พิมพ์หน้านี้ - Politics of love รักถะศาสตร์ #เจ้ากรมขย่มปฐพี เล่มออกละเด้อ พร้อมส่ง 10/6/2563

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: KJH177 ที่ 03-02-2019 16:31:08

หัวข้อ: Politics of love รักถะศาสตร์ #เจ้ากรมขย่มปฐพี เล่มออกละเด้อ พร้อมส่ง 10/6/2563
เริ่มหัวข้อโดย: KJH177 ที่ 03-02-2019 16:31:08
ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ



Politics of love

#เจ้ากรมขย่มปฐพี


ฺBY Kaitodmalewja

ติดตามและพูดคุยกับไรท์ได้ที่

FB : Kaitodmalewja (https://www.facebook.com/Kaitodmalewja-769692296744615/)
Twitter : @kaitodpendekdee (https://twitter.com/kaitodpendekdee)

ผลงานเรื่องต่อไป
#BROTHERZONE ผมรักพี่ครับ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69869.msg3957212#msg3957212)

#พูดคุยกับไรท์ได้ตลอดเลยเด้อออ ฉีดยาแล้วไม่กัดนะจ๊ะ

บทนำ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?action=profile;area=showposts;u=144290)
บทที่ 1.1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?action=profile;area=showposts;u=144290)
บทที่ 1.2 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?action=profile;area=showposts;u=144290)
บทที่ 1.3 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69547.msg3941848;topicseen#msg3941848)
บทที่ 2.1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69547.msg3941848;topicseen#msg3941848)
บทที่ 2.2  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69547.msg3941848;topicseen#msg3941848)
บทที่ 2.3 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69547.msg3941848;topicseen#msg3941848)
บทที่ 3.1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69547.30)
บทที่ 3.2 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69547.30)
บทที่ 4.1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69547.30)
บทที่ 4.2 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69547.30)
บทที่ 5.1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69547.msg3944600#msg3944600)
บทที่ 5.2 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69547.msg3945142#msg3945142)
บทที่ 5.3 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69547.msg3945381#msg3945381)
บทที่ 6.1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69547.msg3945634#msg3945634)
บทที่ 6.2 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69547.msg3946071#msg3946071)
บทที่ 6.3 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69547.msg3946298#msg3946298)
บทที่ 7.1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69547.msg3946640;topicseen#msg3946640)
บทที่ 7.2 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69547.msg3947310#msg3947310)
บทที่ 8.1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69547.msg3947443#msg3947443)
บทที่ 8.2 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69547.msg3947735#msg3947735)
บทที่ 8.3 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69547.msg3948021#msg3948021)
บทที่ 9.1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69547.msg3948549#msg3948549)
บทที่ 9.2 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69547.msg3948857#msg3948857)
บทที่ 10.1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69547.msg3950288#msg3950288)
บทที่ 10.2 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69547.msg3950560#msg3950560)
บทที่ 10.3 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69547.msg3951247#msg3951247)
บทที่ 10.4 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69547.msg3951607#msg3951607)
บทที่ 11.1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69547.msg3952178#msg3952178)
บทที่ 11.2 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69547.msg3952325#new)
บทที่ 11.3 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69547.msg3952669#msg3952669)
บทที่ 12.1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69547.msg3953018#msg3953018)
บทที่ 12.2 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69547.msg3953426#msg3953426)
#ตัวเองคือมีทั้งหมด 19 บทนะจ๊ะ แต่มันใส่สารบันไม่ได้มันขึ้นว่าข้อความเกินอะ ไรท์ขอโทษในความไม่สะดวกนะคะ
[

Politics of love

#เจ้ากรมขย่มปฐพี

บทนำ

   การที่ผมเกิดมาในครอบครัวที่พัวพันกับการเมืองอำนาจและเงินทองมันทำให้ชีวิตของผมเลือกเส้นทางหาเหวอะไรไม่ได้เลย ทุกก้าวของชีวิตมีพ่อวางแผนเอาไว้ให้เสมอตั้งแต่ผมเกิดจนตอนนี้ผมเรียนมหาวิทยาลัย ถ้าจะให้พวกคุณทายก็น่าจะทายกันได้นะครับว่าผมเรียนคณะอะไร...คิดออกกันไหมผมขี้เกียจรอละครับผมเรียนคณะรัฐศาสตร์มหาวิทยาลัยชื่อดังที่ทุกคนต่างกล่าวหาว่าเป็นมหาลัยหัวรุนแรง แต่ผมว่ามันก็ไม่นะครับไม่เห็นจะรุนแรงอะไรเลย มันก็แค่ข่าวลือทั้งนั้น ผมหนีการเมืองการปกครองให้มากที่สุดแม้ว่าผมจะเรียนรัฐศาสตร์มันก็มีเจือปนอยู่บ้างก็ตาม ผมเลือกเรียนสาขาบริหารรัฐกิจครับ นั่นแหละที่ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นแม้ว่ามันจะหนีไม่พ้นก็ตาม

   “ เจ้ากรมลูกไปหาเสียงกับพ่อหน่อยนะลูก เดี๋ยวนี้เห็นว่านักการเมืองเอาลูกสาวลูกชายไปหาเสียงกัน” ผมว่าผมพยายามจะหนีออกจากบ้านให้เงียบที่สุดแล้วนะครับ

   “ ไม่เอาอะพ่อ ผมจะไปทำรายงานบ้านเพื่อน” ผมพยายามย่องลงจากบันไดให้เงียบและเบาที่สุดเพื่อไม่ให้พ่อที่นั่งเช็คโซเชียลอยู่กลางบ้านได้ยิน แต่แล้วผมก็ไม่รอดสายตาของท่านได้

   “ ไอ้กรม” เมื่อท่านเห็นว่าผมไม่ทำตามที่ท่านบอกจากเจ้ากรมลูกก็กลายเป็นไอ้กรมทันที ผมละอยากจะอัดเสียงท่าน ‘อัศวิน’ นักการเมืองที่เป็นที่รักของชาวบ้านมีแต่ข่าวดีๆงานสังคมเผยแพร่ให้ทุกคนรู้จริงๆครับ ว่าพ่อของผมโคตรจะเผด็จการเอาแต่ใจและบ้าอำนาจ

   “ ท่านอัศวินปล่อยผมไปเถอะครับ ผมไม่อยากฝักใฝ่พรรคไหนผมขออยู่กลางๆของผมแบบนี้เถอะท่าน แค่นี้เพื่อนผมมันก็ล้อผมจนไม่รู้จะตอบอย่างไงแล้ว” ผมวางรองเท้าผ้าใบที่กำลังจะวิ่งออกไปใส่ด้านนอกลงบนพื้นและเดินคอตกไปหาพ่อที่นั่งอยู่โซฟากลางบ้าน

   “ แกก็รู้ไอ้กรมว่าอย่างไงสุดท้ายแล้วแกก็ต้องมาทำงานที่พรรค”

   “ พ่อก็รู้ว่าอย่างไงผมก็จะหนี”

   “ สองหมื่น”

   “ อะไรนะพ่อ”

   “ สามหมื่น”

   “ พ่อขออีกรอบ”

   “ มึงไม่ต้องเอา!”

   “ โอเคจะไปวันไหนก็บอกล่วงหน้าละกัน ผมจะชวนเพื่อนไปด้วย” ถึงจะชอบทะเลาะกันอย่างไงสุดท้ายแล้วผมก็จะยอมพ่อทุกที ทำไงได้ละครับเหลือกันอยู่แค่นี้เพราะเรื่องของผมมันเศร้าครับ จริงๆแล้วผมมีพี่ชายฝาแฝดอีกคนชื่อว่า ไอ้เจ้าท่า แต่ตอนนี้มันไปสบายแล้วครับ.....

   มันไม่ได้ตายแต่มันไปอยู่กับแม่เมื่อห้าหกปีก่อนตอนที่พ่อกับแม่ผมแยกทางกัน เอาจริงๆนะผมอยากไปอยู่กับแม่มากกว่า แต่อย่าไปบอกพ่อละครับเดี๋ยวท่านจะเสียใจ

   “ อย่างนี้ซิวะไอ้เสือลูกพ่อ” ถ้าผมทำอะไรถูกใจก็จะกลายเป็นไอ้เสือลูกพ่อ แต่ถ้าผมทำอะไรที่ไม่ถูกใจผมจะกลายเป็นไอ้หมาลูกแม่เลยทีเดียวครับ นี่แหละชีวิตของผมเจ้ากรมคนดีคนเดิม



มหาลัยชื่อดังแถวๆ........

Pee’s talk

   ผมยืนมองหน้าตึกคณะรัฐศาสตร์ด้วยความรู้สึกหลายหลายหลังจากที่ผมฝ่าฝันรถติดมาเนินนานและที่สำคัญผมเกือบเอาตัวไม่รอดจากการเดินทางจากหมอชิตมาที่นี่ เนื่องในโอกาสที่ผมสอบติดและจะต้องเข้ามาเรียนในสถานที่แห่งนี้.....

   “ มายืนทำเอ็มวีไรวะ?” คนที่เดินผ่านไปผ่านมาต่างมองผมด้วยสายตาแปลกๆ คือใจจริงๆผมอยากจะตอบพวกเขาไปว่า

   ‘ เสือกครับพี่ครับ’ แต่เอาเป็นว่าผมจะไม่พูดอย่างนี้ออกมาเพื่อหาตีนตั้งแต่วันแรกที่มาดีกว่าครับ ผมจึงหันไปทำหน้าเศร้าๆพร้อมกับลากกระเป๋าใบใหญ่เดินไปหาพวกพี่ๆพวกนั้นที่พึ่งเดินผ่านผมไป

   “ พี่ครับๆหอในอยู่ไหนครับ?”

   “ ในไหนวะน้อง?”

   “ ในมหาลัยอะครับพี่”

   “ มหาลัยเรามีหอด้วยหรอวะ?” ผมถึงกับมองหน้าไอ้พี่สองคนนั้นทันทีที่ตอบ คือคุณมึงเป็นรุ่นพี่แต่คุณมึงไม่รู้เรื่องแม้
กระทั่งหอในมหาลัย

   “ งงเป็นหมาเลยมึง”

   “ อ่าวพี่ ผมถามดีๆนะครับ” แขนเสื้อผมนี่ถกรอแล้วครับผม

   “ ฟังปากกูดีๆนะ กู อยู่ ปี หนึ่ง เหมือนมึง” ไอ้ผู้ชายตัวสูงสวมเสื้อสีขาวกางเกงขาสั้นรองเท้าแตะเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาแทนไอ้เสื้อแดงกางเกงยีนส์รองเท้าแตะที่มันกวนผมตั้งแต่แรก

   “ แล้วไม่บอกละครับ” ผมนี่วางมือจากกระเป๋าเลยทีเดียวจะเอาไงว่ามาผมพร้อมเสมอถ้าคุณสนอง อะไรของกูวะ?

   “ ท่าทางเก๋าฉิบหาย” ไอ้เสื้อแดงพูดต่อ

   “ ไอ้เจ๋งพอเถอะมึงแค่นี้เราก็จะไม่เหลือเพื่อนแล้วนะเว้ย” ไอ้เสื้อขาวรีบพูด แสดงว่าไอ้สองคนนี้มันก็ไม่มีเพื่อนเหมือนกันซินะ แต่ทำไมสายตาของมันทั้งสองกลับมองผมแปลกๆอย่าบอกนะว่า

   “ เป็นเพื่อนพวกกูไหม?” เสื้อแดงที่แอบได้ยินมาชื่อเจ๋งเอ่ยขึ้น

   “ เอ่อ.....”

   “ เป็นเพื่อนกับกูไหมละ” เสื้อแดงที่ยังไม่ปรากฏชื่อให้ทราบ

   “ ก็ได้ครับ” และผมก็ตอบรับพวกมันอย่างงงๆ เอาวะมีพวกมันเป็นเพื่อนก็ดีเหมือนกันครับแต่ผมว่ามันอาจจะต้องออกห่างถ้าผมเจอเพื่อนที่น่าจะดีกว่าพวกมัน....ขอโทษล่วงหน้านะไอ้เจ๋ง ไอ้เสื้อขาว


ร้านก๋วยเตี๋ยวข้างมหาลัย

   “ มึงชื่อพีใช่ไหม” หลังจากที่ผมตกลงเป็นเพื่อนกับพวกมันสองคนแล้ว ไอ้สองคนก็อาสาพาผมไปเก็บของที่หอใน แต่มันก็ไม่รู้ทางหรอกครับ ไม่รู้ว่ามันจะมาช่วยหรือมาเป็นภาระให้ผมกันแน่แต่แล้วผมก็หาหอในเจอจัดแจงเก็บข้าวของจนเสร็จไอ้พวกนั้นก็ลากผมออกมาหาอะไรกิน

   “ ครับ”

   “ กูเจ๋งนะ”
 
   “ อ่าว มึงเจ๋งหรอ? ตัวๆไหมละ” ผมควรทำอย่างไงกับสถานการณ์นี้ดี

   “ เออ กูเจ๋งมึงอะเจ๋งไหมละ”

   “ ไม่ๆกูไม่เจ๋ง กูบิว” สงสัยว่านี้จะเป็นการแนะนำตัวของพวกมันแน่ๆ แต่ก็ดีครับสนุกสนานดีผมไม่เคยเจอแบบนั้นมาก่อน

   “ ป้าเส้นเล็กไก่ไม่ผักสามจาน”

   “ ผมกินผักนะ”

   “ เรื่องมากไอ้พีเราสามคนเป็นเพื่อนกันแล้วต้องกินต้องแดกเหมือนกัน” ไอ้เจ๋งโบกหัวผมแรงๆหนึ่งทีพร้อมกับซดน้ำเก๊กฮวยไปด้วย คือทฤษฎีนี้ผมไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าการที่เป็นเพื่อนกันต้องกินเหมือนกัน

   “ ครับๆ” จริงๆผมก็ไม่ใช่คนพูดเพราะอะไรแต่นี่เป็นครั้งแรกที่เจอกันผมว่าเราควรจะสุภาพมากกว่านี้ หรือว่าอย่างไรครับทุกคน? แต่ดูเหมือนว่าเพื่อนๆผมมันจะไม่คิดอย่างผมหนะซิครับ

   “ มึงเรียนสาขาอะไรวะ?” ไอ้เจ๋งกำลังปรุงก๋วยเตี๋ยวปรายตาขึ้นมามองหน้าผมเป็นเชิงถาม แต่ไม่เข้าใจว่าแค่ถามทำไมต้องยักคิ้วให้ด้วย แม่งโคตรจะกวนตีนเลยครับ!

   “ PA ครับ” เอาจริงๆที่ผมเลือกสอบตรงเข้าสาขานี้ก็ไม่ใช่ว่าผมชอบนะครับ แต่คนแข่งขันต่ำกว่าสาขาอื่นแต่ลึกๆแล้วเนื้อหาวิชาก็ค่อนข้างน่าเรียนนะครับมันไม่ได้การเมืองจ๋าเลยทีเดียว ต้องรอผมเรียนจริงๆก่อนนะครับแล้วผมจะมารีวิวใหม่

   “ กูสองคนปกครอง สอบตรงด้วยนะเดี๋ยวจะหาว่ากูโม้” เป็นไอ้เจ๋งอีกแล้วครับทุกคนที่พูดขึ้นมา แถมในปากมันยังเขี้ยวเศษอาหารไม่หมด

   “ เจ๋งกินเถอะ”

   “ เออๆ เดี๋ยวกูกินเสร็จแล้วจะโชว์ให้มึงดูไอ้พี” ผมก็อยากจะปฏิเสธไปนะแต่กลัวเพื่อนจะเสียน้ำใจ

   “ พีกูขอเบอร์ไลน์ติดต่อมึงหน่อยดิวะ” บิวที่เงียบอยู่นานยื่นโทรศัพท์ของตัวเองมาตรงหน้าผม

   “ โอเค” ผมรับโทรศัพท์มาเมมเบอร์โทรตัวเองลงไปให้บิว สายตาผมตอนกดเมมเบอร์เสร็จเห็นว่าวอลเปเปอร์โทรศัพท์ของบิวเป็นรูปคู่กับผู้หญิงผมเดาว่าน่าจะเป็นแฟนของมันนะครับ แล้วผมจะไปยุ่งเรื่องของคนอื่นทำไมผมก็ไม่เข้าใจตัวเอง ผมลืมบอกทุกคนว่าข้อเสียของผมคือการชอบยุ่งเรื่องของคนอื่นแต่ส่วนมากผมบังเอิญไปยุ่งเสียมากกว่าแต่ลึกๆแล้วผมก็ชอบนะ มันเป็นสีสันของชีวิตเหมือนกันโดยเฉพาะเรื่องที่ทุกคนอยากรู้แล้วผมรู้เป็นคนแรกๆ

   “ มีแฟนแล้วหรอครับบิว” ปากของผมดันไวเท่าๆกับความคิดเลยครับ เป็นครั้งที่ร้อยที่ผมอยากจะตบปากตัวเองเป็นการลงโทษ

   “ ไอ้พีก็ขี้เสือกนะเนี่ย” ไอ้เจ๋งยกนิ้วให้เป็นเชิงชื่นชม “ กูจะตอบให้แฟนมันตอนมัธยมได้กันแล้วตั้งแต่ม.สี่ แต่โชคร้ายดันเลิกกันก่อนที่ไอ้บิวจะสอบติด”

   “ ดราม่านะครับ”

   “ ไอ้เจ๋ง ไอ้เวร” ผมว่าสองคนนี้ก็ไม่มีพิษมีภัยอะไร....มั้งครับ













หัวข้อ: Re: Politics of love #เจ้ากรมขย่มปฐพี
เริ่มหัวข้อโดย: nikpook ที่ 03-02-2019 19:03:13
โอ้ยชอบนี้แหละนิยายที่ตามหา น้องแสบมากพี่ก็น่าจะกวนใช่ย่อยเหมือนกัน สนุกมากๆๆๆๆๆชอบมากๆๆๆๆๆมาต่อเร็วๆนะ เป็นกลจให้จ้า รอตอนต่อไปอยู่นะ
 :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Politics of love #เจ้ากรมขย่มปฐพี
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 04-02-2019 00:58:43
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Politics of love #เจ้ากรมขย่มปฐพี ตอนที่ 1.2 (04/02/62)
เริ่มหัวข้อโดย: nikpook ที่ 04-02-2019 20:37:12
สงสารพี่กรมคงอึดอัดมากๆ แต่รู้สึกตลกตอนน้องพีเรียกพี่หล่อแล้วเปย์เงิน อิน้องพีก็เกรียนบวกงกด้วยหาเงินเก่ง5555 พี่กรมสู้ๆน้องพีต้องทำให้พี่หายอึดอัดแน่นอนรู้สึกถึงความกวนและเกรียนมาเลย รอตอนต่อไปอยู่นะ นักเขียนสู้ๆ สนุกมากๆเลยจ้า :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ตอนที่ : 1.2 (04/02/62)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 04-02-2019 22:00:03
เป็นเราๆ ก็คงอืดอัดนะ ถ้าเจออาจารย์เป็นแบบนี้  :hao3:
แบบที่อ.ยกตัวอย่างที่เป็นพ่อเราขึ้นมา เพื่อหาเรื่องด่าพ่อเรา นี่มันไม่ถูกต้องแล้วล่ะ   :m31: :angry2:
อ.ไม่มีจริยธรรมของการเป็นครู เป็นอาจารย์แล้ว  :m16:
ถ้าไม่รู้ว่าเจ้ากรมลูกใครก็ว่าไปอย่าง
นี่รู้แล้วยกมาวิพากษ์วิจารณ์ซ้ำๆมันใช่เรื่องเหรอ
อย่างนี้ต้องตีไข่.......  :ling2:  เอ๊ย........อย่างนี้ต้องร้องเรียนคณบดี หรือสภามหาวิทยาลัย
ว่าทำตัวไม่เหมาะสมนะจาน ทั้งวัยวุฒิ คุณวุฒที่สูงกว่า ก็เห็นชัดๆ  :angry2:
อ.ก็ลองคิดกลับกันสิ แบบพ่อ อ.เป็นนักการเมืองบ้าง
แล้วโดนนักศึกษา ยกชื่อพ่อ อ. มาเพื่อวิพากษ์วิจารณ์
ด่าว่านโยบายพรรค บ่อยๆ ซ้ำๆบ้าง อ.จะชอบใจไหม  :hao3:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
ขอแก้ที่ผิดนะ
ครอบครัวที่ผัวพันธ์ ------  พัวพัน
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ตอนที่ : 1.2 (04/02/62)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 04-02-2019 23:19:29
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ตอนที่ : 1.2 (04/02/62)
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 05-02-2019 11:17:00
ฮือออ คุณพี่น่าสงสาร ให้น้องมายิ้มให้เนาะ
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ตอนที่ : 1.2 (04/02/62)
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 05-02-2019 11:36:46
เจอแบบพี่กรม น่าอึดอัด

 :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ตอนที่ : 1.2 (04/02/62)
เริ่มหัวข้อโดย: Bradly ที่ 05-02-2019 14:10:25
แง้น ชอบชื่อเรื่อง บ่งบอกถึงโพสิชั่นมาก
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ตอนที่ : 1.3 (05/02/62)
เริ่มหัวข้อโดย: คุณซี ที่ 05-02-2019 21:03:36
ควรสงสารใครดีคะ เลือกไม่ถูกเลย
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ตอนที่ : 1.3 (05/02/62)
เริ่มหัวข้อโดย: nikpook ที่ 05-02-2019 21:44:47
55555ตลกอ่ะ คืออิพี่กรมมันร้าย อิน้องพีบางทีก็ดูกวนแบบเจ้าเล่ห์แต่ตอนนี้ทำไมซื่อจังหรือแพ้ทางอิพี่หล่อ :hao7: สนุกมากๆเลย เป็นกลจให้นักเขียนนะจ๊ะ มาอัพเร็วๆมากๆ ขอบคุณมากๆเลยจ้า เลิฟๆนักเขียน ขอบอกว่าสนุกมากๆๆๆอีกที มาต่อเร็วๆนะรออยู่จ้า :กอด1: :pig4: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ตอนที่ : 1.3 (05/02/62)
เริ่มหัวข้อโดย: Bradly ที่ 05-02-2019 22:05:31
คนพี่ก็กวนคนน้องก็กวนพอกัน 5555
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ตอนที่ 2.1 (06/02/62)
เริ่มหัวข้อโดย: Bradly ที่ 06-02-2019 17:36:41
สงสารพี่กรมอ่า
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ตอนที่ 2.1 (06/02/62)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 06-02-2019 18:42:44
 :L2: :pig4:

ขำปนสงสาร
น้องเป็นคนกวนโคตร
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ตอนที่ 2.1 (06/02/62)
เริ่มหัวข้อโดย: nikpook ที่ 06-02-2019 20:21:16
น้องผีมันแสบบวกเกรียนแตกมาก คิดได้ไงสุดยอด อิพี่หล่อเห็นก๋วยเตี๋ยว20ถุงคงช็อกน่าดู555 อ่านแล้วก็หิว แล้วทำไมคนหาเรื่องพี่หล่อมันเยอะแบบนี้ :m31: อึดอัดแทน พี่หล่อสู้ๆสนุกมากๆๆๆอยากอ่านตอนต่อไปแล้ว มาต่อเร็วๆน้า นักเขียนสู้ๆเป็นกลจให้จ้า :กอด1:  :pig4:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ตอนที่ 2.1 (06/02/62)
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 06-02-2019 20:56:03
โดนเด็กผีแกล้งคืนแล้วเจ้ากรม

แอบเห็นคำว่า‘ละ’ ‘วะ’ ผิดอยู่นะคะ


หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ตอนที่ 2.1 (06/02/62)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 06-02-2019 22:05:09
 :m16:


หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ตอนที่ 2.2 coming (06/02/62)
เริ่มหัวข้อโดย: KJH177 ที่ 06-02-2019 23:39:40

“ อาจารย์ อย่างนั้นไอ้กรมมันก็ได้เปรียบซิครับ พ่อมันเป็นนักการเมือง”
.
.
.
“ เอาก๋วยเตี๋ยวมาส่งครับ”
.
.
.
“ มึงแดกให้หมดเลยนะไอ้พีไม่หมดกูจะยาหัวมึง”

#พบกับความเกรียนในวันพรุ่งนี้นะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ตอนที่ 2.1 (06/02/62)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 07-02-2019 20:16:58
กวนเหมือนกัน   :really2:
แต่น้องผีกวนหนักกว่า :serius2:   ชอบบบบบ    :katai2-1: :m20: :laugh:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ตอนที่ 2.2 (07/02/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: nikpook ที่ 07-02-2019 22:54:38
อิพี่กรมไม่โกรธเลยอ่ะ คือป๋ามากๆ น้องก็เกรียนคำพูดคำจาแต่ล่ะคำมันกวนจริงๆ แล้วก็มีความหลับซบแขนอิพี่ไปอีกน่ารัก :-[ อิพี่เทพก็น่าจะเกรียนๆกวนๆเหมือนกัน รอตอนต่อไปจ้า สนุกมากๆเลยมาต่อไวๆนะ :กอด1: :3123:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ตอนที่ 2.2 (07/02/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: คุณซี ที่ 08-02-2019 13:03:52
มาเม้นให้น้องผีค่ะ(?) แฮร่ สนุกกกกน้องผีมีความกวนตีนแบบแปลกๆตอนแรกนึกว่าน้องจะนิ่งกว่านี้ซะอรก55
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ตอนที่ 2.2 (07/02/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 08-02-2019 21:37:45
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ตอนที่ 2.3 (09/02/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: KJH177 ที่ 09-02-2019 08:29:36
บทที่ 2.3
รักเรียกอย่ามาเกรียนกับรุ่นพี่
(จุดจบสายเกรียน)


        “ รถสวยนะพี่” ผมเปิดประตูด้านหลังทันทีที่รถของที่เทพจอด ส่วนพี่กรมนั่งด้านหน้าข้างๆเพื่อนของเขา


   “ เออ กูรวย” ทันทีที่พวกผมขึ้นรถเป็นที่เรียบร้อยไอ้พี่เทพก็ขับรถออกไปอย่างไม่รอช้า พร้อมกับเปิดเพลงจนเสียงดังลั่นรถ


   “ ผมชมว่ารถสวยไม่ได้ถามว่าพี่รวยไหม” อาการต่อปากต่อคำของผมมันก็ยังคงแก้ไม่หาย และไม่มีวันเข็ดหลาบเพราะผมดันกวนไอ้พี่เทพหลังจากที่มันพึ่งเตะผมไป


   “ มึงเลิกกวนตีนกูสักวินาทีได้ปะวะ” ไอ้พี่เทพเหลือบสายตาของเขามองมาทางผมที่นั่งกระดิกเท้าอยู่เบาะด้านหลังรถ


   “ แค่วินาทีเดียวนะพี่”


   “ ไอ้พี!”


   “ โอเคครับ นั่งเงียบ ปิดปาก รูดซิบเลย” ผมทำท่าทางปิดปากเหมือนตอนเด็กที่เวลาคุณครูบอกให้เงียบแบบรูดซิบปิดปาก ตอนเด็กผมทำแล้วน่ารักนะแต่ตอนนี้ผมว่าผมทำแล้วดูกวนตีนฉิบหายเลยว่ะ


   “ กัดกันจังพวกมึง” พี่กรมพูดขึ้นหลังจากที่สงครามน้ำลายสงบลง ผมยกธงขาวยอมแพ้ให้พี่เทพโดยการนั่งเงียบอยู่ด้านหลังรถ


   “ เด็กมันกวนตีน” พี่เทพเหลือบสายตามามองผมผ่านกระจกอีกครั้ง ทำให้ผมยิ้มให้พี่มันไปด้วยท่าทางที่ใครเห็นแล้วก็ต้องเอ็นดูจนอยากจะขอดูเอ็น เอ้ย! ห้ามสิบแปดบวกเยาวชนอ่านเยอะไอ้พี “ อย่ามายิ้ม!” ไอ้พี่เทพกระแทกเสียงใส่หลังจากที่มันเห็นรอยยิ้มของผม ทำไมอะ? รอยยิ้มของผมมันไม่น่ารักหรอครับ?


   “ พี่เทพครับ ผมแค่ยิ้มเองนะพี่”


   “ ไอ้พีมีใครเคยบอกไหมว่าแค่มึงยิ้มก็สามารถเรียกตีนได้ บอกตรง! ตอนนี้กูหงุดหงิด”


   “ ไอ้เทพใจเย็น แค่เด็กมันไม่มีเพื่อนเล่น” พี่กรมตบไหล่ของเพื่อนเขาเบาๆ “ มึงก็อย่าไปกวนมันมากไอ้น้องผี” พี่กรมเอี้ยวตัวมามอง ทำให้ตอนนี้ผมสังเกตเห็นว่าพี่กรมสวมแว่นกันแดดสีดำอยู่


   “ พี่ พี่ใส่แว่นทำไมอะครับ ตอนเย็นไม่เห็นจะมีแดดอะไร” บอกตามตรงเลยนะว่าตอนนี้ท้องฟ้าครึ้มมาก มากชนิดที่ว่าเมฆที่ก่อตัวเป็นเคล้าอยู่บนฟ้าพร้อมใจสลายกลายเป็นฝนตกลงมาเลยก็ว่าได้ ไม่มีวี่แววของแดดเลยสักนิด


   “ น้องผีครับ อันนี้เรื่องของใครเอ่ย?” ไอ้พี่กรมยังคงไม่หันหน้ากลับไปแต่พี่มันกลับค่อยๆดึงแว่นขึ้นคาดไว้บนศีรษะของตัวเองเพื่อให้สายตามองผมได้ถนัดๆ พร้อมพ่นคำพูดที่โคตรจะกวนออกมา


   “ เรื่องของใครเอ่ยดีน้าพี่กรม น้องพีคิดแทบจะไม่ออกเลยครับ” กวนมากวนกลับไม่โกง


   “ ไอ้ฉิบหาย! กูเกลียดเสียงพวกมึง เงียบทั้งคู่ เวรเอ้ย!!! ประสาทกูจะแดก” ทั้งพี่กรมและผมต่างแยกย้ายหันกลับไปนั่งที่เดิมหลังจากที่พี่เทพระเบิดอารมณ์หงุดหงิดออกมา ผมเห็นว่าไหล่ของไอ้พี่กรมมันสั่นสงสัยจะกลั่นขำอยู่แน่ๆ เอ้? ว่าแต่ขำอะไรนะผมสงสัยจัง แต่เอาเป็นว่าผมเก็บความสงสัยเอาไว้ดีกว่าถ้าผมถามออกไปตอนนี้มีหวังไอ้พี่เทพจอดให้ผมลงไปจากรถของพี่เขาแน่ๆ


ผมนั่งรถมาได้สักพักรถของพี่เทพก็เลี้ยวเข้าหมู่บ้านหรูใจกลางเมืองติดกับรถไฟฟ้า แต่ว่ามหาลัยของพวกเราไม่สามารถนั่งรถไฟฟ้าไปได้ ซึ่งมีความย้อนแย้งอยู่ไม่น้อย


   “ บ้านพี่ใหญ่จังครับ” ทันทีที่รถเลี้ยวเข้ามาในบ้านหลังใหญ่โตมโหฬารผมก็ดูแตกตื่นเหมือนเด็กบ้านนอกไม่เคยเห็นบ้านหลังใหญ่ แต่มันก็จริงอะครับที่พิจิตรไม่ค่อยมีบ้านหลังใหญ่แบบนี้เลยจะมีก็แต่บ้านผู้พิพากษาในเมืองเท่านั้นที่น่าจะใหญ่พอๆกับบ้านของพี่กรม


   “ ก็ให้มันรู้ว่าลูกใคร” ตอนนี้ไอ้พี่กรมเดินลงมายืนข้างๆผมพร้อมกับถอดสายตาขึ้นมองบ้านของตัวเองด้วยความภาคภูมิใจ
   ทุกคนว่าไหมครับว่าไอ้พี่กรมแม่งโคตรจะขี้อวดเลย


   “ อ่อ ผมลืม” มันก็สมฐานะบ้านของหัวหน้าพรรคการเมืองระดับอย่างพ่อพี่กรมแหละครับ อันนี้ผมไม่เถียง “ ผมจะเจอพ่อพี่ไหม”


   “ มึงอยากเจอพ่อกูหรอครับน้องผี?”


   “ ครับ ผมอยากจะเจอะเจอสักครั้งจะถ่ายรูปไปอวดที่บ้าน” เอาจริงๆพ่อผมโคตรคลั่งไคร้พรรคของพ่อพี่กรมเลย เรียกได้ว่าช่วงเลือกตั้งถ้ารู้ว่าเขตตัวเองมีตัวแทนจากพรรคนี้ พ่อผมรีบเป็นหัวคะแนนให้พรรคอย่างไม่ลังเลทั้งๆที่พอก็ไม่เห็นจะได้อะไรตอบแทนเหมือนพรรคอื่นๆตามต่างจังหวัดที่หัวคะแนนจะดูรวยเป็นพิเศษ..... พ่อจะต้องกรี๊ดแตกแน่ๆที่ผมมาถ่ายรูปกับนักการเมืองขวัญใจของพ่อ


   “ ขนาดนั้นเลยน้องผี?”


   “ ครับพี่หล่อ” ผมเรียกเอาใจพี่มันสักหน่อย เพราะผมต้องไปถ่ายรูปกับพ่อของพี่เขาต้องทำให้ลูกประทับใจ และในที่สุดเวลาที่ผมจะไปเจอพ่อของพี่กรมก็มาถึงเมื่อพี่กรมพาผมเดินเข้าไปในบ้านแต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้เข้าไปด้านใน ไอ้พี่กรมมันก็ให้ผมยืนอยู่หน้าประตูทางเข้าบ้านก่อน


   “ พ่อพี่อยู่ไหนอะ” ผมรีบค้นหากระดาษละปากกาในกระเป๋าเป้คู่ใจที่ผมสะพายมา ส่วนก๋วยเตี๋ยวผมเอาไปให้พี่กรมถือทั้งหมด


   “ น้องผีมึงจะตื่นเต้นไปไหนวะ” พี่กรมส่ายหัวให้กับท่าทางของผมที่พี่มันคงมองว่าเยอะเกินเบอร์ไป “ เข้าบ้าน ถอดรองเท้าวางให้เป็นระเบียบด้วย” พี่กรมชี้ไปที่ชั้นวางรองเท้าที่มีรองเท้าวางเรียงรายอยู่เต็มไปหมด


   “ ต้องใส่อะไรอีกไหมพี่” ผมถอดรองเท้าผ้าใบออกก่อนที่จะเดินตามพี่กรมมันเข้าไป


   “ สลิปเปอร์ เอาคู่ใหม่ออกมาจากชั้นล่าง” พี่กรมชี้ไปที่ตู้รองเท้าไม้อีกตู้ ผมเลยเดินไปเปิดตู้ออกและสวมรองเท้าตามที่พี่กรมบอก


   “ เสร็จแล้วครับ” ผมเดินตามหลังพี่กรมเข้าไปในบ้านก่อนจะได้ยินเสียงหัวเราะเอะอะโวยวายดังออกมาจากไหนสักแห่งภายในบ้าน


   “ พ่อหวัดดี” พี่กรมเดินพาเข้ามาในห้องรับแขกที่ตอนนี้เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของใครหลายๆคน


   “ ฮ่าๆ” ผมเลยหัวเราะออกมาบ้างเพื่อความกลมกลืน แต่ใครจะไปรู้ว่าเสียงหัวเราะของผมจะไปทำลายบรรยากาศที่สนุกสนานก่อนหน้าอย่างไม่ได้ตั้งใจ


   “ .......”


   “.......”


   “.......”


   “ อีกแล้วนะน้องผี” พี่กรมส่ายหัวให้ผมทันทีหลังจากที่ผมทำลายบรรยาในห้องรับแขกลงอย่างไม่ได้ตั้งใจ


   “ สวัสดีครับท่านอัศวิน” ผมก้มลงไปคุกเข่าตรงหน้าของพ่อพี่กรมก่อนจะยกมือขึ้นไหว้อย่างนอบน้อมจนพ่อของพี่กรมแทบจะก้มรับไหว้ผมไม่ทัน


   “ ไหว้พระไอ้หนู” พ่อของพี่กรมก้มลงมารับไหว้ผม


   “ มึงไปเก็บคนบ้าที่ไหนมาวะไอ้กรม” ถัดจากพ่อของพี่กรมก็มีผู้ชายอีกสองคนนั่งมองหน้าผมอยู่อย่างงงๆถามพี่กรมออกด้วยความสงสัย


   “ เด็กที่คณะเก็บมันมาด้วย สงสาร” พี่กรมนั่งลงข้างๆเพื่อนของเขา


   “ ไอ้หนูเอ็งไปนั่งโซฟาไปลูก” พ่อของพี่กรมพูดด้วยท่าทางสุภาพแต่ฟังแล้วผมถึงกับขนลุกวาบไปทั้งตัว


   “ ท่านครับผมขอถ่ายรูปไปฝากพ่อผมได้ไหม” ผมเงยหน้าถามท่านอัศวินที่นั่งอยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่า


   “ เอาซิไอ้หนุ่ม” ผมไม่ได้สนใจว่าพี่กรมกับเพื่อนพูดอะไรกันเพราะผมมัวแต่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อเตรียมถ่ายรูปกับท่านอัศวิน


   “ ท่านครับชูสองนิ้วเร็วครับท่าน” ผมคุกเข่าอยู่ที่พื้นก่อนที่จะโทรศัพท์ออกมาเพื่อเซลฟี่กับท่านด้วยท่าทางที่ผมจัดแจง


   “ พอจะได้ไหมไอ้หนู” ท่านอัศวินทำท่าชูสองนิ้วอย่างที่ผมพูดบอก


แชะ!


   “ ท่านครับ ท่าจิ้มแก้มครับ แบบนี้” ผมหันไปทำให้ท่านอัศวินดูก่อนที่ท่านจะทำตาม


แชะ!


   “ ท่านครับ มินิฮาร์ท อันนี้กำลังฮิตเลย”


   “ เอ้อ! สนุกดีวะไอ้หนู” ท่านอัศวินชอบใจใหญ่ที่ผมสอบท่านทำท่าถ่ายรูปน่ารักๆ  “ ไอ้เสือมาถ่ายรูปเร็ว” ท่านกวักมือเรียกพี่กรมให้มาเข้าเฟรมกับพวกเราด้วย


   “ ไม่เอาพ่อ พ่อก็ถ่ายไปดิ” พี่กรมปฏิเสธอย่างไว


   “ เออๆ วินกับคินมาถ่ายกับพ่อไหม” เมื่อท่านชวนลูกชายไม่สำเร็จก็หันไปชวนเพื่อนของลูกชายแทน


   “ ครับๆ” ทั้งพี่วินกับพี่คินมาถ่ายรูปเข้าเฟรมร่วมกับผมและท่านอัศวินเหลือเพียงแค่พี่กรมที่นั่งหน้าหงิกอยู่คนเดียว


   “ ผมถ่ายด้วย” พี่เทพที่พึ่งเข้าในบ้านรีบวิ่งเข้ามาร่วมเฟรมกับพวกผม จนเราทั้งหมดต่างถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนานจนลืมไปว่ามีคนนั่งหน้าบูดอยู่คนเดียว


   “ พ่อ พอได้แล้ว” สิ้นเสียงพี่กรมผมก็เก็บโทรศัพท์ลงทันทีทำให้ทุกคนต่างแยกย้ายไปนั่งที่เดิม ส่วนผมยังรู้สึกไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ที่ได้ถ่ายแค่รูปนิ่ง


   “ สวัสดีครับวันนี้พีมาอยู่บ้านของท่านอัศวินน้า” ผมกดอัดถ่ายสตอรี่ในไอจีพร้อมกับหันกล้องไปทางท่านอัศวิน “ ทักทายหน่อยครับท่าน”


   “ สวัสดีทุกคน” ท่านอัศวินยกมือขึ้นมาโบกให้กล้องพร้อมกับรอยยิ้มกระชากใจในตำนานก่อนที่ผมจะเบนกล้องไปทางพวกพี่ๆที่นั่งอยู่


   “ ทักทายหน่อยพี่”


   “ เย้ๆๆ” มีเพียงเสียงเย้พร้อมกับรอยยิ้มของทุกคนยกเว้นแต่พี่กรมเท่านั้นที่ไม่มีส่งเสียหรือยิ้มอะไรออกมาเลยแม้แต่น้อย ยังไม่ทันที่ผมจะเร่งพี่กรมให้พูดเวลาของสตอรี่ของผมก็หมดลง


   “ พอใจมึงยังน้องผี”


   “ ครับ พอใจมากครับ” ผมกดเช็คดูอีกรอบเพื่อความแน่ใจก่อนจะกดลงในไอจีสตอรี่เพื่ออวดเพื่อนๆทุกคนที่ติดตามผมอยู่


   “ ท่านเล่นไอจีไหมครับ” ผมหันไปถามท่านอัศวินที่นั่งมองการกระทำผมอยู่ด้วยท่าทางเอ็นดู ไม่รู้ว่าท่านเอ็นดูหรือเปล่าแต่ผมจะคิดว่าท่านเอ็นดูผมก็แล้วกัน


   “ ไม่เล่นหรอกไอ้หนู”


   “ แล้วพี่ๆละครับ” ผมยื่นโทรศัพท์ไปให้พี่ๆที่นั่งอยู่


   “ เล่นๆ กูเล่นไปฟอลกู” พี่วินพูดพร้อมกับรับโทรศัพท์ของผมไปปกดฟอลโล่ตัวเองจนกระทั่งถึงพี่กรมเป็นคนสุดท้าย


   “ อ่ะ เอาไปแล้วขึ้นมานั่งดีๆ” พี่กรมยื่นโทรศัพท์ให้ผมคืน ส่วนผมก็ขยับไปเอาคืนมาพร้อมกับยันตัวลุกขึ้นไปนั่งข้างๆพี่กรม


   “ นี่ชื่อไอ้พีนะพ่อเป็นรุ่นน้องคณะผมเอง นี่พ่อกู” พี่กรมแนะนำผมให้กับพ่อของพี่เขารู้จัก ผมอยากจะบอกไปว่าผมทำถึงขนาดนี้น่าจะเลยคำว่ารู้จักไปแล้วแน่ๆ ข้ามขั้นการแนะนำตัวสุดๆ “ นี่ไอ้วินไอ้คินเพื่อนกูคณะเดียวกันแต่คนละสาขา”


   “ สวัสดีครับพี่” ผมยกมือไหว้พี่ๆเขาอย่างมีมารยาท “ พี่คบกันแค่สี่คนหรอครับ”


   “ มึงกำลังจะบอกว่ากูเพื่อนน้อยหรอน้องผี”


   “ เอ่อ...เปล่าครับ ผมก็แค่ถามเองพี่ อีกอย่างนะกลุ่มผมมีน้อยกว่าพี่ตั้งหนึ่งคน” ผมยกมือขึ้นปฏิเสธในสิ่งที่พี่กรมพูดบอก


   “ พวกกูไม่ได้อยากรู้เลย” พี่วินเป็นฝ่ายพูดขึ้นมา


   “ น้องพีเสียใจนะพี่”


   “ เรื่องของมึง!” เหมือนทั้งสี่คนตั้งใจประสานเสียงตอกกลับผมด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น ซึ่งผมฟังอย่างไงก็ดูทำร้ายจิตใจของผมอย่างแรง ไม่เป็นไรครับพีทนได้แค่นี้เอง ฮึบ! ผมจะไม่ร้อง


   “ ไปๆ เลิกทะเลาะกันเป็นเด็กๆ พ่อสั่งให้แม่บ้านเตรียมข้าวเย็นไว้ให้แล้ว” ท่านอัศวินยันตัวลุกขึ้นจากโซฟา ตรงไปที่ห้องอาหารที่ตอนนี้เต็มไปด้วยอาหารทะเลราคาแพงมากมาย ผมอยากจะมาบ้านพี่กรมบ่อยๆจังเลี้ยงผมโคตรดี


   “ พ่อครับมีน้ำสีเหลืองๆไหม” พี่เทพถามขึ้นมาหลังจากที่นั่งเก้าอี้กันครบทุกคนแล้ว


   “ เก๊กฮวยหรอพี่”


   “ เก๊กฮวยพ่อมึงซิ”


   “ พี่เทพไม่อ่อนโยน” ผมคอตกทันทีที่พี่เทพว่าผมออกมาแบบนั้น น้ำตาผมจะไหลออกมาเลยแหละครับแต่ผมพยายามกลั้นเอาไว้จะแสดงความอ่อนแอจอมปลอมออกมาไม่ได้เด็ดขาด


   “ เอ้า! กิน” สิ้นเสียงของท่านอัศวินทุกคนต่างยกช้อนส้อมขึ้นเพื่อตักอาหารแต่แล้วช้อนของผมก็ถูกพี่กรมจับเอาก่อนที่จะถึงปลาหมึกนึ่งมะนาวที่ผมเล็งเอาไว้ตั้งแต่เข้ามา


   “ ของมึงอันนู้น กินให้หมดนะครับน้องผี” ผมมองไปตามมือของพี่กรมที่ชี้ไปทางด้านหลัง ภาพของแม่บ้านที่ยกชามก๋วยเตี๋ยวไก่ออกมาจำนวนยี่สิบชามค่อยๆวางเรียงรายอยู่บริเวณตรงหน้าของผม


   “ พี่ ผมอยากกินอาหารทะเลมากกว่า”


   “ มึงซื้อมาต้องรับผิดชอบ อย่าเป็นคนกินทิ้งกินขว้าง ที่กูเงียบไม่ใช่ว่ากูจะยอม ถึงกูจะรวยก็เถอะ มึงสงสารคนที่เขาไม่มีอะไรกินไหม” พี่กรมพูดกับผมเพียงแค่นี้ก่อนที่พี่มันจะปล่อยมือออกจากช้อนของผม พี่มึงเล่นกำช้อนขนาดนี้ไม่ให้กูยกชามซดไปเลยหล่ะ


   “ หมดเลยหรอวะพี่”


   “ เออ ถ้าหมดกูจะแบ่งให้” พี่กรมพร้อมกับเพื่อนๆของเขาตั้งหน้าตั้งตากินอาหารทะเลยั่วผมด้วยความเอร็ดอร่อย ส่วนผมก็ได้แต่นั่งก้มหน้ากินก๋วยเตี๋ยวไก่ยี่สิบชามตรงหน้าอย่างพะอืดพะอม


   “ ไอ้เสือเอ็งก็แบ่งน้องมันไป พ่อหล่ะสงสาร” ท่านอัศวินผู้ขี่ม้าขาวมาโปรดบอกลูกชายตัวเองที่ตอนนี้ตั้งหน้าตั้งตายกหอยขึ้นมาดูดเสียงดัง


จ๊วบ!


   อือฮือ ท่าดูดหอยนี้ท่านได้แต่ใดมา ผมอยากจะบรรยายให้ถูกคนเห็นภาพว่าผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่งยกหอยนารมตัวใหญ่ขึ้นมา จัดแจงใส่น้ำจิ้มซีฟู๊ด พริกเผา หอมเจียว บีบมะนาวเพิ่มความเปรี้ยว ก่อนที่จะยกหอยใหญ่ๆอูมๆขึ้นมาเหนือปากและดันตัวหอยเข้ามาด้านใน แต่ด้วยความที่หอยมันใหญ่กว่าปากของเขา ทำให้พี่มันแลบลิ้นออกมาเพื่อลองตัวหอยที่ยังยัดไม่เข้า ก่อนที่พี่มันจะตะหวัดลิ้นดูหอยตัวใหญ่เข้าไป จนน้ำจิ้มทะลักออกมาจากปาก จนผมต้องกลือนน้ำลายความด้วยความอยากเมื่อเห็นภาพตรงหน้าที่ยั่วยวนผมยิ่งนัก


   “ มันทำตัวมันเองพ่อ ไอ้เด็กนี่มันแสบ” เมื่อพี่มันเขี้ยวหอยจนหมดปากพูดออกมาพร้อมกับสายตาที่มองมาทางผมด้วยความสมน้ำหน้าอย่างที่มันไม่สามารถปกปิดเอาไว้ได้ ถ้าจะด่าทางสายตาขนาดนี้ด่าผมออกมาตรงๆเลยก็ได้ ผมไม่โกรธแล้วครับ


   “ แสบอะไรผมไม่ใช่พริกใช่เกลือ”


   “ เห็นไหมพ่อเถียงแม่งทุกคำ เอ้า แดกเปลือกไป” พี่กรมโยนเปลือกหอยที่ตัวเองดูดลงมาใส่ชามก๋วยเตี๋ยวของผม จนเปลือกมันหายเข้าไปในเส้นอืดๆที่ผมเอาแต่เขี่ยเล่นหลังจากที่ผมกินไปสามชาม แค่นี้ผมก็จะกลิ้งแทนเดินแล้วครับ


   “ ผมไม่ไหวแล้ว” ผมเลื่อนชามก๋วยเตี๋ยวให้ออกห่างจากตัวของผม “ ท่านอัศวินครับผมไม่ไหวแล้วครับ”


   “ ไม่ไหวก็พอไอ้หนู”


   “ ไม่ แดกเข้าไป ถ้ากูกินอิ่มแล้วมึงยังแดกไม่ถึงสิบชามกูเอาราดมึงแน่ไอ้น้องผี” ครั้งนี้สายตาของพี่กรมดูจริงจังกว่าทุกครั้ง นั่นทำให้ผมตัดสินใจฮึดสู้อีกครั้ง ผมจะไม่เล่นแบบนี้อีกแล้วถ้ารู้ว่าสุดท้ายคนที่รับผิดชอบก็คือตัวผม ตอนนั้นก็คิดแค่เอาสนุก แต่ที่ไหนได้ตอนนี้กูดันกลายเป็นทุกข์ไปสะงั้น


   “ กุ้งโคตรหวาน” เสียงของไอ้พี่เทพดังขึ้นเรียกร้องความสนใจผมไปทันทีที่พี่มันพูดออกมาแบบนั้น ทำให้ผมหันไปมองท่าเอากุ้งเข้าปากอย่างน้ำลายสอ


   “ มึงๆ ปูโคตรเด็ด” พี่วินหยิบปูขึ้นมาโชว์พร้อมกับน้ำจิ้มแซ่บๆจนผมต้องแอบกลืนน้ำลายลงคอ


   “ ไข่ปลาหมึกอย่างมัน” พี่คินใช้ส้อมจิ้มไข่ปลาหมึกสามสี่ชิ้นซ้อนกันพร้อมกับจิ้มน้ำจิ้มซีฟู๊ดก่อนจะยัดเข้าปากของเขาคำโตๆ


   “ ปลาก็ดีมึง” พี่กรมจิ้มเนื้อปลาขาวๆอวบๆขึ้นมาชูให้เพื่อนๆของเขาดู จังหวะนั้นที่ผมไม่สามารถควบคุมตัวเองได้แล้วจึงกระโดดไปงับปลาจากส้อมของพี่กรมเข้าปากทันที


   “ โคตรอร่อย!” ผมเคี้ยวแค่สองสามทีก่อนจะรีบกลืนมันลงคอเพราะกลัวว่าพี่กลมมันจะแย่งเอาคืน


   “ น้องผี!!”


   “ ขอโทษ...เมื่อกี้ผมไม่รู้ตัวเลย เหมือนมีอะไรเข้าสิงผมอะพี่”


   “ ตลกแดกนะมึง” พี่กรมส่ายหัวให้ผมด้วยความรู้สึกที่น่าจะเอือมผมเต็มทน จนกระทั่งผมเป็นฝ่ายยอมแพ้ไม่กินก๋วยเตี๋ยวต่อเพราะผมอิ่มจนไม่ไหว และยอมโดนพี่ๆเอาก๋วยเตี๋ยวราดหัวแต่ดีที่พี่กรมไม่ได้ทำจริงๆ โดยเขาให้เหตุผลว่าเดี๋ยวหินอ่อนที่บ้านเขาเปื้อน ทำให้ตอนนี้ผมพี่กรมพี่เทพพี่คินและพี่วินมานั่งเล่นอยู่นอกบ้านพร้อมกับเครื่องดื่มแอลกอฮอลหลากหลายยี่ห่อพร้อมกับมิกซ์เซอร์ที่มีให้เลือกแบบจุกๆกันไปเลย ใครใคร่จะผสมอะไรก็แล้วแต่ความต้องการ ต้องขอขอบคุณท่านอัศวินที่อภินันทนาการเครื่องดื่มเหล่านี้ให้พวกผม


   “ น้องผีนอนบ้านกูก็แล้วกัน”


   “ ครับ แล้วพวกพี่ๆละ” ผมก็ง่ายนะครับเขาชวนนอนบ้านไอ้ผมก็ตอบตกลงทันที ประหยัดค่าแอร์ผมไปมากเลยทีเดียว


   “ นอนหมดแหละ พ่อกูคงไม่ให้ขับรถตอนเมา”


   “ อ่ะ น้องผีของมึง” พี่กรมยื่นแก้วเหล้าที่พี่เทพผสมมาให้ผม “ มึงแดกเหล้าได้ไหม ถ้าไม่ก็เอาน้ำอัดลม”


   “ ไม่พี่ ผมกินได้ๆ” ผมรีบแย่งแก้วพี่มันทันทีก่อนที่พี่กรมจะเอาแก้ผมวหนีไปทางอื่น ข้าวฟรี เหล้าฟรี ที่พักฟรี ไม่มีอะไรดีไปมากกว่านี้แล้วแหละครับผม คบกับพวกพี่ๆก็ดีเหมือนกัน


   หวังว่าทุกคนจะไม่ได้บอกว่าผมเกาะพี่มันกินจนมากเกินไปนะครับ เพราะนี่ยังไม่ถึงครึ่งทางที่ผมจะเกาะ






PS. ไม่ใช่พี่ไม่จัดการแต่พี่เสือเขามีวิธีที่ทำให้น้องต้องทรมานมากกว่า ไอ้น้องจะเข็ดไหมก็อีกเรื่องหนึ่ง 5555555555555

PS. ฝากเพจจ้าาาาา ไก่ทอดมาแล้วจ้า (https://www.facebook.com/Kaitodmalewja-769692296744615/?ref=bookmarks)
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ตอนที่ 2.3 (08/02/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: คุณซี ที่ 09-02-2019 09:42:53
ไอ้หนูผี เซลฟี่ซะท่านอัศวินเสียอาการ
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ตอนที่ 2.3 (08/02/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: nikpook ที่ 09-02-2019 10:10:27
55555อิพี่มันร้าย น้องผีมันเข้าทางพ่อนะเนี้ย :hao3: อ่านตอนกินอาหารทะเลแล้วรู้สึกหิวมากไม่ทรมานน้องผีคนเดียวทรมานคนอ่านด้วยอยากกิน :hao5: สนุกมากๆอ่านไปก็รู้สึกว่าพี่เทพเป็นพระเอกหรือเปล่า หรือพี่กรมค่าตัวแพง น้องผีคงจำไปอีกนานก๋วยเตี๋ยว20ถุง เขาเรียกหัวเราะทีหลังดังกว่าใช่มั้ย5555  เกรียนมาเกรียนกลับไม่มีโกงกันเลยทีเดียว :m20: มาต่อเร็วๆน้า สนุกมากเป็นกลจให้นักเขียนสู้ๆ :กอด1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ตอนที่ 2.3 (08/02/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 09-02-2019 16:05:23
ขำอีน้องพีตลอด
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ตอนที่ 3.1 (09/02/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: KJH177 ที่ 09-02-2019 22:37:08
บทที่ 3.1
น้องเมาพี่ก็มึน


   เวลาผ่านไปเกือบๆจะเที่ยงคืนผมยังคงกินเหล้าไม่หยุดเลยครับตั้งแต่หัวค่ำ พี่มันชงยื่นชงยื่นมาให้ผมเรื่อย ไอ้ผมตอนที่ได้ของฟรีปากมันก็จะปฏิเสธไม่ได้เอาแต่รับมากระดกอยู่นั้นจนถึงตอนนี้ไม่รู้ว่าเป็นเพราะผมงกหรือว่าอะไร ซึ่งนานๆทีผมจะได้กินเหล้าแบบนี้มันรู้สึกดีมากครับ เลือดลมสูบฉีดดีมาก มากจนบางทีมันก็ดีจนเกินไปทำให้ผมรู้สึกร้อนข้างในตัวอย่างไม่มีสาเหตุ


   “ พี่! ผมร้อน!” ผมลืมบอกไปว่าเวลาที่ผมเมาโคตรนักเลง ต่อยได้ต่อย เตะได้เตะ แต่ถ้าถึงจุดสูงสุดของลิมิตของผมแล้วนั้น ผมจะหลับไปเลยโดยที่ผมไม่รู้ล่วงหน้า


   “ แก้ผ้า เอาเลย แก้เลย แก้เลย” เสียงยุโยงของใครก็ไม่รู้ดังขึ้นทำให้ผมกล้าที่จะลุกขึ้นยืนบนเก้าอี้ที่ผมนั่งอยู่ในตอนแรกและไม่กลัวว่าเก้าอี้มันจะหักหรือพังขึ้นมา เพราะผมมั่นใจว่าถึงผมจะล่ำแต่ผมไม่ได้อ้วนแน่นอน


   “ จะถอดละน้า” เสียงอ้อมแอ้มของผมที่ไม่ได้จะตั้งใจพูดออกมาให้มันดูน่ารัก เปล่งเสียงออกมาเสียงดังเรียกสายตาของพี่ๆที่กำลังนั่งซดเหล้ากันอยู่ให้มองมาที่ผม


   “ เอาดิ กูอยากดูของแปลก” ถ้าจำไม่ผิดผมว่าเสียงนี้น่าจะเป็นเสียงของพี่กรมที่พูดขึ้นอย่างไม่ห้ามปราม น้ำเสียงของเขาออกจะดูสนุกด้วยซ้ำที่จะได้เห็นของแปลกอย่างที่ปากเขาพูด


   “ ไม่ได้แปลกน้า ของดี ของน่ารัก” ผมก้มลงโก่งโค้งให้ตูดของผมโด่งออกมาเพื่อยั่วยวนพี่ๆอย่างลืมตัวเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล


   “ กูอยากกระโดดเตะแม่ง กวนตีนฉิบหาย” พี่เทพที่นั่งมองผมอยู่พูดออกมาพร้อมกับยกซดเหล้าในแก้วของตัวเอง


   “ ชิ้นแรกที่น้องจะถอดก็คือ........” ผมบีบเสียงตัวเองให้ดูเล็กน่ารักพร้อมกับค่อยๆถอดเสื้อตัวเองออกแล้วโยนทิ้งไปที่ไหนสักที่ทำให้ตอนนี้ในตัวผมเหลือเพียงแค่กางเกงอย่างเดียวเท่านั้น


   “ ถ่ายรูปแม่ง”


   “ ยั่วๆค้า ยั่วๆ บดๆ” ผมเต้นอะไรไม่รู้ออกมาเพราะผมไม่สามารถมองการกระทำที่ทุเรศของตัวเองได้ รู้ตัวอีกทีผมก็กระโดดลงจากเก้าอี้ไปเต้นอยู่ด้านหน้าของพี่กรมมันแล้ว


   “ เสี่ยค้า น้องพีของเงินค้า” ผมเต้นแอ่นหน้าอกตัวเองเข้าไปใกล้พี่กรม แต่พี่กรมมันไม่ได้มีอารมณ์ร่วมกับผมสักเท่าไหร่เพราะพี่มันเอามือดันหน้าอกของผมให้ออกห่างจากตัวของตัวเองเท่าที่จะผลักไสผมได้


   “ เอาตีนกูแทนเงินหนิ” พี่กรมยกเท้าขึ้นมาให้ผมแทน


   “ หยาบคาย ไม่เล่นด้วยละ” ไอ้ที่ผมบอกว่าผมเมาแล้วจะกลายเป็นนักเลงนี่ลืมๆมันไปนะครับ นักเลงอะไรจะออกสาวขนาดนี้


   “ พี่วินของน้อง เอาแบงค์พันมายัดเสื้อในน้องเร็วค้า” ผมแอ่นอกไปหาพี่วินที่นั่งติดๆอยู่กับพี่กรมแทน พร้อมใช้มือดันนมของตัวเองให้ชิดเพื่อเสริมสร้างความสวยของหน้าอกประหนึ่งว่าผมเป็นผู้หญิงจริงๆ


   “ ไหนเสื้อในมึง” พี่วินวางแก้วเหล้าลงบนโต๊ะก่อนที่พี่มันจะดึงเอวผมเข้าไปใกล้ตัวเอง


   “ รุ่นใหม่ค้า ล่องหนค้า ไม่เชื่อลองยัดมาค้า” ไอ้ผมก็ไม่นึกหวงตัวเองเลยครับ ให้ผู้ชายจับให้ผู้ชายโอบจนน่าเกลียดและทุเรศแบบนี้ ให้พี่วินผมว่ามันต้องแอบชอบผมแน่ๆเพราะผมรู้สึกว่ามือของพี่มันบีบตรงเอวผมแปลกๆ


   “ ตลกฉิบหาย” จากที่โอบเอวด้วยความทะนุถนอมในตอนแรก ได้แปรเปลี่ยนมาเป็นสองเท้าที่ใช้ถีบตัวผมให้ออกจากตัวของเขาด้วยความรังเกียจ


   “ ฮ่าๆ” ผมไม่รู้ว่าใครระเบิดหัวเราะออกมาบ้างแต่ที่รู้ๆตอนนี้ผมอยากเล่นน้ำ


   “ ไม่มีใครยัดน้องจะไปให้โพไซดอลยัดแล้วนะค้า” ตาของผมเหลือบไปเห็นสระน้ำสีเขียวมรกตตรงหน้า ด้วยความร้อนหรือความหลอนของผมก็ไม่รู้ทำให้ตอนนี้ผมยกมือขึ้นเหนือหัวและพุงหลาวออกไปในสระทันทีประดุจดั่งนางเงือกที่กำลังจะกลับไปเล่นน้ำในมหาสมุทร


ตูม!!


   “ ฉิบหาย!”


   “ ช่วยด้วยค้า อ็อก!”



Jaokom’s talk


   ผมว่าผมไม่ได้เมานะ แต่ทำไมผมเห็นร่างของไอ้น้องผีมันกระโดดไปในพุ่มหญ้าของบ้านผมวะประหนึ่งว่าพุ่มหญ้านั้นเป็นสระว่ายน้ำ กูอยากจะบ้าตาย ผมรีบลุกขึ้นยืนทันทีแต่ยังไม่ทันที่ผมจะพุ่งตัวไปหาไอ้น้องผีความมึนนิดๆของผมทำให้ผมเกือบเสียหลักล้มอยู่เหมือนกัน จนผมค่อยๆยืนและตั้งสติอยู่กับที่สักพัก


   “ ไอ้เชี่ย! เลือดหัวน้องมันแตก” ไอ้คินที่อยู่แถวๆนั้นรีบลุกขึ้นไปดูทันทีที่น้องผีกระโดดกางแขนกางขาลงไปในพุ่มไม้อย่างสวยงาม โดดแรงขนาดนั้นผมว่าไม่แตกก็น่าจะคลั่งแน่นอนครับ   


   “ ไหนกูดูดิ” เมื่อผมทรงตัวได้เองแล้วค่อยๆเดินไปหาน้องผีที่นอนคว่ำหน้าอยู่ที่พื้น ผมก้มลงไปมองน้องผีที่ตอนนี้เนื้อตัวเต็มไปด้วยเศษฝุ่นเศษหญ้า แถมที่หน้าผากของน้องมันมีเหลือดไหลออกมาอย่างที่ไอ้คินพูดจริงๆ


   “ เอาไงมึง” ไอ้เทพที่เริ่มสร่างเมาถามขึ้น


   “ ไปโรงบาล มึงไปเอารถออกมา” ผมตะโกนบอกไอ้เทพให้ไปรถออกมาเพื่อพาเด็กผีไปโรงพยาบาลส่วนผมสามคนที่เหลือก็ช่วยกันแบกร่างเตี่ยล้ำของไอ้เด็กผีออกมาจากพุ่มหญ้าเพื่อออกไปรอรถที่ไอ้เทพกำลังขับออกมา


   “ เจอไหมละโพรไซดอนมึง” ผมพูดกับร่างไร้สติของไอ้พีที่ตอนนี้เลือดไหลลงมาเปื้อนเต็มหน้าของน้องมัน ไอ้ผมก็อยากจะเช็ดเลือดออกให้นะ แต่ว่าผมไม่มีอะไรที่จะสามารถเช็ดได้ จะเอาเสื้อที่ใส่อยู่ของผมเช็ดให้ก็เสียดาย เสื้อของผมมันก็แพงเกินกว่าจะเอามาเป็นผ้าเช็ดหน้า


   “ ถ้าปล่อยไว้เลือดแม่งเปื้อนรถไอ้เทพแน่ๆ” ไอ้วินพูดขึ้นทำให้ผมตัดสินใจเอาหัวของไอ้วินมาซุกเข้าที่บริเวณอกของผมเพื่อให้เลือดมันถูกเสื้อซับเอาไว้ แต่ทำแบบนั้นมันก็ไม่ต่างจากที่ผมจะถอดเสื้อให้มันไม่ใช่หรอครับ ช่างแม่ง! เอาเป็นว่าทำอย่างไงเพื่อไม่ให้เลือดไอ้พีไหลออกเยอะกว่านี้ก็เป็นพอ


   หลังจากนั้นรถของไอ้เทพก็ขับมาพอดีทำให้พวกผมยัดไอ้พีลงหลังรถส่วนไอ้วินไปนั่งหน้าผมนั่งชิดขวาเอาหัวมันมาซบกับอกส่วนไอ้คินนั่งชิดซ้ายไปอีกฝั่ง


   “ โรงบาลไหนวะมึง” ไอ้เทพถามขึ้นหลังมันขับออกมาจากบ้านผมได้สักพัก


   “ ขับออกซอยไปถนนใหญ่มีโรงบาลอยู่”


   “ งื้อออ เจ็บ” ไอ้เด็กผีขยับตัวเล็กน้อยก่อนที่มันจะซุกหัวเข้ามาที่อกผมแน่นกว่าเดิม


   “ สมควร” ไม่รู้ดิผมไม่เคยปลอบคนเอาเป็นด่าปลอบไปก่อนก็น่าจะเหมือนกัน ถึงปลอบด้วยคำพูดดีๆแค่ไหนแผลที่หน้าไอ้พีก็ไม่น่าจะหายเจ็บ “ เล่นไม่รู้เรื่อง”


   สักพักรถก็เลี้ยวเข้าโรงพยาบาลทันทีทำให้ตอนนี้ไอ้วินกับไอ้คินวิ่งลงไปเอารถเข็นมาจอดตรงหน้าผมพร้อมกับช่วยกันยกร่างไอ้พีขึ้นไปนั่งบนรถเข็น จะให้ผมอุ้มก็คงจะไม่ไหวไอ้พีมันไม่ได้ตัวเล็กๆน่ารักจะเรียกได้ว่าเล็กกว่าควายนิดเดียวก็ยังได้เลย


   “ เป็นไรมาครับ” ผมบังเอิญเดินสวนกับหมอที่เดินชงกาแฟเข้ามาในห้องฉุกเฉินด้วยท่าทางชิวๆ ถ้าตอนนี้พวกผมทำแผลให้ไอ้พีได้ผมก็ทำไปแล้วครับ ขนาดเข็นไอ้พีเข้ามาในห้องยังไม่มีใครสนใจพวกผมเลย อย่างนี้แหละครับดึกแล้วก็เป็นธรรมดา


   “ หัวแตกครับ” ผมตอบหมอออกไป


   “ งั้นผมขอดูหน่อย” หมอวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะข้างๆก่อนจะใส่ถุงมือยางจับบริเวณหน้าผากของไอ้พีที่นอนคอตกไม่รู้เรื่องอยู่บนรถเข็น


   “ ผมไม่ต้องออกไปรอข้างนอกหรอครับหมอ” ไอ้วินเป็นคนถาม ผมก็งงเหมือนกันปกติเขาต้องไล่ญาติหรือคนที่พามาไปนั่งรอข้างนอกห้องไม่ใช่หรอวะ แต่หมอไม่ได้ตอบอะไรเพียงแค่ยิ้มออกมาให้ผมกับไอ้วินแทน


   “ ดึกแล้วครับอยู่ในนี้แหละหมอเหงา ออกไปก็ยุงกัดเอาเปล่าๆ” แบบนี้ก็ได้หรอวะ?


   “ แล้วพยาบาลไปไหนละครับ”


   “ ออกเวรไปหมดแล้ว” หมอเตรียมเข็มขึ้นมาดูดยาอะไรบางอย่างก่อนที่เขาจะใช้ให้ผมที่ยืนอยู่ข้างๆเป็นคนช่วยหยิบจับของยื่นให้เขาแทนหน้าที่พยาบาล


   “ เอาสำลีเช็ดที่เลือดให้ผมหน่อย เดี๋ยวผมจะฉีดยาชาก่อนแล้วค่อยเย็บ” ผมก็ได้แต่งง แต่ก็ทำตามคำสั่งของหมอโดยการใช้มือเปล่าหยิบสำลีขึ้นมาเช็ดรอบๆแผลให้ไอ้พี ผมไม่รู้ว่าผมลงมือหนักไปรึเปล่าเพราะไอ้พีดูสะดุ้งเล็กน้อยตอนที่ผมจิ้มสำลีไปที่แผล


   “ ไอ้กรมเขาใช้ให้เช็ดรอบๆไม่จิ้มที่แผล มานี่ๆ” ไอ้คินผู้รู้ดีแย่งสำลีในมือของผมมาเช็ดให้ไอ้พีแทน


   “ พวกคุณล้างมือกันรึยังครับ”


   “ ยังครับ” ผมตอบพร้อมกับไอ้คินทันทีที่หมอถาม


   “ ผมก็ยังเหมือนกัน” เอ้า! ผมกับไอ้คินต่างหมอหน้ากันแปลกๆเมื่อหมอพูดออกมาแบบนั้น จนผมสงสัยว่าหมอเป็นหมอจริงๆหรือเปล่าววะ


   “ ฉีดละนะครับ” หมอใช้เข็มจิ้มลงบนหน้าผากใกล้ๆบริเวณแผลของไอ้พีด้วยน้ำหนักมือที่ผมมองอย่างไรก็แรง
จึก!


   “ จ๊ากกกกกกกกกกก!!!!” เสียงของไอ้พีร้องดังลั่นโรงพยาบาลทันทีที่เข็มจิ้มลงบนหน้าผากของมันพร้อมกับเข็มของหมอที่ปักคาหน้าผากของมันเอาไว้จนมิดด้ามแหลมของปากเข็ม


   “ หมอ! ไม่เอาออกอะครับ” ผมตกใจจนทำอะไรไม่ถูกเมื่ออยู่ๆหมอก็ยืนนิ่งไปทันทีที่ทิ่มเข็มลงบนหน้าไอ้พีอย่างนั้น


   “ ฮ่าๆๆๆ” เชี่ย! อยู่ๆหมอก็ตะโกนหัวเราะชอบใจออกมา ผมกับไอ้คินมองหน้ากันเลิกลั่กไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรต่อไป ไอ้พีตอนนี้ก็หลับตาร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บ ส่วนไอ้หมอนี่ก็ยืนหัวเราะเหมือนคนบ้า ครั้งที่ผมจะเอาเข็มออกให้น้องมันผมก็ดันไม่กล้ากลัวว่าเอาออกมาแล้วน้องมันจะเจ็บกว่าเดิม ก็ได้แต่ปล่อยให้เข็มมันคาอยู่บนหน้าผากของไอ้พีมันอย่างนั้น


ปึง!


   “ เอ้า!” พวกผมที่อยู่ในห้องงงเป็นไก่ตาแตกไปเลยครับ เมื่ออยู่ๆไอ้เทพกับไอ้วินเข้ามาพร้อมกับหมอและพยาบาลอีกสามคน ที่ดูเหมือนว่าจะเป็นพยาบาลกับหมอจริงๆ อย่าบอกนะว่าไอ้หมอที่ทำแผลให้ไอ้พีจะไม่ใช่หมอจริงๆอย่างที่ผมคิด.......



PS. สงสารน้องผีมากๆแต่แอบสะใจเบาๆ 555555555555555 เป็นกำลังใจให้น้องผีตัวเล็กๆ(?) ด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ตอนที่ 3.1 (09/02/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: nikpook ที่ 09-02-2019 22:57:54
1.น้องผีไม่ควรเมา 2.น้องผีไม่ควรเมา...100.น้องผีไม่ควรเมา ความสาวมาเต็มมากอ่ะมีความยั่วๆเผ็ชๆไปอีก5555 แต่วงวานตอนน้องพุ่งไปหาโพไซดอนก็คิดอยู่ว่าน้ำอะไรมันสีเขียวทั้งขำทั้งสงสาร+แอบสะใจกับนักเขียน :laugh: น้องผีไม่ใช่ตัวเอกน้องผีเป็นคนที่โดนนักเขียนเกลียดใช่มั้ย55555 แต่ล่ะอย่างที่น้องผีโดนคือบับตบเกรียนแตกมากตอนน้องผีโดนเอาคืนคือแสบๆทั้งนั้นเลยให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัวแบบแท้ทรู :m20: แล้วช่วงสุดท้ายคือสงสารน้องผีหนักมากหัวแตกไม่พอเจอหมอปลอมอีกควรทำบุญอ่ะแต่มันก็ขำอยู่ดี :laugh: แล้วที่พี่กรมจับหัวน้องซบอกเนียนนะเนียนเก่ง :hao7: สนุกทุกตอนเลยทุกตอนคือฮามากไม่มีตอนไหนที่อ่านแล้วไม่ยิ้ม :-[ เลิฟเลิฟนักเขียน ขอบคุณที่มาต่อเร็วมากๆ ตอนนี้ก็อยากอ่านตอนต่อไปแล้วอยากรู้ว่าอิหมอปลอมคือใครวงวานน้องผี :m20:  เป็นกลจให้นักเขียนจ้า มาต่อเร็วๆน้า :กอด1: :3123: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ตอนที่ 3.2 (10/02/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: KJH177 ที่ 10-02-2019 14:49:50

บทที่ 3.2
น้องเมาพี่ก็มึน

        “ เอ้า!” พวกผมที่อยู่ในห้องงงเป็นไก่ตาแตกไปเลยครับ เมื่ออยู่ๆไอ้เทพกับไอ้วินเข้ามาพร้อมกับหมอและพยาบาลอีกสามคน ที่ดูเหมือนว่าจะเป็นพยาบาลกับหมอจริงๆ อย่าบอกนะว่าไอ้หมอที่ทำแผลให้ไอ้พีจะไม่ใช่หมอจริงๆอย่างที่ผมคิด.......


   “ คุณชาติอีกแล้วนะคะ” พยาบาลตรงมาล็อคตัวของคนที่อ้างว่าเป็นหมอตั้งแต่แรกออกไปทันที ทิ้งให้พวกผมมองหน้ากันอ้าปากค้างกับเหตุการณ์ที่เกิด คราวซวยของไอ้พีได้มาเยือนเป็นที่เรียบร้อย


   “ คนไข้แผนกจิตเวชครับเขาชอบอ้างตัวว่าเป็นหมอ เดี๋ยวหมอขอดูอาการหน่อยนะ” อันนี้ผมควรเชื่อว่าเป็นหมอจริงๆถูกไหม


   “ หมอจริงๆใช่ไหมครับ” ผมถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ


   “ ครับ หมอจริงๆ” คุณหมอยิ้มให้ผมเล็กน้อยก่อนที่เขาจะหันมาหาพวกผมทั้งหมด “ เชิญออกไปรอข้างนอกก่อนนะครับ ผมขอโทษกับเหตุการณ์เกิดขึ้นจริงๆ”


   พวกผมทำตามคำสั่งของหมอเดินออกไปรอข้างนอกห้องฉุกเฉินกันทั้งหมดก่อนจะออกไปด้านนอกผมหันไปมองชะตากรรมของไอ้พีอีกครั้ง เข็มฉีดยายังคงปักคาอยู่ที่เดิมถ้าผมมองไม่ผิดผมมองเห็นตัวไอ้พีกระตุกๆเป็นระยะ ผมหวังว่าน้องมันจะไม่เป็นอะไรมากกว่านี้


   “ กูก็ว่าแปลก” ทันทีที่ออกมานอกห้องไอ้คินที่อยู่ในเหตุการณ์กับผมพูดขึ้น


   “ ไหนเล่าดิ” ไอ้วินที่อยู่ข้างนอกรอเป็นเพื่อนไอ้เทพที่ไปจอดรถเลยไม่ได้ตามผมสองคนเข้ามาในห้องเอ่ยปากถามเรื่องทั้งหมด


   “ กูสองคนเข็นไอ้พีมันเข้าไปในห้องเจอหมออยู่ แล้วแม่งก็ใช้พวกกูหยิบนู้นนี้เช็ดแผลให้ไอ้พีประหนึ่งว่ากูเป็นพยาบาล” ไอ้คินเล่าอย่างออกรสออกชาติ “ แม่งเอาเข็มปักหน้าผากไอ้พีพวกกูนี่เหวอเลย” จังหวะนั้นพวหผมเหวอกันจริงๆนะครับ ไม่คิดว่าไอ้หมอบ้านั้นจะปักคาไว้แล้วหัวเราะชอบใจออกมา


   “ เออ กูเข้ามาก็เห็น ได้ยินเสียงไอ้พีมันแหกปากด้วย” ไอ้เทพพูดแทรกขึ้น


   “ มึงไปเจอหมออย่างไงวะ” เพราะตอนที่ไอ้เทพกับไอ้วินเข้ามาทั้งสองคนมาพร้อมกับหมอและพยาบาล


   “ ตอนกูจอดรถกูก็เห็นพยาบาลกับหมอวิ่งหาอะไรกันอยู่ เขาเลยวิ่งมาถามกูว่ากูมาทำอะไรดึกๆกูก็บอกไปว่าน้องหัวแตก แค่นั้นแหละหมอกับพยายามรีบวิ่งกรูมาที่ห้องฉุกเฉินเลย” สงสัยว่าหมอกับพยาบาลที่เป็นเวรวิ่งหาคนไข้ที่เป็นหมอปลอมที่ผมเจอแน่ๆ


   “ กูละสงสารไอ้พีจริงๆ”


   “ เออ”


   “ กูก็ด้วย” สงสัยออกมาพวกผมต้องปลอบขวัญมันชุดใหญ่แล้วแหละครับ พวกผมก็คุยกันต่อไปเรื่อยๆจนกระทั่งหมอเดินออกมาจากห้องฉุกเฉินตรงมาทางผมกับเพื่อนๆที่นั่งรอกันอยู่


   “ คนไข้หมอทำแผลให้เรียบร้อยแล้วนะครับเย็บไปเจ็ดเข็ม แต่ว่า...ยาชาที่ถูกฉีดไปเกินขนาดอาจมีผลจนถึงเช้า”


   “ โถ่ ไอ้พี” ไอ้เทพถอนหายใจออกมาทันทีที่ได้ยินหมอพูดแบบนั้น


   “ มันจะตึงๆหน่อยนะครับ อีกสักพักเดี๋ยวพยาบาลเข็นออกมา” ผมเดินตามหมอไปเพื่อไปชำระค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดและรับยาแก้บวมแก้ช้ำมาด้วย


   เมื่อผมเดินกลับมาก็เจอเข้ากับไอ้พีที่บนหน้าผากของมันมีผ้าพันแผลอยู่พร้อมกับคอของมันที่เกร็งตลอดเวลาส่วนไอ้พวกเพื่อนผมก็พากันหัวเราะท่าทางของไอ้พีกันใหญ่


   “ พี่ ตึง” ไอ้พีพูดได้ทีละคำทันทีที่ผมเดินเข้าไปหามันพร้อมกับใช้นิ้วชี้ไปที่หน้าผากของมัน “ ผม หิว”


   “ มึงอย่าพึ่งมาหิวน้องผี” ผมอยากจะเข้าไปเขกหัวมันแรงๆหนึ่งทีเพราะหมั่นไส้ที่สร่างมาก็หิวหาของกินทันทีโดยที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร


   “ ผม หนาว” ผมก็ลืมไปว่าเสื้อของไอ้พีมันถอดออกตอนที่มันบ้ากามเมาอยู่บ้านทำให้ตอนนี้มันอยู่ในสภาพที่เปลือยท่อนบน “ หนาว หัว นม” ไอ้ห่า! พอมันพูดว่าหนาวหัวนมเท่านั้นแหละผมก้มมองนมมันแทบจะไม่ทัน เชื่อแล้วว่าหนาวจริงหัวนมตั้งขนาดนี้


   “ อดทนไปมึง เดี๋ยวก็ถึงบ้าน” ผมจะถอดเสื้อให้น้องมันก็ว่าไม่ใช่เรื่องเพราะเสื้อผมตอนนี้ก็เต็มไปด้วยเลือดของมันทั้งนั้น เอาเป็นว่าพี่เป็นกำลังใจเอาใจช่วยน้องให้หายหนาวอยู่ตรงนี้ก็แล้วกัน




Pee’s talk


   ผมสาบานกับตัวเองเอาไว้ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นผมจะไม่มีทางเมาอีกเด็ดขาด ไอ้พวกพี่แม่งก็ไม่ห้ามกันเลยแถมยังถ่ายคลิปตอนที่ผมบอกว่าจะไปหาโพรไซดอนบ้าบออะไรนั่นอีกก่อนจะกระโดดเข้าไปในโพรงหญ้า ไอ้ฉิบหาย! อย่าให้คลิปหลุดออกไปเชียว รู้ถึงไหนอายยันโคตรพ่อโคตรแม่เลยครับ คิดแล้วก็โมโห


   “ กูยังตลกอยู่เลยไอ้พี” ตอนนี้ก็เช้าของอีกวันแล้วไอ้พี่กรมสั่งให้แม่บ้านทำข้าวต้มร้อนๆไว้ให้พวกผมเพื่อแก้อาการแฮงค์จากเมื่อวานกัน


   “ ตลกก็ขำพี่” ผมยกถ้วยข้าวต้มขึ้นมาซดอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว ผมไม่อยากจะมองหน้าพี่คนไหนเลย พอผมมองแม่งก็ระเบิดหัวเราะออกมากัน หน้าผมมันเหมือนตลกมากรึไง๊! อยากจะตะโกนถามดังแต่ติดที่ว่ายังตึงๆเพราะไอ้ฤทธิ์ยาชาเวรนั่นอยู่


   “ กูขำฉิบหายเวลาที่คิดถึงตอนที่มึงโดนเอาเข็มปักหัวอะ” พี่คินพูดขึ้นพร้อมกับหัวเราะออกมาเหมือนไม่เคยหัวเราะมาก่อน

 
   “ อย่าให้ถึงทีพี่ก็แล้วกัน ผมจะขำบ้าง” ผมหยิบโทรศัพท์ออกมาเล่นหลังจากที่ผมกินข้าวเสร็จเพราะตอนที่ผมกินข้าวผมจะไม่เล่นโทรศัพท์เหมือนที่ทุกคนรู้ดี ทันทีที่ผมเปิดโทรศัพท์ก็ไม่มีการแจ้งเตือนอะไรเพราะผมไม่ได้เปิดเน็ต


   “ พี่ขอรหัสหน่อยดิ” ผมยื่นโทรศัพท์ไปให้พี่กรมที่ยังกินข้าวไม่เสร็จ


   “ กินข้าวอยู่ไม่เล่นโทรศัพท์” คำพูดพี่กรมที่คุ้นๆนะครับเหมือนเคยได้ยินที่ไหน อ่อ! ผมรู้ละคำพูดของผมเอง


   “ พี่ ผมกินเสร็จแล้ว”


   “ กูยังไม่เสร็จกูไม่ให้” พี่กรมย้ำกับผมก่อนที่เขาจะไม่สนใจผมอีก ผมโมโหอยู่กับตัวเองทำให้ผมเดินออกจากโต๊ะอาหารเพื่อไปหาตัวช่วยที่ผมจะใส่รหัสไวไฟให้ผมได้แน่ๆ


   “ ท่านอัศวินครับ” ผมเดินเข้าไปหาท่านอัศวินที่กำลังนั่งดูข่าวอยู่ในห้องนั่งเล่น


   “ ว่าไงไอ้หนู” ท่านหละสายตาจากหน้าจอเพื่อหันมาคุยกับผม


   “ ผมขอรหัสไวไฟได้ไหมครับ” ผมยื่นโทรศัพท์ไปให้ท่านอัศวิน ท่านเองก็รับมาอย่างงงๆแต่ท่านก็ไม่ได้ถามอะไรจนกระทั่งผมได้ยินเสียงแจ้งเตือนดังขึ้นจากโทรศัพท์ของผม


   “ ขอบคุณครับ” ผมรับโทรศัพท์จากท่านอัศวินที่ยื่นมาให้ก่อนจะก้มลงเช็คดูแจ้งเตือนว่าใครทักมาบ้าง ก่อนที่ผมจะเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะกินข้าว


   “ จนได้นะมึง” พี่กรมส่ายหัวให้กับท่าทางของผมที่เล่นโทรศัพท์ไม่สนใจคนรอบข้างเพราะมัวตอบข้อความของเพื่อนๆที่ทักมาไดเรคไอจีมาแซวผมที่ได้ถ่ายรูปกับท่านอัศวินเต็มไปหมด แต่แล้วผมก็สะดุดตาเข้ากลับสตอรี่อันหนึ่งที่ผมเป็นคนถ่ายและโพสลงไอจีของตัวผมเอง


   ‘มาเด้อมา เต้นยั่วๆ บดให้เอวพังกันปาย น้องพีมาเต้นโชว์เด้อ’


   “ ไอ้ฉิบหาย” ผมนี่แทบลบไม่ทันเพราะทันทีที่ผมกดเข้าไปหน้าวีดีโอนั้นเสียงในคลิปก็ดังลั่นออกมาทำให้พี่ๆที่นั่งกินข้าวอยู่หัวเราะออกมาอีกรอบ


   “ พอมึงเมานี่โคตรสาวอะไอ้พี” พี่วินพูดขึ้น


   “ ผมเมาแล้วนักเลงมากกว่านะพี่” ผมก็ยังยืนยันว่าผมเมาแล้วผมนักเลงถึงแม้หลักฐานมันจะบอกว่าผมจะออกสาวก็เถอะ ไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น!


   “ นักเลงห่าอะไรมีเต้นยั่วๆ บดๆ” พี่เทพได้ฤกษ์แซวผมหลังจากที่เขาเงียบมานาน “ กูมีหลายคลิปเลยไอ้พี” พี่เทพโชว์โทรศัพท์ของพี่มันขึ้นมา


   “ กูมี” ---> พี่คิน


   “ กูก็มี” ---> พี่วิน


   “ กูด้วยน้องผี” เอากันเข้าไปครับทุกคนต่างเอาคลิปผมที่ตัวเองเป็นคนถ่ายออกมาโชว์พร้อมกับแชร์ลงกลุ่มไลน์ที่ผมเข้าไปอยู่ในกลุ่มของพี่แม่งตั้งแต่เมื่อไหร่ผมยังไม่รู้ตัว


   “ ใครลากผมเข้ากลุ่ม หล่อร้ายผู้ชายสารเลว ของพวกพี่วะเนี่ย” เอาจริงๆนะผมโคตรจะเกลียดชื่อกลุ่มของพวกพี่ๆเขาจริงๆครับ “ ขอซื้อต่อได้ไหม เปลี่ยนเถอะพี่ ชื่อไม่เป็นมงคลเลย”


   “ มึงมีเงินซื้อรึไงน้องผี” ผมได้แต่ถอนหายใจและมองบนเมื่อพี่กรมพูดดักขึ้น ก็รู้ว่ากูงกยังจะเอาเรื่องเงินมาพูดเล่นอีก คือเรื่องเงินผมโคตรจะจริงจังเลยครับ


   “ ให้เต็มที่เจ็ดร้อย” ผมก็แค่พูดไปงั้นผมเชื่อพี่มันไม่เอาเศษเงินของผมที่ไปเอาจากพีกรมมาอีกทีหรอกครับ


   “ ได้ โอนมา มึงจะตั้งชื่ออะไรก็เรื่องของมึง” ไอ้พี่กรมจอมเจ้าเล่ห์เปิดหน้าแอพลิเคชั่นเน็ตแบงค์มาจ่อที่หน้าของผมจนโทรศัพท์แทบจะทิ่มตา “ อย่าช้า”


   “ ผมพูดเล่น”


   “ กูเอาจริง” น้ำเสียงที่จริงจังของไอ้พี่กรมก็ทำให้ผมต้องจำยอมโอนให้พี่มันตามที่ผมพูด กูไม่น่าเล่นแบบนี้เลยครับ ลาก่อยเจ็ดร้อยของพ่อ


   “ ถ้าพี่เล่นแบบนี้ ผมก็จะเอาจริง ไม่รู้ละต่อจากนี้ทุกวินาทีผมจะเป็นเงินเป็นทองหมด” ผมยื่นโทรศัพท์ให้พี่มันดูว่าผมโอนเงินให้พี่มันเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้แค้นมากจะเล่นให้ขนหน้าแข่งพี่ล่วงเลยคอยดู


   “ ครับน้องผี จะกินไรเพื่อน กูเลี้ยงเองวันนี้” ไอ้พี่กรมยิ้มแฉ่งพูดอย่างป๋าหลังจากที่ผมโอนเงินให้ไอ้พี่มันไป

 
ติ้ง!



   น้องพีคือเทพ!!! ใหญ่กว่ามหาสมุทรคือกระจู๋น้องพี!!


   ด้วยความโมโหทำให้ผมตั้งชื่อกลุ่มออกไปตามอารมณ์ในตอนนี้ พี่ๆทุกคนต่างดูชื่อกลุ่มไลน์หลังจากที่แจ้งเตือนทุกคนดังขึ้น


   “ ไอ้พีมึงเอาอย่างนี้จริงดิ” ไอ้พี่เทพถามขึ้นหลังจากที่ก้มดูโทรศัพท์ของตัวเอง


   “ ครับพี่เทพ” ผมตอบอย่างมั่นใจ


   “ จู๋มึงใหญ่จริงดิ” พี่คินถาม


   “ วัดป่ะละ” ด้วยความไวของปากอีกแล้วที่ทำให้ผมท้าพี่คินออกไป เมื่อคิดได้ผมจึงค่อยๆพูดอ่อมแอ้มถอนคำพูด “ ผมล้อเล่น”


   “ นึกว่าจะแน่” มือของพี่คินนี่จับที่เข็มขัดจะถอดออกมาวัดกับผมแล้วครับ ดีที่ผมห้ามก่อนยังไม่อยากอ้วกออกมาตอนนี้เสียดายข้าวต้มที่พึ่งกินไป


   “ พี่ก็รู้ว่าผมป๊อด อย่ามาเอาแน่เอานอนอะไรกับผมเลยพี่” ประสบการณ์มันสอนให้ผมว่าอย่าพูดอะไรพล่อยๆออกมาถ้าทำไม่ได้


   “ เกรียนฉิบหาย” ไอ้พี่กรมยิ้มขำ


   “ ทุกคน” พวกผมพูดคุยกันเองอยู่สักพัก อยู่ๆท่านอัศวินก็เดินออกมาพร้อมกับการแต่งตัวที่เต็มกว่าเมื่อสักครู่ที่ผมไปขอรหัสไวไฟ เพราะตอนนี้ท่านแต่งตัวด้วยเสื้อคุมของพรรคการเมือง หมวกคาวบอย แว่นตาดำที่ดูอย่างไงก็พร้อมจะไปหาเสียง


   “ พ่อไม่เอาดิ” อยู่ๆไอ้พี่กรมก็พูดแทรกพ่อของเขาออกมาเหมือนว่าพี่กรมมันรู้ว่าพ่อกำลังจะพูดเรื่องอะไรกับพวกผม


   “ ใครไปช่วยพ่อหาเสียงวันนี้รับเงินไปคนละห้าพัน”


    “ ผม!” เสียงนั้นเป็นเสียงของใครไม่ต้องเดาให้ยากเลยครับ เสียงเก๊าเอง แฮะๆ


   “ กูให้มึงหกพันเลยไอ้ผี แต่ไม่ต้องไป” พี่กรมเริ่มปั่นเงินแข่งกับท่านอัศวิน


   “ ท่านให้ผมเท่าไหร่ครับท่านอัศวิน” ผมลุกขึ้นกอดอกอย่างใช้ความคิด ถึงเวลาโก่งราคาค่าตัวกันสักหน่อยหลังจากที่ผมเสียเงินไป


   “ เจ็ดพัน” ---> ท่านอัศวิน


   “ แปดพัน” ---> พี่กรม


   “ หมื่น” ---> ท่านอัศวิน


   “ อู้วววววว” อยู่ๆท่านอัศวินก็บิดจำนวนเงินที่ก้าวกระโดดทำให้พี่กรมได้แต่กัดฟันด้วยความโมโห ดูจากท่าน่าจะสู้ไม่ได้ ย้ายฝั่งซิครับรออะไร “ สู้ไหมพี่” ผมหันไปแหย่ไอ้พี่กรมที่ยืนหน้าไม่สบอารมณ์อยู่ข้างๆพ่อของเขา


   “ ไอ้หนูมากับพ่อ” ท่านอัศวินเรียกผมให้เดินไปกับท่าน เพราะท่านให้ผมไปขนเสื้อคอปกพร้อมกับเสื้อคุมของพรรคการเมืองออกมาแจกพี่ๆที่เหลือ


   “ เอาไปครับๆ” ผมเดินไปแจกพี่เทพ พี่วิน พี่คิน ก่อนจะเดินไปแจกคนสุดท้ายอย่างพี่กรม


   “ พี่ทำหน้าดีๆดิวะ แค่ช่วยพ่อเอง” ผมตบไหล่พี่มันเบาๆไปหนึ่งที่


   “ กูคิดว่ามึงจะเข้าใจกู แต่มึงก็เห็นแก่เงิน” อยู่ๆพี่กรมก็ดึงดราม่าใส่ผมทันที ผมลืมคิดถึงเรื่องนี้ไปเลยทั้งๆที่พีกรมเลือกที่จะเล่าความอึดอัดภายในใจให้ผมฟังแท้ๆ แต่ผมกลับเห็นแก่เงินจริงๆอย่างที่พี่กรมพูด


   “ ผมขอโทษ...” ผมก้มหน้าลงมองพื้นอย่างทำอะไรไม่ถูก “ มันอาจจะไม่แย่ก็ได้นะพี่” ปรับโหมดอารมณ์ไม่ทันเลยทีนี้


   “ มึงรู้ได้ไง”


   “ พี่เชื่อผม ผมไปกับพี่ใครจะพูดอย่างไงผมจะแบกหน้ารับเอาไว้เอง สัญญาว่าจะไม่ให้เกิดอะไรขึ้นกับพี่ครับ” อยู่ๆความพระเอกในตัวก็สั่งให้ผมพูดอย่างนั้นออกมาเพื่อให้พี่กรมเปลี่ยนความคิด


   “ มึงจะไปรู้อะไรไอ้พี”


   “ ใช่พี่ ผมไม่รู้อะไรอย่างที่พี่พูด” ผมยอมรับหน้าตาเฉยตามที่พี่กรมกล่าวหา “ แต่ครั้งนี้ผมจะรับรู้ไปกับพี่เองพี่กรม”


   “ ทำอย่างกับพ่อกูคือพ่อมึงอย่างนั้นแหละไอ้ผี” ดูจากน้ำเสียงของพี่กรมฟังดูดีขึ้นกว่าเดิมทำให้ผมเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าของพี่กรม “ กูจะคอยดูอย่างที่ปากมึงพูดนะน้องผี ปกป้องกู ปกป้องกูให้จริงก็แล้วกัน”


   “ เจ๋งมากพี่หล่อ มันต้องอย่างนี้เราจะไปพิสูจน์ว่าพ่อเราเจ๋ง” ผมถือวิสาสะไปกอดคอพี่กรม


   “ ใครพ่อเรา? พ่อกูคนเดียวพอ” เมื่อเห็นไอ้พี่มันยิ้มได้ผมก็พลอยสบายใจด้วยเหมือนกัน พี่กรมก็ถือเป็นพี่ชายคนผมคนหนึ่ง อะไรที่ทำให้พี่มันสบายใจได้ผมก็ยอม......




PS. เกรียนกว่านี้ก็ไม่มีแล้วครับ น้องมันไปสุดในทุกเรื่อง (เรื่องไร้สาระ)

หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ตอนที่ 3.2 (10/02/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 10-02-2019 16:58:27
น้องพี เมาแล้วสุดยอดดดดดดดดด  :katai2-1:
ทั้งสาว ทั้งยั่ว.....ยั่วยวนกวนบาทาชัดๆ  :z3: :z6: :เฮ้อ:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
     
 
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ตอนที่ 3.2 (10/02/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: nikpook ที่ 10-02-2019 18:52:04
กลับไปอ่านตอนหมอปลอมฉีดยาก็ทั้งขำทั้งสงสารน้องผี ดีนะที่ฉีดเข้าไปเป็นยาชา เจอแบบนี้คงจะไม่อยากเข้าโรงบาล+เมาไปอีกนาน5555 แล้วมีการมาเถียงว่าเมาแล้วนักเลง นักเลงหลบในใช่มั้ย5555คลิปบดๆยั่วๆคือโพสต์เองเรียกคนมาดูเองด้วยนะนักเลงมากลูก5555 :m20: น้องผีคือเข้าทางพ่อจริงๆนะเนี่ย เรื่องเงินก็เรื่องใหญ่แต่ทำไมโอนให้พี่กรมง่ายจังเห็นอนาคตคนกลัวผัวมาแต่ไกลเลยอ่ะแซวๆ :z1: แล้วตอนท้ายๆมีความเนียนพ่อเราด้วย :hao7: แล้วก็เห็นพี่กรมยิ้มแล้วมีความสุข แหม่น้องผีน้องชายจะเป็นน้องชายถามพี่กรมยังอยากได้น้องมั้ย ในความรู้สึกเราคือพี่กรมจะชอบน้องผีมั้ยแบบรู้สึกว่าพี่กรมก็คงชอบแหละแต่ยังไม่ถึงแฟนอ่านแล้วรู้สึกถึงความเป็นพี่น้องแบบเรียลมากๆน้องผีก็เหมือนกันรู้สึกว่าน้องใช้ชีวิตเกรียนๆไปเรื่อยๆแต่มปรเราจะชงไว้ก่อน5555 คือนึกไม่ออกว่าจะเป็นแฟนกันยังไง แต่รวมแล้วก็คือสนุกมากๆๆๆ อ่านแล้วมีความสุข ขอบคุณที่มาต่อเร็วมากๆเลย ก็รอตอนต่อไปอยู่นะเป็นกลจให้นักเขียนเสมอ :กอด1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ตอนที่ 3.2 (10/02/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 10-02-2019 23:04:31
 :laugh:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ตอนที่ 4.1 (11/02/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: KJH177 ที่ 11-02-2019 22:37:39
บทที่ 4.1
หาเสียง


   ตอนนี้ผมกับพวกพี่ๆได้มาอยู่ที่จุดนัดหมายของการหาเสียงในวันนี้คือเขตบางกะปิ ซึ่งมีตัวแทนของพรรคที่สมัครในเขตพร้อมกับผู้แทนเขตอื่นๆมาร่วมกันหาเสียงด้วย ในฐานะที่พ่อของพี่กรมเป็นหัวหน้าพรรคเป็นธรรมดาที่จะต้องช่วยลูกน้องออกหาเสียง


   “ รู้สึกแปลกๆหว่ะ” อยู่ๆพี่เทพก็พูดขึ้น ก็แปลกอย่างที่พี่เทพพูดจริงๆเพราะพร็อปที่พวกผมมีคือพวงมาลัยดอกดาวเรืองใหญ่ๆ ป้ายที่มีหน้าของผู้แทน และป้ายที่มีหน้าของท่านอัศวินถืออยู่เต็มสองมือ


   “ สมน้ำหน้าพวกมึง” พี่กรมเป็นคนเดียวที่ไม่ได้ถือพร็อปเหมือนพวกผม แค่พี่มันยอมมาด้วยท่านอัศวินก็ยิ้มหน้านบานจนปากจะฉีกถึงรูหูอยู่แล้วครับ


   ตอนนี้รถเครื่องเสียงขนาดใหญ่หลายสิบคันเคลื่อนตัวมาบริเวณที่พวกผมยืนอยู่


   “ แยกกันไปสองคนต่อหนึ่งคันนะลูก” น้ำเสียงของท่านอัศวินอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัดเพราะรอบๆตัวของเราตอนนี้เต็มไปด้วยนักข่าวที่รอเก็บภาพบรรยากาศการหาเสียงวันแรกเพื่อไปทำข่าว


   “ ผมไปกับพี่นะ” ผมเดินไปหาพี่กรมที่ยืนใช้พัดลมใส่ถ่ายสีชมพูจี้หน้าของตัวเองอยู่ ทำท่าทางเหมือนว่าตรงนั้นร้อนมากๆแต่จริงๆแล้วไม่ร้อนเลยครับอากาศออกจะเย็นสะบายมากกว่า เพราะยังอยู่ในช่วงเช้าค่อนไปทางสายของวัน


   “ เออ” พี่กรมตอบปัดๆเหมือนว่าไม่ได้สนใจอะไรผมมาก จนกระทั่งถึงเวลาที่พวกผมต้องไปขึ้นรถเพื่อเตรียมตัวออกหาเสียง


   ผมกับพี่กรมขึ้นมาบนรถคันแรกซึ่งเป็นคันที่มีผู้แทนประจำเขตและหัวหน้าพรรคอย่างคุณอัศวินที่ยืนโบกไม้โบกมือยิ้มอย่างอารมณ์ดีให้กับชาวบ้านที่ออกมาต้อนรับกันอย่างหนาแน่น เพราะว่าพี่กรมเป็นถึงลูกชายหัวหน้าพรรคทำให้เขาต้องมายืนประดับบารมีของผู้เป็นพ่อแม้ว่าสีหน้าของพี่กรมจะดูไม่ค่อยเต็มใจในตอนแรก แต่ตอนนี้ใบหน้าของพี่กรมยิ้มออกมาราวกับว่าถูดเซ็ตไว้ให้ยิ้มเมื่อเจอผู้คนที่ออกมาต้อนรับรวมถึงนักข่าว


ผมนี่เป็นตางงเลยครับ พี่กรมนี่ปรับสภาพเก่งมากๆ เหมือนกับอะไรสักอย่าง...อะไรดีนะ อ่อ! จิ้งจกครับ


   “ น้องผี ยิ้มให้เห็นฟันเข้าไว้” พี่กรมที่ยืนอยู่ข้างๆก้มลงมากระซิบบอกผมที่ยังคงไม่เข้าใจสถานการณ์นี้อยู่ “ แบบนี้” ไอ้พี่กรมใช้นิ้วมือของเขามาจิ้มที่มุมปากทั้งสองของผมก่อนที่พี่มันจะแหกขึ้นให้ผมยิ้มออกมาตามที่นิ้วของเขาเซ็ตเอารอยยิ้มของผมเอาไว้


   “ ครับ ยิ้มครับ” ผมก็ยิ้มตามที่พี่กรมจัดแจงให้ ตลอดเส้นทางการหาเสียงมีทั้งเสียงต้อนรับและขับไล่ซึ่งเป็นธรรมดาของนักการเมืองที่จะต้องรับมือ ผมว่ามันก็เป็นประสบการณ์ที่ดีอยู่เหมือนกันที่ผมได้มีโอกาสมาทำอะไรแบบนี้ครั้งแรกในชีวิต มันก็ไม่แย่เหมือนกันนะครับ


   “ สวัสดีครับผมอัศวินคนดีคนเดิมของทุกท่าน จะเรียกว่าเป็นลูกๆหลานๆที่เกิดในเขตนี้เลยก็ว่าได้นะครับ” เมื่อมาถึงจุดที่ท่านอัศวินต้องกล่าวทักทายปราศัยกับชาวบ้าน ผมรวมถึงคนอื่นๆที่อยู่บนรถต้องลงมายืนด้านล่างแทน และทำหน้าที่เป็นผู้เริ่มการปรบมือและโห่ร้องออกมาอย่างชื่นชม ถ้าให้เรียกในภาษาง่ายๆก็น่าจะเป็น หน้าม้าให้ท่านอัศวินแหละครับ


   “ วันนี้ผมมีสมาชิกซึ่งเป็นตัวแทนของเขตนี้มาฝากฝังให้กับพี่ๆน้องๆทุกท่านได้รู้จัก.................” ผมไม่ได้สนใจในสิ่งที่ท่านอัศวินพูดสักเท่าไหร่เพราะตอนนี้สิ่งที่มาดึงดูดความสนใจของผมคือเหล่านักข่าวที่วิ่งกรูเข้ามาทางที่ผมกับพี่กรมยืนอยู่


   “ ขอสัมภาษณ์น้องเจ้ากรมหน่อยนะครับ” ผมที่อยู่ๆก็ถูกรุมล้อมมาอยู่ตรงกลางวงอย่างงงๆก็ได้แต่ส่งยิ้มโบกมือให้กับกล้องอย่างเลี่ยงไม่ได้ จนคนที่อยู่ข้างๆผมอย่างพี่กรมถึงกับต้องจับมือผมให้หยุดโบกเล่นพร้อมกับส่งสายตาดุๆมาให้เป็นสัญญาณว่าผมควรนิ่งและวางมาดให้ดูดีกว่านี้


   “ ได้ครับผม” เมื่อกล้องและไมค์จากสถานีโทรทัศน์ต่างๆสาดมาที่พี่กรมผมที่เป็นทางผ่านก็ถูกไมค์เล่านั้นยื่นข้ามหัวผม บางช่องก็ใช้ไมค์กดหัวและวางบนหัวผมให้ไปใกล้พี่กรมได้มากที่สุด ตอนนี้ผมหลุดเฟรมไปแล้วครับ...


   “ น้องเจ้ากรมในอนาคตจะผันตัวมาเล่นการเมืองเต็มตัวอย่างคุณพ่อไหมคะ”


   “ ผมยังตอบไม่ได้นะครับว่าจะเล่นเต็มตัวไหม ก็มีมองๆอยู่บ้าง ถ้าคุณพ่อท่านเห็นแววของผมท่านก็น่าจะเป็นฝ่ายทาบทามผมเอง ผมยังออกตัวแรงตอนนี้ไม่ได้ครับ” พี่กรมตอบอย่างเป็นธรรมชาติโดยที่รอยยิ้มของเขาสะกดทุกสายตาของนักข่าวได้อยู่หมัด


   “ แล้วที่มาหาเสียงกับท่านอัศวินวันนี้จะมาตามกระแสลูกนักการเมืองท่านอื่นๆหรือเปล่าครับ หรือว่าคุณพ่อได้จ้างให้ออกมาหาเสียงหรือเปล่า ปกติน้องเจ้ากรมไม่ค่อยออกงานเลยครับ” คำถามนี้ถ้าพี่กรมตอบผิดหรือตอบหลุดไปนิดเดียวมันมีผลต่อการเลือกตั้งและการดำเนินคดีทางกฎหมายแน่ๆ เพราะคำถามที่ว่าถูกจ้างมาหาเสียงไหมนั่นเป็นการถามคำถามตรงๆ ถ้าพี่กรมหลุดออกไปว่าใช่ครับ ถูกจ้างมา นั่นหมดสิทธิ์ในการลงสมัครครั้งนี้ ซึ่งถูกระบุไว้ในพ.ร.บ.การหาเสียงเลือกตั้งในครั้งที่จะถึงนี้


   “ คำถามทุกคนนี่เล่นเอาผมเหงื่อออกเลยนะครับ ฮ่าๆ” พี่กรมตอบทีเล่นที่จริงก่อนจะยกแขนเสื้อขึ้นมาเช็ดเหงื่อตัวเอง “ จะบอกว่าตามกระแสไหม ผมก็ว่าไม่นะครับที่ผมออกมาวันนี้ผมก็เต็มใจออกมาเอง อะไรที่เราสามารถช่วยพ่อแม่ของเราได้ในฐานะที่ผมเป็นลูก ผมก็ควรที่จะทำใช่ไหมครับ ไม่ว่าจะอาชีพไหนก็ตามแต่บังเอิญว่าพ่อของผมท่านเป็นนักการเมือง มันก็เลยอาจจะมีการจับตามองเป็นพิเศษ” ผมถึงกับอ้าปากค้างทันทีที่พีกรมตอบออกมาแบบนั้นค่อนข้างที่จะมืออาชีพเลยทีเดียว ท่าทางของพี่กรมในตอนแรกได้หายไปอย่างสิ้นเชิงตอนนี้มีแต่พี่กรมในลุคลูกชายของหัวหน้าพรรคการเมือง


   “ แล้วข่าวลือที่ว่าท่านอัศวินได้ถูกเสนอชื่อให้เป็นนายกของตัวแทนพรรคนี่จริงไหมครับ”


   “ เอ่อ ผมก็ไม่รู้ลายละเอียดอะไรมากนะครับผมยังตอบอะไรไม่ได้จริงๆ ไว้รอฟังแถลงการณ์จากพรรคเพื่อความชัวร์ดีกว่านะครับ”


   “ แล้วความสัมพันธ์ระหว่างท่านอัศวินกับคุณหญิงราณีตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างคะ จะมีอะไรส่งผลต่อการเลือกตั้งในครั้งนี้หรือเปล่าเอ่ย?” ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับแม่ของพี่กรมอย่างนั้นหรอ? ผมว่ามันไม่ควรที่จะถามออกมานะ เท่าที่สังเกตพี่กรมดูเงียบลงกว่าเดิมหลังจากที่มีคำถามนี้โพล่ขึ้นมากลางวงสัมภาษณ์


   “ ก็ดีนะครับ ดีมากเลย” พี่กรมดูเสียศูนย์ไปเล็กน้อย “แต่มันจะส่งผลกระทบไหมผมว่าไม่นะครับ เพราะแม่ของผมท่านไม่ได้เข้ามายุ่งเรื่องของการเมือง ไม่น่าจะเกี่ยวอะไรกัน” แต่พี่กรมก็ยังคงรักษารอยยิ้มเอาไว้ได้ดีเลยทีเดียว


หมับ!


   “ ไอ้หนุ่มเอาทิชชู่เช็ดให้เจ้ากรมหน่อย” ไม่รู้ว่าใครมากระแทกหลังผมก่อนที่จะยัดทิชชู่มาในมือทำให้ผมค่อยๆเอื้อมเอาทิชชู่ไปแปะที่หน้าของพี่กรมเพื่อซับเหงื่อให้อย่างยากลำบาก


   “ แล้วที่มีข่าวว่าท่านอัศวินเตรียมเงินเพื่อซื้อเสียงซื้อหัวคะแนนเก่าที่ภาคเหนือจริงไหมครับ” ยิ่งสัมภาษณ์นานเท่าไหร่คำถามยิ่งดูรุนแรงและดูเสี่ยงมากยิ่งขึ้น


   “ ข่าวที่ว่านี่พี่เอามาจากไหนหรอครับ? แหล่งไหนที่บอกผมก็อยากจะรู้เหมือนกันครับ เขารู้ดีกว่าผมที่เป็นลูกแท้ๆอีกนะครับ ฝากบอกแหล่งข่าวด้วยนะครับว่าถ้ารู้ขนาดนี้ก็เอาหลักฐานมาเล่นงานพ่อผมเลยดีกว่านะ จะได้รู้ว่าความลือนี่เป็นจริงหรือกรุขึ้นมา” น้ำเสียงของพี่กรมดูนิ่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ผมอยากจะเข้าไปตอบแทนพี่กรมนะแต่อยู่ๆใครก็ไม่รู้มาเบียดผมจะออกจากวงสัมภาษณ์ทำให้ผมหลุดออกมานอกวงอย่างงงๆ


   “ ไอ้กรมดูรุมหรอวะ” ไอ้พี่เทพเดินมาเกาะไหล่ผมมองดูพี่กรมที่กำลังต่อสู้อยู่กับนักข่าว


   “ ครับพี่ ผมโคตรสงสาร”


   “ ไอ้กรมมันรับมือได้ กูฝากอันนี้ให้มันด้วยเดี๋ยวกูไปทางนู้นกับพี่ๆก่อน” พี่เทพชี้ไปที่ขบวนหาเสียงที่เดินล่วงหน้าไปก่อนที่พี่มันจะยื่นขวดน้ำเปล่ามาให้ผมเพื่อเอาไปให้พี่กรม


   “ ไอ้หนุ่มเอ็งไปลากเจ้ากรมออกมาเร็วเดี๋ยวจะแย่ไปมากกว่านี้” ไหล่ของผมถูกใครบางคนสะกิดอีกครั้ง ผมค่อยๆหันไปมองก่อนที่จะเห็นเป็นคนที่ใส่เสื้อเหมือนผมท่าทางมีภูมิฐานน่าจะเป็นคนในพรรคแน่ๆ


   “ ครับๆ” ผมก้มศีรษะโค้งให้ท่านเล็กน้อยก่อนจะฝ่าวงล้อมพร้อมกับพูดขอทางเพื่อเข้าไปที่ตัวพี่กรมจนกระทั่งผมถึงที่หมาย


   “ ขอตัวก่อนนะครับ ขอบคุณครับ” ผมไม่รู้ว่าผมจะต้องพูดว่าอะไรเพื่อจบบทสนทนาแต่อยู่ๆในหัวของผมก็สั่งให้พูดออกมาแบบนี้ ก่อนที่ผมจะคว้ามือพี่กรมและลากพี่กรมออกมาจากวงสัมภาษณ์ เมื่อเดินเลี่ยงออกมาได้สักพักผมก็ปล่อยมือไอ้พี่กรมให้เป็นอิสระก่อนจะยื่นน้ำให้พี่กรมที่มีท่าทางเหนื่อยล้า


   “ พี่เทพฝากมาให้พี่”


   “ เออ เหนื่อยฉิบหาย” พี่กรมย่อเขาลงก่อนที่จะเปิดขวดน้ำเทใส่หน้าของตัวเองนั่นทำให้น้ำไหลเปื้อนเสื้อลงมาจนถึงกางเกงของเขา.......OMG


   “ พี่ ไม่สกปรกหรอวะ”


   “ กูร้อน” เชื่อแล้วว่าร้อนจริงแล้วใครเอาพัดลมถ่านหมุนของพี่กรมไปไหน ผมเห็นตอนแรกพี่กรมยังพกมาด้วยอยู่เลย


   “ พี่เราจะไปไหนกันต่อ”


   “ ไปสมทบกับพวกข้างหน้า รับดอกไม้จากขาวบ้าน ยกมือไหว้ ฉีกยิ้มกว้างๆให้ดูจริงใจ ใครจะพูดด่าอะไรก็อย่าไปสนใจ ยิ้มอย่างเดียว”


   “ แสดงว่าพี่มาบ่อยอะดิ” ผมเดินคู่กับพี่กรมเพื่อเข้าไปสบทบกับขบวนด้านหน้า ตอนนี้คนเริ่มคึกคักมากกว่าเดิมเพราะดูเหมือนว่ามีพรรคอื่นๆมาหาเสียงที่ตลาดบริเวณนี้ด้วย


   “ ก็บ่อย แต่มันนานหลายปี ก่อนที่การเมืองและนักการเมืองจะถูกแช่แข็ง” พี่กรมหันมาพูดกับผม “ ตั้งแต่เด็ก / สวัสดีครับ” พี่กรมพูดกับผมทีหันไปยกมือไหว้คนนู้นคนนี้ทีมีป้าๆใจดีวิ่งเอาพวงมาลัยดอกไม้มาให้ทั้งผมและพี่กรมเพื่อเป็นกำลังใจ


ฟอด!


   “ ชื่นใจจังพ่อหนุ่ม” ตอนนี้พี่กรมถูกป้าที่ไหนไม่รู้ดึงไปหอมแก้มแรงๆหนึ่งที่โดยที่พี่กรมไม่สามารถปฏิเสธได้ ส่วนผมก็ได้แต่ส่งยิ้มแห้งๆไปให้พี่มัน


   “ ครับ ฝากพรรคพ่อผมด้วยนะครับ”


   “ ไม่บอกป้าก็จะเลือก หล่อทั้งพ่อทั้งลูกเลย หล่อวะ!!” ป้าตบอกตัวเองแรงๆด้วยสีหน้าของคนพริ้มสุขหลังจากที่ได้หอมแก้มของพี่กรมไป ถ้าผมทำอย่างนั้นกับสาวๆบ้างแบบที่ป้าทำผมจะโดนตบไหมวะเนี่ย เก็บไว้คิดก็แล้วกัน


   “ พี่กรมๆ” ผมเดินตามหลังพี่กรมไปได้สักพักเมื่อผมสังเกตเห็นว่าแถวนี้ไม่มีชาวบ้านหรือเหล่าแม่ค้าพ่อค้าสักเท่าไหร่ ผมก็ได้โอกาสไปสะกิดพี่มันอีกครั้ง


   “ อะไร” ดูซิครับ ไอ้ผมก็เรียกดีๆนะ ทำไมคนหล่อต้องทำท่าหงุดหงิดใส่ผมด้วย


   “ จะถามว่าพี่สาวคนนั้นเป็นใครกัน สวยดี” ผมชี้ไปที่ผู้หญิงคนหนึ่งที่ผมแอบมองเธอมานานพอสมควรในช่วงที่ผมเดินตามถนนหาเสียง


   “ มึงชอบรึไงน้องผี” ไอ้พี่กรมเลิกคิ้วถามด้วยท่าทางกวนๆ


   “ ครับ โคตรสวย สเปคผมเลยพี่” ผู้หญิงอะไรเวลายิ้มนี่ผมอยากจะแฝงตัวไปเป็นขี้ฟันหรือหินปูนที่เกาะกับฟันสวยๆของเธอจัง


   “ กูจะบอกไรให้นะ” พี่กรมหยุดเดินก่อนจะโน้มตัวลงมากระซิบที่ข้างๆหูผมเบาๆ “ เขามีผัวแล้ว” เมื่อพี่มันกระซิบเสียงดังเสร็จก็เดินลอยหน้าลอยตาไปทันที


   “ พี่!” ผมกระโดดเกาะไหบ่ไอ้พี่กรมที่ตัวสูงก่อนที่ผมจะเขย่งไปกระซิบหูของพี่กรม “ มีผัวแล้วไงเลิกได้ ผมจะแย่ง!” เท่านั้นแหละครับฝ่ามือใหญ่ๆฝาดลงมากลางหัวของผมเต็มๆ


เพี๊ยะ


   “ แก่แดดนะมึง”



PS.ชอบเวลาที่พี่กรมจริงจังจังค่ะ นักเขียนฟินนนนนนนนนนนนนนน
PS. น้องพีรออ่านคอมเม้นต์นะครับ ไม่งั้นจะเอาไม้ฟาดหัวนะครับผมมม 555555555

หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ตอนที่ 4.1 (11/02/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: nikpook ที่ 12-02-2019 07:37:51
พี่กรมคือมืออาชีพตอบคำถามดีมาก ขำตอนโดนหอมแก้มอยากไปหอมบ้าง :-[ อิน้องก็แก่แดดจริงๆนั้นแหละ :laugh: สนุกมากๆรอตอนต่อไปอยู่นะ :3123: :pig4:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ตอนที่ 4.2 (12/02/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: KJH177 ที่ 12-02-2019 20:33:36
บทที่ 4.2
หาเสียง (ได้เลือด)

        “ แก่แดดนะมึง”


   “ วันนี้พี่ติดผมหลายพันละนะ” ผมวิ่งไปดักหน้าพี่กรมทันทีพร้อมกับอ้าแขนกลางเอาไว้ไม่ให้พี่กรมเดินหนี


   “ กูไปติดหนี้มึงตั้งแต่เมื่อไหร่”


   “ ค่าที่ผมหยิบทิชชู่มาเช็ดหน้าพี่หนึ่งพันบาท ค่าที่ผมไปเอาพี่ออกจากวงนักข่าวอันนี้คิดแค่ห้าร้อย ค่าที่ผมเอาน้ำให้พี่ผมคิดสองร้อย ค่าที่ผมโดนตบหัวเมื่อกี้สามร้อย ทั้งหมดหนึ่งพันเก้าร้อย นี่ลดให้ละนะ ราคาเต็มมากว่านี้”


   “ มึงคิดว่ากูโง่?”


   “ นะพี่หล่อ พี่ติดหนี้ผมจริงๆ”


   “ ดูปากพี่หล่อนะครับ” พี่กรมชี้ที่ปากของตัวเอง “ กู - ไม่ – ให้!” พี่กรมพูดย้ำที่ละคำชัดๆช้าๆและเน้นๆให้ผมดูที่ละคำ


   “ ดูปากผมนะครับ” ผมชี้มาที่ปากของตัวเองเลียนแบบพี่กรมที่ทำไปเมื่อก่อนหน้า “ ผม - จะ – เอา!”


   “ น้องผีอย่ากวนตีนกูนะ ยิ่งร้อนๆอยู่” พี่กรมพูดขึ้นพร้อมกับชักสีหน้าเพื่อบ่งบอกว่าตอนนี้เขาไม่พอใจอย่างสุดฤทธิ์ พร้อมกับสายตาที่บอกว่าถ้าผมพูดขึ้นมาอีกคำผมโดนต่อยคาที่แน่


   “ ไม่เอาก็ได้ครับพี่ครับ” ผมยิ้มให้ไอ้กรมทันทีหลังจากที่ผมคิดอะไรได้บางอย่างในเมื่อพี่มันไม่ให้ดีๆผมก็พอจะมีวิธีจัดการขัดเด็ดขาดจนพี่มันต้องไม่กล้าปฏิเสธผมได้อีกแน่นอน


   “ ไปง่ายนะมึง” เสียงของพี่กรมที่บ่นตามหลังผมมาขณะที่ตอนนี้ผมเดินไปสมทบกับพี่ๆคนอื่นๆ พร้อมกับรับดอกไม้จากชาวบ้านตามลายทาง ผมจะจินตนาการว่าตอนนี้ผมคือนักการเมืองผู้ยิ่งใหญ่มีคนแห่แหนมารับและทักทายอย่างถ้วนหน้า ไม่ว่าผมจะเดินไปทางไหนทุกคนต้องโห่ร้องด้วยความดีใจ


เพี๊ยะ!


   ผมต้องตื่นขึ้นมาพบกับความจริงว่าผมโดนใครที่ไหนไม่รู้ตบหัวผมแรงๆเพื่อเรียกผมจากความฝัน ใครวะ!มันกล้าตบหัวผม มันต้องโดนประหาร!!!


   “ ไอ้หนุ่มหลับตาเดินทำไมวะ” ผมหันไปมองทางด้านหลังว่าใครเป็นผู้ลงมือกับการกระทำครั้งนี้ที่บังอาจมาตบหัวผมกลางตลาด และสิ่งที่ผมเจอคือป้าแก่ๆคนหนึ่งยืนเท้าเอวชี้หน้าผมอย่างหาเรื่อง


   “ ผมพักสายตาครับ”


   “ เพ้อเจ้อ!” เอ้า กูโดนด่าฟรีไปเลยอะ ทำไมอ่ะ ทำไมน้องต้องโดนด่าฟรีแบบไม่มีเรื่องราวแบบนี้ด้วย น้องพีงงนะขอรับ



Jaokom’s talk


   หลังจากที่ผมไม่สามารถเลี่ยงเหตุการณ์ต่างๆได้แล้วนั้นวันนี้ผมก็ต้องเจอกับกองทัพนักข่าวที่มาสัมภาษณ์ผมในเรื่องของพ่ออีกเช่นเคย ตั้งแต่ผมจำความได้หลังจากที่พ่อเลือกเส้นทางนี้ผมจะถูกพูดถึงในฐานะลูกชายนักการเมืองหนุ่มไฟแรงเมื่อหลายสิบปีก่อน จนถึงตอนนี้ผมก็เป็นที่พูดถึงและถูกตามติดชีวิตเกือบทุกๆการกระทำ ดังนั้นถ้าผมจะทำอะไรในที่สาธารณะผมต้องคิดแล้วคิดอีกว่าจะมีคนเห็นไหมเพราะการกระทำของผมจะส่งผลกระทบต่อฐานเสียงและชื่อเสียงของพ่อทุกอย่าง เหตุการณ์ที่ทำให้ผมไม่ลืมคือวันที่ผมสอบติดคณะรัฐศาสตร์ ผมต้องเจอกับการวิพากษ์วิจารณ์ครั้งแรกในชีวิต มีคนตั้งกระทู้มากมาย สำนักข่าวเล่นข่าวของผมอย่างนึกสนุก ในหัวข้อที่ว่า ‘ลูกชายนักการเมืองใช้เส้นเข้าคณะดัง’ เป็นครั้งแรกเหมือนกันที่ผมคิดว่าผมไม่น่าเกิดมามีพ่อเป็นนักการเมือง แต่ความคิดนั้นก็หายไปเมื่อพ่อของผมออกมาปกป้องและนั่นยิ่งทำให้กระแสที่ว่ากลับร้อนแรงมากกว่าเดิม หาว่าพ่อของผมที่ออกมาพูดครั้งนั้นเป็นการแก้ตัว.... พ่อทำทุกอย่างให้ผมเอาชื่อเสียงมาแลกกับการเบี่ยงเบนความสนใจของนักข่าว ทำให้ผมคิดได้ว่าใครอยากจะวิจารณ์อะไรผมก็ช่างอยากจะด่าอะไรผมก็ด่าเพราะนั่นมันไม่ใช่เรื่องจริง ผมไม่ต้องมาเดือดร้อนกับสิ่งที่เกิดขึ้น


   “ สวัสดีครับ” ผมยิ้มทักทายให้กับชาวบ้านอีกเช่นเคย รอยยิ้มของผมมันถูกเซ็ตไว้อัตโนมัติเมื่อผมต้องเจอกับผู้คนในที่สาธารณะ


   “ ทำดีเพื่อชาติเพื่อประเทศนะลูกนะ” ผมก้มลงไปรับพวงมาลัยจากคุณยายที่นั่งขายขนมไทยอยู่ริมฟุตบาทท่ามกลางอากาศร้อนๆ


   “ ยายไม่ร้อนหรอครับ?”


   “ ร้อนสิพ่อหนุ่ม แต่เงินก็ต้องหา มันต้องทนเอา” ยายตอบพร้อมกับเช็ดเหงื่อไปด้วย ในความคิดของผมคุณยายท่านก็น่าจะอายุมากแล้วไม่ควรออกมาทำงานหนักแบบนี้ ควรอยู่บ้านใช้ชีวิตให้มีความสุขกับบั้นปลายชีวิตไม่ใช่หรอครับ? ลูกๆหลานๆของยายไปไหนทำไมปล่อยให้ยายออกมาทำงานแบบนี้ ผมไม่เข้าใจจริงๆ เกิดคำถามขึ้นมากมายในหัวของผมเต็มไปหมด


   “ แล้วเงินคนแก่ก็มีไม่ใช่หรอครับ”


   “ โอ้ย เดือนละห้าหกร้อยจะไปพอกินทั้งเดือนได้ไง” ยิ่งผมฟังอย่างนั้นผมก็รู้สึกถึงความจริงบางอย่างที่มันเกิดขึ้น มันเป็นเรื่องจริงที่สังคมไทยต้องเจอ


   “ งั้นผมเอาหมดนี่เลยครับ” ผมหยิบกระเป๋าเงินออกมาเพื่อเตรียมจ่ายเงินให้คุณยาย ก่อนที่ผมจะมองเข้าไปนัยน์ตาคุณยายตรงๆ “ ที่ผมซื้อไม่ได้เพราะต้องการจะทำคะแนนเพื่อช่วยพรรคพ่อของผมนะครับ แต่ที่ผมซื้อเพราะผมอยากช่วย อีกอย่างขนมของคุณยายก็หาทานที่ไหนไม่ได้ ผมไม่ได้ทานนานแล้วถือซะว่าผมเหมาก็แล้วกันนะครับ”


   “ พ่อหนุ่ม...ขอบใจเอ็งจริงๆนะ” บางทีความสุขของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน ความสุขของผมคือการทำสิ่งเล็กๆที่ทำให้สองฝ่ายมีความสุข คุณยายได้กลับบ้านไปพักไม่ต้องมาเจอกับอาการร้อนๆ ผมได้ทานขนมหายากที่คาดว่าน่าจะอร่อย วินวินกันทั้งคู่ไม่ใช่ว่าสิ่งที่ผมทำจะมีฝ่ายที่ได้ประโยชน์เพียงแค่ฝ่ายเดียว...


   แต่ใครจะหารู้ไม่ว่าภาพที่เจ้ากรมก้มลงจ่ายเงินให้คุณยายขายขนมนั้นจะถูกเก็บเอาไว้พอดี ถ้าเขาปล่อยลงใน Social media รับรองได้ว่าพรรคการเมื่องนี้ถูกสอบสวนแน่นอน บก.ต้องขึ้นโบนัดสิ้นปีสำหรับข่าวใหญ่ในวันนี้ในหัวข้อที่ว่า ‘ ลูกชายนักการเมืองพรรคดัง ช่วยพ่อซื้อเสียงกลางตลาด’



Pee’s talk


   ผมยืนมองการกระทำของพี่กรมอย่างชื่นชมผู้ชายอะไรจะดูใจดีขนาดนั้น ถึงแม้ว่าจะปากหมาและกวนตีนไปบ้าง แต่พอลับหลังทุกคนแล้วพี่กรมก็เป็นผู้ชายที่ดีคนหนึ่ง ตอนนี้ผมยืนห่างกับพี่กรมพอสมควรและดูเหมือนว่าตรงนี้จะไม่มีใครอยู่เลยแม้กระทั่งนักข่าว


   “ ได้ข่าวเด็ดแล้วกู” ผมหันไปมองคนข้างๆที่ยืนยิ้มให้กับกล้องถ่ายรูปในมือ ด้วยความที่ผมอยากรู้ว่าเขายิ้มให้กับอะไรในกล้อง ความอยากรู้นั้นทำให้ผมพยายามใช้สายตามองเข้าไปในกล้องที่พี่เขาถืออยู่ แต่มุมที่ผมมองมันไม่ถนัดเลยครับ ทำให้ผมค่อยๆขยับไปทางด้านหลังของพี่คนนั้นก่อนจะชะเง้อมองเข้าไปอีกครั้งอย่างไม่ลดละความพยายาม ตามสุภาษิตที่ว่าความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั้นและผมก็มองเห็นจริงๆครับ ภาพนั้นเป็นภาพที่พี่กรมกำลังยื่นเงินจำนวนหนึ่งให้ยาย....... มันเป็นภาพด้านเดียวที่ใครมองแว๊บแรกก็รู้ว่าคนในภาพกำลังทำอะไร


   “ พี่!” ผมแกล้งผลักไหล่ของพี่ที่ถือกล้องเบาๆจนพี่มันหันมามองหน้าผม


   “ วะ...ว่าไงน้อง” ไอ้พี่คนนั้นรีบเก็บกล้องทันทีที่เห็นผม ผมว่าพี่มันน่าจะเห็นเสื้อที่ผมใส่แน่ๆเพราะเป็นเสื้อเดียวกับพี่กรมและคนอื่นๆในพรรคใส่


   “ รูปโคตรสวยเลย ผมว่าถ้าพี่ปล่อยไปอะนะดังแน่นอน” ผมมองหน้าพี่เขาพร้อมกับหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดอัดวีดีโอถ่ายไปที่หน้าของพี่เขาเต็มๆ


   “ ผมเจอพี่นักข่าวคนนี้นะครับไม่รู้ว่าสำนักข่าวไหน ถ้าเขาปล่อยภาพบางอย่างไป ผมอยากให้รู้เลยว่าความจริงมันเป็นอย่างไง” ผมแพลนกล้องไปที่พี่กรมที่กำลังช่วยยายเอาขนมใส่ถุงพร้อมมกับรอยยิ้มและเสียงพูดคุยที่ผมเองก็ไม่ได้ยินว่าพี่กับยายเขาพูดว่าอะไร ก่อนจะแพลนกล้องมาที่หน้าของพี่นักข่าวอีกรอบ


   “ คนที่ทำดีโดยที่ไม่มีใครเห็นต้องมาโดนแอบถ่ายภาพบางภาพที่ทำให้คนเข้าใจผิดได้นะครับ” ผมกดหยุดอัดวีดีโอทันทีก่อนจะเก็บมือถือลงในกระเป๋ากางเกงยีนส์


   “ พี่น่าจะรู้นะครับว่าถ้าพี่ปล่อยมันจะเป็นอย่างไง” ผมไม่ได้ขู่แต่ผมทำจริงทุกอย่างมันฟ้องด้วยภาพและวีโอที่ผมถ่าย ถ้าพี่นักข่าวคนนนี้ปล่อยภาพออกไปผมก็จะปล่อยวีดีโอที่ผมถ่ายตามออกไปเหมือนกันพร้อมกับแจ้งความข้อหามีเจตนาทำให้ผู้อื่นเสียหาย


   “ .....” พี่นักข่าวไม่ได้ตอบอะไรผมแต่เขากลับเดินเลี่ยงออกไปอีกทางจนเดินหายลับตาไป ผมไม่ได้เดินเข้าไปหาไอ้พี่กรมมันนะปล่อยให้พี่มันนั่งคุยกับยายขายขนมไป ผมนั่งลงข้างๆต้นไม้ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเช็คเล่นๆจนกระทั่งผมเจอกับข้อความบางอย่างที่ทำให้ผมจุกไปในทันที....


   ‘พี...เราท้อง’


   ผมขยี้ตาแรงๆทันทีที่เห็นข้อความนั้น มันเป็นข้อความที่ส่งมาทาง SMS ขึ้นเพียงแค่เบอร์โทรเฉยๆไม่ระบุชื่อหรือข้อมูลอื่นที่ทำให้ผมรู้ตัวตนว่าใครคือคนที่ส่งมา...ผมนั่งทบทวนอยู่กับตัวเองสักพักว่าผมเคยไปมีอะไรกับผู้หญิงคนไหนบ้างแต่เท่าที่ผมจำได้ผมไม่เลยมีอะไรกับใครเลย แล้วกูจะไปทำใครท้องได้ไงวะ


   “ เชี่ยไรวะเนี่ย” ผมกระชากผมของตัวเอแรงๆอย่างใช้ความคิด กูเครียดนะครับ เครียดมากที่อยู่ๆก็มีใครมาส่งข้อความแบบนี้มาที่ผมแถมยังรู้ด้วยว่าผมชื่อพี กูพึ่งจะขึ้นปีหนึ่งไม่ถึงเทอมกูจะต้องออกไปเลี้ยงลูกแล้วหรอวะ? ไม่ดิไอ้พีมึงยังไม่เคยใช้พีน้องไปจิ้มเข้าถ้ำใครเลยนะเว้ย!!!  แล้วมาท้องได้ไง ถ้าเกิดว่าการท้องผ่านการดูคลิปดูรูปสวยๆบางอย่างนั้นได้ผมจะไม่แปลกใจเลยที่ผมจะทำคนอื่นท้อง


   “ ไอ้พีมึงเป็นไร” อยู่ๆพี่คินพี่เทพและพี่วินก็เดินเข้ามาทางที่ผมนั่งเครียดอยู่


   “ เอ่อ..เปล่าพี่” ผมคงจะบอกใครไม่ได้จนกว่าผมจะแน่ใจ ถึงเวลาที่ผมต้องมายุ่งเรื่องของตัวเองแล้วแหละครับ


   “ หน้ามึงเหมือนมีอะไร บอกกูได้นะเว้ย” พี่วินตบไหล่ผมเบาๆ


   “ ขอบคุณพี่ แต่ไม่มีอะไรครับ” ผมยืนขึ้นยิ้มให้พวกพี่ๆที่ดูเป็นห่วงเป็นใยจนผมรู้สึกแปลกๆ เพราะเอาจริงๆผมพึ่งจะมาคุยกับพวกพี่ๆเขาแค่ไม่กี่วันเอง แต่ทำไมผมรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูกเลยครับ เหมือนผมได้อยู่กับครอบครัวจริงๆ


   “ ไปแดกข้าว” ไอ้พี่คินเดินมากอดคอผมพาไปตรงจุดที่เป็นรถขบวนเหมือนเดิม ถ้าให้ผมเดาตอนนี้น่าจะกำลังกลับกันแล้วแน่ๆ ทำงานไม่เหนื่อยได้เงินมาหมื่นถือว่าคุ้มครับ พีแฮปปี้ ส่วนเรื่องลูกค่อยเอาไปสืบทีหลังก็แล้วกัน


   “ น้องครับคุณกรมเรียกให้น้องไปหาด้านหลัง” อยู่ๆก็มีพี่คนหนึ่งสะกิดไหล่ผมเบาๆพร้อมกับชี้ไปทางด้านหลังตลาดและบอกว่าพี่กรมเรียก


   “ ครับ” ถึงจะงงๆอยู่บ้างก็ตามที่พี่กรมให้ใครก็ไม่รู้มาตามผม แต่ผมก็เดินไปที่หลังตลาดเพื่อไปหาพี่กรมตามที่พี่ชายคนนั้นบอก เมื่อผมไปถึงข้างหลังตลาดแล้วก็ไม่เห็นว่าจะมีใครเลยสักคนทั้งพี่กรมหรือคนอื่นๆ


   “ พี่กรม!” ผมตะโกนเรียกพี่กรมอีกครั้งแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ บางทีพี่กรมอาจจะเดินกลับไปที่รถแล้วก็ได้ เมื่อคิดได้ดังนั้นผมก็ค่อยๆหมุนตัวเพื่อหันหลังกลับยังที่เดิมที่ผมเดินมา


หมับ!


   “ มึงจะไปไหน!” อยู่ๆก็มีมือใหญ่มากระชากไหล่ของผมเอาไว้ก่อนที่จะผลักผมแรงๆจนล้มกองไปอยู่ที่พื้น


   “ พี่?” ไอ้คนที่ผลักผมก็คือไอ้พี่นักข่าวคนนั้นที่ผมอัดคลิปไป


   “ มึงลบวีดีโอที่อัด อย่าหาว่ากูไม่เตือน” พี่นักข่าวชี้หน้าผมอย่างเอาเรื่อง


   “ พี่ก็ลบรูปดิ” ผมค่อยๆยันตัวลุกขึ้นยืน


   “ กูสั่งมึง ไม่ใช่สั่งให้มึงมาสั่งกูกลับแบบนี้” เหมือนว่าครั้งนี้ไอ้พี่นักข่าวนั้นจะโมโหหนักกว่าเดิมที่ผมไม่ทำตามคำสั่งของเขา


   “ แล้วพี่เป็นพ่อผมหรอครับ? ทำไมผมต้องมาทำตามด้วย” สายตาผมเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างที่ถูกซ้อนเอาไว้ แต่มันก็ไม่รอดสายตาผม พี่จะเอาแบบนี้ผมก็จะจัดให้เจ็บตัวนิดหน่อยแต่ผมว่า..ผมน่าจะคุ้มอยู่นะครับ


   “ ปากดีนะมึง!” พี่นักข่าวเริ่มฉุนควบคุมตัวเองไม่อยู่ง้างมือขึ้นพุ่งมาที่หน้าของผมหวังที่จะต่อยเข้ามาเต็ม แต่เหมือนว่าเขาคิดอะไรได้บางอย่างกำปั้นนั้นจึงอยู่และสะบัดออกทันที


   “ แล้วพี่มาหาเรื่องก่อนทำไมอ่ะครับ ที่พี่ถ่ายรูปแล้วทำเหมือนว่ารูปนั้นเป็นรูปซื้อเสียง! ทั้งๆที่รูปนั้นเป็นรูปธรรมดา ผมมีคลิปมีหลักฐานทุกอย่าง ปล่อยซิครับ ปล่อยเลย แน่จริงพี่ปล่อยดิ เอาดิพี่ เอาดิ เอาดิ เอาเลย” ช่วงประโยคหลังๆผมพยายามกวนตีนพี่มันเสียงเบาเพื่อให้ได้ยินเพียงแค่ผมกับไอ้พี่นักข่าว แต่ประโยคแรกผมตะโกนและเน้นเสียงเกือบจะทุกคำ


   “ กูจะหมดความอดทนกับมึงแล้วนะ” พี่นักข่าวกัดฟันพูดออกมาเสียงเบา


   “ นักข่าวไร้จรรยาบันแบบพี่ ถ้าหลุดออกไป ปลิวแน่อ่ะครับ” ผมมองหน้าไอ้พี่นักข่าวพร้อมกับรอยยิ้มเหยียด “ ถ้าพี่จะทำข่าวการเมือง อย่ามาทำอะไรสกปรกเลยพี่ อย่าหาว่าผมสอนเลยนะ แต่ผมก็สอนพี่แหละ พี่แม่งคิดไม่เป็น คิดแต่สิ่งที่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน ภูมิใจป่ะถามจริง” ครั้งนี้ผมว่าไม่พลาดแน่ๆ และเป็นอย่างที่ผมคิดจริงๆเมื่อพี่นักข่าวพุ่งตัวมากระชากคอเสื้อของผมแรงๆและปล่อยหมัดมาที่หน้าผมอย่างไม่ยั้งมือ


ผั๊วะ!!


   “ ปากดีนะมึง มึงตายคามือ คาตีนกูแน่!!!”


ผั๊วะ!!


   ผมไม่รู้ว่าพี่มันปล่อยหมัดมาใส่หน้าผมเท่าไหร่ แต่สิ่งที่ผมรู้คือผมไม่ได้ต่อยพี่เขากลับเลยแม้แต่หมัดเดียว....



อีกด้านหนึ่งของตลาด


   “ ไอ้พีมันไปไหนวะ” ตอนนี้ทั้งรถเหลือเพียงแค่พีคนเดียวที่อยู่ๆห็หายออกไป ทั้งกรมเทพคินและวินพยายามโทรหาพีแต่ไม่มีคนรับสายเพราะพวกเขาโทรชนกัน แฮร่! ไม่ใช่


   “ ดีนะที่พี่ๆคนอื่นกลับไปก่อน” เพราะหลังจากนี้ก็จะเป็นการไปกินข้าวที่ร้านอาหารใกล้ๆที่พ่อของเจ้ากรมเลือกเอาไว้เลี้ยงลูกน้องและสมาชิกในพรรคหลังจากการหาเสียง และพ่อของเจ้ากรมทิ้งรถตู้เอาไว้เพื่อให้ลูกและเพื่อนของลูกได้ไปพร้อมกัน ส่วนตัวเขาออกหน้านำไปรอที่ร้านก่อน


   “ เห้ยมึง! มึงดู” อยู่ๆคินก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาให้ทุกคนที่ยืนรอพีอยู่ดู สิ่งที่คินยื่นให้ทุกคนดูคือภาพถ่ายทอดสดในเฟซบุ๊คของสำนักข่าวการเมืองแห่งหนึ่งที่ตอนนี้กำลังถ่ายภาพบางอย่างมีผู้เข้าชมเกือบๆแสนคน แต่นั้นไม่ใช่สิ่งที่เขาสนใจ เพราะสิ่งที่สนใจคือภาพของคนที่พวกเขากำลังรอถูกทำร้ายโดยนักข่าวของสำนักข่าวดังกล่าวที่สวมเสื้อบ่งบอกชัดเจนว่าเขาอยู่สำนักข่าวเดียวกับที่ถ่ายถอดสดอย่างเห็นได้ชัด แต่คนของเขาตอนนี้กลับนอนนิ่งไม่ต่อสู้กลับแม้แต่น้อยนั่นคือสิ่งที่ทำให้พวกเขาไม่รอช้าวิ่งไปยังที่เกิดเหตุ


   “ เห้ย! ออก” พี่กรมวิ่งไปกระชากตัวของนักข่าวคนนั้นให้ออกจากตัวของรุ่นน้องที่ตอนนี้นอนเป็นผักอยู่ที่พื้นพร้อมกับเลือดที่ไหลออกมาเต็มหน้า


   “ แจ้งตำรวจ!” เจ้ากรมตะโกนบอกเพื่อนของเขาที่เข้าไปดูอาการพี


   “ ปล่อยกู!” นักข่าวคนนั้นพยายามที่จะสะบัดตัวออกจาการเกาะกุมของเจ้ากรม แต่ดูเหมือนว่ายิ่งดิ้นเจ้ากรมยิ่งบีบแน่นมากขึ้นจนนักข่าวร้อนออกมาด้วยความเจ็บ


   “ ไอ้พี มึงรู้สึกตัวไหมวะ?” เทพบุตรถามออกมาพร้อมกับตบหน้าพีเบาๆเพื่อเรียกสติไม่ให้คนที่โดนต่อยหมดสติไป


   “ รู้..รู้พี่รู้” พีพยายามลืมตาขึ้นมาพูดกับทุกคนที่นั่งล้อมเขาอยู่


   “ มึงไม่สู้วะ” คินถามออกมาขณะที่รอวินไปตามรถตู้หน้าตลาดเข้ามารับพีเพื่อพาไปโรงพยาบาล


   “ ผมสู้ไม่ได้ ผมใส่เสื้อของพรรคอยู่” พีชี้ที่ตำแหน่งสัญลักษณ์พรรคนั่นทำให้ทุกคนเข้าใจสถานการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้น


   “ มึงไม่น่ามาเจ็บตัวเพราะอะไรแบบนี้เลยวะไอ้พี” เป็นเสียงของเจ้ากรมที่ดังแทรกทุกคนขึ้นมา ทำให้พีเหลือบไปมองเจ้ากรมพร้อมกับรอยยิ้มที่เปื้อนเลือด


   “ ผมเต็มใจพี่ ผมแบกหน้ารับเอาไว้ตามที่ผมสัญญากับพี่แล้วนะ.....” และพีก็ไม่รับรู้อะไรอีกต่อไป เพราะกว่าที่คินจะเห็นไลฟ์ก็ผ่านมาหลายนาทีพอสมควรที่พีโดนต่อย






PS.สงสารน้อง  ไม่รู้ว่าจะเจ็บฟรีหรือเปล่า
PS.คนเม้นต์เริ่มหายไปแต่ขอบคุณ คุณ nikpook มากๆเลยค้าาา อยู่กับน้องพีไปนานๆนะคะทุกคน ^^

หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ตอนที่ 4.2 (12/02/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 12-02-2019 22:01:00
 :katai1:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ตอนที่ 4.2 (12/02/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 12-02-2019 22:07:06
น้องผีกล้ามาก
แต่คนแบบนักข่าวในเรื่องก็คงมีจริง ทำทุกอย่างเพื่อเงิน

 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ตอนที่ 4.2 (12/02/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: nikpook ที่ 13-02-2019 00:31:10
ขำอิน้องผีตอนนี้ก็ยังไม่เข็ดครั้งที่แล้วไปหาโพไซดอนกับโดนหมอปลอมจับฉีดยาก็เพราะก๋วยเตี๋ยว20ห่อที่ไปเกรียนกับพี่เขาแท้ๆตอนนี้ก็ยังเกรียนไม่เลิก อยากเห็นว่าน้องจะโดนตบเกรียนด้วยอะไร :m20: แล้วใครเป็นเมียน้องผีแถมมีลูกด้วยไม่ได้นะ :katai1: เราอุส่าห์ชงกรมพีมานาน ถึงบางครั้งจะคิดว่าพี่กรมอาจจะไม่ใช่พระเอก :mew2: แต่ตอนนี้พี่กรมพระเอกมากหล่อมากด้วยแบบว่าหล่อทั้งกายทั้งใจเลยอ่ะ พูดดีมากๆเลยตอนคุยกับยาย :-[ ถ้าพี่กรมไม่ใช่พระเอกหน้าเราก็จะประมาณนี้ :a5: ความรู้สึกก็จะแบบนี้ :z6: พี่กรมก็คือพระเอกนั้นแหละแต่ทำไมบางครั้งไม่มองพี่แกเป็นพระเอกก็ไม่รู้ น้องผีตอนนี้ก็เท่มากน้องมีไหวพริบดีอ่ะชอบ ยอมความอดทนที่ให้เขาให้ต่อย ชอบเหตุผลที่น้องไม่สู้อ่ะ :z3: หลัวมากเจาคนนี้หาได้จากไหน ยิ่งตอนสุดท้ายที่พูดอ่ะเอาใจเราไปเลยจ้า :-[ เราเข้ามารอนิยายของนักเขียนทุกวันเลย ดีใจมากๆที่นักเขียนก็มาอัพทุกวันเหมือนกัน ขอบคุณมากๆนะคะ :L1: เลิฟๆนักเขียน เราเป็นกลจให้นะสู้ๆ นิยายสนุกมากๆมาต่อเร็วๆนะ :กอด1: :L1: :pig4:  :3123:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ตอนที่ 4.2 (12/02/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: Wtftt ที่ 13-02-2019 05:54:12
รอๆไๆๆ พี่หล่อน้องผีค่ะ รีบมาอัพนะคะ
น้องปกป้องพี่แล้วนะ
สงสารพี่กรม
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ coming soon (13/02/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: KJH177 ที่ 13-02-2019 14:19:23


coming soon


“ ยังไม่ตายห่าอีก”
.
.
.
“ ที่โดนทำร้ายนี่จัดฉากหรือเปล่าครับ?”
.
.
.
“ ไม่ใช่ความผิดมึง”



Welcome Jaota ^^
Jaota is coming soon
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ตอนที่ 4.2 (12/02/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: KJH177 ที่ 13-02-2019 16:55:58
บทที่ 5.1
บาดแผลจากการเลือกตั้ง


หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นไลฟ์ของเพจสำนักข่าวดังกล่าวกลายเป็นกระแสและถูกวิพากษ์วิจารณ์ในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ทุกคนต่างพูดถึงวีรกรรมของนักข่าวที่ไร้จรรยาบัน และอีกคนที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือเด็กที่ถูกทำร้ายในคลิปดังกล่าวที่กล้าเสี่ยงชีวิต


   น้องเขามีสติมากที่ไม่ตอบโต้


   ไม่อยากจะคิดว่าถ้าน้องเขาตอบโต้ไป กระแสจะย้อนกลับจะเข้าพรรคไหม แต่อย่างไงก็ชื่นชมค่ะ


   ขอให้น้องปลอดภัย


   นักข่าวคนนั้นไม่ควรมีที่ยืนในสังคม


   โหดร้าย


   จัดฉากเพื่อสร้างกระแสหรือเปล่า จะทำอะไรเพื่อเรียกคะแนนลงทุนขนาดนี้เลย??


   ชื่นชมน้องในคลิปค่ะ

 
   พรรคนี้ได้ใจไปเต็มๆ นโยบายที่ว่าเยี่ยม แต่มาเจอเหตุการณ์นี้ไม่ผิดหวังที่จะลงคะแนนเลยค่ะ


   เอาคนผิดมาลงโทษ


   สร้างกระแส สร้างกระแส สร้างกระแส สร้างกระแส!!!!


   และอีกหลายๆคอมเม้นต์หลายกระแสที่เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในตอนนี้ ตำรวจไม่สามารถสอบปากคำได้หมดเพราะอีกฝ่ายยังคงรักษาตัวอยู่ ทำให้ได้ข้อมูลมาแค่ฝ่ายเดียวแม้ว่าจะมีคลิปที่เป็นหลักฐานชั้นดีในการดำเนินคดีแล้วก็ตาม แต่ถึงอย่างไรต้องมีการสอบสวนเพื่อหาข้อมูลและข้อเท็จจริงเพิ่มเติมหลังจากที่เด็กที่ถูกทำร้ายรับการรักษาเสร็จ



Jaokom’s talk


   ผมไม่รู้ว่าเหตุการณ์มันเป็นมาอย่างไง แต่สิ่งที่ผมจะทำต่อไปนี้คือการคุยกับพ่ออย่างจริงจังว่าเลิกดึงผมและเพื่อนๆของผมมาเกี่ยวข้องกับการเมืองและการเลือกตั้งครั้งนี้อีก ผมเบื่อที่เจอกับเรื่องแบบนี้อีกต่อไปแล้ว และที่สำคัญเหตุการณ์นี้มันก็รุนแรงมากเหลือเกิน เกินกว่าที่เด็กปีหนึ่งอย่างไอ้พีต้องมารับเคราะห์กรรมครั้งนี้ ผมเป็นห่วงความรู้สึกของมันหลังจากนี้จริงๆว่ามันจะรับได้ไหมกับกระแสสังคมที่ออกมาเป็นสองเสียง มีทั้งชื่นชมและวิจารณ์อย่างรุนแรง ผมหวังว่าน้องมันจะไม่เป็นอะไร...


หมับ


   “ เจ้ากรมลูกแม่” ผมไม่รู้ว่ากระแสข่าวมันดึงไปไกลแค่ไหนแต่สิ่งที่ผมเห็นก็คือหน้าของแม่ที่ไม่ได้เจอกันห้าปีวิ่งมากอดผมแน่จนผมทำตัวไม่ถูกเพราะผมไม่ได้กอดแม่มานาน... นานตั้งแต่แม่เดินจากบ้านของเราไปพร้อมกับ ‘เจ้าท่า’ พี่ชายฝาแฝดของผม


   “ ผมไม่ได้เป็นอะไรครับแม่” ผมผละออกจากอ้อมกอดของแม่เบาๆ ด้วยความไม่ชิน


   “ แม่จะไปบอกพ่อของลูกว่าแม่จะเอาลูกไปอยู่ด้วย” เมื่อก่อนผมก็คิดนะว่าผมอยากไปอยู่กับแม่ แต่ถ้าผมไปแล้วพ่อจะอยู่กับใคร ถ้าพ่อไม่บังคับผมเรื่องให้ผมออกไปหาเสียงไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองผมก็อยู่กับพ่อได้ ขอแค่อย่าบังคับผมอีกก็เท่านั้น แต่ถ้าผมต้องไปอยู่กับแม่จริงๆผมว่าผมทำไม่ได้


   “ ไม่เป็นไรครับ”


   “ ไม่รู้แหละ แม่จะจัดการ” แม่เดินหายออกไปอีกทางคาดว่าน่าจะไปหาพ่อ ผมไม่รู้ว่าที่แม่ทำแบบนี้คือต้องการเอาชนะพ่อหรือเป็นห่วงผมจริงๆ หลังจากที่แม่ออกแล้วทำให้ผมเห็นคนที่มาใหม่อีกคนที่ผมไม่ได้เจอมานานมากเหมือนกัน ผู้ชายที่หน้าเหมือนผมทุกอย่างตั้งแต่หัวจรดเท้า


   “ ไง” มันทักผมแค่นั้น


   “ ไงไรของมึง” แน่นอนว่าผมไม่ถูกกับมันจะเรียกว่าไม่ถูกก็ไม่ได้ให้เรียกว่าชอบทะเลาะกันมากกว่า ไม่เจอหน้ากันมาห้าปีหน้ามันยังหล่อเหมือนเดิมเลยครับ จะไม่หล่อได้ไงก็ในเมื่อมันหน้าเหมือนผมขนาดนั้น


   “ ยังไม่ตายห่าอีก” มันพูดพร้อมกับเดินมานั่งข้างๆผม


   “ กูอายุยืนกว่ามึงเยอะไอ้ท่า”


   “ เลิกได้ละอะไรเสี่ยงๆแบบนี้” ถึงน้ำเสียงมันจะดูห้วนแต่แววตาของมันก็บ่งบอกว่ามันก็เป็นห่วงผมอยู่ไม่น้อย แต่ผู้ชายด้วยกันมันจะแสดงออกอย่างไงไม่ให้มันแปลกๆวะ ถึงจะเป็นพี่น้องกันก็เถอะ บอกตรงๆนะครับผมไม่ชินไม่ใช่ว่าขนลุกหรือรังเกียจมันเป็นเพียงแค่ความไม่เคยชินก็เท่านั้นตลอดเวลาที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน ไม่เคยเจอกัน และไม่ได้ติดต่อกันทั้งๆที่เราก็อยู่กรุงเทพเหมือนกันนั่นคือช่องว่างทั้งของผมและก็ของไอ้ท่าด้วย


   “ เออๆ กูก็แค่อยากจะช่วยพ่อ” ผมเลือกที่จะตอบปัดๆมันออกไปแทนที่จะตอบตามความคิดและความรู้สึกที่ผมอยากจะขอบคุณมันจริงๆที่ยังเป็นห่วงผมอยู่


   “ พระเอกนะมึง จะเอาตัวไม่รอด” ไอ้ท่าพูดทิ้งไว้แค่นั้นมันก็เดินตามแม่ออกไป ส่วนผมก็นั่งรออยู่ที่เดิม ที่ผมเป็นห่วงคือไอ้พีมันหัวแตกมาเมื่อคืนพึ่งเย็บไปหยกๆ พอมาวันนี้มันต้องมาเย็บอีก ไม่อยากจะเห็นภาพมันเลยครับ


แอ๊ดดด


   มนุษย์หมอและบุรุษพยาบาลเปิดประตูห้องออกมาพร้อมกับไอ้พีที่นั่งอยู่บนรถเข็นที่หน้ามันเต็มไปด้วยผ้าพันแผลมากมายเรียกว่าแทบจะทุกส่วนบนใบหน้าของมันเลยก็ว่าได้ ผมเดินเข้าไปหามันทันที เมื่อไอ้พีเห็นว่าผมเดินไปหามันก็ยิ้มให้ผมทั้งๆที่หน้ามันมีแผลอยู่


   “ มึงจะยิ้มทำไมวะ” ผมส่ายหัวให้ไอ้พีที่ยังมีหน้ามายิ้มให้ผมทั้งๆที่ตัวมันยังเจ็บ ด้วยความหมันไส้หรืออะไรทำให้ผมผลักหัวมันไปหนึ่งที


   “ พี่ ผมเจ็บอยู่” มันพูดขึ้นหลังจากที่ผมผลักมัน


        “ เดี๋ยวผมเข็นเองครับ”  ผมเดินเข้าไปเข็นรถให้ไอ้พีแทนบุรุษพยาบาล


   “ หมอเย็บไปหลายแผลอยู่นะครับ ดีที่ว่าน้องเขาไม่ได้บาดเจ็บอะไรมาก แต่ว่าต้องไปให้ปากคำกับตำรวจที่รออยู่” หมอหันมาพูดกับผมที่ตอนนี้เรากำลังเดินมุ่งหน้าไปห้องพักที่มีตำรวจรอสอบปากคำพีที่เป็นพยานและผู้ที่ถูกทำร้ายในเหตุการณ์ครั้งนี้


พรึบ!


   ยังไม่ทันที่ผมจะเข็นไอ้พีเข้าไปในห้องอยู่ๆนักข่าวจากไหนก็ไม่รู้แห่เข้ามารุมทางผมกับพีจนไม่สามารถที่จะขยับหรือเข็นพีหนีไปทางไหนได้


   “ ไม่ทราบว่าเรื่องเป็นมาอย่างไรคะ”


   “ ที่โดนทำร้ายนี่จัดฉากหรือเปล่าครับ?”


   “ ตอนที่มีหลายกระแสมากเลยนะครับ คิดเห็นอย่างไร”


   หลากหลายคำถามพุ่งตรงมาที่ผมกับไอ้พีอย่างที่ไม่ทันได้ตั้งตัว สิ่งที่ผมทำได้ตอนนี้คือนิ่งและปล่อยให้ทุกคนถามออกมา เอาจริงๆใจผมตอนนี้เริ่มจะไม่สามารถควบคุมตัวเองได้แล้ว ผมอยากจะผลักคนพวกนั้นให้ออกไปให้พ้นทางเดินของผม อยากจะกระชากมาต่อยให้รู้แล้วรู้รอด แต่ผมก็ทำไม่ได้.....


   สิ่งที่ผมทำได้ตอนนี้คือการนิ่งเพื่อรักษาหน้าของพ่อผม.....



Pee’s talk


   ความวุ่นวายตรงหน้าเล่นเอาผมถึงกับไปไม่เป็นเลยครับ จากที่ผมพึ่งได้สติหลังจากที่ผมสลบไปเมื่อตอนที่โดนต่อย ตอนนี้ผมว่าผมเริ่มมึนอีกแล้ว ทั้งแสงไฟ แสงแฟรชที่สาดเข้ามาจนผมถึงกับต้องหยี่ตาเพื่อหลบแสงพวกนั้น แต่สิ่งที่ทำให้ผมมึนขั้นสุดก็คือคำถามของเหล่านักข่าวที่ถามออกมาจนผมเองก็ฟังไม่รู้เรื่องว่าใครถามอะไร เพราะเสียงของทุกคนตีกันไปหมด


   “ ขอโทษนะครับ ผมจะไม่ตอบอะไรจนกว่าที่ตำรวจจะสรุปสำนวนคดีนะครับ ผมขอตัว” ผมได้ยินเสียงพี่กรมถอนหายใจออกมาก่อนที่เขาจะดันผมออกท่ามกลางกองทัพนักข่าว แต่ยังไม่ทันที่พี่กรมจะเข็นผมไปได้ไกลนักข่าวก็วิ่งมารุมล้อมหน้าล้อมหลังผมอีกรอบ ทำให้พี่กรมหยุดมือเข็นรถทันที


   “ ทุกคนครับผมรู้ว่าทุกคนมีหน้าที่ของตัวเอง แต่ตอนนี้สงสารคนเจ็บหน่อยนะครับ น้องต้องการพักผ่อนจริงๆ” ถึงแม้ว่าคำพูดของพี่กรมจะเอ่ยออกมาด้วยความสุภาพ แต่ถ้าฟังดีๆแล้วน้ำเสียงของพี่กรมเริ่มนิ่งจนนักข่าวทุกคนต้องแหวกทางให้พี่กรมมีพื้นที่เข็นผมออกไปได้


   “ ขอบคุณนะครับ” พี่กรมหันหลังมาโค้งให้สื่อมวลชนต่างๆก่อนจะเข็นผมเข้าไปในห้องพักที่ตอนนี้มีคนอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นพ่อพี่กรม ตำรวจพี่เทพ พี่วินและพี่คิน


ปึง!


   พ้นสายตาของนักข่าวพี่กรมกระชากประตูแรงๆก่อนจะตะโกนถามทุกคนออกไปด้วยความโมโหที่ผมเองก็ไม่เคยเห็นพี่กรมมันเป็นแบบนี้มาก่อน


   “ ผมไม่เข้าใจว่าทำไมปล่อยให้นักข่าวเข้ามาวุ่นวายขนาดนี้ ทั้งๆที่ผมต้องพาพีมาที่ห้อง คนก็ตั้งเยอะไม่จัดกำลังมาคุมตรงนี้หน่อยหรอครับ?!” พี่กรมตรงเข้าไปพูดกับพ่อของพี่กรมแต่น้ำเสียงของพี่กรมดังจนทำให้คนที่อยู่ในห้องได้ยินกันถ้วนหน้า จากเสียงพูดคุยในตอนแรกค่อยๆเงียบลงทันที


   “ พ่อก็วุ่นๆอยู่กับตำรวจ” ท่านอัศวินตอบลูกชายของเขา ผมดูจากท่าทางของท่านอัศวินตอนนี้ท่านเองก็น่าจะวุ่นหลายอย่างทั้งเตรียมให้สำภาษณ์และเรื่องของคดีวันนี้ “ เดี๋ยวต้องสัมภาษณ์อีกตอนบ่ายสามหลังจากที่ตำรวจสรุปข้อกล่าวหา”


   “ มันจะต้องสัมภาษณ์ให้เป็นเรื่องใหญ่? สิ่งที่ควรโฟกัสมันไม่ใช่คนเจ็บหรอกหรอครับ?! ”


   “ กรม ตอนนี้มันใหญ่ไปแล้วลูก” ท่านอัศวินยื่นมือมาตบไหล่พี่กรมเบาๆด้วยความใจเย็นทั้งๆที่ตอนนี้พี่กรมอารมณ์โคตรร้อน แต่ท่านอัศวินเองก็พยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบลูกชายของตัวเองด้วยคำพูดและเหตุผล “ เอาไว้ไปคุยที่บ้าน”


   “ ครับ ตามนั้น เอาที่พ่อต้องการเลย” และผมก็ไม่เห็นพี่กรมอีกเลยหลังจากที่เขาคุยกับท่านอัศวินเสร็จ



   ผมให้ข้อมูลและหลักฐานที่ผมถ่ายให้กับตำรวจทั้งหมด ดูก็รู้ว่าใครจะชนะและใครที่จะต้องถูกดำเนินคดี ผมเองก็ไม่ได้มีเจตนาไม่ดีอยู่แล้ว ที่ผมทำไปทุกอย่างก็เพื่อปกป้องพี่กรมที่เปรียบเสมือนพี่ชายของผม ถ้าเหตุการณ์นี้ไม่ใช่พี่กรมที่โดนผมก็ยังคงจะยืนยันว่าผมก็จะทำแบบที่ผมทำ


   “ ตามที่ทุกคนเห็น ผมได้พูดทุกอย่างไปหมดแล้ว ก็ขึ้นอยู่ที่การพิจารณาและดุลยพินิจของทุกคนครับ” และนี่คือประโยคสุดท้ายที่ผมพูดออกไปก่อนที่จะจบการสัมภาษณ์ในครั้งนี้ หลังจากที่ผมนั่งตอบคำถามและเล่าเหตุการณ์ทุกอย่างต่อหน้าสื่อมวลชน


   หลังจากนั้นผมก็ถูกพี่ๆนักข่าวถามอีกสองสามคำถามแต่ผมไม่ได้ตอบออกไป เพราะก่อนหน้าที่จะขึ้นมาสัมภาษณ์พี่กรมเป็นคนสั่งห้ามไม่ให้ผมตอบนอกเหนือที่สัมภาษณ์ ให้พูดแค่สิ่งที่เตรียมเอาไว้และพูดในสิ่งที่มันอยู่ในขอบเขตของผม


   ‘ มึงพูดแค่เรื่องที่มึงต้องการให้เขารู้ อย่าพูดอะไรที่จะทำให้กระแสตีกลับไปหามึง ถ้านักข่าวจี้มึงมากก็ให้เงียบ ควบคุมอารมณ์ตัวเองให้ดี’ พี่กรมบอกผมแค่นั้นก่อนที่เราจะขึ้นไปทำหน้าที่ของตน ผมนั่งห่างออกมาจากพี่มันโดยที่ท่านอัศวินนั่งตรงกลางระหว่างผมกับพี่กรมโดยที่มีพวกพี่เทพยืนให้กำลังใจอยู่ด้านล่าง ผมจะดีใจกว่านี้ถ้าเกิดว่าผมมาแถลงข่าวเรื่องอื่น


   ผมเข้าใจในสิ่งที่พี่มันพูดกับผมก่อนหน้านี้แล้วจริงๆว่าพี่มันต้องเจอกับความวุ่นวายและความอึดอัดมากแค่ไหน ขนาดผมพึ่งมาเจอกับตัวแค่วันนี้ผมรู้เลยว่ามันไม่ง่าย ไม่ง่ายเลยจริงๆ ต่อไปนี้ผมจะไม่ลากพี่กรมมันมาทำอะไรในสิ่งที่ไม่ชอบแบบนี้อีกแล้ว


   “ ไอ้หนุ่มลุงขอโทษเอ็งด้วยนะ ที่พามาเจ็บตัว ลุงโทรบอกกับพ่อเอ็งแล้ว” ท่านอัศวินเดินตรงมาหาผมที่นั่งรอรถของไอ้พี่เทพที่หน้าโรงพยาบาลกับพวกพี่กรมพี่วินและพี่คินหลังจากที่สัมภาษณ์เสร็จ


   “ ครับ ไม่เป็นไรครับท่านผมเต็มใจ” ผมยิ้มให้ท่านอัศวินเพื่อให้ท่านเห็นว่าผมไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ แต่ทำไมตอนนี้ผมรับรู้ถึงสายตาแปลกๆของพี่กรมกับท่านอัศวิน มันทำให้บรรยากาศดูน่าอึดอัดขึ้นมาทันที ผมว่าผมจะต้องสร้างบรรยากาศให้สนุกสนานกว่านี้


   “ เอ่อท่านครับ พอดีว่าเงินวันนี้โอนมาที่บัญชีผมเลยนะครับ” ไอ้ปากเวร! ผมว่าผมจะมาสร้างบรรยากาศแต่ที่ไหนดันสร้างบรรยากาศให้ดูแย่เข้าไปมากกว่าเดิมมากกว่า ผมนี่รีบเอามือปิดปากแทบจะไม่ทันเพราะสายตาดุๆของพี่กรมที่ส่งมาให้ผม


   “ มันใช่เวลามาพูดเรื่องนี้ไหมพี ก็รู้ว่ามึงงกแต่ช่วยดูสถานการณ์ด้วย” พี่กรมดุขึ้นมาหลังจากที่ผมพลาดท่าไปหาเรื่องใส่ตัวเองด้วยการพูดเรื่องเงิน


   “ อย่าไปว่าน้องมันเลย” ท่านอัศวินพูดบอกลูกชายของตนที่ตอนนี้หันหน้าหนีไปทางอื่นเป็นที่เรียบร้อย พร้อมกับยื่นซองบางอย่างมาให้ผม


   “ อะไรครับท่าน?”


   “ ค่าทำขวัญ รับไปเถอะลุงรู้สึกผิดกับเอ็งนะไอ้หนู” ผมก็เกรงใจระดับหนึ่งแหละครับ แต่พ่อกับแม่สอนผมเอาไว้ว่าถ้ามีผู้ใหญ่ให้ของเราก็ต้องรับเอาไว้ ดังนั้นผมจึงรับซองที่ท่านอัศวินยื่นมาให้ทันทีด้วยความเต็มใจ


   “ จริงๆเลยมึง” จังหวะนั้นพี่เทพขับรถเข้ามาพอดีหลังจากที่เกิดเรื่องไอ้พี่เทพก็กลับไปเอารถที่บ้านของท่านอัศวินโดยให้เหตุผลว่าจะได้กลับกันเลยไม่ต้องย้อนไปย้อนมา


   “ พวกมึงกลับกันเลย ฝากไปส่งไอ้เด็กนี่ด้วย เดี๋ยวกูกลับกับพ่อ” พี่กรมเข็นผมมาส่งที่รถของพี่เทพพร้อมกับเพื่อนๆของเขา ดูจากหน้าพี่กรมก็รู้ว่าวันนี้เขาเหนื่อยแค่ไหน


   “ พี่กรม ผมขอโทษนะพี่” ผมยกมือไหว้พี่มันก่อนที่จะปิดประตูรถทางเบาะด้านหลังที่พี่มันมาส่ง


   “ ไม่ใช่ความผิดมึง” พี่กรมวางมือลงบนศีรษะของผมเบาๆ “ กลับไปพักผ่อน หลังจากนี้ชีวิตมึงจะวุ่นวายอีกเยอะ ขอบคุณแล้วก็ขอโทษที่ต้องพามึงมาเจออะไรแบบนี้นะน้องผี” สายตาที่เหมือนว่าจะเป็นห่วงผม มันหมายความว่าอะไรกัน พี่มันเป็นห่วงผมอย่างนั้นหรอกหรอ?


ปึง!


   ยังไม่ทันที่ผมจะได้ถามพี่กรมในสิ่งที่พี่มันพูด เพราะพี่กรมดันประตูรถปิดใส่ผมขึ้นมาดื้อๆ และเดินกลับไปหาพ่อของเขาเหมือนเดิม ผมมองพี่กรมก่อนจะลับสายตาหลังจากที่พี่เทพขับรถออกจากโรงพยาบาล


   “ มันไม่เป็นอะไรหรอก เชื่อกู” พี่เทพที่เขาคงจะเห็นว่าผมยังมองตามพี่กรมจนต้องเอี้ยวตัวกลับไปดูครั้งแล้วครั้งเล่า พูดขึ้นผ่านสายตาที่ส่งมาผมผ่านทางกระจก


   “ ชีวิตพี่เขาน่าจะวุ่นวายจริงๆแหละครับ”


   “ มันเจออะไรมาเยอะกว่าที่มึงรู้ เส้นทางที่ไม่มีโอกาสได้เลือกเอง เจ็บกว่าการที่เลือกเองแล้วเดินผิดพลาดอีกนะ ผิดก็ยังกลับมาเดินใหม่ แต่ถ้าไม่ได้เลือกเองจะกลับมาเดินใหม่อีกกี่รอบก็ไม่ได้” ผมก็ยังไม่เข้าใจในสิ่งที่พี่เทพพูดอยู่ดี แต่ผมแค่รู้สึกว่าพี่กรมมันต้องผ่านอะไรมาเยอะแบกรับความกดดันจากหลายสิ่งหลายอย่างแน่นอน


   “ อึดอัดน่าดูนะพี่”



   “ อือ มันอยู่ใต้เงาพ่อมันมาตลอด” อยู่ใต้เงาพ่อมาตลอด? ผมเข้าใจนิยามของคำนี้ดีผ่านการกระทำของพี่กรมและท่านอัศวิน เพียงแค่ผมได้เข้ามาคลุกคลีกับชีวิตพี่กรมถึงมันจะเป็นเวลาเพียงเล็กน้อย แต่ผมว่าผมก็พอจะจับใจความอะไรได้บางอย่าง อย่างนี้ไงครับที่พี่กรมไม่ค่อยชอบสังคมแบบนี้สักเท่าไหร่ที่สังคมจดจำเขาได้เพราะพ่อของเขา


   “ แล้วพี่กรมออกไม่ได้หรอกหรอครับ?”


   “ มึงเข้าไจไหมว่าไอ้กรมมันออกไม่ได้ มันไม่มีลูกคนไหนที่จะทิ้งพ่อแม่ ยิ่งเหลืออยู่สองคน” ผมก็พอจะรู้ว่าพี่กรมอยู่กับพ่อสองคน แต่เบื้องลึกเบื้องหลังผมยังไม่รู้รายละเอียดเท่าไหร่


   “ มึงคอยดูไป แล้วมึงก็จะรู้เองไอ้พี” ผมก็หวังว่าผมจะได้เข้าไปอยู่ในชีวิตของพี่มันจริงๆ อยากจะรับรู้และแบ่งเบาความรู้สึกแย่ๆของพี่มันด้วยความเกรียนของผม.....


   “ You’ll never be alone”


   “ ......”



   PS.ความสัมพันธ์นักเขียนอยากให้มันดูเรียลความสัมพันธ์ค่อยๆขยับทีละเล็กทีละน้อยแต่รับรองว่ายิ่งติดตามจะยิ่งเห็นโมเม้นต์ค่ะ รอกันหน่อยเด้อออออ
PS. วันนี้พี่กรมบอกว่าจะมารออ่านคอมเม้นต์ค่ะ เม้นต์ให้พี่เขาด้วยละเดี๋ยวจะงอนเอา คริๆ


Twitter : @Kaitodpendekdee (https://twitter.com/kaitodpendekdee)
FB : Kaitodmalewja (https://www.facebook.com/Kaitodmalewja-769692296744615/)
แค่จิ้มก็ไปพูดคุยและติดตามกันได้เด้อ ไว้ดูว่านักเขียนอัพนิยายตอนไหน
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ตอนที่ 4.2 (12/02/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: nikpook ที่ 13-02-2019 20:07:12
พี่กรมสู้ๆ พี่ต้องผ่านมันไปได้ :กอด1: อ่านแล้วรู้สึกอึดอัดมากๆสังคมรอบตัวแบบไม่โอเค ฝากความหวังไว้กับความเกรียนของน้องผี :hao7: เริ่มสงสารน้องผีนิดๆเข้าโรงพยาบาลไม่หยุดกันเลยทีเดียว ขำตอนน้องรับเงินเรื่องเงินเรื่องใหญ่5555  รู้สึกโมเม้นต์ตอนนี้เยอะมาก :-[  ดีย์งาม แต่แม่กับฝาแฝดพี้กรมมาดีใช่มั้ย อยากอ่านตอนต่อไปแล้ว มาต่อเร็วๆนะสนุกมากกก :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ตอนที่ 4.2 (12/02/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 13-02-2019 23:34:17
น้องผี งกทุกเม็ดจริงๆ

 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ตอนที่ 4.2 (12/02/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 13-02-2019 23:39:24
 o13
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ สัมภาษณ์ (14/02/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: KJH177 ที่ 14-02-2019 19:49:26
Valentine’s Day with Jaokom & Pee


Kaitod : สวัสดีค่ะ ไรท์ไก่เองค่ะ วันนี้เราจะมาสัมภาษณ์น้องๆทั้งสองกันนะคะในหัวข้อวันวาเลนไทน์ ก่อนอื่นเลยแนะนำตัวสั้นๆให้ทุกคนรู้จักหน่อยค่ะ


Pee : พี


Kaitod : เอ่อ..........


Jaokom : ไอ้น้องผีกูว่าสั้นไป


Pee : พีครับบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ


Jaokom : อันนี้มึงกวนตีน


Pee : อะล้อเล่งขำๆ / เนียนเอาหน้าไปซบไหล่คนพี่ที่นั่งทำหน้าเอือม


Jaokom : ผมเจ้ากรมครับ เรียกผมว่าพี่กรมเหมือนไอ้เด็กผีนี่ก็ได้ครับ


Kaitod : วันนี้มีคำถามเยอะเลยค่ะ ^^


Pee : ผมคิดเงินนะเอาจริง ค่าตัวไม่ใช่เล่นๆ


Kaitod : เอ่อ....ติดไว้ก่อนค่ะ


Jaokom : ผมรีบครับ คุณไก่


Kaitod : อ่าๆ เข้าเรื่องเลยค่ะ ทางคนอ่านที่น่ารักอยากจะรู้ว่าเมื่อไหร่พวกน้องทั้งสองจะได้กันสักทีคะ ช้ามาก


Pee : ดูปากน้องพีนะครับ ผม พึ่ง มา ห้า ตอน เอง นะ อย่ารีบเลยครับผมยังไม่อยากโดนพี่มันข่มขืน


Jaokom : ถามกูยังว่าอยากจะข่มขืนมึงไหม?


Pee : มันก็ต้องมีอยากกันบ้างแหละ ผมน่ากินขนาดนี้ อดใจไหวหรอจ๊ะ / ยื่นมือไปแหย่คางของเจ้ากรมเล่น ทำให้เจ้าปัดออก


Jaokom : ผมพูดคำหยาบได้ไหมครับ?


Kaitod : น้องพูดไปแล้ว ไม่ต้องขอก็ได้นะ ไรท์ไม่ถือจ้ะ


Jaokom : ขอโทษล่วงหน้าไว้เลยครับ ไอ้เด็กข้างๆนี่มันชอบกวนตีน


Pee : แหม มาว่าน้องกวนตีน ขาดน้องไปเดี๋ยวจะรู้สึก


Jaokom : รู้สึกดี?


Kaitod : ทานโทษนะคะ ไรท์ยังอยู่ตรงนี้


Pee : แล้วใครว่าพี่ไม่อยู่อะครับ / ยักคิ้วสองข้างสลับกันไปมา


Jaokom : มีอะไรจะถามอีกไหมครับคุณไก่


Kaitod : เร่งจังคะ มาๆเข้าเรื่อง วันนี้ก็วันวาเลนไทน์อยากรู้ว่าทั้งคู่คิดอย่างไงกับวันนี้


Pee : วันที่ผมจะต้องเสียตัวครับ / ป๊าบ โดนฝ่ามือพิฆาตฝาดลงมากลางกระหม่อม


Jaokom : จริงจังหน่อย อย่าทำเป็นเล่น


Pee :  ทำไมพี่ต้องดุผมด้วยวะ


Jaokom : แล้วมึงวะกับใครไอ้พี?


Pee : กับมึงอะพี่


Jaokom : เดี๋ยวกลับบ้านมึงเจอ ปากดี ดีนักนะมึง / ดึงหัวน้องมันมากอดอย่างเนียนๆ


Kaitod : ตอบค่ะ!!


Pee :  ตรงกับวันที่ 14 กุมภาพันธ์ของทุกปี วันวาเลนไทน์มีการเฉลิมฉลองในหลายประเทศทั่วโลก ส่วนใหญ่เป็นประเทศทางตะวันตก แม้จะยังเป็นวันทำงานในทุกประเทศเหล่านั้นก็ตาม "วันนักบุญวาเลนไทน์" แต่เดิมเป็นเพียงวันฉลองนักบุญในศาสนาคริสต์ยุคแรกหนึ่งหรือสองคนชื่อวาเลนตินัส ความหมายโรแมนติกโดยนัยสมัยใหม่นั้นกวีเพิ่มเติมในอีกหลายศตวรรษต่อมาทั้งสิ้น มีการกำหนดวันวาเลนไทน์ขึ้นครั้งแรกโดยสมเด็จพระสันตะปาปาเกลาซิอุสที่ 1 ใน ค.ศ. 496 ก่อนที่สมเด็จพระสันตะปาปาปอลที่ 6 จะให้ตัดออกจากปฏิทินโรมันทั่วไป ในปี ค.ศ. 1969 วันวาเลนไทน์มาข้องเกี่ยวกับรักแบบโรแมนติกเป็นครั้งแรกในแวดวงสังคมของเจฟฟรีย์ ชอเซอร์ สมัยกลางยุครุ่งโรจน์ เมื่อประเพณีรักเทิดทูน เฟื่องฟู จนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 15 วันวาเลนไทน์ได้วิวัฒนา มาเป็นโอกาสซึ่งคู่รักจะแสดงความรักของพวกเขาแก่กันโดยให้ดอกไม้ ขนมหรือลูกกวาด และส่งการ์ดอวยพรกัน


Jaokom : ผมขอโทษแทนน้องมันด้วยนะครับ เมื่อคืนมันไปเปิดจำจากวิกิพีเดียมา


Kaitod : เอ่อ...ค่ะ ไรท์เข้าใจ


Pee : ผมตอบไม่ดีหรอกหรอครับคุณไรท์


Kaitod : ค่ะ ดีมากๆเลย ต่อไปน้องกรมค่ะ


Jaokom : ผมไม่รู้ดิครับ ก็คงเป็นวันปกติ แต่อาจจะพิเศษตรงที่เราอาจจะมีโอกาสเซอร์ไพร์หรือทำอะไรเล็กๆน้อยๆให้เขาวันนี้ ให้เขาได้รู้สึกดี


Pee : ผมอ่อ


Jaokom : คำถามต่อไปเลยครับ


Pee : ผู้ร้ายปากแข็ง ถึงตอนนี้จะยังไม่รัก แต่....อุ๊บ อิดอากอมอำไอ (ปิดปากผมทำไม)


Jaokom : ต้องขอปิดปากมันก่อนนะครับ น้องผีมันชอบสปอย เอาไว้ไปอ่านกันเองนะครับ


Kaitod : สุดท้ายค่ะ อยากจะบอกอะไรกับกันและกันบ้าง


Pee : เอาจริงๆนะพี่แม่งเปลี่ยนไปวะ / ทำหน้าจริงจัง


Jaokom : เปลี่ยนไปอะไรของมึง?


Pee : เปลี่ยนไปเป็นรัก รักจนหมดหัวใจ รักเพียงแต่เธอ ขอเพียงให้เธอได้รู้


Kaitod : ไม่มีอีกแล้วเพื่อนที่เธอไว้ใจ.......


Pee : ทานโทษนะครับ ของผม -___-


Kaitod : ขอโทษค่ะ แฮะๆ ไรท์ค่อนข้างอิน


Pee : เอาดีๆเลยนะ ก็อยากจะขอบคุณในทุกๆเรื่องที่ผ่านมา จะพยายามไม่ดื้อ ไม่กวน ไม่เถียง จะเป็นเด็กดี


Jaokom : มึงอย่าพูดเพื่อสร้างภาพ กูขอจริงๆ


Pee : รู้ดีนะเราอะ ก็จะบอกพี่ว่าผมก็จะเป็นของผมแบบนี้ ไม่เปลี่ยน จะเกรียนจะกวนแบบนี้ตลอดไป และที่สำคัญนะ ผมอยากจะขอบคุณพี่จริงๆสำหรับที่ผ่านมา


Jaokom : /กลั้นยิ้มสุดยอด


Pee : มาหอมหัวผมที


Jaokom : ให้มากกว่านี้เลย


Pee : เงิน?


Jaokom : ส้นตีนพี่เองครับ


Kaitod : ฮัลโหล ไรท์ยังอยู่ค่ะ


Jaokom : ครับๆ ผมก็ไม่มีอะไรอยากจะพูดกับมันครับ ผมเบื่อไอ้เด็กนี่เต็มทน เอาเป็นว่าผมบอกทุกคนดีกว่านะครับ สุขสันต์วันวาเลนไทน์ รักใครก็อยากลืมบอกรักกันนะครับ


Pee : รัก


Kaitod : บอกใครคะ?


Pee : พ่อผมมั้งครับไรท์


Kaitod : ไรท์ว่าเราจบบทสนทนาเพียงแค่นี้ก่อนนะคะ ฝากติดตามผลงานไรท์ด้วยน้า


Jaokom : รักผมก็ต้องติดตามผมนะครับ


Pee : สุดท้ายนะครับ ผมจะฝากคำคมไว้ให้ทุกคนได้คิด “ ข่มขืนไม่ใช่อาชญากรรม แต่เป็นการกระทำที่ไม่ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้า” เห้ยพี่! ไม่ได้ให้สาธิตตรงนี้ อายเขาเว้ย!!!!!



#เดี๋ยวตอนที่ 5.2 ไรท์มาอัพตอนกลางคืนนะคะ ฝากเม้นให้กำลังใจน้องทั้งคู่ด้วยส่วนใครที่อยากจะถามอะไรน้องพีและเจ้ากรมให้ ใส่ แฮชแท็ก #ถามเจ้ากรมขย่มปฐพี แล้วถามมาได้เลย ไว้ไรท์จะไปเรียกทั้งคู่มาตอบกันอีกจ้า สุขสันต์วันวาเลนไทน์นะจ๊ะ










หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 5.2(14/02/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: KJH177 ที่ 14-02-2019 23:52:04
บทที่ 5.2

บาดแผลจากการเลือกตั้ง 2



มหาวิทยาลัย


   ชีวิตของผมหลังจากเหตุการณ์นั้นเรียกว่าเปลี่ยนไปเลยก็ได้ครับ วุ่นวายอย่างที่พี่กรมมันบอกจริงๆ ทั้งเพื่อนๆที่เข้าหาผมมากขึ้นกว่าเดิม เข้ามาถามว่าเหตุการณ์มันเกิดอะไรขึ้นและอยากที่จะเป็นเพื่อนกับผมทั้งๆที่ก่อนหน้านี้แทบจะไม่มีใครสนใจเด็กในหลืบคณะอย่างผมซักเท่าไหร่ คอมเม้นต์ทางโซเชียลก็เสียงแตกออกเป็นสองฝั่งอีกฝั่งชื่นชมผม ส่วนอีกฝั่งก็ด่าผมว่าอยากมีซีนอยากจะเกาะกระแสพรรคดัง และอะไรอีกมากมาย โชคดีที่ผมไม่ใช่คนซีเรียสและเก็บเรื่องพวกนี้มาก ถ้าคิดมากไปก็ทำให้ผมนั่นแหละครับที่ต้องปวดหัว ผมยังไม่อยากใช้สมองของผมไปปวดหัวกับเรื่องนี้สักเท่าไหร่ เพราะสมองของผมมีไว้คิดสำหรับเรื่องคนอื่นเท่านั้นครับ


       “ พี กูโคตรรำคาญเพื่อนใหม่มึงเลย ออเซาะฉิบหายดูก็รู้ว่าไม่จริงใจ” ตอนนี้ผมเดินมากับไอ้เจ๋งในช่วงพักกลางวันหลังจากที่ผมเรียนวิชาในช่วงเช้าเสร็จ


   “ จะบอกว่ามึงจริงใจอย่างนั้นดิ?” ผมแกล้งหันไปถามไอ้เจ๋งที่เดินอยู่ข้างๆ


   “ เออ! ไม่มีใครจริงใจเท่าพวกกูสองคนแล้วที่กล้าคบเด็กบ้านนอกอย่างมึง” ดูมันพูดดิครับหน้าตบหัวฉิบหายพูดมาได้ว่าผมเด็กบ้านนอก มันก็ไม่ต่างจากผมแค่บ้านมันอยู่ใกล้กรุงเทพกว่าผมนิดเดียวเองทำมาข่มว่าตัวเองในเมือง


   “ กูรู้นะเพื่อนเจ๋งว่ามึงหึงกู” ผมมองหน้าไอ้เจ๋งด้วยด้วยสายตายั่วยวนกวนบาทา ผมชอบแหย่ให้มันหัวร้อนเล่นครับ เวลาที่หัวร้อนไอ้เจ๋งมันโคตรจะตลกเลย


   “ หึง! หึงจะแย่เลยครับเพื่อนพี” ผมเดินคุยเล่นมากับไอ้เจ๋งจนกระทั่งถึงโรงอาหาร ผมลืมบอกไปครับว่าวันนี้ไอ้บิวเพื่อนรักของพวกเรามันไม่ได้มาเรียนเพราะกลับไปไหว้ตรุษจีนที่บ้านอะไรสักอย่างนี่แหละ ทั้งๆที่วันไหว้จริงๆมันตั้งอาทิตย์หน้าไม่รู้จะรีบหยุดไปช่วยแม่มันทำขนมเข็งขนมเทียนที่ไหน


   “ ไอ้เจ๋งเอาไร วันนี้พี่พีจะเลี้ยงเอง” ผมเดินหาโต๊ะนั่งในโรงอาหารอยู่นานสองนานกว่าที่จะได้นั่ง จนท้ายที่สุดแล้วผมต้องมาขอสาวๆที่มีที่ว่างให้ผมสองคนนั่ง เอาจริงๆเลยนะผมอยากนั่งข้างๆสาวๆมากกว่า และที่พูดว่าจะเลี้ยงผมก็พูดไปงั้น ค่อยเก็บเงินไอ้เจ๋งทีหลังตอนนี้แค่ผมได้พูดเอาหน้าสาวๆเฉยๆ


   “ เอาหน้านะมึง” เหมือนไอ้เจ๋งมันรู้ความคิดทำให้มันหยิบแบงค์ร้อยยื่นให้ผมไปซื้อแทนที่จะให้ผมได้เลี้ยงมันแบบหลอกๆ คนหล่ออย่างน้องพีเซ็งเป็ดไปเลยครับ


   ผมเดินผ่านหน้าร้านก๋วยเตี๋ยวไก่ อยู่ๆคอผมมันก็แข็งอยากจะอ้วกขึ้นมาแบบไม่มีสาเหตุ ตอนนี้ผมกลายเป็นคนที่เกลียดก๋วยเตี๋ยวไก่ไปแล้วหลังจากวันนั้นที่ผมกินไปเกือบสิบชาม


   “ ไอ้หนุ่มเตี๋ยวไก่ไหม ลุงให้ฟรี” เหมือนว่าลุงคนขายจะจำผมได้เขาเลยกวักมือเรียกผมเอาไว้ ถึงปกติผมจะชอบของฟรีก็เถอะ แต่ครั้งนี้ผมไม่สามารถมองก๋วยเตี๋ยวไก่เหมือนเดิมได้อีกต่อไป


   “ ไม่เป็นไรครับลุง ผมอิ่มแล้ว” ผมยกมือไหว้ลุงก่อนที่ผมจะเดินเลี่ยงออกไปซื้อข้าวราดแกงแถวๆนั้นโดยที่เลือกซื้อกับข้าวเหมือนกันกับไอ้เจ๋ง


   ผมเดินถือข้าวสองจานอย่างอารมณ์ดี ไม่รู้ว่าผมไปอารมณ์ดีมาจากไหนเพราะตลอดทางผมร้องเพลงมาตลอดทำให้คนแถวๆนั้นมองผมเหมือนคนบ้า จนกระทั่งมาถึงโต๊ะที่ไอ้เจ๋งนั่งเฝ้าอยู่ในตอนแรก แต่ตอนนี้....ไอ้เจ๋งไม่ได้นั่งกับสาวๆเหมือนตอนที่ผมไปซื้อข้าวเพราะสาวๆในตอนแรกได้กลายเป็นสองหนุ่มที่ผมโคตรจะคุ้นเคยนั่งมองผมอยู่ ไม่ซิ! เรียกว่าจ้องผมอยู่เลยก็ว่าได้


   “ สวัสดีครับพี่ๆ” ผมวางจานข้าวลงบนโต๊ะก่อนจะยกมือไหว้พี่ๆ “ ว่าแต่พี่มีธุระไรกันอ่ะ” เพราะสีหน้าของแต่ละคนดูไม่เล่นหรือสดใสกันเลย ตั้งแต่ครั้งที่ผมแยกย้ายกับพวกพี่กรมพี่เทพผมก็ไม่ได้เจอพี่เขานี่ก็เกือบๆอาทิตย์พึ่งได้มาเจอก็วันนี้หลังจากเหตุการณ์


   “ กูต้องมีธุระถึงมากินข้าวได้รึไงน้องผี?” ไอ้พี่กรมพูดออกมาด้วยสีหน้ากวนๆ


   “ พี่ไม่ได้มาหาผมหรอ?”


   “ สำคัญตัวเองผิดสัดๆเลยครับ” พี่เทพที่นั่งถัดจากพี่กรมไปพูดออกมา


   “ สำคัญตัวถูกได้ไหมครับ อยากจะสำคัญตัวถูกจังเลย” ผมลอยหน้าลอยตาพูดออกไปแม้ว่าสิ่งที่ผมพูดจะไม่มีความหมายหรือสาระอะไรก็ตาม เพราะผมอยากพูดผมก็แค่พูดออกมาเท่านั้น ผมไม่อยากเงียบปากครับกลัวน้ำลายบูด


   “ อมเหรียญไหม? จะได้เงียบปาก?” พี่กรมมันยื่นเหรียญบาทมาตรงหน้าผม


   “ โน โนจ้ะ น้องไม่รับเหรียญ น้องรับแบงค์” ผมยกนิ้วชี้ขึ้นมาสะบัดไปซ้ายทีขวาทีด้วยจริตนางงามพร้อมกับจิกตาใส่พี่มันไปหนึ่งที


   “ มารับตีนกูด้วยหนิมา” พี่เทพบุตรไม่ได้พูดอย่างเดียวแต่พี่มันยกเท้าขึ้นมาใกล้หน้าผมจนผมต้องเป็นฝ่ายดันเท้าพี่มันให้วางลงเหมือนเดิม


   “ ตีนกระตุกง่ายจังนะพี่นะ” ผมแกล้งแซวพี่มันครั้งสุดท้ายก่อนจะเลื่อนจานข้าวที่ซื้อมาตรงหน้าตัวเองเพื่อเตรียมจะกินอีก ส่วนไอ้เจ๋งเพื่อนรักมันตั้งหน้าตั้งตากินอย่างไม่สนสี่สนแปดอะไรแม้กระทั่งสิ่งรอบข้าง


หมับ


   “ พี่?” ผมนั่งงงทันทีที่พี่กรมมันดึงจานข้าวของผมไปกินหน้าตาเฉย


   “ ไปซื้อใหม่ไป กูหิว” พี่กรมไม่ได้หันมามองหน้าผมตอนที่พี่มันพูดเพราะตอนนี้พี่มันสนใจอาหารตรงหน้ามากกว่า “ อร่อยวะ ไอ้เทพลอง” พี่กรมผู้ใจดีมีเมตตาตักหมูแดงชิ้นโตป้อนเพื่อนรักของเขาอย่างพี่เทพ


   “ พี่ครับ ของผมครับ ผมหิวมากครับ” ผมยังคงวอแวกับพี่กรมที่ตั้งหน้าตั้งตากินข้าวในจานของผมประหนึ่งว่าพี่มันเป็นคนไปซื้อมาเอง


   “ ไอ้เจ๋งแบ่งเพื่อนมึงดิ้” พี่เทพเงยหน้ามาบอกไอ้เจ๋ง


   “ ไม่พี่ มันแดกเยอะ ผมไม่อิ่ม” ขอบคุณครับเพื่อนเจ๋งที่ตอบแบบนั้นออกมา ผมโคตรจะซึ้งใจเลยจริงๆ ด้วยความที่ไม่ยอมแพ้ทำให้ผมใช้จังหวะที่พี่เทพกับพี่กรมคุยกันนั้นดึงจากข้าวของตัวเองกลับมาพร้อมกับขว้าช้อนตักกินคำใหญ่


ผั๊วะ!


   “ นิสัยมึง” พี่กรมที่นั่งอยู่ข้างๆตบหัวผมแรงๆจนผมสำลักข้าวออกมาทันที


   “ พี่! ผมติดคอ” ผมพยายามกลืนข้าวให้หมดหลังจากที่พี่มันตบหัวผม “ ถ้ามันติดคอผมตายนะพี่”


   “ มึงก็ตายไงน้องผี” --> พี่กรม


   “ กูเป็นเจ้าภาพเลย” --> พี่เทพ


   “ กูจะรอเก็บทานตอนมึงแห่สามรอบขึ้นเมรุ” --> เจ๋ง


   “ เจริญ!!” ให้ตายซิครับไม่มีใครเข้าข้างผมซักคน กูไม่กินแม่งก็ได้วะ ผมเลื่อนจานข้าวออกไปจากตรงหน้าก่อนที่ผมจะหยิบโทรศัพท์ออกมาเล่น เพราะตอนนี้ผมไม่ได้กินข้าวดังนั้นเล่นโทรศัพท์ได้


   “ ไอ้พี”


   “ น้องผี”


   “ ไอ้เวรเพื่อนพี”


   ผมทำเป็นหูทวนลมไม่ได้ยินเสียงใครทั้งนั้น พีจะงอน พีจะหยิ่ง พีจะไม่สนใจใครทั้งนั้น ทำให้ตอนนี้ผมสนใจแค่เกมในโทรศัพท์เท่านั้น เกมที่ผมเล่นมาได้เกือบเดือนจนกิจการที่ผมสร้างงอกเงยขึ้น นั่นก็คือเกม...Town ship ครับ ระดับพีเล่นมาเกือบเดือนเวลอัพเป็นยี่สิบแล้ว ตอนนี้ต้องเร่งผลิตนมวัวออกมาเพราะถือว่านมวัวเป็นผลิตภัณฑ์ที่ต้องใช้แปรรูปกับสินค้าอื่นๆ


   “ เชี่ยเอ้ย! เครื่องบินหนีกู” ผมสบถออกมาเสียงดังหลังจากที่ผมเร่งผลิตคุกกี้ตามออร์เดอร์ไม่ทันทำให้เครื่องบิน บินไปก่อน อดได้อัญมณีเลยครับ


   ผมเงยหน้าขึ้นมาเพื่อจะชวนไอ้เจ๋งมันกลับหอเพราะวันนี้ผมมีเรียนแค่ช่วงเช้า แต่ปรากฏว่าผมเงยหน้าขึ้นมาไม่เจอใครเลยสักคน อย่าบอกนะว่าพวกนั้นไปกันหมดแล้ว! โอโห่!!! บังอาจมาทิ้งน้องพีได้ อย่างนี้มันต้องเจอกันสักหน่อย เมื่อคิดได้ดังนั้นผมก็รีบเก็บของวิ่งออกจากโรงอาหารโดยที่ไม่ทันได้มองทาง ทำให้ผมชนเข้ากับใครบางคนเข้าอย่างจังจนตัวของผมเซไปด้านหลังเกือบล้ม


   “ ไม่มีตารึไงวะ!” เสียงเข้มตะหวาดใส่ผมเสียงดังลั่นโรงอาหาร


   “ มีครับ มีสองตาเลย” ผมพยายามทรงตัวให้ยืนตรงหลังจากที่ผมเซจนเกือบจะล้มไปทางด้านหลัง ชี้มาที่ดวงตาของผมทั้งสองข้างให้คนตัวสูงที่ตะหวาดผมได้เห็นพร้อมกับเคาะนิ้วสองทีเพื่อความกวน


   “ มึงไม่ขอโทษ...เอ๊ะ? ไอ้เด็กนั่นนี่หว่า” ผมไม่รู้ว่าไอ้พี่ตรงหน้ามันเป็นใครแต่ทำไมพี่มันยิ้มขึ้นมาแปลกๆเหมือนว่าเขารู้จักผม


   “ เด็กไหนครับพี่”


   “ เด็กไอ้กรม” ผมเอียงคอชี้นิ้วมาที่ตัวเองทันทีที่ไอ้คนตรงหน้าบอกว่าผมเป็นเด็กพี่กรม “ ยอมโดนกระทืบขนาดนั้น ไปถึงขั้นไหนกันแล้วละ” สายตาของพี่มันโคตรดูถูกเลยครับ มองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า ถ้ามองผมขนาดนี้ผมแนะนำเลยว่าเอาผมกลับไปมองพี่บ้านก็ได้


   “ ขั้นไหนนี่หมายความว่าอย่างไงอะครับ”


   “ อย่าทำเป็นซื่อ”


   “ เอ๋ พี่ก็อยากรู้อยากเห็นเรื่องของคนอื่นเหมือนกันนะครับเนี่ย” ผมมองจากสายตาที่พี่มันมองผมแล้ว ดูก็รู้ว่าไม่ได้มีเจตนาดีแน่ๆ


   “ มึงด่ากูเสือก?”


    “ ถ้าพี่ตีความได้แบบนั้น ผมก็หมายความตามนั้นมั้งครับ”


   “ ไอ้เด็กนี่วอนฉิบหาย!” พี่มันตะโกนขึ้นเสียงดังลั่นทำให้คนที่เดินผ่านไปมาเริ่มให้ความสนใจ


   “ วอนเป็นสกุลเงินของเกาหลี บอกพี่ไว้ เพื่อพี่ไม่รู้ครับ”


   “ มึงอย่ามาเล่นลิ้นกับกูนะ” ผมสังเกตเห็นว่าคิ้วของพี่มันกระตุกขึ้นนิดๆ สงสัยจะอารมณ์ไม่ค่อยดี


   “ ยังไม่ได้เล่นเลยนะพี่ ลิ้นก็อยู่ในปากผมอยู่หนิ อะๆๆ ดูซิ” ผมแลบลิ้นออกมาจนสุดให้พี่มันดู คือผมก็รู้นะว่าผมโคตรจะกวนตีนแล้วก็ยั่วโมโหพี่มันสุดๆ ก็ใครใช้ให้แม่งมากวนตีนมาเหยียดผมละครับ


   “ ให้มันรู้สะบ้างว่าใครเป็นพี่ใครเป็นน้อง”


   “ พี่ครับคอนเซปของมหาลัยคือทุกคนเป็นเพื่อนกันหมดนะ ถ้าผมจำไม่ผิดพี่จะมาเรียกหาสิทธิ์ว่าตัวเองเป็นพี่มันก็ไม่ใช่ไหมอ่ะ แค่ผมให้เกียรติเรียกพี่ว่าพี่มันยังไม่ดีอีกหรอครับ?”


   “ มึงชักจะกวนตีนกูมากไปละนะไอ้สัด!”


   “ อ่อ สัตว์เหมือนกันคุยกันรู้เรื่อง” เหมือนว่าประโยคนี้ของผมจะทำให้ความอดทนของพี่มันหมดลง...


   “ ไอ้เด็กเวร!” ไอ้พี่ตัวสูงตรงหน้าเตรียมง้างมือขึ้นต่อยปากผมแรงๆจนผมหลับตาเพื่อรอรับกำปั้นนั้นเลยครับ หมับ!
   ผมรอรับหมัดอยู่นานก็ไม่มีวี่แววว่าจะโดนกระแทกปากสักทีจนผมค่อยๆลืมตาขึ้นมาทีละข้างทำให้ผมเห็นว่ามือของไอ้คนตรงหน้าถูกพี่กรมจับเอาไว้ก่อนที่มันจะมากระแทกปากผม...


   เชี่ย! อย่างกับในนิยายเลย น้องพีรู้สึกตัวเล็กขึ้นมาทันที


   “ ปล่อยมือกูไอ้กรม”


   “ กูก็ไม่อยากจะจับถ้ามึงไม่ไปหาเรื่องเด็กไปทั่วไอ้กวง” พี่กรมปล่อยมือออกจากพี่กวง(เรียกตามพี่กรมครับ)ก่อนที่พี่มันจะเดินมายืนข้างๆผม


   “ เด็กไปทั่วหรือเด็กมึง?” ไอ้พี่กวงยังคงลอยหน้าลอยตาถามพี่กรมออกมาด้วยสายตาดูถูกเหมือนที่พี่มันใช้มองผมในตอนแรก


   “ แล้วมันเรื่องของมึง?”


   “ ก็ไม่...ก็แค่อยากจะรู้ว่าเพื่อนกรมมีรสนิยมแปลกๆ ชอบเข้าข้างหลังแล้วก็ไม่บอก” ยิ่งพี่มันมองพี่กรมแบบนั้นผมก็รู้สึกไม่พอใจแทนพี่กรมขึ้นมา ผมว่ามันไม่ใช่หาเรื่องแต่ผมว่าตอนนี้มันดูเหยียดพวกเรามากกว่า ผมไม่ได้มีปัญหาเรื่องเพศที่สาม แต่ว่าสายตาของไอ้พี่กวงมันเกินจะเยียวยาจริงๆ ยิ่งสายตาที่พี่มันมองมาทางผม


ผลัก!


   “ เห้ยพี่ เกินไปป่าววะ มองกันขนาดนี้อ่ะ” ผมเดินไปพลักไหล่พี่มันแรงๆจนพี่กวงมันเซไปทางด้านหลัง


   “ กูแค่มอง มึงอย่าร้อนตัว ถ้ามึงไม่ได้เป็นเกย์ หรือว่ามึงจะเป็นละครับ....ปิ๊บ!” จังหวะนั้นไอ้พี่กวงมันเดินอ้อมมาบีบก้นของผมแรงๆ  “ ชอบใช่ไหม กูรู้ คงจะโดนไอ้กรมไปหลายรอบละดิ”


   “ เห้ย! ไอ้เหี้ยนี่อย่างไงวะ” ผมเริ่มเข้าสู่โหมดโมโหขึ้นมา โหมดนี้ผมไม่ค่อยอยากจะใช้เท่าไหร่ แต่ถ้าผมได้ใช้รับรองว่ามันไม่สามารถหยุดได้ง่ายๆแน่


   “ สัด! กูเป็นพี่มึงนะ”


   “ คราวนี้มึงมาอ้างเป็นพี่ แต่การกระทำของมึงกูไม่นับถือแค่เกิดก่อนกูไม่กี่ปีอย่างมาอ้างความเป็นพี่หน่อยเลยวะถ้าทำตัวไม่น่าเคารพ”


   “ พี พอ” พี่กรมเดินมาจับแขนของผมเอาไว้หลังจากที่พี่มันคงเห็นว่าผมเริ่มหัวร้อน แต่ขอโทษนะครับพี่ห้ามผมไม่ได้หรอกคราวนี้


   ผมสะบัดมือพี่กรมออกพร้อมกับตรงไปหาไอ้กวงที่ยืนยิ้มเยาะให้ผมอยู่ ผมจับไปที่คอเสื้อของไอ้กวงก่อนจะฉากตัวมันเข้ามาใกล้ผม แต่สีหน้าของไอ้กวงกลับยิ้มออกมาเหมือนว่าถูกใจที่ผมกระชากคอเสื้อมันแบบนั้น


   “ มึงดูดิ ใช่คนที่โดนต่อยในคลิปป่าววะ เก๋าฉิบหาย”


   “ หรือว่าในคลิปนั้นมันจะแสดงละครเพื่อเรียกกระแสเหมือนที่ในข่าวบอกวะ เปรี้ยวตีนว่ะ”


   “ แบคมันใหญ่ขนาดในมหาลัยยังกล้าขนาดนี้เลย”


   เหล่าคนที่เดินผ่านไปผ่านมาพูดเสียงดังเพื่อให้ผมได้ยิน พร้อมกับมองการกระทำของผมที่ดูโจ่งแจ้งจนเกินไป และแล้วเวลานั้นก็ทำให้ผมได้สติกลับมาว่าตอนนี้ผมอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัยไม่ควรแสดงกิริยาท่าทางแบบนี้ออกไป ยิ่งตอนนี้ผมยิ่งมีข่าวอยู่ด้วย นั่นทำให้ผมไม่ควรเข้าไปใหญ่ ผมก็พึ่งรู้ว่าผมถูกไอ้กวงปั่นหัวไปเต็มๆ


ผลัก


   ผมพลักไอ้กวงออกก่อนจะเดินหนีไปอีกทาง ตอนนี้ผมต้องการสถานที่โล่งๆลมเย็นๆเพื่อบรรเทาอาการหัวร้อนของผมให้หายออกไปจากตอนนี้


   “ อ่ะ”


   “ โอ๊ย!”


   ผมที่นั่งเหม่ออยู่ไม่ทันได้สังเกตว่าไอ้พี่กรมมันเดินตามมาด้วยจนกระทั่งพี่มันเอากระป๋องน้ำอัดลมเย็นๆมาแนบที่แก้มผมก่อนที่พี่มันจะนั่งลงข้างๆ


   “ กินซะ เผื่อจะได้ใจเย็น” พี่กรมเปิดฝากระป๋องของตัวเองก่อนจะยกขึ้นกระดกดื่ม

 
   “ ขอบคุณครับ” ผมรับมากินบ้างเผื่อว่าน้ำเย็นๆซ่าๆจะทำให้ผมหายอารมณ์หงุดหงิดและหัวร้อนของตัวเอง “ พี่ ผมโคตรโมโหเลย ผมโคตรเกลียดสายตามัน”


   “ ไอ้กวงมันก็ชอบปั่นหัวคนอื่นไปเรื่อย กูก็โดนจนชิน”


   “ แล้วทำไมพี่ไม่บอกผม?” ผมหันไปมองหน้าไอ้พี่กรมด้วยความสงสัยถ้าพี่มันบอกหรือเตือนว่าอย่าไปยุ่งผมก็จะทำตาม แต่นี่พี่มันแค่มาห้ามไม่ให้ไอ้กวงมันต่อยแต่กลับไม่พูดอะไรออกมาได้แต่ยืนนิ่งๆให้ไอ้กวงมันด่ามันว่าอย่างนั้น


   “ ฟังนะถ้าเราไม่ได้เป็นอย่างที่มันพูดเราจะเดือดร้อนทำไม? และอีกอย่างคือถ้ากูบอกมึงก็จะรู้แค่ในสิ่งที่กูพูด แต่ถ้ามึงเจอเองมึงก็จะได้จำว่าทีหลังอย่าเอาพิมเสนไปแลกกับเกลืออย่างไอ้กวง คนอย่างมันไม่มีอะไรดีที่เราต้องไปแก้ตัว” ผมนั่งฟังในสิ่งที่พี่มันพูด มันก็จริง ถ้าพี่กรมห้ามผมก็จะไม่รู้ว่าไอ้กวงมันนิสัยเป็นอย่างไรและผมก็จะรับมือกับมันไม่ได้ในครั้งหน้า แต่ถ้าผมรู้ด้วยตัวเองครั้งหน้าผมจะได้ไม่พลาดให้มันปั่นหัวผมเหมือนวันนี้


   “ ผมขอโทษนะพี่”


   “ มึงจะขอโทษทำไม มึงไม่ผิด” พี่กรมกระดกน้ำอัดลมอึกสุดท้ายพร้อมกับปากระป๋องลงถังขยะแถวนั้น “ แค่ทีหลังก็อย่าทำแบบนี้ คนอื่นจะมองมึงไม่ดี”


   “ ครับ ผมจะไม่ทำอย่างนั้นอีก แล้วพี่จะมองผมเป็นเด็กไม่ดีด้วยไหม”


   “โถ่น้องผี” ไอ้พี่กรมมันเอามือมาวางบนหัวของผมอีกแล้วหลังจากที่ผมถามพี่มันออกไปแบบนั้น ก็ผมไม่อยากให้พี่มันมองผมเป็นเด็กไม่ดีที่แสดงกิริยาแบบนั้นออกไป ทั้งๆที่ปกติผมก็แค่เกรียนแต่ไม่ก้าวร้าว “ กูไม่เคยมองมึงเป็นเด็กดีอยู่แล้ว ฮ่าๆ”


   “ พี่.......” ไอ้ผมก็ถามดีๆ แต่ดูพี่มันตอบซิครับ น้ำตาแทบล่วง


        “ คิดมาก แล้วมึงมีเรียนต่อไหม”


   “ ไม่ครับ”


   “ เดี๋ยวตอนเย็นกูไปรับที่หอใน เตรียมเสื้อผ้าไว้ด้วยสักสองสามชุด”


   “ ทำไม....” ยังไม่ทันที่ผมจะได้ถามอะไรไอ้พี่กรมก็เดินหนีไปแล้ว ทิ้งให้ผมนั่งงงอยู่ตรงนั้นคนเดียวอย่างไม่รู้ว่าทำไมพี่มันต้องสั่งให้ผมเก็บเสื้อผ้าด้วย แต่ด้วยความที่ผมเชื่อคนง่ายใครให้ไปไหนก็ไปผมจึงกลับไปเก็บเสื้อผ้าหลังจากที่ดื่มน้ำอัดลมเสร็จ




 



PS. น้องโคตรกวน แต่ก็แอบสงสาร

Twitter : @Kaitodpendekdee (https://twitter.com/kaitodpendekdee)
FB : Kaitodmalewja (https://www.facebook.com/Kaitodmalewja-769692296744615/)
แค่จิ้มก็ไปพูดคุยและติดตามกันได้เด้อ ไว้ดูว่านักเขียนอัพนิยายตอนไหน
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 5.2(14/02/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 15-02-2019 02:41:31
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 5.2(14/02/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: nikpook ที่ 15-02-2019 08:45:19
ตอนวันวาเลนไทน์น้องก็กวนเหมือนเดิม พึ่งรู้ว่ามี5ตอนรู้สึกอ่านเยอะมากกก ตอนที่น้องยักคิ้วสลับกันรู้สึกน้องเท่มาก ใจไม่ดีเลย แล้วตอนสุดท้ายสาธิตอะไรกันอ่ะ :hao6: อยากรู้ด้วยจัง5555 แล้วบอกรักพ่อ ใช่พ่อกรมป่าวค้าบ :-[ #ถามเจ้ากรมขย่มปฐพี พี่กรมจะมาเล่นการเมืองเหมือนคุณพ่อมั้ยคะ แฮร่ล้อเล่นจ้า จะถามว่าตั้งแต่รู้กันรู้สึกประทับใจอะไรในตัวอีกฝ่ายมากที่สุด และก็รู้สึกยังไงหลังจากรู้จักกัน ตลกตอนน้องงอลแล้วทุกคนคือไม่ง้ออ่ะ5555 วงวานน้อง กวงคือนิสัยเลวมาก แต่ทำให้เราชอบพี่กรมมากไปอีก ชอบตอนพี่กรมสอนน้องมากๆเลย :man1: แล้วทำไมให้น้องเก็บเสื้อผ้า อิน้องก็เก็บตาม5555 ถ้าหลอกไปขายก็คือได้เงินเร็วมากเพราะน้องไม่ขัดขืน5555 แล้วสรุปเก็บไปทำไมอยากรู้ มาต่อเร็วๆน้าสนุกมากๆทั้งสองตอนเลย เป็นกลจให้นักเขียน :กอด1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 5.3(15/02/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: KJH177 ที่ 15-02-2019 21:02:27
บทที่ 5.3

The last chapter


Jaokom’s talk


   ผมเดินกลับมาที่ห้องเรียนหลังจากที่ผมไปดูอาการเด็กหัวร้อนมา จริงๆแล้วที่ผมให้ไอ้พีเตรียมเก็บเสื้อผ้าก็เพราะว่าคืนนี้พวกเราจะเริ่มคิดนโยบายกันครับว่าเราจะเอานโยบายและเล่นประเด็นอะไร ถึงเวลาจะมีเยอะก็เถอะกว่าจะแข่งแต่ผมก็อยากที่จะรีบทำให้เสร็จไม่อยากเร่งตอนใกล้ส่ง อีกอย่างนะครับวันจันทร์ก็เป็นรอบเก็บคะแนนย่อยสิบคะแนนเพื่อรายงานความคืบหน้า อันนี้เป็นคะแนนพิเศษกลุ่มไหนจะเข้าหรือไม่เข้าก็ได้ แต่ผมคิดว่าผมจะเข้าดังนั้นผมมีเวลาสองวันในการร่างโครงว่าจะทำเรื่องอะไร


   “ เหม็นเกย์วะ” ผมเดินเข้ามาในห้องผ่านกลุ่มของไอ้กวงที่นั่งอยู่ด้านหลัง


   “ ใครเกย์วะ” เพื่อนของไอ้กวนที่นั่งอยู่ข้างๆถามไอ้กวงขึ้นหลังจากที่มันพูดลอยๆขึ้นมาหลังจากที่ผมเดินผ่านมันไป


   “ ลูกอัศวินเป็นเกย์”


   “ ใครบอกมึง?” ไอ้เทพหันไปถามไอ้กวงทันทีที่มันพูดออกมาแบบนั้น


   “ ก็เพื่อนมึงไง กูรู้หรอกว่ากิ๊กกับไอ้เด็กปีหนึ่งนั่น”

 
   “ รู้ดีนะมึง เอาเวลาที่รู้เรื่องของกูไปอ่านหนังสือประดับสมองมึงเหอะว่ะ” ผมว่าผมจะไม่พูดแล้วนะ แต่ไอ้เวรนั่นมันทำให้ผมอดไม่ได้จริงๆ


   “ โอ๊ะ! พี่กรมสอนกูว่ะมึง”


   ผมเดินตรงไปที่ไอ้กวงนั่งอยู่พร้อมกับนั่งลงตรงด้านหน้าของมัน


   “ มึงจะด่าอะไรกูก็ด่ามา แต่ที่มึงไปจับน้องมันวันนี้กูว่าไม่โอเคว่ะ”


   “ มึงหึงรึไง?”


   “ เปล่า กูแค่คิดว่าการที่มึงทำแบบนั้นมันเป็นการไม่ให้เกียรติคนอื่น มึงไม่รู้จักน้องแต่มึงไปทำกับน้องแบบนั้นใครก็มองว่ามันไม่โอเค ครั้งนี้กูพูดกับมึงด้วยเหตุผลมึงจะฟังหรือไม่ฟังก็แล้วแต่ แต่ถ้ามีครั้งต่อไปกูจะไม่พูดอย่างเดียว”


   “ มึงขู่กู?”


   “  กูไม่ได้แค่ขู่นะไอ้กวง กูทำจริง” ผมพูดกับมันแค่นั้นหวังว่ามันจะรู้ว่าผมไม่ได้แค่ขู่อย่างที่ผมบอกไป ไอ้พีก็เหมือนน้องชายผมคนหนึ่ง แน่นอนว่าถ้ามีคนมาทำกับน้องพวกคุณแบบนั้นในฐานะที่เป็นพี่ผมไม่ยอม ถ้ามีครั้งต่อไปผมไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้นทั้งพ่อผมและพ่อมัน


   “ เอ๊ กูก็อยากจะรู้แล้วซิวะว่ามึงจะทำอะไรกู”


   “ อยากรู้มึงก็ลอง” ผมมองหน้ามันอย่างเอาเรื่อง “ กูถามอะไรมึงหน่อยดิวะ”


   “ อะไรครับกรมรินทร์” ไอ้การที่มันเรียกชื่อผมแบบนี้ที่บ้านเรียกว่ากวนส้นตีนดีๆนี่เอง ยิ่งหน้ามันที่ยื่นเข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆผมยิ่งอยากจะยกตีนมาแนบหน้ามันสักทีสองทีพร้อมขยี้ให้แม่งแหลกไปกับพื้นดิน


   “ มึงชอบกู?”


   “ ใช้ส้นตีนคิดหรอวะ? กูเนี่ยนะชอบมึง กูไม่เกย์เว้ย! และไม่เข้าข้างหลังหรือให้ใครเข้าข้างหลังแน่นอน” มันทำท่าทีรังเกลียดซึ่งแสดงออกมาอย่างชัดเจน


   “ เห็นชอบยุ่งเรื่องของกู ก็คิดว่าชอบ” ผมกระตุกยิ้มให้ไปหนึ่งที


   “ กูขยะแขยงพวกเกย์ พวกกระเทย ! มึงรับรู้ไว้ด้วย” ไอ้กวงพูดออกมาเสียงดังจนเพื่อนๆที่อยู่ในห้องหันมามองพวกผมอย่างสนใจ “ กู เกลียด เกย์!!!!”


   “ กูก็พึ่งรู้นะว่ามึงมีความคิดแคบๆ เดี๋ยวนี้เขาเปิดกว้างเรื่องเพศ มันเป็นเรื่องปกติ แต่ดูเหมือนว่าที่มึงกำลังพูดกำลังแสดงออกมา มันคือการดูถูกและการเหยียด กูเข้าใจถูกไหม?” ในเมื่อมันใช้วาทะในการทำให้ไอ้เด็กผีของผมโมโห ผมก็ใช้และวาทะหลอกล่อให้มันพูดในสิ่งที่มันคิดและรู้สึกออกมา เพื่อดูปฏิกิริยารอบข้างที่แสดงกับคนเหี้ยๆอย่างมัน ผมแค่แหย่แต่มันเองที่แพ้เผลอพูดในสิ่งที่ทำร้ายตัวเองออกมา


   “ เห้ย กูก็ไม่ได้เป็นเกย์นะ แต่ฟังที่มึงพูดกูว่าแม่งไม่โอเควะ”


   “ ยุคนี้มันยุค 2000 กว่าแล้วนะเว้ย ไอ้ความคิดแบบนี้ไม่ควรจะมีแล้ว”


   “ กะละแลนด์”


   “ แล้วไอ้ที่มึงพูดก็ไม่ได้สร้างสรรค์”


   “ ถึงมึงจะมีสิทธิในการแสดงความคิดเห็น แต่กูว่าความคิดแบบนี้ก็ไม่ควรพูดออกมา”


   “ เราเคยคิดว่ากวงน่าจะเป็นคนดีกว่านี้....”


   ผมยิ้มอย่างพอใจเมื่อสิ่งที่ผมทำมันสำเร็จ เพราะตอนนี้เพื่อนๆในห้องต่างแสดงความคิดเห็นและวิจารณ์ในสิ่งที่ไอ้กวงมันพูดออกมา มันทำตัวของมันเองครับ ผมไม่ได้ทำอะไรเลย...จริงๆนะ ไม่เชื่อผมหรอกหรอครับ ? ^^


   “ ไอ้เหี้ยกรม! ฝากไว้ก่อนนะมึง” เหมือนขี้แพ้ชวนตีอะครับ เมื่อทำอะไรไม่ได้ก็แค่ลุกขึ้นชี้หน้าพูดกับผมเสียงดังก่อนจะเดินกระแทกเท้าออกไปจากห้องท่ามกลางเสียงที่ยังคงวิพากษ์วิจารณ์มันอยู่


   “ ฝากแล้วก็มาเอานะครับกษิดิช กรมรินทร์รออยู่” ผมพูดไล่หลังมันออกไปก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่ของตัวเอง


   “ เพื่อนกูฉลาดว่ะ หล่ออย่างเดียวไม่พอต้องมีสมองด้วยนะครับเนี่ย” ไอ้เทพได้ทีเอ่ยปากชมผมสะยกใหญ่ เล่นเอาซะผมเกือบจะตัวลอยติดพนังไปเลยครับ


   “ มีพร้อมเพย์ไหมจะโอนให้สักพัน พูดถูกใจ”

 
   “ เอาไปเลยเพื่อนเบอร์นี้” ไอ้เทพนี่ก็ไวเหมือนกันนะครับยื่นโทรศัพท์มันมาให้ผมแทบไม่ทัน


   หวังว่าไอ้กวงมันจะไม่กล้าไปยุ่งกับน้องผีอีกก็พอ....ถ้ามีอีกผมไม่ปล่อยให้มันได้พูดอีกแน่ๆ



อ่อ! ผมลืมบอกถึงเหตุการณ์ที่ไอ้พีโดยนักข่าวต่อย คดีความคืบหน้าไปกเยอะเลยครับ เอาจริงๆผมก็ต้องขอบคุณพ่อของผมด้วยที่ท่านจัดการเรื่องนี้อย่างเด็ดขาดและถึงที่สุด ผมไม่ได้ให้ไอ้พีมารับฟังเกี่ยวกับเรื่องคดีนั้นอีกผมอยากให้น้องมันสบายใจ ผมจะบอกมันอีกทีก็ต่อเมื่อเรื่องทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ไอ้คนที่มันทำน้องของผมเจ็บมันก็จะต้องเจ็บไม่ต่างจากน้องผมไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม ถึงผมจะดูนิ่งเหมือนไม่สนใจอะไรแต่รับรองได้ครับว่าผมไม่ปล่อยให้มันเจ็บตัวฟรีๆแน่




ผ่านมาสามชั่วโมงผมเลิกเรียนเสร็จเป็นที่เรียบร้อย อาจารย์เน้นย้ำให้พวกผมคิดนโยบายคร่าวๆขึ้นมาก่อนและเอามาให้อาจารย์พิจารณาว่าผ่านไหมโดยมีคะแนนพิเศษสิบคะแนนเป็นตัวล่อ แต่ถ้ากลุ่มไหนมั่นใจก็ไม่ต้องมาก็ได้ ผมบอกไอ้คินกับไอ้วินไปเป็นที่เรียบร้อยว่าผมดึงพวกมันเข้ามาในทีม ตอนแรกพวกมันก็ด่าว่าทำอะไรไม่ปรึกษา แต่ในเมื่อส่งชื่อไปเป็นที่เรียบร้อย มันก็ได้แต่จำยอม จะติดก็แค่ไอ้เด็กผีที่ยังไม่รู้เรื่องอะไร ไว้วันนี้ผมค่อยบอกมันก็แล้วกัน


   “ หอในใช่ไหม” ไอ้เทพขับรถพาผมมารับไอ้พีที่หอของไอ้พี มันเคยบอกผมว่ามันอยู่หอในก็สุ่มๆไปแล้วกันครับว่าหอไหน ผมเดาว่าไอ้พีน่าจะเก็บของเสร็จในเวลาสามชั่วโมง


   “ ไอ้น้องผีอยู่หอไหน?” เมื่อรถของไอ้เทพเลี้ยวเข้ามาในหอผมต่อสายตรงหาไอ้พีทันทีเพื่อไม่ให้เสียเวลา ผมรอสายอยู่ไม่นานทางปลายสายกดรับทันที


   ( ขอรับท่านกรมรินทร์) ไม่รู้ว่าตอนนี้ไอ้พีมันอยู่ในอารมณ์ไหน แต่ที่แน่ๆมันเรียกชื่อผมสะเต็มยศขนาดนี้น่าจะอารมณ์ดีกว่าเมื่อตอนกลางวัน


   “ มึงอยู่หอไหน ตอนนี้เลี้ยวเข้าหอในมาแล้ว”


   ( พี่มาตรงเซเว่นกลางนะ ผมรออยู่นั่นแล้ว พี่เอาอะไรไหม?) ผมหันไปมองไอ้เทพเป็นเชิงถามว่ามันต้องการอะไรไหมจะได้ฝากไอ้พีซื้อทีเดียว ไอ้เทพส่ายหน้าบอกว่ามันไม่ต้องการอะไรส่วนผมที่หิวก็สั่งให้ไอ้พีซื้อไส้กรอกมาให้ เมื่อมาถึงเซเว่นก็เห็นว่าไอ้พียืนยิ้มแฉ่งรออยู่พร้อมกับกระเป้ใบใหญ่


   “ สวัสดีครับท่านเทพบุตร” ไอ้พีเปิดประตูหลังขึ้นมาพร้อมน้ำเสียงกวนเหมือนปกติของมัน ทั้งๆที่ตอนกลางวันแทบจะเป็นคนละคนเลยก็ว่าได้


   “ ได้ข่าวว่าหัวร้อน” ไอ้เทพถามไอ้พีผ่านกระจก


   “ ครับพี่ โคตรอยากต่อยหน้าไอ้กวงเลย ไอ้ห่ามาจับตูดผม” ไอ้พีทำหน้าหงุดหงิดทันทีที่พูดถึงไอ้กวง “ ถ้าผมเป็นผู้หญิงนะจะล่อให้จ่ายเงินค่าทำขวัญเป็นแสนเลย”


   “ ขนาดนั้นเลยดิน้องผี? เอาก็ไม่ได้เอาแค่จับตูดมึงจะคิดอะไรเป็นแสนเลยวะ” ผมแกล้งแหย่ไอ้เด็กขี้งกที่นั่งหน้างอเป็นปลาทูแม่กลองอยู่เบาะด้านหลัง


   “ ก็มันไม่พอใจและไม่ยินยอมนี่หว่า แต่ถ้าผมสมยอมผมให้ฟรีเลยพี่” ดูมันพูดดิครับโคตรกวนตีนฉิบหายเลย แต่ก็เป็นสีสันดีเหมือนกัน ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ผมมองว่าไอ้เด็กนี่ก็อยู่ด้วยแล้วสบายใจไม่ต่างจากเพื่อนในกลุ่มผมคนอื่นๆ แต่ที่แตกต่างก็คือผมจะหมดเงินไปกับมันโดยที่ไม่รู้ตัว อย่างไส้กรอกที่ผมฝากมันซื้อราคาปกติมันแค่สี่สิบสองบาท มันคิดผมสองร้อยค่าจ้างห่าเหวอะไรของมันก็ไม่รู้ ที่ผมให้ที่ผมยอมก็เพราะให้ค่าความคิดของมันก็แล้วกันครับ ถือว่าทำบุญให้ไอ้เด็กนี่ไปก็แล้วกัน แลกกับความสบายใจ


   “ มึงก็ยังจะกล้าเล่นอีกเนอะ” ผมส่ายหัวเมื่อเห็นว่าไอ้พีทำเป็นเรื่องเล่น “ ไม่ว่าจะเป็นเพศไหน แต่การที่ให้คนอื่นมาถูกเนื้อต้องตัวมันก็ไม่ใช่ไหม? มึงชอบหรอที่ให้คนอื่นมาดูถูกมึง”


   “ มาชุดใหญ่เลยครับ ผมก็ไม่อยากจะเครียดหรือคิดมากเพราะเรื่องมันผ่านมาแล้ว” ไอ้พีหยิบขนมเข้าปากพร้อมกับพูดกับผมไปด้วย “ ที่ผมโกรธก็เพราะมันดูถูกพี่มากกว่า”


   “ มึงควรจะโกรธที่มันจับตูดมึงไม่ใช่มาโกรธที่มันมาดูกู”


   “ พี่ ก็ผมเป็นห่วงพี่”


   “ แล้วคิดว่ากูไม่เป็นห่วงมึงหรือไง..........น้องชาย” ผม.......พูดอะไรไปครับ


   “ หึ” อยู่ๆไอ้เทพมันก็หัวเราะออกมา


   “ พี่เป็นห่วงผมด้วยหรอ?” ไอ้พีชะเง้อหน้าจากด้านหลังมาหาผมที่นั่งอยู่เบาะหน้าจนผมต้องดันหัวน้องมันให้กลับไปนั่งที่เดิม เดี๋ยวไอ้เทพมันเบรกขึ้นมาแล้วหน้ามันจะทิ่มไปข้างหน้าเอา เดี๋ยวก็เจ็บตัวอีก


   “ ห่วงหมา”


   “ ผมยอมเป็นหมาเลยถ้าพี่กรมจะเป็นห่วงผมอะครับ ^^”


   “ ไอ้เด็กน้องผี” ดูมันทำซิครับจะไม่ให้ผมเป็นห่วงมันได้ไง มีน้องชายน่ารักน่าเอ็นดูแต่เกรียนแตกไปหน่อย ก็ถือว่าโอเคครับ เพิ่มสีสันให้ชีวิตน่าเบื่อๆของผม






PS. ห่วงในฐานะน้องชายจ้าาาาา จ้าาาาา จ้าาาาา

ติดตามไรท์ได้ในทวิตและในเฟซนะจ๊ะ

Twitter : @Kidtopendekdee

Facebook : @Kaitodmalewja

หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 5.3(15/02/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 15-02-2019 21:24:39
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 5.3(15/02/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: nikpook ที่ 16-02-2019 13:55:15
น้องชายย :hao7: ชอบชื่อจริงแต่ล่ะคนมาก มีแต่ชื่อเพราะๆ อิพี่กรมรู้สึกร้ายลึกมาก กวงและผองเพื่อนก็คือนิสัยเลวทั้งกลุ่มเลย อิน้องผีก็งกได้ทุกตอนจริงๆ5555  มาต่อเร็วๆน้าสนุกมากๆเลยจ้า :กอด1: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 6.1(16/02/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: KJH177 ที่ 16-02-2019 14:57:26

บทที่ 6.1

สุมหัวพากัน (?)


Pee’s talk


   ตอนนี้เป็นเวลาเกือบๆหนึ่งทุ่ม ผมใช้เวลาเดินทางจากมหาวิทยาลัยมาบ้านพี่กรมเกือบๆสองชั่วโมงเพราะวันนี้เป็นวันศุกร์แน่นอนว่าการจราจรโคตรติดขัดเลยครับ ขยับได้นิดเดียวก็ต้องหยุดจนไอ้พี่เทพถึงกับหงุดหงิดที่ต้องติดแหงกอยู่บนรถให้เสียเวลาชีวิตเล่นๆ


   “ พ่อพี่ไม่อยู่หรอครับ” ผมเดินแบกกระเป๋าตามพี่กรมเข้ามาในบ้านของพี่มันเป็นครั้งที่สอง ผมสอดส่องสายตามองหาท่านอัศวินคนโปรดปรานของผมทั่วบ้านตั้งแต่มาถึง แต่ก็ไม่พบ


   “ ไปหาเสียงที่โคราช” พี่กรมหยิบอะไรบางอย่างขึ้นมาก่อนที่มันจะยื่นให้ผมมาถือเอาไว้ ผมก้มลงมองก่อนจะเห็นว่าเป็นตัวอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมแทบกรี๊ด


   “ หยุด! มึงอย่าโยนลูกกู” จังหวะที่ผมกำลังจะขว้างมันลงพื้นไอ้พี่กรมชี้หน้าผมเอาไว้เพื่อหยุดการกระทำของผม ก็ไอ้พี่กรมอยู่ๆมันก็เอางูเหลือมตัวเท่าควายมาวางไว้ที่มือของผมให้ไอ้งูเหลือมนั่นมันเลื่อยขึ้นมาพันคอ เป็นใครจะไม่ตกใจละครับ งูนะเว้ยไม่ใช่แมวใช่หมา


   “ พี่ก็จับเองดิ” ผมยื่นแขนที่งูมันพันอยู่ให้ไอ้พี่กรม


   “ ไม่ เดี๋ยวมันกัดกู”


   “ เห้ยพี่! ไม่ตลกเลย” หน้าผมเสียทันทีที่ไอ้พี่กรมมันพูดออกมาแบบนั้น พี่แม่งเป็นเจ้าของแต่กลัวมันกัดแล้วผมเป็นใครที่ไหนไม่รู้มันจะไม่กัดผมเอาหรอวะ?


   “ กูล้อเล่นมาทำหน้าจริงจัง มาไอ้หนูมาหาพ่อมาลูก” พี่กรมค่อยๆจับไอ้งูเหลือมด้วยท่าทางทะนุถนอมประหนึ่งว่าตัวของมันเล็กและบอบบางมาก


   “ ทำไมคราวที่แล้วผมไม่เห็นอะพี่” ผมถามออกมาด้วยความแปลกใจเพราะครั้งก่อนที่ผมมาไม่เห็นแม้กระทั่งเงาของไอ้งูยักษ์นี่


   “ มึงเมาอย่างหมามึงจะมาเห็นลูกกูได้ไง เนาะๆเฉลิม” พี่กรมก้มลงจูบที่ตัวของงูพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงสองที่ผมเองก็พึ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรกเหมือนกัน “ ลองจูบไหม?”


   “ โนจ้ะพี่จ๋าน้องกลัว” ผมขยับออกให้ห่างเจ้าสัตว์เลี้ยงแสนรักของพี่กรมทันที เผลอๆถ้าอยู่ใกล้กว่านี้มีหวังไอ้เจ้างูเหลือมได้เข้ามาเขมือบหัวผมแน่ๆ


   “ เดี๋ยวมึงไปรอที่ห้องเหมือนเดิม เดี๋ยวมา” พี่กรมเดินคุยกับลูกรักของเขาก่อนที่จะหายไปจากตรงนั้นทำให้ผมเดินเข้าไปที่ห้องรับแขกระหว่างรอพี่เทพกับพี่กรม เอาจริงๆนะตอนนี้ผมก็ยังไม่เข้าใจเลยว่าพี่มันให้ผมเอาเสื้อมาทำไมอย่าบอกนะว่าจะพาผมไปเที่ยวไหน ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงผมยอมเลียพื้นหน้าบ้านพี่กรมเลย


   “ อะไรนะไอ้วิน อีกแล้วหรอมึง” เสียงของพี่เทพดังเข้ามาใกล้เรื่อยๆก่อนจะเห็นพี่เทพเดินหัวเสียเข้ามาในห้องรับแขก “ กูไม่เอาละนะ กูไม่เอา” ผมไม่รู้หรอกนะว่าพี่เทพมันปฏิเสธอะไร และนั่นเองที่ทำให้ต่อมยากรู้อยากเห็นของผมเริ่มทำงาน ผมเดินเข้าไปเนียนนั่งใกล้พี่เทพพร้อมกับค่อยๆเอาหูไปแนบที่โทรศัพท์ของพี่มันเพื่อฟังว่าเสียงปลายสายคือใคร


   ( ช่วยกูหน่อยเถอะนะเพื่อน ตอนนี้กูต้องรีบใช้เงินจริงๆ) ถ้าผมฟังไม่ผิดเสียงนั้นน่าจะเป็นเสียงของพี่วินแน่ๆ


   “ แต่กูกับไอ้กรมนัดมึงมาทำงานนะเว้ย” งาน? งานอะไรไม่ใช่จะพาผมไปเที่ยวกันหรอกหรอ


   ( แค่แป๊บเดียวแล้วก็จะทำงาน) พี่คินยังคงต่อรอง


   “ เออๆ อย่าให้มีอีกละกัน”


   ( ขอบคุณครับเพื่อนเทพบุตร)


   “ เนียน”


   “.....” เอ๋ ทำไมผมไม่เห็นได้ยินอะไรเลยละ หรือว่าต้องใกล้มากกว่านี้อีกสักนิด


   “ เนียน”


   “ .....” ก็ยังไม่ได้ยินหรือว่าผมต้องขยับไปใกล้อีกสักนิดมากกว่าเดิม


เพี๊ยะ!


   “ ยังไม่หยุดนะมึง” ผมสะดุ้งทันทีที่ไอ้พี่เทพตบลงมาบนหัวของผมจนเกิดเสียงดังลั่นบ้าน โอ๊ย!โคตรเจ็บเลยครับ เจ็บไม่เท่าไหร่ แต่คันมากกว่า “ อยากรู้อยากเห็นไปซะทุกเรื่อง”


   “ อันนี้ชม?”


   “ ด่า”


   “ เฉียบ!” ผมนั่งเล่นเรื่อยเปื่อยคุยกับพี่เทพไปหลายต่อหลายเรื่องกว่าพี่กรมจะเข้ามา ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงพี่กรมเดินเข้ามาพร้อมกับลูกน้อยของเขาที่พันอยู่รอบคอ


   “ หวัดดีเฉลิม” พี่เทพยื่นมือไปลูบงูเฉลิมเบาๆด้วยท่าทางเอ็นดู ทำไมกูไม่เอ็นดูเหมือนที่พี่ๆเอ็นดูไอ้เฉลิมนี่วะ ยิ่งเห็นมันเลื่อยขึ้นไปที่คอพี่กรมเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งขนลุกมากขึ้นเท่านั้น


   “ พาเฉลิมไปกินข้าวมา” พี่กรมนั่งลงข้างๆผม


   “ กินไรอ่ะพี่”


   “ กินไก่ แต่ช่วงนี้ลูกกูอ้วนไปเลยให้กินอกไก่แทน” สายตาที่พี่มันมองงู ทำให้ผมรู้อีกอย่างเลยว่าพี่กรมมันรักของมันจริงๆ “ อดทนก่อนนะเฉลิม ถ้าหนูลดสักสองสามโลพ่อจะพาไปกินข้าวมันไก่โรงแรมมณเฑียร” เลี้ยงดีกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว งูบ้าอะไรกินข้าวมันไก่ ประหลาดไปหมด ประหลาดทั้งคนทั้งสัตว์เลย


   “ ไอ้วินมันโทรมา บอกว่ามีเรื่องให้ช่วย”


   “ ช่วยไรวะ”


   “ ขายเสื้อ”


   “ อีกแล้ว?” ผมไม่รู้หรอกนะว่าที่พี่เทพกับพี่กรมพูดมันคือเรื่องอะไร แต่ผมก็พอจะจับใจความได้คร่าวๆว่าพี่วินน่าจะเอาอะไรมาขายแน่ๆ “ มันทำงานเหมือนบ้านมันเป็นหนี้”


   “ กูก็ว่างั้น หาเงินเก่งต้องยกนิ้วให้ไอ้วินเลย” พี่เทพพี่กรมนั่งเมาท์เรื่องของพี่วินได้สักพักเจ้าตัวก็เดินเข้ามาพร้อมแบกถุงขนาดใหญ่ที่ไม่รู้ว่าข้างในมีอะไรอยู่บ้าง


   “ ล็อตนี้ล็อตสุดท้ายจากเกาหลี กูต้องลงขายวันนี้เพราะจะไม่มีเวลาแล้ว พวกมึงเลยที่ทำให้กูต้องมาเร่งขาย เอาชื่อกูไปทำอะไรไปทั่ว” พี่วินบ่นออกมาพร้อมกับค่อยๆเปิดกระเป๋าเอาเสื้อผ้าออกมาวางกองไว้ที่พื้น “ คืนนี้ต้องหมดไม่งั้นกูไม่ทำงาน”


   “ งานอะไรอ่ะพี่” ผมก็ว่าผมจะถามตั้งนานแล้วแต่ผมลืม ดีที่พี่วินพูดขึ้นมาทำให้ผมนึกออกแล้วถามพี่กรมออกไปให้หายสงสัย “ ที่ให้ผมเอาเสื้อผ้าไม่ใช่จะพาไปเที่ยวหรอกหรอ”


   “ ฝันละครับน้องผี ก็คือว่าพวกพี่ใส่ชื่อน้องไปในการแข่งขันดังนั้นน้องต้องมาทำงานกับพี่ครับ” ผมนี่ยืนงงเป็นไก่ตาแตกเลยครับหลังจากที่พี่มันอธิบายลายละเอียดออกมา


   “ เดี๋ยวมึงก็รู้” อันพี่เทพพูดเสริม


   “ แต่ตอนนี้มึงช่วยกูก่อนนะครับ” พี่วินที่กำลังจัดแจงแยกเสื้อผ้าอยู่ลุกขึ้นมาพร้อมกับก้มลงมองนาฬิกาข้อมือของเขา


   “ ขายในไหนอ่ะพี่”


   “ ไลฟ์ในเฟซบุ๊คครับ แฟนเพจ Chawin Korean style ไปกดไลค์นะตอนนี้กำลังมีโปรโมชั่นอยู่” พี่วินมันยื่นหน้าเพจมาให้ผมดูชื่อเพื่อตามไปกดไลค์อย่างที่พี่วินได้บอก


   “ ผมไม่คิดว่าพี่จะไลฟ์ขายนะครับเนี่ย”


   “ ครั้งแรกเลยถ้าไม่เร่งแบบนี้” พี่วินยืนเซ็ตฉากอยู่นาน “ ไอ้กรมบ้านมึงมีไฟไหม แบบที่มันส่องแล้วกูจะหล่ออะ” ผมอยากจะบอกพี่วินไปนะครับว่าพี่มันหล่ออยู่แล้ว หล่อไม่ต่างจากชาอึนอูเลยแหละครับ ผมละเบื่อพวกที่หล่อแต่พูดเหมือนว่าตัวเองไม่หล่อ โคตรจะน่าหมั่นเลย


   “ แค่นี้ก็สว่างจ้าละครับเพื่อนครับ” พี่กรมไม่ได้ไปหาไฟมาให้พี่วินเหมือนที่พี่วินพูด แต่เขากลับไม่สนใจใครเอาแต่เล่นกับเฉลิมลูกรักอยู่บนโซฟา


   “ ไอ้เทพมาขายกับกู ไอ้พีเดี๋ยวมึงคอยจดชื่อนะเวลามีคนมา CF”


   “ CF คืออะไรอ่ะพี่” ในฐานะที่ผมไม่เคยซื้อเสื้อผ้าในไลฟ์เลยไม่ค่อยรู้ศัพท์พวกนี้สักเท่าไหร่


   “ Confirm  ไงไอ้ควาย” เรื่องด่าผมไว้ใจพี่เทพเลยครับ ผมแค่ถามดีๆไอ้พี่นี่ก็ด่าผมจังเลย


   “ นี่กระดาษปากกา มึงมานั่งตรงนี้” พี่วินลากผมมานั่งที่พื้นข้างหลังพี่มันพร้อมกับยื่นกระดาษปากกามาให้ผมเพื่อเตรียมตัวจด ส่วนพี่เทพหยิบลิปสติกขึ้นมาทาที่ริมฝีปากเขาพร้อมกับเม้มปากสองสามที


   “ มองกูทำไม” ดูซิครับแค่ผมมองพี่มันก็ถามซะน้ำเสียงหาเรื่องโคตรๆ


   “ ไม่มองละครับผม” ผมเลิกสนใจไอ้พี่เทพที่แต่งหล่ออยู่ เมื่อพี่วินจัดแจงทุกอย่างเสร็จก็ได้ฤกษ์ไลฟ์สักที ผมนั่งมองพี่วินที่ยืนพูดด้วยท่าทางคล่องเคลวเหมือนว่าเป็นพ่อค้ามืออาชีพมาขายเองก็ไม่ปราน


   “ กูให้เวลาถึงเที่ยงคืน ถ้าไม่เสร็จกูจะปิดไวไฟ” พี่กรมที่ไม่ได้ช่วยอะไรพูดขึ้นท่ามกลางไลฟ์ขายเสื้อผ้าที่ตอนนี้มีลูกค้าทยอยเข้ามาดูเรื่อยๆ ส่วนมากคอมเม้นต์จะเป็นพวกเต๊าะพ่อค้ามากกว่า ประมาณว่าพ่อค้าขายไหมคะ อยากได้พ่อค้าจังค่ะ CF พ่อค้า อะไรประมาณนี้


   “ ผมจะเริ่มที่ตัวแรกเลยนะครับ ตัวนี้เป็นเสื้อคุมสำหรับคุณผู้ชายใส่ไปเที่ยวได้ไปเรียนได้ไม่เสียหายครับ ราคาตัวนี้อยู่ที่ 550 บาท” พี่วินหยิบเสื้อคุมสีเทาขึ้นมาโชว์หน้าโทรศัพท์ที่ตั้งอยู่


   “ ใส่ให้ดูหน่อยค่ะ” ผมที่ปากว่างก็ทำหน้าที่อ่านเม้นต์ให้พี่วิน


   “ ไอ้เทพมาใส่ดิ” พี่เทพที่ยืนเกะกะอยู่ข้างๆพี่วินถึงกับเหวอออกมาเมื่อพี่วินสั่งให้พี่เทพเป็นแบบลองเสื้อที่เขากำลังขาย “ ถอดเสื้อเลยมึง”


   “ ต้องถอดด้วย?”


   “ เออดิ ไม่งั้นไม่สมจริง” พี่วินเร่งให้พี่เทพถอดเสื้อออก ส่วนพี่เทพก็บ้าจี้ตามพี่วินถอดเสื้อออกทำตามที่พี่วินสั่งก่อนจะรับเสื้อมาลองสวม


   “ หัวนมโคตรดำไอ้เทพ” พี่กรมพูดขึ้นมา


   “ ปากดีไอ้กรม ไม่ช่วยก็อย่าพูดมากครับ”


   “ กูปิดไวไฟ” พี่กรมพูดขู่ขึ้นมา นั่นทำให้พี่วินที่เป็นเจ้าของไลฟ์หันมาดุพี่เทพแทนที่จะดุพี่กรมที่เป็นเจ้าของบ้านและที่สำคัญเป็นเจ้าของไวไฟ


   “ ไอ้เทพมึงก็ยืนๆไป เอ๊ะๆ ใครซีเอฟครับ ไอ้พีจดเร็ว” ผมมองชื่อในไลฟ์ที่คอมเม้นต์ซีเอฟเสื้อมา “ ตัวนี้มีห้าตัวนะครับเป็น Over size”


   “ คุณแป๊บไข่เขย่า คุณเก้าวัดดอน คุณจอนวัดราช คุณมาตรวัดโพธิ์ ได้ไปนะครับผม” ผมอ่านรายชื่อที่ตัวเองจด “ พี่กรมมาช่วยหน่อยอ่านไม่ทัน”


   “ น้องที่อ่านชื่อเสียงหล่อจังค่ะ” ผมชะโงกหน้าเข้าไปในไลฟ์ทันทีเมื่อพี่เทพมันอ่านคอมเม้นต์ก่อนจะยิ้มและโบกมือทักทายลูกค้าของพี่วิน


   “ ชื่อพีครับ โสด” ได้โอกาสโปรโหมดแม่งเลยครับ


    “ เดี๋ยวตัวนี้ถ้าทุกคน CF เยอะผมจะให้น้องมันใส่โชว์ครับ” พี่วินพูดออกมาเมื่อพี่มันเห็นว่าผมเป็นที่ต้องการของลูกค้ามากกว่าพี่เทพที่เป็นหุ่นในตอนแรก


   “ เดี๋ยวกูจดให้ละกัน” พี่เทพแย่งปากกาและกระดาษในมือของผม  และตอนนี้เป็นช่วงการเปลี่ยนตำแหน่งที่สำคัญเพราะผมจะเป็นนายแบบออกมาเฉิดฉายในไลฟ์นี้ครับ


   “ ถอดเสื้อมึงออก ละใส่ตัวนี้” ผมที่กำลังจะถอดเสื้อนอกออกเหลือบตาไปเห็นพี่กรมทำมือให้ผมออกไปจากเฟรมของไลฟ์


   “ ออกไปเปลี่ยนข้างนอก กูสงสารคนที่จะต้องเห็นนมมึงนะครับน้องผี” ผมพยักหน้าให้พี่มันก่อนจะถอดเสื้อออกก่อนจะโยนออกไปด้วยท่าที่ผมมั่นใจว่าค่อนข้างเท่ และรับเสื้อจากพี่วินมาใส่ ซึ่งเป็นเสื้อโค้ชผู้ชายสีครีมหนาๆที่จริงแล้วมันไม่ต้องถอดเสื้อด้านในออกก็ได้ แต่พี่มันให้ผมถอด สภาพตอนนี้คือหัวนมผมออกมาสวัสดีทุกคนในไลฟ์


   “ หัวนมสวยจังค่ะ สีชมพูน่ารับประทานมาก” ผมก้มไปอ่านคอมเม้นต์ที่สาวๆเม้นต์มาให้ผม ยิ่งชมผมก็ยิ่งได้ใจครับถอดเสื้อพี่มันแม่งออกเลยทำให้ตอนนี้ผมมีแต่อกเปลือยเปล่าโชว์ให้สาวๆใจสั่นกันเล่นๆ


พรึบ


   “ ไอ้พี! มึงหยุดเลยสัด” เป็นครั้งแรกมั้งครับที่ผมโดนพี่กรมมันด่าแบบนี้ ผมก็ไม่เข้าใจนะว่าพี่มันด่าผมทำไม แค่ผมถอดเสื้อ ไม่สนครับผมจะโชว์ใครจะทำไม “ ไอ้พีถ้ามึงไม่หยุด มึงจะโดน”


   “ พี่จะอะไรอะครับ นมก็นมผม ผมจะโชว์ ดูดิมีคน CF มาเต็มเลย” ผมชี้ไปที่คอมเม้นต์ที่ตอนนี้กำลัง CF มากันอย่างถล่มถลาย


   “ ไอ้วินกูจะปิดไวไฟ” เมื่อพี่กรมมันทำอะไรผมไม่ได้ก็หันเล่นงานพี่วินแทน


   “ เออๆ ไอ้พีไปนั่งจดเหมือนเดิมไป ไอ้เทพมึงกลับมานี่” พี่วินมันดันหลังผมเข้าไปด้านใน ส่วนพี่เทพก็วางมือจากปากกาที่จดและลุกออกมาหาพี่วินอย่างว่าง่าย


   “ ห้ามนู้นห้ามนี่นะพี่” ผมหันไปบ่นไอ้พี่กรมที่นั่งทำหน้าพอใจเมื่อพี่มันเอาชนะผมได้


   “ กูจะอ้วก ไม่อยากเห็นหัวนมมึงครับ”


   “ หรอครับ สีสวยนะพี่” ยิ่งพี่มันพูดออกมาแบบนี้ผมก็ยิ่งหมั่นไส้พี่มัน ทำให้ผมลุกยืนขึ้นเอาหัวนมของตัวเองแอ่นและส่ายไปมาอยู่หน้าพี่กรม


   “ ไอ้น้องผี ถ้าไม่หยุดกูจะให้เฉลิมแดกหัวนมมึง” พี่มันพูดขู่ออกมาทำให้ผมต้องยอมแพ้ไปเก็บเสื้อมาใส่ก่อนจะนั่งทำ
หน้าที่เหมือนเดิมคือการจดชื่อคนที่มา CF จนผมจดและอ่านไม่ไหวเพราะลูกค้าเริ่มเข้ามาเรื่อยๆ ผมลุกขึ้นเดินไปหาพี่กรมที่นั่งเล่นกับลูกของเขาอยู่เพื่อขอความช่วยเหลือ


   “ พี่ครับ ช่วยผมหน่อยดิพี่”


   “ ช่วยไร”


   “ พี่อ่านชื่อนะ เดี๋ยวผมจะจด ผมมองไม่ทันอะ”





PS.  ฉีกทุกกฎของนิยายวายค่ะ !!!

PS. ขอยาดเกลียดลูกรักของพี่กรมค่ะ
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 6.1(16/02/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 16-02-2019 21:27:56
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 6.1(16/02/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: nikpook ที่ 17-02-2019 13:08:09
หวงน้องชาย :hao7: แค่น้องชายทำไมหวงจังเลยอ่ะพี่กรม ตลกน้องผีใส่ใจเก่ง5555 ขนลุกกับลูกพี่กรม แต่ตอนนี้ก็ยังค้างในใจอยู่ว่าใครเป็นเมียน้องผี  :z3: มาต่อเร็วๆนะรออยู่จ้า :กอด1: :pig4:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 6.2(17/02/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: KJH177 ที่ 17-02-2019 21:33:04
บทที่ 6.2

สุมหัวพากัน(?)

(เผลอ)

        “ เออๆ ลำบากกูจังนะมึง” พี่กรมเลิกสนใจลูกของเขาและหันกลับมาสนใจในสิ่งที่ผมขอร้องให้พี่มันช่วยแทน ส่วนพี่เทพกับพี่วินก็เป็นฝ่ายขาย พวกเราทำงานอย่างเป็นระบบแบ่งงานกันทำเพื่อความรวดเร็วจนกระทั่งพี่วินขายเสร็จเป็นตัวสุดท้ายของวันนี้ เล่นเอาโคตรเหนื่อยเลยครับ โดยเฉพาะพี่วินที่เสียงของเขาตอนนี้แหบไปเลยหลังจากที่พูดขายอยู่นานหลายชั่วโมง


   “ พี่กรมผมหิว” ผมเดินมาพี่กรมที่ตอนนี้พี่มันเดินเอาลูกชายมานอนในกรมที่ประดับประดาเหมือนว่าเป็นป่าอเมซอนขนาดย่อม


   “ เรื่องของมึงดิน้องผี”


   “ พี่....” ผมจับชายเสื้อของพี่กรมเขย่าไปมาอย่างนั้นเมื่อเห็นว่าพี่กรมไม่ได้มีท่าทีสนใจผมสักนิดเลย ผมเลยกระทืบเท้าเบาๆเพื่อเรียกความสนใจจากพี่กรม


   “ ไม่ได้ดูน่ารักน่าอ้อนเลยมึง” พี่กรมมันส่ายหัวให้กับท่าทางของผม จนผมปล่อยมือออกอย่างยอมแพ้


   “ ตั้งแต่เย็นก็ยังไม่ได้กินอะไรเลยนะพี่”


   “ นั่นมันก็เรื่องของมึงอีก”


   “ โคตรใจร้าย ปกติมาบ้านใครเจ้าบ้านที่ดีต้องต้นรับนะครับพี่”


   “ แต่ไม่ใช่บ้านกู” ผมว่าถ้าผมเถียงพี่มันอีกมีหวังตอนนี้ผมก็ไม่ได้กินข้าวแน่ๆ จะโทรสั่งก็ไม่ได้เพราะตอนนี้เกือบๆจะตีหนึ่งแล้ว


   “ งั้นผมขออนุญาตไปหาอะไรกินในห้องครัวนะพี่ ไม่ไหวแล้ว เดี๋ยวจะมาทะเลาะด้วยใหม่” ผมไม่รู้ว่าพี่มันจะอนุญาตหรือเปล่า แต่ด้วยความหิวระดับสิบนี้ทำให้ผมเข้ามาในห้องครัวของพี่กรมที่โคตรกว้างใหญ่ เปิดตูเย็นออกดูก็มีของสดแช่อยู่เต็มไปหมดแต่ไม่มีอะไรที่ผมจะเอาออกมากินได้เร็วๆเลย อย่าบอกว่าผมต้องทำเอง จะได้กินก็เช้าแล้วมั้ง ไม่มีทางเลือกที่ดีไปกว่านี้ ทำให้ผมตัดสินใจสำรวจดูว่ามีอะไรง่ายๆที่พอจะให้ผมได้ทำกินบ้าง จนสายตาผมเหลือบเข้าไปเจอกับอกไก่ที่แช่อยู่ในกล่อง งั้นผมทำผัดไก่น้ำมันหอยก็แล้วกันง่ายดี


   ผมเตรียมอกไก่ออกมาหันเป็นชิ้นพอดีคำเพื่อเตรียมผัด ดีที่ว่าในห้องครัวมีข้าวที่หุงไว้เหลืออยู่สำหรับสี่คนพอดี เพราะวันนี้พี่คินไม่ได้มาด้วยทำให้ผมกะประมาณอาหารสำหรับสี่คน


   “ ทำไรวะน้องผี” ผมหันไปมองพี่กรมที่ตอนนี้พี่มันอาบน้ำแต่งตัวใส่ชุดนอนลงมา


   “ ไก่ผัดน้ำมันหอยพี่ ผมทำเผื่อพี่ด้วยนะ”


   “ เออ ขอบใจ” พี่กรมเปิดตู้เย็นรินน้ำออกมาดื่มก่อนที่จะลากเก้าอี้มานั่งดูผมทำอาหาร “ มึงทำเป็นด้วยหรอวะน้องผี”


   “ พอได้ครับ ตอนมัธยมทำกินเองบ่อยๆ” ผมตั้งหน้าตั้งตาหั่นไก่และตอบพี่กรมมันไปด้วย


   “ กูนะทำอะไรไม่เป็นเลย สั่งเอาง่ายกว่า”


   “ ก็พี่มีเงินพี่จะสั่งจะซื้ออะไรก็ได้”


   “ พูดอีกก็ถูกอีก คนรวยแถมหล่อมันดีอย่างนี้แหละวะ” ผมไม่หน้าเปิดประเด็นให้พี่มันชมตัวเองเลยครับ “ เออ ว่าแต่แผลหายดีรึยัง”


   “ ก็ดีพี่ ไม่เจ็บอะไรแล้ว” แผลที่พี่มันว่าน่าจะเป็นแผลที่ผมโดนไอ้นักข่าวไร้จรรยาบรรณนั้นต่อยแน่ๆ พอพูดถึงเรื่องนี้พ่อผมโทรมาว่าผมใหญ่เลยครับว่าทำอะไรให้ตัวเองเจ็บ ไม่คิดหน้าคิดหลัง เอาจริงๆผมอยากบอกพ่อไปนะว่าผมคิดแล้ว แต่มันคิดได้แค่นั้นจริงๆ


   “ กูคุยกับพ่อแล้ว” ผมหยุดมือที่กำลังหั่นไก่อยู่ออก ค่อยๆเงยหน้าขึ้นไปมองพี่กรมที่นั่งอยู่ตรงข้ามผมที่มีโต๊ะขั้นกลางเอาไว้อยู่


   “ .....” ผมเงียบเพื่อรอฟังพี่กรมพูด


   “ กูพูดกับพ่อตรงๆว่าไม่อยากให้ใครต้องมาเดือดร้อนเพราะเงาของพ่ออีก แค่กูคนเดียวกูโอเคเพราะกูชิน แต่กลับมึงหรือเพื่อนกูคนอื่น ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องพวกนี้ กูก็เลยไม่อยากเอาพวกมึงมาเสี่ยง ที่มึงโดนต่อยกูก็โคตรรู้สึกผิดกับมึงเลย กูไม่สามารถปกป้องอะไรมึงได้”


   “ แต่ผมปกป้องพี่ได้นะเว้ย อย่าคิดมากดิ ผมยังไม่คิดมากเลย” ผมพยายามพูดติดตลกออกมาเพื่อให้พี่กรมมันเลิกคิดมาก


   “ ปกป้องกู? แต่มึงเจ็บตัวทีหลังก็อย่าเลยวะ มันไม่คุ้ม” ผมสังเกตได้ว่าน้ำเสียงของพี่มันค่อนข้างที่จะจริงจัง


   “ พี่ก็เหมือนพี่ชายผมคนหนึ่งนะเว้ย”


   “ มึงก็เหมือนน้องกู ไม่มีพี่คนไหนที่อยากจะเห็นน้องเจ็บเพราะตัวเองเป็นสาเหตุไหมวะ” แล้วทำไมทั้งผมทั้งพี่กรมมันต้องมาเน้นว่าเป็นพี่เป็นน้องกันด้วยวะ??? มันเหมือนว่าเราสองคนไม่บริสุทธิ์ใจ ไม่! ไอ้พีมึงคิดเหี้ยอะไรของมึง โมโหตัวเองครับ


   “ พี่...” ผมเลื่อนมือไปกุมมือพี่กรมที่วางอยู่บนโต๊ะพร้อมกับสายตาที่สื่อความหมายอะไรบางอย่าง หลังจากที่ผมทะเลาะกับความคิดของตัวเอง “ ผมโอเคจริงๆ”


   “ ไอ้พี....” ทั้งผมและพี่กรมตอนนี้เราสองคนมองสบตากันและกันเป็นเวลาเนินนาน รู้ตัวอีกทีหน้าของผมก็ขยับเข้ามาใกล้หน้าของพี่กรมเรื่อยๆแม้ว่าจะมีโต๊ะคั้นกลางระหว่างเราก็ตาม...


   “ ไอ้พี...”


   “ ครับ...”


   “ มึงว่าตอนนี้มันแปลกๆไหม” พี่กรมถามขึ้นขณะที่จมูกของเราทั้งคู่เกือบจะชนกัน และนั่นทำให้ผมได้สติกลับคืนมา


   “ เอ่อ... ผมก็ว่าแปลกพี่” ผมปล่อยมือไอ้พี่กรมออกพร้อมกับเอาหน้าที่ยื่นไปหาพี่กรมในตอนแรกกลับมาที่เดิม นี่กูจะไปจูบพี่มันหรอวะ? ไอ้ห่าเอ้ย ผมสะบัดหัวตัวเองแรงๆเพื่อเรียกสติ


   “ กูว่าของกูขาดช่วงนี้ ถ้าเผลอพูดอะไรทำอะไรแปลกๆก็อย่าถือสา” ไอ้พี่กรมยกมือขึ้นมาเกาคอตัวเองแปลกๆ ผมเองก็แปลกเหมือนกันครับกับไอ้เหตุการณ์เมื่อสักครู่


   “ วันหลังเราไปหาที่ระบายกันพี่”


   “ ระบายอะไรของมึง” น้ำเสียงของพี่มันบ่งบอกว่าเริ่มงุดหงิดเมื่อผมชักชวนพี่มันไปหาที่ระบาย


   “ ระบายความใคร่ ผมได้ยินเพื่อนคุยกันว่าที่รัชดามีอยู่” ผมเคยได้ยินไอ้บิวมันโม้ว่าตอนที่มันเรียนอยู่มัธยมมันไปบ่อย ไปเปิดประสบการณ์ครั้งแรกที่นั้นมันบอกว่าฟินสุดยอดถ้าอยากได้สวยๆเด็ดๆต้องกระเป๋าหนักหน่อย ผมว่าระดับกระเป๋าแห้งผมไปแถวสนามหลวงดีกว่าน่าจะไม่เกินพัน


   “ มึงยังไม่ยี่สิบนะครับน้องผี” พี่กรมเท้าคางมองหน้าผมพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้น ภาพนั้นพี่มันแม่งหล่อฉิบหายเลยครับ ทำไงดีผมไม่สามารถที่จะสบตาพี่มันได้นานกว่านี้เดี๋ยวจะเผลอไปรั้งคอพี่มันเข้ามาจูบจริงๆ ทำหน้าอ้อนกูดีนักนะคุณพรี่กรมรินทร์ของนุ้ง


   “ แต่หน้าผมเกินไปแล้ว”


   “ เออ กูไม่เถียง”


   “ พี่!”


   “ เอ้า หงุดหงิดใส่กูเฉย มึงพูดเองนะน้อง” ก็ที่ผมพูดก็อยากจะให้พี่มันแก้ให้ครับว่า เออ ผมยังหน้าเด็กหน้าละอ่อนอยู่ แต่พี่มันแม่งตอบรับกูเฉยไม่เล่นมุขกับกูเลย อุตส่าห์ชงสวยๆไปให้แท้ๆ ไอ้ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าที่หงุดหงิดอยู่นี่เป็นเพราะอะไร


   ผมเลิกสนใจพี่กรมหลังจากที่หั่นเนื้อไก่เสร็จ ตอนนี้เตรียมผัด ถ้าผัดเสร็จก็พร้อมกับประทาน


   “ พี่กรมครับ ตักข้าวใส่จานให้ผมหน่อย ผมจะราดข้าวเลย”


   “ ครับ น้อง” ครั้งนี้พี่มันว่าง่ายไม่ต่อปากต่อคำอะไรให้มากกว่าความ ก็ดีเหมือนกันเพราะผมเองก็เมื่อยปากแล้ว มาอยู่กับพวกพี่ น้ำลายผมไม่มีทางเหม็นบูดเลยครับ


   “ หอมว่ะ” มันจะมีบุคคลประเภทที่ว่าตอนทำงานไม่โผล่หัวมา แต่พอทำงานเสร็จกลับโผล่หัวมาอย่างน่าประหลาด ครั้งนี้ก็เหมือนกันครับ พี่เทพกับพี่วินเดินตัวหอมเพราะไปอาบน้ำกันเรียบร้อยแล้ว ส่วนผมที่หิวเกินก็มุ่งมาที่ห้องครัวมากกว่าจะมุ่งไปห้องน้ำเหมือนพวกพี่ๆ ทั้งพี่เทพและพี่วินเดินเข้ามาในครัวก่อนจะหย่อนก้นนั่งลงข้างๆพี่กรม


   “ จานละสองร้อย” ผมตักไก่ราดบนข้าวพร้อมเสิร์ฟ แต่อยู่ๆผมก็มีความคิดอะไรบางอย่างออกมาทำให้ผมเล่นแง่ไม่ยอมให้ข้าวพวกพี่เขา


   “ ของก็ของบ้านกูนะไอ้ผี” เหมือนสีหน้าพี่กรมจะเริ่มหงุดหงิด สงสัยจะหิวจริง


   “ ของพี่กรมจ่ายผมมาห้าสิบพอ ส่วนพี่สองคนคนละสองร้อย ไม่งั้นห้ามกิน” ผมเท้าเอวมองหน้าพี่เทพกับพี่วินเพื่อกดดัน


   “ เออ ที่ยอมก็เพราะกูหิวหรอกนะ” พี่วินยกโทรศัพท์ขึ้นมา “ ใส่พร้อมเพย์เลขมึงมา” ผมรับโทรศัพท์ของพี่วินขึ้นมาก่อนจะกดตัวเลขลงไปทีละตัวด้วยความรู้สึกตื่นเต้นจนน้ำตาจะไหล เงินก้อนแรกจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง


   “ พี่เทพอย่าลีลาพี่” ผมยื่นโทรศัพท์ให้พี่วินหลังจากที่ใส่จำนวนเงินค่าอาหารเป็นที่เรียบร้อย พร้อมกับกระดิกนิ้วไปตรงหน้าพี่มัน


   “ มึงจำไว้นะพี มึงเล่นแบบนี้เอง” ผมรู้สึกเสียวสันหลังแปลกๆ ไม่เป็นไรผมมีแบค ผมไม่กลัวหรอก พี่เทพยื่นโทรศัพท์มาให้ผมเช่นเดียวกับพี่วิน


   “ ท่านให้อร่อยครับ” ผมเลื่อนจานข้าวไปตรงหน้าพี่ทั้งสาม ทันทีที่ข้าวมาอยู่ตรงหน้าทั้งสามคนไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรให้มากความ ต่างก้มหน้าก้มตากินจนหมดด้วยความรวดเร็ว ส่วนผมก็กินเสร็จไล่ๆกับพี่ทั้งสามคน


   “ อร่อยไหมพี่กรม”


   “ ดีกว่ากินเยี่ยวแมว” ผมก้มหยิบทิชชู่ขึ้นมาเช็ดปากให้พี่กรมหลังจากที่พี่มันกินเสร็จ “ เช็ดปากกูทำไม?”


   “ บริการหลังการขายครับ มาๆพี่เทพพี่วิน” ผมกำลังจะเอื้อมมือไปเช็ดปากให้พี่ๆทั้งสองคนที่เหลือ แต่พี่ที่เหลือนั้นดันเอาหน้าหนีทำให้ผมเช็ดได้เพียงแค่พี่กรม


   “ ร้านไหนของมึงมีบริการเช็ดปากวะ” ไอ้พี่เทพถามขึ้นอย่างสงสัย ก่อนที่พี่มันจะหยิบทิชชู่ขึ้นมาเช็ดปากตัวเอง


   “ ร้านปฐพีครับพี่ ต้องบริการให้คุ้มเงินที่พี่จ่าย” ผมยิ้มหน้าบานให้พวกพี่มัน “ ว่าแต่รสชาติเป็นไงครับผม” ต้องมีการประเมินผลกันหน่อยว่าฝีมือของผมมันอยู่ในระดับไหน ถ้าอร่อยผมจะลาออกแล้วไปเปิดร้านแข่งกับร้านป้าที่โรงอาหารมหาวิทยาลัย          

                  
   “ รสชาติไม่แย่ แต่คนทำกูไม่ชอบ ก็ถือว่าไม่อร่อย” แบบนี้ก็ได้ครับพี่เทพครับ เชื่อแล้วว่าแค้นผมจริงที่ผมหลอกเอาเงินพี่มันมาได้ ไม่ซิ จะเรียกว่าหลอกไม่ได้เพราะผมทำมาหากินของผมอย่างสุจริต ถึงจะเบียดเบียนคนอื่นก็เถอะ ผมจะทำเป็นไม่เห็น


   “ ไปทำงาน เอาจานแช่ตรงนั้นแหละ เดี๋ยวแม่บ้านมาล้างตอนเช้า” พี่กรมเป็นฝ่ายลุกขึ้นคนแรก เอาจริงผมอิ่มแล้วผมโคตรง่วงเลย ไม่มีอารมณ์อยากจะทำอะไรทั้งนั้นแต่ก็ไม่กล้าพูดออกไป เดี๋ยวโดนด่าอีก ทำให้ผมเดินตามหลังพี่มันไปเงียบๆ







PS. ขอยาดเกลียดคำว่าพี่น้องของคู่นี้ค่ะ เลิกหลอกตัวเองได้แล้ว!!!!!!

PS. ตอนหน้าเตรียมเจอกับความปั่นป่วนของน้องค่ะ
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 6.2(17/02/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 17-02-2019 22:22:39
 :L2: :pig4:

มีการหยุดดึงสตินะ
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 6.2(17/02/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: nikpook ที่ 18-02-2019 07:55:37
สรุปว่างานก็ยังไม่ได้ทำสักที55555 ชอบตอนพี่ชายขิงว่าคนรวยแถมหล่อ จ้าพ่อคนหล่อ อิน้องชายก็ชมเก่ง หาเงินเก่งด้วย หาเงินโดยสุจริตแต่เบียดเบียนผู้อื่นชอบ
 ชอบประโยคนี้มาก5555 ขออนุญาตเรียกพี่กรมว่าพี่ชาย น้องผีว่าน้องชาย พี่น้องเสินเจิ้น5555 สนุกมากๆ รออ่านความปั่นป่วนของน้อง มาต่อเร็วๆนะคุณไก่ทอด เราเป็นกลจให้ :กอด1:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 6.3(18/02/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: KJH177 ที่ 18-02-2019 17:26:57

บทที่ 6.3

สุมหัวพากัน (?)
ทำงาน



พี่กรมนำพวกเราเดินมาที่ห้องชั้นสองของบ้านที่มีลักษณะคล้ายๆห้องรับแขกที่อยู่ชั้นล่างแต่พื้นที่เล็กกว่าเล็กน้อย ในห้องตกแต่งเป็นแนวมินิมอลไม่มีของตกแต่งอะไรมากเน้นเรียบๆแต่สวยและดูแพง ผมเดินเข้ามานั่งที่พื้น ที่ผมเลือกพื้นก็เพราะว่าถ้าผมจะวาปผมก็จะวาปหายไปเลย


   “ จะอธิบายให้ฟังนะ คือเราต้องแข่งคิดนโยบายเพื่อใช้หาเสียง บทบาทสมมติคือนักการเมือง สิ่งที่กูลิสมาคือปัญหาที่มันเกิดขึ้นเป็นปัญหาใหญ่ๆในสังคม” พี่กรมยื่นกระดาษมาตรงหน้าผม


   “ ผมคิดไม่เป็นนะพี่ ผมไม่ได้เรียนมา” อันนี้ยอมรับเลยว่าผมไม่รู้เรื่อง ก็เพราะกูพึ่งปีหนึ่งไงครับยังไม่ได้เรียนตัวคณะตัวเนื้อหาอะไรเลย ได้เรียนแต่ตัวพื้นฐานสำหรับเด็กปีหนึ่งอยู่ ส่วนพวกพี่เขาน่าจะผ่านทุกอย่างมาหมดแล้ว ผมช่วยได้นะช่วยนั่งดูอะถนัดเลย


   “ การคิดนโยบายหลักง่ายๆก็มีไม่กี่อย่างอยู่ที่ว่าเราจะเล่นประเด็นอะไร เช่น ใช้ปัญหาที่มีอยู่มาทำเป็นนโยบายเพื่อแก้ไข ใช้นโยบายเก่ามาปรับปรุงและพัฒนาให้เกิดศักยภาพขึ้นมาใหม่ หรือมึงจะเลือกเอาสิ่งที่ถนัดมาเสริมสร้างช่องว่างก็ได้ มันมีแค่ไม่กี่กระบวนการหรอก” ผมนั่งฟังในสิ่งที่พี่กรมพูดอย่างตั้งใจ ส่วนพี่วินกับพี่เทพที่รู้เรื่องอยู่แล้วทำในส่วนหาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตหาประเด็นที่สนใจ ทำให้ตอนนี้ผมมานั่งขุกอยู่กับพี่กรม


        “ พอจะเก็ทแต่แกล้งไม่เก็ทเพราะไม่อยากทำงาน”


เพี๊ยะ!


   “ ไม่เก็ทบ้านมึงดิ” ผมโดนตบหัวครับ แรงด้วยครับ เจ็บครับ จบข่าว!!


   “ พี่ พี่มีกรอบไหม ขอบเขตอะ”


   “ เป็นคำถามที่ดีตั้งแต่กูรู้จักมึงมา”


   “ พี่ก็พูดเกินไป” ผมนี่มองบนเลยครับ รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังโดนด่าทางอ้อมอย่างไรก็ไม่รู้ เหมือนว่าที่ผ่านมาผมเอาแต่พูดไร้สาระ คงไม่จริงมั้งผมว่าผมมีสาระอยู่ในระดับหนึ่งถึงว่าระดับมันจะแอบต่ำไปนิดไปหน่อยก็ตาม


   “ ขอบเขตคือความสมจริง อยากได้ที่มันสามารถเอาไปเป็นนโยบายที่ใช้ได้จริง” เจ้ากรมเองก็เคยเห็นพ่อของเขาทำและหาข้อมูลในช่วงที่พ่อของเขายังไม่ได้ขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรค ฝ่ายนโยบายและยุทธศาสตร์ของพรรคจึงตกเป็นหน้าที่ของพ่อ การที่จะคิดนโยบายหนึ่งขึ้นมาได้มันต้องสะท้อนหลายๆมิติ ไม่ใช่ว่าจะสะท้อนแค่คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งหรือตั้งเอามันเท่านั้น ไม่อย่างนั้นนโยบายอาจจะกลายเป็นแค่การขายฝันก็ได้ เรื่องนี้หลายพรรครู้ดี และที่สำคัญทีมเวิร์คก็เป็นหน่วยสนับสนุนที่ดีของการวางแผน “ รู้จักวงจรของนโยบายไหม?”


   “ ไม่ครับ” คือผมจะรู้ได้ไงวะก็ในเมื่อผมยังไม่ได้เรียน


   “ คร่าวๆนะถ้าเราเลือกจากปัญหามันต้องหาทางแก้ไข มีทั้งหมดห้าขั้นตอนคือ การรับรู้ปัญหา ข้อเสนอในการแก้ไขปัญหา ตัวเลือกในการแก้ไขปัญหา การนำวิธีแก้ไขปัญหาไปปฏิบัติ และสุดท้ายคือการติดตามผลลัพธ์ มันต้องวัดผลได้” ผมไม่อยากจะคิดถึงขั้นตอนที่เหลือเลยครับว่ามันจะมาพร้อมทฤษฎีอีกเท่าไหร่ เอาเป็นว่าผมจะคิดว่าเป็นการเตรียมตัวก่อนเพื่อนคนอื่นก็แล้วกันนะครับ “ เข้าใจไหม?”


   “ อ่า พอจะจับจุดได้อยู่พี่”


   “ เกมนี้กูจะไม่แพ้” แววตาที่มุ่งมั่นของพี่กรมมันทำให้ผมรู้สึกขนลุกขึ้นมาแปลกๆ ทุกครั้งที่ผมเห็นเวลาที่คนรอบข้างตั้งใจทำอะไรสักอย่าง นั้นเป็นสิ่งกระตุ้นที่ทำให้ผมรู้สึกอยากจะเป็นแบบพวกเขาบ้าง ถึงผมจะดูเกรียนดูกวนในสายตาของใครหลายๆคน แต่ถ้าผมได้ลงมือแล้ว ไม่มีทางที่คนอย่างผมจะทำไม่ได้


หมับ


   “ เราจะสู้ไปด้วยกันนะครับ” ด้วยความฮึกเหิมเมื่อสักครู่ที่ผมได้รับการส่งมอบมาจากพี่กรม นั่นทำให้ผมถือวิสาสะเอื้อมมือของตัวเองไปจับมือพี่กรมมากุมเอาไว้พร้อมกับส่งสายตาที่มุ่งมั่นที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้


   “ ครับผม ^^” เป็นโชคดีที่ผมไม่โดนพี่มันตบหัวผมอีก เพราะครั้งนี้ไอ้พี่กรมมันส่งยิ้มมาให้ผมแทน รอดไปนะกะหม่อมน้อยๆของพ่อ


   “ โทษนะครับ ผมจะอ้วก!” และเสียงของพี่เทพดังขึ้นทำให้ผมเลื่อนมือออกจากมือของพี่กรมทันที ขออนุญาตเกาหัวแก้เก้อไปก็แล้วกันครับ


   เวลานี้ผมพยายามถ่างตาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะผมรู้สึกง่วงที่สุดในชีวิตแต่พี่ๆทั้งสามยังคงนั่งหาข้อมูลด้วยท่าทางชิวๆราวกับว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาตีสามที่เกือบๆจะตีสี่


   “ ไอ้กรม กูสนใจเรื่องนี้วะสาธารณะสุขโคตรน่าเล่น” พี่เทพยื่นไอแพดให้พี่กรมที่กำลังอ่านอะไรสักอย่างอยู่ พี่กรมรับมาเลื่อนดูก่อนจะคืนให้พี่เทพไป พร้อมกับคำพูดนิ่งๆ


   “ กูว่ามันยังธรรมดา ไปหามาใหม่”


   “ ถ้าไม่ใช่เพื่อนรักนะ กูตบหัวไปละ” พี่เทพบ่นออกมาแต่เขาก็กลับมานั่งหาข้อมูลต่อ


   “ ไอ้กรมประเด็นค้ามนุษย์ที่ภาคเหนือ” คราวนี้เป็นพี่วินที่เสนอหัวข้อมาให้พี่กรมพิจารณาอีกครั้งหลังจากที่พี่เทพพึ่งโดนตีกลับ


   “ มันเป็นเรื่องของตำรวจ อีกอย่างมันเฉพาะกลุ่มเกินไป ยังทำนโยบายไม่ได้” เอาจริงๆนะ ที่พี่กรมบอกว่าพ่อบังคับให้เรียนด้านนี้ จริงๆแล้วผมว่าท่านอัศวินน่าจะเห็นอะไรบางอย่างในตัวพี่กรมแน่ๆท่านถึงบังคับให้พี่กรมมาเรียน ไม่มีพ่อแม่คนไหนหรอกครับที่ไม่อยากเห็นลูกไม่มีความสุข แต่เท่าที่ผมดูผมยังไม่เห็นว่าพี่กรมจะดูทุกข์ขนาดที่ต่อต้าน แสดงว่าพี่มันก็น่าจะชอบอยู่บ้าง


   “ ครับ เดี๋ยวไปหาใหม่ครับ” ผมรีบหลบตาพี่กรมทันทีที่พี่มันมองมาทางผม ที่หลบนี่ไม่ได้กลัวนะแต่กูยังหาข้อมูลไม่ได้สักเรื่องเลย ต่างจากพี่เทพกับพี่วินที่หาและโดนตีกลับอยู่หลายต่อหลายครั้ง


   “ ไม่ต้องมาหลบ ได้สักเรื่องหรือยัง” ผมรีบกดปิดพันทิปทันทีเลยครับเพราะพี่กรมละมือออกจากหนังสือก่อนที่พี่มันจะต้องมาหาผมที่นั่งอ่านพันทิปแกะลอยตัวย่อที่เขาทิ้งไว้ในกระทู้


   “ กำลังพี่”


   “ ไหนมาดู” พี่กรมแย่งไอแพดที่พี่มันให้ผมยืมหาข้อมูลไปดู “ ไอ้พี กูอยากจะบ้าตาย มึงยังมีเวลามานั่งอ่านกระทู้ไร้สาระนะ”


   “ กระทู้ไรวะ” คำพูดของพี่กรมทำให้พี่ทั้งสองพุ่งความสนใจมาที่ผม


   “ พระเอกแถวหน้าอักษรย่อ ก. แอบสุ่มพาแฟนสาวนอกวงการไปฝากท้องแถวๆชานเมือง? ไอ้พี เอาจริงดิ มึงยังไม่เริ่มเลยนะ”


   “ แฮะ” ผมส่งยิ้มแห้งให้พี่กรมไป “ ผมง่วงอะ มันต้องหาอะไรตื่นเต้นมาอ่าน ไม่งั้นจะหลับ”


   “ มาหาที่ตีนกูมา” ไอ้พี่เทพเสริมขึ้นส่วนพี่วินก็ได้แต่ส่ายหัวให้ผมก่อนที่พี่มันจะก้มหน้ากลับไปหาข้อมูลของตัวเองต่อ


   “ กูให้เวลามึงมาเสนอเรื่องกับกูก่อนเช้า เดี๋ยวกูจะไปห้องหนังสือข้างๆ เสร็จแล้วก็ลุกไปหากู” พี่กรมโยนไอ้แพดลงบนตักของผม ส่วนพี่มันก็เดินออกไปจากห้อง ผมค่อยขยับตัวไปนั่งใกล้ๆพี่เทพก่อนที่สะกิดขาพี่มันเพื่อเรียกร้องความสนใจ


   “ พี่เทพบุตร ช่วยน้องหน่อย”


   “ ไม่! สองร้อยกู” พี่เทพพูดด้วยแววตาเครียดแค้นยังคงฝังใจกับเงินสองร้อยบาทที่ผมได้มาจากการทำอาหาร


   “ พี่เทพค้าบบบ”


   “ ออกไป เดี๋ยวกูเตะคว่ำ” ผมหันไปขอความช่วยเหลือจากพี่วิน แต่ผมได้รับความว่างเปล่ากลับมาเมื่อพี่วินไม่แม้แต่จะสนใจผมเลยสักนิด


   ผมลองตั้งใจหาข้อมูลจริงๆจังสักครั้ง ก่อนจะเปิดไปที่กระทู้ข่าวที่น่าสนใจอยู่ในตอนนี้ ทำให้ผมรีบลุกขึ้นไปหาพี่กรมที่พี่มันบอกว่าให้ผมเอาเรื่องไปเสนอที่ห้องหนังสือข้างๆ


   ผมเดินมาที่ห้องหนังสือตามที่พี่กรมบอก ห้องหนังสือใหญ่พอๆกับร้านหนังสือในห้างเลยครับ หนังสือส่วนมากจะเป็นหนังสือเกี่ยวกับความรู้ทางการเมืองมากกว่า จะมีอ่านเล่นบ้างแต่แทบจะนับเล่มได้ ผมมองหาพี่กรมว่าตอนนี้พี่มันอยู่ตรงไหน ก่อนที่ผมจะเห็นว่าพี่กรมนั่งย่อตัวหาหนังสืออะไรบางอย่าง ทำให้ผมตรงเข้าไปหาพี่กรมทันที


   “ ได้ละหรอ” พี่กรมลุกขึ้นยืนหลังจากที่พี่มันรู้สึกตัวว่าผมเดินเข้าไปหา “ ไหนมาเล่าให้ฟัง” พี่กรมเดินมานั่งที่โต๊ะอ่านหนังสือ ผมเดินมานั่งตรงข้ามพี่มันก่อนจะเริ่มเล่าลายละเอียด


   “ ผมสนใจด้านการศึกษาถึงแม้ว่ามันจะดูเฉยนะ แต่ที่ผมอยากให้เล่นคือเด็กบ้านนอกจริงๆ แก้ไขปัญหาครูอะที่สนใจแต่ทำผลงานมากกว่าสนใจเด็ก ยิ่งเด็กแถวๆโรงเรียนบ้านนอกนะ พี่ลองคิดดูดิว่าครูที่ซีสูงๆสอบเลื่อนเงินเดือนได้ ส่วนมากจบอย่างต่ำก็ปริญญาโทอะ แต่ผลการศึกษาของเด็กวัดจากคะแนนสอบส่วนกลางได้เฉลี่ยน้อยมากเลยนะพี่ แล้วไอ้งบที่ได้ก็กระจุกตัวอยู่ที่บำรุงสถานที่ทั้งนั้น และที่น่าสนใจที่สุดก็คืองบการศึกษาได้มากเป็นอันดับหนึ่งของประเทศผมอยากจะรู้ว่ามันไปกระจุกตัวอยู่ตรงไหน” พี่กรมพยักหน้าให้กับสิ่งที่ผมเล่าให้พี่มันฟัง


   “ รู้ไหมว่าการจัดงบประมาณมันเป็นอย่างไง”


   “ ไม่ครับ”


   “ ปีงบประมาณมันอยู่ที่ เดือน ตุลาคมถึงกันยายนของปีถัดไป แต่สำนักงบจะเริ่มจัดงบปีต่อไปล่วงหน้าเกือบๆสิบเดือดดังนั้น กระทรวงกรมต่างๆต้องส่งเรื่องที่จะเบิกงบโดยอ้างจากปีฐานที่พวกเขามีแต่อาจจะบวกลบตามความเหมาะสม แต่เอาเข้าจริงไม่มีลดมีแต่เพิ่ม ส่วนการพิจารณาจะมาจากการพิจารณาจากสส.ขั้นสุดท้ายจะเป็นสว.แต่อย่างในปีนี้คนที่ตัดสินและพิจารณาสูงสุดก็คือสนช.ที่ทำหน้าที่แทนสส.สว. ก่อนจะส่งไปลงพระปรมาภิไธยเพื่ออนุมัติงบ อันนี้กูพูดคร่าวๆนะ แต่ถ้ามองในมุมของกระทรวงการศึกษากูก็ไม่รู้ว่าเขากระจายงบไปที่ส่วนไหนเป็นอันดับหนึ่ง แต่ที่เห็นก็น่าจะเป็นการให้เงินอุดหนุนมากกว่า” ผมตั้งใจฟังในสิ่งที่พี่กรมอธิบายออกมา การที่พี่กรมตั้งใจอธิบายให้ผมฟังอย่างตั้งใจนั่นทำให้ผมคิดตามในสิ่งที่พี่กรมพูด “ เข้าใจไหม ไม่เข้าใจตรงไหนถามได้”


   “ ผมพอจะจับจุดได้ ถ้าสมมติเราเล่นเรื่องการศึกษานอกจากนโยบายก่อนหน้านี้ของรัฐบาลที่ผ่านมาพวกเรียนฟรี เราจะทำอะไรได้อีกอ่ะพี่ ผมอยากได้อะไรแปลกๆ”


   “ น่าสนใจ” พี่กรมหยิบText book เล่มหนึ่งออกมา “ รู้จัก Comparative Administration ไหม?” ผมนั่งคิดคำแปลคำศัพท์ที่พี่กรมพูดออกมา


   “ การบริหารรัฐกิจเปรียบเทียบ?”


   “ ใช่ครับ เอาไปอ่านดูไหมมัน Case study หลายประเทศเลยเพื่อมีไอเดียมาเสนออีก” ผมก้มลงมา textbook เล่มหนา ไอ้ผมก็อยากอ่านนะแต่แม่งดันเป็นภาษาอังกฤษไงครับถ้าผมเริ่มอ่านตอนนี้จบอีกทีสามเดือนข้างหน้าแน่นอน


   “ ไม่เอาอ่ะ ผมไปหาข้อมูลต่อดีกว่า” ผมกำลังจะลุกเพื่อกลับไปหาข้อมูลกับพวกพี่เทพพี่วินต่อแต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ลุกไอ้พี่กรมก็รั้งผมเอาไว้ก่อน


   “ อยู่เป็นเพื่อนก่อนดิน้องผี” ผมก็ได้แต่นั่งลงที่เดิมตามที่พี่กรมมันบอก ผมหาข้อมูลในส่วนของผมต่อไปส่วนพี่กรมก็นั่งอ่านเท็คในมืออย่างตั้งใจ ผมไม่รู้ว่าตัวเองหาได้เยอะแค่ไหน รู้ตัวอีกทีผมก็หลับไปแล้ว พระอินทร์จ๋าน้องพีกำลังจะไปหารอก่อน พระอาทิตย์อย่าพึ่งขึ้นนะ เดี๋ยวตอนเหาะขึ้นไปน้องพีจะร้อน....


ตุบ


   เจ้ากรมที่นั่งมองเด็กที่นั่งสัพงกอยู่สักพักเอนซ้ายทีขวาทีตามจังหวะโยก ตาทั้งสองข้างหลับแต่มือยังคงเขี่ยไอแพดอยู่อย่างนั้นจนเขาต้องเป็นฝ่ายดึงไอแพดออกจากมือของพี เมื่อเห็นว่าหัวของพีกำลังจะล้มลงกระแทกกับโต๊ะเจ้ากรมจึงยื่นมือออกไปรองหัวของพีเอาไว้ได้ทัน ทำให้หัวไม่เขกโดนลงโต๊ะแต่อยู่บนหน้ามือของเจ้ากรมแทน


   “ ฝันดี” เจ้ากรมปล่อยให้พีนอนโดยใช้มือของเขาหนุนแทนหมอนส่วนเขาตั้งใจว่าจะอ่านอีกสักพัก และรู้ตัวอีกทีเขาก็หลับไปพร้อมกับคนข้างๆอย่างไม่รู้ตัว













PS. ตอนนี้จะจริงจังหน่อยนะทุกคนนนนนนนนน น้องไม่ค่อยกล้าเกรียนเท่าไหร่

PS. รออ่านคอมเม้นต์ เม้นต์ให้คุณไก่ทีค่ะ อยากอ่านฟีดแบคเหลือเกินน ฮื่ออออออออออ

 

 
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 6.3(18/02/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: คุณซี ที่ 18-02-2019 18:04:25
ตอนนี้อัดแน่นไปด้วยความรู้เลย แอบสงสัยว่านโยบายที่ภาครัฐออกถึงแบบไปออกเกี่ยวกับกรมตำรวจไม่ได้อ่ะคะ
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 6.3(18/02/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: KJH177 ที่ 18-02-2019 18:58:52
ตอนนี้อัดแน่นไปด้วยความรู้เลย แอบสงสัยว่านโยบายที่ภาครัฐออกถึงแบบไปออกเกี่ยวกับกรมตำรวจไม่ได้อ่ะคะ

ก็คือว่า ตำรวจเป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาตินะคะ ทีนี้คืออยู่ภายใต้สังกัดนายกรัฐมนตรีเลย ต้องดูว่าขอบเขตของหน้าที่ตำรวจมีอะไรบาง ในอย่างที่ยกตัวอย่างมาคือเรื่องการค้ามนุษย์ซึ่งมันเรื่องเกี่ยวกับคดีความมากกว่า ทำนโยบายได้ค่ะแต่ต้องเป็นเรื่องใหญ่ๆและคนทั่วประเทศกำลังประสบปัญหาหรือว่าช่วยส่งเสริมคนทั้งประเทศนะ มันต้องผ่านการพิจารณาอีกหลายขั้นตอนเลยค่ะ เข้าใจไหมเอ่ยย ถามได้อีกนะ ยินดีตอบจ้าาาา
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 6.3(18/02/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 18-02-2019 21:08:09
สนุกดีค่ะ..ตามๆ  o13
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 6.3(18/02/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: nikpook ที่ 19-02-2019 12:05:06
น่ารักตอนสุดท้ายอ่ะ :-[ แล้วก็ตอนกุมมือด้วยน่ารักเต็มไปหมดเลย :-[ อ่านตอนนี้ให้ความรู้ใหม่ๆเราเยอะเลย ชอบตรงที่เอาเรื่องการศึกษามาขยี้ค่ะ รอๆตอนต่อไปนะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 7.1(19/02/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: KJH177 ที่ 19-02-2019 14:26:00
บทที่ 7.1

ลุยงานหรือลุย.............ปู๊ดดดดดดด



เช้าวันต่อมา


   ผมตื่นขึ้นมาด้วยอาการที่รู้สึกปวดท้องหนัก ผมรู้สึกถึงไส้มันบิดไปเพื่อบีบให้อึออกมา เหมือนตอนที่ผมเคยกินยาถ่ายในช่วงที่ผมอึไม่ออก แต่ตอนนี้ผมไม่ได้กินแล้วทำไมไอ้อาการนี้มันถึงกลับมาเหมือนครั้งนั้น


พรึบ


   ผมลุกขึ้นทันทีก่อนจะตรงไปที่ห้องน้ำโดยที่มีทั้งสองอุดก้นเอาไว้ไม่ให้อะไรๆมันไหลออกมาก่อน เมื่อผมเห็นทางสว่างอยู่ด้านหน้า ไม่รอช้าพุ่งตัวเข้าไปอึอย่างเร็วพลัน


แหมะ ปู๊ดดด


   สิ่งที่ออกมาทั้งของแข็งและของเหลวในตอนนี้ทำให้ผมรู้สึกโล่งทันที ผมเอื้อมมือไปหยิบสายยางมาฉีดเพื่อทำความสะอาด แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ลุกใส่กางเกงออกไปด้านนอก ผมก็รู้สึกปวดอีกครั้งจนผมต้องนั่งต่อเพื่อระบายออกมาให้หมดไส้หมดพุง


ปึงๆๆ


   “ ใครอยู่ในนั้น!!” เสียงของพี่เทพเคาะประตูห้องน้ำแรงๆจนอึที่กำลังจะออกถึงกับหดหายเข้าไปเลยทีเดียว


   “ ผมพี่ ผมอึอยู่ๆ” ผมตะโกนบอกไอ้พี่เทพออกไป


   “ กูจะแตกแล้ว!!”


   “ ห้องน้ำข้างล่างละพี่”


   “ ไอ้กรมกับไอ้วินยึดหมด! มึงอย่าพูดมากรีบออกมา” พี่เทพก็ยังไม่ลดละความพยายามโดยการเคาะประตูห้องน้ำแถมยังแหกปากไปด้วย ก็คือคนมันก็ปวดอันนี้ผมเข้าใจแต่จะให้ทำอย่างไงละครับผมก็ปวดเหมือนกัน


   “ พี...กูจะไม่ไหวแล้ว.....” เสียงของพี่เทพดูขาดๆหายๆไป จังหวะนั้นผมรีบเร่งตัวเองด้วยการแบ่งจนเส้นเลือดในสมองเกือบจะแตก


โครกกกกก


   ผมกดชักโครกเป็นอันว่าธุระของผมเสร็จแล้ว


   “ ไปต่อได้พี่” ผมเปิดประตูออกมาเจอพี่เทพนั่งกุมท้องของตัวเองอยู่ด้วยสีหน้าซีดเซียว


   “ พยุงกูที...” ผมก้มลงไปพยุงไอ้พี่เทพให้ลุกขึ้นพาพี่มันเดินเข้าไปในห้องน้พ


   “ ให้ช่วยถอดกางเกงไหม”


   “ ถอดตีนกูหนิ ออกไปเลยมึง” ผมเดินหัวเราะชอบใจออกมาจากห้องน้ำได้ไม่ถึงสิบก้าว ไอ้อาการปวดท้องของผมก็กำเริบขึ้นอีกครั้ง!


ปึง!!!


   “ พี่เทพพี่ผมปวดท้อง!!” ถึงคราวที่ผมต้องไปเคาะประตูห้องน้ำพี่เทพคืนเพราะตอนนี้ข้าศึกบุกประชิดประตูหลังพร้อมโจมตีก้นผมเต็มที่แล้ว


   “ ถ้าพี่ไม่ออกตอนนี้ผมจะขี้หน้าห้องละนะ!!”


   “ เออ!!!!”


   ไอ้ฉิบหายเอ้ย!! ทำไงดีวะ ยิ่งจะออกขนก็ยิ่งลุกหนาวๆสั้นๆไปทั้งตัว รู้สึกเลยว่าครั้งนี้ผมไม่น่าจะรอดถ้าพี่เทพไม่ออกมาใน

เวลา
สาม
สอง
หนึ่ง


ปู๊ดดดดดดด


   จัดชุดใหญ่ไฟกะพริบครับผม ตอนนี้ผมไม่สนใจอะไรแล้วนั่งจมกองขี้ของผมเฝ้าหน้าประตูไอ้พี่เทพไป พี่มันจะออกตอนไหนผมไม่สนเพราะผมจะนั่งขี้ตรงนี้! ที่นี่! ตลอด......ปู๊ดดดด!!!




   ทั้งผมพี่กรมพี่เทพและพี่วินตอนนี้เราสี่คนมานั่งให้น้ำเกลือที่โรงพยาบาลหลังจากที่อาการของผมไม่ไหว ไม่ใช่แค่ผมแต่เป็นทั้งหมดที่ไม่ไหว พี่กรมที่มีแรงเหลือเยอะสุดโทรไปหาพี่คินให้มารับพาพวกผมมาโรงพยาบาล สภาพของทุกคนตอนนี้คือนอนหน้าซีดให้น้ำเกลือเรียงเป็นแถวโดยที่มีพี่คินนั่งเฝ้าอยู่


   “ หมอครับต้องให้อีกเท่าไหร่” ผมได้ยินเสียงหมอคุยกับพี่คินดังเข้ามาในโสตประสาททำให้ผมค่อยๆลุกขึ้นนั่งบนเตียงผู้ป่วย ภาพที่ผมเห็นคือพี่กรมพี่เทพพี่วินนอนเรียงเป็นแถวหน้ากระดานถัดจากผมไป


   “ ปวดขี้อีกแล้วหรอ?” พี่คินเดินมาถามผมนิ่งๆ ผมได้แต่ส่ายหน้าให้พี่มันแทนคำตอบ


   “ พวกมึงเล่นอะไรกันวะ”


   “ ม่ายรู้ค้าบบ” เสียงที่ผมตอบคือแหบและแห้งที่สุดเท่าที่ผมจะเคยเป็น ไม่ได้เกี่ยวกับที่ผมท้องเสียแต่น่าจะเป็นตอนที่ผมตะโกนเถียงกับพี่เทพมันมากกว่า


   “ ไอ้เทพหนักสุด หมอบอกอาจจะต้องนอนโรงพยาบาล”


   “ สาเหตุมาจากอารายอ่าค้าบ”


   “ อาหารเป็นพิษครับ”


หวับ!!


   ทันทีที่หมอตอบพี่ๆที่อยู่เตียงข้างๆต่างหันหน้ามาทางผมเป็นตาเดียว ด้วยสายตาที่บ่งบอกเหมือนกันว่าถ้าหายเมื่อไหร่ผมชะตาขาดแน่ๆ


   “ อาหารที่พวกคุณทานไป หมอตรวจจากอุจาระพบว่าเป็นยาถ่ายที่ใช้กับสัตว์” ยาถ่ายที่ใช้กับสัตว์? What the fuc*!! ผมสาบานผมไม่รู้เรื่อง ผมไม่ได้ผสมอะไรทั้งนั้น


   “ ผี อย่าบอกนะว่ากล่องนั้น...คือกล่องอกไก่ที่มีฝาปิดสีฟ้า?” พี่กรมพยายามลุกขึ้นมาถามผมที่นั่งหน้าเอ๋ออยู่บนเตียงเช่นเดียวกับพวกพี่ๆที่เหลือ


   “ เอ่อ..ครับ”


   “ สัดเอ้ย!” เป็นครั้งที่สองที่ผมได้ยินพี่กรมสบถออกมาเสียงดังและหยาบที่สุด “ มันเป็นของเฉลิม กูให้กินวันละชิ้นเพื่อให้มันระบายอึออก เฉลิมชอบไม่อึ ไอ้ผี! มึงไม่ถามก่อนวะ”


   “ ขอโทษค้าบ ผมไม่รู้” พี่กรมส่ายหัวทันที ผมเอาอาหารของเฉลิมมาทำให้ทุกคนกินอย่างนั้นหรอวะ? ยาถ่ายของสัตว์ตามที่หมอบอกจริงๆด้วย ฮื่ออออ น้องพีผิดไปแล้ว


   “ ถ้ายังปวดท้องอยู่บอกหมอเลยนะครับ”


   “ ดีที่กูไม่มา” พี่คินยิ้มออกมาเมื่อพี่มันมองสภาพพวกผมทั้งสี่คน


   “ สองร้อยกูก็จ่าย ไอ้พีมึง” ผมได้ยินเสียงพี่วินที่แอบด่าผมเบาๆ แต่คนที่หนักที่สุดอย่างพี่เทพไม่พูดอะไรออกมาเพราะพี่เขาหลับไปด้วยความเพลีย


   “ ไอ้พีทำเป็นเล่นถึงตายเลยนะมึง” พี่กรมยังไม่วายบ่นผมอีกรอบ


   “ ผมไม่ได้ตั้งใจ จังหวะนั้นผมหิวหยิบอะไรได้ก็กินหมดอะพี่” ผมยกมือไหว้ขอโทษพี่กรมอีกครั้งด้วยความรู้สึกผิดจริงๆ ถ้าผมรู้ว่าไอ้อกไก่นั้นมันเป็นอกไก่ของเฉลิมผมก็จะไม่หยิบออกมาทำอาหารให้พี่มันกินแน่นอน


   “ ช่างมัน”


   ผมนอนให้น้ำเกลืออยู่อีกหลายนาทีกว่าจะหมดถุงที่หมอเตรียมเอาไว้ ตอนนี้พี่ๆทุกคนให้น้ำเกลือกันเสร็จหมดแล้วส่วนอาการพี่เทพดีขึ้นมากจนไม่ต้องนอนโรงพยาบาลเหมือนที่หมอบอก ทำให้ตอนนี้พวกเรานั่งอัดกันอยู่บนรถของพี่คินมุ่งหน้ากลับบ้านพี่กรม


   “ ไอ้เทพ นอนพักบ้านกูก่อนค่อยขับกลับ” พี่กรมพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าพี่เทพฟุบหน้าหลับลงบนไหล่ของพี่วินที่นั่งอยู่ข้างๆ


   “ อื้ม” ผมก็พึ่งเคยเห็นพี่เทพสิ้นฤทธิ์ก็คราวนี้แหละครับ


   “ เดี๋ยวกูทำที่เหลือต่อเอง” พี่คินที่ไม่เป็นอะไรอยู่คนเดียวพูดขึ้นขณะที่สองมือของเขาขับรถอยู่


   “ ผมช่วยด้วย” ด้วยความที่ผมรู้สึกผิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ผมยื่นมือเข้าไปช่วยพี่คิน เพราะจากที่ผมคาดเดาสถานการณ์จากตัวเองแล้วนั้น ผมว่าผมไหว! ผมจะเป็นกำลังสำคัญในการไถ่บาปครั้งนี้




   เมื่อมาถึงบ้านของพี่กรมเป็นที่เรียบร้อย พี่วินพี่เทพพากันขึ้นไปนอนด้านบนห้องที่พี่กรมเตรียมไว้ให้ ส่วนผมพี่กรมพี่คินลงมือคิดนโยบายขึ้นมา โดยใช้ประเด็นการศึกษาที่ผมเสนอมาเป็นนโยบายหลักจากนโยบายพวกผมคิดไปคิดมาจนจะกลายเป็นการปฏิรูปทั้งระบบใหม่ โดยอิงจากการเปรียบเทียบในประเทศฟินแลนด์ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่มีติดอันดับการศึกษาดีที่สุดในโลก


   “ แต่ประเทศฟินแลนด์ที่ผมศึกษามานะพี่ตอนแรกการศึกษาก็ต่ำกว่ามาตรฐานมากๆ แต่ผู้นำเขากล้าที่จะเสี่ยงกล้าที่จะเปลี่ยนแปลง” หลังจากที่ผมนั่งดูภาพยนตร์สาระคดีเรื่อง Where to Invade Next? ที่พี่กรมเปิดให้ผมดู อันนี้ผมแนะนำเลยนะครับ ถ้าใครอยากลองเปิดมุมมองใหม่ดูประเทศที่เขามีการพัฒนาผมว่ามันน่าจะดีมากๆสำหรับการเอามาอะแดปใช้กับประเทศของเรา


   “ เราจะจับจุดตรงไหน?” พี่คินถามผมที่กำลังนั่งเขียนโครงร่างอยู่


   “ ถ้าผมจะเริ่มที่การรับบรรจุข้าราชการครูให้เข้มขึ้นกว่าเดิมเพื่อลดปัญหาการที่เรารับครูที่ไม่มีคุณภาพเข้ามาสอนนักเรียน”


   “ คิดว่าจะทำได้ไหม?” พี่กรมถามผมด้วยสายตาจริงจัง ตอนนี้พี่กรมตื่นขึ้นมาหลังจากที่พี่มันได้นอนพักอยู่สักพัก ทำให้ตอนนี้มีผมพี่คินและพี่กรมที่ยังสามารถทำงานไหวอยู่


   “ ครับพี่ ผมทำได้”


   “ แต่กูว่านะเราแก้ที่เรื่องรับบรรจุมันยากไป มันน่าจะกระทบแล้วน่าจะไม่ยอมถ้าเรามองจากหลักความเป็นจริง มันต้องเริ่มจากอะไรที่เบาๆก่อนอย่าพึ่งวู่วาม หาอะไรที่มันสามารถเปลี่ยนแปลงเล็กๆก่อน ดูเหมือนอย่างรัชกาลที่ 5 ดิกว่าที่ท่านจะปฎิรูปได้ใช้เวลากี่สิบปีต้องรื้อระบบใหม่จากอำนาจที่ขุนนางยึดถือมาเนินนานมาเป็นการรวมศูนย์อำนาจที่อยู่ส่วนกลาง” ผมนั่งฟังที่กรมอธิบาย ก็จริงถ้าผมเริ่มที่ครูก่อนมันน่าจะเกิดเป็นข้อขัดแย้งแน่ๆ ยิ่งข้าราชการครูเป็นข้าราชการอัตราส่วนเมื่อเทียบกับสายงานอื่นก็ถือว่าเป็นอันดับที่เยอะมาก ดังนั้นอย่าพึ่งเล่นประเด็นนี้เอาเป็นเรื่องเบาๆก่อนแล้วกัน


   “ ครับพี่ครับ” ผมจดข้อเสนอของพี่มันลงในกระดาษว่าผมควรหาข้อมูลหรือหาทางออกอะไรเพิ่มอีก


   “ งั้นร่างมาให้ดูก่อนนะ เดี๋ยวกูคิดกับไอ้คินอีกนโยบายเพื่อเอาไว้ฉุกเฉิน” หลังจากที่พี่กรมแบ่งหน้าที่ให้ผม ผมแยกตัวออกมาทำคนเดียวทั้งหาข้อมูล ทั้งร่างแผนต่างๆ มันยากนะครับเพราะผมไม่มีประสบการณ์และความรู้ด้านนี้เลย ถ้าผมติดหรือขัดอะไรผมจะเดินไปถามพี่กรมให้ช่วยอธิบาย ส่วนไหนที่มันยังไม่เข้าที่พี่กรมก็จะเกลาให้ใหม่และให้ผมใส่ไอเดียของตัวเอง พี่กรมไม่ได้บรีฟงานจนผมอึดอัด แต่เขาให้อิสระแก่ผมในการคิดทุกอย่าง นั้นคือสาเหตุที่ทำให้ผมตั้งใจกับงานชิ้นนี้เอามากๆ ผมจะพยายามสะท้อนถึงปัญหาและแนวทางในการแก้ไขออกมาให้มากที่สุดเท่าที้เด็กคนหนึ่งจะทำได้ จนเวลาผ่านไปในช่วงค่ำของคืนนี้


   “ อ่ะ กินก่อน” พี่กรมยกขนมมาวางให้ผมตรงหน้าในคืนที่สองที่ผมจะต้องนอนบ้านพี่กรม พรุ่งนี้เหลืออีกหนึ่งวันสำหรับการร่างโครงการนโยบาย


   “ ขอบคุณครับพี่” พี่กรมนั่งลงที่พื้นข้างๆผม พร้อมกับเอื้อมมือมาหยิบกระดาษที่ผมร่างเอาไว้ขึ้นมาดู


 “ ตรงนี้กูว่าแก้ดีไหม เปลี่ยนจากการให้งบอุดหนุนในจำนวนที่เยอะเป็นลดลงมาครึ่งหนึ่งและให้จัดเป็นโครงการย่อยคือต่อยอดนักเรียนที่มีผลการเรียนดี ดีกว่าไหม? ให้เป็นโควตาในทุกระดับชั้นตามจำนวนขนาดของโรงเรียน เช่น ถ้าโรงเรียนขนาดเล็กให้โควต้าสำหรับทุนเรียนจนจบมหาวิทยาลัยหนึ่งคนต่อหนึ่งระดับชั้น เพื่อกระตุ้นให้นักเรียนรู้สึกแอคทีฟมากกว่าการที่เราแจกเงิน มันทำให้เด็กไม่รู้คุณค่าของเงินที่ได้มา” ยังไม่ทันที่ผมจะหยิบคุกกี้ขึ้นมากินพี่กรมก็จัดคอมเม้นต์ชุดใหญ่จนผมต้องละจากขนมมาหยิบดินสอเพื่อจดในสิ่งที่พี่กรมแนะนำมา “ เน้นการแข่งขันให้ดูกดดันและเข้มข้นเผื่อว่าเด็กจะเห็นคุณค่าว่าทุกสิ่งไม่ได้ให้มาฟรี บ้านเราอยู่กับของฟรีมากไปมันก็ทำให้คนทำอะไรไม่เป็นเลย เห็นอย่างนโยบายแจกเงินให้กับชาวบ้านที่มีรายได้น้อยไหม มึงคิดว่าอย่างไง”


   “ ก็....ไม่ได้ทำอะไรให้มันดีขึ้นเลยครับ ผมว่านะมันค่อนข้างที่ดูจะใช้เงินแก้ปัญหาแล้วอีกอย่างเงินพวกนี้มันก็ไปกระจุกตัวอยู่ที่ผู้ประกอบการ”


   “ คุ้นๆไหม เขาเรียกว่าอะไร”


   “ ประชานิยม...ใช่ไหมพี่” พี่กรมไม่ได้ตอบอะไรออกมาเพียงแค่ส่งยิ้มมาให้ผมเท่านั้น “ เลิกพูดเนอะพี่เดี๋ยวจะเกินเลยไปมากกว่านี้”


   “ มึงทำงานไป ถ้ามีอะไรไม่เข้าใจก็ถามนะ” พี่กรมวางกระดาษที่ผมร่างลงบนโต๊ะ ทำให้ผมเปลี่ยนโหมดมาโฟกัสที่เรื่องที่ผมจะทำอยู่ตอนนี้


   “ โอเคเลยพี่ ผมเคยเห็นโครงการนี้อยู่นะ แต่บางโรงเรียนไม่มี บางโรงเรียนมี ผมว่าเราควรจะจริงจังไปเลย มีแบบแผนส่งไปที่โรงเรียนต่างๆออกเป็นกฎกระทรวงเลยก็ยิ่งดี”


   “ ความคิดยิ่งใหญ่แต่ทำไม่ได้ก็ตกม้าตายนะครับ อย่าลืมว่าอยู่กับหลักความเป็นจริง” พี่กรมรีบพูดดักขึ้นมาก่อน วันนี้ผมยังไม่ได้เกรียนใส่ใครเลย เหงาปากโคตร!


   “ แล้วที่ร่างคร่าวๆผมขาดอะไรบ้างครับ” ผมยื่นกระดาษอีกแผ่นให้พี่กรมดู


   “ เกือบทุกอย่าง”


   ไอ้ฉิบหาย! ผมร้องอุทานขึ้นมาในใจเมื่อพี่กรมมันบอกผมแบบนั้น ที่ผมทำมาทั้งหมดมันคืออะไร!!!


   “ แล้วมันมีอันที่ผมใช้ได้ไหมพี่?” ถามอย่างมีความหวังสุดๆ


   “ ก็มี Fact ที่ใช้ได้อยู่ การบ้านคือไปคิดชื่อนโยบาย วัตถุประสงค์ ข้อสมมติฐานพื้นฐาน และก็วิธีการมา หลักๆก็มีเท่านี้” ผมก้มมองในเศษกระดาษเพื่อหาดูว่าสิ่งที่พี่กรมพูดมามันมีอยู่ในนั้นไหม ปรากฏว่าไม่มีครับ ไม่มีอะไรเลย


   “ ผมเหนื่อยแล้วววว” ผมเหยียดตัวลงบนโต๊ะเมื่อเห็นว่างานที่ตั้งใจทำมันยังไม่ไปไหนแม้แต่ครึ่งเดียว ท้อครับยอมรับเลย


   “ สู้ดิ เดี๋ยวก็เสร็จ” พี่กรมมันเอามือมาวางไว้บนศีรษะของผมพร้อมกับลูบเบาๆเหมือนว่าพี่มันต้องการจะให้กำลังใจ “ เชื่อว่าน้องผีทำได้” ผมเงยหน้าขึ้นมามองหน้าพี่กรมที่พูดออกมาแบบนั้น


   “ พี่ครับ ผมยังไม่เชื่อตัวเองเลยนะพี่”


   “ แต่กูเชื่อในตัวมึงนะ”


   “ พี่....” ไม่รู้ซิครับ ผมดีใจที่มีคนมาพูดว่าเชื่อใจผม ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีใครสักคนเลยที่พูดว่าเชื่อใจในตัวของผม พวกเขามองว่าผมเป็นแค่เด็กเกรียนๆๆไม่เอาไหนสักอย่าง แม้กระทั่งแม่ของผม....


   ‘ พี แม่ว่าลูกเรียนที่มหาวิยาลัยใกล้บ้านเถอะ’ ผมยังจำได้ดีในวันที่ผมสอบติดมหาวิทยาลัยใกล้บ้านได้ในรอบโควต้า ตอนนั้นผมดีใจที่ผมสอบได้ แต่มันก็ไม่ใช่เป้าหมายที่ผมต้องการ


   ‘ ผมไม่อยากเรียนที่นั้น ผมอยากเรียนที่...... แม่อย่าห้ามผมเลย’


   ‘ ถ้าพีสอบไม่ติดละ....’ เพราะวันที่รายงานตัวเป็นวันเดียวกับวันที่ผมต้องมาสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ผมต้องการ

มหาวิทยาลัยที่ชื่อว่าเข้ายาก มหาลัยที่เป็นอันดับต้นๆของสายที่ผมอยากจะเรียน ผมรู้ตัวเองว่าผมไม่เก่ง ผมรู้ตัวเองว่าผมทำอะไรได้มีดีสักอย่าง แต่เรื่องนี้ผมตั้งใจ ผมอดหลับอดนอนอ่านหนังสือรัฐศาสตร์ ผมอดหลับอดนอนหาความรู้เพิ่มเติมใหม่ๆ ผมเปิดมุมมองด้วยการเอาตัวเองเข้ามาอยู่ท่ามกลางข่าวบ้านเมืองทั้งในและต่างประเทศ ผมทิ้งเวลาส่วนตัวทั้งหมดทุ่มเทไปกับมันทุกอย่าง ความพยายามที่ผมทุ่มไปผมขอใช้แม้ว่าผลที่ออกมาจะเป็นอย่างไรก็ตาม...


   ‘ ผมจะลอง’



   ‘ พี แต่แม่ว่าเอาที่นี่เถอะนะ แม่ว่าอย่างไงลูกก็ไม่ติด’ คำพูดที่หลุดปากของแม่มันเหมือนเป็นคำสบประมาทที่ทำให้ผมผลักดันตัวเองมากกว่าเดิม ไม่มีแม้แต่การให้กำลังใจ สายตา คำพูดที่ดูถูก มันทำให้ผมสู้ สู้จนผมทำตามความฝันของผมสำเร็จในวันที่ประกาศว่าผมมีชื่ออยู่บนหน้าเว็บ วันนั้นทำให้ผมได้พิสูจน์ตัวเองว่าทำผมตั้งใจ ไม่มีอะไรที่ผมจะทำได้


   “ พี...”


   “ .....”


   “ พี! ร้องไห้ทำไม”


   “ ห้ะ..” ผมได้สติก็ตอนที่พี่กรมมันกุมหน้าของผมเอาไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง ผมเตะที่ใบหน้าของตัวเองที่ตอนนี้เต็มไปด้วยน้ำตาที่ไหลออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่ผมเองก็ไม่รู้ตัวเหมือนกัน


   “ ถ้าไม่ไหวก็พักก่อน อย่าฝืน” ผมพยักหน้าให้พี่กรมที่ตอนนี้เขาค่อยๆใช้นิ้วเกลี่ยที่น้ำตาของผมเบาๆ “ ร้องไห้ทำไม หื้มม”


   “ แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยครับ” ผมค่อยๆเอาหน้าออกมาจากมือของพี่กรมพร้อมกับยกแขนเสื้อมาปาดเช็ดน้ำตาบ้านี่ลวกๆ อารมณ์ดราม่ากูมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน! แค่คิดถึงช่วงเวลาที่ยากลำบากนั้นมันก็ไหลออกมาทุกทีเลยแหละครับ


   “ ไอ้เด็กผีเอ้ย เช็ดแบบนั้นมันก็เจ็บดิวะ!” พี่กรมมันปัดมือของผมออกกก่อนที่จะยื่นมือของเขามาเช็ดให้แทนจนผมสะบัดและพลักตัวเองให้ออกห่างจากพี่กรม


   “ พี่ผมอะไม่เจ็บหรอกครับ ผมอ่ะเข้มแข็งพอ”



   “ โถ่ ไอ้ลูกหมา เมื่อกี้มึงยังร้องไห้อยู่เลย” ไอ้พี่กรมมันส่ายหน้าให้ผมทันที


   “ อารมณ์มันดราม่าก็งี้แหละพี่” ผมเฉไฉมาหยิบกระดาษที่ร่างเอาไว้ อย่างไงผมก็ต้องทำให้เสร็จครับ เหลือเวลาอีกหนึ่งวันผมต้องสู้ พี่กรมมันเป็นใครไม่รู้ยังมาเชื่อใจผม แล้วผมจะไม่เชื่อใจตัวเองได้ไงว่าผมทำไม่ได้ ผมต้องทำได้เท่านั้น นั่นคือคำตอบของผม!!!


   “ ไปนอนเถอะ พรุ่งนี้ค่อยลุยต่อ”


   “ พี่ไปนอนเถอะครับ เดี๋ยวผมตามไปขอแก้ตรงนี้ก่อน”


   “ เออ อย่าดึกมากก็แล้วกัน” พี่กรมลุกออกจากที่ผมกลับไปนั่งที่เดิมของเขา จนกระทั่งเวลาผ่านไปผมคิดวัตถุประสงค์ของนโยบายได้แล้ว ผมเลยตัดสินใจพอแค่นี้ก่อนพรุ่งนี้ผมค่อยกลับมาลุยใหม่ ถ้าผมโหมทำถึงเช้าผมว่ามันจะให้งานออกมาไม่มีประสิทธิภาพ สุดท้ายผมก็ต้องมาแก้ใหม่อีกอยู่ดี เอาเป็นว่าผมขอไปพักก่อนก็แล้วกัน เจอกันพรุ่งนี้เช้านะครับ









PS. ไอ้น้องแสบอีกแล้ววววววววววววว ฉันชอบพี่กรมสอนมาก อบอุ่นสุดดด

PS. ส่วนใครที่ส่งสัยในเรื่องรัฐศาสตร์ถามได้น้า ถ้าตอบได้เดี๋ยวไรท์มาตอบจ้าาาา

#เม้นต์ให้น้องด้วยน้าาาาา พลีสสสสสสสสส
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 7.1(19/02/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: nikpook ที่ 19-02-2019 16:57:37
คุณไก่ทอดมาต่อเร็วมากกก ขอบคุณมากๆนะคะ :pig4: :L1: เปิดมาก็ทั้งสงสารทั้งขำ รู้สึกเข้าออกโรงบาลบ่อยมาก555 รู้สึกว่าน้องผีสุดยอดมาก สู้เพื่อความฝัน อ่านแล้วทำให้เรามีแรงฮึดเพื่อความฝันขอเราด้วย ตอนพี่กรมบอกเชื่อใจน้องกับเช็ดน้ำตาให้น้องคือฟินมาก :-[  ละมุนมาก เป็นกลจให้ทั้งน้องผีและคุณไก่ทอด น้องผีสู้ๆ คุณไก่ทอดสู้ๆ สนุกมากๆเลย เรารออ่านตอนต่อไปอยู่นะคะ อยากสารภาพกับคุณไก่ทอดว่าเรามีเรือผี เราชอบเทพพีมาก รู้สึกอยู่ด้วยกันแล้วกวนๆกันไปมาน่ารักดี แต่ของกรมพีให้ความรู้สึกเหมือนพ่อลูก คุณพ่อสายเปย์ไรงี้ เราจะรอดูพัฒนาการของทั้งสองคนน้า มาต่อเร็วๆน้า :กอด1:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 7.1(19/02/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 20-02-2019 19:15:12
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 7.1(19/02/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: nikpook ที่ 21-02-2019 11:08:44
รออยู่นะคะ คิดถึงน้องผี :m7:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 7.1(19/02/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: KJH177 ที่ 21-02-2019 15:39:51
รออยู่นะคะ คิดถึงน้องผี :m7:

มาแย้ววววว เค้าขอโทษ
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 7.2(21/02/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: KJH177 ที่ 21-02-2019 15:40:46

บทที่ 7.2

ลุยงานหรือลุย........อ่าง





ผมไม่รู้ว่าตัวเองต้องไปนอนที่ไหน จะไปถามพี่กรมก็ไม่อยากไปเพราะความง่วงเข้าครอบงำตอนนี้ผมขอนอนหลับตรงนี้ก่อนก็แล้วกันครับ


   พระอินทร์จ๋า พีกำลังไป......


   “ อ่าว ไอ้พีตายไปแล้ว” คินที่กลับมาจากการไปหาหนังสือมาเป็นข้อมูลเพิ่มเติมเห็นว่าน้องเล็กอย่างพีฟุบหน้าลงไปบนโต๊ะเป็นที่เรียบร้อย ส่วนกรมที่กำลังเก็บของเพื่อเตรียมไปนอนหละสายตามามองพีพร้อมกับส่ายหัวเล็กน้อย


   “ มันพึ่งร้องไห้ไป”


   “ ห้ะ? ร้องไรวะ” คินถามเพื่อนของเขาด้วยความไม่เข้าใจ เพราะตั้งแต่ที่เขารู้จักกับพีมาเขาเห็นแต่พีในด้านเกรียนๆจึงรู้สึกแปลกใจที่อยู่ๆพีก็ร้องไห้


   “ ไม่รู้วะ ไม่รู้ว่ากูไปจี้อะไร” เขาก็พอจะรู้ว่าหลังจากที่เขาให้กำลังใจพีไป พีก็นิ่งและร้องไห้ออกมา ลึกๆแล้วเจ้ากรมคิดว่าพีน่าจะมีความหลังเกี่ยวกับเรื่องนี้แน่ๆ บางทีการที่เขาให้กำลังใจและเชื่อมั่นในตัวมันอาจจะทำให้พีรู้สึกดีขึ้นและมั่นใจในตัวเองมายิ่งขึ้น


   “ แล้วจะปล่อยให้น้องมันนอนตรงนี้หรอวะ?”


   “เดี๋ยวกูเก็บของก่อน ค่อยช่วยกับแบกมันไป” เจ้ากรมเก็บของในส่วนของตัวเองเสร็จเดินมาที่พีก่อนจะค่อยๆสอดมือเข้าไประหว่างแขนของพี ส่วนคินเองก็ค่อยๆยกบริเวณเท้าของพี ทั้งคู่มองหน้ากันเพื่อส่งสัญญาณเมื่อได้ที่แล้วทั้งคู่จึงยกตัวของพีขึ้นตรงไปที่ห้องของเจ้ากรม เพราะห้องที่เตรียมเอาไว้ให้เทพกับวินนอนพักอยู่เขาไม่อยากเอาพีเข้าไปกวนทั้งคู่


ตุบ


   “ นอนนี่ไปก็แล้วกันมึง ส่วนมึงไอ้คินก็นอนด้วยกันนี่แหละ เตียงกูใหญ่” เจ้ากรมจัดแจงที่นอนให้ทั้งเพื่อนและน้องเล็กอย่างพี


   “ เออ กูไม่ไหวแล้ว” คินเองก็รู้สึกง่วงและเพลียจากการทำงานมาตลอดทั้งวัน “ ฝันดีมึง” คินล้มตัวลงนอนข้างๆขวาของพี ทำให้ด้านซ้ายตกเป็นที่ของเจ้ากรมอย่างเลี่ยงไม่ได้


   “ ฝันดีมึง”


พรึบ


   เจ้ากรมเดินไปปิดไฟทำให้ตอนนี้ทั้งห้องตกอยู่ในความมืด เจ้ากรมค่อยๆล้มตัวลงนอนเพราะไม่อยากรบกวนคนที่หลับอยู่ในตอนนี้


   “ พี่ครับ ขอบคุณที่เชื่อใจผม..น้า” ยังไม่ทันที่เจ้ากรมจะหลับตาอยู่ๆคนที่นอนอยู่ข้างๆก็พูดขึ้นมา ทำให้เจ้ากรมลุกขึ้นมาดูว่าพีเป็นอะไร เมื่อเขาแน่ใจว่าสิ่งที่พีพูดออกมาเป็นเพียงแค่การละเมอเพราะตาทั้งสองข้างของพียังคงหลับสนิทอยู่เหมือนเดิม เขาเองก็ไม่รู้ว่าแค่คำพูดของเด็กที่ละเมอมันจะทำให้เขายิ้มได้ขนาดนี้


   “ ไอ้น้องผีเอ้ย” ด้วยความหมั่นเขี้ยวปนหมันไส้ทำให้เจ้ากรมยื่นมือไปทำท่าจะหยิกแก้ม แต่ต้องชะงักมือที่กำลังจะถึงเอาไว้...


   “ หยิกแก้มมันสาวไป นอนๆ” เขาเถียงกับความคิดของตัวเองก่อนที่จะผลิกตัวหันหลังให้พี และค่อยๆหลับตาลงท่ามกลางความมืดและเสียลมหายใจของทั้งสามคนภายในห้องแห่งนี้....



เช้าวันต่อมา


   “ ........”


   “ ........”


   “ .......”


   “ อื้อออ” ทำไมผมรู้สึกเหมือนมีสายตาหลายๆคู่กำลังจับจ้องผมอยู่กันนะ.... แต่ตอนนี้ผมรู้สึกว่าผมยังง่วงอยู่ ไม่อยากจะลืมตาขึ้นมาเลยจริงๆ ขอนอนต่อดีกว่า


   “ ไอ้พี”


   “ พ่อ! พีขอนอนก่อน” พ่อนี่ชอบก่อกวนผมจริงๆ วันหยุดของผมนะครับ ไม่ใช่ว่าผมต้องตื่นไปเรียนหรือผมไปทำงานอะไรสักหน่อย เดี๋ยวนะ!! ผมต้องทำงานอะไรบางอย่างนั้นหรอกหรอครับ


พรึบ


   “ ตื่นแล้วเว้ย!!” ผมเด้งตัวตื่นขึ้นมาทันทีที่ผมคิดได้ และจังหวะนั้นเองที่ทำให้ผมเห็นว่าสายตาของใครหลายๆคนที่จ้องผมอยู่ก็คือพี่ๆทั้งสี่ที่ยืนกอดอกมองผมอยู่รอบเตียง


   “ กูคิดว่ามึงตาย” พี่เทพนี่ฟื้นขึ้นมาก็กัดผมเลยนะครับ รู้งี้นะผมขอแช่งให้พี่มันขี้แตกเหมือนเดิมดีกว่า


   “ แล้วพี่มายืนมุงผมทำไมกันอะ”


   “ นี่จะเที่ยงละยังไม่ตื่น กูเลยมายืนกดดัน”


   “ พี่ก็ปลุกผมก็ได้หนิหว่า” ไอ้ผมนี่งงเลยครับหลังจากได้ยินที่พี่กรมมันพูดขึ้นมา


   “ ลุกไปอาบน้ำไป มึงมีงานต้องทำต่อ” ผมรีบลุกไปอาบน้ำทันที เอาจริงนะผมอยากจะถามพวกพี่ๆเขาว่าว่างกันขนาดที่มายืนกดดันให้ผมตื่นอย่างนั้นเลย


   ผมใช้เวลาอาบน้ำประมาณเกือบๆยี่สิบนาทีก่อนจะออกมาหาอะไรกินเล็กน้อย ผมกินข้าวคนเดียวครับ พวกพี่ๆเขาลงโทษที่ผมตื่นสาย เมื่อผมกินข้าวเสร็จก็รีบตามไปสมทบที่ห้องนั่งเล่นชั้นสองที่เป็นที่กลบดาลของพวกผมในการทำงานคิดนโยบายครั้งนี้


    “ไปถึงไหนแล้ว” พี่กรมเงยหน้าละสายตาจากหนังสือที่อ่านถามผมที่กำลังก้าวเข้ามาในห้องพร้อมกับขนมที่ผมเดินออกไปซื้อหลังจากที่กินข้าวเสร็จ


   “ ใจเย็นครับลูกพี่” ผมวางขนมลงบนโต๊ะพร้อมกับหยิบกระดาษที่ผมเขียนไว้เมื่อคืนมาให้พี่กรมดู “ อันนี้ผมคิดแค่วัตถุประสงค์ก่อนนะ”


   “ อันนี้ตัด ถ้าจะเขียนว่าเพื่อศึกษาก็อย่าเขียน การเขียนวัตถุประสงค์คือควรบอกเป้าหมายที่ชัดเจนไปเลย ไม่ใช่มาศึกษาบ้าบอ นี่นโยบายนะไม่ใช่รายงานส่งอาจารย์”


   “ พี่กรมใจเย็นนะ พี่เล่นใส่ผมยับขนาดนี้ ผมไปไม่เป็นเลย” ผมแอบผิดหวังอยู่เล็กน้อยที่พี่กรมพูดออกมาแบบนี้ แต่ผมก็เข้าใจได้ว่าสิ่งที่ผมทำมันอาจจะยังไม่ถูกใจ


   “ ก็แค่ไปแก้มาใหม่ เท่านั้นครับ ไม่ยาก” ผมรับกระดาษกลับมานั่งคอตกจ้องมองมันอยู่อย่างนั้น ผมไม่มีอารมณ์ทำมันแล้วอะครับเอาจริง พี่กรมมันจะพูดกับผมดีๆไม่ได้เลยใช่ไหม ทั้งๆที่เมื่อคืนพี่แม่งยังให้กำลังใจผมอยู่เลย แต่พอมาวันนี้กลับเปลี่ยนไปคนละคน คิดแล้วก็ได้แต่แอบน้อยใจอยู่คนเดียวเงียบๆครับ


   “ เฮ้อออ” เหมือนเอาผมมาทรมาน


   “ น้องผีมานี่ดิ้” ผมเงยหน้าไปมองพี่กรมที่ใช้ปากกาชี้มาที่ผมแล้วกระดิกเข้ามาที่ตัวเขาเป็นเชิงว่าให้ผมเดินไปหาพี่มัน ทั้งๆที่ผมพึ่งเดินกลับมา


   “ ไรพี่”

   
   “ พูดดีๆ”


   “ ครับพี่ครับ” ผมถอนหายใจออกมาแรงๆเพื่อให้พี่มันได้ยินว่าผมไม่พอใจ ก่อนจะลุกเดินไปหาอย่างเลี่ยงไม่ได้


   “ ไม่พอใจที่พูดแบบนั้น?”


   “ ครับ ก็ผมบอกไปว่าผมไม่รู้ ผมไม่เคยเรียนมาก่อน ผมพยายามที่สุดแล้ว แต่พี่พูดออกมาแบบนั้นมันทำให้ผมหมดกำลังใจ อันนี้ผมพูดตรงๆกับพี่เลยนะ”


   “ ก็ดีที่พูดออกมาตรงๆ” พี่กรมกัดปากตัวเองอย่างใช้ความคิด “ ปกติกูก็พูดแบบนี้เวลาทำงาน แต่ลืมไปว่ามึงคงจะยังไม่ชิน อย่างไงก็ขอโทษนะครับ”


   อยู่ๆก็เหมือนว่ามีลมกันโฉกแรงพัดมาใส่หน้าผมหลังจากที่พี่มันพูดกับผมว่า ‘ขอโทษนะครับ’ ผมไม่คิดว่าคนอย่างพี่กรมจะขอโทษเด็กอย่างผม แต่นั้นมันก็ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมา คำพูดและการกระทำของพี่กรมมันทำให้ผมรู้ว่าคนอย่างพี่กรมเขาทรีททุกคนจริงๆ แม้กระทั่งเด็กธรรมดาที่พึ่งรู้จักพี่เขาไม่นานอย่างผม แค่คำพูดธรรมดาก็สามารถซื้อใจผมได้ เขาเหมาะที่สุดกับการเป็นหัวหน้าและผู้นำคนจริงๆ


   “ ครับ ผมจะไปแก้มาใหม่” ผมรับกระดาษกลับคืนมาพร้อมกับแรงสู้อีกครั้ง วิธีการ การวัดผล และสิ่งต่างๆที่ผมขาดผมจะสู้!! ผมจะทำให้ได้


   เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วตอนนี้ผมผ่านไปได้หลายอย่างแล้วครับ เมื่อผมเขียนเสร็จพี่กรมก็สั่งให้พี่เทพพิมพ์ให้ผมแทนการหาข้อมูลมาซับพอร์ทแทน ตอนนี้ผมพอจะมีเวลาพักบ้าง


   “ ไอ้น้องผีรู้ไหมว่า Streams and windows หรือตัวแบบกระแส-หน้าต่างนโยบายคืออะไร” เมื่อเห็นว่าผมนั่งว่างไอ้พี่กรมรีบยัดข้อมูลหรือชุดความรู้ต่างๆให้ผมทันที


   “ หยุดก่อนอานนท์ อาตมาไม่ไหวแล้ว จะอ้วกออกมาเป็นนโยบายแล้วนะขอรับ” ผมรีบยกมือขึ้นเบรคไอ้พี่กรมทันที


   “ จะได้สอน”


   “ ครับ พี่เก่งมากครับ แต่ผมขออนุญาตพักก่อนได้ไหม?” ผมขอร้องพี่มันออกไปตรงๆ เอาจริงๆอยากออกไปสูดอากาศด้านนอกมากๆเลย


   “ ไปเดินเล่นไหมละ?” เหมือนพี่กรมมันรู้ความคิดว่าผมกำลังอยากจะออกไปเดินเล่น ผมรีบลุกขึ้นทันทีที่พี่กรมพูดออกมา


   “ ไปๆๆๆๆ”


   “ ไปรอหน้าบ้าน เดี๋ยวตามไป ใครเอาไรไหมพวก” พี่กรมถามพี่คนอื่นๆที่ยังคงตั้งหน้าตั้งตาทำงานในส่วนของตัวเองอยู่


   “ จะซื้ออะไรก็ซื้อมา แดกได้หมด” พี่เทพพูดขณะมือและสายตาของเขาจ้องอยู่ที่คอม


   “ กูขออะไรเย็นๆมากระแทกปากก็พอ” พี่คินสั่ง


   “ กูเอาอาหารเสริม”


   “ .....” เอ่อพี่วินครับ...ก็รู้ว่าพี่ทานของมีประโยชน์แต่ไอ้อาหารเสริมนี่ก็เกินไปหน่อยนะครับ ผมหันไปมองหน้าพี่กรมเพื่อถามความคิดเห็นแต่พี่กรมไม่ได้มองผมกลับเลย เอาแต่พยักหน้าให้กับเพื่อนๆของเขา


   “ โอเค เดี๋ยวมาจะเอาอะไรก็โทรมาแล้วกัน” พี่กรมหยิบกระเป๋าเงินบนโต๊ะก่อนจะเดินลงมาด้านล่างพร้อมกับผมที่เกาะติดพี่มันมาด้วย


   “ พี่กรม ผมถามหน่อยดิว่าทำไมไอ้กวงมันชอบหาเรื่องพี่” นี่คือโอกาสที่ผมจะได้ล่วงข้อมูลของพี่มันมากขึ้น ต่อมความอยากรู้อยากเห็นของผมมันกลับมาทำงานอีกครั้งหลังจากที่ห่างหายกันไปอย่างยาวนาน


   “ ชอบกูมั้ง”


   “ เอาดีๆดิพี่”


   “ ถ้าบอกไปจะทำให้น้องผีมีรอยหยักในสมองเพิ่มขึ้นไหม”


   “ ซูดดดดดดด แรงเอาเรื่อง ฮ่าๆ” ทั้งผมทั้งพี่กรมต่างหัวเราะออกมาด้วยกันทั้งคู่ ถ้าคนนอกได้ยินอาจจะคิดว่าพี่มันด่าผมแรง แต่ผมชินแล้วครับกับอิแค่สิ่งที่พี่กรมพูดมันไม่ทำให้ผมรู้สึกระแคะระคายเคืองเลยแม้แต่น้อย ผมด้านแล้วด้านมาตั้งนานแล้ว อันนี้ผมรู้ตัวดี


   “ มึงนี่ตลกจังเลยนะน้องผี” พี่กรมใช้แขนของเขาพาดมาที่ไหล่ของผมขณะที่เราสองกำลังเดินไปหาซื้อขนมมาเพิ่ม เพราะขนมที่ผมซื้อไปหมดแล้วครับ เจอพี่ๆจอมตระกละปล้นไปหมด และอีกอย่างก็เหมือนที่ทุกคนรู้ว่าผมอยากออกมาสูดอากาศด้านนอกบ้างหลังจากที่ผมเอาแต่คลุกอยู่กับงานมาทั้งวัน


   “ พี่ พี่รู้ตัวปะว่าพี่โคตรอารมณ์แปรปรวนอะ บางทีผมก็เดาไม่ถูก อย่างเมื่อคืนพี่ปลุกใจให้ผมฮึดมาทำงานต่อ แต่พอมาตอนเช้าพี่แหกงานผม”

 
   “ ธรรมดาฝึกไว้ โลกแห่งความจริงมันยิ่งกว่านี้อีกนะน้องผี”


   “ แต่นี่ก็โลกแห่งความจริงนะพี่ ไม่ใช่โลกแห่งความฝัน”


   “ อันนี้มันกวนตีน?”


   “ จะพูดอย่างนั้นก็ว่าได้นะขอรับ”


   “ เออ เรื่องของมึงเลย” ผมเดินคุยกับพี่กรมมาจนถึงร้านสะดวกซื้อ พี่กรมมันบอกให้ผมซื้ออะไรก็ได้ตามแต่ใจผมต้องการเพราะพี่มันเลี้ยงปลอบใจที่พี่มันพูดไม่ดีกับผม


   ผมมาหยุดที่ชั้นขนมยี่ห่อโปรดใจจริงๆอยากจะหยิบมาให้ผมดทั้งชั้นตามที่ผมต้องการเพราะอย่างไงพี่มันก็อนุญาต แต่แล้วอยู่ๆภาพของก๋วยเตี๋ยวไก่มันก็ย้อนกลับมาทำให้ผมหวนคิดว่าถ้าผมเอาไปเยอะผมจะโดนแบบนั้นอีก ขนมที่ผมชอบกินจะกลายเป็นคนที่ผมไม่กล้าเตะมันอีกอย่างก๋วยเตี๋ยวไก่ ประสบการณ์มันสอนให้เรารู้จักเรียนรู้ครับ และสอนว่าอย่าริอาจทำมันอีก เพราะคนอย่างพี่กรมมันทำได้ทุกอย่าง ผมจึงหยิบมาแค่สองถุงพอไม่เยอะไปและก็ไม่น้อยไป ก่อนจะเดินเลือกขนมน้ำมาเรื่อยๆจนหยุดเข้ากลับสิ่งของบางอย่างที่ทำให้ผมชะงักทันที


   “ อยากได้จัง....” ผมไม่รู้ว่าผมจะหยิบไปดีไหมเพราะนี่ไม่ใช่ขนมหรือของกินเพราะนี่คือ....นิตยสารกระตุ้นอารมณ์ทางเพศสำหรับผู้ชาย เดือนนี้นางแบบที่ขึ้นปกเป็นนางแบบที่ผมค่อนข้างชอบเลยทีเดียวครับเพราะว่าเธอมีลักษณะที่แตกต่างจากคนอื่น ไม่ใช่เธอมีหัวนมสามหัวนะครับ แต่เป็นเพราะว่าหน้าอกหน้าใจของเธอสวยได้รูปและเป็นธรรมชาติเอามากๆ จมูกนิด ปากหน่อย โอโห้ววว ผมนี่ยืนตรงไม่ได้เลยครับ ขนาดเห็นแค่รูปนะเนี่ย


   “ ยืนบิดอะไรวะน้องผี” พี่กรมที่เดินผ่านมาทางผมถามด้วยสายตาแปลกๆ


   “ เปล่าพี่ อย่าสนใจผมเลย” ตลอดสองวันที่ผ่านมาผมมัวแต่สนใจแต่งานจนไม่ได้สนใจปลดปล่อยตัวเอง อย่าหาว่าผมทะลึ่งเลยนะครับ เพราะผมก็ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่มีความต้องการแบบนั้นเหมือนกัน


   “ ไปไหมละพาไป”


   “ ไปไหนพี่?”


   “ ลงอ่าง”


   “ อ่าส์” ยิ้มหวานเลยครับ ผมไม่จำเป็นต้องตอบพี่กรมก็น่าจะรู้คำตอบของผมดีผ่านสายตาและรอยยิ้มที่ฉีกจนปากจะฉีกถึงรูหู


   “ เลี้ยงผมไหม?” คำถามนี้จะชี้ชะตาว่าผมจะได้เปิดประสบการณ์ไหม


   “ ไม่เกิดสามพัน ถ้าเกินที่เหลือก็ออกเอง โอเค้?”


   “ เอา! เอ้ย เยสเซอร์!!!!” ผมอยากจะกระโดดเข้าไปกอดพี่มันเลยครับแต่ติดที่ว่าไอ้นั่นของผมมันเคารพธงชาติอยู่ทำให้ผมได้แต่ยิ้มให้พี่มันแทนอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นของผมก็แล้วกัน





PS. อย่าพึ่งเบื่อไรท์หนาาาาาาาาาาาาาาาาาาา

 

 
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 7.2(21/02/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: nikpook ที่ 21-02-2019 18:57:43
ไม่เคยเบื่อนักเขียนเลยนะ นิยายสนุกทุกตอนเลย อยากอ่านตอนต่อไปแล้ว น้องจะได้ลงอ่างจริงหรอ พี่กรมต้องหวงน้องสิ :katai1: มาต่อเร็วๆนะอยากรู้จะเป็นยังไงต่อ
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 7.2(21/02/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: KJH177 ที่ 21-02-2019 22:10:58
 


บทที่ 8.1

พาน้องไปลงอ่าง



        ขนมอะไรผมไม่สนใจแล้วเพราะตอนนี้ผมสนใจสิ่งอื่นมากกว่านั่นก็คือ.....ไปลงอ่างกันครับ! ตอนนี้ผมตื่นเต้นจนออกนอกหน้าสุดๆไปเลย เป็นอันไม่ได้ทำงานแล้วครับผม!!


        “ ไอ้กรมมึงไปใส่ยาอะไรไอ้เด็กนี่วะ ดีดฉิบหาย” พี่เทพพูดแขวะผมอีกครั้งเมื่อเห็นว่าผมยิ้มให้กับโทรศัพท์


        “ พี่กรมจะพาผมไปลงอ่าง”


        “ อ่างไรของมึงวะ” พี่วินที่เงียบอยู่นานถามเพื่อนของเขาที่กระดิกเท้านั่งลงบนโซฟาด้วยท่าทางชิวหลังจากที่ตอนนี้เราเคลียร์งานทุกอย่างเสร็จ


        “ เด็กมันอยากก็พามันไปหน่อย” ไอ้พี่กรมพูดพร้อมกับยักคิ้วให้พี่วิน “ มึงจะไปไหมละ?”


   “ ไม่เอากูจะไปทำงาน อีกอย่างกูต้องไม่นอนดึก มีเคสโฆษณาหน้ากูต้องดูแล นอนดึกมาหลายวันทั้งโดนอาหารไอ้พีทำขี้แตก คืนนี้กูต้องกลับไปมาร์คหน้ามาร์คตัวชุดใหญ่” ผมนี่อ้าปากค้างเลยครับ ผมมีเรื่องสงสัยอยู่หลายเรื่องเกี่ยวกับตัวของพี่วิน เอาไว้ผมจะค่อยๆสืบต่อไปก็แล้วกันหลังจากที่ผมกลับมาจากการลงอ่าง


        “ ไอ้คินไปไหม?”


   “ ไม่ไปจะกลับไปหาน้อง” น้อง? น้องนี่น้องไหนครับ เอ๋ เรื่องของพี่คินก็น่ารู้ไปหมด


        “ ไอ้เทพ?”


        “ ไม่ไปจะกลับไปหาแม่ คิดถึงแม่” สรุปว่าวันนี้ผมกับพี่กรมไปกันแค่สองคนอย่างนั้นหรอครับ? แต่ก็ดีเหมือนกันครับไปกับพี่กรมสองคนก็สนุกดี


        “ พี่จะพาผมไปที่อโคจรกันสองคนใช่ไหมครับ”


   “ ไอ้พีมึงพูดซะกูเสียเลยนะครับ ที่อโคจรแต่ตัวมึงนี่ดีใจจนออกนอกหน้าสุดๆ” พูดอีกก็ถูกอีก ผมไม่อยากจะเถียงอะไรเอาเป็นว่าลอยหน้าลอยตาตอบรับพี่มันอย่างภาคภูมิใจไปก่อนก็แล้วกัน


        “ คิดดีแล้วหรอไอ้กรมที่พามันไป” พี่เทพถามย้ำ


        “ พาไปรีแลคแก้เครียดสักหน่อย”


        “ งั้นพวกกูกลับละนะ เจอกันพรุ่งนี้เพื่อน” พี่เทพพี่วินและพี่คินเก็บของเดินออกจากบ้านของพี่กรมไป ส่วนผมก็นั่งคุยกับพี่กรมอยู่ที่ห้องเหมือนเดิม ผมอยากจะให้เวลาผ่านไปเร็วๆจังอยากไปจะแย่แล้วครับผม


        “ พี่กรมผมขอยืมชุดหล่อๆพี่ได้ไหมอะครับ ผมมีแต่ขาสั้นเสื้อยืด ผมว่ามันเชย” ผมถามพี่กรมที่นั่งดูหนังอยู่ที่โซฟาข้างๆ


        “ นี่มึงจริงจังขนาดนั้นเลยหรอน้องผี?” พี่กรมหันหน้ามาถามผม


         “ ครับพี่ ผมขอยืมได้ไหมพี่กรมพี่กรมคนหล่อ”


        “ เออ ไป กูจะอาบน้ำด้วย” พี่กรมกดปิดโทรทัศน์ภายในห้องและเดินนำผมไปที่ห้องนอนของเขาที่เข้าไปข้างในจะเป็นโซนของห้องเสื้อผ้า ที่เต็มไปด้วยเสื้อผ้าที่แยกประเภทเอาไว้อย่างชัดเจน รองเท้า เข็มขัด นาฬิกา แม่งเอ้ย! อย่างกับในละครที่บ้านพระเอกจะดูรวยๆ ถ้าพี่กรมเป็นพระเอกอย่าบอกนะว่า...ผมจะต้องเป็นนางเอก ไม่เอาอะ นางเอกไม่เท่ไม่คูลเลย


        “ จะเอาอะไรก็เลือกครับ” พี่มันถอดเสื้อยืดที่ใส่อยู่ออกโดยที่ไม่สนว่าผมยังคงอยู่ในห้องกับพี่มันอยู่ จนกระทั่งพี่มันหันไปหยิบผ้าเช็ดตัวขึ้นมาพันรอบเอว


        “ พี่ไม่อายผม?”


         “ มีของดีทำไมต้องอาย มีแต่พวกกากๆที่อายทั้งนั้น” ทำไมผมฟังแล้วรู้สึกว่าพี่มันกำลังดูถูกผมอยู่วะ หยามอะไรก็หยามได้แต่ถ้าหยามน้องพีน้อยผมไม่ยอมเด็ดขลาดอะ


พรึบ


   “ ......!!” ถอดกางเกงแม่งเลยครับ ไม่อายด้วย ผมหน้าด้าน


   “ ของดีไหมละพี่!” ผมเท้าเอวยืนแอ่นแกนกลางลำตัวไปให้พี่กรมที่ยืนช็อกอยู่ด้านหน้าไปเป็นที่เรียบร้อย ผมว่าพี่มันต้องตะลึงกับความยิ่งใหญ่อลังการของพีน้อยแน่ๆ


   “ ไอ้น้องผี....เล็กแค่นี้ยังจะมาโชว์ กากสัด” พี่มันสะบัดศีรษะของตัวเองพร้อมกับใช้ทั้งสองมือขยี้ตาตัวเองแรงๆ “ มึงใส่กางเกงเถอะนะ กูขอร้อง” ถ้าพี่มันยกมือขึ้นไหว้ผมได้ ผมว่าพี่มันไหว้ผมไปแล้วอะครับ


   “ ก็พี่บอกเองว่าถ้ามีของดีก็ต้องโชว์”


   “ แต่มึงมันไม่ใช่ไง มันไม่ได้หน้ามอง” พี่กรมหันหน้าไปอีกทางก่อนที่จะโยนผ้าเช็ดตัวผืนใหม่มาให้ผม “ ใส่เถอะน้องผี กูจะอ้วกจริงๆแล้ว”


   “ ครับๆ ไม่ใช่อิจฉาผมนะ” ผมรับผ้าเช็ดตัวมาพันรอบเอวของผมเอาไว้ก่อนจะเลือกเสื้อที่แขวนโชว์อยู่ในตู้กระจกใสๆ


   “ เชรดดด Balenciaga หว่ะ เชื่อแล้วว่ารวยจริง ไม่รวยอย่างเดียวนะต้อง.........”


   “ ต้องไร” สายตาอันคมเฉียบของพี่มันมองมาทางผมทันที


   “ ต้องหล่อด้วยงายยย ถ้าไม่หล่อจริงถึงจะแพงก็ใส่ไม่ได้นะพี่”


   “ เหอะ” เหมือนพี่มันจะไม่ค่อยเชื่อคำพูดของผมสักเท่าไหร่ เอาจริงๆนะเสื้อผ้ายี่ห่อนี้แม่งแพงหูฉีกอะครับแค่เสื้อยืดโง่ๆธรรมดาราคาก็ห้าพันเหยียบหมื่น ชาตินี้ผมไม่น่าจะมีปัญญาใส่แน่ๆ


   “ จะใส่ก็หยิบออกมา ไม่ได้หวง” เหมือนพี่มันยังคงเห็นว่าผมมองเสื้อผ้าของพี่มันอยู่ตาละห้อย เอาจริงๆถึงผมจะคิดว่ามันแพงไป แต่ผมก็อยากที่จะลองใส่สักครั้ง


   “ แต่มันแพงมากเลยนะพี่...”


   “ แล้วไงวะ ของทุกชิ้นมีคุณค่าถ้ามึงตีราคามันว่าแพงแสดงว่ามึงไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นเจ้าของมัน ถ้ามึงชอบก็แค่ซื้อ ไม่ต้องคิดมาก แต่ในความหมายที่มึงมีเงินพอและไม่เดือดร้อนใครนะ แล้วมึงก็อย่าไปดูถูกคุณค่าของคนอื่น คุณค่าของแต่ละคนไม่เหมือนกัน”


   “ ก็จริงอย่างที่พี่มันพูดนั่นแหละครับ เอาเป็นว่าผมขอยืมแค่เสื้อคุมเท่ๆตัวนี้ก็พอ” ผมค่อยๆหยิบเสื้อที่ผมเล็งเอาไว้ออกมาจากตู้ด้วยความเบามือ


   “ ถ้ามันยับก็ไปส่งให้แม่บ้านรีด”


   “ ใส่ได้พี่ๆ” แค่เห็นเสื้อ Balenciaga ไม่ว่ามันจะยับแค่ไหนผมก็จะใส่ครับ “ ถ้าไม่มีพี่ผมว่าผมก็คงจะไม่ได้รับโอกาสดีๆอย่างนี้ ขอบคุณครับยกมือพนมแนบอก” ผมพูดออกไปแบบนั้นก็จริงแต่ผมไม่ได้ยกมือไปพนมแนบอกพี่กรมมันจริงๆหรอกนะครับ แม่งเดี๋ยวจะแปลกกันไปมากกว่านี้


   “ ไอ้พีมึงไม่อาบน้ำ?” พี่กรมที่ตอนนี้เช็ดหน้าเช็ดตาเช็ดครีมบำรุงอะไรต่างๆนานาบนใบหน้าของเขาออกเรียบร้อยแล้วหันมาถามผมที่กำลังสวมเสื้อที่พี่อนุญาตให้ผมใส่อยู่


   “ ไม่อะ เดี๋ยวไปลงอ่างก็ได้อาบ”


   “ สกปรกจริง” พี่มันส่ายหัวก่อนที่พี่มันจะเดินเข้าห้องน้ำไป ผมเลยได้โอกาสไปสำรวจโต๊ะเครื่องบำรุงของพี่มันที่ถูกวางเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ


   “ เซรั่มอะไรเยอะขนาดนั้น วิตามงวิตามินบำรุงผิวอีก กันแดด รองพื้น? พี่แม่งดูแลตัวเองจริงๆว่ะ” ฉีกทุกกฎที่ผมรู้ เอาจริงๆนะมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผู้ชายจะหันมาดูแลตัวเอง แต่ผมแค่แปลกว่าผู้ชายอย่างพี่กรมที่ลุยๆแมนๆจะดูแลตัวเองดีขนาดนี้ ผมเลยหยิบครีมบางอย่างขึ้นมาดม


   “ หอมดีวะ” ไอ้ผมที่ไม่ได้อ่านฉลงฉลากอะไรทั้งสิ้นหยิบครีมขึ้นมาละเลงบนใบหน้าเพราะเพียงแค่กลิ่นที่หอมจนถูกจริตของผม แต่ทาไปมันก็แอบเย็นดีนะ สดชื่น เอาไว้จะถามพี่มันก็แล้วกันว่าครีมอะไร ถ้าไม่แพงผมจะไปซื้อมาใช้บ้าง ผมทาครีมจนทั่ว เป็นจังหวะที่พี่กรมเดินออกมาจากห้องน้ำพอดี


   “ พี่ ครีมนี้ซื้อที่ไหนอะ โคตรหอม โคตรเย็น”


   “ ครีมไรมึงวะ” พี่กรมหยุดเช็ดผมตัวเองก่อนจะเดินมาทางที่ผมนั่งอยู่บนเก้าอี้โต๊ะเครื่องแป้งของเขา


   “ นี่อะ” ผมชูกระปุกครีมให้พี่มันดู ที่ตอนนี้พี่กรมยืนซ้อนด้านหลังของผมอยู่....ในสภาพที่พันแค่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียว และผมก็ผันด้วยผ้าเช็ดตัวผืนเดียวด้วยเช่นกัน


   “ มึงทาตรงไหน?” พี่กรมอ่านกระปุกครีมแล้วก้มมองหน้าผมด้วยสายตาแปลกๆ


   “ ทาหน้าดิ ก็ครีมทาหน้าหนิพี่ หรือว่า.........”


   “ ฮ่าๆๆๆ” อยู่ๆพี่มันก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาเหมือนว่ากำลังขำที่ผมเอาครีมไปทาหน้า ไอ้ฉิบหายแล้วไง! มันไม่ใช่ครีมทาหน้าหรอกหรอวะ??


   “ พี่! ครีมไรอะ” ผมรีบเขย่าแขนพี่กรมให้หยุดหัวเราะแล้วตอบคำถามของผมมา

 
   “ ฟังนะ Footcare Cream is extremely effective in the control of dry skin and cracked heels. Its contains urea, the moisturiser found naturally in the human body, to help keep the skin soft and supple. It is lanolin free and hypo-allergenic” พี่กรมอ่านฉลากด้านข้างของครีมให้ฟัง ผมก็ฟังออกบ้างไม่ออกบ้าง แต่มันสะดุดและสะกิดใจตรงคำแรก Footcare


   “ พี่ มันครีมทาส้นตีนหนิ!!”


   “ ฮ่าๆๆๆ” พี่กรมหลุดระเบิดหัวเราะออกมาทันทีที่ผมพูดขึ้น ไอ้เชี่ยเอ้ย! ไม่มีใครโง่เท่าผมแล้วแหละครับ ผมไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไป เลยทำการเอาหน้าที่เปื้อนครีมไปถูกับผ้าเช็ดตัวของพี่มันแรงๆหวังจะให้ครีมหลุดออกไปจากหน้าก่อนที่มันจะทำปฏิกิริยาให้หน้าของผมถูกกัดกร่อนไปมากกว่านี้


   “ ใจเย็นเดี๋ยวผ้ากู......”


พรึบ!


   “ หลุด.......” พี่กรมยังพูดไม่ทันขาดคำผ้าที่พันอยู่รอบเอวของเขาก็หลุดออกมาแล้วหน้าของผมมันก็ไปซุกเข้ากับเอ่อ...อะไรบางอย่าง แต่แค่แป๊บเดียวเท่านั้นเพราะพี่มันมีสติดึงผ้าขึ้นมาพันเอาไว้เหมือนเดิมและผลักออกจากตัวผมทันที


   “ พี่ครับผม....”


   “ มึงไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น” พี่กรมมันเดินกลับหลังหันออกไปก่อนจะเอาเสื้อผ้าที่พี่มันเตรียมเอาไว้เข้าไปใส่ด้านในห้องน้ำ มันจะอายอะไรกันครับ อย่างไงเราก็เห็นของกันและกันแล้ว


   เวลาผ่านไปได้สักพักพี่กรมเดินออกมาพร้อมกับชุดที่เตรียมพร้อมจะออกไปข้างนอก ผมเห็นว่าหางตาของพี่มันเหลือบมองผมเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา สงสัยจะช็อกมั้งครับ เป็นผมผมก็ช็อกก็ไอ้ผมเล่นเอาหน้าไปซุกของพี่มันขนาดนั้นถึงมันจะแค่เสี่ยววินาทีก็เถอะ ผมไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าพี่มันค้างเอาไว้อย่างนั้นผมจะทำอย่างไรต่อไป แต่ที่แน่ๆขนาดยังไม่ตื่นนะครับยังเต็มหน้าผมขนาดนั้น


   ไอ้พี! ไอ้เด็กทะลึ่ง นั่นพี่มึงนะครับ (ความคิดฝั่งดีพุ่งขึ้นมาตบหัวผมแรงๆ) ทำให้ผมละความสนใจจากพี่กรมมาสนใจไอ้ตัวผมที่กำลังหาอะไรใส่หน้าให้หล่อเหล่า ผู้ชายแต่งหน้าให้หล่อก็ได้ครับแต่ผมว่ายิ่งผมแต่ง..หน้าผมยิ่งผิดสี จนสุดท้ายแล้วผมต้องหันไปขอความช่วยเหลือจากพี่กรม


   “ พี่กรม หน้าผมลอยไหม?” ผมเลื่อนเก้าอี้หันไปทางพี่กรมให้พี่มันได้พิจารณาใบหน้าของผม


   “ น้องครับเทากว่าแบงค์พันก็หน้ามึงแล้วครับ” พี่กรมติดกระดุมเม็ดสุดท้ายเสร็จเดินตรงมาทางผมที่นั่งอยู่ที่เดิมตำแหน่งเดิมเหมือนเมื่อสักครู่นี้ เพียงแค่ตอนนี้พี่มันสวมเสื้อสวมกางเกงเรียบร้อย


   “ แล้วมันต้องทาอย่างไงอะพี่ เหนียวหน้าฉิบหาย”


   “ ไอ้น้องผีมึงใช้ส้นตีนทาหน้าหรอวะ? รองพื้นที่มึงใช้กรุณาดูหน้ามึงด้วยว่าสีเท่าหน้ากูไหม?” ไอ้พี่กรมหยิบสำลีชุบน้ำยาอะไรบางอย่างมาเช็ดที่หน้าของผมแรงๆจนผมต้องเบ้หน้าด้วยความเจ็บ แต่ยังไม่ทันที่ผมจะเบี่ยงหน้าหนีมือพี่มันเพราะไอ้พี่กรมใช้มือข้างเดียวของเขาล็อคคางผมเอาไว้ ยิ่งผมขยับพี่มันก็ยิ่งกดให้ผมเจ็บมากกว่าเดิมทางที่ดีกูควรอยู่เฉยๆมากกว่า
“ พี่จะบอกว่าหน้าผมดำกว่าพี่อย่างนั้นดิ?”


“ แล้วส่วนไหนที่มึงขาวกว่ากูกันวะ” ไอ้กี่กรมเลิกคิ้วถามทันที


“ ผมว่าไอ้นั่นผมขาวกว่าพี่นะเว้ย ของพี่นี่โคตรรกจนทิ่มหน้าผมอะ”


   ฝ่ามือพิฆาตของพี่กรมฟาดลงมาบนกระบานผมเต็มๆ


   “ มึงลองนั่งเงียบๆ นิ่งๆ สักนาทีสองนาทีดิ้ กูจะหมดความอดทนกับมึงละพี” เวลาที่พี่มันเรียกชื่อผมตรงๆแสดงว่าตอนนั้นพี่มันต้องจริงจังหรือไม่ก็กำลังจะโมโหจริงๆ ทำให้ผมเลือกที่จะเงียบและสงบปากสงบคำนั่งนิ่งตามที่พี่มันบอกจนกระทั่งพี่กรมหยิบครีมอะไรบางอย่างออกมา


   “ มึงจะหดคอหาอะไร”


   “ พี่จะเอาครีมไรทาหน้าผมอีก” ด้วยความหวาดระแวงทำให้คอของผมหดกลับมาที่เดิมโดยอัตโนมัติ


   “ ครีมบำรุงธรรมดา กูไม่ได้โง่เหมือนมึงนะครับ” พี่ดึงหน้าผมให้เข้ามาหาตัวพี่มันเหมือนเดิม ก่อนที่จะป้ายครีมที่ออกไปทางเซรั่มบำรุงผิวมากกว่าลงมาบนใบหน้าหล่อๆของผม


   “ ไม่ทารองพื้นหรอพี่”


   “ อย่าเวอร์ครับ เย็นจนค่ำมึงจะทาไปให้ใครดูหนักหนา” ไอ้ผมก็อยากจะเถียงออกไปนะ แต่เอาเป็นว่าผมไม่เถียงอะไรออกมาดีกว่า เลือกที่จะเงียบอีกครั้งจนพี่มันทาครีมให้ผมเสร็จ


   “ เสร็จแล้ว”


   “ ขอบคุณครับ” ครั้งแรกในชีวิตเลยก็ว่าได้ที่มีคนมาทาครีมให้ผมนอกจากพ่อกับแม่ที่ทาให้ตอนที่ผมยังคงเป็นเบบี๋ ตอนแรกที่พี่มันเช็ดผมยอมรับเลยว่าแม่งโคตรเจ็บแต่พอตอนที่พี่มันทาครีมลงบนหน้าผมแล้วเกลี่ยให้เบาๆผมรู้สึกเลยว่าระดับการกดหรือการทาดีขึ้นกว่าเมื่อสักครู่มากๆ ผมส่องกระจกเพื่อสำรวจหน้าของตัวเองก็ปรากฏว่าไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากเท่าไหร่ เพราะพี่มันแค่ทาครีมธรรมดาไม่ได้แต่งหน้าให้ผม













#หน้าจุ่มกระจู๋

PS. ตัวเองเรามาชดเชยละเด้ออออออออออออ
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 8.1(21/02/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: nikpook ที่ 22-02-2019 08:18:23
จะได้ลงอ่างทีดีดเชียวน้องผี เอาครีมทาเท้ามาทาหน้า5555 เขินมากตอนน้องเช็ดหน้า :pighaun: ตอนที่พี่กรมทาครีมให้น้องผี น้องผีหวั่นไหวกับพี่กรมใช่ป้ะ :katai2-1: :hao7: อยากอ่านพาทย์พี่กรมบ้างอยากรู้พี่กรมจะคิดไงกับน้อง มาต่อเร็วๆนะ อยากอ่านตอนน้องลงอ่าง แต่ใจหนึ่งก็น้องจะลงอ่าง :katai1: พี่กรมต้องหวงน้องสิโว้ย :katai4: เป็นกลจให้คุณไก่ทอดจ้า :กอด1: :L1:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 8.1(21/02/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 22-02-2019 10:17:09
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 8.2(22/02/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: KJH177 ที่ 22-02-2019 20:05:10
ตอนที่ 8.2

พาน้องไปลงอ่าง



        “ ขอบคุณครับ” ครั้งแรกในชีวิตเลยก็ว่าได้ที่มีคนมาทาครีมให้ผมนอกจากพ่อกับแม่ที่ทาให้ตอนที่ผมยังคงเป็นเบบี๋ ตอนแรกที่พี่มันเช็ดผมยอมรับเลยว่าแม่งโคตรเจ็บแต่พอตอนที่พี่มันทาครีมลงบนหน้าผมแล้วเกลี่ยให้เบาๆผมรู้สึกเลยว่าระดับการกดหรือการทาดีขึ้นกว่าเมื่อสักครู่มากๆ ผมส่องกระจกเพื่อสำรวจหน้าของตัวเองก็ปรากฏว่าไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากเท่าไหร่ เพราะพี่มันแค่ทาครีมธรรมดาไม่ได้แต่งหน้าให้ผม


   “ กินอะไรก่อนไหม?” พี่กรมถามขึ้นขณะที่เราสองคนเดินลงมาจากชั้นสองในเวลาเกือบๆสามทุ่ม


   “ ไข่ลวกไหมละพี่ สักสองฟองจะได้มีแรง”


   “ เด็กอย่างมึงนี่นะ” ไอ้พี่กรมมันส่ายหัวให้ผมเป็นรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้แล้วครับสำหรับวันนี้ ผมอยากรู้ว่าผมพูดอะไรผิดไปก็แค่ผมจะฟิตร่างกายเพื่อเตรียมไปออกรบกับสาวๆ


   “ งั้นกินอะไรก็ได้พี่ ยกเว้นอ้วกหมาเหมือนคราวที่แล้วนะ ผมโคตรไม่โอเคเลย” ผมรีบพูดดักทางพี่มันก่อนที่พี่มันจะให้กินไอ้อาหารบ้าๆนั่นอีก


       “ เตี๋ยวไก่”


        “ อ้วก! อย่าพูดคอแข็งแล้ว” มันเป็นปฏิกิริยาอัตโนมัติที่ตอบสนองทันทีที่มีคนพูดถึงก๋วยเตี๋ยวไก่ขึ้นมา ผมว่าตลอดชีวิตนี้ผมไม่สามารถกินมันได้อีกแล้วครับ ถึงผมจะเคยชอบมันมาก่อนก็เถอะ


        พี่กรมกับผมเราหาอะไรกินรองท้องกันไปก่อนโดยที่แวะหาร้านข้างทางที่หน้าปากซอยเข้าหมู่บ้านของพี่มัน ที่ยามค่ำคืนจะมีร้านรถเข็นมาขายทั้งข้าวผัด ก๋วยเตี๋ยว ราดหน้า เอาจริงนะผมไม่รู้ว่าพี่มันกวนตีนผมหรือเปล่าเพราะพี่มันดันสั่งก๋วยเตี๋ยวไก่มากิน ทำให้ผมยอมแพ้แยกโต๊ะนั่งกับพี่มัน เราต่างคนต่างกินจนกระทั่งเรากินเสร็จกันทั้งคู่ ผมก็ขออนุญาตพี่มันเข้าไปซื้อถุงยางมาเพื่อเตรียมเอาไว้ แค่คิดก็ตื่นเต้นจนเนื้อตัวสั่นไปเลยครับ หลังจากนั้นพี่มันก็พาผมขึ้นแท็กซี่ก็เพราะว่าพี่มันขับรถไม่เป็น อีกอย่างก็ไม่อยากรบกวนคนขับรถที่บ้านของพี่มันเพราะนี่ก็ดึกแล้ว พี่มันก็บอกว่าคนขับรถชอบเอาเรื่องพี่กรมไปฟ้องพ่อ ด้วยการตัดปัญหาแท็กซี่คือคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับการเดินทางในค่ำคืนนี้


        “ ไอ้น้องผีอายุเท่าไหร่”


        “ ปีนี้สิบเก้าพอดีครับพี่” ผมยื่นบัตรประชาชนให้พี่มันดู


        “ ปกติอายุยี่สิบมันถึงจะเข้าได้ งั้นเอาเป็นว่าไปร้านนี้ก็แล้วกัน” ผมลืมบอกไปว่าตอนนี้พี่มันพาผมมาที่ย่านอะไรสักอย่างที่เต็มไปด้านร้านเหล้า ร้านคาราโอเกะและร้านอาหาร บรรยากาศมันก็เป็นแค่ร้านธรรมดาดูไม่เห็นเหมือนว่าจะร้านอย่างว่า จนกระทั่งพี่มันพาผมขึ้นมาที่ชั้นสองของร้านอะไรสักอย่างที่ยิ่งเดินขึ้นมาผมก็ยิ่งรู้สึกหอม หอมนารี หอมกลิ่นราคะบางอย่างที่รอผมอยู่


        “ เป็นอะไร” พี่กรมหันมาถามผมที่เดินอยู่ข้างๆพี่มัน


   “ ครั้งแรกของผม ผมตื่นเต้น ทำไงดีวะพี่ ผมกลัวทำไม่เป็น” ไอ้ผมก็พอจะศึกษาพอจะดูมาเยอะนะครับ แต่พอถึงเวลาจริงๆ ผมรู้สึกว่าผมกลัวจะทำให้เธอไม่ประทับใจในท่วงลีลาของผม


   “ มึงก็ให้เขาเริ่ม” พี่กรมเดินมาที่เคาท์เตอร์เล็กที่อยู่ด้านในห้องที่มีกระจกสีทึบกั้นเอาไว้อยู่


   “ สวัสดีค่ะ” พนักงานต้อนรับที่อยู่ด้านหน้า เอาจริงๆนะแค่พนักงานต้อนรับก็สวยแล้วอะครับยิ่งเธอยิ้มให้ผมกับพี่กรมนะ โคตรละลายเลย ผมนี่ละสายตาออกจากนม เอ้ย! หน้าเธอไม่ได้จริงๆ “ กี่ท่านคะ”


   “ หนึ่งครับ” พี่กรมเป็นฝ่ายตอบแทน ทำให้ผมเงยหน้าไปมองพี่มันทันที


   “ พี่ไม่เอาด้วยหรอ?”


   “ ไม่ กูเหนื่อย เดี๋ยวนั่งกินอะไรรอด้านหน้าละกัน” เพราะโซนด้านหน้าของร้านก็เป็นเหมือนร้านเหล้าปกติ มีดนตรีสดมีนักท่องเที่ยวเหมือนตามปกติ


   “ ตอนนี้มีโปรโมชั่นสองท่านต่อหนึ่งห้อง ได้อารมณ์สุดๆไปเลยค่ะ” พนักงานสาวสวยก็ยังคงเชียร์ให้พี่กรมซื้อด้วย แต่ผมว่ามันแปลกๆนะครับ สองคนต่อหนึ่งห้อง อย่าบอกนะว่าหนึ่งห้องคือผมกับพี่กรมทำกิจกรรมร่วมกันกับเด็กๆอย่างนั้นหรอวะ?


   “ ไม่เป็นไรครับ ผมรวย” พี่กรมมันหยิบกระเป๋าเงินขึ้นมา “ มีเลทราคาเท่าไหร่บ้าง น้องผมมันยังไม่เคยช่วยหารุ่นใหญ่เลยนะครับ”


   “ พี่!” ผมรีบสะกิดพี่มันทันทีที่พูดอย่างนั้นออกมาทำให้พนักงานสาวยิ้มล้อผมทันที “ พี่จะบอกเธอไปทำไมว่าผมไม่เคย” ผมเขย่งเท้าขึ้นมากระซิบให้พี่กรมกับผมได้ยินกันแค่สองคน ก็คือผมอายอะครับยิ่งเธอมองผมด้วยสายตาแบบนั้นแล้วก็นะ พ่อจะสำแดงฤทธิ์ให้ดู!!


   “ เอ้า กูหวังดีนะเนี่ย” ไอ้ความหวังดีของพี่มันนี่เล่นเอาผมอายเลยแหละครับ พี่กรมคุยกับพนักงานอยู่สักพักจนกระทั่งเธอบอกให้ผมเข้าไปรอที่ห้องที่เตรียมเอาไว้ให้ แต่ผมไม่กล้าเข้าไปทำให้ผมเดินออกมาหาพี่กรมที่นั่งไขว่ห้างเล่นเกมส์ในโทรศัพท์อยู่


   “ พี่...” ผมไปยืนหยุดที่หน้าของพี่กรม


   “ ว่า?”


   “ ไปส่งหน่อยดิ ไม่กล้า”


   “ ไอ้พี แค่นี้มึงยังไม่กล้า? จะเอากับผู้หญิงละให้กูไปส่งอีก ไปเอานะเว้ยไม่ใช่ไปส่งมึงที่โรงเรียน” พี่กรมละสายตาจากการเล่นโทรศัพท์พร้อมเงยหน้าขึ้นมามองผมที่ยืนตัวงออยู่หน้าพี่มัน


        “ น้าๆๆ นะพี่นะ” ผมทิ้งตัวนั่งลงข้างๆพี่มันก่อนจะเขย่าแขนพี่กรมเพื่อให้พี่มันเห็นใจ “ พี่ก็รู้ว่าผมไม่เคย แต่แบบ พี่น้า พี่ไปส่งผมจะอุ่นใจมากกว่านี้อะครับ”


        “ พากูก็พามาแล้ว จ่ายกูก็จ่ายให้ ยังจะให้กูไปส่งมึงที่ห้องอีกไอ้พี ไม่ให้กูไปเอาข้างในกับมึงด้วยเลยหละ” พี่มันพูดประชดออกมา แต่เอ๊ะ! ความคิดพี่แม่งโคตรดีเลยครับ


        " อย่างนั้นก็ได้ เดี๋ยวผมแบ่ง”


ผั๊วะ!! 


   รอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ที่ผมโดนพี่กรมมันตบเข้ากลางหัว แต่ไม่เป็นไรผมจะตื้อจนกว่าพี่มันจะพาผมไปส่ง ไม่งั้นผมก็จะนั่งรออยู่มันอย่างนี้อะ


   “ เออ! มึงนี่นะ” พี่กรมยอมที่จะทำตามที่ผมขอโดยการที่พี่มันเดินนำผมไปที่ห้องจนกระทั่งหยุดที่หน้าห้องที่ผมต้องเข้าไป
“ ให้กูเข้าไปส่งด้านในด้วยไหม?”


        “ แค่นี้ก็พอแล้วครับ”


        “ เออ เสร็จละก็ออกมา” พี่มันพูดแค่นั้นก็เดินหันหลังกลับไปเลย ผมสูดหายใจเข้าลึกๆก่อนจะผลักประตูเข้าไปด้านในห้องนั้นอย่างไม่รู้ชะตากรรม อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดครับ! น้องพีเลือกและตัดสินใจแล้ว แต่ทำไมสายตาของผมมันยังจ้องไปที่หลังของพี่กรมที่ค่อยๆเดินห่างออกไป แค่คิดใจผมมันก็โหว่งๆแปลกๆ แต่เวลานี้ผมไม่ควรมารู้สึกอย่างนี้ครับ ผมกำลังไปเปิดประสบการณ์ครั้งใหม่....ที่ไม่ใช่กับพี่มันแค่นั้นเอง ไอ้พี! นารีอยู่ตรงหน้ามึงยังจะมีหน้ากล้าไปนึกถึงผู้ชาย!! ผมเรียกสติตัวเองอยู่สักพักก่อนจะผลักประตูเข้าไป


        ผมเดินเข้าไปอย่างกล้าๆกลัวภายในห้องสีม่วงที่เปิดไฟสลัวๆเอาไว้ บรรยากาศค่อนข้างที่จะอิโรติกเอามากๆ กลิ่นเทียนหอมที่ส่งกลิ่นยั่วยวนจนผมอดใจไม่ไหวทั้งๆที่ยังไม่เห็นผู้หญิงคนไหนออกมา หรือว่าเธอจะโพล่ออกมาจากตู้เสื้อผ้า ถ้าออกมาแบบนั้นแล้วผมตกใจผมเผลอเตะไม่รู้ด้วยนะครับ แต่ใครจะบ้าโพล่ออกมาจากตู้เสื้อผ้า ผมก็คิดเยอะจนเกินไป ผมมาหยุดนั่งที่เตียงนอนขนาดใหญ่เพื่อรอเวลาจนกระทั่งผมได้ยินเสียงเปิดประตูที่ดังออกมาจากทางด้านหลัง ภาพที่ผมเห็นคือ ผู้หญิงผมยาว หน้าตาสะสวย จมูกโด่งเป็นสัน ปากบางกระจับ และหุ่นที่โคตรจะหน้ากิน ไม่ว่าจะมองไปที่ส่วนไหนผมก็อยากที่จะลิ้มลองดูสักตั้ง


        “ ใจเย็นลูก ค่อยออกมาเนอะ” ผมพยายามลูบลูกชายตัวเองที่กำลังตื่นตัวเพียงแค่เห็นเธอเดินออกมาด้วยสภาพผ้าเช็ดตัวผืนเดียวที่พันรอบตัวเอาไว้หมิ่นๆที่จะหลุดแหล่ไม่หลุดแหล่


        “ น้องพีนะคะ พี่ชื่อไอซ์นะ” เธอเดินเข้ามาหาผมเรื่อยๆ ก่อนจะใช้นิ้วมือยาวๆของเธอกรีดมาที่ลำตัวของผมอย่างช้าๆ สายตาที่ยั่วยวนของเธอมองมาที่ผมทุกๆส่วน “ ครั้งแรกใช่ไหมเอ่ย”


        “ เอ่อ...ครับผม”


        “ เดี๋ยวพี่จะทำให้น้องลืมไม่ลงเลยหละค่ะ” เธอค่อยๆนั่งลงบนเตียงข้างๆผมพร้อมกับนิ้วมือของเธอที่เลื่อนมาลูบบริเวณหน้าขาของผมช้าๆ


       “ ถอดเลยไหมครับ”


       “ ฮ่าๆ ใจเย็นอย่าพึ่งรีบค่ะ” ผมที่กำลังจะถอดเสื้อตัวเองออก ยังไม่ทันที่ผมจะได้ถอด มือของพี่ไอซ์ก็เลื่อนมาจับมือที่กำลังจับชายเสื้อเพื่อถอดออก


        “ ผมรีบครับ ยิ่งเห็นพี่ ผมก็ยิ่งคึก!” ไอ้พีเอ้ย ใครให้แสดงความหื่นออกไปแบบนั้นหวะ ดีนะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญอย่างพี่ไอซ์ ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นมีหวังผมโดนตบไปแล้วแน่ๆ


        “ พี่สั่งเครื่องดื่มมาให้เรา จะได้รู้สึกตื่นเต้นมากกว่านี้” พี่ไอซ์ลุกขึ้นจากที่นอนเดินตรงไปที่ตู้เย็นเล็กๆก่อนที่เธอจะเดินถือ ขวดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ออกมารินและยื่นให้ผม


        “ เอ่อ....” จะปฏิเสธอย่างไงดีวะกู ถ้ากินละเมาผมสาวกว่าพี่ไอซ์อีกนะ แต่แค่แก้วเดียวไม่เมาหรอกครับ


        “ นะคะ เชื่อพี่มันจะฟินสุดๆไปเลย” ผมค่อยๆกระดกเหล้าเข้าปากอย่างรวดเร็ว ด้วยความที่ผมกลืนหมดภายในอึกเดียวนั้นทำให้ผมค่อนข้างที่จะแสบคอเพราะความแรงของเหล้า  “ ว้าว เก่งค่ะ เอาอีกเนอะ” พี่ไอซ์ปรบมือดีใจที่ผมกินเหล้าที่พี่รินให้จนหมดแก้ว ไม่รอช้าเธอรินให้ผมต่ออีกแล้ว


        “ พี่หลอกขายเหล้าผมรึเปล่าครับเนี่ย” ด้วยปากไวทำให้ผมถามพี่ไอซ์ออกไปตรงๆ “ ผมยังเป็นนักศึกษาอยู่นะครับ”


        “ น้องพีคิดมาก พี่ก็อยากให้น้องพีตื่นตัว ถ้าร้อนบอกพี่เลยนะคะเดี๋ยวพี่จะถอดเสื้อให้” พี่ไอซ์ใช้มือของเธอล่วงเข้ามาด้านในเสื้อของผมเพื่อสัมผัสกับกล้าเนื้อที่มีอยู่น้อยนิด ส่วนมากจะเป็นพุงสะมากกว่า


        “ ถ้าพี่จับไปล่างกว่านี้พี่จะเจอความยิ่งใหญ่ ถ้าไม่เชื่อลองดูก็ได้นะครับ” ด้วยความทะลึ่งกับฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่เริ่มออกทำให้ผมกล้าที่จะแอ่นเป้าไปใส่พี่ไอซ์ที่นั่งอยู่ “ ถอดเหอะพี่ ผมไม่ไหวละ”


พรึบ


        ผมถอดเสื้อของตัวเองออกก่อนที่จะผลักให้พี่ไอซ์ล้มลงไปนอนบนเตียง ไม่รอช้าผมคลานขึ้นมาคร่อมบนตัวของพี่ไอซ์ที่ยิ้มให้ผมและส่งสายตาเชิญชวน


        “ ไหนว่าครั้งแรก ทำไมดูเซียนขนาดนี้”


        ขอขอบพระคุณ Porn hub XNXX และอีกมากมายที่สอนให้ผมจดจำท่วงท่าของพระเอกมาอย่างดี ผลักแล้วไงต่อวะ ทำไมผมจำไม่ได้ หรือว่าจะใส่เข้าไปเลย เอ๊? หรือว่าต้องเล้าอารมณ์ก่อน ฉิบหายละกู ทำไมมาลืมตอนนี้ ทำไมผมถึงรู้สึกอยากจะเต้น ไม่ได้ไอ้พีมึงจะมาอยากเต้นตอนนี้ไม่ได้!!


        พี่ไอซ์เธอค่อยๆเลื่อนริมฝีปากของเธอเข้ามาใกล้ริมฝีปากของผมเรื่อยๆ ยิ่งรู้สึกว่าลมหายใจของเราทั้งคู่ใกล้กันมากขึ้น ผมก็อยากจะดึงตัวเธอให้เข้ามาจูบให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยบังอาจมาทำหน้าตายั่วผม ไม่ต้องยั่วผมก็จะจัดให้ขอรับ!!


        “ เอิ้กกกกกกก”


        ไอ้ฉิบหาย! จังหวะที่ผมจะอ้าปากไปจูบพี่ไอซ์ ไม่รู้ว่าด้วยสาเหตุอะไรทั้งความตื่นเต้น ความกังวล ทำให้ผมเรอใส่หน้าพี่ไอซ์ในจังหวะที่ผมกำลังจะจูบเธอ








PS. ไอ้น้องงงงงงงงงงงงง ทำแบบนี้ไม่ได้นะ
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 8.2(22/02/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: คุณซี ที่ 22-02-2019 22:11:08
น้องพี..หนูจะเรอใา่เขาไม่ได้นะลูกกกก
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 8.2(22/02/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: nikpook ที่ 22-02-2019 22:20:30
55555โอ้ยน้องพี แกจะมาเกรียนตอนนี้ไม่ได้นะ55555 :m20: ตลกอ่ะสงสารพี่ผญมาก ถึงพี่เขาจะเชียวชาญแต่คงไม่เคยเจอแบบน้องพีแน่นอน5555 ตลกตั้งแต่ก๋วยเตี๋ยวไก่ เป็นฉากที่อ่านทีไรฮาตลอด รู้สึกค้างมากอยากรู้ว่าจะเป็นไงต่อครั้งแรกของน้องพีจะเกิดขึ้นหรือไม่ :m20: พี่ผญคงไม่ถึงขั้นสลบหรอกเนาะ555  มาต่อเร็วๆนะชอบความเกรียนของน้องผีมาก :pig4: :กอด1: :L1:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 8.3(23/02/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: KJH177 ที่ 23-02-2019 20:45:25
ตอนที่ 8.3

พาน้องไปลงอ่าง (ของจริง)


        “ เอ่อ.....” ทำไงดีวะ ดูหน้าพี่ไอซ์ไม่ค่อยมีอารมณ์ร่วมกับผมสักเท่าไหร่ งั้นเปลี่ยนแผนก็แล้วกัน แพลน A ล่ม มาต่อ แพลน B เลยครับ


พรึบ!


   ด้วยความอายที่ผมเรอใส่พี่ไอซ์ไป และก่อนที่ผมจะอยากเต้นไปมากกว่านี้ ทำให้ผมกระตุกผ้าเช็ดตัวของพี่ไอซ์ให้หลุดพ้นสายตาของผม ไอ้ผมก็หวังว่าจะเห็นของดีแต่เปล่าครับ พี่ไอซ์แม่งเอาอะไรมาแปะที่นมก็ไม่รู้ หงุดหงิด!!


   “ พี่เอาอะไรมาแปะนมวะ รำคาญ!!” ด้วยความโมโหทำให้ผมดึงไอ้แผ่นบ้านั้นออก ไม่รู้ว่าดึงแรงไปหรือเปล่าเพราะทันทีที่ผมดึงออกมา พี่ไอซ์ก็ร้องจนดังลั่นห้องก่อนที่เธอจะผลักผมออก


   “ อร้ายยย!!!”


ผลัก!


   “ น้องพีรุนแรงไป...” เธอยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาปิดหน้าอกทั้งสองข้างเอาไว้นั่นทำให้ผมยิ่งโมโหหนักกว่าเดิม ผม ขว้าขวดเหล้าขึ้นมากระดกจนเหล้าไหลออกจากปากของผมเปื้อนไปทั้งที่นอน


   “ มานี่!!” ผมกระชากแขนพี่ไอซ์ให้นอนลงบนเตียงอีกครั้งและนั่นทำให้ผมรู้สึกจริงๆว่าผมอยากจะเต้นกับพี่ไอซ์มากกว่าที่ผมจะเข้าไปในตัวของเธอ


   “ พี่ เรามาเต้นแข่งกันพี่ พี่รินเหล้ามาดิ้!” ผมชี้ไปที่ขวดเหล้าข้างเตียงก่อนที่ผมจะลุกขึ้นยืนบนที่นอนพร้อมกับกระโดดไปมาเมื่อรู้สึกว่าเตียงนี้เด้งดีเหมือนกัน


   “ เหล้าค่ะ” พี่ไอซ์เธอค่อยๆยื่นแก้วเหล้ามาให้ผมอย่างกล้าๆกลัว


   “ ครับ! เอิ้ก!” ผมรับแก้วมากระดกดื่มก่อนที่ผมจะโยนมันลงบนเตียง “ พี่ขึ้นมา!” ผมชี้ให้พี่ไอซ์ขึ้นมาบนเตียงกับผม เธอก็ไม่ได้ปฏิเสธเพราะตอนนี้เธอขึ้นมายืนบนเตียงข้างๆผม


   “ จะให้พี่เต้นอะไรคะ”


   “ ยั่วค้า แบบยั่วๆ บดๆ เอาเอวหวานๆค้า” ผมจัดแจงท่าทางให้เธอโดยที่ให้มือทั้งสองข้างของพี่ไอซ์แตะไว้ที่ศีรษะของตัวเอง ก่อนจะแอ่นเอวให้ยื่นออกมา “ แล้วก็ส่ายค้า แบบนี้ๆ” ผมจัดการเต้นส่ายและบดเอวให้พี่ไอซ์ดู จนเธอค่อยๆทำตาม ตอนแรกก็ไม่กล้าแต่พอสักพักเหมือนผมละลายพฤติกรรมเธอให้สามารถเข้ากับผมได้ จากที่เขินอายตอนนี้ส่ายหนักกว่ากูอีกครับ


   “ พอได้ไหมน้องพี” เธอถามผมขณะที่เอวของเธอยังคงส่ายอยู่


   “ ขอแรงกว่านี้ค้า” ผมบิ้วอารมณ์ให้เธอเต้นหนักกว่าเดิม “ ร้องออกมาค้า อ่าส์ อร้ายยย ร้องออกมาค้า ยิ่งร้องดังยิ่งมันค้า”

 
   “ อ่าส์ อื้ออออ อร้ายยย” พี่ไอซ์ร้องครางออกมาอย่างมีความสุข


   “ อุ๊ย อุ๊ยอุ๊ย อุ๊ย อุ๊ย , อุ๊ยอุ๊ย อุ๊ย อุ๊ย , อุ๊ยอุ๊ย อุ๊ย อุ๊ย  โอ๊ะ โอ๊ะโอ๊ะ โอ๊ะ โอ๊ว , โอ๊ะโอ๊ะ โอ๊ะโอ๊ะ , โอ๊ะโอ๊ะ โอ๊ะ โอ๊ย..
อิ๊  อิ๊อิ๊ อิ๊ อิ๊ , อิ๊ อิ อิ๊ อิ๊ , อิ๊ อิ อิ๊ อิ๊..  อ้าย อ้ายอ้าย อ้าย อร๊าย.. ,อ้ายอ้าย อ้ายอ้าย , อ้าย อ้าย อ้ายจ๋า..” ด้วยความที่ทั้งผมและพี่ไอซ์ต่างเต้นโดยที่ไม่มีทำนอง ทำให้ผมคิดถึงเพลงหนึ่งขึ้นมา ก่อนที่ผมจะตัดสินใจร้องเพื่อให้ทั้งตัวผมและพี่ไอซ์ได้เต้นไปพร้อมกัน จนกระทั่งเวลาผ่านไป........



Jaokom’s talk


   หลังจากที่ผมเดินไปส่งไอ้น้องผีเสร็จ ผมก็กลับมานั่งชิวที่เดิมสั่งแค่เครื่องดื่มเบาๆมาจิบแก้เวลา เพราะถ้าผมเมาหนักเกรงว่าไอ้พีไม่น่าจะแบกผมไปได้แน่ๆ ที่สำคัญผมต้องแบกมันกลับไม่รู้ว่าครั้งแรกของมันจะเป็นอย่างไร แต่ผมว่าอย่างไอ้พี ผมนี่สงสารผู้หญิงคนนั้นจริงๆว่าเธอจะต้องเจอกับคนบ้าอย่างมัน แค่หน้าไอ้พีก็ลอยมา ถ้าเป็นผมนะเห็นหน้ามันก็หมดอารมณ์แล้วหละครับ สำหรับค่าเสียหายในคืนนี้ที่ผมจ่ายไปเกือบๆห้าพันก็ไม่ถูกและไม่แพงจนเกินไป รวมทุกอย่างทั้งค่าห้อง ค่าบริการ และค่าเหล้าที่คาดว่าน่าจะรวมไปกับเงินที่ผมจ่าย แต่ทำไมลึกๆแล้วผมยังไม่อยากให้ผมลองอะไรแบบนี้ แต่มันคงไม่ทันแล้วแหละครับถ้าผมจะกลับเข้าไปแล้วลากมันออกมา


        ด้วยความที่ผมไม่รู้จะทำอะไรเพื่อรอเวลาให้ไอ้พีออกมา ทำให้ผมตัดสินใจเดินมานั่งที่ชั้นล่างของร้านที่เป็นเพียงแค่ร้านนั่งชิวธรรมดา มีเหล้า เบียร์ขาย และที่สำคัญคือดนตรีสดที่บรรเลงให้ทุกคนได้ฟังทั้งเพลง เศร้า เพลงสนุก และเพลงที่ทุกคนขอ


        “ ผู้หญิงโต๊ะนั้นฝากมาให้ครับ” พนักงานเสิร์ฟเดินถือแก้วเหล้ามาวางไว้ข้างหน้าผมก่อนที่จะชี้ไปยังผู้หญิงกลุ่มหนึ่งที่นั่งอยู่แถวๆนั้น ทันทีที่ผมมองไปเธอก็กวักมือและส่งจูบให้กับผม


        “ ขอบคุณครับ” ผมก้มหัวและยิ้มให้เธอเล็กน้อย ผมไม่ได้กินนะ เอาจริงๆผมไม่ไว้ใจใครทั้งนั้นในที่อโคจรแบบนี้ อีกอย่างเราก็ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ถ้าเธอใส่อะไรเข้ามาในแก้วแล้วผมกินเข้าไปใครจะรับผิดชอบ จะหาว่าผมมองโลกในแง่ร้ายก็ได้นะครับ แต่อย่างว่าถ้าเราไม่เซฟตัวเองแล้วใครจะเซฟเรา อยู่ๆผมก็คิดถึงไอ้พีขึ้นมาว่าป่านนี้มันจะเป็นอย่างไงบ้าง หวังว่าคงจะไม่ตายไปก่อน


        “ ขอโทษนะคะใช่พี่ของคุณพีรึเปล่า” อยู่ๆพนักงานด้านบนคนเดิมเธอวิ่งมาทางผมด้วยท่าทางแตกตื่น


        “ ครับ” ผมตอบรับออกไป หวังว่าไอ้พีมันจะไม่สร้างเรื่องอะไรอีกนะครับ


        “ คือว่าห้องของคุณพีเสียงดังมาก เรียกเท่าไหร่ก็ไม่ยอมเปิดค่ะ ทางเราเกรงว่าจะเป็นอันตรายต่อพนักงานของเรา”


        “ เสียงดัง?” ผมทวนคำพูดของเธออีกรอบ เสียงดัง? ไอ้พีมันจะทำอะไรเสียงดัง ทำให้ตอนนี้ผมเดินตามเธอขึ้นไปติดๆมุ่งหน้าไปยังห้องที่ผมเคยมาส่งมันเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา


       “ แอร๊ยยย อ่าส์” ผมมั่นใจว่าเสียงที่ผมได้ยินไม่ใช่เสียงครางของผู้หญิงแน่นอน ยิ่งเดินเข้าไปใกล้เท่าไหร่ความรู้สึกบางอย่างของผมมันก็บอกว่าไอ้พีน่าจะทำอะไรแปลกๆอยู่แน่ๆ


        “ ยั่วค้า ใส่อีกค้า เอวหวานที่สุดดดดดด” ผมพอจะรู้แล้วครับว่าด้านในมันเกิดอะไรขึ้น พนักงานสาวที่เดินนำหน้าผมมาค่อยๆหยิบกุญแจสำรองออกจากกระเป๋าเสื้อของเธอก่อนที่จะไขไปที่ประตูเพื่อเปิดออก


แกรก


   “ อร้ายยย ผู้ชายมาค้า เต้นเรวววววว” ทันทีที่ประตูเปิดออก ภาพที่ผมเห็นคือไอ้พีที่ตอนนี้เปลือยด้านบนกำลังเด้งอยู่ที่พื้นห้อง ส่วนผู้หญิงอีกคนที่ตอนนี้สภาพของเธอคือเปลือยไปสะทุกส่วนกำลังแอ่นเอวเต้นอย่างไม่รู้เรื่อง ยิ่งผมเดินเข้าไปด้านในห้อง ไอ้พีก็ยิ่งเต้นแรงกว่าเดิมจนผมคิดว่าถ้าแรงกว่าพื้นห้องได้ทะลุแน่ๆ


   “ พี่ไอซ์พอเถอะพี่” พนักงานที่มากับผมเธอเดินเอาผ้าไปคลุมที่ตัวของผู้หญิงคนนั้น


   “ ไอ้พี กลับ” ผมก้มลงไปดึงมือมันให้ลุกขึ้น แต่ไอ้พีกลับยิ้มให้ผมจนเห็นฟันพร้อมใช้มือทั้งสองข้างของมันแตะที่ไหล่ของผมเบาๆก่อนที่มันจะเต้นรูดผมลงมา........


   “ ฟินไหมค้าพี่ชายยยยยยย คริๆ”


ผั๊วะ!


   “ กลับเลยไอ้เวร” ผมตบหัวมันไปหนึ่งที่ก่อนจะก้มหยิบเสื้อที่มันยืมผมมาใส่ที่ตอนนี้ไม่ต่างอะไรจากผ้าขี้ริ้ว ลาก่อนนะ Balenciaga ของพ่อ และสวมให้ไอ้คนที่ไม่รู้เรื่องอยู่ตรงหน้า


   “ ใส่ทำไมคะ ไม่อยากดูนมน้องพีหรอ”


   “ พี พี่ไหว้แหละ พอก่อนนะ” ผมไม่รู้ว่าจะทำอย่างไงให้ไอ้พีเงียบและหยุดเต้นสักที ทั้งพูดดีๆก็แล้ว ทั้งด่าก็แล้ว ทั้งตบหัวมันก็แล้ว แต่นั้นไม่มีทีท่าว่าไอ้พีจะรู้สึกตัว ไอ้คำโบราณที่ว่าอย่าถือคนบ้า อย่าว่าคนเมา มันคงจะเป็นเรื่องจริง เพราะผมว่าไปเท่าไหร่ ไอ้พีก็ไม่รู้อะไรกับคำพูดของผมเลย แต่ลึกๆแล้วในใจของผมมันกลับโล่งอกแปลกๆที่ไอ้พีไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นลงไป ผมก็แปลกคนนะครับเป็นอาสาพามันมาแต่ก็ยังไม่อยากให้มันทำ.... ผมว่าผมแม่งแปลกหวะ แต่ไม่รู้ไอ้อาการแปลกๆนี่มันเรียกว่าอะไร


   “ ขอโทษนะครับ” ผมหิ้วปีกไอ้พีออกมาจากร้าน ตลอดทั้งทางมือไอ้พีก็ปัดป่ายไปทั่ว ไปโดนคนนี้บ้างคนโน้นบ้างตามภาษาคนเมา ทำให้ผมต้องก้มหน้าขอโทษไปตลอดทั้งทางจนกระทั่งแบกไอ้พีขึ้นมาบนรถแท็กซี่ได้ ดีนะที่ผมไม่เมาไปอีกคน ถ้าผมเมาไปด้วยไม่รู้ว่าชะตากรรมของพวกเราจะเป็นอย่างไรต่อไป


   “ ไม่เต้นแล้วววว ง่วงงงงง” ไอ้พีที่ตอนนี้หมดฤทธิ์ไปเรียบร้อยซบหน้าของมันลงบนไหล่ของผมก่อนที่จะหลับตาไปอย่างไม่รู้เรื่อง ไม่รู้ว่าตื่นมาจะจำวีรกรรมของตัวเองได้ไหม แต่ที่แน่ๆเจตนารมณ์ของมันคืออยากลงอ่าง ผมก็จะพาไปลงที่บ้าน ตามที่มันต้องการ...แต่ลงกับผมนะครับผมจะพามันไปลงเอง


   ผมลากไอ้พีลงจากรถแท็กซี่ในเวลาเกือบๆตีสาม ซึ่งพรุ่งนี้ผมมีเรียนและไปนำเสนองานตอนบ่าย ไม่รู้ว่าไอ้เด็กผีจะตื่นไปไหวไหมเพราะครั้งนี้น่าจะหนักพอๆกับครั้งที่แล้ว อีกอย่างผมก็อยากให้มันไปนำเสนองานที่มันเป็นคนคิดและทุ่มเทมากับมือของมันเองทั้งๆที่ไม่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้เลย แต่ผมว่าไอ้พีมันมีพรสวรรค์นะครับแต่แค่มันยังไม่รู้ตัว ผมก็อยากจะชมที่มันทำงานออกมาดีเรียบร้อยเป็นระเบียบ แต่ผมก็ไม่อยากพูดออกไปให้มันเหลิงเก็บเอาไว้ให้แค่ผมรู้คนเดียวก็พอ


   “ นอนนี่ไปมึง” ผมพามันมานอนในอ่างอาบน้ำตามที่มันอยากจะลง หวังว่าพรุ่งนี้ตื่นมามันจะจำความทุกอย่าง และวีรกรรมที่สร้างเอาไว้ ว่าครั้งหนึ่งเคยไปซื้อบริการและชวนสาวๆมาเต้นแทนที่จะทำกิจกรรมอย่างว่า รู้ถึงไหนอายไปถึงนั้นแน่ๆไอ้น้องผีเอ้ย แต่จังหวะที่ผมกำลังจะเดินหันหลังออกจากห้องน้ำไป อยู่ๆไอ้พีมันดึงมือของผมเอาไว้ ทำให้ผมย่อตัวลงไปหามันที่ยังคงนอนหลับแต่ยังคงเคี้ยวปากตัวเองอยู่


   “ อะไรของมึง หื้ม” ผมเห็นว่าใบหน้าของมันเปื้อนคราบอะไรบางอย่างติดอยู่บนหน้าของมัน ผมค่อยๆยื่นมือไปหยิบออกจากหน้าไอ้พีเบาๆ


   “ ขอจูบได้ไหม?” ผมขมวดคิ้วทันทีที่ไอ้พีพูดออกมาแบบนี้ทั้งๆที่ตาของมันยังหลับอยู่ มือของมันที่จับแขนผมในตอนแรกกลับปล่อยออก ผมยังคงนั่งนิ่งไม่ได้ไปไหนเพื่อรอว่ามันจะพูดอะไรออกมาอีก


   “ ......”


   “ นะครับ แปบเดียว แค่ปากแตะกันเองงงงงง” เสียงยานของคนเมาที่นอนดิ้นอยู่ในอ่างมันทำให้ผมหัวเราะออกมา มันเหมือนจะอึดอัดเพราะตัวของมันก็ไม่ได้เล็กๆ


   “ .....กูไม่ใช่ผู้หญิงของมึงนะ” ผมลูบหน้ามันเบาๆ


   “ ผมเป็นผู้ชายของพี่น้า”


   “ หึ” อยากรู้จริงๆครับว่ามันฝันอะไรอยู่ ผมส่ายหัวให้มันเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นอีกครั้งแต่เหมือนว่าไอ้พีมันจะไม่ยอมให้ผมไปไหน เพราะครั้งนี้มันลุกขึ้นมาจากอ่างและดึงตัวของผมเข้าไปหามัน


   “ จุ๊บบบบ น้องงง”


   “ ไอ้พี กูพี่มึงนะ”


   “ แล้วงายย พี่กันมันดีอ๊อก!”


   “ มันจะมองหน้ากันไม่ติด”


   “  ติด แบบนี้...” ไอ้พีดึงใบหน้าของผมให้เข้าไปหามัน ก่อนที่มันจะเอาหน้าผากของตัวเองมาแตะที่หน้าผากของผมค้างไว้แบบนั้น ยิ่งใกล้กันมากเท่าไหร่ผมก็ยิ่งรู้สึกว่ามันแปลก “ แล้วก็ปากติดกันแบบนี้......” ผมหลับตาลงเมื่อรู้สึกว่าปากของผมกับมันแนบชิดติดกัน ผมรอดูว่ามันจะทำอะไรต่อ แต่เปล่าครับมันแค่เอาปากแตะปากผมเฉยๆก่อนจะผลักออกและกลับลงไปนอนในอ่างเหมือนเดิม


   “ มึงจะรู้ไหมว่าทำแบบนี้...ใจกูคิดไม่ดีเลยหวะ” ผมอยากจะดึงมันให้ลุกขึ้นมาอีกครั้ง ครั้งนี้ผมจะไม่ปล่อยให้มันเอาปากแตะแค่ปากผมอย่างเดียว ผมจะสอนมันให้รู้จักการใช้ปากทำอย่างอื่น ครั้งนี้จะปล่อยเด็กมันไป แต่ถ้ามีอีกผมไม่รับรองว่าผมจะหยุดง่ายๆแบบครั้งนี้ไหม ก่อนที่ผมจะคิดฟุ้งไปมากกว่านี้ ผมว่าผมควรออกห่างมันก่อนที่ไฟของผมมันจะลุกโชนขึ้นมา


   “ แบบนี้มันไม่เรียกว่าจูบหรอกนะ”


พรึบ


   ปิดไฟให้น้องนอนในห้องน้ำ ส่วนตัวผมก็ได้เวลาไปนอนบ้างแล้วหลังจากที่ลากไอ้น้องผีกลับมาถึงบ้านได้ ผมยังคงไม่เข้าใจตัวเองว่าแค่การเอาปากแตะกันมันจะทำให้ผมรู้สึกมากขนาดนี้เลยหรอ หรือว่าผมไม่ได้ปลดปล่อยนานจนสับสน.....



Pee’s talk


เช้าวันต่อมา


   “ อื้ออออ” ทำไมผมบิดตัวไปทางไหนไม่ได้เลยวะ รู้สึกว่าที่นอนผมมันจะแคบไปมากกว่าเดิม... อย่าบอกนะว่าเมื่อคืนผมตายไปแล้วถูกฝังลงในดิน ไม่ดิ! ใครก็ได้ช่วยด้วย ช่วยขุดผมออกไปที


   “ ช่วยด้วย!!” เสียงร้องที่ดังลั่นทำให้เจ้ากรมที่กำลังแต่งตัวอยู่ด้านนอกวิ่งเข้ามาในห้องน้ำทันที เพราะคิดว่าไอ้พีจะหัวฟาดพื้น แต่เปล่าเลย เพราะภาพที่เจ้ากรมเห็นก็คือพีนอนแหกปากร้องอยู่ในอ่างทั้งสองมือปัดป่ายไปทั่วเหมือนว่าตัวเองติดอยู่ที่ไหนสักที่ เมื่อเขาเห็นดังนั้น ด้วยความหมั่นไส้ปนเอ็นดูทำให้เจ้ากรมเปิดน้ำใส่อ่างที่พีนอนแช่อยู่ในนั้น


   “ เห้ย! น้ำท่วม” พีรีบลุกขึ้นมาทันทีที่เขารู้สึกว่าตัวเองเปียก ลืมตาขึ้นมามองไปรอบๆห้อง ก่อนที่สายตาจะไปปะทะเข้ากับ......


   “ พี่ทำอะไรของพี่วะ” ผมนี่หัวร้อนเลยครับ พี่กรมแม่งเล่นอะไรไม่รู้เรื่อง เอาน้ำปล่อยใส่นาน้อง เอ้ย! ปล่อยใส่อ่างน้อง นี่อย่าบอกนะว่าเมื่อคืนผมนอนในนี้


   “ หงุดหงิดอะไรใส่กู ก็มึงอยากลงอ่างกูก็สนองให้นี่แล้วนี่ไง” พี่กรมพูดด้วยสีหน้าและน้ำเสียงกวนๆทำให้ผมถึงกับหงุดหงิด


   “ ถ้าผมตายอะพี่ พี่เล่นอะไรไม่รู้เรื่องอะ”


   “ ไอ้พีมึงฟังกูนะ” พี่กรมมันขยับมาจับไหล่ของผมเอาไว้ พร้อมกับสายตาของเขาที่มองมาที่ผมด้วยสายตาที่จริงจัง “ กูไม่ปล่อยให้มึงตายหรอก ถ้ากูจะปล่อยกูไม่พามึงกลับมาให้กูลำบากหรอกนะ”


   “ แล้วพี่.....ปล่อยผมนอนในนี้ทำไม” จากที่น้ำเสียงผมหงุดหงิดในตอนแรก ตอนนี้มันค่อยๆอ่อนลงเพราะสายตาและน้ำเสียงของพี่มัน


   “ กูก็แค่แกล้ง เห็นว่ามึงน่าเอ็นดู”


   “ ห้ะ???” ผมนี่นะน่าเอ็นดู เกิดมาพึ่งเคยได้ยินครั้งแรก  “ ผมนี่นะน่าเอ็นดู พี่พูดผิดเปล่า ถ้าหน้าดูเอ็นก็พูดไปอย่าง” ผมนี่มันลากเข้าเรื่องใต้สะดื้อได้ทุกเมื่อเลยครับ


   “ มา กูจะเปิดให้มึงดูเลย” ไอ้พี่กรมทำท่าจะถอดกางเกงของพี่มันออก ผมนี่แทบจะจับมือพี่มันไม่ทันเลยครับ


   “ ผมยังอยากกินข้าวเช้าอยู่นะพี่” ตั้งแต่ที่พี่มันเข้ามาในห้องน้ำทำไมผมรู้สึกว่าพี่มันหลบตาผมแปลกๆหวะ แต่ไม่อยากถามออกไป ผมกลัวคำตอบ เพราะไม่รู้ว่าเมื่อคืนผมทำอะไรลงไปบ้าง แต่ก็คงไม่มีอะไรหรอกมั้งครับ


   “ เออ ทำเป็นพูดดีไป ถ้าถึงเวลาอย่ามาขอให้กูเปิดดูใหม่ก็แล้วกัน” เมื่อพี่มันพูดจบก็เดินหันหลังออกไปจากห้องน้ำทันที ทิ้งให้ผมยืนงงอยู่กับที่พร้อมคำพูดแปลกๆที่พี่มันทิ้งท้ายเอาไว้ ถึงเวลา..ถึงเวลาอะไร น้องพีไม่เข้าใจ จะหาว่าผมโง่ก็ได้นะ ก็ผมโง่จริงๆ เอาเป็นว่าผมเลิกสนใจคำพูดของพี่มันก่อน ตอนนี้ผมต้องจัดการกับตัวเองที่มีสภาพน่าสมเพชสุดๆ หน้ามันๆ ผมฟู มีคาบน้ำลายไหลอยู่ทั่วหน้า กูยอมแล้วครับ ไม่มีอะไรที่แย่ไปกว่าหน้าของผมตอนตื่นนอนแล้วหล่ะ













PS. น้องงงงงงง น้องทำอัลไลลลลลลลลลลล

PS. ขออโหสิกรรมที่เข้ามาอ่านค่ะ 5555555

 

 

 

 

 

 

 
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 8.3(23/02/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: nikpook ที่ 24-02-2019 06:46:41
ขอบอกเป็นรอบที่สองว่าน้องผีไม่ควรเมา5555 อาการแปลกๆที่พี่กรมขอเดาว่ามันคืออาการตกหลุมรัก ชอบน้องผีแล้วใช่ป้ะ :hao7: เอ็นดูน้องอีกถ้าบอกไม่ชอบก็ไม่เนียนอ่ะพี่กรม น้องผีก็คือลงอ่างแบบแท้ทรู5555
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 9.1(24/02/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: KJH177 ที่ 24-02-2019 20:03:18

บทที่ 9.1

 นำเสนองาน ผ่านไหมครับอาจารย์


           ในช่วงเช้าของวันนี้ กว่าที่ผมจะได้ออกจากบ้านพี่กรมก็เล่นเอาช้าอยู่เหมือนกันครับ เพราะผมเองที่สติยังไม่ครบร้อยเปอร์เซ็นต์ดี ต้องมานั่งอ่านงานที่ผมทำเพื่อนำเสนอในครั้งนี้ ปกติแล้วที่มหาลัยของผมจะสวมแค่ชุดไปรเวทสุภาพไปเรียน ส่วนชุดนักศึกษาจะใส่แค่ตอนสอบและตอนที่พรีเซ้นต์งาน และครั้งนี้ผมก็ไม่ได้เอาชุดนักศึกษาติดมาด้วยเพราะตอนแรกผมไม่รู้ว่าพี่มันให้ผมเก็บเสื้อผ้ามาทำไม ไอ้ครั้งที่จะกลับไปเปลี่ยนที่หอก็กลัวจะเสียเวลามาไม่ทันตอนที่อาจารย์ให้นำเสนอ เลยขอยืมชุดพี่กรมมันใส่ไปก่อน สภาพตอนนี้ของผมก็คือเหมือนเด็กที่พ่อแม่ซื้อชุดมาให้ใส่เผื่อโต เพราะขนาดไซส์ของผมกับพี่กรมไม่เท่ากัน หมายถึงขนาดตัวนะครับ อิอิ


   “ เอกสารอ่ะเตรียมมายัง” พี่เทพถามเช็คผมอีกรอบหลังจากที่ตอนนี้เรามานั่งกินข้าวกลางวันที่โรงอาหาร


   “ อยู่ในห้องอย่างดีครับ เรียบร้อยสุดๆ” เพราะผมเป็นคนเตรียมและปริ้นเองกับมือ แต่เอ๊ะ เหมือนผมลืมอะไรไปบางอย่าง “ พี่ ผมลืมไฟล์จะเป็นอะไรไหม?”


   “ ไม่น่าจะนะ วันนี้แค่นำเสนอคร่าวๆ ไม่มีในไดร์ฟเลยหรอวะ” พี่วินที่นั่งอยู่ข้างๆพี่เทพถามขึ้น


   “ มีแต่ไม่สมบูรณ์อะพี่ ผมเบลอๆหวะเมื่อเช้า”


   “ สมควรเบลอ กูจะเล่าอะไรให้ฟังนะ น้องชายของพวกมึงที่ไปลงอ่างอะกลับพาสาวแก้ผ้าเต้น ยั่วๆเหมือนวันนั้นที่พวกเราเห็น เด้าพื้นซะแบบกูกลัวพื้นจะเป็นรูจนกูต้องชดใช้ค่าเสียหายให้มันอีก แค่ห้าพันกับครั้งนี้โคตรไม่คุ้มเลย ไม่ได้จิ้มด้วยมั้ง” ผมกำลังจะกระโจนไปปิดปากพี่กรมมันเอาไว้ แต่พี่คินที่นั่งอยู่ข้างๆกลับดึงตัวผมไม่ให้เข้าไปใกล้เพื่อนของเขา เพราะรอฟังในสิ่งที่พี่กรมเล่า นี่ทำงานเป็นทีมเลยหนิหว่า ไอ้ผมที่ทำอะไรไม่ได้ก็นั่งคอตกไปซิครับ


   “ ไอ้กรมมึงน่าจะถ่ายคลิปมันมาขู่เอาเงินสะให้เข็ด ชอบไถ่พวกกูดีนะ” พี่วินใช้ตะเกียบชี้หน้าผม


   “ โถ่พี่วิน อย่าโกรธน้องเลยครับ” ผมยกมือไหว้พี่มันทันที “ ฝังใจผูกใจเจ็บมาก ไม่ดีนะพี่ มันจะเป็นทุกข์เอา”


   “ ทำเป็นพูดดี เดี๋ยวกูโบกคว่ำ”


   “ พอละจ้า กลัวละจ้า”


   “ น้องผีรีบกินไป เดี๋ยวไปเตรียมตัว เตรียมตอบคำถามให้ดี” พี่กรมที่อยู่ๆก็เข้าโหมดจริงจังทั้งๆที่ตัวเองเป็นคนเริ่มเปิดประเด็นเองแท้ๆ


   “ ครับๆ” ผมรับคำพี่มันก่อนจะรีบกินข้าวเพื่อกลับไปที่ห้องเดิมที่ถูกจัดเอาไว้สำหรับนำเสนอใน proposal แรก พี่กรมบอกว่ามีคะแนนสิบคะแนนในครั้งนี้ที่เป็นการนำเสนอและรายงานความคืบหน้าครั้งแรก ส่วนตัวและแผนนโยบายจริงๆเราจะเก็บไว้นำเสนอในครั้งสุดท้ายแทน


   เมื่อมาถึงห้อง ผมเดินมาที่กระเป๋าที่ผมจองที่เอาไว้เป็นโต๊ะแถวหน้าสุด แต่เอ๊ะ ทำไมกระดาษที่ผมเตรียมมานำเสนอถึงออกมาวางอยู่นอกแฟ้ม ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นผมเอาไว้ในแฟ้มแท้ๆ


   “ พี่เอาออกมาดูหรอ?” ผมยื่นกระดาษไปถามพวกพี่ๆที่เดินตามหลังเข้ามา


   “ กูเปล่า” พี่เทพพูด


   “ ทำไม มีอะไร” พี่กรมเดินตรงเข้ามาหาผมทันที เมื่อเห็นว่าผมยืนงงอยู่กับไอ้กระดาษแผ่นนี้ที่อยู่ๆมันก็ดันออกมาจากแฟ้มสะได้


   “ เปล่าครับพี่ ผมแค่สงสัย” แต่ผมอาจจะคิดมากไป มันคงไม่มีอะไรหรอก จนกระทั่งเวลาที่ผมตื่นเต้นที่สุดก็มาถึงเวลาที่อาจารย์ประจำแต่ละสาขาเข้ามาในห้องแห่งนี้ แอร์ที่ว่าเย็นยังไม่สู้มือของผมที่เย็นจนแทบจะเป็นน้ำแข็งแล้วเลยครับ แม่งโคตรตื่นเต้นเลย


   “ หนาวหรอ?” พี่กรมที่มันคงจะเห็นว่าผมสั่นเลยเลิกคิ้วถามเสียงเบา


   “ ตื่นเต้นครับ” ผมสะบัดมือของตัวเองเพื่อให้มันคายความหนาวและลดความตื่นเต้นนี้ “ ไม่หายหวะพี่” ยิ่งสะบัดก็ยิ่งเจ็บมันไม่ได้ช่วยอะไรเลย


หมับ


   “ หายใจเข้าลึกๆ เข้า-ออก” พี่กรมมันจับมือของผมที่สะบัดอยู่เอาไว้ ก่อนที่พี่มันจะค่อยๆสั่งให้ผมหายใจเข้าลึกๆเพื่อรวบรวมสติ “ เดี๋ยวนวดให้ เผื่อว่ามันจะผ่อนคลายมากขึ้น” นิ้วมือของพี่กรมค่อยๆกดลงบนมือทั้งสองข้างของผม สายตาที่มองมาที่มือเวลาที่พี่เขานวดให้มันทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาแปลกๆ แปลกและแปลกมาก พี่กรมเป็นคนแรกๆที่ทำอะไรแบบนี้ให้ผมในหลายๆเรื่อง ผมว่านะผมแพ้ความอ่อนโยนของพี่มันเข้าให้แล้วแหละครับ


   “ เอ่อ...ดีขึ้นแล้วพี่” ก่อนที่ผมจะรู้สึกแปลกไปมากกว่านี้ ทำให้ผมค่อยๆดึงมือของตัวเองกลับมา “ ขอบคุณครับ”


   “ อืม กูทำทาน”


   พี่กรมก็คือพี่กรมครับทุกคน! ไอ้ความรู้สึกแปลกและดีเมื่อสักครู่นี้มันหายไปหมดแล้ว


   “ เดี๋ยวผมจะสุ่มขึ้นมากลุ่มแรกนะครับ เพื่อความยุติธรรม” เมื่อถึงเวลาอาจารย์ก็พูดขึ้นพร้อมกับจับฉลากที่อยู่ในขวดโหล่ด้านหน้า ภาวนาว่าอย่าเป็นกลุ่มผมเลยครับ


   “ กลุ่มที่หนึ่ง กลุ่มอภิรักษณ์ครับ”


แปะๆ


   ผมถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกทันทีที่กลุ่มแรกไม่ใช่ผม ผมตั้งใจฟังเนื้อหาที่กลุ่มแรกนำเสนอ กลุ่มนี้เป็นกลุ่มของพี่ๆปีสามและปีสอง เสนอนโยบายเกี่ยวกับด้านสาธารณะสุข ผมว่าค่อนข้างที่จะเข้าท่าเลยครับ ยิ่งผมฟังผมก็ยิ่งรู้สึกว่านโยบายของตัวเองที่คิดมามันอยู่ด้อยไปเมื่อเทียบกับกลุ่มของพี่เขา


   “ เป็นอะไรอีก” ผมก้มก้มลงมากระซิบถามหลังจากที่พี่มันสังเกตเห็นว่าใบหน้าของผมเริ่มเครียด


   “ ฟังดูแล้วนโยบายของเรานี่เทียบไม่ติดเลยพี่”


   “ คิดไรเยอะแยะวะ” พี่มันเอาปากกามาเคาะหัวผมแรงๆหนึ่งที “ ทำหน้าที่ตัวเองให้เต็มที่ก็พอ”


   “ แต่ว่า........”


   “ นี่คือคำสั่ง” ผมเลยได้แต่เงียบตามที่พี่มันสั่ง จนกระทั่งเวลาผ่านไปกลุ่มแล้วกลุ่มเล่ามีทั้งกลุ่มที่เสนอนโยบายว้าวๆขึ้นมาจนผมเองก็งงว่าพวกพี่เขาคิดได้ไง จนกระทั่งเหลืออีกแค่สองกลุ่มที่ยังไม่ได้นำเสนอ ก็คือกลุ่มของผมกับกลุ่มของไอ้กวงที่นั่งอยู่ด้านหลัง ผมเห็นมันมองหน้าผมอยู่เมื่อผมหันไปดูรอบๆ อยากจะเอาเท้าแนบหน้ามันสักสองสามทีจะได้เลิกมองผมแบบนั้น


   “ กลุ่มกษิดิชครับ” ผลปรากฎว่ากลุ่มของผมเป็นกลุ่มสุดท้ายที่จะได้นำเสนอในวันนี้ เอาจริงๆก็มีข้อดีคือไม่ค่อยกดดันเท่าไหร่ แต่ข้อเสียคือไม่ค่อยมีคนสนใจฟังเหมือนกัน


   “ สวัสดีท่านอาจารย์และเพื่อนๆน้องๆทุกคนนะครับ ผมกษิดิชตัวแทนของกลุ่ม วันนี้ผมมีนโยบายมานำเสนอ ซึ่งเป็นเรื่องพื้นฐานสำคัญสำหรับทุกคน และทุกคนน่าจะคลุกคลีเป็นอย่างดี” ทำไมผมรู้สึกว่ามีลางสังหรณ์ขึ้นมาแปลกๆเหมือนกับว่าไอ้กวงมันจะเล่นอะไรไม่ดีดูจากสายตาที่แม่งดูอย่างไงก็จงใจมองมาทางผม


   “ นั่นก็คือนโยบายเกี่ยวกับการศึกษานั่นเองครับ ผมมีแผ่นพับมาแจกให้กับทุกคนดูคร่าวๆนะครับ” เพื่อนในกลุ่มของไอ้กวงเดินแจกแผ่นพับตามโต๊ะ


   ผมหยิบมาดูทันทีที่พี่ในกลุ่มเดินมาแจกให้ผม และนั่นเองทำให้ผมรู้ว่าลางสังหรณ์แปลกๆของผมคืออะไร....


   “ .......!!!” ผมลุกขึ้นยืนทันทีที่เมื่อเห็นว่ากระดาษที่แจกมันคืองานที่ผมนั่งทำมาตลอดสองสามวัน!!!


   “ ไอ้พี” พี่กรมพยายามจะจับไหล่ของผมให้นั่งลงเหมือนเดิม แต่ในเวลานี้ผมไม่มีสติพอที่จะควบคุมตัวเองได้จริงๆ


   “ มีอะไรสงสัยหรอครับน้องปฐพี ^^” ไอ้กวงมันยิ้มให้ผมเมื่อเห็นว่าผมยืนตัวสั่นด้วยความโกรธ แต่ไม่สามารถออกไปทำอะไรมันได้เพื่อระบายความอึดอัดนี้


   “ พีนั่งลงเถอะ เชื่อพี่” พี่กรมลุกยืนขึ้นเป็นเพื่อนผมก่อนที่พี่มันจะโน้มหน้าลงมากระซิบผมเบาๆให้ผมนั่งลง แต่ผมโกรธ โกรธจนทำอะไรไม่ถูกที่อยู่ๆก็มาถูกขโมยงานขึ้นมาดื้อๆ งานที่ผมตั้งใจทำมาตลอดหลายวัน..


   “ ปฐพีคุณสงสัยอะไรครับ” ท่านอาจารย์ที่ยังเห็นว่าผมยืนตัวสั่นอยู่ถามออกไมค์ ทำให้ผมหันไปมองท่านอาจารย์หลายๆท่านที่มองมาทางผมด้วยความสงสัย


   “ พี” ผมยอมนั่งลงตามแรงที่พี่กรมมันดันตัวให้ผมนั่ง


   “ มันเกิดอะไรขึ้นวะ!” พี่เทพถามออกมาเสียงดังไม่แพ้กัน เพราะพี่เทพคือคนที่พิมพ์งานและตรวจสอบรอบสุดท้ายก่อนที่จะปริ้นออกมา


   “ ใจเย็นมึง” พี่คินและพี่วินเองก็ดึงตัวพี่เทพเอาไว้เหมือนกัน


   ตอนนี้ผมไม่รู้สึกอะไรแล้ว เหมือนว่าทุกอย่างที่ผมตั้งใจ มันพังไปตรงหน้า ช่วงเวลาที่ผมอดหลับอดนอน ช่วงเวลาที่ผมเปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่ๆทั้งๆที่ผมยังไม่ได้เรียน ผมยอมโดนพี่กรมมันด่าและให้กลับไปแก้อีกหลายต่อหลายครั้ง แต่ผมก็ตั้งใจจนงานมันออกมาดีที่สุดเท่าที่เด็กปีหนึ่งอย่างผมจะทำได้ แล้วผลออกมาเป็นอย่างไง เมื่องานที่ผมตั้งใจถูกไอ้แมวขโมยอย่างไอ้กวงขโมยไปหน้าตาเฉย ผม.....ผมเสียใจ เสียใจที่ทำอะไรไม่ได้...


หมับ


   “ พี มองหน้าพี่” พี่กรมมันจับหน้าของผมให้หันไปมองหน้าพี่มัน “ มันมีทางออกเสมอ”


   “ แต่...งานผม....ผมตั้งใจ...ทำออกมาให้ดีที่สุด พี่.......” ผมไม่รู้ว่าทำไมอยู่ๆน้ำตาของผมมันไหลออกมาอย่างนั้น ด้วยความเสียใจ ความโกรธ และความกดดัน ผมไม่สามารถทำอะไรได้ แม้อยากจะลุกไปต่อยหน้ามันแรงๆสักทีผมก็ทำไม่ได้ สิ่งที่ผมได้ในตอนนี้คือปล่อยให้ความอ่อนแอที่ผมพยายามจะเก็บมันเอาไว้ออกมาผ่านน้ำตา


   “ ไอ้พี” มือของพี่เทพเอื้อมมาจับที่บ่าของผมที่สั่นไหวอยู่อย่างนั้น ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีกทุกคนปล่อยให้ผมอยู่กับตัวเอง


   ผมรู้ว่าถ้าพวกพี่มันปลอบผมมากเท่าไหร่ ผมก็จะยิ่งร้องไห้ออกมามากเท่านั้น อีกอย่างผมก็ไม่อยากให้ใครในห้องมาสนใจว่าผมกำลังเป็นอะไร


   “ ขอบคุณครับ” เสียงของไอ้กวงกล่าวขอบคุณทันทีที่มันพูดนโยบายเสร็จ ผมไม่ได้มีกระจิตกระใจฟังอะไรในสิ่งที่มันพูด เพราะในสมองผมตอนนี้มันคิดว่าจะทำอย่างไรกับคนเหี้ยๆอย่างไอ้กวง


   “ นโยบายคุณน่าสนใจมากครับ” ท่านอาจารย์กล่าวชมออกมา และนั่นมันเหมือนเป็นตัวกระตุ้นให้ผมโกรธขึ้นมาอีกครั้ง ผมเป็นคนทำแต่คนที่ได้รับคำชมคือมัน ยังไม่ทันที่ผมจะลุกขึ้นไปต่อยหน้ามันหน้าห้อง พี่กรมก็จับมือผมเอาไว้ไม่ให้ผมลุกไปตามที่ใจผมหวัง


   “ กลุ่มสุดท้ายครับ กรมรินทร์”


แปะๆ


   “ ไอ้เทพไอ้คินไอ้วินพวกมึงอยู่กับไอ้พีไป เดี๋ยวกูไปเอง”


   “ แล้วมึงมีนโยบายมารึไง อันอื่นที่คิดก็ไปซ้ำกับกลุ่มอื่น” พี่วินถามด้วยความเป็นห่วง ไม่ใช่ว่าพวกผมไม่คิดนโยบายสำรองเอาไว้ แต่นโยบายที่คิดก็ไม่ต่างจากกลุ่มอื่นๆ และอีกอย่างมันก็ไม่น่าสนใจถ้าไปเทียบกับกลุ่มอื่นๆที่นำเสนอไปก่อนหน้านี้


   พี่กรมไม่ได้ตอบอะไรออกมา ก่อนจะเดินขึ้นไปบนเวทีท่ามกลางความสนใจของทุกคน รวมทั้งพวกผมที่นั่งอยู่ด้านล่าง


   “ สวัสดีครับ^^” พี่กรมกล่าวทักทายทุกคนภายในห้องด้วยรอยยิ้ม “ กลุ่มสุดท้ายแล้วอย่าพึ่งเบื่อกันนะครับ”


   “ นโยบายอะไรน้า” ผมได้ยินเสียงไอ้กวงที่พูดแทรกขึ้นมา ทำให้ผมหันไปมองมันอย่างเอาเรื่องแต่พี่เทพกับพี่คินดันหัวของผมให้กลับไปมองที่พี่กรมไม่ให้หันไปมองไอ้กวง


   “ ก่อนที่ผมจะพูดถึงตัวนโยบายนะครับ ผมอยากให้ทุกคนได้รู้ที่มาของนโยบายของผมก่อน เป็นที่ทราบดีว่านโยบายสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายๆปัจจัย ดังนั้นผมจะนำเสนอในรูปแบบของปัญหา หรือที่ทุกคนเรียกกันว่า ตัวปัญหา นะครับ” ทำไมผมรู้สึกว่าตัวปัญหาที่พี่กรมพูดมันดูเน้นเสียงและสายตามองไปทางด้านหลัง


   “ ผมจะนำเสนอในรูปของตัวแบบกระแส หน้าต่างนโยบายหรือที่เรียกว่า Streams and window คือนำสามกระแสมุ่งสู่หน้าต่างนโยบาย คือ กระแสปัญหา กระแสนโยบาย และกระแสการเมือง เป็นที่ราบดีว่าในปี 2564 ประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุคิดเป็น 20% ของประชากรทั้งหมด ผมมองว่าปัญหาและกระแสที่ต้องเจอในอนาคตคือการรับมือกับสังคมผู้สูงอายุ และนั่นคือกระแสปัญหาที่เกิดขึ้น ต่อมาผมมองว่านโยบายอะไรที่ตอบสนองต่อความต้องการของผู้สูงอายุจริงๆนั่นแทบจะไม่มีเลยก็ว่าได้นอกจากเบี้ย 600 บาทต่อเดือนมันพอไหมครับ? แล้วเงินเพียงแค่หกร้อยมันไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีเลย” ผมมองไปที่พี่กรมเพราะอยู่ๆพี่กรมดันพูดเรื่องผู้สูงอายุและตัวแบบกระแสออกมา ทั้งๆที่เราไม่เคยคิดถึงประเด็นนี้ และพี่กรมก็ไม่เคยพูดเรื่องนี้ออกมา อาจจะพูดเพียงแค่หลักการของ Streams and window เท่านั้น แต่ผมดันเบรคพี่มันเอาไว้ก่อน


   “ พี่เทพ...” ผมหันไปถามพี่เทพ แต่พี่มันก็ยักไหล่ขึ้นทำหน้าว่าพี่มันเองก็ไม่รู้เหมือนกันจนกระทั่งพี่คินเป็นคนเฉลย


   “ ไอ้กรมมันคิดเอาไว้แต่ไม่ได้บอก เพราะมันอยากให้มึงโชว์ฝีมือ อีกอย่างสิ่งที่มึงเสนอมันก็ดันไปถูกใจไอ้กรมเข้า” อย่าบอกนะว่าตลอดเวลาที่ผมเห็นพี่มันหาข้อมูลจากหนังสือหรือจากข่าวอะไรก็ตามนั่น คือพี่มันคิดเผื่อเอาไว้อย่างนั้นหรอกหรอ ทำไมผมรู้สึกว่านโยบายที่ผมคิดมันอ่อนและง่อยกว่าสิ่งที่พี่กรมกำลังอธิบาย ตอนนี้ในหัวของผมมีคำถามมากมายเต็มไปหมด


   “ สิ่งที่ผมจะผลักดันไปเป็นนโยบายคือการสร้าง Day care ในแต่ละหมู่บ้าน สิ่งนี้ผมร่วมมือกับองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นในทุกๆพื้นที่ และ รพสต.ร่วมถึงเครือข่ายอสม.และอาสาสมัครต่างๆ เป็นการร่วมมือและบูรณาการจากหลายๆฝ่ายครับ นอกจากการจัดทำ Day care แล้วนั้น ผมมองว่าการดูแลผู้สูงอายุในระยะติดเตียงและติดบ้านก็เป็นสิ่งที่สำคัญ ดังนั้นผมจะสร้างเครือข่ายขึ้นมากับกระทรวงพัฒนาสังคมฯให้มีการจัดอบรมบุคคลผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้เพื่อเดินไปตามบ้านของผู้สูงอายุทุกหลังเพื่อให้บริการเป็นรายกรณีไปครับ รวมถึงการดูแลในระยะยาว นอกจากเราจะดูแลผู้สูงอายุแล้ว คนที่ดูแลผู้สูงอายุก็สำคัญดังนั้นผมจะซัพพอร์ททุกฝ่ายไม่ทอดทิ้งฝ่ายไหนแน่นอนครับ นี่เป็นสิ่งคร่าวๆที่ผมอยากนำเสนอในวันนี้ครับ ที่เหลือรอไว้ฟังวันจริงเลยนะครับ” พี่กรมโค้งให้กับทุกคนพร้อมกับรอยยิ้มก่อนที่พี่มันจะมองทางผมพร้อมกับรอยยิ้มที่ผมมั่นใจว่าพี่มันยิ้มให้ผมคนเดียว...


   “ นโยบายคุณสุดยอดมากครับ ผมอยากจะฟังต่อเลย” ท่านอาจารย์เองก็ออกปากชมพี่กรมออกมาเหมือนกัน แต่มันติดอยู่อย่างเดียวก็คือเหมือนว่าจะมีใครบางคนที่ไม่พอใจสถานการณ์ที่พี่กรมมันแก้เอาไว้ได้ ก็คือตัวการอย่างไอ้เหี้ย กวง


   “ ผมขอถามครับ” และแล้วเสียงของมารพจญอย่างไอ้กวงก็ยกมือขึ้น


   “ เชิญครับ” อาจารย์ผายมือเป็นเชิงอนุญาตให้มันได้ถามออกมา


   “ ผมอยากรู้ว่าสิ่งที่คุณพูดคุณคิดเองหรือให้คนในพรรคพ่อคุณช่วยครับ ถ้าอย่างนั้นผมว่าไม่ยุติธรรมสำหรับกลุ่มอื่นๆนะครับที่คิดกันเองทั้งนั้น” ผมหันไปมองหน้ามันทันทีที่มันพูด อย่าทำตัวเหมือนว่าเรียกร้องสิทธิ์ต่างๆทั้งที่ตัวเองก็ก็อปเอาผลงานของคนอื่นมา มึงไม่มีสิทธิ์พูดออกมาตั้งแต่แรก!


   “ สบายใจได้เลยครับว่าทุกอย่างที่ผมพูดมันผ่านการกลั่นกรองจากสมองของผมและคนในกลุ่ม ไม่มีใครอยากจะเอาตัวเองไปเสี่ยงหรอกครับ การให้คนอื่นทำให้มันก็ไม่ต่างจากการก็อปความคิด ผมว่ามันทุเรศเกินไป อีกอย่างนะครับถึงพ่อผมจะเป็นนักการเมือง แต่ก็ไม่เห็นว่าพ่อผมจะไปหนักหัว เอ้ย! ขอโทษครับ เดือนร้อนใครตรงไหน ผมพูดถูกไหมครับกษิดิช?”


   “ ......”


   “ และผมเองก็เก่งในระดับที่คิดเองโดยที่ไม่ได้เอาพ่อหรือคนในพรรคของพ่อมาเกี่ยว ถ้าไม่มั่นใจตรวจสอบได้นะครับ ผมโอเพ่นอยู่แล้ว” พี่กรมยักไหล่ก่อนจะยิ้มด้วยท่าทางที่เหนือกว่าออกมา


   “ กลุ่มไหนที่อยากจะตรวจสอบก็มาที่บ้านผมได้ครับ^^” ทำไมประโยคหลังของไอ้พี่กรมมันฟังดูขี้หลีอย่างนี้วะ สายตาและคำพูดของพี่มันนี่ส่งไปหาสาวๆทั้งนั้น


   “ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวนะครับ อย่าลืมว่าผมโอเพ่นถ้าอยากตรวจสอบผมก็ยินดี” พี่กรมโค้งอีกครั้งก่อนจะเดินลงเวทีมานั่งข้างๆผมเหมือนเดิม ส่วนอาจารย์ท่านก็อธิบายและรายละเอียดต่างๆต่อ พร้อมกับนัดหมายอีกครั้งก่อนวันงานในช่วงเดือนกันยา ทำให้พอจะมีเวลาลงพื้นที่ไปเก็บข้อมูล


   “ ทำไมพี่ไม่บอกว่าพี่คิดนโยบายมา” ผมถามพี่มันออกไปหลังจากที่อาจารย์ปล่อย พี่คินรีบกลับบ้านไปดูน้องอะไรสักอย่าง ส่วนพี่วินรีบไปส่งของให้ลูกค้า พี่เทพก็กลับบ้านไปหาแม่ของเขาอีกตามเคย ทำให้ตอนนี้ผมอยู่กับพี่กรมสองคน


   “ นโยบายมึงก็ดีแล้วไง”


   “ แต่มันโดนขโมย” ยิ่งผมคิด ผมก็ยิ่งแค้น แต่ผมทำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง ยิ่งนึกถึงก็ยิ่งโมโห! ถ้ามันเดินผ่านมาแถวนี้รับรองว่าผมไม่พลาดโอกาสที่จะไม่ต่อยมันแน่ๆ


   “ มึงทำดีที่สุดแล้ว”


   “ แต่ผม..”   


   “ ไม่ต้องห่วง ทุกอย่างปล่อยให้กูจัดการเอง ไม่ต้องคิดอะไรแล้วนะ” พี่มันขยี้ผมของผมอีกครั้ง ผมไม่รู้นะว่าทำไมช่วงนี้พี่มันขยี้ผมแบบนี้อยู่เรื่อย แทนที่ผมจะรำคาญแต่เปล่าครับผมกลับชอบขึ้นมาแปลกๆ “ วันนี้เก่งมากที่รู้จักควบคุมอารมณ์ ไม่ปล่อยให้ความโกรธเข้าครอบงำ พีทำถูกแล้วครับ” อะ...ไอ้เชี่ยเอ้ย!!! น้ำเสียงและท่าทางที่อบอุ่นแบบนี้แม่งทำให้ผมรู้สึกตัวเล็กลงไปเลย ใครว่าพี่กรมอ่อนโยนไม่เป็นผมขอเถียง ไม่ซิ! พี่มันก็อ่อนโยนกับผมมานานแล้วแต่ผมไม่ได้ใส่ใจ แต่ครั้งนี้แม่ง เกินไปจริงๆครับ จากหัวร้อนในตอนแรก ตอนนี้กลายเป็นหัวเย็นประหนึ่งว่าเอาหัวไปจุ่มขั้วโลกเหนือเลยครับ แล้วไอ้หัวใจที่ชุ่มชื่นของผมนี่มันหมายความว่าไงหวะ? แค่คำพูดของพี่มันเองมึงจะชุ่มชื่นและตื่นเต้นไปไหน ไอ้พี! สติค่ะสติ หยุดหน้าร้อนเหมือนว่าเขิน เขาคิดกับมึงแค่น้องชาย อย่าลืมปฐพี!


เพี๊ยะ!!


   ผมตบหน้าตัวเองแรงๆเพื่อเรียกสติก่อนจะหันไปตอบรับในสิ่งที่พี่กรมพูด


   “ ครับพี่” ผมจะพยายามไม่คิดอะไรถ้าผมไม่เห็นหน้ามัน เอาเป็นว่าผมจะปล่อยทุกอย่างให้พี่กรมจัดการ คิดสะว่างานนั้นผมทำทานให้หมาไปก็แล้วกันครับ








Ps. พี่กรมเอาใจไรท์ไปเลย เอาไปเล้ยยยยย ไอ้เจ้าบ้าเอ้ย

 
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 9.1(24/02/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: nikpook ที่ 24-02-2019 22:26:56
ง้อววว :hao7: ทั้งพี่กรมทั้งน้องผีคือน่ารักมาก นโยบายคือดีมาก o13 กวงคือประสาทแดกมาก :m31: กัดไม่ปล่อย ว่าคนอื่นแต่ไม่ดูตัวเองอ่ะก๊อปงานคนอื่นแบบหน้าด้านๆ โกรธมาก :angry2: เหนื่อยกับคนแบบนี้ รอตอนต่อไปนะคะ อยากเห็นตอนเป็นนโยบายแบบจัดเต็ม เป็นกลจให้คุณไก่ทอดน้า :L1: :3123: :pig4:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 9.2(25/02/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: KJH177 ที่ 25-02-2019 19:29:52

ตอนที่ 9.2

นำเสนองานผ่านไหมครับอาจารย์

(จัดการ)


Jaokom’s talk
   ผมเดินมาส่งไอ้พีถึงหอหลังจากที่วันนี้ผ่านเรื่องวุ่นๆมาเยอะ เอาจริงๆนะตอนนั้นผมก็โมโหไม่ต่างจากไอ้พีเลย แต่ถ้าผมร้อนไปอีกคนทุกอย่างพังแน่ ยิ่งต่อหน้าอาจารย์การควบคุมอารมณ์และการมีสติเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ผมเองก็รู้สึกดีที่ไอ้พีรวมถึงเพื่อนคนอื่นๆของผมควบคุมอารมณ์ได้ดีเหมือนกัน แต่หลังจากนี้ผมจะไม่ไว้หน้าใครอีกแล้ว ผมจะพาทุกคนเข้ามาดูโลกอีกโลกหนึ่งของผม


 หลังจากที่ผมเดินมาส่งไอ้พีผมก็มุ่งไปยังสถานที่บางแห่งที่ผมต้องไปจัดการกับคนบางคนที่พูดไม่รู้ฟัง ผมว่าผมเตือนมันแล้วนะแต่มันก็ดันเล่นของมันเอง เมื่อพูดดีๆไม่ได้มันก็ต้องใช้กำลังในการแก้ปัญหา


   ผมเดินเข้ามาที่ร้านสนุ๊กหลังมหาลัยที่ถือว่าเป็นแหล่งรวบรวมอบายมุขเลยก็ว่าได้ ภายใต้ร้านบอร์ดเกมส์ธรรมดาแต่ใครจะรู้ว่าด้านในจะเต็มไปด้วยการพนัน ทุกคนแถวนี้ก็รู้กันหมดแต่ก็นะครับ ไม่เส้นใหญ่พอก็เปิดไม่ได้แน่ๆ ทำให้คนแถวนี้หลับหูหลับตาทำเป็นไม่รู้ เพราะไม่มีใครอยากมีปัญหากับเจ้าของร้าน


   “ ไม่เจอกันนานนะมึง” พี่สิพี่เจ้าของร้านเรียนจบนิติศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยที่ผมเรียนอยู่ แต่ดันบ้าเลือดไม่ทำงานตรงกับสายแต่เลือกที่จะทำงานเส้นทางนี้


   “ ยุ่งๆหวะพี่” ผมขว้างกระเป๋าเป้ลงบนโซฟาก่อนจะเดินไปหยิบเบียร์ขึ้นมาดื่ม ผมดื่มได้ตอนนี้เพราะว่าอยู่ในห้องด้านในที่เป็นห้องส่วนตัวของพี่สิ มันคงจะไม่น่ามีใครเห็น ผมเป็นลูกใครไม่ใช่ประเด็นแต่ประเด็นมันอยู่ที่ตอนนี้ผมสวมชุดนักศึกษาของมหาวิทยาลัยอยู่ ไม่ว่าจะเป็นผมหรือใครแม่งก็น่าเกลียดอะครับ


   “ แล้วที่มานี่คือ?” ไอ้พี่สินั่งเอาขาพาดโต๊ะกระจกด้านหน้าพร้อมกับสูบบุหรี่ไปด้วยเลิกคิ้วถามผมขึ้น


   “ ต่อยคน”


   “ ไอ้กวง?”


   “ ครับ” อีกด้านที่ทุกคนไม่รู้ของผมก็คือด้านที่ผมเป็นผู้ชายปกติทั่วไป มีหัวร้อน มีชกต่อย มีบ้าเลือด แต่นั่นมันก็นานๆครั้งไม่ได้บ่อยเหมือนเมื่อก่อน ยิ่งคนจำผมได้เยอะผมยิ่งต้องระวัง ทำให้ผมเอาด้านนี้หลบไปให้ลึกที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ดันโชคร้ายที่วันนี้ผมต้องเอามันออกมาใช้


   “ ไอ้ลูกนักการเมือง ก็ระวังตัวนะมึง” พี่มันหันไปสนใจงานของมันต่อ ที่ผมต้องทำตอนนี้คือรอเวลาให้ไอ้กวงมันตายใจเล่นเกมของมันไปก่อน แล้วผมค่อยขึ้นไปจัดการมัน รับรองว่าเลือดไม่ไหลมาโดนตีนผม ผมไม่เลิก! สิ่งที่มันทำวันนี้มันเกินไปจริงๆ ผมยอมไม่ได้ ยิ่งเห็นน้ำตาของไอ้พีผมก็ยิ่งรู้สึกว่ามันไม่ควรจะต้องมาเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ ทั้งๆที่มันตั้งใจทำงานและทุ่มเทมากขนาดไหน มันดูถูกความพยายามของไอ้พี แน่นอนว่าผมไม่ยอม การใช้กำลังเป็นเรื่องที่ไม่ดีครับ แต่ถ้ามันที่สุดแล้วมันอาจจะเป็นทางออกที่ดีก็ได้


   “ ไปก่อนนะพี่” ผมลุกขึ้นก่อนจะเดินไปตบไหล่ไอ้พี่สิ เมื่อก้มมองที่นาฬิกาข้อมือของตัวเองว่าถึงเวลาสมควรที่ผมจะต้องขึ้นไปจัดการกับมันแล้ว


   “ เออ อย่าให้เปื้อนร้านกูมากละกัน” พี่มันตอบปัดๆเหมือนไม่ได้สนใจ


   ผมเดินขึ้นมาบนชั้นสองที่เป็นแหล่งรวมอบายมุข เด็กมหาลัยคนไหนที่อยากทำพาร์ทไทม์ได้เงินดีและชอบความตื่นเต้นผมเนะนำที่ร้านไอ้พี่สิเลยครับ รับรองไม่ผิดหวัง แต่อาจจะต้องเปลืองเนื้อเปลืองตัวนิดหน่อยก็เท่านั้นเอง ถ้าไม่ถือ
   “ มึงเมาก็กลับบ้านไปดิวะ” เสียงของใครบางคนเอะอะโวยวายขณะที่ผมกำลังเดินขึ้นบันไดมาที่ชั้นสอง และนั่นทำให้ผมเห็นเป้าหมายที่กำลังเดินโซเซมือถือขวดเหล้าเอาไว้อยู่แต่ปากของมันก็ด่าคนอื่นเขาไปทั่ว ท่าทางแบบนี้ไม่สนุกเลยครับ มันเมา ผมอยากต่อยมันตอนที่มันมีสติมากกว่านี้ แต่เอาเถอะแค่ได้ต่อยมันผมก็โอเคแล้ว


   “ เสือก!!” ปากไอ้กวงด่ากราดคนอื่นเขาไปทั่วอย่างไม่เจียมกะลาหัวว่าตัวมันเมาอยู่


ผมตรงไปที่ไอ้กวงก่อนจะยืนขวางทางมันเอาไว้ ทำให้มันเดินเข้ามาชนผมตรงๆ


ตุบ!


   “ ขวางทางหาพ่อมึงหรอ?!!” ไอ้กวงมันล้มไปทันทีที่ผมขวางทางมันเอาไว้ด้วยตัวของผม เมื่อมันลุกขึ้นยืนผมก็จัดการลากคอเสื้อมันให้ตามผมมาคลานตามแรงลากของผมมา


   “ อย่าหาว่ากูทำร้ายคนเมาเลยนะ แต่มึงทำตัวของมึงเอง” ผมพาไอ้กวงมันเข้ามาในห้องน้ำเมื่อถึงที่หมายผมจัดการผลักมันล้มลงไปที่พื้นห้องน้ำทันที


   “ โอ๊ย! ใครผลักกู!!” ไอ้กวงทำท่าจะลุกขึ้นมาแต่ผมใช้เท้าถีบอกมันเอาไว้ให้นอนลงไปเหมือนเดิม ส่วนผมก้มลงไปเสมอกับมัน


   “ กูเอง” ผมกระซิบเบาๆไปที่หูของไอ้กวง


   “ ใคร? ไอ้เวรกรมหรอวะ?” ผมกระตุกยิ้มทันทีที่มันยังจำผมได้แม้ว่ามันจะเมา ผมว่านะมันต้องฝังใจอะไรบางอย่างกับผมแน่ๆ มันถึงตามจองล้างจองผานผมแบบนี้ไม่ยอมเลิกลา


   “ กูเอง กรม”


   “ ปล่อยกู!” ผมกระชากคอเสื้อมันให้ขึ้นมาเพื่อฟังในสิ่งที่ผมพูดชัดๆ


   “ ฟังกูนะ มึงจะหาว่ากูเป็นหมารอบกัดก็ได้ แต่เป็นเพราะตัวมึงเองที่ทำให้กูเป็นแบบนี้!” สิ้นเสียงผมปล่อยหมัดเข้าหน้าไอ้กวงเต็มๆจนหน้ามันหันไปตามแรงที่ผมปล่อย


ผั๊วะ!


   “ สำหรับวันนั้นที่มึงลวนลามไอ้พี”


ผั๊วะ!!


   “ สำหรับวันนี้ที่มึงขโมยงาน”


ผั๊วะ!!!


   “ สำหรับอนาคตที่มึงจะกำลังทำ!” ผมปล่อยหมัดไปเป็นครั้งสุดท้ายก่อนละลุกออกจากตัวของไอ้กรมที่ตอนนี้หน้ามันเต็มไปด้วยเลือด


   “ เห้ย!” เสียงของใครบางคนดังขึ้นจากหน้าห้องน้ำทำให้ผมหันไปมอง ก่อนจะเห็นว่าไอ้พวกนั้นเป็นเพื่อนของไอ้กวงที่ผมรู้จักเป็นอย่างดี


   “ อะ...ไอ้กรม”


   “ กูเอง ฝากเตือนเพื่อนเหี้ยๆของมึงด้วยว่าอย่ามายุ่งกับพวกกู ไม่ว่าจะใครก็ตาม อันนี้กูแค่เตือน” ผมมองหน้าพวกมันทีละคนก่อนจะก้มลงไปมองไอ้กวงที่นอนไม่รู้เรื่อง น่าสมเพชสัดๆ


   “ ส่วนมึงถ้ายังไม่หยุด กูเอามึงมากกว่านี้แน่ จะไปฟ้องพ่อมึงก็เชิญว่ากู กรมรินทร์เป็นคนทำ”


   ผมก้าวเดินออกมาจากตรงนั้นแต่ยังไม่ทันที่จะได้ก้าวออกไปจากห้องน้ำ มือของไอ้กวงจับขาของผมเอาไว้ก่อนนั่นทำให้ผมหยุดเดินทันทีแล้วหันไปมองมันอีกครั้ง


ผลัก!


   “ อย่ามาจับกู!” ผมสะบัดเท้าออกจากการเกาะกุมของมัน “ ค่ารักษาเพื่อนมึง” ผมควักเงินออกมาจำนวนหนึ่งยื่นให้เพื่อนของไอ้กวงที่ยืนหัวหดอยู่หน้าห้องน้ำโดยที่ไม่มีใครสักคนเดินเข้ามาห้ามหรือกระทืบผมกลับเลยสักคน


   “ โชคดี” ผมหันไปมองมันครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินหล่อๆออกมาจากห้องน้ำ ผมทำแล้วผมรับผิดชอบครับ เงินที่ผมจ่ายไปก็น่าจะพาไอ้กวงไปหาหมอได้ ถ้ามันจะแจ้งความผมก็ยินดี แค่ 500 แลกกับความสะใจ มันโคตรจะคุ้ม แต่ผมว่าไอ้กวงมันไม่น่าจะโง่พอที่จะไปแจ้ง เพราะนั่นมันก็ไม่ต่างจากการทำร้ายตัวมันเองทางอ้อมเหมือนกัน



   “ ลงมาหากูหน่อยได้ไหม?” หลังจากที่ผมจัดการไอ้กวงเสร็จผมก็ตรงไปที่หอของไอ้พีอีกครั้ง และตอนนี้ผมอยู่ที่หอมันแล้ว


   ( พี่ยังไม่กลับบ้านหรอ) น้ำเสียงกวนๆของมันถามออกมาด้วยท่าทางโง่ๆเหมือนที่มันชอบทำ แต่ก็แปลกดีครับที่ผมดันชอบน้ำเสียงแบบนั้นของมัน


   “ เออ”


   ( รอก่อนนะ เดี๋ยวน้องลงไป) ไอ้พีกดวางสายทันที ส่วนผมก็เล่นโทรศัพท์ไปเรื่อยจนกระทั่งไอ้พีวิ่งหน้าตาตื่นลงมาด้วยกางเกงบ็อกเซอร์ลายสก็อตขาสั้นรองเท้าหูหนีบช้างดาวเสื้อกล้ามเก่าๆสีขาว ส่วนในมือมีขนมปังที่มันน่าจะกินคาเอาไว้อยู่ เมื่อมันเห็นว่าผมนั่งรออยู่ด้านหน้าของหอ ไอ้พีก็ยิ้มให้ผมและรีบวิ่งมาจนมันไม่ทันได้ระวัง และแน่นอนครับจบที่มัน...


ตุบ!


   “ ไอ้ฉิบหาย ล้มจนได้” มันสะดุดขาตัวเองล้มลงตรงเท้าผมพอดี “ พี่” ไอ้พีมันยังคงกองอยู่ที่พื้นเหมือนเดิมก่อนที่มันจะเงยหน้ามามองผม ผมเลยเลิกคิ้วถามมันว่าเรียกผมทำไม


   “ .....?”


   “ คือแบบ ยื่นมือมาให้ผมจับก็ได้ปะหวะ”


   “ แล้วใครจะไปรู้ ล้มเองก็ต้องลุกเองไอ้พี” ผมไม่ได้ยื่นมือขึ้นให้มันจับ ไอ้พีชักสีหน้าทันทีก่อนที่จะค่อยๆยันตัวลุกขึ้นมายืนอยู่ตรงหน้าผม


   “ แค่ให้ช่วย จำเป็นต้องคมไหมอะพี่”


   “ ไปกินข้าวเป็นเพื่อนหน่อย”


   “ ผมกินไปแล้วนะ”


   “ ไม่ได้หรอหวะ?” ผมมองหน้าไอ้พีด้วยสายตาที่ขอร้องและอ้อนวอน ถ้าผมมองไม่ผิดแววตาของไอ้พีดูชะงักไปนิดนึง


   “ เออๆ ละ..เลี้ยงผมด้วย” ก็พึ่งรู้นะครับว่าเวลามันเขินมันจะติดอ่าง ก็น่ารักดี..หึ


   ผมยื่นมือไปตรงหน้ามัน


   “ อะไรอะ” ไอ้พีถามเสียงซื่อ ส่วนผมไม่ได้ตอบแต่กลับเปลี่ยนทิศทางของมือผมที่ยื่นออกไปตรงหน้าไปจับมือของไอ้พีก่อนที่จะยืนขึ้น


   “ ก็แค่ให้ช่วยดึงไง นั่งนานลุกไม่ไหว” ผมยิ้มให้ไอ้เด็กพีที่ยังคงยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นจนผมต้องออกแรงลากมันให้เดินตามมา


   “ เดินไปได้ไหม” ผมถามไอ้พี เพราะตอนนี้ถ้าจะออกไปกินข้าวข้างนอกมหาลัยก็ต้องใช้ระยะเวลานาน อีกอย่างตอนนี้ก็เริ่มมืดแล้วไม่ค่อยจะมีรถสักเท่าไหร่


   “ ได้ดิ ปกติผมก็เดินตลอด”


   “ เรียนขับรถดีไหม?” ผมหยุดเดินทำให้ไอ้คนข้างๆหยุดเดินไปด้วย มันเงยหน้าขึ้นมามองผมเหมือนว่ามันกำลังสงสัยและอยากจะถามอะไรบางอย่าง


   “ ทำไมอะพี่”


   “ เวลาไปกินข้าวมึงจะได้ไม่ต้องเดินไง” ผมจ้องไปที่ไอ้พีเพื่อดูว่ามันมีปฏิกิริยาอย่างไร เป็นอย่างที่ผมคิดเอาไว้ครับไอ้เด็กเกรียนอย่างไอ้พีมันหลบตาผมก่อนจะหันหน้าหนีอย่างชัดเจน ฮ่าๆ ตลกดีครับยิ่งเห็นมันเป็นแบบนี้ผมก็ยิ่งอยากแกล้ง นานๆทีคนอย่างไอ้พีจะเสียศูนย์


   ยิ่งมันหลบตาผมก็ยิ่งแกล้งโดยใช้มือของผมช้อนหน้ามันก่อนจะบังคับให้มันหันกลับมามองหน้าผมตรงๆ


   “ หลบตาทำไม? เขิน?”


   “ พี่! เขินไรวะ! มีไรต้องเขิน!! ผะ..โว้ย ลิ้นเป็นเหี้ยไรเนี่ยพูดไม่รู้เรื่องแล้ว!!” ไอ้พีมันกลบเกลื่อนด้วยการจับมือของผมให้ออกจากหน้ามัน แล้วไอ้การที่พูดเสียงดังๆอย่างนี้โคตรตลกเลย


   “ หิว”


   “ เออ พี่หิวก็เดินดิมัวแต่แกล้งผมอยู่นั้น”


   “ กูพูดจริงนะพี กูไปเรียนขับรถดีไหม?” ผมเดินตามมันจนกระทั่งเดินมาตีเสมอมันได้ และถามมันด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง เรื่องนี้ผมจริงจังนะ


   “ พี่ ฟังนะ ถ้าพี่ทำเพื่อแค่เพราะผมอย่าทำเลย เป็นแบบนี้ของพี่แหละดีแล้ว แต่ถ้าพี่ทำเพื่อตัวเองพี่อยากขับไปไหนมาไหนก็ได้ผมว่ามันสะดวกดี มารับผมไปกินข้าวก็อาจจะเป็นปัจจัยรองแบบนี้ผมโอเค ถ้าอะไรมันฝืนมันจะไม่มีความสุข ถ้าพี่อยากเรียนขับพี่ก็ต้องเรียนนานแล้ว ผมพูดถูกไหม?” ผมยิ้มให้กับท่าทีที่จริงจังของไอ้พี แต่ก็อดขำไม่ได้น้ำเสียงสีหน้าที่จริงจัง แต่พอตัดมามองที่การแต่งตัวของมัน หมดความน่าเชื่อถือเลยครับ


   “ แล้วมึงไม่คิดว่ามึงอาจเป็นปัจจัยหลักที่กูอยากทำบ้างหรอหวะ ไม่ได้ฝืน แค่พอใจอยากจะทำ”


   “ พี่ ผม...ว่านะตอนนี้ผมเริ่มที่จะกลับมากินก๋วยเตี๋ยวไก่ได้อีกครั้งละพี่ เมื่อวันก่อนผมอะลองผ่านหน้าร้านที่โรงอาหารแล้วกลิ่นมันยั่วผมสุดๆไปเลย เดี๋ยวผมเลี้ยงพี่เองวันนี้ผม...ผม ผมเลี้ยงล่วงหน้าเนื่องในโอกาสวันงดสูบบุหรี่โลกก็แล้วกัน” ไอ้พีมันไม่ได้ตอบอะไรผมต่อ แต่มันกลับเปลี่ยนเรื่องได้หน้าตาเฉยและเดินนำผมไป


   “ อย่าไปเป็นแบบนี้กับใครเลยมึงเป็นกับกูแค่คนเดียวพอ...กูสงสารเขา” ผมไม่ได้พูดออกมาให้ไอ้พีมันได้ยินหรอกนะ เดี๋ยวแม่งจะเป็นบ้าไปมากกว่านี้


หมับ


   “ พี่จับมือผมทำไมว่ะ?” ไอ้พียกมือของตัวเองที่ถูกผมจับขึ้นมาด้วยสีหน้าที่เริ่มเปลี่ยนสี ขนาดว่าตอนนี้เริ่มมืดแต่สีหน้าของมันก็ยังคงเด่นชัดในสายตาผม


   “ กูสายตาไม่ค่อยดี มันมืดแล้วเดี๋ยวสะดุดล้ม”


   “ ข้ออ้างฉิบหาย แต่จะทำเป็นไม่รู้ก็แล้วกันนะพี่”


   และผมกับมันก็ออกมาหาอะไรกิน ถึงปากจะบอกว่ากินแล้วแต่มันก็ยังคงกินเยอะเหมือนเดิม...สังเกตจากแก้มของมันที่มีเพิ่มมากขึ้นทุกที อย่างนี้ใครมันจะไปทนไหวหละครับ หึ

















PS. อิพี่ใจน้องบ่ดีเลย เกินไป ครั้งนี้พี่กรมแม่งเกินไปจริงๆ     

PS. ช่วงนี้จะไม่ค่อยได้มาอัพทุกวันละนะ ไรท์มรสอบมิดเทอมงับบบบ แงงงงงง ยากมาก
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 9.2(25/02/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: nikpook ที่ 25-02-2019 22:02:57
จับมงจับมือ :-[ รู้สึกถึงความพัฒนา :hao7: พี่ชายกับน้องชายเขาดูแลกันถึงขนาดนี้เลยหรอ :hao3: ชอบตอนที่แทนตัวว่าพี่กับน้องมากเลยน่ารัก :man1: พี่กรมตอนหัวร้อนคือใจไม่ดีเลยพี่กรมเท่มากแบดมาดตอนอัดกวง อยากให้จักหนักกับกวงกว่านี้ จะรอนะคะ ขอให้การสอบผ่านไปด้วยดี สู้ๆนะคะ :กอด1: :L1:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 9.2(25/02/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 26-02-2019 07:48:04
พี่เล่นทำท่ากรุ้มกริ่ม เอาซะอิน้องเกรียนไม่ออกเลย   :laugh:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 9.2(25/02/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 26-02-2019 09:12:55
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 9.2(25/02/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 26-02-2019 20:31:41
อ่านแล้วทั้งฮา  :laugh: ทั้งได้ความรู้ ไรท์ สุดยอด   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
เรื่องการศึกษานี่จริงอย่างที่ไรท์ว่าจริงๆ
ครูอยากก้าวหน้าต้องทำผลงาน กลายเป็นครูก้าวหน้าแต่เด็กมีผลการเรียนย่ำแย่

พี ทำพี่ๆขี้แตก อาหารเป็นพิษซะ.....ทั้งแย่งห้องน้ำ แล้วต้องไปนอนที่รพ.เลย
พี เกรียนมากๆ ฉากที่ทาครีมทาเท้า แต่ไปทาที่หน้านี่ ฮามาก
แถมไปเช็ดหน้าที่ผ้าเช็ดตัวพี่กรม ผ้าหลุดเลยเช็ดที่........ซะเลย  :m20: :laugh: :pigha2:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
ขอแก้ที่ผิดนะ
นั่งขุกอยู่กับพี่กรม  ------  ขลุก
นั่งสัพงก ------ สัปหงก
งั้นล่างมาให้ดูก่อนนะ  ----- ร่าง
เอาแต่คลุกอยู่กับงานมาทั้งวัน -------  ขลุก
มันไมได้หน้ามอง  ------  น่า
ผมขอยืมแค่เสื้อคุมเท่ๆตัวนี้ ------- คลุม
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 9.2(25/02/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 26-02-2019 20:43:04
น้องพีตัวแสบ แต่ก็มีความน่ารักจนพี่กรมอดใจไม่ไหว
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 9.2(25/02/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: thyme812 ที่ 26-02-2019 23:34:25
 :impress2:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 9.2(25/02/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: nikpook ที่ 27-02-2019 20:00:15
คิดถึงน้องผี คุณไก่ทอดสู้ๆนะคะ :3123:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 10.1(1/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: KJH177 ที่ 01-03-2019 20:31:22

บทที่ 10.1

สิงห์สัมพันธ์


        สวัสดีครับ! นี่ก็ผ่านมาได้เกือบๆสองเดือนมาแล้วที่ผมเข้ามาเรียนที่คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยชื่อดังแถวๆ...ขออนุญาตสงวนชื่อเอาไว้ดีกว่าครับ ผมรู้สึกดีอย่างหนึ่งที่ว่าผมตัดสินใจถูกที่มาเรียนในคณะและมหาวิทยาลัยแห่งนี้ มันทำให้ผมได้รู้จักสังคมที่โตขึ้น และการเอาชีวิตรอดด้วยตัวเองที่ไม่มีพ่อกับแม่มาคอยกำกับทางเดินให้เหมือนเมื่อก่อน ส่วนเรื่องราวที่ผ่านมามันก็คือประสบการณ์ที่ทำให้ผมโตขึ้นมากกว่าเดิม ถึงแม้ว่าผมจะเจ็บตัวไปมากก็ตาม


   “ พีเพื่อนรักครับ” ผมเข้ามาในห้องเรียนยามเช้าหวังว่าจะมาที่ห้องคนแรกเพื่ออัดสตอรี่ถ่ายโชว์เพื่อนๆ แต่สุดท้ายผมก็มาสายอยู่ดีเมื่อผมเห็นว่าไอ้บิวนั่งเสนอหน้าอยู่ในห้องก่อนผม


   “ เรียกทำไม! ไม่อยากคุยกับมึงเลย”


   “ โถ่เพื่อนแค่กูมาคนแรกเองนะเว้ย” บิวรีบเข้ามาโอ๋เพื่อนของตนอย่างพีที่แกล้งทำหน้างอเพื่อเรียกร้องความสนใจ
   “ เลี้ยงข้าวกูดิ เดี๋ยวหายงอนเลย”


   “ กินส้นตีนกูแทนข้าวหนิ” ไอ้บิวมันผลักหัวผมแรงๆ “ คือกูจะถามว่ามึงจะไปสิงห์สัมพันธ์ไหม คล้ายๆค่ายรับน้องไรพวกนี้” ผมก็พอจะได้ยินการ PR ค่ายรับน้องที่คณะมาบ้าง แต่ผมก็ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะไปไหม


   “ ไอ้เจ๋งไปปะ แล้วมึงไปไหม”


   “ กูอยากไปไอ้เจ๋งก็อยากไปเหมือนกัน”


   “ เดี๋ยวกูถามพี่กรมก่อน”


   “ มึงจะไปถามพี่เขาทำไม ? เขาเป็นพ่อมึงหรอวะ” นั่นดิพี่กรมมันเป็นพ่อผมหรอ ทำไมผมต้องถามพี่มันตลอดด้วย ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นกดส่งข้อความไปทางไลน์หาพี่มันทันที


น้องพีสุดหล่อจนพ่อต้องตะลึง! : พี่กรมผมไปสิงห์สัมพันธ์ดีไหมครับ?


   ยังไม่ทันที่ผมจะกดออกจากแชท ก็ขึ้นว่าพี่กรมกดเข้ามาอ่านแล้ว


Jaokom : ถามกูเพื่อ?

น้องพีสุดหล่อจนพ่อต้องตะลึง! : ก็คิดว่าจะสนิทกันแล้ว ก็เลยถามแต่ไม่เป็นไรครับพี่ ผมตัดสินใจเอง

Jaokom : มึงจะดึงดราม่าทำไม

Jaokom : อยากไปก็ไป เอาที่มึงตัดสินใจ

น้องพีสุดหล่อจนพ่อต้องตะลึง! : แล้วพี่ไปไหม

Jaokom : กูไม่ได้เป็นกนศร.(คณะกรรมการนักศึกษาคณะรัฐศาสตร์) แต่ไอ้เทพเป็น ไม่รู้มันจะดึงไปรึเปล่า

น้องพีสุดหล่อจนพ่อต้องตะลึง! : ผมก็คงไป ไปกับไอ้เจ๋งไอ้บิว

Jaokom : เออ เอาที่มึงอยากไปจริงๆ


   เอาจริงผมก็ไม่ได้ดึงดราม่าหรอกแค่แกล้งพี่มันเล่น ผมรู้ครับว่าพี่มันเป็นคนขี้สงสาร เออ ผมลืมเล่าเรื่องไอ้กวงเลย ตั้งแต่วันนั้นผมก็ไม่เห็นมายุ่งกับผมอีกเห็นแค่ผ่านๆแต่ไม่ได้เข้ามาหาเรื่องเหมือนครั้งก่อน มีข่าวลือที่ว่ามันโดนกระทืบ ก็สมควรครับปากหมาขนาดนั้น แต่นี่ถือเป็นข่าวลือแรกเลยก็ว่าได้ที่คนอย่างผมไม่สนใจและตามสืบ เพราะผมเกลียดมัน เกลียดเข้ากระดูกดำเลยครับ เอ๋ว่าแต่ว่า ปกติกระดูกคนเราสีอะไรอะครับ??


   “ ถ้าพวกมึงไป กูก็ไป” ผมตอบไอ้บิวหลังจากที่ปรึกษากับพี่กรมเป็นที่เรียบร้อย


   “ ไอ้พีถามจริงนะ มึงกับพี่กรมนี่เป็นอะไรกันวะ??” ไอ้ฉิบหายยิงคำถามอะไรมาไม่ปรึกษากูสักคำ


   “ คิดไงถามว้า” ผมพยายามไม่ส่อพิรุธให้ดูลอกแล่กจนเกินไป แต่สายตาของผมนี่คือกลิ้งจนจะออกมานอกเบ้าอยู่แล้ว


   “ ก็กูเห็นมึงสนิทกับพี่เขา อีกอย่างข่าวลือบอกว่าที่ไอ้พี่กวงโดนกระทืบก็เป็นฝีมือพี่กรม” แล้วมันเกี่ยวกับผมอย่างไงวะ อันนี้ยังหาความเชื่อมโยงไม่ได้จริงๆ


   “ มันเกี่ยวกับกูตรงไหนวะ”


   “ สมองหมาจริงๆเพื่อนกู กูรู้มึงรู้อย่ามาแอ๊บใส เดี๋ยวตบคว่ำ” โอ๊ะ! คำด่าแอบรุนแรงแต่ไม่เป็นไรครับ ผมชิน จะว่าไปถ้าเป็นฝีมือพี่กรมจริงๆทำไมไอ้กวงมันยังอยู่เฉยหรือว่าที่อยู่เฉยอาจจะมีอะไรบางอย่างที่ผมไม่รู้ เอาไว้ผมเจอพี่กรมมันก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวผมจะไปถามพี่มันอีกที อยากรู้ต้องได้รู้เพราะไอ้บิวมันปูทางให้ผมมาขนาดนี้



   แต่ไอ้เรื่องความรู้สึกผมก็ยังเหมือนเดิมนะครับ พี่กรมเป็นพี่ชายที่แสนดีสำหรับผมเสมอ ผมไม่อยากคิดอะไรไปไกลกว่านั้นเพราะพี่มันก็เป็นผู้ชายเหมือนผมแม้ว่าเดี๋ยวนี้เปิดกว้างเรื่องเพศแล้วก็ตาม ผมไม่อยากรีบตัดสินหรือค้นความรู้สึกตัวเองตอนนี้ เพราะแบบนี้มันก็ดีอยู่แล้ว แต่ผมมีเรื่องสงสัยอยู่ว่าในเมื่อผมคิดกับพี่มันแค่พี่ชาย ทำไมผมต้องรู้สึกแปลกๆเวลาที่พี่มันถูกเนื้อต้องตัวผม หรือเวลาที่พี่มันพูดอะไรแปลกๆออกมาในทำนองที่หยอดผมก็จะรู้สึกเสียอาการทั้งๆที่ผมไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน


   พี่ชาย....ผมรู้สึกกับพี่มันแค่พี่ชายจริงๆหรอว่ะ??



   หลังเลิกเรียนวันนี้พวกผมมาเตะบอลอย่าเรียกว่าเตะบอลเลยครับให้เรียกว่าเก็บบอลดีกว่า หลังจากที่ห่างหายไปนานวันนี้ผมก็ได้ฤกษ์มาสนามสักที ไอ้บิวกับไอ้เจ๋งตอนนี้พวกมันวิ่งวอร์มร่างกายอยู่ส่วนผมก็นั่งชิวข้างสนาม เด็กเก็บบอลไม่ต้องอุ่นเครื่องหรอกมั้งครับ


   “ โทษนะคะตรงนี้มีใครนั่งไหม” ถ้าเป็นผู้ชายผมจะตอบออกไปว่า มีตามึงก็แหกดูซิครับ แต่พอดีว่าเธอเป็นผู้หญิงแล้วบังเอิญว่าสวยซะด้วย ทำให้ผมพูดว่า.......


   “ ไม่มีครับ ถ้าอยากนั่งสบายๆก็มานั่งในใจผมนะ” พร้อมกับวิ้งค์คึให้เธอไปหนึ่งที


   “ เราว่าเราไปนั่งตรงนั้นดีกว่าค่ะ...แฮะ” อยู่ๆเธอก็เดินเลี่ยงไปอีกทางเลยครับ อยากเอาลูกฟุตบอลทุ่มใส่ฉิบหายผู้หญิงอะไรเล่นตัวโคตรๆ คนหล่ออย่างผมพูดด้วยก็ถือว่าเป็นบุญแล้วนะเอาจริง! แล้วผมมาเกรี้ยวกราดหาอะไรวะแค่ผู้หญิงไม่เล่นด้วย


หมับ!


   อยู่ๆก็มีมือหนามาจับที่บ่าของผมเอาทำให้ผมเงยหน้าไปมองก่อนจะเห็นว่าเป็นพี่กรมที่สวมชุดบอลเต็มชุด พร้อมกับวางกระเป๋ากีฬาไว้ข้างๆ


   “ ไงพี่” ผมพยายามแสแสร้งแกล้งยิ้มให้ดูน่ารักที่สุดเมื่อเห็นว่าพี่กรมเดินลงมานั่งข้างๆผม


   “ ไงส้นตีนไรมึง” เหมือนว่าผมจะเล่นผิดอารมณ์ “ ยังเก็บบอลอยู่?” หลังจากที่ด่าผมเสร็จพี่มันก็หยิบครีมบางอย่างขึ้นมาทาตามแขนและขา


   “ พี่เห็นว่าเก็บมะม่วงหรอครับ”


   “ ไอ้น้องผี” พี่กรมเปรยสายตาดุๆมองมาที่ผมทันที


   “ อ่า ซอรี่ครับพี่ครับ” ผมยกมือขึ้นไหว้พี่มันทันทีหลังจากที่เห็นว่าพี่มันง้างมือขึ้นเตรียมจะฟาดใส่ผม แต่เปล่าครับมือของพี่กรมกลับทิ้งลงมาบนหัวของผมเบาๆ


   “ ทำไมเดี๋ยวนี้ทำตัวน่าเอ็นดูวะ” อีกแล้ว คำนี้อีกแล้ว ไอ้เอ็นดูมาอีกแล้วครับท่านผู้ชม!


   “ อันนี้ชมหรือด่า?” ไอ้ผมก็ชักไม่แน่ใจ พี่กรมมันทำตัวกับผมแปลกมากกว่าเดิมไปทุกที วันนั้นก็เนียนมาจับมือแล้ววันนี้พี่แม่งก็ยังมาบอกว่าผมน่าเอ็นดู WTF อะไรว่ะเนี่ย


   “ เวลาที่มึงชมผู้หญิงว่าเอ็นดูมึงหมายความว่าไงวะ” ผมนั่งคิดตามที่พี่มันพูดก่อนที่จะตอบออกมาเมื่อผมคิดได้


   “ ก็อยากจะชวนไปดูเอ็นที่ห้อง อยากโดน อยากกระทำชำเรา”


   “ กูจะกระทำชำเรามึงตอนนี้นี่แหละครับ”  ยังไม่ทันที่ผมจะได้หนีไปไหนไอ้พี่กรมสุดหล่อก็ฝาดเท้าของพี่มันลงมาที่ผมแรงๆจนผมต้องวิ่งหนีพี่มันอยู่รอบๆสนาม อารมณ์แบบว่ากำลังวิ่งเล่นไล่จับ ทุกคนว่ามันใช่เรื่องไหมละครับที่ผมต้องมาเล่นกับพี่มันแบบนี้


ตุบ!


   “ ผมขี้เกียจละว่ะ จะเตะก็เตะมาเลย” ผมทิ้งตัวลงนอนแผ่อยู่ข้างๆสนามฟุตบอล เมื่อพี่มันเห็นว่าผมนอนลงไปอย่างหมดแรง พี่กรมก็นั่งลงข้างๆผมที่นอนอยู่


   “ เล่นกับมึงไม่สนุกเลยว่ะ” พี่มันบ่นออกมา


   “ แล้วเล่นอะไรถึงจะสนุกอะพี่” ผมหันหน้าไปถามพี่มันที่นั่งเอาหน้าหล่อๆปะทะกับสายลมเบาๆจนผมพี่มันปลิวสไวอยู่อย่างนั้น


   “ นั่งเฉยๆ กูว่าก็น่าจะดีเหมือนกัน” พี่มันตัดความรำคาญด้วยการหันหน้าหนีผมไปทางอื่น ผมก็ไม่ได้กวนอะไรต่อจนกระทั่งผมหลับตาเพื่อปล่อยให้สายลมและความอบอุ่นนี้พัดพาให้ผมรู้สึกผ่อนคลายจากการเรียนและเรื่องต่างๆที่ผมเจอ


   “ ไปวัดไหม”


   “ หื้มม” ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมาหลังจากได้ยินพี่มันชวนผมไปวัด นี่ผมไม่ได้หูฟาดไปใช่ไหม “ คิดไงจะพาผมไปวัด”


   “ ตั้งแต่รู้จักกับมึงว่า มึงก็เจอแต่เรื่องซวยๆตลอด” เอาจริงๆนะ ผมก็อยากจะบอกว่าซวยเพราะรู้จักพี่มันนั่นแหละ แต่เอาเป็นว่าผมไม่พูดออกไปดีกว่า เดี๋ยวพี่มันจะรู้สึกไม่ดี อีกอย่างนะครับผมก็ไม่ได้รู้สึกเลยว่าการที่ผมรู้จักกับพี่กรมมันจะทำให้ผมรู้สึกแย่ มันกลับกลายเป็นเรื่องดีด้วยซ้ำที่ผมได้รู้จักกับพี่มัน


   “ ผมเข้าวัดแล้วจะร้อนครับ”


   “ กูก็ลืมไปว่ามึงเป็นผี ฮ่าๆ” ยิ่งผมมองรอยยิ้มที่พี่มันยิ้มหรือหัวเราะออกมานั่นก็ทำให้ผมพลอยรู้สึกดีไปด้วย อย่างนี้เข้าเรียกว่าพี่ชายมีความสุขน้องอย่างผมมีความสุขไปด้วยอย่างนั้นหรอครับ??


   ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว เอาเป็นว่าผมจะไม่คิดอะไรก็แล้ว ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของอนาคตก็พอ แค่ทุกวันนี้ผมก็มีความสุขอยู่แล้วครับ


   แต่ยิ่งใกล้ชิดสมองของผมมันก็สั่งให้ผมเลิกหลอกตัวเอง เลิกหลอกความรู้สึกตัวเอง


   “ มองหน้ากูแล้วเคลิ้มเลยดิ?” เมื่อเห็นว่าผมจ้องพี่มันอยู่นานพี่กรมก็หันหน้ามาปะทะเข้ากับสายตาของผมที่มองพี่มันอยู่ก่อนแล้ว พร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม


   “ ก็....” ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไรออกมา มือของพี่กรมเลื่อนมาจับอะไรบางอย่างที่หน้าของผมออก


   “ เศษใบไม้ติด ซนจริงๆ” ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมจับไปที่มือของพี่กรมที่อยู่บนหน้าของผมเบาๆ และนั่นทำให้พี่กรมขมวดคิ้วสงสัย


   “ ทำไมใจดีกับผมจัง”


   “ อยากรู้คำตอบ???”


   “ ครับ”


   “ กูไม่บอก”


   “ พี่!” ผมลุกขึ้นนั่นทันที พี่แม่งมาเล่นกับความอยากรู้อยากเห็นของผมได้ไงกันหวะ?? “ ผมซีเรียสนะเว้ย”


   “ สาบานว่านี่ซีเรียสแล้ว” เหมือนพี่มันยังคงไม่รู้ว่าผมจริงจังกับคำถามแค่ไหน เพราะเหมือนว่าผมยิ่งแสดงอาการออกไป พี่กรมก็หยิ่งแหย่ให้ผมหงุดหงิด


   “ ถ้าพี่ไม่ตอบ ผมจะไม่คุยกับพี่นะเว้ย ผมจะสั่งคว่ำบาตร”


   “ โอโห้ คำโบราณฉิบหาย” พี่กรมดูจะไม่สนใจผมจริงๆอะครับ และนั่นทำให้ผมหันหน้าหนีไปอีกทาง ไม่บอกก็ไม่บอกกูก็ไม่อยากรู้แล้วก็ได้ครับ ไอ้ฉิบหาย!


   “ น้องผี” ผมหันไปตามที่พี่กรมที่เรียก และจังหวะนั้นเองที่ทำให้จมูกของผมชนเข้ากับจมูกของพี่มัน เพราะผมไม่ทันได้สังเกตว่าพี่กรมมันยื่นหน้าตามผมมาด้วย


   “ อัลไล” ผมกลบเกลื่อนด้วยการยื่นหน้าของตัวเองให้ออกห่าง พร้อมกับทำสีหน้าและน้ำเสียงหงุดหงิดใส่พี่กรมมันไป


   “ ไม่รู้ว่าทำไมต้องใจดีกับมึง รู้ตัวอีกทีก็ใจดีไปแล้ว” พี่กรมวางมือของเขาลงบนศีรษะของผมอีกครั้ง แต่ครั้งนี้พี่มันโยกศีรษะของผมเล่นเบาๆ “ แต่เชื่อเถอะว่ามันเป็นแบบนี้ไม่นาน”


   “ พี่หมายความว่าไง?”


   “ จริงๆกูดุนะพี แค่มึงยังไม่เคยเจอก็แค่นั้น ถ้าไม่อยากให้ดุก็อย่าทำอะไรที่ขัดใจ โดยเฉพาะ....” พี่มันเว้นวางเอาไว้ก่อนที่จะโน้มหน้ามาใกล้ๆกับใบหน้าของผมอีกครั้ง


   “ .....?”


   “ กูไม่บอก!” พูดจบพี่มันก็ไม่เปิดโอกาสให้ผมได้ซักถามอะไรอีกเลย เพราะพี่มันวิ่งเข้าสนามไปเล่นกับเพื่อนเป็นที่เรียบร้อย และทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกเลย...


   “ แฟนน้องน่ารักดีนะครับ” ผมหันไปมองตามเสียงทันที คือกูยังงงกับพี่กรมไม่หายอยู่ๆก็มีใครที่ไหนไม่รู้มานั่งข้างๆผมแทนที่พี่กรมที่พึ่งวิ่งไป


   “ แฟน?”


   “ ก็เมื่อกี้ พี่ก็มารอแฟนเตะบอลเหมือนกัน”


   “ ห้ะ????”   


   “ เปิดกว้างครับ เดี๋ยวนี้อะไรก็เปิดกว้างกว่าเดิม”


   “ โทษนะครับ พี่พูดถึงอะไร?” ผมนั่งงงเข้าไปใหญ่กับสิ่งที่ผู้ชายคนนี้พูด ดูจากท่าทางที่สะอาดๆและภาพลักษณ์ที่ดูอย่างไงก็น่าจะไม่ใช่เด็กคณะผมแน่ๆ


   “ เปล่าครับ เดี๋ยวน้องก็น่าจะรู้ตัวเองอีกไม่นาน ความรักมันเป็นเรื่องของคนสองคน มันไม่ขึ้นอยู่กับเพศ”


   “ อ่า...ครับ” ผมว่านะ...ผมได้กลิ่นอะไรแปลกๆ


   “ ไอ้พี!!!”


   “ ค้าบบบ!” ผมรีบขานรับพี่กรมที่มันตะโกนออกมาทันทีจากด้านในสนาม ถ้ามองไม่ผิดผมเห็นว่าสีหน้าพี่มันดูเหมือนหงุดหงิดอะไรบางอย่าง


   “ ไปเก็บบอล! ไม่เห็นรึไงว่าบอลมันออกนอกสนาม!!”


   “ ครับพี่!” เอาจริงๆนะผมงง งง กับทุกอย่างในตอนนี้ ช่วยด้วยครับ ปฐพีควรทำอย่างไรดี!!


   “ เร็ว!!!”


   “ ค้าบบบ!!!” ตอนนี้ผมว่าผมควรเลิกคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และควรไปเก็บบอลให้ไอ้พี่กรมที่ทำหน้ายักษ์เท้าเอวอยู่ในสนาม ถ้าผมไปช้ากว่านี้รับรองว่าผมน่าจะเจอพี่มันเวอร์ชั่นดุแน่ๆ ผมไปเก็บบอลก่อนนะครับทุกคน


   “ ไอ้พีโว้ยยยยยยยยย”






PS. แอบมาอัพละครับ!!! ขอยาดไปอ่านหนังสือต่อนะจ๊ะ ใครอยากถามอะไรถามทิ้งไว้เลยเด้อ
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 10.1(1/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: nikpook ที่ 01-03-2019 21:15:54
ดีใจมากเลยตอนเห็นว่าอัพแล้ว คุณไก่ทอดสู้ๆนะคะ ตอนอ่านถึงประโยคพี่กรมคือพี่ชายที่แสนดี คือเบะปากอัตโนมัติ พี่น้องเสินเจิ้น ชอบตอนสุดท้ายมากหวงน้องก็บอกหวง ไม่ต้องเรียกชื่อน้องเสียงดังนะพี่กรม :-[ เป็นกลจให้คุณไก่ทอด อยากรู้ว่าจะมาอัพอีกตอนไหน เราเข้ามารอทุกวันเลยคิดถึงน้องผีทุกวัน :L1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 10.1(1/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: KJH177 ที่ 01-03-2019 21:24:57
ดีใจมากเลยตอนเห็นว่าอัพแล้ว คุณไก่ทอดสู้ๆนะคะ ตอนอ่านถึงประโยคพี่กรมคือพี่ชายที่แสนดี คือเบะปากอัตโนมัติ พี่น้องเสินเจิ้น ชอบตอนสุดท้ายมากหวงน้องก็บอกหวง ไม่ต้องเรียกชื่อน้องเสียงดังนะพี่กรม :-[ เป็นกลจให้คุณไก่ทอด อยากรู้ว่าจะมาอัพอีกตอนไหน เราเข้ามารอทุกวันเลยคิดถึงน้องผีทุกวัน :L1: :กอด1:
จะมาพรุ่งนี้อีกวันแล้วลากยาวไปถึงวันที่ 7 และกลับมายาวๆวันที่ 10 เลยค่ะคุณ nikpook เราขอบคุณมากๆเลยนะ เราขอบคุณจริงๆที่อยู่กับพี่กรมน้องพีมาจนถึงตอนนี้ ไม่ใช่แค่คุณ nikpook ที่เข้ามารออ่านนะ เราก็เข้ามารอเช่นกันนนนน
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 10.1(1/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 01-03-2019 22:52:17
พี่กรมคะ อะไรคือเหมือนมากรุ่มกริ่มกะน้อง อิน้องก็ดูจะอึนๆ มึนๆ อ่ะ แต่ก็น่าเอ็นดูเหมือนพี่กรมว่าอ่ะค่ะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 10.1(1/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 01-03-2019 23:20:24
 :L2: :pig4:

อาการออก
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 10.1(1/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: KJH177 ที่ 02-03-2019 19:45:11
:L2: :pig4:

อาการออก
วันนี้ก็มาถึงวันที่คุณ Billie มีตัวหนังสืออออออ ขอบคุณค้าาา
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 10.2(2/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: KJH177 ที่ 02-03-2019 19:45:45
ตอนที่ 10.2

สิงห์สัมพันธ์

หนึ่งอาทิตย์ต่อมา


   วันนี้เป็นวันที่ผมจะต้องไปค่ายของคณะคือค่ายกิจกรรมสิงห์สัมพันธ์ซึ่งกิจกรรมสิงห์สัมพันธ์ถูกแบ่งออกเป็นสองอย่างคือเป็นกีฬาประเพณีระหว่างสองสถาบัน และการเข้าค่ายเพื่อสานสัมพันธ์ในคณะระหว่างรุ่นพี่และรุ่นน้อง และค่ายครั้งนี้ที่ผมมาคือการออกค่ายเพื่อทำกิจกรรมกันในคณะ จุดประสงค์ของค่ายคือการสร้างความสามัคคีให้กับรุ่นพี่และรุ่นน้องในคณะโดยสถานที่ที่เราจะไปคือทะเลจังหวัดระยอง ผมเองก็ไม่รู้ว่าที่ไหนเหมือนกันครับ ไอ้เจ๋งก็บอกนะแต่ผมไม่ได้จำ


   “ สวัสดีครับ น้องคนไหนที่มาแล้วก็มาลงชื่อตรงนี้เลย” ผมเดินแบกกระเป๋าเป้ที่เตรียมมาไปวางไว้ที่จุดวางสัมภาระที่พี่ๆเขาเตรียมไว้ให้สำหรับเด็กปีหนึ่ง ก่อนจะเดินไปลงชื่อ ตอนนี้มีแค่ผมที่มาเพราะไอ้เจ๋งกับไอ้บิวมันยังไม่มา ผมว่ามันมาสายแน่ๆ


ตุบ!


   ผมเดินไปด้วยและก้มลงเช็คโซเชียลในโทรศัพท์ไปด้วยจนไม่ได้มองทางทำให้ครั้งนี้ผมเดินไปชนเข้ากับใครบางคน ผมค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาก่อนจะเห็นว่าเป็นเอ่อ...ไอ้กวง


   “ ขอโทษครับพี่” ผมยกมือไหว้พี่มันเพราะครั้งนี้ผมเป็นฝ่ายผิดเองถึงแม้ว่าใจผมอยากจะกระโจนไปต่อยพี่มันก็เถอะครับ ยิ่งเห็นหน้าผมก็ยิ่งหัวร้อนเรื่องงานที่มันขโมยผมไป


   “ อืม” แต่ครั้งนี้มันกลับไม่วอแวกลับผมเหมือนครั้งก่อนถือว่าดีครับ ผมเองก็ยังไม่อยากมีเรื่องเหมือนกันเพื่อนก็ไม่มี แบคผมก็ยังมาสักคน ถ้าผมกล้ามีเรื่องตรงนี้รับรองได้ว่า...กูเละแน่


   ผมนั่งรอพวกเพื่อนเวรทั้งสองอยู่นานก่อนที่ผมจะได้รับไลน์จากพวกมันพร้อมกันว่า


   ‘ พีกูกับไอ้เจ๋งรถล้มคงจะไปไม่ได้แล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงมึงไปเที่ยวให้สนุกเถอะเพื่อน’


   ผมแทบจะเดินไปเอากระเป๋ากลับหอทันที แต่ติดอยู่อย่างเดียวก็คือว่าพวกพี่ๆเขาเอาของขึ้นรถไปหมดแล้ว อีกอย่างตอนนี้ทุกคนก็ทยอยกันขึ้นรถกันหมด ทำให้ต้องจำใจไปทั้งๆที่ในใจตอนนี้ผมเฟลไปหมดแล้วครับ รู้ว่าเป็นอุบัติเหตุแต่มันทำไงได้อุตส่าห์คิดว่าจะได้มาเที่ยวกับเพื่อนแท้ๆ


   “ นั่งไปเลยครับน้อง ว่างตรงไหนก็นั่งเลย” ผมเดินมานั่งด้านหลังของรถเพื่อหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมต่างๆเพราะรู้ว่าอย่างไงก็มีกิจกรรมบนรถแน่นอน


   “ เก็บโทรศัพท์เพื่อความปลอดภัยครับ พี่จะคืนให้อีกทีคือวันกลับนะทุกคน” เสียงของพี่สตาฟบอก ทำให้พวกผมต้องเอาโทรศัพท์ยื่นไปให้พี่ๆที่เดินเก็บ แม้ว่าจะมีเสียงบ่นหรือโวยวายตามหลังก็ตาม


ตุบ!


   ผมที่กำลังจะเอนหัวไปพิงกับกระจกรถ อยู่ๆผมก็รู้สึกว่ามีใครบางคนมานั่งเบาะข้างๆผมก่อนที่ผมจะหันหน้าไปดู จากที่ผมจะหลับในตอนแรก ตอนนี้ตื่นขึ้นมาเลยครับ


   “ พี่มานั่งทำไม?” ถึงผมไม่อยากจะมีปัญหาแต่ก็อย่างว่า ผมไม่อยากจะยุ่งกับพี่มันสักเท่าไหร่ ยิ่งตอนนี้ผมอารมณ์ไม่ค่อยดีอยู่ด้วย


   “ มันเขียนว่าห้ามนั่งหรอครับน้องพี” ผมหันหน้าหนีพี่มันทันทีเพื่อเลี่ยงการปะทะคารมบอกแล้วครับว่าวันนี้เพื่อนผมไม่มา และพี่ๆผมก็ไม่มาด้วยเช่นกัน


   “ ตามใจพี่”


   “ กูก็พึ่งรู้นะว่าทำไมไอ้กรมถึงชอบอยู่ใกล้มึง” ผมหันไปมองหน้าไอ้พี่กวงทันทีที่พี่มันพูดถึงบุคคลที่สามอย่างพี่กรม


   “ พี่จะสื่ออะไรวะ?”


   “ ไม่มีอะไรกูก็แค่อยากพูด”


   “ ครับ”


   “ เอาจริงๆนะ กูอยากจะคุยกับมึงเรื่องนั้น”


   “ เรื่องอะไร? ไอ้เรื่องที่พี่ขโมยงานผมอย่างนั้นหรอ?” ผมว่าผมจะไม่โมโหแล้วนะแต่ไอ้กวงมันก็ยังจะรื้อขึ้นมาอีก


   “ ตอนแรกกูก็แค่อยากจะทำขำๆแกล้งมึงแกล้งไอ้กรม แต่พอกูเห็นมึงร้องไห้.....” พี่มันเว้นช่วงเอาไว้ก่อนทีพี่มันจะพูดออกมา “ กูรู้สึกแย่”


   “ แกล้งขำๆ? ใช้เหี้ยอะไรคิดอะครับ” ผมพยายามระงับน้ำเสียงและท่าทางของตัวเองให้มากที่สุด แต่แล้วผมก็หลุดคำหยาบออกมาจนได้ แต่อย่างว่าคนอย่างไอ้กวงแม่งไม่ควรเรียกมันว่าพี่หรือพูดดีกับมันเลยด้วยซ้ำ


   “ ใจเย็นนะน้องพี คือกูก็รู้สึกแล้วไง” ไอ้กวงมองหน้าผมด้วยสายตานิ่งๆซึ่งมันต่างจากคำที่มันพูดบอกคือการรู้สึกผิด แววตาของมันไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นเลยแม้แต่น้อย “กูไม่ชอบเห็นน้ำตามึง”


   “ ที่ผมร้องคือผมโกรธที่ผมทำอะไรคนอย่างพี่ไม่ได้ แต่ตอนนี้ผมไม่สนใจแล้ว” ถึงปากจะบอกว่าไม่สนใจก็เถอะแต่ในใจตอนนี้ผมนี่โคตรเดือดเลยครับ


   “ ทำอย่างไงให้มึงหายโกรธ”


   “ พี่ไม่ต้องทำเพราะพี่ไม่ได้มีความสำคัญในชีวิตผม” ผมพูดออกไปตรงๆการที่พี่มันเข้ามาหาผมแบบนี้ บอกเลยว่าผมไม่ไว้ใจ “ แค่เลิกยุ่งกับผมกับพี่กรมก็พอ”


   “ อย่าขออะไรที่กูทำไม่ได้” มันชักจะอย่างไงๆแล้วแหละครับ ผมได้กลิ่นแปลกๆ “ กูว่ากูชอบมึงเข้าแล้วหละ”


   “.............”


   “ กูพูดจริง”


   ผมว่าผมต้องแคะขี้หูให้ออกจากหูของผมให้หมดเพื่อที่ว่าจะได้สบายหูได้ยินสิ่งที่ไอ้พี่กวงมันพูดกับผม พี่มันบอกว่าชอบทั้งๆที่มันเคยด่าผมว่าผิดเพศแต่ตอนนี้มันกลับมากลืนน้ำลายตัวเอง ผมไม่เชื่อคำพูดพี่มันแน่นอน


   “ ถ้ากูขอโทษตอนนี้มันจะสายไปไหม”


   “ เอาจริงๆนะ ผมไหว้พี่เลยพี่กวง” ผมยกมือขึ้นไหว้พร้อมกับทำหน้าเอือม คือตอนนี้ผมก็พึ่งจะเฟลกับเพื่อนที่แม่งเทผมไป แล้วตอนนี้คือผมต้องมาเจอพี่มันที่มาพูดจาแปลกๆกับผมอีก “ เลิกยุ่งกับผมเหอะนะ”


   “ กูให้มึงต่อยกูเลย เผื่อว่ามึงจะได้สบายใจ” พี่มันพูดออกมาด้วยสีหน้าจริงจัง ผมก็อยากจะรู้ว่าไอ้สิ่งที่พี่มันพูดคือพูดออกมาจริงไหม หรือแค่พูดให้พี่มันดูเท่ ไม่รอช้าครับผมกระแทกหมัดใส่หน้าไอ้พี่กวงไปเต็มๆจนหน้าพี่มันหันไปตามแรงต่อย


ผั๊วะ!


   “ สำหรับที่พี่เอางานผมไป”


ผั๊วะ!


   “ สำหรับที่พี่เคยดูถูกผม”


ผั๊วะ!!


   “ สำหรับทุกสิ่งที่พี่ทำกับพี่กรม!” ผมต่อยพี่มันไปสามทีติดๆโดยที่ไม่เปิดโอกาสให้พี่มันพูดออกมา ผมสะบัดข้อมือตัวเองทันทีหลังต่อยพี่มันเสร็จ


   เจ็บสัด! เชื่อแล้วว่าทฤษฎี Action เท่ากับ Reaction มันเป็นจริงๆ ยิ่งผมต่อยพี่มันแรงเท่าไหร่ผมก็ได้รับแรงกระแทกกลับมาเท่านั้น


   “ หึ” ไอ้พี่กวงมันหัวเราะออกมาก่อนจะใช้หลังมือเช็ดเลือดที่ไหลออกมาจากมุมปากของตัวเอง “ กูเข้าใจแล้ว แต่กูไม่ยอมแพ้แน่ๆ” พูดจบพี่มันก็ลุกเดินหนีออกไปทันทีทิ้งให้ผมนั่งงงอยู่ที่เบาะเหมือนเดิม


   “ ผมเชื่อว่าพี่ไม่ได้ชอบ แต่พี่แค่อยากเอาชนะ ขอร้องอย่าเอาผมมาเป็นเครื่องมือ” ผมไม่รู้ว่าพี่มันได้ยินในสิ่งที่ผมพูดออกไปไหม แต่เชื่อเถอะครับว่าไอ้คำที่พูดออกมาว่าชอบแม่งโคตรจะปลอม ผมไม่เคยเห็นใครคนไหนพูดออกมาโดยที่สีหน้าไม่ได้รู้สึกหรือสอดคล้องกับคำพูดเลย ซึ่งไอ้กวงมันทำให้ผมรู้สึกอย่างนั้นเป็นคนแรก



   กวงเองก็ไม่แน่ใจว่าวันนั้นที่เขาโดนต่อยที่ร้านของพี่สิคือฝีมือใคร จนกระทั่งวันนี้ที่เขาให้พีต่อยทำให้เขาแน่ใจอะไรบางอย่างว่าคนที่ต่อยเขาคือใคร....


ผั๊วะ!


   ‘สำหรับวันนั้นที่มึงลวนลามไอ้พี’


ผั๊วะ!!


   ‘ สำหรับวันนี้ที่มึงขโมยงาน’


ผั๊วะ!!!


   ‘ สำหรับอนาคตที่มึงจะกำลังทำ!’


   “ไอ้กรม....” ภาพที่เล่นซ้ำๆขึ้นมาในหัวของเขา ภาพที่เขาโดนต่อย ภาพที่ไอ้กรมมันพูดกรอกหูเขา ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ ทั้งหมดมันคือการแก้แค้น เตรียมตัวรับมือกับสิ่งที่พวกมึงจะเจอ!



Jaokom’s talk


   วันนี้คือวันเสาร์ครับเป็นวันพักผ่อน ผมมีโปรแกรมที่ถูกวางเอาไว้ให้ผมเลือกอยู่สองทาง


1.   ไปกินข้าวกับพ่อพร้อมกับลูกๆนักการเมืองท่านอื่นๆ

2.   ไปเป็นเพื่อนไอ้เทพที่เป็นกน.จัดงานสิงห์สัมพันธ์


เลือกไม่ยากครับเพราะผมเลือกไปกับไอ้เทพ ทิ้งเวลาพักที่ผมจะได้อยู่กับเฉลิมลูกรักกลับต้องไปทะเลไปดูแลกิจกรรมของวันนี้ที่จัดเตรียมให้น้องๆปีหนึ่ง ตอนแรกผมจะเอาเฉลิมไปด้วยแต่คิดไปคิดมาไม่เอาดีกว่าเดี๋ยวลูกผมจะโดนแดดแล้วผิวลูกจะเสีย


   “ มึงได้คุยกับไอ้พีไหม” ไอ้เทพบุตรถามผมขณะที่มันกำลังขับรถ


   “ ไม่ว่ะ มันหายไปเลยตั้งแต่เมื่อคืน” ไอ้เด็กผีมันชอบชวนผมเล่นเกมส์ดึกๆ ให้ผมช่วยผลิตของห่าเหวอะไรก็ไม่รู้พอโรงงานผมผลิตไม่ทันมันก็โทรไลน์มาด่าโคตรเกรียน


   “ มึงลองโทรหามันดิว่าอยู่ไหน เพราะกูจะได้กะเวลาถูก” ไอ้พีมันไปรถของที่คณะจัดให้ ส่วนพวกผมมากันเองครับสะดวกดี ขากลับค่อนชวนไอ้เด็กผีกลับพร้อมกันผมว่าจะสบายกว่ากลับรถของคณะ


   ผมกดโทรออกหาไอ้เด็กผีทันที แต่โทรแล้วโทรเล่าก็ไม่ติด


   “ ไม่ติดว่ะ”


   “ สงสัยจะเก็บโทรศัพท์” มันก็ไม่บอกผมนะครับให้ผมนั่งกดโทรออกอยู่นานสองนาน “ เดี๋ยวครึ่งชั่วโมงน่าจะถึง” ผมเลิกสนใจไอ้เทพก่อนจะเอนเบาะเพื่อพักสายตาเก็บแรงเอาไว้ครับ วันนี้ผมคงต้องใช้แรงอีกเยอะ



ชายทะเลจังหวัดระยอง


   ใช้เวลาครึ่งชั่วโมงอย่างไอ้เทพบอกจริงๆครับ เพราะตอนนี้ผมมายืนอยู่ตรงชายฝั่งของทะเลเป็นที่เรียบร้อย ส่วนสัมภาระก็มีน้องๆปีสองมาขนให้ทำให้ผมกับไอ้เทพเดินมาที่ฐานกิจกรรมเลยไม่ต้องเสียเวลาเอาของไปเก็บ ผมมองไปรอบๆก็เห็นว่าตอนนี้น้องๆปีสองกำลังนำรุ่นน้องทำกิจกรรมอยู่ ทั้งเต้นทั้งร้องก็น่าจะสนุกกันดีนะครับ สังเกตจากเสียงร้องและรอยยิ้มที่ปรากฎบนใบหน้าจะเว้นก็แต่เด็กบางคนที่ผมเห็นว่ามันไม่ค่อยมีอารมณ์ร่วมกับคนอื่นสักเท่าไหร่ นั่นก็คือไอ้น้องผีเองครับ


   “ หึ” ผมส่ายหัวให้กับท่าทางที่ไม่มีความสุขของไอ้น้องผีแต่ก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งอะไรมาก เพราะตอนนี้ผมกับรุ่นพี่ปีสามอื่นๆต้องไปเตรียมทำกิจกรรมที่เริ่มเข้าสู่โหมดซีเรียส ไม่ใช่ว้ากแต่ผมว่าก็ไม่น่าจะต่างถ้าวัดเรื่องความกดดัน






ปล. ไอ้กวงไอ้เวร!!!

 
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 10.2(2/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: nikpook ที่ 02-03-2019 20:41:30
กวงคือคนที่อยู่ใต้โคลนตมแบบแท้ทรู เหนื่อยกับคนแบบนี้ :angry2: พี่เขาอยากจะโชว์ก็ต้องให้พี่เขาโชว์หน่อย ก็นึกว่าโดนต่อยแล้วจะจำยังหาเรื่องใส่ตัวเองอีก ตอนที่น้องผีต่อยคือสะใจมาก กวงสมควรโดนเยอะกว่านี้อ่ะจริงๆ รอตอนต่อไปนะคะ อยากเห็นความตอของกวง อยากเห็นพี่กรมตอนแบดๆอีก ดีต่อใจมาก :hao6: คุณไก่ทอดสู้ๆนะคะ :กอด1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 10.2(2/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 02-03-2019 22:55:59
อย่างกวงมันต้องโดนรุมสกรัมบ้าง นิสัยอันธพานไม่เลิก
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 10.2(2/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 02-03-2019 23:54:04
  เกรียนมากนายเอกชั้น เกรียนขั้นสุดอ่ะ แต่ชอบ
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 10.2(2/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 03-03-2019 20:07:15
 :o8: แซวเรา 55
 อีกวงงงง โรคจิต

 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 10.3(4/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: KJH177 ที่ 04-03-2019 18:51:30

บทที่ 10.3

สิงห์สัมพันธ์


Pee’s talk


   เอาจริงๆนะตอนนี้ผมโคตรจะเบื่อเลยที่ต้องมาเต้นมาร้องตามพวกพี่ๆเขาโดยที่ผมไม่รู้จักใครเลย อีกทั้งเรื่องที่ผมกังวลก็คือไอ้พี่กวงที่มันพูดกับผมบนรถแล้วผมก็ต่อยหน้าพี่มันไป ซึ่งผมว่าผมก็อารมณ์ร้อนเกินกว่าจะควบคุมตัวเองปล่อยให้อารมณ์และความไม่พอใจในครั้งที่พี่มันทำกับผมครอบงำ ผมไม่ฟังในสิ่งที่พี่กรมมันเคยสอนผมว่าไอ้กวงมันเป็นคนชอบปั่นหัวคน ตอนนี้พี่มันทำสำเร็จแล้วครับที่ปั่นหัวคนอย่างผมได้


   “ เห้ย! น้องคนนั้นถ้าไม่อยากเต้นก็เดินออกไป”


   ผมว่าผมต้องไปคุยกับพี่มันอีกครั้งแล้วแหละครับไม่งั้นผมจะไม่สบายใจ จริงๆก็อยากที่จะโทรไปปรึกษาไอ้พี่กรมมันแต่ว่าโทรศัพท์ก็ไม่ได้อยู่ที่ตัวเอง ทำให้ผมอดทนคอยเวลาพักค่อยไปตามหาพี่กวงมัน


   “ เห้ย! กูพูดไม่ได้ยิน” ผมไม่ได้สนใจเสียงรอบข้างเท่าไหร่ ผมเอาแต่นิ่งอยู่ในความคิดของตัวเองจนกระทั่งมีมือเล็กๆมาสะกิดที่ไหล่ของผมเบาๆ


   “ นาย...พี่เขาเรียกนาย” จังหวะนั้นที่ทำให้ผมเงยหน้ามองไปรอบๆก่อนจะเห็นว่าทุกคนหยุดทำกิจกรรมและหันมามองผมกันทั้งแถวรวมถึงพี่ๆด้วย ทำให้ผมก้มหัวขอโทษทุกคน


   “ ขอโทษครับ”


   “ อย่าให้เห็นว่าไม่มีส่วนร่วม” ผมก็อยากที่จะกลับมาเป็นน้องพีคนดีคนเดิมที่เฮฮาและเกรียนแตกไปวันๆ แต่บางครั้งอารมณ์ผมมันก็ไม่สามารถที่จะฝืนทำอย่างนั้นออกไปได้ เอาเป็นว่าพักเรื่องไอ้พี่กวงมันไปก่อนละกันครับผมจะเกรียนแล้วตอนนี้


   “ เราพีนะ” ผมหันไปบอกเพื่อนผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆผม


   “ เรารู้จักพี พีออกจะดัง”


   “ เราอ่อ?” ผมชี้มาที่ตัวเองอย่างที่ไม่เชื่อคำพูดของเธอสักเท่าไหร่


   “ ใช่ เราเห็นพีในคลิปเมื่อเดือนก่อนที่พีโดนต่อยไปทีฮือฮามากเลยนะ” ผมก็พอจะรู้กระแสของตัวเองช่วงนั้นอยู่เหมือนกัน “ แต่ว่าภายนอกพีดูเข้าถึงยากเราเลยไม่ค่อยได้เข้ามาคุยกับพี อีกอย่างพีก็ดูสนิทกับรุ่นพี่ที่น่ากลัวมันทำให้พีดูน่ากลัวและเข้าถึงอยากไปอีก” ผมเนี่ยนะเข้าถึงยาก แล้วไอ้รุ่นพี่ที่ผมอยู่ด้วยบ่อยๆก็คือพวกพี่กรม พวกพี่เขาไม่ได้ดูน่ากลัวเลยนะ ออกจะเฮฮาบ้าบอสะมากกว่า


   “ เราเข้าถึงง่ายมากถ้าหอยแครงอยากรู้จักเรา” ผมมองที่ป้ายชื่อของเธอก็เห็นว่าเขียนว่าหอยแครงผมก็อ่านตามนั้น อยากจะรู้จริงๆนะครับว่าพ่อกับแม่ของเธอตั้งชื่อให้ลูกสาวน่ารักๆว่าหอยแครงได้อย่างไง


   “ ฮ่าๆ เราชื่อเชลแต่ว่าพี่ที่เขียนชื่อเขาแกล้งเรา” เธอรีบยกมือขึ้นมาปฏิเสธทันที


   “ เราขอโทษๆ” ผมนี่เขินเลยครับดันไปเรียกเธอว่าหอยแครง “ จริงๆเราเข้าง่ายมากเลยนะ ไม่หยิ่งและไม่น่ากลัว” ผมยิ้มให้เธออย่างเป็นมิตร


   “ จะคุยกันอีกนานไหม!!!” เสียงตะโกนพร้อมกับสายตาดุๆของพี่ปีสองมองมาทางผมกับเชลที่ยืนคุยกัน


   “ ขอโทษค่ะ” เชลตะโกนออกไปก่อนที่เธอจะสั่งให้ผมเต้นๆตามทุกคนจะได้ไม่มีปัญหาและไม่ตกเป็นเป้าสายตาของทุกคน


   จนกระทั่งตอนนี้เป็นช่วงพักเบรกมีพี่ๆฝ่ายสวัสดิการนำน้ำหวานและขนมมาเดินแจกน้องๆที่นั่งเป็นกลุ่มๆ ไอ้ผมที่ไม่มีเพื่อนก็แยกตัวออกมานั่งคนเดียว เพราะพวกผู้ชายดูก็รู้ว่าพวกแม่งมันไม่ชอบผมกันสักเท่าไหร่ เห็นมองมาทางผมแล้วก็หันไปซุบซิบ ถามจริงนะครับถ้าจะนินทากูขนาดนี้ก็ลุกมาคุยมาด่ากูซึ่งๆหน้าจะดีกว่า


   “ น้ำ” ผมหันไปมองตามเสียงที่อยู่เหนือกว่าก่อนจะเห็นว่าเป็นไอ้พี่กวงที่ยืนแก้วน้ำหวานมาให้ผมท่ามกลางสายตาของทุกคนที่ดูอยากรู้อยากเห็นไปซะหมด


   “ ผมไม่หิวพี่ ผมกินแล้ว” ผมปฏิเสธพี่มันออกไป แต่ดูเหมือนว่าการที่ผมปฏิเสธจะเป็นการทำให้ทุกคนหมันไส้และคิดว่าผมเล่นตัว


   “ แค่รับไปมันจะยากขนาดนั้นเลยหรอวะ?” ผมหันไปมองหน้าพี่มันตรงๆก่อนที่จะลุกขึ้นยืนหันหน้าเข้าหาพี่กวง


   “ ผมว่าหยุดเถอะพี่ ผมรู้ว่าที่พี่เข้ามาหาผมมันไม่ใช่เจตนาที่ดี” ผมพูดออกมาเบาๆเพื่อให้ได้ยินกันแค่สองคน แต่ดูเหมือนว่าพี่กวงมันจะไม่เข้าใจเพราะพี่มันจงใจพูดออกมาเสียงดังเพื่อให้ทุกคนได้ยิน


   “ ก็พี่เป็นห่วงเราหนิครับ”


   ไอ้สัดเอ้ย! ผมว่ามันไม่ใช่แล้วอะครับ


   “ ผมจะรับไว้” ผมรับแก้วพี่มันมาเพื่อตัดความรำคาญ เมื่อผมยอมพี่กวงมันก็เดินยิ้มออกไปจากตรงนี้เมื่อพี่มันออกไปเท่านั้นแหละครับเสียงของใครหลายๆคนก็พูดขึ้น


   “ โอโห้ว เนื้อหอมสัดอะ มีแต่รุ่นพี่มารุมล้อมกูไม่เห็นมีแบบนี้บ้างวะ”


   “ มึงไม่เด่นพออะดิ สู้ไอ้นี่ไม่ได้ร้อก” ยิ่งน้ำเสียงที่ฟังดูประชดประชันมากเท่าไหร่ผมก็ยิ่งเก็บอารมณ์ของตัวเองไม่ได้เท่านั้น ทำให้ผมเดินไปนั่งกับกลุ่มของพวกมัน


   “ เป็นเหี้ยอะไรอะครับ ไหนพูดดิ้” ผมยื่นหน้าไปหาไอ้คนที่พูดใส่ผมเมื่อสักครู่นี้ “ พูดดิ! เก่งไม่ใช่ไง เก่งก็พูด!” ยิ่งมันเงียบผมก็ยิ่งโมโหทีผมมาให้พวกแม่งด่าก็ไม่ยอมด่าออกมาตรงๆ


   “ ........”


   “ อยากแดกมากใช่ไหม เอาไป” ผมเทน้ำที่พี่กวงมันเดินเอามาให้ใส่แก้วของพวกแม่งไปก่อนจะลุกเดินหนีออกมาเพื่อเอาแก้วไปทิ้งถังขยะ


   ถึงจะหัวร้อนแต่ก็รักษ์โลกครับ!


   หลังจากที่ทิ้งแก้วเสร็จผมก็เดินหัวเสียมาเข้าห้องน้ำด้านในรีสอร์ทเพราะที่ทะเลซึ่งเป็นบริเวณที่ทำกิจกรรมไม่มีห้องน้ำให้เข้า ถ้าจะเข้าต้องเดินมาเข้าที่ห้องน้ำด้านใน


   “ ไอ้พี” ผมที่กำลังจะเดินเลี้ยงเข้าห้องน้ำทั้งสองมือเตรียมปลดกระดุมกางเกงออก แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงของไอ้พี่เทพที่เรียกเอาไว้


   “ พี่เทพหวัดดีพี่” ผมปล่อยมือออกจากเป้ากางเกงยกมือขึ้นไหว้พี่เทพ “ ผมไม่เห็นพี่เลย”


   “ กูพึ่งถึง เป็นไงมึง”


   “ เบื่อ โคตรเซ็งเหมือนมาให้โดนด่า” ได้ทีผมก็ฟ้องพี่มันหน่อยครับนานๆทีจะเจอพวกเดียวกัน แค่ครึ่งวันผมยังโดนขนาดนี้ ผมจะเอาชีวิตรอดอย่างไงให้ถึงพรุ่งนี้ดีครับ


   “ มีประเด็น?”


   “ เออดิพี่ ไอ้เหี้ย ผมเซ็งสัดๆ” ผมไม่เข้าห้องน้ำแม่งละครับ นั่งหน้าห้องน้ำคุยกับพี่มันดีกว่า ระบายสิ่งที่ผมอึดอัดออกมา อย่างน้อยๆก็มีคนคอยรับฟัง


   “ อยากคุยกับพ่อมึงไหม?” อยู่ๆพี่เทพก็พูดขึ้นทำให้ผมขมวดคิ้วทันทีว่าไอ้พ่อเอ้ย! พ่อที่เทพพูดคือใคร พ่อผมจริงๆหรือเป็นเพียงแค่นัยแทนใครบางคนเท่านั้น ยังไม่ทันที่ผมจะได้ถามอะไรพี่เทพก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาใครบางคน


   ( ว่าไงไอ้เทพ?) ทันทีที่ปลายสายรับผมก็รู้เลยทันทีว่าพ่อที่พี่มันพูดถึงคือใคร แค่ได้ยินเสียงผมก็อยากจะร้องไห้ครับ คิดถึงความอบอุ่นของพี่มันจริงๆ


   “ ลูกมึงจะคุยด้วย” พี่เทพยื่นโทรศัพท์ของพี่มันมาให้ผม


   “ พี่กรมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม” ผมเรียกเสียงยานทันทีให้พี่มันได้ยินและรู้ว่าตอนนี้ผมไม่ไหว ผมอยากกลับบ้าน


   ( เป็นไรครับน้องผี)


   “ ผมมีเรื่องโคตรเยอะตั้งแต่เช้า เพื่อนผมสองคนมันเกิดอุบัติเหตุเลยมาไม่ได้ ผมไม่รู้จะไปคุยกับใครเลยพี่ เพื่อนๆแม่งก็ไม่เป็นมิตรกับผมสักคน” ยิ่งผมพูดน้ำเสียงของผมก็เปลี่ยนเป็นเสียงสองเสียงสามโดยอัติโนมัติ


   ( อดทนดิมึง พรุ่งนี้ก็ได้กลับแล้ว)


   “ ผมอยากกลับวันนี้” ทำไมเสียงกูออดอ้อนขนาดนี้วะ??? ไม่ดิ ไม่เอาดิวะไอ้พี เดี๋ยวพี่กรมแม่งจะเข้าใจมึงผิด


   (อย่างอแงดิ) เอ๊ะ? ทำไมผมรู้สึกว่าบทสนทนาแม่งดูแปลกๆวะ เหมือนไม่ใช่ผมกำลังคุยกับพี่แต่เหมือนผมกำลังบ่นให้.........ขออนุญาตไม่พูดตามที่คิดออกมาก็แล้วกันครับเพื่อความปลอดภัยของหัวใจ


   “ พี่.......”


   “ พอๆไอ้ห่า กูทนฟังไม่ได้” พี่เทพแย่งโทรศัพท์ของพี่มันจากผมก่อนที่พี่มันจะคุยกับพี่กรมสองสามคำและวางสายไป


   “ ไปได้แล้วมึงเดี๋ยวก็โดนด่า ยิ่งมีประเด็นหนิ” ไอ้พี่เทพมันไล่ผมทันที


   “ ครับ พี่ไล่จังก็รู้ว่าผมไม่มีเพื่อน” ผมหน้างอทันทีที่พี่มันเอ่ยปากไล่ออกมา


   “ ทานโทษนะครับกูไม่ใช่ไอ้กรมเนอะ อย่ามาทำเสียงงุงิๆใส่กู เหมือนหมาฉิบหาย” ผมไม่รู้นะว่าพี่มันชมหรือด่าแต่ผมว่าผมแม่งรู้สึกดีกว่าที่อยู่กับเพื่อนทำกิจกรรมเมื่อเช้าเลยหวะ บรรยากาศต่างกันราวฟ้ากับเหวถึงหน้าไอ้พี่เทพจะดูเหมือนเหวก็เถอะ แต่ผมอยู่ด้วยแล้วสบายใจผมจะยกให้พี่มันเป็นฟ้าก็แล้วกัน


   “ แล้วพี่กรมมาไหมอะพี่” ผมถามพี่เทพมันออกไปอีกครั้งก่อนที่ผมจะกลับไปยังลานกิจกรรมริมชายหาด


   “ มา เดี๋ยวมึงก็เจอมัน” ผมพยักหน้าให้พี่มันอีกทีว่าผมรับรู้ และเดินออกไปจากตรงนั้นเพื่อทำกิจกรรมต่อ เหมือนว่าผมลืมอะไรบางอย่างเท่าที่รู้สึกนะ แต่ผมก็คิดไม่ออกจนกระทั่ง.......


   “ พี พี่ใส่กางเกงในสีขาวหรอ?” หอยแครง เอ้ย! เชลถามผมหลังจากที่ผมเดินมาเข้าแถวเหมือนเดิม


   “ ใช่ เชลรู้ได้ไง”


   “ พีลืมรูดซิบกางเกงอะ” ไม่พูดเปล่าครับเธอยังใจดีชี้มาที่เป้าผมด้วยท่าทางเขินอาย


   “ ฉะ...ฉิบหาย” ใครต่อใครเห็นบ้างก็ไม่รู้ ดีนะที่ผมเลือกกางเกงในตัวใหม่มาใส่ ถ้าใส่ตัวเก่าที่เป้าขาดมานะครับ ทุกคนจะได้เห็นพีน้อยและผองเพื่อนแน่ๆ และอีกหนึ่งอย่างที่ผมคิดได้ก็คือ....ผมลืมเข้าห้องน้ำครับ เอาไว้ทำกิจกรรมลงน้ำทะเลเมื่อไหร่ผมค่อยหาโอกาสฉี่มันในนั้นเอา ผมขี้เกียจเดินไปแล้วครับแม่งไกล









PS. อิน้องงงง หัวร้อนบ่อยไปนะเราอะ
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 10.3(4/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: nikpook ที่ 04-03-2019 23:38:52
ดีใจมากกกก :mc4: เราคิดถึงน้องผีมากๆเลยไม่นึกว่าจะมาวันนี้ :กอด1: เชื่อแล้วว่ากวงปั่นเก่ง ถ้าเราเป็นน้องผีนะมีต่อยแล้ว พ่อกรมคือไรอ่ะมีงองงงอแงคุยงุ้งงิ้งกับลูกผีอยู่สองคน :hao7: :-[ ขำตอนสุดท้ายลูกผี55555 ขอบคุณที่มาอัพนะคะ :กอด1: :pig4: สนุกมากๆเลย อ่านแล้วก็อยากอ่านตอนต่อไปเรื่อยๆ คุณไก่ทอดสู้ๆนะคะ เราเป็นกลจให้ :mew1: :L1:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 10.3(4/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 05-03-2019 07:25:21
ขอบคุณที่เอาน้องพีมาส่งเร็วค่ะ

อิน้องง๊องแง็งกับพี่กรมมากค่ะลูก  :laugh:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 10.3(4/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 05-03-2019 13:56:53
ชอบน้องพีนะ น่ารักแบบกวนๆดี
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 10.3(4/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 05-03-2019 16:11:40
พี่กรม  ออกอาการหึงพี่แล้ว  :z3:
เหมือนพี่เทพมองพี่กรมกับพีออกว่าชอบกัน  o18

ไอ่พี่กวง นี่ชักยังไงๆ สับสน หรือแกล้งพี  :really2: :angry2:

พี่กรม  พี   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 10.4(5/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: KJH177 ที่ 05-03-2019 21:35:10
ตอนที่ 10.4

สิงห์สัมพันธ์


ผ่านมาอีกสองสามกิจกรรมง่ายๆคือโยนลูกโป่งน้ำข้ามไปข้ามมาให้โดนกันและกัน ผลก็คือเสื้อผ้าทุกคนดูเปียกไปหมดยิ่งสาวๆนะ โอ้วโหว ผมไม่อยากจะบรรยายยิ่งเสื้อแนบเนื้อมากเท่าไหร่ความคมชัดก็มีมากเท่านั้น ยกเว้นแม่หอยแครงคนเก่งที่เอ่อ....แบนจนผมคิดว่าเป็นหลังด้านที่สองของเธอ


   “ เชลหนาวไหม” ด้วยความที่ลมมันแรงบวกกับน้ำที่เปียกสะสมมาจากการเล่นลูกโป่งน้ำเมื่อสักครู่ทำให้ผมหันไปถามเชลที่นั่งข้างๆในตอนนี้ เธอยอมทิ้งเพื่อนๆของเธอมานั่งกับผมโดยให้เหตุผลที่ว่า


   ‘พีดูน่าสงสารและสมเพชเกินไป เดี๋ยวเรานั่งด้วยนะ’


   ย้ำนะครับว่าเธอใช้คำว่าสมเพช ผมนี่แทบจะร้องไห้เลยทีเดียว


   “ พอไหวนะ แล้วพีหนาวไหม?”


   “ หนาวกายไม่เท่าไหร่อะดิ แต่หนาวใจอะหนาวมาก” ผมเลิกนิสัยปากไวไม่ได้จริงๆ.....ขอโทษล่วงหน้าเลยนะแม่หอยแครงที่น้องต้องมาเจอกับน้องพี เดี๋ยวนานไปผมว่าเธอน่าจะชิน


   “ มุขโบราณขนาดนี้พียังจะเล่น?” ผมว่าผมเจอคนจริงของจริงก็คราวนี้แหละครับ


   “ โทษทีละกัน” เขินเลยกู เอาเป็นว่าเปลี่ยนเรื่องดีกว่า ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไรออกมาพี่ๆปีสองก็เดินนำข้าวกล่องมาแจกให้พวกปีหนึ่งที่นั่งชิวอยู่ริมทะเลในช่วงเวลาพักกลางวัน


   “ เชลได้อะไร เราได้กระเพราไก่ไข่ดาว” ผมยื่นกล่องข้าวไปให้เธอดู


   “ เราก็ได้เหมือนพีแหละ กินเถอะ” เหมือนว่าเธอจะดูรำคาญผมเล็กน้อยที่ผมเอาแต่ถามเธอไปเรื่อย ขณะที่เธอกำลังจะตักข้าวเข้าปาก เอาเป็นว่าผมลุกเดินไปเอาน้ำให้เธอดีกว่า ไม่ถามเดี๋ยวจะโดนรำคาญกลับมาอีก มีเพื่อนคนเดียวที่คุยด้วยได้ผมต้องรักษาเข้าไว้


   ผมเดินไปที่จุดบริการน้ำก่อนที่จะหยิบแก้วมารินน้ำเย็นใส่ให้ทั้งผมและเชลแต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้เดินกลับ อยู่ๆก็มีเพื่อนที่มันด่าผมเดินเอาขามาวางดักผมเอาไว้ เหมือนว่าพวกนั้นตั้งใจจะทำให้ผมสะดุด ถ้าจงใจขนาดนี้ผมก็จะแกล้งทำเป็นสะดุดก็แล้วกันครับ


ซ่า!


   “ ไอ้สัดพี”


   ผมแกล้งสะดุดและสาดน้ำใส่หน้ามันเต็มๆ สมใจไหมละครับ เล่นกับผมก่อน ทำตัวเป็นเด็กผมก็จัดแบบเด็กๆให้ไปก็แล้วกันครับ


   “ ซอรี่ครับเพื่อน” ลุกขึ้นแบบหล่อๆก่อนจะเดินไปกดน้ำเหมือนเดินและเดินผ่านหน้ามันไป จนกระทั่งกลับมาหาเชลที่ตอนนี้เธอกระดกน้ำดื่มอยู่.....


   “ ตรงนี้ก็มีพี เราเอามาให้” ผมแทบจะปาแก้วทิ้งไปเลยครับ ที่กูเดินไปตั้งไกลเพื่ออะไรกัน!!


   “ เดี๋ยวเชลหิวอีกไง” แก้ตัวไปครับ แถอะไรได้ก็แถ จะมาเสียหน้าต่อหน้าสาวไม่ได้เด็ดขาด


   ทั้งผมและเชลเราต่างคนต่างกินข้าวและพูดคุยกันไปจนกระทั่งกินเสร็จเชลก็ชวนผมไปเข้าห้องน้ำ ทีนี้แหละครับที่ผมจะได้เข้าห้องน้ำสมใจผมจริงๆ


   เชลแยกไปเข้าห้องน้ำหญิงส่วนผมเข้าห้องน้ำชายที่ตอนนี้ไม่มีคนอยู่ จนกระทั่งผมทำธุระเสร็จก็ออกมารอเชลที่ยังไม่ออกมา สงสัยเธอจะถ่ายหนักแน่ๆเพราะตอนที่ผมกินข้าวอยู่เหมือนผมได้ยินเธอแอบตด


   “ น้องผี” ผมยืนชมนกชมไม้ไปเรื่อยก่อนจะได้ยินเสียงจากสวรรค์


   “ พี่กรม ^^” เอาจริงคืออยากวิ่งไปกอดพี่มันมากๆหลังจากที่ผมได้เห็นหน้าพี่มันตอนนี้ ผมเหนื่อยผมอยากกลับบ้าน ผมจะงอแง!!


   “ หยุดเลยมึง” ไวกว่าความคิดของผมก็มือของพี่กรมนี่แหละครับที่ดันหัวผมเอาไว้ก่อนที่ผมจะพุ่งเข้าใส่พี่มันตรงๆ


   “ ผมโดนทำร้ายทางจิตใจว่ะพี่” ได้โอกาสก็ขอฟ้องพี่มันหน่อยเถอะครับ จะนิดจะหน่อยก็อยากจะฟ้อง ไม่รู้เหมือนกันนะว่าผมเป็นเด็กขี้ฟ้องตั้งแต่เมื่อไหร่ สงสัยตั้งแต่ที่เจอพี่มันมั้งครับ


   “ ไหนเล่า” พี่มันยืนกอดอกมองมาทางผมตรงๆ ท่าพี่มันตอนนี้พร้อมฟังผมสุดๆไปเลย


   “ ก็คือไอ้พี่กวงมันมายุ่งกับผม.....” ผมเห็นว่าคิ้วของพี่มันขมวดหลังจากที่ผมพูดชื่อของพี่กวงไป


   “ มันทำอะไรมึง?” ยังไม่ทันที่ผมจะพูดจบประโยคพี่กรมก็พูดแทรกขึ้นมาทันที


   “ เอ่อ....” หน้าพี่แม่งคือพร้อมบวกเต็มที่เอาสะผมไม่กล้าเล่าต่อเลยครับ “ ก็มาเคลียร์แหละ แต่ไม่ต้องห่วงผมต่อยแม่งไปสามหมัดเต็มๆ” ผมบอกอย่างนั้นเพื่อให้พี่มันสบายใจแต่เปล่าเลยครับ เพราะคำตอบที่ผมได้คือ.....


   “ ไม่ได้ห่วงเลยครับ”


   “ กูไม่เล่ามันละพี่”


   “ ทำเป็นหน้าบึ้ง คิดว่าน่ารัก?” เมื่อไอ้พี่มันเห็นว่าผมทำหน้าเซ็งก็แกล้งเอามือมาหยิกแก้มผมแรงๆ ย้ำนะครับว่าแรง ไม่ได้เอ็นดู แต่กูว่าพี่แม่งกะจะทำร้ายผมอะ


   “ เจ็บนะพี่!” หงุดหงิดคูณสองอารมณ์เหมือนเป็นประจำเดือน


   “ เจ็บ? แต่มึงก็ไม่ปัดมือกูออก??”


   “ ก็...” ก็อะไรดีวะ แก้ตัวไม่ถูกเลยกูทีนี้ “ ก็เดี๋ยวพี่เอาออกเอง ผมรู้”


   “ หึ” พี่กรมเอามือของพี่มันออกจากแก้มผมทันที “ อย่าไปใกล้มันมาก ถ้ามันเข้าใกล้ มึงก็ตะโกนร้องขอความช่วยเหลือดิ”


   “ โถ่พี่ ผมผู้ชายนะ ทำงั้นก็สาวแย่ดิ ประหนึ่งว่าผมดูบอบบางและอ่อนแออย่างนั้นแหละพี่” ถ้าผมทำอย่างที่พี่มันพูดจริงๆนะครับ ไอ้เพื่อนที่เขม่นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว วิ่งมารุมกระทืบผมซ้ำเผลอๆเป็นกำลังเสริมให้ไอ้พี่กวงมันมาเล่นงานผมอีกแน่ๆ แต่ละพวกดูไว้ใจไม่ได้สักคน จะมีก็แต่แม่หอยแครงน้อยของผมเท่านั้น


   “ แล้วผู้ชายอ่อนแอไม่เป็น?”


   “ ก็เป็นแหละ แต่ผมไม่อยากดูอ่อนแอไง” ผมก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรให้พี่มันเข้าใจผมนะ แต่ผมว่าผมยังเอาอยู่ ( แต่ที่น้องมาฟ้องพี่กรมนี่ต้องการอัลไล! : เสียงกระซิบจากคุณไก่)


   “ อ่อนแอบ้างก็ได้” ทำไมน้ำเสียงของพี่มันฟังดูอบอุ่นอย่างนั้นหละครับ “ ไม่จำเป็นว่าต้องเข้มแข็งเสมอไปหนิ กูพูดถูกไหม”


   “ ครับ พี่พูดถูก....” เสียงสองผมกลับมาแล้วครับทุกคน


   “ เดี๋ยวไปก่อนนะ แล้วเจอกันฐานเย็นๆ เตรียมใจไว้เลยว่ากูไม่อ่อนให้มึงแน่ๆน้องผี” ก่อนที่พี่มันจะไปพี่กรมยื่นบางอย่างมาให้ผม “ เก็บไว้เพื่อได้ใช้ ไปละ” ผมก้มลงมองในมือของตัวเองตอนนี้พร้อมกับรอยยิ้มที่ดูสมเพชตัวเองทันทีเมื่อเห็นของบางที่อยู่ในมือ


   “ พี่กรมนี่มันกวนตีนจริงๆ” ขยะทั้งนั้นครับกระดาษที่ขยำเป็นก้อนเล็กๆเอาไว้ ผมจะเสี่ยงเก็บไว้ก็แล้วกันในเมื่อพี่มันบอกว่ามันจะมีประโยชน์และผมจะได้ใช้


   “ เราขอโทษนะที่นานไปหน่อย แฮะๆ” แม่หอยแครงเดินออกมาหลังจากที่เธอทำธุระเสร็จ ผมยอมยืนรอเธอนานๆให้เธออึจนสบายก้น ดีกว่าที่เธอแอบตดไปเมื่อก่อนหน้านี้อะครับ ขมคอฉิบหายเลย ยิ่งคิดกลิ่นก็ยิ่งหวนคืนกลับมา “ พีเป็นอะไร?” แม่หอยแครงเดินเข้ามาถามอาการเมื่อเธอเห็นว่าผมดูท่าไม่ดี


   “ เปล่าๆ เราโอเค” ผมตอบปัดๆเธอไป เพราะขี้เกียจอธิบายให้มันดูมากความ ผมจะทนดมกลิ่นตดของเธอต่อไปเพื่อแลกกับมิตรภาพของเราในวันนี้




           

PS. เอาจริงๆ ไรท์เองก็ไม่อยากหยุดอัพพพพพ เหมือนขาดอะไรไปสักอย่างงงงง
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 10.4(5/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 05-03-2019 22:43:15
 :L2: :pig4:

 :hao7: เราก็ไม่เอาตด 55
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 10.4(5/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 06-03-2019 09:00:46
+1  o13 ขอบคุณครับ :pig4: :katai5:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 10.4(5/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: nikpook ที่ 06-03-2019 09:46:13
น้องพีกับพี่กรมคุยกันได้งุ้งงิ้งมากเลย มีหยิกแก้มงอแง  :-[ จ้าๆพี่ชายน้องชาย :hao3: พี่กรมมาคงไม่เหงาแล้วเนอะน้องผี :hao7:  ชอบเจ๊หอยแครงมากคนจริง5555 ดีใจที่คุณไก่ทอดไม่อยากหยุดอัพ เพราะเราก็รออ่านทุกวัน :กอด1: สู้ๆนะคะคุณไก่ทอด นิยายสนุกมากๆ เป็นกลจให้นะคะ การสอบก็ให้ผ่านไปด้วยดีนะ :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 10.4(5/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: nikpook ที่ 06-03-2019 22:33:23
รออยู่นะคะ :mew1: อยากเห็นบักกวงโดนตี :laugh:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 11.1(7/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: KJH177 ที่ 07-03-2019 11:51:14
 

บทที่ 11.1

ปริษณา

ค่ำคืนอันแสนหวาน กับการผจญภัยในถ้ำ (?)



ทุกคนครับผมมีเรื่องจะฟ้อง คือตอนนี้ทุกคนต่างแบ่งออกเป็นสี่ทีมในการทำกิจกรรมช่วงบ่าย ผมได้อยู่กับหอยแครงน้อยเพราะว่าผมแอบเปลี่ยน แต่กิจกรรมที่ทำให้ผมแทบอ้วกคือกินวิบากครับ วิบากสมชื่อเลย ทุกคนต้องมีส่วนร่วมด้วยกันทั้งนั้น แน่นอนว่าของที่ทุกคนไม่อยากกินอย่างขนมโก๋ ตกเป็นของผมที่ต้องรับหน้าที่กินมันให้หมด กินไปจุกๆสี่ห้าชิ้นเลยครับ และคนอย่างนายปฐพีแน่นอนว่ากูกินไม่หมดครับยัดใส่กระเป๋ากางเกงแม่งเลย จุ๊ๆอย่าไปบอกใครเชียว


   “ มาถึงเกมสุดท้ายกันแล้วนะครับ” ผมเดินตามหลังทุกคนมา ก่อนจะเห็นว่าบรรยากาศเริ่มดูจริงจังและซีเรียสมากขึ้นกว่าฐานที่ผ่านมา


   “ เกมส์นี้จะเป็นเกมส์ที่ต้องใช้ความคิดและความสามัคคีกันนะครับ” ผมเห็นว่าเกมส์นี้เป็นเกมส์ที่พี่ปีสามมาคุมฐานทั้งหมด โดยที่พี่ๆปีสองเดินออกไปด้านนอกทิ้งให้พวกปีหนึ่งอยู่กับพี่ปีสามเท่านั้น ผมพยายามมองหาพี่ๆของผมทั้งสองคนอย่างพี่เทพกับพี่กรม ก่อนจะเห็นว่าพี่ทั้งสองอยู่อีกด้านหนึ่งของชายหาด


   “ จะมีซองภารกิจทั้งหมดสี่ซอง ทุกซองจะเหมือนกัน” พี่เริ่มอธิบายให้น้องฟัง “ ในนั้นจะมีมิชชั่นให้น้องทำ ต้องทำทีละแผ่นและเขียนมาใส่กระดาษให้พวกพี่ๆดู ถ้าไม่ถูกต้องกลับไปทำใหม่ จนกว่าจะครบ และต้องส่งตัวแทนเพื่อนที่คิดว่าไม่มีประโยชน์ออกมาหนึ่งคน” ผมว่าไอ้คำพูดด้านหลังว่าเพื่อนที่ไม่มีประโยชน์ผมรู้สึกร้อนๆหนาวๆขึ้นมาทุกที เหมือนว่าเพื่อนแม่งจะโหวตให้ผมเป็นไอ้ตำแหน่งนั้นแน่ๆ


   “ โดยที่เพื่อนที่ถูกเลือกจะไม่มีสิทธิ์พูดและออกความเห็นอะไรทั้งสิ้น จนกว่าจะจบเกมส์” มันก็ดีเหมือนกันนะครับ เหมือนจะดูสบายๆไม่หนักดี


   “ ถ้าอย่างนั้นน้องๆเลือกเพื่อนที่ไม่มีประโยชน์ออกมาเลยครับ” ตอนนี้ทั้งกลุ่มมาล้อมกันเป็นวงกลมเพื่อปรึกษาว่าใครจะเป็นคนนั้นที่ถูกเลือก


   “ มีใครจะเสนออะไรไหม?” เพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มพูดอกมา


   “ วันนี้มีใครไม่ได้เล่นกิจกรรมบ้าง” และเพื่อนอีกคนก็เปิดประเด็นมา เอาเป็นว่ากูก้มหน้ามองพื้นทรายไปก่อนละกันครับ ไม่อยากจะยอมรับเลยว่าวันนี้ตัวเองทำตัวไม่มีประโยชน์จริงๆ


   “ เราโหวตกันไหม?” ความคิดนี้ก็ดีเหมือนกันครับ ผมเห็นด้วย


   “ เราเสนอพี พีดูไม่ค่อยตั้งใจตั้งแต่เช้า” ผมเงยหน้าขึ้นไปมองทันที ก่อนจะเห็นว่าเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ตาสะสวยและค่อนข้างมีความมั่นใจพูดออกมากลางวงทำให้เพื่อนๆหันมามองทางผม


   “ แต่พีกินขนมโก๋นะ” หอยแครงน้อยที่นั่งข้างๆพูดออกมาเสียงดัง อยากจะดึงมาจูบสักทีให้กับการที่ยื่นมือมาปกป้องผม “ ถึงจะอย่างเดียวก็เถอะ.....” ผมขอถอนคำพูดครับ! เชลหันหน้ามาทางผมก่อนจะทำท่าเหมือนว่าเธอหลุดปากพูดออกไป


   “ เราก็เห็นด้วยนะ”


   “ เราด้วย”


    “ เรา”


   มันก็คงเป็นเอกฉันท์แล้วหละครับที่ผมต้องออกไปทำหน้าที่ไร้ประโยชน์ของกลุ่ม แต่ผมว่าไอ้ตำแหน่งนี้มันไม่ธรรมดาแน่ๆ ถ้าผมไม่ได้เข้าใจผิดไปเองนะครับ


   “ เอาหละ มาๆๆ กลุ่มไหนได้ตำแหน่งเพื่อนที่ไม่มีประโยชน์ออกมาครับ” ผมก้มหน้าเดินออกไปกลางลานกิจกรรม เอาจริงๆนะถ้าเป็นผม ผมจะไม่ส่งใครไปเลยแม้ว่าเพื่อนจะไม่มีประโยชน์ก็ตามเพราะผมเชื่อว่าทุกคนต่างมีสิ่งที่ตัวเองถนัดและไม่ถนัดเหมือนกัน แต่ถ้าเพื่อนเลือกผมทั้งหมดผมก็จะออกไปครับ ในเมื่อผมเป็นตัวไร้ประโยชน์ในสายตาของทุกคน ขออนุญาตดึงดราม่าครับ


   “ อ้าว..ทำไมมีแค่กลุ่มเดียวที่ออกมาครับ?” ผมเงยหน้ามองทุกคนทันทีที่เห็นว่ากลุ่มอื่นๆไม่ได้ส่งคนไม่มีประโยชน์ออกมา


   “ ผมคิดว่าทุกคนในกลุ่มมีประโยชน์ทุกคนครับ ถ้าจะไม่มีประโยชน์แค่คนใดคนหนึ่งผมว่าคงจะเป็นทั้งหมด ผมเลือกใครออกไปไม่ได้จริงๆ” ผมมองไปที่หัวหน้ากลุ่มสีฟ้าพูด ทำไมผมไม่ไปอยู่กลุ่มนั้นวะ! คิดแล้วก็เศร้า


   “ แล้วกลุ่มอื่นๆละ”


   “ ผมก็เหมือนกันครับ”


   ทุกคนดูรักเพื่อนกันดีนะครับ ยกเว้นกลุ่มผม....


   “ ขอโทษนะครับ น้องมันตัวไร้ประโยชน์ของเพื่อน” ผมก้มลงมองพื้นทรายอีกรอบเมื่อพี่ผู้นำกิจกรรมพูดออกมาเสียงนิ่ง “ น้องเก่งมากที่ทำให้ทุกคนเห็นว่าน้องไร้ประโยชน์ แค่กิจกรรมน้องทำไมไม่ได้ น้องก็ไม่ควรมีกลุ่มอยู่ เชิญไปอยู่ด้านนู้นครับ” พี่มันผายมือไปทางอีกด้านหนึ่งของลานกิจกรรม จังหวะที่ผมเดินผมต้องเดินผ่านกลุ่มที่ส่งผมมา ผมเห็นสายตาของทุกคนที่มองผมแตกต่างกันไป ทั้งเสียใจ ขอโทษ รู้สึกผิด และสะใจ.... ผมยอมรับครับ ยอมรับทุกสายตา


   ผมเดินมานั่งที่เก้าอี้ที่พี่คนหนึ่งเดินพาผมมานั่งมองเพื่อนๆคนอื่นนั่งเป็นกลุ่มทำกิจกรรม ส่วนผมก็ได้มานั่งมองพวกเพื่อนๆอยู่ไกลๆ


   “ กูไม่คิดว่าจะเป็นมึง” ผมหันไปมองทางด้านหลังก่อนจะเห็นว่าเป็นพี่เทพกับพี่กรมที่เดินหน้านิ่งเข้ามาหาทางที่ผมนั่งอยู่


   “ พี่ครับ” ผมยิ้มออกมาเหมือนว่าผมเห็นแสงสว่างอยู่ตรงหน้าในทางที่มืดมิด


   “ ทั้งๆที่เป็นตัวไร้ประโยชน์ของเพื่อนแต่น้องก็มานั่งยิ้มอยู่แบบนี้?” ใจของผมหล่นวูบไปทันทีที่พี่กรมพูดออกมาแบบนั้น ทั้งๆที่พี่เขาไม่เคยพูดแบบนี้กับผม.... “ น้องไม่รู้สึกอะไรบ้างหรอ ที่เพื่อนๆเห็นว่าน้องไร้ประโยชน์ทั้งๆที่กลุ่มอื่นไม่ได้ส่งใครมาเลย?”


   ผมได้แต่นั่งคิดตามในสิ่งที่พี่กรมพูดโดยที่มีสายตากดดันของพี่เทพมองอยู่


   “ ......” ผมเลือกที่จะไม่ตอบพี่กรมออกไป เพราะผมรู้ว่าผมผิดเองจริงๆ


   “ เงียบ? น้องเงียบทำไมครับ?”


   “ ครับ.....” แล้วจะให้ผมตอบอะไรออกไป ถ้าผมตอบก็ไม่ต่างจากผมเถียงหรือแก้ตัวออกมาทั้งๆที่รู้ว่าผมผิดและทำตัวเองเต็มๆ


   “ พี่อยากให้น้องรู้ว่าการที่น้องถูกมองว่าน้องเป็นเพื่อนที่ไร้ปะโยชน์ของกลุ่มมันเป็นเพราะตัวน้องเอง ไหนลองบอกเหตุผลที่ไม่ทำกิจกรรมมาให้พี่ฟังหน่อยครับ” น้ำเสียงของพี่กรมเริ่มอ่อนลงจากตอนแรก


   “ เพื่อน..เพื่อนผมไม่มาครับ” ซึ่งเรื่องนี้ผมก็บอกพวกพี่มันไปแล้ว


   “ แล้วคนอื่นไม่ใช่เพื่อนน้องหรอครับ? ถ้าน้องคิดแค่ว่าเพื่อนของน้องคือคนที่ไม่ได้มากับน้องด้วย และคนที่อยู่ที่นี่ไม่ใช่เพื่อนน้อง มันก็สมควรแล้วครับที่พวกเขาจะไม่เห็นน้องเป็นเพื่อน”


   “ ผม....ผมแค่ไม่รู้ว่าต้องเข้าหาพวกนั้นอย่างไง ทุกคนดูไม่ต้อนรับผม” ผมตอบพี่กรมออกไปตามความรู้สึกจริงๆ ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากจะมีเพื่อนคนอื่น แต่...สายตาพวกนั้นที่มองมาทางผมมันทำให้ผมไม่กล้าเข้าไปหาใคร


   “ แล้วน้องคิดว่าเพื่อนๆเขาจะคิดแบบนั้นเหมือนที่น้องคิดหรอครับ? อย่าตัดสินคนที่เปลือกนอกพี่ว่า..มันเหมาะกับสถานการณ์ที่น้องกำลังเจอ ถ้านอกเองก็คิดแบบนั้น” สิ่งที่พี่กรมพูดทำให้ผมนึกถึงคำพูดของเชลก่อนหน้านี้ที่เธอบอกว่าผมเข้าถึงยากดูน่ากลัว นั่นมันก็เป็นแค่สิ่งที่คนภายนอกมองผมทั้งๆที่พวกเขาไม่ได้เข้ามาทำความรู้จักผมจริงๆ และนั่นทำให้ผมรู้ได้อีกอย่างหนึ่งว่าผมเองก็ตัดสินเพื่อนคนอื่นจากภายนอกเหมือนกัน


   “ ที่น้องเงียบพี่จะคิดว่าน้องเข้าใจที่พี่ต้องการจะสื่อนะครับ” ผมเงยหน้าขึ้นไปสบตากับพี่กรมตรงๆ สายตาของพี่กรมไม่ได้ดูดุเหมือนตอนแรก แต่สายตาของเขาต้องการที่จะสื่อให้ผมรู้ว่าเขาอยากให้ผมคิดได้และคิดตามในสิ่งที่เขาพูด แม้ลึกๆแล้วผมจะรู้สึกว่าพี่มันเป็นห่วงผมจริงๆ


   “ ครับ ผมคิดได้ทุกอย่าง”


   “ ครับ” พี่กรมมองผมนิ่งๆก่อนจะยื่นซองกระดาษมาตรงหน้าผม “ ถ้าน้องอยากช่วยเพื่อนและพิสูจน์ว่าคุณมีประโยชน์สำหรับกลุ่มจริงๆ นี่คือสิ่งที่น้องต้องทำ กลับมาก่อนหกโมงนะครับ” เมื่อพูดจบพี่กรมและพี่เทพต่างเดินหนีออกไปจากทางที่ผมนั่งอยู่ ก่อนที่ผมจะค่อยๆแกะซองกระดาษสีน้ำตาลออกและอ่านคำสั่ง


ไปที่ด้านหลังของรีสอร์ท  และนั่งรอจนกว่าจะมีคนมารับ อย่าไปไหนเด็ดขาด!!


   ในกระดาษมีเพียงเท่านี้ทำให้ผมเดินไปด้านหลังรีสอร์ทที่เป็นที่รกร้างมีเก้าอี้ไม้เก่าๆอยู่หนึ่งตัว ด้านบนของเก้าอี้มีซองกระดาษอยู่หนึ่งซอง


ตอบให้หมดจนกว่าทุกคนจะมาโดยห้ามออกไปไหน และคุณจะคือบุคคลที่ไม่ไร้ประโยชน์อีกต่อไป


1. บางเดือนมี 30 วัน บางเดือนมี 31 วัน มีกี่เดือนที่มี 28 วัน
2. ถ้าคุณหมอให้ยามา 3 เม็ด แล้วบอกให้คุณกินยาทุกๆครึ่งชั่วโมง คุณต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ถึงจะกินยาหมด
3. ฉันเข้านอนตอน 2 ทุ่ม แล้วตั้งนาฬิกาให้ปลุกตอน 9 โมงเช้าถามว่าฉันจะได้นอนกี่ชั่วโมงก่อนที่นาฬิกาปลุกจะดัง
4. เอา 30 หารด้วยครึ่ง แล้วบวก 10 จะได้คำตอบเท่าไหร่
5. ชาวนามีแกะ 17 ตัว ทุกตัวยกเว้น 9 ตัวตายหมด ถามว่ายังมีแกะที่มีชีวิตเหลืออยู่กี่ตัว
6. ถ้าคุณมีไม้ขีดไฟเหลือเพียงก้านเดียว แล้วต้องเข้าไปในห้องที่ทั้งหนาวทั้งมืด ในห้องนั้นมีฮีตเตอร์น้ำมัน ตะเกียงน้ำมัน และเทียนไข คุณจะเลือกจุดอะไร
7. ชายคนหนึ่งสร้างบ้านด้วยไม้ที่เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าทั้ง 4 ด้าน และหันบ้านไปทางทิศใต้ ถ้ามีหมีผ่านมา ถามว่าหมีตัวนั้นจะมีสีอะไร
8. หยิบแอปเปิ้ล 2 ลูกออกจากแอปเปิ้ล 3 ลูก ถามว่าคุณจะได้อะไร
9. โมเสสเอาสัตว์ขึ้นเรือตอนวันสิ้นโลกไปชนิดละกี่ตัว
10. ถ้าคุณขับรถซึ่งบรรทุกคน 43 คนจากชิคาโกไปพิสเบอร์ก แล้วหยุดรับอีก 7 คนขึ้นมา แล้วหยุดจอด ให้คนลงที่เคลเวอร์แลนด์ 5 คน จนมาถึงฟิลาเดอเฟียในอีก 20 ชั่วโมงต่อมา ถามว่าคนขับรถชื่ออะไร


   ผมนั่งมองไอ้ชุดคำถามนี่มาได้เกือบสิบนาทีละครับ นั่งมองมันอยู่อย่างนั้นโดยที่ผมไม่ได้แตะมันเลยสักข้อ จะไปแตะได้ไงละครับ เพราะ ผม ทำ ไม่ เป็น!!!!!!!!! ถ้าได้อยู่กับเพื่อนเป็นกลุ่มๆผมว่านะทุกคนจะได้ช่วยกันคิด หลายสมองดีกว่าสมองเดียว


ตุบ!


   อยู่ๆก็มีกระดาษโยนมาใส่ผมที่นั่ง ผมพยายามมองหาแต่ก็ไม่เจอว่ามีใครโยนมา จนกระทั่งผมค่อยๆแกะมันดู
เดินเข้าไปในป่า แล้วจะเจอคำตอบ ^^


(คำใบ้ ป่าลึก)


   ผมไม่รอช้าครับและไม่ทันได้คิดอะไร ทำให้ผมเดินเข้าไปตามคำใบ้ที่บอกยิ่งลึกก็น่าจะยิ่งมีโดยไม่ทันได้สังเกตว่าตอนนี้เป็นเวลาใกล้หกโมงเย็น ผมจะพิสูจน์ตัวเองให้เพื่อนๆเห็น










PS. พึ่งสอบตัวแรกเสร็จไปค่ะ ร้องไห้หนักมาก อาจารย์ไม่อ่อนโยน

เมื่อวานขอโทษที่ไม่ได้มาอัพนะตัวเอง
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 11.1(7/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: nikpook ที่ 07-03-2019 13:34:12
อ้าวน้องผีเขาบอกว่าห้ามลุกออกไปไหนไม่ใช่หรอ :katai1:  เพื่อนในกลุ่มก็คือใจร้ายมากแต่มันก็ทำให้เรียนรู้และปรับตัวเนอะ แอบกลัวพี่กรมตอนนี้ คำถามนี้คือกวนตีนมาก อยากรู้ว่าจะเป็นไงต่ออ่ะน้องผีคือเข้าป่าไปแล้ว :katai1: คุณไก่ทอดสู้ๆนะคะ เราเป็นกลจให้ :กอด1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 11.2(7/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: KJH177 ที่ 07-03-2019 20:57:12
บทที่ 11.2

ปริศนา


Jaokom’s talk


   เอาจริงๆนะครับผมเองก็ไม่อยากที่จะพูดแบบนั้นกับไอ้พีมันออกไป แต่ว่ามันเป็นหน้าที่ที่ผมต้องทำ แม้ผมจะรู้ว่าไอ้พีไม่ใช่ตัวไร้ประโยชน์ที่เพื่อนของมันส่งมาก็ตาม ผมรู้ว่าไอ้พีมันติดปัญหาก็ต้องที่เพื่อนที่สนิทไม่ได้มาด้วยและเจอสายตาของคนที่ไม่ชอบมองด้วยความไม่เป็นมิตร อันนี้ผมรู้ดีเพราะผมก็โดนเป็นประจำ ผมไม่อยากให้ไอ้พีมันเป็นแบบผมที่ไม่กล้าเข้าไปทำความรู้จักกับคนอื่น และที่ผมพูดออกไปมันก็ไม่ใช่สคริปที่ผมเตรียมเอาไว้ แต่ผม....เป็นห่วงมันอยากให้มันเอาชนะกำแพงที่มันสร้างขึ้นด้วยความกลัวและวิตกไปว่าคนอื่นจะไม่ชอบทั้งๆที่ยังไม่ได้ลงมือทำความรู้จัก


   “ กูเข้าใจไอ้พีเลยว่ะ” ไอ้เทพที่เดินกลับมาพร้อมกับผมพูดขึ้นหลังจากปล่อยให้ไอ้พีทำภารกิจของมัน


   “ มันต้องทำได้” ไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้ผมมั่นใจว่าเด็กอย่างไอ้พีมันจะทำและพิสูจน์ตัวเองได้ว่ามันไม่ใช่คนที่ไร้ประโยชน์ในกลุ่ม


   ผมกับไอ้เทพเดินมาที่ลานทำกิจกรรมที่ตอนนี้น้องๆปีหนึ่งต่างช่วยกันหาคำตอบ โดยแบ่งออกเป็นสี่คำถาม คำถามแรกจะเป็นคำถามวิชาสังคม คำถามที่สองเป็นคำถามเกี่ยวกับวิชาอังกฤษ และอีกคำถามคือวิชาคณิตศาสตร์และคำถามที่สี่คือคำถามไฮไลท์ของวันเลยก็ว่าได้คือ....


คำถามที่ 4


หาเพื่อนให้เจอและตอบคำถามทั้งหมด (ถ้ากลุ่มไหนไม่มีเพื่อนที่ไม่มีประโยชน์ก็ต้องตามหาเพื่อนของกลุ่มอื่นให้เจอ)


   และสถานที่ ที่ให้ไอ้พีไปหลบก็คือด้านหลังของรีสอร์ท โดยที่จะไม่มีใครรู้ว่าไอ้พีมันหายไปไหนจนกว่าจะถึงคำถามที่สี่ เกมพวกนี้ที่ผมคิดขึ้นมาก็ไม่อยากให้พวกเด็กๆมองว่าใครไม่มีประโยชน์ แต่ถ้าคนนั้นถูกเลือกมาก็อยากจะให้เพื่อนในกลุ่มมองในมุมของคนที่ถูกเลือกผ่านตัวเกม จากที่ผมสังเกตเด็กๆรุ่นนี้ไม่ค่อยมีความเป็นทีมเวิร์คสักเท่าไหร่ เพราะต่างคนต่างทำโดยที่ไม่ค่อยปรึกษาใครกัน ผมกับไอ้เทพนี่ส่ายหัวให้กันเลยครับจนกระทั่งเวลาผ่านไป


   “ หยุดครับ” ผมออกไปยืนตรงกลางและสั่งให้ทุกคนหยุดการช่วยกันหาคำตอบ เพราะถ้าปล่อยให้ถึงคำถามที่สี่ผมว่าคืนนี้ก็ไม่น่าจะเสร็จครับ


   “ เท่าที่พี่ดูน้องๆมานะครับ น้องๆขาดทีมเวิร์คและการแบ่งงานกันทำครับ ดังนั้นพี่จะให้น้องเปิดคำถามที่สี่ไปเลยเพื่อความรวดเร็ว” ผมกอดอกมือมองปฏิกิริยาของน้องๆทุกคนทันทีที่เปิดคำถามที่สี่ออกมา


   “ เห้ย พีไปไหน????” ทุกคนที่อยู่ในกลุ่มของพีน้องแอะอะโวยวายออกมาทันทีเมื่อมองไปยังจุดที่พีเคยนั่งอยู่


   “ แล้วผมจะไปรู้ว่ามันไปไหนอะครับ” เสียงของน้องผู้ชายเป็นคนพูดขึ้น


   “ หน้าที่ของพวกน้องครับ” ผมเองก็ตอบไม่ได้ด้วยซิ ถ้าผมตอบไปมันจะเรียกว่าให้หาหรอครับ?? เอาเป็นว่านั่งดูพวกน้องๆเขาได้เล่นเกมกันไปดีกว่า


   “ มึงว่าพวกน้องจะหาไอ้พีมันเจอไหมวะ?”


   “ ไม่รู้ดิ พื้นที่มันก็ไม่ได้ใหญ่ ถ้าเกิดว่าแบ่งคนกระจายกำลังก็น่าจะเจอ”


   ผมนั่งรออยู่ที่เดิมจนกระทั่งเวลาผ่านมาถึงหกโมงเย็นซึ่งเป็นเวลาที่น้องๆต้องกลับมาได้แล้ว แต่ปรากฎว่ายังไม่มีกลุ่มไหนกลับมาเลยสักกลุ่มนั้นทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ เหมือนว่าจะเกิดเรื่องไม่ค่อยดีขึ้น


   “ กูว่าเราไปดูน้องเถอะหวะ” ผมหันไปบอกไอ้เทพที่คิดแบบเดียวกันก่อนที่จะรีบวิ่งไปยังที่ ที่ผมบอกให้ไอ้พีไปนั่งรอนั่นคือ.......ข้างๆสวนบริเวณด้านข้างของโรงแรม



Pee’s talk


   ผมว่าผมเองก็เดินเข้ามาในป่าลึกอยู่เหมือนกันนะครับ แต่ทำไมยังไม่เห็นว่าจะมีคำใบ้อะไรเลย อีกอย่างนะไอ้คำถามเชาว์นั่นผมเองก็ยังตอบไม่เสร็จเลย หรือว่าผมจะไม่เข้าไปละเสียเวลาชีวิต สู้ผมเอาเวลามานั่งคิดอยู่ที่เดิมจะดีกว่า เมื่อคิดได้ดังนั้นผมก็เดินกลับไปทางเดินที่ผมเดินจากมา ผมเองก็ไม่ได้ฉลาดน้อยที่จะลืมทำสัญลักษณ์เอาไว้ นั่นก็คือเศษกระดาษที่พี่กรมมันให้ผมไปทิ้งเมื่อกลางวัน ดีนะที่ผมยังเก็บมันเอาไว้อยู่ไม่อย่างนั้นผมหลงจริงแน่ๆ


   ผมมองไปรอบๆบรรยากาศที่ตอนแรกยังพอมีแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ตอนนี้ค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีมืดครึ้มตามเวลาที่ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า นาฬิกาข้อมือผมก็ไม่มีด้วยอะครับเลยไม่รู้ว่าตอนนี้กี่โมงแล้ว อ่อ! ผมเรียนลูกเสือมาอาจารย์บอกว่าให้ถอดกางเกงเอาก้นแนบกับต้นไม้ดูว่าอุณภูมิยังอุ่นอยู่ไหม ไม่รอช้าครับผมหันซ้ายหันขวาดูว่ามีคนอยู่ไหม แต่มันจะไปมีได้ไงอะครับก็ตอนนี้ผมอยู่ในป่า


พรึบ!


   ผมถอดกางเกงออกทันทีก่อนจะค่อยๆหันหลังเข้าต้นไม้และแนบก้นของตัวเองลงทีลำต้นของต้นไม้เบาๆ ทันทีที่ก้นของผมสัมผัสกับลำต้นนั้นผมก็รู้เลยว่าต้นไม้มีอุณหภูมิค่อนข้างอุ่น แล้ว? แล้วอย่างไงต่อวะครับ ผมไม่รู้ว่าผมทำแบบนี้เพื่ออะไรในเมื่อการทำแบบนี้คือการหาทิศทางไม่ใช่การหาว่าตอนนี้เวลากี่โมง เมื่อคิดได้ดังนั้นผมวค่อยๆใส่กางเกงกลับเหมือนเดิม ก่อนจะมุ่งหน้าเดินไปยังทางที่ผมโปรยเศษกระดาษไว้เล็กๆ จนกระทั่งผมเจอเข้ากับใครบางคนที่เดินยิ้มมาทางผม แต่รอยยิ้มนั้นผมคิดว่า....มันไม่น่าปลอดภัย


   “ พี่กวง?” ผมเดินถอยหลังทันทีที่พี่มันเดินเข้ามาใกล้ตัวผม


   “ ครับ พี่เอง” ยิ่งน้ำเสียงของมันก็ดูไม่น่าเป็นมิตร “วันทีพี่รอคอยก็มาถึง”


   “ รอคอยอะไร????”


   “ คอยที่จะทำให้ไอ้กรมมันรู้สึกตายทั้งเป็น” ผมนี่ยืนงงเป็นไก่ตาแตกเลยครับ จะทำให้พี่กรมรู้สึกตายทั้งเป็นแล้วมันเกี่ยวอะไรกับผมวะ


   “ แล้วเกี่ยวไรกับผมอะพี่???”


   “ เดี๋ยวน้องก็รู้ครับ” ไอ้พี่กวงเดินเข้ามาใกล้ผมก่อนที่พี่มันจะถอดเสื้อตัวเองออก อ่อ! ผมรู้ละพี่มันจะปล้ำผมแน่ๆ ห้ะ!!!!! ปล้ำกันเลยหรอ


   “ พี่จะปล้ำผม?” ผมถามพี่มันย้ำอีกครั้ง


   “ เออ กูจะเล่นขี่ม้าส่งเมื่อกับมึงมั้งไอ้โง่!” อ้าว ด่ากูอีก?? จะปล้ำกันก็พูดจากันดีๆหน่อยดิพี่ ผมยืนนิ่งให้ไอ้พี่กวงมันเข้ามาลวนลามผม


   ผมไม่ดิ้นนะ พี่มันอยากจะทำอะไรก็ปล่อยมันไปครับ ให้พี่มันมีโอกาสได้ทำไปก่อนที่ผมจะทนไม่ไหว ค่อยจัดการมันทีเดียวครับ ไอ้พี่กวงมันค่อยๆใช้ทั้งสองมือล้วงเข้ามาด้านในเสื้อของผม ก่อนที่จะค่อยๆใช้นิ้วเขี่ยที่ผิวของผมเบาๆ โคตรขนลุก! แต่ผมต้องทนเอาไว้ให้มันตายใจ ยิ่งมือมันเลื่อนขึ้นมาเท่าไหร่ผมก็ยิ่งอยากจะผลักมันให้ออกห่างจากตัวของผมเท่านั้น


   “ ไม่คิดว่าผิวผู้ชายจะดีขนาดนี้....” น้ำเสียงที่ฟังดูเคลิ้มๆของพี่ค่อยๆเปล่งออกมา ใบหน้าของมันค่อยๆยื่นเข้ามาใกล้ซอกคอของผม ไวเท่าความคิดพี่มันค่อยๆใช้ลิ้นของมันเลียที่ซอกคอของผมเบาๆ


   กูไม่ไหวละครับ!


ผั๊วะ!!


   จังหวะที่พี่มันเคลิ้มผมใช้โอกาสนี้ต่อยหน้าพี่มันทันทีด้วยแรงทั้งหมดที่ผมมี ทำให้ไอ้กวงมันล้มกระเด็นจนตัวมันกระแทกที่พื้น มันทำท่าจะลุกขึ้นมาแต่ผมใข้เท้าเหยียบหน้าอกของมันเอาไว้


   “ กูไม่ได้โง่” ผมเข้าใจแล้วครับว่าไอ้การที่พี่มันเข้ามาหาผมเพราะว่าอะไร “ กูไม่ใช่เครื่องมือที่จะเอามาแก้แค้นใคร ถ้ามึงจะแก้แค้นพี่กรมก็ไปทำกับพี่มัน ไม่ใช่กู”


ตุบ!


   ผมออกแรงกระทืบหน้าอกของไอ้กวงอีกครั้งก่อนจะเดินหันหลังหนีไปเพราะคิดว่าที่ผมถีบและกระทืบที่หน้าอีกจะทำให้มันลุกขึ้นไม่ไหว แต่นั่นผมคิดครับ!


หมับ!!!


ตุบ!!


   ไอ้กวงมันขว้าข้อเท้าของผมเอาไว้ในช่วงที่ผมกำลังจะก้าวเดินหนีไปอีกทาง นั่นทำให้ผมเสียหลักล้มทันทีไอ้กวงที่ตอนแรกนอนอยู่ที่พื้นได้โอกาสลุกขึ้นมาคร่อมผมเอาไว้อย่างรวดเร็ว ก่อนที่มันจะใช้สองมือกุมใบหน้าผมเอาไว้แรงๆ


   “ พอดีว่ากูก็ไม่ได้โง่เหมือนกันหวะ!” ผมพยายามสะบัดหน้าหนีแต่ด้วยความที่ผมถูกกดให้นอนราบไปกับพื้นทำให้เรี่ยวแรงที่ผมพยายามจะยันตัวให้ลุกขึ้นไม่สามารถทำได้ เข่าของไอ้กวงมันกดทับหน้าขาของผมเอาไว้


   “ ปล่อยกู!” แม้ว่าผมจะถูกมันทับแต่เสียงของผมก็ยังคงมีอยู่


   “ อ้อนวอนกูซิ อ้อนวอนกู!” มันตะคอกใส่ผมเสียงดัง “ เป็นเมียกูสบายนะ สบายกว่าเป็นเมียไอ้กรมอีก แค่นอนให้กูเอาแค่นั้น กูมีทั้งเงินทั้งของเท่าที่มึงจะต้องการ”


   “ ข้อเสนอดูดี.....แต่พอดีว่ากูไม่ต้องการ!!!!” ผมใช้หน้าผากของผมโขกเข้ากับหน้าผากของไอ้กวงแรงๆจนทำให้ไอ้กวงเสียจังหวะไปเล็กน้อย แต่ก็มากพอที่ผมจะเป็นอิสระจากการเกาะกุมของมัน


   “ พูดดีๆไม่ฟังมึงก็ต้องเจอแบบนี้”


เพี๊ยะ!!!


   ไอ้กวงกระชากแขนของผมและดึงตัวผมให้เข้าไปหามันก่อนที่มันจะใช้มือฟาดเข้ามาที่ใบหน้าของผมเต็มๆจนหน้าของผมหันไปตามแรงที่ไอ้กวงมันตบ


   “ เชี่ยเอ้ยย” ผมสบถออกมาเมื่อปากของผมแตกจากการตบของไอ้กวง ต้องให้กูเลือดออกสักอีกเท่าไหร่กันวะ! “ มึงมาเดี่ยวกับกูมาไอ้สัด มาต่อยกับกูให้มันรู้ว่าใครแพ้ใครชนะ!!” ผมยันตัวลุกขึ้นท้าไอ้กวงออกไป ผมเบื่อที่จะต้องมายุ่งวุ่นวายกับมันอีกแล้ว


   “ แต่กูจะปล้ำ”


   “ ถ้ามึงชนะ มึงอยากจะทำอะไรกับกูก็ทำ แต่ถ้ามึงแพ้กูขอแค่อย่ามายุ่งกับกูอีก” ผมเสนอมันออกไป


   “ แล้วจะรู้ได้ไงว่าใครแพ้ใครชนะ”


   “ ใครล้มก่อนก็แพ้”


ผั๊วะ!


   สิ้นเสียงนั้นผมก็ต่อยหน้าไอ้กวงเต็มแรงจนมันเองก็ไม่ทันได้ตั้งตัว หึ ไม่มีกติกาหรือข้อห้ามว่าผมห้ามลุยก่อน ถ้าผมเปิดอย่าหาว่าผมจะออมมือใครทั้งนั้น เรื่องเตะต่อยมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ผมไม่ถนัดแต่ผมแค่ไม่เอามันอกมาใช้


   “ ไอ้พี ไอ้เด็กเหี้ย เล่นทีเผลอนะมึง” เมื่อมันตั้งหลักได้ก็พยายามจะต่อยเข้ามาที่หน้าผม แต่ขอโทษผมหลบได้ทัน ทำให้จังหวะมันวืดออกไป ผมกับไอ้กวงแลกหมัดกันได้สักพักสลับกันเข้าเป้าแต่ผมว่าผมได้เปรียบเพราะผมหลบมันได้เกือบจะทุกหมัด แต่กลับไอ้กวงสภาพมันตอนนี้ก็ดูแย่ครับ


   “ ถ้ามึงแพ้เลิกยุ่งกับกู” เมื่อเห็นว่าท่าทางของไอ้กวงดูเริ่มไม่ไหว ผมง้างมือขึ้นเตรียมต่อยหน้าของมันเพื่อปิดฉากการต่อสู้นี้แต่แล้วก็มีมือของใครสักคนมาจับแขนข้างที่จะต่อยของผมเอาไว้ และนั่นก็คือ....


   “ พี่กรม”


   “ ....!!!” ผมไม่รู้นะว่าทำไมพี่มันต้องทำสีหน้าเหมือนว่าไม่พอใจผมด้วยทั้งๆที่ผมไม่ผิด แต่แค่ผมไม่มีโอกาสได้อธิบาย แต่ภาพที่ผมกำลังจะต่อยไอ้กวงมันคงตีความได้ว่าผมเป็นคนเริ่มก่อน


   “ กูเคยบอกมึงว่าอะไร?” พี่มันถามผมเสียงเข้มพร้อมสายตาดุๆที่ส่งมาให้ จนผมต้องบิดข้อมือของตัวเองออกจากข้อมือของพี่กรมทันที


   “ ผมอดทนแล้ว”


   “ ได้แค่นี้?”


   “ ถ้าพี่ไม่รู้อะไรก็อย่าพึ่งพูด” เป็นครั้งแรกเหมือนกันครับที่ผมพูดแบบนั้นออกไป ไม่ซิครับมันคงเป็นอารมณ์ของผมตอนนี้แหละมั้ง


   “ ไอ้พี”


   “ ถ้าอยากรู้ก็ถามเพื่อนพี่ละกัน” ผมมองหน้าพี่มันเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินชนไหล่พี่กรมออกไปทั้งๆที่ใบหน้าของผมเต็มไปด้วยแผลและเลือด









PS. มาชดเชยนะที่เมื่อวานไม่มา

ตอนนี้คือน้องดุมาก ดุที่สุด!!
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 11.2(7/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 08-03-2019 07:56:20
น้องพี่เก่งมากลูก อย่าไปยอมให้ไอ้คนที่มันไม่มีทางจะทำตัวดีได้อย่างไอ้กวงเลย
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 11.2(7/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: nikpook ที่ 08-03-2019 10:39:09
น้องผีคือสุดยอดมากเก่งมากลูก ไม่ต้องสนใจอิพี่กรม ตอนนี้คือสมน้ำหน้าอิพี่กรมนะ ก็พี่กรมไม่ฟังอะไรเลยแล้วจะมาพูดแบบนี้มันก็ไม่โอเคป้ะ เข้าข้างน้องผีที่สุดคือเราเอง เราว่าบักกวงโดนน้อยไปด้วยซ้ำถ้าเทียบกับการขโมยงานและจะมาข่มขืนน้องผี ตอนอ่านไปก็แอบคิดว่าถ้าแพ้ :a5: ไม่คิดต่อดีกว่า แล้วจะเป็นยังไงต่อน้องผีคงไม่หลงป่าหรอกเนอะ มาต่อเร็วๆนะคะสนุกมากๆเลย :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 11.2(7/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 08-03-2019 10:49:08
สิ้นเสียงนั้นผมก็ต่อยหน้าไอ้กรมเต็มแรงจนมันเองก็ไม่ทันได้ตั้งตัว
ตรงนี้ต้องเป็น กวง ใช่ป่ะ

พี่กรม บอกให้พีอดทน อดทนอะไรเหรอ  :angry2:
อดทนให้ไอ้กวงปล้ำหรือเปล่า  .....อดทนจนมันปล้ำให้เสร็จเหรอ  ยังไง  o22 o22 o22
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 11.3(8/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: KJH177 ที่ 08-03-2019 19:35:57
     
        บทที่ 11.3

               ปริศนา


        “ พี....” ทันทีที่ผมออกมาจากป่าเพื่อนๆที่อยู่ในกลุ่มต่างมารวมตัวกันตรงที่ผมเดินมา “ พวกเราขอโทษ”


   “ .....” ผมมองหน้าพวกเพื่อนๆทีละคนโดยที่ไม่พูดอะไรออกมา


   “ เดี๋ยวเราทำแผลให้นะ” ผมเดินตามแรงดึงของเชลโดยที่ไม่ได้รับรู้ว่าสถานการณ์รอบตัวมันเป็นอย่างไง แค่รู้ว่าตอนนี้ผมร้อนมาก มากเกินกว่าที่ผมจะหยุดตัวเองไหว บวกกับการที่พี่กรมพูดออกมาแบบนั้นโดยที่ไม่ได้เอ่ยปากถามผมสักคำ


   “ เชลออกไปก่อนได้ไหม?” ผมหันมาพูดกับคนตัวเล็กที่กำลังจะใช้สำลีเช็ดแผลให้ผม “ ได้ไหม เราขอร้อง”


   “ แต่เรายังไม่ได้ทำแผล...”


   “ เดี๋ยวเราทำเองนะ” ผมหยิบสำลีออกมาจากมือของเชล


   “ ได้ เดี๋ยเราออกไปรอนะ” เธอเองก็ออกไปรอด้านนอกห้องพักที่ได้ถูกจัดเตรียมไว้สำหรับเป็นห้องพยาบาลและสวัสดิการในเวลาเดียวกัน


   ผมนั่งทบทวนทุกอย่างที่เกิดขึ้นอย่างใช้ความคิด ผมวิเคราะห์สถานการณ์ตั้งแต่เริ่มแรกแล้วว่าผมไม่ผิดคนที่เข้ามาหาเรื่องผมก่อนก็คือมัน แต่สิ่งที่พี่กรมกับพวกพี่คนอื่นๆเห็นก็คือการที่ผมกำลังจะต่อยไอ้กวงที่ล้มกองอยู่ที่พื้นในลักษณะที่ใครก็ดูออกว่ามันไม่ไหว แล้วผมผิดหรอวะที่ปกป้องตัวเองหรือว่าผมต้องนอนให้มันซ้อมแต่ผมว่ามันจะไม่ใช่แค่ซ้อมเพราะเจตนามันเองก็บอกผมตั้งแต่แรกว่ามันตามผมมาทำไม.....


แอดดดด


   ผมมองไปตามเสียงประตูที่ถูกเปิดออกอีกครั้ง และครั้งนี้ผมอยากจะเดินหนีออกไปเองแทนที่จะไล่เหมือนที่ผมไล่เชลให้ออกไป เพราะรู้ว่าไล่อย่างไงพี่แม่งก็ไม่ออกไปแน่ๆ คนบ้าอำนาจอย่างพี่กรมตามผมมาก็เพราะจะมาด่าที่ผมไม่ทำตามที่เขาเคยสอน แทนที่จะเลือกถามผมก่อนว่าเรื่องมันเป็นมาอย่างไร และทำไมผมถึงเลือกใช้กำลังในการตัดสินปัญหา ทั้งๆที่จริงแล้วผมพยายามที่จะไม่ใช้มันเป็นคำตอบและตัวเลือกสุดท้ายที่ผมจะหยิบมันออกมา แต่พี่กรมเขาไม่ได้ถามผมเลย... และเขาได้ตัดสินผมไปแล้วตามภาพที่เขาเห็น


   “ ถ้าพี่จะเข้ามาด่ามาว่าผมอีกก็ออกไปครับ” ผมไม่อยากจะยอมรับเลยว่าผมน้อยใจพี่มัน ทั้งก่อนหน้าที่ผมทำกิจกรรมเป็นคนไร้ประโยชน์ของเพื่อนจนมากระทั่งตอนที่ผมต่อยไอ้กวง


   “ มีเหตุผลหน่อยดิ” ผมเงยหน้ามองพี่มันทันทีที่พี่มันพูดออกมา นี่ผมยังไม่มีเหตุผลอีกหรอครับ??


   “ ไม่มีว่ะครับ แม่งมาถึงก็เอาแต่ด่าเคยถามผมไหมว่าผมเป็นอะไร เคยถามผมก่อนไหมว่าผมโอเคหรือเปล่า พี่แม่งก็เอาแต่ตัดสินในสิ่งที่พี่เห็นอย่างเดียว เชี่ยเอ้ย!” ด้วยความน้อยใจบวกกับความโมโหทำให้ผมระเบิดใส่พี่กรมออกไป


   “ ไอ้พี” พี่กรมเรียกผมเสียงดุ ทำให้ผมก้มหน้ามองพื้นห้องเพราะไม่อยากหันไปมองพี่มันอีกเดี๋ยวอารมณ์ผมมันจะแย่ไปมากกว่านี้


   “ .....”


   “ เดี๋ยวทำแผลให้” พี่กรมเดินเข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆ


   “ ไม่ต้อง ผมทำเองได้”


   “ ทำไมมาดื้อเอาตอนนี้วะ”


   “ แล้วทำไมต้องทำตามพี่ตลอดละครับ?”


   “ กูจะไม่ทนละนะ” ในน้ำเสียงของพี่กรมมันไม่ได้แฝงแววล้อเล่นแม้แต่น้อยเมื่อยังเห็นว่าผมมีท่าทีต่อต้านพี่มัน “ หันหน้ามาอย่าให้พูดซ้ำ” ผมรู้ตัวอีกทีก็มีมือใหญ่ของพี่มันค่อยๆเอื้อมมือมาจับคางของผมเบาๆก่อนจะบังคับให้ผมหันมาทางพี่กรมที่ยืนอยู่ระหว่างขาของผมที่พี่มันเข้ามาแทรกตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้


   “ ทำไมชอบทำให้เป็นห่วง?” น้ำเสียงที่ดูอ่อนกว่าตอนแรกพูดขึ้นพร้อมกับสำลีที่ชุบน้ำเกลือล้างแผลค่อยๆแตะตามแผลบนใบหน้าของผม


   “ แล้วใครให้เป็นห่วง? คนเป็นห่วงเขาพูดกับผมแบบนี้?” ยังไม่ทันที่พี่กรมจะทำแผลให้ผมจริงๆจัง ปากของผมมันก็ดนประชดพี่แม่งขึ้นมาอีกรอบ


   “ เดี๋ยวเถอะมึง” พี่กรมไม่ได้พูดอะไรออกมาต่อ ปล่อยให้ความเงียบเข้าปกคลุมเราทั้งสอง แต่ด้วยความอึดอัดหรืออะไรก็ไม่รู้ทำให้ผมก้มหน้าลงพาดศีรษะของตัวเองลงบนไหล่ของพี่มันเอาไว้โดยที่ผมเองก็ไม่รู้ตัวว่าเผลอไปทำแบบนั้นกับพี่มันได้อย่างไร ทั้งๆที่ในใจของผมยังคงไม่พอใจพี่มันอยู่กับเหตุการณ์เมื่อสักครู่


   “ ไม่เป็นอะไรแล้ว” น้ำเสียงที่บ่งบอกว่าเป็นห่วงบวกกับมืออุ่นๆที่ค่อยๆลูบที่ผมของผมเบาๆ “ ขอโทษที่ไม่ได้ถามอะไร ขอโทษที่ตัดสินด้วยภาพที่กูเห็น ยกโทษให้กูได้ไหมพี?”


   ความอ่อนแอที่ผมเก็บซ่อนมาตอนนี้มันได้พังลงไปเพราะความอบอุ่นและความเป็นห่วงที่พี่มันมอบให้เด็กอย่างผม ทั้งๆที่ตอนแรกผมทำเป็นไม่กลัวตอนที่ไอ้กวงมันจะปล้ำ ผมคิดว่าผมเอาอยู่ แต่....ในใจผมโคตรกลัว กลัวว่ามันจะทำผมตามที่มันต้องการ ในใจตอนนั้นผมหวังว่าจะมีใครสักคนเข้ามาช่วยและใครคนนั้นผมภาวนาของให้เป็นพี่กรม แต่แล้วผมก็รู้ว่าโลกแห่งความจริงมันไม่มีใครมาช่วยผมได้จริงๆ จนกระทั่งผมฮึดสู้มันโดยใช้กำลังในการตัดสิน ผมอยากจะจบๆทุกอย่างในวันนี้ ให้มันรู้แพ้รู้ชนะกันไปข้างหนึ่ง นั่นคือความโมโหที่มันขับเคลื่อนให้ผมทำแบบนั้นออกไปทั้งๆที่ในใจกำลังกลัวและหวาดหวั่นกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ จนกระทั่งผมเห็นว่าคนที่ผมภาวนาให้เข้ามาช่วยอยู่ตรงหน้า มันทำให้ผมรู้ว่าผมกำลังจะปลอดภัย.......


   “ ผู้ชายไม่จำเป็นต้องเข้มแข็งตลอดก็ได้” ยิ่งน้ำเสียงและความอบอุ่นของพี่กรม ยิ่งกระตุ้นให้ความอ่อนแอของผมออกมา “ อยู่กับกูแค่สองคนไม่เห็นต้องกังวลอะไร” เท่านั้นแหละครับสองมือของผมโอบกอดพี่มันเต็มๆ จากที่แค่พาดในตอนแรกแต่ตอนนี้ผมซุกหน้าลงบนไหล่ของพี่มัน ความอ่อนแอที่ผมเก็บไว้มาพลั่งพลูไหลออกมา


   เหตุการณ์ตั้งแต่เช้าคือเหตุการณ์ที่ทำให้ผมเฟลเพราะเพื่อนที่คิดว่าจะมาสนุกด้วยกันมันไม่มาเพราะอุบัติเหตุ และอีกเหตุการณ์ที่ทำให้ผมคิดมากมาตลอดทั้งวันคือสิ่งที่ไอ้กวงมันพูดกับผมท่าทีของมันที่เข้าหาผมมันทำให้ผมวิตกจนไม่เป็นอันธรรมกิจกรรมและที่สำคัญการที่เป็นตัวประหลาดของเพื่อนมันก็ทำให้ผมรู้สึกแย่ ยิ่งการที่ผมถูกเลือกออกมาแม้ลึกๆจะรู้อยู่แล้วว่าตัวเองเป็นคนทำตัวเองทั้งนั้น แต่นั่นมันก็ยากที่จะยอมรับครับ.... แต่ความโชคดีของวันก็คือการที่เห็นพี่กรมกับพี่เทพมาค่ายในครั้งนี้มันทำให้ผมรู้สึกดีที่ยังมีคนที่ผมรูจักและพวกเขาจะไม่มีทางทิ้งผม แล้วใครจะไปคิดว่าตอนสุดท้ายผมจะเจอกับความเลวร้ายอย่างนั้น


   “ ผม...ผมไม่ไหว”


   “ กูจะอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน....” มือของพี่กรมก็ยังคงลูบผมไล่ลงมาที่หลังของผมเบาๆ จนกระทั่งมือของพี่มันเลื่อนมาจับมือผมทั้งสองข้างที่โอบกอดพี่มันอยู่ จนมือที่กอดของผมค่อยๆตกลงมาประสานกับพี่กรมอยู่ด้านข้างของลำตัวพี่มันอยู่อย่างนั้น “ อยากเล่าอะไรไหม หื้ม”


   “ มันจะปล้ำผม....ผมทำเหมือนไม่กลัว”


   “ ......” พีไม่ทันสังเกตว่าใบหน้าของเจ้ากรมนิ่งและเครียดไปทันทีที่พีพูดออกมา เจ้ากรมคิดเพียงแค่ว่าเขาจะทำอย่างไรกับกวงดีทั้งๆที่เคยพูดออกไปแล้วทั้งใช้กำลังก็แล้วพูดดีๆก็แล้ว หรือว่าตอนนั้นกวงไม่มีสติพอที่จะรับฟังในสิ่งที่เขาพูด


   “ พี่...ผมกลัว”


   “ ไม่เป็นอะไรแล้ว” เจ้ากรมรีบสะบัดหัวเพื่อไล่ความคิดที่จะจัดการกับไอ้กวงออกก่อนจะหันมาสนใจคนที่อยู่ในอ้อมกอดของเขาตอนนี้ “ มันไม่มีทางทำอะไรมึงได้แล้ว”


   “ ผมแอบคิดนะว่าตั้งแต่ผมรู้จักกับพี่ผมเจ็บตัวมาตลอด...” เจ้ากรมนิ่งเงียบเพื่อฟังในสิ่งที่พีกำลังจะพูดต่อไป “ แต่ผมก็ไม่มีความคิดว่าจะออกห่างจากพี่เลย”


   “ ไอ้น้องผีเอ้ย” เจ้ากรมอดที่จะหมันเขี้ยวเด็กคนนี้ไม่ได้ทำให้ลืมตัวเผลอเข้าไปจะก้มลงไปหอมที่ศีรษะของคนที่อยู่ในอ้อมกอด แต่ต้องชะงักเอาไว้ก่อนเพราะความสับสนบางอย่างที่เขาเองก็ไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร จนกระทั่งพีค่อยๆผลักออกจากอ้อมกอดของกรม


   “ ทำแผลให้ผมหน่อย” ผมจับมือของพี่มันที่จับสำลีอยู่ขึ้นมา


   “ แล้วเมื่อกี้ไล่กู?”


   “ ก็....ตอนนี้ไม่ไล่แล้ว” ผมไม่กล้าบอกพี่มันออกไปว่าผมน้อยใจ เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าผมน้อยใจอะไรไม่เข้าเรื่องอีก แต่ผมว่าพี่มันน่าจะรู้แล้วแหละครับเพราะไอ้ผมเองก็ประชดพี่มันไปเต็มๆตั้งแต่พี่มันเข้ามา


   “ เออ” พี่กรมหันกลับมาสนใจทำแผลให้ผมต่อ “ หาเรื่องเจ็บตัวเองนะมึง”


   “ ผมไม่ได้หา แต่เรื่องมันมาหาเอง”


   “ เงียบได้ไม่นานจริงๆคนอย่างมึง” ผมยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนที่สายตาผมจะเหลือบไปเห็นว่าเลือดของผมเปื้อนเสื้อของพี่มันบริเวณที่ผมไปซุก


   “ เลือดเปื้อน” ผมจิ้มไปที่ไหล่ของพี่กรมเบาๆบริเวณที่มีเลือดของผมเปื้อนอยู่


   “ ซักออกได้ แต่นี่” พี่กรมเว้นช่วงเอาไว้พร้อมกับใช้นิ้วจิ้มมาที่แผลของผมเบาๆและพูดออกมาช้าๆ “ ซักไม่ได้” ไม่รู้ว่าทำไมผมต้องยิ้มออกมากับอะไรแบบนี้


   “ ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงนะพี่” ผมพูดออกมาจากความรู้สึกจริงๆหลังจากเหตุการณ์ที่ผ่านมาตอนนี้ผมเริ่มมีสติก่อนจะไตร่ตรองทุกอย่าง และรับรู้ได้ว่าพี่มันเป็นห่วงผมจริงๆอย่างที่พี่มันพูดออกมา


   “ ขอโทษที่ต้องเป็นต้นเหตุให้มึงเจ็บตัวในหลายๆเรื่อง” พี่กรมวางสำลีลงบนกล่องปฐมพยายามบาลไว้เหมือนเดิมก่อนที่จะฉีกพลาสเตอร์ขึ้นมาแปะตามแผลที่เขาพึ่งทำความสะอาดให้เสร็จ 


   “ ผมก็ทำตัวเองด้วย ไม่ใช่พี่คนเดียว” ผมแย้งออกมามื่อเห็นว่าคำพูดของพี่มันดูโทษตัวเองฝ่ายเดียว ทั้งๆที่ตัวผมเองก็มีส่วนที่ทำให้ผมต้องเจ็บตัวด้วยเหมือนกัน


   “ ชอบขัดกูจัง อยากเท่บ้างไม่ได้เลยดิ?” พี่มันเลิกคิ้วขึ้น


   “ โห่พี่ แค่นี้ก็เท่จะแย่แล้วครับ พี่จะเอาเท่ไปขายที่ไหนหนักหนาละ”


   “ เศร้าไม่ได้ตลอดเลย? จะต้องเกรียนทุกตอนว่างั้น”


   “ ยังคงคอนเซปครับพี่ครับ” ผมเสนอหน้าออกไปให้พี่มันหมันไส้เล่น


   “ จะกลับเลยหรือจะอยู่ต่อ” พี่กรมถามผมออกมาเมื่อทำทุกอย่างเสร็จ


   “ ทางไหนดีที่สุด” ผมเลือกไม่ได้ว่าทางไหนดีที่สุดสำหรับผม “ ถ้าผมกลับ ผมจะกลายเป็นขี้แพ้ไหม?”


   “ เป็นครับ” พี่มันพยักหน้าอย่างรวดเร็วเหมือนไม่ทันได้คิด “ เรื่องนี้กูช่วยไม่ได้จริงๆนะน้องผี เพราะเป็นการทะเลาะวิวาทอาจารย์ต้องรับรู้หรือไม่ก็อาจจะไม่รับรู้ อยู่ที่เฮดของงานซึ่งกูไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ อย่าลืมนะว่าทำอะไรลงไปต้องรับผิดชอบกับการกระทำของตัวเองด้วย”


   “ ครับพี่”


   “ แต่อย่างไง กูเอาใจช่วยมึงเสมอ กูรู้ว่ามึงต้องผ่านมันไปได้” มือของพี่มันวางลงมาบนศีรษะของผมครั้งแล้วครั้งเล่าจนผมว่าผมจะกลายเป็นคนเสพติดมือของพี่กรมมันแล้วครับ


   “ แต่ผมไม่อยากเห็นหน้ามันเท่านั้น แค่ชื่อก็ไม่อยากจะเอ่ย”


   “ ก็แค่มองหน้ากู...คนเดียว”


ตึก ตัก ตึก ตัก


   ผมว่าผมน่าจะกำลังเป็นโรคหัวใจ สงสัยจะเป็นผลข้างเคียงจากเหตุการณ์นั้นแน่ๆ ผมว่าวิธีเดียวคือผมต้องลุกขึ้นให้ออกไปจากตรงนี้ ให้ออกห่างจากพี่กรม....ก่อนที่พี่มันจะได้ยินเสียงของหัวใจผม แต่ยังไม่ทันที่ผมจะลุกออกพี่มันก็ดันตัวผมให้นั่งลงเหมือนเดิม


   “ จะรีบไปไหน?”


   “ แล้วจะให้ผมอยู่ทำอะไรหละครับ” แค่นี้อกกูก็จะแตกตายอยู่แล้ว...ไอ้บ้าเอ้ย!! ถ้าผมยังหาคำตอบว่าการที่ผมหัวใจเต้นแรงเป็นเพราะสาเหตุอะไรไม่ได้ ผมก็ต้องออกห่างจากตัวของพี่กรมมากเท่านั้น เพื่อความปลอดภัยของทั้งผมและพี่มัน


   “ แล้วมึงจะออกไปทำไมหละครับ??”


   “ ออกไปหาพ่อพี่มั้ง..อุ๊บ!” ผมรีบยกมือขึ้นปิดปากตัวเองเมื่อเผลอพูดแบบนั้นออกไป


   “ ปากดีแบบนี้แสดงว่าหายแล้ว” พี่มันกระตุกยิ้มพร้อมกับเลิกคิ้วอย่างกวนๆ


   “ ดีไม่ดีไม่รู้ รู้แค่ว่าจะชิมไหม...อุ๊บ!!!” ผมอยากจะตบปากตัวเองแรงๆเลยครับที่ดันพูดแบบนี้ออกมา


ผั๊วะ!


   แล้วผมก็รู้แล้วครับว่าผมโดนอะไร.....ฝ่ามืออันแสนหวานของพี่กรมฝาดลงมาที่กลางหัวของผมเต็มๆ


   “ น้องเจ็บอยู่!”


   “ กูแคร์ว่างั้น”


   “ ครับ!!”


   จบบทสนทนาเพียงเท่านี้..............







PS.พี่กรมก็คือพี่กรม น้องพีก็คือน้องพี เพลียค่ะ

 
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 11.3(8/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 09-03-2019 06:41:37
เกรียนพอๆ กัน น้องพีสลดได้ไม่ถึงนาที แต่ก็สงสารน้องเจ็บตัวตลอด
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 11.3(8/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: สีหราช ที่ 09-03-2019 18:12:03
 o13 :really2:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 12.1(9/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: KJH177 ที่ 09-03-2019 19:41:37

บทที่ 12.1

ค่ำคืนที่แสนหวาน


Jaokom’s talk


   ผมแยกออกมาจากไอ้พีแล้วครับ ตอนนี้ปล่อยให้พีมันไปรับบทลงโทษในสิ่งที่มันก่อถึงแม้ว่าในสายตาของผมมันจะไม่ผิดก็เถอะครับ ไอ้เทพหนึ่งในผู้จัดงานพยายามจะช่วยให้ไอ้พีไม่โดนอะไรมากแค่เรื่องไม่ถึงอาจารย์หรือถึงขั้นดำเนินคดีก็พอแล้ว ส่วนคู่กรณีของมันก็เงียบครับเงียบกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่ปล่อยมันเอาไว้แน่ๆ ถ้ามันกล้าทำถึงขนาดนั้นผมว่ามันต้องมีเคลียร์กันหน่อยแล้วแหละครับ


   “ ไอ้กรมไปไหนมา” ไอ้เทพทักขึ้นหลังจากที่ผมเปิดประตู้เข้ามาในห้องพักที่เป็นห้องของผมกับไอ้เทพในคืนนี้


   “ เดินเล่น” ผมตอบออกไปตามความจริงเพราะผมต้องการหาที่สงบนั่งคิดทบทวนอะไรบางอย่างที่มันรบกวนทั้งในหัวใจและในความคิดของผมตอนนี้ “ แล้วไอ้พีเป็นไงบ้าง”


   “ ก็โดนไปตามระเบียบ แต่แม่งไม่ยอมพูดว่าต่อยกันทำไม ทั้งคู่เลย”


   “ มันไม่บอกเหตุผลหรอวะ?” ผมนั่งที่ขอบเตียงก่อนจะเอาโทรศัพท์ขึ้นมากดเล่นเพื่อเช็คข่าวสารในแอพลิเคชั่นต่างๆ


   “ อื้อ กูก็ไม่ได้คาดคั้นอะไรพวกมันต่อ”


   “ อาฮะ” ผมเองก็พอจะรู้เหตุผลของไอ้พีว่าทำไมไม่อยากที่จะบอกเหตุผล เรื่องแบบนี้มันยากที่จะเข้าใจครับ ถ้ามันบอกโต้งๆไปว่าไอ้กวงจะข่มขืนมันก็ไม่ได้ เพราะสิ่งที่ไอ้พีพูดมันไม่มีหลักฐานที่ว่าไอ้กวงจะทำบางทีถ้ามันพูดออกไปกระแสอาจจะตีกลับไปที่มันก็ได้ ผมว่าการที่ไอ้พีมันเงียบก็น่าจะดีที่สุดแล้ว แต่ถึงอย่างไรก็แล้วแต่ผมเชื่อในสิ่งที่มันพูดอย่างไม่มีข้อกังขาอะไรทั้งสิ้น


   “ แต่ไอ้กวงก็เละเลย กูสงสัยตรงที่ไอ้กวงมันเงียบหวะมึง ปกติไอ้กวงมันไม่ใช่คนแบบนี้ กูว่ามันต้องมีอะไรกับไอ้พีโดยที่พวกเราไม่รู้” ผมก็อยากจะรู้เหมือนกันครับ เพราะไอ้พีมันก็ไม่ได้บอกผมหมดทุกอย่างมันบอกเพียงแค่ว่าไอ้กวงจะข่มขืนมัน


   “ รอดูต่อไป”


   “ เออ” ผมไถ่หน้าจอไปเรื่อยๆจนกระทั่งเห็นรูปผู้หญิงคนหนึ่งเด้งขึ้นมาในหน้าฟีดของผม ผู้หญิงที่ผมเคยตามจีบเธอมาได้สักพัก แต่ผมก็เลิกจีบเธอไปเพราะคิดว่าเธอจะไม่น่าชอบผม แต่นี่ก็ผ่านมาได้เกือบปีแล้วครับที่ผมไม่ได้คุยกับเธอ หรือบางทีการที่ผมกลับไปคุยกับเธออีกครั้งจะทำให้ผมตัดสินใจอะไรบางอย่างได้ง่ายขึ้น


   “ กูว่ากูจะกลับไปจีบเมย์”


   “ ห้ะ?” ไอ้เทพที่นอนอยู่ข้างๆถึงกับลุกขึ้นมานั่งทันทีที่ผมพูดออกไปแบบนั้น “ มึงคิดอะไรอยู่”


   “ ไม่รู้หวะ กูสับสน”


   “ ไอ้กรมมึงฟังกูนะ” ไอ้เทพจับไหล่ทั้งสองข้างของผมให้หันไปมองหน้ามันตรงๆ “ อย่าลากใครเข้ามาเกี่ยวอีกเลยมึง”


   “ กูไม่ได้จะลากใครมาเกี่ยว แต่ครั้งที่แล้วกูยอมแพ้ไปเองทั้งๆที่เมย์กำลังจะหันมาชอบกูอยู่แล้ว”


   “ แต่....มึงแน่ใจว่ามึงยังชอบเมย์อยู่” สายตาของไอ้เทพมันพยายามจะสื่อว่ามันรู้ว่าผมไม่ได้ชอบเมย์แต่ผมกำลังชอบใครอีกคนที่ผมก็ไม่แน่ใจว่านั่นมันคือความชอบหรือแค่รู้สึกดีเท่านั้น


   “ กูไม่รู้หวะไอ้เทพ” ผมผลักมันออกก่อนจะทิ้งตัวลงนอนลงบนเตียงปล่อยให้ไอ้เทพพูดสอนและเตือนสติของผม แต่อยู่ที่ตัวของผมว่าผมจะรับฟังในสิ่งที่มันพูดหรือไม่


   “ ถามใจตัวมึงเองนะไอ้กรม มันไม่ยากเลยเว้ยถ้ามึงจะตัดสินใจคบกับใครหรือมึงจะชอบใคร ก็แค่ความรักมึงจะคิดมากทำไมวะ” นั่นซิครับผมจะมานั่งคิดมากทำไมถ้ามันเป็นความรักในรูปแบบปกติ โดยที่ทุกคนรอบข้างผมจะรับได้กับความรักหรือการที่ผมจะคบกับใคร แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่....


   “ ก็แค่ความรัก..........” ในรูปแบบที่แตกต่างออกไปเท่านั้นเอง



Pee’s talk


   ผมโดนเรียกไปถามครับว่ามันเกิดอะไรขึ้นทำไมต้องต่อยไอ้กวงมันขนาดนั้น ผมโดนเรียกไปทั้งคู่โดยที่ผมเองก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่อยากไป แต่ถ้าผมไม่ไปนั่นก็จะเท่ากับว่าผมยอมรับว่าผมเป็นฝ่ายผิด และนั่นทำให้ผมตัดสินใจเข้าไปด้านในพร้อมกับมันโดยที่มีพี่ๆที่เป็นเฮดกิจกรรมและคนที่เกี่ยวข้องเข้ามาซักถามถึงเรื่องราวทั้งหมด ผมก็นิ่งเพื่อรอฟังว่าไอ้กวงมันจะพูดว่าอะไร แต่ผิดคลาดครับไอ้กวงมันเองก็เลือกที่จะเงียบเหมือนกับผม ทำให้การเรียกไปคุยครั้งนี้ไม่ได้อะไรเลยนอกจากความเงียบของผมกับมัน


   ส่วนเพื่อนๆเองก็พากันมาขอโทษผมที่ทำให้ผมต้องไปเจอกับเหตุการณ์นั้น ผมยอมรับเลยนะว่าโกรธอยู่เหมือนกัน แต่ในเมื่อมันผ่านมาแล้วก็ให้มันผ่านไปครับ อย่าไปยึดติดเพราะถ้าผมยึดติดคนที่จะคิดมากแม่งก็คือตัวของผมเองนั่นแหละครับ บทลงโทษของผมกับไอ้กวงก็คือการถูกกักบริเวณจนกว่าจะถึงพรุ่งนี้เช้าโดยที่ผมต้องมาอยู่แต่ในห้องพักคนเดียว ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ผมต้องไปนอนกับเพื่อนอีกสามคน ส่วนไอ้กวงก็คงน่าจะเหมือนผมมั้งครับ ไม่อยากพูดถึงมันหละปวดหัว


   ผมนอนบนเตียงโดยที่ทำอะไรไม่ได้ โทรศัพท์ก็ไม่มีเล่น ทีวีก็ไม่มีดู ผมไม่มีกิจกรรมอะไรทำนอกจากนอนคิดทบทวนกับบางสิ่งบางอย่างที่มันค่อยๆเริ่มก่อตัวในใจของผมมาได้สักพัก แต่ผมเองก็ไม่อยากจะแน่ใจสักเท่าไหร่ว่ามันคืออะไร ทั้งๆที่ผมรู้มาตลอดแต่ผมเลือกที่จะหลอกตัวเองว่านั่นคือความสัมพันธ์ที่เรียกว่า พี่ชาย-น้องชาย เท่านั้น


แอดด


   เสียงไขประตูและถูกเปิดออกมาพร้อมกับร่างสูงที่ผมคุ้นเคยที่เดินเข้ามาพร้อมกับถาดอาหาร เดินมาตรงเตียงที่ผมนอนอยู่ ก่อนที่พี่มันจะวางถาดอาหารไว้ข้างๆเตียงและขึ้นมานั่งข้างๆผมแทน ผมไม่ได้ลุกขึ้นนั่งแต่ผมทำแค่เพียงหันหน้าไปมองทางพี่มันเท่านั้น


   “ กินข้าว”


   “ ยังไม่หิวครับ”


   “ แล้วมันจะหายไหม?”


   “ แผลหายไม่หายไม่ได้อยู่ที่กินข้าวนะพี่...”


   “ แต่แผลจะหายไม่หายมันอยู่ที่มึงจะยอมกินข้าวไหมไม่รู้ แต่ถ้าไม่กินตอนนี้มึงจะได้อีกแผลแน่ๆ” ผมยิ้มให้กับคำขู่เล่นๆของพี่มันก่อนที่ผมจะยอมแพ้ยันตัวเองให้ลุกขึ้นมานั่งข้างๆพี่กรม


   “ ผมไม่หิวจริงๆนะ” ผมบอกพี่กรมมันออกไปอีกครั้ง เพราะตอนนี้ผมไม่รู้สึกหิวจริงๆแม้ว่าอาหารมันจะมีหน้าตาหน้ารับประทานก็เถอะ


   “ แต่กูหิว...” พี่มันพูดออกมาเสียงเรียบนั่นทำให้ผมขมวดคิ้วทันที พี่มันหิวแล้วมันเกี่ยวอะไรกับผม ยังไม่ทันที่จะได้ถามออกไปพี่มันก็พูดขึ้นมา “ ว่าจะมากินด้วยกันแต่ถ้ามึงอิ่ม...กูไปกินข้างนอกก็ได้” พี่กรมมันทำท่าจะลุกขึ้นเดินออกไป ทำให้ผมขว้าแขนของพี่มันเอาไว้ก่อน พี่กรมก้มลงมามองมือของผมที่จับแขนพี่มันเอาไว้พร้อมเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่าผมจับแขนพี่มันไว้ทำไม


   “ ผมก็เริ่มหิวแล้วเหมือนกัน”


   “ หึ” พี่กรมมันเดินไปยกถาดอาหารมาวางที่พื้นห้องทำให้ผมลงไปนั่งที่พื้นกับพี่มัน


   “ ผมอยากกินเหล้าจังพี่”


   “ หยุดความคิดเถอะนะน้องผี ถือว่ากูขอร้อง” พี่มันหยุดชะงักมือที่กำลังจะตักข้าวใส่จานให้ผมพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมามองหน้าผม


   “ มาทะเลแต่ไม่ได้เที่ยว ไม่ได้กินเหล้าเลย เหมือนมาไม่ถึงหวะพี่”


   “ มึงทำตัวเอง” พูดอีกก็ถูกอีกครับผม ผมทำตัวเองทั้งนั้น เมื่อคิดได้ดังนั้นกินกุ้งย้อมใจไปครับ


   “ หยุด” ผมรีบยกมือขึ้นเหนือหัวของตัวเองทันทีที่พี่กรมพูดออกมาเสียงดัง


   “ เดี๋ยวแกะให้” ผมไม่รู้นะว่าพี่มันมาอารมณ์ไหน แต่การที่พี่มันอาสาแกะกุ้งให้มันทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองดูตัวเล็กลงไปอีกแล้ว เหมือนว่ากำลังถูกเอาอกเอาใจ


   “ พี่ ผมเข้มแข็งพอที่จะแกะกุ้งเองได้แล้วนะครับ” ผมแย่งกุ้งพี่มันมาก่อนที่ไล่ให้พี่มันนั่งอยู่เฉยๆ “ ผมขอบริการพี่บ้าง แค่แกะกุ้งเดี๋ยวผมทำให้” ผมตั้งใจแกะกุ้งเผาที่พี่มันยกมาให้


   “ เข้มแข็ง? คนเข้มแข็งร้องไห้ซบอกกู??” ผมรีบวางกุ้งเลยครับเมื่อพี่มันพูดถึงเหตุการณ์ก่อนหน้า


   “ ก็พี่พูดเองหนิว่าผู้ชายไม่ต้องเข้มแข็ง ถ้ารู้งี้ผมไม่ร้องออกมาดีกว่า” พี่แม่งก็ชอบล้อไงครับ เสียหน้าลูกผู้ชายอกสามซอกอย่างผมชะมัดเลย


   “ โอ๋ แค่แซวเอง” พี่มันยื่นมือมาลูบศีรษะของผมอีกครั้ง “ อยากไปทะเลไหม?”


   “ พี่ทำเหมือนว่าจะพาผมไปได้”


   “ ได้ดิ มีอะไรที่คนอย่างกูทำไม่ได้?”


   “ เหยียบดวงจันทร์”


ผั๊วะ!


   “ เลิกกวนตีนไม่ได้จริงๆ” ผมโดนพี่มันตบหัวอีกแล้วครับไม่รู้ว่าเป็นครั้งที่เท่าไหร่ แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บนะครับมันรู้สึกดีมากกว่าเหมือนว่าพี่มันหยอกล้อผมเล่น แต่การหยอกล้อของพี่มันค่อนข้างที่จะรุนแรงไปหน่อยเท่านั้นเอง...


   “ อะพี่ กินได้” ผมยื่นกุ้งไปวางไว้ตรงหน้าพี่กรมก่อนจะแกะอีกตัว แต่ยังไม่ทันได้แกะพี่มันก็แย่งกุ้งในมือของผมไปวางไว้เหมือนเดิม


   “ พอแล้ว มึงก็กินบ้างดิ”


   “ ครับพี่” ผมยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะหยิบกุ้งขึ้นมากิน “ โคตรหร่อย” ผมนี่โคตรจะเสียดายที่ต้องมานั่งโง่ๆอยู่ในห้อง ถ้าผมได้ออกไปกินอาหารทะเลด้านพร้อมวิวสวยๆนะ ผมว่ามันน่าจะฟินกว่านี้แน่ๆ


   “ ไอ้เทพบอกว่ามึงไม่ได้เล่ารายละเอียดและสาเหตุที่ทะเลาะกันหรอวะ?” เมื่อกินไปได้สักพักพี่กรมก็พูดขึ้นทำให้ผมเงยหน้าไปมองพี่มันก็เห็นว่าพี่กรมเองก็มองหน้าผมอยู่เช่นกัน


    “มันพูดยากนะพี่ ถ้าผมบอกว่า..ไอ้กวงมันจะข่มขืนผม ผมถามหน่อยว่าใครจะเชื่อ” ถ้าผมเป็นผู้หญิงมันก็น่าจะดูสมเหตุสมผลมากกว่านี้...แต่นี่ผมเป็นผู้ชายไอ้กวงมันก็ไม่ได้มีท่าทีว่าจะชอบผมนอกจากเมื่อเช้าและตอนที่มันพูดเสียงดังช่วงทำกิจกรรม แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นเหตุจูงใจมากพอที่มันจะมาข่มขืนผม และผมเองก็ไม่อยากจะบอกใครหรือแม้กระทั่งพี่กรมในเรื่องที่ไอ้กวงมันจะทำเพราะอยากแก้แค้นพี่กรม ผมไม่อยากให้พี่มันกังวลไปมากกว่านี้


   “ กูเชื่อ” ทันทีที่คำพูดนั้นหลุดปากออกมาจากปากของพี่กรมนั่นก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมากกว่าเดิมที่ยังมีคนที่เชื่อในสิ่งที่ผมพูดออกมา “ ไม่ต้องคิดอะไรมากแล้ว”


   “ พี่ถ้าผมโดนมันปล้ำหละ” ผมถามออกไปโดยที่ไม่ได้คาดหวังคำตอบ แต่คำตอบของพี่มันก็ทำให้ผมชะงักอยู่ไม่น้อย
   “ มันจะไม่มีทางเป็นไปได้ถ้ากูยังมีชีวิติอยู่”


   “ ฮื่อออออออ พรี่” ผมคว้าคอพี่มันเข้ามากอดทันทีก่อนที่ผมจะปล่อยออกอย่างรวดเร็วเช่นกัน “ ผมซึ้งจนน้ำตาจะไหลออกมาอีกรอบแล้วนะพี่”


   “ เรื่องเวอร์ไม่มีใครเกินมึงจริงๆ” พี่มันส่ายหัวเบาๆ “ แล้วนี่อิ่มยัง”


   “ ครับ แต่อยากกินเบียร์”


   “ มึงเมาแล้วกูไม่ไหวจริงๆ”


   “ ผมเมาแล้วนักเลงจนพี่รับมือไม่ไหว?”


   “ กูถามจริง มึงไม่รู้ตัวจริงดิ เต้นยั่วๆบดๆอะไรของมึงนั่น กูขอเห็นแค่สองครั้งพอในชีวิต” ดูจากสีหน้าพี่มันก็พอจะรู้แล้วแหละครับว่าพี่มันไม่อยากเห็นผมเมาจริงๆ


   “ แต่ผมอยากมากครับพี่ ผมอยากมากๆเลยนะ” ผมค่อยๆเอาศีรษะของผมดันไปที่แขนของพี่มันอยู่อย่างนั้น


   “ อ้อนมากไหม? เฉลิมยังไม่อ้อนกูเท่ามึงเลยน้องผี” พี่กรมใช้มือทั้งสองข้างของเขาค่อยๆดันศีรษะของผมให้ออกห่างจากตัวของพี่มัน


   “ เฉลิมลูกรักพี่มันเป็นงูหนิครับ มันอ้อนพี่ได้ก็แปลกแล้ว” เอาผมไปเปรียบเทียบกับเฉลิมเจริญจริงๆเลยฮะ มันไม่มีอะไรที่ผมจะสามารถเป็นแล้วใช่ไหม


   “ ไม่มีใครเถียงเก่งเท่ามึง” พี่กรมมันค่อยๆยันตัวลุกยืนขึ้น “ เดี๋ยวมา” ก่อนที่พี่มันจะออกไปด้านนอกทิ้งผมอยู่ในห้องกับไอ้กุ้งไอ้ปลาหมึกไอ้หอยพวกนี้


   “ มองหน้ากูหาพ่อมึงหรอ” ผมหยิบกุ้งตัวหนึ่งขึ้นมาก่อนที่จะพูดกับมัน “ มึงคิดดูนะ กูอะแค่อยากจะทำอะไรให้พี่มันได้บ้าง แค่จะแกะกุ้งกูยังจะมาหวั่นไหวอะไร ไอ้ฉิบหาย” ผมขอย้อนกลับไปตอนที่พี่มันบอกกับผมว่าเดี๋ยวแกะกุ้งให้ เอาจริงๆนะผมโคตรงงเลยครับ ทุกคนอาจจะเห็นว่ามันเป็นแค่เรื่องธรรมดานะแต่สำหรับผมการที่เขาใส่ใจและทำอะไรที่มันเล็กๆน้อยๆให้เราได้ทั้งที่เราเองก็สามารถทำมันได้ แบบนี้มันโคตรทำให้ผมคิดมากเลยครับว่าตกลงแล้ว....พี่ชายเขาทำแบบนี้ให้น้องชายทุกคนไหม


แอดดด


   ยังไม่ทันที่ผมจะได้คิดมากอะไรพี่กรมมันก็เปิดประตูห้องมาอีกครั้งพร้อมกับเบียร์สองขวดในมือ เห็นภาพนั้นผมนี่ยืนยิ้มเลยครับ แค่ได้จิบเบียร์ผมว่าผมก็น่าจะมีความสุขแล้ว


   “ หึ ยิ้มหน้าบานเลยนะมึง” ตอนนี้เราสองคนย้ายมานั่งด้านล่างเหมือนเดิมแต่แค่เปลี่ยนโลเคชั่นมานั่งหันหลังพิงเตียงเอาไว้


   “ เปิดเพลงได้ไหม?” ผมเอียงคอไปถามพี่มันที่ตอนนี้ต่างคนต่างเงียบและจิบเบียร์ไปพรางๆอย่างไม่มีใครพูดอะไรขึ้นมา จนกระทั่งผมเอ่ยปากขอพี่มัน


   “ เรื่องมากจริงวะ” ถึงปากพี่กรมมันจะบ่นแต่ก็ยอมยื่นโทรศัพท์มาให้ผม


   “ พี่ไม่ถือหรอ ให้ผมเล่นโทรศัพท์พี่” ผมคิดว่ามันน่าจะเป็นเรื่องส่วนตัวและไม่คิดจริงๆครับว่าพี่มันจะเอาโทรศัพท์ของตัวเองมาให้ผม


   “ ถืออะไรหนักหนา เล่นๆไปเหอะมึง” พี่กรมพูดอย่างไม่ใส่ใจทำให้ผมเปิดแอพลิเคชั่นฟังเพลงขึ้นมาเลื่อนดูแต่ก็ไม่รู้ว่าจะฟังเพลงอะไรดี


   “ พี่อยากฟังเพลงอะไรไหม?” ผมหันไปมองด้านข้างของหน้าพี่มันที่เอาศีรษะพิงขอบเตียงเอาไว้


   “ ได้โปรด...” พี่กรมพูดออกมาทันทีเหมือนว่าเพลงนี้อยู่ในหัวของเขา “ ไม่รู้หวะ อยู่ๆกูก็คิดถึงเพลงนี้ แต่มึงจะฟังเพลงอะไรก็ได้ เปิดเลย”


   “ ครับ” ผมกดเปิดไปที่เพลงได้โปรด ของแพรว คณิตกุล ตามที่พี่กรมมันบอกก่อนที่ผมจะกระดกเบียร์ขึ้นดื่มอีกครั้ง
ดึงตัวเองกลับมาทุกที


เมื่อฉันรู้สึกดี ทุกวันที่อยู่ใกล้เธอ
เตือนตัวเองว่าคิดให้ดี
กับท่าทีที่พบเจอ เธอคงไม่ได้ตั้งใจ


   เมื่อเพลงค่อยๆบรรเลงขึ้นผมค่อยๆเอนศีรษะลงไปนอนราบกับขอบเตียงเหมือนกับที่พี่กรมมันนอนอยู่ก่อนจะค่อยๆหลับตาปล่อยให้จังหวะเพลงนำพาผมไป


แต่ละคำที่เธอพูดมา มันคล้ายว่าห่วงใย
เธอคงพูดไปอย่างนั้น แต่ว่าฉันจำขึ้นใจ


   ทำไมท่อนนี้มันโดนใจผมอย่างนี้วะ แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้คิดอะไรท่อนฮุกของเพลงก็ดังขึ้นมา


รู้บ้างไหมว่าใครบางคน สับสนและไม่แน่ใจ
เธอทำให้ฉันต้องหวั่นไหว
เธอทำให้ใครต้องคิดมากเพราะเธอ

รู้บ้างไหมที่เธอทำไป ฉันหลงเอาไปละเมอ
ได้โปรดอย่าทำให้รักเธอ
ถ้าเธอไม่เคยสักนิดที่คิดจะจริงจัง

กลัวตัวเองจะเปลืองหัวใจ
ที่มันเผลอคิดมากมาย
แต่กลับเป็นไปข้างเดียว



   ผมไม่รู้นะว่าเพลงนี้ที่พี่กรมมันพูดขึ้นมาคือเพราะพี่มันอยากฟังเอง หรืออยากจะสื่ออะไร ผมเองก็นอนฟังไปนิ่งๆทั้งที่หัวใจตอนนี้ของมันมันกลับหวั่นไหว ไม่รู้ว่านี่มันเรียกว่าอะไร แต่ผมอยากจะบอกว่าในเนื้อเพลงที่คิดไปเองข้างเดียว แต่สำหรับตอนนี้ถ้าพี่มันอยากจะสื่อตามความหมายจริงๆ ผมก็อยากจะบอกออกไปว่าผมก็คิดเหมือนกัน แต่นั่น....ยังไม่ทันที่ผมจะได้ลืมตาขึ้นมาจากภวังค์ความนึกคิดของตัวเอง อยู่ๆก็มีบางอย่างทาบลงมาบนริมฝีปากของผมเบาๆ...







PS.ถ้าพี่สับสนก็อย่าทำแบบนี้กับน้อง!!
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 12.1(9/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 09-03-2019 22:39:45
พี่กรม พี่ทำอะไรน้องผี .......ฮะ
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 12.1(9/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: nikpook ที่ 10-03-2019 18:17:15
ยังไม่แน่ใจกันทั้งสองคนเลยเนาะเพราะอยู่กันแบบพี่น้องปลอมๆมาตลอด :laugh: เอาใจช่วยทั้งสองคนเลย แต่ตอนต่อไปน้องผีจะเมามั้ยนะ อยากเห็นน้องบดๆยั่วๆอีก55555 ถ้าไม่ติดว่าน้องผีมีความหวั่นไหวให้กับพี่กรมก็อยากให้พี่เทพมาจีบน้องผี เพราะเราหมั่นไส้พี่กรม เรือผีๆเทพผีเราจะได้เดินด้วย555 คุณไก่ทอดมาเร็วมากๆว่าจะเม้นตอนที่แล้วเปิดมาอีกทีตอนใหม่มาแล้ว ขอบคุณมากๆนะคะที่มาเร็วมาก ห้ามทิ้งกันนะ :pig4: :L1:  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 12.1(9/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: KJH177 ที่ 10-03-2019 18:55:17
ยังไม่แน่ใจกันทั้งสองคนเลยเนาะเพราะอยู่กันแบบพี่น้องปลอมๆมาตลอด :laugh: เอาใจช่วยทั้งสองคนเลย แต่ตอนต่อไปน้องผีจะเมามั้ยนะ อยากเห็นน้องบดๆยั่วๆอีก55555 ถ้าไม่ติดว่าน้องผีมีความหวั่นไหวให้กับพี่กรมก็อยากให้พี่เทพมาจีบน้องผี เพราะเราหมั่นไส้พี่กรม เรือผีๆเทพผีเราจะได้เดินด้วย555 คุณไก่ทอดมาเร็วมากๆว่าจะเม้นตอนที่แล้วเปิดมาอีกทีตอนใหม่มาแล้ว ขอบคุณมากๆนะคะที่มาเร็วมาก ห้ามทิ้งกันนะ :pig4: :L1:  :กอด1:

เราก็รอคุณน้า
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 12.2(10/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: KJH177 ที่ 10-03-2019 18:55:49


บทที่ 12.2



        ผมไม่รู้นะว่าเพลงนี้ที่พี่กรมมันพูดขึ้นมาคือเพราะพี่มันอยากฟังเอง หรืออยากจะสื่ออะไร ผมเองก็นอนฟังไปนิ่งๆทั้งที่หัวใจตอนนี้ของมันมันกลับหวั่นไหว ไม่รู้ว่านี่มันเรียกว่าอะไร แต่ผมอยากจะบอกว่าในเนื้อเพลงที่คิดไปเองข้างเดียว แต่สำหรับตอนนี้ถ้าพี่มันอยากจะสื่อตามความหมายจริงๆ ผมก็อยากจะบอกออกไปว่าผมก็คิดเหมือนกัน แต่นั่น....ยังไม่ทันที่ผมจะได้ลืมตาขึ้นมาจากภวังค์ความนึกคิดของตัวเอง อยู่ๆก็มีบางอย่างทาบลงมาบนริมฝีปากของผมเบาๆ...


   มันเป็นสัมผัสที่อ่อนโยนและอ่อนนุ่มที่ผมไม่เคยได้สัมผัสในสิ่งนี้มาก่อน ด้วยความอยากรู้ทำให้ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมา แต่...ยังไม่ทันที่ผมจะได้ลืมมือของพี่กรมกลับวางทับลงมาที่ตาทั้งสองข้างของผมเอาไว้


   “ อย่าลืมตา...ขอแค่ตอนนี้เท่านั้น” ผมไม่รู้ว่าพี่มันหมายความว่าอย่างไร แต่ผมก็ไม่ได้ปฏิเสธทำให้ผมหลับตาและปล่อยให้ทุกอย่างมันดำเนินไปตามจังหวะของมัน ริมฝีปากที่ไม่เคยผ่านประสบการณ์แบบนี้มาก่อนในชีวิตมันทำให้ผมรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งสัมผัสเวลาที่พี่กรมค่อยๆใช้ริมฝีปากของเขาขบเม้มที่ริมฝีปากของผมอย่างหยอกล้อและต้องการสื่อให้ผมรับรู้ว่าเขาต้องการทำมากกว่านี้ ผมพร้อมที่จะเปิดหากพี่มันต้องการแต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่ผมคิดมันจะไม่ได้เป็นสิ่งที่มันต้องการจริงๆ เพราะสัมผัสของพี่กรมมันหยุดอยู่แค่ริมฝีปากของผมเท่านั้น.....


   “ ขอโทษ....” ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่ผมนอนปล่อยตัวให้พี่มันจูบจนกระทั่งพี่มันค่อยๆผลักออกจากริมฝีปากของผมอย่างอ้อยอิง มือที่ปิดแนบบริเวณดวงตาของผมในตอนแรกค่อยๆเลื่อนลงมากุมใบหน้าของผมเอาไว้ ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมาและยังคงเห็นว่าใบหน้าของเขายังคงอยู่ที่เดิมไม่ห่างไปไหน..


   “ ครับ?...”


   “ ขอโทษที่จูบมึงไป” พี่กรมเลื่อนนิ้วชี้ของเขามาสัมผัสที่ริมฝีปากของผมอยู่อย่างนั้นจนผม...ทำอะไรไม่ถูกจนเผลอกัดปากของตัวเองไป “ อย่ากัดปาก”


   “ พี่.......”


   “ หึ” ไม่รู้ว่าครั้งนี้ทำไมผมแพ้สายตาแบบนี้ของพี่มันจนทำให้ผมเบือนหน้าหลบไปอีกทาง แต่นั้นมันก็ยังไม่ทำให้ผมรู้สึกหายใจได้ทั่วท้องมากขึ้นเมื่อพี่มันเปลี่ยนท่าให้ผมขึ้นนั่งอยู่บนตักของพี่มันทั้งๆที่เรานั่งหันหน้าเข้าหากันอยู่


   “ พี่ อย่าทำแบบนี้ดิ” ผมพยายามจะดันตัวเองให้ลุกออกจากตักของพี่กรม แต่ดูเหมือนว่ายิ่งผมขยับตัวมากเท่าไหร่ มันก็ไปกระตุ้นบางอย่างของพี่มันขึ้น และนั่น...ผมก็รู้ว่ามันคืออะไรจนกระทั่งผมยอมนั่งอยู่นิ่งๆบนตักของพี่มัน


   “ พี...กูไม่ไหวละหวะ” ผมไม่รู้ว่าพี่มันหมายความว่าอย่างไร แต่สิ้นเสียงนั้นของพี่กรม ใบหน้าของพี่มันเลื่อนเข้ามาจูบผมอย่างรุนแรงซึ่งแตกต่างจากในตอนแรกอย่างสิ้นเชิง ลิ้นร้อนของพี่มันลุกล้ำเข้ามาในโพรงปากหยอกล้อกับลิ้นเล็กที่ไม่เป็นประสีประสาอะไรของผม มือทั้งสองข้างเลื่อนขึ้นมาโอบรอบคอของพี่มันไว้เพื่อต้องการทรงตัวยิ่งพี่มันรุนแรงผมก็ยิ่งรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่มันค่อยๆเริ่มก่อตัวขึ้น


   นี่ผมมีอารมณ์กับผู้ชายอย่างนั้นหรอวะ?


   “ พี่ขยับได้ไหมครับ..” พี่กรมผลักริมฝีปากจากผมก่อนที่พี่มันจะเอี้ยวตัวมากระซิบที่ข้างหูเลื่อนลงมาที่ซอกคอก่อนที่พี่มันจะหยุดนิ่งอยู่ที่ซอกคอของผมและค้างเอาไว้.. “ อื้อ” เสียงครางนั้นทำให้ผมรู้เลยว่าพี่มันต้องการอะไร


   เมื่อเห็นว่าผมยังคงนิ่งอยู่ที่เดิมพี่กรมค่อยๆเลื่อนมือของเขาเข้ามาจับที่สะโพกทั้งสองข้างของผมและค่อยๆออกแรงดันให้ตัวของผมนั้นเคลื่อนเป็นจังหวะ ยิ่งขยับมากเท่าไหร่ผมก็ยิ่งรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ทิ่มอยู่ภายใต้ร่างของผมที่มีเพียงแค่กางเกงของเราทั้งสองกั้นเอาไว้


   “ อื้ม อย่างนั้นแหละครับ” เสียงครางของพี่มันที่บ่งบอกว่ามีความสุขนั่นทำให้ผมขยับตัวมากกว่าเดิม เมื่อเริ่มจับจังหวะได้ว่าทำอย่างไรจะทำให้พี่มันรู้สึกมีความสุข จากตอนแรกที่พี่มันค่อยบังคับเอวให้ผม แต่เมื่อเริ่มเรียนรู้ได้ผมก็ไม่ต้องการให้พี่มันบังคับได้อีกต่อไปเพราะผมอยากที่จะคุมเกมเองทั้งหมด เมื่อมือของพี่กรมเป็นอิสระก็เหมือนว่ามือของพี่มันจะว่างทำให้ผมค่อยๆจับมือของพี่มันเลื่อนเข้ามาในเสื้อของผม


   “ ถ้ามือพี่ว่าง....เล่นกับนมของผมได้นะครับ” สิ้นเสียงเชื้อเชิญนั้นมือใหญ่ของพี่มันสัมผัสเข้ากับหน้าอกเล็กทั้งสองข้างของผมอย่างหยอกล้อ นิ้วมือของพี่กรมค่อยๆขย้ำเข้ากับหน้าอกทั้งบีบทั้งคลึงจนกระทั่งพี่มันผลักตัวผมให้นอนราบไปกับพื้น


   “ มึงทำให้กูรู้สึกแย่” ผมขมวดคิ้วทันทีที่พี่มันพูดออกมาแบบนี้ “ แย่...ที่กำลังจะควบคุมตัวเองไม่ได้” พี่มันเบือนหน้าหนีผมไปอีกทางเหมือนพยายามสะกัดกั้นความรู้สึกบางอย่างที่เริ่มจะก่อตัวขึ้นรุนแรง และนั่นก็ทำให้ผมได้สติกลับคืนมา


   “ ขอโทษครับ” ผมค่อยๆดันตัวพี่มันให้ออกห่างจากตัวของผมก่อนที่ผมจะค่อยๆยันตัวเองให้ลุกขึ้นตามพี่มันมาอย่างยากลำบากเหมือนกัน


   ไม่ใช่ว่าพี่มันรู้สึกอยู่คนเดียว....เพราะผมเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน ยิ่งตอนนี้ผมไม่ได้ปลดปล่อยมานาน


   “ มันไม่น่าเกิดขึ้นกับมึงเลยไอ้พี” ใบหน้าของพี่กรมบ่งบอกว่าเขาเครียดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น


   “ ไม่เป็นไรพี่” ผมพยายามพูดเหมือนว่าไม่ใส่ใจ เพื่อให้พี่มันรู้สึกดีขึ้นกับเหตุการณ์ที่เราเพ้อ “ ก็แค่เผลอเอง ไม่เป็นไร ผมเข้าใจ”


   “ กูไม่ได้เผลอ!” พี่มันหันมาตะหวาดใส่ผมเสียงดัง “ กูไม่ได้เผลอ กูตั้งใจ!! มันไม่ควรเกิดขึ้นกับมึงและกูเลย....” ในช่วงประโยคสุดท้ายของพี่กรมดูน้ำเสียงอ่อนลง


   ผมไม่ได้ตอบอะไรพี่มันออกไปเพราะกลัวว่าสถานการณ์มันจะยิ่งแย่ไปกว่านี้ ทำไมไม่เอาเวลาที่มานั่งคิดมากมาทำให้มันเสร็จๆไปละครับ ไม่รู้ว่าความคิดแบบนี้มันออกมาจากความคิดของผมได้อย่างไร และนั่นก็เป็นตัวเปิดฉากที่ทำให้ผมก้าวข้ามผ่านเส้นบางๆระหว่างความสัมพันธ์ที่เรียกว่าพี่น้อง


   เมื่อมือของผมค่อยๆเลื่อนไปปลดตระขอกางเกงของพี่มันออก พี่กรมที่เบือนหน้าหนีผมออกไปในตอนแรกค่อยๆก้มลงมามองมือของผมที่กำลังจะถอดกางเกงของพี่มันออกอย่างช้าๆ จนกระทั่งเหลือเพียงกางเกงชั้นในตัวเดียวเท่านั้น ถ้าผมข้ามผ่านมันก็จะต้องไม่เหลืออะไร


พรึบ


   ยังไม่ทันที่ผมจะถอดกางเกงของพี่มันออก พี่กรมกลับจับมือของผมเอาไว้ก่อน


   “ มึงจะเอาแบบนี้จริงๆใช่ไหม?”


   ผมมองใบหน้าของพี่กรมที่แดงกร่ำไปด้วยความรู้สึกที่เริ่มจะก่อตัวอย่างรุนแรง


   “ ครับ แค่ใช้ปากนะ” ผมไม่สนอะไรแล้วเมื่อมือทั้งสองข้างของผมดันมือของพี่กรมที่จับมือของผมเอาไว้อยู่ให้ออกจากทางที่ผมจะได้เข้าไป เมื่อกางเกงชั้นในที่เป็นสิ่งสุดท้ายที่พันธนาการบางสิ่งบางอย่างเอาไว้อยู่ออก


   “ อื้มมมม” มือของพี่กรมขย้ำที่กลุ่มเส้นผมของผมเบาๆ เมื่อปากผมครอบครองมักกรยักษ์ของพี่กรม อันที่จริงผมก็ทำไม่เป็นหรอกนะครับแต่ว่าเวลาที่ผมดูหนังโป๊ ผมเคยเห็นว่าถ้าผู้หญิงทำแบบนี้ให้กับผู้ชายก่อนมีเพศสัมพันธ์มันจะเป็นการช่วยกระตุ้นให้ผู้ชายมีอารมณ์มากขึ้น ผมก็ไม่รู้นะว่ามันจะได้ผลกับผู้ชายด้วยกันอย่างนี้ไหม แต่ผมสังเกตจากพี่กรมแล้วผมว่า..ฝีมือของผมมันก็ค่อยข้างดีในระดับหนึ่งเลยทีเดียว


   “ เน้นๆ” ผมไม่รู้ว่าไอ้เน้นๆของพี่มันคืออะไรจนกระทั่งพี่มันกดหัวของผมให้ครอบบริเวณนั้นลึกลงไปมากกว่าเดิม แต่ผมก็ยันตัวเอาไว้ไม่งั้นผมจะอ้วกออกมาเพราะของพี่กรมมันใหญ่คับปากผมจริงๆครับ


   ขอโทษนะที่ผมบรรยายออกมามันอาจจะทำให้ทุกคนดูหมดอารมณ์ไปบ้าง


   ผมค่อยๆใช้ลิ้นของตัวเองเลียรอบๆโคนของพี่มันก่อนจะใช้ทั้งสองมือช่วยขยับขึ้นลงตามจังหวะจนกระทั่งเห็นว่าพี่มันใกล้ถึงจุดสุดยอดผมก็ปล่อยมือและปากออกจากบริเวณนั้นของพี่กรม


   “ ไอ้พี...” พี่กรมเรียกผมเสียงเข้มเมื่อเห็นว่าอยู่ๆผมก็หยุดการกระทำทุกอย่าง


   “ ผมว่า...ผมทำต่อไม่ได้แล้วหวะ” เอาจริงๆนะผมก็เคยช่วยเหลือตัวเอง แต่ไอ้ขั้นตอนสุดท้ายผมไม่สามารถคิดและปล่อยให้มันเกิดขึ้นได้จริงเมื่อน้ำของพี่มันปล่อยให้หน้าและปากผม...แบบนั้นผมยังไม่กล้า


   “ มึงทำแบบนี้ไม่ได้นะเว้ย” พี่กรมจับมือของผมเอาไว้ไม่ให้ผมลุกหนี หน้าของพี่กรมบ่งบอกว่าพี่มันโคตรจะทรมานในการทำอะไรครึ่งๆกลางๆ แต่ผมมีเหตุผลของผม


   “ ทำได้ดิ นี่ไงก็ทำอยู่” ผมพูดหน้านิ่งใส่พี่มันเพื่อรอดูว่าพี่กรมมันจะทำอย่างไรต่อไป


   “ จะตามใจ..สองอย่าง” แค่นั้นแหละครับผมก้มลงสานต่อในสิ่งที่ผมทำค้างเอาไว้จนกระทั่งเสร็จกิจทุกอย่าง ไม่รู้ว่าหลังจากนี้มันจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ไม่ว่าความสัมพันธ์ของผมกับพี่มันจะต้องเปลี่ยนไปอย่างไร ผมก็ยังเป็นน้องชายของพี่มันเสมอ.....


   “...........”


   “ .........”


   ทั้งผมและพี่กรมปล่อยให้ทุกอย่างอยู่ในความเงียบ ให้เราอยู่ในความคิดของตัวเองว่าสิ่งที่ทำไปมันควรจะจบลงแค่ตรงนี้หรือมันควรที่จะเริ่มและดำเนินต่อ ผมโอเคสำหรับทั้งสองทาง อย่างไงผมก็กล้าที่จะเสี่ยงแต่ดูเหมือนว่าใครอีกคนเขาไม่พร้อมเหมือนที่ผมพร้อม


   “ ไอ้พี...”


   “ ครับพี่?” ผมหันไปมองหน้าพี่มันเมื่ออยู่ๆพี่มันก็เรียกผมขึ้นท่ามกลางความเงียบ “ ถ้าพี่คิดอะไรอยู่พี่ก็พูดออกมา ผมโอเคถ้าพี่จะให้ผมอยู่ในสถานะน้องชายแบบเดิม แล้วไอ้เหตุการณ์นั้นมันก็น่าจะช่วยให้พี่ตัดสินใจอะไรได้ง่ายขึ้น พี่เผลอผมเผลอก็แค่นั้น?”


   “ กูจะจีบเมย์ กู....กูว่ามันไม่ใช่หวะ”


   “ .....”


   ตลกไหมละครับที่ผมยิ้มออกมาเมื่อพี่มันพูดออกมาว่าจะจีบผู้หญิงคนหนึ่ง ทั้งๆที่เมื่อกี้เรา....นั่นแหละครับ ก็ดีเหมือนกันที่การที่ผมทำอะไรแบบนั้นลงไปมันจะทำให้อะไรมันง่ายขึ้น และผมก็ได้คำตอบแล้วหละครับว่าพี่มันให้ผมอยู่ในสถานะน้องชายต่อไป


   “ เอาใจช่วยนะพี่”


   “ ไอ้พี” ไม่รู้นะครับว่าตอนนี้สีหน้าและน้ำเสียงของผมมันแสดงออกไปอย่างไร แต่ที่แน่ๆผมไม่อยากเห็นหน้าพี่มันแล้วหวะ ทั้งๆที่ผมเป็นคนบอกเองว่าผมยอมอยู่ในสถานะน้องชาย แต่เอาเข้าจริงๆมันยากฉิบหายเลยครับ


   “ น้องชายคนนี้เอาใจช่วยพี่ชายเสมอ ผมว่าผมง่วงและหวะพี่ ไอ้ที่บอกจะพาไปทะเลไม่ต้องละนะ ไว้ผมค่อยมาดูเองดีกว่า ฝันดีครับ” ผมยันตัวลุกขึ้นยืนก่อนจะก้มลงมองหน้าพี่มันที่มองหน้าผมอยู่เหมือนกันด้วยสายตาที่สับสนและรู้สึกผิด “ ผมโอเคเว้ยพี่” ผมตบไหล่พี่มันเบาๆสองที หันหลังเดินขึ้นเตียงไปและทิ้งตัวลงนอนหลับตาทั้งๆที่ในใจตอนนี้ของผมโคตรเจ็บปวดที่ผมดันรู้สึกไปเองว่าเราคิดเหมือนกัน มันคงจะไม่เจ็บเท่าไหร่หรอกมั้งครับผมหวังว่านะ


ตุบ


   เสียงยวบไหวของเตียงทำให้ผมรู้ว่าใครอีกคนที่อยู่ในห้องยังคงไม่ได้ออกไปไหน และขึ้นมานอนซ้อนด้านหลังของผมพร้อมกับสองมือใหญ่ที่โอบกอดเอวของผมเอาไว้


   “ ขอโทษนะ...” น้ำเสียงที่รู้สึกผิดของพี่กรมมันกระตุ้นให้ผมรู้สึกเจ็บมากเท่านั้น


   “ .......” ผมไม่ได้ตอบอะไรพี่มันออกไปแค่นอนหลับตาฟังในสิ่งที่พี่มันพูดต่อ


   “ จะเป็นอะไรไหมถ้ากูขอให้มึงอยู่กับกูในฐานะน้องชายแบบนี้ตลอดไป...”


   “ ครับ.....” ผมพึ่งรู้ตัวก็วันนี้ว่าการที่ฝืนพูดออกมาทั้งๆที่ในใจไม่ได้คิดอะไรมันเป็นแบบนี้นี่เอง


   “ ขอโทษที่เห็นแก่ตัว”


   “ ผมจูบพี่ได้ไหม? น้องชายอย่างผมจูบพี่อีกได้ไหม?” ผมหันหน้าไปหาพี่มันที่นอนกอดผมอยู่ ทำให้ตอนนี้ใบหน้าของเราทั้งคู่อยู่ห่างกันไม่ถึงเอื้อม


   “ .......”


   “ ข้อหนึ่งที่ผมขอ” ผมยกข้ออ้างที่พี่มันพูดในตอนนั้นออกมา


   “ แต่มึงจะเจ็บ”


        “ ผมโอเค Just kiss”


   “ ถ้ามึงต้องการ” สิ่งที่ผมขอไปผมไม่รู้ว่าผมคิดถูกหรือคิดผิดที่ขอพี่มันแบบนั้นออกไป ในเมื่อพี่มันเห็นแก่ตัวขอผมเป็นน้องชาย ผมก็เห็นแก่ตัวพอที่จะขอพี่มันจูบ ผมก็อยากรู้เหมือนกันครับว่าพี่มันจะทนจูบกับน้องชายได้นานแค่ไหน


   “ ถ้าพี่ไม่รังเกียจ”


   “ พี กูไม่เคยรังเกียจมึงเลย เมื่อกี้ก็ไม่รังเกียจ” พี่กรมยื่นมือมาสัมผัสที่ใบหน้าของผมเบาๆ


   “ เล่าเรื่องผู้หญิงที่ชื่อเมย์ให้ผมฟังหน่อยได้รึเปล่าครับ” ในเมื่อเจ็บก็ต้องเจ็บให้สุดซิครับ ไอ้เหี้ยเอ้ย เจ็บกว่าโดนต่อยก็ครั้งนี้นี่แหละ


   “ เมย์อยู่ปีสามคณะแพทย์ เคยเจอกันตอนปีหนึ่งที่เป็นวิชารวมจีบมาได้เกือบสองปี แต่เบื่อไม่อยากจีบ พอวันนี้กูเห็นรูปเขา กูก็เลยรู้สึกตัวเองได้ว่ากูยังชอบเขาอยู่หวะ”


   “ พี่กรม พี่มันแย่จริงๆแหละ”


   “ กูยอมรับ”


   “ แต่ผมก็ยังจะยืนยันคำเดิมว่า....”


   “ .....” พี่กรมตั้งหน้ารอฟังคำที่ผมจะพูดกับพี่มันอย่างคาดหวังว่าผมจะพูดว่าอะไร คนอย่างผม คนอย่างที่ทุกคนรู้


   “ ผมง่วง”


   “ ......”


   คืนนี้ผมไม่ไหวแล้วครับ มันเกินไปที่คนโง่ๆอย่างผมที่จะรับไหว เอาไว้ว่ากันต่อพรุ่งนี้นะครับ หวังว่า...ผมจะรู้สึกดีกว่าวันนี้ที่ผ่านมา


   หวังว่าตื่นขึ้นมาแล้วจะยังเจอคนที่นอนข้างๆผมอยู่จนถึงเช้า


   หวังว่าทุกอย่างจะไม่เปลี่ยนไป... แม้ว่าหัวใจของผมมันจะชัดเจนแล้วก็ตาม










PS. น้องบอกว่า just kiss

พี่กรมสับสนแต่มาทำแบบนี้เพื่ออะไร?????????

 
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 12.2(10/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 10-03-2019 20:09:19
 :L2: :pig4:

 :เฮ้อ:

ใจร้าย
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 12.2(10/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 10-03-2019 20:43:49
พี่กรม จะไปขย่มเมย์ซะและ  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
ทั้งที่พี่เทพเตือนแล้วนะ  :m16:
คิดกับพี แสดงออกกับพี จูบพี แต่พี่ไม่กล้า ขอให้พีเป็นแค่น้องชาย
พี่กรมทำใจให้ได้อย่างปากว่าละกัน  :m20: :laugh:
เพราะท่าทางไอ้พี่กวงจะจีบพีจริงจังซะแล้ว  o18
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ขอแก้ที่ผิดนะ
ทำให้ผมขว้าแขน ------- คว้า
ลูกผู้ชายอกสามซอก ------ ศอก
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 12.2(10/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: nikpook ที่ 11-03-2019 13:56:44
ความรู้สึกที่มีให้พี่กรมตอนนี้คือ :a5: อิหยังสรุปชอบหรือไม่ชอบน้องผี ถ้าชอบแต่รู้สึว่าจะเปิดเผยไม่ได้อยู่ด้วยกันแบบคู่รักไม่ได้ก็ไม่ควรทำงี้ป้ะหรือว่ายังสับสนอยู่ แต่จะว่าพี่กรมคนเดียวก็ไม่ได้น้องผีก็ไม่ได้ขัดขืนอ่ะ ความรู้สึกมันซับซ้อนจริงๆจะบอกว่าไม่เข้าใจมันก็พูดได้ไม่เต็มปาก ในความรู้สึกเราก็คือถ้าพี่กรมจะmove on ก็อยากให้น้องผีmove onด้วย น้องผีต้องเข้าใจสถานะตัวเองว่าเป็นน้องชายไม่ใช่เมีย ถ้าจะมีใครสักคนก็ไม่ผิดแต่น้องผีจะmove onได้มั้ย :serius2: รอตอนต่อไปล่ะกัน ตอนนี้คือหน่วงในอกพูดไม่ออกบอกไม่ถูกอยากskipไปตอนที่มีความสุขเลยใจรับไม่ไหว แต่ก็อยากเห็นอิพี่กรมตอนช้ำใจ มาต่อเร็วๆนะคะ สนุกมากๆเลย อิพี่กรมจะทำยังไงกับน้องผีต่อ แล้วจะจีบคุณหมอเมย์ติดมั้ย :katai1: อยากอ่านตอนต่อไปแล้ว คุณไก่ทอดสู้ๆนะคะมาต่อเร็วๆนะ :pig4: :กอด1: :L1:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 13.1(10/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: KJH177 ที่ 11-03-2019 20:51:09

บทที่ 13

น้องพีคนดีคนเดิม (มั้ง)


ผมรู้แล้วว่าไอ้การที่ผมบ้าขนาดที่ไปขอพี่มันจูบ และไอ้เหตุการณ์ที่ผมทำกับพี่มันในคืนนั้นมันเป็นผลมาจากการที่ผมดื่มเบียร์ ไม่ดิไอ้พี! มึงเลิกใช้ข้ออ้างสักทีเถอะ มึงรู้ตัวเองดีทุกอย่างว่ามึงกำลังทำอะไร แต่ผมแพ้ให้อีกใจที่ผมไม่ควรแสดงแบบนั้นออกมา แค่มองหน้าพี่มันตอนนี้ผมก็ไม่กล้าหละครับ แล้วผมจะไปมีหน้าไปจูบพี่มันตามที่ผมขอได้อย่างไร แบบนี้ซิครับที่เขาเรียกว่าทำอะไรไม่คิด!


   “ ไอ้พีวันนี้มึงจะไปบ้านไอ้กรมไหม” ผมสะดุ้งทันทีที่ได้ยินชื่อพี่กรมคนที่ผมพยายามหลบมาตลอดอาทิตย์


   “ พี่เทพผมรู้สึกไม่ค่อยสบาย” ผมพูดบอกพี่เทพออกไปส่งๆ ส่วนไอ้เรื่องไม่สบายผมก็เป็นข้ออ้างไปอย่างนั้นแหละครับ แค่ไม่อยากไปก็รู้ว่าถ้าไปจะเจออะไรผมก็ไม่อยากไป


   “ ไปทำบ้านกูไหม ไม่ต้องไปบ้านไอ้กรม เดี๋ยวนี้แม่งติดหญิง ตั้งแต่กลับจากทะเลก็เปลี่ยนไปสัดๆ กับเพื่อนนี่เจอแทบจะนับครั้งได้เลย” ผมหน้าสลดทันทีที่พี่เทพพูดออกมาแบบนั้น ไม่ใช่แค่ผมที่หลบหน้าพี่มันคนเดียวแต่พี่มันเองก็หลบหน้าผมด้วยเหมือนกัน ถ้าย้อนกลับไปเมื่อตอนเช้าของอีกวันที่ผมตื่นขึ้นมาบนเตียงคนเดียวทั้งๆที่เมื่อคืนเรานอนกอดกันตลอดทั้งคืน รู้จากพี่เทพอีกทีว่าพี่กรมกลับไปกับพ่อของเขาที่ผ่านมาทางนี้พอดี ถ้าไม่เรียกว่าหลบหน้าจะให้เรียกว่าอะไร ไอ้ผมก็อยากไปถามพี่มันตรง   ๆนะว่าเป็นอะไร แต่...ติดอยู่อย่างเดียวคือผมไม่กล้าเหมือนกัน เอาเป็นว่าถ้าผมกล้าผมจะลุยเดี่ยวไปถามพี่มันแน่นอน คนอย่างน้องพีเก่งกับหมาซ่ากับเด็กตีกับคนแก่ แต่ลืมไปว่าไอ้พี่กรมนั่นแม่งไม่ใช่หมาไม่ใช่เด็กและไม่ใช่คนแก่


   “ บ้านพี่เป็นอย่างไง” อ่อ ผมลืมบอกไปครับว่าผมบังเอิญมาเจอพี่เทพที่ร้านกาแฟพี่มันเลยเรียกให้ผมไปนั่งด้วยแถมยังใจดีเลี้ยงน้ำผมอีก พี่แม่งใจดีแปลกๆหวะ


   “ ก็ใหญ่แต่เล็กว่าบ้านไอ้กรม อยู่กับแม่สองคน เลี้ยงหมาเลี้ยงแมว”


   “ น่าสนใจ” ผมลูบคางตัวเองอย่างใช้ความคิด “ พี่....พี่กรมไปไหม?”


   “ มันบอกว่าไม่ว่างอะไรนี่แหละ มึงไม่ได้ดูไลน์กลุ่มรึไง” ตั้งแต่วันนั้นผมก็ไม่ค่อยจับโทรศัพท์เลยครับ เอาเวลามาสนใจสิ่งรอบข้างดีกว่า “ มึงเหมือนคนอกหักเลยหวะ”


   “ ห้ะ? บ้าเปล่าพี่ผมนี่จะไปอกหักกับใคร” ผมนี่รีบยกน้ำขึ้นมาดื่มเลยครับไม่มีพิรุธจริงๆ


   “ ไอ้พี แก้วกูครับ” พี่เทพมันถอนหายใจออกมาแรงๆก่อนที่พี่มันจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น “ จะไปนอนบ้านกูก็ได้นะ จะได้สะดวก”


   “ ครับพี่ ข้าวฟรีไหม?”


   “ เออ งกจริง แต่แม่กูทำให้แดกนะ ไม่ต้องไปทำเหมือนบ้านไอ้กรมแล้ว กูยังไม่อยากขี้แตกอีก” ผมเองนี่ก็หลอนทุกครั้งเมื่อพี่มันพูดถึงชื่อของพี่กรม มันเสียวสันหลังแปลกๆ อย่างไงก็ไม่รู้ ผมเองก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกันครับ


   “ เห้ย นั้นไอ้กรมกับเมย์นี่หว่า” พี่เทพมันชี้ออกไปนอกร้านทำให้ผมหันไปมองตามือของพี่เทพ ก่อนจะเห็นภาพบางอย่างที่ทำให้ผมปวดใจฉิบหายเลยครับ


   ภาพที่พี่แม่งเอามือวางไว้บนหัวของผู้หญิงพร้อมกับรอยยิ้มสายตาหยอกล้อตลอดทั้งทางโดยไม่สนใจคนรอบข้างแม้กระทั่งที่ว่า ผมกับไอ้พี่เทพยืนเกาะกระจกร้านพี่มันก็ยังไม่สังเกตเห็น ผมเองก็ไม่รู้ตัวเองว่ามือของผมมันไปวางบนหัวของไอ้พี่เทพตั้งแต่เมื่อไหร่เหมือนกันทำแบบเดียวกับที่พี่กรมมันทำกับผม


   “ อย่าอินเกินไอ้น้อง” พี่เทพมันจับมือของผมออกจากหัวพี่มันก่อนที่จะหันให้ผมนั่งลงกับเก้าอี้เหมือนเดิม “ กูพึ่งเคยเห็นหมาหัวเน่าก็วันนี้เอง”


   “ พี่ ผมไม่ขำครับ” ผมมองหน้าไอ้พี่เทพอย่างเอาเรื่อง ไม่รู้ว่าผมไปโกรธหรือโมโหใครมา แต่เอาเป็นว่าวันนี้ไอ้พี่เทพรับเคราะห์ไปเต็มๆครับ


   “ แล้วกูขำไหมละ” พี่เทพถอนหายใจออกมาก่อนที่พี่มันจะหยิบแก้วกาแฟของตัวเองขึ้นดื่ม


   “ พี่ พี่เคยโดนผู้ชายอมไข่ไหม?”


พวดดดดดดดดดด


   เต็มหน้าผมเลยครับ กาแฟของพี่มันพ่นใส่หน้าผมเต็มๆ ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมาก่อนจะใช้มือลูบหน้าตัวเองเพื่อเอาไอ้กาแฟที่พี่เทพพ่นออกมาออกจากหน้า ถ้าปล่อยไว้นานมันจะเหนียวเอาผมขี้เกียจกลับไปอาบน้ำ   


   “ ถามเหี้ยอะไรของมึง” ไอ้พี่เทพวางแก้วลงพร้อมกับใช้ทิชชู่เช็ดปากของตัวเอง


   “ ก็...แค่อยากรู้”


   “ มึงไปอมไข่ใครเขามาละ” ไอ้พี่เทพยื่นหน้ามาถามผมใกล้ๆด้วยแววตาล้อเลียนจนผมต้องหันหน้าหนีไปทางอื่นทันที

 
   “ เพ้อเจ้อพี่” ด่ากลบเกลื่อนไปก่อนครับ เดี๋ยวพี่มันจับได้


   “ ปกติวันนี้วันศุกร์เพื่อนกูต้องครบทีมดิวะ ทำไมกูมานั่งโง่กับมึงสองคน ไอ้วินแม่งก็บ้าขายของ ส่วนไอ้คินก็ไปอยู่กับน้อง ไม่รู้จะติดไรหนักหนาน้องหรือเมียก็ไม่รู้แต่น้องมันน่ารักดีกูเห็นก็ยังชอบไปเล่นเลย แต่ไอ้เวรนี่หวงฉิบหาย” ผมไม่ได้ฟังว่าพี่เทพมันบ่นอะไรออกมา เพราะตอนนี้ภาพของพี่กรมกับผู้หญิงคนนั้นมันยังติดตาผมอยู่ สิ่งที่พี่มันทำกับคนนั้นพี่มันก็เคยทำกับผมแบบเดียวกัน


   “ ไอ้ชั่ว!!!”


   “ ......”


   “ เลวมาก เลวที่สุด ทำงี้กับกูได้ไงวะ!!!!”


   “ ไอ้พี......”


   “ ไม่ต้องมาเรียกกู มึงแม่ง ฮื่อออออออออออ” ผมก้มหน้าลงบนมือของตัวเอง ไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้วครับ ผมอ่อนแอเกินไป ยิ่งคิดถึงช่วงเวลาดีๆที่เคยมีให้กัน มันก็ตอกย้ำให้กับความโง่ของผมที่ไปทำอะไรแบบนั้น ผมแม่งไม่ต่างจากพวก LOSER เลยวะ


ผั๊วะ!


   “ ไอ้พี มีสติหน่อยดิวะ” ผมเงยหน้าขึ้นมองไอ้พี่เทพที่ตอนนี้มันยืนอยู่ตรงหน้าผม


   “ พี่ตบหัวผมหรอ?”


   “ เออ! กูเอง จะให้ใครไปตบมึงหละ”


หมับ


   ผมขว้าเอวพี่เทพเข้ามากอด ทำไมพี่มันต้องมาวนเวียนอยู่ในหัวผมด้วย ผมไม่อยากคิดมากอีกแล้ว ตลอดเวลาผมแม่งก็คิดถึงพี่มันตลอด ยิ่งไม่เจอยิ่งห่างก็ยิ่งคิดถึง มองอะไรเห็นอะไรก็กลายเป็นว่าผมเคยมา เคยเจอ เคยโดนพี่มันทำอย่างนั้น ขนาดไอ้พี่เทพตบหัวผม ผมยังคิดถึงที่พี่มันชอบตบหัวผมเลยครับ....


   “ โอ๋ ไอ้ควายน้อย”



   แต่ใครจะรู้ว่าภาพที่พีดึงเทพมากอดและซุกหน้าลงบนหน้าท้องของเทพที่ยืนอยู่ตรงหน้า จะถูกใครอีกคนยืนมองอยู่ห่างๆด้วยความไม่พอใจ แล้วเขามามีสิทธิ์อะไรที่จะไม่พอใจ ทั้งๆที่ตัวเองตัดสินใจเองแล้วทั้งนั้นว่า...ให้มันเป็นได้แค่น้องชาย


   “ กรมไปกัน” เจ้ากรมก้มลงมองมือของเขาที่ถูกคนตัวเล็กกุมเอาไว้ และตอกย้ำกับตัวเองให้อยู่กับปัจจุบันให้โฟกัสที่ผู้หญิงตรงหน้าและย้ำกับตัวเองเสมอว่านี่คือคนที่เขาชอบ ถ้าเขาไม่ชอบเขาจะเฝ้าจีบเธอมาทำไมตั้งสองปี แต่ดูเหมือนว่าเขาจะลืมไปว่าเวลาสองปีมันไม่ใช่ตัววัดค่าเพราะเขาเคยเลือกที่จะเดินออกมา แต่ที่เขากลับเข้าไปอีกนั่นเป็นเพราะว่าอะไร....


   “ เมย์เย็นนี้เราไปกินข้าวกันนะครับ”


   “ ได้ดิ เดี๋ยวเมย์ขับรถให้นะ ^^”


   “ ครับ ^^” ให้โอกาสน้องมันไปเจอคนที่ดีกว่านี้ นี่คือคำพูดของคนเห็นแก่ตัวอย่างเขาเอง เขาไม่ดีพอเพราะเขารู้ว่าอนาคตมันจะเป็นอย่างไรหากถึงวันที่ต้องคบกัน สถานะนี้มันดีที่สุดสำหรับเราทั้งสองคน ตอนนี้ก็ปล่อยให้แค่มันและเขาไปทำใจและได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเองให้มากที่สุด









 

PS. ขอมาสั้นๆก่อนนะ พน.พี่จะยาวให้เด้อ
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 13.1(10/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 11-03-2019 21:04:14
 :fire: :fire:

ตามสบายพี่กรม
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 13.1(10/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 11-03-2019 21:15:40
ทั้งชัง ทั้งเหม็นหน้า........ไอ้พี่กรม   :z6: :fire: :angry2:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 13.1(10/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 11-03-2019 22:14:05
ไอ้พี่กรมดีมาตลอด มาเลวตอนนี้ได้ไง ยกน้องพีให้พี่เทพไปเลย จะรอสมน้ำหน้าคน ชิ
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 13.1(10/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: nikpook ที่ 11-03-2019 22:49:30
อยากถามพี่กรมว่าสถานะตอนนี้มันดียังไง สงสารน้องผีมาก อยากให้มีใบลาออกจากการเป็นน้องชาย แบนพี่ชายที่ชื่อกรมค่ะถ้ามีปุ่มบล็อกพี่กรมออกจากน้องผีก็จะกดรัวๆ ตอนนี้คือเรือเทพผีพายมากไม่ใช่เรือผีแล้ว แต่เอาจริงๆอ่านตอนต้นๆคือเจ็บมากเลยนะเรารู้ว่าเรือเราพายแต่มันก็มีรูใหญ่ๆให้เรือจม เรารู้ว่าน้องผีชอบพี่กรมขนาดไหนยังไงเราก็อยากให้น้องสมหวังอ่ะ ถึงตอนนี้พี่กรมจะผีมากไอ้คนใจร้าย มันแย่ที่สุดตรงที่ชอบเขามาก แต่ขยับสถานะไม่ได้ พอเขามีใหม่ก็อยากออกห่างแต่ก็ไปไม่ได้เพราะเขาขอให้เป็นน้องชาย อิเวงความสัมพันธ์และสถานะน้องที่เจ็บมากๆ ขนาดคนนอกอย่างเรายังเจ็บอ่ะ แต่พออ่านถึงตอนพี่กรมเห็นบอกเลยว่าสะใจมาก   อยากให้น้องอยู่ในสถานะนี้เอง แต่ก็ยังดีที่พี่กรมรู้ว่าไม่มีสิทธ์ไม่พอใจ เรือเทพผีของเราจงเจริญ ทิ้งไปเลยน้องผีอะไรที่มันห่วยๆอ่ะ ตอนต่อไปมาต่อเร็วๆนะคะ จัดอิพี่กรมหนักๆเลย หมั่นไส้อิพี่กรม เราเป็นกลจให้คุณไก่ทอดนะคะสู้ๆกอดๆ :กอด1:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 13.1(10/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: พลอย ที่ 12-03-2019 01:35:28
เราถึงกับเข้าระบบมาคอมเมนท์ในรอบหลายปีเลย สองตอนล่าสุดคือไม่ไหวจริงๆ เราร้องให้เลยจนเมทถามว่าเป็นอะไร สงสารน้อง เพราะเราเคยอยู่ในสถานะนั้น เป็นทุกอย่างยกเว้นแฟน แต่คนภายนอกเค้าคิดว่าเป็นแฟนกันหมด จนวันนึงทุกอย่างมันหายไปเอง รู้ตัวอีกทีเราก็อนู่ในสถานะน้องสาวแล้ว เค้าบอกว่าเราเป็นแบบเดิมก็ดีอยู่แล้ว เป็นพี่น้องกันไม่ต้องเลิกกันนะ คุณไก่ทำเราตายใจเปิดมุมมาให้ขำก่อนมาตั้งนาน มาดราม่าแบบไม่ตั้งตัว อ่านไปน้ำตาไหลไป ขอร้องล่ะค่ะ ถ้าจะเขียนดราม่าคั่นกลางอย่าให้พี่กรมกลับเข้ามาในชีวิตน้องได้ง่ายๆนะคะ ตอนเขาจะไปเขายังทิ้งน้องได้ง่ายๆเลย ตอนรู้ตัวเมื่อไหร่ว่ารักน้องแล้วพยายามจะกลับเข้ามาอย่าให้เค้าเข้ามาได้ง่ายๆนะคะ อย่าทำเหมือนให้น้องรอฝ่ายนั้นเสมอ น้องต้องเข้มแข็งค่ะ น้องต้องผ่านมันไปได้  ให้ไอ้พี่กวงตามขอโทษ ตามตื้อ ตามจีบใหม่เลยก็ดี ทุกอย่างควรเริ่มจาก 0 ไปเลย คุณทำความรู้สึกน้องพีเราพัง เราไม่ยอม!!!!! You broke my Pee's heart. You not deserve his love again. จำไว้ไอ้พี่กรม!!!! ไม่เชียร์แล้ว โกรธ โกรธมาก
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 13.2(12/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: KJH177 ที่ 12-03-2019 19:32:07
บทที่ 13.2

น้องพีคนดีคนเดิม (มั้ง)



 ช่วงเย็น ณ บ้านเทพบุตร


   ผมโคตรตื่นเต้นเลยครับที่ได้มาบ้านไอ้พี่เทพ บ้านของพี่เทพดูร่มรื่นเพราะปกคลุมไปด้วยต้นไม้และไม้ดอกไม้ประดับนานาชนิดที่พี่มันบอกว่าแม่ของเขาเป็นคนปลูกเอาไว้ เพราะแม่พี่เทพเกษียณจากงานทำให้ว่างอยู่บ้านและดูแลธุรกิจเล็กๆน้อยๆพอให้มีเงินใช้ไปวันวัน แต่ผมว่าไอ้เงินใช้เป็นวันวันของพี่มันนี่เยอะกว่ารายได้ที่พ่อผมหาได้ทั้งปีอีกครับ


   “ สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้ผู้หญิงวัยสูงวัยที่คาดว่าน่าจะเป็นแม่ของพี่เทพที่นั่งถักผ้าพันคออยู่บนโซฟาในบ้านพร้อมกับเปิดซีรีย์เกาหลีร่วมสมัยที่กำลังดังอยู่ตอนนี้


   “ อันยองจ้ะ”


   “ อันยองครับนูน่า”


   “ ว้ายยย ปากหวานสุด” แม่ของพี่เทพพูดอย่างอารมณ์ดีที่ผมเรียกเธอว่านูน่า เพราะนูน่าในภาษาเกาหลีแปลว่าพี่สาว ไอ้นิสัยขี้ประจบนี่ผมแก้ไม่หายเลยจริงๆครับ


   “ ตกพ่อไอ้กรมไม่พอยังมาตกแม่กูอีกนะไอ้พี” พี่เทพเดินตามเข้ามาหลังจากที่พี่มันไปจอดรถ


   “ ลูกเทพูดไม่เพราะค่ะ” แม่พี่เทพส่งสายตาดุๆไปให้พี่เทพที่เดินมานั่งข้างๆแม่ของเขาก่อนที่จะหอมแก้มแม่ตัวเองแรงๆ


   “ โถ่คุณแม่ แค่กับมันแหละครับ” ไม่น่าเชื่อว่าผู้ชายเถื่อนๆเวลาอยู่กับแม่จะกลายเป็นผู้ชายมุ้งมิ้งรักครอบครัวไปเลยครับ

 
   “ น้องชื่ออะไรคะ” เธอหันหน้ามาถามผม


   “ น้องพีครับ”


   “ น้องพีรู้ไหมว่าลูกเทพไม่ได้ชื่อเทพ”


   “ แม่ไม่เอาดิ” เหมือนพี่เทพพยายามห้ามแม่ของเขาพูดความลับออกมา


   “ ตอนเด็กๆลูกเทพชื่อว่าเท แต่พอมีข่าวลูกเทพกำลังดังช่วงนั้นก็ให้แม่พาไปเปลี่ยนชื่อเป็นลูกเทพ แต่แม่ห้ามไว้ก่อนแม่ไม่อยากมีลูกชื่อลูกเทพ เลยให้ชื่อว่าเทพบุตร” ผมนี่กลั้นขำเต็มที่เลยครับเมื่อแม่ของพี่เทพเล่าวีรกรรมการเปลี่ยนชื่อออกมา จริงๆชื่อเทผมว่าเพราะกว่าเทพอีกนะครับ “ นั่นลูก เพื่อนๆของลูกเทพ” แม่พี่เทพชี้ไปที่ตู้กระจกขนาดใหญ่ที่ด้านในเต็มไปด้วยตุ๊กตาลูกเทพ ไอ้ห่า! หลอนฉิบหาย

 
   “ พี่เทพ?” ผมก็พึ่งรู้ว่าพี่มันมีมุมแบบนี้ด้วย


   “ ตาเทพเป็นผู้ชายติดดวง ชอบดูดวง แม่ก็ไม่รู้ว่าไปติดแม่หมอพ่อหมอที่ไหนหรือเปล่า”


   “ พี่เทพ???” นี่มันเรื่องใหม่ที่ผมรู้เลยนะครับเนี่ยว่าไอ้พี่เทพติดดวงด้วย


   “ พอเถอะแม่ ไปๆไอ้พีมึงจะรู้เรื่องกูเยอะไปละ” พี่เทพมันลากคอเสื้อผมให้เดินตามเข้าไปด้านในที่ถูกจัดและตกแต่งเป็นห้องอ่านหนังสือมีชั้นหนังสือมากมายมีโซนคอมพิวเตอร์และโซนนั่งเล่น ถึงไม่ใหญ่เท่าบ้านพี่กะ...อย่าไปพูดถึงมันเลยดีกว่าครับ


   “ ให้ผมทำอะไร” ผมนั่งที่พื้นพรมรอพี่เทพสั่ง


   “ เดี๋ยวกูเปิดคอมก่อน” พี่เทพเดินไปเปิดคอมอีกด้านหนึ่งก่อนจะกลับมานั่งตรงข้ามผมพร้อมกับโน๊ตบุ๊ค


   “ งานมันอยู่ในหัวของไอ้กรม กูว่าต้องรอมันพิมพ์ออกมา”


   “ แล้วให้ผมมาทำไมเนี่ย”


   “ หาพื้นที่ ที่จะลงว่าจะไปเจาะพื้นที่ไหนเพื่อนสโคปงานให้แคบ” ผมพยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนจะคิดถึงว่านโยบายที่พี่กรมมันคิดคือนโยบายเกี่ยวกับผู้สูงอายุ


   “ พี สติ” ผมพูดกับตัวเองก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกๆและเปิดคอมเพื่อหาข้อมูล


   “ เดี๋ยวไอ้คินกับไอ้วินตามมา เดี๋ยวมันซื้อกับข้าวมาด้วย”


   “ โถ่ ไม่ให้ผมโชว์ฝีมือเลยดิ”


   “ กูไหว้ละนะ พอเถอะมึง” พีเทพส่ายหัวก่อนที่พี่มันจะเดินไปนั่งที่คอมตัวใหญ่ “ มึงเกิดวันอะไร?”


   “ ศุกร์พี่”


   “ มีเกณฑ์อกหัก คนที่แอบรักจะไปมีแฟนใหม่” พี่เทพอ่านดวงให้ผมฟัง....จุกตั้งแต่คำแรกเลยครับ “ แต่เตรียมใจไว้ว่าเขาอาจจะกลับมา”


   “ ไปเชื่ออะไรมากพี่ ก็แค่ดวงปะวะ” ถึงปากจะบอกว่าอย่าไปเชื่อแต่ใจผมนี่คิดและวิเคราะห์ไปไกลแล้วครับ ว่าแต่ละคำมันหมายความว่าอะไรบ้าง



   นี่ก็ผ่านมาเกือบหกโมงเย็นแล้วพี่คินเป็นคนแรกที่มาถึงบ้านพี่เทพพร้อมกับไก่ทอดร้านดังที่ผมชอบกิน ส่วนพี่วินก็ตามมาติดพร้อมกับอาหารอิสานยั่วน้ำลาย คือมาทำงานหรือมาปาร์ตี้อันนี้ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ผมเองมีหน้าที่เอาจานชามออกมาเทใส่อาหารที่ตอนนี้พวกเราย้ายมานั่งที่โต๊ะหน้าบ้าน เพราะไอ้พี่เทพมันพรีเซนต์ว่ายามค่ำคืนที่บ้านของพี่มันจะมองเห็นดวงดาวและพระจันทร์สวยๆ แต่นั่นก็เป็นข้ออ้างเพราะจริงๆแล้วพี่มันไม่อยากให้บ้านมีกลิ่นอาหาร แค่นั้นจริงๆที่ทำให้ผมพวกผมย้ายออกมา


   “ ต้มแซ่บยังร้อนอยู่เลยมึง” พี่เทพตัดต้มขึ้นมาซดเสียงดัง


   “ อยากแดกเบียร์ว่ะ” อยู่ๆพี่คินก็พูดขึ้น พูดถึงเบียร์แล้วผม....ก็คิดถึงใครบางคน ห้ามนึกถึงเลยไอ้พี!! หยุดความคิดซะ!!!


   “ เอาปะล่ะ”


   “ พี่เรามาทำงานนะ” ผมรีบเบรกเอาไว้ก่อนที่พี่มันจะไปหาซื้อเบียร์มานั่งกินจริงๆ


   “ เออ มึงนี่ก็มีสาระเหมือนกัน” ผมจะคิดว่าพี่มันชมผมก็แล้วกันนะครับ


   ผมหัวเราะไปกับมุขตลกของพี่เทพพี่วินและพี่คินที่พากันเล่าเรื่องตัวเองขำๆออกมาหลังจากที่ผมเป็นคนเปิดประเด็นเรื่องที่แม่พี่เทพเล่า ไอ้พวกพี่ทั้งสองก็บอกว่ารู้อยู่แล้วเวลามาบ้านพี่เทพทีไรก็จะต้องเล่าเรื่องนี้ทุกที เหมือนว่าแม่พี่เทพฝังใจกับการเปลี่ยนชื่อของลูกชาย


   “ ฮ่าๆ” ผมหัวเราะออกมาทั้งๆที่ในปากยังมีเศษอาหารที่ยังเขี้ยวไม่หมดเพราะพี่วินดันพูดเรื่องตอนขายของแล้วลูกค้ามาเต๊าะให้ฟัง พี่มันบอกว่ามีหลายรูปแบบของการเต๊าะมากๆ จนกระทั่งเสียงหัวเราะผมหยุดลงเมื่อมีใครบางคนเดินเข้ามา


   “ พี่เทพ?” ผมหันไปมองพี่เทพทันทีเพราะพี่มันบอกว่าพี่กรมจะไม่มา ละนี่คือร่างอวตารของพี่มันหรือไง ที่ตอนนี้ยืนหน้านิ่งถือของพลุงพลัง


   “ ซอรี่ ลืมบอก” ผมได้แต่ถอนหายใจออกมา และพยายามไม่มองไปทางพี่มัน


    “ ไอ้พีพาไอ้กรมไปเก็บของดิ เอาจานมาใส่ของด้วย” พี่คินที่ไม่รู้เรื่องอะไรพูดขึ้นมา


   “ ไม่เอาอะพี่ ผมจะกิน” เวลานี้ผมขอเป็นคนเห็นแก่กินก่อนก็แล้วกันครับ


   “ เมื่อกี้มึงบอกอิ่ม” ไอ้พี่วินนี่ก็ยังจำได้ดีจริงๆ


   “ หิว หิวมาก” ผมยัดข้าวเหนียวยัดไก่ซะเต็มปากเดี๋ยวมันจะไม่สมจริงว่าผมหิวถึงแม้ว่าผมจะอิ่มแต่ถ้าให้เลือกไปกับพี่มันสองคน ผมยอมหิวดีกว่าครับ


   “ เดี๋ยวกูไปเอง” พี่กรมไม่ได้มองมาทางผมแต่พี่มันกลับเดินเลยเข้าไปในบ้าน


   “ ฟู่” ผมพ่นลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก แต่ผมหนีสายตาส่งสัยของพี่ๆแต่ละคนไม่ได้


   “ ทะเลาะกัน?” พี่คินเป็นผู้เปิดประเด็นทำให้พี่ๆคนอื่นพากันซักถาม


   “ ไม่ใช่พี่ ไม่มีอะไร แฮะๆ” ผมยิ้มกลบกลื่นพยายามที่จะไม่ส่อพิรุธอะไรออกมา จนกระทั่งพี่กรมเดินกลับมาพร้อมของกินที่คาดว่าเขาน่าจะซื้อมาพร้อมกับจานชาม


   “ ซื้อไรมาเยอะแยะวะ” ไอ้พี่เทพที่ตอนนี้ยังกินไม่หยุดเอ่ยถาม


   “ เยอะว่ะ” พี่มันลากเก้าอี้มานั่งข้างๆพี่วินซึ่งเป็นตำแหน่งนั่งที่ตรงข้ามผมพอดี ถ้าผมเงยหน้าหรือมองตรงผมก็จะเห็นใบหน้าของพี่มันเต็มๆ เอาเป็นว่าตลอดการกินนี้ผมจะไม่มีปากมีเสียงกับใครหรือเงยหน้าขึ้นมาแน่นอน ผมจะอยู่กับจานของผมไปตลอดจนจบ


   “ โอโห้ววว รู้ใจกูจริงๆว่ากูอยากกินกุ้งเผา”


   “ เฮือก” ผมสะดุ้งทันทีที่ได้ยินคำว่ากุ้งเผา....กุ้งอีกแล้วหรอครับ กุ้ง กุ้ง กุ้ง กูเกลียดกุ้ง!!!!!!!!!!! มันหลอกหลอนผมมาถึงทุกวันนี้


   “ กินไหมกูแกะให้....ไอ้เทพ” น้ำเสียงของพี่กรมโคตรจงใจเลยครับ ไม่ใช่ว่าผมคิดไปเองนะแต่พี่มันพูดออกมาแบบนั้นจริงๆ


   “ เออๆ เอาดิ กูขอสองตัว” ผมอยากจะหันไปด่าพี่เทพมันครับว่าไม่มีมือแกะเองรึไง ผู้ชายสมัยนี้เขาไม่ให้ใครมาแกะกุ้งให้แล้วครับ แต่ผมไม่ได้พูดออกไปเดี๋ยวแม่งกลายเป็นประเด็นไปอีก


   “ ไอ้พีไปเอาน้ำแข็งในตู้เย็นมาดิ” ผมอยากจะขอบคุณพี่คินจริงๆที่สามารถทำให้ผมหลุดออกมาจากตรงนี้ได้ และนั่นก็เป็นครั้งแรกที่ผมเงยหน้าขึ้นจากจานและสบตาเข้ากับพี่กรมอีกครั้ง เพราะ....พี่มันมองผมตลอดตั้งแต่มา


   “ ได้พี่ๆ” ผมคว้าถังน้ำแข็งบนโต๊ะก่อนจะรีบวิ่งเข้ามาในบ้านอย่างรวดเร็ว


   “ เฮ้อออ” ผมวางถังน้ำแข็งลงก่อนจะเอาหลังพิงกับเคาท์เตอร์ครัวไว้ และเงยหน้าขึ้นหลับตาเพื่อเรียกสติของผมให้กลับมาไวๆ ถ้าขืนยังเป็นแบบนี้อยู่ไปเรื่อยๆละก็ งานการไม่ต้องทำกันพอดีครับ เป็นครั้งแรกที่ผมอยู่ใกล้พี่มันแล้วอึดอัดมากขนาดนี้


   เมื่อผมเรียกสติตัวเองกลับมาได้แล้ว ผมก็เปิดตู้เย็นหยิบถุงน้ำแข็งออกมาเทใส่ถังจนเต็ม แต่ในตู้เย็นเหลือน้ำแข็งแค่ไม่กี่ถุง ผมว่านะถ้าผมบอกพี่เทพเดี๋ยวพี่มันต้องใช้ผมไปอีก ผมไม่บอกดีกว่าใครบอกคนนั้นก็ไปซื้อเอง ผมขี้เกียจเป็นอันจบนะครับทุกคน เมื่อได้น้ำแข็งตามที่ต้องการแล้วผมก็เตรียมเดินออกมาจากห้องครัว หวังว่าจะไม่เจอพี่มันมาดักรอเหมือนในละครหรือในนิยายหรอกนะครับ เมื่อคิดได้ดังนั้นผมก็พยายามรวบรวมสติอีกครั้งเพราะถ้าพี่มันมารอผมจริง ผมต้องไม่ทำตัวตื่นตระหนักมากเกินไป


   และดูเหมือนว่าผมคิดผิดไป เพราะเดินออกมาจนสุดทางก็ไม่มีวี่แววพี่มันเลยจนกระทั่งผมเดินออกมาที่เดิมก็เห็นว่าพี่กรมยังคงนั่งอยู่ที่เดิมพูดคุยกับเพื่อนของเขาอยู่อย่างสนุกสนานจนผมกลับมาย้อนถามตัวเองว่า...


   กำลังคาดหวังอะไรอยู่?


   “ พี่น้ำแข็งหมดแล้วนะ” ผมว่าผมต้องออกไปเดินเล่นซักหน่อยครับ อยู่นี่ก็มีแต่ฟุ้งซ่านเปล่าๆ


   “ ไปซื้อมา เอาน้ำอะไรก็ซื้อมา” พี่เทพยื่นเงินมาให้ผมก่อนที่ผมจะวางถังน้ำแข็งลงบนโต๊ะและเดินออกจากบ้านของพี่มันไปในยามวิกาล ผมมองกลับไปทางด้านหลังก็ไม่มีเงาของใครสักคนตามมา


   “ พี มึงอย่าเพ้อเจอ เขาจะตามมึงมาทำไมวะ” ผมนึกด่าตัวเองที่กำลังคิดอะไรเพ้อเจอเฝ้ามองไปทางด้านหลังอย่างลมๆแล้งๆ ก็รู้ว่าไม่มาก็ไม่เห็นต้องทำหน้าผิดหวังขนาดนี้


 ไม่คาดหวังก็จะไม่ผิดหวัง....


ผมซื้อทั้งน้ำและขนมมาเต็มมือ พี่เทพให้มาห้าร้อยผมก็ใช้ห้าร้อยไปจนหมดไม่เหลืออะไร แถมยังแวะซื้อลูกชิ้นมากินเล่นโดยใช้เงินของผมเอง เพราะเงินที่พี่เทพให้มาหมดไปกับขนมและน้ำหมดแล้ว เมื่อผมเดินเข้ามาในรั้วบ้านตรงเข้ามาที่สวนก็เห็นว่าพี่กรมนั่งอยู่คนเดียว


        “ ไปข้างในหมดแล้ว” เมื่อพี่มันเห็นว่าผมยืนงงอยู่ พี่กรมก็พูดขึ้นมา


   “ ครับพี่” ผมไม่รู้เหมือนกันว่าผมควรจะพูดคำไหนออกมา เพราะนี่ถือว่าเป็นครั้งแรกในรอบอาทิตย์ที่เราสองคนคุยกันแบบตรงๆ ผมไม่สนใจพี่กรมต่อก่อนจะเดินเลี่ยงไปอีกทางแต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อพี่มันพูดขึ้นมา


   “ ไหนว่าจะเป็นน้องชายเหมือนเดิมไง”


   “......”


   “ น้องชายที่ไหนเขาหลบหน้ากันแบบนี้วะ?” ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆก่อนจะหันกลับไปมองพี่กรมอีกครั้ง ทำให้สายตาของเราสองคนสอดประสานกันอย่างเลี่ยงไม่ได้ และผมเองก็ไม่คิดจะเลี่ยง


   “ ใครกันแน่ที่หลบหน้าครับ?”


   “ ถามตัวมึงเองไหมพี มึงน่าจะรู้ดีกว่ากูว่ากูไม่เคยหลบมึงเลย” แล้วการที่พี่เขาไปไหนมาไหนกับผู้หญิงคนนั้นแทนการมาเล่นหรือมาอยู่กับผมเหมือนเมื่อก่อนเขาไม่ได้เรียกว่าหลบหน้า ใช่ครับไม่หลบหน้า แต่หายไปเลย ก็เท่านั้น เขามีคนของเขาแล้วมึงยังจะมาคาดหวังให้เขากลับมาเล่นกับมึงเหมือนเดิม มันก็ไม่ใช่ไหมพี...

        “ ผมก็ไม่เห็นความจำเป็นหนิครับว่าน้องชาย..จะต้องอยู่กับพี่ชายทุกวัน” ผมพยายามกลืนก้อนบางอย่างลงไปไม่ให้มันขึ้นมาจุกที่อกเหมือนกับวันนั้น ผมจะอ่อนแอต่อหน้าพี่มันไม่ได้


   “ ถ้ารู้ว่ามันเปลี่ยนไป มึงจะทำ ทำไมวะ” แล้วใครกันที่เรียกร้องให้ผมทำ...แต่มันก็ไม่ถูกอยู่ดีเมื่อผมเป็นคนเสนอตัวทำให้พี่มันเอง


   “ พี่แม่ง...โคตรเห็นแก่ตัวเลยวะ” ผมไม่สามารถที่จะอยู่ต่อตรงนี้ได้ ทำให้ผมรีบเดินเข้ามาในบ้านทันทีโดยที่ไม่สนใจว่าพี่มันจะพูดอะไรตามหลัง ผมไม่อยากฟังไม่อยากรับรู้อะไรอีกต่อไปแล้วจริงๆ


   “ พี่ชายคนนี้ยังต้องการน้องชายคนเดิมกลับมานะครับ...” ผมไม่อยากฟังแต่ผมก็ต้องฟัง ผมไม่อยากได้ยินก็ต้องได้ยิน ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่น้ำตาของผมมันไหลออกมา ไหลออกมาให้กับความโง่...งมของตัวเองที่เขาให้เป็นได้แค่น้องชาย


หมับ!


   ผมไม่รู้ว่าผมเดินเข้ามาที่ไหนของบ้านรู้ตัวอีกทีผมก็ถูกใครสักคนสวมกอด และนั่นมันทำให้ความอ่อนแอของผมพังถลายลงมาอย่างไม่สามารถที่จะสกัดกั้นได้อีกต่อไป


   “ ร้องออกมาเถอะ..ถ้ามันทำให้มึงรู้สึกดีขึ้น” และผมรู้ทันทีว่าคนนั้นคือพี่ชายจริงๆที่ผมรู้สึกว่าเขาเป็นพี่ชายตั้งแต่แรกและเขาก็เห็นผมเป็นน้องชายของเขาตั้งแต่แรกเหมือนกัน แบบนี้ใช่ไหมที่เรียกว่าอ้อมกอดของพี่ชายไม่ใช่อ้อมกอดของผู้ชาย


   “ พี่ ผมเจ็บว่ะ ทั้งๆที่ผมบอกเขาเอง”


   “ โถ่ ไอ้น้อง” พี่เทพไม่มีแม้แต่คำพูดปลอบโยนแต่พี่เขามีแค่สองมือที่ลูบหลังของผมเบาๆเท่านั้น ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ที่ผมกอดพี่มัน รู้ตัวอีกทีผมก็รู้สึกดีขึ้นมาแล้วพร้อมกับไปสู่สถานการณ์ชีวิตจริง


   “ ครั้งแรกก็เจ็บแบบนี้แหละมึง” ไอ้พี่เทพตบบ่าผมเบาๆ


   “ เจ็บอะไรพี่”


   “ เจ็บตูดมั้งละสัด ชงมาไม่รู้เวลาจริงๆ” พอจะได้หัวเราะออกไปบ้าง จนกระทั่งเข้ามาที่ห้องเดิม ตอนนี้พี่วินกับพี่คินกำลังนั่งพักอยู่ที่โซฟา ส่วนผมก็ไปนั่งที่เดิมและพี่เทพนั่งที่โต๊ะคอมของเขา


   “ เริ่มเลยไหม?” พี่กรมเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับกลิ่นบางอย่างที่ผมไม่เคยเห็นว่าพี่เขาจะสูบ ใช่ครับ พี่เขาสูบบุหรี่ นี่น่าจะเป็นเรื่องที่ผมไม่รู้เกี่ยวกับตัวของพี่กรม


   “ มึงเอามันออกมาจากหัวมึงก่อนเลย” พี่เทพหันมาบอกพี่กรมที่เดินเข้ามาหยุดตรงกลางห้องเหมือนไม่รู้ว่าตัวเองควรจะไปนั่งตรงไหน


   “ พี่มานั่งนี่ก็ได้ครับ” ผมพูดขึ้นทำให้พี่กรมเลิกคิ้วขึ้นมาอย่างแปลกใจ แต่ก็เดินมานั่งตามที่ผมบอกโดยที่ผมเองก็ไม่ได้สนใจในท่าทีของพี่มัน


   “ ยืมคอมหน่อย”


   “ ผมหาข้อมูลอยู่หนิพี่” ให้มานั่งด้วยแล้วยังจะมาแย่งคอมผมอีกนะครับคนเรา


   “ เอาโทรศัพท์หาก็ได้”


   “ ก็จอมันเล็ก” ผมหาข้ออ้างไปอย่างนั้นแหละ แต่จริงๆต้องการที่จะกวนพี่มันเฉยๆ ผมจะเปลี่ยนตัวเองให้กลับไปเป็นน้องชายของพี่มัน แม้ว่าจะยากและเจ็บไปหน่อยก็ตาม แต่ผมมั่นใจว่าผมทำได้ครับ...ฮึก! ร้องไห้หาพ่อมึงหรอพี แค่ร้องในใจเอง ไม่ได้! ผมกำลังคุยกับตัวเองอย่างนั้นหรอ?


   “ เอาของกูไป” เดจาวูครับ ผมรับโทรศัพท์ของพี่มันมาหาข้อมูลต่อ แต่สายตาผมก็เหลือบไปเห็นแจ้งเตือนไลน์ที่เด้งขึ้นมาพอดี


   MAY : คอลหาได้ไหม






PS. พี่กรมมีเหตุผล พี่กรมฝากมาบอกว่าพี่กรมเสียใจนะครับ แต่ยอมรับในการกระทำทุกอย่าง

ส่วนน้องพีเองก็สู้ต่อไป ความรักไม่ใช่อุปสรรค์ แต่มันเป็นแค่บทเรียนที่ต้องรู้จักกับความว่าล้มเหลวและเริ่มต้นเท่านั้นเอง
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 13.2(12/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 12-03-2019 20:34:14
ไอ้พี่กรม ตลกละ......  :m16:
ว่าพีหลบหน้า แต่ตัวเองก็ไปยุ่งขิงกับหญิงเมย์ทุกวันๆ
แล้วจะให้พีเสนอหน้าประกบไปด้วยรึไง  :m31: :fire: :angry2:
ชังน้ำหน้าไอ้พี่กรม  :z6: :z3: :ling2:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 13.2(12/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 12-03-2019 21:04:45
ขอให้หลุดจากวงจรน้องพีไปจริงเลยเหอะ
อิพี่กรมจะได้รู้สึกมั่ง ชิ
 :angry2:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 13.2(12/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 12-03-2019 23:10:21
ตัดใจไปเลยน้องพี ปล่อยพี่มันไปจากใจซะ
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 13.2(12/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 12-03-2019 23:18:23
เหมืแนจะเข้าใจเหตุผลของอิพี่กรมอ่ะนะ แต่ว่ามาทำน้องผีเจ็บซ้ำๆเลาไม่โอเค :ling1:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 13.2(12/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: nikpook ที่ 13-03-2019 06:20:25
ตอนนี้ค่ดชอบพี่เทพเลย ชอบชื่อมากพี่ลูกเทพ5555ชื่อเฟี้ยวมากแต่ความเป็นมาของชื่อเฟี้ยวกว่าชอบมากๆ แต่แอบหลอนๆกับลูกตุ๊กตาของพี่แก พี่เทพคือพี้ชายแบบจริงๆ คนเขาเป็นพี่น้องกันเขาไม่จูบไม่ทำแบบนั้นหรอกพี่กรม พี่กรมในตอนนี้ทำเราพูดไม่ออกเลยยิ่งตอนอ่านถึงอยากได้น้องชายคนเดิมอยากกระโดดถีบขาคู่ใส่พี่กรมกับตบแรงๆสักพันที :z6: :beat:   แล้วตอนสุดท้ายที่ให้โทรศัพท์ให้ทำเพื่อไรหรอหรือว่ามันบังเอิญเด้งขึ้นมาตอนนั้นพอดี โกรธพี่กรมมาก  เป็นกลจให้คุณไก่ทอดนะสนุกมากๆมาต่อเร็วๆนะคะ :กอด1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 13.2(12/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 13-03-2019 10:04:15
เปลี่ยนให้เทพเป็นพระเอกแทนเลย
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 13.2(12/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 13-03-2019 14:10:00
 :L2: :pig4:

ลุ้นไป พี อย่าไปสนใจพี่มัน ควงคนอื่นเลย
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 13.3(13/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: KJH177 ที่ 13-03-2019 20:50:21
บทที่ 13.3

จากใจกรมรินทร์


        “ คอลหาได้ไหม” ผมเบะปากพูดล้อเลียนข้อความของพี่มันเสียงเบา แต่ผมก็ไม่ได้บอกพี่กรมว่ามีแจ้งเตือนขึ้นมา ปล่อยให้พี่มันนั่งพิมพ์ไปครับ ผู้หญิงคนนี้ก็ไม่รู้เวลารึไงว่าเขาทำงานทำการอยู่ ไอ้ฉิบหาย! ผมรู้ว่าเธอไม่ผิดแต่ทำไมผมห้ามอารมณ์ตัวเองไม่ให้พาลไม่ได้วะ


   “ ไอ้กรมมึง กูขอวันนี้นะ”


   “ เออ จะพยายาม” ผมเข้าใจพี่มันนะว่าการที่เอาความรู้และสิ่งที่คิดอยู่ในหัวออกมาเป็นตัวอักษรมันค่อนข้างที่จะยาก โดยเฉพาะการเปลี่ยนให้เป็นภาษาวิชาการ อันนี้แม่งยากกว่า


   “ พี่ต้องการแถวไหนอะ เราต้องลงด้วยหรอพี่มันทั้งประเทศเลยนะ” ก็เพราะนโยบายเป็นการวางแผนที่เป็นบริการสาธารณะคนส่วนใหญ่ทั้งประเทศต้องได้รับ แล้วทีนี้จะไปหาพื้นที่จากไหนละวะ


   “ ลงไปเพื่อสอบถามบางส่วน” พี่กรมเป็นคนตอบผมขณะที่เขายัวคงจ้องหน้าจอและพิมพ์อย่างรวดเร็ว “ เอาใกล้ๆกรุงเทพฯก็ได้”


   “ คิดไม่ออกครับ” ผมก็ไม่รู้อยู่ดีว่าจะไปที่ไหนเพราะผมเองก็คิดไม่ออกว่าถ้าจะไปหาแหล่งที่ผู้สูงอายุที่ไหน นอกจากบ้านพักบางแค แต่นั่นก็จะได้แค่ผู้สูงอายุบางกลุ่มเท่านั้น แต่ผมอยากได้ข้อมูลที่หลากหลายมากกว่านี้


   “ ค่อยๆคิดไป ไม่เห็นต้องรีบ” ผมนี่เบะปากใส่พี่มันเลย ทำตัวเป็นคุณพ่อรู้ดี


   “ จ้ะ” ผมเลิกสนใจพี่กรม ก่อนจะหันมาสนใจโทรศัพท์ของพี่มันต่อที่ยังมีข้อความของผู้หญิงคนนั้นเด้งมาเรื่อยๆจนผมรำคาญ ยื่นโทรศัพท์ไปให้พี่มัน


   “ รำคาญอะ ไปคุยๆกันให้เสร็จนะพี่” ตอนแรกพี่กรมมันก็ทำหน้างงครับ แต่พอรับมาดูเขาก็กดโทรออกทันที ย้ำนะครับว่ากดโทรออกทั้งๆที่ผมยังนั่งอยู่ตรงนี้....


   “ เมย์ครับ กรมมาทำงานบ้านเทพนะ กรมขอโทษที่ปล่อยให้เมย์รอ” น้ำเสียงที่พี่มันใช้กับสาวนี่อ่อนโยนมากครับ อ่อนโยนกว่าที่พี่มันใช้กับผมเป็นสิบเท่า เจ็บฉิบหาย!


   “ โอ้ย เหนื่อยยย!!” ผมแกล้งพูดออกมาเสียงดังให้เข้าไปในปลายสายของพี่มัน “ ทำงานนะพี่ ไม่ใช่มาคุยโทรศัพท์”


   “ แป๊บนะครับเมย์” พี่มันป้องปากบอกคนปลายสายก่อนจะทำหน้าดุใส่ผม “ มึงบอกให้กูไปคุยเอง อย่าลืมดิ กูทำให้มึงแล้วนี่ไง”


   “ .......” ผมพูดไม่ออกนอกจากเงียบและฟังพี่มันคุยกับผู้หญิงคนนั้นต่อ เพราะปากกูอีกแล้วครับ ทำไมปากผมมันต้องพาผมเจ็บด้วยวะ ทั้งๆที่ตั้งใจว่าจะอยู่เฉยๆแล้วแท้ๆ น้องพีขอโทษนะหัวใจ


   ผมลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินออกหาอะไรเย็นๆกินด้านนอก อยู่ในนี้ก็ฟุ้งซ่าน ผมหิวนะทั้งๆที่ตอนเย็นผมก็กินอิ่มแล้ว ผมเหลือบสายตาไปมองกุ้งและอาหารทะเลที่พี่มันซื้อมาวางอยู่บนโต๊ะ กุ้งที่ผมยังไม่ได้กินเลย ทำให้ผมนั่งลงและค่อยๆแกะกุ้งกิน โดยที่ลืมเจตนารมณ์ในตอนแรกที่ตั้งใจว่าจะแค่ออกมาหาอะไรเย็นๆกิน


   “ อร่อย ทำไมมึงต้องเกิดมาเป็นกุ้งวะ กูพาลนะอย่ามองหน้ากู เดี๋ยวจับแดกให้หมดเลย” ผมแกะแล้วแกะเล่าก่อนจะนั่งกินจนเพลินโดยไม่ได้ยินหรือรู้สึกว่ามีใครบางคนยืนอยู่ด้านหลัง จนกระทั่งเสียงเลื่อนเก้าอี้นั่นทำให้ผมรู้เลยว่าใครบางคนที่ผมหนีออกมานั่นเองที่นั่งอยู่ข้างๆผม


   “ ออกมาทำไมพี่ คุยเสร็จแล้วรึไง? เห็นคุยกับหวานหยดย้อยเชียว รักกันมากดิ ไม่แต่งงานไปเลยหละครับ” ไอ้เวรเอ้ย ห้ามปากตัวเองไม่ได้จริงๆครับ นับวันกูยิ่งนิสัยเหมือนผู้หญิงทุกที


   “ ประชดเพื่อ?”


   “ เรื่องของผมไหมอะ”


   “ ไอ้พี มึงชักจะเอาใหญ่ละนะ ไหนมาคุยกันให้รู้เรื่องดิ” พี่มันจับไหล่ทั้งสองข้างของผมให้หันมามองพี่มันตรงๆไอ้ผมมันก็คนใจง่ายไงครับ ค่อยๆหันมาตามแรงพี่มันโดยที่ไม่ขัดขืนเลยสักนิด


   “ เป็นอะไรไหนพูด?” พี่มันมองหน้าผมตรงๆก่อนที่จะใช้มือของพี่มันวางบนศีรษะของผมอย่างเคยชิน แต่ขอโทษนะครับครั้งนี้ผมเองที่ขยับศีรษะออกก่อนที่มือของพี่มันจะวางลง


   “ เป็นน้องชาย”


   “ ไอ้พี” พี่มันเรียกผมเสียงดุทันทีที่ผมพูดประชดออกมาแบบนั้น “ มีเหตุผลหน่อยดิวะ”


   “ เหตุผลเหี้ยอะไรวะพี่ พี่จะเอาไงกับผม” ผมลุกขึ้นยืนทันทีที่พี่มันถามหาเหตุผลกับคนอย่างผมทั้งที่การกระทำของพี่มันก็ไม่เคยเหตุผลให้ผมอะไรสักอย่าง นอกจากบอกว่าเหตุการณ์นั้นมันทำให้เขาตัดสินใจอะไรบางอย่างได้ ตัดสินใจที่จะไปมีความสุขกับคนอื่นทั้งๆที่ผมเองก็ต้องมานั่งคิดมากอยู่แบบนี้  “ พี่มาถามหาเหตุผลกับผมทั้งๆที่พี่เองก็ไม่เคยให้....”


   ภาพวันนั้นที่ผมตื่นขึ้นมาหวังว่าจะเจอใครอีกคนที่นอนกอดผมอยู่ แต่เปล่าครับ ผมพบแค่ความว่างเปล่า นั่นก็ทำให้ผมรู้แล้วว่ามันไม่มีทางที่จะกลับมาเหมือนเดิมได้อีกต่อไป แม้ว่าในใจของผมมันจะรู้สึกไปแล้วก็เถอะ


   “ พี กูไม่อยากเสียมึงไป” พี่มันลุกขึ้นยืนเสมอกับผมพร้อมกับจับไหล่ทั้งสองข้างของผมเอาไว้เหมือนเดิม “ อยากให้มึงอยู่ข้างๆกูแบบนี้ ไม่ได้หรอวะ?”


   “ ......”


   “ พี...แบบนี้มันดีสำหรับเราทั้งคู่”


   “ กับพี่แค่คนเดียว ไม่ใช่กับผม”


   “ ได้ไหม...” ยิ่งพี่มันทำสายตาอ้อนวอนผมมากเท่าไหร่ ไอ้หัวใจไม่รับดีมันก็สั่งให้ผมตอบรับพี่มันไป


   “ ขอเวลา”


   “ นานเท่าไหร่”


   “ อย่ามาถามเลยพี่ ถ้าผมพร้อมผมก็คุยเอง อย่างไงผมก็ไปไหนไม่ได้ละหนิ ผมไปไหนไม่ได้แล้ว พี่จะเก็บผมไว้ในฐานะเหี้ยอะไรผมปฏิเสธพี่ได้ไหมละ พี่แม่งก็รู้ว่าผม......” ยังไม่ทันที่ผมจะพูดอะไรออกมาพี่กรมก็ยื่นนิ้วของเขามาทาบที่ริมฝีปากของผมเพื่อห้ามไม่ให้ผมพูดคำนั้นออกมา


   “ อย่าพูดเลย...อย่าพูดมันออกมา” ผมพยักหน้าตามที่พี่มันพูดก่อนจะเบื่อนหน้าหนีไปทางอื่น “ ขอจูบได้ไหม?”


   “......” ผมไม่ได้ตอบหรืออนุญาตพี่มันออกไป แต่สิ่งที่ผมได้รับกลับมาคือริมฝีปากของพี่กรมแนบลงมาบนนิ้วมือของเขาที่ทาบริมฝีปากของผมอยู่ ก่อนที่นิ้วนั้นจะเลื่อนออกและนั่นทำให้ริมฝีปากของเราทั้งคู่สัมผัสกันตรงๆ ผมหลับตาปล่อยให้ความรู้สึกในตอนนี้มันพาทุกอย่างไป แม้จะรู้ว่าผิดแต่ผมก็ไม่สามารถที่จะผลักพี่มันให้ออกห่างจากตัวของผมได้ จนแล้วจนเล่าที่เราสองคนจูบกันอยู่แบบนั้นโดยที่ไม่มีทีท่าว่าใครสักคนจะผลักมันออก จนกระทั่งเป็นผมเองที่ยอมแพ้ผลักพี่มันออกมา


   “ พอแล้วพี่ มันมากไปสำหรับวันนี้แล้ว” ผมใช้หลังมือเช็ดริมฝีปากของตัวเอง ก่อนจะเดินกลับไปทำงานที่ห้องต่อ โดยไม่ได้สนใจว่าพี่กรมจะกลับเข้ามาตอนไหนจนกระทั่งผมเผลอหลับไป........



Jaokom’s talk


   หลังจากเหตุการณ์ที่ผมห้ามตัวเองไม่ให้จูบไอ้พีไป แต่แล้วสมองของผมมันก็ดันแพ้ให้กับหัวใจ ทำให้ผมจูบมันไปทั้งๆที่ตั้งใจเอาไว้ว่าจะไม่ลุ่มล่ามกับไอ้พีจนกว่าผมจะไดคำตอบท่ชัดเจนจากตัวเอง แต่เหตุการณ์นี้มันก็ทำให้ผมได้คำตอบมาแล้วแหละครับ แต่....บางครั้งคำตอบอย่างเดียวมันก็ไม่มากพอที่จะทำให้ผมเห็นแก่ตัวสำหรับทุกอย่าง แค่ผมเห็นแก่ตัวกับไอ้พีผมก็รู้สึกแย่มากๆแล้วครับ ครั้งที่ไอ้พีกอดไอ้เทพแล้วร้องไห้ออกมาหลังจากที่ทะเลาะกับผมไปก่อนหน้า ผมเห็นทุกอย่าง ถามว่าผมเจ็บไหม เจ็บครับ เจ็บที่ทำให้ไอ้พีมันต้องเสียน้ำตาให้กับคนอย่างผม เจ็บที่ไม่สามารถเป็นอกที่แข็งแกร่งที่ปกป้องมันได้ แต่กลับเป็นตัวทำลายให้ไอ้พีเสียใจ


   “......” ผมปล่อยตัวปล่อยใจให้ล่องลอยไปกับสายลมที่พัดอ่อนๆ มองดูดาวบนฟ้าที่วันนี้มีดาวส่องสว่างมากกว่าทุกวัน คงออกมาสมน้ำหน้าคนขี้แพ้อย่างผมมั้งครับ ผมก้มลงมองควันของบุหรีที่ล่องลอยออกมา นับว่าเป็นรอบหลายเดือนที่ผมใช้มัน บางทีมันก็อาจจะช่วยให้ผ่อนคลายได้บ้าง แต่มันก็แค่ชั่วขณะเท่านั้น พอสูบหมดความกังวลก็กลับมาอีกครั้ง


   ยิ่งเวลาผมเห็นสายตาที่ไอ้พีมองมาที่ผมด้วยความเจ็บปวด นั่นก็ยิ่งตอกย้ำว่าผมเองก็ทรมานไม่ต่างจากไอ้พีเลย ทำไมผมต้องเกิดมาแบกรับกับอะไรหลายๆอย่าง? แค่ความรักแบบคนปกติผมยังทำไม่ได้ แล้วแบบนี้ผมจะไปดูแลมันอย่างไร แล้วอะไรจะเป็นตัวประกันว่าถ้าในอนาคตมันคบกับผมแล้วมันจะสบายและมั่นคง...

   ผมเดินกลับเข้ามาอีกทีก็เห็นว่าไอ้เด็กผีของผมมันหลับไปแล้ว...เด็กบ้าตื่นมาก็โวยวาย หลับไปแบบนี้แม่งก็น่ารักดีนะครับ แต่ผมชอบตอนมันตื่นมากกว่า ไม่รู้เผลอมองหน้ามันนานเท่าไหร่ จนกระทั่งไอ้เทพเดินมานั่งลงข้างๆไอ้พีพร้อมกับผ้าห่มผืนหนาห่มให้ไอ้พีที่นอนหลับอยู่ ทำไมผมรู้สึกที่ไม่พอใจที่ไอ้เทพทำแบบนี้...


   “ มันไม่ตายหรอก” ผมพูดประชดขึ้นมาลอยๆ กับสิ่งที่ไอ้เทพทำทั้งๆที่จริงแล้วควรเป็นผมที่ต้องดูแลมันไม่ใช่ให้ไอ้เทพดูแล


   “ กูรู้ เดี๋ยวน้องมันหนาว” เมื่อเห็นว่าไอ้เทพไม่ยอมหยุดผมก็โอบไหล่ให้ไอ้พีเข้ามานอนใกล้ๆตัวผม



   “ ถ้าหนาวก็ให้มานอนในอกกูหนิ ผ้าบางๆของมึงจะไปสู้อกอุ่นๆของกูได้อย่างไง?”


   “ หมาหวงก้างฉิบหาย ไอ้พีมันก็น้องกู” ไอ้เทพมันก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะเอาตัวไอ้พีออกไปจากตัวผม แต่มันกลับนั่งลงข้างๆ “ มึงทำตัวมึงเองนะกรม กูเตือนมึงแล้ว”


   “ เออ” ไอ้เทพเป็นเพื่อนที่ผมสนิทที่สุดมีอะไรผมก็บอกมันทุกอย่าง โดยเฉพาะเรื่องของไอ้เด็กเวรนี่ ผมปรึกษากับมันมาได้สักพักก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์นั้น ผมถามมันว่าถ้าเรารู้สึกดีกับผู้ชายด้วยกันมันได้ไหมผมถามมันตั้งแต่ผมรู้ตัวว่าชอบเอาตัวเองไปอยู่ใกล้ไอ้พีทั้งๆที่ผมไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ไม่ใช่รู้สึกเหมือนเพื่อนหรือเหมือนน้อง แต่มันมากกว่านั้น และผมเองก็ตอบไม่ได้ว่ามันมากขนาดไหน ไอ้เทพมันก็บอกผมว่าไม่ต้องรีบปล่อยให้มันเป็นเรื่องของเวลา ถ้าวันหนึ่งใช่มันก็จะใช่เองแล้วถึงเวลามันจะเป็นไปตามธรรมชาติโดยที่ผมจะไม่ต้องมานั่งคิดมากแบบนี้ แต่แล้วตัวของผมเองครับที่รีบร้อนอยากรู้คำตอบของตัวเอง จนกระทั่งมันเกินเลยไปขนาดนี้


   “ มึงผิดที่ดึงเมย์เข้ามาเกี่ยว”


   “ ............”


   “ มึงผิดที่ไม่ทำตามใจตัวมึงเอง”


   “ ...........”


   “ และมึงผิดที่กำลังทำแบบนี้ เข้าใจที่กูพูดไหม” ผมพยักหน้าให้กับไอ้เทพ ผมบอกแล้วว่าผมรู้ตัวทุกอย่างว่ากำลังทำผิด กำลังทำร้ายใครเพิ่มอีกหนึ่งคน นอกจากตัวผมตัวของไอ้พี...แต่ผมยังดึงเมย์เข้ามาเกี่ยว


   ผมเห็นแก่ตัว สิ่งที่ผมทำผมยอมรับทุกอย่าง...ผมพลาด คนที่พลาดคือผมเอง


   “ กูขอเวลา แล้วกูจะจบทุกอย่างเอง” มันจะง่ายกว่านี้ถ้าไอ้พีเป็นผู้หญิง มันจะง่ายกว่านี้ที่ไอ้พีมันไม่ใช่ผู้ชาย มันจะง่ายกว่านี้ถ้าผมไม่เป็นที่รู้จักของสังคม และมันจะง่ายกว่านี้ที่ผมเป็นลูกคนธรรมดาไม่ใช่ลูกชายของหัวหน้าพรรคการเมืองดังที่คอยรักษาหน้าตาให้พ่อในทุกๆเรื่องแม้กระทั่งเรื่องส่วนตัว ถ้าถึงวันนั้นผมคบกับไอ้พีผมไม่รู้เลยว่ากระแสที่จะเข้ามาโจมตีพ่อผมกระแสแบบไหน ถึงปากของใครหลายๆคนว่าเปิดกว้างเรื่องเพศแต่ขึ้นชื่อว่าประเทศไทยอย่างไงมันก็ต้องมีคนไม่เห็นด้วย ผมไม่อยากให้ไอ้พีถูกวิจารณ์ ผมไม่อยากให้ไอ้พีมันก้าวเข้ามาในสังคมของผม ผมแค่อยากให้มันอยู่กับผมแบบนี้ในฐานะที่ไม่ต้องกังวลอะไรอย่างน้องชาย มันเห็นแก่ตัวผมรู้ดี ผมรู้ดีทุกอย่างแต่ผม...ไม่รู้ว่าเลือกทางไหนจะทำให้ทุกฝ่ายเจ็บน้อยที่สุด


   “ กูจะเอาใจช่วยมึง” ไอ้เทพมันตบไหล่ของผมเบาๆอย่างให้กำลังใจ ก่อนที่มันจะเดินกลับไปนั่งที่เดิมก่อนจะมองไปที่ไอ้คินที่นั่งอยู่อีกมุมด้วยสีหน้าที่เครียดและสับสน เรื่องของผมเมื่อเทียบกับมันแล้ว....เรื่องของผมมันเล็กไปเลยครับ


   ผมนั่งทำงานต่อไปโดยที่มีไอ้เด็กผีนอนอยู่ข้างๆ ผมสังเกตเห็นว่ามันไม่มีทีท่าจะขยับ มันนอนท่านี้มาตั้งแต่แรกไม่รู้ว่าเกร็งหรืออะไร จนกระทั่งผมทนไม่ไหวจับตัวไอ้พีให้นอนลงราบบนพื้นพรมนุ่มๆโดยที่ค่อยๆจับศีรษะของมันหนุนที่ตักของผม ยิ่งเห็นใบหน้าโง่ๆแบบนี้ของมันก็ทำให้ผมผ่อนคลายขึ้นมาแปลกๆ อยากจะก้มไปหอมแก้มมันแรงๆสักที แต่ติดที่ว่าการกระทำของผมอาจจะอยู่ในสายตาของเพื่อนผมคนใดคนหนึ่ง แต่....ความอยากนั้นก็ไม่สามารถที่จะทำให้ผมทนไหวอีกต่อไป เมื่อผมก้มหน้าลงเอาหนังสือขึ้นมาปิดไว้ก่อนที่จะจูบลงบนหน้าผากของไอ้พีเบาๆแล้วผลักออก แค่นี้ก็พอแล้วครับสำหรับพลังที่ผมได้รับจากมัน... ไอ้น้องผีของผม


   
Pee’s talk


   ผมตื่นขึ้นมาในเวลาเช้าไม่ซิสายของอีกวัน ผมลุกขึ้นเพื่อนปรับระดับสายตาก่อนจะมองไปรอบๆก็เห็นว่าพี่ๆทั้งหมดต่างหามุมนอน พี่วินพี่คินนอนพิงกันอยู่ที่โซฟา พี่เทพนอนฟุบอยู่บนโต๊ะคอม ส่วนพี่กรม....นอนอยู่ข้างๆผมเมื่อเห็นว่าพี่ๆยังคงหลับกันอยู่ทำให้ผมเดินไปล้างหน้าแปรงฟันและลงไปด้านล่างเพื่อว่าจะมีอะไรให้ผมทำได้บ้างนอกจากรอให้พี่ๆตื่น


   “ น้องพี” ผมได้ยินเสียงคุณแม่ของไอ้พี่เทพเรียกขณะที่ผมกำลังจะก้าวเดินออกไปนอกบ้าน ทำให้ผมเปลี่ยนทิศทางตรงมาหาคุณแม่ทันที


   “ ตื่นเช้าจังครับ” ผมเดินมานั่งลงข้างๆท่านที่บนตักของท่านมีแมวตัวเล็กสีขาวขนฟูอยู่ “ น่ารักจัง” ผมยื่นมือไปสัมผัสขนของมันเบาๆ เมื่อมือของผมสัมผัสลงบนขนของเจ้าแมวตัวขาว มันค่อยๆหลับตาและทำหน้าพริ้มสุขเหมือนว่าชอบให้ผมลูบมันอย่างนั้น


   “ แมวของตาเทพเขาลูก เห็นหน้าโหดแต่อยู่ในโหมดคิตตี้นะลูกชายของแม่” อันนี้ผมเห็นด้วยครับเพราะถ้าคนไม่รู้จักหรือผมตอนแรกๆที่รู้จักกับพี่มัน พี่เทพเป็นบุคคลที่โคตรจะกวนตีนเลยครับแถมยังดูไม่น่าคบหาสักเท่าไหร่ จนกระทั่งอยู่กับพี่มันไปเรื่อยๆผมก็ได้เห็นด้านที่น่ารักของพี่มัน


   “ ชื่ออะไรครับเนี่ย” ผมยังคงลูบขนของเจ้าแมวน้อยอยู่อย่างนั้นเหมือนว่าผมถูกดูดกับความน่ารักของมันที่ทำให้ผมหยุดมือหรือเอามือออกจากมันไม่ได้


   “ จิ๋มจ่ะ”


   “ ห้ะ??” ผมถึงกับชะงักมือทันทีที่แม่ของพี่เทพพูดออกมาแบบนั้น


   “ แม่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมลูกเทพของแม่ถึงตั้งชื่อลูกแมวน่ารักๆว่าจิ๋ม แม่ห้ามแล้วนะแต่ตาเทพไม่ฟัง แม่ก็พยายามไม่เรียกชื่อของจิ๋มเขา”


   “ แปลกดีครับ” ผมช็อกนะ ไม่รู้ว่ามีใครในประเทศนี้อีกไหมที่ตั้งชื่อแมวน่ารักๆแบบนี้ว่าจิ๋ม ยิ่งผมเห็นหน้าแมวน้อยตัวนี้ผมก็อดที่จะสงสารมันไม่ได้ที่ต้องเป็นแมวของไอ้พี่เทพ เกิดมาน่ารักแต่แอบมีกรรมก็เพราะเป็นแมวของพี่เทพนี่แหละครับ


   ผมคุยกับแม่สักพักก่อนที่แม่จะให้ผมเอาข้าวต้นขึ้นไปให้พวกพี่ๆที่คาดว่าน่าจะตื่นกันแล้ว และทำให้ผมกินข้าวบนนั้นเลย จนกระทั่งเราได้เค้าโครงของงานมาเป็นที่เรียบร้อยในเวลาเพียงแค่หนึ่งคืนจากการปั่นงานของพี่กรม ที่ผมแอบได้ยินว่าพี่มันทำเสร็จเกือบๆตีสี่ ผมมีหน้าที่ตรวจคำผิดอีกครั้งเพื่อความเรียบร้อย โดยที่คนที่ใช้ผมก็คือพี่กรมเหมือนเคย เพราะพี่มันบอกว่าพิมพ์ตอนกลางคืนมันง่วงเลยให้ผมตรวจสอบอีกรอบเพื่อความรอบครอบ แต่เท่าที่ผมตรวจดูมาเกือบๆสามสิบหน้า ก็ไม่มีคำไหนที่พี่มันพิมพ์ผิดเลย แล้วจะให้ผมตรวจอีกทำไมวะ แต่ช่างมันเถอะครับเพราะผมตรวจเสร็จแล้ว


   ตอนนี้ก็เกือบๆเที่ยงพวกพี่ๆให้เรามาลงพื้นที่แถวๆย่านรังสิตเพราะพี่วินบอกว่าเขาหาข้อมูลมาบอกว่าที่รังสิตมีชมรมผู้สูงอายุที่ได้รับรางวัล มีโรงเรียนผู้สูงอายุ มี Day care และมี Care manager ที่คอยให้คำปรึกษารวมถึงสถานที่ที่เตรียมให้การบริการเกี่ยวกับการทำกายภาพบำบัดให้กับผู้สูงอายุ ถือเป็นชุมชนต้นแบบของประเทศเลยก็ว่าได้ที่มีแหล่งบริการสาธารณะที่ครอบคลุมให้ผู้สูงอายุขนาดนี้ อีกอย่างคือมันก็ค่อนข้างที่จะใกล้กับมหาวิทยาลัยของผมอยู่เหมือนกัน ทำให้ตอนนี้พวกเรามาถึงสถานที่เทศบาลเพื่อติดต่อ อย่างว่าแหละครับวันนี้วันเสาร์ก็จริงแต่ก็มีพนักงานคอยให้บริการอยู่ครึ่งวัน และดีที่ว่าพี่กรมโทรมาติดต่อเมื่อตอนเช้าก่อน ไม่งั้นก็คงต้องมาลงพื้นที่ในวันธรรมดาแน่ๆ


   “ สวัสดีครับ” พี่กรมเดินเข้าไปสวัสดีพี่ผู้หญิงคนหนึ่งที่ท่าทางมีภูมิฐาน คาดว่าน่าจะเป็นบุคคลมีตำแหน่งแต่แค่ผมยังไม่รู้ว่าเธอทำหน้าที่อะไรก็เท่านั้น ก็คงต้องรอให้พี่กรมแนะนำ “ นี่คุณวรรณานะเป็นปลัดกองสาธารณะสุขของที่นี่” พี่กรมหันมาแนะนำให้พวกผมรู้จัก


   “ ครับ สวัสดีครับ” ผมยกมือขึ้นทำความเคารพเธอเหมือนกับพี่ๆคนอื่น


   “ น้องกรมมากะทันหันไป น้าไม่ได้เตรียมอะไรไว้ให้เลยค่ะ”


   “ แค่นี้กรมก็เกรงใจน้าวรรณมากแล้วครับที่มารบกวนเวลาทำงานครึ่งวันข้างน้า” พี่กรมเดินเคียงคู่มากับคุณปลัดด้วยท่าทางสนิทสนม ผมแอบได้ยินว่าพี่กรมเรียกเธอว่าน้าสงสัยจะรู้จักแน่ๆ


   “ กรมอยากรู้เรื่องส่วนไหนละ” เธอหันมาถามพี่กรมขณะที่ตอนนี้หยุดอยู่ที่ห้องทำงานที่ด้านหน้ามีป้ายเขียนชื่อตำแหน่งของเธอเอาไว้


   “ เกี่ยวกับผู้สูงอายุเน้นๆเลยครับ ตามที่น้าวรรณดูแลเลย” เธอเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานพี่กรมเดินมานั่งเก้าอี้ด้านหน้าส่วนพวกผมเดินมานั่งที่โซฟาข้างๆห้องและรอฟังบทสนทนาของทั้งคู่


   “ แบ่งกลุ่มไหม มากี่คน เอาเป็นสองสามก็ได้ น้าจะส่งไปดูพวกบริการสาธารณะขั้นพื้นฐานส่วนอีกสามคนก็ไปไล่ถามผู้สูงอายุตามบ้าน ตอนนี้มีโครงการเกี่ยวกับผู้สูงอายุหลายประเภทเลย ผู้สูงอายุที่อยู่ในช่วงวัยหกสิบต้นๆก็ยังเป็นพวกติดสังคม งานที่น้าดูแลก็จะเป็นโรงเรียนผู้สูงอายุที่จัดอาทิตย์ละหนึ่งวัน ส่วนผู้สูงอายุที่ติดบ้านติดเตียงน้าก็จะจัดผู้เชี่ยวชาญและอสม.ไปดูแลและตรวจสุขภาพทุกๆอาทิตย์ ส่วนเรื่องบริการก็น่าจะมีประมาณนี้ ที่เทศบาลของเราส่วนมากจะเน้นเรื่องผู้สูงอายุที่ติดสังคมสะส่วนใหญ่ ส่วนติดบ้านติดเตียงตอนนี้ก็กำลังวางแผนอยู่” ผมนั่งจดตามที่ปลัดเธอพูดออกมา ถือว่าน่าสนใจมากๆเลยครับสำหรับโรงเรียนผู้สูงอายุ เพราะผมเคยเห็นและได้ยินแค่ชมรมผู้สูงอายุเท่านั้นที่บ้านของผมก็มี แต่โครงสร้างโครงการอ่อนแอมากครับ ผู้สูงอายุก็ไม่ค่อยให้ความร่วมมือสักเท่าไหร่ ขนาดย่าผมยังไม่ไปเลยครับ แกบอกว่าอยู่บ้านสบายกว่า


   “ เดี๋ยวผมไปกับน้าวรรณครับ ส่วนไอ้เทพไอ้วินไอ้คินไปกับเจ้าหน้าที่อีกคนนะ พวกมึงก็ถามว่าอยากได้บริการอะไร อยากให้ภาครัฐจัดอะไรบ้าง เดี๋ยวกูไปกับไอ้พี” พี่กรมมันเหลือบสายตามมามองหน้าผมเพียงแค่เสี่ยววินาทีก่อนจะหันกลับไปเหมือนเดิม


   ถูกมัดมือชกอีกแล้วครับ????  มันเป็นงานต้องเข้าใจ ไอ้พีเอาเรื่องส่วนตัวออกจากเรื่องงานให้ได้นะเว้ย


   “ งั้นไปกันเลยครับ” เมื่อพี่กรมลุกขึ้นผมก็ต้องลุกขึ้นตามทันทีก่อนจะเดินตามหลังพี่มันออกไป ส่วนพวกพี่เทพก็นั่งรออยู่ในห้อง


   “ ไม่ได้เอาหมวกมา?” เมื่อเดินลงมาถึงด้านล่างของตึกพี่กรมหันมาถามผมที่ยืนทำตัวไม่ถูกอยู่ข้างๆเขา


   “ ครับ ผมไม่รู้ว่าแดดจะร้อน” มันค่อนข้างกะทันหันมาก ไม่คิดว่าจะได้ลงพื้นที่วันนี้


   “ เอาไป” พี่กรมเดินเอาหมวกมาสวมให้ผม และจัดแจงสวมให้ผมอย่างเรียบร้อย ทำให้ผมเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าพี่กรมอย่างไม่เข้าใจว่าพี่มันทำแบบนี้กับผมทำไม ผมไม่เข้าใจสถานะครึ่งๆกลางๆแบบนี้เลย


   “ ดูแลผมทำไมอะ?”


   “ เรื่องของกู” เวรมากครับ ถามดีๆได้คำตอบว่าเรื่องของกูมาผมนี่เลิกถามเลย เอาเป็นว่าอยากจะดูแลเหี้ยไรก็ดูแลมาเลย ผมโอเคมากๆ มากจริงๆ ไม่เชื่อผมหรอกหรอครับ??? เอามือปาดน้ำตาในใจแพรบ


   หลังจากนั้นผมก็ขึ้นรถมากับปลัดวรรณาที่พามาดูแหล่งบริการสาธารณะประโยชน์ที่เป็นส่วนร่วมและเป็นศูนย์กลางของประชาชนได้มาใช้ประโยชน์โดยเฉพาะผู้สูงอายุ และอีกสถานที่มากมาย จนกระทั่งผมจดลายละเอียดงานส่วนพี่กรมก็มีหน้าที่สอบถามข้อมูลมาให้ได้เยอะที่สุด จนกระทั่งตอนนี้ผมกับพี่กรมกลับมาก่อนในช่วงเกือบๆบ่ายสาม


   “ หิวข้าวยัง?” พี่กรมถามผมขณะที่ตอนนี้เรานั่งรออยู่ที่ชั้นล่างของเทศบาลหลังจากไปลงพื้นที่มาเสร็จ


   “ ก็นิดหน่อยพี่”


   “ ไปกินไหม”


   “ แล้วพวกพี่เทพละครับ”


   “ ไม่ต้องห่วงมันหรอก” ผมพยักหน้าตามก่อนที่จะลุกขึ้นเดินไปหาพี่กรมที่ตอนนี้เดินออกมาหน้าเทศบาลซึ่งเป็นถนนใหญ่


   “ แถวนี้ไม่มีอะไรกินหวะ ไปฟิวไหม?”


   “ ฟิวเลยหรอ” แต่ระยะทางจากเทศบาลไปฟิวเจอร์ก็ค่อนข้างไกลครับ ถ้าเดินไปเดินไปได้แต่ว่าตอนนี้อากาศมันร้อนเกินกว่าที่พวกผมจะเดิน


   “ เดี๋ยวเรียกแท็กซี่ไป” พี่กรมพูดเสร็จไม่ได้รอให้ผมตอบ แต่เขากลับเดินไปเรียกแท็กซี่จนกระทั่งเมื่อได้แท็กซี่แล้วพี่กรมก็เอี้ยวตัวกลับมาเรียกให้ผมเข้าไปนั่งด้านหลังกับพี่กรม


   “ อยากกินอะไร” เมื่อนั่งมาได้สักพักพี่กรมก็ถามขึ้นเพื่อไม่ให้บรรยากาศบนรถดูเงียบเหงามากจนเกินไป


   “ อะไรก็ได้พี่”


   “ ไม่มีหรอกนะอะไรได้” ผมหันไปมองหน้าพี่มันทันทีด้วยความไม่พอใจ ก็ผมไม่รู้หนิครับว่าผมอยากกินอะไร “งั้นกิน KFC ก็แล้วกัน”


   “ ตามใจพี่เหอะ” กินอะไรก็ได้เพราะผมก็เริ่มหิวแล้วเหมือนกันนี่ก็เลยเวลากินข้าวมานานแล้ว







PS. สารจากกรมรินทร์ ฉบับที่ 1

" เคยรู้สึกว่าตัวเองเลวไหมครับ? ตอนนี้ผมรู้สึกแบบนั้น" ถ้าทำให้คนที่รักมีความสุขไม่ได้อย่างแท้จริงก็ไม่ควรดึงเขาเข้ามาเกี่ยวและปล่อยให้เขาตัดใจจากไป... มันอาจจะเจ็บแปบเดียวแค่ช่วงเวลาสั้นๆ ครับ ผมรู้ ผมเข้าใจทุกอย่าง และผมก็รู้สึกเหมือนที่ทุกคนรู้สึกกัน ผมมีทางเลือกอยู่สองทาง

หนึ่ง ปล่อยให้ไอ้พีเดินจากไป..ให้เจอกับคนที่ดีกว่า และพร้อมที่จะดูแลมันมากกว่าผม

สอง เห็นแก่ตัวกั๊กมันเอาไว้ในฐานะน้องชาย

ทุกคนคงเดาไม่อยากว่าผมจะเลือกทางไหน? แล้วมาดูกันครับ

-กรมรินทร์-

(13 มี.ค. 2562)

หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 13.3(13/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 13-03-2019 21:35:04
อยากเห็นน้องพีเป็นฝ่ายเลือกบ้าง
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 13.3(13/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: nikpook ที่ 13-03-2019 21:35:24
เอาจริงตอนนี้ค่ดไม่ชอบพี่กรม ถ้าพี่กรมจะทำแบบนี้ก็ควรบอกเหตุผลน้องเว้ย พูดกันให้เข้าใจไม่ใช่กั๊กไว้แล้วไม่ทำอะไรเลย แล้วที่บอกว่าอยากให้น้องผีเป็นน้องชายยูก็ควรจะทำตัวเป็นพี่ชายจริงๆสถานะกับการกระทำก็ให้มันชัดอย่างที่ปากบอก เราโป้งนายแล้วพี่กรม อยากให้น้องผีความจำเสื่อมแล้วลืมพี่กรมไปเลย สงสารน้องจิ๋มแมวพี่เทพจริงๆเป็นแมวมีกรรมจริงๆนั้นแหละ5555 พี่เทพค่ดกวนตีนกับเกรียนมากเฟี้ยวตั้งแต่ชื่อตัวเองยันชื่อแมว แต่จริงๆก็สงสารพี่กรมอยู่นะนิดนึงถ้าไม่ดึงหมอเมย์เข้ามามันจะดีกว่านี้มากๆ คนเราก็ผิดพลาดกันได้ขอให้เรียนรู้และก็ปรับปรุงตัวเนอะ สู้ๆนะทั้งพี่กรมน้องผีและก็พี่เทพด้วย อยากรู้เรื่องพี่เทพกับพี่คินเกิดอะไรขึ้นระหว่างเขาทั้งสองคนกันอะ มาต่อเร็วๆนะ สนุกมากๆเลยอินมากถึงจะสงสารพี่กรมแต่เราก็ยังอยากตบพี่กรมอยู่ดี เป็นกลจให้คุณไก่ทอดนะคะ :กอด1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 13.3(13/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: คุณซี ที่ 13-03-2019 22:26:18
พี่กรมคือใจร้ายมาก ทำแบบนี้กับน้องได้ไง.อ่านแล้วแอบจุกๆกับประโยคประมาณว่าถ้าน้องพีเป็นผู้หญิงน่าจะดีกว่านี้ แล้วทำไมต้องเป็นผู้หญิงละ แง้ ก็แค่คนจะรักกันทำไมพี่กรมต้องเอาเพศเป็นตัวตัดสินด้วยยยย
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 13.3(13/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: KJH177 ที่ 13-03-2019 22:31:12
พี่กรมหมายความว่าถ้าพีเป็นผญ.จะง่ายตรงที่ไม่ต้องกังวลเรื่องของกระแสสังคมการรักษาให้พ่อ(ทุกอย่างพี่กรมต้องคีพเพราะตรงนี้ไรท์อยากเล่นประเด็นของสังคมไทยที่ปากบอกยอมรับเพศทางเลือก แต่สุดท้ายก็ยังวิจารณ์อยู่ดี) แต่ท้ายที่สุดแล้วไม่ว่าพีจะเป็นเพศไหนก็ไม่มีปัญหาค่ะเพราะพี่กรมรักในตัวพีไม่ใช่เพศของพี
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 13.3(13/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 14-03-2019 15:42:51
 :L2: :pig4: :เฮ้อ:

เหนื่อยแทน
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 14.1(14/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: KJH177 ที่ 14-03-2019 20:47:48
บทที่ 14

เหมือนจะดี

        ตอนแรกเราตกลงกันว่าจะกินไก่ทอดแต่พอมาถึงห้างจริงๆพี่แม่งก็ลากผมมากินบุฟเฟต์ชาบูจนได้ ตั้งแต่ผมรู้จักพวกพี่มันมาไม่เคยมีมื้อไหนที่พวกพี่เลี้ยงผมไม่ดีเลยครับ ก็จะมีแต่ครั้งนั้นที่ผมทำพวกพี่มันท้องเสียแต่นั่นมันก็เป็นเพราะฝีมือของผมเองที่เลือกอะไรไม่ยอมถามเจ้าของบ้าน ผมรู้สึกว่าผมอ้วนขึ้นขนาดตัวของผมก็ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม แก้มผมก็ดูบวมขึ้น เหนียงที่ผมไม่เคยก็เริ่มออกเวลาที่ผมยิ้ม

 
   “ พี่ว่าผมอ้วนไหม” ผมหันไปถามพี่กรมที่ตอนนี้กำลังมัวหยิบผักใส่ในหม้อต้มของเขา เมื่อผมถามพี่กรมก็ละมือออกจากการหยิบผักมาใส่ พร้อมกับเลื่อนสายตามาสำรวจผมทั้งตัว


   “ อ้วน” และพี่มันก็หันไปจัดการต้มผักของพี่มันต่อ ทั้งๆที่ผมกินเท่าพี่มันแท้ๆทำไมพวกพี่มันไม่อ้วนขึ้นกันเลยวะ มีแต่ผมที่นับวันยิ่งอ้วนขึ้น


   “ แล้วทำไมพี่ไม่อ้วน”


   “ กูเผาผลาญดี มึงมันอ่อนไง”


   “ พี่...เดี๋ยวผมก็ผอม” ไม่สนละครับกินมื้อนี้เสร็จผมค่อยลดก็แล้วกัน ผมมองสายพานอาหารที่เลื่อนผ่านตรงหน้าแล้วตรงหน้าเล่าแต่ผมก็ไม่รู้จะหยิบอะไรมาใส่ในหม้อตัวเอง พร้อมกับมองคนที่นั่งข้างๆที่ตอนนี้เอาแต่กินจนผมเองก็อดที่จะหิวตามไม่ได้ แย่งแม่ง เสือกน่ากินดีนัก หมาย...ถึงอาหารนะครับ


   “ กินนะ” ผมคีบลูกชิ้นปลาในหม้อของพี่มันขึ้นมากินหน้าตาเฉยโดยที่ไม่รอให้พี่มันอนุญาต


   “ เดี๋ยวทำให้” พี่กรมวางตะเกียบของตัวเองลงก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบของที่เลื่อนผ่านมาตรงหน้า ทั้งสาหร่าย หมูปรุงรส กุ้ง หมึก ปลา และไม่ลืมใส่ผักให้ผมด้วยก่อนจะปิดท้ายด้วยการตอกไข่


   “ เจาะหรือจะเอาเป็นลูก” พี่มันเงยหน้าขึ้นมาถามผมที่มองการกระทำของพี่มันทุกอย่างด้วยความเพลิดเพลินยิ่งตอนที่พี่มันตั้งใจหยิบของใส่ให้ผมอย่างใส่ใจ มันก็ยิ่งกระตุ้นอะไรบางอย่างในตัวผมออกมา แต่ผมก็พยายามที่จะซ้อนมันกลับไปให้ลึกที่สุด


   “ อะไรก็ได้พี่”


   “ คิดเองไม่เป็นเลยนะมึง” พี่มันส่ายหัวให้ผมเมื่อผมไม่มีคำตอบที่พี่มันถาม เมื่อผมไม่ตอบพี่กรมก็จัดการทำตามใจเขาโดยการตีไข่ให้ผสมเข้าไปกับน้ำซุปของผม จนกระทั่งทั้งหมอเดือดทุกอย่างพร้อมทานทำให้ผมเตรียมหยิบช้อนขึ้นมาซดน้ำซุป แต่ผมก็ถูกมือของพี่กรมจับเอาไว้ก่อนที่มันจะเข้าปากผม


   “ ทำไมไม่เป่า มันร้อน” พี่มันยื่นหน้ามาใกล้ๆผม ก่อนจะก้มลงเป่าลงบนช้อนผมเบาๆและผลักออกมาเมื่อพี่มันรู้สึกว่าน้ำซุบน่าจะอุ่นขึ้นจากเดิมที่ตักมาในหม้อเดือดๆ


ตึก ตัก ตึก ตัก


   เสียงหม้อไฟนี่มันดังจริงๆนะครับ ผมเลิกสนใจพี่มันโดยการเทน้ำซุบที่พี่มันเป่าให้ลงในหม้อเหมือนเดิม ก่อนที่จะตักขึ้นมาใหม่แล้วเป่าเอง


   “ มึงนี่มันจริงๆเลยนะ หมั่นไส้หวะ” พี่กรมเอื้อมมือของเขามาบีบแก้มผมแรงๆจนผมต้องปัดมือพี่มันออก หวงตัวครับ ช่วงนี้ผมหวงตัวเป็นพิเศษ


   “ กินไปพี่ อย่าเล่นเวลากินข้าว” ผมเฉไฉไปเรื่องอื่น ทำให้ตอนนี้เราทั้งคู่ต่างกินโดยที่ไม่มีใครพูดอะไร แต่ผมก็ไม่ได้อึดอัดเหมือนเมื่อคืนแล้วนะ ผมว่าผมแยกแยะออกว่าเวลาไหนที่ผมควรจะดราม่าและเวลาไหนที่ผมควรจะนิ่ง จนกระทั่งพวกเรากินเสร็จพี่กรมมันก็ลุกขึ้นไปจ่ายเงิน ผมมองราคาที่ติดไว้อยู่หน้าร้านก่อนจะหยิบเงินออกมาตามจำนวน


   “ อะพี่” ผมยื่นเงินไปให้พี่กรมที่เดินนำออกมาหน้าร้าน พี่มันก้มลงมองเงินที่ผมยื่นให้ก่อนที่พี่มันจะปัดมือผมให้ออกห่าง


   “ เลี้ยง รวย” พี่มันเดินล้วงกระเป๋ากางเกงนำออกไปทำให้ผมวิ่งไปเกาะไหล่พี่มัน


   “ ไม่อยากเอาเปรียบนะครับพี่” ผมยังไม่ยอมแพ้ตามไม่ยื่นเงินให้พี่มันเหมือนเดิม เมื่อเห็นว่าผมตื้อมากพี่กรมก็ลากผมไปที่ห้องน้ำ อ่อ สงสัยพี่มันปวดฉี่


   “ ทำไรอะ” ผมเห็นสายตาพี่มันดูเลิกลั่กหันไปมองทางประตูห้องน้ำและบริเวณอื่นๆของห้องน้ำ เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่ในห้องน้ำ  พี่กรมมันก็ผลักผมเข้าไปในห้องน้ำด้านในสุดจนตัวผมติดกับกำแพง ส่วนพี่มันล็อคประตูเสร็จก็ตามเข้ามาประชิดตัวผม


   “ อยากจ่ายมากใช่ไหม?” พี่กรมวางแขนของเขาลงบนตำแพงในตำแหน่งที่สูงกว่าตัวขอผมก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาใกล้ด้วยสายตานิ่งๆ


   “ เออดิพี่” ผมเองก็ไม่ยอมแพ้ยื่นหน้าเข้าไปใกล้พี่มันเหมือนกัน เอาสิ! น้องพีจะสู้ อ่อยมาอ่อยกลับไม่โกง


   “ งั้นจ่ายเป็น....” พี่มันเว้นช่วงเอาไว้ก่อนที่จะใช้นิ้วชี้ของตัวพี่มันเองมาเขี่ยเล่นที่ปากของผมเบาๆ “ จูบก็แล้วกัน...” สิ้นเสียงนั้นผมเองก็เลื่อนหน้าเข้าไปหาพี่มันโดยอัติโนมัติเหมือนกันเราต่างคนต่างยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนกระทั่งริมฝีปากของเราทั้งคู่ประกบเข้าหากันอย่างไม่มีใครยอมใคร ประสบการณ์ที่ผมโดนมาสองครั้งมันเริ่มสอนให้ผมรู้จักการจูบตอบ ไม่รู้ว่าฝีมือของผมมันเรียกว่าขั้นไหนแต่ผมได้ยินเสียงของพี่มันหัวเราะออกมาเบาๆ


   “ หึ” ผมเอียงคอให้ได้มุมเพื่อพี่มันจะได้เข้ามาลิ้มลองริมฝีปากของผมได้ถนัดมากกว่าเดิม เมื่อรู้สึกว่าการจูบแบบนี้มันไม่เพียงพอต่อความต้องการของเราทั้งคู่ นั่นทำให้ผมค่อยๆเปิดริมฝีปากออกเพื่อให้พี่กรมสอดลิ้นเข้ามาด้านในของผมเมื่อสัมผัสนั้นเข้ามาใจของผมก็หล่นวูบไปทันที เมื่อไม่ได้มีเพียงแค่ลิ้นร้อนที่เข้ามาเพราะมือทั้งสองข้างของพี่มันกลับเลื่อนเข้ามาด้านในเสื้อของผมก่อนจะขยับนิ้วเพื่อหลอกล้อกับบางสิ่งบางอย่างที่ตอนนี้แข็งตัวเป็นไตบ่งบอกว่าผมมีอารมณ์เต็มที่


   “ พี่ครับ...” พี่กรมเว้นจังหวะถอนริมฝีปากออกมาเพื่อให้เราทั้งคู่ได้หายใจ สายตาที่ผมมองพี่มันไม่รู้เหมือนกันนะครับว่ามันสื่อไปว่าอย่างไร เพราะนั้นทำให้พี่กรมก้มลงมาไซร้ที่ซอกคอของผมอย่างหื่นกระหายจนกระทั่งผมรู้สึกเจ็บขึ้นมาเมื่อพี่มันดูดเม้มที่ซอกคอของผมแรงๆจนผมเบ้หน้าด้วยความเจ็บ


   “ สำหรับค่าชาบู” พี่กรมผลักออกมาจากซอกคอ พร้อมกับใช้นิ้วมือของเขาเช็ดที่ริมฝีปากของผมเบาๆด้วยสายตาที่เซ็กซี่จนผมแทบจะยืนทรงตัวไม่ไหว... “ ทำหน้าแบบนี้เดี๋ยวมึงจะเดินไม่ไหวนะครับน้องผี” ไม่รู้ซิ ทำไมผมรู้สึกว่าตอนนี้มันดีมากๆเลย ตราบใดที่ทั้งสองคนนั้นยังไม่ได้เป็นแฟนกันผมก็มีสิทธิ์ ผมโคตรมั่นใจเลยว่าพี่แม่งก็ชอบผมเหมือนกัน ไม่งั้นไม่มาจูบผมแบบนี้หรอก ไม่ใช่แค่จูบนะพี่มันยังเอานิ้วมาเขี่ยนมมาบีบนมผม อย่าคิดว่าไม่รู้ เห็นไหมละครับมีน้อยแต่ก็มันไม่แพ้ผู้หญิงเลยนะ


   ผมมั่นใจว่าอย่างไรผมก็ไม่ได้คิดเข้าข้างไปเองคนเดียวแน่ๆ แต่....ผมไม่รู้ว่าในใจของพี่กรมมันกังวลอะไรอยู่ ทำไมผมจะไม่รู้ว่าการที่พี่กรมไปหาพี่เมย์ไปดึงพี่เมย์เข้ามาก็เพราะพี่มันต้องการพิสูจน์ตัวมันเองว่ายังมั่นคงกับผมอยู่ไหม ถ้ากลับไปหาผู้หญิงที่เคยชอบ ซึ่งวิธีที่พี่มันเลือกใช้...โคตรเห็นแก่ตัวและเป็นวิธีที่ไม่ฉลาดเลย ผมจะคิดแบบนี้ตามสิ่งที่ผมรู้สึกถ้าพี่มันยังไม่บอกเหตุผลที่แท้จริงออกมา


   “ ทำไมหน้ามึงตอนนี้ดูแรดจังหวะน้องผี”


   “ .....หมดคำสิเว่า” ผมผลักพี่มันออกให้พ้นทางก่อนจะเดินเปิดประตูห้องน้ำโดยไม่ทันได้ดูว่าด้านนอกมีใครอยู่หรือไม่ จนกระทั่งผมสบตาเข้ากับเจ้าตัวน้อยที่กำลังล้างมืออยู่


   “ ขวางทาง” พี่กรมที่เดินตามผมออกมาพร้อมกับใช้มือของเขาผลักผมให้พ้นทาง


   “ พ่อครับ” เจ้าเด็กตัวน้อยเดินไปเกาะขาพ่อของเขาที่เดินออกมาจากห้องน้ำพอดี พร้อมกับมองผมกับพี่กรมสลับไปมา “ ทำไมพี่สองคนเขาออกมาจากห้องน้ำห้องเดียวกันอะครับ” ก่อนที่เจ้าตัวน้อยจะชี้มาที่ผมกับพี่กรมสลับกันไปมาจนพ่อของเจ้าตัวเล็กต้องก้มหัวขอโทษผมกับพี่กรมที่เจ้าตัวเล็กถามออกมาแบบนั้น


   “ เอ่อ...ขอโทษนะครับ”


   “ ไม่เป็นไรครับ” เป็นพี่กรมที่พูดออกไป ส่วนผมก็ยืนนิ่งครับ กูเขิน เจอเด็กถามออกมาตรงๆผมนี่ไปไม่ถูกเลย จะให้ผมตอบไปว่า พี่ไปจูบกันครับ ลิ้นแลกลิ้นแบบผู้ใหญ่ แต่ก็กลัวพ่อของเด็กจะไล่กระทืบผมเอา เอาเป็นว่าผมเงียบปากและยืนให้พี่กรมมันเคลียร์ไปเองก็แล้วกัน


   “ เด็กแม่งรู้มากไป” ผมเดินหน้ามุ่ยกอดคอพี่กรมออกมาจากห้องน้ำ ส่วนไอ้คนตัวสูงก็เอาแต่หัวเราะเหมือนเห็นว่าเป็นเรื่องตลก


   “ พาลว่ะ” พี่มันขยี้เส้นผมเบาๆ ก่อนที่เราจะพากันเดินไปดูนู้นดูนี่จนลืมไปว่าวันนี้พวกเรามาทำงาน


   “ ชอบแบบนี้” ผมเงยหน้าขึ้นไปมองพี่กรมที่เดินโอบไหล่ผมอยู่ “ แบบนี้ก็ดีที่สุดแล้วพี่” ผมจับมือของพี่มันที่ไหล่ของผม
   “ เออ ไอ้น้องผี” รอยยิ้มของพี่กรม ยิ่งมองก็ยิ่งชอบ ยิ่งมองก็ยิ่งหลง คนบ้าอะไรเกิดมาหล่อขนาดนี้ ขออนุญาตชมท่านอัศวินเลยครับที่สามารถผลิตลูกหน้าหล่อขนาดนี้มาให้ผมได้เชยชม ต่อไปนี้สิ่งที่ผมจะทำต่อไปคือการติดเกาะพี่มันอยากไปหาผู้หญิงคนนั้นก็ไป ผมก็จะไปด้วยในเมื่อพี่มันหลอกตัวเองโดยใช้ผู้หญิงคนนั้นเข้ามาเป็นเครื่องมือ ไม่ยอมฟังเสียงหัวใจตัวเอง ผมเองแหละครับที่จะทำให้พี่มันยอมรับให้ได้ เมื่อวันไหนที่ผมอึดอัดหรือหมดความพยายามแล้วละก็ ผมจะออกมาเอง


   ขอโทษนะครับพี่เมย์....ผมก็รักของผมเหมือนกัน :)

   ผมเองก็เห็นแก่ตัวเป็น ไม่ดีไปกว่าใครเลย... แล้วไงครับ ผมไม่แคร์ หึ




    “ วันนี้พวกมึงได้อะไรมา นอกจากรอยแดงที่คอไอ้พี” ตอนนี้ผมกับพี่กรมกลับมาที่บ้านของพี่เทพเป็นที่เรียบร้อยในเวลาเกือบสองทุ่ม ไอ้พี่เทพพูดเสียงดังจนทำให้พี่ๆอีกสองต่างหันมาจ้องคอของผมทันที


หมับ


   ผมรีบปิดคอตัวเองไม่ให้พี่มันเห็น ผมนี่อยากไปทุบหัวพี่กรมจริงๆ ไอ้บ้าเอ้ย ทำรอยแดงขนาดนี้ก็ขอกูแต่งงานเถอะครับ


ผั๊วะ!!


   พี่กรมยื่นมือมาตบหัวผมแรงๆหนึ่งทีจนหัวผมโยกไปซบที่ไหล่ของพี่มัน เอ้อออ ไอ้หัวนี่ก็รู้งานจริงๆครับ ไม่อยากจะลุกขึ้นมาเลย


   “ ผิดข้างครับ” พี่กรมก้มลงกระซิบที่ข้างหูนั่นทำให้ผมรีบปิดคออีกข้างหนึ่งทันที แต่ผมว่าไม่ทันละครับเมื่อพี่ๆหันกลับไปทำงานกันเหมือนเดิม และดูเหมือนว่าไม่มีใครสนใจพวกผมอีกเลย แม้กระทั่งไอ้พี่เทพ


   “ พี่แม่ง” ในเมื่อลงกับใครไม่ได้ก็ลงกับพี่มันไปแล้วกันครับ ผมเล่นกับพี่กรมไปเรื่อยจนไม่ได้สนใจงานสักเท่าไหร่ ก่อนจะหยุดลงเมื่อโทรศัพท์ของพี่กรมดังขึ้นมา


   “ MAY is calling รับดิ ไม่ได้ว่าอะไร” ผมยักไหล่ให้พี่มันก่อนที่จะหันมาเปิดคอม เมื่อเห็นว่าผมทำท่าทีไม่สนใจพี่มันก็ตั้งท่าจะกดรับ แต่ด้วยความไวนั้นทำให้ผมคว้าเอาโทรศัพท์พี่มันเอาไว้ก่อนเพราะความคิดอีกขั้วของสมองที่สั่งตรงมาจากหัวใจของผมบอกว่าไม่อยากให้พี่มันรับ


   “ หึ ไปเถียงกับตัวเองก่อนนะน้องผี” พี่มันส่ายหัวหลังจากที่ผมแย่งโทรศัพท์ของพี่มันไป “ ไอ้ผีเอ้ย”

        “ ทำงานไปพี่ เดี๋ยวไม่เสร็จ” ผมเกร็งคอและเชิดหน้าขึ้นเหมือนว่าเมื่อสักครู่นี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น พร้อมกับทำงานต่อจากการลงพื้นที่วันนี้ทำให้ผมได้เนื้อหามากมายและได้รู้ความรู้ใหม่ๆเพิ่มเติมขึ้นมา และที่สำคัญทำให้ผมได้ตัดสินใจตัวเองครั้งใหญ่ในเมื่อพี่มันไม่ยอมรับใจตัวเอง ผมก็จะทำให้พี่มันรับหัวใจของผมให้ได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม   ความรักมันเป็นเรื่องเห็นแก่ตัว พี่เริ่มก่อนผมก็แค่สนองต่อเท่านั้น








PS. สารจากน้องพี

     ทุกคนครับอย่าโกรธผมที่ผมปล่อยตัวปล่อยใจไปแบบนั้น เพราะผมมีเหตุผลก็คือ... ผมรักพี่กรมครับ ผมยอมรับออกมาตรงๆ แต่ปัญหาของผมก็คือพี่กรมมันยังปิดใจตัวเองอยู่ทั้งๆที่คิดเหมือนกัน ผมไม่รู้ว่าอะไรที่อยู่ในใจ แต่ผมจะแหกมันออกมาจนกว่าผมจะทำให้พี่มันรู้ใจตัวเอง แต่ถ้าวันหนึ่งพี่มันยังคงโกหกอยู่ และผมทำสุดความสามารถแล้ว เมื่อถึงวันนั้นผมก็จะออกมาเอง

ความรักไม่มีคำว่าโง่ครับ ถ้ามีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสมยอม และฝ่ายนั้นก็ดันเป็นผมเอง...

( ปฐพี , 2562)
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 14.1(14/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 14-03-2019 22:18:05
 :L2: :pig4:

น้องพีสู้ๆ
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 14.1(14/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: nikpook ที่ 14-03-2019 22:43:05
อ่านไปอ่านมาก็รู้สึกว่าพี่กรมกับน้องผีเป็นคู่เหมาะสมกันมาก อ่านฉากที่น้องกับอิพี่จูบกันรู้สึกถึงความร้อนแรงเขินมาก :jul1: แต่คืองงว่าพวกแกก็รักกันแต่ทำไมไม่คบกัน ทำทุกอย่างเหมือนแฟนแต่ก็บอกพี่น้อง ตอนนี้คือหมั่นไส้น้องผีมากความมั่นหน้านี้ ถ้าพี่กรมไม่คิดเหมือนกับหนูหน้าจะแตกยับมากเลยนะลูก เป็นกลจให้ทั้งสองคนเลย ตอนนี้คืออยากเห็นงานนโยบายกับบักกวงมาก ก็ยังแค้นใจอยากให้บักกวงเจอหนักอยู่ๆ มาต่อเร็วๆนะคะ เราป็นกลจให้คุณไก่ทอดน้า สนุกมากๆเลยอยากอ่านต่อไปแล้ว :pig4: :L1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 14.1(14/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: nikpook ที่ 16-03-2019 19:17:01
เรารออยู่นะ คุณไก่ทอดไปไหน o9 คิดถึงพี่กรมคนเลว
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 14.1(14/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 16-03-2019 22:01:28
เข้าใจเหตุผลพี่กรมนะ แต่ครึ่งๆกลางๆแบบนี้น้องผีก็ไม่ไหวปะวะ
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 14.2(17/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: KJH177 ที่ 17-03-2019 07:53:29
บทที่ 14.2

เหมือนจะดี


        ความรักมันเป็นเรื่องเห็นแก่ตัว พี่เริ่มก่อนผมก็แค่สนองต่อเท่านั้น


   “ น้องผี ทำไมทำหน้าชั่วจังวะ” ผมค่อยๆหันหน้าไปมองพี่กรมพร้อมกับค่อยๆหุบยิ้มแบบตัวร้ายในละคร ผมแสดงสีหน้าออกไปขนาดนั้นเลยหรอครับ?


        “ ชั่วฟ้าดินสลายผมก็ไม่ไปไหนทั้งนั้น” พี่มันทำหน้างงกับคำที่ผมพูดออกมาอย่างไม่สอดคล้องกับสิ่งที่พี่มันถาม
ทั้งคืนพวกผมห้าคนต่างช่วยกันปั่นงานแก้แล้วแก้อีกจนกระทั่งตอนนี้เป็นเวลาตีห้าทุกคนก็ยังคงปั่นงานอยู่ ผมจากที่เคยง่วงก็ตื่นขึ้นทันทีเพราะมือของไอ้พี่กรมแม่งยื่นมาเกาหัวของผมอยู่อย่างนั้น คือผมไม่ใช่ไอ้เฉลิมนะเว้ย แต่เอาเถอะเพลินดี ผมจะไม่ด่าละกันครับ


   “ พี่...ผมทำอันนี้ไม่ได้” เมื่อเห็นว่าตอนนี้พวกพี่ๆทั้งสี่ไม่ได้มีทีท่าสนใจผมสองคนเท่าไหร่ ผมค่อยๆขยับเข้าไปหาพี่กรมพร้อมกับยื่นกระดาษไปด้านหน้าพี่กรม ทำให้พี่มันละมือออกจากคอมเพื่อมาสนใจในกระดาษของผมแทน


   “ อะไรวะ” พี่มันหยิบกระดาษขึ้นมาเพ่งเล็งอยู่นานเพราะกระดาษนั้นผมไม่ได้เขียนอะไรไว้


   “ พี่จะเห็นได้ไง ผมไม่ได้เขียนอะไรไว้เลย”


ชิ้ง!


   สายตาของพี่มันจ้องมาที่ผมดุๆ เหมือนอยากจะสื่อว่าผมเล่นอะไรไม่รู้เรื่อง แต่ยังไม่ทันที่พี่มันจะหันหน้าหนีผมกลับไปทำงานต่อ ผมขว้าไหล่พี่มันเอาไว้ก่อน


   “ ผมเขียนไว้ในนี้หมดแล้วครับ” ผมชี้มาที่หน้าอกด้านซ้ายของตัวเอง เมื่อพี่มันเห็นดังนั้นจากอารมณ์เกรี้ยวกราดในตอนแรกก็กลายเป็นรอยยิ้มบางๆส่งมาให้ผมแทน “ อยากรู้ไหมว่าเขียนว่าอะไร?”


   “ อะไร??”


   “ อยากรู้ต้องเข้ามาดูเอง”


   “ กูยังไม่ได้เข้าไปอีกหรอวะ?” พี่มันเลิกคิ้วส่งมาให้ผมเป็นคำถาม


   “ ไม่บอก” ผมพูดแค่นั้นก่อนจะหันหน้าหนีพี่มันไปทันที ไม่ใช่อะไรครับกูเขิน ผมไม่รู้ว่าเป็นโรคจิตหรือเปล่าที่ชอบให้พี่มันทำหน้าขมวดคิ้วหรือทำหน้าหงุดหงิด มันได้ใจดีครับ


ฟอดดดด


   “ หมันไส้!”


   “ O_O!” ผมนั่งตัวแข็งทันทีที่เหตุการณ์เมื่อสักครู่ที่พี่มันทำ ก็เพราะ...ไอ้พี่กรมมันยื่นหน้าเข้ามาจูบแก้มผมแรงๆไอ้จูบอย่างเดียวไม่เท่าไหร่หรอกครับ พี่แม่งแอบดูดแก้มผมด้วย ผมว่ามันเกิดไปแล้วจริงๆ!


   “ หึ” พี่มันส่ายหัวเมื่อเห็นว่าผมยังคงนั่งตัวแข็งไม่ขยับเขยื้อนไปไหน ไม่รู้ดิครับ ไอ้อาการที่เขาเรียกว่าเหมือนมีผีเสื้อบินวนอยู่ในท้องมันเป็นแบบนี้นี่เอง ส่วนไอ้มือทั้งสองข้างของผมดันยกขึ้นมาสัมผัสบริเวณที่ไอ้พี่มันหอมไปเมื่อสักครู่


   งื้อออออ น้องพีรู้สึกตัวเล็กขึ้นมาอีกแล้วววววววว


   “ เอาจริงนะพวกมึง คือกูเห็นไง แล้วกูก็ไม่อยากจะดูด้วย” พี่เทพหมุนเก้าอี้มาทางผมกับพี่กรมที่ยังคงแหย่กันไปกันมา เพราะตอนนี้ผมไม่มีสมาธิทำงานอะไรแล้วและรู้สึกว่าพี่มันก็เหมือนจะไม่มีสมาธิทำงานเหมือนผมด้วยเหมือนกัน


   “ ขอร้อง หยุดเถอะนะ สงสารกูเถอะ” พี่เทพยกสองมือของตัวเองขึ้นมาประกบเข้าหากันพร้อมกับทำสีหน้าเว้าวอนสุดๆ


   “ พี่เห็นได้ไง”


   “ ไอ้พี คอมกูอะมันสะท้อนเว้ย ถึงจะเป็นแค่เงากูก็ไม่อยากเห็นครับ”


   “ เหมือนพี่อิจฉาอะ”


   “ ดูปากกูนะ กู ไม่ ได้ อิจ ฉา กู รำ คาญ ตา!!” เมื่อพี่มันพูดเน้นๆที่ละคำจบก็หมุนเก้ากลับไปทันที อย่างนี้แหละครับไม่อิจฉาก็คือหึงผม หรือว่าพี่มันหึงพี่กรมกันวะครับ


   “ พี่กรม”


   “ หื้มม” ครั้งนี้พี่มันไม่หันหน้ามามองผมเหมือนตอนแรก เพราะสายตาของพี่มันจ้องอยู่ที่หน้าจอด้วยสายตาที่จริงจัง คือผมอยากถามนะว่าพี่มันเปลี่ยนโหมดอารมณ์ได้ไงไวขนาดนี้ แต่เอาเถอะผมไม่กวนพี่มันแล้วครับ เริ่มง่วงแล้ว


   “ ง่วงหรอ?” พี่กรมพูดขึ้นผมได้แต่พยักหน้าให้เป็นคำตอบ “ อะ นอนบนมือก็ได้ จะได้ไม่เจ็บหน้าผาก” ผมหันไปยิ้มให้พี่มันน้อยๆเมื่อพี่มันยื่นมือมาให้ผม


   “ ขอบคุณครับ” ผมจับมือพี่กรมวางลงบนโต๊ะเหมือนเดิมก่อนจะค่อยๆวางหน้าผากของตัวเองลงไปบนฝ่ามือของพี่มันที่อบอุ่นที่สุดเท่าที่ผมเคยนอนมา


   เมื่อเห็นว่าคนที่นอนทับมือของเขาหายใจสม่ำเสมอบ่งบอกว่าคนตัวเล็กได้เข้าไปสู่ห้วงนิทราเป็นที่เรียบร้อย ทำให้เขาค่อยๆเอื้อมมืออีกข้างที่ว่างอยู่ห่มผ้าให้พีและจัดให้เรียบร้อยเพื่อไม่ให้แอร์โดนตัวมากเกินไป


   “ ไอ้กรมมึงชัดไปว่ะ” คินที่ตอนแรกนั่งอยู่ที่โซฟาอีกด้านหนึ่งของห้องเดินถือโน๊ตบุ๊คมาวางบนโต๊ะญี่ปุ่นที่กรมนั่งทำงานอยู่


   “ มึงรู้หรอ?”


   “ กูรู้แค่ไม่ได้พูดเหมือนไอ้เทพ” คินไม่ได้สนใจอะไรเพื่อนของเขามาก เพียงแค่การกระทำบางอย่างที่มันไม่ชัดเจนมันทำให้เขารู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ “ เห็นแก่ตัว มึงรู้ใช่ไหม”


   “ อืม” กรมถอนหายใจออกมา ช่วงนี้เขาเจอคำว่าเห็นแก่ตัวบ่อยมากทั้งๆที่เขารู้ว่าการกระทำนี้ของเขาเห็นแก่ตัว เขาเองก็รู้ตัวดีทุกอย่าง


 มือข้างหนึ่งให้พีหนุนนอนหลับสบายและอีกมือนั่งตอบแชทของเมย์ที่กำลังงอนเขาอยู่เพราะไม่ได้ไปหาทั้งๆที่ตกลงจะไปหา


   “ แต่มึงก็ยังจะทำ มันดูก็เห็นว่ามึงชัดเจนกับใคร” มือของกรมที่กำลังพิมพ์ตอบเมย์อยู่ชะงักค้างบนแป้นคีย์บอร์ดทันที


   “ กูไม่อยากดึงมันมาเสี่ยงกับกู”


   “ แล้วมึงถามน้องมันหรือยังว่ามันพร้อมจะเสี่ยงกับมึงไหม” เจ้ากรมคิดตามคำพูดของเพื่อน มันก็จริงเพราะเขามัวแต่กลัว กลัวว่าชีวิตของไอ้เด็กนี่จะเปลี่ยนไปตลอดกาลโดยที่ไม่เคยถามมันเลยว่าจะกล้าเสี่ยงไหมและยอมให้ชีวิตของมันจะเปลี่ยนไปจากเดิมหรือเปล่า แต่นั่นเขาคิดเองคนเดียวเท่านั้น


   “ .....”


   “ หรือตัวมึงเองที่ไม่กล้า?” เหมือนคำพูดของคินไปจี้จุดบางอย่างของเขา ใช่! เขาไม่กล้า ไม่กล้าดึงใครเข้ามาในชีวิตที่ไม่มีความสุขของเขา


   “ กู.....”


   “ มึงทำเพื่อคนอื่นมาเยอะแล้วกรม” คินยื่นมือไปตบไหล่ของเจ้ากรมเบาๆเพื่อให้กำลังใจเพื่อนที่สับสนอยู่ตอนนี้ แววตาของเจ้ากรมเปลี่ยนไป เต็มไปด้วยความสับสนและกังวลทำไมเขาจะดูไม่ออก เขาเองก็ไม่อยากจะยุ่งเรื่องของเพื่อนสักเท่าไหร่ แต่ถ้าเพื่อนเขามันช้าไปมาก กว่านี้มีหวังไอ้เด็กพีโดนคาบไปกินแน่ๆ เพราะเดี๋ยวนี้ไอ้พีมันมีน้ำมีนวลขึ้นเยอะกว่าเดิมแก้มยุ้ยเป็นซาลาเป่าของมันทำให้บางครั้งเขาก็อยากลองกัดดูบ้าง แต่ติดที่ว่าถ้ากัดไปเขาอาจจะได้เลิกคบกับไอ้กรมที่นั่งหน้ายักษ์อยู่ตรงนี้แน่ๆ


   “ มึงมองแก้มไอ้พีทำไม? มึงคิดอะไรอยู่ไอ้คิน” เมื่อเจ้ากรมเห็นว่าเพื่อนเขามองแก้มของพีนานเกินไปด้วยความหวงทำให้เจ้ากรมดึงไอ้พีเข้ามาใกล้ตัวของเขามากยิ่งขึ้นพร้อมกับกระชับอ้อมแขน


   “ เปล่าๆ กูก็แค่มองไปเรื่อยเห็นว่ามันเริ่มมีแก้มแล้ว” คินมองไปที่พีพร้อมกับรอยยิ้มแปลกๆจนเจ้ากรมเองก็รู้สึกหวั่นๆรอยยิ้มของคิน


   “ มีแก้มแล้วไง? มึงจะทำไมไอ้คิน”


   “ ฮ่าๆ ไอ้กรม มึงนี่ชัดเกินไปละหวะ” คินตลกเพื่อนตรงหน้าของเขาที่ดูเสียอาการไปหมด มาดหล่อๆลุคลูกชายนักการเมืองดังที่เป็นหัวโขนที่เจ้ากรมใส่ไว้มันได้หายไปเมื่อเจ้ากรมอยู่กับเด็กผู้ชายธรรมดาอย่างพี


   “ ก็รู้ไว้ด้วยว่าของใคร”


   “ เออๆ กูไปนอนละ เบื่อมึง” คินส่ายหน้าให้เพื่อนของเขาก่อนจะเดินกลับไปนอนที่โซฟา เมื่อเจ้ากรมเผลอเขาก็หันมายิ้มให้กับไอ้เด็กแสบที่แอบลืมตามามองเขาพร้อมกับรอยยิ้มขอบคุณที่ทำให้พีได้ยินอะไรแบบนี้ พีไม่ได้หลับแต่แค่อยากรอฟังอะไรบางอย่าง จนตอนนี้เขากำลังจะหลับฝันดีต่อจากนี้ถ้าหากว่า.......


   “ เมย์มาเจอกับกรมได้ไหม พรุ่งนี้ที่ XXXX”


   เขาจะตามไปด้วยโดยที่ไม่ให้เจ้ากรมรู้ตัว...... แล้วเจอกันครับพี่กรมของพี ถ้าเจ้ากรมไม่ยอมจบเรื่องนี้ เขาเองที่จะจบทุกอย่างให้มันชัดเจนไปเลย และพีเองมีความมั่นหน้าเกินแปดสิบเปอร์เซ็นต์ว่าอย่างไรเจ้ากรมก็เลือกเขามากกว่าผู้หญิงชื่อเมย์ พีไม่มีอะไรจะเสียแล้ว เขายังคอนเซป เก่งกับหมาซ่ากับเด็กและสตรีมีครรภ์ ถึงเมย์จะไม่มีครรภ์พีก็พร้อมที่จะเสี่ยงดู






PS. ทุกอย่างจะจบพี่กรมจะเลือกทำอย่างไรต่อไปน้าา

ขอโทษนะคะที่ไม่ได้มาอัพ พอดียายเราเสีย เลยต้องคอยช่วยงาน

 
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 14.2(17/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 17-03-2019 13:42:07
 o13
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 14.2(17/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: nikpook ที่ 17-03-2019 17:59:15
เราเสียใจด้วยนะคะคุณไก่ทอด ตอนสุดท้ายอิน้องผีมั่นหน้ามากแต่ชอบทำให้มันชัดเจนไปเลยเราสนับสนุน เชียร์พี่คินหนักมากจีบน้องผีเลย เบื่อคนคิดมากทำอะไรก็ไม่รู้ชื่อพี่กรม รอตอนต่อไปนะอยากเห็นความเกรียนของน้องผี เราเป็นกลจให้คุณไก่ทอดนะคะสู้ๆ มาต่อเร็วๆนะ :pig4: :L1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 14.2(17/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: คุณซี ที่ 17-03-2019 20:51:53
ก็คือพี่กรมไม่เคลียร์ก็ยกน้องผีให้เราก็ได้ น้องที่ยอมพี่ขนาดนี้มันจะมีที่ไหนอีกกก //ปล. ยังแอบมีคำผิดแบบ พลาน>พาล งี้ แอบขัดใจนิดๆค่ะ แจ้งไว้เผื่อคุณนักเขียนอยากรีไรท์ในอนาคต
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 14.2(17/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 17-03-2019 22:58:03
เสียใจด้วยนะคะคุณไก่ทอด   :กอด1:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 15.1(18/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: KJH177 ที่ 18-03-2019 22:58:24
บทที่ 15

ผิดตัว

Jaokom’s talk


   คืนที่ผ่านมาเรียกได้ว่าผมไม่ได้นอนเลยครับ มีเรื่องให้คิดทั้งคืน ผมว่าผมต้องจบเรื่องยุ่งๆนี่สักที ในเมื่อไอ้คินมันบอกว่าผมทำเพื่อคนอื่นมาตลอด เรื่องความรักผมขอเป็นคนจัดการเองไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ผมเองก็พอจะมีเงินเก็บจนสามารถส่งตัวเองเรียนจบมหาวิทยาลัยได้ ถ้าพ่อจะตัดขาดผมเพราะเรื่องนี้ ผมเองก็พร้อมที่จะเดินออกมาจากบ้านหลังนั้น ผมกดดันตัวเองมามากพอแล้ว ทำตามพ่อมาตั้งแต่เด็ก แต่ลึกๆผมแอบคิดเอาไว้ว่าพ่อจะเข้าใจและเปิดรับเรื่องพวกนี้มากขึ้น


   “ กรม เมย์ขอซื้ออันนี้ได้ไหม” ตอนนี้ผมอยู่ที่ห้างตามที่นัดกับเมย์เอาไว้เพื่อจบเรื่องยุ่งๆที่เกิดขึ้นทั้งหมด เพราะผมเองก็รู้สึกผิดที่ดึงเธอกลับมาอีกครั้ง เมย์ยังคงเป็นผู้หญิงที่แสนดีกับผมเสมอ แต่ตอนนี้ผมกำลังจะทำเรื่องที่ทำให้เธอรู้สึกแย่กับผม


   “ เอาดิ กรมซื้อให้” ผมเดินเข้ามาในร้านเสื้อผ้าผู้หญิงแนวหวานๆ เดินตามหลังเมย์เข้ามาในร้าน เมื่อเห็นว่าเธอเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มที่ได้เดินดูเสื้อผ้าน่ารักๆแบบนี้ก็ทำให้ไม่อดที่จะยิ้มตามเธอไปด้วยไม่ได้


   “ เมย์เกรงใจ เดี๋ยวเมย์ซื้อเอง” เมย์เดินไปหยิบเสื้อแขนสั้นเอวลอยสีพีชขึ้นมาทาบกับตัวพร้อมหมุนตัวมาทางผมพร้อมรอยยิ้มที่มาพร้อมกับลักยิ้มและตาสระอิของเธอ “ น่ารักไหมกรม”


   “ กรมว่า...อื้มม” ผมหลี่ตามองชุดของเธอพร้อมกับพยักหน้าให้เธอเบาๆ “ เมย์ต้องใส่แล้วน่ารักมากแน่ๆ”


   “ ปากหวานนะกรม” เมย์เดินมาหยิกไหล่ผมเบาๆก่อนจะเดินไปจ่ายเงินค่าเสื้อที่เธอซื้อ เมื่อเราซื้อเสร็จผมก็อาสาถือถุงเสื้อผ้าให้เธอ ก่อนจะกวาดสายตาไปมองร้านอาหารแถวๆนี้


   “ กรมขอเลี้ยงข้าวเมย์นะ ห้ามหาร เมย์ชอบหารกรมดูไม่เท่เลย” ผมพูดแล้วก็ตลกทุกทีเวลาที่ผมจะจ่ายค่าอาหารหรือค่าอะไรที่เรากินเราใช้ด้วยกันเมย์ก็จะชอบหารตลอด ผมจะเลี้ยงก็ไม่ยอม ทำให้ผมคิดถึงใครอีกคน รายนั้นนะมันไม่เคยเอ่ยปากหารผมเลยสักครั้ง ครั้งแรกก็คงเมื่อวานมั้งครับที่มันเดินเอาเงินมายัดใส่มือผม ดูก็รู้ว่ามันไม่ค่อยเต็มใจที่จะให้ผมเท่าไหร่ ถ้าผมเดินไปตื้อมันอีกรอบว่าไม่เอา เชื่อไหมครับว่ามันก็จะเอาเงินคือ ไอ้พีก็คือไอ้พีอะครับ แต่ผมก็เต็มใจที่จะจ่ายให้ทุกบาททุกสตางค์เลย


   “ กรมยิ้มอะไร” เมย์เอียงคอถามผม


   “ กรมยิ้มหรอ?”


   “ ใช่ ยิ้มแบบเหมือนคิดถึงใครอยู่เลย” เธอเอ่ยปากแซวและไม่ได้มีทีท่าว่าหึงผมเลยแม้แต่น้อย ผมพอจะมั่นใจแล้วครับว่าวันนี้ผมจะจบสวย


   “ ครับ คิดถึงมั้ง” ผมไม่ได้ตอบอะไรเมย์อีก ผมพาเมย์เดินเข้ามาร้านอาหาเกาหลีร้านดังและปล่อยให้เมย์สั่งได้ตามใจ ผมไม่ค่อยถนัดอาหารเกาหลีสักเท่าไหร่แต่ก็พอทานได้อยู่ครับ


   “ แค่นี้ค่ะ” เธอปิดเมนูพร้อมกับยื่นให้พนักงาน เมย์หันหน้ามามองหน้าผมพร้อมรอยยิ้ม “ กรมมีอะไรจะคุยกับเมย์ใช่ไหม?”


   “ เมย์ เมื่อวานเราขอโทษที่ทิ้งให้เมย์รอนะ” เมื่อวานผมอาสาจะพาเมย์ไปร้านหนังสือที่เมย์อยากไป แต่ผมก็ผิดนัดเพราะดันไปลงพื้นที่อย่างกระทันหัน


   “ เราไม่โกรธแต่เราแค่...” เธอเว้นช่วงเอาไว้ก่อนที่จะพูดออกมา “ แค่ไม่เข้าใจว่ากรมจะกลับมาหาเมย์ทำไม ทั้งๆที่เราเอ่อ....เลิกคุยกันไปนานแล้ว” น้ำเสียงของเธอไม่ได้มีแววหงุดหงิดเลยแม้แต่น้อย แต่กลับดูไม่เข้าใจมากกว่า


   “ กรมขอโทษนะ” ผมเลื่อนมือไปกุมมือของเมย์ด้วยสายตารู้สึกผิดจริงๆ “ ขอโทษที่กลับมา เมย์กำลังจะไปได้ดีอยู่แล้วแท้ๆ”


   “ โถ่กรม แค่ไม่กี่วันเอง อีกอย่างเมย์คุยกับกรมก็เพราะเห็นกรมเป็นเพื่อนคนหนึ่งเท่านั้น”

 
   “ ห้ะ? เมย์ว่าอะไรนะ”


   “ เมย์ดูออกตั้งแต่แรกว่ากรมกลับมาเพราะกรมสับสนอะไรบางอย่าง” เธอดึงมือของตัวเองกลับ “ กรมใช้เมย์เป็นเครื่องมือ”
   “ เมย์...” ผมไม่รู้เลยครับว่าท่าทีของผมมันแสดงออกชัดขนาดนั้นเลยหรอจนทำให้เมย์ดูออก


   “ กรมอย่าทำหน้าเศร้าดิ เมย์ไม่ได้ว่าอะไรกรมเลยนะ” เมื่อเห็นว่าผมหน้าสลดลงเธอก็รีบยกมือขึ้นปัดๆที่หน้าของผม “ เราเป็นเพื่อนกันได้ ชิวๆ เมย์ไม่อยากมีแฟน อีกอย่างการที่กรมใช้เมย์เป็นเครื่องมือมันก็ทำให้กรมรู้ใจตัวเองมากขึ้น ใช่ไหม?”


   “ เราขอโทษจริงๆนะเมย์ เรามันแย่ เรามันเห็นแก่ตัวว่ะ”


   “ ใช่ กรมก็รู้ตัวว่ากรมเห็นแก่ตัวและเลวมากๆ เมย์ว่านะน้องคนนั้นที่แอบตามมาใช่ไหมที่ทำให้กรมสับสน เอ๊ะ อย่าพึ่งหันไป” เธอลุกขึ้นโน้มตัวลงมาจับหน้าผมเอาไว้เมื่อเห็นว่าผมกำลังจะหันไปด้านหลังตามที่เธอทำปากยื่นไป


   “ ไอ้พีหรอ?”


   “ เมย์ไม่รู้จักหรอกนะว่าน้องเขาชื่ออะไร แต่น้องเขาน่ารักมาเลย” เธอปล่อยมืออกจากหน้าของผมก่อนจะกลับมานั่งที่เดิม


   “ อื้ม มันน่ารักมาเลยเมย์ แก้มมันก็นุ่มน่ากัดมาก ปากมันก็น่าจ....”


   “ กรมเพ้อขนาดนี้ เมย์ก็รู้แล้วแหละค่ะ ฮ่าๆ” ผมหัวเราะและคุยเล่นกับเมย์ไปจนกระทั่งอาหารมา ในเมื่อไอ้พีมันแอบตาผมมาผมก็จะแกล้งมันไปก่อนก็แล้วกัน แสบดีนักไอ้เด็กผีของพี่


   “ กรมน้องเขาเดินหน้างอไปแล้ว”


   “ ปล่อยมันไปครับ”



Pee’s talk


   ตอนนี้ผมแอบนั่งแท็กซี่ตามพี่กรมออกมาในเวลาเช้าๆทั้งที่ผมยังไม่ได้อาบน้ำ เพราะรู้ตัวอีกทีพี่กรมมันก็ออกมาแล้ว ทำให้ผมมีเวลาไม่มากขนาดที่จะอาบน้ำได้แค่ผมตื่นก็ดีแล้วแหละครับ


   “ 250 บาท” ผมที่กำลังจะเปิดประตูลงจากรถแท็กซี่ด้วยความลืมตัวคุณลุงคนขับพูดขึ้นมาก่อนที่ผมจะได้ลง ผมมองที่มิเตอร์ที่มีเลข 250 อยู่จริงๆก่อนจะหยิบเงินออกมาจ่าย


   “ แพงฉิบหายเลยครับลุง นั่งมาไม่ถึงห้าโล อย่าไปโกงใครอีกหละเห็นใจกันหน่อย อย่าให้ผมเจอลุงอีกนะเดี๋ยวจะไม่ได้แก่ก่อนตาย”



ปึง!!


   ผมปิดประตูรถแรงๆ เพื่อระบายความโมโหไอ้แท็กซี่โกงมิเตอร์ไปนั่งไม่ถึงห้ากิโลเก็บผมซะ 250 บาท เก็บแพงขนาดนี้แนะนำลุงไปขับให้พ่อลุงนั่งเถอะครับ ผมมัวแต่โมโหแท็กซี่จนลืมสังเกตว่าพี่กรมไปไหนจนกระทั่งผมเห็นหลังไวๆ ผมไม่รอช้ารีบวิ่งตามพี่มันเข้าห้างไปทันที ผมทิ้งระยะห่างเอาไว้ไม่ให้พี่มันรู้ตัวจนกระทั่งเห็นผู้หญิงน่ารักๆคนหนึ่งยืนรอพี่มันอยู่ด้านหน้า เอาจริงๆนะครับถ้าไอ้พี่กรมไม่จีบอยู่ ผมสาบานได้ว่าผมไปจีบเธอแน่ๆ ยิ่งเธอยิ้มนะผมนี่อยากจะฟันเลยครับ เอ้ย! ขอดูฟันครับ


   ผมมองเห็นว่าพี่กรมมันยิ้มให้พี่ผู้หญิงขอเรียกว่าพี่เมย์ก็แล้วกันครับ ก่อนจะพากันเดินเล่นหยอกล้อกันเข้าไปในห้าง เห็นแล้วหงุดหงิดฉิบหาย เมื่อวานดูดคอผมจะเป็นจะตายถ้ากลืนผมได้ผมว่าพี่มันกลืนไปแล้วแน่ๆ แต่พอมาวันนี้มาอี๋อ๋อกับผู้หญิงน่ารัก จิตใจพี่มันทำด้วยอะไรวะ!!!


   “ หงุดหงิด!!!” ผมเดินเตะถังขยะไปเรื่อยตามทาง


   “ แฮ่ม!” เสียงกะแอมดังๆทำให้ผมหันไปมองยังต้นเสียงก่อนจะเจอเข้ากับลุงยามหน้าโหดที่ยืนอยู่แถวนั้น ผมจึงก้มศีรษะขอโทษลุงพร้อมกับเก็บถังขยะขึ้นมาตั้งเหมือนเดิม วันนี้แม่งซวยตั้งแต่เช้าเลยครับ เตรียมใจไว้เลย


   “ ไปไหนกันละวะ” ผมเดินวนอยู่แถวนั้นอยู่นานกว่าจะเห็นว่าพี่มันเข้าไปในร้านเสื้อผ้าผู้หญิง ผมแอบๆเดินย่องไปที่มุมหน้าร้านเพื่อสังเกตว่าพี่มันทำอะไรกันอยู่ ก่อนที่ผมจะเห็นว่าพี่เมย์หยิบเสื้อสีพีชขึ้นมาทาบตัวเหมือนจะถามพี่กรมว่าสวยไหม ผมอยากให้พี่เมย์มาถามผมครับผมจะจับใส่ให้เลยคอยดู! น่ารักไปแล้วโว้ย!!!


   พี่เมย์เดินไปจ่ายเงินที่เคาท์เตอร์ก่อนจะเดินกลับออกมา ส่วนไอ้พี่กรมตัวดีก็เป็นสุภาพบุรุษเหลือเกินอาสาถือของให้ ทีกับผมพี่มันยังไม่คิดจะช่วยอะไรเลย น้อยใจครับ ผู้ชายก็น้อยใจเป็นครับ บอกตรง! ผมทะเลาะกับความคิดของตัวเองอยู่นานเมื่อเห็นว่าพี่มันเดินเข้าไปในร้านอาหารกันไปแล้ว ผมก็แอบตามมาเกาะอยู่ที่กระจกด้านหลังพี่กรมเพื่อไม่ให้พี่มันสังเกตเห็นผม


   พี่กรมนั่งคุยอะไรกับพี่เมย์ไม่รู้แต่สีหน้าของพี่มันดูไม่ดี จนกระทั่งพี่กรมมันเอื้อมมือไปกุมมือพี่เมย์เอาไว้


   “ เดี๋ยวตีมือหักเลยว่ะ!” ผมยกมือขึ้นมาตีกับอากาศและลืมสนใจสิ่งรอบข้างจนได้ยินเสียงเด็กผู้หญิงขึ้นมาเบาๆ เหมือนว่าน้องพูดกับผม


   “ แม่ๆ พี่เขาตีแมลงวันหรอคะ”


   “ เอ่อ..ค่ะลูก” ผมหันไปมองมองเจ้าตัวเล็กที่ทำท่ากลัวๆและเดินเลี่ยงผมไปอีกทาง ด้วยความบ้าหรืออะไรรู้ดลใจให้ผมแยกเขี้ยวใส่เด็กผู้หญิงเล่นๆ แต่ใครจะคิดว่าน้องจะ....


   “ แงงงงงงงงงงงงงงง !!! แงงงง หนูกลัว” น้องจะแหกปากดังลั่นห้างพร้อมกับชี้มือมาทางผม ทำให้คนแถวนั้นๆหันมาส่งสายตาตำหนิใส่ผม ส่วนแม่ของเธอรีบอุ้มและวิ่งหายไปจากตรงนี้ กลายเป็นว่าผมทำให้น้องร้องไห้เฉยเลยครับ ผมเลิกสนใจน้องกลับมาอีกทีพี่เมย์ลุกขึ้นมากุมหน้าของพี่กรมเอาไว้....ก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาใกล้กันมายิ่งขึ้น ภาพนั้นผมทนดูไม่ได้จริงๆ ทรุดครับ!!! บอกตรง


   ผมเดินหนีออกมาล้างหน้าเพื่อทำใจเพราะผมจะถามพี่มันตรงๆว่าจะเอาอย่างไงกับผม อยู่สามคนไม่ได้จริงๆ น้องต้องขอยาดเซย์โนไปก่อนถึงพี่เมย์จะน่ารักก็เถอะ แต่มันจะเป็น 3P ไม่ได้จริงๆ


ผั๊วะ!!!


   ผมตบหัวตัวเองแรงๆจนกระทั่งเดินออกมาจากห้องน้ำโดยไม่ทันได้สังเกตคนที่เดินสวนกันไปมาจนกระทั่งผมดันซุ่มซ่ามสะดุดรองเท้าหูหนีบช้างดาวของตัวเองจนผมล้มลงไปกองอยู่ที่เท้าของใครสักคน


   “ เป็นอะไรไหมครับ” เจ้าของเท้าที่ผมกลิ้งมาทับค่อยๆย่อลงมาถามผม และนั่นทำให้ผมเห็นว่าเขาเป็นใคร


   “ พี่กรม!!!” ผมรีบลุกขึ้นยืนทันที ก่อนจะตั้งสติคิดคำแก้ตัวอะไรแต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้สติ สายตาผมดันเหลือบไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่แต่งตัวโคตรเซ็กซี่เดินมาเกาะแขนพี่กรมจนนมของเธอเบียดเข้ากับแขนแกร่งของพี่กรมพร้อมแสดงสายตาบ่งบอกและแสดงความเป็นเจ้าของสุดๆ


   “ ครับ?” แม่งยังมาทำหน้าสงสัยอีก เมื่อกี้ก็พี่เมย์พอมาทีนี้ก็ผู้หญิงอีกคน เกินไปละ ผมจะไปไม่ทน!


ผลัก!


   “ พี่แม่งเลวฉิบหายเลยว่ะ รู้ว่าผมชอบพี่ แล้วพี่จะทำอะไรแบบนี้ก็ได้หรอวะ เมื่อกี้ก็อีกคนพอมาทีนี้ก็อีกคน มึงหยามหน้ากูมากไปแล้วพี่!” ผมผลักไหล่พี่มันแรงๆจนตัวพี่มันเซไปด้านหลังเล็กน้อย แต่ก็ยังคงเก๊กหน้าทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไรอยู่


   “ ...???”


   “ จะเอาไง! จูบก็จูบ ดูดก็ดูด! พี่น้องบ้านพ่อพี่หรอวะทำกันขนาดนี้!!!”


   “ ห้ะ??? เดี๋ยวก่อน” พี่แม่งทำหน้างงหนักไปกว่าเดิม ก่อนจะยกมือขึ้นมาห้ามเหมือนต้องการให้ผมหยุดพูด


   “ แม่ง! จะเอาไงก็ว่ามาเลย ไม่ไหวละวะ!!”


   “ น้อง...พี่ไม่ใช่”


   “ แม่งเอ้ย! ผมเกลียดพี่ไม่ลง....หมับ!” ผมคว้าเอวพี่มันมากอดเอาไว้พร้อมกับซบหน้าลงบนไหล่ของมันที่ผมเคยได้ซบมาตลอด แต่แปลก...ทำไมผมรู้สึกว่ามันไม่ใช่ สัมผัสมันไม่คุ้นเคยเหมือนพี่กรมเลย จนกระทั่ง....


   “ ไอ้พี กูอยู่นี่”


   “ ......??!!” ผมได้ยินเสียงเหมือนพี่กรมแต่ว่า...เสียงนั้นไม่ได้ดังมาจากคนที่ผมกอดอยู่อย่าบอกนะว่า....


   ผมค่อยๆผลักออกจากอ้อมกอดของคนที่ผมคิดว่าเป็นพี่กรมก่อนจะหันมาด้านหลัง และเห็นว่าเป็นพี่กรมอีกคนที่ยืนขมวดคิ้วมองผมด้วยความไม่พอใจ ผมมองสลับไปที่พี่กรมทั้งสองคนด้วยความสับสนและไม่เข้าใจจนกระทั่งคำพูดของพี่มันย้อนขึ้นมาว่าพี่มันเคยบอกว่าพี่มันมีฝาแฝด อย่าบอกนะว่า.....


ตุบ!


   “ เห้ย!”


   “ ไอ้พี”


   ทรุดครับ อันนี้ผมทรุดจริง หน่องไม่อยากรับรู้อะไรอีกต่อไปแล้ว...........ลาก่อยหมู่นกกระยาง จ่าฝูงขอไปก่อน







PS. เปิดตัวพี่เจ้าท่าาาาาาาาาาาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 15.1(18/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: nikpook ที่ 18-03-2019 23:48:35
ตลกอิน้องผี5555เกรียนมากมีความตัดพ้อผิดคนไปอีก ดูแต่หน้าคงลืมดูชุด555  :m20: ชอบคุณหมอเมย์อ่ะ :katai2-1: ตอนนี้ความรู้สึกที่ชอบพี่กรมเริ่มกลับมาแล้ว แลดูพี่กรมแกหลงน้องผีมากเลยตอนเพ้อถึงคือน่ารักมาก :-[  เรื่องหมอเมย์ก็ถือว่าเคลียร์แล้วอย่าลืมไปเคลียร์เรื่องหัวใจกับน้องผีนะ สนุกมากๆเลยค่ะอยากอ่านตอนต่อไปแล้วน้องผีจะทรุดกลางห้างแบบนี้ไม่ได้ :m20: มาต่อเร็วๆนะคะ คุณไก่ทอดสู้ๆเราเป็นกลจให้นะ :กอด1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 15.1(18/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 18-03-2019 23:56:37
โถน้องผีต เกรียนไม่ออกล่ะสิทีนี้.
จะสงสารก็สงสาร จะไม่ขำก็อดไม่ได้.  :laugh:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 15.1(18/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 19-03-2019 16:24:30
พี...ผี.......เอ๊ย......  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
ทำลงไปด้าย  o22
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 15.2(19/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: KJH177 ที่ 19-03-2019 22:00:11

บทที่ 15.2




Jaokom’s talk


   เอาจริงๆนะครับที่ผมพูดออกไปว่าปล่อยให้ไอ้พีมันหน้างอและเข้าใจผิดต่อไป ผมก็ทำไม่ได้อย่างที่ปากของผมพูดจริงๆ เหมือนเมย์เองก็รู้เธอเลยให้ผมลุกขึ้นไปตามพีเพื่ออธิบายให้เข้าใจ แต่เหมือนว่าผมช้าไปเพราะไม่รู้ว่าไอ้พีเดินไปทิศทางไหนของห้าง และผมเองก็ไม่รู้จะไปตามมันตรงไหนจนกระทั่งผมสะดุดเข้ากับใครบางคนที่เหมือนกับผมทุกอย่าง ผมเลยจะเดินเข้าไปทักมันในฐานะน้องชายสักหน่อย แต่ยังไม่ทันที่ผมจะเอ่ยปากเรียกไอ้คนที่ผมตามหาก็สะดุดล้มกลิ้งไปตรงหน้าของไอ้เจ้าท่าพี่ชายฝาแฝดของผม ในจังหวะนั้นในใจผมมันบอกว่าต้องเกิดเรื่องฉิบหายแน่ๆ และก็เป็นอย่างนั้นจริงๆเมื่อไอ้พีลุกขึ้นไปผลักอกไอ้เจ้าท่าแรงๆด้วยความโมโห ส่วนไอ้ท่าที่ไม่รู้เรื่องอะไรก็ได้แต่ทำหน้างงจนไอ้พีมันระเบิดความในใจออกมาใส่ และดึงตัวไอ้ท่าเข้ามากอดอย่างรวดเร็วจนผมเองก็ขว้าตัวมันออกมาไม่ทัน มันคงรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ผมเรียก สายตาของมันโคตรที่จะวางเปล่าเมื่อเห็นว่าผมตัวจริงยืนอยู่ด้านหลังและมันก็ล้มลงไปกองอยู่ที่พื้น ไอ้เด็กผีทำผิดแล้วหนีเป็นลมเฉย


   “ เดี๋ยวกูอุ้มเอง” ผมย่อตัวลงไปหาไอ้พีที่นอนหลับตานิ่งอยู่ที่พื้นห้าง เมื่อเห็นว่าไอ้เจ้าท่ากำลังจะช้อนตัวไอ้พีขึ้น ผมก็ผลักมือมันให้ออกห่างจากตัวของไอ้พี


   “ ท่าคะ เนทงงไปหมดแล้วค่ะ” ผู้หญิงเซ็กซี่ที่คาดว่าน่าจะเป็นเด็กไอ้ท่าย่อตัวลงมาเกาะแขนไอ้ท่าด้วยความสับสน


   “ เนทอย่ามาจับผม กลับไปก่อนไว้ท่าจะโทรหา”


   “ แต่...”


   “ ผมว่าผมพูดเข้าใจละนะเนท” ไอ้ท่าหันไปมองผู้หญิงคนนั้นด้วยสายตาดุๆ จนเธอสะบัดหน้าและเดินหนีไปทางอื่น เมื่อมันจัดการคนของตัวเองเสร็จทีนี้ก็หันหน้ามามองผม


   “ เปลี่ยนรสนิยมแล้วหรอวะน้องชาย”


   “ เสือก” ผมพยายามจะอุ้มไอ้พีขึ้น แต่มันแม่งตัวหนักเกินไปครับ ผมยกเท่าไหร่ก็ไม่ขึ้นจริงๆ จนไอ้ท่าหิ้วปีกมันอีกข้างส่วนผมก็หิ้วปีกมันอีกข้าง พยุงมันมานั่งแถวเก้าอี้แถวๆนั้น


   “ กูยังไม่เข้าใจ” เมื่อพาไอ้พีที่ยังไม่ได้สติมานั่งที่เก้าอี้ไอ้เจ้าท่าก็เอ่ยปากถามผมอีกรอบ


   “ ตามที่มึงได้ยิน”


   “ พ่อรู้ไหม?”


   “ ยังไม่ได้บอก”


   “ แล้วจะบอกไหม?”


        “ ไม่รู้”


        “ แล้วมึงจะปิดบังถึงเมื่อไหร่”


        “ .....”


        “ ถ้าคนนอกรู้มึงจะไม่โดนด่าหรอวะ”


        “ .....”


        “ แล้ว....”


        “ พอ! มึงเป็นพ่อกูรึไง ซักมากหวะ” เวลาที่ผมคุยกับมันทีไรไอ้อาการหงุดหงิดของผมมันก็กลับมาทุกที มันเป็นทุกครั้งที่ผมคุยกับมันแหละครับ ทั้งๆที่ปกติผมไม่ใช่คนขี้หงุดหงิดขนาดนี้


        “ กูก็แค่เป็นห่วงมึงนะไอ้กรม” ไอ้ท่ามองหน้าผมจริงจัง “ ถึงกูกับมึงจะไม่ได้อยู่ด้วยกันเหมือนเมื่อก่อน แต่กูก็เฝ้าดูมึงห่างๆ”


   “ ถุ้ย! แม่ใช้ให้มึงดูกู อย่าสร้างภาพครับกูรู้”


   “ โถ่น้องชาย”


   “ Kไร”


   “ ไอ้กรมมึงแม่ง กูพูดกับมึงดีๆนะสัดเอ้ย ต่อยกับกูสักตั้งไหมละ”


   “ กลัวที่ไหนอะ”


   “ เอ้า! มึงลุกมา!!”


   “ มึงก็ลุกก่อนกูดิไอ้ท่า อย่าลีลา”


   “ มึงแหละ ลีลา”


   “ มึงเลยไอ้ท่า”


   “ ไอ้กรม”


   “ ไอ้ท่า”


   “ ไอ้กรม!!”


   “ ไอ้ท่า!!!!!”


   “ โว้ยยยยย พอ!!” อยู่ๆคนที่ขั้นกลางระหว่างผมกับไอ้ท่าก็ลืมตาขึ้นมาพร้อมกับโวยวายออกมาเสียงดังลั้นจนทั้งผมกับไอ้ท่าได้แต่หยุดทะเลาะกันและเงียบปากลงทันที “ โคตรรำคาญหูเลยอะ” ไอ้พีเอียงคอพร้อมกับใช้นิ้วแคะเข้าไปที่ข้างในรูหูของตัวเอง


   “ รำคาญมากไหม?” ผมเลื่อนหน้าเข้าไปหามันใกล้ๆ


   “ อันนี้ตัวจริงปะเนี่ย” ไอ้พีมันถามออกมาเหมือนคนโง่ แต่ผมเองก็ดันพยักหน้าให้ไอ้พีตามที่มันถาม “ แล้วนี่” เมื่อมันเห็นว่าผมพยักหน้าไอ้พีก็หันหน้าไปทางเจ้าท่าที่นั่งเงียบอยู่


   “ พี่ชายฝาแฝด” ไอ้เจ้าท่าตอบ ไอ้พีมีสีหน้าตกใจเล็กน้อยแต่มันก็พยายามเก๊กเพื่อเก็บอาการที่เป็นอยู่


   “ แล้วทำไมพี่ไม่บอกผมว่าพี่ไม่ใช่พี่กรม”


   “ น้องถามพี่ไหมอะครับ พี่พยายามจะบอกแล้วแต่น้องก็ไม่ฟัง”


   “ ผม....พี่ไม่ได้ยินอะไรใช่ไหม?” ไอ้พีหันหน้ามาหาผมพร้อมกับความกังวลบางอย่างที่แสดงออกมาอย่างชัดเจนบนใบหน้าของมัน


   “ เต็มสองหูเลย จูบ ดูด มึงพูดออกมาชัดเจน”


   “ หรือพี่จะเถียงว่าไม่ใช่ละ”


   “ ก็เถียงสักคำยัง? ร้อนตัวไปคนเดียวนะมึง” มันอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปบีบแก้มของไอ้พีแรงๆ ยิ่งอ้วนแม่งก็ยิ่งหน้าบีบหน้าแกล้งฉิบหายไอ้เด็กเวร


   “ สรุป สรุปให้กูด้วย” ไอ้เจ้าท่าก็ยังคงไม่เลิกเซ้าซี้ในเรื่องของผมสักที


   “ คือ...ผมชอบพี่กรมครับ”


   “ .......” ผมไม่คิดว่าอยู่ๆไอ้พีจะพูดคำนี้ออกมาทั้งๆที่ผมเคยห้ามมันเอาไว้ด้วยจูบ แต่ครั้งนี้ผมจะห้ามด้วยวิธีนั้นออกมาไม่ได้ ก็เพราะในเมื่อผมเข้าใจความรู้สึกของตัวเองแล้ว มันอาจจะยังไม่ใช่ความรักเลยสะที่เดียว แต่มันก็น่าจะเลยคำว่าชอบออกมามากพอสมควร


   “ อึ้งเลยน้องกู เจอเด็กมันรุก” ไอ้เจ้าท่ายิ้มมุมปากออกมาเมื่อเห็นว่าผมเงียบไป ส่วนไอ้ตัวการก็ได้แต่นั่งยิ้มด้วยความภาคภูมิใจว่ามันได้สารภาพความรู้สึกออกมาก่อนผม มันคงจะดีกว่านี้ถ้าไอ้เจ้าท่าไม่มานั่งเป็นก้างขวางคอ


   “ เสือก มึงกลับไปๆ”


   “ เดี๋ยวกูไปส่ง มึงขับรถไม่เป็น” และเรื่องการขับรถไม่เป็นนั้นเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ผมรู้สึกไม่เท่เอาสะเลย ผมว่าผมต้องไปเรียนขับรถแล้วแหละครับ


   “ รู้ดี”


   “ เรื่องของมึงกูรู้ดีทุกอย่าง”


   “ เอ่อ....บทสนทนาแปลกๆ แต่ผมจะพยายามเข้าใจว่าพี่น้องคุยกันแบบนี้นะครับ” ไอ้พีเกาหัวตัวเองเหมือนว่ามันงงกับคำพูดของไอ้เจ้าม่า


   “ เอาจริงๆนะกูไม่เคยสนใจจะคบเด็กผู้ชายคนไหนเลย...” อยู่ๆไอ้ท่าก็พูดขึ้นมาด้วยท่าทีจริงจัง ก่อนที่มันจะโน้มหน้าเข้ามาหาไอ้พีที่นั่งมึนอยู่กับสถานการณ์ “ จนกระทั่งมาเจอน้อง”


   “ พี่เป็นบ้าอะไรวะ” ไอ้พีผลักหน้าไอ้ท่าให้ออกห่างจากตัวของมัน “ บอกตรงนี้ ถ้าไม่ใช่พี่กรมผมก็ไม่ชอบผู้ชายคนไหนวะ ผมยังชอบผู้หญิงอยู่ แต่พี่มันแค่เสือกมาทำให้ผมหวั่นไหว......” เหมือนว่าไอ้พีจะลืมตัวและเสียความเป็นตัวเองไปมากพอสมควรที่มันจะพูดความรู้สึกของมันออกมา


   “ ไอ้เด็กโง่” ผมโอบไหล่มันให้เข้ามาชิดกับตัวผม ก่อนจะก้มลงเอาแก้มของผมแนบลงบนหัวของมัน “ แค่มึงเหมือนกัน”


   “ ใช่ แค่น้องเหมือนกัน” เหมือนผมจะเจอคนที่เนียนยิ่งกว่าเมื่อไอ้เวรเจ้าท่ามันใช้มือของมันโอบมาที่ไหล่ของพีเช่นกัน


   “ พี่! ผมจะสวีท” ไอ้พีมันดันมือเจ้าท่าให้ออกจากตัว


   “ ฮ่าๆ น่าสนใจ”


   เหมือนยิ่งไอ้พีไม่พอใจเท่าไหร่ ไอ้เจ้าท่ามันก็ยิ่งได้ใจแกล้งไอ้พีต่อ แต่ผมไม่ได้คิดมากแต่แค่รู้สึกสงสัยไอ้ท่ามันดีว่ามันอยากจะแค่แหย่เล่น เลยไม่ทำให้ผมหงุดหงิดเท่าไหร่ที่มันชอบมาวอแวกับคนของผม....มันเป็นคนของผมตั้งนานแล้วครับ







PS. พี่ท่าก็คือพี่ท่า พี่น้องชอบทะเลาะกันครับ

 
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 15.2(19/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 20-03-2019 07:32:44
น้องพี่คนเกรียน เจอคนกวนคูณสอง จะรับมือยังงัยน้า  :hao3:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 15.2(19/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: nikpook ที่ 20-03-2019 08:02:45
พี้ท่าตั้งใจแกล้งน้องกรมมากกว่า5555 เหลือด่านพ่อจะเป็นยังไงต่อนะ สนุกมากๆเลยตลกตอนพี่น้องทะเลาะกัน  :pig4: :กอด1: :L1:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 16.1(20/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: KJH177 ที่ 20-03-2019 21:19:39
บทที่ 16.1

ตกลงจะเอาไง?


Pee’s talk


   การที่ผมได้พูดออกไปตรงๆมันก็ดีเหมือนกันนะครับ ผมไม่อึดอัดถึงแม้ว่าพี่มันจะยังไม่ตอบว่าพี่มันคิดอย่างไงกับผมก็ตาม เรื่องแบบนี้ก็แค่ปล่อยให้พี่มันได้ใช้เวลาคิดไปอีกสักพัก ผมว่าอะไรๆมันก็อาจจะเข้าที่ ผมต้องการพี่มันเป็นแฟนอยากดูแลและถูกดูแลให้มากกว่านี้เพราะการที่ทำอะไรครึ่งๆกลางๆบางที.. มันก็อึดอัด ถ้าเป็นแฟนกันไปเลยมันก็คงจะง่ายมากกว่าเดิม แต่ตอนนี้ผมอยากกลับหอมากกว่าที่ได้อยู่กับพี่กรมและแฝดของพี่มัน......


   “ น้องพี พี่ว่าน้องพีต้องกินเยอะๆนะครับ” พี่เจ้าท่าที่นั่งขนาบด้านข้างขวาตักเนื้อปูคำโตๆมาใส่จานผมด้วยท่าทางเอาอกเอาใจ


   “ คาร์เร็คเตอร์พี่เป็นอย่างไงอะครับ แบบพวกหน้าหม้ออย่างนี้หรอ?”


   “ เรื่องนี้ไอ้กรมเป็นพระเอก พี่ก็คงรับบทเป็นได้แค่พี่พระเอกแหละครับ”


   “ พี่ตอบไม่ตรงคำถามหวะ ” ผมตักข้าวเข้าปากตัวเอง เมื่อไอ้พี่เจ้าท่าไม่ยอมตอบคำถามที่ผมถามพี่มันออกไป


   “ เลอะ” ส่วนอีกข้างก็มีพี่กรมนั่งขนาบผมเอาไว้ ยื่นมือมาเช็ดที่มุมปากของผมด้วยท่าทางเอาอกเอาใจเช่นกัน


   “ พี่ ถ้านานไปจะทำแบบนี้อยู่ปะ” ผมเริ่มชักจะหวั่นๆใจกับท่าทางของพี่มัน


   “ กูก็เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้ว แค่มึงไม่สังเกตเอง” ไอ้พี่กรมทำตัวเฉไฉหันไปตักอาหารมากินต่อ ผมลืมบอกไปครับว่าพี่ท่าอาสามาส่งผมกับพี่กรมที่บ้านของพี่เทพแต่พี่กรมบอกให้ผมมาบ้านพี่เขาแทนเพราะว่างานเสร็จตามเป้าที่วางเอาไว้ เหลือเพียงใส่ข้อมูลวิเคราะห์และหาตัววัดพื้นฐานเท่านั้น แต่ด้วยความลีลาของพี่เจ้าท่าเขาเลยพาพวกเราทั้งหมดแวะร้านอาหารที่พี่ท่าพยายามเสนอว่าอร่อยที่สุดเท่าที่เคยกินมาในชีวิต เพราะอยากเลี้ยงผมในข้อหาถูกชะตาเป็นการส่วนตัว แต่ไอ้สายตาที่มองผมแต่ละครั้งมันมากกว่านั้นหวะผมรู้สึกได้ (รู้สึกหลงตัวเอง)


   “ พี่กรม” เมื่อพี่ท่ามันเดินออกจากโต๊ะไปเข้าห้องน้ำ ผมค่อยๆสะกิดพี่กรมที่กำลังนั่งกินข้าวอยู่อย่างเอร็ดอร่อยจนพี่มันหันมาเลิกคิ้วถามผมว่ามีอะไร


   “ ว่า?”


   “ ผมไม่ชอบสายตาของพี่ท่าเลย” อันนี้ผมค่อนข้างที่ซีเรียส “ ไม่ใช่ว่าผมชอบพี่แล้วกลายเป็นว่าจะต้องชอบผู้ชายทุกคน อีกอย่างนะพี่ผมอึดอัดพี่มันคุกคามเกินไป”


   “ คิดมาก ไอ้ท่ามันแค่แกล้งเล่นหนา” พี่กรมพูดเหมือนไม่มีอะไรพร้อมส่งมืออันอุ่นมาวางบนศีรษะของผมและขยี้เบาๆ เหมือนอยากจะสื่อว่าไม่อยากให้ผมคิดมาก


   “ ผมไม่ชอบ”


   “ เออ มานั่งนี่มา” คำพูดของพี่กรมเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจนะครับ แต่การกระทำกลับตรงกันข้ามเพราะพี่มันให้ผมย้ายมานั่งที่ของพี่มันแทน ส่วนพี่กรมก็มานั่งที่ผมที่ขั้นกลาง “ โอเคไหม?”


   “ ขอบคุณครับ” จากนั้นผมทั้งสองก็นั่งกินข้าวกันต่อ จนกระทั่งพี่มันเดินกลับมา เมื่อเห็นว่าผมเปลี่ยนที่นั่งพี่ท่าเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัยแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกมา ยิ่งผมมองหน้าพี่ท่ามากเท่าไหร่ผมก็ยิ่งดูออกเลยว่าคนไหนที่พี่คนไหนพี่กรม แม้ว่าใบหน้าของทั้งคู่จะเหมือนกันมากๆเลยก็ตาม และที่สำคัญหน้าของทั้งคู่ไม่มีตำหนิหรือจุดที่บ่งบอกให้สามารถแยกถึงความแตกต่างได้


   “ จะเข้าไปหาพ่อด้วยนะ” พี่ท่าพูดขึ้นมากลางวงทำให้พี่กรมที่กำลังจะคีบกุ้งเข้าปากถึงกับหยุดชะงักและมองหน้าพี่ท่าด้วยสายตาแปลกๆ


   “ ไม่กลัวแม่ว่า?”


   “ ก็พ่อกูไหมละ?”


   “ เรื่องของมึงแล้วกัน”


   “ ถามได้ไหมครับ” ผมเองก็ไม่ได้อยากจะละลาบละล้วงอะไรพวกพี่ๆมาก แต่ว่าผมอดไม่ได้จริงๆ


   “ ถามมาซิครับ” พี่ท่าเป็นคนตอบ


   “ ทำไมพ่อกับแม่พี่..เอ่อ” ผมจะถามไปดีไหมวะ


   “ เลิกกัน?” พี่ท่าพูดเสริมมาให้เมื่อเห็นว่าผมเงียบไป “ จะเล่าไงดีหละ ทัศนคติไม่ตรงกันมั้งพ่อพี่ไม่ยอม แม่พี่ก็ไม่อ่อน แม่ไม่ยอมพ่อพี่ก็ไม่อ่อน อยู่ด้วยกันนานไปมันก็สะสมไงจนถึงวันที่ทนไม่ได้ ทางออกที่ดีที่สุดก็คือแยกกันอยู่” เป็นการเล่าที่สั้นแต่สามารถเข้าใจได้ ก็จริงนะครับถ้ารักกันแต่ถ้าคนใดคนหนึ่งไม่ยอมและปล่อยให้ปัญหานี้มันอยู่นานไปและคิดว่าจะไม่เป็นอะไร ในอนาคตมันก็จะถึงจุดที่ไม่ไหวกันทั้งสองคน


   “ แล้วพวกพี่ทั้งคู่” ผมเองก็อยากจะรู้ว่าพี่ทั้งสองคนเป็นเหมือนกับพ่อแม่ของเขาไหม


   “ ก็ไม่เห็นเป็นอะไร สบาย ชิว แยกก็ดีจะได้ไม่ทะเลาะกัน” พี่เจ้าท่ายกไหล่ขึ้นบ่งบอกว่าเขาเองก็ชิวๆ ไม่ได้เดือดร้อนอะไรกับการที่ต้องแยกกันอยู่ของพ่อแม่ “ แต่ไอ้กรมมันน่าสงสารที่ได้อยู่กับพ่อ”


   “ ไม่ต้องมาสงสารกู” พี่กรมพูดสวนขึ้นทันทีเมื่อพี่ท่าพูดออกมาแบบนั้น “ กูสบายดี”


   “ อย่าคิดว่ากูไม่รู้” ทำไมผมรู้สึกว่าบรรยากาศมันแปลกๆวะครับ “ มึงอึดอัดที่ต้องมาอยู่กับพ่อที่เป็นที่รู้จัก เพราะกูเองถึงมาอยู่กับแม่ก็โดนไม่ต่างจากมึง ยิ่งตอนคลิปสัมภาษณ์แม่อยากจะให้มึงย้ายมาอยู่ด้วยจะตายห่า แต่พ่อไม่ยอม แล้วกูก็รู้ว่ามึงไม่ยอมเหมือนกัน” พี่กรมมีท่าทีเงียบไปเมื่อพี่เจ้าท่าพูดออกมาแบบนั้น สีหน้าของพี่กรมเริ่มบ่งบอกว่าเขาเองก็รู้สึกตามที่พี่ท่าพูดทุกอย่าง เรื่องนี้ผมรู้ดี


   “ .......”


   “ พี พี่ฝากดูแลมันด้วยนะ ไอ้กรมมันปิดตัวเองมานานแล้ว”


   “ ปิดตัว?”


   “ ช่างมันเถอะ มันผ่านมาแล้ว” พี่กรมรีบพูดแทรกขึ้นมาก่อนที่พี่มันจะก้มหน้ากินข้าวต่อ ทำให้ผมหันไปมองพี่ท่าแต่พี่มันกลับยักไหล่ให้ผม



   เมื่อทานเสร็จพี่ท่าก็พาผมกับพี่กรมกลับบ้าน ในตอนแรกที่บ้านท่านอัศวินไม่ได้อยู่เพราะยังไม่กลับมาจากต่างจังหวัด และไอ้พี่กรมเองก็ไม่รู้ด้วยว่าท่านอัศวินจะกลับมาตอนไหน ในตอนแรกพี่ท่าตั้งใจจะกลับบ้าน แต่แล้วด้วยความโชคดีหรือโชคร้ายที่ท่านอัศวินกลับบ้านมาพอดีทำให้พี่ท่าได้อยู่ต่อนั้นเอง ครั้งแรกที่ท่านอัศวินเห็นพี่ท่ายืนอยู่ท่านเองมีสีหน้าตกใจอยู่ไม่ใช่น้อย แต่แววตาของท่านไม่สามารถปิดบังได้เลยว่าท่านมีความสุขแค่ไหน เมื่อท่านตั้งสติได้ก็รีบดึงพี่ท่าเข้าไปกอด วันนี้เองที่ผมได้เห็นเต็มๆสองตาว่าความรักและความห่วงใยของคนเป็นพ่อมีให้ลูกทุกเมื่อแม้ว่าลูกจะโตแล้วก็ตาม


   “ นอนที่นี่ก็ได้นะท่า” ผมได้ยินเสียงท่านอัศวินดังออกมาจากห้องนั่งเล่น ส่วนผมถูกพี่กรมมันใช้ให้ไปตักน้ำใส่อ่างเพื่อเตรียมให้เฉลิมอาบน้ำหลังจากที่พี่มันบอกว่าปล่อยลูกชายเน่ามาหลายวัน ผมเองก็พึ่งรู้นะครับว่างูต้องอาบน้ำด้วย


   “ แม่จะสงสัย แต่ใจจริงของผมก็อยากนอน” ผมหยุดนิ่งและแอบฟังบทสนทนาของพี่ท่าและท่านอัศวิน


   “ แม่เราเป็นไงบ้างหละ”


   “ ก็สบายดีครับ แต่งานหนักอยู่ ไปต่างประเทศบ่อยๆครับ” ผมอมยิ้มทันทีที่ได้ยินท่านอัศวินถามถึงอดีตภรรยาแม้ว่าจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่ผมว่าลึกๆแล้วท่านอาจจะมีความรู้สึกดีๆให้กันและกันอยู่


   “ ก็ดูแลแม่เขาด้วยหละ เห็นว่าไม่สบาย”


   “ ครับ พ่อก็ด้วย” พี่ท่าเองก็มีหลายสิ่งหลายอย่างที่คล้ายกับพี่กรมเหมือนกัน ไม่ใช่เพียงแค่หน้าตาเท่านั้น “ พ่อผมขออะไรอย่างดิ”


   “ อะไรไอ้ลูกชาย” ผมพยายามเงี่ยงหูฟังเต็มที่ว่าพี่ท่าจะขออะไรพ่อของเขา


   “ อะไรที่ทำให้ไอ้กรมมีความสุขพ่อก็ยอมมันบ้างนะ แม้ว่าเรื่องนั้นพ่ออาจจะรับไม่ได้”


   “ .....” ผมเม้มปากและตั้งใจฟังต่อว่าบทสนทนาจะเป็นอย่างไร


   “ มันหมายความว่าอย่างไงละลูก”


   “ เอาไว้ไอ้กรมมันพร้อมมันก็คงบอกพ่อเอง ที่ผมมาหาพ่อวันนี้ก็เพราะผมคิดถึงจริงๆ และที่สำคัญผมก็จะมาพูดเรื่องน้องมันด้วย ผมรู้ว่าพ่อรู้ว่ามันอึดอัดที่พ่อบังคับมันทำอะไรที่มันไม่ชอบ แต่พ่อรู้ไหมว่าแม่เคยไปดักรอมันตั้งหลายต่อหลายครั้งให้มันหนีมาอยู่ด้วย แต่ไอ้กรมมันก็ปฏิเสธทุกครั้งแม้ว่ามันจะอึดอัด ถึงแม้ว่ามันพยายามจะต่อต้านพ่อแต่มันก็ไม่ทิ้งพ่อทั้งๆที่มันทำได้”

 
   “ พ่อรู้....” น้ำเสียงของท่านเองก็ดูเศร้าไม่ต่างกัน  “ รู้ทุกอย่าง แต่แค่ไม่อยากให้กรมมันลำบาก พ่อพยายามปูทางให้กรมเข้ามาเล่นการเมือง พ่อเห็นว่ากรมมันมีพรสวรรค์”


   “ พ่อครับ บางทีพรสวรรค์ที่มันมีมันอาจจะไม่ชอบก็ได้” เสียงพี่ท่าดูเหนื่อยใจอย่างเห็นได้ชัด “ ต่อไปนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไอ้กรมมันก็คือลูกของพ่อ ถึงมันจะไม่เป็นอย่างที่พอคาดหวัง”


   “ อืม พ่อจะพยายามนะ”


   “ ครับ ผมรู้ว่าพ่อรักมันมากเหมือนกัน พ่อคงไม่อยากเห็นมันรู้สึกแย่ไปมากกว่านี้.....” ผมว่าผมเสียมารยาทไปมากแล้วครับที่แอบฟังบทสนทนาของท่านอัศวินและพี่ท่า ทำให้ผมเดินออกมาเงียบๆเพื่อมาเอาน้ำใส่กะละมังรอพี่กรมมันพาเฉลิมออกมาอาบน้ำหน้าบ้าน




 







PS. ตัวเองเรามาดราม่ากันยกสุดท้ายกันเถอะนะ ใบ้ว่าคุณพ่อเขาไม่ยอม.....ณ จุดจุดนี้ ไม่มีใครเลยที่ไม่น่าสงสาร อิพี่ก็กดดัน อิน้องก็อยากชัดเจน คุณพ่อก็ไม่เข้าใจ แล้วมันจะจบอย่างไรวะเนี่ยยยย



สุดท้าย ข้าพเจ้าส่งต้นฉบับให้สนพ. แล้วนะจ๊ะ กลางๆปีนี้น่าจะเปิดพรี ใครเอ็นดูอิน้องผี อย่าลืมมาอุดหนุนหน้าา แต่เอาที่ทุกคนสะดวกและไม่เดือดร้อนกันเด้อออ อ่านในเว็บก็ได้ แต่ถ้าในเล่มจะมีตอนพิเศษฮะ



ไรท์ขอขอบพระคุณนักอ่านทุกคนมากๆเลยที่อยู่กับน้องผีมาตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ ซึ้งใจจริงๆค่ะ ไรท์ขอบคุณจริงๆนะคะ พูดคุยกับไรท์ได้ทั้งในเฟสในทวิตได้เลยน้าา ^^



ฝากเรื่องที่ คิน หน่อยเด้อ ขออนุญาตขายของจ้าาาาา ดราม่าอุ่นๆๆ จิ้มที่เรื่องเลยเด้อ ใครใคร่เว็บไหนไปตำโลด แต่ตำทุกเว็บจะดีมาก



DEK D :  BROTHER ZONE (https://writer.dek-d.com/lovelovejooy/writer/view.php?id=1927726)

RAW :      BROTHER ZONE (https://www.readawrite.com/a/89e757495a23a81ddbffced91ca12168)

FIC :        BROTHER ZONE (https://fictionlog.co/b/5c85210489856854c4581548) 

TB :        BROTHER ZONE (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69869.0)   
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 16.1(20/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 20-03-2019 22:24:06
 :เฮ้อ:

 :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 16.1(20/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: nikpook ที่ 21-03-2019 09:40:48
คุณพ่อฮือ :sad4: ใจอ่อนให้น้องหน่อยนะ จะดราม่าอีกแล้วว :hao5: แต่ก็รออ่านเหมือนเดิมสู้ๆนะคะคุณไก่ทอด อยากเห็นหน้าของน้องผีกับพี่กรมเร็วๆจัง :impress2:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 16.2(21/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: KJH177 ที่ 21-03-2019 20:42:32
บทที่ 16.2

ตกลงจะเอาอย่างไร



        ผมเปิดน้ำใส่กะละมังใบใหญ่ และรอจนกว่าน้ำมันจะนิ่งและอุณหภูมิเย็นลงเพราะไอ้พี่กรมมันบอกว่าเฉลิมไม่ชอบอาบน้ำอุ่น ผมเองก็อยากรู้เหมือนกันนะว่าพี่มันรู้ได้ไง ไม่ใช่ว่าเฉลิมมันเข้าฝันไปบอกพี่กรมหรอกมั้งครับ


   แต่แล้วผมก็อดคิดไม่ได้ว่าเรื่องที่พี่ท่าพูดมันเกี่ยวกับผมไหม แต่ที่แน่ๆผมเองก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมาว่าสักวันมันต้องแย่แน่ๆถ้าเราจับมือกันไม่แน่นพอ ผมไม่รู้ว่าพี่มันจะเสี่ยงกับผมไหม แต่ที่ผมรู้คือผมพร้อมที่จะเสี่ยงกับพี่มันเสมอและทุกเวลาขอแค่พี่มันมั่นใจในความรู้สึกของตัวเอง ผมแค่เท่านั้นครับ


ผั๊วะ!


   ผมนั่งคิดทบทวนกับตัวเองได้ไม่นาน อยู่ๆสัมผัสแรงๆบางอย่างก็กระแทกมาที่ศีรษะของผม และนั่นผมรู้เลยว่าเป็นฝีมือใคร มันจะเป็นใครไปไม่ได้หรอกครับถ้าไม่ใช่ ไอ้พี่กรม แม่งมีอยู่คนเดียวที่ชอบตบหัวผม


   “ พี่ ถ้าผมฉี่แตกนะ” ผมใช้หลังมือตบที่ใต้คางตัวเองเบาๆ โบราณเขาบอกมาว่าถ้าตบหัวต้องทำแบบนี้ไม่อย่างนั้นตอนกลางคืนจะฉี่แตก แต่ผมก็งงนะตัวเองนะครับว่าโดนพี่กรมตบหัวมาหลายต่อหลายครั้ง แต่ผมพึ่งจะมาแก้เคล็ดเอาครั้งนี้


   “ เลอะเทอะ” พี่มันนั่งย่อลงข้างๆผมพร้อมกับใช้มือสัมผัสที่น้ำในกะละมังเพื่อตรวจเช็คอุณหภูมิ “ เฉลิมพร้อมนะครับ” พี่กรมค่อยๆจุมไอ้งูยักษ์ลงไปในน้ำด้วยความทะนุถนอมจนผมเองอดที่จะอิจฉามันไม่ได้ที่พี่กรมทำกับมันอย่างนั้น ผมว่านะถ้าเอามันเป็นเมียได้พี่กรมแม่งทำไปละครับ หงุดหงิดว่ะ


   “ เป็นอะไร?” เมื่อเห็นว่าผมมีท่าทีหงุดหงิดออกอย่างไม่ทราบสาเหตุไอ้คุณพี่ที่สนใจสัตว์เลี้ยงแสนรักของตัวเองก็หันหน้ามาถามผม


   “ อิจฉา พี่ไม่เคยทำกับผมแบบนี้เลย” ไม่รู้ด้วยว่าความอินหรืออะไรทำให้ผมทำสีหน้างอนแบบบ๊องแบ๊วออกไป จนไอ้พี่กรมมันหันมาสนใจผม ด้วยความไม่เต็มใจเท่าไหร่


   “ มึงจะให้กูอาบน้ำให้มึงหรอ เอาดิ แก้ผ้าเลย กูจะได้อาบพร้อมเฉลิมไปเลย” ไอ้พี่กรมพูดด้วยสีหน้าเอาจริง พร้อมกับถกแขนเสื้อของเขาขึ้น ไอ้ท่าทางแบบนี้มันไม่เหมือนจะเตรียมอาบน้ำครับ แต่มันเหมือนว่าเตรียมจะต่อยผมมากกว่า


   “ พี่ ผมไม่ใช่เด็กนะเว้ยที่จะมาอาบน้ำกับเฉลิมอะ”


   “ แล้วมึงมาอิจฉาอะไรไอ้พี”


   “ ก็พี่อ่อนโยนกับมันอะ แต่กับผมพี่รุนแรงตลอดเลย”


   “ ฟังนะ” พี่มันเอามือที่เปียกน้ำของตัวเองมากุมใบหน้าของผมเอาไว้ “ เวลาที่กูอ่อนโยนมึงก็เสือกกวนตีนกูทุกที แล้วใครเขาอยากจะไปอ่อนโยนกับเด็กแบบนี้ว่ะ”


   “ ถ้าพี่จะให้ผมเลิกเกรียนเลิกกวนตีน ก็เหมือนพี่ห้ามไม่ให้คนกินข้าวอะ ผมทำไม่ได้หรอก”


   “ แล้วบอกว่าห้ามรึยัง”


   “ ก็ยัง แต่จะให้ผมตีความอย่างไงเล่า” ผมจับมือพี่มันที่จับหน้าผมออก “ ก็แค่อยากให้อ่อนโยน อยากดูตัวเล็กๆบ้าง”


   “ ไอ้พี มึงยังไม่เมา แต่ทำไมสาวจังว่ะ”


   “ พี่ครับ พูดงี้เดี๋ยวบดเอวโชว์เลย” ผมเตรียมที่จะลุกขึ้นร่อนเอวโชว์พี่มันอีกครั้ง แต่ว่าพี่มันจับมือของผมและดึงให้ผมกลับมานั่งลงเหมือนเดิม


   “ บดได้ แต่บดบนตัวกูนะ”


   “ พะ.....” ไอ้เชี่ยเอ้ย ไปไม่เป็นเลยครับ ไอ้พี่แม่งบอกให้ผมไปบดเอวบนตัวมัน จิตใจผมหยุดคิดอกุศลไม่ได้จริงๆ ขอโทษนะตอนนี้หน้าผมแม่งโคตรร้อนเลยวะ


   “ ฮ่าๆ ไอ้พีเขิน” ยิ่งผมหน้าแดงทำอะไรไม่ถูกไอ้พี่ก็ไอ้โอกาสล้อผมเลยครับ ไอ้บ้าเอ้ยไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้วคราวนี้ “ น่ารักดีหวะ”


   “ อย่ามาชมโผมมมมมม”


   “ มาหอมทีดิ” เหมือนไอ้พี่กรมมันคงลืมว่าอยู่ในบ้านและกลางที่โล่งแจ้ง เพราะยังพูดไม่ทันขาดคำพี่มันก็ดึงหน้าเข้าไปหาตัวเองและกดปากลงมาบนแก้มของผมเน้นๆทั้งสองข้าง พี่แม่งทำอย่างนี้จนกว่าพี่มันจะพอใจและผลักผมออกมา


   “ พี่ แก้มผมช้ำหมดเลยนะเว้ย” แล้วแม่งประเด็นที่สำคัญคือไรหนวดเล็กๆของพี่มันทิ่มแก้มผมเต็มๆ แสบๆคันๆสุดๆไปเลยครับ ผมอดไม่ได้ที่จะใช้มือจับที่บริเวณพี่มันหอมผมทั้งสองข้าง


   “ ให้หอมคืน” พี่กรมยิ้มออกมาจนลักยิ้มทั้งสองข้างของเขาปรากฏบนแก้มเล็กๆ ก่อนจะแก้มมาให้ผมหอมคืน


   “ ไม่เอาอะ”


   “ ทำไม?” เมื่อเห็นว่าผมไม่ยอมพี่มันก็หันกลับมาทำสีหน้าไม่พอใจผมใส่ผม


   “ จะจูบปาก” พูดจบผมก็ดึงหน้าพี่มันเข้ามาใกล้ตัวผมโดยที่พี่มันไม่ทันได้ตั้งตัว จนกระทั่งผมจรดริมฝีปากของตัวเองลงไปบนริมฝีปากของพี่มันเบาๆและค้างเอาไว้อย่างนั้นก่อนจะผลักออก และเห็นว่าสีหน้าของพี่มันดูไม่พอใจสักเท่าไหร่ที่ผมแค่แตะเฉยๆ


   “ กาก”


   “ พี่ ผมแค่อยากแตะดู มันน่ารักดี ใครจะแม่งบ้าจูบบนขยี้ตลอดเลยหวะ ปากคนนะไม่ใช่ตูดควาย จูบมากปากแม่งบวมหมด”


   “ ฮ่าๆ ไอ้เด็กผีเอ้ย” พี่มันหัวเราะออกมา มือทั้งสองข้างยื่นมาขยี้ลงบนศีรษะของผมอีกครั้ง


   ผมมีความสุขครับที่ได้อยู่กับพี่มันแบบนี้ มีความสุขมากๆเลย ไม่เคยคิดเคยฝันว่าผมจะมาลงเอยกับผู้ชาย ว่าแต่ผมลงเอยกับพี่มันแล้วหรอครับ ผมต้องรีบแล้วแหละ


   “ พี่”


   “ หื้มม” พี่กรมตอนนี้กลับไปสนใจเฉลิมที่นอนแช่อยู่ในน้ำอีกครั้ง


   “ เป็นแฟนกับผมไหม?”


   “ .....” พี่มันหันมามองหน้าผมทันทีที่ขอพี่มันออกไปตรงๆแบบนั้นจากรอยยิ้มในตอนแรก หลังจากที่พี่มันได้ยินคำที่ผมขอออกไป จากรอยยิ้มค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นความนิ่งเฉยแทน


   “ ตอบดิ เขินนะเว้ย” ยิ่งเห็นพี่มันนิ่งไปผมก็ยิ่งใจไม่ดี “ ในเมื่อเราคิดเหมือนกัน ก็เป็นแฟนกันไปเลยก็ได้หนิครับ ทำอะไรจะได้ง่ายๆ ไม่ใช่มาครึ่งๆกลางๆแบบนี้”


   “ .....”


   “ ถึงเรื่องอื่นผมจะไร้สาระ แต่เรื่องความรักผมจริงจัง ผมเองก็บอกไม่ได้ว่าผมถึงขนาดรักพี่ไหม แค่ตอนนี้ผมรู้สึกว่าขาดพี่ไม่ได้”


   “ .....”


   “ ผมไม่อยากเป็นแค่น้องชายแล้วหวะ”


   “ .....” ไอ้พี่กรมมันยังคงเงียบอยู่ ไม่ตอบอะไรผมเลย เอาแต่มองและนั่งฟังในสิ่งที่ผมพูด แวบหนึ่งที่ผมเห็นว่าแววตาของพี่มันดูเป็นกังวลและเครียดอย่างเห็นได้ชัด พี่มันไม่ดีใจหรอครับที่เราจะเป็นแฟนกัน? ผมมั่นใจว่าผมไม่ได้รู้สึกเองไปคนเดียว


   “ พี่ ไม่พูดอะไรหน่อยหรอ?”


   “ พี กูว่าอย่าพึ่งตอนนี้ได้ไหม? ไม่ใช่ว่าไม่รู้สึกแต่...กูไม่รู้จะพูดอะไร”


   เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมเข้าใจคำว่าถูกตบจนหน้าชาด้วยคำพูดมันเป็นแบบนี้นี่เอง ก็ในเมื่อผมเข้าใจมาตลอดว่าพี่มันคิดเหมือนกับผม แล้วทำไมต้องปฏิเสธผมด้วยหวะ


   “ แต่พี่จูบผม”


   “ ไอ้พี โอเคกูยอมรับว่ากูชอบที่จะจูบมึง กูชอบที่จะอยู่ใกล้มึง แต่มึงเข้าใจไหมว่ามันต้องมีปัจจัยอื่นมากกว่าแค่ชอบ มึงอาจจะคิดว่า....กูชอบมึง มึงชอบกูมันไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ถ้านั่นเป็นคนอื่นไม่ใช่กู” ผมพยายามจะฟังเหตุผลของพี่กรม ผมคิดตามนะแต่ผมว่าพี่มันคิดเยอะไป ผมไม่โอเค ผมเอาแต่ใจ ใช่ครับผมเอาแต่ใจ แต่ทำไมผมต้องทำตามที่พี่มันพูดด้วย ยิ่งพี่มันพูดแบบนี้ผมรู้สึกว่ามันคือข้ออ้าง


   “ ผมไม่เข้าใจ”


   “ พี มันยังไม่ถึงเวลา รอกูหน่อยไม่ได้หรอกหรอวะ” พี่กรมเอื้อมมือมาจับไหล่ทั้งสองข้างของผม สายตาที่พี่มันมองผมมีแต่ความอ้อนวอนให้ผมเห็นใจพี่มัน


   “ รออะไรอีก หรือพี่ไม่อยากจะยอมรับว่าพี่ชอบกับผู้ชายไม่ใช่ผู้หญิง”


   “ พี....มันไม่ใช่แบบนั้น” พี่มันหันหน้าไปอีกทางเหมือนว่าไม่ต้องการมองหน้าผมก่อนจะยกมือขึ้นมาเสยผมตัวเองด้วยท่าทางที่พยายามจะระงับอารมณ์บางอย่าง


   “ แล้วมันอะไร” ผมยอมรับเลยว่าตอนนี้ผมโมโห อาจจะผิดหวังที่ขอเป็นแฟนแต่กลับถูกปฏิเสธทั้งๆที่เราคิดเหมือนกัน หรือแค่การคิดเหมือนกันมันยังไม่พอหรือสามารถที่จะเป็นแฟนกัน


   “ ใจเย็นก่อนได้ไหม” พี่กรมหันหน้ากลับมามองผมอีกครั้งก่อนจะเอื้อมมือมาจับผม “ ไม่ใช่ว่าไม่อยากเป็น”


   “ พี่จะอ้างอะไรอีก”


   “ พี มันไม่ใช่ข้ออ้าง มึงก็รู้ว่ากูอยู่ในฐานะอะไร พ่อกู แม่กู คนรอบข้างจะมองว่าอย่างไง”


   “ อ่อ” ผมพยักหน้าเข้าใจในสิ่งที่พี่มันพูด “ ถ้าพี่มัวแต่กังวลและกลัว ผมว่าเราก็ไม่ควรเป็นแฟนกันหรอกครับ ผมคงไม่เหมาะสมพอที่จะเป็นแฟนลูกชายนักการเมืองชื่อดัง” ด้วยความน้อยใจความเสียใจทำให้ผมพูดแบบนั้นออกมา เหมือนว่าคำพูดของผมมันไปจี้จุดอะไรบางอย่างของพี่กรม


   “ กูคิดว่ามึงจะเข้าใจกูที่สุดไอ้พี่” สายตาของพี่มันมองมาที่ผมด้วยความตัดพ้ออย่างเห็นได้ชัด ผมเองก็เข้าใจพี่มันครับว่าพี่มันรู้สึกอย่างไร แต่มันก็แค่ความรัก พี่มันจะกลัวอะไรหนักหนา ผมเองก็พร้อมที่จะต่อสู้ไปกับพี่มันอยู่แล้ว


   “ ผมเข้าใจ แต่ผมทำไม่ได้”


   “ อืม กูว่าเราก็ไม่ควรเป็นแฟนกันจริงๆนั่นแหละว่ะ” ยิ่งพี่มันพูดตอกย้ำคำพูดของผมที่ผมพูดออกไป ผมแม่งโคตรเจ็บเลยครับ เจ็บกว่าเหตุการณ์วันนั้นที่ผมตื่นมาแล้วไม่เจอพี่มัน คือการที่ได้ฟังจากปากของพี่กรมว่าเราไม่เหมาะสมที่จะเป็นแฟนกัน “ มึงอาจจะเจอคนที่ดีกว่ากู”


   “ พี่ก็อาจจะเจอคนที่ดีกว่าผม” ขอโทษที่ปากของผมมันประชดออกไป ทั้งๆที่ในใจกำลังร้องไห้ออกมา ผมตัดสินใจลุกขึ้น ตอนนี้ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป ผม....ผมคิดไม่ออกจริงๆ


   “ .....”


   “ ....” เราทั้งสองคนต่างมองหน้ากันอยู่อย่างนั้น โดยที่ไม่มีใครยอมพูดอะไรออกมา ในความรู้สึกของผมในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง ผมพร้อมที่จะทุ่มเทให้กับความรัก ผมยอมทุกอย่าง แต่ในเมื่อเรามั่นใจว่าเราสองคนคิดเหมือนกัน ด้วยนิสัยลุยๆแมนๆ กล้าที่จะยอมรับความรู้สึก กล้าที่จะเสี่ยงแม้ว่าหนทางข้างหน้ามันจะเป็นอย่างไร ผมรู้ว่าพี่มันกังวลเรื่องของพ่อแต่นั่นผมเองก็มั่นใจว่าเราจะฝ่ามันไปได้ หรือจริงๆแล้วมันก็เป็นข้ออ้างเพราะพี่มันยังไม่พร้อม ทั้งๆที่วันนี้ผมคิดว่ามันจะเป็นวันที่ดีของเราทั้งสองคนอยู่แล้ว


   “ มึงจะเอาอย่างนี้จริงๆหรอวะพี” พี่กรมลุกขึ้นยืน “ มึงคุยด้วยเหตุผลไม่ได้หรอ”


   “ เหตุผลอะไรครับ?”


   “ มึงไม่เห็นหรอว่ารอบข้างกูเป็นอย่างไง การตัดสินใจทุกอย่างมันกระทบหมดทุกเรื่อง มึงคิดให้เยอะกว่านี้ไม่ได้หรอหวะ การที่ดูแลกันแบบนี้มันไม่ดีพอใช่ไหม?” พี่กรมพยายามจะอธิบายทุกอย่างให้ผมฟังอย่างใจเย็น แต่ผมที่มีวุฒิทางอารมณ์ต่ำมันกลับไม่ยอมฟังอะไรเลย และคิดว่าสิ่งที่พี่มันพูดมาเป็นแค่เพียงข้ออ้างไม่ใช่เหตุผล


   “ ผมคิดได้แค่นี้” ผมยอมรับเลยว่าตอนนี้ผมโคตรจะงี่เง่า


   “ พี มึงเคยมีเหตุผลมากกว่านี้นะ”


   “ แต่เรื่องของพี่ ผมไม่มีเหตุผลอะไรทั้งนั้น”


   “ ....เฮ้ยยย” พี่กรมถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยใจ “ วันที่กูไปหาเมย์ก็เพราะว่าจะเคลียร์ความรู้สึกและขอโทษที่กูดึงเมย์เข้ามาเป็นเครื่องมือทดสอบความสับสนของกู เพราะอะไรรู้ไหม?”


   “ .......”


   “ กูไม่เคยคบกับผู้ชายมาก่อน กูไม่เคยรู้สึกดีกับผู้ชายคนไหนเท่ามึง ตั้งแต่กูรู้จักมึงทุกๆวันมันดีมาก และดีมากๆ ยอมรับเลยว่าสับสน กูไม่แคร์เรื่องเพศอยู่แล้ว แต่มึงเข้าใจไหมว่าคนรอบข้างกูแคร์ แล้วกูก็แคร์มึงด้วยพี” ผมกลืนน้ำลายลงคอและพยายามไม่มองหน้าพี่กรมตรงๆ


   “ ......”


   “ ถ้ามึงคบกับกูแล้วมึงโดนวิจารณ์ ครอบครัวมึงอาจจะโดนด่า คนรอบข้างมึงอาจจะเดือดร้อน กูไม่โอเคจริงๆ ไม่อยากทำให้มึงต้องมาเดือดร้องเพราะคบกับกู”


   “ .......”


   “ คุยกันแบบผู้ใหญ่เถอะนะพี ขอร้อง” พี่กรมเอื้อมมือมาจับมือของผม “ ไม่ใช่ว่าไม่อยาก แต่ถ้าคบแล้วพามึงซวยเพราะกูเป็นต้นเหตุ กูว่า.....อย่าพึ่งดีกว่าไหม”


   “ อันนี้คือเหตุผลของพี่ใช่ไหมครับ?”


   “ ครับ”


   “ ผมเองก็มีเหตุผลเหมือนกัน พี่บอกว่าเหตุผลของพี่ว่าพี่ไม่โอเคที่ผมจะถูกวิจารณ์แล้วพี่ถามผมหรือยังว่าผมพร้อมที่จะถูกวิจารณ์ไปกับพี่ไหม ผมไม่สนผมไม่แคร์อะไรทั้งนั้น”


   “ แต่ครอบครัวมึง”


   “ พ่อผมเข้าใจครับ” ปากผมพูดออกไปก่อนว่าพ่อผมเข้าใจ แต่จริงๆแล้วผมก็ไม่รู้ว่าพ่อจะเข้าใจไหม “ แต่มันขึ้นอยู่กับพี่ ผมไม่รู้ตัวเองเหมือนกันนะว่าทำไมผมต้องมารู้สึกกับพี่ขนาดนี้ด้วย” ผมก้มหน้ามองพื้น ทุกครั้งที่ต้องพูดความรู้สึกของตัวเองออกมา


   “ กูเข้าใจ”


   “ พี่ครับ...เรามาทำให้เรื่องมันถูกต้องเถอะนะ ผมอึดอัดถ้าผมไม่ได้เป็นแฟนกับพี่ ผมทนมามากพอแล้ว วันนี้ผมพร้อมทุกอย่าง พี่เชื่อผมดิ”


   “ พี...”


   “ ผมจะไปจริงๆตามที่พูดเมื่อกี้ให้ผมไปเจอคนใหม่ก็ได้ ผมรู้ว่าสุดท้ายอย่างไงผมก็จะไม่เจอคนที่พี่อวยพรให้ผมอยู่ดี งานที่เราทำอยู่มันก็จะกลายเป็นการสร้างความอึดอัดให้ทั้งผมและพี่เหมือนตอนนั้น ผมเองก็ต้องมาคอยหลบหน้าพี่ ผมว่ามันไม่ใช่ ในเมื่อพี่ให้ผมคุยกับพี่แบบผู้ใหญ่ มันก็คือการพูดออกมาตรงๆและหาทางออกร่วมกันไม่ใช่หรอกหรอครับ?” จากตอนแรกที่ผมโมโหผมหัวร้อน แต่พอมาตอนนี้ ผมว่าผมจะลองใช้เหตุผลและความรู้สึกของผมเอาชนะความกลัวของพี่มันให้ได้ ผมเองก็ไม่อยากมาทะเลาะมาคอยหลบหน้ากันอีกแล้ว มันเด็กเกินกว่าที่ผมจะทำ ในเมื่อพี่มันให้ผมใช้วิธีแบบผู้ใหญ่ ผมก็ใช้ตามที่พี่มันต้องการ หมดยุคที่นางเอก เอ้ย! นายเอกอย่างผมจะมาหนีหน้าพระเอกหรือทำตามที่พระเอกต้องการทุกอย่าง ผมจะปฏิวัติ!!!


   “ ไอ้พี มึงจะไปไหน” เมื่อเห็นว่าพี่มันยังคงนิ่งอยู่หลังจากที่ผมพูดจบ ผมก็คิดอะไรออก ในเมื่อผมเป็นผู้ชายผมกล้าทำผมก็ต้องยอมรับ ไม่มีคำว่าเร็วไปสำหรับปฐพี!


   “ ท่านครับ ผมชอบลูกชายของท่าน”


   “ พวดดดดดดด” 


   เหตุการณ์ทุกอย่างเกิดขึ้นไวมาก เมื่อผมคิดได้ดังนั้นผมเดินเข้ามาในบ้านและตรงมาหาท่านอัศวินที่ยังคุยอยู่กับพี่เจ้าท่าอยู่ในห้องนั่งเล่นเหมือนเดิม ไม่รู้ว่าผมบุกเข้าไปเร็วเกินไปไหมเมื่อผมพูดออกไปท่านเองที่กำลังดื่มน้ำอยู่ถึงกับพุ่งออกมาทันที ส่วนพี่กรมที่วิ่งตามผมมาก็ได้แต่ยืนนิ่งอย่างทำอะไรไม่ได้เพราะผมได้พูดออกไปแล้ว


   ผมว่าผมกล้าไป....


   “ พ่อ....”


   “ อือ” ท่านอัศวินวางแก้วน้ำลงบนโต๊ะก่อนที่จะใช้ทิชชู่เช็ดน้ำที่เปียกอยู่บริเวณรอบคางของเขาอย่างช้าๆเหมือนกำลังประมวลสถานการณ์บางอย่าง


   “ มันเร็วไปหวะ กูพึ่งจะขอให้พ่อเตรียมใจ แต่ไม่คิดว่าไอ้พีมันจะ...” พี่เจ้าท่าพูดแทรกขึ้นา เมื่อเห็นว่าทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ


   “ มันไม่มีคำว่าเร็วไปสำหรับความรักหรอกครับ” ผมพูดสวนพี่ท่าออกมา พร้อมกับหันไปมองหน้าท่านอัศวินตรงๆ “ ผมขอคบกับพี่กรมได้ไหมครับท่าน ผมชอบลูกชายท่านจริงๆ”


   “ เดี๋ยวๆ” พี่กรมก้าวเข้ามายืนแทรกระหว่างผมกับท่านอัศวินก่อนจะยกมือขึ้นมาห้าม


   “ ทำไมอะพี่ ก็ในเมื่อจะคบแบบผู้ใหญ่ก็ต้องขออนุญาตผู้ปกครองไม่ใช่หรอกหรอครับ” ผมมองเลยไปมองท่านอัศวินที่ท่านทำหน้าเหมือนว่าเรื่องที่ผมพูดไม่ใช่เรื่องจริง “ ท่านครับ ผมชอบพี่กรมจริงๆนะครับ ท่านเห็นใจผมเถอะนะครับ”


   “ ไอ้พี”


   “ เอ่อ...น้องพีพี่ว่าเดี๋ยวค่อยคุยกันนะครับ” พี่เจ้าท่ารีบลุกขึ้นมาห้ามผมอีกคน


   “ ไม่ ผมจะคุยตอนนี้ วันนี้ ท่านครับโปรดเห็นใจผมเถอะ” ผมคุกเข่าลงตรงหน้าท่านอัศวิน ส่วนพี่กรมก็รีบเข้ามาห้ามผม แต่ท่านอัศวินยกมือห้ามเอาไว้ก่อน พร้อมกับเรียกให้พี่กรมไปนั่งข้างๆพี่เจ้าท่า


   “ กลับไปก่อนได้ไหม” ท่านพูดออกมาตรงๆ ผมเข้าใจว่าท่านเองก็คงจะยอมรับไม่ได้เหมือนกันที่อยู่ผมก็เดินมาบอกท่านว่าผมขอลูกชายท่าน มันอาจจะกะทันหันเกินไป


   “ ครับ ผมขอโทษที่ทำให้ท่านหนักใจ แต่ถึงอย่างไรผมก็จะไม่ยอมแพ้ เพราะผมรักพี่กรมและพี่กรมก็รักผม” ผมยกมือไหว้ท่านก่อนที่จะลุกเดินออกไป ผมได้ยินว่าพี่กรมจะลุกเดินตามผมออกมา แต่ถูกเรียกตัวเอาไว้ก่อน ทำให้ตอนนี้ผมเดินออกมาจากบ้านหลังใหญ่ของพี่กรมคนเดียว


   ผมใจร้อนเกินไปซินะครับ....








DEK D :  BROTHER ZONE (https://writer.dek-d.com/lovelovejooy/writer/view.php?id=1927726)

RAW :      BROTHER ZONE (https://www.readawrite.com/a/89e757495a23a81ddbffced91ca12168)

FIC :        BROTHER ZONE (https://fictionlog.co/b/5c85210489856854c4581548) 

TB :        BROTHER ZONE (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69869.0)
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 16.2(21/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 21-03-2019 21:11:46
น้องผี น้องจิใจกล้าบ้าบิ่นเกินไปแล้ว
 :ling3:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 16.2(21/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 21-03-2019 22:18:41
น้องผีเอาความกล้ามาจากไหน บางทีน้องก็มีความบ้าอยู่ในตัวเยอะไปแล้วนะลูก
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 16.2(21/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: nikpook ที่ 22-03-2019 09:51:42
เราชอบที่น้องผีพูดตรงๆนะแต่น้องผีใจร้อนเกินไปใจเย็นๆก่อนเด้อ เราเข้าใจพี่กรมอยู่นะ เอาใจช่วยทั้งสองคนเลย จะเป็นไงต่อ :katai1: ขอให้คุณพ่อเข้าใจ คุณไก่ทอดสู้ๆนะเราเป็นกลจให้ สนุกมากๆเลย รออ่านฉากดราม่าค่ะ :pig4: :L1:  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 16.2(21/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 22-03-2019 10:21:50
พี กล้า บ้าบิ่นมากกกกกกกกกกกก  o22 :z3:
แต่พี่กรม ก็เหมือนไม่ต่างจากเดิม คิดมากสุดๆ
ทั้งที่รู้ตัวว่าชอบพี แต่ไม่พอ ต้องมากกว่าชอบ    :เฮ้อ: :z3:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 1ึ7.1(22/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: KJH177 ที่ 22-03-2019 22:59:06
บทที่ 17.1

ข่าวลือ



   ตั้งแต่วันที่ผมใจร้อนเข้าไปหาท่านอัศวิน นี่ก็ผ่านมาเกือบอาทิตย์แล้วครับที่ผมไม่ได้เจอพี่กรมเลย ทั้งไลน์ทั้งโทรไปก็ไม่มีใครรับทั้งๆที่สัญญาณก็ติด จะเข้าไปบุกถึงบ้านก็เกรงว่าจะโดนไล่ออกมา แล้วอาทิตย์นี้ผมก็เริ่มมีงานกลุ่มด้วย ทำให้ผมไม่ได้มีโอกาสไปถามพวกพี่เทพเลย จะว่าไปก็วนมาถึงวันศุกร์อีกแล้วครับ ชอบเกิดเรื่องวันศุกร์ทุกทีเลย


   “ ไอ้พีมึงมาดู topic ใหม่นี่มา” ผมเดินเข้ามาในห้องเรียนพอดีไอ้บิวกวักมือเรียกให้ผมเดินเข้าไปหามันที่โต๊ะ


   “ ไรวะ”


   “ กระแสมาจากไหนไม่รู้” ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอ่านเมื่อไอ้บิวมันไม่ได้ตอบว่าสิ่งที่มันพูดคืออะไร แต่กลับยื่นโทรศัพท์มาให้ผมดูแทน


   ‘ แอบกินเด็กปีหนึ่งไม่ไว้หน้าพ่อ ได้ข่าวว่าความสัมพันธ์มีมากกว่าพี่น้อง จะใกล้เลือกตั้งแล้วแต่ข่าวคาวๆก็มีออกมาให้บ่อยๆ สาวๆที่หวังจะเคลมต้องเสียใจ เพราะเขาไม่ได้ชอบผู้หญิง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใคร ลูกนักการเมืองดังๆมีแค่ไม่กี่คนในคณะ’


   ผมอ่านวนไปหลายๆรอบ เพราะดูจากเนื้อหาของข้อความนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครถึงแม้จะจงใจไม่ชื่อ แต่มันก็เดาได้ไม่ยากครับ ยิ่งตอนนี้ยิ่งใกล้เลือกตั้งแล้วกระแสไปไวมาก ดูจากจำนวนแชร์และคอมเม้นต์ขนาดนี้


   “ ไอ้พี โอเคไหม?” ไอ้บิวจับไหล่ผมให้นั่งลงข้างๆมัน


   “ กูว่าเกินไปว่ะมึง” ผมยื่นโทรศัพท์คืนให้ไอ้บิว “ มึงว่ามันเป็นเกมส์การเมืองป่าววะ”


   “ อย่างไงวะ”


   “ เอาจริงนะ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ใครหลายๆคนมีสิทธิ์เลือกตั้ง แล้วพลังของคนเจ็นเราอะก็เยอะมากพอสมควร ไอ้พี่กรมแม่งก็เป็นที่รู้จักถ้าเกิดว่าพี่มันมีข่าวเสีย แน่นอนว่ากระทบแน่...เห้ย!!!” ผมรู้แล้วว่าทำไมพี่มันถึงยังไม่อยากคบกับผมทั้งๆที่ผมก็รู้แต่ทำไมผมคิดไม่ได้หวะ ทำไมผมต้องเอาอารมณ์ตอนนั้นมาตัดสินด้วยหวะ!!


   “ เป็นไรมึง!” ไอ้บิวเองก็มีทีท่าตกใจเมื่อเห็นว่าผมตะโกนออกมาแบบนั้น


   “ มึง....กูทำผิดกับพี่เขาหวะ เพราะอารมณ์กูล้วนๆเลย มึงกูเห็นแก่ตัวไปแล้ว” ผมเขย่าไหล่ไอ้บิวแรงๆจนหน้ามันสั่นไปตามแรงที่ผมเขย่า


   “ เล่าให้กูฟังได้ไหม”


   “ .....” ผมไม่รู้ว่าผมจะเล่าให้มันฟังได้ไหม เพราะผมกับไอ้บิวเองก็พึ่งรู้จักกันได้ไม่นานแต่ด้วยความที่ผมไว้ใจมัน เพราะอย่างไงมันก็เป็นเพื่อน ทำให้ผมตัดสินใจเล่าเรื่องทุกอย่างให้ไอ้บิวฟังตั้งแต่ต้นจนจบ รวมถึงเรื่องที่ผมกับไอ้พี่กรมมันเผลอจนเกือบมีอะไรที่ทะเลนั่นด้วย ผมรอดูว่าไอ้บิวมีปฏิกิริยาอย่างไร จะตกใจที่ผมชอบผู้ชายหรือเปล่า แต่ผิดคาดครับเพราะไอ้บิวดูไม่ตกใจอะไรเลย มันกลับทำหน้าเห็นอกเห็นใจผมในสิ่งที่ผมเล่าให้มันฟัง


   “ กูอยากไปหาพี่เขาวะมึง”


   “ แต่พ่อเขาดูเหมือนว่าไม่อยากให้มึงยุ่งกับลูกเขาเลยไอ้พี” อย่างที่ไอ้บิวพูดก็จริง ตามความรู้สึกของผมในตอนนี้คือพี่กรมแม่งเหมือนผู้หญิงอะครับที่พ่อรู้ว่าจะมีแฟนแล้วหวงขังไว้ในบ้าน ส่วนผมก็กลายเป็นผู้ชายจนๆที่อยากได้ลูกสาวของเขาจนต้องไปปีนบ้าน...เออ! ต้องปีนบ้าน


   “ ไอ้บิวไปปีนบ้านพี่กรมกับกูคืนนี้ มึงมีรถไปส่งกูด้วย”


   “ ห้ะ??? มึงคิดดีแล้วหรอวะพี ใจเย็น รู้ว่าอยากได้แต่มึงต้องมีสติ” ไอ้บิวพูดเตือนสติผมอีกครั้ง แต่ไม่ได้อะครับแค่ไม่ได้เจอหน้ากัน ผมก็รู้สึกว่าเหมือนขาดอะไรบางอย่าง ผมมั่นใจแล้วว่าตอนนี้ผมไม่ได้แค่ชอบพี่มันอย่างเดียวเท่านั้นความรู้สึกของผมแม่งโคตรชัดเลยครับ ชัดกว่านี้ก็จะไปขอพี่มันแต่งงานละ


   “ กูคิดดีแล้ว อย่าบอกใครนะบิวแค่กูกับมึง” ผมจับไหล่ไอ้บิวแน่น เพื่อให้มันสัญญากับผม ผมไม่รู้ว่าจะมีใครเอาข่าวไปเขียนเสียๆอีกไหม แต่ตอนนี้ผมต้องไปหาพี่กรมให้ได้


   “ เออๆ ถ้ามึงคิดดีแล้ว” ผมวางแผนเอาไว้ว่าพอเลิกเรียนแล้ว ให้มันไปส่งผมที่บ้านของพี่กรมช่วงค่ำๆเพราะปกติคนงานบ้านพี่กรมจะติดละครวันศุกร์แล้วไม่ค่อยออกมาบ้านใหญ่สักเท่าไหร่ นั้นน่าจะเป็นโอกาสที่ดีของผมในการปีนเข้าไปหาพี่มัน


   ผมไม่ได้คิดเอาไว้ต่อว่าจะเป็นอย่างไรต่อไปถ้าผมเข้าไปหาพี่มันแล้ว และตอนนี้ผมก็อยู่บนรถของไอ้ตี๋บิวกำลังเดินทางมุ่งหน้าไปหาพี่กรมในช่วงสี่โมงเย็นเพราะกว่าที่ผมจะได้ออกจากมหาลัยไอ้บิวก็ย้ำอยู่นั้นว่าผมคิดดีแล้วหรอ ไม่เปลี่ยนใจใช่ไหม จนผมรำคาญขึ้นมานั่งกดดันบนรถมันเลย


   “ มึงจะทำไงต่อไป” บิวถามขึ้นขณะที่ผมกดโทรออกหาพี่กรมหลายๆสาย


   “ ก็คงไปขอโทษที่กูวู่วาม กูรู้แล้วว่าวันนั้นกูเอาแต่ใจตัวเองเกินไป”


   “ วันนี้ก็คิดดีๆนะ”


   “ ไอ้บิวมึงย้ำกูทำไมเยอะแยะว่ะ ชักจะแปลกละนะมึง” ผมหยุดกดโทรออกก่อนจะหันหน้าไปมองไอ้บิวด้วยสายตาจับผิด


   “ กูแค่เป็นห่วงมึง ทำอะไรก็ระวัง มึงคิดว่าแถวบ้านพี่กรมมึงจะไม่มีคนมาเฝ้าหรอวะ”


   “ ใครเฝ้า”


   “ โง่จริง ก็พวกฝั่งตรงข้ามไง ถ้าเขาเห็นมึงปีนข่าวใหญ่แน่ไอ้พี” เออ หวะ ผมลืมคิดเรื่องนี้ไปได้อย่างไร ถ้าใครถ่ายภาพตอนนั้นของผมไป ตายแน่ครับ ผมเนี่ยตายแน่เผลอๆหาว่าผมเป็นขโมยไปอีก


   “ เออว่ะ เอาไงดีหวะมึง กูคิดถึงพี่เขาว่ะ” ผมเขย่าแขนให้บิวเพื่อให้มันช่วยคิดว่าผมจะทำอย่างไงต่อไปจนลืมไปว่ามันขับรถอยู่ ผมจึงค่อยๆปล่อยแขนมันออก


   “ โทษนะพี ถึงมึงจะน่ารักแต่กูไม่หวั่นไหวหวะ”


   “ พูดเหี้ยไรเนี่ย” ผมผลักออกมาจากมันทันทีที่ผมว่าน่ารัก เกิดมากูโดนชมว่าน่ารักแค่สองคนเอง คนแรก...ก็พี่กรมไงครับ งื้อออ คิดถึงหวะ!! คนที่สองก็ไอ้เวรบิว มั้งนะครับถ้าผมจำไม่ผิด


   “ กูรู้ว่ามึงเขินที่กูชมไอ้พี แต่โทษนะกูคิดกับมึงแค่เพื่อนหวะ” ไอ้ตี๋บิวมันหันมายักคิ้วหลิ่วตาให้ผม


   “ เดี๋ยวกูตบคว่ำนะ”


   “ สาวนะมึงตั้งแต่อมจู๋พี่กรมไปอะ”


ขวับ!


   ผมหันไปมองหน้ามันอย่างเอาเรื่อง ไอ้เวรนี่ก็ขุดมาล้อกูจนได้ ผมไม่น่าเล่าให้มันฟังเลยครับ ถ้ารู้ว่าเล่าแล้วแม่งล้อนะ ผมก็จะเล่าอะ มันอึดอัดถ้าไม่มีคนรับฟัง ผมเชื่อว่าไอ้บิวจะไม่บอกใคร....หวังว่ามันจะไม่บอกใคร


   “ มันเป็นไงวะ ฟินไหม?”


   “ ถามจริงหรือถามเอาฮา”


   “ จริง”


   “ ก็.....” ผมนึกคิดไปถึงเหตุการณ์นั้นอีกครั้ง ครั้งที่ผมค่อยๆคอบปากตัวลงไปตามความยิ่งใหญ่ของพี่มัน และยิ่งเวลาที่พี่มันกดศีรษะของผมให้ขยับไปตามจังหวะนะ...อื้อหื้อประสบการณ์เสียวที่รู้สึกดีครับ


   “ ไอ้พีมึงไม่ต้องอ้าปาก กูแค่ถามไม่ได้ให้สาธิต”


   “ เออ!” ผมไม่รู้ตัวเลยนะครับว่าเผลออ้าปากตามที่ภาพในหัวมันคิดจนกระทั่งไอ้บิวมันพูดขึ้นมา “ ก็ดีมั้ง กูไม่ได้รังเกียจ แต่บอกก่อนว่าแค่พี่กรม ถ้าทำให้มึงกูไม่เอาอะ”


   “ พี กูไม่ได้อยากให้มึงทำเลย น้องอุ้มช่วยกูได้”


   “ ถ้ามึงลองใช้ปากกูว่าเสียวกว่าน้องอุ้มมึงแน่” และบทสนทนาระหว่างไปบ้านพี่กรมก็มีแต่เรื่องใต้สะดื้อทั้งนั้นครับ ผมบังคับให้มันเล่าเรื่องเสียวของมันให้ผมฟังบ้างเพราะผมเล่าให้มันฟังไปแล้ว มันก็บ้าจี้เล่านะครับแต่จะออกไปทางลามกจกเปรตมากครับ


   “ กูอะหญิงสองก็เคยมาแล้วไอ้พี เด็ดเชียวอย่าได้บอกใคร อีกคนปากอีกคนตูด ฟินสัส” ผมนี่อดคิดไม่ได้เลยครับว่ามันจะออกไปทางท่าไหน “ แต่กูชอบแค่หนึ่งหนึ่งพอ อย่างนั้นแม่งทรมานไป”


   “ กูเคยไปนะ พี่กรมพากูไปลองกับผู้หญิงแต่ว่ากูแม่งเมาชวนพี่ผู้หญิงเต้น แล้วกูเรอด้วยอะมึง”


   “ ไอ้พี พี่กรมใจกว้างจังวะ”


        “ เออ นั่นดิ ตอนนั้นอาจจะยังไม่ได้รู้สึกกับกูมั้ง”


        “ ไม่ต้องยิ้มก็ได้นะไอ้พี รู้แหละว่ารักว่าคิดถึง” ผมยิ้มออกไปอีก ผมว่าผมแม่งอาการหนักไปแล้วครับผม ตอนนี้ขอแค่ได้ไปถึงบ้านพี่กรมและเข้าไปในบ้านพี่มันได้ก็พอ



บ้านเจ้ากรม


   ผมกับไอ้บิวคิดอยู่นานว่าจะทำอย่างไรให้เข้าไปในบ้านของพี่มันได้ จนไอ้บิวมันคิดออกให้ผมปลอมตัวเป็นคนส่งพิซซ่าแต่แล้ว...ผมก็ได้แค่ส่งอยู่หน้าบ้านโดยที่ป้าแม่บ้านใช้ออกมาบอกว่าไม่มีใครสั่ง ทำให้ตอนนี้ผมมานั่งโง่อยู่กับไอ้บิวสองคนในรถเพื่อคิดวิธีว่าจะเอาอย่างไงต่อไป


   “ หลังบ้านไหม” ไอ้บิวเสนอ หลังบ้านผมไม่เคยไปหลังบ้านพี่กรมเลยจนกระทั่งไอ้บิวบอกแบบนั้น ผมก็เดินนำไอ้บิวไปบริเวณหลังบ้านของพี่กรมที่เป็นกำแพงสูง เมื่อเห็นว่าไม่น่าจะมีใครอยู่ผมก็ให้ไอ้บิวคอยดูต้นทางให้ว่ามีใครผ่านมาแถวนี้ไหมจนกระทั่งผมขึ้นไปบนกำแพงนั้นพอดี


   “ กูไปก่อนนะบิว โชคดีมึง” ก่อนที่ผมจะกระโดดลงไปอีกฝั่งผมหันมาบอกลาเพื่อนอย่างไอ้บิว ก่อนจะกระโดดลงไปเมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่บริเวณนี้ จนกระทั่งผม....ตัดสินใจกระโดดลงไปวัดความสูง แต่ด้วยไม่ได้เห็นว่าบริเวณนั้นมีก้อนหินอยู่ทำให้เข่าของผมไปกระแทกก้อนหินเต็มๆ ผลออกมาก็คือเข่าแตกไปตามระเบียบเลยขอรับ


   “ เลือดไหลจนได้” ผมไม่ได้มีเวลาที่จะมานั่งทำแผลเช็ดเลือด ทำให้ตอนนี้ผมรีบเข้ามาในบ้านของพี่กรม ก่อนจะส่องดูว่าแม่บ้านทำอะไร เมื่อเห็นว่าทางสะดวกผมก็รีบวิ่งขึ้นไปชั้นสองของบ้านที่เป็นห้องของพี่กรม ง่ายดีครับ...ง่ายดีเหมือนกัน


ก๊อกๆ


   ผมเคาะประตูหน้าห้องพี่มันอยู่นานจนกระทั่งได้ยินเสียงฝีเท้าของคนในห้อง ไม่นานประตูก็เปิดออกมาทันที สภาพที่ผมเห็นคือพี่กรมทำหน้าตกใจเมื่อเห็นว่าเป็นผม พี่มันรีบดึงตัวผมให้เข้าไปในห้องนอนพร้อมกับล็อคประตูห้องอย่างหนาแน่น ก่อนจะหันกลับมาสนใจผมต่อ


   “ มาได้ไง”


หมับ!


   ผมไม่ตอบคำถามพี่มันแต่กลับพุ่งตัวเข้าไปกอดพี่กรมด้วยความคิดถึงที่มี หน้าของพี่มันซูบและค่อนข้างที่จะโทรมมาก มากกว่าตอนที่ผมเจอเมื่อครั้งที่แล้ว


   “ คิดถึงมากนะรู้ไหม?”


   “ คิดถึงเหมือนกัน แต่ไปหาไม่ได้” พี่กรมลูบศีรษะผมเบาๆขณะที่ผมยังคงกอดและซบไหล่พี่มันอยู่อย่างนั้น


   “ ผมเป็นห่วงพี่มากเลยนะ” ผมค่อยๆผลักออกจากอ้อมกอดของพี่กรม เพื่อให้ตอนนี้เรามานั่งคุยกันอย่างเป็นกิจลักษณะ


   “ พ่อเอาโทรศัพท์ไป ไม่ได้ไปเรียนด้วย ไม่ได้เล่นคอมด้วยเหมือนถูกตัดจากโลกภายนอก” พี่กรมบ่นให้ฟัง แต่ผมว่ามันแปลกๆนะครับ คนอย่างพี่กรมไม่น่ายอมทำตามพ่อง่าย


   “ ทำไม?”


   “ แค่ตกลงอะไรบางอย่าง แต่ไม่ต้องกังวลนะ ไม่มีอะไรหรอกแค่รอ” รอยยิ้มที่อบอุ่นที่ผมไม่ได้เห็นมานานมันสามารถช่วยเยียวยาหัวใจที่ห่อเหี่ยวของผมได้อย่างไม่น่าเชื่อ


   “ ผมขอโทษนะพี่”


   “ เรื่องอะไรครับ”


   “ ก็เรื่องที่ผมใจร้อนวันนั้นผมน่าจะฟังพี่ ไม่น่าเลย ผมผิดเอง...” ผมก้มหน้ามองมือตัวเองที่เล่นกันอยู่ตอนนี้ให้ดูสำนึกผิดที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้


   “ รู้ตัวก็ดี ทีหลังอย่าทำอีก มันต้องคิดเยอะๆนะพี ในอนาคตเป็นผู้ใหญ่มันต้องมีมากกว่านั้น เข้าใจไหม” พี่กรมวางมือลงบนศีรษะของผมอีกครั้ง


   “ ผม...ขอโทษจริงๆ” ผมไม่รู้ว่าผมจะสรรหาคำไหนมาพูดได้อีกนอกจากพูดขอโทษพี่มันซ้ำๆและย้ำๆอยู่แบบนี้ จนกระทั่งพี่กรมหยุดคำพูดของผมด้วยปากของเขา...





หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 1ึ7.1(22/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 23-03-2019 15:41:10
 :L2:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 1ึ7.1(22/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: nikpook ที่ 23-03-2019 19:52:43
เป็นกลจให้น้องผีและก็พี่กรม พี่กรมแลกเปลี้ยนอะไรกับพ่ออ่ะ ชอบบิวอ่ะน้องดูเกรียน มาต่อเร็วๆน้าจะเป็นอยากรู้ใจจะขาดว่าจะเป็นยังไงต่อ คนปล่อยข่าวคือนิสัยเลวมาก :m31: คุณไก่ทอดสู้ๆ :pig4: :L1: :3123:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 17.2(23/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: KJH177 ที่ 23-03-2019 22:31:25

บทที่ 17.2

ข่าวลือ

        นานเท่าไหร่แล้วที่ผมไม่ได้สัมผัสริมฝีปากของพี่กรม ตอนนี้ผมเองไม่สนใจอะไรแล้วครับพี่มันอยากจะลุกเข้ามามากเท่าไหร่ผมจะไม่ต่อต้านสัมผัสที่นุ่มนวลและอ่อนโยนที่พี่มันใช้กับผม มันบ่งบอกได้ว่าพี่กรมพยายามทะนุถนอมทั้งๆที่ผมเองก็เป็นผู้ชายไม่จำเป็นต้องทำกับผมอ่อนโยนขนาดนี้ แต่ผมปฏิเสธไม่ได้จริงๆว่าผมชอบ ทุกครั้งที่ริมฝีปากของเราประสานกันอย่างแนบแน่นผมมีความต้องการมากกว่านั้น มันมากขึ้นและมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งลิ้นร้อนของพี่มันตะหวัดลิ้นของผมเหมือนต้องการหยอกล้อและลิ้มรสความหวาน จากความอ่อนโยนในครั้งแรกพี่กรมค่อยๆขยับเพิ่มเลเวลโดยการค่อยๆผลักให้ผมล้มลงนอนราบไปกับเตียงใหญ่ของเขา พี่กรมทิ้งตัวลงมาคร่อมผมเอาไว้ ริมฝีปากที่ตอนแรกจูบผสานกันอย่างแนบแน่นตอนนี้พี่กรมค่อยๆขยับออก และยกหน้าของเขาให้ขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้ดวงตาของเราสบกันอยู่อย่างนั้น


   “ อยากมากกว่านี้..” พี่กรมเลือนนิ้วมือของเขาสัมผัสที่สันจมูกของผมด้วยสัมผัสที่แผ่วเบา “ แต่ยังทำไม่ได้...” จากสันจมูกเลื่อนลงมาที่ริมฝีปาก ก่อนจะหยุดชะงักและค้างเอาไว้ตรงนั้น


   “ ทำไม...” ผมไม่รู้ว่าน้ำเสียงที่ผมถามพี่มันออกไปเป็นเสียงแบบไหน แต่ที่แน่ๆตอนนี้ผมเริ่มมีอารมกับการใช้นิ้วของพี่เขาเข้ามาสัมผัสด้านในปากของผม


   นิ้วร้อนของพี่กรมหยอกล้อเล่นกับลิ้นของผมอยู่อย่างนั้น สัมผัสเวลาที่ลิ้นของผมหยอกเย้ากับนิ้วมือของเขามันทำให้ผมรู้สึกปั่นปวนที่ท้อง ผมใช้ทั้งสองมือของผมจับเข้าที่มือข้างที่พี่กรมใช้นิ้วเข้ามาเล่นกับลิ้นของผมให้ยกขึ้น ครั้งนี้ผมจะทำให้พี่มันรู้สึก แม้ว่าจะเป็นนิ้วก็ตาม


   เมื่อยกมือของพี่กรมขึ้นมาให้อยู่บริเวณที่สูงกว่าปากของผม ผมยกศีรษะขึ้นจากเตียงเล็กน้อยเพื่อแลบลิ้นเสียที่นิ้วของพี่กรมทีละนิ้วจากนิ้วก้อยเลียไปถึงนิ้วโป้งก่อนจะหยุดเอาไว้ ผมอมนิ้วโป้งของพี่มันเข้ามาในปากจนมิดและแช่มันเอาไว้ในปากของผมอยู่อย่างนั้น เพื่อให้ลิ้นของผมทำงานดูดเลียนิ้วของพี่มันจนกว่าที่ผมและพี่จะพอใจ


   “ พี...พี่ไม่ไหวแล้ว อื้ม” พี่กรมหลับตาครางออกมาเมื่อผมลุกพี่มันหนักไปมากกว่าเดิม ผมปล่อยนิ้วพี่กรมเป็นอิสระก่อนจะผลักตัวของพี่กรมให้ลุกขึ้นและดันตัวของพวกเราทั้งคู่ลงมานั่งเอาหลังพิงเตียงเอาไว้ ผมปล่อยให้ความเงียบเข้าครอบงำหลังจากที่เราย้ายลงมาที่พื้นด้านล่าง เมื่อเห็นว่าพี่มันเริ่มหายใจไม่เป็นจังหวะเหมือนพยายามระงับอารมณ์บางอย่างอยู่ออกมา นั่นทำให้ผมค่อยเอื้อมมือของตัวเองวางลงบนต้นขาของพี่กรม


   “ .....”


   “ .....” ผมไม่ได้พูดอะไรออกมาปล่อยให้มันเป็นเรื่องของธรรมชาติ ปล่อยให้อารมณ์พัดพามือของผมสอดเข้าไปด้านในกางเกงของพี่กรมอย่างช้าๆ เมื่อสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่ขยายตัวภายใต้กางเกงชั้นใน นิ้วมือของผมค่อยๆลูบลงบนนั้นของพี่กรมตามความยาวที่กำลังขยาย เมื่อขยายได้เต็มที่ค่อยๆขยับมือขึ้นลงตามจังหวะ ก่อนจะเหลือบสายตาขึ้นมามองพี่กรมที่ตอนนี้กัดปากของตัวเองอยู่


   “ ร้องออกมาครับ..ผมอยากได้ยินเสียงพี่มีความสุข..” ผมยังคงขยับขึ้นลงอยู่ภายใต้กางเกงของพี่มัน จนกระทั่งรู้สึกตัวอีกทีมือใหญ่ของพี่กรมวางลงตรงกลางลำตัวของผมเหมือนกัน แต่ต่างกันตรงที่พี่มันถอดกางเกงผมออกด้วยมือเดียวจนกระทั่งตอนนี้ผมไม่เหลืออะไรให้ปกปิดบางสิ่งที่มันขยายตัวออกมาไม่ต่างจากของพี่กรม


   “ อื้อ..” ผมครางออกมาเมื่อมือของพี่มันขยี้อยู่ที่ปลายของผมซึ่งเป็นจุดที่ผมรู้สึกและเสียวมากที่สุด จากมือของผมที่ขยับขึ้นลงให้พี่กรมอย่างนั้นมันหยุดชะงักลงทันทีที่พี่มันบดขยี้บริเวณปลาย ยิ่งผมครางเสียงดังมากเท่าไหร่พี่มันก็ยิ่งขยี้แรงมากขึ้นเท่านั้น


   “ อื้มม” ผมจับปล่อยมือออกจากสิ่งนั้นของพี่กรมกลับมาจับมือของพี่กรมที่ขยี้ปลายของผมอยู่ให้ขยับขึ้นลงตามแรงมือที่ผมบังคับมือของเขานิ้วโป้งของพี่กรมยังทำหน้าที่ขยี้ แต่เมื่อผมเป็นผู้ควบคุมทำให้ตอนนี้มือของพี่กรมถูกบังคับด้วยจังหวะที่ผมจัดแจง


   “ มีความสุขไหม? หื้มม” พี่กรมเลื่อนตัวมาด้านหน้าผมก่อนที่พี่เขาจะก้มลงดูดเม้มบริเวณซอกคอของผมขึ้นไปจนกระทั่งใช้ลิ้นของเขาเลียบริเวณรอบหูของผม ทำแบบนั้นผมก็ยิ่งอยากปลดปล่อยขึ้นมา ในตอนแรกผมเพียงแค่ตั้งใจจะทำให้พี่มันมีความสุขและปลดปล่อยออกมา แต่ทำไม...ตอนนี้ผมกลับมีความสุขขึ้นมาเสียเองเมื่อพี่มันเป็นฝ่ายลุกผมเสียเอง


   “ อื้อ ครับ” ผมครางออกมาอย่างมีความสุขเมื่อพี่มันช่วยให้ผมรู้สึกดี มือของพี่กรมยังคงทำหน้าที่ขยับขึ้นลงได้ดีและปากของเขาเลื่อนลงมาดูดเม้มบริเวณหน้าอกของผมสลับไปมาทั้งสองข้างอย่างรู้หน้าที่ ส่วนไหนที่ผมเสียวพี่กรมเขาทำให้ผมทุกอย่างโดยที่ผมไม่ต้องออกปากขอจนกระทั่งมือของพี่มันหยุดชะงักเมื่อผมกำลังจะปลดปล่อยออกมา และนั้นทำให้ผมโคตรทรมาน


   “ พี่...” ผมเปรยสายตาขึ้นมามองพี่กรมที่ยิ้มให้ผมอยู่ “ ผม...ต้องการ”


   “ ครับ” พี่กรมลุกขึ้นยืนถอดเสื้อผ้าของเขาออกหมดจนเหลือเพียงแค่ร่างกายเปลือยเปล่าเท่านั้นก่อนที่มันจะก้มลงมาถอดเสื้อผมออก พร้อมกับอุ้มผมขึ้นด้วยสองแขนของเขาในสภาพที่เราทั้งคู่ต่างไม่สวมเสื้อผ้าอะไรเลยสักชิ้นเดินเข้ามาในห้องน้ำภายในห้องของเขา พี่กรมค่อยๆปล่อยให้ลงและดันตัวผมเข้ามาในโซนฝักบัว พี่กรมดันตัวผมให้หันหลังชิดไปกับกำแพงห้องน้ำและเขาเดินมาประกบชิดด้านหลังของผมเอาไว้


ซ่า


   น้ำจากฝักบัวไหลลงมากระทบเราทั้งสองคนที่อยู่ภายในละอองน้ำนั้น มือของพี่กรมอ้อมมาจับที่แกนกลางของผมอีกครั้งโดยที่แกนกลางของเขาแนบชิดอยู่กับบั้นท้ายของผมอยู่อย่างนั้น ลิ้นร้อนโลมเลียอยู่บริเวณ เนินไหล่ซอกคอไล่ลงมาเลื่อนๆจนพี่กรมพอใจ สองมือขยับแกนกลางของผมขึ้นลงแรงๆเน้นๆ บางจังหวะหยอกล้อกับส่วนปลายจนกระทั่งผมทนไม่ไหวปลดปล่อยออกมาจนเลอะมือทั้งสองข้างของพี่มันที่ยังคงไม่หยุดรูดขึ้นลง


   “ สบายไหม”


   “ อื้อ ครับ” ผมหลับตาปล่อยให้ความรู้สึกไหลไปกับจังหวะและการควบคุมของพี่มัน จนกระทั่งผมรู้สึกถึงอะไรบางอย่างดันอยู่ที่บั้นท้ายของผมอยู่นาน บริเวณส่วนหัวของเขาหยอกล้อกับทางเข้าของผมอยู่ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่พี่มันกลับไม่ดันเข้าไป จนกระทั่งพี่กรมจับไหล่ทั้งสองข้างของผมหมุนกลับเข้ามาหาตัวเอง


   “ ยังไม่อยากทำตอนนี้ อยากทำตอนที่ทุกอย่างมันแน่ชัด” พี่กรมค่อยๆจับผมด้านหน้าของผมเล่นอยู่อย่างนั้น สายตาที่ก้มต่ำลงของผมเห็นว่าพี่กรมยังคงตื่นตัวและยังไม่ถูกปลดปล่อย


   “ ผมช่วยนะ..” ไม่รอให้พี่มันอนุญาตเพราะผมก้มลงคุกเข่าอยู่ที่พื้นตรงหน้าของพี่มัน ก่อนจะค่อยๆใช้ลิ้นเลียความยิ่งใหญ่ของพี่มันอยู่อย่างนั้น สองมือลูดขึ้นลงตามจังหวะและใช้ลิ้นเลียส่วนหัว สองมือของพี่กรมสอดแทรกมาตามกลุ่มผมบนศีรษะของผมอยู่อย่างนั้น บางจังหวะที่มันเด้งและโยกตัวเข้ามาเพื่อให้แกนกลางของพี่มันดันเข้ามาลึกที่สุดเท่าที่จะทำได้


   “ อื้ม” เสียงครางที่บ่งบอกว่ามีความสุขของพี่กรมมันทำให้ผมยิ่งได้ใจ เพิ่มความรุนแรงและความเสี่ยวให้พี่มันมากยิ่งขึ้นด้วยการใช้ลิ้นเลียและดูดเม้มบริเวณจุดเสียวของพี่มันจนกระทั่ง....


   “ อ่าส์” พี่มันปลดปล่อยออกมาเต็มปากและเลอะบริเวณหน้าของผม...


พรึบ!


   พี่มันใช้สองมือพยุงผมให้ลุกขึ้นมายืนเหมือนเดิมก่อนที่จะโน้มหน้าลงมาจูบผมครั้งแล้วครั้งเล่าภายใต้ละอองน้ำ ดูดเม้มจนปากของผมบวมเจ่อไปหมด จนกระทั่งพี่มันพอใจก็เล่นเอาหลายนาทีอยู่เหมือนกัน


   จนกระทั่งเราต่างคนต่างอาบน้ำภายใต้ละอองน้ำเดียวกัน โดยที่ไม่มีใครพูดอะไรออกมาจนกระทั่งพี่มันเดินเอาผ้าเช็ดตัวมาเช็ดตัวให้ผมหลังจากที่เราอาบน้ำเสร็จ


   “ โล่งไหม?” ผมเองไม่กล้าสบตาพี่มันตรงๆ เพราะครั้งนี้เราทั้งคู่ต่างมีสติด้วยกัน ไม่เหมือนครั้งนี้ที่ทั้งผมและพี่ต่างมีอารมณ์เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่ ถ้าพี่มันขอผมมากกว่านี้ แน่นอนว่าผมไม่ขัดอยู่แล้วแต่พี่กรมมันกลับบอกให้ผมรอให้บางสิ่งบางอย่างมันชัดเจนและแน่นอนว่านี้ก่อน ซึ่งผมก็โอเคไม่ได้รีบขนาดที่อยากจะให้พี่มันเข้ามาในตัวผมจนตัวสั่น
   “ ครับ” ไอ้ฉิบหาย ผมนี่ไม่กล้ามองหน้าพี่มันเลยครับ


   “ ไม่มองหน้า? พื้นห้องน้ำมันมีอะไรดีกว่าหน้ากูหวะ?” ผมเองก็บอกไม่ได้ว่าพื้นห้องน้ำมันมีอะไรดีกว่าหน้าพี่กรม แต่ที่แน่ๆพึ่งเสร็จกิจไปเมื่อครู่ผมไม่สามารถมองหน้าพี่เหมือนเดิมได้อีกต่อไป “ พีครับ มองหน้าพี่ก่อน” ผมยอมแพ้น้ำเสียงหวานๆของพี่กรมจนกระทั่งผมตัดสินใจเงยหน้ามองพี่มัน และนั่นที่ทำให้ผมอยากจะก้มหน้ามองพื้นอีกครั้ง ใครแม่งใช้ให้พี่มองผมด้วยสายตาแบบนั้นว่ะ! แม่งเอ้ย อยากโดนปล้ำเลยกู


   “ อย่าหนี” มือของพี่มันล็อคหน้าของผมเอาไว้ก่อนที่จะได้จังหวะก้ม


   “ พี่ สายตาพี่มันบอกว่าอยากปล้ำผม”


   “ ชัดขนาดนั้นเลย?” พี่มันเลิกคิ้วขึ้นกวนๆเป็นเชิงถาม


   “ โว้ย ไม่คุยด้วยเล่า” ผมหยิบผ้าเช็ดตัวในมือของพี่มันมาก่อนจะเอามาพันรอบๆเอวของผมและหันหน้าเดินออกมาจากตรงนั้น แต่ผมก็ดันพิเรนทร์เดินออกมาแบบขาถ่างจนพี่มันเรียกผมเอาไว้ก่อนที่จะเดินหนี


   “ พีเป็นไร ทำไมเดินขนาดนั้น?”


   “ ก็..” ผมหันกลับไปหาพี่มันด้วยรอยยิ้ม “ ซ้อมไงพี่ หลังมีเพศสัมพันธ์ผมว่าผมจะเดินขาห่างแน่ๆ” ผมพูดจบก็วิ่งหนีออกมาเลยครับ ไม่อยู่รอให้พี่มันด่าผม แม้ว่าพี่มันด่าผมตามออกมาก็เถอะ เวลาแบบนั้นผมพยายามที่จะไม่เกรียนแล้วนะ แต่แม่งเอ้ย ยิ่งพยายามเท่าไหร่ก็เหมือนไม่เป็นผล ผมเลยเลือกที่จะเงียบและครางออกมาในเวลาแบบนั้นมากกว่าที่ผมจะพูดอะไรมา แล้วทำให้พี่มันหมดอารมณ์ไปเสียก่อน ผมต้องกลับไปทำการบ้านใหม่เพื่อเตรียมตัวการเป็นเมียของพี่กรมอย่างเต็มตัว



   หลังจากที่เราอาบน้ำแต่งตัวกันเสร็จ ผมก็กลับเข้ามาในโหมดปกติเหมือนเดิม พี่กรมเองก็เล่าให้ผมฟังเรื่องข้อตกลงของเขากับพ่อแต่ก็ไม่ได้พูดละเอียดว่าตกลงอะไรกันอย่างไร จนกระทั่งผมนอนกลิ้งเล่นบนเตียงและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น แต่แล้วก็ต้องสะดุดใจกับรูปภาพบางอย่างพร้อมกับข้อความ


   ‘ชัดเจนจ้า ความรักนำพาให้ปีนบ้านไปหาผู้กันเลยทีเดียว วงในบอกว่าผู้ถูกคุณพ่อกักบริเวณเพราะเรื่องคบเพศเดียวกัน แอบกระซิบมาความสัมพันธ์ไม่ธรรมดาเลยนะ อมๆ ดูดๆ’


   “ ไอ้พีเป็นไรหวะ?” พี่กรมที่นั่งอ่านหนังสืออยู่บนเตียงข้างๆหันมาถามผมเมื่อเห็นว่าผมเงียบ ก่อนที่ผมจะเก็บโทรศัพท์วางไว้ข้างเตียง


   “ เปล่าพี่” ผมรู้ว่าพี่กรมมันไม่ได้รู้เรื่องข่าวลืออะไรพวกนี้แน่ๆ เพราะโทรศัพท์ของพี่มันรวมถึงอุปกรณ์สื่อสารทุกชนิดผู้เป็นพ่อเก็บเอาไว้ ไม่แปลกใจครับที่พี่มันจะไม่รู้เรื่อง


   “ นอนเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้มึงต้องออกจากบ้าน พ่อน่าจะมาตอนสายๆ” ผมพยักหน้าให้พี่มันโดยที่เลือกที่จะเก็บเอาเรื่องข่าวลือนั้นเอาไว้คนเดียว


   เรื่องนี้มีแค่ไอ้บิวที่รู้ มันมาส่งผม ผมเล่าให้มันฟัง แล้วทำไม....มันทำกับผมอย่างนี้ทั้งๆที่ผมไว้ใจมัน ผมต้องรู้ให้ได้ว่ามันเป็นฝีมือไอ้บิวจริงๆหรือไม่ ยิ่งตอนนี้พึ่งคบกันเป็นเพื่อนใหม่ๆ ผมตัดได้อยู่แล้วครับใครดีผมก็ดีด้วย ใครไม่ดีก็อย่าหวังว่าผมจะดีตอบ แล้วเจอกันไอ้บิว


   เสียงแจ้งเตือนมากมายดังขึ้นจากโทรศัพท์ของผม แต่ผมก็ไม่ได้เอามันขึ้นมาดูจนคนที่นอนอ่านหนังสืออยู่ข้างๆถึงกับเลิกคิ้วถาม


   “ อยู่กับพี่ผมจะสนใจโทรศัพท์ทำไมละครับ?” ผมขยับตัวเข้าไปกอดแขนพี่กรมเอาไว้และซุกหน้าลงเบาๆ จนพี่มันยิ้มออกมากับท่าทางที่ดูจะอ้อนเป็นพิเศษ


   “ ปากดีนะมึง”   


   “ แค่กับพี่ครับ” ผมเงยหน้าขึ้นไปยิ้มให้พี่มันสบายใจและหันกลับมาเหมือนเดิม จากรอยยิ้มตอนนี้มันได้แปรเปลี่ยนเป็นความกังวลเกี่ยวกับข่าวลือนั้นขึ้นมา.. ผมจะไม่ยอมให้ใครเอาข่าวนี้มาทำร้ายแม้ว่าจะมันจะเป็นเรื่องจริงก็ตาม รักกันมันจำกัดเพศด้วยหรอครับ




           
PS. ขอโทษถ้าเกิดว่า NC ไม่ถึงใจเด้ออ ไรท์บ่ค่อยถนัดแนวนี้งื้ออออออ

     ฝากเรื่องพี่คินด้วยนะทุกคน สนุกไม่แพ้กันนน

หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 17.2(23/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 24-03-2019 09:04:46
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 17.2(23/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: nikpook ที่ 24-03-2019 10:21:19
โห่บิวถ้าเป็นนายทำจริงๆคือนิสัยเลวมาก :m31: น้อผีกับพี่กรมขนาดนี้กันแล้ว :-[ อยากให้เป็นแฟนกันเร็วๆ อยากรู้ว่าน้องผีจะจัดการกับบิวยังไง เราเป็นกลจให้คุณไก่ทอดนะคะ :pig4: :L1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 17.2(23/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 24-03-2019 21:35:03
เพื่อนแบบนี้อย่ามีเลย
น้างพีแซบ

 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 17.2(23/03/62)++
เริ่มหัวข้อโดย: Noina_Pn ที่ 25-03-2019 14:48:26
 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 17.3(25/03/62)+
เริ่มหัวข้อโดย: KJH177 ที่ 25-03-2019 14:56:01
บทที่ 17. 3

ข่าวลือ

        ผมรีบออกจากบ้านก่อนที่พี่มันจะตื่นผมเขียนใส่กระดาษและวางเอาไว้ ผมไม่อยากให้พี่มันต้องลำบากพาผมออกมาส่งเพราะไม่รู้ว่าระหว่างทางจะต้องเจออะไร ทำให้ผมเลือกที่จะออกมาเสี่ยงคนเดียว พี่กรมมันเสี่ยงมาเยอะแล้วครับ หลังจากนี้ผมจะเป็นคนทำทุกอย่างเพื่อปกป้องพี่มันแทน....



วันจันทร์


   ผมอดทนรอให้ถึงวันจันทร์เพื่อที่จะได้มาเคลียร์กับไอ้บิวให้รู้เรื่อง เพราะทุกอย่างมันดูเป็นเหตุให้ผมปลักใจเชื่อว่าเป็นมันทั้งรูปถ่ายที่ผมกำลังปีนขึ้นบ้านถึงมันจะไม่เห็นหน้าผมก็ตาม และข้อความที่เสียๆหายอีกมากมาย ตอนนี้ทุกคนในคณะก็ตามหาว่าผู้ชายในนั้นคือใคร ส่วนหนึ่งก็คิดว่าเป็นผมครับเพราะผมเองก็สนิทกับพี่มันไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ ไม่แปลกที่จะคนอื่นจะคิดว่าเป็นผม


   “ ไอ้บิวอยู่ไหน?” ผมเดินเข้ามาในห้องเรียนเวลาเช้า ตรงไปถามไอ้เจ๋งที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ด้านในห้อง


   “ กูถามว่าไอ้บิวอยู่ไหนไง” ไอ้เจ๋งมีท่าทีแปลกๆเหมือนว่ามันกำลังกลัวอะไรบางอย่าง หรือว่าพวกมันจะรู้เห็นเป็นใจกัน


   “ ใจเย็นดิวะ พวกมึงมีอะไรกัน” ไอ้เจ๋งปิดหนังสือที่กำลังอ่านอยู่พร้อมกับลุกขึ้นยืนประชันหน้าผม “ ข่าวลือนั้นเป็นมึงหรอ?”


   “ เออ กูเอง” ผมกล้าพูดออกไปเพราะตอนนี้ในห้องเรียนยังไม่มีเพื่อนคนไหนเข้ามาเลยสักคน มีเพียงแค่ผมกับไอ้เจ๋งเท่านั้น


   “ มึงคบกับพี่เขาหรอวะ?”


   “แล้วทำไม มึงมองกูแบบนั้นหมายความว่าไง” สายตาของไอ้เจ๋งที่ดูแปลกไปจนผมเองไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมมันถึงทำสีหน้าแบบนี้ออกมา แต่สายตาผมดันไปเหลือบเห็นอะไรบางอย่าง..


   “ เปล่า ไม่มีอะไร” ไอ้เจ๋งตอบปัดๆ ก่อนที่มันจะหันกลับไปนั่งลงหมือนเดิม ไม่นานคนที่ผมรอก็วิ่งเข้ามาในห้องหน้าตาตื่น


   “ ไอ้พี!” ไอ้บิวรีบวิ่งเข้ามาหาผมทันทีด้วยสภาพที่บ่งบอกว่ามันรีบแค่ไหน


   “ ว่า?”


   “ มึงมากับกูก่อนเลย ด่วน” ไอ้บิวลากผมให้ออกไปจากห้องเรียนทันทีโดยที่ไม่เปิดโอกาสให้ผมได้ถามอะไรมัน จนกระทั่งมันลากผมมาที่ลับตาคน


   “ กูโทรหามึงตั้งแต่วันศุกร์ ส่งข้อความไปมึงก็ไม่รับ”


   “ แล้วมึงโทรหากูทำไม?” ผมลองหยั่งเชิงทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไร เพื่อรอให้ไอ้บิวพูดและอธิบายมา


   “ กูว่ามีคนตามเราไปว่ะ”


   “ ....? คืออย่างไง”


   “ ก็มึงเห็นรูปที่ถ่ายไหม นั่นตอนที่มึงปีนละตอนนั้นกูก็ดูต้นทางให้มึง....มึงสงสัยกูใช่ไหม?” ไอ้บิวพูดออกมาตรงๆเหมือนว่ามันรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่ผ่านสายตาที่ผมมองมัน


   “ ใช่ กูคิดว่าเป็นมึงไอ้บิว กูเล่าให้แค่มึงฟัง”


   “ กูกะไว้แล้วแหละ แต่ที่มาวันนี้กูไม่ได้จะมาแก้ตัวนะเพราะกูไม่ได้ทำ” ไอ้บิวยื่นโทรศัพท์มันมาให้ผมดู พร้อมกับเปิดรูปพร้อมกับข้อความที่เป็นต้นเหตุของเรื่อง


   “ .....”


   “ เวลาที่โพสต์มึงกับกูแยกกันแล้วก็จริง แต่ตอนที่กูดูต้นทางให้มึงกูเอาโทรศัพท์เก็บไว้ในรถ มึงคิดดีๆว่ากูไม่ได้เอาลงมาด้วย กูมั่นใจ” ผมคิดย้อนไปในตอนนั้นไอ้บิวมันบอกผมว่าโทรศัพท์มันแบตจะหมดเลยไม่ได้เอาลงไปด้วย ก็จริงอย่างที่มันพูด


   “ แล้วใครหวะ”


   “ ไอ้พีตอนนี้มึงใจร้อนมึงมีหลายเรื่องให้คิดให้กังวล แต่กูอยากให้มึงใจเย็นๆก่อน” ผมยื่นโทรศัพท์คืนให้ไอ้บิวไปก่อนจะเดินกลับมาที่ห้อง แต่ยังไม่ทันที่ผมและไอ้บิวจะเดินเข้าไป ผมขว้าแขนมันเอาไว้ก่อน “ มึงไปนั่งที่อื่นนะไอ้บิว กูจะทำอะไรบางอย่าง”


   “ อะไรหวะ”


   “ จับคนปล่อยข่าว” ผมมองเข้าไปในห้องตอนนี้มีคนอยู่ไม่เยอะเท่าไหร่ แต่เพื่อนๆเริ่มถยอยกันเข้ามาแล้ว ผมเดินกลับเข้าไปนั่งข้างๆไอ้เจ๋งเหมือนเดิม


   “ ทำไมไอ้บิวไปนั่งนั่นหวะ” ผมนั่งลงข้างๆส่วนไอ้เจ๋งเงยหน้าขึ้นจากหนังสือที่มันกำลังอ่านอยู่มองไปที่ไอ้บิวที่ไปนั่งกับเพื่อนอีกกลุ่ม


   “ มีปัญหากันนิดหน่อย”


   “ ทำไมหวะมึง เล่าให้กูฟังได้นะเว้ย” ไอ้เจ๋งหันมาสนใจมากขึ้นกว่าเดิม แววตาที่มันส่งมาให้ผมด้วยความเป็นห่วงผมโคตรจะรักมันเลยครับ


   “ ไอ้เหี้ยบิวเอาข่าวกูไปขาย”


   “ ห้ะ??”


   “ ช่างแม่งเหอะหวะ” ผมทำเหมือนไม่สนใจก่อนจะนอนราบไปกับโต๊ะอยู่อย่างนั้น “ ไอ้เหี้ยบิว กูไม่น่าเลยมึง”


   “ กูเข้าใจ” ผมไม่สนใจว่าไอ้เจ๋งจะพูดว่าอย่างไง


   จนกระทั่งถึงเวลาเรียน ผมยกกระเป๋าเป้ขึ้นาเปิดกว้างๆเพื่อเตรียมเอาสมุดขึ้นมาจด จนกระทั่งเวลาผ่านไปในช่วงพักกลางวันผมมานั่งกินข้าวกับพวกพี่เทพพี่วินและพี่คินที่ร้านอาหารนอกมหาลัย


   “ มึงไปหาไอ้กรมมาหรอหวะ?” ทันทีที่ผมเข้ามานั่งที่โต๊ะได้ไม่ถึงหนึ่งนาทีไอ้พวกพี่ๆก็เริ่มซักถาม


   “ ครับ” ผมตอบยอมรับออกไป เพราะรูปแม่งก็เด่นขนาดนั้นอย่างไงพวกพี่แม่งก็รู้อยู่แล้วว่านั้นเป็นผมจะมีใครบ้าที่ไหนไปปีนบ้านพี่มันได้นอกจากคนบ้าอย่างผมอะครับ


   “ รู้ไหมว่ามันเสี่ยง” พี่คินที่เงียบอยู่พูดขึ้น


   “ ครับรู้ แต่ผมคิดถึง”


   “ พี มึงโตแล้วทำอะไรก็คิดให้ดีๆกว่านี้หน่อย” ผมพยักหน้าฟังพวกพี่ๆสอน ผมรู้ว่าผมแม่งชอบทำอะไรวู่วามใจร้อน และจุดจบของคนใจร้อนอย่างผมก็ไม่น่าจะรอดพ้นความฉิบหายแน่ๆ


   “ ช่วงนี้ไอ้กรมมันถูกจับตาเป็นพิเศษ มึงอาจจะคิดว่าเป็นแค่เรื่องของพวกมึงสองคน มันไม่ใช่เว้ย อย่าลืมว่าไอ้กรมมันเป็นที่รู้จัก แล้วยิ่งสมัยนี้การเมืองแรงอะไรที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์หน่อยแม่งก็เป็นกระแสแล้วไง ฐานเสียงมันอ่อนไหวง่าย”


   “ ผมเข้าใจแต่ผมทำอะไรไม่ได้เลยอะครับ ความรู้สึกของผมแม่งเอ้ย! คิดถึงพี่กรมหวะครับ” ผมเอาหน้าโขกกับโต๊ะแรงๆเพื่อเรียกสติให้ตัวเอง


   “ ไอ้พีเอ้ย มึงนี่นะโคตรบ้าเลย” ไอ้พี่เทพที่นั่งอยู่ข้างๆตบหัวผมเบาๆเพื่อเรียกสติ “ บ้าผู้ชายนะเรา”


   “ ก็ใครใช้ให้เพื่อนพี่มันน่ารักขนาดนั้นหละ โทษผมไม่ได้หรอก” ขอโทษนะครับผมแพ้ความอบอุ่นของพี่กรมเอามากๆเลย เรียกว่าเสพติดไปแล้วก็ได้ ไอ้ฉิบหายเป็นผู้ชายมาเกือบๆยี่สิบปีพึ่งอยากจะเป็นผู้หญิงก็ครั้งนี้แหละ จะได้อ้าขาให้พี่กรมมันเลย


   “ ไอ้กรมได้ยินคงจะดีใจ” ฟังจากน้ำเสียงก็รู้ว่าพี่แม่งประชดครับ


   “ เห้ย!” ผมสะดุ้งลุกขึ้นมาหลังจากได้ยินเสียงไอ้พี่วินมันตะโกน “ อะไรอีกวะเนี่ย” พี่มันยื่นโทรศัพท์มาให้ผม ข้อความปริศนานั้นมาอีกแล้ว


   ‘ สดจากวันนี้เลยจ้า พกเสื้อนักศึกษามาเรียนด้วย ดูก็รู้ว่าแอบไปทำอะไรกันมา กลิ่นคาวหึ่งๆ สาวๆที่อินบ๊อกซ์มา จะบอกตรงนี้เลยนะว่า เขาที่พวกเธอกรี๊ดกันไม่สนผู้หญิงจ้า ต่อให้อ้าขาเขาก็ไม่เอาเธอ เขาชอบ...เข้าข้างหลัง’


   ผมพอจะรู้แล้วครับว่าใครเป็นคนทำ!


   “ เห้ย ไอ้พีไปไหน ใจเย็นมึง” ผมไม่สนเสียงเรียกของพี่มันแล้วครับ จังหวะนี้จะแย่แม่งก็แย่ให้สุด มึงไม่ตายดีแน่กูจะทำให้มึงแย่กว่าข่าวที่เขียนมา


ปึง!


   ผมเตะประตูห้องเรียนเข้าไป เห็นว่าตอนนี้มีแค่ไอ้ตัวต้นเหตุนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่คนเดียวภายในห้อง ทันทีที่มันเห็นผมมันรีบเก็บโทรศัพท์ลงทันทีก่อนจะรีบลุกขึ้น


   “ ไอ้พี”


   “ เออ กูเอง!”


ผั๊วะ!!


   ผมเดินเข้าไปตรงหน้าไอ้เจ๋งก่อนจะปล่อยหมัดใส่หน้ามันเต็มๆโดยที่มันเองไม่ทันได้ตั้งตัว จนล้มลงไปกองอยู่กับพื้น ผมก้มตามมันลงไปกระชากคอเสื้อมันขึ้นมาอีก


   “ มึงทำแบบนี้ทำไมวะ!!!” ผมตะโกนถามมันออกมาด้วยความโมโห แต่มันก็ยิ่งนิ่งและยิ้มออกมาแทนที่จะสลด “ ไอ้เหี้ยเจ๋ง!! มึงเป็นเพื่อนกูเปล่าวะ”


   “ เหอะ กูไม่อยากเป็นเพื่อนกับคนอย่างมึง” คำพูดนั้นทำให้ผมนิ่งไปทันที แล้วตลอดเวลาที่ผ่านมา วันแรกที่เรารู้จักกันมันเข้ามาทักผม..ไม่ซิ ผมเข้าไปทักมัน แต่ทุกอย่างมันเหมือนจะดีแล้วทำไมมันถึงทำแบบนี้กับผม มันมีเหตุจูงใจอะไรทำให้ไอ้เจ๋งมันทำแบบนี้


ผั๊วะ!!


   ผมไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้อีกต่อไปแล้วครับ ในเมื่อมันบอกว่าผมไม่ใช่เพื่อนมัน ดังนั้นผมก็จะไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น เพราะข่าวที่มันเขียนเป็นเรื่องจริงทุกอย่าง แต่....ทำไมมันต้องทำให้พี่กรมเสียหาย ทั้งๆที่รู้ว่าทุกอย่างมันส่งผลกระทบ หรือว่ามันตั้งใจให้เป็นแบบนั้น


ผั๊วะ!!


   “ ไอ้พีหยุด!!” ผมไม่รู้ว่าเสียงของใคร แต่จังหวะนี้ผมมีโอกาสได้ต่อยผมก็แม่งต่อยมันไม่ยั้ง มันเองก็นิ่งครับไม่สู้ผมเลยนอนให้ผมต่อย


หมับ


   “ มึง! มีสติหน่อยดิหวะ” ผมถูกใครบางคนกระชากออกมาจากตัวของไอ้เจ๋ง ส่วนมันที่นอนอยู่ก็ค่อยๆยันตัวลุกขึ้นมาอย่างช้าๆพร้อมรอยยิ้มมุมปาก


   “ เกย์สัด!”


   “ เหี้ยเอ้ย!!” ผมพยายามจะพุ่งตัวไปต่อยให้เจ๋งแต่แม่งก็ไปไม่ได้เพราะถูกไอ้พี่เทพดึงตัวเองไว้ก่อน ส่วนไอ้เจ๋งมันเดินออกจากห้องไปหน้าตาเฉย...


   ผม...ผม...ผมไม่รู้หวะ


   “ ไอ้พี! เลือด” พี่คินรีบหาทิชชูมาซับเลือกที่ไหลออกจากมือของผม...ใช่ครับ ผมไม่ได้ต่อยหน้าไอ้เจ๋ง ผมต่อยมันแค่หมัดเดียวจนมันล้ม แต่หลังจากนั้นผมก็ต่อยพื้นเพื่อระบายความโกรธ ผมทำใจต่อยหน้ามันอีกไม่ได้จริงๆ อย่างไงมันก็เป็นเพื่อนของผม


   “ ไอ้พี มึงเป็นไรบ้างวะ!” เสียงไอ้บิววิ่งหน้าตั้งเข้ามาในห้องและตรงมาหาผมที่ถูกพี่ๆมันยืนล้อมเอาไว้ไม่ให้ผมได้ลุกไปไหน


   “ โอเค” ผมตอบไอ้บิวไปสั้นๆ


   “ กูเดินสวนกับไอ้เจ๋ง...มันเดินออกไป” ไอ้บิวพูดเสียงเบามันเองก็คงจะสับสนไม่ต่างจากผมเหมือนกัน รู้อะไรไหมครับว่าทำไมผมรู้ ก็เพราะว่าผมเอาเสื้อบอลของพี่กรมติดกระเป๋ามาด้วยจะฝากพี่เทพเอาไปคืนให้พี่มันเพราะตอนที่ผมกลับออกมาจากบ้านพี่กรมคืนนั้นผมใส่เสื้อบอลของพี่มันออกมา และจังหวะที่ผมเปิดกระเป๋ากว้างๆในคาบเมื่อเช้าที่นั่งข้างมัน ผมแน่ใจว่ามันต้องเห็นเสื้อบอลที่สกรีนชื่อพี่กรมเอาไว้และแน่นอนว่าบริเวณนั้นมีแค่ผมกับมันสองคน....มันดันไปสอดคล้องกับสเตตัสข่าวลือนั้นพอดี บังเอิญไปไหมละครับ...ถ้าไอ้เจ๋งไม่ใช่เป็นคนโพสต์แล้วใครจะโพสต์


   “ แล้วทำไม...มือมึง” ไอ้บิวเหลือบสายตามามองมือของผมก่อนที่มันจะเลื่อนสายตาขึ้นมาถาม


   “ ช่างแม่งเหอะ” ผมก็ไม่ได้เจ็บอะไรมากถ้าเทียบกับความรู้สึกที่ผมเสียไป ผมคิดว่ามันจะเห็นว่าผมเป็นเพื่อนมันคนหนึ่งแต่เปล่าเลยครับ มันไมเคยเห็นผมเป็นเพื่อนมันเลย..


   “ กูเป็นเพื่อนมึงเสมอนะเว้ยไอ้พี” ไอ้บิวเดินมาแตะที่ไหล่ของผมเบาๆ


   “ คืออย่างไงวะ พวกกูไม่เข้าใจ” ไอ้พี่เทพที่ยืนฟังบทสนทนาของผมกับไอ้บิวถามขึ้น


   “ ไม่มีอะไรพี่ มันน่าจะจบแล้วแหละ” แต่ใครจะรู้ว่าสิ่งที่พีคิดว่ามันจะจบลงแล้ว มันเป็นเพียงแค่เริ่มต้นเท่านั้น ถ้าคิดจะมีความรักก็ต้องคิดถึงหนทางข้างหน้า มันไม่มีอะไรที่จะราบรื่นเสมอไป ถ้าจะใช้ชีวิตในทางนี้ต้องรู้จักเอาตัวรอดให้ได้
“ ท่านครับ มันรู้เรื่องแล้ว”


   ( เดี๋ยวจัดการเอง ขอบใจมาก)


   ขอโทษนะไอ้พี...เพื่อนกับเงิน กูคงให้ควาสำคัญกับเงินมากกว่า ขอบคุณที่ทำให้กูได้เงินก้อนนี้มาโดยที่ไม่ต้องลงแรงอะไรมาก



Jaokom’s talk


   ตั้งแต่เหตุการณ์ณ์วันที่ไอ้พีใจร้อนไปบอกพ่อเรื่องมันอยากจะคบกับผม ผมบอกตรงๆเลยครับว่าไม่คิดว่าคนอย่างไอ้พีมันจะกล้าและบ้าบิ่นขนาดนี้ แต่....มันไม่ง่ายเลยที่มันคิดว่าแค่การเดินไปบอกพ่อผมเพื่อขอคบ แล้วทุกอย่างจะเป็นอย่างที่ใจมันหวัง ไม่อย่างนั้นผมก็คงไม่นั่งอุดอู้อยู่กับบ้านมาเกือบๆสองอาทิตย์โดยที่ไม่ได้ไปเรียนแบบนี้หรอกครับ โทรศัพท์ อุปกรณ์สื่อสารต่างๆแม่งก็ใช้ไม่ได้สักอย่าง จนวันก่อนที่ไอ้พีมันบุกมาที่บ้านผมโคตรบ้าเลยครับ ผมไม่คิดว่ามันจะกล้าบุกมาขนาดนี้ แต่ก็ดีครับ...ดีมากเลย


   “ ได้ข่าวว่าพ่อขังเลยมาหา” ผมหันไปมองไอ้เจ้าท่าที่เดี๋ยวนี้เข้าออกบ้านผมเป็นเรื่องปกติ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยโผล่หัวมาเลย


   “ มาทำไม”


   “ หาน้องชาย น้องชายเหงาพี่รู้” มาทิ้งตัวนั่งลงโซฟาข้างๆผมก่อนจะยื่นมือมาโอบรอบคอ “ ไม่ได้ไปเรียนนานเท่าไหร่แล้ว”


   “ สองอาทิตย์มั้ง”


   “ โง่หมดแล้วน้องกู” ไอ้เจ้าท่าทำหน้าตาเห็นใจได้ปลอมที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา “ กูไปเรียนแทนไหม?”


   “ ตลก?”


   “ ไม่ตลก พูดจริง เอาไหม?? อยากรู้ว่าไอ้คนที่มึงเคยบอกว่าชอบหาเรื่องมึงเป็นอย่างไง” ผมขมวดคิ้วทันทีที่ไอ้ท่ามันพูดออกมาแบบนั้น


   “ ไอ้ท่ากูไม่เคยเล่า กูว่าแล้วไอ้เหี้ยนี่!” ผมเอาแขนมันออกจากคอผมทันที “ สืบเก่ง เรื่องของกูสืบเก่ง ไอ้เวร” อย่างที่รู้ๆกันครับว่าผมกับมันไม่ได้อยู่ด้วยกัน แล้วเรื่องของผมไอ้ท่ามันชอบมาตามสืบเสาะเรื่องของผมไปรายงานแม่ให้รู้ ทั้งๆที่ผมไม่เคยไปยุ่งเรื่องของมันเลย มีแต่พ่อแหละครับที่ตามสืบเองทั้งนั้น


   “ ก็น้องกูไหมละ อยากรู้เป็นธรรมดา เป็นห่วงจ้ะ”


   “ เป็นห่วงกับเสือกมันมีเส้นบางๆคั่นกันอยู่นะ”


   “ ไม่รับรู้ครับ กูไปเป็นมึงนะ แบบเซอร์ไพร์สไง” ผมพยักหน้าส่งๆให้มันไปแบบนั้น ให้มันอยากทำอะไรก็ทำไป แม้ว่าผมจะไม่ได้ไปเรียนแต่ไอ้เทพ ไอ้คิน ไอ้วินก็ส่งเลคเชอร์มาให้ตลอดผ่านป้าแม่บ้านครับ เหมือนผมติดคุกอย่างไงอย่างนั้นเลยครับ


   “ ถ้าพ่อรู้”


   “ กูจัดการเองน้องชาย เอาตารางเรียนมึงมา” ผมจดตารางเรียนใส่โทรศัพท์ให้ไอ้ท่า...ในเมื่อมันมีโทรศัพท์ผมก็สามารถโทรหาไอ้พีได้แล้วใช่ไหมละครับ งั้น...


   “ ทำอะไรคะคุณกรม” ผมรีบปล่อยมือออกจากโทรศัพท์ทันทีที่ป้าแม่บ้านยืนจ้องผมกับไอ้ท่าเสียงดุพร้อมกับสายตาที่จ้องจับผิด


   “ จดงานให้ไอ้ท่าครับ”


   “ คุณท่าก็กลับบ้านไปได้แล้วนะคะ ถ้าคุณอัศวินมาเดี๋ยวจะเป็นเรื่องเอา”


   “ ครับป้า ป้าอย่าบอกนะ” ไอ้ท่าเดินไปอ้อนป้าแม่บ้านจนกระทั่งป้าเธอพยักหน้าว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับพ่อ ไอ้ท่าก็กลับบ้านไป ส่วนผมก็ได้แต่นั่งอ่านหนังสือต่อไป เอาจริงๆนะผมว่าผมอยู่บ้าน ผมได้อ่านหนังสือมากกว่าไปเรียนอีก มิดเทอมนี้ไม่ท็อปเซคก็ให้มันรู้ไปครับ


   ไอ้ท่าหันมามองผมแล้วยิ้มมุมปากอย่างชั่วร้ายให้หนึ่งทีก่อนที่มันจะเดินออกไป ผมขออย่างเดียวคืออย่าให้มันสร้างความวุ่นวายและป่วนไปให้เหตุการณ์มันยุ่งไปกว่านี้ แค่นี้ผมก็ไม่รู้ว่าพ่อจัดการกับไอ้พีอย่างไรบ้างไม่รู้ว่ามันจะเอาชนะอุปสรรค์ที่พ่อวางไว้ได้ไหม คิดถึงมันจังครับ



Pee’s talk


   “ ต่อไปนี้กูไม่มีเพื่อนชื่อเจ๋ง!” ผมลั่นวาจาออกมาหลังจากที่ทุกอย่างจบลง ผมโดนอาจารย์เรียกไปตักเตือนและถูกปลดออกจากการแข่งขัน ส่วนไอ้เจ๋งเองไม่โดนอะไรเพราะมันไม่ได้ต่อยผมกลับ ส่วนสาเหตุมันไม่ได้บอกว่าทำไมผมถึงต่อยมัน ผมก็ไม่พูด ทำให้อาจารย์เหนื่อยใจที่จะถามเลยปล่อยให้พวกผมกลับไปเรียน ไอ้เจ๋งมันก็มีหน้าไปเรียนต่อครับท่ามกลางความสงสัยของเพื่อนในห้อง ข่าวไวฉิบหาย! คณะนี้แม่งขี้เสือกกันทุกคน


   “ ใจเย็นไอ้พี เพื่อนหันมามองมึงหมดแล้ว” ผมถอนหายใจออกมาอย่างเซ็งๆ ส่วนไอ้บิวมันก็ทำหน้าที่ไล่ให้เพื่อนที่หันมามองผมหันกลับไป


   “ เชี่ยเอ้ย หงุดหงิดว่ะมึง” ผมไม่มีสมาธิเรียนอะไรเลยครับ แค่คิดก็โมโหทุกอย่าง ทำไมหวะ ทำไมต้องเป็นไอ้เจ๋งด้วย ทำไมมันต้องทำแบบนี้กับผม ผม...ผมเสียใจหวะ


   “ ไอ้พี โดดไหม?” ไอ้บิวหันมาถามผมเบาๆหลังจากที่อาจารย์ปล่อยให้ไปพักเบรกขึ้นหลังและกลับมาเรียนต่ออีกหนึ่งชั่วโมงครึ่ง


   “ เอาดิ” จะมีหรอครับที่ผมจะไม่ไป ทำให้ตอนนี้พวกเราสองคนออกมาจากห้องเรียนอย่างไม่มีจุดหมายปลายทางว่าจะไปที่ไหนดี จนกระทั่งเลือกมานั่งที่คอมม่อนของคณะแทน


   “ ช่วงนี้ไม่เห็นหน้าไอ้กรมเลยหวะ” ผมนั่งดูดน้ำอยู่ ก็ได้ยินเสียงของพี่ๆในคณะพูดชื่อพี่กรมขึ้น ทำให้ผมเงียบและเงี่ยงหูฟังว่าพวกพี่ๆมันจะพูดว่าอะไร


   “ เออ ตั้งแต่ข่าวลือ หรือว่าจะเป็นเรื่องจริงวะ คนอย่างไอ้กรมเนี่ยนะไม่สนใจหญิง เสียดายหน้าตาสัดๆอะ”


   “ แต่เรื่องของมันป่าววะ” ผมยิ้มทันทีที่ยังพอจะมีคนเข้าข้างพี่มันบ้าง “ เรื่องเพศเปิดกว้างจะตาย กูว่าไอ้คนเขียนข่าวลือแม่งประสาทแดก” บวกหนึ่งไปเลยครับ


   “ ขึ้นอะไรว่ะมึงอะ เป็นไอ้กรมรึไง”


   “ กูก็แค่คิดไงว่ามันจะมาเอาเรื่องนี้มาเล่นทำไม ก็อย่างว่าพฤติกรรมดี เรียนเก่ง พ่อรวย โปรไฟล์ดีขนาดนี้ไม่มีเรื่องอื่นนอกจากเรื่องนี้แหละมั้ง ถึงได้เอามาเล่นเป็นประเด็น”


   “ อิจฉา ถ้ากูหน้าหล่อได้ครึ่งของมันนะกูแม่งฟันหญิงให้หมด”


   “ ฟันตีนกูหนิ” มันอดไม่ได้จริงๆครับที่จะห้ามไม่ให้พูดออกไปแบบนั้น


   “ ไอ้เชี่ยพี” ส่วนไอ้บิวที่นั่งอยู่ข้างๆก็ด่าผมออกมาเบาๆ


   “ เหมือนได้ยินใครด่าเลยหวะ” ไอ้พี่ๆข้างหลังบ่นเล็กน้อยแต่ไม่ได้มีท่าทีสนใจ จนกระทั่งผมรู้สึกเบื่อเลยหนีกลับหอนอนดีกว่า ไม่รู้จะไปไหนละครับ พี่กรมก็ไม่อยู่ให้เกาะ ส่วนไอ้บิวก็รีบกลับบ้านไปธุระกับครอบครับ เห็นสมควรว่าผมควรจะกลับไปพักผ่อนสมองบ้าง แล้วพรุ่งนี้มาลุยกันต่อครับ



PS.เจ๋งมันมีมูลมากกว่านั้น.....

มาลงชดเชยเด้อ เมื่อวานไรท์ไม่มีอารมณ์จริงๆ

ขอโทษนะคะไรท์อินกับการเลือกตั้งไปหน่อย อยากบอกว่าผิดหวังและหมด passion กับประเทศนี้จริงๆ ใครจะว่าไรท์อินเกินก็ได้นะ เพราะทุกอย่างต่อจากนี้มันก็คือเรื่องของชีวิตเราทั้งนั้น... ถ้าผู้นำไม่ดีแล้วใครจะรับประกันชีวิตเรา อนาคตเรา
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 17.3(25/03/62)+
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 25-03-2019 15:56:27
คนที่เจ็งทำงานให้ ใครกันนะ......  :katai1:
เจ๋งเรียกว่าท่านซะด้วย  ท่านไหนๆ   :m16:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 17.3(25/03/62)+
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 25-03-2019 22:28:53
เรื่องนี้เหมือนจะมีเงื่อนงำ.  :hao4:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 17.3(25/03/62)+
เริ่มหัวข้อโดย: nikpook ที่ 25-03-2019 23:39:33
เป็นกำลังใจให้น้องผีกับพี่กรม น้องผีใจเย็นๆนะ เจ๋งคือนิสัยเลวมากสารเลวมาก ไม่เข้าใจว่าท่านทำแบบนี้ทำไม คนที่จ้างเจ๋งสารเลวคือท่านพ่อพี่กรมใช่มั้ย  รอตอนต่อไปนะคะ เป็นกลจให้คุณไก่ทอดนะคะ :pig4: :L1: :3123:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 17.3(25/03/62)+
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 26-03-2019 22:18:07
พีก็ใจร้อนเกินไปนะ ทำไรไม่ค่อยคิดหน้าคิดหลัง พอมาเสียใจที่หลังมันก็ไม่น่าสงสารอ่ะ
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 17.3(25/03/62)+
เริ่มหัวข้อโดย: nikpook ที่ 27-03-2019 10:51:34
รออยู่นะคะ :3123:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 18 (27/03/62)+
เริ่มหัวข้อโดย: KJH177 ที่ 27-03-2019 14:14:48

บทที่ 18

สลับตัว




Jaota’s talk





              และแล้ววันที่ผมรอคอยก็มาถึงวันที่ผมจะมาเป็นไอ้กรมบ้าง สวัสดีครับผมลืมแนะนำตัวไป ผมเจ้าท่า ฐานินทร์ เป็นพี่ชายของไอ้กรมรินทร์น้องรักครับ ที่ทุกคนรู้ดีว่าไอ้กรมมันเป็นน้องชายฝาแฝดของผมเรื่องความหล่ออย่าให้คุยเชียวว่าผมหล่อกว่ามันมากโข จากเหตุการณ์เมื่อวานผมก็ต้องเข้ามาเรียนที่มหาลัยของไอ้กรม ไกลจากที่ผมอยู่เลยทีเดียว แต่คุ้มครับผมว่าคุ้ม แต่ตอนนี้ปัญหาก็คือ ผมจะต้องไปไหนต่อ





              “ ไอ้กรม??” ผมหันไปตามเสียงก่อนจะเจอผู้ชายสามคนที่ผมคุ้นๆหน้าเหมือนว่าจะเป็นเพื่อนของไอ้กรมมัน แต่ประเด็นผมดันจำชื่อมันไม่ได้ว่าพวกมันชื่อไรบ้าง





              “ ไง” ผมยกมือขึ้นทักทายพร้อมรอยยิ้มหล่อๆ





              “ ไงเหี้ยไร” เอ้า! ไอ้ฉิบหายแล้วปกติไอ้ท่ามันทักทายเพื่อนมันอย่างไงหวะ เอาแบบนี้ก็แล้วกัน





 “ สวัสดีครับ” ผมยกมือขึ้นพนมแนบอกพร้อมเท้าชิดเปิดปลายเท้าแยกเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆโค้งให้พวกเพื่อนๆของไอ้กรม





“ ไอ้กรม??? มึงเป็นส้นตีนอะไร” ไอ้คนตัวสูงที่หน้าตาหาเรื่องเดินมาตบหัวผมแรงๆหนึ่งทีก่อนที่มันจะจับผมหมุนไปหมุนมาเหมือนจ้องจะจับผิดอะไรบางอย่าง ผมมีพิรุธขนาดนั้นเลยหรอหวะ? ผมว่าไม่นะผมเหมือนไอ้กรมจะตายไป





“ เอ่อ..ผม ผมปกติครับ”





“ มึงไม่ปกติ” ส่วนไอ้หน้าหล่อ อะ ยอมให้มันหล่อกว่าผมก็ได้เดินขมวดคิ้วเข้ามาสมทบกับเพื่อนที่ตบหัวผมไป





“ ไปตัดผมมาหรอหวะ ย้อมด้วย เจาะหูด้วย” ส่วนอีกคนที่หน้าตาแบดๆหน่อยตามสไตส์ที่สาวๆชอบเดินมาจับผมของผมและพิจารณา





“ อ่า เปลี่ยนสไตส์ครับเพื่อน” ผมออกห่างจากพวกมันเล็กน้อย เดี๋ยวแม่งจะจับได้ว่าผมไม่ใช่ไอ้กรม





“ มึงออกมาได้ไงวะ ไหนว่าต้องรอกว่าพ่อมึงจัดการเสร็จ หรือจัดการเสร็จแล้ว” ผมกำลังคิดอยู่ว่าจะตอบเพื่อนๆไอ้กรมว่าอย่างไรดี แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ตอบไอ้เด็กพีว่าที่แฟนของน้องชายผมวิ่งเข้ามาสวมกอดผมอย่างจังจนผมเองไม่ทันได้ตั้งตัว





“ คิดถึง!!” ไอ้พีซุกหน้าลงมาที่ไหล่ของผม เป็นครั้งที่สองที่มันกอดผม แต่อยู่ๆมันก็ชะงักไปทันที  อย่าบอกนะว่าไอ้เด็กนี่จับได้แล้วว่าผมไม่ใช่ไอ้ท่า อยู่ๆไอ้พีมันก็รีบผลักออกและมองหน้าผมอย่างพิจารณา





“ ผมว่าหละ” ผมส่ายหัวทันทีก่อนจะเดินไปรวมกับพวกเพื่อนๆของไอ้กรม





“ อะไรไอ้พี” เพื่อนคนหนึ่งของไอ้กรมพูดขึ้นอย่างไม่เข้าใจในท่าทางของไอ้พี ผมพยายามทำสัญลกษณ์ว่าอย่าพูดอะไรออกไป แต่ไม่ทันครับ....ผมห้ามมันไม่ทัน





“ พี่เจ้าท่าพี่ชายฝาแฝดของพี่กรม”


 “ ห้ะ?????!!!”


เรียบร้อยไปตามระเบียบ ถูกจำได้เพราะไอ้พีคนเดียวเลยครับ...ลาก่อยบทบาทสมมติเป็นไอ้กรม





 

ตอนนี้ผมมานั่งที่โรงอาหารในคณะของไอ้กรมพร้อมกับเพื่อนๆและไอ้พี ทั้งหมดมันจ้องหน้าผมอย่างพิจารณา บางก็จับจมูก จับปาก จับหน้า บังคับให้ผมหันซ้ายทีขวาทีจนพวกแม่งมันพอใจถึงได้หยุด





              “ เหมือนเกินไป” ไอ้คนที่ถามมันแนะนำตัวว่ามันชื่อเทพบุตร แต่หน้าแม่งไม่เทพบุตรตามชื่อเลยครับ ทำไมผมมองว่าหน้าไอ้เทพมันแอบน่ารักกว่าชื่อมันอีกหวะ แต่ผมก็หยุดความคิดนั้นเพื่อตอบคำถามมัน





              “ ก็ฝาแฝดไง” ผมเองก็อธิบายไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมผมกับไอ้กรมมันถึงเหมือนขนาดนี้ ขนาดที่ว่าบางครั้งพ่อกับแม่ยังแยกไม่ออกเลยครับ





              “ แต่มันเหมือนเกินไปหวะ แต่ไอ้กรมมันออกไปทางลุคดูดี แต่มึงดูเลว”





              “ อยากได้คนเลวเป็นผัวไหมครับ” ผมยิ้มให้เทพบุตรด้วยรอยยิ้มที่ใครได้เห็นต้องพากันเป็นลมทุกที แต่ครั้งนี้ผมว่าไม่ใช่ว่ะครับ





              “ ผัวส้นตีนไรมึง” เทพบุตรไม่มีวี่แววหรือท่าทีเขินเลยครับ หรือว่าเวลามันเขินมันจะแกล้งด่ากลบเกลื่อนไปอย่างนั้น





              “ แล้วมึงมาทำไมหวะ?” คนที่ดูหล่อที่สุดที่มันแนะนำว่าชื่อ วิน หรือ ชวิน ถามขึ้นมา





              “ แค่อยากรู้ว่าสังคมของไอ้กรมมันเป็นอย่างไง แล้วก็อยากรู้ว่าใครคือคนที่มันชอบหาเรื่องไอ้กรม” นี่คือเจตนารมณ์ของผมเองครับที่มาวันนี้





              “ เออดี วันนี้มันมีควิซ” ไอ้ชวินอะไรนั้นพูดขึ้นผมนี่อึ้งเลยครับ คือผมกะมาแค่เล่นๆแต่ไม่คิดว่าจะต้องมาจริงจังอะไรขนาดที่จะควิซแทนไอ้น้องชายได้





              “ มึงเรียนคณะอะไร”





              “ เรียนรัฐศาสตร์เหมือนกัน แต่ว่า..คนละสาขานะ” ผมนั่งอธิบายให้พวกมันฟังว่าผมเรียนสาขาการระหว่างประเทศซึ่งเหมือนเพื่อนคนหนึ่งของไอ้กรมมันก็เรียนอยู่สาขาเดียวกับผม ตอนแรกก็แค่กะจะมาเอาขำแต่แม่งไม่ขำแล้วครับเมื่อตอนนี้ผมต้องมานั่งควิซเกี่ยวกับสภาพเศรษฐกิจโลกซึ่งมีเนื้อหาที่ผมเคยเรียนไปแล้วบ้าง แต่ก็ดีที่ควิซวิชานี้เพราะผมบอกไปแล้วว่าผมเรียนการระหว่างประเทศมันก็ค่อนข้างที่จะง่ายเลยทีเดียว เดี๋ยวผมจะอธิบายเกี่ยวกับควิซนี้ให้ฟังนะครับ





              จงอธิบายแนวคิดของ เคนส์ ในระบบเศรษฐกิจ และให้วิเคราะห์ว่าประเทศไทยสามารถใช้ลักษณะเศรษฐกิจแบบของเคนส์ได้ไหม แล้วถ้าได้จะใช้ในช่วงของยุคสมัยไหน





              ก่อนอื่นเลยนะครับ...ผมต้องเขียนคำตอบลงไปในกระดาษก่อน วิชานี้เป็นวิชาที่ไอ้เทพบุตรอะไรนั่นบอกว่าเป็นวิชาเรียนรวมหรือเรียกว่าเป็นวิชาแกนของคณะที่ทุกสาขาต้องเรียน และโชคดีไปอีกที่ว่าเพื่อนๆของไอ้กรมมันก็เรียนเซคเดียวกับผม ก็อุ่นใจครับดีกว่าผมต้องนั่งเรียนโง่ๆอยู่คนเดียว





              “ ถ้าเสร็จแล้วส่งเลยนะคะ” อาจารย์ผู้หญิงอายุน่าจะไม่เยอะพูดขึ้นท่ามกลางเสียงบ่นของนักศึกษา เพราะอาจารย์พึ่งแจกกระดาษไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็เรียนเก็บแล้ว ดูท่าว่าน่าจะยังไม่มีใรเสร็จครับ ถึงเวลาที่พี่จะแสดงให้ทุกคนเห็น ไอ้กรมมึงต้องเฉิดฉายในวิชานี้





              ผมเลื่อนเก้าอี้ออกก่อนจะเดินหยิบกระดาษที่ผมเขียนคำตอบเสร็จเดินหล่อๆไปส่งให้อาจารย์สาวที่นั่งรอรับกระดาษอยู่หน้าห้อง อาจารย์เธอรับกระดาษคำตอบของผมมามองที่คำตอบที่ผมเขียนเล็กน้อย จากรอยยิ้มที่มุมปากของอาจารย์ผมว่าอาจารย์น่าจะพอใจในคำตอบของผมระดับหนึ่งนะครับ     



   

              “ ดีมากกรมรินทร์”





              “ ครับอาจารย์” ผมยิ้มและโค้งให้อาจารย์เธอเล็กน้อยก่อนจะเดินล้วงกระเป๋ากางเกงกลับเข้ามาที่เดิม ผมเห็นว่าเพื่อนของไอ้กรมเองก็ตั้งใจทำกันอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะไอ้ข้างๆผมอย่างเทพบุตร





              “ ช่วยไหม?” ผมยื่นหน้าไปใกล้ๆผมที่กำลังขมวดคิ้วอยู่





              “ ไม่ต้องเสือก” รุนแรงดีครับ ผมชอบ ตอนนี้ผมว่างจะมาบรรยาลักษณะไอ้เทพบุตรให้ทุกฟังจินตนาการอย่างคร่าวๆนะครับ





              ไอ้เทพเป็นคนที่ไม่ได้สูงมากเมื่อเทียบกับเพื่อนๆในกลุ่ม แต่ไม่ได้ตัวเล็กหรือเตี้ยล้ำเหมือนไอ้พี หน้าตาของมันก็ค่อนข้างที่ขาวเนียนแต่ติดที่หนวดที่มันไว้ทำให้บดบังใบหน้าเนียนๆของมัน มาที่ตากันบ้างครับไอ้เทพเป็นบุคคลที่ตาตี่เรียกได้ว่าตาชั้นเดียวแบบลูกคนจีน คิ้วไม่หนาไม่บางกำลังได้อยู่ครับ ลงมาที่จมูกจัดได้ว่าโด่งได้รูปเลยทีเดียวแต่โด่งน้อยกว่าผมนิดนึง ส่วนปาก...อื้อ ก็บางดีครับสีออกแดงคล้ำๆตามสไตส์ผู้ชายที่น่าจะสูบบุหรี่แต่ไม่จัดเท่าไหร่





              “ จ้องหน้ากูหาพ่อมึงหรอ?”  ไอ้เทพมันวางปากกาลงบนโต๊ะพร้อมกับสายตาที่ส่มาให้ผมอย่างไม่เป็นมิตร





              “ หาอย่างอื่นได้ไหมครับ”





              “ ส้นตีนกูอะได้ มาดิ” เทพบุตรไม่อ่อนโยนเลยแหละครับ ผมก็พึ่งรู้อีกเหมือนกันแหละว่าเพื่อนไอ้กรมก็น่ารักดี ไว้ผมจะมาเล่นกับเทพบุตรใหม่ถ้ามีโอกาส ไม่รู้นะว่าไอ้กรมมันจะว่าอะไรไหมถ้าผมจะเต๊าะเพื่อนมันแบบนี้





              “ เสร็จแล้วหรอครับ” ผมเท้าคางยิ้มให้เทพที่นั่งหน้างออยู่ข้างๆ





              “ ไม่ยุ่งเรื่องของกูสักเรื่องมึงจะตายไหมวะไอ้ท่า มึงกับกูพึ่งเคยเจอกันนะ”





              “ ใครว่าหละ...” ผมก็เคยบอกไปแล้วว่าผมแอบสืบเรื่องไอ้กรมก็บ่อย ก็พอจะรู้จักบ้างแต่....ตอนนั้นผมไม่ได้สนใจ





              “ K” เทพยกนิ้วกลางให้ผมพร้อมกับคำด่าที่รุนแรงก่อนที่มันจะเดินไปส่งควิซกับอาจารย์ และกลับมานั่งที่เดิมโดยที่ไม่สนใจผมอีกเลย ส่วนเพื่อนอีกสองคนของไอ้กรมก็หน้าตาดีนะครับหล่อเลย แต่ขอโทษ..พอดีผมไม่ค่อยอยากจะยุ่งเท่าไหร่







 

              ผมว่าภารกิจวันนี้ของผมน่าจะพอแล้ว แม้ว่าจะไม่เจอคู่อริของไอ้กรมก็ตาม ไว้ผมจะมาใหม่ก็แล้วกันนะครับ อ่อนโยนแก่จุดซ่อนเร้น เล่นกับจุดอ่อนไหว อยากรู้ว่าเป็นอย่างไร กระซิบบอกเจ้าท่าได้ทุกนาที อะฮึ๋ย! สโลแกนผมแม่งโคตรเด็ด







 

ความยาวเกินต่อด้านล่างเด้ออ


PS. ความรักมาพร้อมอุปสรรค์

วันนี้มาชดเชยแบบไม่ตัดตอนไปเลยเด้อ ชดเชยเมื่อวาน เมื่อวานไรท์ติดนิยายจนลืมดูเวลาอ่านจบก็ดึกสุดๆไปเลย

อย่าโกรธไรท์นะทุกคนนนนนน

จะจบแล้วนะคะเรื่องพี่กรม ฝากเรื่องพี่คินไว้ในอ้อมใจด้วยเด้อ

หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 18 (27/03/62)+
เริ่มหัวข้อโดย: KJH177 ที่ 27-03-2019 14:17:11

ต่อจ้าาาาาาาาาาาาา

Pee’s talk





              วันนี้ผมดีใจมากที่เห็นว่าพี่กรมมาเรียนแต่.....เหมือนดับฝันเมื่อรู้ว่านั้นไม่ใช่พี่กรมของผม แต่เอาเถอะก็แค่ได้เห็นหน้าที่คล้ายๆกันก็โอเค  พอให้หายคิดถึง..





              “ ไอ้บิวแดกข้าวไหมมึง” เมื่อเลิกเรียนเสร็จไอ้บิวถามผมขึ้น ปกติผมก็ไปกินข้าวกับพวกมันแหละครับไอ้เจ๋งด้วย แต่มันคงจะไม่มีอีกแล้ว ผมเห็นว่าเลิกเรียนแล้วไอ้เจ๋งรีบเก็บของออกจากห้องไปเลย ผมยอมรับเลยว่าตอนนั้นผมอารมณ์ร้อนเกินไป แต่พอมาคิดได้..ทำไมผมถึงไม่ถามเหตุผลว่าทำไมมันถึงทำอย่างนั้นกับผม เอาไว้ผมมีสติมากกว่านี้ผมพจะเข้าไปถามมันก็แล้วกัน





              “ ที่ไหน”





              “ ห้างไหม อยากดูหนังด้วย” ผมพยักหน้าให้ไอ้บิวตามที่มันชวน ช่วงนี้ผมเองก็ไม่ได้ไปดูหนังเลยครับ ไปพักผ่อนสมองบ้างก็ดี





              ผมมีเรื่องกังวลอยู่อีกหนึ่งเรื่องก็คือ...ผมยังไม่ได้บอกพี่กรมว่าผมถูกตัดสิทธิ์ออกจากการแข่งขัน ในข้อหาที่ผมไปต่อยไอ้เจ๋งวันนั้น ผมไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าผมบอกพี่กรมไปพี่กรมจะโกรธผมไหม เขาชอบย้ำกับผมว่าผมไม่ควรใช้กำลังในการตัดสินปัญหา แต่ผมทำไปแล้ว ตอนนั้นผมไม่มีสติจริงๆ ผมปล่อยให้ความโกรธเข้าครอบงำจนได้





              “ กินข้าวไหมมึง” ตอนนี้ผมกับไอ้บิวมาถึงที่ห้างหลังจากที่วนหาที่จอดรถอยู่นานจนกระทั่งได้ที่จอดก็ปาไปหลายนาทีเลยทีเดียวครับ





              “ เอาดิๆ” ผมเองก็ตอบรับคำชวนของไอ้บิวทันทีเพราะผมก็เริ่มหิวแล้วเหมือนกัน





              “ แหลมเจริญไหม 888 อยากแดกปลาทอด”





              “ เอาๆๆ” ผมเดินตามไอ้บิวเข้าไปในร้านแหลมเจริญ ดีครับช่วงนี้คนไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่เลยไม่รอคิวนาน เมื่อเดินเข้ามานั่งไอ้บิวก็เป็นคนจัดแจงสั่งอาหาร เมื่อมีเวลาว่างผมเลยเล่นโทรศัพท์ขึ้นมาเช็คเพื่อว่าพี่กรมมันจะตอบผมบ้าง เมื่อกดเข้าไปในแอพลิเคชั่นประจำที่คุยก็ไม่ขึ้นว่าพี่มันตอบหรือแม้กระทั่งอ่านข้อความเลย





              “ หน้าบึ้งอะไรหวะ?” ไอ้บิวถามขึ้นเมื่อเห็นว่าผมสไลด์โทรศัพท์เก็บเข้ากระเป๋ากางเกงเหมือนเดิม





              “ มึงเคยคิดถึงใครมากๆไหม”





              “ อารมณ์ไหนของมึงหวะ” ไอ้บิวเองก็เลิกสนใจโทรศัพท์ของตัวเองทันทีเมื่อผมเอ่ยถาม “ คิดถึงพี่กรม?”



              “กูว่ากูรักเขาหวะ กูรู้สึกแล้ว” ผมยอมรับแบบแมนๆเลยครับว่าผม..รักพี่มัน มันไม่ใช่แค่ชอบแล้ว ผมเลิกหลอกตัวเอง เลิกหลอกความรู้สึกทุกอย่าง จริงๆมันก็ชัดเจนมานานแล้วแต่ว่าการที่เห็นไอ้เจ๋งมันโพสแบบนั้นที่ทำให้พี่กรมเสียหาย ผมแทบจะไม่สามารถควบคุมอะไรได้เลย ซึ่งผมก็ต้องขอบคุณมันเหมือนกันที่ช่วยกระตุ้นให้ผมรู้ใจตัวเองและกล้าที่จะยอมรับมากขึ้น “ กูคิดถึงจนแทบจะทำอะไรไม่ได้ กูอยากบุกไปหาพี่มันอีกแต่...กูทำไม่ได้ กูไม่รู้ว่ากูต้องทำอย่างไงอะบิว กูต้องทำอย่างไงให้พ่อพี่มันยอมรับ”


              “ ไอ้พีมึงอาการหนักจริงๆหวะ”





              “ กูไม่เคยจริงจังกับใครเท่านี้เลยนะมึง ความคิดถึงแม่งทรมานฉิบหาย” ผมเคยบอกไปแล้วว่าผมไม่เคยมีแฟนมาก่อน โอเคอาจจะมีความรักแต่แม่งก็เป็นความรักเด็กๆไอ้ผมเองก็ไม่ได้จริงจังอะไรมาก จนกระทั่งมาเจอพี่กรมผมผ่านอะไรมากับพี่มันก็เยอะอยู่นะครับ และมันก็มากพอที่จะทำให้ผมมั่นใจว่าพี่มันคือคนที่จะเข้ามาเติมเต็มในส่วนที่ผมขาดหาย   “ กูเข้าใจมึง” ส่วนไอ้บิวก็ทำหน้าที่เป็นผู้ฟังที่ดีของผมต่อไป ไม่ว่าผมจะเล่าหรือระบายอะไรให้มันฟังมันก็มีอารมณ์ร่วมตลอด ที่สำคัญคือมันไม่ขัดผมเลยครับ





              และแล้วอาหารที่รอคอยก็มาเสิร์ฟที่โต๊ะทั้งหมดสี่อย่างตามที่บิวสั่ง ก่อนที่จะรับประทานไอ้บิวมันก็เตรียมจะจิ้มปลาทอดน้ำปลาที่มันหมาย แต่ผมตีมือมันก่อนเพราะว่าผมยังไม่ได้ถ่ายรูป





แชะ





น้องพีสุดหล่อจนพ่อต้องตะลึง : sent a photo





              ผมกดถ่ายรูปอาหารส่งไปให้พี่กรมในไลน์ ก็รู้นะว่าอย่างไงพี่มันก็ไม่อ่าน แต่ได้แค่ส่งผมก็รู้สึกดีแล้วแหละครับมันกลายเป็นกิจวัตรประจำทุกวันที่ผมต้องทำ





              หลังจากที่ถ่ายรูปส่งไปให้พี่กรม ผมก็กลับมานั่งกินอาหารกับไอ้บิวต่อ เราก็คุยกันไปเรื่อยครับจนกระทั่งผ่านไปไม่นานอาหารสี่อย่างก็ถูกผมและไอ้บิวจัดการไปหมดแล้วเรียบร้อย





              “ ไอ้พี!” อยู่ๆไอ้บิวก็รียกผมเสียงดังเหมือนว่ามันตกใจอะไรบางอย่าง “ อย่าหันไปมึง” ผมขมวดคิ้วด้วยความสงสัยเมื่ออยู่ๆไอ้บิวก็ทำท่าทีร้อนรนจนผมหันไปมองทางด้านหลังแต่มือไอ้บิวกลับจับหน้าผมเอาไว้ก่อน





               “อะไรมึงวะ?” ผมพยายามแกะมือมันออก ท่าทางไอ้บิวตอนนี้โคตรมีพิรุธเลยครับ “ อะไร บอกกูไอ้บิว”


              “ เอ่อ..ไม่มีอะไรมึง ไม่มีจริงๆ”


              “ ไอ้บิว นั่นคนเจ็ดหัวนี่หว่า” ผมชี้ไปทางด้านหลังของมันเพื่อให้ไอ้บิวหันไปสนใจ และใช้จังหวะนี้หันไปมองด้านหลังของตัวเอง และภาพที่ผมเห็นก็คือ...พี่กรมเดินมากับผู้หญิงคนหนึ่งในท่าที่ว่าผู้หญิงคนนั้นกอดแขนพี่กรมเอาไว้อย่างแนบแน่น และสีหน้าพี่กรมที่ดูยิ้มแย้มไม่มีท่าทีขัดขืนเลยแม้แต่น้อย





              “ อืม” ผมว่าผมพอจะเข้าใจอะไรบางอย่าง และนั่นทำให้ผมไม่สามารถควบคุมสติตัวเองได้ เดินออกไปนอกร้านและตรงไปหาพี่กรมทันที





              “ พี่” ผมเดินออกไปขวางทางพี่กรมที่เดินไม่สนใจ เมื่อพี่มันได้ยินเสียงที่ผมเรียก พี่มองหน้าผมด้วยสีหน้าที่ตกใจเล็กน้อย





              “ ฉิบหาย” ไอ้บิวที่วิ่งออกมาจากด้านนอกของร้านร้องขึ้น เมื่อผมยืนเผชิญหน้ากับพี่กรมเต็มๆ





              “ ใครคะกรม” ผู้หญิงท่าทางดูมีภูมิฐานมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะหันไปถามพี่กรมที่ตอนนี้มองสบตาผมนิ่งๆ





              “ รุ่นน้องที่มหาลัยครับ”





              “ ครับ รุ่นน้องที่เคยเกือบจะได้กัน” ผมไม่รู้ว่าตอนนั้นผมคิดอะไรอยู่ ทำให้ปากผมพูดออกมาแบบนั้นโดยที่ไม่ทันได้คิดอะไร





              “ พี”





              “ ไอ้พี!!” ไอ้บิวเข้ามาพาตัวของผมให้ออกห่างไปจากตรงนี้แต่ผมขืนตัวฝืนเอาไว้ ในเมื่อพี่มันกล้าพูดกับผมแบบนี้มันสองครั้งแล้วครับ สองครั้งที่พี่มันไม่อธิบายอะไรเลย





              “ ขอโทษแทนเพื่อนผมด้วยครับ เพื่อนผมมันเมา” ไอ้บิวมันโค้งตัวให้พี่กรมก่อนที่มันจะดึงตัวของผมให้ออกมา ถึงแม้ว่าผมจะยอมเดินตามแรงดึงของไอ้บิว แต่สายตาของผมยังคงมองพี่กรมอยู่





              “ มึงไม่น่าพูดแบบนั้นเลยไอ้พี” ทันทีที่มันพาผมออกมาจากบริเวณตรงนั้นมาหาที่นั่งเพื่อให้ผมได้สงบสติอารมณ์





              “ ทำไม กูพูดผิดตรงไหนวะ?”





              “ ไม่คือ...เออ กูไม่รู้จะพูดอย่างไง แต่มึง...มึงน่าจะคิดมากกว่านี้” ไอ้บิวมันพูดออกมาตรงๆและนั่นทำให้ผมรู้เลยว่าครั้งนี้ผมเอาชนะอารมณ์ตัวเองไม่ได้อีกตามเคย





            “ มาคุยกันหน่อย” ผมเงยหน้าขึ้นมองตามเสียงที่คุ้นหู เห็นว่าเป็นพี่กรมที่ยืนทำหน้าเครียดอยู่ตรงหน้าผม ไม่รู้ว่าพี่มันมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ว่าทำไมผมไม่อยากจะไปคุยตามที่พี่มันบอกเลย





              “...”





              “ พี”





              “ ไอ้พี งั้นเดี๋ยวกูมา” เมื่อไอ้บิวเห็นว่าผมไม่มีทีท่าว่าจะยอมไปตามที่พี่กรมบอก มันก็เป็นเพื่อนที่ดีเป็นฝ่ายลุกขึ้นหนีไปเอง ทำให้ตอนนี้พี่กรมนั่งแทนที่ไอ้บิว





              “ พี คุยกันหน่อย”





              “ พี่จะคุยอะไร”





              “ บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าใช้อารมณ์”





              “ แล้วทำไมอะ ใช้อารมณ์แล้วมันเป็นอย่างไง” ผมหันไปมองหน้าพี่มันตรงๆ “ ผมทนไม่ได้ว่ะ พี่มันสองครั้งละนะ เออ ผมไม่มีสิทธิ์ก็จริง แต่พี่แม่ง เกินไปหวะ”





              “ พี แค่นี้มึงยังคิดไม่ได้”


              “ แล้วให้ผมคิดอะไร พี่เคยบอกอะไรผมสักอย่างไหม เหมือนผมพยายามอยู่คนเดียว” เมื่อผมพูดออกไปแบบนั้น สีหน้าพี่กรมดูเข้มขึ้นทันที


              “ แล้วรู้ได้ไงว่ากูไม่พยายาม การพยายามมันต้องให้ใครรู้ด้วยหรอวะ”





              “ ก็ไม่ แต่พี่ก็ควรบอกให้ผมรู้ไหมอะพี่กรมว่าพี่กำลังทำอะไร”





              “ ถ้ากูบอกมึงได้ กูบอกไปแล้วพี่ ที่กูทำทุกอย่างตอนนี้ก็เพื่อมึงทั้งนั้น”


              “ ไปมีความสุขกับผู้หญิง นี่คือเพื่อผมอย่างนั้นดิพี่? ถ้าผมไปทำอย่างนั้นบ้างแล้วอ้างเหมือนพี่อย่างนั้นก็ได้ดิ”


              “ มึงไม่มีเหตุผล”





              “ ครับ ยอมรับ” พี่กรมพยายามระงับสติอารมณ์ให้มากที่สุด ก่อนที่พีจะลอบถอนหายใจออกมา “ กูพยายามอยู่ ถ้ามึงไม่รู้กูจะบอกเอาไว้”





              “ ครับ”





              “ อย่าเป็นแบบนี้” พี่กรมเอื้อมมือมาจับมือผมเบาๆ “ อย่าใช้อารมณ์เคยบอกไปกี่ครั้งแล้ว”





              “ ก็ผมทนไม่ได้”     





              “ พี กูบอกอะไรมึงไม่ได้จริงๆ” พี่กรมเหลือบไปมองทางด้านหลังของผมแต่ผมก็ไม่ได้หันไปมองตาม จากมือที่จับอยู่ในตอนแรกก็ค่อยๆปล่อยออกมาจากมือของผมอย่างช้าๆ เหมือนว่าเขาจำเป็นต้องปล่อยออกก่อนในตอนนี้ “ แต่อยากให้รู้ไว้ว่าทุกอย่างกูพยายาม แต่มันจะสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อมึงพยายามด้วย มันขึ้นอยู่ที่มึง จำคำพูดกูเอาไว้นะพีว่ามันขึ้นอยู่ที่เราสองคน” ผมนั่งคิดถึงคำพูดที่พี่กรมพูด ผมยอมรับเลยว่ามันโคตรไม่เข้าใจเลย การที่พี่กรมอธิบายแบบนี้มันทำให้ผมต้องคิดอีกชั้นให้ลึกไปกว่าเดิม ผมต้องพยายาม? แล้วผมต้องพยายามในเรื่องอะไร





              “ ผมไม่เข้าใจ”





              “ มึงทำพลาดไปแล้วหนึ่งเรื่อง แต่น่าจะพอมีโอกาสอยู่ อย่างไงกูก็จะพยายามให้มันดีที่สุดสำหรับเรา” ผมทำพลาด? ผมทำอะไรพลาดไป





              “ ผมทำอะไรพลาด”





              “ กูบอกอะไรไม่ได้ นอกจากอารมณ์ของมึง” อารมณ์ของผม...ผมนั่งทวนคำพูดของพี่กรมซ้ำไปซ้ำมาก่อนที่จะปะติดปะต่ออะไรได้บางอย่าง





              “ พี่อย่าบอกนะว่า...” ยังไม่ทันที่ผมจะพูดออกมาพี่กรมใช้นิ้วชี้ของเขาแตะเข้าที่ริมฝีปากของผมอย่างแผ่วเบา   “ ขอโทษที่ไม่ได้บอกอะไรเลย แต่พูดได้แค่นี้จริงๆ” พี่กรมดูอ่อนไปจากตอนแรกที่เข้ามาหาผมและบอกว่าอยากคุยด้วย ท่าทีตอนนั้นคือพี่กรมมีสีหน้าที่จริงจังมาก มากกว่าตอนนี้





              “ พี่ผม...”





              “ มึงทำดีที่สุดแล้ว แต่กู...เชื่อว่าทำได้ดีมากกว่านี้นะ” เมื่อพี่มันพูดจบพี่กรมก็ลุกขึ้นจากที่นั่งข้างๆผมทันที แต่ยังไม่ทันที่พี่มันจะได้ไปไหน ผมรั้งแขนพี่มันเอาไว้ก่อน ส่วนพี่กรมเองก้มลงมองที่มือของผมที่จับมือของพี่มันเอาไว้พร้อมกับส่งรอยยิ้มที่ละมุลส่งมาให้ผมที่นั่งอยู่





              “ เมื่อไหร่”





              “ อีกไม่นานเกินรอ” พี่กรมใช้มืออีกข้างวางบนศีรษะของผมเบาๆ “ จะบอกอะไรให้ฟัง” พี่กรมโน้มตัวลงมาใกล้ๆผม พร้อมกับกระซิบที่ข้างๆหู





              “ ......”





              “ กูรู้สึกกับใครไม่ได้อีกแล้ว”





              “ ผะ...ผม”





              ไอ้เชี่ย!!! ทำไม ทำไม ทำไม เกิดคำถามขึ้นมากมายอยู่เต็มไปหมด แต่แล้ว....ผมก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป ในเมื่อพี่กรมมันทิ้งระเบิดเอาไว้และเดินหายออกไปจากตรงที่ผมนั่ง





              ผมต้องทำให้ได้มากกว่านี้ มากกว่าที่พี่กรมกำลังพยายาม

 

Jaokom’s talk





              ผมเดินออกมาหลังจากที่พูดกับไอ้พีไป รอยยิ้มในตอนนั้นมันค่อยๆลบเลือนหายไปเมื่อผมเดินออกมา รอยยิ้มที่ผมพยายามทำให้ผมสบายใจว่าทุกอย่างมันกำลังจะดีขึ้น แต่จริงๆแล้วตัวของผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะดีอย่างที่ผมบอกกับพีไปไหม แต่ที่แน่ๆตอนนี้ผมต้องมาแก้ตัวชุดใหญ่กับระเบิดที่ไอ้พีมันปล่อยเอาไว้





              “ อย่างไงคะกรม มัทไม่เข้าใจ” ทันทีที่ผมเดินกลับเข้ามาในร้านอาหารที่ ‘มัทนา’ เป็นคนเลือก โดยที่ผมอ้างกับเธอว่าขออนุญาตไปเข้าห้องน้ำในช่วงที่ผมไปหาพี





              “ อ่อ ก็รุ่นน้องไม่มีอะไรหนิครับ” ผมค่อยๆเลื่อนเก้าอี้นั่งลงตรงข้ามกับเธอ “ มัทสั่งอะไรไปรึยังเอ่ย”





              “ กรมเปลี่ยนเรื่อง” ผมลอบถอนหายใจออกมาทันทีที่เธอยังคงจ้องหน้าผมด้วยสายตาที่จับผิด “ มัทว่าเด็กคนนั้นเหมือนหึงกรมอย่างไงอย่างงั้นค่ะ” ไอ้พีหึงผม? อ่า ก็รู้สึกดีขึ้นมาหน่อยหลังจากที่ผมต้องเครียดมาหลายวัน ว่าแต่ว่ามันแสดงออกชัดจนมัทสังเกตเห็นได้ก็ถือว่าน่าจะเอาเรื่องอยู่





              “ มัทคิดมากไป กรมบอกว่าไม่มีอะไรก็ไม่มีอะไร มัทไม่เชื่อกรมหรอครับ” เมื่อเห็นว่าท่าไม่ดี ไอ้ผมก็งัดไม้ตายทำสายตาออดอ้อนปนขอร้องตามที่ไอ้ท่ามันเคยสอนผมเมื่อนานมาแล้ว





              “ โถ่กรมคะ เชื่อก็ได้ค่ะ” ก็แค่ยิ้มทำสีหน้าสลดลงนิดหน่อย แต่ทำให้มัทยอมเชื่อได้ผมว่ามันก็คุ้มแล้วครับ









ต่อจ้าด้านล่างอีกจ้า

PS. ความรักมาพร้อมอุปสรรค์

วันนี้มาชดเชยแบบไม่ตัดตอนไปเลยเด้อ ชดเชยเมื่อวาน เมื่อวานไรท์ติดนิยายจนลืมดูเวลาอ่านจบก็ดึกสุดๆไปเลย

อย่าโกรธไรท์นะทุกคนนนนนน

จะจบแล้วนะคะเรื่องพี่กรม ฝากเรื่องพี่คินไว้ในอ้อมใจด้วยเด้อ
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 18 (27/03/62)+
เริ่มหัวข้อโดย: KJH177 ที่ 27-03-2019 14:17:43
ต่อจ้าาาาาาาาาาา


              ก่อนอื่นผมคงต้องอธิบายสถานการณ์ตอนนี้ของผมก่อน เพื่อให้หายส่งสัย จำได้ไหมครับวันที่ไอ้พีมันเดินไปบอกพ่อของผมว่าให้ผมคบกับมันได้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามมาก็คือ





              ‘พ่อรับไม่ได้จริงๆกรม’ ผมเองก็เข้าใจท่านนะครับว่าน่าจะรับไม่ได้ โดยเฉพาะกับผม สีหน้าของพ่อดูแย่และผิดหวังมาก มันเป็นอย่างที่ผมคิดเอาไว้ไม่มีผิด





            ‘ กูไม่คิดว่ามันจะมาบอกเร็วขนาดนี้ กูกลับก่อนนะ ถ้ามีอะไรก็โทรมา’ ไอ้ท่ามันทิ้งไว้แค่นั้นก่อนที่มันจะเดินออกจากบ้านไป ทำให้ตอนนี้เหลือเพียงแค่ผมกับพ่อสองคน





              ‘ พ่อ’





              ‘ กรม...พ่อพยายามจะรับมันให้ได้นะ แต่พ่อก็ทำไม่ได้’


              ‘ ก็แค่ผมชอบเพศเดียวกัน ผมไม่ได้ฆ่าใครตายนะพ่อ’


              ‘ ก็รู้ แต่แกไม่เข้าใจฐานะบ้านเรารึไง’ ผมกรอกตาขึ้นทันทีที่พ่อใช้ข้ออ้างเรื่องฐานะน่าตาทางบ้านขึ้นมาใช้กับผมอีกเป็นครั้งที่สอง เมื่อครั้งแรกพ่ออ้างเรื่อนี้ตอนที่บังคับให้ผมสอบเข้าและเรียนคณะรัฐศาสตร์ โดยอ้างเหตุผลว่าบ้านของเราเป็นนักการเมืองควรเรียนและทำงานด้านนี้ ผมแม่งโคตรไม่เข้าใจ แต่ผมก็ยอมเพราะเห็นว่าเนื้อหาและหลักสูตรมันก็น่าจะไปทางอื่นได้โดยไม่ได้เข้าทางสายการเมืองเหมือนที่พ่อหวัง


              ‘ ไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้นครับ’


              ‘ กรม แกไม่เคยดื้อกับพ่อ’


              ‘ พ่อครับ ผมขอแค่เรื่องนี้ พ่อบังคับผมมาเยอะแล้ว แค่เรื่องหัวใจให้ผมตัดสินเองไม่ได้หรอครับ?’         





              ‘ แล้วหัวใจมันกินได้ไหม มันเลี้ยงปากเลี้ยงท้องแกได้ไหม’





              ‘ พ่อพูดแบบนี้หมายความว่าไง?’ ผมว่าคำพูดของพ่อมันแปลกๆ ถ้าเป็นอย่างที่ผมคิด....





              ‘ พ่อหาคนที่คู่ควรให้แก่ได้แล้ว’ และก็เป็นอย่างที่ผมคิด


              ‘ ผมไม่อยากจะพูดแรงๆกับพ่อนะ แต่พ่อพอเถอะครับเงินที่ได้มาที่มีมามันยังไม่พอใช้อีกหรอ? หรือต้องมันเยอะขนาดไหนพ่อถึงจะพอใจ ถามจริงๆนะพ่อ ที่พ่อทำอยู่เพื่อผมหรือเพื่อตัวเอง’ หลังจากที่ผมพูดจบสีหน้าของพ่อดูโกรธและไม่พอใจ แต่ท่านก็ไม่ได้แสดงท่าทางออกมา ส่วนหนึ่งผมคิดว่าที่ผมพูดมันเป็นเรื่องจริง


              ‘ ทุกอย่างก็เพื่อแก พ่อยืนยันคำเดิม’





              ‘ ถ้าเพื่อผมจริงก็อย่าบังคับ ผมโคตรอึดอัดเลย’





              ‘ กรม แต่คิดตื้นๆแบบนี้ไม่ได้’





              ‘ มันต้องลึกแค่ไหนครับพ่อ’ ถือว่าเป็นครั้งแรกๆเลยก็ว่าได้ที่ผมลุกขึ้นมาเถียงพ่อโดยไม่มีเหตุผลจริงๆจัง ผมแค่อยากประท้วงก็เท่านั้น





              ‘ แกรักไอ้เด็นนั้นจริงๆหรือแค่อยากประชดที่พ่อชอบบังคับ’





              ‘ ........’





‘ ลองคิดดีๆ แล้วค่อยมาคุยกับพ่อนะกรมมันไม่สาย’ อยู่ๆพ่อก็พูดออกมาแบบนั้นจนทำให้ผมเองก็อึ้งไปอยู่เหมือนกันว่าจริงๆแล้ว ความรู้สึกดีนี้มันคือการที่ผมหลอกตัวเองให้ชอบไอ้พีเพื่อจะได้หามาเป็นข้ออ้างในการต่อต้านการบังคับ หรือผมรู้สึกดีกับมันจริงๆและอยากดูแลมันในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง





              ‘ ผมชอบ ไม่ดิ มากกว่าชอบ’ ยังไม่ทันที่พ่อจะก้าวเดินออกจากห้อง ผมตอบคำถามที่พ่อทิ้งเอาไว้ ‘ไม่ต้องรอผมคิดได้ ผมรู้ว่าถ้าพ่อปล่อยให้ผมคิดนั่นเท่ากับว่าผมลังเล ดังนั้นไม่ต้องหลอกให้ผมคิด เพราะคำตอบของผมมีคำเดียวและจะไม่เปลี่ยนไปแน่นอน ผมชอบไอ้พีครับ’ การที่พ่อให้โอกาสผมกลับไปคิดนั่นก็เท่ากับว่าท่านได้คำตอบอยู่แล้วว่าผมไม่ได้ชอบมันจริงๆ เพราะถ้าผมชอบมันก็ไม่ควรที่จะกลับไปคิด พ่อเป็นแบบนี้....และเป็นแบบนี้มานานแล้ว





              ดังนั้นเรื่องที่ผมอยากจะบอกก็คือ..ผมชอบไอ้พีจริงๆครับ ไม่ได้ใช้มันเป็นเครื่องมือในการต่อต้านอย่างที่พ่อของผมคิด





              ‘หึ มันไม่ง่ายกรม’ พ่อไม่ได้ตอบอะไรและก้าวเดินออกจากห้องนั่งเล่นไปทันที และทิ้งให้ผมนั่งอยู่ที่นั้นคนเดียวก่อนที่ผมจะโดนลุงชัยคนสนิทของพ่อมาเก็บโทรศัพท์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆของผมไปจนหมด และสั่งห้ามไม่ให้ผมได้ออกไปไหนและติดต่อกับใคร ลุงชัยบอกว่านี่คือคำสั่งของพ่อ และทำให้ผมรู้เลยว่าพ่อกำลังทดสอบอะไรบางอย่างอยู่ ที่ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน จนกระทั่งวันที่ไอ้พีมันบุกมาและพ่อผมจับได้....และบอกผมเกี่ยวกับข่าวลือที่ท่านเป็นคนสร้างโดยจ้างเพื่อนสนิทของไอ้พี





              ‘ ฟังพ่อไว้นะกรมมันไม่มีใครที่เราจะไว้ใจได้จริงๆสักคน ครั้งนี้พ่อไม่ผิดที่ทำให้คนของลูกต้องเสียเพื่อน แต่มันเป็นการตัดเนื้อร้ายทิ้งตั้งแต่ต้นลม’ ผมนั่งฟังในสิ่งที่พ่อพูดด้วยความไม่เข้าใจว่าพ่อกำลังจะทำอะไร จนกระทั่งพ่ออธิบายว่าการที่ปล่อยข่าวลือนั้นไปและจ้างให้ไอ้เจ๋งเพื่อนสนิทไอ้พีมันทำคอยหาเรื่องใส่ร้ายผมต่างๆแต่มูลมันก็คือเรื่องจริง เพื่ออยากรู้ถึงความอดทนและการแก้ปัญหาของไอ้พีอย่างไร โดยท่านเล่นกับผมที่เป็นลูกแท้ๆ ในเมื่อผมต้องการและเลือกทางเดินนั้น ก็ต้องกล้าที่จะรับฟังกระแสวิจารณ์จากทุกๆคน โอเคผมรับได้มันก็แค่กลายเป็นเรื่องสนุกของใครหลายๆคนเป็นกระแสที่ถูกปั่นให้ทุกคนให้ความสนใจ ก็แล้วไง? ผมเป็นแบบนั้นจริงๆ ส่วนไอ้พีพ่อบอกกับผมว่า..มันสอบไม่ผ่านเพราะใช้กำลังตัดสิน แต่ให้ความเห็นใจที่มันยังกล้าบุกมาที่บ้านของผมวันนั้นหลังจากที่มีข่าวลือแรกออกมา แต่ถึงอย่างไงเรื่องอารมณ์ผมก็บอกมันไปเสมอแต่ไอ้พีมันเลือกที่จะไม่จำ...เองก็สมควรครับ





              เห้ย! ผมต้องเข้าข้างมันไม่ใช่หรอวะ? แต่ก็นะครับเด็กอย่างไอ้พี





              และบททดสอบที่สองของผมก็อยู่ตรงหน้าในตอนนี้ครับ มัทนา ลูกสาวของบอร์ดใหญ่บริษัทเอกชนเกี่ยวกับการนำเข้ารถยนต์ที่เป็นแหล่งเงินทุนให้พรรคของพ่อผมมาอย่างยาวนาน





              “ มัทอยากได้อะไรอีกไหมครับ” เมื่อเราทั้งสองคนทานอาหารเสร็จ ผมก็พามัทมาเดิดูของตามร้านต่างๆ ส่วนมากเธอน่าจะเป็นคนพาผมเดินมากกว่า





              “ ไม่แล้วค่ะ บ้านมัทมีหมดทุกอย่างแล้ว” ครับ อันนี้ผมเองก็ไม่เถียงเหมือนกัน บ้านมัทเรียกได้ว่ารวยติดอันดับต้นๆของประเทศเลย ผมว่าผมได้เวลาอันเหมาะสมแล้วแหละครับ





              “ มัทครับ”





              “ คะ” เธอหันมามองทางผม “ มีอะไรหรอคะ”





              “ ผมว่าผมไม่คู่ควรกับมัทเลยสักอย่าง”





              “ กรม? หมายความว่าไงคะ มัทไม่เข้าใจ”เธอเองมีสีหน้าที่งุนงงอยู่เหมือนกัน “ กรมพูดเหมือนเราจะต้องแต่งงานกัน มัทคิดว่าวันนี้น่าจะแค่ออกเดตทำความรู้จัก”





              “ ก็ครับ อนาคตไม่แน่ แต่วันนี้ผมว่าผมไม่สามารถที่จะเป็นผู้ชายที่เดินเคียงข้างมัทได้ไปตลอดชีวิต” มัทเองเป็นผู้หญิงที่สวยมากๆคนหนึ่ง ไม่ใช่แค่สวย แต่เธอเก่งและฉลาดทันคนมากๆ





              “ มัทคิดว่ามันหมดยุคที่ต้องมาจับคลุมถุงชน แล้วที่มัทมาวันนี้ คุณพ่อก็บอกแค่ว่ากรมสนใจมัท” ให้ผมเดาที่บ้านของเธอก็ไม่น่าจะบอกเรื่องที่เธอเป็นคู่หมั้น “ จะสานต่อหรือไม่สานก็อยู่ที่เรา มัทว่ากรมก็ดูโอเคนะ”





              “ อ่าครับ” ผมว่าผมเองก็หล่อนะ “ ขอโทษนะมัท กรม...”





              “ โอเคค่ะ มัทไม่สนใจกรม แค่นี้พอใช่ไหม?” เธอมองหน้าผมอย่างพิจารณาก่อนที่เธอจะเป็นฝ่ายพูดออกมา “ กรมฉลาดนะที่กดดันให้มัทเป็นฝ่ายพูด”





              “ ผมเป็นผู้ชายถ้าพูดแบบนั้นมัทจะเสียหาย”





“ แต่กรมได้ประโยชน์?”





“ ครับ ผมไม่เถียง” ข้อดีของการที่เลือกผู้หญิงฉลาดก็ดีเหมือนกันครับ เธอไม่น่าจะงี่เง่าและเอาแต่ใจเท่าไหร่ เพราะดูจากประวัติของมัท ผมว่าผมต้องพูดกับเธอแบบนี้มันน่าจะดีที่สุด เขาเรียกว่าทำการบ้านมาก่อนมีชัยไปกว่าครึ่ง ผมไม่อยากปฏิเสธให้มัทรู้สึกเสียความมั่นใจ แค่กดดันให้เธอพูดปฏิเสธผมออกมาก็น่าจะถูกต้องแล้วไม่ใช่หรอครับ





‘ทำให้หนูมัทปฏิเสธแก’





และผมทำได้แล้ว..... ขอโทษนะพ่อ ลูกชายพ่อมันเก่งเกินไป ทีนี้ก็เหลือแค่คนเดียวเท่านั้นในภารกิจของผม ส่วนภาระกิจของไอ้พี ผมก็หวังว่ามันจะทำออกมาได้ดี





 

ผมถึงบ้านในช่วงค่ำของวันหลังจากที่มัทอาสามาส่งผม อย่างนี้แหละครับคนขับรถไม่เป็นก็ต้องลำบากเป็นธรรมดา ผมหวังว่าในอนาคตอันไม่ช้านี้ผมจะต้องไปเรียนขับรถอย่างจริงๆจังๆสักที





“ จนได้” ผมเดินผ่านห้องนั่งเล่นที่ตอนนี้พ่อกำลังทำเขียนอะไรบางอย่างอยู่ ทำให้ผมจำต้องเดินเข้าไปทักทายท่านในห้อง





“ พ่อเป็นคนบอกผม ไม่ผิดกติกา”





“ พรุ่งนี้ค่ำอย่าลืมจะมีคนมารับแกไปงาน” และภารกิจสุดท้ายของผมคือการไปร่วมงานสังคมบางอย่างของคนในเครือที่มีประโยนช์ร่วมกับพ่อของผม





“ ครับ หวังว่าพ่อจะทำตามข้อตกลงของเรา”





“ คำไหนคำนั้นไอ้ลูกชาย” ผมก็หวังว่าคำไหนคำนั้นที่พ่อบอก พ่อจะทำมันได้ดีเช่นเดียวกับที่ผมทำ อุปสรรค์เยอะครับแต่ถ้าผ่านไปได้ผมว่าในอนาคตก็ไม่มีอะไรต้องกลัว







 

Pee’s talk





              ก็อกๆ





              ผมเดินมาเคาะประตูหน้าหอของไอ้เจ๋งหลังจากที่ไอ้บิวมาส่งผมที่หอใน แต่ผมก็ไม่ได้บอกไอ้บิวนะว่าผมจะมาหาไอ้เจ๋ง ไม่อย่างนั้นมันต้องห้ามผมแน่ๆ





              ก็อกๆ





              ผมตัดสินใจเคาะอีกรอบแต่ก็มีวี่แววว่ามันจะเปิดให้ ผมว่านะมันน่าจะไม่อยู่ห้องแน่ๆ ผมเลยเดินคอตกออกมาจากห้องของไอ้เจ๋ง แต่ใครจะไปรู้ว่าขณะที่ผมกำลังจะเดินกลับ ผมเดินสวมกับไอ้เจ๋งที่พึ่งออกมาจากลิฟท์พอดี ทันทีที่มันเห็นผมไอ้เจ๋งก็ชะงักไปเล็กน้อย





              “ คุยด้วยหน่อยดิ”





              “ อืม” ไอ้เจ๋งไม่ได้เดินหนีหรือปฏิเสธ แต่มันกลับเดินมุ่งหน้ามายังห้องของมันที่ผมพึ่งเดินออกมา ไอ้เจ๋งไขประตูและแดออกให้ผมได้เดินเข้าไป





              “ ทำแบบนั้นทำไมวะ” ผมไม่รอให้มันเก็บของเสร็จ ทันทีที่ก้าวมาในห้องผมก็ยิงคำถามใส่มันทันที ดูเหมือนว่าไอ้เจ็งเองก็น่าจะรู้ว่าผมมาหามันเพราะเรื่องนี้





              “ ก็มีคนจ้างก็ทำ” ไอ้เจ๋งตอบโดยที่ไม่ได้สะทกสะท้านอะไรแม้แต่น้อย





              “ มึงเห็นกูเป็นเพื่อนไหมวะไอ้เจ๋ง”


              “ แล้วกูเอ่ยชื่อมึงไหมละ?” ไอ้เจ๋งหมุนตัวกลับมาถามผมที่ยืนอยู่กลางห้องมัน “ กูแค่ทำในเมื่อเขาจ้างกูมา อะไรที่เป็นเงินกูก็ทำ”


              “ อืม กูเข้าใจมึงแล้ว แต่ไอ้เงินที่มึงได้มันทำให้คนอื่นเดือดร้อน”





              “ มึงเป็นใครวะไอ้พี มาเดือดร้อนอะไรแทนคนอื่น”


              “ พี่กรมไม่ได้เป็นคนอื่นสำหรับกู”


              “ ขนาดพ่อเขาที่เป็นคนจ้างกูยังไม่ได้เดือดร้อนอะไร...” เหมือนไอ้เจ๋งเองเผลอพูดออกมา และนั่นเองที่ทำให้ผมรู้สึกแน่ชัดอะไรบางอย่างเหมือน คำที่พี่กรมพูดกับผมเมื่อเย็นนั้น...มันเป็นอย่างที่พี่กรมพูดจริงๆ





              “ อืม” ผมว่าผมได้คำตอบอะไรบางอย่างแล้วแหละครับ แล้วผมจะอยู่ต่อทำไม ในเมื่อเพื่อนตรงหน้ามันไม่ใช่เพื่อนของผมอีกต่อไปแล้ว..





              “ กูขอโทษ” ขณะที่ผมกำลังจะเปิดประตูออกจากห้องของไอ้เจ๋ง อยู่ๆมันก็พูดขึ้นทำให้ผมหันหน้าไปมองมันเล็กน้อยแต่ไม่ได้ตอบอะไร จนกระทั้งผมออกมาจากหอของมัน...แล้วผมจะจบเรื่องทุกอย่างด้วยตัวของผมเอง..
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 18 (27/03/62)+
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 27-03-2019 15:33:54
 :katai1: : :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 18 (27/03/62)+
เริ่มหัวข้อโดย: nikpook ที่ 27-03-2019 17:48:58
น้องผีห้ามใช้อารมณ์อีกนะ :katai1: จะรอดมั้ยเนี่ยพูดแบบนี้ทีไรคือพังมีเรื่องตลอด :serius2: สนุกมากๆเลยจะจบแล้วใจหายมากอยากอ่านไปเรื่อยๆ อยากอ่านเรื่องของพี่ท่ากับพี่เทพดูน่าจะตีกันทุกวัน มาต่อเร็วๆนะคะคุณไก่ทอดสู้ๆ :กอด1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 18 (27/03/62)+
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 27-03-2019 19:42:11
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 18 (27/03/62)+
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 28-03-2019 07:04:31
น้องพีคุมสติให้ได้นะลูก
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 18 (27/03/62)+
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 28-03-2019 09:17:56
 :L2: :pig4:

พี่ต้องมีสตินะ
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 18 (27/03/62)+
เริ่มหัวข้อโดย: Noina_Pn ที่ 28-03-2019 15:34:22
 :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 19.1 (29/03/62)+
เริ่มหัวข้อโดย: KJH177 ที่ 29-03-2019 16:19:04

บทที่ 19.1

ขอรักสักครั้งจะได้ไหมครับ





              หลังจากที่ผมได้รู้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดผมว่าผมก็พอที่จะจับจุดได้อย่างจริงๆจัง ส่วนเรื่องข่าวลือคราวนั้นก็เริ่มเงียบเพราะเฟซบุ๊คปริศนาได้ถูกปิดตัวไป ผมกับไอ้เจ๋งก็ไม่ได้คุยกันอีกแต่ไอ้บิวมันก็ยังเหมือนเดิมครับคุยทั้งกับผมและไอ้เจ๋ง ผมเข้าใจมันนะว่ามันเป็นเรื่องระหว่างผมสองคน ถ้าจะให้ไอ้บิวมาไม่คุยด้วยผมว่ามันก็ไม่น่าจะใช่เรื่องดีสักเท่าไหร่ ถือว่าสถานการณ์ตอนนี้ดีขึ้นมากๆแล้ว





              “ กลับบ้านไหมมึง” วันนี้เป็นวันที่ผมสอบกลางภาคเสร็จเป็นตัวสุดท้ายไอ้บิวออกจากห้องสอบมาถามผมที่นั่งรอมันอยู่หน้าห้อง





              “ ไม่ กูต้องไปเคลียร์อะไรบางอย่าง” วันนี้ผมก็ถือโอกาสไปคุยกับพ่อของพี่กรมตรงๆในเรื่องราวทั้งหมด และเรื่องที่พี่กรมมันบอกว่าผมทำพลาด ผมยอมรับเองทุกอย่างเพราะตอนนั้นผมใจร้อนเกินไปเลยใช้กำลังตัดสินปัญหาทั้งหมด





              “ เออ เอางั้นก็ได้”





              “ แค่สี่ห้าวันเอง กลับไปพ่อก็ไม่ดีใจหรอก” เวลาที่ใช้ในการเดินทางจากที่นี่ไปบ้านผมก็เกือบๆหกชั่วโมง ไปกลับก็สองวันครับ อีกอย่างพ่อก็ไม่อยากให้ผมกลับด้วย ผมกลับไปก็ไปผลาญเงินพ่อเปล่าๆ





              “ แล้วมึงจะไปไหน”





              “ ไม่บอก”





              “ เออ เวร” ผมและไอ้บิวก็ต่างมาหาข้าวกินก่อนจะแยกย้าย ส่วนผมเองก็ไปเก็บของบางอย่างและเขียนสคริปว่าจะพูดอะไรกับพ่อพี่กรมบ้าง ครั้งนี้ผมสู้ตายแค่ไปขอลูกชายจากพ่อของเขาเองก็เท่านั้น





              “ พี่กรม ถ้าพี่อยู่แถวๆนี้ โปรดรู้ไว้ว่าผมจริงจังกับเรื่องของพี่” ผมพูดขึ้นมาลอยๆขณะที่ผมอยู่ในห้องของตัวเอง นี่ผมว่าตัวเองอาการหนักเข้าไปทุกที่แล้วครับ โดยลืมไปว่าพี่กรมเป็นคนไม่ใช่เป็นผีหรือวิญญาณ





              “ แล้วเจอกันสักตั้งครับท่านอัศวิน”







Jaokom’s talk





              วันนี้ผมรู้ว่าไอ้พีมีสอบเป็นวันสุดท้ายซึ่งวันสอบของผมกับมันไม่ตรงกัน ผมสอบเสร็จมาได้เกือบๆสามสี่วันมาแล้ว หลังจากนี้ผมจะทำให้มันถูกทุกอย่าง และแสดงออกว่าผมนั้นจริงจังกับมันแค่ไหน เกิดมาเรียกได้ว่านี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของผมเลยก็ได้





              “ ไอ้กรมมึงแน่ใจ?” ผมให้ไอ้เทพมาส่งที่สถานีขนส่งหมอชิตเพราะวันนี้ผมมีภารกิจสุดท้าย คือการไปพบครอบครัวของไอ้พีที่ต่างจังหวัด อย่างที่บอกไปครับว่าผมขับรถไม่เป็นถึงตอนนี้กำลังจะเริ่มเรียนมาได้สักพักแต่ก็ไม่เก่งพอที่จะขับในระยะทางยาว ครั้นจะให้ไอ้เทพไปส่งผมก็เกรงใจงั้นผมไปรถทัวร์น่าจะดีที่สุดและไม่ลำบากใครดี





              “ เออ กูว่ากูน่าจะจริงจังไป รู้สึกเหมือนไปขอลูกชายเขาเลยหวะ” ผมพูดกับไอ้เทพติดตลก แต่เอาเข้าใจก็ไม่ค่อยตลกสักเท่าไหร่ ผมแอบเครียดด้วยซ้ำว่าผมต้องไปเจอพ่อไอ้พีแล้วจะพูดว่าอย่างไร





              “ มึงบอกน้องมันสักหน่อยก็ดีนะ” ไอ้เทพพูดขึ้น ตอนนี้ถึงผมจะได้โทรศัพท์กลับมาคืนแล้วแต่ผมก็ยังไม่ได้ติดต่อใครเลย





              “ เซอร์ไพร์ส” ผมตั้งใจว่าจะไปรอมันอยู่ที่บ้าน เพราะอย่างไงวันหยุดยาวๆแบบนี้ไอ้พีมันน่าจะกลับบ้านแน่ๆ ก็จบแบบแฮปปี้กันที่บ้านไอ้พีไปเลยครับ ผมวางแผนเอาไว้หมดทุกอย่างแล้ว แต่แค่อยากไปพบผู้ใหญ่ให้มันถูกต้องก็เท่านั้น





              “ เดี๋ยวมึงจะเจอเซอร์ไพร์สกว่าไอ้กรม” ตอนนี้ผมก็แค่รอเวลาขึ้นรถในรถช่วงดึก เป็นครั้งแรกที่ผมขึ้นรถทัวร์ไปไหนมาไหนคนเดียวแบบนี้ เอาใจช่วยผมด้วยนะครับทุกคน







 

จังหวัดบ้านเกิดปฐพี





              ผมมาถึงที่นี่ก็เป็นเวลาเกือบๆตีสอง ดีที่ผมจองโรงแรมล่วงหน้าเอาไว้ก่อนที่ผมจะมา ไม่อย่างนั้นคงได้นอนที่บขส.แน่ๆ จังหวัดบ้านเกิดพีก็ถือได้ว่าเป็นจังหวัดเล็กๆที่สงบ และขึ้นชื่อในเรื่องการเกษตร ดีครับไม่ค่อยวุ่นวายเหมือนในกรุงเทพ แต่บางทีมันก็สงบและเงียบจนก่อนไปก็เท่านั้น





              โฮ่ง!





              ขณะที่ผมกำลังเดินทางไปยังโรงแรมก็มีเสียงหมาเสียงแมวเห่าหอนอยู่ตามทาง ระหว่างที่ผมเดินมาเรียกได้ว่าไม่มีคนเดินตามถนนเลยครับ ก็อย่างว่านี่ก็ตีสองกว่าแล้วๆ ผมเช็คมาว่าโรงแรมอยู่ห่างจากบขส.ไม่มาก แต่ทำไมผมเดินมาไกลแล้วยังไม่เจอเลยหวะ





              “ เชี่ยเอ้ย” ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อเปิดแผ่นที่ดู ก็ปรากฏว่าแบตเจ้ากรมมดันหมดไปเสียก่อน แล้วทีนี้ผมจะเอาอย่างไงต่อไปหวะเนี่ย ไอ้ฉิบหาย!!





              ผมมองซ้ายทีขวาทีก็ไม่มีอะไรเลยนอกจากถนนโล่งๆ ทำให้ผมตัดสินใจเดินไปนั่งที่ศาลาริมทางเก่าๆ ไม่รู้ว่าจะผุพังเมื่อไหร่ ถ้าพ่อผมได้เป็นนายกในปีนี้จริงๆนะครับ ผมจะให้พ่อกระจายความเจริญมาสู่ต่างจังหวัดให้ได้ ไอ้เรื่องเมืองเล็กๆที่ไม่เคยได้รับการดูแลจากส่วนกลาง ผมจะให้ความสำคัญกับมันมากขึ้น ไม่ไหวครับ แบบนี้ถ้าผมไม่มาเจอกับตัว ผมก็คงคิดว่าปล่อยผ่านไปก็ไม่น่าจะมีปัญหา





              ทุกคนลองคิดดูนะครับ ศาลาเก่าๆแบบนี้มันสะท้อนให้เห็นได้หลายมิติ เป็นแหล่งมั่วสุมของเยาวชนก็น่าจะเป็นไปได้ อาจจะไม่ปลอดภัยสำหรับผู้มาพักอาศัยเพราะเสี่ยงต่อการถูกโจรกรรม หรือเป็นที่ที่สามารถล่วงละเมิดทางเพศก็ได้ ถึงหน้าที่นี้อาจจะเป็นของท้องถิ่นแต่ถ้าท้องถิ่นไม่ใส่ใจ ส่วนกลางก็ควรเข้ามาครอบคลุมให้มากกว่านี้ แต่ก่อนที่ผมจะออกนอกเรื่องไปมากกว่านี้ คือผมต้องนอนหลับครับถึงแม้ว่าจะในศาลาเก่าๆนี่ก็ตาม...

 





เช้าวันต่อมา





              ผมตื่นขึ้นมาเมื่อรู้สึกว่าแสงจากดวงอาทิตย์สาดส่องเข้ามายังนัยต์ตาของผม และก้มสำรวจดูว่าตอนนี้กี่โมงแล้วและที่สำคัญ ผมไม่รู้ว่าผมจะเข้าไปบ้านไอ้พีอย่างไรในเมื่อโทรศัพท์ของผมไม่สามารถติดต่อใครได้เลย





              “ ไอ้หนุ่มไปไหน” ผมตัดสินใจเดินออกมาจากศาลา เจอเข้ากับคุณลุงคนหนึ่งที่เดินเท้าเปล่ามาพร้อมกับกระสอบที่เต็มไปด้วยขวดพลาสติก





              “ เอ่อ ไปตำบลนี้อะครับผมไม่รู้ว่ามันอยู่ส่วนไหน” ผมตัดสินใจเดินเข้าไปขอความช่วยเหลือจากคุณลุงคนนั้น





              “ เดี๋ยวมันจะมีรถเข้าไป แต่นานเลยแหละ ลุงว่านะเอ็งเหมารถสามล้อไปดีกว่า”





              “ มีแท็กซี่หรอครับลุง”





              “ หน้าตาก็ดีไม่น่าเลยนะไอ้หนุ่ม ที่นี่ต่างจังหวัดมันจะไปมีแท็กซี่ได้อย่างไงหละ” โดนลุงด่าเลยครับ แต่ก็ดีเหมือนกันที่ผมตัดสินใจออกมาถามเพราะลุงแกชี้ไปทางที่ผมจะสามารถไปหาส่มล้อเพื่อเข้าไปในบ้านของไอ้พีได้





              “ ลุงครับ รับไว้นะ” ผมยัดเงินจำนวนหนึ่งใส่มือของคุณลุงเอาไว้ ก่อนจะก้มหัวและเดินออกมาจากตรงนั้น แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ไปไหนไกล เสียงของลุงก็ดังขึ้นมาก่อน





              “ ขอบใจนะไอ้หนุ่ม! วันนี้จะได้กลับบ้านไปพักได้แต่หัววัน” ผมไม่รู้นะว่าเงินที่ผมให้ลุงไปมันจะสามารถทำอะไรให้ลุงได้บ้าง แต่อย่างน้อยๆก็มากพอที่จะทำให้ลุงกลับไปนอนพักที่บ้านโดยไม่ต้องออกมาหาขวดในวันนี้ สบายใจครับหล่อแล้วยังใจดีอีก ไม่มีที่ไหนนอกจากกรมรินทร์ละครับทุกคน





              ผมเดินมาตามทางที่ลุงบอกก่อนจะเจอเข้ากับสามล้อ ที่รูปร่างเป็นรถมอร์เตอร์ไซต์แต่มีที่นั่งเป็นหลังคาคล้ายๆกับสามล้อปั่นเหมือนสมัยก่อน เมื่อเห็นดังนั้นผมจะมัวช้าอยู่ใยรีบไปหาคนขับสามล้อเลยทันที





              “ ไปไหนครับ”





              “ บ้าน.....ครับ”





              ผมหวังว่าวันนี้จะเป็นวันที่ดีของผมก็แล้วกันนะครับ





Pee’s talk





              เช้าวันนี้ผมนั่งรถเมล์มาหยุดที่หน้าบ้านของพี่กรมหลังจากที่เมื่อคืนผมมัวแต่เครียนสคริปเพื่อพูดกับท่านอัศวินในวันนี้ และเป็นที่น่ายินดีของผมที่ผมจะได้เจอพี่กรมหลังจากที่เราไม่ได้เจอกันมาอย่างยาวนาน และแล้ววันนี้จะเป็นวันที่ผมจะจบทุกอย่างด้วยตัวของผมเอง





ติ๊งต่อง





              ผมยืนอยู่หน้าบ้านก่อนจะเดินเข้าไปกดกริ่งเพื่อให้ผมได้เข้าไปด้านใน และรอไม่นานแม่บ้านของบ้านพี่กรมเธอเดินมาเปิดประตูเล็กให้ผมพร้อมกับสีหน้าสงสัย





              “ ไม่รับสมัครคนงานค่ะ” เธอมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนที่จะพูดขึ้น คือผมสงสัยว่าหน้าผมเหมือนเด็กมาสมัครงานทำสวนอย่างนั้นหรอครับ





              “ เอ่อ..”




              “ ไม่รับค่ะ คนงานเต็ม” เธอทำท่าจะปิดประตูหนีเข้าไปในบ้าน แต่ผมใช้จังหวะนั้นแทรกตัวเข้ามาในขณะที่เธอกำลังจะปิดประตู





              “ ว๊ายย ตายแล้ว” ผมรีบวิ่งเข้ามาในบ้านเมื่อได้โอกาสนั้น ส่วนแม่บ้านเธอก็รีบวิ่งตามผมมาเช่นกัน จนกระทั่งผมเข้ามาในบ้านของพี่กรมเป็นที่เรียบร้อย และตรงเข้าไปยังห้องนั่งเล่นที่ผมคาดว่าท่านอัศวินน่าจะอยู่ ไม่รอช้าผมรีบวิ่งไปเข้าไปในห้องนั้น โดยที่ไม่ทันได้สังเกตว่าท่านอัศวินมีแขกอยู่...ไม่ใช่แขกธรรมดานะ แขกที่นั่งอยู่บนตักของท่าน เมื่อเห็นว่าผมเข้ามาในห้อง ท่านก็รีบขยับออกทันที ส่วนผู้หญิงคนนั้นก็รีบหลบหน้าผมพร้อมกับจัดเสื้อผ้าที่หลุดลุ่ย





              “ เอ่อ..ขอโทษครับ” ผมรีบก้มศีรษะโค้งให้ท่านทันทีที่มาขัดจังหวะท่าน





              “ กลับไปก่อน” ท่านหันไปบอกผู้หญิงคนนั้น ส่วนเธอเองก็รีบเก็บกระเป๋าและวิ่งออกไป และตอนนี้ทำให้ทั้งห้องเหลือเพียงแค่ผมกับท่านอัศวินสองคนเท่านั้น บรรยากาศมันดูคุๆอย่างไงก็ไม่รู้สิครับ





              “ มีอะไร” ท่านเอ่ยถามผมเสียงเข้ม ต่างจากครั้งแรกที่เจอกันโดยสิ้นเชิง





              “ ผมอยากมะ..มาคุย” ผมหันหน้าไปอีกทางก่อนจะตบปากตัวเองแรงๆเพื่อให้พูดออกมาชัดๆและเลิกติดอ่างสักที และพยายามนึกถึงสคริปที่ผมเตรียมเอาไว้ แต่ที่แย่ไปกว่านั้นคือผมลืมว่าผมจะต้องพูดว่าอะไร





              “ พูดมา” เมื่อเห็นว่าผมยังคงอ้ำๆอึ้งๆอยู่ ท่านอัศวินก็พูดเสียงเข้ม พร้อมกับใบหน้าที่เข้มไปพร้อมกับเสียง “ ถ้าไม่มีอะไรจะพูดก็ออกจากบ้านไป”




              “ คือผมรักพี่กรมครับ ผมมีเรื่องจะบอกพี่กรม คือ ผมชอบพี่กรมมาก ชอบมา 3 ปีแล้ว ผมทำทุกอย่าง เปลี่ยนแปลงตัวเองทุกอย่างก็เพื่อพี่ ผม.. ไปคัดเลือกนางรำ เล่นละครเวที ไปเป็นดรัมเมเยอร์ เรียนหนังสือให้เก่งก็เพื่อพี่ แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่า สิ่งที่ผมควรจะทำมากที่สุดและน่าจะทำมาตั้งนานแล้ว คือ บอกกับพี่กรมตรงๆว่า...ผมชอบพี่กรม”





              ไอ้ฉิบหาย!! กูพูดอะไรออกไป ด้วยความกดดันและสถานการณ์ที่บีบบังคับทำให้ผมนึกถึงเรื่องสิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารัก ฉากที่น้ำสารภาพรักกับพี่โชน และสมองของผมในตอนนั้นสั่งให้ผมพูดออกไป..โดยไม่ทันได้คิดและไตร่ตรอง





              “ ถึงขั้นไปคัดเลือกนางรำเลยรึ” ผมเห็นว่าท่านอัศวินหน้ากระตุกเล็กน้อยเหมือนพยายามจะกลั้นขำในสิ่งที่ผมพูดออกไป แต่แล้วท่านก็กลับมาขรึมอีกครั้ง





              “ เอ่อ..ผมรักพี่กรมจริงๆครับ ท่านอาจจะคิดว่าผมพูดคำว่ารักออกมาง่ายๆ แต่จริงๆแล้ว...” แล้วไงต่อวะไอ้พี “ ก็ง่ายจริงๆแหละครับ แต่สัญญาว่าจะรักพี่กรมไปนานๆ ผมจริงจังมาก”





              “ เราจะสื่ออะไร” ท่านถามย้ำผมอีกรอบ





              “ สื่อว่ารักและอยากเป็นแฟนกับพี่กรมครับ ไม่อยากปิดท่านแต่อยากให้ท่านรับรู้ความผมตั้งใจ และครั้งนั้นเรื่องข่าวลือผมก็ทราบว่าท่านต้องการเห็นว่าผมจะแก้สถานการณ์อย่างไร แต่ผมก็ทำให้ท่านผิดหวังที่ใช้กำลังในการแก้ไขปัญหานั้น ผมยอมรับผิดเองทุกอย่าง” เมื่อผมพูดจบ ผมรอดูอาการของท่านว่าจะเป็นอย่างไร เมื่อผมได้พูดในสิ่งที่อยากพูดออกมา





              “ เข้าใจไหมว่าฉันทำไปเพื่ออะไร” ท่านถามออกมาเสียงนิ่ง





              “ อยากให้ผม...แก้ไขสถานการณ์”




              “ ก็ส่วนหนึ่งแต่ไม่ทั้งหมด” ท่านขยับเพื่อเปลี่ยนท่านั่งเล็กน้อย “ มานั่งนี่” ท่านตบที่โซฟาข้างๆท่าน ทำให้ผมรีบเข้าไปนั่งทันที “ ที่ทำไปเพราะอยากรู้ว่าจะทนกับกระแสวิจารณ์ได้ไหม”





              “ ครับ”





              “ ถ้าทนไม่ได้ก็คิดว่าน่าจะไม่เหมาะสม เพราะถ้าเลือกทางนี้ก็ต้องรับให้ได้ ลุงเป็นพ่อไอ้กรมอย่างไงลุงก็รับได้ในทางที่ลูกลุงเลือก แต่..คนอื่นเขาไม่รู้และมันอาจจะเป็นเรื่องสนุกปากและใช้สิ่งนี้มาเป็นตัวล้อหรือดูถูกเหยียดหยาม เพราะสังคมไทยถึงจะบอกว่ารับได้แต่ท้ายที่สุดก็เอามาด่าอยู่ดี” ผมพยักหน้าเพื่อบอกให้ท่านอัศวินรับรู้ว่าผมเข้าใจ





              “ แล้วที่ท่านทำแบบนี้ ท่านไม่กลัวว่าพี่กรมจะรู้สึกไม่ดีหรอครับ”





              “ ก็แค่นี้เองไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เลี้ยงลูกก็ต้องให้ลูกได้เจอกับตัว ถ้าแค่พูดหรือบอกไปมันก็อาจจะไม่เชื่อ เลี้ยงลูกมันมีหลายวิธี แน่นอนว่าแต่ละคนไม่เหมือนกัน” ถ้าให้ผมตีความก็หมายความว่าท่านอัสวินเองก็ไม่ได้รับไม่ได้เลยทีเดียว แต่อาจจะแค่ตกใจเพราะพี่กรมไม่ได้มีท่าทางแบบนั้นออกมาตั้งแต่แรก และการที่ท่านสร้างสถานการณ์แบบนั้นขึ้นมาก็เพราะว่าอยากให้พี่กรมและผมทนกระแสวิพากษ์วิจารณ์เหล่านั้นได้ อย่างไรผมก็ไม่สนใจพวกคำอย่างนั้นอยู่แล้ว แต่ที่ผมไม่ชอบก็คือการเอาพี่กรมไปพูดในทางเสียๆหายๆแบบนั้น ผมว่ามันเกินไป อีกอย่างพวกผมเป็นผู้ชายที่รักกันก็ไม่ได้ไปฆ่าใครตาย ไม่ใช่หรอกหรอครับ





              “ ผมทนได้ครับ”





              “ แต่ไปต่อยเขา?”





              “ แล้วทำไมท่านต้องจ้างเพื่อนผมด้วย” และสิ่งนี้เป็นเรื่องที่ผมเองก็ค่อนข้างสงสัย





              “  ก็แค่สุ่มไม่คิดว่าจะเป็นเพื่อน แต่ก็นะจะได้ช่วยให้เห็นว่าเพื่อนคนไหนควรคบหรือไม่ควรคบต่อ จริงไหม?” และเป็นอีกครั้งที่ผมพยักหน้าให้ท่านอัสวินว่าผมเห็นด้วยกับสิ่งที่ท่านพูด





              “ ผมคบกับพี่กรมได้หรือยังครับท่าน”





              “ ก็เอาสิ ไม่ได้ห้าม”





              “ เยส!!!”




หมับ!





              ด้วยความดีใจและลืมตัวเกินไปจนผมคว้าตัวท่านอัศวินมากอดมาหอมแก้มซ้ายแก้มขวาจนพอใจ และนั่นเองที่สติของผมพึ่งกลับมาว่านั่นไม่ใช่พี่กรม แต่นั่นคือท่านอัศวิน พ่อของพี่กรม





              “ เอ่อ ขอโทษครับ” ทันทีที่ผมผลักท่านออกมา ผมก็ยกมือขึ้นไหว้เพื่อขอโทษที่ได้ล่วงเกินท่านไป “ แล้วพี่กรมไปไหนหรอครับ ผมขอเจอได้ไหม”




              “ เหมือนกรมไปพิจิตร” ไปพิจิตร? จังหวัดนี้คุ้นๆครับ





              “ พิจิตร? ห้ะ!! นั่นมันบ้านผมมม” ผมนั่งไม่ติดทันทีที่ผมได้ยินว่าพี่กรมไปที่บ้านเกิดของผม ผมมองหน้าท่านอัศวินอย่างไม่เข้าใจ ก่อนที่ผมจะได้คำตอบว่า





              “ ไปหาพ่อของเรานั่นแหละ”






              “ พ่อผม??” ตาย!!! ไอ้พีตายแน่ๆๆๆ เรื่องนี้ผมตายหนักกว่ามาบอกพ่อพี่กรมอีกครับ ไม่ใช่ว่าพ่อรับไม่ได้ แต่แค่อย่างไงดีหละ พ่อยังไม่อยากให้ผมมีแฟนตอนอยู่มหาลัย แล้วงานไส้ไหมเมื่อพี่กรมไปหาพ่อ ซวยแล้วครับ!!!!







PS.ตอนสุดท้ายแล้วเด้ออออออออ
ทุกคนนนน เล่มเราจะออกกลางๆปีเน้อออออ คริๆ
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 19.1 (29/03/62)+
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 29-03-2019 18:49:51
 :m20:

เหมือนจะเห็นคนงานเข้า
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 19.1 (29/03/62)+
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 29-03-2019 23:46:50
อุตส่าห์ผ่านด่านนึงมาได้ กลับต้องเจอกำแพงใหญ่   :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 19.1 (29/03/62)+
เริ่มหัวข้อโดย: nikpook ที่ 30-03-2019 01:18:43
ฮือผ่านด้านพ่อพี่กรมแล้ว เหลือด้านพ่อน้องผี5555 อ่านตอนสุดท้ายคือขำมากน้องผีคือยั่วๆบดๆกับพี่กรมมากแต่พ่อห้ามน้องมีแฟน :m20:  รอดูฉากพ่อตาจะยิงลูกเขยมั้ย สู้ๆนะคะคุณไก่ทอด เราจะเก็บเงินรอซื้อน้องผีกับพี่กรมนะคะ อยากให้คุณไก่ทอดเขียนเรื่องพี่ท่ากับพี่เทพจังชอบสองคนนี้มาก ถ้าเขียนอย่าลืมมาแจ้งข่าวนะคะ :pig4: :L1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 19.2 (30/03/62)+
เริ่มหัวข้อโดย: KJH177 ที่ 30-03-2019 20:54:45


บทที่ 19.2
ขอรักสักครั้งจะได้ไหม

Jaokom’s talk


   “ ผมรักลูกชายคุณพ่อครับ”


   “ ......”


   “ ......”


   “ .....”


   หลังจากที่ผมฝ่าฝันทุกอย่างมาได้ก็ถึงคราวที่ผมจะสารภาพและยอมรับความรู้สึกกับพ่อของไอ้พีตรงๆ ถึงแม้ว่าผมจะเดินดุ่มๆเข้ามาและถามว่าใครเป็นพ่อของไอ้พี ก็มีผู้ชายค่อนข้างสูงวัยยกมือขึ้น ผมไม่รอช้าเดินไปหาพ่อของพีและพูดออกมา


   “ เอ่อ..อย่างไงนะครับ” ท่านถามผมอีกรอบ ก่อนที่ท่านจะเดินพาผมแยกออกมาจากตัวบ้านที่ตอนนี้เต็มไปด้วยผู้คนที่ผมขาดว่าน่าจะเป็นเพื่อนบ้าน


   “ ผมขอโทษครับที่ผมพูดออกไปโต่งๆแบบนั้น โดยที่ไม่ได้แนะนำอะไรกับท่านเลย ผมกรมรินทร์นะครับเป็นรุ่นพี่ที่คณะของพี ผมมีความรู้สึกดีๆกับลูกชายของท่าน ผมอยากทำให้มันถูกต้อง ขอโทษที่ผมมาบอกท่านอย่างกระทันแบบนี้ แต่ผมไม่สามารถปล่อยให้เวลามันผ่านไปนานแล้วครับ” เมื่อได้โอกาสผมก็จัดการพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา สีหน้าของพ่อพีดูอึ้งๆไปเล็กน้อย แต่พยายามปรับสีหน้าให้ดูปกติที่สุด


   “ พี นี่ปฐพีใช่ไหมครับ” ท่านถามย้ำอีกรอบเหมือนไม่อยากจะเชื่อ


   “ ครับ ปฐพี”


ผั๊วะ!!!


ตุบ


   “ โอ๊ย” อยู่ๆพ่อของไอ้พีก็ปล่อยหมัดใส่หน้าผมเข้าเต็มๆจนผมเองที่ไม่ทันได้ตั้งหลักและรู้ล่วงหน้าว่าพ่อมันจะต่อยผมแบบนี้ ทำให้ผมล้มไปกองอยู่กับพื้นทันที


   “ โอะ! ผมไม่ได้ฝันไป”


   อย่าบอกนะครับว่านี่คือการทดสอบว่าตัวเองไม่ได้ฝันไปของพ่อไอ้พี! พ่อลูกทำไมเหมือนกันอย่างนี้หวะ เมื่อท่านรู้ตัวว่าไม่ได้ฝัน ทำให้ท่านก้มลงมาพยุงผมให้ค่อยๆลุกขึ้นนั่งและหาน้ำหาท่าให้ผมกิน ส่วนไอ้ที่บวมๆบนหน้าผมก็ทำเป็นไม่สนใจหรือรู้สึกว่าท่านเป็นคนทำ ถ้าไม่ใช่พ่อไอ้พีนะครับมีดวนกันสักตั้งแน่นอน เย็นไว้กรมมึงจะมาขอลูกเขาก็ต้องทำตัวเป็นมิตรหน่อย
   “ อ่า มันเป็นมาอย่างไงไอ้หนุ่ม” เมื่อปล่อยให้เวลาผ่านไปได้สักพักพ่อท่านก็เอ่ยถามผมขึ้น


   “ ขอโทษที่ไม่ได้ติดต่อมาล่วงหน้านะครับ พอดีผมรีบไปหน่อย อีกอย่างผมกลัวว่าถ้าพ่อผมเปลี่ยนใจ แล้วมันจะไม่ทัน” เพราะเรื่องนี้ผมคุยกับพ่อเป็นที่เรียบร้อยแล้วหลังจากที่ผมพยายามพิสูจน์ตัวเองตามที่พ่อจัดหามาให้ ทั้งการห้ามติดต่อกับไอ้พีเพื่อดูว่าผมจะเปลี่ยนใจไหม ปล่อยข่าวลือ หรือแม้กระทั่งพาไปเจอกับคู่หมั้นไม่เป็นทางการอย่างมัท และผมเองก็พึ่งมารู้ว่าไอ้เรื่องคู่หมั้นพ่อก็เป็นคนกุเรื่องขึ้นมา ทั้งๆที่ฝ่ายของมัทไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย พ่อผมแม่งโคตรร้าย


   “ แล้วพ่อเอ็งไปใคร ทำงานอะไร”


   “ พ่อผมอัศวินครับ เป็นนักการเมือง”


   “ อ่อ อย่าบอกนะว่าคุณอัศวิน?! ที่คราวนั้นไอ้พีโดนต่อยนี่ใช่เรื่องเดียวกันไหม” เมื่อผมพูดชื่อพ่อและอาชีพของพ่อผมออกไป พ่อของไอ้พีก็มีทีท่าตกใจขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดเจนจากน้ำเสียงและท่าทาง


   “ อ่า ครับ เรื่องเดียวกัน”


หมับ!


   อยู่ๆเหตุการณ์ที่ผมไม่ทันได้คาดฝันก็เกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่ออยู่ๆพ่อของไอ้พีดึงผมเข้ามากอดแน่นอยู่นาน ส่วนผมก็ทำอะไรไม่ได้เลยปล่อยให้พ่อของไอ้พีกอดไปอย่างนั้นจนกว่าจะพอใจ


   “ น้ำตาจะไหล” พ่อของพีผลักผมออกก่อนจะยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาตัวเองที่ปริมๆออกมาจากดวงตาทั้งสองข้าง เหมือนว่าท่านตื้นตันอะไรบางอย่าง


   “ ลุงปลื้มพ่อเรามานานมาก เคยคิดว่าอยากมีลูกสาวจะได้ไปอ่อยลูกของท่านอัศวิน อยากเป็นทองแผ่นเดียวกัน ไม่คิดว่า ฮื่ออออ ไอ้พีจะสานฝันให้ลุง” ภาพตอนนี้ของผมคืนนั่นอ้าปากค้างไปกับท่าทางของพ่อไอ้พี “ ขอกอดอีกทีนะพ่อหนุ่ม” และแล้วท่านก็กอดผมอีกครั้งจนได้


   “ อนุญาตใช่ไหมครับ?”


   “ เอาไปเลยครับ เอาไปเลย สินสอดทองหมั่นอะไรไม่ต้อง จะแต่งหรือไม่แต่งไม่ว่าขอแค่พาลุงไปพบพ่อของพ่อหนุ่มหน่อยนะลูก ลุงปลื้ม” จากท่าทางผมก็คิดได้ว่าน่าจะปลื้มพ่อผมมากๆ “ เรียกว่าพ่อก็ได้ลูก ไหนๆก็จะเป็นทองแผ่นเดียวกันแล้ว ไหนลองเรียกพ่อซิ”


   “ พ่อ?”


   “ น้ำตาไหลรอบสอง!!” แล้วความวุ่นวายก็มาเยือนผมอีกรอบ ผมไม่แปลกใจเลยว่าไอ้พีมีนิสัยแบบนี้มาจากใคร เขาเรียกว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นจริงๆ อันนี้ผมยืนยัน


   “ ใครอะพ่อ” เสียงของผู้หญิงวัยกลางคนที่เดินมาพร้อมกับตระกร้าใส่ของมองผมกับพ่อของพีด้วยสายตางงงวยและไม่เข้าใจสถานการณ์ว่าทำไมสามีของเธอถึงกับต้องร้องไห้ออกมาในขณะที่มือทั้งสองข้างจับมือของผมเอาไว้ “มันมาทวงหนี้หรอพ่อ?”


   “ ไม่ใช่แม่” พ่อรีบยกมือปฏิเสธ “ นี่ลูกเขย” และชี้มาทางผม ส่วนแม่ของไอ้พีก็หันมามองผมอย่างไม่เข้าใจเหมือนกัน


   “ ลูกเขย? เราไม่มีลูกสาวนะพ่อ”


   “ ก็นั่นแหละ ผัวไอ้พีมัน”


   “ ห้ะ??!! จะเป็นลม”


   “ แม่ครับ” ผมรับลุกขึ้นไปประคองแม่ของไอ้พีและพยุงเธอมานั่งที่เก้าอี้ไม้ข้างๆพ่อที่นั่งยิ้มอยู่คนเดียว โดยไม่ได้อธิบายอะไรให้ภรรยาของเขาฟัง และหน้าที่นั้นก็ต้องตกเป็นของผม


   “ คือ ผมขอโทษอีกครั้งนะครับ พอดีว่าผมชอบลูกชายของคุณแม่เลยอยากมาขออนุญาตให้ผ้ใหญ่รับรู้” เอาจริงๆนะครับผมก็เขินๆแหละที่ต้องมาพูดอะไรแบบนี้


   “ มันจะเป็นไปได้อย่างไง” เหมือนว่าสติของแม่หลุดออกไปแล้ว โดยที่เธอได้สนใจในสิ่งที่ผมพูดเลยแม้แต่น้อย จนกระทั่งผมเริ่มต้นอธิบายใหม่


   “ คือ...ผมชอบพีครับ ชอบแบบคนรักเลยอยากจะมาขออนุญาต...”


   “ เข้าใจๆ แต่ถามหน่อยนะลูก ไอ้พีมันมีดีอะไรขนาดที่ทำให้คนหล่อๆมีชาติตระกูลมาชอบมันได้” พีมีดีอะไรหรอครับ ผมขอคิดดูก่อน แต่เท่าที่ผมพยายามคิดแล้วนั้น


   “ ไม่มีครับ”


   “ อื้ม แม่พอจะเข้าใจ” ท่านเองก็พยักหน้าเห็นด้วยกับผม... ไอ้พี กูขอโทษ


   “ แล้วตกลงผมกับพีจะคบกันได้ไหมครับ?”


   “ ตามใจเลย แม่ไม่ห้าม ดูจากพ่อน่าจะอาการหนัก” เธอเหล่มองไปทางสามีของตัวเองที่นั่งเพ้ออยู่ข้างๆ เหมือนว่าพ่อท่าจะจินตนาการอะไรบางอย่าง เพราะเห็นมือยื่นออกมาจับอากาศเหมือนว่ากำลังน่าจะซ้อมจับมือพ่อของผมอยู่แน่ๆ


   “ แล้วพีอยู่ไหนหรอครับ?” เมื่อเห็นว่าทางผู้ใหญ่เปิดทางให้ผมหมดแล้ว ผมก็ถามหาไอ้ตัวการที่มันบังอาจมาขโมยหัวใจของผมไป


   “ อ่อ มันไม่กลับบ้าน มันบอกว่ากลับไม่กี่วันขี้เกียจนั่งรถ”


   “ ห้ะ???” ผมแทบจะไม่อยากเชื่อรูหูตัวเองเมื่อได้ยินในสิ่งที่แม่พูด ไอ้พีไม่ได้กลับบ้าน? แล้วไอ้ฉากที่ผมจะขอมันเป็นแฟนที่กลางทุ่งนามีบรรยากาศสวยๆแบบธรรมชาติ มีควายเป็นสักขีพยานนี่...พังหมดแล้วครับ พังไปต่อนหน้าต่อตา..เมื่อรู้ว่าไอ้พีมันยังคงอยู่กรุงเทพฯ


ติ๊ดดดด


   และเป็นจังหวะเดียวกับโทรศัพท์ที่ผมชาร์ตอยู่แถวนั้นดังขึ้นและปรากฏเบอร์ของตัวต้นเหตุ


   ( พี่!!!!!!!! ไปทำไมบ้านผมมมม) ทันทีที่กดรับสายไอ้พีก็โวยวายออกมาเสียงดังลั่น จนผมต้องรีบเอาโทรศัพท์ออกจากหูทันที


   “ .....”


   ( พี่กรมมม ฮื่ออออออ)


   “ ไอ้พี ทำไมไม่กลับบ้าน?”


   ( ผมไม่รู้ พี่ ผมอยู่บ้านพี่)


   “ ไปทำอะไรบ้านกู?” ผมถามออกมาอย่างไม่เข้าใจว่ามันไปทำอะไรบ้านผม อย่าบอกนะว่าไอ้พีมันจะไปหาพ่อผมเหมือนที่ผมมาหาพ่อมันวันนี้


   ( ก็ไปขอพี่คบกับพ่อพี่อีกรอบ) ว่าแล้ว! ทำไมซื้อหวยไม่ถูกแบบนี้หวะ


   “ รออยู่นั่นแหละ เดี๋ยวไปหา” จะรอช้าอยู่ทำไมหละครับ ก็ในเมื่อมันอยู่นั้นผมก็เลือกที่จะไปหามันเองดีกว่า ผมไม่อยากให้มันเดินทางมาเดี๋ยวอันตรายเปล่าๆ


   ( พี่จะมากี่โมง)


   “ น่าจะ” ผมก้มมองนาฬิกาตัวเองไม่นานก่อนจะตอบมันไป “ เกือบๆเช้า นอนที่ห้องกูก็ได้ เดี๋ยวโทรบอกพ่อให้”


   ( อย่างนั้นก็ได้ครับพี่ รีบมานะ คิดถึง) ถึงแม้ว่ามันจะเป็นคำพูดที่ดูง่ายๆไม่มีอะไรมาก แต่อยากจะบอกเลยว่าคำพูดแบบนั้นมันทำให้ผมยิ้มออกมาได้ ไม่ว่าจะเหนื่อยแค่ไหนหรือไกลเท่าไหร่ ผมก็จะเดินทางไปหามัน รอก่อนนะครับไอ้น้องผี...ของผม


   “ ขออนุญาตลากลับก่อนนะครับ” เมื่อวางสายจากไอ้พีผมก็รีบขอตัวลาท่านทั้งสอง ไว้ผมจะมาหาท่านอีกรอบพร้อมไอ้พี แต่ครั้งนี้ผมต้องรีบกลับไปจัดการไอ้เด็กผีที่บังอาจทำให้ผมคิดว่ามันกลับบ้าน เอาจริงๆผมก็ผิดเองด้วยแหละครับที่มาโดยไม่ยอมบอก ก็ผมกะว่าจะเซอร์ไพร์สเป็นไงหละครับเจอเซอร์ไพร์สกลับสมใจ แต่ถือว่าคุ้มครับในการมาครั้งนี้ พ่อกับแม่ของพีก็ดูเป็นมิตร ตอนแรกผมคิดว่าจะโดนมากกว่านี้แต่ก็ถือว่าเป็นวันที่ดีสำหรับผมวันหนึ่งเหมือนกัน


03.00 น.


   เจ้ากรมเดินทางกลับมาถึงบ้านในช่วงเวลาใกล้รุ่งของอีกวัน ตลอดทั้งทางเขาไม่รู้สึกเหนื่อยเลยแม้แต่น้อย แต่เขากลับรู้สึกสุขใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ความรู้สึกที่บ่มเพาะมาเป็นเวลาอย่างยาวนาน มาวันนี้เขาทำให้ทุกอย่างมันถูกต้องแล้ว แบบนี้ใช่ไหมที่เขาเรียกว่าความรัก...


   เจ้ากรมเดินเข้ามาในห้องที่ตอนนี้ตกอยู่ในความมืดและสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิเย็นๆของแอร์ บ่งบอกว่ามีคนนอนอยู่ในห้องเขา จะเป็นใครไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่ไอ้เด็กผี เจ้ากรมเดินเข้ามานั่งที่ข้างๆเตียงก่อนจะก้มหน้าลงไปจูบที่หน้าผากของพีเบาๆให้หายคิดถึง ส่วนคนที่ถูกจูบก็ไม่รู้เรื่องอะไรปล่อยให้เจ้ากรมจูบแล้วจูบอีก จนกระทั่งเจ้ากรมตัดสินใจเดินเข้าไปอาบน้ำเพื่อชำระล้างร่างกายของตน ก่อนจะออกมาด้วยชุดนอนสบายๆ


ตุบ


   เจ้ากรมก้มลงนอนนาบข้างๆพี ก่อนจะดึงตัวของพีเข้ามากอดและซุกหน้าลงบนซอกคอขาวๆของพีด้วยความรู้สึกสุขใจและสบายใจ เมื่อครั้งนี้เขาสามารถที่จะกอดพีได้โดยที่ไม่ต้องกังวลถึงเรื่องต่างๆ เพราะเขาได้เคลียร์ทุกอย่างสำหรับรักครั้งนี้ วันแรกที่เจอเขายังจำได้ติดตาว่าไอ้เด็กแสบที่นอนอยู่มันทำให้เขาลืมไม่ลงกับความอยากรู้อยากเห็นของมัน ถ้าถามว่าเขาชอบพีตรงไหน เขาก็คงตอบได้ว่าเขาชอบความแสบของพี ใครจะไปคิดว่าแค่เกรียนแตกไปวันๆมันทำให้เขาชอบได้อย่างไร เขาเองก็ตอบไม่ได้ และเสน่ห์อย่างหนึ่งที่เขาไม่เคยบอกใครเลยนั่นก็คือความตั้งใจของพี ที่พยายามทำในสิ่งที่ตัวเองไม่ถนัดและเคยเรียนรู้มาก่อน ถึงแม้ว่ากว่าจะทำก็ลีลาอยู่พอสมควร แต่ปลายทางที่สุดแล้วพีก็ทำมันออกมาได้ดี และสิ่งนั้นแหละมั้งคือสิ่งที่เขาชอบอีกอย่าง ถ้าจะให้บรรยายวันนี้ก็น่าจะไม่หมด ถึงแม้ว่าเขาจะบอกว่าไม่รู้ว่าสิ่งไหนในตัวพีที่เขาชอบ แต่เขาพอจะรู้แล้วว่าทุกสิ่งทุกอย่างในตัวของพีที่ทำให้เขาชอบ และหลงมันมากขนาดนี้ รอยยิ้มบางๆของเจ้ากรมปรากฎขึ้นบนใบหน้าอย่างไม่รู้ตัว เวลาที่เขาคิดถึงพีทีไรเขาก็จะยิ้มออกมาแบบนี้ทั้งๆที่เขาไม่อยากที่จะยิ้มมันคงเรียกว่ายิ้มจากภายในสาภายนอกหละมั้ง


   “ พีพี่รักพีนะครับ” เจ้ากรมไม่รู้ว่าการที่เขากระซิบที่ข้างๆหูของคนในอ้อมกอดจะได้ยินหรือรับรู้หรือไม่ แต่เขาเพียงแค่ต้องการที่อยากจะบอกให้รู้ เพราะความรู้สึกรักมันอัดแน่นเข้ามาในหัวใจของเขาจนต้องพูดมันออกมาอย่างไม่สามารถที่จะเก็บไว้ได้อีกต่อ


   “ ขอบคุณที่เข้ามาเติมเต็มนะ” เจ้ากรมกระชับอ้อมแขนและดึงตัวของพีให้เข้ามากอดมายิ่งขึ้น


   “ พี่ครับ” และแล้วเจ้ากรมก็ต้องตกใจเมื่ออยู่ๆพีพลิกตัวหันหน้าเข้ามาหาเจ้ากรมที่นอนตะแคงอยู่ที่เดิม ถึงแม้ว่าจะมือแต่รอยยิ้มของพีมันก็เด่นชัดอยู่เหมือนกันจนเขาเองก็เผลอยิ้มตามคนตรงหน้าออกมา


   “ แกล้งหลับ?”


   “ ก็พี่เสียงดัง ผมก็ตื่นดิพี่”


   “ หึ ตื่นนานยัง” เจ้ากรมถามหยั่งเชิงเพื่อรอดูว่าคนตรงหน้าจะตอบว่าอะไร


   “ นานพอที่จะได้ยินคำว่ารักครับ”


   “ แล้ว...รักพี่ไหมครับ” เจ้ากรมพูดสวนขึ้นมาทันที ทำให้คนตรงหน้าถึงกับเงียบอย่างทำอะไรไม่ถูก จนเจ้ากรมขยับตัวเข้ามาใกล้เรื่อยๆ “ไม่รักพี่หรอครับ?”


   “ พี่...” พีพูดตะกุกตะกักออกมาอย่างไม่เคยเป็น


   “ ว่าไง หื้ม” เจ้ากรมเอื้อมมือมาจับใบหน้าของพีเบาๆ


   “ ก็รักครับ” พีพูดออกมาเสียงเบา


   “ อะไรนะ”


   “ โว้ยยย พี่แม่ง ก็รู้ว่าผมเขินยังจะมาย้ำอีก” เมื่อทำอะไรไม่ได้สุดท้ายพี่ก็ต้องโวยวายกลบเกลื่อนออกมาจนเจ้ากรมหัวเราะออกมาน้อยๆ


   “ โวยวายนะมึง”


   “ อย่าพูดมึงดิพี่ ไม่โรแมนติกสเลย”


   “ โรแมนติกไม่มีเอส”


   “ จะพูด!” อารมณ์โรแมนติกในตอนแรกค่อยๆหายไปในพริบตา “ พี่กรมผมรักพี่ รักเชี่ยๆ รักฉิบหายเลย อยากโดนจะแย่ละเนี่ย”


   “ .....”


   “ ก็พูดซึ้งๆไม่ถนัด ก็เอาความจริงในหัวใจของผมไปก็แล้วกัน” เจ้ากรมเงียบไปในทันทีที่พีพูดออกมาแบบนั้น เพราะเขาติดใจคำหลังมากกว่า ว่าพีอยากโดน


   “ ว่าจะไม่ทำแล้วนะ พึ่งกลับมาเหนื่อยๆ แต่เด็กมันพูดแบบนี้พี่ก็ต้องจัด”


   “ พี่ หมายความว่าไง” พีพยายามไม่ทำเสียงให้ดูมีพิรุธแต่นั่นก็ไม่สามารถหยุดยั้งเจ้ากรมที่กำลังถอดเสื้อออกและโยนทิ้งลงบนพื้นห้องอย่างไม่ใยดี


   “ เป็นแฟนกับกูนะ”


   “ ห้ะ????” พี่รีบลุกขึ้นมานั่งทันทีที่เจ้ากรมพูดออกมาแบบนั้น เพราะเขาเองไม่ทันได้ตั้งตัวว่าเจ้ากรมจะขอเขาเป็นแฟนในเวลาแบบนี้


   “ รีบตอบจะได้เสียตัวเลย”


   “ ห้ะ?? พี่บ้าปะเนี่ยพี่กรม”


   “ มีอะไรกับแฟนตัวเองไม่ผิดหนิ”


   “ แต่ผม...” ไอ้พีเองก็ไม่กล้าที่จะตอบว่าเขาไม่ได้เตรียมตัวมา ถึงแม้จะพอศึกษามาบ้างว่าครั้งแรกกับผู้ชายด้วยกันมันจะเป็นอย่างไร


   “ เป็นแฟนกับพี่นะครับ” เมื่อเห็นว่าพี่ยังคงไม่ตอบ เจ้ากรมจึงค่อยๆโน้มหน้าเข้าไปใกล้และจับมือพีขึ้นมาแนบที่อกของเขาทันที “ นะครับ”


   “ เออ! เป็นก็เป็น ไอ้ฉิบหายมาเสียตัวอะไรวันเน้” เจ้ากรมไม่รอให้สิ้นเสียง เขาก้มหน้าลงประกบจูบพีทันทีอย่างหื่นกระหาย เขาจะไม่ทนอีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม


   “ เดี๋ยวพี่” พี่พยายามผลักเจ้ากรมให้ออกห่าง เพราะยังคงงงกับสถานการณ์ตรงหน้าอยู่ เพราะตอนนี้เจ้ากรมทุ่มพี่ลงบนเตียงส่วนตัวของเขาไม่รอช้าขึ้นคร่อมพีทันที “ ใจเย็นๆนะ” พีจับมือของเจ้ากรมให้ออกห่าง


   “ เป็นแฟนพร้อมกับเป็นเมียก็ดีนะครับ”


   “ ม่ายยยยยยยยยยย”


PS. เดินทางมาถึงตอนสุดท้ายจริงๆแล้วใจหายเหมือนกันนะ ฮื่อออออ ไรท์ไม่อยากจบเลย แต่ตอนพิเศษขออนุญาตสงวนไว้ในเล่มนะคะทุกคน ส่วนกิจกรรมต่อไปอาจจะเป็นบทสัมภาษณ์และความเกรียนของของพีต่อ อย่าพึ่งอัลฟอลหรืออัลเฟบกันนะคะ เดี๋ยวมีของมาแจก
PS. สุดท้าย อยากจะบอกอะไรไรท์หรือกับพี่กรมและน้องพีไหมเอ่ยยยย บอกกันได้เลยนะคะ
PS. ส่วนเรื่องพี่คินติดตามได้เลยนะคะ "ผมรักพี่นะครับ" สนุกไม่แพ้กันนะ
สุดท้ายขอขอบคุณทุกคนจริงๆที่มาอยู่กับไรท์จนถึงวันนี้ ไม่คิดว่าจะมีคนเอ็นดูและเกลียดอิพี่กรมขนาดนี้ ไรท์ขอขอบพระคุณจากใจจริง จริงๆนะคะ แล้วพบกันเรื่องใหม่เด้อออ




หัวข้อ: Re: [END] Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 19.2 (30/03/62)+
เริ่มหัวข้อโดย: nikpook ที่ 02-04-2019 08:14:15
อ่านจบแล้วฮือไม่อยากให้จบเลย ขอบคุณคุณไก่ทอดที่เขียนนิยายดีๆมาให้เราอ่านนะคะชอบมากๆเลย :L1:  :pig4: ในที่สุดเขาก็เป็นแฟนกันสักที :katai2-1: ตลกพ่อน้องผีมากๆ5555 อยากเห็นตอนไปหาพ่อพี่กรมเลยอ่ะ55555 ชอบพี่กรมที่มีความหลงน้องมากๆเลย :-[  ชอบตรงที่บอกว่ากอดได้โดยไม่ต้องกังวลอะไร รู้สึกดีใจด้วยมากๆได้เป็นแฟนกันแล้วก็รักกันนานๆนะดูแลกันดีๆ  รอบทสัมภาษณ์แห่งความเกรียนของน้องผี  :laugh: รอๆคุณไก่ทอดเราเป็นกลจให :L1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [END] Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 19.2 (30/03/62)+
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 02-04-2019 22:22:07
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [END] Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 19.2 (30/03/62)+
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 03-04-2019 18:40:33
ยินดีกะทั้งคู่ ลงเอยกันได้ซะที  :katai2-1:
ขอบคุณคุณไก่ทอดด้วยจ้า.  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [END] Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 19.2 (30/03/62)+
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 03-04-2019 22:25:27
เอ้าจบง่ายๆงี้เลย ไม่มีอ่ะความซึ้ง ฮาล้วนๆ :pig4:
หัวข้อ: Re: [END] Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 19.2 (30/03/62)+
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 05-04-2019 09:17:55
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [END] Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 19.2 (30/03/62)+
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 07-04-2019 22:17:52
สนุกดีค่าา น้องผรั่วมาก555555 ตอนแรกก็เดาไม่ถูกเลยว่าจะเป้นแนวไหน แต่คิดว่าคงจะบ้าๆหน่อย เพราะคาแรคเตอร์น้องผีชัดมาก

คำผิดเยอะอยู่นะคะ หลายๆคำยังมีสะกดผิดอยู่ รวมถึงที่พิมพ์เกินไปบ้าง ยังไงก็พยายามต่อไปนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: [END] Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 19.2 (30/03/62)+
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 11-04-2019 06:21:53
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [END] Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 19.2 (30/03/62)+
เริ่มหัวข้อโดย: แมว ที่ 11-04-2019 22:35:36
สนุกมากกกก อ่านถึงตอนสุดท้ายปล้วก็ได้แต่ จบแล้วเหรอวะ แงงงงงงง อ่านเพลินมาก  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [END] Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 19.2 (30/03/62)+
เริ่มหัวข้อโดย: sira_nann ที่ 13-04-2019 17:43:44
 :pig4: :pig4: :pig4:
 :katai2-1: :katai2-1:
 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: [END] Politics of love รัก-ถะ-สาด #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนที่ 19.2 (30/03/62)+
เริ่มหัวข้อโดย: สิงหา ที่ 14-04-2019 20:21:30
ขอบคุณสำหรับนิยายนะคะ  :3123:
หัวข้อ: Re: [END] #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ mini (16/04/62)+
เริ่มหัวข้อโดย: KJH177 ที่ 16-04-2019 15:40:06
.
.
.
#ว่าด้วยเรื่องการอยู่ด้วยกัน

เจ้ากรม : อยู่ล่างเป็นเมียกูไหมละ?

พี : position ไม่เกี่ยวปะพี่ ขนาดพี่อยู่ล่างแต่เล่นท่าออนท็อป ผมบย่มพี่ แต่พี่ยังผัวเป็นผมเลย

เจ้ากรม : ขอให้ได้เถียงตลอด ปากนี้มันเถียงเก่งจริงๆ // เจ้ากรมเอื้อมมือไปบีบปากพีเบาๆ

พี : เจ็บนะพี่ // ทำท่าสะดีดสะดิ้ง

เจ้ากรม : มันไม่เจ็บไอ้พี กูดูออก

.
.
.
มาเล็กๆให้หายคิดถึงกันเด้อออ จะมีบทสนทนาเล็กๆทำเป็นเล่ม มินินะตัวเองง เดี๋ยวไรท์เอามาสปอยเด้อ
หัวข้อ: Re: [END] #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ mini (16/04/62)+
เริ่มหัวข้อโดย: pogpax ที่ 16-04-2019 21:06:40
 :z1:รวดเดียวจบ ...
หัวข้อ: Re: [END] #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ mini (16/04/62)+
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 17-04-2019 06:23:29
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [END] #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ mini (16/04/62)+
เริ่มหัวข้อโดย: Wtftt ที่ 22-04-2019 21:11:09
 :hao7:  :hao7:  :hao7: กรี๊ดดด สนุกมากเลย พีก็กวนได้ทุกเวลา เจ้ากรมฮืออออ หล่ออออ
หัวข้อ: Re: [END] #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ mini (16/04/62)+
เริ่มหัวข้อโดย: sk_bunggi ที่ 28-04-2019 23:26:14
โอ่ยยยย เป็นเรื่องที่มีดราม่าแต่มันไม่ดราม่าเลยเพราะความกวนของทั้งอิพี่และอิน้อง  :hao7:  :hao7:
หัวข้อ: Re: [END] #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ mini (16/04/62)+
เริ่มหัวข้อโดย: KJH177 ที่ 28-04-2019 23:28:51
โอ่ยยยย เป็นเรื่องที่มีดราม่าแต่มันไม่ดราม่าเลยเพราะความกวนของทั้งอิพี่และอิน้อง  :hao7:  :hao7:

เรื่องนี้เลยเจ้าค่ะรีดเดอร์ แนะนำมากๆ 555555555555 ขอบคุณที่ชอบน้องผีนะคะ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69869.0  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69869.0)
หัวข้อ: Re: [END] #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ mini (16/04/62)+
เริ่มหัวข้อโดย: reborn ที่ 07-05-2019 23:30:39
 o13
หัวข้อ: Re: [END] #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ mini (16/04/62)+
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 18-07-2019 17:35:58
หน่วงเก่ง ป่วนเก่ง
 :hao7:
หัวข้อ: Re: [END] #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ mini (16/04/62)+
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 19-07-2019 22:52:26
เป็นเรื่องทีถึงแม้จะตอนดราม่าบางครั้งก็สามารถไม่เครียดได้เพราะพีเกรียน5555 ขอบคุณคนเขียนมากเลย
หัวข้อ: Re: [END] #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ Ep1 (22/11/62)+
เริ่มหัวข้อโดย: KJH177 ที่ 22-11-2019 20:45:36
เจ้ากรมขย่มปฐพี
Ep.1 #ว่าด้วยเรื่องการย้ายมาอยู่ด้วยกัน

พี : พี่กรมครับ

เจ้ากรม : ครับ?? // อ่านหนังสือเอาหัวมานอนหนุนตักพี

พี : เราคบกันมาเท่าไหร่แล้วนะครับ

เจ้ากรม : ลองใจกูรึเปล่า?

พี : เปล่าพี่ มันมีกระแสเรื่องอยู่หอกับแฟนไง เลยจะถามว่าเราคบกันนานพอหรือยังที่จะอยู่ด้วยกัน

เจ้ากรม : แล้ว??

พี : พี่ ผมพูดขนาดนี้ละนะ ยังไม่รู้เรื่องอีกเหรอว่ะพี่

เจ้ากรม : พี มึงอย่าอ้อม ต้องการอะไรช่วยพูดตรงๆมาเลย

พี : อยู่ด้วยกันไหม?? // เจ้ากรมรีบลุกขึ้นทันทีที่พีพูดออกมาแบบนั้น

เจ้ากรม : คิดดียังที่จะมาอยู่บ้านผู้ชาย

พี : ผมก็ผู้ชายปะวะพี่

เจ้ากรม : อยู่ล่างกูก็เป็นเมียไหม

พี : position ไม่เกี่ยวปะพี่ ขนาดพี่อยู่ล่างแต่เล่นท่าออนท็อปผมยังเหมือนผมขย่มพี่อยู่ แต่พี่ยังเป็นผัวผมเลย

เจ้ากรม : ขอให้ได้เถียงตลอด ปากนี้มันเถียงเก่งจริงๆ // เจ้ากรมเอื้อมมือมาบีบปากพีเบาๆ

พี : เจ็บนะ // ทำท่าสะดีดสะดิ้ง

เจ้ากรม : มันไม่เจ็บไอ้พี กูดูออก

พี : น้องอยากอ้อนไง งื้ออออ แบบนี้ // เอาหัวถูไหล่เจ้ากรมเบาๆ

เจ้ากรม : ทำไมคนอื่นทำแล้วน่ารักวะ

พี : อ่าวพี่ ละผมอะ????? // หน้าตาบ่งบอกว่าไม่พอใจสุดๆ

เจ้ากรม :ขยับมาใกล้ๆกูดิ

พี : ครับ?? // เจ้ากรมคว้าตัวของพีเข้ามาใกล้และประกบริมฝีปากลงบนริมฝีปากของพี พร้อมกับบดขยี้ริมฝีปากด้วยความรุนแรงจนพีร้องออกมา

พี : พี่โว้ยยยย รับบทซาดิสม์รึไงวะ

เจ้ากรม : เอาจริงๆนะไอ้พี กูชอบใช้ความรุนแรง โดยเฉพาะกับมึง

พี : ทำไมไม่บอกก่อนคบ // ทำเสียงจริงจัง

เจ้ากรม : ทำไม?? รังเกียจกู

พี : เปล่าพี่จะได้เตรียมตัวและเรียนรู้ว่าต้องทำตัวอย่างไง

เจ้ากรม : อยากรู้ไหมว่ากูจะรุนแรงแค่ไหน // ทำหน้าจริงจัง

พี : รู้อยู่แล้ว ทั้งกอดแรง จูบแรง แหย่แรง ขย่มแรง

เจ้ากรม : มีอีกอย่างที่แรง

พี : อัลไลจ๊ะ // ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ

เจ้ากรม : ฝ่ามือและฝ่าตีนกูครับ ผั๊วะ!!!!

พี : เจ็บนะพี่กรม // เกาหัวทำหน้างอหลังจากที่โดนเจ้ากรมตบหัวไปแรงๆ

เจ้ากรม : มาจูบหัว // ก้มลงจูบที่หัวของพีเบาๆและผลักออกมา

เจ้ากรม : เหม็นฉิบหายเลยพี ไม่สระมากี่วันแล้ว

พี : .........

เจ้ากรม : เงียบทำไม?

พี : .........

เจ้ากรม : ไอ้พีอย่าเงียบดิ ใจไม่ดีนะ // ขยับเข้าไปใกล้ๆพี

พี : ก็พี่แม่ง เล่นรุนแรงตลอด ผมก็เจ็บเป็นนะพี่ // ขยับออกทำท่าทางเล่นตัวสุดา

เจ้ากรม : ตามจริงกูให้พ่อซื้อเตียงให้ใหม่ แบบว่าใหญ่กว่าเดิมด้วยนะเว้ย

พี : แล้วไงพี่ // พยายามกลั้นยิ้มทำท่าไม่สนใจแค่หูฟังอยู่

เจ้ากรม : นอนได้สองคนสบายกว่าเดิม เพิ่มตู้เสื้อผ้าใหม่ด้วยสามารถใส่เสื้อผ้าได้สองคน

พี : ละมันอย่างไงต่อ

เจ้ากรม : มาอยู่กับกูนะ นะครับ นะครับพี // ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ

พี : ฟรีไหม

เจ้ากรม : ฟรีทุกอย่าง

พี : กะ....เกรงใจนะ // ยิ้มหน้าบานไปถึงรูหู

เจ้ากรม : เอาใจไม่ถูกละนะ

พี : จะช่วยจ่ายค่าน้ำก็แล้วกัน

เจ้ากรม : บ้านกูหลังใหญ่นะ

พี : ผมรวย..รวยแต่เขืออะดิ

เจ้ากรม : ............

เจ้ากรม : งั้นถ้ามึงรวยแต่เขือจริงๆก็จ่ายค่าน้ำกูได้อยู่ดี

พี : น้ำไรวะพี่

เจ้ากรม : น้ำอสุจิ

พี : ........


ปล. ดูออกว่าคิดถึง
หัวข้อ: Re: [END] #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ Ep1 (22/11/62)+
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 22-11-2019 22:04:14
คู่นี้ยังจีบกันอยู่เหรอเนี่ย  :laugh:
หัวข้อ: Re: [END] #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ Ep1 (22/11/62)+
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 23-11-2019 16:28:32
แหมน่ารักน่าถีบดีจริงๆคู่นี้
หัวข้อ: Re: [END] #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ Ep1 (22/11/62)+
เริ่มหัวข้อโดย: lovenine ที่ 24-11-2019 08:19:38
สนุกๆ ขอบคุณ ^^
หัวข้อ: Re: [END] #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ Ep1 (22/11/62)+
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 24-11-2019 21:14:29
 :pig4: : :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [END] #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนพิเศษ อ่านเถอะโคตรตลก 11/4/2563
เริ่มหัวข้อโดย: KJH177 ที่ 11-04-2020 19:00:30
บทพิเศษ อ่านเถอะโคตรตลก
สงกรานต์นี้ไม่เปียก

Jaokom’ s talk

ทุกคนเคยหลงแฟนไหมครับ? ผมยอมรับเลยว่ามีช่วงหนึ่งผมเคยหลงแฟนมากๆ แต่ตอนนี้จากหลงมันเปลี่ยนมาเป็นเอือมระอามันมากกว่า ตั้งแต่มีสถานการณ์โควิดมาไอ้พีมันไม่เคยหยุดนิ่งเลย อะไรที่เป็นกระแสมันทำหมดโดยเฉพาะตอนนี้

“พีคะ พีคะ หนูชื่อพีมากับพีแล้วก็มากับพี” ไอ้พีตั้งกล้องโทรศัพท์เต้นตามเพลงฮิตอย่างเจน นุ่น โบว์อะไรนี่แหละที่ดังอยู่ในแอพติ๊กตอก อ่อ! ผมลืมบอกว่าไอ้พีมันพึ่งสมัครแอพติ๊กตอกได้ไม่นานแต่คลิปที่มันลงมีเกือบร้อย ถ้ามันว่างเมื่อไหร่มันเล่นเมื่อนั้นแหละครับ ดีไม่ดีชวนผมเล่นด้วย แต่ผมบอกมันไปว่าถ้ามันเอาแอพนี่มายุ่งกับผมเมื่อไหร่ผมปาโทรศัพท์มันกระจายแน่ หลังจากนั้นก็อย่างที่ทุกคนเห็นมันสามารถเล่นคนเดียวโดยที่ตัวมันมีหลายบทบาทได้ นี่ก็อาจจะเป็นความสามารถที่มันพึ่งค้นพบในช่วงนี้

“พี่กรมพี่ คนดูเป็นพันอะผมตั้งชื่อว่า น้องพีมากับพีแล้วก็มากับพี” ไอ้พีมันวิ่งมานั่งข้างๆ ผมก่อนจะเอาโทรศัพท์ของมันมาให้ผมดูด้วยความภาคภูมิใจ

“เก่งจังนะเรื่องแบบนี้”

“ชมหรือด่าบอกก่อนจะได้แสดงสีหน้าถูก” ผมไม่ตอบได้แต่ส่ายหน้าให้กับมัน “ตลกตัวเองว่ะ ฮ่าๆ” มันนั่งหัวเราะกับคลิปของตัวเองอยู่อย่างนั้นไปเรื่อยๆ จนกระทั่ง....

“หิวอะพี่”

“ไม่เล่นก็หิวนะมึง”

“กินไรไหมผมทำให้”

“ไม่เอา เดี๋ยวกูท้องเสีย ไปโรงพยาบาลตอนนี้เสี่ยงโควิด”

“ไม่ไว้ใจกันเลยนะพี่ ผมแฟนพี่นะ”

“มึงอะตัวดีเลย ไว้ใจอะไรได้ที่ไหน” ผมพูดจบไอ้พีก็เดินเข้าไปในครัว ผมไม่รู้หรอกนะว่ามันไปทำอะไร แต่ที่แน่ๆ มันทำอะไรมาผมจะไม่กิน ประสบการณ์มันสอนให้ผมรู้จักเรียนรู้ครับ


Pee’ s talk

พี่กรมอะครับกลัวไม่เข้าเรื่อง อะไรที่ผ่านมาแล้วก็ไม่รู้จักมูฟออน เป็นไงศัพท์ผมทันสมัยไหม ช่วงนี้ผมเสพโซเชียลบ่อยครับเลยได้ศัพท์ที่เป็นกระแสมาใช้ เออ! ช่วงนี้โควิดระบาดนะครับดูแลรักษาสุขภาพกันดีๆ นะครับ หมั่นล้างมือบ่อยๆ ออกไปไหนก็ใส่หน้ากากอนามัยด้วย ถึงแม้จะหายากก็เถอะไม่รู้ว่าใครแม่งกักตุน...

“เขาดูเป็นคนซื่อๆ ..ถุ้ย! ซื่อเหี้ยอะไรจะทำผิด โทษทีผมอินไปหน่อย!”

พูดถึงเรื่องโควิดแล้ว ผมเซ็งนะตอนแรกก็ดีใจที่ไม่ต้องไปทำงานข้างนอก แต่พออยู่บ้านนานๆ ผมรู้สึกประสาทจะกิน ไม่ใช่เรื่องอะไรหรอกครับก็เรื่องติ๊กตอกที่ผมทำนั่นแหละ ตอนแรกคิดว่าคลิปของตัวเองเจ๋งแล้วพอไปเจอคลิปของคนอื่นแม่งเจ๋งกว่าผมเยอะเลย เดี๋ยวทำอะไรกินเสร็จผมจะไปนั่งคิด content ของตัวเองให้คนทำตามกันทั่วบ้านทั่วเมืองเลยคอยดู เอาให้พี่กรมมันอึ้งไปเลยครับ บังอาจมาว่าสิ่งที่ผมทำเป็นเรื่องไร้สาระ

“ทุกคนสบายดีไหมครับ” ผมวางโทรศัพท์ที่กำลังไลฟ์ทางไอจีอยู่ เมื่อเห็นตัวเลขของคนดูเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ผมเลยรีบเอนเตอร์เทนก่อนที่ยอดคนดูจะหาย

“พี่เทพเอฟตีตัวจริงผมนะเนี่ย ไลฟ์ยังไม่ถึงนาทีก็เข้ามาเลย”

‘ไอ้ควาย’

“จะทำเป็นมองไม่เห็นก็แล้วกัน คอมเมนต์ที่มันท็อกซิสผมจะไม่สนใจ” ผมเมินคอมเม้นต์ของพี่เทพ เอาจริงๆ ก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรหรอก แค่แกล้งๆ พี่มันเล่น

“วันนี้ผมจะไลฟ์ตอนทำอาหาร ใครที่เหงาๆ ก็หาทำตามผมได้นะ เมนูในวันนี้ผมจะทำอะไรดีน้า?” ผมแกล้งๆ ใช้นิ้วชี้จิ้มที่มุมปากของตัวเองเพื่อทำท่าคิด “ไหนๆ ลองเม้นต์มา ผมจะอ่าน ถ้าน่าสนใจผมจะทำ”

‘จิ้กจกผัดไข่’

“เก็บไว้ให้พ่อมึงกินเถอะไอ้ห่า อุ๊บ! ซอรี่ครับ น้องพีขอโทษที่ใช้คำหยาบ” ผมหลุดพูดคำหยาบออกมาเมื่อไอ้บิวเพื่อนหัวแก้วหัวแหวนของผมเสนอ

‘ต้มยำเฉลิม’

“เอ่อ...น่าสนใจ” ผมอยากเอาเฉลิมลูกรักพี่กรมมาต้มให้รู้แล้วรู้รอด เดี๋ยวนี้พี่มันสนใจไอ้เฉลิมมากกว่าผมที่เป็นแฟนพี่มันอีกครับ พอเอ่ยท้วงพี่มันก็บอกว่า

‘เฉลิมมาก่อนมึง เจียมด้วยครับน้องพี’

นั่นแหละครับผมเลยเลิกต่อล้อต่อเถียงเรื่องนี้อีก รอโอกาสเผลอๆ จะเอาหนังไอ้เฉลิมมาทำหนังงูทอดกรอบส่งออกต่างประเทศเลยคอยดู แต่วันนั้นพี่กรมมันคงจะต้องเขี่ยผมออกจากบ้านแน่ๆ

“มีใครเสนออะไรอีกไหมครับ? น้องพีจะเริ่มทำแล้วน้า”

‘ปลาทองตุ๋นยาจีน’

“กูทำแล้วมึงแดกไหมไอ้บิว ใช้ขี้เล็บหรือสมองคิดวะ!” แต่ละอย่างที่เสนอกันมานี่หน้าเอากระทะทุบหัวกันจริงๆ ผมพาโทรศัพท์ที่กำลังไลฟ์อยู่เดินไปที่ตู้เย็นเปิดเพื่อดูวัตถุดิบว่ามีอะไรที่ผมสามารถทำกินเองได้และมีความคิดสร้างสรรค์ตามที่เชฟเอียนเคยบอก

“ตอนนี้สิ่งที่ผมสนใจก็จะมีไข่ หมูสามชั้น อ่า แค่นี้พอครับ” ผมเอาวัตถุดิบออกมาจากตู้เย็นพร้อมกับจัดมุมกล้องให้สามารถมองเห็นผมได้ชัดๆ

“ทุกคนลองทายกันมาว่าผมจะทำอะไร มีเพียงแค่สองอย่าง ผมจะทำออกมาให้มีความคิดสร้างสรรค์มากที่สุด ทุกคนพิมพ์กันเข้ามานะครับ เดี๋ยวน้องพีจะทำไปด้วย” ผมละสายตาจากหน้าจอมาหั่นหมูสามชั้นที่เตรียมเอาไว้ ส่วนไข่...ผมจะทำอะไรดีวะ?

“ไข่ต้ม ไข่ดาว ไข่เจียว...แม่งไม่สร้างสรรค์” ผมปรึกษาตัวเอง เขาว่ากันว่าคนที่คุยกับตัวเองมักเป็นคนฉลาด “ไข่พี่กรมดีไหม?”

‘จัญไรไม่เปลี่ยนเลยน้องกู’ ผมยิ้มให้กับเม้นต์ของพี่เทพแต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรไป อยากรับบทเป็นเน็ตไอดอลหยิ่งๆ ดูบ้าง เฟรนลี่ไปก็ดูเข้าถึงง่ายครับ ผมต้องทำตัวแพงๆ เข้าไว้

“อ่า ผมได้เมนูแล้ว หมูสามชั้นน้องพีท็อปด้วยไข่พี่กรม เมนูนี่มันสุดยอดโคตร!” ผมลองหลับตาจินตนาการถึงไข่พี่กรมว่ามีสีอะไรเพื่อที่จะทำออกมาได้สมจริงมากที่สุด ถ้าออกไปขอพี่กรมดูมีหวังผมได้ตายคาตีนพี่มันแน่ๆ

“ไม่ดำนะ ไม่น้ำตาลมาก น้ำผึ้ง..น่าจะสีใกล้เคียงกับน้ำผึ้งเดือนห้า” ผมไม่รีรอจัดการต้มไข่ทันทีพร้อมกับเตรียมผงโอวันติน ใช่ครับผมจะเอาไข่ต้มมาคุกโอวันตินเล็กน้อยเพื่อให้มีสีสัน ส่วนตัวหมูสามชั้นผมจะเอามาทอดน้ำปลาสักหน่อย

แค่ทอดหมูอะจิ๊บๆ ....

“โอ๊ย! เหยดแม่!!!!” ไม่จิ๊บแล้วครับเมื่อผมเอาหมูสามชั้นที่หมักน้ำปลามาหมาดๆ โยนใส่ในกระทั่งที่ตั้งน้ำมันเดือดๆ

‘โง่กว่านี้ไม่มีแล้ว’

‘สงสารหมูสามชั้น’

และอีกหลากหลายคอมเมนต์ของคนที่รักผมส่งเข้ามา แต่ที่ผมสงสัยคือผมตะโกนร้องโคตรดังแต่พี่กรมไม่วิ่งเข้ามาดูด้วยความเป็นห่วงเหมือนที่ควรจะเป็น ถ้าเป็นไอ้เฉลิมร้องนะเชื่อเถอะแทบจะเหาะเข้ามา เอ่อ..งูมันร้องไม่ได้ไม่ใช่หรอวะ สมองกูไปหมดแล้วครับ

“พี่กรมครับ น้ำมันกระเด็นใส่น้องพี!” ผมแกล้งตะโกนดูเพื่อพี่กรมจะเข้ามาปลอบประโลม

“พี่กรม!” ใช่ครับ ผมกลายเป็นสายบัวรอเก้อไปเลย น้อยใจว่ะครับ

“รอไปก็เจ็บปวด จะหนีไปบวชก็จำบทสวดไม่ได้” ผมถอนหายใจพร้อมกับตัดพ้อให้กับเหล่าเอฟซีที่ยังคงดูผมอยู่อย่างน้อยก็ไม่เหงาเวลาทำอาหาร

‘อย่าบวชเลยกูสงสารพระ’ อันนี้พี่เทพ

‘บวชเลยเพื่อนกูอยากเต้น ขอรถแห่เต็มวงนะเพื่อน’ ไอ้บิวเพื่อนรักผมเอง

ก็อย่างที่บอกถ้ามีคอมเม้นต์ที่ทำให้ผมเจ็บปวดผมก็จะเมินและไม่สนใจ

“อ่า เสร็จแล้วครับ สุดท้ายนี้ไม่ว่าม้าจะเร็วสักแค่ไหนสุดท้ายก็ต้องแพ้ลา เพราะลาไปก่อนสวัสดีครับ” ผมกดปิดทันทีพร้อมกับยกอาหารที่รังสรรค์ผ่านมันสมองอันชาญฉลาดออกมาที่เดิม

“พี่กรม พี่ไม่ได้ยินผมเหรอ?” ผมวางอาหารลงตรงหน้าพี่กรม

“ได้ยิน”

“แล้วไม่เป็นห่วงเลยดิ?”

“ถ้าไม่เป็นห่วงแล้วตรงหน้ามึงคือขี้รึไง” ผมกวาดสายตามาที่โต๊ะตรงหน้าพี่กรม ก่อนจะเห็นกล่องปฐมพยาบาลที่ตอนแรกไม่มี

“อ่อนโยนแต่ไม่แสดงออกนะเรา” ผมทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ พร้อมกับออเซาะพี่กรมไปด้วย นานๆ ทีจะมีโอกาสแบบนี้ แฟนผมอะไม่หวาน แต่ผมอะหวานมาก

“พูดมากนะมึง ยื่นแขนมา” ผมยื่นแขนข้างที่น้ำมันกระเด็นใส่ไปตรงหน้าพี่กรม “ทำไม่เป็นแล้วเสือกอยากจะทำ”

“นั่งนิ่งๆ แบบพี่มันเหงา ผมต้องหาอะไรทำตลอดเวลา” ผมมองพี่กรมที่กำลังทายาอะไรเย็นๆ ใส่บริเวณแขนของผมที่โดนน้ำมันกระเด็น

“แต่อยู่แบบมึงก็เปลืองพลังงานไอ้พี คนห่าอะไรหาอะไรทำได้ทั้งวี่ทั้งวัน”

“ก็อยู่บ้านมันเหงา อีกอย่างผมว่านะผมจะหันมาเอาดีทางติ๊กตอก”

“ไอ้พีขอร้องอย่าหาทำ”

“แหม! ใช้คำว่าหาทำด้วย อินเทรนด์เหมือนกันนะเรา” ผมยื่นมือไปบีบจมูกของพี่กรมเบาๆ แต่พี่มันไม่โรแมนติกเลย เขี่ยมือผมออกประหนึ่งว่ามือผมคือขี้

“แล้วทำอะไรมา น่าตาทุเรศฉิบหาย” ผมยิ้มทันทีที่พี่กรมหันไปสนใจอาหารที่ผมรังสรรค์

“พี่แกล้งๆ รับบทเป็นเชพเอียนหรือเชฟป้อมได้ไหม”

“หล่อๆ แบบกูต้อง....”

“พี่ป็อก!”

“ป็อกที่หน้ามึงสิ!” พี่กรมสวนผมกลับมาทันทีเล่นเอาผมระเบิดหัวเราะออกมาด้วยความชอบใจ นานๆ ทีพี่กรมมันจะเล่นกับผมแบบนี้ “ไหนอธิบายเมนูอาหารของมึงมา”

“อะแฮ่ม! เมนูนี้นะครับเชฟมีชื่อว่าหมูสามชั้นน้องพีท็อปด้วยไข่พี่กรม...” ผมเว้นจังหวะเพื่อดูสีหน้าของพี่กรมหลังจากที่ได้ยินชื่อเมนูอาหารของผม และก็เป็นไปตามที่ผมคิดไม่มีผิดเพราะคิ้วทั้งสองข้างของพี่กรมขมวดเข้าหากันทันที

“ไอ้พี ไข่กูไม่ได้น่าเกลียดขนาดนี้”

“อย่างน้อยก็มีอย่างหนึ่งที่หวานนะครับเชฟ”

“ตรงไหน?”

“หวาน ไข่หวาน”

“......”

“อ่า...หมูสามชั้นผมใช้เทคนิคชูวีก่อนจะเอาไปเซียกับกระทะและเอาไนโตรเจนมาดับร้อน ส่วนไข่ผมใช้เทคนิคต้มด้วยน้ำแร่จากเทือกเขาแอลป์ในอุณหภูมิที่ไม่สูงเกินไป ก่อนจะชุบกับผงโอวันตินครับ....”

“มั่วฉิบหาย”

“แกล้งๆ ไม่ได้ยินก็ได้ อยากเป็นมาสเตอร์เชฟ”

“อยากเป็นมาสเตอร์เชฟแต่สกิลเท่าขี้ตีนอะนะ”

“แรงนะครับ แต่รับได้ พี่ชิมๆ” ผมยื่นช้อนไปตรงหน้าพี่กรม “เอาเลยเชฟ เป็นเชฟต้องชิมได้ทุกอย่าง”

“เดี๋ยวเชฟป้อนนะครับ” พี่กรมจับช้อนพร้อมกับตักทุกอย่างมาพูนๆ ก่อนจะจ่อมาที่ปากของผม “อ้าปากซิครับ”

“ในรายการเขาไม่ป้อนกันนะพี่”

“กูเป็นรายการพิเศษ อ้าปากครับก่อนที่กูจะงัด”

“อ้ามมมมมม อื้มมม อาโหร่ยยยย” ผมอ้าปากรับอาหารเข้าไปเต็มๆ คำ รสชาติที่ได้ก็คือมันไม่แย่นะแต่มันก็ไม่ควรกินอะ ผมบรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ถูกจริงๆ อย่าหาทำตามที่พี่กรมบอกเลยครับ

“กินให้หมดนะมึง”

“.....” และผมก็จำใจกินจนหมดไม่เหลือสักเม็ด ระหว่างที่ผมกินผมเห็นพี่กรมเตรียมยาคาร์บอนเอาไว้ สงสัยคงรู้ชะตากรรมว่าผมจะท้องเสียแน่ๆ เป็นอย่างไงครับแฟนผมน่ารักไหม ไม่ต้องชมนะผมโคตรหวง!!

หลังจากที่ผมล้างจานเก็บครัวเสร็จ ออกมาอีกทีพี่กรมที่นั่งอยู่ที่โซฟากอดไอ้เฉลิมหลับไปเฉย ส่วนผมนะเหรอ..หึหึ เล่นติ๊กตอกต่อไปครับ

“เงาะโลไล้ ส้มโลไล้ มุดโลไล้ คุดโลไล้ เรียนโลไล้ อืม.. แล้วตี๊บล่ะโลไล้” ขอตามกระแสหน่อยนะครับ แต่ระหว่างนั้นผมพยายามเปิดเพลงให้เบาที่สุด เพราะไม่อยากไปรบกวนการนอนกลางวันของพี่กรม

“อยากเต้น Any song อะ แต่ไม่มีคู่ว่ะ” อยู่ๆ ก็คันอยากเต้นครับแต่เพลงที่ผมอยากเต้นมันเต้นไปคู่ ถ้าไปชวนพี่กรมเต้น โทรศัพท์ผมได้กระจายแน่ๆ งั้นผมหาเพลงที่เต้นคนเดียวได้ดีกว่า...

“เย้เยเย เย้เยเย เยเยเย้เย เพชรผมวิบวิบวิบวิบวิบ เพลงผม hit hit hit hit hit พวกผมแม่ง fucking lit Man she loves my drip....”

“ไอ้พี! เบาๆ กูจะนอน” ยังไม่ทันที่ผมจะดิปพี่กรมก็ตะโกนแทรกเข้ามาในวีดิโอของผม

“พี่! เสียงมันเข้า”

“อยากเต้นไปเต้นข้างนอกไอ้พี!”

“ข้างนอกมันร้อน”

“งั้นมึงก็เต้นแบบไม่มีเพลง”

“ถ้าผมเต้นแบบไม่มีเพลงมันจะเรียกว่าเต้นไหมอะครับ” เท่านั้นแหละจากที่พี่กรมนอนอยู่ตอนนี้ลุกขึ้นมานั่งจ้องหน้าผมด้วยแววตาหงุดหงิด “อย่าหงุดหงิดใส่ผมดิ ผมก็เล่นของผมดีๆ”

“มึงเล่นมาทั้งวันแล้ว”

“ก็ผมว่าง”

“มึงก็หาอะไรอ่าน”

“ผมไม่ใช่เด็กแล้วนะพี่กรม พี่พูดเหมือนพ่อผมเมื่อสิบปีที่แล้วเลย”

“เถียงเก่งนักใช่ไหม” พี่กรมลุกขึ้นจากโซฟาที่นั่งอยู่ตรงมาที่ผมเตรียมจะแย่งโทรศัพท์จากมือของผม แต่ผมไหวตัวทันเอาหลบไปก่อน “เอามาไอ้พี”

“พี่จะปาเหรอ?”

“เอามา”

“พี่....”

“อย่าให้กูพูดซ้ำ” เมื่อน้ำเสียงของพี่กรมเริ่มเอาจริงขึ้นมา ผมจำใจส่งโทรศัพท์ของตัวเองไปให้พี่กรม “นั่งขัดสมาธิ”

“อย่าบอกนะว่า....”

“นั่งสมาธิหนึ่งชั่วโมงแล้วกูจะคืนให้”

“พี่....”

“ไอ้พีมึงดื้อเอง”

“ผมเกลียดการนั่งสมาธิ ผมอยู่เฉยไม่ได้”

“ถ้าเฉยแล้วมึงตายก็ให้ตายตรงนี้แหละ ถ้าไม่ครบชั่วโมงกูจะลบคลิปในติ๊กตอกมึง!” เท่านั้นแหละครับผมนั่งขัดสมาธิทันทีพร้อมกับหลับตานั่งตัวตรง ลบอะไรก็ลบได้แต่ลบคลิปในติ๊กตอกผมไม่ยอม

“อย่าหาว่ากูใจร้าย แต่มึงทำตัวเองไอ้พี”

“.......” ผมนั่งเงียบไม่ตอบโต้ เดี๋ยวไอ้พี่กรมจอมโหดจะหาเรื่องนับเวลาใหม่ แค่นี้ผมก็คันจะแย่แล้ว เวลานั่งนิ่งๆ ทีไรผมจะคันทุกที

“ตื่นมามึงก็เล่น กินข้าวมึงก็เล่น มึงเล่นไม่หยุดมาหลายวันแล้ว ไม่ใช่ว่าแค่วันนี้นะไอ้พี กูบอกมึงหลายรอบแล้วมึงฟังไหม? ถ้ามึงเล่นรู้จักเวลากูจะทำแบบนี้หรอ? แล้วมาบอกว่ากูดุเป็นพ่อมึงเลย แต่ดูมึงทำตัวดิวะ กูก็ไม่อยากดุบ่อยๆ หรอกนะ แต่มึงทำตัวเอง”

“......” ทำไมผมรู้สึกขอบตาร้อนๆ วะ แค่โดนดุแค่นี้น้ำตากูจะไหลเลยเหรอ? ไม่นะไอ้พี ฮึบไว้!! อย่าแสดงความอ่อนแอออกมา ลูกผู้ชายห้ามร้องไห้เพราะโดนแฟนดุ

“แทนที่มีเวลาว่างจะได้ใช้เวลาด้วยกัน มึงก็เอาแต่เล่นติ๊กตอก เคยสนใจกูบ้างไหม”

“......” เดี๋ยวนะ...พี่กรมตัดพ้อผมเหรอวะ?

“ที่ไม่พูดก็ไม่ใช่ว่าไม่รู้สึกนะเว้ย กูก็อยากทำอะไรร่วมกับมึงบ้าง แต่มึงก็ยุจะให้กูเล่นแต่ติ๊กตอกมึงก็รู้ว่ากูไม่ชอบ ถ้ากูบังคับให้มึงทำสิ่งที่ไม่ชอบบ้างมึงจะรู้สึกอย่างไง”

“......”

“ฉิบหาย! กูน้อยใจคนอย่างมึงเหรอวะเนี่ย” ผมลืมตาขึ้นมาทันทีก่อนจะลุกขึ้นตรงไปกระโดดใส่พี่กรมทันที โดยที่ไม่สนใจว่าผมจะได้โทรศัพท์คืนไหมก็ตาม

“ผมขอโทษ ไม่รู้ว่าพี่รู้สึกแบบนี้...” ผมซบหน้าลงบนอกพี่กรม ไอ้ตัวผมก็ไม่ได้น้อยหรอก แต่ผมเชื่อว่าพี่กรมรับไหวถึงจะหนักไปบ้างก็เถอะ อยากเป็นน้องบ้างอยากตัวเล็กๆ

“มึงลุกมาไม่กลัวกูลบคลิปมึงรึไง”

“ลบไปเถอะพี่คลิปพวกนั้น ผมไม่สน แต่ถ้าพี่รู้สึกไม่ดีเพราะผมอันนี้ผมสน” ผมเงยหน้าขึ้นมองพี่กรมที่ตอนนี้ยกยิ้มเล็กๆ พร้อมกับมองลงมาที่ผมเหมือนกัน

“เข้าใจกูไหม?”

“เข้าใจครับ”

“ติ๊กตอกกับกูเลือกอะไร?”

“ติ๊ก...พี่กรมอยู่แล้ว” ผมแกล้งแหย่พูดติ๊กตอกไปหน้าพี่กรมขมวดทันทีก่อนที่ผมจะพูดชื่อพี่กรมออกมา “พี่คือที่หนึ่งของผม แต่ติ๊กตอกอะที่สอง”

“เกือบจะดี”

“งั้นเราทำอะไรกันดีพี่ ดูหนังไหม? ผมเห็นเขาฮิตเรื่องอิแทวอนกัน ที่ปาร์คซอจุนแสดง คนที่พี่เคยบอกว่าเขาหล่ออะ คนที่ผมตัดผมเหมือนเขาตอนที่เล่นเรื่องเลขาคิมอะ”

“เออ อธิบายกลัวกูนึกภาพไม่ออกรึไง”

“ดูไหม”

“ไปเปิดดิ” ผมกระโดดลงจากตัดของพี่กรมทันที ก่อนจะตรงมาเปิดเน็ตฟิกและดูอิแทวอนที่มีสิบหกตอนรวดเดียว..ใช่ครับผมกับพี่กรมเราสองคนได้ใช้เวลาร่วมกันเกือบสิบแปดชั่วโมง ไม่ได้หลับได้นอนกันเลยเพราะเนื้อเรื่องมันเข้มข้นมาก มากจนผมไม่สามารถหยุดได้ รู้ตัวอีกทีก็เช้าของอีกวัน...

“ผมอยากตัดผมตามพัคแซรอยอะพี่ ตัดให้ผมหน่อยดิ ร้านตัดผมมันปิดหมด” หลังจากที่ดูจบ ผมอินมากครับ ผมอินจนอยากที่จะตัดผมตามพัคแซรอย

“มึงเอาจริง?”

“ผมเห็นพี่มีแบตตาเลี่ยนอยู่นิหนา”

“มึงมั่นใจนะไอ้พี?”

“มั่นใจครับ พี่ไปเอามา ผมจะไปนั่งรออยู่หลังบ้านนะ” ผมถอดเสื้อออกทันทีทำให้เหลือแต่กางเกง นั่งบนเก้าอี้รอพี่กรมไปเอาแบตตาเลี่ยนลงมา

“กูถามอีกครั้ง มึงมั่นใจใช่ไหม?”

“เอาเลยพี่ ตัดเลย!!” ตอนนี้ผมยังอินอยู่ ถ้านานไปผมจะไม่อิน ดังนั้นตัดมาเลยผมพร้อม

สิ้นเสียงคำตอบรับของผม พี่กรมเปิดแบตตาเลี่ยนทันที พร้อมกับไถบนหัวของผมอย่างไม่ลังเล ผมมองผมของตัวเองที่หล่นลงมาบนพื้น...

ใจมันหวิวๆ เหมือนกันนะ

“ไอ้พี...”

“ทำไมเสียงพี่ดูไม่มั่นใจ”

“พัคแซรอยนี่พระเอกใช่ไหม?”

“เห้ย! พี่ได้ดูกับผมป่ะเนี่ย!!” ผมรีบหันไปมองหน้าพี่กรมทันทีที่ได้ยิน มาบอกอะไรตอนที่ไถผมเกือบจะหมดหัว

“กูหลับ..มึงไม่รู้เหรอ?”

“พี่.......”

“อยากเห็นผมตัวเองไหม?” สีหน้าของพี่กรมตอนนี้ดูไม่มั่นใจแบบสุดๆ ส่วนผมน่ะเหรอ หัวใจมันล่วงไปทีตาตุ่มทันที พัคแซรอยของผม!!

“เห็นก็ได้พี่...” จะช้าจะเร็วอย่างไงผมก็ต้องเห็นอยู่ดี

“หนึ่ง สอง สาม!” ผมจ้องสภาพตัวเองที่อยู่ในกระจก.... “ไอ้พี อย่าเงียบดิ”

“......!”

“ไอ้พี มันไม่แย่นะเว้ย” พี่กรมจับไหล่ผมบีบเบาๆ เหมือนต้องการจะให้กำลังใจ แต่ตอนนี้ผมไม่ต้องการ...

“พัคแซรอยไม่ใช่แบงก์ วงแคลช!!!!!!!!!!!!!”

“ไอ้พี......”

ผมอยากจะร้องไห้ ผมที่ผมต้องการมันต้องไม่ใช่แบบนี้..

“สงกรานต์นี้ผมคงไม่กล้าออกไปเล่นน้ำแน่ๆ”

“เขาเลือนไม่มีกำหนด”

“จริงปะเนี่ย!!!!!!!” ผมตกใจกว่าทรงผมของผมอีกที่รู้ว่าสงกรานต์ที่ผมเฝ้ารอเลื่อน

“มึงไปมุดหัวอยู่ไหนมาวะ?”

“ติ๊กตอก”

“เจริญ”

นอกจากสงกรานต์ไม่ได้ไปไหนแล้ว ผมยังมีทรงผมที่โคตรจะโคตรแมนเหมือนที่แบงก์วงแคลช! เอาเถอะครับ ถือว่านี่คือการใช้เวลาร่วมกับพี่กรมตามที่พี่มันต้องการก็แล้วกัน

ผมอยากร้องไห้จริงๆ นะ ไม่เชื่อผมเหรอ???
หัวข้อ: Re: [END] #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนพิเศษ อ่านเถอะโคตรตลก 11/4/2563
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 12-04-2020 09:17:15
 :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: [END] #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ ตอนพิเศษ อ่านเถอะโคตรตลก 11/4/2563
เริ่มหัวข้อโดย: BuzZenitH ที่ 18-05-2020 15:37:28
 :laugh: เอ็นดูความกวนทีนของนุ้งพี 555
ส่วนพี่กรมคืออบอุ่นเกินนนน

ทั้งนี้ทั้งนั้นเราเป็น FC พี่เทพ รักในความปกติแบบแปลกๆ :hao6:
หัวข้อ: Re: Politics of love รักถะศาสตร์ #เจ้ากรมขย่มปฐพี เล่มออกละเด้อ พร้อมส่ง 10/6/2563
เริ่มหัวข้อโดย: KJH177 ที่ 10-06-2020 18:21:42
มาแล้วจ้า รูปเล่มพร้อมส่ง Politics of love รัก-ถะ-ศาสตร์
ราคาปก 380 บาท สำหรับการสั่งซื้อภายในเดือนมิถุนายนศกนี้
ลดเหลือ 360 บาท พร้อมโปสการ์ดลายพิเศษ (จำนวนจำกัด)
ลิ้งค์สั่งซื้อ : http://peachypiebooks.lnwshop.com/
ตัดรอบทุกวันเสาร์ตอนเที่ยง จัดส่งทุกวันจันทร์
E-book วางจำหน่ายเดือนสิงหาคม 2563
ปล.เราใส่รูปไม่เป็นอะค่ะ ถ้าใครอยากเห็นชัดๆเข้ามาดูในทวิตเราได้น้า @Kaitodmalewja