ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0
ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะ ครับ เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรัก ชายเข้ามารับรู้ ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ
4.ห้าม แจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะ ปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของ แต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ
5.ห้าม จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิด เดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
6.การ พูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
- 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).
9.คุณยินยอม ให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ
10.ห้าม ลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อ ขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป
11.บอร์ด นิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว
บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยาย ที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป
12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด
13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ
14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
16.นิยาย เรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วน หรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมด ออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข
17.ห้าม แจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
18.ใคร จะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ ย้ายไปไหน เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ
เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................
วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17
เวปไซต์ แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่าง ประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
(https://sv1.picz.in.th/images/2019/02/17/TncNXy.png)
(https://sv1.picz.in.th/images/2019/02/17/TncfzD.jpg)
เมื่อ "โยธา" เดือนมหา'ลัย ถูกแฟนคลับที่รักมากจ้องคุกคาม
จนกลายเป็นข่าวเม้าท์ไปทั่วมหา'ลัย
เด็กหนุ่มที่รักการสืบสวนสอบสวนอย่าง "ขลุ่ย"
จึงอดให้ความสนใจกับข่าวนี้ไม่ได้
ด้วยความอยากรู้อยากเห็น เขาจึงเริ่มตามหาตัวจริงของแฟนคลับ
ที่ใช้ชื่อว่า "เงาของคุณ"
แต่เพราะเอาตัวเข้าไปพัวพันมากเกินไป
รู้ตัวอีกที เขาดันถูกโยธา สงสัยว่าเป็น STALKER เสียเอง
#โคนันขลุ่ย
(https://sv1.picz.in.th/images/2019/02/17/TngB9e.png)
•.★* สารบัญ *★.•
บทนำ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69638.msg3962055#msg3962055)
ตอนที่ 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69638.msg3968621#msg3968621) ตอนที่ 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69638.msg3969006#msg3969006) ตอนที่ 3 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69638.msg3969328#msg3969328)
ตอนที่ 4 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69638.msg3969564#msg3969564) ตอนที่ 5 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69638.msg3969889#msg3969889) ตอนที่ 6 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69638.msg3971335#msg3971335)
ตอนที่ 7 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69638.msg3972394#msg3972394) ตอนที่ 8 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69638.msg3972979#msg3972979) ตอนที่ 9 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69638.msg3974430#msg3974430)
ตอนที่ 10 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69638.msg3976195#msg3976195) ตอนที่ 11 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69638.msg3980605#msg3980605) ตอนที่ 12 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69638.msg3980940#msg3980940)
ตอนที่ 13 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69638.msg3981259#msg3981259) ตอนที่ 14 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69638.msg3981898#msg3981898) ตอนที่ 15 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69638.msg3984093#msg3984093)
ตอนที่ 16 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69638.msg3984356#msg3984356) ตอนที่ 17 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69638.msg3985122#msg3985122) ตอนที่ 18 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69638.msg3985373#msg3985373)
ตอนที่ 19 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69638.msg3986206#msg3986206) ตอนที่ 20 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69638.msg3986639#msg3986639) ตอนที่ 21 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69638.msg3986894#msg3986894)
ตอนที่ 22 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69638.msg3987094#msg3987094) ตอนที่ 23 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69638.msg3987494#msg3987494) ตอนที่ 24 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69638.msg3987741#msg3987741)
ตอนที่ 25 [End] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69638.msg3988119#msg3988119)
*.:。 ✿*゚‘゚・✿.。.:* *.:。✿*゚’゚・✿.。.:* *.:。✿*゚¨゚✎・ ✿.。.:* *.:。✿*.:。✿*
บทนำ
โคนันขลุ่ยกับความอยากรู้อยากเห็น
นี่ไงที่เขาว่ากัน น่ากลัวเนอะ
อยากเห็นหน้าว่ะ
ใครวะโคตรน่ากลัว
อย่ามายุ่งกับโยธาของชั้น!!!
ผมไล่สายตาลงมายังรูปที่มีคนนำมาโพสต์ในทวิตเตอร์ เป็นข้อความที่ถูกแคปมาอีกที ข้อความทั้งหมดเป็นการพิมพ์จากฝ่ายเดียวตลอดหลายวัน ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกถึงอารมณ์ที่แปรปรวนของเจ้าของข้อความ
07:05 มอร์นิ่ง วันนี้สู้ๆ นะ
09.12 เดินผ่านไม่เห็นยิ้มให้กันเลย น้อยใจแล้วนะ งอน
10.15 ตอบหน่อยสิ
12.14 มาทานข้าวไม่เห็นชวนกันเลย มาเองก็ได้ ดีนะได้นั่งใกล้กัน
14.45 เรารักโยธามากนะ ถ้าโยธาไม่รักเรา เราจะฆ่าตัวตาย
14.45 เราทำจริงๆ นะ
14.45 จริงๆ นะ
16.23 ตอบหน่อย
16.23 ตอบหน่อย
16.23 ตอบหน่อย
16.24 ตอบหน่อย
18.17 อย่าลืมทานข้าวเย็นนะ เป็นห่วง
20.03 ทำไมไฟยังไม่เปิดล่ะ อยู่ไหน ทำไมยังไม่กลับ
21.35 ดีจังกลับมาแล้ว พักผ่อนเยอะๆ นะ
23.18 กู้ดไนท์ รักโยธาที่สุดเลย
00.15 ตอบหน่อย
00.15 ตอบหน่อย
00.16 ตอบหน่อย
“อ่านอะไรอยู่วะ คิ้วมึงผูกกันจนจะแกะไม่ออกแล้ว”
ผมเงยหน้าขึ้นมองลูกจัน อีกฝ่ายมองผมด้วยสายตาสงสัย ผมจึงยื่นโทรศัพท์ไปให้
“อ๋อ” ลูกจันส่งโทรศัพท์คืนให้ผมโดยไม่อ่าน ทิ้งตัวลงนั่งฝั่งตรงข้าม
“อะไรวะ” เก้าอี้ดึงโทรศัพท์ไปจากมือของผมอีกที เจ้าตัวขมวดคิ้วมุ่น ก่อนดวงตาจะเบิกกว้างขึ้น
“โห~ ขนาดนี้เลยเหรอวะ น่ากลัวฉิบ”
“อะไร” ฝนผู้สนใจเรื่องของคนอื่นน้อยที่สุดในกลุ่มยื่นมือมารับไปดูต่อ เพราะความเล่นใหญ่ของเก้าอี้
“ก็เรื่องสต็อกเกอร์ไงดังจะตาย มีคนโรคจิตตามตื้อ ส่งของ ส่งข้อความไปให้ ถึงกับมีแฮชแท็กเซฟโยธาเลยนะเว้ย ถ้ามึงอยากรู้เรื่องนี้ก็เข้าไปอ่านดิ” ดูเหมือนลูกจันจะสนใจเรื่องนี้อยู่ไม่น้อย
“กูได้ยินแว่วๆ มาเหมือนกันแต่ไม่ได้สนใจ ใช่โยธาที่เป็นเดือนมหา’ลัยหรือเปล่า” ฝนส่งโทรศัพท์คืนให้ผม
“ใช่คนนั้นแหละ” ลูกจันพยักหน้า
โยธาเป็นที่รู้จักในฐานะเดือนมหา’ลัยปีที่ผ่านมา ด้วยรูปลักษณ์ที่โดดเด่นเกินหน้าผู้ประกวดคนอื่น ผมยังจำวันที่ตามลูกจันไปดูการประกวดได้ ยังคิดว่าผู้ชายคนนี้ดูดีมากแม้แต่ในสายตาผู้ชายด้วยกันเอง
“เออมึงเห็นรูปนี้หรือยัง” ลูกจันหยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมาเปิดรูปหนึ่งให้ผมดู มันเป็นภาพขวดแก้วขนาดเล็ก มีเศษเส้นผมอยู่ด้านใน ด้านข้างมีกระดาษโน้ตแผ่นเล็กถ่ายคู่กัน
“เห็นว่าเอาใส่กล่องมาวางให้หน้ารถ บอกว่าอยากให้เก็บไว้เป็นที่ระลึก”
“บรื้อ~ เป็นกูคงหลอนฉิบหาย มหา’ลัยเรามีคนน่ากลัวแบบนี้ด้วยเหรอวะ” เก้าอี้ทำท่าขนลุกขนชัน
“ผู้หญิงหรือผู้ชายวะ” ฝนดึงโทรศัพท์ไปเพ่งมองเส้นผม
“ไม่รู้ ส่วนใหญ่เดาว่าเป็นผู้หญิง แต่มันก็พูดยากว่ะ เส้นผมพวกนี้ก็ตัดมาสั้นๆ มองไม่ออกว่าผู้ชายหรือผู้หญิง” ลูกจันตอบฝน
“นึกยังไงเอารูปพวกนี้มาปล่อยวะ เป็นกู กูไม่บอกคนอื่นแน่” ฝนข้องใจกับต้นตอของข่าว
“ไม่ใช่โยธา เห็นว่าเพื่อนสนิทในกลุ่มเอามาปล่อย คงทนไม่ไหวมั้ง คนในคณะก็รู้กันเยอะ เพราะเคยเอาสีไปเขียนรถด้วย”
“ทำไมไม่ไปขอดูกล้องวงจรปิดวะ” ฝนขมวดคิ้วเข้าหากัน
“เขาว่าตรงที่จอดไม่มีกล้องว่าแต่มึงสนใจเรื่องนี้เหรอวะ” ลูกจันหันมามองผม
“อ่านแก้เบื่อ”
“ก็ไม่แปลกที่ไอ้ขลุ่ยจะสนใจ มันชอบเรื่องพวกนี้อยู่แล้วพวกมึงก็รู้” เก้าอี้พูดได้สมกับเป็นเพื่อนสนิทของผม ผมเคาะนิ้วลงบนโต๊ะ นึกถึงตัวหนังสือบนกระดาษโน้ตที่มาพร้อมกับขวดแก้วใส่ผม ‘เงาของคุณ’ อย่างนั้นเหรอ เชยดี แต่ก็น่าสนใจ ผมชักอยากรู้เสียแล้วว่าตัวจริงเป็นใครกันแน่
“แล้วนี่พวกมึงจะนั่งอยู่แบบนี้เหรอวะ ไปซื้ออะไรกินได้แล้ว” ฝนลุกขึ้นยืน โรงอาหารเริ่มมีคนเข้ามาใช้บริการหนาตา
“เปลี่ยนที่เถอะ”
“ไปไหน” ลูกจันหันมามองหน้าผม
“โรงอาหารสถาปัตย์”
“ไปทำไมวะ ไกลก็ไกล” ฝนบ่นอุบ
“เรนไม่มาไม่ใช่เหรอ มึงจะบ่นทำไม” ผมจ้องหน้าเพื่อน
“เกี่ยวกับเรนที่ไหนวะ กูขี้เกียจเดิน แล้วมึงจะไปทำไม”
“กูอยากไปดูว่ามีใครน่าสงสัยหรือเปล่า”
“ไหนมึงบอกแค่อ่านแก้เบื่อ” ฝนยกคำพูดของผมขึ้นมาถาม
“ตอนนี้กูสนใจแล้ว”
“สุ่มสี่สุ่มห้าไปมึงแน่ใจเหรอว่าจะเจอ”
ผมสบตากับฝน ยกโทรศัพท์ในมือขึ้น “มึงรู้ไหมว่าคนหน้าตาดีต่างกับพวกเราตรงไหน”
“กูรู้ถามกูได้ แฟนกูหน้าตาดี” เก้าอี้ยิ้มร่า รีบยกมือเสนอตัว
“ไม่ค่อยอวยแฟนเท่าไหร่เล้ยย” ลูกจันเกิดอาการหมั่นไส้เพื่อน “แฟนไอ้ฝนก็หน้าตาดี มึงไม่ต้องบอกมันก็รู้ ทุกวันนี้มันก็แอบเซฟรูปเรนจากทวิตอยู่กูเห็น”
ฝนหน้าแดงเมื่อถูกจับได้ เก้าอี้หัวเราะเสียงดังแบบไม่เกรงใจสีหน้าเก้อกระดากของเพื่อน ผมยัดโทรศัพท์ลงในกระเป๋ากางเกง ไม่จำเป็นต้องเปิดรูปที่เพิ่งเห็นเมื่อครู่ให้เพื่อนดู
“ไปเถอะ ตอนนี้น่าจะยังทัน” ผมลุกขึ้นยืน เดินนำทุกคนออกจากโรงอาหารคณะ ความรู้สึกตื่นตัวทำให้เผลอยิ้ม ดีจริงกำลังเบื่ออยู่พอดี
• • • • •
-โยธา-
“มองอะไรอยู่”
“ไม่มีอะไร” ผมเบือนสายตากลับมามองออแกน ยิ้มให้เพื่อนผู้หญิงคนเดียวในกลุ่ม ออแกนนั่งฝั่งตรงข้ามกับผมข้างจิณณ์เพื่อนสนิทอีกคนหนึ่ง
“เย็นนี้ไปดูหนังกันไหม”
“เอาสิ” จิณณ์ตอบรับออแกน
“แปลก อย่างจิณณ์ไม่มีนัดเหรอ”
“เอ้า! ถ้าคิดว่ามีนัดจะถามทำไม” จิณณ์หัวเราะเมื่อออแกนทักเรื่องที่อีกฝ่ายไม่มีเวลาว่างให้เพื่อน
“นี่ตั้งใจถามโยธาย่ะ พูดเองนะว่าไปใครโทรมาก็ห้ามเปลี่ยนใจ ไม่งั้นตัดเพื่อน”
“หึๆ ตกลง”
หูผมฟังเสียงสนทนาของเพื่อน แต่สายตาถูกดึงดูดกลับไปยังที่เดิม ใบหน้าเล็กอยู่ภายใต้แว่นตากรอบหนา ดวงตาที่มองมาสงบนิ่ง
หรือว่า...
ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูข้อความส่วนตัวในอินสตาแกรม หลังจากไม่ได้เปิดดูมาหลายวัน
12.25 ดีใจที่ได้กินข้าวด้วยกัน
ผมเงยหน้าขึ้น ดวงตาคู่นั้นยังคงมองตรงมา ด้วยสีหน้าไม่บ่งบอกความรู้สึกใดๆ
“โยธาตกลงเอาไง” เสียงของออแกนดึงสายตาผมให้หลุดจากดวงตาคู่นั้นอีกครั้ง ผมสลัดความสงสัยออกจากหัว เลิกใส่ใจ
ผมคงคิดมากไปเอง ก็แค่คนๆ หนึ่งที่มองมา
:::: ♥ TBC ♥::::
Darin ♥ FANPAGE (https://www.facebook.com/Ratidarin-433468596858519/)
Twitter : primdarin (https://twitter.com/primdarin)
** คุยก่อนอ่าน
นิยายเรื่องนี้เป็นแนวคอมเมดี้นิดๆ นะคะ ไม่ใช่แนวสืบสวนสอบสวนแต่อย่างใด ดังนั้นเนื้อหาหลักจึงไม่ใช่เรื่องของ "เงาของคุณ" แต่เป็นเรื่องของ "ความขลุ่ย" ค่ะ ^^
** ส่วนชื่อไอจีของขลุ่ย เมื่อวานมีเฉลยไว้ให้ตอนท้ายแล้วแต่บางท่านอาจไม่ได้เลื่อนลงไปอ่าน เอามาแปะไว้ให้บนนี้อีกทีนะคะ ชื่อไอจีของขลุ่ย อ่านว่า "โคนันขลุ่ย" ค่ะ แต่อ่านแบบกลับหลัง >> iulhknanoc : conan khlui
ตอนที่ 4
เป็นเพื่อนกันไหม เป็นแฟนก็ได้
ผมถอนหายใจยาว ยืนนิ่งอยู่หน้ารถบีเอ็มดับเบิ้ลยูคันหรู สายตาจับจ้องไปยังกระจกมองหลัง
“เลิฟเลิฟ”
ผมเหลือบสายตาไปมองหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างกาย ใบหน้าสดใสปรากฏรอยยิ้มกว้าง ดวงตาหยี มือยื่นไปข้างหน้า นิ้วชี้กับนิ้วโป้งไขว้กันทำเป็นรูปหัวใจเล็กๆ
“มึงว่าเขาจะเปิดดูไหมวะ” ลูกจันเอามือลง หันมาถามผม
“มึงกรีดรถสิเดี๋ยวโยธาเปิดดูเอง”
“มึงอะ” ลูกจันส่งสายตาค้อนวงโต เราทั้งคู่ยืนอยู่หน้ารถของโยธา ถ้ามีเวลาผมจะแวะมาดูเสมอ เผื่อโชคดีเจอคนน่าสงสัย หรือเจอของที่เงาของคุณวางทิ้งไว้
วันนี้ทุกอย่างยังปกติเหมือนเดิม แต่สายตาของผมสะดุดเข้ากับอะไรบางอย่างที่ติดอยู่กับกระจกมองหลัง ลมหายใจจึงถูกพ่นออกมา หมดกัน โยธาติดกล้องไว้ที่รถ หนทางที่ผมจะหาหลักฐานได้หายวับไปกับตา
ผมเรียนคนละคณะ อยู่คนละตึก ไม่ใช่เพื่อน ไม่ใช่คนรู้จัก โอกาสจะได้รับรู้ข่าวสารและความเป็นไปน้อยเต็มที ได้แต่หาข้อมูลตามทวิตเตอร์ ตามบอร์ดต่างๆ แต่เรื่องก็เหมือนเริ่มเงียบ ไม่ค่อยมีใครพูดถึงอีก หรือไม่กลุ่มโยธาก็เริ่มปิดเป็นความลับ
“แล้วมึงจะเอายังไงต่อ”
“กูกำลังคิด”
“กูขอพี่ชัยคอยสืบให้ไหม”
“อย่า กูไม่อยากให้ใครไหวตัวทันว่ากูสืบอยู่”
“ไหวตัวทัน?” ดวงตาของลูกจันค่อยๆ เบิกกว้างขึ้น “มึงสงสัยเพื่อนของโยธาเหรอวะ”
“มึงทำอะไรให้กูอย่างหนึ่งก่อน โทรถามพี่ชัยให้กูทีว่าวันสองวันนี้มีข่าวน่าตื่นเต้นประมาณว่ารู้ตัวเงาของคุณแล้วหรือเปล่า”
“ตอนนี้เลยเหรอ”
“อืม”
ผมยืนรอจนลูกจันวางสาย เลิกคิ้วขึ้นแทนคำถาม
“ไม่มี ปกติดี ทีนี้บอกกูได้หรือยังวะว่าทำไมมึงถึงสงสัยเพื่อนของโยธา”
“กูไม่ได้จำเพาะเจาะจงว่าเป็นเพื่อนสนิท แต่กูมั่นใจว่าเป็นคนใกล้ตัวแน่”
“ทำไมวะ”
ผมชี้นิ้วไปที่กล้องติดรถยนต์ “ถ้าไม่ใช่คนใกล้ตัวก็ไม่น่าจะรู้ว่าโยธาติดกล้องใช่ไหม”
“ใช่”
“แล้วมึงว่าคนไม่รู้จะเดินโง่ๆ วนรอบรถเหมือนเราไหม”
“ก็ต้องเหมือนหรือเปล่าวะ”
“ใช่ต้องเหมือน มันต้องมีครั้งแรกที่พลาด เดินมาถึงพอเห็นกล้องแล้วรีบหนี หรืออาจไม่เห็นด้วยซ้ำถ้าไม่สังเกต”
“เออจริง” ลูกจันพยักหน้า
“มันก็มีแค่คนที่รู้แล้วเท่านั้นว่าโยธาติดกล้อง ถึงไม่มา”
ดวงตาของลูกจันเบิกกว้างด้วยความตื่นเต้น
“เว้นแต่เงาของคุณยังไม่โผล่มา ถ้าอย่างนั้นก็ยังมีสิทธิเป็นคนนอก”
“อ้าว กูเกือบเชื่อร้อยเปอร์เซ็นแล้วนะว่าเป็นเพื่อน” ลูกจันทำหน้าเซ็งที่ตื่นเต้นเก้อ
“แต่มันก็มากกว่าห้าสิบเปอร์เซ็นไม่ใช่เหรอ”
“มึงมีในใจไหมวะ”
“ยัง” ผมส่ายหน้าอดคิดไปถึงออแกนและจิณณ์ไม่ได้ ถ้าออแกนเป็นคนทำมีเหตุผลอะไรต้องเอาเรื่องลงโซเชียลให้คนจับตามอง ส่วนจิณณ์ยิ่งน่าประหลาดใจ คนที่ทำแบบนี้ต้องหลงใหลโยธามาก แต่จิณณ์ได้ชื่อว่าเป็นเสือผู้หญิง เป็นหนุ่มเจ้าชู้ จะแสดงออกได้เก่งและแนบเนียนขนาดนั้นเลยเหรอ แต่ถ้าไม่ใช่สองคนนี้ ผมจะหาผู้ต้องสงสัยได้ยังไง ในเมื่อผมไม่ได้อยู่ในวงจรชีวิตของโยธา ผมไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายสนิทสนมกับใครอีกบ้าง
“เอาไงต่อ” ลูกจันถามเมื่อเห็นผมยืนนิ่ง
“เมื่ออยากรู้ก็ต้องเข้าใกล้”
“ยังไงวะ”
ผมหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋า เปิดแอปพลิเคชันอินสตาแกรมขึ้นมา ส่งข้อความหาเจ้าของรถที่จอดอยู่
iulhknanoc : รถนายโดนชน
ลูกจันชะโงกหน้ามาอ่าน ก่อนเงยหน้าขึ้นมองผม
“เผื่อฟลุ้คยอมลงมาจะได้ไม่ต้องเดินไปหา”
yotha2412 : ปล่อยไว้นั่นแหละ
ผมหย่อนโทรศัพท์ใส่ลงในกระเป๋า ก็ลองดูไปอย่างนั้น คิดเหมือนกันว่าหมอนั่นคงไม่ลงมา
“มึงกลับคณะก่อน เดี๋ยวกูตามไป”
“มึงจะไปไหนวะ อย่าบอกว่าไปหาโยธา”
“อืม”
“ให้กูไปเป็นเพื่อนไหม”
“ไม่เป็นไร เรื่องนี้กูต้องจัดการเอง เดี๋ยวกลับไปเล่าให้ฟัง”
“โอเค ดีๆ นะมึง”
ผมแยกกับลูกจันที่หน้าคณะสถาปัตย์ ไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายขึ้นเรียนหรือยัง และควรไปหาที่ไหนในเวลาหลังเที่ยงแบบนี้
“ขอโทษครับ” ผมเรียกนักศึกษาหญิงคนหนึ่งเอาไว้ก่อนที่จะเดินสวนกัน มาลองดูว่าเดือนมหาลัยและเดือนคณะอย่างโยธาจะดังจริงอย่างที่ร่ำลือไหม
• • • • •
-โยธา-
ผมมองร่างผอมที่เดินตรงเข้ามาหาด้วยสายตาแปลกใจ ไม่คิดว่าเจ้าของข้อความเมื่อครู่จะลงทุนมาหาผมถึงคณะ
“ขอคุยด้วยหน่อยสิ” เด็กแว่นหยุดยืนข้างโต๊ะที่ผมนั่งอยู่ สายตาที่มองมาเรียบเฉย
“ว่ามาสิ”
“ที่อื่นเถอะ”
ผมชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนพยักหน้า ลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินนำอีกฝ่ายไปยังที่ปลอดคน
“มีอะไรก็ว่ามา”
ดวงตาภายใต้แว่นมองผมนิ่ง ผมพยายามประเมินฝั่งตรงข้าม แต่คิดไม่ออกจริงๆ ว่าอีกฝ่ายจะมาไม้ไหน
“เป็นเพื่อนได้ไหม”
ผมหรี่ตาลง มองคนตรงหน้าด้วยสายตาไม่ไว้ใจ
“นายจะบอกว่านายอยากสนิทกับฉันอย่างนั้นเหรอ”
“อืม” เด็กแว่นพยักหน้า
“ยอมรับแล้วสิว่านายตามฉัน”
“ตามก็ได้”
“ทำไมถึงตาม”
“ชอบก็ได้”
เป็นคำตอนที่ทำผมอึ้งไปครู่ใหญ่ ไม่แน่ใจว่าผมควรรู้สึกอย่างไรดี
“นายบอกชอบฉันทั้งที่ทำหน้าโคตรเบื่อแบบนี้เหรอ”
คนตรงหน้าถอนใจยาว สายตาหลุบลงต่ำ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มแบบเสียไม่ได้
“ผมชอบคุณ”
ผมเป็นผู้ชายมั่นใจในตัวเองคนหนึ่ง ไม่ปฏิเสธว่ามีคนมาชอบผมมากพอสมควร แต่ไม่ใช่หมอนี่แน่ๆ ดวงตาที่มองมาไร้อารมณ์ คล้ายเจ้าของดวงตากำลังคิดว่าเมื่อไหร่จะเสร็จเสียที
“ตกลงนายอยากเป็นเพื่อนหรืออยากเป็นแฟนฉัน” ผมจ้องเข้าไปในดวงตาอีกฝ่ายผ่านแว่นวงกลมกรอบหนา
“เป็นอะไรก็ได้ แค่ได้อยู่ใกล้ก็พอ”
“อยากใกล้ฉันขนาดนั้นเลยเหรอ” ผมเลิกคิ้วขึ้น
“อืม”
ผมมองคนตรงหน้าด้วยสายตาพิจารณา รอยยิ้มจะจุดขึ้นที่ริมฝีปาก ดวงตาเป็นประกายวาววับ ก่อนที่อีกฝ่ายจะทันตั้งตัว ผมคว้าเอวของเด็กแว่นดึงเข้ามาแนบชิด สายตาคู่นั้นเบิกกว้างขึ้นแต่เพียงครู่เดียวก็สงบนิ่ง
ผมก้มใบหน้าเข้าไปใกล้ จมูกเฉียดแก้มจนได้กลิ่นแป้งเด็กจางๆ ริมฝีปากแนบชิดใบหู
“แค่นี้ใกล้พอไหม”
หึๆ ผมอยากรู้ว่าเจ้าเด็กหน้านิ่งจะทำยังไง
“หัวใจเต้นแรงดี อัตราการเต้นน่าจะเกินร้อยครั้งต่อนาที รูม่านตาเบิกกว้างกว่าปกติเล็กน้อย ถือว่าเป็นปฏิกิริยาปกติของร่างกายเวลาตกใจหรือตื่นเต้น”
ผมถอยหน้าออกเพื่อมองหน้าเด็กแว่นแทบไม่ทัน ดวงตาที่มองมาไม่มีความเขินอายแม้แต่น้อย ริมฝีปากของผมค่อยๆ สั่นก่อนเสียงหัวเราะจะระเบิดออกมา ไอ้เด็กบ้านี่ตลกชะมัด
“ตกลงไหม”
แม้ในสถานการณ์แบบนี้ก็ยังถามผมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ตกลง” ผมพูดด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ มันหยุดไม่ได้จริงๆ “อยากเป็นอะไรก็ตามใจนาย เพื่อนก็ได้ แฟนก็ได้ เอาที่พอใจ”
“อยู่ใกล้ได้ใช่ไหม”
“ตามสบาย”
“เดี๋ยวจะมาหาบ่อยๆ”
“หึ” ผมหลุดเสียงหัวเราะออกมาก่อนพยักหน้า สายตาที่มองอีกฝ่ายเปลี่ยนไปโดยไม่รู้ตัว มันเต็มไปด้วยความขบขันและชอบใจ ผมไม่รู้สึกกังวลหรือรู้สึกว่ามันเป็นอันตรายแม้แต่น้อย
“กลับล่ะ” จู่ๆ เด็กแว่นก็หมุนตัวกลับแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
“เดี๋ยว” ผมเรียกเอาไว้ ร่างผอมจึงหันกลับมามองหน้าผมนิ่ง เหมือนอยากบอกว่าจะพูดอะไรก็พูดมา
“ฉันยังไม่มีเบอร์กับไลน์ของนาย จะเรียกว่าสนิทกันได้ยังไง”
เสียงถอนใจดังมาตามลมแต่ผมกลับยิ่งขำ คนตรงหน้าใช้นิ้วชี้ดันแว่นขึ้นอย่างที่ชอบทำ
“081 xxx xxxx”
ผมหยิบโทรศัพท์ออกมาบันทึก
“ไอดีเดียวกับอินสตาแกรม iulhknanoc” เด็กแว่นสะกดทีละตัวอักษรโดยไม่อ่านออกเสียงให้ผมฟัง
“มันอ่านว่าอะไรแล้วแปลว่าอะไร”
“เขียนไปงั้น อ่านไม่ได้ ถ้าอ่านได้มาบอกด้วย”
“หะ!” ผมเลิกคิ้วขึ้น แปลกใจนิดหน่อยแต่ไม่มาก อย่างหมอนี่คิดได้อยู่แล้ว เพี้ยนถึงขีดสุดจริงๆ ถ้าอย่างนั้นความหมายก็คงไม่ต้องถาม อ่านเองยังอ่านไม่ออกเลย
“เดี๋ยวส่งเบอร์ไปให้” ผมกดโทรออก ขมวดคิ้วเมื่อไม่ได้เสียงโทรศัพท์ดัง
“นายไม่ได้โกหกเรื่องเบอร์ใช่ไหม”
“เปล่า เปิดสั่นไว้”
“บันทึกเบอร์ไว้สิ”
เด็กแว่นมองหน้าผม “ต้องทำเหรอ”
!!!
“หึๆ ตามใจนาย” ในโลกนี้มีใครแปลกเท่าคนตรงหน้าอีกไหม สำหรับผมหมอนี่ทั้งแปลกประหลาดและน่าสนใจ
“กลับได้หรือยัง”
“เชิญ”
เป็นอีกครั้งที่ผมคิดไม่ผิด เด็กแว่นหมุนตัวเดินจากไปทันทีที่ผมพูดจบ ไม่มีสายตาอาลัยอาวรณ์ ไม่มีคำพูดทิ้งท้าย ไม่มีอะไรสักนิดที่บ่งบอกว่าหมอนี่ชอบผมอย่างที่พูด เหมือนคนมาทำธุระเสร็จแล้วก็กลับมากกว่า
ว่าแต่...ธุระของหมอนี่คืออะไรกันแน่ !!
:::: ♥ TBC ♥::::
Darin ♥ FANPAGE (https://www.facebook.com/Ratidarin-433468596858519/)
Twitter : primdarin (https://twitter.com/primdarin)
ตอนที่ 17
ยิงปืนน้ดเดียวได้นกสองตัว (1)
-โยธา-
ว่างหรือเปล่า
ผมอ่านข้อความที่เพิ่งส่งเข้ามา รอยยิ้มฝุดขึ้นที่ริมฝีปาก ความเบื่อหน่ายที่มีเมื่อครู่หายไปสิ้น
ให้ไปเจอที่ไหน
ผมไม่ตอบคำถามให้เสียเวลา โอกาสแบบนี้ต้องรีบมัดมือชกขลุ่ย
ร้านกาแฟพี่กานดา กำลังจะออกไป
เดี๋ยวเจอกัน
ผมแปลกใจเล็กน้อยที่ขลุ่ยนัดเจอที่นั่นในวันอาทิตย์แบบนี้ แต่พอคิดว่าอีกฝ่ายกำลังยุ่งอยู่กับการหาตัวจริงเงาของคุณ ก็พอเดาได้ว่าขลุ่ยอยากหาที่นั่งคุย ร้านพี่กานดาน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดี เอาเถอะจะนัดออกไปเพราะอะไรก็ช่าง เจ้าเด็กแว่นของผมยอมออกมาเจอก็ดีแค่ไหนแล้ว
• • • • •
ผมมาถึงร้านกาแฟหนึ่งชั่วโมงหลังจากได้รับข้อความ ขลุ่ยนั่งอยู่ที่โต๊ะประจำมองมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย เป็นเรื่องที่ผมเคยชินไปแล้ว
“อ้าวโยธา! มาด้วยเหรอจ๊ะ” พี่กานดาทักผมด้วยสีหน้าแปลกใจ ผมจึงหันไปส่งยิ้มให้
“ครับ ผมนัดกับขลุ่ยไว้” ผมชี้มือไปที่โต๊ะ
“จะไปเที่ยวไหนกันเอ่ย”
“ผมจะไปค้างบ้านโยธาครับ”
ผมหันไปมองเจ้าของเสียง อย่าใช้คำว่าแปลกใจเลยใช้คำว่าไม่เชื่อหูจะเข้าท่ากว่า ขลุ่ยมองตอบผมด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม ราวกับเรานัดกันมาอย่างดีแล้ว
“อ๋อ แล้วจิณณ์จะมาไหมจ๊ะ พี่จะได้ชงกาแฟเตรียมไว้ให้เลย”
“เปล่าครับ ผมไปค้างคนเดียว” ขลุ่ยตอบพี่กานดา อีกฝ่ายพยักหน้าช้าๆ
“อย่างนั้นเหรอจ๊ะ”
“ผมขอเหมือนเดิมนะครับพี่กานดา ขอบคุณครับ” ผมยิ้มให้เจ้าของร้านก่อนเดินตรงไปหาขลุ่ยที่โต๊ะ
“มาถึงนานหรือยัง” ผมดึงเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามขลุ่ยออกนั่ง
“เพิ่งดื่มกาแฟไปครึ่งแก้ว” ขลุ่ยยกแก้วกาแฟขึ้นให้ผมดู
“ที่พูดเมื่อกี้?” ผมจ้องตาขลุ่ย อยากรู้เรื่องนี้มากกว่า
“ผมไปได้ไหม”
“ได้อยู่แล้ว แค่ไม่คิดว่านายจะไป”
“นี่ไง” กระเป๋าเป้ที่เจ้าตัวพกพาไปไหนมาไหนด้วยประจำถูกวางลงบนโต๊ะ
“อะไร”
“กระเป๋าเป้” ขลุ่ยมองเหมือนอยากถามว่าผมไม่รู้จริงๆ เหรอ
ผมหลุดเสียงหัวเราะออกมา ไม่ได้ขำคำตอบของอีกฝ่ายแต่ขำตัวเอง ว่าผมชอบหมอนี่เข้าไปได้ยังไง นี่แหละที่เขาบอกว่าความรักมันไม่มีเหตุผล
“ให้ดูทำไม” ผมถามอย่างใจเย็น
“เอาชุดนักศึกษามาแล้ว หนังสือก็เอามาด้วย”
“แล้วทำไมไม่บอกให้ไปรับ หรือไม่ก็ไปหาที่คอนโดเลย”
ขลุ่ยสบตาผม ริมฝีปากค่อยๆ ยกยิ้ม ไม่บ่อยครั้งที่ผมจะเห็นดวงตาเจ้าเล่ห์ของขลุ่ย
“ผมอยากยิงปืน”
“หือ?” ตอนนี้ผมตามเจ้าเด็กแว่นของผมไม่ทันหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว
“เอาเป็นว่าผมอยากทำเรื่องหนึ่งให้จบเร็วๆ เพราะถ้าอีกเรื่องดันจบก่อนมันจะมีปัญหา”
ผมมองขลุ่ยนิ่งก่อนจะหัวเราะออกมา ถึงไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไร คิดเสียว่าผมกำลังนั่งมองชื่ออินสตาแกรมของขลุ่ยในวันที่ไม่รู้ว่ามันอ่านว่ายังไง เดี๋ยวตอนท้ายก็คงมีเฉลยเอง
“กาแฟจ้ะ”
แก้วกาแฟถูกวางลงบนโต๊ะ ผมหันไปขอบคุณพี่กานดาพร้อมกับจ่ายเงินค่ากาแฟให้อีกฝ่าย
“ขลุ่ย” ผมเรียกเมื่อสายตาของขลุ่ยมองตามหลังพี่กานดาไป และมองอยู่นานแม้ว่าอีกฝ่ายจะเดินถึงเคาน์เตอร์แล้ว ขลุ่ยหันกลับมามองผม
“นึกยังไงถึงจะไปค้างที่ห้องฉัน”
“ที่หอน้ำไม่ไหล”
“อย่างนั้นเหรอ” ผมพยายามซ่อนความยินดีเอาไว้ โชคดีจริงๆ “ถ้าอย่างนั้นจะอยู่กี่วันก็ได้ตามใจนาย”
สายตาของขลุ่ยตกลงก่อนจะเงยขึ้นสบตา “ผมโกหก แค่ไม่รู้จะตอบว่าเพราะอะไร”
“งั้นก็ไม่ต้องตอบ อยู่เท่าที่นายอยากอยู่ ฉันเต็มใจ”
ขลุ่ยมองตาผมนิ่ง
“อะไร” ผมถามด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ
“น่ารักดี”
“น่ารัก?” ไม่เคยมีใครชมผมแบบนี้มาก่อน “ฉันเหรอ?”
“ใช่ หมายถึงนิสัยน่ารักกว่าที่คิดน่ะ”
“แสดงว่าเมื่อก่อนนายคิดว่าฉันนิสัยไม่ดี”
“คนนิสัยดีไม่ผลักคนอื่นกระเด็น”
“หึๆ” ผมไม่ปฏิเสธ ใครจะไปรู้ว่าวันหนึ่งฉันจะตกหลุมรักนายเข้าเจ้าเด็กแว่น
“คุณดื่มกาแฟเถอะ เสร็จแล้วจะได้ไปกัน”
“โยธา”
ขลุ่ยเลิกคิ้วขึ้นเมื่อผมเรียกชื่อตัวเอง
“เรียกฉันว่าโยธา”
“เรียกแบบไหนก็เหมือนกัน”
“ไม่เหมือน” ผมส่ายศีรษะ
“เหมือนสิ เรียกแบบไหนคุณก็หันมาอยู่ดี”
“ไม่เหมือน” ผมยังยืนยันคำเดิม รอยยิ้มจุดขึ้นที่ริมฝีปาก ดวงตาที่มองขลุ่ยเป็นประกาย
“แฟนกับเพื่อนไม่เหมือนกันยังไง เรียกคุณกับโยธาก็ไม่เหมือนกันแบบนั้น”
“อ๋อ คุณเป็นแฟน โยธาเป็นเพื่อนใช่ไหม ขอโทษที่เรียกผิด”
เจ้าเด็กนี่มัน!! ผมนึกอยากฟาดคนตรงหน้าสักที โทษฐานที่กวาดมุกบอกรักผมทิ้งแบบไม่มีเยื่อใย
“เร็ว ผมอยากไปแล้ว”
ผมทำได้แค่ยกแก้วกาแฟขึ้นดื่ม อยากกวนประสาทอีกฝ่าย แต่เห็นสายตาดุๆ ที่มองมาก็ทำได้แค่นี้ ไอ้โยธาเอ๋ย จะกลัวอะไรตั้งแต่ตอนนี้วะ
• • • • •
ผมเปิดประตูเข้าไปในห้อง ให้ขลุ่ยเดินผ่านเข้าไปก่อน อีกฝ่ายเดินตรงไปยังโซฟา วางกระเป๋าลงบนโต๊ะ นั่งลงบนเก้าอี้ตัวยาว ผมเดินตามไปนั่งข้างขลุ่ย
“อยากทำอะไรไหม ดูหนัง เล่นเกมส์หรือ..”
“ไม่” ขลุ่ยส่ายศีรษะ “คุยกันดีกว่า”
“ได้สิ” ผมพยักหน้า
ขลุ่ยเปิดประเป๋าเป้ หยิบสมุดบันทึกเล่มเล็กออกมา เจ้าตัวเปิดไปยังหน้าที่ต้องการก่อนเงยหน้าขึ้นมองผม
“ที่โยธาบอกว่าไม่สงสัยใคร ไม่สงสัยจริงๆ เหรอ”
“ไม่ถึงกับไม่สงสัยแต่เลือกที่จะไม่สงสัย” ผมเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ หันหน้าไปมองขลุ่ย
“ฉันคิดว่าไม่รุ่นพี่ก็รุ่นน้องผู้หญิง น่าจะรู้จักกัน ไม่ใช่คนแปลกหน้า”
มือของขลุ่ยเคลื่อนไปยังจุดหนึ่งในสมุด เคาะปลายปากกาลงไปหลายครั้ง คิ้วขมวดเข้าหากัน ริมฝีปากเผยอออกเล็กน้อย ผมมองเพลินจนเผลอสะดุ้งเมื่อขลุ่ยพูดขึ้น
“อย่าโกรธนะ ไม่สงสัยเพื่อนสนิทเลยเหรอ”
“หมายถึงใคร”
“ก็ทั้งหมด เคยสงสัยไหม”
“ไม่เคย ฉันสนิทกับจิณณ์มานานไม่ใช่เพิ่งมาสนิท ส่วนเบล..” ผมสบตาขลุ่ย “นายรู้ใช่ไหมว่าเบลชอบฉัน”
ขลุ่ยพยักหน้าแทนคำตอบ
“เบลเป็นเพื่อนที่รู้จักกันไม่นานก็จริง แต่ฉันมั่นใจว่าไม่ใช่เบล”
“แล้วออแกนล่ะ”
“ยิ่งไม่ใช่ใหญ่ ออแกนมีคนที่ชอบแล้ว ไม่ใช่ฉันแต่เป็นพี่รหัสของตัวเอง หวังว่านายจะไม่เอาเรื่องนี้ไปพูดต่อ”
“มิน่าออแกนถึงพูดว่า ความสุขที่ได้อยู่ใกล้คนที่รักมันไม่เท่ากับความเจ็บปวดที่ต้องอยู่ใกล้คนที่ไม่รักเรา” ขลุ่ยพูดเสียงเบา เหมือนพูดกับตัวเองมากกว่า ปากกาที่อยู่ในมืออีกฝ่ายขีดทับอะไรบางอย่าง
“โยธาสนิทกับอาจารย์นพรดามากไหม”
ผมหรี่ตาลง “อย่าบอกว่านายสงสัยอาจารย์”
“ก็มีที่ติดใจบ้าง ไม่คิดว่าอาจารย์ชอบโยธาเหรอ”
“นี่นายคิดว่าฉันฮอทขนาดนั้นเลยเหรอ” ผมหัวเราะเสียงดัง สายตามองอีกฝ่ายด้วยความเอ็นดู
“เอาเถอะฉันจะถือว่าเป็นคำชม ถ้าทุกคนชอบฉันง่ายแบบนั้นก็ดีสิ เพราะฉันเองก็มีคนที่อยากให้ชอบอยู่เหมือนกัน” ผมมองเข้าไปในดวงตาของขลุ่ย แต่อีกฝ่ายดันก้มลงมองสมุดในมือตัวเองซะนี่
“มันก็ไม่แน่ไม่ใช่เหรอ อาจารย์อาจชอบโยธาก็ได้”
“ไม่ใช่แน่นอน” ผมส่ายหน้า “อาจารย์เป็นแฟนกับเพื่อนของฉัน เป็นเพื่อนสมัยมัธยมน่ะไม่ได้เรียนที่นี่ ตอนมันพามาแนะนำก็ตกใจอยู่เหมือนกัน”
ขลุ่ยเงยหน้าขึ้นมองผม สายตาแปลกใจก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นเข้าใจ “มิน่าล่ะ”
“มิน่าอะไร”
“ผมคิดว่าอาจารย์เขินโยธาเพราะชอบ ที่จริงเขินเพราะลูกศิษย์ดันเป็นเพื่อนของแฟน แล้วที่ใส่ใจเป็นพิเศษก็คงเพราะแบบนั้น” ขลุ่ยขีดฆ่าลงไปบนกระดาษอีกครั้ง ผมจึงเดาว่ามันคือรายชื่อคนที่ขลุ่ยสงสัย
“มีใครอีกไหมที่อยากถาม”
ขลุ่ยมองสมุดนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง สีหน้าใช้ความคิด
“ที่โยธาบอกว่าสงสัยรุ่นน้องหรือไม่ก็รุ่นพี่ แต่เลือกที่จะไม่สงสัยเพราะอะไร”
“เพราะฉันไม่ควรปล่อยให้คนที่ไม่ควรสนใจอยู่ในความสนใจ เพราะนั่นคือสิ่งที่เงาของคุณต้องการ”
“ถ้ามีอันตรายเกิดขึ้นจะทำยังไง”
“ก็คงต้องจัดการแต่ตอนนี้มันไม่มี ถ้าฉันไปแจ้งความก็ทำได้แค่ลงบันทึกประจำวัน แจ้งมหา’ลัยก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี เพราะฉันไม่มีผู้ต้องสงสัย”
“ก็จริง” ขลุ่ยถอนหายใจเบาๆ ปิดสมุดในมือลง
“หมดแล้วเหรอ”
“ยังมีอีกสองสามรายชื่อ เอาไว้ผมจะหาคำตอบเอง อันที่จริง..” ขลุ่ยยกยิ้มมุมปาก “ผมอยากหาคำตอบเองทั้งหมดเพราะมันสนุกกว่า แต่ตอนนี้ผมต้องย่นเวลาให้มันจบเร็วขึ้น”
“ทำไม”
“คำถามนี้เอาไว้ผมจะตอบทีหลัง”
“ได้ ฉันจะรอ”
“แต่ตอนนี้...” ขลุ่ยเอียงคอ มองผมด้วยสายตาพิจารณา “มีอย่างอื่นอยากทำมากกว่า”
“อะไร” ผมอดร้อนตัวนิดๆ ไม่ได้
“ขอมือหน่อย” ขลุ่ยแบมือมาตรงหน้าผม
“ฉันไม่ใช่หมา” ผมหัวเราะแต่ก็ยื่นมือไปหาอีกฝ่าย ขลุ่ยวางมือลงบนมือของผม มองมันนิ่ง ผมยิ้มออกมา ใช้มือตัวเองดันมือขลุ่ยให้ตั้งขึ้น ก่อนประสานนิ้วเข้าด้วยกัน
“แบบนี้ดีกว่าไหม”
“อืม” ขลุ่ยพยักหน้า สายตาครุ่นคิด
“มีอะไรหรือเปล่า หรือมีเรื่องไม่สบายใจ” ผมเพิ่งคิดได้ว่าหรือขลุ่ยเจอเรื่องไม่สบายใจมา
“ก็มี” ขลุ่ยพนักหน้า
“บอกฉันได้นะ” ผมเป็นห่วงคนตรงหน้า หัวใจมันร้อนรนแปลกๆ เมื่อเห็นสีหน้าคิดหนักของขลุ่ย
“ผมหิว”
“หิว?!!”
“อืม ดื่มแต่กาแฟยังไม่ได้กินข้าวเช้า”
“ทำไมไม่รู้จักดูแลตัวเอง” ผมลุกขึ้นยืน วางมือลงบนศีรษะของขลุ่ย “รออยู่ตรงนี้ ฉันจะไปทำอะไรมาให้ทาน”
“ทำเป็นเหรอ”
“เห็นแบบนี้ฉันทำอาหารอร่อย แค่ไม่ชอบทำเท่านั้น”
“งั้นไม่เป็นไร เดี๋ยวผมลงไปซื้อที่ร้านดีกว่า ตอนผ่านมาเห็นอยู่”
“ไม่ต้อง ถ้าเป็นนายฉันอยากทำให้”
“อย่าพูดแบบนี้สิ”
“ทำไม”
“มันทำผมใจสั่น”
“หึ” ผมสงสัยว่าตัวเองจะหว่านเสน่ห์สำเร็จไหม ในเมื่อคนที่ผมอยากให้ตกหลุม ตรงเป็นไม้บรรทัด
“ก็ดีแล้ว นั่นแหละที่ฉันต้องการ”
ผมยิ้มให้ขลุ่ย ไม่รอให้อีกฝ่ายตอบ หมุนตัวเดินตรงไปยังห้องครัว
“สงสัยจะไม่ใช่แม่น้ำแฮะ”
นั่นคือสิ่งที่ผมได้ยินลอยตามหลังมา
• • • • •
ผมต้องกลั้นหัวเราะ เมื่อเห็นร่างผอมของขลุ่ยก้าวออกมาจากห้องน้ำ ด้วยชุดนอนสีเหลืองลายหมีพูห์ ขัดกับหน้าตาเรียบเฉยของเจ้าตัว ขลุ่ยเดินตรงมาหาผมที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงนอน
“ดูหนังเหรอ” สายตาของขลุ่ยมองตรงไปยังโทรทัศน์
“อยากดูอย่างอื่นไหม” ผมยื่นรีโมทให้
“ไม่ ดูเรื่องนี้ก็ได้” ขลุ่ยขึ้นมานั่งบนเตียง ขยับเข้ามานั่งชิดผม เหยียดขาออกไปข้างหน้า หลังพิงหมอน
กลิ่นหอมของแป้งเด็กลอยเข้าจมูก ผมมองต้นคอขาว มองผิวแก้มที่เรียบเนียนอยางไม่น่าเชื่อ มองริมฝีปากสีแดงที่เผยอออกเล็กน้อย
ภาพยนตร์ที่ฉายทางช่องเคเบิ้ลเป็นเรื่องที่ผมสนใจ เพราะช่วงเวลาที่เข้าฉายในโรง ผมติดทำงานส่งอาจารย์ไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวัน แต่ตอนนี้ความสนใจกำลังไปอยู่ที่อย่างอื่น ผมตั้งสมาธิไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
“โยธา”
“หือ”
“เคยจูบผู้ชายไหม”
ผมเลิกคิ้วขึ้น แปลกใจที่ขลุ่ยถามเรื่องนี้ “ไม่เคย”
“ลองจูบกันไหม”
“หะ!” ผมตกใจจนแสดงออกทางสีหน้า เหมือนโดนชกใต้เข็มขัดอย่างไรอย่างนั้น
“จะตกใจทำไม ผมถามว่าลองจูบกันไหม ไม่อยากลอง ไม่ชอบจูบกับผู้ชายก็ปฏิเสธ อยากลองก็ตอบตกลงไม่เห็นยากเลย”
“แน่ใจนะที่ถาม”
ขลุ่ยสบตากับผมด้วยดวงตาเรียบเฉย ไม่มีคำตอบหลุดจากปากสีแดงเรื่อ มีเพียงการเคลื่อนไหวตัวเข้าหาผมอย่างรวดเร็ว ริมฝีปากของขลุ่ยชนเข้ากับริมฝีปากผมอย่างแรง ก่อนเจ้าตัวจะถอยกลับไปนั่งที่เดิม ยกมือข้างหนึ่งขึ้นแตะหน้าอกตัวเอง
“ไม่เห็นเป็นอะไรเลย”
ไอ้เด็กบ๊องเอ๊ย! แบบนั้นเขาเรียกจูบที่ไหนกัน
ผมกระชากแขนขลุ่ยดึงเข้าหาตัว มือหนึ่งล็อคเอวไว้ อีกมือจับกระชับต้นคอ ทาบทับริมฝีปากเข้ากับริมฝีปากของขลุ่ย บดคลึงความอ่อนนุ่ม ปลายลิ้นตวัดไล้ตามแนวฟัน ก่อนดูดซับริมฝีปากบนของขลุ่ยเบาๆ
“จูบมันต้องแบบนี้”
ขลุ่ยจ้องหน้าผมตาใส ดูเหมือนเมื่อครู่อีกฝ่ายไม่ได้หลับตา
“มันแปลกๆ ใจเต้นแรงดี”
ผมหัวเราะเสียงดัง ให้ตายเถอะเจ้าเด็กนี่จะน่ารักไปถึงไหน
“ทำไมถึงอยากลอง” ผมถามโดยไม่ปล่อยมือที่กอดเอวอีกฝ่ายเอาไว้
“ผมอยากรู้ว่าเก้าอี้กับฝนรู้สึกยังไง ว่าจะไปชวนเรนแล้วแต่กลัวฝนถีบเอา”
“อย่าคิดจะทำเด็ดขาด” ผมเผลอกระชับมือแน่นขึ้น เมื่อเห็นอีกฝ่ายนิ่วหน้าจึงรีบคลายออก
ขลุ่ยจ้องตาผมนิ่ง ก่อนสายตาจะตกลงมองอก “ไม่เห็นต้องโมโหเลย นิสัยผมก็อยากรู้อยากเห็นแบบนี้”
“ไม่อยากให้โมโหก็อย่าไปขอลองกับคนอื่น ถ้าอยากรู้อยากเห็นให้มาหาฉันคนเดียวเท่านั้น”
ขลุ่ยเงยหน้าขึ้นทันที สายตาที่มองผมตื่นตกใจ
“ขลุ่ย มีอะไร”
“ผมง่วง”
“ง่วง?” นี่มันเพิ่งสี่ทุ่ม เจ้าตัวดีจะรีบง่วงไปไหน
“นอนแล้วนะ”
ว่าแล้วขลุ่ยก็ล้มตัวลงนอนเอาดื้อๆ ดวงตาปิดสนิท มือกอดอก ผมยิ้มขำแต่ไม่กล้าหัวเราะออกมา กลัวเด็กอยากรู้อยากเห็นจะเขินจนไม่มาเจอผมอีก ผมดึงผ้าห่มที่พับอยู่ปลายเตียงขึ้นมาห่มให้จนถึงคอ ดึงแว่นออกจากตาของอีกฝ่าย จะนอนเข้าไปได้ยังไงแว่นยังไม่ยอมถอดออก ขลุ่ยยังหลับตาแน่น แต่ผมเห็นสีแดงเรื่อบนแก้มของอีกฝ่าย
ไปเอาความน่ารักมาจากไหนกันนะ อยากจับฟัดชะมัด
“โยธา”
“หือ”
“ผมยิงนกได้ตัวหนึ่งแล้วนะ”
“นกที่ไหน”
“ผมเอง”
ขลุ่ยกดใบหน้าลงกับหมอน ผมรู้ว่าอีกฝ่ายไม่อยากให้ผมซักต่อจึงเงียบเสีย ได้ ต่มองใบหน้าที่อยู่บนหมอนด้วยสายตาเอ็นดู
ผมหยิบรีโมทขึ้นมาปิดโทรทัศน์ ไม่มีประโยชน์ที่จะเปิดทิ้งไว้ ในเมื่อมีสิ่งที่น่าดูมากกว่าอยู่ในห้อง ผมเดินไปเข้าห้องน้ำ ปิดไฟกลางห้องเมื่อทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้ว ก่อนสอดตัวเข้าไปในผ้าห่ม นอนตะแคงข้างหันไปทางขลุ่ย
ผมเพียงแค่มองใบหน้าของอีกฝ่าย ไม่ได้ดึงขลุ่ยเข้ามากอด แค่นี้ก็ยั้งสติตัวเองเกือบไม่อยู่แล้ว ไม่อยากทำอะไรที่ส่งผลให้ขลุ่ยเกลียดผมภายหลัง
ยังไม่ทันได้หลับตาร่างผอมของขลุ่ยก็พลิกตัวเข้ามาหา ใบหน้าเล็กซบลงกับอก ต้นขาแนบชิดกัน ไม่นานร่างที่เล็กกว่าก็หายใจเข้าออกสม่ำเสมอ
ผมผ่อนลมหายใจออกช้าๆ โอบแขนไปรอบตัวของขลุ่ย กลิ่นหอมอ่อนๆ ลอยเข้าจมูก เจ้าตัวดีจะรู้ไหมว่ากำลังทำอะไรกับผม
ผมนับลมหายใจเพื่อให้สิ่งที่เริ่มจะตื่นตัวสงบลง ชักไม่แน่ใจแล้วว่าผมกำลังขุดหลุมให้ขลุ่ยตกลงมา หรือตัวเองกำลังโดนขุดหลุมฝังกันแน่ แค่นี้ฉันยังตกหลุมรักนายไม่พออีกหรือไง เจ้าเด็กแว่น!
:::: ♥ TBC ♥::::
Darin ♥ FANPAGE (https://www.facebook.com/Ratidarin-433468596858519/)
Twitter : primdarin (https://twitter.com/primdarin)
ตอนที่ 21
ความในใจของลูกจัน
-จิณณ์-
“ขอบคุณมาก”
ผมมองรอยยิ้มที่ลูกจันส่งมาให้ มันเป็นรอยยิ้มเปิดเผยแทบจะเห็นฟันของอีกฝ่ายครบทุกซี่ ลูกจันปลดเข็มขัดนิรภัย เตรียมเปิดประตูรถแต่ถูกผมคว้าข้อมือไว้เสียก่อน
“ทำอะไร” ผมถามลูกจันด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ
“ลงรถ” คำตอบแสนง่ายทำให้รอยยิ้มของผมยิ่งกว้างขึ้น “ก็จิณณ์ขับกลับมาส่งที่มหา’ลัยแล้วก็แยกย้ายไม่ใช่เหรอ”
หลังออกจากร้านไอศกรีม ผมขับรถกลับมาที่มหา’ลัยเพื่อส่งมายด์เพราะอีกฝ่ายพักอยู่หอใน แต่คนที่นั่งข้างผมดันคิดว่าผมมาส่งทั้งคู่ที่เดิม
“นี่คิดจริงๆ เหรอว่าผมจะไม่ไปส่ง”
“อืม” ลูกจันพยักหน้า “เมื่อกี้คิดแต่ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้ว จิณณ์จะไปส่งเราเหรอ”
“แล้วอยากให้ไปไหม” ผมมองตาอีกฝ่าย
“แหม~” ลูกจันลากเสียงยาว “ใครไม่อยากกลับบ้านแบบสบายๆ มั้ง กลับเองก็ได้แต่ไปส่งก็ดี”
“งั้นก็นั่งดีๆ” ผมปล่อยมือจากข้อมือของลูกจัน โน้มตัวไปหาอีกฝ่าย ดึงสายเข็มขัดนิรภัยมาคาดให้ ลูกจันมองผมตาโต เอนหลังเบียดชิดเบาะ เกร็งจนผมอดขำไม่ได้
จากหางตาผมเห็นลูกจันทำปากขมุบขมิบบ่นอะไรสักอย่าง พอหันไปมองก็ทำหน้าเฉย ปากเม้มเข้าหากัน ที่ผ่านมาผมมองผู้หญิงสวยและโดดเด่นมาเป็นอันดับหนึ่ง มาถึงตอนนี้ผมเพิ่งรู้ว่าตัวเองชอบผู้หญิงที่ไม่ปรุงแต่งมากกว่า
• • • • •
เช้าของวันพุธ ผมเดินนำโยธาเข้าไปด้านในร้านกาแฟ สายตามองตรงไปยังโต๊ะประจำของขลุ่ยและลูกจัน เห็นพี่กานดากำลังนั่งคุยกับทั้งสองคนที่โต๊ะ
“เอาเหมือนเดิมนะ” พี่กานดาลุกขึ้นยืน ส่งยิ้มมาให้พวกผม สีหน้าดูกระดากใจเล็กน้อย คงต้องใช้เวลาอีกสักพักในการปรับความรู้สึก
“ครับ” ผมส่งยิ้มตอบพี่กานดา โยธานั่งลงข้างขลุ่ย เหลือเก้าอี้เพียงตัวเดียวที่ตั้งอยู่ข้างลูกจัน อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มกว้างให้ผม ต้อนรับแบบเป็นมิตรสุดๆ จนผมนึกสงสัยว่าสายตาของผมไม่ทำให้อีกฝ่ายหวั่นไหวบ้างเลยเหรอ
“เมื่อกี้พี่กานดาบอกว่าที่บ้านของหลินพาไปรักษาแล้ว พ่อของหลินเป็นคนเข้าไปทำเรื่องดร็อบเรียนให้ ค่อยยังชั่วเนอะ เห็นแบบนั้นก็อดเป็นห่วงไม่ได้เหมือนกัน” ลูกจันเล่าสิ่งที่ได้ยินจากพี่กานดาให้พวกผมฟัง หลังจากที่ผมเดินไปรับแก้วกาแฟที่เคาน์เตอร์แล้ว
“อืม” โยธาพยักหน้า “ความจริงไม่ควรปล่อยมาจนถึงตอนนี้”
“พี่กานดาบอกว่าพ่อแม่คิดว่าหลินขู่ไปอย่างนั้นเองเรื่องฆ่าตัวตาย แต่ก็ไม่อยากฝืนใจพาไปหาหมอ เพราะกลัวลูกโกรธ คิดว่าเป็นแค่การเอาแต่ใจมากไปหน่อย ไม่ได้คิดว่าจะเป็นอาการทางจิต”
“ดีที่ยังไม่สายไป อยู่ในมือหมอแล้วก็น่าจะดีขึ้น”
ลูกจันพยักหน้าเห็นด้วยกับขลุ่ย ผมเองก็คิดแบบนั้น โชคยังดีที่ขลุ่ยไหวตัวทัน ถ้าเจ็บตัวขึ้นมาเรื่องคงไม่จบง่ายๆ แบบนี้
“อ้อ! เกือบลืม พี่กานดาบอกว่าพ่อกับแม่หลินฝากขอโทษ อยากให้รับผิดชอบยังไงก็ขอให้บอกไป แต่เมื่อกี้ขลุ่ยบอกไปแล้วว่าไม่เป็นไร”
“ดีแล้ว อันที่จริงฉันน่าจะต้องขอบคุณหลินมากกว่า จริงไหม” โยธาหันไปมองขลุ่ยด้วยสายตากรุ้มกริ่ม
“จริง” เป็นลูกจันที่ตอบคำถามแทนเพื่อน
“นายก็ด้วยไม่ใช่เหรอ” โยธาสบตากับผมด้วยแววตารู้ทัน
ผมหัวเราะในลำคอ ลูกจันหันมามองผมด้วยสายตาสงสัย ผมส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้อีกฝ่ายแต่ไม่ยอมเฉลยที่มาที่ไปของคำตอบ ดูจากสายตาของลูกจันแล้ว เจ้าตัวคงเริ่มสงสัยความรู้สึกผม เพียงแต่ยังไม่แน่ใจเท่านั้น
“แล้วแบบนี้มึงจะไปกินข้าวที่ถาปัตย์อยู่ไหม” ลูกจันหันกลับไปมองเพื่อน คงไม่รู้ว่าคำถามที่ถามขลุ่ยไปมีคนรอคำตอบมากกว่าหนึ่งคน
“ไม่ไปแล้ว” ขลุ่ยส่ายหน้า
“เจ้าเด็กนี่เคยสนใจฉันไหม” โยธายกมือขึ้นขยี้ผมขลุ่ยจนยุ่ง เจ้าตัวต้องรีบยกมือขึ้นจัดทรง พร้อมกับพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“สนใจสิ ช่วงที่ผ่านมาผมสืบเรื่องของโยธาเยอะมาก เพราะอยากรู้ว่าทำไมเงาของคุณถึงได้พุ่งเป้าไปที่โยธา เช่น..” ขลุ่ยยกนิ้วขึ้นทีละนิ้ว “มีแฟนมาแล้วกี่คน เลิกเพราะอะไร เจ้าชู้แค่ไหน เคยทำผู้หญิงเสียใจแรงๆ หรือเปล่า...”
“พอๆ ไม่เห็นเข้าท่า นายจะสนใจทำไม” โยธารีบจับมือขลุ่ยลง
“ก็ไหนเมื่อกี้โยธาอยากให้ผมสนใจไง”
ผมขำใบหน้าไปไม่เป็นของเพื่อนรัก ดูเหมือนโยธาจะเจอคนที่ร้ายกาจกว่าเข้าให้แล้ว
“ช่างมันเถอะ ว่าแต่จะไม่กินข้าวด้วยกันจริงเหรอ”
“ไม่ดีกว่า ผมขี้เกียจเดิน” ขลุ่ยยังยืนยันคำตอบเดิม
“ใครให้นายเดิน ฉันถามว่าไม่กินข้าวด้วยกันจริงเหรอ”
“ถ้าบอกว่ากิน..” ขลุ่ยพูดช้าๆ มองหน้าโยธาไปด้วย
“จองที่นั่งไว้ให้ด้วย แล้วฉันจะรีบไป”
“อ๋อ..อืม” ขลุ่ยพยักหน้า สีหน้าโล่งอกมาทันที “ค่อยยังชั่ว นึกว่าโยธาจะบอกให้ผมซื้อข้าวไว้ให้หน่อย เดือนนี้ผมกะจะเก็บเงินเอาไปซื้อการ์ตูนชุด”
“.....”
ไม่มีคำพูดหลุดออกมาจากปากโยธา ผมคิดว่าชีวิตของเพื่อนผมคงไม่น่าเบื่ออีกต่อไป
“โอ๊ะ! สายแล้ว” ลูกจันอุทานเมื่อเห็นเวลา ยกแก้วกาแฟขึ้นดื่มอย่างรวดเร็ว ก่อนจะคว้าหนังสือที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาถือ
“ส่งมา” ผมยื่นมือไปตรงหน้าลูกจัน อีกฝ่ายยอมส่งหนังสือให้ผมแต่โดยดี แต่ไม่วายบ่นออกมาเบาๆ
“จิณณ์ช่วยบ่อยๆ เดี๋ยวเราก็เคยตัว ฝนบอกว่าจิณณ์ทำให้ฝนเดือดร้อน”
“หึๆ” ผมไม่พูดอะไร ลุกขึ้นยืนรอให้ลูกจันลุกขึ้น เดินตามอีกฝ่ายออกจากร้าน
“ลูกจัน”
“หือ?” ลูกจันหันกลับมามองผม
“ฝากบอกฝนว่าขอโทษที่ทำให้เพื่อนรักฝนเคยตัว และฝนคงต้องเดือดร้อนไปอีกนาน”
ลูกจันเผยอปากขึ้นแต่แล้วก็ปิดลง ดวงตาที่มองมาลังเล
“อย่าลืมบอกให้ผมด้วย” ผมส่งยิ้มไปให้ แตะฝ่ามือลงกลางหลังของอีกฝ่าย ดันเบาๆ ให้ออกเดิน ก่อนปล่อยมือลงอย่างสุภาพ
ลูกจันเหลือบตามามองผม และหันกลับไปทันทีที่สายตาสบเข้าด้วยกัน ใบหน้าแดงซ่าน ผมยกยิ้มมุมปากด้วยความพอใจ อย่างน้อยก็มีความหวัง
ความหวัง?
ผมยิ้มขำตัวเอง นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้รู้สึกแบบนี้
• • • • •
-ขลุ่ย-
“มาโน่นแล้ว” เก้าอี้ชี้มือไปทางด้านหลังลูกจัน เมื่อเห็นโยธากับจิณณ์เดินเข้ามาในโรงอาหาร ผมยกมือขึ้นโบกให้โยธา เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเห็นแล้วจึงลดมือลง
“กูมีเรื่องสงสัย” ฝนมองด้านหลังของทั้งคู่ที่ยืนรออาหารอยู่หน้าร้าน
“โยธามาทำไมกูพอรู้ แต่จิณณ์มาทำไมวะ จะว่ามาเป็นเพื่อนโยธาก็คงไม่ต้องแล้วมั้ง”
“มึงแน่ใจเหรอว่ามึงไม่รู้ กูว่ามึงแค่เปิดประเด็นมากกว่า” เก้าอี้ตักอาหารเข้าปาก
“แล้วมึงจะพูดทำไมวะ”
เก้าอี้เอนหัวหลบทันที เพราะรู้ว่าเพื่อนจะตบกบาลตัวเอง
“มึงจะกัดกูใช่ไหมไอ้ฝน” ลูกจันใช้ส้อมชี้หน้าเพื่อนรัก
“กูไม่ได้กัด” ฝนลากเสียงยาว “เดี๋ยวนะ นี่มึงหลงตัวเองว่าจิณณ์ชอบเหรอ”
“ไอ้...” ลูกจันหยุดพูดแทบไม่ทันเมื่อโยธากับจิณณ์เดินมาถึงโต๊ะพอดี พร้อมกับจานใส่อาหารในมือ
“จิณณ์ถามอะไรหน่อยสิ” ฝนรอจนโยธากับจิณณ์นั่งลงเรียบร้อยแล้วจึงถามขึ้นด้วยดวงตาฉายแววสนุก
“ไอ้คุณฝน อิ่มแล้วเหรอคะ” ลูกจันพูดเสียงหวานแต่จ้องฝนตาแทบถลน
“ถามมาสิ” จิณณ์เป็นอีกคนที่ไม่ให้ความร่วมมือกับลูกจัน
“ที่มานี่..”
“มึงกินของหวานไหม กูซื้อให้” ลูกจันพูดแทรกด้วยรอยยิ้มเย็น โบกเงินห้าร้อยในมือ ผมว่านั่นคงเป็นค่าปิดปากที่ลูกจันเสนอให้กับฝน
ฝนมองเงินในมือลูกจันด้วยดวงตาวาวๆ ก่อนหันหน้ากลับไปมองจิณณ์
“ที่มานี่กลัวพวกกูกินหัวโยธาเหรอ”
“หึๆ เปล่า” จิณณ์ส่ายหน้า
“ก็ว่างอะเนอะ”
ผมซ่อนยิ้ม ตลกการพูดเสียงแห้งของลูกจัน สงสารก็สงสาร ขำก็ขำ
“เปล่า” จิณณ์ส่ายหน้าช้าๆ ริมฝีปากคลี่ออกเป็นรอยยิ้ม ดวงตาที่มองลูกจันอ่อนโยน “ผมคิดว่าผมกับโยธาห่างไกลจากคำนั้นนะ”
“ยุ่งเหรอ” ผมถามโยธา ดูเหมือนมันช่วยให้ลูกจันหายใจคล่องขึ้น เพราะผมได้ยินเสียงเพื่อนถอนหายใจเบาๆ
“อืม” โยธาพยักหน้า “แต่ฉันอยากกินข้าวกับนายมากกว่า”
“ข้าวใหม่ปลามันอะเนอะ ของมึงกับของกูไปไหนแล้ววะ”
เก้าอี้พูดเสียงทะเล้น แม้แต่ผมยังอดหัวเราะไม่ได้ วันนี้พี่คีรินทร์กับเรนไม่มีเรียนทั้งคู่จึงไม่ได้มามหา’ลัย
“เอาไว้วันหลังนัดไปเที่ยวด้วยกัน อยากรู้จักเพื่อนของขลุ่ยครบทีม” โยธาเสนอความคิด
“อ้าว” ฝนหันมามองหน้าผม “มึงไม่ได้ชวนโยธาเหรอ”
“เปล่า” ผมปฏิเสธ
“อะไร” โยธาหันมาขอคำอธิบายจากผม
“เรนชวนไปเที่ยวทะเลเสาร์นี้ มีบ้านพักอยู่ที่นั่น ผมกะว่าเดี๋ยวจะชวน แต่เมื่อกี้โยธาบอกว่ายุ่งงั้นไม่กวนดีกว่า”
“อยากให้กวนไหมถามฉันหรือยัง” ปลายจมูกของผมถูกมือใหญ่บีบเบาๆ
“ยุ่งอยู่ไม่ใช่เหรอ”
“ปัญหาพวกนั้นฉันจัดการเอง”
“ตกลงไปนะจะได้บอกเรน” ฝนถามจากการฟังโยธาพูดกับผม
“ไป รบกวนด้วย”
“ไม่มีปัญหา ไปกันเยอะๆ สิดี”
“ฝากบอกเรนว่าผมไปด้วยคน” ทุกสายตาหันไปมองจิณณ์ทันที ลูกจันมีสีหน้าประหลาดใจก่อนจะรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ
“ได้อยู่แล้ว งั้นก็แปดคนพอดี” ฝนสรุป ริมฝีปากยกยิ้มเจ้าเล่ห์ “แบบนี้มันพอดีคู่ชัดๆ”
ป๊าบ!! เสียงมือกระทบหลังดังสั่นสะท้าน ดูเหมือนลูกจันเพิ่งรู้ตัวว่าทำอะไรลงไปจึงยิ้มแห้งออกมา
“หึๆ” จิณณ์หัวเราะ สายตาที่มองเพื่อนผมเอ็นดูอย่างเห็นได้ชัด รอยยิ้มของลูกจันจึงแปรเปลี่ยนเป็นเขินแทน
“โทษทีมันเคยมือ”
“มึงฟาดกูเอา ฟาดกูเอา กูกลับบ้านทีแม่นึกว่าอยู่มหา’ลัยมีเรื่องชกต่อย แม่งน่วมไปทั้งตัว”
“ไอ้คุณฝน” ลูกจันกดเสียงต่ำ ให้รู้ว่าพอได้แล้วมั้งมึง
“แหม แหม พอมีคนอื่นอยู่ด้วยใส่คุณให้กูเลยนะ ปกติเหรอ..”
“ไอ้เหี้ยฝน”
เก้าอี้ขำก๊ากเมื่อลูกจันไม่ยอมให้เพื่อนข่มขู่ได้ โดยการสารภาพออกมาเอง ก่อนจะหันไปยิ้มแหยให้โยธากับจิณณ์
“เห็นใจเราด้วยนะ ดูแต่ละตัวสิ ถ้าไม่เป็นแบบนี้อยู่ไม่รอดหรอก”
“หึๆ”
ผมคิดว่าชั่วโมงนี้ลูกจันทำอะไรก็น่ารักน่าเอ็นดูในสายตาใครบางคน
“กลุ่มเรามีชื่อด้วยนะ” เก้าอี้พูดขึ้นด้วยเสียงทะเล้น ฝนกับลูกจันพยายามห้ามแล้วแต่ไม่ทัน
“ชื่อสี่ยอดกุมาร”
“กุมาร?” จิณณ์เลิกคิ้วขึ้น
“ใช่ ใช้กุมารีไม่ได้หรอกซ้อมเพื่อนเช้าเย็นแบบนี้”
“ไอ้” ลูกจันยกมือขึ้นก่อนรีบเอาลงเมื่อนึกได้
“ผมรู้แล้วว่าทำไมถึงสนิทกัน” เสียงพูดปนหัวเราะของจิณณ์ ทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังสนุกไปด้วย
“เพราะไม่มีสติพอกันใช่ไหม”
“นั่นมันมึง” ฝนกับลูกจันประสานเสียงขึ้นมา โยธาหันมาสบตาผม ริมฝีปากยกยิ้ม ท่าทางจะขำไม่น้อย
“ถ้าอย่างนั้นผมเอารถไปคันหนึ่ง ทางนี้เอาไปคันหนึ่งดีไหม” จิณณ์วกกลับเข้าเรื่องเดิม
“ผม โยธา ขลุ่ยกับลูกจัน คันโน่น เก้าอี้ พี่คีรินทร์ ฝนกับเรนคันหนึ่ง”
“อืม ก็ลงตัวดี” ฝนพยักหน้า “เอาตามนี้ เดี๋ยวนัดเจอกันที่ปั๊มก่อนออกจากกรุงเทพฯ จะได้ขับตามกันไป”
“ตกลง” จิณณ์พยักหน้า
เมื่อตกลงกันได้แล้ว จึงกลับมาให้ความสนใจกับอาหารตรงหน้าเพราะเวลาพักเหลือน้อยเต็มที พวกผมมีเรียนตอนบ่ายโมง
“สองสามวันนี้คงไม่ได้ไปไหนด้วยนะ จะรีบทำงานให้เสร็จทันวันศุกร์”
ผมพยักหน้าให้โยธา
“ถึงหอแล้วส่งข้อความมาบอกด้วย”
“แค่กลับหอเองนะ ต้องส่งเหรอ”
“เจ้าเด็กนี่”
ผมคิดว่าตัวเองเป็นโรคจิตนิดๆ เพราะชอบให้โยธาเรียกผมแบบนี้ด้วยน้ำเสียงมันเขี้ยว
“ไปได้แล้ว” ผมบอกอีกฝ่ายเมื่อใกล้เวลาขึ้นเรียน
“อืม”
“เดี๋ยวจิณณ์”
จิณณ์หันกลับมามองฝน เมื่อเพื่อนของผมเรียกไว้ด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ที่มานี่มึงจีบลูกจันเหรอ”
!!!
ลูกจันอ้าปากค้าง รอบตัวเงียบสนิทชั่วคราว
จิณณ์หัวเราะเสียงเบา ดวงตาที่มองลูกจันเป็นประกายวาววับ “จีบสิ ไม่จีบจะมาเหรอ”
“กูก็คิดว่างั้น กลับไปได้แล้ว” ฝนทำท่าโบกมือไล่อีกฝ่าย
“อยากพูดอะไรหน่อยไหม” จิณณ์ถามลูกจันด้วยเสียงนุ่มหู ดวงตาอ่อนโยน ลูกจันส่ายหน้าแต่แล้วกลับเปลี่ยนใจ “ขอบคุณนะที่ชอบเรา แต่ว่า...” รอยยิ้มของลูกจันฝืดเฝื่อน
“ไม่เป็นไร ผมเข้าใจ ผมไม่ได้ขอคำตอบตอนนี้ แค่เปิดโอกาสให้ผมบ้างก็พอ”
“....”
“ผมกลับก่อนแล้วเจอกัน”
“อืม” ลูกจันพยักหน้า
ผมมองตามหลังโยธากับจิณณ์ไปจนทั้งคู่เดินห่างออกไปพอสมควร จึงหันกลับมามองาลูกจัน เก้าอี้กับฝนก็มองอยู่เหมือนกัน
“มึง” ลูกจันพูดขึ้นเสียงเบา สายตาเหม่อลอย
“ว่า” เก้าอี้เป็นตัวแทนขานรับ ลูกจันค่อยๆ หันไปมองเก้าอี้ สบตานิ่ง
“ไอ้เหี้ยยย จิณณ์จีบกูเว้ยย” ลูกจันยิ้มจนหน้าบาน มือไม้สะบัดไปมา
“มึงง จิณณ์จีบกู๊~”
ฝนถอนหายใจแรงๆ “กูว่าละ”
“มีคนหล่อมาจีบก็แบบนี้” เก้าอี้พูดเสียงปลง
“เข้าเรียนเถอะ” ผมพูดเสียงเรียบ
“นั่นสิ” ฝนพยักหน้า
“เดี๋ยววว พวกมึงอย่าเพิ่งไปสิ โอ๊ยกูจะทำยังไงดี” ลูกจันยังตื่นเต้นไม่หาย ยิ้มไม่หุบทั้งปากและตา
“เฮ้อ กูไม่น่าไปเสือกถามให้มันเลย” ฝนส่ายศีรษะ
“ต้องส่งศรีธัญญาไหมวะ” เก้าอี้ถามเพื่อความแน่ใจ
“ไม่ต้อง แค่เดินห่างๆ มันก็พอ” ผมสรุปใจความสำคัญให้ ก่อนพวกเราทั้งสามคนจะก้าวเท้าเดินหนีลูกจันอย่างรวดเร็ว
:::: ♥ TBC ♥::::
Darin ♥ FANPAGE (https://www.facebook.com/Ratidarin-433468596858519/)
Twitter : primdarin (https://twitter.com/primdarin)
ตอนที่ 22
วันที่หัวใจเต้นเป็นปกติ
-โยธา-
บ้านพักตากอากาศสีขาวหลังใหญ่ตั้งอยู่ริมหาดหัวหิน ผมเคยได้ยินมาว่าครอบครัวของเรนรวยมาก เห็นแบบนี้สิ่งที่ได้ยินมาก็ไม่เกินจริงเลยสักนิด
ห้องรับแขกตกแต่งด้วยโทนสีฟ้าและน้ำเงิน หน้าต่างบานกว้างมองเห็นทะเลภายนอก ทุกคนนั่งอยู่บนโซฟาสีน้ำเงินเข้มตัวใหญ่ มองไปที่ฝนเป็นตาเดียวกัน
“ก่อนอื่นเราจะแบ่งห้องนอนกันก่อน บ้านนี้มีสี่ห้องนอน พี่คีรินทร์กับเก้าอี้ ขลุ่ยกับโยธา ลูกจันนอนห้องเดียวกับกู ส่วนจิณณ์นอนห้องเดียวกับเรน”
“อ้าว แล้วมึงไม่นอนห้องเดียวกับเรนเหรอ” เก้าอี้ถามเพื่อนสนิท
“ไม่เป็นไร ให้คู่ข้าวใหม่ปลาค้างห้องเดียวกันไปเถอะ กูอยู่ด้วยกันทุกวันอยู่แล้ว”
“มึงจะบอกว่าเบื่อเรนแล้วงี้”
“เค้าเรียกว่าเสียสละเว้ย วอนซะแล้ว” ฝนด่าเพื่อนแทบไม่ทัน ดูเหมือนการได้แหย่ฝนจะเป็นความสุขอย่างหนึ่งของเก้าอี้
“เอาของขึ้นไปเก็บก่อนดีกว่า จะได้ล้างหน้าล้างตา สักชั่วโมงค่อยลงมาเจอกันด้านล่าง หรือใครจะนอนเล่นก็ตามใจ” เรนไม่สนใจศึกระหว่างแฟนกับเพื่อนที่กำลังเกิดขึ้น
ผมกับจิณณ์ลุกขึ้นยืน ช่วยพี่คีรินทร์กับเรนขนกระเป๋าขึ้นไปด้านบน ยังได้ยินเสียงฝนกับเก้าอี้ตีกันลอยเข้าหู เรนหันมามองหน้าผม ยักคิ้วกวนๆ ให้
“เดี๋ยวก็ชิน”
“อาจจะต้องซื้อที่อุดหูมาใช้” พี่คีรินทร์หัวเราะในลำคอ
“แต่ก็ชอบใช่ไหมครับ” ผมถามด้วยสายตารู้ทัน
“หึๆ” พี่คีรินทร์ไม่ตอบ มีเพียงรอยยิ้มที่แทนคำตอบได้ดี
หลังจากแดดร่มลมตก ทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่าอยากออกมาเดินเล่นรับลมทะเล เรนอาสาเป็นตากล้องคอยเก็บภาพให้ ผมกับขลุ่ยเดินคุยกันไปเรื่อยๆ ตามความยาวของชายหาด
“เล่าเรื่องนายให้ฉันฟังบ้างสิ”
“เรื่องอะไร”
“อะไรก็ได้ ฉันอยากรู้จักนายให้มากกว่านี้”
“เข้าใจแล้ว” ขลุ่ยพยักหน้า
“เล่ามาสิ” ผมพาดแขนไปบนไหล่ของขลุ่ย รอฟังอย่างตั้งใจ
“ทำไว้ให้แล้ว”
“หือ? ทำอะไร”
“สมุดประวัติไง คิดอยู่ว่าเดี๋ยวต้องถาม เขียนไว้ให้ครบหมด พ่อแม่ชื่ออะไร มีพี่น้องไหม เป็นคนที่ไหน เรียนโรงเรียนอะไรมาบ้าง ชอบกินอะไร ไม่ชอบกินอะไร ชอบสีอะไร ชอบไปเที่ยวที่ไหน...”
“เดี๋ยว” ผมรีบเบรกก่อนขลุ่ยจะร่ายยาวกว่านี้ “นี่นายทำเป็นสมุดเลยเหรอ”
“ใช่” ขลุ่ยพยักหน้า “ของโยธาก็มี ผมทำไว้ตั้งแต่ตอนสืบเรื่องเงาของคุณใหม่ๆ แต่มีไม่ครบหรอกเดี๋ยวจะเอามาให้เขียนเพิ่ม”
“ฮ่าๆ” ผมขำจนตัวสั่น เอากับเจ้าโคนันขลุ่ยสิ
“ขอบใจมาก ฉันจะเก็บไว้อย่างดี แต่ว่านะ..” ผมหยุดพูด จ้องเข้าไปในตาของขลุ่ย
“อะไร”
“ฉันอยากได้ยินนายเล่ามากกว่า อยากฟังเสียงนาย อยากเห็นหน้านายไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่สุขหรือเรื่องที่เศร้าฉันก็อยากรับรู้ อยากมีความสุขและอยากเสียใจไปพร้อมกับนาย”
ขลุ่ยหยุดเดิน หันมามองหน้าผมนิ่งโดยไม่พูดอะไร
“ตกลงไหม”
“...”
“ทำไมไม่ตอบล่ะ” ผมยกมือขึ้นปัดปลายผมที่ตกลงมาปรกหน้าตามของขลุ่ยออกให้
“ผมเข้าใจแล้ว” ขลุ่ยยื่นมือมาจับมือของผมไปแตะที่อกตัวเอง ผมเลิกคิ้วขึ้นแทนคำถาม
“ก็ที่โยธาเคยบอกว่า เวลาอยู่กับคนที่ชอบไม่จำเป็นต้องใจเต้นแรง บางครั้งมันก็เต้นในอัตราที่ปกติที่สุดเพราะรู้สึกสบายใจ อบอุ่นใจ”
ผมส่งยิ้มให้ขลุ่ย มองเจ้าโคนันของผมด้วยสายตาอ่อนโยน
“ฉันจะอยู่ตรงนี้ ไม่ไปไหนแน่นอน”
“จริงเหรอ” ขลุ่ยเอียงคอมองผม
“อืม” ผมพยักหน้าด้วยสายตามั่นคง
“แต่ผมไม่อยู่นะพวกนั้นเรียกแล้ว” ขลุ่ยชี้มือไปยังเก้าอี้ที่กวักมือเรียกอยู่ไหวๆ ดวงตาจุดประกายขำ
“เจ้าเด็กนี่!” ผมหัวเราะเสียงดัง คว้าคอขลุ่ยเข้ามากอด หมดกันความโรแมนติกของผม
• • • • •
“คุยอะไรกัน” เก้าอี้ส่งยิ้มกว้าง โผล่หน้าเข้ามาในห้องนั่งเล่นเป็นคนแรก ตามด้วย ฝน ขลุ่ยและลูกจัน หลังมื้อค่ำฝนไล่พวกผมให้มานั่งดื่มรอในห้องนั่งเล่น ระหว่างที่ทั้งสี่คนช่วยกันเก็บล้างอยู่ในห้องครัว
“คุยกันตามประสาหนุ่มๆ” เรนเป็นคนตอบคำถาม
“เดี๋ยวนะ กูก็หนุ่มหรือเปล่าวะ” ฝนทำท่าจะงัดกับแฟนตัวเอง ผมว่านอกจากเก้าอี้แล้ว เรนเองก็คงชอบแหย่ฝนไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน
“เรากำลังคุยกันว่าในจำนวนสี่คนที่นั่งอยู่นี่ใครลำบากสุด” ดวงตาของเรนเป็นประกายเจ้าเล่ห์
“ลำบาก?” เก้าอี้เลิกคิ้วขึ้น “ใครลำบาก ลำบากเรื่องอะไร”
“อย่าไปถามสิวะ” ฝนบ่นที่เก้าอี้ไม่เอะใจอะไรเลย
“ก็กูอยากรู้” เก้าอี้พูดเสียงอ่อย หน้าจ๋อยก่อนที่ดวงตาจะกลับมาสว่างสดใสเหมือนเดิม “แต่ไหนๆ กูก็ถามแล้ว ใครลำบากเหรอ”
“หึๆ” ผมเห็นรอยยิ้มในดวงตาที่พี่คีรินทร์มองดูเก้าอี้ รู้ทันทีว่าอีกฝ่ายเอ็นดูแฟนตัวเองมากแค่ไหน
“ถ้าถามว่าใครลำบากสุด อันดับหนึ่งก็ต้องยกให้จิณณ์เพราะเป็นคนเดียวที่ยังจีบไม่ติด” เรนผายมือไปทางจิณณ์
“ไม่ติดตรงไหนวะ” ฝนขมวดคิ้วเข้าหากัน
“ไอ้ฝน” ลูกจันฟาดป๊าบเข้ากลางหลังเพื่อน ก่อนหันไปทำไม้ทำมือให้จิณณ์
“อย่าไปสนใจที่ฝนพูดนะ จีบๆ ไปก่อนเดี๋ยวเราอ่อนให้เอง”
จิณณ์หัวเราะจนตาเป็นประกาย ดูจากสายตาที่เพื่อนผมมองลูกจัน ผมว่าจิณณ์ไปไหนไม่รอดแล้ว
“พูดขนาดนี้แล้วมึงก็จับจิณณ์ปล้ำเลยเหอะ” ฝนมองลูกจันด้วยความหมั่นไส้ ที่เหลือพากันหัวเราะขำรวมทั้งผมด้วย ส่วนลูกจันหน้าแดงก่ำ โวยวายเสียงดัง
“มันเป็นมุกเว้ย มุก กูจะพูดให้ขำพวกมึงนี่”
“มุกแบบนี้ไม่รอดสักราย” ฝนส่ายศีรษะ ผมคิดว่าเกินครึ่งในห้องนี้เห็นด้วยกับฝน
“งั้นตัดจิณณ์ออก ใครลำบากสุด” ลูกจันถามบ้าง จากความวาวของสายตา ผมว่าลูกจันกำลังเอาคืนฝน
“กูว่า..” เก้าอี้ลากเสียงยาว ก่อนชี้นิ้วไปที่เรน “ก็ต้องเรนหรือเปล่าวะ ไอ้ฝนแม่งทั้งไม่โรแมนติก ทั้งโหด ทั้งชอบแอบไปหลีหญิง”
“กูไม่เคย!”
“ฮั่นแน่มึงร้อนตัว”
“กูไม่ได้ร้อนตัว ถ้าถามกู กูว่าพี่คีรินทร์ลำบากสุด” ฝนเอาคืนเป็นทอดๆ ไป
“คิดดูนะ ต้องปวดหัวกับความอ๊องของมึงทุกวัน มีแฟนหรือมีลูกกันแน่วะ ต้องคอยปราม คอยเตือน เห็นแล้วกูเหนื่อยแทน”
“แต่กูน่ารัก” เก้าอี้ลอยหน้าลอยตา “กูขี้อ้อนด้วย”
“พี่เพิ่งรู้สึกว่าฝนพูดถูกก็วันนี้” คนไม่ค่อยพูดพอพูดขึ้นมาทีทำเอาหัวเราะกันลั่นห้อง เก้าอี้ทำปากจู๋ หน้ามุ่ยใส่พี่คีรินทร์ แต่ทำได้แป๊บเดียวก็หัวเราะขำตัวเองตามคนอื่น
“แต่กูว่า..” ลูกจันกวาดสายตาไปรอบๆ มองใบหน้าของทุกคนด้วยสายตาที่จริงจังขึ้น
“เอาจริงๆ กูว่าโยธาลำบากสุด”
“ผม?” ผมชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง พูดด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ
“กูเห็นด้วย” ฝนพยักหน้า
“ที่สุดแล้ว” เก้าอี้รวมพลังด้วยอีกคน “โยธารู้ไหมว่าที่คณะขลุ่ยเลื่องชื่อแค่ไหน มันดังตั้งแต่ปีหนึ่งแล้ว”
“จริงเหรอ” ผมมองขลุ่ยด้วยสายตายั่วเย้า เจ้าเด็กแว่นยักไหล่ สีหน้าเรียบเฉยอย่างที่คุ้นตา
“ตอนตามหาพี่รหัส มันสืบเรื่องของพี่อ้อจนเขาต้องขอให้มันหยุดพูด มันรู้กระทั่งพี่เขามีแฟนมาแล้วกี่คน ตอนนี้กำลังแอบปลื้มใครอยู่ ไอ้ขลุ่ยเลยเป็นน้องปีหนึ่งคนเดียวที่พี่เกรงใจ โดยเฉพาะพี่รหัสของมันเอง”
“ขลุ่ยไม่ธรรดาจริงๆ” จิณณ์ถึงกับเอ่ยปากชม
“ลำบากหน่อยนะโยธา กูเห็นใจมึงเลย” ฝนทำหน้าสีเห็นใจผม แต่ดวงตาฉายแววสนุกสุดๆ
ผมไม่ตอบฝน หันไปสบตากับขลุ่ย ยกยิ้มขึ้นที่มุมปาก
“ดันมีแฟนเป็นโคนันจะทำยังไงได้ นอกจากเป็นเด็กดี แค่เป็นเด็กดีของนายก็พอใช่ไหม”
“...”
“ฮืออ มึงกูเขิน”
“มึงจะเขินทำไม ไอ้ขลุ่ยมันยังไม่เขินเลย”
ผมได้ยินเสียงลูกจันกับฝนต่อล้อต่อเถียงกัน ขลุ่ยคงได้ยินเช่นกันเพราะหลุดยิ้มออกมา ผมเลิกคิ้วขึ้น ดวงตาที่มองขลุ่ยเป็นประกาย “ว่าไง”
“เอาไว้ผมจะเขียนกฎของแฟนที่ดีให้ น่าจะง่ายกว่านะ”
“ฮ่าๆ”
ขลุ่ยก็ยังเป็นขลุ่ยอยู่วันยังค่ำ เพียงแต่เป็นขลุ่ยที่มีดวงตาเป็นประกาย ไม่เรียบเฉยดังเดิม
“งั้นกูสรุปให้ ว่าในสี่คนนี้โยธาลำบากที่สุด” ฝนสรุปปิดท้าย ผมยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม ริมฝีปากยกยิ้มโดยไม่พูดอะไร
“ว่าแต่กูสงสัยอย่างเดียว คุยกันเรื่องนี้จริงๆ เหรอวะ” ฝนหันไปมองเรน อีกฝ่ายส่ายศีรษะปฏิเสธ
“เปล่า กำลังคุยกันว่าพีอาร์คนใหม่ที่พิงค์มูนสวยดี”
“.....”
เสียงหัวเราะดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียงเมื่อทุกคนเห็นสีหน้ามหาโหดของฝน อันทีจริงผมคิดว่าพวกเรามีความลำบากพอๆ กันทั้งสี่คน นั่นคือไม่รู้ว่าจะจัดการยังไงกับความน่ารักที่ไม่เหมือนใครของแฟนดี
• • • • •
“มานอนได้แล้ว ไม่ง่วงเหรอ” ผมเรียกขลุ่ยเมื่อเห็นอีกฝ่ายก้มหน้าก้มตาเขียนบางอย่างอยู่ที่โซฟา ที่ตั้งอยู่ริมหน้าต่าง
“อย่าบอกนะว่านายเขียนกฎให้ฉันจริงๆ”
“เปล่า” ขลุ่ยส่ายหน้า “เขียนข้อตกลงน่ะ”
“ข้อตกลงอะไร” ผมขมวดคิ้วเข้าหากัน ขลุ่ยไม่ยอมตอบ ก้มหน้าก้มตาเขียนต่อจนเสร็จแล้วจึงถือกระดาษแผ่นนั้นเดินมายังเตียงนอน
ขลุ่ยขึ้นมานั่งข้างๆ ก่อนยื่นกระดาษแผ่นนั้นให้ผม
“อะไร” ผมก้มลงอ่านกระดาษในมือ รอยยิ้มค่อยๆ ปรากฎขึ้นและกลายเป็นเสียงหัวเราะในที่สุด
“นี่นายกลัวขนาดนี้เลยเหรอ” จะไม่ให้ผมขำได้ยังไง ก็เจ้าเด็กแว่นเล่นเขียนข้อตกลงในการใช้เตียงนอนร่วมกัน ระบุว่านอนกอดได้ หอมได้ จูบได้ แต่ห้ามมีอะไรเกินกว่านั้น หากผิดข้อตกลงจะยกเลิกการเป็นแฟนทันที
“เปล่า” ขลุ่ยส่ายหน้า
“ถ้าไม่กลัวจะเขียนข้อตกลงขึ้นมาทำไม” ผมสะบัดกระดาษในมือไปมา ด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มขำ
“ไอ้พวกนั้นมันรอดูอยู่ พรุ่งนี้ขืนลุกไม่ขึ้น เดินไม่คล่อง ตูดบิด มันคงล้อไปถึงชาติหน้า”
“หึๆ ตกลงเหตุผลมีแค่นี้”
“อืม” ขลุ่ยพยักหน้า
“ไม่กลัวแน่นะ” ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้
“....”
“ว่าไงครับ”
“ไม่กลัว” ขลุ่ยตอบก่อนหลุบตาลง ใบหน้าขึ้นสียแดงเรื่อ “จะกลัวทำไมก็ผมรักโยธานี่”
ผมรวบตัวขลุ่ยเข้ามากอด เพิ่งรู้ว่าผมแพ้คำพูดและความคิดของอีกฝ่าย ขลุ่ยทำให้ผมอบอุ่นใจเสมอ
ผมซบหน้าลงกับศีรษะของขลุ่ย ถอนหายใจเสียงดัง “เฮ้อ”
“อะไร” ขลุ่ยผละศีรษะออกห่าง เพื่อมองใบหน้าของผม
“ไม่ตกลงได้ไหม ก็นายเล่นน่ารักแบบนี้”
“โยธาอ่านดีๆ หรือเปล่า” ดวงตาภายใต้แว่นกลมดูเอียงอายกว่าทุกครั้ง ผมมองเพลินจนเกือบลืมตอบ
“โยธา?”
“หือ?” ผมเลิกคิ้วขึ้น
“ได้อ่านดีๆ หรือเปล่า” คนถามใบหน้าแดงซ่าน
“อะไร” ผมก้มหน้าเข้าไปใกล้ ใช้ปลายจมูกปัดปลายจมูกของขลุ่ย
“ผมไม่ได้ห้ามโยธาจูบซะหน่อย”
“นายอยากจูบเหรอ” สายตาผมตกลงมองริมฝีปากสีแดงเรื่อของขลุ่ย ก่อนไล่ขึ้นสบตากับดวงตาภายใต้แว่นกลมโต
“ว่าไงครับ”
ขลุ่ยไม่ตอบผม มือผอมเอื้อมมากอดรอบคอ โน้มใบหน้าเข้าหา ก่อนริมฝีปากจะแตะเข้าด้วยกัน
ริมฝีปากของขลุ่ยอุ่นร้อน มือที่กอดคอผมสั่นนิดๆ ลมหายใจมีกลิ่นแอกอฮอล์อ่อนๆ ชวนหลงใหล ผมกระชับลำตัวของขลุ่ยให้แนบชิดยิ่งขึ้น เปลี่ยนเป็นฝ่ายบดเบียดริมฝีปากเข้าหา จูบซับความหวานไม่รู้เบื่อ
ดูเหมือนทุกคนจะทายถูก เห็นทีว่าผมคงเป็นชายหนุ่มที่ลำบากที่สุดในค่ำคืนนี้
:::: ♥ TBC ♥::::
Darin ♥ FANPAGE (https://www.facebook.com/Ratidarin-433468596858519/)
Twitter : primdarin (https://twitter.com/primdarin)
ตอนที่ 25
เจ้าเด็กแว่นของผม [End]
-โยธา-
“เหล้าหรือเบียร์”
“เหล้า” ผมตอบเรน อีกฝ่ายจัดการชงให้เพราะอยู่ใกล้ที่สุด เป็นอีกครั้งที่พวกเรานัดสังสรรค์กันที่บ้านของเรนในคืนวันศุกร์ เพราะสะดวกที่สุด บ้านหลังใหญ่ ไม่มีใครอยู่ มีแม่บ้านช่วยดูแลอย่างดี จึงกลายเป็นสถานที่นัดรวมตัวกันไปโดยปริยาย
“ฉันคุยกับพี่คีรินทร์ว่าปลายปีอยากพาฝนไปเที่ยวญี่ปุ่น พี่คีรินทร์สนใจ พวกนายจะไปด้วยกันไหม”
“ไปสิ” ผมพยักหน้า
“อยู่แล้ว” จิณณ์ตอบตกลงอีกเสียง
“เรื่องค่าใช้จ่าย..” เรนมองผมกับจิณณ์
“เหมือนพวกนาย”
“งั้นก็เรียบร้อย” เรนส่งแก้วให้ผมกับจิณณ์ เป็นอันรู้กันว่าผมจะออกให้ขลุ่ยและจิณณ์จะออกให้ลูกจัน ส่วนเรื่องจะยอมรับกันหรือเปล่า ค่อยไปหาวิธีจัดการทีหลัง
“นายไม่รู้ข่าวเหรอ” เสียงของลูกจันเรียกสายตาพวกผมให้หันไปมอง เพื่อนซี้ทั้งสี่คนนั่งอยู่บนพรมหน้าทีวี หนังสือวางกองอยู่ตรงหน้า
“ได้ยินว่าเงินของชมรมบาสที่เบิกออกมาใช้จ่ายสำหรับการแข่งเสาร์อาทิตย์นี้หายไปแบบจับมือใครดมไม่ได้ ตั้งหลายหมื่นแหนะ คนในชมรมเลยต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เรี่ยไรเงินออกไปก่อน”
“แล้วใครเป็นคนเก็บเงิน" ฝนถามด้วยความสนใจ
"เลขาชมรมเป็นคนเก็บ เห็นว่าเอาซองใส่ไว้ในกระเป๋ากีฬา วางไว้เด่นเลย คนก็อยู่กันอยู่เยอะแยะ ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าหายไปตอนไหน มันเป็นห้องล็อกเกอร์กล้องก็เลยไม่มี "
"กูว่ามันแปลกๆ จู่ๆ จะหายไปได้ยังไง คนในชัวร์"
"นั่นดิ กูคิดเหมือนไอ้ฝน" เก้าอี้เห็นด้วย
"มึงล่ะคิดยังไง" ทุกสายตาจดจ้องไปยังขลุ่ย ที่นั่งฟังอยู่เงียบๆ
"แข่งพรุ่งนี้เหรอ"
"ใช่" ลูกจันพยักหน้า "สองวันเลย เสาร์อาทิตย์"
"ไปดูกันเถอะ"
"อย่าบอกนะว่ามึงสนใจ" เก้าอี้เลิกคิ้วขึ้น
"จะเหลือเหรอ" ฝนตอบแทนขลุ่ย แค่เห็นสายตาก็รู้แล้วว่าเจ้าเด็กแว่นสนใจมากแค่ไหน
"ไปก็ไป ไหนๆ กูก็ตกกระไดเป็นผู้ช่วยมึงแล้วนี่ ไปสืบกัน" ลูกจันชูสองมือขึ้น สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อถูกจิณณ์ที่ลุกจากโต๊ะไปหาจับข้อเอาไว้
"จะไปไหน"
"ไปกับขลุ่ย" ลูกจันตอบด้วยน้ำเสียงสดใส
"ผมล่ะ"
"พรุ่งนี้จิณณ์ต้องทำงานให้เสร็จไม่ใช่เหรอ ไม่ว่าง"
"ทิ้งกันเลยเหรอ"
"เปล๊า" ลูกจันขึ้นเสียงสูงแต่ดวงตาเป็นประกาย "เขาเรียกว่าใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์"
“โดยการมาอยู่ให้กำลังใจกันดีไหม”
“โดยการไม่รบกวนดีกว่า” ลูกจันยิ้มแฉ่ง
“ผมเป็นแฟนลูกจันนะ” จิณณ์แซวคนรักขำๆ แต่อีกฝ่ายทำสีหน้าจริงจัง
“อืม” ลูกจันพยักหน้า “รู้ไง ถึงให้เป็นที่สาม พ่อแม่อันดับหนึ่ง ไอ้พวกนี้อันดับสอง เราเลยต้องไปเป็นเพื่อน ส่วนจิณณ์อันดับสาม สูงกว่าคนอื่นๆ เยอะ”
“มันสูงกว่าแล้วเหรอ” จิณณ์หัวเราะเสียงดัง ดวงตาเป็นประกายขำ
“สูงแล้ว ดีกว่าโยธาตั้งเยอะ”
“ตรงไหน”
“เราเพื่อนสนิทขลุ่ยเรารู้ดี ถ้าเป็นขลุ่ยน่ะเหรอ” ลูกจันชูนิ้วขึ้นทีละนิ้ว “พ่อแม่อันดับหนึ่ง เรื่องตื่นเต้นอันดับสอง พวกเราอันดับสาม โยธาได้อันดับสี่ เห็นไหม..” ลูกจันยิ้มประจบ “จิณณ์ดีใจได้”
ผมถือแก้วเดินจากโต๊ะไปนั่งบนโซฟาด้านหลังขลุ่ย จับคางอีกฝ่ายให้เงยหน้าขึ้นมามอง “จริงเหรอ”
ขลุ่ยส่ายหน้า ดึงมือผมออกจากคาง หมุนตัวมานั่งเผชิญหน้าแทน “จริงที่ไหน อย่าไปฟังลูกจันเลย สำหรับผมพ่อแม่มาอันดับหนึ่ง ไอ้พวกนี้อันดับสอง เรื่องตื่นเต้นอันดับสาม โยธาอันดับสี่ เห็นไหมผิดหนึ่งลำดับ”
บางวันผมก็อยากจับขลุ่ยฟัด แต่บางวันผมก็นึกอยากฟาดเจ้าเด็กนี่ขึ้นมา เช่นวันนี้เป็นต้น
"ในที่สุด" ผมเอี้ยวไปมองด้านหลัง เมื่อเสียงของเรนดังขึ้น
"เมื่อก่อนผมโคตรอิจฉาพี่คีรินทร์ ตอนนี้ผมชิลแล้ว เพื่อนเพียบ"
"หึๆ" พี่คีรินทร์หัวเราะในลำคอ
ฝนหันขวับไปมองหน้าเพื่อนรัก "อย่าบอกนะว่ามึงให้พี่คีรินทร์เป็นที่สอง"
"ชัวร์ พวกมึงก็น่าจะรู้" เก้าอี้ตอบรับเสียงใส ไม่มีสลด
ดูเหมือนฝนหมดคำจะพูดนอกจาก “เออ”
“งั้นตกลงเราไปกับขลุ่ยนะ” ลูกจันยิ้มประจบจิณณ์ เห็นสีหน้าเพื่อนแล้วผมรู้คำตอบทันที ว่าเพื่อนยอมรับอันดับสามของตัวเองแล้ว
“อย่าซนล่ะ” จิณณ์วางมือใหญ่ลงบนศีรษะของลูกจัน จับเขย่าเบาๆ
“อย่าไปห่วงมันเลย ห่วงคนอื่นดีกว่า”
“ไอ้ฝน!”
“ฮ่าๆ”
ขณะที่คนอื่นในห้องกำลังคุยกันสนุกสนาน เจ้าเด็กแว่นของผมก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา สายตาจดจ่ออยู่กับหน้าจอ คิ้วขมวดเข้าหากันเป็นระยะ ความสนใจพุ่งตรงไปยังเรื่องเดียว นี่สินะที่มาของโคนันขลุ่ย เด็กหนุ่มที่ชอบเรื่องสืบสวนสอบสวนเป็นชีวิตจิตใจ ชอบจนได้มาเจอกัน
ส่วนหนึ่งผมนึกขอบคุณความชอบของขลุ่ย แต่อีกส่วนหนึ่งก็อดกังวลไม่ได้ มีแต่คนอยากวิ่งหนีเรื่องยุ่ง เจ้าตัวแสบของผมดันชอบวิ่งเข้าหา แล้วแบบนี้จะไม่ให้เป็นห่วงได้ยังไง
• • • • •
ผมมองตามร่างผอมของขลุ่ยที่เดินเข้าออกห้องน้ำ ใช้เวลาครู่หนึ่งใบหน้าที่ทาแป้งขาวผ่องก็เดินมาหยุดยืนอยู่ข้างเตียง
“เป็นไง ผมใส่เหมือนโยธาเลย” ขลุ่ยกางมือออกให้ดูเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงสีเทาเข้มที่ใส่อยู่
“ไม่ใส่ชุดหมีพูร์แล้วเหรอ”
“ไม่ใส่ ผมเบื่อโยธาหัวเราะแล้ว”
ยิ่งอีกฝ่ายพูดว่าเบื่อผมก็ยิ่งคิดว่ามันน่ารัก “ใส่เถอะ น่ารักดี”
“ซักอยู่” ขลุ่ยขยับขึ้นมานั่งบนเตียง เหยียดขาออกยาว
“ไม่ง่วงเหรอ วันนี้โยธาดื่มไปเยอะเหมือนกัน”
“ไม่” ผมส่ายหน้า “อยากดูหนังไหม จิณณ์ให้แผ่นมาใหม่”
“ไม่ดีกว่าผมจะนอนเอาแรง พรุ่งนี้โยธาต้องทำงานส่งอาจารย์ใช่ไหม ผมไม่แน่ใจว่าตอนเย็นจะมาได้หรือเปล่า ต้องรอดูก่อนว่าจะเป็นยังไง เดิมเห็นว่าถ้าชนะชมรมบาสจะไปเลี้ยงฉลอง แต่พอไม่มีเงินแบบนี้ไม่รู้ว่า..อื้อ..” ขลุ่ยหมดโอกาสพูดต่อ เพราะริมฝีปากถูกริมฝีปากของผมปิดทับอย่างรวดเร็ว
“โยธา” ขลุ่ยเรียกเสียงพร่าเมื่อริมฝีปากถูกปล่อยให้เป็นอิสระ
“อย่าสนใจเรื่องพรุ่งนี้เลย สนใจฉันดีกว่า”
“มีอะไรเหรอ”
“มีสิ” สายตาของผมตกลงมองริมฝีปากของขลุ่ย ก่อนไล่ลงไปยังแผ่นอกที่ขยับขึ้นลง ใบหน้าของขลุ่ยแดงซ่านเมื่อรู้ว่าผมหมายถึงอะไร
ผมประกบริมฝีปากเข้ากับริมฝีปากของขลุ่ย แรงบดคลึงเรียกร้องให้ขลุ่ยเผยอริมฝีปากออก เปิดโอกาศให้ลิ้นร้อนสอดเข้าไปเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นนุ่มภายใน ผมเอนตัวขลุ่ยลงนอนราบ สอดมือเข้าไปใต้เสื้อยืดตัวหลวม ลูบไล้จากหน้าท้องขึ้นไปถึงกึ่งกลางอก ขณะที่ปากยังบดจูบอย่างร้อนแรง
ขลุ่ยประท้วงเบาๆ เมื่อเสื้อยืดและกางเกงที่สวมอยู่หลุดพ้นจากตัว ร่างผอมห่อตัวเข้าหากันเพื่อหลบสายตาผม นั่นยิ่งทำให้เจ้าตัวน่าฟัดมากขึ้น
"ขลุ่ย" ผมเรียกขลุ่ยเสียงแหบพร่า
"อย่าเรียกสิ"
ผมมองใบหน้าแดงซ่านที่ปราศจากแว่นของขลุ่ยด้วยสายตาเอ็นดูและรักใคร่ "ทำไมถึงเรียกไม่ได้"
"ก็ผมเขิน"
"ถ้าไม่ให้เรียก....” ผมใช้ปลายนิ้วไล้ริมฝีปากของขลุ่ย “งั้นทำอย่างอื่นแทนได้ไหม"
"ทำ..เหรอ"
"ใช่" ผมเลื่อนตัวลงจรดริมฝีปากลงกลางอกของขลุ่ย
"ถะ..ถึงนั่นเลยเหรอ"
ผมเกือบหลุดเสียงหัวเราะออกมาด้วยความมันเขี้ยว ขยับตัวขึ้นเพื่อมองใบหน้าเล็กของอีกฝ่าย
"ได้ไหม"
"ผมตื่นเต้น" ดวงตาของขลุ่ยที่มองมาเหมือนเด็กน้อยไม่ประสีประสา มันทำให้ช่องท้องของผมปั่นป่วนเพราะอยากรักคนตรงหน้า
"ขลุ่ยรักฉันไหม" ผมลูบมือไปบนแก้มของขลุ่ย
"อืม" ขลุ่ยพยักหน้า เสียงตอบรับดังในลำคอ
"ฉันก็รักขลุ่ย เพราะรักถึงอยากกอด อยากจูบ อยากให้ขลุ่ยเป็นของฉันคนเดียว ฉันขอได้ไหม"
ขลุ่ยสบตากับผมด้วยใบหน้าแดงซ่าน ดวงตาหวามไหว ก่อนศีรษะเล็กจะผงกขึ้นลงช้าๆ แววดาตื่นกลัวแต่ก็เต็มไปด้วยความรักและความเชื่อใจ
"ฉันไม่สัญญาว่าขลุ่ยจะไม่เจ็บ แต่ฉันสัญญาว่าฉันจะทะนุถนอมขลุ่ยให้มากที่สุด"
"โยธา"
"ครับ"
ขลุ่ยยกนิ้วชี้สั่นเทาขึ้นแตะริมฝีปากผม "หยุดพูดได้แล้ว ผมอยากรู้"
"หึๆ เจ้าเด็กอยากรู้อยากเห็น" ผมกัดปลายจมูกของขลุ่ยเบาๆ พอให้อีกฝ่ายสะดุ้ง วางมือทาบลงบนหน้าท้องแบนราบ รู้สึกถึงอาการเกร็งภายใต้ฝ่ามือ ผมมองขลุ่ยด้วยสายตาอบอุ่น ก้มหน้าลงไปประกบริมฝีปากเข้ากับริมฝีปากนุ่ม วนเวียนดูดดื่มความหวานอย่างไม่รู้เบื่อหน่าย จนเสียงครางประท้วงดังอู้อี้ในลำคอของอีกฝ่าย
ผมถอนริมฝีปากออก ขลุ่ยหายใจหอบใบหน้าแดงซ่าน ผมเปลี่ยนไปแตะริมฝีปากที่ปลายจมูก ก่อนไล้ลงมาที่แก้ม กดริมฝีปากที่คอ แอ่งชีพจร และเข้าครอบครองยอดอกนุ่ม
“อื้อ” ขลุ่ยสะดุ้งเฮือก หลังแอ่นขึ้นจากพื้น มือกำผ้าปูที่นอนแน่น ผมวนลิ้นช้าๆ จากซ้ายไปขวา ก่อนวกกลับขึ้นไปครอบครองริมฝีปากแสนหวานด้วยความร้อนแรงที่ทวีขึ้น ร่างกายของขลุ่ยร้อนผ่าว ผมรู้ได้ทันทีว่าเจ้าของร่างกายพร้อมแล้ว
ขลุ่ยเรียกชื่อผมซ้ำๆ จิกมือลงบนแผ่นหลัง ร่างกายของเราสอดประสานเข้าด้วยกัน ความสุขที่ถาโถมเข้ามาทำให้ผมเกือบสำลัก ก่อนร่างกายจะกระตุกเกร็ง ปลดปล่อยความสุขออกมา
ผมทิ้งตัวลงนอนทาบทับ กกดอกคนในอ้อมแขนเอาไว้ แตะริมฝีปากที่กระหม่อนอย่างอ่อนโยน
“เจ็บมากไหม” ผมใช้มือปัดปลายผมที่ตกลงบนหน้าผากออกให้ ขลุ่ยส่ายศีรษะไปมา เสียงพูดแผ่วเบาด้วยความอาย
“เจ็บแต่ไม่มาก ผมมีความสุข”
“อย่าพูดแบบนี้สิ”
“ทำไมเหรอ” ขลุ่ยเงยหน้าขึ้นมองผม
“เพราะมันทำให้ฉันห้ามใจตัวเองไม่ให้ฟัดนายอีกรอบไม่ได้”
“โยธาเป็นคนขี้แกล้ง” ขลุ่ยบ่นเสียงเบา ผมหัวเราะขำท่าทางของอีกฝ่าย
“ฉันไม่ได้แกล้ง แต่หลงนายต่างหาก” ผมกอดขลุ่ยแน่นขึ้น จรดริมฝีปากลงบ่าก่อนซบหน้าลงไป
“หลงจนงัวหัวไม่ขึ้นแล้ว”
“โยธา”
“หือ?” ผมเงยหน้า มองเข้าไปในดวงตาของขลุ่ย
“นั่นไง ก็เงยได้นี่นา”
“เจ้าเด็กนี่” ผมหัวเราะขำเสียงดัง ความสุขท้วมท้นหัวใจ
“ฉันรักนาย”
“ผมรู้” ขลุ่ยคลี่ยิ้มออกช้าๆ ยกมือขึ้นแตะแก้มผม “แต่ตอนนี้ผมง่วงแล้ว เมื่อยไปทั้งตัวเลย”
“หึๆ ฉันคงรักนายมากไปหน่อย มาเถอะฉันจะอาบน้ำให้เอง” ผมอุ้มขลุ่ยขึ้น มือผอมรีบคล้องไปรอบคอผม สีหน้าตื่น แต่เมื่อสายตาสบกันดวงตาคู่นั้นก็เปลี่ยนเป็นเก้อเขิน
“โยธา”
“ครับ”
ผมวางขลุ่ยลงในอ่างอาบน้ำอย่างเบามือ
“พรุ่งนี้ผมไปดูน้องแข่งบาสนะ”
“อืม” ผมพยักหน้า
• • • • •
“ยกเลิกนัดนะกูเป็นไข้”
“กินยาแล้ว นอนสักตื่นก็คงหาย”
“ไม่ต้องมา กูอยู่บ้านโยธา”
“อืม แค่นี้นะ”
เสียงคุยโทรศัพท์ดังอู้อี้ ขลุ่ยนอนตะแคงหันหลังให้ ผมจึงไม่เห็นสีหน้าของอีกฝ่าย ครู่เดียวเจ้าตัวก็วางโทรศัพท์ลง
“โยธา” เสียงเรียกชื่อผมง่วงงุน
“หือ?” ขลุ่ยหมุนตัวกลับมา จ้องตากับผม
“ตั้งใจใช่ไหม”
“อะไร” ผมพูดด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ ซ่อนความเจ้าเล่ห์ในดวงตาไว้ไม่มิด
“กะจะไม่ให้ผมไปใช่ไหม”
“ฉันอนุญาตแล้ว มีแรงก็ไปสิ”
“นั่นไง ผมคิดแล้วเชียว”
“เอาน่า อยู่กับฉันสนุกกว่าตั้งเยอะ” ผมเอนตัวลงนอน ดึงขลุ่ยเข้ามากอดแนบอก
“สัญญาว่าจะจะทำให้นายตื่นเต้นมากกว่าใคร”
“พอผมตื่นมามีแรงเมื่อไหร่จะฆ่าโยธาเอง แล้วค่อยรอให้คนอื่นมาสืบว่าใครทำ ตื่นเต้นเหมือนกัน” เจ้าเด็กแว่นพูดเสียงอู้อี้ด้วยความง่วง
“หึๆ ถ้านายมีแรงนะ”
ใบหน้าขลุ่ยแดงเรื่อ น่ารักจนผมอดรังแกแก้มหอมไม่ได้
“หวงอะไรก็ไม่รู้ ไม่เห็นเข้าท่าเลย” ขลุ่ยพูดเสียงเบา ดูเหมือนเจ้าตัวใกล้จะหลับเต็มที
“ฉันเป็นห่วงนาย”
“ผมจะดูแลตัวเองอย่างดี โยธาก็รู้ว่าผมเก่ง”
“นอนก่อนเถอะ อย่าเพิ่งพูดเลย” ผมลูบศีรษะขลุ่ยเบามือเพื่อกล่อมอีกฝ่ายนอน
ขลุ่ยเงียยไปนานจนผมนึกว่าหลับไปแล้ว
“โยธา”
“หือ” ผมก้มลงมองดวงตาที่หลับพริ้ม
“ผมน่ะถึงจะเป็นโคนันขลุ่ยให้คนโน้นคนนี้ แต่ผมเป็นเจ้าเด็กแว่นของโยธาคนเดียวเท่านั้น” ขลุ่ยซุกหน้าลงกับอกของผม แตะริมฝีปากเหนือตำแหน่งของหัวใจ
“ผมเป็นของโยธาคนเดียว”
ความอบอุ่นไหลเวียนไปทั่วร่างกาย หัวใจเต้นในจังหวะที่มั่นคง ผมกระชับมือที่กอดขลุ่ยให้แน่นขึ้น แตะริมฝีปากลงบนกระหม่อมของอีกฝ่าย
“ฉันรักนาย”
ขลุ่ยเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มให้ผม ด้วยดวงตาอ่อนแสง ก่อนซุกตัวลงกับอกอีกครั้ง
“ฝันดีนะ” ผมกระซิบเสียงเบา
“โยธา”
“ครับ”
“ถ้าวันนี้โยธาทำงานเสร็จ พรุ่งนี้ไปดูด้วยกันนะ”
“ตกลง” ผมพยักหน้า รอยยิ้มค่อยๆ คลี่ออกกว้างเมื่อนึกบางอย่างขึ้นมาได้ สุดท้ายก็ต้องยอมจนได้สิน่า
ถึงจะไม่ค่อยมีเวลา ถึงจะเป็นห่วงนายมากสักเท่าไหร่ แต่ถ้านายมีความสุขที่ได้ทำฉันจะคอยอยู่ข้างๆ นายเอง ขอเพียงแค่..
อยู่ด้วยกันแบบนี้ตลอดไปนะ เจ้าเด็กแว่นของผม
-Happy Ending-
เอารูปปกและกล่องสะสม(สำหรับทั้งเซ็ต) มาให้ชมกันค่า
ปก STALKER สืบ.สวน.รัก
(https://img.live/images/2019/07/07/st1.1.md.jpg) (https://img.live/image/71RAiZ)
กล่องสะสม STALKER OUR MEMORIES
(https://img.live/images/2019/07/07/st2.1.jpg) (https://img.live/image/71Rs7s)
ทางสนพ.มีดี เปิดพรีออเดอร์อยู่ถึงวันที่ 19 ก.ค. นี้ค่า
รายละเอียดเพิ่มเติม >>กดที่นี่ได้เลยค่ะ<< (https://bit.ly/2RWj3vE)
สอบถามเพิ่มเติม >>สนพ.มีดี<< (https://www.facebook.com/MeedeesContents/)
**เดินทางมาถึงตอนจบแล้วนะคะ ขอบคุณคนอ่านทุกท่านที่เอ็นดูนุ้งขลุ่ยกับผองเพื่อนนะคะ สถานีต่อไปพี่ขุนกับนุ้งโป รักหรือเปล่า (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69934.0)
Darin ♥ FANPAGE (https://www.facebook.com/Ratidarin-433468596858519/)
Twitter : primdarin (https://twitter.com/primdarin)