พิมพ์หน้านี้ - Nice to Se(a)e You Again.___แจ้งข่าว{26/11/2561}

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบ => ข้อความที่เริ่มโดย: nattha_Kkhung ที่ 05-08-2018 13:40:59

หัวข้อ: Nice to Se(a)e You Again.___แจ้งข่าว{26/11/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: nattha_Kkhung ที่ 05-08-2018 13:40:59
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ


เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
*****************************************************************************************


-Nice to Se(a)e You Again-





บทนำ

.....................................
ตั้งแต่วันนั้นที่ผมเจอเขาครั้งแรก ผมก็ปล่อยให้เขาก้าวเข้ามาในชีวิตผมเมื่อไหร่ก็ไม่รู้
รู้ตัวอีกที สายตาของผมก็มีแค่เขา "เขา" คนที่เป็นที่รักของทุกคน
เป็นที่หนึ่งในทุก ๆ เรื่อง และเป็นที่หมายปองของใครหลาย ๆ คน
เขา คือคนที่ผมคิดว่าไม่มีทางที่จะหันมาสนใจ คนอย่างผมแน่นอน
แต่เหมือนโชคชะตาจะเล่นตลก ที่ทำให้ผมได้เจอกับเขาอีกครั้ง ในมหาลัยนี้ 
ผมเคยปล่อยโอกาสให้หลุดมือไปโดยไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง
มาถึงตอนนี้โอกาสนั้นกลับมายืนตรงหน้าผมอีกครั้ง…ผมจะทำทุกอย่างเพื่อให้เขารู้ว่า

ซันชอบพี่นะครับ “ พี่ทะเล





To be continue...



Talk Talk with ME ....
ฮัลโหลทุกคน! วันนี้ฤกษ์งามยามดีเหมาะกับการเปิด Nice to Se(a)e You Again
ขอบอกก่อนเลยว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่เราเพิ่งหัดแต่ง ภาษาที่ใช้กับเนื้อหาอาจจะยังไม่ค่อย " เริ่ด "เท่าไหร่
แต่ยังไงเราขอฝากนิยายเรื่องนี้ และ " พี่ทะเล กับ น้องซัน " ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจ(พระเอกลิเกไปอีก555) ของคนอ่านทุกคนด้วยนะครับ
#NicetoSeaYouAgain
หัวข้อ: Re: Nice to Se(a)e You Again. ____Chapter 1-หลงทาง
เริ่มหัวข้อโดย: nattha_Kkhung ที่ 05-08-2018 16:35:26
#Chapter1-หลงทาง

.....
Rrrr Rrrr Rrrr Rrrr

“ ฮัลโหลซัน”

“ ว่าไงตังเม มีอะไรหรือเปล่า ? ”

“นี่แกอยู่ไหนเนี่ย ”

“ ไม่รู้เหมือนกันอ่ะ เหมือนจะหลงทางเลย  ”

“อ้าว…งั้นแกลองมองรอบ ๆ ที่แกอยู่สิว่ามีอะไรเป็นจุดสังเกตได้บ้าง  ”

“รอบ ๆ เหรอ อืม…”

   ผมมองไปรอบ ๆ เพื่อดูว่าที่นี่มีจุดเด่น หรืออาคารอะไรที่พอจะเป็นจุดสังเกตได้บ้าง ผมเห็นว่ามีตึกเรียนอยู่หลายตึก ผมพยายามจะอ่านป้ายชื่อตึกเหล่านั้น แต่แว่นตาของผมมัวเกินไปที่จะมองเห็นชื่อตึกที่อยู่ตรงหน้าว่าเขียนว่าอะไร ผมต้องเดาเอาล้วน ๆ   
 
“ตอนนี้อยู่ตรงตึก BC เรียนรวม 3 อ่ะเม ”

“อ๋อ ถ้างั้นแกเดินเลยตึกนั่นมา แล้วจะเจอแยก ให้แกเลี้ยวขวา แล้วก็ตรงมานะ จะเจอตึก C ที่สัมภาษณ์ ”

“เลยตึก เจอแยก เลี้ยวขวาแล้วตรงไป ถูกมะ”  ผมทวนคำพูดเมอีกรอบ

“ใช่ ๆ รีบมานะ อีก 15 นาที จะเริ่มสัมภาษณ์แล้ว  ”

“อ่อ ไว้เจอกันนะเม เดี๋ยวจะรีบวิ่งไป ”

“ โอเคแก เจอกัน ” ผมกดวางสายจากตังเม

ตังเมเป็นเพื่อนสนิทผม เราเรียนโรงเรียนเดียวกันมาตั้งแต่ ป.2 เมเป็นเพื่อนสนิทคนเดียวของผม ด้วยนิสัยของเธอที่เป็นคนมีมนุษยสัมพันธ์ดี ช่างพูด บางทีก็ออกจะพูดมากถึงแม้ผมจะฟังบ้างไม่ฟัง  แต่นั่นแหละ เพราะเมเป็นคนที่เข้าหาคนอื่นเก่งทำให้ผม กับเมสนิทกันไวมาก แต่เดี๋ยวก่อน ผมต้องพักเรื่องเม แล้วรีบไปที่ตึกเพื่อให้ทันสัมภาษณ์ ผมยัดมือถือลงกระเป๋ากางเกงนักเรียน แล้วรีบวิ่งแบบใส่เกียร์หมาไปที่ตึก ใช้เวลาไม่ถึง 5 นาทีผมก็มาถึงตึก C ผมเห็นเมยืนคอยผมอยู่หน้าตึกพร้อมกับทำหน้าเหมือนกับจะกินหัวผมได้ตลอดเวลา

“ซัน แกนี่จริง ๆ เลยนะ รู้ว่าตัวเองไม่เคยมา ทำไมไม่มาพร้อมเม นี่ดีนะที่ไม่หลงไปไกลถึงหลัง ม.  ”

เมบ่นผมชุดใหญ่เลย แต่ก็จริงอย่างที่เมพูด

“แหะๆ โทษทีแก พอดีเราอยากลองมาเอง แต่ไม่คิดว่าจะหลง เราก็เดินตามป้ายมาตลอดนะ ” ผมอธิบายให้เมฟัง

“แล้วเป็นไงล่ะ นี่ขนาดเดินตามป้ายมานะ ”

“แหะๆ แกอย่าบ่นนักสิ เราก็เดินมาถึงแล้วนี่ไง  ”

“ เอาเถอะๆ เมว่าซันรีบไป ล้างหน้าล้างตา ดีกว่านะ ดูสิเนี่ยวิ่งมา เหงื่อออกเต็มไปหมด ”
เมบอกผมพร้อม ๆ กับเอามือจับหน้าผม บิดไปมา แล้วเอามือมาเช็ดกับเสื้อของผมอีก

“ก็ดีเหมือนกัน งั้นเดี๋ยวซันไปห้องน้ำก่อนนะ ”

      ผมลืมบอก ว่าวันนี้ผมสัมภาษณ์เข้าเรียน เห็นผมเซ่อ ๆ อึนๆ แบบนี้ ผมสอบติดคณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิชาอุตสาหการ นะครับ แถมเป็นมหาลัย WRR อันโด่งดังอีก แต่กว่าจะสอบเข้ามาได้เลือดตาแทบกระเด็น ลุ้นจนตัวสั่น ยิ่งตอนประกาศผลด้วยนะ ผมไม่อยากจะบอกว่าผมเกือบช็อกไปตั้งหลายรอบ มหาลัยอื่น ๆ ก็มีนะ แต่ผมไม่สน ผมสน ม นี้ เพราะคนที่ผมชอบเขาเรียนอยู่ที่นี่

   ผมเดินมาเข้าห้องน้ำในตึก เมื่อล้างหน้าเสร็จ และกำลังเดินออกจากห้องน้ำ ผมหยิบแว่นตาที่ผมถอดออกตอนล้างหน้า ขึ้นมาใส่ แต่ไม่รู้ความซวยอะไรของผม ที่จู่ ๆ คนกลุ่มหนึ่งวิ่งสวนเข้าไปในห้องน้ำ ชนเข้ากับผมอย่างจัง แว่นตาของผมหลุดจากมือลอยไปตกตรงไหนก็ไม่รู้

“โอ๊ย… ชนคนอื่น ขอโทษสักคำก็ไม่มี” ผมบ่นเบา ๆ
แต่ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก เพราะมัวแต่หาแว่น ผมในตอนนี้ที่เหมือนคนตาบอดมองอะไรก็เบลอไปหมด พยายามควานหาไปเรื่อยแต่ก็ไม่เจอสักที ผมก้มๆ เงยๆ หาตามซอกตามมุมก็ไม่เจอ แต่เหมือนบุญผมยังมี ที่จู่ ๆ มีมือยื่นแว่นที่ผมหาอยู่มาให้

“แว่นตานี่ของนายหรือเปล่า ” เขาบอกกับผม

“ใช่ครับ แว่นนี่ของผมเอง  ”

ผมพยักหน้าพร้อมกับบอกเขา แล้วหยิบแว่นขึ้นมาสวม ผมเงยหน้าขึ้นเพื่อจะขอบคุณเขาที่ช่วยหาแว่นให้ผม แต่แล้วผมก็ต้องตะลึง กับคนที่อยู่ตรงหน้า เพราะเขาคือ พี่ทะเล ผู้ชายที่ผมแอบชอบตั้งแต่ตอนเรียน ม.ปลาย  ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี พี่ทะเลก็ยังเป็นพี่ทะเล ยังหล่อ สูง ขาว ตัวใหญ่เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือผม ที่ตัดทรงใหม่ไม่เหมือน ม ปลาย ที่หัวเกรียน ฮ่า ๆ หัวเกรียนว่าเท่แล้ว พอเจอทรงนี้เข้าไป ผมแทบจะหัวใจวาย ตายซบอกพี่เขาตรงนี้เลย


“น้อง ๆ ได้ยินพี่ไหม ” 

“ค…ครับ ? ” นานเท่าไหร่ไม่รู้ที่สติผมหลุดลอยไปกับคนตรงหน้า ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ยังเหมือนเดิมเลย

“เป็นอะไรหรือเปล่า เห็นยืนนิ่ง ไม่หือ ไม่อือ อะไรเลย ” พี่ทะเลบอกกับผมแบบนั้น

“เปล่าครับ ผมขอบคุณพี่นะครับที่ช่วยเก็บแว่นให้ผม ”

ผมพูเพร้อมกับจะยกมือไหว้ขอบคุณ แต่ถูกพี่มันห้ามไว้ก่อน

“เฮ้ย ไม่ต้องไหว้ก็ได้เรื่องแค่นี้ เอง ” พี่มันพูดพร้อมกับเอามือมันมาจับมือผมที่กำลังจะยกขึ้นพนมพร้อมไหว้

ตอนที่พี่มันจับมือผมลงผมรู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาที่ใบหน้า ไม่รู้ว่าหน้าแดงมากไหม

“ค…ครับ ” ทำไมผมต้องพูดติดๆ ขัดๆ ด้วยเนี่ย ลิ้นมาแข็งเอาอะไรตอนนี้ คิดแล้วโมโหตัวเอง แต่ไหน ๆ ก็เจอพี่มันแล้ว

แล้วผมยังมีเวลาอยู่ ชวนมันคุยสักหน่อยก็ดีเผื่อมันจะพอจำหน้าผมได้บ้าง

“พ…พี่ ครับ ”

“มีอะไรหรอ ” พี่มันตอบผม ผมกำลังคุยกับพี่มัน ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะมีวันนี้

“คือ…ผม”

“ ซัน !!! ” ให้ตายเถอะเม ทำไมมาได้ผิดเวลาแบบนี้นะ ผมหันไปหาเมที่เรียกผม

“เม มีอะไรหรือเปล่า ” ผมตอบเมกลับไปแบบนั้น

“เมเห็นซัน หายไปนานเลยออกมาตาม แล้วนี่ทำไรอยู่ไม่รีบไปรอหน้าห้องสัมภาษณ์ ”

“อ๋อ พอดีซันทำแว่นตกอ่ะ แล้วก็หาอยู่ แต่พี่คนนี้ พี่…อะไรนะครับ” เอาว่ะเนียนๆถามชื่อมัน ทั้ง ๆ ที่ผมก็รู้นี่แหละ

“ทะเล พี่ชื่อทะเล ” พี่มันตอบผมมาแบบมันเองก็ทำหน้า งง ๆประมาณว่าช่วยเก็บให้ แล้วจะอยากรู้ชื่อไปทำไม

“เอ่อ… ใช่พี่ทะเล เขามาช่วยหา ” ผมอยากจะกรี๊ด ๆ ให้ดังเลย ที่ผมได้เรียกชื่อพี่ทะเล ต่อหน้ามัน

“ก็ว่าแล้วเชียว ขอบคุณนะคะพี่ ที่ช่วยเพื่อนเมหา ”

เมหันไปขอบคุณพี่ทะเลก่อนที่พี่ทะเลขอตัวแยกไป หลังจากเหตุการณ์นั้นจบลงผมก็มานั่งรอสัมภาษณ์กับเม

จู่ ๆ ตังเมก็ถามซันขึ้นมาว่า

“ซัน”

“หืม มีอะไรหรอ”

“เมไม่เข้าใจ ซันจะถามชื่อพี่เขาทำไมในเมื่อซันกับเม ก็รู้จักพี่เขา”

“…” ใบ้แดกเลยทีนี้ ไปต่อไม่เป็นเลย

“ไม่มีอะไรหรอก ซันแค่อยากเรียกชื่อพี่มันดูสักครั้งอ่ะ ” ผมตอบเมไปแบบนั้นทั้ง ๆ ที่ใจผมเองก็สั่น

เหมือนเลือดไปเลี้ยงหัวใจไม่พอ จะกี่ปีพี่ทะเลก็ยังทำให้ใจผมสั่นได้เสมอเลยนะครับ
 
“ ป่านนี้แล้ว…ยังชอบพี่เขาอยู่หรอ ”  ผมหันไปมองแผ่นหลังกว้างของคนที่เพิ่งเดินออกไป
.
.
.

“อื้ม…” 


To be Continue…


Talk Talk with Me...

ถ้าอ่านแล้วอย่าลืมคอมเมนต์ ติชมกันด้วยนะครับ
คอมเมนต์เถอะนะเราอยากอ่าน

ปล.อิมเมจของซันที่เราวาดภาพในหัวไว้คือเด็กผู้ชายธรรมดา ๆ คนหนึ่งที่มีไอเทมประจำตัวคือแว่นสายตา สูง 178 ซม. ถ้าเทียบกับพี่ทะเลที่สูงกว่า 5 ซม. เวลายืนข้าง ๆ กันจะดูสูงไล่เลี่ยกันเลย ส่วนตัวเราชอบให้พระนายเขาสูงเกือบเท่า ๆ กันนะครัช



twitter : @Sunrise63120863
#NicetoSeaYouAgain
หัวข้อ: Re: Nice to Se(a)e You Again.___Chapter 2 มาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: nattha_Kkhung ที่ 06-08-2018 21:01:35
#Chapter2-เดิน
…..

     ผ่านมาแล้ว 2 อาทิตย์ตั้งแต่วันสัมภาษณ์ ตอนนี้ผมกับเม เรามาเข้าค่ายกิจกรรมของวิศวฯ ที่มหาลัย เป็นเวลา 5 วัน ตั้งแต่มาถึงค่ายผมก็ได้รับการดูแลอย่างดีจากพี่ปีสอง ทั้งช่วยยกกระเป๋าขึ้นหอพัก แนะนำสถานที่ใน ม. นี้ ตลอดค่ายผมต้องนอนที่หอในที่ทางคณะจัดให้ ร่วมกับเพื่อนต่างภาควิชาอีก 3 คนต่อห้อง จริง ๆ ห้องนึงมันก็ไม่ได้ใหญ่อะไรมาก ทำไมต้องให้นอนถึง 4 คน   แต่เอาเถอะอยู่แค่ไม่กี่วันเอง ทนๆ เอาหน่อย

     หลังจากเอาของเก็บเรียบร้อยแล้ว ปีสองให้พวกผมไปรวมที่โรงยิม ซึ่งอย่างที่บอกตอนนี้ผมแยกกับเม แล้วผมต้องเดินไปเอง แน่นอนว่า คนอย่างผมนั้น…หลงทางอีกแล้ว

“ลุง ๆ ครับ โรงยิมที่เขาจัดค่ายวิศวฯ ไปทางไหนหรอครับ ” ผมถามลุงยามที่ยืนอยู่ตรงป้อม

“มาใหม่ละสิ…”ผมยิ้มพร้อมกับเกาหัวแก้เขิน 

“ครับ”

“โรงยิมอยู่เลยคณะแพทย์ไป เกือบสุดหลัง ม เอ็งเดินไปตามทางนี่เรื่อย ๆ ที่เอ็งเดินมา เดี๋ยวก็ถึง ”

“ก็คือให้ผมเดินตรงไปเรื่อย ๆ เหรอครับ”

“ใช่ๆ โรงยิมจะอยู่ทางขวามือ ”

“ขอบคุณครับลุง”

“แต่เอ็งแน่ใจนะว่าจะเดิน…มันไกลเอาเรื่อง” ผมพยักหน้าเป็นเชิงว่าไม่เป็นไร ผมเดินไปได้

แล้วผมก็เดินไปตามที่ลุงบอก แต่คงจะจริงของลุงผมเดินมาจะห้านาทีแล้ว ทำไมยังไม่เจอใอ่โรงยิมที่ว่าเลย แล้วทำไมตอนผม
เดินมา ไม่มีใครผ่านมาทางนี้เลยเหรอ มันเป็นเวรกรรมอะไรของผมเนี่ย อ้ากกกก อยากจะกลิ้งไปให้รู้แล้วรู้
รอด แต่ก็เกรงใจเสื้อตัวโปรดที่ใส่อยู่

กริ๊งๆ …กริ๊งๆ

เสียงใครสั่นกระดิ่งว่ะ แต่ผมไม่ได้สนใจเลยเดินต่อไป เพื่อที่จะได้ถึงไว ๆ

“น้อง น้อง…”  ผมก็สงสัยมันเรียกน้องไหนวะ อ้าวว จะน้องไหน ก็ผมนั่นแหละ มีแต่ผมคนเดียวที่เดินอยู่ตรงนี้ แต่เอะทำไมเสียงที่เรียกมันถึงคุ้นหู ฟังดูแล้วใจสั่นชอบกลแหะ ผมหันหลังไปตามเสียงเรียก

คุณพระ!!!!! ถ้าแต้มบุญผมยังมี ผมว่าจะหมดก็คราวนี้แหละ จะอะไรสะอีก คนที่ผลาญแต้มบุญที่ว่าก็คือ พี่ทะเลนั่นไง แหมถ้าพี่มึงจะปั่นจักรยาน พร้อมกับกดกริ่งชิว ๆ แล้วหน้ายังหล่อแบบนี้ แต้มผมที่มีก็หมดพอดี

“ครับ ?”

“อ้าว น้องที่ทำแว่นตกวันนั้น ” ดีจังที่มันจำผมได้อยู่

“อ่อ พี่นี่เอง มีอะไรหรอ ”

“ทำไมมาเดินคนเดียว เพื่อนไปไหน” พี่ทะเลคงจะหมายถึงเมละสิ

“ผมแยกกับเมตอนที่เข้าหอพัก แล้วพวกปีสองให้ปีหนึ่งไปรวมกันที่โรงยิม นั่นแหละผมก็เลยมาเดินอยู่นี่ไง”

“ถามนิดเดียว แถสะยาวเหยียดเลยเนอะ ” หะเมื่อกี้ พี่มันว่าผม แถ หรอ ถ้าฟังไม่ผิด

“ป่าวแถ เรื่องจริงเว้ย ” จู่ๆ พี่ทะเลก็ยื่น เท้าเข้ามาหมายจะเตะผม

“น้อย ๆ หน่อยนะมึง พูดวงพูดเว้ย กับรุ่นพี่”

“มีไรอีกปะพี่ ถ้าไม่มีผมจะได้เดินต่อ” นั่นสิถ้าไม่มีผมจะได้รีบไปเสียทีไม่งั้นสายแน่ พี่มันก็ไม่ตอบอะไร ผมเลยหันกลับไปเดินต่อ แต่…

“ เดี๋ยวก่อน…ขึ้นมาเดี๋ยวกูไปส่ง มันไกลมึงเดินไปกว่าจะถึง  ” โอ้วววว วอ แหวนล้านตัว ทำไมแต้มบุญคราวนี้มีแถมโบนัสด้วยรึไงว่ะ โชคดีสุดทั้งได้คุย แล้วก็จะได้ซ้อนอีก ในเมื่อพี่มันทอดสะพานบุญขนาดนี้ มีรึที่คนสายบาปอย่างผมจะพลาด

ผมไม่รอช้ารีบขึ้นไปนั่งซ้อนหลังคนปั่น พี่มันก็ปั่นออกไป ระหว่างทางผมก็ถือวิสาสะเอามือถือขึ้นมาถ่ายรูป
พี่มันจากมุมข้างหลัง ตรงนี้ แต่มันจะดีกว่านี้ถ้าพี่มัน ….

“พี่ปั่นดี ๆ ดิ จะส่ายไปส่ายมาทำไม ”

“ก็ตัวมึงหนัก…แดกช้างมาหรือไง”

“เกี่ยวที่ไหน พี่ปั่นไม่เป็นเองอ่ะดิ”

“ตลก กูปั่นแบบนี้ทุกวัน  กูยังไม่ได้ถามมึงเลย ทำไมมาเดินทางนี้ “

“ก็ผม…”

“ไม่รู้หรือว่าทางนี้ช่วงซัมเมอร์ไม่ค่อยมีคนผ่าน นาน ๆ จะมีคนหล่อ ๆ อย่างกูผ่านมาสักที ”

“ถ้าผมรู้ว่าเป็นพี่ที่ผ่านมา…อุก” กำลังจะพูดเลยเชียวจู่ ๆ พี่มันก็เบรกสะงั้น ทำให้หน้าผมซบเข้ากับเอวของมันพอดี

“ถึงแล้ว ลงไป ” ผมมองดูรอบ ๆ ถึงแล้วหรอว่ะ อะนั่นไงโรงยิม ผมก้าวลงจากจักยานของมัน

“ขอบคุณนะพี่ ”

“อืม… กุแนะนำมึงนะ ถ้ามึงจะหลงทางบ่อยขนาดนี้มึงไปซื้อแผนที่ของ ม นี้มาดูนะ กูเห็นแล้วกูเหนื่อยแทน หลงทางตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ ” 

   หืม เมื่อกี้พี่มันพูดอะไรนะ หลง ๆ ทางตั้งแต่วันแรก เอะพี่มันรู้ได้ไง คิดได้แบบนั้นก็เลยจะผมกำลังจะอ้าปากถามมันแต่มันกลับตัดบท ไม่ทันให้ผมถามอะไร..

“กูไปละ กูรีบ ถ้าโชคดีคงได้เจอกันใหม่  ”

   พี่ทะเลก็ปั่นจักยานออกไปทันที แต่ก็เอาเถอะวันนี้มีแต่เรื่องดี ๆ สงสัยแต้มบุญผมจะยังเยอะอยู่ คิดแล้วก็ เห้ออออ เห้ยยยยยยย บ้าชิบ อีกสามนาทีจะถึงเวลานัด ผมพักเรื่องพี่ทะเลเอาไว้ก่อน แล้วรีบวิ่งเข้าไปที่โรงยิม ทันที

   หลังจากทำกิจกรรมและนัดหมายกำหนดการของวันพรุ่งนี้เสร็จ พวกสโมฯ ก็ปล่อยให้ปีหนึ่งกลับหอ พักผ่อนตามสบาย ตอนนี้ผมกับเม กำลังนั่งกินข้าวที่โรงอาหารกลาง เพราะเป็นโรงอาหารเดียวที่ยังเปิดขายอยู่ตอนซัมเมอร์ ผมเล่าให้เมฟังถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับผมวันนี้ เมก็บ่นผมเหมือนเคย ว่าทำไมไม่ถามพี่สตาฟ ทำไมไม่ถามเม บ้าง ทำไมๆ หนึ่งชุดใหญ่

“แล้วพี่ทะเลเขาเป็นไงบ้าง”

“ก็ยังหล่อเท่ เหมือนเดิมนะ…โอ๊ย” ผมร้องขึ้นมาเพราะเมเอาซ้อมมาจิ้มมือผม

“เมหมายถึงท่าทีของพี่เขาน่ะ ว่าแสดงออกเป็นไงบ้าง ”

“อ๋อ…ก็ปกตินะเม พี่มันก็กวนตีน ชวนเราคุยปกติ  ”

“แล้วซันละ บอกไปยัง เรื่องนั้น”

“เรื่องอะไรหรอ ? ” ผมถามออกไปอย่างสงสัย แต่สิ่งที่ได้กลับมาไม่ใช่คำตอบแต่เป็น ส้อมอันเดิมจิ้มลงมาที่แขนผม แหมคราวนี้เปลี่ยนแล้วเหรอเม ฮ่า ๆ

“ยังจะถามอีกว่าเรื่องอะไร ซันลืมไปแล้วหรอว่าซันเลือกมาเรียนที่นี่ มาเพราะอะไร ไม่สิ ต้องบอกว่ามาเพราะใคร ? ”

“ไม่ลืมหรอกเม  แต่ซันไม่กล้าอ่ะ ซันกลัวว่าถ้าบอกไป แล้วพี่เขาปฏิเสธ แล้วพี่เขาไม่มองหน้าเราอีก ซันกลัวทำใจไม่ได้อ่ะ ” ผมบอกเหตุผลกลับเม ไปตรง ๆ

“ไม่เห็นเป็นอะไรเลย ซันก็จะได้รู้ไง ว่าพี่เขาคิดเหมือนกันกับซันไหม เพราะเท่าที่ฟังจากที่ซันเล่ามานะ มันก็พอมีโอกาสเป็นไปได้บ้างว่า พี่ทะเลเองก็สนใจซันนิดๆ นะ ”

“ทำไมเม ถึงคิดแบบนั้นอะ ”

“ปกติแล้ว ไม่มีใครเขาจำคนที่เพิ่งเจอกันได้ไม่ถึง 3นาที นานเป็น อาทิตย์ สองอาทิตย์หรอกนะ ถ้าคนนั้นเขาไม่ได้สนใจอยู่แล้ว ” หืมม ถ้าเป็นจริงอย่างที่เม บอก ผมก็มีความหวังอ่ะสิ แต่…

“แต่ซันไม่อยาก คิดเข้าข้างตัวเองอ่ะ เพราะเท่าที่เห็นมันยังไม่ชัดเจนพอที่จะ ให้เชื่อแบบนั้น ”

“งั้นซันต้องเป็นฝ่ายแสดงออกก่อน ”

“ยังไงอ่ะ”

“แสดงออกไปเลยว่า ซันชอบ ซันจะจีบพี่เขา  ”

“จะดีหรอเม ?”

“ดีสิ…ซันฟังเมนะ ซันเคยปล่อยให้พี่เขาเดินจากไป โดยที่ซันไม่ได้ทำอะไรเลยสักอย่าง ซันเอาแต่พูดว่าชอบพี่เขาอย่างนั้น อย่างนี้กับเม ซันเคยพูดแบบนี้ให้พี่เขารู้ไหม โอกาสมาถึงแล้วนะ ซันจะปล่อยไปอีกหรอ”

ก็จริงของเม ตอน ม ปลาย ผมเอาแต่มองพี่มันอยู่ฝ่ายเดียว ไม่กล้าที่จะทำอะไรเพราะกลัวการถูกปฏิเสธ แต่ในเมื่อวันนี้ผมมีโอกาส โอกาสที่จะได้คุยกับพี่ทะเลมากขึ้น ผมจะไม่ปล่อยโอกาสนี้ไปแน่

“ได้เลยเม ซันจะทำตามที่เมบอก ซันจะจีบพี่ทะเล ซันจะทำให้พี่ทะเลชอบซันให้ได้ ”

“เมเอาใจช่วยนะซัน ” เราทั้งคู่ต่างยิ้มให้กัน แล้วก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อ
.
.
.
พี่ทะเล ครับรอผมก่อนนะ ผมจะทำให้พี่ชอบผมให้ได้


To be continue…
หัวข้อ: Re: Nice to Se(a)e You Again.___Chapter 2 มาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 08-08-2018 08:22:42
ขอบคุณครับ กด +1 ให้นะครับ :a9:
หัวข้อ: Re: Nice to Se(a)e You Again.___Chapter 3 มาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: nattha_Kkhung ที่ 08-08-2018 16:46:44
#Chapter3-เรื่องบังเอิญ(ไม่)มีอยู่จริง

....

ชีวิตในค่ายวิศวฯ แต่ละวันของผมจะว่าสนุกก็สนุก จะว่าเหนื่อยก็เหนื่อย มีเรื่องให้ตื่นเต้นอยู่บ่อย ๆ ตั้งแต่กลับจากโรงยิม พอกินข้าวเสร็จทุกคนคงคิดว่าผม จะได้เดินกลับเข้าหอแบบใส ๆ แต่เปล่าเลย

“เชียร์ เชียร์ เชียร์ !!! ”

     เสียงตะโกนดังขึ้น ทำผมสะดุ้งเล็กน้อย พร้อม ๆ กลุ่มพี่ว้าก ชายหญิง 10กว่าคน เดินเข้ามา   แน่ละ ผมเตรียมใจมาแล้วว่าถ้าเลือกเรียนคณะนี้ เรื่องว้ากถือเป็นเรื่องปกติ  แต่พี่ครับ ถ้าพี่จะว้ากผมพี่ช่วยหาที่ที่มันดีกว่านี้ได้ไหม ไม่ใช่ให้ผมมานั่งตากฝนแบบนี้

“ระเบียบเชียร์นั่งไง ว่ะ ” พี่ว้ากคนนึงพูดขึ้น

“หลับแล้วมั้ง ” นี่ก็อีกคน เสริมกันเก่งจริง ๆ

     ผมมองหน้าพวกพี่ว้าก คิดในใจ หน้าพี่เขาเป็นไร ทำไมมันตึงจังวะ ฉีดโบท็อกกันมาเหรอ ฮ่า ๆ

“เชียร์ เชียร์… ”  ผมตบมือลงตักตามคำว่าเชียร์ ที่พวกนั้นสั่ง ตบจนเข่ากับมือ แสบไปหมดละ เมื่อไหร่ มันจะหยุดสั่งสักที

“วันนี้ พวกผมจะมาบอกพวกคุณ เกี่ยวกับกฎของการอยู่ค่ายครั้งนี้ ”

“พวกคุณจะต้องปฏิบัติตาม อย่างเคร่งครัด ทราบ !”

“ ทราบ! ” ปีหนึ่งตอบกันอย่างพร้อมเพียง
.
.
.
         จากนั้นพวกพี่ว้ากก็ร่ายกฎให้ฟังกันยาว ๆมันเยอะสะจนผมสติหลุด ไม่อยากฟัง ฝนก็ตกลงมาเรื่อย ๆ ถึงมันจะไม่หนักอะไรมาก แต่นั่งตากแบบนี้นาน ๆ มันก็เปียกได้ปะว่ะ ไม่เข้าใจพวกพี่เขาคิดไรกัน แต่เหมือนการว้ากจะใกล้จบแล้ว ผมพาสติตัวเองกลับมาอีกครั้ง

“ที่นี่เขาอยู่กันเป็นคณะ มาก่อนเป็นพี่ มาหลังเป็นน้อง มาพร้อมเป็นเพื่อน! ”

“อย่าให้พวกผมเห็นว่าพวกคุณทิ้งเพื่อน หรือมีคนเดินคนเดียว ทราบ ! ”

“ทราบ! ”

“เชียร์ เชียร์ ! ”

“เฮ้ย หลับแล้วมั้ง เชียร์ เชียร์ เชียร์ ”

“ผมง่วงแล้วพี่ ”

“อากาศน่านอนครับผม” เสียงพี่ว้ากพูดขึ้นเหมือนกะจะพูดเสี่ยมในสิ่งที่พวกปีหนึ่งคิดเลยแหะ

“ก้มหน้าลงไป ก้มลงไปดิวะ ” ผมก็ก้มตามที่สั่ง แต่จะมีแอบมองดู ก็เห็นพวกพี่ว้ากค่อย ๆ เดินออกไปจากบริเวณลานกว้างของหอใน 

“มองไรกัน ไม่เคยเห็นเหรอวะ ” จู่ ๆ เสียงทั้งหมดก็เงียบ ไม่มีมครพูดอะไรออกมา จนได้เสียงคนหลายคนวิ่งเข้ามา

“น้องครับเงยหน้าขึ้นได้ เงยขึ้นเร็ว ”

      ผมเงยหน้าขึ้นก็เห็นเป็นพวกพี่ปีสองเดินกันเข้ามา พี่เขาก็ชวนคุย ถามว่าเมื่อกี้พี่ว้ากเขาคุยอะไรกับพวกผมไปบ้าง ประธานรุ่นปีผมก็ออกไป คุยกับพวกพี่ เขา ก็คุยกันไปสักพัก พี่เขาก็นัดแนะว่า พรุ่งนี้จะทำอะไรบ้าง

“ เอาละครับน้อง เดี๋ยวพวกพี่จะปล่อยพวกน้องเข้าห้อง ไปอาบน้ำ ให้เรียบร้อยแล้ว แล้วรีบเข้านอนนะครับ เพราะพรุ่งนี้เราต้องตื่นกันแต่เช้า ใครที่ขาดเหลืออะไร หรือไม่สบายอยากได้ยาให้บอกพวกพี่สตาฟได้นะครับ มีคำถามอื่นอีกไหม ? ”

“………” ไม่มีเสียงตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก

“ถ้าไม่มี แยกย้ายเข้าห้องของตัวเองเลยครับ ”

       พอพี่เขาพูดจบผมก็รีบเดินไปที่ห้องที่ผมเอาของมาเก็บไว้ตอนเช้า พอเข้าไปก็เห็นคนนึงอยู่ในหอแล้ว ก็คุยกันไปสักพักถึงรู้ว่า รูมเมทผมในค่ายคนนี้ ชื่อ เน เนเป็นเด็กต่างจังหวัดมาจาก กทม. ผมกับเนคุยกันถูกคอ ทำให้เราสนิทกันไวขึ้น

“กูว่าห้องเราคงมีแค่เราสองคนแล้วละ ไม่เห็นมีใครมาเพิ่มเลย ” เนบอกผมแบบนั้นซึ่งก็คงจะจริง

“ก็น่าจะเป็นแบบนั้น ... เนจะอาบน้ำก่อนหรือให้เราอาบก่อน ”

“มึงอาบก่อนเลยซัน เดี๋ยวกูขอจัดของก่อนค่อยอาบ” ผมพยักหน้าเป็นเชิงว่าโอเค

“ซัน…,มึงไม่ต้องพูดเพราะก็ได้นะ พูดกูมึงปกติได้เลยเว้ย กูไม่ถือ ”

“ฮ่า ๆ จะพยายามนะ ” ผมก็เข้าไปอาบน้ำ แล้วเปลี่ยนเป็นชุดนอนลาย paul frank ที่ผมชอบ

     ขณะที่ผมกำลังจัดของขึ้นมาวางบนโต๊ะ ผมก็สำรวจดูว่าในลิ้นชักนั้นมีอะไรอยู่ไหม เผื่อจะมีที่ว่างให้ผมใส่ของได้บ้าง พอเปิดออกมาผมก็เจอเข้ากับสมุดโน้ตสีน้ำตาลอ่อน เล่มหนึ่ง ขนาดประมาณ A4 ผมคิดว่าต้องเป็นของเจ้าของโต๊ะนี้ ที่เคยอยู่เมื่อเทอมที่แล้วแต่คงลืมไว้ ผมถือวิสาสะเปิดดูข้างใน มีข้อความเขียนไว้ที่กลางหน้ากระดาษว่า




เดินยังไงไม่ให้หลง ?


โดย


……




    ตรงชื่อเจ้าของสมุดเล่มมันถูกเว้นว่างเอาไว้ แต่เหมือนจะทิ้งร่องรอยจาง ๆ ของดินสอ ที่ลบออกไปไม่หมดแต่ผมไม่สนใจ ว่าใครเป็นเจ้าของเล่มนี้ เพราะถ้าเจ้าตัวอยากให้รู้ป่านนี้ก็ต้องเขียนชื่อกำกับไว้แล้ว ผมค่อนข้างแปลกใจกับชื่อของสมุดเล่มนี้

 “หืม ? เดินยังไม่ให้หลง…คืออะไรว่ะ ”

     ผมอดสงสัยไม่ได้ว่าเจ้าของสมุดเล่มนี้เขาเขียนอะไรไว้ในหน้าถัดไป ผมรีบพลิกดู ก็เห็นเป็นกระดาษใบหนึ่งที่ถูกพับแล้วเย็บติดกับกระดาษสมุด ผมคลี่ออกดู ก็เห็นเป็นรูปแผนที่ของ ม นี้ เป็นแผนที่ที่ถูกวาดขึ้น และตกแต่งด้วยมือ แบ่งสีแยกจุดสำคัญชัดเจน ผมไล่สายตาไปก็เห็นจุดที่ผมเดินไปเมื่อตอนกลางวัน มองเลยไปอีกหน่อยก็เห็นโรงยิม แต่เอะ ทำไมในนี้มันไม่ไกล เหมือนที่ พี่ทะเลมันบอกผม

“สงสัยเจ้าของเล่มนี้ก็เคยเดินหลงเหมือนกันแน่เลย ถึงขั้นต้องทำแผนที่ไว้อ่านแบบนี้ ” ผมคิดได้แบบนั้นก็หัวเราะขึ้นมา ให้กับเจ้าของสมุดเล่มนี้

“ก็ไม่ได้มีแค่เรานิหว่า ที่หลงทาง ”

“ไหน ๆ ก็ลืมไว้แล้ว….”

   ผมโมเมเอาเองเลยว่าสมุดนี่ตอนนี้มันได้กลายเป็นของผมไปแล้ว ถ้ามันเป็นโชค ก็คงจะเป็นโชคดีแน่ ๆ เพราะนอกจากจะได้ซ้อนจักรยานพี่ทะเล ยังเจอสมุดดี ๆ ที่เข้ากับชีวิตของผมตอนนี้มากที่สุด (คิดเข้าข้างตัวเองสุด ๆ ฮ่า ๆ )   

“ซัน…เป็นไรหรือเปล่า ” เนที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จทักผม สงสัยคงเห็นผมนั่งบ่นพึมพำอะไรอยู่

“เปล่า ๆ  ” ผมแก้ตัวรวดเร็ว

“เห็นนั่งบ่นพึมพำอะไรอยู่คนเดียวตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว…”

ผมยิ้มกลบเกลื่อนที่เนถาม

“ไม่มีอะไรก็ดีแล้วล่ะ  ”

“หาววว - O - ง่วงแล้วอ่ะ ขอตัวไปนอนก่อนนะเน ฝันดี ”

“ฝันดีมึง ” เนกับผมก็แยกย้ายกันเข้านอน

“ถ้าเจ้าของสมุด คือพี่ทะเลก็คงจะดีนะ ”



To be continue



Mini Bonus
 
“ฮัลโหล…ไอ่ภูมิ”

“ว่าไง โทรมามีไรวะ ”

“เรื่องที่ให้ช่วย…เรียบร้อยดีไหม ”

“เรียบร้อยดี แต่กว่าจะเข้าไปได้แทบแย่ นี่ดีนะ ที่กูมีพวกเยอะ ถึงได้แอบเข้าไปตอนที่พวกมันกำลังว้าก ”

“โทษทีที่ทำให้ลำบาก ” ปลายสายพูดออกมาตามความรู้สึกของตนที่ต้องให้เพื่อนช่วยในเรื่องแบบนี้

“ขอโทษทำไมวะ…กูเต็มใจช่วย ”

“…”

“มึง…รออะไรอยู่วะ มึงชอบหรือคิดยังไงกับเขา ทำไมมึงไม่บอกเขาไปตรง ๆ เลยวะ มึงทำแบบนี้เขาจะรู้หรอ ”

“ยังไม่พร้อมเลยว่ะ…”

“ไม่พร้อม ๆ สองปีก่อนก็บอกแบบนี้ แล้วไงตอนนี้เขาเดินเข้ามาวนเวียนรอบตัวมึงอีกครั้ง มึงยังจะไม่พร้อมอีกหรอ  ” เพื่อนรักเขาคนนี้ถามได้แทงใจดำสุด ๆ แต่จะทำไงได้วะ ใอ่ภูมิ ความรู้สึกกูๆ ยังไม่มั่นใจเลยว่าที่เป็นอยู่ มันเรียกว่าอะไร ชอบ รัก รู้สึกดี หรือสับสน

“…”

“เอาเถอะ ๆ ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกแล้วกัน ”

“ขอบใจ”

“กูต้องไปประชุมกับสโมฯ ละ ”

“โอเค”

เพื่อนของวางสายไปแล้ว เขาวางมือถือลงบนโต๊ะ แล้วนั่งครุ่นคิดกับความรู้สึกแบบเดิม ที่เหมือนเมื่อสองปีที่แล้ว ที่ได้ย้อนกลับมาทำให้เขารู้สึกแบบนี้ในวันนี้ พลันสายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นรูปถ่ายที่ถูกใส่กรอบไม้ ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะของเขา เป็นภาพถ่ายของใครสักคน ที่เขาเป็นคนแอบถ่ายเอง เจ้าตัวไม่มีทางรู้ เวลาเขาเครียด หรือเบื่อ เพียงแค่ได้มองรูปนั่นหน้าของเขาก็ผุดรอยยิ้มขึ้นมาให้กับคนในรูป ความเครียด หรือความรู้สึกที่เบื่อ ก็หายไปเหมือนกับยิ้มของคนในรูปมีสรรพคุณช่วยบบเทาในเรื่องนี้ 
.
.
.
..

“ยังเหมือนเดิมเลยนะ…”



END Mini bonus 1



Talk  Talk with Me

Chapter 3 นี้ เนื้อเรื่องก็ยังคงเอื่อย ๆ แต่ตอนหน้าขอบอกเลยว่ามี Talayy's  part ให้ทุกคนได้อ่านแน่นอน

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน #NicetoSeaYouAgain นะครับ
หัวข้อ: Re: Nice to Se(a)e You Again.___Chapter 4 มาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: nattha_Kkhung ที่ 13-08-2018 08:41:50
#Chapter4-เจออีกครั้ง

…..

ตึง ตึง ตึง ตึง ตึง

ฮิป ฮิป ฮิป ฮิปโป โอ้โหตัวมันใหญ่ มันเดินอุ้ยอ้าย มันเดินอุ้ยอ้าย ตะลาหล้า ตะละหล้า

    เสียงปีสองฝ่ายสันทนาการประจำฐานกิจกรรมฐานนี้ กำลังร้องเพลงพร้อมตีกลองให้พวกปีหนึ่งเต้น ตามท่าที่พวกพี่มันเพิ่งทำให้
ดู อย่างที่รู้กัน เวลาเข้าฐานกิจกรรมรับน้องพวกนี้ ใครที่ยังหน้าใส ไม่เลอะแป้งเลอะโคลน ผมบอกได้เลยว่าไม่มี หรือถ้ามีแล้วพวกพี่มันเห็นไม่ต้องห่วงครับ คุณจะโดนพวกนั้นรุมทึ้งจับทาหน้า ทาปาก มัดผมให้ตลกโปกฮาให้สาแก่ใจของรุ่นพี่ ฮ่า ๆ

    ส่วนผมนะเหรอ คุณคิดว่ารอดไหม ถ้าคุณคิดว่ารอด คุณคิดผิด !!! จะไปรอดได้ไง๊ ผมโดนตั้งแต่เข้าฐานแรก หน้าผมตอนนี้เลอะแป้ง ไม่ใช่แค่หน้าหัวผมก็ด้วย ไหนจะปากผมที่พี่ท่านบรรเลงลิปสติกลงกันมันมือ   

    กว่าจะผ่านมาได้แต่ละฐาน ผมต้องมุดท่อ กลิ้งในโคลน ลุยน้ำ ยังกะเข้าค่ายทหารก็ไม่ปาน จนตอนนี้ผมมา
อยู่ฐานสุดท้ายละครับ ผมคิดว่าฐานนี้ไม่น่าจะมีอะไรละนะ แต่ผมคิดผิด

“น้องซัน หน้ายังใสอยู่เลยอ่ะ ” พี่ผู้หญิงคนนึงพูดขึ้น ขณะที่ผมกำลังนั่งรอในฐาน

“ใสหรอครับ หน้าผมไม่มีที่ว่างจะให้เขียนแล้วนะพี่ ” ผมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ชวนให้สงสาร

“แต่พี่ว่า ตรงแก้มเราอ่า มันใสจริง ๆ นะ ”

“มา ๆ เดะพี่เติมให้ ” พี่แกไม่พูดเปล่า หยิบเอาลิปสติก ละเลงเขียนบนแก้มทั้งสองข้างผม ถูวนไปมา จะสิบรอบระ

“โห……………..พี่ถู ขนาดนี้หน้าผมเป็นรูแล้วมั้ง ”

“เสร็จแล้วจ่ะ เห็นไหมดูสิสวยขึ้นมากเลยนะคะซิส” เมื่อกี้พี่แกเรียกผมว่า ซิส ๆ อะไรนะ ระหว่างนั้นพี่ผู้ชาย
ที่ดูเหมือนจะเป็นตัวเด่นของฐานนี้ ก็ได้ประธานรางวัลในฐานะบิวตี้บอยด์ให้กับผม อีก 

“เอาละครับ น้อง ๆ ฐานนี้ไม่อะไรมาก พี่เห็นว่าพวกเราเหนื่อยมาจากฐานอื่นแล้ว ”

“….”

“เดี๋ยวพี่จะขออาสาสมัคร ออกมาสนุกกับพวกพี่ ”

ทุกคนต่างหันซ้ายขวามองหาช้างเผือกในฝูงควายป่า บางคนก็พยักหน้าเพยิดๆ เกี่ยงกันทำนองว่า มึงออกไปสิ อีกฝ่ายก็ไม่ยอม ก็บอกมึงนั่นแหละ แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่มีใครออก แล้วในที่สุดการรอคอยก็หมดลงเมื่อ

“เอะ เมื่อกี้พี่เห็นเรายกมือ จะอาสาออกมาใช่ไหม ” เรา เราไหนวะ ผมหันซ้ายขวา เพื่อดูว่าใคร
“ไม่ต้องหัน เรานั่นแหละ…ที่ใส่แว่นมัดจุก แก้มแดงเหมือนตูดลิงอ่ะ ” เห้ยยยไหงหวยมาออกที่ผมอ่ะ แบบนี้มันมัดมือชกกันชัดเลย ผมไม่ยอมๆๆๆ แต่ไม่ยอมก็ต้องออกอยู่ดี ฮ่า ๆ

“น้องซัน ” รุ่นพี่จับป้ายชื่อที่ห้อยคอผมอยู่ขึ้นมาอ่าน

“ครับพี่ ? ”

“อยู่สาขาไหนครับ ”

“IE ครับ” 

“หู้วววว เด็ก IE เขาบอกว่าเรื่องเต้น นี่ตำนานของคณะเลยนะ ”

“แหะ ๆ ผมไม่รู้เหมือนกันอะครับ ” ผมตอบไปตามตรงเพราะ มันยังไม่เปิดเทอมนิ ผมจะไปรู้ได้ไงว่าพวกรุ่นไปสร้างชื่ออะไรไว้บ้าง

“ของแบบนี้มันอยู่ในสายเลือด เอางี้ดีกว่าเพื่อไม่ให้เสียเวลา พี่ให้เราโซโล่เดี่ยวไป เลย ”

“หื้มมมมม โซโล่อะไรพี่ ? ”.

“มัดหมี่ ”

“….”

“เดะพี่จะให้เพื่อนพี่เต้นให้ดูก่อน แล้วเราค่อยทำตาม…ใอ่พัด มัดหมี่ สักรอบดิ ”

พี่มันหันไปรียกเพื่อนมันอีกคนที่ยืนอยู่ใกล้ ผมดูจากหน้าตาพี่แกแล้ว หน้าแบบนี้ ท่าทางแบบนี้ มึงสาย
แดนซ์ใช่ไหมพี่ พอนึกถึงว่าจะต้องเต้นอะไรตามพี่คนนี้ จู่ ๆ มันก็เสียวสันหลังวาบขึ้นมา ฮ่า ๆ

“เดี๋ยวพวกเราช่วยกันร้อง นะ ” พี่คนเดิมหันไปบอกทุกคนในฐานนี้ ระหว่างนั้นพี่พัดสายแดนซ์ ก็ตั้งท่า
เตรียมมือทั้งสองจับที่เอว จิกขาขวาแล้วแอ่นอก เต็มที่

“มัดหมี่พร้อม! ” พี่พัดเริ่มสั่งบรรดากองเชียร์

“พร้อม ”

“มัดหมี่พร้อม 3 4  ”

“มัดหมี่ มัดหมี่ มัดหมี่ขูดมะพร้าวทำกับข้าวอยู่ในครัว มัดหมี่ไม่รู้ตัวถูกคนชั่วลากตัวไป….” 

เพลงก็ถูกร้องขึ้น พร้อม ๆ กับพี่พัดที่เริ่มบรรเลงสเต็ปแดนซ์ ของมันไป ทีแรกผมก็เฉย ๆ นะ  แต่พอร้องมาถึงท่อน

“เอาไม้แหย่รู ถูๆ ไถๆ แสบๆ คันๆ มันๆปนกันไป ” พี่พัดมันก็เอามือไปลูปเป้าของมัน แค่นั้นไม่พอ ยังร้องเสียงกระเซ่า ออกมาอีก อ้ากกก นี่ผมต้องเต้นแบบนี้จริง ๆ หรอ

“เอาละ ถึงตาน้องซันแล้ว พร้อมไหม”

“ไม่พร้อมอะครับพี่ T T ” ผมตอบออกไปพร้อม ๆ กับหน้าที่เริ่มแดงเพราะอาย

“สู้เขาใอ่น้อง พิสูจน์ให้เขาเห็นว่า เด็ก IE เป็นเจ้าแห่งการเต้น ”

“….”

“ทุกคนช่วยกันร้องนะ มัดหมี่พร้อม ”

“พร้อม !” เสียงกองเชียร์ในนั้นขานตอบ แหมพร้อมเพรียงกันดีเนอะ เอาก็เอาว่ะ กลั้นใจเต้นไป เดี๋ยวมันก็ผ่าน  ผม

“มัดหมี่ มัดหมี่  มัดหมี่ขูดมะพร้าว …” ผมก็ก็เริ่มออกสเต็ปที่จำมาจากพี่พัด ใส่ให้มันหมด

“เอาไม้แหย่รู ถูๆ ไถๆ ….”

“โอยยย ซีดดดดดด….. ” 

พอถึงท่อนนี้ผมก็ใส่ให้เต็มแม็กซ์ ทั้งเสียงกระเซ่า พร้อมลูปเป้า เอามาให้ครบ นึกแล้วก็อายตัวเองจริงๆ  ผม
ไม่รู้ว่าเต้นนานเท่าไหร่ รู้แต่พี่มันพาพวกปีหนึ่งร้องวน ไปจะสิบรอบละ แล้วนั่นน่ะจะกรี๊ดอะไรกัน ผมเขินนะเว้ย

 “เอ้า…พี่มึง ทำไมพาร้องวนแบบนี้ละวะ แกล้งกันปะเนี่ย ” ผมคิดในใจ

ตึง! เหมือนจะหยุดร้องกันแล้ว “แหมนี่ขนาดไม่พร้อมนะเนี่ย อ่ะทุกคนปรบมือให้น้องซันกันหน่อยเร็ว  ”

“ไหน น้องซันก็โชว์สเต็ปเท้าไฟขนาดนี้ พี่ก็ของรางวัลพี่เศษให้ ”

“หา! รางวัลอะไรหรอพี่” ผมถามออกไปอย่างรวดเร็วเพราะฐานก่อนหน้าไม่เห็นจะมีรางวัลอะไรให้เลย

“ถ้าอยากรู้ว่ารางวัลคืออะไร เข้าไปดูกันได้ที่เพจเฟซบุค

 “สมโมสรนิสิตคณะวิศวกรรมศาสตร์ WRR นะครับ ”  “

และรางวัลที่พี่มันบอกคือ


สมโมสรนิสิตคณะวิศวกรรมศาสตร์ WRR

1 ชั่วโมงที่แล้ว

น้องซันมัดหมี่ #สเต็ปเทพ #เอวพายุ #เสียงเร้าใจ  จากสตาฟ IE ปี 2

#EngineerSummerCamp

คลิปวิดีโอ
………..

รับชม 1213 ครั้ง           

“เห้ย…..ได้ไงวะ ”  ใช่มันเป็นยังงี้ได้ไง ทำไมรางวัลที่ว่าคือคลิปผมที่ถูกอัพลงเพจของสโมฯ แล้วไหนจะพวกสตาฟฐานนั้น คือพวกพี่ IE อีก   ไหนจะยอดดูพันสองนี่อีก คิดแล้วก็ได้แต่ปลง

“ฮัดชิ้ว ! ฮัดชิ้ว “ ตั้งแต่เลิกฐานกิจกรรม ผมก็เดินจามมาตลอดทางที่จะไปหอ แหงละ โดนทั้งลุยน้ำ ตากแดด อีก รู้สึกไม่สบายตัวขึ้นมาเลยแหะ แต่โชคดีที่กิจกรรมนี้จัดในวันสุดท้ายพอดี พรุ่งนี้ผมก็กลับบ้านละ ขืนเป็นหวัดตอนอยู่ค่าย มีหวังพ่อแม่ผม มาพากลับบ้านแน่ 

“ฮัดชิ้ว! โอ๊ย ”

ตอนนี้ผมเดินมาถึงหน้าตึกคณะแพทย์พอดี คณะแพทย์ของที่นี่ตั้งอยู่ใกล้กับโรงพยาบาล ผมว่าผมควรจะแวะเข้าไปเอายาหน่อยก็ดีนะ ใช่ว่าพวกสตาฟจะไม่มียานะ แต่ไหน ๆก็ผ่านมาแล้ว แวะเข้าไปหน่อยก็ดี แต่พอเห็นคนที่มารอตรวจแล้ว คาดว่าระหว่างที่รอผมคงจะหายหวัดกันพอดี ผมถอดใจ เลยจะไปเอายาที่สตาฟแทน แต่ตอนออกมา ผมมองไปยังคณะแพทย์ก็เห็น พี่ทะเลมันเพิ่งจะจอดจักรยานแล้วกำลังจะเดินเข้าตึก ไม่ได้การละไหน ๆ ก็ไม่ได้ยากินละ ขอยาใจก็ได้วะ

ผมรีบวิ่งจากโรงบาลตรงไปยังพี่ทะเล ที่กำลังรีบร้อนจะเข้าไปในตึก เจ็บคอก็เจ็บแต่เพื่อยาใจแล้ว

“พี่ทะเล !! พี่ทะเล ”

ผมตะโกนเรียกพี่มันเอาไว้ ได้ผลพี่มันหันมาแล้วเหมือนจะตกใจเล็กน้อยที่เห็นผมในสภาพที่เสื้อผ้าหน้าผมเลอะแป้งเปื้อนโคลน แล้วไหนจะผมจุกนี่อีก ถ้าไม่ด้านจริงผมไม่กล้ามาทั้งชุดแบบนี้นะเนี่ย

“ใครวะ นั่น ??” พี่ทะเลถามผม

“ผมเองพี่ ”

“ผมไหนวะ…ทาหน้าทาตามาขนาดนี้จะไปเล่นตลกหรือไง ”

“ผมซันเองพี่ ”

“อ๋อ ใอ่เด็กที่ทำแว่นตก มีไร ?? ”

“มีดิพี่ ”

“สำคัญมากปะ ถ้าไม่มามึงรอกูแปปนึง เดี๋ยวกูมา ”

ไม่รอให้ผมตอบพี่มันก็รีบวิ่งเข้าไปในตึก ผมตัดสินใจอยู่สักพักสรุป ว่าจะรอพี่มันแล้วกัน ตอนนี้เที่ยง เหลืออีกตั้ง 5 ชั่วโมงก่อนจะถึงเวลาที่สโมนัด ผมเลือกที่จะไปรอพี่ทะเลที่ข้างในตึก เพราะข้างนอกนี่มันร้อน ผมสู้ไอร้อนจากแดดไม่ไหว พอเข้ามาในตึกเจอโซฟาของคณะ ผมก็นั่งรอที่โซฟานี้ 

ด้วยความที่หน้าผม เสื้อผ้าผมเลอะเทอะ ใครต่อใครผ่านไปก็มอง แล้วก็หันกลับไปหัวเราะบ้าง ยิ้มบ้าง แต่ตอนนี้ผมเริ่มง่วง เพราะเพลียและเหนื่อย จากการเข้าฐาน พอมาเจอแอร์เย็น ๆ  เลยทำให้

ผมเผลอหลับไป





Talay’ part 1

……


“ฮัลโหล เล มึงอยู่ไหนแล้ว ? ” 

“กูกำลังจะถึงหน้าคณะแล้ว ” ผมตอบใอ่ไบร์ทเพื่อนผมไป ไม่รู้มันจะโทรจิกอะไรนักหนา ผมปั่นจักรยานนะไม่ได้เหาะมา

“ไว ๆ นะมึง เดี๋ยวอาจารย์แกหนีกลับไปก่อน ไม่ได้เซ็นวันนี้ พวกเราซวยแน่ ” ใช่ครับซวยแน่เพราะพวกผมต้องให้อาจารย์เซ็นรายงานการวิจัยที่พวกผมอุตส่าพากเพียรทำกันมาตั้งแต่ก่อนปิดเทอมจนจะเปิดเทอมแล้ว อาจารย์แกก็หาตัวจับยากเหลือเกิน นัดแล้วเลื่อนแล้วเลื่อนอีก

ผมปั่นจักรยานเข้ามาจอดที่จอดรถหน้าคณะ ทันที ผมรีบหยิบกระเป๋าจากตะกร้าหน้าจักรยานมา และตอนนั้นเองขณะที่ผมกำลังจะวิ่งเข้าตึก ผมได้ยินเสียงคนเรียกชื่อผม
 
“พี่ทะเล !! พี่ทะเล ”

ไม่ผิดแน่ เสียงนี้ ผมหันไปเห็นหน้ามันที่ตอนนี้มีแต่อะไรเต็มไปหมด แทบจำไม่ได้ เกือบจะหลุดขำออกมา แต่กลั้นไว้ได้ทัน

“ใครวะ นั่น ??” ผมแกล้งถามมัน

“ผมเองพี่ ”

“ผมไหนวะ…ทาหน้าทาตามาขนาดนี้จะไปเล่นตลกหรือไง ” ฮ่า ๆ

“ผมซันเองพี่ ”

“อ๋อ ใอ่เด็กที่ทำแว่นตก มีไร ?? ”

“มีดิพี่ ”

“สำคัญมากปะ ถ้าไม่มามึงรอกูแปปนึง เดี๋ยวกูมา “

ผมบอกให้มันรอผมก่อนเพราะตอนนี้ ผมมีธุระสำคัญจริง ๆ แต่ก็ไม่ได้คิดว่ามันจะต้องรอผมจริง ๆ นะ เพราะสภาพมันตอนนี้ ผมว่ามันควรจะกลับไปอาบน้ำมากกว่ามานั่ง รอผม ผมกดลิฟท์ขึ้นไปที่ชั้น 3 ก็เห็นใอ่ไบร์ท นั่งรออยู่หน้าห้อง

“ไปทำไรมาวะมืง ช้าชิบหายเลย ”

“ช้าอะไรของมืง…กูปั่นจักรยานจากหอ กว่าจะมาถึงนี่ โครตไกลเลย  ”

“ไมไม่เอารถมา รถก็มี”

“เอ่อช่างเหอะน่า…แล้วไหนอาจารย์อ่ะ ”

“อยู่ในห้อง รีบเข้าไปเลยเดี๋ยวแกเปลี่ยนใจไม่เซ็นให้ ซวยแน่มึง”

ผมกับไบร์ทเข้าไปในห้องเห็นอาจารย์คอยอยู่แล้ว เข้าไปผมนึกว่าจะเซ็นให้เลย อาจารย์แกก็คุยเรื่องรายงานที่พวกผมทำมา ตินู่นนี่ มีชมบ้าง แต่กว่าจะเซ็นให้ก็ปาไป ชั่วโมงนึง ผมกับไบร์ทที่ตอนนี้ออกมาจากห้องพักอาจารย์แล้ว กำลังลงลิฟต์มาชั้นแรก

“เสร็จสักที กว่าจะได้ลายเซ็นโครตลุ้นเลย ว่าปะเล”

ใอ่ไบร์ทถามผม แต่เหมือนผมไม่ได้สนใจสิ่งที่มันถาม ผมกับโฟกัสไปที่ป่านนี้ แว่นมันจะยังรอผมไหม นะ

“ฟังกูอยู่ไหมเนี่ย”

“ไม่ได้ฟังอะ ”

ผมตอบไปตามความจริง ใอ่ไบร์ททำท่าจะตบหัวผมผมเบี่ยงตัวหลับทัน แต่เหมือนจะสังเกตเห็นว่า ทำไมใครต่อใครที่เดินผ่าน โซฟารับแขกที่ตั้งอยุ่กลางตึก ถึงได้ยิ้มบ้าง หัวเราะบ้าง พอผมกับเดินเข้าไปดูเท่านั้นแหละ ถึงได้เข้าใจ ก็ใอ่แว่นมันนอนหงายแผ่ร่างสะเต็มโซฟาแถมหน้าตามันตอนนี้ยังมีแต่รอยเปื้อนอะไรเต็มไปหมด ฮ่า ๆ

“ฮ่า ๆ ” พวกผมขำออกมาพร้อมกัน แต่เหมือนจะดังไปหน่อย เจ้าตัวที่นอนอยู่ถึงกับสะดุ้งตื่น มันมองมาทางผม

“อ่าวพี่ทะเล แค่ก ๆ มานานยังพี่”
“เพิ่งมา ” ผมตอบมันไปตามความจริง ระหว่างนั้นมันก็ยัง ไอ มาเรื่อย ๆ

“นี่มึงไม่คิดจะแนะนำให้กูรู้จักหน่อยหรอ” ใอ่ไบร์ทมันถามผม

“ใอ่ไบร์ทนี่ ซัน ซันนี่ไบร์ทเพื่อนพี่เอง”

“หวัดดีครับพี่ แค่ก ๆ ”

“เออๆ หวัดดีวะ…ใอ่เลเดี๋ยวกูกลับก่อนนะ กูมีธุระต่อ ”

“อ่อได้ ๆ ” ไบร์ทขอตัวแยกไปแล้ว ทีนี้ก็เหลือแค่เขากับมัน

“พี่…เหมือนผมจะไม่สบายเลยอ่ะ ” ทีมันพูดก็จะจริง

“ไมพี่ทำหน้าแบบนั้นอ่า ไม่เชื่อผมเหรอ เนี่ยไม่เชื่อลองจับดู ”

ไม่พูดเปล่ามันจับมือทั้งสองข้างของผม ไปจับที่แก้มมัน ผมไม่คิดมาก่อนว่ามันจะกล้าขนาดนี้ เล่นเอาผมงง ทำอะไรไม่ถูกเลย ตอนนี้ผมไม่แน่ใจแล้ว ว่าหน้ามันแดงเพราะพิษหวัด หรือ สีที่ทาอยู่กันแน่

“อ่อ….น้องซันครับ จะปล่อยมือกูได้ยัง ” เหมือนจะรู้สึกตัวเลยปล่อยออกจากมือที่จับมือผมไว้อยู่ แล้วนั่นจะก้มหน้ามองอะไรที่พื้น ที่พื้นมีอะไรน่ามอง นี่มองที่กูนี่ กูน่ามองกว่าพื้นนั้นเว้ย

“โทษทีพี่…ผมกลัวพี่ไม่เชื่อ”

“แล้วป่วย แบบนี้ทำไมไม่รีบกลับไปนอนพัก พวกสตาฟคณะมึงไปไหนกันหมด ทิ้งให้รุ่นน้องเดินกลับหอได้ไง  ”

“….” 

ไม่ตอบแหะ ผมพยายามจะล้วงความลับให้ได้ว่าทำไมมันถึงมาที่นี่ การที่มันมาเจอผมอีกก็อยากจะบอกนะว่าเป็นเรื่องบังเอิญ แต่มันบังเอิญเกิดขึ้นบ่อยไป (แล้วไม่ดีหรือไงวะใอ่ทะเลเอ้ย)

“แล้วมาหากู….ให้กูช่วยอะไร ว่ามาสิ”

“คือผม อยากได้ยาอ่ะครับ ”

“ที่สโมไม่มีหรอ พวกยาแก้หวัด ลดไข้ อ่ะ”

ใช่ของแบบนี้มันต้องมีพกติดไว้อยู่แล้ว ถ้านี่เป็นเหตุผลผมจะเลือกเชื่อเป็นอย่างสุดท้ายเลย ผมกำลังรอให้มันคลายเหตุผลที่แท้จริงของมันออกมา ยากตรงไหนวะแว่นพูดออกมาสิเหตุผลจริง ๆ พูดให้ได้ยินหน่อยเถอะ

“…..คือ….อ”

“คืออะไรก็พูดมา รอฟังอยู่ ”

“คือ…ผมอยากได้ เอ่ออ…”

“อยากได้อะไรเหรอ ??”
“……….”

พอ ผมไม่อยากแกล้งมันละ เดี๋ยวมันได้เป็นลมไปสะก่อนจะได้ยา ดูหน้ามันซีดลงไปทุกที ผมหยิบมือถือขึ้นมา กดโทรหาเพื่อนผม ที่อยู่สโมฯวิศว

“ฮัลโหล ว่างไหม ” ผมถามปลายสายไป

“ว่าง  โทรมามีไร”
“มารับเด็กปีหนึ่งที ตอนนี้มันอยู่ตึกคณะกู”

“อ่าว แล้วน้องมันไปทำอะไรที่นั่นวะ”

“มึงอย่าถามมาก รีบมา เด็กมันป่วยอยู่ ไว ๆ” ผมกำชับปลายสายอย่างชัดเจน

“รอตรงนั้นเดี๋ยว ให้คนไปรับ ”

 ผมวางสาย แล้วหันไปหาใอ่แว่น ที่ตอนนี้ได้กลับลงไปนอนที่โซฟาแล้วเรียบร้อย ดูท่าจะไม่ไหวแล้วละจริง ๆ
รอไม่นานก็มีสตาฟจากสโม มาถึงที่ตึกพอดี ผมพาแว่นไปส่งให้สตาฟ พร้อมกำชับด้วยว่าให้ขับรถ ดี ๆ เสร็จหายาให้มันกินด้วย ผมบอกมันแค่นั้นก่อนที่สตาฟจะพาแว่นขับรถออกไป

ก็อยากจะไปส่งมันเองนะ แต่ตอนนี้ผมให้มันซ้อนจักรยานผม ตากแดด ตากลมไปด้วยไม่ได้จริง ๆ



“ขอโทษนะแว่น ”



To be continue…


#NicetoSeaYouAgain
หัวข้อ: Re: Nice to Se(a)e You Again.___Chapter 4 + Talayy's part มาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: nattha_Kkhung ที่ 16-08-2018 19:43:11
-โพสต์นี้อยากบอก-

ตอนนี้อัพ #NicetoSeaYouAgain ถึง Chapter 4 แล้ว ยอดคนอ่านในเล้าอยู่ที่ประมาณ 200+ นิด ๆ สำหรับเราถือว่าเยอะนะกับ

การเริ่มต้นครั้งแรก ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน ติดตามกันต่อไปเรื่อย ๆนะครับ


Thank You .
nattha_Kkhung
หัวข้อ: Re: Nice to Se(a)e You Again.___Chapter 5 มาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: nattha_Kkhung ที่ 16-08-2018 20:00:29
#Chapter5 -ใกล้เปิดเทอม

…..


   ตั้งแต่วันที่ผมไปหาพี่ทะเลที่คณะ ผมจำได้ว่า ผมคุยกับพี่มันอยู่ จู่ ๆ ก็เผลอหลับไปอีกรอบ พอตื่นมาอีกทีก็พบว่าตัวเอง

อยู่บนเตียงในห้องแล้ว ผมว่าคงจะหลับไปนานน่าดู เพราะมองไปข้างนอกก็มืดหมดแล้ว หะ มืด ตายห่าละ ผมต้องไปเข้า

กิจกรรมนี่หว่า ซวยละกูมัวแต่นอน ผมรีบเปลี่ยนชุด ล้างหน้าล้างตา เพราะผมหลับไปในสภาพที่เพิ่งเข้าฐานเสร็จ พอผมกำลังจะ

ออกไป ก็เจอกับเน ที่เดินเข้าห้องมาพอดี

“เน ” เหมือนมันจะเห็นว่าผมตื่นแล้ว

“อ้าว ใอ่ซันตื่นแล้วเหรอมึง อาการเป็นไงบ้าง ”

“ยังมึน ๆ อยู่เลยว่ะ  มึงมาอยู่นี่ได้ไง ไม่ไปเข้ากิจกรรมอ่ะ ”

“กิจกรรม? อ๋องานเขาเลื่อนไปจัดตอนเปิดเทอมแล้ว ”

“เลื่อน ? ทำไมถึงเลื่อนออกไปอ่ะ ? ”

“ไม่รู้ว่ะ …นี่กูก็เพิ่งกลับมาจากงาน ”

“ก็ดีเหมือนกันคืนนี้จะได้นอนไวหน่อย ” ผมบอกเนแบบนั้น

“คืนนี้มึงไม่ได้นอนนี่หรอก ” อะไรนะ ผมไม่เข้าใจที่เนมันพูด

“…….” ผมทำหน้างงกับที่มันพูด

“ไม่ต้องทำหน้างง …พวกพี่สตาฟเขาโทรบอกพ่อแม่มึงแล้ว ว่ามึงป่วย แล้วพ่อแม่มึงจะมารับกลับคืนนี้”

“อ้าว ทำไมพี่เขาไม่ยื้อให้กูอยู่ต่อ วะ ”

“พี่เขาก็พยายามบอกพ่อแม่ มึงแล้ว แต่เหมือนเขาจะมารับมึงไปเลยคืนนี้ ”

“อ่อ ”

“เก็บของสะมึง อีกเดี๋ยวพ่อกับแม่ มึงก็คงมาถึง ” ผมไม่ได้พูดอะไรต่ออีกเลย คงเป็นเพราะผมยังมึนอยู่เลยไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องที่

พ่อแม่จะมารับ แต่ก็ดีเหมือนกันนะผมจะได้กลับสักที

ผมลากกระเป๋าของผมออกมารอที่หน้าตึกคณะ โดยมีพี่สตาฟมายืนส่งด้วยหนึ่งคน แต่ผมไม่ค่อยคุ้นพี่คนนี้เลยอาจเป็นเพราะเขา

ไม่ได้อยู่ปีสอง ก็ได้

“อาการเป็นไงบ้าง ดีขึ้นไหม ”

“ดีขึ้นแล้วครับ พี่ ”

“…..”เงียบจังแหะ

“พี่ชื่ออะไร อ่ะ ผมซันนะ ”

“ภูมิ ”

“พี่ภูมิ เมื่อตอนบ่ายใครพาผมส่งที่หอเหรอครับ ”

“ถามทำไม”

“ก็ผมจะได้ไปขอบคุณเขาไงพี่ ที่อุตส่าช่วยผม”

“ฮึ ไม่ได้อุตส่าช่วย แต่พวกพี่ทุกคนเต็มใจทำเพื่อน้องอยู่แล้ว ”

“นั่นแหละยิ่งต้องขอบคุณเขาใหญ่ เลย ”

“หึ ไม่ต้องห่วงมึงได้ขอบคุณมันแน่….โน้นรถพ่อแม่มึงหรือเปล่า ” อ้าวรถพ่อแม่ผม มาถึงพอดี

“ผมไปก่อนนะพี่ ขอบคุณพี่มากนะที่อยู่เป็นเพื่อน ”

“ไม่เป็นไร ” แต่ผมควรจะฝากของอะไรไปให้คนที่อุตส่าช่วยพาผมมาส่งที่หอ ก็ดีนะ พอคิดแบบนั้นผมก็หยิบกระดาษโน๊ตที่อยู่ใน

รถ ขึ้นมาเขียนอะไร เล็ก ๆน้อย แล้วยื่นให้พี่ภูมิ

“ผมฝากพี่เอาไปให้คนที่ช่วยผม ไว้ด้วยนะ ”

“เอางั้นเหรอ ”

“เอางี้แหละพี่ ไปละไวเจอกันใหม่นะ ”

รถของผมก็วิ่งออกจากคณะไป ขึ้นมาบนรถพ่อแม่ผมก็ถามต่าง ๆ นานา ว่าทำอะไรไปบ้าง อาการเป็นไงบ้าง ผมว่าผมก็บอกชัด

แล้วนะว่า ผมโอเคไม่เป็นอะไรมากแค่ไข้หวัดปกติ แต่สุดท้ายก็มาจบที่ นอนโรงพยาบาลให้หมอดูอาการคืนนึง




-หลังจากที่รถของพ่อแม่ซันขับออกไปจากหน้าคณะจนสุดสายตาแล้ว-

“ ออกมาได้แล้วมึง "

“เป็นไง ได้อะไรมาบ้างว่ะ ”

“อ่ะนี่ น้องมันฝากมาให้มึง กูยังไม่ได้เปิดดูหรอก ไว้ให้มึงเปิดเองนะ ”

“….”

“เรื่องที่ให้ช่วยมีแค่นี้ใช่ไหม กูจะได้ไปทำอย่างอื่นต่อ ”

“มีแค่นี้แหละ มึงจะไปไหนก็ไป ”

“แหม ใช่สิ๊ กูหมดประโยชน์ละนิ ทีหลังอย่ามาเรียกใช้กูแล้วกันเชอะ ” ดูมัน พูดด้วยน้ำเสียงกระแดะไม่พอ ยังจะทำท่าทางสะบัด

ใส่ผมอีก มันน่าถีบให้ปลิวนักนะมึงใอ่ภูมิ

ผมคลี่กระดาษออก แล้วข้อความข้างใน ที่ถูกเขียนด้วยลายมือหวัด ๆ



“ถึงพี่ที่ช่วยพาผมมาที่หอ


ขอบคุณนะครับที่ช่วยผมเอาไว้ ผมไม่รู้จะตอบแทนพี่ยังไงดี เอาไว้เปิดเทอมเมื่อไหร่เดี๋ยวผมเลี้ยงข้าวนะครับ


จาก ซัน IE ปี1”





ข้อความสั้น ๆไม่ยาวมากแต่ทำให้ผมยิ้มไม่หุบ ผมกำลังพับกระดาษแผ่นนั้นคืนแบบเดิม แต่ก็ต้องสะดุดกับด้านหลังกระดาษที่มี


ข้อความเขียนอยู่



“อยากกินข้าวฟรี โทรมาเบอร์นี้นะครับ >>> 089-075xxxx ”




To be continue…
หัวข้อ: Re: Nice to Se(a)e You Again.___Chapter 6 มาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: nattha_Kkhung ที่ 16-08-2018 20:28:52
#Chapter6 - เปิดเทอม

.....


   หลังจากหายป่วย ผมก็วุ่นกับเรื่องเตรียมข้าวของย้ายไปอยู่ หอนอกแถวมหาลัย กว่าผมจะขอพ่อแม่ให้อยู่หอนอก ได้ก็ต้อง

ใช้ลูกอ้อนสารพัด อ้างว่ามีกิจกรรมเยอะบ้าง อ้างว่าเดินทางไปกลับมันเหนื่อย ทั้งที่จริงแล้ว ใอ่เรื่องเดินทางไปกลับนี่มันไม่เป็น

ปัญหาเลย เพราะจากมหาลัยไปบ้านผม แค่ ไม่กี่กิโลเองแต่เอาเถอะผมอยากลองใช้ชีวิตคนเดียวดูบ้าง


    

         ตอนนี้ผมกำลังแพคเสื้อผ้าลงกระเป๋า ตามด้วยขนพวกหนังสือนิยายทั้งเล่มโปรด แล้วก็เล่มที่ผมเพิ่งซื้อมาแล้วยังไม่ได้

อ่าน นับๆดู ก็หลายสิบอยู่นะ ไหนจะพวกเครื่องเขียน อีก เห็นแบบนี้ผมโคตรชอบซื้อเครื่องเขียนเลยนะ ไปห้างหรือผ่านร้าน

เครื่องเขียนทีไร ผมต้องแวะซื้อตลอด ซื้อมานะก็ใช่ว่าจะใช้หมด ซื้อมาสุม ๆ รวมกันบนโต๊ะ จนโดนแม่บ่นไปหลายรอบ ถ้าเอา


จริง ๆ นะ ลองจากพี่ทะเลก็มีพวกเครื่องเขียนนี่แหละที่ผมโคตรรักเลย  (เสียหายไปเยอะกับของพวกนี้ ฮ่า ๆ)

“ซัน จัดของเสร็จยังลูก ” แม่เดินขึ้นมาถามผมถึงห้อง

“กล่องนี้กล่องสุดท้ายแล้วแม่ เสร็จแล้วเดี๋ยวผมขนลงไปที่รถ แม่ไปรอผมที่รถนะครับ”

“ไว ๆ หน่อยนะลูก พ่อกับแม่มีธุระต่อ ”

“ครับ ๆ ”

      ผมขนของทุกอย่างใส่รถเรียบร้อยแล้ว โดยไม่ลืมที่จะหยิบสมุดโน้ตเล่มนั้น ที่ผมเก็บได้ในหอใส่เป้แยก กับหนังสือเล่มอื่น ๆ

ใช้เวลาไม่นานผมก็มาถึงหอที่พ่อกับแม่มาดูไว้ให้ หอชื่อ SomSong Residence หอที่นี่ค่อนข้างเงียบและแบ่งเป็นสัดส่วนดี ระบบ

รักษาความปลอดภัยก็ดีมาก คือต้องสแกนบัตร สแกนลายนิ้วมือตั้งแต่ทางเข้าจน เข้าลิฟต์ยังต้องสแกนอีก จะเข้มงวดไปไหน

ห้องของผมอยู่ชั้น 5 ชั้นบนสุดของที่นี่ ห้องโดยรวมก็โอเคดีนะ มีทุกอย่างที่ควรจะมี แม่ผมแยกตัวไปทำเรื่องให้เสร็จสรรพ ส่วน

ผมกับพ่อก็ช่วยกัน จัดของที่ขนมาให้เรียบร้อย

“ ชอบหอนี้ไหมเรา ” พ่อที่กำลังง่วนกับการจัดของอยู่ก็ถามผมขึ้นมา

“ชอบนะ ผมว่ามันสวยแล้วก็ปลอดภัยดี แถมใกล้มหาลัยด้วย ”

“แน่ละ ให้มันสมกับค่าเช่าที่เราจ่ายหน่อย จ่ายแพงก็ต้องได้ของดี ๆ ” ทำไมผมรู้สึกเฟล ๆ แหะเวลาได้ยินคำว่าค่าเช่า ผมทำให้

พ่อแม่เหนื่อยขึ้นไหมนะ

“พ่อ ครับเรื่องค่าเช่……” เหมือนพ่อจะรู้ทันว่าผมจะพูดอะไร แกชิงตัดบทพูดแทรกขึ้นมาก่อน

“เรื่องนั้นไม่ต้องคิดมากหรอกน่ะ….ลูกคนเดียวพ่อจ่ายไหว ”  จริง ๆ ต้องออกตัวก่อนเลยว่า บ้านผมก็พอมีฐานะอยู่บ้าง พ่อผม

ทำงานบริษัทตามปกติ ส่วนแม่ผมเป็นหมอ เปิดคลินิกเล็ก ๆ ไม่ได้ร่ำรวยอะไรมาก และก็ไม่ได้ขัดสน แต่ผมมันเป็นพวกเสียดาย

เงินกับเรื่องที่สมควรเสีย แต่กับเรื่องที่ไม่สมควรอย่างเครื่องเขียน ผมกับรู้สึกดี่ที่ได้ใช้เงิน ฮ่า ๆ ถ้าพ่อแม่รู้ว่าผมคิดแบบนี้ มีหวัง

ยกเลิกสัญญาห้องแล้วพาผมกลับทันที ฮ่า ๆ

“ขอบคุณครับ ^^ ”

“พ่อ ซัน ! จัดของถึงไหนแล้ว ใกล้เสร็จหรือยังจ๊ะ ”  แม่ผมเข้ามาพอดีสงสัยทำเรื่องเสร็จแล้ว

“ยังเลยแม่ ยังเหลืออีกนิดหน่อย ”

“ มีอะไรให้แม่ช่วยไหม ”

“แม่นั่งพักดีกว่า ใกล้จะเสร็จแล้ว เดี๋ยวพ่อกับซันทำเอง ”

“ซัน อยู่หอก็อย่าลืมกลับบ้านบ้างนะ อย่าติดหอจนเพลินแม่คิดถึง ” แม่หันมาพูดกับผม ผมก็ได้แต่ยิ้มแล้วพยักหน้าว่า ได้ ๆ

ตอนนี้ของทุกอย่างทุกจัดเข้าที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมอยู่สักที


“เห้ออ เหนื่อย !! ” ผมทิ้งตัวลงนอนบนโซฟา พ่อกับแม่ผมกลับไปแล้วเหลือแค่ผมคนเดียว ผมเดินออกมาสูดอากาศ รับลมเย็น ๆ ที่ระเบียงห้อง

“สดชื่นจริง ๆ ” ยืนตากลมไปสักพัก รู้สึกหิวๆ คงเพราะยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่บ่ายเพราะมัวแต่จัดของ ผมเลยเดินลงมาซื้อข้าว

แถวหอ " ร้านป้าศรี " นี่แหละ ผมเห็นคนน้อยดี ขืนให้ไปยืนรอนาน ๆ คงเป็นลมพอดี

ผมเดินเข้าไปสั่งข้าว แต่ป้าแกบอกให้จดใส่กระดาษไว้ ผมก็จด เมนูที่ผมชอบกิน “ปลาหมึกผัดไข่เค็ม” แล้วผมก็ไปนั่งรอ ในร้าน

รอไม่นานข้าวที่สั่งก็มาเสิร์ฟ ระหว่างที่กิน หูผมก็ได้ยินเรื่องที่สองสาวโต๊ะข้าง ๆเม้ากัน

“นี่แก แกรู้ไหมว่าพี่ทะเล อ่า กำลังโดนดาว คณะเราตามตื้ออยู่ ”

“จริงเหรอ…แล้วแกมาบอกฉันทำไมอ่ะ”

“เอ้า…นี่มันแค่น้ำจิ้ม ๆ มีที่เด็ดกว่านั้น อีก ”

“อะไรอ่ะแก…เล่ามา” นั่นสิผมก็ชักอยากจะรู้ขึ้นมาละนะ มัวแต่มุบมิบอยู่ได้ 

“ก็มีคนเห็นนะสิ ว่า พี่ทะเลกับดาวคนนั้นเดินออกมาจาก หอด้วยกัน  ” พอได้ยินแบบนั้นผมก็พยายามไม่คิดมาก บางทีเขาทั้งคู่อาจจะบังเอิญอยู่หอเดียวกันก็ได้

“เด็ดตตรงไหน เขาอาจจะอยู่หอเดียวกันแล้วบังเอิญออกมาพร้อมกันก็ได้ ”  ใช่เพื่อนเธอคนนี้พูดถูก

“แหม…ไม่บังเอิญย่ะ แม่ดาวนั่นคุณเธออยู่อีกหอ แถมฉันยังได้ยินคนที่อยู่ชั้นเดียวกับพี่ทะเลบอกอีกว่าเห็นทั้งคู่ออกมาจาก ห้องพร้อมกัน ”

        อึ้ง ! สิครับข้าวที่เคี้ยวอยู่ก็รู้สึกพะอืดพะอมขึ้นมา จนอยากจะอ้วก อตนนี้ผมทั้งอิ่ม แล้วก็จุก คิดว่าถ้ากินต่อไปคงได้อ้วก

โชว์คนในร้านแน่ ผมรีบจ่ายเงินแล้วเดินขึ้นหอ ทันที
     
         ระหว่างที่เดินผมก็คิดมาตลอดทาง ว่าตอนนี้เราก็ไม่มีสิทธิอะไรที่จะไปหวงหรือห้ามไม่ให้พี่เขา คบ หรือทำอะไรกับใคร

เพราะผมกับเขาก็ไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่จะไม่ให้เสียใจหรือรู้สึกอะไร ก็ไม่ใช่ไหมอ่ะ ถ้าผมไม่รู้แสดงว่าผมไม่ได้ชอบพี่ทะเล แต่

เพราะผมชอบผมแคร์ผมหวงเขา ผมถึงต้องเป็นแบบนี้ไง

ผมคงจะใจลอยไปหน่อยไม่ทันระวังตัว เดินชนเข้ากับคนที่เดินสวนผมมา

“ขอโทษครับ… เป็นอะไรหรือเปล่าครับ ” ผมรีบถามอีกฝ่าย แต่คุณเชื่อเถอะว่าเรื่องบังเอิญในโลกมันมีจริงเสมอ


“เดินยังไงวะเนี่ย…ไม่ได้ดูเลยรึ….อ้าวซัน” ใช่นั่นแหละเรื่องบังเอิญที่ผมบอก ดันมาชนคนที่ไม่อยากเจอมากที่สุดตอนนี้ แต่ไหน ๆ ก็เจอละ ลืมเรื่องเฟล ๆ เมื่อกี้ไปก่อน ตอนนี้ต้องรีบทำคะแนนอ่อยให้ได้

“อ้าวพี่ทะเล อยู่หอนี้เหรอพี่ ” ปากไวอย่างที่คิด ผมชอบตัวเองตรงนี้แหละ ฮ่า ๆ

“ใช่ หอนี้แหละ มึงก็อยู่….”  ใช่ไม่ต้องรอให้พูดจบผมสวนขึ้นทันที

“ผมอยู่หอนี้แหละพี่ ชั้น 5 นะ” พี่มันทำหน้าแปลกใจกับคำพูดผมเล็กน้อย

“….. ”

“พี่อยู่ชั้นไหนอ่ะ ”

“5 เหมือนมึงแหละ”

“บังเอิญจังเลยเนอะ แล้วนี่พี่กำลังจะไปไหนอ่ะ”

“ไปข้างนอก ”

“ไปรับดาวคนนั้นเหรอ ” Oh shit ! ทำไมมึงไปถามเขาแบบนั้นหะ ใอ่ซันเอ้ย

“ดาว ?ดาวไหนอ่ะ”

“ก็ดาวคนนั้นที่พี่พาขึ้นห้องไง ลืมหรอ”

“เฮ้ยๆ พูดให้ดีนะมึง กูไม่ได้พาเขามาหากูเอง” เป็นคำตอบที่ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาสักนิด

“แล้วเข้าไปทำไรกันอ่ะ ”

“มึงนี่ถามซอกแซกเนอะ จะอยากรู้ไปทำไม ”

“ก็ผมได้ยินมาว่าพี่พาเธอคนนั้นขึ้นห้อง ผมก็นึกว่าจะ …โอ๊ย !”พูดไม่ทันจบก็โดนเขกหัวไปหนึ่งที มึงทำร้ายร่างกูอีกแล้วนะครับใอ่พี่ทะเล

“จะทำอะไรก็ไม่เกี่ยวกับมึง…ทำไมชอบกูหรอ ” OMG !

“หึย พูดบ้าอะไรของพี่วะ ”

“มึงอยากรู้ปะ ว่าเขามาหากูทำไม ”

“ก็….อยาก” ตอนที่ผมกำลังพูดอยู่มันก็โน้มตัวลงมาตอนนี้หน้าของมันยืนมากระซิบที่ข้างหู พูดขึ้นว่า

“ถ้าอยากรู้…ก็มาหากูทีห้องดิ ” ตายครับกู เจอแบบนี้เข้าไปไปต่อไม่ถูก หน้าผมคงแดงไปจนถึงหูแล้วมั้ง 

“….”

“ฮ่า ๆ กูไปละ ” มันเดินสวนผมออกไป

อะไรกันเนี่ย เมื่อกี้ผมยังนอยด์มันอยู่เลย แล้วไหงตอนนี้มายืนให้เขาหยอด แทนที่ผมนี่จะต้องเป็นฝ่ายหยอด บอกได้คำเดียวว่า ”พัง! ”    ยิ่งอยู่ยิ่งเขิน ขึ้นห้องดีกว่า



วันต่อมา….


“วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะคะ นิสิต ไว้คาบหน้าอาจารย์จะเริ่มสอน สำหรับชีทเรียนอาจารย์เอาไปวาง ไว้ที่ร้านถ่ายเอกสาร หน้าตึก C คาบหน้าเตรียมมาให้พร้อมนะคะ เลิกคลาสได้ ”

ทันที่เสียงสวรรค์ดังขึ้น ผมกับเนก็เงยหน้าขึ้นมาหลังจากฟุบหน้าลงกับโต๊ะ มีแต่เมเท่านั้นที่ตั้งใจฟังอาจารย์พูดจนจบ อย่างว่า

คาบแรกยังไม่มีการสอน ผมเลยทำตัวชิวได้ ตอนนี้กลุ่มผมมี 3 คนคือ ผม ตังเม และเน ผมแนะนำให้เนรู้จักกับตังเม เองละครับ

“ซัน เน เที่ยงนี้กินข้าวไหนดี ” ผมกับเนมองหน้า แล้วนึกอยู่สักครู่

“ร้านไก่ปลอม ไหมแก”

        ฟังไม่ผิดหรอกครับ จริง ๆร้านนี้ไม่ได้ชื่อไก่ปลอม แต่ชื่อ ร้านป้าอิ่ม แต่เพราะแกใช้ไก่ปลอมมาแขวนตกแต่งในตู้หน้าร้าน

แกเยอะจัด จนทุกคนใน ม ต่างเรียกว่าร้านไก่ปลอมกันทั้งนั้น อย่าถามว่าผมรู้ได้ไง ก็นี่มันถิ่นผม ก่อนจะเข้ามหาลัย ผมมาแถวนี้ออกจะบ่อย

“ก็ดีนะ อยากกินข้าวมันไก่พอดี ” เมพูดเสริมขึ้น เนเองก็พยักหน้าเป็นเชิงว่าโอเค

“อาหารตามสั่งเขาก็ขายปะเม ” ผมบอกกับเธอ

“ก็รู้แล้ว แต่คนมันอยากกินเข้าใจปะ ”

“งั้นเดี๋ยวไปรถกูแล้วกัน ” เนบอกกับเมและผม


...



To be continue...
หัวข้อ: Re: Nice to Se(a)e You Again.___Chapter 7
เริ่มหัวข้อโดย: nattha_Kkhung ที่ 24-08-2018 16:42:41
#Chapter7 – วันนึงฉันนอนตื่นสาย!



…….



หาว…. -O-

   ผมกำลังง่วงนอนมาก ๆ เลย บวกกับตอนนี้ข้างนอกฝนกำลังตกลงมาได้สักพักใหญ่แล้ว  ถ้าไม่ติดที่ว่าต้องอ่านหนังสือนะ

ป่านนี้หลับไปแล้ว ตลอดสองอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมเข้าสู่โหมดเฟรชชีอย่างเต็มตัว มีหลายเรื่องที่ผมต้องปรับตัว ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง

เรียน รับน้อง ทั้งของคณะแล้วก็ของ ม พรุ่งนี้ก็เป็นวันเปิดโลกกิจกรรมแล้ว  เฮ้อ กิจกรรมจะเยอะไปไหน ทั้งที่ ๆ เพิ่งจะเปิด     

เทอมได้แค่สองอาทิตย์เองนะ


ผมเดินทางไปไหนมาไหน ใน ม คล่องมากขึ้น คงเพราะได้แผนที่ทำมือ ของเจ้าของโน้ตเล่มนั้น ช่วยให้ผมเดินทางสะดวกมากขึ้น

   สองอาทิตย์ที่ผ่านมาผมไม่ค่อยได้เจอพี่ทะเลเลย ถึงจะอยู่หอเดียวกันก็เถอะ อาจเป็นเพราะพี่เขาอยู่ปีสูงขึ้น เรียนก็ต้อง

หนักขึ้น งานเยอะขึ้น ส่วนข่าวคราวของพี่ทะเลก็เหมือนไม่มีอะไรอัพเดทอีกเลย ทั้งข่าวกับดาวคนนั้นรวมไปถึง ข่าวอื่น ๆ ด้วย
   
         ถามว่าผมรู้ได้ไง เห็นแบบนี้พี่ทะเลก็มีแฟนคลับติดตามอยู่จำนวนนึงนะครับ แฟนคลับเหล่านี้คอยอัพเดทข่าวของพี่ทะเล

ลงทางเพจเฟซบุคบ้าง IG บ้าง ผมเองก็ติดตามอยู่เหมือนกัน ถามว่าทำไมผมไม่ติดตาม IG ของเจ้าตัวไปเลยไม่ดีกว่าเหรอ ก็

อยากทำนะครับแต่พี่มันตั้ง Private ไว้ ผมก็เลยไม่ได้ขอเพราะถ้าเขาตั้งไพรเวทไว้แสดงว่าอาจจะรับแค่คนรู้จักหรือคนสนิทจริงๆ

กับคนอย่างผมที่รู้จักแค่ผิวเผินเลิกคิดไปได้เลย


ผมอ่านหนังสือต่อไม่ไหวละ ร่างกายผมต้องการนอนเท่านั้น เพียงแค่ร่างกายผมสัมผัสกับผ้าห่มและหมอนที่เย็นจากลมแอร์ บวก

กับอากาศข้างนอก ผมจึงหลับไปในที่สุด


…………………………………………………………………………………………………………………................................................
-ซัน-


   ผมกับเมกำลังเดินอยู่ข้างสนามบอลของโรงเรียน ในมือถือถุงกล้วยทอดที่เพิ่งซื้อมาจากร้านค้าในโรงอาหาร หลังจากกิน

ข้าวเสร็จผมวางแผนไว้ว่าจะไปนอนเล่นที่ห้องสมุดเพราะที่นั่น แอร์เย็นดี ซึ่งเมเองก็เห็นด้วยกับความคิดนี้ ระหว่างที่เดินอยู่ผมก็

คุยกับเมไปเรื่อย กินกล้วยทอดไปเรื่อย จู่ ๆ ก็มีเสียงคนตะโกนดังขึ้น


“เฮ้ย ! ระวัง!”
       
      ผมไม่ได้สนใจฟังเสียง แล้วไม่รู้ว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้นในสนามบอล แต่รู้ตัวอีกทีบอลลูกที่พวกนั้นเตะในสนามอยู่เมื่อกี้ พุ่งมา

ตกใส่หัวผมอย่างจัง ไม่รู้ว่าแว่นจะแตกไหม แต่ตอนนนั้นคือมึน ผมคิดในใจ

“สงสัยจะเป็นลูกฟรีคิก แม่นนะใอ่หอก ”

      เมเองที่อยู่ข้าง ๆ ก็ตกใจพยายามพาผมเข้าไปนั่งที่ม้านั่งข้างสนาม ผมกำลังมึนหัวมาก เลยถอดแว่นตาออก แล้วใช้มือนวด

ตรงขมับเผื่อจะช่วยให้ดีขึ้น ได้ผลแหะ อาการมึนเมื่อกี้ หายแต่มีอาการปวดมาแทนที่ ใอ่พวกหอกเตะบอลไม่ได้ดูกูเลยนะมึง


“น้อง …น้อง ….น้อง” ใครเรียกวะ ผมก็เงยหน้าขึ้นมอง คนที่เรียกผม แต่ผมเห็นหน้าเขาไม่ชัดหรอกครับ

“น้อง เจ็บตรงไหนไหม ”

“เจ็บดิพี่ ถามได้ ลองมาโดนเองไหมละ ? ”

“พี่ขอโทษแทนเพื่อนพี่ด้วยนะ ”

“ไม่เป็นไรพี่ แต่ทีหลังก็ระวังกันหน่อย โชคดีที่ไม่โดนแว่นผมแตก ” ผมสวมแว่นตาแล้วมองหน้าคนที่ยืนพูดอยู่ตรงนี้ พระเจ้าถ้ารู้

ว่าโดนบอลเตะอัดหัวแล้วได้เจอ พี่ทะเล แบบนี้ผมยอมโดนอีกร้อยลูกเลย 555

“แปปนะ” พี่ทะเลกำลังคลำตามกระเป๋าเสื้อ กระเป๋ากางเกงเพื่อหาอะไรบางอย่าง และเหมือนจะมันอยู่ในกระเป๋ากางเกง แล้วสิ่ง

ที่พี่แกหยิบออกมาจากกระเป๋าทำให้ผมเห็นว่ามันคืออะไร

“อ่ะ นี่พี่ให้ เอาไว้ทาตอนปวดนะ ” พี่มันยื่นแซมบัคมาให้ผม แซมบัคทาถู ทาถู ฟัค! คือพี่ครับ ถ้ามึงไม่หล่อและไม่ติดตรงที่กู

ชอบมึงอยู่แล้ว กูจะด่ามึงจริง ๆ นะพี่

“พี่ผมโดนบอลอัดหัว ไม่ใช่โดนผึ้งต่อย ” ผมรีบท้วงเมื่อเห็นของที่ถูกยื่นมาให้

“เออ รู้ แต่เอาไปทาแก้ขัดก่อนแล้วกัน คงพอช่วยได้ ” ช่วยได้กับผีนะสิ แต่เอาเถอะ ผมรับมาก็ได้

“ขอบคุณครับ ”

“พี่ไปเล่นบอลต่อละ ” พี่มันรีบเผ่นแนบออกไปอย่างไว

ผมในตอนนี้กำลังมองแซมบัค ทาถู ๆ ที่เพิ่งได้รับมา แค่คิดว่าได้มาจากใครผมก็ยิ้มไม่หุบเลย

“อะแฮ่ม ๆ” อ้าวเมยังอยู่ตรงนี้เหรอ ฮ่า ๆ

“…..”

“ซันชอบพี่ทะเลจริง ๆ สินะ ”

“เมไปเอามาจากไหน มั่วที่สุด”

“ไม่มั่วละ ดูจากท่าทางของซันเมื่อกี้ มองเขาตาเยิ้มสะขนาดนั้น  ”

“เยิ้มอะไรกัน รีบไปเถอะ เดี๋ยวหมดเวลาพักกันพอดี ”

ผมเก็บแซมบัค ทาถู ๆ ใส่กระเป๋ากางเกงแล้วรีบเดินนำเมไปทันที

“ถ้าไม่ชอบ แล้วทำไมต้องหูแดง…ซันรอเมด้วย” ใครจะรอขืนรอเมก็เห็นพอดีว่านอกจากหูก็มีหน้านี่แหละที่แดง



-ทะเล-


ผมถือบอลเดินกลับมาที่สนามอีกครั้ง ผมส่งบอลให้กับคนอื่น แล้วเดินไปคุยกับใอ่ตัวการของเรื่องนี้

“สัสภูมิ…มึงเตะแรงไปนะ”

“นั่นเบาสุดของกูแล้วนะมึง…ยังแรงไปอีกเหรอ”

“เดะกูโบกหัวเลยใอ่นี่ ”

“แหม…แต่มันก็ตามแผนไม่ใช่เหรอ  ”

   ใช่ครับทั้งหมดนี่มันเป็นแผนที่ผมเพิ่งคิดได้เมื่อตอนเห็นเด็กแว่นนั่นเดินมาทางนี้ และผู้ร่วมแผนของผมในครั้งนี้คือ ใอ่ภูมิ
 
“แผนของกูคือให้มึงเตะบอลไปทางเด็กนั่น แล้วกูจะไปเก็บ ไม่ใช่ให้มึงเตะไปลงที่หัว ”

“แต่มันก็ดีไม่ใช่หรอ มึงกับเด็กนั่นจะได้มีเรื่องคุยกันนานขึ้น ” ก็จริงของมึงนะใอ่ภูมิเพื่อนห่า

“ดีกับผี ! กูต้องหายาให้เขาเอาไปทา แล้วมึงรู้ไหมยาที่กูมีติดตัวคืออะไร แซมบัค !”

“ฮ่า ๆ เชี่ยเล มึงนี่มันโครตง่าวเลยว่ะ จะเป็นพระเอกอยู่ละ แต่มาตกม้าตายเพราะแซมบัค ฮ่า ๆ ”

“ขำเชี่ยไรของมึง…เดี๋ยวเถอะมึง” ผมยื่นเท้าหมายจะเตะมันคืน แต่มันหลบทัน

……………………………………………………………………………………………………………..................................................

กริ๊ง ๆ กริ๊ง ๆ กริ๊ง

ใครเขาโทรเข้ามาเนี่ย ผมกำลังนอนหลับฝันดีอยู่แท้ ๆ ผมเอามือไปหยิบมือถือที่อยู่ตรงโต๊ะข้างหัวเตียงขึ้นมาแล้วกดรับสาย
 
“ฮัล….โหล ”

“ซันอยู่ไหนเนี่ย ” ที่แท้ก็คือเมนี่เองที่โทรเข้ามา

“Ummmm นอนอยุ่อ่า มีอะไรเหรอ ”

“จะเก้าโมงครึ่งแล้วนะ ”

“หะ! ” ผมตาสว่างทันทีเลย

“ไม่ต้องหะ รีบแต่งตัวแล้วออกมาเลย ”

“ได้ ๆ เมเดี๋ยวซันรีบไป”

ผมกดวางสายรีบพุ่ง ต้องใช้คำว่าพุ่ง เข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำแบบลวก ๆ แล้วคว้าเสื้อมาใส่ นาทีนี้คว้าตัวไหนได้ก็เอามาใส่ก่อน

 ผมใส่รองเท้าแล้วรีบวิ่งออกจากห้องไป ตอนที่ผมกำลังวิ่งจะไปขึ้นวินมอไซหน้าหอ ผมก็เห็นว่ามีคนโบกตัดหน้าผมไปแล้ว แล้ว

เมื่อกี้มันคันสุดท้ายแล้วด้วยคันต่อไปจะมาตอนไหนก็ไม่รู้ แต่ ผมว่าตอนนี้ผมหาคนที่จะไปส่งผมได้ละ 

“พี่ทะเล พี่ทะเลโว๊ย” ได้ผลมันได้ยินพอดี

“อ่าว มึงนี่เองแหกปากแต่เช้ามีอะไร…หรือว่าอยากรู้เรื่องนั้นแล้ว ปะห้องกูว่างพอดี ” ไม่พูดเปล่า ยังเอามือมาจับแขนผมแล้วทำท่าจะลากไปด้วยจริง ๆ 

“พี่อย่าเพิ่งเล่นได้ปะ”

“หูวววว มาโหดเว้ย,,,, มีอะไรว่ามา ”

“ไปส่งผมหน่อย ผมเรียกวินไม่ทันอ่ะพี่  ”

“แล้วทำไมมึงไม่ตื่นให้มันไวกว่านี้วะ จะได้มีรถ ”

“เออน่าผมนอนเพลินไปหน่อย แต่พี่ไปส่งผมหน่อยนะ เสร็จแล้วเดี๋ยวผมค่อยกลับมาให้พี่บ่น โอเคปะ”

“เออ ๆ ตามมา”

พี่มันเดินนำผมไปที่รถมอเตอร์ไซค์คันนึงที่จอดอยู่ไม่ไกล มันรีบสตาร์ทรถแล้วผมก็กระโดดขึ้น ซ้อนท้ายมันอย่างไว ผมคิดว่าพี่

มันจะออกรถทันที แต่มันกลับทำสิ่งที่ทำให้ผมหน้าแดงอีกแล้ว คือการที่เอาหมวกกันน็อคสวมให้ผม

“ใส่ไว้!”

“อ้าวแล้วพี่ไม่ใส่หรอ ”

“….”   ไม่มีคำตอบใด ๆ หลุดออกมาจากปากของพี่ทะเล แต่กับออกรถไปอย่างไว ผมยังไม่ทันตั้งตัวเลยเผลอเอามือไปจับเอวพี่

มันเอาไว้ ทำไงได้นาน ๆ ครั้งผมจะซ้อนมอไซสักที ปกติไปไหนไหนมาไปกับพ่อแม่ตลอด เหมือนพี่มันจะรู้ตัวว่าผมจับเอวอยู่

ผมเลยค่อย ๆ คลายมือ ที่จับออก

“ถ้ากลัวตก…ก็จับไว้ดิ ” จากมือที่กำลังจะคลายออก พอได้ยินคำพูดนี้เท่านั้นแหละ เหมือนฟ้าเปิดทาง ผมรีบจับไว้ให้แน่นเหมือนเดิม

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน แต่ผมไม่อยากให้ถึงที่หมายเลย อยากจะซ้อนท้าย ให้นานกว่านี้

“แว่น ๆ ” หืมมันเรียกใครแต่เอะก็มีแค่ผมกับมันนี่หว่า

“เรียกผมเหรอ ?”

“เออ จะให้เรียกหมาที่ไหน …”

“ก็ใครมันจะไปรู้ละ ”

“เรียนตึกไหน ”

“ตึก C อ่ะพี่ ”

   ไม่นานมอไซของพี่ทะเลก็ขับมาจอดที่หน้าตึก C ผมถอดหมวกกันน็อคคืน เจ้าของที่ตอนนี้อยู่ในสภาพผมกระเซอกระเซิง

 เสื้อกล้ามเกงบอล คีบแตะ แต่เอาเถอะแต่งลุคไหนพี่มันก็ดูดี

“ขอบคุณมากนะพี่ ผมไปเรียนละ ….ขับรถกลับดี ๆ นะพี่”

“เดี๋ยวก่อนแว่น…” ผมหันมาพี่ทะเล

“502 อย่าลืมกลับมาให้บ่นด้วย …พี่รออยู่”

   อะไรวะ อ๋อเรื่องผมบอกพี่ทะเลตอนก่อนซ้อนมอไซมันมา แต่เอะ 502 นี่คืออะไร ผมนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่เดินชนกันวัน

นั้น จำได้ว่าพี่ทะเลบอกว่ามันอยู๋ชั้น 5 หืมงั้นแสดงว่า 502 ก็เบอร์ห้องพี่ทะเลอ่าดิ ผมกำลังจะหันไปด่า แต่หายไปแล้ว

“เฮ้ยยย ตายห่า สายละกู ” 

และวันนี้ผมก็เข้าเรียนทันแบบเฉียดฉิวพอดี ต้องยกความดีความรัก เอ้ยความชอบให้พี่ทะเล เลยนะเนี่ย


-ณ โรงอาหารกลาง  -


   วันนี้พวกผมมีเรียนต่อตอนบ่าย เลยตกลงกันว่าจะมากินข้าวที่โรงอาหารกลางเพราะขี้เกียจไปเบียดเสียดกับคนอื่น ๆ ที่แห่

กันออกไปกินข้าวนอก ม แต่ยังว่าละครับ ส่วนใหญ่ที่หนีไปกินข้าวนอก ม คงเพราะอยากจะหนีจากฝูงคนที่แห่กันมาที่นี่ ยิ่งช่วง

เปิดเทอมใหม่ ๆแบบนี้ด้วย คนเลยเยอะกว่าปกติ


“กะเพราเบคอนอีกแล้วหรอวะ ไม่เบื่อรึไง ”

      ไม่แปลกหรอกที่เนจะถามผมแบบนี้ ผมกินแบบนี้มาอาทิตย์นึงแล้ว จริง ๆ ไม่เคยกินเมนูนี้มาก่อนเลย แต่เรื่องมันมีอยู่ว่า วัน

นั้นผมเข้าไปส่องเพจ “คนรักทะเล” แอดมินเพิ่งจะอัพโพสต์ล่าสุด เป็นภาพที่แคปออกมาจาก IG ส่วนตัวของพี่ทะเล เป็นภาพ

อาหารตามสั่ง พร้อมแท็กพิกัด ร้านเอาไว้



Talay_SD
@ร้านเบิ้มตามสั่ง โรงอาหารกลาง




            -----   ภาพกะเพราเบคอน      -----




Talay_SD เฮียเบิ้มอร่อยสุดละ กินมาตั้งแต่ปีหนึ่ง   @Here_Berm


   ตั้งแต่นั้นมาผมก็กินกะเพราเบคอนมาตลอด กินทุกวันจนเฮียแกจำหน้าได้ละ แค่มองหน้าก็รู้เลยว่าผมจะสั่งอะไร ฮ่า ๆ ก็

ช่วยไม่ได้ร้านเฮียแกดันอร่อยถูกปากผมเอง

“ไม่ว่ะ อร่อยดีมึงลองกินไหม ” ผมตักเบคอนจะให้เนกิน แต่มันปัดมือผมออก

“ไม่เอาว่ะ มีแต่มัน มึงแดกแบบนี้ไม่กลัวอ้วนเหรอวะ”

“กูกินแค่วันละมื้อ อ้วนก็แย่ละ”

“ทำไมไม่ลองกินอย่างอื่นบ้างวะ ”

“ไม่อ่ะ อันนี้ก็อร่อยดี”

“อร่อยห่าไร แดกตามหลัวก็บอกมาเถอะ เนาะมึง ” เนมันหันไปหาเมให้เข้ามาเป็นพวกเดียวกับมันอีก

“ พอเลยอิเน ไปแซวซันเพื่อ… ”

“อะไรวะ เข้าข้างกันดีนะมึงสองคน  ”

“ โอ๋ ๆ งอลเหรอจ๊ะ  ”  ผมเอามือไปลูบหัวมัน แต่ใอ่นี่มันเล่นตัวครับ มันปัดมือผมออก


พวกเรากินข้าว คุยกันไปสักพักพี่ภาคก็ขอมาร่วมโต๊ะด้วยคน เพราะตอนนี้โต๊ะในโรงอาหารเต็มหมดแล้ว

“ตอนบ่ายมีเรียนปะ ” พี่ภาคถาม

“มีเรียน Math ” ผมตอบ

“ใครสอนวะ ”

“ อาจารย์ณรงวิทย์ อ่ะ ”

“แจกด็อก เยอะสัส ปีกูได้ซีมาครึ่งเสค มีเก่ง ๆ ก็รุ่นพี่อิมอ่ะเอเพียบ”

“แล้วพี่ได้เกรดไรมา” เนถาม

“ลองทายดูดิ”

“ F …”

ใอ่เนยังพูดไม่ทันจบพี่ภาคก็โบกเข้าที่หัวมันไปทีนึง แบบเน้น ๆ

“กวนตีน อย่างกูมีแต่ A ว่ะ ”

“เหยดด ไม่น่าเชื่อเลยว่าหน้าแบบพี่จะได้ A  ” เนมันยังแซะพี่ภาคต่อไม่หยุด

.”เรียนหนังสือมึงใช้หน้าตา เรียนหรือไง ”

“พอเลย เดี๋ยวได้ตีกันจริง ๆ ” ผมห้ามศึกที่กำลังจะเกิดขึ้น ผมละเบื่อคู่นี้ เจอกันกี่ทีก็มีแต่จะวางมวยกันท่าเดียว ใอ่คนน้องก็ต่อ

ล้อต่อเถียงยั่วอวัยวะเบื้องล่าง(ทีน) เก่ง ใอ่คนพี่ก็พร้อมปะทะตลอดเวลา นี่ถ้ามีใครบอกว่าใอ่สองคนนี้มันเป็นศัตรูกันนะ ผมจะไม่

เถียงเลยสักคำ

“เมื่อเช้าพี่เล มันมาส่งมึงเหรอซัน” พี่ภาคถามผม

“พูดเรื่องอะไรของพี่ พี่ทะเลจะมาส่งผมเพื่อ”

“กูให้โอกาสมึงอีกที ว่ามันมาส่งหรือไม่ส่ง ”

        ให้ตายยังไงผมก็ไม่มีทางยอมรับแน่ ผมส่ายหัวปฎิเสธ แต่พี่ภาคมันแอดวานซ์ เพิ่มสกิลความเผือกโดย เผือกแบบมี

เทคโนโลยี พี่มันส่งมือถือมาให้ผมดู มันเป็นรูปผมตอนที่ซ้อนท้ายมอไซ มาถึงหน้าตึกพอดี

“พี่นี่ก็ขี้เผือกเหมือนกันเนอะ  โอ๊ย! ทำบ้าไรของพี่วะ” ขอบใจมึงมากเน ที่ด่าแทนกู แต่เรื่องโดนบ้องหัวกูไม่เกี่ยวนะมึง


“ปากดีนักนะมึง ส่วนมึงจะยอมรับได้ยังว่าตอนเช้ามึงมากับพี่เล”

“ไม่พูดก็เหมือนยอมป่าวพี่ รูปโชว์หลาสะขนาดนี้ ” ผมตอบออกไปตรง ๆ ขืนแถอีก สีข้างผมถลอกพอดี

“ไม่เห็นเล่าให้เราสองคนฟังเลย เดี๋ยวนี้ได้ผู้ละลืมเพื่อนเชียวนะ ” เนมันหันมาเหน็บผม

“ผู้อะไรของมึง กูบังเอิญเจอพี่เขา แล้วพี่เขาก็แค่มาส่งเฉย ๆ ”

“นั่นแน่ะ จริงหรอ ” พี่ภาคแซวผม

“พอเลย  ทั้งพี่ภาค แล้วก็แกด้วยอิเน รีบกินข้าวเลยมีเรียนต่ออย่าลืม ”


บทสนทนาจบลงแค่ตรงนี้ ต้องขอบใจเมที่ทำให้สองคนนั้นหยุดพูดสักที

 








ตื่นสายก็มีเรื่องดี ๆ อยู่นะ


 
To be continue….


ฮัลโหล!!!!

#NicetoSeaYouAgain  หลังจากที่ดองไว้นานบวกกับอาจารย์สั่งงานเข้ามาเยอะมาก เพิ่งจะได้ฤกษ์ปล่อยก็วันนี้ จริง ๆ ในตอนนี้เราได้แต่งเนื้อเรื่องเพิ่มเข้าไปด้วย เพราะของเก่าที่แต่งไว้มันสั้นไปนิด

Thank You all lovely readers
nattha_Kkhung
หัวข้อ: Re: Nice to Se(a)e You Again.___Chapter 8 มาแล้วน้าาา จิ้มเข้ามาอ่านกันเลยจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: nattha_Kkhung ที่ 25-08-2018 21:33:17
#Chapter8 – เปิดโลกกิจกรรม


......



   หลังจากที่เมื่อเช้าผมมาเข้าเรียนได้แบบเฉียดฉิว ส่วนตอนบ่ายอาจารย์งดคลาส ผมเลยว่างทั้งวัน  แล้ววันนี้ตอนเย็นมีการจัดงานเปิดโลกกิจกรรมด้วย ซึ่งปีหนึ่งทุกคนต้องเข้าร่วมเพราะต้องไปเอาชั่วโมงกิจกรรม ที่เป็นตัวบังคับในการเรียนจบว่า นิสิตของ ม นี้ ต้องมีชั่วโมงกิจกรรมไม่น้อยกว่า 80 ชั่วโมง แล้วผมรู้มาว่าถ้างานไหนจัดโดยองค์การนิสิต นะ จะมีชั่วโมงให้เยอะมาก  บางคนเข้าแค่ขององค์การนิสิตอย่างเดียว ก็เก็บชั่วโมงได้ครบเลย ผมนัดกับตังเมและเน ไว้ตอน 5 โมงเย็น เพราะงานมันจัดอยู่กลางสนามฟุตบอลที่พื้นสนามเป็นดินแดง ขืนไปไวมีหวังผมได้โดดแดดเผาพอดี 


         ตอนนี้ผมกำลังหาชุดที่จะใส่ไปงานคืนนี้ ผมเลือกอยู่ตั้งนานก็จบที่เสื้อยืดแขนสั้น สีฟ้าที่มี ผมดูนาฬิกา แล้วมันเพิ่งจะ บ่ายสองเหลืออีกตั้งนานกว่าจะถึงเวลานัด

    ผมนอนกลิ้งไปมาบนเตียงสักพักก็เบื่อเลยจะหาอะไรทำ แต่เหมือนจะนึกอะไรบางอย่างออก เป็นเหตุการ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเช้า
 
“ขอบคุณมากพี่ ผมไปเรียนก่อน ….ขับรถกลับดี ๆ นะ”

“เดี๋ยวก่อนแว่น…” ผมหันมาพี่ทะเล

“502 อย่าลืมกลับมาให้บ่นด้วย…พี่รออยู่”



     ไม่รอช้าตอนนี้ผมมาอยู่ที่หน้าห้อง 502 แล้ว กำลังยกมือขึ้นมาเพื่อจะเคาะ แต่เหมือนมีคนเปิดประตูออกมาพอดี พี่ทะเลเปิดประตูออกมาในสภาพที่ใส่บอกเซอร์สีฟ้าอ่อน เสื้อยืดสีขาว ผมยุ่งๆ เหมือนเพิ่งตื่นเลย น้อยคนนักที่จะได้เห็น ยิ่งกับบรรดาแฟนคลับคนรักทะเลด้วยแล้ว ผมว่าถ้าพวกนั้นรู้คงต้องอิจฉาผมแน่ ๆ

“อ้าวพี่….อยู่ด้วยเหรอนึกว่ามีเรียน” ผมเริ่มเปิดประเด็นก่อนเลย
 
“แล้วมึงเห็นกูไปเรียนไหมละ ” ยังจะยอกย้อนอีก แหมพี่กูถามตามมารยาทเท่านั้นเว้ย

“…..”

“แอบด่ากูในใจเหรอ ” เฮ้ย รู้ทันได้ไงเนี่ย

“ตลกละพี่ ”

“มาดักรอกูหน้าห้องนี่ มีธุระอะไร….นี่อย่าบอกนะว่ามึงอยากรู้เรื่องนั้นอ่า ” คือพี่มึงจะไม่วกเข้ามาเรื่องได้ไหมวะเนี่ย รู้ไหมว่าการห้ามไม่ให้หน้าแดงมันทำยากนะเว้ย

“พี่ไม่วกเข้ามาเรื่องนี้ได้ไหม…ก็ที่มานี่ก็เห็นใครไม่รู้เมื่อเช้าบอกมาให้บ่นที แถมยังอ่อยผมด้วยการแจกเบอร์ห้อง….” ผมร่ายยาวตามที่คิดออกไปให้หมดแต่ยังไม่ทันจะหมด ก็ต้องได้ยินประโยคที่ทำให้หน้าแดงอีกแล้ว

“ไม่ได้อ่อย…กูตั้งใจ”

“…..”

“เข้ามาดิ มัวแต่ยืนทำหน้าหมางงอยู่นะมึง  ”

   เป็นครั้งแรกที่ผมได้เข้ามาเห็นพื้นที่ส่วนตัวของพี่ทะเลคนดัง ถ้าพวกแฟนคลับรู้จะตามมาแหกอกผมไหมเนี่ย ตอนนี้พี่ทะเลเดินปลีกตัวไปที่เคาเตอร์ของครัว เหมือนไปเอาอะไรสักอย่าง ส่วนผมก็เดินมองไปรอบ ๆ ห้องพี่ทะเลตกแต่งโทนสีฟ้าอ่อน ดูสบายตาเหมือนสีของน้ำทะเล ของใช้ต่าง ๆ ส่วนใหญ่ก็มีแต่สีฟ้า คงจะชอบสีฟ้ามากแน่ ๆ ผมเดินผ่านโต๊ะอ่านหนังสือ ก็เห็นว่าของบนโต๊ะ ถูกจัดวางไว้เป็นระเบียบ ดูสะอาดตา หนังสือ ปากกาถูกแยกเป็นสัดส่วนดี แต่เอะ ทำไมผมรู้สึกคุ้น ๆ กระดาษแผ่นนั้นจัง มันเหมือนกับกระดาษที่ผมให้พี่ภูมิไปวันนั้นเลย เพื่อความแน่ใจผมถือวิสาสะ แอบหยิบขึ้นมาดู ชัดเลยนี่มันกระดาษที่ผมให้พี่ภูมิวันนั้น แล้วมาอยู่กับพี่ทะเล ได้ไง… ไม่ได้ ๆ สงสัยก็ต้องถามเจ้าตัวเอง นั่นไงเดินออกมาพร้อมนม กับขนม

“สำรวจห้องกูเสร็จยัง ”

“เกือบแล้วพี่…พี่ผมถามอะไรหน่อย ”

“….”

“กระดาษนี่มาอยู่กับพี่ได้ไงอ่ะ ผมจำได้ว่าผมให้พี่ภูมิ แล้วให้พี่ภูมิเอาไปให้คนที่ …. ” เอะเหมือนภาพวันนั้นที่เลือนลางกลับชัดเจนขึ้นมา อีกครั้ง

“พี่คือคนที่พาผมกลับไปที่หอ ใช่ปะ ”

“จะว่าใช่เสียทีเดียวก็ไม่ถูก ”

“อ้าว ยังไงอ่าพี่ ”

“กูไม่ได้ไปส่งมึงหรอก….”

“….”

“แต่กูหาคนไปส่งมึง”

“ทำไมอ่ะ…ทำไมต้องให้คนอื่นไปส่ง ” ผมเริ่มถามในสิ่งที่ผุดขึ้นในหัว

“วันนั้นกูเอาจักยานไป แล้วมึงก็ไข้ขึ้นสูง มึงจะให้กูพามึงซ้อนจักรยาน แล้วปั่นตากแดดไปอย่างนั้นเหรอ”

“อ๋อ…ยังงี้ผมก็เลี้ยงข้าวพี่ไม่ได้อ่าสิ เพราะพี่ไม่ได้เป็นคนไปส่ง ” ผมหาเรื่องแหย่มันดีกว่า

“ไม่เกี่ยวเลย…กูเป็นหัวหอกในการส่งหมาคืนหอ มึงต้องเลี้ยงข้าวกูอ่าถูกแล้ว”

    ก็เกือบจะดีละนะ ถ้าไม่ได้ยินประโยคตอนท้าย แต่ก็เอาเถอะยังไงสะผมก็จะเลี้ยงมันอยู่แล้ว ฮ่า ๆ นอกจากจะได้ใกล้ชิดพี่ทะเล ยังได้กินข้าวกันแบบสองต่อสองอีก ณ จุด ๆ นี้ FC คนรักทะเลอย่ามาดักตีผมนะ ฮ่า ๆ

“เย็นนี้พี่ไปงานเปิดโลกกิจกรรมปะ ” ผมชวนมันคุยเรื่องอื่น

“ไม่รู้ว่ะ ”

“อ้าว ทำไมอะ ”

“เพื่อนจะให้กูไปนั่งหน้าหล่อเรียกคนมาสมัครชมรมเยอะ ๆ กูเลยไม่รู้ว่าจะไปไหม ”

“เหมือนตอนงานโรงเรียนใช่ปะ” ฟัค! เผลอหลุดปากพูดอะไรออกไปวะเนี่ย เหมือนพี่ทะเลจะหันมามองผมเลยตายละกู

“ทำไมรู้ ”

“ผมเดาเอาน่ะ ”

“เดาเก่งนะมึง ”

“ก็….”

“มองกูตลอดเลยเหรอ ” หืมเมื่อกี้พี่ทะเลหมายถึงอะไรนะ

“หืม? ” พูดเฉย ๆ ได้ไหมวะ แล้วจะโน้มหน้าเข้ามาหาทำไมเนี่ย แล้วตาคู่นั้นมองไปทางอื่นไม่ได้หรือไง จะทำแบบนี้ไม่ได้นะพี่

“ว่ายังไง มองกูตลอดเลยหรอ ”

“ผมเอ่อ…เอ่อคือแบบว่า ….”

“เร็วรอฟังอยู่”


   ก๊อก ๆ ก๊อก ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้น ทำไมพี่ทะเลผละออกจากออกผม แล้วเดินไปเปิดประตู แขกที่มาเคาะเป็น ผู้หญิงที่สวยมาก คนนึง พี่ทะเลและเธอคนนั้นกอดทักทายกัน ทำไมภาพที่ผมเห็นถึงดูเหมือนคนเป็นแฟนเขาทำกันเลย ว่ะ พี่ทะเลพาผู้หญิงคนนั้นเข้ามานั่งที่โซฟา ใกล้ ๆ กับผม เธอคนนั้นคุยกับพี่ทะเลอย่างสนิทสนม พี่ทะเลเองก็ยิ้มหัวเราะออกมา กับทุกคำพูดของเธอ

“ก็สมกันดีนะ ” นั่นเป็นความคิดที่เหมาะที่สุดกับภาพตรงหน้า

“อ้าวทะเล มีแขกหรือจ๊ะ ” แหม ผมนั่งอยู่ตั้งนานเธอเพิ่งจะสังเกตเห็น

“อ่อใช่…สกายนี่ซันนะ เป็นรุ่นน้องที่มหาลัย ซันนี่สกายนะ เป็น… ”พี่ทะเลยังพูดไม่ทันจบสาวเจ้ารีบพูดแทรกขึ้มาทันที

“เป็นคนสนิทของทะเลจ๊ะ ” ไม่ต้องบอกก็พอจะดูออก แต่คงจะมากว่าคำว่าคนสนิทแล้วละมั้ง ผมสังเกตพี่ทะลตอนที่เธอคนนั้นพูดว่าระหว่างเธอกับพี่ทะเลเป็นอะไร พี่มันทำหน้าเหมือนไม่อยากให้เธอคนนั้นบอกสถานะของเขาทั้งคู่  ไม่เป็นไรหรอก ผมเข้าใจดี

“ครับ ”

        พอแนะนำตัวจบลง ก็ไม่มีบทสนทนาใด ๆเกี่ยวกับผมอีก พี่ทะเลคุยกับสกายอย่างเดียว ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นอากาศเลย ผมทนเห็นภาพตรงหน้า ที่พี่ทะเลยิ้ม หัวเราะ ที่เกิดจากฝีมือของสกาย ผมทนไม่ไหวแล้ว …

“พี่ทะเลครับ ”

“หืม มีอะไรหรือเปล่า ” มีสิแต่มันพูดไม่ได้ จะให้บอกว่า พี่คุยกับผมบ้างได้ไหม ตรงนี้ก็มีผมอยู่อีกคนนะพี่

“เดี๋ยวผมขอตัวก่อนนะครับ ต้องไปเปลี่ยนชุดอีก ”

“อีกตั้งนานกว่างานจะเริ่ม จะรีบไปทำ…”

“ให้ผมไปเถอะครับ …ผมต้องใช้เวลา..เตรียมตัวอีก ”

          ใช่ ผมต้องใช้เวลาเตรียมตัว แล้วก็เตรียมใจให้มากกว่านี้ ไม่คิดว่าวันนี้จะมาถึง วันที่พี่ทะเลลงเอยกับใครสักคน ใครคนนั้นที่ไม่ใช่ผม

“งั้นสกายรอก่อนนะ เดี๋ยวเลไปส่งน้องมันก่อน ” หืม เมื่อกี้พี่มันแทนตัวเองว่า เล ด้วยหรอ แสดงว่าเธอคนนั้นคงเป็นคนที่สนิทมาก

“ได้ค่ะ ”

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมขอตัวก่อนดีกว่า ”

ผมไม่รอให้พี่ทะเลลุกไปส่งผม ผมรีบเปิดประตูแล้วเดินเข้าห้องผมอย่างเร็ว สิ่งแรกที่รู้สึกคือ จุก มันจุกในอกไปหมด ผมบอกตัวเองเสมอว่า ต้องทำใจให้ได้นะ ถ้าเห็นพี่เขาลงเอยกับใครสักคน ถึงแม้คนนั้นจะไม่ใช่ผมก็ตาม 



-ณ สนามบอล WRR-


 “เอาละค่ะ ขอต้อนรับน้อง ๆ เฟรชชี WRR 78 ทุกคนเข้าสู่งานเปิดโลกกิจกรรมกันนะคะ ในวันนี้น้อง ๆทุกคนจะได้พบกับมินิคอนเสิร์ตสุดมันส์จากพี่ ๆ วง เฟียร์ แต่ก่อนจะไปถึงจุดนั้น เรามาฟังกันก่อนดีกว่านอกจากมินิคอนเสิร์ตแล้ว ภายในงานยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจอีกใช่ไหมคะ พี่แดน ” พี่ธีกรหญิงพูดส่งให้พิธีกรอีกคน

“ใช่แล้วครับพี่พริ้ง ภายในงานวันนี้นะครับน้อง ๆจะได้พบกับ การออกบูทชมรมต่าง ๆ ที่มีอยู่ รวมไปถึงการออกร้านขายของ จากคณะต่าง ๆ  ก็จะมี สอยดาวสอยเธอจากคณะเสดสาด น้ำปั่นวิศว  ไอติมคุณหมอจากแพทย์ศาสตร์ หนุ่มน้อยตกน้ำจากวิทยา… ”
พิธีกรก็พูดไปเรื่อย เท่าที่ผมสนใจฟังก็มีแค่นี้ เพราะหลังจากนี้เหมือนสติจะหลุดลอยไปกับเหตุการณตอนบ่าย แต่ช่างเถอะจะคิดมากไปทำไม ตอนนี้ผมต้องเอ็นจอยกับบรรยากาศงานสิ 

“ซัน เน เมไปถามมาองค์การนิสิตมาแล้ว พี่เขาบอกว่า ให้เราไปลงชื่อ สมัครกับชมรมต่าง ๆ ให้ครบ แล้วให้เขาแสตมป์ลงใบนี้ ” เมยื่นใบที่มีช่องว่าง ตามจำนวนชมรมที่มาในวันนี้ 

“อ้าว แปลว่าเราต้องลงให้ครบทุกชมรมเลยเหรอ” เนถามขึ้น

“ใช่ ๆ แล้วเอาใบนี้ไปยื่น เพื่อแลก ชั่วโมงกิจกรรม ”

“งี้แปลว่าเราก็แค่ไปให้เขาแสตมป์ลงใบนี้ แล้วเราไม่ต้องเข้าชมรมจริง ๆ ใช่ไหม ” ผมถามเม
 
“เท่าที่คิด ก็น่าจะเป็นแบบนั้นแหละ ฟิลแบบล่ารายชื่อ เฉยๆ  ”

“อ่อ งี้ก็เสร็จไวอ่าดิ” เนพูดขึ้นมา

“กูคิดว่าไม่วะเน มึงดูคนดิ ” ผมเรียกให้เนหันดูคน ที่ ไม่รู้ว่าแห่กันมาตอนไหน ต่อแถวแต่ละชมรมยาวเหยียด ไม่รู้เลยว่าแถวไหนเป็นแถวไหน

“รีบไปเถอะ เดี๋ยวไม่ทันดูคอนเสิร์ต ” เมพูดพร้อมกับเดินนำพวกเราไป แหมมีเมก็เหมือนมีแม่เลยแหะ พาจัดการทุกอย่างเลย
เวลาผ่านไปจากแดดออก ท้องฟ้าก็เริ่มมืดลง แต่ในสนามบอลแห่งนี้ยังมีแสงจากบูทต่าง ส่องสว่างเพิ่มขึ้น

    จะว่าดีมันก็ดีนะ พอมืดลงแต่ไม่ชอบตรงพื้นสนาม ที่เป็นดิน เพราะทุกคนเดินเตะฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั่ว อากาศก็ร้อนอบอ้าวอยู่แล้ว ไหนจะ ต้องทนดมฝุ่นอีก 

      ผมมองใบแลก ชั่วโมงกิจกรรมพบว่าเหลืออีกชมรมเดียว คือ ชมรมคุณหมอหน้าใส แค่อ่านชื่อผมก็ไม่อยากจะเข้าไปแล้ว เพราะไม่รู้จะทำตัวอย่างไงเวลาเจอ พี่ทะเล

“เม เน ซันขอไปซื้อน้ำก่อนได้ไหมอ่ะ ฝากเมลงใหหน่อยนะ ”

“อ้าว ทำไมไม่ลงเองละ ” เมถาม

“นั่นดิ มึงไปซื้อนานขนาดนั้นเลยหรอ ” เนถาม

“…..”

“มีอะไรหรือเปล่าซัน บอกเราสองคนได้นะ ” เหมือนเมจะจับรังสีหม่น ๆของผมที่ลอยอยู่ได้

“เออนั่นดิ มีไรหรอมึง”

“ไม่มีอะไรจริง ๆ แค่เหนื่อย น่ะ ” ผมแสร้งตอบไปแบบนั้น
 
“อ่า ๆ งั้นซันไปพักเถอะ เสร็จแล้วพวกเม ไปหา ”

“ขอบคุณนะเม ” ผมรีบเดินออกจากแถว เบียดเสียดกับคนอื่น ๆ ผมเดินไปยังบูทขายน้ำปั่นวิศว คณะผมเอง บูทของคณะผมตกแต่งตามสไตล์แบบวิศว ไม่เน้นสวยงามแต่เน้นให้ดูแปลกใหม่ ไม่ซ้ำใคร แต่ที่ดึงดูดลูกค้าได้เป็นอย่างดี ก็คือ เหล่าเด็กเสิร์ฟ ที่เป็นผู้ชายน่าตาดีระดับCute boy ของ ม มาคอยรับออเดอร์คอยเสิร์ฟให้ลูกค้า แล้วลูกค้าส่วนใหญ่ก็มีแต่ผู้หญิง
 
“แหม ที่แห่กันมากินนี่ มา ส่องผู้ชายสินะ  ” ผมบ่นในใจ ผมต่อแถวอยู่สักครู่ก็ถึงคิวผม

“รับอะไรดีครับ ”  เอะทำไมเสียงมันคุ้น ๆ ที่แท้ก็พี่ภาค พี่รหัสผมนี่เอง แหมนึกว่าหายไปไหนที่แท้ก็มารับแขกอยู่ที่บูทนี่เอง

“อ้าวพี่ภาค ”

“ใอ่ซันนี่หว่า มาทำไร”

“มาซื้อน้ำดิพี่  แล้วพี่มาอยู่ที่นี่ได้ไง”

“ไม่เห็นจะยากเลย กูหล่อ กูน่าตาดี เขาเลยเลือกให้กูมาขายน้ำ ” จริงของพี่ภาค พี่มันหล่อจริง ๆ นะครับ หล่อชนิดที่เรียกว่า เดือนมหาลัยยังต้องหลบไปเลย

”ภาคอย่าชวนลูกค้าคุยนาน คนเยอะ ” พี่ผู้หญิงคนนึงรู้สึกจะเป็นมาม่าซัง เอ้ย ไม่ใช่ หัวหน้า บอกกับพี่ภาค

“มึงรีบสั่งมาเลยจะเอาอะไร ”

“เอาชาเขียวปั่น ใส่วิป เพิ่มพุดดิ้งด้วยนะครับ ”

“40 บาทครับ ”ผมส่งเงินให้พี่ภาค

“พี่ก็ทำงานคล่องเหมือนกันนะเนี่ย ”

“ไม่ต้องมาชมกูเลย แสตมป์ได้ครบยัง ”

“ยังเลยพี่อีกอันเดียว แต่ผมฝากเพื่อนไปละ ”

“ชมรมไรวะ”

“คุณหมอหน้าใส ว่ะพี่ ”

“อ่อ เดะกูว่านะสักพักเพื่อนมึงจะโทรมา แล้วจะบอกว่า ให้มึงไปแสตมป์เอง ”

หื้ม ทำไมผมไม่เข้าใจที่พี่ภาคพูด

“อ้าว ทำไมอ่ะพี่ ”

“อ่านี่เงินทอน เดี๋ยวมึงก็รู้เอง แหละ …คิวถัดไปครับ”ผมรับชาเขียวปั่นมา แล้วดูดไปอึกใหญ่ เฮ้อสดชื่นจริง ๆ



ครืด ๆ ครืด ๆ มือถือผมสั่นหรือว่า


     นั่นไง สุดท้ายผมก็ต้องเดินกลับมาแสตมป์เองที่บูทชมรม เมื่อกี้เมโทรมาอกว่า พี่ที่ชมรมให้มาแสตมป์ด้วยตัวเอง ผมก็เลยต้องเดินกลับมาที่บูทอย่างไว งั้นคิวที่เมกับเนได้จะหลุดไป

“เม ”

“อ่ะซัน เมทำให้หมดแล้ว เหลือแต่แสตมป์ ไปแสตมป์กับพี่ทะเลนะ” เมพูดยิ้ม แล้วพยักหน้าไปทางที่ทะเลนั่งอยู่
ผมว่าละ ทำไมบูทนี้คนมันถึงได้เยอะนัก เพราะเล่นเอาคุณหมอน่าตาดี ๆ  มานั่งเรียกปีหนึ่งนี่เอง ผมถือใบชั่วโมงเดินไปยังพี่ทะเลที่ยืนรอแสตมป์อยู่ ผมยื่นกระดาษไปแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เพราะผมไม่รู้เหมือนกันว่าควรพูดอะไรในตอนนี้

“เมื่อตอนบ่าย…มึงเป็นอะไร ” ยังจะถามผมอีกเหรอ แล้วผมต้องตอบว่าไง เป็น หรือไม่เป็นดีล่ะ

“เปล่าเป็น ”

“ถ้าเปล่า แล้วทำไมไม่มองหน้ากู… ” เหมือนพี่มันจะพูดดังไปหน่อย พี่คนอื่นเลยหันมามอง

“มีอะไรเหรอเล” เพื่อนพี่เขาคนนึงถามขึ้นมา

“ไม่มีอะไร ” พี่ทะเลก็แสตมป์ให้ผม ผมรีบออกจากบูทนี้ไปทันที

“มีอะไรอยากเล่าไหมซัน ” เมถามผม

“….”ผมพยักหน้าตอบเม

“งั้นไว้เล่าตอนส่งใบนี้เสร็จแล้วกันเนอะ ” พวกผม 3 คนเดินไปส่งใบเพื่อแลกชั่วโมงกิจกรรมเสร็จแล้ว ก็มานั่งพักกินน้ำ กินขนมกันที่โต๊ะ ตรงลานเกียร์ของคณะ ลานในเวลานี้ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านมากนัก คงเพราะคนไปรอดูคอนเสิร์ตวงเฟียร์ กันหมด

“ว่าไงซัน มีอะไรจะเล่าไหม ” เมถามผมผมหันมอง เน แล้วคิดว่าจะเล่าดีไหม

“ถ้าเป็นเรื่องลับ ๆ กูไปนั่งตรงนู้นก่อน..” เนพูดขึ้น พร้อม ๆจะลุก แต่ถูกผมห้ามไว้สะก่อน

“ไม่เป็นไร เน ฟังด้วยกันนี่แหละ” ผมก็เริ่มต้นเล่า เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนบ่ายให้เมกับเนฟัง


“กูว่ามึงควรจะถามพี่เขาตรง ๆ นะ ว่าสกายเป็นอะไรกับพี่เขา บางทีการที่มึงไม่ถามแต่เก็บเอาสิ่งที่สงสัยมาคิดเองเออเอง กูว่ามันไม่ค่อยแฟร์กับพี่เขาเท่าไหร่  ”

“แต่กูไม่ได้เป็นอะไรกับพี่เขานะเว้ย เน ”

“ไม่ได้เป็นแล้วไง ว่ะ มึงชอบพี่เขามานานแล้วไม่ใช่เหรอ แล้วจะมาถอดใจง่าย ๆ แบบนี้เนี่ยนะ”

“นั่นสิซัน เมเห็นด้วยนะ อีกอย่างเราว่า พี่ทะเลเองก็คงจะรู้สึกผิด ว่าตัวเองทำอะไรผิดไปหรือเปล่าถึงทำให้ซันเป็นแบบนี้   ”

“เราไม่รู้เลยอ่ะ เม นี่ขนาดเราเพิ่งเริ่ม เรายังรู้สึกเหมือนจะแพ้เลย”

“ถ้ามึงแพ้เพราะว่ามึงได้ทำไปหมดทุกอย่างแล้ว มันจะไม่น่าเสียดายเท่ากับที่มึงยังทำอะไรไม่เต็มที่เลยนะ”เรื่องทั้งหมดมันอาจจะเกิดจากการที่ผม ไม่กล้าเองแหละ

“ก็ได้ซันจะไปถามพี่ทะเลดู ”

“เออ มันต้องแบบนี้ดิวะ ” เนเอามือมาขยี้หหัวผม

“สู้เขานะซัน เมเชื่อว่าซันทำได้ ”

      พวกผม 3 คนนั่งเล่นกินลมไปสักพัก เมกับเนก็ไปดูคอนเสิร์ตวงเฟียร์กัน ส่วนผมที่ไม่ค่อยชอบบรรยากาศแบบนั้นสักเท่าไหร่ จึงขอตัวกลับก่อน ผมเดินจากสนามบอลไปยังประตู 5 เพื่อที่จะไปขึ้น วินมอไซกลับหอ ระหว่างทาง ผมก็สูดอากาศจากสายลมที่พัดมา รู้สึกสดชื่น จริง ๆ

ปี๊บ ๆ ปี๊บ

ผมหันไปตามเสียงแตรรถที่บีบอยู่ข้างหลัง ผม ทุกคนคงเดาได้แน่ว่าเป็น ใคร

“ขึ้นมาสิเดี๋ยวกูไปส่ง ”
.
.
.
“ครับ ”

   ไวกว่าความคิดผมขึ้นคร่อมมอไซคันที่ผมนั่งมาเมื่อเช้า แต่มอไซคันนั้น พาผมขับไปที่ไหนก็ไม่รู้ รู้แต่ว่า ไม่ใช่ทางกลับหอ
นั่งมาซักพักผม ก็พบว่ารถบนถนน เริ่มบางตาลงอย่างเห็นได้ชัด คงจะห่างจากตัวเมืองมามากแล้วสินะ ผมรู้สึกง่วงเหลือเกิน คงเพราะเพลียจากการแย่งชิงตราแสตมป์แล้วไหนจะ ฝุ่นกับอากาศที่ร้อนอีก ผมหลับไปในที่สุด นานเท่าไหร่ไม่รู้ ที่ผมหลับไปโดยซบกับแผ่นหลังของอีกคน เหมือนจะถึงที่หมายแล้ว เพราะสัมผัสได้ว่ามอเตอร์ไซค์จะหยุดแล้ว ผมมองสิ่งที่อยู่ข้างหน้า มันคือ หาดทราย กับทะเล

“ถึงแล้ว….จะปล่อยมือจากเอวกูได้ยัง ” ผมปล่อยมือที่จับเอวพี่มันออก พี่มันลงจากรถ แล้วเริ่มเดินไปตามหาดทราย

“จะนั่งเอ๋อ อีกนานไหม มาเร็ว…ถอดรองเท้าด้วย ”


       ผมทำตามที่อีกคนบอก ตอนนี้เราสองคนกำลังเดินไปพร้อม ๆ กัน ตามหาดทรายที่ทอดยาว ผมเกิดและโตที่นี่ก็จริง แต่ก็ไม่เคยมาทะเลตอนกลางคืนสักที นี่เป็นครั้งแรกของผมเลยนะ  จากที่เดินบนทราย พี่ทะเลก็พาผมเดินลงไปในทะเล ที่ตอนนี้น้ำลด อยู่ เดินบนทรายเมื่อกี้ว่ารู้สึกดีแล้ว แต่พอเท้าสัมผัสกับน้ำทะเลที่เย็น ๆ มันทำให้ความเหนื่อยของผม หายไปเลย





นี่คงเป็นเหตุผลสินะที่เวลาคนเราทุกข์ใจจึงมักจะเลือกมาที่ ทะเล

To be continue ….

อ่านแล้วคอมเมนต์ให้กำลังใจกันได้นะ สัญญาว่าจะอ่านทุกคอมเมนต์เบย
หัวข้อ: Re: Nice to Se(a)e You Again.___Chapter 9 + Talay's part 2
เริ่มหัวข้อโดย: nattha_Kkhung ที่ 26-08-2018 19:23:52
#Chapter9 – ซู่ ซู่

........


    ผมกับพี่ทะเล เราสองคนเดินลงไปในทะเลที่ตอนนี้น้ำลดอยู่ พอหันกลับไปมองก็พบว่าเราเดินมาไกลจากจุดที่เราจอดมอไซไว้พอสมควร จนถึงตอนนี้เราทั้งคู่ยังไม่มีใครปริปาก พูดอะไรออกมาสักคำ แต่น่าแปลกผมกับสัมผัสได้ว่า บรรยากาศระหว่างเราทั้งคู่ค่อย ๆ ดีขึ้น ถึงไม่มีการพูดคุยใด ๆ เลยก็ตามคงเพราะ ทะเล นี่สินะ

“พี่ครับ…พี่มาที่นี่บ่อยไหม ”  ผมเริ่มทำลายความเงียบ

“ไม่บ่อยหรอก แล้วมึงละ ”

“เคยครับ แต่ไม่เคยมาตอนน้ำลด…นี่ครั้งแรก” ผมตอบออกไปตามความจริง

“แล้วนึกไงถึงพาผมมาที่นี่ ” ผมถามต่อ

“ไม่รู้เหมือนกัน”

“…”

“แต่กูเห็นหน้ามึงตอนนั้น เหมือนแบกเรื่องทุกข์ใจเอาไว้ กูเดานะต้องมีเรื่องของกูอยู่ด้วย”  คงจะหมายถึงตอนที่อยู่ในบูทชมรม สินะ

“…” ผมยังคงเงียบเหมือนเดิม

“มึงมีอะไร เล่าให้กูฟังได้นะ…ถึงกูกับมึงเพิ่งจะรู้จักกันได้ไม่นาน.. ”

“ไม่ได้เพิ่งจะรู้จัก…แต่ผมรู้จักพี่มานานแล้ว ”

“อย่างนั้นหรอ ”

“สำหรับผม ผมรู้จักพี่มานานมากแล้ว…ตั้งแต่สมัยที่พี่เรียน ม ปลาย ”

“….”

“พี่คงจะจำผมไม่ได้หรอก ผมมันเป็นพวกบ้าเรียน ไม่สุงสิงกับใคร ไม่ค่อยกล้าแสดงออก ไม่ได้เป็นตัวท็อปเด่น ๆ ของโรงเรียน ออกจะเป็นคนที่อยู่นอกสายตาด้วยซ้ำ ไม่หน้าจดจำ เหมือนคน…”

ทำไมชอบคิดว่า กูจะจำมึงไม่ได้

“คือผม…”

“มึงนี่นะ สงสัยอะไร อยากรู้อะไรทำไมถึงไม่ถาม ทำไมชอบคิดเองเออเอง ตลอด ”

“ผม…ขอโทษครับ”

“แล้วจะบอกกูได้ยัง ว่าเป็นอะไร ”

“คือ ผม ”

“ผมอะไรก็พูดออกมาสิวะ ! ” พี่มันตะคอกใส่หน้าผมคงจะถึงขีดสุดของมันแล้วล่ะ

“พี่เป็นแฟนกับสกายใช่ไหม ! ” ตะคอกมาตะคอกกลับ เอาสิ ผลที่ได้คือ เงียบ เงียบจนได้ยินเสียงน้ำไหล

“ที่หลบหน้า ไม่พูดกับกู เพราะเรื่องแค่นี้


“แล้วมันจริงไหมละ ? ”

“มึงฟังนะ…”

“พี่จะให้ผมทำไง เรื่องเรียน เรื่องกีฬา เรื่องอื่น ๆ ผมกล้าหมด แต่พอเป็นเรื่องพี่ ผมกลับปอดแหกขึ้นมา ถ้าผมกล้าสักนิด ผมก็คงไม่เป็นแบบ… ”

        ผมพูดยังไม่ทันจบ จู่ ๆ คนตรงหน้าก็ดึงผมเข้าไปกอด เขากดหน้าผมลงกับอกอันแข็งแกร่งของเขา อบอุ่น มันช่างเป็นกอดที่อบอุ่นเหลือเกิน ผมไม่เข้าใจการกระทำของพี่ทะเลในตอนนี้เอาสะเลย

“พอแล้ว ไม่ต้องพูดแล้ว…พี่รู้แล้ว ” ผมกำลังจะดันตัวหนีจากอ้อมกอดนั่นแต่ พี่ทะเลยิ่งกระชับกอดให้แน่นขึ้น

“ฟังพี่ก่อน…พี่กับสกายไม่ได้เป็นแบบที่เราคิด พี่กับสกายเราไม่เคยเป็นมากกว่าพี่น้อง เพราะพี่มีคนที่ชอบอยู่แล้ว

“คนที่ชอบ ? ”

“เราเลิกคิดมากเรื่องนี้ได้แล้ว ”

“ครับ แต่คนที่พี่ชอบ? ”

“พี่ว่าเรากลับกันเถอะ ลมเริ่มแรงขึ้นแล้ว ”

“ครับ คือจะเป็นอะไรไหมถ้าผมจะให้พี่ไปส่งที่บ้านผมหน่อย ”

“บอกทางพี่ก็แล้วกัน”

   ตลอดทางที่ขับรถมา ผมก็ชวนพี่ทะเลคุยไปเรื่อยเปื่อย ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงบ้านผม ผมกดกริ่งอยู่สักครู่ พ่อก็ออกมาเปิดปประตูให้

“อ้าว เจ้าซัน มาสะมืดค่ำเชียว ”

“หวัดดีครับพ่อ ”

“แล้วนั่นใคร กันละ ” พ่อผมหันมาถามผม

“นี่พี่ทะเล รุ่นพี่สมัย ม ปลายนะครับ ”

“สวัสดีครับคุณอา ”

“ไหว้พระเถอะ…มาส่งซันเหรอลูก”

“ครับ” พี่ทะเลตอบผมไปแบบนั้น

“แล้วคืนนี้จะค้างที่นี่ไหม ” เห้ย ทำไมพ่อไปชวนพี่เขาแบบนั้นละ

“ผมว่าพี่เขาคงไม่ค้างหรอกพ่อ พี่เขาแค่มาส่งผมเฉย ๆ เดี๋ยวก็กลับแล้วใช่ไหม พี่ ” ผมหันหน้าไปส่งซิกให้พี่มันปฏิเสธพ่อผม แต่เหมือนผมจะส่งซิกไม่ดีหรือว่า พี่มันแกล้งผมกันแน่

“ค้างครับ ” ยังมีหน้ามายิ้มเยาะเย้ยผมอีก นะ

“อ่อ งั้นซันพาพี่เขาเข้าไปข้างในก่อนลูกเดี๋ยวพ่อล็อคประตูเสร็จจะตามไป”

ผมเดินนำพี่ทะเล เข้าไปในบ้าน

“บ้านผมไม่ใหญ่เท่าไหร่นะพี่ ”

“กูว่าอบอุ่นดี ”

    นั่นไงแม่ผมกำลังดูละครหลังข่าวอยู่นี่เอง ผมย่องไปข้างหลังแม่แล้วกอดแม่จากข้างหลัง
“จ๊ะเอ๋ ”

“เหวอ..ตกใจหมด ซันเองเหรอลูก ”

“ครับ แม่ครับนี่พี่ทะเล เป็นรุ่นพี่ที่ ม ครับ  ” ผมแนะนำพี่ทะเลให้แม่รู้จัก พี่มันก็ยกมือไหว้แล้วทักทายแม่ผม

“สวัสดีครับคุณน้า”

“ไหว้พระเถอะจ้ะ ทะเลมาส่งซันหรือลูก ”

“ครับคุณน้า”

“แล้วคืนนี้จะค้างที่นี่ก่อนไหม ดึกแล้วขี่รถกลับมันอันตราย ”

“ครับ  ”

“ไม่ต้องเกร็งนะลูก ทำตัวสบาย ๆ คิดสะว่าเป็นบ้านเรานะ ”

  แม่ชวนแต่พี่ทะเลคุย อย่างเดียวไม่สนใจลูกชายคนนี้เลย ใช่สิ ผมมันไม่หล่อ เร้าใจ เหมือนพี่ทะเลนิ คิดแล้วก็น้อยใจ
 
“คิดอะไรอยู่น่ะเรา ” เหมือนแม่จะมีญาณวิเศษ สัมผัสได้ถึงความคิดอันขื่นขมของผม ฮ่า ๆ

“ป่าวครับ อ่ะพ่อมาพอดี ” พ่อผมเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น คงจะปิดประตูเสร็จแล้ว

“กินอะไรมากันหรือยังลูก ”  พ่อผมเปิดฉากถามก่อนเลย

“กินมานิดหน่อยแล้วครับ ” อันนี้ผมไม่ได้พูดนะ นู้นใอ่คนตัวสูงข้าง ๆ ต่างหากที่พูด 

“หิวกันหรือเปล่า ”

“หิวครับ หิวมากเลยพ่อ มีอะไรกินไหมครับ ” อันนี้ผมพูด ก็มันจริงนิ ตั้งแต่ออกจากงานมาผมได้กินแค่น้ำปั่นที่ผมซื้อ ส่วนตอนอยู่ลานเกียร์มัวแต่โม้ เลยยังไม่ได้กินอะไรสักนิด

“มี  เมื่อเย็นแม่เขาทำมัสมั่น กับพะแนงไก่ไว้ มีแต่ของชอบของเราทั้งนั้น ยังกะรู้ว่าเราจะมา ”

“จริงเหรอครับ…ดีนะเนี่ยที่ล้างท้องมา ฮ่า ๆ ”

“ซันขึ้นไปอาบน้ำก่อน พาพี่เขาขึ้นไปด้วย เสร็จแล้วลงมากินข้าว เดี๋ยวแม่เตรียมไว้ให้ ทะเลกินข้าวด้วยกันก่อนนะจ๊ะ”

  ท้ายประโยคแม่หันไปบอกพี่ทะเลที่ตอนนี้ มีสีหน้ายิ้มแย้ม เหมือนหมาได้กินข้าวเลย ฮ่า ๆ (อย่าบอกพี่ทะเลนะว่าผมคิดแบบนี้)

    ผมพาพี่ทะเลเข้ามาในห้องนอนของผม ที่ตอนนี้ค่อนข้างโล่งเพราะของส่วนใหญ่ผมก็ขนไปที่หอหมดแล้ว แต่ก็มีเหลืออยู่บ้าง พี่ทะเลนั่งลงตรงโต๊ะเขียนหนังสือของผม ที่ตอนนี้ว่างเปล่า ดีนะ ที่ผมขนของทั้งหมดบนโต๊ะไปหอหมดแล้ว ไม่งั้น คงได้เห็นรูปตัวเอง แล้วเดี๋ยวผมจะโดนสักไซร้ไร่เรียงอีก

“พี่จะอาบก่อน หรือให้ผมอาบก่อนอ่ะ ”

ผมหันไปถามพี่ทะเลที่ตอนนี้กำลังเล่นกับ ตุ๊กตามอนสเตอร์ของผมอยู่ ไม่รู้ว่าไปเอามาจากไหน

“…..” ยังไม่ตอบ สนใจกุบ้างดิครับพี่

“พี่ทะเล! ผมถามว่าพี่จะอาบก่อน หรือ…”

“มึงไปอาบก่อนไป ตากฝุ่นมาทั้งวัน เดี๋ยวกูค่อยอาบทีหลัง ” เก่งนักนะใอ่เรื่องพูดแทรกขึ้นมาเนี่ย
 
ผมเข้าไปอาบน้ำ ขัดสีฉวีวรรณ ที่ตากแดดตากฝุ่นมาทั้งวัน

“อรายยย…สดชื่นจริง ๆ ” ผมเช็ดตัวแล้วใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย เพราะวันนี้มีแขกมานอนด้วย นี่ถ้าเป็นปกตินะ ผมโดนแก้ผ้าโทงเทงละ ผมออกมาจากห้องน้ำแล้ว มองไปยังร่างสูงที่นั่งอยู่บนโต๊ะ ที่ตอนนี้ไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ นอกจากแผ่นหลังที่ขยับขึ้นลง ตามลมหายใจ เข้าออก จังหวะสม่ำเสมอ 

“พี่ทะเล พี่ทะเล …”

      ผมเรียกอย่างเบา ๆ  เพื่อทดสอบดูว่าหลับจริงไหม แต่ไม่มีการตอบสนองใด ๆ ออกมา คงจะหลับจริง ๆ แหะ พอผมเดินเข้าไปดูใกล้ ถึงได้เห็นว่า พี่มันฟุบหน้าหลับลงบนโต๊ะโดยมี เจ้ามอนสเตอร์สีเขียว ๆ รองอยู่

ผมก็สังเกตเห็นว่า ตอนนี้พี่ทะเลสวมแว่นตาอยู่ ซึ่งปกติแล้วไม่ค่อยเห็นเขาใส่เลย เมื่อมองไปบนโต๊ะ จากเดิมที่ว่างเปล่า ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยบรรดาชีทเรียน กับปากกาวางอยู่ สงสัยคงจะเอามาอ่านตอนที่ผมอาบน้ำอยู่

“เรียนหมอ…มันหนักขนาดนี้เลยเหรอวะ ” เอาเถอะผมไม่กวนดีกว่า ปล่อยให้นอนหลับไปแบบนี้ก่อน

ผมเดินลงมากินข้าวคนเดียว พ่อแม่ผมก็ถามนะว่าพี่ทะเลไม่ลงมาเหรอ ผมก็ตอบไปว่า พี่ทะเลหลับอยู่ เลยไม่อยากปลุก พ่อแม่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่กำชับให้ผมเอาขนม กับน้ำผลไม้ขึ้นไปให้พี่เขาด้วย เผื่อเขาตื่นมาแล้วจะหิว

ผมเดินขึ้นมาบนห้อง ของตัวเอง หลังจากที่กินข้าวเสร็จ ผมเอาขนมกับน้ำผลไม้ขึ้นมาให้พี่ทะเลตามที่แม่ผมบอก แต่ผมแอบหยิบเครื่องดื่มบำรุงสมองติดมาด้วย  ถ้าแม่ไม่สั่งนี่ผมไม่ทำหรอกนะ จะปล่อยให้หิวไปเลย ชอบทำผมคิดมากดีนัก   

ไหน ๆ ก็หลับไปสักพักแล้ว ผมปลุกมันดีกว่า ไม่ได้กลัวจะหิวนะ แต่มดมันจะมาขึ้นขนมพวกนี้ แล้วถ้าแม่รู้ว่าพี่ทะเลได้กิน ก็จะองค์ลงบ่นผมแน่  ผมวางของลงบนโต๊ะ ให้ห่างจากชีทสักหน่อย กลัวมันหก

“พี่ทะเล พี่ทะเลตื่น … ” ผมก้มหน้าลงไปเรียกใกล้ ๆ กับหูของมัน

“พี่ทะเลตื่นเถอะครับ พี่ทะล…” ได้ผลพี่มันลืมตา แล้วยกหัวขึ้นมาจากหมอน เป็นจังหวะเดียวที่ผมก้มหน้าลงไปใกล้ ๆ กับหูของพี่มัน แต่แม่เจ้าประคุณรุนช่องเอ้ย จะอะไรเสียอีก ตอนนี้แก้มของพี่ทะเลกับจมูกของผม มันชนกันนะสิ ผมกำลังหอมแก้มพี่ทะเลอยู่

ผมสตั๊นไป 3 วิ พอตั้งสติได้ ผมรีบถอยหน้าตัวเองออกมาทันที

“กูหลับไปนานไหม ” พี่มันถามผม

“อ่อ…ไม่นานเท่าไหร่ครับ ”

“ปะ ลงไปกินข้าวกัน ” โถ่พ่อคุณ ผมกินอิ่มไปละ
 
“ผมกินไปแล้ว ”

“ไมไม่ปลุกกู หนีกูลงไปคนเดียวน่ะมึง” ณ จุด ๆ นี้รู้สึกผิดขึ้นมาเลยแหะ

“ไมจะไม่ปลุก ผมปลุกแล้วแต่พี่ไม่ตื่นเอง” ผมตอบไปตามจริง

“ช่างเถอะ เดี๋ยวกูจะอ่านหนังสือต่อ มึงนอนไปก่อนเลย ”แหมเสียงแข็งขึ้นมาเชียวนะพี่มึง คิดเหรอว่าผมจะสนใจ

“แต่ ผมเอาขนมกับน้ำผลไม้มาให้แทนนะ ผมกลัวพี่หิว ”


“….”  ไม่มีคำพูดใด ๆ ออกจากปากพี่ทะเลอีก แต่ผมว่าพี่มันคงจะไม่ติดใจอะไร เพราะผมเห็นเขาหยิบขนมขึ้นมากินบ้างแล้ว

“ผมไปนอนก่อนนะพี่  เอ่อ…”

“จะพูดอะไร…ก็พูดมา”

“ตั้งใจอ่านนะพี่… ”

“ฝันดีนะ” พูดอย่างเดียวได้ไหม ไม่ต้องส่งสายตากับรอยยิ้มแบบนั้นมาได้ไหม ผมจะนอนไม่หลับ
ผมนอนลงตรงที่ผ้าที่ปูข้างเตียง พี่ทะเลหันมาถามผม

“นั่นจะทำอะไร ”

“นอนไงพี่ ”

“ทำไมไม่นอนบนเตียงดี ๆ ”

“บนเตียงผมให้พี่นอน พี่เป็นแขกจะมานอนพื้นไม่ได้ ”

“ตรรกะ อะไรของมึง ขึ้นไปนอนบนเตียงสะ อย่าให้กูพูดรอบสอง ”

“ทำไม ! ถ้าพูดรอบสองแล้วพี่จะ เห้ยๆๆ พี่ทะเล พี่ทำอะไรของพี่เนี่ย ” พูดไม่ทันขาดคำ ไม่รู้ว่ามาตอนไหนถึงได้เข้ามาอุ้มผม ในท่าอุ้มเจ้าสาว แล้วโยนลง ใช่ครับต้องใช้คำว่าโยน เพราะพี่มันโยนผมจริง ๆ แต่ดีนะที่เตียงผมมันนุ่ม สปริงเขาดี

“โอ๊ย ! วางเบา ๆ ไม่เป็นหรือไง ”

“นอนบนนี้ ถ้ามึงลงไปนอนข้างล่างอีก มึงก็จะเจอแบบเมื่อกี้อีก”พอพูดจบ พี่มันก็เดินไปนั่งอ่านหนังสือเหมือนเดิม


เงียบ……

     ตอนนี้ระหว่างผมและพี่ทะเลมีแต่ความเงียบ ไม่มีใครพูดอะไร อีก จะมีแต่ก็เสียงแอร์ กับเสียงพลิกหน้ากระดาษไปมา  ที่ทำให้รู้ว่าอีกคนยังไม่นอน จู่ ๆ ฝนก็ตกลงมาสะงั้น ผมง่วงและเพลียมากกับเรื่องวันนี้ บวกกับอากาศที่เย็นสบาย  ผมจึงเคลิ้มหลับไปในที่สุด 

.
.
.
ไม่รู้ว่า แอร์เย็นสบาย หรือเพราะมีอีกคนที่มาอยู่ด้วยในตอนนี้
ผมจึงหลับฝันดีกว่าทุกคืนที่ผ่านมา




...

Talay’ part 2


.......

“หลับไปแล้วสินะ “


      ผมหันไปดูมัน ที่ตอนนี้หลับสนิทไปแล้ว เวลานอนคงเป็นช่วงเดียวจริง ๆ ที่มันจะไม่ทำหน้าเหมือนแบกโลกไว้ทั้งใบ ใช่ครับตอนนี้ผมกำลังอยู่ในห้องนอนของแว่น ใครจะรู้ว่าการที่พามันไปปรับทัศนคติ เอ้ย ปรับความเข้าใจที่ทะเล จะมีผลพลอยได้ให้มาค้างที่บ้านของมัน บ้านของแว่นเป็นบ้านเดี่ยวสองชั้นทั่ว ๆ ไป

       ผมเดินมาข้างเตียง แล้วนั่งย่อลงข้าง ๆ คนที่กำลังหลับสนิท นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่แว่นเข้ามาในชีวิตผม ที่ผมได้มีโอกาสมองหน้าของมัน ชัด ๆใกล้ หน้าที่ไม่ได้ใส่แว่นตานั่น มันก็ดูเป็นเด็กผู้ชายปกติทั่วไป ไม่ได้หน้าหวาน หรือ เหมือนผู้หญิง ออกจะจืดชืด ด้วยซ้ำ แต่ถึงเป็นแบบนั้นผมกลับชอบ ในความจืดชืดแบบนี้ เพราะที่ผ่านมาก็มีแต่คนน่าตาดี ๆ เข้าหาผมตลอด อย่างดาวคณะ คนนั้นที่ทำให้ผมตกเป็นข่าว โดนชาวบ้านเขานินทา ต่าง ๆ นานา ว่าผมมีอะไรกับเธอคนนั้นบางแหละ  อยู่ด้วยกันบ้าง พาขึ้นห้องบ้าง ผมจะบอกให้นะความจริงของเหตุการณ์นั้นนะ

……………………………………...


วันนั้นผมกำลังจะไปเรียน แล้วเธอคนนั้นก็มาดักรอผมที่หน้าห้อง ผมไม่รู้ว่าเธอรู้ได้ไงว่าผมอยู่ห้องนี้ เธอมาบอกกับผม

“พี่ทะเล คะ ”

“….”

“คือ แพรวชอบพี่ทะเล ค่ะ ”

“…”

“แพรวอยากจะขอโอกาสให้…” ไม่รอให้เธอพูดจบ ผมรีบพูดขึ้นเลย แน่นอนใอ่นิสัยพูดแทรกนี่มันเป็นนิสัยติดตัวผมไปละ

“ทำไมถึงชอบพี่ ” นั่นสิทำไมกัน ผมอยากจะรู้เหตุผลของเธอ

“พี่ทะเลเป็นคนดี นิสัยดี แล้วก็…”

“เอาตรง ๆ นะแพรว พี่ไม่ได้ชอบเราในแบบที่แพรวต้องการ  ” เหตุผลของเธอก็ไม่ต่างกับผู้หญิงคนก่อน ๆ ที่มาสารภาพกับผม ผมเบื่อที่จะฟังอะไรซ้ำ ๆ เดิมๆ เหมือนลอกคำพูดกันมา หรืออาจเพราะผมมีคนที่อยู่ในใจแล้วก็ได้ ถึงไม่ได้สนใจเรื่องแบบนี้

“แต่แพรวแค่อยากจะขอโอกาสจากพี่บ้าง ให้แพรวได้ทำอะไรเพื่อพี่ก่อน ถึงตอนนั้นพี่จะชอบแพรวหรือไม่ชอบ แพรวก็ยินดีรับทุกอย่าง ”

“อย่าดีกว่าแพรว …พี่ไม่ได้คิดกับแบบนั้นจริง ๆ อย่ามาเสียเวลาที่พี่เลยนะ  ”

      สาวเจ้าก้มหน้า ราวกับสลดเมื่อได้ฟังคำปฏิเสธจากผม แต่มันก็แค่ชั่วครู่นั่นแหละ ไม่ทันไร เธอใช้วิธีสุดท้ายที่เธอคิดว่าจะทำให้ผมสนใจได้ จะอะไรสะอีก เธอเริ่มงัดมารยาร้อยเล่มเกวียนของเธอขึ้นมาใช้ เธอผลักอกผมดันผมกลับเข้ามาในห้อง แล้วปิดประตูทันที

“แพรว…จะทำอะไร อย่าทำแบบนี้แพรว ” ผมรู้นะว่าเธอพยายามจะทำอะไรต่อไปจากนี้

“ในเมื่อแพรวขอพี่ดี ๆ พี่ไม่ยอม แพรวก็ต้องทำแบบนี้แหละ ”

     ไม่พูดเปล่า เธอเอามือปลดกระดุเสื้อนิสิตของเธอลงมา เผยให้เห็นเนินอกที่ที่ขาวนวล (เห้ย ๆ ไม่ใช่ละกู จะเคลิ้มไม่ได้) เธอเดินเข้ามาใช้แขนทั้งสองข้างโอบรอบคอผม พยายามจะใช้มือกดหัวผมให้ลงมาซบกับ อกของเธอ

“แพรวรู้นะคะ…ว่าพี่ชอบแบบนี้ ”

“อย่า ไม่เอาน่าแพรว ปล่อยพี่เดี๋ยวนี้ ” เหมือนยิ่งห้ามยิ่งยุ เธอจับมือผมขึ้นมาแล้วจะวางทาบลงบนอกของเธอ ท่าไม่ดีละกู  ผมใช้แรงที่มีผลักเธอ ออกไปในที่สุด  เหมือนผมจะออกแรงมากไปหน่อยผลักเธอจนเซไปเข้ากับประตูห้อง

“แพรวกลับไปซะ อย่ามาที่นี่อีก ไม่ว่าแพรวพยายามจะทำเรื่องนี้อีกกี่ครั้ง พี่ก็ไม่มีวันสนใจแพรว ”

“….”

“อย่าให้พี่ต้องเกลียดแพรวเลยนะ รีบแต่งตัวแล้วออกไปซะ ไม่งั้นพี่จะให้ รปภ.มาลากออกไป ”

“แล้วพี่จะต้องเสียใจ ” ยัง ๆ ก่อนไปยังจะมาขู่ผมไว้อีก แต่เอาเถอะ ขู่ไปก็เท่านั้นทำอะไรผมไม่ได้หรอก นี่ถือว่าผมยังเป็นคนดีนะ ไม่ใจร้ายผลักเธอออกไปตั้งแต่เธอเริ่มถอดเสื้อ อย่างไงเธอก็เป็นผู้หญิง ถึงผมจะไม่ชอบเธอ แต่ผมก็ต้องไม่ทำให้เธอเสียหาย
     แต่เหมือนเธอจะไม่ได้คิดแบบนั้น เพราะผ่านไปไม่กี่วันก็มีข่าวเรื่องผมกับเธอ ถูกพูดกันอย่างหนาหูใน ม. เห้อ ถ้ารู้ว่าใจดีแล้วเป็นแบบนี้ ผมน่าจะจับเธอโยนออกจากห้องตั้งแต่ตอนที่เธอเริ่มเปิดอกละ

   ข่าวซุบซิบพวกนี้ ผมไม่กังวลหรอก ผมคิดสะว่าสักวันคนก็เลิกพูดถึงกันไปเอง แต่ผมกลัวอยู่อย่างเดียว คือ เด็กนั่นมันจะได้ยินข่าวนี้แล้วหรือยัง ผมกลัวมันจะเข้าใจผิด เพราะต่อให้คนทั้งโลกมองผมเป็นคนไม่ดียังไง แต่ขอแค่มันคนเดียวที่ยังเชื่อในตัวผม ผมก็ไม่สนคนทั้งโลกอีกเลย แต่เหมือนมันจะได้ยินข่าวมาแล้ว ถึงได้มายืนถามผมแบบนี้นี่ไง


…………………………….

วันนั้นผมกำลังจะออกไปอ่านหนังสือกับพวกใอ่ไบร์ทที่ คณะ แต่ผมคงรีบไป เลยเดินชนกับคนที่สวนมา

“ขอโทษครับ… เป็นอะไรหรือเปล่าครับ ”  อีกฝ่ายเอ่ยขอโทษขึ้นมาก่อน

“เดินยังไงวะเนี่ย…ไม่ได้ดูเลยรึ….อ้าวซัน”  นึกว่าใคร ที่แท้ก็มันนี่เอง

“อ้าวพี่ทะเล อยู่หอนี้เหรอพี่ ” มันเริ่มยิงคำถามใส่ผมก่อน

“ใช่ หอนี้แหละ มึงก็อยู่….”  ผมตอบมันไปยังไม่มันทันจบ แต่เหมือนมันจะติดนิสัยพูดแทรกของผมไปแล้ว

“ผมอยู่หอนี้แหละพี่ ชั้น 5 นะ”  ดีจริงเว้ย จะถามแค่อยู่ที่นี่เหรอ แต่ดันได้ชั้นที่มันอยู่ มาด้วยนี่ถ้าไม่รู้จักกันนะ ผมคิดว่ามัน กำลังอ่อยผมอยู่แน่เลย แต่ไม่เป็นไรผมชอบ ฮ่า ๆ

“….. ” ผมเงียบเพื่อรอดูว่า มันจะพูดอะไรต่อไป

“พี่อยู่ชั้นไหนอ่ะ ” ไม่ผิดจากที่คาดไว้ การที่มันยอมบอกชั้นที่มันอยู่แสดงว่ามันเองก็อยากจะรู้ว่าผมอยู่ชั้นไหนเหมือนกันสินะ
 
“5 เหมือนมึงแหละ” อ่ะ ผมเห็นว่ามันทำดีด้วยการอ่อยผมก่อน (อันนี้ผมโมเมเองว่ามันอ่อยแต่อย่าไปบอกมันนะ) ผมจึงบอกมันคืนไปบ้าง

“บังเอิญจังเลยเนอะ แล้วนี่พี่กำลังจะไปไหนอ่ะ” มันยังคงถามผมต่อ

“ไปข้างนอก ”

“ไปรับดาวคนนั้นเหรอ ”  กูว่าแล้วไง นึกแล้วว่ามันจะถามอะไรผม ให้มันได้แบบนี้สิ ถ้าซื้อหวยป่านนี้รวยไปละ

“ดาว ?ดาวไหนอ่ะ” ผมแกล้งทำเป็นเฉไฉ เพื่อจะดูว่ามันรู้ หรือได้ยินอะไรมาบ้าง

“ก็ดาวคนนั้นที่พี่พาขึ้นห้องไง ลืมหรอ” อืม ได้ยินมาแบบนี้สินะ ไม่ได้ผิดจากที่ผมได้ยินมาเหมือนกัน

“เฮ้ยๆ พูดให้ดีนะมึง กูไม่ได้พาเขามาหากูเอง”  ถูกของผม เธอมาหาผมเองจริง ๆ นะ

“แล้วเข้าไปทำไรกันอ่ะ ” ถามแบบขวานผ่าซากเลยนะครับน้องซัน

“มึงนี่ถามซอกแซกเนอะ จะอยากรู้ไปทำไม ” ผมถามมันคืนบ้าง

“ก็ผมได้ยินมาว่าพี่พาเธอคนนั้นขึ้นห้อง ผมก็นึกว่าจะ …โอ๊ย !” ไม่ไหวละ ขืนให้มันถามมากว่านี้มีหวังผมได้กลายเป็นผู้ต้องหาขืนใจหญิงแน่เลย ผมเลยเขกหัวมันไปทีนึง เพื่อให้มันหยุดคิดอะไรที่พิลึก ๆ


 “จะทำอะไรก็ไม่เกี่ยวกับมึง…ทำไมชอบกูหรอ ”  ผมแกล้งแหย่มันเล่น แต่ประโยคหลังนั่นอ่ะ ผมถามเพราะอยากรู้จริง ๆ

“หึย พูดบ้าอะไรของพี่วะ ” ได้ผลใอ่นี่ก็บ่ายเบี่ยงไปเรื่อย แต่ดูจากสายตา ลุกลี้ลุกลน ก็พอจะเดาคำตอบของคำถามได้ไม่ยาก แต่เอาเถอะในเมื่อเจ้าตัวไม่พร้อมจะพูดผมก็จะไม่บังคับ

“มึงอยากรู้ปะ ว่าเขามากูทำไม ” พอได้คืบแล้วผมก็ต้อง เอาอีกศอก

“ก็….อยาก” ผมค่อยๆ โน้มตัวลงไปหามันแล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ๆ กับหูของมันแล้วก็ซิบกับมันว่า

“ถ้าอยากรู้…ก็มาหากูทีห้องดิ ”  ฮ่า ๆ ได้ผลหูมันแดงขึ้นมาทันที ยักับโดนบิดหูอย่างแรงสงสัยผมจะพูดอะไรที่จี้จุดมันไปหน่อย มันยืนนิ่งเงียบ หูแดงอยู่แบบนั้น

“….”

“ฮ่า ๆ กูไปละ ”  ผมรีบตัดบทไว้แค่นั้นเพราะถ้าขืนอยู่นานมีหวังผมได้หาเรื่องแกล้งมันไม่เลิก แล้ววันนี้งไม่ต้องอ่านหนังสือกันพอดีผมหันกลับไปมองก็เห็นว่า มันกำลังเอามือปิดใบหูของมันที่ตอนนี้แดงก่ำ


“ใอ่แว่น เอ้ยย ” ผมยิ้มให้เล็กน้อย แล้วปั่นจักรยานออกไป

…………………………..

-กลับมาที่ปัจจุบัน-

        ผมค่อย ๆ เอามือลูปหัวของมันอย่าง เบา ๆ คงจะนอนฝันดีอยู่สินะจากที่ผมดูแล้วคิดเอาเองนะ ผมว่าแว่นมันก็ต้องชอบผมอยู่บ้างไม่มากก็น้อย แต่สำหรับผม ผมยอมรับได้เต็มปากเลยนะ ว่ามันคือคนเดียวที่ผมชอบ และมองมาตั้งนานแล้ว

         ทำไมกันในเมื่อผมก็มั่นใจในความรู้สึกของตัวเอง แล้วมันเองก็ชอบผมอยู่ ทำไมเราสองคนไม่ลองคบกันให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยวะ เรามัวรออะไรกันอยู่ หรือเพราะผมยังไม่ได้แสดงออกมาให้เห็นว่า ผมเองก็ชอบมันเหมือนกัน

          เอาเถอะผมพักความคิดฟุ้งซ่านของตัวเองไว้แค่นั้น ผมต้องกลับนั่งอ่านหนังสือต่อ เดี๋ยวอ่านไม่รู้เรื่องกันพอดี ผมค่อย ๆ โน้มตัวลงไปหาคนที่หลับสนิท ค่อย ๆ ประทับริมฝีปากลลงบนหน้าผากของมันอย่างแผ่วเบา

“ฝันดีนะ แว่น ”

           ตอนนี้ผมทำได้แค่นี้ แต่เชื่อเถอะวันหน้าผมอาจจะได้ทำมากกว่านี้ก็ได้ ผมดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมหน้าอกของมัน ก่อนที่จะเดินไปนั่งอ่านหนังสือเหมือนเดิม

            ผมอ่านหนังสือไปจนถึงตี 3 อีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะเช้า ผมคงต้องงีบสักตื่นไม่งั้นหัวผมจะเบลอ ที่อ่านไปก็อาจจะสูญเปล่าแน่ ผมเอนตัวลงนอนบนผ้าห่มที่ถูกนำมาปู้ที่พื้นห้อง มีหมอนหนุน กับหมอนข้าง แล้วก็ผ้าห่มลายมอนสเตอร์ เตรียมไว้ให้
.
.
.


นี่คงเป็นคืนแรกที่ทำให้ผมไม่อยากอ่านหนังสือ อยากจะนอนไวกว่าทุกวัน
ไม่ใช่เพราะอากาศที่เป็นใจ แต่เพราะมีคนรู้ใจนอนอยู่ด้วยต่างหาก

To be continue....

      พบคนอยากนอนไว 2 อัตราค่ะคุณขาาาาาา :hao3:

      ต้องขอบอกก่อนเลยว่าตอนนี้จะมีการเล่าถึงเหตุการณ์ใน Chapter ก่อน ๆ หากใครอ่านแล้วงง หรือสงสัยว่าเหตุการณ์นี้มาตอนไหน เราแนะนำให้ย้อนกลับไปอ่านตอนเก่าด้วยนะ
      วันนี้มาอัพต่อจากเมื่อวานแล้วน้า ทีแรกลังเลแรกอยู่นานว่าจะอัพวันนี้เลยไหมแต่คิดไปคิดมาอัพเลยดีกว่า เพราะสัปดาห์หน้าเหมือนจะไม่ค่อยว่าง อาจจะหายไปนานเป็นอาทิตย์เราต้องขอโทษทุกคนไว้ด้วยนะ

     


หัวข้อ: Re: Nice to Se(a)e You Again.___Chapter 10 มาแล้วจิ้มอ่านกันโลด
เริ่มหัวข้อโดย: nattha_Kkhung ที่ 02-09-2018 14:12:59
#Chapter10 – ภัยออนไลน์

.......


     หลังจากที่เมื่อคืนผมหลับไปก่อน เลยไม่รู้ว่าพี่ทะเลอ่านหนังสือถึงกี่โมง แต่คาดว่าน่าจะดึกอยู่ เพราะตอนนี้ยังไม่ตื่นเลย เรียนหมอต้องอ่านหนังสือหนักขนาดนี้เลยเหรอ ผิดกับผมที่อ่านแต่ไม่ได้อ่านจนรุ่งสางแบบที่เขาทำกัน

       ผมตื่นตั้งแต่ 6 โมงเช้าแล้วครับ ไม่ต้องชมว่าผมขยัน เพราะผมเองก็อยากจะตื่นสายนะ แต่เหมือนเป็นนิสัยไปแล้ว ต่อให้นอนดึกแค่ไหน ผมก็ต้องตื่น 6 โมงเช้า

        วันนี้ผมไม่มีเรียน แต่พี่ทะเลผมไม่รู้ว่าเขาต้องไปไหนหรือเปล่า ผมล้างหน้าแปรงฟัน ลงมากินข้าวเช้าที่แม่ผมทำไว้ให้ วันนี้แม่กับพ่อผม ออกไปธุระข้างนอกแต่เช้า ทั้งบ้านจึงเหลือแค่ผมกับพี่ทะเลสองคน

      ผมนั่งกินข้าวไปเรื่อย ๆ  สักพักพี่ทะเลก็ลงมาจากห้อง พี่มันยังไม่ได้อาบน้ำสินะ เสื้อยังใส่ตัวเดิมแต่บอกเซอร์ยังเป็นตัวเดียวกับที่ผมเห็นเมื่อวานเลย เอาเถอะผมเข้าใจเพราะผมก็ใส่ซ้ำกันสามสี่วัน ฮ่า ๆพี่ทะเลนั่งลงที่โต๊ะกินข้าว ตรงข้ามกับผม
 
“ตื่นนานยัง ” พี่ทะเลในตอนนี้หัวยุ่ง ตายังสะลึมสะลืออยู่เลย

“สักพักแล้วพี่…พี่ยังง่วงอยู่ปะเนี่ย หน้าพี่มันโคตรง่วงอ่ะ ”

“ตอนตื่นน่ามึงยิ้มเหรอวะ ” อ้าวนั่น คนอุตส่าถามดี ๆ ยังจะมากัดกันอีก เอาเถอะ วันไหนที่ พี่มันไม่กัดผมนะผมคงจะรู้สึกแปลก ๆ (โรคจิตปะกู)

“ด่ากูอยู่หรือไง”

“เปล่า พี่จะกินอะไร วันนี้แม่ผมทำข้าวต้มหมูหรือ จะกินแค่ซีเรียลก็มีเดี๋ยวผมไปเอามาให้”

“ขอแค่กาแฟ กับขนมปังพอ ได้ไหมวะ”

“ได้ดิ พี่รอแปปนึงนะ ” เอะ ทำไมบรรยากาศมันเหมือนกับสามีสั่งอาหารภรรยาเลยแหะ

“พี่ไม่กินข้าวหรอ…กินแค่นั้นมันจะเรียกว่าข้าวเช้าได้ไง ” ผมนี่ก็ทำตัวให้เข้าค่ายคุณแม่บ้านเข้าไปอีก

“กูกินแบบนี้ประจำ…มึงเลิกถามแล้วไปเอามาได้แล้ว ”

“ผมแค่เป็นห่วงน่ะ…กลัวพี่จะเป็นลม ไม่มีแรงอ่านหนังสือเอา ”

“เออ ๆ ตักข้าวมาเลย….บ่นยังกับเป็นเมียกูนะมึง ”

         ตอนแรกก็ดีใจนะ ที่มันยอมกินข้าวแต่ตอนนี้น่าปล่อยให้กินแบบเดิมไปก็ดี เรานั่งกินข้าว กันไป คุยเรื่องไร้สาระไปด้วย แต่ระหว่างเราสองคนไม่มีใครเอ่ยถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน รวมถึงเรื่องที่เกิดขึ้นที่ทะเล เหมือนกับว่าเรื่องนั้นเราเคลียร์กันแล้ว เข้าใจกันดี ถึงได้มานั่งกินข้าวฟิลแบบสามีภรรยาอยู่นี่ไง แต่พอผมนึกถึงเหตุการณ์ที่ทะเลทีไร เหมือนผมไปสารภาพรักกับพี่มันสะอย่างนั้น แล้วเหมือนพี่มันเองก็ไม่ได้ว่าอะไรแถมดึงผมเข้าไปกอดอีก “พี่น้องเขาจะง้อกันแบบนี้ด้วยหรือวะ” ผมถามตัวเองในใจ

          หลังกินข้าวเสร็จพี่ทะเลขอตัวกลับหอก่อน เพราะว่าวันนี้มีเรียนทั้งวัน  ส่วนผมที่วันนี้ว่างทั้งวันเพราะไม่มีเรียน เลยนั่งเล่นไถมือถือไปเรื่อย เข้ากลุ่มนู้นบ้างกลุ่มนี้บ้าง และที่ต้องเข้าประจำคือเพจ คนรักทะเล
แต่ดูเหมือนว่าวันนี้เพจจะมีความเคลื่อนไหวใหม่เข้ามา เป็นภาพของผมกับพี่ทะเลที่ยืนเถียงกันอยู่ในงานเปิดโลก เมือวานนี้ พอเลื่อนอ่านคอมเม้นดู ส่วนใหญ่ก็ออกแนวโจมตีผมหาว่าผมไปหาเรื่องพี่ทะเลเพื่อเรียกร้องความสนใจบ้าง บ้างก็บอกว่าพวกแฟนคลับคิดมากไปเอง




Thanitta Fansea  : คนนี้เป็นใครอ่ะ เห็นยืนเถียงกับพี่ทะเล

SOM Juice : + 1 รอเผือกอยู่

Yuri HAN : จะใครสะอีกก็คงเป็นพวกชอบพี่ทะเล แล้วอยากหาโอกาสเข้าหา แต่พี่เขาไม่เล่นด้วยเลยตามมาตื้อ ถึงบูท

มิ้น นิตฐา :@ Yuri HAN มั่นใจเหรอ

Yuri HAN :@มิ้น นิตฐา เรื่องจริงเราอยู่ในเหตุการณ์ด้วยเถียงกันเป็นวรรคเป็นเวร แต่สุดท้ายฮีก็ต้องเดินคอตกออกไปมือเปล่าจ้า

MOO CHO : เห็นใส่แว่นติ๋ม ๆ ก็ออกล่านี่หว่า

Rutta Orio : อ่อยเก่ง
 


         อีกนับสิบข้อความบลา ๆ ที่มีแต่กล่าวหาว่าผมเป็นแบบนั้นแบบนี้ ทั้ง ๆ ที่ไม่มีใครรู้อะไรจริงเลย แต่ช่างเถอะ ผมคงจะไม่เอาเรื่องแบบนี้มาให้รก สมองหรอก ตราบใดที่ยังไม่เข้ามาก้าวก่ายชีวิตผมมากว่านี้  ผมเลิกสนใจเรื่องนี้ แล้วแต่งตัวออกไปห้างแถวบ้านดีกว่า เมื่อกี้ที่เล่น ทวิตเตอร์ผมเห็นทวิตของร้านเครื่องเขียนที่ผมติดตามอยู่เขาอัพรูปสินค้าใหม่ กะว่าวันนี้ว่าง ๆ เลยจะไปดูสะหน่อยถ้าถูกใจก็ซื้อ ถ้าไม่ก็คิดสะว่าไปเดินเล่น

          ผมนั่งรถโดยสารมาลงที่ห้าง แล้วพุ่งตรงไปที่ร้านดังกล่าว ก็สอบถามพนักงานถึงสินค้าใหม่ที่เข้ามา ผมก็ไปยืนเลือกยืนดูสักพัก ก็มีลูกค้าผู้หญิงกลุ่มนึง เดินมาเลือกของข้าง ๆ ผม  หญิงสาวคนนึงในกลุ่มนั้นก็เริ่มพูดขึ้น

“แกจริงหรือเปล่าวะที่เขาแชร์ในเพจ อ่ะ ว่ามีผู้ชาย กำลังตามตื้อพี่ทะเล ” เธอพูดเสียงดังราวกับจงใจให้ผมได้ยิน ซึ่งก็ได้ยินแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจ

“แก…เรียกผู้ชายไม่ได้สิ เกย์ต่างหาก ” เพื่อนเธออีกคนนึงพูดขึ้น แต่ท้ายประโยคพูดกระแทกมาทางผม

“อยู่ดีไม่ว่าดีเนอะ ตัวเองผิดเพศอยู่คนเดียวไม่พอ ยังจะมาดึงให้พี่ทะเลเขาเป็นไปด้วยอีก ”  ผิดเพศงั้นหรอ   ผมหยุดมือที่กำลังลองเทสปากตัวใหม่อยู่

“ไม่รู้ว่า มันจะฝันลม ๆ แล้ง ๆไปถึงไหน คิดจริง ๆ หรอว่าพี่ทะเลจะหันมาสนใจ  ใช่ปะแก ” หญิงสาวในกลุ่มเธอหันมาพูดกับผม
 
“ครับ ? … เมื่อกี้ถามผมหรือครับ ” ผมแกล้งทำเป็นไม่ได้ฟังสิ่งที่พวกเธอคุยกัน

“แล้วจะให้ถามใครละจ๊ะ นอกจากเป็นเกย์แล้ว นี่ยังหูหนวกอีกเหรอ” ถึงตอนนี้แล้วผมยังทนได้ ไม่ได้ระเบิดอารมณ์ทั้งหมดใส่พวกเธอ เพราะถึงยังไงผมก็เป็นผู้ชาย ขืนทำอะไรไปได้ถูกเอาไปลงเพจนู้น เพจนี่ มีแต่เสียกับเสีย ผมจึงเลือกที่จะก้มหน้าให้พวกนั้นพูดไป

“เฮ้ย พวกแกดูดิ มันเงียบวะ สงสัยจะยอมรับแล้วสินะว่า เป็นเกย์จริง ๆ ”

“ไหน ๆ แล้ว พวกเราจะขอบอกแกเอาไว้ แกจะไปทำตัวอ่อยผู้ชายคนไหนก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่กับพี่ทะเลของพวกเรา ไม่งั้นละก็ อย่าหาว่าพวกเราไม่เตือน ”

       เหมือนพนักงานจะสังเกตเห็นความผิดปกติของผมกับพวกนั้นจึงเดินเข้ามาถาม พวกนั้นก็บอกว่าไม่มีอะไร แค่ทักทายกันเฉย ๆ แล้วพวกนั้นก็เดินแยกย้ายกันไป ผมซื้อของเสร็จแล้วรีบ ขึ้นรถกลับบ้านทันที

“เห้อ มันอะไรกันนักหนาวะ….” ผมบ่นออกมาหลังจากที่มาถึงบ้านแล้ว ตั้งแต่กลับมาผมเอาแต่นั่งทวนประโยคที่แฟนคลับกลุ่มนั้นพูด ภาพในร้านเครื่องเขียนลอยขึ้นมา
 

“อยู่ดีไม่ว่าดีเนอะ ตัวเองผิดเพศอยู่คนเดียวไม่พอ ยังจะมาดึงให้พี่ทะเลเขาเป็นไปด้วยอีก ” 
 “ไม่รู้ว่า มันจะฝันลม ๆ แล้ง ๆไปถึงไหน คิดจริง ๆ ว่าพี่ทะเลจะหันมาสนใจ  ใช่ปะแก ”




      ผมผิดอะไร ทำไมอะ ผมแค่ทำตามความต้องการของตัวเอง ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน ผมไม่ได้มีเจตนาที่จะดึงพี่ทะเลให้ผิดเพศ อย่างที่พวกนั้นพูด ผมก็อยู่ของผมดี ๆ และต่อให้มันเป็นฝัน ลม ๆ แล้ง ๆแต่มันไม่ผิดไม่ใช่เหรอที่จะฝัน นี่มันชีวิตผม

“เห้อ…ในเมื่อเดินมาถึงขนาดนี้แล้ว  จะให้ถอยหลังกลับก็ไม่คงไม่ทันแล้ววะ ” ผมได้แต่พูดบอกตัวเองเบา ๆ

“ซัน มีเรื่องไม่สบายใจหรือเปล่าลูก เห็นนั่งถอนหายใจมาสักพักแล้วนะ” แม่ถามผม แต่ผมจะตอบยังไงดีเนี่ยสิ

“จะว่ามีก็มีนะครับ จะว่าไม่มีก็ไม่มี ”

“แล้วตกลงมีหรือเปล่า” พ่อผมที่นั่งอยู่ถามขึ้น

“มีครับ ”

“มีเรื่องอะไรหรือลูก เล่าให้ฟังได้ไหม ”

“….”

“ยังไม่อยากเล่าเหรอเรา ” พ่อพูด

“ผมไม่รู้ว่าจะเล่ายังไงดีอะครับ”

“เรื่องพี่ที่มาส่งลูกเมื่อคืนหรือเปล่า ” ทำไมแม่ผมเซ้นดีแบบนี้นะ

“….”

“เงียบแบบนี้  ใช่สินะ ”

“ใอ่หนุ่มคนนั้น มันทำอะไรเราหรือเปล่า ” พ่อผมรีบพูดขึ้น

“ไม่ใช่พี่เขาหรอกครับ…แต่เป็นพวกแฟนคลับพี่เขา”

“เล่ามา พ่อกับแม่จะได้ช่วยแก้ปัญหาถูก ”

ผมก็เล่าเรื่องของเพจนั่นที่ผมเจอ ว่าพวกเขาคอมเม้นโพสอะไรกันบ้าง แล้วก็เรื่องที่เจอเมื่อตอนอยู่ร้านเครื่องเขียน

“คนพวกนี้มันยังไงกันนะ เชื่อทุกอย่างที่มีคนป้อนเข้าปากให้ ตัวเองนั่งอยู่น่าจอมือถือแท้ แต่ทำตัวรู้ดีไปเสียทุกอย่าง ” พ่อผมเริ่มฉุนขึ้นมา แต่แม่ผมปรามให้ใจเย็น ๆ ไว้ก่อน

“นอกจากที่เล่ามา ยังมีเรื่องอื่นอีกหรือเปล่า ” พ่อถามผม

“ไม่มีแล้วครับ ”

“ซันทำถูกแล้วนะที่ไม่ได้ทำอะไร คนพวกนั้น เพราะมีแต่เสียกับเสีย ” แม่ผมบอกแบบนั้น

“พ่อว่า ทางที่ดีเราอยู่ห่างทะเลไว้ให้มาก ๆ เพราะแค่นี้คนพวกนั้นยังตามมาหาเรื่องเราได้ พ่อไม่อยากคิด ว่าถ้ามันเลยเถิดไปกว่านี้ คนพวกนั้นมันจะทำอะไรลูกพ่อบ้าง” เลยเถิดของพ่อคืออะไรกันนะ

“ครับ ผมจะพยายาม ”

แต่จะทำได้หรือเปล่าก็อีกเรื่องนึงนะครับพ่อ



         ผมกำลังเดินอยู่บนฟุตบาทในมหาลัย เพื่อจะไปเข้าเรียนในคาบเช้าเหมือนกับนิสิตคนอื่น ๆ ในหัวของผมยังคงคิดถึงแต่เรื่องที่เกิดขึ้น  ผมเดินไปตามทางเรื่อย ๆ พยายามปล่อยให้ความคิดหลุดไปกับสิ่งรอบ ๆ บ้าง แต่ก็ไม่เป็นผล


กริ๊ง ๆ กริ๊ง ๆ

“ไงมึง ไม่มีเรียนเหรอวะ ” ตายยากชะมัด พูดถึงปุบก็มาปับมีใครปล่อยคิวหรือเปล่าวะ

“ที่เดินอยู่เนี่ยก็จะไปเรียนแหละพี่ ”  ผมตอบพี่ทะเลไป

“ขึ้นมาเดี๋ยวกูไปส่ง ”

“ไม่ดีกว่าพี่ ผมอยากเดินเอง ” ขืนซ้อนท้ายไปด้วย มีหวังพวกแม่ยกมโของพี่มันได้มาแหกอกผมแต่เช้าพอดี

“กูให้มึงตอบเหรอวะ? ขึ้นมาเร็ว ๆ ”

“ก็บอกว่าไม่ไง พี่นี่ตื้อเก่งจังวะ  ”

“จะขึ้นไม่ขึ้น หรือจะให้กูลงไปอุ้มมึงเหมือนวันนั้น ” ภาพเหตุการณ์ในห้องนอนวันนั้นลอยเข้ามาในหัวผมทันที ขืนให้มันอุ้มผมในท่านั้นตอนนี้ มีโอกาสที่จะโดนแหกอกมากกว่าขึ้นไปนั่งซ้อนดี ๆ

       สุดท้ายผมก็นั่งซ้อนจักรยานมาลงที่ตึก ท่ามกลางสายตานิสิตจำนวนมากที่จับจ้องมาทางผู้ชายร่างใหญ่รูปหล่อ กับคนซ้อนหน้าเหมือนหมีควาย  คงจะเป็นภาพที่พิลึกอยู่ไม่น้อย จักรยานคันกลางเก่ากลางใหม่จอดเทียบกับฟุตบาทหน้าตึกเรียนรวม

“ผมไปเรียนก่อนนะพี่ ”

“ขอบคุณสักคำอ่ะเป็นไหม”

“เรื่องเยอะ แล้วใครขอให้มาส่ง”

“อ้าว ใอ่นี่ดูพูดเข้า แล้วหมาที่ไหนมันเดินมาซ้อนท้ายแล้วเกาะเอวกูวะ”

“เออ ๆ ขอบคุณ ”

“ก็แค่เนี่ย ไปละเดี๋ยวตอนเที่ยงกูมารับ  ”

“ผมบอกตอนไหนว่าจะให้พี่มารับ เฮ้ยเดี๋ยวดิพี่ ” ไม่รอผมพูดจบพี่มันก็ปั่นจักรยานหนีไปแล้ว



-พักเที่ยง-


พวกผมสามคน เดินลงมาจากตึกพลางคุยกันถึงงานกลุ่มที่อาจารย์สั่ง
“เรานัดทำกันวันเสาร์นี้ดีไหม ” เมเสนอขึ้นมา

“ก็ดีนะมึง จะได้เสร็จไว ๆด้วย ซันมึงว่างใช่ไหม  ” เนพูด

“ว่างดิ แล้วที่ไหนอ่ะเม ”

“บ้านซันไง ได้ปะ ”

“ได้สิ ”

“งั้นวันเสาร์ เดี๋ยวกูไปรับมึงกับเม แล้วค่อยไปบ้านตามนี้นะ”

“เราไปกินข้าวที่ไหนกันดี ร้านป้าศรี ป้าดา  หรือป้า…”

“ไม่ใช่เรา ”

“อะไรของมึงเน ”

“ที่ต้องไปมีแค่กูกับเม ส่วนมึงนู่น ” มันพยักหน้าไปตรงทางเดิน ที่มีผู้ชายร่างใหญ่ รูปหล่อในชุดนิสิตถูกระเบียบนั่งคร่อมจักยานคันกลางเก่ากลางใหม่อยู่

“เฮ้ย มาจริงเหรอวะเนี่ย ” ผมกำลังจะเดินไปหาแต่โดนใอ่เนรั้งไว้ก่อน

“เดี๋ยวก่อน ยังไงเนี่ย เดี๋ยวนี้มีมารับมาส่งด้วยเหรอวะ คืบหน้านะมึง ”

“หวัดจะดี ก็ดีจนน่าขนลุกเลยนะซัน ” เมพูด

“บ้า ! ไม่มีอะไรจริง ๆ แล้วนั่นจะไปกันน่ะ ”  สองคนนั้นเดินปรี่เข้าไปหาเจ้าของจักรยานคันนั้น
 

“พี่ทะเล หวัดดีพี่” เนเปิดฉากทักทายพี่ทะเลแล้วตามด้วยเม ผมเองที่เพิ่งมาถึง ยังไม่ได้เปิดปากพูดอะไรเพราะใอ่หมาเนตัวเคื่องมันเล่นจ้อคุยกับพี่เขาตัดหน้าผมไปสะก่อน

“หวัดดี” พี่ทะเลรับไหว้จากพวกเรา

“พี่มารับเพื่อนผมเหรอ ”

“หมายถึงเพื่อนคนไหน” อ้าวใอ่พี่ทะเล ทำไมตอบแบบนี้วะ เมื่อกี้ผมอุตส่าดีใจที่พี่มันมารับ

“มีหลายคนจนจำไม่ได้เลยเหรอพี่ ” 

“จะรู้ไปทำไม ไม่เกี่ยวกับมึง”

“ไม่ทำไมอ่ะ ”

“มึงต้องการอะไรพูดมาตรง ๆ ดีกว่า เสียเวลา ” ผมมองทั้งคู่สลับไปมา บทสนทนาเริ่มจะตึงเครียดขึ้น ผมไม่เข้าใจการกระทำของเนในตอนนี้ ว่ามันจะไปยั่วให้ตีนพี่ทะเลกระตุกทำไม

“ไม่ได้ต้องการอะไร แค่จะบอกว่าดูแลเพื่อนผมให้ดี ๆ ก็แล้วกัน  ”

“ถึงมึงไม่พูดกูก็ทำ ไม่ต้องให้เด็กอย่างมึงมาบอกกูหรอก”

“ก็ขอให้ทำได้อย่างที่พูดแล้วกัน ไปเถอะเมกูหิวละ  ”

“อ้าว อิเนเปลี่ยนโหมดไวนะแก ” เมกับเน เดินออกไปจากตรงนี้ทิ้งให้เขาอยู่กับพี่ทะเลกันสองคน

“นั่นเพื่อนหรือพ่อมึงวะ ” พี่ทะเลถามผม

“หน้ามันคล้ายพ่อผมที่เคยเห็นหรือเปล่าล่ะ ถ้าไม่ก็แสดงว่าไม่ใช่พ่อ โอ๊ย ” ท้ายประโยคพี่มันยื่นเท้ามาถีบที่หน้าแข้งผม

“ไปได้แล้วตอนบ่ายกูมีเรียนต่อ ”

“อะไรของพี่ โมโหหิวรึไงวะ ” ผมซ้อนท้ายจักรยานคันเดิมที่มาส่งเมื่อเช้า พี่มันค่อย ๆ ปั่นออกไป






เรียนเก่ง ทึกทักเก่ง แล้วยังอารมณ์เสียเก่งอีก
แล้วอย่างอื่นจะเก่งด้วยไหม ?



To be continue ….


ฮัลโหลเรากลับมาแล้วนะทุกคน อาทิตย์ที่ผ่านเรางานยุ่งมากแถมป่วยอีก นี่อาการเพิ่งจะดีขึ้นถึงได้มาอัพต่อได้ ตอนนี้เราขอมาแบบสั้น ๆ ก่อนนะ แต่ตอนหน้ารับรองว่ามารวดเดียว 2 Chapter เลย อยากให้อัพต่อไว ๆ ก็คอมเม้นกันด้วยน้า อยากอ่านคอมเม้นจากทุกคน เราเหงา ฮ่า ๆ
twitter : nattha_Kkhung
 
หัวข้อ: Re: Nice to Se(a)e You Again.___Chapter-ภาค
เริ่มหัวข้อโดย: nattha_Kkhung ที่ 05-09-2018 06:56:39
#Chapter-ภาค


.....



   ผม ภาค ชื่อจริง ภาคิน อยู่ IE ปี2 มหาวิทยาลัย WRR ผมเป็นพี่รหัสของใอ่ซัน เป็นน้องรหัสพี่อิม และหลานรหัสพี่อู๋ ผมแนะนำตัวแค่นี้พอ เรื่องอื่นไม่อยากให้รู้

   “ เอ้า ชน ! “ วันนี้ผมและเพื่อนพาน้องรหัสมาเลี้ยงสาย ที่ร้านนมโต ร้านเหล้าแถว ม.
“หมดแก้วดิวะ “ เสียงใอ่ห่าไผ่สั่งน้องมันให้แดกเหล้าให้หมดแก้ว แม่งสั่งอย่างเดียวไม่พอ ยังจับแก้วกรอกปากน้องมันอีก กูละสงสารน้องมึงชิบ

ใอ่ไผ่เป็นเพื่อน ม.ปลาย คนเดียวที่สอบตรงติดที่เดียวกับผม พอเข้ามหาลัย ก็ได้มันนี่แหละเป็นรูมเมทช่วยหารค่าห้อง เห็นแบบนี้ผมก็ไม่ได้รวย คาบช้อนเงิน ช้อนทองมาแต่เกิด

“ฮ่า ๆ ใอ่เชี่ยไผ่กูว่าพอเถอะ ดูหน้าน้องมึงดิ เดะแม่งเปิดวาร์ปพวกกูไม่แบกกลับนะสัส “
“มึงเงียบดิ สัสโช กูชงบางยังกะน้ำเปล่า ใอ่ดิมแม่งคออ่อนชิบหาย ไม่เหมือนน้องใอ่ภาค “

โช เพื่อนอีกคนในกลุ่ม ผมกับไผ่รู้จักกับมันตอนรับน้องปีนึง ถ้าจะบอกว่าใครเพอร์เฟค ผมว่าใอ่โชคงเป็นหนึ่งในนั้น มันทั้งหล่อ รวย เรียนเก่ง ผู้หญิงเข้าหามันบ่อย จนนับคิวไม่ถ้วน แม่งเปลี่ยนคนควงบ่อยชิบหาย


“น้องมันคอแข็งเหรอวะ” โชถาม

“ป่าว ไม่มาเลยต่างหาก” ไผ่ตอบ

“สัสมึงเลิกพูดดิ “


ขอบใจนะสัสไผ่ที่ช่วยตอกย้ำกูจะว่าดีก็ดีที่ได้ซันเป็นน้องรหัส แต่มันเสือกเป็นพวกสายขาว ชวนมากินเหล้าทีไร แม่งหายเงียบตลอด ไลน์ไม่อ่าน แถมปิดเฟสหนีทุกครั้งที่ชวน
แต่พอบอกจะเลี้ยง ชาบู หมูกะทะ ใอ่นี่มันไม่เคยพลาด แดกตั้งแต่ร้านเปิดยันร้านปิด มันก็ทำมาแล้ว
คิดแล้วมันก็น่าน้อยใจว่ะ

“ มึงก็ไปแซวมัน โอ๋ ๆ น้องไม่รักเหรอวะ” นี่มึงช่วยกูแล้วใช่ไหมสัสโช

“ พอเลยมึงสองตัว ปากว่างก็แดกเหล้า เดะได้แดกตีน”

“เอิ่ก...เอามาอีกเลยพี่ ผมหวายยยย “ ใอ่ดิมบอกพี่มัน แต่ผมดูจากหน้ามันแล้ว คือหน้ามันตอนนี้พร้อมทิ้งดิ่งตลอดเวลา

“ไม่ไหวก็พอเถอะว่ะ พวกกูไม่แบกกลับนะมึง “ ผมบอกมัน

“พูดไรของพี่ ผมบอกว่าไหวก็ไหวดิ เอามาอีกพี่ไผ่ “ ใอ่นี่มันก็เป็นพี่ที่ดีทำตามที่น้องขอ คราวนี้มันชงเข้มขึ้นคงจะกะให้ใอ่ดิม แดกปุปวาร์ปปัป

“ใอ่ห่าไผ่ไม่เข้มไปหน่อยเหรอวะ “ ผมบอกมัน

“เข้มที่ไหน ดูอย่างใอ่เนดิ แดกมาจะชั่วโมงกว่าละ แม่งยังไม่มีทีท่าว่าจะเปิดวาร์ปสักที “

   เกือบลืมไปเลยว่าเน น้องใอ่โชมันก็อยู่ตรงนี้ด้วย ไม่รู้ว่ามันลืมเอาปากมาด้วยหรือเปล่านั่งแดกไม่พูดไม่จากับใครสักคำ หมดแก้วก็ชงใหม่เป็นสิบรอบแล้ว ผมละสงสัยจริง ๆ ว่าคอมันทำด้วยเหล็กจากกระทะทองแดงหรือไงวะ ถึงได้ทึก ทน ขนาดนี้
พูดถึงใอ่เน ผมรู้จักมันเพราะมันเป็นเพื่อนกับใอ่ซันน้องรหัสผม เคยคุยกันบ้างครั้งสองครั้งเนมันเป็นคนที่ไม่พูดมาก แต่พูดทีมีแต่หมาลอยออกมา ผมว่าผมปากหมาละ พอเจอหมาจากปากใอ่เน หมาผมกลับเข้าปากแทบไม่ทันเลย

   ถึงมันจะไม่พูดมาก แต่วันนี้มันดูเงียบผิดปกติ มันจะเป็นอะไรหรือเปล่าวะ ...ผมไม่ได้คิดอะไรกับมันนะ แค่เป็นห่วงมันตามภาษาพี่น้องในภาคก็เท่านั้น

   ผมย้ายตัวเองไปนั่งข้างมัน มือที่กำลังจะกระดกเหล้าเข้าปากก็หยุดชะงัก ตาโต ๆ ของมันจ้องหน้าผมเหมือนกับจะบอกว่า ตรงนี้ขอกูกินคนเดียวเถอะ

“แดกไม่พูดไม่จา เลยนะมึง เป็นไรป่าววะ “

พอได้นั่งใกล้มันแบบนี้ ทำให้ผมเห็นว่าเนมันก็จัดว่าน่าตาดีคนนึง ขาว ตี๋ ผิดกับผมที่ผิวสีแทน มันตัวสูงพอ ๆ กับผม แต่ผมจะสูงกว่ามันหน่อย ไม่รู้ว่าไปเป็นเพื่อนกับใอ่เน เด็กเนิร์ดแบบนั้นได้ไง ใอ่นี่มันแบดบอยในคราบคุณชายดี ๆ นี่เอง

“ไม่รู้สักเรื่อง ได้ไหมพี่ “

“อ้าวใอ่นี่ คนอุตส่าเป็นห่วง ยังจะมายอกย้อนอีกนะมึง “

“แล้วไงพี่ ผมต้องแคร์ปะ “

“หน่าาาาา มีไรก็เล่าให้กูฟังได้ อย่างน้อยก็ได้ระบายนะมึง ดีกว่าเก็บไว้ “

“พี่ว่าผมกับพี่ใครปากหมากว่ากัน “

“ไม่รู้ว่ะ มึงมั้ง “

“เหรอ... “

“ถามทำไม ? ”

“ผู้หญิงเขาไม่ชอบคนปากหมาเหรอพี่ “
   นั่นไง ปูเรื่องมาแบบนี้มึงอกหักมาใช่ไหม ตายห่าละกูปลอบคนอกหักไม่เป็น กูไม่เคยมีแฟนกับเขากูจะรู้ไหมเนี่ย

“ไม่รู้ว่ะ กูไม่ใช่ผู้หญิง “

“แล้วพี่ชอบไหม...คนปากหมาอ่ะ “

“ถามทำไม”

“ผมถามก็ตอบดิวะ มันยากมากหรือไง “

“อ่าว ใอ่นี่ด่ากูสะงั้น เออ ๆ ก็ชอบว่ะ “

“ทำไม?”

“ก็กูปากหมา อยู่กับคนดี ๆ ไม่ไหวว่ะ”

“แล้วเคยมีแฟนไหม”

“ไม่เคย “

“คนที่ชอบอ่ะ”

“ไม่มี มึงจะถามอะไรนักวะ “

“ไม่เชื่ออ่ะ หล่อแบบพี่ใครก็อยากถวายบัวให้ทั้งนั้น “

“ถวายบัว ? คือไรวะ “

“แกล้งโง่ปะ น่าตาก็ดูฉลาด “

“กูไม่รู้จัก นี่ผิดหรอวะ”

“อ่อนว่ะ ไม่สมเป็นพี่เลย “

“ เหอะ ไม่คุยกับมึงละสัส ด่ากูอยู่ได้ “ ผมลุกขึ้นจะกลับไปนั่งที่เดิม แต่ถูกมือของรุ่นน้องตัวขาวคนนี้รั้งไว้

“อย่าไปดิพี่ อยู่คุยกับผมก่อน “

“ถ้าจะคุยก็คุย กูไม่รู้หรอกนะว่ามึงไปเจออะไรมา แต่กูไม่ได้มานั่งให้มึงด่าเพื่อระบายอารมณ์ โต ๆกันแล้วพูดจาให้มันดี ๆ ถึงมึงจะเป็นน้องรหัสเพื่อนกู มึงเคารพพี่มึง แต่ไม่เคารพกูกูไม่ว่า แต่ช่วยพูดจาให้มันดี ๆ หน่อย ยังไงกูก็พี่มึง “

ผมพ่นคำพูดทั้งหมดใส่คนเมา ที่ตอนนี้ตัวมันแดงได้ที่ สงสัยจะเมาเต็มที่พร้อมวาร์ปละมันมีท่าสงบลงกว่าตอนแรก

“ผมขอโทษ...” ให้ตายเหอะ ทำไมทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ว่ะ นี่กูต้องทำไงเนี่ย

“ช่างแม่งเถอะ “ ผมนั่งลงที่เดิม ตอนนี้คนเมานั่งเงียบไม่เปิดปากพูดกับผมเลยสักคำ

มันค่อย ๆ เอนหัวลงมาซบกับไหล่ของผม ผมตกใจมากที่จู่ ๆ มันก็ทำแบบนั้น ผมบอกตรง ๆ นะ ผมไม่เคยมีใครพิงไหล่แบบนี้เลย แล้วยิ่งเป็นผู้ชายด้วยยิ่งไม่เคยใหญ่เลย ...

“ผมไม่ดีตรงไหนวะ ทำไมเขาถึงทิ้งผมไป ฮึก ! “ คนที่ซุกกับอกผมสะอื้นออกมา
นาทีนี้ผมไม่รู้ว่าควรทำไง หันไปหาใอ่โช กับใอ่ไผ่ใอ่สองตัวนี้ก็มัวแต่เก็บซากน้องรหัสมัน ห่าเอ้ย

ผมเคยได้ยินมาคนเมาจะพูดในสิ่งที่เขาอยากจะพูด ตอนนี้ผมเลยปล่อยให้อีกฝ่ายได้พูดออกมา หวังว่ามันจะช่วยให้ดีขึ้น

“ ตอนคบกันบอกว่ารักเรานักหนาแต่พอจะทิ้งก็ทิ้งสะดื้อ ๆ ฮึก แม่งเอ้ย “

ผลั่ก! มันทุบอกผมอย่างแรง คงจะเจ็บใจมากสินะ แต่ทำไมหวยต้องมาออกที่กูด้วยวะเนี่ย

“อึก สัสกูเจ็บ ! “

“โทษพี่ “

“กูเข้าใจนะว่ามึงเสียใจ อยากระบายแต่พูดอย่างเดียวได้ไหมวะ อย่าทุบ กูเจ็บ “

“....”

ผ่านไปสักพักอาการมันคงดีขึ้น เลยกลับไปนั่งสะลึมสะลือแบบเดิม

“ดีขึ้นยัง “ ผมถามมัน

“อกหัก พี่หายในห้าทีไหมล่ะ ? “

“อ่าวใอ่นี่ “

“....”

“รักเขามากเหรอ “ ทำไมผมต้องถามเหมือนว่าผมแอบชอบมันด้วยวะเนี่ย

“รัก แต่ไม่มากหรอก “

“กูไม่มั้ง เห็นฟูมฟายสะขนาดนี้ “

“ก็บอกว่าไม่ ไง พี่ พี่นี่เข้าใจอะไรยากเนอะ “

“ปากดีขึ้นมาเลยนะมึง “

-บนเวทีในผับ-

พิธีกรซึ่งก็คือเจ้าของร้านได้ออกมากล่าวทักทายลูกค้าตามสไตล์ของเฮียแก เฮียแกชื่อโบ๊ท เป็นรุ่นพี่ที่ภาค จบไปไม่เท่าไหร่ก็ผันตัวเองมาเปิดร้านเหล้าสะงั้น แกบอก เงินดีกว่าทำงานโรงงาน

ก็คงจะจริงอย่างที่แกบอก เพราะร้านเพิ่งเปิดไม่นานแต่ลูกค้าแน่นตลอด

“ เนื่องวันนี้ร้านเปิดมาครบ 2 ปีพอดี เฮียมีเกมส์มให้ทุกคนร่วมสนุกกัน “

ทุกคนหันไปสนใจบนเวทีขึ้นมาทันที รวมถึงใอ่คนที่นั่งคอตก เป็นหมาอยู่ข้าง ๆ ผมด้วย

“เกมส์ที่ว่าคือ แข่งดื่มเบียร์ เฮียจะมีเบียร์ให้คนละ 2 ขวด ใครดื่มหมดก่อนชนะ โดยมีข้อแม้ว่า ห้ามอ้วก คนที่ชนะรับเงินสดไปเลย 2000 บาท พร้อมกินฟรีไปเลยมื้อนี้ “

มีเสียงฮือฮาดังขึ้นมาจากลูกค้าในร้าน

“เฮียขอ 5 คน เฮียจะนับ 1 ถึง 3 ใครที่ขึ้นมาบนเวทีได้ 5 คนแรก ถึงจะมีสิทธิแข่ง เฮียขอเวลาเตรียมของ 10 นาที “

ใอ่คนที่นั่งคอตกเมื่อกี้ เหมือนจะถูกให้คืนชีพอีกครั้งด้วยรางวัลแสนจะเร้าใจ ? หรือว่าอยากแดกเบียร์ฟรี 2 ขวดก็ไม่รู้

“พี่ ไปแข่งกันปะ “

“ก่อนไปแข่ง มึงดูสภาพมึงก่อนดิไหวหรือเปล่า “

“พูดอะไรของพี่ว่ะ ดูๆ ผมเมาที่ไหนคนเมาบ้าอะไรจะหล่อแบบนี้ “

“สัส นั่นแหละที่เรียกว่าเมา “

“ป๊อด “

“อะไรนะ ? เมื่อกี้มึงพูดว่า..”

“ป๊อดไง ก็ป๊อดจริง ๆ อ่ะ “



โห คนอย่างภาคโดนด่าว่ากาก ยังจะดีกว่ากว่าป๊อดอีก แบบนี้มันยอมไม่ได้ จะให้เด็กมาปีนเกลียวไม่ได้ต้องแสดงให้มันดูว่าผมก็มีของ

“ได้ แข่งก็แข่ง ถ้ากูชนะ กูจะได้อะไร “

“ก็เงินรางวัลนั่นไง “

“ไม่ว่ะ กูอยากได้จากคนปากดีอย่างมึง “

“โลภมากนะพี่ พี่อยากได้อะไรก็ว่ามาเลย “

“ไว้คิดออกแล้วกูจะบอก”

“ตามนั้น “


“ขอโทษที่ให้ทุกคนรอ ตอนนี้เฮียพร้อมแล้ว เฮียจะเริ่มนับแล้วนะ ทุกคนเตรียมตัวให้ดี ๆ “

“ 1 2 3 “

พรึ่บ ทุกคนพากันวิ่งกรูขึ้นไปบนเวที แต่นาทีนี้ไม่มีใครไวเท่าผมสองคนอีกแล้วเป็นไปตามคาดพวกผมสองคนติด 1 ใน 5 คน จากนั้นเฮียโบ๊ท แกจัดให้ผู้เข้าแข่งขันประจำที่ แล้วให้ทีมงานยกเบียร์มาให้

ผมหันไปหาใอ่คู่แข่งตัวดีของผม มันทำหน้าพะอืดพะอมเมื่อเห็นขวดเบียร์ที่ตั้งอยู่ตรงหน้า
บอกแล้ว ใจกากอย่าปากเก่ง ฮ่า ๆ ผมยักคิ้วกวนประสาทมันทีนึง มันทำหน้าฟึดฟัดขึ้นมาทันที

“เฮียจะนับ 1 ถึง 3 ทุกคนพร้อมนะ 1 2 3”

ทุกคนจับขวดเบียร์ขึ้นมาแล้วใช้หลอดดูด ใช่ครับ กติกาคือให้ใช้หลอดดูดเบียร์เท่านั้น และไม่มีหลอดสำรองให้ ถ้าใครทำหลอดตกไปในขวดก็ถือว่าซวยไป

ผมดูดเบียร์ขวดแรกมาได้ครึ่งนึงแล้ว แต่ใอ่ห่าเนมันดูดจนหมดแล้วขวดนึง เชี่ย คอมึงทำด้วยอะไรวะ
ผมจะมาแพ้มันตอนนี้ไม่ได้ ผมดูดให้เร็วและไวขึ้น จนตอนนี้หมดไปแล้วขวดนึง

เหมือนโชคจะเข้าข้างผม ผมหันไปหาใอ่เน มันกำลังพยายามเอานิ้วเขี่ยหลอดขึ้นมาจากขวด มันพยายามอยู่นานสองนานแต่ก็ยังหยิบขึ้นมาไม่ได้สักที


ผมดูดเบียร์ขวดที่สองใกล้จะหมด พอเห็นแบบนั้น ผมรีบดูดให้หมดทันที

“หมดแล้วเฮีย “ ผมหันไปบอกเฮียโบ๊ทีฝที่ยืนดูอยู่

“ทุกคนหยุด! วางขวดเบียร์ลง เอาละตอนนี้เราก็ได้ผู้ชนะแล้ว เรามาถามเขากันดีกว่าว่าเขาเป็นใคร ชื่ออะไรครับ “ เฮียโบ๊ทถามผม

“ภาคครับ”

“เรียนที่ไหน”

“ม WRR นี่แหละเฮีย “

“เด็ก ม นี้นี่หว่า อยู่คณะไร “

“วิศวฯ “

“บ๊ะ รุ่นน้องเฮียนี่หว่า เออ ๆ แดกไวขนาดนี้ไปตายอดตายอยากมาจากไหน “
ผมยิ้มให้กับประโยคนี้ กูไม่ได้อดอยากใอ่เฮีย กูอยากเห็นใอ่คนที่มันด่ากูว่าป๊อด มันแพ้เว้ย พูดถึงมันตอนนี้มันไม่อยู่บนเวทีแล้ว ผมมองไปที่โต๊ะ ก็ไม่เจอ มันหายไปไหนของมันวะ

เฮียโบ๊ทพูดคุยกับผมนิดหน่อยแล้วก็มอบรางวัลเป็นอันจบพิธี ผมเดินกลับมาที่โต๊ะ เห็นสภาพน้องรหัสกับเพื่อนผมแล้วอยากจะเอาตีนเขี่ยไปทอ้งถังขยะชิบ
“ใอ่โช ใอ่ไผ่ “

“อืมม... ไรของมึงวะ กูจะนอน” ใอ่โชตอบ

“นอนห่าไรนี่มันร้านเหล้า “

“กูไปนอนมึงบนหัวมึงหรือไง สัส “

อ่าว ใอ่เชี่ยนี่เมาทีไรปากหมาทุกที ผมว่ามันไม่ตายเพราะโรคตับแข็งหรอก แต่ตายเพราะโดนตืบมากกว่า

“เออ ๆจะนอนก็เรื่องของมึง มึงเห็นใอ่เนไหม “

“เน ? เนไหนว่ะ เมียใหม่มึงหรอ ...โอ๊ย เจ็บนะสัส “

นาทีนี้ผมไม่สนใจแล้วว่ามันจะเมาหรือไม่เมา แต่ขอสักทีเถอะ หมั่นไส้

“เนน้องมึงอ่ะ “

“กูไม่รู้ กูเมา “ ช่วยกูได้มากเลยใอ่หอก


ผมมองไปรอบ ๆ แต่ก็ไม่เจอวี่แว่วของมันเลย มองอยู่นานจนเห็นมันออก จากห้องน้ำ

“ไปไหนมา” ผมถามมัน

“ห้องน้ำ “

“ไปทำไร”

“อ้วก “

“กูชนะแล้ว มึงจะทำตามที่ตกลงได้ยัง “

“ตกลงอะไร ผมไปตกลงอะไรกับพี่ไว้วะ”

“สัสมึงแค่เมา ไม่ได้ความจำเสื่อมอย่ามาแถ “

“เออ ๆ อยากได้ไรก็พูดมา น่ารำคาญ “

“ไว้กูจะบอก “

“อะไรว่ะ พอถามก็ไม่บอก พี่แม่งเดาใจยากสัส ผมกลับแล้วนะพี่โช หวัดดีพี่ใผ่ หวัดดีพี่ “

ใอ่นี่จะไปก็ไปเลยนะมึง ผมอดเป็นห่วงมันไม่ได้เพราะขนาดเดินออกจากร้านมันยังชนของรอบทิศทางเลย

“เดี๋ยวกูไปก่อนนะมึง ฝากเก็บซากน้องพวกมึงด้วย “

ผมรีบเดินตามมันออกจากร้านไป พออกมานอกร้านผมเห็นใอ่คนเมามันกำลังจะสตาร์ทมอเตอร์ไซค์ของมัน

“ทำห่าไรของมึง สภาพยังงี้ยังจะขับรถกลับอีกหรอวะ “

“พี่อย่ายุ่งได้ปะ ผมขับไหว “

“ไหวห่าไร เดินชนของตั้งแต่ในร้านยันกรวยจอดรถ “

“ก็บอกว่าขับไหวไงวะ จะเซ้าซี้อะไรนัก “

“เดี๋ยวกูขับให้ ขยับไปดิ “

“อะไร ก็บอกว่าขับกลับเองได้ “

แล้วเราก็เถียงกันอยู่อย่างนั้นจนในที่สุด มันก็ยอมให้ผมขับจนได้ ตลอดทางมันเอาแต่พิงหน้ากับหลังของผม
“ละบอกไหวมึงนี่มันปากเก่งไม่ดูสภาพเลยนะ”

“บ่นเป็นลุงเลยนะพี่ “

ผมพามันมาส่งที่หอของผม เพราะตลอดทางผมพยายามถามแล้วใอ่คนเมามันก็ไม่ตอบห่าเหวอะไรเลยเอาแต่นอนหลับ กอดเอวผมมาตลอดทาง

ผมพยุงมันเดินมาที่เตียงในห้อง แล้วทิ้งดิ่งลงกับเตียง นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็น เพื่อนน้องรหัสนี่ผมให้มันนอนหน้าห้องจริง ๆ ละ
ผมดึงร่างคนเมาให้ลุกขึ้นมา เพื่อเช็ดตัว ใช้เวลาอยู่นานกว่าตัวมันจะตั้งตรงได้ ผมค่อย ๆ เอาผ้าชุบน้ำเช็ดตัวมัน พอเช็ดโดนตัวมันก็ซี๊ด ออกมา ใอ่ห่า มึงเมาหรือมึง อะไรกันแน่วะ เนี่ย

จู่ ๆ คนเมาที่นั่งคอพับอยู่ ก็เงยหน้าขึ้นสบตากับผม มันเอามือมาจับมือผมที่กำลังเช็ดตัวให้อยู่

“พี่... จูบผมหน่อย “

“อะไรของมึง “

“จูบผมดิ “

ผมไม่รู้จะตอบมันยังไง มันเห็นผมเงียบไป มันก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่คนเมา ทำอะไรได้มากกว่าที่คิด มันเอามือมาจับหน้าผมเข้าไปจูบกับมัน มันเป็นจูบที่ผมไม่ทันตั้งตัว มีแต่กลิ่นเหล้าเต็มไปหมด ผมผลักมันออก

“เล่นเชี้ยไรของมึงใอ่เน “

“จูบไง “

“กูรู้ใอ่สัส แต่ทำแบบนี้ทำไมวะ “

ผมกำลังจะเดินออกจากห้องไปสงบสติอารมณ์ แต่ถูกคนเมารั้วตัวเอาไว้ก่อน

“พี่จะทิ้งผมไปอีกคนหรอ ฮึก ! “

มันพูดออกมาพร้อม ๆ กับร้องไห้ เฮ้อเพราะงี้ไงผมถึงไม่อยากยุ่งกับคนเมา เพราะคนมันพูดไม่รู้เรื่อง

“ผมไม่เหลือใครอีกแล้ว ...พี่อยู่กับผมได้ไหม

ให้ตายเหอะ ผมละเกลียดตัวเองตรงนี้ ตรงที่เห็นน้ำตาใครไม่ได้ แล้วผมจะใจอ่อนทุกที

ผมนั่งลงข้าง ๆ มัน แล้วเอามือจับหน้ามันให้หันมา

“ มึงฟังกูนะ มึงยังมีใอ่ซัน มีเพื่อนมึงอยู่ มึงไม่ได้ตัวคนเดียวอย่างที่มึงคิด..”

มันมีสีหน้าอึ้งเล็กน้อยที่ผมพูดกับมันแบบนี้ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงพูดออกไปแบบนั้นหรือเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ ที่กินเข้าไปกำลังออกฤทธิ์


“ เลิกคิดมากได้แล้วว่าไม่เหลือใคร ...ต่อให้มึงไม่เหลือใคร มึงก็ยังมีคนปากหมาอย่างกูอยู่เข้าใจไหม “
“....”
“กูถามมึงว่าเข้าใจไหม ...”


ผมพูดยังไม่ทันจบใอ่คนตรงหน้าก็ยื่นหน้าเข้ามาหาผมใกล้มากขึ้นใกล้จนผมสัมผัสได้ถึงลมหายใจของอีกฝ่าย สายตาของมันในตอนนี้ไม่เหมือนกับคนเมาอีกต่อไป แต่เป็นสายตาที่ยั่วให้ผมอยากจะ

จูบ...

ไวกว่าความคิด ผมโน้มหน้าลงไปจูบกับคนตรงหน้า ผมค่อย ๆสอดลิ้นเข้าไปในปากของคนปากหมา จูบของมันดูหวาดกลัวกว่าเมื่อกี้ ผมค่อย ๆ ขบเม้มริมฝีปากของมัน เหมือนพระเอกเอวี ที่ใอ่โชเคยเปิดให้ดู
เราจูบกันอยู่สักพัก แล้วค่อยผละออกในที่สุด ผมมองหน้ามันที่ตอนนี้แดงทั้งหน้าและคอ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเมาเหล้า หรือจูบกันแน่


“กูขอโทษ...กูแค่ “

นั่นเป็นคำพูดแรกที่ผมพูดออกไป ไม่รู้ทำไมว่าถึงต้องพูดแบบนั้น ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน

“นอนเถอะพี่ ผมง่วงแล้ว “

มันไม่รอผมตอบ รีบเอนตัวลงนอนเหมือนเดิมแต่คราวนี้มันนอนหันหลังใส่ผมผมคิดในใจ อะไรของมึงวะ จูบเสร็จละมาทำตัวเหมือนเพิ่งเคยเสียสาว นอนหันหลังใส่แล้วผมต้องง้อไหม

หึ... คิดผิดละใอ่เน คนอย่างใอ่ภาคไม่เคยง้อใครมึงอยากหันหลังใส่กูทั้งคืนก็ได้ แต่ผ้าห่มเป็นของกู



ตอนเช้า ...


ปวดหัว ปวดหัวชิบหาย สงสัยเมื่อดื่มหนักไปหน่อยเข้ามาถึงได้เป็นแบบนี้ หันไปหาใอ่คนเมาปากหมาที่นอนข้าง ๆ พบว่ามันว่างเปล่าไม่มีใครอยู่ ในห้องน้ำก็ไม่มี

“ไรของแม่งวะ ทำตัวเป็นนางเอกในละครเลยนะมึง “
ต้องยอมรับว่านาทีนี้ใอ่เน มึงดูละครมากไปละ เพลา ๆ ลงบ้างเหอะมึงผมนั่งทบทวนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ว่าผมทำแบบนั้นลงไปทำไม นั่งหาเหตุผลร้อยแปดมาเถียงกับตัวเองหรือว่า

ผมจะชอบมัน ...

หึย จะเป็นไปได้ไงในเมื่อผมจูบมันไปแค่ครั้งเดียว ถึงขั้นเรียกว่าชอบเลยเหรอวะ ผมส่ายหัวให้กับความคิดบ้า ๆ ในตอนนี้แล้วลุกไปอาบน้ำเพื่อล้างสมองให้มันสดชื่นขึ้นบ้าง

“ช่างแม่ง อยากหนีก็หนีไป กูไม่ง้อมึงแน่ “




-เน-



ผมนอนไม่หลับ เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ ผมเพิ่งจะจูบกับคนที่เป็นพี่รหัสของเพื่อน คนที่นอนหันหลังใส่ผมอยู่ตอนนี้ และที่สำคัญยังเป็นผู้ชาย แมน ๆ พร้อมเตะต่อยกระทืบคนได้ตลอดเวลาอย่าง “พี่ภาค “

ผมไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงทำแบบนั้น ผมเพิ่งโดนชมพู แฟนผมที่คบกันมา 2 ปีตั้งแต่เรียนอยู่ ม . ปลายด้วยกัน บอกเลิกเมื่อตอนเย็น แผลแม่งโครตสด แล้วใอ่พี่โชก็นึกคึกอะไรอยากเลี้ยงเหล้าผมในวันนี้อีกมันจะประจวบเหมาะเกินไปเปล่าว่ะ

เรื่องนั้นมันไม่สำคัญหรอก มันสำคัญตรงที่ตอนนี้ผมพาตัวเองเข้ามานอนในห้องรุ่นพี่ ที่เป็นผู้ชาย แล้วรุ่นพี่คนนั้นคือคนที่เพิ่งจะจูบกันไปเมื่อกี้ ได้ยังไง คิดแล้วก็อยากจะทุบหัวตัวเองชิบหาย

ผมยอมรับนะว่าตอนที่คุยกับพี่ภาค มีบางช่วงที่ผมลืมความเศร้าไปชั่วขณะ แต่เหตุผลแค่นั้นมันทำให้ผมอยากจะจูบกับผู้ชายเลยเหรอวะ

ผมพลิกตัวกลับมาหาคนที่นอนหลับสนิท มีเพียงหลังที่ขยับขึ้นลงตามจังหวะลมหายใจ กับเสียงกรนดังอยู่ที่บอกให้รู้ว่าอีกหลับสนิท ใช่เสียงที่ผมได้บินมันเป็นเสียงกรนจริง ๆ ดังยังกะเสียงเรือหางยาว

“ใอ่เชี่ยเอ้ย นี่กูจูบกับคนแบบนี้ไปได้ไงวะ “ ผมบ่นเบา ๆ เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่อีกฝ่ายผลิกตัวหันหน้ามาทางผม แต่คราวนี้ไม่กรนเหมือนเดิม มีเพียงเสียงลมหายใจเข้าออกเป้นจังหวะ เท่านั้น

พี่ภาคในสายตาผมคือ รุ่นพี่คนนึงที่มีองค์ประกอบทุกอย่างเหมาะกับการเป็นวิศวะ เพราะพี่มันทั้งทึก บึกบึน ผิวสีแทนเหมาะแก่การลุยภาคสนามมากที่สุด พี่มันไม่ได้หล่อดูดีแบบโอเว่อร์ระดับพระเอกขนาดนั้น หน้าตามันก็ธรรมดา ๆ ทั่วไป แต่ปากหมานี่ยกให้ที่หนึ่งเลย

คงเพราะพี่มันเป็นผู้ชาย แถมปากหมาเหมือนกันกับผมละมั้งทำให้ผมรู้สึก...สบายใจ เมื่อได้อยู่ด้วย

จนแล้วจนรอดผมก็นอนไม่หลับอยู่ดี ผมมองดูนาฬิกาบนมือถือ ตอนนี้เป็นเวลา 05.35 น. แล้ว อีกไม่กี่นาทีก็เช้า ผมตัดสินใจพาตัวเองออกไปจากห้องของพี่ภาค เพราะผมไม่อยากรู้สึกทำตัวไม่ถูกเมื่อเราตื่นขึ้นมาทั้งคู่

ผมเดินออกมาจากห้อง แล้วเรียกวินมอเตอร์ไซค์แถวนั้น ไปส่งที่หอ ผมอาบน้ำชำระล้างความเจ็บปวดที่ผมเจอ ความรู้สึกวุ่นวายภายในให้ออกไปจากหัวผม ทันทีที่ผมสัมผัสกับที่นอน ร่างกายก็หลับอย่างอัตโนมัติ

แต่แปลกที่ผมกับคิดถึงคนร่างใหญ่ ผิวแทนปากหมา คนนั้น

“ตื่นมาไม่เจอ มันจะด่ากูป่าววะ “

ผมก็หลับไปในที่สุด


To be continue....

พี่ภาคเขามีตอนหลักเป็นของตัวเองแล้วนะ เดิมตอนแรกเรากะจะลง #ทะเลซัน แต่เราไปได้แรงบันดาลฉากแข่งกินเบียร์ของเพื่อนเรามา เลยอยากเอามาใส่ในเรื่องแต่จะให้นายเอกสายขาวของเราไปกินบุญก็จะดูแปลก ๆ เลยจับสายดาร์กของเรื่องมาแทน
***อ่านและคอมเมนต์ให้กำลังใจเรากันได้นะ #คอมเมนต์เถอะเราอยากอ่าน
หัวข้อ: Re: Nice to Se(a)e You Again.___Chapter-ภาค_พี่ภาคสายเถื่อนกำเนิดแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 05-09-2018 12:03:27
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Nice to Se(a)e You Again.___Chapter-ภาค-2 พี่ภาคสายเถื่อนกำเนิดแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: nattha_Kkhung ที่ 05-09-2018 20:44:53
#Chapter-ภาค-2


....

จากวันนั้นก็ผ่านมาแล้วหนึ่งอาทิตย์ ความสัมพันธ์ของผมกับมันยังเหมือนเดิมคือ พี่น้องในภาค ไม่มีการสานต่ออะไรเกินกว่านั้น ผมเจอหน้ามัน ๆ ก็ยกมือไหว้ผมปกติ แต่ไม่ได้เข้ามาคุยเล่นเหมือนก่อน

นอกจากเวลารวมภาคปีหนึ่งแล้ว ผมก็ไม่เคยเจอหน้ามันอีก รวมถึงเวลาขอลายเซ็น ของปีหนึ่งในตอนนี้ก็ด้วย ทุกครั้งมันจะต้องโผล่มาเป็นแก็งค์ สามเกลอของมัน แต่คราวนี้มีแค่สอง

“ใอ่ซัน เพื่อนมึงไปไหน “ ใอ่ซันคงจะงงที่ผมถามถึงใอ่เน

“เพื่อน? เพื่อนคนไหนอ่ะพี่ “ เอ่อกูผิดเองแหละที่ไม่ระบุว่าเพื่อนของมึง คือใคร

“ ใอ่เน ไง “

“อ๋อ วันนี้มันไม่มาเรียนตั้งแต่เช้าแล้วพี่ เห็นมันบอกว่าปวดหัว ไม่รู้ว่าเป็นหนักไหม นี่ผมกะว่าหลังขอลายเซ็นต์เสร็จจะแวะไปดูสักหน่อย พี่ถามหามันทำไมอ่ะ หรือจะสั่งซ่อมอะไรมัน “

ใอ่นี่ในสายตายมึง มึงคิดว่ากูเป็นพวกชอบใช้ความรุนแรงขนาดนั้นเลยเหรอวะ

“ซ่อมมึงดีกว่าไหม ...กูถามก็เพราะสงสัย เห็นปกติตัวติดกันยังกะดอกเห็ด”

“อ่อ ๆ พี่มีไรอีกไหม ถ้าไม่มีผมจะได้ ...”

“บอกเพื่อนมึงให้มาขอลายเซ็นต์กูด้วย มันยังไม่ได้ขอจากกู ถ้าตอนรับรุ่นภาคมันยังไม่ได้ลายเซ็นกู กูตัดสายมึงแน่ใอ่ซัน “

“เอ้า เกี่ยวไรกับผมอ่ะ ใครผิดพี่ก็ไปลงกับคนนั้นดิ “

“ไม่สน มึงเป็นเพื่อนมันไปเกลี่ยกล่อมมาให้ได้ เข้าใจที่พูดใช่ไหม “

“ครับ ๆ “


จากหนึ่งวัน เป็น สอง สาม สี่วัน มันก็ยังไม่มาขอลายเซ็นต์จากผม แต่กับเพื่อนผมคนอื่นมันขอได้ ผมว่ามันกำลังพยายามหลบหน้าผม ทำไมว่ะถ้าไม่ได้คิดอะไรทำไมต้องหลบหน้า มีอะไรก็พูดกันแมน ๆ ดิวะ ทำแบบนี้แม่งโคตรหงุดหงิดเลย




- เน -



วันนั้นผมได้รับสายจาก เพื่อนรักของผมใอ่ซัน ไม่รู้ว่ามีเรื่องด่วนอะไรถึงกระหน่ำโทรมาขนาดนี้

“ฮัลโหล ใอ่เน อยู่ไหนวะมึง ไมวันนี้ไม่มาเรียน ไม่มาขอลายเซ็น"

“จะให้กูตอบคำถามไหนก่อน ถามสะขนาดนี้กลัวผีในปากจะแย่งพูดหรือไง”
“เปล่าเว้ย กลัวหมาในปากมึงแดกหัวกูนี่แหละ เลิกเล่นดิ สรุปทำไมไม่มาเรียน กับขอลายเซนต์ "

“กูไม่ค่อยสบายนิดหน่อยว่ะ" ผมโกหก จริงๆ แล้วผมไม่ได้เป็นอะไรเลยผมสบายดี เพียงแต่ยังไม่อยากไปเจอหน้าพี่ภาคตอนนี้ ถึงเรื่องมันจะผ่านมาเป็นอาทิตย์แล้วก็เถอะ

“เหรอว่ะ กินยายัง เป็นอะไรมากไหม "

“กินไปแล้ว เพิ่งจะนอนไปเมื่อกี้ แต่ใอ่ห่าที่ไหนมันโทรมากวนกูก็ไม่รู้ “

“เออ ๆ กูขอโทษ “

“แล้วโทรมามีไร “

“พี่ภาค เขาให้กูฝากมาบอกมึงว่าให้ไปขอลายเซ็นพี่เขาก่อนรับรุ่นภาคด้วยไม่งั้นจะตัดสายกู “


เฮ้อ....ให้ตายเหอะอุตส่าหลบได้เป็นอาทิตย์ไม่คิดเลยว่าจะได้ยินชื่อนี้อีก

“เหรอวะ “

“ก็เออดิ มึงรีบ ๆหายป่วยมโนของมึง แล้วไปขอลายเซ็นพี่เขาสะ เข้าใจ๊ "

“ป่วยมโน อะไรกูป่วยจริง "

“อ่อ ๆ จะมโนหรือจริง ก็หายไวนะมึง ต้องให้กูเข้าไปดูใจไหม "

“ไม่ต้อง ไปดูใจพี่ทะเลหลัวมโนของมึงนู้น เดะแดกแห้วขึ้นมา กูจะหัวเราะให้ “

“สัสนี่ ...แค่นี้นะ “

อีกฝ่ายกดวางสายไปแล้ว ผมโน้มตัวลงไปนอนเหมือนเดิมในเมื่อไม่ได้คิด หรือรู้สึกอะไรกับพี่มัน ทำไมผมต้องคอยหลบหน้าแบบนี้ด้วย



-วันเปิดโลกกิจกรรม-



ผมรู้สึกคอแห้ง หิวน้ำอย่างมากคงเพราะใช้เสียงแหกปากร้องเพลงไปกับคอนเสิร์ตวงเฟียร์


“เมกูจะไปซื้อน้ำ จะฝากซื้อไรไหม “ ผมถามเม


“เอาชานมใต้หวัน มาแก้วนึง “


“มันจะมีที่ไหนว่ะใอ่ชานมใต้หวันของมึงอ่ะ สั่งมาแต่ละอย่าง "


“ไปซื้อมาก่อนเหอะ ไม่มีแล้วค่อยมาบ่นอิเน "

ผมเดินหาร้านน้ำอยู่สักพัก ก็ไปเจอเข้ากับร้านน้ำปั่นวิศว ฯ คงจะเป็นร้านเดียวกับที่ใอ่ซันมาซื้อไปเมื่อกี้คนเยอะชะมัด แถวยาวเหยียดอีกหลายสิบคิว แต่ทำไงได้สุดท้ายผมก็มาต่อคิวรออยู่ดี เพราะมันมีชานมใต้หวันที่เมสั่ง ของผมอยากกินแค่น้ำเปล่า แต่ต้องรอคิวนานขนาดนี้ ไม่สั่งอย่างอื่นก็คงจะมาเสียเที่ยว


“คิวต่อไปครับ “ ผมมัวแต่มองป้ายเมนูจนไม่ทันได้ดูว่าพนักงานที่รับออเดอร์เป็นใคร

“ผมเอาชาใต้หวัน แบบเย็น 1 แล้วก็เอา...” ท้ายประโยคของผมถูกกลบด้วยเสียงพนักงานที่รับออเอดร์

“น้ำปั่นหลบหน้า ใช่ไหมครับ”

นั่นไงผมว่าแล้วต้องโดนเข้าจนได้ อุตส่าใช้คำพูดน้อยคำที่สุดละนะ ยังพยายามจะพูดแทรกอีก

“พูดอะไรของพี่ “

“ครับ ? “

“ผมถามว่าพูดอะไรของพี่ “

“อ้าว เมื่อกี้น้องพูดกับพี่เหรอครับ ไม่เห็นเรียกชื่อพี่ พี่นึกว่าเราเมาค้างละเมอพูดคนเดียว “

“ ต้องการไร พี่พูดมาเลยดีกว่า “

“หลบหน้ากูทำไม “

นั่นไง ปากมึงจะตรงกับสมองไปถึงไหนวะ คิดอะไรได้ก็พูด

“ใครหลบ ? “

“หมามั้ง”

ไม่ได้หลบ...แค่ไม่อยากเจอ


กึก ! คนตัวสูงที่กำลังนับเงินทอนถึงกับชะงัก ผมไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้น ก็บอกแล้วไงว่าผมนึกอะไรไม่ออกจริง ๆ ว่าจะพูดอะไร

“เงินทอน รับของทางด้านนั้น ลูกค้าคนต่อไปครับ “

พี่มันจะรีบปิดการขายไปไหนวะ เมื่อกี้กูเห็นนะ มึงยังคุยกับลูกค้าคนอื่นอยู่นานสองนาน เลือกปฏิบัติชิบ

รอไม่นานเครื่องดื่มที่สั่งก็ได้ ผมรอบมองพนักงานรับออเดอร์อยู่เป็นระยะ เจ้าตัวไม่มีทีท่าว่าจะหันมามองผมบ้างเลย “นี่กูผิดอะไรเนี่ย “
ผมคงทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว เลยเดินกลับไปเอ็นจอยกับคอนเสิร์ตดีกว่า

“ช้าจัง รอจนคอแห้งหมดละ ไปซื้อถึงไหนเนี่ย” นี่ก็ขี้บ่นชิบ บ่นยังกะแม่คนที่สอง

“บ่นมากน่า ร้านนี้คนเยอะก็รอนานหน่อยเปล่าวะ “

คอนเสิร์ตยังคงดำเนินไปเรื่อย ๆ แต่ผมไม่ได้รู้สึกมันส์ไปกับวงดนตรีบนเวทีเลยสักนิด เพลงแล้วเพลงเล่าที่ไหลเข้ามาในโสตประสาท เหมือนเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาทุกเพลงล้วนเป็นเพลงโปรดของผม

“กูต้องสนุกดิวะ นานๆ จะมีโอกาสได้ดูคอน แล้วยิ่งเป็นวงเฟียร์อีก “ ผมด่าตัวเองในใจ

ผมมองแก้วน้ำที่ถืออยู่ในมือที่ตอนนี้ละลายจนจะหมด ความคิดผมก็ยังคงวนเวียนกับคนรับออเดอร์ร้านนั้น ผมต้องทำไงถึงจะไม่ต้องรู้สึกแบบนี้ รู้สึกงงกับตัวเองไม่รู้ว่าควรทำอะไร

ผมเลือกที่จะทิ้งแก้วนั้นลงถังขยะ ผมมองหาถึงขยะที่ใกล้ที่สุด แล้วกำลังจะทิ้งมันลงไป เผื่อความคิดบ้า ๆ ที่ผมเป็นอยู่ตอนนี้มันจะหายไป

“ทิ้งดิวะ มันก็แค่แก้วน้ำ “ ผมบอกตัวเองแบบนั้น จู่ ๆ ก็มีมือของคนที่ผมไม่อยากจะเจอในตอนนี้ คนที่รับเดอร์ของน้ำแก้วนี้ มายึดแก้วน้ำไปดูดอย่างน่าตาเฉย อะไรของมึงว่ะพี่ เมื่อกี้ยังทำหน้าตายซากอยู่ แล้วตอนนี้มายืนยิ้มแฉ่ง ตรงนี้ได้ไงวะ

“แดก ไม่หมดจะทิ้งทำไม เสียของว่ะ “

“พูดมากว่ะพี่ ผมจะทิ้งหรือไม่ทิ้งมันก็แก้วผมไหม”

“ไม่ได้ว่ะ เพราะแก้วนี้กูเป็นคนขาย “

“อะไรของพี่ อยากได้นักก็เอาไป “

ผมหันหลังจะเดินหนีกลับเข้าไปในงาน แต่ถูกเรียกไว้เสียก่อน

“เดี๋ยวก่อน! “

“อะไรอีกพี่ “

“ที่บอกไม่อยากเจอ เรื่องจริงเหรอ”

ผมจะตอบยังไงดี จะบอกว่าไม่ได้ตั้งใจพูดมันก็จะดูยังไง ๆ อยู่ จะบอกว่าไม่ได้พูดก็เดะโดนด่าว่าซุงแหล อีก แม่งเอ้ย ในเมื่อต้องตอบผมก็จะตอบ  ตอบทั้ง ๆ ที่หันหลังใส่นี่แหละวะ

ถ้าจริง จะมายืนให้ถามแบบนี้เหรอวะ

ผมเดินกลับเข้าไปในงานโดยไม่หันหลังกลับไปมองคนตัวสูงอีกเลย

กลับเข้ามาในคอนเสิร์ตรอบนี้ ผมรู้สึกว่าเพลงทุกเพลงทำไมนักร้องมันร้องเพราะ สนุกชิบหายเลยวะ อาจจะเป็นเพราะผมทิ้งแก้วนั้นไปแล้วก็ได้ หรือไม่ก็...




-ภาค-



“ที่บอกไม่อยากเจอ เรื่องจริงเหรอ” ผมถามมันออกไปแล้ว ผมอยากรู้ว่าที่มันพูดมันคิดแบบนั้นจริง ๆ ไหม ที่ผมทำลงไปผมแค่ ไม่อยากให้มีเรื่องบาดหมางกันระหว่างพี่น้องในภาคก็เท่านั้น

แค่นั้นจริง ๆ…เหรอ

มันเงียบ…ไม่แม้แต่จะหันมามองหน้าผม เอาแต่ยืนนิ่งเป็นไม้เสียบผีอยู่ได้ จะตอบก็ตอบสักทีดิวะ ลีลาชะมัด ไม่ว่าคำตอบจะออกมายังไง ผมกับมันก็ยังเป็นพี่น้องกันเหมือนเดิม( ได้ใช่ไหม )  จะคิดมากทำไมวะก็แค่ จูบ

นานเกินไปละ คงไม่ต้องรอฟังก็พอเดาถูกว่ามันจะตอบว่าอะไร ผมกำแก้วในมือจนแน่น และกำลังจะทิ้งมันลงถัง

ถ้าจริง จะมายืนให้ถามแบบนี้เหรอวะ

แต่แล้วก็ต้องชะงักอีกรอบ เมื่อคนตัวขาวยอมปริปากออกมาเสียที เป็นคำพูดที่ไม่คิดว่าจะได้ยินจากคนปากหมา ปากหนา ปากหนักอย่างมัน พูดจบมันก็เดินหนีปะปนไปกับฝูงชน
รอยยิ้มกว้าง ๆ ผุดขึ้นบนใบหน้าผม คนเดินผ่านไปมาคงหาว่าผมบ้า ที่ยิ้มให้กับแก้วน้ำยับยู่ยี่ใบนี้ ผมดูดน้ำที่เหลืออยู่ก้นแก้วจนหมด

ถ้าวันนั้นจูบจริง วันนี้ก็คงเป็น จูบทางอ้อมสิวะ



ครืด ๆ ครืด ๆ


ผมดูเบอร์ที่โทรเข้ามาคือเบอร์ของโช ใอ่ห่ากูละอยากจะด่าชิบหายเลย ให้กูยืนยิ้มเป็นคนบ้าอีกสักสองสามนาทีไม่ได้หรือไงพวกเวร

“มีไร ”

“อยู่ไหนละสัส หายหัวไปเดินตามกลิ่นใครที่ไหน ”

“เสือกว่ะ กูถามว่ามีไร ”

“ที่ร้านคนเยอะ รีบกลับมาช่วยดิกูกับใอ่ไผ่ รับออเดอร์ไม่ทันละสัส”

“เออ ๆ เดะกูรีบไป ”

ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมพยายามคิดทบทวนเรื่องของผมกับมัน ว่าผมรู้สึกยังไงกันแน่ถึงได้จูบคนเมา แถมยังเป็นผู้ชายอีก ไม่ว่าจะทำเพราะอารมณ์ชั่ววูบ หรือเอาคืนที่มันจูบผมก่อน แต่ถึงตอนนี้ผมมั่นใจแล้ว ว่าที่ผมเป็นในตอนนี้

ผมคงจะชอบมันแล้วล่ะ



กว่างานจะเลิก ก็ปาไปเที่ยงคืน ไม่รู้คนจะแห่มาซื้อน้ำที่ร้านวิศวฯทำไมนัก ร้านอื่นก็มีเผลอ ๆ อร่อยกว่านี้ด้วยลูกค้าส่วนใหญ่ก็เป็นผู้หญิงทั้งนั้น คงจะพากันมาดูเด็กเสิร์ฟหล่อ ๆ ที่คณะคัดแต่พวกระดับเดือนมาคอยช่วยเสิร์ฟแน่นอน นาน ๆ จะมีลูกค้าผู้ชายมาซื้อสักที

ผมนั่งพักให้หายเหนื่อยหลังจากยืนมาหลายชั่วโมง ใอ่โชเพื่อนรักเห็นเข้ามันก็เดินมาทุบไหล่ให้ แต่ระดับเพื่อนรักโชทำให้มันต้องพิเศษและครบคอร์สมากกว่าการนวดธรรมดา ๆ แน่

“สัสโช กูเจ็บ แรงยังกะความเลยนะมึง  เบา ๆ ให้มันเหมือนตอนนวดให้คู่ขามึงดิ ”

“คู่ขากูไม่ทำแค่นวดอ่ะดิ มึงอยากทำแบบคู่ขากูไหม ” มันชะโงกหน้ามาคุย ผมเลยบ้องหัวมันไปทีนึง

“ทะลึ่งละ ไปช่วยเขาเก็บโต๊ะเลยมึง ”

“ไรว้า กูยืนขายมาทั้งวันแล้วเนี่ย ”

“ทั้งวันห่าไร กูเห็นมึงแอบอู้ไปช่วยผู้หญิงล้างแก้ว มึงนี่มัน”

“อะ ๆ ก็ถือว่าช่วยไหมวะ  กูกลับก่อนละมีนัดต่อ ” นัดของมันคือพาคู่ขาไปทำอย่างว่าตามแบบฉบับของมัน กูละสงสารผู้หญิงที่จะได้มึงเป็นแฟนจริง ๆ ลำพังจัดการเด็กของมันก็ไม่รู้จะเคลียร์ยังไงละ ไม่ต้องเอาเวลาไปทำอย่างอื่นกันพอดี

ผมก้มหน้าก้มตาถอดผ้ากันเปื้อน  แต่หูดันได้ยินเสียงชายหญิงคู่หนึ่งเดินคุยกันผ่านหน้าร้านไป เสียงผู้หญิงผมไม่ค่อยคุ้น แต่ผู้ชายผมจำได้เป็นอย่างดี
ผมวิ่งไปดักหน้าทั้งคู่เอาไว้ ทั้งสองตกใจเล็กน้อย แต่ก็ยกมือไหว้อย่างเป็นนิสัย

“หวัดดีค่ะพี่ภาค ” ผมจ้องอีกคนที่มาด้วย ดูสิมันจะทำอะไร

“หวัดดีพี่ ” อารมณ์มันคงกลับมาปกติแล้วสินะ

“จะไปไหนกันต่อ ”

“กลับหอค่ะ ”

“ให้พี่ไปส่งไหม ดึกแล้วมันอันตราย ” ผมอ้างไปงั้นแหละที่จริงก็แค่หาเรื่องจะไปส่งใอ่คนตัวขาวที่ตอนนี้มันยืนทำหน้าเหม็นบูดผมเต็มที่ละ

“เมขับรถมาอะพี่ พี่ภาคไปส่งมันแทนได้ไหม ”

แหม่ ถ้าผมมีน้องรหัสที่รู้งานเหมือนใอ่เม ก็ดีดิวะ ตัดภาพไปที่ใอ่ซันที่ทั้งมึนและอึนชิบหาย

“ได้ไงมึง ไหนมึงบอกจะไปส่งกูไงวะ ”

อันนี้มันก็แสนรู้พยายามหาทางหนีผมให้ได้ ตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับแม่ทัพของเรื่องอย่างเมเท่านั้นแหละว่าจะตอบว่าอะไร

“เมเหนื่อย แล้วก็ง่วงมากอ่ะ คงไปส่งไม่ไหวหรอก แกกลับกับพี่ภาคไปนะ ไปละ ”

พูดไม่ทันจบ ไม่รอให้เพื่อนปากหมาทักท้วงใด ๆ  ก็เดินลิ่วๆ ไปขึ้นรถแล้วสตาร์ท ขับออกไปทันที

ผมยิ้มและโบกมือจนรถของน้องเมลับตาไป ที่นี่ก็เหลือใอ่ตัวปัญหาอยู่หนึ่งตัว

“เล่นอะไรของพี่ ”

“เล่น? กูเล่นอะไรวะ” ผมพูดไปทำหน้าตายไปด้วย ดูสิมึงจะเถียงกูยังไง เน

“ไม่แกล้งโง่ดิพี่ ”

“อ้าวใอ่นี่ คุยดีได้ไม่กี่คำ ก็ปล่อยหมาอีกแล้วนะมึง ”

“….”

“เดี๋ยวกูไปส่ง รับรองจะส่งให้ถึงหอเลย ”

“เออ… จะทำอะไรก็ทำ โอ๊ย  ” ทำไมวันนี้การบ้องหัวคนของผมมันขายดีจังวะ

“พูดให้ดี ๆ กูเป็นรุ่นพี่มึงน่ะ หรือถ้ามึงลืมว่าก็ให้จำว่ากูคือคนที่จูบมึงก็ได้นะ กูไม่ถือ ฮ่า ๆ ”

ต้องเห็นหน้ามันตอนนี้   คงอยากจะจับผมบีบคอให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย ไม่มีอะไรสุขใจไปกว่าการได้เห็นหน้าเอ๋อ ๆ ของมันอีกแล้ว

มอเตอร์ไซค์ของผมจอดที่หน้าหอพักของมัน

“ขอบคุณน่ะพี่ ” เที่ยวนี้มันไม่ลืมขอบคุณผม

“อืม ”

“แต่ทีหลังไม่ต้อง ”

“ใอ่สัส มึงจะพูดขอบคุณกูแบบจริงใจ ๆ ดี ๆสักครั้งไม่เป็นหรือไงวะ ” ผมยื่นถุงที่แขวนตรงแฮนด์รถแล้วส่งให้มัน มันทำหน้างง

“อะไร? แผ่นหนังโป๊เหรอพี่ พี่แม่งกามว่ะ  ”

“เปล่า เด็ดกว่านั้น ”

“แล้วมันอะไรล่ะ”

“เปิดดูดิ ” ทันทีที่คนตัวขาวเปิดถุงออก คิ้วของมันขมวดผูกกันจนจะเป็นโบว์ทันที มันหยิบของในถุงขึ้นมาดู

“แก้ว ? แก้วที่ผมกินปะเนี่ย จะเอามาให้เพื่อ ??  ”

กูเลียปากแก้วไว้หมดแล้ว…ถ้ามึงอยากจูบกูอีก ก็จูบแก้วไปนะ ฮ่า ๆ
พูดจบผมใส่เกียร์หมาแล้วขับออกไปทันที แต่ก็ไม่วายที่จะใอ่คนตัวขาวจะขว้างแก้วนั่นไล่ตามหลังมา ฮ่า ๆ กูเดาแล้วว่ามึงต้องปามันใส่กูแน่ ฮ่า ๆ ใอ่หมาเน

และที่เด็ดไปกว่านั้น ผมมองกระจกก็เห็นมันโดน ป้าเจ้าของหอด่ามัน สั่งให้มันเก็บแก้วนั่นไปทิ้ง มันก็ทำตามอย่างขัดไม่ได้


ทำใจเถอะ กูชอบใครคนนั้นโดนกูแกล้งแน่นอน
และตอนนี้คนนั้นก็คือ มึง


To be continue…

Chapter พี่ภาคสุดท้ายของวันนี้แล้วนะ ถ้าอยากให้พี่ภาคมาบ่อย ๆ ก็คอมเมนต์บอกกันได้นะ หรือจะคอมเม้นให้กำลังใจ ก็ย่อมได้ เรารออ่านอยู่นะ
twitter : nattha_Kkhung
หัวข้อ: Re: Nice to Se(a)e You Again.___Chapter-ภาค-2 พี่ภาคสายเถื่อนมาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 05-09-2018 21:58:33
 :pig4: :pig4: :pig4:

อุอุ   ภาคเน  จะมีภาคแยกหรือเปล่า?
หัวข้อ: Re: Nice to Se(a)e You Again.___Chapter-ภาค-2 พี่ภาคสายเถื่อนมาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: nattha_Kkhung ที่ 05-09-2018 22:24:46
ตอบคำถาม


คุณ @DrSlump ต้องรอดูกระแสตอบรับก่อนนะครับ ถ้ากระแสดีมีคนรีเควส #ภาคเน เข้ามาเรื่อย ๆ คงได้มีภาคแยกออกมาแน่นอนครับ

ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: Nice to Se(a)e You Again.___Chapter-ภาค-2 พี่ภาคสายเถื่อนมาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 06-09-2018 06:48:31
สนุกดี
เพิ่งได้เข้ามาอ่าน

 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: Nice to Se(a)e You Again.___Chapter-ภาค-2 พี่ภาคสายเถื่อนมาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: jpjiraporn ที่ 06-09-2018 11:11:27
สนุกอ่ะชอบๆ :pigha2: :pigha2:
หัวข้อ: Re: Nice to Se(a)e You Again.___Chapter-11.1-อะไรของมึง
เริ่มหัวข้อโดย: nattha_Kkhung ที่ 06-09-2018 20:21:50
#Chapter-11.1-อะไรของมึง

...........



   ผมกำลังเดินซื้อของกิน อยู่ในตลาดนัดของ ม ที่จัดทุกวันพุธ ส่วนใหญ่ผมซื้อแต่ของกิน อย่างว่าผมอยู่หอคนเดียวไม่มีรูมเมท เลยไม่มีเพื่อนนั่งทำสุกี้ ชาบูกินกันที่ห้อง

แต่พักหลัง ๆ มา ผมรู้สึกว่าพี่ภาค เข้ามาเกาะแกะแก็งค์ผมมากขึ้น และทุกครั้งแกจะพุ่งเป้าไปที่ใอ่เน ใอ่นี่มันก็ด่าพี่เขากลับไปทุกรอบ แรก ๆ ผมไม่ชิน ผมรู้สึกระหว่างสองคนนี้มันต้องมีอะไร แปลก ๆ แต่พอมาบ่อยขึ้น พี่แกอาจชอบอะไรที่มันซาดิส รุนแรง ก็ได้ ขนาดโดนด่า ยังหน้ามึนกวนต่ออีก อย่างเช่นตอนนี้

“อะไรของพี่วะ เพื่อนไม่คบหรือไงถึงได้ตามติดเป็นผีแบบนี้หะ “

“ใครตามมึง กูมาซื้อข้าว”

“ร้านอื่นไม่มีให้ซื้อรีไง

“ก็กูจะแดกร้านนี้ “

ผมมองภาพผู้ชายร่างควาย ๆ สองตัวยืนเถียงกันหน้าร้านข้าว ใครเดินผ่านไปมาก็ไม่กล้าจะเข้ามาซื้อ เพราะสองตัวเล่นเถียงกันไม่เว้นช่องไฟเลย จนเจ๊เจ้าของร้าน มองจิกอยู่หลายทีละ

“เท่าไหร่อ่ะเจ๊คนสวย  “  เรื่องปากหวานนี่ยกให้เลย พี่ภาคมันฉลาดครับเข้าใจแก้สถานการณ์  พอถูกชมว่าสวย เจ๊แกก็ยิ้มปากแทบจะฉีกถึงหูละ

“ รวมกันเลยไหมจ๊ะ  “ ถามพี่ภาค

“รวมเลยเจ๊  “

“ 80 บาทจ๊ะ  “

พี่ภาคจ่ายเงินเจ๊เสร็จ แล้วเดินไปเลยไม่รอให้ใอ่เนเถียง แต่มีหรือที่คนอย่างมันจะยอม มันเดินไปดักหน้า


“จ่ายให้ทำไม “

“อ้าว เมื่อกี้กูจ่ายให้มึงหรอวะ “

“อย่าตีเนียน อ่ะ ” ใอ่เนยื่นเงินคืนให้พี่ภาค แต่พี่เขาเอามือกุมมือมัน แล้วดันมือกลับไปแบบเดิม 

“รับไปดิวะ นี่มันเงินพี่นะเว้ย ”

“กูไม่เอา ”

“แล้วจะเอาอะไร เฮ้ย ! เอาคืนมาเลย  ” พี่ภาคแย่งถุงที่มันถือ เอาไปถือแล้วก็เดินลิ่ว ๆ ไปอย่างไว ใอ่คนน้องก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจาวิ่งตามไป

“ซัน ผู้ชายเขาถือของให้กันแบบนี้ด้วยเหรอ ” เมที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ถามผม ผมจะตอบยังไงดีปกติผมเดินกับใอ่เน ผมถือของเต็มมือแถบจะเอาปากคาบไว้ละ แม่งไม่เห็นช่วยแบ่งไปถือ เหมือนที่พี่ภาคทำเลย

 “ก็ปกตินะ ” ใช่ปกติแน่ ถ้าของที่มันถือไม่ใช่ถุงขนมสายไหม กับขนมครก

ผมกับเม แวะร้านนั้นร้านนี้ไปเรื่อยจนมาหยุดที่ร้านขายพวงกุญแจ ไม่มีทีท่าว่าสองคนนั้นจะกลับมาสักที คงจะไปถึงไหนต่อไหนแล้วมั้ง

“ซันเดินไปก่อนเลยนะ เมขอไปเข้าห้องน้ำก่อน ”

“ได้ ๆ ”

ผมหันไปเลือกพวงกุญแจต่อ  จนสะดุดตากับพวงกุญแจรูปขวดนม แถมมีอันเดียวอีกผมเลยซื้อทันที คนเรามันก็มีโมเมนต์แบบนี้กันบ้าง



กรี๊ด ! กรี๊ด !


         เสียงร้องของผู้หญิง ที่เดินในตลาดดังขึ้น ตามมาด้วยเสียง ปึงปังเหมือนข้าวของล้มกระจาย ผมมองไปทางต้นเสียง คนที่เดินอยู่พากันวิ่งหนีตายกันอลหม่าน จะอะไรสะอีกเด็กที่ไหนไม่รู้มาตีกัน
ผมก็แปลกแทนที่จะวิ่งหนี กับเลือกที่จะวิ่งเข้าไปดูสะงั้น ถ้าผมถูกยิงตายไม่ต้องสงสัยเลย ผมมองภาพตรงหน้าที่ ผู้ชาย 5 คนใส่ช็อปจากวิทยาลัยข้าง ๆ ม กำลังรุมกระทืบ ผู้ชายชุดนิสิตสีขาว   5 ต่อ 1 แมนมาก แต่ใอ่คนที่โดนรุมก็สู้ไม่ถอยเลยนะมึง

       มึงไม่ถอยไม่ว่าแต่เสือกวิ่งหนีมาทางกูอีก ใอ่พวกนั้นมันก็คิดอะดิว่าผมเป็นพวกมัน แล้วไงผมก็ต้องวิ่งหนีไปกับใอ่คนชุดนิสิตที่ตอนนี้มีแต่รอยรองเท้าเต็มหลังไปหมด   “วันนี้วันซวยอะไรของกูว่ะเนี่ย”

ผมพามันวิ่งหนีเข้าไปในตึกการบินของวิศว ฯ รออยู่สักพักจนแน่ใจว่าพวกนั้นจะไม่ย้อนกลับมา


“แฮ่ก ๆ แฮ่ก ๆ" เหนื่อย ลมแทบจับเลย ไม่ได้วิ่งมาเป็นชาติเศษ แต่ใอ่ตัวต้นเรื่องชุดนิสิตไม่ยักกะหอบเลยสักนิด

“วิ่งแค่นี้ หอบแดกแล้วเหรอวะ ”   แค่นี้ตรงไหน วิ่งหนีตีนมันเหนื่อยและลุ้นกว่าวิ่งออกกำลังป่าววะ

“วิ่งหนีตีนป่าววะ” ผมบอกมัน ถึงมันจะนำพาส้นเท้ามาให้ 10 คู่แต่ผมก็ยังรักษาระยะห่างเอาไว้ ถึงยังไงก็เพิ่งรู้จักกัน
“ขอบใจมึงที่ช่วยกูเอาไว้ ”

“อย่าเข้าใจผิด ผมไม่ได้อยากช่วยแค่ตกกระไดพลอยโจร ”

“เออ จะอะไรก็ช่าง มึงว่าพวกแม่งไปกันยังวะ ” มันแอบมองผ่านช่องประตูที่เปิดแง้มไว้

“ผมไม่รู้ ”

“เคยรู้อะไรบ้างไหม…อ๊ะ ” คนร่างใหญ่ในชุดนิสิต นั่งทรุดลงกับพื้น เอามือกุมบริเวณท้องเอาไว้ ผมรีบรุดเข้าไปดูอาการมัน ถึงจะไม่ได้อยากรู้จักแต่เห็นคนเจ็บต่อหน้ามันก็ ปล่อยไว้ไม่ได้ป่าววะ

“เป็นไรอ่ะนาย เจ็บไส้ติ่งเหรอ ” ท้ายประโยคอ่ะผมจงใจกวนประสาทโทษฐานที่นำพาตีนมาให้ผม
 
“ไส้ติ่งบ้านมึงสิ ”

“ถามดี ๆ ป่าววะ ”

“กูรู้ว่ามึงกวนตีนกู ”

“ช่างเถอะ ให้ผมเรียกรถพยาบาลไหม ”

“ไม่ต้อง เดี๋ยวกูก็ดีขึ้น โอ๊ย !” มันทำเก่งพยายามจะยันตัวเองลุกขึ้น แต่ก็ทำไม่ได้
“มองหน้าผมทำไม ” ผมเห็นมันมองหน้าผมตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว

“น้ำใจอ่ะมีไหมสัส คนเจ็บอยู่จะช่วยพยุงก็ไม่มีเลยนะมึง ”

“เอ้า แล้วเมื่อกี้ใครบอก ไม่ต้องช่วยวะ อยากให้ช่วยก็บอกดี ๆ ใจกากอย่าปากเก่ง  ” ผมบ่นมันแต่สุดท้ายก็ยื่นมือไปให้ มันก็จับมือผมไว้ ผมออกแรงดึงร่างควาย ๆ ของมันขึ้น

 “กินควายเข้าไปหรือไง หนักชิบหายเลย” ผมบ่น   

    ไม่รู้ว่าขาผมอ่อนแรงจากการวิ่ง หรือเพราะใอ่นี่มันตัวหนักเกิน จังหวะที่มันกำลังลุกขึ้น กลายเป็นว่าผมหงายหลังลงไปที่พื้น แล้วร่างควาย ๆ ของมันก็ทับร่างผมไว้ 

“อึก ! ”

      เสี้ยวนึงผมเห็นมันมองหน้าผม  ผมเองก็เผลอมองกลับไปด้วย หน้าของผมกับมันอยู่ห่างกันแค่ไม่ถึงเซน ผมรับรู้ได้ถึงลมหายใจของมันที่พ่นใส่หน้าผมในตอนนี้

“จะจ้องหน้าผมอีกนานไหม ลุกไปได้แล้ว มันหนัก ”

“โทษว่ะ ”

เราทั้งคู่กลับมายืนในสภาพปกติ แต่ที่แปลกไปจากตอนแรกก็คือ ใอ่คนตัวสูงข้าง ๆ ผมมันจะมองหน้าผมทำไมนักหนา มองจนผมขนลุก  เข้าใจนะว่าผมอ่ะหล่อ แต่เสียใจด้วยเพราะทั้งที่ 4 ห้องหัวใจ มีแต่

พี่ทะเลว่ะ….


ครืด ๆ ครืด ๆ ผมกดรับสายจากเม

“ อยู่ไหนเนี่ย เมเดินหาจนทั่วแล้วนะ “ นี่ก็ไปเข้าห้องน้ำสะจนไม่รู้ว่าข้างนอกเขาเกิดอะไรขึ้น ยังจะมีอารมณ์ไปเดินต่ออีกเนอะ

“ตึกการบินอ่ะ ”

“อ่าว ไปทำไรที่นั่นอ่ะ ”

“พอดีเกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อย ”

“ให้ไปหาไหม ”

“ไม่เป็นไร เมรอซันที่ตลาดนั่นแหละเดี๋ยวซันไปหา ”

“ไวๆ นะ ฝนจะตกแล้ว ”


ผมวางสาย แล้วหันไปล่ำราคนที่บังเอิญเจอกันในวันนี้

“ผมไปก่อนนะ พอดีนัดเพื่อนไว้ ”

“อืม ”

กำลังจะก้าวพ้นจากห้องนี้ จู่ ๆ คนที่นิ่งเงียบไปตั้งแต่เมื่อกี้ ก็ปริปากพูดบางอย่างขึ้นมา

“แล้วกูจะได้เจอ มึงอีกไหม ”

“ไม่รู้เหมือนกัน ”

“กูปลื้มนะ ”

“เฮ้ย ปลื้มอะไรกันเรื่องแค่นี้เอง ”

“สัส! ปลื้มอ่ะชื่อกู”

“อ๋อ ผม ซัน  “

“ซันอ่ะชื่อผม ” ผมล้อเลียนมันคืน แล้วก็เดินออกจากห้องไป




-ปลื้ม-



     ใอ่เด็กเนิร์ดนั่น ออกไปแล้ว จริง ๆ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรดลใจให้ถามไปแบบนั้น แต่เชื่อเถอะว่าผมรู้สึกแบบที่ถามจริง ๆ คงเพราะมันน่าแกล้ง แล้วมันก็เป็นผู้มีพระคุณของผม เลยอยากจะหาโอกาสไปตอบแทนมันบ้าง ผมคิดแค่นั้น (จริง ๆ เหรอ )
ไม่รู้ว่าจะได้เจอกันอีกไหม ถึงเรียนอยู่ใน ม เดียวกันก็จริงแต่การจะได้โคจรมาพบกันอีกรอบ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แล้วยิ่งกับคนที่เพิ่งรู้จัก และคุยกันไม่กี่คำด้วยแล้ว

     ผมนั่งลงบนเก้าอี้ พลางนึกถึงเรื่องวันนี้แล้วเจ็บท้องชิบหายใอ่พวกนั้นแม่งเล่นผมสะอ่วมเลย  อย่าให้เจอคราวหน้านะมึง ผมจะเอาคืนเรียงตัวเลย


ครืด ๆ ครืด ๆ !


ผมล้วงมือถือจากกระเป๋ากางเกงขึ้นมา กดรับสายเพื่อนสนิท 

“ ว่าไงมึง ”   

“ อยู่ไหนของมึงเนี่ยใอ่ปลื้ม ”

“ ตึกการบิน ” ผมรู้ว่าที่นี่คือตึกอะไรก็เพราะได้ยินตอนที่เด็กนั่นคุยโทรศัพท์กับเพื่อนของมัน

“ ไปทำไรวะ ”

“  หนีตีนพวกเด็กช่างมา ”

“ ใอ่ควายเป็นหมอดี ๆ ไม่ชอบ ชอบเอาหน้าไปลูบกับตีนนะมึง  ”

“ เกี่ยวไรกันวะ โทรมามีไร ”

“ อย่าลืมคืนนี้ร้านเดิมนะมึง เพื่อนแม่งอยากเจอมึงมากเลย ”

“อยากเจอ หรืออยากให้กูเลี้ยงกันแน่วะ ”  ไปกินเหล้าทีผมต้องเป็นเจ้ามือเลี้ยงพวกแม่งทุกที แล้วแต่ละตัวนี่แดกเหล้ายังกะน้ำเปล่า ผมไม่มีปัญหาหรอกเรื่องพวกนี้กับเพื่อนกับฝูงผมให้ได้

“เลื่อนไม่ได้เหรอวะ กูเพิ่งโดนตีนมา ”

“ไม่ได้เว้ย นัดนี้กว่าจะหาเวลามาเจอกันครบได้ นัดเป็นชาติเลยนะมึง ”

“ เออ ๆ เฮ้ยมึงเดี๋ยวแค่นี้ก่อน  " สายตาของผมไปเห็นของชิ้นเล็ก ๆ ตกอยู่บนพื้น ผมเก็บมันขึ้นมาดู มันคือพวงกุญแจรูปขวดนม คงเป็นของเด็กนั่นทำตกไว้




ใครจะรู้ว่าการพบกันคราวหน้า อาจไม่ต้องรอนานอย่างที่คิด

ผมยิ้มให้กับพวงกุญแจ แล้วเก็บมันลงกระเป๋ากางเกง


To be continue...


ขอบคุณทุกคอมเมนต์ ทุกคนที่อ่านนะครับ
ขออนุญาตมาอัพแค่ครึ่งหนึ่งก่อนนะครับ ช่วงนี้เราว่างก็มาค่อนข้างจะบ่อยอย่าเพิ่งเบื่อกันนะทุกคน
พี่ปลื้มถือกำเนิดแล้ว ฝากพี่ปลื้มไว้กับทุกคนด้วยนะครัช ในส่วนของ #ภาคเน นั้นคนพี่ก็ยังมึน คนน้องก็โวยวายเก่ง
อ่านแล้วคอมเมนต์กันได้นะครัช เราอยากอ่าน   
หัวข้อ: Re: Nice to Se(a)e You Again.___Chapter-11.1-อะไรของมึง
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 06-09-2018 21:38:42
 :L2: :pig4:

ขอบคุณก่อนเดี๋ยวมาเม้น
หัวข้อ: Re: Nice to Se(a)e You Again.___Chapter-11.1-อะไรของมึง
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 07-09-2018 01:43:49
 :pig4: :pig4: :pig4:

เอ๋...มีตัวละครที่จะมาเร่งปฏิกริยาแล้วเว้ย
หัวข้อ: Re: Nice to Se(a)e You Again.___Chapter-11.2-อะไรของมึง
เริ่มหัวข้อโดย: nattha_Kkhung ที่ 08-09-2018 18:47:25
#Chapter-11.2-อะไรของมึง



...………………




-ปลื้ม-


ณ ร้านนมโต ร้านเหล้าแถว ม WRR

เสียงเครื่องยนต์ของรถยุโรปคันงามยี่ห้อดาวสามแฉกดับลง แต่ทว่าคนขับไม่ได้มีท่าทีที่จะลงจากรถเสียที ชายหนุ่มร่างใหญ่ สูงขาว เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาระดับคุณชาย แต่นิสัยตรงข้ามกันสุดขั้ว



ครืด ครืด !


ผมกดดูเบอร์ที่โทรเข้ามา ผมกดรับสายเพื่อนรักของผม

“อยู่ไหนละเนี่ย” ใผ่ เพื่อนสนิทถาม

“หน้าร้าน”

“ไม่เข้ามาสักทีวะ พวกกูรอนานแล้วเนี่ย”

“นานห่าไร พวกมึงเสือกมาแต่หัววันเอง “

ไอ้พวกนี้พอผมจะเลี้ยงเหล้าทีไร แม่งต้องถ่อสังขารมานั่งตั้งแต่ร้านเปิด

“เออ ๆ เข้ามาเลย” ผมวางสายมันลง

     ผมปลื้ม ชื่อจริง ปลื้ม ผมเรียนแพทย์ ม WRR ปี 2 ผมมีดีกรีเป็นถึงเดือนคณะฯ ใคร ๆ ก็อยากรู้จักผม อยากได้ผมกันทั้งนั้นเพราะว่าผมหล่อ และรวยมาก ที่มาเรียนหมอ เพราะอยากขัดใจพ่อ พ่อผมเป็นนักธุรกิจชื่อดังลงข่าวหน้าหนึ่งบ่อย ๆ เขาอยากให้ผมเรียนบริหาร จบมาเพื่อรับช่วงต่อ แต่ผมมันลูกนอกคอก ลูกคนที่พ่อรักน้อยที่สุด ผมมีพี่ชาย 1 คน พ่อรักมันมากเพราะมันทำอะไรก็ได้ดังใจ


แต่ช่างเถอะ เรื่องมันก็ผ่านมานาน นานจนผมชาและชินไปเอง


ผมไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมไม่ลงจากรถสักที นั่งแช่อยู่ในรถมาชาติเศษแล้ว เอาแต่มองกุญแจรถ ที่ตอนนี้มีพวงกุญแจของใอ่เนิร์ดนั่น ห้อยอยู่

“จะได้เจอกันอีกไหมวะ”

นั่นสินะ ผมแค่อยากเจออีกครั้ง เพื่อขอบคุณที่มันช่วยผมเอาไว้

ผมยัดของทุกอย่างลงกระเป๋ากางเกง แล้วลงจากรถทันที พนักงานร้านก็เดินมารับผมถึงรถ บริการอย่างดีเลยเนาะ วันไหนที่ผมไม่ได้เอารถมา ไม่เห็นจะมารับแบบนี้เลยสักนิด คนเรามันก็แค่ภายนอก ฉาบฉวย ชะมัด


“จองไว้หรือเปล่าครับ” พนักงานถาม

“จอง...VIP 13”

ผมชอบมาร้านนี้เพราะแบ่งแยกโซนไว้ชัดเจนดี เข้ามาก็เห็นพวกตะกละ 5 ตัว นั่งกันหน้าสลอนน้ำลายยืด รอผมมาตัดริบบิ้น

“ ช้าจังวะ พวกกูรอจนอาหารเย็นหมดละ “ แชมป์พูดขึ้น

“บ่นมาก ไม่ต้องแดก” ผมสวนกลับมัน

“ใจเย็นดิวะ แชมป์มึงก็ไปปากดีใส่ไอ้คุณชาย เดี๋ยวมันไม่เลี้ยง กูจะให้มึงจ่ายนะไอ่สัส” ไอ้บาสพูด

“นั่งก่อนมึง ไอ้เตอร์ มึงขยับดิ “ ไอ้นี่ก็ทำตามอย่างว่าง่ายชิบหาย

“ขับรถมาเหนื่อย ๆ กินน้ำให้สดชื่นก่อนนะมึง น้อง ๆชงเหล้าให้พี่เขาทีเอาเข้ม ๆ เลยน่ะ “ ไอ้โป้ หันไปบอกพนักงาน


ผมหยิบแก้วเหล้ามาแล้วยก ดื่มทีเดียวจนหมด รสชาติขม ๆ กับความร้อนภายในลำคอ ทำให้รู้สึกดีขึ้นมาบ้าง


“ไอ้ไผ่บอกมึงโดนเด็กช่างตีมาเหรอวะ” ปิงถาม  ไอ้ตัวดียกยิ้มอย่างชอบใจ ป่าวประกาศไวนะมึง

“เออดิ คิดแล้วยังแค้นไม่หาย”

“ไปทำยังไงให้โดนตีนได้วะ” แชมป์ถาม

“ แม่ง หาว่ากูไปเหล่เมียมัน เท่านั้นแหละพวกก็ล่อตีกูกลางตลาดเลยสัส กูละอายชิบหาย”

“แล้วมึงไม่สู้วะ เป็นกูน่ะ พ่อจะอัดให้นอนหยอดข้าวต้มเลยสัส” กูรู้ว่ามึงเก่งสัสโป้

“สู้ไงวะ พวกแม่งรุมกู กูรอดมาได้ก็บุญแค่ไหนละ”


บทสนทนาในวงเหล้าก็ดำเนินไปเรื่อย ๆ คนไม่เจอกันนานก็งี้
เสียงคุยของพวกแม่งไม่ได้เข้าไปในสมองผมเลยสักนิด ผมเอาแต่มองพวงกุญแจขวดนม ถ้าจำไม่ผิด เขาเรียกว่า สกุชชี่ นี่แหละเห็นแม่บ้าน ที่บ้านชอบซื้อให้หมาผมกัดเล่น


“ไอ้เชี่ยปลื้ม ปลื้ม ปลื้ม!”

“หะ!มีไร เรียกสะเสียงดังเลยนะสัส”

“กูเรียกมึงหลายรอบละ มัวแต่เมอ คิดถึงหมาที่บ้านรึไง “ แชมป์พูด

“ไม่เสือกดิสัส”

ถ้าไม่ติดว่าในมือถือของอยู่จะบ้องหัวมันไปละ ก็คงจะจริงของมัน ผมคงจะคิดถึงหมา แต่ไม่ใช่หมาที่บ้านแน่ อาจจะเป็นหมาที่ชื่อ ซัน ก็ได้

ผมส่ายหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกไป ดูท่าจะเป็นเอามากเนอะ ไอ้ปลื้ม ผมด่าตัวเอง

“กูไปเข้าห้องน้ำก่อนน่ะพวกมึง”

“ไรวะ แดกเหล้าแค่นี้มีรมเลยเหรอวะ”

“กูจะไปขี้ !!” พูดจบเท่านั้นพวกแม่งก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาลั่นโต๊ะ

   หลังเข้าห้องน้ำเสร็จผมเดินออกมาสูดอากาศนอกร้าน อยู่ในนั้นนาน ๆ ไม่ไหว เห็นแบบนี้ผมก็เข้าร้านเหล้าแค่เดือนละครั้งเท่านั้น ไม่ได้สายเหล้าเหมือนพวกมันทั้ง 5 คน และไม่วายที่จะหยิบกุญแจรถขึ้นมาดู

“เป็นเอามากนะมึง ”   ผมบ่นกับตัวเอง ระหว่างนั้นก็มีคนเดินสวนเข้าไปในร้าน เดิมทีผมจะไม่สนใจหรอกถ้าคนที่เดินเข้าไปมันไม่พูดอะไรบางอย่างขึ้นมา

“สมน้ำน่ามึง เสือกเดินแรดอยู่นานสองนาน ไม่โดนตีหัวก็ดีแค่ไหนละ ” ไอ้เด็กตัวขาว สูง หน้าตี๋มันบ่นกับคนในสาย

“มึงเลิกพูดถึงพี่เขาดิ แม่งช่วงนี้ตามติดกูยังกะผี….ผัวพ่อง ”
ผมมองอีกฝ่ายที่ยืนคุยมือถืออยู่ ไอ้เด็กนี่ก็แปลกคน ถ้ามันรำคาญคนที่มันพูดถึงจริงมันจะยืนหน้ายิ้มทำซากอะไร นี่มึงไหวป่าววะ ???

“สวีทห่าไร แล้วโทรมามีไร”

“อะไรนะ!ทำของหายแต่ไม่รู้ทำหายที่ไหนจะให้ไปช่วยหา นี่มึงจะบ้าปะ ทำหายที่ไหนยังไม่รู้แล้วกูจะไปหาให้มึงได้ที่ไหนเนี่ย”

มึงอ่ะบ้า ถ้ารู้ว่าหายที่ไหนเขาจะเรียกว่าหายไหม ผมคิดในใจ

“เออ ๆ ไว้พรุ่งนี้แล้วกัน” ปลายสายวางไปแล้ว นี่ผมพาตัวเองมายืนฟังใครที่ไหนก็ไม่รู้ทำไมวะ ผมเดินกลับเข้าไปในร้าน พวกมันก็ยังกินไม่หยุดสักที

“มาแล้วเหรอมึง ขี้นานจังวะ” โปถาม สภาพมันตอนนี้เมากำลังได้ที่ ตาเยิ้มเลยนะสัส

“ยุ่งว่ะ จะกลับกันยัง” พวกมันส่งเสียงโอดครวญบ่นกันยกใหญ่

“อะไรวะเพิ่งเที่ยงคืน มึงจะรีบไปไหนพวกกูยังไม่เมาเลย”   ไอ้แชมป์ ก่อนที่มึงจะพูดนี่ได้ส่องกระจกป่าววะ หน้าแม่งเมาสุดในโต๊ะละ

“เออ ไอ้แชมป์พูดถูก นาน ๆ เจอกันทีอยู่ต่ออีกหน่อยเถอะมึง” ไอ้บาสพูดขึ้น

“ไม่ได้ว่ะ พรุ่งนี้กูมีนัดกับที่บ้านแต่เช้า...”

พูดยังไม่จบก็ถูกไอ้ไผ่ขัดจังหวะ ผมเห็นมันเรียกใครสักคน ถ้าผมจำไม่ผิดไอ้นี่มันคือคนที่ยืนคุยมือถือหน้าร้าน คงเป็นรุ่นน้องในคณะมันเพราะเห็นมันยกมือไหว้ไอ้ไผ่

“มาทำไรวะใอ่เน”

“มากินเหล้าดิพี่ พี่นี่ก็ถามแปลก ๆ มาร้านเหล้าจะให้มากินนมรึไง โอ๊ย! เจ็บน่ะพี่” สัสไผ่นี่ก็มือไวบ้องหัวไอ้เนแรง ๆ ทีนึง (ผมได้ยินมันเรียกตอนแรก )

 “มึงจะตบมันทำไม มันก็พูดถูก ฮ่า ๆ”   พวกผมหัวเราะกับคำพูดของไอ้เน ดูท่าจะกวนตีนใช่ย่อยนะมึง

“นี่เพื่อนกู ไอ้โป้ ไอ้บาส แชมป์ เตอร์ แล้วก็ไอ้หน้าหล่อ ๆ นั่นมันชื่อปลื้ม” ไอ้เนยกมือไหว้พวกผมกันยกใหญ่

“ไอ้ภาคไม่ได้มากับมึงเหรอวะ “

“แล้วทำไมผมกับเพื่อนพี่ต้องมาด้วยกันอ่ะ ไม่เกี่ยวกันไหม”

“ก็เห็นช่วงนี้มันตัวติดกับมึง เกาะกันเป็นปลิงกับควาย กูก็เลยถามดู ”

“ไร้สาระว่ะพี่”

“มึงมาคนเดียวเหรอวะ แล้วไอ้ซัน กับไอ้เมอ่ะ”

  ซัน เม ผมรู้สึกคุ้นกับสองชื่อนี้ชอบกล ภาพเหตุการณ์ตอนเย็นไหลกลับเข้ามาในหัว ผมจำได้ว่าเคยได้ยินเจ้าของพวงกุญแจเรียกชื่อ เม และแทนตัวเองว่าซัน ตอนคุยโทรศัพท์ แต่มันจะใช่ซันเดียวกับที่ผมรู้จักเหรอวะ

“พี่เห็นคนอื่นมากับผมปะ ไม่เห็นใช่มะ งั้นก็แสดงว่าผมมาคนเดียว” ไอ้ไผ่ทำท่าจะบ้องหัวมันอีกรอบ แต่ไอ้นี่มันฉลาดหลบทัน


“มึง อ่ะ กูมีเรื่องจะถามหน่อย” ผมพูดแทรกขึ้น พวกมันสองคนก็มามองผมแบบ งง ๆ

“ถามผมเหรอพี่? “

“เออมึงนั่นแหละ” มันทำหน้างงเพิ่มขึ้นอีกสองเท่า จะงงอะไรของมึงวะ กูยังไม่ทันได้ถามห่าอะไรเลย

“ถามไรอ่ะพี่”

“เพื่อนมึงที่ชื่อ ซัน ตัวสูงประมาณมึงแต่เตี้ยกว่ามึงนิดนึง แล้วใส่แว่น หน้าตาบื้อ ๆหน่อยใช่ไหมวะ”

“โห นี่พี่ถามหรือด่าเพื่อนผมเนี่ย”

“ก็ตอบมาดิวะ ว่าใช่หรือเปล่า” ลีลานักนะมึง ผมเลยควักแบงค์พันสองใบยื่นให้มัน มันทำตาลุกวาว กูรู้ว่ามึงก็ไม่ใช่คนดีขนาดนั้นใอ่เน

 “คิดสะว่าเป็นสินน้ำใจ เอาไปซื้อเหล้าแดกละกัน”

ไอ้นี่มันฉลาดมันรีบเก็บเงินเข้ากระเป๋าทันที ส่วนพวกเพื่อนผมแม่งก็นั่ง งง ว่าผมทำอะไร ทำไมแค่นี้ถึงกับต้องจ่ายเงินด้วย

“แล้วจะตอบกูได้ยัง”

“หะ! อ๋อ ๆ ใช่พี่ แบบที่พี่พูดเลย”

“แล้วเมื่อกี้ที่มึงคุยโทรศัพท์ ก็คุยกับไอ้นี่ใช่ไหม”

“ใช่ พี่นี่ก็ขี้เสือกเนอะ แอบฟังคนอื่นเขาคุยกันเสียมารยาทวะ”

“มึงอยู่ภาคอะไร”

“IE อ่ะ”

“สัสชื่อเต็ม ๆ ดิกูไม่ได้เรียนกับพวกมึงกูจะรู้ไหมว่ามันย่อมาจากอะไร”

“อุตสาหการ พี่นี่นอกจากขี้เสือกแล้ว ยังง่าวอีก อินเตอร์เนตก็มีไม่หาเอาวะ...เฮ้ย ทำไรของพี่เนี่ยเอาคืนมาดิวะ ”

ผมยื่นมือไปหยิบเงินจากกระเป๋าเสื้อมันมา ผมลืมบอกไปว่าผมเองก็ไม่ได้เป็นคนดีขนาดนั้น...

“โทษฐานเสร่อแนะนำกู โดยที่กูไม่ได้ขอ พวกมึงกูกลับละ อ่ะไอ้ไผ่ แดกเท่าไหร่ก็รูดเอา เสร็จแล้วเอาบัตรมาคืนกูด้วย”

ผมส่งบัตรเครดิตให้ไผ่ แล้วเดินออกจากร้าน ขับรถออกไปทันที

ในที่สุดคนที่ผมอยากเจอ ไม่คิดเลยว่าจะอยู่ใกล้ตัวขนาดนี้ มันจะบังเอิญ โลกกลม พรหมลิขิตเกินไปไหมวะ



ครืด ๆ ครืด ๆ


ใครโทรมาอีกวะคน กำลังอารมณ์ดี ขัดความสุขกูจริง ๆ

“ฮัลโหล มีไรพี่” ผมทักปลายสาย ซึ่งเป็นพี่รหัสของผมเอง พี่ทะเล…

“ศุกร์หน้า มึงว่างไหมพี่ครีมจะเลี้ยงสาย” พี่ครีม หรือ เจ๊ครีม ป้ารหัสผม หญิงสาวหนึ่งเดียวในสายหล่อระดับเทพของพวกเรา

“ว่าง ให้ไปเจอกันที่ไหน”

“เดี๋ยวบอกอีกที กูฝากมึงบอกไอ้ปันด้วย”

   ปันเป็นน้องรหัสผม ตอนจับสายรหัส ผมอุตส่าคิดว่าได้น้องรหัสชื่อปัน ต้องเป็นผู้หญิงที่สวย และน่ารัก อึ๋มไม่แพ้พี่ครีม       แต่แม่งดันเป็นตัวผู้สะงั้น

“ได้พี่ มีอะไรอีกไหมผมขับรถอยู่”

“ไม่มีแล้วว่ะ โทษทีที่กวน ขอบใจมึงมาก”

ตื้ด ๆ ๆ


   พูดถึงพี่ทะเล แกเป็นพี่รหัสผม แกมีอะไรหลาย ๆ อย่างที่คล้ายผม ไม่ชอบตกเป็นเป้าสายตาใคร ชอบอยู่แบบธรรมดาเหมือนคนทั่ว ๆ ไป แต่เราสองคนต่างกัน ตรงที่ผมรวยกว่าพี่มันมาก และพี่เขาไม่วิ่งเอาหน้าไปทาบกับตีนใครมั่วซั่วเหมือนผม (ไม่นับรวมเหตุการณ์เมื่อเย็น ที่พวกนั้นมันเอามาทาบผมเอง)

   ตั้งแต่ผมเข้ามาจนถึงตอนนี้ ไม่เคยเห็นพี่เขามีแฟนสักทีทั้ง ๆ ที่สาวไซส์เล็ก ไซส์ใหญ่ก็เรียงคิวเข้ามาให้เลือก ช่างมันเถอะไม่เกี่ยวกับผมนี่หว่า เพราะตอนนี้ผมมีเป้าหมายใหม่แล้ว และคิดว่าต่อให้มันเป็นผู้หญิง มันก็ไม่มีทางที่พี่ทะเลจะชอบ หรือ มันจะชอบพี่ทะเลแน่…


   เพราะ…เนิร์ด(ซื่อบื้อ)สะขนาดนี้



   วันแล้ววันเล่า ผมคิดว่าการที่รู้ว่ามันเรียนอยู่ภาคไหน มันจะช่วยให้เจอตัวง่ายขึ้น แต่เปล่าเลยผมมาที่คณะวิศวฯ เกือบจะทุกวันหลังเลิกเรียน เพราะเชื่อว่าอาจจะได้เจอกับคนที่อยากเจอ แต่คณะนี้เขาขึ้นชื่อเรื่องจำนวนนิสิต ที่มากที่สุดใน มหาวิทยาลัย ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเจอตัว ไอ้เนิร์ดนั่น



-ทะเล-


   ผมจอดจักรยาน ที่ลานจอดรถของคณะวิศวฯ แล้วสะพายเป้คู่ใจเพื่อไปหาคนที่นัดไว้ในวันนี้ ผมสะดุดตากับรถเก๊งยี่ห้อดาวสามแฉกคันนึงที่จอดอยู่ มันเหมือนกับรถของไอ้น้องรหัสตัวดี

ช่างเถอะต่อให้ใช่มันจะมาที่นี่ทำไม…

   ผมมาที่นี่เพราะเมื่อคืน ใอ่รุ่นน้องที่อยู่หอชั้นเดียวกับผม มันบอกจะพาไปเลี้ยงข้าวตามที่มันเคยสัญญาไว้ เจ้าตัวอุตส่าถ่อสังขารไปเคาะถึงห้อง  มีเหรอที่จะปฏิเสธ


    ไม่ได้งก…แค่อยากกินข้าวด้วย



ครืด ๆ ครืด !


“ฮัลโหล พี่เลมาถึงยังครับ  ” ปลายสายทักด้วยน้ำเสียงใส แจ๋ว จะดีใจอะไรขนาดนั้นวะ

“เพิ่งถึง มึงอยู่ไหน ”

“ผมประชุมภาคอยู่ อีกสักพักก็เสร็จแล้ว พี่รอก่อนนะ  ” 

“กูก็รออยู่ตลอดไหม ”    รอมึงมาตลอดแหละ เพียงแค่มึงไม่เคยรู้ตัว

“ครับ ๆ เดี๋ยวแค่นี้ก่อนน่ะพี่ ไว้ผมโทรไป ” ตื้ด ๆ

   ถึงจะมาตึกวิศว ฯ อยู่หลายครั้งแต่ผมก็ยังไม่คุ้นชินกับนิสิตที่ใส่เสื้อช็อปกับกางเกงยีนที่ร้อยวันพันปีไม่เคยซักเสียที ทำไงได้คณะผมมีแต่ชุดกาวน์เดินกันเต็มไปหมดนี่หว่า  ผมเดินไปเดินสำรวจเพื่อดูว่าวิศวฯนี่เขาเรียนอะไรกันบ้าง ห้องไหนเป็นห้องไหน เพราะอีกไม่นานผมคงต้องมาที่นี่บ่อย ๆ

   มารับเด็กไง…



“อ้าวพี่เล มาทำไรวะพี่ ” ผมหันไปตามเสียงเรียก นั่นมันใอ่ปลื้ม มันทำอะไรที่นี่วะ

“มาหารุ่นน้อง ”

“ไอ้ปัน ? ใอ่ปันอยู่นี่เหรอพี่”

“ไม่เสือกดิวะ ว่าแต่มึงเถอะมาทำไร คณะไม่มีที่ให้สิงหรือไง” ผมคุยแบบนี้กับมันเป็นประจำ เห็นยังงี้มันก็กวนตีนผมคืนใช่ย่อย ทำไมรอบตัวผมมีแต่คนกวนตีนวะ มีคนน่ารัก ๆ แบบใอ่ซันสักสิบคนไม่ได้หรือไง

“ยิ้มไรของพี่วะ ”
 
“อ๋อ เปล่า ๆ จะตอบกูได้ยังมาทำไร ”

“มาหารุ่นน้องเหมือนพี่อ่าแหละ เห็นเพื่อนมันบอกเรียนที่นี่ ”

“บังเอิญจังวะ  รุ่นน้องจริงหรือเด็กมึงกันแน่” ใอ่นี่เห็นมันไม่เล่นด้วยกับใครก็จริง แต่ไม่ใช่ว่ามันจะไม่มีหรือเปล่าวะ กูละอยากเห็นหน้ารุ่นน้องที่มึงมาหาจริง ๆ

“เฮ่ย ไม่ใช่เว้ยพี่ เด็กผมที่ไหน ไว้จีบติดก่อนค่อยเรียก”

“ เดี๋ยวนี้มึงพัฒนาจีบคนอื่นด้วยเหรอวะ เห็นหล่อ ๆ แบบมึงมาเสนอให้ถึงที่ จะเหนื่อยจีบทำไม ”

“ช่างผมเหอะ พี่ก็เหมือนกันแหละ ที่มาหา…รุ่นน้องหรือเมีย ”

“น้องสะใภ้มึงมั้ง ใอ่นี่ ”

“โห โคตรอยากเห็นเลยว่าที่น้องสะใภ้เนี่ย จะสวย อึ๋ม หุ่นเซี๊ยะ แค่ไหนวะ ” ไม่สวย ไม่อึ๋ม อย่างที่มึงคิดแน่ ฮ่า ๆ

ระหว่างนั้น…

“พี่เล อ้าว…ไอ้คนที่เจอวันนั้น มาทำไรหนีตีนใครมาอีกอ่ะ  ” เราสองคนหันไปตามเสียงเรียกของบุคคลที่สาม เอะมันสองคนไปรู้จักกันตอนไหนวะ

“มาหามึงแหละ ” อย่าบอกนะว่าคนที่มึงจะจีบคือ ใอ่ซัน ใอ่เด็กเนิร์ด นมแบน คนนี้เหรอวะ

“มาหาเพื่อ ? มีธุระอะไรกับผมอ่ะ ”

“กูเอานี่มาคืน ” ปลื้มมันชูพวงกุญแจขวดนม ให้อีกฝ่ายดู ใอ่นี่ก็ดีใจออกนอกหน้านอกตาจังนะมึง

“เฮ้ย ไปเอามาจากไหนอ่ะ ผมหาตั้งหลายวันยังไม่เจอสักที ขอบคุณนะครับ ” ซันหยิบพวงกุญแจมาเก็บไว้กับตัวเอง
แต่คนที่ดีใจออกนอกหน้า เห็นทีจะเป็นใอ่คนที่เก็บได้ มึงจะยิ้มอะไรนัก ใอ่ปลื้ม พวงกุญแจอันไม่กี่สิบบาท คนระดับมึงไม่ยิ้มเพราะของที่อยู่ในมือว่าที่เด็กของกูแน่

“อะแฮ่ม จะไปได้ยัง ” ใอ่คนที่ถูกทำหน้าตาเหมือนเพิ่งนึกออก อย่ามาลืมว่ามึงมีนัดกับกูใอ่แว่นเอ้ย

“จะไปไหนกันอ่ะ ” ใอ่ปลื้มทำท่าทางสนใจขึ้นมาทันที


“ไปกินข้าวกันอ่ะครับ ”   

“ซัน ไม่ต้องไปบอกมันก็ได้ ”

“ไปกินด้วยดิ ตอบแทนที่กูเก็บของมาคืนมึงไง ” กูยอมรับเลยว่ามึงฉลาด แต่เจ้าเล่ห์ชะมัด    
ใอ่ซันหันหน้ามาขอความช่วยเหลือจากผม แต่มันคงทนลูกตื้อของใอ่ปลื้มไม่ไหว ก็เลย…

บนรถ…

ก็อย่างที่เห็นจนแล้วจนรอดก็ต้องเอา ไอ้ปลื้มมาด้วยจนได้ แม่งแสนรู้ พยายามกันให้ผมอยู่ห่างจากใอ่ซัน โดยการให้ผมไปนั่งเบาะหลัง ส่วนใอ่ซันก็นั่งข้างมันอย่างว่าง่าย

ตั้งแต่ขึ้นรถมาใอ่แว่นมันชื่นชม รถหรู อย่างถูกอกถูกใจเป็นสิบรอบๆ ไม่รู้จะชอบอะไรนักหน้า อย่างเช่นตอนนี้
 
“รถพี่ปลื้ม นี่หรูชะมัด เบาะก็นิ่มกลิ่นก็หอม ดูข้างนอกว่าสวยแล้วข้างในยิ่งกว่าอีก   ”

“มึงชอบเหรอวะ ถ้าชอบเดี๋ยวกูพา…”

“จะคุยกันอีกนานไหมวะ กูหิวละ มึงขับให้เร็ว ๆ ไม่ได้รึไง ” ผมบ่นอย่างหัวเสีย ไม่เห็นจะสวยเลยสักนิดมันก็รถเก๊งทั่วไป มี 4 ประตู มีเบาะ มีความหรู…

   คิดแล้วก็หงุดหงิด…




หลังกินข้าวเสร็จ…



   ไอ้ปลื้มมาส่งผมกับซันที่ คณะฯ แต่มันอยากจะไปส่งใอซันมากกว่า คงอยากจะหาทางสลัดพี่รหัสอย่างผมให้พ้นทางสักที

“โคตรอิ่มเลยพี่ ผมเพิ่งเคยกินชาบูร้านนี้ครั้งแรกเลยนะ น้ำซุปแม่งโคตรอร่อยเลย โดยเฉพาะน้ำซุปต้มยำ แซ่บสุด คิดเหมือนกันไหมพี่ ” 

“ก็ดี ”

“เป็นไรวะผมอุตส่าเลี้ยงทั้งที ไม่อร่อยเหรอ”

“กูพูดแบบนั้นรึไง จะกลับไหม ” มันคงจะรู้สึกตัวแล้วล่ะว่าผมอารมณ์ไม่ดี   

“กลับครับ ” มันขึ้นซ้อนท้ายจักรยานผมเหมือนทุกที

“แต่จักรยานกู เบาะไม่นิ่ม เหมือนรถเก๊งหรูๆ มึงจะนั่งได้เหรอวะ ”  คนถูกถามนั่งเงียบไม่พูดอะไรออกมา จักรยานค่อย ๆ เคลื่อนตัวอย่างช้า ๆ


   ผมไม่รู้ว่าตัวผมเองเป็นอะไร ทำไมถึงได้หงุดหงิดขนาดจนพาลไปลงที่คนอื่นแบบนี้ หงุดหงิดเรื่องรถของผมกับใอ่ปลื้ม เรื่องที่ไม่ได้ไปกินข้าวสองคน หรือเรื่องที่มันยกยอใอ่ปลื้มออกหน้าออกตากันแน่ 
ผมไม่ชอบที่มันทำตัวสนิทกับคนที่มาจีบมัน (ถึงมันจะบื้อ ดูไม่ออกก็เถอะ)  ถ้าสิ่งที่มันทำเรียกว่า ซื่อบื้อ แล้วที่ผมเป็นอยู่ตอนนี้


เรียกว่า…หึง เหรอวะ

ผมส่ายหัวไล่ความคิดบ้า ๆ ออกไป ผมจะไปหึงมันทำไม มันไม่ได้เป็นอะไรกับ…

“สดชื่นเนอะพี่ อากาศใน ม ตอนเย็น ๆ เนี่ย ” คนทีเงียบก็ปริปากออกมาสักที

“อย่างนั้นเหรอ ”

“พี่รู้ไหม ผมน่ะชอบที่สุดเลย ลมเย็น ๆ แบบนี้สดชื่นกว่าแอร์อีกนะ  ”

“เหรอวะ …แต่ลมแบบนี้นาน ๆ มาที มันจะไปสู้แอร์เย็น ๆ จะเปิด จะปิดตอนไหน ไม่ได้หรอก ”

“แต่อย่างน้อยมันก็พัดมาไม่ใช่เหรอ ”

“อืม แล้วพูดเรื่องนี้ทำไม…”

“ไม่รู้สิ สำหรับผมของบางอย่างไม่ต้องเพอร์เฟคหรอก แค่เป็นของที่เราชอบ ยังไงมันก็ดีเสมอ”

“…”

“มันอาจจะไม่มาในตอนที่เราต้องการ หรือมาไม่ทันใจ แต่อย่างน้อยมันก็มา จริงไหม  ”

“ที่พูด นี่หมายถึงลมเหรอวะ”

“….”

“อิจฉาลมเนอะ ชอบขนาดนี้มันรู้มันคงดีใจ ”


ผมจอดจักรยานเทียบกับฟุตบาทหน้าหอ มันก้าวลงจากจักรยาน แล้วมายืนจ้องผมอยู่

“กูไปจอดจักรยานก่อน มึงขึ้นหอไปก่อนเลยไม่ต้องรอ”

ไอ้นี่ก็ยืนบื้อไม่พูดไม่จา ทำหน้าเหมือนมีอะไรจะพูด ผมจ้องหน้ามันถามเป็นนัย ๆ ว่ามีไรมึงก็พูดมา

“พูดให้ฟังขนาดนี้ มันไม่รู้ก็โคตรบื้อละ ”

มันพูดจบไม่รอให้ผมพูดต่อ มันรีบเดินเข้าลิฟต์แล้วขึ้นห้องไปทันที





มีคนเคยบอกไหมว่านอกจากมันจะบื้อ แล้วตรรกะมันยังแปลก ๆ อีก แต่ผมกลับชอบที่มันเป็นแบบนี้

ถ้ามันหันหลังกลับมาสักนิด มันคงจะเห็นว่าผมยิ้มให้มันอยู่


 
To be continue …

ฮัลโหลทุกคน วันนี้เรามาอัพต่อแล้วนะ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะครับ ขอบคุณทุกคอมเมนต์เลยนะ เราดีใจมีกำลังใจมากขึ้นอีกเป็นกองเลย ที่มีคนชอบ #NicetoSeaYouAgain
ในส่วนของ #ภาคเน ก็ยังผลุบๆโผลๆ กันเรื่อย ๆ เผื่อมีคนคิดถึงสองคนนี้
**ปล.เด็กมหาลัยนี้ ชอบมาที่ร้านนมโตเกิ้น ฮ่า ๆ
**ปล.ปลื้มหล่อและรวยมาก 
**อ่านแล้วคอมเมนต์กันได้นะ เราอยากอ่าน
หัวข้อ: Re: Nice to Se(a)e You Again.___Chapter-11.2-อะไรของมึง
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 08-09-2018 21:55:29
 :pig4: :pig4: :pig4:

สงสัยมีศึกสายรหัสเกิดขึ้นแน่ ๆ
หัวข้อ: Re: Nice to Se(a)e You Again.___Chapter-11.2-อะไรของมึง
เริ่มหัวข้อโดย: nattha_Kkhung ที่ 09-09-2018 06:46:20
@DrSlump  งุ้ยยย งานนี้มีหักกันไปข้างนึงแน่ //ศึกชิงนายที่แท้ทรู

**ปล.ตอนนหน้ารับรุ่นภาคด้วยหน่าา ปักหมุดไว้รอกันเลยครัช
หัวข้อ: Re: Nice to Se(a)e You Again.___Chapter-11.2-อะไรของมึง
เริ่มหัวข้อโดย: nattha_Kkhung ที่ 09-09-2018 16:59:41
แจ้งข่าว

ตอนนี้เราได้เปิดตัวนิยายเรื่องที่สองของเรา ชื่อว่า Turn Back Time ย้อนเวลาให้เธอรัก //เฮือก เรื่องเก่ายังไม่จบก็แอบไปเปิดเรื่องใหม่ไว้แล้ว แหะ ๆ
เราขอฝาก #เปรมวิน ไว้กับทุกคนด้วยนะครับ


เข้าไปอ่านกันได้ตามลิ้งข้างล่างนี้เลยนะ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68356.0
หัวข้อ: Re: Nice to Se(a)e You Again.___Chapter-11.2-อะไรของมึง
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 09-09-2018 18:22:34
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Nice to Se(a)e You Again.___Chapter-11.2-อะไรของมึง
เริ่มหัวข้อโดย: nattha_Kkhung ที่ 10-09-2018 21:11:36
แจ้งข่าว


ช่วงนี้เรากำลังปั่น Nice to Se(a)e You Again Chapter 12 กับ Special Chapter อยู่นะไม่ได้หายไปไหน
ขอแอบกระซิบบอกเหล่ารีดเดอร์ว่า Special Chapter นี่ Special สุด ๆ  อยากให้รออ่านกันนะว่าจะเป็น #ทะเลซัน #ภาคเน  เอะหรือ #ปลื้มซัน  รอติดตามกันน้า

nattha_Kkhung
หัวข้อ: Re: Nice to Se(a)e You Again.___Special Chapter-Nay's Birthday
เริ่มหัวข้อโดย: nattha_Kkhung ที่ 11-09-2018 12:14:04
Special Chapter-Nay’s Birthday



..........





-ภาค-



ณ ห้องเรียนวิชา กลศาสตร์วิศวกรรม

“ก่อนเลิก ผมฝากพวกคุณไปทำข้อ 4.2 มาด้วยคาบหน้าผมจะสุ่มถาม”

“มีคะแนนให้ไหมครับอาจารย์” ผมถามอาจารย์

“ไม่มีคะแนนให้ ถ้าใครอยากทำก็ทำมา ใครไม่อยากก็ไม่ต้องทำผมไม่บังคับ แต่ตอนสอบทำข้อสอบไม่ได้อย่ามาโวยวายนะ เพราะที่ออกสอบก็ออกจากที่สอน เข้าใจนะนายภาคิน”

“ครับจารย์”

“มีใครสงสัยอะไรอีกไหม อะ ถ้าไม่มีวันนี้พอแค่นี้”

บรรดานิสิตพากันทยอยลุกออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว เพื่อไปแย่งโต๊ะที่โรงอาหารกลาง ในช่วงพักเที่ยงแบบนี้ โรงอาหารกลางจะแน่นไปด้วยนิสิตจากทุกคณะ เรียกว่างานนี้ใครไวที่สุด คนนั้นก็ได้ไป

“แดกข้าวไหนดีวะ “ ไผ่ถาม

“ไม่รู้ว่ะ เล้งไหม หรือตามสั่งเจ๊ศรี” โชเสนอ

“เล้งก็ดีว่ะ กูอยากซดน้ำร้อน ๆ ช่วงนี้คอฝืด ๆ” ไผ่ตอบ

“มึงก็แดกน้ำต้มสุกไปดิ” ผมสวนมัน

“กวนตีนนะมึง ว่าแต่มึงเถอะวันนี้จะไปแดกข้าวกับพวกกูไหม หรือไปกับเด็กมึง”

พักหลังมานี้พวกแม่งฉลาดขึ้น สอดรู้สอดเห็น และอัพเกรดระดับความเสือกมากขึ้น มันคงจับสังเกตว่าผมหายไปไหนไม่ไปแดกข้าวกับพวกมัน

“เด็ก ? ใครวะ” ผมแกล้งถามมันคืน จริง ๆ ผมรู้ดีว่าเด็กที่มันพูดถึง หมายถึงใคร

“โกหกหมาตายนะสัส” กูแค่ล้อเล่นนิดเดียวนี่กะให้ไอ้ คูก้าตายเลยเหรอ

   คูก้า  เป็นหมาที่บ้าน แม่ผมเก็บมันมาเลี้ยงเพราะแม่และพี่น้องอื่นตัวอื่น ๆ ของมันตายหมด เหลือมันตัวเดียวที่รอด ผมไม่เคยสนใจสักทีว่ามันจะเป็นพันธุ์อะไร รู้แค่ว่ามันเป็นหมาก็พอ

“ไอ้ภาค กูถามจริงเถอะว่ะ น้องกูมันมีอะไรดีนักวะถึงได้ไปตามมัน เช้าถึง เย็นถึง แม่งไม่เหม็นหน้ามึงเหรอ”โชถาม


ผมตอบไม่ได้หรอกว่ามันเหม็นหน้าผมหรือเปล่า เพราะระยะหลังมานี้ ไอ้หมาเนมันไม่เห็นบ่นว่ารำคาญผม ไล่ผมน้อยลง หรือบางทีก็ไม่ได้ไล่ แต่ก็ไม่ได้แสดงออกว่ารู้สึกดี แบบที่คนถูกอ่อย ถูกตื้อ เขาเป็นกัน

“ไม่รู้ว่ะ ไม่เห็นมันพูดอะไรเลย”

“นี่มึงกะจริงจังปะ เรื่องไอ้เน” ไผ่ถาม

“มีใครเคยบอกมึงปะ ว่ามึงโคตรขี้เสือกเลยเชี่ยไผ่”

“มี...ก็มึงไง”

“แล้วตกลงจริงจังหรือไม่จริงจังพวกกูรอฟังอยู่” โชถาม

“จริงจังดิ เช้าถึงเย็นถึงขนาดนี้” ผมตอบออกไปตามความสัจจริงที่ปากกับใจมันบอกให้พูด


“เหยดดด พูดเต็มปากเต็มคำเลยนะมึงเดี๋ยวนี้”

“ถ้ากูเป็นไอ้เน แล้วมาได้ยินมึงพูดแบบนี้นะ กูคงขนลุกว่ะ มีผู้ชายตัวควาย ๆ นมแบน ๆ มาตามจีบ โอ๊ย!” ผมตบหัวสั่งสอนมันไปทีนึงโทษฐานไม่ช่วยแล้วยังปากหมาดีนัก


“ไปแดกข้าวละ เบื่อมึงสองตัวสัส”


     เดิมทีผมไม่เคยคิดมาก่อนว่าการที่จูบกับมันในวันนั้น มันจะทำให้ผมมาไกลได้ถึงขนาดนี้ ถ้าใครรู้เข้าว่าผมเบนเข็มมาตามจีบเด็กผู้ชาย เพราะจูบเงอะงะของคนเมา แม่งต้องล้อผมแน่ โดยเฉพาะไอ้สองเสือก

   ผมชอบมันเพราะมันทั้งปากหมา พูดแต่ละที น่าเอาเท้าไปลูบปากมาก แต่เวลาอยู่กับมัน ผมไม่ต้องรู้สึกว่า กูต้องเป็นคนดีขึ้น พูดจาเรียบร้อยขึ้น แบบนั้นผมทำไม่ได้ว่ะ ถ้าต้องอยู่กับใครสักคนแล้วผม ต้องฝืนตัวเองขนาดนี้ผม ขอบายเถอะว่ะ

    ผมกดเบอร์โทรหาไอ้หมาเน กว่าจะได้เบอร์มันมาเลือดตาแทบกระเด็น ผมต้องอ้อนมัน ตื้อมันสารพัดผมพูดเวอร์ไปงั้น จริง ๆแค่เอาหนังสือรุ่นของปีหนึ่งมาเปิดดูก็ได้ละ มีทั้งชื่อที่อยู่ อีเมล เบอร์โทร ไลน์อีกจะครบไปไหน


ผมยังจำครั้งแรกที่โทรไปหามันได้ดี...


ตื้ด ตื้ด ตื้ด กึก

“ฮัลโหล” ปลายสายพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ มึงอารมณ์ปกติสินะ ก็ดีแบบนี้แหละเข้าทางกู

“อยู่ไหนครับ”

อีกฝ่ายคงงง ว่ามึงเป็นใคร โทรมาหากูทำไม

“ใครวะ”

“ก็ตอบก่อนดิว่าอยู่ไหน”

“กูถามว่าใคร”

“แล้วอยู่ไหนละ”

“เรื่องของกู แค่นี้”

“เฮ้ย ๆ อย่าเพิ่งวางนี่กูเอง” ผมร้องห้ามอีกฝ่ายเอาไว้ก่อน

“กูไหน กูจะรู้จักกับมึงไหม”

“มึงนี่ปากหมา แล้วยังความจำปลาทองอีกลืมคนที่มึงจูบได้ไงวะ เสียใจว่ะ”

“เชี่ย ไม่มีคำแนะนำตัวแบบอื่นหรือไงวะ”

“เอ้า ก็ใครใช้ให้มึงลืมกู”

“ลืมไร กูจำเสียงมึงได้พี่ โทรมาทำไม”


“จะถามว่าอยู่ไหน”


“คณะฯ แล้วพี่มึงไปเอาเบอร์กูมาจากไหน”

“หนังสือรุ่นมึงไง สโมฯ ปีนี้แม่งดีสัส มีชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรมึงพร้อมเลย”

“ประสาท โทรมาเพื่อถามแค่นี้ใช่ไหม จะได้วาง”

“หิวข้าว”

“อะไรของพี่”

“กูหิวข้าว หูหนวกเหรอวะ”

“หิวก็ไปแดกดิ บอกผมทำไม”

“ง่าวนะมึง กูกำลังชวนไปแดกข้าว ไม่รู้จริงเหรอวะ”

คนอย่างใอ่หมาเน ถ้าไม่พูดตรง ๆ มันก็คงบื้อคิดไม่ได้ นี่มึงมีแฟนได้ไงวะ

“ไม่ไปผมมีเรียนต่อ” จะเล่นแบบนี้กับกูใช่ไหมได้ !
มึงคงไม่รู้สินะว่าตารางเรียนมันเสิร์ชหาได้ง่าย ๆ แค่รู้รหัสนิสิต อันนี้ต้องยกความดีความชอบให้พวกสโมฯ ที่ทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้นมาก

“เรียนไรต่อ”

“สังคมฯ”

“ตอแหล สังคมมึงเรียนพรุ่งนี้”

“อาจารย์นัดชด”

“กูถามไอ้ซันแล้ว อาจารย์นัดชดอาทิตย์หน้า”

“ก็...”

“ก็เชี่ยอะไรอีกครับน้องเน ตารางเรียนมึงอยู่ในมือถือกู ยังจะเถียงอีกไหม”

“เออ ๆ แดกที่ไหนบอกมาเร็ว ๆ รำคาญ”

“รอที่คณะเดี๋ยวกูไปรับ” ผมวางสายแล้วบิดมอเตอร์ไซ ไปรับหมาเน ทันที





ปัจจุบัน


ผมโทรหาหมาเน ไม่นานปลายสายก็รับ

“รอที่คณะ” ปลายสายตอบด้วยเสียงเหนื่อย ๆ

“กำลังไป ออกมารอหน้าตึกเลย”

  พักหลัง ไอ้เนมันว่าง่ายขึ้นไม่ต้องหามุข หรือข้ออ้างโง่ ๆ มาบังคับ ถ้าคิดเข้าข้างตัวเองผมว่ามันต้องชอบผมขึ้นมานิดนึงละ แต่ความจริงมันคงจะตัดรำคาญผมมากกว่า


-หลังกินข้าวเสร็จ-



ไอ้หมาเนมันซื้อไอติมถ้วย ไผ่เงินกิน ตอนมันเห็นรถไอติมจอดอยู่มันรีบใช้ระบบเบรกคือระบบตบ ตบมาที่ไหล่เต็มแรงผมก็ต้องจอดให้มันซื้อไอติมแดก ใช้กูเป็นคนขับรถเลยนะมึง


“แดกข้าวแล้วยังจะแดกไอติมต่ออีก ตะกละจังวะ”

“บ้านพี่เข้าห้ามกินไอติมหลังกินข้าวเหรอ”

“อย่าให้หกใส่หลังกูนะมึง”

มึงจะกินอะไรก็ครับใอ่หมาเน แต่ถ้าหกใส่หลังกูแล้วช็อปกูเปื้อนกูฆ่ามึง เพราะกูขี้เกียจซัก

   ระหว่างที่ขับมอเตอร์ไซค์ ผมได้ยินมันอุทาน เป็นพัก ๆ แต่คงไม่มีอะไรมันคงจะอุทานเพราะถนนแถวนี้ขรุขระ เป็นหลุมเยอะ นี่มันถนนลาดยางจริงเปล่าวะ แม่งยังกะถนนลูกรังเลยสัส

ผมจอดมอเตอร์ไซเทียบฟุตบาทหน้าคณะ

“แดกหมดแล้วเหรอ” ผมมองดูไอติมในถ้วยที่ตอนนี้ว่างเปล่า

“หมดพอดีเลย” มันจะยิ้มอะไรของมันวะ

“ยิ้มอะไรของมึง”

“ไม่มีอะไร ขับรถกลับดี ๆ นะพี่ผมไปเรียนก่อนนะ”


ไม่รอให้ผมตอบอะไรมันรีบวิ่งหายเข้าไปในตึก ทำตัวดีแปลก ๆ นะมึง หรือว่าพอได้กินไอติมแล้วอารมณ์ดีขึ้นเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ

โห....ถ้าเป็นแบบนี้ผมจะเหมาให้มันทั้งถังเลย


ขอบคุณไผ่เงินที่ทำให้ไอ้หมาเนพูดจาดี ๆ กับผม ถึงมันจะทำหน้าทำตาแปลก ๆก็เถอะ


ผมเข้าเรียนตอนบ่าย ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มมีความสุขมากผิดปกติ จนไอ้สองเสือกมันอดที่จะเสือกไม่ได้ว่าผมไปทำอะไรมา

“ยิ้มอะไรของมึงวะ พวกกูนั่งดูมาชั่วโมงละ เดี๋ยวนี้มีอะไรดีไม่บอกพวกกูนะ” ไอ้ไผ่เปิดประเด็น

“คนมีความสุข มันก็ต้องยิ้มไหมวะ” ผมตอบมัน


“มีความสุขเรื่อง? อย่าบอกนะว่าไอ้คูก้ามันมีผัว โอ๊ย! เจ็บน่ะ”    ผมจัดการประเคนฝ่ามือลงกระบาลมันแรง ๆ 1 ที

“ไอ้ห่า หมากูตัวผู้”


“กูว่าเรื่องไอ้เนชัว มีไรวะเล่าให้พวกกูฟังบ้างดิ”ไอ้โชคะยั้นคะยอกึ่งบังคับ สุดท้ายผมก็ต้องเล่าเรื่องที่เพิ่งเกิดให้ไอ้สองเสือกฟังอย่างจำใจ

“เหยดด ก้าวหน้ากว่าที่คิดนะมึง” ไอ้โชเอ่ยปากแซวผม

“ก็นิดนึงว่ะ ทำไงได้กูมันหล่อใครอยู่ใกล้กูก็เคลิ้มกันทั้งนั้น”

“เดี๋ยวก่อน สัสภาค” ไอ้ไผ่พูดกับผม

“อะไร”

“เมื่อกี้มึงบอกกูว่า น้องมันทำดีกับมึงแปลก ๆ ใช่ไหม”

“อืม ใช่ ทำไมวะ”

“แล้วปกติไม่เป็นแบบที่มึงเล่า ถูกไหม”

“ก็เออดิวะ กูว่าต้องเป็นอำนาจของเทพเจ้าไผ่เงินว่ะ ที่ดลใจให้ไอ้เน มันทำตัวดีกับกูแบบนั้น มึงเชื่อปะ กูอยากจะเหมาไอติม เลี้ยงมันทั้งถังเลย”

“กูว่าไม่ว่ะ”

“ไม่อะไรของมึง”

“ที่มันพูดจาดี ทำดีกับมึงแปลก ๆ ไม่ใช่เพราะเทพเจ้าไผ่เงินของมึง กูว่าเพราะมันทำแบบนี้ไว้บนหลังมึงมากกว่า” ไผ่พูดจบ แล้วจับเสื้อช็อปให้ผมดู อื้อหือ

       คราบไอติมเต็มหลังกูเลยนะไอ้หมาเน มีข้าวเหนียว หรือลูกชิด ถั่วลิสงแถมด้วยไหมวะ ฟัค !

ไอ่ไผ่ยื่นจมูกของมันไปดม

“อื้อหือ เทพเจ้าทุเรียนหึ่งเลยนะสัส” ไอ้ไผ่บอก

ผมว่าละตั้งแต่เข้ามานั่งในห้องทำไมเพื่อนมันบ่น ว่าได้กลิ่นทุเรียน ตะกละแดกไม่พอ เสือกแดกของที่มีกลิ่นแรงอย่างทุเรียนอีก จบ

ผมหยิบมือถือแล้วกดโทรไปหาไอ้คนก่อเรื่อง มันฉลาดมันปิดเครื่องหนีผม ไลน์ไปก็บล็อกผมอีกมึงวางแผนไว้ล่วงหน้าเลยนะ....

ทั้งบ่ายวันนั้น อาจารย์บ่นเรื่องทุเรียนตั้งแต่ต้นคาบยันท้ายคาบ


07/10/2561



     วันนี้เป็นวันเกิดไอ้หมาเน ถามว่าผมรู้ได้ไง ก็บอกแล้วว่าสโมฯปีนี้ทำงานดี ก็เล่นทำหนังสือรุ่นยังกะทะเบียนราษฎร์ มีตั้งแต่ชื่อที่อยู่ ยันข้อมูลส่วนตัว เว้นชื่อพ่อกับชื่อแม่ที่ไม่ได้ใส่ลงไป ถ้ามึงจะละเอียดขนาดนี้ไปทำงานทะเบียนราษฎร์เถอะ

ผมถามไอ้เนแล้วว่าวันนี้มันติดธุระอะไรไหม เพราะผมไม่ปล่อยให้โอกาสดี ๆ แบบนี้หลุดไปแน่

                  โอกาสที่จะทำคะแนน แต่มัน...



“วันนี้ไม่ว่าง ที่บ้านจัดงานวันเกิดให้”

“เหรอวะ แล้วกลับ ม กี่โมง”

“ดึก ๆ ไม่ก็พรุ่งนี้เลย”

“เหรอ”

“พี่มีอะไรหรือเปล่า”

“หือ...ไม่มี ๆ เห็นวันนี้เป็นวันเกิดมึง กูเลยจะพาไปเลี้ยงแต่มึงติดธุระ ไว้คราวหน้าแล้วกันเนอะ”

“...”

“งั้นกูไม่กวนแล้ว สุขสันต์วันเกิดน่ะไอ้หมาเน”

“พี่ มึงโกรธกูเหรอ” ไม่ได้โกรธหรอก กูแค่นอยด์ มึงได้ยินไหมว่าผู้ชายหุ่นควาย ๆ อย่างกูนอยด์เป็นเด็กประถมเพราะมึงเลย ไอ้หมาเน

“โกรธบ้าไร คิดมากนะมึง กูไปข้างนอกก่อนน่ะ”อีกฝ่ายวางสายไปแล้ว

ผมนั่งมองเค้กก้อนโตตรงหน้า แล้วก็เศร้า...

“เจ้าของมึงไม่มาแล้ว สัสเค้ก”

ถ้าเค้กพูดได้มันคงถามว่า กูผิดอะไร  ผมนี่เป็นเอามากนั่งบ่นพึมพำคนเดียวกับเค้กใครเห็นคงหาว่าผมบ้า

อุตส่าเก็บเงินเป็นอาทิตย์ กว่าจะสั่งทำแล้วออกมาเป็นเค้กที่มีก้อนเดียวในโลก ไม่บอกอยากจะบอกว่าผมทำในสิ่งที่ตัวเองไม่คิดที่จะทำเด็ดขาดเลย คือ ...





-สองวันก่อนวันเกิด-




“ไอ้โช ไอ้ไผ่ พวกมึงรู้จักร้านรับทำเค้กไหมวะ” ผมถามไอ้สองเสือกที่ตอนนี้ ก้มหน้าก้มตาเล่น ROV อยู่

“กูไม่ว่ะ มึงอ่ะโช” ไผ่โยนไปให้ไอ้โช

“รู้จักอยู่ แต่ขอจบตานี้ก่อน”  กว่าพวกมันจะเล่นเสร็จ ผมรอเป็นชาติเลย

“เมื่อกี้มึงถามกูว่าอะไรนะ” ไอ้โชมันย้อนถามผมอีกรอบ

“กูถามว่ารู้จักร้านทำเค้กไหม”

“รู้ดิ กูไปเคยไปซื้อให้แม่บ่อย ๆ ถามทำไม มึงจะสั่งเค้กเหรอ แล้วสั่งให้ใครวะ”

“ยุ่งจังวะ”

“มุบมิบแบบนี้ ไอ้เนชัว มึงสั่งให้ไอ้เนใช่ไหม” ไผ่พูดแทรกขึ้นมา แสนรู้นะมึง

“เออว่ะ อีกสองวันวันเกิดไอ้เนนิหว่า” โชพูด

“แสนรู้...รู้ดีขนาดนี้ แล้วจะถามกูเพื่อ?” ผมสวนไอ้ไผ่คืน

“กูไม่ใช่หมาน่ะสัส”

“แล้วไง นี่ถึงขั้นไหนยังไงแล้ววะ ถึงมีสั่งเค้กให้ด้วย”โชถาม

“ไม่รู้สักเรื่องต่อมเสือกพวกมึงมันจะเสื่อมหรือไงวะ”

“ไม่ได้เลยเว้ย เรื่องของพวกมึงสองคน พวกกูยิ่งต้องไม่พลาดเลย”

“ร้านอยู่ตรงไหน” ผมเปลี่ยนเรื่องขี้เกียจตอบพวกมันละ


“แหน่ะ เปลี่ยนเรื่องอีก”

“ก็บอกมาสักทีดิสัส จะยื้อเพื่อ”

“เออบอกก็ได้วะ ร้านน้องแนนเบเกอรี่ไง” โชบอก

“ร้านอยู่ตรงไหนวะ” ผมถามโช

“หลัง ม. แต่มึง กูจะบอกให้นะร้านนี้แม่งขายโคตรแพงเลย กูชักจะสงสัยละว่าเค้กมันใส่ทอง หรือแดกแล้วบินได้หรือไง ถึงได้ขายแพงชิบหาย แต่มันอร่อยจริงนะเว้ย”

“เออกูเอาร้านนี้แหละ”

“เออตามใจมึง พวกกูตีป้อมต่อละ”  แล้วพวกมันสองตัวก็เข้าสู่นิพพาน จักวาลROV ของพวกมันต่อ



ณ ร้านน้องแนนเบเกอรี่



“ 4500 ! แพงไปไหมพี่ เค้กพี่ผสมทองคำเหรอ" ผมตกใจกับราคาที่คนขายบอกผม เค้กบ้าบออะไร แพงชิบหายเลย ผมต้องทำงานพิเศษกี่วันวะเนี่ยกว่าจะได้ค่าเค้กก้อนนึง

“ไม่แพงไปหรอกน้อง ที่อื่นนะถ้าสั่งทำแพงกว่าร้านนี้อีก”

“ลดให้หน่อยไม่ได้เหรอพี่” ผมใช้ลูกอ้อนเข้าสู้

“ราคานี้ลดแล้ว ก็น้องเล่นออกแบบมาสะอลังการขนาดนี้พี่ถามจริงเถอะ จะทำไปแข่งทีวีแชมป์เปี้ยนเหรอ”

“....”

“ร้านเราใช้ของคุณภาพดี เชฟก็มือหนึ่งคุ้มค่ากับเงินที่น้องจ่ายแน่นอน”

“...” ผมกำลังใช้ความคิดอย่างหนักว่าจะเอายังไงดี ถามว่าเงินพอไหม มันก็พอแหละ เพราะเพิ่งจะต้นเดือนเงินที่พ่อโอนมาให้ กับ เงินเดือนจากการทำงานพิเศษหลังเรียน ยังพอเหลืออยู่

เอาวะในเมื่อทุ่มแล้วมันก็ต้องทุ่มให้สุด หยุดที่กินแกลบยันสิ้นเดือน

“เอางี้พี่ลดให้ เหลือ3000 แต่น้องต้องมาแต่งเค้กเอาเอง นี่พี่ไม่เคยให้ลูกค้ามาทำเองเลยนะ เพราะปกติพี่จะใช้เชฟทำเท่านั้น ไม่งั้นเสียมาตรฐานร้านพอดี”

“ก็ได้พี่ เดี๋ยวอีกสองวัน ผมเข้ามาใหม่น่ะ”





-วันเกิดไอ้หมาเน-




ผมมาที่ร้าน ตั้งแต่เช้า มาถึงเชฟก็เตรียมของไว้ให้ตามแบบที่คุยกันไว้ ภายในร้านไม่ได้มีแค่ผม มีลูกค้าผู้หญิงอีกสอง สามคน ที่มาแต่งเค้กเองเหมือนกัน

ไหนมึงบอกว่าไม่เคยให้ใครทำเองไงวะ ฟัค!

ผมรู้สึกเขินอายนิด ๆ ที่ต้องมาทำอะไรแบบนี้ นี่มันงานที่ผู้หญิงเขาทำให้ผู้ชายไม่ใช่เหรอ

   ลูกค้าสาวในร้านต่างพากันจับจ้องไปยังผู้ชายร่างใหญ่บนตัวใส่ผ้ากันเปื้อนอยู่ ตอนนี้ใบหน้าและมือของเขาเปื้อนไปด้วยครีมจากเค้ก  ภาพผู้ชายร่างบึกบึนที่ก้มหน้าก้มตาทำเค้กอย่างตั้งอกตั้งใจ เห็นแล้วก็อดอิจฉาเจ้าของเค้กไม่ได้

“น่ารักเนอะแก” ลูกค้าสาว กระซิบกระซาบกับเพื่อน

“จริง เนี่ยถ้าแฟนทำให้ฉันแบบนี้นะ ฉักรักตายเลย แก ๆ เขามองมาทางนี้แล้ว “ เหมือนคนที่ถูกพูดถึงจะรู้สึกตัวเลยเงยหน้าขึ้นมามอง สองสาวก็ยิ้มแหย ๆ ให้ แล้วก้มหน้าก้มตาทำเค้กต่อ

ผมได้ยินหมดแหละที่พวกเธอคุยกัน ถ้ามันทำให้ไอ้หมาเนรักผมจนตาย ผมจะทำเค้กให้มันทุกเดือนเลย

          ทำทุกวันไม่ไหว จนตายพอดี....

ผมใช้เวลาแต่งเค้กอยู่นานในที่สุดก็สำเร็จออกมาเป็นรูปร่างถึงมันจะ เบี้ยว ๆ บูด ๆ ไม่ตรงตามแบบบ้าง ก็ถือว่าผ่านอยู่
 
ผมภูมิใจกับผลงานของตัวเองมาก เพราะไม่คิดว่าคนที่สอบตกวิชาศิลปะ จะสามารถเขียนคำว่า



สุขสันต์วันเกิด ไอ้หมาเน



ออกมาสวย และอ่านออกกว่าใช้พู่กันระบายสีเสียอีก

 
เจ้าของร้านก็ชื่นชมฝีมือผมยกใหญ่ กูรู้พี่ว่าของกูไม่ได้ดีขนาดนั้น อีกนิดนึงนี่เรียกว่าเด็กอนุบาลทำละ นี่ก็ยอไม่ลืมหู ลืมตา ที่เหลือก็แค่หาโอกาสเอาให้เจ้าของวันเกิดแต่ว่า ...

       มันติดตรงที่ เจ้าของมันไม่อยู่ ยังงี้เค้กผมก็เป็นหมันดิวะ



-เน-



“งั้นกูไม่กวนแล้ว สุขสันต์วันเกิดน่ะไอ้หมาเน”

“พี่โกรธกูเหรอ” ไม่รู้ทำไมถึงได้ถามออกไปแบบนั้น แต่น้ำเสียงของปลายสาย มันบ่งบอกว่าเขากำลังโกรธ หรือ...



         นอยด์



“โกรธบ้าไร คิดมากนะมึง กูไปข้างนอกก่อนน่ะ”

เออไม่ได้โกรธ แต่นอยด์มีใครเคยบอกพี่มันไหมว่า มันปากแข็งชิบหายเลย

เดิมทีวันเกิดผม ผมว่างไม่ต้องไปไหน แต่สองวันก่อนป๊าโทรมาบอกให้กลับบ้าน เพราะทุกคนที่บ้านอยากจัดงานวันเกิดให้ ผมไม่อยากกลับมาหรอก เพราะอะไรน่ะเหรอ

              ไม่รู้เหมือนกัน แต่วันเกิดปีนี้มันควรจะมีไอ้คนตัวสูง ร่างควาย ๆ อยู่ด้วยไม่ใช่เหรอ...

ทำไมผมถึงคิดถึงมัน ผมควรจะดีใจไม่ใช่เหรอที่ไม่มีใครมากวนใจ ไม่มีใครมานั่งทำหน้ากวนตีน ในวันดี ๆ แบบนี้ ผมคงคิดมากเกินไปจน...


“เป็นอะไรหรือเรา ดูทำหน้าเข้า มีเรื่องไม่สบายใจหรือเปล่า บอกป๊ากับแม่ได้น่ะ” ป๊าคงจะสังเกตอาการผิดปกติของผมได้


“จะมีอะไรสะอีกป๊า ทำหน้าแบบนี้มันคงเสียดายที่ไม่ได้อยู่ฉลองกับแฟนมันอ่ะดิ” เนมพูด ไอ้เนมเป็นพี่ชายของผม ตอนนี้มันเรียนอยู่ ปี 2 คนละมหาวิทยาลัยกับผม

“พูดมากนะมึง” ผมหันไปด่ามัน แล้วเหลือบไปเห็นนาฬิกา ตอนนี้สี่ทุ่มแล้ว อีก 2 ชม.วันเกิดผมจะหมดลง

“เน พูดกับพี่เขา ดี ๆ สิลูก” แม่บอกผม

“ขอโทษครับแม่”

“เดี๋ยวนี้ไม่พาชมพูมาเยี่ยมป๊ากับแม่เลยน่ะ”   ผมจะพาเธอมาอยู่แล้ว ถ้าเธอไม่ทิ้งผมก่อน

“เลิกกันได้สักพักแล้วครับ” ผมตอบไปตามความจริง

“ไม่เป็นไร กินข้าวๆ กันเถอะ เนมตักข้าวให้น้องหน่อยลูก” แม่ผมเปลี่ยนเรื่องก่อนที่บรรยากาศบนโต๊ะอาหารจะเจื่อนลงจนกินไม่ลง


ผมมองดูเวลา ตอนนี้ สี่ทุ่มครึ่งแล้ว ตั้งแต่วางสายไปข้อความใด ๆ จากรุ่นพี่ตัวสูงส่งมาอีกเลย


พี่มันจะเป็นอะไรหรือเปล่าวะ ผมควรจะทำไงดี อยู่บ้านต่อก็อยู่ไม่สุข


ทำไมพี่มันถึงได้มีอิทธิพลกับความรู้สึก กูขนาดนี้วะ


“ดูมึงไม่ค่อยเสียใจเลยนะ ที่เลิกกับชมพู” ไอ้เนมถามผม

“ยุ่งจังวะ”

“ก็พูดตามที่เห็น ทำไมมีคนดามใจแล้วหรือไง”

“พูดมากว่ะ กูไม่เหมือนมึงน่ะ ที่เลิกปุปแล้วจะหาใหม่ทันที” เห็นแบบนี้ไอ้เนม มันเจ้าชู้มาก ถึงมันจะหล่อไม่เท่าผม แต่เรื่องเจ้าชู้ ทำตัวเป็นปลาไหล มันเก่งกว่าผมมาก


“ปากดีไปเถอะมึง อยากกลับ ม ก็กลับไปดิวะฝืนอยู่ทำไม ไม่เหนื่อยเหรอวะ”

        ฝืนเหรอ...ที่ผมทำอยู่ตอนนี้ผมกำลังฝืนอยู่เหรอวะ

“อยากทำอะไรก็ทำเถอะ คนเราชีวิตมันสั้น มัวแต่มาคิดว่าทำแบบนั้น แบบนี้ถึงจะดี แล้วทำไมไม่ทำสักที”
ยังคงเป็นไอ้เนมที่พูดออกมาเรื่อย ๆ

“กูแนะนำมึงได้แค่นี้ ขึ้นอยู่กับมึงแล้วว่าจะทำยังไง”

“ขอบคุณว่ะ”

ถึงมันจะเป็นคนเจ้าชู้ ปากเสีย หาเรื่องทะเลากับผมบ่อย ๆ แต่เวลาทุกข์ใจก็มีมันนี่แหละที่ช่วยผมได้เสมอ

“เออ เลิกทำหน้าเหมือนผัวนอยด์ได้ละ เห็นแล้วมันทุเรศว่ะ”

“ไอ้สัสเนม!"


ผมคว้ากุญแจรถ แล้วขับออกไปจากบ้านทันที จุดหมายของผมไม่ใช่ มหาลัย แต่เป็นรุ่นพี่ ร่างสูง ปากหมา คนที่เพิ่งคุยกันเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน...

          พี่ภาค


    รถผมเลี้ยวเข้ามาในเขตมหาลัยอย่างรวดเร็ว ผมดูนาฬิกาในรถ ตอนนี้เวลา 23.50 น. อีก 10 นาทีจะหมดวัน ผมกดมือถือโทรหารุ่นพี่ปากหมา แต่ปลายสายไม่รับไม่รู้เหมือนกันว่า จงใจ หรือ ตัวไม่ได้อยู่กับมือถือ


ตืด ตืด ๆ


“รับสักทีสิวะ แม่งเอ้ย งอนเป็นตุ๊ดเลยนะมึง”ผมบ่นออกมาอย่างหัวเสีย แล้วเวลาเนี่ยมันจะรีบเดินไปไหน


-ภาค-



ณ ห้องโปรเจค

     ผมพาตัวเองมานั่งทำงานที่ห้องโปรเจค ที่ตอนนี้ทั้งห้องมีแค่ผมคนเดียว ผมคิดว่าการโหมงานเข้าไปจะช่วยให้ผมรู้สึกดีขึ้นบ้าง แต่เปล่าเลยผมพิมพ์รายงานไปอย่างเลื่อนลอย ถ้าส่งอันนี้ให้อาจารย์อ่าน มีหวังผมโดนสวดยับแน่

ผมมองนาฬิกาหน้าห้อง 23.50 น อีกสิบนาทีสินะ ผมมองเค้กที่นอนขึ้นอืดในกล่อง แล้วหงุดหงิดขึ้นมา  ความคิดบางอย่างก็ผุดขึ้นในหัว ในเมื่อเจ้าของวันเกิดไม่อยู่เก็บไว้ก็เน่า ผมหยิบช้อนที่แถมมาในถุง


“เหอะ เสือกไม่อยู่ดีนัก กูจะแดกให้หมดเลย” ผมกำลังจะเอาช้อนตักเค้ก แต่ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงมือถือ


ผมกดรับโดยไม่ดูเบอร์คนที่โทรเข้ามา จริง ๆ มันโทรเข้ามาหลายสายแล้วแต่ผมเพิ่งเห็นเพราะปิดเสียง ปิดสั่นไว้ เรียกว่าพร้อมทิ้งดิ่งตลอดเวลา 

“ฮัลโหล”

“ตอนนี้พี่อยู่ไหน” โทรมาสักทีนะไอ้ตัวดี

“ถามทำไมวะ”

“เออก็ตอบมาดิวะ”

“ห้องโปรเจค”

ตื้ด ! คิดจะวางก็วางนะมึง ผมกับมาโฟกัสที่เค้กเบี้ยว ๆ ต่อ ผมใช้ช้อนตักเค้กขึ้นมากิน เกือบจะตักได้แล้วถ้าไม่มี...


ผ่าง...

ประตูห้องโปรเจคเปิดออก ปรากฏร่างสูง ผิวขาว ในชุดนิสิตที่ชายเสื้อออกนอกกางเกง ใบหน้า และตัวเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ คนที่มาใหม่คือคนที่ทำให้ผมหงุดหงิด และมีอิทธิพลกับอารมณ์ผมมากในช่วงนี้

      ไอ้หมาเน


   มันเดินเข้ามาในห้องไม่ลืมที่จะปิดประตู มันเดินตรงมาหาผม ไม่พูดไม่จาสักคำ ได้ยินแต่เสียงหายใจเหนื่อยหอบของมัน ดังก้องห้อง ผมทำอะไรไม่ถูกไม่คิดว่ามันจะมา แถมมาทันสะด้วย เพราะอีก 2 นาทีก็จะหมดวันแล้ว

“ไอ้หมาเน มาได้ไงวะ...”

  คำพูดสุดท้ายของผมถูกปิดปากโดยริมฝีปากสีแดงเรื่อ ของคนที่ตัวเตี้ยกว่า ผมตั้งตัวไม่ทันแต่ก็สานต่อกับสิ่งที่มันเริ่มอย่างเร็ว ผมสอดลิ้นเข้าไปในปากมัน ผมขบเม้มริมฝีปากของมันอย่างสนุกสนาน

  เราสองคนจูบกันอยู่นาน จนผมสูบพลังงานมาจากตัวมันจนพอใจแล้ว จึงผละออก ไม่ว่าจะจูบกันกี่ครึ้ง ไอ้หมาเนก็อ่อนเสมอ


“ผมมาทันใช่ไหมพี่”

“ทันดิวะ อีกตั้งสองนาที”

“...”

“อ่ะ กูให้" ผมยื่นเค้กให้มัน เป็นเค้กที่ผมตั้งใจทำให้มันมาก

“ตัวห่าไรของพี่เนี่ย” มันเอานิ้วชี้ไปที่หมาบนเค้ก

ผมตั้งใจปั้นหมาตัวสีขาวขึ้นมาเพื่อให้เข้ากับฉายาที่ผมชอบเรียกมันอยู่บ่อย ๆ ว่า  'ไอ้หมาเน' 

“หมาไง ดูไม่ออกเหรอวะ”

“กูนึกว่าเอเลี่ยนเถอะพี่”

“เสียใจว่ะ คนอุตส่าปั้น” คำพูดของผมทำให้อีกฝ่ายชะงัก เงยหน้าขึ้นมามองหน้าผม

“อะไร?” ผมถามออกไปอย่างสงสัย

“พวกนี้พี่ปั้นเองเหรอ” มันเอามือชี้ไปที่เค้ก

“เออดิ ทำหน้าดีใจหน่อยก็ได้นะสัส”

“ ฮ่า ๆ ขำว่ะพี่ ฮ่าๆ “ จากรอยยิ้มกรุ้มกริ่มของมันก็เปลี่ยนเป็นเสียงหัวเราะในที่สุด

“ขำไรของมึง เดี๋ยวกูเอาไปทิ้งเลย” ผมทำท่าจะเอาไปทิ้งแต่ถูกคนเตี้ยกว่าห้ามไว้ก่อน

“กูไม่คิดเลยนะว่าผู้ชายร่างควาย ๆ แบบพี่มึงจะทำอะไรแบบนี่เป็นกับเขาด้วย”

“ก็ทำให้มึง เปล่าวะ" คนฟังชะงักรอบที่สอง มันเอานิ้วชี้ของมันจิ้มเค้ก แล้วใส่ปากชิม

“ไอ้หมาเน ช้อนก็มีใช้มือจิ้มทำห่าไรวะ สกปรกว่ะ”

“อร่อยว่ะพี่” จากนั้นมันก็ใช้นิ้วชี้ปาดเค้กขึ้นมาชิมต่อเนื่อง มันคงจะรีบไปหน่อยเลยไม่รู้ตัวว่า มีคราบครีมติดที่มุมปากมัน เด็กน้อยจังวะ

“ไอ้หมาเน”

“หะ” มันหยุดป้ายเค้กกินแล้วมองหน้าผม

“กูอยากแดกเค้ก”

“มึงก็แดกดิพี่ อ่ะ"

มันปาดเค้กด้วยนิ้วชี้แล้วยื่นมาจ่อปากผม แต่มีเหรอที่คนอย่าง ไอ้ภาคินจะแดกจากนิ้วมึง

“อือ"

     ผมประกบริมฝีปากลงกับมุมปากของมันที่เปื้อนครีม ผมค่อย ๆ ขบเม้มครีม ทีละเล็กละน้อยเมื่อชิมครีมจนหนำใจแล้ว ก็ค่อยๆ ขยับเลื่อนริมฝีปากมากดลงริมฝีปากของมันอีกรอบ


   จูบครั้งนี้เนิ่นนานกว่าครั้งแรก ไม่มีทีท่าว่าใครจะยอมใคร ผมวางกล่องเค้กลงบนโต๊ะ แล้วใช้มือทั้งสองจับใบหน้าของมันเอาไว้
ล็อคไว้แล้วรอบนี้ ไม่ขาดใจกูไม่ปล่อยมึงแน่ มันเองก็เอามือมาโอบคอผมเอาไว้อย่างรู้งาน

“อือ พี่ภาค อื้อ พอก่อน อื้อ"


   เมื่อเห็นอีกฝ่ายจะขาดอากาศหายใจ ผมจึงผละออก แล้วซบหน้าลงกับไหล่ของมัน พร้อมกระซิบที่ข้างหูของมัน ด้วยประโยคที่ทำให้หูของมันต้องแดงเรื่อขึ้นมา



“ไปต่อที่ห้องกันไหม”



-เน-


ผมคงจะชอบผู้ชายคนนี้แล้วสินะ




To be continue...




ปล.ไอ้ภาคคงลืมว่า ห้องโปรเจคเป็นของส่วนร่วม และลืมไปว่ามันนัดมึงกับกูไว้วะ ไอ้ไผ่


ฮัลโหลทุกคนวันนี้ยอดอ่าน Nice to Se(a)e You Again ครบ 1000 ครั้งแล้ว เราขอขอบคุณทุกคนมาที่เข้ามาอ่าน เข้ามาคอมเมนต์ ขอบคุณทุกคนมากนะครับ เราไม่มีอะไรจะตอบแทนนอกจาก จัด Special Chapterให้กับทุกคน หวังว่าทุกคนจะชอบนะครับ

อ่านและคอมเมนต์กันได้นะ เราอยากอ่านของทุกคน
nattha_Kkhung
หัวข้อ: Re: Nice to Se(a)e You Again.___Special Chapter-Nay's Birthday
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 12-09-2018 02:14:57
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Nice to Se(a)e You Again.___Special Chapter-Nay's Birthday
เริ่มหัวข้อโดย: nattha_Kkhung ที่ 12-09-2018 16:59:34
 :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: Nice to Se(a)e You Again.___Special Chapter-Nay's Birthday
เริ่มหัวข้อโดย: benzdekba ที่ 12-09-2018 23:10:26
 :ling3: :ling3:
หัวข้อ: Re: Nice to Se(a)e You Again.___{แจ้งข่าวจ้า}
เริ่มหัวข้อโดย: nattha_Kkhung ที่ 16-09-2018 21:09:35
แจ้งข่าว


    ช่วงนี้เราหายหน้าหายตาไปเลย เพราะมัวแต่วุ่น ๆ กับการทำโปรเจคจบ แล้วก็ใกล้จะสอบมิดเทอมแล้ว ทำให้ไม่มีเวลามาอัพ Nice to Se(a)e You Again ปล่อยให้ทุกคนอ่านตอนเก่าวนไป ขอโทษด้วยนะครับ

     สัญญาว่าหลังสอบมาแน่นอน ฉะนั้นทุกคนอย่าเพิ่งทิ้งเราแล้วก็พวกเด็ก ๆ #ทะเลซัน #ภาคเน ไปไหนนะครัช ฮือ ๆ
 :hao5:

Thank you all lovely readers.

nattha_Kkhung 

หัวข้อ: Re: Nice to Se(a)e You Again.___{แจ้งข่าวจ้า}
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 16-09-2018 21:31:03
 :L2: :pig4:

คนเขียนสู้ๆ
หัวข้อ: Re: Nice to Se(a)e You Again.___{แจ้งข่าวจ้า}
เริ่มหัวข้อโดย: nattha_Kkhung ที่ 16-09-2018 21:33:49
คุณ @Billie ขอบคุณครัช // เฮือกกกกจะเป็นลม   :katai5:
หัวข้อ: Re: Nice to Se(a)e You Again.___{แจ้งข่าว-เย็นนี้เจอกัน}
เริ่มหัวข้อโดย: nattha_Kkhung ที่ 20-09-2018 11:55:09
แจ้งข่าว

เย็นนี้เจอกันนะทุกคน

ืnattha_Kkhung
หัวข้อ: Re: Nice to Se(a)e You Again.___Chapter 12-รับรุ่น(ภาค)
เริ่มหัวข้อโดย: nattha_Kkhung ที่ 20-09-2018 18:03:59
#Chapter12 – รับรุ่น(ภาค)


.........


   นับตั้งแต่เหตุการณ์วันนั้น ก็ผ่านมาสองอาทิตย์แล้วผมไม่ค่อยได้เจอพี่ทะเล ถึงแม้จะอยู่หอเดียวกันก็เถอะ ทั้งผมและพี่เขาต่างก็ยุ่ง ผมเองก็ยุ่งกับรับน้อง นี่เพิ่งจะผ่านการรับรุ่นของคณะไป แล้วจะต้องไปรับรุ่นของภาคอีก ไหนจะมีกิจกรรมอื่น ๆ ที่เข้ามามากมาย เรียนก็เข้มข้นขึ้นเพราะใกล้สอบมิดเทอมแล้ว ผมเข้าไปส่องเพจคนรักทะเลมา ก็มีอัพเดตข่าว อัพรูปของพี่ทะเลเป็นระยะ ๆ แต่ก็ยังไม่วายที่จะพาดพิงถึงผม

ล่าสุดได้แชร์คลิปที่ผมเต้น มัดหมี่ตอนรับน้อง เข้าไปในเพจ ผมไม่อยากจะบอกว่าคอมเมนต์ในเพจสโมกับเพจคนรักทะเล มันต่างกันมาก

เพจคนรักทะเล มีการคอมเมนต์โจมตี ว่าผมเต้นทุเรศ น่าเกลียดบ้าง บ้างก็แคปรูปจากคลิปเอามาใส่คำพูด ส่งต่อกันในเพจกันอย่างสนุกสนาน เฮ้อ คิดแล้วก็เครียด

ป่านนี้พี่ทะเลมันจะรู้ไหมว่า พวกแฟนคลับพี่จะมาแหกอกผมอีกเมื่อไหร่ก็ไม่รู้

“เป็นอะไรหรือเปล่าเห็นนั่งหน้าเครียด ” เมถาม
 
“นิดหน่อยน่ะ เม ”

“เรื่องอะไรเหรอ เล่าให้เราสองคนฟังได้นะ” พูดไม่ทันจบเนก็ยื่นโทรศัพท์ให้เมดู

“เรื่องนี้ใช่ปะ” เนหันมาถามผม

 “เฮ้ย…นี่มันอะไรกัน ทำไมพวกมันถึงทำแบบนี้ ” เมเงยหน้าจากมือถือขึ้นมาถามผม

“นั่นดิ ” เนถามผมอย่างสงสัย

“เราก็คิดนะ ว่าเราก็ไม่ได้ทำอะไรที่มันเสียหาย ทำไมคนพวกนี้ถึงไม่หยุดพูดถึงเราสักที ” ผมบอกเมอย่างเหนื่อยใจ

“นอกจากเรื่องเพจ ยังมีอะไรที่ยังไม่ได้บอกพวกกูปะ  ” เมถามผม

“คือเอ่อ ….”

“มีสิมึง ” เนพูด

“เล่ามาซัน เล่ามาเดี๋ยวนี้เลย ”

ผมเล่าเรื่องที่ร้านเครื่องเขียนให้เมฟัง พอเล่าจบเท่านั้นแหละ เมแทบจะเข้าไปแหกแอดมินเพจนั่นทิ้งให้รู้แล้วรู้รอดกันไปเลย

“มันทำขนาดนี้เลยเหรอ มันจะมากไปแล้วนะ ซันไปยอมมันทำไม ”

“เมมึง ใจเย็น ๆ ก่อนเรื่องมันก็ตั้งนานมาแล้ว ” เนหันไปห้ามเม

“ไม่ได้ดิเน ดูมันทำกับซันสิ”

“เออ กูรู้แล้ว แต่เดือดไปตอนนี้ก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาแล้ว เชื่อกู มึงใจเย็นก่อน ”

“ไอ้ห่าซัน มึงก็อีกคน ทำไมไม่บอกพวกกู เพิ่งจะมาเล่านี่ถ้ามึงเป็นอะไรไป มึงจะทำไง ” เนหันมาดุผม

“ขอโทษว่ะมึง ”

“เอาเถอะ แล้วตอนนี้พวกนั้นมันยังมาวนเวียนหาเรื่องซันอยู่ไหม ” เมถาม

“ตั้งแต่วันนั้นก็ไม่ละนะ มีแต่ในเพจนั่นแหละ ”

“แล้วพี่ทะเล   รู้เรื่องนี้ไหมวะ” เนถามผม

“ไม่รู้ว่ะ ตั้งแต่เกิดเรื่องกูยังไม่เจอพี่เขาเลย  ” ผมหันไปตอบเน


“เมว่าควรจะบอกเรื่องนี้กับพี่ทะเลนะ ”

“ฮื่อ ๆ อย่าดีกว่า ” ผมส่ายหัวทันทีที่เมพูดขึ้นมา เพราะอะไรน่ะเหรอ ผมไม่อยากให้เอาเรื่องของผมที่มันไร้สาระไปให้คนที่ผมชอบเขาต้องรับรู้นะสิ อีกอย่างผมกับเขาก็ไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่า พี่น้อง หรือคนที่แอบชอบ

“ทำไมวะ” เนถามผมอย่างสงสัย ปนขัดใจมันนิด ๆ

“นั่นสิ”

“เราไม่อยากเอาเรื่องไม่เป็นเรื่องไปบอกพี่เขา อีกอย่างก็ไม่ได้เป็นอะไรกันด้วย จะให้เราบอกพี่เขาในฐานะอะไร ”

“เมียไง” 

“พ่องสิไอ้ห่าเน ! อีกอย่างมันยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นด้วย เราก็เลย…”

“ก็เลยจะไม่บอก ” เมพูด

“ไม่ได้ป่าววะ มึงเดือดร้อนก็เพราะพวกแม่ยกมโนของพี่มัน ยังไงมันก็ต้องรู้ว่าพวกแม่งทำอะไรกับมึงไว้บ้าง ”

“จริงของอิเน บอกเรื่องนี้เถอะหรือถ้าไม่กล้าเดี๋ยวเมบอกให้ ”

“ไม่ได้นะเม ซันขอเถอะนะ เมกับเน อย่าเพิ่งบอกเรื่องนี้กับพี่ทะเลเลย ไว้ซันจะหาโอกาสบอกพี่เขาเอง ”


“แน่นะ ว่าจะบอก” เมถามผม

“แน่ดิเม ”

“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ได้ แต่ต้องสัญญานะ ว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นต้องรีบบอกพวกเราทันที”

“ได้สิ สัญญาด้วยเกียรติของลูกเสือเลย  ” ผมพูดพร้อมชูสามนิ้วขึ้นมาเหมือนลูกเสือสำรอง

“เสือห่าไร อย่างมึงลูกหมามากกว่า โอ๊ย ”  ไม่ต้องรอให้มันพูดจบ ผมจัดการถวายฝ่ามือลงหัวมันแรง ๆ ทีนึง 





-19.00  น. -




   พอถึงเวลา 19.00 น. พวกเรา IE ปีหนึ่ง ต้องไปรับรุ่นของภาค โดยมีรุ่นพี่สาขาผมทุกชั้นปีมาร่วมด้วย สถานที่รับรุ่นของภาค ค่อนข้างที่จะมิดชิดและทำในตอนกลางคืนเท่านั้น ไม่เหมือนรับรุ่นของคณะ หรือของมหาวิทยาลัยที่จะทำในสถานที่ค่อนข้างเปิด เช่น โรงยิม แต่ของภาคสถานที่ก็ขึ้นกับรุ่นพี่เลย รุ่นผมโดนที่สนามฟุตบอลที่ใช้จัดงานเปิดโลก


   ที่สนามในตอนกลางคืนนั้นมืด แต่ก็มีแสงสว่างจากถนนที่อยู่ข้างมหาวิทยาลัยส่องมาเล็กน้อย  พอให้เห็นหน้าว่าใครเป็นใคร แถมที่นี่ยังเป็นพื้นดินทราย เดินทีฝุ่นฟุ้งไปหมด และอีกอย่างสนามในตอนที่ไม่จัดงาน มักจะไม่มีใครผ่านมาแถวนี้เพราะมันอยู่เกือบหลังสุดของ ม.


   ตอนนี้พวกปีหนึ่งมาพร้อมกันที่สนามแล้ว ทุกคนแต่ง”ชุดพร้อมว้าก” เราต่างรู้ดีว่าเมื่อไหร่ที่แต่งชุดนี้ทุกคนจะต้องเจอกับอะไรบ้าง ชุดพร้อมว้าก จะต้องสวมเสื้อยืดสีดำที่สกรีนชื่อภาควิชาและชื่อรุ่นไว้ที่ด้านหลัง บนหัวคาดด้วยผ้าสีเลือดหมู ที่เขียนคำว่า SOTUS  กางเกงขายาว รองเท้าผ้าใบ ชาย หญิงแต่งเหมือนกัน




   พวกปีหนึ่งนั่งเป็นแถวตอน แยกฝั่งชายหญิงอย่างรู้งาน นั่งอยู่สักพัก จู่ ๆ ก็มีเสียงตะโกนดังมาจากทางเข้าสนาม

เชียร์ เชียร์ เชียร์ !  ”


พวกผมตบมือลงเข่าสองข้างแล้ว แล้วเหยียดแขนไปข้างหน้า ตามจำนวนคำว่าเชียร์


“เชียร์ ! ”


“อะไรกันวะ พวกกูไม่มาดูแค่ไม่กี่วัน เละเทะแบบนี้แล้วเหรอวะ  ”

“มากันกี่คน !”

“…..” ไม่มีปีหนึ่งคนไหนตอบ

“ตอบ! ”

“เห้ยเงียบ ว่ะ จะเอาไหมรุ่น อยากได้ไม่ใช่เหรอ ”

“เพื่อนกูถามก็ตอบดิ ” เหมือนพายุพี่ว้ากกำลังพัดโหมกระหน่ำเต็มที่ ค่อย ๆเพิ่มดีกรีขึ้นไปเรื่อย ๆ ว้ากภาคจะต่างจากว้ากคณะตรงที่ ใช้คำหยาบคายได้ เพราะไม่มีใครรู้เห็นนอกจากคนในภาค

“ขอเชียร์หนึ่งคน ” หมายถึงการขอตัวแทนออกไปยืนข้างหน้าแถวเพื่อตอบคำถาม กับพี่ว้าก โดยเมื่อสั่งว่า ขอเชียร์หนึ่งคน ทุกคนจะต้องยกมือขวา แขนตรง หูแนบแขน ต้องยกค้างไว้จนกว่าจะมีคนออกไป ถึงจะเอามือลงได้ 

“ช้า! เอามือลง…ขอเชียร์หนึ่งคน ” คงจะไวทันใจพวกพี่ว้ากแล้ว ที่นี่ก็เหลือแต่ผู้กล้าออกไป ซึ่งไม่ใช่ผมแน่

“ไม่มีใครออก ก็ยกค้างไว้แบบนี้แหละ ”

“ไม่ออกกันว่ะ ออกช้าเพื่อนมึงก็เหนื่อย ”

มีคนออกไปแล้ว พวกผมจึงเอามือลลงแล้วปรบมือ ให้กับคนที่ออกไป รู้สึกจะเป็น บอส ประธานรุ่นผม

“ผม ชื่อ …..” แนะนำตัวตามแบบวิศวะ ที่พวกผมถูกสอนมา

“มากันกี่คน ” พี่ว้ากถามคำถามเดิม

“76 คนครับ ชาย 22 หญิง 49 คนครับ ”

“หายไปไหน 5 คน ”

“….ไม่ทราบครับ ” พอประธานรุ่นตอบไปเท่านั้นแหละ พี่ว้ากก็โหมโรงกันเข้ามาอีก

“เพื่อนมึงหายไป 5 คน ไม่มีใครรู้เลยเหรอวะ ”

“พวกมันเป็นเพื่อนมึงหรือป่าว…ไปเข้าที่” บอสกลับมาที่เดิมแล้ว

“เป็นครับ/ค่ะ”

“เป็นเหรอวะ อย่าตอบส่ง ๆ นะเว้ย”

“กูไม่ต้องการฮีโร่ ”

“เป็นแบบไหนของพวกมึงวะ เพื่อนมึงหายไปทั้งคน พวกมึงยังไม่รู้ ”

“ 5 คนที่หายไป มันไม่ใช่เพื่อนมึงเหรอวะ ”

“…..” ไม่มีใครตอบอะไร เพราะตอบไปก็กลัวจะโดนว่าอีก

“พวกมึง มันเงียบวะ ” พี่ว้ากหันไปบอกบรรดาเพื่อน ๆที่ล้อมวงอยู่

“ที่ตอบว่าเป็นตอนแรก ก็ตอบส่ง ๆ ป่าววะ ” ไม่ใช่เสียงใครแต่เป็นเสียงพี่ภาค พี่รหัสผมเอง ตอนธรรมดาเห็นมันหล่อลากไส้แบบนั้น แต่พอมาสวมบทว้าก องค์พ่อก็ลงเต็ม ๆ

“กูขอยอด 73 คนพวกมึงรับปากว่าทำได้ แต่ทำไมวันนี้ถึงไม่ได้ตามที่ขอ ”

“นี่พวกกูอุตส่าเข้ามาพูดด้วยดี ๆ ” หะ นี่เรียกว่าดีแล้วเหรอวะ

“ปีหนึ่งลุก !” พวกผมลุกขึ้นอย่างอัตโนมัติ

“พวกมึงจะตามไหม ใอ่  5 คนที่หายไป ”

“ตะ…ตาม”  บอสกำลังจะตอบ แต่เหมือนจะช้าเกินไป

“ช้า…หมอบลงไป ” ทีนี้พวกผมกระจายตัวหมอบกันหมดทุกคน ผมเองก็หมอบอย่างทุลักทุเล น่าไปชนกับรองเท้า เพื่อนคนที่อยู่ข้างหน้า


“กูให้โอกาสมึง ตามพวกนั้นมา ถ้าตามไม่ได้กูก็ให้แค่ทีมา อีก 5 นาทีพวกกูจะมาเอาคำตอบ ”
“ก้มหน้าลงไป !” ผมก้มหน้าแนบไปกับดิน ทั้ง ๆ ที่ยังอยู่ในท่าหมอนี่แหละ พี่ว้ากออกไปกันหมดแล้ว

ตอนนี้พวกเรากำลังช่วยกันโทรตามเพื่อน 5 คนนั้น ปรากฏว่าทั้ง 5 คนยังยืนยันว่าไม่สามารถเข้าร่วมในครั้งนี้ได้เพราะต่างก็ติดธุระ หรือบางคนก็ไม่อยากมา พวกเราตกลงกันว่าจะบอกพี่เขาไปตามตรง



5 นาทีผ่านไป



พอครบ 5 นาทีเหล่าบรรดาพี่ว้ากก็เดินหน้าเข้ามาในสนามบรรยากาศเดิมเริ่มกลับมาอีกครั้ง

“ขอเชียร์หนึ่งคน ” บอสกำลังจะก้าวออกไป ก็ต้องหยุดเพราะ

“ไม่เอาประธานรุ่น คนอื่นไม่มีใครกล้าเลยหรือวะ ”

“ ผู้หญิงอ่ะ  จะให้แต่ผู้ชายนำอย่างเดียวเลยเหรอ” พี่ว้ากผู้หญิงพูดขึ้น จนแล้วจนรอดก็ยังไม่มีใครออกไป


“นี่พวกกูตั้งใจจะมาถามดี ๆ แต่พวกมึงมันเป็นอะไรกัน  ”

“น้องกูอยู่ไหนว่ะ รหัส0387” ชิบหายนั่นมัน ไอ้พี่ภาค นึกคิดถึงอะไรผมขึ้นมาตอนนี้

สุดท้ายแล้วผมก็ต้องออกไปตอบ ผมตอบตามที่คุยกันไปกับเพื่อน

“พวกกูถามหน่อย คนที่ไม่มา ถ้าพวกกูไม่ให้รุ่นมัน มึงยังจะคบมันเป็นเพื่อนอยู่ไหมวะ ” บ้าชิบพี่ภาค เล่นอะไรของพี่เนี่ย มาถามคำถามนางงามด้วยน้ำเสียงโหด ๆ แบบนี้ ผมก็นึกไม่ออกน่ะสิ จะตอบไงดีวะ

“ภาค น้องมึงตอบไม่ได้เหรอวะ ” เพื่อนพี่เขาถามขึ้น พี่ภาคเดินมาหาผมแล้วกระซิบเบา ๆ ที่ได้ยินแค่สองคน

“ตอบได้ไหมซัน ”

“ได้ ๆ พี่ ”

“คบครับ ” พอตอบเสร็จเท่านั้นแหละ

“ตอบส่ง ๆ หรือเปล่า / ที่นี่ไม่ต้องการฮีโร่/ผมรักเพื่อนครับพี่ / เพื่อนมันดีกับผม ”  บลา ๆ

“เข้าไป” ผมกลับเข้ามานั่ง


   หลังจากที่จบคำถามตรงนั้น การว้ากเริ่มพีคขึ้นเรื่อย ๆ พวกผมโดนแยกชายหญิง ออกไปคนละมุมของสนาม พี่ว้ากก็แยกกันว้าก ชายว้ากชาย หญิงว้ากหญิง ผมไม่รู้หรอก ว่าผู้หญิงโดนอะไรบ้าง แต่ฝั่งผู้ชาย โดนสั่งให้หมอบ คลาน กลิ้งทับตัวกัน ตอนที่กลิ้งทับตัวกัน จะว่ามันดีก็ดีนะ เพราะผมได้กลิ้งทับผู้ชายในภาค ทับบนบนไอ้นั่นของพวกมัน ฮ่า ๆ แต่ทับของใครก็ได้ยกเว้นไอ้เน


   ไม่ใช่ละ นาทีนั้นผมฟินไม่ลงหรอกเพราะฝุ่นเข้าปาก เข้าตา เสื้อผ้าผมเปื้อนฝุ่นไปหมด แว่นตาผมตอนนี้ก็มีแต่ฝุ่นเกาะ ครั้นจะถอดออกก็กลัวจะมองไม่เห็น

    หลังจากหมอบ คลาน กลิ้งทับกัน ก็เปลี่ยนมาเป็นยืนกอดคอนั่งอ่านหนังสือพิมพ์กลางอากาศ อันนี้แม่งเด็ดจริง เพราะต้องกอดคอกันเป็นแถวหน้ากระดาน โดยคนอยู่ริมสองฝั่งต้องทำ มือนึงเหมือนจับหนังสือพิมพ์เอาไว้ อีกมือก็ต้องกอดคอเพื่อน แถมทุกคนในแถวต้องนั่งไขว่ห้าง กลางอากาศแล้วย่อตัวให้มโนเหมือนว่าตัวเองนั่งไขว่ห้าง จิบกาแฟอ่านหนังสือพิมพ์ตอนเช้า ฟัค!!


   ที่ว่าเด็ดมันอยู่ตรงที่ ต่างฝ่ายต่างกอดคอ แล้วกดไหล่เพื่อน พยุงตัวให้อยู่ในท่านั่งมโน ผมที่ยืนกอดคอกับเน ไอ้นี่แม่งกดไหล่ผมชิบหาย กูเข้าใจว่ามึงสูงกว่ากู แต่มึงจะกดไหล่กูแบบนี้ไม่ได้


“มึงจะกดไหล่กูทำเชี่ยไรเนี่ย กูหนัก” ผมกระซิบด่ามัน

“ก็กูเมื่อย แล้วมึงก็เสือกตัวเตี้ยเองช่วยไม่ได้ว่ะ “

“กูผิดสะงั้น”

“หุบปาก แล้วอยู่นิ่ง ๆเดี๋ยวพวกแม่งได้ยิน”พวกแม่งที่มึงว่า นี่หมายถึงพี่ภาคใช่ไหม

“กดไปดิ ไหล่เพื่อนมึงอ่ะ / ผมเหนื่อยครับพี่ /กูไม่น่ามาเลย...” พี่ว้ากพูด

“กูว่านั่งมันสบายเกินไปว่ะ ปีหนึ่งหมอบ หมอบลงไปดิวะ”พี่ภาคพูด

“นอนหงาย ยกขาชี้ฟ้า “

มาถึงจุดนี้ผมก็ต้องทำตามที่พี่มันสั่ง สินะ

“ดาวสวยไหม...กูถามว่า สวยไหม “

“สวยครับ!” ผู้ชายปีหนึ่งตอบ

“อยากไปดูใกล้ ๆ ไหม “

“ไม่อยาก/อยากครับ” เฮ้ยทำไมพวกมึงอยากไปดูกันวะเนี่ย

“อยากหรือไม่อยาก”

“อยากครับ”

“ปั่นจักรยานไปดูใกล้ ๆ ปั่นไปดิวะ ขามึงอ่ะปั่นเข้าไป อ่าวเฮ้ย มึงปั่นจักรยานไม่จับแฮนด์เหรอวะ “

พวกผมยกแขนทั้งสองข้างชี้ฟ้า มโนว่าจับแฮนด์ไว้ แล้วขาก็ยังปั่นอยู่

“ปีหนึ่ง ลุก !"

พรึ่บ ! ผมลุกขึ้น ในสภาพที่ขาเริ่มอ่อนลงเต็มที่แล้ว

“ไปรวมกับผู้หญิง”

ตอนนี้ปีหนึ่งมารวมกันเหมือนเดิม เรียบร้อยแล้ว  พี่ว้ากกลุ่มใหม่เข้ามา ว้ากต่อ คงเป็นปีสี่เพราะผมไม่คุ้นหน้าเลยสักคน

“ที่พวกกูให้ไปขอลายเซ็น พวกมึงขอครบยังวะ”

“ครบครับ/ค่ะ”

“อ้าวเฮ่ย ทำไมมีบางคนไม่ตอบวะ/มั่นใจเหรอว่าขอกูแล้ว/ไปให้ใครเซ็นมาวะ / ไม่เห็นมีใครมาให้กูเซ็นเลยวะ “

   บลา ๆ พวกพี่จะแย่งกันพูดทำไมครับ ผมฟังไม่ทัน พี่ว้ากปีสี่เริ่มลงมือตรวจสมุดพกของปีหนึ่งทีละแถว ไล่มาเรื่อย ๆ บางคนก็ครบ บางคนก็ไม่ครบ ผมไม่รู้เหมือนกันว่าเขารู้ได้ยังไงว่าครบหรือไม่ครบ เพราะสมุดพกมันเป็นแค่กระดาษเปล่า ๆ ไม่ได้มีรายชื่อรุ่นพี่ ระบุว่าต้องเซ็นตรงนี้นะ มึงมโนเอาใช่ไหมพี่


ถึงคิวแถวผม พี่มันเปิดสมุดแบบลวก ๆ ต้องใช้คำว่าลวกจริง ๆ เพราะยังเปิดสมุดไม่เห็นข้างในเลย แม่งบอกครบ นี่มึงเป็นตาเทพจากหนังแข่งรถหรือเปล่าพี่


ของผมผ่านไปไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่สมุดพกของไอ้เนนั้น...


“ไม่ครบ” พี่ว้ากบอก อย่างที่เรารู้กันดีว่า นอกจากสกิลปากหมาแล้ว ไอ้เนมันยังมีสกิลการเถียง(กวนตีน)ไม่เป็นสองรองใคร

“พี่เล่นเปิดผ่านแบบนี้มีสิบตายังดูไม่ทันเลย”

“ใครให้คุณพูด!”

“ถ้าพี่บอกว่าไม่ครบ พี่บอกผมหน่อยได้ไหมว่าผมขาดลายเซ็นพี่คนไหน”

เอาดิ เพื่อนผมมันพร้อมชนเสมอพี่เขาอึ้งและนิ่งเงียบไปพักนึงบอกแล้วว่าพวกนี้แม่งมโน..

“ภาค ปี 2”


คนที่ถูกเอ่ยถึงก้าวออกมายืนข้างหน้า สายตาทุกคู่จับจ้องไปที่รุ่นพี่ปีสองคนนี้ ผมก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าพี่ว้ากจะทำยังไงต่อ


“ภาค มึงได้เซ็นสมุดพกให้น้องไหมวะ” พี่ว้ากถามเสียงดัง คนถูกถามไม่มีอาการใด ๆ แสดงออกมานอกจากนิ่งเงียบ มองหน้ารุ่นน้องที่ถูกกล่าวถึง

“เงียบทำไม ก็ตอบมาดิว่าเซ็นไม่เซ็น”


“ป่าวพี่” คำตอบของพี่ภาคไม่ได้ทำให้ไอ้เนที่เอาแต่ก้มหน้า แสดงอาการหรือท่าทีเปลี่ยนไปจากตอนนี้เลยสักนิด





-ภาค-


 “ป่าวพี่” ผมพูด

   คำตอบของผมไม่ได้ทำให้รุ่นน้องตัวขาวที่ตอนนี้มอมแมมไปด้วยฝุ่น มีเศษหญ้าติดตามตัวตามหัวเต็มไปหมด สลดเลยสักนิด มันก้มมองพื้น ไม่รู้ว่าพื้นนั่นมันมีอะไรดีนักหนา หล่อ ๆ อย่างกูยืนตรงหน้าไม่มองวะ

ผมแอบหวังว่ามันจะเงยหน้าขึ้นมามองผมบ้าง เพราะหลายวันมานี้มันเอาแต่หลบหน้า ไม่คุย ไม่กวนตีน หรือปากหมาใส่เหมือนทุกครั้ง ตอนขอลายเซ็นมันก็ระริกระรี้เดินส่ายตูดตามขอเพื่อนผมกันจนครบ ขาดแค่ลายเซ็นผมนี่แหละ



ผมนัดกับไอ้พี่พายุ คนที่ตรวจสมุดไอ้เน ว่าให้แกตรวจแถวที่มันอยู่ แล้วเจาะจงไปที่ไอ้ตัวหลบหน้าเก่งโดยเฉพาะ ผลที่ได้ก็เลยเป็นแบบนี้ คือ ไอ้หมาเน เถียงไม่ออกเลยสักคำ แหงล่ะก็มันไม่มีลายเซ็นของผมจริง ๆ


      สมน้ำหน้ามัน พี่ภาคขอบอกน้องเนไว้เลยนะครับ...

      มึงจะลืมขอลายเซ็นใครก็ได้ แต่ไม่ใช่ “กู”ไอ้หมาเน



“ทำไมไม่ให้ไอ้ภาคเซ็น มึงมีปัญหาอะไร” พี่พายุถาม


“เปล่าพี่ แต่ผมไม่ค่อยได้เจอพี่เขาเลย” ไม่เจอก็เหี้ยละครับน้องเน กูจำได้ขึ้นใจว่าพอเรียกมึง มึงเดินหนีไวยังกะเดอะแฟลชเลยนะสัส


“ไม่ค่อยไปดูน้องเหรอมึง” พี่พายุหันมาถามผมปมส่ายหัวปฏิเสธทันที

“ไม่ไปก็เหี้ยละพี่ ผมไปบ่อยกว่ามันอีก ไม่ขอลายเซ็นกูไม่พอยังโกหกอีกนะมึง ทำไมรุ่นพี่อย่างกูมันไม่สำคัญ ไม่น่าคบหาหรือไงวะ”


ท้ายประโยคผมหันไปตอบไอ้หมาเนที่ตอนนี้มันเงยหน้ามองผม ตอนมันทำหน้าบึ้งคิ้วขมวดแบบนี้ มันก็ดูน่าถีบไปอีกแบบ

“ก็รู้ตัวนิพี่”

บอกแล้วครับว่าคนอย่างไอ้นี่มันไม่สลด ยังอาจหาญลุกขึ้นเถียงได้อีก ในเมื่อหมาเนปูพื้นเรื่องมาแบบนี้ตัวของพี่ภาคจะรับช่วงสานต่อเองนะน้องรัก

“ถึงมึงจะไม่เคารพกู แต่มึงก็ต้องขอลายเซ็นกู กูเคยบอกแล้วว่าถ้าพวกมึงได้ลายเซ็นพวกกูไม่ครบ พวกมึงก็ไม่ต้องเอารุ่น” เกิดเสียงฮือฮาขึ้นจากปีหนึ่งคนอื่น ๆ ตามด้วยสายตาคาดโทษที่ส่งมายังไอ้เน

คราวนี้มันมีท่าสลด และรู้สึกผิดที่ตนเองเป็นสาเหตุที่ทำให้เพื่อนไม่ได้รุ่น มันเงียบ ไม่เถียง ไม่แย้งเลยสักคำ ชิบหายละ ผมเล่นแรงไปไหมวะ

“ผมไม่เอารุ่นก็ได้พี่ พี่ให้เพื่อนผมเถอะ พวกมันไม่ได้ทำอะไรผิด ถ้าจะมีใครสักคนไม่ได้รุ่นคนนั้นก็คือผม”

“รักเพื่อน หรือรู้สึกผิดวะ” ผมถามมัน

“...” เอาเถอะไม่ตอบก็พอจะรู้ ถ้าตัดเรื่องที่มันกวนตีน ปากหมา ออกไป เนมันก็เป็นคนนึงที่แคร์เพื่อน ใส่ใจเพื่อนโดยเฉพาะเพื่อนในกลุ่มมัน เรียกว่าด่าพ่อมันได้แต่อย่ามาทำให้เพื่อนมันเสียใจ อิจฉาว่ะ

   ถ้ามันแคร์ผม เหมือนที่มันแคร์เพื่อนบ้างก็คงดี..

“กูมีข้อเสนอให้ แลกกับรุ่นของพวกมึง”

“ข้อเสนออะไรพี่”

“มึงแน่ใจนะว่าจะทำ”

มันหันไปมองเพื่อนในรุ่นที่ตอนนี้ส่งสายตาเป็นเสียงเดียวกันว่า เอาข้อเสนอเลยนะมึง/พวกกูเหนื่อย/
ฮ่า ๆ ไอ้คนถูกมองทำหน้าลำบากใจ

“แน่ใจ” มันพูดเสียงเบา ได้ยินแค่ผมกับมัน

“ตอบให้เพื่อนมึงได้ยินด้วย”

“แน่ใจครับ!” คราวนี้มันแหกปากตะโกนชนิดที่เรียกว่าอยู่อีกฝากของสนามยังได้ยิน

“ไปแดกข้าวกับกู” คนฟังมีสีหน้าแปลกใจ เหมือนกับทุกคนในสนาม แล้วตามด้วยเสียงโห่แซวจากพวกเพื่อน และรุ่นพี่ มีไอ้ห่าโช กับ ไอ้ไผ่เป็นแกนนำ

“แดกข้าวหรือแดกอย่างอื่นว่ะ”
 
“สนองตัณหานะมึง ”

“ของขาดเหรอวะ”

“ไปเตะบอลบ้างนะสัส” และอื่น ๆ ตามมามากมาย

“หุบปากดิ ”

“อูยยยย ของขึ้นว่ะมึง ” ไอ้ไผ่หันไปบอกเพื่อน   

   บรรยากาศกลับมาสงบอีกครั้ง ไอ้เนก็ยังปิดปากเงียบเหมือนเดิม มันทำหน้าเหมือนแอบด่าผมในใจ แต่ใจจริงมันคงอยากจะอ้าปากปล่อยหมามากัดให้รู้แล้วรู้รอดไป   แต่เพราะมันมีความผิดค้ำคออยู่ จึงทำแบบนั้นไม่ได้

“ไม่ไปก็ได้นะ แต่รุ่นพวกมึงไม่ต้องเอา คิดดี ๆ คิดอะไรดูหน้าเพื่อนมึงด้วย ” มันหันไปมองงหน้าเพื่อนมันที่ตอนนี้มองมันเป็นความหวังเดียวของหมู่บ้าน

“เออแม่ง ไปก็ได้วะ ” มันตอบอย่างจำใจ ถึงมึงจะตอบกูอย่างจำใจ แต่มันก็สมใจกูละครับหมาเน

(อ่านต่อข้างล่างนะ)
หัวข้อ: Re: Nice to Se(a)e You Again.___Chapter 12-รับรุ่น(ภาค)
เริ่มหัวข้อโดย: nattha_Kkhung ที่ 20-09-2018 18:05:43

-ซัน-



   ผ่านไปสามสิบนาที พวกเราก็ถูกสั่งให้มารวมแบบเดิม และถูกสั่งให้ก้มหน้าหลับตา ผมได้ยินเสียงฝีเท้าคนกลุ่มใหญ่เดินกลับเข้ามาในสนาม จากที่มืดสนิทเริ่มมีแสงสีส้ม ค่อย ๆ สว่างขึ้น พวกเราถูกสั่งให้ลืมตาขึ้น ภาพที่ผมเห็นตรงหน้าคือ พี่ปีสองปีสามปีสี่ องภาค มากันยืนล้อมวงพร้อมร้องเพลงให้พวกผม พวกปีหนึ่งต่างก็ยกมือถือขึ้นมาเก็บภาพบรรยากาศตอนนี้เอาไว้ ผมเองก็เหมือนกัน  จะว่าดีก็ดีนะ แต่ตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์มาซาบซึ้งกับพวกมึงว่ะพี่ เพราะเมาฝุ่นและอยากอาบน้ำมาก

   จากนั้นพี่เขาก็ประกาศมอบรุ่น IE 56 ให้กับเรา ทุกคนดีใจกันมากเพราะกว่าจะได้รุ่นมาเราต้องเข้าเชียร์ เข้าภาค เข้ากิจกรรมเยอะขนาดไหน แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าจะเอารุ่นนี้ไปทำอะไรต่อ

   ตอนนี้ทุกคนแยกย้ายไปตามสายรหัสของตัวเอง เพื่อไปถ่ายรูปบ้าง พูดคุยกันบ้าง มีของมารับขวัญปีหนึ่งอย่างพวกผมบ้าง สายรหัสผมเองก็เช่นกัน
   สายรหัสผม มีครบ สี่ปี เลยครับ มีพี่ภาค ปีสอง พี่อิม ปีสาม และ พี่อู๋ ปีสี่ สายผมเป็นชายล้วน แล้วหน้าตาดีทุกคนยกเว้นผม ที่ดูเนิร์ดสุดในสาย พอตอนถ่ายรูปออกมานี่นะ ผมนี่เป็นจุดเด่นเลยครับ ไม่ใช่เด่นดีนะ เด่นด้อยนี่แหละ เพราะเตี้ยสุดในสายเลย ฮ่า ๆ และหล่อน้อยสุดละ

“ไอ้ภาค แกล้งน้องเยอะไหมมึง ”  พี่อิมหันมาไปถามพี่ภาค

“แกล้งอะไรพี่ ผมยังไม่ทำอะไรมันเลย ” แหมแล้วเมื่อกี้คืออะไรครับพี่มึง

“แหมพี่ แล้วเมื่อกี้คืออะไรเหรอ ” ผมทำหน้ายียวนมัน 

“น้อย ๆ หน่อย เมื่อกี้เขาเรียกว่าทำตามหน้าที่ ”

“เหรออ?????” ผมลากเสียงยาว

“เอ้าไอ้นี่ ….เดี๋ยวเถอะมึง ” พี่ภาคทำท่าจะยันผม

“เดี๋ยวเถอะภาค ไปแกล้งน้องทำไม ” พี่อู๋ผู้ที่เรียบร้อยและสุขุมสุดในสาย ห้ามพี่ภาค
 
“พี่ก็ดูมันดิ ”

“พอกันทั้งคู่ ” พี่อิมเหมือนจะเอือมกับเหตุการณ์นี้

จากนั้นพวกผมก็ถามเรื่องเรียนบ้าง บลา ๆ ตามประสา คนที่ นาน ๆ จะเจอกันที พวกพี่เขาตกลงกันว่าจะไปเลี้ยงสายทีเดียวตอนหลังสอบมิดเทอมเสร็จ

“เข้าร้านเหล้าได้ยังมึง ” พี่ภาคถามผม

“ผมเพิ่ง 18 เองพี่ จะเข้าได้ไง ”

“เสียดาย ” พี่ภาคบ่น

“เอะอะมึงก็ชวนไปแต่ร้านเหล้านะมึง ” พี่อิมพูดขึ้น

“น่าพี่ นาน ๆที มึงกินเหล้าได้ใช่ปะ ”

“ไม่ครับ ” ผมส่ายหัว

“ซัน …” พี่อู่หันมาพูดกับผม

“ครับพี่ ”

“ซัน โอเคหรือเปล่า เรื่องเพจนั่นอ่ะ ” ว่าแล้วสักวันนึงก็ต้องโดนถาม ผมจะไม่ถามหรอกนะว่าพี่เขารู้ได้ไง เพราะดูจากยอดแชร์ ยอดไลค์โพสที่เกี่ยวกับผมแล้ว ก็เดาได้ไม่ยาก

“โอเคแล้วพี่…เรื่องมันก็อยู่แค่ในเพจนั่นแหละ ” ตอนนี้พี่ภาค พี่อิม พี่อู๋หันมาสนใจเรื่องนี้

“ดีแล้วที่มันไม่มีอะไรมากกว่านั้น…พวกกูเป็นห่วง  ” ซึ่งใจจริง ๆ ที่พวกพี่ห่วงผมแบบนี้ 

“ไม่ต้องมาทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ กูกลัวไม่มีคนสืบทอดสายต่อ ” พี่ภาคก็ยังเป็นพี่ภาคอยู่วันยังค่ำ
แต่เอาเถอะผมก็รู้แหละว่ามันเป็นห่วงผม

“กับไอ้ทะเล  ชอบมันเหรอ ” พี่อู๋ทำไมพี่ยิงคำถามได้ตรงแบบนี้หะ แล้วผมจะตอบยังไง

“ก็….”

“ก็อะไรของมึงวะ” พี่ภาคพูดขึ้น

“ชอบมันละสิ ” พี่อิมพูดขึ้นมา หน้าผมเริ่มร้อนผ่าวขึ้นมา

“เอาเถอะ มันก็เป็นคนดี แต่กูหนักใจตรงบรรดาแม่ยกมโนของมันนี่แหละ พวกนี้มันคงไม่คิดว่าไอ้ทะเลมันจะมีใคร เพราะตั้งแต่เข้ามากูก็เห็นมันโสด ไม่คุยกับใครสักคน บรรดาแม่ยกถึงได้หลงมันนักหนา แต่ตัวมันเองก็ไม่ได้สนใจพวกนี้หรอก ” พี่อิมบอกผมแบบนั้น

“ยังไงก็ระวัง ๆ ไว้ด้วย” พี่อู่บอกผม

“ครับพี่ ”

“ถ้ามีอะไรก็บอกกู บอกพี่อิม พี่อู๋ อย่าเก็บไว้คนเดียว ”

“ขอบคุณครับพี่ ”
.
.
พี่ภาค พี่อิม พี่อู๋ ก่อนจะบอกพี่ผมขอบอกพี่ทะเลก่อนนะครับ

ฮ่า ๆ



หลังรับรุ่น(ภาค)


บรืน ๆ บรืน ๆ


เสียงสตาร์ทมอเตอร์ไซค์ Sonic 125 สีดำดังขึ้น ในความมืดของลานจอดรถข้างสนาม มีใครบางคนกำลังฉุดกระชากลากถูกกันอยู่

“ปล่อยดิวะ ก็บอกว่าไม่ไปไง” รุ่นน้องหน้าหล่อยังยืนยันคำเดิม

“รับปากกูแล้ว จะชิ่งแบบนี้เหรอวะ ”

“กูไม่ได้บอกมึงนิพี่ ว่าจะไปวันนี้อย่ามาทึกทักเอาเอง ” คนอ่อนวัยกว่าพยายามใช้มือแกะมือของอีกฝ่ายออก แต่ยิ่งแกะมือของรุ่นพี่คนนี้ก็ยิ่งเพิ่มแรงบีบขึ้น

“ปล่อยดิวะ ผมเจ็บ  ”

“ไม่ปล่อย จนกว่ามึงจะยอมไปแดกข้าวกับกู ”

“ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องรึไง ”

“ขึ้นมา ”

“ไม่ ”  รุ่นน้องยังคงปฏิเสธเสียงแข็ง

“จะขึ้นไหม”

“เอะ ก็บอกว่าไม่ไง หูหนวกเหรอวะ ”

“โอเค งั้นก็ต้องทำแบบนี้ ” คนตัวสูงลงจากมอเตอร์ไซค์ที่คร่อมไว้ตอนแรก เดินมายังรุ่นน้องที่ตอนนี้พยายามแกะมือของเขาให้หลุด รุ่นพี่ตัวสูงโอบรุ่นน้องเอาไว้ในอ้อมแขนที่หนาและแข็งแกร่ง พร้อมกับพาร่างคนอ่อนวัยกว่าไปนั่งลงที่เบาะรถ แล้วตนเองจึงจัดการไปนั่งซ้อนท้าย และใช้แขนทั้งสองยื่นมือไปจับกับแฮนด์รถพร้อม ๆ กับโอบคนอ่อนวัยกว่าเอาไว้

“ทำบ้าอะไรของพี่วะ ขยับไปดิ เดี๋ยวคนอื่นมาเห็นเขาจะเข้าใจผิดหมด ”

“เข้าใจว่ามึงกับกูเป็นแฟนกันเหรอ งั้นยิ่งดีเลย ”

“พูดบ้าไรของมึงวะพี่ ขยับไปเลยจะเบียดทำไมนัก แล้วแขนนี่ด้วยจะโอบทำซากไร ”

“อยากให้ปล่อย ก็พูดกับกูดี ๆ ก่อน”

“อะไรของพี่ ปล่อยดิ โอ๊ย  ” คนถูกกอดในตอนนี้พยายามจะดิ้นหนี  แต่ยิ่งดิ้นรุ่นพี่ตัวสูงก็ยิ่งกระชับกอดให้แน่นมากขึ้น แน่นจนอีกฝ่ายส่งเสียงร้องออกมา

“เจ็บเหรอ”

“เออดิ ”คนตัวสูงค่อย ๆ คลายวงแขนออก แต่ก็ยังโอบไว้อย่างหลวม ๆ

“กูขอโทษ กูแค่กลัวมึงหนี” คนตัวสูงพูดออกมาอย่างรู้สึกผิด  คนฟังก็คงรับรู้ได้ว่าคนพูดรู้สึกอย่างที่พูดจริง ๆ

ไม่มีคำพูดใด ๆ ออกจากปากของทั้งสอง มันช่างเงียบ เงียบจนได้ยินเสียงลมหายใจที่พรั่งพรูออกมาเป็นระยะ

“กอดขนาดนี้ จะหนีไปไหนได้วะ ” คนอ่อนวัยกว่าเปิดปากพูดออกมา เป็นสิ่งที่คนตัวสูงคิดไม่ถึงเลยว่าจะได้ยินจากปากของมัน


“ถึงจะหนี กูก็ไม่ยอมให้มึงไป ” ถ้าคนตัวสูงก้มลงมามองสักนิดจะเห็นว่ารุ่นน้องในอ้อมแขนมีสีหน้าแดงเรื่อขึ้นไปจนถึงใบหู



   ภาพผู้ชายสองคนโอบกอดกันบนมอเตอร์ไซ ทำให้คนที่บังเอิญเดินผ่านมาแปลกใจไม่น้อย ก็คิดไว้แล้วนะว่าหลัง ๆ มานี้ ไอ้เพื่อนตัวดีของเขาชอบหลบหน้า หลบตา คนที่กอดมันเอาไว้ ทีแรกก็ไม่ได้คิดอะไรนอกจากมันคงจะเบื่อคนตัวสูงที่กอดมันอยู่ เลยไม่ค่อยอยากเจอ แต่ภาพที่เขาเห็นมัน...

"มึงรำคาญพี่ภาคจริงเหรอวะ ไอ้เน"



To be continue...

ฮัลโหลทุกคน วันนี้เราเข้ามาอัพ Nice to Se(a)e You Again ต่อแล้วนะ จริงๆแล้วเรายังสอบมิดเทอมไม่เสร็จหรอก แต่เราอ่านหนังสือแล้วเครียด ๆ เลยแวะเข้ามาแต่งนิยายต่อ แล้วก็เลยเถิดจนอัพลงนี่แหละ ฮ่า ๆ คราวนี้เราต้องไปอ่านอย่างจริงจังละเพราะสอบวันเสาร์นี้

สำหรับคนที่รอ Turn Back Time ย้อนเวลาให้เธอรัก ไม่ต้องห่วงนะครัชหลังมิดเทอมอัพต่อแน่นอน

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน คอมเมนต์ให้กำลังใจเราได้นะครับ ยิ่งช่วงสอบเรายิ่งต้องการกำลังใจจากทุกคนนะ///ฮึ่บ
nattha_Kkhung
หัวข้อ: Re: Nice to Se(a)e You Again.___Chapter 12-รับรุ่น(ภาค) มาต่อแล้วนะ
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 20-09-2018 20:54:26
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Nice to Se(a)e You Again.___Chapter 12-รับรุ่น(ภาค) มาต่อแล้วนะ
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 21-09-2018 01:23:14
 :pig4: :pig4: :pig4:

ภาคเน  ออกอากาศอีกแล้ว  ในขณะที่พี่ทะเลเนี่ยค่าตัวแพง  ไม่ยอมออกอากาศนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: Nice to Se(a)e You Again.___Chapter 12-รับรุ่น(ภาค) มาต่อแล้วนะ
เริ่มหัวข้อโดย: nattha_Kkhung ที่ 22-09-2018 07:40:13
แหะ ๆ พอดีเราแต่ง #ภาคเน ติดลมบนไปหน่อยนะครับ  แต่หลังจากนี้ก็จะเป็นคู่หลักแล้วนะ

nattha_Kkhung
หัวข้อ: Re: Nice to Se(a)e You Again.___Chapter 12-รับรุ่น(ภาค) มาต่อแล้วนะ
เริ่มหัวข้อโดย: สีหราช ที่ 22-09-2018 12:16:42
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Nice to Se(a)e You Again.___Chapter 12-รับรุ่น(ภาค) มาต่อแล้วนะ
เริ่มหัวข้อโดย: nattha_Kkhung ที่ 28-09-2018 19:52:09
แจ้งข่าว

ฮัลโหลทุกคน เราเกือบจะคัมแบคมาอย่างเต็มตัวแล้วนะหลังจากที่ไปรบกับมิดเทอมมา อ่านหนังสือยันเช้าทุกวันเลย
มาคราวนี้เราขอต่อ Turn Back Time ย้อนเวลาให้เธอรัก ก่อนเลยน้า หลังจากที่พักโปรเจคเรื่องนี้ค้างไว้ที่บทนำ

ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดจะมาวันอาทิตย์ตอนเย็น ๆ นะครับ

Thank you all lovely readers.
nattha_Kkhung

สำหรับคนที่ยังไม่ได้หรือคนที่อ่านแล้วกลัวลืมตามลิ้งนี้ไปเลยจ้า
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68356.0
หัวข้อ: Re: Nice to Se(a)e You Again.___{แจ้งข่าว} 3/10/61
เริ่มหัวข้อโดย: nattha_Kkhung ที่ 03-10-2018 20:21:50
แจ้งข่าว

 :mew2:


เราขอโทษทุกคนนะครับ เราขอสารภาพว่าเราไปแอบอัพ Turn Back time ย้อนเวลาให้เธอรัก มาหลังจากที่ปล่อยร้างไว้นาน   แหะ ๆ ส่วน Nice to Se(a)e You Again กำลังอยู่ในขั้นตอนการแก้เนื้อเรื่องใหม่อยู่นะครับ จะรีบกลับมาอัพต่อเร็ว ๆ นี้นะครับ แต่ช่วงนี้จะไปโผล่อีกเรื่องบ่อยหน่อยเน้อ เพราะแต่งแล้วติดลมบนมาก

Thank you all lovely readers
@nattha_KKhung
หัวข้อ: Re: Nice to Se(a)e You Again.___{แจ้งข่าว} 3/10/61
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 03-10-2018 21:13:56
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: Nice to Se(a)e You Again.___{แจ้งข่าว} 3/10/61
เริ่มหัวข้อโดย: nattha_Kkhung ที่ 08-10-2018 21:50:43
ขออนุญาติบอกว่า Nice to Se(a)e You Again ตอนหน้า พี่เล ของเราได้ออกโรงกับชาวบ้านเขาสักที //ยิ้มอ่อย
หัวข้อ: Re: Nice to Se(a)e You Again.___{แจ้งข่าว} 3/10/61
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 09-10-2018 17:09:19
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: Nice to Se(a)e You Again._Chapter 12-คู่แข่งคือน้องรหัส{11/10/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: nattha_Kkhung ที่ 11-10-2018 19:29:05
  #Chapter13 – คู่แข่งคือน้องรหัส



.......


ทะเล




   นาทีนี้ ตอนนี้ เดี๋ยวนี้ ผมอยากต่อว่า ผีห่า ซาตาน ตัวไหนที่มันเล่นตลกกับผม ถึงได้ส่งคู่แข่งระดับพรีเมียมอย่างไอ้ปลื้ม ลงมาในเส้นทางรักของผม ถ้าเป็นคนอื่นผมจะไม่หนักใจ ไม่กังวลใจใด ๆ ทั้งนั้น เพราะอะไรน่ะหรือ ก็คนอื่นมันหล่อไม่เท่าผมไง แล้วเหตุผลสำคัญที่สุดคือ ซัน (คนอื่นจะเรียกมันว่าอะไรผมไม่รู้แต่สำหรับผม ผมเรียกมันว่า ไอ้แว่น ) มันชอบผมไงละ

อย่าเพิ่งด่าว่าผมไปเอาความมั่นใจ มั่นหน้าเหล่านี้มาจากไหน(ไอ้ภูมิมันชอบด่าเลยจำมา) อะไรหลาย ๆ อย่างที่มันแสดงออกมา ไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัว นั่นแหละเป็นหลักฐานอย่างดีที่จะมัดตัวคนร้ายปากแข็งอย่างมัน ผมเองก็ใช่ย่อยนะ รู้ทั้งรู้ว่าตัวเองก็ชอบน้องมัน ชอบมาตั้งแต่สมัย ม ปลายแล้ว ยังจะทำซึนอึน ไม่รู้ไม่ชี้ตอนที่น้องมันมาป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ ๆ เสมอ

แต่ตอนนี้ผมต้องทำทุกอย่างให้มันชัดเจนขึ้น จะมัวอ้อยอิ่ง ทีเล่นทีจริงไปวัน ๆ แบบแต่ก่อนไม่ได้แล้ว ขืนทำตัวเหมือนเสี่ยเลี้ยงต้อยแบบนี้ต่อไป มีหวังหมาคาบไปแดกพอดี


      ทำไมน่ะเหรอ ?


   ก็เพราะคู่แข่งของผมน่ะธรรมดาสะที่ไหน ถ้าเป็นหนังก็เป็นหนังที่คุณภาพคับจอระดับพรีเมียม (เพจอวยหนังแปลกแหกหนังดียังต้องให้10/10 ) ทั้งรูปหล่อ(น้อยกว่าผม) พ่อรวย ขับเบนซ์ พร้อมทำเงินหกใส่ อย่างไอ้ปลื้ม เข้ามาแข่งด้วยน่ะสิ


ผมไม่เข้าใจไอ้น้องรหัสตัวดีของผมเลย คนสวย ๆ น่ารักกว่านี้ ดูดีกว่าไอ้แว่นของผมก็มีออกถมไป ทำไมมันไม่ชอบ ผมว่าหน้าตาและโปรไฟล์ระดับมันแค่ดีดนิ้วแกร๊กเดียว ก็พากันกรูเข้ามาให้เลือกเต็มไปหมด คิดแล้วก็หงุดหงิด....

“แม่งเอ้ย”

ผมสบถออกมาเพื่อระบายความรู้สึกให้ไอ้ไบร์ทกับไอ้ภูมิที่ตอนนี้ กำลังเคี้ยวข้าวตุ่ย ๆ เต็มปากนึกว่าความเคี้ยวเอื้อง ได้รับรู้

“เป็นห่าอะไรของมึงหะเชี่ยเล รบกวนสมาธิตอนแดกข้าวของพวกกูสองคนจังเลยนะมึง” ไอ้ไบร์ทพูดขึ้นอย่างอารมณ์เสีย แน่ล่ะไม่ใช้ครั้งแรกที่ผมสบถคำนี้ออกมา เพราะตั้งแต่นั่งกินข้าว แล้วเผลอคิดเรื่องไอ้ปลื้มขึ้น มันก็ชวนให้หงุดหงิด ไม่สบอารมณ์ขึ้นมาเสียดื้อ ๆ

“จะอะไรสะอีก กูเห็นแม่งเป็นแบบนี้ตั้งแต่รู้ว่า ไอ้ปลื้มจะจีบเด็กมันแล้ว” ไอ้ภูมิตอบ

“เออว่ะ กูลืมเรื่องนี้ไปได้ไงเนี่ย เจอคู่แข่งระดับนั้นเป็นกู กูก็เครียดว่ะ ยิ่งเป็นน้องรหัสตัวเองอีก เครียดสองเท่าเลย” ที่ไอ้ไบร์ทพูดออกมา ผมบอกเลยว่าจริงทั้งหมด(เก็บทุกรายละเอียดเลยนะมึง)

“จะตอกย้ำกูทำไมวะ แทนที่จะช่วยกูคิดว่าจะเอาไงต่อ ไม่อยากได้รึไง น้องสะใภ้ของพวกมึงอ่ะ หะ? ” บ้าชิบตอนหงุดหงิดทีไร ปากผมมันชอบพูดอะไรแบบนี้ออกมาทุกที แล้วมันก็ทำให้ปากพวกมันสองตัวทำงานทันที

“โหวววววววว เต็มปากเต็มคำเลยนะมึง อีกนิดก็เมียแล้วมั้ย” ไบร์ทพูด

“พวกกู หรือมึง ที่อยากได้วะ...แต่ตอนนี้ก็ได้นะเว้ย กูไม่เกี่ยง ยิ่งเด็กมึงใส่แว่นติ๋ม ๆ แบบนั้นด้วย...โอ๊ย” ผมใช้เท้าเตะเข้าที่หน้าแข้งของไอ้ภูมิ ไม่ต้องรอให้หมาในปากมันออกมาจนหมด

“เชี่ยเล กูเจ็บน่ะสัส ซีด...”

“มึงก็ไปแหย่มัน คนนี้มันจองของมันมาตั้งแต่ ม.ปลาย รักจริงหวังแต่ง....แต่งก่อนแล้วค่อยฟันนะเว้ย ฮ่า ๆ” ไอ้ไบร์ทหันมาบอกผมพร้อมกับเอาแขนมากอดคอแบบลวก ๆ

“ช่วยกูคิดดิ ว่ากูต้องทำไงต่อ”

เป็นไอ้ภูมิที่เสนอตัวเองด้วยการยื่นมือมาตรงหน้าผม พร้อมกับแบบมือแล้วกระดิกนิ้ว...เป็นเชิงกูไม่ช่วยฟรีนะ

“อยากให้ช่วย ก็เอาค่าจ้างมาดิ กูไม่ช่วยฟรีน่ะบอกเลย”

“กับเพื่อนกับฝูงนี่มึงยังเก็บตังค์อีกเหรอวะ” ผมบ่นออกไปอย่างหัวเสีย

“ก็แล้วแต่นะ ถ้าไม่เอา แล้วไอ้ปลื้มน้องมึงมาขอให้กูช่วยกูก็จะช่วย” ผมชักจะไม่แน่ใจแล้วว่า ไอ้ห่านี่มันใช่เพื่อนผมจริง ๆ เปล่า กับเพื่อนคิดทุกบาททุกสตางค์

“นี่กูเพื่อนมึงน่ะ ช่วยนิดช่วยหน่อยไม่ได้หรือไง”

“ไม่หน่อยละ ถ้าสมองมึงยังไม่ฝ่อ มึงคงจำได้ว่าใช้กูไปทำอะไรมาบ้าง ตั้งแต่…”

“พอ ๆ ไม่ต้องพูด เสร็จงานเดี๋ยวกูโอนให้ แต่ตอนนี้มึงช่วยกูก่อนเรื่องอื่นค่อยว่ากัน ” มันทำหน้ายิ้มเยาะอย่างร้าย ๆ นี่ถ้าไม่รู้จักกันผมต้องคิดว่ามันเป็นพวกมือปืน หรือนักฆ่ารับจ้างอะไรเทือกนั้น ต้องจ่ายเงินก่อนแผนถึงจะเดิน

“เออ…ก็ได้วะ ถ้าเบี้ยวกูจะแฉให้เด็กมึงฟังทุกอย่างเลย”

“เออ กูไม่เบี้ยวหรอก เล่าแผนมาสักทีดิอย่าลีลา จะเอาไหมอ่ะเงิน ”  พูดจบ ไอ้ตัวเงินตัวทอง(ฉายาที่เพิ่งมอบให้มัน) กระตือรือร้นเล่าแผนการอันแยบยลให้ผมกับไอ้ไบร์ทฟังทันที ไม่น่าเชื่อว่าตัวเงินตัวทองแบบมันจะสามารถครีเอทแผนดี ๆ กับชาวบ้านเขาก็เป็น

“แล้วจะมั่นใจได้ไง ว่าพวกนั้นจะรับรุ่นคืนนี้” ผมถามมันอย่างสงสัย

“เออ สายกูรายงานมาแล้วคืนนี้แน่นอน ไม่เชื่อสายกูแล้วจะให้ไปเชื่อใครวะ ” 

“สายมึงนี่ใครวะ ” ไอ้ไบร์ทที่นิ่งเงียบฟังอยู่นาน ถามขึ้นมา แต่ไอ้ตัวดีก็ไม่หลุดปากบอกสักทีว่าสายมันคือใคร 

“เออน่า….เชื่อกู คืนนี้มึงไปดักรอแถวสนาม ๆ  ตามที่กูบอก แล้วก็ทำตามแผนให้เนียน ๆ ถ้าแผนแตกหรือโดนจับได้ ก็ตัวใครตัวมันละงานนี้  ”

“มันต้องขนาดนั้นเลยเหรอวะ ไอ้แผนรักแผนสวาทของมึงเนี่ย ” ผมถามมันเพราะเท่าที่ฟังมาก็ไม่มีอะไร แล้วทำไมต้องทำให้เนียน ๆ  ยังกะจะไปแอบฉุดเมียชาวบ้านยังไงยังงั้น  ช่างเถอะผมเห็นว่าเป็นแผนของมันนะเนี่ยผมถึงได้เชื่อ ถามว่าทำไมถึงไว้ให้มันคิดแผนให้ ก็เพราะแผนมัน…

   ทำเกินงามทุกรอบ….

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………


โรงอาหารคณะวิศวกรรมศาสตร์




   บรรยากาศโรงอาหารในช่วงพักเที่ยงแบบบนี้ แออัดเนืองแน่นไปด้วยบรรดานิสิตว่าที่วิศวฯกรในอนาคต ทั้ง ๆที่คณะแพทย์ก็มีโรงอาหารอยู่ในคณะแท้ ๆ  แต่ทะเลก็ยังถ่อสังขาร ขับมอเตอร์ไซค์มาที่โรงอาหารวิศวฯ เพราะคิดว่าถ้าวันนี้มีโชคอาจจะได้เจอกับคนที่อยากเจอ ถึงจะรู้ว่ามันเป็นไปได้ยาก เพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีเรียนหรือไม่ หรือวันนี้อาจจะไม่มาที่โรงอาหาร แต่เขาก็ยังเสี่ยงดวงดู เพราะรอช้าไม่ได้อีกแล้วไม่งั้น ไอ้ปลื้ม ตีตื้นขึ้นมาทันเขาแน่ 


   คนที่เพิ่งเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรกออกจะดูงง ๆ ไม่น้อยเพราะว่าที่นี่ไม่ใช่คณะของเขา ซึ่งมีจำนวนประชากรน้อยกว่าคณะนี้ ที่นั่งทุกทีจึงถูกจับจองจนหมด เขาเดินขึ้นไปชั้นสองของโรงอาหารซึ่งเป็นชั้นลอยฟ้าเพื่อมองหา คนที่เขาอยากเจอ ขืนให้เดินหาแบบนั้นไปเรื่อย ๆ  ชาตินี้ก็คงไม่เจอ


   ท่ามกลางผู้คนมากมาย แต่สายตาของเขากลับมองหาคนที่อยากเจอได้อย่างรวดเร็ว ทำไมน่ะหรือก็มองมันมาตลอด มองอยู่แค่คนเดียว สำหรับเขามันก็เหมือนกับการหาแกะดำในฝูงแกะขาวยังไงยังงั้น

ไวกว่าความคิดก่อนสมองจะสั่งการ สองเท้าก้าวยาว ๆ ไปยังโต๊ะของเป้าหมายที่ตอนนี้รอบโต๊ะ มีสมาชิกกลุ่มเพื่อนของอีกฝ่ายอยู่กันครบ ถึงจะเคยเจอกันสองสามครั้ง แต่เขาก็จำได้แม่น ว่านี่ ะคือเพื่อนของมัน เจ้าตัวยังคงไม่รู้สึกตัวว่าผมเดินมาใกล้ชนิดที่หันหลังกลับหน้าของอีกฝ่ายต้องชนเข้ากับซิกแพคของเขาแน่ ๆ

“ไอ้แว่น” เขาเรียกชื่ออีกฝ่าย(จะเรียกว่าชื่อก็คงไม่ถูก เพราะมีแค่เขาที่เรียกมันแบบนี้) เหมือนสิ่งที่เขาคิดไว้จะเป็นจริง เพราะเมื่อถูกเรียกอีกฝ่ายรีบหีนหลังกลับมาทำให้หน้าของมันชนเข้ากับซิกแพค

“อึก!” เห็นตัวเล็ก ๆ แบบนั้นแต่แรงที่ปะทะเข้ากับหน้าท้อง เหมือนหมัดหนัก ๆ ของคนตัวโตชกเข้าที่ท้องหนึ่งที ถึงจะเจ็บแต่ก็มีความสุข สุขจนอยากจะเอามือขึ้นรูปหัวอีกฝ่าย กดให้หน้าของมันซบแบบนี้ไปนาน ๆ แต่ก็ทำได้แค่ความคิด(ณ ตอนนี้) คนชนรีบผละออกเพราะเกรงใจอีกฝ่าย ทั้ง ๆ ที่เขาเองก็อยากจะซบให้นานกว่านี้

“นึกว่าจะซบนานกว่านี้ ซิกแพคกูแน่นอ่ะดิ”

“แน่นเนิ่นอะไร มีแต่ไขมัน ซบทีน่าจะจมลงไปละสิไม่ว่า” รู้ทั้งรู้ว่าพูดโกหกแต่ก็ยังทำ ทั้ง ๆ ที่ความจริงซิกแพคของรุ่นพี่อย่างทะเลทั้งแน่น นูนเป็นลูกคลื่นอย่างชัดเจน จนเขาเองเผลอใช้ริมฝีปากจุมพิตลงที่เนินท้องที่อัดแน่นไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ คิดสะว่าเป็นกำไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็แล้วกัน

“แล้วอยากซบไหมละ”

“ไม่”ปากบอกว่าไม่ ทั้งๆที่ในใจนั้น อยากสัมผัส ลูบไล้ให้ทั่วเนินมัดกล้ามเนื้อ แต่ต้องสงวนท่าทีเอาไว้ ทั้ง ๆที่กลิ่นกายจากเสื้อผ้าของอีกฝ่ายยังตราตรึงติดแน่นในจมูก

“อะแฮ่ม ! นั่งก่อนดิพี่” ก่อนที่บทสนทนาจะหวานซึ้งไปกว่านี้ ทำให้เนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามถึงกับอดลนทนไม่ได้ นึกสนุกอยากจะขัดความสุขของคู่นี้ขึ้นมา จึงเปล่งเสียงเพรียกจากนรกเพื่อดับความสุขของทั้งคู่
คนที่ถูกเชิญให้นั่งทำตามอย่างง่ายดาย แต่ทว่าเมื่อทะเลกำลังจะหย่อยก้นลงถึงพื้นเก้าอี้เหล็ก กับถูกไอ้คนเดิมขัดจังหวะอีกครั้ง

“พี่จะทำอะไร...พี่นั่งตรงนั้นเหรอ?”เนพูด นั่นทำให้ะเลคิ้วขมวด สงสัยกับสิ่งที่มันถาม

“เออดิ ถามอะไรแปลกๆ นะเรา” ถึงแม้ในใจอยากใช้คำว่ามึงกับเพื่อนคนนี้ของแว่นแทบใจจะขาดแต่ก็ต้องรักษาภาพพจน์การเป็นคนดีต่อหน้าว่าที่แฟนเข้าไว้ เดี๋ยวจะหาว่าตนหยาบกระด้างกับ คนที่ไม่รู้จัก ยิ่งคนนั้นเป็นเพื่อนว่าที่แฟนด้วยแล้ว(เรียกมันไปเถอะพี่ ไอ้เนมันชอบหยาบ ๆ ซันกล่าว)”

“ตรงนั้นนั่งไม่ได้พี่ มีคนนั่งแล้ว” คำพูดของมันยิ่งเพิ่มมความสงสัยให้คนฟังมากกว่าเดิม เท่าที่เขารู้จากหน่วยข่าวกรองของไอ้ภูมิ กลุ่มเพื่อนของมันมี 3 คนคือ มันที่พูดอยู่ตอนนี้ เม แล้วก็ ซันแค่นี้ไม่ใช่เหรอ หรือว่าจะมีคนเข้ากลุ่มใหม่ แล้วหน่วยข่าวกรองของไอ้ภูมิไม่ได้อัพเดต

ทะเลลุกขึ้น แล้วย้ายตัวเองมานั่งข้างซ้ายของซัน ใจเขาจดจ่อกับฝั่งขวาของมันที่ตอนนี้ว่างอยู่ อยากรู้เหลือเกินว่าเจ้าของที่ตรงนั้นเป็นใคร ทำไมไอ้เนถึงได้ออกปากห้ามขนาดนั้น

“ลมอะไรหอบพี่มาถึงที่นี่วะ”  เนเปิดประเด็นตั้งโต๊ะสัมภาษณ์รุ่นพี่ที่มาใหม่อย่างสอดรู้สอดเห็น(เสือกดี ๆ นี่เอง)

 “นั่นสิ พี่มาทำอะไรที่โรงอาหารคณะผมอ่ะ มากินข้าวก็ไม่น่าใช่เพราะที่คณะแพทย์ก็มีโรงอาหาร แถมอาหารอร่อย คนก็ไม่เยอะด้วย”

   คนที่นิ่งเงียบอยู่นานปริปากถามในสิ่งที่ตนรวมถึงเพื่อนอีกสองคน เม กับ เน ก็คงจะสงสัยเช่นกัน เพราะร้อยวันพันปีมีหรือที่นิสิตแพทย์ จะหลุดมาแถวนี้

“มาโรงอาหารก็มากินข้าว ไม่เห็นจะแปลกเลย มึงเลิกสงสัยเรื่องไม่เป็นเรื่องสักที”

“โธ่…เรื่องไม่เป็นอะไรล่ะ ผมก็นึกว่าพี่นัดสาววิศวฯ เอาไว้ซะอีก ” ถ้าเธอคนนั้นมีอยู่จริง ก็คงจะเป็นคนที่ไม่สวย ดูดีอย่างใครเขา หน้าตาออกจะทึ่ม บางมุมก็ดูเอ๋อ ๆ เหมือนไอ้คนที่พูดนี่แหละ

“เลอะเทอะว่ะ อย่างกูไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอก อยากได้แค่ดีดนิ้วแกร๊กเดียวก็ดาหน้าเข้ามาให้เลือกไม่หวาดไม่ไหวละ”
นั่นทำให้คนฟังอยากจะทุ่มโพเดียม(ถ้ามี?) ใส่คนพูดเสียเหลือเกิน เพราะพูดอะไรไม่นึกถึงใจคนฟังอย่างซันบางเลย ใช่สิเขามันไม่สวย นมไม่โตจนกระดุมเกือบจะหลุดใส่หน้า เหมือนผู้หญิงพวกนั้นนิ 

“เป็นอะไรของมึง ? กูพูดอะไรผิดหรือวะ?ก็ไม่นิ”  เขาหันไปคุยกับซันแต่ขณะเดียวก็หันไปถามเพื่อนมันสองคนที่ฟังอยู่ ทั้งสองส่ายหัวให้กับคนถามเป็นเชิงปฏิเสธ แต่แท้จริงแล้วที่ส่ายหัวคือ ไม่เอาพี่ เรื่องนี้กูสองจะไม่ยุ่ง  เรื่องในมุ้งไปเคลียร์กันบนเตียงเลย

“แล้วเพื่อนมึง ยังไม่มาอีกเหรอ ? ”

“ก็นี่ไง…นั่งอยู่ข้างหน้าพี่นี่ไง ไม่เห็นเหรอ ” 
“หมายถึงที่ตรงนั้นอ่ะ ” เขาพูดพร้อมกับยื่นไม้ยื่นมือ ชี้ไปที่ เก้าอี้ตัวที่เขานั่งเมื่อสักครู่ คนถูกถามทำหน้า งงในตอนแรกแต่ก็เข้าใจได้ใจว่า รุ่นพี่แพทย์คนนี้อยากรู้อยากเห็น (ขี้เสือก) ไม่แพ้เขาเหมือนกัน

“ใกล้ได้เวลาแล้วพี่ เดี๋ยวมาก็เห็นเองแหละ” ฟังจากที่ไอ้เนบอก  ยิ่งทำให้เขายิ่งอยากเห็นเพิ่มขึ้นกว่าเดิมอีก

“มึง ไปซื้อข้าวกับกูหน่อย” เขาหันไปชวนซันที่ตอนนี้มีอาการใบ้แดก ไม่พูดไม่จา เพราะเจ้าตัวไม่คิดไม่ฝันมาก่อนว่าจะมีวันนี้วันที่จะได้ใกล้ชิด คนที่ทำให้ใจของเขาสั่น และเต้นแรงทุกครั้งที่ได้เข้าใกล้ นี่เขากำลังจะได้กินข้าวโต๊ะเดียวกับพี่ทะเล ได้เป็นคนเลือกอาหารให้เขา



      เป็นความจริงหรือวะเนี่ย



“คะ…ครับพี่ ” เขาดีใจจนพูดตะกุกตะกักไม่เป็นคำ แต่การกระทำทุกอย่างอยู่ในสายตาของคนขี้แกล้งอย่างเนทั้งหมด มีเหรอที่จะให้สองคนนั้นได้ไปซื้อข้าวแบบกระหนุงกระหนิงกันสองคน (คิดแล้วมันก็น่าอิจฉา เพราะไอ้พี่ภาคไม่เห็นเซอร์วิสถึงที่แบบนี้เลย เล่นหายหัวไปเป็นอาทิตย์ หายไปอีกนิดนี่คิดว่ามันตายไปแล้วนะ )

“อะแฮ่ม ทำไมต้องชวนแต่ไอ้ซันอ่ะ ผมกับเมก็นั่งอยู่ด้วยแท้ ๆ อย่าอ้างว่าเพิ่งเคยมาหรือสนิทกับมันมากที่สุดนะ ” มัน ที่ว่าคงจะหมายถึงซันสินะ แต่แล้วคำถามที่จงใจจะแกล้งดักคอความสุขของทั้งคู่กลับทำให้ คนฟังอย่างซันเองก็ต้องหน้าแดงเมื่อ…

ก็กูอยากไปกับซัน ” ไม่รอให้คนถามได้พูดต่อ เขาจูงมือพาไอ้แว่นของเขาออกไปที่ตรงนี้ทันที หากเขาหันกลับมามองสักนิดจะพบว่า หน้าขาว ๆ ของเนกำลังเปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อ ยันหูทั้งสองข้าง


   ทำไมชอบทำให้ใจสั่นนักวะ


ไม่รู้ว่าผ่านไปกี่นาที ที่มือของทะเลยังคงกุมมือที่เล็กกว่าของซันเอาไว้ เขาอาศัยโอกาสช่วงที่คนเยอะแบบนี้ อ้างกับคนตัวเล็กกว่า ว่า


“อย่าปล่อยมือกู กูกลัวหลง” เป็นเหตุผลที่แย่ที่สุด แต่ดันใช้ได้ผลที่อย่างคาดไม่ถึงเมื่อคนที่ใช้ด้วยคือ ซัน ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่คิดจะปล่อยอยู่แล้ว ได้จับมือกับคนที่ชอบใครจะปล่อยให้โง่ล่ะ ขอเป็นคนเห็นแก่ตัวสักวันนึงเถอะนะ ขอให้ไออุ่นจากมือของทะเล อยู่กุมมือของเขานานกว่านี้หน่อยเถอะ


……………………………………………………………………………………………………………………………………………   
   
ทะเล



   หลังจากเลือกอาหารอยู่นานสองนาน ไม่ใช่เพราะเรื่องมาก แต่เพราะผมอยากอยู่กับมันสองคน ให้นานกว่านี้  ถึงรอบกายจะมีผู้คนอยู่รายล้อมอยู่มากมาย เสียงพูดคุยจะดังแค่ไหน แต่ผมกลับได้ยินเสียงของมันชัดเจนในทุกโสตประสาท   

   นี่ใช่ไหมที่เขาเรียกว่า “รัก”

   นี่ใช่ไหมที่เขาเรียกว่า “หลง”

     ผมเดินถือจานข้าวมันไก่ที่ต้องเบียดเสียดกับฝูงชนเพื่อเข้าไปซื้อ มาจนเกือบจะถึงโต๊ะระหว่างทางไอ้แว่นมันก็พูดไม่หยุด พูดเรื่องนั้นเรื่องนี้ สักพักก็เปลี่ยนเรื่อง ผิดกับที่โต๊ะที่มันไม่ค่อยกล้าพูดกับผมมากนัก แต่พออยู่สองคนแบบนี้ ถึงได้รู้ว่า

   มันก็พูดมากเหมือนกันนะ

   ผมไม่ชอบคนที่พูดมาก พูดไม่มีสาระ เพราะมันทำให้ผมรำคาญ ยกเว้นมัน

“เสียดายร้านข้าวแกง ป้าศรีปิด ไม่งั้นนะพี่ได้กินสุดยอดข้าวแกงระดับเชฟกระทะทองแดงเลยนะเว้ย”
มันแอบบ่นเสียดายแทนผม

“ก็ช่วยไม่ได้นิหว่า ไว้วันหลังค่อยมากินก็ไม่เสียหายอะไร จริงไหม  ” คนฟังหันหน้ามามอง พร้อมกับส่งยิ้มกว้าง ๆ ให้กับผม เป็นรอยยิ้มที่ทำให้ผมหายเหนื่อยจากการทำแลปที่เพิ่งทำไปเมื่อเช้า  ทั้ง ๆ ที่มีเวลาพักแค่ 45 นาที แต่ผมก็ยังถ่อสังขารมาที่นี่ มาแบบเสี่ยงดวงล้วน ๆ


“ไว้วันหลังซันพาพี่กินข้าวด้วยนะ…แบบสองคน” พูดจบผมก็เดินหนีมาก่อนเลย เพราะไม่อยากให้มันเห็นว่าตอนนี้บนหน้าผมมีรอยยิ้มกว้าง ๆ ประทับอยู่ ผมหันกลับไปมองร้านข้าวป้าศรี ที่วันนี้ปิด

   เมื่อไหร่ป้าจะเปิด รู้ไหมว่าผมอยากกินข้าวกับมันสองคน

   ความสุขมักอยู่กับเราไม่นาน และเหมือนจะจริง เพราะภาพที่ผมเห็นเมื่อกลับมาถึงโต๊ะ เก้าอี้ตัวเดิมที่เว้นว่างไว้ในตอนแรก ตอนนี้มีร่างของคนที่คุ้นเคยนั่งอยู่ คนที่ทำให้ตาขวาผมกระตุก ๆ ชอบกล คนที่ไม่คิดว่าจะเจอในที่แบบนี้

    น้องรหัสตัวดี ไอ้ปลื้ม…

   มันหันมาทักทายผมตามปกติตามประสาพี่น้องรหัส แต่ไม่ใช่ในฐานะคู่แข่งหัวใจ ผมยอมรับนะว่ามันก็เป็นคนดีคนนึง ที่กล้าพูดตรง ๆ เล่นกันแบบแฟร์ ๆ ไม่แอบแทงข้างหลังมีอะไรก็ฉะกันซึ่ง ๆ หน้า ทำไมถึงมั่นใจขนาดนั้นว่ามันเป็นอย่างที่พูด เรื่องมันมีอยู่ว่า


   ย้อนกลับไปเมื่อไม่นานมานี้


   ระหว่างที่ผมกำลังจะปั่นจักรยานกลับหอ เพราะเพิ่งเรียนเสร็จ จู่ ๆไอ้น้องรหัสตัวดีที่ร้อยวันพันปีถึงจะโผล่หน้ามาให้เห็นอย่าง ไอ้ปลื้ม มาดักรอเพื่อคุยกับผม มันบอกว่ามีธุระสำคัญที่จะคุยกับผมให้ได้ในตอนนี้

“พี่ ผมมีเรื่องจะคุยด้วย…เรื่องซัน”

“ว่ามาสิ กูก็จะคุยกับมึงเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน”

“ผมชอบซัน แล้วก็รู้ด้วยว่าพี่คิดยังไงกับซัน ” บางครั้งผมก็อิจฉาความกล้า ความตรงของไอ้ปลื้มอยู่ไม่น้อย ถ้าผมกล้าพูดคำว่าชอบกับซันได้แบบที่ไอ้ปลื้มทำ ก็คงจะดีสินะ

“รู้ดีนะมึง แต่คิดไม่ถึงเลยนะที่คุณชายระดับมึงจะสนใจเรื่องพวกนี้กับเขาด้วย ”

“คุณชายก็ชอบคนอื่นเป็นไหมพี่ พี่อย่าพูดเหมือนผมไร้หัวใจดิวะ”

“แล้วไง มาบอกกูทำไม”

“ผมว่าพี่ถอนตัวจากเรื่องเถอะ คนอย่างพี่สู้ผมไม่ได้หรอก” ผมนึกว่ามันจะเป็นคนที่มีเหตุผลมากกว่านี้ถึงได้ยอมเสียเวลาคุยด้วย นึกว่าชีวิตหนึ่งปีในรั้วมหาลัยจะช่วยขัดเกลาให้มันเป็นคุณชายที่ไม่เอาแต่ใจ เหมือนเมื่อก่อน แต่เพราะผมเห็นมันเป็นน้องจึงพยายามเข้าใจไอ้นิสัย เอาแต่ใจของมัน แต่เปล่าเลย…

“กูนึกว่ามึงจะพูดอะไรที่มันน่าฟังกว่านี้นะปลื้ม มึงกลัวแพ้กูถึงกับมาดักรอเพื่อบอกให้กูถอนตัวนี่นะ ทำแบบนี้กูสงสารน้องมันว่ะ ถ้าวันนึงมันต้องได้คนขี้ขลาดแบบมึงไปเป็นแฟน”  ผมคงพูดแทงใจดำมัน ทำให้มันที่ยืนนิ่งในตอนแรกก้าวเท้าเข้ามาเผชิญหน้ากับผม พร้อมกับใช้สองมือของมันกระชากคอเสื้อของผมเข้าไปใกล้ ๆ กับหน้าของมัน 

“ผมจะบอกอะไรให้ ว่าคนอย่างพี่ไม่มีคู่ควรที่จะอยู่ข้างซันเลยสักนิด”

“คนอย่างกูมันทำไม” ผมก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าในสายตาคนอื่น รวมถึงมันมองผมเป็นคนแบบไหน

“คนอย่างพี่ที่มีปัญญาเลี้ยงน้องรหัสแค่ร้านอาหารถูก ๆ  ค่าเทอมก็ยังต้องกู้เรียน ต้องปั่นจักรยานทุกวัน  รถยังต้องยืมที่บ้านใช้ ไม่มีอะไรเป็นของตัวเองสักอย่าง มีดีก็แค่เรียนหมอแบบพี่น่ะ ดูแลใครไม่ได้หรอก ลำพังแค่ดูแลตัวเองยังจะเอาไม่รอดเลย  ”


   ผมไม่คิดว่าเรื่องที่พาคุณชายอย่างมันไปเลี้ยงสายรหัสที่ร้านชาบู ซึ่งราคาหัวละ 499 บาทถือว่าแพงมากนะสำหรับผมที่ยังหาเงินไม่ได้ แต่คงจะถูกไปสำหรับมัน จะทำให้มันฝังใจแล้วมองพี่รหัสอย่างผมแย่ขนาดนี้

   ภาพเลี้ยงสายวันนั้นย้อนกลับเข้ามาในหัวผมทันที ผมจำได้วันนั้นไอ้ปลื้มมันทำหน้า เบื่อโลกแบบสุด ๆ ฝืนยิ้มทุกครั้งที่ผมถามว่าร้านนี้โอเคมั้ย


   โอเค…ผมยอมรับว่าตอนนี้ผมไม่มีเงินมากพอที่จะใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายได้เหมือนมัน แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ผมจะต้องถอนตัวไหม อีกเรื่องคือกู้เงินเรียน ใคร ๆ ก็ทำกัน เพราะผมไม่อยากเดือดร้อนที่บ้านที่ต้องคอยวิ่งวุ่นหาเงินมาจ่ายค่าเทอม ค่ากินค่าอยู่ให้ในแต่ละเดือน ยิ่งตอนนี้ผมเหลือแค่พ่อคนดียว  อะไรที่หาได้ด้วยตนเองก็จะพยายามหา


“โอเคกูยอมรับ…ว่ากูมันก็แค่นิสิตแพทย์ธรรมดา เดินเตะฝุ่น ไปวัน ๆ อย่างที่มึงพูด แต่กูสงสารมึงว่ะปลื้ม กูไม่รู้นะว่ามึงถูกเลี้ยงมาในสังคมแบบไหน ที่สอนมึงให้วัดค่าความดีในตัวคนอื่นด้วยเงิน แต่ไม่ใช่ทุกคนจะรักมึง ชอบมึงเพราะว่ามึงรวย ” ผมจับมือของมันที่กำลังจับคอเสื้อผมไว้อยู่ออก


“คนที่มองทุกเรื่องว่าต้องใช้เงินถึงจะได้มาอย่างมึง…ยังไงก็ไม่มีทางสู้คนอย่างกูได้ เพราะกูมั่นใจว่าคนอย่างซัน มันไม่มองคนที่เปลือกนอกแบบที่มึงเป็นอยู่แน่ ”
มันกัดฟันกรอด ๆพยายามข่มอารมณ์โมโหที่โดนคนอย่างผมสอน ผมเองก็เช่นกัน



(อ่านต่อข้างล่าง)




     


      



หัวข้อ: Re: Nice to Se(a)e You Again.___{แจ้งข่าว} 3/10/61
เริ่มหัวข้อโดย: nattha_Kkhung ที่ 11-10-2018 19:33:57
  เหตุการณ์หลังจากนั้นจบลงตรงที่ ผมปั่นจักรยานกลับหอทิ้งไอ้ปลื้มไว้แบบนั้น ตั้งแต่วันนั้นผมก็ไม่ได้เจอมันอีก จนกระทั่งตอนนี้ที่มันโผล่มานั่งข้าง ๆ  ซัน ได้ยังไงก็ไม่รู้

   ผมวางจานข้าวของตัวเองลงแล้วมองคนที่มาใหม่ของโต๊ะ แต่คงเป็นแขกประจำของกลุ่มนี้ไปแล้ว เพราะผมจำที่เนมันบอกตอนแรกได้

   “พี่จะทำอะไร...พี่นั่งตรงนั้นเหรอ?”เนพูด นั่นทำให้ะเลคิ้วขมวด สงสัยกับสิ่งที่มันถาม

   “เออดิ ถามอะไรแปลกๆ นะเรา”

   “ตรงนั้นนั่งไม่ได้พี่ มีคนนั่งแล้ว”






   “ใกล้ได้เวลาแล้วพี่ เดี๋ยวมาก็เห็นเองแหละ”

   “แล้วเพื่อนมึง ยังไม่มาอีกเหรอ ? ”

   “ก็นี่ไง…นั่งอยู่ข้างหน้าพี่นี่ไง ไม่เห็นเหรอ ” 

   “หมายถึงที่ตรงนั้นอ่ะ ”

   
 
   มันพูดเหมือนกับไอ้ปลื้มมาจอแจกลุ่มนี้เป็นประจำ

        ผมเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าไอ้ปลื้มน่ะ รูปหล่อ พ่อรวย และที่สำคัญพร้อมจะทำเงินหกใส่ ซึ่งก็จริงอย่างที่ผมพูด มันมาพร้อมกับของกินมากมาย ทั้งคาวหวาน ร้านไหนเด็ดร้านไหนดังมันขนมาหมด และที่สำคัญปริมาณมันมากเกินกว่าที่คนเดียวจะกินหมดด้วยซ้ำ

   บ้านมึงเป็นโรงทานรึไง…

“นั่งก่อนสิซัน ” มันหันไปบอกซันให้นั่งลง กลายเป็นว่ารอบโต๊ะตอนนี้ มี ผม ซัน ไอ้ปลื้ม นั่งอยู่ฝั่งเดียวกันโดยมี ซันนั่งคั่นกลางระหว่างผมกับปลื้ม ส่วนอีกฝั่งเป็นเม กับ เน  ส่วนบนโต๊ะเต็มไปด้วยบรรดาของกินที่ไอ้คนรวย สายเปย์หอบมาให้

   เหอะ คิดเหรอว่าของกินพวกนี้จะซื้อใจไอ้ซันได้  มึงคิดิผิดละไอ้ปลื้ม

“นี่ ๆ ดูก่อนวันนี้กูมีอะไรมาด้วย รับรองมึงจะต้องถูกใจแน่”  ไอ้ปลื้มแหวกถุงอาหารที่อยู่บนโต๊ะอยู่ครู่นึงแล้วหยิบถุงที่ใส่แก้วน้ำขึ้นมา

“ชานมไต้หวัน ร้าน OKI เจ้าดังเลยนะมึง” หึ จะเจ้าดังแค่ไหนยังไง ๆ ก็ทำอะไรไอ้แว่นของผมไม่ได้หรอก

“เฮ้ย…ผมโคตรอยากกินเลย… ไปซื้อมาได้ไงวะพี่ ได้ข่าวว่าร้านนี้ต้องรอเป็นชาติ แถมแก้วนึงก็โคตรแพง” 

    เพล้ง! จังหวะซิทคอมกว่านี้มีอีกไหม เดี๋ยว ๆ ทำไมมึงเห็นแก่กินแบบนี้วะไอ้เด็กเวร กูอุตส่าสร้างภาพพจน์ให้เป็นคนดีไม่เห็นแก่เงิน แต่ทำไมหวยมันออกแบบนี้วะเนี่ย 

“นี่ใคร ? คุณชายปลื้ม ซะอย่าง ไม่มีอะไรที่มึงต้องการ แล้วกูหามาให้ไม่ได้บอกเลยว่าไม่มี…เอ่อเว้นเดือนกับดาว ” บางทีผมก็หมั่นไส้ในความรวยล้นฟ้าของมัน

“พี่เล ๆ ดูสิชานมจากร้าน OKI ที่ผมบอกว่าอยากกินไง จำได้ไหม ” มันสะกิดผมให้หันไปดูชานมในมือมันยกใหญ่  ดีใจเกินหน้าเกินตาไปละ มันก็แค่ชานมธรรมดาจะดีใจยิ่งใหญ่อะไรขนาดนั้น

“เห็นแล้ว ” ผมพูดเสียงเรียบ พยายามทำตัวให้ปกติไม่หลุดไปกับสิ่งยั่วอารมณ์อย่าง ชานมไข่มุก เหอะ!

“อ้าว…เป็นอะไรหรือเปล่าพี่ ไม่ตื่นเต้นหน่อยเหรอ”

“จะตื่นเต้นทำไมแค่ชานม ธรรมดา ๆ ”

“เน กับ เม ก็เอาไปด้วยนะพี่ซื้อมาเผื่อ ส่วนของพี่ไม่มีนะเพราะผมไม่รู้ว่าจะมีคนมาเพิ่ม ”

“ ขอบคุณค่ะ/ครับ ”

    ไอ้ปลื้มจัดการแจกชานมให้ สองคนนั้นก็รับเอาไว้อย่างปฏิเสธไม่ได้พร้อมกับทำหน้าลำบากปนเกรงใจที่ต้องรับของจากรุ่นพี่อย่างมัน แน่นอนว่าต่อให้มันรู้ล่วงหน้าว่าผมจะมา มีหรือที่คนอย่างคุณชายปลื้มจะมีน้ำใจป้อนข้าวป้อนน้ำ คนที่มันมองว่าเป็นศัตรูหัวใจของมัน

   ผมเพิ่งรู้นะว่าคุณชายอย่างมันทำอะไรแบบนี้ก็เป็นด้วย กูรู้ทันมึงไอ้ปลื้มว่ามึงจะเข้าทางเพื่อน ในเมื่อคุณชายอุตส่าหาของมาประเคนให้ถึงที่แบบนี้ พี่ทะเลคนดีศรีทนได้ ก็ขอยืมหน่อยแล้วกัน

ผมยื่นมือไปหยิบแก้วชานมของไอ้แว่น ที่ตอนนี้มันเจาะหลอดแล้วเพิ่งดูดไปได้หนึ่งคำ เอามือมาไว้ในมือ 

“ทำอะไรของพี่เนี่ย เอาคืนมาเลยนะ อยากกินทำไมไม่ขอดี ๆ ” คนถูกแย่งบ่นออกมาอย่างไม่พอใจ แต่ก็ยังมีน้ำใจที่จะแบ่งให้ผมกินด้วย

   ของที่ไอ้ปลื้มซื้อให้ไม่ต้องแบ่งกู เพราะกูจะเอามันไปทิ้งทั้งหมด

มันยื่นมือมาหมายจะแย่งแก้วกลับคืนไป แต่ผมยืนขึ้นอาศัยความสูงของผมให้เป็นประโยชน์ มือข้างนึ่งก็ชูแก้วให้สุดความยาวของแขน ส่วนอีกมือก็กดไหล่มันเอาไว้

“เอาคืนดิพี่ ”

“อยากได้ขนาดนั้นเลยเหรอวะ” มันพยักหน้าพร้อมกับส่งสายออดอ้อนมาให้ เหมือนเด็กที่อ้อนขอลูกอมหรือของเล่นจากผู้ใหญ่ยังไงยังงั้น ด้วยความที่ผมเป็นคนใจอ่อน โดยเฉพาะกับคนที่ผมรักด้วยแล้ว ผมจึง….


“เฮ้ย !” 

“สูด ๆๆ อึก อึก  ”

   ไอ้แว่นส่งเสียงร้องออกมาทันที จะไม่ให้ร้องได้ยังไง ก็ผมดูดชานมสุดรักสุดหวง ราคาแพงของมันจากปริ่ม ๆขอบแก้วจนเหลือติดก้นแก้ว เก็บไข่มุกไม่ให้เหลือเลยสักเม็ด เกลี้ยงกว่านี้ก็ฉีกฝาแล้วเลียแก้วแล้วล่ะ

    เมื่อเห็นชานมในแก้วหมดลงอย่างน่าพอใจแล้ว ผมจึงส่งแก้วเปล่าคืนให้กับมัน พร้อมกับกระซิบบางอย่างที่ข้างหูของมัน ซึ่งการกระทำของผมอยู่ในสายตาของ ทุกคนที่อยู่ในโรงอาหาร ไม่เว้นแม้แต่ไอ้ปลื้ม ที่ทำหน้าหงิก ตั้งแต่เห็นผมแย่งชานมที่มันอุตส่าซื้อมาไปจากมือไอ้แว่นแล้ว

   “ถ้าคราวหน้า กูเห็นว่ามึงรับของมันมาอีก”


   “….” มันนิ่งเงียบรอฟังว่าผมจะพูดอะไรต่อ


   “กูจะเอาของกินทั้งหมดยัดปากมึง…”


   “อึก” มันกลืนน้ำลาย


   “ด้วยปากกู

   ผมผละออกจากมัน ทิ้งให้มันยืนนิ่งวิญญาณหลุดลอยออกจากร่าง  จัดการเก็บจานของตัวเองไปทิ้ง เพราะบ่ายนี้ผมมีเรียนต่อ ผมหันไปพูดกับคุณชายปลื้มที่ทำหน้าหงิกสุดขีดในตอนนี้

   “ชานมที่มึงซื้อมา โคตรอร่อยเลยวะ ไข่มุกก็นุ้มนุ่ม ”

   “ของแพงมันดีอย่างที่เขาลือกันจริง ๆ ว่ะ ”

   ผมหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี (อีกนิดก็บ้า) อยากให้คุณเห็นหน้าคุณชายปลื้มที่ตอนนี้มันกัดฟันกรอด ๆ ทำตาขวางใส่ผม นี่ขนาดผมเดินออกมาจากโต๊ะแล้วนะยังรู้สึกถึงพลังงานบางอย่าง เหมือนคำสาปแช่งของน้องรหัสผู้แสนดีของผมตามติดมาด้วยเลย


To be continue...

เรากลับมาอัพต่อแล้วนะครับ ขอโทษทุกคนด้วยนะที่หายไปนาน หวังว่าจะถูกใจทุกคนไม่มาก็น้อย///แผนรักแผนสวาท จะเป็นยังไงรอติดตามกันนะครับ

Thank you all lovely readers
@nattha_Kkhung
หัวข้อ: Re: Nice to Se(a)e You Again.___Chapter 13-คู่แข่งคือน้องรหัส{11/10/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 11-10-2018 21:54:50
 :pig4: :pig4: :pig4:

ซันฟันธงไปเลย  จะเลือกใคร  อย่าทำให้คนบางคนเข้าใจผิดหลงทางเสียเวลาเลย
หัวข้อ: Re: Nice to Se(a)e You Again.___Chapter 13-คู่แข่งคือน้องรหัส{11/10/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: nattha_Kkhung ที่ 12-10-2018 07:22:23
 :hao4: งือออออ ซันเราไม่ได้โลเลนะ ///ชานมอร่อยมาก พี่ทะเลกล่าวไว้
หัวข้อ: Re: Nice to Se(a)e You Again.___Chapter 13-คู่แข่งคือน้องรหัส{11/10/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 12-10-2018 08:44:28
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: Nice to Se(a)e You Again.___Chapter 13-คู่แข่งคือน้องรหัส{11/10/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 14-10-2018 19:53:20
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13
หัวข้อ: Re: Nice to Se(a)e You Again.___Chapter 13-คู่แข่งคือน้องรหัส{11/10/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 10-11-2018 10:34:34
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: Nice to Se(a)e You Again.___Chapter 13-คู่แข่งคือน้องรหัส{11/10/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 10-11-2018 13:54:14
น่าเห็นใจชายปลื้มจริงๆ
หัวข้อ: Re: Nice to Se(a)e You Again.___แจ้งข่าวครับ {26/11/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: nattha_Kkhung ที่ 26-11-2018 09:49:39
สวัสดีครับคนอ่านทุกท่าน



ก่อนอื่นต้องขอโทษคนอ่านทุกคนด้วยนะครับที่เราไม่ค่อยได้เข้ามาต่อเรื่องนี้เลย มัวแต่ไปคลุกอยู่กับอีกเรื่องหนึ่ง ขอโทษน้าาา

ตอนนี้เรากำลังอยู่ในช่วงตัดสินใจว่า จะเอายังไงดีกับเรื่องนี้ จะไปต่อ หรือ พักไว้ก่อนแล้วค่อย กลับมาลงใหม่

ลงใหม่ในที่นี้คือมีการแต่งเนื้อเรื่องใหม่ ปรับเรื่องให้ดีขึ้น แต่จะขอตัวไปเคลียร์ Turn Back Time-ย้อนเวลาให้เธอรัก ก่อน

ทุกคนว่าดีไหมครับ

  :mew2: :mew2: :mew2: :mew2: :mew2: :mew2: :mew2:


@nattha_Kkhung