
.

งานทำบุญรับขวัญหลานชายคนเล็กกับคนรักถูกจัดที่บ้านของอดีตเอกอัครราชทูตย่านสายสอง ไม่มีพิธีการอะไรเป็นกิจลักษณะ มีแค่ตักบาตรพระที่เดินบิณฑบาตผ่านหน้าบ้านแล้วก็แลกแหวนหลังรับประทานมื้อเช้าด้วยกัน

แขกที่มาร่วมงานก็มีแต่คนสนิท ทางทิวากานต์นั้นยกมาทั้งแก๊งป้าและหลานสาวคนสวยพ่วงตำแหน่งหวานใจหลานชายคนโตบ้านท่านทูตอย่างขัตติยา คนบ้านใกล้เรือนเคียงอย่างการันต์ก็ไม่มีพลาด แม้แต่วิคเตอร์ที่ติดถ่ายภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ยังบินมาร่วมงานนี้โดยเฉพาะ ทางบ้านอลันด์เองก็มากันครบ เพื่อนสนิทคนไทยอย่างนภและคนินทร์คนบ้านใกล้ก็มา ขาดแต่พ่อแม่เจ้าตัวที่เงียบหายไปเลยตั้งแต่วันนั้น

อลันด์ตื่นเต้นเล็กน้อยเมื่อเห็นชายจีวรสีส้มเข้ามาใกล้ เคยเข้าแต่โบสถ์คริสต์ตั้งแต่เกิดจู่ๆ ต้องมาทำพิธีของอีกศาสนาจึงเกิดอาการเงอะงะไม่น้อย หูฟังเสียงกำกับจากคุณยายให้ถอดรองเท้าก็ถอด ให้ยกมือไหว้พระก็ไหว้ หากพอจะตักข้าวใส่บาตรตามคำสั่งคุณยายกลับถูกคนข้างตัวตัดหน้าไปก่อน

“อัลจับหลังมือพี่ไว้ค่ะ แบบนั้นล่ะถูกแล้ว” เขาทำตามอีกคนสั่งงงๆ ไม่เข้าใจว่าทำไมคนมือใหญ่กว่าอย่างทิวากานต์ไม่กุมมือเขาจับทัพพีแต่ให้มือเล็กๆ ของเขากุมไว้แทน หากหันไปหาคนอื่นไม่เห็นใครว่าอะไรซ้ำยังอมยิ้มกันถ้วนหน้าจึงคิดว่าทำแบบนี้คงถูกต้องตามธรรมเนียม มารู้เอาทีหลังตอนอักษราบอกว่าเป็นเคล็ดของคู่แต่งงาน มือใครอยู่บนจะได้เป็นใหญ่ในบ้าน คนได้เป็นใหญ่ถึงกับอายม้วนหน้าแดงเพราะคนรักยอมให้ตนมากเกินกว่าที่คาด (ส่วนตอนงานแต่งของการันต์กับอักษรา หญิงสาวยอมให้คนรักกุมมือแม้แม่ฝ่ายชายจะยุให้หล่อนอยู่ด้านบนก็ตาม อักษราบอกว่าแค่ตัวเองยังเอาไม่ค่อยรอด ให้พี่รันคุมความประพฤติให้น่ะดีแล้ว)

เมื่อรับพรจากพระสงฆ์เรียบร้อยแล้วทุกคนก็ลุกขึ้นยืนเตรียมกลับเข้าไปในบ้านรับประทานมื้อเช้าแล้วทำพิธีต่อไป คู่รักตัวเอกงานนี้เดินรั้งท้ายสุดเพราะอลันด์เอาแต่ชะเง้อไปหน้าบ้านหวังจะเห็นพ่อแม่ตนเองมาร่วมงานด้วย ก้มดูนาฬิกาเห็นว่าเจ็ดโมงเช้าแล้วจากสุววรณภูมิมานี่ก็น่าจะถึงสักที แต่จนแล้วจนรอดเขาไม่เห็นแม้แต่เงาได้แต่เฝ้ามองประตูรั้วเลื่อนปิดต่อหน้าต่อตา

“ยิ้มหน่อยคนดี ทำหน้าแบบนี้พี่ไม่สบายใจนะคะ” ทิวากานต์เอาแขนโอบไหล่คนรักเข้าหาตัว ดูอาการแค่นี้ไม่ต้องวินิจฉัยลึกก็รู้ว่าเป็นอะไร งานสำคัญในชีวิตแบบนี้แต่คนเป็นพ่อแม่ไม่มาเป็นใครก็ใจเสีย

“อื้อ” เจ้าตัวแสบฝืนยิ้มโอบเอวอีกฝ่ายกลับไปบ้าง

“อัลเคยฟังเพลงรักของพี่ปุ๊ไหม” จู่ๆ คุณหมอวัยสามสิบก็ถามขึ้นมา เด็กฝรั่งที่ฟังแต่เพลงไทยรุ่นคุณแม่ยังสาวส่ายหัว พี่ปุ๊คือใครยังไม่รู้จัก “โหยไรเนี่ย พลาดมากนะ สมัยพี่เรียนนะพี่ปุ๊ดังสุดๆ ไม่เชื่อไปถามพี่เราก็ได้ รู้จักกันหมดแหละ”

“เกิดไม่ทันนิจะไปรู้จักได้ไง”

“หาว่าพี่แก่เหรอ”

“ไม่ได้พูดสักคำ แต่แก่แล้วก็ยอมรับมาเหอะน่า”

“หึหึ ยิ้มแล้ว”

“หือ?” ตาสีฟ้าซีดเงยขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลา พอเข้าใจว่าที่อีกคนพูดหมายถึงอะไรจึงอดฉีกยิ้มกว้างกว่าเดิมไม่ได้

“เอาเป็นว่าอัลไปลองหาฟังดูนะ” เด็กหนุ่มพยักหน้ารับช้าๆ ก่อนหันกลับไปทางประตูอัลลอยด์เมื่อได้ยินรถยนต์แล่นเข้ามา ตาสีฟ้าซีดเบิกกว้างยามเห็นมารดาและบิดาเดินลงมาจากรถลีมูซีนของสนามบิน น้ำตาหยดใส่ปกเสื้อสูททันทีราวสั่งได้

มาดามโอเนลล์นั้นแทบจะวิ่งบนส้นสูงเกือบสามนิ้วเข้ามากอดลูกชายที่ชักขี้แยขึ้นทุกที มือเล็กๆ คู่นั้นลูบหลังลูบไหล่เช็ดน้ำตาให้เหมือนอีกฝ่ายเป็นเด็กตัวเล็กๆ ก่อนปล่อยให้พ่อลูกเขาได้กอดกัน

“แด๊ด...”

“พ่อขอโทษ... ไม่ร้องไห้นะฮันนี่ พ่อมาหาแล้ว ไม่ร้องนะครับ”

“ฮึก นึกว่าแด๊ดกับมัมจะโกรธผมจนไม่อยากเจอหน้าอีกแล้ว”

“โธ่ ไม่เอาลูกไม่ร้อง ลูกผู้ชายไม่เสียน้ำตากันง่ายๆ นะ พ่อขอโทษ ถ้าเป็นไปได้พ่อก็อยากเห็นหน้าเราจนกว่าจะตายนั่นแหละ” เอเดลมาร์จูบปากลูกชายแรงๆ ความรู้สึกผิดเกาะกุมหัวใจเมื่อเห็นแก้วตาดวงใจต้องเจ็บปวดเพราะตนเป็นสาเหตุ อลันด์ควรมีความสุขมากที่สุดในวันสำคัญถ้าเขาไม่ถือทิฐิจนวินาทีสุดท้าย

“ผมรักแด๊ดนะ”

“พ่อก็รักลูก พอๆ เลิกร้องไห้ได้แล้ว หน้าตาดูไม่ได้เลยเจ้าลูกคนนี้” มือที่เริ่มเหี่ยวย่นตามกาลเวลาหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาซับน้ำตาให้ลูกชาย พอเขายิ้มอลันด์ก็ยิ้ม เหมือนตอนเจ้าเด็กนี่ไปโรงเรียนอนุบาลวันแรกชะมัด

ทิวากานต์มองเหตุการณ์แสดงความรักของสองพ่อลูกแล้วก็เบาใจ เขาหันไปชูนิ้วโป้งให้มาดามโอเนลล์ที่ช่วยเกลี้ยกล่อมเอเดลมาร์ให้ยอมมางานวันนี้จนได้ ศัลยแพทย์เจ้าเล่ห์ไม่ยอมหรอกถ้างานวันนี้จะไม่สมบูรณ์เพราะหนึ่งในคนสำคัญของงานทำหน้าอมทุกข์จนงานกร่อยเนื่องจากพ่อแม่ไม่ยอมมาร่วมงาน


หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : รัก [08.04.16]
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 08-04-2016 17:16:33
มื้อเช้าแบบจัดหนักผ่านไปอย่างรวดเร็วท่ามกลางเสียงพูดคุยของหลายๆ คน เอเดลมาร์ถูกพ่อตาเขม่นเล็กน้อยโทษฐานทำหลานชายคนโปรดเสียน้ำตา แต่เขาก็แก้ตัวคืนได้อย่างดีด้วยการทำตัวติดกับอลันด์จนคนที่ควรอยู่ข้างๆ กระเด็นไปนอกวง ป้าหมอถึงกับเบ้ปากใส่ผู้ใหญ่ไม่ยอมโตแต่ก็ยอมเข้าใจว่าน้องอัลที่น่ารักกำลังต้องการความรักจากพ่อจึงยอมงดแซะท่านประธานบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังบนโต๊ะอาหาร

จากนั้นจึงเป็นขั้นตอนแลกแหวนที่ห้องนั่งเล่น ทิวากานต์ไม่คิดว่าตัวเองจะเกิดอาการมือสั่นตอนสวมสัญลักษณ์แทนใจขึ้นมาได้ แต่พอหันไปเห็นสีหน้าเยาะเย้ยจากเอเดลมาร์เขาก็ยึดมือเล็กมาชิดแผ่นอกแล้วจับยัดแหวนใส่เร็วชนิดที่ตากล้องจำเป็นอย่างคนินทร์ถ่ายรูปไม่ทัน

พอถึงตาอลันด์สวมให้อีกคนบ้างก็มีคุณยายคอยกำกับให้เช่นเดิม ตั้งแต่เปิดกล่องกระทั่งหยิบแหวนสวมลงบนนิ้วนางเรียวสวยแล้วก้มลงกราบแทบตักคนรักแก่วัยกว่า คุณหมอยิ้มหน้าบานรับไหว้ด้วยการหอมหน้าผากแล้วจูบปากโชว์เย้ยคุณพ่อตา (ไม่ลืมบอกไว้ก่อนว่าคงไม่ใส่แหวนโชว์ใครต่อใครเพราะการทำงานไม่เอื้ออำนวย กลัวจะทำหล่นหายตอนเปลี่ยนชุดเข้าห้อง OR จะเสียดายเปล่าๆ)

ถัดมาเป็นพิธียกน้ำชาที่วิคเตอร์รีเควส เริ่มจากผู้อาวุโสสุดคือคุณตาคุณยาย พอท่านจิบน้ำชาพอเป็นพิธีให้คำอวยพรและคำสั่งสอนการใช้ชีวิตคู่แล้วจึงมอบของขวัญให้คู่แต่งงานใหม่เป็นซองเอกสารและกุญแจรถอย่างละหนึ่ง

“ตาให้อัลไว้ตั้งตัวกับหมอเขา พ่อเราไม่เลี้ยงแล้วไม่เป็นไรตาเลี้ยงเอง” อดีตเอกอัครราชชทูตจิกลูกเขยพอเป็นพิธีก่อนยื่นซองใส่เอกสารกรรมสิทธิ์ต่างๆ ให้

“ส่วนนี่ยายให้หมอไว้ขับให้น้องอัลนั่ง รอหมอเก็บตังค์ซื้อเองท่าจะนาน” กุญแจรถเบนท์ลีย์หย่อนใส่ฝ่ามือขาวสั่นเทาที่แบรอรับ ทิวากานต์ชวนอลันด์ก้มกราบแทบเท้าคุณตาคุณยายทั้งที่วิญญาณพุ่งออกจากร่างไปกรี๊ดที่สนามหน้าบ้านเรียบร้อยแล้ว ดียังไม่ได้สั่งซีรีส์เจ็ดไปไม่งั้นรถล้นช่องจอดที่คอนโดฯ แน่ๆ

เมื่อถึงคู่สามีภรรยาโอเนลล์ของขวัญที่มอบให้มีเพียงคำสอนและเช็คเงินสดหนึ่งใบให้ลูกชายจากคนเป็นแม่

“อัลมีครอบครัวของตัวเองแล้วต้องจำไว้เสมอนะว่าเราไม่ใช่ตัวคนเดียวอีกต่อไป จะทำอะไรให้นึกถึงพี่เขามากๆ เอาแต่ใจให้น้อยลงใส่ใจให้มากขึ้น โตแล้วก็เลิกขี้แยด้วยนะจ๊ะ แล้วนี่เงินส่วนตัวของแม่เองไม่มากมายเท่าไหร่ถือว่าเก็บเอาไว้ใช้ตอนฉุกเฉินแล้วกัน เข้าใจแด๊ดเขาหน่อยนะอัลเขาต้องรักษาคำพูดแต่ความรักที่แม่กับแด๊ดมีให้ยังเหมือนเดิม หมอวาแม่ฝากน้องด้วยนะจ๊ะ ช่วยรักแล้วก็ดูแลอัลแทนพ่อกับแม่ทีถ้าน้องดื้อก็ดุได้เลย”

“ผมจะดูแลอัลให้ดีที่สุดครับคุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วง”

“จ้ะ แม่เชื่อ” เธอรับไหว้จากสองหนุ่มแล้วจึงส่งต่อให้สามี

เอเดลมาร์ดูประดักประเดิดไม่น้อยเมื่อต้องรับไหว้จากลูกชายและทิวากานต์ด้วยปกติธรรมเนียมฝรั่งไม่มีอะไรแบบนี้ กระนั้นเขาก็รวบตัวอลันด์มากอดจูบและพูดสั้นๆ แค่ “พ่อรักลูก” หากเพียงพอมากแล้วสำหรับผู้ฟัง

พอถึงคิววิคเตอร์ เขาใช้ตาคมเรียวดุอย่างลูกชายมองจานรองถ้วยชาสองใบแล้วยกขึ้นดื่มเพียงถ้วยเดียวตามธรรมเนียม แม้นึกเสียดายแทนคนรักที่ไม่มีโอกาสได้อยู่ถึงวันสำคัญของลูกแต่ความสุขในวันนี้เธอที่อยู่อีกภพต้องรับรู้แน่นอน

“คนในครอบครัวก็เหมือนลิ้นกับฟันอยู่ใกล้กันมีกระทบกระทั่งบ้าง ทะเลาะกันได้แต่อย่าปล่อยให้เป็นแผลเรื้อรัง เอาจริงการทะเลาะกันมันเป็นการกระชับความสัมพันธ์ได้เหมือนกันนะ แต่ประเภททะเลาะแล้วหนีออกจากบ้านพ่อขอล่ะอย่าทำอีก สัญญาได้ไหม”

“สัญญาครับ” สองหนุ่มต่างวัยขานเสียงอ่อย เรื่องงี่เง่าตั้งแต่สามสี่ปีที่แล้วแต่วิคเตอร์ยังอุตส่าห์จำได้อีก

“รับปากแล้วทำให้ได้ด้วยล่ะ” เขากำชับก่อนยื่นสมุดบัญชีเงินฝากเล่มหนึ่งให้อลันด์ “อันนี้ป๊าให้อัล ความจริงมันเป็นเงินฝากของวาที่ป๊าฝากให้เขาตั้งแต่เกิดทุกเดือนจนอายุยี่สิบห้า เคยให้แล้วมันไม่เอาป๊าจะให้อัลเก็บไว้แทน”

“ครับ” เขารับมาไม่ลืมไหว้ขอบคุณอีกคน ส่วนของทิวากานต์ได้เป็นเช็คหนึ่งใบเขียนเลขสองไว้หน้าสุดแล้วตามด้วยเลขศูนย์อีกแปดหลักบอกให้เป็นทุนซื้อเรือนหอเพราะรู้ว่าตอนนี้ทั้งคู่อยู่คอนโดฯ ของอลันด์ ส่วนห้องเก่าของทิวากานต์เขาจะขอเช่าต่อเอง เข้าทำนองอัฐยายซื้อขนมยายเงินไม่ไปไหนวนเวียนอยู่ในครอบครัวนี้แหละ

ด้านแก๊งป้าอาจไม่ได้ให้ของมีค่าอะไรมากมายแต่สมุดบันทึกการเติบโตของทิวากานต์ที่หม่าม้าทำไว้ตั้งแต่ลูกชายเกิดก็เรียกรอยยิ้มกว้างจากอลันด์ได้มากโข ยิ่งป้าแอนบอกว่าหม่าม้าตั้งใจทำให้ลูกสะใภ้อยู่แล้วคนได้รับยิ่งกอดแน่นไม่ยอมปล่อย นาฬิกาข้อมือของปาเต๊ะที่สั่งทำมาเป็นคู่แทบกลายเป็นหมาหัวเน่า

ส่วนคุณลุงเจ้าของโรงพยาบาลยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจดึงหลานเขย(?)เข้ามาทำงาน และยิ่งเมื่อได้กลายเป็นทองแผ่นเดียว(?)กันแล้วเขาจึงมอบหุ้นโรงพยาบาลส่วนของตัวเองให้ทิวากานต์ถือไว้จำนวนหนึ่ง เล่นอีหรอบนี้คุณหมอหนุ่มจึงไปไหนไม่รอดยังไงก็ต้องไปช่วยงานทางนั้นอยู่ดี แต่เรื่องเงินๆ ทองๆ เขายกให้คนรักที่จบด้านการเงินมาโดยตรงจัดการหมดทุกบาททุกสตางค์ เชื่อเถอะว่าเงินที่ได้ไปทั้งหมดวันนี้เด็กหนุ่มอายุยี่สิบสองปีจะบริหารจัดการงอกเงยออกมาได้หลายเท่าภายในเวลาไม่กี่ปี

ถ้วยน้ำชายกมาถึงผู้ใหญ่ที่เคารพชุดสุดท้าย ทิวากานต์กับอลันด์พร้อมใจกันไหว้การันต์และอักษรา โดยเฉพาะชายคนแรกที่มีส่วนสำคัญในชีวิตทิวากานต์มากเหมือนเป็นพ่อคนหนึ่ง ถึงขนาดพูดได้ว่าหากไม่มีการันต์ก็คงไม่มีทิวากานต์ในวันนี้

“อารมณ์เหมือนลูกชายแต่งงานเลยเว้ย” คุณหมอวัยสี่สิบต้นๆ กระเซ้าเรียกเสียงหัวเราะ แกล้งเอามือขยี้หัวรุ่นน้องเล่นพอให้ยุ่งเล็กน้อยแล้วค่อยอวยพร “พี่ดีใจนะที่เห็นแกมีความสุขและโตเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวสักที ชีวิตคู่ความหมายคือไม่ได้อยู่คนเดียว ต่อไปนี้เป็นหัวหน้าครอบครัวแล้วขอให้ใจเย็นขึ้น ความมั่นใจมีได้แต่ต้องรู้จักยอมบ้าง ที่สำคัญอายุมากกว่าใช่จะเป็นผู้ใหญ่กว่า น้องพูดอะไรให้ฟังน้องบ้าง เจอปัญหาอย่าเก็บไว้คนเดียวเอามาปรึกษาน้องหาความเห็นหลายๆ อย่างนะ”

“ครับ”

“ส่วนตัวแสบพี่รู้ว่าเราโตขึ้นเยอะไม่ใช่เด็กเจ้าอารมณ์อีกแล้ว อะไรที่เป็นส่วนดีขอให้รักษาไว้อะไรที่แย่ให้ทิ้งมันไป แต่ไม่ได้หมายความว่าจำเป็นต้องทำตัวเป็นผู้ใหญ่ตลอดเวลา ถ้ารู้สึกอ่อนแอก็ขอให้รู้ไว้ว่าน้องชายพี่พร้อมจะอยู่ข้างๆ ให้เราพักพิงตลอดเวลา จากนี้ไปพี่ฝากวามันด้วยนะ”

“ขอบคุณครับพี่รัน”

“แล้ววาในฐานะน้องชายพี่ให้นี่” เขายื่นซองเอกสารให้หนุ่มรุ่นน้องรับไป “พี่ให้แล้วไม่รับคืน แล้วอย่าคิดว่ามันมากไปเพราะสำหรับพี่เราก็เหมือนคนในครอบครัว มูลค่าคงสู้กับลุงหมอของตัวแสบไม่ได้แต่คิดซะว่าเอาไว้เป็นหลักประกันชีวิตแล้วกัน”

พูดเท่านี้ไม่ต้องแกะซองดูก็รู้ว่าคงเป็นหุ้นโรงพยาบาลที่การันต์ถืออยู่แน่ๆ แม้สำหรับนายแพทย์รุ่นพี่ถือว่าไม่มีค่ามากมายอะไรจะแบ่งให้เขาสักหน่อยก็ไม่เสียหาย แต่ทิวากานต์ซาบซึ้งกับน้ำใจของพี่ชายต่างสายเลือดที่นับเขาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวจนก้มลงไปกราบเท้าอีกฝ่าย หากไม่นับคนในครอบครัวและแก๊งป้าที่เลี้ยงดูมาแต่น้อยก็มีการันต์คนนี้ที่หวังดีกับเขาจากใจจริง

“แก่ป่านนี้แล้วยังร้องไห้อีก ไม่อายแอฟก็อายลูกบ้างเถอะค่ะ” อักษราแซวสองพี่น้องที่ทำท่าจะน้ำตาแตกขึ้นมากลางวงทำเอาหัวเราะกันลั่น แม้แต่น้องฟ้าลูกชายวัยเจ็ดเดือนของการันต์ยังร่วมวงเอิ๊กอ๊ากไปกับคนแก่ด้วย

พอหมดพิธีกับผู้ใหญ่ เหล่าผู้น้อยที่มาร่วมงานอย่างขัตติยา นภและคนินทร์ก็ให้ของขวัญเล็กๆ น้อยๆ อย่างบัตรกำนัลห้องอาหารหรูและแพคเกจฮันนีมูนกับคู่แต่งงานใหม่ แล้วพากันแยกย้ายไปพักผ่อนเพื่อจะมาร่วมทานมื้อเย็นที่ห้องอาหารในโรงแรมห้าดาวริมแม่น้ำใกล้รังรักของทั้งคู่อีกทีตอนหกโมงเย็น

สรุปงานนี้คู่รักลูกครึ่ง(คนหนึ่งครึ่งจีนอีกคนครึ่งอังกฤษ)ได้ของขวัญนับมูลค่ามหาศาลชนิดที่อลันด์ไม่รู้สึกเสียดายถ้าถูกพ่อตัดออกจากกองมรดก เพราะแค่เงินฝากตั้งแต่เกิดของทิวากานต์พวกเขาก็สามารถอยู่เฉยๆ ไม่ต้องทำงานทั้งชาติได้แล้ว ไหนจะที่ดิน ตึกแถว กรรมสิทธิ์ต่างๆ ที่คุณตายกให้อีก ทำให้อลันด์กลายเป็นเศรษฐีอายุน้อยพันล้านภายในพริบตา

ตอนนั่งรถกลับคอนโดอลันด์อดถามคนรักไม่ได้ว่าทำไมถึงไม่รับสมุดบัญชีเงินฝากของวิคเตอร์ไว้แม้จะพอเดาได้ว่าเป็นทิฐิส่วนตัวบวกกับเรื่องแม่นั่นแหละ “แต่แบบ...เงินมันไม่น้อยเลยนะ ถ้าเป็นผมต่อให้เกลียดขี้หน้าแค่ไหนก็ยอมอ่ะ”

“ไม่จำเป็นนี่นา เงินที่แม่ทิ้งให้ก็มีตั้งเยอะแยะจะเอาไปทำไมอีก” ชายหนุ่มตอบพลางขับรถคันใหม่ปาดซ้ายแซงขวาไปทั่วถนน หน้าหล่อเหลายิ้มกว้างด้วยถูกใจเบนท์ลีย์ มูซานสีขาวคันนี้มาก แต่จะให้ขับไปทำงานที่โรงพยาบาลคงข้ามหน้าข้ามตาชาวบ้านไปสักหน่อย สุดท้ายคงต้องไปซื้อซีรีส์เจ็ดไม่ก็จากัวร์รุ่นล่างๆ มาไว้ใช้ไปทำงานสักคัน

“แต่มันเยอะมากเลยนะ” เสียงแหบต่ำครางอ่อน อลันด์ที่เปิดดูจำนวนเงินในบัญชีแล้วถึงกับอยากหายาดมมาสูด ดอกเบี้ยที่ได้แต่ละปีสามารถจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าส่วนกลางคอนโด ค่าน้ำมันรถสี่คัน ค่าจิปาถะอีกมากมายได้แบบเหลือๆ ให้เขาไปช้อปปิ้งที่ยุโรปได้ทุกเดือนอีก!

“มันจะสักเท่าไหร่กัน ถึงจะฝากทุกเดือนบวกดอกเบี้ยทุกปีมากสุดก็ไม่ถึงห้าสิบล้านหรอกมั้ง”

“วา... ป๊าฝากเงินให้วาเดือนละล้านเล... เฮ้ย!” หนุ่มลูกครึ่งอังกฤษร้องเสียงหลงเมื่อเบนท์ลีย์ป้ายแดงเกิดอาการเซเปลี่ยนเลนกะทันหัน

“เดือนละล้าน! ปีละสิบสองล้าน ยี่สิบห้าปีสามร้อยล้าน ไม่รวมดอกเบี้ย!!!” สมกับเป็นคุณหมอคณิตคิดไวคำนวณเงินฝากของตัวเองตั้งแต่เกิดได้อย่างรวดเร็ว และ...ช็อคตาตั้งไปแล้ว!

“ยอดอัพเดเทล่าสุดเมื่อปีที่แล้วเกินห้าล่ะ” อลันด์เปิดสมุดบัญชีดูตัวเลขล่าสุดที่อัพเดทอีกที เยอะกว่าเงินที่มัมให้เขามาซะอีกแน่ะ แต่เอ๊ะ ตอนนี้มันกลายเป็นของเขาแล้วนี่เพราะทิวากานต์ไม่เอา

“อัลจ๋า...” ทิวากานต์เอาหน้าซบพวงมาลัยรถทำเสียงหงิงๆ ชวนเวทนาตอนรถติดไฟแดงเรียกเจ้าเศรษฐีตัวน้อยให้หันมาสนใจ “อัลทำไมพี่รู้สึกโง่จัง เงินตั้งสามร้อยล้าน...กินข้าวแกงใส่กับข้าวสองอย่างที่โรงพยาบาลได้ตั้งสิบล้านจาน เอาไปซื้อน้องกบได้ตั้งสิบคัน ทำไมตอนนั้นทิฐิมันบังตาพี่นะ ฮือ... นึกว่าฝากมากสุดก็แค่เดือนละแสน ถ้ารู้ว่าเป็นงี้ยอมรับเป็นพ่อนานแล้ว”

“น่าเกลียดว่ะวา” หนุ่มผมน้ำตาลหัวเราะคิก แกล้งเอาสมุดบัญชีพัดใส่หน้าหล่อๆ “เอ้า ดมซะสิ กลิ่นเงินตั้งหลายร้อยล้าน”

“กลิ่นมาดามหอมชื่นใจ เห็นงานเป็นลมเห็นเงินสู้ตาย”

“ไหวป่ะเนี่ยวา สติแตกแล้วเพ้อนะ วันนี้จะขับรถกลับถึงบ้านไหม”

“ของอแงแป๊บนึงนะอัล แบบมันช็อคอ่ะ ใครจะไปคิดวะว่าฝากให้ตั้งเท่านี้ แล้วม้าก็ไม่เคยบอกเลย”

“ถามจริงเหอะ ถ้าสมมติวันนั้นได้เงินสามร้อยล้านไปจะเอาไปทำอะไร”

“นั่นสิ...” เขาพึมพำเพ้อๆ จนสัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียวแล้วก็ยังหาคำตอบไม่ได้ ขับมาจนถึงคอนโดก็ยังหาคำตอบไม่ได้ “ไม่รู้เหมือนกันอ่ะ คือชีวิตไม่ได้ลำบากขนาดต้องทำงานหาเงินเยอะๆ ที่มีอยู่มันก็พอแล้ว มีบ้านอยู่ งานมีทำ ไม่ได้ยากไร้อะไร คงฝากธนาคารกินดอกไปเรื่อยๆ เหมือนเดิมมั้ง”

“อื้อ เพราะงั้นไม่เห็นต้องเสียดายเลย ยังไงตอนนี้วาก็ได้แล้วนี่แถมยังมากกว่าเดิมอีกนะ”

“ก็ใช่ แล้วอัลล่ะ ถ้าได้แบบนี้บ้างจะทำอะไร”

“ทำอะไรเหรอ ก็เก็บส่วนหนึ่งออมไว้กินดอก ส่วนหนึ่งไปลงทุนอสังหาฯ ส่วนหนึ่งเล่นหุ้น ส่วนหนึ่งซื้อพันธบัตร ส่วนหนึ่งซื้อพวกงานศิลป์ วัตถุโบราณ ทอง เพชร นาฬิกาไว้ทำกำไร ถ้าบริหารดีๆ ภายในห้าปีก็จะมีเงินเพิ่มจากเดิมไม่ต่ำกว่าสามเท่า!”

“เหอ... พี่ว่าแด๊ดดี้เราคิดถูกแล้วล่ะที่ไม่ให้เราไปเป็นนักร้องถ้าจะหัวธุรกิจขนาดนี้ แก้มแดงมีสุขภาพดีเลือดเต็มหน้าเลยเนอะ”

อลันด์เหวี่ยงกำปั้นเข้าไหล่คนขับรถเต็มๆ จนรถราคาหลายสิบล้านเซอีกรอบโทษฐานหาว่าเขาหน้าเลือด “เขาเรียกว่าถ่ายทอดมาทางสายเลือดต่างหาก เออ ว่าแต่วันนี้ตอนที่แด๊ดมาผมดีใจมากเลย นึกว่าแด๊ดจะโกรธจนไม่อยากเจอหน้ากันแล้วซะอีก”

“อู๊ย... แค่คนแก่ปากแข็งเท่านั้นแหละ เขารักเราจะตายไม่มาได้ไง” คุณหมอเอามือลูบไหล่ข้างที่โดนทุบแต่ไม่ยักโวยวายแถมยังพูดเอาใจคนรักอีก สัญญาณความกลัวเมียฉายชัดจนหมอกวินผู้นำสมาคมพ่อบ้าน(หมอ)ใจกล้ากวักมือเรียกแต่ไกล

รอจนรถติดไฟแดงอีกรอบคนตัวเล็กกว่าจึงโผเข้ากอดเอวหนา เดาได้ไม่ยากว่าที่เอเดลมาร์โผล่หน้ามาวันนี้ได้เพราะใครบางคนพยายามทำให้เกิดขึ้น และคนๆ นั้นคือคนที่รักเขามากไม่แพ้ใคร

“ขอบคุณนะวา” ขอบคุณมากจริงๆ ที่รักเขาขนาดนี้

.
.
.

งานเลี้ยงช่วงเย็นนั้นคล้ายจะเป็นการกินข้าวนอกบ้านเสียมากกว่า ผู้ร่วมโต๊ะล้วนแต่เป็นคนที่โผล่หน้าไปทำบุญที่บ้านช่วงเช้ากันทั้งนั้น เสียงพูดคุยเคล้าเสียงหัวเราะดังออกมาไม่ขาดสาย แม้แต่เด็กสองคนอย่างสีครามกับสีฟ้ายังไม่งอแงออกมาสักแอะ

เมื่อถึงช่วงของหวาน(เป็นไอติมกะทิหวานมันชื่นใจ) อลันด์ก็ขอตัวไปห้องน้ำก่อนโผล่มาเซอร์ไพรส์บนเวทีเตี้ยๆ ที่มีวงดนตรีไทยบรรเลงอยู่ บนบ่าเล็กสะพายกีตาร์คู่ใจที่เอเดลมาร์ซื้อให้ตอนอายุสิบสาม เขาเอานิ้วชี้เกาแก้มแก้เขินรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อยด้วยร้างเวทีมานาน หากเมื่อได้อยู่กับของรักหัวใจที่เต้นแรงพลันสงบทันควันและเริ่มขยับมือไปตามสายรังสรรค์เสียงดนตรีขึ้นมา

 (http://bit.ly/1UMCWTI)
“โอ้...เธอ ทำให้ฉันรู้จัก ความรักที่ไม่มีเงื่อนไขใด
ได้มามีเธอนั้นเป็นคนให้ หัวใจอยากให้เธอรู้

แต่ไม่รู้จะขอบคุณไม่รู้ทำอย่างไร ไม่รู้ว่าสิ่งไหนจะยิ่งใหญ่ควรค่าพอ
ที่ฉันได้จากเธอได้รักโดยไม่ต้องขอ ได้รู้โดยไม่ต้องรอ...ว่ารักคืออะไร”
[/url]

เสียงปรบมือดังขึ้นเมื่อนักร้องหนุ่มน้อยฉีกยิ้มกว้างในเพลงท่อนสุดท้าย ตาสีฟ้าซีดมองสบนภที่ใช้เสน่ห์ของนักร้องขวัญใจชาวไทยไปอ้อนวอนผู้จัดการโรงแรมให้เขาขึ้นมาร้องเพลง ก่อนเลื่อนมองทิวากานต์ที่พูดชื่อเพลงนี้ขึ้นมาเมื่อเช้าจนเขาต้องไปหามาฟังแล้วเลือกเพลงนี้มาร้องให้พ่อกับแม่ฟัง

“ขอบคุณแด๊ดกับมัมมากจริงๆ ที่มาหาผมวันนี้ ผมไม่เคยรู้สึกโชคดีเท่านี้มาก่อนที่เกิดเป็นลูกของแด๊ดกับมัม ถึงตอนนี้ผมจะรักคนอื่นแต่ไม่ได้หมายความว่าผมไม่รักแด๊ดกับมัมแล้ว เพราะแด๊ดกับมัมนั่นแหละที่สอนให้ผมรู้จักความรักแล้วผมจะทิ้งความรักครั้งแรกไปได้ยังไง”

สามีภรรยาโอเนลล์ไม่ได้พูดอะไรนอกจากซับน้ำตาให้กันและกัน พวกเขาเข้าใจดีว่าลูกนั้นเลี้ยงได้แต่ตัวสุดท้ายวันหนึ่งก็ต้องจากไปสร้างรังใหม่ของตนเอง หากที่ทำใจยอมรับไม่ค่อยได้เพราะอลันด์นั้นเป็นนกที่ทิ้งรังเร็วเกินไปพวกเขาจึงห่วงกว่าปกติ หากเมื่อพบว่ารังใหม่ของลูกนั้นอบอุ่นปลอดภัยพ่อแม่จึงวางใจและยิ่งมีความสุขเมื่อรู้ว่าลูกนกที่เฝ้าเลี้ยงดูมาไม่เคยลืมการป้อนข้าวป้อนน้ำของพวกเขาเลย

“ฉันฝากอัลด้วยนะหมอ” เพียงประโยคสั้นๆ ของเอเดลมาร์ก็สามารถทำให้หัวใจทิวากานต์พองโตไปด้วยความสุข เขายกมือไหว้บิดาคนรักพร้อมให้คำสัญญาหนักแน่นว่าจะรักและปกป้องหนุ่มน้อยคนนั้นจนกว่าชีวิตจะหาไม่ ให้สมกับที่เอเดลมาร์ยอมมอบสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตให้เขาดูแล...



.
.
.
.

END



ในที่สุดเรามาถึงตอนสุดท้ายกันจริงๆ เสียทีค่ะ (ถ้าอยากอ่านมากกว่านี้รอรวมเล่มนะคะ #ขายตรง #ฮา)
ตอนแรกลังเลใจอยู่พอสมควรว่าจะนำตอนนี้มาลงดีหรือไม่
แต่เพราะนี่คือบทสรุปของคนคู่นี้จริงๆ จึงอยากให้ทุกคนได้อ่านกันค่ะ
เฮ้อ...อารมณ์ตอนพิมพ์ทอล์กคือเหมือนลูกกำลังออกเรือนเลย
ต่อจากนี้จะไม่ได้มาลงเรื่องนี้ทุกอาทิตย์แล้ว ใจหายมากค่ะ TTATT
แต่ถ้าวันไหนคิดถึงพี่วากับน้องอัลขึ้นมาคงได้กลั่นเป็นตัวอักษรให้ทุกคนได้อ่านตอนพิเศษกันอีกแน่ๆ ค่ะ #สัญญา

ส่วนรายละเอียดการรวมเล่มติดตามได้ที่เพจของ rainy night (https://www.facebook.com/rainynightpublishing) หรือเพจของเรา NiTRoGeN14 (https://www.facebook.com/BLNiTRoGeN14) ค่ะ

แต่ตอนนี้ที่เพจของเรากำลังมีเกมให้เล่นกันอยู่ ในหัวข้อ
ชอบตัวละครไหนที่สุดในเรื่อง HEART ATTACK นี้ เพราะอะไร
เหตุผลใครโดนใจสุดจะให้รีเควสตอนพิเศษตามใจชอบได้หนึ่งตอนสั้นๆ
หมดเขต 28 เมษายนนี้

ไปเล่นกันเยอะๆ นะคะ ><
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : รัก [08.04.16]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 08-04-2016 18:29:39
จะมีตอนพิเศษอีกไหมคะ ขออีกได้ไหม  :mew3:
หมอวากับน้องอัลรักกันนานๆน้าาา
  :mew1:   :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : รัก [08.04.16]
เริ่มหัวข้อโดย: Kio ที่ 08-04-2016 18:36:17
จบแล้ว ..จบแล้วจริงๆ หรอ ฮือออ อยากได้หนังสือ จะรอนะคะ รักเรื่องนี้มาก :hao5:
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : รัก [08.04.16]
เริ่มหัวข้อโดย: itsbelle ที่ 08-04-2016 18:43:06
จบแล้ววววว รู้สึกใจหายหน่อยๆ เริ่มอ่านนิยายเรื่องนี้ตอนที่ผู้เขียนเอาได้ประมาณ10ตอน แล้วจากนั้นก็ตกหลุมรักหมอวากับน้องอัล แรกๆเข้ามาดูทุกวันอยากอ่านต่อหลังๆเริ่มจับทางได้ว่าน่าจะมาวันไหน ต่อไปทุกอาทิตย์ที่เฝ้ารอน้องอัลกับคุณหมอคงจะไม่มีอีกนานอยากให้คนเขียนเข้ามาลงตอนพิเศษบ่อยๆหรือเขียนต่อเรื่องต่อไปเร็วๆนะคะ. จากที่รอน้องอัลกับคุณหมอทุกอาทิตย์ต่อไปเปลี่ยนไปรอรวมเล่มหนังสือ อยากได้น้องอัลมาไว้ที่บ้านจะติดตามข่าวนะคะ
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆแล้วก็สนุกๆ
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : รัก [08.04.16]
เริ่มหัวข้อโดย: Mokuchi ที่ 08-04-2016 18:54:57
ถือว่าจบแบบสมบูรณ์แล้วสินะคะ
อิจในความรวยของแต่ละคนจริงๆ  :hao5:
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : รัก [08.04.16]
เริ่มหัวข้อโดย: Mitnai ที่ 08-04-2016 19:07:03
เย้ สนุกมากค่ะ แต่อยากอ่านคู่พิเศษของทอม หรือเจมส์เบาๆ เอาให้ได้กันเลยก็ได้นะคะ555555555
ขอบคุณสำหรับนิยายค่ะ
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : รัก [08.04.16]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 08-04-2016 20:19:38
ใจหายนิดๆ แต่ความสุขมันล้นใจ
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : รัก [08.04.16]
เริ่มหัวข้อโดย: Jitsupa_milk ที่ 08-04-2016 20:55:45
อบอุ่น
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : รัก [08.04.16]
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 08-04-2016 21:28:00
คำถามยากอ่ะ ถ้าจะให้ตอบว่าชอบใครนี่คือเลือกยากนะ ตัวละครแต่ละตัวมันมีข้อดีข้อเสียในตัวเอง แต่ถ้าจะให้เลือกเราว่าเราชอบแม่หมอวานะ 5555 ถึงแม้ว่าคุณแม่จะไม่ได้มีตัวตนไม่ได้มีบทในเรื่องเลย แต่สิ่งที่หมอวาทำล้วนสะท้อนและอ้างอิงถึงสิ่งที่คนเป็นแม่พร่ำสอนมา แม่คือคนที่ขัดเกลาและทำให้หมอวาเป็นหมอวาที่น่ารักและน่าครอบครองขนาดนี้ คิดดูสิว่าขนาดเหลือแค่ในควาามทรงจำและคำสอนเรายังรู้สึกรักได้ แม่คือแม่จริงๆ  5555 

อยากอ่าตอนพิเศษแบบหมอวากะน้องอัลมีทายาทจัง อยากรู้ว่าจะแสบแบบอัลหรืออบอุ่นแบบคุณหมอ แต่ที่แน่ๆงานนี้ปู่ย่าตาทวกและคณาญาติคงแบบมีเท่าไหร่ประเคนให้หมดหน้าตัก 5555
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : รัก [08.04.16]
เริ่มหัวข้อโดย: กุหลาบเดียวดาย ที่ 09-04-2016 00:13:26
Thank you million times.เพิ่งได้มาอ่านเรื่องนี้ คุณบัวน้อย สุดยอดมาก
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : รัก [08.04.16]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 09-04-2016 00:31:02
จบจริงล่ะเหรอ คิดถึงน้องอัลกะหมอวาแน่ๆ

แต่ก็ดีใจที่จบแบบแฮ้ปปี้เอ็ดดิ้งนะคะ  ในที่สุดแด็ดสุดหวงก็เปิดใจยอมรับลูกเขยได้ซักที  :L2:
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : รัก [08.04.16]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 09-04-2016 15:47:49
ความรักของพ่อแม่ยิ่งใหญ่เสมอ
หมอวาน้องอัล น่ารักอ่ะ อบอุ่นดี
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : รัก [08.04.16]
เริ่มหัวข้อโดย: Raina ที่ 10-04-2016 09:05:01
เป็นเรื่องมีธีมหลากหลากหลายมาก วงการแพทย์ เพลง/บันเทิง รถ ฯ ชีวิตคนรวยนี่...ช่างน่าหมั่นไส้ บางช่วงอ่านแล้วเข้าไม่ถึง ไฮโซเกิ๊น (อิจฉาเฟ้ยยยยย)

เรน่าอ่านแล้วรู้สึกว่ามันจบห้วนไปหน่อย ยังไม่สุด โฟกัสเรื่องจุดมุ่งหมายของน้องอัลทั้งเรื่อง พอน้องอัลเลือก น่าจะ hint เรื่องผลลัพธ์สักหน่อย เช่น น้องอัลหันมาเอาดีทางบริหาร แต่ก็ยังร้องเพลงเล่นดนตรีกับพี่นภบ้าง ไปช่วยงานเบื้องหลังให้บ้าง ฯ นี่เล่าถึงแค่เรียนจบ ย้ายมาอยู่ไทย แต่งงาน อ่า...มันก็ดีค่ะ แต่ความฝันของน้องล่ะคะ หายไปไหน?

ที่ค้างคาใจมากคือ ทอมกับเจมส์ เพื่อนที่สนิทที่สุดหายไปเลย ไม่มาร่วมฉลองจบการศึกษา ไม่มาร่วมงานแต่งงาน เข้าใจค่ะว่าเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ แต่ยังไงก็เป็นคนที่สำคัญสำหรับน้องอัลมาก น่าจะพูดถึงบ้าง เช่น ยังทำใจไม่ได้ เลยส่งของขวัญมาแทน อะไรก็ว่าไป

ถ้าแก้ไข loose ends (หรือไม่ก็เขียนให้ชัดเจนกว่านี้ ว่าเป็น open ended) จะจบได้อิ่มเอมขึ้นค่ะ
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : รัก [08.04.16]
เริ่มหัวข้อโดย: litlittledragon ที่ 10-04-2016 09:22:52
น่ารัก ทั้งหมอวาน้องอัลตัวแสบ

ขำพฤติกรรมหมอเกี่ยวกับเรื่องเงิน ฮา
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : รัก [08.04.16]
เริ่มหัวข้อโดย: meadthat ที่ 10-04-2016 18:49:57
สนุกมาก ชอบอัลจัง
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : รัก [08.04.16]
เริ่มหัวข้อโดย: Ryu7801 ที่ 10-04-2016 21:40:06
ชอบน้องอัลน่ารัก หมอวาผู้กลัวเมีย  เลือกไมถูก :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : รัก [08.04.16]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 10-04-2016 22:27:11
น้องอัลถ้าเงินเหลือส่งมาให้ทางนี้ช่วยใช้บ้างก็ได้นะ อิอิ
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : รัก [08.04.16]
เริ่มหัวข้อโดย: GintoniC ที่ 11-04-2016 14:57:51
สารภาพว่าเพิ่งมาอ่านตอนที่โพสจบไปแล้ว และอ่านจบไปสองรอบเพิ่งจะมาคอมเม้น (ขอโทษด้วยค่ะ  :mew6:)

จะบอกว่าคิดไม่ผิดเลยที่กดเข้ามาอ่าน ตอนแรกไม่ได้สนใจหรอกว่าเป็นเรื่องแบบไหน เห็นว่าจบแล้วเลยอ่าน 555 แต่ว่าติดหนึบไปไหนไม่รอด ใช้เวลาอ่านไป 2 วัน เพราะแต่ละตอนยาวมาก แต่ก็นั้นแหละถึงจะยาวก็ไม่อยากจะให้จบตอนเลย หลงรักหมอวา หลงรักอลันด์ เข้าไปเต็มๆ ได้ครบทุกรสชาติ อ่านๆ ไปรู้สึกเหมือนไปสิงอยู่ในแก๊งป้าๆ ของหมอวาที่เป็นสาววาย (ฮาาาาาา) ถ้ามีหลานแบบนี้คงดี (ฟินนนนนนนนน)

รองลงมาจากคู่หลัก เราชอบเจมส์มากกกกกกกกกกก (ถึงเจมส์จะรักอลันด์ก็เถอะ) คือแบบอะไรอ่ะ ผู้ชายสมบูรณ์แบบคนนี้ ทำไมเวลาชอบใครสักคนถึงเข้าหาไม่เป็น เอาแต่คอยแกล้ง ไม่งั้นป่านนี้คงได้อลันด์เป็นแฟนไปแล้ว (ช่วยหาคู่ให้เจมส์ทีเถอะค่ะ สงสารรรรรรรรรรรร  :hao5: )

เรากลัวโธมัสมากเลย ตอนแรกคือแบบดูเฟรนลี่ น่ารักน่าเข้าหามากเลย (มากกว่าเจมส์ซะอีก) แต่ที่ไหนได้ อารมณ์แบบโรคจิตเลยอ่ะ สงสารก็สงสาร แต่สงสารอลันด์มากกว่า

นภ นักร้องหนุ่มหล่อที่บางตอนก็โผล่มา รึหายไปแบบไม่มีตัวตน (ฮาาาาาาาาาาา) ชอบสัญญาทาสอ่ะ คือนภนี่มีความหลังฝังใจอะไรกับหมอวารึเปล่าดูกลัวแบบขั้นสุดเลย นี่ก็อีกคนที่ไม่มีคู่ กับเจมส์ไหม?? จะได้ไม่ต้องคิดนาน 5555

ปล.เรารอร่วมเล่มน่ะ จะซื้อล่ะ ชอบมากกกกกกกกกกก

ปล.2 คนเขียนสู้ๆๆๆๆๆ  :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : รัก [08.04.16]
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 11-04-2016 18:35:14
เห็นของรับไหว้แต่งงานแล้วตาร้อนผ่าวๆ 55
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : รัก [08.04.16]
เริ่มหัวข้อโดย: M.J. ที่ 12-04-2016 12:38:22
ชอบมากๆเลยค่ะ สนุกมาก อบอุ่นมาก อยากได้หมอวาเองเลย ขอบคุณนะคะที่แต่งเรื่องสนุกๆแบบนี้ให้อ่าน  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : รัก [08.04.16]
เริ่มหัวข้อโดย: zaalim ที่ 14-04-2016 10:03:27
อ่านจบแล้วว...เย้!! รวดเดียวเลยจ้า..
สารภาพว่าเพราะเห็นว่าขึ้นจบแล้วเลยเข้ามาอ่าน..แหะๆ ไม่คิดเลยว่าจะติดงอมแงมไม่หลับไม่นอนขนาดนี้
ตัวละครทุกตัวน่ารักมากอะค่ะ...(แอบเป็น FC ป๋ารัน) ฮ่าๆๆๆ
พี่วากับน้องอัลมีอะไรให้ยิ้มแก้มปริตลอดเลยอ่า...อร๊ายยย..เขิลลล >//////< เป็นนิยายที่สนุกมากๆ อีกเรื่องหนึ่งเลย...
อ่านแล้วประทับใจกับความคิดความอ่านของตัวละครแต่ละตัว... เราว่าคนแต่งพยายามอธิบายให้เราเข้าใจในการกระทำของพวกเขา...สุดท้ายพอจบแล้วรู้สึกแบบว่า..อิ่มอ่าาาา
จบสมบูรณ์ดีค่ะ ชอบมากอ่า...อยากได้รวมเล่มแล้ว...จะรอตามข่าวนะคะ
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : รัก [08.04.16]
เริ่มหัวข้อโดย: Legpptk ที่ 18-04-2016 16:49:26
เป็นอีกเรื่องที่ชอบมากกกก
ชอบน้องอัล เป็นนายเอกที่เป็นแค่เด็กผช.ซนๆๆคนหนึ่งไม่ออนเเอนน แต่น่ารักเวอร์
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : รัก [08.04.16]
เริ่มหัวข้อโดย: ゚゚ღ✿ศิลินส์✿ღ゚゚ ที่ 20-04-2016 06:56:25
 :a5:

จะรวยไปไหนคะ เรากำลังอึ้งอย่างมาก โอ้ยยย อิจค่ะ!

ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษที่ทำให้เราตาร้อนผ่าว ๆ 555

คิดถึงน้องแมว คิดถึงหมอวา

หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : รัก [08.04.16]
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 10-05-2016 20:11:48
เพิ่งได้มาอ่านค่ะ ตามมาจากเรื่องน้องหวา
สนุกมากค่ะ ชอบมาก
ได้อะไรเยอะมากจริงๆ
ชอบทุกอย่างเลย
ขอบคุณคนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : รัก [08.04.16]
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 14-05-2016 21:28:51
สนุกมาก ๆ เลยค่ะ พลาดเรื่องดี ๆ สนุก ๆ แบบนี้ไปได้ไงเรา   :serius2:

น้องอัลกับหมอวาน่ารักมากจริง ๆ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : รัก [08.04.16]
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 16-05-2016 14:20:10
เพิ่งได้อ่านเรื่องนี้... ตกใจมาก ทำไมไม่เห็นก่อนหน้านี้ สนุกมากค่ะ บอกเลย งานดีจริงๆ เป็นนิยายที่ดำเนินเรื่องแบบเรื่อยๆ เอื่อยๆ แต่....อ่านแล้ววางไม่ลง ต้องเร่งอ่าน 3 วันติด ทีเดียวจบเลย  :m4:

ส่วนตัวชอบเรื่องนี้ตรงการพูดจากัน การดำเนินชีวิตไปด้วยกันระหว่างหมอวากับอัล มันดูเรียล (ยกเว้นเรื่องความมีอันจะกินของทั้ง 2 ตระกูล.... เรื่องนี้มันไม่มีใครจนสักกะคน แอบหมั่นใส้ 55555)  มันมีดีเทล ไม่ใช่มีแต่คำหวาน จิ๊จ๊ะ หยอดกัน โซเดมาคอมกัน เหมือนเรื่องอื่นๆ บางช่วงอาจดูอึดๆ แต่ก็ไม่นานก็กลับมาสนุกน่าติดตามเหมือนเดิม o13

ตอนที่ชอบที่สุด (มีที่สุดหลายตอนมาก 55555) .....

1. อะไรคือยังไม่ปั่มปั๊มน้อง จนน้องนอยด์ว่าไม่รัก ปล่อยให้น้องค้างหลายที สาเหตุเพราะ.....รอชุดคอสเพลย์นางพยาบาล   :m20:
2. ตอนที่น้องอัลทะเลาะกับหมอวาเรื่อง..อีกบ!! บอกเลยว่า มันฮามาก ฟิลเมียหลวงกำลังจะโดนเมียน้อยถีบออกจากบ้าน..มาเต็ม  :jul3:
3. ตอนสุดท้าย ที่พ่ออัลถามหมอวาว่า "พ่อคุณชื่อตู่เหรอ?"   :pigha2: 55555 มุกนี้มันโดนจริงๆ
4. แอบ....อร๊ายยยยยย หน้าแดงตาม เวลาพี่หมอวาคุยกับอัล แล้วพูด คะ ขา  :-[ น่าร๊ากกกกกกก อ่ะ

ชอบค่ะ คนเขียนเก่งมาก mission ต่อไปของเราคือ LOVE | HATE : ลวงใจ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49564.msg3211775#msg3211775) ที่คุณบัวน้อย แนะนำเอาไว้ (แต่แบบแอบอัพห่างจุง...แหะๆ) จะติดตามและเป็นกำลังใจให้เรื่องต่อๆไปนะคะ ขอบคุณมากค่ะสำหรับนิยายสนุกๆเรื่องนี้  ขอบคุณค่ะ :m1:
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : รัก [08.04.16]
เริ่มหัวข้อโดย: gasia ที่ 17-05-2016 09:27:07
สนุกมากกกกกก นั่งอ่าน2 วันจบ
ชอบหมอวามาก อิอิ อัลก็น่ารัก เจ้าพวกเพื่อนก็ดี พี่นภก็ขำจ๊น 55555
ขอบคุณที่แต่งนิยายสนุกๆแบบนี้มานะคะ ภาษาอ่านง่ายมาก >_<
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : รัก [08.04.16]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 19-05-2016 20:44:29
สนุกมากค่ะ ไม่เวิ่น ตลกอลันด์

นายเอกเราโซฮอตของจริง พี่วาแค่กระแส
แต่ไม่มีคนแย่ง 5555

มีการข่มกันเล็กน้อย วาซื่อบื้อ อดเลยสามล้าน 555
หัวข้อ: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : อย่าหึงนักเลย [20.05.16]
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 20-05-2016 11:50:57
SPECIAL TRACK : อย่าหึงนักเลย (http://bit.ly/1VcNNpu)



“อาทิตย์นี้ก็ไม่กลับลอนดอนอีกแล้วเหรอ” คุณหมอวัยสามสิบสองหมาดๆ กรอกเสียงผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ด้วยอาการเซ็ง เขาเดินไหลไปตามฝูงชนเข้าไปในทิวบ์ (tube) หรือรถไฟใต้ดินของลอนดอนเตรียมตัวกลับที่พักหลังอยู่ทำวิจัยจนดึก

‘อื้อ พอดีต้องอยู่อภิปรายกับทีน่าน่ะ’

“ทีน่า?”

“ใช่ เพื่อนผมไง วาจำไม่ได้เหรอ”

ไม่ใช่ว่าจำไม่ได้แต่เพราะได้ยินจนจำได้ทั้งที่ไม่อยากจะจำต่างหาก

พักหลังมานี้เวลาคุยกับอลันด์ทีไรต้องมีชื่อทีน่าหลุดมาตลอด บางทีก็นึกสงสัยว่ายัยทีน่านี่เป็นใครทำไมถึงดูมีอิทธิพลกับคนรักของเขามากมาย ไม่ว่าอลันด์จะทำกิจกรรมอะไรต้องขึ้นอยู่กับผู้หญิงคนนี้เสมอ

“เราไม่ได้เจอกันมาหลายสัปดาห์แล้วนะ” ทิวากานต์โวยวายกลับไปเหมือนเด็กๆ อยากจะบอกด้วยว่าวันเกิดเขาก็ไม่ได้อยู่ด้วยกันเพราะเด็กหนุ่มต้องทำรายงานกับยัยทีน่าแต่มันจะดูงี่เง่าเกินไป เขาเบะปากใส่โทรศัพท์ก่อนทำท่านึกขึ้นได้ “จริงสิ พรุ่งนี้พี่มีเวลาว่าง นั่งรถไปหาที่อ็อกฟอร์ดได้หรือเปล่า จะได้ฉลองวันเกิดพี่ย้อนหลังด้วยกันไง”

ใช่! เผื่อบางทีได้เจอยัยทีน่านั่นด้วย จะได้ถือโอกาสสแกนกรรมกันตรงนั้นเลยว่าหล่อนเป็นตัวอันตรายกับฮันนี่ผู้น่ารักของเขาหรือไม่!

‘เห... จะเอางั้นเหรอ ความจริงก็ได้อยู่นะ ผมพอจะมีเวลาว่างตอนมื้อเที่ยงนิดหน่อย แต่นัดกับทีน่าไปแล้วด้วย เราคงไม่ได้อยู่กันสองคน มันจะคุ้มเหรอวา’ คนปลายสายทำน้ำเสียงไม่เห็นด้วยแต่ไม่ปฏิเสธเด็ดขาด และมีชื่อยัยทีน่าโผล่มาอีกแล้ว

“นี่ถึงจุดที่ตีค่าการได้เจอหน้าแฟนเป็นกำไร-ขาดทุนแล้วงั้นเหรอ” คราวนี้คนวัยสามสิบนิดๆ ชักเริ่มน้อยใจขึ้นมาจริงๆ “สำหรับพี่ เรื่องความรู้สึกมันตีราคาไม่ได้หรอกนะ”

‘เปล่า ไม่ใช่อย่างนั้น ผมเองก็คิดถึงวา แต่มันเปลืองค่ารถนี่นา ได้เจอกันแค่ชั่วโมงเดียวเองนะ’

“ก็นับว่าคุ้มแล้ว อีกอย่างจะแคร์ทำไม พ่อรวยซะอย่าง”

‘ใช่ซี่ มีพ่อเป็นดาราดังนี่นะ’ ไอ้ตัวแสบส่งเสียงงุ้งงิ้งมากตามสาย พวกเขาคุยกันอีกเล็กน้อย(มีชื่อทีน่าหลุดมาอีกสองครั้งกับพฤติกรรมเปิ่นๆ ของเธอ)ก็วางสายแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ

ทิวากานต์กลับมาถึงห้องเช่าตอนห้าทุ่มพอดี เพื่อนบ้านบางคนกำลังเริ่มจัดปาร์ตี้เสียงดังได้ที่ซึ่งเดี๋ยวคงมีคนโทรไปแจ้งตำรวจให้มาจัดการ เขาถอดเสื้อโค้ทแขวนไว้กับเสาที่หน้าประตู จัดการเปิดไฟแล้วเดินเข้ามาด้านใน

ห้องพักของเขาจัดว่าเป็นห้องธรรมดาไม่ได้หรูเลิศอะไร มีแค่ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องนั่งเล่นเล็กๆ อย่างละหนึ่งกับเคาน์เตอร์บาร์ กระนั้นค่าเช่าก็ราคากระอักเลือดสมกับเป็นเมืองที่ค่าครองชีพสูง

ปกติแล้วนักเรียนต่างชาติหรือแม้แต่เจ้าถิ่นเองยังนิยมรวมกลุ่มกันเช่าบ้านเพราะราคาถูกแถมอุปกรณ์ห้องหับก็พร้อมกว่า ไม่ค่อยมีแยกมาอยู่คนเดียวแบบนี้มากนักถ้าไม่มีเงินทุนหนาจริงๆ ตอนเขาจะมาเรียนที่นี่ก็มีคนรู้จักในอังกฤษชวนให้ไปอยู่ด้วยเหมือนกัน แต่เขาปฏิเสธไปเพราะต้องการความเป็นส่วนตัวมากกว่า และที่สำคัญ...จะพาอลันด์มาค้างด้วยก็สบายบรื๋อไม่ต้องกังวลกับสายตาหรือคำพูดของใคร

แต่อลันด์ไม่มาค้างด้วยหลายสัปดาห์แล้วนี่สิ เซ็งชะมัด

เขาจัดการธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อยก็เปิดคอมเตรียมอัพเดทข่าวสารในรอบสัปดาห์เสียหน่อย ในหัววาดแผนการคร่าวๆ ว่าจะช่วงเวลาที่มีอันน้อยนิดกับอลันด์ยังไงบ้าง แม้จะเป็นแค่เพียงหนึ่งชั่วโมงสั้นๆ แต่ถ้าบริหารให้ดีทิวากานต์ว่าคุ้มค่าเกินกว่าที่เด็กเศรษฐศาสตร์คาดแน่ๆ

ปลายนิ้วเรียวยาวนุ่มนิ่มกดบนแป้นคีย์บอร์ดเป็นชื่อเว็บไซต์คอมมูนิตี้ชื่อดังของพี่มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์กด้วยความรวดเร็ว ช่วงเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากเข้าดูความเคลื่อนไหวผ่านสมาร์ทโฟนครั้งล่าสุดเขาก็ได้รับแจ้งเตือนนับสิบจากคนรู้จักหลายคน มีทั้งสาวๆ ที่มาโพสหน้าวอลล์ว่าคิดถึง เพื่อนที่ฝากซื้อของให้ส่งกลับไปกรุงเทพ ข่าวเมียหมอกวินกำลังตั้งครรภ์ลูกคนแรก และแจ้งเตือนโพสใหม่ในกรุ๊ปปิดของหมอศัลย์

ปกติทิวากานต์ก็ไม่ได้ติดตามข่าวสารวงการบันเทิงหรอก ดาราคนไหนเป็นใครถ้าไม่ดังจริงๆ แบบนภแล้วเขาแทบไม่รู้จัก(ถึงจะเคยคั่วสาวในวงการมาบ้างก็เหอะ) ยิ่งมาเรียนต่อที่ลอนดอนเขายิ่งห่างไกลจากวงการบันเทิงไทยแบบสุดชั้ว กระทั่งวันนี้มีคนในกรุ๊ปเฟซบุ๊คของหมอศัลย์แชร์ลิ้งค์ข่าวอันหนึ่งมา ตอนแรกเขาว่าจะมองข้ามมันไปแล้วแต่เพราะตัวเลขคนคอมเม้นต์และท็อปคอมเม้นต์อันดุเดือดนั้นเรียกให้ปลายนิ้วเรียวสวยกดคลิกเข้าไปอ่านไม่ได้

ตาคมดุที่ทำเลสิกแก้สายตาสั้นตั้งแต่ตอนยี่สิบแปดจดจ้องหน้าคอมพิวเตอร์ ข่าวดาราสาวนางหนึ่งแยกทางกับสามีที่เป็นถึงศัลยแพทย์ชื่อดังทำเอาทิวากานต์ตากระตุก เขาไล่อ่านทุกบรรทัดทุกข้อความไม่เว้นแม้กระทั่งความคิดเห็นอีกนับสิบ สาเหตุหลักๆ เลยก็คืออายุที่ห่างกันมากเกินไปและไลฟ์สไตล์ต่างกัน

ยิ่งอ่านเขายิ่งรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ทำม๊ายทำไมเนื้อหาข่าวมันคล้ายๆ ชีวิตเขายังไงไม่รู้ แต่เขากับอลันด์ยังไม่เลิกกันนะเฮ้ย!

‘ผู้หญิงไม่เข้าใจชีวิตหมอเลย คิดดูทำงานเหนื่อยแทบตาย กลับบ้านมาเจอเมียไปเที่ยวกับเพื่อน แบบนี้จะแต่งงานไปทำแมวอะไรวะ’
‘อายุห่างกันด้วยแหละเลยไม่เข้าใจกัน ผู้หญิงยังเด็กเลยติดเที่ยวก็ไม่แปลก’
‘เฮ้อ ชีวิตศัลย์มันช่างอาภัพ หาคนเข้าใจยากจริงๆ’


ชายหนุ่มแอบกดไลค์ความเห็นเหล่านั้นเบาๆ ด้วยความเห็นใจ ชีวิตรักเขายังดีกว่านายแพทย์ผู้โชคร้ายคนนั้นที่อลันด์ไม่ใช่เด็กติดเที่ยว ออกจะแอนตี้ปาร์ตี้ด้วยซ้ำ และค่อนข้างเข้าใจอาชีพของเขาดี กระนั้นยังอดร้อนๆ หนาวๆ ไม่ได้ เกิดวันหนึ่งไอ้ตัวแสบเบื่อผู้ชายแก่ๆ ทำแต่งานแบบเขาขึ้นมา จะไม่ทิ้งเขาไปหาสาว(หรือหนุ่ม)คนอื่นหรอกหรือ ทุกวันนี้ต่อให้เขาบินตามมาเรียนที่ประเทศเดียวกันแต่ก็คนละเมืองอยู่ดี ได้ใช้เวลาด้วยกันไม่เท่าไหร่ เจ้าเด็กนั่นจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ อาจจะเจอสังคมใหม่ๆ จนลืมเขาไปแล้วก็ได้...

“แถมตอนนี้ยังมียัยทีน่าอะไรนั่นติดเป็นตังเม ไม่ใช่ว่าอัลกับยัยนั่นจะ...” เขาส่ายหัวไล่ความคิดบ้าๆ ในแง่ร้ายออกจากสมอง “ไม่หรอกน่า เราต้องเชื่อใจอัลสิ”

ใช่แล้ว...คนรักกันถ้าไม่เชื่อใจกันจะยังเรียกว่าคนรักได้ยังไง

.
.
.

เมื่อถึงเช้าวันถัดมา ชายหนุ่มตอนปลายตื่นมาจัดการแต่งหล่อแต่เช้า นั่งทิวบ์ออกจากที่พักไปสถานีแพดดิ้งตัน (Paddington) เพื่อจับรถไฟเที่ยวก่อนสิบโมงเช้ากะเวลาให้ไปถึงอ็อกฟอร์ดสิบเอ็ดโมงพอดี

หลังหาที่นั่งเจอทิวากานต์ก็หลับคอพับมาตลอดทางด้วยความเพลียจากการนั่งอ่านความคิดเห็นเรื่องดาราสาวกับอดีตสามีศัลยแพทย์ชื่อดังจนถึงตีสอง ยังดีที่ไม่ได้ขับรถเอง ไม่งั้นวันนี้เขาคงไปหาอลันด์ไม่ถึงที่ แต่พุ่งลงข้างทางไปเสียก่อน

สมัยมาอยู่ลอนดอนแรกๆ ทิวากานต์เคยคิดจะซื้อรถไว้ใช้งานเองอยู่หรอก แต่ด้วยความขี้เกียจจัดการกับเอกสารร้อนแปดเพื่อการขับรถเมืองนอกเล่นแค่สามปี ไหนจะที่พักของเขาก็อยู่ห่างจากมหาวิทยาลัยไม่กี่ช่วงตึก รวมถึงจะระบบขนส่งของที่นี่ก็ดีไม่เหมือนกรุงเทพ จึงไม่รู้จะซื้อไปทำไม อีกอย่างถ้าอยากขับรถเล่นเขาก็มีเบนท์ลีย์ มูซานคันหรูของอลันด์อยู่แล้ว โฮะๆๆ

รถไฟมาถึงสถานีปลายทางก่อนสิบเอ็ดโมงเล็กน้อย ใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงพอดี หลังจากนั้นก็ต่อบัสไปแถวมหาวิทยาลัยของอลันด์ ใช้เวลาอีกสักพักเดินหาร้านอาหารที่นัดแนะกันไว้ ทิวากานต์เข้าไปรอในร้าน สั่งอาหารไว้ล่วงหน้ากะวางให้เต็มโต๊ะ ไม่ลืมขอเซอร์ไพรส์จากทางร้านเป็นเค้กวันเกิดย้อนหลังให้ตัวเอง

คิดแล้วก็อนาถ ขนาดวันเกิดตัวเองยังต้องเซอร์ไพรส์เอง แต่คิดอีกทีเจ้าตัวแสบเรียนหนักไม่มีเวลามาทำอะไรจุกจิกแบบนี้ให้เขาหรอก เพื่อความสุขในชีวิตรักจะยอมนิดๆ หน่อยๆ เป็นไรไป

พอเข็มนาฬิกาเลยเที่ยงมาได้แค่สามนาทีร่างผอมบางของอลันด์ก็ปรากฏกายขึ้นที่หน้าร้าน ใบหน้าขาวใสพราวไปด้วยเหงื่อเม็ดเล็กๆ พร้อมด้วยรอยยิ้มสว่างไสว และผู้หญิงชาวตะวันตกหุ่นอวบอ้วนคนหนึ่ง... ทั้งสองเดินเคียงข้างกันมาก่อนที่ร่างเล็กนั้นจะโผเข้าหาทิวากานต์ หอมแก้มสากของคุณหมอฟอดใหญ่

“ฮันนี่”

“คิดถึงจังเลย” เขารวบร่างเล็กเข้ามากอดแน่น โชคดีเหลือเกินที่อังกฤษรักร่วมเพศเป็นเรื่องปกติสามัญ พวกเขาจึงแสดงออกถึงความรักได้อย่างเปิดเผย

“ขอโทษนะ รอนานหรือเปล่า”

“ไม่นานเลย นั่งเถอะ พี่สั่งอาหารไว้แล้ว”

“Great!” อลันด์ชูนิ้วโป้งส่งมาให้ ก่อนเจ้าตัวจะทำหน้านึกขึ้นได้ “Oh! I’m sorry, honey ผมลืมแนะนำให้รู้จัก นี่ทีน่าคนที่ผมเล่าให้ฟังบ่อยๆ ทีน่า นี่วา คนรักของฉัน”

ทีน่าเป็นคอเคซอยส์สาวผมแดงจินเจอร์ที่สูงเกือบเท่าอลันด์และใหญ่ไปทุกสัดส่วนตั้งแต่หน้าอก เอว สะโพก และท่อนขา! หล่อนโอบเอวอลันด์แน่นก่อนเงยหน้ามาสบตากับทิวากานต์ “ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”

ทิวากานต์กระพริบตาปริบๆ มองสาวเพียงหนึ่งเดียวยิ้มหวานก่อนยื่นมือมาให้คุณหมอจับแล้วก็นั่งลงบนเก้าอี้โดยไม่ต้องให้ใครเชิญ

ตลอดเวลาบนโต๊ะอาหารทิวากานต์พยายามมองข้ามรอยยิ้มแปลกๆ ของทีน่าที่มองตรงมา จะบอกว่าเป็นเรื่องปกติเพราะไม่ว่าผู้หญิงทุกคนล้วนชอบผู้ชายอย่างทิวากานต์ก็คงใช่ แต่ไม่รู้ทำไมคราวนี้เขาถึงคิดว่ามีบางอย่างแปลกไป สัญชาตญาณในร่างกายกำลังส่งสัญญาณเตือนดังก้อง แต่ว่า... ผู้หญิงอย่างทีน่าไม่น่าจะเป็นคู่แข่งเขาได้เลย ถ้าสวยหุ่นดีแบบซาร่าแฟนเก่าอัลก็ว่าไปอย่าง

“อัลกินยังไงเลอะเทอะไปหมดเลย ฉันช่วยนะ”

“โอ๊ะ ขอบคุณมากทีน่า” เจ้าเด็กตัวแสบฉีกยิ้มกว้างรอให้สาวเจ้าหยิบผ้ามาซับหน้าให้เหมือนเด็กๆ เสร็จแล้วก็อ้อนสาวหนึ่งเดียวบนโต๊ะด้วยการกอดซุกหน้าอกโตๆ ของหล่อน

แต่บางที...ทิวากานต์อาจประเมินผิดไป
เดี๋ยวสิเฮ้ย! ชอบแบบนมโตๆ ทำไมไม่บอก เขาจะได้ไปทำ #ผิดๆๆๆๆ

ทิวากานต์มองภาพนั้นแล้วยอมเสียมารยาทเท้าแขนบนโต๊ะจ้องอลันด์ตาเขียวปั๊ด อีกฝ่ายเหมือนจะรู้ตัวจึงผละหน้าออกจากอกอวบอัดของสาวอ้วนทีน่า(ขอใช้คำว่าอ้วนเถอะเพราะถ้าส่งตรวจที่โรงพยาบาลหมอร้อยทั้งร้อยก็ต้องบอกว่าเธอเป็นโรคอ้วน!)ส่งหัวเราะแห้งๆ มาให้ นี่เขาไม่ตลกด้วยนะเว้ย!



หลังจัดการอาหารกันหมดเรียบร้อยและพนักงานยกจานใบใหม่มาเปลี่ยนทิวากานต์ก็ห้ามอลันด์ที่ทำท่าจะสั่งของหวาน เขาดึงมือเล็กมากุมไว้ทำเป็นไม่สนใจสายตาแปลกๆ ของทีน่า “พี่มีอะไรจะเซอร์ไพรส์”

“หืม เนื่องในโอกาสอะไรเหรอ”

เขาไม่ได้ตอบคำถามแต่ให้พนักงานที่กำลังยกเค้กมาเป็นคนตอบ เค้กช็อคโกแลตเขียนข้อความสุขสันต์วันเกิดย้อนหลังคุณหมอรูปหล่อพร้อมเทียนเล่มเล็กสามอันถูกวางลงบนกลางโต๊ะ เด็กหนุ่มสาวทั้งสองดูจะตกใจเล็กน้อยโดยเฉพาะอลันด์

“ถึงจะช้าไปหน่อยแต่พี่ก็อยากฉลองวันเกิดกับเรานะ”

“วา... I’m so sorry”

“ขอโทษทำไมครับ”

“ขอโทษที่ไม่ได้ใส่ใจวาเท่าที่ควรเลย” อลันด์ทำหน้าหงอยรู้สึกผิดจริงๆ ที่ไม่ค่อยได้ทำอะไรให้คนรักนัก แต่ทิวากานต์อยากบอกเหลือเกินว่าแค่อยู่ด้วยกันแบบนี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับเขา

ทิวากานต์ใช้มือปัดเหนือเปลวไฟให้เทียนมอดลงแทนการเป่าแล้วใช้มีดตักเค้กก้อนเล็กแบ่งเป็นสามส่วนเท่าๆ กัน ตอนเขาวางเค้กบนจานของทีน่าเกือบเผลอเอามีดกระซวกไส้หล่อนไปหนึ่งทีเพราะยัยฝรั่งเนื้อนมไข่(?)บังอาจอาศัยช่วงเวลานี้เอาแก้มไปถูกับบ่าอลันด์

“กินเยอะๆ นะอัล ผอมเกินไปแล้ว” เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเปรียบทิวากานต์จึงใช้หลังมือถูแก้มไอ้ตัวแสบเบาๆ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจับมาจูบโชว์เสียตอนนี้เลย

“ขอบคุณนะวา”

“อะ อัล ฉันช่วยป้อนนะ อ้ามมม...”

สวีทหวานได้ไม่ทันไร ยัยทีน่าเจ้าเก่าก็เริ่มกวนประสาทคุณหมอรูปหล่ออีกรอบ มืออูมๆ ใช้ส้อมตัดเค้กเป็นชิ้นเล็กก่อนยื่นไปจ่อปากหนุ่มน้อย อลันด์ก็ว่าง่ายอ้าปากรับเข้าไปเคี้ยวตุ้ยๆ แล้วยังมีหน้าหันไปยิ้มให้หล่อนจนตาหยี

ชายหนุ่มเหมือนได้ยินเสียงเส้นอะไรบางอย่างในหัวขาดดังผึง เดี๋ยวก่อนนั่นผู้หญิง ทนไว้ไอ้วา

“อ๊ะ เปื้อนอีกแล้ว ฉันเช็ดให้นะ”

ปื๊ด...
เส้นที่สองขาดตามไปอย่างรวดเร็ว

ไม่ๆ ไอ้วา เอ็งต้องท่องไว้ อัลไม่ได้ชอบผู้หญิง ตอนนี้อัลเป็นเกย์ ชอบผู้ชายเท่านั้น หายใจเข้าลึกๆ หายใจออกยาวๆ ฮึบๆ

“ทีน่าอ่า ขอบคุณนะ”

อัล...ไม่นะ ขอบคุณแค่ปากสิ จะโผไปกอดยัยนั่นทำไม แล้วทำไมต้องซุกหน้ากับนม ชอบนม ชอบไขมันมากเหรอ ให้พี่ไปเพิ่มไซส์ไหม ม่ายยย...

ปื๊ด- ปื๊ด- ปื๊ด---!!!

“นี่ - มัน - จะ - มาก - ไป - แล้ว - นะ - !!!”

“หือ?”

“ไม่ต้องมาหือเลยไอ้ตัวแสบ อยากเห็นพี่หึงใช่หรือเปล่า แฟนนั่งหัวโด่อยู่นี่ยังอี๋อ๋อกับผู้หญิงให้เห็นตำๆ ตาอีก จิตใจทำด้วยอะไร สะใจมากใช่ไหม ถ้าชอบนมทำไมไม่บอก มาลวงมาหลอกฉันเล่นทำไม ใช่สิ นี่แก่ก็แก่ นมก็แบน จะเอาอะไรไปสู้ยัยทีน่าไขมันหนาสิบนิ้ว ใช้มีดทำครัวจิ้มพุงยังไม่เจอเนื้อ กูไม่ทนแล้วเว้ย!!!”

“วะ วา...”

“ไม่ต้องมาเรียก!” ทิวากานต์กอดอกฉับ เชิดคางสูง ตอนนี้ทั้งหึงทั้งโมโห อย่าเพิ่งเข้ามาใกล้เชียวไม่งั้นถูกกินหัวไม่รู้ด้วย

“ง่า...” เด็กหนุ่มหน้าเจื่อน กระนั้นก็ยังโอบเอวสาวเจ้าเนื้อนามว่าทีน่าไว้อยู่ จนถูกดวงตาคมปรายมองมาถึงยอมปล่อย เดี๋ยวอีกไม่กี่สิบนาทีเขาต้องกลับไปเตรียมอภิปรายที่คณะต่อแล้วนี่สิ แต่ตอนนี้คนรักยังหน้าบูดใส่อยู่เลย พอจะอ้าปากพูดก็ถูกมองจนต้องหุบปาก

ส่วนสาวต้นเหตุเองก็ตัวสั่น ถ้าเป็นไปได้หล่อนอยากจะเหลือตัวเท่าเม็ดถั่วเขียวด้วยซ้ำ แต่มันเป็นไปไม่ได้นี่สิ!

“ไม่ได้อยากใช้เวลาที่มีแค่หนึ่งชั่วโมงมาทะเลาะกัน แต่เหมือนว่า...” ทิวากานต์ชะงักริมฝีปากค้าง “อัลไม่อยากใช้เวลากับพี่แล้วสินะ”

“ไม่ใช่นะวา”

“แล้วทำไมทำกับพี่แบบนี้”

“แบบไหน”

“ก็อย่างที่ทำอยู่นี่ไง อี๋อ๋อกับผู้หญิงเนี่ย ชอบนมใช่ไหมล่ะ พี่เข้าใจเพราะพี่ก็ชอบ”

“เดี๋ยวๆ ผมว่าไม่ใช่ล่ะ” เด็กหนุ่มแกะตัวออกมาจากอ้อมอกสั่นเทาของหญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวบนโต๊ะอาหาร คิ้วเรียวกระตุกตอนที่ได้ยินอีกคนพูดคำว่านม

“ไม่ใช่ได้ไง ในเมื่ออัลเอาแต่ซุกนมทีน่า”

“ก็มันอุ่น เอ๊ย ไม่ใช่ แต่ก็อุ่นจริงๆ นั่นแหละ” ท้ายประโยคเจ้าตัวงุบงิบพูดคนเดียวแต่ไม่สามารถรอดพ้นหูนรกของคุณหมอไปได้

“เห็นไหมล่ะ” ทิวากานต์ตบโต๊ะดังปังเรียกสายตาทุกคนในร้านให้หันมามองเป็นตาเดียว

“ว่าแต่...นี่วาหึงผมกับทีน่างั้นเหรอ บ้าน่า ถ้าผมชอบนมจริงคงไม่เลิกกับยัยซาร่าหรอก แต่จะว่าไปยัยนั่นไม่ค่อยจะมีหน้าอกนี่นะ อืม...ความจริงผมชอบนมแข็งๆ แบบโธมัสมากกว่า”

“สรุปคือชอบแบบนั้น”

“อือ”

“แล้วทำไมต้องซุกนมทีน่าด้วย”

“มันอุ่นดี วาไม่คิดเหรอว่าคนอ้วนน่ารักจะตาย กอดทีนะอุ่นสุดๆ ยิ่งตอนหน้าหนาวแทบไม่ต้องพึ่งเตาผิงเลย”

ได้ยินคำตอบแล้วทิวากานต์อยากกระชากหัวตัวเองให้หนังหลุด สรุปคือแมวเหมียวตัวนี้นอกจากขี้หนาวแล้วยังติดสัมผัสด้วยสินะ ให้ตายเถอะ ถ้าคู่ต่อสู้เป็นสาวสวยหุ่นดีทิวากานต์ยังคิดว่าเอาชนะได้ แต่พอเป็นผู้หญิงอวบไปทุกส่วนแบบนี้เขาก็ไม่รู้จะหาชั้นไขมันที่ไหนมาสู้เหมือน เกิดต้องเลิกกันเพราะมือที่สามแบบยัยทีน่า มีหวังรู้ไปถึงไหนอายไปถึงนั่น

“ไม่ - สนุก”

แล้วใครสนุก?

“ไม่ - ตลก - ด้วย”

เห็นคนขำป่ะล่ะ?

อลันด์อยากถามกลับไปจริงๆ แต่เหมือนตอนนี้เขากับทีน่าจะทำให้คนแก่โมโหซะแล้ว ก็รู้อยู่หรอกว่าทิวากานต์ขี้หึงแล้วยังหึงโหด แต่ไม่คิดว่ากับผู้หญิงแบบทีน่าก็ยังหึง ดีนะไม่ลุกขึ้นมาล้มโต๊ะ ไม่งั้นเขาคงไม่กล้าเข้าร้านโปรดนี้อีกตลอดชีวิตแน่ๆ

ว่าแต่... ทิวากานต์ทำวิจัยจนเบลอไปแล้วหรือไง

“วา...”

“อะไร”

“ช่วงนี้งานวิจัยหนักเหรอ”

“นิดนึง แต่เดี๋ยวก่อน ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องเลยนะ เรายังคุยกันเรื่องนี้ไม่จบ”

“ผมว่ามันก็เรื่องเดียวกันนี่แหละ วา...ผมเคยเล่าให้ฟังไปตั้งแต่ตอนเปิดเทอมแล้วไม่ใช่เหรอว่าทีน่าเป็นลูกพี่ลูกน้องของผมที่เรียนอยู่อ็อกฟอร์ดเหมือนกัน เราสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก หรือว่าแม้กับญาติวาก็หึง”

“หึง เอ๊ะ...” คนปากไวสะดุ้งหลังโก่งเหมือนแมวก่อนเสียมารยาทชี้นิ้วไปที่สาวน้อยทีน่าผู้น่าสงสาร “ลูกพี่ลูกน้อง”

“อื้อ ญาติทางฝ่ายแด๊ด”

ทิวากานต์เหมือนได้ยินเสียงอะไรแตกดังเพล้งก้องอยู่ในหู อย่าบอกนะว่าเขาคิดมากจนตีสายตาของทีน่าเพี้ยนไป เขากลืนน้ำลายลงคอก่อนแสร้งยกนาฬิกาขึ้นดู “อ้า จะบ่ายโมงแล้วนิ อัลกับทีน่าต้องไปคุยกับโปรเฟสเซอร์ต่อใช่ไหม งั้นคิดเงินเลยแล้วกัน มื้อนี้พี่เลี้ยงเอง”

“แหมวา...”

“คิดเงินด้วยครับ” ทิวากานต์ทำเมินเสียงของคนรักวัยกระเต๊าะที่เปลี่ยนไปยิ้มเจ้าเล่ห์ เชื่อได้เลยว่าไอ้ตัวแสบต้องเอาไปเม้าท์ให้บรรดาพ้องเพื่อนที่เมืองไทยฟังแน่ๆ โอ๊ย ไอ้วาเอ๊ย หึงไม่ดูตาม้าตาเรือเลย!!!

ด้านสาวทีน่าที่โดนลูกหลงสะเก็ดระเบิดใส่แบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวก็มีท่าทีหวาดกลัวทิวากานต์ไปเลย กระทั่งเดินออกมาข้างนอกแล้วก็ยังเอาตัวใหญ่ๆ ไปแอบหลังอลันด์

“ขอบคุณนะวาที่อุตส่าห์มาหา อาทิตย์หน้าผมสัญญาว่าจะกลับลอนดอน”

“อ่า... ไม่ต้องก็ได้”

“ทำไม อายเหรอ”

“เออสิเว้ย” เขาทำโมโหกลบเกลื่อนแต่ไม่สามารถทำอะไรเด็กหนุ่มคนรักได้ อลันด์หัวเราะเสียงดังลั่นก่อนกระโดดเข้ากอดคุณหมอตัวโต

“ขอโทษนะที่ไม่ค่อยได้ใช้เวลาด้วยกันเท่าไหร่เลย แต่ผมน่ะรักวาคนเดียวจริงๆ ตอนนี้ก็พยายามเพื่อให้เราได้กลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเมื่อก่อน ตอนนี้อยากให้วาเชื่อใจผมแล้วก็อดทนรอ เหลืออีกแค่สองปีนิดๆ เอง”

“อืม รู้แล้ว ขอโทษเหมือนกันครับ” วงแขนใหญ่สอดกอดตอบอีกคนให้จมเข้ามาในอกแบนๆ แถมยังไม่แข็งแน่นแบบโธมัส

“แล้วถึงแม้ว่าวาจะไม่มีหน้าอกใหญ่ๆ แบบทีน่าหรืออกแน่นๆ แบบโธมัส ผมก็รักวาที่เป็นวามากกว่านมอยู่ดี เหมือนที่วารักผมโดยไม่แคร์ว่าผมจะเป็นผู้ชายไง” เจอเด็กสอนกลับคนเป็นผู้ใหญ่ถึงกับหมดคำแย้ง ทิวากานต์กอดอลันด์แรงๆ แล้วจูบปากเร็วๆ ก่อนผละออก ตาคมดุปรายมองสาวน้อยทีน่าที่ยังคงมีท่าทีหวาดกลัวอยู่ ขายาวก้าวเพียงทีเดียวก็เข้าประชิดตัวอีกฝ่ายจนสาวเจ้าถึงกับผงะ

“ขอโทษครับ” ตอนนี้เขาชักจำตอนที่อลันด์เล่าเรื่องทีน่าให้ฟังผ่านโทรศัพท์ได้แล้ว เหมือนตอนนั้นเขากำลังยุ่งกับงานวิจัยเลยไม่ค่อยได้ตั้งใจฟังที่อลันด์เล่าเท่าไหร่ สุดท้ายก็ตายเพราะตัวเองนี่แหละที่ปล่อยโง่ออกไปไม่ดูสี่ดูแปด

“เอ่อ...ไม่เป็นไรค่ะ”

“งั้นผมไปก่อนนะเดี๋ยวสาย”

“อื้อ แล้วเจอกันนะ”

“แล้วเจอกันครับ บาย”

อลันด์ยกมือโบกให้ทิวากานต์พร้อมรอยยิ้มกว้างสดใส ความจริงเขาอยากเดินไปส่งอีกฝ่ายด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้คงเข้าหน้ากับทีน่าไม่ติด แยกกันตั้งแต่ตอนนี้เลยคงดีกว่า *ขอเก็บเศษหน้าแป๊บ*

ส่วนเขาหลังเก็บชิ้นส่วนใบหน้าคืนที่เดิมแล้วก็เดินทอดน่องกลับไปที่สถานีรถไฟเตรียมตีตั๋วกลับลอนดอน คาดว่าคงไม่ได้กลับมาเหยียบอ็อกฟอร์ดอีกนาน และไม่เข้าร้านนั้นอีกตลอดชีวิต สารภาพจากใจเกิดมาสิบสิบกว่าฝนยังไม่เคยหน้าแตกอับอายขนาดนี้มาก่อน เพราะความหึงหวงแท้ๆ โทษข่าวดาราสาวเลิกกับสามีหมอด้วยที่ทำให้เขาคิดมาก

อารมณ์หึงเนี่ย...น่ากลัวกว่าที่คิดแหะ แต่ถ้าไม่รักคงไม่หึงจนหน้ามืดแบบนี้หรอก

ทิวากานต์นั่งเหี่ยวตลอดทางกลับลอนดอน จนเขาถึงห้องพักโทรศัพท์ก็ส่งเสียงข้อความเข้าเป็นช็อตลิงค์ URL เข้าแอพพลิเคชั่นดูวิดีโอออนไลน์ชื่อดัง นิ้วยาวกดเร่งปุ่มลำโพงเมื่อหน้าจอปรากฏภาพมัวๆ ของผู้หญิงใส่ชุดแดงพร้อมดนตรีทำนองญี่ปุ่น

ดวงตาคมเบิกกว้างน้อยๆ เมื่อเห็นตัวคาราโอเกะขึ้นที่หน้าจอ

อย่าโกรธอย่าเกลียดอย่าเครียดอย่าขึ้งเพราะความขี้หึงไปเลยคุณ
อารมณ์เฉียวฉุนวาจาเคืองขุ่นมิชวนฟัง
อย่าทำเป็นเมิน อย่าเก้ออย่าเขินเหมือนคนชิงชัง
ทั้งค้อนทั้งงอนพิลึกจัง ทำเมินหันหลังดังชังกัน
บางทีนึกขันบางทีรำคาญเพราะมึนตึง
ไม่เกลียดที่คุณหึง หึงเพราะรักฉันพึงใจ

อย่าโศกจนเศร้าอย่าเฝ้าระแวงเพราะความกินแหนงแคลงใจกัน
อารมณ์ร้ายนั้นอายุจะสั้นเหมือนดังเปลวไฟ
ต้องวางใจกันจะห่างไกลนั้นสักเพียงใด
รักของเรา เราไว้ใจ จะใครไหนใดมาตอแย
ดวงใจรักแท้เราจะหนักแน่มิคลายแคลง
อย่าเอาแต่ขัดแย้ง ความระแวงจะทำลาย


คุณหมอวัยสามสิบสองกลั้นยิ้มจนแก้มแทบแตก เพียงเพลงนี้ก็บอกความนัยของอลันด์ให้ทิวากานต์ได้รับทราบครบถ้วนไม่ขาดไม่เกินไปแม้แต่น้อย แต่ที่น่ารักก็คือการที่ไอ้ตัวแสบช่างไปสรรหาเพลงโบราณมาให้เขาฟังนี่แหละ ตอนแรกนึกว่าจะส่งเพลง ‘ขี้หึง’ หรือไม่ก็ ‘จิ๊จ๊ะ’ ของ Silly Fools มาให้ฟังเสียอีก ดันกลายเป็นเพลงรุ่นแม่ไปซะงั้น

เขาก้มหน้ากับจอสมาร์ทโฟนก่อนพิมพ์ข้อความตอบกลับไป ไม่ได้ให้สัญญาหรอกว่าจะไม่หึงอีกเพราะตอนนี้ยังเป็นช่วงเริ่มต้นของพวกเขาเท่านั้น แต่จะอยู่หึงอีกฝ่ายไปเรื่อยๆ จนกว่าอลันด์จะเบื่อดีกว่า ก็เพราะ...

‘ที่หึงน่ะเพราะรักมากนี่นา’



TBC

ตอนพิเศษที่คุณ Ploy ผู้ชนะรางวัลรีเควสมาค่ะ
'ขอรีเควสแบบมีผู้หญิงมาตามน้องอัล แล้วให้พี่วาหึงน้องอัลแบบแสดงออกบ้างอะค่ะ ปกติหึงทีไรนิ้งนิ่ง..'
ออกป่วงๆ ไปหน่อย ขอโทษด้วยนะคะ ขนาดยังหึงยังหึงผิดจนต้องเก็บเศษหน้าแทบไม่ทันเลย
พี่วาเนี่ย...น่าสงสารจริงๆ

ขอบคุณที่ทุกคนให้ความรักกับ HEART ATTACK มาโดยตลอดนะคะ
จุ๊บๆ

 :mew1:
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : อย่าหึงนักเลย [20.05.16]
เริ่มหัวข้อโดย: มะเมอเมอ ที่ 20-05-2016 12:33:36
สงสารหมอวา
เก็บเศษหน้าแทบไม่ทัน5555555555
โอ๊ยย ตลกจริงอะไรจริงค่ะ
แต่เราเข้าใจความรู้สึกอลันด์นะ
เวลามีคนสนิทกันที่ตัวใหญ่ๆ นี่ชอบเข้าไปกอดตลอดเลย
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : อย่าหึงนักเลย [20.05.16]
เริ่มหัวข้อโดย: VICTORY ที่ 20-05-2016 13:11:21
อ่านรวดเดียวจบ สนุกมากๆเลยค่ะ
ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆแบบนี้มาให้อ่านนะคะ

ขอแบบหมอวาซักคนจะได้มั้ยย
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : อย่าหึงนักเลย [20.05.16]
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 20-05-2016 13:20:50
ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษค่า น้องอัลกับหมอวายังน่ารักเหมือนเดิม
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : อย่าหึงนักเลย [20.05.16]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 20-05-2016 17:41:28
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : อย่าหึงนักเลย [20.05.16]
เริ่มหัวข้อโดย: lovelyfever ที่ 20-05-2016 18:15:12
หมอวาาาาาาา๕๕๕๕๕
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : อย่าหึงนักเลย [20.05.16]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 20-05-2016 19:45:47
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : อย่าหึงนักเลย [20.05.16]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 20-05-2016 21:12:56
5555 หมอวาโดนน็อคร่วงเลยค่ะ หึงเก้อ

อลันด์น่ารัก แล้วดูเพลงสิ
สมแล้วที่คุณยายเทรนมา55
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : อย่าหึงนักเลย [20.05.16]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 20-05-2016 21:51:21
หมอวาหน้าแตก 55555555

:pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : อย่าหึงนักเลย [20.05.16]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 20-05-2016 22:07:33
คนแก่ขี้หึง ขี้ใจน้อย   :laugh:

หมอวามาแสดงรังสีอำมหิตหึงโหดถึงต่างประเทศเลยนะ น่ากลัวจริงๆ 5555

น้องอัลยังน่ารักเหมือนเดิมเลย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : อย่าหึงนักเลย [20.05.16]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 21-05-2016 00:42:25
แตกยับ
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : อย่าหึงนักเลย [20.05.16]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 21-05-2016 01:24:07
อื้อหือออ หมอวาเก็บเศษหน้าให้ครบด้วยนะ555
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : อย่าหึงนักเลย [20.05.16]
เริ่มหัวข้อโดย: Kio ที่ 21-05-2016 01:33:45
ตลกหมอวา ให้ช่วยเก็บไหมคะเศษหน้าเนี่ย 55555555555555555555555555555555555555555555
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : อย่าหึงนักเลย [20.05.16]
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 21-05-2016 16:07:28
น่ารักมากค่ะ  ทั้งพี่วา-น้องอัล  พี่วาก็คงความหึงตลอดๆๆ
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : อย่าหึงนักเลย [20.05.16]
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 21-05-2016 22:07:33
เก็บเศษซากแทบไม่ทัน...
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : อย่าหึงนักเลย [20.05.16]
เริ่มหัวข้อโดย: cinnsin ที่ 22-05-2016 00:13:57
ถ้าเราเป็นหมอวาก็คงเข้าใจผิดเหมือนกันค่ะ บังอาจจจจไปกอดผญ.คนอื่นได้ยังไงห๊ะ?! แบบนี้ต้องจับลงโทษให้เข็ด  :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : อย่าหึงนักเลย [20.05.16]
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 22-05-2016 10:18:32
โอ้ยยยย  พี่วาหึงน่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : อย่าหึงนักเลย [20.05.16]
เริ่มหัวข้อโดย: เอมมี่ ที่ 22-05-2016 18:31:36
เรื่องนี้เขียนได้ดีและสนุกมาก. ชอบทั้งหมอวาและน้องอัล
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : อย่าหึงนักเลย [20.05.16]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 22-05-2016 19:28:07
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : อย่าหึงนักเลย [20.05.16]
เริ่มหัวข้อโดย: super hero ที่ 23-05-2016 17:01:12
ชอบมาก
 :impress2:
 :impress2:
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : อย่าหึงนักเลย [20.05.16]
เริ่มหัวข้อโดย: npsp2555 ที่ 24-05-2016 17:02:06
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากเลย :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : อย่าหึงนักเลย [20.05.16]
เริ่มหัวข้อโดย: พระสนมฝ่ายซ้าย ที่ 24-05-2016 19:45:56
เพิ่งเข้ามาอ่านนะคะ ตามมา2วันเต็มๆค่ะ
แอบดีใจว่าทำงานอยู่แถวๆมหาลัยริมแม่น้ำ จะเจอน้องอัลมั้ยนะ555
หมอวาแสนดีเพอร์เฟกขนาดนี้จะไปหาจากไหนได้อีกคะ ><
อ่านเรื่องนี้ได้ความรู้หลายวงการมากค่ะ ดนตรี หมอผ่าตัด รถ น้ำหอม คุ้มเลยค่า
อยากอ่านต่อไปเรื่อยๆเลยค่า ^^
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : อย่าหึงนักเลย [20.05.16]
เริ่มหัวข้อโดย: Diamdiam ที่ 25-05-2016 10:40:15
อ่านแล้วมีความสุขมากเลย ฮื่อออ ขอบคุณค่ะ :impress2:
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : อย่าหึงนักเลย [20.05.16]
เริ่มหัวข้อโดย: spsygk ที่ 25-05-2016 17:22:23
รุ้สึกตัวเองพลาดมาก. ทำไมเพิ่งนิยายเรื่องนี้ฟร้าาาาา.
เลอค่าขนาด.  ผช.ก็หล่อออ. 55555 :hao7: :hao6:
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : อย่าหึงนักเลย [20.05.16]
เริ่มหัวข้อโดย: scottoppa ที่ 26-05-2016 14:55:31
ขอเม้นท์รวดเดียวเลยนะคะตั้งแต่ตอนแรกถึงล่าสุดเลย
นี่เป็นเรื่องแรกที่เราสุ่มๆอ่านเลย เพราะว่าว่างมาก แล้วอยากอ่านนิยาย พอเห็นกระทู้แนะนำนิยายไม่รู้อะไรดลใจเราก็จิ้มเรื่องนี้ขึ้นมา
เรากำลังหานิยายที่บรรยายด้วยบุรุษที่3พอดี แล้วเรื่องนี้ก็ใช่ เราเลยลงมืออ่านเลย
เราชอบลักษณะการบรรยายแบบนี้มากค่ะ อ่านง่าย แล้วตอนนึงก็ยาวจุใจมากๆ
ในช่วงที่อ่านเรามีฟีลแบบ ไม่ไว้วางใจอยู่ตลอดเวลา คือเนื้อเรื่องเหมือนจะไม่ดราม่า แต่รู้สึกว่าต้องมีอะไรแน่ๆ
อย่างเรื่องของทอม นี่ก็ระแวงทอมตลอดเลย ทอมต้องมาสร้างปัญหาอะไรอีกแน่ๆ คิดแบบนี้ตลอดเลยค่ะ 555555555
แต่ก็ผ่านพ้นมาได้ด้วยดี มีดราม่าอุปสรรคนิดๆให้ความรักแบบนี้เราว่ากำลังดี (ดีที่ว่าคือดีกับใจเรา อิอิ)
มีฉากประทับใจหลายตอนเลยค่ะ แต่หวีดในทวิตไปแล้ว เราชอบตอนสวนหัวใจให้น้องมาก ตอนที่ก่อนสลบแล้วน้องเห็นหน้าหมอ
แล้วก็ตอนที่เอาสเตธใส่หู ให้น้องฟังเสียงหัวใจ โง้ยยยยยย น่ารักมาก รู้สึกอยากลงไปกลิ้ง
รายละเอียดยิบย่อยของเรื่องก็ดีค่ะ ทุกคนรวยมากอะไรมาก รถหรูซุปเปอร์คาร์มาหมด
ตอนแรกๆเริ่มๆอ่านเราว่ารวยมากแล้วนะ ยิ่งตอนจบ ตอนแต่งงานนี่รู้สึกว่า โอ้ยย ร้วยรวยยยยยยย
แต่ไม่ได้รวยลอยๆ รวยเพราะมีชาติตระกูล ต้นกำเนิด ธุรกิจอ่ะเนาะ
อีกอย่าง เราชอบพี่นภมากค่ะ มีความซื่อ ความทาสทุกคน อยากให้พี่นภมีหลัวแรงงงง 55555555555555
ที่ฝอยมาทั้งหมดคืออยากบอกว่าชอบมากจีจีค่ะ รอรวมเล่มเลย ถ้ามีตอนพิเศษมาแปะอีกก็จะตามมาอ่าน เฮรรร
ขอบคุณที่เขียนนิยายดีดี สนุกๆมานะคะ
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : อย่าหึงนักเลย [20.05.16]
เริ่มหัวข้อโดย: greensnake ที่ 27-05-2016 11:33:09
อ่านตอนพิเศษนี้แล้วก็เกือบจะสงสารหมอวาแล้วนะ
แต่ขอหัวเราะหน่อยเถอะ :laugh: คนแก่ยามขี้หึงนี่ตลกดี
หนูอัลอย่าขยันทำให้คนแก่เขาขี้หึงนักเลย เดี๋ยวเครียด
แค่ไม่ได้เจอกันก็งอแงจะแย่แล้ว ขั้นหนักนะหมอ
แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็เพราะรักมากนี่แหละ :hao3:
ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษที่น่ารักค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : อย่าหึงนักเลย [20.05.16]
เริ่มหัวข้อโดย: kedtawan ที่ 27-05-2016 15:44:23
สนุกมากค่ะ ชอบน้องอัล แต่ติดนิดนึง หรือเราอ่านข้ามตอนไหนไป ตรงที่ สรุปว่าเด็กผู้หญิง คนนั้นที่หมอวาเจอ เป็นน้องอัลหรือเปล่า เฉลยหรือยังหรือเฉลยไปแล้ว  :hao5:
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : อย่าหึงนักเลย [20.05.16]
เริ่มหัวข้อโดย: MAILOVEZ ที่ 29-05-2016 23:09:13
อยากบอกชอบเรื่องนี้มากชอบแบบโคตรๆ เลยอ่า อ่านแล้วให้ความรู้ที่เรียลมากจริงๆ มันเหมือนเราได้เป็นหนึ่งในคนที่เห็นทั้งสองคนเติบโตขึ้นเรื่อยๆ

ก่อนอื่นอันดับแรกคงต้องบอกว่าชั้นรักพี่วามากกกกก อิจฉาน้องอัลมากและที่สำคัญรักน้องอัลที่สุด หลงรักน้องตั้งแต่ยังเฮี๊ยวกับพี่วาและรักน้องมากขึ้นทุกตอนเลย ><

เป็นเรื่องที่ทำให้เรารู้สึกหลากหลายมากในหนึ่งๆ ตอนจะบอกว่าตอนที่บีบหัวใจสุดนี่คือที่น้องอัลโดนไอ้หมาขนทองฟัดทุกครั้ง ลุ้นมากยิ่งตอนครั้งแรกที่อ่านแทบกัดลิ้นตาย แต่ฮาตอนครั้งที่นางป่วยก่อนกลับไทยแล้วพอกลับมานั่งร้องไห้ประหนึ่งเสียตัวแล้วแต่แล้วบอกว่ายังไม่โดนสลบก่อน ตอนนั้นลั่นจริงๆ เข้าใจพี่วาเลย 555555

ความรักของสองคนนี้มันไม่ใช่ความรักแบบหวือหวาที่ตกหลุมรักกันตั้งแต่เห็นหน้าเราเห็นพัฒนาการของความรู้สึกของทั้งคู่มันทำให้เราชอบที่จะมองความรักของสองคนนี้ค่อยๆ เติบโตวันที่แต่งงานกันสารภาพว่ายิ้มจนแก้มแทบฉีกเลย เหมือนเป็นลูกตัวเอง (ฮา)

ชอบหลายๆ ตอนมากเป็นพิเศษแต่คงบอกไม่หมดอีกตอนที่ชอบคือตอนทะเลาะแล้วเลิกกันตอนนั้นแบบอยากตบพี่วามากแต่เราเข้าใจพี่วานะคือเป็นคนที่เห็นความพยายามตามความฝันของน้องอัลมาตลอดเป็นเราก็คงไม่อยากให้น้องทิ้งความฝันเหมือนกัน

ผู้ใหญ่กว่าก็มีสิทธิ์คิดน้อยได้เหมือนกันแต่พีคสุดต้องตอนไปหาที่สนามบินแล้วหาน้องอัลไม่เจอพี่วาร้องไห้นี่จะสงสารก็ไม่สุดบอกตรงๆ โคตรเอ็นดูพี่วาสะอื้นเป็นเด็กชายทิวากานต์เลย 5555

ชอบตอนคืนแรกที่พี่วากอดน้องแล้วตอนดึกต้องออกไปโรงพยาบาลชอบประโยคของพี่วาที่พูดกับน้องว่า "เป็นแฟนหมอต้องอดทน" มันจริงนะคือเราเลือกไม่ได้คนไข้เค้ารอไม่ได้ แล้วน้องพร้อมให้กำลังใจพี่วา อ่านแล้วยิ้มจริงๆ ตอนนั้น

สุดท้ายนี่ขอบอกว่านิยายเรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่อ่านแล้วประทับใจมาก อ่านแล้วอยากอ่านต่อไปเรื่อยๆ ดูความรักของสองคนที่เดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ ไม่อยากให้จบเลยสัญญามีร้อยตอนก็จะอ่านร้อยตอน จริงจังนะคะ
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : อย่าหึงนักเลย [20.05.16]
เริ่มหัวข้อโดย: Ciin ที่ 02-06-2016 19:34:22
คือเรื่องนี่เลอค่ามากกกกกกด้วยประการทั้งปวง
ตัวละครคือน่าร้ากกกก
เนื้อเรื่องละเอียดมากๆๆๆๆ ทั้งเรื่องเพลง เรื่อง รพ การผ่าตัด ชีวิตในอังกฤษ
อ่านแล้วมันรู้สึก 'เรียล' อะค่ะ
เราชอบพัฒนาการของอลันมากก คือเหมือนเค้าอยู่กับพี่วาเลยโตขึ้นจริงๆ คือนิ่งขึ้นมากก
โอ้ย รักเรื่องนี้มากจริงๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : อย่าหึงนักเลย [20.05.16]
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 07-06-2016 17:17:48
ชอบเรื่องนี้มากกกกกก

มีความสนุก

ความน่าสนใจ

ความสมจริง

ความน่ารัก

ความขำ

ครบทุกรสชาติ

แบบว่ารักเรื่องนี้มากๆเลย

เข้าใจเลยว่า เขียนเรื่องนี้ต้องยากมากๆแน่ เพราะข้อมูลปึกมาก แน่นมาก
สมจริงจนเหมือนหมอวากับอลันมีตัวตนจริงๆเลย

ขอแนะนำให้ใครที่ยังไม่ได้อ่าน มาอ่านเลยนะ

แล้วก็ขอเป็นแฟนคลับติดตามผลงานเรื่องอื่นๆต่อไปนะครับ

ขอบคุณนักเขียนมากๆสำหรับแรงกายแรงใจที่เขียนเรื่องสนุกๆมาให้อ่าน

ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : อย่าหึงนักเลย [20.05.16]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 13-06-2016 12:41:34
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : อย่าหึงนักเลย [20.05.16]
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 14-06-2016 13:34:39
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : อย่าหึงนักเลย [20.05.16]
เริ่มหัวข้อโดย: risanana ที่ 02-07-2016 10:51:58
หมอวาเป็นหมอที่ไม่เหมือนหมอมากกก เป็นพระเอกที่ปากร้ายนะยะ ตีสองหน้าสตอเก่งอีกด้วย  :jul3:
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : อย่าหึงนักเลย [20.05.16]
เริ่มหัวข้อโดย: risanana ที่ 03-07-2016 10:26:22
หาเมียเคะไทยน่ารักๆขี้อ้อนๆให้ทอมซักคนเลย ถ้าจะแซ่บขนาดนี้นะ  :hao6: ส่วนคู่โคแก่กับหญ้าเด็ก หวานกันเหลือเกินพ่อออดอ้อนเอาใจกันซ้าา :-[
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : อย่าหึงนักเลย [20.05.16]
เริ่มหัวข้อโดย: risanana ที่ 04-07-2016 09:04:59
นั่นไงหมอเถื่อนแหย่ขา2ข้างเข้าคุกเต็มตัวแล้วทีนี้ :pighaun: :jul1:
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : อย่าหึงนักเลย [20.05.16]
เริ่มหัวข้อโดย: แมลงมีพิษชนิดหนึ่ง ที่ 06-07-2016 12:14:12
เราว่าแรก ๆ เรื่องมันเอื่อย ๆไปหน่อย มากระชับแล้วเข้มข้นตอนท้าย ๆ มีสนุกบ้างน่าเบื้อบ้างผสมกันไป แต่แอบเบะปากให้ในความร่ำรวยแบบเว่อร์วังของนายเอก อะไรจะรวยปานนั้น อิจ!!
 :a3: :a3: :a3:
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : อย่าหึงนักเลย [20.05.16]
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 01-09-2016 16:52:53
อ่านจบแล้วค่ะ รู้สึกอิ่มอกอิ่มใจม้วกกก
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : อย่าหึงนักเลย [20.05.16]
เริ่มหัวข้อโดย: IaminLove ที่ 26-09-2016 15:56:28
สารภาพว่าตอนแรกเห็นชื่อเรื่องแล้วไม่ได้สนใจอ่านเลยจนกระทั่งเห็นมีคนแนะนำเลยลองคลิ๊กมาอ่าน กลายเป็นว่าอ่านแล้วหยุดไม่ได้ซะงั้น

สำหรับรวมเล่มถ้ามีตอนพิเศษเพิ่มเข้ามา เราว่าน่าสนใจมากๆ ค่ะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : อย่าหึงนักเลย [20.05.16]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 01-10-2016 09:55:51
น่ารักจริงสามีภรรยาคู่นี้  :กอด1: สนุกตั้งแต่เริ่มจนถึงตอนจบ  o13
แต่คนที่น่าสงสารที่สุดคือคุณนภคะ  :m20: อยากอ่านเรื่องคุณนภบ้างพอจะมีโอกาศหรือเปล่าคะ  :mew1:
หัวข้อ: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : ยามฝนพร่ำ [09.10.16]
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 09-10-2016 16:10:53
SPECIAL TRACK : RAINDROPS KEEP FALLING ON MY HEAD (https://www.youtube.com/watch?v=OT1HCQcSHW0)



ช่วงเวลาตั้งแต่สามทุ่มจนถึงสี่ทุ่มจะเป็นช่วงพักผ่อนหย่อนใจของคู่รักลูกครึ่งต่างวัย สองหนุ่มวัยยี่สิบต้นกับสามสิบกลางๆ จะนั่งเอกเขนกบนโซฟาตัวใหญ่ดูโทรทัศน์ไปเรื่อยเปื่อย อลันด์อดคิดไม่ได้ว่าช่างเป็นชีวิตที่สงบสุขอะไรเช่นนี้ ถึงจะน่าเบื่อไปสักหน่อยแต่การได้อยู่ใกล้กับทิวากานต์ก็ทำให้เขามีความสุขมากพอ

กระทั่งวันหนึ่งหลังจัดการมื้อค่ำเสร็จ พวกเขาแยกย้ายกันไปทำธุระส่วนตัวก่อนจะมารวมกันอีกครั้งที่ห้องนั่งเล่น ทิวากานต์เดินออกมาจากห้องทำงาน ในมือถือกระดาษเอสี่ยับๆ สองสามใบติดมือมา ร่างสูงนั้นเหลือบมองมายังอลันด์ที่นอนตะแคงดูละครหลังข่าวท่าทางอึกอักดูมีพิรุธ พอชายหนุ่มถามว่ามีอะไรคุณหมอรูปหล่อจึงยอมเดินมาหาก่อนนั่งแหมะที่พื้นข้างโซฟาทำหน้าเจี๋ยมเจี๊ยมแบมือขาวยื่นมาตรงหน้า

“อัลจ๋า พี่ขอเงินหน่อยสิ”

“หืม?” เสียงแหบต่ำครางดังในลำคอ ตาสีน้ำข้าวหรี่จ้องทิวากานต์เขม็ง มาขอกันแบบนี้ต้องไม่ใช่สิบยี่สิบบาทแน่ๆ

แหงล่ะ ถึงทิวากานต์จะยกเงินเดือนทั้งหมดให้เขาเป็นคนจัดการแต่ใช่ว่าเขาจะทำตัวเหมือนผู้หญิงไทยคนอื่นๆ ที่ให้เงินผัวไปทำงานวันละร้อย เขาน่ะให้เงินเดือนคนรักเป็นเงินเดือนของเจ้าตัวเอง(ไม่รวมเงินพิเศษอยู่เวร)ตั้งครึ่งหนึ่ง ซึ่งนั่นมากกว่าเงินเดือนของเขาต่อเดือนด้วยซ้ำไป เพราะฉะนั้นที่มาขอแบบนี้มันไม่ธรรมดาแน่ๆ

“เท่าไหร่”

“เอ่อ...แปดล้านจ้ะ”

“!!!” อลันด์เกือบหลุดกรี๊ดออกมาแล้ว ดีว่าทิวากานต์ยื่นมือมาอุดปากได้ทัน ไม่งั้นข้างห้องคงได้เดินมาด่าแน่ๆ ทว่าพอมือใหญ่หลุดเสียงบ่นก็กระหน่ำใส่คนขอเงินแปดล้านทันที “นี่จะเอาเงินแปดล้านไปทำอะไร ห๊ะ! วา! ตอบมาเดี๋ยวนี้นะ ตอบไม่ดีมีเคลียร์ยาว”

“เอ่อ...อัลจ๋า ใจเย็นๆ ฟังพี่ก่อนนะ หายใจเข้าลึกๆ หายใจออกยาวๆ” ทิวากานต์ตีหน้าหงอย กุลีกุจอทำทีเป็นห่วงคนรักกลัวอีกฝ่ายจะความดันขึ้น หากพอจะประคองอีกคนกลับถูกตีมือดังเพี๊ยะ

“ไม่ต้องมาทำเป็นพูดดีเลย บอกมาเดี๋ยวนี้จะเอาเงินไปทำอะไร”

มาถึงตรงนี้แล้วประวิงเวลาไปคงไม่มีอะไรดีขึ้น คุณหมอคนหล่อจึงอ้อมแอ้มบอกความจำนงออกไป “คือช่วงนี้ฝนมันตกบ่อยใช่ม้า แล้วน้ำก็ท่วมประจำเลย”

“แล้ว?”

“แล้วทีนี้อัลก็รู้ใช่ไหมว่ารถบ้านเราน่ะมันมีแต่คันเตี้ยๆ อย่างน้องกบงี้ก็โหลดซะต่ำ ไหนจะเบนท์ลีย์สวยๆ กับซีรีส์เจ็ดนั่นอีก เอาไปจมน้ำได้ยังไง มินิของหนูยิ่งแล้วใหญ่เลย ดับตั้งแต่ลงน้ำแน่ๆ”

อ้อมโลกเสียขนาดนี้แต่อลันด์เข้าใจทันทีว่าคนรักต้องการอะไร “ก็เลยอยากได้รถใหม่ว่างั้น”

“สมกับเป็นฮันนี่ของพี่ ฉลาดมากจ้า”

“ฮืมมม...” คนตัวเท่าไหล่ถอนหายใจระอา แล้วสูดลมหายใจเข้าออกทำสมาธิอยู่หลายที ไม่ทันให้ทิวากานต์ตั้งตัว นิ้วสวยเรียวยาวก็คว้าหมับเข้าที่ใบหูคุณหมอ จัดการบิดบี้อยู่หลายทีจนคนโดนประทุษร้ายร้องโหยหวนลั่นห้อง

“ที่พูดมาเนี่ยคิดบ้างไหมห๊ะวา แค่รถสี่คันก็แทบไม่มีที่จะจอดแล้ว แล้วอยู่กันแค่สองคนถามจริงทุกวันนี้ขับได้ครบทุกคันไหม จอดจนหยากไย่ขึ้นแล้วยังคิดจะหามาเพิ่มอีกเหรอ ไม่ต้องหาข้ออ้างจะซื้อรถเลยนะ ถ้าถูกๆ คันไม่กี่แสนจะพิจารณาให้อยู่หรอก นี่รถบ้าอะไรตั้งแปดล้าน ถ้าน้ำมันท่วมจนขับรถไม่ได้ก็ไม่ต้องขับ! ให้มันรู้ไปว่าด็อกเตอร์ นายแพทย์ทิวากานต์นั่งรถสาธารณะไม่เป็น!!”

“โอ๊ย ฮันนี่ อัลจ๋า พี่เจ็บ เจ็บแล้ว ยอมแพ้แล้วค่ะ ไม่เอารถแล้วก็ได้ แต่เหลือหูให้พี่ด้วย”

“ไม่เอาจริงๆ แน่นะ”

“จ้ะ”

ตาสีอ่อนจ้องคนรักเขม็ง เห็นผู้ชายอายุสามสิบกว่าๆ เบะปากทำหน้าจะร้องไห้กลับยิ่งรู้สึกน่าหมั่นไส้อยากจับบิดให้หูขาด แต่เขาไม่ใช่เมียใจร้ายหรอกนะ ในเมื่อคุณผู้ชายเขาบอกว่าไม่เอาแล้วจะยอมเชื่อก็ได้

“ถ้าบอกเอาเงินแปดล้านไปซื้อที่สวยๆ จะไม่ว่าเล้ยยย”

“จิ๊ ไอ้เด็กแก้มสุขภาพดี”

“ว่าไงนะ!”

“เปล่าจ้า”

“อย่าให้รู้นะว่าว่าผมหน้าเลือดน่ะ” อลันด์สะบัดหน้างอนๆ รออีกคนมาง้ออย่างทุกที แต่ผ่านไปสามสิบวิฯ แล้วยังเงียบก็เริ่มรู้ตัวว่าทำเกินไป เหลือบมองไปเห็นหน้าหมาหงอยแล้วใจก็อ่อนยวบ ใช้เวลาตัดสินใจไม่นานยอมแบมือยื่นไปหาทิวากานต์ “เตรียมข้อมูลมาเสนอด้วยใช่ม่ะ ไหนดูหน่อยซิ ว่าไอ้แปดล้านน่ะมันคุ้มหรือเปล่า”

“ดูไปก็ไม่ให้ซื้ออยู่ดี ไม่ต้องดูหรอก” บทจะเล่นตัวหมอศัลย์หน้าดุกลับทำทีสะบัดสะบิ้งได้น่าถีบน่าชัง เห็นแล้วขามันกระตุกแปลกๆ อยากเอาไปแนบบนหน้าอกคุณหมอเล่นสักที ถ้าไม่ใช่ว่าทำแล้วจะงอนกว่าเดิมอลันด์คงจัดการตามใจคิดทันที

“นี่งอนเหรอ”

“สนใจพี่ด้วยเหรอ”

อุ๊ย! คนแก่น้อยใจเว้ย “ไม่สนได้ไงล่ะ นี่ใคร นี่ทิวากานต์นะ ผู้ชายที่ทำให้ผมยอมทิ้งบ้านเกิดมาอยู่ที่นี่ด้วยเลยนะเว้ย”

“เหรอ... แค่นั้นเหรอ”

“เป็นคนที่ผมรักมากที่สุดด้วย” พูดแล้วแถมจุ๊บที่แก้มให้หนึ่งที เท่านี้คุณหมอถึงยอมยิ้มออกมา

“ถ้ารักที่สุดงั้นตามใจพี่บ้างได้เปล่าคะ”

“ก็บอกเอามาดูก่อน รถลุยน้ำบ้าอะไรตั้งแปดล้าน ราคานี้แพงกว่าซีรีส์เจ็ดอีกนะ เอามาดูๆ อย่าลีลา” กระดิกนิ้วเรียกอยู่สองสามที แผ่นกระดาษเอสี่ยับๆ ที่ทิวากานต์ถือติดมือมาก็ถูกวางบนมือของอลันด์

ตาสีอ่อนกวาดดูรูปและชื่อรถก่อนไล่อ่านรายละเอียด หากยิ่งอ่านยิ่งระอาจนต้องเอื้อมแขนไปบิดหูคนรักอีกสักทีแก้มันเขี้ยว แค่จะหารถลุยๆ ช่วงน้ำท่วมพี่แกขอล่อ Hummer H2 ราคาเกือบแปดล้าน ถ้าคุณทิวากานต์เป็นทหารหรือชอบไปเดินป่าลุยๆ จะไม่แปลกใจเลย แต่นี่เป็นหมอวันๆ อยู่แต่ในร่มริจะขับรถสะเทินน้ำสะเทินบก

“ไฮลักซ์ วีโก้เอาไปแต่งยกสูงพอ” หลังอ่านข้อมูลที่คนรักหามาโน้มน้าวขอเงินในกระเป๋าไปหาเมียน้อยรายใหม่เข้าบ้านจนครบถ้วน อลันด์ถึงสรุปออกมาด้วยใบหน้าเรียบเฉย เล่นเอางานนี้มีร้องเสียงหลง จากรถนอกราคาแปดล้านเหลือรถญี่ปุ่นราคาไม่กี่แสน จิตใจคุณชายอลันด์ทำด้วยอะไร กระซิกๆ

 “อัลจ๋า แลนด์โรเวอร์ยังดีกว่านะ”

“แค่ขับช่วงน้ำท่วมไม่ใช่หรือไง ถ้าเป็นรถญี่ปุ่นมันขายต่อง่าย พวกรถแพงๆ ปล่อยยากจะตาย”

“ใจร้าย”

ชิ้ง! โดนสายตาพิฆาตไปหนึ่งที

“สรุปถ้าไม่เอาวีโก้ก็ไม่อนุมัตินะ ถ้าอยากได้ไปเก็บเงินซื้อเอาเอง ผมให้เงินวาใช้เดือนนึงน้อยสักทีไหน”

“อัลจ๋า แบบนั้นไม่ต่างจากผ่อนบ้านยี่สิบปีเลยนะ”

“ไม่รู้ล่ะ ยังไงเรื่องนี้ผมก็ไม่เห็นด้วย ถ้าอยากได้ไปหาเอาเอง”

ในเมื่อเมียว่าอย่างนี้ พ่อบ้านใจกล้าอย่างทิวากานต์จะทำอย่างไรได้นอกจากทำใจ ต่อให้ร่ำร้องคร่ำครวญไปแค่ไหนเขาก็ไม่เห็นใจเราอยู่ดี

“ไม่ต้องมาทำตอแหลร้องไห้เลย ซื้อมาเดี๋ยวก็เห่อขับอยู่ไม่กี่วัน ผมรู้หรอกน่า ถึงจะมีเงินแต่คิดหนักๆ ก่อนใช้ได้ไหม อีกอย่างวาไม่คิดถึงใจผมเลยใช่ไหมถึงได้หาเมียน้อยเข้าบ้านอีกแล้ว ทั้งอีกบ อีเบนท์ อีเจ็ดที่มียังไม่พอใจอีกหรือ ฮือออ” ในเมื่อใช้ไม้แข็งไม่ได้ก็บีบน้ำตาใส่ซะเลย ให้มันรู้ไปว่าทิวากานต์จะกล้าหาญน้ำใจคนรักได้ลง

แน่นอนว่าเจอไม้นี้เข้าไปคนตัวโตถึงกับลิ้นจุกปาก อยากจะบีบน้ำตาแข็งแต่เกรงว่าจะโดนงอนคืน เรื่องรถกับอลันด์นี่เป็นอะไรที่แสลงกันจริงๆ ให้ตายเถอะ!

“แล้วดูนะ รอบนี้จะเอาเมียเมกาตัวใหญ่ล่ำกล้ามบึ้กมาเย้ยกันอีก ไม่ชอบตัวเล็กๆ น่ารักแบบหนูแล้วใช่ไหม พี่วาคนบ้า”

“มันไม่ใช่แบบนั้นนะจ๊ะ พี่จะรักใครมากกว่าอัลลี่เป็นไม่มี” แค่เห็นน้ำตาเม็ดเล็กๆ กลิ้งลงมาบนแก้มใส คุณหมอตัวใหญ่หน้าดุก็ทำอะไรไม่ถูก ถ้ารถเป็นของแสลงของอลันด์ น้ำตาคนตรงหน้าก็เป็นของแสลงของทิวากานต์เช่นกัน

“เพราะฉะนั้น...”

ริมฝีปากบางสั่นระริก ต้องกลั้นใจสุดๆ พูดประโยคทำร้ายจิตใจตัวเองออกไป “เค้าไม่เอารถแล้วก็ได้...จ้ะ”

“หึ ก็แค่นั้นแหละ ต้องให้เสียน้ำตาตลอด”

“โธ่เว้ย!” ทิวากานต์ถึงกับทรุดนั่งคุกเข่าแล้วเอากำปั้นตีพื้นรัวๆ ด้วยความเจ็บใจ “ทำไมกูต้องแพ้เมียตลอดเลยวะ”

“ให้มันรู้ไปสิว่าบ้านนี้ใครใหญ่”

ไม่รู้ทำไมทิวากานต์รู้สึกเหมือนตนเองกับคนรักกำลังยืนอยู่บนสังเวียนแล้วเขาถูกไอ้ตัวกระเปี๊ยกนี่อัพเปอร์คัทใส่ตั้งแต่ระฆังเริ่มยกดังยังไงก็ไม่รู้ งานนี้บอกได้แค่ว่ารักเค้าไปแล้วก็เป็นได้แค่ลูกไก่ในกำมือ จะบีบก็ตาย จะคลายก็รอด

ฮือออ กูไม่น่ามีเมียเลย



END

โปรดลืมภาพพี่วาคนโหดในรักผิดคิวไปค่ะ
ทิวากานต์ตัวจริงเสียงจริงอยู่นี่ ก๊ากๆๆๆๆๆ
แต่งเนี่ยจากช่วงนี้แถวบ้านฝนตกแล้วมีน้ำรอการระบายบ่อยค่ะ
รถงี้วิ่งแทบไม่ได้ คนรักรถแบบพี่วาก็คงคิดเหมือนกัน
แต่จากฮัมเมอร์กลายเป็นวีโก้นี่ก็นะ... #น่าสงสารเขานะคะ

เตรียมฟังข่าวดีการเปิดจองเร็วๆ นี้นะคะ
แล้วเจอกันค่า ^^
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : ยามฝนพร่ำ [09.10.16]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 09-10-2016 19:24:19
 :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : ยามฝนพร่ำ [09.10.16]
เริ่มหัวข้อโดย: เอมมี่ ที่ 09-10-2016 20:06:08
ขำพี่วากลัวเมีย55  น้องอัลก็น่ารักจัง
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : ยามฝนพร่ำ [09.10.16]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 10-10-2016 22:54:15
โอ๊ย....ขำ........หมดสภาพคุณหมอสุดโหดเลยพี่วา

กลายเป็นพ่อบ้านใจกล้า แพ้น้ำตาเมียเด็ก   :hao7:
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : ยามฝนพร่ำ [09.10.16]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 11-10-2016 02:31:06
 :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : ยามฝนพร่ำ [09.10.16]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 11-10-2016 03:06:58
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: คิดถึงๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : ยามฝนพร่ำ [09.10.16]
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 11-10-2016 11:04:07
เข้ายุคสมัยมาก
ทั้งน้ำท่วมเฟอร์ พี่วาเลยกลัวน้องๆจมน้ำ
ที่จริงอัลใจดีนะ ทั้งที่บ่นว่ารถเยอะไม่มีที่จอดแล้ว ยังอนุญาตให้ซื้อได้
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : ยามฝนพร่ำ [09.10.16]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 11-10-2016 13:53:59
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : ยามฝนพร่ำ [09.10.16]
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 11-10-2016 19:27:08
พี่วาเป็นพ่อบ้านใจกล้าเหรอ 5555  ริอาจคิดมีเมียน้อยมาเพิ่มก็ต้องเจอแบบนี้ละ  อิอิ
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : ยามฝนพร่ำ [09.10.16]
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 11-10-2016 21:58:27
พ่อบ้านใจกล้า(ไม่จริง)นี่หว่าพี่วา 555
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : ยามฝนพร่ำ [09.10.16]
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 13-10-2016 00:38:11
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : ยามฝนพร่ำ [09.10.16]
เริ่มหัวข้อโดย: scottoppa ที่ 24-10-2016 16:26:57
นุ้งอัลลลลลลล น่ารักตลอดดดด ดีมาก ทำถูกแล้ว อย่าไปยอมนังเมียน้อย
พี่วาคนยอมเมียน่ารักอ่ะ พ่ายแพ้ใช่ไหม เป็นเราก็คงพ่ายเหมือนกัน
มารยาน้องอัลเยอะเหลือเกิน 55555555555
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : ยามฝนพร่ำ [09.10.16]
เริ่มหัวข้อโดย: ไอ้หัวแห้ว ที่ 29-10-2016 21:09:43
หมอวาคนกลัวเมีย
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : ยามฝนพร่ำ [09.10.16]
เริ่มหัวข้อโดย: PrInCeZzAoFz ที่ 07-12-2016 02:29:19
สนุกและน่ารักมากๆ เลย
จิ้นอัลกับทุกคนไปหมด
ตอนแรก็จิ้นกับเจมส์ ต่อมาก็ฮิวโก้ แล้วยังทอม
ตอนเกือบได้กันนนี้ลุ้นมาก แล้วคิดว่าพระเอกยังใช่วามั้ย
ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
น้องอัลน่ารักที่สุดในสามโลก เป็นเด็กแสบที่ดื้อได้น่ารักมากกกกกกกกกกกก
ตอนเลิกกันนี้ร้องไห้เลยทีเดียว

สเปฮามาก หมดคาบหมอเถื่อนเลยทีเดียว
555555555555555
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : ยามฝนพร่ำ [09.10.16]
เริ่มหัวข้อโดย: fida ที่ 16-12-2016 20:22:58
อ่านจบแล้วค่า สนุกมากกกกกก

ช่วงหลังๆ คิดว่าจะดราม่า กลับกลายเป็นฮาน้ำตาเล็ด

อ่านเรื่องนี้แล้วแอบรู้สึกมึนกับความร่ำรวยของบรรดาเศรษฐีน้อยๆ  :m20:

รวยกันมากมาย ถล่มทลาย วัวตายความล้ม แต่ไม่เป็นไรค่ะ ชอบ ได้ความรู้เพิ่มเติมหลายเรื่องเลยค่ะ

(แอบไปฟังบริทร็อคอีกแล้ว คือชอบ The 1975 และแอบปลื้ม Kasabian ค่ะ)

มีความสุขที่ได้อ่านนะคะ

รักหมอวา น้องอัล  :mew1:
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : ยามฝนพร่ำ [09.10.16]
เริ่มหัวข้อโดย: fida ที่ 20-12-2016 20:38:40
ความจริงแล้วแอบชอบนิยายแนวนี้นะ

ลึกลับ พลิกล็อค อึมครึม เดาตอนจบไม่ได้

เวลาอ่านแล้วแล้วให้ความรู้สึกที่ว่าทั้งอยากรู้และไม่อยากรู้ความจริงไปด้วยกัน

แล้วพอเอามาผสมกับเรื่องความรักแล้วล่ะก็

มันจะกลายเป็นการดึงดูดให้ยิ่งอยากอ่านต่อไปอีกเรื่อยๆ

จนสุดท้ายก็อ่านมาถึงตอนจบจนได้

สนุกค่ะ อ่านจบแล้วเสียวๆ ว่ารูปปั้นจะบิดตัวได้

 :L2:
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : ยามฝนพร่ำ [09.10.16]
เริ่มหัวข้อโดย: M_April ที่ 24-12-2016 10:58:30
พี่วาน้องอัล น่ารักมากๆ ค่ะ เอาใจช่วยพี่วาพ่อบ้านใจกล้าของเรานะคะ 555

แอบเกลียดอิทอมมากๆ  :m16:

วอนคนแต่งหาคู่ให้เจมส์ด้วยนะคะ อิอิ
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : ยามฝนพร่ำ [09.10.16]
เริ่มหัวข้อโดย: phai ที่ 28-12-2016 13:55:51
Love it
หัวข้อ: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : พรหมลิขิต+แจ้งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 11-01-2017 16:57:28
SPECIAL TRACK : พรหมลิขิต (https://www.youtube.com/watch?v=ZjjlvFFK_Wk)



‘งั้นอีกหนึ่งชั่วโมงเดี๋ยวไปเจอกันที่หน้างวงเลยแล้วกันเนอะ’

‘อือ’ ทิวากานต์ขานรับในลำคอเหมือนจะไม่ใส่ใจก่อนแยกย้ายกันกับมารดาไปคนละทาง ไม่ใช่ว่าทะเลาะกันหรือมีปัญหาอะไรหรอก ก็แค่พวกเขามีความเห็นเรื่องอาหารก่อนขึ้นเครื่องไม่ตรงกัน หม่าม้าของเขาอยากกินฟาสต์ฟู้ดข้างนอก ส่วนทิวากานต์อยากกินอาหารในเล้าจ์พลางมองเครื่องบินมากกว่าจึงตัดสินใจแยกกันทางใครทางมันก่อนเจอกันตอนขึ้นเครื่องทีเดียว

ขาผอมเพรียวของเด็กชายวัยสิบห้าก้าวไปตามพื้นพรมแข็งๆ ของสนามบินดอนเมืองอย่างไม่เร่งรีบ ใบหน้าขาวใสสวยจัดอย่างผู้หญิงอมยิ้มเล็กน้อยเมื่อรู้ตัวว่าเป็นที่สนใจ ไม่ได้หลงตัวเองหรอกนะ แต่ทิวากานต์คิดว่าเขาหน้าตาดีจนคนแถวนี้หมองไปเลยล่ะ มีชายชาวต่างชาติผมสีน้ำตาลอ่อนคนหนึ่งมองเขาตาค้างด้วย หึ เกิดเป็นคนหน้าตาดีนี่มันแย่จังน้า น้องวากลุ้มใจจัง

เด็กหนุ่มจงใจเดินเฉียดใกล้ชายต่างชาติคนนั้น แกล้งเหลือบหางตาไปมองก่อนสะบัดผมเดินจากมา ดีนะว่าผมเขายาวเร็วเลยตัดทรงเดียวกับพี่ต๊ะ บอยสเก๊าท์ได้ทันก่อนบินไปนิวยอร์ค ไม่งั้นป่านนี้พ่อฝรั่งรูปหล่อคนนั้นคงเห็นแต่หัวเกรียนของเด็กม. 4 เก็บไว้ในความทรงจำแน่

ว่าแต่ทำไมกูต้องโปรยเสน่ห์ใส่ผู้ชายด้วยวะ อยู่ชายล้วนจนชินแต่กับผู้ชายไปแล้วเหรอไอ้วา มึงก็ตัวผู้นะต้องโปรยเสน่ห์ใส่ผู้หญิงสิ อย่างคุณแอร์โฮสเตลสายการบินประจำชาติแสนสวยตรงนั้นไง

ทิวากานต์รีบก้าวขาตามเธอไป กะจะแกล้งถามทางว่าห้องอาหารของสายบินไปทางไหน หากแรงกระตุกเบาๆ แถวช่วงต้นขาดันเรียกความสนใจจากเด็กหนุ่มได้ชะงัก พอเขานิ่งก็รู้สึกได้ว่าชายเสื้อโค้ทตัวยาวถูกกระตุก...ไม่สิ กระชากอีกหลายครั้งต่างหาก

ใบหน้างดงามอ่อนเยาว์ของหนุ่มดอกไม้แห่งโรงเรียนชายล้วนย่านปากคลองหงิกงอโดยอัตโนมัติ มันต้องเป็นเด็กที่พ่อแม่ไม่ดูแลปล่อยให้เล่นซนไปทั่วแน่ๆ เขาจิ๊ปากไม่พอใจที่พลาดโอกาสได้คุยกับพี่สาวคนสวย พอหันไปหาเรื่องตัวต้นเหตุกะจะด่าเสียหน่อยดันไม่เจอ จนต้องก้มมองนั่นแหละถึงได้เห็นเจ้าเด็กตัวกระเปี๊ยกผมสีเหลืองทองเหมือนทุ่งข้าวโพดสาลี ตาสีฟ้าใสแจ๋ว แก้มกลมย้อย และสวมสูทเต็มยศ(?) ยืนอยู่ ในมือกลมป้อมมีชายเสื้อโค้ทเขาเป็นหลักฐาน

‘กาน จ๋วย’

‘หา?’

‘กาน จ๋วย จ๋วยมาก’

ทิวากานต์ทำท่าแคะหู ไม่มั่นใจว่าเด็กฝรั่งนี่พูดอะไร จะว่าภาษาไทย? แต่หน้าฝรั่งขนาดนี้เนี่ยนะพูดไทย ใครสอนให้หรือเปล่า ทำไมมันเพี้ยนขนาดนั้น

‘กาน อัลรักกาน I love you’ พูดจบเจ้าก้อนกลมสีเหลืองก็พุ่งเข้ามากอดขาเด็กหนุ่มหมับ ทิวากานต์หน้าเหวอ อะไรคือการที่เขาถูกเด็กผู้ชายที่อายุไม่น่าจะเกินสามขวบบอกรักวะ

‘จำคนผิดแล้ว I’m not your กาน, boy. Where is your mother? Huh?’

พอหลุดคำว่าแม่ เจ้าเด็กแก่แดดถึงยอมปล่อยแขนออกจากขาเขา ใบหน้าจิ้มลิ้มเอียงคออย่างใช้ความคิด นิ้วชี้เล็กๆ แตะปาก ดูไปดูมาก็น่ารักดี

‘Mommy... Ummm... นั่นจิ’

‘พูดไทยได้ด้วยแหะ’ ว่าที่นักศึกษาแพทย์ตาโตด้วยความทึ่ง เขาทรุดลงนั่งยองๆ ตรงหน้าเจ้าหนูที่กำลังทำท่านึกถึงแม่ว่าไปลืมไว้ที่ไหน

‘ได้นิดโหน่ย grandmom teach me’

‘มีคุณยายเป็นคนไทยสินะ เอ้า แล้วนึกออกยังว่าแม่อยู่ไหน do you remember where is your mom?’

หน้ากลมเล็กส่ายไปมาเบาๆ ดูท่าน่าจะพลัดหลงกับแม่แล้วเห็นเขาที่หน้าเหมือนใครสักคนที่ตัวเองรู้จักเลยวิ่งตามมา ยังดีที่ไม่ร้องไห้ ไม่งั้นเขาไม่รู้จะจัดการยังไงเหมือนกัน

‘เฮ้อ... ดันเกิดมาใจดีเหมือนหน้าตาซะด้วยสิ เดี๋ยวจะพาไปหาแม่แล้วกัน มา come with me. I will take you to your mom’

‘กานจ๋วย’

‘สวยสินะ แน่นอน แต่ไม่ได้ชื่อกาน I’m not กาน, I’m วา, you should call me Wa’

‘Wa วา วา ว้า ว๊าาา’

‘เอาที่สบายใจเลย’ เขาถอนหายใจขำๆ ก่อนยื่นมือออกไปให้เจ้าหนูต่างชาติจับ ไม่ต้องรอนานมือเล็กๆ ของเด็กก็จับนิ้วชี้กับนิ้วกลางเขาไว้แน่นเหมือนกลัวถูกทิ้ง ความจริงก็คงกลัวสินะที่พลัดกับพ่อแม่

แน่นอนว่าทิวากานต์คงไม่เดินตามหาพ่อแม่เด็กนี่จนทั่วทั้งสนามบินหรอก จุดมุ่งหมายของเขาคือประชาสัมพันธ์ต่างหาก หลังติดต่อกับเจ้าหน้าที่แล้วก็ได้ความว่าเมื่อสักครู่ทางเกทอีกฟากหนึ่งเพิ่งมีสามีภรรยาแจ้งความเด็กหายเหมือนกัน พี่สาวใจดีจึงให้เจ้าหน้าที่อีกคนพาพวกเขาไปนั่งรอที่ห้องรับรองเล็กๆ มีน้ำกับขนมให้ด้วย

ตลอดเวลาที่นั่งรอพ่อแม่เด็กนี่มารับเขาก็ช่วยอีกฝ่ายแกะห่อขนมให้ เช็ดปากให้เวลาเจ้าตัวกินเลอะ ถือว่าเป็นเด็กที่เลี้ยงง่ายอยู่เหมือนกัน สารภาพตรงนี้เลยว่าปกติทิวากานต์เกลียดเด็ก หมายถึงพวกที่อายุน้อยกว่าตัวเองเขาเกลียดหมดนั่นแหละ แต่เจ้าตัวเปี๊ยกนี่...จะว่าหน้ามึนเข้ามาสุ่มสี่สุ่มห้าจนเขาไม่ทันได้ตั้งแง่ก็คงใช่ ไม่งั้นคงโดนไล่ตะเพิดไปตั้งแต่หาญกล้ามาถึงชายเสื้อเขาแล้ว

‘ว้า หม่ำๆ’

‘No no ไม่หม่ำ’

เจ้าตัวจ้อยหดมือที่ยื่นคุกกี้มาให้ ทำหน้าหงอยเหมือนแมวถูกทิ้ง หูย...ถ้าพ่อแม่มันมาเจอฉากนี้ไม่คิดว่าทิวากานต์รังแกลูกเขาอยู่หรือ ชั่งใจว่าจะเอาไงดีเกือบนาทีสุดท้ายก็ใจอ่อนตอนเห็นปากหยักแดงๆ เบะออก สะกิดเรียกให้เด็กน้อยป้อนขนมให้ สาบานเลยว่าไม่ได้กลัวเด็กน้อยใจ แต่แค่ไม่อยากให้มันร้องไห้งอแงเสียงดังรบกวนคนอื่นเขาหรอก

‘หย่อยเนอะ’

‘อือ’

‘ว้า จ๊วย จ๋วย’

‘สวย’ เขาแก้ให้

‘จะ จวย’

‘สวยเว้ย ออกเสียงสอเสือชัดๆ สอ ไม่ใช่จอ สวยไม่ใช่จวย อันนั้นมันจะ(ตื๊ด)แล้ว not ‘J’ but ‘S’, try to say it again สวย’

‘สือออ สวย’

‘That’s right!’

‘สือ สวย ว้า สือ สวย’

‘วาสวย not ว้า say it follow me วาสวย’

‘วาสวย’

‘เก่งมาก good job’

เจ้าเด็กฝรั่งยิ้มแก้มตุ่ย ตาสีฟ้าใสเป็นประกายระยิบระยับ ทิวากานต์มองแล้วก็ว่าน่ารักดี อยากลูบหัวกลมๆ นั่นสักที หากยังไม่ทันได้เอื้อมมือไปทำอย่างใจคิดประตูห้องรับรองก็ถูกเปิดเสียก่อนพร้อมเสียงร้องด้วยความดีใจของหญิงวัยสามสิบต้นๆ

‘อัลลี่’

‘อ๊ะ มัมมี้’ เด็กน้อยตาโตเสียยิ่งกว่าครั้งไหน ร่างเล็กกระโดดลงจากโซฟาวิ่งไปกระโดดกอดคอคุณแม่ที่โน้มตัวลงมารับเป็นจังหวะพอดี ‘Where are you?’

‘I think I should say that, not you. Why you didn’t walk around me, huh? Don’t you know how much I worry about you, honey?’

‘I saw พี่กาน, so I walked to her’

‘พี่กาน?’ คนเป็นแม่ถามอย่างสงสัย ก่อนที่ลูกชายตัวน้อยจะเฉลยด้วยการชี้มาที่ทิวากานต์

‘ว้า’

เด็กหนุ่มถึงกับกุมขมับเมื่อเด็กฝรั่งผันวรรณยุกต์ชื่อเขาเพี้ยนอีกครั้ง ‘I told you, I’m วา not ว้า’

‘วา สือ สวย’

‘อ๋อ เดินตามพี่คนสวยมานี่เอง’ คุณแม่ยิ้มแป้นก่อนจะอุ้มลูกชายมาหาพลเมืองดีที่ช่วยเหลือเด็กหลงทางไว้ ‘ขอบคุณมากนะจ๊ะที่ช่วยเจ้าตัวแสบไว้’

‘ไม่เป็นไรฮะ’

‘มัม กาน กาน’

‘บอกว่าชื่อวา I’m Wa not Kan’ บางทีทิวากานต์ก็สงสัยนะว่าสมองของเด็กสามขวบจดจำอะไรได้บ้าง บอกไปแล้วว่าชื่อวา พอแม่มาก็ลืม

‘ฮ่าๆ หนูอย่าถือสาเจ้าอัลเลยนะจ๊ะ เจ้านี่น่ะเห็นใครสวยๆ ก็คิดว่าเป็นพี่สาวตัวเองหมด’

เด็กหนุ่มพยักหน้าเข้าใจ แต่... ‘เอ่อ ผมเป็นผู้ชายนะฮะ’

‘อุ๊ยตายแล้ว จริงเหรอจ๊ะ น้านึกว่าเราเป็นทอมบอยซะอีก ขอโทษด้วยนะจ๊ะ’

‘แหะๆ ไม่เป็นไรฮะ’ นี่แสดงว่าเขาสวยจนชาวบ้านเขาเข้าใจผิดเลยสินะ เกิดมาหน้าตาดีนี่มันน่าหนักใจจริงจริ๊ง ‘ตอนอยู่ต่างประเทศก็มีคนเข้าใจผิดบ่อยๆ เหมือนกัน’

‘วาสวย’ เพื่อเป็นการยืนยัน เด็กน้อยในอ้อมอกคุณแม่จึงย้ำประโยคเดิมอีกครั้ง เรียกเสียงหัวเราะจากรอบข้างได้ทันที

‘รู้แล้ว ไอ้ตัวแสบ’ แขนยาวเอื้อมไปขยี้หัวกลมๆ ของเด็กฝรั่งไม่แรงนักแก้มันเขี้ยว แต่คงเพลินมือไปหน่อยถึงได้เลื่อนมาถึงแก้มย้วยใสจนเห็นเส้นเลือดได้ ‘น่ารัก’

‘คิกคิก’

‘แล้วนี่น้องวาเดินทางคนเดียวเหรอจ๊ะ’

เด็กหนุ่มละสายตาจากเด็กฝรั่งตัวจิ๋วเงยหน้าขึ้นมองคนถาม ‘เปล่าฮะ ไปกับคุณแม่’

‘แล้วคุณแม่ไปไหนซะล่ะจ๊ะ’

‘แยกกันไปหาอะไรทานน่ะฮะ แล้วเจอกันอีกทีตอนบอร์ดเลย’

‘ไปเที่ยวกันเหรอจ๊ะ’

‘ทำนองนั้นฮะ แต่ความจริงเรียกว่าไปจัดการธุระมากกว่าเพราะคงไม่ได้กลับไปอยู่ที่นั่นแล้ว’ พอเห็นคู่สนทนาทำหน้าไม่เข้าใจเขาจึงขยายความให้อีกนิด ‘ผมเป็นนิวยอร์กเกอร์ฮะ เพิ่งมาอยู่ไทยตอนเกรดเจ็ดนี่เอง ทีนี้ผมสอบติดหมอที่นี่ก็คิดว่าคงต้องอยู่ไทยอย่างน้อยอีกสิบปี คุณแม่ผมเลยจะกลับไปจัดการขายบ้านทิ้งน่ะฮะ’

‘อ๋อ อนาคตว่าที่คุณหมอนี่เอง ยังเด็กอยู่เลยนะคะเนี่ย’

‘สอบเทียบติดน่ะฮะ เลยได้เรียนเร็วกว่าชาวบ้านเขาสองปี’

‘ทั้งเรียนเก่งหน้าตาก็ดี อนาคตสาวติดตรึมแน่เลยค่ะ น้ารับประกัน’

ทิวากานต์ได้แต่หัวเราะรับ แป๊บเดียวเจ้าตัวยุ่งที่ถูกเมินก็เริ่มเรียกร้องความสนใจด้วยการร้องงอแงจะให้เด็กหนุ่มเป็นคนอุ้ม เขาเห็นว่าไม่เหนือบ่ากว่าแรงจึงอาสารับมากะว่าจะพาไปส่งหน้าประตูขึ้นเครื่องบิน

‘วา วา’ เดินออกจากห้องรับรองได้ไม่เท่าไหร่เจ้าเด็กในอ้อมแขนเริ่มออกฤทธิ์เรียกชื่อเขาเสียงดัง พอเขาก้มหน้าลงไปหากลับก้มหน้างุด หากใบหูแดงจัดทำให้รู้ว่าเจ้าตัวกำลังเขินอาย

‘What?’

‘Ah… I I never seen someone beautiful like you before’

‘อ่าฮะ I know, and what?’

‘So when I grow up, w w would you marry me?’

หลังจบประโยคขอแต่งงานแสนซื่อบริสุทธิ์ คนถูกขอเป็นเจ้าสาวได้แต่อ้าปากค้าง ส่วนแม่เด็กนั้นหัวเราะก๊ากไม่เก็บอาการคำนึงถึงมารยาทผู้ดีที่ควร ‘ตายแล้วลูกชายฉัน แก่แดดเชียว สูงยังไม่ทันถึงสะโพกพี่เขาเลยนะยะ’

‘Mommy, I’m very serious, why are you laughing me?’

‘Huhu, sorry จ้ะ’

‘เหอะ’ เจ้าตัวแสบค้อนแม่ขวับก่อนหันมาหาทิวากานต์ มือเล็กๆ กำสาบเสื้อโค้ทตัวยาวของเด็กหนุ่มแน่น ‘Wa, I wanna know your answer, tell me please’

‘Ah... I’m serious too. So I think maybe we need time to learn each other before answer something special like this. Do you understand me?’ ในเมื่อเจ้าตัวว่าจริงจัง ทิวากานต์จะยอมจริงจังด้วยก็ได้

‘I I, OK, I will give you a time. But! When you know me better, don’t forget to give me an answer’

‘Sure!’

‘Oh my gosh! I’m crying’ คุณหญิงแม่ของเด็กแสบหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาทำเป็นซับน้ำตาไม่มีทีท่าว่าจะห้ามปรามลูกตัวเองสักนิด มิน่าล่ะเจ้าเด็กนี่ถึงได้มั่นใจอะไรผิดๆ ได้ขนาดนี้ เป็นครอบครัวที่น่ารักดีเหมือนกันแหะ

ทิวากานต์กระชับอ้อมกอดให้เด็กน้อยขยับเข้ามาซุกอกเขาได้มากขึ้น พอคิดว่าเดินไปอีกไม่ไกลเท่าไหร่เขาต้องลาจากกับเจ้าหนูนี่แล้วก็อดใจหายไม่ได้ ไวเท่าความคิดเขากดปลายจมูกบนเรือนผมสีทองได้กลิ่นสตรอเบอร์รี่ของแชมพูเด็กน้อยลอยฟุ้งขึ้นมา ได้แต่คิดว่าช่างหอมน่ากินจริงๆ

‘ถึงแล้วล่ะจ๊ะ’

เด็กหนุ่มกระพริบตาปริบๆ เหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน เขาเห็นชายต่างชาติวัยกลางคนนายหนึ่งสวมสูทดำเหมือนเด็กน้อยในอ้อมแขนกำลังเดินตรงมาทางนี้ คงเป็นคุณพ่อของเด็กนี่สินะ

สองสามีภรรยาถามไถ่ถึงเรื่องราวความเป็นมา พอคุณพ่อได้ความถึงกับถอนหายใจให้เจ้าตัววุ่น กระนั้นใบหน้ากลับเผยรอยยิ้มตอนเดินมาหาบุตรชาย ทิวากานต์ตั้งใจส่งเด็กน้อยคืนให้ชายหนุ่มทว่ามือเล็กคู่นั้นกลับไม่ยอมปล่อยคนสวยให้เป็นอิสระ

‘Honey, come to me please’

‘Aw... Daddy, I don’t wanna leave her, can we take her go with us?’

‘I can’t do’ ทิวากานต์เลือกปฏิเสธด้วยตนเองแทนที่จะให้พ่อของเด็กชายเป็นคนพูด พอเจ้าตัวเล็กทำหน้าตัดพ้อถามว่าทำไมเขาก็ก้มหน้าลงไปตอบ ‘I have my own way and I have to go back to my mother’

‘I see, but can I see anymore?’

‘Yes, you can’

ได้ยินแบบนั้นเจ้าตัวถึงค่อยยิ้มออกมาได้ มือเล็กยอมปล่อยจากทิวากานต์โผเข้าหาพ่อที่รอรับอยู่ ดูคุณพอ่เองจะโล่งใจไม่น้อยที่ได้ลูกกลับคืนมาจริงๆ ฝ่ามือใหญ่ลูบศีรษะเล็กอยู่หลายรอบทีเดียว

ทิวากานต์โบกมือให้เด็กน้อยที่ค่อยๆ ห่างออกไป ริมฝีปากบางขยับพูดลาก่อนโดยไร้เสียง ในใจคิดว่าถ้าได้เจอกันอีกคงดีไม่น้อย

ไอ้วาเอ๊ยยย...มึงชอบเด็กตั้งแต่เมื่อไหร่วะ

ได้แต่ถามตัวเองในใจแล้วหัวเราะอยู่คนเดียวกลบเกลื่อนอาการเหงาที่ถาโถมเข้ามา คนเราจะผูกพันกับใครสักคนในเพียงเวลาแค่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงได้เหรอ

‘ว้าาา’

ใบหน้าขาวเงยขึ้นตามเสียงเรียกก่อนจะเห็นร่างเล็กที่อยู่ในความคิดกำลังวิ่งตรงมา ทิวากานต์รีบย่อตัวลงไปรับด้วยกลัวไอ้ตัวแสบสะดุดขาตัวเองล้มไปเสียก่อน หากไม่ทันตั้งตัวริมฝีปากก็ถูกเด็กน้อยช่วงชิงไปเสียแล้ว ความร้อนที่มาพร้อมสัมผัสนุ่มนิ่มแตะเพียงครู่เดียวทว่าเขารับรู้ได้อย่างมั่นใจ อ่อนหัดสมกับเป็นจูบของเด็กน้อยจริงๆ ทว่ากลับซาบซ่านในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก

‘I love you’ เจ้าตัวว่าอย่างนั้นพร้อมยิ้มกว้างจนตายิบหยี แล้วแบบนี้ใครจะใจร้ายโกรธได้ลง

‘I love you too’

‘ฮิ’

โหย แค่นี้ทำเขินบิดตัวไปมา ทีก่อนหน้านั้นทำเรื่องน่าอายกว่านี้เยอะไม่ยักเขินนะไอ้ตัวแสบ เขาจับขยี้หัวไปอีกหนึ่งทีพ่อเจ้าตัวยุ่งถึงวิ่งเข้ามารับลูกกลับไปอีกรอบ ทิวากานต์ยืนอยู่ตรงนั้นโบกมือส่งเด็กน้อยอีกรอบจนร่างนั้นหายไปหลังประตู รู้สึกเหงาอีกครั้งแต่น้อยกว่าเดิมมากๆ เพราะกำลังเขินด้วยหรือเปล่าไม่แน่ใจ แต่มั่นใจว่าเขารู้สึกดีมาก

ระหว่างเดินกลับไปยังจุดที่นัดพบกับมารดาเขาอดคิดไม่ได้ว่าถ้าเด็กคนนั้นโตขึ้นมาจะเป็นอย่างไร จะน่ารักเหมือนวันนี้อยู่อีกไหม หรือจะกลายเป็นหนุ่มหล่อเหมือนพ่อฝรั่งของตัวเอง แล้วจะยังจำพี่คนสวยคนนี้ได้อยู่อีกหรือเปล่า

ทิวากานต์ยิ้มเยาะตัวเอง ขนาดเขายังจำเรื่องราวสมัยเด็กๆ ของตัวเองได้บ้างไม่ได้บ้างเลย แล้วจะหวังให้เด็กที่น่าจะอายุไม่ถึงสามขวบจำตัวเองได้เนี่ยนะ คิดแล้วก็เศร้าชะมัด

“คิดไรอยู่น่ะทำหน้าเศร้าเชียว”

“หา? อัลว่าอะไรนะ” ศัลย์แพทย์หัวใจรูปหล่อวัยสามสิบสี่เอี้ยวตัวหันไปถามคนรักที่กำลังแต่งตัวให้เจ้าหนูน้อยฮิลเลียร์ นี่เขาระลึกความหลังจนไม่ได้ยินที่อลันด์ถามเลยเหรอเนี่ย

“ผมถามว่าคิดอะไรอยู่ถึงได้ทำหน้าเศร้า”

“อ๋อ แค่คิดถึงความรักครั้งก่อนน่ะ”

“ในวันเด็กเนี่ยนะ? เคยปิ๊งสาวตอนหม่าม้าพาไปงานวันเด็กเหรอวา” หนุ่มลูกครึ่งแซวเสียงระรื่น ก่อนจะหน้าหงิกเมื่อได้ยินคำตอบจากคนรัก

“เปล่า พอดีว่าคนในความทรงจำตอนนั้นเป็นเด็กน่ะ”

“นี่นอกจากผมแล้วว่ายังเคยรักเด็กคนอื่นด้วยเหรอ”

“อืม เคยอยู่คนนึง ยังไม่สามขวบเลยมั้งตอนนั้น”

“เหอ รสนิยมคนเรา ภัยสังคมชัดๆ”

“เห ไม่ได้ไปหลอกเด็กสักหน่อย เด็กคนนั้นมาชอบฉันเองต่างหาก ขอแต่งงานด้วยล่ะจะให้ฉันเป็นเจ้าสาวให้ อา... ยิ่งพูดยิ่งคิดถึงแหะ ไม่รู้ว่าโตมาจะเป็นยังไงบ้าง จะยังน่ารักเหมือนตอนเด็กๆ หรือเปล่านะ”

“คิดว่าถ้าตอนนี้ได้เจอเด็กคนนั้นอีกครั้งจะจำได้ไหม”

“ไม่อะ เรื่องมันตั้งเกือบยี่สิบปีมาแล้ว ขนาดฉันจากสวยยังโตมาหล่อเลย เด็กคนนั้นป่านนี้อาจจะกล้ามล่ำตัวโตกล้ามฉันไปแล้วก็ได้”

“แต่วาตอนเด็กก็สวยจริงๆ ล่ะนะ ตอนเห็นรูปที่หม่าม้าถ่ายยังคิดว่าวาเป็นเด็กผู้หญิงเลย ผมว่าตอนนี้เด็กคนนั้นก็คงคิดว่าวาเป็นผู้หญิงแหละ ต่อให้จำเรื่องราวในตอนนั้นได้แต่ถ้ามาเจอวาอีกครั้งก็คงจำไม่ได้แล้วเหมือนกัน” เขาว่าพลางติดดึงกางเกงยีนส์ขาสามส่วนสวมให้เด็กฝรั่งผมทองที่ยืนอยู่ตรงหน้า เสร็จแล้วก็กลัดกระดุมให้เรียบร้อย จัดแต่งทรงผมอีกนิดเจ้าหนูฮิลเลียร์ จูเนียร์ก็พร้อมจะออกไปเที่ยวงานวันเด็กแล้ว “วันนี้ฮิลของอาหล่อที่สุดเลย เด็กผู้หญิงในงานจะต้องมองหลานอาจนตาค้างแน่ๆ”

“ขอบคุณฮับ” เจ้าหนูผมทองตัวจ้อยโผกอดคุณอาก่อนหอมแก้มเป็นรางวัลให้ฟอดใหญ่

“เสร็จแล้วใช่ไหม” ทิวากานต์เห็นแบบนั้นจึงลุกขึ้นจากเตียงนอนเด็กเดินนำสมาชิกในครอบครัวออกจากห้องไปข้างล่างเพื่อไปงานวันเด็ก

เขาไม่เคยพาเด็กที่ไหนไปงานวันเด็กแบบนี้มาก่อน สมัยตอนตัวเองยังเล็กหม่าม้าก็พาไปจนถึงแค่ไม่กี่ขวบ เรียกได้ว่าห่างหายจากเทศกาลวันเสาร์ที่สองของเดือนมกราคมเกินยี่สิบปี แต่พอมีสมาชิกใหม่เข้ามาอยู่ด้วยจึงต้องกลับมาข้องเกี่ยวกับกิจกรรมแบบเด็กๆ อีกครั้ง จะว่าไปก็คล้ายจะกลายเป็นคุณพ่อไปแล้วจริงๆ

“วันนี้จะไปที่ไหนก่อนนะ”

“ไปดูเครื่องบินกับรถถังที่กองทัพก่อนไง” ทิวากานต์ตอบคนรัก เมื่อถึงรถซูเปอร์คาร์ของตนเองก็จัดการจับเจ้าตัวเล็กนั่งคาร์ซีทที่เบาะหลัง “นี่ฮิลรู้ไหม ถ้าอยากเป็นนายกประเทศนี้ให้เรียนทหารนะ”

“วา!!!” เสียงเรียกชื่อตัวเองดังลั่นมาพร้อมกับหมัดลุ่นๆ ทุบหลังดังปั้ก เล่นเอาคุณหมอดีดตัวเป็นกุ้งโดนน้ำร้อนหัวไปโขกกับหลังคารถอีกทอดสร้างโอดครวญให้เป็นที่น่าเวทนาของคนได้ยินอีก

“อัลลี่ใจร้าย แค่นี้ต้องทุบกันด้วย”

“ก็สอนอะไรให้เด็กฟังล่ะ โดนแค่นี้ยังน้อยไปรู้ไหม เดี๋ยวถ้าวันไหนโดนลุงเรียกผมจะหนีกลับอังกฤษให้ดู”

“แค่พูดความจริงเองอะ”

“เรื่องบางเรื่องต่อให้จริงก็พูดไม่ได้ ที่นี่เมืองไทยนะไม่ใช่อังกฤษ ผมเป็นคนอังกฤษผมยังรู้เลย”

“จ้ะ I see” ทิวากานต์ลูบหลังกับหัวตัวเองป้อยๆ ก่อนจะขึ้นประจำที่นั่งคนขับ รอจนอลันด์ตามมานั่งเรียบร้อยถึงขับรถออกจากบ้านมุ่งหน้าสู่สถานที่จัดงานกิจกรรมวันเด็กของกองทัพอากาศ

“จะว่าไปแล้วก็นึกได้เรื่องนึง” ขับรถออกมาได้สักพักอลันด์ที่นั่งเงียบมานานก็พูดขึ้น เจ้าตัวเอียงคอเกาแก้มท่าทางเขินๆ “มัมเคยเล่าว่าตอนผมเด็กๆ เคยไปขอคนแปลกหน้าแต่งงานด้วยแหละ เขาบอกว่าผมเอาแต่ชมคนนั้นว่าสวยไม่หยุดปาก พอจะแยกกันผมยังวิ่งไปบอกรักแล้วก็จูบปากเขาเลย คิดแล้วก็น่าอายชะมัด”

“จริงอะ”

“อืม ผมเองก็พอจำได้ลางๆ นะว่าเป็นพี่สาวที่สวยมาก แต่มัมบอกว่าเป็นพี่ชายล่ะ”

“เอ... เรื่องมันคล้ายกับของพี่มากเลยนะ”

“หืม จริงเหรอ”

“ใช่ หรือว่าเราจะ...”

พวกเขาหันมาสบตากันสั้นๆ ก่อนจะพากันหัวเราะเสียงดัง ทำเอาเจ้าหนูฮิลเลียร์ที่นั่งอยู่เบาะหลังหัวเราะตามไปด้วย พอหยุดหัวเราะก็พูดออกมาพร้อมกันอีก “ไม่ใช่หรอกน่า”

“นั่นสิ อะไรมันจะบังเอิญโลกกลมขนาดนั้นเนอะ”

“แค่ได้บังเอิญมาเจอกันครั้งนึงจนเกิดเป็นความรักมาจนถึงทุกวันนี้ก็ปาฏิหาริย์มากแล้วล่ะ ถ้าเคยเจอกันมาก่อนหน้านั้นอีกคงจะโชคดีเกินไปจนน่ากลัว”

“แบบนั้นเขาถึงเรียกว่าพรหมลิขิตไงวา” ว่าแล้วอดีตว่าที่นักร้องก่อนเริ่มตบมือเป็นจังหวะพลางร้องเพลงในอดีตที่ตนชอบ เรียกรอยยิ้มได้จากทั้งคนรักและเด็กน้อยที่พวกเขาช่วยกันดูแลอยู่ เต็มไปด้วยความรักที่ไม่ว่าจะวันนี้หรือวันข้างหน้าก็จะมีให้กันแบบนี้ตลอดไป

พรหมลิขิตบันดาลชักพา
ดลให้มาพบกันทันใด
ก่อนนี้อยู่กันแสนไกล
พรหมลิขิตดลจิตใจ
ฉันจึงได้มาใกล้กับเธอ




END

เคยได้ยินเขา(ใครก็ไม่รู้)บอกว่าถ้าบังเอิญเจอกันสามครั้งเป็นพรหมลิขิต
อย่างนี้พี่วากับน้องอัลก็พรหมลิขิตให้มาเจอกันชัดๆ ฮา
สุขสันต์วัน(คนรัก)เด็กค่ะ

ปูลู ตอนนี้ HEART ATTACK เปิดจองแล้วนะคะ อ่านรายละเอียดด้านล่างค่ะ

-----------

รอคอยกันมาแสนนาน ในที่สุดพี่วากับน้องอัลก็จะเปิดจองแล้วค่า เย้

 :mc4: :mc4: :mc4:

(http://i.imgur.com/8rPWQgz.jpg)

รายละเอียด
เปิดจองเรื่อง HEART ATTACK ห้ามโดดเวร ห้ามหนีเคส ห้ามพรากผู้เยาว์ เล่ม 1-3 +กล่องสะสมจั่วปัง
แต่ง NiTRoGeN14
ภาพ Kanchong
จำนวนหน้ารวม 1150 หน้า
ราคารอบพรีออเดอร์ 1350 บาท
แถมเล่มตอนพิเศษ + โปสเตอร์ A3 (พับตอนส่ง)
+ โปสการ์ด + ที่คั่นหนังสือ
ระยะเวลาจอง 11 ม.ค. - 28 ก.พ. 60
** จัดส่งปลายเดือนมีนาคม
ค่าจัดส่งไปรษณีย์ ลงทะเบียน 60 บาท
รายละเอียดเพิ่มเติมที่ RAINY NIGHT FB (https://www.facebook.com/rainynightpublishing/photos/a.1015362641812882.1073741828.981934661822347/1552269698122171/?type=3)
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : พรหมลิขิต+แจ้งข่าว P. 25
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 14-01-2017 20:44:07
โอ้ยยยย....พระพรหมท่านอุ้มส่งให้ถึงสองครั้งแต่อัลยังเด็กเกินเลยมาสำเร็จในครั้งสามสินะ  อิอิ
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : พรหมลิขิต+แจ้งข่าว P. 25
เริ่มหัวข้อโดย: Kio ที่ 14-01-2017 21:34:27
โอ้ยน่าร้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
พอโตขึ้นอะไรๆ ก็เปลี่ยนเนอะ รวมถึงตำแหน่งด้วย โถน้องวาคนสวย555555555555555555555555
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : พรหมลิขิต+แจ้งข่าว P. 25
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 14-01-2017 21:54:22
พรหมลิขิตชักนำมารักกันจริงๆ ถึงจะอยู่ห่างกันคนละซีกโลกก็เถอะ  :hao5:

พี่วานี่เสน่ห์แรงตั้งแต่เด็กจริงๆ  55555
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : พรหมลิขิต+แจ้งข่าว P. 25
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 14-01-2017 23:47:11
เนื้อคู่กระดูกคู่ชัดๆ
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : พรหมลิขิต+แจ้งข่าว P. 25
เริ่มหัวข้อโดย: M_April ที่ 15-01-2017 18:57:55
 ขอบคุณอะไรก็ตามที่ทำให้พี่วาโตมาหล่อแทนสวยค่ะ 555

ปล ตอนนางสวยนางแรดเนอะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : พรหมลิขิต+แจ้งข่าว P. 25
เริ่มหัวข้อโดย: I C H A ที่ 19-01-2017 21:28:21
เพิ่งอ่านรวดเดียวจบค่ะ ชอบนิยายเรื่องนี้มากจนต้องขอบันทึกเป็นนิยายในดวงใจอีกเรื่องเลยค่ะ ชอบพี่หมอวากับน้องอัลม้ากมาก ดูเรียลสุดๆ ชอบความสัมพันธ์ของตัวละคร ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ จะติดตามผลงานต่อไปค่ะ ชอบ
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : พรหมลิขิต+แจ้งข่าว P. 25
เริ่มหัวข้อโดย: May@love ที่ 19-01-2017 21:32:35
อ่านจบแล้วรวดเดียว ช่างดีกับใจจริงๆ

อยากจะตบโต๊ะให้เสียงดัง โธ่พลาดเรื่องนี้ได้ไง

ชอบพี่วาจริงๆ ผู้ชายในฝันของสาวๆ

น้องอัลก็น่ารัก น่าอิจฉามีแต่หนุ่มรุมล้อม


เดี๋ยวจะตามไปอ่านผลงานเรื่องอื่นๆ
และซื้อเล่มเก็บนะคะ
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : พรหมลิขิต+แจ้งข่าว P. 25
เริ่มหัวข้อโดย: AdLy ที่ 31-01-2017 21:23:49
อัลลี่น่ารักแต่เด็กเลยอ่า

วาคนจ๋วยกลายเป็นเจ้าบ่าวไปแล้ว 55555

เรื่องนี้น่ารักมากค่า อ่านแล้วมีลุ้นทุกตอนเลย
หัวข้อ: Re: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : พรหมลิขิต+แจ้งข่าว P. 25
เริ่มหัวข้อโดย: Timber ที่ 20-11-2017 13:12:12
 :heaven