***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0
ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ
เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้ ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ
5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้ มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
- 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).
9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ
10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป
11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว
บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป
12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด
13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ
14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
(กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail
16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข
17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้
18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ
เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................
วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
*****************************************************************************************
___________________________________________________________________________________________
(http://i61.photobucket.com/albums/h56/hayeena/Libra_heart/Cover%20copy.jpg) (http://s61.photobucket.com/user/hayeena/media/Libra_heart/Cover%20copy.jpg.html)
สวัสดีค่ะ
สำหรับเรื่องนี้จะเป็นแนวแฟนตาซีพรีเรียตตะวันตกนะคะ ได้แรงบันดาลใจจากโดจินR.O.สั้นๆที่พยายามจะวาดให้จบก็ไม่จบ เอาใบชุบมาชุบเกิดใหม่เป็นนิยายค่ะ 555 (แปลงร่าง) เรื่องจบเรียบร้อยแล้วนะคะ ขอบคุณที่ให้ความร่วมือ ไม่มีการคอมเม้นแทรกใดๆระหว่างลงตอนเลย (มีน้อยมาก) เรียงตัวกันสวยงาม ดีใจน้ำตาจะไหล (ไม่ใช่แล้ว!!!?)
อ่านอยู่ก็เผยตัวออกมาบ้างก็ได้นะคะ จะนับเป็นพระคุณอย่างสูง
สวัสดี
(http://i61.photobucket.com/albums/h56/hayeena/Libra_heart/Sketch93153141_1.jpg) (http://s61.photobucket.com/user/hayeena/media/Libra_heart/Sketch93153141_1.jpg.html)
Content
Act 1 : Wilhelmina (2parts)........................P.1
Act 2 : Brighid's Prince (2parts)....................P.1
Act 3 : The Demon (2 parts)........................P.1 (ขออนุญาตเพิ่มฉากค่ะ 3Dec.2015)
Act 4 : Brother complex (3 parts)....................P.1
Act 5 : Controversy (3 parts)............................ P.1
Act 6 : Grew up (3 parts) ..........................P.1
Act 6.5 : Special fan service ♥♥♥ (mini part).......P.1
Act 7 : Decision (3 Parts) ......................P.1
Act 8 : Weakness (3 Parts).........................P.1
Act 9 : Mastermind (1/3)..........................P.1
(2/3-3/3) ............................P.2
Act 10 : Release(3 Parts) .........................P.2
Act 11 : Finale .......................................P.2
Act 12 : Finale 2 New prelude (2parts) .....................P.2
(แถม55 สุดท้ายละ หลังเครดิตหนังขึ้นต้องมีตัวอย่างหนังตอนต่อไป)
ไม่ต้องลิงค์นะคะ นิยายเรื่องนี้เรียงตัวกันสวยงาม หมุนเม้าส์ลงไปเรื่อยๆเลยค่ะ คอมเม้นไม่มีแทรกขึ้นมาให้หายากแต่อย่างใด :ling2:
(เศร้าแป๊บ...)
Title : Libra’s heart : Act. 1 Wilhelmina (Part1/2)
บนโลกนี้ยังมีสิ่งมีชีวิตที่มีความสามารถเหนือมนุษย์อยู่หลายชนิด
ที่มนุษย์บางคนเรียกว่าภูติหรือปีศาจทั้งหลาย
แต่ก็ยังมีมนุษย์บางคนที่สามารถยืมความสามารถของเหล่าภูติมาใช้ประโยชน์ได้
คนกลุ่มนี้ถูกเรียกว่าผู้รักษาความสมดุล หรือ”ลีบลา”
.
.
.
.
.
.
.
หนังสือเล่มหนาถูกปิดลงเบาๆ ก่อนจะยกมือขึ้นนวดที่หว่างคิ้วสีเทาตัดกับผิวสีแทน แววตาสีเหลืองทองเหลือบออกไปมองนอกหน้าต่างรถม้าที่เคลื่อนตัวไปเรื่อยๆ เชื่องช้าเกินไปสำหรับจิตใจอันเร่งรีบของชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างใน จุดมุ่งหมายของเขาคือเมืองเวลเฮมมิน่า เมืองเล็กๆที่ไม่ได้มีบทบาทอะไรในพื้นที่การปกครองของเมืองหลวงบริงไฮด์ แต่ทว่ากลับมีบันทึกการเดินทางของบรรดานักผจญภัยหลายต่อหลายคน ที่เขียนถึงเมืองๆนี้ได้อย่างน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นระบบการปกครองที่แปลกประหลาด ไม่ได้สืบเชื้อสายเจ้าเมืองเหมือนเมืองอื่นๆ ระบบการจัดการกองกำลังทหาร การแบ่งใช้พื้นที่ใช้สอยของชาวเมืองกับสิ่งที่เรียกว่า “ภูติและปีศาจ” ที่สำคัญคือบุคคลที่ถูกเรียกว่าลีบลา
เฟริควางหนังสือเล่มเมื่อครู่ไปเก็บไว้ในกล่อง เขาเลือกอ่านบันทึกของนักผจญภัยที่เอ่ยถึงเมืองนี้มาสามเล่มแล้ว ไม่ว่าจะเล่มไหนก็รู้สึกเกินจริงเหมือนอ่านนิทานก่อนนอนไม่มีผิด วันนี้เป็นโอกาสของเขาที่ได้เข้าไปเยือนเมืองที่ว่านี้ในฐานะองค์ชายแห่งบริงไฮด์ โอกาสสำคัญที่ได้ออกมานอกรั้ววังหลวงและได้เจอกับของจริงนอกหนังสือเล่มนี้เสียที
รถม้าเคลื่อนผ่านเข้าสู่พื้นที่ป่า ทำให้แดดเปรี้ยงๆที่สาดส่องลงมาหายไปฉับพลัน องค์ชายจึงได้เลื่อนหน้าต่างให้เปิดออกกว้างขึ้น อากาศเย็นชุ่มช่ำลอยเข้ามาในรถม้าทำให้เรือนผมยาวสีเทาที่รวบไว้ที่ท้ายทอยปลิวสะบัดรับลมเย็น ถนนสายหลักที่เอาไว้เข้าออกเมืองสำหรับการส่งเสบียงและสินค้า ถูกตัดไว้อย่างดีโดยที่ยังคงพื้นที่ป่าที่เขียวชอุ่มเอาไว้ ต้นไม้ใหญ่อายุยืนยาวหลายต้นยังคงอยู่ที่นี่เหมือนว่าไม่มีมนุษย์อาศัยอยู่แถวนี้ ทิวทัศน์ที่เห็นตอนนี้กับสายลมเย็นสบาย ทำให้มีรอยยิ้มน้อยๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าคมคาย เขาสัมผัสได้ถึงความไม่ธรรมดาของเมืองๆนี้ตั้งแต่ยังเดินทางไปไม่ถึงตัวเมืองเสียด้วยซ้ำ
ผ่านป่ารกทึบไปแสงแดดก็กลับส่องสว่างลงมาอีกครั้ง ต้นไม้ใหญ่เริ่มหายไป แทนที่ด้วยทุ่งข้าวสีเขียวอ่อน ชาวเมืองที่ทำกิจกรรมต่างๆเห็นขบวนรถม้าผ่านมาต่างก็หยุดมองตามกันเป็นตาเดียวกันหมด เฟริคไม่แปลกใจอะไรที่ชาวเมืองมองขบวนรถม้าของเขาเหมือนสิ่งประหลาด ก็ที่นี่ไม่ได้มีสินค้าอะไรสำคัญที่จะมีใครเข้ามาติดต่อเข้าออกกันบ่อยๆ ถึงมีก็ไม่ใช่ขบวนรถม้ายิ่งใหญ่ดูเป็นทางการขนาดนี้แน่นอน
เฟริคยกมือขึ้นโบกให้ชาวบ้านที่มองเข้ามาแล้วคลี่ยิ้มจางๆส่งให้ เด็กตัวน้อยที่วิ่งเล่นอยู่แถวนั้นก็หัวเราะคิกคักและโบกมือกลับมาอย่างสนุกสนาน ผู้ใหญ่แถวนั้นก็โบกมือกลับมาอย่างยิ้มแย้มเช่นกัน
“ใสบริสุทธิ์จริงๆ” ร่างหนาทิ้งตัวกลับมานั่งพิงพนักพิง พลางพึมพำขึ้นมากับตัวเองอย่างขมขื่น ความใสซื่อแบบนี้หาไม่ได้เลยในสังคมรอบข้างของคนที่มียศเป็นองค์ชายอย่างเขา
ขบวนรถม้าเคลื่อนเข้ามาถึงในส่วนของตัวเมือง สภาพเมืองโดยรวมไม่ได้มีอะไรแตกต่างไปจากเมืองเล็กๆทั่วไปแม้แต่น้อย ไม่มีการใช้เวทย์มนต์ประหลาดๆที่เฟริคคาดหวังไว้ว่าจะได้เจอ อย่างที่หนังสือได้เขียนเอาไว้ กระทั่งขบวนรถม้าต้องมาหยุดที่หน้าคฤหาสน์หลังใหญ่กลางเมือง ที่เป็นที่ทำงานและเป็นที่พักของเจ้าเมืองที่นี่ ที่ประตูหน้ามีทหารในเครื่องแบบตั้งแถวยืนรอต้อนรับเขาอย่างดี เนื่องจากเฟริคส่งม้าเร็ววิ่งนำไปแจ้งก่อนล่วงหน้า เพื่อไม่ให้ลำบากเจ้าบ้านที่ต้องเตรียมการกระทันหัน แต่ก็ไม่ได้อยากจะเจอพิธีการต้อนรับที่เป็นทางการขนาดนี้
"ยินดีต้อนรับค่ะ องค์ชาย" ต้นเสียงหวานใสนั้นเป็นเด็กสาวเรือนผมสีน้ำตาลเข้มยาวรวบมัดไว้เรียบร้อยที่ท้ายทอย แต่งตัวในเครื่องแบบกระโปรงยาวลงมาถึงข้อเท้าเรียบร้อยสีขาว
"ยินดีต้อนรับสู่เวลเฮมมิน่าขอรับ" เสียงทุ้มของชายคนหนึ่งเอ่ยแทรกขึ้นมา เฟริคหันไปที่ต้นเสียงเห็นชายหนุ่มเรือนผมสั้นสีดำขลับเสยปัดไปข้างหลังง่ายๆ ร่างสูงเหยียดตัวตรงจากการโค้งตัวทักทาย ทำให้เห็นว่าอีกฝ่ายตัวสูงกว่าเขาพอสมควร ทั้งๆที่ตัวเองก็เรียกได้ว่าเป็นคนตัวสูงคนหนึ่งอยู่แล้ว เสื้อแขนยาวที่ตัดเย็บพอดีตัวปกปิดกล้ามเนื้อหนาจากการฝึกฝนอย่างหนัก ช่วยเสริมให้ร่างหนาดูสง่าผ่าเผย
"ข้าดาวิส เป็นรองเจ้าเมืองเวลเฮมมิน่า ส่วนนี่คือเรเชล เป็นผู้ช่วยท่านเจ้าเมือง ท่านเจ้าเมืองฝากขออภัยที่ไม่ได้ออกมารับด้วยตัวท่านเองเนื่องจากติดภารกิจสำคัญ ยังไงวันนี้องค์ชายก็เดินทางมาไกล พักผ่อนก่อนแล้วค่อยคุยธุระกันวันพรุ่งนี้เถิด"
นอกจากจะต้องเจอการต้อนรับเป็นพิธีการที่เฟริคไม่ชอบแล้ว คนที่เขาอยากจะเจอมากที่สุดกลับไม่ได้เจอเสียอีก
“ไม่เป็นไร ข้าเข้าใจ” เฟริคซ่อนความรู้สึกผิดหวังอยู่ลึกๆในใจ แค่เพียงได้รู้จักรองเจ้าเมืองที่ดูอายุราวคราวเดียวกับตน และผู้ช่วยเจ้าเมืองที่ดูยังเป็นแค่เด็กสาวตัวเล็กๆธรรมดาๆคนหนึ่งแล้ว ช่างให้ความรู้สึกแตกต่างจากขุนนางชั้นสูงในรั้ววังของตนที่มีแต่คนแก่ที่เอาแต่พูดโดยสิ้นเชิง และภาพเจ้าเมืองที่เป็นชายแก่เครายาวเฟื้อยถือไม้เท้าเก่าๆของเฟริคที่เคยวาดไว้ถูกลบหายไปในฉับพลัน
“ทางเราจัดเตรียมที่พักไว้ให้ท่านกับผู้ติดตามแล้ว เชิญทางนี้ขอรับ” ดาวิสผายมือเชิญให้เขาเดินตามเข้าไปภายในคฤหาสน์หลังใหญ่ ที่ตกแต่งไว้อย่างเรียบง่าย เต็มไปด้วยต้นไม้ในกระถางเล็กใหญ่วางอยู่แทบทุกๆมุม
"ขอข้าถามสักอย่างสิ บันทึกของนักเดินทางหลายคนเขียนถึงความวิเศษของเมืองนี้เอาไว้ยังกับเทพนิยาย....ท่านเจ้าเมืองที่นี่เป็นลีบลาจริงๆน่ะเหรอ" เฟริคลังเลเล็กน้อยก่อนจะยิงคำถามที่ตนเองสงสัยมากที่สุดออกมา ระหว่างทางเดินไปที่ห้องพัก ดาวิสได้ยินคำถามนั้นก็หันไปสบตากับเรเชลครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยตอบคำถามของผู้มาเยือนคนสำคัญ
"เป็นตามนั้นขอรับ ท่านเจ้าเมืองที่นี่เป็นลีบลาจริงๆ แต่ข้าก็ไม่แน่ใจว่าในบันทึกนั้นจะเขียนอะไรเกินจริงไปบ้าง" เฟริคได้ยินคำตอบนั้นก็เริ่มรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา ในสมองเริ่มรวบรวมคำถามมากมายที่จะถามต่อไป แต่ดาวิสกลับชิงเอ่ยถามขึ้นมาเสียก่อน
“ในฐานะที่ข้าเป็นรองเจ้าเมือง อยากจะขออนุญาตถามเหตุผลการมาเยือนในครั้งนี้ขององค์ชาย โดยคร่าวๆ ได้หรือไม่"
"ข้ามาหากองกำลังเสริมน่ะ อีกไม่นานบริงไฮด์กำลังจะมีศึกใหญ่กับกรีฟิท" สีหน้าที่เรียบเฉยไม่แสดงความรู้สึกใดๆของเจ้าบ้านทั้งสองคนทำให้เฟริครู้ว่า พวกเขาพอจะทราบข่าวคราวจากเมืองหลวงอยู่บ้าง
"ข้าพอจะได้ยิน สถานการ์ณระหว่างบริงไฮด์กับกรีฟิทอยู่บ้าง ก็คิดว่าท่านน่าจะมาติดต่อเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ท่านพูดถึงกองกำลังเสริม มิใช่เสบียงหรอกหรือ เวลเฮมมิน่าเป็นเมืองที่อุดมสมบูรณ์พอที่จะเผื่อแผ่เมืองอื่นๆ แต่เราไม่ได้มีกำลังทหารที่เยอะนักหากเทียบกับกองทัพของบริงไฮด์แล้ว เรามีกันแค่หยิบมือเดียวเท่านั้นเอง"
"เรื่องนั้นเราทราบดี ทว่าที่เรามาที่เวลเฮมมิน่ามิใช่เพราะกำลังสนับสนุนจากทหาร แต่เป็นความสามารถลีบลาต่างหาก เอาจริงๆข้าก็ไม่รู้ว่าลีบลาทำอะไรได้แค่ไหน ข้าก็ไม่ได้ตั้งความหวังไว้ขนาดนั้นหรอก อย่างน้อยๆข้าก็ได้มีโอกาสออกมาเจอลีบลาตัวจริง" ดาวิสไม่เอ่ยตอบอะไรกลับมา เฟริคสัมผัสได้จากเพียงแผ่นหลังของอีกฝ่าย ว่าไม่ค่อยจะเห็นด้วยกับความคิดนี้สักเท่าไหร่ ความเงียบของเจ้าบ้านทำให้เฟริคเริ่มรู้สึกอึดอัด
“อันนี้เป็นห้องพักขององค์ชายค่ะ พักผ่อนให้สบายนะคะ” เรเซลเอ่ยด้วยเสียงหวานใสแทรกแซงความเงียบสงัดที่น่าอึดอัดขึ้นมา พลางเปิดประตูห้องพักให้พร้อมคลี่ยิ้มส่งกลับมาให้ ทำให้เฟริคสบายใจขึ้นมาเปราะหนึ่ง
“ถึงเวลาอาหารเย็นข้าจะส่งเด็กขึ้นมาแจ้งให้ทราบนะคะ”
“ขอบคุณมาก รบกวนพวกท่านจริงๆ”
“พวกข้าขอตัวเพียงเท่านี้ขอรับ” ดาวิสเอ่ยขึ้นมาด้วยสีหน้าเรียบๆ แล้วเดินจากไปพร้อมเรเชล เหมือนว่าที่เฟริคพูดถึงลีบลาเมื่อครู่ไม่ได้เกิดขึ้น
เฟริคใช้เวลาจัดเก็บของไม่นานเพราะมีผู้ติดตามเข้ามาช่วยจัดการให้ เขาจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดธรรมดา เพื่อเตรียมจะออกไปเดินสำรวจรอบๆเมืองเพื่อดูชีวิตความเป็นอยู่ของคนที่นี่
“จะออกไปข้างนอกเหรอคะ ให้ข้าเรียกใครแนะนำเส้นทางมั้ยคะ” เรเชลเอ่ยรั้งไว้เมื่อเห็นว่าแขกคำสัญเตรียมจะออกไปข้างนอก
“ไม่เป็นไรๆ รบกวนพวกเจ้าหลายเรื่องแล้ว ข้าเดินเล่นใกล้ๆ” เฟริคไม่ชอบให้ใครคอยตามบริการเลยคลี่ยิ้มปฏิเสธไป
“ถ้าเช่นนั้นอย่าไปไกลมากนักนะคะ อีกไม่นานฝนจะตกหนัก ร่มก็คงเอาไม่อยู่ ข้าแนะนำให้รีบกลับก่อน” คำบอกกล่าวของเรเชลทำให้เฟริคต้องชะเง้อหน้ามองออกไปข้างนอก ก็ยังเห็นว่าฟ้าสว่างใสเหมือนตอนที่เดินทางเข้ามาไม่ผิดเพี้ยน พอหันกลับมามองหน้าผู้ที่เอ่ยเตือน เธอก็คลี่ยิ้มหวานกลับมาและกำชับอีกทีราวกับเป็นเรื่องทำกำหนดไว้แล้ว
“ถ้าลมเริ่มพัดแรงก็รีบเดินทางกลับมาที่พักนะคะ จะได้ไม่เป็นหวัด”
“....ได้ ข้าจะรีบกลับมา” เฟริคตอบรับอย่างไม่ค่อยเข้าใจนักก่อนจะเดินออกมาข้างนอก
เฟริคเดินผ่านลานกว้างที่มีเด็กเล็กวิ่งเล่นกันอยู่ก็หยุดดูสักพัก อยู่ๆก็รู้สึกเหมือนมีอะไรมาดึงชายเสื้อตัวเองเบาๆ พอหัวไปก็เจอกับเด็กน้อยส่วนสูงเท่าเอวสามคน ยืนจ้องมาที่เขาอย่างสนอกสนใจ
“พี่ชาย พี่ชายเป็นลูกครึ่งภูติเหรอ”
“เอ๋?” เฟริคงงกับคำถามของเด็กน้อย จริงอยู่ว่าสีผิวแทนกับสีผมของเขาอาจจะประหลาด แตกต่างไปจากคนทั่วไปที่มีพื้นเพอยู่บริเวณนี้ แต่เขาไม่คิดว่าจะเจอคำถามประหลาดขนาดนี้ เขาย่อตัวลงไปนั่งคุยกับเด็กผู้อยากรู้อยากเห็นกลุ่มนั้น
“เอ่อ...ข้าเป็นลูกครึ่งน่ะใช่ แต่ไม่ใช่ครึ่งภูติหรอกนะ…...ที่นี่มีลูกครึ่งภูติด้วยเหรอ” เฟริคไม่คิดว่าจะได้ข้อมูลอะไรที่เป็นข้อเท็จจริงจากเด็กน้อยที่สูงเพียงเอว แต่เขาก็รู้สึกสนุกที่จะได้ยินคำตอบของเด็กน้อยพวกนี้
“มีสิ แม่ข้าเล่าให้ฟัง เมื่อก่อนที่นี่มีลูกครึ่งภูติคนนึง ท่านลีนัสเลี้ยงเอาไว้ เวลาอารมณ์ไม่ดีก็แปลงร่าง ผิวเปลี่ยนเป็นสีแดง แล้วมีเขาด้วย” ได้ยินเช่นนั้นเฟริคก็เลิ่กคิ้วขึ้น เป็นคำตอบที่สร้างความบันเทิงให้กับเขาได้อย่างที่คิดไว้จริงๆ
“สีส้มต่างหาก!” อีกคนนึงเถียงขึ้นมา
“ช่างเถอะมันก็คล้ายๆกัน ที่สำคัญพ่นไฟได้ด้วย”
“พี่ชายพ่นไฟได้มั้ย” ได้ยินคำถามของเด็กชายตัวเล็กแล้วก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทันที ตลอดชีวิตที่ผ่านมาของเฟริคที่มีมารดาเป็นชาวมันดาเลีย เกิดเป็นองค์ชายผิวสีแตกต่างจากพี่น้องต่างมารดาคนอื่นๆ มักจะโดนนินทาลับหลังว่าเป็นชนชั้นต่ำบ้างหลายต่อหลายครั้ง นี่เป็นครั้งแรกที่ถูกถามว่าพ่นไฟได้ไหม
“แล้ว ตอนนี้ลูกครึ่งภูติคนนั้นไปไหนซะแล้วล่ะ” เฟริคพยายามจะกลั้นเสียงหัวเราะพลางเอ่ยถามเด็กน้อยกลับไป
“ไม่รู้สิ อยู่ๆก็หายไป” เด็กน้อยกลอกตาขึ้นข้างบนอย่างครุ่นคิด
“เขาทำผิดก็เลยหนีหายไปไงล่ะ” อีกคนหนึ่งอวดความรู้ของตัวเองขึ้นมาอย่างภาคภูมิใจ
“ใช่แล้วๆ เขาพ่นไฟใส่คนตาย” เฟริคคิดว่านี่ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่เด็กๆแต่งขึ้น หรืออาจจะเป็นนิทานพื้นเมืองของที่นี่ที่ใช้เตือนเด็กไม่ให้ออกไปเที่ยวเล่นดึกหรืออย่างไร ในเมื่อเด็กทั้งสามคนต่างก็ช่วยกันตอบคำถามโดยที่เนื้อหาคล้อยไปในทางเดียวกัน
“นั่นแหละ เอาเป็นว่าถ้าพี่ชายพ่นไฟได้ ก็อย่าพ่นมั่วซั่วนะรู้มั้ย เดี๋ยวจะโดนตี” เด็กน้อยเตือนองค์ชายด้วยสีหน้าจริงจัง ทำเอาอีกฝ่ายต้องหันหน้าหนีเพื่อกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้ นี่ถ้าเขาไม่ออกมาเดินคนเดียวแบบนี้คงไม่ได้เจออะไรแบบนี้แน่นอน คิดถูกแล้วจริงๆที่ออกมาคนเดียว
“ใครจะพ่นไฟอะไรของเจ้าน่ะลูก้า ขอโทษพี่เค้าด้วย ไปว่าพี่เค้าเป็นปิศาจแบบนั้นได้ยังไง ขอโทษด้วยที่ลูกข้าพูดอะไรแปลกๆไป” หญิงสาวเดินเข้ามาหาลูกชายแล้วก้มหัวขอโทษขอโพยเฟริคเป็นยกใหญ่
“อ้อ ไม่เป็นไร ลูกท่านพูดเก่งดีนะข้าชอบ” เฟริคลุกขึ้นยืนเพื่อจะคุยกับผู้เป็นแม่
“....ท่านเป็นนักท่องเที่ยวหรือคะ” หญิงสาวเกิดอ้ำอึ้งขึ้นมาเมื่ออีกฝ่ายลุกขึ้น ร่างสูงในเสื้อผ้าเรียบง่ายเนื้อผ้าบางๆ ทำให้เห็นโครงสร้างกล้ามเนื้อแน่นกำยำได้ชัด ผิวสีแทนรับกับเรือนผมยาวยักศกนิดๆสีเทากับดวงตาสีเหลืองทองดูน่าหลงไหล
“ก็...ทำนองนั้น” เฟริคลังเลนิดหน่อยก่อนจะตอบ ถ้าจะบอกว่ามาติดต่องานก็ดูท่าว่าจะต้องอธิบายกันยาวเลยขอไปตามน้ำจะดีกว่า
“ท่านมาจากเมืองไหนเหรอ” เฟริครู้สึกคุ้นตากับแววตาของผู้เป็นแม่คู่นี้ขึ้นมา เพราะเมื่อครู่นี้ลูกชายของเธอก็จ้องมองเขาด้วยแววตาแบบนี้เช่นกัน
“แม่….” เด็กน้อยลากเสียงเรียกแม่ของตน ทำให้แววตาคู่นั้นยอมละไปจากเฟริคเสียที
“จ๋าว่าไงลูก” หญิงสาวรีบหันไปหาลุกชายอย่างได้สติ
“ลมมาแล้ว ฝนจะตกแล้ว กลับบ้านกันยัง”
“อ่ะ นั่นสินะ ท่านก็รีบกลับเถอะอีกเดี๋ยวฝนจะตกแล้ว ข้าขอตัวก่อนล่ะ” หญิงสาวเอ่ยลาแล้วจูงลูกชายพร้อมเพื่อนๆในกลุ่มกลับไปหาบรรดาแม่ที่นั่งรออยู่แถวนั้น แล้วพากันจูงลูกเข้าบ้านไป ดูเหมือนทุกคนในเมืองนี้จะรู้เวลาฝนตกกันหมด เฟริคชักสงสัยว่าที่นี่ฝนตกเป็นเวลาหรืออย่างไร
ลมที่พัดมาค่อยๆแรงขึ้น แสงแดดที่เมื่อครู่ยังส่องสว่างอยู่ๆก็มืดลง พอเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าก็เห็นกลุ่มก้อนเมฆสีดำเริ่มรวบตัวกันจนเปลี่ยนเป็นสีเทาเข้ม เฟริคไม่เคยเห็นเมฆฝนที่รวมตัวกันเร็วขนาดนี้มาก่อน เห็นเช่นนั้นก็เลยรีบสาวเท้ากลับไปที่คฤหาสน์ที่พักทันที
เฟริคเพิ่งจะเดินออกไปไม่ไกลนักจึงใช้เวลาเดินกลับมาเพียงครู่เดียว แต่เวลาเพียงเท่านั้นก็ทำให้เขาเกือบจะได้เดินตัวเปียกกลับเสียแล้ว เพราะระหว่างทางมาฝนเม็ดเล็กๆก็เริ่มลงเม็ดมา ทันทีที่เขาเดินเข้ามาถึงซุ้มประตูหน้าทางเข้า ฝนเม็ดใหญ่ก็ตกลงมาอย่างหนักหน่วง ละอองฝนเย็นๆกระเด็นเข้ามาทำให้เฟริครู้สึกสดชื่น หลังจากที่เมื่อตอนกลางวันอากาศทั้งร้อนทั้งแห้ง ถ้าให้กลับเข้าไปอุดอู้ในห้องตอนนี้คงเสียดายแย่ เขาจึงเลือกที่จะยืนพิงเสาดูเม็ดฝนที่สาดกระหน่ำลงมาอย่างเพลิดเพลิน
ในใจเฟริคนึกครุ่นคิดถึงบทสนทนาของเด็กน้อยและแม่ของเด็กเมื่อครู่ ไม่มีการแบ่งแยกกีดกันคนผิวสีอย่างเขาสักนิด ทั้งๆที่ในเมืองหลวงมีการแบ่งแยกกันชัดเจน มีแต่เพียงตัวเขาเองนั่นแหละที่พิเศษขึ้นมาเพราะเป็นลูกกษัตริย์ ไม่มีใครกล้าว่าร้ายต่อหน้าให้ได้ยิน จะมีก็แต่พี่น้องต่างมารดาของตนนั่นแหละ ที่พูดให้ได้ยินทุกเมื่อเชื่อวัน ที่อยู่มาได้ทุกวันนี้เพราะมีบิดาที่จิตใจเปิดกว้าง พยายามสอนให้เขาเพิกเฉยกับเรื่องพวกนั้นซะแล้วเอาเวลามาพัฒนาตัวเอง พิสูจน์ให้คนอื่นๆได้เห็นและยอมรับในตัวเขาสักวัน เฟริคจึงพยายามเรียนรู้และทำอะไรหลายๆอย่าง เพื่อให้ตัวเองได้เก่งขึ้นตลอดเวลา แต่สำหรับเรื่องของการขอกำลังสนับสนุนในการรบครั้งนี้ เฟริคไม่มีหนทางเหมือนพี่น้องคนอื่นๆจริงๆ ที่มีพันธมิตรเป็นหัวเมืองใหญ่เล็กรอบๆ ถึงบิดาจะพยายามไม่ให้เขาโทษที่ตัวเองที่เกิดมาไม่เหมือนคนอื่น แต่เรื่องนี้ ไม่ว่าจะคิดยังไงก็ต้องโทษสีผิวตัวเองจริงๆที่ทำให้คนอื่นๆไม่สนใจเป็นพันธมิตรกับเขา
ระหว่างที่หวนคิดถึงอะไรเพลินๆอยู่นั้นเอง อยู่ก็มีอาชาสีดำสนิทกระโจนฝ่าสายฝนเข้ามาข้างใน ทำให้เฟริคพลิกตัวหลบน้ำฝนที่กระเซ็นเข้ามาแทบไม่ทัน บนอาชานั้นมีชายหนุ่มในเครื่องแบบสีขาวคล้ายๆเรเชล แต่มีผ้าคลุมไหล่ผืนยาวสีแดงเข้มคาดอยู่ พออาชาตัวใหญ่หยุดสนิทเขาก็กระโดดลงมาแล้วลูบแผงคอสีดำขลับของม้าอย่างอ่อนโยน แล้วเจ้าม้าก็หันหน้ามาหาให้ชายหนุ่มจุมพิตเบาๆที่หน้าผากอย่างเอ็นดู ก่อนจะหันมาสบตาเข้ากับเฟริคที่ยืนหลบอยู่มุมเสาตรงนั้น ชายหนุ่มร่างบางที่ตัวเปียกไปทั้งตัวหยุดนิ่งมองเฟริคด้วยความประหลาดใจค ริมฝีปากขยับนิดๆเหมือนเอ่ยอะไรออกมาสองคำ แต่เสียงฝนข้างนอกดังกลบไป
“อะไรนะ” เฟริคถามกลับไป อีกฝ่ายยกมือขึ้นเสยผมสีน้ำตาลแดงเปียกชุ่มที่ปรกหน้าขึ้นไปแล้วเดินเข้ามาหา
“ขออภัย ท่านคงจะเป็นองค์ชายเฟริค ข้าทำให้ท่านเปียกรึเปล่า”
“ไม่เป็นไรหรอก นิดเดียวเท่านั้นแหละ ว่าแต่ท่านคือ?”
“ท่านลีนัส ทำไมถึงกลับมาคนเดียวก่อนล่ะคะ ทิ้งลุคซ์ไว้แบบนั้นก็แย่สิ” ก่อนที่อีกฝ่ายจะตอบ เรเชลก็เปิดประตูออกมาพร้อมทำเสียงโวยวายมาแต่ไกล เธอเดินสาวเท้ายาวๆเข้ามาหาชายหนุ่มร่างเล็กพร้อมกับผ้าผืนใหญ่
“อ้าว ท่านเฟริค กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ข้านึกว่าท่านติดฝนอยู่ข้างนอกเสียอีก” เรเชลหันมาเอ่ยทักเฟริคก่อนจะส่งผ้าให้ชายหนุ่มตรงหน้า
“ขอบคุณเรเชล” เขาหยิบไปเช็ดศีรษะแล้วคลุมทับไหล่ตัวเองลวกๆ เอามือเช็ดผ้าให้แห้งแล้วยื่นมือขวาออกมา
“อาจจะตะกุกตะกักไปนิดนึงท่านคงไม่ถือสา ข้าลีนัส เจ้าเมืองเวลเฮมมิน่า ยินดีต้อนรับขอรับ” คำว่าเจ้าเมืองหลุดออกมาจากปากของชายหนุ่มหน้าตาละอ่อนตรงหน้า ทำให้เฟริคนิ่งไปครู่หนึ่ง ถึงเขาจะลบภาพชายชราเครายาวเรี่ยดินออกไปแล้ว ก็ไม่คิดว่าเจ้าเมืองจะยังเด็ก และยังดูติดขี้เล่นแบบนี้
“อ่า...ขอบคุณสำหรับการเตรียมการอะไรให้หลายๆอย่าง” เฟริคยื่นมือไปจับมืออีกฝ่าย แล้วก็ต้องรีบยกมืออีกข้างหนึ่งกุมเอาไว้แน่นอย่างลืมตัว เพราะมือที่เขาจับอยู่นั้นเย็นเฉียบจนน่าตกใจ
“มือท่านเย็นมาก กลับเข้าไปแช่น้ำอุ่นเสียก่อนเถอะเดี๋ยวจะเป็นหวัด” เห็นว่าอีกฝ่ายตัวเล็กดูบอกบางเช่นนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเป็นห่วงขึ้นมา ลีนัสนิ่งมองมือตัวเองที่โดนอีกฝ่ายกุมเอาไว้อย่างงงๆ กระทั่งเรเชลเองก็มองด้วยสีหน้างุนงง
“เอ่อ ข้าขอโทษ….แต่ท่านควรจะรีบเข้าไปข้างในได้แล้ว” เฟริครีบปล่อยมืออีกฝ่ายออกทันทีเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตนได้ทำอะไรแปลกๆออกไป ทำให้ร่างบางขำออกมาเบาๆ
“ท่านเฟริคนี่ใจดีจังนะขอรับ ถ้าเช่นนั้นแล้วข้าขอตัวก่อน” เมื่อเอ่ยจบอยู่ๆรอยยิ้มนั้นก็หายไปในฉับพลัน เฟริคจึงหันกลับไปดูข้างหลัง เห็นดาวิสยืนกอดอกพิงอยู่ข้างประตู มองมาที่ลีนัสอย่างไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ ร่างบางถอนใจน้อยๆก่อนจะเดินผ่านดาวิสเข้าไปข้างในโดยไม่เอ่ยทักใดๆ ไม่แม้แต่จะสบตามอง เฟริคจึงหันมองเรเชลด้วยสายตาสงสัยว่าปกติเจ้าเมืองกับรองเจ้าเมืองไม่สนิทกันหรืออย่างไร แต่เธอก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆกลับมา
ครู่หนึ่งก็มีรถม้าวิ่งเข้ามาจอดข้างหน้าอย่างรวดเร็ว มีเด็กหนุ่มในเครื่องแบบทหารตัวเปียกโชกไปทั้งตัว รีบกระโดดออกมาจากรถม้า
“ท่านลีนัสกลับเข้ามารึยังขอรับ!!” เด็กหนุ่มเอ่ยถามเรเชลอย่างเลิ่กลั่ก พลันสายตากวาดไปสบเข้ากับดาวิสที่ยืนอยู่หน้าประตูก็หน้าถอดสีทันที เรเชลถอนหายใจยาวก่อนจะตอบกลับไป
“กลับมาก่อนเจ้าเมื่อครู่นี้น่ะ...ท่านเฟริคเข้าข้างในก่อนเถอะค่ะ อาหารเย็นเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว” เรเชลหันมาเอ่ยบอกเฟริคพร้อมเดินนำให้เขาตามเข้าไป ในขณะที่ดาวิสย่างเท้าสามขุมเข้าไปหาเด็กหนุ่มที่กำลังทำหน้าเสีย
“ให้ตายเถอะลุคซ์ นี่ข้าสั่งให้เจ้าไปทำอะไรกันแน่” เสียงราบเรียบของดาวิสที่ตำหนิลูกน้องทำเอากระทั่งเฟริคเองขนลุกวาบขึ้นมาด้วย ทางที่ดีรีบๆเดินตามเรเชลเข้าไปข้างในจะดีเสียกว่า
“ขอโทษขอรับ ครั้งหน้าจะไม่ให้ท่านลีนัสคลาดสายตาแบบนี้อีกแล้ว” เสียงร้องขอโทษขอโพยของเด็กหนุ่มดังรอดเข้ามาก่อนที่เรเชลจะปิดประตูลง
(Willhelmina Part1/2)
Act 5 : Controversy (3/3)
ถนนอันเงียบสงัดที่วิ่งตรงเข้าสู่เขตป่า เป็นเส้นทางที่มีเพียงพรานและคนตัดไม้ใช้เดินผ่านเท่านั้น จึงไม่ค่อยมีใครสัญจรไปมาแถวนี้นัก ตอนนี้มีเพียงเงาของชายหนุ่มคนหนึ่งยืนยกมือพิงต้นไม้อยู่ เสียงหายใจหอบเบาๆแว่วขึ้นมาแทรกเสียงลมอ่อนๆที่พัดโดนใบไม้ใบหญ้า ลีนัสวิ่งตามหลังซีมัสออกไปได้ไม่นานนัก เขาก็วิ่งตามไม่ทันจนคลาดสายตาเหมือนเคย เขานึกตำหนิตัวเองอยู่ในใจ รู้ทั้งรู้ยังไงก็วิ่งตามเด็กหนุ่มที่มีสุขภาพแข็งแรง ซ้ำยังเป็นลูกครึ่งภูติอย่างซีมัสไม่ทัน แล้วยังจะออกมาวิ่งตามแบบนี้อีกเป็นครั้งที่สอง
พอคิดถึงเหตุการณ์ซ้ำๆอย่างเมื่อวานนี้แล้ว ทำให้ลีนัสรู้สึกตัวว่าการเลี้ยงดูซีมัสของเขาอาจจะผิดพลาดไปจริงๆอย่างที่ดาววิสว่า พอนึกขึ้นได้เขาก็เลิกที่จะตามหาต่อไป เพราะยิ่งวิ่งตามซีมัสก็มีแต่จะหนีไปไกลขึ้นเรื่อยๆ เขาควรจะปล่อยให้ซีมัสอยู่นอกสายตาเขาดูบ้าง
ลีนัสยืนพักพอจะหายเหนื่อยก็ตัดสินใจเดินกลับไปเพื่อจะขอโทษดาวิสอีกครั้ง ยิ่งคิดถึงสิ่งที่เขาพูดไปเมื่อครู่ก็ยิ่งรู้สึกผิด และคำพูดของดาวิสที่พูดถึงการติดสินใจของเขาเองก็ไม่ผิดเลยสักนิด เขาปกป้องซีมัสมากเกินไปจริงๆ ยิ่งหวนคิดไปก็ยิ่งละอายใจ ทำไมเขาถึงไม่สามารถจะสุขุมได้อย่างดาวิสบ้าง ตัวเองกำลังจะต้องเป็นเจ้าเมืองอยู่แล้วแท้ๆ
“ทำลูกหมาหลุดหายอีกแล้วหรือ ท่านว่าที่เจ้าเมือง” น้ำเสียงเอ่ยทักอย่างเสียดสีแว่วขึ้นมา ทำให้ลีนัสดึงตัวเองที่กำลังจมอยู่ในห้วงความคิดกลับมา เงยหน้าขึ้นมองที่ทางเดินเบื้องหน้า เห็นดามอนต์และทหารนายคนสนิทยืนอยู่อีกสองนาย ลีนัสมองดูรอบข้างก็ไม่เห็นว่าจะเป็นที่ที่เจ้าตัวจะบังเอิญเดินผ่านมาสักนิด หนำซ้ำยังจะรู้เสียอีกว่าเขาออกมาตามซีมัส
“มีธุระอะไรกับข้าหรือดามอนต์” ลีนัสเอ่ยถามไปตามหน้าที่ ทั้งๆที่ก็รู้อยู่แล้วว่าตัวเองตกเป็นเป้าหมายอยู่
“จริงๆข้าไม่ได้อคติอะไรกับท่านเป็นการส่วนตัวหรอกนะ แต่การมีอยู่ของท่านมันขวางความเจริญของคนที่นี่ ให้ท่านไปอีกคนนึงท่านโลแกนจะได้ไม่เหงาไงล่ะ ท่านว่าดีไหม” ดามอนต์ว่าพลางชักดาบออกจากฝักแล้ววิ่งพุ่งเข้าหาลีนัสพร้อมๆกับทหารอีกสองคนที่มาด้วยกัน
ลีนัสคิดไว้แล้วว่าจะต้องลงเอยแบบนี้ เขาเพียงสบัดปลายนิ้วเบาๆ ท่อนน้ำแข็งท่อนใหญ่ปลายแหลมก็ผุดขึ้นมาจากพื้นดินสูงกว่าส่วนสูงของชายหนุ่มเล็กน้อย เรียงล้อมรอบคนสามคนไว้เป็นกรงขังอย่างดี ทำให้ผู้ที่บุกเข้ามาต้องหยุดวิ่งกระทันหัน
ทั้งสามคนพยายามเอาดาบฟังน้ำแข็งให้แตกออกก็ไม่ออก จะปีนข้ามออกไปก็ลื่นเกินกว่าจะจับไว้ได้ โดยปกติแล้วหน้าที่หลักๆของลีบลานั้น เน้นไปในเรื่องของเรียกลมเรียกฝนช่วยเหลือการเพาะปลูก ไม่ค่อยได้ทำเรื่องพวกนี้ให้เห็นสักเท่าไหร่ จึงมีใครหลายคนเข้าใจว่าลีบลาทำได้แค่เวทย์สนับสนุนเล็กๆน้อย รวมถึงดามอนต์เองด้วย เขาไม่คาดคิดว่าแผนการของเขาที่หวังจะปิดปากว่าที่เจ้าเมือง ในจังหวะที่ไม่มีใครคุ้มกัน จะล้มไม่เป็นท่าได้ง่ายดายเพียงนี้
“อ๊า!!! เจ้าพ่อมด เจ้าขี้โกง!!” ดามอนต์ตะโกนโวยวายไม่พอใจออกมาเหมือนเด็กเอาแต่ใจ ลีนัสรู้สึกแปลกใจนักว่า ดามอนต์ที่อายุไล่เลี่ยกับเขาทำไมถึงได้ไม่ยอมโตขึ้นมาเหมือนพี่ชายของเจ้าตัวบ้าง เขารู้จักดาวิสมาตั้งแต่เจ้าตัวอายุน้อยกว่าดามอนต์ในตอนนี้ ไม่เคยมีตอนไหนที่ดาวิสจะมีมุมแบบนี้เลยสักนิด
“วันนี้ข้าไม่มีเวลามานั่งเทศนาให้พวกเจ้าฟัง นั่งสำนึกผิดอยู่ในนั้นกันไปก่อนจนกว่าน้ำแข็งจะละลายก็แล้วกัน” ลีนัสว่าพลางเดินอ้อมกรงน้ำแข็งของเขาผ่านไปอย่างไม่ติดใจอะไร นอกจากแผนการจะล้มเละเทะเหมือนเด็กตัวเล็กๆที่วางแผนแกล้งผู้ใหญ่แล้ว ลีนัสยังจะเมินเฉยต่อพวกเขาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกต่างหาก
พอลีนัสหันหลังให้เพื่อจะเดินกลับไปตามทาง ดามอนต์ก็ชักมีดสั้นที่เก็บไว้ในรองเท้าบู๊ทออกมาปาใส่ลีนัสตามหลังไปด้วยความโกรธแค้น ลีนัสเองก็ไม่ได้คิดถึงว่าดามอนต์ยังจะยังไม่ละความพยายามและลอบกัดเขาแบบนี้ กว่าที่ภูติตัวน้อยตรงนั้นจะบอกเขาให้หลบไปได้ทัน คมมีดสั้นก็ปักเข้าที่สะบักซ้ายของเขา แรงเหวี่ยงของมีดสั้นที่ปักลงมา ประสานกับความเจ็บปวดที่จู่โจมประสาทสัมผัส ทำให้ลีนัสทรุดลงไปนั่งคุกเข่าลงกับพื้น มือข้างซ้ายของเขาเริ่มสั่นนิดๆและชาที่ปลายนิ้ว ลีนัสใช้มือข้างขวาเอื้อมไปจับด้ามมีดเพื่อจะดึงออกมา แต่ด้วยตำแหน่งที่ยากแก่การดึงและเรี่ยวแรงที่ไม่มากพอ ทำได้แต่ขยับนิดๆยิ่งทำให้ปากแผลมาขยายใหญ่ขึ้น เสียเลือดออกไปมากขึ้น ลีนัสกำลังคิดว่าจะต้องขอแรงภูติมาช่วยดึงมีดเล่มนี้ออกแล้วค่อยรักษาแผลเสียแล้ว
“ท่านพี่!!!” ลีนัสได้ยินเสียงของซีมัสตะโกนลั่นออกมาจากด้านหลัง แต่ตอนนี้ลีนัสชักจะรู้สึกว่าหูอื้อขึ้นมานิดๆ ไม่แน่ใจว่าตัวเองหูแว่วไปรึเปล่า จนกระทั่งท่อนแขนแกร่งของซีมัสเข้ามาประคองร่างของลีนัสที่กำลังจะทรุดลงกับพื้นไว้
“...อ่า ซีมัสจริงๆด้วย พอดีเลย ช่วยดึงมีดออกไปที ข้ารักษาแผลเองไม่ได้” ลีนัสคลี่ยิ้มจางๆหลังจากยกมือขึ้นมาแตะใบหน้าของน้องชาย เพื่อจะยืนยันว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าของเขามีตัวตนจริงๆไม่ได้เสียเลือดจนเพ้อไปเอง
ถึงแม้ลีนัสที่อยู่ในชุดสีดำจะบดบังทำให้ไม่เห็นคราบเลือดสีแดงสด แต่สัมผัสจากกลิ่นคาวเลือดที่เลอะเปื้อนบนใบหน้าของซีมัสจากปลายนิ้วของเจ้าตัว กับร่างที่อ่อนปวกเปียกยืนพิงซีมัสอยู่นั้น ทำให้เด็กหนุ่มโกรธจนสมองไม่สามารถจะรับรู้อะไรได้อีกแล้ว
“ดามอนต์!! นี่มันเกินไปแล้ว!!” ซีมัสตะโกนออกมาด้วยความโกรธแค้น จังหวะนั้นเองที่ลีนัสเห็นว่าสีผิวของน้องชายตนนั้นเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลส้มอีกครั้ง และเรือนผมยาวสีเทาก็งอกยาวลงมา ตามด้วยสัมผัสจากไอร้อนของเปลวเพลิงมาจากด้านหลัง ลีนัสจึงรีบหันกลับไปมองด้วยความตกใจ
กรงน้ำแข็งของเขาที่ได้ทำเอาไว้มลายหายไปจนหมดสิ้น ตอนนี้กลายเป็นเปลวเพลิงสีน้ำเงินกองใหญ่พวยพุ่งสูงลิ่วขึ้นไปบนฟ้า แสงสว่างสีน้ำเงินตัดกับแสงแดดสีส้มในยามเย็นเด่นชัดจนน่ากลัว เสียงร้องโอดครวญทรมานของคนในกองเพลิงแว่วดังออกมา
“ซีมัส!!!หยุดเดี๋ยวนี้!!” ลีนัสตะวาดน้องชายเสียงเข้ม มือก็บีบท่อนแขนของซีมัสไว้แน่นเพื่อเรียกสติอีกฝ่ายกลับมา
ในที่สุดเปลวเพลิงก็สงบลงและจางหายไป เหลือทิ้งไว้แต่เพียงกลิ่นเหม็นไหม้ที่ลอยคละคลุ้งไปทั่ว และร่างสีดำสนิทสามร่างที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นหญ้าที่ไหม้เกรียม ภาพตรงหน้าทำให้ลีนัสต้องยกมือขึ้นกุมขมับ ตอนนี้สมองของเขาว่างเปล่าขาวโพลนคิดอะไรต่อไปไม่ออกอีกแล้ว เข่าสองข้างที่ค้ำยันร่างเอาไว้ก็เหมือนจะหมดเรี่ยวแรงไปด้วย จนต้องทิ้งมือสองข้างลงบนพื้นดินเพื่อพยุงร่างของตัวเองเอาไว้
“เจ้าทำแบบนี้ทำไมซีมัส!!” ลีนัสหันมาตวาดใส่น้องชายทั้งใบหน้าที่เปื้อนทั้งคราบเลือดและคราบน้ำตา
“ทุกคนในนั้นตั้งใจจะฆ่าท่านนะขอรับ!!” ซีมัสเเถียงกลับ
“ข้ารู้!! แต่นั่นไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา”
“มันใช่สิ!!” ไม่ว่ายังไงซีมัสก็ยังเถียงลีนัสกลับมาไม่เลิก จนลีนัสต้องเงียบไปเพื่อตั้งสติ นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาต่อปากต่อคำกับซีมัสเลยสักนิด เปลวเพลิงสีฟ้าสว่างเมื่อครู่นี่จะทำให้คนแห่กับมาตรงนี้ไม่ช้าก็เร็ว ถ้าเขาไม่รีบจัดการเรื่องตรงนี้ให้เสร็จ จะยิ่งปานปลายไปกันใหญ่
“…...พอแล้วซีมัส นี่มันหนักเกินไปสำหรับข้า” ลีนัสเอ่ยขึ้นมาเบาๆพร้อมกับขยับตำแหน่งมือทั้งสองข้างทาบลงกับพื้นดินตรงหน้า ปรากฏรูปตราเวทย์สีส้มขึ้นมา
“...ท่านพี่?” ซีมัสเอ่ยถามอย่างงุนงง ทันใดนั้นเองก็ปรากฏภูติร่างใหญ่ ที่มีศีรษะเป็นกระทิงขนสั้นเตียนสีน้ำตาลส้มมัดกล้ามแน่น ยืนเด่นสง่าอยู่กลางวงเวทย์นั้น ซีมัสจำภูติตนนี้ได้ขึ้นใจ นั่นคือภูติที่ตั้งใจจะเอาชีวิตของเขาไปในวันที่เขาไปพบกับลีนัสนั่นเอง
“ช่วยพาซีมัสไปจากที่นี่ที” ลีนัสเอ่ยขึ้นมาเบาๆอย่างคนใกล้จะหมดเรี่ยวแรง
“ท่านพี่!? ท่านอย่าทำกับข้าแบบนี้!!” ซีมัสเอ่ยค้าน แต่ไม่ทันได้ทำอะไรมากไปกว่านั้น เขาก็โดนภูติร่างยักษ์คว้าเอวแล้วหิ้วขึ้นพาดบ่า แล้วกระโดดหายไปจากตรงนั้นทันที
“....ลาก่อนซีมัส” ลีนัสกระซิบออกมาแผ่วเบาหลังจากที่น้องชายของตนโดนหิ้วออกไปไกลแล้ว
ตอนนี้เราทำลายสิถิติไปยัง ลงมา5ตอนโดยมีคอมเม้นแทรกขึ้นมาเพียง1คอมเม้นถ้วน มันไม่มีคนอ่านจริงๆใช่มั้ยอ่ะ 555
เลิกอัพเลิกๆ :ling1:
ขออภัยคนที่อ่านไปก่อนหน้านั้น คนเขียนขี้ลืมค่ะ ลืมไปว่าตอนนี้ลีนัสต้องใส่เสื้อสีดำ 55555 เผลอนึกว่าใส่สีขาว บรรยายฉากเลือดโชกซะเมามันส์เลย ตอนนี้แก้ใหม่หมดแล้วนะคะ สีดำค่ะสีดำ
(http://i61.photobucket.com/albums/h56/hayeena/Libra_heart/Sketch18013565_1.jpg) (http://s61.photobucket.com/user/hayeena/media/Libra_heart/Sketch18013565_1.jpg.html)
ตามนั้น5555.....
Libra's heart : 12 Finale 2 Prelude (Part 2/2)
ไคร่า หญิงสาวเรือนผมสีดำยาวเหยียดตรง แววตากลมโตสีแดงเข้ม ผิวสีน้ำผึ้งเนียนน่าสัมผัส เดินอวดร่างเปลือยเปล่าบางระหงส์สมส่วนที่น่าอิจฉา ผ่านคู่สายตาของสาวๆคนอื่นในโรงอาบน้ำรวมไป จุ่มปลายเท้าเรียวลงไปแช่ในบ่อน้ำอุ่นบ่อกว้าง เธอเดินไปนั่งทิ้งร่างแช่น้ำที่มุมว่างๆของบ่อน้ำนั้นเงียบๆอย่างไม่สนใจใคร ครู่หนึ่งก็มีสาวเจ้าเนื้อรุ่นแม่เดินเข้ามาหา และทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ
“....โยเนสทำงานพลาด…ใครจะรู้ว่าเมืองเล็กๆอย่างเวลเฮมมิน่าจะรักษาความปลอดภัยได้แข็งแรงขนาดที่โยเนสทำงานพลาด” สาวเจ้าเนื้อเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาโดยที่ไม่มองหน้าคู่สนทนา
“.......” ไคร่าไม่ได้เอ่ยอะไรต่อ ได้แต่ฟังเสียงถอนหายใจของคนข้างๆอยู่เงียบๆ
“...หลังจากนี้เวลเฮมมิน่าคงจะเข้ามาติดต่อบริงไฮด์อีก เจ้ารู้หน้าที่ของเจ้าดีนะไคร่า ไว้ข้าจะติดต่อเจ้าไปใหม่”
ที่ระเบียงห้องนอนขององค์ชายเฟริค สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเมืองที่เต็มไปด้วยประชากรมากมาย เดินไปมาขวักไขว่เพื่อจับจ่ายใช้สอย แววตาสีเหลืองทองทอดมองเลยเขตเมืองไปไกลสุดขอบท้องฟ้าสีน้ำเงิน ภายใต้แววตาที่ดูสงบนิ่งคู่นั้น เต็มไปด้วยความคิดต่างๆมากมายกับเรื่องที่ทั้งเกิดขึ้นและยังไม่เกิดขึ้น พลันก็มีเสียงเคาะประตูห้องดังแทรกกระบวนความคิดทุกอย่างของเขาขึ้นมา
“องค์ชายเฟริค ข้าพาคนมาส่งขอรับ” เสียงนายทหารเอ่ยแว่วเข้ามาจากข้างนอก
“เข้ามา” เฟริคเอ่ยกลับไปพร้อมกับเดินกลับเข้ามาในห้องของตัวเอง ประตูห้องเปิดออกมาสิ่งแรกที่เขาเห็นคือแววตากลมโตสีแดงเข้มที่ตัดกับเรือนผมสีดำขลับของหญิงสาววัยแรกรุ่น ริมฝีปากบางสีแดงสดคลี่ยิ้มหวานส่งมาให้
“อา ไคร่า กำลังคิดถึงเจ้าอยู่พอดีเลย” เฟริคเอ่ยเรียกอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงที่ร่าเริงสดใส เมื่อสาวเจ้าเดินเข้ามาหา เขาก็รวบเอวบางของอีกฝ่ายเข้ามากอดไว้ในทันที
“ขอบใจที่มาส่งนะ แล้วก็ ข้าขอเวลาส่วนตัวสักครู่ มีธุระอะไรฝากไว้ที่เจ้าก่อนละกัน” เฟริคคลี่ยิ้มหน้าบาน ฝากฝั่งนายทหารที่พาไคร่าเข้ามา
“รับทราบขอรับ…” นายทหารรับคำสั่งแล้วเดินออกจากห้องไป เมื่อปิดประตูลงก็อดไม่ได้ที่จะกรอกตาขึ้นมาอย่างรู้สึกเหนื่อยหน่าย กับองค์ชายผู้ที่เลือกใช้ชีวิตแสนสุขสบาย ในขณะที่คนอื่นๆกำลังเคร่งเครียดกับสงครามที่กำลังจะเกิดขึ้น
เสียงพรมจูบกับเสียงครางเบาๆของหญิงสาวแว่วดังสะท้อนอยู่ในห้องนอนอันโอ่อ่าขององค์ชาย มือของคนในห้องต่างก็พัลวันวุ่นวายอยู่กับการ ปลดอาภรณ์ของคนตรงหน้าออก
“องค์ชาย...ทำไมวันนี้ถึงดูรีบร้อนนัก อือ...” น้ำเสียงของหญิงสาวถูกกลืนหายไปกับริมฝีปากหนาที่ประทับปิดลงมา
“ใครกันแน่ที่รีบร้อนหืม ?” เฟริคถามอีกฝ่ายกลับไปขณะที่ไล้สันจมูกลงมาตามซอกคอเนียน ไคร่าได้ยินคำถามนั้นก็คลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้นมา ผลักร่างหนาลงไปนั่งที่โซฟาตัวใหญ่ แล้วตามขึ้นไปนั่งคร่อม
“ปกติข้าก็รีบร้อนอยู่แล้วนี่คะ มีแต่ท่านนั่นแหละ...” ไคร่าว่าพลางลากปลายนิ้วเรียวยาว ไล้จากแผ่นอกหนาเปลือยเปล่าลงมา เรื่อยผ่านร่องกล้ามท้องแน่นๆลงมาหยุดที่ขอบกางเกง
“...ที่มัวแต่จะเล่าเรื่องเวลเฮมมิน่าให้ข้าฟัง เหมือนเด็กที่เพิ่งได้ออกจากบ้านเป็นครั้งแรก ทำเอาข้ารู้สึกหึงท่านเจ้าเมืองที่ท่านพูดถึงเลย วันนี้ไม่มีอะไรจะเล่าให้ข้าฟังแล้วเหรอคะ” ไคร่าขยับร่างอรชรเข้าไปแนบชิดกระซิบถามที่ข้างหู ขณะที่มือค่อยๆปลดกางเกงอีกฝ่ายออก
“ถ้าเจ้าหึงแล้วเจ้ายังอยากจะฟังอะไรอีกล่ะไคร่า” เฟริคถามกลับมาแล้วหอมแก้มอีกฝ่ายด้วยความเอ็นดู
“ถึงข้าจะหึงแต่ข้าก็สนุกกับเรื่องเล่าของท่าน เมื่อไหร่ท่านเจ้าเมืองเวลเฮมมิน่าจะแวะมาที่บริงไฮด์อีกล่ะคะ ข้าอยากจะเจอตัวจริงดูสักครั้ง”
“ข้าไม่รู้หรอกนะ มันก็ขึ้นอยู่กับว่า….” เฟริคคว้ามือเรียวที่กำลังวุ่นวายอยู่ที่กางเกงของเขาขึ้นมา แล้วพลิกร่างบางลงไปนอนข้างล่าง ยกร่างตัวเองขึ้นคร่อมแทน
“องค์ชาย วันนี้ท่านดูจะใจร้อนจริงๆนะคะ” ร่างบางที่อยู่เบื้องล่างคลี่ยิ้มยั่วยวนกลับมา
“...เจ้าคาบเอาเรื่องนี้ไปแจ้งกรีฟิทเร็วแค่ไหน แล้วกรีฟิทตัดสินใจจะทำยังไงกับเวลเฮมมิน่า” แววตาสีแดงเข้มเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ ไคร่าคิดว่าเธอเป็นคนหลอกเอาข้อมูลจากองค์ชายขี้เล่นไม่เอาไหนคนนี้ได้ง่ายๆเสียอีก แต่เปล่าเลยเธอกลับถูกองค์ชายหลอกมาตลอด
“....องค์ชาย...พูดเรื่องอะไรคะ” ไคร่าแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไร แต่น้ำเสียงของเธอสั่นคลอนออกมาอย่างห้ามไว้ไม่อยู่ เธอไม่รู้จักแววตาสีทองคู่นี้ที่จ้องมองเธอมาอย่างเย็นชา ถึงแม้ใบหน้าคมเข้มนั้นจะยังยิ้มหวานให้เธอก็ตาม
“ไคร่า ข้าออกจะรักเจ้าขนาดนี้ คิดว่าข้าจะทำอะไรเจ้ารึไง เจ้าตอบคำถามข้าดีๆข้าจะตบรางวัลให้เจ้าอย่างงามเลย” มือกร้านลูบเรือนผมสีดำขลับของไคร่าอย่างทะนุถนอม คำพูดอันอ่อนโยนไม่ได้ช่วยให้เธอรู้สึกดีขึ้นเลยสักนิด
“ถ้าเจ้าเอาเรื่องที่ข้าเล่าให้ฟังไปเล่าให้กรีฟิทฟังจนครบ ข้าว่ากรีฟิทคงเลือกที่จะฆ่าเจ้าเมืองเวลเฮมมิน่าที่ทำอะไรไม่ค่อยได้ นอกจากเปลี่ยนสภาพอากาศให้เอื้อออำนวยกับสมรภูมิรบอย่างที่เจ้าเข้าใจ” เฟริคถามไปพลางมองดูสีหน้าของหญิงสาวที่ขมวดคิ้วกัดริมฝีปากตัวเองไว้แน่น
“......” เฟริคไม่ได้รู้สึกขัดใจอะไรกับสายข่าวปากแข็งของเขาที่เอาแต่เงียบไม่เปิดปากออกมา แค่สีหน้าลำบากใจของไคร่าก็เพียงพอที่จะทำให้เขารู้แล้ว ว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่เขาวางไว้
“แล้วยังไง ส่งคนไปฆ่าท่านเจ้าเมืองแล้วสินะ ให้ข้าเดาคงจะล้มเหลวไม่เป็นท่า ขอโทษทีนะไคร่า ที่ข้าเล่าให้เจ้าฟังไม่หมด ว่าลีบลาอย่างท่านเจ้าเมืองทำอะไรได้บ้างน่ะ เจ้ารู้ไหมว่ากว่าข้าจะเชิญมาบริงไฮด์ได้น่ะ เหนื่อยแค่ไหน” เฟริคไล่เดาสถานการณ์ต่อไปเรื่อยๆ และสนุกกับการมองดูสีหน้าของของไคร่าที่พยายามจะเก็บสีหน้าของตัวเอง
“เอาล่ะ ข้าต้องขอบใจเจ้าจริงๆที่ช่วยให้แผนการของข้าสำเร็จไปได้เป็นอย่างดี” เฟริคลุกขึ้นยืนขยับใส่กางเกงที่หลุดลุยใส่กลับเข้าไปใหม่ เดินไปเปิดตู้ที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานออกมา หยิบถุงกำมะหยี่สีน้ำเงินเข้มห่อเล็กๆออกมาห่อหนึ่ง เดินกลับมานั่งลงที่โซฟาข้างๆไคร่าที่ยังทำตัวไม่ถูก เธอไม่อาจจะอ่านออกได้ว่าเฟริคกำลังคิดอะไรอยู่
“นี่เป็นน้ำใจเล็กๆน้อยๆที่เจ้าช่วยงานข้าในครั้งนี้ ถึงข้าจะเสียดายเจ้าอยู่บ้าง แต่เจ้ารีบไปจากที่นี่ซะ ข้าคิดว่าเจ้าจะฉลาดพอที่จะไม่กลับไปกรีฟิท แล้วเล่าความผิดพลาดครั้งนี้ของเจ้าให้ใครฟังหรอกนะ” ไคร่ารับห่อผ้านั้นมาแล้วเปิดออกดู ก็พบว่าข้างในมีเพชรเม็ดเล็กๆประกายวาววับอยู่เต็มถุง
“นั่นน่าจะพอสำหรับไปเริ่มต้นใหม่นะไคร่า แต่งตัวแล้วออกไปได้แล้วก่อนที่ข้าจะเปลี่ยนใจไม่ปล่อยเจ้าไป” เฟริคแกล้งพูดขึ้นมาเช่นนั้นไคร่าก็รีบลุกขึ้นแต่งตัวอย่างรวดเร็ว แล้วหายไปจากห้องนั้นในทันที
เสียงประตูห้องของเขาปิดลงไปได้ไม่นาน ก็มีเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้องค์ชายถอนหายใจออกมา เขาอยากจะได้เวลาพักผ่อนเงียบๆคนเดียวสักพัก หลังจากที่ปล่อยของเล่นชิ้นโปรดเดินจากเขาไปเมื่อครู่ เพราะจากนี้ไปเขาไม่อาจจะเก็บสายสืบของกรีฟิทไว้ใกล้ตัวได้อีกแล้ว
“ขออภัยที่รบกวนเวลาขอรับองค์ชาย เห็นว่าท่านได้แจ้งข้าว่าถ้ามีแขกจากเวลเฮมมิน่ามาขอพบให้รีบมาแจ้งท่าน….” รายละเอียดที่ได้รับแจ้งเข้ามา ทำให้อารมณ์หดหู่เมื่อครู่ของเฟริค พลิกกลับมาเบิกบานได้ใหม่อีกครั้ง
“ข้าขอชื่อแขกได้ไหม” เฟริคเอ่ยถามกลับไปขณะที่เดินไปหยิบเสื้อตัวเองที่กองอยู่กับพื้น ขึ้นมาสวมและจัดสภาพตัวเองให้ดูเรียบร้อยพร้อมจะออกไปทำงานของตนต่อ
“ซีมัสขอรับ” เมื่อคำตอบของนายทหารนั้นตอบกลับมาได้ตามที่เขาคิดเอาไว้ เฟริคก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาจากลำคอเบาๆอย่างพออกพอใจ แล้วพึมพำขึ้นมาเบาๆก่อนจะเดินออกไปจากห้อง
“ลูกมาเดี๋ยวแม่ก็ต้องมาตาม”
つづく。。。。。
คือตกใจนะ ไม่คิดว่าจะต้องแบ่งลง2part เลยจริงๆ คิดว่ามันควรจะเป็นตอนสั้นๆ 555 (นี่ชั้นเวิ่นเว้อมาขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย)
เจอกันเรื่องหน้านะคะ ยังร่างพลอตไม่เสร็จเลยค่า แต่จะพยายามนะ
ตอนนี้คาดว่าคนอ่านจะอารมณ์แบบว่า ฉากจบก่อนหน้านั้นอาจจะดีกว่า ไม่ค้างคาแบบนี้ อันนี้แบบ …. ค้าง…..หนักกว่าเดิม (อย่าสาปแช่งเค้านะ)
ภาคต่อนี่ จะเริ่มดาร์คขึ้นมานิดๆ จริงๆอยากเขียนดาร์คมากๆ ตั้งแต่แรกละ ทำไมมันถึงได้ออกมาใสขนาดนี้ไม่รู้... (คนเขียนเป็นคนใสๆค่ะ ช่วยไม่ได้จริงๆ ดีสนีย์ค่ะดิสนีย์5555)
จริงๆพลอตแรกนี่กะฆ่าทิ้งทั้งเฟริคทั้งซีมัสเลยนะคะ ตัดปัญหาไม่มีภาคต่อ 555555555 แต่แบบสร้างขึ้นมาแล้วมันน่ารักเกิน เฟริคก็ร้ายน่ารักอีก (เอ๊ะยังไง) ฆ่าไม่ลงค่ะ เลยต้องรับผิดชอบเขียนภาคต่อของพวกนางต่อไป
มีอะไรเสนออยากจะเห็นในภาคต่อมั้ยคะ จะรับไว้พิจารณา ขณะที่ยังร่างพลอตไม่เสร็จ (หรือพูดง่ายๆว่าหมดมุขนั่นเอง)
แถมเฟริคคุงไปหน่อย ภาคต่อไปชั้นต้องปลกปล้ำอยู่กับนางอีกนาน
(http://i61.photobucket.com/albums/h56/hayeena/Libra_heart/Sketch306195940.jpg) (http://s61.photobucket.com/user/hayeena/media/Libra_heart/Sketch306195940.jpg.html)
(รูปนี้ดูแตกเนื้อสาวนะเฟริค555) เอาจริงๆนะ ไม่อยากจะเขียนเกี่ยวกับเฟริคซักเท่าไหร่เล้ย เพราะมันเป็นคาแรคเตอร์ที่ฉลาดมาก ทั้งๆที่คนเขียนไม่ได้ฉลาดขนาดนั้น แต่ก็จะพยายามนะ