สปอยๆๆๆๆ ตอน 11 :impress2:
เจอกัน เพราะ.....วาสนา
จากกัน เพราะ.....โชคชะตา
กลับมา เพราะ .... ฟ้าลิขิต
เฝ้าตามหาความรักมาตลอดทั้งชีวิตแต่ยิ่งพยายามตามหากลับยิ่งพบเพียงความว่างเปล่า ไม่มีใครสามารถเติมช่องว่างที่อยู่ในหัวใจได้เลย เหมือนเขาเฝ้ารอใครสักคนมานานแสนนาน มันนานซะจนในใจมีแต่ความเจ็บปวดและคำว่าคิดถึง
http://youtu.be/fwp0VWEbk_M (http://youtu.be/fwp0VWEbk_M) อยากลงเพลงแต่ลงไม่เปน เอาแบบนี้แล้วกันเนาะ :sad4:
ตอน 11
เจอกัน ....... เพราะ วาสนา
จากกัน ....... เพราะโชคชะตา
กลับมา ...... เพราะฟ้าลิขิต
ปี 2555 กรุงเทพ ประเทศไทย
ร่างบางยืนชะเง้อมองที่ช่องผู้โดยสารขาเข้าอย่างใจจดใจจ่อ วันนี้แล้วสินะที่เขารอคอยมา 5 ปี ในที่สุด เขาก็จะได้เจอคนที่คิดถึงเสียที
“ที ไม่ต้องชะเง้อขนาดนั้นหรอก เดี๋ยวลูกก็มาแล้ว” เสียงทุ้มจากชายร่างสูงที่อยู่ข้างหลังเอ่ยเย้า พลางกลั้นหัวเราะกับท่าทีของคนตัวบางที่ดูจะตื่นเต้นเหลือเกิน
“นี่คุณ ฤทธิ์ อยู่เฉยๆก็ไม่มีใครว่าอะไรนะ” เสียงหวานนั้นหันมาเอ็ดก่อนจะชะเง้อมองต่อไป
ร่างสูงของ ฤทธิ์ อัศวาพิพัตร ได้แต่สายหน้าให้คนรักเบาๆไม่น่าเชื่อว่าคนตรงหน้านี้จะเป็นผู้ชายและอายุ 42 เข้าไปแล้วเพราะรูปร่างบอบบางที่มองยังไงๆก็เหมือนกับสาววัยสามสิบต้นๆ นั้นยังดูสวยเหมือนวันแรกที่เจอไม่มีผิด หากจะย้อนกลับไปในวันแรกที่เขาเจอกับร่างบางๆนี้มันก็คงนานโข เพราะเป็นช่วงเรียนมหาวิทยาลัยของทั้งคู่ เขาเป็นคนนึงที่เฝ้าตามหาความรักมาตลอดทั้งชีวิตแต่ยิ่งพยายามตามหากลับยิ่งพบเพียงความว่างเปล่า ไม่มีใครสามารถเติมช่องว่างที่อยู่ในหัวใจได้เลย เหมือนเขาเฝ้ารอใครสักคนมานานแสนนาน มันนานซะจนในใจมีแต่ความเจ็บปวดและคำว่าคิดถึงอยู่แน่นไปหมด
แต่วันนั้น วันที่เขาพบกับร่างบางตรงหน้า ความรู้สึกเต็มตื้นที่เอ่อล้นในหัวใจ ไม่รู้ว่ามาจากไหนเพียงได้พบคล้ายกับช่องว่างในหัวใจมันถูกเติมเต็ม เขาเองก็ไม่เคยคิดว่าจะรักผู้ชายด้วยกันมาก่อนแต่กลับรักผู้ชายร่างบางๆคนนี้อย่างเต็มหัวใจ
มันคงแปลกสำหรับคนทั่วไปที่จู่ๆ ผู้ชายที่เพิ่งพบกันครั้งแรกสองคนโผเข้ากอดกันเหมือนโหยหามานานแสนนาน ไม่อยากจะบอกว่า วีรกรรมของเขากับคนรักเป็นตำนานของมหาวิทยาลัยมาจนถึงวันนี้
“เจ้าพี่ ท่านกลับมาแล้ว ท่านกลับมาหาน้องแล้ว”
“พี่กลับมาแล้ว พี่กลับมาเจ้าแล้วนะยอดดวงใจของพี่”
คำพูดลิเกๆ ที่ทั้งสองบอกกันชวนให้คนอื่นสงสัย แต่มันไม่ใช่กับ ฤทธิ์และนที เพราะมันเป็นคำที่ออกมาจากใจ เขาก็ไม่รู้ว่าตัวเองพูดมันออกไปได้ยังรู้แค่ว่า ต้องพูดเท่านั้น ตั้งแต่วันนั้น นาย นที ธาราลัย ก็กลายเป็น นาย นที อัศวาพิพัตร โดยพฤตินัยทันที และเป็นโดยนิตินัยหลังจากนั้นเพียงสี่ปี เขาสองคนผ่านอะไรต่างๆมาด้วยกันมากมาย ทั้งการยอมรับจากครอบครัว การปรับตัวให้ชินกับสายตาแปลกๆที่ถูกมอง แต่ ทั้งคู่ก็ผ่านมันมาได้อย่างไม่ยากเย็น เพราะ ความรักที่มีให้กัน ทำให้คนรอบข้างเริ่มมองพวกเขาในแง่ดีขึ้น เขาไม่สนว่าโลกจะมองยังไง คนเดียวที่เขาสนใจ คือร่างบางที่อยู่ตรงหน้าต่างหาก จะมีประโยชน์อะไรถ้าเราแคร์คนอื่นแล้วทำให้คนที่เรารักต้องเจ็บปวด สังคมเป็นแค่องค์ประกอบของชีวิต แต่ นที คือชีวิตทั้งชีวิต ของเขา
“คุณๆ เหม่ออะไรเล่า ช่วยกันมองหาลูกสิ”
“ครับๆ คุณภรรยา” เสียงทุ้มตอบก่อนจะได้ค้อนวงใหญ่จากคนรัก
“ตะวันๆ ทางนี้ลูก ตะวัน ” เสียงหวานตะโกนโหวกเหวก พลางชูไม้ชูมือเรียกคนที่กำลังเดินออกมาจากเกท
“คุณพ่อ คุณป๋า” ร่างเล็กของใครคนนึงวิ่งมาหาทั้งสองก่อนจะโผเข้ากอด นทีเสียเต็มรักให้สมกับความคิดถึงที่ไปเรียนต่อเมืองนอกเมืองนานานหลายปี
“คิดถึงจังเลยครับ” เสียงเล็กๆเอ่ยบอก ตะวัน อัศวาพิพัตร คือพยานรักของเขาและนที ที่ตอนนี้อายุ 22 ปีแล้วและเหตุที่เขากับคนรักต้องมารับลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่นี่เพราะว่าเจ้าลูกชายตัวดี ดันเรียนเก่งจนได้ทุนไปเรียนต่อปริญญาที่อเมริกา
“ปากหวานนะเรา ไปอยู่โน่นตั้งนานสงสัยจะคุณป๋าไปแล้วมั้ง” เสียงทุ้มเอ่ยเย้าลูกชายที่เอาแต่กอดอีกคนจนอดน้อยใจไม่ได้
“แหม คุณป๋า อ่า ตะวัน คิดถึงคุณป๋าที่สุดเหมือนกันคร้าบบบบบบ” ลูกชายยิ้มน่ารักก่อนจะโผเข้ากอดแน่น
“กลับเถอะลูก รู้ไหมว่า พ่อของลูกน่ะ เขาเตรียมทำกับข้าวรอเราตั้งแต่ตีสามแน่ะ” ฤทธิ์บอก
“เชอะ ใครบอกว่าพ่อคนเดียว คุณป๋าเราน่ะ เตรียมของขวัญรับขวัญตั้งแต่เดือนที่แล้ว” ร่างบางได้ทีแขวะบ้าง
“พอๆ เถอะคร้าบ กลับบ้านกันดีกว่าตะวันคิดถึงบ้านจะแย่แล้วครับ” เด็กหนุ่มห้ามทัพ ก่อนจะดุนหลัง พ่อกับคุณป๋าสุดที่รักให้กลับบ้าน
ถึงจะผ่านมานานแค่ไหนแต่ ตะวัน ก็รับรู้ได้ถึงความรักที่อบอวลอยู่รอบๆตัว ทุกครั้งที่เขา มอง คุณพ่อ กับ คุณป๋า อยู่ด้วยกันเด็กหนุ่มมักเห็นประกายแห่งความรักที่ทั้งคู่สื่อถึงกันแทบตลอดเวลา มันทำให้เขามีความสุขที่ได้อยู่บ้านหลังนี้ ถึงเขาจะไม่ใช่ลูกแท้ๆ แต่ นที กับ ฤทธิ์ ก็ไม่เคยรักเขาน้อยลงเลย เขาไม่แคร์ว่าใครจะมองว่าครอบครัวเขาแปลกประหลาด เพราะ คุณป๋า สอนเสมอว่า ให้ใส่ใจกับความรู้สึกของคนที่อยู่ข้างๆ ตัวก่อน ก่อนที่จะมองคนอื่นๆรอบตัว
“เฮ้อ เราจะโชคดีแบบ คุณพ่อ กับ คุณป๋าไหมนะ” เด็กหนุ่มพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะเดินตามผู้มีพระคุณทั้งสองไป
ปึก ตุ๊บ !!!
โอ้ย!!!!
เสียงเล็กอุทานหลังจากที่ชนกับแผงอกของใครสักคนเข้า
“เป็นอะไรไหมหนู” เสียงทุ้มเอ่ยถาม ก่อนที่มือหนาจะพยุงร่างเล็กให้ลุกขึ้น
“ไม่หรอก แต่ว่าคุณเรียกใครว่าหนู” ตะวันบอกก่อนจะจ้องที่แผงอกของร่างสูงที่ดูๆไปน่าจะสูงกว่าเขาเกือบ 20 เซ็นต์ ตอนเด็กๆแม่ให้กิน
นมยีราฟหรือไงนะ ถึงโตมาสูงขนาดนี้
“เอ๋า ก็หนูไง ยังอยู่มัธยมอยู่ล่ะสิ ใช่ไหม หลงกับพ่อแม่เหรอ” เสียงทุ้มยังถามอย่างห่วงใย แต่ตะวันไม่ซึ้งสักนิด ไอ้ยาวนี่มันกล้าเรียกเขาว่าเด็กประถมเหรอ
“นี่ นายกล้าดียังไงมาว่าฉันเป็นเด็กมัธยมห่ะ ………………….เอ๊ะ”
ตะโกนบอกก่อนจะเงยหน้ามองไอ้คนตาถั่วให้ชัดๆ แต่ก็ต้องแปลกใจ เพราะไอ้คนตรงหน้า ทำไม มันคุ้นเหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อนนะ
“เอ่อ เราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่า” ร่างสูงถามทันทีที่เห็นหน้า เขาไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้มันคืออะไร รู้แค่ว่าเขา คุ้นเคยกับร่างเล็กๆตรงหน้าเหลือเกิน เหมือนโหยหา และคิดถึงมานานแสนนาน แต่มันจะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อเขาเพิ่งเจอ คนตรงหน้าเป็นครั้งแรก
“มะ ไม่ เคย หรอก อย่ามาเปลี่ยนเรื่องนะ คุณขอโทษผมมาซะดีๆ ที่เรียกผมว่าเด็กมัธยม” เสียงเล็กยังคงโวยวาย จนคนทั้งสนามบินหันมามองเป็นตาเดียว
“มีอะไรกันเหรอลูก ตะวัน ” เสียงหวานเอ่ยถามลูกชาย ทันทีที่มาถึง นึกว่าหลงทางที่แท้ก็มาแผลงฤทธิ์แย้วๆอยู่นี่เอง
“ก็ เขามาชนตะวันแล้วไม่ยอมขอโทษแถมยังเรียกตะวันว่าหนูอีกอ่ะ พ่อ” เสียงเล็กบอกอ้อน จนร่างสูงตรงหน้าได้แต่ค่อนขอดในใจ เหอะ นี่มันนิสัยเด็กชัดๆ เฮ้อ จะทันประชุมไหมว่ะเนี่ย ร่างสูงถอนใจอย่างระอา
“เอ่อ ขอโทษนะครับ มีอะไรกันเหรอ” เสียงทุ้มเอ่ยถาม ลูกชายและคนรัก
“คือ ตะวันมีเรื่องนิดหน่อยน่ะคุณ”
“หืม มีเรื่องกับใครเหรอ” ฤทธิ์ถามพลางมองไปรอบๆตัว ก่อนสายตาจะปะทะกับร่างสูงที่น่าจะสูงพอๆกับเขายืนอยู่ สูทราคาแพงบวกกับบุคลิกน่าเกรงขามทำให้คนตรงหน้าดูมีอำนาจอย่างบอกไม่ถูก
“โทษนะครับ ไม่ทราบว่าจะโอ๋กันอีกนานไหมครับ พอดีผมรีบ” ร่างสูงบอกก่อนจะมองภาพของผู้ชายสองคนที่ทำท่าโอ๋ คนตรงหน้ายังกับโดนรถสิบล้อชน ก็แค่เดินชนนิดๆหน่อย
“นี่นาย พูดแบบนี้ก็สวยซิว่ะ” ร่างเล็กว่า พลางทำตาขวางราวกับโกรธคนตรงหน้ามาสักสิบชาติ
“ตะวัน พอแล้วลูกเดี๋ยวป๋าคุยเอง เราน่ะอยู่เงียบๆได้แล้ว”
“ป๋าอ่ะ ” ร่างเล็ก ทำหย้ายู่ใส่คนที่ถูกเรียกว่าป้า ก่อนจะสะบัดหน้างอนๆ
น่ารัก คำสองคำนี่ผุดขึ้นมาในหัวของคู่อริ จนต้องสะบัดไล่ความคิดแปลกๆออกจากสมอง ไอ้เด็กผอมนี่มันจะน่ารักได้ไง เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆที่คิดแบบนั้น
“เอ่อ ไม่ทราบว่าคุณ” ฤทธิ์หันมาถามกับคู่กรณีของลูกชาย
“อ้อ ผม อนิรุทร อัศวาพิพัตร ครับ” ร่างสูงแนะนำตัว
“หา!!!!”
แต่เขาก็ต้องแปลกใจเมื่อคนสามคนทีอยู่ตรงหน้า ทำหน้าอย่างกับเห็นหนอนไม้ไผ่กลายเป็นมังกร ล่ะห่ะ
“คุณบอกว่าคุณนามสกุลอะไรนะครับ” ฤทธิ์ถามเพื่อความแน่ใจ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะฟังผิด
“อัศวาพิพัตร ครับ” ชายหนุ่มตอบฉะฉาน
“คุณเป็นอะไรกับ ราชัน อัศวาพิพัตร์”
“คุณรู้จักพ่อผมด้วยเหรอครับ”
“เจ้ารุทร จำอาได้ไหม ” ฤทธิ์เอ่ยถามร่างสูงตรงหน้า ก่อนที่อนิรุทรจะมองเขาด้วยแววตาพิจารณา
“อาฤทธิ์!!!” ชายหนุ่มอุทานเสียงดังลั่น จนคนทั้งสนามบินต้องหันมามองอีกครั้ง คราวนี้เป็นเขาบ้างที่ต้องเป็นฝ่ายเบิกตากว้างแทน
ตะวันมองดูคู่กรณีคุยกับป้าวยความ งง สรุปว่า ไปๆมาๆ เขากับไอ้ยาว นี่เป็นญาติกันเหรอ ไม่นะ อะไรมันจะ บังเอิญขนาดนั้น นี่ไม่ใช่ละครหลังข่าวนะเว้ยเห้ย
“ป๋า นี่มันอะไรกันครับ”
“เอาเป็นว่าไปคุยกันที่บ้านแล้วกันนะ ว่าแต่ รุทร ว่างไหม วันนี้”
“ที่จริงผมมีประชุมตอน 10 โมงแต่ตอนนี้ก็ 9 โมง 45 แล้ว คงไม่ทันหรอกเอาเป็นว่า ผมว่างแล้วกันครับคุณอา”
ชายหนุ่มตอบผู้เป็นอา ก่อนจะโทรไปเลื่อนนัดประชุม ดีนะที่ไม่ใช่ประชุมสำคัญอะไรไม่งั้นเขาคงโดนหาว่าเป็นพวกไม่ได้เรื่องเพราะโดดประชุมหลังจากรับตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการเพียงสามเดือน แน่ๆ
รถคันหรูทั้งสองคันขับเข้าจอดในบริเวณบ้านเดี่ยวสองชั้นที่ดูร่มรื่นด้วยสวนสวยดูไปดูมาคล้ายรีสร์อทในป่ามากกว่าบ้าน ใจกลางกรุง อืม สงสัย คนออกแบบสวนจะชอบตนไม้เอามากๆนะ เนี่ย
“เข้ามาๆๆ” เจ้าของบ้านร่างบางเชื้อเชิญอย่างเป็นกันเอง เพราะถึงยังไงชายหนุ่มตรงหน้าก็เป็นหลานแท้ๆของคนรัก ผิดกับร่างเล็กที่เดินหน้างอลงจากรถพลางมองค้อนให้คนตัวสูง
“เป็นอะไรคุณ ตกใจเหรอที่ผมกลายเป็นพี่ชายคุณน่ะ” ร่างสูงกระซิบ
“ผมเป็นลูกคนเดียว ไม่มีพี่ ไม่มีน้อง หลีก จะเข้าบ้าน” ร่างเล็กบอกอย่างไม่สบอารมณ์ คนตรงหน้านี่กวนโมโหเกินไปแล้วนะ
“เดี๋ยวสิ” มือหนาคว้าแขนเล็กไว้แน่น
“เอ๊ะนี่คุณ…”
กระแสบางอย่างที่ไหลผ่านร่างทำให้ตะวันหยุดชะงัก ไม่ต่างจากฝ่ายที่รั้งไว้เท่าไหร่ ความรู้สึกอบอุ่นที่แผ่ซ่านเข้ามาในใจมันคืออะไรกันแน่นะ ทั้งสองเหมือน ตกอยู่ในภวังค์ จนไม่สามารถขยับได้ ความรู้สึกเต็มตื้นเอ่อล้น จนคับอก นี่มันอะไรกัน ร่างเล็กบอกกับตัวเองในใจ ทำไมเหมือนอยากร้องไห้นะ
“ตะวัน ร้องไห้ทำไม ลูก” นทีเดินออกมาตามลูกชายแต่กลับพบว่า ลูกชายกับหลานชายกำลังจ้องกันอยู่ หนำซ้ำลูกชายตัวเล็กของเขายังร้องไห้อีกด้วย นี่มันอะไรกันเนี่ย
“ปะ เปล่า ครับพ่อ พอดี ตะวันแสบตาน่ะ สงสัยจะฝุ่นเข้า ตะวันขอตัวไปพักผ่อนนะครับ”
ร่างเล็กเลี่ยงเข้าบ้านก่อนที่จะสลัดแขนออกจากการเกาะกุม
“เข้าบ้านเถอะครับ คุณรุทร”
“เรียกผมว่า เจ้ารุทรเหมือน อาฤทธิ์ ก็ได้ครับ อาที” ชายหนุ่มบอกก่อนจะเดินตามร่างบางของ อาสะใภ้?? เข้าบ้านไป
..........................................................
เอาตอน 11 มาลงแล้วนะ ^_^
เดาออกกันไหม อ่า ว่า จะออกมาในรูปนี้ กิกิ
พอเขียนๆไปมันรู้สึกว่าเหมือนเพลงนี้ ยังไงก็ไม่รู้
http://youtu.be/B6ZTc6qJyyk (http://youtu.be/B6ZTc6qJyyk)
จบเเย้วววว ;w; เป็นตอนจบที่น่ารักมากกเลยค่ะ :)
เจอกัน เพราะ.....วาสนา
จากกัน เพราะ.....โชคชะตา
กลับมา เพราะ .... ฟ้าลิขิต
ชอบประโยคนี้อ่ะ