ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0
ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะ ครับ เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรัก ชายเข้ามารับรู้ ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ
4.ห้าม แจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะ ปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของ แต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ
5.ห้าม จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิด เดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
6.การ พูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
- 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).
9.คุณยินยอม ให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ
10.ห้าม ลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อ ขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป
11.บอร์ด นิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว
บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยาย ที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป
12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด
13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ
14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
16.นิยาย เรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วน หรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมด ออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข
17.ห้าม แจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
18.ใคร จะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ ย้ายไปไหน เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ
เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................
วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17
เวปไซต์ แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่าง ประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
Happy New Boyfriend!
“ชอบกูรึไง”
“ไม่รู้ว่าชอบไหม แต่ถูกใจ”
“ถูกใจขนาดต้องขอเป็นแฟนเลย?”
“อืม...อยากได้อีก จะให้เป็นแค่เซ็กส์เฟรนด์กันมึงคงไม่ชอบใจ กูเองก็ด้วย...อยากได้มากกว่านั้น”
(http://i66.tinypic.com/w9gxec.jpg)
ตอนที่ 5
เวลาหมุนเวียนเคลื่อนผ่านไปกระทั่งมีใครอีกคนในชีวิตครบเดือน เหมือนจะช้าแต่ก็ไม่ช้า จะว่าเร็วก็ไม่เร็ว แม้จะไม่ชินและต้องปรับตัวบ้างแต่ก็ไม่มากพอจะทำให้รู้สึกอึดอัด เตียงนอนกว้างที่เคยนอนคนเดียวมีแขกประจำแวะเวียนมาค้างอาทิตย์ละหลายคืนจนเริ่มชินกับการมีคนนอนเคียงข้าง
“เดี๋ยวมีคนมา”
ประโยคจากหินซึ่งดังขึ้นกลางวงทำให้เพื่อนทุกคนชะงักแล้วหันมามองด้วยใบหน้ามีคำถาม
“ใครวะ เด็กมึงอ่อ?” นักร้องนำของวงถามขึ้นเป็นคนแรก
คืนวันศุกร์ซึ่งวงไม่มีคิวขึ้นเล่น ทั้งหมดจึงนัดกันออกมาสังสรรค์ตามประสาเพื่อนฝูง โดยสาเหตุที่ไม่ไปผับที่ตัวเองทำงานก็ด้วยเหตุผลง่ายๆคือเบื่อและอยากเปลี่ยนบรรยากาศ
เหมือนคืนข้ามปีที่ไปเจออีกคนก็เป็นการเปลี่ยนบรรยากาศที่ทำให้ได้อะไรๆกลับมา
“อืม”
“เหยดดดดดดดดดดดด”
เสียงของเพื่อนร่วมวงทั้งสี่ดังขึ้นแทรกเสียงดนตรีอึกทึกจนโต๊ะข้างๆหันมามอง
“ไอ้ห่า มิน่าช่วงนี้ทำงานเสร็จละรีบกลับตลอด”
“คนนี้เป็นไงวะ น่ารัก สวย แซ่บหรือยังไง” ประโยคคำถามมาพร้อมกับสายตากรุ้มกริ่ม
“เดี๋ยวมันมาพวกมึงก็เห็นเอง”
“หูย ตามมาคุมมึง?”
ตามมาคุม
ตลอดเวลาหนึ่งเดือนแฟนไม่เคยจะทำอะไรซึ่งใกล้เคียงคำว่าคุมเลยแม้แต่น้อย หินและอีกฝ่ายให้อิสระซึ่งกันและกันแต่ทุกอย่างก็ยังคงอยู่ภายใต้คำว่าให้เกียรติกับสถานะของตัวเอง
“เปล่า มันก็มาเที่ยวของมัน”
ทั้งหมดพยักหน้ารับจากนั้นก็ส่งเสียงแซ็วอีกเล็กหน่อยก่อนจะเปลี่ยนหัวข้อสนทนาไปที่เรื่องงานและเรื่องอื่น ขณะเครื่องดื่มในมือก็ถูกเติมไปเรื่อยๆ
กระทั่งโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าเสื้อสั่นเป็นสัญญาณว่ามีความข้อความเข้า มือหนาจึงล้วงมันออกมาแล้วกวาดสายตาอ่าน ยามเงยหน้าขึ้นเพื่อมองหาใครบางคนสายตาก็ปะทะเข้ากับเรือนร่างบอบบางซึ่งโดดเด่นกว่าใครเดินมากับกลุ่มเพื่อน อีกฝ่ายดูเหมือนจะกำลังมองหาเขาเช่นกัน จนเมื่อแฟนหันมาเห็นมือบางจึงยกขึ้นโบกทักทายแล้วเดินตรงหา
“พวกมึงนี่แฟน ส่วนนั่นบีแล้วก็นัท” หินเอ่ยแนะนำคนทั้งสามกับเพื่อนตัวเอง
“สวัสดีครับ”
เสียงกล่าวทักทายพร้อมกับการค้อมหัวให้ตามมารยาทพลันทำให้ทุกคนที่กำลังนิ่งอึ้งรู้สึกตัวแล้วรีบทักทายกลับ
“แล้วก็นี่ เบนซ์ เกม โอม เวย์”
ต่างฝ่ายต่างส่งยิ้มให้กันก่อนเสียงเพลงจากรอบตัวจะทำให้แฟนต้องโน้มตัวลงมากระซิบพูดกับคนเป็นแฟนตัวเอง
“กูไม่ได้เอารถมานะ”
“นี่คือกะเมาเต็มที่?”
คนถูกรู้ทันยกยิ้มพลางยักคิ้วให้จากนั้นจึงหยัดกายขึ้นยืนตรงแล้วเอ่ยขอตัวกับทุกคนในโต๊ะก่อนจะเดินไปอีกทางซึ่งมีกลุ่มเพื่อนของตัวเองรออยู่
“ไอ้เหี้ยหิน มึงนี่เก็บเงียบเลยนะ นี่มันน้องที่เจอกันวันสิ้นปีนี่”
“โคตรสวยอ่ะไอ้สัด”
“ขาเรียวมาก ขาวมาก”
“เพื่อนเขาก็เด็ด”
หลากหลายความคิดเห็นของเพื่อนไม่ได้รับการตอบกลับจากเจ้าของเรื่อง แก้วเหล้าในมือถูกกระดกขึ้นดื่มเป็นการเลี่ยงที่จะพูด ขณะหูก็ทำเป็นเมินเสียงแซ็วต่างๆ กระทั่งเพื่อนเลิกสนใจจะซักถามเพราะรู้ดีว่าท่าทางนี้ของหินหมายความว่าเจ้าตัวจะไม่พูดอะไรมากไปกว่านี้
ด้วยรู้ว่าวันนี้มีคนตั้งใจเมาเต็มที่หินจึงดื่มไม่มากนัก แม้ว่าจะไม่ได้เอารถมาเผื่อเจอด่านแต่เพื่อการต้องดูแลคนเมาจึงต้องเซฟสติตัวเองเอาไว้
01.48 น.
ขณะที่เพื่อนค่อยๆหายไปจากโต๊ะจนเหลือเพียงหินคนเดียว ร่างสูงก็ทำได้เพียงหน้านิ่วคิ้วขมวดกับโน้ตเพลงมากมายตรงหน้า นิ้วมือแกร่งขยับพิมพ์ข้อความรัวเร็วเพื่อตอบกลับเพื่อนที่ไหว้วานให้ช่วยเพิ่มอะไรบางอย่างให้มันสมบูรณ์แบบขึ้น
ให้ตาย ออกมาเที่ยวแต่ก็ยังต้องทำงาน
หูได้ยินเสียงอึกทึกครึกโครมจากรอบข้างหากแต่สมองต้องจินตนาถึงเสียงของดนตรีในหัว กว่าจะรวบรวมสติได้ก็ทำเอาหินต้องถอนหายใจหลายรอบ
‘เจ๋งสัด คิดโน้ตเพลงกลางร้านเหล้าอาจารย์หินก็สามารถ’
ข้อความเยินยอเกินความจริงอีกหลายข้อความไม่ได้รับอะไรตอบกลับมากไปกว่าอิโมจินิ้วกลาง โทรศัพท์ในมือหนาถูกกดล็อคเมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย พลันลมหายใจแห่งความเหนื่อยจากการใช้สมองจะลอยล่องไปกับกลิ่นแอลกอฮอล์ที่อบอวลอยู่รอบตัว ยามต้นคอแกร่งถูกนวดไปมาบรรเทาความล้า
“อื้อ หิน”
ทว่าสัมผัสที่พาดมายังไหล่และเสียงอ้อแอ้ข้างหูก็ทำให้คนที่ก้มหน้าอยู่เงยหน้าขึ้น ขณะที่มือก็ยกขึ้นโอบอีกฝ่ายเอาไว้โดยอัตโนมัติ
“แฟน”
เสียงทุ้มเอ่ยเรียกยามท่อนแขนพยายามรั้งร่างโอนเอนเอาไว้ไม่ให้อีกคนล้มทรุดลงไป
“ไปเต้นกัน”
คนที่เริ่มเมาแต่ยังคงมีสติเอ่ยชวนยามวางปลายคางลงบนลาดไหล่กว้าง สองแขนเรียวโอบกระชับรอบลำคอแกร่งให้แน่นขึ้น
“อารมณ์ไหนถึงเดินมาชวนกูไปเต้น”
“เผื่อกูไปสีคนอื่นเข้าทำไงอ่ะ”
ใบหน้าสวยผละออกแล้วเอียงหน้าถาม ดวงตาคู่สวยที่ทอดมองมาดูฉ่ำเยิ้มกว่าเคย
“ไม่ทำไง”
หินยักไหล่ตอบพลางกระชับท่อนแขนที่โอบรอบเอวบางให้มากขึ้น
“ไม่หวงกูเลยอ่อ”
“ไม่ทำที่นี่ แต่จะกลับไปทำที่ห้อง...ให้มึงจำได้ขึ้นใจว่ามีผัวแล้ว”
ประโยคหลังคนพูดเลื่อนใบหน้ามากระซิบข้างใบหู ลมหายใจร้อนปัดป่ายพร้อมทั้งมือหนาขยับลูบไล้อยู่แถวเอวราวกับเป็นการเตือนกลายๆ
“ตอนนี้ก็จำได้ ถึงได้เดินมาหาไง”
แฟนกระซิบตอบกลับก่อนต่อมาสัมผัสร้อนจากเรียวปากบางจะทาบทับแตะลงบนลำคอคนตัวโตแผ่วเบา
ริมฝีปากของอีกคนโดนผิวเนื้อเพียงผิวเผินทว่าความร้อนกลับลามไล้ลงไปยังส่วนล่างรวดเร็วเหมือนเปลวไฟต้องน้ำมัน
“มึงยั่วกูอีกแล้วนะ”
“ยั่วหลัวตัวเองผิดด้วยเหรอ”
เสียงหัวเราะน้อยๆจากคนบนตักทำให้หินได้แต่ส่ายหัว รู้ตัวว่าโดนอีกฝ่ายแกล้งแต่ก็ยังห้ามความรู้สึกไม่ให้วิ่งตามเกมนี้ไม่ทัน
“จะไปที่ฟลอร์เลยไหม ถ้าไม่ไปจะได้อุ้มมึงไปห้องน้ำแทน”
“หึ ไปเลยสิ”
ร่างบางขยับลุกขึ้นยืนโดยใช้ไหล่ของหินเป็นหลักยึด ต่อมาร่างสูงก็ลุกขึ้นตามกัน
ผู้คนเบียดเสียดไปมารอบตัวพลันทำให้สองร่างต้องขยับแนบชิด กระทั่งสุดท้ายท่อนแขนใหญ่จึงรั้งเอวของแฟนเข้าหา ก่อนใบหน้าสวยจะซบลงกับอกแกร่งขณะโยกกายน้อยๆตามจังหวะเพลง
“ไหนบอกจะมาเต้น”
แฟนขยับตัวเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับคนรอบข้างที่เลื้อยไปมาราวกับงู
“ก็นี่ไงเต้น” เอ่ยตอบทั้งที่ใบหน้ายังอิงแอบอยู่ที่เดิม
“นี่เรียกมายืนซบกูเฉยๆ”
“ไม่เฉย ขาขยับอยู่” คำเถียงนั้นทำให้หินส่ายหัว “อื้อ อย่าจับตูดดิ”
เสียงร้องอื้ออึงดังขึ้นเมื่อสัมผัสได้ถึงมือหนาที่วางอยู่บนบั้นท้ายของตัวเอง คราแรกคนตรงหน้ายังทำเพียงแค่วางเฉยๆทว่าตอนนี้กลับลงน้ำหนักมือเป็นจังหวะจนรู้สึกได้
“ค่ากูมาเต้นเป็นเพื่อน”
“ไอ้หื่น”
“ไอ้ขี้ยั่ว”
“หึ ฉายาคู่เราเหรอ แบบคนเป็นแฟนเรียกกันงี้”
“อันนี้ไม่ใช่คำด่า?”
“คำด่าต้องไอ้เหี้... อื้อ”
คนที่กำลังจะพูดคำด่ากลายเป็นต้องส่งเสียงร้องในลำคอเมื่อฝ่ามือหนาเลื่อนสอดเข้ามาในขอบกางเกงขาสั้น ก่อนจะออกแรงบีบก้อนเนื้อนิ่มเต็มแรงโดยไม่สนว่าอาจจะมีคนมอง
“พูดไม่เพราะ”
“กูเคยพูดมึงก็ไม่เห็นว่าอะไร”
ใบหน้าสวยแดงเรื่อผละออกจากอกของคนตรงหน้าแล้วเงยขึ้นมาคุย คิ้วได้รูปขมวดมุ่นอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก
“ตอนนั้นไม่ใช่ตอนนี้ ตอนนี้พูดไม่ได้”
“ทำไม?”
“เพราะตอนนี้เป็นแฟน ต้องให้เกียรติกัน”
จริงอยู่ที่ตัวเองก็ไม่ใช่คนที่มีความสุภาพอะไรมากมายแต่คำด่าพวกนี้สำหรับการเป็นแฟนแล้วหินคิดว่ามันเป็นคำที่ไม่ค่อยน่าฟัง
“งี้กูต้องเรียกมึงพี่ด้วยไหม พี่หิน...”
คำเรียกขานไม่คุ้นหูพร้อมทั้งใบหน้าสวยที่ระบายยิ้มน้อยๆกระตุกใจคนฟังไปชั่ววินาที แม้จากนั้นสติจะกลับมาอย่างรวดเร็วแต่สมองก็พลันลืมเลือนไปเลยว่าควรจะพูดอะไร
พี่หินงั้นเหรอ...
“...”
“อืม ต้องแทนตัวเองว่าแฟนด้วยรึเปล่า หรือต้องน้องแฟน”
“...”
“น้องแฟนกับพี่หิน”
พูดจบคนเมาก็หัวเราะคิกคักกับตัวเองพลางโยกตัวน้อยๆตามจังหวะเพลงต่อ และแปลกที่ภาพความสวยเย้ายวนในตอนแรกๆของแฟนนั้นหายไปแล้วถูกแทนที่ด้วยความน่ารัก
เหมือนเด็กกำลังมีความสุขกับอะไรสักอย่าง
“มึงชอบแบบนี้เหรอ”
“หืม?”
“ให้กูแทนตัวเองว่าพี่ ชอบไหม”
“ไม่...”
คำปฏิเสธพร้อมการส่ายหน้ารัวๆนั้นทำให้หินเลิกคิ้วอย่างแปลกใจก่อนอีกฝ่ายจะเอ่ยขยายความ แต่ก็คล้ายว่าจะพึมพำกับตัวเอง
“ฟังแล้วเดี๋ยวใจอ่อน”
“ว่าไงนะ”
“มึงแทนตัวเองว่าพี่ ในนี้มันคันยุบยับๆ”
นิ้วเรียวเคาะลงบนตำแหน่ง‘ในนี้’ที่เจ้าตัวหมายถึง
บนอกซ้าย...
“หึ” กลายเป็นมีสติดีกว่าที่ไม่มีอะไรจะพูดมากไปกว่านั้น
เสียงเพลงและบรรยากาศอึกทึกรอบตัวถูกลืมเลือนจนเหมือนเหลือเพียงคนสองคนที่ยืนอยู่ตรงนี้ หินมองใบหน้าของคนในอ้อมแขน มองคนที่ยิ้มน้อยๆด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ ขณะในหัวก็มีเพียงคำพูดแสนน่ารักของอีกฝ่าย
มันคันๆในนั้นเหรอ...อาการเหมือนเขาตอนนี้เลยหรือเปล่า
--
“อื้อ”
เสียงครางในลำคอของคนเพิ่งตื่นดังขึ้น ขณะเปลือกตาที่ยังคงปิดหลับเข้าหากันแน่นเมื่อความมึนหัวแล่นปราดจนทำได้เพียงนอนนิ่ง นานหลายนาทีกว่าทุกอย่างจะเริ่มดีขึ้น ยามลืมตาความพร่ามัวก็เล่นงานจนต้องกะพริบตาถี่ๆ ก่อนความแห้งผาดบริเวณลำคอจะส่งผลให้ปากบางเบะออก
“หะ หิน”
ส่งเสียงเรียกคนที่เดินวนไปรอบๆแผ่วเบากระทั่งคนถูกเรียกชะงักเท้าแล้วเดินเข้ามาหา เรือนกายสูงใหญ่ซึ่งสวมเพียงกางเกงวอร์มตัวเดียวทรุดตัวนั่งลงข้างๆ
“เป็นไง ไหวไหม”
“ปวดหัว แสบคอ”
อาการซึ่งไม่ได้แตกต่างจากที่คิดเอาไว้ทำให้คนที่เตรียมน้ำไว้รอขยับไปเทน้ำใส่แก้ว จากนั้นจึงประคองคนบนเตียงให้ลุกขึ้นมาดื่ม
“หนักนะเมื่อคืน”
หลังจากลงมาจากฟลอร์แฟนก็กลับมาดื่มต่ออีกหลายแก้วจนสภาพยามแบกขึ้นแท็กซี่อ้อแอ้จนแทบไม่มีสติ ดีที่ยามเมาอีกคนไม่ได้เป็นคนขี้โวยวายไม่อย่างนั้นหินคงตกที่นั่งลำบากยิ่งกว่านี้
“กู...จำไรไม่ค่อยได้ มันวาร์ป”
มือบางยกขึ้นมาไล่ความมึนงงขณะในหัวพยายามเรียบเรียงเหตุการณ์ในค่ำคืนที่ผ่าน หลังจากตอนเต้นแล้วทุกอย่างก็สลับกันไปมาจนจำแทบไม่ได้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง
“เละเทะ” นิ้วแกร่งดีดลงเบาๆบนหน้าผากคนมึนจนเสียงโวยวายดังตามมา
“กูเจ็บนะ”
“จำได้ไหมว่าเมื่อคืนมึงอ้อนกูแค่ไหน...น้องแฟน”
ใบหน้าคมโน้มลงมาใกล้จนแฟนต้องอิงหัวไปชิดกับพนักเตียง คำสุดท้ายที่คนพูดจงใจทอดเสียงอ่อนลงเรียกทั้งความสั่นไหวและความทรงจำอันพร่าเลือน ภาพเหตุการณ์ลางๆราวกับภาพฝันค่อยไหลวนในหัว
‘น้องแฟนกับพี่หิน’
ได้ยินเพียงเสียงตัวเองพูดดังแผ่วในความทรงจำ ด้วยสติที่ไม่เต็มที่ของคนเม้าค้างพลันทำให้ไม่ว่าพยายามนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก ยิ่งใช้ความคิดสมองยิ่งมึนงงปวดตุบ
“กูอ้อนมึงงั้นเหรอ”
“หึ คราวหลังกูจะมอมเหล้ามึงแล้วอัดคลิปไว้...ลุกไปอาบน้ำได้แล้วจะได้ออกไปกินอะไรแก้แฮงค์”
หินผละออกพร้อมทั้งเอ่ยบอก โดยไม่รื้อฟื้นถึงเหตุการณ์เมื่อคืนต่อเพราะดูท่าว่าอีกคนคงจำไม่ได้
“อุ้มหน่อย” แฟนเอ่ยพลางชูแขนขึ้น
“นี่มึงยั่วกูตั้งแต่เมื่อคืนแล้วนะ สักดอกไหม”
ประโยคนั้นเรียกเสียงหัวเราะของคนขี้ยั่วให้ดังขึ้น การแกล้งอีกคนให้ตบะจะแตกกับเรื่องแบบนี้เป็นหนึ่งในสิ่งที่ทำให้แฟนรู้สึกสนุกไม่น้อย
แต่เสือก็ยังเป็นเสือ อย่ายั่วจนมันหิวโหยแล้วตะครุบเราเข้าปากแล้วกัดกินจนไม่เหลือซาก
“แค่ให้อุ้มไปส่งนี่เรียกยั่วเหรอ กูขี้เกียจลุก”
หินถอนหายใจก่อนจะยอมขยับลุกขึ้นแล้วช้อนคนที่สวมเพียงเสื้อนอนตัวโคร่งซึ่งคลุมถึงเพียงสะโพกขึ้นมาในอ้อมแขน จังหวะเท้าอันแสนมั่นคงเดินตรงไปยังห้องน้ำ ขณะคนถูกอุ้มยกยิ้มน้อยๆทั้งที่ยังคงปวดหัว
ยามถูกวางลงบนขอบอ่างท่อนแขนเรียวที่คล้องอยู่บนลำคอแกร่งจึ้งรั้งอีกฝ่ายให้โน้มลงมาใกล้ พลันต่อมาก็ทาบสัมผัสลงบนไปแก้มสาก สูดดมเต็มแรงจนเกิดเสียงดังฟอด
“ค่าดูแลแล้วก็ค่าที่มึงยอมใจแข็งไม่ลักหลับกู”
แม้ภาพในหัวจะเลือนรางทว่าการถูกเช็ดตัวให้และสัมผัสแถวซอกคอคือสิ่งที่ติดตรึงในความทรงจำ เพราะรู้ดีว่าตอนเมาตัวเองจะอ้อล้อกว่าเคยฉะนั้นการที่อีกฝ่ายตัดใจเดินไปเข้าห้องน้ำแทนการทำอะไร แฟนถือว่าหินมีความอดทนพอสมควร
“ตอนนี้มีอย่างอื่นแข็งกว่าใจกูอีก”
เสียงทุ้มกระซิบบอกยามปลายจมูกโด่งปัดป่ายคลอเคลีย ท่อนแขนแกร่งยันค้ำกับขอบอ่าง กักกันร่างเล็กเอาไว้ใต้อาณัติ
ประโยคสองแง่สองง่ามนั้นทำให้คนฟังหลุดยิ้มและดูเหมือนว่าแฟนจะชินกับคำพูดแบบนี้ไปซะแล้ว
“แล้วทำยังไงมันถึงจะอ่อนลง?”
“หึ มึงรู้ดี”
“จริงเหรอ”
ปลายเท้าเล็กขยับไล้ขึ้นมาตามท่อนขาแกร่งด้วยความเชื่องช้า กระทั่งเกือบจะถึงบางอย่างที่แข็งกว่าใจก็หยุดชะงักเอาไว้
“...”
“กูมึนหัว...เตรียมอะไรแก้แฮงค์ไว้ให้หรือเปล่า”
การเปลี่ยนเรื่องอย่างกะทันหันโดยไม่มีความต่อเนื่องทำให้หินขมวดคิ้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็เอ่ยตอบคำถามที่คนตรงหน้าเอ่ย
“มีข้าวต้ม”
“อืม”
ปลายหางเสียงลากยาวๆพอกับมือบางที่ไล้ลงต่ำจนถึงสิ่งนั้น สัมผัสบางเบาซึ่งวางอยู่บนกลางกายเรียกความร้อนให้ไหลมารวมอยู่จุดเดียว ความปรารถนาเริ่มก่อตัวขึ้นในทันใด
“รางวัลของคนดี”
จากเพียงแค่วางนิ่งมือนั้นก็เริ่มเคลื่อนไหวเชื่องช้าจนกรามแกร่งบดเข้าหากัน จากอยู่นอกร่มผ้าก็สอดเข้ามาภายใน ลูบไล้แนบชิดจนมันแข็งขืนร้อนผ่าว
“สิบนาทีนะ ห้ามอึดเกินกว่านั้น เมื่อยมือ”
“...อืม”
-(ตัดฝักบัวแตก อิอิ)-
“คิดยังไงถึงออกมาดูหนัง”
หินเอ่ยถามคนข้างตัวขึ้นเมื่อตกเย็นอีกฝ่ายก็บอกเขาว่าอยากมาดูหนัง ด้วยเพราะวันนี้เป็นวันว่างของทั้งสองจึงยอมตามใจ ทว่าหลังจากกินข้าวแล้วกว่าคนแฮงค์จะตื่นจากการนอนเอาแรงก็ได้ดูเป็นรอบมิดไนท์
“เพิ่งคิดได้ว่าหนังที่กูอยากดูเข้าโรงแล้ว”
“นี่เดทในโรงหนังครั้งแรงของเราเลยหนิ” คิ้วเข้มเลิกขึ้น ยามมุมปากยกยิ้มนิดๆ
“รุ่นนี่ไม่ต้องเดทกันแล้วไหม” ใบหน้าสวยส่ายไปมาพลางกวาดสายตามองโปรแกรมหนังตรงหน้า
หินยกยิ้มให้กับประโยคนั้นก่อนจะทอดมองคนตัวเล็กที่สวมเสื้อฮู้ดตัวใหญ่กับกางเกงขาสั้นและรองเท้าผ้าใบ มองผ่านๆอีกคนดูเหมือนทอมมากกว่าจะเป็นผู้ชาย
การมีแฟนในชีวิตตลอดหนึ่งเดือนมันก็เรียบเรื่อยดี ไม่วุ่นวายหวือหวาเกินไปอย่างที่นึกกังวล...และเซ็กส์ก็เข้ากันได้ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ ส่วนประกอบอันแสนสำคัญ
“กูไม่ได้ดูหนังรอบนี้มานานมาก”
แฟนหันมาพูดด้วยเมื่อตารางหนังบ่งบอกเวลาว่าเหลือเพียงรอบสุดท้ายในอีกครึ่งชั่วโมงข้างหน้า
“จะมีกี่คนในโรงเชียว”
“ดีออก คนเยอะวุ่นวาย”
“อีกครึ่งชั่วโมง เดี๋ยวกูไปซื้อตั๋วก่อน”
“งั้นกูไปซื้อป็อปคอร์น”
หินพยักหน้ารับก่อนจะหมุนตัวไปทางเคาท์เตอร์ บรรยากาศรอบตัวดูบางตาแต่ก็ไม่โหวงเหวงจนเกินไป
โดยส่วนมากแล้วคนที่มาดูหนังยามนี้มักจะเป็นคู่รักมากกว่ากลุ่มเพื่อน มองไปรอบๆจึงเห็นหลายคู่นั่งหยอกล้อกระหนุงกระหนิง
เมื่อเสร็จเรียบร้อยจึงเดินไปหาคนที่ยืนอยู่หน้าเคาท์เตอร์ขายป็อปคอร์น มือหนาเอื้อมไปหยิบแก้วน้ำมาไว้ในมือ ให้แฟนถือเพียงถังขนมถังใหญ่
“ลืมถามว่ามึงกินรสอะไรเลยเอาผสมกัน น้ำนี่แก้วเดียวก็พอเนอะ กินเยอะเดี๋ยวปวดฉี่”
“อืม ตามนั้น...เข้าโรงเลยนะ จะได้ดูตัวอย่างหนังด้วย”
ประโยคนั้นเรียกความลังเลให้เกิดกับแฟนชั่วครูก่อนใบหน้าสวยจะกดรับพลางลอบสูดลมหายใจ
“อือ”
ร่างสูงเป็นฝ่ายเดินนำแล้วยื่นบัตรให้กับพนักงาน กระทั่งถึงในโรงบรรยากาศเย็นเยียบก็ปะทะเข้าหน้าจนแฟนต้องหยิบหมวกของเสื้อขึ้นมาคลุม พลันมือบางก็รีบเอื้อมไปคว้ามือของอีกคนเอาไว้แล้วสอดเข้าหาแนบแน่น
การกระทำนั้นทำให้หินชะงักก่อนจะหันมามองคนข้างตัว
“เป็นอะไร”
“เปล่า”
“แต่มือมึงเย็น เหงื่อก็ออก”
“กูหนาว”
ลิ้นเล็กไล้ออกมาเลียริมฝีปากแห้งผาด ทว่าต่อมาก็ต้องสะดุ้งให้กับเสียงทุ้มต่ำจากในหนังบนจอกว้าง จนต้องรีบขยับเข้าไปหาอีกคนมากขึ้นจนแทบจะสิง
หินมองท่าทางนั้นอย่างใช้ความคิดแต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไร มือหนากระชับมือที่สอดประสานกันจากนั้นจึงผละออกแล้วเปลี่ยนมาเป็นโอบคนตัวเล็กกว่าเข้าหา
“กูอยู่นี่”
เป็นเพราะกำลังสัมผัสได้ว่าแฟนกำลังกลัวอะไรสักอย่าง ถ้อยคำปลอบประโลมจึงดังขึ้นให้ร่างบางคลายใจ ดวงตาทั้งสองสบกันในความมืดสลัว
จากนั้นหินจึงค่อยๆพาแฟนก้าวไปยังเก้าอี้ของตัวเองและเมื่อมาถึงที่นั่งแฟนก็พรูลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก ขณะบนจอกว้างเปลี่ยนจากตัวอย่างของหนังมาเป็นโฆษณาต่างๆ
“กูกลัวเสียงคนพูดในทีเซอร์หนัง”
แฟนกระซิบบอกเสียงแผ่วพลางพยายามสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อลดอาการของตัวเอง
“ทำไม” หินถามกลับด้วยความแปลกใจเล็กๆ
“ไม่รู้ เสียงมันทุ้มๆ ฟังดูน่ากลัว ปกติกูจะเข้าโรงตอนหนังใกล้ฉายเพราะไม่อยากได้ยิน”
ไม่ใช่แค่ความกลัวธรรมดาแต่มันมากพอจนเกิดอาการใจสั่น มือไม้เย็นเยียบชื้นเหงื่อ ลมหายใจติดขัด อาการซึ่งเป็นมาตั้งแต่จำความได้กระทั่งตอนนี้ก็ไม่อาจหาสาเหตุเจอ
“แล้วทำไมไม่บอกกู”
“ก็...เห็นมึงอยากเข้ามาก่อน”
“ทีหลังมีอะไรก็บอก แล้วตอนนี้กลัวรึเปล่า” หินเอ่ยเสียงเรียบ
“ถ้าได้นั่งก็ไม่กลัวแล้ว”
“อืม”
“มึงว่ามันไร้สาระไหม”
น้ำเสียงที่เอ่ยถามและดวงตาคู่สวยสั่นระริกด้วยความไม่มั่นใจ ความลับนี้มีน้อยคนนักจะรู้เพราะด้วยกลัวถูกมองว่าเสแสร้งแกล้งทำเป็นอ่อนแอกับเรื่องไร้สาระ
“ความกลัวของคนเราไม่ใช่เรื่องไร้สาระ ไม่ว่ามึงจะกลัวอะไรก็ตาม”
น้ำเสียงนั้นจริงจังพอๆกับสีหน้าของคนพูด แสงจากหน้าจอทอความสว่างสะท้อนกลับมาให้ได้เห็นใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน
“อืม”
แฟนทำได้เพียงรับคำในลำคอ ขณะคนข้างตัวเองก็ไม่ได้ถามหรือซักอะไรมากไปกว่านั้นราวกับปล่อยให้เป็นเรื่องส่วนตัว
และแปลกที่เพียงประโยคเดียวกลับทำให้ข้างในรู้สึกอุ่นแบบแปลกๆ
แฟนยอมรับ...ตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือนหลายสิ่งจากหลายอย่างมันแสดงให้เห็นว่าหินคือคนที่พึ่งพาได้
“ปวดฉี่”
แฟนเอ่ยขึ้นเป็นสิ่งแรกเมื่อก้าวเท้าออกจากโรงหนัง ร่างเล็กย่ำเท้าเร็วๆก่อนทิ้งขยะในมือแล้วรีบลากแขนคนตัวโตให้ตรงไปทางห้องน้ำ การอดกลั้นซึ่งยาวนานกว่าครึ่งเรื่องให้ความรู้สึกราวกับตอนนี้กระเพาะปัสสาวะจะแตก
“ใครบอกให้กินน้ำเยอะ”
“ก็ดูหนังไปมันเพลิน”
คนฟังส่ายหน้าให้กับคำแก้ตัวนั้นพลางก้าวตามแรงลากไปจนถึงห้องน้ำ เมื่อไปถึงแฟนก็รีบเดินเข้าไปในห้องที่มีประตูปิด ขณะที่หินนั้นทำธุระตามประสาผู้ชายทั่วไปอยู่ข้างนอก
“ฮ๊า โล่งละ”
เสียงเอ่ยอย่างมีความสุขดังขึ้นยามร่างเล็กออกมาล้างมืออยู่ข้างกัน
“ทีหลังก็กินเข้าไปเยอะๆ กูบอกให้ออกมาฉี่ก่อนก็ไม่ฟัง”
“ออกได้ไง หนังกำลังสนุก”
“ถ้ามึงฉี่ราดกูจะทิ้งให้กลับเอง”
“โตแล้วใครเขาจะฉี่ราดกันเล่า”
คนสองคนซึ่งกำลังเถียงกันอย่างเอาเป็นเอาตายในห้องน้ำทำให้ผู้มาใหม่หยุดชะงัก เสียงฝีเท้านั้นเรียกความสนใจจากหินและแฟนให้หันไปมอง ก่อนดวงตาของฝ่ายนั้นจะเบิกขึ้น
“หิน”
ชายหนุ่มวัยกลางคนเอ่ยเรียกจนแฟนหันมามองคนข้างตัวด้วยความแปลกใจ
รู้จักกันงั้นหรือ
“สวัสดีครับ” เป็นคนเด็กกว่าที่ทักทายก่อนตามมารยาท
“มาดูหนังเหมือนกันเหรอ”
หินทำเพียงพยักหน้ารับ
“แล้วนั่น...”
“แฟนผม”
อีกฝ่ายพยักหน้ารับกลับมาโดยไม่มีวี่แววของความแปลกใจ ท่าทางที่บ่งบอกว่าทั้งสองต้องสนิทกันมากพอจะรู้ว่ารสนิยมหินเป็นอย่างไร
“สวัสดีครับ” แฟนเอ่ยพร้อมทั้งค้อมหัวลงเล็กน้อย
“อืม หน้าตาน่ารักนะ แล้วเรื่อง...”
“ถ้าพี่จะถามถึงเรื่องนั้น...ผมไม่สนใจ”
เสียงทุ้มเอ่ยขัดขึ้นทันทีราวกับรู้ดีถึงสิ่งที่คนตรงหน้าจะเอ่ย บรรยากาศแปลกๆที่แผ่ออกมาระหว่างทั้งสองดูมีอะไรจนแม้แต่คนนอกอย่างแฟนยังสัมผัสได้
“หิน”
“พี่รู้ดีว่าคำตอบของผมจะไม่มีวันเปลี่ยน เพราะฉะนั้นเลิกถามเถอะ”
“แต่พี่ยังยืนยันว่าแกคือคนที่เราต้องการ แกไปไกลได้มากกว่านี้ แล้วแกจะได้อะไรมากมายกว่าการเป็นนักดนตรีที่ผับนั่น”
“พี่ก็รู้จักผมดี...ผมไม่เคยเลือกอะไรเพียงเพราะเงิน”
“แต่...”
“วินาทีแรกที่พี่จับเครื่องดนตรีพี่รู้สึกยังไง อะไรคือสิ่งที่อยู่ในหัว?”
ประโยคเอ่ยถามจากหินทำให้ชายหนุ่มวัยกลางคนชะงักกึก
“มันมีแค่ความสุขใช่ไหม หรือพี่คิดถึงเงินและชื่อเสียงตั้งแต่วินาทีนั้น...มันไม่มีทางหรอก”
“...”
“อย่าลืมความรู้สึกแรกของการเป็นเริ่มต้นเป็นนักดนตรี อย่าลืมว่าพี่ทำมันเพราะความรัก”
“...”
“อย่าให้อะไรมากลืนกินตัวตนและจิตวิญญาณจนเหลือเพียงความกระหายในชื่อเสียงและเงินทอง ถ้าพี่ทำมันด้วยคิดถึงแต่เรื่องเงิน สักวันมันจะตอบแทนพี่กลับมาแค่เงิน...ผมไม่มีทางทรยศความรู้สึกแรกของตัวเอง นั่นคือคำตอบ”
เพราะการถูกตื้อถามหลายครั้งส่งผลให้ตอนนี้หินเกินจะนิ่งเงียบ การหลีกเลี่ยงดูไร้ความหมายเมื่อที่ผ่านมาอีกฝ่ายดูไม่ละความพยายาม เหตุเจอหน้าด้วยความบังเอิญครั้งนี้จะไม่ถูกปล่อยผ่านโดยง่าย การพูดและอธิบายที่แทบยาวเหยียดที่สุดในชีวิตจึงพรั่งพรูออกจากปาก
สองสายตาของคนต่างอายุสบประสานกันด้วยความรู้สึกแตกต่าง ทุกประโยคของรุ่นน้องกระแทกใจคนฟังจนสะอึกและฉุกให้คิดถึงบางอย่างซึ่งถูกลืมเลือนไป
“ผมขอตัว”
หินเอ่ยขอตัวกับฝ่ายนั้นเมื่อไม่มีอะไรต้องพูดต่อ มือหนาขยับมาจับมือของคนข้างตัวแล้วออกแรงรั้งให้เดินออกจากตรงนั้น
แฟนเหลือบมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของหินเป็นระยะขณะเดินตามเงียบๆ ทุกประโยคเมื่อครู่ผ่านเข้าหูจนพอจะเข้าใจเรื่องราวบางอย่าง กระทั่งลงลิฟต์มาจนถึงชั้นของลานจอดรถแล้วก้าวขาออกมาคนข้างตัวก็หยุดนิ่ง มือที่จับกันอยู่สั่นระริกจนแฟนต้องเป็นฝ่ายกระชับฝ่ามือใหญ่เอาไว้
“มึงโอเคนะ”
หินถอนหายใจพลางหลับตาลงแน่น ก่อนหลายวินาทีต่อมาจะส่งเสียงรับคำในลำคอ
“อืม”
ไม่มีคำเอื้อนเอ่ยหรือซักถามอะไรมากไปกว่านั้น แฟนรอจนร่างสูงลืมตาขึ้นแล้วก้าวพาตัวเองเดินไปที่รถอย่างเงียบๆ
“เดี๋ยวกูขับเอง” เอ่ยบอกพลางแบมือขอกุญแจรถจากหิน
“กูขับได้”
“กูก็ขับได้ มึงนั่งไปเถอะ”
เพราะรู้ว่าเรื่องเมื่อครู่คงรบกวนจิตใจหินไม่น้อยจึงอยากให้อีกคนได้พัก นิ้วมือเรียวกระดิกกระตุ้นขอกุญแจรถอีกครั้ง สุดท้ายหินจึงต้องวางมันลงบนมือของคนตรงหน้า
ระหว่างทางกลับคอนโดในห้องโดยสารนี้ไม่มีเสียงสนทนาใดๆ ไม่มีแม้กระทั่งเสียงเพลงที่เปิดคลอ
มีเพียงการเหม่อมองอะไรนอกรถเงียบๆของหิน การเหลือบสายตามองคนข้างตัวเป็นระยะของแฟน...โดยมีความห่วงใยเล็กๆกำลังก่อตัวขึ้นระหว่างคนทั้งสอง
TBC.
มาต่อแล้วน๊าาา
หื่นเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือความหวานค่ะ-/////-
มีอะไรก็ไปหวีดกันได้ที่แท็ก #พี่หินคนห่าม นะคะ~
แล้วเจอกันตอนหน้าค่า
แฟนเพจ : https://www.facebook.com/writerexsoull/
Twitter : https://twitter.com/exsoull_ ฝากติดแท็ก #พี่หินคนห่าม ด้วยนะคะ
Special (ครบ200%)
รบกวนอ่านตั้งแต่ตรงนี้ไปเพราะมีการแก้เนื้อหาค่ะ
“เดี๋ยวนะ เรื่องที่มึงมาหาหมอนี่พี่หินไม่รู้?” เสียงของเพื่อนสนิทดังขึ้นเมื่อแฟนเอ่ยปากบอกว่าการมาโรงพยาบาลครั้งนี้อีกคนยังไม่รู้
วันต่อมาหลังจากเลิกงานและนัดหมอได้ คนที่รับรู้ถึงอาการผิดปกติของตัวเองดีก็รีบมาตรวจโดยไม่ได้บอกหิน
“อืม”
“ทำไมวะ” เสียงนัทถามขึ้นด้วยความแปลกใจไม่แพ้กัน
“แฟนมึงมาหาจิตแพทย์นี่มันไม่แปลกเหรอ!”
ริมฝีปากบางถูกขบกัดด้วยฟันซี่ขาวเนื่องจากความหนักอึ้งในอก ขณะดวงตาจับจ้องมองป้ายหน้าห้องของหมอซึ่งระบุสายทางการแพทย์อย่างชัดเจนว่าเป็นจิตแพทย์
อาการอารมณ์สวิงขึ้นลงรุนแรง ร่างกายอ่อนเพลีย...จะเป็นอะไรไปได้นอกจากไบโพลาร์
เขาไม่อยากให้หินรู้ว่าแฟนตัวเองกำลังมีอาการป่วยทางจิต
“มึง สมัยนี้คนเราสามารถมาพบจิตแพทย์ได้เป็นเรื่องปกติ มันไม่ได้หมายความว่ามึงเป็นบ้า บางทีอาจเพราะเรามีเรื่องเครียดแล้วไม่รู้จะจัดการยังไง หมอเฉพาะด้านเขาจะช่วยมึงได้ดีกว่า”
บีอธิบายให้เพื่อนฟังโดยไม่ได้รู้สึกแปลกหรือผิดปกติกับการพาเพื่อนมาพบจิตแพทย์เลยแม้แต่น้อย
น่าแปลกตรงไหน เขายังเคยมา
“กูก็ยังไม่อยากให้มันรู้อยู่ดี...”
“เอ่า อะๆ ไม่อยากให้รู้ก็ไม่รู้ เอาไว้ไปพบหมอแล้วเขาว่าไงมึงก็ค่อยบอกแล้วกัน พี่หินคงเป็นห่วง”
“อืม”
แฟนรับคำเสียงแผ่ว ความรู้สึกว้าวุ่นไหลวนไปทั่วร่าง สมองจินตนาการถึงคำที่หมอจะบอกว่าตัวเองป่วยทางจิตหรือไม่ กระทั่งเสียงเรียกชื่อจากพยาบาลดังขึ้นทุกความคิดจึงถูกหยุดเอาไว้เพียงเท่านั้น ลมหายใจหนักอึ้งถูกสูดเข้าปอดลึก
“พวกกูจะรออยู่ตรงนี้”
“ทำใจให้สบาย”
แฟนยิ้มรับกำลังใจจากเพื่อนทั้งสองที่ไม่เคยทิ้งให้เผชิญปัญหาเพียงลำพังก่อนจะเดินตามพยาบาลเข้าห้องไปด้วยหัวใจที่เต้นถี่..
30 นาทีผ่านไป
ประตูที่ถูกเลื่อนออกเรียกให้คนที่เฝ้ารออยู่ด้านนอกกุลีกุจอลุกขึ้นไปหา ร่างเล็กของแฟนที่ค่อยๆเดินออกมาด้วยสีหน้าไม่อาจอธิบายได้ทำให้บีและนัทเริ่มใจเสีย ทั้งสองเหลือบมองหน้ากันพลางมองเลยไปยัง พยาบาลที่มีสีหน้ายิ้มๆ
สรุปมันเป็นยังไง อาการของแฟนดีหรือแย่แค่ไหนกัน
“หมอว่าไงบ้าง” มือเล็กถูกเพื่อนดึงไปจับไว้คนละข้าง
ดวงตาของแฟนเหม่อลอย ดูเหมือนคนไม่มีสติอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเลื่อนสายตามามองหน้านัทและบี ในหัวมีเพียงคำพูดของหมอที่ดังไปมาซ้ำๆ
‘คุณธารัญได้คุมกำเนิดอยู่ไหมคะ’ ดวงตาดวงโตเบิกกว้าง สมองประมวลผลรัวเร็วนึกคิดถึงการฉีดยาคุมครั้งล่าสุด
ไปฉีดมาเดือนไหนนะ เมื่อสามเดือนก่อน...
ไม่สิ ไม่...คิดว่าตัวเองไปฉีดมาแล้วแต่ความจริงคือยังไม่ได้ไป
เลยมาจนจะครบรอบสามเดือนอีกรอบ
คำตอบของแฟนจึงทำได้เพียงส่ายหน้า การไม่ได้ฉีดหนึ่งรอบก็เท่ากับไม่ป้องกันแล้ว
‘งั้นหมอขออนุญาตถามว่าตอนมีเพศสัมพันธ์กับคนรักได้ป้องกันทุกครั้งหรือเปล่าคะ?’
‘...’ ขณะนั้นสมองของแฟนว่างเปล่า มากกว่าเรื่องที่กังวลว่าตัวเองจะป่วยเป็นไบโพลาร์คือคำถามแปลกๆที่บ่งบอกถึงอะไรบางอย่าง ยามที่สมองค่อยๆเรียบเรียงคำถามของหมอให้แน่ชัด
สุดท้ายใบหน้าสวยก็ส่ายไปมาอย่างเชื่องช้าเป็นการตอบคำถามอีกครั้ง และคำตอบนั้นทำให้คุณหมอวัยกลางคนระบายยิ้ม
‘จากการทำแบบสอบถามและอาการที่พูดมาทั้งหมดนี้ไม่ใช่อาการป่วยทางจิตหรือเป็นไบโพลาร์หรอกค่ะ...แต่น่าจะเป็นภาวะการตั้งครรภ์มากกว่า’
‘...’ คำว่าตั้งครรภ์เหมือนค้อนปอนด์ที่ทุบลงมากลางหัว เหมือนนั่งอยู่แล้วฟ้าถล่มลงตรงหน้า เหมือนสติถูกพรากออกไปไม่ให้รับรู้อะไรอีกทั้งนั้น
มือบางเย็นเฉียบจนถึงปลายเท้า คล้ายคนถูกแช่อยู่ในทะเลน้ำแข็งอย่างไรอย่างนั้น
‘ยังไงเพื่อความมั่นใจหมอจะส่งไปตรวจที่แผนกสูติฯอีกทีนะคะ’
จากนั้นแฟนก็ไม่รับรู้ว่าหมอพูดหรือบอกอะไรอีก แม้แต่กระทั่งตอนนี้ที่เดินออกมาหยุดอยู่หน้าเพื่อนทั้งสองสติยังแทบไม่มีความรับรู้
“แฟน หมอว่ายังไง” บีถามย้ำอีกครั้งด้วยความเป็นห่วง เห็นท่าทีของเพื่อนแล้วในใจเกิดความร้อนรนจนอยากฟังคำวินิจฉัยให้เร็วที่สุด
“หมะ หมอ...”
“...”
“...”
“หมอบอก แผนกสูติฯ”
“ห๊ะ?” บีและนัทร้องออกมาพร้อมกันเนื่องจากจับใจความไม่ได้
“อาจจะ จะ...ท้อง”
แฟนพูดได้เพียงเท่านั้นก่อนจะเกิดความเงียบปกคลุมไปทั่ว จากนั้นราวหนึ่งนาทีต่อมาเสียงกรี๊ดยาวก็ดังขึ้นจนพยาบาลต้องเข้ามาตักเตือน ทว่าวินาทีนี้ไม่มีใครมีสติพอจะระงับอาการตื่นเต้นของตัวเอง
ไม่รู้ทำไม...ถึงจะยังไม่ตรวจแต่หน้าท้องก็อุ่นวาบขึ้นมาจนความตื้นตันเต็มตื้น
ลูกเหรอ ลูกของเขากับพี่หิน
--
แฟนใช้เวลาตั้งสติกับเรื่องที่ได้รับรู้อยู่หลายชั่วโมงกว่าจะกลับคอนโด บานประตูที่กั้นตัวเองและอีกคนเอาไว้ดูเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นราวกับไม่เคยเห็นประตูมาก่อนในชีวิต
หากเปิดมันเข้าไปแล้ว หินจะได้รู้เรื่องสำคัญเช่นกัน...แล้วจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้น
เหตุการณ์ที่ไม่อาจคาดเดาทำให้รู้สึกว้าวุ่นใจ เหมือนปมเชือกพันกันยุ่งเหยิงเป็นก้อนซึ่งหาหัวและท้ายไม่เจอ แต่ทั้งหมดกลับสงบลงได้เมื่อมือบางวางแนบลงบนหน้าท้องของตัวเอง
แค่รู้ว่ามีอยู่ก็อุ่นใจ...ความมหัศจรรย์นี้
ลมหายใจถูกสูดเข้าลึก นิ้วเรียววางแนบลงบนเครื่องสแกนก่อนจะนาบคีย์การ์ดแล้วเปิดประตูเข้าไป
“รถติดเหรอ ทำไมกลับช้า”
คำทักทายจากคนที่เดินตรงมาหาทำให้แฟนเม้มริมฝีปาก พยักหน้ารับคำอย่างเชื่องช้าด้วยไม่รู้จะหาข้ออ้างอื่นใด ขณะในหัวคิดถึงแต่เรื่องสำคัญที่ตัวเองต้องบอก
ปฏิกิริยาจากหินจะเป็นยังไง...
น่าตื่นเต้นพอๆกับตอนฟังผลตรวจจากหมอเลย
“เป็นอะไรหรือเปล่า”
คิ้วเข้มย่นเข้าหากันเมื่อท่าทางของแฟนดูเลื่อนลอยเหมือนมีเรื่องอะไรในหัว หินก้าวไปหยุดอยู่ตรงหน้า ท่อนแขนใหญ่รั้งเอวเล็กให้ร่างบางขยับเข้ามาแนบชิด
“ปะ เปล่า”
หน้าท้องที่แนบกันอยู่ส่งผลให้เกิดความอุ่นวาบแล่นไปทั่วร่าง เพียงเท่านี้ก็รู้สึกเหมือนปลายจมูกร้อนผ่าวจนต้องพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเอง
หมอบอกว่าความแปรปรวนของอารมณ์และความรู้สึกมาจากเจ้าตัวน้อยในท้อง จึงไม่ใช่เรื่องน่าตกใจอีกต่อไป
“แน่ใจ?”
“อืม มึงอาบน้ำแล้วเหรอ” แฟนเปลี่ยนเรื่องเมื่อได้กลิ่นแป้งที่หินใช้ประจำลอยออกมาจางๆ
“อาบแล้ว มึงจะอาบเลยรึเปล่า”
คนถูกถามพยักหน้ารับ ยืดเวลาให้นานขึ้นเพื่อทำใจและเรียบเรียงคำพูดทั้งหมด ขณะที่หินก็คลายอ้อมแขนออก ปล่อยคนร่างเล็กไปอาบน้ำให้สบายตัว
1 ชั่วโมงผ่านไป
“ทำไมนาน”
หินเอ่ยขึ้นยามละสายตาจากโทรทัศน์มามองคนที่ทรุดตัวนั่งลง อีกคนอาบน้ำนานจนต้องคอยแวะเวียนเข้าไปถามเป็นระยะ
ช่วงนี้แฟนไม่ค่อยปกติจึงต้องระวังไปหมดทุกสิ่งอย่าง
“กู...ขัดตัว”
หินเลิกคิ้ว เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ทว่าสิ่งที่ทำให้สงสัยมากกว่าคือสีหน้าแปลกๆของเจ้าตัว
“เป็นอะไร มึงทำหน้าแปลกๆตั้งแต่กลับมาแล้ว”
ปลายลิ้นเล็กตวัดเลียริมฝีปากที่แห้งผาก ในใจเต้นตุบราวกับมีใครมาตีกลองอยู่ในนั้น แม้จะใช้เวลาทำใจมาเกือบชั่วโมงแต่ยามกำลังจะพูดออกไปกลับสั่นไหวด้วยความรู้สึกที่ไม่อาจอธิบายได้จนทำได้เพียงนิ่งเงียบ
กระดาษในมือที่ซ่อนเอาไว้ข้างหลังถูกกำแน่นจนยับย่น
“แฟน?” หินเอ่ยเรียกพลางขมวดคิ้ว มือหนาวางแนบลงบนหน้าผากเนียนเพื่อเช็กความผิดปกติ “ตัวก็ไม่ร้อนหนิ”
“กูสบายดี”
แฟนตอบเสียงสั่น ดวงตาที่จับจ้องอยู่บนใบหน้าคร้ามคมซึ่งเจือไปด้วยความเป็นห่วงสั่นระริก มือไม้เย็นเฉียบ
ตรงหน้านี้คือพ่อของเจ้าตัวน้อยในท้อง
“กูว่ามึงไม่สบาย ไปโรง’บาลดีกว่า”
“กูไปมาแล้ว”
มือเล็กเอื้อมไปรั้งแขนของคนที่กำลังจะลุกขึ้นยืนให้นั่งลงเช่นเดิมพร้อมทั้งรีบเอ่ยบอกก่อนหินจะเดินเข้าห้องไปเปลี่ยนชุด
“ไปมาแล้ว?”
เสียงทุ้มเจือความฉงน ขยับนั่งลงที่เดิมขณะใบหน้าทอความเป็นห่วงและมีคำถาม
“อือ”
“มึงรู้สึกไม่ดีตรงไหน เป็นอะไร ทำไมไม่บอกกู”
น้ำเสียงนั้นเข้มขึ้น มากกว่าความไม่พอใจเรื่องที่ไม่บอกกันคือความเป็นห่วงอันมากล้น
แฟนยอมไปหาหมอ นั่นหมายความว่ารู้สึกไม่ดีจนต้องไป
“กูแค่ไปตรวจเฉยๆ ไม่ได้เป็นอะไร”
“ตอนกูบอก มึงยืนกรานนักหนาว่าไม่อยากไปทำไมคราวนี้ถึงยอมไป แล้วหมอว่ายังไงบ้าง”
หินถามย้ำ การพยายามบ่ายเบี่ยงไม่ยอมตอบคำถามเรื่องอาการยิ่งทำให้คนเป็นห่วงคิดไปไกล
“คือ...”
“บอกกูมาว่ามึงเป็นอะไร”
ยังไม่ทันพูดจนจบหินก็ถามขึ้นอีกครั้งจนคนที่ไม่รู้จะอธิบายยังไงหมดความอดทน กระดาษผลตรวจในมือถูกยัดใส่มือหนาเร็วๆ
“อ่านสิว่ากูเป็นอะไร”
แผ่นอกบางสะท้อนไหวขึ้นลงเมื่อผลตรวจอยู่ในมือหิน รอบตัวปกคลุมด้วยความเงียบจนได้ยินเสียงหัวใจและเสียงกลืนน้ำลายของตัวเอง ความตื่นเต้น สั่นไหว วูบโหวงถาโถมเข้าหา พลันมือเล็กจึงเอื้อมมาวางลงบนหน้าท้องของตัวเองโดยอัตโนมัติ
หินมองท่าทางนั้นความแปลกใจ หากแต่ตอนนี้ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าอาการของแฟน
กระดาษในมือถูกคลี่ออกพลางเหลือบสายตาขึ้นมองแฟนเป็นระยะ กระทั่งกระดาษถูกเปิดออกในสภาพสมบูรณ์ ดวงตาคมจึงถูกดึงกลับให้จับจ้องอ่านทุกตัวอักษรในนั้นอย่างละเอียด
แฟนนั่งมองอีกคนด้วยความลุ้นระทึกไม่ต่าง ฟันซี่คมกัดปากจนความเจ็บแปรเปลี่ยนเป็นความชา แล้ว ณ วินาทีหนึ่งหินก็นิ่งงันไป
นิ่งเหมือนคนถูกแช่แข็ง
“หะ หิน”
นานเกินไปจนแฟนต้องลองเอ่ยเรียก แต่อีกคนเหมือนไม่รับรู้ ร่างสูงยังคงค้างอยู่ในท่าเดิม ยามมือเล็กกำลังจะเอื้อมไปสัมผัสตัวหินก็ค่อยๆลุกขึ้นยืน
ท้าวแกร่งก้าวออกไปจากโซฟาช้าๆ ใบหน้าคมก้มลงมองเพียงกระดาษในมือ
“มึงจะไปไหน” แฟนเอ่ยถามเสียงฉงน มึนงงกับท่าทางนั้นจนจับต้นชนปลายไม่ถูก
หินไม่ดีใจเหรอ เพราะไม่ได้คาดคิดถึงการมีลูกใช่ไหม
ฮวบ
“พี่หิน!”
เสียงร้องด้วยความตกใจดังขึ้นเมื่อคนที่ตั้งท่าจะเดินออกไปทรุดฮวบลงตรงหน้า แฟนรีบเดินเข้าไปหา คุกเข่านั่งลง แล้วถามอีกคนด้วยเสียงร้อนรน
“เป็นอะไรหรือเปล่า”
พยายามก้มลงมองใบหน้าคมเพื่อดูว่าหินเป็นอะไรแต่เจ้าตัวกลับเบี่ยงตัวหนีพร้อมทั้งยกมือขึ้นมาปิดหน้า
“หิน...” ดวงตาคู่สวยแดงเรื่อ ท่าทางนั้นคล้ายกับรังเกียจกัน
หินไม่ตั้งใจจะมีลูก...
“กะ กู”
เสียงที่เล็ดลอดผ่านฝ่ามือดังอู้อี้แต่ยังพอจับใจความได้ แฟนกลืนก้อนเหนียวๆลงคอพลางยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาตัวเองขณะพยายามตั้งใจฟัง
“...”
“ขอเวลาหน่อย”
ได้ยินเพียงเสียงแต่ไม่เห็นหน้า กระดาษในมือใหญ่อีกข้างถูกกำจนยับ ร่างบางเม้มเริมฝีปากกลั้นน้ำตา แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังไหลรินรดแก้มอย่างเงียบงัน
คนหนึ่งเบี่ยงตัวไปด้านข้างยกมือขึ้นปิดหน้า ส่วนอีกคนหนึ่งนั่งทับขาอยู่ตรงหน้ารอเวลา
แฟนเกือบจะร้องไห้พรั่งพรูถ้าหากไม่สังเกตเห็นหยดน้ำตรงปลายคางแกร่ง
มันไหลลงมาจากส่วนที่มือของหินปิดเอาไว้ ค่อยๆไหลลงอย่างเชื่องช้า กระทั่งหยดลงบนผิวเสื้อ กายใหญ่สั่นระริก
หินร้องไห้ ?!
“หิน”
เสียงเอ่ยเรียกสั่นไหวไม่แพ้จิตใจ แฟนไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร ไม่รู้ว่าคนรักเป็นอะไร แต่อ้อมแขนกลับขยับเข้าไปรั้งคนตัวโตกว่าเข้ามากอด การกระทำเป็นไปโดยอัตโนมัติ
ตอนนี้คนที่เป็นผู้นำทิ้งตัวอยู่ในอ้อมกอดราวกับต้องการที่พึ่งพิง ไม่เหลือเค้าหินที่แสนเข้มแข็งเลยแม้แต่น้อย
ทั้งสองต่างมีน้ำตา แต่หินกลับดูรุนแรงมากกว่า
นานหลายนาที หลายนาทีมากทีเดียวกว่าว่าที่คุณพ่อจะสงบลง เมื่ออีกคนผละออกแล้วยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่เปรอะเลอะบนหน้า แฟนจึงได้เห็นว่าดวงตาคมคู่แดงก่ำและสั่นไหว
“เป็น ความจริง ใช่ไหม” ประโยคติดขัดดังขึ้นถาม แฟนจึงพยักหน้ารับ
“กูขอโทษ...เป็นความผิดของกูเองที่ลืมไปฉีดยาคุมรอบที่แล้ว” เสียงเอ่ยนั้นอ่อนอ่อยและรู้สึกผิด
“มะ ไม่ต้องขอโทษ”
หินเลื่อนสายตาลงมองตรงหน้าท้อง จับจ้องอยู่อย่างนั้นโดยไม่พูดไม่จา ก่อนจะยื่นมือซึ่งเปียกชื้นสั่นไหวมาสัมผัสด้วยปลายนิ้ว
สัมผัสนั้นแผ่วเบา แตะลงเพียงเล็กน้อยราวกับกลัวคนข้างในจะเจ็บ
“ลูก...”
แม้จะยังไม่เข้าใจในความรู้สึกของหิน ทว่าท่าทางซึ่งบ่งบอกว่าไม่ได้รู้สึกแย่กับเรื่องนี้ก็ส่งผลให้คนกังวลในความผิดของตัวเองใจชื้น
“อืม อยู่ในนี้ สองเดือนแล้ว”
เอ่ยพูดพร้อมรอยยิ้มบาง หากแต่วินาทีต่อมากลับต้องตกใจอีกครั้งเนื่องจากน้ำตาที่หยดลงจากหางตาของอีกคน
“หิน เป็นอะไร”
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาน้อยครั้งจนแทบนับได้ที่จะได้เห็นหินหลั่งน้ำตา และครั้งนี้มันรุนแรงกว่าครั้งไหนในตลอดระยะเวลาเจ็ดปีที่ผ่านมา
“กู...ดีใจ”
มือสั่นๆขยับเลื่อนลูบไล้ไปมาหากแต่สัมผัสนั้นบางเบาจนแทบไม่รู้สึก คำตอบที่ทำให้คนฟังอิ่มเอมจนล้นอก ความกังวลก่อนหน้าปลิวหายเหลือเพียงความยินดี
ที่หินร้องไห้ขนาดนี้เพราะดีใจงั้นเหรอ
“มึงอยากมีลูกเหรอ”
ด้วยคุยกันว่ายังไม่พร้อมจึงคุมกำเนิดตลอดมา กระทั่งเลอะเลือนคิดไปเองว่าไปฉีดยามาแล้วจึงมีสิ่งที่ตามมาโดยไม่รู้เลยว่าหินพร้อมหรืออยากมีลูกมากน้อยแค่ไหน
“เด็ก...ตัวเล็กๆ...ลูก...น่ารัก” หินตอบคล้ายคนเพ้อละเมอ ดวงตาคมเป็นประกายพรั่งพราว
ไม่เคยรู้เลยว่าอีกฝ่ายจะอยากมีลูกขนาดนี้
“อยู่ในนี้แล้ว”
มือเล็กกุมมือใหญ่ให้วางแนบลงมาเต็มๆพลางเอ่ยพูดด้วยรอยยิ้ม เสียงสูดลมหายใจเข้าลึกดังตามมา ขณะบริเวณที่ถูกสัมผัสอุ่นวาบ
หินพูดไม่ออก มีหลายสิ่งอย่างมากมายอยากพูด อยากถาม แต่ทั้งหมดนั้นกลับไม่อาจเปล่งออกมาเป็นคำได้เมื่อสิ่งที่แสนมหัศจรรย์อยู่ภายใต้ฝ่ามือของตัวเอง
อยู่ในนี้แล้วเหรอ?
เป็นยังไงบ้างนะ อุ่นดีไหม สบายตัวหรือเปล่า...
มีคำพูดมากมายที่สื่อสารกับคนในนั้นผ่านทางฝ่ามือ เกิดรอยยิ้มบางอยู่บนใบหน้าเสมอแม้ดวงตาจะแดงก่ำ
ไม่อยากเอามือออกจากตรงนี้เลย
--
“สรุปตอนลุกจากโซฟามึงจะเดินไปไหน” แฟนถามขึ้นเมื่อสถานการณ์ตรงหน้ากลับมาเป็นปกติ
บนเตียงนอนกว้างซึ่งมีว่าที่คุณแม่นั่งพิงหลังอยู่กับหัวเตียงและว่าที่คุณพ่อขี้เห่อซึ่งนอนคว่ำพลางจ้องมองหน้าท้องที่ยังแบนราบไม่วางตาเต็มไปด้วยบทสนทนา
หินซักถามเกี่ยวกับเรื่องไปโรงพยาบาลจนขี้เกียจตอบจึงเลี่ยงไปถามเรื่องอื่น
“...” ทว่าคนถูกถามทำเพียงแค่เหลือบสายตาขึ้นมองก่อนจะกลับไปมองหน้าท้องของแฟนเช่นเดิมแล้วนิ่งเงียบ
“ว่าไง” คนอยากรู้ถามย้ำ คิ้วเริ่มขมวดเข้าหากัน
“ไปเอายาดม”
“ห๊ะ?” เกือบจะถามซ้ำรอบที่สามคำตอบนั้นก็ดังขึ้นให้แฟนอุทานรับด้วยความแปลกใจ
“กูรู้สึกเหมือนหายใจไม่ทั่วท้อง ตาก็ลายไปหมด เลยว่าจะลุกไปเอายาดม...แต่ขาดันอ่อนเสียก่อน”
คำอธิบายดังแผ่วและแผ่วลงเรื่อยๆจนเกือบฟังไม่รู้เรื่องในท้ายประโยค ทว่าคำที่พอจับใจความได้ก็ทำให้แฟนระบายยิ้ม หากไม่กลั้นเอาไว้เสียงหัวเราะคงดังเล็ดรอดให้อีกฝ่ายเขินอายยิ่งกว่าเดิม
หินกำลังเขิน ข้างแก้มสากเหมือนจะเข้มขึ้นอย่างน่าเอ็นดู
ผู้ชายวัยสามสิบเศษๆจะเป็นลมเพราะผลตรวจครรภ์ของเมีย...
อย่างนั้นเวลาคลอดจะหนักแค่ไหนกันล่ะ
“แล้วตอนนี้ยังจะเอาอยู่ไหม”
“ดีขึ้นแล้ว”
“ตกใจหรือเปล่าที่กูท้อง ตรงนี้กูผิดพลาดเองจริงๆ” แฟนยังคงรู้สึกผิด
“ลูกไม่ใช่ความผิดพลาด...กูอยากมีเขามาตลอด”
ความจริงแล้วหินแอบหวังว่ายาคุมพวกนั้นจะเกิดความผิดพลาดกับแฟนบ้าง พยายามแม้กระทั่งขยันกับเรื่องบนเตียงอย่างสม่ำเสมอเพราะอ่านมาว่าโอกาสหลุดจะมีมากขึ้น หรือแม้แต่การไปหาหมอทุกๆสามเดือนก็หวังว่าแฟนจะลืมบ้างสักครั้ง
แล้วมันก็เกิดขึ้นอย่างที่หวัง ไม่มีความตกใจหรือแปลกใจเลยแม้แต่น้อย มีเพียงความยินดีอย่างเหลือล้น
สำเร็จแล้ว
“มึงอยากมีแล้วทำไมถึงไม่บอก” ดวงตาคมเลื่อนขึ้นมาสบอีกครั้งเมื่อได้ยิน
อาการทั้งหมดของหินบ่งบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวดีใจมากขนาดไหน
“กูรู้ว่ามึงจะเหนื่อยแค่ไหน มึงเหนื่อยกว่ากูหลายเท่าแน่นอนเลยอยากให้มึงใช้ชีวิตของตัวเองให้เต็มที่”
ถึงจะบอกอย่างนั้นแต่ก็แอบหวังและแอบพยายามเพื่อให้ความพลาดพลั้งนั้นลดความรู้สึกผิดของตัวเอง
ถ้ามีลูก นั่นหมายความว่าอิสระและชีวิตส่วนตัวของแฟนจะหมดลง และเป็นเขาเองที่เห็นแก่ตัวเพียงเพราะอยากมีเจ้าตัวน้อยน่ารักๆมาเลี้ยง
สำหรับคนเป็นแม่แล้วมันยากกว่าคนเป็นพ่อหลายเท่า ฉะนั้นจึงไม่อาจคิดถึงเพียงความต้องการของตัวเอง
“คำว่าไม่พร้อมของกูไม่ได้หมายความว่าไม่พร้อมจะสละชีวิตส่วนตัวของตัวเอง แค่หมายถึงความไม่มั่นใจกับการจะเลี้ยงเด็กคนนึงให้เติบโตขึ้นมาอย่างดีที่สุด...แต่สุดท้ายแล้วกูก็รู้ดีว่าการมีมึงเป็นพ่อของลูกจะทำให้ทุกอย่างจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี”
หินหลับตาลงซึมซับกับทุกคำพูดของแฟนหลังจากที่อีกฝ่ายพูดจบ ความรู้สึกเต็มตื้นในอกไม่แพ้ตอนรู้ว่ามีลูกเมื่อใครบางคนเชื่อมั่นในตัวเราถึงเพียงนี้
“มาช่วยกันนะ ให้เขาเกิดมาเป็นคนที่ดีเหมือนมึง”
ใบหน้าสวยโน้มลงมากระซิบพูด ก่อนริมฝีปากบางจะทาบทับลงบนหน้าผากของคนรักแผ่วเบาหากแต่แนบแน่น ยามผละออกห่างหินก็ลืมตาขึ้นมองสบกัน ดวงตาคมแดงก่ำด้วยความตื้นตัน
เขาไม่ได้เป็นคนดีเลิศเลอ แต่จะพยายามให้ดีที่สุดเพื่อใครบางคนที่กำลังจะเกิดมา
ลูก...
“ให้เขาน่ารักเหมือนมึงด้วย...ไม่สิ ให้เขาน่ารักเหมือนแฟน ลูกอยู่ในนี้แล้ว เขาได้ยินเพราะฉะนั้นเราจะต้องไม่พูดแทนกันเหมือนที่เคยชิน”
คนฟังเลิกคิ้วขึ้น หลุดยิ้มออกมาอีกครั้งกับความเห่อของว่าที่คุณพ่อ
ลูกยังเป็นวุ้นอยู่เลยจะมาได้ยินได้ยังไง
“แต่ก่อนไหนบอกว่าชินกับแบบนี้ พอพูดเพราะๆก็บอกจั๊กจี้”
“ก็มีลูกแล้ว ต้องเป็นแบบอย่างที่ดี”
“รู้งี้มีลูกตั้งแต่ปีแรกที่คบกันแล้ว จะได้พูดเพราะๆบ้าง”
“ไม่ดีหรอก ตอนนั้นเรามีหลายอย่างที่ต้องทำ จริงๆตอนนี้ก็เหมาะสมดีแล้ว หน้าที่การงานทุกอย่างมั่นคงอยู่ตัว มีเขาได้แบบสบายใจ” คนจริงจังอธิบายเป็นฉากๆทั้งที่แฟนเพียงแค่พูดเล่น
คนฟังจึงได้แต่มองคนตรงหน้าด้วยความอ่อนใจ
ขี้เห่อจริงๆ
“แต่พี่หินแพลนไว้ว่าจะมีลูกตอนสามสิบห้านี่ ผิดแผนไปแบบนี้โอเคหรือเปล่า”
แฟนเปลี่ยนสรรพนามในการเรียกแทนอีกฝ่ายโดยไม่เคอะเขิน ขณะที่คนถูกเรียกสะดุดลมหายใจไปเล็กน้อย
ข้ออ้างที่บอกว่าไม่ชิน ความจริงแล้วเป็นเพราะแพ้ให้กับคำนี้ต่างหาก
ไอ้คำว่าพี่หินกับการที่แฟนแทนตัวเองว่าน้องหรือชื่อตัวเอง บอกเลยว่ากี่ปีก็ไม่ชินกับใจ
แต่ต่อไปคงต้องทำใจให้ชินแล้ว
“ยิ่งกว่าโอเค จะผิดกว่านี้อีกหลายปีก็โอเค”
มุมปากได้รูปยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม ถึงจะบอกว่าช่วงเวลานี้เหมาะสมดีแล้วแต่ต่อให้พลั้งมีลูกตั้งแต่วันแรกที่คบกันก็ยังยินดี
เมื่อเขาเกิดมา มันคือเรื่องที่ดีที่สุดเสมอ
“หึ พอไม่ได้ฉีดยาคุมแล้วครั้งเดียวก็มาเลย ความเก่งในเรื่องแบบนี้นี่ได้พ่อมาเต็มๆจริงๆ”
แฟนส่ายหัวน้อยๆขณะที่คนมีความพยายามขยับกายขึ้นมานั่งเคียงข้าง
“แน่นอน ลูกพี่ก็เลยเก่งเหมือนพี่”
คนฟังเม้มริมฝีปากเข้าหากันด้วยความวูบไหว ทว่าไม่ใช่จากเพราะคำพูดภูมิใจในตัวเองนั้นแต่เป็นเพราะสรรพนามที่แทนตัว
ก็ไม่ชินทั้งสองฝ่าย...แพ้ให้กันและกัน
“แพลนเรื่องบ้านคงต้องขยับเข้ามาเร็วขึ้น ถ้าไม่ทันคลอดก็อยู่บ้านพ่อกับแม่ต่อไปก่อน พี่ไม่อยากให้อยู่คอนโดแล้ว ขึ้นลิฟต์ลงลิฟต์สูงๆมันลำบากแล้วก็อันตราย ไม่ดีต่อทั้งแฟนและลูกด้วย” หิ
นพูดต่ออย่างยาวเหยียดเมื่อแฟนนิ่งเงียบแล้วในหัวพลันคิดถึงเรื่องที่อยากพูดขึ้นมาได้
“...”
“อยู่บ้านแบบถาวรก็ดีเหมือนกัน จะได้มีคนช่วยดูแล เสียเวลาในการเดินทางมาทำงานมากขึ้นนิดหน่อยคงไม่เป็นไร...อืม เรายังไม่ได้บอกใครเรื่องมีเจ้าตัวน้อยเลย เอาไว้ไปพรุ่งนี้ไปหาหมอกันอีกรอบแล้วค่อยบอกก็แล้วกัน ทุกคนคงดีใจน่าดู” พูดมาถึงส่วนท้ายหินก็ยิ้มกว้างจนเต็มหน้า
“...”
“อาทิตย์หน้าก็กลับไปอยู่บ้านกันเลย เดี๋ยวของที่จำเป็นค่อยทยอยขนไป”
“...”
“เอาตามนั้น วันนี้ก็นอนได้แล้ว ต่อไปต้องพักผ่อนให้มาก เรื่องอาหารพี่จะคอยดูให้เอง”
ที่ไม่พูดเพราะไม่มีโอกาสได้อ้าปากเลยแม้แต่น้อย
แฟนทำปากพะงาบๆแต่อีกคนไม่มีทีท่าว่าจะสนใจ หินพูดเองเออเองเรียบร้อยเสร็จสรรพ จากนั้นก็ขยับผ้าห่มมาคลุมให้ถึงเอวพร้อมทั้งส่งสายตาให้ขยับตัวลงนอนจนคนที่ได้แต่ฟังส่งเสียงร้องฮึดฮัดในลำคอ
“อื้อ! พูดอะไรยาวเหยียด ไม่คิดจะถามกันเลยเหรอ”
ใครว่าหินไม่ค่อยพูด ตอนนี้พูดไม่หยุดเลยเชียวล่ะ พูดเยอะและยาวที่สุดตั้งแต่ที่รู้จักกันมาเลยด้วย อีกทั้งคำเรียกแทนตัวเองยังพูดเสียคล่องปาก
“ที่พี่พูดไปแฟนไม่โอเคเหรอ มีอะไรไม่ดีตรงไหน”
“ก็ไม่มีอะไรที่ไม่ดี แค่คิดว่าจะไม่ถามกันหน่อยเหรอ”
“งั้นถาม...แฟนโอเคกับแพลนคร่าวๆนี้หรือเปล่าครับ” หินหยิบยกไม้ตายขึ้นมาใช้ให้แฟนไม่อาจมีคำคัดค้านหรือคำปฏิเสธใดได้
“...”
“ว่าไง” ว่าที่คุณพ่อกระตุ้นเอาคำตอบด้วยรอยยิ้ม
“อะ โอเค”
สุดท้ายแฟนก็พ่ายแพ้ยอมรับคำโดยง่ายตามความตั้งใจของคนเจ้าแผนการ
“ดีมาก งั้นตอนนี้ก็นอนได้แล้ว ลูกจะได้พักผ่อนด้วย...เสียดายที่ไม่ได้เล่นดนตรีให้ลูกฟังก่อนนอนเพราะรู้กระชั้นชิดไปหน่อย”
ประโยคท้ายหินพึมพำกับตัวเอง ขณะที่แฟนไม่สนใจอะไรนอกจากเลื่อนตัวลงนอนตามคำบอกของคนขี้เห่ออย่างขี้เกียจจะคัดค้านคำใด
จุ๊บ จุ๊บ
“ฝันดีทั้งคนแม่และคนลูก”
หินตามมาจูบหน้าผากและหน้าท้องที่ยังแบนราบเร็วๆก่อนจะบอกฝันดีพลางขยับผ้าห่มขึ้นมาให้ถึงอก จากนั้นจึงหันไปปิดโคมไฟให้ทั้งห้องตกอยู่ในความมืดแล้วกลับมานอนเคียงข้าง
“ฝันดีคนพ่อด้วย”
“จะเป็นคืนที่ฝันดีที่สุดเลย”
END.
ครบแล้วน้า ตั้งใจจะเขียนแค่เท่านี้จริงๆค่ะ
เพราะกลัวว่าคืนนี้จะไม่มีเวลาเลยมาลงให้ตอนนี้นะคะะะ
สำหรับตอนอีก100% มีเรื่องอยากทำความเข้าใจมากมายเลย><
-โซแอลมีการแก้ตอนน้องแฟนไปหาหมอ มีการพูดถึงการคุมกำเนิดเพื่อให้ทุกอย่างสอดคล้องกับเนื้อหามากขึ้น
-แก้เวลาที่ผ่านไปในเรื่อง จากสิบปีเป็นเจ็ดปีผ่านไป เพราะถ้าตอนนั้นพ่อหินจะแก่เกินมีลูกแล้วค่ะ55555
สองข้อนี้โซแอลต้องขอภัยสำหรับการแก้ไขตรงนี้ด้วยนะคะ แต่เพราะอยากให้ทุกอย่างมันดูโอเคสมเหตุสมผลมากขึ้นค่ะ
เพราะเป็นตอนพิเศษที่ท้องได้ ย้ำว่าเป็นแค่ตอนพิเศษเท่านั้นเพราะฉะนั้นอะไรก็เกิดขึ้นได้เนอะ เรื่องท้องและเรื่องการคุมกำเนิดในผู้ชาย ขอให้ทุกคนจินตนาการว่าเป็นเรื่องปกติในโลกของตอนพิเศษนี้นะคะะะ
โซแอลหวังว่าตอนพิเศษนี้จะทำให้หลายคนที่ชอบมีความสุขไปด้วย ส่วนเรื่องที่ว่าจะมาต่อไหม เขียนยาวได้หรือเปล่า...อันนี้คงต้องขอดูก่อนนะคะ ถ้าเขียนก็อาจจะทำเป็นเล่มเล็กขายแยกไปเลย ใครชอบก็อ่าน ใครไม่ชอบก็ไม่อ่านได้ค่ะ(ถ้าทำจริงก็จะมาลงเว็ปให้อ่านอีกพอสมควรเลยค่ะ คงจะได้เจอเจ้าเหมียวด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขอโฟกัสที่ตอนปกติก่อนนะคะ)
สุดท้ายก็ฝากส่งกดกำลังใจ คอมเมนต์ และส่งฟีดแบคได้ที่ #พี่หินคนห่าม น้าาาาา
ขอบคุณมากค่ะ : )
รายละเอียดการจองหนังสือ Happy New BoyFriend!
(https://www.picz.in.th/images/2018/09/26/fMfFd8.jpg)
(https://www.picz.in.th/images/2018/09/26/fMhzNt.jpg)
(https://www.picz.in.th/images/2018/09/26/fMhSpP.jpg)
(https://www.picz.in.th/images/2018/09/26/fMh7bI.jpg)
(https://www.picz.in.th/images/2018/09/26/fMhQyD.jpg)
เปิดจอง #HappyNewBoyFriend
รอบ 5 Days
25 กันยายน (8.00 น.) -29 กันยายน 2561 (เที่ยงคืน)
แจ้งโอนภายใน 30 กันยายน 2561 (เที่ยงวัน)
รอบปกติ
30 กันยายน - 31 ตุลาคม (เที่ยงคืน)
แจ้งโอนภายใน 1 พฤศจิกายน 2561 (เที่ยงวัน)
กำหนดจัดส่งภายในเดือน มกราคม 2562
สั่งจองได้ที่ :: http://www.facainovels.com
Page สำนักพิมพ์ : Facai Novels
Page คนเขียน : Writer Ex-SoulL
Happy New Boyfriend
ผู้แต่ง : Writer Ex-SoulL
ตอนพิเศษที่ไม่มีในเว็บ : 11 ตอน
จำนวนหน้ารวมประมาณ 720 หน้า ( 2 เล่มจบ)
ของแถมประจำเล่ม : ที่คั่น 2 ใบ, โปสการ์ด 2 ใบ, ปกแจ็กเกต
Set สะสม ราคา 1,050 บาท(ยังไม่รวมค่าจัดส่ง)
1. บ็อกแม่เหล็กจั่วปัง
2. หนังสือเล่มหลัก 2 เล่มจบ
3. มินิโนเวล Toy Story ขนาดเอห้า
4. มินิโนเวล หินแฟนอินมัธยม ขนาดเอห้า (รอบ 5 Days รับฟรี / รอบปกติจำหน่ายในราคา 89 บาท)
5. มินิโนเวล ASK
6. โปสเตอร์ขนาดเอห้า 2 ลาย (ลายปกและลายพิเศษ)
Set ปกติ ราคา 740 บาท(ยังไม่รวมค่าจัดส่ง)
1. หนังสือเล่มหลัก 2 เล่มจบ
2. มินิโนเวล Toy Story ขนาดเอห้า
3. มินิโนเวล หินแฟนอินมัธยม ขนาดเอห้า (รอบ 5 Days รับฟรี รอบปกติจำหน่ายในราคา 89 บาท)
4. มินิโนเวล ASK
รับสิทธิ์ในการซื้อพวงกุญแจจิบิในราคา 69 บาท เฉพาะรอบจอง (ทำมาเผื่อเคลมนิดหน่อย ถ้าพ้นระยะเคลมจะนำออกขายนะคะ)
(https://www.picz.in.th/images/2018/07/02/NNxjxJ.jpg) (https://www.facebook.com/writerexsoull/) (https://www.picz.in.th/images/2018/07/02/NNxlnb.jpg) (https://twitter.com/exsoull_)