พิมพ์หน้านี้ - THE END: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 17 (04/03/2012)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: SweetSacrifice ที่ 27-08-2010 23:25:44

หัวข้อ: THE END: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 17 (04/03/2012)
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSacrifice ที่ 27-08-2010 23:25:44
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้าม มิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

5.ขอ ให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่ นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.อย่า พูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยาย ในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน


เวปไซต์แห่งนี้เป็น เวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSacrifice ที่ 27-08-2010 23:32:26
   
                                                                              เรื่องเก่าคะ
(http://image.ohozaa.com/id/6work.gif) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=16009.0)


---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
(http://sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/hs925.snc4/73814_134485909938789_100001321428752_172160_4004643_n.jpg)





 ตอนที่ 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=17959.msg1081781#msg1081781)

 ตอนที่ 2 (part 1)  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=17959.msg1082734#msg1082734)

 ตอนที่ 2 (part 2)  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=17959.msg1087491#msg1087491)

 ตอนที่ 3 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=17959.msg1089847#msg1089847)

 ตอนที่ 4 (part 1)  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=17959.msg1094498#msg1094498)

 ตอนที่ 4 (part 2)  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=17959.msg1104545#msg1104545)

 ตอนที่ 5 (part 1)  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=17959.msg1109829#msg1109829)

 ตอนที่ 5 (part 2)  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=17959.msg1117158#msg1117158)

 ตอนที่ 6 (part 1) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=17959.msg1125440#msg1125440)

 ตอนที่ 6 (part 2)  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=17959.msg1130758#msg1130758)

 ตอนที่ 6 (part 3)  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=17959.msg1134006#msg1134006)

 ตอนที่ 6 (part 4)  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=17959.msg1139544#msg1139544)

 ตอนที่ 6 (part 5)  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=17959.msg1141980#msg1141980)

 ตอนที่ 6 (part 6)  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=17959.msg1145787#msg1145787)

 ตอนที่ 6 (part 7)  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=17959.msg1163267#msg1163267)

 ตอนที่ 6 (part 8 )  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=17959.msg1178888#msg1178888)

 ตอนที่ 7    (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=17959.msg1209459#msg1209459)

 ตอนที่ 8   (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=17959.msg1220712#msg1220712)

 ตอนที่ 9  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=17959.msg1232141#msg1232141)

 ตอนที่ 10 (part 1)  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=17959.msg1238350#msg1238350)

 ตอนที่ 10 (part 2)  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=17959.msg1268969#msg1268969)

 ตอนที่ 11  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=17959.msg1390226#msg1390226)

 ตอนที่ 12  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=17959.msg1391596#msg1391596)

 ตอนที่ 13  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=17959.msg1396056#msg1396056)

 ตอนที่ 14 (part 1)  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=17959.msg1432881#msg1432881)

 ตอนที่ 14 (part 2)  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=17959.msg1502380#msg1502380)

 ตอนที่ 15  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=17959.msg1516908#msg1516908)

 





ปฐมบทแบดบอย คาแบลท์ ฮูแซก

     ผมมาถึงที่ร้านคนแรกตอนนั้นผมอยู่ในเมืองโบคาราดันในฟลอริด้า ผมมันไอขี้แพ้ที่ยอมออกมาจากชีวิตของคนที่ผมรักที่สุด ผมบอกเขาว่าผมจะกลับฝรั่งเศส แต่ปล่าวเลย ผมมีสัญชาติเป็นอเมริกันแล้วผมก็รักอเมริกา เพราะงั้นเป็นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก ที่จะทำให้ผมออกจากประเทศนี้  และนับจากนั้นวิถีแห่งการเป็นแฟนที่ดีก็หายไปจากชีวิตของผม ตอนนี้ก็เป็นเวลาหกเดือนแล้ว และผมเริ่มต้นกลับไปใช้ชีวิตแบบเก่าของผม....


   สามทุ่ม โต๊ะของผมยังมีแค่ผมนังอยู่คนเดียวต่อไป ในร้านเต็มไปด้วยกลุ่มคนชั้นแย่ที่ไม่ควรจะเข้ามายุ่มย่ามอยู่ในเซาท์ฟลอริด้านี่เลย ผมเลยสั่งว้อดก้ากับโซดามาดื่มแก้เซง ผมมองนาฬิกาที่ข้อมือ..สามทุ่มสิบนาที ยังไม่มีใครมาถึง ผมจึงสั่งว้อดก้ากับโซดามาดื่มอีกแก้ว สาวฝรั่งเศสอายุสามสิบกว่าคนนึงที่นั่งข้างๆผมจ้องผมอยู่ เธอมีหน้าอกที่ผ่านมีดหมอมาที่เรียกได้ว่ามันมหึมาเอามากๆ เธอดึงดูดความสนใจของผมโดยเผยภายในเสื้อหนังให้เห็นหน้าอกเธอชัดๆ แต่เธอดูเหมือนผู้หญิงที่ศัลยกรรมในรายการไอว้อนอะเฟมันเฟซ(*)แต่ออกมาดูอัปลักษณ์กว่าเดิม ผมก็เลยกระดกว้อดก้าเข้าปากเร็วขึ้น


   ผมดูนาฬิกาอีกครั้งพบว่ามันเป็นเวลาสามทุ่มสิบห้านาที เพื่อนในกลุ่มของผมยังไม่มีใครโผล่มา ผมจึงสั่งวอดก้าผสมโซดาแก้วที่สาม และสั่งดับเบิ้ลวอดก้าออนเดอะร้อคโซดานิดเดียวต่ออีกแก้ว สาวฝรั่งเศสคนนั้นบอกเป็นนัยๆด้วยเสียงอันดังว่าเธออยากได้เครื่องดื่ม ผมจึงสั่งเครื่องดื่มเลี้ยงเธอและสั่งอีกแก้วให้ผม มันอาจจะทำให้ผมมองเธอสวยมากขึ้น และยอมนอนกับเธอ  นับว่าโชคดีของผม ข้อแรกคือผมไม่ได้เมาจนมองว่าเธอสวยและลากแม่นี่ไปนอนด้วย(แม้ว่าผม จะดื่มจนไม่สามรถขับรถได้ก็ตาม)ข้อที่สองคือเป็นโชคของผมที่ไม่ได้ไร้มารยาทถึงขั้นไม่เลี้ยงแม่สาวคนนั้น เพราะในเวลาถัดมาเพื่อนของเธอที่มีหน้าอกผ่านมีดหมอมาเหมือนเธอและผ่านการศัลยกรรมบนหน้ามาอย่างดีจนดูน่ารักเดินเข้ามาและขยิบตาให้ผม ผมจึงสั่งเครื่องดื่มเลี้ยงเพื่อนของเธอ


   แม่สาวคนนี้เข้ามากุ๊กกิ้กกับผม แล้วเล่าให้ฟังว่ามีครั้งนึงที่เธอเคยถูกเรียกตรวจระดับแอลกอฮอล์ตอนขับรถ แล้วตำรวจก็ปล่อยเธอไป เธอยังบอกอีกว่าเธออยากเป็นตำรวจ แต่สอบไม่ผ่านถึงสามครั้ง ผมจึงบอกเธอไปว่าเธอฉลาดมากๆ เธอก็เลยเลิกสนใจผม ตอนนี้เองที่ผมรู้สึกอย่างแท้จริงว่าเธอฉลาดจริงๆเพราะเธอจับเสียงเหน็บแนมเล็กๆของผมได้ ผมจึงหันไปสั่งดับเบิ้ลว้อดก้าเพียวๆอีกแก้ว


   ตอนนี้ผมเริ่มรู้สึกว่าผมเริ่มคลื่นไส้และเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าไม่ได้กินข้าวเย็น ผมจึงออกจากร้านแล้วข้ามไปยังร้านซูชิฝั่งตรงข้าม ในร้านกำลังมีปาร์ตี้ชุดชั้นในกันอยู่ ผมว่าพวกคนในร้านนี้ห่วยแตกสิ้นดี เว้นอย่างเดียวที่พอทนได้คือพวกเขาใส่ชุดชั้นในกันอยู่ ตอนนี้ผมต้องการแค่กินซุชิเท่านั้นผมจึงเดินไปสั่งแต่สาวเสิร์ฟค่อนข้างสวย เข้ามาขอให้ผมใส่แค่ชุดชั้นในเท่านั้น ผมจึงรูดซิปลงแต่ก็ต้องชะงักเพราะพยายามนึกว่าตัวเองใส่กางเกงในแบบไหนมา หรือว่าไม่ได้ใส่ ผมเริ่มลังเลว่าจะถอดกางเกงดีไหมแล้วผมก็ตัดสินใจได้ว่าตอนนี้อาหารสำคัญกว่าเรื่องกางเกงในเป็นไหนๆ ผมจึงถอดกางเกงออก โชว์ให้เห็นกางเกงในบ๊อกเซอร์ยี่ห้อแก็บลายทางสีเขียวที่แฟนเก่าของผมซื้อให้ ผมสะบัดหัวแรงๆไล่ใบหน้าแฟนเก่าของผมออกไปจากหัวแล้วหันมาจัดระเบียบอุปกรณ์ ส่วนตัวของผมให้อยู่ในที่ที่ควรอยู่ มีหลายคนหันมามองผม ผมจึงทำเป็นไม่สนใจหันไปสั่งซูชิโดยชี้เอาจากรูปและทำเสียงงึมงำและสั่งคอน ญัค แอนด์ เอลิเซ่(**)


   ซูชิที่สั่งมาถึง ผมราดซอสถั่วเหลืองแล้วยัดใส่ปากเร็วที่สุดจากนั้นก็ตามด้วยคอนญัค แอนด์ เอลิเซ่ และใครบางคนก็สั่งให้ผมอีกสามแก้ว และผมสั่งอีกสี่แก้วตามเสียงกองเชียร์ที่โห่ร้อง ผมดื่มแก้วสุดท้ายหมดและรู้สึกถึงสถานการณ์ที่เลวร้าย ผมกำลังจะอ้วกแน่ๆ ผมพยายามประคองตัวเองออกไปข้างนอกอย่างระมัดระวัง แต่ก็ชนเข้ากับผู้หญิงคนนึงเสียคว่ำตอนออกจากประตูร้าน ผมสะดุดหัวทิ่มเข้าไปในพุ่มไม้ อ้วกพุ่งออกจากปากและจมูก ผมโคตรทรมานเลยล่ะ แล้วผมยังรู้สึกเจ็บขามากแต่ไม่รู้ว่าทำไมก็เลยก้มลงไปมอง ชิบหาย!ผมไม่ได้ใส่กางเกงแถมหนามยังทิ่มเข้าไปในหน้าแข้งอีกต่างหาก ผมอ้วกเสร็จแล้ว และขณะที่กำลังพยายามห้ามเลือกอยู่ก็มีแสงส่องเข้ามาแยงตาผม ผมโมโหสุดๆก็เลยตวาดคนที่ฉายไฟไปว่า “หยุดส่องไอ้ไฟเฮงซวยนี่ใส่หน้าฉันซักทีสิว่ะ ถ้าแกยังไม่หยุดฉันจะลากแม่แกแล้วบังคับให้อมไอ้หนูนี่ให้ฉัน” แล้วเจ้าของแสงไฟนั่นก็แสดงตัวออกมาว่าเป็นตำรวจ

 
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

I want a famous face รายการทางช่อง MTV ที่จะให้ผู้ชมจากทางบ้านได้ศัลยกรรมใบหน้า

Cognac and Alize เหล้าชนิดหนึ่งที่ผลิตในฝรั่งเศสตั้งชื่อตามเมืองที่กำเนิด (Cognac) ส่วนเอลิเซ่เป็นยี่ห้อ

ปล.ขอบคุณที่ปรึกษาทั้งอาวุสโสและไม่อาวุสโสทุกท่านคะ
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 27-08-2010 23:34:05
^
^
^
เข้ามาจิ้มเป็นเกียรติเป็นศรีอย่างรวดเร็ว ฮี่ๆๆๆๆ


อยากรู้ชื่อไอ้หนุ่มมอมตัวเองในคอสตูมกุงเกงลิงตัวเดียวแร้นนนนนนนนน +ค่าหนามตำแข้ง
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย
เริ่มหัวข้อโดย: getto ที่ 27-08-2010 23:34:29
มาดัน ฮี่ๆ
แบดบอยจริงๆ
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย
เริ่มหัวข้อโดย: ლїЯдςLΣϛlθTtεR ที่ 27-08-2010 23:35:56
เจิ่มเรื่องใหม่ของคนคุ้นเคย
ฮ่าๆๆๆๆๆๆ


เราจักติดตามเรื่องนี้อย่างที่สุด
เตอร์รักแบดบอย  ใครเปนแบดบอยติดต่อมานะ ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย
เริ่มหัวข้อโดย: ┗◎┗◎ ที่ 27-08-2010 23:40:10

เตอร์รักแบดบอย  ใครเปนแบดบอยติดต่อมานะ ฮ่าๆๆๆ

รู้สึกคนนี้จะแร๊งงงงงงงงง กว่าพระเอกของเรื่องอีกนะ - -

เจิมๆๆๆ

ขอเถื่อนๆ แรงๆ
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย
เริ่มหัวข้อโดย: Shock_n2n ที่ 27-08-2010 23:40:31
เรื่องใหม่ๆ
อิอิ :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 27-08-2010 23:52:22
น่าติดตาม
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย
เริ่มหัวข้อโดย: N.T.❁ ที่ 28-08-2010 00:08:10
เริ่มเรื่องน่าสนใจค่าา อยากอ่านต่อ...
ไม่รู้ว่าคุณตำรวจนั่นจะมีบทบาทอะไรต่อจากนี้หรือเปล่า?
รออ่านต่อนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย
เริ่มหัวข้อโดย: YELLOWSTAR ที่ 28-08-2010 00:10:05
แร๊งงงงงงงงงงง

พูดได้คำเดียวจิงๆ
 :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย
เริ่มหัวข้อโดย: sadness ที่ 28-08-2010 00:31:28
 :impress2:  :-[  :o8:  :L1:  :3123:  :L2:  :mc4:
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 28-08-2010 06:59:00
 :L1:
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย
เริ่มหัวข้อโดย: CanonDNattari ที่ 28-08-2010 08:51:39
เรื่องที่แล้วเป็นไฮโซ เรื่องนี้เปิดตัวมาขี้เมาเลย พระเอกคนละขัั่ว นะ

ลุ้นจริง ๆ เขาคือใคร อยากเห็นผู้ชายใส่่ บ๊อกเซอร์ลายทางสีเขียว  :-[
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 28-08-2010 10:03:01
ขอบคุณนะครับเรื่องให่สนุกมากมายน่าติดตามดีจัง
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 28-08-2010 11:44:24
อืมๆ
รออ่านดีกว่า
เดี๋ยวคาดเดาผิด
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย
เริ่มหัวข้อโดย: ლїЯдςLΣϛlθTtεR ที่ 28-08-2010 12:46:09
เรื่องนี้ออกตัวแรงล้อฟรีเลยอ่ะป้า  คิคิ
เยี่ยม!!
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 28-08-2010 16:03:49
แรงได้ใจแฮะ
และปากร้าย มองโลกได้เจ็บปวดมากๆๆๆ
น่าคิดจริงๆ แฮะว่าอะไรทำให้เลิกกับแฟนเก่า?
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 2 ครึ่งแรก (28/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSacrifice ที่ 28-08-2010 20:59:02
    ผมเล่าเรื่องคืนซูชิบาร์ให้เพื่อนๆของผมฟัง วันนั้นผมเป็นจุดสนใจตามที่คาดไว้ นั่นถือว่าคุ้มค่ากับวีรกรรมนี้และรอยแผลตรงหน้าแข้ง

“แกรอดตำรวจมาได้ไงว่ะคาแบลท์” คำถามที่แม้แต่ผมเองก็ยังหาคำตอบมาตอบพวกมันไม่ได้


   แต่ผมจำได้ว่าคืนนั้นผมพยายามนึกนึงการเผชิญหน้ากับตำรวจในครั้งที่ผ่านๆมา และหวังอย่างยิ่งว่ามันจะช่วยให้การเผชิญหน้าในครั้งนี้ผ่านไปได้ แต่แล้วก็รู้ซึ้งได้ว่าแถวนี้ไม่มีใครช่วยประกันตัวผมออกจากโรงพักแน่ๆ ผมจึงรวบรวมอะดรีนาลีนทุกหยอดในร่างกายเพื่อลุกขึ้นยืนแล้วขอโทษตำรวจพร้อมอธิบายว่ากางเกงของผมอยู่ในร้านซูชิที่อยู่ห่างออกไปไม่ถึงห้าสิบเมตรและให้สัญญาว่าคืนนี้ผมจะไม่ขับรถ ตำรวจบอกให้ผมกลับไปใส่กางเกงและเดินออกไปเสียเฉยๆ



    หลังจากพวกนั้นฟังวีรกรรมห่ามๆของผมในคืนซูชิบาร์ เราจึงนัดกันรวมตัวเพื่อจะมันส์สุดเหวี่ยงและโลดโผนกันในคืนวันเสาร์(คืนที่ผมจะเก็บความทรงจำนี้ไว้เป็นอย่างดีเลยล่ะ) กับเพื่อนอีกสามคนคือ แซค แดเนียล และเชลดอน  

   เชลดอนนัดเพื่อนของเขาที่วิทยาลัยกฎหมายของเขามาอีกสามหรือสี่คน เขาดูตื่นเต้นมากที่ได้เจอเพื่อนก็เลยเริ่มซัดไลท์เบียร์ยี่ห้อโปรดแบบไม่อั้น เอริก้าคู่หมั้นของเขารู้ดีว่าเชลดอนรักการดื่มแค่ไหน เธอจึงหลีกเลี่ยงที่จะห้ามเขา เธอดึงผมไปคุยที่มุมห้องและให้สัญญาว่าจะไม่ดื่มจนเมา ผมให้สัญญากับเธอ

   พอกับแกล้มกับเหล้าในอพาทเม้นหมด เราก็เลยออกไปต่อกันข้างนอกโดยใครบางคนซึ่งเป็นเพื่อนของเชลดอนแนะนำว่าเราควรไปร้านชู้ตเตอร์สองกันเพราะร้านนั้นมีกระทิงยนต์ด้วย

   ตอนเราถึงร้านเชลดอนและแดเนียลเมากรึ่มๆแล้ว พวกเขาร้องเพลงของแบล็คแซบบาทเสียงดังลั่นแถมเดินเตะรถที่ลานจอดรถไปตลอดทาง ส่วนพวกที่เหลือก็สภาพพอๆกัน ส่วนแซคซึ่งเป็นคนชอบหาเรื่องอยู่แล้วหลังจากดื่มจิมบีม(*)มาตลอดเวลาชั่วโมงกว่าๆก็เมาจนจ้องเครื่องหมายจราจรอย่างสงสัย และพร้อมจะมีเรื่องกับมันได้ทุกเมื่อ

   เราจ่ายค่ายสายรัดข้อมือสำหรับผ่านเข้าออกคนละสองเหรียญ สาวน้อยที่เคาน์เตอร์แต่งชุดโคบาลรัดรูปสีแดงทำจากผ้าไลครา รองเท้าบูตสีขาวทำจากหนังงู บนหัวสวมหมวกโคบาลสีขาว ช่างเหมาะเจาะเข้าชุดดีจริงๆ ร้านตกแต่งแบบตะวันตกร่วมสมัย มีเขาสัตว์ อานม้า ประดับอยู่ตามฝาผนัง ผมกำลังเพลินกับการดูเครื่องใช้ของคนบ้านนอกที่ตกแต่งในร้านก็ได้ยินเสียงเฮจากเพื่อนๆกลุ่มผมว่า “ไม่จริงมั้ง นี่มันสุดยอดว่ะ” ผมหันไปทางสายตาพวกเพื่อนกลุ่มผมก็เห็นว่าตรงกลางร้านมีเวทีมวยปล้ำอาชีพให้ดูกันสดๆ ข้างๆเวทีมีป้ายประกาศให้รู้ว่า”นี่คือสมาคมมวยปล้ำแดนใต้”


  แซคเป็นคนแรกที่มีปฎิกิริยาเรื่องนี้ เขาเดินแหวกกลุ่มคนเข้าไปที่เวทีแล้วเริ่มตะโกนด่าพวกนักมวยปล้ำ

“ไอ้ตัวตลกสองคนนี่น่าสมเพชชะมัด! ยายฉันยังปล้ำเก่งกว่าพวกไองั่งสองตัวนี่เลย พวกแกโคตรโชคดีเลยว่ะที่ฉันไม่ได้อยู่บนเวที ไอ้ห่วยเอ้ย ให้ฉันขึ้นไปปล้ำฉันจะไล่เตะตูดพวกแกเอง”

   สิบนาทีต่อมาสถานการณ์ยังเรียบร้อย พวกในร้านรู้ว่ากลุ่มเราเมามากๆ และเป็นเพียงการพูดเล่นตลกเท่านั้น แต่ผมว่า
แซคพูดถูก ผมว่านักมวยปล้ำพวกนั้นอ้วนจนน่าเกลียดเลยล่ะ

   พอเบียร์ใกล้หมดแซคก็เริ่มป่วนอีกครั้ง เขาข้ามเชือกที่กั้นระหว่างคนดูแล้วทุบพื้นเวทีพร้อมตะโกนใส่นักมวยปล้ำ นักเลงคุมร้านเข้ามาบอกให้เขาหยุด แต่เขาไม่หยุดพวกนักเลงคุมร้านจึงลากเขาลงจากเวที ผมกับเพื่อนของเชลดอนจึงไปเอาตัวเขาออกมา

   จังหวะนั้นเองที่ผมรู้ว่ากลุ่มของพวกเราเด่นแค่ไหน บางคนในกลุ่มของเราแต่งเครื่องแบบนักศึกษาป.โท สีกากีติดกระดุมเรียบร้อยแต่คนในนั้นดูเหมือนจะไม่มีใครรสนิยมดีเหมือนพวกเราเลย พวกเขาแต่งตัวแบบ “คนบ้านนอกปอนๆ” ด้วยกางเกงยีนส์สกปรกๆกับเสื้อแบบที่คนขับรถบรรทุกชอบใส่ พวกที่แต่งตัวดีกว่าหน่อยก็แต่งตัวแบบโคบาล ยีนส์สะอาดๆ เสื้อเชิ้ตแบบสบายๆกับรองเท้าทูต มันทำให้ผมรู้โดยทันทีว่าคนส่วนใหญ่ในร้านนี้ไม่ชอบคนรวยที่ชอบช่มคนอื่น โดยเฉพาะพวกเมาแล้วชอบข่มคนอื่น นั่นทำให้ผมรู้โดนทันทีว่าหายนะกำลังเข้ามาใกล้พวกเรา

  ตอนนั้นเองแซคเดินเข้าไปคุยกับพวกบ้านนอกๆที่ดูโง่ๆสองคนเรื่องข้อดีข้อเสียของคนใต้และคนเหนือ แซคมาจากเพนซิลวาเนีย เขาบอกว่าสามารถโค่นไอ้อ้วนนั่นบนเวทีได้ แล้วเขายังถามกวนๆว่าไอ้นักมวยปล้ำนั่นเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย เท่านั้นแหละก็มีคนมาออกตัวแทน

แซคจึงถามออกไปว่า ”นายเป็นคนชั้นต่ำเหมือนหมอนั่นใช่มั้ยและดูถูกความฉลาดของเขา “   พวกเขาไม่มีใครสามารถเถียงแซคได้ ผมว่าไอคนบ้านนอกอวดฉลาดพวกนี้ต้องเรียนตรรกศาสตร์โดยด่วนเพราะเถียงแพ้กระทั่งคนที่เมาแอ๋

“ทางใต้นี่มีแต่พวกบ้านนอกเฮงซวยเต็มไปหมด พวกแกเป็นญาติพวกมันป่าวว่ะ” คนพวกนั้นกำลังจะเถียงอะไรบางอย่างแต่ผมฟังไม่ถนัด แล้วแซคก็พูดต่อว่า

“นั่นไม่ทำให้เรื่องที่ว่าพวกแกได้เสียกันเปลี่ยนไปหรอก พวกแกเป็นญาติกัน พี่น้องได้กันเอง ไอ้พวกบ้านนอกโสโครก”



   สองสามนาทีต่อมาการปล้ำบนเวทีก็จบลงพอดีผมอาศัยจังหวะนั้นลากแซคออกมาจากการกวนตีนชาวบ้านเขา กลุ่มของเรากลับมารวมตัวกันอีกครั้งนึง แซคสั่งเบียร์มาเลี้ยงทุกคน แล้วหลังจากที่กินเบียร์กันไปได้ซักพักในร้นก็เริ่มเปิดให้เล่นกระทิงยนต์ แน่นอนแซคไปต่อแถวเล่นกับเขาด้วย แถมยังตะโกนท้าทายไอ้อ้วนนักมวยปล้ำนั่น จนกระทั่งมันทนไม่ไหวเดินมาต่อคิวด้วย เมื่อมันเดินมาถึงเชลดอนก็เอาแบงค์สิบเหรียญออกมากระแทกลงบนโต๊ะแล้วเรียกมันมาคุย

“เฮ้ยไอ้อ้วน ฉันพนันว่าเพื่อนฉันขี่ไอ้วัวนั่นได้นานกว่าแก”

“ฉันจะฆ่าแกไอ้พวกลูกหมาเมืองเหนือ หลังจากนั้นฉันจะไปล่อแม่แก” ไออ้วนนั่นดูฉุนสุดๆ

“ไม่เอาน่า แม่ฉันไม่ได้อยู่ที่นี่ซักหน่อย แล้วคนที่แกต้องล่อน่ะอยู่โน่น” เชลดอนชี้ไปที่แซค

   ไอ้อ้วนนั่นเดินไปที่กระทิงยนต์แบบไม่ต่อปากต่อคำ หลังจากพวกบ้านนอกกลุ่มนึงเล่นเสร็จมันก็ขึ้นไปเล่นบ้าง มันถูกสะบัดตกลงมาอย่างหมดท่าในสี่วินาที พวกเราล้อเลียนมันอย่างหนัก มันดูโมโหมาก นั่นยิ่งทำให้พวกเราโห่ฮาหนักขึ้นไปอีก

   แซคขึ้นไปบ้าง ช่วงสี่วินาทีแรกเขาทำได้ดีทีเดียว จนกระทั่งวัวหกหน้าหกหลังแล้วสะบัดอย่างแรง ซึ่งเป็นท่าเดียวกับที่ทำให้ไอ้อ้วนนั่นตกลงมา แต่แซคไม่ได้ตกลงมาในทันที เขากัดไม่ปล่อยเหมือนหมาพิตบูลอังกฤษ(**)  แต่ต่อมาเขาก็ร่วงลงมาโดยเอาหว่างขากระแทกพื้นเต็มแรงและมีข้อมือของเขารองอยู่ข้างใต้ ผมเห็นเขาหน้าเขียวขึ้นมาทันตา คิดดูแล้วกันน้ำหนักทั้งหมดของเขากระแทกลงไปที่ไข่แถมยังมีข้อมือมาอัดทับลงไปอีก แต่มันก็คุ้มสำหรับแปดวินาทีที่เขาอยู่บนหลังกระทิงยนต์นั่นได้

   เมื่อเขาลุกขึ้นมาได้กลุ่มเราก็รวมตัวกันคุยเรื่องชาวเหนือชาวใต้อีกครั้ง พร้อมหัวเราะเยาะไอ้อ้วนหน้าโง่นั่น

“เฮ้พ่ออ้วนรูปหล่อ ทำไมฉันขี่ได้นานกว่าแกวะ? ลำพังแค่ก้นอวบๆของแกก็น่าจะอยู่ได้นานกว่าสี่วินี่หว่า” แซคเปิดฉากยั่วมันอีกรอบ

“คนใต้มันทำอะไรฉลาดๆไม่เป็นหรอกว่ะเพื่อน” เพื่อนป.โทที่วิทยาลัยของเชลดอนยั่วมันอีก

“บางทีถ้าพวกแกไม่ล่อพี่ล่อน้องกันเองแกอาจจะเกาะได้แน่นกว่านี้นเว้ย” แดเนียลเอาบ้าง

“ฉันไม่เคยขี้ไอ้นั่นมาก่อน แต่ฉันยังแจ๋วกว่าแกเลยว่ะไอ้อ้วน” แซคตบท้ายก่อนที่ไอ้อ้วนนั่นจะเดินปึงปังออกไปจากร้าน

“ไอ้อ้วนนั่นเป็นหนีนายสิบเหรียญนี่กว่าเชลดอน” ผมและเพื่อนของเชลดอน รวมทั้งเชลดอนด้วย ช่วยกันเกลี้ยมกล่อมแซคว่าเอาแค่ความสะใจ

    ผมแวบไปเข้าห้องน้ำ แต่พอกลับมาก็พบว่าแซคไม่อยู่ที่เดิมแล้ว เมื่อมองหาก็เห็นว่าเขากำลังตะโกนด่าไอ้อ้วนนั่นกับเพื่อนมันอยู่

“ไอ้นรกเอ้ย เอาเงินมาให้ฉันสิบเหรียญ ไม่งั้นฉันจะเตะตูดแกทั้งคู่ให้กลิ้งเลย” แล้วหายนะก็เริ่มขึ้น คนคุมบาร์หมดความอดทนกับแซค เขาร่วมมือกับไอ้อ้วนนั่นและเพื่อนของมันจับแซคโยนออกมาทางหลังร้าน ผมรีบไปตามหาเพื่อนๆเพื่อที่จะบอกว่าแซคถูกโยนไปหลังร้าน เวลาที่เชลดอนเมานั้นเขามีแนวโน้มที่จะระเบิดง่ายๆอยู่แล้ว ยิ่งเมื่อรู้ว่าแซคถูกโยนออกหลังร้าน เขายิ่งโกรธมาก เขาทุบที่เขี่ยบุหรี่จนแตกแล้วเขวี้ยงออกไป ซึ่งนับว่าโชคดีที่ไม่ได้โดนหัวใครเข้า แต่มันทำให้ผู้จัดการร้านไม่พอใจเขาเลยเรียกผมเข้าไปคุย

“ฉันว่านายกับเพื่อนๆควรกลับไปได้แล้วนะ”

“เห็นด้วยอย่างยิ่ง เดี๋ยวผมขอตามพวกเขามากันรวมกันก่อน แล้วเราจะไปทันที”



-----------------------------------------------------------------------------------------

Jim beam  วิสกี้ยี่ห้อหนึ่ง มีประวัติยาวนานโดยเหล้ายี่ห้อนี้ต้องผ่านการบ่มอย่างน้อยสี่ปีจึงจะวางขายได้
British pitbull  สุนัขที่ชางอังกฤษใช้ต่อสู้กันเพื่อความบันเทิง


ตอนนี้อยู่ในขั้นลงดีเทลคะ พระเอกยังไม่ค่อยดีบทบาทมากคะ อิอิ

หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 2 ครึ่งแรก (28/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: ლїЯдςLΣϛlθTtεR ที่ 28-08-2010 22:14:52
จิ้มป้า

นี่ขนาดครึ่งยังยาวขนาดนี้ ฮ่าๆๆ
กอดป้า  เรารักคาแบลท์ คิคิ
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 2 ครึ่งแรก (28/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: ┗◎┗◎ ที่ 28-08-2010 22:46:11
แชต จอมหาเรื่อง - -
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 2 ครึ่งแรก (28/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกลิงแสดงตัว ที่ 28-08-2010 23:43:14
เนื้อเรื่องมันให้อารมณ์แบบ อเมริกันจ๋าๆ เหมือนกำลังดูหนังอารมณ์ประมาณนี้อยู่เลย (..แบบว่าเห็นภาพอ่ะคะ)
..รอต่ออยู่นะคะไรเตอร์มาไวไวเด้อ
แซคมันหาเรื่องขนาด อำยำสหบาทาคนใต้ให้มันเถอะคะ หมั่นไส้ว่ะ :angry2:
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 2 ครึ่งแรก (28/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: getto ที่ 28-08-2010 23:50:41
ป้าฟิต :laugh:
ขอตอนสามๆ
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 2 ครึ่งแรก (28/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: CanonDNattari ที่ 29-08-2010 08:20:24
ปากพาจนจริง ๆ ไม่ชอบคนเมาเลยจริง สติหายหมด

คุณปุ๋ยนายเอกยังไม่เกิดชิมิค่ะ อยู่ในท้องแม่  :laugh:
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 2 ครึ่งแรก (28/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSacrifice ที่ 29-08-2010 18:12:10
คิดว่าอีกนานเหมือนกันคะ กว่านายเอกจะปรากฎตัว
ขอแฉความเลวพระเอกก่อนคะ
ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 2 ครึ่งแรก (28/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: badmanners ที่ 29-08-2010 19:17:57
อีปุ้ย


ช่างเพ้อได้มีหลักวิชาการน่าดู




นี่มันเรื่องแนวไหนวะ





รัก




ดราม่า




ฆาตกรรม






เดี๋ยวกูเอามั่ง



เรื่อง



"หาผัวเมื่ออยู่แอลเอ"





ซ่องมีกี่ซ่องกูจะคุ้ยมาทำสารบัญให้หมด





ปล.เรื่องดีเนื้อหาน่าจะดี


ราวกับว่าเป็นหนังสือแปล  "กระเทยแก่ก่อนตาย"



ปล.อีกที   ใครด่ามึงให้มันมาด่ากูแทน  อิอิ


หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 2 ครึ่งแรก (28/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: badmanners ที่ 29-08-2010 19:57:52
ปล.อีกที




นี่กูชมมึงนะ





ทำไมวะ




เหมือนกูด่ามึงเหรอ






อีฝัด
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 2 ครึ่งแรก (28/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: ┗◎┗◎ ที่ 29-08-2010 20:01:11
เดี๋ยวกูเอามั่ง



เรื่อง



"หาผัวเมื่ออยู่แอลเอ"





ซ่องมีกี่ซ่องกูจะคุ้ยมาทำสารบัญให้หมด

มาถึงก็ป่าวประกาศว่า

อยากมีผัวฝรั่งเลย

อย่างนิโกรดำๆ เถื่อนๆ ใหญ่ๆ คงถูกจวยเก่งเนอะ

รักษาตูดหายบานรึยังเฮีย  :z2:


ปล. เก่งด่าป้าแก่ใกล้ตาย แร๊งงงงงงงงงงงงง
     (ถึงมันจะเป็นเรื่องจริงก็เถอะ -..-)
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 2 ครึ่งแรก (28/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSacrifice ที่ 29-08-2010 20:03:00
ไอเก่งมันด่าโล่ไม่ใช่เหรอ
โล่เข้าห้องมืดๆ
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 2 ครึ่งแรก (28/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: sadness ที่ 30-08-2010 19:30:22
มาดันรอป้า คิคิ
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 2 ครึ่งแรก (28/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: หวานเย็น ที่ 30-08-2010 22:33:44
ป้า เปิดนิยายเรื่องใหม่ก็เข้าใจ

แต่

ไอ้ที่บอกว่า "เถื่อนเจริญรอยตามหวาน" มันหมายฟามว่าไงฟร่ะ

5555

รอป้ามาต่อนะครับป๋ม

 :L2:
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 2 ครึ่งแรก (28/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: ┗◎┗◎ ที่ 30-08-2010 22:46:33
ตอนเมื่อไหร่จะลงเน้อ

หรือมัวแต่ฉีดคลอลาเจนเข้าหน้าตัวเองอยู่

ฮี่ๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 2 ครึ่งแรก (28/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: getto ที่ 30-08-2010 22:48:42
^
^
^
พี่หวานกะพี่เก่งมาติดๆกัน
สงสัยป้าไปเติมออกซิเจนด้วย :laugh:
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 2 ครึ่งหลัง (31/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSacrifice ที่ 31-08-2010 19:29:18
   ผมไปตามทุกคนมารวมกันและอธิบายเรื่องราวให้พวกเขาฟังทั้งหมด พร้อมนำพวกเขาไปที่ประตู ตอนนั้นเองที่แซคเดินกลับเข้ามา

“นายมาทำอะไรอยู่ตรงนี้ นายเพิ่งโดนโยนออกมาไม่ใช่เหรอ” ผมถามแซค

“จะเอาฉันออกมันต้องมากกว่านั้นเว้ย ฉันจ่ายไปแล้วสองเหรียญเป็นค่าเข้า ถ้ามันไล่ฉัน ฉันจะไปเอาเงินของฉันคืน”

   ผมพยายามอธิบายให้แซคฟังว่ากลุ่มเราไม่เป้นที่ต้อนรับแล้ว และเราควรจะออกจากที่นี่กันด้วย ผมพยายามพาทุกคนออกจากประตู เชลดอนออกไปเป็นคนแรก ขณะที่เขายืนรอพวกเราอยู่ เขาก็เห็นรถบนนทุกคันนึงจอดอยู่ เขาเลยเดินไปเตะกันชนหน้าซะสองที คนใต้คนนึงเดินออกมาแล้วตรงไปหาเชลดอนพร้อมกับถามว่า

“ไอ้หนู นี่แกเตะรถนั่นเหรอ” ดูเหมือนเชลดอนจะไม่มั่นใจว่าควรตอบยังไงดี ไอ้หมอนั่นตัวใหญ่มาก และเราน่าจะรู้ตัวว่าเขาเป็นคนผิด แต่ผมว่าเชลดอนไม่อยากก้มหัวให้กับคนใต้แน่นอน เขาจึงจ้องหน้ามันเฉยๆ

“เห้ยไอ้เวร ฉันถามว่าแกเตะรถนั่นเหรอ”

“แล้วแกเป็นใครวะ” เชลดอนตอกกลับไป


  นั่นเป็นประโยคจุดระเบิด ไอยักษ์นั่นตบหัวเชลดอนฉาดใหญ่ เพื่อนของเชลดอนที่ชื่อโทมัสโยนขวดเบียร์ทิ้ง แล้ววิ่งเข้าไปตะบันหมัดใส่ไอ้ยักษ์นั่นทันที แต่เขาเล็งไม่แม่นเลยซักนิด มันเลยดันไปซัดเอาเชลดอนแทน การต่อสู้ของพวกเขาห่วยแตกสิ้นดีโทมัสกับไอ้ยักษ์นั่นเหวี่ยงหมัดกันสะเปะสะปะพร้อมกับหลบหมัดอีกฝ่ายไปด้วย เลยไม่มีใครชกโดนใครเลย

   ก่อนที่ผมจะออกไปห้ามทันก็มีคนใต้อีกสิบกว่าคนออกมาจากร้าน ผมดึงเชลดอนและโทมัสออกมา ขณะที่คนใต้เยอะขึ้นเรื่อยๆ
“พวกเราจะไปแล้ว ขอโทษที่กวนใจพวกนาย” ผมบอกพวกนั้น


   ตอนนี้คนใต้มารวมกลุ่มกันอยู่ที่หน้าประตูประมาณ 20-30 คนแล้ว พวกนั้นด่าพวกเราอย่างหยาบคาย ไม่กี่วินาทีต่อมาแซคก็เดินแหวกกลุ่มคนใต้พวกนั้นออกมา ตอนนั้นเองมีคนใต้ที่ยืนข้างๆแซค ตะโกนด่าเชลดอน เขาเลยเลือดขึ้นหน้าทันทีเพราะทั้งรักเพื่อนและเมา เขากระแทกไอ้หมอนั่นแล้วดันตัวมันไปติดรถบรรทุกคันเมื่อกี้ แซคเอาหัวโหม่งท้องมันจนซี่โครงมันหัก พวกมันอีกหลายคนจึงกรูเข้าไปกระทืบเขา โทมัสกำลังฟัดกับใครซักคนอยู่ต่างฝ่ายต่างพยายามบีบคอกันให้ตาย แดเนียลยืนทะเลาะกับพวกมันที่ถนน เชลดอนและพวกเพื่อนๆในกลุ่มที่เหลือหันหลังชนกันแล้วเหวี่ยงหมัดใส่ทุกคนที่เข้ามา ส่วนผมพยายามลากแซคให้พ้นจากการเป้นกระสอบทรายของพวกคนใต้



ทันใดนั้นเองเชลดอนก็ตะโกนประโยคที่ทำให้โสตประสาทของเราทุกคนสั่นสะเทือน

“ฉิบหายแล้ว แม่งมีปืน! ปืน! ได้ยินไหม แม่งมีปืน!” คำว่าปืนมักจะส่งผลแปลกๆต่อการต่อสู้ที่กำลังนัวเนียอยู่เสมอ มันทำให้การต่อสู้ครั้งนี้หยุดลงทันที สิ้นเสียงแชลดอนผมกับพวกเพื่อนๆรีบถอยออกมาอย่างรวดเร็ว

    เรามุ่งหน้าออกไปหาที่ปลอดภัยเท่าที่เราจะทำได้ เราเข้าไปยังร้านเหล้าอีกร้านแต่มีสาวน้อยสองสามคนขวางบรรได้อยู่พวกเธอไม่ยอมให้เราเข้าไปในร้านหากเราไม่จ่ายค่าสายรัดข้อมือเข้าออกสองเหรียญ

“สองเหรียญ” แซคทวนคำอย่างหัวเสีย

“เมื่อกี้ฉันจ่ายสองเหรียญเพื่อให้พวกมันโยนฉันออกมา ฉันจะไม่จ่ายค่าบ้าบออะไรอีกแล้ว คาแบลท์นายจัดการทีซิ” แซคผลักแม่สาวนั่นให้หลบแล้วเดินดุ่มๆเข้าร้านไปทันที

“คุณเข้าร้านไปอย่างนั้นไปได้นะคะ คุณ คุณ..” เธอหันมามองพวกผมที่เหลือ ตอนนั้นผมก็ไม่ได้อยากรับมือกับอะไรทำนองนี้ ผมจึงเดินผ่านสาวๆพวกนี้ไปบ้าง

“ขอโทษนะคะ คุณต้องจ่ายสองเหรียญ แล้วก็อีกสองเหรียญสำหรับเพื่อนคุณที่เดินขึ้นไปแล้วด้วย”

“อย่ามางี่เง่าน่า เธอทำงานที่นี่รึไง”

“เปล่าคะ แต่นี่เป็นงานการกุศลนะคะ คุณต้องบริจาคเพื่อการกุศล”

“ถ้าเธอไม่ได้ทำงานที่นี่ ก็อย่ามาขวางทางฉัน ฉันจะเข้าไปดื่มเพื่อการกุศลล่ะ” ผมตัดบท แดเนียลตัดปัญหาโดยออกค่าเข้าให้พวกเราทุกคนแล้วทิปสาวๆพวกนั้นไปอีกสิบเหรียญ หมอนี่เป็นพวกที่ทำทุกอย่างเพื่อให้สาวๆชอบมัน

“เอาล่ะทุกคน เราไปไหนไปกันใช่มั้ยพวก เราเกือบตาย เพราะฉะนั้นเราต้องไม่ออกจากร้านนี้และอยู่ด้วยกัน ไม่งั้นเราอาจจะโดนยิง เข้าใจไหม?” แดเนียลตะโกนออกมา เราทุกคนเห็นด้วย แต่เนื่องจากแต่ละคนเมาแอ๋กัน เลยไม่มีใครสนใจเขาอย่างจริงจังเท่าไหร่ ผมยิ้มเยาะๆแล้วเดินไปเข้าห้องน้ำคนเดียว




   ตอนเดินกลับมาผมส่งยิ้มให้สาวน้อยน่ารักคนหนึ่ง ซึ่งเธอยิ้มตอบกลับมาเราเลยเริ่มคุยกัน ผมใช้เวลาราวๆยี่สิบนาทีเพื่อจ้องลึกเข้าไปยังดวงตาสีฟ้าใสของเธอ แกล้งทำเป็นสนใจเรื่องงี่เง่าที่เธอพูด แต่ทันทีที่ผมนึกขึ้นไปว่าผมมีหน้าที่ต้องดูแลเพื่อนๆเนื่องจากผมเป็นคนเดียวที่ไม่เมา(กับแดเนียลที่เมานิดหน่อย) ผมมองไปรอบๆก็เห็นว่าเพื่อนๆผมไม่อยู่เลยซักคน

   ผมผละจากสาวน้อยคนนั้นทั้งๆที่เธอยังพูดค้างอยู่แล้วรีบวิ่งออกมา เจอแดเนียลกำลังป้อแม่สาวที่เก็บเงินตรงทางเข้าเราอยู่

“เฮ้ย พวกเราไปไหนกันหมดวะ” ผมถาม

“อ๋อ ไอ้พวกคนใต้เมื่อกี้มาเอาตัวไปน่ะ แต่ฉันคิดว่าเราอยู่บนนี้ดีกว่าน่าเพื่อน”

“อะไรนะ! ไอ้ปัญญาอ่อนเอ้ย มีแค่เราสองคนนะเว้ยที่ยังไม่เมา”

   ผมรีบเผ่นออกมาเจอกับสิ่งที่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะอธิบายยังไง เพื่อนๆของผมอยู่ในสวนใกล้ๆนั่นเอง พวกเขายืนอยู่บนม้านั่งชี้ไม้ชี้มือ ออกท่าออกทางและตะโกนโหวกเหวกท้าทาย ดูไปดูมา ก็เหมือนฝูงลิงบาบูนที่กำลังตื่นเต้นอยู่เหมือนกัน คนใต้ราวๆยี่สิบคนที่อยู่อีกฟาก ระหว่างทั้งสองกลุ่มมีนักเลงคุมร้าน 5 คนพยายามแยกพวกเขาออก

  จังหวะนั้นเองที่แซคพุ่งตัวไปจะซัดพวกนั้นแต่โชคดีที่นักเลงคุมร้านล็อคคอสกัดเขาเอาไว้ได้ แซคโกรธมากพยายามจะชกหน้านักเลงคุมร้าน ผมเลยเข้าไปช่วยนักเลงคุมร้านลากแซคออกมา นักเลงคุมร้านเห็นว่าผมยังไม่เมาจึงพูดกับผมด้วยประโยคเดิมๆที่ผมได้ยินมาตั้งแต่มหาวิทยาลัยว่า

“นายพาเพื่อนนายออกไปจากที่นี่ได้แล้ว”

“ใจเย็นก่อนพี่ชาย รถเราจอดอยู่ที่จอดรถ จะให้ผมเดินผ่านไอ้พวกนั้นไปขึ้นรถยังไง พวกมันมีปืนด้วยนะ”  นักเลงคุมร้านเห็นด้วยกับผมจึงล้อมเราไว้แล้วพาเราไปที่รถ  สาบานได้เลยว่าไอ้พวกคนใต้ป่าเถื่อนพวกนั้นไม่พอใจเท่าไหร่หรอก แต่หัวหน้านักเลงคุมร้านช่วยเกลี้ยกล่อมให้ ผมเดาว่าพวกมันยอมเพราะไม่อยากให้ตำรวจเข้ามายุ่ง



   ในที่สุดพวกเราก็เดินมาถึงรถของผมและแซค ผมเพื่งรู้ตัวว่าแดเนียลไม่ได้เดินมาด้วย ยอดไปเลย! ผมน่าจะทิ้งไอ้น่าบ้านั่นไว้ซะที่นี่เลย ผมขับรถวนมองหาเขาในลานจอดรถก็เห็นเขากำลังจ้อกับคนใต้แก่ๆที่ขับรถคันที่เชลดอนเตะออกมา

   โทมัสหันไปเห็นพร้อมๆกับพูดว่า “ฉิบชายแล้ว แดเนียลกำลังจะโดนเล่นงาน”

“อะไร ไหนวะ ไปช่วยมันเร็ว” สิ้นเสียงแซคก็พุ่งตรงไปที่แดเนียลอยู่ทันที



  ตอนนั้นผมไม่ได้ยินที่แดเนียลและตาแก่นั่นพูดกันหรอก  แต่ตอนหลังแดเนียลกับแซคมาเล่าให้ฟังว่า แดเนียลกำลังเข้าไปปรับความเข้าใจกับตาแก่นั่น นอกจากตาแก่นั่นเป็นเจ้าของรถแล้วเขายังอยู่ในร้านชู้ตเตอร์สองตั้งแต่ต้นด้วย ตอนที่แซคกับกำลังวิ่งไปขณะที่แดเนียลกำลังเกลี้ยมกล่อมอยู่นั้น ตาแก่นั่นบอกให้ลูกสมุนให้เลิกยุ่งกับพวกเราอยู่พอดี

“เพื่อนแกโชคดีมากที่มีแกคอยมาเคลียให้ ไม่งั้นฉันฆ่ามันไปแล้ว” ตาแก่นั่นบอกกับแดเนียล

“ใช่ ผมดีใจที่เราตกลงกันได้” แดเนียลบอกตาแก่นั่น


   ทันใดนั้นเองแซคก็กระหืดกระหอบเข้ามา

“แดเนียล ไอ้แก่นั่นมีปืน”

“ปืนเหรอไอ้หนู ฉันมีตั้งสองกระบอก” ตาแก่นั่นพูดพลางควักปืนออกมา เป็นปืน 9 มม.ทั้งสองกระบอก

“ฉิบหายแล้ว” แซคร้องเสร็จก็ตาลีตาเหลือกถอยหลังจนล้มก้นจ้ำเบ้า

“แซค นายกลับไปที่รถซะเดี๋ยวฉันจัดการเอง” แดเนียลว่า

“เฮ้ย นั่นไอคนที่เตะรถฉันนี่หว่า แก่ต้องจ่ายค่ากันชนให้ข้า” ตาแก่นั่นชี้มาที่เชลดอนขณะที่เขากำลังเดินไปหาแดเนียลอีกคน

“แซค แกพาเชลดอลออกไปด้วย”

“ผมต้องขอโทษด้วยครับ เพื่อนผมกำลังจะกลับกันแล้ว เขาเมากันมากแล้วกันชนของลุงก็ยังดีอยู่นี่ครับ”

“แล้วใครจะจ่ายค่ากันชนให้ข้ากันละ ไอ้เบื้อก” โชคดีของเราอีกครั้งที่นักเลงคุมร้านออกมาไกล่เกลี่ยให้




  ช่วงยี่สิบนาทีที่เราขับรถกลับชาเปิลฮิลล์เราก็คุยกันแต่เรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาตลอดทาง เพื่อนคนนึงของเชลดอนไม่เชื่อว่าพวกนั้นจะมีปืน โทมัสเชื่อว่ารถที่ขับตามหลังเรามาเป็นรถพวกนั้น ส่วนเชลดอนหลังจากที่ขึ้นรถก็หลับทันที

“คาแบลท์เหยียบให้มิดเลยสิวะ พวกนั้นตามเรามา”

“ใจเย็นๆเพื่อน ไม่มีใครตามเรามาหรอก แล้วพวกมันก็ไม่มีปืนหรอก”

“ส้นแน่ะเท็ด! กูเห็นปืนเต็มๆ กูว่าป่านนี้พวกมันตามจ่อยิงเราแน่เลยว่ะ”

“พวกแม่งไม่มีปืนหรอก” เพื่อนของเชลดอนที่ชื่อเท็ดย้ำอีกที

“ไอ้ควาย แม่งกูเห็นตั้งสองกระบอก มึงไม่เห็นอย่าพล่ามดีกว่า”


    พวกเพื่อนๆผมยังเถียงกันต่อไป ผมโคตรเหนื่อยเลยกับการเป็นคนเดียวที่ไม่เมาในกลุ่มเพื่อน ผมบอกกับตัวเองว่าตั้งแต่นี้เป็นต้นไปผมจะเมาให้เละแม้จะต้องขับรถก็ตาม



หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 2 ครึ่งหลัง (31/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: ┗◎┗◎ ที่ 31-08-2010 21:37:38
แชคเหมือนคนที่ต้องก่อปัญหาตลอดเวลาอ่ะ
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 2 ครึ่งหลัง (31/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: ლїЯдςLΣϛlθTtεR ที่ 31-08-2010 21:54:16
เรื่องเริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ   แสดงว่ามันต้องแบดขึ้นอีก คิคิ

กอดป้า สู้ๆ   เย้เย้
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 2 ครึ่งหลัง (31/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: getto ที่ 31-08-2010 22:44:15
 :z2:ดันป้า
ฮื้บบบบบบบบบบบบบ
 :กอด1:ป้า  :a1:
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 2 ครึ่งหลัง (31/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: CanonDNattari ที่ 01-09-2010 08:46:58
เมา + หลอน หรือมันมีจริง ๆ หว่า  :m28: อารมณ์ดูหนังคาร์บอยเลยอ่ะ

เพื่่อนพาจนจริง ๆ พ่อแบดบอย แต่ดูแล้วเพื่อนท่าน *2 นะนั้น
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 2 ครึ่งหลัง (31/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 01-09-2010 10:42:13
เพิ่งตามมาอ่านตอนสองค่ะ

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด คาแบลท์ พ่อคุณแบดบอยของแท้ เอริ้กๆๆๆๆๆๆๆ
(แอบดีใจที่ไม่ได้เป็นคู่แท้หมอเน็ท เน็ทเด็กน้อยเกิ๊นนนนนน)
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย (02/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSacrifice ที่ 02-09-2010 10:06:57
   

    ผมนับไม่ถ้วนจริงๆว่านอนกับผู้หญิงมาแล้วกี่คน ผมว่าคงเกือบร้อยคน นั่นทั้งก่อนที่ผมมีแฟนเป็นตัวเป็นตนและหลังเลิกกับแฟน (ผมคบกับแฟนเก่าของผมถึง 3 ปี นั่นถือว่านานสุดๆเลยล่ะ) ผมว่าถ้าเรานอนกับผู้หญิงสัก 20 คนเราจะลืมนามสกุลของพวกเธอ ถ้าถึง 50 คนเราจะลืมชื่อของพวกเธอ และถ้าเกิน 80 คนคุณจะจำไม่ได้เลยละว่าใครเป็นใคร  แต่คงต้องยอมรับว่าไม่ว่าคุณจะนอนกับผู้หญิงมาซักกี่คนมันจะต้องมีบางคนที่คุณลืมไม่ลงแน่ๆ



   สาวคนแรกๆที่ผมนอนด้วยตอนมัธยมปลาย เธอชื่อเจนและเธอเป็นคนที่สวยมาก เธอยังเป็นสาวบริสุทธิ์ ผมหมายถึงทุกส่วนของเธอไม่ว่าจะเป็นปากและน้องสาวของเธอ ผมบอกให้เธอดูดให้ผมในตอนแรกและในตอนนั้นผมเชื่อว่าหากเธอบอกว่า ‘ฉันไม่เคยทำให้ใครมาก่อน’ นั่นน่ะแปลว่าเธอมักจะสร้างความหฤหรรษ์ชนิดที่ลืมไม่ลงเลยทีเดียว แต่ทฤษฎีนี้ใช้ไม่ได้กับเจนโดยสิ้นเชิง

   เธอเป็นคนที่ทำรักด้วยปากได้ห่วยสุดๆเท่าที่ผมเคยเจอมา วิธีที่เธอทำนั้นมันช่างไม่มีจังหวะเอาเสียเลย เธอไม่มีความกระตือรือร้น ปากของเธอยังแห้งสนิท แถมยังเอาฟันมาครูดไอ้หนูของผมอีก มันเป็นอะไรที่โคตรสยองเลยล่ะคุณ

  ผมใช้เวลาเกือบเดือนในการสอนเธออย่างลำบาก ในที่สุดเธอก็ทำได้ดีพอที่ผมจะไม่บอกให้เธอหยุดทำหลังจากเวลาผ่านไปเพียงห้านาทีแล้วให้มือทำให้จะดีกว่า อีกเดือนต่อมาเธอก็ทำได้ดีขึ้นอย่างแย่ๆ เธอทำให้ผมเกือบเสร็จได้โดยที่ผมไม่ต้องพยายามด้วยตัวเองมากนัก แต่ไม่ว่าเธอจะพยายามพัฒนาฝีมือการดูดของเธอแค่ไหนเธอก็ไม่เคยขยับหัวเลย กลับเป็นผมที่ต้องขยับสะโพกตัวเองให้เข้าจังหวะ มันเป็นสิ่งที่น่ารำคาญมาก แต่ผมก็อดทนกับเธอส่วนหนึ่งก็เพราะเธอเป็นคนสวยสุดๆและเธอก็เป็นคนดีด้วย อีกส่วนหนึ่งเป็นเพราะผมยังเด็กและคิดว่าผมกำลังมีความรัก

   จนมาถึงคืนหนึ่ง เธอทำมันได้ดีทีเดียว ขณะที่สะโพกของผมกำลังส่ายระเริงอยู่นั้น ผมก็รู้สึกเปียกๆอุ่นๆตรงระหว่างขา ผมจึงโงหัวขึ้นมาดูและพบกับสิ่งที่คล้ายๆน้ำรักปริมาณมหาศาล สิ่งที่ผมเห็นทำเอาผมงงเป็นไก่ตาแตก เพราะผมคิดว่ากำลังถึงจุดสุดยอด แต่มานึกอีกทีมันยังไม่ถึงนี่หว่า เมื่อแตะดูผมก็รู้สึกว่ามันข้นเหนียวกว่าครั้งไหนๆที่ผมเคยพ่นออกมา ความคิดแรกคือผมอาจติดกามโรคบางอย่างจากเธอเลยทำให้น้ำรักของผมคลั่กอย่างนั้น แต่ผมคิดผิด ตอนนั้นใจของผมเต้นรัวเพราะยังไม่รู้ว่าเป็นอะไรผมจึงถามเธอว่า

“นี่เธอทำอะไรน้องชายฉันน่ะ” เธอเงยหน้ามามองผม สีหน้าเธอตอบคำถามได้ดี

“ให้ตายสิเธอแหวะใส่น้องชายฉัน! นี่เธออ้วกใส่น้องชายฉันงั้นเหรอ!”  ใช่แล้วล่ะคาแบลท์เอ๋ย มันเป็นอย่างที่นายว่าแหละ

  ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเธอไม่เคยทำมันให้ผมอีกเลย เราทั้งคู่ต่างก็มุ่งสู่การจ้ำจี้กันโดยตรงระหว่างน้องชายของผมและน้องสาวของเธอ แต่ผมเลิกกับเธอในอีกปีต่อมา ความสวยช่างเป็นพลังดึงดูดผู้ชายจริงๆ





   ส่วนอีกคนผมเจอเธอตอนผมเรียนที่มหาวิทยาลัยชิคาโก แม่คนนี้ชื่อว่าโล่จัง ตอนแรกผมไม่ได้สนใจเธอเลยเพราะตอนนั้นผมยุ่งอยู่กับภารกิจฟันสาวๆ ผมเองก็คิดว่าเธอไม่เคยสนใจเธอเลยเพราะเธอดูนิ่งๆ และคงไม่อยากมีสัมพันธ์สวาทกับผมแน่ จนวันที่เธอจะไปจากที่นั่น(เธอเป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยนจากญี่ปุ่น) เธอเข้ามาขอเบอร์ผม ผมก็ให้ไปโดยไม่ได้คิดอะไร หลังจากนั้นสองเดือนเธอก็โทรมาบอกว่าจะมาเยี่ยมผม

   ตอนที่เธอโทรมานั้นผมแทบจะลืมไปแล้วว่าเธอหน้าตาเป็นยังไง แต่พอตอนเจอเธอที่สนามบินผมก็แทบเก็บอาการไว้ไม่อยู่ เพระเธอดูร้อนแรงกว่าที่ผมจำได้มาก เธอตัวไม่สูงนักเหมือนคนญี่ปุ่นทั่วๆไปแต่เธอมีเลือดฝรั่งเศสที่ผสมผสานออกมาเป็นสาวร้อนแรงอย่างที่คุณจะเจอได้ในลูกครึ่งเท่านั้น

   ตอนที่เรามาถึงอพาร์ทเม้นของผม เพื่อนร่วมห้องของผมยังไม่ออกไปไหน เราก็เลยทำได้แค่นั่งกินเบียร์คุยกันอยู่ในห้องรับแขก ส่วนใหญ่ผมคุยกับเพื่อมผมซะมากกว่าส่วนเธอก็นั่งนิ่งไร้อารมณ์ร่วมใดๆกับวงสนทนา เพราะทุกครั้งที่ผมพยายามดึงเธอเข้าร่วมวงสนทนาเธอจะตอบผมผมแค่สั้นๆแล้วก้มหน้าก้มตาจิบเบียร์ต่อไป

   จากนั้นเพื่อนผมก็ขอตัวไปออกกำลังกายที่ยิม เมื่อสิ้นเสียงปิดประตูของเพื่อผม เธอโยนแก้วเบียร์ทิ้งลงแล้วจู่โจมผมราวกับตะปบเหยื่อ ตอนนั้นผมตั้งตัวไม่ติดเลยเพราะผมไม่เคยโดนจู่โจมโดยสาวเอเชียมาก่อน จริงๆแล้วเธอกระโดดเข้าหาผมเลยล่ะ ผมตกใจสุดๆเลยยกมือขึ้นมาป้องกันตัวกลับกลายเป็นว่ามือผมไปฟาดหน้าเธอเข้าซะได้ ตอนนั้นผมคิดว่าเธอจะฟาดหน้าผมคืนแล้วเดินออกจากห้องไปด้วยซ้ำ แต่ผมคิดผิด ขณะที่ผมจะขอโทษเธอ เธอกลับประกบจูบปากผมอย่างหนักหน่วง

   ตอนนั้นผมเป็นพวกที่ค่อนข้างจะรุนแรงเรื่องบนเตียงอยู่พอควรนะ แต่เมื่อมาเจอแม่สาวญี่ปุ่นคนนี้ทำเอาผมหมดความมั่นใจไปเลย เธอเรียกร้องให้ผมกระแทกกระทั้นเธอทุกท่วงท่าด้วยแรงทั้งหมดที่ผมมี ไม่ว่าจะแทงหน้า แทงหลัง แทงเสย แทงงัด แทงสารพัดจะแทง จนในที่สุดผมก็งัดเอาท่าไพล์ไดร์เวอร์(*) ซึ่งผมไม่นึกว่าก่อนเลยว่ามนุษย์จะร่วมรักในท่านี้ได้

   ไม่ว่าผมจะใช้ท่าไหนละลงแรงไปแค่ไหน เธอก็ยังเร่งเร้าให้ผมถล่มเธอหนักขึ้นอีก ผมก็เลยเปลี่ยนมาทางก้นดูบ้าง ผมปั๊มๆๆสุดแรงเกิดจนตัวผมเองยังเจ็บ แต่ก็ยังไม่สาแก่ใจเธอ เนื้อของเราปะทะกันถี่รัวยังกะเสียงประทัดแตก ผมเกร็งจนเจ็บสะโพกทุกครั้งที่กระแทกใส่ก้นเธอ และเหงื่อแตกราวกับวิ่งมาเป็นพันๆไมล์ แต่เธอก็ยังไม่พอใจ

   ผมกระแทกก้นเธอจนเลือดเธอเริ่มไหล มันก็ไม่มากนักหรอกแต่ก็มากพอที่ทำให้ผมต้องเปลี่ยนผ้าปูที่นอนใหม่ แต่เธอก็คงไม่เจ็บหรอกเพราะเธอแค่หันมาเปลี่ยนถุงยางอันใหม่ให้ผม แล้วเราก็เริ่มรอบใหม่ต่อทันที จากนั้นเธอก็เปลี่ยนมาใช้ปาก แล้วก็ให้ผมกระแทกก้นเธออีกครั้งหลังจากที่เลือดหยุดไหล ผมว่าแม่นี่มันบ้าชัดๆ

   สุดสัปดาห์นั้นผมนึกอยากมีน้องชายหลายๆดุ้นไว้ผลัดกันใช้ เพราะเธอทำให้ผมระบมไปหมด แต่แม่นี่ก็ยังปลุกกำลังวังชาของผมให้คืนมาได้เสมอ ตลอดวันหยุดเราฟาดฟันกันซะจนนับไม่ถ้วน มันทำเอาผมรู้สึกปวดไข่ไปหมด แต่เธอสามารถปลุกมันขึ้นมาคืนชีพได้ภายใน 5 นาที พอพร้อมใช้งานเธอก็คร่อมผมแล้วกระแทกยิ่งกว่าจ๊อกกี้ควบม้าเสียอีก บางครั้งมันทำให้ผมว่าผมหลับไปทั้งๆที่น้องชายของผมยังปึ๋งปั๋งอยู่ แต่ผมว่าเธอคงไม่สนใจหรอกว่าตอนนั้นผมหลับหรือตื่น ตราบเท่าที่ส่วนนั้นยังใช้งานได้อยู่

   หลังจากที่เธอไปแล้วผมสลบไปทั้งอาทิตย์ ผมสัญญาว่าอาทิตย์นี้ผมจะไม่นอนกับผู้หญิงอีกแม้แต่คนเดียว การโรมรันกับเธอทำให้ผมอ่อนเพลีย น้องชายผมแสบไปหมด เท่านั้นยังไม่พอแผ่นหลังของผมยังเต็มไปด้วยรอยข่วนจากเล็บของเธอ แถมหัวเข่าของผมยังถลอกอีกต่างหาก  ผมบอกกับตัวเองว่าครั้งต่อไปผมคงรับมือกับเธอไม่ไหวแน่ๆ เพราะผมโทรมสุดๆในขณะที่เธอยังดูแจ่มใสอยู่



  อาทิตย์ต่อมาผมได้รับอีเมลล์ฉบับหนึ่งจากสาวมหาลัยชิคาโกที่ผมเคยมีอะไรด้วย

‘นายจำโล่จังได้ไหม สาวญี่ปุ่นตัวเล็กๆขรึมๆ ที่อยู่สมาคมเดียวกับฉันน่ะ อาทิคย์ที่แล้วเธอไปตรวจสุขภาพเพราะมีปัญหาแบบผู้หญิงๆอ่ะ ยัยนั่นยืนยันว่าไม่ได้มีอะไรกับผุ้ชาย แต่เพื่อนฉันที่ทำงานอยู่ที่นั่นน่ะบอกว่าเธอติดเชื้อในลำไส้แล้วก็ทางเดินปัสสาวะ ถ้าเธอไม่เคยนอนกับผู้ชายแล้วเธอจะเป็นโรคอย่างนั้นได้ไง นายว่าไหม’


ไม่รู้อะไรซะแล้ว จะบอกให้ ผมนี่แหละตัวการเรื่องนี้



--------------------------------------------------------------------------------------------------------

Pile Driver ท่ามวยปล้ำ ผู้ทำจะใช้แขนรัดคู่ต่อสู้บริเวณเอวแล้วยกขึ้นมากลับหัวจากนั้นก็จะกระโดดเอาหัวคู่ต่อสู้กระแทกพื้น
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย (02/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 02-09-2010 16:11:58
แบดบอยสุดๆ พ่อเจ้าประคุณเอ๋ย
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย (02/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: ლїЯдςLΣϛlθTtεR ที่ 02-09-2010 20:46:07
 :fire:

อ่านแล้วไฟลุก
อยากมีแบบนี้มั่ง   เห๊ยยยย   
ล้อเล่นนน
ฮ่าๆๆๆ

กอดป้าแน่นๆทีนึง!!! :กอด1:
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย (02/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: CanonDNattari ที่ 02-09-2010 21:28:49

(http://4.bp.blogspot.com/_dFoLrcGOBns/STU5LG2oV8I/AAAAAAAAAYA/mkjxsIsT3sI/s400/The+Undertaker+Tombstone+Piledriver.jpg)
Pile Driver ภาพประกอบ  กรุณาอย่าจิ้นตามรูป เอามาจากที่ไหนสักแห่งหนึ่ง อากู๋ท่านใจดี:laugh:
ทำได้ไง นับถือ ๆ พ่อยอดชายยยยยยยยย
คุณปุ๋ยยเนทกับโอลิเขาหละ  :z2:
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย (02/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: ┗◎┗◎ ที่ 02-09-2010 21:29:45
ตอนนี้แรงมากกกกกกกก = =  o22

ท่า Pile Driver มันคือประสบกามคนแต่งชัดๆ   :laugh:


ปล. ขำตอนอ้วกเหมือนคนข้างล่าง ฮี่ๆๆๆๆๆๆ  :m20:
v
v
v
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย (02/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 02-09-2010 21:57:34
ตอนนี้ยังไม่เห็นความเลวของพระเอกชัดเจน  นอกจากเจ้าชู้สุด ๆ
เปลี่ยนคู่นอนเยอะมาก ๆ จนกลัวว่าน่าจะเป็นโรคเข้าซักวัน
...  แต่ขออนุญาตขำหน่อยนะ  ที่เจนอ้วกใส่น้องชายของพระเอก
อะไรจะขนาดนั้น  มันน่าอ้วกขนาดนั้นเลยเหรอ  55555
คาร์แบลท์นี่ชื่อคุ้น ๆ นะ  เคยได้ยินที่ไหนมาก่อนก็ไม่รู้เหมือนกัน
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย (02/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: getto ที่ 02-09-2010 22:15:12
ตอนนี้แรง
โดยเฉพาะคนที่ชื่อโล่จัง  :m20:
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย (02/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: ┗◎┗◎ ที่ 02-09-2010 22:17:41
รู้สึกคนที่ชื่อ "getto" จะแรงงงงงงงงงงงงงงงงงงง

กว่ามากมาย

คอนเฟริม
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย (02/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: mumoo ที่ 03-09-2010 03:09:32
เข้ามาอย่าง...งงๆ
อ่านไปๆก้อสนุกอย่าง...งงๆ(สนุกจริงๆนะ แต่งงว่าอีตาคาแบลท์ นี่มันจะเป็นพระเอกรึนายเอกกันแน่หว่า?)
เลยคิดว่าจะรออ่านตอนต่อไปอย่าง...งงๆ
ว่าแล้วก้อจากไปอย่าง...งงๆ
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย (02/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: ლїЯдςLΣϛlθTtεR ที่ 03-09-2010 23:13:45
ตอนนี้แรง
โดยเฉพาะคนที่ชื่อโล่จัง  :m20:

รู้สึกคนที่ชื่อ "getto" จะแรงงงงงงงงงงงงงงงงงงง

กว่ามากมาย

คอนเฟริม

แรงทั้งคู่นั่นแหละ  ไม่ต้องเกี่ยวกัน
MiraclEslotteR >>>  เดกใสๆแห่งปี ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย (02/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSacrifice ที่ 04-09-2010 10:52:45
เนทกับโอลิรอแปบนึงนะคะ
ช่วงนี้กำลังบ้าคาแบลท์แกสอยู่อะคะ

ปล.คนชื่อโล่จังนี่แรงทุกคน
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย (05/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSacrifice ที่ 05-09-2010 21:13:42
                                                  ผมมีเพื่อนสนิทอยู่อีกคนนึงที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน


     แบรตสูงร้อยแปดสิบหก เขาจัดอยู่ในประเภทหล่อกระชากใจสาวเลยทีเดียว เขาเด็กกว่าผมสองปีแตะระดับความอัจฉริยะของเขาทำให้เขาเรียนจบพร้อมกับผม(แบรตจบจากเยล แต่ผมจบจากมหาวิทยาลัยชิคาโก) ตอนนั้นผมพบเขาครั้งแรกตอนผมอายุยี่สิบสองปี ผมและเพื่อนๆของผมตัดสินใจไปท่องนิวยอร์คกันหลังจากเรียนจบ เชลดอนซึ่งรู้จักกับแบรตอยู่ก่อนแล้วชวนเขามาเที่ยวกับเราด้วย เขาตอบตกลงทันที  

    ผมกับเชลดอนจึงขับรถไปรับเขาที่ถนนเมดิสัน  ขณะที่แบรตและเชลดอนนั่งอยู่บนรถพวกเขาก็ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบแบบเพื่อนเก่าที่ไม่เจอกันนาน แล้วหลังจากนั้นพวกเราก็เริ่มพูดคุยเรื่องหนังกัน เขาวิจารณ์หนังเรื่องหนึ่งกับเชลดอนด้วยคำพูดเช่น “หนังแม่งห่วยจนฉันแทบจะเอาค้อนตีกะบาลตัวเองให้สำนึกผิดที่ซื้อตั๋วเข้ามาดูจริงๆ” หรือ “ให้ดูหนังห่วยๆอย่างนี้ฉันยอมเอากระดาษทรายมาขัดลำกล้องตัวเองดีกว่า” ผมคิดว่าหมอนี่ตลกดีแม้ว่าบางครั้งมันจะดูหลงตัวเองไปหน่อยก็เหอะ ผมเลยตัดสินใจทำความรู้จักเขาให้มากกว่านี้


   หลังจากที่เราเป็นเพื่อนกันราวๆหนึ่งปี พบก็คิดว่าผมได้รู้จักเขามากขึ้น และพบว่าทุกๆครั้งที่ผมรู้จักเขามากขึ้นหมอนี่มีอะไรมากกว่าความตลก

   ครั้งแรกที่ผมไปเพนส์เฮาส์ของเขา(ผมช็อคในความรวยของหมอนี่สุดๆในตอนแรก) เพื่อรับเขาไปกินเหล้ากับเรา ตอนนั้นผมรู้จักเขาราวๆสองเดือน เมื่อผมเข้าไปในห้องของเขาผมก็รู้สึกแปลกๆ และรู้สึกถึงความผิดปกติของของทันที ห้องของเขาถูกจัดไว้อย่างเรียบร้อย มีชั้นขนาดใหญ่สำหรับเก็บดีวีดีหนังทุกเรื่องถูกเรียงไว้ตามลำดับตัวอักษร ส่วนใหญ่เป็นหนังไซไฟและหนังแอ๊ดชั่น บนชั้นล่างของโทรทัศน์มีเครื่องเพลย์สเตชั่นถูกวางไว้ตรงกลางเป๊ะ ด้านข้างมีจอยที่ถูกพันเก็บไว้อย่างเรียบร้อยหนึ่งอัน ส่วนอีกอันวางไว้อย่างระเกะระกะ(นั่นดูจะเป็นของชิ้นเดียวที่ผมเห็นว่ามันดูระเกะระกะที่สุดแล้วในห้องของเขา) ผมอดที่จะถามแบรตออกไปในสิ่งที่ผมสงสัยไม่ได้

“ห้องนายดีเรียบร้อยนี่หว่า แล้วทำไม..” ผมหยุดคำพูดแล้วชี้ไปยังจอยตัวที่ถูกวางไว้ยุ่งๆ

“อ้อ นั่นของน้องชายฉัน หมอนั่นเพิ่งมานอนกับฉันเมื่อคืน แล้วสั่งห้ามฉันยุ่งกับจอยของเขา” เขายักไหล่ตอบ


      ผมบอกเขาว่าเพนส์เฮ้าของเขายอดไปเลย แบรตจึงยอมให้ผมเดินดูรอบๆได้ ระหว่างที่รอเขาอาบน้ำ ในห้องนอนของเขามีสภาพเรียบร้อยสุดๆเช่นกัน ผ้าปูที่นอนเป็นลายมนุษย์ค้างคาว ส่วนผ้าคลุมเตียงเป็นลายกรีนแลนเทิร์น(*) มีตู้โชว์ขนาดใหญ่ที่ติดกับผนังห้อง ภายในตู้เต็มไปด้วยเต็มไปด้วยแอ็คชั่นฟิกเกอร์(**) ในตู้ขนาดมหึมาเต็มไปด้วยของเล่นนับพันชิ้น แบรตจัดท่าทางของเล่นพวกนั้นให้เหมือนกับว่ามันกำลังต่อสู้กันอยู่ เช่น จีไอโจสู้กับสปอว์น ซูเปอร์แมนสู้กับจัสติสลีก เด็พเพลอเอฟเฟ็กสู้กับแฟลชและยังมีตัวละครอีกมากมายที่ผมจำชื่อไม่ได้ถูกจัดท่าทางให้ต่อสู้กันอยู่ ผมเริ่มรู้สึกว่าเขาเป็นคนปกติมากขึ้นหน่อยตอนเหลือบไปเห็นโปสเตอร์รูปเจรี่ รายอัน(***)แต่ต่อมาอารมณ์ผมก็กลับไปเหมือนเดิมเพราะในรูปเธออยู่ในชุดของเซเว่นออฟไนน์(ตัวละครในเรื่องสตาร์เทร็คที่เธอรับบท) ที่ผมว่าเจ๋งสุดๆก็คงจะเป็นหุ่นโยดาพูดได้ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือ พอผมเดินผ่านมันก็พูดว่า ‘ขนาดไม่สำคัญ’ ผมลองทุกมันเล่น มันก็ตอบกลับมาว่า ‘ระวังด้านมืดจะเข้าครอบงำ’

“เฮ้ ฉันเสร็จแล้วล่ะเพื่อน” แบรตเดินมาบอกผม เขาเปลี่ยนจากเสื้อเชิ้ตและสูดปราด้าของเขาเป็นเสื้อยืดสีเขียวที่ดูไม่ธรรมดา

“เฮ้เพื่อน นายเคยพาสาวๆมาบนนี้บ้างไหม?” ผมอดสงสัยไม่ได้

“เคยหนนึง”

“เธอเห็นไอพวกนี้แล้วเธอว่าไงมั่งละ”

“ไม่รู้ดิ เธอไม่ว่าไง เพราะมันมืดน่ะ อีกอย่างถ้าเธอเห็นว่ามีฟิกเกอร์เรื่องอินเวเดอร์ซิม(****) เธอคงหาว่าฉันเป็นไอทึ่มแน่ๆ” แบรตพยักเพยิกหน้าไปมุมมืดล่างสุดของตู้โชว์ของเขา ผมหัวเราะก้ากเลยล่ะ เพราะมันดูโครตไม่เข้ากับฟิกเกอร์ตัวอื่นๆเลย

“อย่าคิดล่ะพวกว่าเป็นของฉัน นั่นน่ะของน้องชายฉัน” สงสัยแบรตจะมีน้องชายอายุหกขวบ



    ผมไม่ค่อยมีความรู้เรื่องของเล่นพวกนี้หรอก แต่ขณะที่เรานั่งรถกันอยู่กันก็อดกลับมาคิดไม่ได้ นั่นก็คือเขามีจีไอโจทั้งรุ่งเก่าและรุ่นปัจจุบัน ผมก็ชอบนะไอหุ่นแบบนี้ แต่นั่นเมื่อตอนผมอายุสิบขวบ ผมเลยลองถามเขาเล่นๆดู

“จีไอโจรุ่นใหม่นี่ดีกว่ารุ่นเมื่อสิบปีที่แล้วยังไงวะ ฉันไม่เห็นจะมีตัวไหนสู้สเนคอายส์(*****)ได้เลย”

“หุ่นรุ่นเก่ามันประสบกับปัญหาที่เรียกว่าเศษขยะยางวะเพื่อน” ผมขำก้าก ไอ้อาการที่ว่ามันจะเกิดกับไอหุ่นที่ชื่อดุ้กหรือไม่ก็โรดบล๊อค พ่อแม่จะซื้อไอ้สองตัวนี้ให้เพราะครอบครัวคุณยากจนหรือไม่คุณก็ไม่เป็นที่รัก

“ฉันจะจับขาพวกมันไว้เพื่อทำท่าไม้ตายซูปเปอร์สปินนิ่งพันซ์ มันเป็นท่าไม้ตายที่ทำให้นายสะใจมากใช่ไหมล่ะ”

“ใช่วะแบรต ฉันเอามาเล่นรวมกับคอบร้า(*******)แล้วจับตุ้กตาบาร์บี้ของน้องสาวฉันไปเป็นทาส ขังไว้ในป้อมที่ทำจากเลโก้” ถ้าถามผมว่าทำไมต้องสร้างป้อมจากเลโก้น่ะเหรอ ก็เพราะพ่อแม่ไม่ซื้อชุดป้อมจากจีไอโจให้น่ะสิ พระเจ้าไม่ยอมให้พ่อแม่สละเงินยี่สิบเหรียญเพื่อป้อมอันแสนจะเจ๋งให้กับหุ่นที่เป็นเพื่อนของผมหรอก




    วันนั้นเราไปถึงร้านก็เริ่มดื่มกันนิดหน่อย จากนั้นผมก็เข้าไปพูดคุยกับแม่สาวเชียร์ลีดเดอร์มหาวิทยาลัยนิวยอร์ค ส่วนแบรตก็เล่นบทนกต่อโดยจับคู่กับเพื่อนของเธออย่างรู้งาน ผมเดาว่าสาวที่คุยกับแบรตออกจะงี่เง่า เพราะดูเหมือนเขาจะเบื่อๆ ซึ่งเมื่อเขาเบื่อ เขามักจะหาวิธีการแปลกๆ เพื่อที่จะทำให้ตัวเองหายเบื่ออยู่เสมอ ครั้งนี้ก็เหมือนกัน

“คุณจบเยลตั้งแต่ยี่สิบงั้นเหรอ คุณชอบที่นั่นไหม”

“บางคนชอบเรียกมันว่าไกซอร์เบลด แต่ผมเรียกมันว่าแบรต ฮึ่มมมมมมมมมมมมมมมม” (คุณต้องนึกตามไปด้วยนะ ว่าเสียงของแบรตจะแหบๆต่ำๆ)

“คุณว่าไงนะ”

“ผมว่าผมอยากหามันฝรั่งทอดมาให้คุณกินแล้วล่ะฮึ่มมมมมมมมมมมมมมม”

“อะไรของคุณน่ะ!”

“ผมว่าคุณค่อนข้างจะโง่นะ ฮึ่มมมมมมมมมมมมมม”

“เพื่อนคุณน่ากลัวจัง” สาวคนนั้นหันมาบอกผม

“ผมก็กลัวมันเหมือนกัน”



      หลังจากเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกสองสามหน ผมก็ตัดสินใจปล่อยให้มันเป็นอย่างงั้น เพราะผมว่ามันก็ตลกดี เราก็แค่เข้าไปจีบสาวปกติหากพวกนั้นทำให้เราเบื่อหรือไม่พอใจ เราจะใช้มุขเล่นตามบทหนังสั้นๆแบบนี้แล้วชิ่งออกมา ส่วนใหญ่ผมมักจะเล่นมุขของดอยล์ ฮาเกรฟในบทของแฟนป่าเถื่อน

“ฉันว่ายัยนี่อยากได้นายว่ะ ฮึ่มมมมมมมมมมมมมมมมม” แบรตเริ่มก่อน

“เฮ้ย! จะหุบปากของนายซะ หรือจะต้องให้ข้างัดปากเอ็งก่อนวะ” ผมเล่นตามบทโดยพูดด้วยสำเนียงใต้

“นายก็ต้องหามาให้ฉันล่อเองมั่งสิเว้ย ฮึ่มมมมมมมมมมม”

สาวๆที่เจอมุขนี้เข้าไป ส่วนใหญ่มักจะบอกว่า’คุณสองคนเป็นบ้าอะไรกัน’ จากนั้นเธอก็จะเดินออกจากโต๊ะของเราไป



 
    ในบรรดานิสัยแปลกประหลาดของแบรตสิ่งที่บอกความเป็นตัวตนของเขามากที่สุดคือเรื่องผู้หญิง เราออกไปเที่ยวด้วยกันสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นประจำคือ ผมจะพุ่งเป้าเข้าหาสาวที่ร้อนแรง ส่วนเขาจะรับบทนกต่อสอยเพื่อนของสาวคนที่ผมเลือก แต่เขามักจะไม่พอใจกับสาวพวกนั้นเสมอๆ สิ่งที่เขาจะทำคือมักจะหลอกด่าพวกเธอด้วยคำพูดเจ็บๆ ผลที่ได้คือ นอกจากสาวที่เขาหลอกด่าจะร้องไห้และผละออกไป สาวที่ผมเลือกไว้ก็จะผละออกไปพร้อมกัน นั่นทำให้ผมสงสัยและพยายามสืบเรื่องของเขา



 เขาเคยคบกับแฟนตั้งแต่มัธยมปลาย เธอเรียนที่มหาลัยโคลัมเบียส่วนเขาเรียนที่มหาวิทยาลัยเยล เขารักแฟนคนนี้มาก แบรตซื่อสัตย์ต่อเธอแบบที่หาในตัวเองไม่ได้เลย แต่เธอกลับไม่ตอบแทนเขาด้วยสิ่งเดียวกัน ยัยนั่นแรดไปทั่ว ปีแรกที่พวกเขาเข้าเรียนมหาวิทยาลัยเขาก็พบว่าเธอนอนกับคนมากมาย เธอไล่เขาออกจากชีวิตของเธอ ตั้งแต่นั้นมาแบรตไม่เคยลืมเหตุการณ์นั้นได้ นั่นทำให้เขาไม่สามารถสร้างบรรยากาศโรแมนติกกับสาวได้อีกเลย


ผมจึงบอกเขาไปว่า “ถ้านายจะอึ้บสาว นายไม่เห้นจำเป็นต้องรักหล่อนก็ได้นี่หว่า” แบรตเห้นด้วยกับผมในทางทฤษฎีแต่ในทางปฎิบัติเขาก็ยังคงมีปัญหาอยู่ดี
“ก็สโมสรที่มันรับฉันเป้นสมาชิก ฉันไม่อยากเป็นนี่หว่า” เขาหมายถึงคนที่เขาอยากจะมีอะไรด้วย มักจะไม่อยากมีอะไรกับเขา ส่วนผู้หญิงที่อยากจู๋จี๋กับเขาโดยที่เขาไม่รู้จักหรือยอมรับเขาเลย เขาจะสรุปทันทีว่าผู้หญิงคนนั้นคือโสเภณี แน่นอนเขาปฎิเสธที่จะนอนกับโสเภณี ถ้าตัดสินตามหลักการของผมแล้ว ผมสรุปได้เลยว่าแบรตคือพวกที่ไม่มีน้ำยาเลยทีเดียว
  

     แบรตเป็นพวกที่ไม่มีความอดทนต่อผู้หญิงงี่เง่า และรังเกียจพฤติกรรมที่เหมือนขายตัว ต่างจากผม เพราะผู้หญิงที่ผมจะสอยส่วนใหญ่ทั้งโง่และร่านจึงนำมาสู่เรื่องตลกๆที่ผมจะเล่าให้คุณฟัง

       หลังจากที่ผมตัดสินใจต่อวิทยาลัยกฎหมาย ส่วนแบรตตัดสินใจต่อที่เยลเช่นเคย ผมก็แวะไปเยี่ยมเขาที่นิวยอร์คอีกครั้ง ผมตัดสินใจลากเขาออกไปหาเหล้ากินกัน เราอุ่นเครื่องกันที่ห้องเขาจนเริ่มกึ่มๆจากนั้นก็ตระเวนหาร้านที่คิดว่าเต็มไปด้วยสาวๆสุดร้อนแรง จนได้ร้านที่เราทั้งคู่ตกลงพร้อมกัน

“เฮ้ยดูนั่นสิ! คนนั้นสุดยอดเลยว่ะ” ผมเรียกให้แบรตดู

“ประเภทสวยในที่มืดรึปล่าววะ” มันตอบกวนๆ

“นายมีตารึปล่าววะ นั่นน่ะโคตรเอ็กซ์เลย”

“นายนั่นแหละ เอาตาตุ่มมองรึไง นั่นมันคุณตัวผมทองชัดๆ ฉันว่านายเมาแล้วว่ะ เชื่อฉันสิ นี่กามเทพมาเองเลยนะเว้ย”



      เราพากันเดินไปตรงนั้น แต่ก่อนที่ผมจะเข้าไปสอยเธอ ความมั่นใจของผมก็ละลายหายไปหมด แบรตพูดถูก หน้าตาเธอดีก็จริงแต่เมื่อดูเต้าที่มโหฬาร ไล่มาจนถึงน้องหนูที่ดูไม่จืด แถมยังขาที่ทำให้นึกถึงข้าวขาหมูขึ้นมาตะหงิดๆ ผมตัดสินใจว่าผู้หญิงคนนี้ควรเอาท่อนบนไปขึ้นปกนิตยสารแม็กซิมแต่ท่อนล่างควรไปอยู่นิตยสารเพาะกาย

“ฮ่าๆๆๆๆๆ เป็นไงล่ะ” มันหัวเราะอย่างสะใจ

“ฉันว่าไปหาเหล้ากินอีกดีกว่าว่ะ” ผมชวนแบรตอย่างหมดอารมณ์

“ไม่เอาน่าคาแบลท์ อย่างน้อยตอนนี้นายก็รู้ว่าถ้ารถติดหล่ม นายจะหาคนช่วยเข็นได้ที่ไหน”


--------------------------------------------------------------------------------------------

Green lantern การ์ตูนจากดีซีคอมิกส์ในอเมริกา เป็นพวกมีพลังเหนือมนุษย์ใส่ชุดสีเขียวคะ
Action figure ตุ้กตายางหรือที่เราๆรู้จักกันว่าฟิก์เกอร์นี่แหละคะ แต่มันสามารถขยับส่วนต่างๆของร่างกายได้ เช่น แขน ขา
Jeri  Ryan นักแสดงหญิงที่มีผลงานสร้างชื่อคือ Star Trek
Invader zim การ์ตูนแนวเอเลี่ยนฉายทางช่องนิคเคโลเดียนคะ (เด็กๆประมาณหกเจ็ดขวบติดกันเยอะ)
Snake-eyes ตัวละครฝ่ายพระเอกจากเรื่องจีไอโจ ใช้ดาบญี่ปุ่นเป็นอาวุธหลัก เป็นตัวละครลึกลับที่ไม่มีใครรู้ชื่อ เปิดเผยใบหน้าไม่กี่ครั้ง แต่กลับปรากฎตัวมากที่สุดในเรื่อง และได้รับความนิยมสูงสุดจากแฟนการ์ตูน

http://www.youtube.com/v/UoAKJ2IXbIU?fs=1&hl=en_US

(http://trekmovie.com/wp-content/uploads/2007/07/STYEAR4.jpg)

(http://scifipulse.net/wp-content/uploads/2008/08/gi-joe-issue-1.jpg)

snake eyes
(http://www.heymister.net/storage/SNAKE_EYES_SWORD.jpg?__SQUARESPACE_CACHEVERSION=1259129549923)
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย (05/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: ┗◎┗◎ ที่ 05-09-2010 21:17:49
เอร้ยยยยย อ่านไปอ่านมาอยากให้ คาเบลล์ คู่กับ เนท (น้องแบรต) ซะงั้น -..-
แบบเหมือนเคมีมันคู่ก๊าน คู่กัน

แต่นะรอลุ้นนายเอกอีกทีดีกว่าเนอะ
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย (05/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 05-09-2010 21:49:05
เอริ้กๆๆๆ โถววววววววววววว พ่อแบรต ที่แท้แล้วก็เป็นพวกมีความหลัง


อยากเห็นตู้วางฟิกเกอร์ของแบรตมากมาย ปลื้มมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม
ขอบคุณพี่ปุ๋ยที่ทำให้ข้าพเจ้าได้ทำความรู้จักอินเวเดอร์ ซิม ค่ะ (เนทจังชอบเร้อ??? น่าร้ากกกกกกกกกกก)

ปล.ตั้งตารอแกสปรากฏตัว คาดว่าจะอีกนานแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย (05/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: getto ที่ 05-09-2010 22:18:08
อินเวเดอร์ ซิม น่ารัก ดูกับหลานรึเปล่าอะ :laugh:
แบรตนี่หลงตัวเอง และนิสัยแปลกๆตั้งแต่เด็กเลย
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย (05/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกลิงแสดงตัว ที่ 06-09-2010 14:05:59
รู้สึกเหมือนอ่านนิยายแปลๆ
อยากเห็นตู้วางฟิกเกอร์ของแบรตเช่นกัน คงจะอยู่กันได้ทั้งวัน อิอิ
รอตอนต่อไปอยู่เด้อค่ะ
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย (05/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 06-09-2010 15:36:39
คาร์แบลท์นี่ใช่แฟนเก่าเนทหรือเปล่านะ   ใช่เนาะ 
อยากอ่านตอนที่เค้าเจอกัน  อยากรู้ว่าเพราะอะไรเนทถึงรักคาร์แบลท์
เนทคงมีอะไรซักอย่างที่ทำให้คาร์แบลท์หลงรัก  เคยคบกัน 3 ปี  ใช่รึเปล่านะ
อย่าว่าแต่คนแต่งจะติดเรื่องนี้เลย  คนอ่านก็เหมือนกัน
พอดีว่าเรื่องของโอลิเวอร์กับเนทเหมือน ๆ จะเริ่มลงตัวแล้วมั๊ง
 +1  ชอบ ๆ
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย (05/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: CanonDNattari ที่ 06-09-2010 18:38:01
โอตาคุฝังตะวันตกชัด ๆ
จากที่อ่านมา ตอนคาเบลล์เป็นแฟนกับเนท บรรยากาศคงคล้าย ๆ พี่ชายดูแลน้องชายมากกว่า อ่านดูแล้วคาเบลล์น่าจะตามใจเนทมาก (อ้อนซะขนาดนั้น) จากตอนนี้ (ที่เราเห็น) คาเบลล์น่าจะเริ่มสนใจเนทแล้ว เริ่มต้นจาดสนใจสิ่งที่ไม่เป็นระเบียนในความเป็นระเบียบของแบรต ? ส่วนแกสนี้ ยังเดาไม่ออกคนเขียนยังไม่ปูทางให้ ไปไม่ถูก รีบ ๆ มาสร้างทางด่วน ๆ รอนายเอกจนเหงือกแห้งแล้ว  :jul3:

จับกดคุณปุ๋ยไป 1 ที (ได้วันละหลาย ๆ ทีก็ดี )
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย (05/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: ლїЯдςLΣϛlθTtεR ที่ 06-09-2010 22:34:15
ฮี๊~    กุบๆๆๆๆๆๆๆ  ฮั๊~

มาเป็นม้าให้ป้าตามคำขอ
ฮ่าๆๆๆๆ


ใครจะอะไรยังไงไม่รู้
เค้ารักตัวนะแบลท์  ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ

แต่ทำไมเค้าถึงเปนแควนกันหว่า  หมอเนทออกจะแน้มๆ นิดๆ
ต่อเร็วๆนะป้า คิคิ
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย (05/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSacrifice ที่ 06-09-2010 22:49:04
มากดบวกให้ทุกท่านคะ เนทกับโอลิรอหน่อยเน้ออออออ
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย (05/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: sadness ที่ 06-09-2010 23:56:36
ส่งเมลล์ไปนะปุ๋ย
เช็คด้วยนะ
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย (05/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: mumoo ที่ 07-09-2010 00:44:08
แบรต...เหมือนกันท่าสาวๆจากคาแบลท์เรยแฮะ ไม่ต้องร่วมด้วยช่วยกันชวดขนาดนั้นก้อด้ายยยย^^
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย (05/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: getto ที่ 07-09-2010 21:23:18
ฮื้บบบบบ ช่วยดันป้า
 :z2:
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย (05/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: ლїЯдςLΣϛlθTtεR ที่ 07-09-2010 21:45:05
ดันอีกแรงนึง คิคิ ^^*
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย (05/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: ლїЯдςLΣϛlθTtεR ที่ 08-09-2010 14:59:01
ดันประจำวัน  โห่ะๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย (05/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSacrifice ที่ 09-09-2010 22:04:47
(http://image.ohozaa.com/id/6work.gif) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=16009.0)

เรื่องเก่าคะ จบแล้วคะ ลองไปหาอ่านกันดูเน๊อะ แรกๆอาจจะงงๆหน่อย(ช่วงเพิ่งเริ่มเขียน) ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย (05/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: ┗◎┗◎ ที่ 12-09-2010 00:03:59
:กอด1:
หัวข้อ: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 4 พาร์ท2 (12/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSacrifice ที่ 12-09-2010 22:08:16
         สาวๆกลุ่มต่อมาที่เราพบน่ารักทีเดียว มีคนนึงดูเหมือนจะสนใจแบรตด้วย

“ฉันต้องเคยเห็นคุณที่ไหนสักแห่งแน่ๆ” เธอเริ่มเปิดฉากก่อน

“บางทีเราอาจจะเคยเข้าร้านการ์ตูนร้านเดียวกันมั้ง” แบรตตอบกวนๆ แต่ดูเธอจะไม่ขำแหะ

“ไม่ใช่หรอก ไม่ใช่ร้านการ์ตูนแน่ๆ ฉันว่าฉันเคยเห็นคุณขี่จักรยานแถวๆบอสตันนะ”

“เธอโง่รึปล่าวเนี่ย” แบรตด่าเธอซะงั้น

“อะไรนะ!” ดูเธอจะไม่เชื่อหูตัวเอง

“ผมขี่จักรยานไปร้านขายหนังสือโป๊ ที่นั่นไม่น่าจะมีใครจำผมได้นะ” หมอนี่ยังกวนไม่เลิก

“เอ่อ..ฉันว่า ฉันต้องไปหาเพื่อนแล้วล่ะ” เธอรีบชิ่งหลังจากเห็นท่าไม่ดี



       ครู่ต่อมาเราเจอสองสาวที่น่ารักสุดๆ สำหรับคู่ของผมทุกอย่างกำลังลงตัว แต่ดูเหมือนคู่ของแบรตจะอาการไม่ค่อยดีเท่าไหร่

“ฉันหวังจะเรียนต่อจิตวิทยาหลังจากที่เรียนตรีจบแล้ว”

“คนที่เรียนจิตวิทยาได้ต้องฉลาดมากเลยนะ” แบรตค่อนขอด

“ก็ฉันฉลาดนี่”

“แต่ผมว่าสิ่งที่ฉลาดที่สุดที่ออกมาจากปากคุณได้ก็คือไอ้จู๋ล่ะ”

“ฉันไม่ได้ปัญญาอ่อนนะ!”

“แต่ผมว่ามันช่วยหยุดปากไม่ให้พูดโอ้อวดความฉลาดได้นะ แถมยังพ่นน้ำได้ด้วยนะ” แบรตดับอนาคตของเราทั้งคู่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ และแน่นอนเธอหันหลังเดินออกไปทันที

        แทนที่หมอนี่จะสำนึกมันกลับทำท่าบัฟฟาโล่ บิลล์(*)ในหนังเรื่องไซแลนซ์ออฟเดอะแลมบ์พลางตะโกนไล่หลัง

“ฉันช่วยตัวเองก็ได้เว้ย”



       ผมจึงเดินเข้าไปคุยกับเขา “เฮ้ยเพื่อน นายรู้หรือปล่าวที่นายหยาบคายกับยัยนั่นน่ะไม่เพียงแต่นายจะอดอึ๊บเธอเท่านั้น แต่นายยังทำให้เพื่อนเธอทั้งกลุ่มอารมณ์เสียไปด้วยนะเว้ย นายดูสาวๆกลุ่มนั้นสิ ถ้าเธอยังไม่ลืมเรื่องที่นายทำ เราสองคนก็เหมือนหมาขี้เรื้อนเลยนะโว้ย”

“แล้วนายได้ยินเรื่องไร้สาระที่หล่อนพ่นออกมาจากปากสั่วๆนั่นไหมล่ะ”

“ไม่เอาน่าเพื่อน ฉันเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของนายนะเว้ย ช่วยกันหน่อยสิ”

“เพื่อนที่ดีที่สุดเนี่ยนะ แต่นายไม่ให้ฉันพูดในสิ่งที่ฉันอยากพูดเนี่ยนะ”

“เรื่องนั้นมันขำๆน่า ฉันเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของนายจริงๆนะโว้ย แต่ตอนนี้ฉันชักไม่แน่ใจแล้วว่ะ ว่าถ้าพรุ่งนี้ฉันตาย นายจะมางานศพฉันหรือปล่าว”

“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ะ ถ้ารายการทีวีไม่มีอะไรน่าสนใจ ฉันก็คงไปแหละ”



        คืนนั้นผมพยายามพาเขาไปจีบหญิงอีกครั้ง แต่เรื่องมันจบก่อนที่ผมจะสั่งเครื่องดื่มมาให้พวกเขาสองคนเสียด้วยซ้ำ เพราะตอนที่ผมกำลังสั่งเครื่องดื่ม แบรตก็ตะโกนออกมาว่า

“แค่อมไอ้นั่นมันไม่ทำให้พวกเธอหนำใจหรอก”

        แน่นอนประโยคที่ว่านั่นมีผลเพียงเพียงพอที่จะทำให้อนาคตของเขากับสาวๆทุกคนในร้านนี้หมดลงอย่างสิ้นเชิง เราเลยต้องย้ายร้านกัน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีกร้านผมว่าคุณจะรู้ตัวตนที่แท้จริงของแบรตได้ดีเลยล่ะ เอาล่ะตั้งใจฟังกันให้ดีนะ






       ขณะที่เรากำลังขับรถหาร้านใหม่อยู่นั้น เราก็ไปเจอกับรถตำรวจเข้าคันนึง มันแล่นไม่เร็วนัก ไม่เปิดไฟ ไม่เปิดไซเรน แต่ฝ่าไฟแดงไป แบรตหงุดหงิดกับรถตำรวจคันนั้นมาก สำหรับเขาแล้วต้องฟันธงไปเลยว่า ผิด หรือ ถูก และตอนนี้เขาเห็นว่ารถตำรวจนั่นผิด เขาบีบแตรและสาดไฟสูงใส่รถตำรวจคันนั้นเพื่อบอกให้หยุดรถ

“นายทำอะไรวะ นั่นรถตำรวจนะโว้ย” ผมถาม

“ฉันจะจับพวกมัน มันฝ่าไฟแดง นายไม่เห็นรึไง”

“จะบ้ารึไงว่ะ จะไปยุ่งกับมันทำไม”

“เอามือถือแกมาคาแบลท์ฉันจะโทรแจ้ง 911” โชคดีที่หมอนั่นไม่สามารถปล่อยมือจากพวงมาลัยนานพอที่จะแย่งโทรศัพย์จากมือของผมไปได้ ทำให้เราไปถึงอีกร้านอย่างสวัสดิภาพ....ขอบคุณพระเจ้า



        พอเราไปถึงร้านเราก็เจอกับสองสาวแต่งหน้าหนาเตอะในเครื่องแบบของทางร้านเดินเข้ามาหา

“ให้ตายสิฉันจำคุณได้นะ” หนึ่งในสองคนนั้นทักผม

“เฮ้ ผมไม่ใช่พ่อของลูกคุณหรอกนะ” ผมรับมุข เธอหัวเราะคิกคักพร้อมยิ้มยั่วยวมให้ผม

“โอ้ว...เรามาเจอผู้หญิงหากินอีกแล้วสิเนี่ย” แบรตโพล่งขึ้นเหมือนเคย

“ไม่เอาน่าเพื่อน”

“เอาเหล้ามาฮูแซก นายก็รู้ขั้นตอนนี่หว่า เอาเหล้ามาให้ฉัน ไม่งั้นฉันจะทำให้ยัยสองคนนี่เผ่นแน่บไปเลย”



       ส่วนใหญ่แล้วแบรตจะยอมเล่นบทนกต่อให้กับผู้หญิงที่เขาไม่ชอบก็ต่อเมื่อเขาเมาในระดับหนึ่งแล้วเท่านั้น ไอ้ระดับที่ว่านั่นก็คือเยกอร์ไมส์เตอร์(**)ประมาณห้าแก้ว และนี่ก็ได้เวลาที่จะทำให้หมอนี่ผ่อนคลายแล้ว

       เรานั่งดื่มกันไปคุยกันไป แบรตคุยกับสาวอีกคนนึง เธอคิดว่าเขาตลกดีและขำกับมุขที่เขายิงตลอด ทุกอย่างเป็นไปได้สวยก่อนที่แม่สาวคนแรกที่กิ้กกับผมจะบอกกับแบรตว่า เธอมีแฟนแล้วแต่เธอก็แอบนอกใจเขาโดยไปกิ้กกับชายอื่นเสมอ ซึ่งชายที่ว่านั่นก็เป็นแบบผมนี่แหละ –แต่ให้ตายเหอะ แม่นี่ไม่รู้ว่าไปสะกิดต่อมรักเฮงซวยของแบรตเข้าให้ซะแล้ว..

“ฉันว่านายน่าจะสนุกไปกับละครที่ยัยคุณตัวเฮงซวยนี่จัดฉากนะ” แบรตด่ากระทบตามสไตล์ที่เขาถนัด

“นายมันก็แค่ไอ้คนไร้น้ำยานั่นแหละย่ะ” แม่นั่นโต้ทันควัน

“ผมยอมเอาโรลม้วนผมไฟฟ้าร้อนๆมาช่วยตัวเองดีกว่ามีอะไรกับคุณ”

         ผมพยายามทำให้สถานการณ์ดีขึ้น แต่ไม่นานพวกเขาก็เริ่มต่อปากต่อคำกันอีก

“ในชีวิตคุณทำอย่างอื่นบ้างไหมนอกจากทำงานกับดูดน่ะ ผมว่าพื้นบ้านคุณต้องมีหลอดฉีดยาเปล่าๆกับถุงยางใช้แล้วนับไม่ถ้วนแน่ๆ”

“ฉันทำโน่นทำนี่มากกว่าที่นายคิดก็แล้วกันน่า ว่าแต่นายเหอะนอกจากทำงานแล้วยังทำอะไรอีกบ้าง ฉันว่าคงนั่งดูการ์ตูนมนุษย์ค้างคาวทั้งวันล่ะสิท่า” แม่นี่ไวมากสายตาของเธอจับไปที่บอกเซอร์ลายมนุษย์ค้างคาวของแบรตเข้าพอดี

“คุณผู้หญิง ถ้าคุณดูถูกมนุษย์ค้างคาวอีกคำเดียว ส้อมที่ผมถือยู่จะจิ้มเข้าไปในลูกตาคุณแน่  ใช่!ผมดูการ์ตูน แต่ผมก็ออกกำลังกายด้วย ผมว่าคุณน่าจะลองไปบ้านนะ”
“ไม่ต้องมาสะเออะหรอก ฉันวิ่งออกกำลังกายประจำอยู่แล้วย่ะ”

“อ๋อ! คุณวิ่งไปที่ตู้เย็นตอนทีวีพักโฆษณาใช่ไหม ยัยอ้วนเอ้ย!” อันที่จริงแม่นี่ไม่ได้อ้วนหรอกนะผมว่า แต่แบรตชอบไปสะกิดต่อมต้องห้ามของผู้หญิงแบบนี้แหละ

“นายนี่มันหยาบคายชะมัด”

“ใจเย็นๆน่าคุณ จงอย่ารังเกียจคนที่บอกความจริงกับคุณ แค่คุณคิดว่า ‘เวลาคุณกินอะไรสักอย่าง คุณเคยกินแค่ชิ้นเดียวหรือเปล่า’เท่านั้นพอ” แบรตเริ่มเล่นบทจิตแพทย์

“พอได้แล้วเพื่อน” ผมบอกเขาก่อนที่อะไรๆจะเลวร้ายไปมากกว่านี้

“แต่คุณคนนี้กำลังหลงผิดราวกับอดัมที่จะกินแอปเปิ้ลต้องห้ามเลยนะเพื่อน ฉันต้องช่วยให้เธอฉลาดกว่านี้” แบรตยังไม่ยอมเลิกง่ายๆ

“เอาน่าเพื่อน..เอ้านี่เบียร์ นายเอาไปนั่งลอกฉลากเล่นแล้วก็หุบปากซะที” ผมตัดบท


   ผมพาแม่สาวนั่นไปที่ซุ้มเครื่องดื่มเพื่อให้สถานการณ์ดีขึ้น เพราะผมต้องการฟันแม่คนที่ผมลงทุนคุยอยู่ด้วยตั้งนาน และไม่อยากให้คืนนี้จบลงด้วยการกลับไปใช้แม่นางทั้งห้าช่วยตัวเอง ส่วนแม่สาวอีกคนกลับชอบแบรตแหะ เธอคิดว่าเขาตลกดีก็เลยนั่งคุยกับหมอนั่นอยู่ที่โต๊ะ

“คุณยังโสดเหรอ” เธอเปิดประเด็น

“ผมต้องการมี’ปฏิสัมพันธ์กับช่องคลอด’มากกว่าน่ะ”แบรตตอบตามสไตล์ของเขา

“คุณนี่หล่อแล้วยังตลกอีกต่างหาก ไม่น่าเชื่อว่าคุณยังโสด” เธอพูดพร้อมกับหัวเราะ

“ผมอายุยี่สิบ มีปัญหาในการเข้าสังคม ชอบใส่บ๊อกเซอร์ลายมนุษย์ค้างคาว ชอบดูการ์ตูนแถมยังล้มปากอ่าวบ่อยๆ คุณว่าผมไม่น่าโสดงั้นเหรอ”



     หลังจากดื่มกันไปสองสามแก้วผมก็ทำให้อารมณ์แม่สาวที่กิ้กกับผมเย็นลงได้ ผมจึงพาเธอกลับมาที่โต๊ะ พอกลับมาที่โต๊ะแม่สองคนนั่น ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ

“ฉันว่าแม่นั่นสนใจนายว่ะ แถมยังน่าฟันไม่เบา นายน่าจะเผด็จศึกซะเลย” ผมถือโอกาสที่แม่นั่นไม่อยู่ยุแบรตทันที

“ไม่รู้ว่ะ แม่นั่นอาจจะมีลูกอายุสองขวบรออยู่นะเพื่อน แต่นายพูดถูก อย่างน้อยฉันก็รู้ว่าแม่นั่นแรดใช้ได้เลยแหละ”

“เอาเหล้าย้อมใจอีกหน่อยมั้ยล่ะเพื่อน”

“ก็ดี เพราะดูเหมือนว่าฉันจะรังเกียจสิ่งที่ตัวเองทำได้ไม่มากไปกว่านี้อีกแล้วล่ะ”



   ผมรู้สึกว่าสภาพของแบรตที่ตัดสินใจจะสอยหญิงหรือไม่ตอนนี้เหมือนคำกล่าวของจอรืจ เบิร์น ที่กล่าวไว้ว่า’อีกแค่แก้วเดียวผมก็เมาแล้ว’ แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่ามันคือแก้วที่ 14 หรือ 15 กันแน่ เวลาที่แบรตต้องการจะสอยหญิงนั้นหมอนี่ต้องเมาในระดับพอดี ระดับแอลกอฮอล์ในร่างกายต้องมากพอที่จะอยากฟัน แต่ต้องไม่มากเกินไปจนไม่มีสติ แต่ปัญหาคือเขาคอแข็งอย่างร้ายกาจทำให้ระดับความเมานั้นมีจุดที่ถูกต้องเพียงนิดเดียว ถ้าเขาเมาไม่มากพอ เขาจะมองว่าผู้หญิงที่มาแตะตัวเขานั้นเป็นคุณตัว นั่นทำให้เขาไม่ยุ่งกับเธอเลย แต่ถ้าเขาเมามากไปเขาก็อ้วกแตกหรือไม่ก็พับไปเลย การจะทำให้เขาอยู่ในสภาวะ’พร้อมสอย’นั้น จึงเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก



   เราดื่มกันต่ออีกสองแก้ว แล้วแม่สองคนนั่นก็กลับมา แบรตยิ้มให้กับคนที่กิ้กกับเขา ผมตื่นเต้นมากเพราะผมคิดว่าผมทำให้เขาเมาได้ที่พอดี อีกครึ่งชั่วโมงเขาก็เอาหน้าซบฝ่ามือพร้อมพึมพำกับแก้วเหล้าของตัวเองว่า

“เหล้าจ๋าฉันรู้ว่าฉันเชื่อใจแกได้ แกจะไม่ทิ้งฉันเหมือนคุณตัวโสโครกนั่นใช่ไหม”

“เพื่อนคุณเป็นอะไรน่ะ”

“เขามีปัญหากับแฟนเก่าแล้วก็เหล้าน่ะ” ผมตอบ

“เจ็บตับจังเลย ผมคิดว่าตับของผมกำลังจะหยุดทำงาน” แบรตพึมพำด้วยเสียงแหบๆต่ำๆของเขา

“ฉันว่าเขาตลกดีจริงๆ” สาวคนที่สนใจแบรตออกความเห็น

“ผมว่าคุณไม่รังเกียจผม เพราะคุณยังไม่ใส่ใจผมจริงๆมากกว่า” แบรตตอบ



    ผมกับแม่สาวที่ผมกิ้กอยู่จึงตัดสินใจขับรถของเธอไปที่บ้านของเธอกัน(คุณไม่ต้องแปลกใจหรอก นี่เป็นสิ่งที่คนมีเซ็กส์ทำกันอยู่เสมอๆ) เราทิ้งแบรตและแม่สาวอีกคนไว้ตามยถากรรม ผมเลยไม่รู้เรื่องรู้ราวต่อจากนั้น จนกระทั่งแบรตเล่าให้ผมฟังในวันรุ่งขึ้น



   เขาและแม่สาวคนนั้นดื่มกันจนแม่นั่นพับไป เขาก็เลยเรียนแม่นั่นว่านังคุณตัว(ด้วยน้ำเสียงกวนประสาทแบบเขานั่นแหละ) เธอจึงจากไปโดยไม่หิ้วเขากลับไปด้วย เขาก็เดินงงๆไปรอบๆร้าน ในที่สุดก็ตัดสินใจได้ว่าควรเข้าห้อนน้ำ เขาเดินตรงไปห้อนน้ำแต่ความเมาทำให้เขาเป๋ไปทางด้านขวาแทน เขาพยายามกลับมาให้ตรงทางโดยแกว่งตัวกลับมาทางซ้าย แต่แทนที่จะตรงทางมันกลับให้เขาเอาหัวไปโหม่งกำแพงแทน นั่นทำให้เขาลงไปวัดพื้นอย่างหมดท่าต่อหน้าคนทั้งร้าน แน่ล่ะคนพวกนั้นหัวเราะกันยกใหญ่ ตอนนั้นเขาบอกว่าเขาจำวิธีการยืนไม่ได้ เขาเลยคลานศอกแบบทหารไปหาเก้าอี้ตัวที่ใกล้ที่สุด ในที่สุดเขาก็พยุงตัวเองขึ้นไปนั่งจนได้ คนในร้านยังไม่หยุดหัวเราะเขา แถมยังชี้ไม้ชี้มือมาที่เขาพร้อมกับตะโกนว่า

“สาวๆสนไหม หมอนี่ยังโสด”





   ผมถามหมอนี่ว่านายกลับได้ยังไง เขาร่ายยาวถึงน้องชายตัวแสบของเขา น้องชายของแบรตปล่อยให้เขารอจนกระทั่งร้านปิด แล้วปล่อยให้เขานอนรออยู่หน้าร้านอีกครึ่งชั่วโมงจึงเลื่อนรถมาให้เห็นว่าเขาพร้อมจะให้หมอนี่ขึ้นรถ ผมว่าพี่น้องคู่นี้รักกันแปลกๆแหะ


---------------------------------------------------------------------------------------

Buffalo Bill – ตัวละครในภาพยนตร์เรื่องไซแลนซืออฟเดอะแลมบ์ เป็นฆาตกรโรคจิต
Jagermeister – เหล้าชนิดหนึ่งที่ผลิตในประเทศเยอรมัน เป็นเหล้ากลิ่นสมุนไพร ปริมาณแอลกอฮอล์ 35% รสหวาน และรสชาติจะดีสุดๆที่อุณหภูมิที่ -15 องศาเซลเซียสคะ
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 4 พาร์ท2 (12/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: ┗◎┗◎ ที่ 12-09-2010 22:28:18
โอ้ย ฮาแบรต

โคตรแรง

แรงโคตรๆ
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 4 พาร์ท2 (12/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกลิงแสดงตัว ที่ 13-09-2010 10:08:10
ตลกแบรตอ่ะ
มันจะแรงไปไหน :m20:
มาต่ออีกไวไวนะไรเตอร์ :L2:
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 4 พาร์ท2 (12/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 13-09-2010 10:28:34
โอ๊ยยยย  เมื่อไหร่คาแบลท์จะได้เจอกับเนทล่ะเนี่ยะ
ดูซิเรา  ดันมานั่งลุ้นคู่นี้ซะงั้น
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 4 พาร์ท2 (12/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: CanonDNattari ที่ 13-09-2010 11:13:24
บอกได้คำเดียววะ แบรตม่างงงงง กวงติน :m20:
คาแบลท์ก็ทนจริง ๆ คบกับแบรตได้ แถมยังโดนแบรตสปอร์ยเรื่องเนทอีก ไม่รักก็ไม่รู้แล้วคนเรา  :m20: อีกรอบ
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 4 พาร์ท2 (12/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: ┗◎┗◎ ที่ 13-09-2010 12:43:25
โอ๊ยยยย  เมื่อไหร่คาแบลท์จะได้เจอกับเนทล่ะเนี่ยะ
ดูซิเรา  ดันมานั่งลุ้นคู่นี้ซะงั้น

ดูดิ มีคนคิดเหมือนกันเลย

คาแเบลท์ + เนท

น่าร้ากกกกกกกกก



ลุ้นๆๆๆ  เมื่อไหร่จะเจอกัน

แบบ ตัว ตัว  ซะที


นะป้านะ นะ นะ  :5779:
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 4 พาร์ท2 (12/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: mumoo ที่ 14-09-2010 18:13:10
อืมมม..แบรตท่าจะฝังใจกับคุณตัวเอามากนะเนี่ย มองสาวไหนๆก้อเป็นคุณตัวไปหมด!!
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 4 พาร์ท2 (12/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 14-09-2010 22:42:08
คาแบลท์ เป็นเพื่อนแบรตได้นี่ไม่ง่ายเลยนะ
แค่การทำให้แบรตเมาได้ที่ก็ละเอียดอ่อนมากแล้ว กร้ากกกกกกกกกกกกกส์

กี๊ดดดดดดดดดด รอการปรากฏตัวของเนทด้วยใจจดจ่อ
...........................

ของฝากพี่ปุ๋ยค่ะ
“เฮ้ ผมไม่ใช่พ่อของลูกคุณหรอกนะ” ผมรับมุข เธอหัวเราะคิกคักพร้อมยิ้มยั่วยวมให้ผม (ยั่วยวน)
ถ้าคุณดูถูกมนุษย์ค้างคาวอีกคำเดียว ส้อมที่ผมถือยู่จะจิ้มเข้าไปในลูกตาคุณแน่   (ถืออยู่)
ชอบดูการ์ตูนแถมยังล้มปากอ่าวบ่อยๆ (เอ่อ..ล่มปากอ่าว กึ๋ยๆ)
คำกล่าวของจอรืจ เบิร์น (จอร์จ)
เขาก็เลยเรียนแม่นั่นว่านังคุณตัว (เรียก)
ในที่สุดก็ตัดสินใจได้ว่าควรเข้าห้อนน้ำ (ห้องน้ำ)
เขาเดินตรงไปห้อนน้ำ (ห้องน้ำ)
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 4 พาร์ท2 (12/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 15-09-2010 23:42:22
แต่ละคนแรงจริงๆ
เมื่อไหร่นายเอกจะออกสักทีละอยากรู้แล้วว่าเป็นใคร
+1 นะคะ
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 5 พาร์ท 1 (16/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSacrifice ที่ 16-09-2010 21:18:51
     ฟอกซ์ฟิลเป็นชื่อการแข่งม้าที่จัดขึ้นในฤดูใบไม้ผลิที่ฟาร์มแห่งหนึ่งใกล้ๆกับมหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย ทุกๆคนจะบรรทุกอาหารและเหล้าเต็มพิกัดใส่พาหนะไม่ว่าจะเป็นเก๋ง กระบะ หรือรถบ้านขับไปจอดต่อๆกันไว้เป็นวงในทุ่งที่คนมากมายมารวมตัวกัน จริงๆแล้วการแข่งม้าอยู่แถวๆนั้นด้วย


   ตอนนั้นผมเพิ่งเข้าเรียนที่วิทยาลัยกฎหมายดุ้ก(หลังจากที่ผมจบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยชิคาโก) คาลอสและแฟนของเขาเรียนปริญญาตรีที่มหาวัทยาลัยเวอร์จิเนีย แต่หลังจากจบปริญญาตรีเขาก็มาเรียนต่อที่วิทยาลัยกฎหมายดุ้กเหมือนผม แต่แฟนของเขายังคงเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยเวอร์จิเนียเหมือนเดิม


   คืนนั้นเป็นคืนวันศุกร์ ผม คาลอส แล้วก็แซคดื่มกันมาจากเดอร์แฮมก่อนแล้ว คาลอสเล่าให้ผมและแซคฟังเรื่องเกี่ยวกับฟอกซ์ฟิล ทั้งเรื่องเหล้าที่มีให้กินไม่อั้น การดื่มจนเมาหัวราน้ำ คนในงานที่แบ่งอาหารซึ่งกันและกันจนอิ่มหนำสำราญ และสาวๆที่สวมเสื้อผ้าหน้าร้อนที่ไม่ค่อยจะถือเนื้อถือตัวสักเท่าไหร่ หลังจากที่เขาเล่าเรื่องทั้งหมดจบผมกับแซคถามคาลอสว่าทำไมเราไม่ไปที่นั่นบ้าง แต่คำตอบของเขาไม่ถูกใจซักเท่าไหร่ ผมและแซคอยากไปที่นั่นเดี๋ยวนั้นเลย แต่เขากลับไม่เห็นด้วย เราเลยกดดันเขาต่างๆนานา หาว่าเขาปอดแหก ด่าพาดพิงไปถึงรสนิยมทางเพศของเขา ลามปามว่าเขาเป็นลูกเมียน้อยของพวกฝรั่งเศสที่ถูกทิ้งไว้ จนเขาทนไม่ได้ยอมโทรไปหาแฟนของเขา บอกว่าเราจะไปที่นั่น(ผมขอเรียกเธอว่าคาลอสไวฟ์แล้วกัน) และขอให้เธอซื้อเบียร์เตรียมไว้ให้หน่อย— คาลอสนี่แม่งยุง่ายจริงๆ



   เราออกเดินทางสู่ชาร์ลอตวิลล์ ผมมีเบียร์ไปโหลนึงเพื่อช่วยให้การเดินทางสามชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว ผมทำเบียร์หกใส่รถของคาลอสโดยไม่รู้ตัว   


   พอเราถึงห้องของคาลอสไวฟ์(แฟนของคาลอส) เราก็ถามเธอทันทีว่างานฟอกซ์ฟิลจัดขึ้นที่ไหน แต่เธอบอกว่าไม่รู้ คาลอสพอใจในคำตอบของเธอมาก เพราะเขาคิดว่านั่นเป็นสัญญาณที่เธอบอกเขาว่า เธออยากกุ้กกิ้กกับเขา ผมล่ะเอียนจริงๆพวกคู่รักหวานแหววเนี่ย


แปดโมงเช้า ผมกับแซคตื่นหลังจากหลับเสียเต็มอิ่มบนพื้นไม้แข็งๆนอกห้องนอนของคาลอสและคาลอสไวฟ์ เราไปเคาะห้องนอนตะโกนโหวกเหวก

“เฮ้ย! ตื่นมากินเหล้าได้แล้วโว้ย” คาลอสลุกมาเปิดประตูและจ้องเราอย่างงกับจะกินเลือดกินเนื้อ แล้วก็กระแทกประตูใส่หน้าเราก่อนที่จะกลับไปนอนต่อ


แปดโมงห้านาที  ผมสองคนเปิดเบียร์กระป๋องแรก


แปดโมงเจ็ดนาที ผมสองคนเปิดเบียร์กระป๋องที่สอง


แปดโมงเก้านาที ผมสองคนเปิดเบียร์กระป๋องที่สาม ผมบอกแซคว่าผมคอแข็งกว่าเขาเป็นไหนๆ เขาหัวเราะเยาะแล้วบอกว่า งั้นเรามาวัดกันเลย


แปดโมงครึ่ง หลังจากซดเบียร์กันไปคนละสามกระป๋องรวด ผมรู้สึกว่าเบียร์เข้าไปปั่นป่วนอยู่ในกระเพาะ ผมคิดสมการขึ้นมาได้เดี๋ยวนั้นว่า   การดื่มเหล้าตอนเช้า = การตัดสินใจที่ผิดพลาด


เก้าโมงยี่สิบ ผมเดินทางมาถึงเบียร์กระป๋องที่แปด และกำลังมองหาที่อ้วกเหมาะๆ แต่แซคยังคงดื่มต่ออย่างสบายใจ ในที่สุดผมก็ยอมรับว่าหมอนี่คอแข็งกว่าผมเยอะ


สิบโมง ผมหยุดดื่มเบียร์แข่งกับเขาแล้ว แต่เขาไม่สน เขายังคงกระดกเบียร์อย่างต่อเนื่อง เขาเริ่มเดินพล่านไปทั่วห้องแล้วตะโกนด่าใครต่อใครไปทั่ว


“ฮูแซก มาต่อสิว้า...จาหนีปายหนายยยย...คาลอส ย้ายตูดนายออกมาห้ายวายเลย มาเจอกันตัวต่อตัวเลย คาแบลท์แม่งยอมแพ้ไปแล้ว ฉันต่อให้นายอาวเมียนายมาช่วยด้วยก็ด้ายนะว้อยยยยยยยย คาแบลท์แม่งตุ๊ดว่ะ”


สิบเอ็ดโมง เราออกเดินทางและแวะไปรับเพื่อนของคาลอสเพื่อไปฟอกซ์ฟิลด้วยกัน แซคเปลี่ยนจากการดื่มแบบไม่บันยะบันยังมาเป็นการดื่มแบบเอาเป็นเอาตาย เขายื่นตัวออกไปหน้าต่างรถ ตะโกนแซวผู้หญิงทุกคนที่เราขับรถผ่านมาว่า


“วี้ดวิ้วววววววววววววววววว  คนสวยโชวนมให้เราดูหน่อยสิจ้ะ”

สิบเอ็ดโมงห้าสิบ คาลอสบอกผมว่า แม้ที่ฟอกซ์ฟิลจะมีสาวๆสวยๆเพียบแต่ไม่มีใครตั้งใจมาเรื่องพรรค์อย่างว่า คนที่ไปส่วนใหญ่เน้นการดื่มและพูดคุยกันมากกว่า ผมบอกเขาว่าไม่รู้จักผมซะแล้ว เขากลอกตาไปมาอย่างยอมแพ้พร้อมกับอวยพรให้ผมโชคดีในการสอยหญิง

“จะเอายังงั้นก็ได้ฮูแซ็ก ถึงจะไม่มีใครสอยหญิงที่ฟอกซ์ฟิล แต่ส่วนใหญ่เขามาฟันกันทีหลังนะเพื่อน” พูดจบเขาก็โยนกล่องถุงยางมาให้ผม ผมรับมาแล้วฟาดหัวเขา

“พูดงี้ได้ไงวะ นายจะดูถูกความสามารถของฉันมากเกินไปแล้ว เดี๋ยวฉันจะสอยให้ดูต่อหน้านายเลย และหลังจากฉันล้วงควักใต้กระโปรงหล่อนแล้วฉันจะเอานิ้วให้นายดมด้วย”

เที่ยงตรง เรามาถึงทุ่งที่กว้างสุดลูกหูลูกตา คลาคล่ำไปด้วยหนุ่มๆหัวยุ่งท่าทางโง่ๆ ในชุดเชิ้ตลายทาง กางเกงสีแดง ในมือมีเบียร์เย็นๆควงสาวๆมหาลัย วัยกำลังเหมาะกับเรื่องอย่างว่า นี่มันไม่ยุติธรรมเลยจริงๆ


เที่ยงห้านาที
สาวร้อนแรงในชุดหน้าร้อนเดินผ่านผมไป ผมเหลียวมองตามเธอจนคอแทบหัก ผมว่าวันนี้ผมคิดถึงแม่สาวคนนี้ไม่ต่ำกว่าพันครั้งแน่ๆ


เที่ยงสิบนาที
เราเดินมาถึงเต้นท์ของเพื่อนๆคาลอสกัน แซคเดินดุ่มๆเข้าไปหาจานไก่ทอดทันที เขาเงยหน้ามาทักทายเจ้าของเต้นท์ทั้งๆที่ไก่ยังเต็มปาก แปลได้ว่า”พูดให้น้อยสวาปามให้เยอะ”


เที่ยงสิบสี่ คาลอสแสดงความแปลกใจเมื่อผมยังไม่ได้เมาพับไป ผมบอกเขาว่านี่เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้นเพื่อน


เที่ยงครึ่ง มีสาวคนนึงพยายามจะญาติดีกับแซคโดยเสนอว่าจะไปหาเครื่องดื่มมาให้ เขาสังเกตถังเครื่องดื่มที่เธอชี้แล้วก็บอกเธอไปว่า”ผมไม่กินไลท์เบียร์กับไดเอ็ทโซดาหรอกนะ เพราะเขาทำการทดลองกับหนูแล้วว่ามันเป็นมะเร็ง แถมมันไม่ได้ช่วยให้ชาวอเมริกันอ้วนๆให้ผอมลงได้เลย” เขายังพูดอะไรต่อผมก็จำไม่ได้ ฟังแล้วผมก็ตัดสินใจว่าควรลากเขาไปเดินเล่นแถวๆนี้สักพักดีกว่า


เที่ยงสี่สิบห้า
แซคไม่ชอบใจความคิดผมเท่าไหร่ “ที่นี่มีเบียร์นะเว้ยเพื่อน ทำไมเราต้องไปด้วยวะ” เขาถามผมเลยบอกเขาไปว่า”นายกินของคนที่นี่จนมันกลายเป็นฉี่หมดแล้ว” ผมพยายามชักจูงเขาอีกมากมายแล้วเขาก็บอกกับผมว่า “งั้นนำไปเลยเพื่อน”


เที่ยงห้าสิบห้า
เราเจอเหยื่อรายแรก เป็นกลุ่มเด็กวัยรุ่น พอเฮตเจอถังน้ำแข็งเขาก็ปรี่เข้าไปคุ้ยเลยทันที “แจ่มเลยคาแบลท์ พวกนี้มีบัดไวเซอร์กระป๋องใหญ่ด้วยว้อยยย”

บ่ายโมงห้านาที เราเจอสมาคมสาวๆที่มีหญิงแจ่มๆเพียบ แซคเดินเข้าไปกลางวงแล้วตะโกนว่า”สวัสดีสาวๆ ใครอยากจะดื่มกับผมบ้าง” พร้อมคว้าเอาขวดเตกีล่าที่วางอยู่แถวนั้น แกว่งขวดไปมาอย่างหวาดเสียว ทำให้เหล้ากระฉอกโดนใครต่อใครไปทั่ว


บ่ายโมงหกนาที เราถูกไล่ออกจากวงของสาวๆที่ว่า


บ่ายโมงเก้านาที
เราเจอวงของสาวๆวงที่สอง วงนี้สวยน้อยกว่าวงแรกเล็กน้อย แซคเดินไปกลางวงพร้อมกับประกาศว่า “ฉันได้ยินมาว่าสาวยูเอ็นวีดื่มเก่ง มาแข่งกับฉันหน่อยเป็นไง ต่อให้รุมก็ได้นะจ๊ะ”


บ่ายโมงสิบนาที เราถูกไล่ออกมาจากวงที่สอง


บ่ายโมงยี่สิบ เราไปเจอสมาคมสาวๆเข้าอีกวง ครั้งนี้ผมจะใช้มุขใหม่เพราะงั้นผมจึงตกลงกับแซคก่อน “แซค แกอย่าพูดอะไรนะ ถ้าไม่มีใครพูดกับแกก่อน” กลุ่มนี้เป็นนักกีฬาจากมหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย แล้วผมก็มีลูกพี่ลูกน้องคนนึงเล่นกีฬาพายเรืออยู่ที่นั่น ปรากฎว่าพวกนี้รู้จักเธอด้วย ผมก็เลยเข้าไปร่วมวงได้ สมการสำหรับสาวๆพวกนี้ก็คือ เพื่อนของเพื่อน=ผู้ชายคนนี้ไว้ใจได้=ฉันอยากนอนกับเขาจัง


บ่ายโมงห้าสิบห้า
เหตุการณ์ไปได้สวย แซคยืนคุยอยู่กับสาวสวยคนนึงด้วยความสงบเสงี่ยม ช่วงนั้นเองก็มีสาวคนนึงเดินมากิ้กกับผมโดยเธอเปิดฉากว่า”ดูคุณจะไม่ค่อยชอบดื่มเท่าไหร่นี่” ผมไม่ปล่อยให้ตัวเองถูกหยามแน่ๆ “เธอไม่รู้ซะแล้วว่ากำลังคุยอยู่กับใคร อย่างเธอน่ะไม่ติดฝุ่นฉันหรอกน้องสาว” เธอก็เลยท้าแข่งดื่มกับผม “เอ้า! เรียงแก้วมาเลย ผมไม่ต่อให้หรอกนะ เหล้าเพียวๆ ไม่เอาวิสกี้”


บ่ายโมงห้าสิบแปด
เธอยกเหล้าแก้วแรกแล้วพูดว่า “ขอให้เซนต์ออกัสตินจงได้โปรดประทานพรหมจรรย์และความอดทนให้แก่ข้า” เพื่อนๆของเธอโห่ร้องเสียงดังลั่นก่อนที่เธอจะกระดกมันเข้าปาก


บ่ายโมงห้าสิบเก้า ผมยกแก้วของผมขึ้นมาบ้างแล้วประกาศว่า “ดื่มเพื่อน้องหนูทั้งหลาย ให้ค้าขายของที่แม่ให้มาจนร่ำรวย ถ้าคาแบลท์ ฮูแซกไม่มีน้องชาย ฉันจะไม่ขอพูดกับพวกเธออีกเลย” คนฮากันทั้งวง


บ่ายสอง มีสาวคนนึงถามผมว่าคาแบลท์ ฮูแซกคือใคร


บ่ายสองสิบนาที ผ่านไปอีกสองแก้ว แม่สาวคู่แข่งของผมยอมแพ้ ผมจึงถากถางเธออย่างไม่ปราณี “ตอนนี้เธออาจจะยังเลือกตั้งหรือขับรถอย่างถูกกฎหมายได้ แต่เธอไม่มีทางเทียบฉันติดหรอก”


บ่ายสองสิบเอ็ดนาที
มีสาวผมสั้นใส่แว่นกรอบหนา หน้าตาน่ารักเดินเข้ามาหาผม ดูเธอโกรธเอามาก

“ที่คุณพูดน่ะ นั่นมันกดขี่ทางเพศชัดๆ” เธอต่อว่าผม

“เปล่าเลย นั่นมันแค่ล้อเล่นน่ะ ถ้าผมว่าแม่นั่นดำรงชีวิตอยู่ด้วยการขายนาผืนน้อยเพียงอย่างเดียว นี่สิถึงจะเรียกว่ากดขี่ทางเพศ”

“คุณว่าอะไรนะ?”

“ถ้าผมบอกว่าเธอ’ดูด’ได้มันส์ชะมัดหรือถ้าผมบอกว่าสิ่งที่ดีที่สุดในตัวเธอคือเธอมีอุณหภูมิ 37 องศาและมีรูเปียกๆที่พร้อมใช้งาน นั่นแหละกดขี่ทางเพศ แต่ผมยังไม่พูดอะไรทำนองนั้นเลยใช่มั้ยล่ะ” ผมเริ่มยั่วเธอมากขึ้น

“อะไรนะ!”

“โอ้ว ผมทำให้คุณโมโหเหรอเนี่ย แล้วคุณจะทำยังไง เขียนกลอนระบายความโกรธดีมั้ย” ผมชักสนุก

เธอมองผมอย่างรังเกียจ ยังกับว่าผมเป็นชักโครกที่เต็มไปด้วยถุงยางใช้แล้วงั้นแหละ แซคดึงตัวผมออกมาก่อนที่เธอจะทันตอบโต้อะไร

“คาแบลท์ ฉันว่าแกสร้างความวุ่นวายให้ที่นี่มากพอแล้วนะ” เขาบอกผม ผมคิดอยู่ครู่นึงก็เห็นว่าครั้งนี้แซคเป็นฝ่ายถูก


-------------------------------------------------
อิมเมจ
คาแบลท์  ฮูแซก
(http://img831.imageshack.us/img831/182/111pap.jpg)

(http://img186.imageshack.us/img186/4827/aaaaix.jpg)

(http://img833.imageshack.us/img833/200/a56120070.jpg)

(http://thegeeksonline.com/wp-content/uploads/2010/08/16054__sawyer_l.jpg)

แบรต แมคเทอเนอร์
(http://jeremiahandrews.files.wordpress.com/2007/09/wentworth-miller-gq-germany-07-copy.jpg)

แซค
(http://www.ohlalaparis.com/photos/uncategorized/jensen_gun_supernatural.jpg)


อิมเมจพี่แบรตเรื่องนี้กับเรื่องก่อนต่างกันเพราะเรื่องนี้ย้อนไปตอนเป็นวัยรุ่นยังเฮ้วๆ

เพิ่มอิมเมจคาแบลท์ตอนหนุ่มคะ

แก้คำผิดแล้วคะ
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 4 พาร์ท2 (12/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: ┗◎┗◎ ที่ 16-09-2010 21:28:41
นั่งคิดไปคิดมา

ถ้าคาแบลท์ กับ แซค ได้กันนี่

โอ้วววว มายบุดด้า!!!!

มันคือหายนะชัดๆ  o22


ปล. ขำช่วงเวลาที่โดนสาวๆไล่ตะเพิด
     ไหนว่าแน่ไง ไอ้แชคเอร้ยยยย5555555

    ตอนนี้คาแบลท์ปากดีมากๆ
หัวข้อ: Re: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 5 พาร์ท 1 (16/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 16-09-2010 21:43:26
55555  ดูเวลาแล้ว  ต้องบอกว่าปากหมาเข้าขั้น
เข้าที่ไหน  โดนไล่จากที่นั่นอย่างว่อง  เรียกว่านั่งตูดยังไม่ทันร้อนเลย
ว่าแต่ ..  เมื่อไหร่คาร์แบลท์จะเจอกับเนทล่ะ  จริงจังนะเนี่ยะ
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 5 พาร์ท 1 (16/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: getto ที่ 16-09-2010 22:41:41
 :กอด1:ป้า
ใช้ช่วงเวลา เริ่ดมาก o13
เพื่อนทั้งกลุ่มนี่ปากเสียทั้งกลุ่ม :laugh:
แบดของแท้
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 5 พาร์ท 1 (16/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: CanonDNattari ที่ 17-09-2010 11:09:17
บอกตามตรงว่า ขอเลี่ยงกลุ่มนี้ ไม่อยากเจอ เวอร์ชั่นนี้  ไปที่ไหนวงแตกที่นั้น
ตกลงเรื่องนี้มันเป็นเรื่องของคาร์แบลท์กับเนท ? เห็นแต่ละคนรอกันจัง นายเอกของฉันไปไหนแล้ว ไม่รอกันมั่ง  :z3:

************

คุณปุ๋ย ฝากด้วย มันเตะตาจริง ๆ
ทุกๆคนจะบรรทุกอาหารและเหล้าเต็มพิกัดใส่พาหะนะ ----พาหนะ
คาลอสและแฟนของเขาเรียนปริญาตรีที่มหาวัทยาลัยเวอร์จิเนีย --- ปริญญาตรี / มหาวิทยาลัย
สาวๆที่สวมเสื้อผ้าหน้าร้อนที่ไม่ค่อยจะถือเนื้อถือตัวซัเท่าไหร่ --- ซักเท่าไหร่ /สักเท่าไหร่
แต่เขากลับไม่เห็นด้วน --- ด้วย
พอเราถึงถึงห้องของคาลอสไวฟ์ --- ถึงเกินมา 1 ตัวจ้า
ผมมีเบียร์ไปโหลนึง / เที่ยงครึ่ง มีสาวคนนึงพยายาม --- หนึ่ง
ที่ฟอกซ์ฟิลจะมีสาวๆสวยๆเพียบแต่ไม่มีใครตั้งใตมาเรื่องพรรค์อย่างว่า --- ตั้งใจ

หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 5 พาร์ท 1 (16/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 17-09-2010 12:38:36
คริคริ คาแบลท์ พ่อแบดบอยขนานแท้และดั้งเดิม กร้ากกกกกกกกกกกกกกกกส์

สรุป ตัวหายนะกันทั้งกลุ่มแหละว้า.......

...............พี่ปุ๋ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
ทุกๆคนจะบรรทุกอาหารและเหล้าเต็มพิกัดใส่พาหะนะ (พาหนะ)
คาลอสและแฟนของเขาเรียนปริญาตรี (ปริญญา)
ไม่ค่อยจะถือเนื้อถือตัวซัเท่าไหร่ (ซักเท่าไหร่)
แต่เขากลับไม่เห็นด้วน (ด้วย)
พอเราถึงถึงห้องของคาลอสไวฟ์ (มีสองถึงค่ะ)
จ้องเราอย่างงกับจะกินเลือดกินเนื้อ (ง งูเกินค่ะ)
คาแบลท์แม่งตุ้ดว่ะ” (ตุ๊ด)
แต่ไม่มีใครตั้งใตมาเรื่องพรรค์อย่างว่า (ตั้งใจ)
คนที่ไปส่วนใหญ่เน้นการดื่น (การดื่ม)
เที่ยสี่สิบห้า (เที่ยง)
เราเจอเหยื่อยรายแรก (เหยื่อ)
แกว่งขวดไปมาอย่างหวดเสียว (อย่างน่าหวาดเสียว)
ลุกพี่ลูกน้องคนนึง (ลูกพี่)
มีสาวผมสั้นใส่แว้นกรอบหนา (แว่น)
แซคดึงตัวผมออกมาก่อนที่เธอจะทันตอบโตะอะไร (ตอบโต้)

หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 5 พาร์ท 1 (16/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSacrifice ที่ 17-09-2010 13:28:43
ขอบคุณสำหรับคำผิดมากๆคะ
 :pig4:

มาบวกให้ทุกท่าน
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 5 พาร์ท 1 (16/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: sadness ที่ 18-09-2010 13:49:00
 :เหอะ1:  :L2:  :3123:
หัวข้อ: Re: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 5 พาร์ท 1 (16/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 19-09-2010 11:27:49
ตามกลิ่นมาจากอีกเรื่อง 555
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 5 พาร์ท 1 (16/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: JaJa89 ที่ 19-09-2010 18:12:35
 :z2:
หัวข้อ: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 5 พาร์ท 2 (21/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSacrifice ที่ 21-09-2010 20:39:07
บ่ายสองยี่สิบห้า ด้วยมุข”คุณรู้จักลุกพี่ลูกน้องผมไหม” ผมกับแซคก็เข้าไปร่วมกับวงใหม่ได้อย่างสบาย  วงนี้สาวๆคิดว่าคนเมาปากหมาอย่างผมกับแซคตลกดี พวกเราเลยอำสาวๆในวงนั้นกันให้ครึกครื้น

บ่ายสองสามสิบห้านาที มีผู้หญิงแก่ๆคนนึงเดินผ่านมา หน้าตาเธอดูคล้ายกับเอเธล เมอร์แมนมาก ผมก็เลยเดินออกไปแซวเธอเป็นทำนองเพลงจากหนังที่เอเธลแสดง “คุณจะโด่ง คุณจะดัง คุณจะมั่งคั่งรางวัลมากมาย เริ่มเสียแต่วันนี้ ที่นี่ยังไม่สาย ทางยาวไกลแต่ปูด้วยกลีบกุหลาบ”

 บ่ายสองสามสิบหกนาที ผู้หญิงในวงคนหนึ่งหัวเราะกับมุขของผมพร้อมกับบอกว่า “โอ้ว แอร์เพลนเป็นหนังที่ฉันชอบที่สุดเลย” ผมก็เลยเดินเข้าไปแนะนำตัวกับเธอ “ผมชื่อคาแบลท์ ฮูแซก เรียนที่วิทยาลัยกฎหมายดุ๊ก ดังนั้นผมจะรวยมากและสามารถที่จะซื้ออะไรก็ตามที่ภรรยาผมต้องการให้เธอได้ คุณล่ะชื่ออะไร”

บ่ายสามสิบเจ็ดนาที  ผมเดินหน้าจีบเธอเต็มสูบสักพักแซคเดินเตร่มาใกล้ๆมองหน้าผมแล้วหันไปมองหน้าเธอ แล้วพูดว่า”ฉันจำเป็นต้องรู้จักชื่อแม่นี่ไหมเพื่อน” ผมตัดสินใจได้ว่าถึงเวลาที่จะต้องหนีจากไอเพื่อนมารคอหอยนี่ซักที จากนั้นก็ไปหาที่เงียบๆจู๋จี๋กับแม่สาวของผมดีกว่า

บ่ายสามครึ่ง ไอ้สถานที่จัดแข่งม้ากลางแจ้งนี่หาที่เหมาะๆยากชะมัด

บ่ายสามสี่สิบนาที ในที่สุดผมก็คิดออก ด้านหลังเนินเขาเล็กๆที่คาลอสจอดรถอยู่มีทุ่งหญ้าอยู่ด้วย ที่นั่นน่าจะเหมาะ

บ่ายสามสี่สิบสามนาที พอเราไปถึงที่นั่นจริงๆปรากฎว่ามีคนราวๆสองพันคนสามารถมองเห็นเราได้

บ่ายสามสี่สิบห้านาที ผมชมเธอว่าสวย เธอเขิลจนหน้าแดง แล้วชมผมกลับมาว่าผมหล่อแล้วยังตลกอีกด้วย

บ่ายสามสี่สิบแปดนาที ผมบอกเธอไปว่าผู้หญิงที่ผมอยากได้เป็นแฟนคือแบบเธอ เธอหน้าแดงกว่าเก่า คราวนี้เธอบอกว่าผมนิสัยดี

บ่ายสามห้าสิบนาที ผมจ้องหน้าเธอ เธอจ้องหน้าผม

บ่ายสามห้าสิบห้านาที เราเริ่มนัวเนียกันต่อหน้าธารกำนัล

สี่โมง จูบอย่างเดียวไม่พอ ผมเริ่มลงมือสำรวจเรือนร่างของเธอ เยี่ยม! เธอไม่ได้ใส่ชั้นในสักชิ้น

สี่โมงห้านาที ผมใช้ท่า”ช็อคเกอร์”กับเธอ นิ้วชี้กับนิ้วกลางอยู่ในช่องลับของเธอ นิ้วก้อยอยู่ในรูก้น คาลอสนี่มันขี้โม้จริงๆไม่มีใครฟันกันในฟอซ์ฟิลเหรอ แล้วนี่มันอะไร

สี่โมงสิบห้านาที  ผมพยายามจะเผด็จศึกกับเธอ แต่เธอไม่ยอม แม่นี่จะมาหวงเนื้อหวงตัวอะไรตอนนี้กันวะ

สี่โมงสิบหกนาที เธอดึงมือผมแล้วบอกว่า “ไปต่อที่อื่นกันเถอะ ตรงนี้มีคนเห็นเพียบเลย” โอ้ใช่..ผมลืมเสียสนิทเลย

สี่โมงครึ่ง  เราผ่านวงของบ้านรถที่พ่วงกันไว้ ไม่มีใครอยู่เลย คนแถวๆนั้นบอกว่าเจ้าของรถวงนี้ออกไปดูการแข่งม้ากันหมด

สี่โมงสี่สิบห้านาที เจ้าของรถบ้านไม่ได้ล้อคประตู ผมจึงเหวี่ยงเธอไปที่เตียง แล้วก็เริ่มบรรเลงเพลงรักโดยไม่ถอดเสื้อผ้าเธอด้วยซ้ำ จริงๆเธอก็เหมือนเตรียมพร้อมอยู่แล้วเพราะกระทั่งชั้นในเธอยังไม่ใส่เลย ผู้หญิงแบบนี้ล่ะถูกใจผมจริงๆ

สี่โมงห้าสิบนาที การทำศึกใต้สะดือตอนเมาๆนี่มันเยี่ยมจริงๆ

สี่โมงห้าสิบสามนาที  การทำศึกใต้สะดือตอนเมาๆกับผู้หญิงไม่รู้จักมักจี่ ในบ้านรถคนอื่นโดยไม่ได้รับอนาญาตินี่มันยิ่งกว่าเยี่ยม

ห้าโมง ผมกระแทกเธอแรงขึ้น จนเธอส่งเสียงร้องทุกครั้งที่ผมจ้วงเข้าไป ผมตีความเอาว่านั่นเป็นเสียงแห่งความสุขเพราะเธอไม่ได้ห้ามอะไร ผมก็เลยเร่งเครื่องหนักเข้าไปอีก

ห้าโมงสี่นาที ผมยิ่งจ้วงแรง เธอยิ่งร้องดัง

ห้าสิบสามนาที ผมใกล้ถึงสวรรค์ คิดว่ามันคงเป็นการกระฉูดครั้งใหญ่เลยเดียว

ห้าโมงสิบห้านาที ตาของผมเริ่มปวดแสบปวดร้อน แต่ผมไม่สนใจ

ห้าโมงสิบหกนาที ฉิบหายแล้ว! ผมหายใจไม่ออกนี่มันอะไรกันเนี่ย

ห้าโมงสิบหกนาที เราโซเซออกมาจากบ้านรถคันนั้น น้ำหูน้ำตาไหล สำลักจนหายใจแทบไม่ออก ผมงงสุดๆรู้สึกเหมือนกินพริกเข้าไปเป็นกำมือ เราหาเบียร์กับน้ำมากรอกหวังว่ามันจะช่วยลดความปวดแสบปวดร้อนลงได้

ห้าโมงยี่สิบสองนาที   “ฉันรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น”เธอตะโกนออกมา จากนั้นเธอก็หาอะไรมาคลุมหน้าแล้ววิ่งกลับเข้าไปในรถบ้านอีกครั้ง เดี๋ยวเดียวเธอก็กลับออกมาพร้อมกับกระเป๋าถือของเธอ เธอพยายามถือมันออกมาจากตัวให้มากที่สุดพร้อมกับบอกว่า “เมื่อกี้ฉันนอนทับกระเป๋า มันมีสเปรย์พริกไทยอยู่ข้างใน ฉันว่ามันคงรั่วออกมาน่ะ”

ห้าโมงยี่สิบห้านาที ตอนแรกผมไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ขณะประมวลสิ่งที่เธอพูดมา ผมก็ก้มลงไปสำรวจแถวๆหว่างขาที่ยังคงเปียกเหนอะหนะอยู่ ทันทีที่ผมนึกออกว่าสารแคปไซซิน(สารออกฤทธิ์ที่ผสมในสเปรย์พริกไทย)นั้นออกฤทธิ์กับเนื้อเยื่อทุกส่วนที่มีความชื้น ผมก็ต้องร้องสุดเสียงแล้วกระโดดไปรอบๆรถบ้านที่พ่วงกันอยู่

ห้าโมงยี่สิบเจ็ดนาที อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!!!!!!!!!!!!!

ห้าโมงครึ่ง ผมเจอสายยางอยู่ห้องน้ำใกล้ๆรถบ้าน ผมรีบถอดกางเกงออกเอาน้ำฉีดอุปกรณ์สำคัญในการดำรงชีวิตของผมโดยด่วน

ห้าโมงสามสิบสองนาที น้ำจากสายยางเย็นเจี๊ยบจนไข่แทบหดขึ้นมาถึงคอหอย บ้าชะมัด!ผมเหมือนขันทีเลย คนแถวนั้นที่เห็นผมก็หัวเราะกันใหญ่ แต่ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือทำให้มันหายแสบก่อน

ห้าโมงสามสิบห้า ผมหายแสบแล้ว แต่รู้สึกเหมือนเป็นตะคริวเพราะความเย็นแทน ผมเลยราดน้ำเก็บไอ้หนูเข้าทั้งๆที่มันยังเปียกโชกอย่างนั้นแหละ

ห้าโมงสี่สิบนาที ผมหลงทางเฉยเลย หารถบ้านคันเมื่อกี้กับแม่สาวคู่ขาไม่เจอ

ห้าโมงสี่สิบห้านาที ผมเดินไปเรื่อยๆพร้อมกับทบทวนเหตุการณ์ต่างๆ ไม่น่าเชื่อจริงๆระหว่างเริงรักผมดันทำให้สเปรย์พริกไทยพ่นออกมาโดยบังเอิญ ที่มันบังเอิญยิ่งกว่าคือมันเสือกพ่นใส่เขตปลอดอาวุธของผมด้วย และที่โคตรบังเอิญที่สุดคือมีคนกลุ่มใหญ่เห็นผมเอาน้ำล้างจนไข่หดแล้วหัวเราะตามๆกัน

หกโมงเย็น ผมยังหลงทางอยู่เหมือนเดิม หาวงที่คาลอสอยู่ไม่เจอ โทรหาก็ไม่ได้เพราะโทรศัพท์ผมเปียกไปหมด

หกโมงครึ่ง ในที่สุดผมก็เจอวงของคาลอสจนได้ แต่ไม่มีใครอยู่ ผมเลยขอยืมโทรศัพท์คนที่ผ่านมาแถวนั้นโทรหาแซค

หกโมงสามสิบเอ็ดนาที แซครับสายแต่คุยไม่รู้เรื่อง เขาดูเหมือนอยู่ในอุโมงค์ลมที่มีหมาทั้งฝูงเห่าเป็นเสียงประกอบ

หกโมงสามสิบสี่นาที ผมโทรหาคาลอส เขากลับไปอยู่กับแฟนเขาที่ห้องเรียบร้อยแล้ว และบอกให้ผมกลับไปเจอเขาที่นั่นได้เลย มันจะให้ผมเดินกลับหรือไงวะ “ถ้านายสอยสาวในฟอกซ์ฟิลด์ได้ ก็ไม่มีอะไรที่นายจะทำไม่ได้แล้วล่ะเพื่อน”

หกโมงห้าสิบห้านาที ผมเดินมาได้กิโลกว่าๆ ก็มีสามีภรรยาแก่ๆคู่นึงรับผมขึ้นรถ พวกเขาช่างประเสริฐจริงๆ

ทุ่มครึ่ง ผมกลับมาถึงห้องของแฟนคาลอส แต่แซคยังไม่กลับ คาลอสนึกว่าแซคอยู่กับผม ผมนึกว่าแซคอยู่กับเขา โอ้พระเจ้า! คาลอสเลยโทรหาเขาอีกรอบ
“ตอนนี้กำลังมันว่ะเพื่อน ไม่ได้โม้นะโว้ย” เสียงแซคดังออกมาตามสาย
“นายอยู่ที่ไหนน่ะ” คาลอสถาม
“ไม่รู้เหมือนกันว่ะ พวกนี้ให้ฉันนั่งท้ายรถกับหมา แล้วก็มาส่งฉันลงแถวๆมหาลัยวอร์จิเนียเนี่ย ฉันว่าน่าจะเป็นสมาคมนักศึกษาชาย พวกนายรู้จักหรือเปล่า”

ทุ่มสี่สิบห้า เราไปถึงหอพักสมาคมนักศึกษาชาย เจอแซคหลับอยู่บนเก้าอี้ในห้องรับแขก ไม่มีใครอยู่แถวนั้นเลย เราปลุกเขาแล้วบอกให้ทำตัวมีสติหน่อย

ทุ่มสี่สิบเจ็ดนาที แซคเดินออกไปที่ประตูสมาคมนักศึกษาชายแล้วตะโกนลั่น “เฮ้ย มีใครเห็นสติฉันมั่งมั้ยวะ ฉันทำมันหายว่ะ”


-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
คาลอส
(http://img205.imageshack.us/img205/2194/joshhartnett.jpg)


หัวข้อ: Re: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 5 พาร์ท 1 (16/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 21-09-2010 20:48:09
โอย ไม่ไหวแล้ว ฮาระเบิดระเบ้อ

จะตาย ขำดังก็ไม่ได้ วันนี้คุณนายอยู่บ้าน กร้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกส์
ซอยข่อยแน...........

คำผิดเยอะค่ะพี่ปุ๋ย แต่ไม่ไหวแระ ฮาเกิน เอาที่ชัดๆนะคะ "โทรศัพท์" ท์ นะคะ ไม่ใช่ ย์ (เขียนเป็น ย์ สองที่เลย)
แล้วก็ที่ประโยคนี้ ........น้ำเย็นเจี๊ยบ จนไข่หด (เจี๊ยบ ไม้ตรีค่ะ)
มีตอนสี่โมงครึ่งด้วย มันเป็น "สี่โมงครึ่งนาที????"
แล้วก็ผิดแบบกดshiftไม่ติดน่ะค่ะ หลายที่เลย

โอย ยังขำอยู่ โฮะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 5 พาร์ท 2 (21/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSacrifice ที่ 21-09-2010 20:50:06
นุ่นเร็วเสมออะ
ตาไวอีกต่างหาก เริ่ดๆ
เดี๋ยวพี่ตามแก้แปบ
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์คะ
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 5 พาร์ท 2 (21/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 21-09-2010 20:51:44
555555  นึกว่าตอนที่แล้วจะเป็นตอนที่คาร์แบลท์บ้าสุด ๆ แล้วนะ
มาเจอตอนนี้  ฮามากกกกกก  ขอบอก  เซ็กส์ที่เร่าร้อนเพราะสเปรย์พริกไทยนี่นะ
คาร์แบลท์นี่ไม่ใช่อย่างที่คิดไว้เลยแหละ  จากภาคที่แล้วที่เนทบอกว่าเป็นแฟนเก่านี่
เราแอบคิดว่าคาร์แบลท์ต้องสุภาพบุรุษสุด ๆ ไปเลย  แต่นี่ ... ปิศาจชัด ๆ
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 5 พาร์ท 2 (21/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: ┗◎┗◎ ที่ 21-09-2010 20:58:24
โดน เสปร์ยพริกไทยระหว่างมีเซ็กซ์

มันเป็นอะไรที่ Cool มากกกกกก

555555555  :m20:
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 5 พาร์ท 2 (21/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSacrifice ที่ 21-09-2010 21:02:45
นั่นดิเน๊อะ ปีศาจแบบนี้ทั้งเนททั้งแกสหลงได้ไงไม่รู้
เสียดายคนน่ารักๆ ฮ่าๆ
แต่ถ้าไม่เป็นแบบนี้ก็ไม่น่าจะเรียกว่าแบดบอย อิอิ
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 5 พาร์ท 2 (21/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: getto ที่ 21-09-2010 21:08:35
 “เฮ้ย มีใครเห็นสติฉันมั่งมั้ยวะ ฉันทำมันหายว่ะ”
ชอบบบบ :m20:
แบดกว่านี้มีอีกมั้ย
 :กอด1:ป้า
คาลอสหน้าตาเรียบร้อยจัง
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 5 พาร์ท 2 (21/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: CanonDNattari ที่ 23-09-2010 09:39:08
ผ่านตาเราไปได้เยียงไร แต่ฮ่าาาาาาาาาาาาาก่อน ทำงาน  :m20:
อ่านทีไร ยังคิดว่า นายมีชีวิตที่น่าอิจฉาจริง ๆ คาร์แบลท์  :jul3:
****************
เพิ่งเห็นว่าคุณปุ๋ยเปลี่ยนชื่อ มิน่า เราหาไม่เจอ ปกติดูชื่อคนแต่ง ชื่อเรื่องไม่ได้ดูเพราะมันละลานตา  :z2:
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 5 พาร์ท 2 (21/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: ლїЯдςLΣϛlθTtεR ที่ 23-09-2010 19:44:22
คาลอสน่ารักชะมัดอ่ะ   แบบนี้สักคนซิ!!!  ฮาๆๆๆ!

กอดป้า สู้ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 5 พาร์ท 2 (21/09/10)
เริ่มหัวข้อโดย: ლїЯдςLΣϛlθTtεR ที่ 25-09-2010 15:24:44
ดันนนน  แรงๆ
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 6 part1 27/09/10
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSacrifice ที่ 27-09-2010 11:24:10
      

         ตอนนั้นเป็นช่วงต้นปีในวิทยาลัยกฎหมาย ผมโดดเรียนมานั่งกับเพื่อนๆที่ห้องสมุดเพื่อแลกเปลี่ยนเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงปิดเทอม ตอนแรกผมเป็นศูนย์กลางของวงแต่ไม่นานนักไทริคก็ปราบผมลงอย่างราบคาบ


   เขาเล่าเรื่องคลับในดัลลัสที่เขาไปบ่อยๆ ไอ้คลับที่ว่านี่มันต่างจากคลับเปลือยทั่วๆไปเสียด้วย

“ทีแรกที่ฉันไปดูแลปแดนซ์(*)น่ะ ฉันยังไม่กล้าไปแตะต้องนางระบำหรอก แต่เธอจับมือฉันให้ไปจับนมเธอเฉยเลย พอรอบที่สองเธอก็หันหน้ามาเอาเนื้อตัวมาถูกับฉันตลอดเพลงเลย ฉันไม่ได้ดูถึงรอบสามหรอก แต่ถ้าฉันดูฉันต้องไปฟันแม่นั่นตรงนั้นแน่ๆ แม่นั่นดูดได้มันส์โคตรๆ ให้ตายเหอะ นี่ขนาดไม่ได้เป็นดาวเด่นของที่นั่นนะ และที่สำคัญค่าเข้าถูกมากๆแค่ห้าเหรียญเอง เครื่องดื่มก็แค่ขวดละสองเหรียญเอง” ไทริคเล่าให้ฟัง

   หลังจากที่เราบอกว่าเขาโม้ ไทริคก็บอกกับเราว่าแม้แต่เมืองสาปสูญแห่งชิโบล่ายังมีอยู่จริงเลย ทำไมคลับนี้จะมีไม่ได้ พวกเราตื่นเต้นกันมาก จอห์นสรุปเอาเองทันทีว่า”ฉันเคยเชื่อว่าคลับเปลือยกับซ่องจะแยกจากกันอย่างเด็ดขาด แต่นายเพิ่งบอกว่ามันมีที่ที่สองอย่างรวมกันอยู่เหรอ”

   ไทริคบอกว่าสโมสรนี้ชื่อเบบี้ดอลส์ พวกเราเห็นตรงกันว่าสถานที่แห่งนี้เป็นที่ศักดิ์สิทธิ์ที่เราค้นหากันอยู่ เราเลยวางแผนจะไปดัสลัสกัน ทีแรกพวกเราทั้งสิบคนจะไปด้วยกันหมด แต่พอใกล้เข้ามาวันเดินทาง หลายคนก็ถอนตัวออกไป

คาลอส – ถอนตัวเพราะเพิ่งกลับมาจากสเปน แล้วเขาก็ไม่อยากจากคู่หมั้นของเขานัก ผมไม่ได้ว่าเขาทำในสิ่งที่ไม่ดีนะ เพราะพวกเขาตั้งใจจะแต่งงานกันจริงๆ ผมเองก็ชอบคู่หมั้นของเขาด้วย ผมคิดว่าเขาตัดสินใจถูกแล้วล่ะ ในเมื่อเขาเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เรียกว่าความรักและความรับผิดชอบ

แซค – ตัดสินใจไปสัมภาษณ์งาน

แดเนียล – ปกติหมอนี่ก็ใจเสาะยังกับตุ้ดอยู่แล้ว เขากลัวว่าการไปกับพวกเราจะทำให้ถูกตำรวจจับและอนาคตการเป็นนักการเมืองของเขาจะดับวูบลง จริงๆแล้วพวกเราไม่มีใครแน่ใจเลยว่าทำไมหมอนี่มันถึงมาอยู่ก๊วนเดียวกับเราได้

แมทซ์ – จะไปเที่ยวกับผู้หญิงที่ครั้งนึงเบรตเคยเรียกเธอว่า “นังผู้หญิงร้อยเลห์พันเล่มเกวียนที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่ประวัติศาสตร์จะเคยจารึกผู้หญิงโสมมเอาไว้” หมอนี่ก็ยังโง่พอที่จะควงกับแม่นี่ต่อไปและยกเลิกการร่วมเดินทางกับเรา

โจ – ตัดสินใจไม่ไปกับเรา เหมือนกับทุกครั้งที่เขาปฎิเสธจะไม่ไปกับเรา เพราะเห็นแนวโน้มว่าการรวมกลุ่มจะนำไปสู่หายนะ

จอห์น – เป็นการถอนตัวที่ตลกที่สุด เพราะแทนที่เขาจะไปกับเราเขาดันบินไปดูอพาร์ทเม้นท์ที่บอสตันกับแฟน(เธอเป็นเพื่อนกับนังผู้หญิงร้อยเลห์พันเล่มเกวียนฯแฟนเจสัน) ทั้งๆที่เขาจะไปอยู่ที่นั่นตั้งปีหน้า



ดันนั้นผู้ร่วมทางครั้งนี้จึงเหลือแค่สี่คนเท่านั้น
ไทริค – ต้องทบทวนกฏหมายที่เรียนมาทั้งหมด เขามีเรื่องสำคัญเกี่ยวกับกฏหมายมากมายที่ต้องทำ แต่โชคดีที่เขาทำตามความต้องการของ’ไอ้น้องชาย’ราวกับว่าความประสงค์ของมันเป็นความประสงค์ของพระเจ้าเลยทีเดียว เขาจึงยกเลิกตารางงานทั้งหมด

แบรต – กำหนดการของเขาแสนจะยุ่งเหยิงของเขาประกอบด้วยการนั่งดื่มเหล้าในความมืดคนเดียวและการออกไปร้านการ์ตูนเพื่อหาการ์ตูนออกใหม่ ผมคงไม่ต้องบอกมั้งว่าทำไมเขาถึงไปกับเรา

เชลดอน – เขาวางแผนจะไปเยี่ยมเพื่อนที่ออสตินอยู่แล้ว ก็เลยจัดการรวมแผมของเขากับแผมของเราทันที พร้อมกับหาของขวัญประเภทที่มีประกายวูบวาบให้แฟนของเขาเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของเธอไปจากแผนใหม่ของเขา

และผม – การออกไปแถวๆชาเปลฮิลล์เพื่อฟันสาวๆและการดื่มย่อมถูกครอบงำได้ด้วยการออกไปที่ไกลๆเพื่อดื่มและฟันสาวๆในปริมาณที่มากกว่าอยู่แล้ว




    เย็นพฤหัสเราเริ่มออกเดินทางไปแท็กซัส โดยตัดสินใจใช้ชื่อปลอมๆที่ได้จากคัมภัร์ไบเบิ้ล เพสติเลนซ์ เพลก ฮังเกอร์ และเดธ จุดแรกที่เราหยุดพักคือร้านสเต็คแอนด์เชค แถบชาญเมืองชาลอตต์ ที่นั่นเราต่างเล่าเรื่องเฮงซวยวัยเด็กของเราแต่ละคน ผมเล่าเรื่องวัยเด็กที่ถูกแต่งแต้มโดยความไม่แน่นอนของพ่อและแม่ การหย่าร้างนักครั้งไม่ถ้วน การแต่งงานใหม่หลายต่อหลายครั้งของพ่อและแม่(ครั้งแรกที่พ่อกับแม่หย่ากันเพราะแม่ของผมมีชู้และพ่อจับได้ หลังจากนั้นพวกท่านก็มีชีวิตแต่งงานใหม่ พ่อของผมแต่งงานใหม่ถึงหกครั้ง) การย้ายบ้านบ่อยจนแทบจำไม่ได้ ความปล่าวเปลี่ยวและความเจ็บปวดทางจิตใจ


   ไทริคเล่าเรื่องวัยเด็กที่แสนจะอึดอัดเพราะมีพ่อเป็นผู้พันทหาร แต่พ่อของเขากลับมองข้ามความฉลาดผิดปกติและการมีไอคิวมากกว่าปกติถึงสามเท่าของเขาไปได้ ไทริคไม่ใช่คนที่ป้อบมาก แต่ความซื่อแบบซ่อนคมของเขาทำให้สาวๆตกเป็นเหยื่อเสมอ เขาแก่กว่าเราถึงสามปีทำให้เขามีความรู้และมีความเป็นผู้ใหญ่อย่างที่พวกเราไม่มี ด้วยคุณสมบัตินี้ทำให้ไทริคน่าจะเป็นไอ้เสือที่งาบสาวๆได้มากที่สุดในกลุ่ม การที่เขามีความฉลาดติดตัวมาแต่ไม่ได้เป็นคนเด่นคนดังบีบคั้นให้เขาต้องเรียนรู้ที่จะเดินเกมส์ในแบบที่ยากลำบากความคนอื่น แต่มันจะตอบแทนด้วยผลที่ดีกว่าเสมอ เขาเป็นคนที่มีเหตุผลที่สุดในกลุ่ม แล้วยังเป็นคนเดียวที่สามารถล่อลวงสาวน้อยอายุ 18 มาเชยชมได้เสมอ ในขณะที่พวกเราในกลุ่มมักจะสอยได้แต่ผู้หญิงร่านๆแล้วก็ปล่อยให้พวกหล่อนทำตามความชำนาญของตัวเองไป


   แบรตสร้างความเพลิดเพลินให้เราด้วยเรื่องพ่อแม่ที่ห่างเหินน่ารังเกียจของเขา บ้านของเขามีฐานะและมีชื่อเสียง นั่นทำให้เขาเจอหน้าพ่อแม่ของเขาทางโทรทัศน์ ใบปลิว นิตยสารหรือหนังสือพิมพ์มากกว่าในชีวิตจริง  ชีวิตของเขามีแอ็กชั่นฟิกเกอร์เป็นเพื่อน  มีเครื่องเกมส์นินเทนโดเป็นพี่เลี้ยง และพี่เลี้ยง(ตอนนี้เธอเป็นผู้หญิงแก่และใจดี)เป็นดังพ่อแม่ของเขา หรือช่วงปิดเทอมหน้าร้อนยายของเขาก็จะเป็นพ่อแม่ของเขาแทน แบรตยังเล่าถึงเรื่องส่วนตัวของเขาด้วย เขาเป็นคนที่ติดน้องมาก แต่ด้วยความที่น้องของเขาเป็นพวกมั่นใจในตัวเองสูง เขาจึงถูกไล่ออกจากชีวิตของน้องเขาบ่อยครั้ง จนเขาได้มาเจอกับแฟนเก่าของเขาที่เป็นทั้งรักแรกและรักเดียวของเขา แต่เธอกลับไม่ซื่อสัตย์แบบที่เขาให้กับเธอ ตอนนี้เขาจึงยอมรับกับเราว่าเขาเริ่มกลับไปติดน้องอีกครั้ง เชลดอนแทรกขึ้นมาว่าเขาเคยเห็นน้องของแบรต

“เนทใช่ไหม ฉันเคยเห็นครั้งนึง ที่เพนส์เฮ้าส์ของนาย เขานอนบนที่นอนของนายมีผ้าห่มพันทั้งตัว เหลือไว้แค่ตาและรูเล็กๆตรงจมูกไว้หายใจ ตลกเป็นบ้าเลย”

“ใช่นั่นแหละเนท” แบรตตอบเรียบๆ

“ช่าย แกอย่าเตะฉันนะเว้ย ฉันกับแซคแอบเปิดผ้าห่มดู” แบรตถลึงตาใส่เชลดอน หมอนั่นรีบยกมือขึ้นป้องกันตัวเองแล้วแก้ตัวพัลวัน

“เดี๋ยวๆ ฉันเห็นแค่หน้า เขาดูธรรมดา แต่แซคลงความเห็นว่าเขาน่ารักดี” เชลดอนพูดจบก็รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาของเราไปที่เรื่องในวัยเด็กของเขาทันที


   เชลดอนเกิดและเติบโตขึ้นในเมืองเล็กๆแห่งหนึ่งในเนบราสกา เมืองที่มีประชากรแค่แปดร้อยคน มีร้านแดรี่ควีนและปั้มน้ำมันแค่สาขาเดียว เขาบอกกับเราว่าพ่อชอบให้เขาวิ่งร้อยเมตรแข่งกับพี่ชายเสมอ ตอนเขาอายุหกขวบก็ไปเข้าโรงเรียนประถม เขาต้องเข้าเรียนชั้นนั้นไปจนถึงแปดขวบ เมื่อโรงเรียนจัดวัดไอคิวนั่นแหละทุกคนถึงได้รู้ว่าเขาเป็นอัจฉริยะ ครูเลยย้ายเขาเข้ามาเรียน ให้ห้องเด็กที่มีพรสวรรค์แทน แต่เขาไม่ชอบเลย เพราะถ้าเรียนแบบเดิมเขาจะได้ระบายสีแถมยังมีขนมให้กินบ่อยๆด้วย อีกเรื่องหนึ่งที่เขาเล่าให้ฟังคือตอนเขาอายุเก้าขวบ ส่วนพี่ชายของเขาอายุสิบเอ็ดปี พ่อของเขาให้พวกเขานั่งรออยู่ในรถ ขณะที่พ่อของเขาออกไปกระทืบหัวขโมย พ่อของเขาเกือบฆ่าไอ้หมอนั่นตายด้วยการเอาหัวไอ้หมอนั่นกระแทกเข้ากับฝากระโปรงรถนับครั้งไม่ถ้วนจนเลือดสาดกระจาย แต่สิ่งที่เขาต่างจากพวกเราก็คือ เราได้รับความรักและชีวิตที่มั่นคง นั่นทำให้แม้ว่าเขาจะเป็นพวกชอบเที่ยว แต่เขาก็รักและเอาใจใส่คู่หมั้นของเขาอย่างมาก


--------------------------------------------------

Lap dance ระบำเปลือย โดยผู้เต้นจะเข้ามาเต้นแบบถึงเนื้อถึงตัวกับผู้ชม

ไทริค
(http://img814.imageshack.us/img814/5814/donflack.jpg)

เชลดอน
(http://img580.imageshack.us/img580/3030/mattlanterphoto.jpg)

อิมเมจบรรดาก๊วนของคาแบลท์น่าจะครบแล้วล่ะคะ
เหลือก็แต่นายเอกที่ยังไม่ยอมออกซักที อิอิ


หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 6 part1 27/09/10
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 27-09-2010 11:51:58
และแล้วก็ได้สาเหตุของการติดน้องของแบรต  แล้วเมื่อไหร่แบรตจะพาเนทมาเปิดตัวกับเพื่อน ๆ ในก๊วนซะทีล่ะ
รอวันที่เนทกับคาร์แบลท์เจอกันอยู่นะเนี่ยะ  นึกไม่ออกจริง ๆ ว่าเพราะอะไรคาร์แบลท์ถึงคบกับเนทได้
โดยที่แบรตยอมด้วยน่ะนะ  เห็นทีตอนกับโอลิเวอร์ละกันท่าน่าดู
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 6 part1 27/09/10
เริ่มหัวข้อโดย: CanonDNattari ที่ 27-09-2010 19:03:18
รูปผู้ชายสนอง คนเขียนและคนอ่านใช้ไหมนั้น  ผู้ชายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย  :-[
ชีวิตของแบรตนี่ พูดมาก็น่าสงสารนะ พ่อแม่ไม่มีเวลาให้ เลยแสดงออกอย่างนั้น แต่ .......จะหวงน้องเดินไปแล้วนะ
นั้นสิเมื่อไหร่จะได้เจอกัน (คาร์แบลท์  กับ แกส นะ แต่ดูแล้วคงอีกยาว เพราะเนท ก็ยังไม่ได้เจอเลย  :z3:)
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 6 part1 27/09/10
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 27-09-2010 20:48:49
อา.......ติดน้อง งั้นคาแบลท์มาสอยน้องไป พี่แบรตคงไม่ไหวจะกันท่าแน่ๆ กร้ากกกกกกกกส์

แต่ๆเนทออกมาแค่พันตัวอยู่บนเตียงเหลือแต่ตากะตะหมูกก็น่ารักแล้วอ้ะ >/////<
..........................

ของฝากพี่ปุ๋ยค่ะ ชอบเพื่อนกลุ่มนี้ โก้ดแบด กร้ากกกกกกกกกส์

แดเนียล – ปกติหมอนี่ก็ใจเสาะยังกับตุ้ดอยู่แล้ว (ตุ๊ด)
จะไปเที่ยวกับผู้หญิงที่ครั้งนึงเบรตเคยเรียกเธอว่า “นังผู้หญิงร้อยเลห์พันเล่มเกวียน (แบรต, ร้อยเล่ห์)
(เธอเป็นเพื่อนกับนังผู้หญิงร้อยเลห์พันเล่มเกวียนฯ (ร้อยเล่ห์)
ดันนั้นผู้ร่วมทางครั้งนี้จึงเหลือแค่สี่คนเท่านั้น (ดังนั้น)
ต้องทบทวนกฏหมายที่เรียนมาทั้งหมด เขามีเรื่องสำคัญเกี่ยวกับกฎหมายมากมาย (กฎหมาย)
ของ’ไอ้น้องชาย’ราวกับว่าความประสงค์ของมันราวกับว่ามันเป็นประสงค์ของพระเจ้าเลยทีเดียว  (ราวกับว่าเดียวก็พอมั้งคะ?)
กำหนดการของเขาแสนจะยุ่งเหยิงของเขาประกอบด้วย (นี่ก็ของเขาที่เดียวพอค่ะ)
ก็เลยจัดการรวมแผมของเขากับแผมของเราทันที (แผน)
เย็นพฤหัสเราเริ่มออกเดินทางไปแท็กซัส (เท็กซัส)
แถบชาญเมืองชาลอตต์ (ชานเมือง)
การหย่าร้างนักครั้งไม่ถ้วน (นับครั้ง)
ความปล่าวเปลี่ยวและความเจ็บปวดทางจิตใจ (เปล่าเปลี่ยว........โถ.....พ่อแบดบอยของฉัน หงิงๆ)
ไทริคไม่ใช่คนที่ป้อบมาก (ป๊อป)
เดินเกมส์ในแบบที่ยากลำบากความคนอื่น (ลำบากกว่า)
แต่สิ่งที่เขาต่างจากพวกเราก็คือ เราได้รับความรักและชีวิตที่มั่นคง (เขาได้รับความรัก)



หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 6 part1 27/09/10
เริ่มหัวข้อโดย: sadness ที่ 27-09-2010 20:58:55
 :m13: มาให้กำลังใจคนแต่ง

ด้วยแววตาที่ใสซื่อ
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 6 part1 27/09/10
เริ่มหัวข้อโดย: ┗◎┗◎ ที่ 27-09-2010 21:19:06
อนาถ จะตั้งชื่อปลอมทั้งที
เอามาจากไบเบิล และ ชื่อ "เดธ" = =;


เนทน่ารัก ม้วนกลมเหมือนหอย
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 6 part1 27/09/10
เริ่มหัวข้อโดย: getto ที่ 27-09-2010 21:43:51
 :กอด1:ป้า
ตอนนี้อิมเมจเนทน่าร๊าก :man1:
 :z13:พี่โล่ถึงพี่บี
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 6 part1 27/09/10
เริ่มหัวข้อโดย: ლїЯдςLΣϛlθTtεR ที่ 28-09-2010 19:39:14
จิ้มเกตไปหาพี่โล่ละก้อพี่บีอีกคน  จิ้มยาวไปยังป้าอีกด้วย
ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ


ไม่ว่าตอนไหนเนทกะน่ารัก
แต่เมื่อไหร่แกสจะออกเสียที

บรรดาภรรยาจะได้ออกมาเม้าๆกัน
เนทกะแกส ฮ่าๆๆ
สองศรีภรรยา


คิคิ!!
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 6 part1 27/09/10
เริ่มหัวข้อโดย: ლїЯдςLΣϛlθTtεR ที่ 30-09-2010 17:11:28
เตอร์รับหน้าที่เอาเรื่องมาลงให้พี่ๆน้องๆได้อ่านกัน   :z1:
พี่ปุ๋ยงานเข้าอย่างรุนแรง  ฮาๆๆๆ
เตอร์เลยเสนอ(หน้า)ตัวมาลงให้
เค้าเป็นคนดีจังเลยโน๊ะ  ฮ่าๆๆๆๆๆๆ   :m20:


=====================================


วันแรกร้านเบบี้ดอลล์
        เรามาถึงดัลลัสตอนบ่ายวันศุกร์ หลังจากเรางีบเอาแรงกันแป๊บนึง เราก็เดินไปกินอาหารเย็นที่ออกจะเร็วไปสักหน่อยที่ร้านแบบแม็กซิกันในดีฟเอลลัม อิ่มแล้วก็ข้ามฝั่งไปเข้าบาร์ริมทางที่ตกแต่งเอาใจพวกยัปปี้(*) ถังเบียร์มีทั้งยี่ห้อแพบท์และกินเนส มองไปก็เจอพวกเมโทรเซ็กช่วลแต่งตัวด้วยผ้าไลคราสีน้ำตาลอยู่ไกลๆ ผมเริ่มมีความรู้สึกเกลียดทุกคนในร้านนี้ขึ้นมาทันที
          เราสั่งเบียร์มาสองเหยือกแล้วไปเล่นชัพเฟิ่ลบอร์ด(**)กันระหว่างที่ดื่มเบียร์เหยือกแรก ผมก็สังเกตเห็นว่ามีสาวสองคนแบบมองพวกเราอยู่ คนนึงผมบลอนด์ท่าทางร้อนแรง ส่วนอีกคนผมแดงหน้าตาใช้ได้เลยทีเดียว ผมตัดสินใจว่าจะฟันแม่ผมบลอนด์ ว่าแล้วผมก็เริ่มเดินเกมส์ทันที
       “คุณจะเข้ามาร่วมสนุกกับเราหรือจะเอาแต่ยืนจ้องอยู่ตรงนั้นล่ะครับ” พวกเธอตอบรับคำเชิญ
        ผมจ้องหน้าอกแม่ผมบลอด์ไม่วางตา อกคู่นั้นไม่มีที่ติเลย มันมีความสามารถในการยั่วยวนสุดๆ พวกเธอก็ดูรู้เกมส์ดี ผมคุยกับพวกเธออย่างถูกคอ(แม้ว่าผมจะใช้สายตาสำรวจร่างกายพวกเธออย่างละเอียดก็ตาม แต่พวกเธอไม่รู้หรอก เพราะผมน่ะมืออาชีพเรื่องนี้) จนกระทั่งคำพูดโง่ๆของเชลดอนเกือบทำทุกอย่างพังหมด
       “พวกคุณมาดัลลัสกันทำไมเหรอ” แม่ผมบลอนด์ถาม
       “เรามาเที่ยวคลับเปลือยกันน่ะ” เชลดอนทำหน้าที่สกัดดาวรุ่งมุ่งสู่เตียงได้อย่างยอดเยี่ยม ...ขอบใจมากเพื่อน นายไม่รู้รึไงว่าฉันอยากฟันแม่นี่ ผมแอบด่ามันในใจ
         แม่สาวผมแดงดึงผมไปเข้าไปใกล้เธอ ขณะที่เชลดอนยังจ้ออยู่กับแม่ผมบลอนด์ต่อ
         “พวกคุณมาที่นี่เพื่อเที่ยวคลับเปลือยจริงๆเหรอ”
         “เปล่า ไม่จริงหรอก วิทยาลัยเราปิดอาทิตย์นึงน่ะ เราก็เลยมาเยี่ยมเพื่อน เชลดอนแค่อยากลองไปคลับเปลือยดูน่ะ”
         “ฉันว่ามันน่ารังเกียจจะตาย”
         “บางทีนะมันอาจจะน่ารังเกียจอย่างที่คุณว่าก็ได้ แต่เพื่อนคนเขาอยากไปจริงๆนี่ แล้วจะให้ผมทำไงล่ะ ผมไม่รู้จักใครที่ดัลลัสเลย” ผมบอกเธอ
         “งั้นคุณก็อยู่เที่ยวแถวนี้กับฉันก็ได้”
         “ผมอาจจะอยากอยู่ที่นี่เพื่อนอนดูละครน้ำเน่าก็ได้” ผมตอบอย่างเสียไม่ได้
          เชลดอนถองผมแล้วกระซิบบอกผมว่า “เพื่อน หล่อนให้ท่าแล้ว เอาสิวะ” แล้วเขาก็หันไปถามแม่สาวผมบลอนด์ว่า
         “คุณจะลองไปที่เบบี้ดอลล์กับเราไหม”
         “ไปสิ ฉันอยากเห็นหน้าอกใหญ่ๆของคนอื่นบ้างน่ะ”
         “คุณเคยไปที่นั่นมาก่อนเหรอ” ผมถามเธอ
         “ใช่ ฉันเคยเข้าไปสมัครงานที่นั่นหนนึง” คำตอบของเธอเหนือความคาดหมายเลยทีเดียว  เราถูกหวยเข้าจังเบอเริ่มเลย..
         “คุณ......ชอบผู้หญิงด้วยเหรอ” เชลดอนถาม
         “ใช่แล้ว” แม่ผมบลอนด์ว่า
         เยี่ยมเลย...ตอนนี้เราต้องการแค่เพลงยุค 70มาเปิดแล้วเริ่มถ่ายหนังโป๊เท่านั้น
         แต่สิบห้านาทีต่อมาผมก็ผมว่ามันเป็นช่วงเวลาที่งี่เง่าสุดๆเลยล่ะ แม่ผมบลอนด์ตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะเธออยากให้แม่ผมแดงมาด้วย แต่แม่ผมแดงไม่อยากไป ผมกำลังตกอยู่ในฝันร้ายสุดๆ ผมต้องการฟันแม่ผมบลอนด์แต่หล่อนกลับไปติดใจเชลดอน และหนทางเดียวที่แม่ผมบลอนด์จะไปกับเราคือแม่ผมแดงต้องไปด้วย แม้ว่าแม่ผมแดงจะชอบผมแต่เธอก็ไม่อยากไปคลับเปลือยอยู่ดี เชลดอนเองตอนนี้ก็เมาจนพึ่งพาไม่ได้...แล้วผมจะทำอย่างไรดี
         หากผมยังหวังที่จะฟันแม่ผมบลอนด์ทั้งที่โอกาสมีเพียงริบหรี่ ผมก็คงต้องผิดหวังและอดฟันแม่ผมแดงอีกคน เพื่อนๆทั้งกลุ่มก็จะอดดุฉากหญิงฉิ่งหญิงที่คลับเปลือยไปด้วย เพราะสองสาวนี่คงไม่มีใครไปกับเราเลยซักคน ผลลัพธ์แบบนี้ถือว่าทุกคนเป็นฝ่ายแพ้หมด แต่หากผมทำเพื่อนทีมยอมตัดใจจากแม่ผมบลอนด์ซะ แล้วหันมาสานความสัมพันธ์กับแม่ผมแดงให้แนบแน่น เราก็สามารถพาสองคนนี้ไปที่นั่นกับเราได้ การไม่ได้ฟันแม่ผมบลอนด์อาจจะทำให้ความสุขส่วนตัวผมลดลง แต่ทั้งก๊วนจะอยู่ในสถานะที่มีความสุขมากกว่าเพราะจะได้ทั้งสองสาวไปเที่ยวคลับด้วย คุณเห็นไหม..ผมไม่ใช่คนที่เห็นแก่ตัวหรอกนะ ตราบใดก็ตามที่ยังได้ประโยชน์อยู่บ้าง
         “ไปเหอะน่า ลองไปดูสักครั้ง ผมรับรองว่าคุณต้องสนุกแน่ๆ” ผมลองชวนเธออีกครั้ง
         “อย่าไปเลย ผู้หญิงที่คลับเปลือยไม่มีใครสนใจคุณจริงๆหรอก” เธอพยายามชักจูงผม
         “ไม่จริงหรอก สาวๆที่นั่นนั่งตักผมแล้วก็บอกว่ารักผมด้วย” แบรตขัดขึ้นมาด้วยมุกตลกของเขา แต่ดูท่าแม่ผมแดงไม่ฮาด้วย
         “ขอบใจนะเพื่อน แต่ทีหลังไม่ต้อง ฉันจัดการเอง นายกลับไปดูละครดีฟสเปสของนายไป๊” ผมไล่แบรต แล้วลากแม่ผมแดงออกมาให้ห่างจากไอ้พวกมารผจญทั้งหลาย
         “ไปเถอะนะคนดี เชื่อผมสิ เราต้องสนุกแน่ๆ”
         “ฉันไปอยากไปที่แบบนั้นนี่ มันน่าขยะแขยงจะตายไป”
         “ใช่ๆผมเห็นด้วย แต่ผมก็ไปกับคุณนี่ เราจะไปที่นั่นแล้วปล่อยให้พวกเพื่อนๆผมสนุกกันไป พอพวกเขาเพลินกับสาวๆโป๊เราก็จะเดินออกมาหาที่เงียบๆคุยกัน”
         “แล้วทำไมคุณไม่อยู่กับฉันที่นี่ซะเลยล่ะ” เธอยังไม่ยอมง่ายๆ
         “ผมอยากไปที่นั่นกับคุณไง ไปเถอะ ไปด้วยกัน”
         “ไม่..”
         “ผมจะบอกให้นะ ถ้าพวกเราทุกคนไปด้วยกันืผมสัญญาว่าเราสองคนจะไปหามุมสงบๆอยู่ด้วยกัน มองตากันและกัน ไม่สนใจคนอื่นอีก คุณไม่คิดว่ามันโรแมนติกเหรอ เพราะเราสองคนจะจ้องตากันจนไม่เห็นอะไรที่เกิดขึ้นรอบๆตัวเลย”  ขนาดผมพูดเอง ผมยังแทบอ้วกกับคำหวานๆเหล่านั้นเลย เธอก็อึ้งไปเหมือนกำลังชั่งใจ
         “ไม่ ฉันไม่อยากไปคลับเปลือย...” นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะ ผมชักจะหมดความอดทนกับหล่อนแล้วเหมือนกัน แค่ข้อเสนอจะไปจ้องตากันและกันก็มากพออยู่แล้ว ในที่สุดผม แบรตและเชลดอนก็หมดความอดทนกับเรื่องนี้ เราเลยไปดึงตัวไทริคออกมา ผมเดินไปที่ประตูแต่แม่นั่นยังเกาะแขนผมเป็นปลิง ระหว่างนั้นผมพยายามคำนวณต้นทุนกำไรตามหลักศาสตร์อีกครั้ง การอยู่กับแม่นี่ได้จบลงบนเตียงแน่ซะยิ่งกว่าแน่ การไปคลับเปลือยก็ได้ดูผู้หญิงเปลือยแน่ๆ แต่โอกาสที่จะได้สอยสาวๆที่นั่นก็มีไม่มากนัก สิ่งที่ผมต้องทำคือหาทางให้แม่นี่เป็นกิจกรรมยามดึกของผม
         “คุณจะรอไปเที่ยวกับผมกลับจากผมกลับมาจากคลับนั่นไหมล่ะ ไปที่บ้านคุณเป็นไง” ผมยื่นข้อเสนอเป็นนัยๆ
         “ฉันไม่มั่นใจว่าจะรอคุณได้ไหม ฉันต้องตื่นไปประชุมสมาคมยังก์ไลฟ์ตอนเจ็ดโมง”
         “ผมต้องไปกับเพื่อนผมแล้ว” ผมตัดบทแล้วเดินออกจากร้านก่อนที่เธอจะได้แสดงความประหลาดใจด้วยซ้ำ
         ยังก์ไลฟ์เป็นการรวมตัวของกลุ่มวัยรุ่นที่เคร่งศาสนา(ศาสนาคริสต์)พวกเขาจะเข้ารับฟังเทศน์เพื่อให้รู้จักข่มใจตัวเอง และเรื่องอื่นๆอีกเยอะแยะที่ไร้สาระสำหรับผม ช่วงที่เรียนม.ปลายผมต้องประสบกับปัญหาต้องกลั้นจนหน้าเขียว(พวกเขาเชื่อว่าการหลั่งน้ำกามเป็นบาป) จนนับครั้งไม่ถ้วนเมื่อนอนกับสาวๆที่มาจากสมาคมนี้ นั่นทำให้ผมสาบานว่าชาตินี้จะไม่ยุ่งกับผู้หญิงในสมาคมนี้อีก


==================================

คำขยายความจาก ครูปุ๋ยฤทัย...
ยัปปี้(*) => yuppy คำที่ใช้เรียกกลุ่มคนที่มีฐานะค่อนข้างดี ทำงานที่ได้รับการยอมรับ อาศัยอยู่ในเมืองหรือชาญเมือง
ชัพเฟิ่ลบอร์ด(**) => shuffle board เกมส์ชนิดหนึ่งผู้เล่นจะทอยลูกที่ทำจากโลหะกลมๆแบนๆคล้ายลูกฮ็อกกี้แต่ใหญ่กว่าเล็กน้อย ให้ไหลไปตามโต๊ะยาว ที่ทำจากไม้ขัดมันเพื่อให้ตรงจุดที่กำหนดไว้บนโต๊ะ

==================================

เรียบร้อยยยย แล้วนะครับ  :impress2:
เจอกันใหม่เมื่อพี่ปุ๋ยจะอู้   เอ้ยยยยยยยย  เจอกันใหม่เมื่อชาติิ้ต้องการคร้าบบ บ๊ายบายย ยย ย  :bye2:


หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 6 part2 30/09/10 ลงโดยლїЯдςLΣϛlθTtεR
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSacrifice ที่ 30-09-2010 17:14:34
จัดเรียงหน้าสวยงามมากอะคุณน้อง
เก๋!!
รอบหน้าใช้บริการใหม่นะ
5555555555555
แบบนี้ต้องบวก
สัญญาจะเข้ามาบวกให้บ่อยๆเลย
 :กอด1:

(http://www.globalpackagegallery.com/main.php?g2_view=core.DownloadItem&g2_itemId=18273&g2_serialNumber=3)
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 6 part2 30/09/10 ลงโดยლїЯдςLΣϛlθTtεR
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 30-09-2010 21:26:03
55555  เป้าหมายของคาร์แบลท์เป็นสาวเคร่งศาสนา
หวังฟันผิดคนแล้ววว  เจ้าคนบาป ก๊ากกกกก
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 6 part2 30/09/10 ลงโดยლїЯдςLΣϛlθTtεR
เริ่มหัวข้อโดย: ┗◎┗◎ ที่ 30-09-2010 22:54:32
เอร้ย

คาเบลท์เกือบหน้าเขียวอีีกรอบแล้วไหมละ  :laugh:
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 6 part2 30/09/10 ลงโดยლїЯдςLΣϛlθTtεR
เริ่มหัวข้อโดย: ๛゙★βra_11!☆゙ ที่ 30-09-2010 23:28:05
 :z1:
สนุกอ้ะ ! ชอบตาคาร์แบลท์ กับ พี่แบรต   :m3:
แบรต แร๊งงซ์ได้ใจ !! 55 แถมติดน้องอีกตะหาก
ตาคาร์แบลท์ก้น่าร๊ากก  :impress2:
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 6 part3 02/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSacrifice ที่ 02-10-2010 11:14:21
       
             ผมว่าร้านเบบี้ดอลส์นี่ควรจะเป็นแม่แบบของคลับเปลือยทั้งหลายจริงๆ ป้ายร้านที่เป็นหลอดนีออนดัดเป็นตัวหนังสือเห็นได้ไกลเป็นกิโลๆตัวร้านเป็นอาคารชั้นเดียวสีชมพูหวานแหววตั้งอยู่กลางลานที่จอดรถ มุมหนึ่งของที่จอดรถมีป้ายโฆษณารูปผู้หญิงเปลือยสูงเท่าตึกสี่ชั้นตั้งตระหง่านอยู่ ประตูทางเข้าตึกมีประตูไม้แบบสองบานขนาดใหญ่ มีนักเลงคุมร้านรูปร่างแบบนักอเมริกันฟุตบอลอยู่สองคน จากประตูไปอีก 5 เมตรเป็นทางเดินสีชมพูเข้าสู่ร้าน ตรงกลางร้านมีเวทีหลักทรงรี ข้างๆล้อมรอบด้วยเวทีย่อยอีกสี่เวที แต่ละเวทีมีเสาทองเหลืองยาวตั้งแต่พื้นจรดเพดานปักอยู่ตรงกลาง ทุกตารางนิ้วของผนังและเพดานเป็นกระจกเงา ในร้านมีซุ้นเครื่องดื่มขายทุกอย่างอยู่สองซุ้ม ซุ้มเบียร์อีกสองซุ้ม บาร์เทนเดรอืและเด็กเสิร์ฟล้วนเป็นสาวๆเอวบางร่างน้อยและที่สำคัญที่สุดคือ ทุกคนเปลือย ไม่มีสติ้กเกอร์แปะหัวนม ไม่มีกางเกงในจีสตริง ไม่มีการเอาเทปมาปิดตรงระหว่างขา ไม่มีอะไรมาขวางกั้นระหว่างสายตาคุณกับผิวกายเปลือยเปล่าของสาวสวยวัยเจริญพันธุ์ ยกเว้นธนบัตร คำจำกัดความของสาวๆในร้านนี้มากกว่าร้อนแรง


        พอได้ที่นั่งปั้บ สาวนักเต้นสองคนก็ตรงเข้ามาหาเราทันที คนที่ดูร้อนแรงกว่าสูงราวๆร้อยเจ็ดสิบห้าเซนต์ เธอไว้ผมสั้นสีบลอนด์อ่อน ผิวเรียบเนียนและมีเต้าศัลยกรรมกลมมหึมา มาถึงเธอก็ทรุดตัวลงนั่งบนตักของไทริคทันที

“คุณทำงานอะไรเหรอ” เธอชวนคุย

“ผมเรียนกฏหมายน่ะ”

“จริงเหรอ...คุณเรียนที่เอสเอมยู(***)รึปล่าว”

“ปล่าวหรอก ผมเรียนที่ดุ๊กน่ะ”

         เธอจ้องหน้าเขาเหมือนคิดอะไรอยู่ สองสามวินาทีต่อมาเธอก็ทำหน้าเหมือนนึกออก เราเกือบจะได้เห็นหลอดไฟสว่างวาบเหนือหัวเธอแล้วล่ะ

“คุณหมายถึงดุ๊กที่เดอร์แฮมน่ะเหรอ” เธอถามเพื่อย้ำความแน่ใจ

“ใช่ๆที่นั่นแหละ” ไทริคตอบพร้อมหัวเราะคิกคัก

เธอจ้องหน้าไทริคด้วยความสงสัย แล้วพูดต่อ”ฉันแทบไม่เคยได้ยินชื่อที่นั่นเลย ให้ฉันเดานะ คุณจบปริญญาตรีจากฮาร์วาดใช่ไหม”

“ก็ไม่ใช่อีกนั่นแหละ ยังไม่ถูก..”

        ไทริคจบปริญญาตรีจากปริ๊นซ์ตัน ผมไม่สนใจเธออีกต่อไป เพราะแม้ว่าผมจะชอบคนสวยๆแต่ผมเกลียดคนปัญญาอ่อน การสนใจคนที่มีสองอย่างในตัวนี่ทำให้ผมฟิวส์ขาดเอาง่ายๆ ผมเลยคิดว่าไปหาว้อดก้ากินดีกว่าซึ่งในนมปลอมของเธอคงไม่มีวอดก้าให้ผมหรอก

        ผมได้เครื่องดื่มจากสาวเสิร์ฟแล้วก็เริ่มดื่มอย่างเอาเป็นเอาตาย ผมอุส่าห์ขับรถตั้งสิบหกชั่วโมงเพื่อมาร้านนี้โดยเฉพาะ เพราะฉะนั้นผมจะไม่ยอมให้มันจบลงอย่างจืดชืดแน่ๆ ผมจะทำให้ครั้งนี้สนุกสุดเหวี่ยงโดยมีเหล้าเป็นผู้ช่วย แล้วผมก็เริ่มตีสนิทกับสาวเสิร์ฟที่ชื่ออลิช จากทฤษฎีที่ผมคิดขึ้นมาผมจะเล่าให้คุณฟังก่อนนะ

        ไม่ว่าคุณจะไปคลับเปลือยที่ไหนในโลกนี้ สาวเสิร์ฟจะคุยสนุกกว่า และมีโอกาสที่จะได้นอนกับลูกค้ามากกว่าพวกนักเต้น เพราะพวกเธอจะไม่ติดเรื่องเวลาที่ต้องโชว์ก็เลยสามารถคุยเรื่องสนุกๆได้มากกว่า อีกอย่าคือพวกตาเฒ่ามะเขือเผามักจะให้ทิปแต่พวกนักเต้น ไม่เคยให้ทิปเด็กเสิร์ฟเลย ดังนั้นเมื่อคุณให้ความสนใจเด็กเสิร์ฟ พวกเธอย่อมให้ความสนใจคุณกลับมากกว่าพวกนักเต้น แต่เรื่องที่ตลกที่สุดก็คือ พวกเด็กเสิร์ฟมันจะคิดว่าดีกว่าพวกนักเต้นเสมอ พวกนี้จะแบ่งชนชั้นว่าตัวเองเหนือกว่าพวกแก้ผ้าเต้น แม้ว่าในความเป็นจริงคุณจะสอยแม่พวกนี้ได้ง่ายกว่านักเต้นก็ตาม นอกจากนี้พวกเด็กเสิร์ฟมีประสบการณ์น้อยทำให้พวกเธอระวังตัวน้อยกว่าพวกนักเต้นที่มีประสบการณ์โชกโชน พวกนักเต้นมักจะเกลียดผู้ชายเพราะถูกแขกปู้ยี้ปู้ยำมามาก ที่พูดมาทั้งหมดนี้ผมจะบอกคุณว่าการถูกมองข้ามมาตลอดทำให้พวกเธอตอบสนองคุณมากกว่านั่นแหละ การเข้าไปจีบอลิซอย่างนุ่นนวลทำให้เราอยู่ในฐานะพิเศษ มีเครื่องดื่มมาเสิร์ฟอย่างไม่ขาดตอน เอาล่ะเข้าเรื่องกันดีกว่า


       แบรตเรียกสาวร้อนแรงที่สุดคนหนึ่งในร้านมาเต้นแบบถึงเนื้อถึงตัวก่อนที่เธอจะเก็บเงินจากเขาไปเมื่อเธอเต้นเสร็จ เธอพยายามชวนเขาคุยในแบบที่คนฉลาดเขาคุยกัน ไม่ใช่แบบนักเต้นแก้ผ้าคุยกับลูกค้า การสนทนาของพวกเขามีอะไรบางอย่างที่ทำให้บาดแผลในใจแล้วอารมณ์ขันที่ไม่เหมือนใครของแบรตเข้ากับหล่อนได้ดี คุณคิดว่าแบรตจะทำยังไง จีบเธอไหม? ถ้าเขาทำอย่างนั้นก็แปลกแล้ว แบรตเอานิ้วไปแตะที่ปากเธอแล้วอธิบายอย่างนุ่มนวลว่า “ผมยอมฉีดโซดาไฟเข้าเส้นดีกว่าฟังคุณพูดต่อ”แล้วจากนั้นเขาก็สั่งเธอว่า”ใช้ปากให้น้อย ใช้นมให้เยอะๆดีกว่า” ผมว่าไอ้หมอนี่มันมีปัญหาทางจิตจริงๆ


       ผมลุกออกมาเตร่จีบเด็กเสิร์ฟ คนชงเหล้าแล้วก็นางระบำคนอื่นไปเรื่อยเปื่อยโดยมีดับเบิ้ลว้อดก้าโซดาเป็นเพื่อนคู่กาย ขณะที่ผมกำลังเซกลับไปที่นั่ง นางระบำสุดเซ็กซี่คนหนึ่งก็คว้าเข็มขัดแล้วดึงตัวผมไปหาเธอ เธอใส่ชุดแนบเนื้อลายเสือรัดเปรี๊ยะจนเหมือนกับว่าชุดนั้นเป็นการทาสีไว้บนตัวเธอมากกว่า แต่นมที่ล้นออกมาจากเสื้อเป็นสิ่งที่บอกว่าเนื้อตัวเธอมีเสื้อผ้าห่อหุ้มอยู่ไม่ส่วนใดก็ส่วนหนึ่ง ตอนผมมองหน้าเธอแวบแรก ตาผมมันจนไม่สามารถบอกได้ว่าตาของเธออยู่ไหน เพราะอายแชโดว์สีเงินระยิบระยับของเธอสะท้อนแสงใส่หน้าของเธอวูบวาบไปหมด เธอพูดอะไรบางอย่างที่ผมไม่เข้าใจ หลังจากที่พยายามทำความเข้าใจอยู่สองนาทีผมก็โพล่งออกไปว่า

“ถ้าคุณยอมไปกับผมนะ ผมจะไม่ยอมออกจากบ้านเลย ผมจะไม่ยอมเอาน้องชายของผมออกจากน้องสาวของคุณ จนกว่าผมจะได้พ่นพิษใส่หน้าคุณ”

   เธอเห็นว่าผมตลกดีเลยอยากเต้นบริการผมมาก ผมบอกเธอว่าผมเป็นนักกฏหมายไส้แห้งไม่มีปัญญาจ่ายเงินให้เธอหรอก แต่อะไรบางอย่างก็ทำให้ผมปฏิเสธเธอไม่ได้ เธอลากผมเข้าไปในคูหาที่แยกออกไปด้านหลังของร้านแล้วก็เริ่มเต้นให้ผม ตอนนั้นผมเมามาก แต่ก็รู้ตัวนะว่าเมา

   ข้อดีอีกอย่างของร้านเบบี้ดอลล์ก็คือ นางระบำชอบให้คุณจับนมพวกหล่อน แน่นอนผมให้สิทธิ์นั้นอย่างเต็มที่โดยการขยำลงไปบนเต้าปลอมทั้งสองข้างอย่างเต็มไม้เต็มมือ ผมขยี้ขยำอย่างเมามัน นี่ถ้าใส่เชื้อยีสต์กับน้ำลงไปหน่อยนะ เอาไปอบขนมปังได้เลย พอเธอเต้นเสร็จเธอก็เอาตัวมาเบียดกับผมจนนมเธอทะลักขึ้นมาเกือบโดนคางผมแน่ะ

“คุณอยากไปหาที่ที่มันส่วนตัวกว่านี้หน่อยไหม” เธอเสนอ

“อือ อยากสิ ว่าแต่ไปทำไมเหรอ” ผมพาซื่อ

“ในร้านเรามีห้องพิเศษด้วย เราจะทำอะไรก็ได้ที่อยากจะทำกัน”

“งั้นตกลง”

“ค่าห้องสามร้อยเหรียญกับอีกร้อยนึงสำหรับฉัน แต่คุณจะให้มากกว่านั้นก็ได้นะพ่อรูปหล่อ”

“ทั้งหมดก็สี่ร้อย”

“อือฮึ”

        ผมนิ่งไปครู่นึกเพื่อทบทวน ผมคิดถึงผลเสียที่จะเกิดจากการตัดสินใจครั้งนี้แต่ก็คิดไม่ออกสักที ผมพยายามนึกว่าความเชื่อในศีลธรรมของผมอยู่ตรงไหนเรื่อยไปถึงว่าศีลธรรมคืออะไร แต่ความเมาในระดับนี้ สิ่งเดียวที่ผมนึกออกคือเรื่องราคา ผมขอบคุณวิชาเศรษฐศาสตร์ที่ได้เรียนมาจากมหาวิทยาลัยชิคาโกจริงๆ

“ผมจ่ายคุณได้แค่ 20 เหรียญ” ผมต่อราคาทันที

“สี่ร้อยจ้ะที่รัก”

“งั้นก็ 22”

“ฉันถือว่าคุณตลกดี ฉันให้คุณ 350”

“25 แล้วกัน”

“สามร้อยยี่สิบห้าเหรอ”

“ไม่ใช่  ....25 เฉยๆ”

“ฉันต้องจ่ายค่าห้องชั่วโมงละร้อยนะคุณ”

“โอ้ย ผมอยู่ไม่ถึงชั่วโมงหรอก เอาไป 28 ก็พอ”

       การต่อรองดำเนินไปอีกราวสิบนาที ในที่สุดผมก็ตกลงราคากับเธอได้ที่ครึ่งชั่วโมง 55 เหรียญ คุณว่าไหมผมน่าจะไปเขียนหนังสือวิธีการต่อรองราคานะ คิดดูแล้วกันขนาดเมาๆผมยังต่อราคาจนค่าตัวเธอเหลือห้าเหรียญได้

   ผมกลับมาหาเพื่อนๆในอีกสองชั่วโมงถัดมาหลังจากใช้เงิน 55 เหรียญอย่างคุ้มค่า พวกเขารอผมอยู่ที่ลานจอดรถ กำลังกินแซนวิชที่ซื้อมาจากคนที่เปิดท้ายขายของอยู่แถวนั้น ผมเล่าเรื่องสองชั่วโมงที่ผ่านมาให้พวกนั้นฟัง คงไม่ต้องบอกว่าพวกนั้นตะลึงกับแค่ไหน แต่ผมเตรียมคำอธิบายไว้แล้วทั้งๆที่มึนวอดก้าอยู่นั่นแหละ

“ถามว่าฉันต่อราคาขนาดนั้นได้ไงน่ะเหรอเพื่อน บอกได้คำเดียวว่าหลักเศรษฐศาสตร์ว่ะ”


------------------------------------------

SMU Southern Mothodist University

 :z2:



หัวข้อ: Re: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 6 part3 02/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 02-10-2010 12:16:56
โถ........คาแบลท์
โถ...............แม่ผมแดงยังก์ไลฟ์

ของฝากจากตอนที่6 part2ค่ะ
..............

ผมจ้องหน้าอกแม่ผมบลอด์ไม่วางตา (ผมบลอนด์)
แต่เพื่อนคนเขาอยากไปจริงๆนี่ (เพื่อนคนอื่น)
เราถูกหวยเข้าจังเบอเริ่มเลย (จังเบ้อเริ่ม? จังเบอร์?)
แต่สิบห้านาทีต่อมาผมก็ผมว่ามันเป็นช่วงเวลาที่งี่เง่าสุดๆ (ผมก็พบว่า)
เพื่อนๆทั้งกลุ่มก็จะอดดุฉากหญิงฉิ่งหญิง (อดดู)
แต่หากผมทำเพื่อนทีมยอมตัดใจ (ผมทำทียอมตัดใจ)
ฉันไปอยากไปที่แบบนั้นนี่ (ฉันไม่)
ถ้าพวกเราทุกคนไปด้วยกันืผมสัญญา (สระอือเกินมาค่ะ)
พยายามคำนวณต้นทุนกำไรตามหลักศาสตร์อีกครั้ง (หลักเศรษฐศาสตร์?)
คุณจะรอไปเที่ยวกับผมกลับจากผมกลับมาจากคลับนั่นไหมล่ะ (ไปเที่ยวกับผมหลังผมกลับมาจาก)
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอ
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 02-10-2010 13:24:36
แบรตเอานิ้วไปแตะที่ปากเธอแล้วอธิบายอย่างนุ่มนวลว่า “ผมยอมฉีดโซดาไฟเข้าเส้นดีกว่าฟังคุณพูดต่อ”แล้วจากนั้นเขาก็สั่งเธอว่า”ใช้ปากให้น้อย ใช้นมให้เยอะๆดีกว่า”
แบรตนี่ฮาจริง ๆ แต่ที่สุดของที่สุดเห็นจะไม่พ้นคาร์แบลท์เล่นต่อราคาซะอย่างกะของแบกะดินอันละบาท
ถ้าจะมีภาคต่อไป  ขอแบรตเป็นตัวหลักนะคะ pleaseeee
หัวข้อ: Re: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 6 part3 02/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: berlyn ที่ 02-10-2010 15:05:27

คาแบลท์ นาย แบดบอยมากจริงๆ นึกถึงตอนที่รักกับเนทและแกสไม่ออกเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 6 part3 02/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: ┗◎┗◎ ที่ 02-10-2010 20:16:07
”ใช้ปากให้น้อย ใช้นมให้เยอะๆดีกว่า”

แบรตแรงงงงงงงงงงง  :laugh:
แรงเหมืือนคนแต่งรุย



คาเบลล์ต่อราคาเหมือนซื้อของมากกกก  :jul3:
ขอขอบคุณ "หลักเศรษฐศาสตร์" เอิ๊กๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 6 part3 02/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSacrifice ที่ 02-10-2010 21:13:09
คนแต่งเรื่องนี้ใสๆ
แต่ขอบคุณแรงบันดาลใจจากโล่นะ

ปล.โปรเจคแบรตค่อยว่ากันอีกทีนะคะ คิดอยู่เหมือนกันว่าอาจจะเปลี่ยนใจเขียนพี่แกซักหน่อย แต่อาจจะเป็นเรื่องสั้นอะคะ
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 6 part3 02/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: getto ที่ 04-10-2010 22:13:21
 :กอด1:ป้า
มาต่อๆๆๆๆๆๆนะ
คาแบลท์ต่อเก่งไปมั้ย น่าส่งไปจีนแดง :laugh:
 :กอด1:เตอร์ จัดหน้าสวย o13
หัวข้อ: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 6 part4 05/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSacrifice ที่ 05-10-2010 18:44:36
            วันที่สอง
         เช้าวันรุ่งขึ้นผมลืมตาตื่นมาพบว่าทุกคนนอนระเกะระกะอยู่ในห้องของโรงแรม เสื้อผ้ายังไม่ได้เปลื่ยน หัวเหม็นหึ่งด้วยกลิ่นสเปรย์แต่งผมผสมกลิ่นควันบุหรี่ พวกเราจัดการตัวเองเสร็จเราก็เก็บของออกเดินทางสู่ออสตินต่อไป ขณะที่ขับรถเราก็สะดุดตากับป้ายขนาดใหญ่ริมถนน

“ไปงานออกร้านเท็กซัส”
   
   เชลดอนตื่นเต้นจนเส้นเลือดในสมองแทบแตก “โอ้ววว โวว โวว วู้ โว้ว! ไปกันเถอะ เราไปงานนั่นกันเพื่อน งานออกร้านของเท็กซัส”

   ผมไม่เคยเห็นอะไรที่มันงี่เง่าไร้สาระขนาดนี้มาก่อน บริเวณงานประดับด้วยเครื่องประดับที่ใช้ในงานเทศกาล มีรถบรรทุกกับพวกคนใต้งี่เง่าขวักไขว่ไปหมด พอไปถึงแบรตก็ได้เค้กรูปกรวยมาอันนึง ผมได้สเลอร์ปี้มาแก้วนึง ส่วนไทริคไปเจอรถสีแดงหน้าตาเหมือน’ไอ้นั่น’สีแดงคันนึงที่เขาชอบมากก คนเดียวที่ดูเหมือนจะเข้าถึงบรรยากาศของงานออกร้านเท็กซัสของที่นี่คือเชลดอน เขาจัดแจงไปผูกมิตรกับวัยรุ่นชาวใต้อ้วนๆคนนึง ไอ้หมอนั่นยิ้มฟันเหลืองอ๋อย ใส่เสื้อยืดลายนักมวยปล้ำเลอะคราบมัสตาร์ด ท่าทางระดับสติปัญญาเหมือนคนที่เพิ่งถูกลากออกมาจากวงเหล้าทั้งคู่ยืนอยู่หน้าเครื่องเล่นอะไรซักอย่าง เชลดอนกวักมือพวกเราหยอยๆ

“เฮ้เพื่อน ดูนี่สิ” เขาพูดอย่างตื่นเต้นพร้อมชี้ไปที่เครื่องนั่น

“มันเรียกว่าเกมส์ช็อคเกอร์ เวลาเล่นนายต้องจับด้ามนี่เอาไว้ มันจะปล่อยกระแสไฟเข้าตัวนายมากขึ้นเรื่อยๆ คะแนนก็จะเพิ่มตามกำลังวัตต์ที่ช้อตนาย ถ้านายจักมันไว้จนได้คะนนเต็ม นายก็จะได้รางวัล หมอนี่ชื่อเจโทล เขาบอกว่าเขาจะเล่นมันจนได้คะแนนเต็ม”

“ชนะแล้วได้อะไรเนี่ย” ผมถาม

“ฉันว่ารางวัลต้องเป็นการบำบัดด้วยการช๊อคไฟฟ้าแหง” แบรตออกความเห็น

“นายจะเล่นได้ซักกี่วินาทีกันว้า..”ไทริคหันไปถามหมอนั่นแบบหยามๆ

“คอยดูละกัน ฉันชนะแน่เว้ย” เจโทลพูดอย่างมั่นใจ

“เอาเลยเพื่อนทำให้ดีที่สุดละกัน เราจะหยอดเหรียญให้”  เชลดอนดูคึกคักกว่าใครๆ

   พอไทริคหยอดเหรียญ เจโทลก็เอามือมาถูๆเพื่อเตรียมตัวเตรียมใจ ผมดึงตัวเชลดอลออกมาห่างๆ เขาหัวเราะคิกคักเหมือนเด็กผู้หญิงเจอของถูกใจในร้านเฮลโหลคิตตี้

“เฮ้ย ไอ้เด็กนี่เป็นใครวะเพื่อน นายคิดจะทำอะไร”

“ฉันเจอไอ้หมอนี่ยืนมองเครื่องนี่อยู่ ฉันก็เลยพนันว่ามันทำไม่ได้หรอก   .....หมอนี่เจองานช้างเลยล่ะเพื่อน เมื่อกี้ฉันเพิ่งเห็นไอ้เครื่องนี้น้อคไอ้ยักษ์นักเลงจากเนบราสก้าตัวยังกับนักมวยปล้ำลงไปหงายเก๋ง มันส์ละเว้ยยย เดี๋ยวนายดูละกัน”


                                    พวกเราตะโกนเร่งหมอนั่นให้ทำเร็วๆ

“เย่หหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหห์” เสียงเชลดอนดังกว่าใครเพื่อน

“ดูสิเขามาดยังกับพญาสิงห์” ผมแกล้งยอหมอนั่น

“มันฆ่านายไม่ได้หรอก มีแต่จะทำให้นายแกร่งขึ้น” ไทริคเอาบ้าง

“ไม่มีใครช่วยนายหรอกถ้านายถูกเครื่องนั่นช้อต” แบรตมาแปลกกว่าเพื่อน


   หลังจากเขาพึมพำอะไรบางอย่าง ในที่สุดเขาก็กดปุ่มปล่อยไฟแล้วกำด้ามจับโลหะทั้งสองข้าง สองสามวินาทีแรกเขายังดูปกติดี แต่แล้ว....แขนเขาก็เริ่มสั่น ลามไปถึงหัวไหล่และตัว จากนั้นหัวของเขาก็สั่น.....น้ำลายเริ่มฟูมปากและกระเซ็นไปทั่ว

   สักพักเขาก็ส่งเสียงประหลาดๆออกมา แต่มือเขายังไม่ปล่อยด้ามจับ ตอนนี้ตัวเขาสั่นไปทั้งตัว ทันใดนั้นเองก็มีผู้หญิงคนหนึ่งมาดึงตัวเขาออกจากเครื่อง หมอนั่นทรุดลงไปกองกับพื้นขณะที่ผู้หญิงคนนั้นตวาดใส่

“เจโทล เลิกยุ่งกับอ้ายเครื่องบ้าๆนั่นซะ พวกนี้มันหลอกให้แกเล่นตลกให้ดู อ้ายโง่”

   ตั้งแต่จำความได้ผมไม่เคยหัวเราะหนักขนาดนี้มาก่อน ผมหัวเราะท้องคัดท้องแข็งน้ำหูน้ำตาเล็ดจนต้องลงไปนอนกลิ้งกับพื้น ผมเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นเจโทลทำหน้าเบลอๆในขณะที่แม่ของเขาพยายามพาเขาไปพร้อมกับเช็ดน้ำลายที่กระเช็นออกมาเปรอะหน้าให้ ตอนนั้นหมอนั่นแขนยังสั่นไม่หายเลยด้วยซ้ำ

   หวังว่าพระเจ้ายังสามารถให้อภัยเราในเรื่องนี้นะ ผมยอมรับว่าครั้งนี้เราออกจะท้าทายความเมตตาของพระองค์หนักไปหน่อย......




   เราเดินทางต่อจนถึงออสตินแล้วเข้าพักโรงแรมเอ็มบาทซี่สูท หลังจากที่เรางีบกันไปได้ซักพักนึง เชลดอลก็โทรนัดเพื่อนๆของเขาให้ไปเจอกันที่ร้านเชียร์ช็อตบาร์ วันนี้ก๊วนของเราประกอบด้วย แบรต ไทริค เชลดอน และเพื่อนเก่าของเขาอีกสามคนนั่นคือ โทมัส(คนเดียวกับในคืนที่เราเฉียดตายนั่นล่ะ) ดอร์ธตี้ แมทซ์ และผม

   เราไปถึงร้านราวๆสองทุ่ม ตอนนั้นแทบไม่มีคนเลย แต่ไม่มีปัญหาเพราะเรามีคนมากพอที่จะจัดงานเลี้ยงได้แล้ว แมทซ์ออกคำสั่งกับคนชงเหล้าทันที “เฟลมมิ่งด๊อกเตอร์เปปเปอร์เจ็ดที่!”

   ตอนแรกผมยังไม่รู้ว่าเฟลมมิ่งด๊อกเตอร์เปปเปอคืออะไร จนถึงตอนที่คนชงเหล้าเรียงแก้วขนาดครึ่งควอร์ตเจ็ดใบเป็นรูปพีรามิดไว้บนโต๊ะ แต่ละแก้วมีเบียร์อยู่ครึ่งแก้ว จากนั้นก็เอาแก้วใบเล็กๆอีกเจ็ดใบใส่อามาเร็ตโต้(*)ลงไปจนเกือบเต็ม ปิดท้ายด้วยบาร์คาดี้ 151 จนปริ่มแก้วแล้วเอามาเรียงไว้บนปากแก้วเบียร์ จากนั้นตัวเขาเองก็ดื่มบาร์คาดี้ 151 เข้าไปอึกใหญ่ เขาจุดไฟแช็คขึ้นมาจ่อตรงหน้าแล้วพ่นเหล้าออกมา ทำให้เกิดลูกไฟขนาดใหญ่พุ่งไปที่แก้วเหล้าที่เรียงไว้ ทุกแก้วติดไฟทันทีเสร็จแล้วเขาก็สะกิดแก้วเล็กให้หล่นลงไปในแก้วใหญ่เหมือนล้มโดมิโน่ เปลวไฟทำให้เบียร์ฟองฟู่ขึ้นมาทันที เราทุกคนเอื้อมมือไปหยิบแก้วแล้วดื่มอั่กๆรวดเดียวจนหมด ผมคงโง่มากๆถ้าผมไม่ได้ดื่มไอ้เฟลมมิ่งด๊อกเตอร์เปปเปอร์ที่ว่า

    มันเป็นเหล้าที่เจ๋งที่สนุดเท่าที่ผมเคยกินมา ผมอยากดูมันซ้ำแล้วซ้ำอีกยังกับพวกย้ำคิดย้ำทำ ในที่สุดเฟลมมิ่งด๊อกเตอร์เปปเปอร์ก็ผ่านไปอีกเจ็ดรอบพร้อมกับความเมาและไฟที่เกือบจะไหม้ร้าน อ้อ!ผมขอเตือนไว้ตรงนี้เลยว่า ไอ้เหล้าชนิดนี้มันก็เหมือนกับหมาดุๆที่ถูกล่ามไว้ดีๆนี่เองแหละ คุณอาจจะคิดว่ามันไม่มีอันตราย ไร้น้ำยา แต่พอคุณรู้ตัวอีกทีชั่วโมงต่อมาคุณก็อยู่ในห้องน้ำ ไม่ได้ใส่กางเกงใน มีสาวๆสี่ห้าคนรายล้อม พร้อมกับเสนอว่าจะให้กางเกงในคุณ...ผมเตือนคุณแล้วนะ


   หลังจากนั้นเราก็ข้ามถนนไปอีกฝั่งเพื่อเข้าไปในร้านที่เขาดวลเปียโนกัน ฝ่ายหนึ่งเป็นคนตาบอด และแน่นอนหมาจิ้งจอกสันดานเสียๆอย่างพวกผมย่อมรังแกคนอ่อนกว่าอยู่แล้ว

   พวกเราส่งกระดาษจองเพลงไปราวๆยี่สิบเพลง ในที่สุดนักเปียโนตาบอดก็หมดความอดทน เขาหยุดเล่นแล้วตะโกนดังลั่น “ไอ้พวกงี่เง่า เลิกขอเพลงฉันซะทีไม่เห็นหรือไงว่าฉันตาบอด ตาบอดน่ะรู้จักไหม ฉัน มอง ไม่ เห็น โว้ย”

   ผู้ช่วยคนหนึ่งของเขาเข้ามาดูกระดาษขอเพลงที่เราส่งขึ้นไป แล้วเอาไปให้นักเปียโนที่ตาไม่บอดดู ทันทีที่เขาเห็นเขาก็หัวเราะเป็นบ้าเป็นหลังจนเล่นต่อไม่ได้ ในที่สุดเขาก็หยุดเล่นแล้วพูดใส่ไมค์ว่า

“ผมอยากเล่นเพลงที่พวกคุณขอนะ แต่โชคไม่ดีเลยที่ผมไม่รู้จักสักเพลง ลองฟังชื่อเพลงดูนะฟิช” ประโยคสุดท้ายเขาหันไปบอกนักเปียโนตาบอด


“ฆ่าตัวตายไปซะ”

“เรย์ ชาร์ลเป็นคนดำไม่ใช่เหรอ(**)” ผมลืมบอกไปนักเปียโนตาบอดที่ร้านนั่นผิวขาว

“ฉันจะขโมยกระเป๋าตังค์นาย เพราะนายมองไม่เห็นหรอกว่าฉันเป็นใคร”

“นายเคยอึ๊บกับแพะเพราะนายเข้าใจผิดบ้างไหม”

“นายตาบอดเพราะตอนเป็นเด็กนายช่วยตัวเองมากไป”

“มาที่ห้องน้ำซิจ้ะ ฉันจะ’ดูด’ให้”

“ฉันฉี่รดรองเท้านายตอนนายเข้าห้องน้ำแน่ะ”

“ว่าไงฟิช คุณรู้จักไอ้เพลงที่ว่ามานี่มั่งไหม” นักเปียดนตาดีหันไปถามนักเปียโนตาบอดอีกครั้ง

   เจ๋งสุดๆไปเลย คำพูดล้อเลียนพวกนั้นเล่นเอาคนอึ้งกันเกือบทั้งร้าน แต่นักเปียโนกลับขำไปกับเราด้วย ผมว่าบางทีคนพิการนี่ก็มีประโยชน์ ทำให้เราสนุกได้ดีเหมือนกัน


--------------------------------------------

Amarretto เหล้ายี่ห้อหนึ่งที่มาจากอิตาลี มีรสหวานเพราะหมักจากผลไม้ที่มีน้ำตาลมากเช่นพีช
ray charle นักเปียโนที่มีชื่อเสียงมาก

 :z2:
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 6 part4 05/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSacrifice ที่ 05-10-2010 18:47:55
คาแบลท์เจอกับเนทเรื่องนี้เมื่อไหร่
เราคงได้เจอเจสันกับกับแบรตอีกเรื่องคะ
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 6 part4 05/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 05-10-2010 19:12:58
ไม่ไหวจะเคลียร์ เข้าที่ไหน(เกือบ)บรรลัยที่นั่น

สงสารเจโทล
ที่แน่ๆ คุณนักเปียโนน่ารักอ้ะ มีการร่วมวงขำด้วยอีกตะหาก กร้ากกกกกกกกกกกกส์

ปล. ปลื้มคุณเรย์ ชาร์ล มากมายค่ะ ^o^
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 6 part4 05/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 05-10-2010 21:40:29
เท่าที่ดูมากลุ่มคนพวกนี้เป็นกลุ่มคนที่ไม่น่าเข้าใกล้ที่สุดแล้ว  บ้า  ซ่า เพี้ยนไม่มีที่สิ้นสุดจริง ๆ
ไม่น่าเชื่อจริง ๆ ว่าคาร์แบลท์เคยคบกับเนท แล้วอะไรทำให้คาร์แบลท์เปลี่ยนตัวเองไปจากนี้ได้หว่า
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 6 part4 05/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: ┗◎┗◎ ที่ 05-10-2010 21:46:17
สงสารปนขำคนตาบอด

คิดคำพูดขอเพลงออกมาได้ไงเนี่ย กวนมากกกกกกก
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 6 part4 05/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: CanonDNattari ที่ 05-10-2010 22:46:03
เข้ามาบอกว่า ยังมีชีวิต   :กอด1: ปุ๋ย เดียวมาตามอ่านนะ งานเยอะเป็นภูเขาเลากา กำลังจะบ้าได้ที่  :z10:
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 6 part4 05/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: dragonfly08 ที่ 06-10-2010 23:20:59
ของเค้าแรงจริง อะไรจริง
หัวข้อ: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 6 part5 07/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSacrifice ที่ 07-10-2010 10:47:45
   เราดื่มเบียร์ที่นั่นไปคนละสองสามแก้วแล้วย้ายไปอีกร้าน อีกร้าน อีกร้านไปเรื่อยๆ สำหรับเราแล้วคืนนั้นเป็นคืนที่มันส์จริงๆ เราทำตัวเหลวไหลกันเต็มที่ ผมจะเล่าวีรกรรมต่างๆที่ทำไว้ในคืนนั้นให้ฟังแล้วกัน



 - เรื่องนี้ตอนที่เรากำลังเดินย้ายร้านกันอยู่ ผมเจอสาวสวยคนนึงที่เดินอยู่บนถนน

“เฮ้ คุณชื่ออะไรน่ะ” ผมเข้าไปทักสาวคนนึง

“อ๋อ ฉันน่ะเหรอ เรียกฉันวย่าแองเจลีน่า โจลี่ละกัน” เธอตอบกวนๆ

“ถ้าอย่างคุณเป็นโจลี่งั้นผมก็เป็นแบรดด์ พิตล่ะวะ” ผมตอกเธอกลับไป แบรตเห็นท่าไม่ดีเลยกระซิบเตือนผม “เฮ้ย! เพื่อนมุขมันไม่ขำนะโว้ย”

“คุณแต่งงานแล้วเหรอ” ผมลุยต่อไม่สนแบรต

“ใช่” เธอตอบสั้นๆ

“อยู่กันดีมั้ย กับสามีคุณน่ะ”ผมถามต่อ

“ดีเยี่ยม”

“งั้นเราสองคนก็ไม่มีโอกาสที่จะทำอะไรต่อมิอะไรกันล่ะสิ”

“ถูก”

“เยี่ยมเลย ถ้างั้นคุณมีเพื่อนสวยๆที่สามีของเขาทำการบ้านแย่ๆมั่งมั้ย   เฮ้! คุณจะไปไหนน่ะ ผมล้อเล่นน่า เฮ้ๆ คุณจะไปไหนน่ะ จริงๆแล้วผมเคารพในการมีผัวเดียวเมียเดียวนะคุณ เฮ้ เดี๋ยวสิ! นังคุณตัวเอ๊ย” เธอไม่ยอมคุยด้วย ผมเลยด่าไล่หลังซะเลย



- ดอร์ธตี้ถ่ายรูปคู่ให้ผมกับสาวสวยคนนึงแล้วเขาก็บอกเธอว่า “ไว้คุณไปดาวน์โหลดรูปของตัวเองตามเวบโป๊ได้เลยนะ” แค่นั้นแหละเธอก็เดินหนีไปทันที



- แบรตหมกมุ่นอยู่กับตัวเองแล้วก็เหล้ายินเหมือนเคย คืนนั้นของเขาผ่านไปโดยมีสิทธิ์จะเกิดเรื่องหรืออาจถึงขั้นก่ออาชญากรรมได้ทุกขณะ ผมสาบานว่าคืนนั้นของเขาเสี่ยงต่อการโดนข้อหาพรากผู้เยาว์มาก ผมจึงพยายามให้เขาหยุดพูดเรื่องการล่วงละเมิดทางเพศเด็กเพื่อให้เขาเป็นนกต่อที่ดีของผม เขาก็เลยเปลี่ยนเรื่องคุยไปตามแบบของเขา เช่น “เพื่อน  นายยังสูบบุหรี่อยู่อีกเหรอ ฉันขออะไรอย่างนะ ถ้านายยังดูดไอ้แท่งปั่นทอนชีวิตนี่ต่อไป นายช่วยแนะนำยี่ห้อว้อดก้าที่ช่วยทำให้สมรรถภาพทางเพศของฉันทำงานได้ดีขึ้นหน่อยได้ไหม” หรือไม่เขาก็คุยกับผู้หญิงคนนึงว่า”คุณครับ เราช่วยข้ามบทสนทนาที่เป็นมารยาททางสังคมไปเลยได้ไหม มันเสียเวลา คุณช่วยไปกับผม ตรงไปที่เบาะหลังรถ เรียกผมว่ากัปตันเคิร์ก(*) แล้วช่วยใช้มือสร้างความสยิวให้ผมหน่อย” นี่ล่ะ นกต่อในแบบแบรต แมคเทอร์เนอร์



- ตัดมาอีกตอนนึง ไทริคขอให้ผมเป็นนกต่อให้เขา แต่เพื่อนของหญิงคนที่เขาจีบนี่สิ อ้วนอัปลักษณ์สุดๆ ผมเลยพยายามทำหน้าที่นี้ให้จบลงโดยเร็วที่สุด ผมบอกกับเธอว่า “คุณอย่าคุยกับผมเลย เพราะไอ้น้องชายของผมมันติดโรคซุกซนจนงอมแงม” แต่เธอกลับคิดว่าผมยิงมุข ผมเลยต้องงัดไม้ตายออกมาใช้ “ห่วงยางที่คุณพกไว้รอบเอวน่ะ คุณเอาไว้เป็นล้ออะไหล่ของรถเก๋งหรือรถกระบะเหรอ” คราวนี้ได้ผล เธอเผ่นเลยทันที พอไทริคเข้ามาถามว่าเกิดอะไรขึ้น ผมจึงบอกเขาไปว่า “ไม่รู้ว่ะเพื่อน ฉันช่วยนายเต็มที่แล้วนะ แต่แม่นั่นดันไม่เล่นด้วย จะให้ทำไงได้วะ เธอไม่ชอบฉันนี่หว่า”



- ในที่สุดแบรตก็ไปจีบสาวสวยคนหนึ่งได้ เขาคิดว่าเธอไม่ใช่ประเภทร่านๆ ผมแปลกใจมากเพราะเรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ ผมพกเอาความสงสัยเข้าไปคุยกับเธอทันทีที่มีโอกาส แล้วผมก็รู้สาเหตุ สาวน้อยคนนี้อายุไม่เกินสิบเจ็ดเท่านั้นเอง แบรตกระซิบบอกกับผมว่า “วัยขนาดนี้แหละโว้ยเพื่อนที่นักกฎหมายในเท็กซัสเรียกว่า ‘วัยพ้นตารางการฟัน’ ”ตอนนั้นสิ่งเดียวที่ยังเป็นอุปสรรคต่อแบรตคือเธอยังไม่เชื่อว่าเขาเคยเรียนที่โรงเรียนมัธยมออสตินเหมือนเธอ เธอเคยถามแบรตว่าตัวมาสคอตของที่นั่นเป็นตัวอะไร แต่แบรตเถียงเธอไปว่าเธอนั่นแหละที่ไม่ได้เรียนที่นั่นแล้วพยายามจะล้วงเอาข้อมูลจากเขาไป ผมรีบจัดแจงเข้าไปกู้สถานการณ์ทันทีด้วยความรักเพื่อน ผมเสนอให้แบรตและเธอกระซิบคำตอบบอกผมทีละคน ผมจะบอกว่าเขาตอบถูกหรือไม่ สาวน้อยนั่นตกลงแล้วกระซิบอะไรบางอย่างให้ผมฟัง จากนั้นผมก็ให้แบรตกระซิบต่อจากเธอ ผมหันไปบอกเธอว่า “เขาบอกไม่ได้หรอกว่าไอ้ตัวมาสคอตนั่นมันตัวอะไร แล้วเขาก็ไม่สนด้วย สิ่งที่เขาสนตอนนี้คือการได้สาวแบบคุณไปฟัน บังคับให้คุณดูดให้เขาจนคุณสลบโดยที่ปากคุณยังมีไอหนูของเขาคาอยู่” ผมคงไม่ต้องบอกคุณใช่ไหมว่าผลเป็นยังไง




        เรื่องที่ผมเล่าให้ฟังผ่านไปอย่างสนุกสนานแต่มันก็กำลังจะจบลงแล้ว และสิ่งที่สำคัญคือเรายังไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอันกันเลย ผมเริ่มเครียดและต้องลงมือทำอะไรซักอย่างเพื่อให้หายเครียดนั่นคือ “สอยหญิง” เรากระจายกลุ่มกันออกไปปฎิบัติภารกิจ ผม แบรตและไทริค เราเตร่กันไปจนเจอกลุ่มผู้หญิงสามสาวเข้ากลุ่มหนึ่ง หลังจากเหล้าเข้าปากไปหนึ่งรอบและเรื่องตลกอีกสองสามเรื่อง ทุกอย่างก็เริ่มเข้าทางและสถานการณ์ก็ดูจะไปได้สวย ผมจับคู่กับคนที่ดูร้อนแรงที่สุด แบรตเลือกเอาคนที่ดูดี ส่วนไทริคได้สาวที่ดูอวบๆหน่อย ผมจัดแม่คนอวบให้เขาเพราะตอนนี้เขาเมาที่สุด นมโตๆจะทำให้เขาไม่สนใจองค์ประกอบอื่นๆของร่างกายไม่ว่าจะเป็นพุง หน้าตา หรือความสะอาด



-----------------------------------------------------------

Captain Kirk ตัวละครตัวหนึ่งจากสตาร์แทร็ค

ขอบคุณขาประจำทุกท่านด้วยคะ น่ารักมากๆเลย

ว่างเมื่อไหร่ก็อย่าลืมแวะมาอ่านเรื่องนี้กันนะคะ
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 6 part5 07/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 07-10-2010 11:18:08
ตรูจะบ้าตาย  ความคิดของคาร์แบลท์แต่ละอย่าง  เปลี่ยนชื่อเป็นคาร์บวมหรือคาร์บ๊อง  หรือคาร์บ้าดีกว่ามั๊ย
ไม่แปลกใจทำไมถึงคบกันได้กับแบรต  แซคได้  คนแปลก ๆ ก็ต้องคบกับคนแปลก ๆ ด้วยกันเอง  ชิมิ
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 6 part5 07/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: dragonfly08 ที่ 07-10-2010 13:27:50
แบดบอยสุดๆ อะ
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 6 part5 07/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: หมวยลำเค็ญ ที่ 09-10-2010 10:02:03
มีคนปกติซักคนมั้ยนิ
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 6 part5 07/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: ┗◎┗◎ ที่ 09-10-2010 10:15:13
รวมพลแก๊งค์ติสแตก -,-

หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 6 part5 07/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: CanonDNattari ที่ 09-10-2010 10:56:38
 :z6: ทั้งกลุ่ม พวกมันมารวมกลุ่มกันได้ไงเนี้ย อัจฉริยะ กับคนบ้ามันคือความแตกต่าง ในความคล้าย  :z6:
หัวข้อ: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 6 part6 09/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSacrifice ที่ 09-10-2010 21:25:46
     หลังจากเหล้าหมดเป็นรอบที่สองพวกเธอก็ตกลงไปหาอะไรกินอะไรกับเราต่อแถวเคอร์บี้เลน ระหว่างที่เราเดินไปขึ้นรถมีตำรวจซักโหลนึงได้กำลังไล่จับพวกขี้เมา โดยพวกเขาไล่หวดพวกขี้เมาด้วยกระบองหรือไม่ก็เตะต่อยอย่างไม่มีเหตุผล ผมรู้สึกขำกับสิ่งที่เห็นตรงหน้ามากๆ แต่พวกสาวๆดูจะตกมากกว่า ส่วนแบรตก็เสือกเสนอตัวไปให้ตำรวจพวกนั้นอัดเล่นๆ แล้วไทริคหายไปไหน? พอหันไปอีกทีผมก็เห็นว่าหมอนั่นกำลังวิ่งตะโกนโหวกเหวกเข้าไปหาตำรวจ แม้ว่าผมจะเมานิดๆแต่ผมก็จำคำพูดของเขาในคืนวันนั้นได้ทุกคำ


“ผมเป็นนักกฏหมาย ผมสาบานต่อพระเจ้าไปเลยว่าตามกฎหมายปี 2526 คุณจะถูกตัดสินตามมาตราที่ 4 ว่ากำลังละเมิดสิทธิ์ของชายคนนั้น”  นั่นแหละเพื่อนผม ผู้ผดุงความยุติธรรมแบบโง่ๆ เพียงแต่ตอนนี้มันไม่ใช่ในศาลน่ะสิ  แต่สถานการณ์ก็จบลงด้วยดี เพราะผมพยายามอธิบายให้สาวๆฟังว่าไทริคเป็นนักกฎหมายด้านการต่อต้านอาชญากรรม และเขาก็เรียนอยู่ที่เดียวกับผม...ในที่สุดผมก็ปกป้องเพื่อนเอาไว้ได้


   เมื่อหมดปัญหาเราก็ออกรถไปเคอร์บี้เลนกัน ระหว่างทางผมชำเลืองมองกระจกมองหลัง ผมเห็นว่าไทริคกำลังระดมจูบไปทั่วหน้าแม่คนอ้วน พอผมมองต่ำลงไปอีกนิดก็เห็นว่าหมอนั่นกำลังเอามือล้วงเข้าไปใต้กระโปรงเธอ นั่นทำเอาผมเกือบลืมหิวไปเลย แต่แม้จะเห็นภาพชวนกินไม่ลงที่ว่าเมื่อผมไปถึงร้านจริงๆผมก็รู้สึกว่าตัวเองหิวโซอยู่ดี


   ผมรู้ดีว่าแม่สาวที่ผมคั่วอยู่อยากเปิดศึกกับผมเต็มแก่ ผมก็เลยต้องรีบๆยัดของกินเข้าปาก ผมจะได้จัดการเธอให้สิ้นเรื่องสิ้นราวเสียที พอกินเสร็จผมก็ลากแขนเธอให้เดินจ้ำพรวดๆออกจากร้าน เธอหันกลับไปบอกอะไรซักอย่างกับเพื่อนเธอในขณะที่ผมกำลังเดินผ่านเสาไฟฟ้าต้นหนึ่ง แล้วผมก็ได้ยินเสียงกระแทกตามด้วยเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวด


 “โอ้ยยยยยย หน้าฉัน”   ผมหันกลับไปมองก็เห็นว่าเธอลงไปดิ้นอยู่บนพื้นเอามือกุมหน้าร้องครางอย่างเจ็บปวด เพื่อนๆของเธอรีบวิ่งเข้ามาดูอาการเธอทันทีในขณะที่ผมกำลังยืนดูผลงานที่ทำให้สถานการณ์คืนนั้นเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ผมยิ้มเจื่อนๆพร้อมกับพูดว่า “ดีนะที่ผมไม่ได้ชนซะเอง” แล้วผมก็เดินกลับเข้าไปในร้านอีกครั้ง

   ถ้าผมมีลูกสาว ผมคิดว่าเธอน่าจะได้เที่ยวกับผู้ชายแบบผมนะ คงมันส์พิลึก..คุณว่าไหม?  แต่มันคงเป็นแค่ความคิดที่ไม่สมหวังล่ะนะ พระเจ้าคงเห็นว่ามันคงไม่ดีแน่ๆถ้าจะมีเรื่องอย่างนั้นเกิดขึ้น ปัจจุบันนี้ผมถึงได้เป็น...อีกแบบไงล่ะ


   คุณจะบอกว่าผมชั่วใช่ไหม? ใช่เลย สาวๆดูจะโกรธผมมาก แบรตเองก็เริ่มไม่ชอบใจแล้วเพราะสาวที่ติดพันกับเขาเคยนอนกับคนอื่นมาก่อน เขาก็เลยเห็นเธอเป็นผู้หญิงขายตัวไร้ค่าอีกคนนึง ไอ้หมอนี่มันมีปัญหายิบย่อยเยอะจริงๆ ส่วนไทริคนั้นเมากว่าใครเพื่อน ดูเขามีความสุขเรากับควายได้แช่ปลักเลยทีเดียว ผมมองตากับแบรต แวบเดียวเราก็เข้าใจกัน ผมกับเขาออกสอยหญิงมาด้วยกันจนรู้ใจกันดีอยู่แล้ว ตอนนี้เขาอยากชิ่งจากแม่พวกนี้อย่างแนบเนียนที่สุดเหมือนกับผม แต่ก่อนที่เราจะไปเราต้องมั่นใจก่อนว่าเพื่อนของเราที่ยังอยู่จะจัดการกับพวกเธอได้

“เพื่อน ฉันจะไปฉี่ ไปด้วยกันไหม” ผมชวนไทริคเป็นนัยๆ

“ไม่เป็นไร ฉันไม่ปวด” หมอนี่ซื่อกว่าที่ผมคิด ผมเลยเปลี่ยนวิธีเป็นเตะหน้าแข้งเขาเต็มแรงซะหลายทีจนในที่สุดเขาก็เข้าใจ และไปวางแผนกับผมในห้องน้ำ

“ฉันกับแบรตจะชิ่งแล้วนะ นายจะไปกับเราหรือจะกลับไปฟันแม่นั่น” ผมถามเขา

“ไม่รู้เหมือนกันว่ะ ฉันว่าเธออ้วนไปหน่อย นายว่าฉันควรเอาไวดีล่ะ” ไทริคดูลังเล ตอนนี้เขาเมามากจนตาแทบเหล่ ยืนฉี่แอ่นหน้าแอ่นหลังจะล้มแหล่ไม่ล้มแหล่ แต่ผมก็ให้คำแนะนำเขาไปว่าเขาควรไปจัดการหล่อนให้เรียบร้อย

“ฉันว่านายควรจะไปบ้านหล่อนนะ เธอไม่อ้วนหรอก แต่ที่แน่ๆนมเธอโคตรใหญ่เลย ฉันยังอยากฟันเธอซะเองเลย” ผมยุเขา

“ช่ายๆ โนมหย่ายใช่มะ ช้านชอบโนมหย่ายๆ ตกลง ช้านจาปายกับเธอ ขอบจายมากเพื่อน พวกนายเป็นเพื่อนที่ดีจริงๆ”



   ผมไปส่งไทริคให้แม่นั่นถึงที่ จากนั้นผมกับแบรตก็จ้ำพรวดๆไปที่ประตูทันที แม่สาวที่ชนเสาตะโกนถามเราว่า”พวกนายจะไปไหนกันน่ะ” ผมกับแบรตตะโกนออกไปพร้อมกันว่า”ห้องน้ำ” ผมได้ยินเธอตะโกนไล่หลังมาว่า “แต่ห้องน้ำมันอยู่ทางโน้นนี่คุณ”




   จากนั้นพวกผมก็กลับมาที่โรงแรม ผมไม่รู้ตัวเลยว่าปวดท้องอึแค่ไหนจนกระทั่งเข้ามาถึงห้อง ขณะที่ผมกำลังถอดกางเกงอยู่แบรตก็ปาดหน้าผมเข้าห้องน้ำไปก่อน...ไม่เป็นไร ผมหันมาเปลี่ยนเป็นเสื้อยืดกับบ็อกเซอร์แทนเพื่อเตรียมตัวนอน ผมอดทนรอแบรตราวๆสามนาที พอชักทนไม่ไหวผมก็ทุบประตูห้องน้ำแล้วตะโกนบอกเขาไปว่า”ถ้าแกไม่รีบออกมา ฉันจะไปอึไว้บนเตียงนอนของแกเองแบรต”  

   อีกเดี๋ยวนึงเขาก็ออกมาจากห้องน้ำแล้วหัวเราะแหะๆ เขาบอกผมว่า “เป็นเป็นอึกองโตที่สุดในชีวิตฉันเลยว่ะ ฉันกำลังปล่อยให้ส้วมนั่นจัดการกับมันอยู่” พอผมชะโงกเข้าไปดูในห้องส้วมผมก็ต้องผงะ ในโถส้วมมีอึจำนวนมหาศาล น้ำอึสีน้ำตาลล้นออกมาจากโถไหลนองไปทั่วพื้นห้องส้วม โชคยังดีที่ตอนนี้มันยังไม่ไปถึงห้องอาบน้ำ ชักโครกส่งเสียงขลุกขลักเหมือนกับพยายามจะดูดแต่ไม่สำเร็จ

ไอ้สันดารแบรต! แกทำส้วมโรงแรมตันได้ยังไงวะ


   ส้วมในห้องน้ำโรงแรมนั้นปกติก็ทำขนาดใหญ่พิเศษอยู่แล้ว มันออกแบบมาดีขนาดรองรับอึช้างได้ด้วยซ้ำ แถมระบบชักโครกยังเป็นเครื่องยนต์เจ็ทที่แรงพอจะดึงเด็กทารกออกจากท้องแม่ได้ แต่นี่มันอะไรกัน ไอ้ห่านี่ถล่มมันลงได้อย่างราบคาบ


   ผมรู้สึกสยองจริงๆ ผมจำได้ว่าตอนนั้นผมสาปแช่งหมอนั่นไปหลายคำแล้วก็ตะโกนใส่หน้าเขาเต็มๆ”นี่มึงแดกอะไรเข้าไปวะ” จากนั้นผมก็วิ่งออกจากห้องชนโคมไฟจนคว่ำ ข้าศึกโจมตีผมอย่างหนักหน่วงแล้ว ผมคิดว่ายังไงซะล็อบบี้ก็ต้องมีห้องน้ำ คิดออกผมก็พุ่งไปที่ทางเดินแล้วเดินเข้าลิฟท์ไปทันที

   แต่พอลงมาถึงผมกลับหามันไม่เจอ ผมก็เลยวิ่งไปที่ฟร้อนท์ ซึ่งมันไม่ได้หันหน้าเข้าหาล็อบบี้ ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณตีสี่ ไม่มีพนักงานอยู่ที่นั่นเลย ผมจึงเริ่มกดกระดิ่งเรียกอย่างบ้าคลั่ง กิ๊ง กิ๊ง กิ๊ง กิ๊ง กิ๊ง กิ๊ง กิ๊ง กิ๊ง กิ๊ง กิ๊ง กิ๊ง กิ๊ง ในที่สุดก็มีพนักหญิงคนหนึ่งโผล่ออกมาในสภาพน่าสงสาร เธอบอกผมว่าห้องน้ำอยู่ตรงมุมล็อบบี้อีกฝั่งนึง ผมรีบแจ้นออกมาจากฟร้อนท์ ตอนนั้นผมไม่รู้หรอกว่าไอ้ล็อบบี้รูปสามเหลี่ยมของโรงแรมนี้มันกว้างขนาดไหน พอพ้นมุมมาผมก็เห็นประตูสีขาวอยู่ที่มุมซ้ายมือ ผมเดินตูดบิดไปที่ประตูนั่นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ นาทีนั้นผมปวดอึจนต้องเอามือทั้งสองมาบีบก้นเข้าไว้ด้วยกันเพื่อไม่ให้มันทะลักออกมา


   พอผมไปถึงประตูนั่นก็ผลักเข้าไปอย่างแรงจนประตูแทบหลุดออกไปทั้งบาน พร้อมกับได้ยินเสียงร้องอย่างตกใจ “ว้ายยยยยยยย” นั่นทำให้อึผมเกือบเล็ดออกมา มันไม่ใช่ห้องน้ำแต่เป็นห้องภารโรง ในนั้นมีภารโรงหญิงตัวเล็กๆชาวแม็กซิกัน ชั่ววูบหนึ่งผมคิดจะอึใส่ถังที่ภารโรงใช้ทำความสะอาดเสียเลย แต่ก็เปลี่ยนใจเพราะภารโรงนั่นเป็นผู้หญิง

“ห้อง  น้ำ  อยู่  ไหน”

“ No No hablo Inges” ไม่ไม่ ฉันพูดภาษาอังกฤษไม่ได้

“โธ่ว้อย เอ่อ อืม Donde esta fucking bano” ผมต้องมานั่งนึกภาษาสเปนในวินาทีที่ปวดอึที่สุดในชีวิต ผมจึงถามเธอไปว่าห้องน้ำเวรนั่นอยู่ไหน

เธอชี้มือไปที่อีกมุมหนึ่งของล็อบบี้ มันอยู่สุดอีกมุมหนึ่งเลยล่ะคุณ ห่างจากที่ผมอยู่ตั้ง 50 เมตร ที่มุมนั้นมีประตูหลายบาน และมีป้ายติดชัดเจนว่า’สุขา’ แม่คนที่อยู่ที่ฟร้อนพูดถูก ห้องน้ำอยู่ตรงมุม...แต่ไม่ใช่มุมนี้


   ผมวิ่งเต็มฝีเท้าโดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะไปถึงที่นั่นก่อนที่จะอึรดกางเกง ผมเคยเล่นฟุตบอล เบสบอลและบาสเก็ตบอลสมัยม.ปลาย จนถึงเดี๋ยวนี้ผมก็ยังฟิตอยู่ ผมเคยวิ่งหนีตำรวจ วิ่งหนีหมา วิ่งหลบลูกปืน แต่ไม่มีครั้งไหนที่ผมจะวิ่งได้เร็วเท่าครั้งนี้  
แต่โชคร้ายที่ผมวิ่งไม่เร็วพอ


ผ่านไปยี่สิบเมตร ผมรู้สึกได้ว่ามีอะไรมาถ่วงตรงก้นกางเกงใน


ผ่านไปสามสิบเมตร ปราการด่านสุดท้ายกำลังพังทลาย สิ่งที่ไม่พึงประสงค์เริ่มไหลย้อยลงมาตามขา


ผ่านไปสามสิบห้าเมตร กางเกงในผมรูดลงมาอยู่ตรงต้นขา ผมพยายามดึงมันขึ้นมาใหม่  


ผ่านไปสี่สิบห้าเมตร ผมรู้สึกได้ว่าท่อนล่างเปียกและเหมือนมีก้อนอะไรบางอย่างมากระทบด้านหลัง หัว และหู


ในที่สุดการเดินทางห้าสิบเมตรก็สิ้นสุดลง เมื่อไปถึงห้องน้ำผมแพ้อย่างราบคาบ ผมอึกแตกรดกางเกงในไปเรียกร้อยแล้ว



   พอเข้าไปข้างในได้ กางเกงในก็ลงไปกองอยู่ที่พื้น ผมก้าวขาออกมาจากกางเกงในที่มีอึอยู่ ผมหลับหูหลับตาสลัดมันออกไปไกลๆแล้วผลักประตูห้องส้วมอย่างรุนแรง พอทรุดตัวนั่งลงบนโถผมก็ลื่นจนเกือบนอนลงมากองบนพื้น เพราะก้นของผมเปื้อนคราบอึจนลื่นไปหมด พอตั้งตัวได้ผมก็เริ่มปล่อยของเสียออกทันที ในสองนาทีต่อมาผมรู้สึกว่าน้ำหนักผมลดลงราวๆเก้ากิโลได้ ระหว่างที่ผมหยุดพักการปล่อยของเสียผมก็พบว่าชักโครกเต็มไปด้วยอึ ผมพยายามจะกดชักโครก แต่ว่าน้ำล้นออกมาจากโถทันที  ไม่เป็นไร  ผมย้ายไปอึอีกห้อง ปฏิบัติการอันสุนทรีของผมดำเนินต่อไปเรื่อยๆแต่คราวนี้ผมคอยกดชักโครกทุกๆ 3-4 วินาที


   พออึเสร็จผมรู้สึกอ่อนเพลียอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ร่างกายของผมเริ่มขาดน้ำอย่างรุนแรง น้ำตาผมไหลจากการเบ่งอึอย่างเอาเป็นเอาตาย พอหันไปเห็นกระดาษชำระที่เหลืออยู่ไม่ถึงสองแผ่น ผมก็หัวเราะเยาะโชคชะตาของตนเอง ผมถอดเสื้อออกก็พบว่าด้านหลังเต็มไปด้วยเศษอึที่เท้าผมดีดขึ้นมาตอนวิ่ง สายตาของผมหยุดมองไปที่กางเกงในและบ็อกเซอรของผมนอนสงบนิ่งเป็นก้อนกลมอยู่ และตรงนั้นคือที่พักพิงที่สุดท้ายของมัน..


   ในที่สุดผมก็อยู่ในสภาพที่เปลือยเปล่าเนื้อตัวเต็มไปด้วยอึของตัวเอง แล้วผมก็หัวเราะออกมา ถ้าผมไม่หัวเราะผมคงต้องร้องไห้แน่ๆ ในขณะที่ผมกำลังจะเปิดประตูเพื่อไปยังล็อบบี้ผมก็ถามตัวเองในใจว่า”จะมีใครในโลกนี้ที่มีคืนที่เลวร้ายไปกว่ากูอีกไหมเนี่ย”


ทันใดนั้นผมก็ได้คำตอบ


      สิ่งที่อยู่ตรงหน้าผมคือเส้นทางแห่งกองอึ ตรงที่ผมยืนอยู่คือจุดที่มีการกระจายตัวกว้างที่สุด แล้วมันก็ค่อยๆแคบๆลงแล้วไปบรรจบที่ปลายรองเท้าเล็กๆสีขาวคู่หนึ่งที่ไม่ใช่ของใครอื่นนอกจากภารโรงหญิงชาวเม็กซิกันตัวเล็กๆ

เราสองคนสบตากัน เราทั้งคู่ถูกแบ่งแยกกันด้วยสิ่งต่างๆมากมายไม่ว่าจะเป็นภาษา วัฒนธรรม และฐานะทางสังคม แต่ตอนนี้เรากำลังมีความรู้สึกแบบเดียวกันอยู่ ผมเห็นมันได้บนสีหน้าของเธอ

       สภาพตอนนั้นผมแก้ผ้าหมด มีคราบอึเลอะตั้งแต่ก้น ขาหลัง ไปยันหัว ผมยืนอยู่ห่างเธอราวๆสิบเมตร เธอคงเดินตามรอยอึมา ถ้าเป็นคุณคุณจะทำยังไง? ผมว่าในหนังสือสมบัติผู้ดีไม่ได้ระบุสถานการณ์นี้เอาไว้หรอก

        ผมยักไหล่ให้เธอพร้อมกับบอกเธอว่า “เอ่อ...ขอโทษนะ ผมหมายความว่า เอ่อ Io siento ราตรีสวัสดิ์ Buenos noche..ถูกรึปล่าววะเนี่ย...ช่างมันเหอะ” จากนั้นผมก็เดินโทงๆเข้าลิฟท์ไป

      เมื่อผมเข้าไปในลิฟท์แก้ว แล้วมองทะลุลงมา ผมก็เห็นเธอร้องไห้อย่างไม่อายใคร โดยสภาพของล็อบบี้บอกเหตุผลได้เป็นอย่างดี ขณะที่ผมวิ่ง ผมไม่เพียงดีดอึขึ้นมาโดนหลัง หัว และก็หูของตัวเองเท่านั้น แต่ยังดีดอึก้อนเล็กก้อนน้อยไปทั่ว ไม่ว่าจะเป็นเก้าอี้รับแขก ผนัง ทุกสิ่งทุกอย่างจริงๆ

       ตอนที่ผมกลับมาถึงห้อง แบรตขึ้นไปนอนบนเตียงเรียบร้อยแล้วพอเขาพลิกตัวมาเห็นผมเข้า เขาก็หัวเราะเยาะอย่างไม่ปราณีปราศัย ในที่สุดเขาก็หยุดหัวเราะเพราะกล้ามเนื้อหน้าท้องของเขาทำงานหนักเกินไป เขาต้องใช้เวลาเกือบห้านาทีกว่าจะรวบรวมคำพูดเพื่อพูดกับผมได้ สภาพผมตอนนี้มันน่าหัวเราะเยาะจริงๆ มันทำให้แบรตเจ้าแห่งสุขอนามัยลืมเรื่องพวกนี้ไปเลย

“กะ กะ กางเกงมึงหายไปไหนวะ”

“เพราะมึงนั่นแหละไอ้เวร ความผิดมึงคนเดียวเลว ไอ้ห่าขี้ก้อนเท่าควาย ถ้ามึงไม่ทำส้วมตันนะ กูคงไม่เปื้อนขี้ทั้งตัวและหัวอย่างนี้หรอก”

มันระเบิดเสียงหัวเราะออกมารอบสอง ครั้งนี้มันไม่หยุดหัวเราะนานพอที่จะพูดกับผมได้เลย ผมรวบรวมศักดิ์ศรีเท่าที่มีเหลืออยู่พาตัวเองไปอาบน้ำ ตอนอาบน้ำเสร็จไอ้เวรนั่นยังไม่หยุดหัวเราะผมเลย เขาพยายามอย่างมากที่จะพูดอะไรซักอย่าง จนผมจับใจความได้ว่า

“ชัดรึยังเพื่อน เวรกรรมมีจริงว่ะ เที่ยวนี้แม่งกรรมติดจรวจซะด้วย”



----------------------------------------
ตอนนี้ยาวเน๊อะ
คาแบลท์มันค่อนข้างแหกกฎพระเอกทั่วๆไปนิดนึง(นิดเหรอ?) นักอ่านหลายๆท่านต้องทำใจหน่อยนะคะ

พระเอกเรื่องนี้มันเลวจ๊าดดดดดด
55555
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 6 part6 09/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: dragonfly08 ที่ 09-10-2010 22:35:09
 :jul3: :m20: :laugh:
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 6 part6 09/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: หมวยลำเค็ญ ที่ 10-10-2010 01:25:09
 :laugh: :laugh: :laugh:
เหลืองอร่าม งามตาเลยพ่อคุณ
อ่านปิดท้ายก่อนนอน ขำซ๊ะลืมความง่วง

+1 ขอบคุณค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 6 part6 09/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: getto ที่ 10-10-2010 23:15:44
 :กอด1:ป้า
ตอนนี้ทั้งฮาทั้ง....
กลุ่มนี้นี่ไปที่ไหน เอาตามตรงซวยทุกที่ :laugh:
สงสารคนมาตามเก็บกับผู้พบเห็นจริงๆ
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 6 part6 09/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 11-10-2010 12:56:28
โอย อ่านแล้วเหม็น
กร้ากกกกกกกกกกกส์

ดีนะอาหารมื้อนี้ไม่ใช่ผัดฟักทอง พี่ปุ๋ยขรา นุ่นถึงกับกินข้าวต่อไม่ไหวเลย
ไม่ใช่เพราะภาพกับกลิ่นนะคะ แต่ถึงตอนที่พิมพ์รีพลายอยู่นี่ก็ยังไม่หยุดขำ
โอย เหนื่อย ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


(มีพิมพ์ผิดสองสามที่นะคะ ที่ตอนที่แล้ว บรรทัดแรกเลยที่หนึ่ง แล้วก็ตอนนี้ตรงที่ไทริคกำลังมีความสุข "ราวกับ" ควายเจอปลัก ราวนะคะ ไม่ใช่เรา)
ไม่ไหวแล้ว ขำเหนื่อยมาก สงสารคุณแม่บ้าน สงสารล๊อบบี้โรงแรม กร้ากกกกกกกกกกกกกกส์
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 6 part6 09/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: CanonDNattari ที่ 12-10-2010 16:46:29
 :m20: :jul3: :laugh:
ด้วย ตกลงมีพระเอกไหมคุณปุ๋ยเรื่องนี้นะ อ่าน ๆ มาหลายตอนเหมือนจะเห็นแต่พวกป่วนเมือง ไม่ก็ตลกคาเฟ่  :m20: อีกรอบ
Ps. กำลังเครียด ๆ กับงาน มาเจอแก๊งค์นี้ โอ้ยไม่ไหว เจ้านายถามไอ้นัทแกเป็นไร หัวเราะกับหน้าคอม  :laugh:
+1 จ้า
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 6 part6 09/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: ┗◎┗◎ ที่ 12-10-2010 17:02:49
คาเบลลเอร้ยยยย แน่ใจนะว่าเป็นแบดบอย

อ่านตอนนี้เหมือนเป็นเด็กปัญญาอ่อนมากกว่า  o18

สงสารคนเก็บขี้

55555555




ดูเขามีความสุขเรากับควายได้แช่ปลักเลยที
นายว่าฉันควรเอาไวดีล่ะ
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 6 part6 09/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: ლїЯдςLΣϛlθTtεR ที่ 12-10-2010 21:02:17
เม้นให้ป้าก่อน ดันๆๆๆๆ
เด๋วมาอ่านนะป้า คิคิ
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 6 part6 09/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: CanonDNattari ที่ 14-10-2010 18:41:56
เข้ามาดันแก๊งค์อัจฉริยะก่อน อึบ ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 6 part7 20/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSacrifice ที่ 20-10-2010 16:52:18
วันที่สาม

วันรุ่งขึ้นผมตื่นตอนที่ไทริคกลับมาประมาณสิบโมง ผมเล่าเรื่องขี้ๆให้เขาฟัง หลังจากเขาตั้งตัวจากการหัวเราะได้แล้วเขาก็เล่าเรื่องหลังจากที่ผมและแบรตแยกตัวออกมาให้ฟัง

“ขอบใจนายมากนะฮูแซก สำหรับความหวังดีประสงค์ร้ายของนายเมื่อคืน” ไทริคเล่นงานผมก่อน

“เฮ้! ไม่ใช่ความผิดของฉันนะที่นายตกไปอยู่ในฝูงพะยูนน่ะ” ผมรีบแก้ตัว

“ทำไมล่ะ แม่นั่นส่งเสียงเรียกพะยูนตัวอื่นตอนที่นายกำลังมุดเข้าถ้ำเธอเหรอ” แบรตแหย่เขาบ้าง

“ส้นสิ” ไทริคสบถอย่างหัวเสีย

“งั้นนายก็ฟันเธอแล้วสิ” ผมถามไทริคอย่างจริงจัง

“เออ”

“โอ ฉันแทบรอไม่ไหวแล้วว่ะที่จะได้เห็นแม่พะยูนนั่นจูงเด็กอ้วนหัวโตอัจฉริยะมาหาแล้วบอกว่าเด็กนั่นเป็นลูกนาย” ผมแหย่เขาไม่เลิก

“อะไรนะ! นายฟันเธอแล้วเหรอ แล้วให้แหวนหมั้นเธอไปรึยัง” แบรตล้อต่อไปอีก

“แม่นั่นมีอยู่แล้ว” ไทริคบอก

“คุณตัวชัดๆ” แบรตสรุป



   แน่นอนว่าเรื่องนี้ทำให้เราได้หัวเราะกันอีกยกหนึ่ง จริงๆยัยอ้วนนั่นบอกแบรตไปแล้วว่าเธอกำลังจะหมั้นกับแฟนซึ่งออกไปนอกเมืองพอดี(แต่ไม่ได้บอกไทริค) ปรากฎว่าแบรตพูดถูกทุกอย่าง แม่นั่นก็เป็นแค่คุณตัวตอแหลอีกคนหนึ่งเท่านั้น ไทริคเล่าต่อว่า

“มิน่า แม่นั่นถึงไม่ยอมให้ฉันฟันเธอบนเตียง เพราะเตียงเธอหักน่ะเอง แล้วเธอก็ไม่อยากให้เพื่อนรู้ว่าเธอนอกใจแฟน”

“ฉันเกลียดผู้หญิงว่ะ” แบรตเริ่มมีอารมณ์

“พวกนายน่าจะได้เห็นตอนที่เธอมาส่งฉันเมื่อเช้านะ พอมาถึงโรงแรมเธอก็บอกว่า’ขอบคุณนะ ดีใจจริงๆที่ได้เจอคุณ’” ฉันก็เลยตอบกลับเธอไปว่า ‘ก็งั้นแหละ ขอบใจที่มาส่งนะ’ ไทริคเล่าต่อ

“นายไม่ได้ชวนเธอมากินข้าวเช้าด้วยกันเหรอ” ผมถาม

“เลี้ยงทำซากอะไรเล่า” เขาสบถอีกครั้ง

“เขาไม่มีปัญญาเลี้ยงน่ะเพื่อน กำลังมีปัญหาด้านการเงิน” แบรตสรุปให้อีกครั้ง



   จากนั้นผมบอกให้แบรตโทรลงไปที่ฟร้อนท์ให้ส่งคนมาช่วยจัดการห้องน้ำให้หน่อย สามสิบนาทีต่อมาเธอก็มาถึงห้องของเราหน้าตาของเธอยังกับย่าของผมเลยล่ะ มาถึงเธอก็ตวาดใส่พวกเรา

“ใครทำส้วมฉันตัน” เธอถามด้วยสำเนียงแม็กซิกัน

“ผมเองครับ ขอโทษจริงๆ แล้วพรุ่งนี้ผมจะเขียนจดหมายมาขอขมาคุณ” แบรตแสดงตัว

“ไม่เป็นไรหรอก อย่างน้อยมันก็ไม่ได้ขึ้นไปเปื้อนบนเพดานเหมือนที่คนเมื่อคืนเจอ ฉันล่ะอยากรู้จริงๆอึมันขึ้นไปอยู่บนนั้นได้ยังไงกัน” เธอว่า



   เธอเริ่มทำงานอย่างเชี่ยวชาญทันที ทุกๆสองสามนาทีเธอจะส่งเสียงออกมาจากห้องน้ำ “พ่อคู๊ณ กินอะรัยกันกันปายเนี่ย ฉ้านว่าพวกคุณต้องกินอีโมกันบ้างก็ดีนะ ฮ่าๆๆๆๆ”



   วันนั้นเราใช้เวลาหมดไปกับการพักผ่อน จากนั้นก็รวมตัวกันอีกครั้งที่อพาร์ทเม้นท์ของแมทธ์ เราอุ่นเครื่องกันเล็กน้อยก่อนจะออกไปต่อกันที่ออสตินอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เราไปในย่านคนทำงานมากกว่าย่านนักศึกษา เราแวะร้านร้านหนึ่งซึ่งมีชัพเฟิลบอร์ดให้เราเล่น และเชลดอนก็ติดไอ้เกมส์นี่อย่างบ้าคลั่ง


   ผมกับดอร์ธตี้แข่งกับทีมของเชลดอนและแมทซ์ ตลอดสองชั่วโมงทีมผมชนะตลอด ชัยชนะของเราทำให้เชลดอนโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงเพราะเขามั่นใจในการเล่นของเขามาก ทุกครั้งที่ผมชนะความภาคภูมิใจของเขาจะลดลงเรื่อยๆ

   เขาเลยเริ่มดื่มด้วยความขมขื่น ดูเหมือนเขากำลังดับความโกรธด้วยแอลกอฮอล์ ยิ่งเราชนะเขายิ่งดื่มเร็วขึ้น หลังจากแพ้ติดต่อกันสองชั่วโมงเขาก็เมาแอ๋แถมยังพลุ่งพล่านไปด้วยอารมณ์โกรธ ในฐานะเพื่อนที่ดีผมก้ต้องทำหน้าที่เป็นผู้ชนะที่ดีด้วย


“ฉันคิดว่านายจะเล่นเกมส์นี่ได้ดีซะอีกนะเชลดอน แต่นายทำเราผิดหวังว่ะ ฉันกับดอร์ธไม่อยากเล่นแล้วว่ะ เอาชนะนายนี่แม่งโคตรหมูเลยว่ะ นายนี่มันตุ้ดจริงๆ แฟนนายไม่ได้เอา’ไอ้นั่น’ใส่มาให้ในสัมภาระนายรึไง” ผมถากถางเขาตามประสาคนชนะ

“ไอ้พวกเวร ฉันจะเตะตูดพวกแก!”เขาคำรามด้วนความโกรธ

“เล่นชัพเฟิลบอร์ดให้ชนะยังไม่ได้เลย จะมีปัญญาเตะฉันเหรอวะ นายเป็นง่อยรึปล่าววะ โยนลูกยังไม่ตรงเลย ฉันเจ๋งกว่านายเยอะ นายมันห่วยแตก กินเหล้ายังสู้ฉันไม่ได้เลย” ผมยั่วเขาต่อ

“อะไรนะ? แกน่ะเหรอ? แกน่ะคออ่อนที่สุดที่ฉันเคยเจอมาเลยฮูแซก แก่มันคออ่อนยังกะเด็กเจ็ดขวบ” เขาเย้ยผมกลับแล้วเสนอสิ่งที่อาจจะเปลี่ยนแปลชีวิตเราไปตลอดกาล

“มาเลยไอ้เวร ฉันจะกินเหล้าแข่งกับแก ต่อให้สามหนึ่งเลย เหล้าอะไรก็ได้ แกกินหนึ่งฉันกินสาม ไอ้อ่อนเอ๊ย”

   ผมยั่วโมโหเขาหนักไปหน่อย แทบทันทีที่เขาเชลดอนพูดจบ แมทซ์ก็ปรากฎตัวขึ้นพร้องกับเตอกีล่าสี่แก้ว เตอกีล่ากับผมนี่เป็นอะไรที่ไปกันไม่ค่อยได้ซะด้วย เพราะมันจะเปลี่ยนผมจาก “คาแบลท์ ฮูแซกผู้มีความสุข” ไปเป็น “คาแบลท์ ฮูแซกผู้ก้าวร้าว ทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้า”

“ฉันยอมกินฉี่ดีกว่าเตอกีล่าว่ะ” ผมบอกแมทซ์

แมทซ์ทำจมูกฟุดฟิดแล้วบอกว่า“ฉันได้กลิ่นตุ๊ดว่ะ”



    เอาก็เอาวะ...ผมกรอกเหล้าเข้าปาก พยายามเต็มที่ไม่ให้อ้วกออกมา พยายามอย่างเต็มที่ไม่ให้อ้วกออกมา เหล้านี่อัศจรรย์จริงๆ นี่เป็นหนึ่งในไม่กี่เรื่องที่ผมถูกคนอื่นชักจูงให้ทำเรื่องที่ไม่อยากทำขึ้นมา


   เชลดอนจัดการกับสามแก้วตรงหน้าอย่างไม่ยากเย็นอะไร ห้านาทีต่อมาแมทซ์ก็เอาเหล้ามาอีกสี่แก้ว ผมกับเชลดอนจ้องหน้ากัน เหมือนเข้าใจกันดีว่าถ้าจัดการกับเหล้าที่อยู่ตรงหน้า เราทั้งสองคนจะจบเกมส์ทันที ผมคงต้องไปอ้วกในขณะที่เขาจะระเบิดอารมณ์และพับไปในที่สุด แต่ตอนนั้นเราเป็นหนุ่มเลือดร้อน คุณคิดว่าเราจะลดราวาศอกกันไปง่ายๆเหรอ


   ผมจัดการกับส่วนของผมก่อน เพราะดูแล้วคงจะไม่เสียหายอะไรถ้าจะลุกไปอ้วก เพราะผมไม่ได้เป็นคนท้า พอเชลดอนซัดแก้วที่สองไป ผมก็พุ่งไปอ้วกที่ถังขยะทันที


   ต่อจากนั้นก็เป็นตาของเชลดอนที่จะเยาะเย้ยผมอย่างไร้ความปราณี ผมจำต้องทนรับมัน เพราะผมเพิ่งจะอ้วกแตกหลังจากซัดเตกีล่าไปแค่สองแก้ว(และเบียร์อีกอย่างน้อยสิบหกแก้วที่ผมล่อไปก่อนหน้านั้น) สิ่งที่พอจะปลอบใจผมได้หลังจากตอนที่เชลดอนซดเหล้าแก้วสุดท้าย ภาพตรงหน้าของผมเหมือนดูไฮไลท์กีฬา ทุกอย่างเคลื่อนไหวแบบสโลว์โมชั่น เหมือนกับได้เห็นวินาทีที่นักมวยถูกน็อค วินาทีที่นักฟุตบอลถูกสกัดจนกระดูกหักแล้วกระดูกทิ่มออกมา สำหรับเชลดอนเขาค่อยๆทรุดลงไปกอง ตาของเขากลอกไปมาอย่างไร้ทิศทางเหมือนตากิ้งก่า เข่าค่อยๆทรุดลงไปจนต้องพยุงตัวไว้กับโต๊ะ อนาคตของเขาจบลงคืนนี้เช่นเดียวกับผม เขาพยายามจะยืนขึ้นอีกครั้ง แต่ผมดื่มกับเขามานานพอที่จะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นขึ้นต่อไป คืนนี้เขาต้องไปนอนในมุ้งสายบัวแหงๆ



   แบรตเดินเข้าไปที่ซุ้มเครื่องดื่มเพื่อสั่งเบียร์ให้กับเราทุกคน เขาแวะคุยกับผู้หญิงที่แก่กว่าพวกเราคนหนึ่งที่นั่งอยู่ที่นั่น พร้อมกับอุ้มหมาพุดเดิ้ลไว้บนตัก

“ฉันอยากกลับไปเป็นสาวๆอีกครั้งจัง จะได้มีชีวิตชีวาเหมือนกับพวกคุณ” เธอเริ่มบทสนทนา

“เราก็แค่กินเหล้ากับอาหารแม็กซิกันเข้าไปเยอะๆแค่นั้นเอง คุณก็ทำได้” แบรตบอกเธอ

“คุณนี่ตลกจริงๆ” เธอดูจะถูกใจแบรต


   ระหว่างที่เขาคุยกับเธออยู่ แบรตก็แอบเอาเบียร์ให้หมาของเธอกิน พอเธอเห็นเข้าก็ออกอาการไม่ปลื้มเอามากๆ

“โอวพระเจ้า คุณทำอะไรน่ะ!  ปุ๊กกี้ๆหนูเป็นอะไรมั้ยลูก” เธออุทานอย่างตกอกตกใจ

“หมาคุณดูเหมือนจะมีปัญญาติดเหล้าน่ะ คุณควรจะเอาใจใส่มันหน่อยนะ พามันไปบำบัดที่ศูนย์เลิกเหล้าสำหรับหมาหรือที่ไหนสักที่สิ” แบรตตอบด้วยเสียงทุ่มๆแหบๆของเขาอย่างใจเย็น

“คุณเอาเบียร์มาให้หมาฉันกินทำไม” เธอต่อว่าแบรต

“เฮ้ อย่ามาปรักปรำนะ หมาคุณกินเบียร์ผมเองต่างหาก” แบรตรีบปกป้องตัวเอง

   ถึงตอนนั้นคนชงเหล้าก็เดินเข้ามา

“ผมขอเชิญทุกคนออกไปจากร้านครับ” เขาไล่เราอย่างสุภาพ

“อะไรนะ! ผมเป็นนักกีฬา ผมรวยและอัจฉริยะมาก  ผมหนักแปดสิบกิโล สุขภาพดี สามารถรีไซเคิลเหล้ากลับมาใช้ประโยชน์ได้ คุณมาพูดอะไรไร้สาระน่ะ ไปเอาเบียร์กับสาวๆมาให้ผมอีกเยอะๆดีกว่า ให้ไว!” แบรตโวยวายใส่หมอนั่น

“อย่าให้ผมต้องเรียกตำรวจนะครับ” เขาย้ำอีกครั้ง



    โดนไล่ออกมาจากร้านเป็นเรื่องปกติของเราอยู่แล้ว แมทซ์พาเราไปหาร้านใหม่ที่อยู่ลึกเข้าไปในตรอก ขณะนั้นเองก่อนที่พวกเราจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไรเชลดอนก็จับเอาถังขยะมาทุ่มใส่คอนเทนเนอร์ของรถขยะ แล้วก็เตะจนประตูคอนเทนเนอร์เกือบหลุดออกมา ตอนนี้โปรแกรมทำลายล้านของเชลดอนเต็มพิกัดแล้ว หมอนี่เป็นประเภทที่หากคุณเห็นเขาเมา คุณจะสัยทันทีว่าทำไมคนเราถึงจัดแอลกอฮอล์ไว้เป็นยาเสพติดประเภทกดประสาท



   เราต้องรีบพาเขาออกไปที่ถนนโดยด่วน ระหว่างที่เราไม่รู้จะจัดการกับเขายังไงดี เราก็เดินมาถึงถนนสายที่หก ซึ่งแถวนั้นนักดนตรีข้างถนนอยู่เต็มไปหมด นักกีต้าร์กำลังเล่นเพลง เฟรนด์ อิน โลว์ เพลสเซส ของการ์ธอยู่ ก่อนที่พวกเราจะรู้ตัวเชลดอนก็เข้าไปกอดคอหมอนั่นร้องเพลง

“เพราะฉันมีเพื่อนในที่แห่งนี้..ที่ที่มีเหล้าล้างความเศร้า...แต่ฮูแซกมันเอากับเกย์” ท่อนสุดท้ายเขาแต่งเอง

   นักกีต้าร์หยุดเล่นเพลงทันทีพร้อมกับพยายามสลัดเชลดอนออกจากตัวเขา

“นายวางขวดเบียร์ซะก่อนดีกว่า ที่เท็กซัสมีกฎหมายห้ามกินเหล้าในที่สาธารณะนะ” เขาบอกเชลดอน

“หรือนายจะอาวววววววววววว” เชลดอนเริ่มพูดไม่รู้เรื่อง

“เชลดอนหยุด! ไม่มีอะไรหรอก เขาแค่อยากจะช่วยนายร้องเพลงน่ะ” ประโยคสุดท้ายผมหันไปพูดกับนักกีต้าร์

“แล้วก็อยากกระทืบคนด้วยว้อยยยยยยยยยยยยย มาเลยไอ้ตูดหมึก เล่นเพลงของเการ์ธให้ฉันหน่อย ถ้าไม่ ฉันจะเดินไปเตะปากของแก เข้ามาเล้ยยยยยยยยยย” เชลดอนเริ่มท้าตีท้าต่อย

“ผมว่าคุณพาเพื่อนคุณไปดีกว่า” นักกีต้าร์บอกผม



   ถ้าผมได้เงินครั้งจะหนึ่งเหรียญจากประโยคที่ว่า “ผมว่าคุณพาเพื่อนคุณไปดีกว่า” ป่านนี้ผมซื้อเฟอร์รารี่ขับได้แล้ว



   จากนนั้นเราก็แห่กันไปที่คลับเปลือยอีกแห่ง ความคิดของเราตอนนั้นตลกสิ้นดี เราตัดสินใจไปที่นั่นกันเพราะเชลดอนเมาจนเดินอาละวาดไปทั่ว เราคิดว่าการพาเขาไปที่ที่มีผู้หญิงเปลือยกับนักเลงคุมร้านจอมโหดน่าจะช่วยเขาได้บ้าง ฟังดูดีใช่ไหมล่ะ สถานที่ที่มีแต่ความรื่นรมย์และลูกแมวยั่วสวาท


   พวกเรามีกันหกคันก็เลยต้องเรียกแท็กซี่สองคัน คันแรกมีผม แมทซ์แล้วก็ดอร์ธตี้ ส่วนอีกคันมีเชลดอน แบรตและไทริค เราใช้เวลาแค่สิบนาทีในการเดินทางไปที่นั่น คันที่ผมนั่งมาถึงที่นั่นโดยไม่มีปัญหา พอลงจากรถแมทซ์ก็บอกว่า “ขอต้อนรับสู่เมืองคนบาป”


   ถ้าคุณออกมาเที่ยวบ่อยๆ คุณจะพบว่าการทำให้เกิดความรื่นรมย์นั้นไม่ใช่สิ่งยากเย็นเลย แค่คุณดูว่าในคืนนั้นคุณอยู่ที่ไหน แล้วทำตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่คุณอยู่ แล้วทุกสิ่งทุกอย่างจะเกิดขึ้นของมันเอง เหมือนกับที่คลับเปลือในคืนนี้


   คนในร้านมีไม่เยอะเท่าไหร่เพราะเป็นคืนวันอาทิตย์ แต่กลับมีนางระบำเยอะแยะทีเดียว คืนนั้นเราสามคนแต่งตัวดีแถมยังมีเงินในกระเป๋าเพียบ เราเข้าไปนั่งได้ไม่นานเท่าไหร่ก็มีนางระบำสี่ห้าคนเข้ามาเตร่อยู่แถวๆโต๊ะของเรา


   หลังจากดอร์ธตี้ประเมินสถานการณ์แล้ว เขาก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ผมแล้วเริ่มเปิดเกมส์อย่างที่เขาถนัดทันที “สาวๆคุณรู้ไหมว่าหมอนี่เป็นใคร” เขาชี้มาทางผม “เขาคือคาแบลท์ ฮูแซก เขาอาจจะดูซอมซ่อแต่จริงๆแล้วเขาคือหนึ่งในผู้ก่อตั้งเวบไซด์ยาฮู และเป็นหนึ่งในสี่คนที่ถือหุ้มมากที่สุดด้วย อ้อ..ผมคงไม่ต้องบอกหรอกนะว่าเวบยาฮูคืออะไร” แต่ในสาวๆพวกนั้นมีสองคนที่ไม่รู้จักเวบยาฮู ส่วนที่เหลือคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดีแถมมีคนนึงถือหุ้นอยู่ด้วย


   แน่นอนว่าเรื่องที่ดอร์ธตี้พูดมาไม่เป็นความจริงเลย แต่เขาใช้หลักการสำคัญที่เขาเรียนมาจากพีทีบาร์นัมสคูลออฟมาเกตติ้ง นั่นก็คือ”ยิ่งโกหกมากคนยิ่งมีโอกาสที่จะเชื่อมาก”


   ผมพยายามถ่อมตัวและทำตัวเฉยๆเข้าไว้ ปล่อยให้ดอร์ธตี้ปั้นเรื่องให้ผม ถ้าเราพยายามจะสอยพวกเธอทั้งหมดด้วยวิธีอื่นโอกาสคงมีไม่มากเท่านี้ ที่เจ๋งที่สุดคือผมสามารถปราบแม่คงที่ถือหุ้นยาฮูลงได้ แม่นั่นดูจะมีความรู้เกี่ยวกับตลาดหุ้นอยู่นิดหน่อย ก็เลยลองภูมิผมโดยถามผมว่าซีอีโอยาฮูเป็นใคร ก่อนจะตอบผมจ้องหน้าเธอเขม็งแล้วพูดว่า “อย่ามาล้อเล่นน่า ผมมีส่วนหนึ่งในการจ้างทิม คูเกิ้ลด้วยซ้ำ” เธอแทบจะคุกเข้าให้ผมตรงนั้นเลยล่ะคุณ


   เพื่อบทบาทที่สมจริง ผมก็เลยสั่งเปิดเหล้าทั้งขวด พอรู้ตัวอีกทีสาวๆพวกนั้นก็ขึ้นมาเต้นอยู่บนตักให้เราฟรีๆ ในบรรดาหนึ่งในนั้นมีคนหนึ่งเคยเล่นหนังโป๊มาก่อน ผมจึงถามเธอในเรื่องที่ผมคาใจมานาน

“ผมพอเข้าใจนะว่าเวลาเลือกผู้หญิงไปแสดงหนังโป๊น่ะเขาทำกันยังไง แล้วผู้ชายล่ะ ถ้าคุณไม่ได้มีน้องชายขนาดยักษ์ หรือไม่ได้พ่นพิษได้มากกว่าคนปกติแต่อยากเล่นหนังโป๊ต้องทำยังไง”

“ของพรรค์นั้นเรียกว่าเครือข่ายเพื่อน เครือข่าย” แมทซ์แทรกขึ้นมา

“ไม่รู้สิ ที่ฉันทำก็แค่นอนกับผู้ชายตามที่เขากำกับ แล้วจ่ายให้ฉันหนักๆก็พอแล้ว” นางระบำคนนั้นตอบ

“ฟังดูดีเนอะ ผมว่าพ่อแม่คุณคงภูมิใจในตัวคุณมากแน่ๆ” ผมประชด


   ในที่สุดเราก็ชวนสาวๆทั้งห้าคนนั่นมาที่โรงแรมได้สำเร็จ ตอนนั้นเองแมทซ์ก็นึกขึ้นได้ว่า “เชลดอนไปไหววะเนี่ย”


   เรามัวแต่ง่วนอยู่กับการคั่วนางระบำจนลืมพวกเขาสามคนไปเลย ผมเอาโทรศัพท์มาดูก็พบว่าไทริคโทรมาตั้งสี่ครั้ง ซึ่งตอนที่เขาโทรเข้ามาผมแค่สงสัยว่า’อะไรมันสั่นอยู่ในกระเป๋ากูวะ’เท่านั้น


   แมทซ์คว้าโทรศัพท์จากมือผมแล้วออกไปหาที่โทรข้างนอก ราวห้านาทีเขาก็กลับมาพร้อมกับใบหน้าที่ดูโมโหสุดๆ “เฮ้ยเพื่อน เชลดอนอยู่โรงพักว่ะ เราต้องรีบไปด่วนเลย”

   เราจำเป็นต้องทิ้งนางระบำพวกนั้นกับคืนที่ควรจะเต็มเปี่ยนด้วยความหฤหรรษ์ไว้ แล้วกลับไปที่โรงแรมซึ่งไทริครอเราอยู่แล้ว เขาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในแท็กซี่คันที่พวกเขานั่งให้เราฟัง


   ทันทีที่ขึ้นแท็กซี่ไทริคกับแบรตก็รู้ทันทีว่าเชลดอนเมาหนักกว่าที่คิดอาการของเขาข้ามขั้นที่เรียกว่าเมาอาละวาดไปสู่การเมาไร้สติเรียบร้อยแล้ว สองคนนั้นพยายามทำให้เขาตื่นโดยคำถามต่างๆกับเขา แต่เชลดอนตอบคำถามวกไปวนมาจนกระทั่งเขาฟุบลงบนตักของแบรต สองนาทีต่อมาแท็กซี่ใกล้ถึงร้านเต็มทีจู่ๆเขาก็ลุกขึ้นพรวดพราดพร้อมกับตะโกนเสียงดังว่า “เราต้องจอดเดี๋ยวนี้!”


   คนขับแท็กซี่เข้าใจว่าเชลดอนอยากอ้วก เขาจึงขับรถเข้าไปจอดในลานของร้านสะดวกซื้อทันที เชลดอนพุ่งตัวออกจากรถเดินโซเซอยู่สองสามวินาทีก่อนที่จะถอดกางเกงแล้วฉี่ตรงกลางลานจอดรถนั่นแหละ


   เชลดอนยืนแอ่นหน้าแอ่นหลังด้วยความเมา ไทริคไม่อยากให้เขาฉี่เลอะกางเกงก็เลยไปยืนข้างหลังเขาแล้วเอาแขนโอบรอบตัวเพื่อดึงให้เขายืนตรงๆ



   ผมเห็นภาพตามที่เขาเล่าทันที ณ แท็กซัสเวลาเที่ยงคืนวันอาทิตย์กลางลานจอดรถของร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง มีผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่กางเกงหลุดลงมากองที่หัวเข่า ส่วนชายอีกคนยืนประกบอยู่ข้างหลังแขนโอบรอบลำตัวของชายคนแรก ถ้าเป็นคุณมาเห็นเข้าคุณจะคิดยังไง...

   ผมก็คิดเหมือนคุณนั่นแหละ และตอนนั้นตำรวจก็ขับรถผ่านมาพอดี

   ไทริคเล่าว่าเขาได้ยินเสียงเบรคดังเอี๊ยดก่อนที่ตำรวจประจำเมืองออสตินตัวเบ้อเริ่มจะกระโจนออกมาจากรถพร้อมกับตะโกนใส่พวกเขาด้วยสำเนียงแท็กซัสว่า

“นั่นพวกนายทำบ้าไรกันน่ะ”


   แบรตพยายามออกจากแท็กซี่เพื่ออธิบายให้ตำรวจฟัง แต่หมอนั่นชักปืนออกมาพร้อมกับตวาดใส่เขา “อยู่ในรถนั่นแหละ” แบรตเชื่อฟังอย่างว่าง่าย เพราะเขาไม่ใช่คนชอบเสี่ยงกับอะไรอย่างนี้


   ไทริคปล่อยเชลดอนแล้วก้าวออกมายืนด้านหน้า “ขออภัยครับคุณตำรวจ ขอให้ผมได้อธิบายหน่อย เพื่อนผมเมามาก เราจอดรถตรงนี้เพราะคิดว่าเขากำลังจะอ้วก แต่จริงๆแล้วเขาปวดฉี่ ผมไปยืนข้างหลังเขาเพื่อที่จะช่วยให้เขายืนตรงๆ ตอนนี้เขาเมามากแล้ว ผมจะพาเขากลับไปนอนที่โรงแรม”


   แต่ในหัวของตำรวจออสตินเต็มไปด้วยขี้เลื่อย เขาบอกว่า “งั้นเหรอ นายก็เลยคิดว่าจะยืนฉี่ตรงนี้ได้ ข้างถนน กลางลานจอดรถของร้านสะดวกซื้อ ห่างจากที่นี่ไปสองแยกมีโรงพยาบาลอยู่ เราพยายามอย่างมากที่จะรักษาสุขอนามัยในบริเวณใกล้เคียง แต่นายกลับมายืนฉี่เนี่ยนะ”


   โชคดีที่ไทริคมีคุณสมบัติในการอดทนสูงมากเพราะเขาเป็นลูกนายทหาร เขาจึงยังใจเย็นอยู่ และใช้เวลาห้านาทีต่อมาอธิบายสิ่งต่างๆให้ตำรวจฟังอย่างสุภาพและมีเหตุผล เขายืนยันกับตำรวจว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยและดูเหมือนเขาเกือบจะดึงเชลดอนออกมาจากปัญหาสำเร็จอยู่แล้ว


   ตำรวจอีกคนที่อยู่ในรถดึงตัวเชลดอนไปคุยอีกทาง ไทริคบอกว่าเขาเผลอไปแค่สองนาทีหันไปอีกทีก็เห็นเชลดอนออกท่าออกทางโมโหสุดขีด ชี้หน้าด่าตำรวจว่า”ไอ้หัวปิงปอง”พริบตาเดียวเชลดอนถูกใส่กุญแจมือแล้วยัดเข้าไปในรถตำรวจ ตอนที่ตำรวจออกไปเชลดอนยังเอาเท้าเอาถีบกระจกหลังปึงปังอยู่เลย และตอนนั้นแหละที่ไทริคเริ่มโทรหาผม




   ตัดกลับมาที่โรงแรมตอนนั้นราวๆตีสามแล้ว เราตัดสินใจว่าจะส่งไทริคกับแมทซ์ไปประกันตัวเชลดอนออกมา ตกลงกันได้คนที่เหลือก็เข้านอน(ตอนนั้นเราง่วงและยุ่งกับเรื่องของเชลดอนมากจนลืมไปว่าแบรตหายไปอีกคน) ตื่นมาอีกทีตอนแปดโมงเช้าปรากฎว่าพวกเขายังไม่กลับมา โทรศัพท์ผมก็ไม่ได้เปิด พอเปิดเครื่องมาก็พบว่ามีข้อความเสียงมาสี่ครั้ง ผมเปิดฟังแล้วก็ขำกลิ้งจนต้องปลุกพวกที่เหลือขึ้นมาฟังด้วย


ข้อความที่หนึ่ง – 01.30 “ไอ้เวรเอ๊ย! ตอนนี้ฉันอยู่ในคุกว่ะ...เอ่อคุกไงเพื่อน ห้องขังประจำเมืองออสตินน่ะ นายต้องโทรหาฉันด่วยเลยนะโว้ย รีบมาประกันตัวฉันออกไปที  ฉันอยู่ในคุกโว้ย! ช่วยด้วย”


ข้อความที่สอง – 02.46 “เฮ้เพื่อน ฉันติดคุกอยู่ นี่เชลดอนนะ นายมาเอาฉันออกไปที เอ่อ..ไทริคโทรมา..ไม่ไหวเลยว่ะ มาเอาฉันออกไปด่วนๆ”


ข้อความที่สาม – 07.39 “คาแบลท์ นี่เชลดอนนะ ฉันอยู่ที่โรงพักออสติน เพื่งได้ออกจากห้องขัง ฉันไม่รู้ว่าใครช่วยฉัน แต่นายคงรู้แหละ ช่างมันเถอะ เดี๋ยวฉันจะหาทางกลับไปหาพวกนาย มาดัลลัสเที่ยวนี้ไม่ค่อยโสภาเท่าไหร่เลยว่ะเพื่อน”


อีกข้อความจากแบรต ข้อความที่ทำเอาผมขำจนลงไปกองกับเพื่อน
ข้อความที่สี่ – 05.17 “ฮูแซก แกอยู่ไหนกันวะ เมื่อกี้ฉันเพิ่งฟันแม่สาวอังกฤษคนหนึ่งที่เจอแถวๆโรงแรม เธออายุสิบเก้าเธอบอกฉันว่ายังซิงแต่ตอนนี้ฉันไม่แน่ใจว่ะ แล้วเธอก็สอบตกวิชาแคลลูลัส ฉันปลอบเธอ เธอชอบฉัน เรามีเซ็กส์กันอยู่ๆถุงยางก็แตก ฉันชักออกมาแทบไม่ทัน ฉันซวยแล้วว่ะเพื่อน ไอ้หนูของฉันติดโรคแหงๆ”




-----------------------------

ขอบคุณสำหรับคอมเม้นและกำลังดันคะ 5555

ตอนหกอีกสองพาร์ทมั้งคะ เดี๋ยวก็เจอชีวิตผกผันของพระเอก(หรือตัวร้ายหว่า) กันแล้วล่ะคะ

ปล. แต่งแบรตกับเจสันไว้เล่นๆตอนนึง ใครจะเอาก็บอกนะคะ เดี๋ยวพีเอ็มไปให้คะ ^^
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 6 part7 20/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: ๛゙★βra_11!☆゙ ที่ 20-10-2010 18:02:33
 :m20: :jul3:

กลุ่มนี้เพี้ยนดี 555
คาแบลท์ น่ารักนะ  o18

อยากอ่าน
แบรตกับเจสัน ด้วยคนค่า  :o8:
 :L2: :L1: :L2:
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 6 part7 20/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 20-10-2010 20:42:47
 ถ้าผมได้เงินครั้งจะหนึ่งเหรียญจากประโยคที่ว่า “ผมว่าคุณพาเพื่อนคุณไปดีกว่า” ป่านนี้ผมซื้อเฟอร์รารี่ขับได้แล้ว

.....  ข้อความนี้การันตีได้ว่า  บ้าทั้งกลุ่ม  และบ้าสุดขีด
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 6 part7 20/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 20-10-2010 21:07:26
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด
รู้สึกเหมือนไม่เจอคาแบลท์และผองเพื่อนนานมาก

กอดพี่ปุ๋ยค่ะ ^o^
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 6 part7 20/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: ๛゙★βra_11!☆゙ ที่ 21-10-2010 17:34:41
ขอบคุณมากจ้าา !!  :m13:
ได้รับpm แล้ว อ่านแล้ว
ชอบบบ 55

คู่นี้ก้น่ารักอีกคู่ แบรตร้ายม๊าก ~
เถื่อนๆดี :))

อยากอ่านเรื่องของคู่นี้อ้ะ  :-[
555
 :L2: :L1: :L2:
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 6 part7 20/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: CanonDNattari ที่ 21-10-2010 18:19:54
กลุ่มนี้ (ยังคงคอนเซ็ป) เจอที่ไหนบรรลัยที่นั้น  :laugh: เขาคัดเลือกคนเข้ากลุ่มได้สุดยอดดดดด
บีเจ เอ้ยยยยยยยยยยย คิดถูกคิดผิดลูกที่มาเป็นผู้สืบสันดานของแบรตเนี้ย กลุ้มใจแทนน้อง  :laugh:
+1 ให้คุณปุ๋ยจ้า :กอด1: เขาอยากรับเลี้ยงบีเจ ทำไงดี ทำไงดี (ได้ข่าวบีเจกำลังจะมีแม่ใหม่ :z2:)
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 6 part7 20/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: ┗◎┗◎ ที่ 24-10-2010 20:09:06
บีเจ ถือกำเนิดแล้วใช่ไหมนั่น *0*
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 6 part7 20/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: ლїЯдςLΣϛlθTtεR ที่ 24-10-2010 22:22:00
มันดันป้า
เอ๊ยย
ดันทู้ัป้า
เดี๋ยวเผียป้าเข้าใจผิด คิคิ
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 6 part7 20/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: ┗◎┗◎ ที่ 27-10-2010 23:01:26
 :3123:
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 6 part7 20/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: ლїЯдςLΣϛlθTtεR ที่ 31-10-2010 13:05:07
 :z1:
รอป้า
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 6 part7 20/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: ┗◎┗◎ ที่ 31-10-2010 18:49:34
ช่วยโทรตามคนแต่ง

ที่บ้านพักคนชราที  :z3:
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 6 part8 31/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSacrifice ที่ 31-10-2010 20:14:17
วันที่สี่-กลับบ้าน

   ปัญหาของเชลดอนยังไม่สิ้นสุด เขาก่อความผิดพลาดไว้อย่างมหันต์เมื่อโทรหาคู้หมั้นขณะเมาจัด ปลุกเธอตอนตีสามแล้วโทรหาพ่อแม่ของเธอด้วย คุณฟังชัดๆนะ เขาโทรหาพ่อแม่ของคู่หมั้นจากในห้องขัง แน่นอนเธอมีปัญหาต้องเคลียกับพ่อแม่ ส่วนตัวเขาถูกข้อหาเมาอาละวาด เขาก็เลยต้องอยู่ออสตินต่ออีกสองสามวัน

   พวกเราที่เหลือทั้งสามคนตัดสินใจกลับดัลลัสกันแล้วค่อยไปที่เดอร์แฮมต่อ ผมให้เหตุผลการกลับดัลลัสกับเพื่อนๆว่า “เรากลับดัลลัสกันได้แล้ว เพราะที่ออสตินนี่คงไม่เหลืออะไรมันส์ๆให้ทำอีกแล้ว แต่ถ้าอยากทำอะไรที่ตื่นเต้นกว่าสองคืนที่ผ่านมาเราคงต้องเผาเมืองหรือไม่ก็ฆ่าเจ้าหน้าที่ของรัฐเล่นซักคนแล้วล่ะ”

   ผมไปเช็คเอ้าท์ที่โรงแรมเอ็มบาทซี่สูท ผู้จัดการที่นั่นขอคุยกับผมก่อนที่เราจะกลับออกมา “ประทานโทษคะคุณฮูแซก คุณเป็นคนที่ทำให้เกิด...อุบัติเหตุ ที่ล็อบบี้เมื่อวานซินใช่ไหมคะ” ผมยอมรับและขอโทษเธอแต่เธอตีหน้านิ่งใส่ผมพร้อมกับบอกว่า “ดิฉันขอแจ้งให้คุณทราบว่า นับแต่นี้เป็นต้นไป คุณไม่สามารถเข้าพักที่นี่หรือโรงแรมใดๆในเครือเอ็มบาสซี่สูทได้อีก”

   นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะเนี่ย?

   “เรามีฐานข้อมูลรายชื่อ’แขกไม่พึงประสงค์’แลกเปลี่ยนกันระหว่างโรงแรมต่างๆคะ และชื่อของคุณก็อยู่ในนั้นด้วยและหลังจากที่เกิดอุบัติเหตุดังกล่าว เราจึงติดสินใจว่าคุณไม่ควรเข้าพักในโรงแรงของเครือข่ายเราอีกต่อไป”

   ผมเพิ่งโดนห้ามเข้าพักโรงแรมในเครือเอ็มบาสซี่สูททุกแห่งตลอดชีวิต!

   ในที่สุดผมก็เข้าใจว่ากรรมมีจริง

   พอเรากลับถึงดัลลัสเราก็เข้าพักที่โรงแรมเรดิสัน หลังจากที่งีบไปจนถึงเวลาอาหารเย็น คืนนั้นพวกเราออกไปเที่ยวกันในดีพเอลลัม

   คืนนั้นผ่านไปอย่างรวดเร็ว ผมใช้เวลาหมดไปกับการดื่มแล้วก็นอนกับผู้หญิง ผมกลับเข้าไปที่ห้องพักตอนแปดโมงเช้า พอเปิดประตูเข้าไปก็พบกับกองอ้วกกระจายเต็มพื้นไปหมดเห็นได้ชัดว่าแซนด์วิชรูเบน(*)ที่แบรตสั่งกินที่บาร์เมื่อคืนนั้นเป็นตัวเลือกที่ผิด เมื่อคืนเขาเมาขนาดที่พร้อมจะถูกหามเข้าห้องฉุกเฉินได้ทุกขณะ เพราะหลังจากดื่มชนิดที่เรียกว่าหัวราน้ำมาตลอดสี่คืนภูมิคุ้มกันความเมาต่างๆของเขาจึงหยุดทำงานโดยสิ้นเชิง สภาพของเขาไม่แตกต่างอะไรจากเด็กหกขวบที่มือกุดเพราะโดนโรคเรื้อนนัก – หลังจากคืนถุงยางแตกไอ้หมอนี่ก็ดื่มให้กับชะตาชีวิตของตัวเองที่เขาคิดเป็นตุเป็นตะเอาว่าอีกไม่กี่เดือนเขาอาจจะตายเพราะกามโรคที่ติดมาจากเธอ ผมและไทริคสัญญากับเขาว่าเราจะตามหาประวัติคร่าวๆของแม่นั่น และหากเราเจอเธอ เราจะลากเธอไปเจาะเลือดทันที นั่นทำให้แบรตดีขึ้นนิดหน่อย

   ผมกับไทริคผลักกันขับรถแซทเทิร์นสีเปลือกมังคุดของผมกลับเดอร์แฮม ส่วนแบรตหลังจากคลานขึ้นมานอนที่เบาะหลังแล้วก็ขดตัวอยู่ในท่าเดียวกับเด็กในท้องแม่และส่งเสียงครางทุกสองสามนาที ตอนผมขับรถไปถึงแถวอาคันซัส เขาก็ลุกพรวดพราดแล้วทุบที่นั่งของผมจนผมตกใจ ผมหักพวงมาลัยเข้าจอดข้างทางทันที ก่อนที่จะหันไปดูเขาผมก็ได้ยินเสียงนำมาก่อน

“อ๊อกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกแหวะ......”

   แบรตเปิดประตูรถ เพิ่งออกไปได้ครึ่งตัวแต่ไม่ทัน เขาอ้วกเลอะรถผมไปเรียกร้อยแล้ว แต่ยังมีระลอกสองอีก เขาก็เลยออกไปอ้วกบนพื้นหญ้าข้างถนนต่อ
   หลังจากใช้เวลาราวๆสิบนาทีหมดไปกับการอ้วกอันแสนทรมาณ แบรตก็คลานกลับขึ้นมาที่เดิมอีกครั้ง เราออกเดินทางต่อ แต่รถแล่นได้ไม่ถึงนาทีหมอนั่นก็เอามือปัดขาให้วุ่นวายพร้อมกับร้องอย่างเจ็บปวด ไอ้ติงต๊องนั่นดันไปเหยียบเอารังมดแดงเข้าตอนลงไปอ้วก เราทั้งสามก็โดนมดแดงที่กำลังโกรธกัดกันถ้วนหน้า ทำให้เราต้องออกจากทางด่วนทันทีที่ทำได้

   เราหยุดแวะปั๊มของพวกผิวดำแห่งหนึ่งในอาคันซัส แบรตทำความสะอาดอ้วกและเอามดแดงออกจากรถโดยใช้หนังสือพิมพ์ เพราะไอ้ปั๊มห่วยๆนี่ไม่มีเครื่องดูดฝุ่น

   เขาทำไปบ่นไปด้วยอารมณ์ห่อเหี่ยวเต็มที่ “วันนี้ต้องเป็นวันที่แย่ที่สุดในชีวิตฉันแน่ๆ ขนาดเพิ่งตื่นมาแค่สามชั่วโมงยังมีเรื่องเฮงซวยขนาดนี้ ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย...”

   การเดินทางช่วงที่เหลือเป็นไปอย่างจืดชืด ผมกับไทริคขับรถกันไปก็คุยกันไปเรื่องตรรกะ ปรัชญา เรื่อยไปจนถึงเรื่องสัพเพเหระต่างๆ ส่วนแบรตก็นอนส่งเสียงครวญคราง พอถึงแถบแซตตานูก้า เขาก็เขียนอะไรขยุกขยิกใส่เศษกระดาษแล้วส่งมาให้เราก่อนจะพับไปอีกรอบ  ผมจะอ่านข้อความในกระดาษที่เขาเขียนบอกเราให้คุณรู้ละกัน
 
“ช่วยฆ่าฉันทีเถอะ ทรมาณเหลือเกิน พ่อกับแม่ฉันไปคาปรี โทรหาน้องชายฉันซะคาแบลท์ หมอนั่นจะมารับศพฉันเอง” ข้างล่างมีเบอร์โทรศัพท์ที่เป็นเบอร์บ้านเขียนไว้ ผมยิ้มแล้วกดโทรศัพย์หาเบอร์ที่หมอนั่นจดไว้ ผมไม่ได้ให้น้องชายไอ้ติงต๊องนี่มารับศพมันไปหรอก แต่จะให้มารับหมอนี่กลับไปนิวนอร์คต่างหาก ผมคงไม่ว่างมากถึงขนาดไปส่งแบรตถึงนิวยอร์คหรอก



“ไฮ” เสียงใสๆที่เหมือนจะแตกหนุ่มแต่ไม่ได้แตกส่งมาตามสาย

“ไฮ นี่คาแบลท์ ฮูแซกนะนั่นเนท แมคเทอร์เนอร์หรือปล่าว”

“อือฮึ” เขาขานรับสั้นๆ

“ฉันเป็นเพื่อนของแบรตพี่ชายนาย ตอนนี้เขาแย่มาก นายมารับเขาที่เดอร์แฮมได้หรือปล่าว” ผมบอกเขาเรียบๆ

“เมาแอ๋อีกแล้วล่ะสิ” เสียงของเนทบอกมาอย่างหน่ายๆ ไม่รู้ทำไม ผมถึงยิ้มกับคำพูดธรรมดานั่นแล้วยังเผลยกมือขึ้นเกาท้ายทอยตัวเองจนไทริคหันว่าแซวว่า ‘แกเขินเหรอวะฮูแซก’

“เอ่อ ทำนองนั้นแหละ คุณจะมาได้ตอนไหนครับ” ผมเผลอใช้คำพูดสุภาพกับเขา

“พรุ่งนี้เช้าแล้วกันนะ ฝากคุณดูแลเขาด้วยนะ...อูวววววว ผมต้องไปแล้วล่ะ บ๊าย” ผมยังไม่ทันขานรับเขาก็กดตัดสายทิ้งไปซะแล้ว



หลังจากเราถึงเดอร์แฮม แบรตตื่นขึ้นมาแล้วซัดเบียร์เข้าไปอีกสามกระป๋องจากนั้นก็หลับเป็นตายไปอีกรอบ ไทริคต้องกลับไปเร่งทบทวนกฎหมาย ผมกับแซคจึงรับหน้าที่ดูแลแบรต อันที่จริงหน้าที่นี้เป็นของผมแต่แซคมาเกี่ยวด้วยเพราะหมอนี่เป็นเพื่อนแบรตและหมอนี่ยังเป็นเมทของผม


          รุ่งเช้าเนทโทรเข้ามาหาผมหลังจากที่ถึงสนามบิม แซคอาสาออกไปรับเนทเพื่อมาที่อพาตเม้นท์ของเรา
 
“เฮ้แบรต นายลุกไปอาบน้ำหน่อยไหม น้องชายของนายกำลังจะมาถึงที่นี่แล้ว” แบรตพยักหน้าให้ผมแล้วล้มตัวลงไปนอนต่อ

“เฮ้ๆ ตัวนายเหม็นยังกับศพเลยวะพ่อคนสะอาดนิวยอร์ค นายได้ยินฉันไหมวะ น้อง ชาย นาย กำ ลัง มา”

“เยี่ยม” พูดจบแบรตก็ลุกเข้าไปอาบน้ำทันที ผมจึงลุกไปนั่งจิบกาแฟดูข่าวหน้าโทรทัศน์





“เฮ้” เสียงใสๆเรียกผมให้เบนสายตาจากโทรทัศน์
 
“เฮ้” ผมทักตอบหลังจากจ้องหน้าเขาอยู่พักนึง...ผมก็เพิ่งรู้นี่แหละคุณเอ้ยว่าไอ้รักแรกพบนี่มันเป็นยังไง ถึงแม้ว่าไอ้คนที่ยืนอยู่เหนือหัวผมมันจะเป็นผู้ชายก็เถอะ แต่มันถูกชะตาผมอย่างบอกไม่ถูก


   หลังจากที่เขาถอดโค้ทแล้วนั่งรอแบรตตรงโซฟาตัวเล็กๆข้างๆผม ผมจึงไม่พลาดที่สอดส่องอย่างชำนาญไม่ให้เขารู้ตัว เนทมีเสน่ห์แบบแปลกๆที่ผมก็ไม่สามารถบอกได้ เขาไม่ใช่คนหล่อแต่ก็ไม่ได้ดูธรรมดา  ไม่ใช่พวกที่ดูสำอางแต่ก็ไม่ได้ดูสกปรก ไม่ได้ดูเหมือนเด็กแต่ก็ไม่ได้ดูเป็นผู้ใหญ่ ไอ้ความเป็นกึ่งกลางของเขามั้งที่ทำให้เขาดูมีเสน่ห์อย่างเหลือเชื่อ แต่หลังจากที่เราพูดคุยกันได้ซักพักนั่นก็ทำให้ผมค้นพบอีกข้อคือเขาไม่ใช่พวกฉลาดแต่ก็ไม่ได้โง่ แล้วเขายังมีการพูดคุยและนิสัยแปลกๆจนผมคิดว่ามันดูน่ารักอย่างที่ผมไม่เคยเจอ


---------------------------------------

ขอข้ามความสัมพันธ์ของเนทกับคาแบลท์นะคะ เพราะถือว่าเป็นแฟนเก่าเนทคงออกมาแค่ตอนนี้กับตอนหน้าคะ ^^

หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 6 part8 31/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: berlyn ที่ 01-11-2010 01:37:51
พฤติกรรมของคาแบลท์+แกงค์นี่ ... สุดๆไปเลยใช้ชีวิตได้คุ้มมาก

นั่งฮาตอนที่คาแบลท์ ทำอุบัตเหตุบางอย่างในโรงแรม นึกภาพตาม 555+
เป็นเราคงอายแล้วเช็กเอ๊าออกคืนนั้นเลยอ่ะ อยู่สู้หน้าพนักงานในตอนเช้าไม่ไหว

     ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 6 part8 31/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: หมวยลำเค็ญ ที่ 01-11-2010 11:53:53
 :m30: :m30: :m30:
กรรมเวนชีวิต รอบที่แล้วแล้วเหลืองอร่าม
มารอบนี้อ้วกกระจาย อ่านก่อนกินข้าวอีกตะหาก 
พาอิ่มซ๊ะประหยัดไปหนึ่งมื้อ :m15:
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 6 part8 31/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 01-11-2010 12:24:52
กร้ากกกกกกกกกกกกกกกส์ เละเทะตามเคย
แล้วก็.....ข้าพเจ้าอ่านเรื่องนี้แกล้มมื้อกลางวันอีกแล้ว 55555555555555

เนท......น่าร้ากกกกกกกกกกกกก เสน่ห์แบบแปลกๆของเนท ก็น่าร้ากกกกกกก

ปล.รับทราบเรื่องจะออกแค่สองตอนค่ะพี่ปุ๋ย ชีวิตของคาแบลท์มันมีอะไรมากกว่าน้านนนนนน ฮี่ๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 6 part8 31/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: CanonDNattari ที่ 01-11-2010 14:45:45
กลุ่มนี้มีงานอดิเรกหลังจากสอบ+เรียน อย่างนี้นี่เอง สิ่งปฎิกูลทั้งนั้น  :z3: กลุ่มกับอิกลุ่มนี้จริง ๆ ถ้าอยู่เมืองไทยสงสัยหาวัดให้อยู่แล้วไหมนั้น

เนททททททท คิดถึงเนททททททททท :laugh: เสน่ห์แบบแปลก ๆ = = "
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 6 part8 31/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 01-11-2010 21:21:44
แอร๊กกกก  คาร์แบลท์เจอกับเนทแล้ว  ดูเหมือนว่าเนทอาจจะทำให้คาร์แบลท์ได้เปลี่ยนใจที่จะปรับพฤติกรรมหรือเปล่า
เรื่องนี้ไม่เน้นคาร์แบลท์กับเนท  แต่ก็อยากอ่านนะ  แบบชอบของแปลกน่ะ  อิ อิ  ขออภัยนะแกส
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 6 part8 31/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: ┗◎┗◎ ที่ 04-11-2010 13:58:09
เนทน่ารักมากกกก
นั่งเฉยๆ
ออร่าความน่ารักแบบแปลกๆ
ยังพุ่งออกมา

คาเบลล์แบบสุภาพ โคตรน่ารักเลย เขิน....
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 6 part8 31/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: hanakimi ที่ 04-11-2010 21:09:31
ตามมาอ่านจากเรื่องแล้ว สนุกมากกกกกกกกกกกเลยค่า~

คาเบลล์เจอเนทแล้วว ><

ว่าแต่คนเขียนมีแนวโน้มจะเขียน แบรต - เจสัน มั้ยค่า

อยากอ่านคู่นี้มากๆๆๆๆๆๆๆๆ  เขียนเถอะ พลีส~
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 6 part8 31/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: ┗◎┗◎ ที่ 04-11-2010 21:16:40
ู^
^
ได้ข่าวว่าป้าปุ๋ย

เขียนสต็อคเจสันไว้ 20 ตอนแล้ว อิอิ



เย เย้ เย

แบรต เจสัน น่ารักกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 6 part8 31/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: getto ที่ 04-11-2010 21:19:00
^
^
จริงดิ ป้าเอามาด่วนเลย

เนทออกโรงงงงงง เย้ๆๆ :mc4:
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 6 part8 31/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: ლїЯдςLΣϛlθTtεR ที่ 04-11-2010 21:20:38
ป้าาาา   รออ่านนน
ยี่สิบตอนของป้าเอาลงรวดเดียวเล้ยยยยย
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 6 part8 31/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: ┗◎┗◎ ที่ 04-11-2010 21:40:57
เย เย้ เย

ลงเลยยยยยยยยยยยยยย    :m11:
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 6 part8 31/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: sadness ที่ 08-11-2010 19:22:46
มอบกำลังใจให้คนแก่ๆ
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 6 part8 31/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: ლїЯдςLΣϛlθTtεR ที่ 08-11-2010 22:03:50
ดันนน ดันนนน ดันนนนนนน
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 6 part8 31/10/10
เริ่มหัวข้อโดย: ┗◎┗◎ ที่ 17-11-2010 23:12:27
รอ

มา


เนิ่นนานนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย แจ้งข่าวเรื่องใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSacrifice ที่ 18-11-2010 00:53:59
เขียนเรื่องใหม่ไว้น่ะคะ
เป็นภาคแบรตและเจสัน

ผมต้องเหนือกว่าไอ้บ้านั่น http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=19789.0

ตามไปอ่านกันดูนะคะ



คาแบลท์ไม่เกินปลายสัปดาห์นี้เจอกันแน่นอนคะ
 :กอด1:

หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย แจ้งข่าวนิยายเรื่องใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 18-11-2010 10:37:30
เห
หัวข้อ: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 7 21/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSacrifice ที่ 21-11-2010 16:07:22


“สัญญากับฉันสิคาแบลท์ ว่านายจะไม่ทำแบบนั้นกันฉัน” เนทบอกกับผมเรียบๆแต่สายตายังจ้องอยู่ตรงหน้าจอนิ่ง
“......” ผมได้แต่นั่งแข็งเป็นก้อนหินขยับปากพูดไม่ออก มันไม่ใช่เรื่องดีเลยที่เนทจะเห็นอะไรแบบนั้นเข้า ไม่ใช่เรื่องดีอีกเหมือนกันที่ผมทำเรื่องพวกนั้นไป
“ฉันไม่อยากเป็นหนึ่งในเรื่องสนุกของนาย แต่เราก็มาไกลเกินกว่าจะหยุดความสัมพันธ์กันแค่นี้....ใช่ไหม” เนทถามผมอย่างไม่แน่ใจ แต่ผมรู้สึกว่าหมอนี่มันเข้มแข็งและฉลาดจนผมอดจะพยักหน้าตามอย่างเชื่องๆไม่ได้
“สัญญากับฉันสิว่าจะไม่ทำแบบนั้นกับฉัน แล้วเล่าเรื่องทุกอย่างนี่ให้ฉันฟังได้ไหม” เนทพูดก็เหมือนคำพูดที่ต้องมนต์ เขาทำให้ผมเชื่อง...เป็นอีกครั้งที่ผมพยักหน้าและเริ่มอ้าปากพูด
“ฉันสัญญา” ผมบอกเขาแล้วยิ้มให้เขา
“ขอบคุณ” เนทดึงผมไปกอด จากนั้นก็ปล่อยผมออกแล้วพยักหน้าให้ผมเล่าเรื่องสิ่งที่เกิดขึ้น






   ตอนนั้นผมนัดเจอกับกับผู้หญิงคนหนึ่งอาทิตย์ละครั้งสองครั้ง เธอชื่อเจมี่ เธอเพิ่งย้ายมาจากเมนมาที่เซาท์บีชนี่ได้ประมาณ 5 เดือน เธออายุ 19 แถมยังเป็นนางแบบซะด้วย เธอเป็นเพื่อนของเพื่อนผม พวกเธอเจอกันตอนไปเป็นนางแบบในสังกัดเดียวกันหลังจากที่เราคบกันได้ 5 อาทิตย์พร้อมกับมีเพศสัมพันธ์นับไม่ถ้วน เธอก็คิดไปว่าเราเป็นแฟนกัน ผมรู้อยู่แก่ใจว่ามันไม่ใช่ แต่เธอก็น่าเก็บไว้กินเกินกว่าที่ผมจะบอกเธอได้ว่าเธอคิดผิด

   ตอนนั้นผมยังไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องประตูหลังและผมก็ตัดสินใจว่าผมอยากจะลอง เจมี่ดูจะเหมาะสมที่สุดในตอนนั้น เธอเป็นคนที่ทั้งสวยทั้งร้อนแรงและที่สำคัญที่สุดคือเธอไร้เดียงสาและพร้อมจะรับฟังทุกอย่างด้วย ในตอนแรกเธอออกจะลังเลเพราะไม่เข้าใจว่าทำไมผมถึงต้องทำพิสดารด้วย ผมจึงต้องใช้พลังแห่งการจูงใจเข้าจัดการ

“แต่ฉันไม่เคยนะ” เธอปฏิเสธผมในตอนแรก

“ผมก็ไม่เคยเหมือนกัน มันจะได้เป็นสิ่งพิเศษสำหรับเราไง” ผมพยายามชักจูงเธอ

“แต่...มันจะดีหรือเปล่าก็ไม่รู้” เธอยังคงลังเล

“คุณจะได้ไม่ต้องกังวลว่าจะท้องไง” ผมชี้ให้เธอเห็นข้อดี

“แต่...ฉันชอบแบบธรรมดามากกว่านะ”

“เถอะน่า ใครๆก็ทำกัน มันกำลังเป็นที่นิยมเลยล่ะ”

“ไม่รู้สิ ฉันว่ามันประหลาดออก”

“คุณรู้ไหมในยุโรปใครๆเขาก็ทำกัน ยิ่งพวกนางแบบนะ  คุณอยากไปเดินแบบในยุโรปไม่ใช่เหรอ” ผมจูงใจเธอสุดๆ


   ผมพูดกับเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่หลายอาทิตย์ จนในที่สุดเธอก็ยอม แต่เธอมีข้อแลกเปลี่ยนเป็นชุดในการยอมให้ผมทะลวงก้นเธอ

“ตกลง เราะจะลองทำกันทางประตูหลังดู แต่ฉันต้องการให้มันเป็นสิ่งพิเศษและโรแมนติก คุณต้องพาฉันไปทานร้านอาหารดีๆอย่างฟอร์จไม่ก็ทันทรา ไม่เอาร้านของพ่อคุณนะ และต้องเป็นคืนวันหยุดด้วย ไม่เอาวันจันทร์นะ ต่อไปคุณเปลี่ยนมารับฉันวันหยุดตลอดเลยนะ ฉันไม่อยากอยู่กับคุณในวันจันทร์แล้ว”

   ผมก็เลยต้องไปจองโต๊ะที่ทันทราไว้สำหรับวันศุกร์ นอกจากที่นั่นยังมีชื่อเสียงเรื่องความแพงแล้ว มันยังขึ้นชื่อเรื่องพื้นร้านที่เป็นหญ้าด้วย ร้านนี้จะปูหญ้าใหม่ทุกอาทิตย์ ที่ถูกใจผมที่สุดคือ โฆษณาที่ว่าอาหารที่ร้านนี้เป็น “ยาโป๊ว”ชั้นดีซะด้วย แจ่มจริงๆ

   ต้องขอบคุณเส้นของพ่อที่ทำให้ผมได้โต๊ะมุมในห้องพื้นหญ้า เธอประทับใจสุดๆ ผมเริ่มสั่งอาหารราวกับมันเป็น”อาหารค่ำมื้อสุดท้าย” หมดเท่าไหร่เท่ากัน ผมสั่งไวน์เมอร์ล็อตขวดละ 110 เหรียญมาสองขวด ปูหินชุดคู่รักของร้านทันทรา ผมว่ามันโคตรแพงอย่างไร้สาระแต่ตอนนั้นผมอายุแค่ 20 ยังคงโง่และหน้ามืดเพราะความอยากลองประตูหลังของเจมี่ ผมไม่รู้ตัวเลยว่าละลายเงินไป 400 เหรียญเพื่อเรื่องนี้โดยเฉพาะ

   ตอนออกจากทันทรา เจมี่มองผมด้วยดวงตาใสแป๋วขนาดที่แบมบี้(*)ยังอายเลย ผมบอกกับตัวเองว่าเธอคงไม่สามารถรักผมได้มากกว่านี้อีกแล้วเพราะตลอดทางที่ผมขับรถกลับบ้าน มือเธอป้วนเปี้ยนอยู่แถวเป้ากางเกงผมตลอดพร่ำเพ้อไม่ขาดปากว่าอยากให้ผมจัดการกับเธอแค่ไหน พอถึงบ้านเราก็ไม่รอช้า เสื้อผ้าของพวกเราหลุดออกจากตัวก่อนที่เข้าพ้นประตูบ้านเสียอีก บนเตียงเราเปิดศึกกันตามช่องทางปกติเพื่ออุ่นเครื่องก่อน

   พอถึงเวลาผมก็เตรียมความประหลาดใจเอาไว้ให้เธอ แน่นอนเธอไม่ได้รู้มาก่อนก็ผมไม่ได้บอกเธอนี่



หมายเหตุ : ก่อนที่ผมจะบอกคุณว่าสิ่งที่ผมเตรียมไว้คืออะไร ผมขอบอกคุณเอาไว้ก่อนเลยว่าผมไม่ใช่คนดีแน่ๆ ตอนที่ผมอายุ 20 นั้นผมเป็นคนเลวที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ผมไม่สนใจความรู้สึกคนอื่น หลงตัวเอง เห็นผิดเป็นชอบ สำหรับผมแล้ว คนอื่นๆเป็นแค่เส้นทางสู้ความสุขของผมเท่านั้น และผมไม่เคยให้ความเคารพนับถือในฐานะมนุษย์ด้วยกันเลย สิ่งที่ผมทำว่านั้นใช่ว่าจะถูก ปัจจุบันผมก็เสียใจกับเรื่องเหล่านั้น โดยปกติผมก็มีพฤติกรรมห่ามๆกว่าชาวบ้านอยู่แล้ว ไม่ต้องสงสัยว่าบางทีผมก็ล้ำเส้น...ครั้งนี้ก็เช่นกัน





   นี่เป็นครั้งแรกที่ผมจะได้ล่วงล้ำเข้าไปทางก้น และผมต้องการอะไรสักอย่างที่เป็นอนุสรณ์ในครั้งแรกนี้ เพื่อที่ผมจะได้จำมันได้ไปตลอดชีวิต คุณเดาออกหรือยัง....ผมถ่ายวิดีโอเก็บไว้ด้วย

   จริงๆแล้วผมเตรียมการเรื่องนี้มานานแล้วแต่ผมกลัวว่าเจมี่จะไม่ยอม ดันนั้นแทนที่ผมจะตกลงอย่างที่คนดีๆเขาทำกัน ผมจึงตัดสินใจของผมเองโดยไม่บอกเธอเลย

   ผมคิดว่าแค่นั้นผมเลวมากใช่ไหม ยังหรอก แทนที่ผมจะซ่อนกล้องไว้ตามธรรมดา ผมให้แซคมาเป็นตากล้องโดยซ่อนอยู่ในตู้เสื้อผ้าอีกต่างหาก

   ผมไม่ได้ล็อคประตูบ้านเพื่อให้แซคเข้ามาได้ เรานัดกันไว้ว่าให้เขามาราวๆเที่ยงคืน พอผมจอดรถปุ้บก็ค่อยเข้าไปแอบในตู้เพื่อเตรียมถ่าย ประตูตู้ครึ่งบนนั้นเป็นแบบบานเกล็ดแบบฝรั่งเศส จึงสามารถเอาบานเกล็ดออกเพื่อใช้เป็นช่องที่จะเล็งกล้องออกมาได้โดยไม่ต้องเปิดประตูตู้

   ตอนที่เราไปถึงที่เตียงนั้น ผมก็เมาแอ๋จนจำไม่ได้ว่ามีคนคอยถ่ายรูปอยู่ ส่วนเธอก็ต้องไม่รู้แน่นอนอยู่แล้ว หลังจากที่ทำแบบปกติไปได้พักหนึ่ง เธอก็หยุดพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงยั่วยวนเหมือนในละครแต่จริงจังว่า”ฉันพร้อมแล้ว”

   ผมรีบพลิกตัวเธอให้คว่ำทันที มือหยิบหลอดเจลหล่อลื่นยี่ห้อเอสโตรไกลด์ใหม่เอี่ยมจากข้างเตียงมาเตรียมไว้

   สารภาพเลยว่าตอนที่เธอตกลงจะให้ผมทำทางประตูหลังเมื่ออาทิตย์ที่แล้วผมยังไม่รู้เลยว่าจะทำยังไง โชคดีที่ผมมีแหล่งข้อมูลเกี่ยวกับการทำรักทางประตูหลังที่ดีที่สุดในโลกอยู่ นั่นก็คือพวกพนักงานเสิร์ฟที่เป็นเกย์ในร้านของพ่อผม ผมถามวิธีจากพวกเขา ทุกคนแนะนำเป็นเสียงเดียวกันว่าแอสโตรไกลด์เป็นสารหล่อลื่นที่ดีที่สุด ผมผิดหวังมากๆที่มารู้ความจริงจากพวกเกย์ว่าแค่ใช้น้ำลายช่วยอย่างเดียวไม่พอสำหรับประตูหลัง ไอ้พวกหนังโป๊น่ะหลอกลวงกันชัดๆ!

    คำแนะนำที่สำคัญอีกข้อหนึ่งที่เกย์คนหนึ่งบอกผมก็คือ “นายต้องทาเยอะๆนะเพราะนี่เป็นครั้งแรกของเธอ ก้นของเธอน่ะคงจะแคบมากๆ ถ้าทาน้อยเธอจะเจ็บเอา ทำช้าๆก่อนจนกว่าเธอจะคุ้น จากนั้นนายก็สนุกกับมันได้เต็มที่ล่ะ”

   ยิ่งเยอะยิ่งดีใช่ไหม? ตอนอายุแค่นั้นผมคิดได้แค่นี้แหละ

   ผมเปิดฝาหลอดืเอามันยัดใส่ก้นเธอแล้วบีบเข้าไปเกือบครึ่งหลอด ผมจำลางๆได้ว่าเกย์พวกนั้นบอกกับผมว่าไอ้แอสโตรไกลด์หลอดนึงใช้ได้ตั้ง 6 เดือน ดูเหมือนผมจะใช้เยอะไปหน่อยใช่ไหม

   แต่คนอย่างคาแบลท์ ฮูแซกมันต้องสุดๆไปเลย หลังจากที่ผมอัดใส่ก้นเธอมากพอที่จะทำให้จรวดทางเรียบของผมเข้าไปอาละวาดได้แล้ว ผมก็เอาแอสโตรไกลด์ที่เหลือมาป้ายทั้งตัวไอ้หนูและไข่จนลื่นไปหมด เพราะผมไม่อยากให้เธอรู้สึกไม่ดีกับครั้งแรก

   คุณคุดว่าผมแปลกๆไหม ทั้งๆที่ผมกำลังจะแทงก้นเธอแถมยังแอบถ่ายวิดีโอไว้ดูแต่ผมก็ดันห่วงว่าเธอจะรู้สึกไม่ดี บางครั้งความขัดแย้งในตัวเองแบบนี้ก็ทำให้ผมประหลาดใจอยู่บ่อยๆ

   ผมส่งไอ้หนูผ่านเข้าไปง่ายซะยิ่งกว่าง่าย ตอนแรกเธอดูเกร็งๆหน่อย แต่ด้วยสารหล่อลื่นจำนวนมหาศาล สักพักเธอก็เพลินไปกับมัน ความรู้สึกมันต่างไปจากปกติ แม้จะไม่ดีเท่า มันติดๆขัดๆมากกว่าแต่ก็ยังรู้สึกดีอยู่

   ก่อนที่จะทันรู้ตัวผมก็สอยเธออย่างลืมตาย ไม่กี่นาทีต่อมาผมก็เห็นสวรรค์อยู่รำไร จังหวะเริ่มถี่ขึ้นจนนับไม่ทัน ผมตื่นเต้นจนควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ จังหวะสุดท้ายผมดึงออกมากไปหน่อยจนมันหลุดออกมาจากก้นเธอ แต่ไม่ทันจะได้ทำผมก็ได้ยินเสียง”ป้าด”เบาๆพร้อมกับอะไรบางอย่างที่อุ่นๆหนืดๆมาสัมผัสกับน้องชายของผม ผมใช้เวลาเพ่งอยู่หลายวินาทีอย่างมึนงง จนเรียกสติได้นั่นแหละผมถึงได้ถามเธอออกไป

“นี่เธออึใส่น้องชายฉันเหรอ” ผมยังหวังว่ามันไม่เป็นจริง

   ปกติผมเป็นคนจมูกไวมากแถมยังไม่เคยถูกโจมตีระยะประชิดขนาดนี้มาก่อน กลิ่นสังเคราะห์ของแอสโตรไกลด์กับกลิ่นเหม็นเน่าของอึผสมปนเปกันแล้วออกฤทธิ์กับท้องไส้ที่เต็มไปด้วยอาหารทะเล เนื้อลูกวัว และไวน์ของผมทันที

   ผมพยายามทุกวิถีทางที่จะกลั้นเอาไว้ แต่ไม่สามารถต้านปฏิกิริยาตอบสนองของร่างกายที่อยู่เหนือจิตสำนึกได้ ในที่สุดมันก็ออกมาโดยที่ผมรู้ตัวด้วยซ้ำ

“โอ้กกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”

ผมอ้วกรดลงไปที่ก้นเธอ มันไหลย้อยลงไปตามร่องก้น ไหลลงไปแม้แต่ในรูก้น กระจายไปทุกที่ แก้มก้นและแผ่นหลัง..

   เธอหันกลับมาถามผม “คุณทำอะไรน่ะ ฮูแซก” พอเห็นว่าผมกำลังอ้วกรดหลังเธออยู่ เธอก็ร้องได้คำเดียวว่า “ตายแล้ว!” ก่อนที่จะตามผมมาติดๆ

“โอ้กกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”

   ยิ่งเห็นเธออ้วก ผมก็ยิ่งอ้วกมากไปอีก เธออ้วกรดเตียงผม ผมอ้วกรดก้นเธอ คุณรู้ไหมฉากต่อไปยังไงก็เลี่ยงไม่ได้

   ผมได้ยินเสียง”โครม”นำมาก่อนที่เพื่อนผมพร้อมกับกล้องในมือจะพุ่งออกมาจากตู้อย่างแรงจนบานประตูลงมากองอยู่กับพื้น

“โอ้กกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”

   ภาพเราสามคนอ้วกออกมาพร้อมกันยังติดอยู่ในหัวของผมทุกวันนี้ ผมว่าจุดสุดยอดของเรื่องนี้คือตอนที่ผมสบตากับเจมี่ ผมเห็นวินาทีที่ความรู้สึกของเธอเปลี่ยนจากการรู้ความจริงไปสู่ความประหลาดใจและความโกรธสุดขีด ระหว่างที่เธออ้วกอยู่ปากเธอก็ด่าไปด้วย

“พระเจ้าช่วย โอ้กกก ไอ้สารเลวเอ๊ย...แกแอบถ่ายวิดีโอฉันเหรอ..อ้วกกกกก..แกทำอย่างนี้ได้ยังไง..แหวะ..ฉันคิดว่าแกจะรักฉัน..อ๊อกกกก..พระเจ้า...โอ้กกก..ฉันยอมให้แกทำแบบนี้ได้ยังไงเนี่ย...อ้วกก”

   เธอพยายามจะลุกขึ้น แต่ลื่นล้มใส่กองอ้วกของผมและเธอเพราะแอสโตรไกลด์ที่หกอยู่ สภาพดูไม่จืดเพราะเปื้อนอ้วก เจลหล่อลื่น และอึจนไปถึงหัว เธอลุกขึ้นอีกแล้วล้มลงเป็นครั้งที่สอง ก่อนที่จะฉวยผ้าคลุมเตียงและกระเป๋าตังค์แล้ววิ่งออกไปจากบ้านทันที ผมวิ่งตามไปที่หน้าประตูทั้งๆที่ยังแก้ผ้า เละไปทั้งตัวด้วยเจลหล่อลื่นกับอึไม่ต่างจากเธอ


   ครั้งสุดท้ายที่ผมได้เห็นเธอก็คือตอนที่เธอวิ่งออกจากบ้านผมอย่างไม่คิดชีวิตโดยมีผ้าคลุมเตียงที่เปื้อนอึ อ้วกและเจลหล่อลื่น





หลังจากที่ผมเล่าจบเนทก็กระพริบตาปริบๆแล้วมองหน้าผมนิ่ง  เขาขยับตัวเล็กน้อย ยกมือขึ้นลูบผมอย่างไม่เป็นตัวของตัวเอง
“ผมกลับก่อนล่ะ” เขาบอกผมแค่นั้นแล้วออกจากห้องไปเลย..หลังจากวันนั้นเขากับผมก็ยิ่งห่างกันเรื่อยๆ การคบแบบทางไกลของเราก่อนหน้านี้ที่ว่าห่างกันแล้วก็ยิ่งห่างออกไปอีก จนสุดท้ายผมตัดสินใจเดินออกจากที่ชีวิตเขาอย่างเงียบๆ..


-----------------------------------------------------------------------------------------

Bambi  ตัวเอกจากการ์ตูนเรื่องแบมบี้ เป็นกวางที่มีตาสวยมาก

เรื่องใหม่คะ
ผมต้องเหนือกว่าไอ้บ้านั่น http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=19789.0


edit คำผิดแล้วคะ ขอบคุณนุ่นมากๆเน้อ
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 7 21/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 21-11-2010 16:37:16
โอย
กูว่าแล้ว!!!


เละเทะ เลอะเทอะ แหวะๆอี๋ๆ

โถ..........เนท
(คาแบลท์อย่าได้คิดเชียวว่าชั้นจะมีคำว่า "โถววว" ให้นาย ฮ่วย!!)

.................ของฝากพี่ปุ๋ยค่ะ
ตอนนั้นผมยังไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องกระตูหลัง (กระตูหลัง งุงิ)
แน่นอนเธอไม่ได้รูปมาก่อนก็ผมไม่ได้บอกเธอนี่ (ไม่ได้รู้)
จึงสามรถเอาบานเกล็ดออกเพื่อ (สามารถ)
ใช้เป็นช่องที่จะเล้งกล้องออกมา (เล็ง)
หลังจากที่ทำแบบปกติไปได้พันหนึ่ง (พัก)
ก้นของเธอน่ะคงจะคบมากๆ (คบ? ..แคบ?)
ผมเปิดฝาหลอดืเอามันยัด (หลอด...เฮ้ออออออออ คาแบลท์เอ๊ยยยยยยยย)
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 7 21/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: ლїЯдςLΣϛlθTtεR ที่ 21-11-2010 19:52:59
ดันให้คนมาอ่านเรื่องนี้ด้วย~!!!
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 7 21/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: ┗◎┗◎ ที่ 21-11-2010 21:03:11
(http://image.ohozaa.com/i/d46/wc001.jpg)

  

คงต้องเปลี่ยนชื่อเรื่องเป็น

"ปฐมบทขี้แตก"
 :jul3:
 

 (http://image.ohozaa.com/i/b2f/3ew09.jpg)
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 7 21/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: getto ที่ 21-11-2010 22:57:20
^
^
 o13 สวยย ตัวเอกเด่นมาก
เนทกะคาแบลท์ไฮสปีดมาก
อ่านตอนนี้โคตรขำ :m20:
โชคดีที่เคยเจอตอนที่น่ากลัวกว่าตอนนี้ไปแล้ว :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 7 21/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: ლїЯдςLΣϛlθTtεR ที่ 22-11-2010 21:40:00
ฮ่าๆๆๆๆ
แร๊งงงงงงง

แรงมาก
ขำน้ำตาเล็ด

ทำโปสเตอร์ได้เท่มากพี่โล่ ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 7 21/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 22-11-2010 21:50:48
กรรม โล่จุง
กร้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกส์
เข้ากะเนื้อเรื่องได้อย่างหาที่ติมิได้

ไว้ว่างๆอัญเชิญไปทำโปสเตอร์เรียกแขกหื้อนุ่นบ้างจิ :m20:


ตอนนี้พี่ดอนเดินงุ้งงิ้งอยู่ในป่าริมน้ำตกอ้ะ
นุ่นว่าส้วมหลุมน่าจะเวิร์คสุดนะโล่จุง โฮะๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

v
v
v
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 7 21/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: ┗◎┗◎ ที่ 22-11-2010 21:54:00
แบบว่านุ่นอยากได้ส้วมแบบไหนอ่ะ

ส้วมซึม ส้วมชักโครก

จะได้จัดห้ายยยยยย


ฮ่าๆๆๆ    :m20:
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 7 21/11/10
เริ่มหัวข้อโดย: ┗◎┗◎ ที่ 26-11-2010 22:35:00
ดันรอ

ปฐมบทขี้แตก -,-
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 8 28/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSacrifice ที่ 28-11-2010 21:16:11
   วันศุกร์ที่แสนธรรมดาเริ่มขึ้นอย่างเรียบง่าย เราดื่มเบียร์กันยังกับอาบเพราะวันนั้นเป็นวันเทศกาล’ห้าเหรียญเมาไม่อั้นห้าโมงถึงสองทุ่ม’


     ผมดื่มไปเรื่อยๆจนอยู่ในสภาพตื่นตัวพร้อมทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้าและสอยสาวสวยไปขึ้นสวรรค์


     หลังจากที่ผมไปอ้วกและกลับมาที่ตกก่อนจะเริ่มอาละวาดก็มีเสียงโทรศัพท์ของผมดังขึ้น ผมรับโทรศัพท์ด้วยอาการงงๆเพราะเป็นสายจากเจซเพื่อนผมคนหนึ่ง
“ทำอะไรอยู่ มาหาฉันสิ ตอนนี้ฉันอยู่ที่ร้านเฟลท แถวฮัลสเตททางเหนือของเบลมอนท์” ถ้าคุณเป็นคนชิคาโกคงพอเดาออกใช่ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป...


     ผมนั่งแท็กซี่ไปที่นั่น ไปถึงก็พบผู้ชายแต่งตัวเนี้ยบๆอยู่มากที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมา ขอบใจมากนะเจซ ที่ชวนฉันมาที่นี่ ฉันจะสอยหญิงแถวนี้ได้ยังไงวะ...ในเมื่อมีผู้ชายจูบกันเองอยู่ตามมุมร้านแบบนี้


     ผมขอบอกไว้ก่อนเลยว่าแม้ผมจะคบกับเนทเราดูดให้กันบ้างแต่ไม่เคยมีอะไรที่มันลึกซึ้งมากกว่านั้น อันที่จริงมันก็ควรจะมีอยู่ล่ะนะถ้าเนทไม่พบวิดีโอนั่นซะก่อนและการคบแบบทางไกลของเรามันยากมากซะด้วยสิที่จะมีอะไรกันรวมถึงเขายังเป็นน้องชายที่อยู่ในสายตาของพี่ชายที่มีชื่อว่าแบรต แมคเทอร์เนอร์  ยังไงก็ตามผมยังรู้สึกได้ว่าผมยังเป็นผู้ชายธรรมดาและใช่ผมคิดว่าผมคงไม่หลงรักผู้ชายด้วยกันอีกแล้วเป็นครั้งที่สอง บทเรียนครั้งแรกสำหรับผมมันมากพอแล้ว!


     เจซมาต้อนรับด้วยการกอดและจูบอย่างเอาจริงเอาจัง แต่ไม่มีประโยชน์สำหรับผมเท่าไหร่หรอกคุณ เสร็จแล้วเธอก็พาผมไปแนะนำกัเพื่อนๆของเธอ
 “มานี่สิฮูแซก มารู้จักเพื่อนๆชาวเกย์ของฉัน มีคนนึงหน้าเหมือนคริสเตียน สเลเตอร์เลยล่ะ”


         ผมถูกลากไปหาคริสเตียน สเลเตอร์ปลอมคนนั้นกับพวกเกย์ของเขา ตอนนั้นผมไม่ได้สังเกตอะไรหรอกนอกจากขวดเบียร์ในมือกับหน้าอกคัพบีของสาวอีกคนที่นั่งอยู่กับกลุ่มเพื่อนเกย์ของเธอใกล้ๆโต๊ะเรา แต่แล้วเมื่อผมสังเกตเธอทุกระเบียบก็พบว่าดูเหมือนจะมีเจซคนเดียวที่เป็นผู้หญิงแท้ๆในร้าน


“นี่เพื่อนฉันคาแบลท์ ฮูแซก ชายทั้งแท่ง พวกคุณว่าเขาหล่อไหม” พวกเขาทั้งกลุ่มเห็นตรงกันว่าผมหล่อดี แต่นั่นทำให้ผมรู้สึกแปลกๆมากกว่าซึ่งต้องแก้ไขโดยด่วนด้วยแอลกอฮอล์ ผมบอกบาร์เทนเดอร์ว่าขออะไรแรงๆหน่อย แต่สิ่งที่ผมได้รับกลับเป็นชาเย็นราสเบอร์รี่ลองก์ไอส์แลนด์ ผมพยายามข่มใจจ่ายเงิน 10 เหรียญให้หมอนั่นโดยไม่เอาชาสาดหน้ามันซะก่อน ผมตัดสินใจแน่วแน่ว่าคืนนี้ต้องฟันใครซักคนให้ได้ ไม่ว่าวิธีไหนก็ตาม


     ผมเคยไปมาทั่วเซาท์บีซ เคยเข้าร้านทวิสต์แอนด์สเวิล เคยออกไปเที่ยวกับพวกเกย์ ผมเลยไม่กระอักกระอ่วนใจกับพวกนี้นัก แต่ในครั้งนี้ผมได้รับประสบการณ์ที่ต่างออกไป ในย่านเซาท์บีชร้านที่ดีที่สุดจะเป็นสโมสรเกย์แต่เราสามารถแยกแยะได้ว่าคนไหนเป็นหรือไม่เป็น พวกเกย์จะแต่งตัวหรูหรา เสื้อผ้าเป็นประกายระยิบระยับ รักสนุก ตัวผอมๆและดื่มเครื่องดื่มสีสันสดใส ส่วนชายแท้ก็ใส่เสื้อพอดีตัว และอยู่รวมกันเป็นกลุ่มเพื่อรอโอกาสสอยสาวสวยที่ตั้งใจมา’เต้นอย่างเดียว’ แต่ในชิคาโก เกย์จะดูเหมือนผู้ชายทุกอย่าง เว้นแต่มีเครื่องประดับมากกว่าเล็กน้อย


     โต๊ะผมตอนนี้มีผู้หญิงหนึ่งคนกับเกย์อีกสามคน และดูจะมีผู้ชายผอมๆหน้าตาน่ารักกำลังเดินมาที่โต๊ะเราอีกคนหนึ่ง เขายิ้มจนเห็นลักยิ้มที่บุ๋มลงไปข้างแก้มและโบกมือมาให้แกสและคนในโต๊ะทุกคนรวมถึงผมด้วย


“เฮ้ แกส” ทุกคนทักเป็นเสียงเดียวกัน

“เฮ้” เขาตอบกลับ

“ดูสิ วันนี้ฉันพาเพื่อนฉันมาด้วย นี่คาแบลท์ผู้ชายธรรมดาที่นายต้องรู้จัก และคาแบลท์นี่คือแกสผู้ชายไม่ธรรมดาที่นายต้องรู้จัก” เจซแนะนำเราสองคน เราทักทายกันเล็กน้อย ดูเหมือนเขาพยายามจะพูดอะไรบางอย่างกับผมแต่หัวข้อสนทนาของเพื่อนร่วมโต๊ะทำให้เขาปิดปากเงียบแล้วหันไปสนใจบทสนทนานั่นแทน

“ผมถามจริงๆนะสิ่งที่เยี่ยมที่สุดในการ เอ่อ..แบบว่า ‘ดูด’ เอิ่ม..คุณเข้าใจใช่ไหม แบบที่ผู้ชายกับผู้ชายทำให้กันน่ะมันดีกว่ายังไงเหรอ” แกสเริ่มด้วยคำถามพื้นๆ ซึ่งนั่นทำให้ผมค่อนข้างมั่นใจว่าเขาไม่ใช่เกย์แบบสามคนที่ร่วมโต๊ะกับเราอยู่ตอนนี้ หรือไม่เขาก็คงเป็นเกย์แต่ยังไม่มีประการณ์มากหรือไม่มีเลย


     พวกเขาผลัดกันอธิบายว่าการดูดกันเองก็คือการทำทุกอย่างที่คุณเคยนึกอยากทำกับน้องชายตัวเอง”คุณก็แค่ทำเหมือนกับว่ามันเป็นของคุณน่ะ” หนึ่งในสามนั้นอธิบาย พวกเขายังบอกอีกว่าการให้ผู้ชายด้วยกันดูดให้นั้นดีกว่าผู้หญิงทำเสียอีก”เรารู้ดีว่าเราต้องการอะไร ในขณะที่ผู้หญิงพวกนั้นไม่รู้เพราะพวกเธอไม่เคยมีน้องชายเหมือนเราไงล่ะ” พวกเขาอธิบาย ผมเห็นด้วยกับพวกเขานะแต่ผมไม่ได้พูดออกไปหรอก ถึงแม้เนทจะเป็นผู้ชายคนเดียวที่เคยทำให้ผม แต่แค่คนเดียวก็พิสูจน์ได้แล้วล่ะว่าผู้ชายด้วยกันน่ะชนะขาดด้านการดูด


     อีกอย่างที่การันตีได้ว่าสิ่งที่พวกเขาคิดและที่ผมคิดอยู่ในใจนั้นไม่ผิดพลาดเพราะว่าเกย์สองในสามคนนั้นเคยนอนกับผู้หญิงมากกว่าหนึ่ง คนที่เหมือนคริสเตียน สเลเตอร์ล่อเข้าไปเป็นสิบ ส่วนคนที่ชื่ออดัมเคยนอนกับผู้หญิงประมาณ 8 คน พวกเขาได้ทดลองเปรียบเทียบมามากทีเดียวเลยล่ะ


     เราย้ายจากร้านเฟลทไปร้านแมนโฮล คุณคงเคยได้ยินชื่อมาบ้างใช่ไหม...ในกรณีของคนที่ยังไม่รู้จัก ผมขออธิบายนิดนึงแล้วกันว่ามันเป็นผับเกย์ที่มีชื่อเสียงที่สุดร้านนึงเลยทีเดียว และก็อย่างที่ชื่อมันบอกนั่นแหละ ที่ร้านมี”กิจเกย์”ต่างๆให้ทำมากมาย


     ระหว่างเราไปที่นั่น แกสดูจะเป็นห่วงผม เขาถามผมว่า


“คาแบลท์ คุณแน่ใจเหรอว่าจะไปที่นั่น ฉันว่ามันออกจะ..เอ่อ..ล่อแหลมไปหน่อยนะ”


     ผมไม่สามารถทิ้งโอกาสที่จะเจอเรื่องสนุกๆไปเพราะอาจจะมีน้องชายของชาวบ้านมาแกว่งไปแกว่งมาอยู่ตรงหน้าหรอก แต่ผมไม่อยากพลาดงานนี้

“ไม่ต้องห่วงเลยเพื่อน ฉันเคยเติบโตในเซาท์บีช แถมยังไปเมืองไทยมาแล้ว  คงไม่มีอะไรทำให้ฉันประหลาดใจได้อีกแล้วล่ะ หรือนายเองที่ไม่อยากไปที่นั่น” ผมบอกเขาไปอย่างนั้นแหละ..จริงๆผมไม่เคยไปเมืองไทยหรอกืแต่ผมไม่อยากพลาดงานนี้


     นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมไปที่นั่น พอพ้นประตูเข้าไป เราก็พบว่าตัวเองยืนอยู่ในห้องขนาดใหญ่ ตรงสุดห้องมีอุโมงค์ที่ทะลุต่อไปยังอีกห้องหนึ่ง ห้องด้านหน้านี้มีขนาดใหญ่มาก มีเคาน์เตอร์เครื่องดื่มรูปดาวตั้งอยู่ตรงกลาง ส่วนบนผนังมีโทรทัศน์หลายเครื่องถูกแขวนเอาไว้ลักษณะคล้ายๆร้านที่เขาใจแฟนกีฬา แต่กลับเป็นวิดีโอปลุกใจเสือป่าแบบเกย์ๆนำแสดงโดยเกย์ล่ำบึ้กหุ่นนักกีฬา ฝาผนังทาสีน้ำตาลทึมๆ ที่ผมชอบที่สุดคือผู้ชายในร้านนั้นไม่ใส่เสื้อ ยกเว้นผมและแกส สำหรับผมมันจะเป็นอย่างนี้ตลอดไปแน่นอน...


     ผมกับเจซไปเข้าห้องน้ำด้วยกัน ตอนที่เข้าไปต่อคิวเกย์ทุกคนที่อยู่ในแถวยอมให้เธอแซงเข้าไปก่อน พอเธอถามพวกเขาว่าทำไมให้เธอเข้าก่อน คำตอบที่ได้คือ”เพราะเธอต้องการใช้ห้องน้ำจริงๆน่ะสิ”พร้อมกันนั้นภาพที่ยืนยันคำตอบได้มากขึ้นก็ปรากฏต่อหน้าเรา เกย์สามคนออกมาจากห้องน้ำห้องเดียวกัน แต่ก่อนที่จะออกไป คนสุดท้ายที่ออกมาก็บอกกับเพื่อนว่า “เฮ้ยรอเดี๋ยว ฉันปวดฉี่”แล้วก็กลับเข้าไปในห้องน้ำอีกครั้ง


     เจซกับผมตัดสินใจเข้าห้องน้ำด้วยกัน ผมให้เธอเป็นคนปิดประตูเพราะขยะแขยง ผนังห้องน้ำที่เคยเป็นสีส้มตอนนี้กลายเป็นสีน้ำตาลกระดำกระด่างเพราะคราบน้ำอะไรบางอย่างที่กระฉูดใส่ ผมเห็นมีบางรอยเปื้อนผนังส่วนที่สูงจากพื้นขึ้นไปประมาณสามเมตร ไอ้คนที่เข้ามาล่อกันในนี้มันปีเตอร์ นอร์ทรึไรหว่า ผมรีบจัดการฉี่ใส่อ่างล้างหน้าโดยไม่แตะต้องอะไรในนั้นทั้งสิ้น

 
     ช่วงสองสามนาทีต่อมามีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างหลายอย่าง เริ่มจากผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาถามผมว่าชอบอเมริกันฟุตบอลหรือปล่าว แล้วเล่าให้ฟังถือทีมโปรดของเขาก็คือกรีนเบย์แพคเกอร์ส กันเทนเนสซี่ไททันส์ ทีมหลังนี่เขาชอบมากกว่าสมัยที่มันยังเป็นฮูสออยเลอร์อยู่


     ผมเข้าไปคุยกับผู้หญิงคนเดียวในร้าน(นอกจากเจซ) แล้วถามเธอว่าขอสัมผัสหน้าอกเธอหน่อยได้ไหม เธอตกลงง่ายๆ ผมเลยลองตบดูเบาๆของเธอดีจริงๆ...เธอยอมให้ผมทำแถมยังชอบด้วยก็เพราะคิดว่าผมเป็นเกย์ที่ไม่มีพิษมีภัยกับเธอ ส่วนผมชอบให้เธออยู่แล้ว เพราะผมไม่ได้เป็นเกย์และชอบของดีๆแบบนี้เสมอ แบบนี้เขาเรียกสถานการณ์แบบ ชนะ-ชนะ ใช่ไหมคุณ


     จากนั้นผมกับเจซก็ไปหาที่นั่งตรงหน้าซุ้มเครื่องดื่ม เพื่อนเกย์ของเธอก็เข้ามาร่วมวงทันที ส่วนใหญ่เจซคุยกับอดัมแล้วก็ครีสเตียน สเลเตอร์ส่วนคนที่เหลือคือลอยด์ ไมค์และแกสคุยกับผม สามคนที่นั่นอยู่ทางขวามือของผม ทุกคนถอดเสื้อออกหมดแล้วพวกเขาถามผมและแกสว่าหนังโป๊เกย์ที่ฉายอยู่นั้นทำให้ผมอึดอัดใจบ้างหรือเปล่า

“ไม่เลย หนังโป๊ยังไงก็เป้นหนังโป๊วันยังค่ำ ฉันดูมาทั้งชีวิตจนเฉยๆแล้ว แถมไอ้ที่ฉายอยู่นี่ก็ซุมซะใกล้จนแทบดูไม่รู้ว่าเป็นก้นผู้ชายผู้หญิงกันแน่” ผมตอบ

“ผมคงโกหกถ้าผมตอบว่าไม่ แต่ผมนั่งที่นี่ได้นะ พวกคุณคุยสนุกดี” แกสบอกพวกเขาแบบเรียบๆแล้วหันมายิ้มหวานให้ผม ผมว่าหมอนี่ชอบผมแหงๆ

     พอพวกเขารู้ว่าผมไม่รังเกียจที่จะคุยเรื่องเกย์ๆและสามารถอยู่ท่ามกลางเกย์ได้โดยไม่ขัดเขินนัก ก็เหมือนทำนบที่กั้นอะไรบางอย่างไว้ได้พังทลายลงมา

     หัวข้อแรกที่แรกที่เขาเอามาคุยกันผมไม่เคยรู้มาก่อนเลย แต่ผมสนใจมันอย่างมากในแง่สุขอนามัยและสังคมศาสตร์ของเรื่องนี้ “เกย์ตัดสินกันอย่างไรว่าใครจะเป็นคนฟันใคร? โยนหัวก้อย เป่ายิ้งฉุบ หรือมีวิธีอื่นอีก”

     คำอธิบายของเรื่องนี้คือคือประเภทรุกและรับ เกย์ส่วนใหญ่มีความชอบส่วนตัวว่าจะเป็นฝ่ายรุกหรือรับ แต่จริงๆแล้วสามารถทำได้ทั้งสองแบบ แต่ก็มีเกย์อีกจำนวนหนึ่งที่สามารถเป็นได้แค่อย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้นหรือชอบทั้งสองอย่างเท่าๆกัน ดังนั้นหากบังเอิญเกย์ที่เป็นแบบเดียวกันหิ้วกันไปการแทงข้างหลังก็จะไม่เกิดขึ้น(ยกเว้นกรณีของผมและเนท เราคบกันเหมือนเพื่อนผู้ชายสองคนที่อยู่ห่างไกลกันมากกว่า) แต่พวกเขาก็ยังมีทางเลือกที่จะสร้างความสุขให้กันด้วยปากเหลืออยู่

     จากนั้นภาพบนโทรทัศน์ก็เปลี่ยนไปเป็นฉากที่เกย์คนหนึ่งกำลังกลืนน้ำของเกย์คู่ขา เราก็เลยเริ่มคุยเรื่องนี้กันอย่างเจาะลึก


     ผมยอมรับกับพวกเขาว่าไม่เคยกลืนกินน้ำอะไรที่ออกจากตัวสาวๆ(และหนุ่มๆแต่คุณก็น่าจะรู้ว่าผมไม่มีทางหลุดเรื่องเคยดูดให้หนุ่มหรอก)แต่ชอบให้สาวๆกินของผม ยิ่งถ้าเธอดูดเสร็จแล้วกลืนลงไปหมดเลยจะเป็นอะไรที่ยอดมาก บรรดาเกย์ก็เลยเล่าให้ผมฟังถึงความลับของการกินน้ำอย่างว่าและวิธีการเพิ่มความสยิวให้กับกิจกรรมนี้ พวกเขาถามเจาะลึกผมจนไปถึงคำถามที่ว่าผมทำตัวเองให้สะอาดก่อนที่จะให้สาวๆดูดให้หรือไม่ แน่นอนผมทำอยู่แล้วล่ะ...ยังไงซะผมก็มีความสุภาพอยู่บ้าง แกสชมผมว่า “ฝึกมาดีนี่คาแบลท์”


     แล้วสถานการณ์ก็เปลี่ยนไป ดูเหมือนอดัมพยายามจะทดสอบขีดความอดทนของผม เพราะเขาพยายามจะทำลายกำแพงอันแข็งแกร่งที่ขวางการฟันระหว่างเกย์กับผู้ชายธรรมดาลงให้ได้

“คุณเคยให้ผู้ชายดูดให้มาก่อนไหม” อดัมถามหยั่งเชิง

“ไม่เคยหรอก ผมไม่ใช่เกย์นี่” ผมตอบ

“แต่ว่าถ้าคุณไม่มอง คุณก็ไม่มีทางรู้เลยนะว่าคนทำเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย” เขาพยายามหว่างล้อม

“สำหรับนายฉันไม่รู้หรอกนะ แต่ปกติแล้วฉันมองเสมอ” แน่นอนสำหรับผมในตอนนั้นเนทหน้าตาหน้ารักตอนที่เขาก้มลงไปดูดให้เมื่อผมก้มมองลงมามันเหมือนสาวน้อยผมสั้นที่กำลังดูดให้ผมอยู่

“แล้วถ้าสมมติว่าตอนแรกแฟนคุณเป็นคนมาเริ่มให้แล้วเปลี่ยนให้ผู้ชายมาทำต่อล่ะ คุณต้องไม่รู้แหงๆ” เขายังไม่ยอมเปลี่ยนเรื่อง

“อ่า...ฉันอาจจะไม่รู้...ใช่...แต่ผู้หญิงคนไหนจะยอมให้เป็นอย่างนั้นล่ะ แล้วอีกอย่างฉันไม่ใช่เกย์ด้วย” ผมย้ำอีกครั้ง
 
“ไม่เอาน่า คุณก็รู้ว่าเกยืทำได้ดีกว่า คุณรู้ไหมพวกเรานี่แหละที่สอนนางเอกหนังโป๊ว่าต้องทำยังไง” เขาพยายามหว่านล้อมต่อ

“ฉันเชื่อ...แต่เรื่องนั้นมันไม่เกี่ยว ยังไงฉันก็ไม่ได้เป็นเกย์อยู่ดีฉันไม่ชอบตอคนอื่นหรอกนะ เฉพาะของตัวเองก็มีพออยู่แล้ว” ผมโกหกเสียงแข็ง แล้วผมก็บังเอิญเหลือบไปเห็นว่าแกสนั่งหน้าเสียอยู่ นั่นยิ่งชัดเจนว่าเขาชอบผมแน่ๆ

“แต่ผมชอบของคุณนี่” อดัมพูดตรงๆ

“น่าปลื้มใจตายล่ะ” ผมประชด ผมไม่มีรสนิยมให้เกย์หุ่นล่ำๆซะด้วยสิ


     หลังจากนั้นบรรดาเกย์ก็เล่นหมาหยอกไก่กับผมตลอด พวกเขาพยายามทดสอบรสนิยมทางเพศของผมด้วยคำถามทำนองเดียวกันนั่นแหละ ผมก็สนุกที่จะคุยกับพวกเขาในเรื่องแบบนี้ แต่เมื่อใดก็ตามที่พวกเขามีท่าทีว่าจะชวนผมไปลองของผมก็จะรีบป้องกันตัวทันที การสนทนาของเราเป็นไปอย่างแปลกประหลาดเพราะมีเกย์หล่อเลิศถึง 3 คนพยายามจะจีบผมโดยเฉพาะอย่างยิ่งอดัม ดูจะออกนอนหน้ามากกว่าเพื่อน คุณรู้ไหมเกย์พวกนี้หน้าตาดีพอจะสอยหญิงเท่าไหร่ก็ได้ถ้าเขาจะเอา (อ้อ ยกเว้นแกสที่ดูจะสงวนท่าทีไว้ แต่ไม่ว่ายังไงก็รู้แล้วล่ะว่าเขาก็จ้องผมอยู่เหมือนกัน)


     เพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งเคยบอกกับผมว่าผมเป็นคนหล่อนะ ไม่ว่าจะลุคภายนอกหรือภายในของผมก็บอกได้ว่าเป็นแบดบอยแบบที่ไม่ได้พยายามจะเป็น แต่นัยน์ตาผมกลับดูอบอุ่นอย่างประหลาด มันออกจะดูน้ำเน่าอยู่ซักหน่อยแต่มันเป็นแบบนั้นจริงๆนะคุณ ผมเป็นพวกสายตาชวนฝัน(แม้ว่าตอนนั้นผมไม่ได้คิดอะไรทำนองนั้นเลยก็ตามแต่ตาผมมันเยิ้มแล้วก็ดูจริงใจ) นั่นทำให้คนรอบข้างคิดว่าพอมีหวังกับผม และอีกอย่างคือต่อให้ผมดูแบดบอยแต่บรรยากาศรอบๆตัวของผมมันแสดงออกว่าเข้าถึงได้ง่าย...ช่างเป็นคำแนะนำที่น่ารักจริงๆ


     การถูกผู้ชายจีบอย่างโจ่งแจ้งนี่มันให้ความรู้สึกยากจะบรรยายจริงๆ...ตอนนี้ผมรู้ซึ้งแล้วว่าสาวสวยๆเขารู้สึกยังไงเวลามีผู้ชายหลายๆคนมารุมจีบ ใจหนึ่งคุณจะรู้สึกภูมิใจในตัวเองสุดๆเพราะคุณกลายเป็นจุดสนใจและเป็นที่ต้องการ แต่อีกใจคงรู้สึกรำคาญกับความเสแสร้ง เพราะคุณรู้ดีว่าสิ่งเดียวที่พวกนั้นต้องการก็คือเซ็กส์ จริงๆแล้วพวกนั้นสนใจสิ่งที่คุณมีไม่ใช่สิ่งที่คุณเป็นเสียหน่อย

     พระเจ้า! นี่มันชักจะดูมีสาระเกินไปแล้ว


     ช่วงหนึ่งที่การพูดคุยการพูดคุยกันในวงของเราหยุดลง เกย์ที่อยู่แถวๆนั้นก็เข้ามาแจมด้วย พวกนั้นรู้ว่าผมเป็นผู้ชายธรรมดาจึงพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้ผมลองมีอะไรกับพวกเขาให้ได้

“พนันได้เลยว่าคุณไม่เคยนอนกับผู้ชาย” เกย์คนหนึ่งว่า

“ใช่...ถึงแม้ฉันจะเมาระดับคาแบลท์ ฮูแซกแต่ความเมาระดับนั้นก็ยังไม่ทำให้เปลี่ยนเพศได้หรอกนะ” ผมตอบกลับไป

“งั้นคุณเคยนอนกับผู้หญิงมาสักเท่าไหร่ล่ะ” หมอนั่นถามต่อ

“ไม่รู้สิ เกือบร้อยมั้ง” ผมพูดอย่างภูมิใจ

“ถ้างั้นผมว่าคุณต้องเคยล่อผู้ชายเข้าไปบ้างแล้วล่ะ” หมอนั่นสรุปเอาเองดื้อๆ

“มันจะเป็นไปได้ยังไง” ผมงงๆตามเขาไม่ทัน

“กระ เทย แปลง เพศ” เขารุกฆาต ผมใช้เวลาสองสามวินาทีในการใช้สมองที่ตื้อด้วยฤทธิ์สุราของผมทำความเข้าใจกับความหมายและความสำคัญของคำนั้น

“พูดบ้าอะไรวะ! ไปให้ไกลๆส้นเลย ฉันไม่เคยล่อไอ้พวกนั้นหรอกโว้ย!!!” ผมเริ่มเสียขวัญ

“คุณไม่มีทางรู้หรอกว่าใช่หรือไม่ใช่” หมอนั่นเดินเกมส์ต่อ

“จะดูถูกฉันไปแล้ว ฉันจะแยกผู้หญิงผู้ชายไม่ออกได้ยังไงวะ”

เขาไม่สนใจผม แล้วยิงคำถามต่อไปทันที “คุณเคยนอนกับผู้หญิงที่เธอบอกว่า เธอไม่มีสารหล่อลื่นตามธรรมชาติไหม พวกที่ต้องใช้เจลหล่อลื่นน่ะ”

ไม่นะ....ไม่จริง!

“ก็..จะว่ามีก็มีอะนะ..เท่าที่จำได้ก็สองล่ะ” ผมยอมรับอย่างหวาดๆ

“อาฮะ” หมอนั่นทำท่าเหมือนผู้ชนะ

“ไม่มีทาง! คนนึงชื่อสเตซี่ เราเรียนมหาลัยเดียวกัน แม่นั่นเป็นผู้หญิงแน่ๆ ทุกสิ่งทุกอย่างของเธอเป็นผู้หญิง ตอนที่เรามีอะไรกันเธออายุแค่ 17 กฎหมายไม่อนุญาติให้ผ่าตัดแปลงเพศได้ตอนอายุแค่นั้นแน่ๆ” ผมรีบปฏิเสธความเป็นไปได้ทันที

“เป็นไปได้ๆ ว่าแต่อีกคนล่ะ” เขากระตุ้นให้ผมเล่าต่อ

“นักเต้นระบำโป๊” ผมพยายามตอบเท่าที่จำเป็น

“ศัลยกรรมหน้าอกมาด้วยใช่ไหม” เขาเดาถูกเสียด้วย

“ใช่”

มันต้องไม่จริงใช่ไหม!!..ไอ้หมอนี่มันแกล้งผม

“ไม่มีทางหรอกเพื่อน เธอไม่มีทางเป็นผู้ชายเด็ดขาด เพราะเธอไม่มีลูกกระเดือก” ผมพยายามหาข้อโต้แย้ง

“ผ่าตัดแค่สองชั่วโมง ค่าผ่าก็ถูก ง่ายจะตาย” เขาเหมือนเตรียมคำตอบไว้แล้ว

“แต่เธอมีน้องหนู ฉันล่อมาแล้ว ยังไงนั่นมันก็น้องสาวเธอชัดๆ” ผมเริ่มลนลาน

“ทุกวันนี้ศัลยกรรมทำได้อย่างมหัศจรรย์ มันเนรมิตแม่นั่นได้แม้กระทั่งคริสตอริสด้วยซ้ำ” เขาอธิบายอย่างใจเย็น
อะไรนะ...เป็นไปได้ยังไง

“แต่เธอนุ่มมากเลยนะ ฉันหมายถึงตัวแม่นั่นน่ะ นุ่มเหมือนผู้หญิง” ผมยังดิ้นรนหาข้อโต้แย้ง

“คุณฉลาดมากนะ แต่ยังไม่พอ คุณรู้หรือเปล่าว่าฮอร์โมนเอสโตรเจนจำนวนมากๆมีผลยังไงกับร่างกายผู้ชาย” เขาหาข้อต็แย้งได้ตามเคย

“ละ...แล้วเสียงล่ะ เธอไม่ได้เสียงห้าวเหมือนพวกกระเทยสักหน่อย” ผมเริ่มลนลาน

“นั่นก็เพราะเอสโตรเจนอีกเหมือนกัน หรืออาจจะผ่าตัดกล่องเสียง เป็นไปได้นะเพราะเธอเป็นดาวโป๊ไม่ใช่เหรอ...รวยนะนั่น..อาจจะมีเสี่ยเลี้ยงด้วย” เขาหักล้างผมอย่างใจเย็น


      ตอนนั้นผมยืนแข็งทื่อเป็นหิน พยายามรื้อฟื้นความจำทุกอย่างเกี่ยวกับแม่นั่นเพื่อหาเหตุผลมาหักล้าง

“เดี๋ยวๆๆ..” ผมเริ่มนึกอะไรไม่ออก

“ดูดได้เจ๋งไปเลยใช่ไหมล่ะ แม่คนนั้นน่ะ” เขารุกฆาตเป็นครั้งที่สอง

“แม่นั่นเป็นนักระบำโป๊นะ การดูดคือชีวิตของเธอด้วยซ้ำ” ผมรวบรวมกำลังปฏิเสธสิ่งที่เขาพยายามยัดเยียดให้

 มันต้องไม่จริง....มันต้องไม่จริง!!!

“เธอตัวสูงด้วยใช่ไหมล่ะ เผลอๆอาจจะสูงเกือบเท่าๆคุณด้วยซ้ำ” เขาพูดอีกก็ถูกอีก

“ฉันควงผู้หญิงสูงๆเยอะแยะไป” ผมปฏิเสธอย่างสิ้นหวัง

“แต่คงไม่มีใครที่สูงด้วยแล้วก็มือกับหูใหญ่ด้วยหรอก” เขายังมีข้อมูลเหลืออีกเพียบ

“คุณล่อตูดหล่อนด้วยใช่ไหม” เขาถามต่อ

“ใช่” ผมตอบได้แค่นั้น

“กับผู้หญิงคนอื่นคุณก็เคยใช่ไหม”

“ใช่” ผมใกล้จะจนมุมเข้าไปทุกที

“ต่างกันใช่ไหม ตูดแม่นั่นกับตูดผู้หญิงคนอื่น”

พระเจ้าช่วย...เขาพูดอะไรก็ถูกไปหมดเลย ผมจำเรื่องนี้ได้ชัดเจนเลยทีเดียว

“บ้าแล้ว...ไม่มีทาง! ฉันไม่มีทางล่อตูดผู้ชาย” ผมเริ่มคลุ้มคลั่ง

“แต่ผมว่าคุณทำไปแล้วล่ะ” หมอนั่นยังใจเย็น

“หุบปาก!แล้วเงียบไปเลย ฉันไม่อยากฟังแล้ว” ผมยอมรับความจริงไม่ได้

“ไม่ต้องตกใจไปน่า นายไม่ใช่ผู้ชายคนเดียวในโลกที่เป็นแบบนี้ซักหน่อย” เขาเหมือนจะปลอบ

“โธ่เอ้ย! ไม่จริง! นี่ฉันฝันไป ฉันไม่เคยรับรู้เรื่องนี้! พระเจ้าช่วย! ฉัน ไม่ ได้ ล่อ กะ เทย” ผมสติแตกโดยสมบูรณ์


      เกย์คนนั้นยังบอกข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่า พวกกะเทยแปลงเพศจะขอเข้าห้องน้ำก่อนเปิดศึกเพื่อแอบทาเจลหล่อลื่น บางทีพวกนี้ไม่ต้องผ่าตัดทำหน้าอกเลยด้วยซ้ำ เพราะลำพังเอสโตรเจนก็ทำให้พวกเขามีหน้าอกคัพบีได้แล้ว แต่แม่นั่นคงเสริมเพิ่มเข้าไปอีก หลังจากคุยกับเกย์คนนั้นเสร็จหัวผมเหมือนจะระเบิด จับต้นชนปลายอะไรไม่ถูก

“แกส มากับฉัน!” ผมเผลอตวาดใส่เขา เขารีบลุกขึ้นจากเก้าอี้รวบโค้ทและกระเป๋าไว้ในมือ

‘เอาวะ ไหนๆฉันก็ล่อตูดกะเทยมาแล้ว วันนี้ฉันจะล่อแม่งอีกซักครั้ง อีกอย่างวันนี้ฉันก็ตั้งใจไว้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่ายังไงซะวันนี้ต้องได้ฟันใครซักคน!’



---------------------------------

 :pig4:


หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 8 28/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: ლїЯдςLΣϛlθTtεR ที่ 28-11-2010 22:07:37
คาแบลท์
เสียชาย





ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ตอนนี้ขำจริง!!! o13
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 8 28/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: getto ที่ 29-11-2010 22:03:38
 :laugh:ตอนนี้แอบมีสาระนะเนี่ย
ขำคาแบลท์แย้งสุดชีวิต ท่าทางจะไม่รอด
อ่านตอนนี้แล้วชักไม่แน่ใจประสบการณ์หรือความรู้เพิ่มเติมอะ :laugh:
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 8 28/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: ┗◎┗◎ ที่ 29-11-2010 22:07:10
จองที่ เดวมาอ่าน
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 8 28/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: CanonDNattari ที่ 30-11-2010 12:57:35
“เกย์ตัดสินกันอย่างไรว่าใครจะเป็นคนฟันใคร? โยนหัวก้อย เป่ายิ้งฉุบ หรือมีวิธีอื่นอีก”  <<วาระแห่งชาตินะนั้น  :laugh:
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 8 28/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 30-11-2010 13:35:12
กร้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกส์

โอย สงสารแกสอ้ะ
แกสจะโอเคมั้ยนิ โอ๋แกสล่วงหน้า (กลัวเมื่อถึงเวลาคาแบลท์จะอ้วกไม่ก็อึสใส่ *o*)

...................ของฝากค่ะ
เขายิ้มจนเห็นลักยิ้มที่บุ๋มลงไปข้างแก้มและโบกมือมาให้แกสและคนในโต๊ะทุกคนรวมถึงผมด้วย (แกสตรงนี้น่าจะเป็นเจซป้ะคะ? เพราะแกสกำลังเดินมานิ)
หรือไม่เขาก็คงเป็นเกย์แต่ยังไม่มีประการณ์มากหรือไม่มีเลย (ประสบการณ์)
จริงๆผมไม่เคยไปเมืองไทยหรอกืแต่ผมไม่อยาก (มีสระอือเกินมาค่ะ)
ลักษณะคล้ายๆร้านที่เขาใจแฟนกีฬา (เอาใจ)
แล้วเล่าให้ฟังถือทีมโปรดของเขาก็คือกรีนเบย์แพคเกอร์ส กันเทนเนสซี่ไททันส์ (ถึงทีมโปรด.......กับเทนเนสซี่ไททันส์)
หนังโป๊ยังไงก็เป้นหนังโป๊วันยังค่ำ ฉันดูมาทั้งชีวิตจนเฉยๆแล้ว แถมไอ้ที่ฉายอยู่นี่ก็ซุมซะใกล้ (เป็น........ซูม)
“แต่ว่าถ้าคุณไม่มอง คุณก็ไม่มีทางรู้เลยนะว่าคนทำเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย” เขาพยายามหว่างล้อม (หว่านล้อม)
“ไม่เอาน่า คุณก็รู้ว่าเกยืทำได้ดีกว่า (เกย์)
ช่วงหนึ่งที่การพูดคุยการพูดคุยกันในวงของเราหยุดลง (การพูดคุยมีสองรอบค่ะ)
กฎหมายไม่อนุญาตให้ผ่าตัดแปลงเพศ (อนุญาต)
มันเนรมิตแม่นั่นได้แม้กระทั่งคริสตอริสด้วยซ้ำ (คลิตอริส แบบนี้จะตรงกว่านะคะ)
เขาหาข้อต็แย้งได้ตามเคย (โต้แย้ง)

ปล.ช่วงบนๆคำว่า "กะเทย" มีเขียนผิดเป็นกระเทยนะคะ แต่ด้านล่างๆนี่ถูกแล้ว ^o^
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 8 28/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: ┗◎┗◎ ที่ 01-12-2010 22:32:52
ค้างมากกกกกกกกกกกกกกกกกก

ไม่ยอมๆๆ แล้วยังไงต่อ

เรียกแกสผู้แสนซื่อไปไหน

ตอนนี้ฮาสุดๆ แจ่มอ่ะ  o13
คาแบลท์กรีดร้อง ไม่จริง ไม่จริงงงงงงงงง  :m20:


ปล. ก็แอบไม่รู้อยู่ดีว่า ทำไมเนทเลิกกับแกส  :really2:
     หรือลืมเองหว่า
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 8 28/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: ლїЯдςLΣϛlθTtεR ที่ 02-12-2010 20:04:59
คาแบลท์พลาดชิมิ
ไหนๆก็ไหนๆแล้วน่าคาแบลท์
จำยอมเถอะ

ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  :jul3:
หัวข้อ: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 9 (06/12/10)
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSacrifice ที่ 06-12-2010 20:16:39
    ผมผลักแกสลงไปบนพื้นหลังจากที่ผมเปิดประตูเข้ามาในห้องของผมได้ ตอนนั้นผมอยู่ในสภาพที่เมาสุดๆแถมยังอารมณ์ไม่ดีเอามากๆ


“คาแบลท์ คุณจะทำบนพื้นจริงๆเหรอ” แกสถามผมขณะที่ผมไซร้ซอกคอของหมอนั่นแล้วถอดกางเกงของหมอนั่นไปด้วย


        ก่อนที่ผมจะได้ตอบเขาก็ผลักผมแล้วดึงผมขึ้นมาจากพื้นแล้วลากผมเข้าไปในห้องน้ำ จากนั้นเราก็ต่างถอดเสื้อผ้าออกจนหมด ลงไปแช่ในอ่างน้ำโดยไม่สนใจว่าน้ำที่มีอยู่มันมีแค่ข้อเท้าของเรา เราต่างอาบน้ำกันไปและอุ่นเครื่องไปด้วย และอาบน้ำอีกรอบหลังจากที่เสร็จกิจรอบแรกภายนอก ผมก็อุ่นเครื่องใหม่อีกหนแล้วลากเขามาที่เตียง คราวนี้ผมเปิดเกมส์รักกับแกสอย่างหนักหน่วง หลังจากที่เสร็จไปรอบที่สองผมก็เปลี่ยงถุงยางใหม่แล้วสอยเขาอีกรอบไม่ยั้งทั้งหนักหน่วงและรุนแรงยิ่งขึ้น เสร็จรอบที่สามผมก็นอนหันหลังแล้วเข้าสู่นิทราจนเกือบลืมไปว่าแกสยังนอนอยู่ข้างๆ



        ผมมารู้สึกตัวอีกทีก็ราวๆตีห้าเพราะแขนที่หมอนั่นกอดเอวผมไว้คลายลงและหมอนั่นก็พลิกตัวนอนหันหลังให้ผมแทน ผมสังเกตว่าหลังของหมอนี่มีจุดไฝเล็กๆสามสี่จุดตรงแผ่นหลังจนผมอดไล้นิ้วไม่ได้


“คาแบลท์ ตอนนี้กี่โมงแล้ว” เขาขยับตัวเล็กน้อยแล้วหันมาถามผมอย่างเบลอๆ


“ตีห้า” ผมตอบแล้วพลิกตัวหันหลังให้เขาอีกรอบ


“ผมขอนอนต่ออีกนิดนะ” เขาบอก แล้วขยับมาชิดตัวผมจากนั้นก็เข้ามากอดเอวผม จากนั้นเราก็หลับกันไปอีกรอบ




    ผมตื่นอีกทีราวๆแปดโมงเช้าในสภาพที่ความทรงจำและสติครบถ้วนสมบูรณ์ เมื่อนึกได้ว่าเมื่อคืนผมหิ้วใครมาผมก็แทบคลั่ง แต่นับว่าโชคดีไม่น้อยที่ตื่นมาแล้วผมก็ไม่พบว่าหมอนั่นมันนอนอยู่ข้างๆเตียง ทำให้ความคลั่งสุดขีดของผมลดลงมาอีกหน่อย


“เฮ้” แกสทักผมขณะเดินเข้ามาในห้องนอน เขาสวมเสื้อยืดและกางเกงบอลขอสั้นของผม


“ทำไมคุณยังอยู่ที่นี่” ผมถามเขาอย่างหงุดหงิด


“โทษที เมื่อคืนคุณทำกระดุมเสื้อผมขาด ผมแค่จะมาบอกว่าผมขอยืมชุดของคุณก่อนได้ไหม”


“เชิญ แต่ฉันต้องการอาหารเช้า” ผมคงโง่น่าดูถ้าไม่เอาเปรียบเขาไว้ก่อน


“ได้เลย คุณจะเอาอะไรล่ะ ไข่ดาว เบคอน หรือแพนเค้ก...” เขารีบเสนอ


“ทั้งหมดนั่นแหละ แต่เมื่อคืนนายสัญญากันฉันไว้ด้วยนี่ว่าจะดูดให้ฉันทุกที่ ทุกเวลา เอาล่ะตอนนี้ฉันต้องการมันเป็นของว่างเดี๋ยวนี้” ผมออกคำสั่ง เขาจัดการดูดให้ผมจากนั้นก็รีบพาตัวเองไปซุปเปอร์มาร์เกตแล้วกลับมาจัดการเรื่องอาหารเช้าให้ผม




    เอาก็เอาวะ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว...ผมก็เป็นอย่างนี้แหละคุณ
    เมื่อไหร่ก็ตามที่ผมไม่สอยผู้หญิงที่หน้าตาต่ำกว่ามาตรฐานมา ผมจะโมโหตัวเองมากจึงต้องลงโทษตัวเองด้วยการทนเห็นหน้าแล้วก็นอนกับเธอต่อไป ไม่ใช่ว่าผมจะแกล้งทำเป็นสานสัมพันธ์กับเธอนะคุณ...ผมซื่อสัตย์ในเรื่องความรู้สึกของตัวเองเสมอ แต่เหมือนว่าผมควรจะต้องเสียอะไรบางอย่างไปเพื่อให้สาสมกับการที่ไปเผลอใจล่อผู้หญิงที่หน้าตาออกสาธารณชนไม่ได้...แต่กรณีของแกสนี่ยิ่งกว่าผู้หญิงพวกนั้น.....



    หลังจากที่หมอนั่นจัดการดูดให้ผมเรียบร้อย(เขาทำได้ดีทีเดียว) ผมก็ไปนั่งดูโทรทัศน์ฆ่าเวลาขณะที่เขาไปทำอาหารเช้า ผมไม่คิดเหมือนกันว่าบุคลิกดูเป็นคุณหนูสวมสูทและเสื้อผ้าราคาแพงของหมอนั่นจะสามารถทำอาหารเช้าที่เรียกได้ว่าเยี่ยมมากๆให้ผมได้ มีไข่เจียวไส้กรอกชีส กระเทียมทอดแบบไม่มันกับหอมใหญ่ย่าง เบคอนฉ่ำๆแบบที่ผมชอบ บริทิชมัฟฟินเนย นมพร่องมันเนยเย็นเจี๊ยบแบบที่ผมชอบอีกเหมือนกัน แล้วก็กาแฟคาปูชิโน่ที่ผสมได้อย่างกลมกล่อม(ผมมีเครื่องทำกาแฟแต่แทบไม่ได้ใช้มันเลย) พอกินเสร็จผมแทบจะปรบมือให้เขาเลยล่ะ...แต่ผมขอจัดการเขาอีกรอบเป็นของหวานดีกว่า



    ตลอดหนึ่งเดือน ผมทำตัวชั่วสุดขีด ผมมักไปหาเขาที่คอนโดตอนตีสองในสภาพเมาแอ๋โดยไม่โทรไปบอกล่วงหน้า ฟันเขาอย่างไม่ปราณีเหมือนเขาติดหนี้ผมอยู่ นอนอยู่ห้องเขาทั้งวันตอนที่เขาออกไปทำงาน แถมพอเขากลับมาถึงก็ให้เขาทำอาหารเย็นให้อีก จากนั้นผมก็ออกไปกินเหล้าโดยให้เขาเลี้ยงแล้วไล่เขากลับก่อนที่เพื่อนๆหรือเหยื่อคนอื่นที่ผมนัดไว้จะมา วันไหนที่เขามาที่ห้องผม เขาต้องซื้อซี่โครงจากร้านคาร์สัน ไก่จากร้านฮาโรลด์ หรืออาหารอื่นที่หรูๆมาฝากผมด้วย เขาซักเสื้อผ้าให้ผม ทำความสะอาดห้องให้ผม รองรับอารมณ์ผมและทำตามคำสั่งทุกอย่างของผมไม่ว่าจะเป็นฟันหรือดูด แล้วผมก็ไล่เขากลับโดยไม่ยอมให้เขานอนค้างอีกต่างหาก ทำได้ซักพักผมก็เริ่มรู้สึกเบื่อและรู้สึกว่าชักจะเลวเกินไปแล้วแหะ



     สำหรับสุภาพชนทั้งหลายที่อ่านเรื่องของผมอยู่ คุณกรุณาโยนคู่มือสร้างความสัมพันธ์ หรือคำแนะนำเกี่ยวกับการทำให้ผู้ชายหลงรักทั้งหลายของคุณลงโถส้วมไปซะ เพราะผมจะบอกสิ่งที่คุณควรรู้ให้เอง ผู้ชายจะปฏิบัติต่อคุณอย่างที่คุณปล่อยให้มันเป็น ในใจของพวกเขาจะไม่มีคำว่า”การให้เกียรติตามสมควร”พวกคุณจะได้รับในสิ่งที่คุณบอกความต้องการเท่านั้น ถ้าคุณยอมให้ล่อคุณทางก้น พ่นพิษใส่หลังคุณ แถมยังกินเบียร์คุณจนหมดตู้เย็น เขาก็จะทำอย่างนั้น แต่หากคุณแสดงให้เขาเห็นว่าคุณต้องการให้เขาให้เกียรติคุณ เขาก็จะทำตามที่คุณขอหรือไม่ก็เลิกยุ่งกับคุณไปเลย

     หรือไม่คุณก็ทำแบบแกสเพื่อที่จะได้รับผลแบบเดียวกับเขา




     จุดเปลี่ยนสำหรับผมในเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อผมรู้สึกว่าจะต้องหยุดพฤติกรรมที่ไม่ควรเอาเยี่ยงอย่างของตัวเองเสียที วันนั้นเขามาหาผมในชุดเสื้อโค้ทสุดหรูพร้อมกับรอยยิ้ม ส่วนผมอยู่ในชุดออกกำลังกายนั่งเอกเขนกดื่นเบียร์ไปด้วยขณะดูฟุตบอลอยู่บนเก้าอี้นวม
“มาทำไมเนี่ย แล้วข้างนอกนั่นไม่หนาวไม่ใช่เหรอ ใส่เสื้อโค้ทมาทำไม” ผมถามเขา

     เขาไม่ตอบแต่ถอดเสื้อคลุมออก เผยให้เห็นเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นตัวตัวที่ขาว บนเสื้อผ้าทั้งสองชิ้นมีข้อความพิมพ์อยู่

เสื้อ – หน้าอกนี้เป็นของคาแบลท์ ฮูแซก

กางเกง – ของในนี้เป็นของคาแบลท์ ฮูแซก

     ถ้าตอนนั้นผมอายุ 17 ผมคงคิดว่ามันเป็นสิ่งที่เยี่ยมที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมา แต่ตอนนี้ผมอายุ 30 กว่า สิ่งเดียวที่ผมเห็นได้ก็คือความฉิบหายที่กำลังจะเกิดขึ้นเพราะไอ้หนุ่มลูกคุณหนูนี่กำลังตกหลุมรักผม


      แต่ยังก่อน...คืนนั้นผมยังนอนกับหมอนั่นตามปกติ


     แต่หลังจากวันนั้นผมไม่โทรหาเขาอีกเลย ผมหลบเขาทุกครั้งเมื่อเห็นเขายืนรอผมอยู่หน้าอพาร์ทเม้นท์ของผม ผมค่อนข้างมั่นใจว่าผมทำให้เขาแทบคลั่งจนย้ายกลับไปบ้านเดิมของเขาแทนที่จะมาอาศัยอยู่ที่เพนเฮ้าหรือคอนโดของเขา เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกับผมคือสายจากเขาที่ผมไม่ได้รับกว่า 50 สายต่อวันและอีเมลล์พรรณาขอความอ้อนวอนอีกกว่า 100 ฉบับ ผมก็เลยจัดการบล็อกเมลล์ของเขาแล้วเปลี่ยนเบอร์มือถือตัวเองซะ แล้วทิ้งเรื่องที่เหลือให้ระบบอีเมลล์จัดการ


        


                                                ผมก็หวังนะคุณว่าเรื่องมันคงจบแค่นั้น...แต่มันไม่ใช่แค่นั้นนี่สิ


-------------------------------------------------------------------------------------------------------------


 :pig4:
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 9 (06/12/10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 06-12-2010 20:42:58
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ค้าง!!!!

มันไม่ใช่แค่นั้นแล้วยังไงต่อคะ???
พี่ปุ๋ยใจร้าย รีบมาแปะตอนต่อไปนะคะ
เพราะไม่แน่ว่าอีกสักสองสามวันนุ่นต้องไปหาชาวเขา
แง้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


ปล.คาแลท์ โก้ดแบดดดดดดดด แกสจ๋า โอ๋ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 9 (06/12/10)
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSacrifice ที่ 06-12-2010 20:47:00
เดี๋ยวรอนุ่นกลับมาค่อยแปะต่อ
ปีนึงก็จะรอ อิอิ
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 9 (06/12/10)
เริ่มหัวข้อโดย: ლїЯдςLΣϛlθTtεR ที่ 06-12-2010 20:54:13
เลวววว
อิเลววววววว

อิคาแบลท์  อิเลวววววว   :angry2: :angry2:
โอ๊ย คลั่ง  :fire:



แกสมาซบอกเตอร์นี่มา
ฮาๆๆๆ  :laugh:  :haun4:
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 9 (06/12/10)
เริ่มหัวข้อโดย: penda ที่ 06-12-2010 21:39:40
ตามมาอ่านแล้ววววว
แต่ยังอ่านไม่ทัน  555+


อ่านทันแล้วมาเม้นใหม่ :bye2:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 9 (06/12/10)
เริ่มหัวข้อโดย: ┗◎┗◎ ที่ 06-12-2010 22:58:22
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก  :serius2:

อะไรเนี่ย!!!  :angry2:

คาเบลท์ชั่วถึงแก่นจริงๆ

เลวสมใจเลยเชียว


เลววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววว

เลวแม่งได้อีก

สงสารแกสวะ


คลั่ง!!!!!!!
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 9 (06/12/10)
เริ่มหัวข้อโดย: kihaezzzzzz ที่ 08-12-2010 18:55:27
เลว!

สงสารเเกสอ่ะ มาชอบทำมั้ย ย

รีบมาต่อนะ
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 9 (06/12/10)
เริ่มหัวข้อโดย: getto ที่ 08-12-2010 22:30:32
คาแบลท์ทำยังไงก็ทิ้งแกสไม่ได้แล้วล่ะงานนี้ :laugh:
อยากอ่านตอนคาแบลท์ตกหลุมรักแกสจัง

 :กอด1:ป้า
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 9 (06/12/10)
เริ่มหัวข้อโดย: ๛゙★βra_11!☆゙ ที่ 08-12-2010 22:58:36
โห๊ย
ตาตาแบลท์มันไปทำยาเสน่ห์กับแม่หมอที่ไหนมาเนี่ย  :z3:

หนูแกสหยั่งกะนางทาสอ้ะ :a5:
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 9 (06/12/10)
เริ่มหัวข้อโดย: ლїЯдςLΣϛlθTtεR ที่ 11-12-2010 21:28:34
ต่อเร๊ววว
ป้าต่อเร๊ว

อยากเกลียดอิคาแบลท์ต่อละ
(ย้อนกลับไปดูข้างหน้าแล้วรู้สึกว่าตัวเองเม้นว่าชอบคาแบลท์ ฮาำๆ)
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 9 (06/12/10)
เริ่มหัวข้อโดย: ┗◎┗◎ ที่ 11-12-2010 22:40:34
ต่อด่วนๆๆๆๆ  :3123:

อยากรู้คาเบลท์มันจะชั่วได้ขนาดไหน
หัวข้อ: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 10 part 1 (12/12/10)
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSacrifice ที่ 12-12-2010 15:42:47
   

           ผมเปลี่ยนไปทำงานที่สำนักงานกฎหมายเฟนวิคแอน์เวสต์หลังจากที่ว่างงานอยู่ราวๆสองเดือน นั่นเป็นช่วงสองเดือนที่ผมมีความสุขมากๆถ้าไม่นับเรื่องแกสที่มีส่วนถึงหนึ่งเดือน แต่จะว่าไปเรื่องแกสก็ไม่ได้แย่มากนักหรอกนะ ผมได้ทั้งเซกส์ ประหยัดเงินค่าอาหาร ค่าเหล้า เบียร์ แถมยังมีคนทำความสะอาดให้ฟรีๆอีก


      อันที่จริงผมรู้ว่าผมเกลียดการเป็นนักกฎหมายแค่ไหน แต่ก่อนการเป็นนักกฎหมายที่ผมเคยคิดนั้นไม่เคยมีภาพของการนั่งหมดอาลัยตายอยากอยู่ในสำนักงานที่ไร้ชีวิตชีว่าอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ห้อมล้อมด้วยกลุ่มคนที่โคตรน่าเบื่อืและต้องทำงานที่แสนจะไร้สาระ แต่โชคร้ายและไอ้ที่ผมว่ามาทั้งหมดนี้เป็นงานที่นักกฎหมายต้องทำ เมื่อคุณมีอาชีพเป็นนักกฎหมาย งานของคุณคือการจัดการปัญหายุ่งยากให้คนอื่น ประทับตรายางเพื่อให้งานของใครซักคนถูกกฎหมาย และที่สำคัญเป็นผู้ดูแลทรัพย์สินให้แก่คนที่มัวแต่ไปทำเรื่องอื่นๆที่เขาคิดว่าสำคัญกว่า คนที่ทำงานให้กับยาฮู คิสโก และเน็ตวิคโซลูชั่น(พวกนี้เป็นลูกค้าของสำนักงานที่ผมทำอยู่ทั้งนั้น) ต่างก็ได้อะไรที่เป็นชิ้นเป็นอัน ส่วนผมน่ะเหรอ?ต้องมานั่งทำอะไรไม่รู้ที่แสนจะปัญญาอ่อน ไร้สาระและเฮงซวยที่สุดโยเฉพาะที่นี่



      เวลาที่ผมเบื่อหรือเซ็งจัดๆผมจะงุ่นง่านเหมือนลิงลงแดงจนกว่าจะหาอะไรที่ผมทำแล้วรู้สึกดีขึ้นได้ ตอนนี้ในสำนักงานกฎหมายทำให้ผมเบื่อสุดๆ คุณว่าผมควรทำไงดี? อดทนกับความเบื่อหน่ายต่อไป หรือใช้พลังงานแห่งความสร้างสรรค์ที่ผมมี? เปล่าเลย ผมไม่ได้ทำอะไรที่ว่ามานั่นซักอย่าง ผมเลือกที่จะเมาหัวราน้ำและทำตัวงี่เง่าไปวันๆ(ตอนนั้นผมโทษความสบายช่วงสองเดือนที่ว่างงาน ทำให้ผมเคยตัวกับความรื่นเริง) ผมเมามันทุกวันโดยเฉพาะอย่างยิ่งในงานที่มีเหล้าให้กินฟรี ในตอนนั้นผมมีหลักการว่า ถ้าการเป็นนักกฎหมายที่นี่มันไม่น่าสนใจ ผมจะทำให้มันน่าสนใจเอง!



      วันศุกร์แรกที่ผมอยู่ที่นั่น สำนักงานมีการจัดประชุมเพื่อวางแนวทางความร่วมมือทางธุรกิจในช่วงฤดูร้อนที่กำลังจะมาถึง แต่เมื่อคืนที่ผ่านมาผมกับรูมเมท(คาลอสเป็นทั้งรูมเมทและเพื่อนร่วมงานที่นั่นของผม)ไปร่วมงานเปิดตัวนิตยสารโซม่าที่ซานฟรานซิสโกมา แน่นอนผมเมาสุดๆแถมยังหิ้วนางแบบในงานนั้นไปนอนด้วยอีกต่างหาก เช้าวันศุกร์ผมตื่นขึ้นมาในตอนหกโมงเช้าและพบว่าตัวเองนอนอยู่ที่บ้านของแม่สาวคนนั้นที่โอ๊คแลนด์ ผมรู้ตัวทันทีว่าเมื่อคืนผมทำอะไรไม่ได้คิดถึงอนาคตเลย ก็โอ๊คแลนด์กับที่ทำงานของผมมันอยู่ใกล้ๆกันซะที่ไหนล่ะ แถมผมต้องไปถึงที่ทำงานตอนเก้าโมงเช้าเพื่อเข้าประชุมด้วย



      สิ่งแรกที่ผมทำคือ ค้นกระเป๋าถือของเธอ ซึ่งนอกจากจะเจอถุงยางเพียบแล้ว แล้วก็ยังเจอใบขับขี่ของเธอ ซึ่งทำให้ผมรู้จักชื่อของเธอในที่สุด จากนั้นผมก็ปลุกเธอ เธอบอกผมว่าเมื่อคืนเธอขับรถมาให้ผม แต่เธอขับไปที่พักผมที่เม้าเทนวิวไม่ไหว แล้วเธอก็มีธุระที่ไหนซักแห่งตอนสิบโมงด้วย นั่นก็หมายความว่าผมจะต้องใส่ชุดไปเที่ยวเมื่อคืนไปทำงาน มันก็ไม่เลวร้ายหรอกถ้าไม่นับคราบเหล้า อ้วก แล้วก็ฉี่ (เป็นไปได้ว่าอาจจะมีคราบของเหลวอื่นๆอีกด้วย)



       คืนนั้นระหว่างทางเราแวะเข้าไปในร้านแจ็คอินเดอะบ็อกซ์ คุณไม่ต้องถามผมหรอกนะว่าอาหารขยะที่เธอกินเข้าไปนั้นมันทำให้หุ่นเธอแห้งเป็นหุ่นไล่กาได้ยังไง ผมจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ แต่ถ้าให้ผมเดานะ เธอคงเป็นประเภทที่กินอะไรเข้าไปแล้วก็ล้วงคอให้อ้วกเพื่อรักษาหุ่นน่ะ



       ตอนที่จอดรถ เหล้าที่ผมดื่มมาในระดับน่าจะตายได้ทำให้ผมอยู่ในสภาพเมาเละ ผมโซเซลงจากรถของเธอไปหลังพุ่มไม้ แล้วก็อ้วกและฉี่ไปพร้อมๆกัน ลองคิดดูว่าลำพังการบังคับไม่ให้อ้วกเลอะตัวเองเวลาเมามันยากขนาดไหน แล้วนี่ผมต้องทำมันไปพร้อมๆกับฉี่ แน่ล่ะมันเลอะตัวเองแหงๆอยู่แล้ว ตอนนั้นผมแก้ปัญหาโดยการใช้ที่ดับกลิ่นปากและซ่อนคราบฉี่ไว้จนมันแห้ง แถมแม่นางแบบนั่นยังยอมให้ผมสอยอยู่อีกต่างหาก ผมแน่มั้ยล่ะ






      ในที่สุดผมก็มาถึงที่ประชุมด้วยสภาพเมาค้าง ตาแดงก่ำ กลิ่นตัวเหม็นเหมือนขยะ แต่ถึงอย่างนั้นก็เหอะ ผมก็ประคองตัวรอดมาได้จนพักเที่ยง ช่วงบ่ายบริษัทให้เราจับคู่กับพันธมิตรทางธุรกิจจากนั้นก็ให้แนะนำถึงสิ่งต่างๆของกันและกัน  เพื่อที่จะมานำเสนอให้ที่ประชุมรู้ว่าเราได้ข้อมูลอะไรมาบ้าง เมื่อจับคู่เสร็จผมก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกับไอ้คนที่เป็นคู่ผมดี ผมเลยบอกเขาไปว่า เมื่อคืนผมออกไปเที่ยวมาทั้งคืน ทำให้วันนี้ผมมองไม่เห็นอะไรเลย เพราะคอนแทคเลนส์ของผมหล่นหายไประหว่างที่พยายามจีบสาวๆอยู่ แล้วเขาก็ดันทะลึ่งลุกขึ้นประกาศเรื่องนี้ให้ทุกๆคนฟัง ผมก็ว่ามันตลกดี แต่เจ้านายผมไม่ยักขำ ไอ้เวรเอ๊ย! กูโปรงานอยู่...



      สัปดาห์ต่อมา จอร์ช คาโนวา เจ้านายของผมมาที่ห้องทำงานที่ผมซึ่งมีเด็กฝึกงานอีกสองสามคนนั่งตกลงงานกับผมอยู่ เขาพล่ามอะไรให้เราฟังเยอะแยะ แต่ประเด็นสำคัญเกี่ยวกับเวบบอร์ดกรีดี้แอสโซซิเอท และเขาแทบไม่เชื่อว่าค่าจ้างสำหรับพวกโปรงานและเด็กฝึกงานของสำนักงานเฟนวิคจะขึ้นได้เร็วขนาดนี้ และสิ่งเหล่านี้ทำให้การทำสิ่งต่างๆของสำนักงานเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ผมจะสรุปเรื่องสำคัญๆให้ฟังแล้วกัน



      ในช่วงใบไม้ผลิที่ผ่านมา สำนักงานเฟนวิคเพิ่งจะประกาศว่าจะจ่ายค่าจ้างเด็กฝึกงานอาทิตย์ละแค่ 2,100เหรียญและค่าจ้างคนโปรงานแค่ 5,000 เหรียญ ซึ่งต่ำกว่าสำนักงานส่วนใหญ่ในนิวยอร์ค ลอสแอนเจลลิชและชิคาโก ซึ่งให้อาทิตย์ละ 2,400 และ 5,500 เหรียญ เท่ากับสำนักงานในเมืองใหญ่อื่นๆ



      แล้วไอ้เรื่องที่ว่ามันสำคัญยังไงล่ะ ผมนี่แหละที่มีส่วนอย่างมากในการทำให้สำนักงานเฟนวิคและสำนักงานอื่นๆในซิลิคอนวัลเลย์เพิ่มค่าจ้างเท่ากับสำนักงานส่วนใหญ่ คุณสงสัยล่ะสิว่ามันเป็นไปได้ยังไง ผมต้องยกความดีความชอบให้กับอินเตอร์เนทและอิทธิพลของเวบ infirmation.com



      Information.com เป็นเว็บไซด์เกี่ยวกับอาชีพนักกฎหมาย นอกจากนั้นในเว็บไซด์ยังมีเวบบอร์ดที่ใครจะเข้าไปฝากข้อความไว้ก็ได้ เว็บบอร์ดจะแบ่งเป็นหลายกระดานตามเขตต่างๆเช่นนิวยอร์ค ซิลิคอนวัลเลย์ ชิคาโกและที่อื่นๆ เว็บบอร์ดเหล่านี้เรียกว่ากรีดี้แอสโซซิเอชั่น ซึ่งเป็นช่องทางที่สำนักงานต่างๆ จะเข้ามาแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับค่าจ้าง สวัสดิการ เงื่อนไขในการจ้างงานฯลฯ โดยไม่ต้องเปิดเผยชื่อจริง เหตุการณ์ที่เป็นตัวจุดชนวนเกิดขึ้นเมื่อกุลเดอสันซึ่งเป็นสำนักงานเล็กๆในแถบซิลิคอนวัลเลย์ ขึ้นเงินเดือนเด็กฝึกงานของสำนักงานตนเองจากเดือนละ 10,000 เหรียญเป็นเดือนละ 12,500 เหรียญส่วนของพวกโปรงานก็อีกเท่าตัวของเด็กฝึกงาน แล้วนำข้อมูลดังกล่าวมาเผยแพร่ไว้บนเว็บบอร์ด ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเด็กฝึกงานและพวกโปรงานแบบผมก็มาแลกเปลี่ยน ข้อมูลเกี่ยวกับผลประโยชน์ต่างๆของสำนักงานของตนผ่านเว็บบอร์ดกรีดี้แอสโซซิเอชั่น



       เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้หุ้นส่วนของสำนักงานใหญ่ๆให้ความสนใจกับเว็บบอรืดนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อดูว่ามีข่าวซุบซิบอะไรเกี่ยวกับสำนักงานของตนหรือคู่แข่งหรือไม่ พวกเขาไม่อยากตกข่าว เพราะสมติว่าหากสำนักงานเอ มีการเปลี่ยนแปลงการให้ผลประโยชน์ อาจทำให้นักกฎหมายและพนักงานกับเด็กฝึกงานไหลไปอยู่กับสำนักงานนั้นแทน ซึ่งนั่นก็หมายความว่าสำนักงานบี อาจจะต้องเสียบุคลากรไป



      แล้วไอ้เรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับผมล่ะ? ในตอนนั้นสำนักงานในนิวยอร์คประกาศออกมาว่าจะให้ค่าจ้าง 5,500และ 2,400 เหรียญสำหรับเด็กฝึกงาน พวกเราทุกคนต่างก็ตั้งตารอให้สำนักงานในซิลิคอนวัลเลย์ประกาศบ้าง(ตอนนั้นสำนักงานเฟนวิคมีคู่แข่งสำคัญๆอยู่ 3 รายคือ คูเลย์ วิลสัน และโบรแบ็ค) เฟนวิคเป็นสำนักงานแรกที่ประกาศออกมาว่าจะจ่ายแค่ 2,100 และ 5,000 เหรียญเท่านั้น


      ผมเซ็งสุดๆ ผมเลยรีบเอาข้อมูลนี้ไปตั้งกระทู้ในเว็บบอร์ดเขตซิลิคอนวัลเลย์ของเวบ information ทันทีแล้วใช้นามแฝงอีก 4-5 ชื่อเข้าไปปั่นกระทู้ว่าการตัดสินในของเฟนวิคมันเฮงซวย กดขี่ข่มเหงแค่ไหน ใครจะไปยอมรับข้อเสนอถูกๆของมันได้ฯลฯ นอกจากนั้นผมยังใช้ชื่ออื่นๆเข้ามาเล่นบทฝ่ายตรงข้ามอีกเพื่อความแนบเนียน วันแรกที่มีคนเข้ามาตอบกระทู้ราว 20 นั้นเป็นของผมเสียเอง 10 ผมยังปฏิบัติการของผมต่อไปอีก 3 วันโดยให้ความถี่น้อยลงนิดหน่อย


      หลังจากที่เฟนวิคประกาศนโยบายมาได้อาทิตย์หนึ่ง กระทู้ที่ผมตั้งกลายเป็นกระทู้ฮอตจนทำให้วิลสันตัดสินใจประกาศว่าจะจ่ายค่าจ้างให้ 5,500 และ2,400สำหรับเด็กฝึกงาน ทำให้สำนักงานอื่นๆในซิลิคอนวัลเลย์ตัดสินใจอย่างรวดเร็วรวมทั้งเฟนวิคด้วย


     เอาล่ะกลับมาที่เรื่องของเรากันดีกว่า และแล้วผมก็มานั่งอยู่ที่นี่ ฟังผู้รับผิดชอบในการจ้างพนักงานของสำนักงานกฎหมายรายใหญ่ในซิลิคอนวัลเลย์เล่าให้ฟังเรื่องกระทู้ที่ผมเป็นคนปั่นเองเพื่อให้ได้ค่าจ้างที่ผมพอใจ
“ตอนแรกผมก็ไม่คิดหรอกนะว่าพอประกาศจะจ่ายอาทิตย์ละ2,100 และ5,000เหรียญเว็บบอร์ดนั่นแทบจะระเบิด แล้วสำนักงานอื่นๆก็แห่กันเพิ่งค่าจ้างกันหมด เรื่องมันเป็นอย่างนี้แหละ” จอร์ชสรุป


     ให้ตายเหอะ!ตลอดเวลาที่ผมนั่งฟังเขาพูด ผมให้ความพยายามทั้งหมดให้การกลั้นขำหัวเราะ และคิดในใจว่า”ไอ้ความเอ๊ย กูนี่แหละเป็นคนปั่นกระทู้เอง”



     หลังจากนั้นจอห๋ชก็ขอคุยกับคมเป็นการส่วนตัว เขาพาผมเข้าไปในห้องประชุมสองต่อสอง แล้วก็เริ่มตักเตือนผมเกี่ยวกับชื่อเสียงของผม ด้านไหนน่ะเหรอ? ก็ด้านความเป็น “พ่อหนุ่มเจ้าสำราญ” ในหมู่พนักงานด้วยกันไง ซึ่งผมไม่ได้รู้สึกแย่หรอกนะที่มีชื่อเสียงด้านนี้ ที่ผมทำตัวอย่างนั้นไม่ใช่ผมไม่ชอบหรอกนะที่ได้เงินอาทิตย์ละห้าพันห้าร้อยเหรียญ แต่ผมเกลียดการเป็นนักกฎหมายก็เท่านั้นเอง เขาพยายามทำให้ให้สนทนาดูไม่สลักสำคัญอะไรและเตือนแบบอ้อมๆ แต่ผมไม่ใช่พวกที่ตีความคำเตือนอ้อมๆเก่งกาจอะไรหรอก และถึงผมจะตีความออกมันก็เรื่องอะไรล่ะที่ผมต้องเชื่อเขา



      สองสามวันต่อมาผมยังคงทำตัวงี่เง่าอีกสอสามเรื่อง แต่ผมจำรายละเอียดไม่ได้หรอกนะ เพราะไอ้เรื่องที่ผมทำน่ะ สมองผมไม่ได้คิดว่าเป็นเหตุการณ์สลักสำลัญอะไร แต่คนอื่นๆกลับมองว่ามันเป็นเรื่องใหญ่ เช่นมีวันหนึ่ง ผมนั่งโทรศัพย์อยู่ในสำนักงาน จู่ๆก็มีเจ้าหน้าที่สรรหาพนักงานใหม่เข้ามาในห้องผม เธอถามผมว่าผมคุยโทรศัพท์กับใครอยู่ ผมตอบเธอว่า “อ๋อ ผมโทรไปฟังฮอตไลน์สายสยิวอยู่น่ะครับ” แน่ล่ะใครจะโทรไปจริงๆแต่แม่นี่เชื่อว่าเป็นเรื่องจริงแถมคิดว่ามันเป็นเรื่องบัดสีมาก



      วันต่อมาผมถูกเรียกให้ไปนั่งประชุมร่วมกับผู้ที่จะมาเป็นลูกค้า หุ้นส่วนฝ่ายบริหารและนักกฎหมายอาวุโส ลูกค้าที่ว่าไม่ใช่ใครที่ไหน นั่นก็คือเด็กโง่ท่าทางเป็นลูกคุณหนูที่เพิ่งเรียนจบจากสแตนฟอร์ดมาหมาดๆ ผมก็เพิ่มรู้เหมือนกันว่าแกสเป็นจิตกรด้วย เพราะจากที่ผมรู้แค่เบื้องต้นคือเขาทำงาน(ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าตำแหน่งไหน)ในบริษัทกางเกงยีนส์ราคาแพง  นักลงทุนที่เป็นศิษย์เก่าของสแตนฟอร์ดดแนะนำว่าแกสควรจะร่วมมือกับเขา และกำหนดราคาเริ่มต้นของผลงานศิลปะของเขา ถึงแม้ผมจะเคยหักอกเขามาก่อนแต่เขากลับฟังข้อเสนอของผม ผมบอกกับเขาตรงๆว่าไม่เคยได้ยินว่าใครจะต้องการร่วมมือกับศิลปินหน้าใหม่มาก่อน นี่มันเรื่องตลกหรือเปล่า ผมไม่ได้พูดถึงเรื่องอนาคตความมั่นคงในการทำงานและการขายหุ้นของเขาด้วยซ้ำ ถ้าเป็นเดวิด โบวี่(*) คงแนะนำให้เขารับข้อเสนอที่ว่าอย่างเป็นทางการแล้วขายหุ้นออกไปเพื่อให้มีคนทำงานให้เขา แต่ผมบอกให้เขาสนใจเลิกสนใจไอ้นักลงทุนนั่น เพราะมันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับศิลปะเลย แต่มันคงต้องการเข้ามาเป็นนายหน้าหรือผู้จัดการให้เขาทำงานศิลปะออกขายและแสดงมากกว่า ดังนั้นการเข้าร่วมครั้งนี้จะทำให้เขาเสียผลประโยชน์ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ข้อเสนอแบบที่ว่ามานี่ไม่เคยปรากฎมาก่อนในแวดวงศิลปะ และที่สำคัญที่สุด มันเป็นข้อเสนอที่ปัญญาอ่อนสิ้นดี ผมคิดว่าการประชุมครั้งนี้กำลังไปได้สวย แต่หุ้นส่วนบริหารกลับไม่คิดอย่างนั้น เขาอดูจะไม่ชอบใจเอามากๆ ที่ผมบอกว่าข้อเสนอของนักลงทุนนั่นปัญญาอ่อน(ผมเดาว่านักลงทุนนั่นคงเป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งในซิลิค่อนวัลเลย์) หลังเราประชุมเสร็จแกสพยายามเดินเข้ามาคุยแบบส่วนตัวกับผม แต่ค่อนข้างโชคดีที่ผมสามารถเลี่ยงออกมาได้ ทำให้ผมข้ามผ่านบทสนทนาที่อาจจะชวนกระอักกระอ่วนไปได้



      วันต่อมาจอร์ช คาโนวาเรียกผมเข้าไปพบในห้องทำงาน แล้วเขาก็เตือนผมเรื่องความประพฤติอีกครั้ง ผมคงไม่ต้องบอกนะว่าไม่มีใครในเฟนวิคบอกว่า จะไม่ทนกับผมอีกแล้ว อันที่จริงตอนนี้ก็ไม่มีใครทนผมแล้วแล้วล่ะ แต่เรื่องที่ตามมากลับเป็นข่าวดี นักฎหมายกับหุ้นส่วนบริหารที่ผมเข้าไปประชุมด้วยเมื่อวันก่อนบอกว่าผมทำงานดีมาก และพวกเขาก็ชอบผม แน่นอน ผมถือเอาสิ่งที่จอร์ชบอกเป็นหลักยึดว่าผมจะทำอะไรก็ได้ที่ผมอยากทำ(เพราะตราบใดก็ตามที่ผลงานของผมออกมาดี ก็ไม่มีใครมีปัญหาใช่ไหม? แต่ไม่ใช่ตอนที่ผมทำตัวแบบ คาแบลท์ ฮูแซกที่แท้จริงหรอกนะ) แล้วเขาก็ปิดท้ายว่า “ผมเห็นคุณที่ทำในเวบเอสเอฟเกิร์ลเมื่ออาทิตย์ก่อนนะ ผมว่ามันตลกดี”

      อะไรนะ! เขารู้ได้ยังไง ผมนึกในใจ จอร์ชพูดอีกว่า “เรื่องกรงหมาน่ะขำสุดๆ ขำจนผมน้ำตาไหลเลย ขนาดเมียผมมาเห็นเข้ายังว่าขำเลยคุณ แน่ละ ผมไม่อยากให้คุณเอ่ยชื่อสำนักงานเฟนวิค หรือนักเต้นระบำโป๊อ้วนๆชาวเปอร์โตริโก้ลงไปในนั้นหรอก ต่คุณรู้ไหม ว่าผมรู่ว่าคนที่เอาเรื่องไปลงน่ะคุณแน่ๆ” ผมว่าผมไม่เคยบอกใครในเฟนวิคเลยนะ ตอนนั้นผมก็เลยรู้สึกว่าตัวเองเหมือนทอม ครูซ ในเรื่องเดอะเฟริ์ม(**)เลยนะคุณ แต่ต่างกันตรงที่ผมตัดสินใจที่จะไม่สนใจต่อคำเตือนและจะเป็นตัวของตัวเองต่อไป
     

            วันศุกร์ต่อมาสำนักงานของผมมีจัดงานประมูลขึ้นที่ซิลเวอร์ราโดเรนซ์ในนาปาวัลเลย์ ผมกับคาลอสขับรถไปที่นั่นตอนบ่ายวันศุกร์เพื่อเปิดห้องพักที่โรงแรม จากนั้นก็มารวมตัวกับคนอื่นๆที่ล็อบบี้ โดยงานเลี้ยงเริ่มตอนประมาณทุ่มหนึ่ง โดยเริ่มเสิร์ฟค็อกเทลกับออเดิร์ฟก่อน พอสามทุ่มการประมูลเพื่อการกุศลก็เริ่มขึ้น ผมลงไปที่นั่นตอนหกโมงสิบห้านาที ยังไม่มีอะไรให้กิน แต่มีซุ้มเครื่องดื่มที่เพียบไปด้วยเหล้านานาชนิดอยู่หลายซุ้ม อ้อ! แต่ก็มีกุ้งค็อกเทลกับบัคลาวา(***) นิดหน่อยอาจจะพอกินได้สามสี่คน แต่นั่นก็ถือว่ายังไม่มีอาหารให้กินเป็นชิ้นเป็นอันอยู่ดี คุณคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นล่ะ คนที่จัดงานนี้ไม่เคยรู้หรือไงว่าถ้ากินเหล้าโดยไม่มีอะไรรองท้องจะเกิดอะไรขึ้น....




--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


David Bowie นักร้อง นักแสดง นักแต่งเพลงชาวอังกฤษ มีความสามารถหลากหลาย


The Firm ภาพยนตร์จากนวนิยายของจอห์น กริชแมนเป็นเรื่องเกี่ยวกับนักกฎหมายหนุ่ม(แสดงโดยทอม ครูซ)ที่เข้าไปพันพันกับความลับของสำนักงานกฎหมายที่ตัวเองทำงานอยู่


Baklava ขนมพื้นเมืองแถบคาบสมุทรบอลข่าน ทำจากแป้งคล้ายๆพาย ไส้ทำจากถั่วต่างๆบดผสมกับน้ำตาลและน้ำผึ้ง

 :pig4:


edit เพิ่มรูปคาเรกเตอร์คาแบลท์ ฮูแซก

(http://img814.imageshack.us/img814/7421/sawyerlost.jpg)

(http://img130.imageshack.us/img130/6662/joshholloway250.jpg)

หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 10 part 1 (12/12/10)
เริ่มหัวข้อโดย: ┗◎┗◎ ที่ 12-12-2010 18:49:23
สงสัยแกสจะเป็นมาโซ

เจ็บแล้วมีความสุขตลอด  :z10:

และก็ดีใจที่ได้เห็นคาเบลท์ชั่ว

อ่ะงั้น ตูก็เป็นซาดิสต์อ่ะดิ  o22


ขอแกสอีกได้ไหม

เดี๋ยวนี้

หลงรักแกสหมดใจ  :กอด1:


ปล. ขอบคุณคุณป้า ยุ่งๆแต่ก็ยังพยายามต่อให้  :3123:

หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 10 part 1 (12/12/10)
เริ่มหัวข้อโดย: berlyn ที่ 12-12-2010 20:53:54
คาแบลท์ ฮูแซก นายนี่มัน ทำตัวได้คุ้มค่ากับชีวิตสุดๆ แถมรู้สึกว่าติสด้วยมั้ง...นะ
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 10 part 1 (12/12/10)
เริ่มหัวข้อโดย: getto ที่ 12-12-2010 21:23:36
ลิงลงแดงนี่เป็นยังไง :really2:
คาแบลท์สุดยอดละ ฉี่พร้อมกับอ้วกได้ :laugh:
ตอนนี้ยาวมาก มีสาระด้วย
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 10 part 1 (12/12/10)
เริ่มหัวข้อโดย: ლїЯдςLΣϛlθTtεR ที่ 13-12-2010 21:48:00
ตอนนี้ทำไมมันฉุดอารมณ์โมโหไปไหนหมดแล้วอ่ะ
แต่คาแบลท์ก็แบดคือเก่า
แง่มๆๆ


แกสชั่งเปนคนดีศรีภรรยา
งามแท้แลตะลึง


งามเหมือนป้าเลย
คุคุ :-[
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 10 part 1 (12/12/10)
เริ่มหัวข้อโดย: kihaezzzzzz ที่ 14-12-2010 19:58:46
เเกสน่าสงสารอย่างจริงจัง

เเกเลวมาก คาเเบลท์ 55.
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 10 part 1 (12/12/10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 14-12-2010 20:10:52
มาแบบขยักขย่อน

หงิงๆ


แกสจ๋าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา :กอด1:
คาแบลท์นี่ค่าตัวถูกมากนะ บทเยอะจริงจัง จะเอาแกสสสสสสสสสสสสสสส

(ก็มันเรื่องของคาแบลท์นี่เนอะ ชื่อเรื่องก็บอกอยู่ทนโท่ แต่ๆๆๆ นุ่นจะเอาแกสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส)
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 10 part 1 (12/12/10)
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSacrifice ที่ 15-12-2010 17:56:22
งานเยอะ
ดูผู้ชายแก้เครียดดีกว่า

(http://img600.imageshack.us/img600/5480/aaawe.jpg)

(http://img641.imageshack.us/img641/9624/tumblrl502pmb8gl1qcpimb.jpg)

(http://img253.imageshack.us/img253/7746/joshholloway3.jpg)

ปล.เจอกันปีหน้าเลยนะคะ
 :z2:
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 10 part 1 (12/12/10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 15-12-2010 18:14:49
ปีหน้าเลยเร้ออออออออออออออออออออออออออออออคร้า?

หงิงๆ



งื้ดๆ


พี่ปุ๋ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ม้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 10 part 1 (12/12/10)
เริ่มหัวข้อโดย: ┗◎┗◎ ที่ 15-12-2010 22:14:17
ไหนว่าสต็อคไว้ 20 ตอน

เอามาลงดิๆๆๆๆ  :seng2ped:
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 10 part 1 (12/12/10)
เริ่มหัวข้อโดย: CanonDNattari ที่ 16-12-2010 10:21:12
อยากตบ คาเบลท์  :z6: :beat:

:call: มาต่อเลยนะปุ๋ยยยยยย

ปล. ได้ข่าวเพิ่งจะอ่านจบ :laugh:
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 10 part 1 (12/12/10)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 16-12-2010 11:06:52
คาร์แบลท์เลวได้ใจจริง ๆ  ดีแล้วที่ระยะทางทำให้ห่างจากเนท (สุดที่รักของชั้น)
ส่วนแกสไม่มีอะไรจะกล่าว  นอกจากเธอช่างมาโซสุด ๆ  โดนเขาทำถึงขนาดนั้นยังหลงรักไปได้
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 10 part 1 (12/12/10)
เริ่มหัวข้อโดย: ლїЯдςLΣϛlθTtεR ที่ 16-12-2010 20:31:33
มีสตอกอยุ่ทำไมมะอาวลงงงง

อยากอ่านต่อเด้~ :impress2:
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 10 part 1 (12/12/10)
เริ่มหัวข้อโดย: CanonDNattari ที่ 22-12-2010 10:17:46
 :call: จงลง :call:จงลง :call:จงลง :call:



 :laugh:
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 10 part 1 (12/12/10)
เริ่มหัวข้อโดย: ლїЯдςLΣϛlθTtεR ที่ 27-12-2010 20:03:38
PART 2~!!!









อยากอ่านแล้วอ่ะแม่,,,
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 10 part 1 (12/12/10)
เริ่มหัวข้อโดย: ┗◎┗◎ ที่ 03-01-2011 20:55:14

ปล.เจอกันปีหน้าเลยนะคะ
 :z2:


ข้ามปีแล้วป้าาาาา  :z13:
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 10 part 1 (12/12/10)
เริ่มหัวข้อโดย: getto ที่ 03-01-2011 21:21:56

ปล.เจอกันปีหน้าเลยนะคะ
 :z2:


ข้ามปีแล้วป้าาาาา  :z13:
ขอโคว้ท
ตามน้าน
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 10 part 2 (06/01/11)
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSacrifice ที่ 06-01-2011 19:58:35


          ขณะที่งานประมูลเริ่มขึ้นนั้นผมก็เมามากแล้ว ผมเริ่มเดินไปรอบๆงานโดยมีไวน์แดงอยู่ในมือซ้ายและไวน์ขาวอยู่ในมือขวา ดวดซ้ายทีขวาที พลันสายตาผมก็เห็นร่างผอมๆผิวขาวซีดๆและหน้าตาที่ผมคุ้นเคยดี เขาโบกมือให้ผมแต่ผมแกล้งทำเป็นไม่สนใจแล้วเบี่ยงตัวหลบไปให้พ้นระยะตายตาของเขา จากนั้นก็ก้าวขาไปเรื่อยๆแล้วดวดไวน์เข้าปากหนักกว่าเดิม วิธีนี้ดูจะโง่ซักหน่อยแต่มันก็ทำให้ผมมองเห็นแกสอย่างลางๆ ในที่สุดผมก็มานั้งแหมะอยู่ที่โต๊ะข้างๆเวทีกับเพื่อนร่วมห้องของผมแล้วมีเด็กฝึกงานอีกสามสี่คน โดยที่มือสองข้างยังกำขวดไวน์แน่น



      งานประมูลครั้งนี้จัดขึ้นโดยเฉพาะสำหรับคนที่ทำงานหรือที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสำนักงาน(รวมถึงคู่แต่งงานของพวกเขา) งานนี้จึงมีจำนวนคนที่มาร่วมงานราวๆห้าร้อยคน ส่วนของที่นำมาประมูลก็มาจากสำนักงานต่างๆนั่นแหละ เช่น การที่หุ้นส่วนบริหารจะไปทำอาหารเย็นให้คุณกิน การอนุญาติให้คุณสามารถตบหัวหุ้นส่วนบริหารได้(แต่หลังจากงานประมูลแล้วผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าผลลัพธ์มันจะเป็นยังไง) หรืออาจจะเป็นเก้าอี้จากห้องทำงานของหุ้ส่วนคนไหนซักคน แต่ผมจำไม่ได้แล้วว่าเขาจะเอาเงินไปที่ได้ไปทำอะไรกัน บางทีอาจจะเป็นบ้านเด็กกำพร้าหญิงที่เป็นหนองในทวารหนักก็ได้ ใครจะไปรู้ล่ะคุณ การประมูลนี้มันโคตรจะปัญญาอ่อน ผมจึงนั่งดูไปพร้อมกับดวดไวน์อย่างเอาจริงเอาจัง ขณะที่ผมกำลังเมาได้ที่ของประมูลชิ้นสำคัญก็ขึ้นมาบนเวที นั่นคือการให้ จอร์ช คาโนวา นายจ้างของผมเป็นคนขับรถคาลิแล็กของเขาเองพาเที่ยวหนึ่งคืน ผมใช้สมองที่มึนด้วยฤทธิ์ของสุราตัวเองคิดว่าถ้าผมประมูลของชิ้นนี้ได้ พวกเขาจะต้องเสนอสัญญาจ้างงานให้ผมแน่ๆ คุณว่าผมเมาแค่ไหนล่ะนั่น



      ราคาประมูลเริ่มต้นจาก 50 เหรียญ จากนั้นก็ค่อยๆเพิ่มเป็น 60 80 และ 100 ตามลำดับ ผมรำคาญมากก็เลยลุกขึ้นยืนแล้วชูป้ายประมูลของผมขึ้น พอผู้ดำเนินการเห็นป้ายประมูลของผม เขาก็ตะโกนถามว่าจะให้เท่าไหร่โดยไม่สนใจผู้ประเมินคนอื่นเลย ผมตวาดให้คนอื่นๆเงียบแล้วเสนอราคา 600 เหรียญ กำลังมีอีกคนสองคนที่ทำท่าจะประมูลแข่งกับผม แต่จอห์นก็ขึ้นมาบนเวทีแล้วบอกว่า หากนักศึกษาฝึกงานหรือพวกโปรงานประมูลชนะเขาจะช่วยจ่ายครึ่งหนึ่ง ราคาที่เรียกกันก็เลยกลายเป็นเกทับกันทีละเท่าตัวเลยทีเดียว



      ราคาขึ้นไปเป็น 2000 เหรียญ ตอนนั้นผมคิดว่าถ้าเกทับอีกทีต้องชนะแน่ๆ คงไม่มีใครเรียกราคาสู้ผมแล้ว แต่แมทธิวซึ่งกำลังโปรงานเหมือนผมรู้สภาพผมดีว่าว่าผมเมาเละ และเขาเป็นพวกที่ชอบเอาชนะอย่างแรง เขาไม่ยอมหยุดและผมก็ยังไม่ยอมหยุดประมูลไม่ว่าราคาจะพุ่งสูงไปเท่าไหร่ แมทธิวมีหุ้นส่วนสองสามคนที่คอยหนุนหลังเขาอยู่ เขาก็เลยเกทับผมไปเรื่อยๆจาก 2,200   2,300  2,400…..





      พอรู้ตัวอีกทีผมก็ขึ้นไปยืนอยู่บนเวที แย่งไมโครโฟนมาจากผู้ดำเนินการประมูล แล้วตะโกนใส่แมทธิวในเชิงล้อเล่นอย่างที่ผมชอบ “เฮ้! แมทธิว นายจะป่วนฉันไปถึงไหนกันวะ นายไม่มีปัญญาจ่ายหรอกน่า ฉันต้องประมูลไอ้นี่ให้ได้ พวกเขาจะได้จ้างฉันทำงาน” พอสิ้นเสียงคนในงานก็ฮากันตรึม ผมหันไปสบตาเข้ากันแกสที่ยืนขำก้ากอยู่พอดี เขารีบหุบปากแล้วชูนิ้วให้ผมอย่างถูกใจ จริงๆแล้วผมไม่ได้อยากจะตลกหรอกนะ แต่เวลาผมกินเหล้าแล้วคุณไม่มีทางเดาถูกหรอกว่าผมจะทำอะไรได้บ้าง



       ผู้ดำเนินรายการไล่ผมลงจากเวทีอีกครั้ง ตอนนั้นราคาประมูลสูงขึ้นไปกว่า 3,000 เหรียญแล้ว ผมปีนขึ้นไปบนเวทีอีกครั้ง ยื้อไมค์จากเขาอีกครั้งแล้วตะโกนสุดเสียง “ไม่ยุติธรรมนี่หว่า นายมีหุ้นส่วนคอยหนุนหลัง ส่วนฉันมีแต่เด็กฝึกงานจนๆเป็นพวก แมทธิว ฟังนะ! ฉันสั่งให้แกหยุดเดี๋ยวนี้” แน่นอนผมเรียกเสียงฮาครืนได้อีกครั้ง
   ราคาเพิ่มขึ้นไปจนเกือบจะถึง 3,800 เหรียญ คราวนี้ผู้ดำเนินการประมูลชิงพูดขึ้นก่อน “เฮ้ ฮูแซก ขึ้นมาเลย ฉันรู้ว่าต่อให้ห้านนายยังไง นายก็ขึ้นมาอยู่ดี” เขาถามผมว่าจะเรียกราคาเพิ่มเป็น 3,900 หรือเปล่า


      พอไมค์มาอยู่ในมือ ผมก็ตะโกนต่อหน้าทุกคน “เอาสิวะ! จะสู้กูอีกมั้ย”
      เรื่องที่น่าขำก็คือทุกคนคิดว่าสิ่งที่ผมทำผมอาจจะต้องโดนไล่ออกจากงานแน่ๆ แต่ไม่ใช่เลย หลังจากนั้นหุ้นส่วนบริหารเข้ามาคุยกับผมว่าสิ่งที่ผมทำเป็นเรื่องสนุกที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยร่วมงานของสำนักงานต่างๆมา หุ้นส่วนอีกคนบอกว่าผมเป็นคนที่ยอดเยี่ยมมาก ตลอดตืนนั้นผมกลายเป็นดาราในงานไปเลย เชื่อมั้ยล่ะ!


“คาแบลท์ คาแบลท์ คาแบลท์” แกสเรียกผมขณะที่ผมกำลังจะเดินเข้าไปในห้องน้ำพร้อมกับแมทธิว ผมมองพวกเขาสองคนอย่างงงๆ



“เฮ้! ไม่ใช่อย่างที่คุณคิดหรอก ผมขอให้เขาพามาที่งานนี่เพราะรู้ว่าคุณต้องมาแน่ๆ...แล้วคุณก็มาจริงๆ ผมช่างโชคดีซะจริง” ประโยคหลังแกสเอ่ยออกมาด้วยเสียงเบาๆ


“หมายความว่าไงกัน!” แมทธิวดึงแกสไปถาม ผมเห็นว่าถึงตรงนี้มันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับผมซักหน่อย ผมจึงค่อยๆพาตัวเองออกมาจากสถานการณ์ที่เริ่มจะดราม่าของพวกเขาอย่างเงียบเชียบ แต่ดูเหมือนแกสผู้มีสายตาว่องไวจะไวกว่าสายตาว่องไวและสติแบบคนเมาอย่างผม เขาดึงมือผมไว้แล้วมายืนชิดอยู่ข้างๆผมแทน


“เฮ้ ปล่อยฉันเหอะ นี่มันเรื่องของพวกนาย แล้วตอนนี้ฉันก็ปวดฉี่มากด้วย นายก็รู้นี่ถ้าฉันปวดฉี่มากๆฉันจะเป็นไง” ผมบอกเขาอย่างรำคาญ


“แต่ผมไม่ได้เดทกับเขานะ คุณหายไปเพราะคิดว่าผมเดทกับเขางั้นเหรอ...ไม่นะฮูแซก เขาเป็นเพื่อนตอนมหาลัยของผม คุณเห็นผมกับเขาหลังจากคืนที่ผมทำเสื้อและกางเกงบอกรักคุณใช่ไหม? ....โอ้วไม่นะ คุณกำลังเข้าใจผิดมันไม่ได้เป็นแบบนั้น เราเจอกันโดยบังเอิญ...” แกสยังพล่ามไปเรื่อยๆตามสไตล์ของเขา ผมจึงตัดสินใจได้ไว้ไม่ว่ายังไงซะหมอนี่ก็คงยังพล่ามไม่หยุดแน่ๆ และผมก็คงยืนฉี่รดกางเกงอยู่ตรงนี้ ผมจึงตัดสินใจเดินไปเข้าห้องน้ำซะ แน่นอนเขาเดินตามผมมาแล้วยังพล่ามไปเรื่อยๆไม่หยุดปาก


“คุณช่วยจับมันไว้หน่อยได้ไหม ถ้าผมจับเองผมต้องฉี่เลอะกางเกงแน่ๆ” ผมบอกแกส เขารีบเดินเข้ามาปรนนิบัติผมอย่างดี จากนนั้นเมื่อผมเสร็จภารกิจฉี่แล้วแกสก็เริ่มพล่ามเรื่องที่เขาหลงไหลในตัวผมต่อ  คุณว่าเขาจะหยุดตอนไหน? เอาเป็นว่าตอนนี้เราออกมาจากห้องน้ำ แล้วมาเจอแมทธิวยืนนิ่งอยู่หน้าห้องน้ำตอนนั้นเขาก็ยังไม่หยุด แล้วมองไม่เห็นแมทธิวที่กำลังง้างมือชกกำแพงอยู่แน่ๆ


“แกส!” แมทธิวตวาดเรียกเขา ขณะที่เขาเดินตามผมต้อยๆผ่านหน้าแมทธิว  


“อะไรเหรอ” เขาหยุดแล้วหันไปมองแมทธิว โดยที่มือเขากระชากมือผมให้หันไปตามเขาด้วย แน่ล่ะคุณ สติแบบคนเมาที่แม้แต่จะเดินยังเดินไม่ค่อยได้อย่างผมย่อมไปตามแรงแบบมีสติแบบแกสอยู่แล้วล่ะ


“คุณทำแบบนี้กับผมได้ยังไง” แมทธิวเริ่มบทละครน้ำเน่า ผมคิดว่าต่อให้ผมต้องคลานกลับไปยังไงซะผมขอไม่ยุ่งเกี่ยวกับพวกนี้ดีกว่า ผมเริ่มแกะมือแกสออกจากมือผมแล้วพยายามเดินออกมาจากตรงนั้น แต่ยิ่งแกะแกสก็ยิ่งกระชับมือให้แน่นยิ่งขึ้น


“ผมไม่ได้ทำอะไร ผมรักคาแบลท์” แกสบอก


“คาแบลท์” แมทธิวเรียกผมแล้วยิ้มล้อๆด้วยสายตาแบบคนขี้อิจฉา


“ฉันไม่เกี่ยวกับเรื่องของพวกนายโว้ย” ผมชิงบอก


“เฮ้ นายรู้แล้วใช่ไหมว่าหมอนี่เป็นคนฝรั่งเศสน่ะ” แมทธิวเปิดเกมส์


“เฮ้ย! คุณเป็นฝรั่งเศสจริงเหรอ” ผมถามด้วยความตกใจ


“พ่อแม่ผมเป้นคนฝรั่งเศส แต่ผมย้ายมาอยู่ที่นี่ แล้วเราก็มีธุรกิจที่นี่ด้วย” แกสตอบผม ผมรวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมดของผมแล้วสะบัดมือเขาออกทันที


“ไอ้เวรเอ้ย ฉันเหม็นกลิ่นฝรั่งเศสจากนายนี่เอง ไอ้เราก็นึกว่ามีฝรั่งเศสคนอื่นอยุ่แถวนี้ งี้ถ้าฉันพูดเยอรมันใส่นายซะตั้งแต่แรกนายก็คงรีบแจ้นไปนานแล้วใช่ไหม พวกฝรั่งเศสอย่างคุณน่ะไม่ควรได้รับความขอบคุณแม้แต่นิดเดียว คุณมันก็ไอ้ตะเภาเดียวกันกับบรรพบุรุษคุณนั่นแหละ” เลือดเกลียดฝรั่งเศษของผมขึ้นหน้าทันที


“แต่คุณก็มีชื่อแบบฝรั่งเศสนี่” แกสงึมงัมเบาๆ


“หุบปากน่า! นั่นคือสิ่งเดียวที่ฉันเกลียดในตัวฉัน เพราะไอ้ชื่อฝรั่งเศสเฮงซวยนี่ไงล่ะ เอาล่ะ ถอยๆไปซะ ฉันเหม็นขี้หน้าแกเกินทนแล้วไอ้ฝรั่งเศส ไอ้กร๊วก” ผมปัดมือไล่แกสขณะที่เขากำลังเดินตามผมมาด้วยน้ำตาที่นองหน้า หลังจากนั้นผมก็ไม่รู้หรอกว่าแกสเป็นยังไงต่อ เขาจะคุกเข่าร้องไห้อยู่หน้าห้องน้ำ หรือเดินไปร้องไห้ไปขณะกลับบ้าน หรืออาจจะถูกแมทธิวลากไปข่มขืนที่ไหน....? ผมจะรู้ได้ยังไงล่ะคุณ มันไม่ใช่เรื่องของผมซักหน่อย




      สุดท้ายผมก็กลับไปที่โรงแรม แล้วไปที่ห้องสวีทของใครซักคนซึ่งทุกคนรวมตัวอยู่ที่นั่น มีทั้งเด็กฝึกงาน นักกฎหมายฝึกหัด นักกฎหมาย พวกเรานั่งเล่นโป๊กเกอร์ ดื่มเหล้ากันแล้วก็นั่งคุยกัน ความทรงจำแจ่มชัดสุดท้ายที่ผมจำได้ก่อนจะวูบไปก็คือ ผมบอกให้เด็กฝึกงานคนหนึ่งเกทับนักกฎหมายอีกคน เพราะไอ้หมอนั่นลักไก่ เช้าวันรุ่งขึ้น คาลอสบอกผมว่า ผมพยายามจะนอนกับเด็กฝึกงานคนนึง แต่ทั้งหมดที่ผมทำได้คือหมดสติไปบนตัวเธอเท่านั้น...




---------------------------------------------------

หายไปน๊านนานเน๊อะ

ด่ามันเล้ย!

 :laugh:
หัวข้อ: Re: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 10 part 2 (06/01/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ┗◎┗◎ ที่ 06-01-2011 20:19:14
ปีใหม่แล้ว

คาเบลท์ทำตัวให้มันดีมั่งเหอะ

แกสแม่ง!!

นางทาส 2011
หัวข้อ: Re: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 10 part 2 (06/01/11)
เริ่มหัวข้อโดย: penda ที่ 06-01-2011 21:03:33
ปีใหม่แล้ว

คาเบลท์ทำตัวให้มันดีมั่งเหอะ

แกสแม่ง!!

นางทาส 2011

เราเห็นด้วยกับคุณ...อย่างแรว๊งงงงง

 :mc4:สุขสันติ์ปีใหม่ทุกคนนนนน :mc4:

หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 10 part 2 (06/01/11)
เริ่มหัวข้อโดย: getto ที่ 06-01-2011 22:46:05
ตาฝาดดดดดดดดดดป้ะเนี่ย :o
ป้ากลับมาตั้งหนึ่งตอนแน่ะ :laugh:
ตอนนี้คาแบลท์ไม่ไหว
แกส :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 10 part 2 (06/01/11)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 07-01-2011 11:42:53
นี่มันไม่ใช่ "ปฐมบทแบดบอย" แล้ววววว
นี่มัน "เรื่องของคนสารเลว" เลยดีม๊ายยยย
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 10 part 2 (06/01/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ლїЯдςLΣϛlθTtεR ที่ 07-01-2011 20:53:59
เห็นด้วยกะคนข้างบน

นับวันมันยิ่งกำเริบเสิบสาร < ถูกมะ
แล้วทำไมมันถึงเกลีดฝรั่งเศษ หรือเตอร์ลืมอะไรไป?์
หนูเง็ง

แต่หวังว่าคาแบลท์จะคัมแบคมาเป็นคนดีอีกครั้ง  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 10 part 2 (06/01/11)
เริ่มหัวข้อโดย: CanonDNattari ที่ 08-01-2011 10:37:23
ไม่รู้จะพูดอะไรนอกจาก  :beat: :beat:  :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 10 part 2 (06/01/11)
เริ่มหัวข้อโดย: PrinceGirlz ที่ 10-01-2011 16:44:07
ชอบเรื่องนี้ม้ากกกกกกกกกกกกกกกกกเลยค่ะ >3<
ถึงจะงง ๆ ตอนลำดับเหตุการณ์นิด ๆ แต่ว่าอารมณ์นิยายแปลนี่มันถึงใจดีขริง ๆ อิอิ
อาาาาา ตอนนี้คาร์แบล์ทน่าถองศอกขริง ๆ เลยค่ะ แกสยอมให้ขนาดนั้นแล้วแท้ ๆ บ้าที่สุดดดดด

ปอลอ มาต่อได้แล้วค่าาาาาา อยากอ่านนนนน เจ้าข้าเอ๊ยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 10 part 2 (06/01/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ლїЯдςLΣϛlθTtεR ที่ 18-01-2011 21:09:11
ดัน!!!  :impress2:
หัวข้อ: Re: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 10 part 2 (06/01/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ლїЯдςLΣϛlθTtεR ที่ 24-01-2011 22:02:47
ดันอีก!!!
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 10 part 2 (06/01/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ლїЯдςLΣϛlθTtεR ที่ 28-01-2011 01:47:30
:oo1:
หัวข้อ: Re: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 10 part 2 (06/01/11)
เริ่มหัวข้อโดย: kihaezzzzzz ที่ 18-02-2011 22:22:49
เเบดบอยจริงๆๆ สงสารเเกส
หัวข้อ: Re: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 10 part 2 (06/01/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ლїЯдςLΣϛlθTtεR ที่ 08-03-2011 04:13:07
ดัน,,,
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 10 part 2 (06/01/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 08-03-2011 19:59:09
ดันด้วยคน อิอิ o13
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 11 (02/04/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSacrifice ที่ 02-04-2011 20:11:29
   

         หลังจากงานประมูลเราก็เริ่มงานที่แสนจะหน้าเบื่อหน่ายของเรากันต่อไป ผมเปลี่ยนความเบื่อหน่ายเป็นเรื่องตลกๆอย่างเรื่องแรกคือมีสาววัยกลางคนคนหนึ่งโทรเข้ามาร้องห่มร้องไห้อย่างหนัก และตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าจะยื่นฟ้องหย่าต่อสามีของเธอ ผมรีบตัดบทสนทนาและเสียงคร่ำครวญของเธอด้วยเสียงสุดสยิวเท่าที่ผมจะทำได้ และบอกเธอไปว่านี่เป็นเบอร์ฮอตไลน์สายสยิว จากนั้นเธอก็รีบวางสายไปเลย



    ส่วนอีกเรื่องเกิดขึ้นตอนเราออกไปที่ร้านเดอะแพบท์ ซึ่งประกอบด้วยผม คาลอส และนีล(นักศึกษาฝึกงาน) ผมนัดกับสาวคนนึงผ่านเวบไซต์ไว้ที่นั่น สำหรับนีลแล้วนี่เป็นครั้งแรกนี่เป็นครั้งแรกที่จะได้พบกับคนที่นัดกันผ่านเวบไซด์ อันที่จริงแล้วเขารู้ว่าผมทำอะไรแบบผิวเผินเท่านั้น เขาไม่มีทางรู้หรอกว่าผมหาผู้หญิงกินด้วยวิธีนี้ได้อย่างไร


“ขอถามตรงๆเลยนะ สาวๆเมลล์มาหานาย แล้วก็นัดเจอกัน แล้วก็ยอมนอนกับนายเลยงั้นเหรอ” เขาถามแบบไม่ค่อยเชื่อ


“ก็ส่วนใหญ่นะ”


“ทำไมพวกเธอถึงยอมล่ะ”


“ไม่รู้สิ คงเป็นเพราะฉันสุดยอดมั้ง หรือไม่พวกนั้นก็แรดอยู่แล้วใครจะไปรู้”


“ผู้หญิงทุกคนนี่ก็แรดเหมือนกันนะ” เขาพูดขึ้นลอยๆ


“ถ้างั้นก็ขอให้พวกเธอจงเจริญเถอะ”



    ในที่สุดลินเซย์สาวที่ผมนัดไว้ก็มา เธอดูดีกว่าในรูปเยอะ ผมบลอนด์ยาวประบ่า ปากนิดจมูกหน่อยมีสำเนียงการพูดแบบแท็กซัสที่แสนจะเซ็กซี่ แววตาเป็นประกาย เอาเป็นว่าทุกอย่างที่เป็นความเซ็กซี่แบบชาวใต้รวมอยู่ในตัวเธอทั้งสิ้น ส่วนเพื่อนที่มากับเธอเรียงลำดับตั้งแต่”น่ารักทีเดียว” จนไปถึง “หน้าเธอไปประสบอุบัติเหตุที่ไหนมา” แน่ล่ะผมต้องพุ่งเป้าไปที่ลินเซย์อยู่แล้ว คืนนั้นโชคเข้าข้างผมสุดๆ เพราะคาลอสมีแฟนที่เขาแสนจะเทิดทูนในตัวเธอ นีลเองก็มีแฟนอยู่แล้วเหมือนกัน และนีลก็เป็นนกต่อชั้นดีด้วย เขาจึงมีความสุขกับการรับมือกับสาวๆที่เหลือ ทำให้ผมสามารถคุยกับแม่สาวสุดร้อนแรงได้อย่างสบายใจ แต่แค่ผ่านไป 5 นาทีคำพูดของเธอก็เริ่มไม่น่าฟัง



“เราเป็นแค่เพื่อนกันได้มั้ย” ลินเซย์พูดอย่างจริงจัง


“คุณหมายความว่ายังไง”


“ฉันไม่อยากให้คุณคิดว่าฉันมาที่นี่เพื่อมานอนกับคุณ”


“แล้วผมพูดเรื่องนั้นขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่”


“เอ่อ...ก็ใช่นะ...คุณยังไม่ได้พูด...แต่คุณก็รู้นี่” เธอมีท่าทีกระอักกระอ่วน


“อย่าไปกังวลเรื่องไร้สาระงั้นน่า เที่ยวให้สนุก ทุกอย่างจะเป็นไปอย่างที่มันควรจะเป็นเอง”


   เอาล่ะ ผมขอแปลบทสนทนาด้านบนเป็น'ภาษาคนชอบกิ้ก' ให้คุณฟังแล้วล่ะกัน จริงๆแล้วมันหมายความว่าอย่างงี้

“ฉันอยากนอนกับคุณนะ แต่ไม่อยากรู้สึกว่าทำตัวเหมือนผู้หญิงหากิน”


“งั้นผมจะไม่ทำให้คุณรู้สึกว่าอย่างนั้น ถึงแม้ว่าคุณจะทำจริงๆก็ตาม”


“งั้นก็ดี เพราะถึงแม้ว่าฉันคิดมาก่อนแล้วว่าจะมานอนกับคุณ แต่คุณก็ต้องทำให้ฉันรู้สึกดีด้วย คุณถึงจะได้แอ้ม”


“คุณทำตัวตามสบายเถอะ ให้ผมจัดการทุกอย่างเอง”




   ตอนนั้นถึงแม้ว่าจะมีโอกาสที่ลินเซย์จะไม่ยอมนอนกับผม แต่ผมก็ยังเดินเกมส์ได้ไม่ผิดพลาด อย่างไรก็ดีผลจากเรื่องนั้นทำให้ผมพิดพลาดในอีกเรื่องต่อมา แต่เอาเป็นว่าผมจะเล่าเรื่องคืนนั้นของผมกับเธอให้คุณได้ฟังก่อนแล้วกัน


   ผมรู้ดีว่าผู้หญิงที่อยู่กันเป็นกลุ่มจะมีความคิดอย่างไร แต่สำหรับเดี่ยวๆผมไม่สามารถอ่านใจเธอได้อย่างทะลุปรุโปร่งได้ เว้นเสียแต่ว่าผมคือดร.แคล ไลท์แมน(*) คุณจะพูดได้เต็มปากว่ารู้จักผู้หญิงคนไหนสักคนเป็นอย่างดีก็ต่อเมื่อคุณเห็นแม่นั่นเล่นเกมส์แบบหนึ่งรุมสามอยู่กับคนสวนนั่นแหละ



   คืนนั้นลินเซย์ทำหน้าที่เมาแทนผมซะงั้น เพราะขณะที่ผมดื่มดับเบิ้ลกูซผสมกระทิงแดง เธอยิ่งดื่มหนักกว่าผมอีก จนมาถึงตอนนึงเธอถามผมถึงจำนวนคู่นอนทั้งหมดของผม



“คุณเคยนอนกับผู้หญิงมาแล้วกี่คน” เธอถามผมตรงๆ ผมได้แต่นึกคำกับจำนวนผู้หญิงที่ผมนอนด้วยเมื่อเธอรู้เข้า และเธอคงอกแตกได้แน่ถ้าได้รู้ว่าผมเคยนอนกับผู้ชายมาด้วย


“ผมไม่เคยตอบคำถามนี้หรอกนะ เพราะคำตอบของมันไม่ก่อให้เกิดผลดีแน่ๆ”


“ฉันเคยมีแค่สองคน” เธอบอก ทันทีที่เธอจบประโชคผมก็ปล่อยก๊ากทันที(เธออายุ 24 แล้วนะคุณ)


“จริงๆนะ” เธอย้ำจริงๆจังๆ


“เชื่อจ้า เชื่อ”


“ฉันบอกว่าเรื่องนี้จริงนะ” เธอย้ำอีกครั้ง


“ผมไม่สนหรอกนะ แต่จะบอกอะไรให้ ผมรู้จักผู้หญิงดีพอที่จะรู้ว่าทุกคนชอบโกหก โดยเฉพาะในเรื่องนี้”


“แต่ฉันไม่ได้โกหก”


“เชื่อก็ได้...ยังไงมันก็ไม่ได้มีผลอะไรอยู่แล้ว”


   ผมขอแปลเป็นภาษาคนชอบกิ้กอีกทีนะ



“ถามสิว่าฉันเป็นพวกแรดหรือเปล่า”


“ไม่หรอก”


“ฉันแค่อยากทดสอบคุณว่า คุณจะทำกับฉันเหมือนพวกแรดที่ยอมคุณตั้งแต่คืนแรกที่เจอกันหรือเปล่า”


“ผมรู้อยู่แล้วน่า ถึงแสดงให้คุณเห็นอยู่นี่ไงว่าผมหงุดหงิดแค่ไหน”


“คุณผ่านการทดสอบ ฉันชอบคุณนะ”




    คืนนั้นผ่านไปเรื่อยๆ เธอเมามากขึ้นทุกขณะโดยถึงจุดสูงสุดเมื่อเธอหัวทิ่ม เข้าไปในกลุ่มคนที่นั่งอยู่ตรงซุ้มเครื่องดื่มแล้วก็เริ่มคุยโทรศัพท์แบบไม่รู้เรื่อง เพื่อนๆเธอบอกว่าไม่เคยเห็นลินเซย์เมาขนาดนี้มาก่อน ผมไม่ยอมน้อยหน้าผู้หญิงหรอก ก็เลยสั่งเหล้ามากินจนหมดไปครึ่งซุ้มได้



    แต่ความเมาระดับนี้ยังไม่พอใจผมกับเธอ เราจึงกลายเป็นคู่เมาไปโดยปริยาย ตอนนี้ไม่มีใครอยากเข้าใกล้เราแล้ว เราเริ่มจูบไปทั่วใบหน้าของกันและกัน สักพักเธอก็หยุด



“ฉันไม่อยากเชื่อเลย ฉันทำอะไรลงไปเนี่ย เพราะเมาแท้ๆ” เธอว่า


“คุณอยากกลับบ้านหรือยังล่ะ”


“ดีเหมือนกัน..”


“แต่ท่าทางคุณคงขับรถไม่ไหวหรอก ให้ผมเรียกแท็กซี่หรือเพื่อนคุณมารับไหม”


“ไม่เอาหรอก คุณเมาหรือเปล่าล่ะ ถ้าไม่ก็ไปส่งฉันหน่อย บ้านฉันอยู่ห่างจากนี้แค่กิโลกว่าๆเอง...”


คำแปล....


“ฉันอยากนอนกับคุณนะ แต่ต้องเมาก่อน ฉันจะได้มีข้ออ้างไง”


“คุณยังกลับตัวทันนะ เราไม่ต้องทำอย่างนั้นก็ได้”


“ฉันรู้ แต่ยังไงฉันก็อยากนอนกับคุณอยู่ดี ไปกันเถอะ”




    ผมขับรถไปส่งเธอที่บ้าน พอถึงประตูก็ต้องเจอกับหมาของเธอที่คอยไล่งัดข้อเท้าอยู่ตลอดเวลา ปกติผมก็ชอบหมานะ แต่มีข้อยกเว้นสำหรับหมาตัวเล็กๆโง่ๆที่ชอบเลี้ยงกันตามแฟชั่นเหมือนยัยปารีส ฮิลตัน ปัญญาอ่อนนั่น แล้วไอ้ตัวนี้มันก็เป็นหมาพรรค์อย่างว่าซะด้วย


“เป็นไงมั่งคาแบลท์” เธอทักมัน


“ไอ้หมานี่ชื่อคาแบลท์งั้นเหรอ” ผมแทบไม่เชื่อหูตัวเอง


“แต่ฉันเลี้ยงมันมาตั้งปีนึงแล้วนะ ก่อนจะมาเจอคุณในเวบไซด์ด้วยซ้ำ” เอรีบออกตัว


   ในที่สุดผมกับเธอก็เริ่มเข้าประเด็นกันเสียที เราเริ่มเล่นกีฬาสากลของมวลมนุษย์ชาติกันตามปกติ แต่ผมไม่สามารถเป็นอันหนึ่งอันเดียวได้เกินนาทีเลย เพราะเธอผลักผมออกอยู่เรื่อย ไม่เป็นไร...ผู้หญิงมักต้องการอะไรบางอย่างก่อนเสมอ


“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า”


“ไม่เป็นไร”


   ผมจึงเริ่มอีกครั้ง...แล้วเธอก็หยุดผมอีกแล้ว


“ที่รัก...คุณจะเป็นอะไรก็ตามแต่เถอะ ถ้าคุณไม่อยากทำก็ไม่เป็นไร ผมไม่มีปัญหาหรอกนะเพราะผมเคารพการตัดสินใจคนอื่นเสมอ ผมจะได้ไปซะทีขอให้คุณตัดสินใจเหอะ ผมจะได้รู้ว่าควรทำยังไง ผมไม่อยากจะมามัวยึกๆยักๆอยู่หรอกนะ” ผมชี้แจงอย่างละเอียด


   ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจว่าเธออยากทำ เราจึงได้เดินเกมส์กันอย่างจริงจัง ต้องชมเธอนะ...ลีลาบนเตียงเธอเยี่ยมยอดมากทีเดียว แถมยังจัดการผมได้เป็นอย่างดี เพราะปกติแล้วผมออกจะเห็นแก่ตัวสักหน่อยในเรื่องนี้ แต่เธอรู้ดีว่าควรทำอย่างไรความปรารถนาจึงจะส่งผ่านมาถึงผม ในที่สุดเราก็จบเกมส์ลงได้ ผมจึงพลิกตัวไปคุยกับเธอ


“ตกลงคุณเคยนอนกับผู้ชายมาแล้วกี่คนกันแน่”


“ฉันบอกไปแล้วไงว่าสอง”


“อย่าโกหกน่า”


“งั้นสามก็เอ้า เมื่อกี้ฉันไม่ได้นับคุณน่ะ”


“ฮ่าๆๆ แม่นักบัญชีเอ้ย” ผมขำกลิ้ง


“ตาบ้า”



   จากนั้นเธอก็ไปห้องน้ำเพื่อทำอะไรซักอย่างที่ผู้หญิงเขาทำกันหลังจากนอนกับผู้ชาย ส่วนตัวผมเริ่มคลื่นไส้มาตั้งแต่เปิดศึกกันมาอยู่แล้ว แต่พยายามกลั้นอ้วกเอาไว้จนกว่าจะเสร็จกิจ แต่ตอนนี้ผมทนไม่ไหวแล้ว ในที่สุดผมก็ต้องหาที่อ้วก แน่นอนว่าไม่ใช่อ้วกธรรมดาหรอกคุณ มันเป็นอ้วกที่ทำเอาน้ำหูน้ำตาไหล ออกปากออกจมูก เล่นเอาผมอยากตายเลยล่ะ แต่ยังไงก็ตามต้องขอขอบคุณเตอกีล่าในคืนนั้นมากๆ


   แล้วผมก็นึกได้ กูจะอ้วกที่ไหนวะ? ลินเซย์ยึดห้องน้ำอยู่ บ้านเธอไม่มีระเบียง ผมพยายามจะเปิดหน้าต่าง แต่ก็มีม่านบังตาอยู่ ผมเคยพยายามอ้วกโดยมีม่านแบบนี้อยู่ ผลมันไม่ค่อยจะงามเท่าไหร่ ผมจนมุมซะแล้ว..


    ทันใดนั้นผมก็มีความคิดฉลาดสุดๆ ผมดันเตียงเธอให้ห่างออกมาจากผนังแล้วก็อ้วกลงไปตรงช่องว่างแบบไม่ยั้ง กว่าเธอจะออกมาจากห้องน้ำผมก็อ้วกเสร็จไปเรียบร้อยแล้ว โชคดีเหลือเกินที่เธอเมาจนไม่ทันสังเกตลมหายใจที่มีกลิ่นอ้วกของผม หรือไม่เธอก็เพิ่งอ้วกมาเหมือนกัน จนนึกว่าเป็นกลิ่นตัวเอง


    เกมส์รักของเราในรอบสองหนักขึ้นกว่าเดิม แต่ขณะที่กำลังเข้าได้เข้าเข็มอยู่นั้น ผมก็ได้ยินเสียงจ๊วบๆจ๊าบๆประหลาดๆ แว้บแรกผมนึกว่ามันมาจากน้องสาวของของลินเซย์ ผมก็เลยหยุด แต่เสียงนั้นกลับไม่หยุด แล้วผมก็ได้ยินเสียงบางอย่างเป็นตัวช่วยใบ้...มันเป็นเสียงแจ๊บๆที่หมาทำตอนอยากออกไปข้างนอก...หมา...ผมรู้แล้ว หมาของเธอกำลังกินอะไรบางอย่างอยู่


   ฉิบหายแล้ว!!!ไอ้หมานั่นกินอ้วกผมอยู่


   แล้วผมจะทำยังไงดี จะลุกไปห้ามหมาก็ไม่ได้ เพราะนั่นเท่ากับยอมรับว่า ผมอ้วกรดพื้นแล้วไม่ยอมทำความสะอาดหรือบอกให้เธอได้รู้ วิธีเดียวที่ผมทำตอนนั้นคือขึ้นๆลงๆจากเตียง เพื่อให้ไอ้หมานั่นได้เห็นหน้าผม มันจะได้หยุด ได้ผลแหะ มันเลิกเลีย แต่ยังทำเสียงแจ๊บๆอยู่


“คาแบลท์ คุณทำอะไรอยู่น่ะ อย่าไปสนใจมันเลย ฉันว่ามันคงเลียตัวเองนั่นแหละ ไอ้หมาตัวนี้มันติงต๊องน่ะ” ลินเซย์ยังไม่รู้ความจริง


   ในที่สุดไอ้หมานั่นก็หยุดไปราวๆสามวินาที แล้วก็เริ่มกินใหม่ บ้าชิบเป๋ง นาทีนั้นผมต้องพยายามทำ 3 อย่างพร้อมๆกัน

1.กลั้มหัวเราะ

2.พยายามลืมเรื่องหมากินอ้วก เพราะมันอาจจะทำให้ผมผะอืดผะอมได้

3.รักษาสภาพไอ้หนูให้สู้ไม่ถอย


   ผมเลยพยายามจัดการเธออย่างหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ แล้วเหตุการณ์ก็จบลงด้วยดี ผมปิกบิญชีเธอได้เรียบร้อยจนผล็อยหลับไปด้วยกัน แล้วผมก็รีบออกมาก่อนที่เธอจะรู้สึกตัว




    วันรุ่งขึ้นผมได้รับอีเมลล์จากเธอ
“ฉันต้อนรับคุณเป็นอย่างดีเพราะคุณมาจากต่างเมือง แต่เมื่อคืนเป็นคืนที่ฉันเมามากที่สุดในชีวิต ดังนั้นอย่าคิดเป็นจริงเป็นจังกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนะ”
   

        ผมต้องแปลอีเมลล์ฉบับนี้เป็น'ภาษาคนชอบกิ้ก'ให้คุณฟังอีกไหม..

เอาเป็นว่าเธอไม่พบอ้วกของผม แน่ละ...ผมไม่มีทางบอกเธออยู่แล้ว บางทีหมานั่นอาจจะกินมันไปหมดแล้วก็ได้...คืนนั้นเราก็เลยออกมาเที่ยวด้วยกันอีก และในตืนต่อๆไปที่ผมฝึกงานอยู่ที่นี่เป็นบางคืนด้วย




----------------------------------------------------------------------------------------------------------------



Dr.Cal  Lightman  ชื่อตัวละครหลักจากเรื่อง Lie to me แคลเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการจับโกหกและสีหน้าคน


เดี๋ยวพรุ่งนี้คงมาต่อให้อีกตอนนะคะ ถ้าเสร็จเรียบร้อย

 :z1:


หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 11 (02/04/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: ლїЯдςLΣϛlθTtεR ที่ 03-04-2011 03:03:03
หนูละชอบภาษาที่แปลมาใหม่จัง  o13
ไว้วันหลังหนูจะเอาไปใช้กะกิ๊กหนูมั่งนะ
ฮาๆๆๆๆๆๆๆๆ



กอดแม่  :กอด1: แม่คือฮีโร่ของผมนะครับ >> The Middle ฮาๆๆๆๆ  :mc4:
หัวข้อ: Re: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 11 (02/04/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 03-04-2011 05:39:23
หมา ชื่อเดียวกันเลย :laugh:
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 12 (03/04/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSacrifice ที่ 03-04-2011 20:42:58
   ผมย้ายมาทำงานที่สำนักงานในชิคาโก วันนั้นเป็นวันศุกร์ธรรมดาวันหนึ่ง ผมนั่งจิบเบียร์ไปดูโทรทัศน์ไปอยู่ในอพาร์ตเมนท์ ราวๆทุ่มนึงเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น คนที่โทรมาคือคาเรนคู่ขาอีกคนหนึ่งของผมที่นี่ ผมออกจะงงๆเพราะเธอโทรมาเร็วไปหน่อย โดยปกติเธอจะโทรมาเร็วที่สุดก็เที่ยงคืน


“เธอเมารึไงเนี่ย” ผมถามเธอด้วยความประหลาดใจ


“เปล่าจ้า...ที่รัก ตอนนี้คุณทำอะไรอยู่”


“ก็เรื่อยๆ ตอนนี้นั่งดูรายการ สมรภูมิกระทะเหล็กอยู่โมริโมโต้กำลังทำบรูลีครีมเห็ด แข่งกับปอร์ซินี่อยู่” ผมว่าตั้งแต่ในชีวิตอยู่ร่วมกับแกสเขาค่อนข้างมีอิทธิพลกับผมอยู่เหมือนกัน รายการโทรทัศน์นี่แหละอย่างนึงที่ผมทำอยู่


“อือ..งั้นก็ดีเลย..คืนนี้ฉันมีนัดบอดน่ะ...เพื่อนชวนไป...แต่ฉันจะถามว่าฉันแวะไปห้องคุณก่อนได้ไหม อยากได้โปรตีนแบบพิเศษจากคุณหน่อยน่ะ”


   วิเศษเลย!คาเรนเปลี่ยนสถานะจาก”คู่ขาที่โทรมาในเวลาที่ผิดปกติ” มาเป็น”แม่ตัวดูด”แล้วล่ะคุณ


“ได้เลย..มาสิ..ผมไม่ไปไหนหรอก”


“เยี่ยมเลย..งั้นเดี๋ยวเจอกัน”


“ที่รัก ซื้อเบียร์มาด้วยนะ” ผมสั่งทิ้งท้าย


   ไม่ถึงสิบนาที เธอก็มาปรากฎตัวที่อพาร์ตเมนท์ของผมพร้อมเบียร์มิลเลอร์หนึ่งโหล สังสัยผมคงต้องสอนให้เธอได้รู้จักข้อแตกต่างของเบียร์และเยี่ยวม้าหน่อยล่ะคุณ


   มาถึงเธอก็ตรงมาดูดผมทันที เพราะนัดบอดของเธอจะเริ่มในอีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงข้างหน้า ส่วนตัวผมก็นั่งดู ยุทธภูมิกระทะเหล็กต่อไป ไม่เอาน่าคุณ...โมริโมโต้เป็นอัจฉริยะในการทำอาหารชัดๆ แต่คาเรนผมก็เห็นเธอดูดมาหลายหนแล้ว มันก็เหมือนหนังจีนชุดนั่นแหละ รอดูตอนจบตอนเดียวก็พอ


   ในคืนนั้นผมตั้งใจจะออกไปหาเพื่อนที่นัดไว้ตอนสี่ทุ่ม ดังนั้นพอคาเรนจากไปตอนสองทุ่ม ผมก็เลยมีเวลามานั่งคิดว่าการที่อยู่ดีๆก็มีสาวมาดูดให้ก่อนที่เธอจะออกไปเที่ยวกับหนุ่มนี่มันสุดยอดจริงๆ ตัวผมเองก็ไม่ใช่คาสโนว่าหรอกนะ(จากที่ผมคิดเอาเอง) แต่ก็คิดว่าคงมีผู้ชายไม่กี่คนหรอกที่ทำแบบผมได้


   จู่ๆผมก็คิดไปถึงนัดของคาเรน มันรู้สึกแย่อย่างบอกไม่ถูกเลยล่ะคุณ ไอ้หนุ่มหน้าโง่นั่นคงไม่มีรู้เลยว่าผู้หญิงที่เขาคอยให้บริการให้เกียรติอย่างดีระหว่างอาหารค่ำที่เขาเลี้ยง เธอเพิ่งจะให้ปากของเธอเขมือบน้องชายของผมมาเมื่อชั่วโมงที่แล้ว หวังว่าพระเจ้าคงให้อภัยผมนะ หากหมอนั่นเกิดจูบราตรีสวัสดิ์เธอขึ้นมา ผมว่านอกจากลมหายใจของเธอที่มีกลิ่นเบียร์แล้ว หมอนั่นต้องรู้สึกเค็มปะแล่มๆบ้างล่ะน่า


   ผมไม่ได้รู้สึกไม่ดีกับหมอนั่นถ้าหากเขาจะฟันเธอ (เพราะผู้หญิงอย่างนี้ผมไม่คว้าเอามาทำแม่ของลูกอยู่แล้ว) เมื่อพวกเขาออกไปเที่ยวด้วยโอกาสก็ย่อมมีอยู่แล้ว ผู้ชายส่วนใหญ่คงรู้ดีใช่ไหม


   จริงๆแล้วผมก็ไม่รู้หรอกว่าแม่นั่นออกไปเที่ยวกับผู้ชายแล้วจะจบลงแบบไหน แต่ถ้ากับผมแล้วล่ะก็มันก็มักจะลงเอยด้วยอย่างว่าแหละ...มาถึงตรงนี้จู่ๆก็มีอีกความคิดแว๊บเข้ามาในหัวผม เวรเอ๊ย!


   แล้วตัวผมล่ะ เจอผู้หญิงที่ทำแบบที่คาเรนทำกับไอ้หมอนั่นมากี่คนแล้วเนี่ย


   คุณว่ามันจะเกิดขึ้นกับผมไหม?...ผมเคยเป็นไอ้โง่ที่ควรสาวไปเที่ยวโดยที่เธอเพิ่งไปดูดใครมาหรือเปล่า


   ให้ตายเหอะนึกไปนึกมามันต้องเคยเกิดขึ้นกับผมแล้วแน่ๆ เพราะผมก็ควงผู้หญิงไปเที่ยวมาจนนับไม่ถ้วน ยังไงมันก็ต้องมีแบบนี้เข้าสักคนแหละ ยิ่งเมื่อนึกถึงระดับศีลธรรมอันต่ำทรามของผู้หญิงหลายคนที่ผมเคยสอย อาทิ ผู้หญิงหากินก็มีความเป็นไปได้อย่างมากที่ผมจะเป็นอย่างไอ้หนุ่มที่เที่ยวกับคาเรน


   คิดง่ายๆเลยก็ตัวคาเรนนั่นแหละ ในเมื่อเธอทำให้ผมได้ ทำไมเธอจะทำให้คนอื่นไม่ได้ แม้ว่าผมจะสามารถบรรเลงเพลงรักให้ถึงอกถึงใจเธอได้ แต่ในโลกนี้ก็ต้องมีผู้ชายที่ทำได้เหมือนผมอยู่อีก(อย่างน้อยๆก็เพื่อนผมนี่แหละ) แล้วตัวผมเองก็พูดไม่ได้เต็มปากหรอกว่ารู้จักผู้หญิงดี ก็คงไม่ต้องพิสูจน์แล้วล่ะคุณ เพราะยังไงผมก็เป็นไอ้โง่อยู่ดี


   ยิ่งคิดไปเรื่อยๆเรื่องมันคงไม่ใช่แค่ดูดด้วยซ้ำ คุณว่าจะมีผู้หญิงสักกี่คนที่นอนกับผมแล้วก็ไปนอนกับผู้ชายคนอื่นในวันเดียวกัน หรืออาจจะกลับกันก็ได้ นอนกับคนอื่นแล้วค่อยมาหาผม ผมไม่มีทางรู้เลยนะ...จะไปรู้ได้ยังไงเล่า แต่บางทีผมอาจจะรู้ได้ถ้าตั้งใจดมกลิ่นน้ำรักที่ติดตามริมฝีปากเธอ ถ้ามันมีอยู่ที่นั่นจริงผมอาจจะไม่เคยแค่ดมเฉยๆแล้วล่ะ ผมคงได้กินมันด้วยซ้ำ


   พระเจ้าช่วยบอกผมทีเถอะว่าผมไม่เคยกินมัน!ไม่งั้นผมจะไปอ้วกเดี๋ยวนี้แหละ


   ตั้งแต่เหตุการณ์นั้น..วิธีการมองโลกของผมก็เปลี่ยนไปทันที และไม่มีวันกลับมาเหมือนเดิม เหมือนกับเวลาที่คุณเปิดแสงแบล็คไลท์ใส่ผนังของโรงแรมแล้วพบว่ามันมีคราบน้ำรักสาดกระจายไปทั่ว คุณจะไม่มีวันมองผนังนั่นอย่างสนิทใจได้อีก


   ผมนั่งคิดอยู่อย่างนั้นเกือบสองชั่วโมง จนถึงเวลาที่ผมต้องออกไปหาเพื่อน พอเจอกันผมก็เล่าถึงสิ่งที่ผมคิดให้พวกเขาฟังทันที มันเรียกเสียงฮาได้ไม่เลวเลยล่ะ พวกเขาบอกว่าผมติ๊งต๊อง แล้วอย่าคิดมากจะดีกว่า แต่ผมจริงจังนะ...


“ไม่ตลกนะว้อย พวกนายทนได้เหรอ ฉันคนนึงล่ะที่จะไม่ล่อต่อจากใครในวันเดียวกันหรอก ทำอย่างนั้นมันไร้น้ำยาชัดๆ คนอย่างคาแบลท์ ฮูแซกไม่กินของเหลือเดนโว้ย” ผมโวยวาย


“ไม่ก็ไม่ ฉันเชื่อแล้วกัน” หมอนั่นบอกอย่างรำคาญๆ


“พูดจาอย่างนี้พ่อนายเป็นตลกหรือไงวะ” ผมยังเคืองไม่หาย


“ทำอย่างกับนายไม่เคนแหละ นอนกับคนนึงตอนเช้า พอตกเย็นก็ไปสอยมาอีกคน”


“แต่มันไม่เหมือนกันโว้ย”


“ไม่เหมือนยังไง” แซคทำหน้าจริงจัง


“เพราะแม่พวกนั้นไม่เหมือนกัน”


“พูดมาได้...เมื่อกี้นายก็เพิ่งถูกดูดมาไม่ใช่เหรอ แล้วที่ออกมานี่ก็ตั้งใจจะสอยกลับไปอีก”


“แม่งเอ๊ย!” ผมเถียงสู้ไม่ได้ผมเลยด่าซะเลย


“ใครๆก็เคยโดนกันทั้งนั้นแหละเพื่อน ไม่ใช่โดนอย่างเดียว บางทีเราเองก็เป็นต้นเหตุให้คนอื่นโดนด้วย ผู้หยิงผู้ชายมันก็เป็นอย่างนี้แหละ จะไปคิดมากทำไมวะ” หมอนั่นเปลี่ยนมาเป็นปลอบ


“ฉันไม่ยอมหรอกว้อย เพราะฉันคือ คาแบลท์ ฮูแซก ไม่มีใครหน้าไหนดีไปกว่าฉัน ไอ้เรื่องบ้าๆนั่นมันต้องไม่เกิดขึ้นกับฉัน”


“แต่ฉันว่าไม่พ้นคืนนี้หรอก นายโดนแน่”


   ผม ดื่ม ดื่ม ดื่ม และดื่ม แต่ก็ยังไม่สามารถสลัดความคิดที่ว่าผมโดนผู้หญิงปั่นหัวมาได้ แถมยังไม่รู้อีกว่าผู้หญิงคนนั้นคือคนไหน และไอ้ความไม่รู้ที่แย่ที่สุดคือ มันทำให้ผมมีโอกาสจูบกับผู้หญิงที่ปากเพิ่งเลอะน้ำรักของผุ้ชายคนอื่นเมื่อไม่ถึง 45 นาทีที่ผ่านมา


   สิ่งที่ทำให้ผมเซ็งมากก็คือผู้หญิงทำกับผมเหมือนที่ผมทำกับพวกเธอนั่นแหละ และผมก็เป็นไอหน้าโง่ที่ไม่เคยรู้เลย ชีวิตที่ผ่านมาผมคิดมาตลอดว่าผมเป็นคนเล่นเกมส์กับพวกหล่อนโดยถือไพ่เหนือกว่ามาตลอด และไม่มีวันจะตกเป็นเบี้ยล่างทแต่ตอนนี้ผมมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นไอ้หน้าโง่สูงมาก พอผมคนอย่างนี้ซ้ำไปซ้ำมาหลายๆรอบคงไม่ต้องบอกใช่มั้ยว่ามันเข้าครอบงำผมทั้งคืน คำว่าครอบงำของผมนั้นหมายความว่ามันไม่สามารถเป็นปกติได้อีกเลย...


   บางทีความเมาก็ช่วยอะไรไม่ได้เลย คืนนั้นผมเลยต้องการตัวช่วยอื่นที่จะทำให้ความกังวลของผมหมดไป แต่ตอนนี้ผมก็ต้องใช้เหล้าเป็นที่ปรึกษาไปพลางๆก่อน ใช่เลย..คืนนี้ก็เป็นอีกคืนที่ความเมาของผมพุ่งทะลุขีดจำกัด


   พอไปถึงร้านแรกผมก็ตระเวนไปทั่วร้านเพื่อสัมภาษณ์สาวๆว่าพวกหล่อนเคยทำอย่างที่ผมคิดหรือเปล่า


“ขอถามอะไรหน่อยได้ไหมครับคุณ...คุณเคยดูดให้ผู้ชายคนหนึ่งก่อนจะออกไปเที่ยวกับอีกคนในวันเดียวกันหรือเปล่า หรือว่าเคยนอนกับผู้ชายคนหนึ่งก่อนจะไปดูดให้อีกคนโดยไม่บอกคนที่ดูดให้น่ะ” ผมยิงคำถามตรงๆ


“อะไรนะ!” เธอถามเหมือนไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยิน


“อย่าเฉไฉน่า ตอบมา”


      ไม่ต้องเดาเลย...ผู้หญิงในร้านนั้นคิดว่าผมตลกลามกกับทุกคนเลย




   ในร้านต่อมา หลังจากเหล้าผ่านไปสามรอบ ผมก็เพ้อออกมาเป็นกลอนแต่งเอง


“กุหลาบงามสีแดงชูช่อแข่งขัน ไวโอเล็ตนั้นฟ้ากระจ่างใส นังหญิงร้อยเลห์ดูดให้ฉันก่อนใคร แล้วก็จากไปดูดให้คนอื่นในเร็วพลัน”


   ความเพ้อเจ้อของผมดึงดูดให้สาวกลุ่มหนึ่งให้ความสนใจจนอดไม่ได้ที่จะเข้ามาคุยกับเรา เพื่อนผมซึ่งยังไม่รู้มารยาร้อยเล่มเกวียนของผู้หญิง ตัดสินใจแต่งเรื่องของผมขึ้นมาใหม่ให้พวกเธอสนใจ เขาบอกว่าผมเพิ่งเลิกกับแฟนที่ผมรักมากแต่ไม่เคยเอาใจใส่ผมเลย และนี่เป็นคืนแรกที่ผมยอมออกมาเที่ยวด้วยความขมขื่น ผมช่วยกระพือให้เรื่องที่หมอนั่นเล่าน่าเชื่อถือขึ้นไปอีกหลังจากที่เหล้าผ่านไปอีกรอบ


   พอผมเริ่มเล่าเรื่องตลกไร้สาระต่างๆสาวๆกลุ่มนี้ก็ตัดสินทันทีว่าผมตลกดี มีคนหนึ่งพยายามปลอบใจผมโดยการเปลี่ยนหัวข้อสนทนาไปเป็นเรื่องเพลงแทน ผมบอกเธอว่าผมเป็นแฟนเพลงลูกทุ่งตัวยงเลย แน่ล่ะคุณ!ไกลจากความเป็นจริงเป็นโยชน์เลย...


“จริงเหรอ! คุณรู้มั้ยล่ะ ฉันชอบเพลงลูกทุ่งที่สุดเลย อย่างเพลงนึงนะ เพลงไปเมากันเถอะ คุณรู้จักไหม? ฉันแต่งใหม่เป็น ไปเข้าคิดซื้อรองเท้ากันเถอะ” เธอเชื่อสนิทใจแถมยังชวนคุยเสียยืดยาว ส่วนผมได้แต่จ้องหน้าเธอปริบๆ เพราะไม่รู้เรื่องแม้แต่นิดเดียว


“มันน่าสนุกออกคุณว่าไหม” เธอยังคงพยายามทำให้ผมร่าเริงขึ้น


“ผมว่าคุยกับคุณ ผมคงโง่ลงไปกว่านี้แน่” ผมเริ่มเบื่อเธอเต็มทน


“คุณว่าอะไรนะ”


   ผมเงียบไปพักนึงเพื่อให้เธอสนใจมากขึ้นแล้วจึงพูดต่อ”ฟังให้ชัดๆนะ ผมพนันได้เลยว่าไอ้หนูที่คุณดูดมาน่ะ เอามาเรียงต่อๆกันได้ยาวเป็นกิโลแหงๆ”


   เธอรีบผละออกจากผมทันที พร้อมทั้งด่ากลับอย่างตะกุกตะกัก”นะ..นายมัน..ปะ..ปัญญาอ่อนสิ้นดี”



   แน่นอนว่าเหตุการณ์นี้ทำให้อนาคตในร้านที่สองของเราดับวูบลง ร้านที่สามที่เราไปมีทรัพยากรผู้หญิงมากเพียงพอ แต่ผมยังคงหมกมุ่นอยู่กับเรื่องที่คิดจนไม่มีอารมณ์ไปสอย เพื่อนๆก็เลยเอาผมมาทิ้งไว้ที่โต๊ะ ส่วนพวกมันก็ออกไปล่าสาวๆกันตามอัธยาศัย



   ผมเดินเตร่ไปเรื่อยๆแล้วก็ไปปากหมากับผู้หญิงคนนึงเข้า ซึ่งตรงกันข้ามกับเพื่อนๆผมที่กำลังไปได้ดีกับสาวๆ พวกเขากำลังจะประสบความสำเร็จในการสอยแม่พวกนั้น จนกระทั่งผมนึกอยากจะได้ยินว่าเสียงแก้วแตกเป็ยยังไง แล้วเราก็โดนไล่ออกจากร้านเป็นรอบที่สามในคืนเดียว


   ในที่สุดเราก็มาลงเอยที่ไนต์คลับ ตอนที่ผมไปถึงผมก็เมาเละจนนักเลงคุมร้านแทบจะไม่ให้ผมเข้าอยู่แล้ว ความทรงจำสุดท้ายของผมในคืนนั้นก็คือตอนที่ผมสั่งเหล้าอะไรซักอย่างแบบดับเบิ้ลจากซุ้มเครื่องดื่ม เพื่อนของผมคนหนึ่งมาดึงแขนไว้บอกให้ผมเพลาๆลงบ้าง


“นายเมามากไปแล้วนะเพื่อน ถ้าเมามากกว่านี้ตายไม่รู้ด้วยนะโว้ย” เขาเตือนผม


“ถ้าฉันไม่ได้กินสิจะตายเอามากกว่า”


“ร้านที่แล้วแกล่อไปกี่แก้วน่ะ”


“แกนับแก้วที่ฉันกินเหรอ? ถ้าแกอยากเป็นผู้ดูแลตับของฉัน ก็ช่วยจ่ายค่าเหล้าให้ด้วยแล้วกัน”


“เท่าที่ผ่านมาฉันก็จ่ายให้แกอยู่แล้วโว้ย” แบรตมีอารมณ์ขึ้นมาบ้าง


“ฉันคือคาแบลท์ ฮูแซกนะโว้ย ผู้หญิงไม่มีสิทธิ์มาทำแบบนี้กับฉัน” ผมยังหมดมุ่นอยู่กับเรื่องเดิม



   พวกนั้นพาผมมานั่งที่เดิมแล้วก็ออกไปจีบสาวๆ พอดื่มเข้าไปอีกแก้วสองแก้ว ผมก็นึกอยากดิ้นขึ้นมาบ้าง ขณะที่กำลังสมเพชสภาพตัวเองบนเวทีนั่นเอง ผมก็เหลือบไปเห็นผู้ที่จะช่วยผมได้


   ผมมองเห็นคนที่สามรถเชื่อใจได้เต้นอยู่คนเดียวที่มุมหนึ่งของร้าน คนนั้นเปรียบเหมือนคู่ตุนาหงันของผมเลยทีเดียว ผมรู้ดีว่าเค้าจะรักผมตลอดไปแน่นอน และที่สำคัญคือไม่ฟันกับใครลับหลังโดยไม่บอกผม



   คนคนนั้นคือคนที่สง่างาม ตาสีสวยชวนให้หลงไหล เรือนร่างไม่มีที่ติ ช่างเป็นคนที่มีเสน่ห์ที่เหลือล้นจริงๆ สารเคมีในร่างกายของเราทำปฏิกิริยากันทันที เราเต้นด้วยกัน ผลัดกันจ้องตา ผมเริ่มจีบเขาอย่างขัดเขิน และกระซิบคำหวานให้กันจนเลี่ยน รอยยิ้มถูกตอบสนองด้วยรอยยิ้ม สัมผัสตอบสนองด้วยสัมผัสเดียวกัน




   ตอนเช้าผมตื่นขึ้นมาบนเตียงที่อพาร์ตเมนท์โดยมีเค้านอนหลับตาพริ้มอยู่ข้างๆ แล้วก็พลันนึกขึ้นมาได้ เอาแล้วไง!สุดท้ายผมก็ลอกหมอนี่มาอีกจนได้


“แกสๆ ตื่นๆ”


“อือ หืม?” เขาขยี้ตาแล้วบิดตัวเล็กน้อยจนผ้าห่มร่นลงมาจนเห็นไรขนข้างล่าง มันก็เซกซี่อยู่หรอกนะ! แต่ผมไม่มีอารมณ์แล้วตอนนี้ ผมจึงตัดสินใจดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวเขาไว้


“ถ้านายควงกับฉัน นายห้ามดูดให้คนอื่นมาก่อน 24 ชั่วโมงนะเข้าใจไหม? ก่อนดูดต้องอาบน้ำก่อนด้วย ฉันเป็นคนมีมาตรฐาน นายต้องสะอาดพอ เข้าใจไหม? ” ผมจับหน้าแกสให้มามองหน้าผมตรงๆอย่างกระชั้นชิดแล้วบอกเขาอย่างจริงจัง เขากระพริบตาปริบๆแล้วขำก้ากออกมา


“ฮ่าๆ ตาบ้าเอ๊ย นี่ขอฉันกลับไปเป็นแฟนรึไง?” แกสยิ้มจนเห็นลักยิ้ม


“.....”



 

-------------------------------------------------------------

ฟิตจัด สองตอนรวดคะ
 :z1:
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 12 (03/04/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: ლїЯдςLΣϛlθTtεR ที่ 03-04-2011 21:27:10
กี๊สสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส
อยากอ่านต่อ
กี๊สสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส




ในที่สุดคาแบลท์ก็จะเป็นผู้เป็นคนอีกครั้ง
โอเย้!   :a2:
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 12 (03/04/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSacrifice ที่ 04-04-2011 21:05:50
ฮึ้บ!!

ดันนิยายตัวเองนี่ผิดไหม?
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 12 (03/04/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: getto ที่ 05-04-2011 22:03:51
2 ตอนรวดที่แตกต่าง
คาแบลท์คิดว่าตัวเองไม่ได้เป็นคาสโนวา o22
คาแบลท์เพิ่งเห็นทางสว่าง :laugh:
แกส o13
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 12 (03/04/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSacrifice ที่ 05-04-2011 22:08:47
งอน

ไม่ต่อละ

หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 12 (06/04/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSacrifice ที่ 06-04-2011 17:34:43
   การได้ลองคบกับแกสก็ดูจะเป็นเรื่องที่น่าสนุกไม่น้อย อย่างนึงที่ทำให้รู้จักกันจริงๆคือหมอนี่ไม่ใช่พวกโง่งี่เง่า และดูจะเป็นผู้ฟังและผู้พูดที่ดี เขาบอกผมว่าผมไม่ใช่”ใครก็ตามที่จะรับฟัง” ดังนั้นการคบกันของเรา เขาจึงเลือกที่จะเป็นผู้ฟัง แม้ว่าจริงๆแล้วเขาจะรักการพูดก็เถอะ(ผมค่อนข้างเห็นด้วย เพราะหมอนี่พูดได้เยอะจริงๆตอนที่พบปะกับเพื่อนฝูงของเขา)


   อีกสิ่งหนึ่งที่เขาทำให้ผนค่อนข้างแปลกใจคือเขาเป็นโรคเกลียดหมาตัวเล็กที่เหาแง๊งๆใส่ แกสจะมีปฏิริยากับหมาพวกนี้เร็วมาก นั่นคือหนทางของคนขี้ขลาดซึ่งผมว่ามันก็น่ารักไปอีกแบบนะเมื่อเห็นเขาทำปากจู่แล้วเม้มปากของเขาเข้าไปข้างใน จากนั้นก็ค่อยๆเบี่ยงตัวเองมาหลบอยู่ข้างหลังผม ไม่ก็เดินเลี่ยงไปอีกทาง




   นั่นน่ะแค่ส่วนหนึ่งที่ผมได้เริ่มทำความรู้จักกับเขาจริงๆจังๆ





“คาแบลท์ เราน่าจะย้ายไปอยู่บาเซโลน่ากันนะ” แกสพูดกับผมขณะที่เรากำลังเอนตัวนอนดูลอร์ แอนด์ ออเดอร์ กันอยู่โดยมีถ้วยป็อบคอร์นถ้วยเบอเร่อวางอยู่บนพุงของผม


“....” ผมเงียบเพราะคิดว่าเดี๋ยวเขาก็คงจะหยุดพูดไปเอง


“ภายในสองหรือสามเดือนข้างหน้า ผมจะได้ไปทำงานที่นั่น บางทีคุณอาจจะอยากไปกับผม คุณจะได้เคยชินกับที่นั่นไง”


“ชู่วว...” ผมส่งเสียงเตือนเมื่อถึงตอนสำคัญ...ไม่เอาน่า มันไม่สนุกนักหรอกหากเราพลาดคำพูดเด็ดๆจากเรื่องนี้


“กำลังคิดว่าผมไร้สาระงั้นสิ” แกสถอนหายใจแล้วทิ้งศีรษะลงบนไหล่ผมอย่างแรง


“ฉันชอบคำนี้นะ’ไร้สาระ’...ตอนนี้ซิปปากแล้วนอนดูซีรี่ย์นิ่งๆเหอะน่า” ผมบอกเขา เขาขยุกขยิกตัวเล็กน้อยแล้วก็นิ่งไปเมื่อผมยัดป็อบคอร์นใส่ปากเขากำใหญ่ๆ นั่นทำให้เขาเงียบไปพักนึงเพื่อเคี้ยวป็อบคอร์นในปาก แต่แล้วแกสจอมพูดมาก(ในบางครั้ง)ก็เริ่มขึ้นมาอีกจนได้


“คุณน่าจะลองคิด- ”


“ชู่วว...”


“ดู”


   และนั่นก็หายนะจริงๆเมื่อพบว่าผมดูตอนนี้แทบไม่รู้เรื่อง เพราะเมื่อเขาพูดเรื่องของเขาจบ ซีรี่ย์มันก็จบตามไปด้วย


“เอาล่ะ เราน่าจะพูดเรื่องนี้กันนะ...คุณน่าจะเงียบเมื่อผมส่งสัญญาณเตือน”


“อู้วว ส่งสัญญาณเตือน...ผมชอบคำนี้นะ ว่าต่อไปสิ” แกสล้อ


“งี่เง่าน่าแกส” ผมบอกเขาหน่ายๆ


“คุณก็อย่าฉุนเฉียวใส่ผมบ่อยนักสิ”


“โอเค ผมขอโทษ”


“เยี่ยม!” แกสตะโกนเสียงดัง ผมรู้ๆว่าเขาเป็นโรคหลงใหลในคำขอโทษจากผมากแค่ไหน มันเลยไม่แปลกที่เขามักจะแสดงท่าทางกระตือรือร้นเมื่อได้ฟังมัน และจะยอมอยู่อย่างสงบไปราวๆสองสามวัน


“แต่ไม่ได้หมายความว่าผมจะไปบาเซโลน่ากับคุณนะที่รัก” ผมบอกเขา


“โถ่ ไม่เอาน่า ได้โปรดเถอะคาแบลท์” แกกสเริ่มทำเสียงและท่าทางปัญญาอ่อน – ซึ่งเขาคิดเอาเองว่ามันน่ารักดี และผมจะยอมเขาทุกครั้งที่เขาทำแบบนี้...และจากที่ผมรวบรวมสถิติ...เขาคิดถูก ผมยอมเขาทุกครั้งจริงๆ


“โอ พระเจ้า” ผมอุทานแล้วกุมขมับตัวเอง แกสรีบแทรกตัวมานั่งบนตักผมทันที เขาจับมือผมให้ไปโอบรอบเอวของเขาแทน จากนั้นก็ดึงผมไปกอดปลอบ – ผมซุกหน้าไว้กับอกเขาเหมือนเด็กน้อย – จากนั้นก็ก็ลูบหัวผม ทำทุกอย่างให้ผมเคลิ้มและตอบรับเขา


“ครั้งนี้ฉันไม่ยอมนายแน่แกส ปล่อยฉันๆ” ผมรั้งตัวเขาออก แล้วลุกขึ้นจากโซฟาทันที แต่หมอนี่ไวพอควรเพราะเขาดึงให้ผมกลับไปนั่งใกล้ๆเขาจนได้


“ที่รัก คุณจะให้ผมไปที่นั่นคนเดียวจริงๆเหรอ...ผมสัญญาถ้าคุณไปด้วย ผมจะหยุดพูดเมื่อคุณส่งสัญาณเตือน...ได้โปรดๆ”


“ได้ แต่ช่วยเลิกทำปฎิทินวันละคำของคุณด้วย” ผมบอกเขา – แกสเริ่มทำปฏิทินวันละคำของเขามาได้เกือบหนึ่งเดือนแล้ว เขาจะเขียนศัพท์ยากๆลงไปบนนั้น และพยายามอย่างที่สุดที่จะคำศัพท์นั่นเข้ามาในบทสนทนา แรกผมก็ว่ามันตลกดีนะที่เขากระตือรือร้นจะยัดคำลงมาในบทสนทนา แต่เมื่อผ่านไปราวๆสองสัปดาห์ผมกลับรู้สึกมันติ๊งต๊องสิ้นดี


“พระเจ้า! นั่นทำให้ผมดูฉลาดขึ้นนะเมื่อจำศัพท์ยากๆได้”


“โถ่ มานี่มา..มานั่งบนตักผมนี่ แล้วผมจะบอกให้ว่าตอนคุณพยายามยัดศัพท์พวกนั้นเข้ามาในบทสนทนามันติ๊งต๊องแค่ไหน” ผมบอกเขา แล้วเริ่มเลียนเสียง กับแสดงท่าทางกระตือรือร้นที่จะยัดเยียดคำเหล่านั้นเข้าไป ซึ่งบางทีมันก็ดูขัดแย้งจนดูตลกมากกว่าดูฉลาด


   เขานั่งหัวเราะคิกคักตอนผมแสดงท่าทางงี่เง่ากับศัพท์งี่เง่านั่นให้เขาดู แล้วเขาก็ยอมสัญญากับผมว่าจะเลิกทำปฏิทินวันละคำ...แต่...ผมต้องเข้าเรียนสกีกับเขาในสัปดาห์หน้าด้วย





   นั่นแหละแกส...เขามักจะสนใจหรือหากิจกรรมมาทำอยู่ตลอดเวลา นั่นทำเอาผมเดาไม่ถูกเหมือนกันว่าพรุ่งนี้เขาจะเลิกทำมันหรือไม่ และกิจกรรมใหม่ที่เขาสนใจคืออะไร? มันค่อนข้างสนุกดีทีเดียวล่ะที่ได้มองเขาทำเรื่องงี่เง่าบ้างหากผมไม่ต้องไปร่วมด้วย...อย่างเดือนที่แล้วจู่ๆเขาก็อยากเป็นศิลปิน เขาลงคอร์สวาดรูปด้วยสีน้ำมัน สัปดาห์ต่อมาเขาขอให้ผมแก้ผ้า(ใช่! ผมหมายถึงผมโป๊) เพื่อเป็นนายแบบให้เขา และที่งี่เง่าที่สุดคือผมยอมแก้ผ้าเป็นนายแบบให้เขา!!!


-----------------------------------------------------------------------------------------

มาบ่อยจริงๆช่วงนี้ อิอิ

 
 
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 13 (06/04/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: ┗◎┗◎ ที่ 06-04-2011 21:22:47
เอาตูดแปะไว้ก่อน
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 13 (06/04/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: ლїЯдςLΣϛlθTtεR ที่ 06-04-2011 21:42:36
เิริ่มเข้าโหมดน่ารักแล้วอ่ะ
กี๊สๆๆๆๆๆๆๆ


นี่แหละคาแบลท์ที่รอมานานแสนนาน!!!!
 :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 13 (06/04/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: getto ที่ 06-04-2011 22:49:24
ตอนสั้นไม่ว่า แต่มาต่ออีก :laugh:
 o13
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 13 (06/04/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 06-04-2011 23:50:42
กำลังรอ ว่าคาเบลท์มันจะหยุดอยู่กับที่เมื่อไหร่ :laugh:
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 13 (06/04/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: berlyn ที่ 06-04-2011 23:55:36
คาแบลท์ค่อยๆเปลี่ยนตัวเองไปอย่างช้าๆ แกสมีอิทธิพลต่อนายมากจริงๆ
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 13 (06/04/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: ┗◎┗◎ ที่ 07-04-2011 22:32:14
ฮาดีอ่ะ

ฉุกคิดได้เพราะโดนดูด

คาแบลท์มันไม่เหมือนใครจริงๆ  :jul3:


แกสน่าร้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก

ขอหวานๆอีก  อย่าเพิ่งจบ



กลัวใจคนเขียน ตัดจบเก่งกว่าแต่งนิยายอีก
 -,-


 :m20:

หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 13 (06/04/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: PrinceGirlz ที่ 08-04-2011 11:44:16
ยังคงสงสารแกส ยอมตัลหลอดดดดด
ครานี้มีอ้อนว่ะ อะฮิ ;D

ปอลอ อยากให้แกสรูเรื่องที่คาแบลท์ขี้ราด 55555

มาต่อไว ๆ น้าเจ๊ มร๊วฟฟฟฟส์ ๆๆ >3< <3
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 13 (06/04/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 08-04-2011 17:27:27
แวะมาดันนิยายคุณภาพ อิอิ o13
หัวข้อ: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 14 part 1 (26/04/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSacrifice ที่ 26-04-2011 22:11:23
     คืนวันศุกร์ผมออกไปกับกลุ่มเพื่อนของผมทันทีที่เลิกงาน ทันทีที่เรารู้ว่าแซคกำลังอกหัก ทุกคนก็พร้อมมาตอกย้ำ และย่ำยีเขาอย่างสะใจ พวกเพื่อนๆผมและตัวผมเกลียดแฟนเขาเข้าไส้ แบรตกับคาลอสถึงขั้นเอ่ยปากออกมาว่าเมื่อใดก็ตามที่นังผู้หญิงสำส่อนแฟนของหมอนี่อยู่ที่ไหน พวกเขาพร้อมจะออกห่างจากหล่อนเป็นระยะร้อยไมล์ แรกๆผมก็ชอบเธออยู่หรอก เธอเป็นประเภทที่มีเสน่ห์จากดวงตาสีเขียวของเธออย่างเหลือร้าย เธอมีผิวสีแทนอย่างที่ลูกครึ่งคิวบา-อเมริกาควรจะเป็น และสิ่งที่ไม่น่ามีในตัวแม่นี่คือสามีและลูกๆของเธอ แต่คืนนั้นของแซคดูเหมือนจะเลวร้ายน้อยกว่าเรื่องของผมมากๆ เดี๋ยวผมจะเล่าให้คุณฟัง

“นายน่าจะลองเช็คดูอีกทีนะว่าแม่นี่ไม่ได้มีอะไรกับพ่อสามีของเธอหรือหมาที่บ้านเธอ” คาลอสเริ่ม


“ไม่เอาน่าเพื่อน แซคกำลังทุกข์อยู่นะเว้ย” ผมบอก แซคหันมามองผมแว่บนึงแล้วหันไปสนใจเหล้าของเขาต่อ


“แกจำนี่ได้มั้ย ตอนที่แกถามแม่นั่นว่ามีถุงยางหรือเปล่า” เชลดอนเริ่มแหย่ ผมเลยถามเขาไปว่า ‘ทำไมวะ’ แม้ว่าผมจะรู้ตอนต่อไปอยู่แล้ว


“แม่นั่นบอกเพื่อนเราไปว่า ‘ไม่ต้องหรอก ตอนนี้ฉันแพ้ท้องอยู่แล้ว’ นังโสเภณีเอ๊ย!” เชลดอนเล่าต่อ พวกเราหัวเราะกันเฮฮาผิดกับแซคที่ซัดเหล้าเข้าปากไม่ยอมหยุด


“โชคดีจริงๆที่ฉันไม่ฟันแม่นั่นลับหลังนาย” แดเนียลเพื่อนปอดแหกของเราเอ่ยออกมา


“แกดูแม่ผมบลอนด์นั่นสิวะ ฉันว่าแม่นั่นยังสำส่อนสู้นังคุณตัวคิวบาไม่ได้เลยว่ะ” ผมชี้ไปยังแม่สาวผมบลอนด์ที่มีนมปลอมคู่มหึมาชี้มาทางเรา เธอยิ้มมาทางโต๊ะพวกผม แต่ตอนนี้เราไม่ได้สนใจที่จะมาฟันพวกหล่อนมากพอทำให้แม่นั่นต้องหันกลับไปสนใจมาร์ตินี่ของเธอต่อ


“ฉันไม่น่าบอกเรื่องนี้กับแกเลยคาแบลท์ แกนี่มันปากสว่างจริงๆ” แซคด่าผม


“เอาน่าอย่างน้อยแกก็จะได้เข็ดหลาบกับการปากโป้งบอกเรื่องตัวเองให้ฉันรู้” ผมบอก


“เข็ดหลาบกับการฟันนังคุณตัวมีลูกด้วยอีกอย่างสิ” แบรตเริ่มเมื่อเหล้ายินแก้วที่สี่ลงคอเขาไป ดูเหมือนเครื่องของเขาจะเริ่มร้อนแล้ว


     เราดื่มกันไปอีกพักนึงก็มีสายจากแกสเข้ามา ผมจึงทำเนียนๆ ออกไปสูบบุหรี่ข้างนอก ขณะที่พวกเขายังคงกัดแซคกันอย่างเมามัน

“คุณมีอะไร” ผมถามอย่างเซงๆ ด้วยฤทธิ์แอลกอฮอลล์และความสนุกจากความเจ็บปวดของเพื่อนที่รอผมอยู่ทำให้ผมอดรำคาญขึ้นมาไม่ได้ที่มีโทรศัพท์มาขัดขวาง


“วันนี้เรานัดออกไปหาอะไรกินข้างนอกกันไม่ใช่เหรอ” แกสบอกเสียงหวาดๆ ผมยกข้อมือขึ้นมาดูนาฬิกานี่มันก็สองทุ่มกว่าแล้ว อย่าบอกนะว่าหมอนี่มันงี่เง่ารอผมอยู่


“ผมมีธุระด่วนนิดหน่อยน่ะ คุณออกไปหาอะไรกินเองได้ไหม?” ผมบอก แกสตอบตกลงแล้วผมก็ขอตัดสายเขาไป เนื่องจากผมยังไม่พร้อมหากมีคำถามจากเขาว่าธุระอะไร? แต่แน่ล่ะหมอนี่ไม่ใช่พวกเซ้าซี้อะไรมากมาย ทำให้ผมคบกับหมอนี่ได้





“พวกฉันตกลงกันว่าจะไปปาร์ตี้ที่บ้านของเพื่อนแดเนียลว่ะ” เชลดอนบอกทันทีที่ผมกลับมาที่โต๊ะ


“เอาสิ” ผมตกลง ทุกคนก็พร้อมใจกันออกจากร้านเดิมทันที



สามทุ่ม – แดเนียลแนะนำให้เรารู้จักกับเพื่อนของเขา ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่าคนแบบ ริชมารู้จักกับไอ้ปอดแหกนี่ได้ไง ริชเป็นทหารในหน่วยปฎิบัติการพิเศษ เขาตัวใหญ่มากจนทำให้แบรตดูตัวเล็กลงไปเลย หมอนี่ยังมีรูปร่างที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามและดูฉุนเฉียวอีกต่างหาก ที่สำคัญคือเราเข้าใจผิดกัน ปาร์ตี้ที่บ้านหลังนี้ไม่ใช่บ้านของริชแต่เป็นของใครซักคนที่ใครซักคนอีกเช่นกันเชิญชวนริชมา


สามทุ่มสิบนาที – เขายกเบียร์มาสี่ลัง


สามทุ่มสิบห้านาที – เบียร์ลังแรกหมด


สามทุ่มเจ็ดนาที – ผมเล่าเรื่องตลกๆ ให้เขาฟัง จนเขาขำกลิ้ง ริชบอกผมว่าแดเนียลพูดถูก ผมเป็นคนที่ตลอกที่สุดตั้งแต่เขาเคยเจอมา เขาคิดถูกทีเดียวที่ต้อนรับพวกผมเข้ามา


สามทุ่มครึ่ง – เบียร์สี่ลังหมดเกลี้ยง ทั้งๆที่ผมตามหลังพวกเขาอยู่ราวๆสี่กระป๋อง แต่พวกเขายังดูเหมือนไปแข่งไตรกีฬาได้สบายๆ ทีแรกผมเริ่มกังวลเพราะรู้ตัวว่าทาบพวกนั้นไม่ติด แต่พอนึกออกว่าตัวเองคือ คาแบลท์ฮูแศก ผมก็ไม่กังวลอีกต่อไป


สามทุ่มสามสิบห้า – แซคถามผมว่า “ตั้งแต่แกห่างหายไป แกกินเหล้าไม่เป็นแล้วเหรอวะ? ”

                                “หมอนี่มันเป็นตุ๊ดไปแล้ว” คาลอสแหย่ผม


สามทุ่มสี่สิบ – ริชเล่าเรื่องแอบซินธ์ให้เราฟัง ว่าเขาซื้อมาจากยุโรปเพราะมันผิดกฎหมายอเมริกาเนื่องจากมันแรงมาก (160 ดีกรี) และมีฤทธิ์ทำให้ประสาทหลอน จากนั้นเขาก็ยกมันออกมาและแจกจ่ายให้เราทุกคน ผมบอกเขาว่ากลิ่นมันเหมือนน้ำมันจากดอกพัชชูลี่กับน้ำกัญชาปนกันมากกว่า พวกเขาขำกับความคิดของผม...และในที่สุดการแสดงของ คาแบลท์ ฮูแซกก็เปิดฉาก


สามทุ่มห้าสิบห้า – แอบซินธ์นี่มันแรงสุดๆเลยจริงๆ ผมดื่มเข้าไปแค่สองแก้วก็เริ่มอยู่ในสภาพที่เมาเหมือนกินเหล้ามาครึ่งคืน ตอนนั้นเอง ริชบอกผมว่าอยากเห็นความสามารถในการแดกดันของผมขณะที่เมาเต็มที่  แน่นอน คาแบลท์ ฮูแซกที่อยู่ภายใต้ฤทธิ์ของเหล้าหลอนประสาทจัดให้อย่างว่าง่าย


สี่ทุ่ม – ผม ริช คาลอสและเชลดอนเข้าไปตั้งหลักในห้องครัว ขณะที่เพื่อนที่เหลือเริ่มแยกกันไปออกลาย จะเหลืออยู่ก็แค่แบรตที่ยังนั่งดื่มอยู่ที่เดิมต่อไป

 
สี่ทุ่มห้านาที –  เกมส์เริ่มขึ้นเมื่อหญิงอ้วนคนหนึ่งเดินเข้ามา


 “โอ้ว บอกลาของในตู้เย็นได้เลยเพื่อน” ผมเริ่มปฏิบัติการ แต่แม่อ้วนนั่นคิดว่าเธอจะต่อกรกับผมได้ คุณรู้อะไรไหม?...พวกทหารอิรักยังตัดสินใจได้ดีกว่าแม่นี่เลย


“นายว่าอะไรนะ!” เธอถามแบบหาเรื่อง


“เธอไม่ได้ยินเหรอ ไขมันมันอุดตันในรูหูรึไง” ผมแซวเธอต่อทันที  เธอจ้องเพื่อนๆผมอย่างประหลาดใจก่อนจะถามย้ำ


“นายว่าอะไรนะ!!”


“ขอโทษด้วยครับ จากใจจริง” ผมพูดพลางเปิดตู้เย็น


“คุณจะรับอะไรดี ชีสเค้ก หรือเค้กช็อคโกแลต แต่ผมว่าคุณต้องเอาทั้งสองอย่างแน่ๆ”


เธอหันหลังเดินออกจากครัวไปด้วยความงงสุดๆ ผมเลยตะโกนไล่หลังเธอไปอีกชุด

“เฮ้! แม่ช้างน้ำ ผมแค่ล้อเล่นน่ะ จริงๆแล้วเพื่อนผมชอบหมูตอนอย่างคุณนะ เพราะตอนปั่มปั๊มมันนุ่มดี เหมือนคร่อมอยู่บนมอไซด์อานนุ่มๆเลยล่ะ”


   ในที่สุดผมก็เดินเครื่องเต็มที่

สี่ทุ่มเจ็ดนาที – คาลอสรู้จักกับผมมาตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัยจึงรู้ดีว่าจะกระตุ้นผมได้ยังไง “เอาเลยเพื่อน! นายทำได้ดีกว่านี้อีกไม่ใช่เหรอ แถวนี้ยังมีคนอีกเยอะให้เล่นสนุกด้วย“ เขายุผม ในที่สุดประตูนรกก็เปิดอ้า ผมบอกกับเขาว่า “อย่าพลาดก็แล้วกัน”


สี่ทุ่มสิบนาที
– ผมเห็นผู้หญิงคนหนึ่งใส่เสื้อยืดสองสีซ้อนกันสองตัว แม่นี่จะเป็นเหยื่อหวานๆของผมเลยล่ะคุณ


“เฮ้! คุณแต่งตัวเหมือนมาดอนน่าเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้วเลย ผมว่าคุณน่าจะไปเอาเรื่องกับคนที่แนะนำให้คุณแต่งตัวแบบนี้นะ” ผมเปิดเกมส์


“คนอะไรนะ” เธอถามเหมือนได้ยินไม่ชัด


“คนที่เอาแฟชั่นยุค 20 กว่าปีที่แล้วมาแต่งให้คุณไง” ผมย้ำถึงความเอาท์ของเธอ แม่นั่นยังดูงงๆ ผมจึงเสริมให้เธออีกหน่อย “ผมคงรู้สึกแย่มากถ้าหากแต่งตัวแบบคุณน่ะ”




สี่ทุ่มสิบหกนาที – เชลดอนชี้เป้าหมายให้ผมต่อ คราวนี้เป็นผู้หญิงคนหนึ่งแต่งตัวขวางโลกติดเข็มกลัดสันติภาพที่มีข้อความ “เราไม่หลั่งเลือดเพื่อน้ำมัน” คาลอสกระซิบกระตุ้นผมว่า”จัดการเธอเลยเพื่อน ทำให้พวกเราดูหน่อย...เพื่อชาติไงเพื่อน” ส่วนริชเริ่มฮัมเพลงก็อด เบลส อเมริกาเพื่อปลุกใจผมด้วย


สี่ทุ่มสิบหกนาที – ผมพุ่งเข้าหาเหยื่อทันที แล้วได้ยินเสียงริชพูดว่า “เข้าถึงเป้าหมายแล้ว...อาวุธพร้อม”


สี่ทุ่ม สิบเจ็ดนาที – ผมเข้าไปแนะนำตัวกับเธอว่าชื่อ แอลเกอร์ ฮิส(*) แต่เธอไม่เข้าใจมุกผม งั้นก็ได้เวลาลุยมันทื่อๆแล้วล่ะ


“คุณเกลียดธนาคารโลกหรือเปล่า” ผมเริ่มต้นด้วยคำถาม


“อืม..จะว่าใช่ก็ใช่นะ...ฉันออกจะเกลียดอยู่เหมือนกัน” เธอตอบเป็นจริงเป็นจัง


“คุณไม่ได้เกลียดธนาคารโลกหรอก” ผมเริ่มหาเรื่อง


“ก็ฉันเพิ่งบอกว่าฉันเกลียดไง” เธอคิดว่าผมฟังไม่ชัด


“ไม่หรอกคุณแค่เกลียดพ่อตัวเองเฉยๆ เพราะเขาไม่เคยกอดคุณเลย” ผมเล่นถึงพ่อ


“อะไรนะ!” เธอแทบไม่เชื่อหูตัวเอง


“คุณเรียนเอกสังคมศาสตร์ใช่ไหม” ผมเปลี่ยนเรื่อง


“เปล่า!!”น้ำเสียงเธอเริ่มฉุนเฉียว


“งั้นคุณเรียนอะไรล่ะ วัฒนธรรมศึกษางั้นเหรอ” ผมถามเพื่อหาเรื่องเธอต่อ


“วรรณกรรมอังกฤษต่างหาก” เธอหยุดคิดนิดนึงก่อนจะตอบ


   ผมจ้องเธออย่างดูแคลนก่อนจะหาเรื่องต่อ “พ่อแม่คงให้คุณจ่ายค่าเทอมเองใช่ไหม แล้ววิชาการวิจารณ์วรรณกรมมมาร์กซิสคงมีประโยชน์มากตอนที่เธอไปเป็นแคชเชียร์ที่ร้านหนังสือสินะ”


“ไม่ใช่สักหน่อย ฉัน..” เธอพูดไม่จบเพราะผมแทรกขึ้นมาเสียก่อน


“แล้ววันนี้คุณไม่ต้องไปยืนประท้วงตามสี่แยกเหรอ คุณเคยลงชื่อร้องเรียนไปยังโรงงานกี่แห่งแล้วล่ะ ทั้งๆที่คุณใส่รองเท่ารีบ็อคเนี่ยนะ ไอ้พวกขวางโลกจอมปลอมที่ผมเคยเห็นบางคน ใช้เครื่องสำอางคลีนิกข์ที่ทดสอบกับสัตว์...ที่พวกคุณต่อต้านกันนักหนาไง ผมว่าอย่างน้อยคนอย่างพวกคุณก็น่าจะละอายกับการตีสองหน้าของตัวเองบ้างนะ”


“นายพูดบ้าบออะไร..” เธอพยายามจะตอบโต้แต่ผมไม่ปล่อยโอกาสให้เธอพูดต่อ


“เงียบไปเลยเธอน่ะ...เธอคงตื่นมากลางดึกเพราะมีแมวมากัดกันจนตายหน้าห้องใช่ไหม ทนฟังเธอก็เหมือนนั่งดูแมวตายนั่นแหละ”  


   เธอพูดไม่ออก ทำหน้าเหมือนทั้งอยากด่าผมเจ็บๆแล้วก็อยากร้องไห้ไปพร้อมๆกัน


“เอาจริงๆนะคุณ ถ้าผมเอาไอ้หนูใส่ปากคุณมันจะทำให้คุณหยุดพูดได้ไหม” ผมเล่นแรงงขึ้น


นะ..นายนี่มันโรคจิตชัดๆ” ในที่สุดเธอก็ด่าออกมาได้


“เฮ้ อย่ามาโทษผมนะ ถ้าอุปกรณ์ส่วนตัวของคุณจะชำรุดเพราะไอ้หนูของผมน่ะ นั่นก็เพราะของคุณมันของเทียมทั้งนั้นนี่” ผมเปลี่ยนเรื่องไปใต้สะดือเฉย พูดจบผมก็เดินหนีออกมาทันที


สี่ทุ่มสามสิบแปด – ผมหันมาคุยกับเพื่อนผมด้วยความภาคภูมิใจ “สภาพจิตใจเธอไม่มีวันกลับมาเหมือนเดิมอีกแล้วล่ะเพื่อน ฉันทำลายความภาคภูมิใจในฐานะมนุษย์ของเธอไปจนหมดแล้ว ต่อให้ไปรับการบำบัดโคตรแพงกับยาระงับประสาทเธอก็ไม่มีวันหายหรอก ส่วนตัวฉันน่ะเหรอ? นรกสำรองที่อยู่ชั้นหนึ่งไว้ให้แล้วล่ะ”


สี่ทุ่มครึ่ง – ฤทธิ์ของแอบซินธ์เริ่มเข้าสู่ระยะที่สาม ผมเริ่มหูแว่วเสียงแปลกๆ นี่เป็นการเมาที่แปลกที่สุดเลยทีเดียว ตอนนั้นผมตัดสินใจว่าจะต้องพาน้องชายไปหาอะไรสนุกๆทำซะแล้ว


-----------------------------------------------------------------------------------------------
Alger Hiss - http://en.wikipedia.org/wiki/Alger_Hiss



ถ้าเม้นเยอะ เดี๋ยวมาต่อให้พรุ่งนี้

แอบน้อยใจเขียนไปย๊าวยาว เม้นกระจึ๋งเดียว เดี๋ยวตีนะๆ


หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 14 part 1 (26/04/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: ┗◎┗◎ ที่ 26-04-2011 22:20:59
แกส น่าสงสารตลอด  :เฮ้อ:


คาแบลท์ ฮูแซก    ปากหมามาก  เอามาจากนิสัยคนแต่งแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 14 part 1 (26/04/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: getto ที่ 26-04-2011 23:47:37
จะมีวันของแกสไหม :sad11:
คาแบลท์แรงตลอด เห็นด้วยว่าเหมือนคนเขียน :laugh:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 14 part 1 (26/04/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: lucifel ที่ 27-04-2011 09:35:15
แกสน่าจะเจอใครที่ดีกว่านี้

เฮ้อ...หาใหม่เหอะ
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 14 part 1 (26/04/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: ლїЯдςLΣϛlθTtεR ที่ 28-04-2011 03:53:52
 = =
เอาคาแบลท์ตอนเก่ากลับมานะ
ทำไมเมาแล้วปากเสียยังงี้
น่าเอารองเท้าตบปาก!!
แอร๊ยยยยย!!!!!!



มาอ่านช้า หนูขอโทดนะแม่ขา
เม้นและดันค่ะ  o13
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 14 part 1 (26/04/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: berlyn ที่ 28-04-2011 17:06:43
คาแบลท์ ตอนที่แล้วนายยังดีอยู่เลย
พอมาตอนนี้เสเพลอีกละ ไม่ไหวจะเคลียกับผู้ชายคนนี้จริงๆ
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 14 part 1 (26/04/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: kihaezzzzzz ที่ 29-05-2011 20:51:45
ฮาอ่ะ ขนาดมึนๆ ยังกวนเท้าขนาด 55. สงสารเเก๊ส หาสามีใหม่เหอะค่ะ
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 14 part 2 (04/06/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSacrifice ที่ 04-06-2011 14:10:19


สี่ทุ่มสี่สิบนาที – ผมเห็นหนุ่มหน้าสวยคนหนึ่งจึงปรี่เข้าไปพร้อมกับมุกประจำตัวของผม “เฮ้! ผมได้ทำตัวรุ่มร่ามกับคุณรึยังเนี่ย” เขาหัวเราะ..เห็นหรือยังล่ะ มุขของผมได้ผลเสมอ


สี่ทุ่มสี่สิบสองนาที – ผมเห็นแหวนทองคำขาวฝังเพชรเม็ดเป้งอยู่บนนิ้วของเขา หนุ่มหน้าสวยกลายเป็นกระดังงาลนไฟไปในทันที


สี่ทุ่มสี่สิบห้า – ผมพยายามคุยกับเขาต่อ พยายามหาทางลากหัวข้อสนทนาเข้าไปหาเรื่องความสัมพันธ์กับเจ้าของแหวน จะได้รู้ว่ามีสิทธิ์จะได้ขึ้นสวรรค์กับเขาหรือไม่ แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะคุณเพราะตอนนี้หัวผมกำลังหมุนติ้วด้วยฤทธิ์ของแอบซินธ์


สี่ทุ่มสี่สิบเจ็ด – ผมไม่สามารถหามุกใหม่ๆมาใช้ได้ ผมเลยจำเป็นต้องใช้คำถามมาตรฐานเพื่อถามเรื่องความสัมพันธ์ แต่พูดก็พูดเถอะ..สำหรับผมแล้วไอ้คำถามมาตรฐานไม่เคยได้ผลดีเลยซักครั้งเดียว


“คุณแต่งงานแล้วเหรอ” ผมถามทื่อๆ


“ใช่ และกับผู้ชายด้วย” เขาตอบทื่อๆเหมือนกัน


“แล้วมีความสุขดีมั้ย” ผมถามต่อตามมาตรฐาน


สี่ทุ่มสี่สิบแปด – เขาจ้องหน้าผม หลบตาไปวูบนึงแล้วกลับมาสบตาผมอีกครั้ง หน้าตาเขาเหมือนอยากร้องไห้เต็มแก่ แล้วเขาก็เล่าให้ผมฟังอย่างหมดเปลือกโดยไม่ต้องเมาแอบซินธ์ ผมตัดสินใจทำดีกับเขาเพราะหน้าสวยของเขาเพียงอย่างเดียว


ห้าทุ่มสิบเจ็ด – เรื่องราวเข้าสู่บทสะเทือนใจ เขาเริ่มร้องไห้จริงๆจังๆผมเลยชวนเขาไปห้องอื่นเพื่อคุยกัน “เป็นการส่วนตัว” เขาตามมาอย่างว่าง่าย แล้วยังบอกด้วยว่าผมเป็นคนดีมากๆ


ห้าทุ่มสี่สิบเอ็ด – ผมกับเขาลงเอยบนเตียง ไม่น่าเชื่อเลยคุณ...การเป็นคนดีได้ผลเกินคาด


ห้าทุ่มสี่สิบสาม – ยังไม่ทันทำอะไรถนัด เขาก็ร้องไห้ออกมาอีกครั้ง ผมเลยปลอบเขา


ห้าทุ่มห้าสิบสี่ – ปลอบไปปลอบมาผมก็พยายามลากเขาขึ้นเตียงอีกรอบ


เที่ยงคืนสามนาที – เขาร้องไห้เป็นรอบที่สาม ผมปลอบเขาอีกรอบ มือหนึ่งปลอบอีกมือหนึ่งปลดกางเกงในเขา ฝีมือผมเยี่ยมไหมคุณ..


เที่ยงคืนหกนาที – ผมพยายามปลอบเเขาด้วยท่อนล่างเป็นครั้งที่สาม


เที่ยงคืนสิบสาม – เขาร้องไห้อีก คราวนี้ผมไม่ปลอบแต่บอกเขาว่าตอนนี้เขาควรจะปล่อยอารมณ์ออกมาตามธรรมาชาติ และไม่ต้องสนใจกับความเจ็บปวดในชีวิตเรื่องอื่นๆอีก ผมยกตัวอย่างให้เขาฟังว่า ตัวผมเองกำลังมีทุกข์เพราะเพื่อนรักกำลังจะถูกส่งไปรบที่อิรัก แต่ผมก็ยังสมารถมางานเลี้ยงและมีความสุขกับเขาได้ เขาคล้อยตามผม


เที่ยงคืนสิบห้า– เราพยายามเปิดศึกใต้สะดือกันอย่างจริงจัง คราวนี้ไม่เหลือเสื้อผ้าติดตัวอีกแล้ว


เที่ยงคืนยี่สิบ – แต่เขาร้องไห้อีกครั้ง คราวนี้ถึงขั้นคร่ำครวญออกมาด้วย “ฉันไม่รู้จะทำฉันไงดี...ฉะ..ฉัน...ฉัน..ฉันทำไม่ได้ ฉันไม่อยากเป็นอย่างนี้”


เที่ยงคืนยี่สิบเอ็ด – ผมทิ้งเขาไว้ตรงนั้นแล้วกลับมางานเลี้ยงอีกรอบ น้ำตาทำให้เกมรักจืดสนิท การเป็นคนดีไม่เห็นจะได้เรื่องตรงไหนเลยคุณ...


เที่ยงคืนยี่สิบห้า – ผมบอกริชว่ามีคนรอเขาอยู่ในห้องที่ติดกับห้องน้ำแขก “จริงเหรอวะ?” เขาถามอย่างไม่น่าเชื่อ ผมยื่นถุงยางให้เป็นการยืนยันพร้อมกับอธิบายเพิ่มเติม “แหงสิเพื่อน เขาถามเรื่องนายจากฉันเยอะแยะ ตอนนี้กำลังล่อนจ้อน และพร้อมทุกอย่างสำหรับนาย ไปจัดการซะ”


เที่ยงคืนยี่สิบหก – ริชรีบออกไป เขาไม่ได้สังเกตเลยว่าผมใช้คำว่า “เขา”ไม่ใช่เธอ ผมกับเชลดอนหัวเราะกันเป็นบ้าเป็นหลังเพราะคิดว่าอีกไม่กี่นาทีไอ้ทหารตัวโตนั่นต้องหน้าตื่นออกมาอย่างแน่นอน


เที่ยงคืนครึ่ง – เงียบ...


เที่ยงคืนสามสิบห้า – เงียบ...


เที่ยงคืนสี่สิบ - เงียบ...ผมอยากเข้าไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นแน่ เลยบอกกับเชลดอนว่า “เฮ้! ยังไงฉันก็เป็นคนสอยมานะ ฉันควรจะมีสิทธิ์รู้สิ” แต่เชลดอนห้ามผมไว้   “เย็นไว้เพื่อน นั่นอาจจะเป็นของดีชิ้นสุดท้ายที่ริชจะได้กินนะเพื่อนเพราะพวกทหารหญิงน่ะ ไม่ได้เรื่องซักคน”


เที่ยงคืนสี่สิบ – เพื่อนคนที่ชวนพวกผมมางานนี้พยายามไล่พวกผมออกจากงาน “เฮ้เพื่อน! ทุกคนในงานนี้กลัวนายกันหมดแล้ว เพื่อนนายบางคนนะเถื่อนน่ากลัวเหลือเกิน ส่วนนายเองก็ปากเปราะด่าเขาไปทั่ว ฉันได้ยินจะว้อยว่านายไปว่าผู้หญิงคนนั้น นายรู้รึเปล่าว่าเธอไปร้องไห้กับเจ้าภาพ นายทำงานนี้พังหมด” เขาต่อว่าผมเป็นชุด


เที่ยงคืนสี่สิบสอง – แดเนียลชวนผมกับเพื่อนคนอื่นๆกลับ เขาบอกว่าทิ้งริชไว้ที่นี่ก็ได้ “มันเป็นทหารนะเพื่อน ขนาดหลงในบอสเนียมันยังกลับมาได้เลย”


ตีหนึ่ง – เชลดอนอยากฟันสาว ผมเลยพาเขาไปไนท์คลับ แต่ผมไม่ชอบเลย


ตีหนึ่งสองนาที – เราไปถึงร้านชื่อไรฟ์กอช ผมว่าจริงๆแล้วมันน่าจะชื่อลอสตา ดูชมากกว่า ทันทีที่เราเดินเข้าไป ไอ้ปัญญาอ่อนผอมแห้งคนหนึ่งก็เดินเข้ามาแกว่งแท่งเรืองแสงตรงหน้าผม ผมอารมณ์เสีย เลยผลักมันซะคว่ำแถมเตะมันซ้ำอีกรอบ


ตีหนึ่งสองนาที – แบรตเข้ามารวบตัวผมด้วยท่าแบร์ฮักแล้วลากผมเข้าไปในห้องวีไอพีก่อนที่ใครจะมาเห็นผลงานผมเข้า


ตีหนึ่งสี่นาที – ผมวูบไป


ตีหนึ่งยี่สิบห้านาที – ผมตื่นมาเห็นเชลดอนกำลังระดมจูบหน้าผู้หญิงคนนึงอย่างเมามัน เพื่อนคนอื่นๆหายไปหมด


ตีหนึ่งครึ่ง – ผมรู้สึกแปลกๆ แอบซินธ์กำลังจะทวงค่าบริการของมันที่ทำให้ผมรู้สึกสนุกกับงานเมื่อกี้


ตีหนึ่งสามสิบเก้า – ผมไปห้องน้ำ รู้สึกได้ว่าอ้วกมาจุกอยู่ที่คอหอย


ตีหนึ่งสี่สิบ – แอบซินธ์เริ่มเก็บค่าบริการความสนุกของมันโดยการดันสิ่งที่อยู่ในกระเพาะทั้งหมดออกมาทางปาก


ตีหนึ่งสี่สิบสอง – เสร็จเรื่อง ผมยืนทำความสะอาดตัวเอง พร้อมกับสำรวจความเสียหายที่ผมก่อไว้กองหนึ่ง


ตีหนึ่งสี่สิบสาม – ผมออกจากห้องน้ำพร้องกับทิ้งข้อความไว้ว่า “ข้าคือพระศิวะที่ลงมาล้างโลก”


ตีหนึ่งสี่สิบห้า – ผมกลับมาที่โต๊ะวีไอพีของเราอีกครั้ง เชลดอนจับแม่นั่นแก้ผ้าเกือบหมดแล้ว และกำลังสำรวจร่องรูต่างๆตามร่างกายเธออยู่ ผมว่ามือเขาต้องมีกลิ่นแม่นั่นติดไปตลอดกาลแน่เลยคุณ....


ตีหนึ่งยี่สิบเอ็ด – ยัยคนนั้นมีเพื่อนมาด้วย เพื่อนเธอเมาจนยืนไม่อยู่กำลังดูแม่นั่นนัวเนียกับเชลดอน แล้วหันมาบอกผมว่าผมนี่หล่อไม่เบา ผมว่าร้านแบบนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน...


ตีหนึ่งยี่สิบสาม – แม่นั่นบอกผมว่าผมเมาน้อยไปหน่อย ผมเห็นด้วยก็เลยสั่งวอดก้ามาเพิ่มดีกรีด้วยกัน


ตีหนึ่งสี่สิบ – ผ่านไปสามแก้ว แม่นั่นบอกว่า “ฉันเมาจริงๆแล้วล่ะ เวลาฉันเมาฉันชอบทำอะไรบ้าๆซะด้วยสิ”  ได้เวลาฉลองชัยชนะแล้วใช่ไหมคุณ!


ตีหนึ่งห้าสิบห้า – เชลดอนหิ้วยัยนั่นไปฟันที่ห้องน้ำ เพื่อนของเธอที่อยู่กับผมบอกผมว่า ”ไม่น่าเชื่อเลย แม่นั่นไม่ดูดให้เขาสดๆตรงนี้เลย เมื่ออาทิตย์ก่อนเธอเพิ่งทำอย่างนั้นแท้ๆ”


ตีสองห้านาที – แม่นั่นบอกผมตรงไปตรงมาอย่างน่าทึ่งทีเดียว “ไปกันเหอะ ฉันไม่อยากฟันในห้องน้ำ เพราะฉันมีระดับ...เอ่อ...กว่าแม่นั่นเยอะ”    ผมจะปล่อยให้โอกาสหลุดรอดไปเหรอคุณ...


ตีสองแปดนาที – เธอยื่นกุญแจรถให้ผม ผมเลยถาม”คุณจะให้ผมขับเหรอ”


                      “ช่าย..” เธอตอบ


                      “เพราะคุณเมาน้อยกว่าฉัน” เธอบอก ทำเอาผมขำกลิ้ง เพราะตอนนี้ผมแทบจะอ่านหนังสือไม่ออกอยู่แล้ว


ตีสองสี่สิบห้า – บ้านเธออยู่ไกลมากๆ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ไหน


ตีสองห้าสิบเจ็ด – เราหาที่จอดรถไม่ได้ เธอก็เลยบอกให้ผมส่งเธอลงหน้าตึกก่อนแล้วเอารถไปหาที่จอด เธอกล้าใช้ผมเหรอเนี่ย! ผมตัดสินใจทันทีว่า เดี๋ยวพอเปิดศึกกันในท่าหมาน้อย รูก้นของเธอจะต้องบานเพราะน้องชายของผม”บังเอิญ”หลุดเข้าไป


ตีสามเจ็ดนาที – ผมยังหาที่จอดรถไม่ได้ ทำให้หงุดหงิดสุดๆ


ตีสามสิบสอง – ผมตัดสินใจทิ่มรถเข้าไปจอดในช่องที่เล็กเกินไป ผมพยายามจะยัดรถเข้าไปให้ได้ ล้อเลยเข้าไปเบียดกับขอบฟุตบาท ผมกระทืบคันเร่งเต็มแรงจนล้อปีนขึ้นไปบนทางเท้าแล้วรถทั้งคันก็พุ่งเข้าชนร้านตรงนั้นเสียดังลั่น


ตีสามสิบสอง – ผมลงจากรถ พบว่าตัวเองกับรถอยู่ในร้านโดนัท ผมเดินเหยียบไปบนเศษกระจกจนเสียงดังกรอบแกรบขณะที่กำลังเดินสำรวจความเสียหาย  โต๊ะที่ตั้งอยู่ถูกชนเป็นชิ้นๆกระจัดกระจายไปทั่ว แต่รถเป็นรอยหน่อยเดียว ตอนนั้นผมตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ใครจะไปเคยขับรถพุ่งเข้ามาในร้านโดนัทมาก่อนเล่า?


ตีสามสิบสี่ – โชคดีที่ร้านปิดแล้วก็เลยไม่มีคน แต่ผมก็ยังไม่รู้ว่าต้องทำยังไงอยู่ดี ผมได้แต่หัวเราะกับตัวเอง ผมยื่นหน้าไปสำรวจที่ชั้นหลังเคาน์เตอร์ แต่โดนัทถูกเก็บออกไปหมดแล้ว


ตีสามสิบห้า – ผมว่ามันขำดีนะ แต่เจ้าของรถ เจ้าของร้านและตำรวจคงไม่ขำไปกับผมด้วย แล้วผมก็เห็นภาพหนังสือแจ้งข้อหาเมาแล้วขับปรากฎขึ้นในหัว โดยมีข้อความ”ทำลายทรัพย์สิน”ปรากฎขึ้นมาในจดหมายอย่างชัดเจนด้วย ถ้ามันเป็นอาชญากรรมก็คงไม่ค่อยสนุกแล้วล่ะคุณ


ตีสามสิบหก – ผมถอยรถออกจากร้านโดนัท เอาไปจอดไว้ในเขตของรถที่ถูกลากมาโดยไม่ลืมลบรอยนิ้วมือออกจนหมด เสร็จแล้วก็โยนกุญแจทิ้งไว้ในพุ่มไม้ก่อนที่ผมจะเผ่น


ตีสามสิบเจ็ด – ผมรีบลนลานโทรหาเชลดอน ทิ้งข้อความเสียงไว้ว่า ห้ามเขาบอกแม่สาวที่เขานอนด้วยว่าผมชื่ออะไร เป็นใคร หรืออะไรที่เกี่ยวกับผมทั้งนั้น โดยไม่มีข้อแม้ใดๆ เป็นโชคดีจริงๆฮูแซกที่ในวันที่นายต้องการปกปิดชื่อเสียงเรียงนามตัวเองมีเพื่อนที่กำลังไต่เต้าเป็นอัยการคอยจัดการเรื่องนี้ให้


ตีสามยี่สิบสี่ – ผมวิ่งไม่หยุดจนไม่รู้ว่าตัวเองวิ่งมากี่แยกต่อกี่แยก ผมตัดสินใจโทรปลุกแกสเพราะผมคงไม่มีแรงจะกลับบ้านได้


         “ที่รักมารับผมหน่อย” ผมบอกเขา ไม่สนใจเสียงัวเงียของเขา


         “คุณทำแบบนี้อีกแล้วนะ โทรปลุกผมขึ้นมาเวลาแบบนี้ แล้วนี่คุณเมาใช่มั้ยเนี่ย” เขางัวเงียคุยโทรศัพท์


         “คุณอย่าเพิ่งบ่นน่า มารับผมก่อนเถอะ” ผมบอกทางเขา


        “ไปทำอะไรมาอีกล่ะพ่อตัวดี เสียงร้อนรนเชียว” เขาถามแบบจำเจ


        “เถอะน่า จะมารับผมมั้ย ไม่งั้นผมจะโทรหาคนอื่นนะ” ผมขู่เขา


        “รออยู่แถวนั้นแหละ เดี๋ยวจะรีบออกไป” เขาบอก


   นั่นแหละแกส ขอให้เขาบ่นผมนิดๆหน่อยๆ แต่สุดท้ายเขาก็ยอมทำตามที่ผมขอทุกเรื่อง แฟนผมคนนี้สุดยอดจริงๆนะคุณ เขาตามใจผมทุกอย่าง และปรนนิบัติผมอย่างดีไม่มีข้อบกพร่อง


ส่งท้าย


   เชลดอนรู้งานพอที่จะบอกทั้งชื่อและเบอร์โทรปลอมให้แม่คนที่นอนกับเขา เพราะมันเป็นเรื่องปกติของเขาอยู่แล้ว ผมสบายใจขึ้นเพราะหลังจากเรื่องนี้ผ่านไปสักพักแล้วผมก็ยังไม่ได้รับแจ้งข้อหาหรือการติดต่อจากตำรวจ


   ริชกับไอ้หนุ่มหน้าสวยนั่นก็เปิดศึกกันไปถึงสามรอบจนกระทั่งผล็อยหลับไปทั้งคู่ เช้าวันรุ่งขึ้นสาวใช้ได้มาพบทั้งคู่เข้า พวกเขาตื่นเพราะสาวใช้คนนั้นกรี๊ดสุดเสียง พอใส่เสื้อผ้าเสร็จทั้งคู่ก็เผ่นออกจากที่นั่นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากทั้งสองคนเป็นแขกของแขกอีกทีก็เลยไม่มีใครในบ้านรู้จักพวกเขา


   ผมสงสัยมากว่าทำไมเขาประสบความสำเร็จในการฟันแม่นั่น ในขณะที่คาแบลท์ ฮูแซก คนนี้ทำไม่ได้ ริชยิ้มพร้อมกับพูดว่า “ง่ายจะตายไป ตอนที่ฉันเดินเข้าไปเขาก็เปลือยอยู่แล้ว นั่นเท่ากับว่าเรื่องยากที่สุดสำเร็จไปแล้ว ที่เหลือก็แค่ใช้ความอดทนกับคำหวานๆอีกเล็กน้อย เรื่องพรรค์นี้มันง่ายกว่า เอาชีวิตรอดมาจากสนามรบเป็นไหนๆ” และเขายังทิ้งท้ายว่าเขาไม่มีปัญหาด้านการฟันทุกเพศอยู่แล้ว


   เพื่อนๆที่เหลือของผม นั้นกลับมาที่พักของพวกเขาได้สวัสดิภาพ นั่นต้องขอบคุณแดเนียลเพื่อนปอดแหกของเรา เขาปอดแหกจนกลัวไปต่างๆนานาว่าเพื่อนของเขาจะทำความเสียหายและเดือดร้อนมาถึงเขา เขาจึงต้องเมาให้น้อยที่สุดและเก็บกวาดพวกนั้นกลับอย่างไร้ร่องรอย นั่นทำให้ผมรู้เหตุผลที่แท้จริงแล้วว่าทำไมเราถึงจำเป็นต้องคบคนปอดแหกเป็นเพื่อน


   สำหรับแม่สาวเจ้าของรถนั่น ผมไม่รู้จริงๆว่าเกิดอะไรขึ้นกันเธอ ผมรู้แค่อย่างเดียวว่า..ครั้งต่อไป ถ้าเธอให้ผู้ชายขับรถ เธอควรจะนั่งอยู่บนรถจนกว่ามันจะจอดสนิท



----------------------------------------------------------------------------------------

 :z2:


หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 14 part 2 (04/06/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: ┗◎┗◎ ที่ 04-06-2011 22:17:40
เกลียดคาเบลท์ ร้ายเหลือกิน  :z6:

ขอให้โดนแกสทิ้ง


รอตอนต่อไปอีกสามเดือนรึเปล่าป้า  :jul3:
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 14 part 2 (04/06/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: lucifel ที่ 05-06-2011 00:13:03
อดทนได้เยี่ยมยอดมากเลยแกส   :call:  ขอคาระวะ
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 14 part 2 (04/06/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: getto ที่ 05-06-2011 00:45:04
แกสเอ๊ย
คาแบล์แบดได้เสมอต้นเสมอปลายจริงๆ
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 14 part 2 (04/06/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: berlyn ที่ 05-06-2011 11:19:10
แกสไม่น่ามารักคาแบลท์เลยจริงๆ   รักเดียวใจเดียวน่ะเป็นมั้ย!
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 14 part 2 (04/06/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: ┗◎┗◎ ที่ 07-06-2011 10:58:25
ต่ออีกเซ่ๆๆๆ  :angry2:
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 14 part 2 (04/06/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: kihaezzzzzz ที่ 13-06-2011 20:16:11
เเกสน่าสงสารอ่ะ คาเเบล์ทมันเลวได้ใจเเต่มันก็อาดี รีบมาต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 14 part 2 (04/06/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 13-06-2011 21:31:38
แอบมาดูเรื่องยาวยอดเยี่ยม อิอิ :z1:
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 14 part 2 (04/06/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: CanonDNattari ที่ 13-06-2011 23:07:08
พี่ปุ๋ยค่ะ รีบ ๆ มาต่อนะคะ น้อง ๆ เขาคอยค่ะ
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 14 part 2 (04/06/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSacrifice ที่ 13-06-2011 23:58:37
^
^
อีแก่

ชู้วๆๆ
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 14 part 2 (04/06/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 14-06-2011 11:48:11
เพิ่งเข้ามาอ่านค่ะ และคาแบลท์ก็แบดบอยมากๆจริงๆด้วย  :fire:
สงสารแกสอ่า เมื่อไหร่จะคาแบลท์จะโดนเอาคืนบ้างเนี่ย :serius2:
มาต่อเร็วๆนะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 14 part 2 (04/06/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSacrifice ที่ 14-06-2011 18:40:30
^
^
เดี๋ยวคืนนี้มาลงตอนใหม่

รออ่านนะจ้ะ
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 14 part 2 (04/06/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 14-06-2011 21:39:20
ปูเสื่อรอด้วยคน  o3
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 15(14/06/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSacrifice ที่ 14-06-2011 22:17:24
   คำเตือน – หากคุณยังรักชีวิตอิสระ นอนกับใครๆก็ได้โดยไม่ต้องรับผิดชอบ และยังอยากทำอย่างนั้นต่อไปนานๆ ไม่ควรอ่านเรื่องราวในตอนนี้ แล้วอย่าหาว่าผมไม่เตือนก่อนล่ะ....


   ผมพูดกับตัวเองเสมอว่า”นี่มันชีวิตกูเหรอวะเนี่ย”ด้วยความสัตย์จริงสาบานต่อพระเจ้าแห่งการสืบพันธุ์เลย ทุกๆครั้งที่ผมคิดว่าชีวิตผมแปลกประหลาดหรือเป็นไปในทางเสื่อม และเลวร้ายที่สุดเท่าที่มันจะเป็นไปได้ ผมมักจะภูมิใจในตัวเอง ซึ่งผมก็ไม่สามารถหาคำตอบได้เหมือนกันว่าทำไมผมถึงภูมิใจกับมัน แม้ว่าจะต้องแลกความภูมิใจของผมกับน้ำตาและความเสียใจจากคนรอบข้างมากมาย


   ลินเซย์คู่ขาเก่าของผมโทรมาหา เธอถามผมว่าจะขอค้างกับผมได้ไหม วันนั้นเป็นวันอาทิตย์ซึ่งแกสไม่อยู่ เนื่องจากเขาต้องไปเดินทางไปติดต่อธุรกิจของเขาที่บาเซโลน่า และกว่าจะกลับก็วันอังคารไม่ก็วันพุธเป็นอย่างช้า นับว่าเป็นโชคที่เข้าข้างผมอย่างจังที่มีแฟนอย่างแกส เขาเป็นพวกที่มีตารางการทำงานที่แน่ชัด จึงตัดปัญหาการเซอร์ไพรส์อย่างที่ไม่ควรจะเป็นออกไปได้สำหรับคู่ของเรา ผมตอบตกลงกับลินเซย์ไปในทันทีเพราะเธอก็ไม่เลว เธอบอกกับผมว่าจะมาถึงประมาณ 3 ทุ่ม หลังจากวางสายจากลินเซย์ ผมก็รับโทรศัพท์จากซาร่า คู่ขาอีกคนที่ไม่ค่อยโทรมาเท่าไหร่ แม่นั่นอยู่ในสภาพเมาแอ๋ และสัญญากับผมมากมายว่าจะมาหาผมให้ได้ แต่ที่ผ่านมาเธอเมาทีไรก็โทรมาหาผมแล้วสัญญาสาบานอย่างนี้ทุกที แต่เธอไม่เคยมาเลย ผมก็เลยบอกให้เธอมาส่งๆไปงั้นเอง


         จากนั้นก็มีอีกสายจากแฟนของผมเอง สายนี้เองที่ทำเอาผมปรับตัวแทบไม่ทัน เพราะหลังจากที่ผมได้เมาและก่อเรื่องต่างๆไว้จนเขารู้ เขาก็ไม่ยอมพูดกับผมไปวันนึง สิ่งที่ผมจะต้องทำคือการสวมบทเป็นซาตานกลับใจ ให้เขาได้รู้สึกว่าเขาสามารถ’เปลี่ยนผมได้’ หรืออะไรก็ตามอย่าง’การคบกับเขาทำให้ผมเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น’ แค่นั้นแหละเขาก็กลับมาคุยกับผมได้เหมือนเดิม


“ที่รัก ผมกำลังจะโทรหาคุณพอดี” ผมบอกเขา ถ้าให้ผมทายเขาคงกำลังยิ้มจนเห็นลักยิ้มทั้งสองข้าง


“ขอบคุณนะ แต่วันนี้เป็นวันที่แย่ที่สุดของผมเลยคาแบลท์” เขาบอกผมเสียงอ่อย


“เกิดอะไรขึ้น คุณใจเย็นๆนะ...เอาล่ะเล่าทุกอย่างให้ผมฟังเดี๋ยวนี้เลย” ผมบอกพลางมองนาฬิกาไปด้วย ตอนนี้สองทุ่มถ้าเป็นเรื่องแย่แกสน่าจะเล่าทุกอย่างภายในเวลาซักสี่สิบนาที ผมมีเวลาปลอบเขาสิบนาที และอีกสิบนาทีสำหรับพูดคำหวานใส่กัน นั่นจะเป็นการทำเวลาที่ดี เพราะยังไงซะการนอนกับลินเซย์ผมก็ไม่ต้องเตรียมตัวอะไรอยู่แล้ว


“พวกเขาเล่นตุกติก เขาลดค่าเงินประกันของเราไป 5% แล้วผมก็หัวเสียเอามาก หลังจากที่ออกจากที่ประชุมผมก็รีบเดินออกมาจากตึกแล้วก็โดนรถเฉี่ยวเข้า แขนแล้วก็ขาของผมช้ำไปหมดเลย” แกสเล่าเสียงเศร้า และยังพล่ามต่อไปเรื่อยๆ ทั้งเรื่องน่าเศร้าที่เขาเจอมา แล้วก็เรื่องตลกๆที่เขาเข้าไปอ่านเจอในอินเตอร์เนต


“เอาน่าที่รัก ยังไงซะเขาก็ยอมจ่ายที่เหลือ นั่นถือว่าเยี่ยมเลยนะเพราะคุณเพิ่งไปเปิดตลาดที่นั่น คุณต้องยอมให้เขาบ้าง คุณต้องระมัดระวังมากกว่านี้นะที่รัก ดูแลสุขภาพด้วย กลับมาผมจะทำซุปให้คุณเป็นไง” ผมอดจะห่วงเขาไม่ได้จริงๆ


“เยี่ยม! ผมคิดถึงคุณจัง แต่ตอนนี้ผมต้องวางแล้วล่ะ เขาจะทำแผลให้ผมล่ะ” แกสบอกเสียงร่าเริง


“ใคร?” ผมถาม


“เลโอนาร์ด คนที่ขับรถเฉี่ยวผมน่ะ” แกสบอกผม


“เลโอนาร์ดเหรอ? คุณพูดจริงเหรอ? ให้ตายสิพ่อแม่เขาไม่รักหรือไงถึงตั้งชื่อเขาว่าเลโอนาร์ดน่ะ” ผมอดจะปากเสียใส่ไม่ได้


“แต่เขาใจดีกับผมมากเลยนะ” แกสเถียง


“ไม่มีใครใจดีเพราะไม่หวังผลหรอกหนูน้อย คุณอย่าหลงเขาซะล่ะ” ผมเตือนเขา


“เถอะน่า คุณนี่ขี้บ่นขึ้นจริงๆนะ” แกสบอกผมอย่างรำคาญๆ แต่มันดูตลกซะมากกว่า ทำเอาผมอดจะหัวเราะใส่เขาไม่ได้


“ผมต้องวางแล้วจริงๆ” แกสบอกเสียงอ่อย


“โอเคๆ ผมจะคิดถึงคุณ เจอกันวันอังคารนะที่รัก”


“ที่รัก! ผมไม่ได้บอกคุณเหรอว่าผมจะกลับไปถึงวันจันทร์น่ะ” แกสบอกผมอย่างดีใจ ซึ่งผิดกับผมที่ต้องหยุดคิดและวางแผนการฟัดกับซาร่าซะใหม่


“ว้าว ว้าว วันจันทร์ นั่นเป็นข่าวดีที่สุดเลย” ผมโกหก ได้เจอแกสเร็วขึ้นมันก็ดีอยู่หรอก แต่มันคงไม่เจ๋งนักหรอกถ้าเขามาเจออะไรเข้า เพราะนั่นจะเป็นสิ่งที่ร้ายที่สุดเท่าที่เกิดขึ้นมาเลยสำหรับเขา


“ใช่เยี่ยมที่สุด โอเคบาย” เขาบอกแล้วตัดสาย  


   พอถึงเวลาลินเซย์ก็มา แต่เธอไม่ได้อยากนอนกับผม เธอแค่อยากมาคุยเฉยๆ


“ฮูแซก เมื่อวานฉันไปโรงพยาบาลมา ฉันท้องได้เดือนกว่าแล้ว” เธอเล่า(ผมมีอะไรกับเธอมาอย่างน้อยสามเดือนแล้ว)


“คุณไม่ได้คุมรึไง คุณบอกผมเองนะว่าไม่ต้องใส่ถุงยางเพราะคุณกินยาคุม” ผมโทษเธอไว้ก่อน


“ใช่ฉันคุม แต่คุณจำได้ไหมตอนที่ฉันติดนิวมอเนียจากกิ้กฉันน่ะ นั่นแหละๆ หมอบอกฉันว่ายาปฏิชีวนะจะสลายฤทธิ์ยาคุมกำเนิดของฉัน ฉันว่ามันคงเป็นตอนนั้นแหละ”


   เราปรึกษากันว่าจะทำอย่างไรอยู่ครู่หนึ่ง ผมมักจะลังเลที่จะพูดอะไรออกมาในสถานการ์แบบนี้ แต่ครั้งนี้ลินเซย์ทำให้ผมทำตัวง่ายขึ้นมาก
“เอาล่ะ ไม่ว่ายังไงก็ตาม ฉันว่าฉันจะไปทำแท้ง คงไม่มีทางเลือกอื่นแล้วล่ะ” ลินเซย์ตัดสินใจ


“งั้นก็ตามนั้น แต่คุณหมายความว่ายังไงที่ว่าไม่มีทางเลือกน่ะ” ผมถามเธอ


“ฉันเพิ่งเริ่มเข้ารับคีโมเมื่อเดือนที่แล้ว” เธอค่อยๆเล่า


“คีโม” ผมทวนคำอย่างตกใจ


“ฉันไม่เคยบอกคุณหรอก...แต่ก็เอาเหอะคุณจะรู้ก็ไม่เป็นไรหรอก...ฉันเป็นมะเร็งรังไข่น่ะ เพิ่งตรวจเจอเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้ว” เธอค่อยๆเล่า


“เวรจริงๆ นั่นมันเรื่องใหญ่เลยนะ...แล้วคุณจะเป็นอะไรไหม” ผมเริ่มเป็นห่วงเธอ


“คงจะไม่เป็นไรหรอก แต่ระหว่างที่รักษาอยู่ยังไงซะฉันก็ตั้งท้องไม่ได้อยู่แล้ว”


   เรื่องที่บังเอิญอย่างร้ายกาจก็คือ สาเหตุที่เธอตรวจพบมะเร็งเสียแต่เนิ่นๆก็เพราะเธอมีอะไรกับผมนี่แหละ การเกิดมะเร็งรังไข่ในคนอายุน้อยๆ (เธออายุ 23) นี่หาได้ยากมาก แต่การตรวจพบเร็วพอที่จะทำการรักษายิ่งยากกว่ามาก เรื่องของเรื่องก็คือ เธอมีอะไรกับผมโดยไม่ต้องให้ผมใส่ถุงยางเพราะเธอคุมกำเนิด แต่พอไม่มีถุงยางผมก็คิดถึงโรคอื่นๆ ผมก็เลยให้เธอไปตรวจกามโรคเพื่อจะได้รู้ว่าเธอมีโรคติดต่อทางเพศหรือเปล่า ผลที่ออกมาปรากฏว่าเธอไม่มีโรคติดต่ออะไรทั้งนั้น แต่กลับตรวจเจอเซลล์มะเร็งแทน ผมว่าการเป็นผู้หญิงของผมนี่เท่ากับมีหลักประกันสุขภาพไปในตัวเลยนะ...
   แต่เรื่องยังไม่จบแค่นั้น...


“คุณรู้จักคลินิกเอกชนที่รับทำแท้งบ้างหรือเปล่า ฉันอยากรีบๆจัดการให้มันเสร็จน่ะ” เธอถามผม


“คุณไม่มีประกันเหรอ” ผมย้อนถามเธอ


“มี แต่มันพ่วงอยู่กับพ่อแม่ของฉัน ถ้าฉันใช้ประกัน พวกเขาก็จะรู้เรื่องนี้ ฉันเดือดร้อนแน่ๆ แล้วฉันก็ไม่รู้ว่าจะมีปัญญาจ่ายเองรึเปล่าด้วย” ประโยคสุดท้ายของเธอเหมือนเป็นการโยนหินถามทาง


   ผมยังไม่ทันหายมึนจากระเบิดที่ลินเซย์เอามาทิ้งใส่ ผมก็รู้สึกเหมือนถูกลอบโจมตีอีกครั้งจากซาร่า ที่บอกว่าจะมาหาผมในคืนนี้ให้ได้ คืนนี้มันช่างวุ่นวายจริงๆเลย


   ซาร่าพรวดพราดเข้ามาในบ้านของผมด้วยสภาพเมาปลิ้น เธอคว่ำลงไปนอนกองอยู่กับพื้นทันทีที่มาถึง ผมลากเธอขึ้นมานั่งบนเก้าอี้ แล้วเธอก็เริ่มสาธยายปัญหาของเธอให้กับผมและลินเซย์ฟัง จริงๆแล้วเธอไม่ได้เล่าให้เราฟังตรงๆหรอก แต่เธอโทรหาคู่ขาของเธอแล้วก็คุยเสียงดังจนเราจับใจความได้มากกว่า เรื่องของเธอเป็นประมาณนี้....


-   เธอท้องได้ห้าเดือนแล้ว แต่แท้งไปเมื่อสี่วันก่อน(ผมเชื่อว่าเธอเล่าเรื่องจริง เพราะผมมีเพื่อนกลุ่มใหญ่ซึ่งรู้เรื่องนี้ และผมเพิ่งเจอเธอก่อนหน้านี้สองสามอาทิตย์และเห็นกับตาว่าเธอมีท้องใหญ่ขึ้น ซึ่งตอนนี้เห็นได้ชัดว่าไม่มีท้องแล้ว แถมเพื่อนคนหนึ่งก็เพิ่งเล่าเรื่องที่เธอแท้งให้ผมฟังเมื่อวานนี้เอง)


-   สามีโทษว่าการแท้งเป็นความผิดของเธอ


-   เธอไม่มีความสุขเอาซะเลยกับชีวิตแต่งงานเมื่อสามเดือนที่ผ่านมา(เธอท้องก่อนจะแต่งงานได้สองเดือน)


-   เธอเชื่อว่าลูกในท้องไม่ใช่ลูกของสามีเธอ


-   เธอแต่งงานกับไอ้หมอนั่นเพราะเธอท้องไม่มีพ่อ และเขารวยที่สุดในบรรดาผู้ชายที่เธอคบๆอยู่


-   ส่วนใหญ่เธอมานอนกับผมเพราะสามีเธอเกลียดผม(ผมเคยทำให้สามีเธอหน้าแตกในงานเลี้ยงงานหนึ่ง)
คืนนี้ไม่ใช่คืนที่วุ่นวายธรรมดาๆแล้วล่ะ มันกลายเป็นคืนที่สุดแสนจะวุ่นวายเต็มพิกัดระดับคาแบลท์ ฮูแซกซะแล้ว


            ผมว่ามันจะกลายเป็นเรื่องเศร้าเคล้าน้ำตาเอาง่ายๆ


   นอกจากผมจะทำอะไรไม่ถูกกับเรื่องราวอันน่าหดหู่ของสองสาวนี่แล้ว ผมยังมีความลำบากใจอีกอย่างคือแม่สองสาวนี่ต่างก็กำลังเสียใจ และต้องการการปลอบโยนโดยการมีอะไรกับผมทั้งคู่ ผมจะทำยังไงดี...ตอนนั้นผมมึนสุดๆนึกไม่ออกด้วยซ้ำว่ามีทางเลือกไหนบ้าง ออกจากบ้านไปเฉยๆซะเลยดีมั้ย? หรือโทรไปแจ้งตำรวจแกล้งบอกว่าเธอคนใดคนหนึ่งจะเข้ามาทำร้ายผม ตำรวจจะได้จับไปสักคนหนึ่ง หรือผมจะเปลี่ยนสถานการณ์ตรงหน้าให้กลายเป็นเกมสวาทสองรุมหนึ่งดี?


   ผมตัดสินใจเลี่ยงไปโทรศัพท์หาเพื่อนคู่ยากของผม


“เฮ้ แกอยากมาหาฉันแล้วเอาสาวไปนอนด้วยซักคนไหม” ผมเข้าเรื่อง


“ไอ้เวร! ฉันอยู่แอลเอ” แบรตบอกผมเสียงนิ่ง ผมได้ยินเสียงเด็กกับเสียงผู้ชายลอดเข้ามา


“น่าเสียดายจริงๆว่ะ แกไม่น่าพลาดเรื่องนี้เลย”


“ไม่หรอกว่ะ ยังไงซะฉันก็ทำใจให้นอนกับผู้หญิงแบบที่แกชอบไม่ได้ แม่พวกนั้นไอคิวต่ำกว่าฉันตั้งเกือบร้อย”


“แล้วยังไงวะ?” ผมถาม


“มันก็ไม่ต่างอะไรกับการที่ฉันต้องนอนกับสัตว์น่ะสิ อีกอย่างฉันไม่ได้อยากนอนไปทั่วด้วย” แบรตบอกเรียบๆ ด้วยคำพูดสุดเชือดเฉือนตามสไตล์เขา นั่นทำเอาผมจุกไปไม่น้อย จากนั้นเขาก็รีบวางสายทิ้งทันทีเมื่อมีใครซักคนเรียกชื่อเขา


    ตามตำราพิชัยยุทธแล้ว การรับมือกับการซุ่มโจมตี คือการเดินหน้าสู้มันซะเลย ผมตัดสินใจว่าการฟันใครคนใดคนหนึ่งเป็นทางออกที่ดีที่สุด แต่ผมควรจัดการกับใครดี? นังกากีที่สวมเขาให้สามีและเพิ่งแท้งไป หรือผู้หญิงที่เป็นมะเร็งและยังมีลูกของผมอยู่ในท้อง?


ข้อดีของซาร่า                                                                    ข้อเสียของซาร่า
-ดูดีมากด้วยเต้าศัลยกรรมขนาดใหญ่                                      -เพิ่งแท้งมา
-ลีลาบนเตียงเยี่ม                                                              -เป็นนางกากีชั้นหนึ่ง



ข้อดีของลินเซย์                                                                ข้อเสียของลินเซย์
-สวยเหมือนกันแต่ไม่มีเต้าปลอม                                          -เธอท้อง...กับผม
-ไม่นับความรู้สึกส่วนตัวนะคุณแต่ลินเซย์                                 -เธอเป็นมะเร็ง...ตรงที่ผมจะเอาน้องชายมุดเข้าไป
มีลีลาบนเตียงเยี่ยมกว่าซาร่าซะอีก


   ผมตัดสินใจอย่างเด็ดขาดที่จะจัดการกับซาร่าก่อน ผมตั้งใจจัดการเธอให้สุดฝีมือ เผื่อเธอจะได้รีบๆกลับไป หรือไม่ก็หลับไปเลย หลังจากนั้นผมอาจจะกลับมาทำอะไรกับลินเซย์ได้ เพราะถ้าผมจัดการกับลินเซย์ก่อน ซาร่าอาจจะโกรธจนกลับไปเลย และมีความเป็นไปได้ที่อาจจะขโมยหรือทำลายข้าวของของผมเป็นการแก้แค้นด้วย


   ตอนนั้นพวกเราทุกคนยังอยู่ในห้องรับแขก ผมจึงตรงเข้าไปคว้าแขนซาร่าแล้วลากไปที่ห้องนอนพร้อมกับหันมาสั่งลินเซย์ว่า “รออยู่นี่แหละ เดี๋ยวฉันฟันแม่นี่เสร็จแล้วจะกลับมาหา” แน่ล่ะคุณ ลินเซย์ไม่ปลื้มเอามากๆ อันที่จริงเธอโกรธจนพูดไม่ออกเลยมากกว่า แต่ยังไงก็เถอะมันสายเกินกว่าจะมากังวลเรื่องนั้นอีกต่อไป ตอนนี้ผมเลือกเป้าหมายแล้วและมีหน้าที่อัดเป้าหมายให้เต็มแรงเท่านั้น


   ลีลาของเธอเป็นมืออาชีพจริงๆและคืนนั้นเธอเป็นคนคุมเกมทั้งหมด(ผมรู้ว่า”มืออาชีพ”แบบนี้มีลีลาอย่างไร เพราะตอนผมอยู่ฟลอริด้าและนิวยอร์คผมเคยควงผู้หญิงแบบนี้อยู่หลายคนเหมือนกัน) ปกติเวลาผมเปิดศึกกับซาร่านั้นผมจะถึงที่หมายหลายครั้งต่อหลายครั้ง ไม่ใช่เพราะผมชอบเธอเป็นพิเศษอะไรหรอกนะ แต่ร่างกายผมจะมีปฏิกิริยากับนมปลอมเป็นพิเศษเท่านั้นเอง


   แค่ห้านาทีผมก็ถึงสวรรค์รอบบแรกอย่างรวดเร็ว ผมก็เลยใช้มือนวดจุดยุทธศาสตร์ของเธอไปพลางๆเพื่อรอให้ไอ้หนูฟื้น ซึ่งปกติจะใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีแต่กับครั้งนี้ไม่ใช่ สองนาทีผ่านไปมันยังคงคอพับคออ่อน...สี่นาทีมันยังคงอยู่ในสภาพมะเขือเผา จนกระทั่งสิบนาทีผ่านไปพร้อมกับการใช้มือช่วยปลุกปั้นอย่างจริงจังมันก็กลับมาอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานได้ราว 50% ผมจึงจัดแจงยัดมันเข้าที่แล้วเริ่มอีกครั้ง


   แต่ไม่ได้ผล...อันที่จริงมันกลับเหี่ยวลงไปอีกด้วยซ้ำ มันเกิดอะไรขึ้นกับผมกันแน่...มันจะเกิดสภาพอย่างนี้ก็ต่อเมื่อผมเมาในระดับคาแบลท์ ฮูแซกหรือไม่ก็พ่นพิษอย่างน้อยห้าหกครั้งแล้วเท่านั้น


   ในที่สุดผมก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น บางครั้งผมมีอะไรกับผู้หญิงโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิงมากชายอย่างซาร่า จิตใต้สำนึกของผมมักจะเล่นตลกด้วยเสมอ มันมักจะดอดเข้ามาบ่อนทำลายเส้นทางสู่จุดสุดยอดของผม แต่จิตสำนึกของผมซึ่งเป็นอำนวจที่หนุนหลังไอ้หนูอยู่มักจะเป็นฝ่ายขับไล่จิตสำนึกออกไปได้


   แต่วันนี้สถานการณ์เปลี่ยนไป เพราะหลังจากที่ผมเผชิญกับเรื่องทั้งหมดที่เล่าให้คุณฟัง จิตสำนึกของผมอยู่ในสภาพเดียวกับจอร์จ โฟร์แมนในยกที่ห้าจากศึกที่เจอกับมูฮัมหมัด อาลี ทั้งเหนื่อย เหวี่ยงหวัดเปะปะ และงุนงงเพราะประเมินคู่ต่อสู้ต่ำเกินไป


“คาแบลท์...นายมีความสุขจริงๆเหรอ” แกสเคยถามคำถามนี้กับผมหลังจากที่ผมเมาเละเทะกลับมาบ้าน


“แกชอบฟันของบานๆงั้นเหรอ? ไอ้ช่องคลอดที่แกกำลังใช้อยู่น่ะมันช่องเดียวกับที่ตัวอ่อนอายุห้าเดือนตายแล้วไหลออกมานะเว้ย ฉันว่ามันน่าจะต้องพักสักสองสามอาทิตย์นะก่อนที่จะเอามาใช้งานได้เหมือนเดิม” จิตใต้สำนึกผมกระซิบอย่างชั่วร้าย


   จิตสำนึกของผมพยายามหาเหตุผลมาหักล้าง แต่ซาร่าไม่ทำอะไรให้ดีขึ้นเลย เธอเอาแต่กรีดร้องซึ่งทำให้ผมขยะแขยงเธอมากขึ้นไปอีก เพราะตอนนี้ไอ้หนูของผมไม่ได้อยู่ในสภาพพร้อมที่จะทำให้ใครร้องได้ขนาดนั้นซักหน่อย แต่เธอก็ยังร้อง”ทะลวงฉันด้วยปืนใหญ่ของคุณเลย” ทั้งๆที่ไอ้หนูของผมเกือบจะปวกเปียกอยู่แล้ว ผู้หญิงอย่างแม่นี่คงชินกับการเสแสร้งทำให้ผู้ชายโง่ๆที่จ่ายเงินให้เธอรู้สึกดีด้วยการร้องแบบนี้


“ฉันละสงสัยจริงๆว่าแม่นี่จะคิดค่าร้องซักเท่าไหร่? ฉันว่าแม่นี่ทำระดับที่ควรจะจ่ายซักพันนึงได้เลยนะ แต่นายได้ฟรี นายว่าไหนเธอต้องไปฟันกับใครมาก่อนแล้วแน่ๆ ดูน้องสาวเธอสิ! มันดูลื่นนผิดปกติไม่ใช่เหรอ ฉันล่ะสงสัยจริงๆว่าวันนี้เธอเล่นมากี่เกมแล้ว” จิตใต้สำนึกบอกผมอีกครั้ง


“โอว คาแบลท์ ฉันรักปืนใหญ่ของคุณจริงๆ” ซาร่าเอาแต่ร้องซ้ำไปซ้ำมา


“ฮูแซก นายก็รู้ดีนี่ว่าการที่จะทำให้ผู้หญิงร่านได้ขนาดนี้มีวิธีเดียว คือการที่พ่อเลี้ยงของเธอข่มขืนเธอตั้งแต่เธออายุสิบขวบ แล้วนายคิดเหรอว่าน้องชายของนายจะใหย่กว่าไอ้คนที่ข่มขืนเธอตั้งแต่เด็กได้ ฉันพนันว่าแม่นั่นไม่มีทางรู้สึกว่านายใหญ่หรอก แม้ว่านายจะใหญ่จริงก็ตาม” จิตใต้สำนึกยังพูดกับผมต่อไปเรื่อยๆ


“แรงอีกๆ โอ้ววว พระเจ้า” เธอร้อง


“เธอเพิ่งแท้งมานะเพื่อน...ฉันว่ายังมีเศษเหลวๆของตัวอ่อนตกค้างอยู่ในนั้นแหงๆมันเลยลื่นเป็นพิเศษไง ฉันว่าจริงๆแล้วเธอไม่ได้แท้งเองหรอก แต่ใช้เครื่องดูดเอาเด็กออก มันเลยทำให้วันนี้เธอบีบเป็นพิเศษไง เพราะมันเพิ่งบีบเอาเด็กออกไปคนนึง” จิตใต้สำนึกทำหน้าที่ของมันต่อไป


“โอวพระเจ้า แทงฉันหนักๆเลย ระเบิดเข้ามาให้ตัวฉันเลยนะที่รัก”


“ถ้าเธอทำแท้งจริงต้องมีเศษสมองหลงเหลืออยู่แน่ๆ ไอนั่นล่ะที่ทำให้ลื่นสุดๆ นายลองตั้งใจทำสิ นายจะได้รู้สึกถึงไอ้เศษพวกนั้นแน่ๆ”


   และนั่นคือหมัดน็อคของจิตใต้สำนัก จิตสำนักของผมร่วงลงไปกองกับเวทีไม่มีการนับแปด ไม่มีเสียงระฆัง มันนอนแผ่หลาดวงตาเห็นดาวระยิบระยับ


   ไอ้หนูของผมหมดแรงโดยสมบูรณ์ ไม่มีการตอบสนอองอะไรอีก การพยายามทำต่อก็เหมือนการเอาขี้ผึ้งลนไฟยัดใส่รู


   ผมผละจากเธอแล้วออกจากห้องมาซะเฉยๆโดยไม่ได้แกล้งว่าเสร็จด้วยซ้ำ และไม่ลืมจะไล่เธอให้กลับไปอย่างด่วนที่สุดด้วย


   ลินเซย์โกรธเอามากๆแต่เธอก็ยังรออยู่ที่เดิม ที่เดิมจริงๆ แล้วหลังจากผ่านเรื่องราวอันหนักหน่วงทั้งหมดมา ผมก็ชักอยากอยู่คนเดียว แต่จะไล่เธอกลับไปก็ไม่ได้


“คุณเสร็จเรื่องกับแม่นั่นแล้วอาบน้ำรึยัง” เธอถาม


“ยัง”


“งั้นก็ไปอาบซะ” เธอสั่ง


“อาบทำไม”


“ฉันจะนอนกับคุณบ้าง”


“เรายังจะทำอีกเหรอ”


   เธอก็เลยตัดสินใจกลับ แต่ก็หลังจากที่เธอขอให้ผมเซ็นเช็คให้เธอเป็นค่าทำแท้งให้เธอ ขณะที่ผมกำลังเซ็นเช็คจำนวนสี่ร้อยเหรียญอยู่นั้นผมก็ชั่งใจควรจะถามเธอมั้ยว่าเด็กคนนั้นเป็นลูกผมรึเปล่า แต่ผมก็ไม่ได้ถามเพราะจิตใต้สำนึกของผมยังอยู่บนเวทีอยู่เลย


   พอพวกเธอกลับไปกันหมดผมก็มานั่งนึกถึงสิ่งที่ทำลงไป


   ผมเรียกผู้หญิงมาเพื่อสนองอารมณ์...


   เธอคนนั้นตั้งท้องกับผม....


   แถมยังเป็นมะเร็งรังไข่


   ในขณะที่เธอคนนั้นมาหาผมเพื่อขอรับการปลอบประโลมเพื่อให้เธอพร้อมเผชิญกับเรื่องร้ายๆอยู่ ผมก็เรียกผู้หญิงอีกคนมาเพื่อสนองตัณหาอีกครั้ง...


   ผู้หญิงคนนั้นแต่งงานแล้ว...


   เพิ่งแท้งลูกมา.....


   และมาฟันกับผมเพื่อประชดสามีเท่านั้น...


   ผมก็ดันสนองให้เธอ แต่ก็ต้องเลิกราเพราะไม่สามารถสลัดภาพสมองของเด็กที่ยังค้างอยู่ในตัวเธอออกไปจากใจได้...แล้วผมก็มาปฏิเสธผู้หญิงอีกคนที่รออยู่เพียงเพราะรังเกียจตัวเองที่กลับมามีอารมณ์พร้อมจะนอนกับหล่อน
   



        และที่สำคัญที่สุด
   ผมนอกใจแฟนที่ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยมีมา...





“ที่รัก เดี๋ยวผมจะให้คนขับรถไปส่งนะ คุณจะได้ไม่ต้องลำบากออกมารับ” แกสบอกผมทันทีที่ผมกดรับสาย ตอนนี้ก็แปดโมงแล้วผมยังไม่ได้นอนเลย


“ไม่ต้องหรอก...คุณไม่ต้องมาแล้วล่ะ” ผมตัดสินใจบอกเขา

-----------------------------------------------------------

 :jul3:



คิดว่าตอนนี้จะเป็นตอนจบได้นะ?

คนอ่านว่าไง?
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 15 (14/06/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: ┗◎┗◎ ที่ 15-06-2011 13:15:11
ค้างมากกกกกกกกกกกกกกกกกก

แกสแม่งตัวประกอบฉาก  :เฮ้อ:


ป้าจะตัดจบอีกแล้ว  :z3: :m31:



หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 15 (14/06/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: CanonDNattari ที่ 15-06-2011 13:26:49
คาแบลท์ทำตัวเหมือนคนเขียนเลย คนเขียนเอาตัวเองมาเขียนเปล่าวะเนี้ย
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 15 (14/06/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: kihaezzzzzz ที่ 18-06-2011 20:32:20
ค้าง งง  ผญ.สองนางนีี่ก็ไม่ค่อยจะไหว เเกสรีบกลับมาเหอะ
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 15 (14/06/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSacrifice ที่ 02-08-2011 21:23:17
ดัน

เดี๋ยวถ้าพรุ่งนี้ว่างจะมาลง

ขอบคุณสำหรับสารบัญที่โลโล่ทำให้ทุกเรื่อง

น่ารักจริงๆ

-,-
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 16 (03/08/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSacrifice ที่ 03-08-2011 12:09:29
   

        แกสไม่ฟังที่ผมพูดแม้แต่นิดเดียว เขามาหาผมทันทีหลังจากที่ได้ยินผมบอกเลิก ผมรู้ว่ายังไงซะเขาก็ไม่มีทางเลิกกับผมแน่ๆ ยกเว้นว่าผมมีเหตุผลที่ดีพอ  ในที่นี้หมายถึงผมไม่ได้รักเขา หรือเขาเองที่หมดรักในตัวผม ส่วนเหตุผลยิบย่อยอย่างการโกหกกันหรือนอกใจกัน จากที่ผ่านมาเขาโกรธและขอให้ผมให้สัญญาว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีก เพียงแค่นี้หมอนี่ก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม หลังจากที่เราทะเลาะกันทุกครั้งผมจะเป็นฝ่ายเลี้ยงอาหารเขา และปิดท้ายด้วยเปอติ โฟร์ของโปรดของเขาให้เขาอารมณ์ดีขึ้น



   แกสไขประตูห้องแล้วเดินเข้ามาช้าๆ เขายังคงมีรัศมีความสุขสงบร่มเย็นในแบบที่เขาเป็น แม้ว่าครั้งนี้มันอาจจะลดลงไปบ้าง แต่มันก็ยังคงความสบายตาและสบายใจเมื่อมองเขา มันทำให้ผมสงบลงไปด้วย(อาจจะนิดเดียวก็เถอะ)และเมื่อใดก็ตามที่เราเปิดฉากสนทนากันเสียงของผมจะลดลงอัตโนมัติเมื่อเปิดปากคุยกับเขา



“คุณไม่น่ามาเลย” ผมบอกเขาหลังจากที่เขานั่งลงข้างๆ และสังเกตได้ว่าใบหน้าของเขาดูอิดโรย มันทำให้ผมอยากพรมจูบทั่วใบหน้าของเขา แต่เราไม่ได้อยู่ในอารมณ์ปลอบประโลนและหวานแหววกันตอนนี้


“คุณทานข้าวหรือยัง คุณดูเหน็ดเหนื่อยมากเลยที่รัก” เขาจ้องผมอย่างอาวรณ์


“พอเถอะ” ผมอับอายเกินกว่าจะยอมรับความรู้สึกตัวเอง


“เกิดอะไรขึ้นที่นี่เหรอ” เขาถามหลังจากที่กวาดตาไปรอบๆ และเห็นว่ามีแจกันที่แตกละเอียดย่อยยับบนพื้น รวมถึงข้าวของที่กระจัดกระจาย จากฝีมือของผมและผู้มาเยือน



   ผมเริ่มเล่าทุกอย่างให้เขาฟังอย่างลื่นไหล อาจจะเป็นเพราะว่าผมต้องการใครซักคนในตอนนี้มาร่วมรับรู้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นของผม แกสเป็นประเภทที่มีไหวพริบพอควร เขาฟังอย่างตั้งใจและไม่เอะอะโวยวายขึ้นมาระหว่างที่ผมเล่าเรื่องนี้ให้เขาฟัง เขานิ่งและส่งเสียงฮึมในลำคอบ้าง แสดงสีหน้าไม่พอใจบ้าง หรือแม้กระทั่งพูดขึ้นมาว่า”มันแย่จริงๆ” แต่ก็ไม่ขัดจังหวะให้ผมหยุดเล่าเรื่องพวกนี้ จนกระทั่งผมเล่าทุกอย่างออกมาหมด


“นี่คือเหตุผลที่คุณอยากเลิกกับผมเหรอ” เขาเอนตัวนอนลงบนโซฟาปลายเท้าวางอยู่บนตักผม เขาดูสบายซะจนผมอดจะรู้สึกรำคาญขึ้นมาไม่ได้


“ใช่ และคุณ ทำไมถึงได้วางท่าทางน่ารำคาญแบบนั้น นี่ไม่ใช่เรื่องตลกเลยนะคุณ” ผมบอกแต่ก็ยอมให้เขาพาดขาบนตักของผม


“นั่นเป็นปัญาหาที่ได้เกิดขึ้นแล้ว และที่คุณอยากเลิกกับผมก็เพราะคุณรู้สึกผิดต่อความรู้สึกของคุณเองและห่วงในความรู้สึกของผม นั่นถือเป็นเรื่องดีนะ เพราะดูเหมือนคุณจะเริ่มอ่อนโยนขึ้นมาบ้างแล้ว” เขาบอกท่าทางเหมือนครูไฮสกูลที่กำลังแนะแนวเด็กๆเรื่องการใช้กัญชาของพวกเขา


“ดูคุณไม่เสียใจในตัวผมเลย ทำไม?” ผมถามเขา


“ผมทำไม่ได้หรอก ตอนนี้คุณเสียใจมากพอแล้ว ผมไม่อยากเป็นอีกเรื่องที่ทำให้คุณต้องรู้สึกแย่” เขาปิดตาบอกผม ผมเดาว่าเขาเองก็สุดจะทนกับพฤติกรรมของผม แต่เขารักผมเกินกว่าจะปล่อยผมไป เขายอมรับในด้านลบของผม เขาเป็นแฟนเพียงคนเดียวที่ยอมรับและอยู่กับด้านลบของผมได้



   เราอยู่ในท่าเดิมราวๆครึ่งชั่วโมง ต่างคนต่างเงียบไม่มีใครคิดจะเอ่ยอะไรขึ้นมา ผมนั่งมองประตูอย่างใจลอยคิดถึงเรื่องต่างๆ ไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าเขา แต่เมื่อผมเบี่ยงหน้ามามองหน้าเขาก็เห็นน้ำตาที่ไหลออกมาจากหางตาของเขา เขารีบเช็ดมันออกอย่างลวกๆแล้วพลิกตัวนอนตะแคงหันหน้าเข้าหาด้านพนักพิงโซฟา


“แกส” ผมเรียกเขาแล้วลูบขาเพื่อปลอบเขาเบาๆ ตอนนั้นผมคิดอะไรไม่ออกและทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน ผมโง่เกินกว่าจะคิดออกว่าควรจะกอดปลอบเขา


“คุณไม่ต้องเข้มแข็ง เพื่อจะรักษาความสัมพันธ์นี้หรอก คุณเหนื่อยกับเรื่องของผมมากพอแล้ว คุณควรจะพักบ้าง” ผมบอกเขาเพราะผมเป็นห่วงเขาจริงๆ แต่จริงๆแล้วผมไม่อยากเลิกกับเขาหรอก


“ผมเหนื่อยก็จริง แต่ผมรักคุณ ผมก็ไม่รู้ว่าทำไม แต่ผมไม่อยากออกไปจากชีวิตคุณ” เขาตอบเสียงอู้อี้


“คุณมันพวกลูกคุณหนูที่ชอบอะไรที่ท้าทายไงล่ะ คุณเคยชินกับการถูกเอาอกเอาใจ แต่ผมไม่เคยทำแบบนั้นเลยให้คุณ มันเลยทำให้ผมเป็นที่ต้องการ” ผมตอบตามความคิดที่เคยถามตัวเองว่าทำไมเขาถึงชอบที่จะอยู่กับผมตอนเราคบกันแรกๆ เพราะผมไม่ได้ทำอะไรที่โรแมนติกหรือดีพออย่างที่แฟนควรจะเป็นให้เขาเลย เพราะฉะนั้นก็มีเพียงเหตุผลนี้นี่แหละ


“คุณทานอะไรมารึยัง” ผมเห็นว่าเขานิ่งไป เขาอาจะกำลังคิดเรื่องแย่ๆของผมหรือคำพูดของผมอาจจะไปจี้ใจดำของเขาเข้า ผมจึงเลือกที่จะเปลี่ยนเรื่องพูดซะเฉยๆ ผมอาจจะไม่เข้มแข็งพอจะรับเรื่องดราม่าหนักๆในตอนนี้ได้อีกแล้ว


“แกส คุณทานอะไรมารึยัง” ผมถามเขาอีกครั้งเมื่อเห็นว่าเขานิ่งไป เขาส่ายหน้า และยังหันหน้าซุกกับพนักพิงของโซฟาต่อไป
ผมทนไม่ไหวเลยใช้แรงทั้งหมดดึงเขาขึ้นมา อย่างแรกที่ผมคิดได้คือผมน่าจะปล่อยเขาไปแบบนี้ ปล่อยให้เขาได้ระบายความทุกข์ในแบบของเขาบ้าง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยน้ำตา มีน้ำมูกไหลออกมาจากจมูกทั้งสองข้าง เส้นผมสีดำลู่ปรกหน้าและเต็มไปด้วยเหงื่อ ผมดึงเขามากอดและลูบหลังเขาเบาๆ เท่านั้นแหละคุณเอ้ย หมอนี่ร้องสะอื้นออกมาเสียงดังและเริ่มทุบตีผมเบาๆ จนผมบอกเขาไปว่าทำตามใจคุณเถอะ เขาก็เริ่มตีแรงขึ้นๆ กว่าชั่วโมงเขาถึงยอมสงบแต่ก็ไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรออกมา

 
“เอาล่ะ คุณควรไปอาบน้ำและนอนซะ” ผมสั่งเขา เมื่อเห็นว่าเขาระบายออกมามากพอแล้ว


“ไม่ ผมไม่อยากใช้เตียงที่คุณมีเซ็กส์กับผู้หญิงคนอื่น” เขาเอ่ยออกมา ผมว่าเป็นสิ่งที่ดีนะ เพราะเขาแทบไม่เคยเอ่ยอะไรออกมาตรงๆ เขาได้แค่ก้มหน้ายอมรับทุกอย่างที่เป็นตัวผม


“โอเค งั้นเราจะไปนอนโรงแรมกัน” ผมบอกแล้วได้แต่ยิ้มกับตัวเอง ผมรู้แค่ว่าตอนนี้ผมมีความสุข
“ผมเกลียดห้องของคุณ เกลียดเพราะผมรู้ว่าคุณต้องเคยมีเซ็กส์กับใครก็ตามทุกซอกทุกมุม” เขาผละออกจากอกของผม แล้วจ้องหน้าผมพูดกับผมเสียงแข็ง ซึ่งผมไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้มาก่อนเลย มันเลยทำให้ผมช็อคนิดๆ


“ผมย้ายออกจากที่นี่ไม่ได้หรอก ราคาแบบนี้และขนาดห้องเท่านี้หาที่อื่นไม่ได้อีกแล้วล่ะคุณ คุณอาจจะต้องยอมรับทุกซอกทุกมุมของที่นี่ต่อไป” ผมบอกเขาไปตามตรง


“แล้วถ้าเราย้ายมาอยู่ด้วยกันล่ะ แชร์ทุกๆอย่างกัน มันอาจจะดีกว่านี้” เขากำลังขอให้ผมย้ายไปอยู่กับเขา นั่นหมายถึงผมจะใช้ชีวิตเสเพลไม่ได้แม้ว่าผมจะคบกับเขาไปด้วย เขาทำให้ผมคิดหนัก...


“ได้โปรดเถอะ คุณก็ชีวิตแบบเดิมของคุณไป ผมจะพยายามยอมรับมันให้ได้” เขาอ้อนวอน


“ไม่หรอก คุณจะไม่อยากทำแบบนั้น” ผมปฏิเสธ เพราะเขาไม่ได้เห็นส่วนลบของผมทั้งหมดซะหน่อย


“ผมจะทำ” เขายืนยันหนักแน่น


“ผมจะเก็บไปคิดแล้วกัน” ผมเริ่มใจอ่อน


“ขอบคุณ” เขายิ้ม


“ผมทำตัวเหลือรับต่อคุณมากเลย บางทีผมอาจจะต้องเปลี่ยนมันบ้างแล้วล่ะ” ผมบอกเขา เขากระโจนเข้ามากอดผม แบบที่หมาตัวใหญ่ๆชอบทำ


“คุณจะพาผมไปเลี้ยงข้าว ตามธรรมเนียมของเราหรือเปล่า” เขาถามผม


“นี่มันดึกเกินไปแล้วล่ะคุณ ไม่มีร้านไหนเปิดรับธรรมเนียมของเราหรอก” ผมพูดเรื่องจริง


“แต่ผมยังไม่มีอะไรตกถึงท้องตั้งแต่สิบโมงเลย” เขาผละออกจากผมอีกรอบ แล้วบอกผมปั้นหน้าน่าสงสารที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้


“ผมมีมันฝรั่ง”


“ผมทำแฮชบราวน์ที่อร่อยกว่าเดอะ ปาล์มได้นะ คุณอยากลองไหม” แกสดูกระตือรือร้นขึ้น


“เอาสิ ผมจะลองหาเค้กถูกๆตามซุปเปอร์มาร์เกตแถวนี้ระหว่างที่คุณทำแฮชบราวน์ละกัน มันจะได้เป็นไปตามธรรมเนียม” ผมบอก เขายิ้มอีกรอบ แล้วก็ย้ำกับผมว่าเขาจะทำอย่างสุดฝีมือ


“คุณรู้ตัวไหมว่า คุณใจดีกับผมมากแค่ไหนเมื่อเทียบกับตอนแรกที่เราเจอกัน” เขาถาม ผมส่ายหน้า


“ผมไม่อยากรู้หรอก ผมจะพาคุณไปทานนมาลเป๊ก(*)พรุ่งนี้อีกรอบ ตอบแทนแฮชบราน์ของคุณแล้วกัน” ผมบอกเขา


“เยี่ยม มาลเป๊ก มาลเป๊ก ผมรักมัน เอาล่ะ ผมจะไปหยิบโค้ทให้คุณ จากนั้นคุณจะไปหาเค้กให้ผม” เขาวิ่งออกไปอย่างอารมณ์ดี



-------------------------------------------------------------------------------------------------------------

Malpeques หอยนางรมแคนาดา


หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 16 (03/08/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: bow55 ที่ 03-08-2011 14:52:15
แกสจังสงสารที่สุด ฮือๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 16 (03/08/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: CanonDNattari ที่ 03-08-2011 18:44:19
คาแบลท์  :beat: :beat: :beat: :z6: :z6:

คนเขียนอ่ะนึกว่าลืมแกสของฉันแล้ว หาำพระเอกใหม่  :z2:
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 16 (03/08/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: PrinceGirlz ที่ 03-08-2011 20:36:21
ห้ามโจบน้าาาาาาาาาาาาาาาา
จะว่าไปแกสยอมอิคาแบลท์ง่าย ๆ อีกแล้ว ฮึ่ย ๆ น่าจะสั่งสอนซะที
ถึงตอนนี้แกสจะร้องไห้ก็เหอะ แต่ทำไมเราเห็นว่าแกสน่ารักจังนะ คงเพราะแสดงความรู้สึกพื้นฐานของมนุษย์ออกมาซะทีล่ะมั้ง 55
เล่นมันหนัก ๆ ค่าาา มันเอากระทั่งผู้หญิงที่เพิ่งแท้งมาเสร็จ (ซึ่งกุขำมากค่าาา)

เจ๊ห้ามจบบบ แต่งต่อออออ อีกกี่เดือนก็จะรอน๊จ๊ อะฮิก TT^TT
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 16 (03/08/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: ┗◎┗◎ ที่ 06-08-2011 10:36:01
แกสมันต้องเคยไปเขมรกับคาเบลท์แน่ๆ

มันเลยโดนของเขมรเข้าจังงัง  :really2:


อนาถถถถถถ

คาเบลท์มันมีอะไรน่าค้นหาหรอน้องแกส นอกจาก "ขี้ ปี้ เอดส์"

ตอนนี้ไม่ได้ดั่งใจ เลยแกสสสสส ปรับปรุงตัวซะ


เลิกเลยๆๆๆ -,-
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 16 (03/08/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 06-08-2011 15:14:07
นั่นจิ แกสโดนของอ๊ะป่าว คิดยังไงอิคาแบลท์ก็เลวเกินจะรับได้จริงๆ :z3:
แต่มันก็มีจริงๆอ่ะ ที่เป็นเพราะรักเลยยอมทุกอย่าง แกสเลือกเองนะเนี่ย  :sad4:
แต่ขนาดมีจิตใต้สำนึกนะเนี่ย ยังเลวร้ายกว่านี้ได้อีกอ่ะคาแบลท์ :angry2:
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 16 (03/08/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: PrinceGirlz ที่ 06-08-2011 15:55:00
อ่านจบรอบสองตามสัญญา เราเก็บทุกรายละเอียด ถามไรตอบได้ ไม่เชื่อลอง  :z1:
ไงก็เหอะ มาต่อตามสัญญาด้วยนะเธอว์ ยื่นหมูยื่นหมายื่นแมว อิอิ  :man1:
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 16 (03/08/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: ┗◎┗◎ ที่ 07-08-2011 10:24:51
^
^
ขอถามว่า.........ป้าปุ้ยอายุเกิน 40 มาแล้วกี่ปี??

 :z1:
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 16 (03/08/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 10-08-2011 14:44:01
เรื่องนี้เอ่ยถึงเพื่อน ปาตี้ เหล้าๆๆๆวนไปเวียนมาเยอะสุดๆ

ตกลงนี่เป็นไดอารี่ของคาแบลใช่ไหม

แกสแทบไม่มีอยู่ในไดอารี่นี้เลยแฮะ

เรื่องให้พื้นที่กับเพื่อนๆคาแบล และผู้หญิงที่คาแบลจีบเยอะมากกกกก สมชื่อปฐมบทแบดบอยจริงๆ แต่เอาจริงๆ พอถึงตอนคาแบลไปกินเหล้า
จีบหญิงเราเริ่มอ่านข้ามแล้วอ่ะ เพราะแนวคาแบลเริ่มซ้ำๆเมา  จีบหญิง ทำอะไรห่ามๆ โดนไล่ออกจากร้าน จบลงบนเตียง เวียนไปเวียนมา ไม่มีอะไรคืบหน้าเท่าไหร่ บางครั้งเขียนเยอะเกินมันเลยทำให้เรื่องดูไม่สนุกมากเท่าที่ควรล่ะ (แต่ก็ยังสนุกอยู่ดีนะ^^)

ปล.รอตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 16 (03/08/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: PrinceGirlz ที่ 11-08-2011 22:14:07
ขอตอบว่าเกินมาแล้ว 30 ปี ถวกไม่ถวกวานโล่จังช่วยบอก  :o8:
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 16 (03/08/2011)
เริ่มหัวข้อโดย: kuro ที่ 26-10-2011 10:52:26
รู้สึกไปเองรึเปล่าเนี่ยว่าคาแบลท์มันชั่วมากๆๆๆๆ
แต่ก็สนุกไปอีกแบบ
หัวข้อ: THE END: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 17 (04/03/2012)
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSacrifice ที่ 04-03-2013 21:14:02
          หลังจากที่เพื่อนของผมรับรู้ว่าผมใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายมากเกินไป พวกเขาจึงเร่มก่อกวนชีวิตของผม เริ่มต้นด้วยจากจัดหาสองสาวฝาแฝดมาให้ผม โดยพวกหล่อนอีเมลล์ฉบับนึงให้ผม

         ‘สวัสดีคาแบลท์ ฉันและแฝดของฉันได้ดูวิดีโอ และคำบอกเล่าต่างๆจากเพื่อนของคุณ ทำให้เราสองคนรู้ว่าคุณช่างตลกอย่างร้ายกาจและซุกซนอย่างที่เราสองคนเป็น เพื่อนของคุณยังโชว์ลิสต์ที่คุณอยากนอนด้วยก่อนที่คุณจะตาย ดีใจด้วย! เราสองคนสามารถตัดตัวเลือกจากลิสต์คุณได้ถึงสี่! หนึ่งเราเป็นแฝด สองพวกเราเป็นนางแบบ สามเราเป็นชาวยูเครน และสี่หนึ่งในพวกเราเคยเป็นนางเอกหนังโป๊! ปล.คุณมีตาที่สวยมาก ฉันชอบเคราของคุณ ส่วนน้องสาวของฉันชอบหุ่นของคุณมาก’
        
      ที่สำคัญ พวกเธอแนบรูปถ่ายในชุดว่ายน้ำมาให้ผมด้วย คาลอสบอกผมว่าถ้าผมไม่ยอมออกไปหาพวกเขาให้ครั้งนี้ เขาจะตัดผมเป็นเพื่อนอย่างทันที และนอกเหนือจากนั้นเขาจะตามล่าชีวิตผมอย่างที่สุด เขาจะหาสาเหตุที่ทำให้ผมกลายเป็น ‘พวกน่าเบื่อ’และทำลายมันซะ พวกเขาเสียแบรตไปนั่นถือว่ามากพอแล้ว แต่ผมคือศูนย์กลางของกลุ่ม พวกเขาไม่สามารถเสียผมไปได้

        คุณว่าผมจะทำร้ายพวกเขาได้ลงเหรอ?
      คุณว่าผมจะทำร้ายแกสได้ลงเหรอ?

      ผมคิดจนปวดหัว และท้ายที่สุดก็ตัดสินใจลองออกไปพบพวกเขา ผมแค่อยากอยากมั่นใจด้วยว่า ผมสามารถตัดตัวตนเหล่านั้นได้จริงๆหรือนั่นอาจจะเป็นข้ออ้าง แต่แท้จริงแล้วอวัยวะใต้กางเกงในของผม อาจจะไม่อยากหยุดอยู่แค่นี้ มันอาจจะยังต้องการสิ่งที่ท้าทายอยู่

      หลังจากที่พวกหล่อนมาถึงผมก็เห็นได้ว่าพวกหล่อนเด็กกว่าที่ผมคิดไว้มาก น่าจะอายุแค่ 20 ปี แม่คนที่มีรอยสักรูปผีเสื้อตรงหัวไหล่หัวเราะคิกคักอยู่ตลอดเวลา หล่อนยังดูเป็นพวกวัยรุ่นที่ยังโตไม่สมวัยซึ่งมักจะมีกระเป๋านุ่มนิ่มติดตัว และหมอนนีโมๆซึ่งยืนกอดอยู่ตลอดเวลา และที่สำคัญแม่นั่นดันเมคอัพเกินความจำเป็น ส่วนอีกคนมีลิ้นสีฟ้าๆ ฟันก็ด้วยเพราะเพิ่งดื่มเหล้าวอดก้าราคาถูกๆที่หาได้ตามเซเว่น แต่หล่อนมีหน้าอกที่ใหญ่มาก ผมว่าแม่นี่แหละที่เคยเล่นหนังโป๊ แต่ไงก็เหอะ นังคุณตัว..ไม่สิ พวกหล่อนมาให้ผมฟันฟรีๆด้วยซ้ำ นี่มันยิ่งกว่าคุณตัวซะอีก มันกลับทำให้ผมไม่มีอารมณ์เอาซะเลย มันทำให้ผมนึกไปถึงช่องคลอดสกปรกๆของพวกหล่อนแล้วอดสะอิดสะเอียนขึ้นมาไม่ได้

“เอาล่ะ ผมควรจะได้แค่คนใดคนหนึ่งก่อน หรือทั้งสองคนพร้อมกัน”

“อืม คืองี้นะ..คุณเลือกเราได้แค่คนใดคนหนึ่งน่ะ” แม่ลิ้นฟ้าบอก

“ฉันจะได้นอนกับเขาไม่ใช่เหรอ เธอบอกฉันก่อนที่เราจะเจอเขา” แม่นีโมค้านขึ้นมา

“แล้วแต่เขาสิ ให้เขาเลือก” หล่อนยักไหล่

“นี่เธอตั้งใจจะให้เขาเลือกเธองั้นสิ นังแรด! หล่อนจะอ่อยเขาก่อนล่ะสิ หล่อนนี่มันร้ายจริงๆ โชว์หน้าอกมากเกินไปเพื่อสิ่งนี้สินะ”

“ถ้าไม่มีรถ จะเปิดประตูโรงรถทำไม” แม่นั่นดันหน้าอกขึ้นมา ราวกับส่งเสียงร้องว่า เลือกฉันสิ เลือกฉันสิ อึ้บฉันเลย!

“นี่มันตลอกปัญญาอ่อนอะไรกันวะ! ขอโทษทีนะคุณ มันทำให้ผมรู้สึกว่าผมกำลังเลี้ยงเด็กโง่ๆอายุสิบขวด และยิ่งรู้สึกแย่ขึ้นไปอีกเมื่อได้กลิ่นจากพวกคุณ ผมรู้ว่าพวกคุณอยู่ใกล้รัสเซีย แต่ให้ตายเหอะ กลิ่นพวกคุณนี่เกินจะเหลือรับไม่ต่างจากพวกนั้นจริงๆ ”
 

       ผมเดินออกจากร้าน ไม่คิดแม้แต่จะวางเงินไว้บนโต๊ะ นี่มันเรื่องตลกอะไรกันวะเนี่ย? ผมกลายเป็นพวกเลือกมากก่อนจะนอนกับใครตั้งแต่เมื่อไหร่ หรือผมอาจจะเมาน้อยไป? ผมคิดได้ดังนั้นก็ปรี่เข้าร้านโชว์ห่วยแถวนั้นแล้วซื้อรูกจ์เบียร์มาแพคนึง ผมเปิดขวดแรกในร้าน จากนั้นก็เริ่มขวดต่อๆมาจนถึงอพาร์ทเม้นท์ของผม ไม่ต้องสงสัยเลยล่ะคุณว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมรู้สึกมีอารมณ์ขึ้นมาอย่างทันที และนับว่าโชคดีที่แกสกลับมาพร้อมกับถุงอาหารแช่แข็ง


       ผมคว้าเขาเอาไว้แล้วบดปากลงจูบอย่างรุนแรง ผมโมโหตัวเอง และเกลียดตัวเองที่กลายเป็นพวกธรรมดาๆ ผมใช้มือบีบก้นของเขาอย่างเมามันและพยายามจะฉีดเสื้อผ้าเขาทิ้ง แต่เขากลับดิ้นขลุกขลักและดูไม่พอใจผมเอามากๆ
“หยุด! คุณเป็นอะไรไป... หยุดเถอะ ผมขอร้อง” เสียงหมอนี่บอกผมเสียงกระเส่า ผมรู้จุดอ่อนของเขาดี ผมจึงไล่ลิ้นเลียตั้งแต่ใบหูของเขาจนถึงคอ และขบเบาๆ จนแกสยอมผมในที่สุด เรามีเซ็กส์กันแบบที่รุนแรงที่สุดตั้งแต่เราเคยมีมา แกสดูจะบอบช้ำเอามากๆ แต่เชื่อผมเถอะว่าเขาก็คงมีความสุขมากๆเช่นกัน

“คุณจะไปไหน” ผมถามเขาเพื่อเขาพยายามจะลุกขึ้นแต่ก็ต้องทรุดตัวลง

“ผมอยากกลับบ้าน” เขาบอกเสียงสั่น

“ผมทำคุณเจ็บเหรอ” ผมดึงเขาลงมานอนข้างๆ รู้สึกผิดขึ้นมาอย่างจับใจ แกสพยายามดึงผ้ามาปิดร่างกายเขาไว้ แต่ผมดึงมันออก จัดการแหวกขาเขาออก และสำรวจทุกอย่างของเขา ผมจูบเบาๆตรงซอกขาหนีบของเขา และอุ้มเขาไปอาบน้ำ
         เราสองคนไม่ได้พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียวขณะที่กำลังอาบน้ำ จากนั้นก็ย้ายตัวเองซึ่งเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วมานั่งจ้องหน้ากันตรงโซฟา

“ผมเห็นว่าคุณซื้ออะไรเข้ามา ผมจะเอาไปอุ่นให้หรือคุณอยากได้อย่างอื่น?” ผมถามและลุกขึ้นยืนเต็มตัว

“ผมอยากให้คุณรักผมบ้าง” แกสจ้องผม เขาลุกขึ้นมายืนข้างๆผมและกอดผมไว้ ราวกับเด็กที่กำลังจะเสียของรักไป เขาตัวสั่นเหมือนลูกนก แต่ผมได้แค่ดึงเขาออกมาและยิ้มให้เขา

“นั่งเถอะ เดี๋ยวผมหาอะไรอุ่นๆให้” ผมบอก ส่วนเขานั้นได้ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอาบแก้มแล้ว

“เฮ้ๆ หยุดร้องเถอะ” ผมไล่นิ้วโป้งปาดน้ำตาที่อาบแก้มทั้งสองข้างของเขา

“คาแบลท์ ผมไม่รู้ว่าผมเป็นอะไรไปแล้วในตอนนี้ ผมไม่ใช่ลูกคุณหนูที่อยากได้ในสิ่งที่ท้าทาย..แต่ก่อนอาจจะใช่ แต่กับคุณน่ะ มันไม่ใช่” เขาสูดน้ำมูกเหมือนเด็กเล็กๆ แต่ผมไม่ได้รู้สึกรังเกียจเขาเลย

“ไม่เอาน่า หยุดร้องแล้วก็หยุดครวญครางเรื่องพวกนี้เถอะน่า” ผมบอกแล้วดันให้เขานั่งลงบนโซฟาเหมือนเดิม
“ผมคิดนะว่าตอนนี้ผมเริ่มรักคุณ เพราะงั้นหยุดร้องไห้ซักทีเหอะน่า มันไม่ได้น่าฟังเท่าไหร่หรอก” ผมบอกเขา เขากระโจนกอดผมจนผมลงไปนอนหงายอยู่บนโซฟาซึ่งมีเขาทับอยู่

“ตอนนี้ไม่ว่าผมไปปาร์ตี้ที่ไหน สิ่งที่ผมเห็นก็มีแต่พวกผู้หญิงที่ดูอ้วน ไม่ก็พวกที่ผอมแต่ไม่ดึงดูดเอาซะเลย หรือไม่ก็พวกที่ผมรู้สึกว่าผมได้รับแอลกอฮอลไม่พอที่จะมองให้พวกหล่อนดูน่าอึ้บด้วยขึ้นมา ตอนนี้คงมีแต่คุณนี่แหละที่แม้ว่าผมแค่ดื่มนมก็มีอารมณ์ด้วย” ผมดึงเขามาจูบเบาๆ

“จริงเหรอ!” เขายิ้มตาหยี

“ผมเคยตอแหลเหรอ?” ผมอดที่จะยิ้มไปกับหมอนี่ไม่ได้

“ตลอดเวลาแหละ!” เขาซุกหน้าเข้ากับซอกคอของผมจนผมรู้สึกได้ว่ามันถึงเวลาของมันอีกรอบ ผมคว้ามือแกสไปจับเป้าที่เริ่มจจะตุงของผม แกสจึงรีบดีดตัวออกทันที และท้ายที่สุดก็ร้องครางออกมาเพราะเขายังคงเจ็บอยู่

“ได้โปรดเถอะคาแบลท์ ผมไม่สามารถรับอะไรได้อีกต่อไปแล้ว ผมเหนื่อยและเจ็บมากจริงๆ” เขาอ้อนวอน

“คุณคงต้องรับผิดชอบผมไปตลอดแล้วล่ะ เพราะคุณทำให้ผมไม่สามารถมีอารมณ์กับคนอื่นๆได้อีก” ผมยิ้มเจ้าเล่ห์ แกสเขินจนตัวม้วน แต่ก็ยืนยันว่าปากเขาตอนนี้พร้อมแค่สำหรับอาหาร ไม่ใช่อย่างอื่น ผมจึงต้องช่วยตัวเองไปโดยปริยาย....
หัวข้อ: Re: THE END: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 17 (04/03/2012)
เริ่มหัวข้อโดย: berlyn ที่ 04-03-2013 23:17:16
บทจะเป็นคนดี ก็ดีขึ้นมาแบบ นะ...
จบอย่างนี้จริงเหรอคะ?
หัวข้อ: Re: THE END: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 17 (04/03/2012)
เริ่มหัวข้อโดย: ┗◎┗◎ ที่ 05-03-2013 19:20:52
อะเมสซิ่งไทยแลนด์ ปลาบปลื้มน้ำตาไหล  :monkeysad:

ขอตอนพิเศษด้วย
หัวข้อ: Re: THE END: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 17 (04/03/2012)
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 21-05-2013 23:30:49
ดุ เด็ด เผ็ด มัน จริงๆ
หัวข้อ: Re: THE END: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 17 (04/03/2012)
เริ่มหัวข้อโดย: GMT101 ที่ 24-06-2017 21:32:51
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 04-10-2020 23:59:33
   
                         ไอว้อนอะเฟมันเฟซ(*)
เฟมัสเฟซ
หัวข้อ: Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 2 ครึ่งหลัง (31/08/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 05-10-2020 00:10:04
    ไอ้พวกคนใต้ป่าเถื่อนพวกนั้น
  เราว่าพวกนายป่าเถื่อนกว่าเยอะ แบดบอยของแท้เลย