อัพเจ้าฮะ
เฮ้ รออยู่ค่ะ รออยู่(ไปซุ่มอ่นเด็กดีมาไม่รุ้เลยว่าอัพใหม่แล้ว)
ชอบเรื่องนี้มากเลยนะเจ้าฮะ อยากตอนต่อไปไม่ไหวแล้ววววววว
:call: :call:
สุดปลายทางของ…หัวใจ
อวสาน
แม้จะสิบโมงแล้ว บรรยากาศยังคงร่มรื่น เพราะบ้านของนคินทร์ผู้ชอบธรรมชาตินั้นแสนจะร่มรื่น (ติดไปทางรกครึ้มเล็กน้อย) แต่ยิ่งรก กลับยิ่งทำให้ได้มุมกล้องที่สวยมากขึ้น จนทีมงานถึงกับออกปากชมเปาะ ว่าสมแล้วที่เป็นบ้านตากล้องมือพระกาฬ ขนาดจัดบ้านยังสวย (เกี่ยวกันใช่มั้ยเนี่ย?)
“ภู่ครับ พร้อมยัง? ทีมงานเขาเซ็ตพื้นที่เสร็จแล้วล่ะ” ประมาณ สิบโมงครึ่งนคินทร์ก็เข้ามาตามภุมราที่นั่งรออยู่ตรงหน้ากระจก
นคินทร์แต่งตัวรออยู่แล้วในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาว มีริบบิ้นเส้นเล็กสีแดงสดที่ผูกเป็นโบว์แทนหูกระต่าย กับกางเกงยีนส์สีขาวเข้ากัน ตอนนี้ถูกทางทีมงานช่วยเซ็ตผมกับแต่งหน้าให้จนดูดีแทบจำไม่ได้ ผมรองทรงที่ถูกปัดเสยไปด้านหลังเผยหน้าผากเหลี่ยมสวยนั้นกระแทกตาภุมราเข้าอย่างจัง ทำเอาชายหนุ่มถึงกับนั่งอึ้ง ขนาดไม่ได้ยินเลยว่านคินทร์ถามอะไร
“ภู่?...เป็นอะไรไปหืม? เหม่อเชียว” เห็นปฏิกิริยาตาโตของภุมราเข้า นคินทร์ก็ได้แต่อมยิ้มขบขัน น่ารักน่าใคร่จนไม่อยากให้ใครได้เห็น (เลิกสัมภาษณ์ซะดีมั้ยนะ เริ่มหวงหน่อยๆซะแล้วสิ)
“อ่ะ...ปละ...เปล่า...แค่...ตกใจ” เห็นแววตากรุ้มกริ่มของนคินทร์เข้า ภุมราก็รีบก้มหน้างุด ซ่อนสีแก้มแดงก่ำถึงใบหู
“ตกใจ? เรื่องอะไรเหรอ?”
“ก็...ภูหล่อ...” ภุมราตอบเสียงเบาหวิว ทั้งที่ยังก้มหน้างุด
“ห๊ะ? อะไรนะครับ ภูไม่ได้ยินเลย...” คำถามพร้อมสายตากรุ้มกริ่มส่งออกมาทันทีที่ภุมราพูดจบ นคินทร์เองแท้จริงก็ได้ยินชัดเจนอยู่ แต่ก็อยากจะแกล้งคนขี้อายอีกหน่อยโดยการถามย้ำขอฟังเพิ่ม (ก็แหม...นานๆคนน่ารักของเขาจะเอ่ยปากชมว่าหล่อสักที ขอฟังหลายๆครั้งให้ชื่นใจหน่อยเถอะ)
“...ก็...ภูหล่อนี่นา...ภู่เลย...ตกใจ......ฮื่อ...อย่าหัวเราะ...สิ...”
คำสารภาพซื่อๆ แสนน่ารักของภุมรา เรียกเสียงหัวเราะของนคินทร์ออกมาครืนใหญ่ ไม่ได้หัวเราะเยาะขบขัน แต่เป็นหัวเราะชอบใจถูกจิต ที่สามารถทำให้คนรักเห็นความหล่อเหลาของตัวเองได้ ยิ่งหัวเราะ ภุมราก็ยิ่งหน้าแดง ถ้าเอามือไปอัง แน่นอนว่าคงร้อนฉ่า
“ภู่เองก็หล่อเหมือนกัน” นคินทร์ก้มลงใกล้ใบหน้าเห่อร้อนของคนรักพลางกระซิบหวาน วันนี้คนรักของเขาหล่อจริงๆ หล่อที่สุดเลยก็ว่าได้ เสื้อผ้าที่ภุมราแต่งนั้นก็ไม่ต่างกับของนคินทร์สักเท่าไหร่ เพียงแต่เสื้อเชิ้ตที่ใส่มีระบายตรงอกพร้อมตีเป็นเกร็ดผ้าเก๋ๆน่ารัก มีริบบิ้นสีแดงสดผูกเอาไว้ที่ต้นคอแทนปกเสื้อ
ทั้งคู่มีเส้นริบบิ้นสีแดงพันรอบแขนซ้ายเช่นกัน ดูเท่ห์จนภุมราอดชื่นชมสไตล์ลิสไม่ได้เลยทีเดียว ‘ก็แหม เนรมิตนคินทร์ให้เขาเสียหล่อกระชากใจปานนี้ ไม่ชมได้ยังไง’
“พร้อมหรือยังครับภู่” เมื่อต่างก็ชื่นชมความหล่อเหลาดูดีของกันและกันเรียบร้อยแล้วในที่สุดนคินทร์ก็ยอบตัวลงยคุกเข่าตรงหน้าของภุมรา พลางเอ่ยถามความพร้อม
“ครับ” ภุมรายิ้มหวาน พยักหน้าสองสามครั้งเป็นสัญญาณว่าพร้อม
นคินทร์ยิ้ม ก่อนจะหยิบกล่องกระดาษกล่องใหญ่กล่องหนึ่งที่ตั้งอยู่ใกล้นั้นขึ้นมาเปิดออก ภุมราขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้เห็นว่าสิ่งที่อยู่ในกล่องนั้นคืออะไร
ของที่นคินทร์บรรจงหยิบขึ้นมานั้น มันเป็นผ้าขาวบางใส ที่ตรงปลายผ้ามีลายปักลูกไม้ อ่อนช้อยงดงาม ถ้าภุมราเดาไม่ผิด ของสิ่งนั้นมันคือ Bridal Veils ผ้าคลุมหน้าเจ้าสาว!?
“เอ่อ…ภู?”
พรึ่บ
ยังไม่ทันจะได้เอ่ยปากถามไถ่ ผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวผืนงามนั้นก็ถูกคลุมพาดบนศีรษะ เล่นเอาภุมราถึงกับตกประหม่าทำอะไรไม่ถูก
“ภู...นี่มัน?...”
“แต่งงานกับผมนะภู่”
“เอ๊ะ?”
คำขอแต่งงาน?
“ภ…ภู่ไม่เห็นจะ…เข้าใจ…เลย…มันคืออะไรเหรอ….ภู?...ร…เราต้องให้สัมภาษณ์…ม…ไม่ใช่…เหรอ?”
สิ่งที่ภุมรารู้คือ วันนี้เขาต้องออกให้สัมภาษณ์กับนิตยาสารของสำนักพิมพ์หนึ่งซึ่งเคยให้ข่าวช่วยเหลือพวกเขาตอนที่ภุมราป่วย ทั้งๆอย่างนั้น จู่ๆกลับถูกขอแต่งงานกันดื้อๆ เล่นเอาภุมราถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก เอ๊ะ? หรือนี่จะเป็นราบการสารแนโชว์ หรือดาราจำเป็นกันนะ? แอบมีกล้องซ่อนเอาไว้เหรอ?
ยิ่งเห็นภุมราหน้าตื่น นคินทร์ก็ได้แต่ขำด้วยความเอ็นดู ถูกใจเหลือเกินที่ได้เห็นปฏิกิริยาแบบนี้จากคนรัก เพราะเขานั้นเตรียมการเพื่อวันนี้มาตั้งนาน ตั้งใจจะเซอร์ไพรซ์ภุมราอย่างเต็มที่ แล้วในที่สุดมันก็ได้ผล เพราะตอนนี้คนรักของเขา เอ๋อรับประทานไปแล้ว…
“ภู่ครับ เรื่องให้สัมภาษณ์น่ะ มันเป็นเรื่องที่ภูเตี้ยมกันกับพวกพี่แอนกับเจ้าซอแล้วก็คุณหมอน่ะ”
“ต…เตี้ยม?”
“ครับ…ที่จริงแล้ววันนี้ คือวันแต่งงานของเรา…ภูตั้งใจเซอร์ไพรซ์ภู่ ด้วยการขอภู่แต่งงาน”
คำสารภาพอายๆของนคินทร์ ทำเอาภุมราหน้าแดงเห่อ ‘แต่งงาน?’ เขากำลังถูกขอแต่งงานจริงๆเหรอเนี่ย?
“…ค…คนบ้า หลอกกันนี่…” ภุมราได้แต่บ่นออกมาเบาๆด้วยความเขิน ถึงจะแอบเคืองเล็กๆที่ถูกหลอก แต่ความตื้นตันมันมหาศาลกว่ามาก
“บ้า…แล้วรักภูมั้ย? ภูขอโทษที่ปิดเป็นความลับนะ ก็ภูอยากเซอร์ไพรซ์ภู่นี่นา…” นคินทร์ที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าภุมรานั้นแนบจับสองมือเรียวนุ่มของคนรักขึ้นมาจุมพิตแผ่วเบา ก่อนจะพยายามออดอ้อนเสียงหวาน
“…รักสิ” และแน่นอนว่าโดนลูกอ้อนไปขนาดนั้น ภุมราไม่มีทางทนใจแข็งอยู่ได้หรอก ใบหน้าคมหวานยกยิ้มเขินอายที่ต้องเอ่ยคำว่ารัก ด้วยน้ำเสียงแหบเครือ
“งั้น…แต่งงานกับภูได้มั้ยครับ?” นคินทร์เอ่ยคำขอแต่งงานอีกครั้งด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและจริงจัง
“ครับ…” และคราวนี้ภุมราเองก็ตอบรับชัดเจน โดยไม่มีข้อกังขาใดๆอีก
“ภู่จะแต่งงานกับภู”
จบคำตอบรับนคินทร์ยกตัวขึ้นสวมกอดว่าที่เจ้าสาวของตนสู่อ้อมอกอุ่นทันที น้ำตาว่าที่เจ้าบ่าวไหลเอ่อท่วมท้นอย่างลืมอาย
“ขอบคุณครับภู่…ขอบคุณครับที่ยอมแต่งงานกับภู” เสียงทุ้มเครือสั่นอย่างสุดห้าม ขณะกำลังสวมกอดเจ้าสาวของตนไว้แน่น ดีใจเหลือเกิน รักเหลือเกิน สุขเหลือเกิน
“…ขอบคุณภู…เหมือนกัน…ครับ…ขอบคุณ…ที่รักภู” เฉกเช่นภุมราเองที่ไม่อาจกลั้นน้ำตาแห่งความตื้นตันได้ ดีใจเหลือเกินที่ยังมีชีวิตอยู่ ดีใจเหลือเกิน รักเหลือเกิน สุขเหลือเกิน
เนิ่นนานกว่าน้ำตาแห่งความปิติจะเหือดแห้ง กว่าสองร่างจะคลายอ้อมแขนจากกัน แต่เหมือนยังไม่หนำใจคุณเจ้าบ่าวเลยต้องขอจูบมัดจำเจ้าสาวคนสวยไปก่อนหนึ่งครั้งอย่างอดไม่อยู่ ฝ่ายเจ้าสาวเองก็ยอมโอนอ่อนโดยง่ายไม่มีขัดขืน มีเพียงความประหม่าเขินอายเท่านั้นที่แสดงออกมาให้พ่อเจ้าบ่าวยิ่งใจเต้น ยิ่งกอดยิ่งฟัด
“พ…พอได้แล้ว…เดี๋ยวผ้าคลุมหน้า…ก็ยับหมด…” (แน่ะ…มีห่วงสวย)
“จ๊ะที่รัก ได้เวลาแล้ว เราออกไปข้างนอกกันเถอะ คนที่รักพวกเรารออวยพรเราอยู่นะ”
“อื้ม” ทันทีที่นคินทร์เอ่ยชวน ภุมราก็พยักหน้าถี่ ทั้งดีใจทั้งตื่นเต้นจนตอนนี้มือไม้เย็นฉ่ำไปหมด
นคินทร์ยิ้มทิ้งท้าย ลูบศีรษะทุยเป็นการให้กำลังใจหนึ่งครั้ง ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เพื่อจะเข็นรถเข็นของเจ้าสาวคนดีออกไปด้านนอก สู่พิธีแต่งงานอันศักดิ์สิทธิ์
“เอ่อ…ภู…” ทว่าทันทีที่นคินทร์ตั้งท่าจะเข็น ภุมราก็เอื้อมมือไปยั้งไว้เสียก่อน
“ครับ? ภู่มีอะไรเหรอ?” ว่าที่เจ้าบ่าวโน้มตัวลงใกล้เพื่อรับฟังคำขอร้องของว่าที่เจ้าสาว
“…ขอภู่…เดินออกไปเอง…ได้มั้ย?” ภุมราร้องขอ พร้อมช้อนสายตาขึ้นวิงวอน
“ไหวเหรอครับภู่ ทางมันไกลอยู่นะ ภูยังเดินไม่คล่องเลย…”
“ไหว…ภู่ไหว…ให้ภู่เดินเองนะภู…ขอร้องล่ะ”
“ทำไมล่ะ? ทำไมภู่ถึงอยากเดิน?”
“…วันนี้คือวัน…แต่งงาน…เส้นทาง…ที่เรากำลังจะเดินไป…คือเส้นทาง…อันศักดิ์สิทธิ์…ภู่…อยากเดินเคียงข้าง…กับภู…อยากเดิน…เคียงบ่าเคียงไหล่…เคียงคู่กันไป…จน…สุดปลายทาง…”
“…ภู่…”
“นะครับ…ให้ภู่ได้เดิน…ให้ภู่ได้เดินข้างภู…”
ภุมราอ้อนวอน นคินทร์ไม่เอ่ยอะไรอีก ไม่ได้ไม่อยากเอ่ย แต่เพราะก้อนสะอื้นมันจุกอยู่ตรงอก พูดอะไรไม่ออกนอกจากหลั่งน้ำตาแห่งความรักออกมาเป็นสาย ชายหนุ่มเอื้อมมือมาประคองร่างคนรักให้ลุกยืน ค่อยๆตระกองเดินเตาะแตะ จากเก้าอี้วิลแชร์ สู่หน้าประตูห้องทีละก้าว ทีละก้าว เชื่องช้า ทว่ามั่นคง
“เหนื่อย…มั้ยครับภู…ที่ต้องพยุงภู่เดินตั้งไกล แถมยังช้าอีก” ภุมราหยุดเดินเมื่อถึงครึ่งทาง เพราะเหนื่อยหอบเล็กๆ ก่อนจะหันกลับไปถามคนรัก พร้อมกับเอื้อมมือไปช่วยซับหยาดน้ำตาให้ นคินทร์กระชับมืออุ่นของภุมรามาจุมพิตทันที
“ไม่เหนื่อยครับ ภูไม่มีวันเหนื่อย แค่ภู่อยู่กับภู แค่ภู่ยิ้มได้ ภูก็ไม่เหนื่อยแล้ว …” นคินทร์ตอบออกมาทั้งน้ำตา วันนี้เขาตั้งใจจะเป็นเจ้าบ่าวที่หล่อที่สุดในงานแท้ๆ กลับร้องไห้จนดูไม่ได้แบบนี้น่าอายจริงๆ (แต่ก็มีความสุขมากจริงๆ)
“ขอบคุณ…นะครับ…คนดีของภู่…” ภุมราเอ่ยขอบคุณเสียงเครือสั่น มือที่จับมือนคินทร์ไว้กำแน่น
“ภู่รักภูครับ”
“ภูก็รักภู่ครับ…รัก…เท่าชีวิต”
สิ้นคำกระซิบรักหวานล้ำ สองร่างก็ตระกองกันเดินต่อไป แม้บางก้าวภุมราจะเซไปบ้าง ก้าวพลาดบ้าง แต่ร่างนั้นก็ไม่ได้หวั่นไหวหรือเอนล้ม เพราะนคินทร์คอยสอดสองมือแกร่งประคองข้างกายไม่ห่าง ทีละก้าว ทีละก้าว…
จนถึงหน้าประตู…
************************ จบบริบูรณ์ **************************
ในที่สุดก็จบเสียทีค่ะ
ขอบคุณที่ติดตามกันมาจนถึงตอนนี้นะคะ
ตอนจบติ่งสุดท้าย ที่ต้องให้รอกันนานเหลือเกิน
เพราะตอนแรกกะจะให้จบพร้อมกับเรื่อง ‘ผมคือนางเอก’ (เพราะเป็นเรื่องที่คู่กัน)
แต่เพราะเรื่องนั้นยังเหลืออีกหลายตอนเกินไป
และในเรื่อง ‘นางเอก’ นั้น ได้กล่าวถึงตอนจบของเรื่องนี้แล้ว
เลยมาลงไว้ให้ครบจบบริบูรณ์เสียทีค่ะ
สำหรับเรื่อง ‘สุดปลายทางของ…หัวใจ’ นั้น
นับเป็นนิยายเรื่องแรกๆที่แต่งลงเล้าเลยล่ะค่ะ
(แต่กว่าจะจบได้ ฮ่าฮ่าฮ่า)
ความจริงแล้ว Thearboo ชอบนิยายแนวนางเอกรักข้างเดียวเหนียวนึ่งที่สุด
รักข้างเดียวเขาไม่รู้ไม่พอ ต้องรักข้างเดียวแบบถูกพระเอกเกลียดน้ำหน้าด้วย
แล้วถ้ายิ่งนางเอกป่วย หรือมีปมอะไรสักอย่างที่โคตรรันทดด้วยล่ะก็ ชอบสุดๆเลยค่ะ
เพราะเมื่อตอนเด็กๆ เคยดูเรื่อง ‘หนึ่งฤทัย’ ที่นางเอกเป็นเด็กรวย โดนสปอยล์ เอาแต่ใจ
แล้วพ่อแต่งงานใหม่ มีลูกเลี้ยงที่น่ารัก นิสัยดี นางเอกเราเลยปมมาก
มีแต่คนไม่ชอบ สุดท้ายเป็นมะเร็งในสมอง บอกใครก็ไม่มีใครเชื่อ พระเอกยังไปได้กับลูกแม่เลี้ยงนิสัยดีอีก
ตัวเองดันทำแม่เลี้ยงที่ท้อง (อยู่ป่าวหว่า) ตกบันไดด้วย หูยยย โดนทั้งบ้าน พ่อ ย่า พระเอก เกลียดขี้หน้าเป็นแถว
ทั้งที่นางเอกก็ป่วย แต่ไม่มีใครสนใจ สุดท้าย ‘ตาย’ คนในบ้านกระทั่งพระเอกถึงจะมารู้ทีหลังว่า
อ๋อ ความจริงแล้วนางเอกไม่ได้นิสัยไม่ดี ความจริงมันมีเหตุ ซึ่งมันสายไปแล้ว
ตอนส่งเข้าห้องผ่าตัดด้วยอาการโคม่า ร้องให้ตายนางเอกก็ไม่หาย
จำได้ว่าก่อนนางเอกตาย อิชั้นร้องไห้แทบบ้า…
ดังนั้นพล๊อตนี้จึงฝังใจมากค่ะ เลยได้กลายมาเป็นนิยายเรื่องนี้นี่แหละค่ะ ^^
ขอโทษสำหรับความเอาแต่ใจในหลายๆเรื่องนะคะ
เลยทำให้ท่านผู้อ่านต้องรอ ต้องคอยกันนานเหลือเกิน
ขอโทษจากใจอีกครั้งค่ะ…
ส่วนเรื่องตอนพิเศษนั้น มีแน่นอนค่ะ
จะเป็นเรื่องของคู่รองอย่าง ซอและคุณหมอ ที่ไม่มีบทสรุปแน่ชัดในเรื่อง
กับเรื่องของความกุ๊กกิ๊กน่ารักของสองสามีภรรยาข้าวใหม่ปลามัน
แต่อาจต้องรอกันสักนิดนะคะ สำหรับตอนพิเศษ
ขอเวลาไปปั่น ‘นางเอก’ แป๊บนึงนะคะ
สุดท้ายนี้ ขอบคุณมากค่ะที่ร่วมฝ่าฟันกันมา
ขอบคุณนะคะที่เป็นแรงใจให้ภูภู่พบกับความสุขในตอนจบ
:mew1:
ขอบคุณอย่างสุดซึ้งค่ะ
Thearboo