พิมพ์หน้านี้ - ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH24 (17/12/17)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบ => ข้อความที่เริ่มโดย: oommmy ที่ 27-07-2017 13:37:14

หัวข้อ: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH24 (17/12/17)
เริ่มหัวข้อโดย: oommmy ที่ 27-07-2017 13:37:14
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
.
.
คุณเคยรับเบอร์แปลกบ้างไหมครับ
ถ้าคุณเคย ระวังจะเป็นเหมือนผมนะครับ :mew4: :mew3:

ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม!
............................................................................
Intro
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด
“สวัสดีครับ”
“สวัสดีทำแมวอะไร กวนตีนกูแล้วสัสไม้ มารับกูทีดิ๊ ที่เดิมนะมึง ติ๊ดดด”
ห้ะ ใครคือไม้วะ? ที่เดิมที่ไหน แล้วมันจะรู้ไหมว่ารบกวนเวลานอนอันน้อยนิดของผมอยู่ เออ ช่างมัน ขอนอนต่อครับ อิอิ
zzZZ
.
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด
หืมมมมมมมมมมมม ใครอีกวะ คนจะหลับจะนอน อ้าวเบอร์เดิม สงสัยโทรผิด นอนเถอะครับนอน อย่าไปสนใจ ตัดสายแล้วนอนกันเถอะครับ
ปี๊ดด!
ฝันดีครับผู้อ่านทุกท่าน เจอกันพรุ่งนี้นะ zZ
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด
ปี๊ดด!
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด
ปี๊ดด!
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด
โว้ยยยยยยยยยยยยยย โทรมาอยู่นั่นแหละ คนจะหลับจะนอน ปิดเครื่องแม่งงงงงงง
คราวนี้ฝันดีจริงๆ แล้วครับทุกคน อย่าลืมฝันถึงผมนะ แล้วผมจะฝันถึงพวกคุณเอง อิอิ

..............................................................
ลองเขียนดูค่ะ ฝากติดตามด้วยน้าาาา :mew2:
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH1
เริ่มหัวข้อโดย: oommmy ที่ 27-07-2017 13:50:19
บทที่ 1   

สวัสดีอีกครั้งครับคุณผู้อ่านทุกท่าน ผมนายจัตุรัส เอ๊ย จตุรมิตร เอ๊ย จตุภูมิ เอ๊ย ถูกแล้ววว! อย่าครับ อย่าทำหน้าเอือมกันแบบนั้น ถึงผมจะตลกไม่ตลอด แต่ผมก็หล่อลากดินนะคร้าบบบบ อิอิ ถึงเวลาจริงจังรึยัง อ้าว ผมควรจะจริงจังนานแล้วหรอ ฮี่ๆ สวัสดีครับ ผมนายจตุภูมิ ศรีอนันต์เลิศ หรือเรียกสั้นๆ ว่าเจ็ท คิดว่าผมชื่อภูมิล่ะสิ คุณคิดถูกแล้วครับ ตอนเกิดผมชื่อภูมิครับ แต่ให้ตายเถอะ บนโลกนี้คนชื่อภูมิเยอะเหลือเกิน ตอนอนุบาลผมมีเพื่อนชื่อภูมิ 2 คน พอขึ้นประถมนี่มีภูมิทุกห้อง คุณเคยไหมล่ะครับ เวลามีเพื่อนต่างห้องเรียกผม เขาก็จะเรียกชื่อบวกชื่อห้อง แล้วบังเอิ๊ญญญญ ผมมันก็คนฉลาดเสียด้วยสิ ถึงได้อยู่ห้องที่ใครๆก็รักนักรักหนา ไม่ว่าจะอาจารย์ยันยามหน้าโรงเรียน ทุกคนก็พอกับเรียกผมว่า “ไอ้ภูมิห้องเห่ย” ใช่แล้วครับ ผมเป็นคนฉลาดที่ดันสอบติดด้วยคะแนนอันดับแรกของห้องบ๊วย คะแนนห่างจากคนสุดท้ายของห้องรองบ๊วยแค่ 0.5 คะแนนเท่านั้น นี่ถ้าผมทำข้อสอบได้อีก  1 คะแนน ผมก็ไม่ได้อยู่ห้องบ๊วยแล้ว แต่อยู่ห้องรองบ๊วยแทน 55555555555555555

แล้วทำไมผมถึงชื่อเจ็ทน่ะหรอครับ ง่ายๆเลยครับ เพราะผมชอบเครื่องบินเจ็ทน่ะสิ ผมจึงตั้งใจว่าการเรียนมหาวิทยาลัยปี 1 แห่งนี้นั้น ผมจะเปลี่ยนชื่อตัวเองเป็นเจ็ท ไม่ใช่ไอ้ภูมิห้องเห่ยแล้วโว้ยยยยย

และเพราะต้องการชีวิตใหม่ที่ไม่ใช่ชีวิตที่เห่ยบรมแบบเดิมแล้วนั้น ผมจึงหนีจากที่บ้านมาเรียนไกลถึงมหาวิทยาลัยชื่อดังแถบภาคกลาง ผู้ซึ่งมีแต่ทุ่งนาและยุง คุณฟังไม่ผิดหรอกครับ เพราะที่นี่มีแต่ทุ่งนาจริงๆ มองซ้ายก็นา มองขวาก็นา มองไปข้างหน้า อ่ะ ตบยุงซะหน่อย ยัง ยังไม่หยุดตลกอี๊กกกกกกก

ผมเป็นหนุ่มเหนือครับ คุณอย่าคิดว่าหนุ่มเหนือทุกคนจะผิวขาวกันทุกคนนะครับ เพราะคุณกำลังคิดผิดครับ ถึงแม้ผมจะเป็นหนุ่มเหนือ แต่เชื้อพ่อมันแรงครับ ผมถึงได้ความคล้ำมาเต็มๆ บวกกับความขี้เกียจออกกำลังกาย หุ่นผมนี่ขี้ก้างดีดีนี่เอง 55555 แต่ไอ้เจ็ทซะอย่าง โนแคร์โนสนครับ คุณอาจสงสัยว่าพ่อผมผู้เป็นคนใต้ทำไมไปพบรักกับแม่ที่เป็นสาวเหนือได้นั้น ทิ้งไลน์ไอดีไว้ เดี๋ยวผมแอดไปตอบนะคร้าบบบบ

ชีวิตมหาลัยของผมกำลังไปได้สวยเลยครับ ผมมีเพื่อนในกลุ่ม 4 คน คือ ส้ม มันเป็นสาวหน้าคมครับ แต่ด้วยสรีระและการตัดผมสั้น บวกกับกิริยาท่าทางที่แมนเกินจะกว่าผู้ชายทุกคนในคณะ ทำให้มีสาวๆเข้ามาจีบมันตรึมครับ แต่ไม่มีใครรู้หรอกครับ ที่มันมาเข้าเรียนที่นี่ เพราะมันตามแฟนมันมาครับ และแฟนมันก็คือเดือนมหาลัยปีที่แล้วน่ะสิครับ คุณได้ยินไม่ผิดหรอกครับ เห็นแมนแมนแบบนั้น มันดันคว้าใจเดือนมหาลัยที่ใครๆ ก็ฝันถึง แถมยังคบกันมาตั้งแต่เรียนมัธยมโน่นนนนน

คนต่อไปก็ ยะย๊า กับ หยุมหยิม พวกมันคือฝาแฝดกันครับ ย๊าจะเป็นสาวหวาน ที่มาพร้อมกับหน้าตาจิ้มลิ้มน่ารัก ทำอะไรก็ดูน่าทะนุถนอมไปหมด ส่วนหยิมมันเป็นชายครับ เห็นชื่อมันน่ารักขนาดนั้น ตัวจริงมันก็น่ารักครับ 5555 มันเป็นหนุ่มน้อยน่ารักที่ครองใจใครหลายๆ คนในมหาลัยเลยละครับ เรียกว่าหัวกระไดคณะนี่ไม่แห้งเลยครับ เพราะฝาแฝดสองคนนี้ก็ฟาดคนเกือบครึ่งค่อนมหาลัยให้มาเกี้ยวแล้วล่ะ ลำบากไอ้ส้มต้องเป็นไม้กันหมาครับ มันขู่ทุกคนที่เข้าใกล้ฝาแฝดสองคนนี้เลยล่ะครับ แต่ถามว่าใครซวย ผมนี่ไงครับผมเอง ในเมื่อทุกคนไม่กล้าเข้าทางไอ้ส้ม ก็เบนความสนใจมาทางผมแทน และด้วยบุคลิกที่มีความเฟรนลี่ของผมนั้น ทุกคนจึงพากันมาฝากขนมนมเนย ตุ๊กตาบลาๆที่ผมหมด แล้วจะไม่รับก็ยังไงอยู่ ก็ช่วยรับไว้ครับ เห็นแก่มิตรภาพที่ดี ทั้งที่ผมลำบ๊ากลำบากใจ อิอิ

“ย๊า มีคนฝากขนมมาให้อ่ะ แต่เรารู้ว่าย๊าไม่กินหรอกเนอะ ย๊าคงกลัวอ้วน เดี๋ยวเราช่วยกินให้นะ” ลาภปากไอ้เจ็ทล่ะครับทีนี้ วันนี้มีคนฝากช็อคโกแลตยี่ห่อดังจากอิตาลีมาให้ยะย๊าครับ ด้วยความหวังดีกลัวเพื่ออ้วนของผม ผมทำหน้าที่จัดการให้เองดีกว่า อิอิ

“พ่องงงงมึงสิไอ้เจ็ท ขนมใส่อะไรมารึเปล่าก็ไม่รู้ เอาไปทิ้งไปสัส กินเข้าไปท้องเสียไม่รู้ตัวนะมึง” คุณคิดว่าเสียงนี้ของใครครับ คิดว่าส้มล่ะสิ ผิดครับ มันคือเสียงหยิมครับ ถึงแม้ว่าหน้าตามันจะน่ารักแค่ไหนก็ตาม แต่เวลาอยู่กับเพื่อน มันก็ฟาร์มหมาดีดีนี่เองแหละครับ ทุกอย่างที่มันทำคือสร้างภาพครับ สร้างให้ตัวเองดูน่าทะนุถนอมเข้าไว้ ตัวจริงมันไซร้ หึหึ

“นิดหน่อยให้เพื่อนไม่ได้หรอวะ เนี้ย จากอิตาลีเลยนะเว้ย มึงดู ของหายากขนาดนี้ไม่กินก็โง่แล้วโว้ยยยย” งับ อร่อยอย่างที่ใครๆ ล่ำลือไว้จริงๆด้วยครับ หวานนิด ติดขมหน่อยๆที่ปลายลิ้น นี่มันสวรรค์ของช็อคโกแลตชัดๆ ทำไมคนให้มันลงทุนจังวะ เห็นว่ากว่าจะหามาได้นี่ต้องบินไปจองถึงอิตาลีแถมต่อแถวยาวเท่าวิ่งรอบอนุสาวรีย์ชัยสามรอบเชียวนะ อย่าหาว่าผมเว่อร์ครับ เพราะผมเว่อร์จริงๆ 555555

“คงไม่มีอะไรหรอกมั้งหยิม ย๊าว่ามันก็น่ากินดีนะ”

“อย่าเชียวนะย๊า หยิมว่าไม่อย่าไม่กินเลย ย๊ากินขนมที่หยิมซื้อมาดีกว่า ปลอดภัยกว่าเยอะ” ว่าแล้วก็ส่งขนมให้ย๊าครับ สองคนนี้เขารักกันมากครับ เพราะถูกพ่อกับแม่ส่งให้มาเรียนที่เมืองไทยกัน 2 คนครับ จริงๆ แล้วครอบครัวของทั้งสองคนอยู่ต่างประเทศครับ แต่ด้วยความที่สองคนรักคุณย่ามาก เลยขอพ่อกับแม่มาเรียนที่ไทย เพราะท่านอยู่ที่ไทยครับ แต่พอย่าเสีย ทั้งสองคนก็ไม่อยากกลับไปที่นู่นแล้วครับ อยากอยู่บ้านที่เคยอยู่กับย่า จึงขอพ่อกับแม่อยู่ที่ไทยต่อ พ่อกับแม่ก็ตามใจครับ มีบินมาหาที่นี่บ้าง ทั้งสองไปหาที่นู่นมาก ก็ถือว่าน่ารักไปอีกแบบครับ

ป๊าบบบบบ!

มาแล้วครับฝ่ามืออรหันต์ ไม่ต้องสืบเลยครับว่าของใคร ไอ้คุณส้มครับ นั่นคือวิธีการทักทายเพื่อนของมันครับ อย่าเรียกว่าทักทายเพื่อนเลยครับ เรียกว่าทักทายแค่ผมมากว่า เพราะกับสองแฝดมันไม่เคยเลยครับ มันบอกว่าสองคนนั้นเป็นสมบัติของคณะครับ ไม่สามารถทำแบบที่ทำกับผมได้ หรือเรียกง่ายๆว่าสองมาตรฐานดีดีนี่เองครับ

“แดกไม่แบ่งนะมึง” พูดแล้วก็คว้าช็อคโกแลคเข้าปากทันทีครับ หึหึ ไม่รู้อะไรซะแล้วว่านั่นช็อคโกแลตของใคร

“อร่อยไหมมึง”

“เออ อร่อยดี ซื้อจากไหนวะ กูจะได้ไปซื้อบ้าง” เสร็จกูล่ะไอ้ส้ม

“เจ็ทไม่ได้ซื้อหรอกส้ม มีคนฝากมาให้ย๊าอ่ะ แต่หยิมไม่ให้กิน เจ็ทก็เลยเอาไปกินให้” คุณเคยเห็นคนเหวอไหมครับ ถ้าไม่เคยเห็นผมจะบรรยายให้ฟัง ตอนนี้หน้าไอ้ส้มตลกมากครับ มันอ้าปากค้างทั้งๆที่ช็อคโกแลตคาอยู่ในปาก หน้าซีด ตาเบิกโพรง พร้อมกับชี้หน้ามาทางผม

“มึงเอาไรให้กูแดกเนี้ยไอ้เจ็ท เชี่ยยยยยย กูขอไปล้างปากแปป กลับมาเจอกูแน่” 555555555555 สมน้ำหน้าครับ ขโมยคนอื่นแดกก็แบบนี้แหละ ถามว่าทำไมไอ้ส้มมันถึงกลัวการกินขนมแฟนคลับของสองแฝดน่ะหรอครับ จริงๆ แล้วมันก็ไม่ได้แอนตี้อะไรกลุ่มแฟนคลับของสองแฝดหรอกครับ มันแค่คอยดูว่าใครควรคบไม่ควรคบ เหมือนแสกนก่อนที่จะให้เข้าหาสองแฝดมากกว่า แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งครับ มีคนฝากขนมผมมาให้แบบนี้เป๊ะเลย ตามปกติผมจะเป็นคนกินให้ถูกไหมครับ แต่พอดีวันนั้นผมเกิดปวดท้องครับ เลยกินอะไรไม่ค่อยลง เลยกะว่าจะเอาขนมไปให้หมากินแทนครับ กลัวมันเสียของ แล้วบังเอิญว่าวันนั้นไอ้คุณส้มครับ มันดันไม่ได้กินข้าวเช้ามา ด้วยความหวังดีว่าจะให้หมา ผมเลยบอกมันไปว่าขนมแฟนคลับสองแฝดแดกไหม ไม่แดกจะให้หมาแดกแทน มันก็คว้าหมับไปแล้วเอาใส่ปากทันทีครับ ผมเลยสัญญากับหมาว่าเดี๋ยวไปซื้อให้ใหม่ครับ สงสารมัน อย่ามองแบบนั้นครับ ความจริงผมเป็นคนดีนะเอ๊อออออ แล้ววันนั้นก็ผ่านไปได้ด้วยดี ซะที่ไหนละครับ 5555555 ตกเย็นไอ้ส้มโทรมาบอกอยู่โรงพยาบาล ผมนี่รีบแว๊นมอไซด์ไปหาทันทีครับ มันท้องเสียครับ หมอบอกว่าอาหารเป็นพิษ ถามพี่เก่งแฟนมันก็ถามว่ามันกินอะไรเข้าไปบ้าง พี่เก่งบอกไม่รู้เหมือนกัน พี่เขาก็งงอยู่เหมือนกัน เพราะทั้งวันพี่เขาเพิ่งเจอส้มตอนส้มโทรบอกว่าท้องเสียหนักมาก พอเข้าไปถามไอ้ส้มหลังจากมันตื่นก็พบว่า นอกจากไอ้ขนมแฟนคลับอันนั้น มันก็ไม่ได้กินอะไรเลยทั้งวันครับ หลังจากนั้นมันเลยเข็ดขยาดกับขนมแฟนคลับทุกชนิดครับ

“ย๊าว่าย๊าไปดูส้มหน่อยดีกว่า ไม่รู้ป่านนี้ล้วงคอตัวเองไปรึยัง” ยะย๊าคนดีคนเดิมครับ ฝากไอ้คุณเพื่อนด้วยนะครับย๊า อิอิ

“หยุดขำเลยมึง ได้ทีเอาใหญ่เลยนะ กลับมาไอ้ส้มเอามึงตายแน่”

“ก็ช่วยไม่ได้ อยากแดกไม่ถามก่อนเอง 55555555555555”

“เออ แล้วเมื่อคืนปิดเครื่องทำไมวะ กูว่าจะโทรไปชวนตี ROV ย๊าก็ตีไม่เป็น ไอ้ส้มก็บอกอยู่กับพี่เก่ง กูนี่หมาหงอยเลย โทรหามึงปิดเครื่องอีก”

“อ๋อ ใครไม่รู้โทรหากู บอกให้คนชื่อไม้หรืออะไรนี่แหละไปรับ ละเสือกไม่ฟังอะไรกูเลย พูดจบก็วาง พอกูไม่สนใจ ก็โทรมาอยู่นั่นแหละ กูเลยตัดสินใจปิดเครื่องหนีแม่ง ง่วงก็ง่วง ทำงานร้านพี่โจ้กูก็เหนื่อยจะตายห่าละ เสือกโทรมากวนกูอีก” พูดถึงแล้วก็ขึ้นครับ พวกคุณรู้ไหมหลังจากที่ผมตื่นเช้ามารับอรุณอันแสนสดใสแล้วนั้น ผมก็ได้รับข้อความเสียงจากเบอร์เดิมเลยครับ โทรมาด่าผมสารพัด ยกตัวอย่างเช่น

‘ทำเหี้ยไรนานนักว่ะสัสไม้ กูรอนานแล้วนะโว้ยยย’

‘อยู่ไหนแล้ว หอมึงกับที่นี่แม่งไม่ได้ไกลกันเลยนะโว้ยย’

‘เชี่ยเอ๊ยยย พรุ่งนี้มึงเจอกูแน่’

อันนี้เบาๆ ครับ บางอย่างก็ออกสื่อไม่ได้ จนตอนนี้ผมยังไม่รู้เลยครับว่ามันเป็นใคร ด่าผมพ่วงด้วยบุพการี เลยเอาผมขึ้นเลยครับ ผมก็เลยส่งข้อความตอกกลับไปเบาๆ ว่า ‘เหี้ย’ แค่นี้ก็สบายไอ้เจ็ทแล้วครับ อิอิ

……………………………………………………………………..

“ไอ้ไม้ ทำไมเมื่อคืนไม่มารับกูวะ ละส่งข้อความมาด่ากูตอนเช้าอีกนะมึง”

“มึงโทรหากูด้วยหรอวะ”


TBC.

..........................................................................
ฝากติดตาม และติชมด้วยนะค้าาา
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม!
เริ่มหัวข้อโดย: ท้องฟ้าที่ว่างเปล่า ที่ 27-07-2017 18:53:23
อย่าลืมโพสกฏของเล้าเป็ดด้วยนะค้าบ

ว่าเเต่ ชอบคนอย่างเจ็ทเเหะ กสต มากอ่ะ
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม!
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 27-07-2017 21:10:11
โทรผิดเบอร์ แต่ได้คู่ อิอิ

ลืมแปะกฎจ้า
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม!
เริ่มหัวข้อโดย: arjanlai ที่ 27-07-2017 22:55:41
 :hao6: อยากโทรผิดแล้วได้คู่มั้ง เอิ๊กๆๆ
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH2
เริ่มหัวข้อโดย: oommmy ที่ 01-08-2017 15:09:11
CH 2

“เจ็ท คืนนี้พี่เก่งชวนไปแดกหมูกระทะ วันเกิดเพื่อนพี่เก่ง ย๊ากับหยิมก็ไปนะ”

“ฟรีไหม ถ้าฟรีกูไป 55555555555”

“เออออออออฟรี เห็นแก่กินตลอดนะมึง ร้านเดิมนะ ทุ่มนึง บายยย” ลาภปากไอ้เจ็ทมาอีกแล้วครับคุณผู้อ่านทุกท่าน ในเมื่อข้าวเย็นฟรีขนาดนี้ ต้องเตรียมท้องรอแล้วล่ะ กลางวันนี้ก็ขอกินเบาๆ เอาแบบไม่สะเทือนกระเพาะอาหารละกันนะ

ตอนนี้ผมอยู่ที่ใต้หอครับ ไม่ใช่ว่าวันนี้ไม่มีเรียนนะ แต่บังเอิ๊ญเมื่อคืนผมทำงานร้านพี่โจ้ดึกไปหน่อย รู้สึกตัวตื่นอีกทีก็ปาไปเที่ยงกว่าแล้วครับ บวกกับขี้เกียจไปฟังอาจารย์ป้าบ่น เพราะรู้ว่ายังไงก็ไปสายแน่ๆ เลยขอพักผ่อนย่อนกายาอยู่หอดีกว่า สบายกว่าเย๊อะ

ถามว่าพี่โจ้คือใครหรอครับ พี่โจ้คือเจ้าของร้านกาแฟข้างมอครับ ผมทำงานพิเศษเป็นบาลิสต้าร์อยู่ที่นั่น ร้านนี้พี่เขาจะเปิด 24 ชั่วโมงครับ เพราะเห็นใจเด็กมหาลัยนี้ที่ไม่ค่อยจะมีสถานที่เที่ยวนัก ถ้าจะไปไหนก็ต้องขับรถเข้าเมืองกันประมาณครึ่งชั่วโมงได้ เด็กบางคนก็ขี้เกียจครับ แค่คิดว่าต้องออกไปข้างนอกก็เหนื่อยแล้วครับ ยกตัวอย่างเช่นผมเป็นต้น มาช่วงแรกผมก็กระตือรือร้นที่จะออกไปหรอกนะครับ แต่หลังๆ เริ่มคิดว่า การนอนอยู่หอมันสบายกว่าเยอะ บวกกับปีหนึ่งหลังรับน้องเวลาว่างก็มากมายเหลือเกิน วิชาเรียนที่ลงก็มีแต่วิชาเช็คชื่อแล้วออกได้ ผมเลยหาอะไรทำ เป็นค่าขนมเล็กๆ น้อยๆ แต่แม่ไม่รู้หรอกนะครับ ถ้าแม่รู้ผมก็โดนตัดค่าขนมน่ะสิ เอิ๊กส์ๆ

กลับเข้ามาปัจจุบันดีกว่า ตอนนี้ผมกำลังหาอะไรกินอยู่ร้านข้าวแถวหอครับ กองทัพต้องเดินด้วยท้องสิ ถึงแม้กินเสร็จแล้วจะกลับไปนอนต่อก็เถอะนะ อิอิ

ว่าแต่วันนี้จะกินอะไรดีครับ ทุกอย่างดูน่ากินไปหมดเลย โธ่ เลือกกินได้อย่างเดียวเสียด้วยสิ เราต้องเก็บท้องไว้กินเต็มที่ต้องเย็นครับ ก๋วยเตี๋ยวไข่ต้มยำร้านนี้ก็น่ากิน หรือจะเป็นสเต็กดี แต่ผมว่ากระเพราะหมูสับไข่ดาวเพิ่มข้าวก็น่าสนใจดีนะ เลือกยากมากเลยครับ คุณผู้อ่านมีวิธีคิดว่าวันนี้ควรกินอะไรบ้างไหมครับ ถ้ามีอินบล๊อคมาเลยครับ ไม่ว่าจะช่องทางไหนผมตอบหมดนะครับ อิอิ

“ไม้ กูเอาเหมือนเดิมนะ ส่วนมึงก็กินน้ำเหมือนเดิมใช่ไหม เดี๋ยวเจอกันที่โต๊ะนะ” คุณคิดเหมือนผมไหมครับว่าชื่อไม้มันคุ้นๆ มันคุ้นมากครับ แต่ผมนึกไม่ออกว่าเคยได้ยินที่ไหน ช่างเถอะครับ บางทีอาจจะเป็นคนเคยรู้จักเมื่อชาติที่แล้วก็เป็นได้

“ป้า เอาสุกี้น้ำไก่ไม่ใส่ผัก ขอไข่เยอะๆ ใส่น้ำจิ้มเด็ก กับกระเพราะไก่เผ็ดๆไข่ดาว โต๊ะเดิมนะป้า” นี่คือเสียงคนชื่อไม้ครับ แต่สั่งอะไรที่ไม่เข้ากันเลยครับ อย่างแรกกินได้เด็กประถมมมาก ส่วนอีกอย่างนี่นึกว่าอาจารย์มหาวิทยาลัยกินเถอะ

แต่เดี๋ยวก่อนนะครับ ผมว่าผมมายืนตรงนี้ก่อนนะ ทำไมเขาถึงสั่งข้าวก่อนผมล่ะครับ ผมมาก่อนก็ควรได้สั่งก่อนสิ ถูกไหม นี่พวกคุณจะบอกว่าเพราะผมคิดนานหรอครับ ไม่ใช่แล้วครับ ทุกอย่างต้องตามคิวสิ ผมมาก่อนต้องได้ก่อน ผมไม่ยอมหรอกนะครับ

“ป้า ผมมาก่อนนะ ผมยังไม่ได้สั่งเลย ป้าต้องทำให้ผมก่อน”

“อ้าวพ่อหนุ่ม ป้าเห็นยืนอยู่ตั้งนาน ไม่เห็นสั่งซักที นี่ป้าต้มน้ำทำสุกี้แล้วเนี้ย เอาสุกี้เลยไหม ป้าจะได้ทำให้ก่อน”

“แต่ผมไม่อยากกินสุกกี้น้ำ ผมอยากกินสุกกี้แห้งใส่ผักเยอะๆ ไม่เอาน้ำจิ้มเด็ก จะเอาน้ำจิ้มผู้ใหญ่ ไม่ใส่ไข่ด้วย” หึ คนอย่างไอ้เจ็ทมันก็ต้องเรื่องมากเป็นธรรมดาอยู่แล้วววว

“งั้นต้องรอก่อนนะ แก็สป้าหมด นี่ทำได้ทีละอย่าง เดี๋ยวป้าทำสุกี้น้ำเสร็จแล้ว จะทำของพ่อหนุ่มให้”

“ได้ไงอ่ะป้า ผมมาก่อนนะ ผมต้องได้กินก่อนสิ”

“เรื่องมากจังวะ”

ขวับ! ใครครับ ใครบังอาจมาด่าผมลับหลัง พอผมหันกลับไปก็ไม่เห็นจะมีใครในร้าน นอกจากไอ้ไม้คนเดิมที่นั่งอยู่กับเพื่อนมันที่นั่งหันหลังให้ผมอยู่

“ใครเรื่องมาก แน่จริงก็ด่ามาตรงๆ อย่ามาด่าลอยๆ” คนอย่างไอ้เจ็ทครับ ฆ่าได้หยามไม่ได้ ถึงจะผอม แต่ปากผมจะจัดละวะ หึหึ

“กูด่าหมาแถวนี้ เรื่องมาก รอไม่เป็น” ชัดเลยครับ มันคือเสียงเพื่อนไอ้ไม้นั่นเอง

“ก็กูมาก่อน กูต้องได้ก่อน มึงมาทีหลัง มึงก็ต้องได้ทีหลัง หรือมึงไม่รู้จักคำว่าคิว อ๋อ หรือปกติเป็นพวกชอบแซงคิวอยู่แล้ว แม่งพวกมนุษย์ลุงดีดีนี่เอง” ประโยคหลังผมพูดกับตัวเองครับ เบื่อนักเชียงพวกมนุษย์ป้ามนุษย์ลุง เอะอะแซงคิวตลอด เปิดช่องทางให้หน่อยเป็นไม่ได้เลย ต้องหาทางให้ตัวเองได้ก่อนทุกครั้ง คนพวกนี้นี่โดนผมด่ามานักต่อนักแล้วครับ

ครืดดด!

เพื่อนไอ้ไม้ลุกแล้วครับ เชี่ยละ ลืมประเมินคู่ต่อสู้ก่อน ใครจะได้รู้ล่ะว่ามันจะตัวใหญ่ยักษ์ขนาดนี้ ผมว่าด้วยส่วนสูง 176 ซม. ของผมนั้นสูงแล้วนะ ยักษ์ตัวนี้แม่งสูงกว่าผมไปอี๊ก ประเมินว่า 190 ซม. ต้นเลยๆ ล่ะครับ แค่นั้นยังไม่พอ แม่งเทพบุตรลงมาเกิดชัดๆ หล่อวัวตายควายล้มอะไรขนาดนั้น หล่อเทียบเท่าพี่เก่งแฟนไอ้ส้มเลยครับ มองเลยมาที่กล้ามแขน โอ้โห นี่ขนาดแขนกล้ามแขนที่มองผ่านทะลุเสื้อยังน่าสัมผัสขนาดนี้ แล้วข้างในเสื้อจะน่าจับขนาดไหน โอ๊ยยย ไม่อยากจะคิด

ใครหาว่าผมหื่น ผมก็หื่นจริงๆ นั่นแหละ 55555555555 แต่ผมนี่แมนเต็มร้อยนะครับผู้ชมมมมม

“ใครเป็นมนุษย์ลุง” มันเดินมาแล้วครับ โอ้โห พ่อคุณเอ๊ยยย ยิ่งเดินเข้ามาใกล้ยิ่งหล่อ นี่ผมควรถ่ายเซลฟี่ด้วยดีไหมครับ เผื่อวันไหนมันเป็นดาราขึ้นมา จะได้เอาไปอวดคนอื่นว่าผมรู้จักมัน แล้วถ้าเขาถามว่ารู้จักกันได้ไง จะได้เอาไปอวดว่า เคยต่อยหน้ามันมาก่อน 555555555555 แม่งใช่เรื่องน่าภูมิใจมั้ยวะนั่น

“ก็มึงไง ไอ้ลุงยักษ์” ครับ ถึงแม้ว่าภายในผมจะชื่นชมมันแค่ไหนก็ตามนั่น แต่ปากผมก็ยังเป็นปากผมครับ ไว้กว่าสมองเสมอ คนด่ามาต้องรีบด่ากลับ ไม่งั้นเดี๋ยวมันโดนผมหักค่าขนาดครับ 5555555555

“ใครเป็นลุงยักษ์ ห้ะ ไอ้เตี้ยแห้ง” โอ้โห ด่าว่าผมเตี้ยไม่พอ ยังด่าว่าแห้งอี๊กกก ถึงแม้มันจะเป็นความจริง แต่ผมยอมไม่ได้ครับ ผมด่าของผมได้คนเดียว คนอื่นจะด่าไม่ได้ ผมไม่ยอมมม

“ใครเตี้ยแห้ง กูนี่สูง 176 นะโว้ยยยยย แล้วถึงกูจะแห้งแล้วหนักกล้ามส่วนไหนของมึงมิทราบวะ”

“หึ นั่นเรียกว่าสูงแล้วหรอวะ คนอย่างมึงรู้จักคำว่าออกกำลังกายไหม เตี้ยก็เตี้ย แห้งก็แห้ง ถามจริง ที่บ้านไม่มีนมให้แดกหรอวะ ถึงตัวแค่ไหน กูแนะนำคลอสต่อกระดูกให้เอาไหม เผื่อมึงจะสูงขึ้นมาอีกนิดนึง” โอ้โห แทงใจดำไปอี๊ก บ้านกูมีนมแดกเว้ย แต่กูหยุดสูงอยู่แค่นี้ ตอนมอต้นกูนี่อยู่ท้ายแถวเลยนะเว้ย แต่เปลี่ยนมาหน้าแถวตอนมอปลายเอง ชิ

“มาว่ากูเตี้ย แล้วคนอย่างมีอะไรดี หึ เล่นกล้ามขนาดนี้ จะเอาซิกแพคไว้อ่อยผู้ชายมากกว่ามั้ง เห็นเดี๋ยวนี้พวกเข้าฟิตเนสฟิตหุ่นก็กินกันเองทุกคน เสียดาย หน้าตาดีซะเปล่า เพราะมีคนแบบมึงไง พวกผู้หญิงถึงไม่มองกู ชิ!” เดี๋ยวนะครับ นี่ผมด่ามันหรือด่าตัวเองวะ

“หึ ที่แท้ก็พวกสาวไม่เอา นอกจากเตี้ยแล้วยังเห่ย”

ผั๊วะ!

ครับ นอกจากปากผมจะไวกว่าสมองแล้วนั่น ทรีนผมก็ไวกว่าด้วยครับ รู้ตัวอีกทีก็ถีบมันที่กางเป้าแล้วครับ

“เชี่ยเตี้ยยยยย!!!!”

“หึ ด่ากูว่าเตี้ยกูไม่โกธร แต่คำว่าเห่ย มันคำต้องห้ามโว้ยยยยยย” บายครับ ชาตินี้ชาติหน้าขออย่าได้เจอไอ้ลุงยักษ์นี่อีกเลย

“เดี๋ยวพ่อหนุ่ม สุกี้ไม่กินแล้วหรอ ป้าทำเสร็จแล้วนะ”

“ขอบคุณครับป้า ผมขอทั้งจานนะ เดี๋ยวตอนเย็นเอาจานมาคืน อ่อ เก็บเงินที่ไอ้ยักษ์นั่นแหละ โทษฐานที่ทำผมโมโห” หึ บอกแล้วครับผมคนปากไว ไวทั้งเรื่องด่าเรื่องกิน เห็นของกินต้องรีบคว้าไว้ก่อน

“เดี๋ยวไอ้เตี้ย อย่าให้กูเจอมึงคราวหน้าจะโว้ยย กูเล่นมึงแน่!!!” บายครับ ชาตินี้ทั้งชาติมึงคงไม่ได้เจอกูอีกแน่

...
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ สนุกไม่สนุกยังไงากติชมด้วยน้าา
แล้วก็ขอบคุณที่เตือนเรื่องใส่กฎด้วยนะคะ พอดีว่าเพิ่งลองลงครั้งแรก
หากมีอะไรที่ควรปฏิบัติอีก แจ้งได้เลยน้าา

ตอนหน้ารับรองได้เปิดศึกระว่างทั้งสองคนแน่นอน :mew4:
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH3
เริ่มหัวข้อโดย: oommmy ที่ 02-08-2017 12:24:18
บทที่ 3

“กูอยู่หน้าร้านแล้ว โต๊ะเดิมป่ะวะมึง” ตอนนี้ผมอยู่หน้าร้านหมูกระทะที่นัดกับไอ้ส้มแล้วครับ ไอ้ส้มก็โทรเร่งยิกๆ บอกว่าทุกคนมาหมดแล้ว เหลือผมคนเดียว โธ่ ก็มางานวันเกิดทั้งที ผมก็เสียเวลาไปตามหาของขวัญวันเกิดให้พี่เก่งอยู่น่ะสิ ถึงผมจะมาเพื่อกินฟรี แต่ผมก็มีจิตสำนึกว่าควรจะหาของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ให้พี่เก่งบ้าง แม้ของขวัญวันเกิดผมมันจะกิ๊กก๊อกไปหน่อยก็เถอะนะ

“ให้ไวเลยมึง เพื่อนพี่เก่งแม่งจะเต๊าะย๊าอยู่เนี้ย  ไอ้หยิมแม่งอกจะแตกตายอยู่แล้ว กูก็เกรงใจพี่เก่ง ไม่กล้าทำไรมาก มึงมาเป็นไม้กันหมาแทนกูที” ครับ นั่นแหละเหตุผลที่มันโทรจิกผม

“เออออออออ กำลังเดินเข้าไป” เกือบลืมของขวัญแหน่ะ ความจริงแล้วพวกผมกับเพื่อนกลุ่มพี่เก่งก็สนิทกันในระดับหนึ่ง แต่เห็นว่าวันนี้มีพี่น้องสายรหัสของพี่เก่งมาด้วย ไอ้ส้มกับเลยเกรงใจ ไม่กล้าเล่นอะไรมาก มันคงคิดว่าคนเฟรนลี่แบบผม น่าจะช่วยเรื่องแบบนี้ได้มากกว่า

แค่ผมก้าวขาเข้าร้าน ก็เห็นไอ้ส้มโบกมือยิกๆ เรียกให้เดินเข้าไปหาที่โต๊ะทันที ผมค่อยๆ เดินเข้าไปหามัน พร้อมๆกับใช้สายตาประเมินสถานการณ์บนโต๊ะไปด้วย ตอนนี้บนโต๊ะมีคนนั่งอยู่ 10 คน เริ่มจากหัวโต๊ะก็มี พี่แบงค์ พี่เกมส์ พี่เติ้ล พี่มุก พี่เค้ก พี่เก่ง ไอ้ส้ม ย๊า หยิม แล้วก็ผู้ชายอีกคนที่ผมไม่รู้จักนั่งอยู่ ผมเดินไปนั่งเก้าอี้ว่างๆข้างหยิม พร้อมกับยกมือสวัสดีพี่ๆ ทุกคนบนโต๊ะ

“ช้าจังวะมึง กูรอจนกูจะแดกหัวคนตรงข้ามได้อยู่แล้วเนี้ย แม่งส่งสายตาให้ย๊าอยู่ได้ กูรำคาญ” คนตรงข้ามที่ว่าก็คือผู้ชายที่ผมไม่รู้จักนี่แหละครับ

“เอาน่า มาช้าดีกว่าไม่มานะเว้ย แดกเถอะ เบคอนอันนั้นของใครวะ กูขอนะ อิอิ” ครับ แม้จะรู้ว่าตอนนี้ไอ้หยิมและไอ้ส้มมันร้อนใจแค่ไหนที่ย๊าโดนจีบ แต่สำหรับผม เรื่องกินต้องมาก่อน กินไว้ก่อนพ่อสอนไว้

“เจ็ทใช่มั้ย เบคอนอันนั้นของกูนะ” ไอ้ผู้ชายตรงข้ามหยิมทักผมครับ แต่เสียใจไอ้น้อง กูขอกินก่อนนะ

“แหมม ของกินแบ่งกันได้เนอะ อย่าถือโทษโกธรเคืองกูเลย ว่าแต่มึงเป็นใครวะ งั่มงั่ม” ถึงแม้ผมจะคุยกับมัน  แต่เบคอนทุกชิ้นบนกระทะก็กำลังถูกผมจัดการอย่างรวดเร็วครับ

“ใจเย็นเจ็ท เบคอนมันไม่หายไปไหนหรอก ไม่ต้องรีบกินขนาดนั้น 555555555” เสียงพี่เก่งแทรกมาครับ ผมยิ้มแหยๆ ส่งกลับไปแล้วหันไปหยิบหมูสามชั้นต่อ โหหหห หมูที่นี่มันดีจริงๆ มันเยิ้มเลยครับ พอย่างบนกระทะจนกรอบเอาแล้วเอาใส่ปากนี่ฟินสุดๆ น้ำจิ้มที่นี่ก็อร่อยครับ มันจะหวานปนเปรี้ยวๆ แถมมีพริกกระเทียมให้เติมสำหรับคนที่ชอบ แต่ผมว่ารสชาติของน้ำจิ้มที่ร้านเขาทำเองมันอร่อยลงตัวอยู่แล้ว  พริกกระเทียมไม่จำเป็นเลยครับ

“ของเขาอร่อยจริงๆ พี่เก่ง นี่เจ็ทอยากให้พี่เก่งเกิดบ่อยๆ เลยเนี้ย ได้กินฟรี แถมร้านอร่อย ไอ้เจ็ทชอบบบ 55555  งั่มงั่ม” กุ้งก็ตัวโตมากครับ พอแกะออกมาจิ้มน้ำจิ้มซีฟู้ดนี่อร่อยที่หนึ่งเลยครับ งั่มงั่ม

“5555555 วันเกิดพี่ก็แค่ปีละครั้งแหละ ไว้รอวันเกิดส้มเดี๋ยวพี่พามาเลี้ยงใหม่นะ”

“โหหหหห จริงหรอครับ งั้นวันเกิดเจ็ท วันเกิดย๊ากับหยิม อย่าลืมพามาเลี้ยงด้วยนะคร้าบบบบบบบบบบ” ลาภปากไอ้เจ็ทโว้ยยย

“ให้มันน้อยๆ หน่อยมึง มึงเป็นญาติฝ่ายไหนของแฟนกูมิทราบ เขาถึงจะเลี้ยงมึงนะ” ไอ้ส้มนี่มันขัดลาภจริงๆ ครับ

“แฟนเพื่อนคือแฟนเรา มึงไม่เคยได้ยินหรอไอ้ส้ม งั่มงั่ม” หื้อออออ หมึกที่นี่สดจริงๆ ครับบบ

“555555555 เอาน่าส้ม ไว้รอให้ถึงวันนั้น เราก็ค่อยไปถล่มร้านกาแฟเจ็ทก็ได้” ครับพี่เก่งครับ นอกจากจะไม่เลี้ยงผมแล้ว ยังเพิ่มงานให้ผมอีกครับ แต่ไม่เป็นไร ถือว่าวันนี้วันเกิด ไอ้เจ็ทให้อภัยได้ อิอิ

“เอ๊อเจ็ท พี่ยังไม่ได้แนะนำเลย คนที่นั่งตรงข้ามหยิมนั่นน้องรหัสพี่เอง ชื่อคอปเตอร์ เตอร์นั่นเพื่อนส้ม ชื่อเจ็ท รู้จักกันไว้นะ” อ่อ ไอ้นี่ชื่อคอปเตอร์นี่เอง ชื่อยังกะเครื่องบิน โธ่ สู้ชื่อเจ็ทของผมไม่ได้หรอก ห๊ะ อะไรนะครับ อ่อ ของผมก็เครื่องบินเหมือนกันหรอ ลืมๆ

“รู้จักแล้วล่ะพี่ ก็มันเล่นแดกทุกอย่างที่ผมย่างไว้จนหมดขนาดนั้น ไม่รู้จักก็ไม่รู้จะว่าไงละ” มันพูดพร้อมๆ กับเอาเบคอนลงไปย่างใหม่

“เอาน่า มึงกินผักไปแล้วกันนะ กินมันๆ มากเดี๋ยวคอเลสเตอร์รอลเพิ่ม นี่กูหวังดีกับมึงนะเว้ยยย เห็นกูแบบนี้ กูหวังดีกับเพื่อนเสมอ งั่มงั่ม” เมื่อไหร่เบคอนที่ไอ้เตอร์ย่างเมื่อกี้จะสุกวะ นี่ผมต้องจิ้มลูกชิ้นมากินแทนแล้วเนี้ย

“ครับคุณครับ เชิญกินเลยครับ” สุดท้ายทุกคนก็ต้องยอมผม 55555555555

“เอ๊อพี่เก่ง เจ็ทเกือบลืมแน่ะ สุขสันต์วันเกิดนะพี่ ขอให้รักกับไอ้ส้มไปนานๆ แต่ถ้าเจอสาวสวยกว่าจะนอกใจเป็นครั้งคราวไอ้ส้มก็ไม่ว่าอะไรหรอก เชื่อผม 555555555555”

ป๊าบบบบบ

“เสี้ยมจังนะมึง พี่เก่งอย่าไปฟังไอ้เจ็ทมันมาก มันเมาเบคอนละ”

“5555555555 เจ็ทนี่ตลกๆ จริง อย่างพี่ไม่มีหรอกสาวที่ไหน นี่พี่ก็หวั่นอยู่เนี้ย ช่วงนี้มีสาวมาจีบส้มได้ทุกวัน พี่นี่กลัวใจส้มมันจะเบนไปสนใจสาวๆ เหล่านั้นมากกว่า” อย่างที่ผมว่าไหมล่ะ ไอ้ส้มมันฮอตในหมู่สาวๆ

“จะบ้าหรอพี่เก่ง ส้มชอบผู้ชายเหอะ กับสาวๆมันก็แค่ชั่วคราวเท่านั้น 5555555555555” พี่เก่งหน้าเหวอเลยครับ สองคนนี้มันอบเล่นอะไรกันแบบนี้ครับ เรื่องปมที่ไอ้ส้มมีสาวมาจีบเยอะแยะถือว่าเป็นเรื่องสนุกของคู่นี้ครับ เคยมีอยู่ครั้งหนึ่งไอ้ส้มมันเก่งแกล้งพี่เก่งว่ามันชอบย๊าครับ พี่เก่งนี่ช็อกไปเลยครับ ร้องไห้น้ำตาตก ปลอบกันอยู่ตั้งนาน สรุปไอ้ส้มล้อเล่นครับ หลังจากนั้นไอ้ส้มก็เอาเรื่องนี้มาล้อพี่เก่งอยู่ตลอด จนพี่เก่งชิน และเลิกสนใจสาวๆที่เข้ามาจีบไอ้ส้มแล้วครับ บางครั้งยังช่วยสาวๆจีบไอ้ส้มมันด้วยครับ 555555555555

“เดี๋ยวเถอะเรา อย่าให้พี่รู้นะว่าเป็นความจริง” ถึงจะไว้ใจไอ้ส้มมากแค่ไหน ก็ต้องมีหวั่นกันบ้างละน่า 5555555555

“เอ๊อพี่เก่ง เจ็ทมีของขวัญด้วยนะ แต่สงสัยลืมไว้ที่รถ เดี๋ยวเจ็ทไปหยิบแปป เตอร์ ย่างเบคอนไว้ให้กูด้วยนะ เดี๋ยวกูมาแดก” บอกแล้วเรื่องกินเรื่องใหญ่

“เออสัส นี่กูเป็นเบ๊มึงแล้วหรอวะ รีบไปไม่ต้องรีบมา รอกูแดกหมดกระทะก่อนค่อยมา” นี่แหละครับผู้ชาย คุยกัน 2 ประโยค ก็สนิทกันได้ ขึ้นกูมึงกันได้แล้ว

“เอออออออ เดี๋ยวมานะพี่ เดี๋ยวมานะมึง”

ผมนี่สะเพร่าจริงๆ ครับ ดันลืมหยิบของขวัญที่ตั้งใจซื้อมาให้พี่เก่งไว้ที่รถ อุตส่าห์แว๊นมอไซด์ไปซื้อที่เซเว่นหน้าปากซอยหอ ดันเอาใส่ใต้เบาะ แล้วลืมหยิบออกมา ต้องโทษไอ้ส้มที่โทรเร่งผม ทำให้ผมลืมของขวัญไปเลย

ถามว่าผมซื้ออะไรมาน่ะหรอครับ ผมรู้ว่าพี่เก่งนั้นชอบร้องเพลงเป็นชีวิตจิตใจ เห็นไอ้ส้มบอกว่าตอนมัธยมพี่เก่งมีวงดนตรีของตัวเองครับ ตอนจีบกันใหม่ๆ พี่เก่งเคยร้องเพลงจีบไอ้ส้มกลางเวทีงานประกวดกันเลยทีเดียว เล่นเอาไอ้ส้มเขินไม่กล้าเจอหน้าพี่เก่งไปสองสามวัน แต่หลังจากวันนั้นพวกมันก็เป็นแฟนกันครับ ผมเลยตัดสินใจซื้อไมค์ของเล่นเป็นของขวัญวันเกิดพี่เก่ง คุณได้ยินไม่ผิดหรอกครับ นี่แหละของขวัญที่คู้ควรกับนักร้องอย่างพี่เก่ง

ว่าแต่ผมจอดรถไว้ตรงไหนนี่แหละครับ ผมจำได้ว่าผมจอดรถไว้หน้าร้านนี่นา แล้วไหงตอนนี้หน้าร้านมี BM มาจอดแทน ละมอไซด์กิ๊กก๊อกของผมถูกเข็นไปอยู่ตรงไหนล่ะ นี่ผมลืมล็อคคออีกแล้วหรอเขาถึงเข็นไปง่ายขนาดนั้น โธ่ไอ้เจไดลูกพ่อ อย่าเป็นอะไรไปนะลูก

ว่าแต่ไอ้ BM คันนี้ถือสิทธิ์อะไรมาจอดแทนที่ฟีโน่คู่ใจของผม ผมอุตส่าห์จอดใกล้ๆ หน้าร้านจะได้ออกมาหามันง่ายๆ ที่ตั้งกว้างขวางทำไมไม่ไปจอดกันนะ ชิ นี่ถ้าผมแอบขูดรถมันมันจะรู้ไหมว่าผมทำ คงไม่รู้หรอกเนอะ คนในร้านเยอะแยะ มันไม่รู้แน่ว่าใครทำ หึหึ

“ทำไรกับรถกูวะ” เหวออออ เจ้าของรถมันมาแล้วครับ นี่ผมยังไม่ทันทำไรเลยนะ ถึงผมจะคิด แต่ผมไม่ทำอะไรเสี่ยงคุกแบบนั้นหรอกนะคร้าบบบบบบบ แค่จะเข้ามาดูรถใกล้ๆ เองงง

“มึงคิดจะทำอะไรรถกู หันมา กูบอกให้หันมาไง” คุณคิดสภาพผมตอนนี้นะครับ ผมที่กำลังด้อมๆ มองๆ รถมันอยู่ใกล้ มือก็กำลังกำกุญแจมอไซด์ ส่วนมึงอีกข้างกำลังเอื้อมไปจับ BM ของมัน ส่วนไอ้เจ้าของรถยืนอยู่ข้างหลังผมในระยะเกือบประชิด เสียงมันนี่ดังจนคนในร้านได้ยิน หันมามองเกือบทั้งร้าน งานเข้าแล้วไหมล่ะไอ้เจ็ท

“เออ ผมเปล่านะครับ ผมแค่อยากดูรถพี่ใกล้ๆ เฉยๆ เอง เห็นว่ามันสวยดีเท่านั้น” คิดสิไอ้เจ็ทคิด ทำไงถึงจะรอด

“ดูเชี่ยไร กูเห็นมึงกำลังจะขูดรถกูเนี้ย มึงเป็นใคร หันมาให้กูดูหน้าเดี๋ยวนี้” หันไปก็โง่สิวะ โอ้ยยยย เอาไงดีวะไอ้เจ็ท

“เกิดไรขึ้นพี่ที เจ็ท” โอ้ยยย เหมือนสวรรค์มาโปรด นี่มันเสียงพี่เก่งนี่นา เดี๋ยวนะ เมื่อกี้พี่เก่งเรียกเจ้าของรถว่าพี่ที แสดงว่ารู้จักกันแน่นอน รอดแล้วโว้ยไอ้เจ็ท คนรู้จักกัน มันย่อมเคลียกันง่ายอยู่แล้ว

“ก็ไอ้เด็กนี่มันจะขูดรถกู พอกูให้หันมาก็เสือกไม่หัน มึงรู้จักมันด้วยหรอ บอกให้มันหันมาสารภาพผิดกับกูทีดิ๊” ไอ้คนที่พี่เก่งเรียกว่าพี่ทีหันไปคุยกับพี่เก่งครับ นี่ขนาดขึ้นกูมึงกับพี่เก่งได้นี่ไม่ธรรมดาเลยครับ แสดง่าต้องสนิทกันมากแน่ๆ งี้สบายไอ้เจ็ทละ ยิ่งสนิทยิ่งคุยง่าย เมื่อคิดได้งั้น ผมก็หันไปมองหน้าพี่ทีได้อย่างสบายใจแล้วล่ะครับ

“เจ็ทขอโทษพี่ที เจ็ทแค่อยากดูรถพี่ใกล้ๆ เฉยๆ เชี่ยยยยยยยยยยย ไอ้ลุงยักษ์!!!”

“ไอ้เห่ยเตี้ย!!!!!”

ปิ๊ก!!

อุ้ย ขาผมไวอีกแล้วครับ ก็บอกแล้วไง อย่าเรียกว่าเห่ย นั่นคำต้องห้าม สมน้ำหน้ามึง ไปสู่ที่ชอบที่ชอบเถอะ!


...........................................................................................
มาต่อตอน 3 แล้วววววววว เปิดตัวชื่อพระเอกของเราซะที หลังจากโผล่มาแว่บๆ บ้าง
มาติดตามกันต่อว่าหลังจากนี้ เจ็ทจะโดนคูณลุงยักษ์ทำโทษยังไง อิอิ
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม!
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 02-08-2017 12:51:24
555555
ต้องเรียกว่า เจ็ทตีนไว ใช่มั้ยแบบนี้

 :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม!
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 02-08-2017 23:02:58
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH4
เริ่มหัวข้อโดย: oommmy ที่ 07-08-2017 12:19:20
CH 4

กลับสู่ชีวิตอันสุขสบายของไอ้เจ็ทอีกครั้ง ถามว่าทำไมเรื่องมันดำเนินมาไวขนาดนี้หรอครับ พวกคุณคงงงว่าเมื่อตอนที่แล้วผมยังกินหมูกระทะแสนอร่อยอยู่เลย แล้วทำไมมันพาสมาวันนี้ได้ ไม่ต้องงงหรอกครับ นี่เรื่องต่อกันเลย จากวันนั้นนั่นแหละ

หลังจากที่ผมเตะผ่าหมากไอ้ลุงยักษ์นั่นเสร็จ ผมก็เดินไปที่เจไดลูกรักของแล้ว แล้วหยิบของขวัญวันเกิดส่งให้พี่เก่ง แล้วก็เดินเข้าไปกินหมูกระทะต่ออย่างสบายใจ ถามว่าแล้วได้ลุงยักษ์นั่นล่ะ มันก็เดินตามผมเข้ามาน่ะสิครับ แถมยังนั่งโต๊ะเดียวกับผมด้วย สรุปมันคือพี่รหัสปีสามของพี่เก่งครับ โลกกลมชะมัด แต่คิดว่าไอ้เจ็ทคนนี้จะกลัวหรอ นอกจากจะไม่ขอโทษแล้ว  ยังนั่งกินต่ออย่างสบายใจด้วย ก็บอกแล้วเรื่องกินเรื่องใหญ่ อะไรก็ขวางกูไม่ได้ทั้งนั้น

แล้วถามต่อว่ามันไม่โกธรผมหรอ หึ นั่งจ้องหน้าผมตลอดเวลาขนาดนั้นไม่โกธรหรอกมั้ง แต่มันคงเห็นแก่พี่เก่ง มันเลยยอมนั่งกินเฉยๆ แต่สายตานี่บอกเลยเฉียดเฉียนชิบหาย แต่คิดหรอครับว่าผมจะกลัว หึหึ ก็พอกินจนอิ่มแล้ว ก็ขอตัวกลับหอทันทีนั่นแหละครับ จังหวะมันลุกไปเข้าห้องน้ำพอ ผมเลยชิ่งสบายยยยย

“เจ็ท รายงายเจ็โหดมึงทำเสร็จยังวะ” ตอนนี้ผมอยู่หน้าคณะกับส้มครับ รอสองแฝดนั่นมา จะได้เข้าเรียนพร้อมกัน

“ยังหาข้อมูลไม่ครบ บ่ายนี้ไม่มีเรียนกูว่าจะเข้าไปห้องสมุดหน่อย มันยังขาดข้อมูลบางส่วน มึงไปกับกูป่ะ”

“เออไปดิ กูว่างพอดี แต่ต้องถามพี่เก่งก่อน เห็นว่าบ่ายนี้ก็ว่างเหมือนกัน เผื่อพี่เก่งไปด้วย” ส้มว่าแล้วก็หยิบโทรศัพท์มากดยิกๆ คงทักไลน์ไปถามพี่เก่ง

“เออมึงจำพี่ทีได้ป่ะ” ส้มเงยหน้าจากโทรศัพท์แล้วมองหน้าผม

“ทีไหนว่ะ กูมีคนรู้จักชื่อทีด้วยหรอ”

“ก็พี่ทีที่มึงเตะผ่าหมากที่ร้านหมูกระทะวันนั้นไง” อ่ออออออออออออ ลุงยักษ์นั่นเอง

“เออ ทำไมวะ” พูดถึงแล้วขนลุกครับ ไม่รู้ป่านนี้มันสาปแช่งผมไปถึงไหนแล้ว ดีนะมามหาลัยสองสามวันมานี้ไม่เจอตัวมันเลย จากหอผมมาคณะ ต้องขี่มอไซด์ผ่านคณะพี่เก่งทุกวัน ทุกครั้งที่ผ่านก็แอบชำเลืองมอง BM คันนั้นที่เคยสัมผัส กลัวเจอเจ้าของรถครับ กลัวขามันจะไวแล้วเตะป๊าบเข้าไปที่เดิมอีก

“ก็วันก่อนกูไปรอพี่เก่งหน้าคณะ แล้วบังเอิญเจอพี่ทีเข้า” ส้มพูดในขณะที่มือยังคงกดโทรศัพท์คุยกับพี่เก่งอยู่ เห็นแล้วผมเลยหยิบโทรศัพท์มากดบ้าง ต้องเร่งสองแฝดครับ นี่ก็ใกล้จะเข้าเรียนแล้ว วิชานี่เช็คชื่อต้นคาบด้วย คราวที่แล้วผมก็โดดไปทีหนึ่งแล้ว ขาดบ่อยๆ เดี๋ยวหมดสิทธิ์สบครับ

“พี่เขาเข้ามาทักกู”

“อ่าฮะ” ย๊าบอกว่ากำลังหยิมกำลังขับรถเลี้ยวเข้าหน้ามอครับ อีกไม่เกิน 5 นาทีคงจะถึง

“เขาถามหามึง” ส้มเงยหน้ามามองผมแว่บนึงแล้วหันไปตอบพี่เก่งต่อ

“....” ผมเห็นรถสองแฝดแล้วครับ กำลังเลี้ยงเข้ามาจอดหน้าคณะ แต่นั่นไม่ได้ทำให้ผมสนใจเท่ารถที่ขับตามหลังสองแฝดมา ผมว่ารถคันนั้นมันคุ้นๆ นะครับ เหมือนว่าเราเคยรู้จักกันมาก่อน

“เขาขอเบอร์มึงจากกู บอกอยากเคลียร์เรื่องวันนั้น” ขวับ! ผมเบนสายตาจากรถคันคุ้นตาคันนั้น แล้วหันมามองหน้าส้ม จังหวะเดียวกับที่โทรศัพท์ผมสั่นพอดี ผมเลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู

“แต่กูไม่ได้ให้เบอร์มึงไปนะ กูขอเบอร์พี่เขามาแทน เนี้ยกูเลยจะมาถามมึงว่ามึงจะเอาเบอร์พี่เขาไหม”

“เบอร์อะไร” ส้มเงยหน้ามามองผมแว่บนึง แล้วหันไปกดโทรศัพท์ต่อ คงไปค้นเบอร์

“093-578...”

“...6149” ข้างบนน่ะเสียงส้ม แต่ข้างล่างน่ะเสียงผม ถามว่าผมรู้ได้ยังไงน่ะหรอครับ พวกคุณคงแปลกใจ ครับ เพราะส้มก็แปลกใจเลยไม่ต่างจากพวกคุณ

“มึงรู้ได้ไงวะ” ส้มถามจังหวะเดียวกับที่ผมหยิบโทรศัพท์ออกมาชูให้ส้มดู

‘ออกมาหากูที่รถ เดี๋ยวนี้!!!!!!!!!!’

...


ตอนนี้ผมอยู่บนรถกับไอ้ลุงยักษ์ครับ ถามว่าทำไมผมมาอยู่ที่นี่ได้น่ะหรอ จริงๆ ตอนนี้ผมต้องอยู่ห้องสมุดกับเพื่อนของผมครับ แต่มันไม่ยอมเลิกรากับผมซักทีครับ

หลังจากที่ผมได้รับข้อความจากมันให้ออกไปหาที่รถ สองแฝดก็เดินมาหาพอดี ผมเลยขึ้นเรียนกับเพื่อนของผมทันที ทำเป็นไม่สนใจข้อความกับรถคันนั้น แต่ให้ตายเถอะครับ ขณะที่ผมเรียนอยู่มันก็ส่งข้อความหาผมทุกๆ 5 นาทีเลยทีเดียว

‘กูบอกให้ออกมาหากูที่รถ’

‘กูจะรออีก 5 นาที ไม่งั้นมึงโดนหนักแน่’

‘มึงอยากลองดีกับกูหรอ’

‘ถ้าไม่ออกมากูบุกไปลากมึงถึงห้องเรียนแน่’

นั่นแหละครับ ไอ้ประโยคที่บอกว่าจะบุกมาหาผมที่ห้องนั่นแหละ ทำให้ผมกดตอบข้อความมันไปว่า ตอนบ่ายว่างค่อยคุยกัน มันถึงยอมล่าถอยไป อย่างน้อยมันก็คงให้ความสำคัญกับการเรียนของผมบ้าง

ความจริงผมตั้งใจว่าจะแอบหนีมันออกมาก่อนเวลาเลิกเรียน แต่ใครจะไปรู้ล่ะครับว่ามันจะมาดักรอผมหน้าห้องเรียนขนาดนี้ แม่งรู้ได้ไงวะว่าผมเรียนห้องไหน สืบตารางชีวิตผมมารึไงกัน รู้ด้วยว่าผมเป็นพวกของหนีออกจากห้องเรียนก่อนเวลา นี่ขนาดหนีออกมาเร็วกว่าปกติแล้วนะ ยังรู้ทันผมอีก

และนั่นก็เป็นเหตุผลทั้งหมดที่ผมมาอยู่บนรถกับมันตอนนี้ ถามว่าเจไดคู่ใจผมอยู่ไหนน่ะหรอครับ ก็จอดอยู่หน้าคณะนั่นแหละ อุตส่าห์บอกมันว่าเอารถมาแล้วนะ มันก็บอกว่าเสร็จธุระแล้วจะพามาส่งที่คณะเอง ให้จอดมอไซด์ไว้นี่ มันคงกลัวผมชิ่งสินะ ชิ ไม่รู้อะไรซะแล้ว คนอย่างไอ้เจ็ทไม่หนีหรอกนะ ถ้าไม่มีช่องทาง ฮาาาาาา

“ว่าแต่มึงมีธุระอะไรกับกูเนี้ย รีบๆ พูดไม่ได้หรอวะ” ตั้งแต่ผมขึ้นรถมันมามันก็ยังไม่ยอมปริปากพูดธุระกับผมซักที นอกจากปราดสายตามามองเล็กน้อยแล้วหันไปขับรถต่อ ผมพยายามถามมันหลายต่อหลายครั้งก็ได้ปฏิกิริยาเดิมกลับมา จนผมเริ่มจะประสาทเสีย

“นอกจากมึงจะส่งข้อความมาก่อกวน ลากกูขึ้นรถ แถมยังจะพากูไปไหนไม่รู้อีกเนี้ยนะ ปากนี่มีไว้แดกอย่างเดียวรึไงวะ ทีตอนนั้นยังด่ากูฉอดๆ อยู่เลย มาตอนนี้เสือกใบ้แดกซะงั้น หรือมึงเป็นไบโพล่าร์ มีสองบุคลิก” ปากไวอีกแล้วกู

“หุบปากซัก 5 นาที ไม่ได้ทำให้ปากมึงเน่าหรอกนะ” โว้วววววว กว่าจะพูดได้ทีนี่ทำผมสะอึกได้เหมือนกันนะครับ ผู้ชายไรวะปากคอเรอะร้ายเหลือเกิน หืมมมม ผู้ชายอย่างผมหรอครับ อ้าว นี่พวกคุณด่าผมปากหมาหรอ

แต่อย่าว่าอย่างงั้นอย่างงี้เลยครับ มันพูดมางี้ก็ทำให้ผู้ชายอย่างผมเงียบได้เหมือนกัน เหอะ เห็นว่าบรรยากาศมันน่าอึดอัดหรอก ถึงพูดด้วย ถ้ากูเงียบไปตลอดทางแล้วอย่ามาง้อล่ะกัน ชิ

รถค่อยๆ เคลื่อนไปด้านหน้าด้วยความเร็วค่อนข้างสูง ไม่รู้มันจะรีบไปไหน บนรถก็เงียบเหลือเกิน เงียบจนผมเริ่มรู้สึกง่วงแล้วนะ เมื่อคืนก็เข้าไปทำงานร้านพี่โจ้จนดึก เพราะมีเด็กลาออกไป เลยต้องเพิ่มเวลางานจนกว่าพี่โจ้จะหาคนมาทำกะดึกได้ใหม่ ไม่ค่อยมีคนอยากทำกะดึกหรอกครับ เพราะส่วนใหญ่ก็เด็กมหาลัยทั้งนั้น พอกลางวันเรียนกันจนเหนื่อยแล้ว กลางคืนก็อยากพักกัน ผมนี่ก็ทำกะค่ำ เลิกงานตีสอง แต่ถ้าวันไหนมีเรียนบ่ายก็อยู่ได้นานหน่อย แต่ถ้ามีเรียนเช้าก็ออกงานตามเวลา ถึงผมจะโง่และแอบโดดเรียนบ้าง ก็ไม่เกเรหรอกนะครับ อยากเรียนให้จบตมกำหนดเหมือนเด็กคนอื่นๆ นั่นแหละ

ง่วงแล้วครับ ถ้าผมขอตัวไปนอนก่อนแปปนึง ไอ้ลุงยักษ์นี่คงไม่ได้ว่าอะไรหรอกมั้ง เดี๋ยวถึงมันคงปลุก ผมคิดว่างั้นนะ zZ

TBC.

...
มาต่อแล้วจ้าา แฮ่ ฝากติชมด้วยน้าาาา
จริงๆ แล้วเรายังงงเรื่องการตั้งกระทู้หรือการต่อตอนใหม่อยู่เลย มันต้องกด reply ถูกแล้วใช่ไหมคะ
แล้วหัวข้อกระทู้คือมันขึ้นแบบนี้ถูกแล้วใช่ไหม 555555555 มือใหม่ ฝากแนะนำด้วยน้าา
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม!
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 07-08-2017 12:57:23
ถูกแล้วค่ะ แต่แนะนำให้เพิ่มวันที่อัพลงไปที่หัวข้อด้วยเนอะ (บางทีก็จำไม่ได้ว่าอัพถึงบทไหน ถ้าเห็นวันที่จะได้รู้)
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม!
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 07-08-2017 14:10:18
เป็นตัวเอกที่สันดานเลวร้ายดีจริง ปากเปราะ ความคิดแย่ ไร้มารยาท เดี๋ยวมีโอกาสขอหาข้อดีก่อนนะ = =
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม!
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 08-08-2017 00:27:20
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม!
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 09-08-2017 09:37:25
รอดูพี่ีทีจะปลุกน้องเจ็ทแบบไหน
ลักพาตัวกันไปไหน อยากรู้ๆ
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม!
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 09-08-2017 18:40:42
น่าสนุกดี รออ่านต่อๆ
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH5 (15/08/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: oommmy ที่ 15-08-2017 12:29:40
CH5

ร้อน นั่นเป็นความรู้สึกแรกของผมตอนนี้ ร้อนครับ ร้อนมาก เหมือนอยู่ในเตาอบ รู้สึกถึงเหงื่อตามไรผมและหลัง ผมค่อยๆขยับเปลือกตาเปิดออก

ที่ไหนวะเนี้ย!? นั่นคือความรู้ที่สองครับ ตอนนี้ผมนอนอยู่บนรถ ครับ ก็ไอ้บนรถลุงนั่นแหละ แต่ตัวบนไม่อยู่บนรถ ทิ้งผมนอนเป็นหมาเฝ้ารถอยู่คนเดียว แถมไม่เปิดแอร์หรือเปิดหน้าต่างให้ด้วยนะ ร้องฉิบหายเลยครับ ว่าแต่ที่นี่คือที่ไหนวะ

ผมมองไปรอบๆ ก่อนจะก้าวลงจากรถ ตอนนี้ผมยืนอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่งครับ เป็นบ้านสองชั้นสีขาว มีต้นไม้อยู่รอบบ้านเต็มไปหมด ประหนึ่งว่าเป็นสวนกล้วยไม้ขนาดย่อมด้วย เดาว่าเจ้าของบ้านคงชอบความร่มรื่นมาก เพราะจากต้นไม้เต็มไปหมดเลยครับ มองเลยเข้าไปในบ้านก็เหมือนมีต้นกระบองเพชรอยู่ภายในบ้านเต็มไปหมดเลย ถามว่าผมมองเห็นได้ยังไงน่ะหรอ ก็ประตูหน้าบ้านดันเป็นกระจกใสน่ะสิ มองเห็นทะลุปรุโปร่งหมดเลยว่ามีอะไรบ้าน ว่าแต่ มันพาผมมาที่นี่ทำไม แล้วตัวมันอยู่ไหน แล้วทิ้งผมไว้คนเดียวอย่างงี้ก็ได้หรอวะ?

เหลือบมาองหน้านาฬิกาที่อยู่ในบ้าน ตอนนี้ก็ปาไปบ่าย 3 โมงแล้วครับ ว่าแล้วก็เริ่มหิวแล้วสิ โดนมันลากออกมาทันทีที่ก้าวออกจากห้องเรียน ข้าวยังไม่ตกถึงท้องซักเม็ด มองซ้ายมองขวาก็เจอแต่ต้นไม้ ทำไงดีล่ะ ท้องผมเริ่มร้องประท้วงเรื่อยๆ แล้วด้วยสิ

ผมตัดสินใจเดินไปหยุดอยู่ที่หน้าประตูกระจก ชะเง้อคอมองเข้าไปก็ไม่เห็นวี่แววว่าจะมีใครอยู่ สองจิตสองใจจะก้าวเข้าไปก็กลัวจะเสียมารยาท จะรออยู่ตรงนี้ก็หิวเหลือเกิน ข้างในอาจจะมีอะไรให้กินบ้างนิดหน่อยก็ยังดี เอาไงดีวะเนี้ยยยย?

“จะขโมยอะไรอีกล่ะ?”

ควับ!

ไอ้ลุงยักษ์ยืนพิงรถมันอยู่ครับ มาตั้งแต่เมื่อไหร่วะเนี้ย มองลงมาตามมือมัน ก็เห็นถือถุงพลาสติกสีใสอยู่ มันเห็นแบบนั้นจึงมองตามสายตาผม

“หึ!” มันยกยิ้มขึ้นมุมปาก คิดว่าเท่นักหรือไงวะ เออ ก็เท่จริงๆนั่นแหละ ยอมรับเลยว่าไอ้การยืนพิงรถ มือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋า อีกข้างถือถุงพลาสติก แถมยกยิ้มขึ้นข้างหนึ่งมันช่างดูดีเหลือเกิน อย่างกับพรีเซนเตอร์ถุงก๊อบแก๊บ ถ้าเปลี่ยนเป็นผมไปยืนตรงนั้นคงเหมือนเด็กส่งข้าวมากกว่า

“มึงพากูมาที่ไหน?”

“บ้านกู” ห๊ะ? พามาบ้านทำไมวะน่ะ  แต่อีกใจก็แปลกใจมากกว่าครับ ไม่คิดว่าคนลักษณะท่าทางแบบนี้ จะอาศัยอยู่ในบ้านที่เต็มไปด้วยความร่มรื่นขนาดนี้ คนเรามองหน้าไม่รู้ใจจริงครับ ถ้าไม่ได้มาเห็นกับตา ผมก็คิดว่ามันน่าจะเป็นพวกติดหรู อยู่คฤหาสน์หลังใหญ่มหึมามากกว่า

“แล้วพามาทำไม”

มันไม่ตอบ แต่เดินนำผมไปที่หน้าบ้านแทน หยิบกุญแจขึ้นมาแล้วไขกุญแจไขประตูกระจก หันกลับมามองผมแว่บนึง แล้วเดินนำเข้าไปบ้าน ผมคงไม่ได้คิดไปเองใช่ไหมครับว่านั่นคือการเชิญเข้าบ้าน ถือเดินตามถุงอาหารละกันครับ กระเพาะผมสั่งมา

“สรุปพากูมาทำไม?”

“หิวไม่ใช่หรอ กินก่อนสิ” ลุงนั่นถือถุงกับข้าววางบนโต๊ะในครัว แล้วหันไปหยิบจาน

แปลก นั่นคือความรู้สึกต่อมาหลังจากที่มันชวนผมกินข้าว ผมคิดภาพไอ้คนที่หาเรื่องผมที่ร้านข้าววันนั้น หรือคนที่ขี้โมโหที่ร้านหมูกระทะในวันเดียวกันนั้นไม่ออก หรือตอนที่ผมหลับบนรถมีอะไรที่ผมไม่รู้รึเปล่า ทำไมอยู่ดีดีมาทำตัวดีใส่ ทั้งๆ ที่เมื่อเช้ายังบังคับพาผมมาด้วยอยู่เลย

“มองกูแบบนั้นจะกินหรือไม่กิน กินก็ยกไปโต๊ะอาหารตรงโน่น ถ้าไม่กินก็ไปนั่งรอหน้าทีวีไป” ตอนนี้มันเทอาหารทุกอย่างใส่จานหมดแล้วครับ ต้มจืดวุ้นเส้น กับผัดกระเพราะหมูสับ ต้องเรียกว่าอาการสิ้นคิดดีครับ

ผมมองมันอย่างหวาดระแวง แม่งจะใส่อะไรลงไปรึเปล่าวะ แต่คงไม่หรอกมั้ง ก็ในเมื่อมันไม่ได้ทำเองนี่ คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง คิดได้แบบนั้นก็ยกอาหารไปวางบนโต๊ะอาหารตามที่มันสั่ง นั่งรอที่โต๊ะไม่นาน ข้าวสวยร้อนๆ 2 จาน ก็ถูกวางตามบนโต๊ะ ลุงนั่นนั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามผม ปรายตามองผมแว่บนึงแล้วหันไปสนใจอาหารบนโต๊ะ

“นี่ สรุปจะบอกได้รึยังว่าพามาทำไม” กับข้าวก็อร่อยดีครับ ต้มจืดไม่จืดอย่างชื่อ วุ้นเส้นก็อืดพอดี ผมชอบกินแบบกรุบๆ ครับ นิ่มไปแล้วมันแยะๆ ส่วนผีดกระเพรานี่ผมคิดว่าถ้าเผ็ดอีกหน่อยรสชาติคงพอดีกว่านี้ แต่อย่างว่าแหละครับ ครั้งแรกที่เจอกันลุงนี่ก็กินสุกี้ไม่เผ็ด ก็ไม่แปลกใจอะไรที่กับข้าวที่มันเลือกซื้อมาจะติดรสชาติเด็กน้อยเสียหน่อย

“กินก่อนเถอะ พูดตอนกินข้าวมันเสียมารยาท” ด่ากูเลยเถอะครับ ถ้าจะพูดขนาดนี้

...

หลังจากกินข้าวที่นอกจากเสียงช้อนกับส้อมกระทบจานกับเสียงเคี้ยวที่ดังขึ้นบ้างประปรายแล้ว ระหว่างเราสองคนก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีก ผมช่วยลุงนั่นเก็บโต๊ะและล้างจานนิดหน่อย ถือว่าเป็นมารยาท ถึงฝ่ายนั้นจะบอกว่าไม่ต้องก็ตาม เอาน่า คนดีมาก็ดีตอบ ผมไม่ใช่คนเจ้าคิดเจ้าแค้นขนาดนั้น แค่แปลกใจเฉยๆ ที่อยู่ดีดีก็มาทำตัวดีใส่ แถมยังถามคำตอบคำ ไม่โวกแวกโวยวายเหมือนตอนแรกที่เจอ ฟรือมันเป็นไบโพล่าร์วะ? พวกสองบุคลิกงี้หรอ?

“มีอะไรก็พูดมา” หลังจากเก็บล้างจานกันเสร็จแล้ว มันก็พาผมมานั่งที่โซฟาหน้าทีวี

“มึงเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกับสองแฝดนั่นใช่ไหม” หืมมมม สองแฝด ย๊ากับหยิม?

“ทุกคนในคณะก็ว่าแบบนั้นนะ”

“ดี” ดี? อะไรดีวะ ยิ่งคุยยิ่งงง

“จีบยะย๊าให้กูหน่อย”

ห๊ะ?

..............................................................
เค้ามาต่อแย้ววว ช่วงนี้ยุ่งๆ ค่ะ
เดินสายสมัครงานตัวเป็นเกลียว เลยโผล่มาแค่สั้นๆ (สั้นมาก แง่ว) ขอโต้ดน้าาา
ยังไงก็ฝากติดตามเน่อ ติชมได้เลย จะได้ปรับปรุงภาษาให้ดีขึ้นน้าา
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ เยิฟฟฟฟฟ
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม!
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 15-08-2017 12:45:08
WTF!!!!
ใช้น้องไปจีบคนอื่น
สาดดดดดดดดดดดด
ไอ้ๆๆๆๆๆ
เม้นต์ไม่ออก
 :z6:
ปลดจากตำแหน่งพระเอกด่วน
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH6 (16/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: oommmy ที่ 16-08-2017 16:57:35
CH6
Natee : วันนี้มึงเรียนกี่โมง
JetP : บ่าย
Natee : เที่ยงกูเข้าไปหา

ผมอ่านแชทของมันแล้ว กดปิดเครื่องมือสื่อสาร โดยที่ไม่ได้ตอบอะไรมันกลับไป หลังจากเรื่องราวที่บ้านของมันวันนั้น ผมกับมันเริ่มสนทนากันอย่างจริงจังได้ 2-3 วันแล้วครับ ถามว่าทำไมถึงคุยกันน่ะหรอ เพราะหลังจากที่มันบอกให้ผมช่วยจีบยะย๊าสาวน้อยประจำกลุ่ม ผมก็ปฎิเสธไปสิครับ ใครจะไปอยากได้เพื่อนสะใภ้เป็นตาแก่นี่แหละ จริงๆ ก็พูดเกินไปครับ ถึงลุงนี่จะอยู่ปีสาม และรูปร่างจะสูงใหญ่ปานนั้น แต่ก็ไม่ได้แก่อะไรขนาดนั้นหรอก แต่ขอเรียกลุงเถอะ ลุงแก่กินหญ้าอ่อน ชิ

แล้วถามว่าทำไมผมกับมึงถึงคุยกันแบบนี้น่ะหรอครับ ก็หลังจากที่ผมปฎิเสธมันไป โทรศัพท์ผมก็ดังขึ้นด้วยเสียงแจ้งเตือนข้อความเข้า หยิบขึ้นมาดูคืออะไรรู้ไหมครับ รูปครับ หลายรูปเลย ถามว่ารูปใครน่ะหรอ หึ รูปผมไง รูปแรกก็แค่รูปผมนอนน้ำลายไหลยืดบนรถมัน รูปที่สองเป็นรูปที่ผมนั่งกินหมูกระทะแล้วทำน้ำจิ้มหกใส่เสื้อหยิมที่นั่งข้างๆ เหตุการณ์นั้นผมจำได้ว่าผมโยนความผิดให้ไอ้ส้มที่บังเอิญเดินมาตักหมูบนกระทะตรงหน้าผมพอดี แล้วก็รูปผมในอิริยาบถต่างๆ ทั้งตอนเรียน ตอนไปทำงาน หรือตอนขี่มอไซด์

‘มึงแอบสืบเรื่องของกูหรอวะ’ มันยิ้มแต่ไม่ได้ตอบกลับมา ผู้ชายคนนี้น่ากลัวครับ ท่าทางใจร้อนที่เคยแสดงให้ผมเห็นในครั้งที่เคยเจอกัน เทียบไม่ได้กับรังสีอำมหิตที่ลอยคลุ้งอยู่รอบตัวมันตอนนี้เลยครับ

‘คิดว่าเรื่องแค่นี้จะทำให้กูกลัวมึงรึไง’

มันยิ้มอีกแล้วครับ ก้มหน้ากดโทรศัพท์อีกครั้ง ก่อนที่จะมีเสียงเตือนข้อความดังจากโทรศัพท์ผมอีกครั้ง ผมขมวดคิ้วมองภาพในมือ ตากระตุกวูบ แว่บนึงที่แววตาผมตกใจ แต่ก็ต้องรีบซ่อนความรู้สึกที่คงแสดงออกมาจากแววตา ภาพผมกำลังแอบมองผู้ชายคนหนึ่ง คนที่คุณก็รู้จักดี คนที่ใครๆ ก็บอกชื่นชม คนที่ไม่ว่ายังไงก็คงไม่หันกลับมามองผมแน่ๆ

‘มึงคงคิดว่าไม่มีใครรู้เรื่องนี้สินะ’ ท่าทางสบายๆ ที่แสดงออกมาจากตัวมัน กลบรังสีอำมหิตเมื่อกี้ไปจนหมด มันยิ้มอีกครั้ง แล้วกดรีโมทเปลี่ยนช่องทีวีไปเรื่อยๆ

ผมเบนสายตาหันไปมองทีวีตามมัน ผมคิดว่าผมปิดจนมิดแล้ว ผมคิดว่าท่าทางที่แสดงออกไป ทุกครั้งที่คุย ทุกครั้งที่ยิ้ม หรือทุกครั้งที่เข้าเรียนพร้อมๆ กัน ผมพยายามปิด ปิดพยายามไม่สนใจ หรือแม้กระทั่งทำทุกอย่างให้เหมือนว่าเป็นเพื่อน มันเป็นใครวะ เสือกมายุ่งเรื่องอะไรของผม

‘กูสัญญาว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับใคร ถ้ามึงช่วยกูจีบย๊า’ เกลียดรอยยิ้มมันชิบหาย ท่าทางสบายๆ แบบนั้นทำให้ผมหมั่นไส้ มันขู่ผมครับ

‘กูให้เวลามึงคิด แล้วคืนนี้กูจะเอาคำตอบ นั่นคือเบอร์กู เมมไว้ และหวังว่ากูจะได้รับข่าวดี’ มันว่าแล้วก็กดปิดทีวีลง ยืนขึ้นเต็มความสูง เดินนำผมออกไปหน้าบ้าน นั่นคงเป็นสัญญาณว่าถึงเวลากลับของผมสินะ เกลียดคนแบบนี้ชะมัด คนที่ผมสู้ไม่ได้

...................................................................

“ทำไมวันนี้มากับพี่ทีอีกแล้ววะ” ครับ หลังจากวันนั้นมันก็แวะมาหาผมทุกวัน ไม่ใช่ว่าพิศวาสอะไรผมหรอกนะครับ เพราะทุกครั้งที่มันมาหาคือมันอยากเจอยะย๊า ต้องการรู้เรื่องของยะย๊าทุกเรื่อง ผมก็สงสัยเหมือนกันนะครับว่าทำไมไม่สืบเองเหมือนที่ทำกับผม หรือความจริงมันอาจจะสืบแล้ว แต่แค่ต้องการเรื่องส่วนตัวที่ไม่สามารถสืบได้

“เจอกันหน้ามอ มันเลยแวะมาส่ง” เหตุผลปัญญาอ่อนครับ แต่ไอ้คุณส้มที่ดันเชื่อสนิท ช่วงวันแรกๆ ที่มากับลุงนั่น มันก็แปลกใจมากครับ ถึงขั้นเดินวนรอบตัวผมสามรอบ ถกเสื้อถกกางเกงผมใหญ่ว่ามีร่องรอยว่าบาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า พอให้เหตุผลไปว่ามอไซด์เสีย แล้วเจอลุงนั่นที่ป้ายรถเมล์มันก็เชื่อครับ เชื่อคนง่ายเหลือเกินพ่อคุณ

แล้วถามว่ามอไซด์ผมเสียจริงๆ น่ะหรอ ตอบเลยครับว่าจริง ชีวิตผมลำบากขึ้นมากโข ก็ไอ้วันนั้นที่จอดไว้คณะนั่นแหละ พอกลับมาเอามันอีกรอบก็ผมว่ามันนอนเอ้งเม้งอยู่บนพื้นเสียแล้ว ถามยามแถวนั้นได้ความว่าเมื่อกี้มีนักศึกษาทะเลาะกันหน้าคณะผม แล้วเผลอหยิบไม้ขึ้นมาฟาดมอไซด์ผม ครับ คุณได้ยินไม่ผิดหรอก ฟาดมอไซด์ผมเพราะแม่งโมโหที่อีกฝ่ายพูดไม่รู้เรื่อง พอเห็นอะไรก็ฟาดหมด นี่มันโคตรซวยบรมเลยครับ โดยขู่ แถมมอไซด์ยังพัง ยังดีหน่อยที่ไอ้นั่นมันได้สติหลังจากที่ฟาดมอไซด์ผมล้มคว่ำไปแล้ว จึงฝากขอโทษแถมให้เบอร์มันไว้กับยาม บอกว่าจะรับผิดชอบค่าใช้จ่าย ไม่งั้นเงินเดือนนี้ไม่พอใช้แน่ๆ เพิ่งถอยอุปกรณ์การเรียนมาใหม่ด้วย

“ช่วงนี้ดูสนิทกันจังนะ ตอนนั้นกูยังเห็นทะเลาะกันจะเป็นจะตาย” เสียงหยิมดังขึ้นด้านหลัง มันส่งแก้วน้ำแดงที่คงไปซื้อมาจากร้านขายของแถวนั้นส่งให้ย๊า และวางนมเปรี้ยวลงตรงหน้าผม ผมเป็นคนติดนมเปรี้ยวครับ ตอนเด็กเป็นคนท้องผูกอย่างหนัก ทำอย่างไรก็ไม่เข้าห้องน้ำซักที ตัดสินใจลองซื้อไอ้นมเปรี้ยวขวดจิ๋วนี่กินก่อนไปเข้าเรียน สรุปว่าวันนั้นวิ่งเข้าห้องน้ำไปหลายรอบ จนค้นพบว่าถ้าอยากเข้าห้องน้ำต้องกินเจ้านมเปรี้ยวขวดนี้ รับรองขับถ่ายคล่องสบายปรื๋อ

หยิมมักจะซื้อนมเปรี้ยวให้ผมกินก่อนเข้าเรียนเสมอ จนแฟนคลับมันคิดว่าหยิมชอบกินนมเปรี้ยวเลยซื้อมาให้กันเป็นประจำ แน่นอนครับว่าเสร็จผมสิครับ

“ไม่หรอก ก็กูรถเสียไง พอเจอกันมันก็รับมา ดีออก ประหยัดค่ารถเมล์กูได้ตั้งหลายบาท” ดีบ้าอะไรล่ะครับ เจอกันที่ก็ด่ากันทุกวัน จะพูดดีกันได้บ้างก็ช่วงที่คุยเรื่องยะย๊า เพราะยะย๊าเป็นสิ่งมีชีวิตที่อ่อนหวานและสดใสเกินว่าจะพูดถึงในแง่ลบได้ เรียกว่าไม่มีเลยดีกว่าครับ

“งั้นหรอ” หยิมตอบรับเบาๆ แล้วหันไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดๆ คงเช็คโซเซียลตามประสาคนดังของมันนั่นแหละครับ มันชอบเข้าไปดูว่ามีใครพูดถึงย๊าในทางที่ไม่ได้ดีบ้าง ส่วนเรื่องของตัวมันมันไม่ค่อยสนใจหรอก ใครด่าก็ด่าไป อย่าให้มาด่าย๊าก็พอ แต่นานๆ จะมีซักทีครับ เพราะส่วนใหญ่ทุกคนก็จะชื่นชอบพวกมันอยู่แล้ว

“แล้ววันนี้ไปทำงานร้านพี่โจ้รีเปล่า วันก่อนเห็นในเพจร้านว่ามีเค้กตัวใหม่มา ย๊าอยากไปลองชิม” ย๊าหันมาคุยกับผมหลังจากก้มลงไปดูดน้ำแดงที่หยิมซื้อมาให้ ย๊าติดน้ำหวานครับ กินทุกคนจนหยิมมันบ่นให้ผมฟังจนหูชาว่ากลัวย๊าเป็นเบาหวาน แต่ก็เป็นมันอีกนั่นแหละที่เป็นคนซื้อให้ย๊ากินทุกวัน

“อ๋อ เค้กตัวใหม่น่ะหรอ ถ้าย๊าอยากลองชิมก็มาเลย เดี๋ยวเจ็ทเก็บไว้ให้” ย๊ายิ้มจนตาหยี คนแบบนี้น่ะหรอที่จะตกไปอยู่ในน้ำมือของไอ้ลุงนั่น แค่คิดผมก็อดเสียดายคนดีดีแบบย๊าไม่ได้ นี่ถ้าไอ้ลุงนั่นไม่จริงจังกับย๊าล่ะน่าดู ผมนี่แหละจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ชิ

“แล้วเลิกเรียนมึงไปไหนส้ม” เห็นไอ้ส้มนั่งกดโทรศัพท์ยิกๆ หลังจากที่ทักผมตอนแรก วันนี้มันเงียบแปลกๆ แฮะ ปกติพูดน้ำไหลไฟดับ แต่วันนี้กลับปล่อยให้ผมเป็นผู้ผูกขาดบทสนทนา

“ไปกับพวกมึงแหละ” แปลกจริงๆ นะครับ ปกติเลิกเรียนปุ๊บไม่เคยเห็นหน้าไอ้ส้มเลยซักครั้ง นอกจากพี่เก่งจะเลิกเรียนเย็นจริงๆ แต่ส่วนมากมันก็ไปนั่งรอหน้าคณะพี่เก่งตลอด จนมีเพื่อนซี้เป็นเด็กปีหนึ่งคณะนั้นเยอะแยะแหละครับ

“เกิดอะไรขึ้นกับมึงรึเปล่า” ไม่ใช่แค่ผมคนเดียวที่จับความผิดปกตินั้นได้ หยิมก็เช่นกัน มองกับไปที่ย๊าก็เลิกดูดน้ำแดงในแก้วแล้วหันกลับมามองหน้าส้มอย่างงงๆ

ส้มถอนหายใจทีหนึ่ง ก่อนจะหันมาสบตาพวกผมทีละคน แววตาสับสนของผมยิ่งทำให้ผมแปลกใจมากกว่าเดิม อะไรกันนะที่ทำให้ส้มสาวห้าวคนเก่งของเรามีความสับสนได้ขนาดนี้

“กูสงสัยว่าพี่เก่งจะนอกใจ”

ห๊ะ?

นี่มันสัปดาห์แห่งความวุ่นวายอะไรกันวะเนี้ยยยย!!   

.............................................................................................

Natee : กูถึงร้านแล้ว กำลังจะเข้าไป

เสียงแจ้งเตือนไลน์ของผมดังขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่วันนี้ผมไลน์ไปแจ้งมันว่ายะย๊าจ้ะเข้ามากินเค้กที่ร้านผม มันก็บอกว่าจะเข้ามาหาที่ร้าน แต่จนมืดค่ำแล้วมันก็ยังไม่โผล่หัวมาซักที จนย๊ากินเค้กไปเกือบจะหมดก้อนแล้ว ทักไลน์ไปเร่งก็ตอบกลับมาสั้นๆ ว่าหมาเพื่อนคลอดลูก แล้วไงวะ? นี่มึงจะจีบเพื่อนกูจริงๆ ใช่มั้ยเนี้ยยยย!!!

หลังจากที่คิดอะไรวุ่นวายในหัวซักพัก เสียงกระดิ่งหน้าประตูร้านก็ดังขึ้น มันคงไม่น่าสนใจอะไรเลยถ้าหากไอ้กลุ่มที่เดินเข้ามาน่ะจะเป็นชายรูปร่างท่าทางดี 4 คน  ที่ถึงแม้จะอยู่ในชุดนักศึกษาครบองค์ทุกคน แต่ก็ยังให้ความรู้สึกเหมือนบอยแบรนด์มาโปรดร้านพี่โจ้มากกว่า

มันจะหล่ออะไรกันขนาดนั้นวะน่ะ!!!

เสียงซุบซิบดังขึ้นลั่นร้านทันทีที่มีการปรากฏตัวของบอยแบรนด์กลุ่มนี้ นำทีมมาด้วยไอ้ลุงนั่น และเพื่อนของมันที่ชื่อว่าไม้ ผมจำได้ว่าเคยเจอมันครั้งหนึ่งตอนที่มีเรื่องกับไอ้ลุงทีร้านข้าววันนั้น ส่วนอีกสองคนไม่เคยเห็นหน้าครับ ก็คงเป็นเพื่อนในกลุ่มมันนั่นแหละ

ผมเห็นอย่างนั้นจึงหยิบเอาเมนูสองสามอันแล้วเดินไปรับออเดอร์ที่โต๊ะมันทันมี ปกติร้านเราจะมีบริการทั้งไปรับเมนูที่โต๊ะแล้วเอามาเสิร์ฟ หรือถ้าบางคนอยากแค่มาซื้อแล้วจากไปก็มาสั่งได้ที่เคาท์เตอร์เลย แต่นักศึกษาที่นี่ส่วนใหญ่ติดสบายจนเคยตัว พอเข้ามาก็เลือกที่จะนั่งรอให้ไปรับเมนูมากกว่าครับ

โต๊ะที่ลุงมันเลือกนั่งคือโต๊ะใกล้ๆ กับที่กลุ่มเพื่อนผมนั่งครับ ถ้าไอ้ส้มเป็นปกติมันคงส่งเสียงทักทายพี่ทีของมันไปแล้ว แต่วันนี้ไม่ใช่ครับ มันนั่งจ้องโทรศัพท์เงียบๆ มาซักพักแล้ว ไม่ว่าสองแฝดจะชี้ชวนให้มันกินหรือคุยอะไรก็แล้วแต่ มันก็แค่ส่งยิ้มมานิดๆ หรือตักเค้กเข้าปากเป็นพิธีบ้าง ชอคโกแลตมิ้นของโปรดมันก็ตั้งให้น้ำแข็งละลายจนน่าเสียดายถ้าหากไม่ได้ลองชิมฝีมือผมที่ตั้งใจชงให้มันเพื่อเอาใจ หมดปัญญาจะทำให้อารมณ์มันดีขึ้น ก็หวังแต่ว่าพี่เก่งจะไม่ได้นอกใจมันจริงๆ

“นึกยังไงมากินนมวะ ปกติชวนมาให้ตายก็เข้าแต่ร้านเหล้าหลังมอโน่นน” เสียงเพื่อนลุงดังขึ้น ดึงผมให้หลุดจากความคิดเรื่องส้ม เห็นลุงนั่นก้มลงไปมองเมนูแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย ก็ไม่แปลกใจอะไรครับ ผมที่ทำงานที่นี่มาตั้งแต่เปิดเทอม ไม่เคยเจอลูกค้ากลุ่มนี้มาก่อน คาดว่าคงไม่เคยคิดจะเข้าร้านอะไรอื่นนอกจากร้านเหล้าอย่างที่เพื่อนมันพูดนั่นแหละ

“เรื่องของกูน่า” เสียงที่ติดจะรำคาญนิดๆ ของลุง ทำให้เพื่อนมันยอมเงียบปากลงแล้วก้มลงไปเลือกเครื่องดื่มในเมนูแทน

“ชาเขียวไม่หวานแก้วหนึ่ง โอริโอ้ปั่นใส่วิปครีมด้วย ลาเต้เย็น แล้วก็สตอเบอร์รี่ปั่น” เสียงเพื่อนมันคนเดิมนั่นแหละครับ สั่งโดยที่ไม่ถามความเห็นเพื่อนรอบข้างมึงเลยหรอวะ

“นี่มึงไม่คิดจะถามพวกกูก่อนหรอ” ขอบคุณที่ถามแทนผมครับพี่ไม้ เพราะถึงแม้ผมจะสงสัยแค่ไหนก็เหอะ แต่ไม่มีความกล้าพอจะถามออกไปเองหรอกนะครับ

“ก็เห็นพวกมึงแดกแต่ของแบบเนี้ยทุกกลางวัน กูไม่ถามให้เปลืองน้ำลายกูหรอก เอาเครปเค้กสตอเบอร์รี่กับเค้กช็อคด้วยนะ” ประโยคแรกมันหันไปตอบพี่ไม้ ส่วนประโยคหลังหันมาสั่งเมนูกับผมต่อ

หลังจากทวนเมนูอีกรอบ ผมก็ขอตัวกลับมาส่งออเดอร์ที่เคาท์เตอร์ แต่จังหวะที่เงยหน้าจากกระดาษที่จดเมนูตรงหน้า ก็ชะงัก เพราะเห็นสายตาของไอ้ลุงนั่นมองผ่านตัวผมไปยันโต๊ะที่อยู่ด้านหลังผม คุณคิดถูกแล้วล่ะครับ ด้านหลังก็คือยะย๊าที่กำลังหลอกล่อให้ส้มกินเค้กให้ได้

ไม่ได้เห็นสายตาแบบนั้นนานแล้วครับ สายตาที่ผมพยายามซ่อนเอาไว้เสมอเวลามองหยิม สายตาที่สื่อความหมายได้เป็นอย่างดี อิจฉามันนะครับที่สามารถใช้สายตาแบบนี้มองคนอื่นได้ ผมอยากทำให้ได้อย่างมัน อยากแสดงออกให้ได้แบบมัน มันคงจะชอบยะย๊ามากจริงๆ นั่นแหละ เหมือนๆกับที่ผมชอบหยิม

...........................................................................

เค้ามาต่อแย้วววว ตอนนี้มีเวลาว่างมากกว่าเดิมนิดนุง เลยขอมาต่อก่อน เดี๋ยวจะหาว่าหายไปนอน
วันนี้มาด้วยเจ็ทโหมดจริงจัง 5555555555 บอกแล้วเจ็ทเป็นคนตลกไม่ตลอด แง่วว
ชอบเจ็ทโหมดไหนโหวตกันเข้ามาได้เลยค่าาาา

ส่วนไอ้พี่ทีก็โผล่มาแว่บแว่บ ไม่แสดงตัวตนออกมาชัดเจนเสียที
เดี๋ยวน้องหนูเจ็ทจะโดนคนอื่นเอาไปแซ่บก่อนเด้อออ

แฮ่ ฝากติชม และติดตามกันด้วยน้าา เยิฟฟฟ
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม!
เริ่มหัวข้อโดย: pktherabbit ที่ 16-08-2017 19:38:56
สนุกๆ เราชอบ มีคำผิดตรงส่วนที่ทับศัพท์ภาษาอังกฤษหลายจุด นอกนั้นจะเป็นเหมือนพิมพ์ผิดสลับตำแหน่ง ฝากเช็คด้วยค่ะ

แล้วขอถามนิดนะคะว่า ยะย๊า นี่อ่านออกเสียงว่าอะไรคะ ตั้งใจจะให้อ่านว่า หยา หรือเปล่า ถ้าใช่เราว่า เขียนว่า หยาไปเลยดีกว่า เพราะ ย เป็นอักษรต่ำ ผันได้แค่สามัญ เอก โท หรือถ้าเราเข้าใจผิดประการใดก็โปรดชี้แนะด้วยจ้า
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม!
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 16-08-2017 23:43:44
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม!
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 18-08-2017 10:29:37
เจ็ทกับหยิมเองหรือนี่ โอ้วววววววววววววววว
เชียร์คนแอบชอบรีบๆ อกหักซะ จะได้มารักกันเองเร็วๆ
 :mew3:
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม!
เริ่มหัวข้อโดย: iaum ที่ 18-08-2017 11:32:54
รอๆ น่าสนุก  :mew1:
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม!
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 18-08-2017 12:17:48
ลุงแม่งร้าย
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH7 (22/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: oommmy ที่ 22-08-2017 17:05:10
CH7

วันดีดีมันเป็นแบบนี้นี่เองครับ จะไม่ดีได้อย่างไรล่ะ ก็วันนี้อาจารย์ยกคลาส ร้านพี่โจ้ก็หยุด เพราะพนักงานขาด พี่โจ้เลยบอกว่าหยุดให้เหล่าพนักงานที่ทำงานกันเกินเวลาได้พักผ่อนกันไป 2 วันเต็มๆ จริงๆ มันก็แค่ข้ออ้างของคนอยากเที่ยวครับ ก็พี่โจ้น่ะแอบไปจองตั๋วไปเชียงใหม่โน่นนนน อยากไปเที่ยวกับแฟนก็บอกเถอะ อย่าเอาพวกผมเป็นของอ้างเลย ชิ

วันนี้ผมเลยตัดสินใจมาดูหนังในห้างกันครับ สมาชิกประกอบไปด้วย ผม หยุมหยิม ยะหยา ส้ม แล้วก็ลุงยักษ์และพี่ไม้ งงล่ะสิ ทำไมมีสมาชิกเพิ่มขึ้น 2 คน พวกเพื่อนๆ ของผมเข้าใจว่าพวกเราเจอกันโดยบังเอิญครับ บังเอิญเจอกันในห้าง บังเอิญดูหนังเรื่องเดียวกัน บังเอิญที่นั่งห่างใกล้กัน บังเอิญอยากกินอาหารร้านเดียวกัน แหม แต่เรื่องบังเอิญมันมีที่ไหนล่ะ ไอ้คุณเพื่อนส้มนี่ถึงขั้นคิดว่ามันเป็นเรื่องพรหมลิขิตเลยล่ะครับ พรหมเจ็ทขิตเสียมากกว่า หึหึ

ก็ใครล่ะครับที่เสนอหน้าทักไลน์ไปบอกตาลุงนั่นว่าวันนี้จะไปดูหนังกับบรรดาเพื่อนๆ ที่น่ารัก ตาลุงนั่นก็รีบแจ้นขับรถตามมาทันที แถมพาเพื่อนมาด้วยป้องกันความน่าสงสัยงี้ แผนเจ็ทล้วนๆ ทำถึงขนาดนี้แล้วจีบไม่ติดก็โคตรไก่อ่อนแล้วล่ะลุงเอ๊ยยยยย

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ตาลุงนั่นก็ไม่เปิดปากพูดกับยะหยาซักคำ ปล่อยให้ไอ้พี่ไม้มันทำคะแนนคุยกับสองแฝดอย่างสนุกปาก จะจีบเขาแล้วไม่กล้สพูดกับเขาซะงั้น แบบนี้ยะหยามันจะไปชอบลุงได้ยังไงเล่า บื้อเอ๊ยยย

“พี่ทีกินอะไรคะ” ส้มที่ร่าเริงขึ้นมาเล็กน้อยหลังจากวันนั้น เป็นผู้กล้าคนแรกที่เปิดปากพูดกับลุง คงเห็นว่ามันนั่งมองเมนูมาเนิ่นนานมาแล้ว ยังไม่มีเมนูอะไรหลุดออกมาซักที ทั้งๆ ที่พวกผมสั่งกันอย่างยัดห่าทุกอย่างที่มีอยู่บนเมนูไปกันหมดทุกคนแล้ว

นอกจากมันจะไม่ตอบแล้ว ยังหันหน้าไปมองพี่ไม้แทนด้วยครับ “ไม่ต้องห่วงหรอกส้ม พี่สั่งเผื่อมันแล้ว เอาเป็นว่าของน้ำจิ้มเด็กเพิ่มถ้วยหนึ่งแล้วกันนะครับ”

อ่อ นั่นคงเป็นอย่างเดียวที่มันต้องการในเวลานี้สินะ

ตอนนี้พวกเรานั่งอยู่ในร้านสุกี้ชื่อดังที่ชื่อร้านขึ้นต้นด้วยตัวเอ็ม ลงท้ายด้วยตัวเค แล้วเรื่องดีดีอีกอย่างของวันนี้คือตาลุงนั่นรับปาดว่าจะเลี้ยงน้องๆ เอง เนื่องจากตัวเองเป็นพี่ สบายกระเป๋าพวกเราไปอีกแล้วครับ อิอิ

“แล้ววันนี้พวกพี่ไม่มีเรียนกันหรอครับ” หยุมหยิมเป็นคนที่สองที่หันไปพูดกับลุงที่นั่งอยู่ตรงข้าม ข้างๆหยิมมียะหยาและส้มครับ ส่วนผมนั่งตรงข้ามยะหยา ถัดมาเป็นลุงและพี่ไม้

“อืม”

“เป็นปีสามเรียนหนักแย่เลยนะคะ ขนาดพวกหยาอยู่แค่ปีหนึ่ง งานกลุ่มเยอะมาก แถมมีควิซเกือบทุกวัน นี่ดีหน่อยได้หยุดพักผ่อนกันซักวัน ไม่งั้นร่างหยาพังแน่” ผมแอบเหลือบตามองคนข้างๆ เห็นตามันกระตุกเล็กน้อยหลังจากประโยคชวนคุยแบบไม่เจาะจงของยะหยา รับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือนเล็กน้อยที่ขา คิดว่าคงเป็นพี่ไม้ที่สะกิดขาลุงนั่นยิกๆ ให้ตอบหยา

“ก็นิดหน่อยน่ะ” โธ่ ตอบทั้งทีตอบแค่นี้หรอวะ ยังไม่ทันที่ผมจะหันไปสะกิดขามันอีกคน พนักงานก็เอาสารพัดเนื้อต่างๆ มาเสิร์ฟ พวกเราเน้นเนื้อครับ ผักอะไรพวกนั้นให้พวกผู้หญิงกินกัน อย่าเรียกว่าพวกผู้หญิงดีกว่า เรียกว่ายะหยาคนเดียวน่าจะถูก เพราะไอ้คุณส้มมันก็เน้นเนื้อไม่ต่างกัน ดูได้จากทั้งหมูสไลด์เอย หมูชิ้นเอย ตับเอย หรือบรรดาเนื้ออื่นๆที่วางอยู่ตรงหน้ามันได้เลยครับ

พวกเราเททุกอย่างลงในหม้อแล้วรอจนมันสุก จึงเริ่มกินกัน แต่ไม่รู้ผมคิดไปเองคนเดียวหรือเปล่าที่คนข้างๆ ผมนี่แทบจะไม่ตักอะไรเข้าปากเลย หันไปมองที่ถ้วยของคนตรงหน้าแล้วถึงเข้าใจ น้ำจิ้มครับ ก็เล่นเทน้ำจิ้มเด็กจนหมดถ้วยตั้งแต่ครั้งแรกที่กิน ตอนนี้ก็เลยเหลือแค่น้ำจิ้มผู้ใหญ่ที่คงเผ็ดเกินไปสำหรับคนอย่างลุงนี่

“เอาอะไรเพิ่มหรอมึง” เอิ่บ ไอ้คุณส้มครับ ก่อนจะพูดก็อยากให้เคี้ยวให้หมดก่อนไหมครับ

“เอาหมูสไลด์ 2 ลูกชิ้นรักบี้ 1 เป็ดจานใหญ่ 1 แถมหมูกรอบนิดหน่อยก็ได้นะครับ เกี๊ยวกุ้งอีก 2 แล้วก็เติมน้ำจิ้มเด็กให้ด้วยครับ” คนข้างๆ ผมหันมามองด้วยความสงสัย ยักคิ้วตอบมันไปทีหนึ่งแล้วหันไปตักหมูต่อครับ จะกินไม่ทันไอ้ส้มละครับ ไวเหลือเกิน

...........................................................

โอ้ยอิ่มจัง ตังค์อยู่ครบ อิอิ เพราะนอกว่าลุงจะเลี้ยงสุกี้พวกเราแล้ว ยังพาไปกินสเวนเซ่นต่ออีกด้วย สบายพุงไอ้เจ็ทมากเลยครับ เย็นนี้ไม่ต้องกินอะไรกันอีกแล้วล่ะ อิอิ

“แล้วนี่กลับกันยังไง” พี่ไม้หันมาถามหลังจากที่พวกเราเดินออกจากร้านไอติมชื่อดัง หยุมหยิมหยิบกุญแจรถขึ้นมาชู เพื่อเป็นการบอกว่าขับรถกลับ ส่วนไอ้คุณส้มของตัวกลับไปก่อนตั้งแต่ยังกินไอติมไม่เสร็จ เพราะพี่เก่งมารับ ก็เหลือแต่ผมที่ตอนนี้กำลังลอยชาย เพราะบ้านของสองแฝดกับหอผมมันไปคนละทาง ถ้าจะไปส่งผมก่อนก็ต้องขับรถอ้อมผ่านไปทางมอ

“เดี๋ยวพวกมึงกลับไปก่อนก็ได้ กูว่าจะไปซื้อของเข้าหอหน่อย เดี๋ยวกูนั่งรถกลับเอง” หันไปพูดกับหยุมหยิม เพราะเห็นว่ายะหยาตากผ้าเอาไว้ แล้วเหมือนว่าเย็นนี้จะมีฝนตก เกรงใจครับ ไม่อยากให้มันขับรถอ้อมไปไกล กลัวเก็บผ้าไม่ทัน

“จะดีหรอเจ็ท หยาว่าเดี๋ยวไปซื้อของด้วยกัน แล้วเดี๋ยวพวกเราไปส่งดีกว่า ฝนก็จะตกด้วย เจ็ทจะเปียกนะ” หยาก็คือหยาครับ ถึงตัวเองจะลำบากก็มักจะยื่นมีเข้ามาช่วยคนอื่นก่อนเสมอ

“ไม่เป็นไรหยา เดี๋ยวเรานั่งแท็คซี่กลับ พวกหยาไปเถอะ เดี๋ยวเก็บผ้าไม่ทันนา”

“แต่หยาว่า..”

“งั้นให้ไอ้ทีไปส่งสิ ยังไงมันก็ต้องไปมอก่อนอยู่แล้ว แวะไปส่งเจ็ทที่หอก่อนคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง ใช่มั้ยวะมึง?” ตาลุงนั่นไม่ตอบ แต่ปรายตามามองผมเล็กน้อย ดูจากท่าทางคงไม่อยากไปส่งผมเท่าไหร่หรอกน่ะ

“ไม่เป็นไรก็ได้พี่ไม้ เจ็ทกลับได้ สบายมาก หยิมกับหยารีบกลับเถอะ ลากันตรงนี้เนอะ บายมึง สวัสดีครับพี่ไม้ พี่ที” หันไปตอบพี่ไม้ตามมารยาท แล้วรีบตัดบทเดินออกมาก สรุปกันไม่ได้ซักที หันกลับไปเห็นสองแฝดกำลังยกมือไหว้สองคนนั้น แล้วหันกลับมามองผมแว่บหนึ่ง ก่อนเดินจากไป เห็นแบบนั้นผมเลยรีบเดินไปซื้อของอย่างที่บอกสองแฝดไว้ทันที ถ้าไม่รีบเดี๋ยวฝนขึ้นมาจริงๆ ผมลำบากจริงๆ แน่

ว่าจะลองเปลี่ยนยาสระผมตัวใหม่ครับ ขวดเก่าใช้แล้วคันมาก ไม่รู้ว่ามันแรงเกินไปสำหรับผม หรือหนังหัวผมมันบอบบางเกินไปกันแน่ แต่ก็ไม่รู้ว่ายี่ห้อไหนดีเหมือนกันครับ ปกติผมก็ไม่เคยแพ้อะไรนะ แต่ไหงรอบนี้เกิดแพ้ขึ้นมาก็ไม่รู้

“มึงเป็นคนผมหนา ใช้ตัวนี้น่าจะดีกว่า อันนั้นเหมะกับคนผมน้อยและบาง” เสียงดังขึ้นมาจากด้านหลัง พร้อมๆ กับมือที่ยื่นมาหยิบขวดแชมพูสระผมยี่ห้อดังที่มีพรีเซ็นเตอร์เป็นนายแบบฝรั่งหน้าตาดียื่นยิ้มอยู่

“ผมมึงเริ่มแห้งนิดหน่อยแล้วนะ ใส่ครีมนวดบางรึเปล่าเนี้ย” อ้าว พูดแบบนี้ก็สวยสิลุง ก็ครีมนวดมันหมดเพิ่งจะได้โอกาสมาซื้อ ปกติผมก็ใส่อยู่หรอกน่า

“ขวดเก่ามันหมดน่ะ เลยว่าจะดูยี่ห้อใหม่ด้วย ขวดเก่าใช้แล้วโคตรคัน” พูดอย่างเดียวไม่พอครับ เกาให้ดูด้วย

ตาลุงนั่นหันกลับมามองเล็กน้อย แล้วยื่นขวดแชมพูที่มันหยิบเมื่อกี้ส่งให้ผม พร้อมกับเลิกคิ้วมองหน้าผม เป็นการบอกกรายๆ ว่าให้เอาขวดนี้ไป ผมเลยหยิบมาดมกลิ่นนิดหน่อยก่อนจะใส่ลงตะกร้าที่ถืออยู่

“แล้วมาซื้ออะไรล่ะ นึกว่ากลับไปแล้วซะอีก” ระหว่างที่กำลังเดินไปหยิบบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปก็หันไปถามตาลุงที่เดินอยู่ข้างหลัง ซื้อโจ๊กซองไปด้วยก็ดีแฮะ เอาไว้กินเวลาหิวดึกๆ

ตาลุงนั่นไม่ตอบอะไร แต่กลับเดินไปหยิบนมกล่องมาใส่ตะกร้าที่ผมถือแทน

แต่หลังจากที่จ่ายเงินให้แคชเชียร์เรียบร้อยด้วยเงินของลุงนั่น ผมก็หันไปหยิบถุงของผม แล้วยื่นถุงนมกล่องให้ลุง แต่นอกจากมันจะไม่รับของจากมือผมแล้ว ยังเดินหนีกันอีก แล้วไอ้นมถุงนี่ไม่เอาหรอวะครับ

“ลุง นมไม่เอาหรอ” เออเว้ย เรียกลุงก็หันด้วย เชื่องดีจริงๆ

“ตามมา เดี๋ยวไปส่ง” น่านนน นอกจากเชื่องแล้วยังป๋าด้วย เลี้ยงข้าว เลี้ยงขนม จ่ายเงินค่าของไม่พอ ยังเสนอตัวไปส่งอี๊กก ถ้ารู้ว่าญาติดีกับมันแล้วมีแต่เรื่องสบายกระเป๋าไอ้เจ็ทแบบนี้ รีบรู้จักกันมันนานแล้ว อิอิ

“ขอบคุณที่มาส่งนะลุง ถ้าพรุ่งนี้หยาไปไหนอีก เดี๋ยวรายงานใหม่นะ ผมไปล่ะ” ลุงขับมาส่งผมที่หน้าหอที่เคยมารับผมได้ทุกวี่ทุกวัน เพราะหาเรื่องไปยะหยาที่คณะผม

“เดี๋ยว” มันหันมาจับมือผมแล้วยื่นถุงนมกับร่มให้

“ฝนตก มึงเดินเข้าไปเดี๋ยวก็เปียก”

“อ๋อ ครับ แล้วถุงนี่คือ?”

“ให้ ไว้กินแทนมาม่ากับโจ๊ก” แค่พูดไม่พอ ยังหยิบมาม่ากับโจ๊กของผมออกจากถุงที่ถืออยู่ด้วย

“กินมากๆ ไม่ดีหรอก มีแต่ผงชูรส กินนมดีกว่า” จะพยายามเข้าใจแล้วกันนะครับ

จังหวะที่ผมกำลังปิดประตูรถก็ได้ยินเสียงมาจากในรถอีกรอบ

“ขอบคุณสำหรับน้ำจิ้มเด็ก”

หึ ตาลุงนี่ก็น่ารักเหมือนกันแฮะ!

...
มาลุงมาเสิร์ฟแล้ว ได้เห็นโมเม้นต์มุ้งมิ้งๆ ของลุงบ้าง 5555555555
บอกเลย ตาลุงมุ้งมิ้งได้มากกว่านี้แน่นอน อิอิ

ขอบคุณที่เข้ามาติชมนะฮ้าบ
จะเอาไปปรับปรุงแก้ไข ส่วนเรื่องทับศัพท์ขอสารภาพเลยว่าไม่เก่งจริงๆ
เขียนตามแบบที่ตัวเองแชทกับเพื่อนเป๊ะๆ แหะๆ
จะขอเวลาไปเสิร์ชกูเกิ้ลแล้วเอาคำที่ถูกต้องมาแก้ไขนะค๊าา

ขอรับทุกคำคอมเมนท์ไว้แก้ไขผลงานให้ดีขึ้นๆ ไปอีกค่ะ
รักคนอ่านทุกคน จุ้บจุ้บ

ป.ล.ขออนุญาติเปลี่ยนวิธีเขียนชื่อจาก ยะย๊า เป็น ยะหยา นะคะ
เดี๋ยวมีโอกาสจะขึ้นไปแก้ตอนบนๆ เน่อออ
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม!
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 22-08-2017 19:37:52
ลุงขายอ้อยน้องเจ็ทโดยไม่รู้ตัว
พี่ไม้ท่าทางจะงานดีกว่าลุงซะอีก
อยากจีบสาวแต่ดันไม่มีบทเจรจากะสาวเจ้าเลย
แถมตอนจบดันมาส่งหนุ่มน้อยเจ็ทของเค้าซะงั้น
 :mew1:
คนแอบชอบรีบรู้ตัวไวๆ
จะได้รักคนที่ใช่เสียที
 :mew3:
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม!
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 22-08-2017 20:20:39
เดี๋ยววววว คือนมกับมาม่าแล้วก็โจ๊กเนี่ย มันแทนกันไม่ได้นะ ลุงบังคับแทนกันงี้เลยเหรอ คือมันอิ่มไม่เหมือนกันนะ ความเผด็จการในตัวนี่คืออะไร
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม!
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 22-08-2017 23:51:18
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม!
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 23-08-2017 00:02:39
เอ้ะ สรุปลุงชอบใครแน่นะ
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม!
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 23-08-2017 00:15:23
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH8 (23/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: oommmy ที่ 23-08-2017 16:48:49
CH8
สองสามวันมานี้ตาลุงนั่นหายไปครับ อาจเป็นเพราะช่วงสอบใกล้เข้ามาทุกที ทุกคนในมหาลัยจะพกตำราหนังสือกันเต็มไม้เต็มมือไปหมด เดินไปที่ไหนก็เจอแต่คนเดินพูดคนเดียว อาจะเป็นเพราะทุกคนพากันเดินท่องตำราหนังสือกันหมด

ส่วนไอ้ตัวผมนั้นนอกจากจะต้องติวหนังสือกับพวกเพื่อนๆในสาขาแล้ว ยังต้องสละเวลาอันน้อยนิดมาทำงานที่ร้านพี่โจ้อีกด้วย เพราะเนื่องจากหอสมุดที่ถึงแม้จะเปิดกัน 24 ชั่วโมงในช่วงสอบแล้ว แต่พื้นที่สำหรับรองรับนักศึกษาทั้งมหาวิทยาลัยนั้นย่อมมีไม่พอครับ นักศึกษาจำนวนหนึ่งจึงถึงขั้นมาอยู่กินกันที่ร้านพี่โจ้กันเลยทีเดียว

ไม่ต่างกับเพื่อนๆ กลุ่มผม ที่มานั่งอ่านหนังสือกันอยู่ในร้าน โดยมียะหยาเป็นผู้ถือไวท์บอร์ดสีขาวติวโจทย์ต่างๆ ให้กับเพื่อนๆ ที่ต้องใช้ไวท์บอร์ดเพราะต้องการให้ผมที่ยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์ได้ยินบทเรียนไปพร้อมๆ กัน ในเวลางานไม่สามารถไปติวได้ครับ ถึงแม้จะไม่มีคนมาสั่งอะไรก็ตาม แต่ก็ต้องยืนแสตนบายรอลูกค้าที่ไม่รู้จะมาสั่งตอนไหน เพราะฉะนั้นยะหยาเลยตัดปัญหาโดยการเลือกนั่งโต๊ะที่ใกล้เคาน์เตอร์เพื่อที่ผมจะได้ยืนดูและติวไปด้วย

ถามว่าผมเข้าใจไหมน่ะหรอครับ ไอ้โจทย์ง่ายๆ ที่ไม่ซับซ้อนอะไรมันก็เข้าใจอยู่หรอกนะ แต่พอเริ่มเข้าโจทย์ที่ต้องใช้หลายๆ สูตรมาประยุกต์รวมกันนี่ขอบอกเลยว่าตันครับ หยิมเห็นแบบนั้นเลยเขียนสูตรมาให้ผมท่องให้ได้ก่อน ระหว่างที่ยืนเฝ้าเคาน์เตอร์ เพราะจะได้นำสูตรมาลองทำตอนผมเลิกงาน

“อเมริกาโน่ร้อนแก้วหนึ่ง ขอเข้มๆ เลยนะ คืนนี้ไม่ได้นอนอีกแหงเลยว่ะ” เพื่อนในสาขาผมหันมาตะโกนสั่งกาแฟ พร้อมกับทำหน้าแหยๆ หลังจากที่คิดได้ว่าคืนนี้พวกเราคงโต้รุ่งกันอีกคืน ก่อนจะแยกย้ายไปนอนตอนเช้า สอบตัวแรกของพวกเราคือวันมะรืนนี้ครับ ซึ่งโชคดีที่สอบตัวแรกก็เป็นตัวโหดของคณะแล้ว ทำให้เราทุ่มเทกับวิชานี้ได้หลายวัน จะห่วงก็แต่วิชาอื่นๆ ที่คงไปอ่านอีกทีก่อนสอบวันต่อวันแทน

ผมวางสูตรที่หยิมเขียนใส่กระดาษโน้ตใบเล็กๆ ไว้ เพื่อจะได้ท่องได้ง่ายๆ ไปบดเมล็ดกาแฟ แล้วหันไปเปิดเครื่องกาแฟเพื่อวอร์มให้น้ำร้อนอยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสม ก่อนจะเทผงกาแฟที่บดเสร็จแล้วใส่ชอตกาแฟ กดจนผงกาแฟแน่นพอในขนาดพอดี แล้วสวมชอตเข้ากับเครื่องกาแฟ รอจนน้ำร้อนพร้อม แล้วกดน้ำกาแฟลงมาในแก้วตวง ผมชอบกลิ่นของกาแฟที่เพิ่งออกจากเครื่องครับ มันหอมชวนดม ติดกลิ่นหวานปนขมนิดหน่อย พอได้น้ำในปริมาณที่เหมาะสมแล้วจึงนำไปเทใส่แก้ว แล้วเสิร์ฟทันที อเมริกาโน่ของร้านเราไม่ใส่อะไรเลยครับ เพื่อให้ลูกค้าได้ชิมรสชาติของเมล็ดกาแฟแท้ๆ ไม่มีเครื่องปรุงผสม ผมเคยไปยืนดูบางร้านจะเติมน้ำตาลลงไปให้ลูกค้าบ้าง ให้ติดหวานหน่อยๆ แต่ผมว่าเสน่ห์ของอเมริกาโน่คือน้ำกาแฟล้วนๆ มากกว่านะ

“ติวถึงไหนแล้ววะ กูยังท่องสูตรไม่ได้เลย” ตอนที่ยกกาแฟไปเสิร์ฟก็แอบเหลียบตามองที่กระดานไวท์บอร์ดนิดหน่อย เห็นยะหยากำลังอธิบายโจทย์ยากๆ ที่ผมไม่มีวันเข้าใจได้ด้วยตัวเองแน่ ผิดกับหยิม ที่เคยมองก็เข้าใจแล้ว ไอ้ความฉลาดนี่มันสืบทอดกันทางดีเอ็นเอรึเปล่าครับ สองแฝดถึงได้เข้าใจโจทย์ยากๆ พวกนี้ แถมยังอธิบายออกมาเป็นคำพูดง่ายๆ ที่ทำให้คนอย่างไอ้คุณส้มเข้าใจได้ ผมว่าผมเรียนไม่เก่งแล้วนะ แต่ไอ้คุณส้มมันยิ่งกว่าครับ มันบอกว่าแอดมามั่วๆ แค่อยากเลือกเรียนมหาลัยเดียวกับพี่เก่งเท่านั้น เวลาเรียนมันเลยไม่เคยจดอะไรลงชีทหรือหนังสือมันเลย ลำบากก็ตอนสอบนี่แหละครับ ที่เอาชีทขาวโพลนแบบนั้นมาอ่าน ยังไงก็ไม่มีวันเข้าใจได้หรอก

“ก็เหลือพวกโจทย์ที่ต้องประยุกต์มากๆ อ่ะ นี่หยาก็พยายามติวให้ได้เกือบทุกข้อ ก็หวังว่าบุญบารมีของพวกมึงยังถึงอยู่” เพื่อนคนเดิมที่สั่งกาแฟผมหันกลับมาตอบ แล้วยกกาแฟขึ้นจิบเล็กน้อย แต่มือก็ยังจดตามที่ยะหยาพูดยิกๆ

“มึงเลิกงานกี่โมง” หยิมเป็นคนหันมาถาม ก่อนจะส่งกระดาษเอสี่เปล่าๆ มา ผมเลิกคิ้วเป็นเชิงถามเล็กน้อย แต่ก็รับกระดาษมาถือไว้ ให้ทำไมวะ

“น่าจะอีกชั่วโมงหนึ่ง” พลิกกระดาษไปมาก็ยังไม่พบตัวหนังสืออะไร

“อืม เขียนความรู้ทั้งหมดที่มึงมีตอนนี้ระหว่างที่ยืนเฝ้าเคาน์เตอร์ กูจะได้รู้ว่าควรเพิ่มเติมความรู้อะไรเข้าสมองมึงเพิ่ม” อ่อ ทุกวินาทีมีค่าสินะ

ผมเห็นแบบนั้นจึงเดินกลับมาที่เคาน์เตอร์แล้วหยิบกาแฟในเสื้อเอี๊ยมขึ้นมาเตรียมจะเขียนสูตรที่หยิมเพิ่งให้ท่องเมื่อกี้ลงไป นอกจากสูตรแล้ว ความรู้ผมก็ไม่มีเลยครับขอสารภาพ เพราะถึงจะพยายามชะเง้อคอมองที่ไวท์บอร์ดแค่ไหน  ความสามารถของผมก็ไม่อยากเข้าใจได้ด้วยการไม่ท่อง ผมเคยแม้จะกระทั่งจำโจทย์ข้อนั้นเข้าไปสอบเลยล่ะ เพราะเข้าใจยากเหลือเกินแต่ละข้อ จำมันกว่า พอเจอโจทย์คล้ายๆ กัน แต่เปลี่ยนตัวเลขนิดหน่อยถึงจะทำได้

ระหว่างที่กำลังพยายามเขียนสูตรลงกระดาษเอสี่ก็รู้สึกว่ามีคนมายืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์กาแฟ แต่ไม่ยอมสั่งเครื่องดื่มหรือของหวานใดๆ เดาว่าคงเลือกอยู่ ผมจึงเขียนต่อรอเวลาลูกค้าสั่ง

“ไม่คิดจะสนใจลูกค้าเลยหรอ” เสียงที่คุ้นเคย ไม่ได้ยินมาตั้งสองวันได้ ไม่คิดว่าวันนี้จะโผล่มานี่แฮะ

“จะกินอะไรก็สั่งเลยลุง ผมฟังอยู่นะ” แม้ปากจะพูดแบบนั้น แต่ผมก็ยังไม่เงยหน้าจากกระดาษเอสี่อยู่ดี

“หึ ไม่เจอกันหลายวัน โทรมเชียวนะมึง”

“ก็แหงแหละ งานก็ต้องทำ หนังสือก็ต้องอ่าน ว่าแต่ลุงเหอะ หายไปนาน วันนี้ลมอะไรหอบมาที่นี่ล่ะ” ผมเงยหน้ามองลุงเล็กน้อย แล้วหันไปเขียนต่อ สูตรนี้มันขาดอะไรไปป่ะวะ โอ้ยยยยย คิดไม่ออก

“มีสายรายงานกูว่ายะหยามาติวหนังสือที่นี่ตั้งแต่หัววัน กูสอบเสร็จเลยแวะเข้ามาหน่อย” สายที่ว่าก็คงไม่พ้นเพื่อนคนใดคนหนึ่งในกลุ่มตาลุงนั่นแหละครับ ผมจำได้ว่าเมื่อช่วงหัวค่ำมีเพื่อนในคณะลุงมาติวหนังสือกัน แต่พอดึกหน่อยก็พากันกลับ คิดว่าคงเป็นวิชาที่ไม่ยากอะไร เลยติวกันเสร็จเร็ว

“ได้เจอแล้วไงต่อ ก็ไม่กล้าคุยอยู่ดีป่ะ” อ่า คิดออกแล้ว ขาดตัวนี้นี่เอง ก็ว่าแล้วทำไมสูตรมันแปลกๆ

“มึงก็ทำให้กูได้คุยสิ” ตาลุงท้าวแขนลงกันเคาน์เตอร์แล้วมองกระดาษที่ผมเพิ่งเขียนเสร็จสดๆ ร้อนๆ พร้อมขมวดคิ้วเล็กน้อย

“มึงแน่ใจแล้วหรอว่าที่เขียนน่ะถูกหมด” อ้าวลุง ผมท่องมางี้ก็ต้องถูกสิ

“ถูกดิ เนี้ยดู เขียนตามที่หยิมจดให้เป๊ะ” นอกจากจะไม่หยิบกระดาษโน้ตของหยิมไปแล้ว ยังหันมาคว้าปากกาในมือผมไปขีดฆ่าสูตรที่ผมพยายามเขียนเมื่อกี้ แล้วเขียนสูตรใหม่ลงไปแทน ทำจนพอใจก็หยิบกระดาษโน้ตของหยิมส่งให้ผมเช็คคำตอบ

เอออออออ รู้แล้วว่าเก่ง แค่จำผิดนิดผิดหน่อย ไม่ต้องล้อทางสายตาก็ได้ ชิ

“ละสรุปจะสั่งอะไร” ผมเก็บกระดาษกับปากลงไว้ใต้เคาน์เตอร์ เอาไว้เลิกงานค่อยเอาไปส่งให้หยิม

“เหมือนเดิม”

“สตอเบอรี่ปั่นนะ ใส่โยเกิร์ตด้วยไหม” ผมหันกลับไปเปิดตู้เย็น วันนี้เพิ่งซื้อโยเกิร์ตมาใหม่ คิดว่าคงยังไม่หมดอายุในเร็วๆ นี้แน่

“อืม” ลุงตอบรับในลำคอเบาๆ แล้วเดินไปนั่งบาร์ใกล้ๆ กับเคาน์เตอร์ นั่งตรงนี้จะมองเลยไปเห็นโต๊ะที่เพื่อนๆ ผมกำลังติวกันพอดีครับ

“เออลุง มันมีไข่มุกมาใหม่อ่ะ เพิ่มเป็นทอปปิ้งมั้ย ผมอยากชิม” หยิบขวดไข่มุกรสสตอเบอรี่ขึ้นมาชู เป็นไข่มุกที่พอเคี้ยวแล้วจะมีน้ำใสๆ รสสตอเบอรี่ไหลออกมาครับ เมื่อก่อนพี่โจ้เคยเอามาให้ชิมแล้วรอบหนึ่ง ตั้งใจว่าจะซื้อมาขาย แต่พอจะไปสั่งสินค้ามันขาดตลาด พวกเราเลยเอามากินกันเล่นๆ ไม่ได้ ต้องให้เฉพาะลูกค้าเท่านั้น

ลุงเหลือบตามองเล็กน้อย แล้วพนักหน้าเบาๆ ถามว่าทำไมถึงยอมให้ใส่ง่ายๆ น่ะหรอครับ ก็เวลาลุงเนี้ยมาทีไรผมก็ชอบเสนอนู่นเสนอนี่ให้มันชิมเป็นประจำ จากที่เคยกินแค่สตอเบอรี่ปั่นธรรมดา ตอนนี้ชอบให้ใส่โยเกิร์ตไปเพิ่มความเปรี้ยวอีกนิด สลับกันว่าวันไหนผมจะเสนออะไร บางวันผมก็อยากลองชิมสูตรใหม่ๆ ก็ปั่นให้ลุงมันชิม แล้วตัวเองก็ชิมเองไปด้วย ลองอะไรแปลกๆ บ้างจะได้ไม่เบื่อครับ

“ว่าแต่ลุงไม่มีสอบแล้วหรอพรุ่งนี้ ผมเห็นพวกเพื่อนลุงมาติวแล้วกลับไปแล้ว” ใส่มุกเข้าไปเยอะๆ ถ้าลุงมันไม่กินผมจะกินเองให้หมด อิอิ

“มีสอบบ่าย แต่ตัวนี้สบายหน่อย ไม่ต้องอ่านมาก ใช้การวิเคราะห์เสียส่วนใหญ่” ปากอะตอบผมครับ แต่ตามองไปทางคนถือกระดานไวท์บอร์ดโน่นน ลุงขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้นเดินไปทางโต๊ะที่เพื่อนผมกำลังติวอยู่ ผมมองตามไปเห็นเข้าไปคุยอะไรกับยะหยาซักพัก แล้วหยิบปากกาไวท์บอร์ดขึ้นมาเขียนอะไรบางอย่างยิกๆ บนไวท์บอร์ด หลังจากเขียนเสร็จก็ส่งปากกาคืนให้หยาแล้วหันไปพูดอะไรอีกเล็กน้อย แล้วเดินกลับมาที่เดิม

“ทำไรมาอ่ะลุง” เรื่องของคนอื่นคือเรื่องของไอ้เจ็ทครับ อิอิ

“ก็เปล่า แค่เห็นว่าเหมือนยะหยาจะเขียนวกวนไปหน่อย เลยไปแนะนำวิธีคิดอีกแบบที่น่าจะจำง่ายกว่า” โว้วววว ถือว่าพัฒนา เดี๋ยวนี้กล้าเข้าไปคุยเองแล้วเว้ย หลังจากที่ด้อมๆ มองๆ หน้าคณะผมทุกวัน วันนี้กล้าเดินเข้าไปคุยเองเสียด้วย


“ไม่เบานี่หว่าลุง เดี๋ยวนี้กล้าคุยกับยะหยาแล้วหรอ” เหลือบจังเลยนะตาอ่ะ ระวังจะเหล่เข้าสักวันนะเว้ย

“สตอเบอรี่กูอะได้ยัง” มีขงมีเขินด้วยเว้ย ใครก็ได้เอาตาลุงขี้โมโหกลับมาที ฮ่าๆ

“ได้แล้วว นี่เลย ใส่มุกเยอะเป็นพิเศษ เพราะผมจะกินด้วย ฮิฮิ” ยังไม่ทันที่ลุงจะได้กิน ผมก็คว้าหลอดช้อนมาตัดมุกเข้าปากไปก่อนแล้ว

“ขโมยของกูกิน ยังให้กูจ่ายเต็มราคาอีกนะ”

“โด่วว ของซื้อของขาย ตอนนี้ก็ขอลุงกินไง เดี๋ยวอีกหน่อยมาเป็นเพื่อนเขยแล้วผมจะอดกิน เกิดลุงมัวแต่ไปเลี้ยงหยา ผมก็แห้วดิ ตอนนี้ต้องรีบไขว้คว้าไว้ก่อน” เวลาน้ำสตอเบอรี่ไหลออกมาจากมุกนี่อร่อยจริงๆ นะครับ อยากหยิบขวดในตู้เย็นมากินเสียให้หมด

“กูไม่ทิ้งมึงหรอกน่า” พูดพลางเอื้อมมือมาโบกหัวผมเบาๆ ก่อนจะยื่นแล้วแก้วสตอเบอรี่มาให้ผมกินต่ออย่างสบายใจ

โอ้ยยย อิ่มจัง ตังค์อยู่ครบ อิอิ

.........................................................................................
ลุงสายอ่อย 5555555 ทำตัวแบบนี้เดี๋ยวหนูเจ็ทจะคิดลึกนะลุง
ฝากให้กำลังใจลุงหน่อยว่าจะจีบหยาติดหรือเผลอใจให้เด็กที่เลี้ยงไว้กันแน่

ขอบคุณที่คอมเมนต์เหมือนนะฮ้าบบบ
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม!
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 23-08-2017 17:47:45
สกินชิฟกันเข้าเยอะๆ ไปๆมาๆ เกืดจิตใจไหวหวั่นจะหัวเราะลั่นเบยคอยดู
โอมเพี้ยง ขอให้ยะหยาชอบลุงตอบทีเถอะ
ถ้าวันนั้นมาถึง เจอเด็กเลี้ยงหนีหน้าขึ้นมา
หุหุ สนุกแน่นวน
 :mew3:
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม!
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 23-08-2017 18:07:14
แหม เขาเสนออะไรให้ก็เอาหมดเลยนะลุง

รบกวนเวลาอัพที เปลี่ยนหัวให้ได้มั้ย จะได้เข้ามาอ่านถูก
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH8 (23/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 23-08-2017 21:56:24
ลุง สั่งน้ำปั่นสาวน้อยจ๋ามากมาย ^^ คู่นี้เขาสกินชิฟกันอยู่เรื่อยเลย ถูไปถูมาระวังสป๊าคติดเข้าให้
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH8 (23/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 23-08-2017 22:17:59
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH8 (23/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 24-08-2017 00:27:00
ท่าทางลุงมีใจให้เจ็มนะ แต่ไม่รู้ตัวนะ  o18
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH8 (23/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 24-08-2017 00:28:53
ท่าทางลุงมีใจให้เจ็ทนะ แต่ไม่รู้ตัวนะ  o18
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH9 (24/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: oommmy ที่ 24-08-2017 22:41:58
CH9

ฤดูกาลแห่งการสอบได้ผ่านพ้นไป เข้าสู่ช่วงของวันหยุดปิดเทอม ที่เหมือนไม่ได้ปิดเทอม ก็จะเรียกว่าปิดเทอมได้ยังไงล่ะครับ เหมือนมหาวิทยาลัยให้วันหยุดสะสางงานที่ค้างคาเพื่อจะส่งในวันเปิดเทอมมากกว่า อาจารย์ชอบบอกว่าเอาไว้กันลืมความรู้ที่อุตส่าห์ร่ำเรียนมากันตลอดเทอม แต่ดีหน่อยที่พอมีเวลาส่วนตัวบ้าง เวลาว่างของผมส่วนใหญ่จึงไปวนเวียนอยู่กับห้างสรรพสินค้า และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในเมืองกรุง

ผมเป็นคนคนหนึ่งที่ชอบสะสมกล้องฟิล์มครับ ผมรู้สึกว่ามันดูมีเสน่ห์ในตัวเอง ผมไม่ใช่พวกสมัยนิยมที่เห็นว่าเขากำลังฮอต เลยต้องมีเอาไว้ถ่ายรูปอัพลงโซเซียลให้ดูเป็นคนชิคๆ แต่ผมสนใจกล้องฟิล์มมาตั้งแต่ช่วงมอปลายแล้ว จำได้ว่ากล้องฟิล์มตัวแรกคือกล้องตัวเก่าของพ่อที่บังเอิญไปเจอตอนที่กำลังจัดบ้านกันครับ ความโชคดีคือมันยังมีฟิล์มค้างอยู่ในกล้องนิดหน่อย พ่อผมเลยถ่ายรูปเล่นๆ ให้ฟิล์มหมดม้วนก่อนจะให้ผมเอารูปไปล้าง

ตอนแรกผมก็สงสัยนะครับว่าเราจะมาลำบากใช้กล้องฟิล์มทำไม เทคโนโลยีสมัยนี้มันก้าวกระโดดไปไกลแล้ว แค่มีมือถือหรือกล้องดิจิตอลซักตัว ก็มีรูปสวยๆ ไว้อวดคนอื่นได้อีกหลายรูปเลยล่ะ แต่คำตอบพวกนั้นมันอยู่ในรูปที่ล้างออกมาจากฟิล์มนั่นแหละครับ

ทั้งม้วนมี 36 รูป แต่รูปที่ออกมาชัดจริงๆ มีไม่ถึง 20 รูปครับ แต่รูปพวกนี้สื่อความรู้สึกของความทรงจำได้ดีทีเดียว รูปของแม่ที่แอบปีนรั้วโรงเรียนอนุบาลของผม รูปที่น้องสาวผมวิ่งร้องไห้ออกมาจากหน้าโรงเรียนอนุบาล รูปที่ผมทำหน้าเซ็งตอนแม่สนใจน้องสาวมากกว่าผม หรืออีกหลายๆรูปที่มีแม่ น้องสาว และผม เป็นคนเล่าเรื่อง พ่อผมเก็บทุกความทรงจำเหล่านั้นไว้ผ่านกล้องฟิล์ม แต่ด้วยงานที่เพิ่มมากขึ้น ภาระทางบ้านหนักขึ้น ทำให้พ่อลืมเลือนที่จะหยิบนำกล้องมาถ่ายให้ฟิล์มหมด ภาพสุดท้ายที่ชัดคือภาพแม่ที่กำลังเก็บของในบ้านให้เป็นระเบียบเรียบร้อย มองผ่านไปด้านหลังเห็นน้องสาวกำลังหยิบหนังสือพิมพ์ส่งให้ผมไปสำหรับเช็ดกระจกในบ้าน ข้างๆ มีขวดน้ำยาเช็ดกระจกอยู่ นั่นคงเป็นภาพปัจจุบันก่อนที่พ่อจะให้ผมไปล้างฟิล์ม

และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นให้ผมสนใจกล้องฟิล์ม จากตอนแรกที่เอากล้องพ่อมาใช้บ้าง ก็เริ่มตามหามาเป็นของตัวเอง แต่การจะไปหาซื้อฟิล์มมาใส่กล้องมันก็ยากเหลือเกินครับสำหรับสมัยนั้น กว่าจะได้ฟิล์มมาใช้ซักม้วนต้องวิ่งเต้นกันแทบตาย แต่จะเรียกว่าผมโชคดีก็ได้นะครับ ที่พ่อค่อนข้างจะสนับสนุนเรื่องพวกนี้ เพียงแต่มีข้อแม้ว่าต้องไม่พกกล้องไปโรงเรียนด้วย เพราะแต่ละตัวมันแพงเหลือเกิน ถ้าหายพ่อจะให้เลิกสะสม แล้วก็ให้ช่วงแม่ทำงานบ้านทุกวัน อย่างน้อยล้างจานทุกวันก็ยังดีครับ

และตอนนี้กล้องฟิล์มที่ผมหยิบติดมือมาด้วยจากบ้านที่ภาคเหนือก็คือ Nikon FM10 ตัวนี้มีฟังก์ชั่นที่ผมชอบครับ ตอนซื้อมาเป็นมือสองราคาไม่แพง มีรอยขีดข่วนที่ตัวบอดี้นิดหน่อย แต่ถือว่ายังสามารถได้งานได้เต็มที่ เลยตัดสินใจเจียดเงินค่าขนมนิดหน่อยมาซื้อ

วันนี้ผมเลยพาตัวและกล้องมาที่ท้องฟ้าจำลองเอกมัย ดูมุ้งมิ้งตามสไตล์ผมไหมล่ะ นอกจากเป็นคนตลกแล้วยังเป็นคนตะมุตะมิด้วยนะเออ เห็นสมัยนี้เขาใช้คำนี้กันใช่ไหมครับ ตะมุตะมิ 55555 ที่มามันคือยังไงไม่รู้ แต่อยากหยิบมาใช้บ้างเดี๋ยวหาว่าผมหัวโบราณ

ผมเคยดูหนังเรื่องรถไฟฟ้ามหานะเธอที่ คริส หอวัง เล่นคู่กับ เคน ธีรเดช ไอ้ฉากประทับใจตอนนั้นก็คงเป็นตอนที่ตามหาว่าบ้านตัวเองอยู่ตรงไหนในแผนที่ แต่บังเอิญบ้านผมไม่ได้อยู่กรุงเทพเสียด้วยสิ แต่อยากลงหาบ้าง เลยตัดสินใจหามหาลัยตัวเอง ถึงไม่อยู่ในตัวเมืองกรุงเทพ แต่ก็อยู่แถบชานเมืองล่ะน่า

ผมถอดรองเท้าและเดินวนๆ รอบๆ แผนที่ จริงๆ ก็อายนิดหน่อยนะที่ต้องทำไรแบบนี้ เพราะในนี้มีแต่เด็กน้อยตัวเล็กๆ วิ่งเต็มไปหมดเลยครับ แล้วก็มีคุณพ่อคุณแม่ยืนถ่ายรูปเด็กๆ อยู่ไกลๆ เห็นแบบนี้ก็คิดถึงรูปที่พ่อผมถ่ายขึ้นมาทันทีเลยล่ะครับ ว่าแล้วก็ขอแชะภาพเก็บไว้ซะหน่อย

แต่ยังไม่ทันที่ผมจะหามหาลัยตัวเองบนแผนที่เจอ เสียงแอพพลิเคชั่นยอดฮิตที่มีสัญลักษณ์สีเขียวสว่างจ้าขึ้นมาเสียก่อน ดังทีเดียวอ่ะไม่เท่าไหร่หรอก แต่นี่ดังติดๆ กันหลายครั้งก็ควรหยิบมาดูล่ะ

SomZaa : พวกมึง พี่เก่งไม่ตอบแชทกูตั้งแต่เช้าแล้วว่ะ
YaYaya : พี่เก่งไม่ว่างรึเปล่า อย่าคิดมาเลย
SomZaa : แต่พี่เก่งไม่เคยเป็นแบบนี้เลยนะหยา เราใจคอไม่ดีเลยอ่ะ
Yiim : คิดมากน่ามึง พี่เก่งอาจจะยังไม่ตื่นก็ได้

และอีกมากมายที่ใจความประมาณว่าพี่เก่งเหมือนจะเปลี่ยนไป ไม่ตอบแชทเหมือนเก่า ยิ่งช่วงสอบยิ่งหนัก เพราะพี่เก่งแทบจะไม่โผล่หน้ามาให้ส้มเห็นเลย จากที่ตอนแรกพวกผมก็คิดว่าส้มอาจจะคิดมากกไปเอง แต่ด้วยสถานการณ์หลายๆ อย่างทำให้ใจผมเริ่มคิดเหมือนส้มแล้วครับ ถึงอย่างนั้นเราก็พยายามปลอบใจส้มว่ามันคงไม่มีอะไร แม้มันอาจจะมีอะไรจริงๆ ก็ได้
ผมที่ไม่รู้จะช่วยเพื่อนยังไงทำได้แค่ส่งข้อความไปปลอบใจ และสติ๊กเกอร์รูปหมียืนยิ้มกลับไป และจังหวะที่เก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าและหยิบกล้องขึ้นมาเตรียมถ่ายรูปอีกรอบก็มีเด็กผู้หญิงตัวกลมวิ่งเข้ามาชนผมเสียก่อน ด้วยสรีระของเด็กน้อยที่ตัวเล็กกว่าผมมาก ทำให้เด็กน้อยเซไปด้านหลังเล็กน้อย ดีที่คว้าเอาไว้ได้ทัน ไม่อย่างงั้นก้นคงจ้ำบ๊ะไปแล้ว

“ขอโทษค่ะ” เด็กผู้หญิงเงยหน้ามาขอโทษผม พร้อมกับทำหน้าสำนึกผิดเต็มที่ เห็นท่าทางแบบนั้นแล้วอยากหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายรูปเก็บไว้ แต่กลัวผู้ปกครองเด็กจะกว่าเสียก่อน เลยทำแค่ลูบหัวไปเบาๆ แล้วบอกไม่เป็นไรกลับไป

“ว่าแต่คุณพ่อคุณแม่ไปไหนคะ” เห็นเด็กยืนอยู่คนเดียว มองไปรอบๆก็ไม่มีวี่แววว่าจะมีพ่อแม่เด็กคนนี้เลย เพราะคนอื่นๆ ก็ต่างสนใจลูกของตัวเองกันหมด

“คุณแม่เดินไปเข้าห้องน้ำค่ะ เลยบอกให้ฮันนี่รอตรงนี้ ส่วนคุณพ่อไม่ว่างค่ะ ไปเที่ยวบนสวรรค์นู่น เลยมาเที่ยวกับฮันนี่ไม่ได้” อ่า ฮันนี่คงไม่เข้าใจคำว่าคุณพ่อไปเที่ยวบนสวรรค์สินะ

“วันนี้คุณแม่พาฮันนี่มาดูดาว มีน้าทีมาด้วย แต่น้าเดินไปซื้อน้ำตรงนู่นนนนน” ฮันนี่ชี้ไปมือไปตามทิศที่น้าทีของฮันนี่เดินไป มองไปก็เห็นแผ่นหลังผู้ชายตัวโตกำลังส่งเงินให้แม่ค้า ในมือถือน้ำเปล่าสองขวด

“คุณแม่บอกว่าให้ฮันนี่หาบ้านตัวเองรอไปก่อน แต่ฮันนี่ยังหาไม่เจอเลยค่ะ” เด็กหญิงพูดเจื้อยแจ้ว แล้วก้มลงกับพื้นเพื่อมองหาบ้านตัวเอง ผมเห็นแบบนั้นเลยก้มลงไปช่วยเด็กหญิงหาบ้านด้วย ฮันนี่น่ารักครับ ตามองหาบ้าน และก็ยังพูดไม่หยุด มือไม้แตะสะเปะสะปะไปทั่ว บางครั้งก็ก้มลงไปใกล้ๆแผนที่ เพื่อดูว่าใช่บ้านของตัวเองจริงๆ รึเปล่า ต้องคอยห้ามปรามอยู่ตลอด ไม่รู้ว่าพื้นนี่มีใครเหยียบมาแล้วบ้าง ถ้าให้เด็กก้มลงไปใกล้ขนาดนั้น กลัวว่าจะไม่สบายเพราะเชื้อโรคเสียหมด

“เพิ่งรู้ว่าคนอย่างมึงก็มาเที่ยวที่แบบนี้นะ” ผมว่าตอนนี้ผมเปลี่ยนใจแล้วครับ ไอ้ทฤษฎีโลกกลมอะไรเนี้ย มันน่าจะมีจริงละล่ะ ไปไหนก็หนีไม่พ้นลุงร่างยักษ์คนนี้จริงๆ เสียงคุ้นเคยที่ดังขึ้นด้านหลังไม่ได้ทำให้ผมแปลกใจนัก เพราะตอนที่ฮันนี่ชี้ไปที่ร้านขายน้ำ  ผมก็เดาว่าน้าทีอะไรนั่น คงหนีไม่พ้นตาลุงที่ผมเจอหน้าทุกวันหรอก ดีหน่อยที่ตอนนี้ไม่ได้มารับผมไปเรียนแล้ว เพราะมอเตอร์ไซด์ที่พังซ่อมเสร็จแล้ว ผมเลยไม่มีข้ออ้างอะไรบอกเพื่อนว่าลุงนี่มาส่งผมได้ยังไง แต่จะว่าก็ว่าเหอะ ไอ้ช่วงสอบที่พวกผมคลุกตัวอยู่ร้านพี่โจ้ ลุงนี่ก็แวะเวียนมาสั่งน้ำสตอเบอรี่ทุกวัน หลังๆ เริ่มมาช่วยหยาติวหนังสือด้วยอีกคน ขนาดเรียนคนละคณะ ลุงมันยังสามารถติวหนังสือพวกผมได้เลยอ่ะ ในสมองนั่นบรรจุอะไรอยู่วะ ตอนนี้พวกเพื่อนๆ ผมเลยยกย่องให้ลุงเป็นเทพ ไม่เว้นแม้แต่ยะหยาที่ดูจะถูกใจเป็นพิเศษ เพราะได้วิธีคิดแบบใหม่ๆ ที่จำง่ายกว่าที่ยะหยาเคยคิดไว้เยอะ แหมม คะแนนนำลิ่วขนาดนี้ การจะคว้าหัวใจยะหยาคงไม่ยากแล้วล่ะมั้ง

“น้าที!!!” ฮันนี่หันไปตามเสียงที่คุ้นเคยก่อนจะยิ้มให้น้าของตัวเอง น่ารักจังเลยเว้ย อยากจะฟัดแก้มนิ่มๆ นั่นจริงๆ ถ้าน้องสาวผมมันน่ารักแบบนี้ตั้งแต่เด็กๆ ผมคงไม่แกล้งมันได้ทุกวี่ทุกวันที่อยู่ด้วยกันหรอก ยิ่งโตยิ่งขี้บ่น ไม่รู้ได้นิสัยนี้มาจากไหน

“ว่าไงตัวแสบ น้าเคยบอกว่าอย่าไว้ใจคนแปลกหน้าไงคะ” พูดจบก็ยิกจมูกเด็กสาวที่กำลังพยายามชูมือให้อุ้มอยู่ตรงหน้า

“ก็เมื่อกี้ฮันนี่วิ่งชนน้าคนนี้ แต่น้าคนนี้ไม่ดุฮันนี่ น้าคนนี้ใจดี ไว้ใจได้” เด็กก็คือเด็กครับ เห็นคนใจดีเข้าหน่อยก็ไว้ใจง่ายๆ แบบนี้ไม่แปลกที่ลุงจะเป็นห่วงขนาดนี้ มีโอกาสโดนหลอกได้ง่ายๆ เลยนะเนี้ย เห็นแบบนี้ก็ไม่น่าปล่อยเด็กไว้คนเดียวนะ

“คุณแม่ไปไหนคะ ทำไมปล่อยให้ฮันนี่อยู่คนเดียว”

“คุณแม่ไปเข้าห้องน้ำค่ะ  บอกว่าปวดท้องทนไม่ไหว เลยบอกให้ยืนรอน้าทีอยู่ตรงนี้” บรรยากาศฟรุ้งฟริ้งระหว่างน้ากับหลานทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะหยิบกล้องที่คล้องคออยู่มาถ่ายรูปเก็บไว้ ตาลุงก็มีโมเมนต์น่ารักแบบนี้ด้วย ขอถ่ายเก็บไว้ดูเล่นเสียหน่อย

“แล้วมึงมาทำไรที่นี่” หลังจากที่หันไปสวีทกับหลานสาวตรงหน้าเสร็จ ก็เบนความสนใจกลับมาหาผมต่อ เห็นเจ้าตัวเล็กกำลังดูดน้ำที่อยู่ในขวด โดยที่ลุงเป็นคนถือขวดไว้ให้

“มาท้องฟ้าจำลอง มาดูจระเข้มั้งลุง”

“หึ” น่ะ มีส่งเสียงในลำคอกลับมาด้วย บอกแล้วอย่าเล่นกับไอ้เจ็ท มีแต่กวนทรีนกลับเท่านั้นแหละ

“แล้วมากับใคร” ขณะที่ผมยกกล้องถ่ายรูปเด็กน้อยดูดน้ำก็มีเสียงดังมาจากคนตรงหน้าฮันนี่อีกรอบ กล้าถ่ายแล้วครับ คิดว่าผู้ปกครองคงไม่ได้ว่าอะไร ก็เห็นยืนเฉยๆ ไม่ได้ว่าหรือตำหนิผมที่ยกกล้องมาถ่ายเจ้าตัวเล็ก

“เห็นว่ามากับใครล่ะคร้าบบบบ” อยากไปล้างฟิล์มแล้วครับ รูปของเด็กหญิงฮันนี่จะต้องออกมาดูดีแน่ๆ

“เพื่อนไม่คบสินะ”

“แหมลุง เที่ยวคนเดียวสนุกกว่าเที่ยวกับเพื่อนเยอะน่า ไม่ต้องรอใคร อยากทำไรทำ ไม่ต้องรอใครให้รำคาญใจกันเสียเปล่า” ก็อย่างว่าแหละครับ ไปคนเดียวได้ทำในสิ่งที่เราอยากทำ มันสบายใจกว่าการต้องคอยเอาใจใครมากมาย กว่าธุระของคนนู่นคนนี้จะเสร็จ ไม่เป็นอันทำอะไรกันพอดี ผมเคยไปเที่ยวกันครบแก็งค์ครั้งหนึ่ง บอกเลยว่ารอไอ้คุณส้มแอ็กท่าถ่ายรูปนานมาก จนรำคาญกันไปเลย หลังจากนั้นผมขอฉายเดี่ยวตลอด

“ซื้อตั๋วดูดาวรึยัง” ฮันนี่หันกลับไปสนใจการหาบ้านต่อแล้วครับ ปล่อยให้ผมยืนดูข้างๆ กับน้าทีของฮันนี่นั่นแหละ

“อืม รอบต่อไปนี่แหละ”

“ดูด้วยกันสิ รอบเดียวกัน” ฮันนี่หันกลับมายิ้มให้พวกทีหนึ่ง ก่อนนะสนใจหาบ้านต่อ เป็นเด็กที่มีความพยายามมากครับ ถ้าเป็นผมนะ เลิกหาไปนานแล้วล่ะ นี่หามหาลัยตัวเองยังไม่เจอแต่ก็ขี้เกียจแล้วครับ คิดเสียว่ามันหลุดนอกแผนที่นี้ไปเสีย จะได้ไม่ค้างคาใจ

“อืม” ตอบรับเบาๆ แล้วเดินเข้าไปช่วยฮันนี่หาบ้านต่อ เด็กหญิงยิ้มให้เล็กน้อย แล้วบอกว่าหลังคาบ้านเป็นสีฟ้าเข้มๆ หน่อย ใช้เวลาหาอยู่นานแต่ก็หาไม่เจอเสียที ลำบากลุงทีต้องมาชี้พิกัดที่ตั้งบ้านให้กำจัดวงการหาให้แคบลง

...

“แล้วเจ็ทกลับยังไงจ๊ะ” พี่ฟ้า แม่ของน้องฮันนี่หรือพี่สาวของลุงหันมาถามผมหลังจากที่เราดูดาวกันจบแล้ว ตอนนี้พวกเรายืนอยู่หน้าท้องฟ้าจำลองครับ ใช้เวลาประมาณราวๆ 1 ชั่วโมงได้ กับการนอนดูดาวในนั้น เด็กหญิงฮันนี่ที่ตอนแรกดูตื่นเต้นกับอนิเมชั่นตรงหน้า ตอนนี้หลับอยู่ในอ้อมอกของคุณแม่แทน อาจเพราะแอร์เย็นๆ เบาะนิ่มๆ และการวิ่งไปมารอบท้องฟ้าจำลอง ทำให้เด็กหญิงหลับลงได้อย่างง่ายดาย หลังจากฉายดาวไปไม่ถึง 15 นาที

“คงจะ BTS แหละครับ”

“อย่างนี้ก็ต้องไปต่อรถตู้อีกสิ” พี่ฟ้าพูดขึ้นอีกครั้ง

“งั้นให้ทีไปส่งไหม เดี๋ยวแวะไปส่งพี่กับฮันนี่ที่บ้านก่อน แล้วเดี๋ยวพี่ให้ทีขับรถไปส่งเราที่หอ” รอยยิ้มพี่ฟ้าสดใสมากครับ ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าตัวเล็กจะมียิ้มที่น่ารักขนาดนั้น

“ไม่เป็นไรดีกว่าครับ พอดีผมมีที่ที่อยากแวะก่อนที่หนึ่ง ถ้ายังไงไม่รบกวนดีกว่า” เห็นว่าแถวนี้มีคาเฟ่ที่บรรยากาศน่าถ่ายรูปอยู่ ว่าจะแวะไปก่อนจะกลับ จะได้ไปขโมยสูตรใหม่ๆ ให้ร้านพี่โจ้ด้วย

“เอางั้นหรอ งั้นกลับดีดีนะจ๊ะ ถ้าถึงหอแล้วก็ส่งข้อความมาบอกตาทีหน่อยละหัน พวกพี่จะได้ไม่ต้องห่วง”

“ครับ งั้นผมลาตรงนี้เลยนะครับ สวัสดีครับ” หันไปลูบหัวเด็กน้อย ก่อนจะเดินแยกออกมาหาแท็กซี่เพื่อไปยังร้านดังกล่าว แต่ยังไม่ทันพ้นประตูท้องฟ้าจำลองก็เห็นรถคันคุ้นเคยขับผ่านหน้าไป มันคงไม่ได้ทำให้ผมสนใจมากเลยถ้าคนบนรถไม่ใช่พี่เก่ง

และผู้หญิงอีกคนที่ผมเคยเห็นหน้าผ่านๆ เวลาเดินอยู่ในคณะ

พี่พาย ดาวคณะพ่วงด้วยตำแหน่งมหาวิทยาลัยปีที่แล้ว!

...
ไฟในการแต่งกำลังมาเลยค่ะ เลยรีบแต่งติดๆ กันได้หลายๆ ตอน
เราได้งานทำแล้วนะเอ้ออออ หลังจากเดินสายสัมภาษงานอย่างหนักหน่วง
ตอนนี้เลยรีบมาแต่งก่อนจะต้องไปทำงานจริงๆ จังๆ

สำหรับตอนนี้มาแบบเบาๆ ไม่หนักหน่วงๆ สบายๆ
เด็กหญิงฮันนี่ก็ได้แรงบรรดาลใจมาจากการ์ตูนเลยค่ะ เรื่อง honey&cover
บุลคลิกรูปร่างหน้าตาก็จะคล้ายๆ แบบนั้นเลย แฮ่

ตัวละครเพิ่มคนเรื่อยๆ แล้ว แต่คิดว่าตัวละครทึกตัวกำลังจะออกมาจนหมดทุกคนในเร็วๆ นี้
ยังไงก็ฝากติชมเหมือนเดิมนะคะ เราจะได้พัฒนางานเขียนให้เข้มข้นขึ้นๆ ไปอีกเนอะ
รักคนอ่านทุกคนน้าาา จุ้บๆ
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH9 (24/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 24-08-2017 23:30:01
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH9 (24/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 25-08-2017 02:03:44
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH9 (24/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 25-08-2017 05:55:40
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH9 (24/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 25-08-2017 11:14:11
เข้ากับครอบครัวได้ด้วย น้องฮันนี่สนใจน้าสะใภ้คนนี้มั้ยยยย
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH9 (24/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 25-08-2017 14:21:07
น้องฮันนี่น่ารักขโมยซีนตอนนี้ไปเต็มๆ
 :mew3:
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH10 (25/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: oommmy ที่ 26-08-2017 11:51:26
CH10

“เป็นไรว่ะมึง วันนี้ดูเงียบๆ” วันนี้พี่โจ้เข้าร้านครับ ปกติเวลาพี่โจ้เข้าร้านมักจะมีเมนูใหม่ๆ มานำเสนอให้พวกผมลองทำตลอด เราจะเปลี่ยนเมนูแนะนำของร้านทุกเดือน เพราะจะได้ไม่จำเจ ลูกค้าจะได้ติดตามกันเสมอ แต่เมนูอื่นๆ ก็มีเสมอครับ แต่มีมากมีน้อยก็ขึ้นอยู่กับปริมาณการสั่งของลูกค้าในแต่ละวัน ร้านเราพยายามจะไม่นำของค้างคืนมาทำ แต่บางครั้งมันก็จำเป็นครับ ไม่งั้นพี่โจ้ได้ขาดทุนย่อยยับแน่

“เปล่าพี่ แค่มีเรื่องให้คิดนิดหน่อย” ก็เรื่องพี่เก่งกับพี่พายนั่นแหละครับ เพราะปกติเวลาที่เก่งมาคณะพวกผมทีไรก็จะมาแค่รับส้มอย่างเดียว ไม่รู้ว่าไปสนิทกับพี่พายเอาตอนไหน จะว่าเป็นช่วงที่เก็บตัวประกวดดาวเดียวก็ไม่น่าใช่ เพราะตอนนั้นพี่เก่งก็มีส้มมาเฝ้าตลอด สองคนนี้ตัวติดกันตลอดเวลาขนาดนั้น ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่พี่เก่งจะไปสนิทสนมกับผู้หญิงคนอื่นได้โดยที่ส้มไม่รู้เรื่อง

“เครียดมากก็แดกๆ เข้าไป เขาว่ากันว่าของหวานช่วยผ่อนคลาย”

ผมตักบานอฟฟี่ที่พี่โจ้เพิ่งทดลองเอามาให้ชิมที่ร้าน แฟนพี่โจ้ทำมาครับ ด้วยความพี่อยากลองทำเมนูใหม่ๆ เลยไปลงเรียนทำขนม เป็นการช่วยกิจการของพี่โจ้ไปในตัว แฟนพี่โจ้ทำงานประจำเป็นพนักงานฝ่ายบุคคลอยู่ในบริษัทแห่งหนึ่ง พอมีเวลาว่างก็มักจะชวนพี่โจ้ไปชิมขนมร้านนู่นร้านนี้ตลอด จนกระทั่งได้มีโอกาสทำด้วยตัวเองนี่แหละครับ ขนมเค้กส่วนใหญ่ก็เป็นฝีมือแฟนของพี่โจ้ทั้งนั้น จะมีแค่บางอย่างที่รับมาจากร้านที่ไปชิมๆ กัน

“เป็นไง ฝีมือแฟนกู ใช่ได้มั้ย กูว่าจะเอาลงขายเร็วๆ นี้ เป็นเมนูแนะนำของเดือนหน้าไปเลย” ผมพยักหน้าเบาๆ ว่าอร่อย แล้วตักขนมตรงหน้าต่อเรื่อยๆ

“แล้วไอ้ต่อยังไม่มาอีกหรอวะ” หันไปมองนาฬิกาเล็กน้อย ใกล้ได้เวลาเข้างานของเพื่อนต่างคณะของผมแล้วครับ รายนี้จะเข้ากะต่อจากผม เพิ่งรับเข้ามาให้ครับ พี่โจ้เลยต้องคุมหน่อย กลัวทำสูตรผิดพลาดไปแล้วลูกค้าจะหายหมด จริงๆ แล้วพี่โจ้มันกลัวคิดเงินพลาดแล้วขาดทุนมากกว่า

“อีกตั้ง 15 นาทีน่าพี่ ถ้ามันเข้าสายเจ็ทอยู่ช่วยก่อนแปปนึงก็ได้นะ” เรื่องทำงานเลยเวลาผมไม่เกี่ยงหรอกครับ เพราะพรุ่งนี้ยังปิดเทอมอยู่ มีนัดทำงานกลุ่มก็ช่วงบ่ายๆ นู่น ตื่นสายได้สบายมาก

“เฮ้ยไม่เป็นไรมึง ขอบใจมาก แล้วหายเครียดยัง มีไรพูดกับกูได้นะเว้ย” พี่โจ้ตบบ่าผมเบาๆ ก่อนหันไปสนใจบานอฟฟี่ต่อ

จะเรียกว่าเครียดก็ไม่ถูกหรอกครับ ลำบากใจมากกว่า คิดมาตั้งแต่ตอนนั้นว่าควรจะบอกเรื่องนี้กับส้มดีไหม หรือเอาไปบอกสองแฝดก่อนดี แต่คิดอีกทีถ้ามันไม่มีอะไรก็กลัวจะทำให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ ผมห่วง ไม่อยากให้ส้มมันไม่สบายมากกว่าเดิม ไอ้คนอย่างผมก็ไม่เคยเจอเหตุการณ์อะไรแบบนี้เสียด้วยสิ ไม่รู้ว่าต้องจัดการกับปัญหานี้ยังไง

“พี่โจ้” เรียกคนข้างๆ เบา พี่โจ้หันมามองหน้าผมเหมือนคนต้องการจะถามว่ามีอะไรก็พูดมา

“สมมตินะพี่ ถ้าพี่เจอแฟนเพื่อนพี่อยู่กับผู้หญิงคนอื่น พี่จะบอกเพื่อนพี่ไหม” พี่โจ้ตักบานอฟฟี่เข้าปากก่อนจะขมวดคิ้วเบาๆ แล้วมองหน้าผม

“ถ้ามึงคิดว่าการบอกเพื่อนมึงแล้วทำให้มึงสบายใจมึงก็บอก ยังไงความจริงก็คือความจริง ไม่ว่าเรื่องที่มึงเห็นมันจะจริงหรือไม่จริงก็ตาม” ผมคิดว่าผมเข้าใจสิ่งที่พี่โจ้กำลังจะบอก นั่นสินะ ยังไงความจริงก็คือความจริง โกหกกันก็ไม่ทำให้อะไรมันดีขึ้นหรอกจริงมั้ยครับ ถ้าพี่เก่งบริสุทธิ์ใจจริงๆ เรื่องนี้ก็ต้องไม่ใช่เรื่องที่มันเสียหายอะไร

“ขอบคุณมากพี่” ผมยิ้มให้พี่โจ้เบาๆ ก่อนจะตักบานอฟฟี่เข้าปากต่อ อร่อยจริงๆ แฮะ กินของหวานแล้วทำให้ผ่อนคลายนี่คงเป็นเรื่องจริงสินะ

...

BMW คันคุ้นเคยขับมาจอดหน้าคณะพวกผม แปลก เพราะช่วงนี้ลุงไม่ได้ทักแชทมาถามความคืบหน้าของยะหยากับผมซะเท่าไหร่ เรียกว่าไม่ได้รายงานเรื่องของยะหยาเลย อย่างวันนี้ที่พวกผมนัดกันมาทำงานที่คณะก็ไม่ได้บอก

และที่แปลกกว่านั้นคือยะหยาที่ก้าวลงมาจากรถของลุงนั่น โดยที่ไม่มีหยิมอยู่ด้วย ปกติสองแฝดไม่เคยแยกจากกัน และปกติหยิมไม่เลยให้หยานั่งรถมากับคนอื่น นอกจากจะมีเราคนใดคนหนึ่งนั่งไปด้วย คนขับรถเปิดประตูตามยะหยาลงมา แล้วส่งถุงอะไรบางอย่างให้ ยะหยาหยิบถุงนั้นแล้วสวัสดี ก่อนจะเดินมาหาพวกผม

ไม่มีการทักทายกันระหว่างผมกับลุง และรถคันนั้นก็เคลื่อนออกไป

“ทำไมหยามาพร้อมพี่ทีล่ะ แล้วนั่นถุงอะไร” คำถามนี้เป็นของส้มครับ ยะหยาส่งถุงมาให้ส้มดูก่อนจะนั่งลงที่โต๊ะที่พวกเรานั่งกันอยู่ ส้มเปิดถุงออกแล้วหยิบของในถุงออกมา เป็นพวกขนมและเครื่องดื่มที่เพียงพอสำหรับจำนวนคนตอนนี้

“พอดีรถพวกเราเสียอ่ะ หยิมเลยอยู่เคลีย แล้วพี่ทีขับรถผ่านมาพอดี หยิมเลยให้พี่ทีขับรถมาส่งหยาก่อน” แล้วทำไมหยุมหยิมมันไว้ใจคนอื่นนอกจากพวกเราให้พายะหยามาส่งได้ล่ะวะ

“แล้วขนมพวกนี้พี่ทีก็ซื้อมาบอกให้เอามาฝากพวกเราตอนทำงาน จะได้มีแรง” ยะหยาพูดถึงเจ้าของขนมต่อ ป๋าอีกแล้วนะลุง เอะอะเลี้ยง เอะอะจ่าย รวยมาจากไหนเนี้ย

พวกเรานั่งทำงานกันได้ไม่นาน หยุมหยิมก็นั่งแท็กซี่มา ได้ความว่าตอนนี้รถต้องเข้าอู่ซักพัก ช่วงนี้ก็ต้องพึ่งหาแท็กซี่กันไปก่อน เราใช้เวลาช่วงบ่ายในการเคลียงานกลุ่มสองถึงสามอย่างจนเกือบจะเสร็จสมบูรณ์ อย่างว่าแหละครับ เพราะแบ่งงานกันไปหาข้อมูลกันมาบ้างแล้ว การเอาข้อมูลมาผสมรวมกันมันก็ไม่ยากเท่าไหร่ งานเลยเดินกันได้ไว เหลือแค่เช็คความเรียบร้อยกันเล็กน้อยก็น่าจะเสร็จ

“แล้วมึงกลับยังไงส้ม” เพราะตอนนี้เห็นว่าส้มกำลังมีปัญหากับพี่เก่ง ตอนมาก็นั่งมอเตอร์ไซด์รับจ้างมา ส้มอยู่ง่ายครับ แต่ปกติมีพี่เก่งคอยรับคอยส่งตลอด ช่วงปิดเทอมจะหารถโดยสารก็ยากหน่อย เพราะนักศึกษาน้อย คนขับรถส่วนใหญ่ก็คงไปหาทำกินอย่างอื่นที่มันน่าจะคุ้มค่าเสียเวลามากกว่า

“คงหาวินแถวนี้แหละมึง”

“แล้วเรื่องพี่เก่งเป็นอย่างไรบ้าง ตอนนี้โอเคไหม” ยะหยาวางมือจากคอมพิวเตอร์ตรงหน้าแล้วมองหน้าส้ม

“ก็เหมือนเดิม วันนี้ทักไปบอกว่าจะมาทำงานที่คณะก็ยังไม่อ่าน ไม่ตอบ โทรไปก็ไม่รับ เราก็เริ่มจะทำใจบ้างแล้วล่ะหยา” สีหน้าส้มไม่ได้ดี แต่ก็พยายามยิ้มออกมา ผมรู้ว่าในใจส้มคงไม่พร้อมจะยิ้มมากนัก แค่ทุกวันดำเนินชีวิตไปเรื่อยๆ ให้ไม่คิดมากก็คงจะยากแล้วล่ะครับ คนรักกันมาตั้งนาน อยู่ดีดีมาเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเลย มันก็ต้องเสียใจมากเป็นธรรมดา

“ส้มรู้ใช่ไหมว่ายังไม่พวกเราอยู่” หยาเอื้อมมือไปแตะมือส้มเบาๆ แล้วยิ้มให้ จนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่มีจังหวะที่จะได้บอกเรื่องนั้นกับส้มเสียที จะทักแชทหรือโทรไปบอกก็กลัวฝ่ายนั้นจะคิดมากเวลาอยู่คนเดียว บอกตอนที่มีพวกผมอยู่ด้วยกันน่าจะดีกว่า

“กูมีเรื่องจะบอกมึง แต่มึงต้องสัญญาก่อนว่าถ้าคิดอะไรอยู่แล้วจะบอกพวกกู” ผมกำชับเพื่อความสบายใจของตัวเอง เห็นสองแฝดมองหน้าผมด้วยความสงสัย ส่วนส้มเงยหน้าขึ้นมาจ้องผมด้วยแววตาที่มีน้ำตาคลอเล็กน้อย

“รับปากกับกูส้ม” ผมเรียกเพื่อนเพื่อเตือนสติอีกรอบ ส้มพยักหน้า เห็นอย่างนั้นใจผมก็เต้นรัวขึ้นมาทันที เอาวะ เป็นไงเป็นกัน เรื่องจริงก็คือเรื่องจริง

“เมื่อวานตอนที่กูกำลังจะกลับจากท้องฟ้าจำลอง กูเจอพี่เก่ง..” ผมเว้นช่องเล็กน้อย เพื่อเช็คปฏิกิริยาของส้ม เห็นแววตาส้มไหววูบไปเล็กน้อย น้ำตาเอ่อจนเกือบจะไหลลงมา

“กับพี่พายดาวคณะเรา ขับรถผ่านหน้ากูไป” เขื่อนแตกครับ น้ำตาที่ส้มพยายามกั้นเอาไว้ไหลลงมาทันทีหลังจบประโยคนั้น ยะหยารีบเข้าไปกอดส้ม ผมกับหยิมทำอะไรไม่ถูก นอกจากเอื้อมมือไปลูบศีรษะ ลูบตัวส้ม เป็นการปลอบใจ เวลาผ่านไปซักพักส้มเริ่มดีขึ้น จึงออกจากอ้อมกอดของยะหยาขึ้นมา

“โอเคไหม อยากร้องร้องออกมาได้หมดเลยนะ”

“เราโอเคหยา” ตาส้มบวมและแดงมาก เห็นแบบนี้แล้วสงสารจับใจครับ ผมไม่รู้ว่าการที่ถูกคนที่เรารักหักหลังมันเป็นยังไง ผมไม่เคยพบเจอเรื่องแบบนี้มาก่อนในชีวิต ถึงจะเคยเป็นเจ้าน้องสาวตัวดีแอบร้องไห้บ้างเวลาที่รุ่นพี่ที่แอบชอบมีแฟน แต่พออีกวันก็เห็นนางกลับมาสดใสร่าเริงได้แบบเดิม ต่างกันส้มตอนนี้ที่น้ำตาไหลอย่างบ้าครั่ง จนไม่รู้ว่ามันจะหยุดได้ยังไง

“เมื่อวานกูชวนพี่เก่งไปกินข้าวที่บ้านกับพ่อแม่ พี่เก่งบอกกูว่ายังไงรู้ไหม” ส้มเว้นจังหวะเพื่อปาดน้ำตาที่ไหลออกมาเรื่อยๆ

“พี่เก่งบอกว่ามีธุระสำคัญ ไปไม่ได้ ฝากขอโทษพ่อกับแม่กูด้วย” พูดถึงตรงนี้ส้มก็เอามือมาปิดหน้าแล้วสะอึกสะอื้นมากกว่าเดิม สงสารครับ พวกเราทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากคอยอยู่ข้างๆ ส้มเท่านั้น

“กูว่าเราไปถามเจ้าตัวเลยไหม” หยิมเป็นคนเสนอความคิดเห็นนี้ออกมา แต่ส้มก็ส่ายหน้าลูกเดียว

“หยาว่ารอให้ส้มใจเย็นกว่านี้ดีกว่า”

สุดท้ายผมก็เป็นคนขี่มอเตอร์ไซด์ไปส่งส้มที่หอ เพราะไม่อยากให้ส้มต้องคิดมากเวลาอยู่คนเดียว พวกเราตัดสินใจว่าจะไปเที่ยวคลายเครียดกันซัก 2-3 วัน ผมรีบโทรไปลางานพี่โจ้ทันที พี่โจ้บ่นผมหูชาเลยครับ แต่พอบอกเหตุผลก็ฝากดูแลส้มให้ดี แถมบอกว่ากลับจากเที่ยวแล้วให้พาส้มมาหาที่ร้านอีกด้วย

“เดี๋ยวกูกลับไปเก็บของที่หอแล้วจะมารับ มึงอยู่คนเดียวได้ใช่ไหม” ผมมาส่งส้มหน้าหอเพื่อให้เตรียมตัว ส่วนสองแฝดนั้นนั่งแท็กซี่กลับไปเก็บของที่บ้านเช่นกัน และด้วยความที่รถของหยิมเสีย เราจึงตัดสินใจว่าจะนั่งรถตู้ไปกันแทนครับ ทะเลที่ไม่ใกล้ไม่ไกลมากนัก บางแสนนี่แหล เพราะเราไม่มีรถส่วนตัว แถมตอนนี้ก็ใกล้จะเย็นมากแล้ว เราเลยต้องเลือกสถานที่ใกล้ๆ แทน

“อืม ออกจากหอแล้วบอกกูด้วย จะได้ลงมารอ” ผมรับปากแล้วขี่มอไซด์กลับหอด้วยความรวดเร็ว นัดกันไว้ว่าอีก 1 ชั่วโมงเจอกันที่หน้ามหาลัยครับ จะได้เหมาแท็กซี่กันไปที่คิวรถตู้

ผมใช้เวลาในการเก็บของไม่นาน หยิบเสื้อผ้าไปสองสามตัวพอ ขาดเหลืออะไรค่อยหาซื้อเอาข้างหน้า ส่งข้อความไปบอกเสด็จแม่เสียหน่อยว่าจะไปเที่ยวทะเลกับเพื่อน อยากได้ของฝากเป็นอะไรไหมจะได้ซื้อส่งไปรษณีย์ไปให้ ไม่ลืมที่จะคว้ากล้องฟิล์มไปด้วย ความนี้ผมเลือก Olympus trip 35 เพราะมันตัวเล็กหน่อย พกพาสะดวก หยิบฟิล์มไปเผื่อสัก 2-3 ม้วน ไว้เอาใจส้ม เผื่อเกิดอยากถ่ายรูปขึ้นมาจะได้มีฟิล์มสำรอง

เก็บสัมภาระต่างๆ ลงกระเป๋า แล้วส่งไลน์ไปบอกส้มว่ากำลังจะออกจากหอ หยิบกุญแจรถเดินออกมาหน้าหอ ก็รู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่างครับ ตอนนี้หน้าหอผมมีรถ BMW คันคุ้นเคยจอดอยู่ เห็นเจ้าของรถกำลังยืนพิงรถกดโทรศัพท์ยิกๆ พร้อมๆ กับที่โทรศัพท์ผมแจ้งเตือนว่ามีข้อความเข้าพอดี หยิบขึ้นมาก็เห็นว่าเป็นข้อความจากคนตรงหน้านี่แหละ

ผมไม่ตอบแต่เลือกที่จะเดินไปเข้าไปหาลุงแทน “มาทำไมลุง” เข้าประเด็นทันที เวลามีค่า ไม่อยากให้ส้มรอนานครับ

“หยาให้มารับ” หืมมมมมมมมมมมม ถ้าเติม ม.ม้า ได้อีกยาวๆ ผมก็อยากเติมซัก 1 หน้ากระดาษครับ ยะหยาให้ลุงมารับผมทำไม ก็เรานัดกันไว้หน้ามหาลัยไม่ใช่หรอ

“กำลังจะไปทะเลกันใช่ไหม กูไปด้วย” ห๊ะ งงกว่าเก่าอีก ไปด้วย ไปทำไม แล้วรู้ได้ยังไง ก็ไหนว่านี่เป็นทริปพักผ่อนให้ส้มได้เลิกคิดมากไง แล้วตาลุงนี่เกี่ยวไรด้วยวะ

“เร็ว เดี๋ยวไปรับส้มอีกไม่ใช่หรอ” พูดจบก็เปิดประตูรถขึ้นไปนั่ง เห็นแบบนั้นผมก็ก้าวขึ้นรถตามด้วยความงงๆ และบอกทางไปหอส้มให้ตาลุงนี้ต่อ

คนที่ดูจะไม่งงเลยน่าจะเป็นส้ม เพราะหลังจากที่ BMW จอดที่หน้าหอ ส้มก็ก้าวขึ้นรถทันทีโดยที่ไม่มีคำถามใดๆ ออกมา ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องแปลกครับ คนขี้สงสัยแบบส้มเนี้ยนะ จะว่ามันซึมเลยไม่สงสัยก็ไม่น่าใช่ เพราะก็เห็นชวนตาลุงนั่นคุยได้ตามปกติ เหมือนเมื่อกี้มันไม่ได้เศร้าแต่อย่างใด

ลุงขับรถมาจอดที่หน้าบ้านของสองแฝด เห็นหยาโบกมือหยอยๆ ต้อนรับอยู่หน้าบ้าน มองเลยเข้าไปในบ้านเห็นหยิมกำลังชวนพี่ไม้ยกกระเป๋าขึ้นรถตู้ รถตู้มาได้ไงวะ แล้วพี่ไม้มาจากไหน โอ้ยยย ไอ้เจ็ทงงครับ

“นี่สรุปจะไม่มีใครบอกเลยหรอว่าทำไมเรามีสมาชิกเพิ่ม” ทนควาสงสัยไม่ไหวครับ เพราะไม่มีใครบอกอะไรผมจริงๆ ทุกคนทำตัวปกติหมด ตอนนี้บนรถตู้มีเพื่อนกลุ่มผมและเพื่อนกลุ่มลุงนั่น โดยมีพี่ก๊งเพื่อนในกลุ่มของลุงเป็นคนขับ และมีพี่ติ๊ก เพื่อนในกลุ่มลุงอีกคนเป็นตุ๊กตาหน้ารถ พี่ก๊งคนนี้ก็เป็นเพื่อนที่เคยสั่งกาแฟผมด้วยเมนูที่ไม่ต้องถามใครผมวันนั้นนั่นแหละครับ

ถัดจากเบาะคนขับเป็นที่นั่งของพี่ไม้และลุง หลังจากขึ้นรถมาได้ไม่นานพี่ไม้ก็หลับคอพับคออ่อนไปแล้ว ไม่รู้ว่าไปเหนื่อยมาจากไหน ยังไม่ทันพ้นกรุงเทพเลยก็ไปเสียแล้ว ส่วนลุงตอนนี้เสียบหูฟังนั่งมองออกไปนอกรถโดยไม่สนใจเสียงที่เถียงกันเรื่องเส้นทางของพี่ก๊งและพี่ติ๊กเลยครับ

หยาและหยิมนั่งเบาะถัดมา สองคนนี้ก็หยิบขนมกินกันเงียบๆ 2 คน เห็นหยิมหยิบน้ำหวานให้หยากินตลอดทาง ระวังหยาจะปวดเข้าห้องน้ำนะเอ่อออ ส่วนส้มนั่งอยู่ข้างผมนี่แหละครับ เบาะหลังสุด เพราะเราสองคนเป็นคนไม่เมารถครับ นั่งตรงไหนก็ได้ ขอแค่นั่งสบาย ยืดแขนยืดขาได้หน่อยเป็นโอเคแล้ว

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ยังไม่มีใครตอบคำถามผมอยู่ดีครับ หันไปมองทางไอ้คุณส้มก็เอาแต่เหม่อมองไปนอกหน้าต่าง ไม่ได้สนใจผมที่นั่งอยู่ข้างๆ เลย ทำตัวเป็นนางเอกเอ็มวีเพลงอกหักไปเลยล่ะครับนั่น

ละความสนใจจากส้มไปที่เบาะข้างหน้าแทน สะกิดถามหยา ก็เห็นแค่แววตาเขินๆ และรอยยิ้มนิดหน่อย แต่ก็ยังไม่ตอบอะไรผม ลำบากไอ้หยิมละครับ เหลือมึงคนเดียวแล้วนะโว้ยยย ถ้าไม่ตอบกูก็ไม่รู้จะถามใครแล้ว

หยิมทำหน้าเซ็งโลกก่อนจะหันมาตอบผมที่สะกิดเบาะมันยิกๆ “ก็พี่ทีโทรมาถามพวกกูเรื่องรถ หยาเลยบอกไปว่ากำลังจะไปเที่ยวกัน พี่ทีเลยบอกว่าจะพาไปเอง แค่เนี้ยยย” อ่ออออ โทรหาหยาเรื่องรถ ข้ออ้างนี่หว่าลุง อยากโทรหาเขาก็บอกเถอะ

“ส่วนนี่ก็รถตู้ของบ้านพี่ก๊งจ่ะ พอพี่ทีบอกว่าจะพาไป ก็โทรไปยืมรถตู้บ้านพี่ก๊ง แต่พวกเพื่อนๆ พี่ทีไม่ยอม สุดท้ายก็ลงเอยด้วยการไปด้วยกันทั้งหมด” หยาเป็นคนต่อบทสนทนาจนจบ

ผมพยักหน้าเข้าใจก่อนจะยอมกลับไปนั่งดีดี จะเรียกว่าเข้าใจก็คงไม่ถูก ที่ไม่เข้าใจคือทำไมไอ้คุณลุงนั่นต้องขอไปด้วย หรือว่าอยากใช้โอกาสนี้ใกล้ชิดกับหยา แล้วทำไมไม่ปรึกษาผมก่อนเล่า ร่วมหัวจมท้ายกันมาตั้งนาน พอกล้าคุยหน่อยก็เอาใหญ่เลยนะ เดี๋ยวนี้ทำไรไม่บอกกันก่อนแล้วดิ แถมให้มารู้เป็นคนสุดท้ายอีก ชิ

เราใช้เวลาไม่นานก็มาถึงบางแสนครับ ช่วงนี้มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ถึงแม้จะหัวค่ำแล้ว แต่นักท่องเที่ยวที่เดินกันบริเวณชายหาดก็ยังมีอยู่ อาจเป็นเพราะเป็นช่วงหยุดปิดเทอมของนักศึกษามออื่นเหมือนกัน ทำไมมีนักท่องเที่ยวเยอะแยะมากมายขนาดนี้

แวะกินข้าวที่ร้านค้าริมหาดกันประทังความหิวไปก่อน เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยลุยอาหารทะเลกันให้อิ่มท้อง กับข้าวง่ายๆ เช่น ข้าวผัดปู หรือกระเพรากุ้งเป็นเมนูที่พวกเราเลือกกินกัน ก็มีแต่ตาลุงผู้ชื่นชอบการกินสุกี้เป็นชีวิตจิตใจที่แหละที่ดูมีปัญหา เพราะคุณชายเขาอยากกินสุกี้น้ำทะเลครับ แต่ที่นี่ไม่มีน้ำจิ้มเด็กให้ สุดท้ายก็จบด้วยการกินข้าวผัดทะเลไม่ใส่ผักจืดๆ ไปแทน น่าสงสารเขานะครับ นั่งหน้าหงิกหน้างอกินข้าวผัด หึ

เราเลือกที่พักเป็นบ้านของทางเทศบาลครับ ปกติที่นี่จะเต็มตลอด แต่อาจจะเป็นโชคดีของเราที่วันนี้แขกที่จองไว้แคนเซิลไป เราจึงได้ที่พักที่นี่มาครอบครอง แต่ด้วยสมาชิก 8 คน กับบ้านพักหลังเดียวที่มีแค่ 2 ห้องนอนก็เอาเรื่องอยู่เหมือนกันครับ ยกห้องหนึ่งให้สาวๆ ไป เหลือผู้ชาย 6 คน กับห้องพักห้องเดียว ดูจากสภาพแล้วไม่น่าจะยัดตัวพวกผมพอแน่ๆ ถึงแม้จะขอหมอนมาเพิ่มเพื่อนอนพื้นแล้วก็คงนอนในห้องได้แค่ 4 คน ยังไงก็ต้องออกมานอนนอกห้อง 2 คนแน่ๆ

และด้วยความรักน้องมากๆ ของบรรดาพวกรุ่นพี่ แน่นอนว่าคนที่ต้องหยิบหมอนมานอนกันที่โซฟาก็คงไม่พ้นผมและหยิมเป็นแน่แท้ครับ โชคดีที่พวกผมเป็นคนตัวเล็ก การจะนอนบนโซฟาแคบๆ กับสองคนเลยไม่เป็นปัญหามากนัก แค่อึดอัดเล็กน้อยเวลาพลิกตัวไปมา

แต่ให้ตายเถอะครับ การนอนกับหยิมใกล้ชิดขนาดนี้ก็ทำผมแทบคลั่งได้เหมือนกัน ตะแคงตัวนิดหน่อยหน้าก็จะแนบกันอยู่แล้ว แล้วคืนนี้ผมจะนอนหลับได้ยังไงเล่า

...
สวัสดีบางแสนนน เอ้าให้ทายทำไมต้องเลือกบางแสน 555
แด่ทะเลงาม ข้าวหลามอร่อย แฮ่

ขอบคุณที่ติดตามเหมือนเดิมนะค่าา จุ้บจุ้บ
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH10 (26/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 26-08-2017 15:46:49
จะได้นอนกะหยิบจริงร้อออ
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH10 (26/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 26-08-2017 19:10:38
ตกลงพี่เก่ง เปลี่ยนไป แล้วนอกใจส้มจริงๆ
ถามว่าดาวผิดมั้ย นางไม่รู้ก็ไม่ผิด ถ้ารู้นี่ผิดชัดๆ
คนผิดคือไอ้พี่เก่ง เลว ชัั่วตัวจริง  :z6: :z6: :z6:

อืมมมม......พอเจอคนสวยกว่า เป็นดาวคณะนี่ใจก็ไปเลยนะพี่เก่ง
อดีตที่ผ่านมาไม่ทำให้รู้สึกผูกพัน รักกัน
ซื่อสัด เอ้ย....ซื่อตรงต่อคนรักเลยสินะ
ก็คอยดูว่ายายดาวคนนี้จะซื่อสัด ต่อพี่เก่งมั้ย

เจ็ท บอกส้มน่ะถูกแล้ว
อ๊ะๆ.......เหมือนข่าวไฮโซชาย
ชอบคบดาราสวยๆ ดังๆ ไม่นานก็เลิก
คบกับดาราดัง แล้วคบซ้อน เพื่อนรู้จะบอก ไฮโซชายบอกจะบอกเอง
แต่ความแตกซะก่อน เพื่อนกันเลยผิดใจกันเพราะรู้แล้วไม่บอก
ใครๆว่าเพื่อนเลว เราฟังแล้วว่า คนเลวน่ะไม่ใช่เพื่อนหรอก

พี่ที ได้โอกาสบริการหยา
แต่เจ็ทนี่สิต้องนอนกับหยิม ใจไม่เต้นจนอกพังรึ
แต่คิดว่าที่ที ต้องกันแน่ๆ เพราะรู้ความนัย
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH10 (26/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 26-08-2017 23:54:44
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH10 (26/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: มะเขือม่วง ที่ 27-08-2017 17:11:29
 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH10 (26/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 27-08-2017 19:12:27
เก่งตอนแรกคิดว่าจะดี ดีแตกเลยนะ
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH10 (26/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 27-08-2017 22:14:59
หนุกหนาน ๆ รอตอนต่อไป  :mew1:
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH10 (26/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 27-08-2017 23:34:59
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH10 (26/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 28-08-2017 12:28:53
 :hao5:
อยากอ่านต่อแว้วววว
อยากรู้จะได้นอนกะหยิมจริงป่ะ
 :hao7:
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH11 (28/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: oommmy ที่ 28-08-2017 12:53:31
CH11

ง่วงฉิบหายเลยครับ เมื่อคืนบอกตรงๆ ผมนอนหลับตาทั้งคืนนะ แต่ทำยังไงก็ไม่ยอมหลับไปจริงๆ เสียที ก็เล่นได้ยินเสียงหายใจของหยิมดังอยู่ข้างหูทั้งคืนแบบนั้น ใครมันจะหลับลงเล่า สุดท้ายเลยตัดสินใจมาเดินเลียบชายหาดตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น เดินถ่ายรูปไปเรื่อยๆ ก็ไม่ยักจะมีใครตื่นมาเดินเล่นกับผม สงสัยจะเดินทางกันเหนื่อย กว่าจะตื่นกันน้ำเต้าหู้ที่ผมซื้อไว้ก็เย็นหมดแล้ว

ยะหยาเป็นคนแรกที่ตื่นครับ ตามด้วยหยิม น่าจะเป็นเพราะได้ยินเสียงผมคุยกับหยา ทำให้หยิมที่นอนอยู่ตรงโซฟาตื่นมาได้ง่าย แถมคำแรกที่มันทักผมคือ “วันนี้ฝนตกแน่เลยว่ะไอ้เจ็ทตื่นเช้า” ครับเพื่อนหยาครับ คุณรักผมมากสิ

กว่าสมาชิกทั้งหมดจะตื่นตะวันก็ตรงหัวแล้วครับ แถมคนที่ตื่นสายที่สุดก็ไม่พ้นไอ้คุณส้มนั่นแหละ แต่ไม่มีใครกล้าบ่นมันครับ เพราะยะหยาแอบกระซิบว่าเมื่อคืนส้มนอนกอดโทรศัพท์ร้องไห้เกือบทั้งคืน หยาปลอบจนไม่รู้จะปลอบยังไงแล้วเหมือนกัน

และตอนนี้เราก็อยู่กันที่หาดครับ ต้องยอมรับว่าเป็นครั้งแรกสำหรับที่นี่ของผม ผมเป็นเด็กที่มาพร้อมกับภูเขาตั้งแต่เกิดนี่ครับ พ่อเคยบอกว่าถ้าอยากเที่ยวทะเลน้ำใสให้ไปทะเลใต้ ครอบครัวเราวางแพลนจะไปกันหลายครั้ง แต่ทุกครั้งพ่อจะต้องมีงานด่วนตลอด นี่ยัยน้องสาวตัวดีของผมก็ส่งข้อความมาสั่งผมซื้อของเต็มไปหมด แถมบอกว่าคราวหน้าให้ผมพามาด้วยให้ได้

ชายหาดที่นี่ถือว่าใช้ได้เลยครับ มันไม่ได้สวยจ๋าเหมือนกับรูปที่เคยดูในอินเตอร์เน็ต แต่ที่เขาร่ำลือกันว่าบางแสนขยะเยอะนี่คงไม่จริง เพราะจากที่ผมดูแล้ว มันก็ไม่เห็นจะมีขยะเลยนี่ จัดว่าสะอาดเลยล่ะ มีจุดที่ไว้สำหรับให้เตียงผ้าใบวาง และมีจุดที่เป็นหาดธรรมดาสำหรับเอาเสื่อมาปูได้ ถัดขึ้นมาจากหาดก็มีร้านขายของเต็มไปหมด อาหารส่วนใหญ่ก็เป็นพวกไก่ย่างส้มตำนี่แหละ แล้วก็มีคนถืออาหารมาเดินขายบ้างประปราย

พวกเราเลือกนั่งกันที่เตียงผ้าใบครับ เพราะมันไม่ร้อนมากเท่าไหร่ มีร่มกางเพื่อกันแดด สั่งส้มตำมานั่งกินกันครับ สำหรับมื้อนี้คืออาหารเช้าพ่วงด้วยกลางวันของพวกผม เลยจัดหนักจัดเต็มกันน่าดู ราคาก็สมกับการเป็นเมืองท่องเที่ยวแหละครับ ไม่แพงจัด แต่ก็ถือว่าค่อนข้างสูงสำหรับนักศึกษาที่ยังหาเงินเองไม่ได้อย่างพวกเราอยู่ดีครับ

แต่คนที่ดูท่าจะมีปัญหาที่สุดสำหรับอาหารมื้อนี้ก็คงไม่พ้นตาลุงนั่นแหละ มนุษย์ผู้กินเผ็ดไม่ได้ แถมยังไม่กินผักอีกต่างหาก ส้มตำจืดๆ กับน้ำจิ้มซีฟู้ดที่สั่งทำพิเศษใส่พริกน้อยๆ จึงถูกสั่งเพื่อเอาใจลุงโดยเฉพาะ โดยที่พี่ก๊งคอยกำชับอีกว่าต้องกินคนเดียวให้หมด ไม่งั้นเสียดายของ เพราะไม่มีใครกินรสชาติแบบนี้ด้วย แต่พี่ก๊งไม่รู้อะไรเสียแล้วครับ ลิ้นจระเข้แบบไอ้เจ็ทนี่แหละ กินได้ทุกรสชาติ ถ้าลุงกินไม่หมดเดี๋ยวไอ้เจ็ทเคลียเอง

หลังจากนั่งกินลมชมวิวกันเรียบร้อยพร้อมเพราะรอผมที่ฟาดทุกอย่างบนโต๊ะจนหมด ก็ถึงเวลาออกเดินทางท่องเที่ยวกันครับ เราถามชาวบ้านแถวนี้ว่ามีที่ไหนน่าสนใจไปเที่ยวบ้าง ได้ความมาว่าถ้าเที่ยวแถวบางแสนก็จะมีแต่พวกสวนสัตว์หรือพิพิธภัณฑ์เสียมากกว่า สำหรับผมไม่มีปัญหาหรอกครับ เพราะมีที่ไหนให้ถ่ายรูปผมก็ไปหมด แต่คนอื่นๆ นี่สิ อยากเที่ยวอะไรที่มันได้ปีนได้ป่ายกัน ก็เด็กผู้ชายนี่ครับ

“กูว่าเราลองไปปีนเขาสามมุขกันไหม” พี่ก๊งขับรถเหมือนเดิมครับ

“มึงจะบ้าหรอ ลิงได้มาแหกอกกันพอดี” และนี่คือพี่ติ๊กครับ

เรากำลังขับรถขึ้นไปชมวิวกันบนเขาสามมุขครับ สถานที่ท่องเที่ยวที่ใกล้หาดบางแสนและมีลิงเยอะมากก ผมเคยอ่านตำนานเจ้าแม่เขาสามมุขครั้งหนึ่ง มันเป็นเรื่องราวของหญิงสาวคนหนึ่งที่มีความรักกับชายหนุ่ม แต่รักของพวกเราไม่สมหวังครับ หญิงสาวจึงกระโดดเขาฆ่าตัวตายทำให้เป็นที่มาของชื่อเขาสามมุขแห่งนี้ และยังมีศาลเจ้าแม่สามมุขเป็นอนุสรณ์ความรักของพวกเขาด้วยครับ

“ขับรถดีดีไปเถอะมึงน่ะ ระวังจะชนลิง” พี่ไม้เป็นอีกคนที่ร่วมกับบทสนทนาครั้งนี้ ลิงที่นี่มีเยอะแยะเต็มไปหมดเลยครับ ครอบครัวลิงนี่เอง ต้องขับรถกันช้าที่สุด เพราะไม่รู้ว่าลิงจะโผล่ออกมาตอนไหนบ้าง ชาวบ้านข้างล่างเขาก็เตือนๆ กันมาเหมือนกันว่าให้เก็บของให้ดี ระวังลิงจะแย่ง กระเป๋าหรือถุงอะไรอย่าถือ ยิ่งถ้ามีของกินก็ระวังให้มาก ถ้าจะให้ก็โยนๆ ให้ไปจากบนรถเลย ไม่งั้นมันจะเข้ามาแย่งจากมือคุณเลยล่ะครับ

จุดชมวิวของที่นี่คือจุดสูงสุดของเขาครับ สามารถมองเห็นหาดบางแสนได้เกือบหมด เห็นไปจนถึงขั้นชายหาดอีกฝั่งที่ไม่รู้ว่ามันคือที่ไหนเหมือนกัน ข้างบนนี้ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวมากนัก แต่ผมจำได้ว่าตรงนี้หนังเคยมาถ่ายนะครับ เรื่องที่พี่เป้ อารักษ์ เล่น แต่จำไม่ได้แล้วว่าเรื่องอะไร

“วันนี้ไม่ถ่ายรูปหรอมึง” หยิมที่ยืนอยู่ข้างๆ ผมถามออกมา ทุกคนดูสนุกสนานกับการหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเซลฟี่ตัวเองมากครับ และคนที่น่าจะหนักมากที่สุดก็คงเป็นพี่ก๊งที่พยายามปีนรั้วเพื่อแอกท่าให้พี่ติ๊กถ่ายให้ หวาดเสียวแทนครับ ตกลงไปนี่ไม่สนุกแน่ หันไปอีกด้านเห็นยะหยากำลังพยายามเดินเข้าไปรั้งส้มที่ทำท่าจะเข้าไปเซย์ฮายกับลิงเหลือเกิน ช่างเป็นผู้หญิงที่ใจกล้าใช่ย่อย ลิงกัดมากูจะขำให้ฟันร่วง

“กลัวลิงแย่งกล้องว่ะ ยิ่งซื้อมาแพงๆ อยู่” ครับ สำหรับกล้องตัวนี้กู้เงินน้องสาวซื้อมาครับ เพราะมันขายดีมาก เห็นเขาว่ามันไปดังตอนซีรี่ย์เรื่องฮอร์โมนหรือไงนี่แหละ มันเลยขายออกไวเหลือเกิน ผมที่เพิ่งจ่ายค่าหอไปก็ต้องบากหน้าไปยืมเงินน้องสาวตัวดี แลกกับการที่สัญญาว่ากลับไปจะถ่ายรูปให้ม้วนหนึ่งเต็มๆ

“ตรงนี้ไม่มีลิงหรอก ลิงมันล้อมไอ้ส้มอยู่ตรงนู่น” จริงอย่างที่มันว่า เพราะตอนนี้ลิงเกือบทั้งหมดกำลังพุ่งความสนใจไปที่สองสาว ดูท่าไอ้คุณส้มจะพอใจมากครับที่เรียกร้องความสนใจจากลิงได้ แต่ยะหยานี่ทำหน้าคล้ายจะร้องไห้อยู่แล้ว

“กูว่าเราไปช่วยยะหยาก่อนดีไหมวะ” ยังไม่ทันที่ผมหรือหยิมจะได้ขยับตัว ก็มีชายหนุ่มร่างยักษ์เดินไปหาสองสาวเสียก่อน ลุงทำเพียงแค่เดินไปมองหน้าลิงนิ่งๆ ลิงก็พากันทำหน้าตื่นๆ แล้ววิ่งไปตรงที่พี่ก๊งกับพี่ติ๊กอยู่แทน พี่ก๊งตกใจจนเกือบปล่อยมือจากรั้วแน่ะ ดีที่พี่ไม้ที่อยู่ใกล้คว้าไว้ได้ทัน

“เกือบตายแล้วไหมล่ะกู ดีนะบุญยังมีอยู่” เสียงที่ก๊งบ่นออกมาดังๆ ก่อนจะเรียกเสียงหัวเราะของคนในกลุ่มได้ทั้งหมด จะว่าสงสารก็สงสารครับ แต่สมน้ำหนามากกว่า

เราใช้เวลาอยู่ตรงนี้กันอีกสักพัก ก็ขึ้นรถเดินทางกันต่อ แต่ก่อนกลับเราก็ไม่ลืมที่จะแวะไหว้เจ้าแม่เขาสามมุขกันก่อน มาถึงแล้วนี่ครับ อย่างน้อยก็มาขอพรให้เราเดินกันปลอดภัยตลอดทริปนี้ก็ยังดี

สถานที่ต่อไปพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำครับ เขาว่ากันว่าที่นี่มีปลาทะเลหลายชนิด แถมยังไม่ไกลจากหาดมากนัก ใช้เวลาเดินทางกันแค่สิบนาทีก็ถึงแล้ว เลือกเที่ยวที่ใกล้ๆ ที่พักกันก่อนครับ พรุ่งนี้เราค่อยไปลุยที่ไกลๆ กัน ถึงตรงนี้ก็ฟรีสไตล์เลยครับ ใครสนใจตรงไหนก็เดินเลย ไม่ต้องไปกันเป็นกลุ่มๆ แล้ว ผมที่ชอบฉายเดี่ยวก็ขอเดิมดุ่มๆ ไปก่อนล่ะ

เข้ามาข้างในความรู้สึกก็ไม่ได้ต่างจากพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำอื่นๆ แต่ที่ทำให้ผมสะดุดใจมากที่สุดคือบริเวณที่เป็นแมงกะพรุนครับ เหมือนผมถูกดึงเข้าไปอยู่ในอวกาศ  อยากลองเอามือเข้าไปคว้ามันขึ้นมาดูว่าไอ้ตัวที่มันดูโปร่งแสงแบบนั้น พอจับไปแล้วจะมีความรู้สึกยังไง หรือบางทีอาจจะไม่มีความรู้สึกเลยก็ได้นะ

“อยากจับหรอ” เหมือนเสียงในหัวดังทะลุออกมาเลยครับ ผมหันไปมองคนข้างๆ นิดหน่อยแล้วหยิบกล้องขึ้นมาถ่าย อยากได้จริงว่ะ ถ้าขโมยไปเลี้ยงที่หอจะมีใครว่าไหมนะ

“ที่จตุจักรน่าจะมีขายนะ” หันควับเลยครับที่นี่ เห็นประกายตาผมไหมลุง

“จริงดิ จตุจักรไปไงว่ะลุง ผมอยากไปเดินดูอ่ะ” ต้องลองหาข้อมูลไว้แล้วครับ กลับจากที่นี่จะได้ไปเดินดูเสียหน่อย

“ไว้กูพาไปดูแล้วกัน” ผมพยักหน้าตอบรับทันที ลุงเห็นแบบนั้นเลยยิ้มออกมานิดๆ แล้วลูบหัวผมเบาๆ

“มึงนี่น้า เด็กจริงๆ” ไมรู้แหละ อยากได้ก็ต้องได้นะ ฮิฮิ

...

ตอนนี้เราเดินกันอยู่ที่ถนนคนเดินครับ โชคดีของเราที่มาตรงกับวันที่มีถนนคนเดินพอดี เราเลยตัดสินใจว่าจะมาฝากท้องกันที่นี่สำหรับมื้อเย็น แต่ให้ตายเถอะ คนเยอะมากครับ เดินกันไม่ถึง 5 นาที ทุกคนหลงทางกันหมด เลยส่งข้อความไปในไลน์กลุ่มว่าเจอกันที่รถอีก 2 ชั่วโมง ตอนนี้ให้แยกกันหาอะไรกินไปเลย

ผมที่หลุดหลงทางมาตนเดียวก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรมากนัก ฉายเดี่ยวเป็นปกติอยู่แล้วนี่ครับ ดีเสียอีก จะได้เดินดูของฝากให้ยัยตัวดีที่บ้านด้วย รายนั้นอยากได้เสื้อมัดย้อมของที่นี่ครับ ทั้งๆ ที่เชียงใหม่ก็มีขายนะ แต่ดันอยากได้ของที่นี่ซะงั้น แถมกำชับมาอีกด้วยว่าต้องมีเขียนว่า made in bangsean เท่านั้น โอ้โห ผมเพ้นท์ให้ง่ายกว่านะเอาจริงๆ

เดินถ่ายรูปบรรยากาศไปหาของฝากไป ก็เหมือนจะเห็นยะหยาอยู่ใกล้ๆ ครับ ถัดจากร้านที่ผมอยู่ไปสองถึงสามร้านได้ ตั้งใจว่าจะเดินเข้าไปหา ถ้าหากไม่เห็นว่าคนข้างๆ ที่ช่วยยะหยาเลือกเสื้ออยู่เป็นใคร

แปลก ปกติความรู้สึกแบบนี้จะมีเฉพาะเวลาที่ผมเห็นหยิมมีคนมาขายขนมจีบให้เท่านั้น แต่วันนี้ผมกลับมีความรู้สึกแบบนั้นเพราะแค่เห็นภาพตรงหน้า

ยะหยาที่กำลังหยิบเสื้อปาดไหลสีชมพูขึ้นมาทาบตัว โดยมีลุงยืนพยักหน้าแล้วยิ้มให้ยะหยาเหมือนที่เคยยิ้มให้ผม

ท่าทางผมจะแย่แล้วสิครับ!

.......................................................................................
เสนอตอนท่องเที่ยวสไตล์บางแสน ทริปทะเลง่ายๆ หาได้ที่นี่เลยจ้า
สำหรับตอนนี้มาแบบเอื่อยๆ แต่ใจเจ็ทเริ่มไม่เอื่อยแล้วสิ
ตอนต่อไปจะคงพาเที่ยวชลบุรีอยู่ แต่พาไปไหนเดี๋ยวรอติดตามน้าา

ถ้าไม่ผิดพลาดอะไร ไม่เกินวันพุธจะมาต่อจ้าา
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH11 (28/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 28-08-2017 20:09:08
เห้อมมมม
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH11 (28/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 28-08-2017 20:30:59
นอกจากแอบชอบหยิมแล้ว
เจ็ท ก็หวั่นไหวกับลุงซะและ

อยากให้ส้มตัดใจได้ไวๆ
ไอ้พี่เก่ง ไม่มีค่าพอสำหรับส้มหรอก
ผู้ชายดีๆยังมีอีก ถ้าส้มมองหา
เลิกเศร้า  กลับมาเป็นหญิงมั่นเหมือนเดิม
เดินหน้าต่อไป ทิ้งไอ้ผู้ชายเลวๆไปซะ
รอตอนใหม่นะ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
ปล.ขอแก้คำผิดนะ
เห็นประกรายตาผมไหมลุง ------ ประกาย
กราย ----- กรีดกราย / ปลากราย

หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH11 (28/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 28-08-2017 21:05:43
 :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH11 (28/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 28-08-2017 22:24:34
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH11 (28/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: มะเขือม่วง ที่ 28-08-2017 22:44:29
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH11 (28/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 29-08-2017 07:59:19
เอาแล้ววว เริ่มรู้สึกแปลกๆละ
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH12-13 (30/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: oommmy ที่ 30-08-2017 19:36:15
 CH12

น้องนอนไม่หลับ หัวใจมันกระสับกระส่ายยยย

‘ใครแม่งมาเปิดเพลงตอนนี้วะ’ ทำได้แค่คิดในใจครับ ไม่กล้าตะโกนด่าออกไป เดี๋ยวงานเข้าไอ้เจ็ท

ตอนนี้ผมกำลังนอนอยู่บนโซฟาตัวเดิมเลยครับ มีหยิมนอนหลับสนิทอยู่ข้างๆ เหมือนเดิม นอนไม่หลับเหมือนเดิม แต่ไม่ใช่เพราะหยิมนะครับ แต่เป็นเพราะเวลาหลับตา ภาพที่เห็นที่ถนนคนเดินก็โผล่ชัดขึ้นในหัวตลอด พาลให้รู้สึกหงุดหงิดในใจแปลกๆ

นอนพลิกตัวไปมาก็กลัวว่าหยิมจะตื่น สุดท้ายต้องลุกขึ้นมานั่งหน้าบ้าน พร้อมกับฟังเพลงที่ดังมาจากที่ไหนไม่รู้เหมือนกัน

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ผมถึงรู้สึกว้าวุ่นใจนัก ทั้งที่ผมควรยินดีที่เห็นว่าลุงกับหยามีพัฒนาการที่ดีขึ้น แถมความลับเรื่องที่ผมมีใจให้หยิมก็ไม่ถูกเปิดเผย แต่ตอนนี้ผมมีแต่เรื่องนี้อยู่ในหัว ความง่วงที่ไม่ได้นอนทั้งคืนไม่ได้ทำให้ผมข่มตาหลับลงได้เลย แถมยังทำให้อดนอนอีกคืนด้วยเนี้ย

อากาศเวลาค่ำคืนของบางแสนเพียงแค่เย็นๆ จากลมทะเลเท่านั้น ผมเพิ่งรู้ว่าการที่เรานั่งให้ลมทะเลพัดผ่านตัวไป ก็ทำให้รู้สึกเหนียวตัวได้เหมือนกัน แต่ไม่เท่าตอนกลางวันครับ เพราะมันไม่ได้มีแดดเปรี้ยงๆ มาทำให้รำคาญใจ

ไม่รู้ว่านั่งอยู่นานเท่าไหร่ รู้ตัวอีกทีก็รู้สึกได้ถึงสัมผัสเย็นๆ ที่มาจับบริเวณไหล่ ลุงทำหน้าตาสงสัยเล็กน้อย แล้วนั่งลงข้างๆ ผม คงอยากรู้ว่ามานั่งทำเอ็มวีอะไรตอนนี้ แต่ผมขี้เกียจคุยด้วยครับ ยังไม่พร้อม

“นอนไม่หลับหรอมึง”

ไม่มีคำตอบสำหรับคำถามนั้น เพราะผมก็ไม่รู้จะตอบว่าอะไร จะให้ตอบว่าใช่ครับ นอนไม่หลับครับ ก็น่าจะเห็นอยู่แล้ว ถ้านอนหลับจะมานั่งตากลมอยู่ตรงนี้ไหมล่ะ

“มึงชอบถ่ายรูปหรอ” ลุงคงเห็นว่าผมคงไม่ตอบคำถามแรกแน่ๆ จังเลือกที่จะเปลี่ยนคำถามอื่นแทน

“ครับ”

“ต้องกล้องฟิล์มเท่านั้นหรอ” โดนบ่อยแล้วครับคำถามนี้

“ครับ”

“ทำไมล่ะ” เหล่ตามองคนช่างถาม เห็นอ้าปากหาวหวอดๆ แต่ไม่ยักจะกลับไปนอนแฮะ

“ง่วงก็ไปนอนเถอะลุง ลุกมาทำไม”

“ออกมาเข้าห้องน้ำ เห็นมึงไม่ได้นอนอยู่ เลยตามหา” เข้าห้องน้ำเสร็จก็ไปนอนสิวะครับ

“อืม” ขี้เกียจคุย อยากนั่งก็นั่งไป

“มึงยังไม่ตอบคำถามกูเลยนะ”

“ผมชอบรูปจากฟิล์ม ผมชอบความรู้สึกตอนรอล้างฟิล์ม” ลุงพยักหน้าเหมือนว่าเข้าใจ ทำหน้าสงสัยอยู่เล็กน้อย แต่ก็ยอมนั่งนิ่งๆ ต่อไป

เรานั่งกันอยู่ตรงนี้ซักพัก ผมก็เริ่มรู้สึกว่าคนข้างๆ นิ่งเกินเหตุ หันไปมองจึงได้รู้ว่าลุงนั่งหลับพิงพนักเก้าอี้ไปแล้ว คนบ้าอะไรวะ ขนาดเวลานอนยังดูหล่อ แพขนตาที่เรียงตัวสวยถูกวางอยู่บนเปลือกตาที่ปิดสนิท ใบหน้าคมเข้มที่ขับความเป็นชายไทยออกมาได้อย่างลงตัว ผมชอบมองตาของลุง ผมรู้สึกว่าทุกครั้งที่เราคุยกัน ตาของลุงจะดูมุ่งมั่น แต่บางครั้งก็ดูจริงจัง หากแต่ได้ลองสัมผัสกันจริงๆ จะรู้ว่าลุงนั่นมีความอบอุ่นซ่อนอยู่ภายในตัวมากเลยทีเดียว

ผมเดินเข้าไปในบ้านก่อนจะหยิบผ้าห่มของตัวเองออกมาห่มให้ลุง รอบนี้คงหลับจนถึงเช้าแน่ แม้จะเห็นว่าท่านอนไม่สบายนัก แต่ผมคงไม่มีปัญหาอุ้มลุงไปนอนบนเตียงเหมือนในละครไทยที่แม่ชอบดูตอนหัวค่ำแน่ๆ ทำได้แค่เพิ่มความอบอุ่นให้ลุงไม่รู้สึกหนาวไปกับลมทะเลเท่านั้น

“ฝันดีนะลุง” พูดเพียงเท่านั้น ก่อนจะนั่งจมอยู่กับความคิดของตัวเองต่อ

 .................................................................................

“ทำไมมึงตื่นเช้าอีกแล้ววะ” ขณะที่กำลังเก็บข้าวของกัน หยิมก็เป็นฝ่ายตั้งข้อสงสัย เพราะวันนี้นอกจากผมจะตื่นเช้ามากๆ อีกแล้วนั้น หยิมยังตื่นมาพร้อมกับเห็นตาลุงนั่นนอนอยู่ที่เก้าอี้หน้าบ้านพักพร้อมกับผ้าห่มของผม

ผมไม่ได้ตอบอะไร แต่เลือกที่จะเดินไปหยิบแปรงสีฟันในห้องน้ำมาเก็บใส่กระเป๋าแทน วันนี้เราจะย้ายสถานที่กันครับ เนื่องจากเมื่อวานพี่ก๊งกับพี่ติ๊กได้มีโอกาสคุยกับพ่อค้าที่ถนนคนเดินเรื่องสถานที่เที่ยวใกล้ๆ จึงถูกแนะนำว่าให้ลองไปค้างที่เกาะกันซักคืนหนึ่ง เกาะที่ว่าคือเกาะสีชังครับ ไม่ใช่เกาะล้านอย่างที่ทุกคนคิด พ่อค้าคนนั้นบอกว่าถ้าอยากได้ความสงบให้ลองไปเกาะสีชัง เพราะมันจะเงียบกว่าเกาะล้านเยอะ จำนวนนักท่องเที่ยวไม่มากเท่า

วันนี้สมาชิกทุกคนจึงตื่นกันไม่เกิน 8 โมง เพื่อเก็บของและเดินทางไปท่าเรือไปเกาะกัน ผมที่ตื่นคนแรกเช่นเคย อย่าเรียกว่าตื่นเลย ยังไม่ได้นอนมากกว่า จึงเป็นที่น่าสงสัยของบรรดาเพื่อนฝูงมาก เพราะปกติกว่าจะงัดผมออกมาจากเตียงได้ เคยถึงขั้นต้องเอากระทะมาเคาะเรียกกันเลยทีเดียวครับ

“แล้วทำไมเมื่อคืนพี่ทีไปนอนอยู่ตรงนั้นล่ะครับ น้ำค้างลงหัวแย่” ตัวเจ้ายังคงความสงสัยเหมือนเดิม ลุงเหลือบตามามองผม แต่ก็ไม่มีคำตอบสำหรับคำถามนี้ให้หยิมเหมือนเคย

หยิมคงเห็นว่าไม่ได้คำตอบแน่ทั้งจากผมและลุง จึงตั้งหน้าตั้งตาเก็บของต่อไป แม้จะทำหน้าตาสงสัยมากแค่ไหนก็ตาม

ใช้เวลาเก็บของกันไม่นาน ก็ถึงเวลาออกเดินทาง ขับรถกันมาจนถึงท่าเรือก็หาที่ฝากรถครับ หยิบกระเป๋าของใช้กันเรียบร้อยก็มาซื้อตั๋วเรือข้ามเกาะ ราคาไม่แพง คนละ 50 บาทเอง นั่งรอบนเรือไม่นานเรือก็ออกครับ

ตอนเดินขึ้นเรือมาเห็นว่ามีสองชั้น แต่บริเวณที่นั่งชั้นบนมีนั่งท่องเที่ยวจำนวนมากจับจองที่นั่งกันจนเต็มแล้ว เราจึงต้องพาตัวเองมานั่งกันที่ชั้นล่างแทน แต่นั่งตรงนี้นานมันก็ร้อน ผมเลยกระซิบบอกหยาว่าจะออกสำรวจข้างนอกก่อนจะเดินออกมา ตอนแรกหยิมจะมาเป็นเพื่อน แต่ผมบอกว่าให้อยู่เป็นเพื่อนสาวๆ ดีกว่า ที่นี่ก็มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเต็มเรือ เผื่อมีปัญหาอะไรจะได้ช่วยกันแก้

ผมเลือกเดินออกมาที่หัวเรือเป็นอันดับแรก บริเวณนี้ไม่มีนักท่องเที่ยวเลยครับ จะมีก็แต่พวกลูกเรือนั่งกันเต็มไปหมด โดยทุกคนมีผ้าปิดหน้า เสื้อคลุมแขนยาว และหมวกปีกกว้างป้องกันแสงแดดกันเรียบร้อย แต่ละวันคงต้องเดินทางกันหลายรอบอยู่ ถ้าไม่หาเครื่องป้องกันเลยผิวคงทนไม่ไหว

ผมถ่ายรูปตรงบริเวณนี้ไป 2-3 รูป ก็เริ่มรู้สึกแสบผิวขึ้นมาบ้าง ด้วยแว่นกันแดดอันเดียวคงไม่ช่วยอะไรมากนัก จึงคิดที่จะไปหาที่ร่มตรงบริเวณอื่น แต่ในขณะที่กำลังหันหลังเพื่อเดินกลับเข้าไป ก็มีคนเอาเสื้อมาคลุมหัวเสียก่อน กลิ่นคุ้นเคย เดาได้ไม่อยากหรอกครับว่าใคร

“แดดร้อน คลุมไว้” เห็นผมทำท่าเหมือนจะดึงเสื้อออก ลุงจึงรีบห้ามการกระทำผมเสียก่อน

“ครับ” ไม่รู้สิครับ ผมยังไม่อยากคุยกับลุงตอนนี้เสียเท่าไหร่ เลือกที่จะเดินหนีกลับไปนั่งรอกับเพื่อนเหมือนเดิม โดยปล่อยให้ลุงยืนมองผมด้วยความสงสัย

นี่สรุปผมแม่งเป็นอะไรกันแน่วะ?

................................................................................................

ประเทศอะไรวะเนี้ย โคตรพ่อโคตรแม่จะร้อนเลยครับ ตอนนี้เราอยู่บนเกาะสีชังกันแล้ว ที่นี่มีทั้งบริการให้เช่ารถตุ๊กตุ๊กและเช่ามอเตอร์ไซด์ แค่ลงจากเรือมาบรรดาพ่อค้าแม่ค้าก็พากันเรียกให้พวกเราเข้าไปจับจองบริการต่างๆ ที่บนเกาะนี้มีให้แล้ว ตอนแรกพวกเราคิดว่าจะเช่ารถตุ๊กตุ๊กกันครับ เพราะมีคนขับให้ แต่พอคิดอีกที การได้ลุยไปในที่แปลกๆ กับแผนที่หนึ่งอันมันก็น่าสนุกไปอีกแบบครับ สุดท้ายจึงเลือกมอเตอร์ไซด์ 4 คัน กับการต่อราคาอันน่ากลัวของยะหยา ไม่คิดเหมือนกันคำพูดด้วยเสียงหวานๆ ของยะหยาจะทำให้พ่อค้าคิดค่าเช่าจาก 2 วัน เป็น 1 วัน แถมเติมน้ำมันให้เต็มถังอีกต่างหาก

สาวๆ จับคู่กันไปแล้ว โดยส้มเป็นคนขี่ ส่วนคู่หูคู่ฮาอย่างพี่ก๊งและพี่ติ๊กไม่มีทางแยกจากกันแน่นอน ตอนนี้จึงเหลือผม หยิม ลุง และพี่ไม้ ที่กำลังตัดสินใจว่าใครจะคู่ใคร จริงๆแล้วลุงควรจะคู่กับพี่ไม้นี่แหละครับ แต่วันนี้พี่ไม้ดันอยากเป็นคนขับเอง บอกว่าอยากเอาหน้าปะทะลมตอนขี่บ้าง ซึ่งลุงไม่มีทางยอมเป็นคนซ้อนแน่ๆ ที่นั่งลำบากจึงตกเป็นของผมและหยิม เพราะเลือกไม่ได้ว่าจะซ้อนใครดี

“ซ้อนกู” คำสั่งสั้นๆ ที่ส่งออกมาจากหนุ่มร่างยักษ์ จะพูดกับใครไปได้ล่ะถ้าไม่ใช่ผม เพราะลุงไม่ใช้สรรพนามแบบนั้นกับหยิมเป็นแน่แท้ สนิทไม่เท่ากับสนิทกับผมครับ เลยยังไม่กล้าใช้กูมึงด้วย

พี่ไม้ได้ยินแบบนั้นจึงส่งหมวกกันน็อตให้หยิม หยิมทำท่าลังเลเล็กน้อย แต่ก็ยอมรับไปเมื่อเห็นว่าผมพยักหน้า ขึ้นไปซ้อนบนมอเตอร์ไซด์ของพี่ไม้ แล้วขับตามพี่ก๊งกับพี่ติ๊กที่ออกตัวไปมุ่งไปยังที่พักก่อนแล้ว เอาสัมภาระไปเก็บก่อนตระเวนเที่ยวครับ

“เร็ว” คว้าหมวกกันน็อตมาใส่ แล้วตามไปคร่อมมอเตอร์ไซด์ ก่อนเสื้อคลุมตัวเดิมจะถูกส่งมาจากข้างหน้า

“แดดร้อน เดี๋ยวผิวไหม้” แหมมม พูดมาได้ไม่เกรงใจเสื้อกล้ามที่มึงใส่อยู่เลยนะครับไอ้คุณลุงง

...

หลังจากเก็บของกันเรียบร้อย เราก็ขี่รถวนรอบเกาะ และหยุดพักถ่ายรูปกันเป็นพักๆ ตอนนี้ส้มเริ่มอารมณ์ดีและยิ้มให้ผมถ่ายรูปแล้วครับ โชคดีเหลือเกินที่หยิบม้วนฟิล์มมาเผื่อ เพราะดูท่าที่นี่จะมีโลเคชั่นมากมายให้ถ่ายรูปกันสนุกสนานเลยทีเดียว โดยเฉพาะพี่ก๊งกับพี่ติ๊กที่ดูจะสนุกกับการโพสท่าอย่างไรให้ดูฮามากที่สุด แต่ละรูปที่ออกมาแถบจะไม่มีความหล่อเลยครับ ผมนี่ไม่กล้าหยิบกล้องฟิล์มขึ้นมาถ่ายเลย ทำได้แต่เอากล้องโทรศัพท์ถ่ายแทน กลัวฟิล์มหมดครับ ยังเที่ยวไม่ทั่วเกาะเลย

“ลุง ผมว่ารอคนอื่นก่อนไหม” ลุงเป็นคนขี่มอเตอร์ไซด์ได้เร็วมากคนหนึ่งเลยล่ะ ไม่รู้จะรีบไปไหน ตอนนี้แซงหน้าคนอื่นๆ มาไกลพอสมควรแล้ว แถมทางที่มาก็ไม่มีในแผนที่เสียด้วยครับ สองข้างทางเริ่มเป็นต้นไม้เต็มไปหมด

คงจับกระแสความกังวลจากน้ำเสียงผมได้ จึงชะลอรถให้ช้าลงก่อนจะหยุด ด้านหลังไม่มีเพื่อนๆ ผมขับตามมาแล้วครับ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจะโทรถามก็ดันแบตหมด ไม่น่าเอาโทรศัพท์ไปถ่ายรูปให้พี่ก๊งกับพี่ติ๊กเลยนี่สิ

“แบตหมดอ่ะลุง” ชูโทรศัพท์ที่ตายสนิทให้ลุงดู ก่อนจะแบมือขอโทรศัพท์ของลุงมายืมโทรออก แต่กลับได้รับการปฏิเสธแทน ลืมไปเลยครับว่าลุงฝากโทรศัพท์ให้พี่ไม้ชาร์จแบตสำรองไว้

“งั้นลองขับกลับไปดู”

วนกลับไปก็พบเจอแต่ความว่างเปล่าครับ  ไม่มีมอเตอร์ไซด์ขับผ่านมาทางนี้เลยซักคัน ใจเริ่มไม่ดีแล้วสิ ต่างถิ่นแบบนี้ผมไม่ชอบเท่าไหร่ แถมมองไปทางไหนก็เจอแต่ต้นไม้เต็มไปหมด ขับออกนอกเส้นทางมาไกลแค่ไหนก็ไม่รู้

“เดี๋ยวก็เจอเพื่อนน่า” เสียงดังมาจากคนข้างหน้า กระแสความอบอุ่นที่ถูกส่งมา ดึงให้ผมเอื้อมมือไปกอดคนข้างหน้าเอาไว้ ซบหน้าลงบนหลังเจ้าตัวอย่างคุ้นเคย อย่างน้อยลุงคงไม่ทิ้งผม เหมือนที่ลุงเคยให้คำสัญญาไว้ ผมเชื่อแบบนั้น
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH12-13 (30/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: oommmy ที่ 30-08-2017 19:39:28
CH13

ที่พักของเราเป็นบ้านพักริมทะเลเลยครับ หลังใหญ่มาก มี 2 ชั้น 4 ห้องนอน มีเตาให้เช่าอีกด้วย แต่พวกอาหารสดต้องหาซื้อเข้ามากันเองครับ ดีนะที่พ่อค้าคนนั้นแนะนำให้ซื้อพวกของสดเข้ามาด้วยจากบนฝั่ง เพราะถ้าหาในเกาะราคาจะสูงมากครับ เราจึงหาซื้อกันมาเตรียมไว้ก่อน

ยะหยาและหยุมหยิมเป็นผู้จัดการเรื่องการทำอาหารครับ สองแฝดที่อยู่กับคุณย่ามาตลอด แน่นอนว่าเรื่องงานบ้านงานเรือนถูกปลูกฝังมาอย่างเก่งกาจแน่นอน แต่น้ำจิ้มซีฟู้ดถูกสั่งให้เป็นหน้าที่ของพี่ติ๊กครับ ไม่คิดเหมือนกันว่าพ่อหนุ่มรักสนุกคนนี้จะเป็นถึงลูกชายเจ้าของรีสอร์ทในตัวเมืองกระบี่โน่นน แค่โทรกริ๊งเดียวสูตรน้ำจิ้มซีฟู้ดแสนอร่อยก็ถูกถ่ายทอดออกมาจากเซฟระดับห้าดาวแล้วล่ะครับ

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือเครื่องดื่มแอกอฮอลล์ และหน้าที่จะเป็นของใครไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่ผมผู้ซึ่งกินเป็นอย่างเดียวและคนขับรถของผม ตอนแรกจะขอไปคนเดียวครับ แต่กลัวพนักงานจะไม่ขายให้ เด็กปีหนึ่งนี่นะครับ อายุอานามก็ยังไม่ยี่สิบบริบูรณ์ดี ต้องพาตาลุงหน้าแก่นี่ไปด้วย

เสื้อคลุมตัวเดิมถูกส่งมาให้ผมอีกครั้ง ด้วยเหตุผลที่ว่าลมมันแรง ถ้าทำกันขนาดนี้ขายต่อเสื้อตัวนี้ให้ผมเลยเถอะครับ เจ้าของตัวจริงนี่แทบจะไม่ได้ใส่

เมื่อตระเตรียมทุกอย่างพร้อม เราก็เริ่มปาร์ตี้คืนนี้กันได้ น้ำจิ้มนี่อร่อยจริงๆ นะครับ สมแล้วที่เป็นรีสอร์ทระดับห้าดาว น้ำจิ้มไม่หวานหรือเปรี้ยวจนเกินไปครับ พริกก็ถูกตำให้ละเอียดจนเวลาจิ้มจะมีพริกติดมาที่กุ้งเล็กน้อย พอให้มีรสชาติเผ็ดนิดๆ แต่พอหันไปมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าลุงแล้วอยากหัวเราะออกมาดังๆ น้ำจิ้มบ้าอะไรวะไม่มีพริกซักเม็ด แล้วแบบนั้นมันจะไปอร่อยได้ยังไง

“พวกมึงๆ ร้องเพลงกัน” พี่ติ๊กที่หายไปนานวิ่งกลับมาพร้อมกับกีต้าร์ในมือ ไปเอามาจากไหนวะน่ะ ที่นี่มีให้เช่าเครื่องดนตรีด้วยหรอวะ

แต่ไม่มีใครสนใจที่จะถามที่มาของเครื่องดนตรีชนิดนี้ แถมพากันเสนอชื่อเพลงต่างๆ ที่อยากฟังกันใหญ่ จนพี่ติ๊กหาคอร์ดเพลงแทบไม่ทันเลยครับ

เพลงแล้วเพลงเล่าถูกขับร้องโดยพวกเราทุกคน โดยมีพี่ติ๊กเป็นคนดีดกีต้าร์ และพี่ไม้ที่หยิบขวดเบียร์มาเคาะเป็นจังหวะตามไปด้วย ให้ความรู้สึกสนุกบวกมึนเมาเพิ่มขึ้นไปอีก เครื่องดื่มหมดลงไปเรื่อยๆ แต่ไม่มีทีท่าว่าจะมีใครยอมใคร ทุกคนต่างดวลกันอย่างจริงจัง โดยเฉพาะพี่ก๊งที่เริ่มออกลายลุกขึ้นมาขยับร่างกายด้วยแล้ว

“โชว์ซักเพลงดิ๊ที” อยู่ดีดีพี่ติ๊กก็หยุดเล่นกีต้าร์ไปดื้อๆ แล้วส่งเครื่องดนตรีดังกล่าวให้ลุง รับกีต้าร์มาถืออย่างชำนาญก่อนจะหยุดคิดเพลงที่จะเล่นแปปนึงก่อนนะจะเริ่มเกากีต้าร์เป็นทำนองเพลงที่คุ้นเคย

รู้ก็ทั้งรู้ว่าเธอเป็นใคร และฉันก็ไม่คิดจะปีนขึ้นไป
คงไม่มีทางจะเป็นไปได้ ก็เรานั้นมันต่างกัน
ทำได้แค่เพียงเจียมตัวมันไปวันวัน ฉันเข้าใจ

เขาว่ากันว่าดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ และตอนนี้ดวงตาคู่นั้นก็กำลังสื่อความหมายอะไรบางอย่างออกมา

แต่ฉันก็ไม่รู้เพราะความบังเอิญ หรืออันที่จริงฉันนั้นจงใจ
เวลาที่เธอมายืนใกล้ใกล้ ก็ยังเผลอไปสบตา
รู้ก็ทั้งรู้ว่าคงไม่มีปัญญา คงไม่มีหวัง

ไม่หรอกลุง ลุงน่ะมีหวังเต็มๆเลยนะ ผมรู้ดี ผมมองออก

ไม่อยากจะเหลียวมอง ฉันคอยบอกตัวเอง แต่ยังทำไม่ได้
ไม่อยากจะสนใจ ก็รู้ว่าไม่มีทาง และก็ไม่รู้ต้องทำอย่างไร

อดใจไม่ไหวเมื่อได้พบหน้า ยิ่งเธอส่งยิ้มคืนมา ยิ่งหวั่นไหว
ยังเป็นอย่างนี้อยู่ทุกวัน ฉันต้องคอยหักห้ามใจ  ( หยุดหักใจไม่ได้ หยุดห้ามใจไม่ได้ )
อดใจไม่ไหวทุกทีที่เจอ เพียงแค่แอบเผลอมองตา จะผิดไหม
เก็บเอาไปฝันอยู่ทุกคืน ฉันต้องทำตัวเช่นไร ช่วยบอกได้ไหมเธอ

อยากหายตัวไปจากตรงนี้ ไม่อยากเห็นภาพที่เขาสบตากัน แล้วยิ้มเขินให้กันเลยครับ

เพลงจบลงแล้ว แต่ความหม่นหมองในใจผมยังไม่หายไป หยิบแก้วในมือกระดกเข้าไปแก้วแล้วแก้วเล่า อยากลืมภาพที่เห็นตรงหน้าเมื่อกี้ไปให้หมด ไม่อยากจำ ไม่อยากเห็น ไม่อยากคิดมาก

“เฮ้ย ช้าๆ ก็ได้ไอ้เจ็ท รีบแดกขนาดนั้นเดี๋ยวก็เมาตายห่ากันพอดี” หยิมส่งเสียงเรียกมาจากหน้าเตาปิ้ง แต่นั่นไม่ได้ทำให้ผมสนใจ นอกจากหยิบขวดตรงหน้ามาเทใส่แก้วต่อ

“พอได้แล้ว” แก้วในมือถูกดึงออกไปโดยผู้ชายที่ทำให้ผมเป็นแบบนี้

“ยุ่งไรด้วยวะ เอาแก้วมา”

“เป็นเหี้ยไรของมึง” ในเมื่อไม่คืนแก้วก็คว้าขวดนี่แหละมาดื่มเสียเลย ไม่ง้อก็ได้โว้ย

“เชี่ยไรเนี้ยยย!” ขวดที่ผมเพิ่งกระดกใส่ปากไปเมื่อกี้ถูกดึงออกไปอย่างแรงอีกครั้ง จนน้ำในขวดหกรดตัวผมเต็มไปหมด

“กูบอกให้หยุดแดกไง เมาแล้วมึงอ่ะ”

“เสือก”

ควับ!

หมับ!

เพล้ง!!!

...

Natee talk

เพล้ง!! เสียงขวดแตกไม่ได้ทำให้เด็กผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมหันไปสนใจ เพราะตอนนี้มันกำลังดึงมือออกจากมือที่ผมคว้าเอาไว้ให้หันมาคุยกันดีดี แววตาน้อยใจที่ส่งมา ทำให้ผมไม่อยากปล่อยมันเดินหนีไป

“ปล่อย”

“เป็นอะไร”

“ปล่อยกู” สรรพนามเปลี่ยนไปจากเดิม มันเคยใช้คำพูดแบบนี้กับผมในครั้งแรกที่เราเจอกัน ตอนนั้นเรายังไม่รู้จักกัน แต่ตอนนี้ไม่ใช่ เด็กผู้ชายที่ชอบเข้ามาคลอเคลียให้ผมตามใจคนนั้นหายไปเมื่อแอลกอฮอลล์ถูกส่งผ่านเข้าไปในลำคอมัน หรืออาจเพราะเหตุผลอื่น ที่ผมเองก็ไม่เข้าใจ

“คุยกันก่อนเจ็ท”

“กูบอกว่าให้ปล่อยไงวะ”

“พี่ทีปล่อยมันก่อนเถอะครับ” หยุมหยิมเป็นคนที่พยายามเข้ามาห้ามเหตุการณ์ตรงหน้า หางตาผมเห็นว่ายะหยากำลังเดินเข้ามาหา

เจ็ทที่พยายามดึงข้อมือออกจากมือผมให้ได้ จนตอนข้อมือมันเริ่มมีรอยแดงจากการบีบของผม เห็นดังนั้นจึงคิดจะปล่อย แต่เหตุการณ์หลังจากนั้นต่างหากที่หยุดทุกการกระทำของมัน

แรงกระชากมือออกจากการรัดกุมของผมส่งผลให้ร่างกายมันไม่สามารถต้านทางแรงเหวี่ยงที่มันสร้างขึ้นมาเองหลังจากผมปล่อยมือ ยะหยาที่กำลังเดินเข้ามาถูกฟาดเข้าไปเต็มๆ ไม่เพียงแค่ล้มลงไปเท่านั้น แต่มือของเธอกลับถูกเศษแก้วที่เจ็ทเพิ่งปัดตกลงพื้นไปเมื่อกี้เข้า

ยะหยาไม่แสดงความเจ็บปวดออกมาให้เห็น แต่เลือดสีแดงสดไหลออกมาทันที เหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวายเกิดขึ้น เมื่อทุกคนกรูกันเข้ามารุมดูมือของยะหยาวุ่นวายไปหมด โดยผมเป็นคนแรกที่ถึงตัวยะหยา เศษแก้วไม่ลึกมาก แต่ก็ควรไปให้หมอดูอาการ ไอ้ไม้เป็นคนแรกที่มีสติ มันวิ่งไปคว้ากุญแจมอเตอร์ไซด์ส่งให้ผมเพื่อพาหยาไปโรงพยาบาล

แต่ก่อนที่ผมจะขี่มอเตอร์ไซด์ออกไป หูก็ได้ยินเสียงหยิมตะโกนด่าเจ็ทก่อนที่เจ็ทจะวิ่งหนีเข้าไปตัวบ้าน

...

“หยาสบายดี หยิมไม่ต้องห่วงหรอก”

“กันไว้ดีกว่าแก้ทีหลังน่า”

สองแฝดเขาเป็นแบบนี้มาซักพักแล้วครับ หลังจากที่หยิมออกจากห้องฉุกเฉิน ตอนนี้เรากำลังนั่งรอยากันอยู่ หยิมขับรถตามมาพร้อมกับส้ม ส่วนสมาชิกที่เหลือตอนนี้ติดตามสถานการณ์ที่บ้านพักครับ ผมโทรไปรายงานความคืบหน้ากับไม้แล้วเรียบร้อย

หลังจากที่เคลียธุระที่โรงพยาบาลกันเรียบร้อย เราก็เดินทางกลับไปยังบ้านพักทันที ยะหยาควรกินยาแล้วนอนพัก หวังว่าบาดแผลจะไม่ติดเชื้อแล้วทำให้ยะหยาไข้ขึ้นหรอกนะครับ

กลับมาถึงบ้านพักของทุกอย่างก็ถูกเก็บล้างไปจนหมดแล้ว ไม้เป็นคนเดินออกมารับที่หน้าบ้าน พร้อมกับบอกว่าก๊งกับติ๊กกำลังล้างจานกันอยู่ในครัว แต่สมาชิกอีกคนหลังจากที่ถูกหยิมตะคอกไปนั้น จนตอนนี้ก็ยังไม่เห็นหน้าเลยครับ

“ปล่อยมัน” นั่นเป็นคนเดียวที่หยุมหยิมกล่าวออกมาหลังจากได้ฟังเรื่องราวจากไม้ หยิมคงโกธรที่คนไม่รู้เรื่องราวอย่างยะหยากลายเป็นแพะรับบาปในคดีนี้

“ไม่เอาน่าหยิม” ยะหยาผู้ให้อภัยทุกคน

“เดี๋ยวกูไปดูมันเอง” และส้มผู้เป็นคนกลาง

ส้มหายขึ้นไปบนห้องได้ซักครู่ ก่อนจะวิ่งหน้าตาตื่นลงมาข้างล่าง พร้อมกับคำบอกเล่าที่ทำให้ผมตัวชาวาบขึ้นมาทันที

“ไอ้เจ็ทไม่ได้อยู่ในบ้าน!!!”

.......................................................
ต่อสองตอนรวด แฮ่ เจ็ทเริ่มออกลายขึ้นเรื่อยๆ ลุงก็ยังคงตามจีบยะหยา แต่ก็ยังห่วงหวงเจ็ท
ส่วนใจของเจ็ท จะเป็นยังไงต่อต้องติดตามกันนะค๊าาา

ขอบคุณที่ช่วยแก้คำผิดเน่ออ เจอคำไหนอีกรีบบอกเลยนนะคะ จะรีบแก้ บางทีเราก็ตกภาษาไทยไปบ้าง แหะๆ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและให้กำลังใจเหมือนเดิม เลิฟฟฟฟ
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH12-13 (30/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 30-08-2017 20:50:28
เจ๊ท ที่แอบชอบหยิม คงเลิกชอบหยิมแล้ว
แต่ความที่ใกล้ชิดกับลุง ความดีของลุงทำให้หวั่นไหวไปกับลุง

เลยทำให้มีความในใจ คิดมาก สับสน น้อยใจ
พาให้กินเหล้าหนัก
ลุงที่มาห้ามเลยทำให้เจ๊ทสติแตก  ขวดเหล้าเลยแตกไปด้วย
ที่จริงจะว่าที่หยาบาดเจ็บเป็นเพราะเจ๊ท
มันก็ไม่ใช่ทั้งหมด เป็นเพราะลุงผลักเจ๊ท
เจ๊ทไปชนหยา หยาล้ม เลยโดนแก้วบาด

เอาไงล่ะทีนี้ เจ๊ทหนีจากที่พักไปแล้ว
รอตอนใหม่  :ling1: :ling1: :ling1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH12-13 (30/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 30-08-2017 21:48:19
เจ็ทททททท :hao5:
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH12-13 (30/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 30-08-2017 22:06:45
ยะหยาก็ชอบลุงหรอ สงสารเจ็ทอยู่ ลุงก็ทำซะเหมือนให้ความหวัง???? เปล่าหรอก แค่ทำปกติแบบสนิทกัน แต่ไอ้คนแอบรักก็คงมองอีกแบบ
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH12-13 (30/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 30-08-2017 22:09:27
เมาแล้วเกเรนะเนี่ย หลานเจ็ท  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH12-13 (30/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 30-08-2017 23:04:34
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH12-13 (30/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 31-08-2017 09:49:33
ความอ้อยเป็นเหตุล้วนๆ
จะทั้งหยา ทั้งเจ็ทตอนนี้น่าจะหวั่นไหวกับลุงทั้งคู่
แยกมีสองข้าง ทางมีสองแพร่ง รักก็ต้องเลือกล่ะ
 :mew2:
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH12-13 (30/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: oommmy ที่ 07-09-2017 12:41:04
CH14

ผมเป็นบ้า ผมรู้ตัวครับ ผมแค่มีความรู้สึกว่าผมไม่ควรเจอหน้าทั้งสองแฝดและลุง ผมไม่รู้จะสู้หน้าพวกเขาได้ยังไง ผมอยากจะขอโทษที่ทำให้หยาเจ็บ ขอโทษที่พูดจาไม่ดีกับลุง และขอโทษที่ทำให้การมาเที่ยวครั้งนี้ไม่สนุก แถมยังสร้างความลำบากให้คนอื่นอีกด้วย

แต่ผมห้ามตัวเองไม่อยู่ อาจเป็นเพราะฤทธิ์ของแอกอฮอลล์ที่ทำให้สติสัมปชัญญะของผมขาดหายไป หรือบางทีอาจจะเป็นแววตาที่ลุงกับหยามองกัน มันน่าตลก ที่ผมรู้สึกแปลกๆ กับภาพนั้น ทั้งๆ ที่ผมควรจะยินดีไปกับลุงด้วยซ้ำ แต่มันไม่ใช่เลย ผมกลับไม่ชอบ และไม่อยากให้มันเกิดขึ้น โง่บรม!

โทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าสั่นไม่หยุดมาซักพักหนึ่งแล้ว หลังจากที่ผมได้ยินพี่ไม้คุยโทรศัพท์กับลุงว่ากำลังจะเดินทางกลับมาที่บ้าน และยะหยาไม่เป็นอะไรมาก ผมก็เลี่ยงที่จะเดินออกมาตามชายหาดเพื่อตั้งสติ ทบทวนความคิดตัวเอง ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในใจผมตอนนี้คืออะไร

ไม่มีคำตอบสำหรับคำถามที่ผมตั้งขึ้นมาในหัว และไม่รู้จะพึ่งพาใครสำหรับการหาคำตอบนี้

หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก็พบสายที่ไม่ได้รับจากทุกคนที่มาเที่ยวด้วยกันหลายสาย แจ้งเตือนไลน์เด้งขึ้นมาจากในกลุ่มว่ายังไม่มีใครหาผมพบ และผมก็ยังไม่มีกระจิตกระใจจะตอบข้อความของพวกเขาตอนนี้

‘อยู่ไหน’ แต่มันกลับมีข้อความหนึ่งที่สะดุดใจเป็นพิเศษ

เบอร์แปลก เขาเป็นใคร?

ผมจำได้ว่าตอนที่เราแยกกันที่ถนนคนเดินตอนนั้น ทุกคนทิ้งเบอร์เอาไว้ในไลน์กลุ่ม และผมเมมเบอร์ทุกคนไว้ในเครื่องจนหมดแล้ว แล้วเขาคนนี้คือใครกัน

กดเข้าไปในช่องที่แสดงว่ามีข้อความ SMS เข้า แล้วยิ่งสงสัยมากกว่าเดิม เพราะผมเคยคุยกับคนคนนี้ แต่ในสถานการณ์ที่ต่างออกไป เบอร์เดียวที่ผมส่งข้อความกลับไปด่าในวันนั้นที่ตื่นมาแล้วเจอข้อความมากมาย ผมลืมเขาคนนี้ไปแล้วด้วยครับ จำไม่ได้แม้กระทั่งความรู้สึกรำคาญที่เขาโทรมารบกวนเวลานอนของผม

แล้วเขาเป็นใคร? ความสงสัยไม่ได้ทำให้ผมรู้จักคนคนนี้มากขึ้น

‘มึงเป็นใคร’ และคนอย่างผมไม่ปล่อยให้ความสงสัยเกาะกุมจิตใจนาน อย่างน้อยก็ยังดีกว่านั่งคิดมากเรื่องในบ้านเมื่อกี้ก็แล้วกัน

‘กูถามว่าอยู่ไหน’ ไม่มีคำตอบสำหรับคำถาม มีแต่คำถามที่มากขึ้น หรือว่ามีใครแกล้งผม

‘ขอโทษนะครับ ผมว่าเราคงไม่รู้จักกัน คุณส่งมาผิดคนแล้วล่ะ’ การส่งข้อความคุยกันนี่มันคือการเปลืองเงินโดยใช่เหตุ ตัดบทตอนนี้ ประหยัดทั้งผมและประหยัดทั้งเขา

ใส่โทรศัพท์ลงกระเป๋าเหมือนเดิม ทะเลตอนกลางคืนสงบมากครับ เสียงคลื่นที่พัดเข้าฝั่งเรื่อยๆ ทำให้ใจผมสงบลงไปมาก เคยได้ยินเพลงเพลงหนึ่งของวัชราวลี ท่อนที่ร้องว่า ‘เมื่อเธอทุกข์ใจให้ลองเอาเท้าจุ่มน้ำ ปล่อยความทุกข์ลอยไปกับทะเลและฟ้าสีคราม’ แม้ท้องฟ้าตอนนี้จะไม่มีสีครามก็เถอะนะ แต่ดาวบนฟ้าที่ส่องสว่างก็ปลอบใจผมได้เหมือนกัน

ปล่อยให้เท้าสัมผัสน้ำเบาๆ ร้องเพลงคลอไปตามสายลมที่ปะทะใบหน้า หลับตาและกางแขนออกเพื่อรับความอบอุ่นจากสายลมที่โอบกอด

“กูเจอมึงแล้ว” เสียงกระซิบที่ดูตื่นตระหนกดังอยู่ข้างหู พร้อมกับแรงโอบรัดรอบตัวเข้ามาแทนที่ลมทะเล ลืมตาขึ้นมาด้วยความตกใจ ก็พบว่ามีชายร่างยักษ์โอบกอดผมมาจากด้านหลัง ใบหน้าแนบชิดกับหูซ้ายของผม

เสียงหัวใจที่ดังแข่งกับเสียงลมทะเลเป็นคำตอบของความสงสัยนี้

เราเคยสัมผัสกันมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แต่การกอดครั้งนี้ กลับทำให้ผมตอบคำถามของตัวเองได้เสียที

ความรู้สึกแปลๆ นี้ มันเหมือนกำลังได้รับคำตอบแล้ว
...

“หนีมาทำไม” ตอนนี้เรากำลังนั่งกันอยู่บนหาดครับ โดยที่ลุงได้โทรไปรายงานสถานการณ์ว่าเจอผมแล้ว เดี๋ยวอีกซักพักจะพากลับไปที่บ้านพัก เพราะตอนนี้ผมยังไม่อยากกลับ จึงขอลุงนั่งอยู่ตรงนี้ซักพัก

“ผมไม่ได้หนี” มองตามน้ำทะเลออกไป ไม่รู้ว่ามันไกลมากแค่ไหนจากฝั่ง ทะเลในตอนนี้มืดสนิท จนผมคิดว่าหากผมตกน้ำในเวลาแบบนี้ ผมคงไม่มีทางว่ายน้ำขึ้นมาได้แน่ๆ มองไปทางไหนก็มืดไปหมด

“แล้วเดินออกมาทำไม” ลุงหันมามองหน้าผม จากมุมนี้ลุงเห็นได้แค่เสี้ยวหน้าของผม

“เดินเล่น”

“คนเดียว?”

“อืม”

ความเงียบปกคลุมเราสองคนอีกครั้ง ยังไม่อยากต่อบทสนทนาตอนนี้ การที่ผมรู้ตัวว่ากำลังตกหลุมรักผู้ชายคนนี้ทำให้ผมยิ่งรู้สึกหวั่นใจมากกว่าเดิม

ผมรู้ตัวว่าผมชอบหยิม ชอบมากนาน ตั้งแต่วันแรกที่เรารู้จักกัน เรียกว่ารักแรกพบเลยก็ได้ครับ ผมจึงพยายามเข้าไปทำความรู้จักสองแฝด ผมไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องเป็นหยิม ทั้งทั้งที่ยะหยาก็หน้าเหมือนหยิม แต่ผมกลับรู้สึกว่าหยิมดึงดูดสายตาผมได้มากกว่า และนั่นทำให้ผมเพิ่งรู้ตัวว่า ผมมีความรู้สึกดีดีให้กับผู้ชาย

แต่ผมรู้ตัวมาตลอดว่าเรื่องระหว่างผมกับหยิมไม่มีทางเป็นไปได้ ผมจึงพยายามวางฐานะของเราสองคนไว้แค่เพื่อน ไม่พยายามเลื่อนเข้าไปใกล้มากกว่านั้น แม้บางครั้งจะรู้สึกเจ็บบ้างที่ต้องเป็นพ่อสื่อให้หยิมกับคนอื่นๆ แต่ถึงยังไงผมก็ไม่เคยแสดงออกไปเลยว่าผมคิดกับหยิมเกินกว่าเพื่อน ไม่ได้อยากครอบครอง ไม่ได้อยากเป็นเจ้าของ

แต่กลับลุงมันไม่ใช่ เหตุการณ์วันนี้ทำให้ผมรู้สึกต่างออกไป ผมไม่ชอบ ไม่อยากเห็นพวกเขาสมหวังกัน อยากขัดขวาง อยากเดินไปหยิบกีต้าร์ออกจากมือของลุง อยากวิ่งไปปิดปากลุงที่กำลังร้องเพลง หรืออยากจะเข้าไปกั้นกลางระหว่างพวกเขาทั้งสอง ผมไม่เคยเป็นแบบนี้ แม้จะกลับหยิมก็ตาม

เขาว่ากันว่าเวลาที่เรากำลังจะเสียอะไรไป จะทำให้เรารู้ใจตัวเองมากขึ้น ท่าจะจริง เพราะผมกำลังรู้ใจตัวเอง รู้ในตอนที่กำลังจะเสียลุงไปให้ยะหยา

ยะหยาเป็นคนดีครับ ผมรู้ว่าถ้าหยารู้ว่าผมเองก็มีใจให้ลุงเหมือนกัน หยาจะต้องเป็นฝ่ายหลีกทางให้ผมแน่ๆ เพียงประเด็นมันไม่ได้อยู่ตรงนั้น เพราะลุงไม่ได้ชอบผู้ชาย และลุงไม่ได้ชอบผม นั่นยิ่งทำให้ผมรู้สึกแย่มากกว่าเก่า

“ลุง” เสียงที่แทบจะเป็นเสียงกระซิบถูกเปล่งออกมาจากกล่องเสียงของผม

“อืม”

“กับยะหยาตอนนี้เป็นยังไงบ้าง”

ความเงียบเป็นคำตอบอีกครั้ง ลุงเพียงทอดสายตามองไปตามน้ำทะเลเหมือนผม

เราต่างหาคำตอบให้กับคำถามที่ดังขึ้นในใจของกันและกัน

‘แล้วกับผมล่ะ ตอนนี้เป็นยังไงหรอ’ คำถามที่ไม่กล้าถาม และคงไม่ถามออกไป

...

“เชี่ยเจ็ทท หายไปไหนมา รู้มั้ยกูวิ่งหาทั่วหาด” ส้มเป็นคนแรกที่วิ่งมาตบหัวผม แล้วกอดอย่างเต็มรัก “กูเป็นห่วงมึงชิบหาย  อย่าทำแบบนี้อีกนะเว้ย” รู้สึกได้ถึงน้ำที่เปรอะบริเวณบ่าผม ผมสูงกว่าส้มเล็กน้อยครับ

“กูขอโทษ” กอดตอบมัน มองผ่านตัวส้มไปเห็นหยิมยืนหน้าบึ้งอยู่ข้างๆ หยาที่ส่งยิ้มให้ผม ผละจากตัวส้มเดินไปเข้าหาสองแฝด มองที่ผ้าพันแผลบนมือยะหยาก่อนจะจับขึ้นมาลูบเบาๆ

“ขอโทษนะหยา เจ็บมากไหม” ยะหยาส่ายหน้าเบาๆ ทั้งๆ ที่ปากยังคงยิ้มอยู่ “หยาไม่เป็นไร เจ็ทเถอะ หนีไปแบบนั้นหยาตกใจหมด” น้ำตาไหลออกจากตาผม นี่ผมทำยะหยาเจ็บได้ยังไงกันนะ

รู้สึกถึงมือของอีกคนตบลงบนบ่า หันกลับไปมองก็เห็นหยิมกำลังเม้มปาก แต่หากมองเข้าไปในตาดีดี จะเห็นว่าหยิมเป็นห่วงผมมากแค่ไหน “ขอโทษ” เอ่ยคำพูดเดิมอีกครั้ง พบแรงบีบบนบ่าเป็นการตอบรับ

หลังจากยืนสงบจิตสงบใจกับสองแฝดเสร็จก็หันกลับไปมองบรรดารุ่นพี่ที่ยืนมองเหตุการณ์ตรงหน้าเงียบๆ “เจ็ทขอโทษที่ทำให้พวกพี่ๆ เป็นห่วงนะครับ” พี่ก๊งกับพี่ติ๊กพยักหน้าให้ผมเบา ส่วนพี่ไม้เดินมาตบบ่า

“แล้วก็ ขอบคุณนะลุงที่ตามหาผมจนเจอ”

“หึ” เสียงตอบรับจากในลำคอเป็นเครื่องยืนยันว่าพรุ่งนี้ทุกคนจะลืมเรื่องวันนี้ไปจนหมด และทุกอย่างจะเหมือนเดิม

..........................................................................................

วันนี้เราต้องเดินทางกลับกันแล้วครับ เพราะถึงกำหนดเวลาที่ผมลางานกับพี่โจ้ไว้แล้ว ทุกคนเก็บของแล้วเดินทางกันตั้งแต่เช้า เนื่องจากต้องนั่งเรือกลับฝั่งกันอีก

สำหรับเหตุการณ์เมื่อคืน หลังจากพูดคุยปรับความเข้าใจกันก็แยกย้ายกันไปนอนครับ ผมนอนกับหยิมเหมือนเดิม แต่รอบนี้ไม่ต้องนอนชิดกันเหมือนเดิมแล้ว เตียงกว้างทำให้ผมนอนหลับได้สนิท แถมยังตื่นสายเป็นคนสุดท้ายเสียด้วย เลยถูกหยิมแซวว่าวันนี้อากาศน่าจะสดใสเพราะผมตื่นสาย

ขากลับพี่ไม้อาสาเป็นคนขับครับ เพราะเมื่อคืนเป็นคนเดียวที่ดื่มน้อยที่สุด น่าจะมีสติมากที่สุดในการขับรถ ลุงจึงถูกดึงไปนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถแทน ส่วนคนอื่นๆ ก็นั่งกันที่เดิมครับ

ใช้เวลาไม่นานเราก็เดินทางถึงบ้านสองแฝด ช่วยกันยกของลงจากรถตู้ พี่ก๊งขอตัวกลับ เพราะเอารถไปล้างก่อนเอากลับบ้าน ไม่งั้นโดนที่บ้านบ่นหูชาว่าใช้รถไม่รักษาครับ พี่ติ๊กจึงขอติดรถไปลงแถว BTS ด้วย

ผมเห็นอย่างงั้นจึงเอ่ยปากขอตัวกลับบ้าง กะว่าจะนั่งแท็กซี่กลับให้สบายใจ แต่มีคนไม่ยอมครับ ลุงเป็นคนอาสาไปส่งผมและส้มที่หอ ปฏิเสธก็ไม่ได้เสียด้วย เพราะส้มไม่กล้านั่งรถไปกับลุงสองคน ผมจึงต้องนั่งไปเป็นเพื่อน ตอนนี้ส้มดีขึ้นมากแล้วครับ แต่ยังไม่ร้อยเปอร์เซ็น เลยบอกไปว่าให้ไปหาพี่โจ้ที่ร้านด้วยกันในวันพรุ่งนี้ เพราะพี่โจ้ถามหา

ลุงไปส่งส้มที่หอก่อน เมื่อเห็นว่าส้มเดินเข้าหอแล้ว ก็ขับรถมุ่งหน้าไปยังหอผมต่อ ความเงียบเกิดขึ้นทันทีหลังจากที่รถเคลื่อนตัวออกมา ไม่รู้ว่าความรู้สึกอึดอัดระหว่างเราสองคนเกิดขึ้นมาตอนไหน อาจเป็นเพราะคำถามที่ยังไม่ได้คำตอบของเราสองคนก็ได้ทำให้สร้างกำแพงขึ้นมาระหว่างเราสองคนแบบนี้

“หิวไหม” ประโยคคำถามสั้นๆ ถูกเปล่งออกมาจากคนขับรถ แต่เจ้าตัวไม่ได้รอฟังคำตอบ ตบไฟเลี้ยวรถเข้าร้านก๋วยเตี๋ยวข้างทางที่อยู่ก่อนถึงหอผม

“ผมอยากกลับหอ”

“งั้นซื้อไปกินที่หอ”

“ห้ะ?” ไม่ทันได้สงสัยไปมากกว่านั้น เจ้าตัวก็เดินออกจากรถเพื่อไปสั่งก๋วยเตี๋ยวใส่ถุง ทิ้งผมให้นั่งรอในรถ

.................................................................

“ห้องมึงแม่งรกจังวะ” นอกจากจะเสียมารยาทเดินตามขึ้นหอมาโดยไม่ได้เชิญแล้ว ยังมาวิจารณ์ห้องอันแสนสุขของผมอีก

“เฮ้ยตู้นี้เจ๋งว่ะ กล้องมึงหมดเลยหรอ” เหล่มองยังไม่สำนึกอีก

“วางเลยลุง อย่ายุ่งกับกล้องของผม เสียหายไปต้องผมคิดเงินนะคร้าบบ”

“กูรวย” โอเคครับลุง จบด้วยคำนี้กูก็ตายสิครับ

ผมเลิกสนใจการเดินสำรวจห้องผมของลุง หันมาหยิบของออกจากกระเป๋าแทน โยนเสื้อผ้าทั้งหมดลงตะกร้า แล้วเดินเอากล้องไปวางที่เดิม ใช้ฟิล์มไป 2 ม้วนครับ พรุ่งนี้ค่อยเอาไปล้าง จริงๆ ก็อยากไปล้างเลย แต่ความเหนื่อยและเพลียจากการตื่นเช้ามันทำให้ผมเลือกที่จะนอนมากกว่า

“ไปอาบน้ำก่อนสิ”

“ผมง่วง ลุงกลับไปเหอะ”

“กูซื้อก๋วยเตี๋ยวมาเผื่อมึงด้วย รีบๆ อาบน้ำจะได้ออกมากินกัน”

“วางไว้ก็ได้ลุง เดี๋ยวผมตื่นแล้วกินเอง” ล้มตัวเองลงนอน

“ไปอาบน้ำ” แรงกระชากมหาศาลดึงให้ผมขึ้นมานั่งทันที พร้อมกับผ้าขนหนูที่ไปหยิบมาตอนไหนก็ไม่รู้ถูกโยนมาให้ แม่งทำตัวอย่างกับเป็นเจ้าของห้องงั้นแหละ

“เออๆ รีบอาบรีบกิน แล้วรีบกลับไปเลยนะลุง” หยิบผ้าขนหนูแล้วเดินเข้าห้องน้ำทันที รีบๆ ทำทุกอย่างให้มันเสร็จๆ จะได้นอนสมใจอยาก

ออกจากห้องน้ำมาก็พบก๋วยเตี๋ยวถูกเทใส่ชามเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เส้นเล็กน้ำใสใส่ผักหนึ่ง ไม่ใส่ผักหนึ่ง ดูเหมาะสมกับอาหารที่ลุงสั่งมากครับ แค่สั่งใส่ผักมาให้ผมก็ดีใจเหลือเกินแล้วครับ

“ไม่รู้ว่ามึงกินไร เลยสั่งแบบที่กูกินมา”

“อืม ผมกินได้ทุกอย่างแหละ แต่ถ้าเป็นเย็นตาโฟจะชอบเป็นพิเศษ” คีบเส้นเล็กเข้ามา จืดจริงๆ ครับ แต่รสชาติแบบนี้ลุงคงชอบ เพราะเห็นกินอย่างสบายๆ ต่างจากผมที่ขอหยิบพริกมาปรุงให้รสจัดขึ้นอีกหน่อยก็ยังดี

“ไว้คราวหน้ากูจะซื้อมาให้แล้วกัน”

นั่งกินกันเงียบๆ จนหมด ผมก็ขอเป็นเจ้าบ้านที่ดีด้วยการหยิบชามไปวางบนอ่าง แล้วล้มตัวลงนอนบนเตียงทันที เรียกเสียงหึในลำคอของอีกคนได้

“กลับไปได้แล้วลุง ผมจะนอน” ไล่กันตรงๆ นี่แหละครับ ไม่มีการอ้อมค้อม

“กรดไหลย้อนแน่มึง”

“ใครสน” หลับตาลงทันที ปิดการรับรู้รอบข้าง ไม่สนใจคนตัวโตที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง

ในฝันผมได้ยินเสียงทุ้มต่ำของผู้ชายร่างสูงคนนั้น กระซิบข้างๆ หูผม “อย่าทำให้กูต้องเป็นบ้าแบบนั้นอีก แค่นี้กูก็ห่วงมึงจนจะแย่อยู่แล้ว”

...................................................................
ฮืออออ หายไปนาน เค้าขอโต้ดดดดด เค้าเริ่มงานแล้วเพิ่งได้หยุด งุยยย
พยายามจะดึงดราม่า แต่ทำไม่เก่งจริงๆ แฮ่

ขอบคุณทุกคนที่อ่านเหมือนเดิมเลยน้าาาา จุ้บบบบ
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH14 (07/09/17)
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 07-09-2017 13:10:05
ลุงมันยังไงกันแน่ รู้สึกแค่ว่าต่อจากนี้จะไม่เหมือนเดิมแล้ว เพราะเจ็ทรู้ใจตัวเองแต่ก็ต้องห้ามใจแบบคนรักเขาข้างเดียวอีกตามเคย
น่าจะมีคนมาจีบเจ็ทสักนิส เผื่อลุงจะหึงบ้างไรงี้
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH14 (07/09/17)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 08-09-2017 00:19:50
 :o8: ลุงเป็นห่วงหลานเจ็ท   o18
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH14 (07/09/17)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 08-09-2017 20:13:58
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH14 (07/09/17)
เริ่มหัวข้อโดย: nsai.ss ที่ 08-09-2017 21:54:56
ลุง...จะจีบเจ็ทแต่แรกก็บอกมา

ตอนลุงร้องเพลงนี่หยาเป็นสาววายเปล่า...แบบรู้อยู่แล้วว่าลุงจะจีบเจ็ทงี้ พอลุงร้องเพลงแล้วสบตาเลยเขินแทน
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH14 (07/09/17)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 08-09-2017 23:45:02
เอ๊ะ!!! ยังไงอ่ะลุง
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH14 (07/09/17)
เริ่มหัวข้อโดย: boobooboo ที่ 12-09-2017 20:12:58
อ้าว  ไหงเป็นงั้น
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH14 (07/09/17)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 12-09-2017 20:48:46
มาอัพได้แล้ว
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH15 (12/09/17)
เริ่มหัวข้อโดย: oommmy ที่ 12-09-2017 21:47:17
CH15

เซนทรัลในเวลาเที่ยงรถติดชิบหาย!

การจราจรที่แน่นขนันไปด้วยบรรดารถรา ไม่ว่าจะเป็นรถส่วนตัวหรือรถเมล์ แน่น และโคตรจะแน่นมากๆ จนทำให้ผมเริ่มจะอารมณ์เสียมากขึ้นทุกขณะ ความจริงเป็นแล้วเราไม่ควรมาติดกันอยู่ตรงนี้เลยถ้าไอ้คุณลุงมันไม่เสนอให้ผมนั่งรถมันมา แทนที่จะให้บริการรถไฟฟ้าอย่างที่ผมใช้เป็นประจำ

วันนี้เรามาล้างฟิล์มกันครับ ผมที่ต้องแหกขี้ตาตื่นมาเพราะได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังติดๆ กันหลายครั้ง ใจความสั้นๆ ที่ถูกส่งมาคือให้เปิดประตู พับพ่าสิ! อะไรมันจะขยันตื่นกันขนาดนี้วะ ความตั้งใจที่จะตื่นสายๆ เพื่อออกมาล้างฟิล์มก่อนจะกลับไปทำงานของผมจบลงทันทีที่ลุงก้าวเข้ามาในห้อง พร้อมกันเสนอตัวว่าจะพาผมไปล้างฟิล์มเอง

สุดท้ายมันก็ติดอยู่ตรงนี้ไงละฟระ กว่าจะวนหาที่จอดรถ กว่าจะเดินไปที่ร้าน กว่าจะรอล้างฟิล์มเสร็จ แล้วต้องฝ่ารถติดยามเย็นกลับไปทำงานอีก ถ้าผมเข้างานสายไปแม้แต่นาทีเดียวจะไปเก็บเงินที่โดนหักไปจากไอ้คุณลุงนี่แหละ

“หน้าหงิกหน้างอ เป็นปลาทูหรือไงมึง”

“อะไร อย่าหาเรื่องได้ป่ะ”

“เอาน่า เดี๋ยววันนี้เลี้ยงข้าวเลย อยากแดกไรบอก”

“เออ” หึ เห็นของกินไอ้เจ็ทก็ยอมแล้วคร้าบบบบ

สุดท้ายกว่าจะหลุดจากสี่แยกมาได้ลุงก็ปล่อยผมลงที่หน้าห้างก่อน เพื่อเอาฟิล์มไปล้างทิ้งไว้ครับ ส่วนตัวเองวนไปหาที่จอดรถ แล้วค่อยโทรหากันที่หลัง

พูดถึงโทรศัพท์ เมื่อคืนผมตื่นมากลางดึกแล้วหยิบโทรศัพท์มาดูเวลา เด็กรุ่นใหม่ครับ โทรศัพท์คือทุกอย่างของชีวิต แต่ก็พบว่ามันแบตหมด เดาว่าหมดตั้งแต่คืนนั้นที่ทะเลาะกับลุงที่หาด เพราะผมไม่ได้ใช้งานมันอีกเลยจนกลับมาถึงหอ คว้าที่ชาร์จแบตมาชาร์จทิ้งเอาไว้ แล้วล้มตัวลงนอนต่อ

มันคงไม่มีอะไรแปลกนักถ้าไม่พบข้อความเข้าจากเบอร์แปลกเบอร์เดิม ส่งมาสั้นว่า “กูเป็นห่วง” มองเวลาที่ส่งก็เป็นทันทีหลังจากที่ผมตอบกลับไปล่าสุด หรือจริงๆแล้วเขาเป็นใครคนใดคนหนึ่งที่ไปเที่ยวกับผมจริงๆ ตัดความน่าจะเป็นว่าไม่ใช่เพื่อนกลุ่มผมแน่ๆ เพราะพอเลื่อนขึ้นไปอ่านข้อความแรกๆ มีคำกล่าวสรรเสริญพี่ไม้เต็มไปหมด นั่นทำให้เดาได้ไม่อยากว่าต้องเป็นใครคนใดคนหนึ่งในกลุ่มลุงที่ไม่ใช่พี่ไม้ แล้วมันเป็นใครวะ

แว่บแรกผมคิดว่าน่าจะเป็นลุงแน่ๆ แต่ก็คิดอีกว่าไม่ใช่ เพราะลุงมันเคยส่งข้อความให้ผมนะครับ ก็วันนั้นไงที่ขู่ผม แถมไม่ใช่เบอร์นี้ด้วย เพราะฉะนั้นต้องเป็นพี่ติ๊กไม่ก็พี่ก๊ง แต่ผมว่าผมก็เมมเบอร์ของทั้งสองคนไว้แล้วนะครับ นั่นยิ่งทำให้ผมสงสัยหนัก แก้ปัญหาง่ายๆ ด้วยการส่งข้อความกลับไปถามอีกครั้งว่า “ใคร พี่ติ๊กหรอ หรือพี่ก๊ง?” แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่ได้รับข้อความตอบกลับมาเลยครับ

ใช้เวลาเดินไปที่ร้านล้างฟิล์มไม่นาน จำได้ว่าครั้งแรกที่มาเอ๋อมากครับ ไม่เคยนั่ง MRT เดินลงมากว่าจะหาร้านเจอใช้เวลาค่อนข้างนานเลยทีเดียว ขนาดผมเปิดหาชื่อร้านจากในอินเตอร์เน็ตก่อนมาแล้วนะ ยังหลงทางได้ จนเริ่มมาบ่อยเข้าพี่เจ้าของร้านก็เริ่มจำผมได้ สะสมแต้มจนจะได้ล้างฟิล์มฟรีเลยล่ะ

เสร็จธุระจากตรงนี้ก็โทรหาลุง นัดเจอกันที่ร้านข้าวเลยจะได้ไม่เสียเวลาเดินหากัน เราต้องรอล้างฟิล์มกัน 1 ชั่วโมงครับ ระหว่างนั้นก็กินข้าวเดินเล่นได้เต็มที่

ร้านที่ผมเลือกวันนี้เป็นบะหมี่หมายเลขแปด ของชอบในห้างไม่กี่อย่างของผม ชอบตั้งแต่วันแรกที่มันมาเปิดสาขาใกล้บ้านแล้วครับ ประทับใจเกี๊ยวซ่าที่เขาใช้การนึ่งแทนการทอด มันทำให้ผมรู้สึกไม่เลี่ยนจนเกินไปนัก

ใช้เวลารอลุงที่หน้าร้านไม่นานก็เราก็เข้าไปสั่งอาหารกัน ต้มยำชาชูเมนเพิ่มเส้นเป็นสิ่งที่ผมเลือก พร้อมด้วยเกี๊ยวซ่าและทาโกยากิของชอบ แต่ตาลุงนี่สิมาร้านราเมงดันสั่งข้าวผัดไม่ใส่ผักมากิน รู้แบบนี้ชวนกินอาหารตามสั่งข้างห้างก็ดีหรอก

“แดกยังไงให้เลอะปากวะ” กระดาษทิชชูถูกส่งมาให้ คว้ามาเช็ดหมับที่ปากทันที

“ขี้บ่นจังวะ”

“ไอ้เด็กบ้า”

“ตาลุงขี้บ่น”

.................................................

ใช้เวลาเดินเล่นฆ่าเวลาซักพัก ก็กลับไปเอารูปที่ร้าน ตอนนี้เราจะยังไม่สามารถดูได้ว่ารูปมันจะออกมาเป็นยังไง เพราะทางร้านจะไลท์ลงแผ่นซีดีมาให้ ทำได้แค่ส่องไปที่ฟิล์มที่ถูกตัดมาเป็นแผ่นๆ แทน ลุงคว้าฟิล์มไปส่องไฟ แล้วขมวดคิ้วมองตามรูปต่างๆ

“ถ่ายอะไรวะ มองไม่เห็นรู้เรื่อง”

“ถ่ายหมา” รูปส่วนใหญ่ที่ผมถ่ายก็เป็นวิวทะเลนั่นแหละครับ แต่ถ่ายหมานี่คือเรื่องจริงนะ เพราะผมชอบหมา เวลาเห็นหมาจรก็ชอบถ่ายรูปเก็บไว้ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม หมาแต่ละตัวมันมีสื่อความรู้สึกออกมาต่างกันครับ บางตัวผอมแห้ง สายตากลับดุดันและระแวง หรือบางตัวก็ชอบทำหน้าตาออดอ้อนออเซาะ เหมือนว่าให้ส่งลูกชิ้นให้มือมาให้หน่อย หรือบางทีก็เจอไอ้ตัวอ้วนที่นอนอยู่เฉยๆ ไม่ขยับตัวไปไหนรอคนเอาของมาให้กิน ใช้หมาเล่าเรื่องครับ

“เราถ่อมาถึงที่นี่เพื่อซีดีแผ่นเดียวหรอวะ”

แล้วใครใช้ให้มาด้วยล่ะ ไม่ได้พูดครับ แค่คิด เดินหนีตาลุงที่ยังคงสนใจฟิล์มในมือไม่เลิก ไปยืนหน้าร้านขายไอศกรีมแทน เล็งไว้ตั้งแต่ออกจากร้านข้าวแล้วครับ แต่ตอนนั้นอืดบะหมี่อยู่ เดินย่อยแล้วจึงกินได้ ช็อคโกแลตมิ้นที่ใครๆ ต่างบอกว่าเหมือนยาสีฟันหนักหนานั้นเป็นสิ่งที่ผมโปรดปราณมากที่สุด ยาสีฟันก็แปรงกันทุกวัน ไม่รู้สึกอร่อยกันเลยหรือไง

คว้าไอศกรีมเข้าปากหมับ ไม่ใช่ปากผมครับ ปากไอ้คนที่มากด้วยเนี้ย “ทำไมไม่ซื้อเองวะลุง” ความหงุดหงิดเมื่อตอนเที่ยงกำลังจะกลับอีกครั้ง

“กลัวกินไม่หมด ทำไม งก?” ทำหน้ากวนอวัยวะเบื้องล่างกูอีกแน่ะ

“เหอะ!” เดินหนีทันที จนไม่ทันสังเกตรอยยิ้มที่มุมปากของคนข้างหลัง

............................................

ลุงขับรถมาส่งผมที่ร้านพี่โจ้ด้วยเวลาอันฉิวเฉียดครับ ก่อนหน้านี้เราแวะไปรับส้มที่หอมาก่อน เพราะพี่โจ้ต้องการพบตัวอย่างด่วนๆ ยังไม่ทันจอดรถสนิท ไอ้คุณส้มก็ถลาลงจากรถวิ่งเข้าไปในร้านทันที

เดินตามเข้าไปเห็นรายนั้นกำลังคลอเคลียกับพี่จีนแฟนพี่โจ้อยู่ มาถูกวันเสียด้วยสิ ยากกว่าการที่พี่โจ้จะเข้าร้านคือพี่จีนครับ เพราะพี่จีนชอบบอกว่ามาบ่อยเดี๋ยวเขาหาว่ามาเฝ้า แซวๆ แหละครับ ใครจะกล้ากล่าวหาว่าที่ภรรยาเจ้านายได้ล่ะ

“อ้อนตีนพี่โจ้อีกแล้วนะมึง พี่จีนหวัดดีครับ” แซวไอ้คุณส้มพอเป็นพิธี ก็ไอ้บุคลิกเกือบแมนของมันเนี้ยแหละที่ทำให้พี่โจ้หมั่นไส้นักหนา ยิ่งวันไหนมันแจ็คพอตมาเจอพี่จีนอย่างวันนี้พี่โจ้ยิ่งตกกระป๋องครับ สองคนนี้เขาสนิทกันอย่างอะไรดี ลูกล่อลูกชนกันเลยล่ะ

“เจ็ทก็แซวไป แล้วเป็นไงล่ะเรา ไหนบอกเจ้สิ”

“โหยเจ้ ไม่อยากพูดถึงว่ะ” ส้มผละออกจากพี่จีนมานั่งบนเก้าอี้ ส่วนผมก็เดินเข้าไปหลังเคาน์เตอร์ หยิบผ้ากันเปื้อนมาใส่ โบกมือลาเพื่อนพนักงานอีกคนที่กำลังจะออกจากกะ ส่วนลุงก็นั่งที่ที่เดิม

“เออๆ อยากกินไร วันนี้พี่โจ้เลี้ยง” ไอ้คุณส้มตาวาวขึ้นมาทันทีหลังประโยคนั้น ตอนนี้มันร่าเริงขึ้นมาบ้างแล้วครับ อย่างน้อยก็ไม่นั่งซึมนั่งจ้องโทรศัพท์เหมือนเดิมแล้ว หรือบางทีอาจจะทำในเวลาที่พวกผมไม่ได้อยู่ด้วยก็ได้นะ

“ว่าแต่พ่อหนุ่มที่มาด้วยนี่ใคร” เบนความสนใจไปหาลุงที่นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่

“รุ่นพี่ที่มอ”

“แฟน?”

“รุ่นพี่จริงๆ พี่ พอดีวันนี้ไปธุระด้วยกันมาเลยมาส่ง” แฟนผมที่ไหนล่ะ ว่าที่แฟนหยิมต่างหาก

“แล้วพี่โจ้อ่ะ” เจ้าของร้านตัวจริงที่เป็นคนเรียกไอ้คุณส้มมาตอนนี้ยังไม่โผล่ร่างมาให้ผมเห็นเลยครับ

“ไปรับเค้ก เดี๋ยวก็มา” พยักหน้างึกงัก แล้วเดินไปหยิบสตอเบอรี่ในตู้เย็นมาปั่น วันนี้ว่าจะเอาปีโป้ลงไปปั่นด้วย เวลาเคี้ยวจะได้ลื่นๆ ผมอยากกินครับ หันไปมองหน้าลุงก็ไม่เห็นสนใจว่าผมจะทำอะไรให้ เพราะยังคงนั่งจิ้มโทรศัพท์ยิกๆ อยู่เหมือนเดิม

นั่งคุยกันอยู่ไม่นาน พี่โจ้ก็ก้าวเข้ามาในร้าน พร้อมกล่องพะรุงพะรัง จนต้องวิ่งไปช่วยถือ เค้กน่าตาแปลกๆ เต็มไปหมด ไม่รู้ว่าเดือนนี้พี่โจ้จะเลือกเมนูไหนเป็นเมนูแนะนำ เพราะมีเค้กชนิดใหม่หลายแบบ จัดเรียงใส่ตู้เค้กเรียบร้อย ก็กลับมาร่วมวงสนทนาต่อ

“ปอกลอกกูอีกแล้วสิมึง” พี่โจ้ยืนมองไอ้คุณส้มกับจานเปล่าสองสามจานที่เคยมีเค้กวางอยู่บนนั้น แล้วส่งสายตาเอือมระอามามองผม ก่อนจะเบนสายตาไปยังผู้ชายตัวโตที่นั่งอยู่ติดเคาน์เตอร์ แล้วขมวดคิ้วเบาๆ

“โธ่เฮีย นิดหน่อยให้ส้มไม่ได้หรอ เค้กร้านเฮียอร่อย ยิ่งอันไหนที่เจ้ทำนะ ยิ่งโคตรจะอร่อยเลย” ไม่พูดเปล่า ซบหน้าลงบนไหล่พี่จีนประกอบ

“น้อยๆ หน่อยไอ้ส้ม นั่นแฟนกู เดี๋ยวคิดเงินแม่งเลยหนิ” ไอ้ส้มหัวเราะเอิ๊กอ๊าก ก่อนจะยอมปล่อยมือจากแขนพี่เกาะกุมไว้เมื่อกี้ แล้วหันไปสนใจเค้กตรงหน้าต่อ

“แล้วเป็นไง เที่ยวสนุกไหมวะ”

“ก็ดีอ่ะเฮีย ทะเลสวยดี ว่างๆ พาเจ้ไปเที่ยวดิ”

“บางแสนกูไปบ่อยแล้วว่ะ” เบ้ปากมองบน เหม็นกลิ่นคนรวยครับ เอะอะเที่ยวภูเขา เอะอะลงทะเล เอาเวลาว่างจากไหนมากมายวะ

“แล้วมึงละเจ็ท ไอ้หนุ่มนั่นมาเฝ้าบ่อยนี่หว่า” เหลือบตาขึ้นไปมองตาลุงที่กำลังนั่งดูน้ำจ๊วฟๆ ไม่สนใจจะเข้าร่วมบทสนทนาใดๆ ทั้งสิ้น

“เฝ้าบ้าเฝ้าบอไรล่ะพี่ มาส่งเฉยๆ เดี๋ยวก็กลับ”

“อ่อหรอออ”

“เออครับ” พี่โจ้แม่งกวนตีน ต้องรีบเดินหนี เดี๋ยวงานเข้าตัว ไอ้คุณลุงนี่ก็สบายใจเหลือเกิน ไม่สนใจแยแสใครทั้งนั้น กดโทรศัพท์ไปดูดน้ำไป โคตรสบายใจ ไม่มีการมีงานทำหรือไงวะ อาทิตย์หน้าจะเปิดเทอมแล้ว ไม่มีรายงานต้องส่งอาจารย์บ้างหรือไง

“ลุงกลับก่อนก็ได้นะ”

“แล้วส้มจะกลับยังไง” หันไปมองส้มที่นั่งหัวเราะคิกคักกับเจ้าของร้านก็คิดว่าคงต้องเป็นคนไปส่งมันเอง หวังพึ่งให้พี่เก่งมารับเหมือนอย่างเคยคงไม่ได้ ป่านนี้ไม่รู้แม่งติดสาวไปอยู่ส่วนของโลกแล้ว

“มันอยู่รอผมเลิกนั่นแหละ เดี๋ยวผมไปส่งมันเอง”

“มอไซด์รับจ้าง?” เพราะวันนี้ลุงมาส่งครับ เลยไม่ได้ขี่รถมา คงต้องพึ่งพี่วินหน้าร้านกันล่ะ

“อืม”

“เดี๋ยวกูรอ”

“อีกนานเลยนะลุง นั่งรอไม่เบื่อรึไงวะ” นี่ผมพึ่งเข้างานได้ไม่ถึงชั่วโมงเลยครับ กว่าจะเลิกก็ตีสองตีสามนู่น ไอ้คุณส้มน่ะมันมีพี่โจ้พี่จีนนั่งคุยเป็นเพื่อนอยู่แล้ว ดีกว่าไปนั่งเหงาๆ ให้ฟุ้งซ่านอยู่หอคนเดียว แต่ตาลุงนี่สิ คนรู้จักก็ไม่มี ไอ้ส้มเรียกไปนั่งด้วยก็ไม่ไป จะนั่งเฝ้าผมหน้าเคาน์เตอร์ท่าเดียว ไอ้การนั่งกดโทรศัพท์ไปเรื่อยๆ มันจะไปสบายกว่าการนอนที่บ้านตัวเองได้ยังไงล่ะ

“กูรอได้”

“ตามใจ แล้วอย่ามาบ่นให้ฟังนะ”

..................................................................................

สุดท้ายตาลุงนั่นก็รอจนผมเลิกงานจริงๆ ครับ ไอ้คุณส้มเกาะติดพี่จีนไม่ยอมหลุด จนพี่โจ้ไม่ได้ทำการทำงาน ต้องนั่งเฝ้าพี่จีนไม่ให้ห่าง พอถึงเวลาผมเลิกงาน พี่โจ้แทบคุกเข่าบอกให้ไอ้ส้มกลับ ต้องการตัวแฟนคืนครับ ลุงเป็นคนอาสาไปส่งส้มที่หอก่อน แล้วค่อยไปส่งผมทีหลัง

“ถึงหอแล้วบอกกูด้วยนะมึง แล้วก็ส่งรูปมาให้กูดูบ้าง บ้ายบายย หวัดดีค่ะพี่ที ฝากส่งไอ้เจ็ทด้วยนะคะ” ไอ้คุณส้มร่ำลาก่อนจะก้าวออกจากรถแล้วเดินเข้าหอไป เมื่อเห็นว่าส้มเดินเข้าสู่พื้นที่หอเรียบร้อยลุงก็ออกรถทันที

“กูอยากดูรูปบ้าง” คงเห็นส้มทวงรูปผม ตาลุงนี่เลยงอแงอยากจะเอาบ้าง

“ไว้ส่งให้” ต้องกลับไปเปิดคอมที่หอครับ นี่ก็รอเวลาถึงหอไม่ไหวแล้ว อยากดูรูปใจจะขาด

“กูอยากดู”

“ก็ไว้ส่งให้ไง อะไรของลุงเนี้ย”

“กูอยากดูกับมึง”

“ห้ะ?”

“เสือกโง่อีก”

“อ้าว” อะไรวะ แค่นี้ต้องด่าโง่ด้วย

“ที่ห้องมีแปรงสีฟันยังไม่ได้ใช้ไหม”

“ผมอยู่คนเดียว จะมีได้ไงวะครับ” ตาลุงนี่ก็แปลก คนอยู่คนเดียวจะมีแปรงสีฟันสำรองไว้ทำไม ผมใช้คนเดียว บานก็ค่อยไปซื้อใหม่ ไม่ต้องเก็บกักตุนหรอกครับ

“งั้นแวะซื้อ” ตบไฟเข้าเซเว่นข้างทางทันที

“ซื้อไม ที่บ้านหมดหรอ ฝากซื้อขนมด้วยดิ ผมหิวอ่ะ กินได้ทุกอย่าง รอที่รถนะ” ขี้เกียจเดินแล้วครับ ยืนเฝ้าหน้าร้านเหนื่อยจะตาย แต่ท้องก็ร้องประท้วงเหลือเกิน อุตส่าห์ขโมยตาลุงกินน้ำไปตั้งเยอะ ไม่พอยาไส้ไอ้เจ็ทเลยคร้าบบบบบ

ลุงมองหน้าผมก่อนจะส่ายหัว เอือมผมหรอ แล้วไงใครแคร์ คนมันขี้เกียจ เข้าใจไหมคร้าบบบ

นั่งรออยู่ที่รถไม่นาน ลุงก็กลับมาพร้อมถุงเซเว่นถุงใหญ่ โอ้โห ซื้อมาขนาดนี้ ไอ้เจ็ทไม่มีปัญญาจ่ายนะโว้ยยย “โหลุง เยอะจังวะ ผ่อนจ่ายได้ไหมอ่ะ”

“คนบ้าอะไร ผ่อนจ่ายค่าขนม แดกๆ ไปเถอะ กูเลี้ยง อย่าแดกแปรงสีฟันกูก็พอ”

ขับรถออกจากเซเว่นได้ไม่นาน ก็ถึงหอผมครับ รอบๆ หอผมค่อนข้างเจริญ เพราะอยู่ใกล้มหาวิทยาลัย ร้านรวงต่างๆ จึงเยอะมาก รวมทั้งหอพักด้วย แถวนี้มีหอพักเยอะมากครับ แต่เวลาค่ำคืนแบบนี้ก็เปลี่ยวน่าดูเหมือนกัน อย่างว่าแหละครับ ชานเมืองที่มีแต่ทุ่งนาแบบนี้ พอดึกๆ ชาวบ้านเขาก็หลับนอนกันหมดแล้ว ถ้าเป็นในตัวเมืองป่านนี้คงเพิ่งกลับจากเที่ยวกลางคืนกันมากกว่า

“แล้วลุงจะลงมาด้วยทำไมวะ” จอดรถหน้าหอเรียบร้อย ล็อครถแล้วเดินตามผมมาหน้าลิฟท์เฉย

“จะดูรูป”

“ห้ะ?” ก้าวขาเข้าลิฟท์อย่างงงๆ

“มึงมันโง่จริงๆ นั่นแหละ”

อะไรวะครับ ทำไมผมไม่เข้าใจ นี่ลุงต้องการอะไรจากผ๊มมมมมม?

.........................................
เค้ามาแล้ว อย่าโกธรเค้าน้าาาา เค้าทำงานเลิก 2 ทุ่ม ทุกวัน ถึงบ้านทำนู่นนี่นั่นรู้ตัวอีกทีสี่ทุ่ม
ยังไม่ทันได้ขยับตัวมาเปิดคอมเลย ล้มตัวลงนอนทันที กำลังเริ่มปรับตัวอยู่เด้อออ
นี่เป็นตอนสำรองตอนสุดท้ายที่แต่งทิ้งเอาไว้ ฮือออออ จะพยายามแต่งเพิ่มไวไวน้า

สำหรับตอนนี้อิตาลุงนี่น่าหมั่นไส้มา ไหนลุงจะเอายังไงพูด
ทำแบบนี้หนูเจ็ทจะเจ็บนะลุงงง 555555

ขอบคุณที่ติดตามนะฮ้าบบ สัญญาจะรีบกลับมาต่อ
ขอเวลาเค้าปรับเวลากินนอนก๊อนนน
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH15 (12/09/17)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 12-09-2017 22:02:34
ใครหว่า เจ้าของข้อความนั้นอ่ะ  :m28:
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH15 (12/09/17)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 12-09-2017 23:19:58
มารออ่านตาลุงเด้ออออ5555
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH15 (12/09/17)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 12-09-2017 23:48:39
เจ็ทโง่ หรือตาลุงไม่ชัดเจน  :really2:

คงเพราะลุงบอกเจ็ทแต่แรกว่าจะจีบหยา
และสายตาลุงกับหยาคืนนั้น ติดตาเจ็ท
เลยทำให้ประสาทเจ็ทชาไปหมดละม้าง

อยากอ่านพาร์ทของส้ม
น่าให้ส้มเอาคืนซะจริง
แต่ไม่เอามาเป็นแฟนอีก   :z6: :z6: :z6:
      :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH15 (12/09/17)
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 13-09-2017 07:44:19
ลุงเอาไงแน่ ชอบใครกันแน่
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH15 (12/09/17)
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 13-09-2017 12:34:23
ใครหว่า เจ้าของข้อความนั้นอ่ะ  :m28:
สงสัยเหมือนกัล
ลุงชัดเจนหน่อย จีบหญิงแต่ตามต้อยน้องเจ๊ท มันยังไงกันหว่า
 :mew2:
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH15 (12/09/17)
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 13-09-2017 20:02:03
ที จะเอาไงแน่
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH15 (12/09/17)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 13-09-2017 23:11:18
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH16 (13/09/17)
เริ่มหัวข้อโดย: oommmy ที่ 13-09-2017 23:52:23
CH16

เปิดเทอมใหม่ พร้อมกับกิจกรรมปีหนึ่งที่กำลังคืบคลานเข้ามา เดือนหน้าเราจะมีกีฬามหาวิทยาลัยกันครับ สองแฝดนั้นถูกทาบทามให้เป็นหลีดคณะเรียบร้อย ส่วนไอ้คุณส้มลงแข่งกีฬาครับ บาสเก็ตบอลหญิง เป็นกีฬาที่แม่งโคตรจะแมนแฮนซั่มบอยมากๆ เหมาะกับไอ้คุณส้มสุดๆ ตอนนี้เดอะแก็งค์ของผมทุกคนจึงปลีกตัวไปซ้อมกิจกรรมกันทุกเย็น

ส่วนตัวผมนั้นบอกลาทุกกิจกรรมครับ ขอออกตัวเป็นฝ่ายฉากแทน งานใช้แรงงานนี่ไอ้เจ็ทถนัดนักแหละ จะให้ไปวิ่งตามลูกกลมๆ เหมือนไอ้คุณส้ม หรือไปเต้นตามจังหวะเหมือนสองแฝดผมก็คงไม่ไหว ยิ่งถ้าให้ไปขึ้นแสตนก็กลัวจะไปทำให้แสตนเขาล่มเสียเปล่าๆ สู้อยู่ทาสี เลื้อยไม้ ยกฉากยังสบายใจกว่าครับ

“เจ็ท มึงไปซื้อสีเพิ่มให้หน่อยดิ เอาสีตามนี้เลยนะ เงินออกไปก่อน เดี๋ยวเอาบิลไปเบิกกับไอ้ฟ้าทีหลัง” ไอ้วินประธานชั้นปีพ่วงตัวตำแหน่งประธานฝ่ายฉากครับ

“เบิกค่าน้ำมันได้ด้วยเปล่าวะ” ไม่ใช่ไรนะครับ ผมไม่ได้งกขนาดที่จะไปซื้อของให้เพื่อนไม่ได้ แต่ได้โปรดเห็นใจไอ้เจ็ทเถอะ เห็นกูมีมอไซด์หน่อยยืมรถกูจัง แม่งขับไปเซเว่นเอย ซื้อข้าวเอย กลับมาทีน้ำมันไอ้เจ็ทแทบหมดถัง ไอ้พวกฝ่ายฉากแม่งก็ไม่มีความเกรงใจกันเล้ยย ใช้รถกูเสือกไม่เติมน้ำมันให้กูอีก

“บวกเพิ่มในบิลแล้วกันนะมึง โทษทีว่ะ ไว้กูบอกฟ้าให้”

“เออ” รับปากแล้วคว้ากุญแจลูกชายขึ้นแล้ววิ่งไปที่รถทันที

“กูขอภายในครึ่งชั่วโมงนะโว้ยย” ครับ ได้ครับเพื่อนวินครับบบ!

...

จะมีใครซวยเท่าไอ้เจ็ทอีกคงไม่มีครับ ก็แม่งสั่งให้กูมาซื้อสี 5 ถัง ทั้งๆ ที่กูขับมอไซด์เนี้ยนะ เอาไรมาคิดวะเนี้ย ลูกชายกูมันจะไปยัดห่าทุกถังลงไปได้ยังไง แถมยังมาคนเดียวแบบนี้ จะเอาปัญญาที่ไหนไปถือถังสีทั้งหมดได้วะ

นั่งมองถังสีจำนวน 5 สี ที่ได้รับมอบหมายมาแล้วเหนื่อยใจครับ ทำไมแม่งไม่ใช้ไอ้คนที่ขับรถคันใหญ่วะ!

ปริ๊นน!

จะดีกว่านี้ถ้ามึงไม่เปิดไฟสูงใส่กูนะครับ ใครวะเนี้ย!

“ทำเหี้ยไรตรงนี้” คุณจำไอ้คอปเตอร์ได้ไหมครับ ไอ้น้องรหัสปีหนึ่งของพี่เก่งแฟนเก่าไอ้คุณส้มน่ะ ตอนนี้มันกำลังเปิดไฟสูงส่องหน้าผมอยู่

“ไอ้คอปเตอร์ มาโปรดกูแท้ๆ มึงรีบไปไหนป่ะวะ”

“กำลังจะเข้าคณะ กูออกมาเอาข้าวให้หลีด”

“พอดีเลยมึง กูฝากถังสีไปคณะกูด้วยได้ไหมวะ กูแบกคนเดียวไม่ไหว” สวรรค์โปรดไอ้เจ็ทเหลือเกินครับ ส่งไอ้คุณชายมีรถนี่มาเกย ในความโชคร้ายก็ยังมีโชคดีอยู่ล่ะวะ

“เฮ้ยได้ดิ เอาขึ้นรถเลยๆ” ได้ยินเสียงปลดล็อคประตูรถแล้วระริกระรี่ทันที รีบหยิบถังสีทั้งหมดขึ้นรถมัน

“ขอบใจมากมึง ถ้าไปถึงก่อนกูก็เอาวางไว้หน้าคณะก็ได้ เดี๋ยวกูขี่รถตามไป” ว่าเสร็จก็เอารีบวิ่งกลับไปที่รถตัวเองทันที นี่ใกล้ครบครึ่งชั่วโมงที่ไอ้วินมันบอกมาแล้วครับ จริงๆ ก็ไม่ได้กลัวอะไรมันหรอก แต่ไม่อยากให้งานเดินช้าครับ เสร็จเร็วช่วงหลังๆ จะได้ไม่ต้องเร่งงานมากนัก

ขี่รถตามตูดไอ้คอปเตอร์ได้ไม่นานก็ถึงคณะผมครับ แต่ก็ไม่ทันช่วยมันขนถังสีลงจากรถ อย่างว่าแหละครับ ถนนโล่งๆ แบบนี้มอเตอร์ไซด์มันจะไปขับทันรถยนต์คันใหญ่ได้ยังไง ตอนที่ผมจอดรถมันก็กำลังเดินกลับขึ้นรถตัวเองพอดี วิ่งไปขอบคุณมันเรียบร้อย คอปเตอร์ก็ขอตัวกลับเอาข้าวไปส่งหลีดคณะมันทันที

ผมช่วยงานคณะได้ไม่นานก็ต้องรีบไปทำงานครับ งานยังไม่คืบหน้าไปถึงไหน เพราะยังต้องตกลงกับทั้งพวกหลีดและแสตนอีกว่าต้องการอุปกรณ์อะไรเพิ่ม ของบางชิ้นต้องรีบผลิตให้ทันเขาใช้ซ้อมกันครับ แถมยังต้องทำ 2 ชุด ไว้เพื่อเกิดชำรุดระหว่างซ้อม วันหยุดเสาร์อาทิตย์นี้ก็ต้องไปช่วยไอ้วินเลือกซื้อผ้ามาตัดเย็บไห้พวกหลีดด้วย

คอนเซ็ปปีนี้คือ 90s ครับ ก็อย่างว่ายุคนี้กำลังมาแรง เสื้อผ้าชิคๆ แนวๆ หาซื้อกันได้ง่ายๆ แต่มันซ้ำซากและจำเจมากเกินไป พวกหลีดเลยอยากให้ฉากช่วยหาผ้ามาตัดเย็บชุดกันเอง ไอ้วินก็คนดีเหลือเกินครับ รับงานทุกอย่างมาหมด ไม่รู้ว่าฝ่ายฉากหรือฝ่ายเบ็ดเตร็ดกันแน่

ทางไปร้านพี่โจ้จากคณะผมต้องขับรถผ่านโรงยิมมหาวิทยาลัยครับ ไอ้ยินเสียงตะโกนโวกแวกโวยวายดังมากจากในยิมดังสนั่น ได้ยินจากส้มว่าต้องแบ่งเวลากันซ้อมครับ ในหนึ่งวันจะมีแค่ 3 คณะ ที่ได้ซ้อมในโรงยิม ส่วนคณะที่เหลือต้องไปหาที่ซ้อมกันเองครับ สลับหมุนเวียนไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงวันงานกีฬา

รถ BMW คันคุ้นตาดันจอดเด่นเป็นสง่าอยู่หน้าโรงยิม พ่วงด้วยคนขับรถที่กำลังก้าวออกมาจากรถ ไอ้คุณลุงนั่นแหละครับ ในมือถือของพะรุงพะรัง เดาว่าน่าจะเป็นเครื่องดื่มชูกำลังต่างๆ ที่เอามาให้นักกีฬาในโรงยิม วันนี้คงเป็นคิวของคณะลุงที่ได้ซ้อมในยิม

“ลุงงงงงงงงงงง” หันขวับกลับมามองทันที แต่ยังไม่ทันได้ด่าผมกลับ ผมก็ขี่รถผ่านลุงมาก่อน แวะคุยไม่ได้ครับ เดี๋ยวเข้างานสาย

Natee : เรียกไม
Natee : สติกเกอร์หมีหน้างง

ยังไม่ทันได้ก้าวเข้าร้านพี่โจ้ แจ้งเตือนแอพพลิเคชั่นสีเขียวเจ้าประจำก็ดังขึ้นมาก่อน หยิบขึ้นมาดูก็ไม่พ้นตาลุงคนเดิม เพิ่มเติมคือมีการส่งสติกเกอร์มาด้วย

JetP : ทักทายเฉยๆ ไม่ได้ไง๊?
JetP : สติกเกอร์หมีมีไฟ
Natee : ทำงาน?
JetP : เออครับ
Natee : อยากกินสตอเบอรี่
JetP : สติกเกอร์หมีหน้างง
Natee : ทำไว้ เดี๋ยวเข้าไป

“ยิ้มเหี้ยไรครับไอ้คุณน้องเจ็ท”

“เชี่ย!!!!” ไอ้พี่โจ้ครับ แม่งโผล่มาตอนไหนไม่รู้ อยู่ดีดีก็มาอยู่ข้างหลังผมแล้วครับ

“ตกใจอะไรขนาดนั้นวะ แล้วคุยกับใคร ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ หรือน้องกูขายออกแล้ววะ”

“ขายออกไรล่ะพี่ คุยกับรุ่นพี่เฉยๆ มันบอกจะเข้ามาซื้อน้ำไง”

“ผู้หญิง?”

“ผู้ชาย”

“คนเดิม?”

“ครับ” เดินไปเปิดตู้เย็นแล้วว่าใส่ทอปปิ้งเสริมอะไรให้ลุงดี ยังไม่มีอะไรมาใหม่เลยครับ ฟลุตสลัดก็พอมั้ง โยเกิร์ตด้วยดีกว่า ใส่แม่งเยอะๆ นี่แหละ ผมชอบ ผมจะกิน อิอิ

“กูถามจริงๆ นะเจ็ท”

“ว่ามาเลยพี่” หยิบสตอเบอรี่ใส่เครื่องปั่น ใส่นมด้วยดีไหมวะ จะได้เป็นสตอเบอรี่นมสดปั่นไปเลย แต่ผมก็อยากกินโยเกิร์ตด้วยอ่ะ เอ๊ะ หรือทำสองแก้วเลยดี ยังไงลุงมันก็จ่ายเงินอยู่ละ อิอิ

“มันจีบมึงหรอวะ?” เชี่ย นมหกเลยครับ

“จะบ้าหรอพี่ นั่นผู้ชายนะเว้ย” ผ้าแม่งไปไหนหมด ถอดผ้ากันเปื้อนมาเช็ดก็ได้วะ

“ก็เห็นมาเฝ้ามึงเกือบทุกวัน กูพูดจริงๆ นะ ตอนแรกกูก็ไม่ได้คิดอะไรหรอก เห็นเป็นรุ่นพี่มึงมานั่งกินเฉยๆ แต่กูเห็นแม่งมาก็แดกน้ำไม่ถึงครึ่งแก้วเลย ทีเหลือก็ให้มึงแดกหมด ทอปปิ้งที่มึงประเคนใส่ให้มันอ่ะ กูไม่เห็นแม่งจะกินเลย มีแต่มึงอ่ะแดกเอาๆ แถมโต๊ะมีตั้งเยอะแยะ ก็นั่งแต่โต๊ะข้าเคาน์เตอร์เนี้ย เป็นใครใครก็คิดวะ” เอิ๊บบบ ไอ้พี่โจ้มันเก็บกดอะไรมาป่ะวะ ร่ายมาซะยาวเหยียด หาจังหวะแทรกไม่ได้เลยครับผม

แต่ผมไม่เคยสังเกตมาก่อนเหมือนกันครับ เพราะผมทำทุกอย่างปกติกับลุง เรื่องกินน้ำผมก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าลุงมันกินไปขนาดไหน เพราะทุกครั้งที่ลุงมาก็เห็นมันนั่งกดโทรศัพท์ยิกๆ ผมก็เดินไปกินน้ำบ้างตามประสา ส่วนใหญ่ก็ขโมยทอปปิ้งมากินก่อนเสียมากกว่า

“คิดมากน่าพี่ ลุงมันไม่ได้จีบผมหรอก เชื่อดิ” ก็ลุงมันตามจีบหยาอยู่ มันจะมาจีบผมได้ไงวะ

“ก็แล้วแต่มึงนะ” พี่โจ้ทำหน้าเบื่อก่อนจะเดินหนีผมไปหน้าร้านแทน สวนทางกับไอ้คุณลุงที่เปิดประตูก้าวเข้ามาในร้านพอดี

“ไหนสตอเบอรี่กู”

“เอ้อออ ยังไม่เสร็จอ่ะ แปปลุง”

“ช้า” โดนด่าอีกกู ก็มัวแต่คุยกับพี่โจ้เพลินจนทำน้ำให้ลุงไม่เสร็จเลย ใส่นมนี่แหละ ขี้เกียจทำหลายแก้วแล้ว

ลุงเดินไปนั่งทีประจำก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดยิกๆ เหมือนเดิม ไม่รู้มีอะไรในโทรศัพท์นักหนาถึงเล่นตลอดเวลาได้ขนาดนี้ บางทีเล่นตั้งแต่ผมเข้ากะจนผมออกกะเลยครับ สายตาแม่งไม่เสียบ้างรึไงนะ

ใช้เวลาไม่นานสตอเบอรี่นมสดปั่นก็เสิร์ฟตรงหน้าลุงครับ ลุงเหลือบตามองแก้วสตอเบรรี่เล็กน้อยแต่ก็ยังคงกดโทรศัพท์เหมือนเดิม ไอ้ผมที่รอลุงกินก่อนได้แต่ยืนมองแก้วตรงหน้า อยากกินครับ แต่รอเจ้าของตัวจริงเขากินก่อน มีความเกรงใจนิดหน่อย

“อย่าแดกก็แดก ไม่ต้องมากดดันกู” เอ้า รู้ตัวอีกน่ะ ถือว่าอนุญาตแล้วนา ไอ้เจ็ทไม่เกรงใจแล้วนะครับ คว้าแก้วมาดูดจ๊วฟๆ ทันที เฮ้ยอันนี้อร่อยอ่ะ มันจะต่างกันการใส่โยเกิร์ตครับ เพราะมันเป็นสตอเบอรี่รสนม ไม่เปรี้ยวมาก ติดจะหวานๆ รวมทั้งมีกลิ่นนมนิดๆ อร่อยแบบเด็กๆ

แชะ!

ไอ้คนตรงหน้าแม่งลืมปิดเสียงแน่ๆ ก็แม่งทำหน้าเหวอเลยครับจังหวะที่เสียงกดถ่ายรูปดังขึ้น แต่ไม่ใช่ไรนะ แม่งแอบถ่ายรูปผมตอนทำหน้าฟินกับสตอเบอรี่แน่เลยวะ โอ้ยย มันต้องตลกมากแน่ๆ

“แอบถ่ายผมหรอ”

“ถ่ายหมา”

“นั่นคำผม” แบมือขอดูรูปไอ้คนตรงหน้าก็ส่ายหัวลูกเดียว อะไรวะ แอบถ่ายรูปเขายังไม่ให้เขาดูอีกน่ะ

“ขอดู”

“ฝันหรอ”

“แต่นั่นรูปผมนะ อยากถ่ายก็บอกกันดีดีดิวะ แอบถ่ายเพื่อ หน้าพังแน่ๆ”

“ไม่เอาอ่ะ ชอบหน้าเหวอของมึงมากกว่า เก็บไว้ตอนวันเกิดมึงไง”

“หยุดความคิดนั้นไปเลยนะลุง ลบรูปด้วย”

“เรื่องไรล่ะ แดกๆ เข้าไปน้ำกูน่ะ อร่อยอะไรขนาดนั้น”

เอิ่บบ คุณว่ามันอิโรติกแปลกๆ ไหมครับ

“คิดเรื่องเหี้ยๆ อยู่แน่ๆ”

“อะไร” ทำไมแม่งจับได้วะ หรือผมแสดงพิรุธอะไรออกไป

“หึ ไอ้เด็กน้อยเอ๊ย” โบกหัวผมเบาๆ ก่อนจะหันไปกดโทรศัพท์

Natee : ส่งรูปภาพถึงคุณ
Natee : หมาขอส่วนบุญ

ภาพผมใส่ผ้ากันเปื้อนที่เลอะคราบนมตรงปลายผ้า กำลังดูดสตอเบอรี่นมสดด้วยหน้าตาฟินๆ มีนมติดข้างแก้มเป็นหยดเล็กๆ ตามองขึ้นไปด้านบน มุมปากยิ้มนิดๆ มองเลยไปที่ด้านหลังเป็นเงาส่องจากตู้กระจก เห็นเงาลุงกำลังยกโทรศัพท์ขึ้นมาปิดหน้าไว้ครึ่งหนึ่ง ปากยกยิ้มพอใจ ตาจ้องมองผมผ่านโทรศัพท์

................................................................................
กระแสตอบรับตาลุงล้นหลามากค่าา คนโลเลก็เงี้ยแหละ ทำอะไรไว้ระวังเจ็ทจะหนีหายไปเด้ออ
ตอนหน้าจะมาใจความข้องใจหลายๆ อย่างแน่นอนจ้า ขอโทษที่มาแบบสั้นๆ รอติดตามกันด้วยน้า
รักคนอ่านทุกคนเหมือนเดิม จ๊วฟๆ
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH16 (13/09/17)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 14-09-2017 00:28:05
 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH16 (13/09/17)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 14-09-2017 03:29:48
คนแก่ฟินก็ไอ้ย่อหน้าสุดท้ายนี่ล่ะ มีมาบ่อย ๆ นะ  :m5: :m1:
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH16 (13/09/17)
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 14-09-2017 10:22:53
จีบเจ็ทเถอะ พลีสสสสสส
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH16 (13/09/17)
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 14-09-2017 11:23:27
มิสเตอร์ Natee  ครัช กรุณาสร้างฟามชัดเจนด่วลครัช
อย่ามัวแต่แชทกับหญิงหยา
ไม่จิงจังจะขโมยน้องไปซ่อน
 :mew3:
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH16 (13/09/17)
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 14-09-2017 11:57:22
ตาลุงโลเล เหอะ !!!  :z6:
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH16 (13/09/17)
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 14-09-2017 12:49:44
ลุงอาจจะแอบถ่ายเป็นอัลบั้ม แต่เพิ่งพลาดลืมปิดเสียงครั้งนี้ ???
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH17 (14/09/17)
เริ่มหัวข้อโดย: oommmy ที่ 14-09-2017 22:04:49
CH17

Natee talk

“ไอ้ไม้ ทำไมเมื่อคืนไม่มารับกูวะ ละส่งข้อความมาด่ากูตอนเช้าอีกนะมึง”

“มึงโทรหากูด้วยหรอวะ”

“เออ รถกูแม่งเสือกโดนตะปูตำเข้าตอนไหนไม่รู้ โทรให้มารับเสือกส่งข้อความมาด่ากูเพื่อ?” ก็จะอะไรน่ะหรอครับ ก็เมื่อคืนไม่รู้ซวยซ้ำซวยซ้อนอะไรนักหนา ออกไปซื้อของเซเว่น ขากลับรถแม่งยางแบนเฉย จอดรออยู่หน้าร้านข้าวต้มเจ้าประจำที่ชอบไปนั่งกินกันตั้งนาน โทรหาก็แล้ว ส่งข้อความก็แล้ว ไม้เพื่อนยากของผมก็ไม่มีวี่แววจะสนใจใดใด จนต้องลากสังขารเดินกลับไปหาวินมอเตอร์ไซด์หน้าเซเว่นแทน

“โทรผิดป่ะวะ มึงดู ไม่มีเบอร์มึงโทรมาซักนิด” ยื่นโทรศัพท์ส่งมาให้ผมดูเบอร์โทรเข้าโทรออก ไม่พอเปิดข้อความให้ผมดู เออวะ แล้วกูแม่งโทรหาใครวะ

“ไหนเอาโทรศัพท์มึงมาดูดิ๊” หยิบโทรศัพท์เครื่องสำรองขึ้นมาให้มันดู ผมมีโทรศัพท์ 2 เครื่องครับ เครื่องที่ใช้ประจำก็จะมีพวกแอพพลิเคชั่นต่างๆ ไว้ติดตามโซเซียล ส่วนอีกเครื่องซัมซุมฮีโร่ครับ เครื่องนี้เป็นเติมเงิน ใช้สำหรับโทรฉุกเฉินเท่านั้น เช่นเมื่อคืน ที่ไอโฟนเจ็ดพลัสดับสนิทตายคามือก่อนจะได้โทรหาไอ้ไม้เสียอีก ขี้เกียจพกแบตสำรองครับ มันหนัก

“นี่ใช่เบอร์กูที่ไหนล่ะ กูเปลี่ยนเบอร์นานแล้วโว้ย หัดเมมเบอร์ใหม่กูซะบ้าง” อ้าวไอ้ชิบหาย ก็ปกติเครื่องนี้ไม่ค่อยได้ใช้นี่หว่า

“แล้วก็สมควรโดนเขาด่าอยู่หรอก ก็แม่งเสือกส่งข้อความไปด่าเขาขนาดนั้น เขาไม่โทรมาด่ามึงคืนก็ดีแค่ไหนแล้ว”

“ก็นึกว่าเป็นมึงนี่หว่า” รู้สึกผิดเลยครับ ด่าคนไม่รู้อีโน่อีเน่เข้าให้

“เออช่างแม่ง ขอโทษผ่านเบอร์ตอนนี้เลยล่ะกัน ขอโทษนะโว้ยเจ้าของเบอร์”


...
“เรื่องมากจังวะ” เผลอหลุดปากพูดออกไปด้วยความรำคาญ ก็ไม่เตี้ยที่ไหนไม่รู้ มายืนเถียงกับป้าร้านขายข้าวอยู่ได้ตั้งนานสองนาน มาก่อนเสือกไม่สั่ง พอโดนรัดคิวทำมาโวยวาย

“ใครเรื่องมาก แน่จริงก็ด่ามาตรงๆ อย่ามาด่าลอยๆ” ไอ้เตี้ยหัยขวับมามองทางโต๊ะพวกผมทันทีเลยครับ

“กูด่าหมาแถวนี้ เรื่องมาก รอไม่เป็น”

“ก็กูมาก่อน กูต้องได้ก่อน มึงมาทีหลัง มึงก็ต้องได้ทีหลัง หรือมึงไม่รู้จักคำว่าคิว อ๋อ หรือปกติเป็นพวกชอบแซงคิวอยู่แล้ว แม่งพวกมนุษย์ลุงดีดีนี่เอง”

ครืดดด!

ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงที่มี หันกลับไปประเมินฝั่งตรงข้าม แม่งโคตรเตี้ย ผอมแห้งดูแรงก็น่าจะน้อย ดีดทีเดียวไม่รู้แม่งจะกระเด็นไปอยู่ส่วนไหนของโลก

“ใครเป็นมนุษย์ลุง” เดินเข้าไปหามันใกล้ๆ เริ่มหน้าซีดแล้วครับ ไอ้ลูกหมาเอ๊ย ตัวเท่าเมี่ยงริอาจจะมาต่อบางต่อคำกับกู ชาติหน้านั่นแหละคงชนะกูล่ะ

“ก็มึงไง ไอ้ลุงยักษ์”

“ใครเป็นลุงยักษ์ ห้ะ ไอ้เตี้ยแห้ง”

“ใครเตี้ยแห้ง กูนี่สูง 176 นะโว้ยยยยย แล้วถึงกูจะแห้งแล้วหนักกล้ามส่วนไหนของมึงมิทราบวะ”

“หึ นั่นเรียกว่าสูงแล้วหรอวะ คนอย่างมึงรู้จักคำว่าออกกำลังกายไหม เตี้ยก็เตี้ย แห้งก็แห้ง ถามจริง ที่บ้านไม่มีนมให้แดกหรอวะ ถึงตัวแค่ไหน กูแนะนำคลอสต่อกระดูกให้เอาไหม เผื่อมึงจะสูงขึ้นมาอีกนิดนึง”
 

“มาว่ากูเตี้ย แล้วคนอย่างมีอะไรดี หึ เล่นกล้ามขนาดนี้ จะเอาซิกแพคไว้อ่อยผู้ชายมากกว่ามั้ง เห็นเดี๋ยวนี้พวกเข้าฟิตเนสฟิตหุ่นก็กินกันเองทุกคน เสียดาย หน้าตาดีซะเปล่า เพราะมีคนแบบมึงไง พวกผู้หญิงถึงไม่มองกู ชิ!” วอนตีนไหมล่ะมึง

“หึ ที่แท้ก็พวกสาวไม่เอา นอกจากเตี้ยแล้วยังเห่ย”

ผั๊วะ!

“เชี่ยเตี้ยยยยย!!!!” จุกครับ ไอ้เหี้ยนี่เตะปาบเข้ามาเต็มรักกูเลย

“หึ ด่ากูว่าเตี้ยกูไม่โกธร แต่คำว่าเห่ย มันคำต้องห้ามโว้ยยยยยย”

“เดี๋ยวพ่อหนุ่ม สุกี้ไม่กินแล้วหรอ ป้าทำเสร็จแล้วนะ”

“ขอบคุณครับป้า ผมขอทั้งจานนะ เดี๋ยวตอนเย็นเอาจานมาคืน อ่อ เก็บเงินที่ไอ้ยักษ์นั่นแหละ โทษฐานที่ทำผมโมโห”

“เดี๋ยวไอ้เตี้ย อย่าให้กูเจอมึงคราวหน้าจะโว้ยย กูเล่นมึงแน่!!!” อย่าให้กูเจอมึงอีกนะ กูจะซัดแม่งให้น่วมเลยคอยดู

...

The Keng : พี่ที วันนี้วันเกิด เลี้ยงร้านหมูทะ ทุ่มนึงนะพี่
Natee : กูติดแลปว่ะ ไปช้านะ
The Keng : ได้พี่ กินรอเรื่อยๆ

เก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าแล้วหันไปจดเลคเชอร์ตรงหน้าต่อ ไอ้เก่งเป็นน้องสายรหัสปีสองดีกรีเดือนมหาวิทยาลัย หล่อสู้พี่มันจริงๆ ครับ ให้หล่อว่านิดหน่อย เพราะผมแค่เคยได้เข้าประกวดคัดตัวเป็นเดือนคณะ แต่เสือกขี้เกียจตอบคำถาม เลยขอสละสิทธิ์ก่อนรอบตัดสิน

วันนี้วันเกิดไอ้เก่ง คณะเรามีประเพณีมาว่าวันเกิดใครก็ต้องเลี้ยงสายรหัสด้วย ไม่ว่าคุณจะเป็นพี่หรือน้องก็ตาม เพราะถือว่าเราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว แต่ปกติก็มีช่วยๆ รุ่นน้องออกบ้างครับ ถือว่าเป็นการเลี้ยงสายไปด้วยในตัว ตอนนี้สายรหัสผมมีแค่ 3 ชั้นปี เพราะสายขาดไปตอนปีที่แล้ว พี่รหัสผมมันซิ่วก่อนขึ้นปี 3 นี่เอง มันบอกแม่จะส่งให้กลับไปเลี้ยงควายที่บ้านแทน

จดเลคเชอร์หนึ่งชั่วโมงเต็มก็เริ่มทำแลปกันจริงๆ จังๆ จับคู่กันผสมสารเคมีต่างๆ แล้วเอาไปทดลองดูในกล้องจุลทรรศน์ ได้ผมอย่างไรก็เอามาเขียนแลปส่งครับ เคยบอกหรือยังว่าผมเรียนคณะวิทยาศาสตร์ เอกเคมีครับ จุดเริ่มต้นเลยคือผมเกลียดวิชาเคมีมากๆ สอบทีไรตกทุกที โค้งสุดท้ายก่อนขึ้น ม.6 จึงตัดสินใจเรื่องเคมี อ.อุ๊ ครับ ลงมันตั้งแต่ครอสแรกยันครอสสุดท้ายนั่นแหละ เริ่มทำความเข้าใหม่ตั้งแต่ต้น จนกลายเป็นว่าชอบมันขึ้นมาเสียอย่างงั้นแหละ ลงเลือกแอดมิชชั่นคณะนี้ทั้งหมด ติดอันดับหนึ่งในมหาวิทยาลัยแห่งนี้จนได้

แต่ถึงอย่างงั้น ความชอบไม่ได้ทำให้ผมเก่ง ผมแค่ชอบ ผมจึงต้องพยายามทำ ตั้งใจท่องสูตร ท่องสารประกอบ ทดทวนตำราบ่อยๆ ตั้งใจทำแลปทุกครั้ง เชื่อว่าเกรดนิยมไม่ไกลเกินฝันหรอกครับ

หลังจากเสร็จจากห้องแลปก็ปาไปเกือบสองทุ่มแล้ว เทส่วนผสมผิดครับ แต่ต้องแก้กันยกใหญ่ กว่าจะออกจากคณะมาได้ ก็เลยเวลานัดเลี้ยงหมูกระทะไปนานโข คว้ากุญแจรถออกจากกระเป๋า ตะโกนบอกลาเพื่อนในกลุ่ม แล้วตรงดิ่งไปร้านหมูกระทะทันที

เลี้ยวรถเข้ามาถึงหน้าร้านก็จอดทันทีครับ อยากเข้าห้องน้ำใจจะขาด เมื่อกี้ตอนออกจากคณะก็ลืมแวะเข้าห้องน้ำ เยี่ยวแทบราดแน่ะ

เสร็จธุระจากห้องน้ำก็นึกขึ้นได้ว่าลืมโทรศัพท์กับกระเป๋าตังค์ทิ้งไว้ในรถ เดินกลับไปเอาก็รู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง ผู้ชายคนหนึ่งกำลังด้อมๆ มองๆ อยู่หน้ารถผม ไม่พอแค่นั้น ยังเสือกถือกุญแจรถไว้ในมืออีก แม่งจะขูดรถกูหรอวะ


“ทำไรกับรถกูวะ” ผู้ร้ายสะดุ้งสุดตัวเลยครับ ได้ทีผมเลยเดินเข้าไปยืนช้อนด้านหลังใกล้ๆ ไม่ให้มันหนี จับได้คาหนังคาเขาขนาดนี้ ต้องเอาเรื่องให้สุด

“มึงคิดจะทำอะไรรถกู หันมา กูบอกให้หันมาไง”

“เอ่อ ผมเปล่านะครับ ผมแค่อยากดูรถพี่ใกล้ๆ เฉยๆ เอง เห็นว่ามันสวยดีเท่านั้น”

“ดูเชี่ยไร กูเห็นมึงกำลังจะขูดรถกูเนี้ย มึงเป็นใคร หันมาให้กูดูหน้าเดี๋ยวนี้” ผู้ร้ายยังคงไม่ยอมหันกลับมาครับ เดซิเบลเสียงผมเริ่มดังขึ้น จนคนทั้งร้านเริ่มให้การสนใจ

“เกิดไรขึ้นพี่ที เจ็ท” เจ็ท? เก่งรู้จักไอ้นี่ด้วยหรอวะ

“ก็ไอ้เด็กนี่มันจะขูดรถกู พอกูให้หันมาก็เสือกไม่หัน มึงรู้จักมันด้วยหรอ บอกให้มันหันมาสารภาพผิดกับกูทีดิ๊”

“เจ็ทขอโทษพี่ที เจ็ทแค่อยากดูรถพี่ใกล้ๆ เฉยๆ เชี่ยยยยยยยยยยย ไอ้ลุงยักษ์!!!”

“ไอ้เห่ยเตี้ย!!!!!”

ปิ๊ก!!

ทันทีที่ไอ้เจ็ทหันกลับมาก็ต้องตกตะลึงไปตามๆ กัน ก็นี่คือไอ้เตี้ย ที่แม่งเตะผ่าหมากกูรอบสองแล้วโว้ยยยยยยยยยยย

...

“ส้ม” วันนี้ผมตั้งใจเข้าคณะมาทำเรื่องไปฝึกงานตอนปิดเทอมใหญ่ครับ ปี 3 ตอนนี้นอกจากตารางแลปไม่กี่ตัว ก็มีแค่โปรเจคนิดๆ หน่อยๆ ก่อนออกฝึกงานจริงเท่านั้น ตารางเรียนเลยค่อนข้างว่าง

“อ้าวพี่ที สวัสดีค่ะ”

“รอไอ้เก่งหรอ”

“ใช่ค่ะ วันนี้ส้มเลิกเรียนเร็ว เลยมารอพี่เก่งไปกินข้าวพร้อมกัน” ส้มนี่ผมเจอบ่อยแล้วครับ เพราะใครๆ ในคณะต่างกูรู้หมดว่าส้มกับเก่งคบกันในฐานะไหน ตั้งแต่ปีหนึ่งแล้วที่เก่งมันออกตัวกับทุกคนว่ามีแฟนแล้ว และรักแฟนมาก แฟนเด็กก็คอยมาเฝ้ามาหาเป็นประจำ จนส้มตามเข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัยเดียวกัน ก็ยังคงรักกันดี

“เออส้ม ไอ้เตี้ยนั่นเพื่อนส้มใช่ไหม” จริงๆ ก็ไม่ได้ตั้งใจจะทักหรอกครับ แต่บังเอิญว่าเห็นส้มกับไอ้เตี้ยนั่นเดินด้วยกันบ่อยๆ วันก่อนที่ไปกินหมูกระทะ แค่ผมเดินไปเข้าห้องน้ำแปปเดียว ไอ้เตี้ยนั่นก็ชิ่งหนีกลับไปแล้ว ไม่ทันได้ชำระความใดใดเลยที่เตะผ่าหมากผม

“เตี้ย? คนไหน เพื่อนส้มเตี้ยทุกคน 55555” อ่า เรื่องจริงเสียด้วยสิ

“ไอ้เตี้ยที่จะขูดรถพี่น่ะ” ส้มทำท่านึกไม่นานก็ทำท่าเหมือนคิดออก

“ไอ้เจ็ทน่ะหรอ”

“อืม”

“เฮ้ย อย่าบอกนะว่าพี่จะเอาคืนมันอ่ะ”

“..”

“โธ่พี่ที ไอ้เจ็ทมันคนบ้า อย่าถือสามันเลย” ส้มรีบแก้ตัวแทนเพื่อนเป็นการยกใหญ่เลยครับ ก็รู้นะว่าเพื่อนใครใครก็รัก แต่เพื่อนแม่งเสือกมาลองดีกันก่อนไง ลูกผู้ชายฆ่าได้หยามไม่ได้ ยิ่งจ้องจะฆ่าลูกชายกู ยิ่งต้องเอาคืนโว้ยย

“ถือว่าส้มขอนะพี่ ไม่เห็นแก่ส้มก็เห็นแก่พี่เก่งก็ได้”

“เอาเป็นว่า พี่ขอเคลียกับมันก่อน ขอเบอร์มันได้ป่ะ”

“ถ้าส้มให้แล้วพี่จะฆ่ามันไหม เพื่อนส้มจะยังมีชีวิตรอดอยู่ใช่ป่ะ”

“อืม” รับปากส่งๆ ไปก่อน

“เอางี้ เอาเบอร์พี่มาดีกว่า เดี๋ยวส้มให้มันโทรมาขอโทษพี่แทน” บอกเบอร์ไปกับส้ม หวังว่าจะได้รับการตอบรับที่ดี

...

จนแล้วจนรอด ก็ยังไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่คุณเรียก ผ่านมา 1 วัน เต็มๆ ที่ไม่ได้รับการติดต่อกลับมาเลย โดยในระหว่างที่รอผมก็เร่งสืบเสาะหาความเป็นไปของไอ้เตี้ยนี่ไปด้วย โดนการจ้างเด็กในคณะมันนั่นแหละคอยตามสืบเรื่องให้ จนได้ความมาว่า แม่งเป็นคนบ้า ที่แม่งโคตรจะบ้า

รูปถ่ายแล้วรูปถ่ายเล่าที่สายสืบผมส่งมาให้แม่งมีแต่รูปปัญญาอ่อนของมัน ทั้งตอนที่แย่งขนมเพื่อนมากิน แอบเอาพริกเติมในก๋วยเตี๋ยวเพื่อนแฝดของมัน ขี่มอเตอร์ไซด์เก่าๆ ไปทำงาน ยืนชงกาแฟในร้านประจำมอ หรือแม้กระทั่งนั่งส่งสายตาหวานฉ่ำให้หยุมหยิม แม่งเป็นเกย์หรอวะ คนอย่างมันไม่น่าจะชอบผู้ชายได้เลย

น่าสนใจแฮะ!

ออกตัวก่อนว่าผมไม่ใช่เกย์ และไม่เคยชอบผู้ชายครับ แต่ไอ้เด็กนี่น่าสนใจแปลกๆ ชีวิตประจำวันดูน่าเบื่อเกินไปป่ะวะ หาอะไรสนุกๆ ทำกันไหมครับ อย่างเช่น ป่วนชีวิตใครบางคนน่ะ

SanI : พี่ที นิได้เบอร์ได้เจ็ทมาแล้วนะ แอบไปขอยะหยามา
Natee : ขอบใจมาก
SanI : ไม่เป็นไรพี่ รอบหน้าอย่าลืมพาไปเลี้ยงเหล้าตอบแทนอีกนะ 555555

ซานิคือน้องของเพื่อนผมนี่แหละครับ เด็กแก่นแก้วที่เห็นมาตั้งแต่เล็กๆ จนป่านนี้โตเป็นสาวแล้วก็ยังสนิทกันอยู่ ไม่รู้ว่าโชคร้ายของไอ้เจ็ทหรือโชคดีของผมที่ซานิดันเลือกเข้ามหาวิทยาลัยเดียวกับผม แล้วดันอยู่คณะเดียวกับไอ้เจ็ทด้วย การจะสืบเรื่องของมันเลยไม่ยากอย่างทีคิดไว้

ได้เบอร์ไอ้เตี้ยมาแล้วรู้สึกมันคุ้นแปลกๆ ครับ เหมือนเคยเห็นเบอร์นี่จากที่ไหนซักแห่ง ผมท่องเบอร์นี้ได้ด้วยนะ เหมือนว่ามันถูกจดจำเอาไว้ในเซลล์สมอง ปกติผมจำเบอร์เก่งครับ โดยเฉพาะเบอร์เพื่อนผมทุกคนผมจำได้หมด เบอร์คนในครอบครัวทุกคนก็จำได้ เพราะไอ้นิสัยไม่พกแบตสำรองไง ถ้าหากซัมซุงฮีโร่ผมมันตายตามอย่างน้อยก็หยอดเหรียญโทรหาคนโน่นคนนี้ได้

และหากคนจำไม่ผิด นี่มันเบอร์ไอ้ไม้ ไม่สิ เบอร์เก่าไอ้ไม้ ที่ถูกเมมไว้ในซัมซุงฮีโร่เครื่องละห้าร้อยของผม

ความบังเอิญแม่งคงมีจริงบนโลกใบนี้ ไอ้บุคคลปริศนานั่นคือไอ้เจ็ทเองหรอวะ

ระดับความน่าสนใจของมึงเพิ่มขึ้นอีกระดับแล้วนะไอ้เตี้ย!

...

“ลุงๆ วันนี้ลองใส่โยเกิร์ตป่ะ ผมว่าลุงน่าจะชอบอ่ะ ผมยังชอบเลย” เสียงเจื้อแจ้วที่ได้ยินเกือบทุกเย็นถูกส่งผ่านออกมาจากปากไอ้เตี้ยตรงหน้า ตั้งแต่ที่มันรับปากว่าจะช่วยผมจีบหยา ผมก็เจอมันบ่อยขึ้น เรียกว่าแทบทุกวันเลยดีกว่าครับ มานั่งกวนตีนมันที่ร้านนี้ก็สนุกไปอีกแบบ บางทีเพื่อนกลุ่มมันก็มาหามันที่ร้านบ้าง แต่ส่วนใหญ่เวลาสองแฝดโผล่มา มันก็จะเร่งให้ผมรีบออกมาหามันที่นี่บ่อยๆ จนติดเป็นนิสัยแทน ได้แวะมากวนมันนิดๆ หน่อยๆ เป็นสีสันชีวิต

ถามว่าผมชอบยะหยาจริงรึเปล่าน่ะหรอครับ จะเป็นไปได้ยังไงล่ะ นั่นน่ะลูกพี่ลูกน้องผมเอง แต่เราไม่ได้สนิทกันหรอก สองแฝดกับผมไม่ได้ถูกเลี้ยงมาพร้อมกัน เจอกันบ้างประปรายตามงานเลี้ยงรวมตัวญาติ แต่ก็นับครั้งได้ เพราะสองแฝดมักจะคลุกตัวอยู่กับคุณย่า น้ายศพ่อสองแฝดก็อยู่ต่างประเทศ จะติดต่อกันแต่ละทีก็ยากลำบากเหลือเกิน ผมก็พอรู้มาบ้างว่าสองแฝดเรียนอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกัน แต่ไม่ได้เจอซักทีจนวันเกิดไอ้เก่งนั่นแหละ

เพียงแต่ เรื่องที่เราเป็นญาติกันไม่ได้บอกใครก็เท่านั้นเอง ก็ไม่เห็นว่ามันจะมีความจำเป็นต้องบอกใครนี่หว่า

เรื่องที่ผมตามป่วนชีวิตไอ้เตี้ยนี่สองแฝดนั่นก็รู้ครับ เพราะตั้งแต่ที่ผมปรากฏตัวใกล้ๆ เจ็ทบ่อยๆ ทำให้สองแฝดเกิดความกังขาขึ้นมาว่าไปสนิทกันอีท่าไหน ผมเลยยอมเล่าเหตุการณ์คร่าวๆ ให้ฟัง แต่ไม่ได้บอกว่าเตี้ยมันแอบชอบหยิม ความลับของมัน ไม่อยากให้ใครรู้ครับ

ตอนแรกก็โดนหยางอนๆ เหมือนกันที่ผมหาเรื่องแกล้งเจ็ท แต่ก็อย่างว่าแหละครับ ไอ้เตี้ยมันน่าแกล้ง มันเหมือนเด็ก ที่พอสนิทหน่อยทำดีด้วยหน่อยก็พร้อมจะคล้อยตามไปดื้อๆ อ้อนได้อ้อนดี จะเอานู่นนี่นั่น โดยเฉพาะไอ้น้ำปั่นที่ทำให้ผมกินเนี้ย อย่าคิดว่าผมไม่รู้นะว่าไอ้การที่มันเสนอตัวใส่ทอปปิ้งให้ผมเยอะๆ เพราะมันอยากกินเองมากกว่าอยากให้ผมกิน

“ตามใจมึง” วันนี้เป็นโยเกิร์ตครับ ตลกดี ปกติผมโคตรจะเกลียดโยเกิร์ตเลยครับ แต่เห็นแววตาตอนมันหันมาถามก็ยอมๆ มันไป เวลาที่มันได้อะไรถูกใจมันตามันเป็นประกายวาวๆ และเดี๋ยวพอมันเอาน้ำมาเสิร์ฟ มันต้องยืนกดดันให้ผมดูดน้ำก่อน มันจะได้ดูดต่อ ถ้าผมไม่ดูดมันก็ไม่เลิกจ้องผมซักที

“ชิมดิลุง” หึ ความอดทนมันไม่นานหรอกครับ

“จบเกมส์นี้ก่อน” แกล้งอีกหน่อยน่า

“โหยลุงชิมก่อน ผมจะได้ชิมบ้าง” สนุก

“เกมส์เดี๋ยวค่อยเล่น ลุงสนใจน้ำผมก่อนดิ” ติดเรทเชียวนะมึง

หยิบหลอดมาดูดน้ำมันเสียหน่อย เปรี้ยวแปลกๆ โยเกิร์ตรสธรรมชาติสินะ กินแล้วจะท้องเสียไหมวะเนี้ย คนยิ่งไม่ค่อยถูกกับโยเกิร์ตอยู่ด้วย กินทีไรวิ่งเข้าห้องน้ำทุกทีสิน่า

“อร่อยอ่ะ คราวหน้าผมทำอีกนะ” วางแก้วน้ำลงตรงหน้า ไอ้เตี้ยก็คว้าไปดูจ๊วฟๆ ทันที หน้าตาดูมีความสุขมาก ดูดจนน้ำหายไปหลายเซนเลยครับ หน้าแม่งตลกชิบหายตอนที่มันดูดน้ำจนเย็นจี๊ดขึ้นสมอง ว่าแล้วก็ถ่ายรูปหน้ามันเก็บไว้หน่อย เก๊กหล่อกันครับ แชะ!

ความลับอีกอย่างของผมคือ โต๊ะที่ผมนั่งประจำมันมีตู้กระจกตั้งอยู่ตรงหน้า เวลากดถ่ายรูปจะเก็บเงาลางๆ ของผมติดไปด้วย แต่ไอ้เตี้ยนี่มันไม่รู้หรอกครับ ทุกครั้งที่มันทำหน้าตลกๆ ผมมักจะแอบถ่ายรูปมันไว้ โดยที่ทุกรูปก็จะติดเงาผมไปด้วย เรียกว่ารูปคู่ได้ป่ะวะ

“ว๊า ลูกค้ามาแล้วอ่ะ ไปทำงานละนะลุง อย่าลืมจ่ายตังค์ก่อนกลับ” วิ่งดุ๊กๆ กลับไปหน้าเคาน์เตอร์ทันที กูนั่งอยู่ข้างเคาน์เตอร์เนี้ย ถ้ากูลุกไปมึงก็ต้องเห็นอยู่แล้วไม่ใช่หรอวะครับ แต่คนอย่างกูเนี้ย ไม่เคยชักดาบโว้ยย

...
หายไปไหน?

คิดสิวะที คนอย่างไอ้เตี้ยมันจะหายไปไหนได้? เราแยกย้ายกันตามหาไอ้เจ็ทครับ โดยที่ให้กลุ่มเพื่อนไอ้เจ็ทอยู่รอที่บ้าน เผื่อว่ามันจะกลับมา แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่มีวี่แววของมัน โทรหาหลายต่อหลายสายมันก็ไม่รับ โทรจนแบตโทรศัพท์ผมหมด ก็ยังไม่มีสัญญาณตอบรับจากมัน

สิ่งที่คิดได้ตอนนี้คือหยิบซัมซุมฮีโร่คู่ใจมาแทน กดส่ง SMS มาหา ก็ได้รับข้อความตอบกลับมาแค่ว่า ผมส่งหาผิดคน ผิดคนบ้าอะไรล่ะวะ กูนี่แหละตั้งใจส่งหามึง ถามว่าอยู่ไหนก็ตอบสิวะ เสือกเล่นตัวอยู่ได้

วิ่งหาทั่วหาดจนขาเริ่มล้า การวิ่งบนชายหาดไม่ใช่เรื่องสนุกนะครับ มันทั้งเหนื่อยและล้าขามากๆ น้ำหนักของทรายที่ถ่วงให้ก้าวแต่ละก้าวยากมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ใจผมตอนนี้มันร้อยเกินกว่าจะสนขาที่ร้อนประท้วงอยู่ตอนนี้ ต้องหาให้เจอ ต่อให้ต้องว่ายน้ำทะเลตอนนี้ผมก็ต้องหามันให้เจอ

ไม่เคยรู้สึกเหมือนสูญเสียเท่านี้มาก่อน ตลอดมาผมแค่คิดว่าไอ้เตี้ยนี้ก็น่ารักดี หรือบางทีเวลาได้แกล้งให้มันบ่นนิดๆ หน่อยๆ ก็ถือเป็นสีสันชีวิต ให้แต่ละวันของผมไม่น่าเบื่อ จนไม่รู้เลยว่า มันค่อยๆ แทรกเข้ามาให้ความคิดตั้งแต่เมื่อไหร่ หรือนานแค่ไหนแล้ว

ผมไม่รู้ว่าทำไมวันนี้มันถึงแสดงกิริยาแบบนั้น หากเพียงแค่ว่าผมดีดกีต้าร์แล้วร้องเพลง ผมไม่ได้ร้องให้หยา แต่ที่มันร้องไปมองหน้าหยาไป คือผมเขิน ก็เขินไอ้เตี้ยนั่นแหละ และถ้าคิดไม่ผิดยะหยาก็คงเข้าใจว่าผมกำลังมีบางอย่างกับไอ้เตี้ย ถึงส่งสายตาล้อเลียนผมมาแบบนั้น

เจ็ทไม่เคยงี่เง่า ไม่เคยโกธรใครจริง ถึงแม้บางครั้งมันจะดูใจร้อน ปากหมา ขี้โม้ หรือตะกละ แต่มันใส่ใจคนอื่นเสมอ มันรู้ว่าใครชอบหรือไม่ชอบอะไร เวลาที่ใครอารมณ์ไม่ดีมันก็มักจะพยายามสร้างสีสันต์ให้คนคนนั้นยิ้มอยู่เสมอ ยิ้มที่มันส่งมาให้ผม ผ่านเข้าถึงกลางใจผม

การมีมันใกล้ๆ ทำให้ผมหวั่นไหว เพียงแค่ยังไม่มั่นใจว่ามันคิดเหมือนผมหรือเปล่า

แต่ตอนนี้ วินาทีนี้ ผมไม่อยากสนใจอะไรทั้งนั้น ขอเจอมัน ขอแค่ยังเห็นว่ามันปลอดภัย ขอแค่มีมันยืนอยู่ใกล้ๆ หรืออะไรก็ได้ที่ยังทำให้ผมได้มีมัน ผมยอมทั้งนั้น

แม่งไปอยู่ที่ไหนวะ!!

...

ทะเลเปลี่ยนคน ไม่ใช่เปลี่ยนแค่มัน แต่ผมก็เปลี่ยน ไอ้เจ็ทไม่มาแง่วๆ หรือออดอ้อนผมเหมือนเดิม ไม่งอแงหรือเข้าหาผมเหมือนเก่า มันทำตัวปกติมากเกินไป เหมือนกับตอนที่ได้รู้จักเจ็ทใหม่ๆ

รวมทั้งผมที่เปลี่ยนไป ตามมันมากเกิน ครับ ผมตามมันไปทุกที่ ไม่ว่าจะกินข้าวกลางวันที่คณะมัน แวะไปช่วยมันทำฉากบ้างเวลาไม่ได้ซ้อมกีฬา เฝ้ามันทำงานทุกวัน ตามยิ่งกว่าเหาบนหัวมันอีก แต่เจ็ทก็เหมือนมีกำแพงในใจที่พยายามกั้นผมเอาไว้

“ลุง วันนี้ไม่ได้ไปทำฉากนะ จะไปดูแฝดซ้อม” ข้าวกลางวันคณะมันเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือวันนี้ไอ้เพื่อนๆ ผมยกโขยงมากินด้วยกัน รวมทั้งเพื่อนๆ ของเจ็ททุกคนก็มาร่วมวง ไม่ได้เจอสองแฝดนานครับ ปกติเวลามากินข้าวก็เจอแต่ส้ม เห็นว่าสองแฝดโดนเรียกตัวไปซ้อมหลีดตลอดเวลา ไม่รู้คณะมันจะจริงจังอะไรขนาดนั้น คณะผมนี่เคยซ้อมหลีดบ้างรึเปล่าไม่รู้เลย

“ไปดิ”

“ไปด้วย?”

“อืม” เจ็ททำหน้าหงอยๆ ก่อนจะก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อ นี่ก็เป็นเรื่องแปลกอีกเรื่องครับ เพราะถ้าหากมีเรื่องของยะหยาเข้ามาทีไร เจ็ทจะทำหน้าเศร้าตลอด ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน

“พี่ทีจะไปดูหรอคะ งี้หยาเกร็งแย่เลย” ลูบหัวน้องสาวเบาๆ ตอนนี้เราสนิทกับมากขึ้นแล้วครับ อาจเพราะไอ้เจ็ททำให้เราเจอกับบ่อยขึ้น การเล่นหัวจับมือถือแขนเลยกลายเป็นเรื่องปกติ แต่ไอ้ที่ไม่ปกติคือเจ็ทที่เบือนหน้าหนีภาพที่ผมจับหัวหยา

“อิ่มแล้วอ่ะ ไปซื้อน้ำนะ”

“น้ำมึงก็อยู่ตรงหน้าไง”

“อยากกินน้ำแดง เบื่อกาแฟแล้ว” ว่าเสร็จแล้วก็เดินดุมๆ ไปซื้อน้ำแดงของมันทันที หยิมที่เอ่ยปากถามมันเหวอไปเลยครับ ผิดปกติ คนขี้งกอย่างมันเนี้ยนะยอมทิ้งกาแฟแก้วละ 30 บาท เพราะคำว่าเบื่ออยากกินน้ำแดงมากกว่า อะไรของมันวะเนี้ย

“ถามจริงนะพี่ที” ส้มที่มองดูเหตุการณ์มาได้เงียบๆ ตั้งนานหันมามองหน้าผมด้วยสายตาจริงจัง

“จีบไอ้เจ็ทหรอ”

“ผ่างงงงงง”

“เฮ้อออออออออออออ”

“หึ”

“เป็นเหี้ยไรครับพวกมึง” เสียงแรกคือไอ้ก๊งครับ ตามมาด้วย ไอ้ติ๊ก และไอ้ไม้ อะไรของพวกแม่งวะ ซาวด์ประกอบฉากหรือไง

“ตอบน้องมันไปสิ” หันกลับไปมองเพื่อนไอ้เจ็ท ที่จ้องหน้าผมอย่างไม่ลดละ ก็เริ่มคิดครับ นี่ผมจีบมันหรอวะ?

“ไม่รู้ว่ะ ถ้าพวกน้องว่านี่จีบก็จีบมั้ง”

“นั่นไง กูว่าแล้ว จ่ายมาครับไอ้ติ๊ก กูบอกแล้วไอ้ทีจีบเจ็ทชัวร์” ไอ้ก๊งรีบออกตัวทันทีหลังจบประโยคของผม ส่วนไอ้ติ๊กทำหน้าเบื่อๆ ก่อนจะส่งใบสีม่วงจากกระเป๋าตังค์ให้ไอ้ก๊ง นี่พวกมึงเอาเรื่องของกูมาพนันขันต่อกันหรอวะไม่พวกเพื่อนเวร

“แล้วเจ็ทมันรู้ตัวไหม”

“คิดว่าไม่ คนอย่างแม่งซื่อบื้อจะตาย ต่อให้คนทั้งมหาวิทยาลัยจีบมันมันก็ไม่รู้ตัวหรอก” หยิมว่าพลางดูกาแฟที่ไอ้เตี้ยทิ้งไว้ก่อนลุกไป เออ น้องกูก็ฉลาดเหลือเกิน ไม่ลงทุนแถมขโมยของเพื่อนแดกอีก

“แน่ใจแล้วหรอจีบไอ้เจ็ทน่ะ รายนั้นปัญญาอ่อนได้โล่ ความไม่เต็มชนะเลิศ แต่โง่บรมเลยนะพี่” ส้มครับ น้องรักเพื่อนมากเลยครับ
   
“ก็ไม่คิดจะจีบหรอก แต่มันโง่ดีเลยจีบ เลยก็เสือกโง่ชิบหาย ทำเหี้ยไรไปอึนใส่หมด จนกูเริ่มจนปัญญาแล้ว”

“แล้วได้เคยบอกความจริงเรื่องหยาไปหรือยัง?”

“ความจริงไรวะ” ลืมไปว่าส้มและเพื่อนๆ ของผมยังไม่รู้ว่าเราเป็นญาติกันครับ

“ก็หยากับหยิมอ่ะ เป็นลูกพี่ลูกน้องกับพี่ทีไง”

“ว่าไงนะ?!”

เวรแล้วไงกู ไอ้เตี้ยแม่งกลับมาตอนไหนวะ!

.............................................................................................
พาตาลุงมาแก้ตัวแล้ว อย่าด่าลุงเยอะ ลุงเป็นคนอ่อนไหวง่าย 5555
เอ้า เฉลยความจริงแล้วจ้า ตาลุงก็ยังน่าหมั่นไส้เหมือนเดิม
เพิ่มเติมคือเข้า อยากจะหัวเราะให้ก้องฟ้า วะฮ่าฮ่า

ขอบคุณทุกคนที่ให้การตอบรับอย่างนี้น้า
ตอนนี้แต่งวันต่อวันเลยทีเดียว 3 วันติด แทบน็อค
ต่อไปนี้ก็ขอเวลาไปแต่งเพิ่มเป็นสต็อคก่อนนาจา จ๊วฟๆ
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH17 (14/09/17)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 15-09-2017 04:27:11
 :z6: แทนการผ่าหมากครั้งที่ 3 มั่ง โทษฐานหลอกหลานเจ็ทนะ ตาลุงที  :m12:
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH17 (14/09/17)
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 15-09-2017 09:20:43
โล่งใจเรื่องหยาล่ะ ลุงโดนปลดแบน 55555
ลุงงงงงงงงง ว่าแต่หลานโง่ ลุงก็ซื่อบื้อนะ ไม่รู็จริงอะว่าหลานเป็นไร  :angry2:
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH17 (14/09/17)
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 15-09-2017 09:25:45
เอาพี่ทีให้หนัก
เจ็ทคงทั้งโมโห ทั้งแอบสบายใจแหละ แต่โดนหลอกนะเออ ต้องโกรธเข้าไว้นะ  :fire: :angry2: :angry2: :angry2:
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH17 (14/09/17)
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 15-09-2017 11:55:36
ปลดแบนเสร็จก็ตามจีบน้องเต็มตัวเบย
 :hao7:
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH17 (14/09/17)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 15-09-2017 23:14:54
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH17 (14/09/17)
เริ่มหัวข้อโดย: yunnutjae ที่ 16-09-2017 09:58:20
โอ้ยลุง หมั่นไส้ไปตั้งหลายตอน :ruready
ความจริงเปิดเผยละ ก็ยังคงเชื่อว่าเจ็ทก็น่าจะไม่คิดว่าตัวเองโดนจีบอยู่ดี 55555555555555 อยากอ่านต่อแล้วววววว  :katai1:
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH18 (17/09/17)
เริ่มหัวข้อโดย: oommmy ที่ 17-09-2017 22:48:54
CH18

Natee : อยู่ไหน
Natee : เจ็ท ตอบกูดิ๊

เป็นแบบนี้มาสองสามวันแล้วครับที่ลุงตื้อผมอยู่แบบนี้ ก็ใครใช้ให้แม่งหลอกกันล่ะวะ หลอกให้จีบญาติตัวเองเนี้ยนะ ลุงแม่งใช้อะไรคิดวะเนี้ย เรียนเก่งซะป่าว ทำตัวแบบนี้ไม่น่ารักเลย

ถามว่าผมโกธรมั้ยอ่ะหรอ คนอย่างไอ้เจ็ทเนี้ยนะ โกธรใครเป็นที่ไหนล่ะครับ ใช้คำศัพท์อื่นที่ผู้หญิงเขาชอบใช้กันดีกว่า ‘งอน’ งอนแม่งทั้งเพื่อนทั้งลุงนั่นแหละ ปิดบังกันดีนัก เห็นผมเป็นคนซื่อหน่อยเอาใหญ่เลยนะ บอกเลยถ้าสองแฝดไม่ออกตัวว่าจะพาไปเลี้ยงบุฟเฟ่ไถ่โทษจ้างให้ผมก็ไม่คุยด้วยหรอก เห็นแก่ความดีและอาหารกลางวันหรอกนะ ถึงยอมดีด้วยน่ะ

“เจ็ท พี่ทีโทรหากูจนสายจะไหม้แล้วเนี้ย คุยกับพี่เขาซักทีสิวะ” หยิมเป็นผู้รับกรรมที่มันก่อด้วยบ้างเล็กน้อยครับ ก็ตั้งแต่วันนั้นจนวันนี้ ผมยังไม่ยอมคุยกับตาลุงเลย ไปเฝ้าที่ร้านก็ไม่ทำน้ำให้กินเหมือนเก่า มากินข้าวกลางวันด้วยก็ไม่สนไม่มองหน้า หรือแม้กระทั่งโทรหรือไลน์ก็ไม่มีสัญญาณตอบรับจากผม เหอะ งอนเว้ย งอนหนัก แน่จริงก็เอาของกินมาล่อแบบสองแฝดสิ ชิ!

“ก็ปล่อยให้แม่งไหม้ไปนั่นแหละ”

“เป็นเหี้ยไรนักหนา ใจตุ้ดจังวะมึง” อ้าว วอนตีนนะครับเพื่อนหยิม

“ไม่รู้ ไม่สน ไม่แคร์ ไปทำงานแล้ว บาย” เดินหนีเสียดื้อๆ

งานที่ว่าคืองานฉากครับ ตอนนี้กำลังเร่งตัดชุดหลีดกันอยู่ งานพวกผู้หญิงน่ะครับ ให้ผมไปเย็บด้วยมีหวังชุดพังแหง ก็ได้แต่ไปช่วยเขาทาสีเหมือนเดิม ตอนแรกโดนเพื่อนใช้ให้ไปทำพรอพประกอบแสตน แต่ด้วยความเก่งกาจของผมนั้น แค่ตัดกระดาษยังเบี้ยวเลยเหอะให้ตาย ไม่พอ ทำกาวหกเลอะพรอพที่เสร็จไปแล้วเกือบครึ่ง จนต้องทำให้หมด โดนบ่นหูชา ไล่มาทาสีแทบไม่ทันแน่ะ

“วินๆ ตรงนี้ใช้สีไรวะ”

“มึงลงสีแดงไปก่อน แล้วพอมันแห้งมีเอาสีดำตัดขอบตรงนี้” วินลากนิ้วตามรอยดินสอที่วาดไว้ให้ดู ผมก็พยักหน้างึกงัก คิดว่าเข้าใจนะครับ มันจะไปยากอะไร แค่ทาแล้วรอสีแห้ง

“กูขอนะครับเจ็ท แค่มึงรอให้สีแห้งก่อน มึงทำได้ใช่ไหม” ทำไมเดี๋ยวนี้มีแต่คนไม่เชื่อใจผม

“เออน่ะ เดี๋ยวกูทาสีแดงให้ดูก่อนเลย” ว่าแล้วก็หยิบแปรงทาสีถึงมาจุ่มสีทันที

“มึงๆ แดงนี้โว้ยยย อันนั้นไม่เรียกแดง นั่นเรียกสีส้ม เชี่ยย กูไว้ใจมึงได้ใช่ไหมวะ” แปรงถูกดึงออกจากมืออย่างไว ดีนะ ยังไม่ทันได้ปาดสีลงไป

“ก็มึงไม่บอกกูก่อนล่ะวะ”

ผมนั่งทาสีตามที่ไอ้วินสั่งไปพลางๆ ก็รู้สึกว่าบรรยากาศตรงนี้มันช่างเงียบเหงาเหลือเกินครับ จะหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงออกมาเปิดเพลงฟัง มือก็เลอะ จะหันไปตะโกนให้คนอื่นหยิบให้หน่อย ทุกคนก็ยุ่งวุ่นวายกันไปหมด ไม่ใช่วุ่นที่ทำงานนะครับ แม่งนั่งเม้าส์ ขยันกันเหลือเกินนะพวกมึง

“เจ็ท ผัวน้อยมึงมา”

“พ่องมึงสิ” ผัวน้อยผมนี่ใครหรอครับ พวกคุณคุณคิดว่าเป็นลุงล่ะสิ หึ ไม่ได้แอ้มผมหรอก หมายถึงไอ้คอปเตอร์หลานรหัสลุงต่างหากล่ะ แล้วถามว่าทำไมเรียกว่าผัวน้อยผมน่ะหรอ ก็ตั้งแต่วันนั้นจนวันนี้มาคณะผมได้ทุกวี่ทุกวัน มาทำไม มาจีบผมหรอ บอกเลยว่าไม่ใช่ มันแค่มาหา เอาเสบียงมาให้ เดินมานั่งคุย แล้วก็กลับ

เอ้า ผมตกตรงไหนไปรึเปล่า ย้อนกลับไปๆ มันมาหา..คนอื่นที่ไม่ให้ผม เอาเสบียงมาให้..ทั้งผม และทุกคนในคณะ โดนเฉพาะคนบางคน เดินมานั่งคุย..แต่ตาไม่เคยมองหน้าผม แล้วก็กลับ..พร้อมกับบอกว่าพรุ่งนี้จะมาใหม่ ครับ ทุกอย่างนั่นมันทำเหมือนมาหาผม แต่แม่งมาเต๊าะให้ไอ้วินครับ

ไม่รู้ไปเจอะเจอกันตอนไหน ก็หลังจากที่มันเอาสีมาส่งให้ผมที่คณะวันนั้น วันต่อมาแม่งก็ทักไลน์มาว่า จะจีบไอ้วิน ผมก็เอ๋อแดก ได้แต่บอกส่งๆ ไปว่าจะช่วยดูให้ แต่ไม่คิดว่ามันจะรุกหนักขนาดมาหาเกือบทุกวัน ตอนแรกไอ้วินก็ไม่ได้รับรู้อะไรหรอกครับ หลังๆ เจอหน้าบ่อยเข้าก็เหมือนจะรู้ตัวอยู่กลายๆ แต่เสือกไม่ยอมรับ มโนเรียกว่าเป็นผัวผมอยู่ได้

“วันนี้มีไรให้กูกิน”

“เจอหน้ามึงทักคำอื่นบ้างก็ได้” ไอ้คอปเตอร์ส่งถุงขนมที่มันหิ้วมาให้ผม ไม่ครับ ไม่ได้ให้ผม ฝากผมไปให้ไอ้วินต่างหาก แม่งแค่ใช้ผมบังหน้าเท่านั้นแหละ เอาขนมให้ผมสอง ให้ไอ้วินสิบ เหอะ!

“กูอยากแดกอันนั้นอ่ะ แลกกับของไอ้วินได้ป่ะวะ” เจลลี่หมี อยากเอาไปใส่สตอเบอรี่ให้ลุงกิน.. ไม่ใช่สิ ลุงไม่ได้กินแล้วสิ!

“อันนี้วินชอบกิน มึงเอาโครงกระดูกไปแทนดิ” มึงคิดว่าเจลลี่หมีแบ๊วๆ ทดแทนกับเจลลี่โครงกระดูกได้หรอวะ?

“เออ แกะให้กูด้วย หิวว่ะ ทำไมไม่ซื้อข้าวมาด้วยวะ”

“เอ้า ก็ปกติกูเห็นพี่ทีซื้อมาให้ไม่ใช่หรอวะ เออ ว่าแต่วันนี้พี่ทียังไม่มาหรอ ไม่มีซ้อมนี่หว่า” มันจะมาได้ไงล่ะ ทุกวันนี้ยังไม่ได้คุยกันซักคำ

“ไม่รู้ ไม่ได้ถาม”

“ทะเลาะกันหรอวะ”

“เปล่า” ก็ไม่ได้ทะเลาะจริงๆ นี่หว่า แค่งอนเฉยๆ อ่ะ

“อะไรของมึงวะ เป็นเมียต้องยอมผัวมึงไม่รู้กฎข้อนี้หรอวะ”

“เมียพ่องง”

“โธ่ไอ้โง่เอ๊ย เขามาเฝ้ามึงทุกวัน มึงก็แง่วๆ ร้องจะเอานู่นนี่ พี่ทีแม่งก็ตามใจเหลือเกิน ขนาดกูเพิ่งสนิทกับมึงไม่นาน ยังมองออกเลยว่าพวกมึงไม่ปกติ”

“อะไรไม่ปกติสาส กูนี่คนปกติที่สุดแล้วครัชชชช!”

“นี่แหละที่ไม่ปกติ ไอ้ควาย!” อ้าว เดินหนีไปหาไอ้วินเฉย ขนมยังไม่แกะให้กูเลยอ่ะ กูหิวนะ ไอ้คอปเตอร์กลับมาก่อนนนนน

หลังจากไอ้คอปเตอร์มาป่วนการทำงานของเราได้ไม่นาน มันก็ขอตัวลากลับครับ เพราะต้องไปซื้อข้าวให้หลีดคณะมันเหมือนเดิม ไอ้นี่ก็นะ เขาให้ไปเป็นหลีด เสือกขอเป็นเบ๊หลีดแทน บอกรุ่นพี่ถ้ามันเต้นแล้วจะพาลทำให้คณะขายหน้าเปล่าๆ เลยขอตัวเป็นผู้ช่วยหลีดดีกว่า รุ่นพี่มันก็ยอมด้วยไง พูดดีด้วยหน่อย รุ่นพี่แม่งก็ระทวยแล้วครับ น่าเบื่อ ไอ้คนหล่อ

ความจริงปกติเวลานี้ผมต้องได้กินข้าวแล้วอ่ะ ขนมที่ไอ้วินเอามาให้ไม่เคยพอยาไส้ผมหรอกครับ กินพอร้องท้องกันตายเท่านั้นแหละ ท้องผมก็ร้องประท้วงปาวๆ ว่าให้หาอะไรมาลงท้องเพิ่มได้แล้ว ไม่กินตอนนี้จะไม่มีแรงทาสีต่อแล้วนะ แต่งานตรงหน้ายังเหลือเยอะเลยครับ ก็ตอนนี้นั่งรอให้สีแดงแห้งอ่ะ จะได้เอาสีดำมาทาต่อ เห็นมั้ย บอกแล้วผมทำได้ แค่นั่งรอสีแห้งก่อนลงสีดำผมเข้าใจนะจะบอกก

“นั่งจ้องฉาก ระวังจะท้องนะมึง” มันมาอีกแล้วครับ ก็ไอ้ประธานรุ่นไง หลังจากไอ้คอปเตอร์กลับไปก็มาแสดงอำนาจเหมือนเดิม ตอนไอ้คอปเตอร์อยู่ล่ะยิ้มหน่อยยิ้มใหญ่ พูดดี ช่วยคนนู่นคนนี้ มึงอ้อยเขาก็บอก พอกันเลยไอ้คู่นี้ คนหนึ่งเทียวส่งน้ำส่งขนม อีกคนก็คอยอ้อยอยู่ใกล้ๆ ประธานกูเสร็จมึงแน่ๆครับไอ้คอปเตอร์

“ท้องไม่ท้องไม่รู้ รู้แค่กูหิวอ่ะ”

“หิวก็ไปกินข้าวสิวะ”

“แต่กูยังทำงานไม่เสร็จอ่ะ”

“...”

“ก็สียังไม่แห้งเลย แล้วจะลงสีดำต่อได้ไง ถ้าไม่ทาสีดำ งานก็ไม่เสร็จดิ”

“เจ็ท กูว่าบางทีมึงควรไปลงครอสเสริมเพื่อพัฒนาอีคิวนะ”

อ้าว ผมผิดอะไรง่ะ? งุยย

...

หลังจากผมทาสีดำเสร็จเรียบร้อยโรงเรียนไอ้เจ็ท ก็ถูกอัญเชิญให้ไปเข้างานที่ร้านพี่โจ้ได้ พร้อมกับข้าวกล่องในมือหนึ่งกล่อง อภินันทนาการจากไอ้คอปเตอร์เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือแย่งของไอ้วินมา 555555555555 ไม่ได้เลวครับ แค่หยิบยืมนิดหน่อย เดี๋ยวเอากล้องโฟมไปคืนนะเพื่อน ฮิฮิ

เดินเข้าร้านแบบหล่อๆ ว่าจะแอบไปนั่งกินข้าวหลังเคาน์เตอร์เสียหน่อย ตอนนี้คงยังไม่มีลูกค้าเยอะหรอกมั้ง ถ้ามาสั่งก็บอกให้พี่โจ้คนโก้รับหน้าที่ไปก่อนแล้วกัน ช่วงนี้เข้าร้านบ่อยเหลือเกิน แอบอู้เดินไปเม้าส์กับสาวโต๊ะอื่นไม่ได้เลย

หากแต่หน้าเคาน์เตอร์กลับมีสิ่งผิดปกติแปะอยู่ที่เก้าอี้ประจำของลุงครับ มันเป็นกล่องกระดาษขนาดใหญ่สีดำ ผูกด้วยโบว์สีทอง โอ้โห น่ารักฟรุ้งฟริ้งเชียว ใครเขาลืมไว้ หรือพี่โจ้แม่งแกล้งเซอร์ไพรส์พี่จีนหรือเปล่า เดินเข้าไปมองใกล้ๆ ก็เห็นการ์ดสีดำเหมือนกล่องเป๊ะแปะอยู่ มองซ้ายมองขวาก็ไม่เห็นมีใครสนใจกล่องใบนี้ ทุกคนงวนอยู่กับกิจกรรมตรงหน้าหมด แล้วสรุปแม่งของใครวะ

“เฮ้ยเจ็ท มาพอดีเลย ลูกค้าลืมไว้ว่ะ แต่กูต้องกลับแล้ว ถ้ามีคนมาถามหา มึงก็ให้เขาไปนะ” เพื่อนที่อยู่กะก่อนหน้าสั่งลาก่อนจะเดินออกจากร้านไปทันทีครับ อะไรวะ แล้วไอ้ผู้ชายคนนั้นหน้าตาเป็นยังไง รูปร่างแบบไหน มึงจะไม่บอกกูก่อนไปหรอครับเพื่อน

กลับมาสนใจที่กล่องเหมือนเดิม ลูกค้าลืมไว้แล้วทำไมมึงไม่เอาเก็บไว้หลังเคาน์เตอร์ล่ะครับเพื่อน เอามาวางงี้ถ้าหายไปแล้วใครจะรับผิดชอบล่ะ ขนาดผมโง่ผมยังคิดออกเลยนะ

หยิบกล่องกระดาษขึ้นมาอย่างทุลักทุเล เพราะมือข้างหนึ่งถือกล่องข้าวที่ขโมยไอ้วินมาอยู่ มันไม่หนักครับ แต่มันใหญ่ พอถือมือเดียวก็เซกันบ้างล่ะ ทำให้การ์ดที่วางไว้บนกล่องร่วงลงพื้น จะหันกลับไปหยิบก็ลำบากเหลือเกิน จึงตัดสินใจเอากล่องเข้าไปเก็บหลังเคาน์เตอร์ก่อน

เดินกลับมาหยิบการ์ด แต่ด้วยความตอนเด็กถูกสอนมาว่าสงสัยอะไรรีบหาคำตอบทันที และตอนนี้สงสัยมากครับว่าไอ้กล่องใบนั้นอ่ะ แม่งจะเอาไปขอสาวที่ไหนเป็นแฟนวะ อยากรู้จริงๆว่าสวยแค่ไหน ขอแอบอ่านการ์ดหน่อยเถอะ เผื่อมุกจีบสาวเด็ดๆ เอาไปใช้บ้าง อิอิ

‘เจ็ท’ บนการ์ดมีคำสั้นๆ คำเดียวเป็นชื่อของผมแปะอยู่ เดี๋ยวนะ วิ่งกลับไปหลังเคาน์เตอร์ทันที หยิบกล่องขึ้นมาเขย่าๆ รับรู้ได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่เดาไม่ออกว่าเป็นอะไร เปิดแม่งเลย มีชื่อผมก็ต้องเป็นของผมสิวะ ดึงโบว์ที่ผูกชั้นแรกออกก่อน แต่ใครแม่งมัดปมซะแน่นขนาดนี้วะ ปกติมันดึงทีเดียวก็หลุดทั้งยวงแล้วไม่ใช่หรอ?

เสียเวลาไปกับการแกะไอ้โบว์นี่นานมากครับ ไม่กล้ากระชาก กลัวไม่ใช่ของผมจริงแล้วประกอบกลับไปไม่เหมือนเดิม พอแกะโบว์สำเร็จก็เปิดกล่องกระดาษต่อเลย แล้วก็ต้องอึ้งกว่าเก่า เพราะอะไรน่ะหรอครับ ก็ข้างในกล่องแม่งก็มีกล่องที่ถูกผูกโบว์ไว้อีกชั้น เชี่ยเอ๊ยย อย่าให้กูรู้นะว่าใครเป็นคนผูกไอ้โบว์งี่เง่านี่ จะจับเอาไปหัดวิธีผูกโบว์ที่ถูกต้องให้

กล่องแล้วกล่องเล่าที่ถูกซ่อนตัวอยู่ในกล่องใบใหญ่ถูกผมแกะออกจนหมด จนเหลือกล่องใบเล็กที่แม่งโคตรจะเล็ก มึงทำกล่องใหญ่มาหลอกลวงประชาชนเพื่อ? รู้ไหมว่าตอนนี้โลกร้อน ต้องประหยัดการใช้กระดาษน่ะ ต้นไม้จะได้ไม่ถูกตัด!

หยิบกล่องกระดาษที่คาดว่าน่าจะเป็นใบสุดท้ายแล้ว เพราะพอเขย่าก็ไม่รู้สึกถึงการมีอยู่ของกล่องอีกใบด้านใน บรรจงแกะโบว์ที่ผูกอยู่ออก รู้วิธีแล้วครับ เพราะแกะมาหลายใบแล้ว ต้องงัดต้องแงะตรงไหนก่อน ผมได้ทำการวิจัยมาจากใบอื่นๆ ไปแล้ว

เปิดกล่องกระดาษใบสุดท้ายก็พบกระดาษที่ถูกขย้ำเป็นก้อนๆ อยู่ข้างใน คลี่ออกก็พบไอไดร์ทที่ไว้เสียบไอโฟนเพื่อเก็บรูปหรือคลิปต่างๆ ที่มันเกินจำนวนความจำของเครื่อง เลยหยิบไอโฟนห้ากากๆ ของผมขึ้นมาเสียบ ประเด็นคืออะไรรู้ไหมครับ แม่งบอกให้ผมโหลดแอพ เพราะไม่อย่างงั้นจะดูข้อมูลข้างในไม่ได้ โอ้โหชีวิต เน็ตก็ช้าเหลือแสน กว่าจะโหลดแอพเสร็จก็ปาไปเกือบสิบห้านาที นี่ถ้าความอยากรู้ไม่ชนะความขี้เกียจ ผมไม่มีทางมาอยู่ตรงจุดนี้แน่นอน

กดเข้าไปในแอพพลิเคชั่นก็พบไฟล์อยู่ไฟล์หนึ่ง ในนั้นเขียนชื่อผมเอาไว้เหมือนการ์ดเป๊ะ ระหว่างรอโหลดไฟล์ก็ใจเต้นตุ้มๆต้อมๆ ไม่รู้ว่าข้างในเป็นภาพลับอะไรของผมรึเปล่า

แต่ผิดคาดครับ เพราะข้างในไม่ใช่ไฟล์รูปผม แต่เป็นไฟล์รูปที่ถูกแคปมากจากโน้ตของไอโฟนแทน รูปเดียวโดดๆ ไม่มีรูปอื่นผสม พร้อมกับข้อความข้างในที่เขียนมาคำเดียวสั้นว่า ‘ขอโทษ’

ซึ้งมากครับ..



ซึ้งมากว่ามึงจะให้กูเสียเวลาโหลดแอพทำเหี้ยอะไร เขียนใส่กระดาษมาก็จบไหมวะครับบ! เปลืองเน็ตโว้ยยยยยยย!

“สตอเบอรี่ปั่นแก้วหนึ่ง” เสียงคุ้นเคยที่ไม่ได้ยินมาสองวันดังมาจากด้านหลัง เรียกให้ผมละความสนใจจากหน้าจอโทรศัพท์ไปที่เคาน์เตอร์ด้านหน้าแทน

“ลูกค้าสั่งก็รีบทำสิวะไอ้เจ็ท” ไอ้พี่โจ้ที่เพิ่งจะโผล่มาตะโกนมาจากหลังร้าน นี่คือพวกมึงรู้เห็นเป็นใจกันใช่ไหมมมมม

“วันนี้ขอโยเกิร์ตนะ เจลลี่หมีด้วยได้เปล่า?” รู้ทันอีกว่าผมอยากกินเจลลี่หมี ไอ้คอปเตอร์เป็นสายให้ชัวร์ ไอ้เพื่อนไม่รักดี ชิ

“ไม่มี”

“ซื้อมา” โอ้โห พ่อคุณเขาลงทุนซื้อมาเองเลยว่ะ เห็นแบบนั้นก็กระโจนไปคว้าสิครับ แต่ไม่ทันคนตัวโตตรงหน้าชักมือหนีไปเสียก่อน ค้อนให้หนึ่งที หลอกให้กูอยากแล้วจากไปนะ เดี๋ยวก็ไม่ปั่นสตอเบอรี่ให้กินเลยหนิ แม่งง งอนโว้ยยย

“อยากกินก็ยอมคุยกันดีดีก่อน”

“ผมไม่ได้เห็นแก่กิน”

“แต่ตามึงยังไม่ละจากเจลลี่ในมือกูเลยนะ”

“...”

“ไม่กินจริงดิ”

“เหอะ”

“เจ็ทครับ ไม่กินจริงหรอ” ใครแม่งสอนไอ้ลุงทำเสียงอ้อนวะ

“..”

“ดีกันนะ สัญญาว่าจะซื้อเจลลี่ให้กินทุกวันจนเบื่อเลย”

“บุฟเฟ่ด้วย”

“ได้ดิ”

“เสต็ก”

“อืม”

“ผมไม่จ่ายนะ”

“ก็แน่อยู่แล้ว”

“งั้นวันนี้ใส่เจลลี่หมีนะ”

“ไอ้เตี้ยเอ๊ยยย” โยกหัวสองทีแสดงว่าดีกัน แฮ่

...................................................
เขาดีกันแล้วค่าา ดีกันง๊ายง่าย เพราะหนูเจ็ทก็ยังคงความซื่อ(บื้อ) ต่อไป
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านเหมือนเดิมน้า จุ้บจุ้บ
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH18 (17/09/17)
เริ่มหัวข้อโดย: xexezero ที่ 17-09-2017 22:58:27
เย้~! //ปรบมือ o13
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH18 (17/09/17)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 17-09-2017 23:08:34
ทำไมเจ็ทเห็นแก่กินแบบนี้อ่ะ555555
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH18 (17/09/17)
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 17-09-2017 23:10:26
อยากจะ. แหมมมมมมมม ใส่น้องเจ็ทจนกว่าจะไปถึงดาวอังคาร
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH18 (17/09/17)
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 17-09-2017 23:29:20
ง้อแบบนี้ก็ได้หรอออออ
เจ็ทแม่งเห็นแก่กิน
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH18 (17/09/17)
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 18-09-2017 00:46:56
ดีกันเเล้ววว   o13
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH18 (17/09/17)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 18-09-2017 02:20:26
เฮ้อ..... ยกโทษให้ง่าย ๆ ด้วยนิสัยที่เห็นแก่กินของหลานเจ็ทเนี่ยนะ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH18 (17/09/17)
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 18-09-2017 09:42:17
ต่อไปลุงต้องมีเจลลี่แบร์พกติดตัวตลอดแน่นวนนนนน
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH18 (17/09/17)
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 18-09-2017 12:10:50
เข้าใจละ ว่าเจ็ทเป็นคนบ้าตามเพื่อนๆ การันตีจริงๆ ="=
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH18 (17/09/17)
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 18-09-2017 12:54:35
เจ็ท ฮาได้อีกนะ งอนอะไรจะง้อง่ายขนาดนี้ เอาของกินมาล่อ  :laugh:
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH18 (17/09/17)
เริ่มหัวข้อโดย: Velusia ที่ 18-09-2017 20:07:12
เจ็ททททททท  แพ้เจลลี่หมีของลุงพีง่ายๆเลย โอ้ย น่ารักกกก
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH18 (17/09/17)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 18-09-2017 22:07:53
เจ็ทเอ้ยยยยยยย ฮาไปอีก
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH18 (17/09/17)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 18-09-2017 22:31:31
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH18 (17/09/17)
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 18-09-2017 23:20:51
สนุกดีครับผม,,,
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH19 (25/09/17)
เริ่มหัวข้อโดย: oommmy ที่ 25-09-2017 20:13:03
CH19

งานกีฬามหาวิทยาลัยเดินทางมาจนถึงแค่อาทิตย์สุดท้าย ทำให้ทุกฝ่ายเร่งทำงานกันอย่างเต็มที่ครับ กีฬาบางชนิดเริ่มทำการแข่งขันไปบ้างแล้ว รวมทั้งบาสเก็ตบอลหญิงที่ไอ้คุณส้มมันลงด้วย แข่งชนะมาจนรอบรองชนะเลิศ แต่ดันแพ้ให้กับคณะขึ้นชื่ออย่างวิศวะไปเสียก่อน น่าเสียดายเหมือนกันครับ แต่ผู้หญิงคณะมนุษย์อย่างเราจะอึด ถึก และทนได้เท่าวิศวะคงไม่ไหว

ตัดกลับมาที่ฝ่ายฉากของเราบ้าง ตอนนี้งานเสร็จไปเกินครึ่งแล้วครับ พรอพแสตนและหลีดเสร็จเรียบร้อย เหลือแค่ติดตั้งฉากกับแสตน และแก้งานบางส่วนที่เสียหาย ชุดหลีดนี่แก้แล้วแก้อีกจนพี่หลีดต้องออกคำสั่งให้บรรดาหลีดทุกคนควบคุมน้ำหนักให้คงที่ด่วนๆ เพราะชุดบางคนหลวมไป หรือคับไปจากวันที่วัดตัว ลำบากคนเย็บครับ อยากให้หลีดเห็นใจพวกเราด้วยตรงจุดนี้

ดังนั้นอาทิตย์นี้ทั้งอาทิตย์จึงไม่มีการเรียนการสอนใดๆ เพื่อให้ทุกคณะดำเนินกิจกรรมกันได้เต็มที่ ทุกคนเคร่งเครียดกับงานนี้กันมาก เพราะเหมือนเป็นการประกาศศักดาว่า คณะใครเจ๋งกว่ากัน ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วจุดประสงค์ของการมีกีฬามหาวิทยาลัยคือเพื่อส่งเสริมความสามัคคีในหมู่คณะแท้ๆ

“ไอ้เจ็ทโว้ยยยยยยยยยยย กูบอกว่าให้ติดตรงนั้นไงวะ เสือกไปติดเหี้ยไรตรงโน่น” เสียงไอ้วินที่หลอกหลอนผมมาหลายวันหลายคืนกับงานฉากที่ไม่จบไม่สิ้น

“อ้าว มึงไม่ได้ให้ดูมาติดอันนี้หรอวะ”

“พ่องมึงสิ ไม่ใช่อันนั้นโว้ย อันนี้ที่ติดตรงโน่น ส่วนไอ้ที่มึงถืออ่ะ ติดตรงนี้ โอ้ยยยย สรุปมึงพึ่งพาอะไรได้บ้างวะ” แง่ววว

“เออๆ บ่นมาก เดี๋ยวไอ้เตอร์เทไม่รู้นะสัส”

“ฆวยครับ” อ้าวเห้ย ไอ้วินหน้าแดงครับ แหม เพื่อนแซวนิดแซวหน่อยเขินอายเลยน้า

“รีบทำครับ จะได้เอาฉากไปติดตั้งเสียที”

สำหรับผมตอนนี้นอกจากร้านพี่โจ้ก็อยู่แต่ลานหลังคณะนี่แหละครับ ประกอบฉากเพื่อจะเอาไปติดที่แสตนกันในวันพรุ่งนี้ เราประกอบกันมาหลายวันแล้ว เพราะลายละเอียดมันเยอะจริงๆ ทั้งตัวโน้ตเอย ทั้งรูปนักร้องเอย คณะผมมันก็เก่งนะครับ วาดรูปเหมือนได้โคตรจะเหมือนอ่ะ เหล่านักร้องที่โด่งดังในยุด 90s ถูกนำมาวาดเป็นรูปล้อเลียนกันให้พรึ่บพรั่บ โดยฝีมือเด็กคณะผมนี่เอง ไม่ต้องไปเรียนถึงศิลปกรรมศาสตร์ ก็วาดรูปเหมือนได้เหมือนกันละวะ

ความจริงเราควรจะเริ่มติดตั้งฉากกันตั้งแต่วันนี้ครับ แต่คนที่ทำให้งานเราล่าช้านั้น ไม่ใช่ใครอื่นที่ไหน ผมเองครัชชช! ทำผิด ทำพลาดได้ทุกวัน จนไอ้วินกุมขมับแล้วกุมขมับอีก ไม่ไล่ผมไปทำงานสวัสดิการก็ดีแค่ไหนแล้ว

“ว่าแต่วันนี้พี่ทีแข่งไม่ใช่หรอวะ” อยู่ดีดีเปลี่ยนเรื่องเฉย

“เป็นแค่ตัวสำรอง” เนื่องจากงานกีฬาเป็นงานของเด็กปี 1 ครับ พวกรุ่นพี่จึงทำได้แค่ลงเป็นตัวสำรองกัน เผื่อน้องไม่ไหวหรือบาดเจ็บก็จะได้ลงเลยแทนครับ แต่ส่วนใหญ่ที่ผมไปดูก็เห็นแม่งนั่งแดกสปอนเซอร์ฟรีข้างสนามบาสนั่นแหละ ไม่ได้ช่วยอะไรเขาเลย

ผมเคยไปถามลุงนะครับว่าทำไมต้องเลือกเล่นบาส ผมว่าแม่งเป็นกีฬาที่โคตรจะดุเดือด วิ่งรับส่งลูกบาสไปมา แล้วไอ้ลูกบาสนี่แม่งโคตรจะหนัก โดนกระแทกทีนี่แทบจุกครับ ลุงมันก็บอกว่า เพราะเป็นกีฬาที่สามารถโชว์กล้ามได้ คือมันใส่เสื้อกล้ามเวลาแข่งน่ะครับ

และอีกเหตุผลที่ผมไม่ไปเชียร์ลุงแข่งวันนี้ก็เพราะคณะมันดันแข่งกับคณะผมครับ ไปถึงสนามก็ต้องนั่งแสตนฝั่งตัวเองอยู่ดี และถ้าสมมติลุงมันเสือกฟลุ๊กได้ลงแข่งวันนี้ ก็จะมาตะโกนแง่วๆ เรียกร้องสิทธิ์การเชียร์มัน ซึ่งจะให้ผมไปเชียร์มันออกหน้าออกหน้าก็เกรงใจทั้งเพื่อนและรุ่นพี่ หนทางสุดท้ายเลยกลายเป็นว่ามานั่งฟังไอ้วินบ่นยังดีเสียกว่า

“ว่าแต่มึงเหอะ ไอ้เตอร์มันก็ลงไม่ใช่หรอวะ” หลังจากที่ไอ้คอปเตอร์ไปเป็นเบ๊หลีดได้สองสามอาทิตย์ก็ถูกดึงตัวไปลงแข่งบาสแทน เพราะพี่หลีดคณะมันเห็นว่ามีมันอยู่ก็ไม่ได้ช่วยให้หลีดเต้นเก่งขึ้น มีแต่จะทำให้หลีดสาวๆ ไม่มีสมาธิซ้อมซะมากกว่า เคยมีอยู่ครั้งหนึ่งหลีดสาวคณะมันเต้นอยู่ดีดีไม่รู้ไปสะดุดอะไรเข้า ล้มหน้าทิ่มพื้น เกือบเสียโฉมแน่ะ ไอ้คอปเตอร์ก็พระเอกครับ วิ่งไปอุ้มเธอคนนั้นแล้วพาไปส่งโรงพยาบาลให้ ต่อจากนั้นสาวๆ คนอื่นก็ไม่ยอมครับ พากันสะดุดขาตัวเองบ้าง แกล้งปวดท้องบ้าง หนักหน่อยก็แกล้งกระโดดลงจากแสตนแล้วเจ็บขา จนพี่หลีดต้องกุมขมับ ไล่ไอ้คอปเตอร์ไปแข่งกีฬาทันที

“ไม่อ่ะ กลัวโดนไอ้สิงห์ด่า” ไอ้สิงห์ที่ว่าก็กัปตันทีมบาสเราไงครับ หล่อแมนแฮนซั่มบอยดีกรีขาโหดประจำคณะ หมายถึงโหดทางด้านหลอกฟันสาวๆ มาเกือบทุกคณะแล้วน่ะ

“สรุปพวกมึงนี่ถึงขั้นไหนแล้ววะ”

“ขั้นไหนเหี้ยไรล่ะ เพื่อนกัน”

“มันส์ดี”

“เออ ลงเตียงปุ๊บมันส์ปั๊บ ไอ้สัส!”

หลังจากนั่งประกอบฉากกันจนมืดค่ำ ผมก็อาสาเป็นคนไปซื้อข้าวให้เพื่อนๆ เพราะท้องเริ่มร้องประท้วงหนัก ถามว่าทำไมผมไม่ไปทำงานอ่ะหรอ เพราะวันนี้ขอแลกเวรกับเพื่อนกะดึกครับ ฉากประกอบกันไม่เสร็จเสียที ต้องเร่งทำกันหน่อย กลัวไม่ทันวันงาน เพื่อนผมมันก็แสนดีครับ บอกว่าจะเข้ากะควบให้เลย เพราะมันไม่ได้ทำอะไรมาก เป็นแค่สวัสดิการวันงานแข่งเท่านั้น ผมนี่ก็รีบบอกปัดไปทันทีว่า จะเลี้ยงน้ำร้านพี่โจ้คืนค่าเข้ากะแทน 55555555

รายการอาหารยาวเป็นหางว่าว นี่พวกมันแม่งกะยัดห่าตลอดทั้งคืนครับ ไม่ใช่เพียงแค่ข้าวเท่านั้นที่พวกมันสั่ง รวมทั้งของว่างยามดึก และเครื่องดื่มชูกำลังต่างๆ นาๆ กะว่ายังไงคืนนี้งานเราต้องเสร็จ โต้รุ่งได้ก็ต้องทำ

ขับมอไซด์แวะสั่งข้าวร้านอาหารตามสั่งก่อนจะบอกแม่ค้าว่าจะกลับมาเอาแล้วแว๊นต่อไปเซเว่นอีเลเว่นทันที มองลิสขนมที่ต้องซื้อแล้วเครียดเบาๆ เลยครับ กูต้องเป็นบ้าหอบฟางอีกแล้วหรอวะ แม่งสั่งตั้งแต่เกี๊ยวกุ้งซีพียันไปจนถึงเอ็มร้อยห้าสิบ หนักเข้าหน่อยก็มีคาราบาวแดงด้วย แดกจนใจสั่นก็ไม่อาจหยุดยั้งการโต้รุ่งของเราได้เลยครับ

Natee : อยู่ไหน ไปหาที่คณะ วินบอกออกไปข้างนอก

ก้าวขาลงจากรถได้ไม่นานไลน์ก็เด้งฮะ จากบุคคลเดิมที่ทุกวันตัวติดกันอย่างกับปลิง นอกจากเวลานอนกับเรียนแล้วก็ไม่มีวินาทีไหนที่อิตาลุงจะห่างจากผมเลยครับ อ่อ ยกเว้นเวลามันไปนั่งแดกสปอนเซอร์ฟรีข้างสนามด้วย

JetP : เซเว่นหน้ามอ มาซื้อของให้พวกฉาก
Natee : เดี๋ยวไปรับ
JetP : ไม่ต้องๆ ขี่รถมา
Natee : แบกมาไหว?

เหลือบมองรายการอาหารที่อยู่ในมือแล้วถอนหายใจหนึ่งที

JetP : ซื้อของรอนะ

ใช้เวลาหยิบของใส่ตะกร้าได้ไม่นาน ลุงก็โผล่เข้ามาในเซเว่นครับ คว้าหมับเข้าที่ตะกร้าที่ผมถืออยู่โดยไม่พูดไม่จา แล้วเดินตามผมต้อยๆ ความรู้สึกตอนนี้เหมือนมีคนรับใช้เดินตามเจ้านายอย่างไงอย่างงั้นเลย แปลกๆ พิลึก

หลังจากซื้อของจากเซเว่นเสร็จเรียบร้อย ลุงก็อาสาไปเอาข้าวที่สั่งไว้ โดยให้ผมขี่รถกลับไปคณะก่อนได้เลย เป็นเบ๊โดยสมบูรณ์แบบมากครับ ทำให้ทุกอย่าง เหลืออย่างเดียวตอนนี้คือป้อนข้าวผมละล่ะ

“ลุงๆ มากินข้าวก่อน” หลังจากที่แจกจ่ายข้าวจนเสร็จเรียบร้อย คุณลุงผู้ใจดีคนนี้ยังอาสาประกอบฉากให้อีกต่างหาก อยากจะรู้นักเชียวว่าถ้าคณะมันรู้ว่าตาลุงมาช่วยงานคณะผมแทนที่จะทำงานคณะตัวเอง จะโดนด่าแค่ไหน แต่ไม่เป็นไรครับ เพราะลุงมันตีหน้ามึนใส่ตลอดเวลาโดนเพื่อนแซว

“ผมไม่รู้จะสั่งไรให้อ่ะ ข้าวผัดไปก่อนนะ” เพราะลุงกินเผ็ดไม่ได้ แถมยังไม่กินผัก อาหารรสชาติจืดๆ ไม่กี่อย่างที่ผมนึกออกก็เห็นจะมีแต่ข้าวผัดนี่แหละครับ กินง่าย ไม่เผ็ด ไม่ใส่ผัด บริการเพิ่มหมึกและกุ้งแบบพิเศษอีกด้วย ส่วนผมก็ง่ายๆ สไตล์ไอ้เจ็ทครับ ผัดซีอิ๊วเพิ่มผักเพิ่มเส้นเพิ่มหมูพริกไทยเยอะๆ จนตอนเปิดกล่องมาฉุนพริกไทย จามติดๆ กันไปหลายรอบ

“แดกเหี้ยไรของมึงเนี้ย ฮัดชิ่ว!” ไม่เว้นแม้กระทั่งคนที่นั่งกินข้าวด้วยครับ

“อยากกินเผ็ดๆ ไง เลยบอกให้เขาใส่พริกไทยเยอะๆ” แต่ดูท่ามันจะเยอะไปครับ เพราะตักเขาปากคำแดกความเผ็ดแม่งนำมาก่อนเป็นอย่างแรก แทบไม่รับรู้ถึงรสชาติอื่นๆ เลย

“ลุง ขอน้ำ” ยื่นมือไปตรงหน้ายิกๆ มืออีกข้างพัดรอบปาก ปากก็อ้ารับลมที่พัดเข้ามา น้ำตาเอ่ออยู่รอบขอบตา แต่ถึงจะแสดงท่าทางว่าเผ็ดมากแค่ไหน ตาลุงนั่นก็นั่งหน้าอึ้ง ไม่ส่งน้ำมาให้ซักที

“ลุง เผ็ด จะเอาน้ำ” ยัง ยังไม่หยุดมองหน้าอีก หน้าผมแม่งมีไรติดหรือไงวะ

“ลุงงงงงงงงงงง ขอน้ำ!” เหมือนได้สติหลังจากที่ผมตะโกนใส่เป็นรอบที่สามครับ รีบหยิบขวดน้ำที่อยู่ข้างๆ ตัวมาเปิดทันที

“เชี่ยยย! แค่กๆ น้ำไรวะเนี่ยลุง” หยิบขวดขึ้นมาดู ข้างขวดเขียนว่า ‘น้ำผักผลไม้รวม น้ำตาล 0%’ โอ้โห รสชาติบรรลัยมากครับ แม่งขมและเหม็นเขียวไปอีก รวมๆ กันแล้วไม่ได้มีความอร่อยซักนิด อะไรดลใจให้ลุงแม่งซื้อมาวะ ไหนว่าไม่กินผักไง

“ไม่รู้ว่ะ กูเห็นว่ามันเป็นผักผลไม้ไง กูเลยลองซื้อมากินดู ก็มึงชอบบ่นว่ากูไม่กินผักอ่ะ กูเลยลองเริ่มกินไง” โอ้โห ไม่รู้จะรู้สึกยังไงเลยครับ เพราะตั้งแต่เราเริ่มสนิทกัน ผมกับลุงก็กินข้าวด้วยกันบ่อยขึ้น เรียกว่าทุกวันเลยเถอะ แล้วทุกครั้งที่ผมเห็นมันเขี่ยผักในจานออกแล้วมันหงุดหงิดอ่ะครับ แบบอะไรที่เป็นของกินไอ้เจ็ทคนนี้เสียดายแม่งทุกอย่าง กินแทนให้ตลอด พักหลังนี่ผมขี้ง่ายสบายเหลือเกิน เพราะต้องกินผักแทนตาลุงนี่แทบทุกครั้ง พอบ่นให้ฟังก็พยักหน้าหงิกหงักแต่ก็ยังคงเขี่ยออกเหมือนเดิม แต่พอได้ยินแบบนี้แล้วควรซึ้งดีไหมครับ เพราะอย่างน้อยลุงก็เริ่มมีความอยากจะลองกินผักบ้างแล้ว แม้ตัวเลือกแรกที่ลุงคิดรสชาติมันจะเห้มากก็ตาม

“เอางี้นะ ถ้าลุงอยากลองกินผัก ผมมีตัวเลือกให้ลองชิม ระหว่างแตงกวาที่อยู่ในข้าวกล่องลุง กับผักคะน้าที่อยู่ในข้าวกล่องผม ลองกินอย่างใดอย่างหนึ่งก่อนไหม ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ไอ้น้ำนี่แม่งรวมสารพัดผัก ผมว่ากินคำเดียวลุงอ้วกพุ่งแน่”

ลุงนิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะเริ่มตักแตงกวาที่อยู่ในข้าวกล่องตัวเองขึ้นมาดม อยากจะบอกเหลือเกินว่าดมไปมึงก็คงได้กลิ่นแต่ข้าวผัดนั่นแหละ ก็เล่นฝั่งตัวอยู่ในข้าวผัดร้อนๆ มาตั้งนานก่อนจะได้เปิดรับอากาศบริสุทธิ์ด้านนอก กลิ่นจากแตงกวาก็คงหมดสิ้นไปเสียแล้ว

“ลองชิมดู” เห็นว่าไม่กินซักทีเลยคว้าหมับเข้าที่มือของลุงที่ถือช้อนอยู่แล้วเอาช้อนกดๆ ลงไปที่ริมฝีปากลุง เพื่อให้อ้าปากรับแตงกวาเข้าไป

“กัดคำเล็กๆ ก่อน” ลุงทำตามคำสั่งโดนดี อ้าปากกัดแตงกวาเข้าไปเคี้ยวเสียงดังกรุบๆ แต่ตามองตามมือผมที่จับมือลุงอยู่

“เป็นไง”

“หวาน”

“ห้ะ” เพิ่งเคยเจอแตงกวาหวานก็วันนี้แหละครับ หรือข้าวผัดลุงมันจะหวานวะถึงทำให้แตงกวาหวานตาม

“บางที การกินผักก็ไม่ได้แย่เสมอไปนี่หว่า” อ่า ไม่แย่ก็ไม่แย่สิลุง ไม่เห็นต้องทำตาเจ้าชู้ใส่เลยหนิ โว๊ะ >//<

...

1 สัปดาห์ ไวเหมือนโกหกครับ เพราะวันนี้คือวันแข่งแสตนเชียร์ของเราแล้ว เร็วชิบหายเลย เพิ่งติดตั้งฉากกันเสร็จเมื่อคืนตอนตี 4 นี่แหละครับ เพราะนอกจากเราจะต้องแบ่งทีมงานมาติดตั้งฉากแล้ว ยังต้องแบ่งไปซ่อมพรอพประกอบหลีดและแสตน รวมทั้งแก้ชุดหลีดกันอีก แก้จนวันสุดท้าย หัวหมุนหัวปั่นกันทั้งทีม ต้องดึงฝ่ายกีฬาบางคนที่ไม่มีแข่งแล้วมาช่วยกันทำยกใหญ่ ไม่งั้นงานไม่เสร็จแน่นอน

อีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงการประชันระหว่างหลีดและแสตนของแต่ละคณะก็จะเริ่มขึ้นแล้วครับ ฝ่ายฉากที่หนีไปนอนพักกันเริ่มกลับมานั่งดูการแข่งขันที่สนามกันแล้ว รวมทั้งผมที่เพิ่งขี่รถกลับไปเอากล้องที่หอเพื่อมาถ่ายรูปบรรยากาศในงานเก็บไว้เป็นความทรงจำว่าครั้งหนึ่งเราเคยได้ใช้ชีวิตเฟรชชี่ที่นี่ครับ

“น้องคนไหนไม่ไหวรีบแจ้งพี่เลยนะคะ” เสียงพี่ๆ สต๊าฟแสตนตะโกนดังเป็นระยะๆ เพราะสนามกีฬากลางแจ้งแบบนี้ช่วยให้เวียนหัวจริงๆ ครับ แดดก็ร้อนมาก จะทำฉากให้บังแดดคนบนแสตนหน่อยก็ไม่ได้ เพราะเวลามองมาจากที่ไกลๆ จะเห็นแสตนไม่เต็ม เลยต้องเปิดแบบโอเพ่นเลย แสตนทุกคนต้องอดทนกลางแดดเปรี้ยงระหว่างที่แข่งขันไปครับ

“เจ็ท ขอกำลังใจก่อน” ยะหยาที่วันนี้แต่งตัวเป็นสาวยุค 90 ด้วยเสื้อลายดอกตัวใหญ่ และกระโปรงผ้าที่พยายามทำให้เหมือนกระโปรงสียีนส์ซีดๆ แต่เป็นเนื้อผ้าที่เอามาตัดๆ และแปะๆ กันเป็นรูปกระโปรงแทน ส่วนหยิมวันนี้แต่งตัวเป็นด้วยเสื้อสายดอกเช่นกันครับ กางเกงเป็นเนื้อผ้าสียีนส์ที่ทำออกมาในรูปของกางเกงวอร์ม ดูแปลกไปอีกแบบ สรุปนี่ยุค 90 หรือตีมวันสงกรานต์กันแน่วะเนี้ย

ถ่ายรูปกับสองแฝดไปหลายชอตก็ต้องไปเตรียมการแสดงครับ เพราะใกล้ถึงคิวคณะเราแสดงแล้ว ทั้งหลีดและแสตนพากันตื่นเต้นยกใหญ่ ทีมงานทุกคนรีบเช็คความเรียบร้อยก่อนขึ้นแสดงจริง เผื่อผิดพลาดตรงไหนจะได้รีบแก้ไขให้ทัน ผมที่เหมือนจะหมดหน้าที่แต่ยังไม่หมดแบบจริงจัง ก็ต้องไปแสตนบายอยู่หลังฉาก เพราะเมื่อการแสดงเริ่มต้นขึ้น ทีมงานฉากของเรากก็ต้องออกไปเผยความลับของฉากที่เราแอบซ่อนไว้ไม่ให้คณะอื่นรู้

ยกเว้นตาลุงไว้คน ที่แม่งรู้ทุกกลไก แทบยังช่วยประกอบด้วยแน่ะ!

“ต่อไปเป็นการแสดงของคณะมนุษย์นะคะ 5 4 3 2 1 เริ่มจับเวลาค่ะ” สิ้นสุดเสียงประกาศ กลองจากคณะผมก็รัวขึ้นทันที ทั้งแสตนเงียบกริบ ซาวด์ประกอบดนตรีเพลงเริ่มดังขึ้น เราเปิดตัวกันด้วยเพลงบุษบา ของ Moderndog ครับ เหล่าบุษบาทั้งหลายก็วิ่งออกมาหลังแสตนทันที ตามด้วยหนุ่มๆ ที่วิ่งออกมาเกี้ยวพาราสี เป็นเพลงเปิดตัวหลีดครับ หลังจากซาวด์ประกอบเพลงนี้จบลง ทุกคนหยุดนิ่ง หลีดก็รัวมือตามแบบฉบับที่ซ้อมมาจนตั้งท่าเริ่มเพลงถัดไป

เพลงแล้วเพลงเล่าดูแสดงออกมาได้อย่างตื่นตา ไม่ว่าจะหลีดหรือแสตน โดนเพลงแต่ละเพลงที่เราเลือกมาแสดงล้วนเป็นเพลงดังยุค 90 หมดเลย ทีมงานเตรียมตัวมาดีมากครับ นั่งเปิดเพลย์ลิสเพลง 90 กันทั้งวันทั้งคืน พาลมาจนดีเจคณะก็เลือกเปิดเพลงยุคนั้นเพื่อบิ๊วอารมณ์ชาวคณะทุกคนในมีใจแข่งขัน

การแสดงดำเนินไปอย่างราบรื่น พร้อมๆ กับความลุ้นของทีมงานทุกคนว่าอย่าให้มีข้อผิดพลาดใดๆ ฝ่ายฉากอย่างเราก็รอเวลาครับ ลูกเล่นของเราใกล้จะได้ออกมาแสดงแล้ว

หลังจากเพลงลิ้นกับฟันของพี่เบิร์ดจบลง หลีดทุกคนก็หยุดนิ่ง แสตนเขวี้ยงพรอพทุกอย่างลงกับพื้นแล้วหันหลังให้คนดู ตัวแทนแสตนคนหนึ่งก้าวขึ้นไปยืนบนแสตนชั้นบนสุด ก่อนจะดึงเชือกที่ห้อยอยู่ตรงแสตนลง หากไม่สังเกตดีดีจะมองไม่เห็นครับ เพราะมันกลืนไปกับสีของฉาก

หลังจากที่เชือกถูกดึง ทีมงานฉากก็เริ่มออกตัวครับ บรรดาตัวโน้ตที่เราสร้างสรรค์ขึ้นมาเริ่มขยับ รูปนักร้องที่เราบรรจงวาดเริ่มเคลื่อนตัวออกด้านข้าง สิ่งที่ฝ่ายฉากอย่างเราต้องทำหลังจากนั้นก็วิ่งไปคว้ารูปเหมือนทั้งหมดไว้ไม่ให้หล่นลงไปด้านล่างครับ

“ขออัญเชิญบทพระราชนิพนธ์”

“พระราชนิพนธ์ 3 4” หลีดเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง พร้อมกับแสตนทุกคนค่อยๆ หันหน้ากลับมา พร้อมกับถือพรอพที่ประกอบเป็นพระบรมรูปของในหลวงรัชกาลที่ 9 และ 10 ยืนเคียงข้างกัน เพลง Still on my mind ถูกขับร้องโดยแสตนทุกคน รวมทั้งเราฝ่ายฉากด้วย ตัวโน้ตที่ขยับเริ่มเคลื่อนไหวเข้ามาประกอบกันเรื่อยๆ จนกระทั่งตัวหนังสือคำว่า “ในดวงใจนิรันดร์” ปรากฏขึ้นจากการร้อยเรียงของตัวโน้ต หลีดหยุดเคลื่อนไหว แล้วค่อยๆ ก้มลงกราบพระบรมรูปที่แสตนถืออยู่

หากใครได้เห็นภาพนี้ เชื่อว่าทุกคนจะต้องปลื้มปริ่มกันไปทั่ว เพราะพวกเราชาวคณะมนุษย์ต้องการทำเพื่อบอกว่าพระองค์ยังอยู่ในใจของเราเสมอ ไม่ว่าท่านจะอยู่แห่งหนใดก็ตาม และเราจะจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ตราบนานเท่านาน

เมื่อเพลงที่ถูกขับร้องจบลง ทั้งสนามก็เงียบสงัด เชื่อว่าทุกคนคงกำลังซาบซึ้งและระลึกถึงพระองค์ผู้ล่วงลับไป และเราก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าพระองค์จะรับรู้ได้ถึงความรัก และความภักดีที่เราส่งไปได้อย่างแน่นอน

...

“จบแล้วโว้ยยยยยยยยยยยยยยย” คุณคิดว่านี่คือเสียงผมหรอครับ รีบออกตัวเลยว่าไม่ใช่ นี่คือไอ้คุณส้มครับ ไอ้คุณส้มที่หายหน้าหายตาไปเนิ่นนาน เพราะถึงแม้มันจะแข่งบาสแพ้ไปแล้วก็ตาม มันก็วิ่งดุกๆ ไปเชียร์คนโน้นคนนี้แข่งทุกวี่ทุกวัน ไม่ได้เว้นมาช่วยเพื่อนมันทำงานเลยซักนิด จะมีก็แต่เมื่อวานก็โผล่หน้ามาส่งเสบียงก่อนจะหนีไปเฝ้าสองแฝดซ้อมหลีดแทน มันน่านัก!

“เหนื่อยมากสินะมึงอ่ะ” หมั่นไส้มันครับ

“เหนื่อยดิ มึงรู้มะ กูเนี้ยต้องไปแหกปากตะโกนเชียร์นักกีฬาเราทุกสนามเลยนะเว้ย บางทีก็ไปเต้นอยู่ข้างๆ ไอ้เก๋มือกลองอ่ะ แม่งตีโคตรมันส์ ถ้ากูไม่ได้ชอบผู้ชายกูจีบแม่งไปละ คนเหี้ยไรตอนตีกลองโคตรเท่” เก๋ที่ว่าคือมือกลองของเราครับ เธอเป็นผู้หญิงหน้าตาธรรมดาๆ นี่แหละ แต่ดันมีความสามารถด้านการตีกลองซะงั้น ตอนคัดตัวมือกลองของคณะ เก๋ก็ชนะใจรุ่นพี่ทุกคนด้วยความสามารถบวกความเท่เมื่อจับไม้กลอง ทำให้หนุ่มๆ ที่มาคัดเลือกยอมแพ้กันเป็นแถวๆ

“กูไม่รู้จะด่ามึงว่าอะไรเลยเนี้ยไอ้ส้ม พวกกูนี่วิ่งทำฉากกันหัวหมุน มึงไปเชียร์นักกีฬาหรอค้าบบบบบบบ”

“เอ้า ก็เพราะพวกมึงมัวแต่ทำฉากไง เลยไม่รู้ว่านักกีฬาก็ต้องการกำลังใจเหมือนกัน เนี้ย ถ้าไม่มีคนอย่างกูใครจะไปเชียร์ โธ่” ดูมันแก้ตัวครับ เหอะ

“ว่าแต่วันนี้เขานัดฉลองกันกี่โมงวะ กูอยากกลับไปอาบน้ำก่อน” เป็นธรรมเนียมก็ชาวคณะอย่างเราครับ ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะก็ฉลองไว้ก่อน ก็เอาเงินที่เหลืออันน้อยนิดจากงบของทางมหาลัยและที่เก็บไล่เลี่ยจากเพื่อนๆ ทุกคนมากินกัน ขาดเล็กผสมน้อยก็ตามแต่ที่มีครับ ขาดนิดหน่อยพอจ่ายได้ ถือว่าไปสนุกกันหลังทำงานมาอย่างหนักทั้งเดือน

“สามทุ่มร้านเดิม ใครไปช้าสุดแดกเพียว”

“อีกแล้วหรอวะ คราวที่แล้วกูนี่เดินเป๋เลยนะเว้ย” รอบที่แล้วที่ฉลองกันก็จบงานรับน้องครับ ไม่รู้พวกรุ่นพี่ทั้งหลายมันฉลองอะไรกัน อยู่ดีดีก็พากันเฮโลชวนน้องไปฉลองเฉย พร้อมกับตบปากรับคำว่าจะเลี้ยงเสร็จสรรพ ไอ้พวกผมที่งบน้อยอะไรฟรีต้องรีบคว้าก็หางสั่นระริกๆ รีบตามไปกันอย่างไว สุดท้ายโดนหลอกครับ แม่งบอกเลี้ยงขวดเดียว ที่เหลือหาร โอ้โห หูตกหางตกกันเป็นแถบๆ

“สองทุ่มครึ่งกูไปรับ รอบนี้ไม่สายแน่”

“เค แยก ทางใครทางมัน” ตกลงกันเสร็จสรรพ ไอ้คุณส้มก็รีบปลีกตัวไปอย่างไว ไม่ใช่ไรครับ มันรีบไปอาบน้ำแต่งหน้า กลัวไม่สวย ถึงมันจะแมนๆ ก็ยังมีความสาวติดตัวมาบ้างละว้า ส่วนสองแฝดก็ขอตัวกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าตั้งแต่งานเลิกแล้วครับ

“หิว” เสียงคุ้นเคยพร้อมสัมผัสคุ้นเคยคว้าหมับเข้าที่รอบคอผม กลิ่นอ่อนๆ จากตัวลุงทำให้ผมรู้สึกอยากอ้อนแปลกๆ คุณเคยเป็นไหมครับ เราจะมีใครบางคนที่อยากอ้อนทุกครั้งที่เจอกัน ครับ คนคนนั้นของผมก็คือลุงนี่แหละ

“อยากกินไรอ่ะ” แหงนหน้ามองคนที่สูงกว่าผมไม่น้อยก่อนจะยิ้มให้เบาๆ วันนี้ทั้งวันเจอลุงบ้างแว่บๆ ครับ เพราะลุงดันถูกเรียกไปเป็นสวัสดิการแสตน เลยไม่ได้หยุดคุยกันนานๆ จะมีก็แต่โผล่มาถ่ายรูปกับสองแฝดบ้าง หรือขโมยน้ำจากแสตนตัวเองมาให้ผมกินบ้าง

“ตามใจมึงอ่ะ” ลุงก็ยังคงเป็นลุง เรื่องตามใจคือที่หนึ่ง เพราะตัวเองขี้เกียจคิดครับ มีอยู่ครั้งหนึ่งผมดันอยากกินมาม่าเกาหลี แล้วมันไม่มีใกล้ๆ มอครับ ตาลุงก็พาขับรถเข้าเมืองทันทีทั้งๆ ที่ตอนนั้นมันเป็นเวลาเลิกงานของคนทำงานทั่วไป กว่าจะได้กินก็ปาไปสองทุ่ม แล้วประเด็นคืออะไรรู้ไหมครับ ผมดันพาคนที่กินเผ็ดไม่ได้เลยมากินของที่ลดปริมาณความเผ็ดยังไงแม่งก็ยังเผ็ดไปสำหรับลุงอยู่ดี โอ้โห โค้กถังที่สั่งมากินหมดไป 3 ถังใหญ่ๆ ได้ หลังจากนั้นเวลาอยากกินทีต้องฉุดไอ้คุณส้มหรือสองแฝดไปแทนครับ

“เกี๊ยวกุ้งมะ”

“ไปดิ”

“แต่ก็อยากกินเสต็กอ่ะ”

“ก็ไป”

“เฮ้ยๆ ลุง แต่ผมว่าข้าวหน้าเป็ดหลังหอก็อร่อยนะ”

“อ่าฮะ”

“หรือจะกินข้าวมันไก่ดีวะ”

“...”

“แต่ผมว่าข้าวเหนียวไก่ย่างป้าแจ้วก็อร่อยดีนะ”

“ซื้อทุกอย่าง แล้วไปแดกที่หอ”

แง่ววว ถึงจะตามใจไหน แต่ลุงแม่งก็ยังคงความขี้รำคาญเหมือนเดิมเลยครัชชช!

........................................................................
หายไปหลายวันขอโทษจริงๆ ค่ะ ฮืออออ
สำหรับตอนนี้กล่าวถึงชีวิตประจำวันของลุงและเจ็ทนั่นเอง
เขาอยู่ด้วยกันตลอดเวลาค่ะท่านผู้อ่าน เหลือเวลาเดียวคือย้ายหอมานอนด้วยกันละค่ะ

และสำหรับตอนนี้ แค่อยากระลึกถึงในหลวงรัชกาลที่ 9 ของเรา
ที่ถึงแม้จะล้วงลับไปแล้ว แต่ท่านยังอยู่ในใจเราตลอดกาล..

ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านนะคะ
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH19 (25/09/17)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 25-09-2017 21:46:34
ของกินเยอะขนาดนี้ ถ้ากินไม่หมด ส่งมาให้คนแก่ช่วยกินก็ได้นะ  :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH19 (25/09/17)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 25-09-2017 22:55:54
โอ๊ยยยยย..........ลุงสุดยอด
พอง้อ คืนดีกันด้วยของกิน ปานปอบลงสิง
ลุง ก็ตัวติดแจกับเจ็ทเลย ตามใจเจ็ทสุดๆ
เจ็ทก็ยังซื่อบื้อ ไม่รู้ไรเล้ยยยยย

ท่าทางที่เจ็ทกินเผ็ด น้ำตาคลอตา
ปากก็อ้า ระบายลมมือก็พัดๆให้ลมเข้าปาก
หน้าตาเจ็ท คงทำให้ลุงนึกถึงฉากอีโรติค
เอ่อ....เจ็ทคงดูเซ็กซี่สุดๆ ลุงตะลึงตาค้างเลย

รอลุงสารภาพรัก ขอคบเจ็ทนะ
เอ่อ.....ส้ม คงไม่เปลี่ยนความชอบจากชายเป็นหญิงนะ
ความเผือก เรื่องส้ม ยังคงมีต่อไป
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH19 (25/09/17)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 26-09-2017 00:01:30
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH19 (25/09/17)
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 26-09-2017 12:53:28
จัดหนักคับลุง เราสายเปย์อยู่แล้นนนนน
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH19 (25/09/17)
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 26-09-2017 23:23:21
ลุงน่ารักมาก,,,
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH19 (25/09/17)
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 27-09-2017 12:57:42
ลุงตามใจขนาดหนักละ
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH19 (25/09/17)
เริ่มหัวข้อโดย: Psycho ที่ 27-09-2017 15:24:27
 o13
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH19 (25/09/17)
เริ่มหัวข้อโดย: yunnutjae ที่ 27-09-2017 16:12:15
เป็นความสัมพันที่เรื่อยๆดีอะ ว่าแต่ลุงขอเป็นแฟนยัง?  :katai3:
หรือความสัมพันที่ไม่มีชื่อเรียก เรารู้กันแค่สองคนก็พองิ  :hao3:
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH20 (03/10/17)
เริ่มหัวข้อโดย: oommmy ที่ 03-10-2017 22:48:51
CH20
ชีวิตประจำวันของไอ้เจ็ทคนนี้กลับมาอีกครั้งครับ ไปเรียน กินข้าว ทำงานร้านพี่โจ้ นอน วนลูปซ้ำไปซ้ำมาไม่จบไม่สิ้น กิจกรรมมหาวิทยาลัยที่เพิ่งจบไปทำให้ผมได้เพื่อนสนิทใหม่ๆ หลายคนเลยครับ โดยเฉพาะได้พวกฝ่ายฉากที่เจอหน้าทั้งด่าทั้งแซวกันทุกวัน งานกีฬาครั้งนี้ได้บรรลุเป้าหมายเรื่องของความสามัคคีจริงๆ

“วันนี้พี่ทีไม่มากินข้าวด้วยอีกแล้วหรอวะ”

“ทำโปรเจคอ่ะ”

“รู้ดีประหนึ่งว่าเป็นเมียเขาเลยนะครับ เอ๊ะ หรือว่าเป็นเมียแล้ววะ”

“เมียบ้านปะป๊ามึงสิครับ”

วันนี้ลุงไม่ได้มากินข้าวกลางวันด้วยกันเหมือนปกติครับ เรียกว่าทั้งอาทิตย์นี้เลยดีกว่าที่ลุงไม่มา เพราะโปรเจคเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ ช่วงนี้เราเลยไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่ แต่บางครั้งก็มีโทรมาหาบ้างเป็นครั้งคราว หรือบางทีก็แวะเข้าไปซื้อน้ำร้านพี่โจ้บ้าง ก่อนจะรีบออกไปทำโปรเจคต่อ เห็นว่ากำลังจะต้องเอางานไปนำเสนอให้อาจารย์ดูก่อนจะออกฝึกงาน

“แล้วสรุปเรื่องมึงกับพี่ทีนี่ยังไงวะ คบกันยัง?”

“ก็เรื่อยๆ”

“เรื่อยๆ คืออะไรวะ พี่ทีไม่ได้ขอมึงเป็นแฟน?”

“แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วป่ะวะ”

ความสัมพันธ์ของผมกับลุงตอนนี้เราไม่ได้พัฒนาไปมากกว่าเก่าครับ มันเหมือนกับว่าเราเป็นชีวิตประจำวันของกันและกันมากกว่า ไม่มีอะไรให้ตื่นเต้น ไม่มีเรื่องให้ต้องหนักใจ หรือแม้กระทั่งสถานะเราก็ไม่มีครับ หลายครั้งที่ผมถูกถามบ่อยๆว่าผมกับลุงนี่เป็นอะไรกัน ก็แค่ยิ้มรับไป ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธคำถามใดๆ เพราะผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่เคยถามลุงด้วย

“แล้วเจ็ทไม่อยากมีสถานะหรอ” ยะหยาที่นั่งฟังบทสนทนาเงียบๆ มานานเริ่มถามบ้าง

“ก็อยาก แต่ก็ไม่อยากอ่ะ” จริงๆ แล้วไม่ใช่ว่าผมไม่อยากมีสถานะนะครับ บางทีผมก็อยาก แต่บางทีผมก็กลัว หากว่าวันหนึ่งสถานะที่เราทั้งสองคนสร้างขึ้นมามันไปแล้วไม่รุ่ง กลัวว่าวันนั้นผมกับลุงจะไม่สนิทใจกันเหมือนเดิม หรือบางทีเราอาจจะทำตัวเหมือนครั้งที่เรายังไม่รู้จักกันก็เป็นได้

“แต่มึงอยู่แบบนี้ไม่เรื่อยๆ ไม่ได้นะเว้ย” ดูท่าไอ้คุณส้มของผมจะเริ่มไม่สบอารมณ์แล้วล่ะครับ

“ทำไมจะไม่ได้วะ”

“สมมติถ้ามีใครอีกคนเข้ามาคั่นกลางระหว่างพวกมึง นั่นเท่ากับว่ามึงไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวพี่ทีเลยนะ มึงอยากเป็นแบบนั้นหรอวะ”

“เดี๋ยวนะ ร้อยวันพันปีพวกมึงไม่เคยพูดเรื่องนี้กับกูนี่หว่า พวกมึงไปรู้อะไรมา” ผิดปกติมากครับ เพราะผมกับลุงถึงแม้เราจะไม่เคยพูดเรื่องสถานะกันก็จริง แต่เหมือนเราให้เกียรติกันและกันเสมอ ไม่เคยมีซักครั้งที่ลุงทำให้ผมไม่สบายใจ หรือผมทำให้ลุงไม่สบายใจ

เหล่าเพื่อนที่น่ารักของผมเงียบลงทันทีหลังจากที่ผมพูดประโยคนั้นจบ ซึ่งเป็นเรื่องน่าประหลาดใจอีกเรื่องครับ เพราะนานครั้งที่เพื่อนผมจะจมคำพูดกันขนาดนี้ ปกติไอ้คุณส้มจะเป็นผู้ต่อบทสนทนาได้เสมอ ไม่ว่าคุณจะอยากคุยหรือไม่อยากคุยกับมันก็ตาม เพียงแต่วันนี้มันเงียบครับ และเลือกที่จะหันไปขอความช่วยเหลือทางสายตากับยะหยาแทน

“ว่าไงหยา” หลังจากที่ทนความเงียบได้ไม่นานก็เริ่มหันไปเล่นงานยะหยาแทน เพราะผมรู้ว่ายะหยาไม่สามารถทนความกดดันจากบุคคลหลายๆ คนพร้อมกันได้ ไม่นานความลับที่เก็บซ่อนไว้ก็ต้องหลุดออกมาแน่นอน

“คืองี้นะเจ็ท” ดูเหมือนยะหยาก็กำลังลำบากใจในการพูดเหมือนกันครับ

“...”

“คือวันก่อนอ่ะ หยาไปซื้อของกับหยิมในห้างมา แล้วหยาก็เจอพี่ที”

“อ่าฮะ” น่าจะเป็นเมื่อสองวันก่อนครับ เพราะพี่ทีบอกผมว่าพาเพื่อนไปซื้อของในเมือง แล้วขากลับจะแวะมาหาผมที่ร้าน แต่วันนั้นกว่าลุงจะโผล่มาก็ปาไปสี่ทุ่มได้ เห็นว่าในเมืองรถติดมากเลยกลับมาหาผมช้า ประเด็นคืออะไรรู้ไหมครับ เพราะวันนั้นผมหิ้วท้องรอมันกินเคเอฟซีน่ะสิ

“เดินอยู่กับพี่เบลล์ดาวแพทย์”

“..”

คำบอกเล่าของยะหยาไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกเท่ารูปที่หยิมส่งมาให้ดูจากโทรศัพท์ ภาพลุงที่กำลังลูบหัวผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆ มืออีกข้างถือถุงพะรุงพะรัง และรอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้าของทั้งสองคน

ไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลยแฮะ

...........................................................

สามวันแล้วที่ผมไม่เจอหน้าลุงเลย มีเพียงแค่ข้อความมาสั้นๆ ว่ายังคงมีชีวิตอยู่ที่ไหนบนโลกใบนี้ หรือบางครั้งก็ทิ้งข้อความบอกราตรีสวัสดิ์เวลาผมเลิกงานกลับหอ แต่เจ้าตัวก็ไม่โผล่หน้ามาให้เห็นเลย

ดังนั้นวันนี้ผมจึงตัดสินใจมาหาลุงที่คณะ โดยที่ไม่รู้เลยว่าลุงเข้าคณะรึเปล่า ได้แต่ภาวนาในใจว่าให้ลุงแวะมา

แต่จนแล้วจนรอด ก็ไม่มีวี่แววของบุคคลที่ผมตามหา แชทที่ทิ้งเอาไว้ล่าสุดคือเมื่อคืนว่าฝันดี และถึงแม้ผมจะทักกลับไปว่าวันนี้จะแวะมาหาที่คณะที่ยังไม่มีการตอบกลับหรือแม้แต่อ่านแชทลุงก็ยังไม่ได้ทำ

“ไอ้เจ็ท อะไรดลใจให้มึงเสด็จมาคณะกูวะครับ” เหมือนสวรรค์ยังเห็นใจผมส่งไอ้คอปเตอร์อนาคตเพื่อนเขยมาเลยครับ

“แวะมาให้หมาถามว่ะ”

“อ้าวไอ้นี่ ถิ่นกูอย่าทำซ่าครับ”

“ครับเพื่อนครับ อย่าโผล่ไปคณะกูนะ กูจะจับไอ้วินมาทรมานต่อหน้ามึง”

“ปากดีครับเพื่อน ว่าแต่มาทำไรวะ อ่อ หรือมาหาพี่ที” รู้ใจกูเหมือนเป็นเพื่อนกันมานานเลยนะมึง

“เออ แต่หาพี่มึงไม่เจอไง”

“ลองไปดูที่ห้องแลปดิ กูเห็นพวกพี่ปีสามคลุกอยู่ในนั้นกันตั้งแต่เมื่อวานอ่ะ” หรือบางทีนี่อาจจะเป็นสาเหตุที่ลุงไม่ตอบแชทผมก็เป็นได้นะครับ ว่าแต่ ห้องแลปมันอยู่ตรงไหนวะ

“คอปเตอร์ที่รัก” ส่งสายตาออดอ้อนไปให้เสียหน่อย เวลาผมใช้สายตาแบบนี้กับลุงทีไร ลุงยอมผมทุกทีอ่ะ

“ใครที่รักมึง ขนลุกไอ้สัส แล้วหยุดส่งสายตาแบบนั้น กูสยอง” อ้าว ไม่ใช่ว่าใช้ได้กับทุกคนหรอว้า

“แง่ะ ช่วยอะไรกูหน่อยจิ” เปลี่ยนเป็นใช้น้ำเสียงแบ๊วแทนก็ได้

“พอเถอะ กูกลัวคืนนี้นอนไม่หลับ เดี๋ยวกูพาไป”

“หล่อแล้วยังใจดีอีก ขอให้ไอ้วินรักไอ้วินหลงนะครับเพื่อนยาก”

“อ่ะสาธุ ไปโว้ยยย” เดินตามคอปเตอร์ต้อยๆ ผ่านห้องต่างๆมากมาย สมกับเป็นคณะวิทยาศาสตร์จริงๆ ครับ เพราะบางห้องที่ผมเดินผ่านก็มีพวกสัตว์ต่างๆ ที่ถูกองเป็นโหลๆ ใส่ขวดเอาไว้ บางห้องก็มีโครงกระดูกตั้งอยู่ ถ้าผมเดินมาคนเดียวตอนกลางคืนนี่คงมีหลอนบ้างล่ะ

“อีกไกลไหมวะ” เดินขึ้นบันไดมาหลายชั้นมากแล้วครับ ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่ใช้ลิฟท์กัน อะไรจะประหยัดไฟขนาดนั้น

“แลปปี 3 อยู่ชั้น 6 ว่ะ ก็อยากพามึงขึ้นลิฟท์หรอกนะ แต่แม่งดันมาเสียเอาเมื่อเช้าเนี้ย ไม่ใช่กูไม่เหนื่อย กูก็เหนื่อยแบบมึงแหละ เพราะฉะนั้น เลิกด่ากูในใจได้แล้วครับเพื่อน” อะไรมันจะรู้ใจกันขนาดนี้ว่ะครับ แหม่

หลังจากใช้เวลาเดินขึ้นมาชั้น 6 อย่างที่ไอ้คอปเตอร์บอก ผมก็หอบจนไม่รู้จะหอบยังไงแล้ว เหนื่อยชิบหายวายปวง ขอล่ะครับ คราวหน้าไอ้เจ็ทคนนี้ขอนั่งรอหล่อๆ หน้าคณะพอ ถ้าไม่มีลิฟท์อย่าหวังเลยว่ากูจะขึ้นมาอีกรอบน่ะ เหอะ!

“ห้องนี้แหละ” หยุดอยู่หน้าห้องหนึ่ง มองภายนอกก็เหมือนห้องที่เคยเรียนแลปวิชาวิทยาศาสตร์ตอนมอปลายเหมือนกันนนะครับ เป็นห้องที่มีกระจกที่สามารถมองผ่านเข้าไปได้ เพราะกระจกอยู่รัดับสายตาผมพอดี ถ้าเตี้ยกว่านี้อีกนิดคงต้องมีการเขย่งกันบ้างล่ะ

มองผ่านกระจกเข้าไปเห็นพวกรุ่นพี่กำลังตั้งใจผสมสารเคมีต่างๆ กันให้พรึ่บพรับ แต่กวาดตามองจนทั่วห้องแล้วก็ยังไม่เห็นวี่แววของคนที่ผมตามหาเลยครับ หลีกทางให้คอปเตอร์เดินเข้าไปถามรุ่นพี่ที่รู้จักก็ได้ความว่าลุงเพิ่งเดินออกไปเข้าห้องน้ำเมื่อกี้นี้เอง จึงตัดสินใจยืนรอกันอยู่หน้าห้อง รอสิบนาทีผ่านไปแล้วก็ยังไม่มีวี่แววว่าลุงจะเดินกลับมาเลยครับ มองหน้าไอ้คนข้างๆ เพื่อขอความเห็นก่อนจะเดินไปตามหาลุงที่ห้องน้ำแทน

แต่ยังไม่ทันได้เดินไปทางห้องน้ำ ก็เห็นชายหญิงคู่หนึ่งเดินเคียงคู่กันมาจากอีกฟากของทางเดิน เสียงหัวเราะที่นำมาก่อนตัวพาให้หัวสมองผมโหวงวูบ นานแล้วที่ไม่ได้เห็นลุงหัวเราะเสียงดังแบบนี้กับใคร แม้จะเป็นกับผมที่ตัวติดกันเสมอก็แทบจะนับครั้งได้ที่จะทำแบบนี้

หรือเรื่องที่พวกเขากำลังคุยกันมันสนุกมากขนาดที่ไม่มองทางเดินเลยหรือไงนะ?

“พี่ที” เหมือนว่าคนข้างๆ ผมจะได้สติก่อน จึงอ้าปากเรียกให้อีกฝ่ายรู้ถึงการมีอยู่ของผม

“หืมม อ้าว เจ็ท จะมาทำไมไม่บอกกูก่อนวะ” ก้าวขาอย่างไวเดินมาหาผม ลุงไม่ได้แสดงท่าทีว่าตกใจกับการที่เห็นผมมากนัก แต่สีหน้าเหมือนว่าแปลกใจมากกว่าที่เห็นผมมากับคอปเตอร์ มองผ่านลุงไปก็เห็นผู้หญิงคนนั้นทำหน้าแปลกใจเหมือนกัน แต่ความหมายต่างจากลุง คงแปลกใจมากกว่าว่าผมเป็นใคร

“ใครหรอที” เสียงหวานดังมาจากด้านหลังก่อนที่เจ้าตัวจะเดินมายืนขนาบข้างกายลุง สีหน้าแปลกใจเมื่อกี้เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเป็นมิตรแทน “ เอ้ หรือว่านี่คือน้องเจ็ทนี่ทีพูดถึง” เอียงคอสงสัยได้น่ารักเหลือเกินนะแม่คุณ!

“อ่อ ใช่ๆ นี่เจ็ท ข้างๆคือคอปเตอร์หลานรหัสเรา ส่วนนี่เบลล์เพื่อนกู” ยกมือไหว้ตามมารยามที่คณะผมพร่ำสอนมา แม้ในใจจะไม่ได้ให้ความเคารพมากก็ตาม เป็นพวกไม่ได้ดั่งใจแล้วพาลครับ มันตงิดๆ ในใจแปลกๆ เหมือนจะไม่พอใจอยู่เบาๆ

“ตัวเล็กน่ารักแบบที่ทีบอกจริงๆ ด้วยสิ เห็นทีบอกว่าเจ็ททำงานอยู่ร้านกาแฟข้างมอหรอ”

“อ่าครับ”

“ไว้คราวหน้าพี่ขอไปชิมกาแฟฝีมือเจ็ทหน่อยนะคะ” ละไอ้รอยยิ้มพิมพ์ใจที่ขยันส่งมาให้ก็ทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ เหลือเกินครับ ก็ขอให้ไอ้ความรู้สึกแปลกๆ นี่คือการคิดไปเองแล้วกันนะ

“แค่ไปชิมพอนะเบลล์ อย่าอื่นห้าม”

“แค่นี้หวงหรอ”

“ก็น่าจะรู้นี่”

เหมือนว่าตรงนี้มีพวกเขายืนกันอยู่สองคนเลยครับ ผมกับไอ้คอปเตอร์เป็นแค่ตัวประกอบการสนทนาที่ฟังยังไงก็ไม่เข้าใจ แล้วสรุปผมมาทำอะไรตรงนี้วะ ไอ้ความตั้งใจที่จะมาหาลุงมันหายไปไหนผม ตาลุงก็เหมือนกัน คนอุตส่าห์มาหาก็ไม่เห็นจะสนใจ เอาแต่คุยกับหญิงอยู่นั่นแหละ เหอะ!

ยิ่งยืนอยู่นานก็เริ่มรู้สึกว่าเป็นส่วนเกินของพวดเขาทั้งสองเสียแล้วสิครับ

“เฮ้ยเจ็ท ไหนว่าวินรออยู่ไหนวะ กลับเลยป่ะ เดี๋ยวกูไปส่งที่รถ” เหมือนว่าคอปเตอร์จะจับความรู้บางอย่างได้จากตัวผมครับ ทำให้สองหนุ่มสาวตรงหน้าหันกลับมาสนใจเราสองคนอีกครั้ง

“เออวะ ลืมเลย ไอ้วินบ่นกูหูชาแน่” รับมุกคนข้างๆ ก่อนจะหันไปหาสองคนข้างหน้า “กลับก่อนนะครับพี่เบลล์ ไปนะลุง”

“เฮ้ยเดี๋ยว” คว้าหมับเข้าที่แขนผมในขณะที่ผมหมุนตัวกลับ หันหน้ากลับไปมองคนรั้งไว้ เห็นแววตาแปลกใจระคนขอโทษ “ทำไมรีบ?” ไม่ใช่ตอนนี้ครับ ยังไม่อยากคุยด้วยเข้าใจไหม

“นัดวินไว้ว่ะลุง ไว้ไงค่อยเจอกันใหม่นะ ไปไอ้เตอร์” สะบัดมือออกก่อนจะจ้ำอ้าวเดินตรงไปที่บันไดอย่างไว นึกดีใจที่ลิฟท์เสียก็ตอนนี้ เพราะจะได้ไม่ต้องยืนรอลิฟท์ให้เสียเวลาอีก อยากไปจากตรงนี้ไวๆ

“เดี๋ยวคืนนี้กูไปหาที่ร้านพี่โจ้นะ” เสียงตะโกนไล่หลังมาขณะที่กำลังก้าวขาลงบันได หากแต่สมองไม่ได้สั่งให้ผมตอบรับข้อความนั้นของลุง มีแค่มือที่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพร้อมกับกดโทรออกทันที รอฟังเสียงรอสายได้ไม่นานคนในสายก็รับ แต่ยังไม่ทันที่คนในนั้นจะพูดอะไร ก็เอ่ยออกไวๆ

“วันนี้ผมลานะพี่ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมเข้าเลยเวลาแทนนะ”

............................................................
เค้ามาแล้ว มาเป็นงานหยาบด้วย แงง ทำงานติดกันสองอาทิตย์ ยังไม่ได้พักเลยซักวัน
ตอนแรกตั้งใจว่าจะมาลงวันพฤหัสนี้ค่ะ เพราะเป็นวันหยุด! เลยค่อยๆ คลานออกมาทีละหน่อยๆ
แต่งานแทรกใช้คอมไม่ได้อาทิตย์นึง เลยวาร์ปมาลงก่อน
เพราะเขียนเสร็จเมื่อ 5 นาทีที่แล้ว ยังไม่ได้ตรวจเลย หากมีคำพิมพ์หรือภาษาแปลกๆ ต้องขอโทษก่อนเลยน้า
เจอกันอีกทีเป็นศุกร์เสาร์หรืออาทิตย์หน้าเลยน้า เพราะเค้าไม่มีคอมใช้ ขอโทษล่วงหน้าอีกครั้งง

ตอนต่อไปสัญญาว่าจะดึงเรื่องให้เข้มข้นขึ้นนะคะ จุ้บ
รักผู้อ่านทุกคนน้าา จ๊วฟฟฟฟ

หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH20 (03/10/17)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 03-10-2017 22:59:53
มาแบบกระปริบกระปรอยมาก รออยู่นะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH20 (03/10/17)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 03-10-2017 23:08:52
ลุงมีท่าทีหวงหลานเจทซะด้วย  o18 o18
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH20 (03/10/17)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 03-10-2017 23:23:49
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH20 (03/10/17)
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 03-10-2017 23:49:27
คือเพื่อนสนิทลุง อย่างนี้หรอ???  เอาไงล่ะลุง สงสารเจ็ท
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH20 (03/10/17)
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 04-10-2017 11:39:55
ดดราม่าาาา พี่ทีทำอารร้ายยย
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH20 (03/10/17)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 04-10-2017 12:57:55
ความสัมพันธ์ระหว่าพี่ที เจ็ท ไม่มีสถานะ
เพื่อนๆยังแปลกใจ

แล้วพี่ที ที่เงียบหายไปจากเจ็ท
พร้อมๆกับไปลูบหัวลูบผมเบลล์ดาวแพทย์ ที่ห้าง
สวยระดับดาวเลยนะ มันยังไง
ขนาดเพื่อนๆเจ็ท ออกปากและ
หล่อล่ำอย่างพี่ที ไม่มีสาวสน ก็เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว

เจ็ท ไปหาก็เห็นพูดคุยหัวเราะเสียงดังกันสองคน
ถึงแม้พี่ที ไม่มีทีท่าตกใจ แนะนำเบลล์ว่าเป็นพื่อน
แต่ก็ไม่ให้ความสนใจเจ็ทเท่าที่ควร
แล้วเจ็ทจับความแปลกๆของเบลล์ได้อีก
มันก็น่าที่เจ็ทจะโหวงๆ มันไม่ใช่พี่ทีของเจ็ทแล้ว
ก็เข้าใจที่เจ็ท รีบโทรลาพี่โจ้ว่าไม่เข้างานพรุ่งนี้
เพราะพี่ทีบอกว่าจะไปหา ทั้งที่ผ่านมาหลายวันไม่เข้าไป

มันจะดราม่าเบาๆ หรือหนักๆนะ  :mew2:
เหมือนเจ็ทให้พี่ทีตัดสินใจเองว่าจะไปต่อทางไหน  :hao3:
เจ็ท ไม่ให้ตัวเองเป็นผู้เลือก หรือถูกเลือก
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH20 (03/10/17)
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 04-10-2017 13:46:02
ก็ยังคลุมเครือต่อไป  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH20 (03/10/17)
เริ่มหัวข้อโดย: shoky_9 ที่ 05-10-2017 14:03:04
ลุงที ไม่รู้ตัวเลย น้องเจ็ทเค้างอนไปแล้วนะ
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH21 (16/10/17)
เริ่มหัวข้อโดย: oommmy ที่ 16-10-2017 20:46:07
CH21

เคร้ง!!

"อย่าทำห้องกูรก ได้โปรด"

"นิดๆ หน่อยๆ อย่าว่ากันเลยครับคุณวิน"

ตอนนี้เราอยู่ห้องไอ้วินกันครับ จากสมาชิกที่มีกันแค่ 3 คน ตอนนี้เพิ่มพูนเป็นห้า หก เจ็ด แปด และเริ่มนับไม่หมด ถามว่าทำไมผมมาอยู่ตรงนี้ได้น่ะหรอ ไม่ยากเลยครับ ก็พวกคุณจำได้ไหมว่าก่อนหน้านี้ผมอยู่กับใคร แถ่นแท่นนน ไอ้คอปเตอร์คู่ขาไอ้วินยังไงล่ะ

หลังจากที่ผมหนีลุงและโทรลางานพี่โจ้เรียบร้อยแล้วนั้น ก็เดินตามขึ้นรถไอ้เตอร์มาหอไอ้วินเฉย แล้วไอ้พวกฝ่ายฉากที่แม่งบังเอิญไปเจอมอไซด์ผมจอดทิ้งไว้ที่คณะลุง ก็นึกว่าผมอยู่ที่นั่น โทรหาคุยกันรู้เรื่องไม่นาน พวกแม่งก็ซื้อของเข้ามาทำชาบูกินกันเฉย

"อย่าลืมช่วยกูล้างด้วยนะสัส" เสียงบ่นกระปอดกระแปดของเจ้าของห้องยังดังต่อเนื่องเรื่อยๆ ตั้งแต่ไอ้พวกนั้นเริ่มล้างผักจนต้มหมูครับ แต่มันก็คอยเพื่อนช่วยเพื่อนทำทุกอย่างเหมือนเดิม เรียกว่าคว้าผักมาล้างเองจนกระทั่งปรุงน้ำซุปเลยล่ะ ช่างเป็นบุคคลตัวอย่างของคณะเราเหลือเกิน

ต่างจากคู่ขาของมัน ก็ยังนั่งกดเกมส์จนเพื่อนเริ่มแดกกันแล้วก็ยังไม่หยุด!

"ไอ้เจ็ท อย่าแย่งหมูกูไอ้สัส"

"ใครดีใครได้" ครับ รวมทั้งผมที่ตั้งแต่มานอกจากจะไม่ช่วยพวกแม่งทำอันใดๆ แล้วนั่งแดกชาบูอย่างสบายใจด้วยครับ

อ่อ ถามถึงเรื่องเมื่อกี้อ่ะหรอ

คนอย่างไอ้เจ็ท เรื่องกินต้องมาก่อนครับ ใครจะทำอะไรช่างมัน เหอะ!!!!!

"เตอร์ มึงหยุดเล่นเกมส์แล้วมากินได้แล้ว ก่อนที่ไอ้พวกนี้จะกินหมด เร็ว!!"

"แปป ป้อมกูจะแตกแล้ว"

"อย่าให้กูเรียกซ้ำนะเตอร์" ขาดคำไอ้คุณประธานของเรา ไอ้เตอร์รีบวางโทรศัพท์เลยครับ เห็นแบบนี้รู้เลยใครผัวใครเมีย ใครคุมใครหงอ 555555 ยังไม่ทันไรก็กลัวว่าที่เมียแล้วหรอวะครับไอ้คอปเตอร์ 55555555

พวกเราใช้เวลาฟาดของที่ซื้อมากันไม่นานครับ อาจด้วยจำนวนคนที่มากล้นห้อง แต่จำนวนของที่ซื้อมาช่างน้อยเกินกว่าจำนวนประชากร พอเก็บล้างของจนเสร็จเพื่อนหลายคนก็ขอตัวกล้บไปหาอะไรกินกันเพิ่ม ส่วนผมที่ถึงแม้จะอิ่มไม่มาก แต่ยังพออยู่ได้แบบไม่หิวก็โอเคครับ ประเด็นคือ กูไม่มีรถกลับโว้ยยย ไอ้เตอร์มันก็นั่งออเซาะกันไอ้วินอยู่นั่นแหละ จะให้ออกไปส่งเอารถก็ไม่ได้ สุดท้ายต้องนั่งดูพวกมันสวีทกันอยู่เนี้ย

"เจ็ท กูเห็นโทรศัพท์มึงสั่นหลายรอบแล้ว ไม่หยิบมาดูหน่อยหรอวะ" ไม่ใช่แค่ไอ้วินที่เห็นหรอกครับ เพราะผมก็เห็นมานานแล้วเหมือนกัน เพียงแค่ยังไม่มีอารมณ์หยิบมาดูเท่านั้นเอง

"การ์ตูนเรื่องนี้สนุกว่ะ มึงมีเล่มอื่นอีกป่ะวะ" คาเนกิกำลังถูกกูลจัดการเลยครับ เลือดสาดกระจายเต็มูหน้าหนังสือมาก ดันโง่ไง ไปหลงรักผู้หญิงแล้วโดนเขาหลอก เป็นไงล่ะมึง สมน้ำหน้าไหมล่ะ เขาไม่รักแล้วยังทำร้ายมึงอีก

"หาดูในชั้นอ่ะ โทรศัพท์มึงสั่นอีกแล้วนะเว้ย"

"มึงมีจนจบเลยป่ะวะ ยืมไปอ่านที่หอได้ป่ะ" ค้นๆ หาในชั้น ไอ้วินแม่งก็อ่านหนังสือการ์ตูนหลายเรื่องเหมือนกันนี่หว่า

"เออ เอาไปดิ รักษาดีดีนะเว้ย ของสะสมกู เออ พี่ทีถามหามึงอ่ะ กูบอกไปแล้วนะว่าอยู่หอกู แถมย้งบ่นอีกว่ามึงไม่รีบโทรศัพท์" พูดจบวินก็ยื่นมือถือของมันที่มีหน้าต่างแชทของลุงอยู่มาตรงหน้าผม ประโยคล่าสุดที่เห็นคือ
ลุงกำลังมาหาผมที่นี่

"เฮ้ยเตอร์ ไปส่งกูเอารถหน่อย จอดให้ในมอ เดี๋ยวแม่งหายว่ะ" หันกลับไปมองหน้าคอปเตอร์ที่คงเข้าใจสิ่งที่ผมสื่อไปให้ทางสายตา มันมองกลับมาพร้อมกันถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้น "งั้นกูกลับก่อนนะวิน ถึงหอแล้วกูโทรหา"

"อ้าว แต่เดี๋ยวพี่ทีจะมานะ" วินทำหน้าสงสัย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรเมื่อเห็นเตอร์ส่งสายตาห้ามสายตา คิดว่าคืนนี้พวกมันคงได้คุยเรื่องผมอีกยาว ก็ไม่ได้ปิดอะไรหรอกครับ แต่สไตล์ผมมันไม่ใช่พวกชอบฟูมฟายให้คนอื่นฟังนี่หว่า เดี๋ยวไอ้เจ็ทคนโก้ของเพื่อนๆ จะหายไปซะก่อน ไม่ดีๆ เพื่อนคิดถึงแย่

"เออๆ กลับดีดี แล้วก็คุยกันดีดีนะ" ไอ้วินหยิบหนังสือการ์ตูนที่ผมยืมมันส่งให้ ก่อนจะโบกมือลา

.......................................................

"ไม่คิดจะโทรกลับหรอวะ"

"ใคร"

"มึงก็รู้ว่ากูพูดถึงใคร"

"หึ"

"การหนีไม่ใช่ทางออกหรอกนะ"

ผมไม่อยากจะหนีหรอกครับ แค่อยากตั้งตัวเฉยๆ ผมไม่เคยตั้งคำถามให้ความสัมพันธุ์ของผมและลุงมาก่อน ผมคิดมาตลอดว่าแบบนี้มันก็ดีแล้วนะ มันเวิร์คแล้วนะ ไม่มีอะไรยุ่งยากเลย เรามีความสุขดีอยู่แล้วกับสิ่งที่เราเป็น ไม่เห็นจะต้องสร้างสถานะอะไรขึ้นมา

แต่คนอื่นไม่ได้คิดแบบนั้น พวกเขาจะมองว่าพวกผมไม่ได้จริงใจต่อกัน ไม่ได้คบกันจริงๆ แล้วหากว่าการที่ใครซักคนจะมีคนอีกคนเดินเคียงข้าง เรื่องราวระหว่างผมกับลุงมันก็คงจบๆกันไป ไม่มีใครผิด หากแต่อีกคนก็แค่เสียใจ เท่านั้นเอง

และบางทีตอนนี้ เรื่องราวระหว่างผมกับลุง ก็อาจจะใกล้ถึงเวลาจบลงแล้วก็ได้นะ

"ขอบใจนะเว้ยที่มาส่ง เลยทำให้มึงอยู่กับไอ้วินได้ไม่นานเลย"

"ไม่หรอก เรื่องระหว่างกูกับวินมันชัดเจนอยู่แล้ว มึงนั่นแหละ โอเคแน่นะ"

"เออดีวะ เรื่องแค่นี้ ไอ้เจ็ทจัดการได้น่า"

"กูขอเตือนมึงอีกครั้งนะเจ็ท การหนีไม่ใช่ทางออก แต่จะยิ่งทำให้เรื่องมันคารังคาซังมากขึ้น อย่าให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล มึงเจ็บได้ แต่มึงจะไม่ดีขึ้นเลย ถ้ามึงไม่พุ่งเข้าปัญหา ปัญหามีไว้แก้ ไม่ได้มีไว้หนี"

"..."

"กูเตือนมึงได้เท่านี้ นี่หนังสือของมึง ดูแลดีดี เมียกูดุ บาย" ส่งให้หนังสือให้ผมเสร็จก็ออกรถไปทันที จะรอให้กูขี่มอไซด์ออกไปก่อนไม่ได้หรือไงวะ หน้าคณะวิทย์แม่งยิ่งมืดๆ อยู่ กูก็หลอนนะสัส

เออว่าแต่เมื่อกี้ไอ้เตอร์พูดว่าไรนะ เมียกูดุ? เมีย? เชี่ยไรวะ พวกมึงไปมีสถานะกันของไหนนน?

......................................

ผ่านมา 1 วัน ที่ผมไม่ได้ติดต่อลุงกลับไป และดูเหมือนว่าลุงจะหมดความพยายามให้การติดต่อผมเช่นกันครับ ผมยังคงเหมือนเดิม ทำตัวตามปกติกับเพื่อนๆ หลับในคาบเรียน ยืมชีทยะหยามาจดตาม หรือแม้กระทั่งนั่งดูโอเลี้ยงจ๊วฟๆ อยู่ที่โรงอาหารตอนกลางวัน และไม่มีใครถามถึงลุงให้ผมรู้สึกระคายหู

ไม่รู้ว่าพวกเพื่อนๆ ของผมรู้อะไรมาบ้าง แต่การที่พวกมันยังคงทำตัวเป็นปกติกับผมก็ถือว่าเป็นนิมิตรหมายอันดีที่ผมไม่ต้องคอยตอบคำถามใครต่อใครให้เหนื่อย

"อ่านไรวะ ตั้งแต่เช้า" ไอ้ส้มถามผมก่อนจะหยิบหนังสือการ์ตูนที่ผมยืนวินมาออกไปจากมือ "แม่งโหดจังวะ ปกติมึงอ่านไรแบบนี้ด้วยหรอ"

ฉากที่ผมเพิ่งอ่านเมื่อกี้เป็นฉากที่คาเนกิกำลังต่อสู้กับรุ่นพี่ครับ มันก็ไม่ได้โหดอะไรอย่างที่ไอ้คุณส้มมันว่าหรอก แค่มันมีบางช่วงที่สู้กันแล้วเลือดสาดบ้าง อ่านจากในหนังสือมันก็แค่หมึกสีดำๆ อ่ะ แต่ถ้าเทียบดูเป็นอนิเมะผมว่าน่าจะโหดมากกว่านี้นะ

"เอาคืนไปเลย ไม่สันทัดว่ะ" หลังจากที่มันเปิดดูสองสามหน้าก็ส่งหนังสือคืนผม ขัดเวลาอ่านจริงเว้ย

"เออ เมื่อเช้ากูเห็นพี่ทีด้วยนะ" มือที่กำลังเปิดหน้าหนังสือต่อไปของผมสะดุดลง ก่อนจะเปิดหน้าต่อไป

"เห็นอยู่หน้าคณะเรา กูว่าจะเข้าไปทักแล้วนะ แต่พี่ทีออกรถไปก่อน สงสัยจะรีบไปเรียน" คาบเช้าพวกผมเรียนสายครับ เนื่องจากอาจารย์รถเสีย ดีนะที่ผมตื่นมาอ่านไลน์ก่อน เลยนอนต่อได้อีกชั่วโมงหนึ่งสบายๆ ไม่งั้นต้องมานั่งหงอรออาจารย์เป็นชั่วโมงๆ แน่ๆ

เมื่อไม่เห็นปฏิกิริยามากไปกว่านั้นของผม ไอ้คุณส้มจึงเปลี่ยนเรื่องชวนสองแฝดคุยต่อ ไม่ใช่ว่าไม่อยากรู้หรอกครับว่าลุงมาทำไม ในทางกลับกัน ผมคิดว่าผมรู้ แต่ผมก็กลัวว่าจะคิดไปเองมากกว่า บางที การที่เราไม่ต้องคิดอะไรเลยน่าจะดีกว่านะครับ

"เจ็ท วันนี้ไปทำงานป่ะ" ยะหยาที่นั่งก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์พร้อมกับฟังไอ้คุณส้มโม้เรื่องนู่นเรื่องนี้ไปด้วย เงยหน้ามามองผม

"ไปดิ วันนี้เข้าสองกะด้วย" เพราะเมื่อวานแท้ๆ เลยสิ

"งั้นวันนี้หยาไปกินเค้กที่ร้านนะ คิดถึงเค้กฝืมือพี่จีนน่ะ" หยิมที่คุยกับส้มอย่างออกรสอยู่ทำหน้าแปลกใจนิดหน่อยตอนที่ยะหยาบอกว่าจะไปกินร้านผม แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา และหันไปคุยกับส้มต่อ

ว่าแต่ ยะหยาไม่ได้กำลังไดเอทอยู่หรอ?

..............................................................

สองแฝดโผล่หน้ามาหลังจากผมเข้างานได้ไม่ได้ พ่วงมาด้วยไอ้คุณส้มที่มาถึงก็พุ่งตัวไปเกาะแกะพี่จีนทันที ไใ่รู้อะไรดลใจให้พี่จีนเข้ามาร้านวันนี้ครับ พี่โจ้นี่หน้าบึ้งเลยตอนเห็นไอ้ส้มโผล่หน้ามา พี่โจ้ก็อีกคนครับ ไม่รู้ช่วงนี้ว่างอะไรนักหนา เข้าร้านได้ทุกวัน สงสัยกลัวธุรกิจล้มจม เพราะมีพนักงานขี้เกียจแบบผมนี่แหละ แฮ่

วันนี้ลูกค้าน้อยมากครับ ถ้าไม่นับบรรดาเพื่อนๆ ของผมที่นั่งเม้าส์กันมาตั้งแต่หัวค่ำ ก็มีนักศึกษาอีกกลุ่มหนึ่งนั่งอยู่อีกแค่กลุ่มเดียว

กรุ๊งกริ๊ง~

"ยินดีต้อนรับครับ"

ผมคงจะดีใจกว่านี้ ถ้าลูกค้าที่เดินเข้ามาไม่ใช่คนที่ผมกำลังไม่อยากเจอมากที่สุด พี่เบลล์และเพื่อนของลุง พี่ไม้ พี่ติ๊ก พี่ก๊ง และคนที่เดินเข้ามาเป็นคนสุดท้ายจะเป็นใครไม่ได้เลยถ้าไม่ใช่ลุง

เพื่อนของผมรีบส่งเสียงทักทายทันที พร้อมกับชวนให้นั่งโต๊ะเดียวกัน พี่โจ้ยื่นเมนูให้กับผมพร้อมกับบอกว่าให้ออกไปรับออเดอร์ ในเมื่อเจ้าของร้านสั่ง ลูกจ้างแบบผมก็คงทำได้แค่เดินไปยังโต๊ะที่มีคนรู้จักผมอยู่เต็มไปหมด

"ชาเขียวไม่หวาน กับเค้กสตอเบอร์รี่นะเจ็ท" พี่ติ๊กครับ

"โอริโอ้ปั่นวิปครีมเยอะๆ นะเว้ยเจ็ทน้องรัก" ส่วนนี่พี่ก๊ง

"ลาเต้เย็น เบลล์เอาไร สั่งเลย วันนี้ไอ้ทีเลี้ยง" พี่ไม้คนดีคนเดิม

"อืมมม คืนนี้ต้องอ่านหนังสือดึกด้วยสิ งั้นเอาคาปูชิโน่เย็นหวานน้อย แล้วทีล่ะเอาอะไร เหมือนเราไหม เห็นว่าต้องแก้โปรเจคอีกนี่" ลุงไม่ได้ตอบพี่เบลล์ แต่กลับเลือกที่จะมองหน้าผมนิ่งๆ แทน เหมือนกันที่ผมมองหน้าลุง เรามองหน้ากันและกันอยู่แบบนั้น จนพี่เบลล์ต้องสะกิดเรียกลุง เพื่อให้สั่ง

"เหมือนเดิม" ลุงพูดสั้นๆ แต่ก็ยังไม่ละสายตาจากหน้าผมอยู่ดี ผมจึงทำได้แค่รีบจดเมนูตามสั่งแล้วผละออกมาส่งใบออเดอร์ให้พี่โจ้ช่วยทำ โดยที่รู้สึกถึงสายตาของคนคนเดิมตลอดเวลาที่ผมทำงาน

เมนูแล้วเมนูเล่าถูกนำไปเสิร์ฟที่โต๊ะของลุง เหลือแค่เมนูเดียวที่ยังคงไม่ได้ทำ เพราะไม่รู้จะทำอะไรให้ดี

ไม่ชิน ปกติผมสามารถคิดเมนูสำหรับลุงได้เสมอ เพราะมันขึ้นอยู่กับว่าผมอยากกินอะไร หรือผมเจออะไรใหม่ๆ ก็จะจับใส่เขืาไปในเมนูของลุง แต่วันนี้มันไม่ใช่ เพราะลุงไม่ได้นั่งอยู่ข้างๆ เคาน์เตอร์ให้ผมถามความสมัครใจ ไม่ได้คอยมองเวลาผมเติมเมนูแปลกๆ ให้ชิม หรือไม่ได้มองผมด้วยแววตาขบขันยามที่ผมรอลุ้นให้ลุงชิมน้ำก่อนผมถึงจะกล้าชิมต่อ

และเวลานี้ ลุงนั่งอยู่ข้างๆ ผู้หญิงอีกคนที่ดูเหมาะสมกันเหลือเกิน

"เมื่อไหร่จะได้" เสียงที่ดังขึ้นมาด้านหลังพาทำให้ผมสะดุ้ง หันกลับไปเจอลุงนั่งอยู่ข้างเคาน์เตอร์พร้อมกับส่งสายตานิ่งๆ มาให้

"กำลังจะทำ ลุงไปรอที่โต๊ะก่อนก็ได้ เดี๋ยวยกไปให้" ปากพูดไป แต่ก็ยังคิดไม่ออกอยู่ดีว่าจะทำเมนูอะไรดี

"รอตรงนี้" พูดจบก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเหมือนทุกครั้งที่ลุงมา ทิ้งให้ผมยืนมองการกระทำตรงหน้าเงียบๆ พร้อมกับเริ่มหยิบสตอเบอรี่ใส่ลงเครื่องปั่น

"โยเกิร์ตไหม"

"แล้วแต่"

"ปีโป้หรือเยลลี่"

"แล้วแต่"

"กินมุกป่ะ"

"แล้วแต่"

"...."

"..."

"งั้นไม่ใส่อะไรเลยนะ"

"แล้วแต่"

"นี่ลุงจะไม่ออกความเห็นหน่อยหรอ"

ลุงกดปิดหน้าจอโทรศัพท์และเงยหน้ามามองผม ก่อนจะเอามือเท้าคางจ้องหน้าผมนิ่งๆ

"กูแล้วแต่กับมึงมาตั้งนานแล้ว จำไม่ได้หรอ"


..................................
เค้ามาช้าเองเค้าขอโทษ มาช้าไม่เท่าไหร่มาสั้นด้วย แงงงงงงง
ไม่ว่างจริงๆ ได้คอมมาแล้ว แต่เค้าต้องเดินทางมาอบรมต่างจังหวัดอาทิตย์นึง เลยคว้าไอแพดพี่สาวมาแทน
มันพิมพ์ได้ไม่ดีเหมือนคอม แต่จะพยายามโผล่มาอัพตอนต่อไปในอีกสองวันน้าา

ขอบคุณที่ติชมอีกครั้งนะคะ .

หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH21 (16/10/17)
เริ่มหัวข้อโดย: Apinnoolek ที่ 16-10-2017 21:03:56
น้องเจ็ท ใจแข็งจังเลยยย
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH21 (16/10/17)
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 16-10-2017 21:18:07
ถ้าไม่ใช่นิยาย เป็นผู้ชายในชีวิตจริง มาๆหายๆ แบบนี้ ฟันธงเลย จับปลาหลายมือ ไม่น่าคบเป็นแฟนอ่ะ หาความจริงจัง จริงใจไม่เจอ สงสารเจ็ท (แต่สกิลพระเอกนิยาย คงมีเหตุผลมารองรับ แต่ถ้ามองมุมเจ็ท ยังไงตอนนี้เจ็ทก็เป็นฝ่ายเจ็บอยู่ดี เหอะ !!)
ให้อิลุง >>>>>  :z6:
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH21 (16/10/17)
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 16-10-2017 21:27:48
อะไรก็ได้นี่เป็นอะไรที่โคตรแย่ :z6:
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH21 (16/10/17)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 16-10-2017 21:56:35
จะว่าเจ๊ท หนีปัญหา มันก็ใช่
ก็ลุงทำตัวสนิทชิดเชื้อกับสาว
มันมองว่าเหมาะสมกัน ชายหล่อ หญิงสวย

ที่ลุง นัดจะไปเจอเจ๊ท แต่เจ๊ทไม่อยู่ ไม่รับโทรศัพท์
ก็เข้าใจเจ๊ทนะ มันไม่รู้จะคุยอะไร อย่างไร
เพราะมันไม่มีสถานะที่คบกัน
จะหึง จะถาม มันก็ไม่มีสิทธิ์นี่  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

ที่ร้านกาแฟ
ลุงบอกว่าทุกอย่างแล้วแต่เจ๊ทมานานแล้ว จำไม่ได้เหรอ
งั้นลุงบอกชอบเจ๊ท ขอเจ๊ทเป็นแฟน
ต่อหน้าเพื่อนๆโดยเฉพาะเบลล์สิ ให้ชัดเจนไปเลยนะลุง
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH21 (16/10/17)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 16-10-2017 22:12:50
จะต่อกันติดไหม ลุงกะเจ็ทเนี่ย
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH21 (16/10/17)
เริ่มหัวข้อโดย: yunnutjae ที่ 16-10-2017 22:20:09
คุยกันเถอะได้โปรด ไม่ชอบฟีลนี้เลย  :katai1:
คิดว่าเบลล์เป็นเพื่อนแหละ ลุงแกคงไปโม้เรื่องเจ็ทให้ฟัง แต่ดันเจอตอที่ความสัมพันธ์ไม่มีสถานะไงเลยทำให้เป็นแบบนี้  :hao5: ชอบคอปวิน คู่นี้เค้าสถานะก้าวหน้ากว่าคู่หลักไปไกลหลายขุมเลยเด้อ  :z2:
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH21 (16/10/17)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 16-10-2017 22:39:23
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH21 (16/10/17)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 16-10-2017 23:26:08
มาตามเขา แต่ดันนั่งคุยกับหญิง คงต่อติดนะ  o12
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH21 (16/10/17)
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 17-10-2017 00:17:31
อ้าว ไม่ชัดเจนเลยลุง,,,
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH21 (16/10/17)
เริ่มหัวข้อโดย: benzdekba ที่ 17-10-2017 01:58:51
 :mew3:
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH21 (16/10/17)
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 17-10-2017 07:33:40
เจ้ททำสตอเบอรี่ให้นี่แสดงว่าไม่โกรธไม่งอนมาก เปฌนเรานี่ทำคาบูให้ตามที่พี่เบลลนั่นพูดละ

หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH22 (19/10/17)
เริ่มหัวข้อโดย: oommmy ที่ 19-10-2017 21:58:14
CH22

"กลับยัง" สุดท้ายวันนี้ลุงก็นั่งรอผมจนเลิกงานครับ แม้จะไล่เท่าไหร่ก็ไม่ยอมกลับ เล่นโทรศัพท์จนแบตหมดก็หยิบหนังสือขึ้นมาอ่านต่อ ไม่พอยังนั่งอยู่ข้างเคาน์เตอร์ไม่ยอมไม่ไหน แม้เพื่อนจะเรียกกลับไปนั่งที่โต๊ะก็ตาม

"ผมเอามอไซด์มา"

"ไปส่ง"

"กลับเลยก็ได้"

"ไปส่งดีกว่า"

"ไหนว่าตามใจ?"

"ตามไปส่ง"

"..."

สุดท้ายก็จบลงด้วยการขับรถตามกันมาครับ บทจะดื้อก็ดื้อเหลือเกิน แล้วใครที่มันเพิ่งบอกกูว่าตามใจกูมานานแล้ว ยังไม่ทันพ้นคืนกลับคำแล้วหรอวะครับ?

ขับรถจอดไว้ใต้หอล็อครถเรียบร้อย แถมยังเดินตามขึ้นมาจนถึงบนห้องเสร็จสรรพ ไม่ถงไม่ถามสุขภาพห้องกูหน่อยหรอ กางเกงในม้วนเป็นเลขแปดกระจายเต็มห้องไปหมด ห้องผู้ชายนี่ครับ จะไปหาความเรียบร้อยจากไหนเล่า แถมช่วงนี้ลุงก็ไม่ค่อยเข้ามาด้วย ห้องมันก็เลยจะรกหน่อยๆ ละนะ

"ทำไมเมื่อวานไม่ไปทำงาน?"

"มีปาร์ตี้กับพวกฉาก" โอ้โห นอกจากกางเกงในแล้ว เสื้อยืดที่กูถอดทิ้งไว้ตั้งแต่สองวัยก่อนจะกองอยู่บนพื้นเลยครับ ขายหน้าไหมล่ะไอ้เจ็ท ถ้าน้องสาวผมมาเห็นสภาพห้องแบบนี้นะ ด่าเปิงตั้งแต่หน้าบ้านยันหน้าหมูบ้านยังได้ยินน่ะ แต่พูดไปมันก็เก็บของให้ละนะครับ 555555555

"แล้วทำไมไม่บอก กูก็ไปรอ"

"ลืม" กางเกงยีนตัวนี้กี่วันแล้ววะเนี้ย

"ไลน์ก็ไม่อ่าน"

"ไลน์ไม่เด้งอ่ะ"

"แต่ของคนอื่นเด้งว่างั้น?" ว่าพลางยกโทรศัพท์ผมที่มีหน้าต่างแชทที่ถูกตอบแล้วหลายคน ไล่สายตาลงมาล่างสุดของหน้าจอแชทลุงกลับมาปุ่มสีแดงหราบอกจำนวนข้อความด้านในที่ยังไม่ได้ถูกเปิดอ่าน

"...."

"เจ็ท"

"ห้องผมรกว่ะลุง ช่วยเก็บหน่อยดิ"

"ตอบกูก่อน"

"...." บางทีผมว่าผมควรเอาเสื้อผ้าพวกนี้ลงไปหยอดเหรียญซักข้างล่างได้แล้วนะ หยิบใส่ตะกร้ากองๆ ไว้ แล้วเดี๋ยวต้องไปค้นเศษเหรียญในกระเป๋าต่อ แต่ลืมไปว่าผงซักฟอกหมดนี่หว่า

"เลิกเก็บของแล้วหันมาคุยกับกู"

สงสัยต้องลงไปซื้อผงซักฟอกด้วยว่ะ

หวืดดดดดดด!

แรงชากข้อมือที่กำลังหยิบเสื้อใส่ตะกร้า ทำให้เสื้อปลิวหวืดข้ามหัวลุงไปด้านหลังลงตะกร้าพอดีเป๊ะ อะไรมันจะเก่งขนาดนั้นว่ะ ไหนว่าเรียนเอกเคมี แม่งคำนวณองศาเก่งยังกะเอกฟิสิกส์ แม่งจะเทพอะไรขนาดนี้

"เก่งวะลุง โยนทีเดียวลงเลยอ่ะ" อยากตบมือชื่นชมครับ แต่ลุงแม่งจับมือผมอยู่อ่ะ

"มองหน้ากู"

"แง่ะ"

"เป็นอะไร"

"..."

"เจ็ท" มือที่จับแขนผมเริ่มผ่อนแรงลง พร้อมกันเสียงที่เรียกผมก็แผ่วตาม หากสายตาที่มองหน้าผมยังไม่
ลดละ มันทำให้ผมรู้สึกอึดอัด

"บอกกูได้ไหม" สายตาอ้อนวอนถูกส่งมา พร้อมกับมือที่ช้อนใบหน้าผมให้หันมาสบตา

"บอกอะไร"

"เป็นอะไร"

"เปล่านี่"

"โกหก"

"มั่วว่ะ"

"งั้นหลบตากูทำไม"

"ผม....อุ๊ปป" ไม่ทันตั้งตัวปากหนาก็ชกลงมา สัมผัสได้ถึงความอ่อนนุ่มของริมฝีปากที่แตะกัน ลุงเม้มตามกลีบปากผมจนทั่ว และพยายามทำให้ผมอ้าปาก ความรู้สึกแปลกใหม่จู่โจมทันที นี่ไม่ใช่จูบแรกของผม แต่ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าจูบครั้งนี้ทำให้รู้สึกแพ้

"เป็นอะไร" ผละออกเล็กน้อยเพื่อให้ผมหายใจ ก่อนจะจู่โจมเข้ามาอีกครั้ง เรื่อยๆ ย้ำซ้ำๆ และพูดประโยคคำถามเดิมๆ ไม่หยุด

"ล..ลุง..พอก่อน" จังหวะที่ถอยริมฝีปากออกต้องรีบพูดก่อนที่เราจะจูบกันไม่จบไม่สิ้นครับ

"บอกได้รึยัง หืมมม"

"อื้ออออ พอแล้ว" ไม่ไหวครับ แพ้เป็นรูปแบบจริงๆ ลุงจึงหยุดการกระทำดังกล่าวลง แต่ยังไม่ยอมคลายอ้อมกอดที่รัดตัวผมเอาไว้ ว่าแต่ ทำไมกูมาชิดอยู่ที่กำแพงได้วะ โอ้ยยย ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี้ยยย

"เจ็ทเป็นอะไรครับ บอกพี่ทีได้ไหม"

">/////<"

"จะไม่บอกจริงหรอ" ยื่นหน้าเข้ามาอีกทำม้ายยยยยย โอ้ยยยย

"พอแล้ววว" รีบผลักหน้าลุงออกไปไวๆ เลยครับ แค่นี่ก็ตกเป็รเบี้ยล่างมันแล้วเนี้ย หันซ้ายหันขวาก็มีแขนมันกั้นอยู่ ข้างหลังก็กำแพง ข้างหน้าก็หน้าลุงไงครัชช หมดทางหนีโดยสมบูรณ์แบบจ้า

"ก็บอกว่าไม่ได้เป็นไรไง"

"แล้วทำไมไม่รับโทรศัพท์ ทำไมไม่ตอบแชท"

"ก็ปาร์ตี้อยู่อ่า" อย่ากดดันสิ

"ถึงเช้า?"

".."

"ว่าไงครับ"

"ง่าา อย่ายื่นหน้าเข้ามานะ" ดิ้นขลุกขลักๆ ก็สะบัดตาลุงนี่ไม่หลึดเลยครับ

"งั้นก็บอกมาสิครับ"

"ก็...."

"..."

"พี่เบลล์" เหล่สายตามองลุงเล็กน้อยตอนที่พูดชื่อบุคคลที่สาม ก่อนจะเห็นความงงบนใบหน้าอีกฝ่าย งงอะไรเล่า ก็พี่เบลล์ไง โว๊ะ

"หืมม เบลล์ทำไม?"

"ก็คิดว่าเหมาะกันดี"

"กู เบลล์ ?"

"โอ้ยยยย!!" โดนมะเหงกลุงนี่แหละครับ เต็มกะบาลเล้ยยย อะไรวะ ทำไมต้องทำร้ายกันด้วยเล่า เดี๋ยวกระโดดกัดคอเลยหนิ

"กูกับเบลล์เป็นเพื่อนกัน เขามาช่วยกูทำโปรเจคเท่านั้นเอง" ใครจะไปรู้เล่าก็เห็นช่วงนี้ตัวติดกันตลอดอ่ะ

"แต่วันนั้นสองแฝดเห็นไปเดินห้างด้วยกันอ่ะ แถมมีลูบหัวถือของด้วย" หลักฐานก็มี เดี๋ยวหามาให้ดูเลยก็ได้ โด่วววว

"วันที่กูบอกพาเพื่อนไปซื้อของอะนะ ไปซื้อของจริง ก็ไปหาของทำโปรเจคไง เพื่อนกูก็ไป แต่แยกกันซื้อ จะได้เร็ว ก็อยากรีบกลับไปหามึง แต่รถแม่งติดไง กว่าจะฝ่าดงตรงนั้นมาได้ หัวเสียโคตร"

"แล้วทำไมต้องลูบหัว"

"หืมมม" ลุงขมวดคิ้วเบาๆ ก่อนจะทำท่าเหมือนนึกออก "กระดาษทิชชูติดหัว กูเลยหยิบออกให้ ถ้าคนอื่นจะมองเป็นลูบหัวน่ะนะ"

"แล้วทำช่วงนี้หายไปบ่อย ไม่ตอบแชท ไม่มาหาที่ร้านด้วย" ลุงมองหน้าผมก่อนยกมือขึ้นมาลูบหัวเบาๆ "ขอโทษ กูอยากให้โปรเจคเสร็จไวๆ"

"..."

"ความจริงก็ว่าจะรอให้โปรเจคเสร็จก่อนละนะ แต่ดูท่าเด็กแถวนี้จะงอแงแฮะ" ใครงอแงว่ะ น่าตีจริงๆเล้ยยย เหอะ!

ลุงเดินไปหยิบโทรศัพท์ผมที่ยังไม่ได้กดล็อคหน้าจอ ทำให้ยังคงขึ้นแอพพลิเคชั่นสีเขียวที่มีข้อความหลั่งไหลเขามามากมาย เพื่อนผมแม่งไม่หลับไม่นอนกันหรือไงวะ ดึกดื่นป่านนี้แม่งยังส่งมาชวนเล่นเกมส์กันอยู่ได้ โดนเฉพาะไอ้พวกฝ่ายฉาก ที่ยังเห็นแม่งส่งข้อความคุยกันในไลน์กลุ่มไม่หยุด

เห็นลุงกดเข้าหน้าต่างแชทของใครซักคนก่อนจะพิมพ์ข้อความส่งไป รอเวลาไม่นานอีกฝ่ายก็ส่งข้อความกลับมา คุยอะไรกันวะ แล้วทำไมไอ้คุณลุงต้องให้ไลน์ผม โทรศัพท์มึงไม่ใช่เล่า

อ่อ ลืมไป แบตมันหมดตั้งแต่ในร้านเมื่อกี้นี่หว่า

"คุยกับใครง่ะ" ด้วยความขี้เสือกในกมลสันดานนั้น ทำให้ผมอยากรู้เป็นกิจเลยล่ะครับ

"พี่โจ้"

"ห้ะ"

"เสาร์อาทิตย์นี้เตรียมตัวเดินทางด้วยนะ"

"ห้ะ"

"กูต้องรีบจองตั๋วใช่ไหมเนี้ย ยืมคอมแปป" ว่าเสร็จก็วางโทรศัพท์ผมลงบนโต๊ะ ก่อนจะเดินไปเปิดโน้ตบุคสุดที่รักของผมมาเปิด

"เดี๋ยวลุง ตั๋วอะไร ไปไหน" ลุงหันมามองผมเล็กน้อย ก่อนจะหันไปสนใจหน้าจอตรงหน้าต่อ "เชียงใหม่"

"..."

"ไปสวัสดีพ่อแม่มึงหน่อยไง"

อะไรวะเนี้ยยยยยยยย!!!

...................................................

"อย่าลืมของฝากหยานะพี่ที เจ็ท"

"ขอบคุณที่มาส่งนะหยา หยิม"

ส่งทำไม ส่งไปไหนน่ะหรอครับ ตอนนี้เราอยู่กันที่สนามบินไงครับ จากวันนั้นจนวันนี้ไวเหมือนโกหก รู้ตัวอีกที ไอ้เจ็มคนนี้ก็มายืนอยู่หน้าเกตสนามบินเป็นที่เรียบร้อย พร้อมด้วยเช็คอินโหลดกระเป๋าลงใต้เครื่องไปแล้วด้วย ถามว่าไปสองวันมึงแบกอะไรไปเยอะขนาดนั้นน่ะหรอ

ก็หลังจากวันนั้นที่ลุงแม่งจองตั๋วเครื่องบินไปเชียงใหม่อย่างกระทันหัน พร้อมลางานกับพี่โจ้ให้ผมเรียบร้อย โดยมีข้อแม้ว่าจะชื่อแคปหมูน้ำพร้กหนุ่มมาเซ่นโทษฐานที่ทำให้ผมต้องลางานกะทันหัน ไอ้พี่โจ้ที่รักและเคารพก็เซย์เยสทันที ผมที่ยังงงงวยอยู่ก็ถูกบังคับให้ต่อสายไปยังพ่อแม่ว่าจะกลับบ้าน ยัยน้องสาวตัวดีรู้ข่าวปุ๊บรีบโทรกลับมาฝากซื้อทุกอย่างที่คิดได้ พร้อมบอกว่ายังไงก็ต้องแบกมาให้ได้ มีกล้องผมที่เชียงใหม่เป็นตัวประกัน

นั่นคือที่มาที่ว่า แบกเหี้ยไรนักหนาไงล่ะครับ

"ถึงเวลาแล้ว พวกพี่ไปก่อนนะ" ว่าเสร็จก็แตะศอกให้ผมเดินตามเข้าเกตทันที ยังไม่หายงงครับ กูมาสนามบินยังไงยังไม่รู้เลยดีกว่า 55555555555555

"หิวป่ะ"

"หึ"

"แต่กูว่ากินไรรองท้องหน่อยดีกว่า กว่าจะถึง เดี๋ยวปวดท้อง"

"อ่าาา"

"ลืมใส่ถ่านหรอมึงน่ะ" เพราะตั้งแต่มาที่นี่ผมยังไม่พูดประโยคอะไรไปมากกว่า หึ อือ อ่า งืม ผิดวิสัยไอ้เจ็ทสุดๆ ไปเลยครัขช

"...."

"หรือบางทีกูควรไปซื้อถ่านดีวะ" ลุงบ่นงึมงำๆ คนเดียว ก่อนจะเดินนำไปยังร้านอาหารในสนามบิน

เราเดินทางกันตอนกลางคืนวันศุกร์ครับ เพราะเห็นว่าจะได้มีเวลาเที่ยวกันนานหน่อย ไม่งั้นกว่าจะถึง กว่าจะเที่ยว ก็สิ้นเปลืองเวลาเดินทางไปแล้วหลายชั่วโมง ไปวันศุกร์กลับเย็นวันอาทิตย์จึงเป็นทางเลือกที่ลุงเห็นว่าเหมาะสม และไม่เสียการเรียนของเราทั้งสองคน

หลังจากรองท้องด้วยอาหารที่ลุงเป็นคนจ่ายเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาเรียกขึ้นเครื่องพอดี นั่งรอไม่นานเครื่องบินก็ตรงดิ่งมาถึงสนามบินเชียงใหม่ พร้อมกับที่ผมมึนหัวแทบตาย เมาเครื่องบินครับ ไม่ว่าขึ้นกี่ครั้งก็ไม่เคยหาย

"ไหวแน่นะ"

"งื้อออ"

"ทนอีกนิด เดี๋ยวออกไปนั่งพักข้างนอก"

"ง่าาา" ลุงขมวดคิ้วเล็กน้อยก็จะตั้งใจมองหากระเป๋าของผมที่โหลดใต้เครื่องมา

"ไปเถอะ" เดินออกมาจากเกตสนามบินก็มองหน้าบุพการีก่อนเลยครับ พ่อบอกว่าจะขับรถมารับที่สนามบิน จะได้ไม่ต้องหารถออกไปกันเอง เงี้ยแหละ ลูกพ่อรัก ทำอะไรพ่อก็ห่วงไปหมด ฮิฮิ

"ภูมิ!!" ผู้ชายคนนั้นหน้าตาคุ้นเหลือเกินครับ หล่อเหลาไม่แพ้ผมเลยด้วย เสียดาย ริ้วรอยบนหน้าเยอะไปหน่อย 555555 ใช่แล้ว พ่อผมเองง

"พ่อออออออออออ" ต้องเป็นภาพที่อุบาทแค่ไหนกับการที่ผู้ชายตัวเท่าโข่งวิ่งไปกอดผู้ชายอีกคนที่หน้าตาคล้ายคลึงกัน ระหว่างคนทั้งคู่มีตะแกรงเหล็กกั้นไว้ ทำให้การกอดครั้งนี้ไม่แนบสนิทอย่างที่ควรจะเป็น เหมือนกูเพิ่งออกมาจากคุกแล้วเจอหน้าพ่อครั้งแรกเลยโว้ยย

"ไง เมาเครื่องบินอีกสิ" พ่อโบกหัวผมเบาๆ ก่อนจะหัวเราะอย่างอารมณ์ดี

"ง่าา คิดถึงง่ะ" อ้อนโว้ยยย ขออ้อนหน่อย

"ฮ่าๆ แม่ทำกับข้าวไว้เต็มโต๊ะ ได้แดกน้ำพริกสมใจแกแน่ๆ" พูดถึงน้ำพริกแล้วน้ำลายหกเลยครับ แม่ค่อผู้หญิงที่ทำกับข้าวได้อร่อยที่สุดในโลก ไม่ว่าผมจะไปกินที่ไหนก็ไม่อร่อยเท่าแม่ผมเลยล่ะครับ นี่ไม่ได้อวยแม่คัวเองนะเอ้อออ

"ว่าแต่ พ่อหนุ่มนั่นใครล่ะ" อ้าว ลืมไปเลยว่ามีคนมาด้วย 5555 หันกลับไปเห็นลุงกำลังยืนนิ่ง ข้างตัวมีกระเป๋าเดินทางของผมอยู่ ส่วนของลุงอยู่บนบ่าลุงนั่นแหละครับ

"สวัสดีครับ ผมชื่อที เป็นรุ่นพี่ที่มหาลัยเจ็มน่ะครับ"

"เจ็ท?" อ้าว ลืมเลยย นั่นชื่อในวงการกูนี่หว่า หันไปกระซิบใส่หูพ่อเบาๆ ก่อนพ่อจะหัวเราะออกมาดังลั่นสบายบิน แง่วววว อายเขาไหมล่ะพ่อ

"นี่แกเปลี่ยนชื่อตัวเองจริงๆ หรอวะ โอ้ยยย ลูกกูแม่งฮา"

"แง่งงง พอเลยพ่อ หิวแล้ว เดี๋ยวแม่รอ" ดึงแขนพ่อเบาๆ ให้เดินไปที่รถ ปล่อยให้ลุงลากกระเป๋าผมเดินตาม

หวังว่าการมาเชียงใหม่ครั้งนี้มันคงไม่วุ่นวายนักหรอกนะ แง่งงงง!!!

.................................
เค้ามาแล้ววววว มาช้าไปไหมเธอออ แต่ยังคงคอนเซปสั้นเหมือนเดิม แงงงง
แต่เค้าจะได้กลับบ้านพรุ่งนี้แล้วน้าาา จะได้คอมมาใช้แล้ว มันจะต้องมายาวกว่านี้แน่นอน
วันหยุดนี้จะพยายาใแต่งสะสมเป็นสต็อคเอาไว้นะคะะ!

ขอบคุณทุกคนที่มาอ่านเหมือนเดิม
สัญญาว่าตอนหน้าลุงจะรุกหนักกว่านี้แน่นอนนน 555555
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH22 (19/10/17)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 19-10-2017 22:33:39
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH22 (19/10/17)
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 19-10-2017 22:47:23
เอ้า ชื่อในวงการ 55555555
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH22 (19/10/17)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 19-10-2017 22:48:32
ดีใจ ไรท์มา  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ว้าว........ในที่สุดพี่ทีก็ง้อเจ็ท สำเร็จ
ตกลงไม่มีอะไรใกอไผ่ ระหว่างพี่ที พี่เบลล์
พี่ที มีความอดทนสูงมาก
แอ๊ะ.......เจ็ทถูกพี่ทีกอด จูบด้วย  :hao5: :sad4: :heaven
นี่แหล่ะไม้เด็ด ง้อเจ็ทได้

พี่ที ไม่รอช้าแล้ว ทำเรื่องชอบเจ็ท ให้ชัดเจนซะเลย
รีบให้เจ็ทพามาทำความรู้จักกับว่าที่พ่อตาแม่ยาย  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH22 (19/10/17)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 19-10-2017 23:00:55
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH22 (19/10/17)
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 19-10-2017 23:52:21
ชื่อภูมิ??
มีชื่อในวงการซะด้วย
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH22 (19/10/17)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 20-10-2017 00:31:53
ชื่อในวงการ  :ruready วงการอะไรหว่า  :m21:
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH22 (19/10/17)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 20-10-2017 07:02:45
ง้อได้ดีมากพี่ที 5555
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH22 (19/10/17)
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 20-10-2017 10:21:04
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH22 (19/10/17)
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 21-10-2017 08:05:34
พี่ทีนี้เจ๋งได้ใจจริงๆ
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH22 (19/10/17)
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 21-10-2017 11:58:49
น่ารักดีๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
แล้วเรื่องส้มกับพี่เก่งอ่ะ
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH22 (19/10/17)
เริ่มหัวข้อโดย: Aoo_ooF ที่ 30-10-2017 14:56:55
มาตต่อไวไวนะคับ
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH23 (31/10/17)
เริ่มหัวข้อโดย: oommmy ที่ 31-10-2017 21:26:29
CH23

ยามเช้าที่บ้านมันดีแบบนี้นี่เองครับ บ้านผมตั้งอยู่แถบชานเมืองของจังหวัดครับ ทำให้ตึกราบ้านช่องไม่มากนัก ธรรมชาติจัดเต็ม บวกกับที่พ่อเป็นคนชอบต้นไม้ครับ เรียกว่าบ้าง่ายกว่า โดนเฉพาะต้นกระบองเพชร นี่คิดว่าอีกหน่อยคงลาออกจากงานมาทำสวนกระบองเพชรแทนแน่ๆ

ส่วนแม่ผมเป็นแม่บ้านที่หลงใหลการกินกาแฟเป็นชีวิตจิตใจ ยิ่งช่วงที่เชียงใหม่บูมเรื่องคาเฟ่ใหม่ๆ แม่ผมเดินสายไปชิมทุกร้านครับ หลังๆ พ่อเริ่มบ่นว่าถ้ายังเดินสายแบบนี้เรื่อยๆ บ้านผมได้ล้มละลายแน่ สุดท้ายตัดสินใจเปิดร้านกาแฟให้แม่ผมเป็นร้านเล็กๆ ในเมือง แล้วไม่ต้องสงสัยนะครับว่าลักษณะร้านจะเป็นแบบไหน กระบองเพชรนอนอยู่เต็มร้านจนแทบจะไม่มีที่เดินอยู่แล้ว

“วันนี้อยากไปไหนอ่ะลุง” เมื่อคืนหลังจากกลับมาถึงบ้าน สิ่งแรกที่ผมทำคือกินครับ กับข้าวที่แม่ทำให้เหมือนสวรรค์ดีๆ นี่เอง คิดถึงกับข้าวแม่ที่ซู้ดดดด กินจนลืมไปเลยว่ามีมนุษย์อีกหนึ่งคนมาด้วยจากกรุงเทพ ปล่อยให้แม่นั่งมองหน้าลุงเป็นชั่วโมงถึงคิดได้ตอนยัยน้องสาวตัวดีเดินมาสะกิดนั่นแหละ

หลังจากที่แนะนำลุงกับที่บ้านเรียบร้อยแล้ว พ่อก็ไล่ให้ผมพาลุงเข้านอนครับ เตียงห้าฟุตในห้องผมมันช่างดูคับแคบไปเลยเมื่อมีมนุษย์ร่างยักษ์มานอนอยู่ด้วย แต่ลุงก็ไม่บ่นซักคำ แถมยังดึงผมเข้ามานอนกอดเสียด้วยแน่ะ ถึงแม้มันจะไม่ใช่ครั้งแรกของเราก็เถอะนะ งื้อออ

“ที่ไหนก็ได้” แล้วดูคนที่ชวนผมมาสิครับ นอนกะดิกตีนเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียงสบายใจเฉิบ ไม่ได้รู้สึกว่าอยากจะออกไปเที่ยวไหนเลยนะนั่น แถมพอเมื่อเช้าเกริ่นๆ ว่าผมจะแวะไปหาเพื่อนที่โรงเรียนตอนค่ำๆ ก็ทำหน้าตาไม่พอใจบอกว่ามาเที่ยวกันทั้งที ทำไมเราไม่ไปเที่ยวกัน

“ที่ไหนก็ได้ไม่มี เลือกสิ” เปิดคอมเสิชกูเกิ้ลกันตอนนี้ไปเลยครับ ยอมรับตรงๆ ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา นอกจากบ้านกับโรงเรียนแล้ว ก็ร้านหมูกระทะหน้าปากซอยโรงเรียนนั่นแหละที่ผมไปบ่อยสุด ถ้าไม่อยากลองกล้องจริงๆ อย่าหวังว่าไอ้เจ็ทจะออกจากบ้าน ขี้เกียจขยับตัวครับ ปิดเทอมทีไรนอนอยู่บ้านจนเกือบเป็นแผลกดทับไปแล้ว

“มึงเลือกเลย” ดูคนแก่มันพูดครับ กวนป่ะล่ะ

“สวนพฤกษามะ ลุงชอบต้นไม้ไม่ใช่หรอ” ระยะทางไม่ไกลจากเมืองเท่าไหร่ครับ แถมดูจากรีวิวแล้วที่สำหรับถ่ายรูปเยอะด้วยสิ

“ร้อน”

“งั้นไปไหว้พระป่ะ ดอยสุเทพก็น่าสนนะ เป็นสิริมงคลด้วย” จำได้ว่าเคยไปมาครั้งหนึ่งเมื่อตอนเป็นเด็ก ทางโค้งแม่งโคตรน่าหวาดเสียวครับ

“คนเยอะ”

“งืมม เดอะไจแอนท์เอาป่ะ น่าสนุกอ่ะ เหมือนสวนสนุกเลย” เป็นเหมือนสวนสนุกจริงๆ ครับ มีรถลอยฟ้าให้นั่งชมบรรยากาศรอบๆ น่าสนใจดีนะครับ เห็นเขาว่าเด็กก็นั่งได้ ไม่น่ากลัวเท่าไหร่

“กูกลัวความสูง”

“สวนสัตว์เชียงใหม่อ่ะ เคยดูหมีแพนด้ายัง” จำได้ว่าสมัยที่หมีแพนด้าเข้ามาแรกๆ ผู้คนแห่กันไปนั่งดูเจ้าหมีหน้าโง่นี่กินไผ่กันได้เป็นชั่วโมงๆ ไม่เบื่อกันหรือไงวะ

“มึงเห็นกูเป็นเด็กหรอ”

“งั้นผมไปหาเพื่อน”

“ไม่”

“หึ” เลิกนอนกระดิกตีนแล้วหรอครับไอ้คุณลุง!!!!

......................................................

คุณรู้ไหมครับว่าตอนนี้ผมอยู่ที่ไหน ที่ที่แม่งไม่มีอยู่ในลิสตั้งแต่แรก ไม่ใช่ที่ที่ผมเปิดกูเกิ้ลหาเสียเนิ่นนาน เพราะที่นี่คือ มหาวิทยาลัยชื่อดังย่านเชียงใหม่ ที่มีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ และเป็นแหล่งรวบรวมนักศึกษาเกือบครึ่งค่อนมหาวิทยาลัย

ที่สำคัญ คนแม่งเยอะชิบหายยยย!!!!

ไหนเมื่อกี้มึงเพิ่งบอกว่าคนเยอะเลยไม่ไปไงวะ!!

“ชอบถ่ายรูปไม่ใช่หรอ ถ่ายสิ” ปากพูดกับผมครับ แต่สายตานี่ไม่ได้โฟกัสที่ผมเลย ก็แม่งบอกผมว่าจะมาที่นี่เพราะอยากพาผมมาถ่ายรูป เห็นว่าเขาชอบถ่ายรูปเช็คอินกันโครมๆ แม่งเอ๊ย นอกจากบ่อน้ำกับสนามหญ้าแล้ว ไม่มีอะไรให้กูถ่ายได้เลย คนแม่งก็ยั้วเยี้ยยังกับหนอน แพลนกล้องไปทางไหนก็มีแต่คนกับคน จะเอาวิวไหนไปถ่ายรูปวะ

ไอ้คนข้างๆ ก็เอาแต่สอดส่องสายตามองนู่นมองนี่อยู่นั่นแหละ มาด้วยกันสนใจคนอื่นได้ไงวะ แม่งกวนชิบหาย เดี๋ยวกูก็หนีกลับเลยหนิ

“ให้ผมถ่ายไรล่ะครับ แม่งมีแต่คน” หหงุดหงิดครับ ร้อนก็ร้อน แถมแม่งยังไม่มีอะไรน่าถ่ายซักนิด

“ถ่ายๆ ไปเหอะ อย่าเรื่องมาก” เอ้าอิลุง กวนตีนอีกแล้วนะครับ

“เออออออออออออ” เดินหนีแม่ง งอนเว้ยครับ

เดินตามทางมาเรื่อยๆ ก็ยังไม่เจอจุดที่ผมรู้สึกถูกใจเลยครับ อาจเพราะผมเคยมาที่นี่หลายครั้งมากแล้ว เมื่อก่อนเลยฝันว่าอยากเข้าที่นี่ครับ แต่พอมาบ่อยเข้าก็เริ่มอยากออกไปเผชิญโลกกว้างบ้าง บวกกับสอบไม่ติดนี่แหละ เลยกระเตงๆ ตัวเองไปอยู่ในเมืองโน่นนน ได้ใช้ชีวิตสมใจอยากไอ้เจ็ทล่ะ

จนกระทั่งเจอจุดหนึ่งที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน เพราะปกติเวลามากับเพื่อนๆ ก็เคยแว๊นมอไซด์ผ่าน ไม่ได้ลงมาเดินดูจริงๆ ว่ามันเป็นยังไง ตรงนี้ค่อนข้างสงบครับ หรือเพราะไม่มีคนเดินเข้ามาถึงรุเปล่าก็ไม่รู้ ต้นไม้ต้นใหญ่ที่บดบังทัศนียภาพรอบนอก แต่พอเดินมาใกล้ๆ จะเห็นว่ามันมีร่องรอยของการถูกขีดอยู่รอบต้น พร้อมกับมีตัวเลขอยู่ข้างๆ เหมือนกันเวลาที่เราวัดส่วนสูง


“สวัสดีครับ”

“...”

“คุณนั่นแหละครับ”

“ครับ?” ตอนแรกผมเข้าใจว่าไม่ได้ทักผมครับ แต่ก็ลืมไปว่าบริเวณนี้มีแค่ผมกับเขาที่ยืนอยู่ตรงนี้ ผมเห็นเขาซักพักแล้วครับ แต่คิดว่าเขาที่นั่งหันหน้าเข้าบ่อน้ำจะส่งเสียงทักทายผมที่เดินอยู่ข้างหลัง

ผู้ชายคนดังกล่าวลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะส่งยิ้มอบอุ่นมาให้ผม รูปร่างผอมสูง หน้าคม ใส่แว่น บวกกับเสื้อเชิ้ตกางเกงแสลคที่เดาว่าคงไม่ใช่นักศึกษาที่นี่แน่นอน ว่าแต่เขาเป็นใครกันนะ

“มาเที่ยวหรอครับ?” เขายังคงส่งรอยยื้มอบอุ่นมาให้เหมือนเคย

“ครับ” ไม่ค่อยสนิทใจในการคุยกับผู้ใหญ่ครับ มันเกร็ง แหะๆ

“ผมชื่อพีนะ ยินดีที่ได้รู้จักครับ”

“อ่า เจ็ทครับ”

“สนใจต้นไม้ต้นนี้หรอ” เขาว่าพลางหันหน้าไปทางต้นไม้ต้นเมื่อกี้ครับ “ต้นไม้ต้นนี้คือพ่อของผมเอง”

“...”

“หมายถึงพ่อผมเป็นคนแนะนำต้นไม้ต้นนี้ให้ผมรู้จักน่ะครับ”

“พ่อของคุณคงรักต้นไม้ต้นนี้มากสินะครับ”

“พ่อผมเคยบอกว่า ต้นไม้ต้นนี้คือบ้านของเรา คุณทวดเป็นคนปลูกเอาไว้ เพื่อให้ระลึกถึงกันและกันในยามที่เราไม่เจอกันแล้ว เมื่อก่อนพ่อจะพาเราสองคนพี่น้องมาที่นี่ทุกปีครับ จนตอนนี้เวลาที่ผมมีเรื่องไม่สบายใจก็จะมาที่นี่ มันเหมือนกับว่ามีพ่อคอยให้กำลังใจอยู่ใกล้ๆ น่ะครับ”

คุณพ่อคงไม่ได้อยู่ด้วยแล้วสินะ..

“ผมเชื่อว่าพ่อคุณอยู่ในใจคุณเสมอครับ”

หัวเราะ?

“ฮ่าๆ ขอบคุณครับ”

 “แต่งเรื่องเก่งไม่เปลี่ยนเลยนะพี”

เสียงคุ้นเคยดังมาจากด้านหลังผม เห็นลุงยืนกอดอกหน้าเบื่อโลก กรอกตาไปมา เหมือนเอือมระอาเต็มที

“ก็เด็กมึงหลอกง่ายนี่หว่า” เสียงทุ้มดังขึ้นข้างหู พร้อมกับสัมผัสแผ่วเบาที่แตะลงข้างแก้ม เดี๋ยวววว เมื่อกี้ไอ้นี่หอมแก้มผมหรอวะ

“เชี่ย!!”

“ลามปามแล้วครับ” ผมถูกลุงกระชากกลับมาสู่อ้อมกอด แต่ช่วยทำเบากว่านี้หน่อยได้ไหมคร้าบบ เจ็บจมูกโว้ยยย

“แค่นี้หวงหรอวะ” จะหันกลับไปมองคนพูดก็ไม่ได้ครับ เพราะตาลุงแม่งกดหัวผมจมมิดไปกับอกมันแน่น กะไม่ให้กูหายใจเลยว่างั้น ตายขึ้นมาจะไปพ่อกับแม่กูว่าไงวะ ซบอกผู้ชายตายงี้หรอวะ บันเทิงชิบหายเลยครัชช

“อย่าลืมคุยกับพ่อล่ะ” ชายคนดังกล่าวว่าแบบนั้นก่อนจะได้ยินเสียงฝีเท้าดังห่างออกไปเรื่อยๆ

“แรด” หลังจากที่ผมถูกปล่อยเป็นอิสระ นี่คือคำแรกที่ลุงพูดกับผมครับ พูดไม่พอ ยังเอามือปาดน้ำลายตัวเองมาป้ายๆ แก้มผมอีกแน่ะ

“สกปรก” ยังๆ คงถูอยู่ครับ มันควรเป็นผมไหมวะที่ต้องพูดคำนี้น่ะ

“เจ็บ”

“อดทน” อดทน? ให้อดทนอะไรวะ

“พอแล้ว”

“หรือให้กูหอมแก้มมึงตรงนี้?” แง่ะ ทนให้มันเช็ดก็ได้ว่ะ!!

................................................................................................

สรุปว่าผู้ชายคนนั้นคือพี่ชายแท้ๆ ของตาลุงครับ แล้วถามว่าทำไมใบหน้าไม่ละม้ายคล้ายคลึงกันเลยซักนิด เพราะลุงมันเหมือนพ่อ ส่วนพี่ชายเหมือนแม่ และเหตุผลที่มันมาที่นี่ก็เพราะจะพาผมมาเจอพี่ชายมันนั่นแหละ

พี หรือปฐพี ลูกชายคนโตของตระกูล ที่มีดีกรีเป็นถึงหนุ่มไฟแรงจบปริญญาเอกด้านฟิสิกส์จากมหาวิทยาลัยชื่อดังทางภาคเหนือ ปัจจุบันเป็นอาจารย์สอนมหาวิทยาลัยที่ตนจบมานั่นแหละ พร้อมกับเปิดโรงเรียนสอนพิเศษสำหรับนักเรียนเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย มีสาขาไปทั่วทางแถบภาคเหนือและภาคกลาง นานๆ จะลงไปดูธุรกิจในภาคกลางเสียที ชีวิตส่วนใหญ่จึงอยู่ภาคเหนือเสียมากกว่า

ความจริงแล้ว เพื่อนๆ ผมมันก็ไปลงครอสเรียนกับโรงเรียนกวดวิชานี้กันหลายคนนนะครับ แต่บังเอิญผมเป็นพวกขี้เกียจ เลยไม่เคยไปเรียนกับพวกมันซักครั้งเดียว

“แล้วไหนคือพ่อลุงอ่ะ” ถึงแม้ว่าพี่พีจะแยกออกไปแล้ว แต่เราสองคนก็ยังคงนั่งอยู่ใต้ล้มไม้ต้นเดิมนี่แหละครับ ไม่ได้ขยับตัวไปไหน เพราะตั้งใจว่าจะนั่งดูพพระอาทิตย์ตกไปเลย มุมนี้มองพระอาทิตย์ตกได้พอดีครับ

“ข้างหลังมึงไง”

ขวับ!! รีเฟรกแรกของผมคือหันกลับไปมองครับ แต่ก็ไม่พบอะไรนอกจากต้นไม้ต้นเดิมนี่แหละ

“ไม่เห็นมีเลยลุง”

“ก็ต้นไม้ต้นนี้ไง พ่อกู”

ห้ะ สรุปไอ้เรื่องที่พี่พีเล่าคือเรื่องจริงหรอวะ งง งง งง ไอ้เจ็ทงงจังครับ ไอ้พี่น้องคู่นี้มันมีความย้อนแย้งให้ตัวเองสูงมาก

“ก็เมื่อกี้บอกว่าแต่งเรื่อง?”

“ก็แต่งด้วย เรื่องจริงด้วย”

“..?”

“ต้นไม้ต้นนี้คือพ่อกูจริงๆ มึงเห็นขีดๆ บนต้นไม้ไหม สมัยเด็กๆ พ่อกูพามาวัดส่วนสูงที่นี่บ่อยๆ เมื่อก่อนครอบครัวกูอยู่ที่เชียงใหม่นี่แหละ สมัยนั้นที่นี่ยังไม่เจริญเท่านี้หรอก ความทรงจำกูก็มีไม่มาก กูจำได้ว่าพ่อกูชอบพามาเที่ยวที่นี่เป็นประจำ เพราะมันเป็นที่ที่พ่อกับแม่กูเจอกัน พบกันรัก มันเลยเป็นสถานที่ความทรงจำของครอบครัวเรา”

“...”
 
“แต่วันหนึ่งแม่กูเกิดป่วยขึ้นมา พ่อเลยต้องย้ายครอบครัวเราไปอยู่ในกรุงเทพ ตอนแรกเราคิดว่าย้ายไปอยู่กับคุณย่า แต่พ่อเป็นคนหัวรั้น อยากมีบ้านเป็นของตัวเองมากกว่า ก็บ้านหลังนั้นแหละ ที่พ่อกูซื้อไว้ ที่มีต้นไม้เยอะแยะขนาดนั้นก็เพราะพ่อกูอยากให้บรรยากาศมันเหมือนที่นี่ พ่อพยายามปลูกต้นไม้หลายๆ ต้น เพื่อให้เราไม่ลืมที่นี่ แต่สุดท้ายแม่ก็จากไป พร้อมกับบอกพ่อกูว่าจะมาคอยอยู่ที่นี่”

“บอกทีว่าไม่ใช่ละครเรื่องคู่กรรม”

“เออ โกโบริคือพ่อกูเอง สัส จะฟังต่อไหม”

“คร้าบบบบ”

“พ่อกูก็พยายามเข้มแข็งนะ ทั้งๆ ที่ย่าจะยื่นมือเข้ามาช่วยเลี้ยงกูกับเฮีย แต่น้ายศก็เอาสองแฝดมาฝากย่าเลี้ยงซะก่อน พ่อกูเลยต้องประคับประคองครอบครัวด้วยตัวเอง จนพีเรียนจบปริญญาตรี และได้ทุนไปเรียนต่อโทและเอก พ่อก็เริ่มป่วยลงเรื่อยๆ จนกูสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้นั่นแหละ พ่อก็จากไป แล้วก็บอกพวกกูว่าให้เอาเถ้ากระดูกมาโปรยไว้ที่นี่”

“งั้นเราก็นั่งทับพ่อลุงอยู่ดิ”

“เออ พ่อกูกระซิบให้กูฟังอยู่ว่ามึงหนัก”

“..”

“หึ” เกลียดอิตาลุงนี่ชิบหาย รู้ว่ากลัวผีก็ยังจะแกล้งอีกแน่ะ หรือว่าไม่ได้แกล้งวะ ชักหลอนแล้วนะโว้ยย นี่พระอาทิตย์ก็ใกล้ตกเต็มที นั่งอยู่ตรงนี้อีกหน่อยจะมีอะไรมาสะกิดกูป่ะวะ อย่ามาหลอกผมเลยนะครับคุณพ่อ แงงง

“กูอยากพามึงมาแนะนำให้พ่อกับแม่รู้จัก” อยู่ดีดีลุงก็พูดขึ้นมาครับ

“..”

“พ่อครับ คนนี้ไงที่ผมเคยเล่าให้ฟังบ่อยๆ ผมพามาหาพ่อแล้วนะ มันชื่อเจ็ท แต่ที่บ้านเรียกมันว่าภูมิ มันเป็นคนตลกครับ ชอบทำตัวบ้อๆ บอๆ ขนาดพียังบอกเลยว่ามันตลก”


“...”

“ผมอยากให้พ่อรู้ว่าผมเลือกแล้วนะครับ มันอาจจะไม่ได้ทำงานบ้านเก่งเหมือนแม่ ไม่ได้เรียนได้ที่หนึ่งตลอดเหมือนพี ไม่ได้หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูเหมือนสองแฝดที่พ่อรักนักหนา แต่มันเป็นคนที่ผมเลือกแล้วครับ อยากให้พ่อรักมัน เหมือนที่มันรัก” ประโยคสุดท้ายลุงหันกลับมามองหน้าผม ก่อนจะหยิบกำไลโซ่ออกมาจากกระเป๋ากางเกงชูขึ้นตรงหน้าผม

“แล้วมึงล่ะ ยินดีจะเป็นคนคนนั้นของกูไหม”

ตื้นตันจนพูดอะไรไม่ออก ได้แต่พยักหน้ายิกๆ ให้ลุง ก่อนที่แขนซ้ายจะถูกพันธนาการด้วยกำไลโซ่อันนั้น มีเจ้าของแล้วครับ ไอ้เจ็ทคนนี้มีเจ้าของจริงๆ แล้วครับ โฮกกก

“เบ้ปากทำไม ใส่ให้กูบ้างสิ” ยื่นแขนซ้ายพร้อมกับกำไลโซ่อีกเส้นที่มีขนาดใหญ่กว่ามาทางผม คว้ามาใส่ให้ลุงบ้าง ของคู่ชิ้นแรกของผมกับลุง งื้อออ

“โซ่นี้บอกว่ากูและมึงมีเจ้าของแล้ว เพราะฉะนั้นต่อไปนี้ห้ามให้ใครแตะต้องมีงอีก ไม่เว้นแม้แต่พี เข้าใจไหม?”

“ครับ”

.............................................................................
เค้ายังมีชีวิตอยู่ แงงง ไม่มีข้ออ้างใดๆ สำหรับการมาช้า
เพราะตั้งใจจะมาตั้งแต่สองวันก่อน แต่เค้าก็ไม่ได้มา ขอโทษฮ้าบบบ
ยังติดตามเราอยู่ใช่ม้ายยย งื้ออออออ

ขอบคุณที่ยังไม่ทิ้งกันนะคะะะะ
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH23 (31/10/17)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 31-10-2017 22:47:25
น่าร้ากกก
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH23 (31/10/17)
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 31-10-2017 23:15:21
ซึ้งมากครับ,,,

โรแมนติกดีด้วย,,,
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH23 (31/10/17)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 31-10-2017 23:27:20
น่ารักอ่ะ มีล่ามโซ่ให้กันด้วย  :mew1:
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH23 (31/10/17)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 01-11-2017 13:11:33
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH23 (31/10/17)
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 01-11-2017 15:47:44
 :L1:
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH23 (31/10/17)
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 01-11-2017 18:01:54
คิดถึงงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH23 (31/10/17)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 03-11-2017 19:52:42
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH23 (31/10/17)
เริ่มหัวข้อโดย: poterdow ที่ 04-11-2017 13:36:01
เป็นแฟนกันสักที!!!!
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH23 (31/10/17)
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 05-11-2017 10:20:44
มีเจ้าของแล้วววว
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH23 (31/10/17)
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 06-11-2017 15:33:12
ความโรแมนติกนี้!!!
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH23 (31/10/17)
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 11-11-2017 14:20:36
น่ารักมากมาย ..
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH24 (17/12/17)
เริ่มหัวข้อโดย: oommmy ที่ 17-12-2017 21:26:49
CH24

หลังจากที่ผมกับลุงตกลงเป็นแฟนกันเรียบร้อย ตาลุงก็ไม่รู้ไปเอาความกล้าบ้าบิ่นมาจากไหน เดินไปหาพ่อผมดุ่มๆ พร้อมบอกว่า ‘ผมเป็นแฟนเจ็ท เอ๊ย ภูมิครับ’ ไอ้ชิบหายยย!! เสียงตะคริวหล่นกระทบกระทะดังมาจากครัวเลยครับ วิ่งไปดูแทบไม่ทัน ดีค่ะ แม่ผมแค่ถือตะหลิวกับกระทะที่เพิ่งล้างเสร็จ เกือบงานเข้าแล้วไหล่ะ

ส่วนพ่อผมน่ะหรอ ช็อคตั้งแต่ลุงพูดจบแล้วครับ สะกิดเรียกตั้งนานกว่าจะรู้สึกตัวแน่ะ ตลกกว่านั้นคือ พ่อผมแม่งเดินขึ้นห้อง แล้วลงมาพร้อมกล่องถุงยางอนามัยพร้อมกับบอกว่า ‘ถึงเป็นผู้ชายก็ต้องรู้จักป้องกันนะ’ พีคกว่าลุงก็พ่อผมนั่นแหละคร้าบบบบบบบบบ!

อาหารเย็นมื้อนั้นจึงเป็นมื้อที่ครอบครัวเราขยายใหญ่ขึ้น เพราะมีลุงกับพี่พีมาร่วมรับประทานอาหารด้วย

“ถึงหอแล้วโทรหาแม่ด้วยนะภูมิ” และตอนนี้เรากำลังยืนกันอยู่ที่สนามบินเชียงใหม่ครับ เวลาสองสามวันสองคืนที่เชียงใหม่ของผมกับลุงผ่านไปไวเหลือเกิน ขากลับรอบนี้ผมแบกแคปหมู น้ำพริกหนุ่ม น้ำพริกอ่อง ไส้อั่ว และบลาๆๆ เต็มกระเป๋าไปหมด ไม่ใช่ของฝากนะครับ ผมเอากลับไปกินเอง 55555 ก็คนมันคิดถึงบ้านนี่หว่า จากบ้านมาไกลก็คิดถึงอาหารพื้นเมืองบ้านตัวเองเป็นธรรมดา

“ฝากดูแลภูมิด้วยนะที แล้วมาเยี่ยมพ่อกับแม่บ่อยๆ นะครับ”

“ครับ” ผมดีใจนะครับที่พ่อกับแม่ผมยอมรับลุง เพราะมันเท่ากับว่าลุงจะมีพ่อกับแม่ผมมาเป็นครอบครัวเพิ่ม ผมรู้ว่าถึงลุงจะไม่เคยบอกว่าเหงา แต่การที่เราไม่มีพ่อและแม่ไว้เป็นที่ปรึกษายามเหนื่อย มันก็คงจะเหงาบ้างแหละ

กอดพ่อกับแม่ให้ชื่นใจหนึ่งที ก่อนจะยกมือสวัสดีแล้วเดินเข้าเกต เสียดายนะครับที่เรามากันแค่ไม่กี่วัน ยังอยากอยู่บ้านอยู่เลยน่ะสิ ปิดเทอมนี้รับรองผมของลางานพี่โจ้กลับบ้านยาวแน่นอน

...
หลังจากกลับจากเชียงใหม่ตอนนี้ก็ผ่านมาได้เดือนกว่าแล้วครับ ชีวิตประจำวันชองผมก็เหมือนเดิมทุกวัน ไปเรียน ทำงาน วนลูปไปเรื่อยๆ ไม่ต่างกันกับลุงที่วันวันมุดหัวอยู่ได้ในห้องแลป เราเจอกันบ้างประปราย ส่วนใหญ่จะเป็นผมไปหาที่คณะเพื่อกินข้าวกลางวันด้วยกัน หรือลุงแวะมาหาผมก่อนจะเลิกงาน แล้วอยู่รอจนผมกลับถึงหอ ชีวิตประจำวันของเราสองคนก็เหมือนคู่รักธรรมดาทั่วไป

แต่ที่มันไม่ธรรมดาคือสิ่งมีชีวิตเพศหญิงอีกหนึ่งคนที่ชักจะเจอะเจอกันบ่อยเหลือเกินช่วงนี้ แน่นอนว่าที่ผมพูดถึงนี่ไม่ใช่ไอ้คุณส้มหรือยะหยาแน่นอน แต่เขาคือพี่เบลล์ครับ

ในทุกวันที่ผมไปหาลุงที่คณะ ก็มักจะเห็นพี่เบลล์อยู่ในห้องแลปกับลุงทุกครั้ง ในช่วงแรกๆ ลุงก็พยายามบอกกับผมว่าต้องเข้าแลปด้วยกันทุกวัน เพราะคณะแพทย์จะมีช่วงที่ยังต้องทำแลปคล้ายๆ กัน ทำให้ช่วยๆ กันทำ ผมเข้าใจนะครับ แต่ที่ไม่เข้าใจคือมันต้องถึงขั้นตามลุงไปหาผมที่ที่ร้านพี่โจ้ด้วยเรอะ!

นิ่งครับ นิ่งสงบสยบทุกการเคลื่อนไหว เฝ้าสังเกตการณ์เงียบๆ เดี๋ยวกระต่ายตื่น ถามว่าทำไมผมถึงนิ่งได้ขนาดนี้น่ะหรอ เพราะผมยังเชื่อใจลุงว่ามันไม่มีอะไรจริงๆ ในทางกลับกัน ผมรู้สึกตงิดๆ ใจกับพี่เบลล์มากเลยครับ

จุดเริ่มต้นของความหงิดไม่ใช่เพราะผมเจอพี่เบลล์บ่อยจนเกือบทุกวันหรอกนะ แต่ตั้งแต่ที่ผมกับลุงเปิดตัวกันอย่างเต็มตัวแล้ว ผมก็รู้สึกว่าสายตาที่พี่เบลล์มองผมเปลี่ยนไป เหมือนมีอะไรในใจ บางคครั้งที่ลุงเผลอ พี่เบลล์มักจะจ้องมองผมด้วยสายตาแปลกๆ และคนที่ช่วยยืนยันความคิดนี้ก็คือส้มครับ

“กูฟันธงว่าพี่เบลล์แม่งคิดไม่ซื่อกับพี่ทีชัวร์” ตอนนี้เรากำลังอยู่ในคาบเรียนตอนบ่ายครับ ถามว่าทำไมถึงนั่งคุยกันได้น่ะหรอ เพราะอาจารย์ปล่อยให้เราทำงานกลุ่มครับ

“เสี้ยมอีกแล้วนะมึง” หยิมส่งเสียงกลับมาหน่ายๆ พร้อมกับเขียนรายชื่อสมาชิกกลุ่มไปด้วย

“กูไม่ได้เสี้ยม มึงก็เห็นว่าวันนี้พี่เบลล์แม่งทำหน้ายังไงตอนเห็นพี่ทีซื้อน้ำให้ไอ้เจ็ท” สะดุ้งโหยงตอนที่มันตบโต๊ะดังฉาดใหญ่พร้อมกับส่งเสียงดุตอกกลับหยิม

“แต่กูยังไม่ได้อยากให้เจ็ทมันคิดไปไกล เข้าใจไหมวะไอ้คุณส้ม” เงยหน้ามาส่งสายตาดุกลับไปบ้าง

“เหอะ!”
บทสนทนาแบบนี้มันเริ่มมาซักพักแล้วครับ ตั้งแต่ที่ส้มเล็งเห็นความผิดปกตินั้นเหมือนกับที่ผมเห็น เพียงแค่ด้วยนิสัยไม่ยอมคนของมัน ทำให้มันแสดงความไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจนในเรื่องนี้ และยังคงมีหยิมที่พยายามปรามไม่ให้ส้มมันคิดไกลไปมากกว่านี้ คงมีเพียงยะหยาที่เพียงส่งยิ้มมาให้ผมเบาๆ เพื่อเป็นการปลอบใจ

“เรื่องนี้มันควรเป็นเรื่องของคนสองคนป่ะวะ ตอนนี้พี่ทีทำทุกอย่างชัดเจนอยู่แล้วว่าไอ้เจ็ทคือที่หนึ่ง ถึงมึงจะไม่เชื่อใจพี่เบลล์ แต่อย่างน้อยมึงก็ควรเชื่อใจลูกพี่ลูกน้องกูบ้างว่าจะไม่ทำให้เพื่อนของเราเสียใจ” ร่ายยาวทั้งๆ ที่มือยังไม่หยุดเขียน จนผมสงสัยว่าชื่อพวกเราสี่คนมันต้องเขียนนานขนาดนั้นเชียวหรือ แต่ก็ได้คำตอบเป็นกระดาษที่ลิสรายการหัวข้อที่เราต้องหาข้อมูลทำรายงานแทน สองแฝดไม่เคยทำให้พวกผมผิดหวังจริงๆ ครับ เพราะตอนนี้ยะหยาก็กำลังเปิดคอมเพื่อเสิร์ชหาข้อมูลคร่าวๆ ไปด้วย

“กูเชื่อใจพี่ที แต่กูไม่เชื่อใจผู้หญิงคนนั้น”

“ประเด็นคือไอ้เจ็ทเชื่อใจใครมากกว่ามั้ง”

“แต่..”

“แต่ถ้าตอนนี้มึงไม่ช่วยพวกกูทำงาน กูจะตัดชื่อมึงออกจากกลุ่ม!” เป็นการตัดจบบทสนาที่เฉียบขาดตามสไตล์หยุมหยิมเลยล่ะครับ

ก็จริงอย่างที่หยิมว่านั่นแหละ ประเด็นคือผมยังเชื่อใจลุงอยู่ เพราะโซ่ที่คล้องเราสองคนไว้ด้วยกัน มันยังคงทำหน้าที่เชื่อมเราสองคนไว้ด้วยกันอยู่นะ

.............................................................................................

Natee : วันนี้เลิกช้า ไม่ต้องรอกินข้าวก็ได้นะ

ผมเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกงตามเดิม หลังจากที่เพิ่งก้าวออกจากห้องเลคเชอร์ในคาบเช้า วันนี้ไอ้คุณส้มโดดเรียนด้วยสาเหตุใดไม่อาจทราบได้ ตอนนึ้จึงเหลือผมอยู่กับสองแฝด และกำลังมุ่งหน้าไปยังโรงอาหารกลางของมหาวิทยาลัย เราไม่ค่อยมากินที่นี่บ่อยนักครับ ถ้าไม่กินกันที่คณะตัวเอง ก็จะกินที่คณะลุง แต่เพราะวันนี้เราเลิกเรียนเร็วเป็นพิเศษ สองแฝดจึงเลือกมาที่นี่แทน

“หยากินอะไร เดี๋ยวหยิมไปซื้อให้” เราเลือกที่จะให้ยะหยานั่งจองโต๊ะครับ เพราะถึงเราจะเลิกเรียนเร็ว แต่ปริมาณนักศึกษาที่มากินข้าวที่นี่ก็ไม่น้อยเลยทีเดียว รวมทั้งร้านก๋วยเตี๋ยวเจ้าเด็ดที่เลืองลือนักหนา ก็มีคนเข้าคิวต่อแถวยาวจนเกือบสุดโรงอาหารกันลยทีเดียว

ผมไม่ทันได้ฟังว่าหยาสั่งอาหารอะไร เพราะใจจดจ่ออยู่ที่ร้านข้าวมันไก่ข้างร้านก๋วยเตี๋ยวที่คนต่อแถวอยู่แค่สามสี่คน ผมเป็นพวกขี้เกียจต่อแถวครับ ร้านไหนคนน้อยก็กินร้านนั้น และดูท่าว่าร้านข้าวมันไก่กำลังตอบโจทย์ผมตอนนี้มากครับ

“มึงคะ กูจะเม้าส์” ผู้หญิงที่ต่อแถวตามหลังผมสะกิดเรียกเพื่อนที่ยืนอยู่ข้างๆยิกๆ ผู้หญิงเป็นเพศที่ตลกดีนะครับ เพราะไม่ว่าจะที่ไหนหรือทำอะไร ก็มีเรื่องมีคุยกันได้ตลอด

“เมื่อกี้ค่า ตอนนี้กูเดินไปส่งงาน แล้วผ่านห้องแลปเคมี กูเห็นค่า โคตรจะแซ่บ”

แลปเคมี?

“ให้กูเดาได้ไหม” เพื่อนสาวอีกคนที่อยู่ข้างๆ รีบสวนกลับทันที

“อ่ะลอง”

“พี่ทีชัวร์” ตบมือดังฉาดใหญ่หลังจากเพื่อนเดาถูก ให้ตายเถอะแค่ได้ยินชื่อพี่ทีก็ทำให้ผมเริ่มรู้สึกโหวงวูบแปลกๆ ไม่หรอกน่า คนชื่อทีมีเยอะแยะ มันคงไม่บังเอิญว่าต้องเป็นคนคนเดียวกันหรอก

“แล้วอีกคนล่ะ”

“โหหห ขนาดนี้ยังต้องถามอีกหรอก”

จนถึงตอนนี้ใจผมเต้นตุบตับ มือไม้สั่นไปหมด มือเอื้อมไปลูบโซ่ที่คล้องอยู่บนข้อมือเบาๆ เย็นเฉียบ ไม่ต่างจากหัวใจผมตอนนี้ หลังจากชื่อของบุคคลอีกคนหลุดออกมาจากผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างหลังผม พร้อมกับเหตุการณ์ในห้องแลปนั้นที่ทำให้ผมตัดสินใจเดินกลับไปหยิบกระเป๋าที่โต๊ะเงียบๆ แล้วเดินออกจากโรงอาหารทันที

................................................................................................

‘กูเห็นเขาจูบกันค่า กับพี่เบลล์ดาวแพทย์ ในแลปเมื่อกี้เลย ทุกทีกูเดินผ่านเฉยๆ เว้ย แต่ไม่รู้อะไรดลใจให้วันนี้กูหันไปมองที่ประตูห้องแลป แล้วโป๊ะเชะ เต็มสองตาเลยมึงเอ๋ยย กูนี่โคตรจะอิจฉา แม่งหญิงก็สวยชายก็หล่อ เหมาะสมกันยังกะกิ่งทองใบหยก ทำบุญด้วยอะไรวะ ถึงได้โชคดีกันขนาดนี้’

ผมไม่รู้ว่าเรื่องนี้มันจริงมากแค่ไหน แต่ให้ตายเถอะครับ ผมหยุดคิดเรื่องนี้ไม่ได้จริงๆ ผมรู้ว่าผมควรถามเรื่องนี้กับลุงให้รู้เรื่อง แต่ผมก็เกลียดตัวเองเหลือเกินที่เป็นคนจำพวกชอบหนีปัญหา และยังฝืนกักเก็บความรู้สึกหน่วงๆ เหล่านี้ไว้ในใจ

หลังจากเหตุการณ์วันนั้น ผมก็ทำตัวปกติตามเดิม แม้ในใจจะรู้สึกถึงความปวดหนึบๆ ตลอดเวลา แต่ผมก็ยังไม่กล้าจะถามความจริงกับทั้งสองคน

สองแฝดรับรู้ถึงความผิดปกติของผม เพราะหลังจากที่ผมหยิบกระเป๋าแล้วเดินออกจากโรงอาหารทันที ก็เป็นยะหยาที่วิ่งตามมาฉุดมือผมไว้ แล้วถามถึงความผิดปกตินั้น แต่ทำเพียงแค่เดินกลับไปนั่งเงียบๆ ที่โต๊ะดังเดิม แม้จะมีอาหารที่หยิมซื้อมาเพิ่มให้วางอยู่ตรงหน้า ก็ไม่ได้รับความสนใจจากผม ไม่มีคำตอบสำรับคำถามที่สองแฝดเฝ้าถาม และดูเหมือนว่าทั้งสองจะรู้ว่าผมไม่ต้องการคุยในเวลานั้น ทั้งสองจึงเลิกเร่งเร้า และทำตัวเหมือนปกติกับผม แม้จะมีบ้างที่ได้รับสายตาที่เป็นห่วงจากยะหยา หรือสายตาที่มีแต่คำถามของหยิมก็ตาม

หรือแม้จะกระทั่งส้มที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์นั้น ก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศแปลกๆ รอบตัวผม แต่มันเป็นก็เลือกที่จะไม่ถาม และรอให้ผมเป็นคนพูดออกมาเอง

ผมยังคงทำกิจวัตรประจำตัวเหมือนเดิม ไปเรียน ทำงาน กลับหอมานอน หรือแม้กระทั่งการเจอหรือพูดคุยกับลุง ก็ยังคงมีรอยยิ้มให้เสมอ ผมไม่รู้ว่าลุงจะรู้รึเปล่าว่าผมแปลกไป แต่ให้ตายเถอะครับ ไม่กล้าจะเอ่ยคำถามนั้นออกไป และไม่พยายามค้นหาคำตอบ เพราะผมกลัวเหมือนเกิน กลัวความจริง

“วันนี้เหมือนเดิมนะครับ” และเป็นอีกวันที่ลุงมาหาผมที่ร้านหลังจากทำแลป และยังคงเป็นอีกวันที่ลุงมีผู้ติดตามมาด้วย

“อืมมม ช่วงนี้พี่อ้วนมากอ่ะเจ็ท พี่ของอเมริกาโน่ดีกว่า หวานน้อยนะจ๊ะ” พวกคุณเดาถูกแล้วครับ พี่เบลล์ตามลุงมาทุกครั้งที่พวกเขาเข้าแลปด้วยกัน

ผมเคยสงสัยนะครับว่านักศึกษาเอกเคมีกับนักศนึกษาแพทย์ทำไมถึงต้องเข้าแลปด้วยกันบ่อยๆ หรือทำไมต้องทำโปรเจคร่วมกัน ผมเคยถามเรื่องนี้กับลุงครับ พร้อมกับได้คำตอบว่าตอนนี้ลุงกำลังสนใจพวกผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับยา แต่ไม่มีเพื่อนที่เรื่องเภสัชเลย แต่ต้องหาข้อมูลเรื่องยาจากเพื่อนที่เรื่องคณะแพทย์แทน และเพื่อนคนนั้นก็คือพี่เบลล์ครับ

“ครับ” ผมรับออเดอร์จากพี่เบลล์ก่อนจะหันไปทำเครื่องดื่มที่ถูกสั่ง ส่วนของลุงเป็นอะไรก็ได้ตามใจผม ลุงเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่มาหาผม จนผมหมดมุกจะหาอะไรแปลกๆ มาให้ลุงลองชิมแล้วครับ เมนูง่ายๆอย่างสตอเบอรี่ปั่น หรือสตอเบอรี่โยเกิร์ตจึงถูกนำมาเสิร์ฟสลับๆ กันไป

“ทีไม่ลองกินอย่างอื่นบ้างหรอ”

“เราชอบสตอเบอรี่น่ะ”

“โห ที่จะชอบแค่ไหน แต่ถ้ากินเป็นประจำทุกวันแบบนี้ เราก็เบื่อเหมือนกันนะ” ผมวางเครื่องดื่มลองที่บาร์เงียบๆ ก่อนจะหันกลับไปสนใจหน้าเคาท์เตอร์ของตัวเองตามเดิม ได้ยินเสียงทั้งสองคุยกับเจื้อแจ้ว ตั้งแต่เรื่องล้มฟ้าอากาศจนถึงเรื่องในห้องแลป พวกเขามักจะนำเรื่องในห้องแลปมาปรึกษากันต่อที่นี่เสมอ และแยกย้ายกันเมื่อผมเลิกงาน

ผมไม่เข้าใจหรอกครับว่าทำไมพี่เบลล์จะต้องรอจนผมเลิกงานก่อนถึงค่อยกลับบ้าน หรือทำไมจะต้องตามลุงมาที่นี่เพื่อปรึกษาเกี่ยวกับงานที่ไม่ได้เร่งรีบอะไรแล้ว ล่าสุดที่ผมรู้คือลุงแค่ต้องทำพรีเซ้นท์ให้ผ่าน ทุกอย่างก็จะเสร็จสมบูรณ์ นั่นเท่ากับว่าข้อมูลที่ลุงต้องการ มันก็น่าจะเพียงพอแล้ว

“เหม่ออะไร” เสียงคุ้นเคยดังมาจากโต๊ะประจำ ดึงความสนใจของผมกลับไปที่บุคคลที่ผมกำลังนึกถึงในใจ เห็นลุงกำลังนั่งมองมาที่ผม ตรงหน้ามีแก้วสตอเบอรี่ปั่นที่ถูกดูดไปมากกว่าครึ่ง และข้างกันก็มีแก้วอเมริกาโน่เย็นที่ถูกแตะไปเล็กน้อยวางอยู่ แต่เจ้าของแก้วใบนั้นไม่ได้นั่งอยู่ตรงเก้าอี้ว่างตัวนั้น

“เบลล์ไปคุยโทรศัพท์ด้านนอก” มองไปที่กระจกหน้าร้าน เห็นพี่เบลล์กำลังคุยโทรศัพท์ด้วยใบหน้าเคร่งเครียด

“แล้วเมื่อกี้เหม่ออะไร ไม่สบายรึเปล่า” ไม่พูดเปล่า ยังเอามือมาอังหน้าผากผมไปด้วย เป็นจังหวะเดียวกับที่พี่เบลล์เปิดประตูก้าวเข้าร้านพอดี ตาสบตา ให้ตายเถอะครับ ผมไม่ชอบอะไรแบบนี้เลย

ไม่ได้อยากเปิดศึกกับใคร แต่สายตาท้าทายที่ส่งมาแบบนั้น ผมว่าผมไม่ได้คิดไปเอง

.......................................................
ไม่มีข้อแก้ตัวสำหรับการหายไปจ้า โงยยยยยย
ได้โปรดอย่าดุด่ากันเลยหนาาา เราไม่ได้แตะคอมเลยง่ะ
บวกทั้งมีปัญหาเรื่องงานรุมเร้านิดหน่อย

แต่เราจะพยายามเรามาต่อก่อนปีใหม่แน่นอนน้า งื้ออ
ขอบคุณทุกคนที่ยังติดตามนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH24 (17/12/17)
เริ่มหัวข้อโดย: Somporn ที่ 17-12-2017 21:29:26
น่ารัก ขอตามด้วยคนน่าาา
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH24 (17/12/17)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 17-12-2017 22:22:07
มาม่าชามใหญ่ ชะนีตัวเดิม มาอีกแล้ว :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

คนที่เป็นปัญหา ก็คนเดิม
แล้วที่จูบกันในแลป จริงใช่ไหม  :hao3:
ถ้าพี่ที มีใจให้นางจริง ก็บอกเจ็ทตรงๆ

จะมีคนชื่อที ซ้ำ แล้วฝ่ายหญิงเป็นดาวซ้ำหรือ
ไม่มีของเน่า แมลงวันไม่ตอม เอ๊ย.......ไม่มีมูลฝอย หมาไม่ขี้         
หรือฝ่ายหญิงเริ่ม ฝ่ายชายเลยตามน้ำ ไม่อยากเสียมารยาท  o18

แต่พอนางส่งสายตาท้าทายเจ้ท ก็......ใช่เลย
ยิ่งตามตัวทีติด แม้เขามาหาแฟน ยังเสนอหน้ามาจนเขาเลิกงาน
อะไรจะเสือก เอ๊ย......เสนอหน้าขนาดนั้น

เป็นเจ็ท จะไม่ทน เป็นไรเป็นกัน ไม่ใช่สีทาหลังคานี่ จะได้ทนได้
ดีกว่าทนทรมาน คิดมาก ถามจะๆต่อหน้าทั้งคู่ไปเล้ย 
จูบกันในแลปก็แล้ว ตามกันจัง......เอาไงแน่
จะได้รู้ว่าใครแอปเปิ้ล ใครสตรอเบอรี่ เหอะ........

ไรท์ มาต่อไวๆ นะ อยากอ่านต่ออีกและ  :ling1: :ling1: :ling1:
ขอให้ปัญหาของไรท์ ผ่านไปด้วยดีนะ เอาใจช่วย  :mew1: :mew1: :mew1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH24 (17/12/17)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 17-12-2017 22:32:17
เครียดเรื่องงานเหมือนกัน เครียดจนอยากตบชะนีเบลล์  :fcuk:
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH24 (17/12/17)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 17-12-2017 22:37:04
เกาเหลาก็มา มาต่อด้วยนะจ๊ะถือว่าเป็นการชดเชยที่ทิ้งให้ค้าง แฮ่ๆ
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH24 (17/12/17)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 17-12-2017 23:09:41
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH24 (17/12/17)
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 18-12-2017 00:20:15
ตบเลย. 555
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH24 (17/12/17)
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 18-12-2017 13:54:03
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH24 (17/12/17)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 18-12-2017 23:39:21
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH24 (17/12/17)
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 19-12-2017 05:08:30
เฮียทีแสดงความชัดเจนให้นางเห็นหน่อย

นางจะได้เลิกคัน เจ็ทจะหึงก็ไม่กล้าทั้งที่มีสิทธิ์เฮ้ยยยยยย..
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH24 (17/12/17)
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 19-12-2017 12:57:33
ตามกันต่อ ..
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH24 (17/12/17)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 20-12-2017 22:54:59
กว่าความสัมพันธ์จะชัดเจนก็น๊านนาน ชัดเจนแล้วยังจะมีเบลเข้ามาอี๊ก ชีวิตเจ็ทนี่ไม่ค่อยสงบสุขนะ
จะจัดการไงละทีนี้ เอาแต่หนีบางทีมันก็น่าเบื่อนะเจ็ท
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH24 (17/12/17)
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 21-12-2017 06:14:30
พี่เบลล์จะเอาไง? ต้องการอะไร?
ลุงหนะ เชื่อใจได้ แต่อีกคนหล่ะ
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH24 (17/12/17)
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 23-01-2018 03:26:23
งื้อรออออออ
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH24 (17/12/17)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 23-01-2018 05:40:25
รอไรท์  :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH24 (17/12/17)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 23-01-2018 11:57:57
เรามารอไรท์ที่เวปทุกวันเลย~ :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH24 (17/12/17)
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 27-01-2018 17:56:04
 :hao5: :hao5: มารอออออิ
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH25 (05/02/18)
เริ่มหัวข้อโดย: oommmy ที่ 05-02-2018 19:57:15
CH25

คืนนั้นลุงไปนอนที่หอผมครับ ความจริงเราคุยเรื่องนี้กันหลายครั้งแล้วว่าจะให้ผมย้ายเข้าไปอยู่ที่บ้านกับลุง แต่ผมก็ยังยืนยันว่าขอนอนที่หอดีกว่า เพราะมันสะดวกต่อการเดินทางไปกลับจากร้านพี่โจ้ ลุงเลยยื่นขอเสนอว่าหลังจากนำเสนอโปรเจคนี้จบ จะให้ผมย้ายเข้าไป และลุงจะเป็นคนไปรับไปส่งผมเอง แน่นอนว่าเรื่องนี้ได้ผ่านการพิจารณาจากผู้ปกครองของเราสองคนแล้วครับ แม่ผมยิ่งแล้วใหญ่ บอกว่าจะได้ช่วยประหยัดเงินค่าหอ แม้จะยืนยันว่าจะช่วยออกค่าน้ำค่าไฟที่บ้านด้วย

หลังจากเรื่องวันนั้น ผมยังไม่มีโอกาสได้คุยกับลุงโดยตรง เพราะผมอยากลองพิสูจน์อะไรบางอย่างก่อน

เราเจอกันทุกวันครับ ไม่ใช่แค่ลุง แต่ผมหมายถึงพี่เบลล์ด้วย และทุกครั้งผมไม่เคยได้รับสายตาที่ดูหวังดีจากเธออีกเลย ถึงแม้ว่าจะพูดคุยยิ้มแย้มแจ่มใสกับผมเหมือนเดิม แต่เมื่อลุงเผลอ ผมมักจะได้รับสายตาแบบนั้นทุกครั้ง

สุดท้ายผมเลือกที่จะปรึกษาเรื่องนี้กับสองแฝด เพราะหากเรื่องถึงหูไอ้คุณส้ม รับรองว่ามหาลัยแตกก่อนแผนที่ผมวางไว้จะดำเนินการจนเสร็จสิ้น

สองแฝดรับปากว่าจะช่วยผม แม้หยิมจะดูออกอาการว่าอยากเดินไปถามลุงให้รู้แล้วรู้รอดก็ตาม

“ทำไมวันนี้อยู่กันครบองค์ประชุมเลยล่ะ” เป็นอีกวันที่ลุงมาหาผมที่ร้านพี่โจ้ พ่วงด้วยผู้หญิงคนเดิม แปลกที่วันนี้กลุ่มเพื่อนผมมันก็ยกโขยงมาเฝ้าสังเกตการณ์เช่นกัน ถึงแม้ส้มจะถูกลากมาแบบงงๆ ก็ตาม

“คิดถึงฝีมือไอ้เจ็ทอ่ะพี่ เลยว่าจะมาฝากท้องหน่อย เผื่อวันนี้พี่โจ้ใจดีน้อง อิอิ” ส้มก็ยังเป็นส้ม ถึงแม้มันจะไม่รู้อะไรเลย ก็ยังดีเนียนไปกับทุกๆ คนได้เหมือนเดิม

“นั่งด้วยกันสิพี่ที พี่เบลล์”

“เอาสิ” หลังจบประโยคคำชวนของหยา ลุงที่รักและเอ็นดูลูกพี่ลูกน้องคนนี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็ยอมนั่งลงที่กลุ่มเพื่อนผม ทำให้พี่เบลล์ต้องนั่งลงตามลุงไปด้วย แม้จะได้รับสายตาที่ไม่เป็นมิตรจากไอ้คุณส้มเพื่อนรักของผมก็ตาม

“โปรเจคยังไม่เสร็จอีกหรอพี่ที”

“ก็เหลือพรีโปรเจครอบสุดท้าย แล้วก็แก้นิดหน่อยก็ผ่านแล้วล่ะ ตอนนี้ก็ไม่ต้องเข้าไปทำแลปเหมือนเดิมแล้ว”

“อ้าว งั้นตอนนี้ก็ทำงานหน้าคอมอย่างเดียวล่ะดิ งั้นก็แบกคอมมาทำที่นี่ก็ได้นะพี่ ส้มได้ยินมาแว่วๆ ว่าช่วงนี้เป็นสาวมาติดไอ้เจ็ทช่วงเย็นๆ ด้วย ระวังเหอะ ฮ่าๆ”  เดี๋ยวครับไอ้คุณส้ม มึงไปเอาเรื่องนี้มาจากไหน ผมยังไม่เห็นเงาสาวที่มันว่าซักคน

“จริงหรอเจ็ท” นั่นไง งานจะเข้ากูแล้วไหมล่ะ ขนาดโต๊ะที่นั่งกับเคาน์เตอร์ไม่ได้ใกล้กันมากนัก แต่เสียงที่หันมาถามผมนี้ดังจนได้ยินไปถึงหลังร้านแล้วมั้ง พี่โจ้ที่เดินไปทิ้งขยะหลังร้านถึงขั้นเปิดประตูผัวะเข้ามาด้วยหน้าตาตื่น นึกว่ามีคนตีกันมั้ง

“บ้าบอ ลุงก็ไปเชื่อไอ้ส้มมันนะ” ดีหน่อยที่ที่ผมเอาน้ำไปเสิร์ฟพอดี จึงไม่ต้องตะโกนกลับไป

“แล้วถ้างั้นทำไมตอนนี้พี่เบลล์ยังต้องทำแลปกับพี่ทีล่ะครับ” หยิมที่นั่งนิ่งๆ มานานเริ่มเปิดประเด็น

ส่วนผมก็ตีเนียนนั่งลงข้างๆ ลุงแม่งเลย ปล่อยให้พี่โจ้นั่งนับเงินที่เคาน์เตอร์ไป ลูกค้ามาก็รับด้วยนะคร้าบบ ตอนนี้ขอไอ้เจ็ทกอบกู้แฟนคืนก่อนน

“พี่ช่วยทีเก็บรายละเอียด แล้วก็ซ้อมพรีนิดๆ หน่อยๆ น่ะจ่ะ” พี่เบลล์ก็ยังคงมีรอยยิ้มสวยให้ทุกคนเหมือนเดิม แม้ตาจะเริ่มไม่ยิ้มแล้วก็ตาม แน่นอนว่าเข้าแผนหยิมเขาล่ะครับ

“ดีจังนะครับ แต่แปลกจัง วันก่อนผมไปที่คณะแพทย์มา เป็นพวกรุ่นพี่ปีสามกำลังนัดรวมตัวเพื่อประชุมค่ายที่จะไปลงตรวจพร้อมพวกปีสี่ ผมก็นึกว่าช่วงนี้แพทย์จะไม่ว่างกันซะอีก เอ.. หรือว่าพี่เบลล์ไม่รู้เรื่องนี้?” หยิมเอียงคอมองอย่างสงสัย แม้สายตาที่ส่งกลับไปหาพี่เบลล์ก็ท้าทายไม่แพ้กัน

“เป็นกิจกรรมของทางสโมน่ะ” พี่เบลล์ตอบอย่างอ้อมๆ แอ้มๆ

“อ่ออ แล้วนักศึกษาแพทย์ที่เป็นถึงดาวคณะกลับไม่ได้รับเกียรติให้เข้าร่วมงานของทางสโมงั้นหรอครับ?”

“หยิมต้องการจะบอกอะไรพี่รึเปล่า?” พี่เบลล์เงยหน้าจากกาแฟที่กำลังยกขึ้นดูด มาสบตากับหยิมแทน

เค้กที่ไอ้คุณส้มสั่งมาไม่พร่องตั้งแต่ที่หยิมเริ่มเปิดประเด็น จนตอนนี้มันเลือกที่จะหยิบน้ำขึ้นมาดูดพร้อมกับลอดสังเกตการณ์เงียบๆ แทน นี่แหละครับ ไอ้ส้มฉลาดเสมอ ผมเดาว่ามันกำลังจับทางสถานการณ์ตรงหน้าได้ และกำลังรอจังหวะที่จะช่วยเหลือหยิม หากหยิมรับมือกับสถานการณ์นี้ไม่ไหว ส่วนยะหยาและลุงตอนนี้ตะลึงค้างไปแล้วครับ

“แล้วพี่เบลล์คิดว่าไงล่ะครับ?” หยิมก็ยังคงแสดงความนิ่งออกมาจากน้ำเสียงได้ดีเหมือนเดิมครับ

“ผมไม่รู้หรอกนะครับว่าตอนนี้พี่เบลล์กำลังคิดจะทำอะไร แต่ผมแค่อยากเตือนสติพี่เบลล์นิดหน่อยแค่นั้นเองว่าตอนนี้คนที่พี่เบลล์กำลังคิดไม่ซื่อด้วยอยู่น่ะ ไม่ได้อ่อนแออย่างที่พี่คิดหรอกนะครับ แล้วไอ้ลูกไม้ตื้นๆ อย่างการจ้างรุ่นน้องมาเป่าหูเพื่อนผมน่ะ ผมบอกตรงนี้เลยนะครับ ว่ามันไม่ได้ผล!” ลุงหันมามองหน้านิดๆ เหมือนต้องการถามว่านี่คือเรื่องอะไร ผมก็ทำเพียงแค่ส่ายหน้าเบาๆ เพื่อเป็นสัญญาณว่าค่อยคุยทีหลัง

“อย่ามากล่าวหากันมั่วๆ นะ”

“พี่ทำอะไรย่อมอยู่แก่ใจครับ อย่าให้ผมต้องเอาหลักฐานมายืนยันเลยดีกว่า เดี๋ยวจะเข้าหน้ากันไม่ติดเสียเปล่าๆ” ว่าจบหยิมก็ก้มลงตักเค้กที่ส้มกินค้างเอาไว้ต่อจนหมด ทิ้งให้พี่เบลล์และคนอื่นๆ ตะลึงค้างกับคำพูดของหยิม และดูเหมือนว่าพี่เบลล์จะได้สติเป็นคนแรกจึงหยิบกระเป๋าและขอตัวกลับทันที

แต่ว่านะครับ เหมือนพี่เบลล์จะลืมไปรึเปล่า ว่ายังไม่ได้จ่ายค่ากาแฟกับผม หันไปมองพี่โจ้ที่นั่งนับเงินที่เตาน์เตอร์ก็พบสายตาดุดันพร้อมกับขยับปากเป็นคำสั้นๆ ว่า ‘ไปเอามาจ่ายเงินเดี๋ยวนี้!’

...

“สรุปจะเล่าให้กูฟังได้รึยังว่าเกิดอะไรขึ้น” วันนี้ลุงพาผมมานอนด้วยที่บ้านครับ เพราะลุงต้องเปลี่ยนพรีเซ้นโปรเจคที่กำลังจะเกิดขึ้นในอาทิตย์หน้า และด้วยความอยากรู้เรื่องราวทั้งหมด เราจึงตัดสินใจกลับมาคุยกันที่บ้านแทน

“ขอผมอาบน้ำก่อนได้ปร้า” เหนียวตัวมากครับวันนี้ เพราะหลังจากที่พี่โจ้พูดกับผมด้วยประโยคนั้น บอกคำเดียวเลยครับว่าโกยอ้าว จ้ำตามไปพี่เบลล์ไปทันที ถ้าหน้าไม่ได้ฉาบปูนแบบไอ้เจ็ทนี่ทำไม่ได้นะครัชช ด่าเขาแล้วยังทวงเงินเขาอีก แต่ยังดีกว่าโดนพี่โจ้เฉือดครับ เผลอๆ อาจโดนหักเงินเดือนแน่ โทษฐานทำลูกค้าประจำที่ช่วงนี้มาบ่อยเหลือเกินหายไป

“อย่ายึกยักเจ็ท กูไม่ได้มีความอดทนมากนะ” แง่วว แล้วทำไมต้องทำเสียงโหดด้วยเล่า

“ง่าาาา ถ้าผมบอกพี่แล้วห้ามโกธรนะ” ออกตัวก่อนครับ เดี๋ยวงานเข้าไม่รู้ตัว เอ๊ะ หรือมันเข้าแล้ววะ

“อ่าฮะ”

ผมเลยเล่าเรื่องวันนั้นที่โรงอาหาร รวมทั้งที่เอาเรื่องนี้ไปปรึกษาสองแฝด และได้รับการช่วยเหลือจากบรรดาพวกเพื่อนของลุงนั่นแหละ เพราะช่วงนี้พวกพี่เขาก็รู้สึกถึงบรรยากาศแปลกๆ รอบตัวพี่เบลล์เหมือนกัน จึงรับปากว่าจะช่วยสืบเสาะหารุ่นน้องที่เอาเรื่องลุงมาเม้าส์ให้ แต่ไม่รู้ว่าไปถามกันอีกท่าไหน พวกนั้นจึงยอมเล่ามาหมดว่าพี่เบลล์เป็นคนจ้างให้ทำ ตอนแรกพวกเธอก็จะไม่ช่วย แต่ติดที่ว่าที่ได้มาสามารถจ่ายค่าหอได้สบายๆ สามเดือนติด ก็ยอมรับปากว่าจะช่วย แต่หลังจากที่สารภาพความจริงออกมาทั้งหมดแล้ว พวกเธอก็มาขอโทษขอโพยผมใหญ่ จนใจอ่อนให้อภัยไปอีกเหมือนเคย

“แล้วทำไมไม่ยอมมาถามกู” แง่ะ เสียงดุมาอีกแล้วครัช

“ก็ผมกลัวลุงจะหาว่าผมไม่ไว้ใจ” เสียงอ่อยทำหน้าอ้อนไว้ไอ้เจ็ท

“ก็เลยไปให้คนอื่นช่วย?”

“แง่ะ ไหนว่าจะไม่โกธรกันไง”

ลุงนิ่งก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ และหันมามองหน้าผมตรงๆ “กูไม่ได้โกธร”

“เนี้ยโกธรอยู่เห็นๆ”

“กูไม่ได้โกธรมึง กูแค่โกรตัวเอง เจ็ท เราเป็นแฟนกันนะ มีอะไรต้องรีบถาม รีบปรับความเข้าใจ ไม่ใช่ปล่อยให้อีกคนเผชิญกับปัญหาคนเดียว ซึ่งเป็นกูเองที่ทำให้มึงไม่สบายใจ ทำให้มึงต้องไปพึ่งพาคนอื่น”

“...”

“แล้วสุดท้ายมึงก็แก้ปัญหาเองได้ ส่วนกูทำอะไรไม่ได้เลย ช่วยมึงก็ไม่ได้ จนกูไม่รู้ว่ามึงมีกูไว้ทำไม” ลุงเบือนหน้าหนีผม แล้วถอนหายใจออกมาอีกรอบ

เห็นแบบนั้นผมจึงเดินไปกอดลุงแบบหลวมๆ พร้อมเอาหน้าซุกลงไปที่อกแกร่ง “มีไว้อยู่ข้างๆ เจ็ทก็พอ”

ลุงกอดตอบผม พร้อมสัมผัสแผ่วเบาที่หน้าผาก

“คราวหน้าอย่าทำแบบนี้อีก กูอยู่ตรงนี้ อยากเผชิญปัญหาไปพร้อมมึง อยากรู้เรื่องของมึงทุกเรื่อง อยากเป็นที่ปรึกษาให้มึง อยากเป็นถังขยะให้มึงระบายความอึดอัด อยากเป็นคนกุมมือมึงในวันที่มึงไม่สบายใจ อยากดูแลมึงแค่คนเดียว เข้าใจไหมไอ้เด็กดื้อ”

“ครับ”

แล้วคืนนั้น ก็เป็นคืนที่ผมนอนอยู่ในอ้อมกอดของผู้ชายที่ผมมั่นใจว่า เขาจะไม่มีวันปล่อยมือจากผมแน่นอน

ฝันดีนะครับทุกคน ผมขอตัวไปนอนก่อน..

.................................................
เค้ากลับมาแล้ววว ฮือออออ หายไปนานจริงๆ
เห็นว่ายังมีคนรอติดตามก็ดีใจมากๆ
รอบนี้กลับมาพร้อมเวลาว่างที่มีมากล้น
เพราะเค้าเปลี่ยนงานแล้วจ้า ปัญหาเยอะนักก็เปลี่ยนเลยเป็นไง 555

ขอบคุณทุกคนที่ยังอยู่ข้างกัน
เรื่องนี้เดินทางมาถึงตอนใกล้จะจบแล้ว
รอติดตามบทส่งท้ายไปพร้อมๆ กันเน่ออ
หัวข้อ: Re: ฮัลโหลคุณครับ นั่นไม่ใช่เบอร์ผม! CH24 (17/12/17)
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 09-02-2018 06:00:14
อิพี่เบลล์คงไม่เลิกลาง่าย ๆ หรอก

อยากรู้นางจะมาไม้ไหนอีก