พิมพ์หน้านี้ - 《ใจยักษ์❤[เมฆ-เก่ง]:ตอนที่1❤[25/03/61]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: YINGPREM ที่ 03-11-2016 01:38:44

หัวข้อ: 《ใจยักษ์❤[เมฆ-เก่ง]:ตอนที่1❤[25/03/61]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 03-11-2016 01:38:44
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.เมื่อนิยายจบแล้วให้แก้ไขหัวกระทู้ต่อท้ายว่าจบแล้ว


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
 +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
-I n t r o-

...หนึ่งคนไม่รู้จักที่จะรัก...

...อีกหนึ่งคน  ไม่เชื่อในความรัก...



♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡


สวัสดีค่ะทุกคน  คนเขียนชื่อเปรมนะคะ  อยากลงเรื่องยาวที่ลองแต่ง(เป็นจริงเป็นจัง)ครั้งแรกดู   พล็อตเรื่องก็ไม่ได้แปลกแหวกแนวอะไรมาก ไม่รู้ว่าแนวไหนเหมือนกันแต่เอาเป็นว่าครบทุกรสชาติแน่นอน   เปรมหวังว่านิยายเรื่องนี้จะมีคนชอบบ้างเนอะ อ่านเอาสนุกนะคะ รับปากว่าจะไม่หายหัวแน่นอน  อิอิ  พร้อมรับทุกคำติชมเสมอ  ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับทุกๆคอมเม้นนะคะ :กอด1: :mew1: :katai4:  :call:


เริ่มเรื่อง [3/11/59]

จบเรื่อง [25/01/61]






+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ใจยักษ์ 1


ซ่า! ซ่า! ซ่า!

สายฝนที่ร่วงโรยลงมาอย่างไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าทำให้ผมที่กำลังเดินกลับหอแบบเอื่อยๆหยุดชะงักไปเล็กน้อย…แล้วก้าวเดินต่อไป ผมเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้านิดๆอย่างติดนิสัย แม้ฝนจะไม่ได้ตกหนักมากนัก  แต่ผมคิดว่าผมควรหาที่หลบสักพักเพราะหลังฝนตกได้ไม่นานทั้งฟ้าแลบฟ้าร้องก็กระหน่ำตามมาติดๆถึงแม้อีกไม่ถึงหนึ่งกิโลเมตรจะถึงหอผมแล้วก็เถอะ

ผมเดินเข้ามาหลบใต้กันสาดร้านขายของชำที่ปิดสนิท เมื่อกวาดสายตามองไปฝั่งตรงข้ามเป็นตึกอาคารพาณิชย์ประมาณสามชั้น2หลังติดกัน ข้างๆกันนั้นมีซอกตึกเล็กๆที่เป็นเหมือนมุมอับอยู่  ผมคงจะไม่สนใจเลยถ้าไม่เห็นเหมือนสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่นอนคุดคู้ขยับตัวเหมือนทุรนทุรายอยู่ตรงนั้น

ดวงตารีเรียวหรี่ตามองพิจารณา

ผมจะทำยังไงดี…

ช่วยสิ!คนทั้งคน

ผมมองซ้าย-ขวาดูรถบนถนน เมื่อเห็นว่าว่างแล้วก็วิ่งฝ่าสายฝนไปอีกฝั่งทันทีหลังจากตัดสินใจได้  พอขยับเข้าไปดูใกล้ๆผมเห็นผู้ชายคนหนึ่งนอนก้มหน้าอยู่ในชุดเสื้อเชิ๊ตสีดำ กางเกงยีนส์สีดำ...และรองเท้าก็ยังสีดำ แสงไฟจากข้างทางทำให้ผมเห็นว่าเขามีผิวขาวและลักษณะรูปร่างค่อนข้างหนา เขานอนคู้ตัวอยู่จริงๆมือทั้งสองกุมอยู่บริเวณท้อง

อืม... น้ำที่เจิ่งนองตรงที่เขานอนอยู่เป็นสีแดงเหมือนเลือดเลย…

เลือดหรอ

เลือด…

เฮ้ย!!! เลือด!!!

“คะ..คุณๆคุณครับดะ..ได้ยินผมไหม”เอานิ้วไปจิ้มๆที่แขนอย่างกล้าๆกลัวๆ

ทำไมไม่ขยับวะหรือว่า..ตายแล้วอ่ะ

อย่านะเว้ย

ผมสะกิดเขาแรงขึ้นอีกนิดก็ไม่ขยับ  อีกนิดก็ยังนิ่ง  จึงเปลี่ยนเป็นสะกิดที่หน้าแทนแล้วกัน

เพี๊ยะ!

“…โอ้ย”ร่างที่ดวงตาปิดอยู่ร้องออกมาเบาๆดวงตาสีเขียวหม่นๆแปลกตาค่อยๆเปิดขึ้นสบกับผู้ลงมืออย่างผม

“คุณ…ได้ยินผมไหมครับอดทนไว้นะเดี๋ยวผมโทรเรียกรถพยาบาลให้”ผมฉีกยิ้มบางบอกเขาอย่างให้กำลังใจ  อย่างน้อยก็ยังไม่ตายแหละน่า

“ไม่…ต้อง”คนตรงหน้าเค้นเสียงห้ามขณะที่ผมกำลังหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจะโทรเรียกรถพยาบาล นิ้วเรียวที่กำลังกดหน้าจอโทรศัพท์จึงชะงักไป

“ทำไมครับ?  คุณกำลังบาดเจ็บนะ”ผมถามอย่างเป็นกังวล

“ไม่ต้องมายุ่ง…เรื่องของกู”คนตรงหน้าบอกเสียงกระท่อนกระแท่นพร้อมกับใบหน้าที่ซีดลงเรื่อยๆ

“แต่…”ผมเกิดอาการลังเลขึ้นชั่วครู่  ถึงผมจะเป็นคนเงียบๆและไม่ใช่คนใจกล้ามากนัก  แต่จะให้ปล่อยให้คนเป็นอะไรไปต่อหน้าต่อตาก็ทำไม่ลงจริงๆ  แม้จะไม่รู้จักกันแต่เขาก็คือเพื่อนมนุษย์ร่วมโลกคนหนึ่ง

“ถ้าอยากช่วย ก็โทรไปเบอร์นี้09x-xxx-xxxx”ยังไม่ทันที่ผมจะพูดอะไรต่อ เขาก็เอ่ยตัดบทขึ้นมาก่อน ผมจำเบอร์ได้ในครั้งเดียวก็รีบกดเบอร์และต่อสายให้เขาทันที

“คุณจะคุยไหม”ระหว่างรอสายผมก็เอ่ยถามคนตรงหน้า  พยายามชวนเขาคุยไม่ให้หลับ เขาไม่ตอบแต่พยักหน้าแทน

(Hello) เสียงของปลายสายดังขึ้น

“อ๊ะรับแล้ว” ผมรีบยื่นโทรศัพท์ไปแนบหูคนตรงหน้าทันที

“อืมผมเอง…มารับที่ข้างตึกแถวxxx”เขาคุยเพียงสั้นๆบอกสถานที่แล้วเบี่ยงหน้าออกจากโทรศัพท์ผมไปอีกทาง ปลายสายวางไปแล้วผมเก็บโทรศัพท์มือถือแล้วจึงหันไปมองเขาที่หลับตาปล่อยให้ฝนเทกระหน่ำใส่ตัวอย่างไม่มีท่าทีจะหลบฝนเลยสักนิด

“นี่คุณ  อย่าหลับตานะแล้วก็ขยับไปหลบฝนสักหน่อยดีไหม?ผมช่วย”

“มึงไปได้แล้ว  ไม่ต้องมายุ่ง...กูไม่ขอบคุณหรอกนะ...ไม่ได้ขอให้ช่วย”เขาบอกขณะที่ตายังปิดอยู่  ใบหน้าหล่อเหลาทั้งซีดและเรียบสนิทแต่กระนั้นก็ยังคงความดูดีไว้ได้

หึ!ขนาดบาดเจ็บแล้วยังหยิ่งยโสขนาดนี้เลยหรอวะคนเขาอุตส่าห์หวังดี

“ไม่!ผมจะอยู่เป็นเพื่อนคุณ  จนกว่าเพื่อนคุณจะมารับ”ผมยังคงดื้อดึงต่อทั้งๆที่มันไม่ใช่นิสัยของผมแท้ๆที่จะมาเซ้าซี้คนอื่นแบบนี้

“จิ๊!   มึงนี่ตัวยุ่งยากจริงๆ”เขายอมลืมตาขึ้นมาอีกครั้งสบถใส่ผมแล้วค่อยๆขยับตัวไปพิงกำแพงตึกเพื่อหลบฝน(ได้นิดหน่อย) กัดกรามแน่นท่าทางจะเจ็บมากผมทำท่าจะเข้าไปช่วย  เขาก็ตวัดสายประมาณว่า ‘อย่ามายุ่ง’

เมื่อ้ขาหันมามองหน้าผมตรงๆ มันทำให้ผมได้มีโอกาสสังเกตใบหน้าเขาชัดๆใบหน้าขาวซีดจากการตากฝนและเสียเลือดเป็นเวลานานจมูกโด่งเป็นสันงองุ้มเล็กน้อยแต่สวยธรรมชาติ ริมฝีปากไม่บางและไม่หนาจนเกินไปเป็นรูปหยักรับกับโครงหน้าที่เป็นสันกรามอย่างลงตัวโดยเฉพาะดวงตาสีเขียวหม่นๆปนเทาที่ดูแปลกตานั่นกับหน้าบึ้งๆติดจะเย็นชา  ยิ่งทำให้คนตรงหน้าดูหล่อเหลามีเสน่ห์แบบดิบๆ

“นี่มึงจะยืนจ้องหน้ากูอีกนานไหมแว่นยืนค้ำหัวกูอีก”

“ครับ?...เอ่อ”ไม่รู้จะพูดอะไรเอาเป็นว่าขอไปนั่งหลบด้วยละกันถึงจะเปียกไปหมดแล้วก็เถอะ

“ไปนั่งไกลๆกูดิ๊”คนข้างๆพูดขึ้นอย่างหงุดหงิดก่อนก้นผมจะแตะลงพื้นซะอีก

“แล้วจะให้ผมไปนั่งตรงไหนครับ”

“เรื่องของมึงสิ” เจ็บแต่ท้องแต่ปากไม่ได้เจ็บสินะถึงได้พ่นคำเจ็บแสบออกมาได้ขนาดนี้

“ถ้าอย่างนั้นผมจะนั่งตรงนี้  มันก็เรื่องของผมสิ”ผมลอยหน้าลอยตาตอบ คนข้างๆเพียงมองหน้าผมนิ่งๆแล้วเบือนหน้าหนีไปทางอื่น

ตอนนี้ระหว่างเราสองคนมีเพียงเสียงสายฝนที่สาดเทลงมาต่างคนต่างเงียบและจมอยู่กับความคิดของตัวเอง  ผมก็ไม่รู้จะชวนเขาคุยอะไรไม่ใช่คนช่างพูดนัก และอีกอย่างเขากับผมก็ไม่ได้รู้จักกันอยู่แล้วจะให้มานั่งถามสารทุกข์สุขดิบกันก็คงจะไม่ไหว  แต่ไม่รู้ทำไมทำไมผมถึงไม่กล้าทิ้งเขาไว้คนเดียวก็ไม่รู้

มันเหมือนมีความคุ้นเคยบางอย่างปัดผ่านไปมา

หรือเพราะผมอยากพิสูจน์อะไรบางอย่างล่ะมั้ง   ผมถึงได้ทำแบบนี้...

*******************

***แก้คำผิดและrewriteคำพูดเล็กน้อยแต่เนื้อหายังคงเดิมนะคะ
หัวข้อ: Re: ใจยักษ์: Intro+ตอนที่1 (3/11/59)
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 03-11-2016 08:40:23
โผล่มาตอนแรกก็เลือดอาบกันแล้ว :ling3:
หัวข้อ: Re: ใจยักษ์: ตอนที่ 2 [4/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 03-11-2016 19:45:05
ใจยักษ์ 2


เนื้อหามีความรุนแรงไม่เหมาะสม  อายุต่ำกว่า 18 ปี  ควรใช้วิจารณญาณในการอ่าน


Rrr   Rrr  Rrr

เสียงสมาร์โฟนสีขาวเก่าๆแผดขึ้นภายในห้องพักขนาดกลาง ของอพาร์ตเมนท์กลางเก่ากลางใหม่  ทำให้คนที่นอนหลับอย่างเป็นสุขอยู่สะดุ้งตื่นตั้งแต่เช้าตรู่  คว้าหยิบมือถือข้างหัวเตียงมากดรับอย่างหงุดหงิดเล็กๆ

‘พี่เมฆเอง’

“เมฆ!  โทรมาแต่เช้าเพื่อ?” คนยังตื่นไม่เต็มตาดีโวยขึ้น

(ไอ้น้องรันต์  เรื่องใหญ่เว้ยสัด)น้ำเสียงเมฆดูตื่นๆมาตามสาย

“อืม  มีไรอ่ะ” ผมถามเมฆพลางลุกขึ้นจากเตียงไปเปิดตู้เย็นหยิบน้ำมาดื่มไปพลางๆ

(ไอ้โจโดนตำรวจจับเมื่อคืน  ข้อหามียาเสพติดไว้ครอบครอง  เมื่อกี้กูเห็นเพื่อนในภาคพูดกันในไลน์กลุ่ม  ว่าตอนนี้ทางมหาลัยตั้งคณะกรรมการสอบสวนแล้ว  แล้วไอ้โจมันโดนทำทัณฑ์บนสองครั้งแล้ว  ครั้งนี้อาจต้องให้ออกจากสภาพนิสิตว่ะ) เมฆเล่ายาว

“อาฮะ  แล้วไง? กูต้องเตรียมตัวอะไรกับเรื่องนี้บ้าง” ผมเดินกลับไปล้มตัวลงนอนที่เตียงอีกครั้ง

(กูก็บอกไงวะ เผื่อมึงไม่รู้)

“อ่ากูรู้ก่อนมึงละ  ไม่ต้องห่วง” ผมขดตัวในผ้าห่ม อากาศในเช้าวันนี้เย็นสบาย น่านอนต่อจริงๆ

(มึงรู้ได้ไงวะ  ข่าวพึ่งมาตอนเช้า...เดี๋ยวนะ  ไอ้น้องรันต์!มึง!) เมฆกดเสียงเข้มขึ้น

“มึงจะมาทำเสียงดุกูทำไมเนี่ย”

(มึงไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องไอ้รันต์   มึงเป็นคนบอกตำรวจใช่ไหม  กูขอแล้วไงวะว่าอย่าไปยุ่งกับมัน  ถ้ามันรู้ว่ามึงทำให้มันโดนไล่ออก  มันเอามึงตายแน่)เมฆบอกผมอย่างเป็นกังวล

“ฮ่ะฮ่าๆๆ   มึงอย่าห่วงไปเลยเมฆ  กูไม่ได้ทำอะไรมันสักหน่อย  มันทำตัวมันเองทั้งนั้น  กูบังคับให้มันเสพรึ...ก็เปล่า มันไม่ใช่ความผิดกู  สักวันทุกคนก็ต้องเห็นสิ่งที่มันทำ  กูแค่ทำให้ทุกคนเห็นเร็วขึ้นก็เท่านั้น หึ!” ผมบอกเมฆอย่างอารมณ์ดีขึ้นมา

(เหรันต์!  มันอันตราย ทำไมต้องเอาตัวไปเสี่ยงแบบนั้น  แค่มันชนมึงล้ม ไหนบอกไม่ได้คิดอะไรวะ)

“มันไม่ได้แค่ชนกู!  แต่มันเหยียบ’แหวนของแม่’กู แล้วมันยังบอกกูว่าไงนะ มึงจำได้ไหม  ‘ทำไมไอ้แว่น  มองหน้ากูจะเอาคืนหรอ  มึงซุ่มซ่ามเองนะ  แต่ก็อย่างว่าหน้าอย่างมึงจะมามีปัญญาทำอะไรกูได้ เหอะ!’  มึงอย่าลืมสิ  ใช่!หน้าอย่างกูทำอะไรมันไม่ได้หรอก แต่หน้าอย่างกูนี่แหละที่มีปัญญาทำให้คนอื่นจัดการมันได้”ผมเผลอใส่อารณ์ไปนิดหน่อย แต่สุดท้ายก็ค่อยๆผ่อนลมหายใจให้กลับมาเป็นปกติ

เมื่อนึกย้อนไป เมื่อ 1 เดือนก่อน  สิ่งที่ไอ้โจทำให้ผมเจ็บแค้นน้ำใจ  วันนั้นผมรีบเดินจะไปเรียนอย่างรีบร้อนกับเมฆ เพราะใกล้ถึงเวลาที่อาจารย์จะเข้าแล้ว  ไอ้โจที่รีบเหมือนกันก็วิ่งมาชนผมจนล้มลง  แค่นั้นไม่พอ มันยังเหยียบมือผมที่มีสิ่งสำคัญสิ่งหนึ่งสวมอยู่ ผมจะไม่โกรธเลยถ้ามันยกเท้าออกแล้วขอโทษผมสักคำ  แต่สิ่งที่มันทำคือมันเห็นแล้วว่าเหยียบมือผมอยู่จากนั้นก็แสยะยิ้ม แล้วใช้เท้าขยี้มือผมจนถลอกก่อนจะยกเท้าออกไปถูกับพื้นถนนเหมือนรังเกียจอีกที  ผมทำได้เพียงแค่มองหน้ามัน  แล้วมันก็พูดประโยคที่ผมพึ่งพูดกับเมฆไปแล้วเดินหนี

ทุกคำยังเด่นชัดอยู่ในหัวผม  ผมเก็บทุกคำพูดของมันไว้จนขึ้นใจเลยล่ะ

ที่ผมบอกว่าไม่คิดอะไร เพราะว่าตอนนั้นผมยังคิดเอาคืนไม่ออกต่างหาก

ถามว่าทำไมไม่มีใครช่วยผม?

อย่าพูดให้ตลกไปหน่อยเลย  ไอ้โจมันคนรวย  พ่อมันก็เป็นนักการเมืองระดับรัฐมนตรี มันถึงได้กร่างขนาดนั้น  คนธรรมดาๆอย่างผมจะมีอะไรไปสู้มันได้  คนอื่นเขาก็คิดกันแบบนี้   ถึงแม้เมฆจะดูเอาเรื่องมัน  แต่ผมห้ามไว้  เรื่องนี้ผมจะจัดการเอง

เรื่องที่มันจัดปาร์ตี้มั่วสุมยา  ผมก็สืบไม่ยากหรอก  สังเกตอาการไอ้โจ ริมฝีปากมันจะแห้งๆ  แดงคล้ำ  ดื่มน้ำแทบจะตลอดเวลา  ท่าทางเหมือนคนไม่หลับไม่นอน อาการน่าจะติดหนัก ผมก็พอจะเดาออกว่ามันเสพไอซ์ พวกเด็กรวยๆมันก็มีแค่ไม่กี่อย่างให้เดาหรอก เสพยา แข่งรถ มั่วหญิง...ผมตามมันสองสัปดาห์ก็ได้เรื่อง มันจะเช่าบ้านขนาดกลางๆแถวชานเมืองไว้มั่วสุมกันกับเพื่อนมัน  ชอบรวมหัวกันทุกศุกร์  เสาร์ ผมตามเก็บหลักฐานหมด  แล้วส่งให้คนที่จะสามารถจัดการเรื่องนี้ได้  ผมไม่ได้เปิดเผยตัว  จ้างลูกแม่ค้าแถวหอไปส่งไปรษณีย์ให้  พ่อมันคนดัง  เรื่องเลยแดงง่าย  แทบไม่ต้องทำอะไรเลยล่ะ

ถ้าถามว่าต้องทำขนาดนี้เลยหรอ  ก็ไม่รู้สิ...แต่ผมพอใจ

(รันต์...มึงอย่าเป็นแบบนี้ดิ  กลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้หรอวะ) เมฆพูอย่างอ่อนแรงแกมเป็นห่วง  ทำให้ผมอารมณ์เย็นขึ้นมาก

“เป็นแบบไหนเมฆ  กูก็เป็นน้องรันต์คนเดิม” ผมบอกเมฆเรียบๆ

(เฮ้อออ  ช่างเถอะ ไปอาบน้ำไป  เดี๋ยวไปรับไปหาข้าวกินกัน) เมฆยอมให้ในที่สุด

“อื้อ  อย่าคิดมากดิพี่เมฆ  น้องรันต์เอาตัวรอดได้” ผมพูดเสียงอ่อนเพื่อให้อีกคนสบายใจ

(หึ!สัส  พอทำผิดก็มาไม้นี้ตลอดนะไอ้น้องรันต์)

“เขินหรอพี่เมฆ  ฮ่าๆๆๆ” ผมแกล้งแซวไปตามสาย

(K รันต์!!!) แล้วมันก็วางไป

เช้าวันจันทร์

วันนี้ผมมีเรียนแต่เช้า  เลยรีบมา มหาลัย รอเมฆมาก็จะได้ขึ้นเรียนกัน  เรื่องวันนั้นหลังจากที่เมฆมารับผมไปกินข้าวในห้างใกล้ๆมหาลัย เราก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องไอ้โจเลย เมฆแค่บอกว่าให้ผมระวังตัว  แล้วอย่าทำแบบนี้อีก

ส่วนเรื่องไอ้โจเหมือนจะเงียบแต่ก็ไม่เงียบ  ก็ด้วยอิทธิพลของพ่อมันอ่ะนะ  ไม่มีใครกล้าพูดถึงก็จริง  แต่เขาก็รู้กันทั้งคณะ  เผลอๆคงทั่วมหาลัย  ไอ้โจก็ต้องโดนเชิญออกไปตามระเบียบ

ระหว่างที่ผมกำลังอ่านหนังสือรอเมฆเพลินๆ  ก็มีสาวสวยประจำคณะเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม

“ไงรันต์” เธอทักขึ้น  พร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า

“สวัสดีวีวี่  มีอะไรกับผมหรอ” ผมเงยหน้าจากหนังสือแล้วเอ่ยถามพร้อมยิ้มซื่อๆให้เธอ

“คือเอ่อ  เมฆยังไม่มาหรอ”หน้าเธอแดงขึ้นนิดหน่อย

“ยังครับ  เดี๋ยวก็มา  นั่งรอก่อนไหม”ผมถามเพราะรู้แล้วว่าเธอมาด้วยจุดประสงค์อะไร

“ไม่ๆ  คือเราจะฝากขนมกับรันต์เอาให้เมฆหน่อยได้ไหมคะ”เธอบอกอย่างเขินอาย  ผมพึ่งสังเกตว่าเธอถือถุงใส่คุกกี้ยี่ห้อดังไว้ด้วย

“ได้ครับ”

“ขอบคุณนะ รันต์นี่นิสัยดีจัง งั้นเราไปแล้วนะ  บ๊ายบาย” เธอโบกมือลาสองสามทีแล้วเดินไปหาเพื่อนที่รออยู่

หลังจากวีวี่ไปได้ไม่นาน  คุณชายเมฆก็เสด็จมาถึง   ผมยื่นถุงขนมของวีวี่ให้มันทันที

“อ่ะ  เอาไปของมึง” เมฆขมวดคิ้วมอง  แต่ไม่ได้รับของไป

“อะไรวะ  ขนมหรอ  กูไม่กินมึงก็รู้”

“วีวี่ฝากมาให้  ก็เอาไปดิ”

“มึงกินเถอะ  ถือว่ากูรับแล้วละกัน” มันดันขนมมาทางผม

“โอเค  ไม่มีปัญหาอยู่ละ”ผมยักไหล่แล้วรับขนมไว้ นี่เป็นเรื่องปกติของเมฆถ้ามีผู้หญิง สาวประเภทสอง หรือเกย์สาวๆเอาของมาให้มันก็จะรับๆมา ส่วนมากก็จะเอามาให้ผม ถ้าผมไม่เอาก็จะไปแจกจ่ายเพื่อนคนอื่นๆอีกที

ผมกับเมฆเดินขึ้นเรียนไปด้วยกัน  กินข้าว  กลับบ้านด้วยกันบ้าง  ตัวติดกันเกือบตลอด จริงๆก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆ  แต่หลังๆไอ้เมฆนี่ชักเยอะขึ้น ทุกคนในคณะก็เห็นเป็นเรื่องปกติจนชินตา  เข้ามาแรกๆคนก็ซุบซิบว่าผมกับเมฆไม่น่าจะมาเป็นเพื่อนสนิทกันได้  เมฆมันหล่อสไตล์ตี๋ๆเป็นที่นิยมของสาวๆ พ่อก็เปิดบริษัทรับเหมาครบวงจร  ถือเป็นผู้ชายโปรไฟล์ดีมากคนนึง  ซึ่งไม่น่ามารู้จักกับผู้ชายธรรมดาๆ  ท่าทางเฉิ่มๆใส่แว่นกรอบใหญ่  ไม่มีอะไรน่าสนใจอย่างผม  แต่ใครจะรู้ว่าระหว่างผมกับเมฆมันมีอะไรมากกว่าที่คนอื่นเห็น  มันมีเหตุผลที่ว่าทำไมเมฆถึงไม่กล้าทิ้งผมไปไหน

“ไอ้น้องรันต์  วันนี้จะไปไหนป่ะ” เมฆถามขึ้นหลังจากที่อาจารย์ประจำวิชาเดินออกจากห้องไปแล้ว

“ไม่นะ  ทำไมอ่ะ” ผมส่ายศีรษะพลางเก็บเอกสารใส่กระเป๋า

“วันนี้กูต้องรีบกลับไปกินข้าวกับที่บ้านอ่ะดิ  โกกูกลับจากฮ่องกง  เดี๋ยวกูจะไปส่งมึงเลย”

“เออ  มึงก็ไปดิ  แต่ไม่ต้องไปส่งกูหรอก  เสียเวลาย้อนไปย้อนมา  กูกลับเองได้” ผมบอกมัน  ปกติก็กลับเองบ้าง  เมฆไปส่งบ้างแล้วแต่อารมณ์ผม

“เอางั้นหรอวะ  เออกลับดีๆนะมึง  ถึงหอแล้วโทรหากูด้วย”

“คร้าบบบพี่เมฆ”นี่ก็ห่วงกูจังเลยจากนั้นเราก็พากันเดินออกจากห้องเรียน

วันนี้ท้องฟ้าตอนเย็นโล่งโปร่งดี  ไม่มีเค้าลางว่าเมฆฝนจะมา  ถึงแม้ว่าช่วงนี้พยากรณ์จะบอกว่ามีพายุเข้าก็เถอะ

พายุที่มาไม่นาน  แต่ก็สร้างความเสียหายไว้มากมาย

ผมกำลังเดินทอดน่องกลับหอพักของผมที่ไม่ไกลมหาวิยาลัยมากนัก  สายตาผมเหลือบไปเห็นซอกตึกนั่น  ที่ๆผมได้พบกับผู้ชายคนนั้น

เรื่องราวหลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรให้ชวนนึกถึงมากนัก ผมนั่งเป็นเพื่อนเขาราวสิบนาที  ฝนก็เริ่มซาลง  จากนั้นไม่นานก็มีรถลีมูซีนคันหรูมาจอดเทียบฟุตบาตที่เรานั่งอยู่ตรงเป๊ะๆเหมือนรู้ว่าอยู่ตรงไหน

เขาพยายามจะลุกขึ้นเมื่อเห็นรถมาจอด  แต่ก็คงจะไม่เป็นดั่งใจนักเพราะท่าทางเขาจะเสียเลือดมาก  ทั้งก่อนผมจะไปเจอก็ไม่รู้นานแค่ไหนที่เขาเลือดไหล  เขาจึงดูหมดแรง

แล้วผมทำยังไงน่ะหรอ

ก็ยืนดูอยู่เฉยๆไง  เขาไม่ได้ขอให้ช่วยนี่  การดื้อดึงช่วยโดยไม่ได้ขอก็โดนตอกกลับมาแล้ว  ผมจะทำให้โดนว่าอีกทำไม

คนในรถก็รีบลงมาช่วย  เป็นผู้ชายต่างชาติใส่ชุดดำร่างสูงใหญ่สองคน คนหนึ่งกางร่ม  อีกคนไปประคองคนเจ็บให้ลุกขึ้น  ฝรั่งสองคนนั้นไม่ได้สนใจมองผมแม้แต่น้อย  เขาก้มลงไปกระซิบคนเจ็บ  คุยไรกันไม่รู้  แล้วก็พากันเดินขึ้นรถไป  โดยไม่สนใจผมสักนิด

ใช่! คุณฟังไม่ผิด  ผมโดนเมินสนิทเลยครับ

เหอะ!ก็ไม่ได้คิดว่าจะขอบคุณอะไรกูอยู่แล้วล่ะ

อย่างน้อยมันก็ทำให้ผมได้รู้อะไรดีๆอย่างหนึ่งล่ะนะ

บางทีการช่วยคนอื่นด้วยใจ  แต่ถ้าเป็นสิ่งที่เขาไม่ต้องการสุดท้ายสิ่งที่ได้รับกลับมาก็มีแค่ความว่างเปล่า กลายเป็นว่าเราเข้าไปสอดเรื่องของเขาซะงั้น  เพราะแบบนั้นเราจึงลังเลที่จะทำความดี หรือบางทีก็เลือกจะปล่อยผ่านไปเลย

ผมไม่เคยคิดว่าผมเป็นคนดี  แต่ก็ไม่ใช่คนชั่วช้าพอที่จะทำร้ายใครก่อน

ผมไม่ใช่คนใจกล้านัก  แต่ถ้าใครทำผมก่อน  ผมเอาคืนอย่างสาสม

มันก็แค่นั้น.. ผมก็มนุษย์คนหนึ่งนี่

*********************

***แก้คำผิดและrewriteบางคำ(เนื้อเรื่องยังคงเดิม)
หัวข้อ: Re: ใจยักษ์: ตอนที่ 2 [4/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 03-11-2016 19:58:56
ชื่อเรื่องจะบอกอะไรกับเราหนอ
หัวข้อ: Re: ใจยักษ์: ตอนที่ 2 [4/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 05-11-2016 22:38:28
ใจยักษ์ 3

แกร๊ก  ต็อกแต็ก  ต็อกแต็ก

หลังจากกลับถึงห้องพัก  ผมก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้สบายตัว   ตอนนี้ผมกำลังนั่งเสิร์ชข้อมูลข่าวสารด้านเศรษฐกิจของโลกอยู่   ถึงแม้จะเพิ่งเปิดเทอมมาได้แค่เดือนกว่าๆ  แต่ด้วยคณะเศรษฐศาสตร์ที่ผมเรียนทำให้ผมต้องติดตามข่าวเศรษฐกิจอยู่ตลอด  ผมเรียนเศรษฐศาสตร์ธุรกิจครับ ตอนนี้ผมก็ขึ้นปี2 แล้ว   ดูข่าวไปเพลินๆก็เพิ่งนึกได้ว่ายังไม่ได้เช็คอีเมลล์จากป้าพิมพ์เลย

ป้าพิมพ์เป็นญาติเพียงคนเดียวที่ผมติดต่อด้วยอย่างสม่ำเสมอ  เธออาศัยอยู่ที่อเมริกากับสามีชาวต่างชาติชื่อแดเนียล  ปกติป้าพิมพ์จะส่งเมลล์หาผมทุกอาทิตย์นะ  แต่สัปดาห์นี้ยังไม่เห็นอีเมลล์จากเธอเลยแฮะ   ว่าแล้วก็เข้าไปดูอีกรอบดีกว่า

อ๊ะ  เธอส่งมาแล้วล่ะ

Pimnapa

ถึง  ฉัน

สวัสดีครับน้องรันต์ของป้า   เป็นยังไงบ้างเอ่ย  สบายดีไหมลูกเปิดเทอมแล้วเรียนหนักไหม  อย่าอดข้าวนะลูก ช่วงนี้ป้าอาจจะไม่ค่อยได้ติดต่อน้องรันต์  พอดีที่นี่มีเรื่องยุ่งๆน่ะลูก อืม...น้องรันต์ครับป้ามีเรื่องจะขอให้หนูช่วยป้าสักเรื่องได้หรือเปล่า ป้าอยากให้หนูไปช่วยดูแลคนๆหนึ่งให้หน่อยน่ะจ้ะ เขาเป็นลูกของเจ้านายแดน ซึ่งตอนนี้เขาอยู่ที่เมืองไทยแล้วมีปัญหาอยู่นิดหน่อย ป้าก็ค่อนข้างลำบากใจ แต่คนนี้เขาพิเศษปฏิเสธไม่ได้จริงๆ จะรบกวนน้องรันต์ไปไหม   ถ้าป้าอยากให้หนูช่วยเรื่องนี้  น้องรันต์ว่ายังไงตอบเมลล์หาป้าด่วนนะครับ   วันนี้ป้าต้องเดินทางไปรัสเซียกับแดน  สัญญาณโทรศัพท์อาจจะใช้ไม่ได้   ส่งเมลล์มาแทนนะลูก

รักเสมอ   ป้าพิมพ์

หืม   ดูแลคนอย่างนั้นหรอ   ผมเนี่ยนะ?

มันแปลกมากๆ ปกติป้าพิมพ์แทบจะไม่เคยขอร้องให้ผมทำอะไรให้หรอกครับ ติดจะตามใจผมมากด้วยซ้ำ   จากข้อความที่ส่งมาป้าพิมพ์คงหมดหนทางแล้วจริงๆถึงได้ถึงขั้นขอร้องให้ผมช่วย  แล้วถ้าผมไม่ช่วย ลุงแดเนียลสามีป้าพิมพ์จะเดือดร้อนรึเปล่า

เอาเถอะ!มันคงไม่ใช่เรื่องลำบากอะไรมากมาย ถ้าไม่ไหวจริงๆค่อยถอยออกมาทีหลังก็แล้วกัน

ผมตอบตกลงแล้วส่งเมลล์ตอบกลับป้าพิมพ์ จากนั้นผมนั่งเล่นอะไรเรื่อยเปื่อยไปสักพัก   เมลล์ก็แจ้งเตือนขึ้นบนหน้าจอโน๊ตบุ๊ค

Pimnapa

ถึง  ฉัน

XYZ  Condominium , Room 4001

Start  tomorrow.!!!

PS. He’s  name  Thossakan

หืม...ทำไมคราวนี้ตอบกลับเป็นภาษาอังกฤษล่ะ  แถมยังเป็นประโยคสั้นห้วนๆด้วย

มันดูแปลกๆ แม้ว่าความสงสัยมันจะเต็มล้นในอกแต่ผมก็สามารถเข้าใจความหมายในอีเมลล์ได้ น่าจะหมายถึงให้เริ่มทำอะไรสักอย่างในวันพรุ่งนี้ ซึ่งป้าพิมพ์ก็บอกผมแล้วว่าดูแลลูกเจ้านายแดนก็เลยไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มสินะ

และสถานที่ที่ระบุมาก็มีอยู่ที่เดียวในกรุงเทพฯ คอนโดฯนี้อยู่ถัดไปจากหอผมสองซอยมั้ง  คอนโดฯหรู  สูงเสียดฟ้าขนาดนั้น  อยู่แถวนี้ไม่รู้ก็ตาบอดละ

ว่าแต่  ไอ้คนๆนี้ชื่ออะไรวะ

ทด-สา-กาน  หรอ…วะ

เอ๊ะ...

ทศกัณฐ์! หรอ!

แม่งแค่ชื่อก็บอกความร้ายแล้วว่ะ

เฮ้ออ…เอาน่า อย่าพึ่งตัดสินคนแค่ชื่อเลยไอ้รันต์  เขาอาจจะเป็นคนน่ารัก  นิสัยน่าคบก็ได้

โดยที่ผมไม่รู้เลยว่าพอได้เจอเขา  คำพูดที่ผมพยายามปลอบใจตัวเองนั้น  ผมจะไม่มีทางพูดหรือคิดออกมาให้เปลืองน้ำลายและสมองอย่างเด็ดขาดเลยล่ะ

++++++++++++++++++++

วันต่อมา...

“ว่าไงไอ้รันต์   ตกลงมึงจะไปเป็นสตาฟดูแลปี1 งานเฟรชชี่แทนไอ้หยกป่ะเนี่ย  กูรอคำตอบมึงมาหลายวันแล้วนะ” ไอ้เก่งเฮดภาคฯ วิ่งปรี่ตรงมาหาผมทันทีที่เห็นผมเดินเข้าตึกคณะ

“เอ่อ  กูลืมไปเลย” ผมบอกมันอย่างนึกขึ้นได้

“แสรดดด  มึงช่วยใส่ใจบ้างได้ไหมเนี่ย”เก่งทำหน้าเซ็งปนเอือมระอาใส่

“แล้วมึงจะไปบีบบังคับมันทำไมไอ้เก่ง  ไม่มีก็หาคนอื่นแทนสิวะ” เสียงไอ้เมฆดังขึ้นจากด้านหลัง  พร้อมแขนมันที่พาดมาบนบ่าผม

“มึงก็เข้าข้างมันตลอด  กูอยากให้มันทำกิจกรรมร่วมกับคนอื่นบ้างป่ะวะ  ชั่วโมงกิจกรรมมันก็เท่าขี้เล็บมด จะจบไหมสัส”

“เออน่ะ  กูเป็นก็ได้จะเถียงกันทำไมวะ” ผมพูดขึ้นพร้อมยิ้มอ่อนๆให้เก่งเพื่อยุติการเถียงกันของมันสองตัว

จริงๆแล้วเก่งมันก็เป็นคนดีคนหนึ่งเลยนะ มันเห็นผมไม่ค่อยทำกิจกรรมก็พยายามทั้งลากทั้งบังคับขู่เข็ญให้ผมไปให้ได้  ผมก็ไปบ้างไม่ไปบ้างแล้วแต่อารมณ์

ส่วนเมฆ มันต้องไปเข้าร่วมตลอดแทบทุกกิจกรรมที่มหาวิทยาลัยจัดขึ้นแหละ ก็มันเป็นเดือนคณะนี่

“เออดีมาก แล้วถ้ากูเรียกประชุมกรุณาโผล่ศีรษะของมึงมาด้วยนะครับ กูไปล่ะ” มันว่าแล้วก็หันตัวจะเดินไปอีกทางแต่ก็มิวายส่งสายตามาถลึงใส่ไอ้เมฆ  เมฆก็กระตุกยิ้มมุมปากส่งให้อย่างกวนๆ ผมได้แต่ส่ายหัว ตีกันดีจริงๆไอ้พวกนี้

“กูว่ามึงไม่ต้องไปก็ได้นะถ้ามึงไม่อยากไป ชั่วโมงกิจกรรมก็ค่อยไปทำอย่างอื่นเอาก็ได้ งานนี้คนมันเยอะมึงจะไหวหรอ”เมฆพูดขึ้นขณะที่เรากำลังเดินไปรอลิฟท์

“กูโอเค ไม่เป็นไรหรอก”ผมบอกเมฆไม่ให้เป็นห่วง ก็อย่างที่เมฆว่า  งานนี้คนเยอะผมจึงลังเลที่จะตอบตกลงกับหนึ่ง   ผมเป็นโรคไม่ค่อยถูกกับคนเยอะๆน่ะครับ

“เออตามใจ”เมฆบอกพร้อมๆกับที่เราเดินเข้าลิฟท์กันสองคน

“รอด้วยค่ะๆ มึงรีบวิ่งเร็ว”ขณะที่ลิฟท์กำลังปิด  ก็มีผู้หญิงสองคนวิ่งกระหืดกระหอบตรงมาที่ลิฟท์  เมฆรีบกดปุ่มให้ประตูเปิดค้างไว้

“ขอบคุณค่ะ” ผู้หญิงทั้งสองรีบเข้ามาในลิฟท์แล้วขอบคุณเมฆ  พอเงยหน้าขึ้นมาเห็นเมฆเท่านั้นแหละ  ยิ้มค้างเลยครับ  เพื่อนผมก็ดังพอตัวนะครับ

“ไม่เป็นไรครับ” เมฆตอบรับแล้วยิ้มให้พวกเธอบางๆ

“กรี๊ด!มึ๊งงง  เมฆเศรษฐศาสตร์!”หนึ่งในผู้หญิงกรี๊ดขึ้นเบาๆ

“เออ กูเห็นแล้วอิเหี้ย”เอิ่ม  ผู้หญิงสวยๆสมัยนี้พูดกันเพราะมากครับ  กูยอมเลย-_-

พวกเธอกดชั้น 11  ส่วนผมกับเมฆชั้น 12  ระหว่าง  ที่ลิฟท์กำลังขึ้น  ผู้หญิงสองคนในลิฟท์ก็เริ่มปฏิบัติการซุบซิบระยะเผาขนกันทันที   ถามว่าทำไมผมถึงได้ยินก็ในลิฟท์มีกันแค่สี่คนนี่ครับ  ผมกับเมฆก็ไม่ได้คุยอะไรกันเธอสองคนนั้นซุบซิบกัน  ถึงจะไม่สนใจฟังมันก็ได้ยินอยู่ดี

“พอเห็นเมฆเศรษฐศาสตร์  กูก็นึกถึงคนหนึ่งที่อยู่เศรษฐศาสตร์เหมือนกันว่ะ” ผู้หญิงผมบ็อบสั้นกล่าวกับเพื่อนเธอ

“ใครวะ…อย่าบอกนะว่า…”ผู้หญิงผมยาวดัดลอนเอ่ยถามเพื่อนด้วยความสงสัย ก่อนจะทำท่าเหมือนนึกอะไรสักอย่าออกแล้วอุทานออกมาหันไปสบตาเพื่อน

“เออคนนั้นแหละ  นี่ตั้งแต่เปิดเทอมมาเป็นเดือนละ อิเจที่คลั่งๆพี่แกไปเดินส่องที่ตึกเรียนเขาทุกวันยังไม่เห็นเลย”

“ใช่ๆ  เพื่อนกูที่เรียนภาคอินเตอร์เหมือนพี่แกก็บ่นๆให้ฟังว่าตั้งแต่เปิดเทอมมา  ยังไม่เจอพี่ทศสุดหล่อพ่อของลูกเลย” 

เอิ่ม….

“แต่แก็งค์พี่แกมาครบนะมึง ทั้งพี่สมิธ  พี่เซนท์  แล้วก็พี่ใจดี  นี่ถ้าพี่ทศพ่อยักษ์รูปหล่อมาครบแก็งค์นะมึง อร๊ายยยยแค่คิดดก็ฟินแล้ว  ถ้าได้สักคนนะ  กูจะลูบเช้าไล้เย็นอยู่อย่างนั้นอ่ะมึง”ผู้หญิงผมบ็อบบิดตัวไปมา ทำหน้าเพ้อๆปนเขินอาย

เธอลืมว่ามีพวกผมอยู่ตรงนี้รึเปล่าวะ

“อิจัญไร...แต่ถ้าเป็นกูนะ กูจะเลียเช้าเลียเย็นไม่ให้ไปไหนเลย ฮ่าๆๆ”

กูเริ่มกลัวผู้หญิงสมัยนี้แล้วนะโว้ยยยย

อย่างที่บอกว่าผมใส่แว่น บุคลิกธรรมดาๆ  สูง 180 เซนติเมตร  เป๊ะๆ การแต่งตัวออกจะราบเรียบค่อนไปทางเฉิ่มนิดๆ   ไม่มีอะไรให้น่าสนใจหรือดึดดูดเพศตรงข้ามเลยสักนิด จึงไม่มีผู้หญิงเข้าหาผมก่อน  และตัวผมก็ไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นนัก ตอนมอปลายก็อยู่โรงเรียนชายล้วน ประสบการณ์ด้านความรักผมจึงแทบจะเป็นศูนย์ผิดกับไอ้คนหน้าหล่อข้างๆผมลิบลับ 

“ดีออก จัญไรกว่ากูอีก”

แล้วพวกเธอก็คุยเรื่องผู้ชายอีก2-3ประโยค

ติ้ง!  ลิฟท์ก็มาถึงชั้น 11

“อุ๊ย!” หนึ่งในผู้หญิงสองคนอุทานเหมือนพึ่งนึกขึ้นได้ว่ามีพวกผมอยู่ด้วย  พวกเธอหันมายิ้มแหะๆให้ผมกับไอ้เมฆ เมื่อลิฟท์เปิดก็พากันวิ่งอายๆออกไปอย่างรวดเร็ว  แต่อายตอนนี้กูว่าไม่ทันแล้วล่ะครับ

“หึๆๆๆ” ไอ้เมฆหัวเราะในลำคอเบาๆ หลังประตูลิฟท์ปิด

“ขำ ขำไปสัส  ระวังมึงจะโดนเลียเช้าเลียเย็นไม่ได้ไปไหนนะมึง” ผมแกล้งงพูดอำเมฆ พลางยกมือขึ้นลูบแขนตัวเองที่อยู่ๆก็รู้สึกขนลุกขึ้นมา

“ฮ่าๆๆๆ  ไอ้รันต์  มึงจะพูดทำไมวะ  กูแม่งจี้ว่ะ” แล้วมันก็หัวเราะเสียงดังลั่น จนลิฟท์มาถึงชั้น 12  มันก็ยังไม่หยุดหัวเราะ

ขำไปเถอะมึง ระวังโดนจริงๆแล้วจะขำไม่ออก  เหอะๆ

+++++++++++++++

“วันนี้เราจบกันที่สไลด์นี้นะคะ ถ้าใครมีอะไรสงสัยก็หลังไมค์กับอาจารย์ตอนนี้ได้เลยค่ะ ส่วนคนที่ไม่มีอะไรก็กลับได้เลย” อาจารย์ประจำวิชาบอกหลังสอนจบ

“เฮ้ยเมฆ วันนี้สี่โมงครึ่งอย่าลืมนะมึง” อ๋องเพื่อนในภาควิชาตะโกนบอกเมฆที่กำลังเก็บอุปกรณ์การเรียนใส่กระเป๋าก่อนเดินออกจากห้องไปเมื่อได้ยินเมฆรับคำ

“เออๆไม่ลืมโว้ยยย ย้ำจริงๆ” เมฆตะโกนกลับแบบไม่เกรงใจอาจารย์ที่ยังอยู่ในห้องเลยสักนิด

“ไปไหนวะ” ผมถามพลางเก็บของชิ้นสุดท้ายลงกระเป๋า

“เตะบอลอ่ะดิ กูเบี้ยวมันเมื่อวาน วันนี้มันคงกลัวกูเบี้ยวอีกมั้งมึงจะไปดูป่ะ”

คุณอาจสงสัยว่าทำไมถึงไม่มีใครชวนผมไปเล่นด้วย เขาชวนผมนะ ชวนจนขี้เกียจจะชวนแล้วไง  แต่ผมก็ไม่ไปอ่ะชอบไปนั่งดูมากกว่า หลังๆนี่เลยชวนแต่ไอ้เมฆ

ตัวเมฆมันก็คบเพื่อนคนอื่นนะครับไม่เหมือนผมที่ไม่ค่อยชอบสุงสิงกับเพื่อนคนอื่นๆ แค่มันชอบทำตัวติดกับผม แต่เวลาไปกินเหล้าไรงี้มันก็ไปได้กับทุกคนแหละ เข้ากับคนง่ายจะตายเมฆอ่ะ

“ไม่ว่ะ มีธุระ” ผมส่ายหัว

“ธุระอะไร” เมฆหรี่ตาลงมองผมเหมือนจับผิด

“ธุระให้ป้าพิมพ์ อะไรของมึงเนี่ยจะมาจับผิดกูทำไม” ผมแกล้งทำเสียงงอนๆใส่มันเล็กน้อย

“ก็เปล่า…แต่กูไม่อยากให้มึงไปทำอะไรแผลงๆอีกแล้วนี่ กูเป็นห่วง”

“เออน่า กูไม่ทำอะไรใครหรอก…ถ้าเขาไม่ทำกูก่อน” ผมตบบ่าเมฆเบาๆ

“มึงก็เป็นซะแบบนี้ มีอะไรก็ไม่ค่อยบอกกูให้กูรู้เองตลอด เกิดมึงเป็นอะไรขึ้นมากูจะช่วยมึงทันไหมน้อง” เมฆตัดพ้อในเสียงติดจะงอนๆหน่อย

“ฮ่าๆๆ งอนเหี้ยไรเนี่ย หน้างอเหมือนหนอนโดนรถทับเชียวอย่าคิดว่าหล่อแล้วจะไม่น่าเกลียดนะ ไปๆจะสี่โมงครึ่งละ   เดี๋ยวไอ้อ๋องก็ตามไปถึงป๊ามึงหรอก” ผมว่าอย่างขำๆ ไม่อยากให้เพื่อนคิดมาก

“จิ๊” มันสบถในคออย่างทำอะไรไม่ได้ แล้วเดินกอดคอผมออกจากห้องไป

มันก็เป็นซะอย่างนี้จะโกรธหรืองอนอะไร  ก็ไม่กล้าทิ้งผมไปอยู่ดี

+++++++++++++++++++++

XYZ  Condominium

ในที่สุดผมก็มาตามที่ป้าพิมพ์ขอร้องแล้วครับ   คอนโดฯหรูสูงตระหง่านตรงหน้า บ่งบอกฐานะของผู้อยู่อาศัยได้เป็นอย่างดี

ผมประหม่าเล็กน้อย สูดหายใจเข้าลึกๆก่อนจะก้าวเท้าเข้าไปในตัวตึก

แต่ยังไม่ทันที่ผมจะก้าวเข้าไป รปภ.หน้าตึกก็เดินมาดักผมทันที  เขามองผมเล็กน้อย...ตั้งแต่หัวจรดเท้าอ่ะนะ

“ไม่ทราบว่ามาติดต่อเรื่องอะไรครับ” เขาถาม

“เอ่อ…ผมมาหาเพื่อนน่ะครับ” ตอบกลับพร้อมรอยยิ้มอ่อนประจำตัว

“ได้นัดไว้ไหมครับ เจ้าของห้องสามารถเปิดประตูเข้าไปให้ได้จากบนห้องนะครับ” เขาบอก

“คือ…ผมลืมนัดน่ะครับ” ผมยิ้มซื่อๆแก้ตัวไป คือลืมไปเลยว่ะ ว่าคอนโดหรูขนาดนี้ระบบรักษาความปลอดภัยต้องแน่หนาตามราคาไปด้วย แล้วถ้าเจ้าของห้องไม่อนุญาตผมจะเข้าไปยังไงวะข้อมูลติดต่ออะไรก็ไม่มี

ไอ้รันต์เครียดดดดด ผมทำหน้าเศร้าๆจนดูน่าสงสาร รปภ.จึงเหมือนจะใจอ่อนลง

“อ่า งั้นต้องแลกบัตรนะครับแล้วเข้าไปติดต่อด้านใน”

“ได้ครับๆ” ผมรีบหยิบบัตรประชาชนยื่นให้เขา

รปภ.นำบัตรผมไปเสียบไว้  เขียนยุกยิกแปปนึงแล้วเดินไปกดรหัสเปิดประตูเพื่อให้ผมเข้าล็อบบี้ด้านในได้

“เชิญครับ”

“ขอบคุณครับ” ผมก้มหัวแล้วยิ้มขอบคุณให้เขาเล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้าไป

โห! หรูไปไหนวะ การตกแต่งอย่างหรูหราอลังการโทนสีทองของล็อบบี้ทำเอาผมประหม่าขึ้นไปอีก

ผมเดินตัวลีบไปที่เคาน์เตอร์ที่พยักงานนั่งประจำการอยู่  ไม่มีคนพลุ่งพล่านนักเห็นเพียงต่างชาติสองคนนั่งจิบกาแฟคุยกันที่โซฟา และผู้หญิงท่าทางสวยจัดคนหนึ่งเดินออกคอนโดฯไป

“ติดต่อเรื่องอะไรคะ” พอผมเดินไปถึงก็โดนพนักงานสาวสวยสาดคำถามทันที เธอพูดดีนะครับติดจะเสียงแข็งไปนิด ยิ้มให้ผมด้วย ถึงจะมองผมตั้งแต่เท้าจรดถึงหัวก็เถอะแต่ก็เป็นมืออาชีพดี

“ผมมาหาเพื่อนน่ะครับ” ผมบอกเธอพร้อมรอยยิ้ม

“ได้นัดไว้รึเปล่าคะ” คำถามเดียวกับยามเป๊ะ

“เอ่อ…เปล่าครับ” ผมตอบไปตามตรง

“ถ้าอย่างนั้นคงจะไม่ได้นะคะ”ใบหน้าสวยหวานที่ถูกแต่งมาอย่างดีเริ่มตึงขึ้น

“คือช่วยติดต่อให้หน่อยได้ไหมครับ ห้อง 4001 น่ะครับ” ผมรีบพูดแกมขอร้อง

“เอ๊ะ…เมื่อกี้พูดว่าห้องอะไรนะคะ” เธอถามทวนอีกรอบ

“ห้อง 4001”

“สักครู่นะคะ” เธอเสียงอ่อนลง ยกหูโทรศัพท์ขึ้น  พูดภาษาอังกฤษ4-5ประโยคเบาๆแล้วก็วางสายก่อนจะหันหน้ามายิ้มหวานให้กับผม

“เชิญนั่งรอที่โซฟาสักครู่นะคะ  จะรับเครื่องดื่มอะไรดีคะ” ท่าทีเธอเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด  ทำเอาผมตั้งตัวแทบไม่ทัน

“ผมขอแค่น้ำเปล่าก็พอครับ” เธอรับคำยิ้มหวาน แล้วเดินไปอีกด้าน

ผมนั่งรอไม่ถึง5 นาที พนักงานอีกคนก็ยกน้ำเปล่ามาเสิร์ฟผม  ผมขอบคุณเธอก่อนจะยกขึ้นจิบจนเกือบหมดแก้ว...ก็มันคอแห้ง

กึก!

รองเท้าหนังขัดมันปลาบหยุดอยู่ตรงหน้าผม  ผมค่อยๆเงยหน้าจากการองหยดน้ำข้างแก้วขึ้นมองช้าๆ

สูงมาก เงยขึ้นมองคอแทบเคล็ด น่าจะสูงสัก190 เซนติเมตรได้แถมเป็นชาวต่างชาติด้วย

ผมยิ้มให้เขาบางๆอย่างไม่รู้จะพูดอะไร  คือผมพูดภาษาอังกฤษพอได้นะแต่ผมไม่รู้จักเขาก็ไม่รู้พูดอะไร ถึงแม้หน้าเขาจะดูคุ้นๆก็ตามที

“คุนเหรันต์ใช่ไหม” ฝรั่งตรงหน้าผมพูดภาษาไทยครับ  ถือว่าชัดมากแม้สำเนียงจะแปร่งๆนิดหน่อย

“ใช่ครับ” ผมพยักหน้าหงึกหงัก

“ช่วยตามผมมาด้วยครับ” เขาพูดเสียงนิ่งๆแล้วเดินนำไปอีกด้าน ผมจึงรีบผุดตัวลุกขึ้นจากโซฟาตามเขาไปติดๆ อาจจะดูแปลกที่ผมตามเขาโดยไม่ถามอะไรเลย ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจตัวเองเหมือนกันแต่ความรู้สึกมันบอกว่าตามๆเขาไปเถอะ

เขาพาผมเดินไปที่หน้าลิฟท์  แตะคีย์การ์ดแล้วประตูลิฟท์ก็เปิดออก  กดเลขที่ชั้น 29

บรรยากาศภายในลิฟท์เงียบสงัดจนแทบได้ยินเสียงหัวใจเต้น ผมมองตรงดูเลขลิฟท์ค่อยๆเปลี่ยนทีละชั้นๆอย่าสงบ

ติ้ง! ถึงซะที

เขาเดินนำออกไปก่อน  ผมเดินตามจนไปหยุดอยู่หน้าห้อง  2910

คนข้างหน้าผมแตะคีย์การ์ด กดรหัสสี่ตัวแล้วเปิดประตูเข้าไป

ห้องนี้ตกแต่งเรียบๆแต่ดูมีราคา  เน้นโทนสีน้ำตาลสบายตา  พอเดินเข้าไปถึงห้องนั่งเล่น  เฟอร์นิเจอร์ก็โทนสีเดียวกับห้องดูราคาแพงๆทั้งนั้น

เขาผายมือให้ผมนั่งโซฟาเดี่ยวตรงข้ามกับเขา

“ผมจะไม่พูดอ้อมค้อมอะไรมาก คุณมาที่นี่คงเข้าใจหน้าที่ตัวเองดีแล้วใช่ไหมครับ” เขาพูดขึ้นทันทีหลังผมนั่งลง ผมงงเล็กน้อยก่อนจะประมวลคำพูดของเขาในสมอง คิดว่าเขาคงเป็นคนของเจ้านายลุงผม

“ผมรู้แค่ว่าผมต้องมาดูแลลูกชายเจ้านายลุงผม แต่ผมไม่รู้รายละเอียดมากนัก” ผมตอบกลับไป

“ใช่ คุณต้องดูแลเขา...ในทุกเรื่อง”

“หมายความว่ายังไงที่ว่าดูแลทุกเรื่อง”

“ในที่นี้ คุณต้องดูแลคุณทศกัณฐ์  ตั้งแต่ทำอาหาร ทำความสะอาด ดูแลห้อง ความจริงเรื่องทำความสะอาดห้องเรามีแม่บ้านคอยดูแล  แต่ช่วงนี้คุณทศกัฐ์เธออารมณ์ไม่ดี  คนอื่นเข้าหน้าเธอไม่ติดหน้าที่นี้คุณจึงต้องทำแทน  แล้วอีกอย่างถ้าคุณทศกัณฐ์ให้ทำอะไรก็ทำๆไปซะ เพียงแต่ต้องอยู่ในขอบเขตที่นายท่านกำหนดไว้  แล้วที่สำคัญคุณจะทำยังไงก็ได้แต่ต้องทำให้เธอไปเรียนให้ได้เร็วที่สุด” เขาร่ายยาวด้วยสีหน้านิ่งๆ  แต่ทำผมอึ้งค้างไปแล้ว

“เหี้ยไรวะ กูไม่ได้มาเป็นคนขี้ข้านะเว้ย” ผมพึมพำในลำคอเสียงเบา แต่เหมือนฝรั่งตรงหน้าผมจะหูดีเกินไป จึงได้ตอบกลับมาเรียบๆ

“นั่นเป็นความรับผิดชอบของคุณ”

“มันจะไม่มากไปหน่อยหรอครับ ผมมาที่นี่เพราะถูกขอให้ช่วยเหลือเพียงเล็กน้อย ไม่ได้หมายความว่าพวกคุณจะบังคับผมยังไงก็ได้ ผมมีสิทธิ์ปฏิเสธว่าจะทำหรือไม่ทำส่วนไหนก็ได้” ผมพูดเสียงนิ่งอย่างเก็บอารมณ์

“ครับ คุณมีสิทธิ์ปฏิเสธ  แล้วป้ากับลุงของคุณล่ะเขาจะปฏิเสธได้ไหม”

“คุณหมายความว่ายังไง”ผมถามเสียงเครียด

เขาไม่ได้ตอบผม  แต่วางรูป3-4ใบ ลงบนโต๊ะตรงหน้าผมแทน ภาพที่ปรากฏทำผมยิ้มเครียดเลยครับ รูปป้าพิมพ์กับแดเนียลนั่งบนโซฟาในห้องๆหนึ่ง  แม้ไม่ได้โดนมัดมือมัดเท้า แต่สายตาและท่าทางพวกเขากลับดูหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด

“คำตอบของคุณมีผลต่อความปลอดภัยของพวกเขา” ไอ้ฝรั่งเอ่ยเสียงนิ่ง

“พวกคุณทำแบบนี้ทำไม ต้องการอะไรกันแน่”  ผมถามเสียงเข้ม

“คำตอบผมบอกคุณไปแล้ว” เขาบอกกลับเสียงนิ่ง

“ต้องทำขนาดนี้เลยหรอ แค่ดูแลคนๆเดียวยังไม่มีปัญญา ถึงขนาดต้องมาบังคับขู่เข็ญให้คนอื่นเขาดูแล พวกคุณควรพิจารณาตัวเองด้วยนะ คิดว่าการทำแบบนี้มันถูกต้องแล้วหรอ” ผมเหยียดยิ้มมุมปาก แม้จะโกรธจนตัวสั่นแต่ก็รู้ว่าไม่ควรทำอะไรผลีผลาม

“เราไม่สนใจความถูกต้องอะไรนั่นอยู่แล้ว ผมจะพูดเป็นครั้งสุดท้ายว่าต้องเป็นคุณเท่านั้นครับ ผมคงบอกอะไรมากกว่านี้ไม่ได้”

ผมกำมือทั้งสองข้างแน่นจนขึ้นข้อขาว สมองคิดหาทางออกอย่างรวดเร็ว มันแปลกๆตั้งแต่เมลล์ที่ป้าพิมพ์ส่งมาแล้ว  ไหนจะเมลล์ตอบกลับนั่นอีก

บ้าเอ้ย!!!  ตอนนี้ผมจะทำอะไรได้ มีแต่ต้องตามน้ำไปก่อน ผมไม่รู้ว่าพวกมันเป็นใครถ้าขัดขืนมันจะทำยังไงกับป้าและลุงผม

“ผมจะทำก็ได้  แล้วผมจะรู้ได้ยังไงว่าลุงกับป้าผมจะปลอดภัย”

“Mr. และ Mrs. Grande จะอยู่ในความดูแลของเราสักพัก บอกตามตรงคุณก็ไม่มีทางเลือกมากนัก แต่ทางเรารับรองว่าถ้าคุณทำตามเงื่อนไข   พวกเขาก็จะปลอดภัย” เขายังพูดอย่างสบายๆ

“ได้ แต่อย่างน้อยขอผมคุยกับพวกเขาก่อน”  ผมต่อรอง

เขานิ่งคิดไปพักหนึ่ง  ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมา

“รอสักครู่…@#£#€@*[^$@%” เขาบอกผม แล้วคุยโทรศัพท์เป็นภาษาอะไรไม่รู้ผมฟังไม่ออก  ไม่ใช่ภาษาอังกฤษและภาษาไทย ไม่นานจากนั้นก็ยื่นโทรศัพท์มาทางผมพร้อมกดเปิดลำโพง

“มิสซิสแกรนด์”เขาบอก พร้อมใช้สายตากดดันให้ผมพูดตรงนี้

“ครับ” ผมกรอกเสียงใส่โทรศัพท์

(น้องรันต์  ไม่เป็นอะไรใช่ไหมลูก) เสียงป้าพิมพ์พูดขึ้นอย่างสั่นเครือ

“น้องรันต์ไม่เป็นไรครับ ป้าพิมพ์เป็นยังไงบ้า เขาได้ทำอะไรป้าพิมพ์กับลุงแดนรึเปล่า” ผมถามเรียบๆ พยายามไม่พูดให้ทางนั้นกังวล

(เขา…ไม่ได้ทำอะไรพวกเรา  แค่…ไม่ให้พวกเราไปไหน น้องรันต์ป้าขอโทษนะลูก  ฮึก…เพราะป้า ฮือออ) ป้าพูดไปสะอื้นไป ทำเอาผมเจ็บที่ใจแปลบๆได้แต่กัดฟันจนเจ็บกรามไปหมด

“ป้าพิมพ์ ไม่ต้องห่วงนะครับ น้องรันต์เอาตัวรอดได้  และน้องรันต์จะไม่ให้ใครมาทำอะไรลุงกับป้าของน้องรันต์แน่” ผมบอกป้าและย้ำกับตัวเองไปในตัว

(ฮึก ดูแลตัวเองดีๆนะลูก ไม่ต้องห่วงป้ากับแดน ฮึก)

“ครับ  ป้ากับลุงแดนไม่ต้องเป็นห่วง ดูแลตัวเองดีๆก็พอแค่นี้นะครับ  คราวหลังถ้ามีโอกาสเดี๋ยวน้องรันต์โทรหาใหม่” พูดจบผมก็กดวางสาย ไม่อยากได้ยินเสียงป้าร้องไห้อีก

ผมเดินเอาโทรศัพท์ไปวางตรงหน้าฝรั่งคนนี้ ก่อนจะพูดกับเขาด้วยสีหน้าราบเรียบ

“พาผมไปหาเขาสิครับ  คุณ…” ผมเว้นจังหวะหยุดชื่อไว้

“ผมชื่อ โจเซฟ  บราวน”

“ครับ คุณบราวน ”ผมพยักหน้ารับรู้

เขาพาผมออกจากห้อง เดินไปที่ลิฟท์ ใช้คีย์การ์ดสีทองคนละอันกับตอนแรกแนบลงไป  เราเดินเข้าไปจุดหมายคือชั้น  40

“นี่นามบัตรผม สงสัยหรือมีปัญหาอะไรเกี่ยวกับคุณทศกัณฐ์โทรมาได้  ถ้าตอบได้ก็จะตอบ” เขายื่นนามบัตรแล้วเอ่ยนิ่งๆ

ผมรับมาแล้วเก็บใส่กระเป๋าเสื้อ

“แล้ววันนี้ผมต้องทำอะไรบ้าง”

“ทำให้เขายอมรับคุณ” บราวนเอ่ย

ติ้ง! 40

ทางเดินที่ปูพรมสีแดงเลือดหมู  ทั้งชั้นเงียบมาก  สังเกตดูมีห้องเพียงฝั่งละสองห้องเท่านั้น

เขาพาผมเดินมาห้องริมซ้ายสุด

4001

กริ๊งๆๆๆๆ

แกร็ก! แอ๊ดดด!

“กวนตีนนะเจฟ” รออยู่เกือบห้านาทีคนในห้องจึงเปิดประตูออกมา  พร้อมคำทักทายด้วยน้ำเสียงเหวี่ยงๆติดจะหงุดหงิด  ผมไม่เห็นหน้าเขาหรอกครับ นายบราวนยืนบังผมซะมิดได้ยินแค่เสียง  แต่น้ำเสียงคุ้นหูจังวะ

“ถ้าไม่ทำอย่างนี้ คุณจะไม่ตื่นน่ะครับ” บราวนบอกนิ่งๆ

“แล้วมีอะไร” น้ำเสียงทุ้มแหบเต็มไปด้วยความหงุดหงิด

“ผมพาผู้ช่วยคุณมาส่ง” หึ!ผู้ช่วยหรือขี้ข้า  พูดให้มันตรงหน้าที่หน่อยเถอะ

“บอกว่าไม่เอาไงวะ มาทางไหนกลับไปทางนั้นเลยไปผมดูแลตัวเองได้” เสียงเข้มขึ้นอีกระดับ

“ยังไม่เจอเลยนะครับ บางทีเขาอาจจะช่วยคุณได้ก็ได้” พูดจบนายบราวนก็เบี่ยงตัวไปอีกด้าน  ทำให้ผมเผชิญหน้ากับเจ้าของห้องโดยตรง

วินาทีแรกที่สบตากัน ผมเผลอกั้นหายใจจนเกือบลืมสูดอากาศเข้าปอด เหมือนภาพเดจาวูซ้อนกันกับวันนั้น

ผู้ชายตรงหน้าผมหรี่ตามองผม  แล้วนิ่งไปเหมือนนึกอะไรสักอย่าง

ผมทรงLAYERED UNDERCUT  ยุ่งๆที่ยังไม่เซ็ต แต่ก็เห็นหน้าหล่อๆชัดเจน  ส่วนสูงที่น่าจะสูง สัก 185-187 เซนติเมตรได้  ใส่กางเกงผ้ายืดขายาวสีดำตัวเดียว  หน้าท้องมีผ้าพันแผลพันไว้  ซิกแพ็คเป็นลอนเรียงกันสวยงาม  ผิวที่แขนเป็น2สี ยืนค้ำประตูไว้

แล้วที่สำคัญ  ดวงตาสีเขียวหม่นนั่น

เขาคือผู้ชายในซอกตึกคนนั้น!

แม่งโลกกลมไปไหนวะ...เป็นสี่เหลี่ยมบ้างก็ได้ กูไม่ว่าหรอก

“สวัสดีครับ”ผมเอ่ยทักเขา  พร้อมรอยยิ้มอ่อนๆกดความประหลาดใจไว้ในใจ  สังเกตเห็นดวงตาเขาไหววูบไปแวบหนึ่ง

“พามันกลับไป” ทศกัณฐ์เอ่ยเสียงเย็นชาใส่ สีหน้าเขานิ่งเรียบจนดูน่ากลัว

“ทำมะ…”ยังไม่ทันที่ผมจะพูดจบประโยค

“กูเกลียดผู้ชายตอแหล” เขาเอ่ยตัดบทด้วยน้ำเสียงเย็นๆ หรี่ตามองผมเหยียดๆ

รอยยิ้มที่ใบหน้าผมค้างเติ่ง

เกิดมาไม่เคยมีใครทำให้ผมหน้าชาได้มากขนาดนี้มาก่อน

ครับคุณทศกัณฐ์...

มึงเจอกูแน่!  ไอ้ยักษ์เหี้ย!!!

+++++++++++++++++++++++++

***แก้คำผิดและrewrite บางจุด(เนื้อหายังคงเดิม)
หัวข้อ: Re: ใจยักษ์: ตอนที่ 3 [5/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 06-11-2016 00:17:14
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ใจยักษ์: ตอนที่ 3 [5/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: panitanun ที่ 06-11-2016 09:39:48
ด่าน้องรันต์ทำไมอะพี่ทศศ555555555
หัวข้อ: Re: ใจยักษ์: ตอนที่ 3 [5/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 06-11-2016 11:54:08
เจอหน้าก็ไล่ทันทีนะพี่ทศ
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ ตอนที่ 3 ♡ [5/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: krayfanxing ที่ 06-11-2016 15:38:34
อยากอ่านแล้วรอดูพี่ยักษ์กับรันรัน
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ ตอนที่ 3 ♡ [5/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 06-11-2016 16:16:16
 :o8: :o8: :o8: :o8:

น่ า รั ก
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ ตอนที่ 3 ♡ [5/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: kiolkiol ที่ 06-11-2016 19:34:21
ติมตามเลยค่ะะะะ
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ ตอนที่ 3 ♡ [5/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 07-11-2016 14:46:10
ใจยักษ์ 4

เพราะแววตาของคนตรงหน้าที่มองมาอย่างเย็นชาปนเหยียดยิ่งทำให้ผมอยากกระชากหัวมันมาเหยียบๆซะให้จมดินตรงนั้ เพียงแต่ถ้าผมทำแบบนั้น ผมอาจไม่มีชีวิตรอดกลับไป ทั้งไอ้คนตรงหน้าและไอ้ฝรั่งลูกน้องมันอีกมีแต่คนตัวโตกว่าผมทั้งนั้น เกิดผมทำอย่างที่ใจอยากจริงๆแล้วมันควักปืนออกมายิงผมทิ้งก็แย่สิ และเพราะผมรักตัวเองมากพอเพราะฉะนั้นผมจะไม่ยอมเสี่ยงชีวิตทำเรื่องโง่ๆเด็ดขาด

“คุณจะพูดอะไรก็พูดไปเถอะแต่ผมมีหน้าที่มา ‘เป็นผู้ช่วย’ คุณตามคำสั่งของพ่อคุณ” ผมฉีกยิ้มกว้างให้เขามากกว่าเดิม พูดเสียงโทนนิ่มๆอย่างใจเย็น เน้นคำว่าผู้ช่วยที่บาดหัวใจกูเหลือเกิน

“หึ! ถ้ามึงคิดว่าการเอาเขามาอ้างแล้วกูจะยอม...มึงคิดผิด!เขาสั่งกูไม่ได้”ทศกัณฐ์เอ่ยอย่างเย็นชาพร้อมเหยียดยิ้มที่มุมปากส่งกลับมา

“อ้อเข้าใจแล้ว ถ้าอย่างนั้นเราก็กลับกันเถอะคุณบราวน ก็แค่เด็กเรียกร้องความสนใจจากพ่อ วิธีเด็กๆว่ะ”  ผมทำเป็นพยักหน้าแล้วหันไปพูดกับผู้ชายอีกคนที่ยืนมองเงียบๆอยู่

พรึ่บ!

“มึงว่าใครเด็กเรียกร้องความสนใจวะไอ้สตอเบอร์รี่บอย” ทศกัณฐ์กระชากคอเสื้อผมไปเผชิญหน้า  เท้าผมเกือบลอยจากพื้น   เขาเอ่ยเสียงเข้มๆสีหน้าเย็นชาขึ้นไปอีก

“โอ๊ะโอ   แทงใจดำหรอครับคุณทศกัณฐ์” ผมกระตุกยิ้มยั่วโมโหคนตรงหน้า

“มึง!!!” พลั่ก

เต็มๆครับ  มันต่อยผมลงไปกองกับพื้นเลย

ผมเงยหน้าขึ้นมองไอ้ยักษ์วัดแจ้ง มันมองผมนิ่งๆผมก็มองตอบเงียบๆ ส่วนโจเซฟยังยืนนิ่งอยู่

ภายในปากผมเค็มปร่าไปด้วยรสเลือด  ผมค่อยๆลุกขึ้นยืนช้าๆด้วยตัวเองระบายยิ้มหวานที่สุดในชีวิตให้เขา จากนั้น….

พลั่ก!  ตุบ! ...ก็ยกเท้าถีบเต็มๆแรงใส่ไอ้คนที่เพิ่งชกผมไปเมื่อกี้

“เหี้ย!/เฮ้ย!” ไอ้ยักษ์กับไอ้ฝรั่งอุทานออกมาพร้อมกันทันที  ทศกัณฐ์ล้มก้นกระแทกพื้นเข้าไปในห้องมันอย่างไม่ทันตั้งตัว

แถมจุดที่ผมถีบยังไปโดนตรงแผลมันเป๊ะๆซะด้วย

ผมแสยะยิ้มให้มันอย่างสะใจ พร้อมเอ่ยช้าๆอย่างชัดเจน

“ตอบแทนน่ะครับ ทำมาทำกลับไม่โกงเนอะ” ทศกัณฐ์กัดฟันกรอด ตั้งท่าจะลุกขึ้นมาเอาเรื่องผม ไอ้ฝรั่งอีกคนมองผมอย่างอึ้งๆ

“กูเอามึงตายแน่!!!” ทศกัณฐ์ตะคอกอย่างโมโห พยายามจะลุกขึ้นแต่ก็ทำไม่ได้ดั่งใจนัก  ผมเห็นเลือดเริ่มซึมออกมาจากผ้าพันแผลของมัน

“เชิญเลยครับ คุณจะทำยังไงก็ได้อยู่แล้ว ทั้งพ่อคุณทั้งคนรอบข้างยังไงพวกเขาก็ตามใจทุกอย่าง...คนอย่างคุณนึกอยากทำอะไรก็ทำ เคยนึกถึงหัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่บ้างไหม ใช้วิธีเด็กๆประชดพ่อด้วยการไม่ไปเรียนหนังสือ ทำตัวให้เขาเป็นห่วง ไม่มีสมองคิด โคตรกากเลยว่ะ” ผมต่อว่าเขานิ่งๆโดยไม่เกรงกลัวอีกคนที่กำหมัดแน่นอย่างพยายามระงับอารมณ์โกรธ

“มึงไม่รู้เรื่องอะไร ไม่ต้องมาเสือกพูดแล้วกูก็ไม่ได้ทำประชดใคร...กูไม่ได้สนใจใครทั้งนั้น” ทศกัณฐ์ตะโกนขึ้นเสียงดัง ความเกรี้ยวกราดคุกรุ่นอยู่ในแววตาเขาอยู่เนืองๆ

“ใช่!กูไม่รู้เรื่อง แต่กูเสือกโดนลากเข้ามาเกี่ยวข้อง มันเพราะใคร! เพราะการกระของทำใคร! ต้องให้กูบอกไหมว่าต้นเหตุมันมาจากมึง!ถ้ามึงบอกว่ามึงไม่ได้ทำประชดคนอื่น มึงก็พิสูจน์สิว่าการมีอยู่ของกูมันไม่จำเป็น...ทำให้พ่อมึงเห็นได้ป่ะไอ้ควาย” ผมเริ่มมีน้ำโหเผลอพ่นคำหยาบคายออกมาหลายคำ

ทศกัณฐ์มองผมนิ่งเหมือนอึ้งไปอยู่พักหนึ่ง ไร้คำพูดใดๆตอบกลับมา

“ว่าไง” ผมถามย้ำอีกรอบ

“ก็ได้! มึงเตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้ดี กูให้โอกาสมึงแล้วนะ ถ้ามึงอยากจะเข้ามายุ่งนักกูก็จะจัดให้ กูจะทำให้มึงวิ่งร้องไห้กลับไปฟ้องเขาแทบไม่ทันเลยล่ะ แล้วนับจากนี้เป็นต้นไปไม่ว่ามึงจะขอร้องอ้อนวอนอยากออกไปแค่ไหน ถ้ากูไม่ให้มึงไป...มึงก็ไม่มีสิทธิ์ไปจากกู  ต่อให้มึงตายกูก็จะตามไปนรกแล้วลากมึงกลับมา” เขาเอ่ยเสียงเย็น ผมขนลุกวาบไปทั้งตัว ราวกับมีพันธนาการที่มองไม่เห็นเข้ามามัดตัวผมไว้อย่างแน่นหนา

แต่ผมเพียงยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ...ชีวิตกูมันไม่มีอะไรให้เจ็บปวดไปมากกว่าที่เคยเจอมาแล้วล่ะ ไม่ว่าจะเจอเจ็บแค่ไหนต่อจากนี้กูก็ไม่รู้สึกอะไรหรอก…

++++++++++++++++++

หลังจากนั้นก็ไม่มีใครพูดอะไร โจเซฟเข้าไปช่วยพยุงทศกัณฐ์ขึ้นจะพาเดินเข้าไปด้านใน ไม่วายหันมาบอกให้ผมปิดประตูแล้วเดินตามเข้าไป

ทศกัณฐ์ทำการเปลี่ยนผ้าพันแผลใหม่เรียบร้อยแล้วนั่งหน้าบึ้งดูทีวีอยู่ที่ห้องนั่งเล่น

ห้องเขาไม่ได้สกปรกเละเทะอย่างที่ผมคิด มีเพียงแค่จาน2-3 ใบที่ยังไม่ได้ล้าง มีฝุ่นเพียงเล็กน้อยเป็นบางจุดเท่าที่ผมสังเกตเห็น  แต่…

ห้องของเขาสวยมาก

ย้ำว่ามากกกก!!!

ตรงทางเดินตั้งแต่ประตูก่อนถึงพื้นยกระดับเข้าสู่ห้องนั่งเล่นถูกปูด้วยหญ้าเทียม ฝั่งตรงข้ามตู้เก็บรองเท้าแบบบิวท์อินมีแอ่งน้ำตกเล็กๆเป็นสไตล์การจัดแบบญี่ปุ่นที่พอมองดูแล้วจะรู้สึกสดชื่นและผ่อนคลายมาก การตกแต่งห้องของเขาเป็นโทน ขาว -เทา-ดำ  ดูเป็นห้องผู้ชายแหละครับ  เรียบๆแต่มันดูดีอย่างลงตัว บันไดขึ้นชั้น 2 อยู่ฝั่งขวามือของห้องนั่งเล่น   มีชั้นลอยยื่นออกมาจากข้างบนด้วย ด้านซ้ายมือเป็นทางไปห้องครัวที่ติดกับห้องทานข้าว แล้วก็ห้องน้ำ  ผมเห็นมีประตูอีกบาน น่าจะเป็นอีกหนึ่งห้องนอน ในห้องนั่งเล่นที่มองออกไปอีกฝั่งมีม่านสีดำปิดไว้  หลังม่านนั่นน่าจะเป็นกระจกที่มองเห็นวิวเมืองกรุงเทพได้

คือชีวิตการเป็นอยู่มันดีขนาดนี้ แล้วดูมันทำตัว

โจเซฟกับผมนั่งอยู่ในห้องทานข้าวที่อยู่ถัดจากห้องนั่งเล่นที่มีไอ้ยักษ์บ้านั่งอยู่

“ผมไม่คิดเลยว่าคุณจะกล้าทำกับคุณทศกัณฐ์ขนาดนี้” โจเซฟเอ่ยตำหนิผมอย่างไม่เกรงใจ

“คนของคุณทำผมก่อนคุณบราวน ผมไม่ได้ทำอะไรผิด...ผมยอมรับข้อเสนอของพวกคุณ แต่ไม่ได้หมายความว่าผมจะต้องยอมพวกคุณทุกเรื่อง” ผมเอ่ยเสียงเรียบพร้อมรอยยิ้มอย่างไม่สำนึก โจเซฟถึงขนาดกับถอนหายใจใส่กับท่าทางของผม

“ช่างเถอะ ถือว่าภารกิจวันนี้คุณทำสำเร็จ แม้จะไม่เชิงว่าสำเร็จก็เถอะแต่คุณรู้ได้ไงเรื่องนายท่านกับคุณทศกัณฐ์มีปัญหากัน” โจเซฟถามพร้อมหรี่ตามองผม

“ผมแค่ใช้สัญชาตญาณเดาเอาเอง แต่ไม่คิดว่าจะจี้ถูกจุดด้วยขนาดนี้ หึๆๆ” โจเซฟเพียงพยักหน้ารับ  แล้วพูดเปลี่ยนเรื่อง

“พรุ่งนี้คุณต้องพาเขาไปมหาวิทยาลัยให้ได้ คุณทศกัณฐ์ขาดเรียนไปเป็นเดือนไม่ค่อยเป็นผลดีต่อตัวเขานัก” โจเซฟแสดงสีหน้าเคร่งขรึมปนลำบากใจ

“ผมขอถามได้ไหมว่าทำไมเขาถึงทำแบบนี้ คงไม่ใช่แค่ทำประชดพ่อแค่นั้นหรอกใช่ไหมครับ?” โจเซฟมองผมนิดเหมือนลำบากใจจะพูด ผมก็นั่งมองเขาเงียบๆไม่ได้เร่งเร้าอะไร ไม่นานโจเซฟก็ถอนหายใจก่อนจะยอมเปิดปากเล่า

“คุณนี่ท่าจะสัญชาตญาณแม่นจริงๆ  ใช่!มันมากกว่าเรื่องที่เขาผิดใจกับนายท่าน...คุณทศกัณฐ์กำลังตามหาคุณแม่ของเธออย่างบ้าคลั่งมา2 เดือนแล้ว ปกติเวลานี้เธอจะไม่อยู่ห้องหรอก  แต่เมื่อวานแผลอักเสบหนักวันนี้เธอเลยอยู่พัก”

ผมเข้าใจแล้วที่เห็นกระป๋องเบียร์เต็มถังขยะ ขวดเหล้าแบรนด์ดังที่เหลือเพียงค่อนกรม ที่โต๊ะห้องนั่งเล่น แล้วลมหายใจมี่มีกลิ่นแอลกอฮอลล์อ่อนๆผสมกับบุหรี่ตอนกระชากเสื้อผมไปประจัญหน้าตอนนั้น

ทศกัณฐ์กำลังเครียดเป็นอย่างมาก

“แล้วทำไมพึ่งจะมาตามหา” ผมถามอย่างสงสัย

“2ปีก่อน  เขาพึ่งมารู้ความจริงบางอย่างว่านายหญิงไม่ได้เสียชีวิตตั้งแต่เขา10 ขวบ หลังรู้เรื่องเขาตรงจากอังกฤษกลับมาไทยทันทีโดยไม่สนใจคำพูดนายท่าน ทั้งตามหาด้วยตัวเองทั้งว่าจ้างนักสืบแต่ก็ไม่มีวี่แวว นายท่านยื่นคำขาดให้เขากลับไปเรียนไฮสคูลต่อที่อังกฤษ แต่คุณทศกัณฐ์ตัดสินใจเรียนมหาวิทยาลัยที่นี่เพื่อตามหานายหญิงต่อ  นายท่านจึงทำอะไรไม่ได้เพราะคุณทศกัณฐ์ไม่ใช่คนที่จะอยู่ในความควบคุมใครตั้งแต่แรก ถ้าเขายอมให้ใครคือเขาอยากยอมเองเท่านั้น และส่วนหนึ่งท่านก็รู้สึกผิดด้วยกับเรื่องที่เกิดขึ้นจึงได้ยินยอมตามใจคุณทศกัณฐ์ เวลาผ่านไปสองปีไม่เจอแม้แต่เงาของนายหญิง แต่เมื่อ2 เดือนก่อน นักสืบที่คุณทศกัณฐ์เคยจ้างก็ติดต่อกลับมา ว่าเจอเบาะแสที่อยู่ของนายหญิงแล้ว คุณทศกัณฐ์ดูดีใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

แต่เมื่อพวกเขาไปถึงนายหญิงก็ย้ายไปที่อื่นแล้ว เขาจึงตามหานายหญิงอยู่บริเวณนั้นทุกวันด้วยความหวังที่แทบจะริบหรี่จนกระทั่งเปิดเทอมก็ไม่ได้ไปเรียน  ไม่สนใจว่าตัวเองจะเป็นจะตายยังไงวันนั้นที่ถูกแทงก็เพราะอดหลับอดนอนจนไปเจอพวกติดยารุมทำร้าย  ถ้าคุณไม่ไปเจอเขาเขาอาจจะปล่อยให้ตัวเองตายไปเลยก็ได้”

“เอ๊ะ   คุณจำผมได้ด้วยหรอครับ” เขาเพียงกระตุกยิ้มนิดๆตอบ

“เพราะฉะนั้นหน้าที่ของคุณคือต้องคอยดูแล เอาใจใส่คุณทศกัณฐ์ทุกอย่างและทำให้เขากลับมาทำหน้าที่ของตัวเองให้ได้”

“โห!คุณ ผมไม่ใช่เทวดานะจะทำได้ทุกอย่างขนาดนั้นเลยหรอ”

“คุณต้องทำให้ได้  เอาล่ะวันนี้คุณกลับบ้านไปเก็บของได้ พรุ่งนี้ผมจะไปรับคุณตั้งแต่เช้านะครับ” เขาเอ่ยตัดบท

“เดี๋ยวก่อน!เก็บของอะไรมิทราบ” ผมขมวดคิ้วถามฝรั่งหน้าหล่อคนนี้ด้วยความสงสัย

“คุณต้องทำให้เขาไปมหาวิทยาลัยแล้วตัวคุณจะไม่ไปหรือไง จะแยกร่างมาปลุกได้ในทุกวันหรอครับ” นี่ผมกำลังโดนฝรั่งเหน็บให้แล้วใช่ไหมครับ

“เฮ้อ!แล้วเขาจะยอมหรอ” ผมถามอย่างเหนื่อยใจ

“ผมจะพูดกับเขาเองครับ….ถ้าไม่มีอะไรวันนี้คุณก็กลับไปได้แล้ว” โจเซฟกล่าวพร้อมยืนขึ้น

“ผม…ขอถามคำถามสุดท้าย” ผมโพล่งขึ้น

โจเซฟมองแล้วพยักหน้าเชิงอนุญาตให้ถามได้

“ในเมื่อเหมือนคุณพอจะเตือนเขาได้  ทำไมไม่ทำหน้าที่นี้เองครับ”

เขานิ่งไปอึดใจ

“ถ้าผมทำได้ คุณไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้หรอกคุณเหรันต์”

อ่อ เป็นหน้าที่ที่น่าอิจฉาสินะ

ผมไม่ได้ตอบกลับอะไรเขา ทำได้เพียงนิ่งและเดินตามเขาออกจากห้องไป…

+++++++++++++++++++

เช้าวันถัดมา…

ตอนนี้ผมกลับมายืนอยู่หน้าห้อง  4001 อีกครั้งแล้วครับ  พร้อมเป้ใบใหญ่ 1 ใบและคีย์การ์ดสีทองอีกหนึ่งอัน  ผมไม่ได้กะมาค้างทุกวัน  เอามาแค่ของใช้ที่จำเป็นเท่านั้นพร้อมชีทเรียน   ผมอาจค้างเฉพาะคืนก่อนวันที่ทศกัณฐ์มีเรียนเช้าซึ่งมีอยู่สองวันในหนึ่งสัปดาห์ ส่วนผมเริ่มเรียนเก้าโมงทั้ง4วัน ยกเว้นวันศุกร์ที่เรียนแค่ตอนบ่าย ชีวิตเด็กภาคปกฯก็งี้แหละครับต้องทำใจ

หลังจากที่ดูตารางเรียนของทศกัณฐ์ทำให้ผมรู้ว่าเขาเรียนคณะเดียวกับผม แต่เรียนภาคอินเตอร์อยู่ปี 3

ทำไมผมไม่ค่อยเห็นหน้ามันเลยวะ

เออ  เรื่องของมัน

ผมแตะคีย์การ์ดพร้อมกดรหัส 1111 เปิดเข้าไปทั้งห้องเงียบมาก มืดด้วย  แน่ล่ะตอนนี้ตี5 เกือบจะ 6 โมง  ท้องฟ้ายังไม่ค่อยสว่างนักม่านก็ปิดไว้ด้วย

ผมกดเปิดไฟ ทั่วทั้งทางเดินก็สว่างวาบขึ้นมา สองเท้าก้าวเดินเอื่อยๆไปจนถึงห้องนั่งเล่น

มองไปชั้นสองมืดสนิท  ทศกัณฐ์อยู่บนนั้น

เอาไงดีวะ  จะหกโมงแล้วปลุกเลยดีไหมไอ้รันต์  เผื่อไอ้ยักษ์วัดแจ้งนั่นตื่นยากต้องมาทำกับข้าวไว้ให้มันอีก  มันไม่ชอบซื้อกิน ต้องมีเชฟหรือคนทำให้ทานแบบปรุงเสร็จใหม่เท่านั้น  เรื่องมากไปอีกเวรของกรรมไอ้รันต์จริงๆ

เอาวะ! ปลุกก็ปลุกตายเป็นตายโว้ย!!!

ผมเอากระเป๋าเป้วางไว้ที่โซฟา แล้วก้าวขึ้นเหยียบบันไดขั้นแรกไฟLEDใต้บันไดสีน้ำเงินอ่อนก็สว่างขึ้นอัตโนมัติ  ผมเดินขึ้นไปเรื่อยๆ  กดสวิซตรงหัวบันไดไฟชั้นสองก็สว่าง  มีทางแยกเป็น 2 ทางด้านละห้อง

ผมเลือกเดินไปทางด้านขวามือเพราะรู้อยู่แล้วว่าเป้าหมายอยู่ที่ไหน(โจเซฟบอกเรียบร้อย) จนไปหยุดอยู่หน้าบานประตูนรก(ตั้งเอง) ค่อยๆยื่นมือไปแตะมือจับประตูแบบก้านโยกหรูสีทองสว่างนั่น

แก็ก  แอ็ดดดดด

หนาว...คือความรู้สึกแรกที่เปิดประตูเข้าไป ผมหันไปปิดประตูเบาๆ แล้วกดสวิซเปิดไฟข้างๆประตู

พรึ่บ! ไฟในห้องสว่างแต่ไม่จ้ามากนัก  มองตรงไปเห็นสิ่งมีชีวิตนามว่าทศกัณฐ์นอนคว่ำอยู่  ทั้งตัวมีบ็อกเซอร์ลายสก็อตสีครามตัวเดียว มันไม่หนาวหรอวะเปิดแอร์ซะ  22°เซลเซียส

ผมเดินไปหยุดอยู่ข้างเตียง มองใบหน้าด้านข้างที่หล่อเหลาของทศกัณฐ์ ขนาดหลับคิ้วยังขมวด  แล้วนี่นอนคว่ำมันไม่เจ็บแผลหรอนั่น

“คุณทศกัณฐ์...คุณๆตื่นดิ” ผมปลุกพร้อมใช้มือเขย่าที่แขนเขาไม่แรงมากนัก

“อื้อ…”แล้วมันก็พลิกตัวหนีไปอีกทาง

“เอาไงดีวะ  อืม…”ผมทำท่าคิด  สายตาเหลือบไปเห็นบางสิ่งที่หัวเตียง

ซ่าาาา!!!

“สัส!!!”ร่างใหญ่ที่นอนอยู่ผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็วพลางลูบหยาดน้ำออกจากใบหน้าและผมที่เปียกชื้นนั่น

ใช่แล้วครับ...ผมราดน้ำใส่หัวทศกัณฐ์เองแหละ

“ตื่นได้แล้วครับ วันนี้คุณมีเรียนเก้าโมงเช้านะครับ” ผมยิ้มอ่อนให้เขาต้อนรับเช้าวันใหม่

“มึงอยากตายใช่ไหมไอ้สตอเบอร์รี่บอย”ทศกัณฐ์ครางต่ำในลำคอ ดวงตาแดงๆอย่างคนนอนไม่พอตวัดมองผมอย่างกับจะฆ่าให้ตาย  ยิ่งมองยิ่งเหมือนยักษ์เข้าไปใหญ่

“เลิกเรียกผมแบบนั้นซะที ผมชื่อรันต์ แล้วคุณก็ลุกไปอาบน้ำแปรงฟันได้แล้วครับ เดี๋ยวไปเรียนสาย” ผมเอ่ยอย่างไม่เกรงกลัวอีกตน

“อย่ามาสั่ง”มันว่าแล้วตวัดผ้าห่มคลุมหัวหนีหน้าผม

“ตื่นนนนนน”ผมยื้อยุดฉุดกระชากผ้าห่มกันกับทศกัณฐ์ทันที  ดึงกันไปกันมาจนผมเริ่มหมดแรง ทศกัณฐ์ที่กระชากผ้าห่มกลับไปทำให้ผมที่ไม่ทันตั้งตัวถลาไปตามแรงดึงของมัน  ตัวผมไปหล่นตุบลงบนเตียงของทศกัณฐ์  แต่ท่าของผมที่คร่อมมันอยู่ตอนนี้นี่สิ  จมูกผมชนกับมันแบบไม่ตั้งใจ(จมูกมันโด่งมาก)

เกิดเดดแอร์ขึ้นชั่วขณะ…

พลั่ก!

ชิบ!!!! ไอ้ยักษ์มันผลักผมตกเตียง  แถมยังหันมายิ้มเยาะให้

“หลบ!กูจะเข้าห้องน้ำ”มันบอกพร้อมตวัดผ้าห่มออกจากตัว ทำท่าจะก้าวข้ามผมไปห้องน้ำ ดีที่ผมหลบแม่งทัน

“เอ่อ…ผม…ผมจะออกไปทำอาหารเช้าให้” ผมบอกอย่างตะกุกตะกักเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นบางสิ่ง  รีบลุกขึ้นแล้วพาตัวเองเดินออกมาจากห้อง แต่ก็ไม่วายได้ยินเสียงไอ้ยักษ์ที่เจือแววขบขันแว่วมาเข้าหู

“หน้ามึงแดงนะไม่เคยเป็นหรอก็ปกติของผู้ชายตอนเช้านี่...สตอเบอร์รี่บอย หึๆๆๆ”

เชี่ย!ถึงจะเรื่องปกติ แต่กูไม่เคยเห็นของคนอื่นนี่หว่า

ผมลงมาชั้นล่างเอากระเป๋าไปเก็บอีกห้องที่อยู่ชั้นแรกเรียบร้อย ไม่ต้องรอมันอนุญาตหรอกครับผมอนุญาตตัวเองเสร็จสรรพ

ผมอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยตั้งที่หอผมก่อนออกมาแล้วล่ะครับ ตอนนี้กำลังคิดอยู่ว่าจะทำอะไรให้ไอ้ตัวปัญหากินดี

‘คุณทศกัณฐ์เธอชอบกินอาหารไทยครับ แต่รสจัดมากไม่ได้’  อยู่ๆคำพูดของโจเซฟก็ผุดขึ้นมาในหัว อืม…ข้าวต้มละกัน จะได้ไม่หนักท้องด้วย

ผมเปิดตู้เย็นค้นหาวัตถุดิบ  มีของสดอยู่เต็มตู้เลยครับคิดว่าโจเซฟไปหามาเตรียมไว้ให้

อื...ทำข้าวต้มหมูละกัน ป้องกันข้ออ้างการแพ้กุ้ง

7.15  a.m.

ผมทำเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ  ไอ้ยินเสียงปิดประตูห้องจากด้านบน ทศกัณฐ์คงแต่งตัวเสร็จแล้ว

ผมเดินออกไปรอเขาที่ห้องนั่งเล่น  มันเดินลงบันไดมาหน้านิ่งๆเหมือนไม่สนใจผม  ผมสีน้ำตาลอ่อนเสยขึ้นเซ็ตเป็นทรงเปิดหน้า(หล่อ)เหี้ยๆนั่นชัดเจน   แต่งตัวด้วยเสื้อเชิ้ตแขนยาวพักขึ้นถึงข้อศอกสีกรมท่า กางเกงยีนสีซีดเข้ารูปไปกับขายาวๆ  ถุงเท้าสีดำ   ผมไม่แปลกใจในการแต่งตัวของเขาเพราะคลาสที่ทศกัณฐ์เรียนส่วนมากมีแต่ต่างชาติ   ดังนั้นการแต่งตัวจึงค่อนข้างฟรี

“ผมทำอาหารเช้าไปให้แล้ว เชิญครับ” ผมบอกยิ้มๆ

เขายังยืนนิ่งที่ตีนบันได

“ถ้าไม่กิน….”ผมหยุดพูดพร้อมชูสิ่งที่จะทำให้เขาฟังผมง่ายขึ้น “ผมไม่รับประกันความปลอดภัยของมันนะครับ” ผมแสยะยิ้ม  พลิกกันดั้มในมือไปมา ทศกัณฐ์กัดฟันกรอด ตางี้เขียวปั๊ด

ใช่แล้วล่ะ...หุ่นยนต์กันดั้ม  ของเล่นสุดรักสุดหวงของทศกัณฐ์  นี่ผมเลือกหยิบตัวที่เด่นที่สุดในห้องของเขามาเลยนะครับ   หึๆๆ(แอบกลับเข้าไปหยิบตอนทศกัณฐ์อาบน้ำ)

“เจฟ….”เขาครางในลำคออย่างข่มอารมณ์ ตวัดสายตามองผมอย่างกับจะฆ่าให้ตายตรงนี้

เป็นอย่างที่คิด...โจเซฟบอกผม เขาไม่กล้าทำแต่ผมกล้านี่

“เชิญครับคุณทศกัณฐ์” ผมผายมือไปทางห้องครัว  สายตาเขาแค้นผมมากแต่ก็ยอมเดินไปแต่โดยดี

เหรันต์ Vs  ทศกัณฐ์

           1 – 0

.

.

.

.

ตอนนี้ผมกับทศกัณฐ์อยู่ที่ลานจอดรถชั้น 5 เขาเดินไปบล็อคริมสุด  มีเลขเดียวกับเลขห้องระบุไว้ที่เสา มีAston Martin DB11 สีเทาควันบุหรี่จอดอยู่  พร้อมกับ  Ducati Panigale R   สีแดง  ที่จอดอยู่ข้างๆกัน

 ทศกัณฐ์เดินไปที่ดูคาติในมือเขาถือหมวกกันน็อคลงมาตั้งแต่บนห้อง  แต่ผมตัวเปล่านะ

เขามองผมแวบนึงขึ้นคร่อมรถแล้วเสียบกุญแจใส่หมวกกันน็อคเรียบร้อยพร้อมไปแต่ยังไม่ออกรถในทันที...ราวกับว่ารออะไรบางอย่าง

“เฮ้!คุณต้องพาผมไปด้วยนะ” ต้องตามเดี๋ยวมันไม่ไปเรียน

เขาไม่ได้พูดอะไร  ผมจึงรีบกระโดดขึ้นรถเกาะหลังเขาอย่างรวดเร็ว

บรืนนนนนน

ไอ้สัสสสสส ผมผวาเกาะบ่าทศกัณฐ์ไว้แทบไม่ทัน   เมื่อกี้เกือบหงายหลังไปทัวร์นรกแล้วไหมล่ะ

“ขับช้าๆหน่อย” ผมตะโกนบอก

บรืนนนนนนนนน  มันบิดคันเร่งยิ่งกว่าเดิม

ฟังกูมาก ขอบคุณครับ

.

.

.

.

ไม่รู้ว่านานแค่ไหนกว่ารถนรกนี่จะหยุดลง  ผมหลับตาปี๋ตลอดทางหมวกกันน็อคก็ไม่มี  มันขับปาดไปปาดมา  เสียงด่าพ่อล้อแม่ตามหลังมาไม่หยุด  มารู้ตัวอีกทีมันพาผมมาหยุดอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้  มือที่เคยเกาะบ่าก็เปลี่ยนมาเป็นกอดเอวมันแน่นตอนไหนวะ

 แต่สิ่งที่ผมรู้ตอนนี้คือ มันมาแล้ว…

อุ๊บ! ความผะอืดผะอมที่ตีตื้นขึ้นมาที่คอหอย

ผมรีบกระโดดลงจากรถ  วิ่งเข้าข้างทางที่เป็นหญ้ารกๆ ข้าวต้มหมูกู!!!

ผมอ้วกจนไม่เหลืออะไรจะออกแล้ว

หันไปทางไอ้ตัวต้นเหตุ  มันเปิดหน้ากากหมวกกันน็อคเห็นแค่ครึ่งหน้า

ผมเห็นแค่ดวงตาที่หยีขึ้นเหมือนยิ้มกว้าง

ฟัคคคคคคค กูหลงกลมัน  ผมรีบวิ่งไปหามัน

แต่ไม่ทันแล้วครับ….

มันโบกมือให้ผม2-3ที แล้วบิดรถออกไป

กร๊าซซซซซ   ไอ้รันต์โมโห หลงกลมันจนได้

.

.

.

.

.

.

แล้วมันเอากูมาปล่อยไว้ที่ไหนในประเทศไทยว่ะเนี่ยยยย

เหรันต์  VS  ทศกัณฐ์

         1 – 1 

+++++++++++++++++

***แก้คำผิดและรีไรท์
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ ตอนที่ 4 ♡ [7/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: oiruop ที่ 07-11-2016 15:14:12
สนุกกกกกกกกกกกกกกกกก

 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ ตอนที่ 4 ♡ [7/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 07-11-2016 15:41:05
หึหึ แกล้งกันไปมาเดี๋ยวก็สปาร์คกันเอง
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ ตอนที่ 4 ♡ [7/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 07-11-2016 17:52:55
มวยถูกคู่ 55555
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ ตอนที่ 4 ♡ [7/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Pumpkin ที่ 07-11-2016 18:08:15
ตลกกกกกกกก ไอ้ช่วงที่ตีกันนี่แหละสนุกนัก!
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ ตอนที่ 4 ♡ [7/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 09-11-2016 18:30:44

ขอบคุณสำหรับทุกเป็ดและคอมเม้นนะคะ  เปรมดีใจมาก  รู้สึกมีกำลังใจจะแต่งต่อมาก  และที่สำคัญขอบคุณนักอ่านทุกคนที่หลงเข้ามาอ่านนะคะ  :กอด1:


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++




5




“เออ   เดี๋ยวตอนบ่ายกูเข้า  แค่นี้นะเว้ย”  เฮ้ออออ  รอดตัวไป

เมื่อกี้ผมพึ่งวางสายจากเมฆครับ   คือมันเลยเวลาเรียนไปเป็นชั่วโมงกว่าๆแล้วไง  มันเลยโทรตามผม  แต่ผมโกหกไปว่าตื่นสาย  เดี๋ยวตอนบ่ายเข้า  มันก็วางไป

คือผมไม่อยากบอกเมฆว่าต้องมาคอยดูแลไอ้ตัวปัญหานี่   ไม่อยากให้มันเป็นห่วงน่ะครับ   ไม่รู้ว่าเรื่องนี้จะจบเมื่อไหร่   เลยไม่อยากพูดอะไรมาก

ตอนนี้ผมอยู่บนแท็กซี่แล้วครับ   แต่กว่าจะได้ขึ้นแท็กซี่  ผมก็เดินจากจุดที่ไอ้เวรนั่นทิ้งผมไว้เกือบๆชั่วโมงกว่าจะถึงถนนใหญ่แล้วโบกแท็กซี่กลับมอ   แม่งมันพาผมมาทิ้งไว้ไกลมากแทบจะคนละฟากกับที่อยู่เลยล่ะ   ไอ้ทศกัณฐ์มันก็มีความพยายามดีเนอะ   ผมหวังว่ามันแกล้งผมแล้วคงจะไปเรียนนะ



++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ผมอยู่มหาวิทยาลัยแล้วครับ  ตอนนี้ใกล้เวลาเที่ยงแล้ว   กำลังนั่งรอไอ้เมฆเลิกเรียนที่ม้าหินอ่อนใต้ตึกคณะ
.
.
.
.
.
.
“มึงไม่ต้องกังวลนะเว้ย   เดี๋ยวกูให้คนของพ่อกูตามหาอีกแรง”  เสียงคนคุยกันดังขึ้นที่โต๊ะข้างๆ   สงสัยพึ่งเดินมา  เพราะก่อนหน้านี้ที่ผมนั่งไม่มี

“อืม  กูไม่อยากคิดอะไรแล้ว” อีกเสียงตอบกลับ  เสียงคุ้นๆ  แต่ผมไม่ได้สนใจหันไปมอง  ตอนนี้กำลังจดจ่ออยู่กับคุ้กกี้รันได้ที่เลย(เขาเลิกเล่นกันนานแล้วนะ)

“อย่าคิดมากๆ   กูว่าเราไปฉลองต้อนรับการมาเรียนวันแรกของไอ้ทศกันเหอะว่ะ   พูดแล้วก็เซ็งเมื่อเช้าแม่งมาปลุกกูตั้งแต่ยังไม่ทันสิบโมง   มีเรียนบ่ายนะไอ้สัด” หนึ่งในนั้นพูดขึ้น

หืม…ทศงั้นหรอ   ทำไมเดี๋ยวนี้กูได้ยินคนพูดชื่อนี้บ่อยจังวะ

แต่ก็ยังก้มเล่นเกมส์ต่อ

“หมามันกวน” มันพูดว่าไงนะ  ฟังไม่ชัดว่ะ

“มึงเลี้ยงหมาหรอวะ  กูอยากเห็นว่ะ  แต่กูว่าก็ดีเหมือนกันนะ  ไม่ได้กินเหล้าพร้อมหน้ากันนานละ  มึงว่าไงทศ” เสียงไอ้คนแรกพูด

“หึ…แล้วแต่”

“งั้นวันศุกร์   ที่เดิมนะ” เสียงทุ้มอีกเสียงว่า

“เออ   แต่ตอนนี้หาไรแดกกันก่อน   ตอนบ่ายจะได้เข้าเรียน” อีกเสียงในแก็งค์นั้นพูดขึ้น

ผมที่เล่นเกมส์ตายพอดีกำลังหันไปมองทางกลุ่มนั้นให้หายสงสัย  แต่

ควับ

“ว่าไงน้องรันต์   รอพี่เมฆนานไหมจ๊ะ”  เสียงไอ้เมฆดังขึ้นพร้อมกับแรงรัดที่คอจากด้านหลัง  ผมตีแขนไอ้เมฆให้ปล่อย  มันก็ปล่อยแต่โดยดี

“เล่นเหี้ยไรของมึงเนี่ย” บ่นไอ้เมฆพลางสายตาก็เหลือบไปมองทางกลุ่มนั้น  ที่เห็นแค่ข้างหลัง 3-4 คน ไกลอยู่ลิบๆ  เดินไวชิบ

“พูดไม่เพราะๆ  เดี๋ยวพี่ก็ตบปากด้วยด๊อกเตอร์มาร์ตินพี่ซะเลย” ไอ้เมฆหยอก

“มึงอ่ะดิ  จะโดนช้างดาวกู” ผมสวน พลางลุกขึ้น

ไอ้เมฆเดินมากอดคอแล้วพากันเดินไปกินข้าวกลางวันที่โรงอาหารคณะกันสองคน

โดยที่ผมไม่ทันเห็นว่าหนึ่งในนั้นหันมามองทางผมพร้อมรอยยิ้มที่มุมปากอย่างปริศนา
.
.
.
.
.
.
.

“ไปไหนต่อป่ะ” เมฆถามแต่สายตายังมองไปที่อาจารย์กำลังสอนอยู่

“ถามกูหรอ” ผมหันไปถาม

“ไม่ถามมึงจะไปถามหมาที่ไหน” มันหันมาว่า

“เอ้าจะรู้หรอ   ไม่ได้ไปไหนหรอก   แต่ตอนเย็นๆไม่ว่าง” ผมบ่นให้มันแล้วตอบคำถาม

เมฆหรี่ตามองเล็กน้อย

“ไปไหน   เดี๋ยวนี้ธุระเยอะนะมึง” มันถามจี้

“เออน่ะ   ธุระป้าพิมพ์เหมือนเดิมแหละ” ผมบอกแล้วหันไปมองสไลค์อาจารย์อย่างแนบเนียน

“อย่าให้กูรู้นะว่ามีไรปิดบังกูอีก” เมฆพูดขึ้น

ผมหันไปฉีกยิ้มให้มัน  เราไม่ได้พูดอะไรกันต่อหันไปสนใจเรียนเหมือนเดิม   ผมว่ามันต้องสงสัยแหละ   เอาไว้กูจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วนะเมฆกูจะบอกมึง


แต่ผมคงไม่รู้ว่าเรื่องของเขาคงจัดการไม่ได้ง่ายๆอย่างที่คิด



++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


“ผมทำแกงเขียวหวาน  ผัดวุ้นเส้น   กับหุงข้าวสวยไว้แล้ว   ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมกลับเลยนะครับ” ผมบอกปลายสาย

(ครับ) โจเซฟตอบกลับมาสั้นๆแล้ววางสายไป

ตอนนี้เกือบๆหกโมงเย็นแล้วครับ  หลังเลิกเรียนและแยกย้ายกันกับไอ้เมฆ(ที่มองอย่างจับผิด) ผมก็ตรงดิ่งมาคอนโดฯไอ้ยักษ์เลวทันที   ผมทำอาหารเตรียมไว้ให้มันตามเงื่อนไข   ส่วนทำความสะอาดห้องและอื่นๆวันหยุดผมถึงจะทำ   เพราะห้องก็สะอาดเรียบร้อยดี   ป่านนี้ไอ้ยักษ์นั่นคงกำลังกลับถึงห้องถ้ามันไม่ได้ไปไหน

ใช่ครับ   โจเซฟบอกผมว่ามันไปเรียน

แม้จะแปลกใจว่ามันว่าง่ายผิดปกติแฮะ   แต่ก็แลกมาด้วยความเหนื่อยยากของกูเหมือนกันนะ

ติ้ด    แก็ก

ผมที่กำลังจะเดินไปถึงประตูชะงักไป   เมื่อประตูถูกเปิดออกจากด้านนอกซะก่อน

มันมาแล้ว!

“อ้าว   กลับมาแล้วหรอครับ”  พอมันเปิดประตูเข้ามา   ผมก็ยิ้มทักทายทันที

ไอ้ยักษ์เลิกคิ้วข้างหนึ่งมองผมเหมือนแปลกใจ  ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ

“อย่ามาทำตัวเหมือนเมียกู   ขนลุก” สัส  ใครทำตัวเหมือนเมียมึงไม่ทราบ   อย่างกับกูอยากจะทำนักนี่   กูฝืนใจล้วนๆเหอะ

“ใครจะไปทำอะไรแบบนั้น   ผมทำกับข้าวไว้ให้คุณแล้วนะครับ   จะกินไม่กินก็เรื่องของคุณนะ” ผมบอกอย่างไม่ถือสากับคำพูดนั้น  แม้ในใจอยากจะถลาไปตบปากมันมากกว่า

มันไม่ตอบแต่ถอดรองเท้าไปเก็บไว้ในตู้  แล้วเดินผ่านผมไป

แต่ขณะที่มันเดินสวนผมนั้น   มันก็พูดเบาๆขึ้น

“เป็นไง  เดินสนุกไหมวันนี้”

กรอด!ผมกัดฟันแน่น   อุตส่าห์พยายามลืมๆมันไปแล้วนะ

“ก็ไม่เท่าไหร่นะครับ   รู้เหมือนได้ออกกำลังกายมากกว่า  ขอบคุณนะครับผมแข็งแรงขึ้นเยอะก็เพราะคุณเลย” ผมว่า  ก่อนจะรีบเดินไปใส่รองเท้าแล้วเดินไปเปิดประตูออกจากห้องโดยไม่หันไปมองเขาแม้แต่น้อย
.
.
.
.
.
.
.

วันศุกร์

ผมทำโจ้กกับไข่ตุ๋นทรงเครื่องไว้ให้ทศกัณฐ์ในตอนเช้า    เมื่อคืนผมไม่ได้นอนที่นี่มันไม่ชินน่ะ    ผมเปิดประตูเข้าไปในห้องมัน   เตียงว่างเปล่าปและได้ยินเสียงน้ำไหล   คงกำลังอาบน้ำอยู่   วันนี้ทศกัณฐ์มีเรียนเช้าส่วนผมมีตอนบ่าย   สายๆผมถึงจะออกไป

ผมเดินไปเก็บเตียงให้เขา  สักพักเสียงน้ำไหลก็หยุดพร้อมประตูเลื่อนห้องน้ำเปิดออก  ร่างสูงเดินออกมามีผ้าเช็ดตัวพันไว้ที่เอวหมิ่นเหม่   ทั้งตัวมีน้ำเกาะประปราย   หน้าท้องเป็นลอนมีรอยเย็บแผลด้านซ้ายที่คงแห้งใกล้หายแล้ว

เขาเหลือบตามองผม  ผมหันหน้าหนีไปพับผ้าห่มต่อ  ทศกัณฐ์เดินไปทางห้องแต่งตัวอย่างไม่พูดอะไร

หลังเก็บที่นอนเรียบร้อย    ผมก็ออกมานั่งดูทีวีที่ห้องนั่งเล่น  รอทศกัณฐ์กินอาหารเช้าเสร็จจะได้ล้างจานชามให้เสร็จทีเดียว

ที่น่าแปลกใจคือ   ทศกัณฐ์กินอาหารที่ผมทำไว้ให้ทุกครั้ง  แม้ครั้งแรกจะโดนบังคับ  แต่ครั้งอื่นๆมันก็ยอมกินง่ายๆอย่างไม่ปริปาก   ผมนึกว่ามันจะแกล้งทิ้ง  หรือด่าสาดเสียเทเสียผมซะอีก

แต่เห็นผมอย่างนี้  ฝีมือการทำอาหารผมก็พอตัวนะครับ   เพราะต้องอยู่คนเดียวตั้งแต่อายุ 15 ปี  ผมก็ทำทุกอย่างได้เองแทบทั้งหมด


ตอนนี้ผมสบายใจได้หนึ่งอย่างคือมันยอมไปเรียนแล้ว   แทบไม่ต้องบังคับอะไรอีก  แม้เมื่อวานผมต้องใช้นาฬิกาปลุกถึง3ตัวในการปลุกให้มันตื่นก็ตาม

เห็นมันเดินออกมาจากห้องครัวแล้วครับ  สงสัยกินเสร็จแล้ว  ผมลุกขึ้นจะเดินไปล้างจานชาม

“เดี๋ยว” ระหว่างที่เดินไปทางครัว  ทศกัณฐ์เรียกผมไว้ก่อน

“มีอะไรครับ” ผมหันไปถาม

“กูไปเรียนแล้ว   ทำไมมึงยังอยู่” ทศกัณฐ์ถามขึ้น

“อืม…อันนี้ผมก็ไม่รู้สิ   คุณต้องถามคุณบราวนนะ  แล้วนี่มันพึ่งจะวันที่ 3 มันเร็วไปไหมที่พ่อคุณจะเชื่อ” ผมตอบ

ทศกัณฐ์ทำหน้าเซ็งๆ   ก่อนจะนั่งลงที่โซฟาเปิดทีวีดูไม่สนใจผมอีก

“อย่าลืมรีบไปนะครับ   เดี๋ยวสาย”  ผมบอกก่อนจะเดินเข้าครัวไป

แอบตลกมันอยู่นะ   เขาเหมือนเด็กร้ายๆคนหนึ่งที่แค่ต้องการคนใส่ใจเท่านั้นเอง


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


“วันนี้กูไปแดกเหล้ากับพวกไอ้อ๋องนะ   มึงไปป่ะ” เมฆชวนขณะเดินออกจากตึกคณะ

“ไม่อ่ะไปเหอะ    กูจะนอน” ผมบอก  จริงๆไอ้เมฆมันก็ชวนพอเป็นพิธี  ผมไม่ค่อยถูกกับเหล้าน่ะ   ไม่ใช่อะไรนะ คออ่อนเว้ย(รู้ตัว)

ส่วนไอ้เมฆแม่งทุกอาทิตย์อาบได้เป็นอาบไอ้นี่   แต่ช่วงอาทิตย์สอบมันก็งดๆอยู่

“ไปฝึกๆไว้บ้างรันต์   ระวังโดนเขามอมง่ายๆ”  เมฆบอก

“ข้ออ้างจะแดกเหล้ามากกว่า   ใครจะมามอมกู” ผมบอก  ใกล้ถึงรถเมฆละ  วันนี้มันจะไปส่งผม  แล้วเดี๋ยวผมค่อยต่อรถจากหอไปคอนโดไอ้ยักษ์นั่น

“มันก็ไม่แน่   น้องรันต์ของพี่ยิ่งน่ารักๆอยู่  หึๆๆ”  เมฆว่าพร้อมขยี้หัวผม  สัสผมยุ่งหมด

“น่ารักเตี่ยมึงอ่ะ” ผมว่าแล้วรีบวิ่งหนีไปที่รถ  เดี๋ยวมันเตะ
.
.
.
.
.
.

23.20 p.m.

Rrr   Rrr  Rrr

เสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้นตอนเคลิ้มๆใกล้จะหลับ

ใครวะ

‘Mr.Brown’

หืม   โจเซฟงั้นหรอ  โทรมาทำไมป่านนี้วะ  หวังว่าคงไม่มีเรื่องอะไรเดือดร้อนกูอีกหรอกนะ

“ครับ” ผมกรอกเสียงลงไปหลังกดรับสาย

(คุณอยู่ไหน) เขาตอบกลับทันที

“หอผมครับ  มีอะไรหรอ”

(คุณทศกัณฐ์เธอยังไม่กลับห้อง) น้ำเสียงติดกังวลนิดๆ

“แล้ว?” เกี่ยวอะไรกับกูวะ

(นายท่านมีคำสั่งคุมความประพฤติคุณทศกัณฐ์   เธอต้องกลับห้องไม่เกินตี 1 คืออย่างช้าสุด   แล้วคุณก็ต้องไปตามเขากลับ   ขอโทษที่ผมลืมบอก) โจเซฟบอก

“ห๊ะ” แม่งนรก  ซวยกูอีกแล้วๆๆๆๆ

(ตามนั้นครับ)

“เดี๋ยวๆ  แล้วผมจะไปตามเขาที่ไหนวะ…ครับ” เกือบลืมสุภาพ

พูดแล้วผมก็รีบลุกถอดชุดนอนจะเปลี่ยนเสื้อผ้า  หูกับไหล่ก็หนีบโทรศัพท์ไว้  แม่งหายง่วงเลยกู

(คลับ C โซนวีไอพี  บอกการ์ดว่าเป็นคนของคุณทศกัณฐ์) พูดจบก็วางสายไป

เดือดร้อนกูอีกแล้ว   คิดไว้แล้วไม่มีผิดว่าอย่างมันคงจะทำให้กูนอนเฉยๆสบายๆไม่ได้นานหรอก

รีบออกจากหอ  เดินไปโบกแท็กซี่ที่หน้าปากซอย(เป็นถนนใหญ่)  ทางมืดก็มืด  เกิดกูโดนขี้ยาดักรุม  ใครจะรับผิดชอบชีวิตกู
.
.
.
.
.
.

คลับ C

ผมมาถึงหน้าคลับแล้ว   แค่มองข้างนอกก็หรูหราทำเอาซะการแต่งตัวกูดูขอทานทันที(กางเกงยีนส์ 3 ส่วน  เสื้อยืดคอวี  รองเท้าผ้าใบคอนเวิร์สเก่าๆ)

ผมสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่  ทำใจกล้าตรงดิ่งไปประตูทางเข้า  แต่

“ขอบัตรแสดงตัวด้วยครับ” การ์หน้าโหดสองคนเข้ามายืนขวางทันที  ผมรีบหยิบบัตรประชาชนจากกระเป๋าตังค์ส่งให้  แต่ไม่มีใครรับแถมมองผมเหยียดๆด้วย

“ผมหมายถึงบัตรสมาชิก  ถ้าไม่มีมาทางไหนก็กลับไปทางนั้นเลยไอ้หนู”  หนึ่งในนั้นบอกเสียงเข้ม

“เอ่อ  คือผมมาหาคุณทศกัณฐ์น่ะครับ”  ลองบอกไปเผื่อฟลุ๊คได้เข้า

พวกเขามองหน้ากันเหมือนปรึกษา  แต่ผมชิงพูดขึ้น

“ผมไม่โกหกพวกคุณหรอก  ผมเป็นคนของเขาจริงๆ  ไม่เชื่อคุณก็ลองไปเรียกเขาดูสิ” ตอนนี้เหงื่อแตกพลั่ก  แต่เก็บอาการ

“ก็ได้  แต่อย่าให้รู้ว่าโกหกละกัน  ไม่งั้นพวกผม…” เขาเว้นคำพูดแล้วใช้นิ้วชี้เชือดคอตัวเองขู่ผม  ผมพยักหน้าแล้วยิ้มแหยๆให้  แล้วพวกเขาก็เบี่ยงตัวหลบให้ผมเข้าไป


ภายในคลับคนเยอะมาก  เต้นเบียดเสียดกันไปหมด  มีสปอร์ตไลท์หลากสีหมุนไปหมุนมา   ดีเจก็เปิดเพลงอย่างเมามัน  คลับนี้น่าจะมี 3 ชั้น  ชั้นแรกสำหรับพวกชอบเต้นเฮฮา  เป็นโต๊ะยืนดริ้งค์  ส่วนชั้นสองจะเป็นโต๊ะมีที่นั่งเปิดโล่งมองเห็นชั้นล่าง  มีคนยืนเต้นอยู่ประจำโต๊ะประปราย  มองเหนือขึ้นไปจากชั้นสองเป็นกระจก  แต่มองไม่เห็นด้านใน  นั่นน่าจะเป็นโซนวีไอพี

ผมเดินเบียดไปหาบริกรที่ยืนอยู่มุมหนึ่ง

“ขอโทษนะครับ  คือผมมาหาเพื่อนที่อยู่โซนวีไอพี” ผมบอกบริกรเสียงดังหน่อย

“ขอบัตรด้วยครับ” เขาพยักหน้าแล้วขอบัตร

“คือผมไม่มี” ผมพูดเสียงอ่อน

“งั้นคงไม่ได้นะครับ  นอกจากจะโทรเรียกให้เพื่อนคุณมารับขึ้นไป”  เขาบอก  เบอร์มันมีที่ไหนล่ะ

“คือผมไม่อยากรบกวนทศกัณฐ์น่ะครับ  ผมกะมาเซอร์ไพส์เขา  วันนี้วันเกิดเขาน่ะ” ผมเดาว่าคนที่นี่น่าจะคุ้นเคยกับทศกัณฐ์   ผมไม่มีทางเลือกจึงต้องเล่นละครหลอกเขาให้พาผมขึ้นไป

นี่กูกำลังจะกายเป็นผู้ชายสตอร์เบอร์รี่อย่างที่มันว่าจริงๆหรอวะ

“อ้าว  เพื่อนของคุณทศกัณฐ์หรอกหรอครับ  งั้นเชิญทางนี้เลยครับ”  เขาบอกแล้วเดินนำผมไป  ผมแสยะยิ้มให้กับความสำเร็จเล็กๆของตัวเอง

เขาพาผมขึ้นบันไดมาเรื่อยๆจนถึงชั้น 3 อย่างที่ผมนึกเดา  โซนนี้คนไม่พลุกพล่านเพราะอยู่ในห้องใครห้องมัน  มีการ์ยืนคุมอยู่ 3 คนตรงทางเข้าโซน  เขาเดินไปกระซิบครู่นึง  แล้วพาผมไปหยุดอยู่ห้องนึง

“ห้องนี้แหละครับ” บริกรบอก  ก้มหัวแล้วเดินจากไป

ผมสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่  ในหัวสรรหาคำพูดมากมายที่จะทำให้เขากลับไปด้วยให้ได้

แก็ก   แอ๊ดดด

ผมพลักประตูเข้าไป   มองไปยังภาพที่ปรากฏเบื้องหน้า  ห้องที่มีแสงไฟสีส้มสลัวๆ   ผมกวาดสายตามอง   เริ่มจากผมเห็นผู้ชายคนหนึ่งกำลังนั่งจูบปากอย่างดูดดื่มกับผู้หญิงที่นั่งอยู่บนตักเขา  ถัดไปเป็นผู้ชายสองคนนั่งข้างกัน  คนหนึ่งถือบุหรี่สูบ   แขนอีกข้างพาดยาวไปที่พนักโซฟาเลยไปถึงผู้ชายอีกคนที่นั่งซบแขนเหมือนคนเมาอยู่ข้างๆ   และสุดท้ายเด็ดสุดไอ้หัวน้ำตาลเข้มธรรมชาติที่คุ้นเคยกำลังไซร้คอผู้หญิงอีกคนที่นั่งข้างๆ  มือข้างหนึ่งถือแก้วเหล้า  ส่วนอีกข้าง…ล้วงนม

ฟัคคคคคคค  เปิดห้องดีไหม

คือตอนนี้ไม่มีใครสนใจผมยกเว้นไอ้คนที่ดูดบุหรี่อยู่  เขาเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นมองผมสายตาประมาณว่ามึงเป็นใคร   คือมันหน้าหล่อมากครับ  คมเข้มแบบไทยแท้เลยล่ะ

“เอ่อ…”  ผมยืนเอ๋อ   ไม่รู้จะพูดอะไร   ไม่คิดว่าเปิดมามันจะเห็นอะไรแบบนี้

“มีอะไร”  ผู้ชายที่ถือบุหรี่ถามขึ้น

“ผมมาตามเขากลับ” บอกผมชี้ไปที่ไอ้ตัวปัญหา  ผู้ชายหล่อไทย(ไม่รู้จะเรียกไง) พยักหน้า  พร้อมเรียก

“ไอ้ทศ  เด็กมึงมาตามกลับ”

“เหี้ยไม่ใช่” ผมรีบปฏิเสธ

“หืม  เด็กไอ้ทศงั้นหรอ”  ไอ้ผู้ชายที่ดูดปากผู้หญิงผละออกมามองผม   มันหน้าออกทางฝรั่ง  แต่ก็ไม่มาก  ผมสีเข้มจนเกือบดำแต่ตาสีฟ้า   น่าจะลูกครึ่งนะ

“ก็บอกว่าไม่ใช่ไงวะ” ผมเถียง  หน้าเริ่มบึ้ง  คือกูเริ่มง่วงโว้ย

“ฮ่ะฮ่าๆๆ  โอเคๆ  ไม่ใช่ก็ไม่ใช่  เฮ้ยไอ้ทศเมียมึงมาตามกลับบ้าน” สัส  เมียเลยหรอวะ  ประโยคแรกมันพูดกับผมแล้วหันไปตะโกนเรียกไอ้ตัวปัญหา

คราวนี้ไอ้ตัวปัญหาชีวิตผมยอมหยุดเลื่อนมือออกจากเกาะอกผู้หญิง  เงยหน้ามองผมแวบเดียวแล้วยกแก้วเหล้าขึ้นจิบ  แล้วหันไปบอกเพื่อน

“มันไม่ใช่เมียกู” เอ่ยหน้านิ่งๆ  ผมพยักหน้ายืนยัน

“แล้วไมมันมาตามมึงกลับ” ผู้ชายหน้าไทยถาม

เงียบ…

“ผมว่าคุณควรกลับได้แล้วนะครับ” ผมพูดขึ้น

เพื่อนๆมันพากันหรี่ตามองผมกับมัน

“ถ้าอย่างนั้น…” คราวนี้ผมยกโทรศัพท์กดรูปแล้วเอาไปให้เขาดูใกล้ๆ

“สัด!! ไอ้สตอร์เบอร์บอย  มึงอยากตายจริงๆใช่ไหม”  มันถลาลุกขึ้นมากระชากเสื้อผม  แต่ผมก็ยังยิ้มให้

“กลับไหมครับ” ผมถามพร้อมยิ้มเย็น

กรอด!!! มันกัดฟันแน่น  สะบัดตัวผมออก  เดินไปหยิบกุญแจรถแล้วเดินปึงปังกระแทกไหล่ผมออกจากห้องไป

“เหี้ย…” พวกเพื่อนๆมันมองมาทางผมอย่างอึ้งๆพร้อมหลุดอุทานออกมา

ผมไม่ได้ตอบอะไรเพียงแค่ยิ้มก้มหัวให้เล็กน้อยแล้วเดินจากมา
.
.
.
.
.
.
.
.

ผมอยู่หน้าห้อง 4001 อีกครั้ง  ผมกลับแท็กซี่น่ะครับ  ตอนที่เดินออกมาผมเห็นแค่ท้ายรถมันลิบๆ   ไม่ได้กะว่าจะกลับกับมันอยู่แล้ว

ผมเดินเข้าห้องไป   เก็บรองเท้าแล้วเดินไปที่ห้องนั่งเล่น  เห็นทศกัณฐ์นั่งอยู่ที่โซฟาหน้าทีวี  มือกำหมัดแน่น

“มึงจะเล่นแบบนี้ใช่ไหม   มึงอยากลองตายดูไหมไอ้รันต์” เขาถามเสียงเย็นเยียบ  ผมแอบขนลุก  เป็นครั้งแรกที่มีคนเรียกชื่อผมแล้วทำให้ผมกลัวขนาดนี้

“ผมขอโทษที่ต้องใช้วิธีนี้  แต่ถ้าคุณฟังผมตั้งแต่แรก  ผมก็คงไม่ต้องทำแบบนี้” ผมพยายามใจดีสู้เสือ

“มึงเป็นใครรันต์  มึงมีสิทธิ์อะไรเอาเรื่องนี้มาขู่กู  พ่อกูไหม  ญาติกูก็ไม่ใช่  อ่อ  หรือว่า…” มันหยุดพูดไป

“หรือว่าอะไร” ผมเผลอหลุดปากถาม

“หึ  หรือว่าอยากจะเป็นเมียกูจนตัวสั่น  กูจัดให้ได้นะ  แต่ไม่ใช่เมียนะ  กูจะให้มึงเป็นแค่ไอ้ตัวคนนึงเลย  เห็นตามก้นกูดีนัก  กูจะจัดให้หายเสี้ยน” มันว่าพร้อมลุกขึ้นมากระชากแล้วเหวี่ยงแขนผมลงไปที่โซฟา  ส่วนตัวมันตามลงมาคร่อมผมไว้

อึ่ก!

“มึงอย่ามาทำอะไรเหี้ยๆนะ  ใครอยากเป็นเมียมึง”ผมตะคอก  พร้อมยกมือดันหน้าอกมันไว้

มันไม่ได้พูดอะไรอีก  จับข้อมือทั้งสองข้างของผมด้วยมือเดียวแล้วรวบไว้เหนือหัว   ก้มหน้าลงมาซุกไซร้ซอกคอผม   ผมดิ้นหนีแต่มันแรงเยอะมาก  ผมทำอะไรไม่ได้เลย   ความรู้สึกเจ็บแปลบที่คอเหมือนโดนกัด   ทำให้ผมยิ่งรู้สึกกลัวมันมากกว่าเดิม

“ทศกูขอโทษ  อย่าทำอะไรกูเลยนะ  อ๊ะ…” ผมอ้อนวอน  แต่ยังไม่ทันได้พูดจบประโยคดี  มันก็ผละออกจากซอกคอผม  แล้วประกบริมฝีปากลงมาแทน

ริมฝีปากผมโดนทศกัณฐ์บดขยี้ด้วยปากมันจนรู้สึกเจ็บแสบไปหมด  ผมพยายามจะเม้มปากตัวเองไว้แน่น   แต่มันก็เลื่อนมืออีกข้างมาบีบกรามผมอย่างแรงจนต้องเปิดปากให้มันสอดลิ้นเข้ามากวาดต้อนเกี่ยวพันกับลิ้นผมอยู่อย่างนั้น

เนิ่นนานที่ทั้งลิ้นทั้งปากผมโดนมันจูบดูดไม่หยุด  แรงชนิดที่ว่าปากผมตอนนี้มีที้งกลิ่นแอลกอฮอลล์จากปากมันและรสเลือดจากปากผมผสมปนกันไปหมด

มือที่เคยจับแขนผมไว้เลื่อนลงไปที่กางเกงผม   เพราะผมเริ่มหมดแรงที่จะสู้

รู้ตัวอีกทีช่วงล่างผมก็โล่งไปหมด   ริมฝีปากมันผละออกจากปากผมไปที่ซอกคอ  ขบเม้มไปทั่วไม่หยุด  มืออีกข้างก็เลื่อนสอดเข้ามาในเสื้อ  บีบเค้นบั้นเอวจนเจ็บไปหมด

น้ำตาผมไหลลงมาช้าๆ  นานแล้วที่ผมไม่ได้ร้องไห้

ใครก็ได้ช่วยผมจากมันที….




+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


แฮ่  มาแล้ว  รู้สึกตอนนี้จะใช้เวลานานกว่าปกติ(ทั้งๆที่มันแค่สั้นๆ)  ตอนนี้น้องรันต์หาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ  แล้วไปทำอะไรให้ไอ้พี่ทศมันโกรธหว่า   ไอ้พี่ทศมันไม่ได้ใจดีอย่างที่คิดนะเว้ย   ตอนหน้าจะเป็นยังไงต่อต้องติดตามเน้อ  เจอกันอีกทีวันเสาร์นะคะ :bye2: :pig4:


{โปรดติดตามตอนต่อไป...}




หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ ตอนที่ 5 ♡ [9/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 09-11-2016 18:59:13
จะรอดไหม (เอาอะไรไปขู่เขาล่ะ ขึ้นเลยทีนี้)
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ ตอนที่ 5 ♡ [9/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Tamora ที่ 11-11-2016 00:29:16
เป็นการตัดจบที่ค้างมากค่ะ  :ling1:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ ตอนที่ 5 ♡ [9/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 11-11-2016 00:57:47
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ ตอนที่ 5 ♡ [9/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 11-11-2016 16:47:26
+1 ให้กำลังคนแต่งนะคะ สู้ๆค่ะ รอติดตามอยู่นะ  อาจจะไม่ได้มาคอมเม้นบ่อยๆจะพูดไม่เก่ง แต่จะบวกคะแนน บวกเป็ดให้บ่อยๆนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ ตอนที่ 5 ♡ [9/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: cinpetals ที่ 11-11-2016 17:46:36
ค้่างง่ะ :katai1:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ ตอนที่ 5 ♡ [9/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Fasai25448 ที่ 11-11-2016 19:55:17
อ๊ากกกก :hao7: อยากอานต่อออออ
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ ตอนที่ 6 ♡ [12/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 12-11-2016 18:32:51
 :hao7:
6



กริ่งงงงงง   กริ่งงงงงง   กริ่งงงงงง

เสียงออดห้องดังขึ้น   ทศกัณฐ์ชะงักกับสิ่งที่กำลังทำ

“Damn!” มันสบถแล้วผละออกไป  ยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองเหมือนเรียกสติ   ส่วนผมยังอยู่ท่าเดิมได้แต่ยกมือขึ้นมาปิดหน้า  ร้องไห้ไม่มีเสียง  ผมโคตรเกลียดความอ่อนแอนี้เลยจริงๆ

กริ่งงงงงงงงง   กริ่งงงงงงงงงง  เสียงออดกดย้ำอีกครั้ง

“ลุกขึ้นแต่งตัว” มันบอกผมเสียงเข้ม  ส่วนตัวมันเดินไปส่องตาแมวแล้วกดอินเตอร์คอม   “มาทำไมไอ้สัส” คงเป็นเพื่อนมัน

ผมรีบลุกขึ้นใส่กางเกงที่หล่นอยู่ข้างโซฟาดีที่อันเดอร์แวร์ยังอยู่  เช็ดน้ำตา  จัดผมเพ้าให้เรียบร้อย  หยิบแว่นตาที่ตกตอนไหนไม่รู้ขึ้นมาใส่   กระเป๋าเงินกับโทรศัพท์ผมยังอยู่ในกระเป๋ากางเกง

(เปิดประตูไอ้ทศ   มึงช้านะ  ทำไรอยู่วะกกเด็กอ๋อ) เพื่อนมันพูดสวนกลับมา  ตัวผมสะดุ้ง  สั่นไปหมด

“เสือกไอ้เหี้ยสมิธ  ไอ้ดีมึงพามันกลับไป” มันว่าอย่างหงุดหงิด

(พวกกูไม่กลับ   จนกว่ามึงจะให้พวกกูเข้าไป   ถ้าไม่มีอะไรก็เปิดไอ้สัด  อย่าลีลา  พวกกูยิ่งสงสัย   ไอ้เด็กนั่นมันเป็นใคร  ทำไมมันเล่นงานมึงได้ขนาดนี้) เพื่อนมันร่ายยาว


“Hell!!!” มันปิดอินเตอร์คอม  สบถอย่างคนหัวเสีย  สายตามหันมาเห็นผมที่กำลังเดินไปทางประตู

“มึงจะไปไหน” มันถามพร้อมยืนบังประตู

“กูจะกลับ  ถอย” ผมบอกแต่ก้มหน้ามองพื้น

“กลับเข้าไปรอในห้องมึงก่อน   เรามีเรื่องต้องคุยกัน   อย่าทำตัวมีปัญหา” มันว่าเสียงเข้มอย่างพยายามระงับอารมณ์

ผมไม่ตอบ  เบี่ยงตัวหลบมันจะไปทางประตูให้ได้

หมับ

“รันต์!  กูพูดให้มันรู้เรื่อง  หรือมึงอยากให้กูทำต่อ  ก็ได้นะ  ยังไงไอ้พวกข้างนอกนั่นก็เข้ามาไม่ได้อยู่แล้ว  ทีนี้ต่อให้พวกมันกดจนมือแตกกูก็จะไม่หยุด”มันบีบแขนผมแน่นพร้อมจ้องหน้าผมดุๆ  แต่ละคำพูดของมันทำให้ผมรู้สึกขยะแขยงจนอยากจะอ้วกออกมาจริงๆ

“ไอ้เหี้ย   กูเกลียดมึง” ผมด่ามันก่อนจะสะบัดแขนออกแล้วรีบวิ่งเข้ามาในห้องของตัวเอง  ล็อคประตูอย่างแน่นหนา  ล้มตัวลงนั่งที่หน้าประตูแล้วร้องไห้ออกมาอีกครั้ง  ผมจะทำยังไงดี  ผมกลัวเหลือเกิน...



+++++++++++++++++


หลังร่างโปร่งวิ่งเข้าห้องไป   ทศกัณฐ์หันไปเปิดประตูให้เพื่อน  มองหน้าพวกมันนิ่งๆแล้วหันหลังเดินกลับเข้าไปในห้องนั่งเล่น

สมิธและใจดีมองหน้ากันก่อนจะเดินตามทศกัณฐ์เข้าไปในห้อง

“หงุดหงิดเหี้ยไร” สมิธถามขึ้นพลางกวาดสายตามองรอบๆห้องเหมือนหาใครบางคน  ส่วนใจดีนั่งลงที่โซฟาเดี่ยวแต่ไม่ได้พูดอะไร  มีแค่สายตาแปลกใจจับจ้องไปที่ทศกัณฐ์

“ดูพอใจแล้วก็กลับไปได้ละ  กูจะนอนสัส” ทศกัณฐ์ว่าพลางจุดบุหรี่Marlboro  Black  Menthol ขึ้นสูบ

“นอนเร็วไม่สมเป็นมึง  เด็กนั่นอยู่ไหน” สมิธไม่สนใจคำพูทศกัณฐ์  เขายังถามจี้ต่อ

“เสือก  มันก็นอนแล้วสิ” ทศกัณฐ์พูดดุๆ  อัดบุหรี่เข้าปอดอย่างต่อเนื่อง

“นอนนี่หรือนอนไหน   จริงๆถึงมึงไม่บอกกูก็พอจะรู้  เด็กนั่นคงอยู่สักห้องในนี้แหละ” สมิธพูดอย่างรู้ทัน

“มันเป็นคนที่พ่อกูส่งมา   ก็แค่นั้น” ทศกัณฐ์บอก

“ดูมึงยอมง่ายไม่สมเป็นมึง” ใจดีพูดขึ้น

“กูเหนื่อยจะเถียงกับเขาละ   อยากทำอะไรก็ทำเถอะ” ทศกัณฐ์เอ่ยอย่างเหนื่อยๆตามที่พูด

“แล้วเด็กนั่นเอาอะไรให้มึงดู   มึงถึงได้ฉุนเฉียวเป็นฟืนเป็นไฟขนาดนั้นขนาดนั้น” สมิธถาม

ทศกัณฐ์นิ่งไปนิ่ง  ในแววตาเขามีความหวั่นไหวเล็กน้อย ก่อนจะตอบเพื่อน


“น่าจะรูปแม่กู  กูตามหามาหลายปีก็ไม่เจอ  แต่มันพึ่งรู้จักกูไม่กี่วันกลับหาเจอ  กูไม่รู้ว่าเรื่องจริงหรือหลอก” เขายอมรับว่าเขาโกรธมากที่รันต์กล้าเอาเรื่องแม่เขามาขู่  มันทำให้เขาขาดสติจนเผลอลงมือทำแบบนั้นกับมันไป  จะฆ่าให้ตาย…ก็ทำไม่ได้  เขายอมรับว่าตัวเองไม่เคยโง่ขนาดนี้มาก่อน

“แล้ว…เอาไงต่อไปวะ” ใจดีถามขึ้นหลังเห็นเพื่อนจมอยู่กับความคิดตัวเองสักพัก

“คงต้องเค้นมัน   ไม่ว่าจะวิธีไหนก็ต้องทำ” ทศกัณฐ์เอ่ยเสียงเข้ม

“มึงก็เพลาๆมือหน่อยละกัน  ท่าทางจะยังเด็ก  ยิ่งดูเอ๋อๆด้วย” สมิธว่า

“เออเดี๋ยวกูจัดการเอง   แล้วไอ้เซนท์ไปไหน” ทศกัณฐ์ถามอย่างนึกขึ้นได้

“เมาหลับอยู่ในห้องกูอะดิ” สมิธตอบ

“งั้นพวกมึงก็กลับกันไปได้ละ” ทศกัณฐ์เอ่ยไล่เพื่อนทั้งสองคนอีกครั้ง

“จะรีบไปไหนวะ  ห้องกูก็อยู่ชั้น 38 ใกล้ๆมึงแค่เนี้ย” สมิธเอ่ยพร้อมล้มตัวนอนลงบนโซฟา   เขาก็แค่อยากกวนตีนทศกัณฐ์เฉยๆ


“ไอ้สัด  กลับไปเลยไป  กูจะไปอาบน้ำนอนแล้ว  ปิดประตูให้กูด้วย”ทศกัณฐ์บอกปัดเพื่อนแล้วลุกเดินขึ้นไปที่ชั้น 2

สมิธกับใจดีเพียงมองหน้ากัน   เหมือนช่วงนี้จะมีอะไรบันเทิงๆให้ดูซะแล้ว

มึงคิดว่ามึงจะปิดพวกกูไปได้อีกนานแค่ไหนวะไอ้ทศ   พวกเขาต่างคนต่างคิดอยู่ในใจ   แล้วพากันกลับออกไปจากห้องทศกัณฐ์อย่างไม่อิดออดเหมือนตอนแรก
.
.
.
.
.
 คล้อยหลังเมื่อเพื่อนออกไป  ทศกัณฐ์เดินลงมาจากชั้น 2 จนไปหยุดอยู่หน้าห้องของเหรันต์  เขาเพียงแค่ยืนนิ่งๆอยู่ตรงนั้น  จมอยู่กับความคิดตัวเองอยู่เนิ่นาน

เขาไม่อยากให้มันเข้ามาในชีวิตเขาตั้งแต่แรก  เขาไม่อยากให้ใครรู้  แม้ว่าเพื่อนๆของเขาจะเริ่มระแคะระคายแต่เขาก็ยังปากแข็ง  แล้วไหนจะพ่อของเขา  เจฟ  แล้วก็สตีฟอีก  วันนั้นเขาไม่น่าไปที่นั่น   ดึงมันเข้ามาในชีวิต   แล้วตอนนี้เขายังไปทำร้ายมันอีก  สมควรแล้วล่ะที่จะโดนมันเกลียด


++++++++++++++++++++


ก็อก  ก็อก  ก็อก

เสียงเคาะประตูห้องทำให้ผมสะดุ้งตื่นอีกครั้ง  หลังจากที่หลับไปทั้งน้ำตาแบบไม่รู้ตัว  ผมรีบขยับออกห่างจากประตูอย่างผวา

“รันต์  เปิดประตูให้กู  เรามีเรื่องต้องคุยกัน” เสียงไอ้สัตว์นรกนั่นดังตามมา

ผมยังเงียบ  มือกอดตัวเองแน่น  ผมสั่นไม่หยุด

มันเงียบไป  ไม่ได้เซ้าซี้อะไรผมต่อ  ผมจะทำยังไงต่อไปดี

สักพักผมได้ยินเสียงก็อกแก็กๆที่ประตู  หรือว่า…

กริ๊ก  มันไขประตูเข้ามาแล้ว

ผมรีบวิ่งไปเปิดประตูระเบียง  ออกไปยืนข้างนอก  มันกวาดสายตามองตาม  สีหน้ามันตกตะลึงอย่างที่ผมไม่ค่อยเข้าใจ

แต่มือผมจับราวระเบียงแน่น

“รันต์!  เข้ามาเดี๋ยวนี้” มันว่าพร้อมจะสาวเท้าเข้ามาทางผม

“อย่าเข้ามา!  ถ้ามึงเข้ามากูจะกระโดด” ผมรีบตะโกนบอกก่อนที่มันจะมาถึงตัวผม

“อย่าทำบ้าๆรันต์  มีอะไรค่อยๆคุยกัน” มันว่าผมขยับเข้ามาช้าๆ  แต่ผมเห็น

ผมปีนขึ้นราวระเบียงขาอีกข้างไปอยู่ด้านนอก  อีกข้างยังอยู่ข้างใน

“มึงอย่าเข้ามา!!!” น้ำตาผมคลอขึ้น

มันหยุดกึกอยู่ที่ประตูระเบียง

“ลงมานะ  คุยกันดีๆ” มันพูดเสียงอ่อน  แววตามันอ่อนลง

“มึงมันเหี้ย  กูไม่เชื่อมึงหรอก  ทำไมมึงไม่คุยดีๆกับกูตั้งแต่แรก  ทำแบบนั้นกับกูทำไม!!” ผมจับราวระเบียงแน่น  ใจผมก็ไม่อยากตายหรอก  แต่ถ้าต้องโดนทำแบบนั้น  ผมคงยอมตายดีกว่า…

ระหว่างที่ผมกำลังเหม่อคิด  มือที่จับราวระเบียงผมเผลอคลายออก  มารู้ตัวอีกทีก็ตัวผมเริ่มเอนไปนอกระเบียง

“รันต์” เสียงทศกัณฐ์ตะโกนขึ้น

นี่ผมกำลังจะตายงั้นหรอ 

ผมหลับตาลงอย่างยอมรับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น

แม่ครับ…รันต์กำลังจะไปหาแม่แล้วนะครับ…

หมับ!

แรงกอดรัดอย่างแรงที่ตัวผม   แล้วกระชากตัวผมมาอีกฝั่ง

ตุบ!  ผมรีบลืมตาขึ้น  ตัวผมนอนทับอยู่บนตัวทศกัณฐ์ที่ระเบียง  มือมันยังกอดเอวผมไว้แน่นไม่ปล่อย

“ปล่อย!  ทำไมไม่ปล่อยกูตายๆไปซะ  ถ้าให้คนชั่วๆอย่างมึงมาช่วย  กูยอมตาย” ผมตะคอกพร้อมดิ้นหนีออกจากอ้อมแขนมัน  แต่มันก็กระชับแขนแน่นขึ้นไปอีก

“แล้วมึงจะยอมตายเพราะคนอย่างกูงั้นหรอ” มันพูดเสียงอ่อน  แววตามันดูเหมือนคนเสียใจ  แต่ผมไม่ได้สนใจหรอก

“เพราะกูเกลียดมึงมากไง  แม้แต่หน้ากูก็ไม่อยากมอง” ผมบอกพร้อมหันหน้าหนีไปอีกทาง  ตอนนี้เราอยู่ท่านั่งกันแล้วน่ะครับ  ผมยังนั่งทับตัวมันอยู่  คือแม่งไม่ปล่อยมือออกจากเอวผม

“กูขอโทษ” มันเอ่ยนิ่งๆ  ผมหันไปมองหน้ามัน  มันมองสบตาผมอย่างไม่หลบ  นานจนผมต้องเป็นฝ่ายเบี่ยงหน้าหนีไปอีกทาง  แต่ไม่รู้ทำไมใจผมมันถึงเย็นลงแปลกๆ

“กูโมโหที่มึงเอาเรื่องแม่กูมาขู่กู  เรื่องนี้กูไม่ชอบให้ใครมาล้อเล่น  เขาหายจากกูไปเป็นสิบปี   มึงคิดว่ากูควรจะรู้สึกยังไง” ทศกัณฐ์พูดขึ้นอีกครั้ง

“กูไม่ได้ล้อเล่น  กูรู้แล้วจริงๆ” ผมโพล่งขึ้นอย่างลืมตัว

“ที่ไหน  แล้วมึงรู้ได้ยังไง” มันถามต่อ  คิ้วขมวดเป็นปม

แต่ผมเลือกที่จะเงียบ   วันนั้นหลังจากที่โจเซฟเล่าเรื่องแม่ทศกัณฐ์ให้ผมฟัง   หลังจากกลับหอไปไม่รู้อะไรดลใจให้ผมโทรไปขอรูปแม่ทศกัณฐ์จากโจเซฟ  โจเซฟส่งรูปพร้อมชื่อมาให้ผมทางอีเมลล์

พอเปิดดูมันทำให้ผมตกใจมาก  เพราะเธอคือคนที่ผมรู้จักดีอีกคนนึง

น้าเฟื่องฟ้า…เพื่อนแม่ผม  แม้ว่าผมจะไม่ได้เจอเธอแค่ปีกว่าๆ  แต่ผมก็จำได้แม่นและมั่นใจมาก  เพราะสมัยที่แม่ผมยังอยู่   น้าเฟื่องฟ้าไปมาหาสู่กับแม่ผมบ่อยมาก  ผมรู้แค่ว่าเธออยู่คนเดียว  ไม่มีลูก  เป็นหม้าย  แต่ยังสวยมากๆแม้จะอายุขึ้นเลข 4 ไปแล้วก็ตาม  เราอยู่หมู่บ้านเดียวกัน  บ้านเธออยู่ถัดจากบ้านผมไปแค่ซอยเดียว

แล้วที่สำคัญ   ผมมีเบอร์โทรน้าเฟื่องฟ้า

โลกคงกลมอย่างที่เขาว่าจริงๆ

แม้ว่าชื่อที่โจเซฟส่งให้จะคนละชื่อกับน้าเฟื่องฟ้า   แต่ของแบบนี้มันก็เปลี่ยนกันได้นี่

วันต่อมาผมเลือกที่จะโทรหาน้าเฟื่องฟ้าก่อนหน้าที่ผมจะไปถึงมหาวิทยาลัย  วันที่ไอ้ทศกัณฐ์มันเอาผมไปปล่อยทิ้งไว้นั่นแหละ

โชคเข้าข้างผม   เธอยังใช้เบอร์เดิม

น้าเฟื่องฟ้าแปลกใจนิดหน่อยที่ผมโทรหาเธอแต่ในน้ำเสียงน้ามีความดีใจปนอยู่มากกว่า  มันทำให้ผมรู้สึกผิดมาก  ที่ไม่ติดต่อไปหาเธอเลย  ผมถามสารทุกข์สุขดิบทั่วไปพร้อมยังแยปถามว่ายังอยู่ที่เดิมอยู่ไหม  น้าเฟื่องฟ้าบอกว่ากลับมาอยู่บ้านหลังเดิมได้สองเดือนกว่าแล้ว  หลังจากก่อนหน้านี้เธอไปทำงานที่อื่นทำให้ต้องเปลี่ยนที่อยู่ใหม่  ผมปะติดปะต่อเรื่องราวได้   ทศกัณฐ์คงคลาดกับน้าเฟื่องฟ้าตอนที่เธอย้ายกลับมาอยู่ที่เดิม
ผมพูดกับเธออีกสักพักก่อนจะขอตัววางสาย  ไม่ลืมรับปากว่าจะกลับไปเยี่ยม

ผมไม่ได้ตั้งใจจะใช้น้าเฟื่องฟ้าขู่ไอ้ตัวปัญหา   แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงให้มันฟัง   ยังไงผมก็จะบอกเรื่องน้าเฟื่องฟ้ากับมันอยู่แล้ว   แต่มันก็มาเกิดเรื่องซะก่อน

ผมโกรธมัน  และจะไม่บอกเรื่องน้าเฟื่องฟ้ากับมัน

“รันต์  รันต์ได้ยินไหม” เสียงทศกัณฐ์ปลุกผมจากภวังค์  ผมใช้มือผลักหน้าอกมันให้ห่างจากตัว

“ปล่อย  กูไม่โดดแล้ว” ผมบอกมันเสียงแข็ง  แววตามันยังลังเล  แต่ก็ค่อยๆปล่อยผมแต่โดยดี  ผมรีบลุกขึ้นจากตัวมันทันที


“เข้าไปคุยในห้องดีๆ   ไม่ทำอะไรแล้ว” มันบอก  ผมเดินนำเข้าไปในห้อง   จนไปหยุดอยู่กลางห้องอย่างไม่รู้จะทำยังไงต่อ  มันเดินตามเข้ามาเลิกคิ้วมองผมนิดๆ

“จะคุยตรงนี้ใช่ไหม” มันถาม

“ออกไปคุยนอกห้องมึง  คุยเสร็จแล้วกูก็จะกลับ” ผมบอกพร้อมเดินไปหยิบกระเป๋าเป้ที่เอาเสื้อผ้ามาไว้ก่อนหน้านี้  เปิดตู้หยิบเสื้อผ้ายัดๆใส่กระเป๋า

“รันต์มันจะตี 2 แล้ว  มึงจะบ้าหรอ” มันว่า  เสียงเข้มขึ้นอีกระดับ

“บ้าไม่บ้าก็เรื่องของกู  ดีกว่าต้องมาอยู่กับมึง” ผมตะคอกพร้อมจ้องตามันกลับอย่างไม่เกรงกลัว  ผมเก็บกระเป๋าเรียบร้อยสะพายใส่บ่าเตรียมเดินออกจากห้อง

เฮ้อ  เสียงมันถอนหายใจเบาๆ

“โอเค  เดี๋ยวกูไปส่ง” มันบอก

“ไม่ต้องมาเสือกทำเป็นใจดีกับกู   กูไม่ต้องการ  ส่วนเรื่องแม่มึงกูจะส่งรายละเอียดให้โจเซฟ  แล้วจากนี้เราเลิกแล้วต่อกัน” นี่ผมปากคอเราะร้ายได้ขนาดนี้เลยหรอวะ  แต่ก็ดีแล้วล่ะ  จากนี้จะได้ไม่ต้องมาพบเจอกันอีก

มันยังเงียบ  ผมเลยพูดต่อ

“ถ้าไม่ตกลง  มึงก็ไปงมหาเอาเองละกัน”  พูดจบผมก็เดินออกจากห้อง  ไม่ได้หันกับไปมองมันอีก

เรื่องป้าพิมพ์  ผมจะไปต่อรองกับโจเซฟอีกที  เขาตกลงกับผมให้ติดต่อกับป้าได้อาทิตย์ละครั้ง  โดยเขาจะเป็นคนติดต่อให้  เขาบอกผมแค่ว่า  ป้าพิมพ์กับลุงแดนจะได้ใช้ชีวิตปกติเหมือนเดิมทุกอย่าง  เพียงแต่จะมีคนจับตามองตลอดเวลา  ช่องทางการติดต่อผมโดนตัดขาดทุกอย่าง   ผมไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นใครกันแน่  ทำไมถึงทำได้ขนาดนี้  การจำกัดเสรีภาพพลเมืองอเมริกาไม่ใช่เรื่องง่าย   ผมไม่อยากจะคิดว่าพวกเขาเป็นใคร  แล้วถ้าผมขัดขืนคนรอบข้างที่เหลืออยู่ของผมจะเป็นยังไง

ผมเดินออกมาหน้าตึก  จะหาแท็กซี่ตอนตี 2 ได้จากที่ไหนวะ   คงต้องเดินออกไปทางถนนใหญ่  แม้จะมีแสงไฟจากข้างทางแต่ก็ดูน่ากลัวอยู่ดี

บรืนนนน  ปี๊กๆ

ผมเดินเลียบฟุตบาตออกจากคอนโดฯมาได้แค่เล็กน้อย  ก็มีรถขี่ตามหลังมาพร้อมบีบแตร  พอผมเห็นตัวรถผมก็รีบจ้ำอ้าว  รถแบบนี้มีแค่ไม่กี่คันในโลกหรอก

บรืนนนน  มันขับมาประชิดพร้อมลดกระจกลง

“รันต์  ขึ้นมากูจะไปส่ง  มันดึกแล้ว” มันเรียกผม  แต่ผมไม่ได้สนใจยังเดินต่อ

“ตามใจ   ถ้าเจออะไรแปลกๆข้างหน้ากูไม่รู้ด้วยนะ  อาทิตย์ก่อนๆพึ่งเกิดอุบัติเหตุ    ได้ยินไอ้สมิธบอกวันก่อนเห็นคนกวักมือเรียกอยู่ข้างทางด้วย”มันพูดเสียงเรียบๆ

กึก  ตีนกูหยุดขยับทันที

แม่งงงง  ใช่ผะ…ผีรึเปล่าวะ

ฮือออออ  ผมกกลัวผีว่ะ  กลัวแบบมากๆๆๆ

“ว่าไง”มันหยุดรถตามพร้อมได้ยินเสียงปลดล็อครถ  ผมหันไปถลึงตาใส่มันแล้วรีบวิ่งขึ้นรถ

“มึงรีบๆไปซะที” ผมหันไปเร่งมันหลังจากขึ้นรถมาแล้ว

“หึๆ”ได้ยินมันหัวเราะในลำคอ   ช่างแม่งตอนนี้ไม่สนใจอะไรละ  เพราะในหัวผมมีแต่คำว่าผีเต็มไปหมด  ฮืออออ

++++++++++++++++++++++++++++

หลังจากผมบอกทางมาหอกับมัน  ต่างคนต่างเงียบ  พอมันจอดรถที่หน้าตึกหอผม  ผมก็รีบลงจากรถเดินขึ้นตึกทันที   ไม่ได้พูดขอบคุณมันอะไรทั้งนั้น

แค่นี้มันยังน้อยด้วยซ้ำไปกับสิ่งที่มันทำกับผม

พอถึงห้องผมก็วางกระเป๋าถอดเสื้อผ้าอาบน้ำอีก  หลังจากอาบเสร็จผมใส่แค่บ็อกเซอร์เดินออกมาจากห้องน้ำมาหยุดอยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้ง  ผมมองเข้าไปในกระจก  เห็นเงาตัวเอง  ผู้ชายหน้าตาธรรมดาๆ ผอมสูงไม่มีกล้ามเนื้อเท่าไหร่  แต่นั่นไม่ได้ทำให้ผมเจ็บใจเท่ารอยจ้ำม่วงๆที่อยู่ทั่วบริเวณลำคอทั้งสองข้างเรื่อยลงมาถึงบริเวณกระดูกไหปลาร้า   ผมได้แต่กำหมัดแน่น  พยายามระงับสติอารมณ์  เกิดมายังไม่เคยโดนใครทำขนาดนี้มาก่อน

แต่ก็แปลก  ความโกรธหรือกลัวมันบรรเทาลงง่ายๆ  เพียงแค่มันเอ่ยคำขอโทษและสายตาหงอยๆนั่น

ไม่ได้ๆไอ้รันต์  มันทำกับมึงแสบขนาดนี้  อย่ายกโทษให้มันง่ายๆ

ว่าแล้วก็เดินไปปิดไฟแล้วล้มตัวนอนบนเตียง  พยายามข่มตาให้หลับแต่กว่าจะหลับจริงๆก็เกือบรุ่งสางเข้าไปแล้ว
.
.
.
.
.
.

E  Coffee
@ 5:30 p.m.

วันนี้เป็นวันเสาร์  หลังผมตื่นเกือบๆบ่ายโมง   ผมก็โทรนัดโจเซฟออกมาคุยธุระร้านกาแฟแถวหอผม(ก็ใกล้ๆคอนโดฯพวกเขาด้วย)

กรุ๊งกริ๊ง  เสียงกระดิ่งดังขึ้นที่ประตูตอนผมเปิดประตูร้านเข้าไป

“สวัสดีค่ะ   E  coffee ยินดีต้อนรับค่า” พนักงานพูดเสียงหวาน

ผมกวาดสายตาหาที่นั่ง  แต่สายตาเหลือบไปเห็นฝรั่งหัวทองคุ้นหน้านั่งอยู่บริเวณมุมร้าน  ผมเดินตรงไปหาเขา  พอไปใกล้ๆโต๊ะ  พบว่ามีฝรั่งอีกคนนึงนั่งอยู่ตรงข้ามเขาด้วย

เขาเงยหน้าขึ้นมาสบตาผม  ผมสีน้ำตาลอ่อนยุ่งๆ  ดวงตาสีฟ้าอ่อน  หน้าเรียวติดหวานนิดๆเค้าโครงหน้าคล้ายๆโจเซฟ  ตัวเล็กกว่าโจเซฟแต่ก็น่าจะล่ำกว่าผมมากเหมือนกัน  เขาระบายยิ้มให้ผมอ่อนๆพร้อมลุกขึ้น  ความสูงน่าจะสูสีกับผม  เขาระบายมือให้ผมนั่งแทนที่เขา

“เชิญครับ” พูดไทยชัด(แต่สำเนียงยังแปร่งอยู่เหมือนโจเซฟไม่คล่องเหมือนทศกัณฐ์)   จากนั้นเขาก็เดินไปนั่งข้างๆโจเซฟที่ขยับชิดในรอแล้ว(เก้าอี้เป็นแบบนั่งยาว)

“คุณเหรันต์  นี่ สตีเฟ่น  บราวน  น้องชายผม” โจเซฟเอ่ย

“สวัสดีครับคุณรันต์  เรียกผมสตีฟพอนะครับ  ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” สตีเฟ่นเอ่ยเหมือนรู้จักผมอยู่ก่อนแล้วพร้อมยื่นมือมารอเช็คแฮนด์กับผม  ผมจึงยื่นมือจับตอบ

“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับคุณบราวน เอ่อ  คุณสตีฟ” หน้าเขานิ่งไปตอนผมเรียกเขาด้วยนามสกุล   ผมเลยรีบเปลี่ยนเป็นชื่อที่เขาให้เรียกแทน  หน้าติดหวานนั่นจึงมีรอยยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง

“พวกผมยังไม่สั่งอะไรนะครับ  รอคุณมาก่อน”สตีฟพูดยิ้มๆ  หลังจากนั้นพวกเราก็สั่งกันคนละอย่าง  สตีฟชวนผมคุยเรื่องทั่วๆไป  ส่วนโจเซฟเป็นตัวประกอบ  จนกระทั่งพนักงานนำเคื่องดื่มมาเสิร์ฟ   ผมคิดว่าผมควรเข้าเรื่องได้แล้วล่ะ

“ที่ผมนัดมาวันนี้  ผมมีเรื่องสำคัญจะพูด” ผมเกริ่นขึ้น

“ครับ” โจเซฟขานรับ

“เรื่องของทศกัณฐ์  ผมคงต้องบอกตรงๆว่าผมขอถอนตัว   พวกคุณเลิกยุ่งกับชีวิตผมและคนในครอบครัวผม  แลกกับการที่ผมจะบอกที่อยู่แม่ของทศกัณฐ์ให้” ผมพูด พร้อมสังเกตท่าทีของคนตรงหน้าทั้งคู่  พวกเขามองผมด้วยแววตาที่จริงจังขึ้น

“เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะครับคุณรันต์  คุณรู้ใช่ไหมว่าถ้าโกหกจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวคุณ” สตีฟพูดเสียงเข้มขึ้นพร้อมรอยยิ้มแปลกๆ  ผมว่าเขาน่ากลัวกว่าโจเซฟที่นิ่งๆซะอีก

“ผมคิดว่าใช่” ผมบอก

“จริงๆแล้วเรื่องการตามหาแม่ให้คุณทศกัณฐ์ก็อยู่ในเงื่อนไขที่คุณต้องทำนะครับ” โจเซฟพูดขึ้นหลังจากเงียบไปพักใหญ่

“แล้วถ้าผมไม่บอก” ผมยังต่อรอง

“จริงๆคุณไม่มีสิทธิ์ต่อรองขนาดนั้นนะครับ  อย่าลืมสิว่าาลุงกับป้าคุณยังอยู่ในความดูแลของทางเราอยู่” สตีฟตอบกลับมาทำให้ผมหน้าชาขึ้นมานิดๆ

“คุณจะไม่บอกก็ได้   แต่คุณต้องทำหน้าที่ของคุณต่อจนกว่าจะมีคำสั่งลงมาให้คุณเลิกทำ” โจเซฟพูด

“ส่วนเรื่องที่อยู่ของนายหญิงผมว่าตอนนี้เราคงสืบไม่ยากแล้วล่ะ  ก็เรามีเบาะแสสำคัญแล้วนี่” สตีฟพูดยิ้มๆแล้วมองหน้าผมอย่างเหนือกว่า  ผมเริ่มเกลียดเขารองลงมาจากไอ้ทศกัณฐ์แล้วล่ะ

“พวกคุณนี่มันเห็นแก่ตัวจริงๆ” ผมกัดฟันพูดอย่างคนทำอะไรไม่ได้

“ผมถามจริงๆนะ  ขอโทษที่ต้องละลาบละล้วงที่อยากถอนตัวขนาดนี้เกี่ยวกับไอ้รอยบนคอนั่นหรือเปล่า” สตีฟพูดยิ้มๆ  นิ้วเขาชี้ไปที่คอตัวเองแต่เป็นบริเวณเดียวกับที่ไอ้เวรนั่นทำรอยไว้  สายตาเขาเหมือนรู้ทัน

ใจผมหายวาบ  ผมรีบยกมือขึ้นกระชับปกคอเสื้อตัวเอง

ชิบ  ขนาดใส่เสื้อปิดขนาดนี้ยังอุตส่าห์เห็น 

แต่สิ่งที่ผมแสดงออกคือการยิ้มบางๆที่ผมมักทำเป็นประจำแล้วเอ่ยช้าๆ

“ถ้าอยากให้ผมอยู่นักก็ได้ครับ   แล้วอย่ามานึกเสียใจทีหลังแล้วกันที่ไม่ให้ผมไป” พูดจบผมก็หยิบเงินวางไว้บนโต๊ะ  ลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกมาจากร้าน

พวกเขาไม่รู้หรอก  ว่าเวลาที่ผมได้โกรธเกลียดใคร

ผมทำอะไรๆได้เลวร้ายจนไม่น่าเชื่อเลยล่ะ


+++++++++++++++++++++++


ขอโทษนะคะที่มาช้าไปหน่อยแถมมาสั้นอีก  คือเค้าเป็นหวัดง่ะ  แงงงง  มันเลยได้แค่นี้
สำหรับตอนนี้คงจะบอกอะไรหลายๆอย่างกับคนอ่านได้บ้าง  ทุกตัวละครมีเหตุผลในการกระทำเสมอ  เราต้องติดตามกันต่อไปเนอะ  ตอนหน้าสัญญาจะชดเชยให้ยาวๆแน่นอนฮับ  เจอกันอีกทีวันอังคารเน้อ(วันจันทร์เรียนทั้งวันไม่ว่างเยย)
ช่วงนี้ดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะ  :mew1: :bye2:

{โปรดติดตามตอนต่อไป...} :katai5:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ ตอนที่ 6 ♡ [12/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: QueenPedGabGab ที่ 12-11-2016 21:02:06
เมฆสู้คนมาก ชอบชอบ
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ ตอนที่ 6 ♡ [12/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 12-11-2016 21:35:34
น่าสนุกจังค่ะ นายเอกไม่อ่อนแอดี  o13
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ ตอนที่ 6 ♡ [12/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Pawaree ที่ 12-11-2016 23:04:30
ชอบบบบ
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ ตอนที่ 6 ♡ [12/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: 98NooNid0831 ที่ 13-11-2016 00:05:25
ชอบนายเอกเรื่องนี้ สตรองดี
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ ตอนที่ 6 ♡ [12/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 13-11-2016 00:26:02
 :katai2-1:


มาต่อไวไวน่ะ
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ ตอนที่ 6 ♡ [12/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 13-11-2016 00:37:59
ไม่ชอบอิพี่น้องบราวเล๊อะะ :ruready
ชอบนายเอกจังง มีความสู้
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ ตอนที่ 6 ♡ [12/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: imvodka ที่ 13-11-2016 00:54:58
 :mew6:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ ตอนที่ 6 ♡ [12/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 13-11-2016 01:44:20
สงสารรันต์ที่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ แต่ก็ชอบที่รันต์เข้มแข็ง จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ สู้ๆค่ะ
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ ตอนที่ 6 ♡ [12/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Tamora ที่ 13-11-2016 02:22:07
รอน้องรันต์ร้ายค่ะ :z2:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ ตอนที่ 6 ♡ [12/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 13-11-2016 02:37:47
สงสารรันต์ ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำขนาดนี้ หมั่นไส้พี่น้องบราวน์
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ ตอนที่ 6 ♡ [12/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 13-11-2016 03:02:57
 :pig4:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ ตอนที่ 6 ♡ [12/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 13-11-2016 07:30:00
สนุกจัง  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ ตอนที่ 6 ♡ [12/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 13-11-2016 10:13:00
รออออ
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ ตอนที่ 6 ♡ [12/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Laliat ที่ 14-11-2016 04:00:16
เท่าที่อ่านมาสนุกดีน่ะ
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ ตอนที่ 6 ♡ [12/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 14-11-2016 07:25:55
ติดตาม ตามติดค่ะ ชอบ
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ ตอนที่ 6 ♡ [12/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 14-11-2016 09:03:49
 o18
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ ตอนที่ 6 ♡ [12/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ZYSQ_ ที่ 14-11-2016 15:59:22
เนื้อเรื่องเข้มข้นจริง นี่มันเพิ่งตนที่6เองนะ!?
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ ตอนที่ 6 ♡ [12/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 14-11-2016 21:39:55
สนุกกกก ชอบบบบ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
เมฆ เหมือนจะชอบรันต์ นะ
รันต์ สู้คนนะ โกงมา ก็โกงไป
รอตอนใหม่
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ ตอนที่ 6 ♡ [12/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 14-11-2016 23:36:38
เอาใจช่วยรันต์นะ

และ...เหมือนทศรู้จักรันต์มาก่อนเลย เจอกันในซอยนั่นครั้งแรกและครั้งเดียวจริงๆใช่ไหมเนี่ย? แล้วทำไมเรียกสตอเบอร์รี่บอยล่ะ?
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ ตอนที่ 6 ♡ [12/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: หัวเเม่มือ ที่ 15-11-2016 01:11:41
สนุกกกก
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ ตอนที่ 6 ♡ [12/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: จอมจุ้น6002 ที่ 15-11-2016 16:34:45
แรงมา ร้ายกลับ
ไม่โกงเนอะ ชอบๆๆ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ ตอนที่ 6 ♡ [12/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 15-11-2016 21:33:11
มารอค่ะ
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》☆แจ้งข่าว☆ [15/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 15-11-2016 23:04:34
แจ้งข่าว


สวัสดีค่ะทุกคน  คือเปรมมีเรื่องจะแจ้ง  วันนี้เค้าไม่ได้ลงนิยายนะคะ (รู้สึกผิดมากที่ผิดนัด) คือตอนนี้เปรมป่วยหนักมาก  วันนี้ก็แทบจะคลานเข่าไปหาคุณหมอเลย  จึงขอเลื่อนไปเป็นพรุ่งนี้แทนนะคะ  นิยายเรื่องอาจจะไม่ได้มีคนอ่านมากแต่เปรมไม่อยากให้รอเก้อน่ะค่ะ  ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นมากๆนะคะ  พอได้อ่านแล้วรู้สึกฮึกเหิม(แต่สังขารไม่อำนวย)  แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะคะ(ถ้าไม่เป็นหนักกว่าเดิม)  :กอด1: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》☆แจ้งข่าว☆ [15/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 15-11-2016 23:17:38
หายเร็วๆ นะคะ
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》☆แจ้งข่าว☆ [15/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: bomomorujira ที่ 15-11-2016 23:31:04
สู้ค่าสู้ รอติดตาม :mew1:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》☆แจ้งข่าว☆ [15/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Pumpkin ที่ 16-11-2016 00:02:23
หายไวๆนะคะ รักษาตัวเองเอาให้อาการดีขึ้นค่อยมาต่อก็ได้ค่า

ชอบจัง อยากรู้ว่ารันต์จะสู้ตอบคนทางนี้อย่างไร
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》☆แจ้งข่าว☆ [15/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: m.starlight ที่ 16-11-2016 00:23:49
พักผ่อนนะ รอได้นิ  :mew3:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》☆แจ้งข่าว☆ [15/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Tamora ที่ 16-11-2016 03:41:59
หายไวๆนะคะ
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》☆แจ้งข่าว☆ [15/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 16-11-2016 04:55:57
ขอให้ไร้ท หายจากอาการป่วยไข้โดยไว
รักษาตัวก่อน ให้หาย สบายก่อน
เป็นกำลังใจให้ไร้ท นะ :mew1: :mew1: :mew1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》☆แจ้งข่าว☆ [15/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 16-11-2016 10:27:16
ขอให้หายป่วยไวๆนะคะ
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》☆แจ้งข่าว☆ [15/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: kaokorn ที่ 16-11-2016 17:40:10
รันต์เข้มแข็งดีมาก เชือดเฉือนกันดีฮะ สนุก รออ่านตอนต่อไป
ขอให้หายป่วยไวไวนะฮะ  :L2:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》☆แจ้งข่าว☆ [15/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: wan_sugi ที่ 16-11-2016 17:44:13
พักผ่อนเยอะ ๆ หาย ๆ เร็ว ๆ นะคะ
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》☆แจ้งข่าว☆ [15/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Toon_TK ที่ 16-11-2016 21:20:34
อยากอ่านต่อแล้ววว
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》☆แจ้งข่าว☆ [15/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 16-11-2016 22:00:39
7


ผมกลับมาถึงหอด้วยอารมณ์ขุ่นมัวเล็กน้อย   พยายามใช้สติคิดแก้ปัญหาให้รอบคอบ   ตอนนี้ผมคงต้องตามน้ำไปก่อนเหมือนเดิม  แต่การวางตัวผมคงต้องเปลี่ยนเล็กน้อย

ทุกคนคงคิดว่าทำไมผมถึงได้กล้าเอาเรื่องน้าเฟื่องฟ้าไปต่อรองไม่คิดถึงใจเธอเลยหรือ  เธอคงมีเหตุผลของเธอที่ต้องจากมาส่วนผมก็มีเหตุผลของตัวเองเหมือนกัน  มันอาจดูเห็นแก่ตัวไปหน่อยที่ผมใช้เธอต่อรองเพื่ออิสระภาพตัวเอง   ผมคิดว่าถ้าพวกเขาเจอเธอก็คงไม่กล้าทำเรื่องเลวร้ายกับเธอหรอกมั้งครับ

แต่ถึงทำ...

แล้วยังไงล่ะ…มันก็ไม่ใช่ปัญหาของผมอยู่ดี

เพื่อตัวเองแล้วใครๆเขาก็ทำ   ทำไมผมจะทำไม่ได้   

ผมไม่เคยบอกว่าผมเป็นคนดีสักหน่อย

Rrr    Rrr   Rrr

เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นขัดการคิดเรื่องไร้สาระในหัวผม   ผมหยิบมือถือจากกระเป๋ากางเกงขึ้นมาดูก่อนจะกดรับ

“ว่าไงคุณเก่ง” ผมกรอกเสียงเอื่อยๆลงไปในสาย

(ไอ้รันต์  พรุ่งนี้มาประชุมเรื่องงานเฟรชชี่ที่คณะด้วยนะเว้ย 8 โมงเช้า  ห้ามเลท ลา  มาสาย  และห้ามตาย  เค๊?) เสียงเก่งเฮดภาคว่ารัวๆ

“เออน่ะ  ไปแน่”

(เออ   งานเริ่มศุกร์นี้แล้วห้ามถอนตัวนะเว้ย  แค่นี้แหละ) มันว่าจบก็วางสายไป   ผมเผลอลืมไปซะสนิทเลยครับว่าต้องไปเป็นสตาฟงานเฟรชชี่ซึ่งงานแบบนี้ปี2 ก็ต้องรับไปเต็มๆ  ปีสามปีสี่เขาสบายแล้วอ่ะอยากมาหรือไม่มาก็ได้

เฮ้อออออ  เริ่มไม่อยากไปแล้วว่ะ  เหนื่อยมีแต่ปัญหา  คิดแล้วก็ล้มตัวนอนบนเตียงกลิ้งเล่นไปมาสักพักผมก็ผล็อยหลับไปไม่รู้ตัว


++++++++++++++++++++++++++

วันงานเฟรชชี่

“ มีตารอบตัว รอบตัวรอบตัว มีตัวลายตา ลายตาลายตา ฮูลาฮูลา สับปะรด ๆ (เปรี้ยวไหม ๆ...เปรี้ยว) เปรี้ยวทำยังไง...เปรี้ยวก็จิ้มเกลือ หวานก็จิ้มเกลือ เปรี้ยวก็จิ้มเกลือ หวานก็จิ้มเกลือ ถ้าไม่มีเกลือ ก็ไม่ต้องจิ้ม แดกไปเลย ๆ”  เสียงสตาฟร้องเพลงสันฯน้อง  พร้อมเต้นแด่วๆ(?)อยู่ข้างหน้าน้อง  ซึ่งในนั้นก็มีผมอยู่ด้วย  กลุ่มนี้เป็นกลุ่มท้ายๆแล้วครับ  ผมพอจะเต้นๆได้คล่องแล้วล่ะ

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาหลังจากที่ไปประชุมเรื่องงานเฟรชชี่  ผมได้หน้าที่ไปเป็นสตาฟประจำฐานแต่มันไม่ใช่แค่นั้นครับ   การเป็นสตาฟเราจะต้องสามารถสันทนาการน้องๆได้ คือต้องร้องและเต้นเพลงสันฯได้

แต่ผมทำไม่เป็นไง! คือตอนปีหนึ่งเวลาเขารับน้องผมก็โดดบ้างมาบ้าง  เวลาเต้นก็เต้นไปตามน้ำร้องเพลงก็ลิปซิงค์เอา  พอผมจะอ้าปากขอถอนตัวไอ้เก่งแม่งก็ส่ายหน้าจ้องผมเขม็งเลย  ผมเลยได้แต่ปิดปากแล้วก้มหน้ารับชะตากรรมไป

“เอาล่ะค่ะน้องๆ  เราก็เต้นกันพอหอมปากหอคอแล้วเนอะ  น้องๆกลุ่มสีเทารู้ไหมเอ่ยว่าฐาน ‘วิ่งเพลินเพลิน’ ของเราคืออะไร” หญิงเพื่อนในคณะพูดขึ้น  เธอเป็นหัวหน้าฐานนี้ด้วย

“ไม่รู้ค่ะ/ครับ” ตอบแบบไม่ต้องคิด

“เดาหน่อยสิๆ” สตาฟคนอื่นๆช่วยกันกระตุ้นน้อง  ยกเว้นผม

“เกี่ยวกับวิ่งค่ะ”น้องหน้าม้าคนนึงตอบ

“ถะ ถะ  ถูกต้องนะค่าาาาาา” แค่ชื่อก็บอกแล้วป่ะวะ

“แต่มันไม่ใช่แค่การวิ่งธรรมดานะคะน้องๆ เกมส์นี้จะต้องวิ่งเป็นคู่  พี่จะให้น้องๆจับคู่แล้วมาแข่งกันเนอะ   โดยการใช้อวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายทั้งคู่หนีบลูกโป่งใส่น้ำแล้ววิ่งไปให้ถึงเส้นชัยซึ่งแต่ล่ะคู่อาจจะได้อวัยวะเดียวกัน เช่น แขนกับแขน อันนี้ง่ายหน่อย แต่ถ้าได้ปากกับขานี่มันส์แน่ค่ะ  ฮ่าๆๆๆ  ถ้าลูกโป่งตกหรือแตกก็ต้องวิ่งกลับไปเริ่มใหม่ที่จุดเริ่มต้นนะคะ  ที่สำคัญจะได้อวัยวะใด  ก็จะต้องจับฉลากนะคะ   คู่ไหนถึงก่อนก็ชนะไปได้รางวัลด้วย” ท็อฟฟี่กระเทยประจำภาคผมอธิบาย  ตัวมันสูงกว่าผมนิดหน่อยแต่ล่ำมากเหมือนมันเล่นกล้ามเลย  จริงๆมันชื่อสุเทพนะ  และผมก็เรียกแต่สุเทพๆ  กวนตีนมันน่ะ

“น้องอาจจะไม่เข้าใจ  เราจะมีพี่สาธะ…อร๊ายยย  พี่ทศศศศ” ท็อฟฟี่พูดยังไม่ทันจบประโยค  สายตามันคงเหลือบไปเห็นใครบางคนถึงกับหลุดกรี๊ด  บิดตัวไปมาเหมือนเขินมาก

ทำให้ทุกคนหันไปตามสายตาของท็อฟฟี่รวมทั้งผมด้วย

กลุ่มผู้ชายตัวสูงสี่คนกำลังเดินผ่านทางนี้  ผมสีน้ำตาลเข้มที่โดนแดดทำให้เขายิ่งดูโดดเด่นมาแต่ไกล  ผมแทบจะจำได้ในวินาทีแรกที่เห็นถึงแม้ไม่อยากจะจำเลยก็ตาม

เสียงกรี๊ดทั้งของสตาฟและน้องๆเกือบ30 คน ดังระงมไปทั่วบริเวณ

“มึ๊งงงงง  ตั้งแต่เปิดเทอมมากูพึ่งเห็นพี่เขา  กูตายตาหลับแล้วววว” สตาฟผู้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้นพร้อมเขย่าแขนเพื่อนไปมาอย่างเขินๆ

“เหมือนกันอีด_ก  อยากเห็นใกล้ๆว่ะ” เพื่อนเธอตอบกลับ

จู่ๆ  ผมก็เห็นท็อฟฟี่วิ่งไปทางผู้ชายกลุ่มนั้นที่กำลังใกล้เข้ามาในระยะสายตาชัดเจน  มันไปพูดอะไรสักอย่างกับกลุ่มนั้น   พวกเขาทำท่าจะปฏิเสธ  แต่เมื่อหนึ่งในนั้นหันหน้ามาทางนี้และบังเอิญสายตาเขามาหยุดอยู่ที่ผม  รอยยิ้มแสยะปรากฏขึ้นที่มุมปากเขา  ทำเอาผมร้อนๆหนาวๆแฮะ  หรือว่าผมตาฝาดไปเองวะ

“ว้ายมึง  พี่สมิธมองแล้วยิ้มให้กูด้วยว่ะ” ผู้หญิงข้างๆผมพูดกับเพื่อนเบาๆ  คือกูว่ากูคงไม่ได้ตาฝาดแล้วล่ะครับ

ผมเห็นไอ้ผู้ชายที่น่าจะชื่อสมิธหันไปคุยกับท็อฟฟี่อีกครั้ง  ท็อฟฟี่กระโดดจนตัวลอยแบบดีใจเว่อร์พร้อมรีบวิ่งกลับมาทางนี้  สมิธลากไอ้ผู้ชายหน้านิ่งคนนั้นมาตามมาติดๆ  เพื่อนมันอีกสองคนก็เดินตามมา

“เอาล่ะค่ะน้องๆ   ถือเป็นโชคดีของกลุ่มน้องมาก  ที่จะได้เห็นจตุรเทพบุตรแห่งคณะเศรษฐศาสตร์ตัวเป็นๆในระยะใกล้ขนาดนี้   ไม่ได้เจอพี่เขาง่ายๆนะน้อง  ฮี่ๆๆๆ” ท็อฟฟี่ที่วิ่งมาถึงก่อนรีบบอกน้องๆ   แต่กูว่ามึงเว่อร์ละท็อฟฟี่ เปลี่ยนจากเทพบุตรมาเป็นอสูรกูว่ายังจะเหมาะกว่า

ทุกวันนี้ผมยังคงทำหน้าที่เดิมอยู่ครับ  ทำอาหารเช้า-เย็น ไว้ให้มันทุกวัน  เพียงแต่ผมไม่ได้ไปปลุกมันให้มาเรียนแล้ว  ผมพยายามจะไปทำตอนที่มันหลับหรือยังไม่กลับห้องนั่นเอง   เอาง่ายๆจะว่าผมหลบหน้ามันก็คงจะไม่ผิดนัก   เราไม่ได้พูดกันเลย  ผมพยายามคิดว่าที่มันทำไปในคืนนั้นคือมันเมาและด้วยความที่อารมณ์คงค้างมาจากการที่ผมไปขัดจังหวะมันบวกกับที่ขู่เรื่องแม่มันอีก    ก็เลยอาจทำให้มันขาดสติไปบ้าง  วันนั้นผมก็ตกใจไปหน่อยจริงๆที่จะกระโดดตึก  คิดแล้วใจหาย(เป็นการกระทำที่ไม่ดี  ไม่ควรเอาเยี่ยงอย่างนะครับ) เกิดตายขึ้นมาจริงๆคงเสียดายชีวิตที่เหลืออยู่แย่สู้เก็บชีวิตไว้เอาคืนมันดีกว่า   ส่วนเรื่องน้าเฟื่องฟ้ามันก็ไม่ได้ถามอะไรอีกจากวันนั้น

แต่ถึงมันไม่ถามผมว่าผมจะยอมบอกอยู่แล้วล่ะ  เพราะผมคิดอะไรดีๆออกแล้วน่ะสิ   หึๆ

พวกเขาทั้งสี่เดินมาถึงด้านหน้าพอดี  โดยมีสตาฟคนอื่นๆดันให้พวกเขาไปอยู่ตรงกลาง   ส่วนผมอยู่ขอบๆ  เพราะพวกผู้หญิงพยายามเบียดๆไปใกล้พวกนั้นหมด

“น้องๆคะ  สวัสดีพี่ๆเขาสิคะ  นี่พี่ใจดี  พี่เซนท์  พี่สมิธ  และก็พี่ทศกัณฐ์  เรียนคณะเราปี 3 ภาคอินเตอร์ค่าาาา” ท็อฟฟี่พรีเซ็นท์พวกเขาโดยแนะนำจากทางด้านซ้ายสุดก่อน

ที่แท้ผู้ชายหล่อเข้มหน้าไทยก็ชื่อใจดี  เขาสูงไล่เลี่ยกันกับทศกัณฐ์  ส่วนผู้ชายตี๋หน้าใสข้างๆใจดีชื่อเซนท์คงเป็นคนที่เมาหลับวันนั้นมั้งเขาตัวเตี้ยที่สุดในกลุ่มแต่ก็มาตรฐานชายไทยแหละครับ    ถัดมาเป็นไอ้ลูกครึ่งผมเข้มมากๆจนเกือบดำ(เข้มกว่าทศกัณฐ์)แต่ตาสีฟ้าสด  ยอมรับว่าหน้าเขาครบเครื่องฉบับลูกครึ่งเลยล่ะ  ไอ้คนสุดท้ายคงไม่ต้องแนะนำทุกคนก็รู้จักกันดี   ไอ้ยักษ์ตัวปัญหา  เหอะ

“กรี๊ดดดด  อร๊ายยยย” ทั้งปีหนึ่งทั้งสตาฟพากันกรี๊ดให้  สตาฟบางคนถึงกับเอาโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูป

“ดีครับน้องๆ   เป็นยังไงบ้าง  เล่นเกมส์กันเหนื่อยไหมเนี่ย”เซนท์ทักทายน้องๆ  ผมว่าเขาน่าคบที่สุดแล้วในกลุ่ม

“ไม่เหนื่อยค่า/ครับ”

“คือยังไม่ได้เล่นเลยค่ะพี่เซนท์” หญิงบอก

“อ้าวหรอ  นี่พวกพี่มาขัดจังหวะรึเปล่านี่”สมิธเอ่ยพร้อมยิ้มบางๆให้  พวกผู้หญิงพากันละลายกันไปเป็นแถว   แม่งตัวเจ้าชู้นี่หว่าไอ้นี่

“ไม่เลยค่า  นี่พวกเรากำลังจะสาธิตเกมส์ให้น้องดูเลยค่ะ  จะรบกวนไปไหมถ้าจะให้พวกพี่เป็นพี่สาธิตให้น้องหน่อยค่ะ”ท็อฟฟี่

“เอ่อ  จะดีหรอ”สมิธพูด  จริงๆพวกเขารู้อยู่แล้วล่ะว่าฐานนี้เล่นยังไง   ผมเชื่อว่าพวกเขาต้องเคยผ่านการรับน้องมาแล้ว   แม้ว่าภาคอินเตอร์จะไม่ค่อยได้ทำกิจกกรรมเยอะเหมือนภาคปกติ   แต่ปี1 ก็น่าจะต้องเข้ารับน้องทุกคน(มอผมกึ่งรัฐกึ่งเอกชน)

“ดีสิคะ”ท็อฟฟี่ว่าเสียงหวานบิดตัวไปมา  มันน่ารักไหมนั่น

“ก็ได้นะน้อง”สมิธว่า

“จริงหรือคะพี่”หญิงถามอย่างดีใจ

“แต่…ต้องให้น้องผู้ชายแว่นคนนั้นเล่นกับเพื่อนพี่นะ”มันว่าพร้อมกับชี้นี้มาทาง…ผม

พรึ่บ  ทุกคนหันตามกันอย่างพร้อมเพรียง  ผมก็หันไปมองด้านหลังตัวเองเหมือนกัน  แต่ก็ไม่เห็นใครว่ะ

“ไม่ต้องหันครับ  น้องนั่นแหละ” สมิธว่าพร้อมส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้   ชักสังหรณ์ไม่ดีแฮะ

“ว้ายยยย  อิรันต์มึงยังจะทำหน้างงอีก   มึงคือผู้โชคดีค่ะ  มานี่สิคะ” ท็อฟฟี่พูดเสียงดัง  ผมก็ขมวดคิ้วมุ่น

“คือกูไม่…”ผมกำลังจะพูดปฏิเสธ

“มึงไม่ต้องเลยค่ะ  มึงยังไม่เคยเป็นพี่สาธิตเลย  มาค่ะอย่ากินแรงเพื่อน”แม่ง  ผมทำหน้าบูดๆแต่ก็ยอมเดินไปหาท็อฟฟี่  มันจับผมไปยืนข้างๆทศกัณฐ์แทนที่มันแบบเบียดจนแขนติดกันเลยล่ะ   คือมึงขยับให้กูหน่อยก็ดีนะสุเทพ  ผมก็ขยับออกหน่อย  แม้จะได้ไม่มากนัก

“ไอ้ทศ  มึงไปเป็นพี่สาธิตกับน้องรันต์ไป” สมิธพูดกับทศกัณฐ์เบาๆ

“ทำไมต้องกู  มึงต้นคิดจะมา  มึงก็ไปเป็นเองดิ”ทศกัณฐ์บอกกลับเรียบๆ

“โอเค  งั้นกูจะคิดว่ามึงมีซัมติงกับน้อง  บอกไอ้เซนท์ดีกว่า  เฮ้ยเซนท์…”

“ห๊ะ  ว่าไง/ สัสสมิธ” เซนท์หันมาหาสมิธอย่างงงๆส่วนทศกัณฐ์กัดฟันสบถ

คือพวกมึงพูดอะไรเกรงใจกูที่ยืนตรงนี้ด้วย

“หึๆๆ  ไม่มีอะไร   โอเคครับน้อง  เดี๋ยวพี่ทศกัณฐ์จะเป็นพี่สาธิตคู่กับน้องรันต์นะครับ   ไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหมครับน้องรันต์” ประโยคแรกพูดกับเซนท์ แล้วค่อยหันไปบอกน้องปีหนึ่ง  ส่วนประโยคสุดท้ายหันมาพูดพร้อมยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ผม   แล้วผมจะทำอะไรได้ล่ะครับนอกจากยอมรับชะตากรรม   ตอนนี้ผมเริ่มไม่ชอบขี้หน้าไอ้พี่สมิธขึ้นมาอีกคนแล้วล่ะครับ


“แล้วอีกคู่ที่ต้องแข่งกันล่ะคะพี่สมิธ” หญิงถาม

สมิธกวาดสายตามองไปรอบๆก่อนจะไปหยุดสายตาที่เพื่อนของเขาอีกสองคน

“อ่า  รู้และ  พวกมึงสองคนไปเล่นเป็นเพื่อนไอ้ทศมันหน่อยไป”สมิธหันไปบอกพี่ใจดีกับพี่เซนท์

“มึงก็เล่นเองดิ”พี่ใจดีปฏิเสธทันที

“ดี~กูอยากเล่นๆ  มึงเล่นคู่กับกูนะ  ไอ้สมิธมันชอบแกล้งกูอ่ะ  กูไม่อยากคู่กะมัน”พี่เซนท์หันไปทำท่าอ้อนๆกับพี่ใจดี  เขามองพี่เซนท์พักนึงก่อนจะพยักหน้าตกลง

“เย้!” เซนท์ดีใจจนออกนอกหน้า  มองไปมองมาผมว่าเขาน่ารักดีนะ

“โอเค  แต่ว่า…” สมิธเอ่ยขัด   มึงนี่ชักจะเงื่อนไขเยอะไปแล้วนะเว่ย

“อะไรหรอคะพี่สมิธ” หญิงถาม

“พี่ว่าถ้าได้รางวัลธรรมดาๆมันไม่น่าสนใจหรอก   คู่ที่แพ้ต้องโดนลงโทษ  มันถึงจะกระตุ้นให้เกมส์เมามันขึ้นไปอีก  หึๆ”  สมิธว่ายิ้มๆ

“ลงโทษยังไงคะพี่” ท็อฟฟี่ถามงงๆ

“คู่ที่แพ้ต้องหอมแก้มกัน” สมิธว่าอย่างอารมณ์ดี   แต่มึงรู้ไหมว่าคำพูดมึงมันบาดหัวใจกูแค่ไหน   พอสมิธพูดจบเท่านั้นแหละ  เสียงกรี๊ดก็ดังขึ้นอีกรอบแถมดังกว่าเดิมอีก  น้องผู้หญิงบางคนนี่ถึงก็ดิ้นไปมาอย่างกับโดนน้ำร้อนลวก   คือน้องเป็นอะไรรึเปล่าวะ

“สัส  กูไม่เล่น” ทศกัณฐ์กัดฟันพูดเบาๆ  ทำท่าจะเดินหนี

“ป๊อดหรอ  เด็กมึงยังไม่เห็นจะพูดอะไรเลย  คู่มึงอาจจะไม่แพ้ก็ได้” สมิธยั่วโมโหทศกัณฐ์ให้ได้ยินกันแค่สองคน(แต่ผมดันได้ยินด้วย)   ตอนนี้ผมโคตรหนาวเลย  ได้ยินเสียงไอ้ยักษ์กัดฟันกรอดๆเลยครับ

แต่กูไปเป็นเด็กไอ้ยักษ์ตอนไหนวะ   แล้วที่กูไม่พูดอะไรก็เพราะคำว่าหน้าที่มันค้ำคออยู่นี่แหละ

“มาๆน้อง  เอากล่องมาจับเลยดีกว่าเดี๋ยวจะเสียเวลาไปมากกว่านี้” มันเสียเวลาไปตั้งนานละ  ตั้งแต่ที่ไอ้ท็อฟฟี่เจอพวกมึงนั่นแหละ(เริ่มพาลๆ)

สตาฟผู้หญิงคนนึงวิ่งไปหยิบกล่องฉลากมาแล้วยื่นไปให้พี่ใจดีหยิบก่อนคนแรก  ถัดมาให้พี่เซนท์  ทศกัณฐ์และก็ผม

ตอนนี้ทุกคนถือฉลากไว้ในมือยังไม่มีใครเปิด

“เปิดได้เลยค่ะ”เสียงหญิงบอก  ผมมองเด็กๆกับสตาฟคนอื่นๆท่าทางลุ้นมาก  ตลกดี

“ผมได้สะโพก”พี่ใจดีพูดพร้อม  พร้อมยื่นกระดาษให้สตาฟ

“ม่ายยยย  กูได้ไหล่  แล้วจะวิ่งยังไงวะ” พี่เซนท์ร้องขึ้น  นึกภาพกูก็ขำแล้วครับคนนึงสะโพกคนนึงไหล่หนีบลูกโป่งวิ่ง  มันจะวิ่งยังไงวะ

ว่าแล้วก็เปิดดูของตัวเอง  หืม  ได้คอแฮะ  หวังว่าทศกัณฐ์คงไม่ได้ต้นขานะ  ไม่งั้นผมคงลำบากเลยแหละ

“อิรันต์  มึงได้อะไรคะ” ท็อฟฟี่ชะโงกหน้าเข้ามาดูกระดาษในมือผม

“ต๊ายยยยย  รันรันได้คอค่าาา” ท็อฟฟี่แหกปากบอก  ทศกัณฐ์หันควับมามองผมทันทีแล้วหันไปมองกระดาษในมือตัวเอง   มันได้อะไรวะ

ผมสังเกตเห็นไอ้พี่สมิธชะโงกหน้าเข้าไปดูกระดาษทศกัณฐ์เหมือนกัน  เขากระตุกยิ้มพร้อมฉวยเอากระดาษในมือทศกัณฐ์ไปแล้วอ่านเสียงดังให้ทุกคนได้ยิน

“ทศกัณฐ์ได้ปากครัชชช” ตอนแรกทุกคนก็เงียบนะ  แต่แค่แปปเดียวเท่านั้นแหละ  เสียงกรี๊ดก็ดังขึ้นมาอีก   คือไรวะ  แต่ตอนนี้กูช็อคแล้วครับ

“แม่ง  พวกกูเสียเปรียบอ่า   ปากกับคอแม่งใกล้ๆกัน  วิ่งฉิวเลยดิ   ดูพวกกูดิ๊” พี่เซนท์โวยวายไม่จริงจัง

“หึๆๆ  กูว่าไม่แน่” เสียงไอ้พี่สมิธแว่วมาให้ผมได้ยิน
.
.
.
.
.

ตอนนี้เราทั้ง 4 คนผู้เข้าแข่งขัน  มายืนอยู่ที่จุดสตาร์แล้วครับ  ในมือผมมีลูกโป่งน้ำอยู่หนึ่งใบ  ด้านซ้ายมือผมเป็นพี่ใจดีกับพี่เซนท์   เรากำลังรอสัญญาณเริ่มเกมส์ครับ

ปิ๊ด!

ผมรีบเอาลูกโป่งน้ำแนบใส่ที่ซอกคอด้านขวามือยังประคองไว้อยู่  หันไปมองทศกัณฐ์ที่เขาค่อยๆก้มหน้าลงมา   ผมเผลอเอียงตัวหลบอัตโนมัติ   ภาพวันนั้นไหลเข้ามาในหัว  ทศกัณฐ์ก็หยุดขยับทันที  ส่วนคู่พี่เซนท์กับพี่ใจดีเริ่มออกตัวแล้ว   แม้จะทุลักทุเลแต่ก็นำพวกผมไปแล้ว

“อิรันต์  เร็วๆค่า  ทีมมึงได้เปนียบนะคะ” เสียงท็อฟฟี่ตะโกนเรียกสติผม  เออว่ะ  กูจะแพ้ไม่ได้โว้ย

ผมรีบขยับเข้าไปใกล้ทศกัณฐ์

“เร็วๆสิคุณ” ผมเอ่ยเร่ง  เขาสบตาผมนิดนึง  ก่อนจะค่อยๆก้มหน้าลงมาเอาริมฝีปากแนบกับลูกโป่งอีกด้าน  ผมจำต้องเอามืออกตามกติกา  ผมได้ยินทั้งเสียงกรี๊ดเสียงเชียร์เต็มไปหมด

“เดินสิ” เสียงทศกัณฐ์พูดขึ้นเรียบๆติดจะเย็นชา  ผมเริ่มออกตัวเดิน  ทศกัณฐ์ก็พยายามก้าวตามจังหวะผม  วิ่งไม่ได้ครับเดี๋ยวลูกโป่งตก  พวกเราใช้เวลาไม่นานก็ใกล้จะตามทันคู่พี่เซนท์กับพี่ใจดีแล้วครับ

“ดี๊  ไอ้ทศมันมาแล้วๆ” เขาเหลือบมาเห็นพวกผม   ท่าพี่เซนท์ฮามาก  เขากำลังเดินในท่าก้มตัว  เพื่อให้ไหล่เขาเสมอกับสะโพกพี่ใจดีแล้วหนีบลูกโป่งไว้  แถมยังอุตส่าห์เหลือบมาเห็นอีก

“หึ  พวกมึงนี่ใกล้กันเกินไปแล้วนะ  แทบจะสิงกันอยู่ละ” ทันทีที่เสียงพี่ดีเอ่ยจบ  ผมเผลอขยับตัวออกอัตโนมัติ  ทศกัณฐ์รีบคว้าเอวผมไว้เพราะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้   แต่ไม่ทันแล้วล่ะครับ

โพละ /จุ๊บ!  คุณได้ยินเหมือนที่ผมได้ยินไหม…

“กรี๊ดดด!!!” เสียงกรี๊ดดังกระหึ่มมากครับตอนนี้  เพราะอะไรน่ะหรอ

ลูกโป่งตก  ทำให้ช่องว่างระหว่างปากกับคอหายไป  ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก  ปากทศกัณฐ์แนบอยู่ที่ต้นคอผมอย่างไม่ได้ตั้งใจ  แถมมือทั้งสองข้างมันยังกอดเอวผมไว้จากด้านข้าง  ผมไม่อยากจะนึกภาพเราสองคนตอนนี้เลยครับ  ทศกัณฐ์รีบผละตัวออกทันที  เขาก็ไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้มั้ง

“เหี้ยดีเล่นสกปรก” ผมแอบได้ยินเขาพึมพำอะไรคนเดียวไม่รู้

ทศกัณฐ์คว้ามือผมที่ยืนเอ๋อให้ไปจุดเริ่มต้นด้วยกันอีกครั้ง  เขาหยิบลูกโป่งแนบลงกับซอกคอผม  มือเขาจัดแจงให้แขนผมพาดอยู่บนบ่าเขา  ส่วนแขนอีกข้างของเขาสอดเข้ามาโอบเอวผมอีกที  เขาแนบปากลงมาแล้วพาผมออกเดินทันทีแบบไม่สนใจอะไรทั้งนั้น  เหมือนจะโกรธๆแฮะ  ผมรู้สึกว่าเขาเย็นชาขึ้นมากหลังจากเรื่องวันนั้น  มันแทบจะไม่มองหน้าผมเลย  นี่คือกูผิดหรอวะ

เขาพาผมเดินเร็วมาก  จนเกือบจะถึงพวกพี่เซนท์อยู่แล้ว   แต่เหมือนคู่นั้นก็ใกล้เส้นชัยมากแล้วเหมือนกัน

เสียงเชียร์ยังดังขึ้นอย่างต่อเนื่องจนไม่รู้ว่าเชียร์ใคร

พวกเราใกล้ถึงเส้นชัยแล้วครับ  อีกนิด…นิดเดียว…

ปิ๊ดดดดดดดด

“เฮ!!!!”

ไม่นะเว้ยยยยยยยย  แค่นิดเดียวเองนะ  พวกเขาเข้าเส้นชัยไปแบบเฉียดฉิวกับพวกผมจริงๆนะ

“เอาล่ะ  เราได้ผู้แพ้แล้วนะครับ” มึงต้องบอกว่าผู้ชนะรึเปล่าครับพี่สมิธ  จำเป็นต้องสนใจผู้แพ้ขนาดนั้นเลยหรอวะ

“พวกมึงรวมหัวกันโกงกู” เสียงทศกัณฐ์พูดขึ้นเย็นเยียบ  ผมเผลอพยักหน้าเห็นด้วยกับมัน

“เปล๊า   อย่ามาใส่ร้ายกู” เสียงมึงสูงขนาดนี้กูคงเชื่อหรอกพี่สมิธ

“ไปๆ  คนชนะพวกมึงจะไปเอารางวัลอะไรก็เรื่องของมึง  ส่วนไอ้คนแพ้กรุณามายืนตรงนี้เลยครับ” ไอ้พี่สมิธเรียกพวกผมไปยืนตรงกลาง  ผมหมั่นไส้แม่งว่ะ  อยากเอาคืนยิบๆ

ผมกับทศกัณฐ์จำต้องเดินไป  รู้สึกไอ้คนข้างๆผมมันจะนิ่งมากแบบโกรธๆอ่ะ  ดูน่ากลัว

“มาครับ  ตามสัญญาของผู้แพ้  ใครจะเป็นคนหอมหรือโดนหอมเลือกเอา” มึงพูดเฉยๆไม่ต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาได้ป่ะไอ้พี่สมิธ  ผมได้ยินเสียงกรี๊ดเบา  ทำไมทุกคนดูลุ้นขนาดนี้วะ

ทศกัณฐ์ยังยืนนิ่ง  ผมก็ไม่รู้จะทำยังไง  คือกูต้องเป็นคนหอมหรือถูกหอมวะ  เหลือบสายตาไปมองมันเห็นมันมองก่อนอยู่แล้ว

“ถ้าเลือกไม่ได้งั้นจับฉละ…” พี่สมิธพูดยังไม่ทันจบประโยค  ทศกัณฐ์ยื่นมือมารั้งใบหน้าให้หันไปทางเขาพร้อมกดจมูกลงมาอย่างรวดเร็ว

ฟอดดดด/ แชะ!

“กรี๊ดดดดดดดดดดดดด” มันเกิดขึ้นเร็วมากครับ  ไม่ถึง5วินาทีด้วยซ้ำ  ผมยังยืนอยู่ท่าเดิม  ในหัวได้ยินแต่เสียงสูดจมูกของเขา  หน้าร้อนแปลกๆวุ้ย

“อิรันต์  มึงดังแน่  บุญหล่นทับมึงแล้ว” รู้ตัวอีกทีก็ได้ยินเสียงไอ้ท็อฟฟี่แหกปากแข่งกับเสียงดังรอบหู

บุญเหี้ยอะไรล่ะ  นี่มันกรรมเก่ากูมากกว่า  ปีนี้ปีชงกูรึเปล่าวะ

“ฮ่าๆๆๆ  เพื่อนพี่มันหนีไปและ  เย็นนี้เจอกันเพจคิ้วท์บอยนะน้อง  อย่าลืมแชร์กันเยอะๆนะ  ฮ่าๆๆๆ” ไอ้เหี้ยพี่สมิธพูดอย่างอารมณ์ดี  สังเกตว่าทศกัณฐ์ไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้ว

“เฮ้ยพี่  ผมขอ…” ผมรีบพูดจะขอไม่ให้มันทำเรื่องบัดซบ

“น้องขอ  พี่จัดให้คร้าบบบ  แล้วเจอกัน” พูดจบมันก็รีบวิ่งหนีไปเลย

ไอ้เหี้ยยยยยย  กูว่าไม่ใช่ปีชงแล้วล่ะ

พวกมึงมันเจ้ากรรมนายเวรกูชัดๆเลย
.
.
.
.
YU  cute & sexy boy
15  นาทีที่แล้ว

‘คู่จิ้นใหม่ของมอ  ผู้ชายที่ชะนี  เก้ง กวาง  ทั้งมหาวิทยาลัยอยากได้  ชายผู้ไม่เคยชายตาแลใครในมอ   วันนี้เป็นขวัญตาแล้วค่าาาาา  หนุ่มผู้โชคดีคนนั้นคือใครแกรรรร  ทำไมพี่ทศกัณฐ์แห่งเศรษฐศาสตร์ถึงได้หอมแก้มฮี  ขุมทรัพย์มอนะคะ  อิแอดอิจจจจจ  ต้องทำได้ยังไงบอกแอดที   แอดกราบเลยค่าาาา’
Cr.พี่สมิธสุดหล่อ  ว่าที่สามีแอด


   
(รูปทศกัณฐ์หอมแก้มรันต์ระดับ HD  by สมิธ)


ถูกใจ Channy  DP, Namwarn  Arisara  และคนอื่นๆอีก 2,039
แชร์ 567 ครั้ง
ดิวดิวไง  คิดว่าใครล่ะ  กรี๊ดมากค่า  หนูอยู่ในเหตุการณ์แถวหน้าสุด   ฟินไปถึงโลกหน้าเลยค่ะ
Chayanid  Gee         กราบตีนเลยค่ะ  มีความอิจ  แชร์วนไป
Pimtha  narak          เป็นสตาฟงานนี้ค่ะ  คนที่โดนหอมชื่อรันต์เศรษฐศาสตร์เหมือนกันอยู่ปี 2 ค่า  นางน่ารักนะเรา   อิอิ  มีรูประหว่างแข่งที่ฟินกว่านี้อีกค่า   ใครอยากได้อินบ็อกซ์มานะ  พร้อมแจก  อิอิ

ดูความคิดเห็นเพิ่มเติม                  3จาก  1,528

++++++++++++++++++++
มาแล้วววววว  มาแบบเบลอๆเลย  ไม่ได้ตรวจทานแก้คำผิดนะคะ(เดี๋ยวมาแก้ให้ทีหลัง)  ตอนนี้ลบแล้วแก้หลายรอบมาก  อารมณ์เป็นหายๆ  ติดขัดยังไงขอโทษนะคะ  เค้าป่วย(ข้ออ้างตลอดกาล)  ขอบคุณสำหรับทุกคนเม้นนะคะ  จุ๊บทีสิ(เพ้อหนัก)เจอกันอีกทีวันเสาร์นะคะ  :m15: :pig4:


{โปรดติดตามตอนต่อไป...}
+++++++++++++++++++
สปอยตอนต่อไปเล็กน้อย
“ลงไปนั่งดีๆ”

“ไม่อาววว  พื้นมันแข็ง”

“รันต์”

“นะยักษ์นะ  ให้น้องนั่งตักน้าาาา  น้องเมื่อยตูด”

“…..”

+++++++++++++++++++++++++
บรัยยยยยยยยยยยย :z1:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 7♡ [16/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 17-11-2016 01:05:48
สปอยตอนหน้ายังไงคะเนี่ย อยากอ่านตอนหน้าแล้ว
พักผ่อนเยอะๆ หายป่วยไวๆนะคะไรท์
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 7♡ [16/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 17-11-2016 03:26:00
 :pig4:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 7♡ [16/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 17-11-2016 06:15:05
รันต์ อ้อนยักษ์เป็นด้วย
“นะยักษ์นะ  ให้น้องนั่งตักน้าาาา  น้องเมื่อยตูด”
ชอบบบบ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 7♡ [16/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 17-11-2016 06:45:44
แข็งแรง ๆ นะค๊ะ หายไวไว
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 7♡ [16/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 17-11-2016 07:08:12
ตอนหน้ารันต์จะเมาเหรอ
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 7♡ [16/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 17-11-2016 07:08:49
 :laugh:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 7♡ [16/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 17-11-2016 09:10:53
หนูรันต์เผ็ชชช
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 7♡ [16/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 17-11-2016 09:47:54
มีความหอมแก้มพร้อมปล่อยไอเย็นๆ555
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 7♡ [16/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 17-11-2016 11:12:47
 :-[
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 7♡ [16/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 17-11-2016 13:06:43
รอติดตามจร้า ^^
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 7♡ [16/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Fonz_Juz19 ที่ 17-11-2016 22:44:42
โหยยยยยย  ชอบมากเลยยย
มาต่อเร็วๆนะคะ
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 7♡ [16/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Tamora ที่ 18-11-2016 00:05:47
โอย มีความอยากอ่านตอนหน้าค่ะ
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 7♡ [16/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: kaokorn ที่ 18-11-2016 11:15:30
โหย สปอยล์ซะ อยากอ่านเลยอ่ะ รอนะฮะ
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 7♡ [16/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Laliat ที่ 18-11-2016 19:56:20
 :hao5:  มาต่อให้ไวเลย :mew1:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 7♡ [16/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 20-11-2016 16:25:58
8

พั่บ  พั่บ  พั่บ
“อ๊ะ…อ๊าาา…มะ…ไหวแล้ว…อ๊าาาาา” เสียงผิวเนื้อกระทบกันดังแข่งกับเสียงครวญครางไปทั่วทั้งห้องหรู  ร่างทศกัณฐ์กระแทกเข้าออกเร็วขึ้น  หญิงสาวใต้ร่างเขาบิดเร่าด้วยความเสียวซ่านใจจะขาด  เธอถึงสวรรค์ไปก่อนถึงสามรอบและรอบที่สี่กำลังจะตามมาติดๆ  แต่ทศกัณฐ์ยังไม่มีท่าทีว่าจะเสร็จ  เขายังคงกระแทกสะโพกเข้าออกในร่างเธออย่างต่อเนื่อง  มือข้างหนึ่งขยำหน้าอกเธอเพื่อระบายอารมณ์ดิบ  เหงื่อผุดพรายขึ้นเต็มใบหน้าหล่อเหลาไล่ลงมายังลำคอแกร่งดูเซ็กซี่กระตุ้นอารมณ์เธอมากขึ้นไปอีก

เธอมองเขาอย่างหลงไหล  อยากเอื้อมมือไปกอดและจูบ  แต่เขาไม่อนุญาตแม้แต่จะให้จับ  มือทั้งสองข้างของเธอได้แต่จิกระบายอารมณ์กับผ้าปูที่นอน

เธอพึ่งเคยเจอกับผู้ชายที่ขณะมีเซ็กส์ใบหน้ายังคงนิ่งเฉยราวกับไม่รู้สึกอะไร  ทั้งๆที่เธอเป็นถึงนางแบบชั้นแนวหน้าของวงการหุ่นและหน้าตาเธอไม่เป็นรองใคร  แต่ผู้ชายคนนี้ไม่แม้แต่จะเห็นเธออยู่ในสายตา  เขาเพียงแค่มีเซ็กส์เพื่อปลดปล่อยตามธรรมชาติก็คงจะไม่ผิดนัก

แม้แต่ถอดเสื้อผ้าขณะมีเซ็กส์เขายังไม่ทำ  เพียงแค่ร่นกางเกงลง  แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไรทั้งนั้นเพราะเขาจ่ายหนักกว่าทุกคนที่ผ่านมา  เขาให้ทำอะไรเธอก็ต้องทำ

พั่บๆๆๆๆๆ

ทศกัณฐ์เร่งจังหวะเร็วขึ้นในช่วงสุดท้าย  ก่อนจะรีบถอนร่างออกมารูดถุงยางทิ้งลงถังขยะ  หญิงสาวรู้หน้าที่รีบเข้าไปใช้ปากจัดการต่อให้จนเขาเสร็จสมในที่สุด

“เธอจะนอนพักก่อนก็ได้เช็คเอ้าท์ออกก่อนเที่ยงพรุ่งนี้  ส่วนค่าตัวอยู่ในลิ้นชัก” เขาบอกเรียบๆก่อนจะเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไป   นางแบบสาวได้แต่มองตามร่างสูงทศกัณฐ์หายลับเข้าไปในห้องน้ำด้วยสายตาอาวรณ์   เขาไม่สนใจเธอสักนิดเลยหรือ  มันน่าเสียดายที่แม้แต่ชื่อเขาเธอก็ไม่มีโอกาสได้รู้จัก
.
.
.
.
ทศกัณฐ์เดินออกจากโรมแรมระดับห้าดาวกลางกรุงที่โจเซฟมักจะพาคู่นอนมาให้เขาที่นี่   ร่างสูงเดินตรงไปขึ้นรถยนต์คันหรูที่จอดรอทางเข้าโรงแรม

“วันนี้ทำไมเร็วนักล่ะครับ” โจเซฟถามพร้อมออกรถ

“รำคาญน่ะ  คราวหลังขออย่าร้องเยอะนัก” ทศกัณฐ์ว่าเรียบๆมือท้าวคางมองออกไปนอกหน้าต่าง

“ครับ…คุณรันต์ตอนนี้เธอยังอยู่ที่ห้องนะครับ   ถามหาคุณด้วย” โจเซฟรับคำ  พร้อมเล่าเรื่องเด็กคนนั้น  แอบมองปฏิกิริยาทศกัณฐ์ผ่านกระจกมองหลัง   ทศกัณฐ์หันกับมาสบตาเขาผ่านกระจกนิ่งๆ   คนอื่นอาจดูไม่ออกว่าทศกัณฐ์คิดอะไร  แต่เขาที่อยู่กับทศกัณฐ์มาเกินครึ่งชีวิตทำไมจะไม่รู้

ทศกัณฐ์กำลังมีเรื่องรบกวนจิตใจ  แถมน่าจะเป็นเรื่องเด็กคนนั้นซะด้วย

“เรื่องนายหญิง  จะให้เค้นเขาไหมครับ”โจเซฟถามต่อ  ทศกัณฐ์เงียบไปนานก่อนจะเอ่ย

“ไม่ต้อง  ถ้าเขาอยากบอกเขาก็จะบอกเอง  เราตามหาของเราไปเรื่อยๆก็พอ”

“ถ้าคุณเจอนายหญิงแล้วจะทำไงต่อครับ” ทศกัณฐ์นิ่งไปพักใหญ่ ก่อนจะเอ่ยออกมาเบาๆเหมือนพูดกับตัวเอง

“ไม่รู้สิ  ไม่รู้ว่าจะกล้าถามเรื่องนั้นไหม  เธอจะยอมเจอผมรึเปล่าก็ไม่รู้”เขาตอบพร้อมเหยียดยิ้มเย้ยหยันตัวเอง  เขานึกไม่ออกเลยว่าถ้าถึงเวลานั้นเขาจะทำอะไรได้บ้าง

++++++++++++++++++++

ติ้ด  แกร็ก

เสียงเปิดประตูหน้าห้องดังขึ้น  ผมที่กำลังง่วนอยู่กับรายงานเงยหน้าขึ้นไปมอง  ทศกัณฐ์กลับมาแล้ว  เขามองหน้าผมแวบนึงก่อนถอดรองเท้าเก็บไว้ในตู้แล้วเปลี่ยนใส่สลิปเปอร์แทน

ผมมองนาฬิกาที่ผนังอีกสิบห้านาทีจะสี่ทุ่มและผมนั่งพิมพ์งานที่โซฟาในห้องนั่งเล่นอยู่  คือวันนี้ผมออกไปทำรายงานกับเพื่อนมาครับ  พอค่ำๆจะกลับก็แวะมาคอนโดจะทำอาหารให้ทศกัณฐ์  ผมมาถึงก็ไม่เจอเขาแล้ว  เลยถามโจเซฟก็บอกว่าออกไปข้างนอกดึกๆถึงจะกลับ  ผมก็เออทำอาหารไว้ให้แล้วก็จะกลับ  แต่ไอ้เมฆดันโทรมาจะเอาต้นฉบับรายงานส่วนที่ผมทำก่อนสี่ทุ่ม  มันบอกจะเอาเนื้อหาไปให้ที่ปรึกษาดูก่อน  ผมก็ต้องเร่งทำให้มันนี่แหละครับ

รู้สึกเหมือนมาหยุดอยู่ใกล้ๆ  ผมไม่ได้หันไปดูยังคงตั้งหน้าตั้งตาพิมพ์งานของตัวเองต่อไป  ก่อนจะสัมผัสได้ว่าโซฟาที่ผมนั่งอยู่ยวบลง(โซฟายาว)  เขานั่งลงข้างๆไม่ใกล้ไม่ไกลจากผมนัก  ได้ยินเสียงทีวีดังขึ้นเบาๆแข่งกับเสียงเคาะแป้นพิมพ์ของผม

“ผมขอเวลาไม่เกิน10นาที  แล้วเดี๋ยวจะกลับ”ผมบอกเบาๆสายตายังคงจับจ้องจอโน๊ตบุ๊คอยู่

“อืม”เขาตอบรับเบาๆ

“คุณกินข้าวมารึยัง  ผมทำปลากระพงทอดน้ำปลากับแกงเขียวหวานไว้ให้”

“อือ”ผมละสายตาจากจอไปมองทศกัณฐ์  เห็นเขามองผมก่อนอยู่แล้ว

“ทำอะไร”เขาถามต่อ  ทำตัวแปลกๆ

“รายงานน่ะ  ต้องส่งให้เพื่อนก่อนสี่ทุ่ม”

“กินข้าวรึยัง” หืม?  ผมหูไม่ฝาดใช่ไหมวะ มาแปลกจริงๆว่ะวันนี้

“ยัง  เดี๋ยวกับไปกินแถวหอ”

“กินด้วยกันดิ” นึกยังไงของมันวะ  ผมไม่ได้กินข้าวกับทศกัณฐ์นานแล้ว   ตั้งแต่วันแรกที่ผมทำข้าวต้มให้มัน  หลังจากนั้นก็ไม่ได้กินด้วยอีก

“คุณกินเถอะ” ผมบอกเบาๆแล้วตั้งใจพิมพ์งานต่อ

“ยังไม่หายโกรธหรอ”ทำไมรู้สึกว่าเสียงมันหงอยๆวะ

“เปล่านิ  ผมไม่ได้คิดอะไร”

“หรอ”พูดแล้วก็เงียบไป

“คุณจะไม่ถามหรอว่าแม่คุณอยู่ที่ไหน”ผมละสายตาจากจอขึ้นไปมองเขา  ทศกัณฐ์ก็หันหน้าจากทีวีมามองผม  สายตาเขาจ้องลึกมาในดวงตาผมอย่างค้นหา  นานเป็นสัปดาห์ที่เราไม่ค่อยได้พูดหรือเจอกันตั้งแต่ที่เขาทำเรื่องวันนั้น  พึ่งจะได้มองหน้ากันตรงๆก็งานเฟรชชี่เมื่อวานนี้นี่แหละ

ถามว่าผมเขินไหมที่โดนหอม  แรกๆก็ช็อคอยู่นะแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก  ไอ้เมฆทำออกบ่อย(หอมแก้มผม)  แล้วผมก็ไม่ได้เปิดเฟซบุ๊คดูเลย(เดือนนึ่งออนที)  ไม่รู้ว่าไอ้เหี้ยพี่สมิธมันจะทำอย่างที่ว่ารึเปล่า  เมฆก็ไม่เห็นพูดอะไร

หวังว่าความสงบสุขในชีวิตผมคงจะไม่หายไปหรอกนะ

“จะบอกไหมล่ะ”เขาถามแล้วจ้องผมนิ่งๆ  นี่เรากำลังเล่นเกมส์ยี่สิบคำถามกันอยู่รึเปล่าวะ

“ก็…ถ้ามีข้อแลกเปลี่ยน”ผมลองต่อรองยกยิ้มขึ้นนิดๆ

“ถ้าจะขออิสระ  ก็ไปบอกเขาสิ  กูคงทำอะไรไม่ได้”เขาที่ทศกัณฐ์พูดคงหมายถึงพ่อเขา  ผมละสายตาจากเขาไปพิมพ์งานต่อ

“ถ้าทำได้  ผมคงทำแล้วอ่ะนะ  ช่างเถอะ  ถ้าไม่ผิดจากที่ผมคิดแม่คุณอยู่ที่ xxx ซอย yy หลังที่ 3 ฝั่งขวามือมีต้นไม้เยอะๆหลังคาสีฟ้ารั้วสีชมพู”  ผมบอกเหมือนเรื่องทั่วไป  มือกับตายังทำงานอย่างต่อเนื่อง

“หึ  เด็กดี”ไม่พูดเฉยๆยังมีการเอื้อมมือมาขยี้หัวผมอีก

“อื้อ  สนิทกันหรอวะ”ผมพยายามจะสบัดหัวออกจากมือเขาแต่ก็ขยับไม่ค่อยถนัดนัก  แม่งกูพิมพ์งานอยู่โว้ย  หันไปทำหน้ายู่ๆใส่มันอย่างลืมตัว(ปกติทำแต่กับเชี่ยเมฆ)

“คิดว่าน่ารักหรอ” มันว่าแล้วกระตุกยิ้มที่มุมปากอย่างอารมณ์ดี   พระเจ้ากูไม่ได้ตาฝาดใช่ไหมเนี่ย

“น่ารักบ้าอะไร  เขาเรียกว่าหล่อ”จับมือมันออกจากหัวแล้วขยับไปชิดอีกฝั่งโซฟา  งานกูจะไม่เสร็จโว้ย

กริ่งงงงงงง  กริ่งงงงงงง

เสียงออดหน้าห้องดังขึ้น  ทศกัณฐ์ลุกขึ้นไปที่ประตู  สักพักผมได้ยินเสียงทศกัณฐ์กรอกเสียงผ่านอินเตอร์คอม

“มาทำไม”

(มาหามึงไง)เหมือนเสียงไอ้พี่สมิธ

“มาหาเพื่อ?” ทศกัณฐ์  หูผมฟังแต่มือกูพิมพ์นะครับเทพไหมล่ะ

(วันนี้ดูบอลไง  แมตสำคัญตอนเที่ยงคืนมึงลืมได้ไงวะ  เนี่ยไอ้ดีมันเอาเหล้าพ่อมันมาด้วย)น่าจะเสียงพี่เซนท์

“ตกลงจะดูบอลหรือแดกเหล้า”ทศกัณฐ์ว่าอย่างอืมๆ

(ทั้งสอง!!!) มาแบบประสานเสียงเลยครับ  แอบได้ยินเสียงทศกัณฐ์ถอนหายใจแล้วเปิดประตู

“นาน!  กว่าจะเปิด  ยืนรอจนเมื่อย  นี่ไม่นับที่กูต้องเดินจากชั้นไอ้สมิธมาหามึงตั้งสองชั้นอีกนะ” เปิดประตูมาปุ๊บ  ก็ได้ยินเสียงพี่เซนท์บ่นมาแต่ไกลเลยครับ

“กูขอให้มาหรอ” ทศกัณฐ์พูด  ผมจัดการเซฟงานแล้วส่งให้ไอ้เมฆ  รีบปิดคอมแล้วเก็บของใส่กระเป๋าให้เรียบร้อยลุกขึ้นจะกลับหอ

“อ้าว”พอผมยืนขึ้น จะเดินออกจากห้องนั่งเล่นไปทางประตูห้อง  ดวงตาทั้งสี่คู่มองมาที่ผมด้วยสายตาที่แตกต่างกัน  เซนท์มองผมงงๆและเป็นคนที่อุทานออกมาเมื่อกี้  พี่ใจดีมองผมนิ่งๆ  ส่วนไอ้พี่สมิธมองผมด้วยสายตาเจ้าเล่ห์  และทศกัณฐ์เหมือนมีความหนักใจอยู่นิดๆ

“หวัดดีครับ”ผมยกมือไหว้  แล้วยิ้มให้เช่นเคย

“นั่นแน่” ไอ้(เหี้ย)พี่สมิธเล่นกูละ

“น้องเมื่อวานใช่ป่ะ  มาอยู่ห้องไอ้ทศได้ไงอ่ะ” พี่เซนท์ถามงงๆเหมือนไม่ค่อยรู้เรื่อง(ก็มันไม่รู้จริงๆ)

“เอ่อ  คือผม…” ผมไม่รู้จะตอบยังไงว่ะ  ได้แต่ยิ้มเก้อๆให้

“ไม่เห็นแปลก  น้องรันต์เด็กไอ้ทศโว้ย” ไอ้พี่สมิธบอกพี่เซนท์แล้วหันไปยักคิ้วให้ทศกัณฐ์

“จริงหรอวะทศ  ทำไมกูไม่รู้  มึงไม่บอกกูแต่บอกไอ้สมิธหรอ  มึงก็รู้ใช่ไหมดี” พี่เซนท์เริ่มโวยวาย  หน้าก็งอไปทุกที  น่ารักว่ะ(ใช่เวลาไหม)

“เหี้ยสมิธ  มึงอย่ามั่วไอ้สัด” แววตาทศกัณฐ์หงุดหงิดขึ้น

“กูเปล่าาาา” ว่าจบเขาก็วิ่งหลบตีนทศกัณฐ์ที่ยกขึ้นจะถีบมาเกาะอยู่หลังผม

“มึงไม่ต้องไปเชื่อไอ้เชี่ยสมิธมาก  รันต์เป็นคนที่พ่อกูส่งมาดูแลเรื่องทั่วไปแค่นั้น” พี่เซนท์ทำหน้าแบบไม่ค่อยเชื่อ  แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรต่อเพราะน้ำเสียงกดต่ำที่ทศกัณฐ์ใช้มันน่าขนลุกแปลกๆ

“ผมกลับแล้วนะครับ” ผมสะบัดตัวออกจากไอ้พี่สมิธแล้วบอกทุกคนเบาๆ  ก้มหัวให้นิดๆอย่างมีมารยาท  ก่อนจะเดินไปหยิบรองเท้าในตู้

“รีบกลับไปไหนวะ  อยู่ดูบอลด้วยกันก่อนดิ” เสียงไอ้พี่สมิธรั้ง  ผมเงยหน้าขึ้นมองเขาหลังใส่รองเท้าเสร็จ  เขายืนอยู่ใกล้ๆ  มีทศกัณฐ์ยืนกอดอกดูอยู่ไม่ไกล  ไม่เห็นพี่เซนท์กับพี่ใจดี  คงอยู่ในครัว

“ผมไม่ดูฟุตบอลน่ะครับ”บอกแล้วยิ้มให้บางๆ

“เฮ้ย  มึงผู้ชายป่ะเนี่ยไม่ดูบอลจริงอ่ะ” มันทำหน้าเหมือนไม่เชื่อ

“ไม่เห็นเกี่ยวว่าไม่ดูบอลไม่ใช่ผู้ชาย  ถ้างั้นผู้หญิงที่ถักนิตติ้งไม่เป็นก็ไม่ใช่ผู้หญิงสิครับ  ก่อนจะพูดอะไรหัดคิดบ้างนะครับ  โตแล้ว” ผมยิ้มให้เขาบางๆแล้วลุกขึ้นยืน

“อ้าว  หลอกด่ากูอีก  ไม่ใช่เด็กไอ้ทศนี่มึงปากแตกนะ”

“ก็มาสิครับ  ผมไม่ใช่เด็กเดิกของเขาอะไรอย่างที่คุณว่าสักหน่อย”

“มึงนี่มัน…”

“ทศศศศ  แกงเขียวหวานในหม้อนี่มึงไปซื้อมาจากไหนวะ  อร่อยโคตรๆเลย” เสียงพี่เซนท์ตะโกนแทรกสมิธ  ผมเห็นเขาวิ่งดุ๊กดิ๊ก(?)ออกมาจากครัวไปหาทศกัณฐ์

“รันต์ทำ” เขาบอกพี่เซนท์สั้นๆ

“จริงอ่ะ  โห! น้องรันต์สุดยอดเลย  โคตรอร่อยอ่ะนี่ของโปรดพี่เลย” พี่เซนท์หันมาพูดกับผม  เขายิ้มจนตาหยี  ดูน่ารักมากๆไม่น่าจะมาอยู่กลุ่มนี้เลยจริงๆ

“ขอบคุณครับ” ผมยิ้มให้เขาบางๆรู้สึกดีใจอยู่นิดๆที่มีคนชอบอาหารที่ทำ  ก็แน่ล่ะไม่ค่อยมีใครได้กินอาหารที่ผมทำหรอก  นอกจากเมฆที่ชมผมทุกครั้งเวลาที่ทำให้กิน  ก็มีทศกัณฐ์นี่แหละที่ช่วงนี้ได้กินทุกวัน(มั้ง)  แต่มันก็ไม่ได้พูดอะไรไง  ตัวผมเองเริ่มทำอาหารง่ายๆได้ตั้งแต่10ขวบ  หลังจากนั้นก็จะเข้าครัวกับแม่ตลอดจนทำได้คล่อง  สูตรอาหารต่างๆก็ได้มาจากแม่  แต่ก่อนแม่เคยเล่าให้ฟังว่าเคยไปเรียนที่ฝรั่งเศษด้วยผมไม่รู้หรอกว่าเรียนอะไร   รู้แค่ว่าเรียนไม่จบ  เพราะดันท้องซะก่อน…แต่แม่ก็ดูมีความสุขมากที่พูดถึงช่วงเวลานั้น

ช่างเถอะ  อย่าไปนึกถึงเลย

“กูนึกอะไรดีๆออกละ  หึๆ”เหมือนได้ยินเสียงปีศาจแว่วๆเข้ามาในหูแฮะ

“เฮ้ยเซนท์  มึงก็ให้ไอ้น้องรันต์ทำกับแกล้มให้ดิวะ  มึงบ่นว่าอยากกินยำไม่ใช่อ๋อ” นั่นไง  งานเข้ากูแล้วไหม  ผมหรี่ตามองไอ้ปีศาจสมิธที่ยืนอยู่ไม่ไกล  คงไม่มีแผนชั่วอะไรหรอกนะ

“หือ  จะดีหรอ…”น้ำเสียงอ่อยๆกับไอ้สายตาที่ช้อนมองผมอ้อนๆนั่นก็ทำผมไปไม่ถูกเหมือนกัน  แม่งน่ารักว่ะ  ไม่เคยรู้สึกแพ้ราบคาบขนาดนี้มาก่อนเลย

“ถ้าพี่อยากกิน  เดี๋ยวผมไปทำให้ก่อนกลับก็ได้ครับ”ผมบอกแล้วยิ้มบางๆให้

“เย้  รันต์ใจดี”ว่าแล้วก็วิ่งมากอดผมซะเต็มรัก  หลายคนอาจมองไม่ออกว่าเขาน่ารักตรงไหน  คือเขาไม่เตี้ยนะครับสูงสักร้อยเจ็ดสิบห้าเซนฯได้  แต่ผิวขาวตาชั้นเดียวไม่ได้ตี่มาก  แก้มที่มองดีๆผมว่ามันดูป่องๆน่าหยิกนะ  ดูหล่อน่ารักสไตล์เกาหลีๆอ่ะครับ

“เอ่อ  พี่เซนท์ปล่อยผมดีกว่าครับ” ผมดันพี่เซนท์ออกเบาๆ  ก็สายตาไอ้พี่ดีที่มองมาอ่ะดิ  ถ้าฆ่ากูได้กูคงตายเดี๋ยวนั้น(ออกจากครัวมาตอนไหนวะ)

“อื้อ  ไปครัวกัน” ผมพยักหน้ารับ  ก้มตัวลงไปถอดรองเท้าเอาไปเก็บไว้ในตู้แล้วเปลี่ยนใส่สลิปเปอร์แทน  พี่เซนท์ที่ยืนรออยู่ก็กอดแขนลากผมเข้าห้องครัวอย่างอารมณ์ดีโดยไม่สนใจสายตาใครเลย

พอเดินผ่านพี่ดีผมก็หลบสายตาเขา  คือแม่งน่ากลัวว่ะผมไม่ได้คิดไปเองใช่ไหม  พี่เซนท์มีการหันไปยิ้มซื่อๆให้เขาอีก
.
.
.
.
.

“รันต์  ขอเพิ่มอีกอย่างครับ  ยำวุ้นเส้นใกล้หมดละ  ไอ้พวกนั้นกินเร็วมาก  เฮ้ยพวกมึงเหลือไว้ให้กูด้วยโว้ย” พร่เซนท์ชะโงกแต่หัวเข้ามาบอกผมในครัว  ก่อนจะรีบวิ่งกลับไป

คือยำวุ้นเส้นกุ้งสดจานใหญ่พึ่งยกออกไปเมื่อกี้  จะหมดแล้ว?

ผมสะบัดหัวไล่ความคิด  จะทำอะไรดีนะ  กุ้งแช่น้ำปลาละกัน  คิดได้ก็เปิดตู้เย็นเอากุ้งออกมาอีกครั้ง  รีบลงมือทำอบ่างเคยชิน
.
.
.
.

ผมยกจานกุ้งแช่น้ำปลาด้วยมือข้างนึง  มืออีกข้างถือจานเฟรนฟรายทอดกับฮอทดอกจานใหญ่เสริมให้  เดินเอาไปเสิร์ฟให้ถึงที่

“โว้ๆๆ  ลาภปากพวกกูจริงๆ  มึงนี่โชคดีชะมัดไอ้ทศ  ถ้าได้เมียแบบนี้นะกูจะไม่ออกจากบ้านไปไหนเลย” ไอ้พี่สมิธแซวขึ้นเมื่อผมเดินไปถึง   พวกเขานั่งตั้งวงกันที่พื้นหน้าโซฟา(ได้ยินปว่วๆว่าได้ฟิลดี)หน้าหันหาทีวีติดผนังขนาดห้าสิบกว่านิ้วเปิดช่องที่เตรียมฉายฟุตบอลอะไรไม่รู้    มีโต๊ะกระจกอยู่กลางวง   บนโต๊ะมีขวดเหล้ายี่ห้อนอกขวดใหญ่  พร้อมแก้วประจำตำแหน่งคนละใบ  จานยำวุ้นเส้นผมตั้งอยู่ตรงกลางเหลือแค่เศษซากผักนิดหน่อย

“แค่นี้น่าจะพอนะครับ” ผมเมินคำแซวสมิธ

“ขอบใจนะน้องรันต์”พี่เซนท์ฉีกยิ้มกว้างให้  ผมก็ยิ้มตอบบางๆ

“งั้นผมกลับก่อนนะครับ”

“ทำไมกลับเร็วนักล่ะ  อยู่กินเหล้าด้วยกันก่อนดิ”ปีศาจสมิธ

“ไม่ล่ะครับ  เดี๋ยวจะดึกไปมากกว่านี้” ผมมองนาฬิกาตอนนี้เกือบๆห้าทุ่มแล้วครับ

“เฮ้ย  นอนนี่ก็ได้  เคยนอนแล้วไม่ใช่อ๋อ” ผมตวัดสายตามองสมิธอย่างประเมิน  เขารู้หรอวะ

“รู้ได้ยังไงครับ  เคยเห็นหรอ”ผมกระตุกยิ้มให้เขาอย่างท้าทาย  เรื่องอะไรจะต้องเผยไต๋ให้เขาจับได้กัน

“เหอะ  จะปากแข็งต่อไปก็เชิญ  แต่กินแก้วนี้หมดก่อนจะให้กลับ”มันยังเซ้าซี้

“ผมไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นนี่ครับ”

“ก็ได้  ถ้ามึงคิดว่าจะหากระเป๋าตัวเองเจออ่ะนะ” มันว่ายิ้มๆ  ผมตวัดสายตาไปมองหากระเป๋าที่โซฟาที่ผมวางไว้ก่อนจะเข้าครัวไป   ไม่อยู่ตรงนั้นแล้วครับ  เป้ใบนั้นมีทั้งโน๊ตบุ๊ค  โทรศัพท์  และกระเป๋าตังค์ผมครับ  ถ้าไม่มีคงจะกลับไม่ได้

ไอ้ปีศาจนรกสมิธ…

“คุณนี่มัน…เอามาสิ”ผมกัดฟันบอกอย่างจำยอม

“ฮ่าๆๆ  กูเปลี่ยนใจแล้ว  เรามาเล่นเกมกันดีกว่า” สมิธหัวเราะอย่างอารมณ์ดีที่เห็นผมหลุดได้

“จะเอายังไงกันแน่  คุณนี่มันกลับกรอกเชื่อไม่ได้จริงๆ” ผมเหน็บแล้วยิ้มเหยียด

“กูไม่เจ็บหรอก  นั่งลงๆข้างๆแฟนมึงแหละ  จะได้รีบๆเล่นให้จบไง”แฟนเหี้ยไรล่ะแต่ก็ไม่ได้เถียงอะไรออกไป  ผมจะไม่คิดมากเลยถ้าไม่เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของไอ้ปีศาจนั่น

“เอมไออ่ะ(เกมไรอ่ะ)”เซนท์ถามทั้งๆที่ของกินเต็มปาก  ผมจำต้องนั่งลงข้างทศกัณฐ์อย่างช่วยไม่ได้(มันนั่งริมสุด) นั่งก้มหน้าถือไอแพดดูอะไรไม่รู้  ไม่พูดไม่จา(ปกติแม่งก็พูดน้อยอยู่ละ)

“เกมความความจริง  กติกาง่ายๆตามชื่อ  เราจะหมุนขวดเบียร์นี่  ถ้าปากขวดชี้ไปทางใครต้องบอกความจริงตามที่คนหมุนถาม  ตาต่อไปก็ให้คนที่ถูกถามเป็นคนหมุนวนไปเรื่อยๆ  ถ้าหมุนโดนตัวเองต้องหมุนใหม่  ถ้าตอบความจริงไม่ได้ก็ต้องยกหนึ่งช็อต”ไอ้พี่สมิธอธิบายแล้วเอาขวดเบียร์ขนาดเล็กมาตั้งบนโต๊ะ  พร้อมแก้วเหล้าหนึ่งช็อต…ใหญ่ๆเลื่อนมาไว้ตรงกลาง

“เป็นลูกผู้ชายต้องพูดความจริง  โอเค๊” มันย้ำเสียงเข้ม

จริงๆผมพอจะรู้จักเกมนี้  เอาง่ายๆมันเป็นเกมประจำวงเหล้านั่นแหละ

“ไอ้ทศ  เงยหน้ามาเล่นเกมก่อนอย่ามัวแต่ดูธุระกิจแสนล้าน  พักหนึ่งวันไม่จนลงหรอก”พี่เซนท์ที่นั่งข้างทศกัณฐ์อีกด้านเขย่าแขนเบาๆ

“อือ”ปิดไอแพดแล้ววางไว้ที่โซฟา  ก่อนจะหันหน้ามามองผมแล้วกระดกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม  อะไรของเขาวะ?

“มาเริ่มกันเลยดีกว่า  เริ่มจากกูก่อนนะ”ไอ้พี่สมิธเก็บจานของกินไว้ข้างล่าง  ส่วนจานเฟรนฟรายโดนพี่เซนท์ยึดครอง

เฟี้ยวววววว…กึก  ขวดไปหยุดอยู่หน้าทศกัณฐ์

“หึๆๆ  มือกูนี่แม่นจริงๆ…มึง…ทศกัณฐ์   ตอบความจริงมาว่า…ได้น้องรัต์ยัง” ไอ้เชี่ยยยยยย  คำถามส้นตีนอะไรของมึงเนี่ย

เงียบกริบกันทั้งวงรอคอยคำตอบของทศกัณฐ์….แต่เขากลับหยิบแก้วเหล้ายกขึ้นดื่มหมดภายในทีเดียว  หน้ายังคงนิ่งเฉยเหมือนไม่รู้สึกอะไร  นี่กินเหล้าหรือน้ำเปล่า

“เหวยๆๆ  ไม่ยอมบอกเว้ย  มีซัมติงอะไรรึเปล่าเนี่ย” ผมหันหันไปมองทศกัณฐ์  ทำไมไม่ยอมบอกไปวะ   ยังไม่ได้มีอะไรกันสักหน่อย  ก็แค่…เกือบ

“ตากู” ทศกัณฐ์ไม่สนใจเสียงสมิธ  หมุนขวดต่อจนไปหยุดอยู่ที่พี่ดี

“ทำการบ้านวิชา อ.เสรี ยัง?” ถามอะไรของมึงเนี่ย

“ยัง” ไอ้พี่ดีก็ตอบกลับนิ่งๆ  อะไรของพวกเขาวะ

“ถามส้นตีนอะไรของพวกมึงเนี่ย”ไอ้พี่มิธขัด

“เสือก”ทศกัณฐ์กับพี่ดีพูดพร้อมกัน  ไอ้พี่สมิธได้แต่อ้าปากพะงาบๆไม่รู้จะเถียงอะไร  พี่ดีเริ่มทำการหมุนขวดอีกครั้งจนปากขวดหยุดและชี้มาทาง…ผม  พี่ดีมองหน้าผมเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยช้าๆ

“เสียซิงสักครั้งรึยัง” ถามเหี้ยอะไรเนี่ยพี่ดี  แม่ง  ถ้าบอกความจริงไปมันต้องพากันหัวเราะทั้งวงแน่เลย  เอาวะ! อาจจะไม่แรงมากก็ได้  ทศกัณฐ์ยังชิลๆอยู่เลย 

ผมเอื้อมมือไปหยิบแก้วกองกลางขึ้นมากลั้นหายใจแล้วกระดกทีเดียวหมด  น้ำเมารสชาติขมปร่าแต่บาดคอจนร้อนไปหมด   ผมมึนหัวในไม่กี่วินาทีต่อมา

“วู้ๆ  ไม่ยอมบอกเว้ยยยยย  พี่ไม่แซวหรอกไอ้น้อง  ฮ่าๆๆ” กูไม่เชื่อมึงหรอก

“ตาผม” ผมสะบัดหัวไล่อาการมึนเบาแล้วเริ่มหมุนขวด  ปากขวดไปหยุดอยู่ที่พี่เซนท์

“มีแฟนยังครับ” ผมถาม  ในหัวเป็นเบาๆลอยๆไงไม่รู้

“โนวววว  โสดสนิท” พี่เซนท์ส่ายหัวแรงๆดูน่ารักน่าฟัดจริงๆ

“ถามแบบนี้จะจีบอ๋อ  มันไม่มีหรอกแฟน  มีแต่ผัวนั่งอยู่ข้างๆมันนี่ไง”ไอ้พี่สมิธพยักหน้าไปทางพี่ดี

“Kวยสมิธ  ผัวบ้านป้ามึงดิ” พี่เซนท์โยนเฟรนฟรายใส่หน้ามัน สม!

แล้วพี่เซนท์ก็เริ่มหมุนขวดอีกครั้ง  จนไปหยุดอยู่ที่ไอ้ปีศาจสมิธ

“หึๆๆ  บอกกูมามึงเสียครั้งแรกให้ใครไอ้สมิธ” ผมนึกว่าเขาจะตอบแบบไม่ต้องคิดอะไร  หรืออาจจะบอกว่านึกชื่อไม่ออกด้วยซ้ำ   แต่รอยยิ้มอารมณ์ดีที่ติดใบหน้าเขาเสมอกลับหุบลง   เขาหยิบแก้วเหล้าไปกระดกเงียบๆ   ผมเห็นทศกัณฐ์ลอบมองหน้าเขาตอนที่พี่เซนท์ถามด้วย

“อะไรวะ  ทำแค่นี้ต้องโกรธด้วยหรอ” หน้าพี่เซนท์เริ่มงอ

“เปล่า  กูแค่ลืมไปแล้ว”น้ำเสียงติดจะเย็นไปหน่อย  แล้วสมิธก็เริ่มหมุนขวดอีกครั้งจนมาหยุดอยู่ที่ผม…อีกแล้ว

คราวนี้จากหน้านิ่งๆเริ่มเปลี่ยนมากระตุกยิ้มให้ผม   แหมที่เรื่องแกล้งกูนี่อารมณ์ดีมาเชียว

“อ่ะแฮ่ม  คุณน้องรันต์ครับ  บอกความจริงมา  มึงจูบกับไอ้ทศกัณฐ์ที่นั่งข้างมึงรึยัง” กูว่าแล้วไอ้สัส(หมดความเคารพทันที)ไม่มีหรอกคำถามดีๆสร้างสรรค์  ผมนิ่งแล้วเผลอหันไปมองทศกัณฐ์แวบนึง  เห็นว่าเขามองผมก่อนอยู่แล้ว

“แหนะๆ  ไม่ต้องหันไปปรึกษากันครับ  บอกมาๆ” นรกเอ้ย  ผมคว้าแก้วเหล้ากระดกอีกรอบทันที  อ่าาา  ตอนนี้หัวผมมึนหนักกว่าเดิมอีกครับ  รู้สึกเริ่มจะพยุงตัวไม่อยู่

“โห่  อะไรวะ  ไม่ใจเลย”

“พี่อย่าว่าแต่คนอื่น  ตัวเองก็เหมือนกานแหละวะ…ครับ” นี่กูไม่ได้จะเมาใช่ไหม  อยู่ๆคนที่นั่งข้างผมก็ลุกขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย  อืม  ทำไมตัวมันดูซ้อนๆกันวะ

“ไปไหนอ่ะ” เหมือนเสียงพี่เซนท์เลยยยย

“เข้าห้องน้ำ” แล้วมันก็เดินออกจากวงไป  ผมเริ่มตาปรือแปลกๆแฮะ

“เฮ้ยน้องรันต์  มึงเมาแล้วใช่ไหมวะ” หือออ  ไอ้พี่สมิธมานั่งข้างกูตั้งแต่เมื่อไหร่วะ

“ป่าววววววว” กูยังไม่เมาเหอะ

หึๆๆ  ขยับมาๆ  ให้ไอ้ทศนั่งแทนมึง” แล้วก็ขยับตูดตามมัน

“มึงอยากแกล้งให้ไอ้ทศหลุดป่ะ” ไอ้พี่สมิธก้มลงมากระซิบ  แกล้งอารายวะ

“อยากกกกกกก” พยักหน้าหงึกๆ  ทำไมเป็นง่วงๆอย่างนี้วะ

“มึงก็อ้อนมันสิ  อยากได้อะไรก็ขอเลย  ทำตัวน่ารักๆที่สุดในชีวิตเลย” ทำตัวน่ารักๆงั้นหรอ  แล้วไอ้พี่สมิธก็เอาหน้าออกไป

“เล่นเหี้ยอะไรของมึงอีกสมิธ” เสียงทศกัณฐ์ดังขึ้นพร้องกับเขาที่ทรุดตัวลงนั่งข้างๆผม  ผมหันไปเอียงคอมองงงๆ  ถ้าจะให้ทศกัณฐ์หลุดต้องอ้อนงั้นหรอ  ผมอยากเอาคืนเขานะ  แต่จะทำยังไงดีล่ะ

อ๋อ

ผมพยายามลุกขึ้นยืน  เหมือนจะเซๆนิดหน่อยแต่ก็ยืนได้ละ  ผมมองไปที่ทศกัณฐ์  เห็นไม่ค่อยชัดเท่าไหร่เลย  แต่ก็รู้สึกว่าเขามองอยู่

“ยักษ์” ผมเรียก

“หืม?” เสียงเหมือนงงๆ

“น้องเมื่อย”ผมแทนตัวเหมือนที่พูดกับแม่  พอพูดจบผมก็ลงไปนั่งคร่อมตักยักษ์ทันที  ผมหันหน้าเข้าหาเขา  ขาทั้งสองข้างตวัดเกี่ยวเอวเขาไว้  ส่วนแขนทั้งสองก็คล้องไว้ที่คอเขา  เหมือนยักษ์จะตัวเกร็งขึ้นนะ  เริ่มหลุดแล้วล่ะสิ  ฮิๆๆ

“เห้ย/เหี้ย/ฮ่าๆๆๆ” ผมไม่รู้ว่าเสียงใครบ้าง  แต่ก็ทำให้ทศกันหลุดอุทานออกมาได้   แสดงว่าที่ไอ้พี่สมิธบอกได้ผลจริงๆด้วย(ใสเว่อร์)

“ลงไปนั่งดีๆ”ยักษ์เสียงเข้ม  มือเขาพยายามจะแกะมือผมออกจากคอตัวเอง  แต่ผมก็รัดแน่นยิ่งกว่าเดิม

“ไม่อาววว   พื้นมันแข็ง” ผมทำหน้าอ้อนๆเหมือนที่เคยทำกับแม่แล้วได้ผลตลอด

“รันต์” เสียงดุอ่ะ  คงต้องใช้ไม้ตายสุดท้าย

“นะยักษ์นะ  ให้น้องนั่งตักน้าาาา  น้องเมื่อยตูด”ผมซบหน้าลงไปกับอกแกร่งของเขา  ถูไถไปมาเบาๆ  อุ่นดีแฮะ

“…” เงียบแล้วอ่ะ  แต่ตอนผมเริ่มง่วงแล้วสิ

“ฮ่าๆๆ  ไอ้น้องรันต์เด็ดจริงๆเลยวุ้ย”เสียงปีศาจรึเปล่านะ

“เหี้ย  กูไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเวลาเมาน้องรันต์จะเป็นแบบนี้” ต้องเป็นเสียงพี่เซนท์แน่ๆ

“แผนมึงสินะสมิธ”ดังขึ้นเบาๆตรงที่ผมนั่งอยู่  อืม ตาจะปิดอยู่แล้วนะ  นี่แกล้งสำเร็จรึยังเนี่ย

“ยักษ์  น้องง่วงแล้วอ่ะ” ผมพูดขณะที่ยังซบอยู่  ก็มันยกหัวมันยกไม่ขึ้นแล้วนี่

“ก็ไปนอน”

“น้องเดินไม่หวายยย  น้องง่วง  แต่น้องม่ายด้ายมาวววน้าาา”

“ฮ่าๆๆๆ”ครายหัวเราะน้องวะ

“แล้วจะให้ทำไง” เสียงทศกัณฐ์

“ก็อุ้มน้องงายยยย  ไมยักษ์โง้โง่  ฮ่าๆๆ”

“ไอ้ทศคะแนนท็อปชั้นปี  โดนเด็กด่าโง่โว้ย   ฮ่าๆๆๆ” เหมือนยักษ์ไม่ได้สนใจเสียงหมูหมากาไก่  ก้มหน้าลงมากระซิบกับผมเบาๆ

“เกาะแน่นๆ” ผมก็กระชับขากับแขนเกาะเขาแน่นหน้าซบลงกับซอกคอเขา  หอมดีอ่ะ  ทศกัณฐ์สอดมือข้างนึงมากอดเอวผมไว้  อีกมือหนึ่งกระชับเข้ารองก้นผมกันตก  เขาค่อยๆลุกขึ้นช้าๆแลเวเดินไปอีกทาง  ตอนนี้สติผมก็ใกล้ขาดหายเต็มที

“บอลใกล้เล่นละ  อย่าติดพันนานนะมึง”เสียงแว่วๆเหมือนไอ้ปีศาจ

แก็ก  ผมรู้ตัวอีกที  แผ่นหลังผมก็สัมผัสกับที่นอนนิ่มๆแล้ว 

“ถึงแล้ว”ผมปรือตาขึ้นมองทศกัณฐ์  ทำไมหน้าเขาอยู่ใกล้จัง

“อื้อ  น้องง่วง”

“ง่วงก็นอน  ปล่อยแขนกับขาด้วย” นี่ผมยังเกาะเขาอยู่หรอ  ผมปล่อยขาออกจากเอวเขา  แต่แขนยังกอดไว้อยู่

“จุ๊บราตรีสวัสดิ์น้องก่อน  เหมือนที่คุณแม่ทามงาย ไม่ง้านน้องนอนไม่หลับ”

“หะ  ไม่ดีมั้ง”

“ดีสิ  ไม่ง้านน้องม่ายปล่อยน้าาา” กอดคอเขาแน่นกว่าเดิม

“เฮ้อ  โอเคจุ๊บตรงไหน”

“นี่ๆ”มือชี้ที่เหม่ง  คุณแม่ชอบหอม

ยักษ์ใจร้ายนิ่งไปพักนึงก่อนจะเอื้อมมือมาถอดแว่นออกให้ผม  มือเสยผมที่ปรกหน้าผาก  ก้มหน้าลงมาประทับจูบที่หน้าผากช้าๆ…เนิ่นนาน

สติตอนนี้ผมหลุดลอย  มึนๆเบลอๆไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรนัก  แต่ที่ผมจำได้คือสัมผัสอบอุ่นที่ประทับบนหน้าผากผม  ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่าง  มันทำให้ผมหลับสนิทได้อย่างที่เคยเป็น…เมื่อนานมาแล้ว

“ราตรีสวัสดิ์ไอ้เด็กดื้อ”

“อื้อ”

ผมฝันเห็นคุณแม่   เธอยืนยิ้มให้ผมพูดอะไรสักอย่างที่ผมจำไม่ได้  แต่ผมและคุณแม่มีความสุขมาก  ช่างเป็นคืนที่วิเศษจริงๆ  คุณว่าไหม?


++++++++++++++
กราบขอโทษทุกคนที่มาช้า  คอมมันไม่เชื่อมwifi ง่า หงุดหงิดมากๆ
ตอนนี้มาแบบยาวๆ(นี่ยาวแล้ว?)
ตอนนี้คุณเห็นอะไรในตัวละครไหม  อิอิ

ขอบคุณมากสำหรับทุกคอมเม้นและเป็ดนะคะ
ระนะ...เปรม :กอด1: :pig4:

{โปรดติดตามตอนต่อไป...}
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 8♡ [20/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 20-11-2016 17:02:24
อร๊ายยย กรี๊ดหนักทาก หนักมากจริง ๆ เขิลเลยบอกเลย เขิลลล ยักษ์กับน้องรันต์ รู้จักกันมาก่อนหรือเปล่า โอ๊ย

คนเขีนหายป่วยไวไวนะคะ รอตอนต่อไปใจจดจ่อ
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 8♡ [20/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 20-11-2016 17:32:09
รันต์ อ้อนทศ น่ารักมาก
เรียกต้วเองว่าน้องด้วย
อ้อนอุ้ม ได้อุ้ม อ้อนจุ๊บ ก็ได้จุ๊บ :mew1: :mew1: :mew1:
ทศ ตามใจรันต์ หมดเลย
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 8♡ [20/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 20-11-2016 17:32:30
อ่านแล้วก็อยากอ่านอีก  ขอบคุณที่พาน้องรันต์กับยักษ์มาให้หายคิดถึงค่ะ
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 8♡ [20/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Tamora ที่ 20-11-2016 17:53:28
จ่ะ หนูรันต์ ถ้าตื่นมานี่จะทำหน้ายังไงนะ ตอนเจอพี่ยักษ์ 555
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 8♡ [20/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 20-11-2016 18:00:52
 :-[
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 8♡ [20/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 20-11-2016 18:17:11
เมาแล้วยุขึ้น อย่างนี้น่าหลอกให้เมาบ่อยๆ
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 8♡ [20/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 20-11-2016 18:37:46
แหม ตอนเมานี่น่ารักจังนะรันต์ (อยากให้เมาบ่อย ๆ เลย ฮา)
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 8♡ [20/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 20-11-2016 18:38:57
สองคนนี้เคยเจอกันมาก่อนรึป่าวเนี่ย รันต์ตอนเมาน่ารักอ่ะ อย่างนี้ต้องจับมอมเหล้าบ่อยๆนะ 555555
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 8♡ [20/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 20-11-2016 20:02:41
น่าเอ็นดูวววว
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 8♡ [20/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 20-11-2016 20:22:37
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[

 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 8♡ [20/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: จอมจุ้น6002 ที่ 20-11-2016 20:41:53
เห็นขึ้นตอน8 ทำเอาใจสั่น
นึกว่าน้องรันต์โดนพี่ทศจับกดซะแล้ว  :m20: :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 8♡ [20/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 20-11-2016 22:50:20
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 8♡ [20/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 20-11-2016 23:04:01
 o13
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 8♡ [20/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: fsbeentaken ที่ 21-11-2016 10:16:09
โอ้ยยยย แรงไปอี๊กรันต์เอ้ยย รอนะก๊ะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 8♡ [20/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 21-11-2016 12:34:19
แหมะ น้องรันต์เมาซะน่ามอม
หายคาใจเรื่องพี่ใจดีกับพี่เซนท์แล้ว
เหลือแต่พี่สมิธ ยังไง ใคร มาเคลียร์ด้วยค่ะ
เหอะๆ อยากรู้ววว คึคึ
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 8♡ [20/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 21-11-2016 16:25:55
ฮืออ รันต์น่ารักก ขอให้พี่ทศจงหลงน้อง หลงน้องงง
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 8♡ [20/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ป้ากิ่งkingkarn ที่ 21-11-2016 16:50:41
ตอนนี้น่ารักมากๆๆๆๆๆ น่ารักทั้งคนอ้อนและคนที่ถูกอ้อน  :mew1:
ยังไม่อยากให้จบตอนเลยค่ะ รออ่านตอนต่อไปอยู่นะคะ มาไวๆน้า^^ :กอด1:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 8♡ [20/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Tuffina ที่ 21-11-2016 17:27:09
โอ้ยยยยย น่ารักมาก น้องรันต์แทนตัวเองว่าน้องแล้วมุ้งมิ้งตะมุตะมิมากๆเลย ฮือออออ
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 8♡ [20/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: cookie_ ที่ 21-11-2016 17:29:18
ย๊ากกกกกก เขินแรงงงงง :m3: :m3:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 8♡ [20/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: จอมจุ้น6002 ที่ 24-11-2016 20:21:09
คิดถึงยักษ์ กะน้องรันต์  :mew1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 8♡ [20/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: 111223 ที่ 25-11-2016 10:00:09
น่ารักจังเลยแหะ >< เมาบ่อยๆนะลูก
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 8♡ [20/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: lovenadd ที่ 25-11-2016 21:33:04
เป็นเรื่องที่อ่านสนุกครับ
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 8♡ [20/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 26-11-2016 17:09:07
คุ้นๆเหมือนเคยอ่านเรื่องนี้มาแล้ว แต่น่าจะนานจนลืมไม่เป็นไรมาอ่านทวนใหม่ก้ได้ แต่ฉากสุดท้ายนี่แปลกๆมั้งคะ คือรันต์ก็สูงตั้ง 180 นะ ส่วนทศก็สูงไม่ต่างกันมากแค่ 6-7 cm. เองใช่รึเปล่า แล้วพอรันต์มานั่งตักเราว่าระดับความสูงของหน้าน่าจะใกล้กันจนแทบเสมอเลยมากกว่านะคะ แล้วก็ตอนอุ้มด้วย ทศอุ้มเหมือนรันต์สูงแค่ 160 อะ
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 8♡ [20/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mirage ที่ 26-11-2016 19:08:43
555 น่ารักดีนะคะ
ตอนแรกๆ รัตน์ดูผ่านโลกมามากนะ(ไม่รู้จะใช้คำว่าอะไรดี คำนี้แล้วกัน)

ติดตามค่ะ
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 8♡ [20/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: binggosoda ที่ 27-11-2016 21:06:30
ติดตามนะครับ รอมาต่อไวๆครับ :katai5:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 8♡ [20/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: natt lUcky ที่ 27-11-2016 21:31:39
น้องงง น่ารักไปมั้ย
ยักษ์ของเราไปไม่เป็นเลย 555
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 9♡ [28/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 28-11-2016 20:16:35
คุ้นๆเหมือนเคยอ่านเรื่องนี้มาแล้ว แต่น่าจะนานจนลืมไม่เป็นไรมาอ่านทวนใหม่ก้ได้ แต่ฉากสุดท้ายนี่แปลกๆมั้งคะ คือรันต์ก็สูงตั้ง 180 นะ ส่วนทศก็สูงไม่ต่างกันมากแค่ 6-7 cm. เองใช่รึเปล่า แล้วพอรันต์มานั่งตักเราว่าระดับความสูงของหน้าน่าจะใกล้กันจนแทบเสมอเลยมากกว่านะคะ แล้วก็ตอนอุ้มด้วย ทศอุ้มเหมือนรันต์สูงแค่ 160 อะ

ตอบความคิดเห็นนี้นะคะ
จริงๆทศกัณฐ์กับน้องรันต์ส่วนสูงห่างกันเพียง 7 เซนติเมตรค่ะ มันก็สูงห่างกันไม่มากเนอะ  แต่เวลานั่งช่วงตัวบนก็ห่างกันนิดหน่อย  มันก็พอจะก้มหัวซบได้อยู่  เปรมไม่ได้อธิบายว่าซบทั้งตัวเนอะ(เป็นความผิดของคนเขียนเองที่ไม่อธิบายให้ชัดเจน)
ส่วนเรื่องที่สามารถอุ้มได้นั้น  ทศกัณฐ์ก็ตัวหนากว่ารันต์มาก  บุคลิกรันต์จะเป็นแบบเด็กผู้ชายตัวสูงแต่ตัวผอมน่ะค่ะ(คนเขียนเคยโดนน้องชายกระโดดขี่หลังโดยที่มันสูงกว่าประมาณสิบกว่าเซนฯ(แต่มันผอมกว่า)ได้ค่ะ)

ปอลอลิง เรื่องนี้ไม่เคยลงที่ไหนมาก่อนนะคะ เปรมพึ่งลงเรื่องยาวเป็นครั้งแรกที่นี่และอีกเว็บ(ธัญวลัย)  เริ่มเรื่องอาจจะมีไปคล้ายๆกับนิยายเรื่องอื่นบ้างแต่เปรมกล้ารับรองว่าไม่เคยก็อปนิยายของใคร  อยากให้ติดตามกันไปเรื่อยๆ  เดี๋ยวก็จะเห็นความแตกต่างเนอะ

สุดท้ายนี้เปรมขอบคุณความคิดเห็นของคุณR@iNi@r มากๆ ที่ใส่ใจรายละเอียดที่เปรมมองข้ามไปบางจุด  เปรมจะนำไปปรับแก้แน่นอนค่ะ และขอบคุณมากๆสำหรับทุกๆความคิดเห็นอื่นๆนะคะ 

ไปอ่านกันเถอะเสียเวลา อิอิ

+++++++++++++++++++++


9



ฮื่ออออ  ปวดหัวว่ะ  รู้สึกเหมือนหัวจะหนักกว่าทุกที   มึนๆด้วยแฮะ  ผมค่อยๆขยับเปลือกตาเปิดขึ้นช้าๆค่อยๆให้สายตาปรับโฟกัส  ภายในห้องยังมืดอยู่ม่านยังปิดไว้  รู้สึกว่าจะเป็นห้องพักผมที่คอนโดฯของทศกัณฐ์นี่แหละ

ว่าแต่   ผมเข้ามาได้ไงวะครับ? ที่จำได้คือต้องกลับหอ  แต่โดนไอ้พี่สมิธมันกวนตีนเอากระเป๋าผมไปซ่อน  เลยต้องอยู่เล่นเกมกะมัน  แล้วก็ยกเหล้าไป2แก้วรึเปล่านะ  จากนั้นผมก็จำอะไรไม่ได้อีก  นี่กูเมาใช่ไหมวะ  ผมหวังว่าตัวเองคงไม่ได้ทำอะไรแย่ๆออกไปหรอกนะครับ

ผมขยับตัวลุกขึ้นจากเตียง  เอื้อมมือไปเปิดโคมบนโต๊ะข้างหัวเตียง  หยิบแว่นขึ้นมาสวม  มองไปที่นาฬิกาดิจิตอลที่อยู่บนผนังอีกฝั่ง  อืม  จะสิบโมงเช้าแล้วครับ  ผมลุกไปเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาให้เรียบร้อยก่อนออกจากห้อง

แก็ก

ข้างนอกเงียบสนิทไร้ความเคลื่อนไหว  ผมเดินไปทางห้องนั่งเล่น  ซากหมอนและผ้าห่มกองรวมอยู่ที่หน้าโซฟา  แต่ไร้วี่แววมนุษย์ทั้งสี่คน  ที่แปลกกว่านั้นคือแก้วเหล้า  ขวดเหล้าและจานชามถูกเก็บเรียบร้อย  ไม่มีเศษซากให้เห็น

ผมเดินเข้าไปที่ห้องครัว  ผมกะจะทำอาหารอ่อนๆเอาไว้ให้ทศกัณฐ์แล้วจะรีบกลับหอไปอาบน้ำนอนต่อ  เอ่อ  แล้วกระเป๋าผมอยู่ไหนวะครับ  แม่งไอ้พี่สมิธเล่นกูอีกละ

ผมทำข้าวต้มปลาไปด้วยความหงุดหงิด  ลองไปถามทศกัณฐ์ดูก็ได้วะเผื่อเขาจะรู้  พอคิดหาทางได้ผมก็ทำไข่เจียวเพิ่มให้เขาอีกอย่างดีกว่า   ของในตู้เย็นก็จะหมดเกือบทุกอย่างแล้วคงต้องไปหาซื้อมาไว้แล้วล่ะ

ฟู่! เสียงไข่เจียวแตกฟู่ในกะทะเรียกน้ำย่อยมากครับ คิดไปคิดมาผมก็ยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เย็นเมื่อวานเลยนี่หว่า 

หมับ!

ขณะที่ผมกำลังคิดอะไรเพลินๆอยู่ๆก็มีมือปริศนาที่ไหนไม่รู้จับหมับเข้าที่บ่าผมโดยไม่ทันตั้งตัว

“เฮ้ย!!!” ผมตัวสะดุ้งโหยง  กะทะทอดไข่เกือบคว่ำ  หันไปมองคนที่ย่องมาด้านหลังเงียบๆ  เผลอถลึงตาใส่เขาอย่างโกรธๆ  สายตาคนตรงหน้าเหมือนแม่งสนุก

“เล่นอะไรของคุณครับ  ถ้าเกิดผมเผลอเอากะทะทอดไข่ปาใส่คุณจะขำไม่ออกนะครับ”

“ก็หลบ”ยักไหล่ไม่แคร์แล้วเดินไปเปิดตู้เย็น  มันน่าโดนจริงๆ  ผมหันไปทอดไข่ต่อ  ดีที่เป็นกะทะเทฟลอนไข่เลยไม่ค่อยไหม้  พอไข่สุกก็ตักใส่จาน

“คุณมาก็ดีแล้ว  เห็นกระเป๋าผมที่คุณสมิธเอาไปซ่อนไหม” ทศกัณฐ์ยืนพิงตู้เย็นคิดไปพักนึงแล้วยกขวดน้ำในมือขึ้นดื่มก่อนส่ายหัวเบาๆ

โอเค  ใจเย็นๆไว้รันต์  มึงต้องใจเย็น  อย่าหงุดหงิด  ผมสูดหายใจเข้าลึกๆอย่างระงับอารมณ์

“คุณช่วยถามเขาให้หน่อยได้ไหมครับ  แบบโทรหาน่ะ  ผมจะกลับหอ น้ำยังไม่ได้อาบตั้งแต่เมื่อวาน” ผมก้มมองสภาพตัวเองอย่างอดสู  ทศกัณฐ์มองตามพยักหน้าเหมือนเข้าใจ  แต่ไอ้สายตาเหยียดเหมือนรังเกียจนั่นคืออะไรครับ?  ใช่ดิมันอยู่ในชุดนอนสะอาดสะอ้าน  หลับสบายๆบนเตียงนุ่มๆ หน้างี้ก็ใสวิ้งอย่างกับคนไม่ได้ดื่มเลย

เขาเดินออกไปข้างนอกครัว  ส่วนผมก็เก็บทำความสะอาดครัวให้เรียบร้อย  ไม่ถึงสิบนาทีทศกัณฐ์ก็เดินกลับเข้ามาในครัวพร้อมกับผมที่ล้างจานชามเสร็จพอดี

“มันปิดเครื่อง  โทรเข้าโทรศัพท์ที่ห้องก็ไม่รับสาย  สงสัยยังไม่กลับ” ทศกัณฐ์บอกทันทีโดยที่ไม่ต้องถาม  ผมอ้าปากพะงาบๆ  คือไรวะ กูอยากอาบน้ามมมมม

“โอเค  ผมหาเอง  อาจจะอยู่ในห้องนี้แหละ” ผมกำลังเดินออกจากห้องครัวไปหากระเป๋าอย่างที่ปากว่าแต่ก็โดนทศกัณฐ์คว้าแขนเอาไว้ก่อน  ผมหันไปเลิกคิ้วถาม

“ไม่ต้องหาหรอก  ไม่ได้อยู่ในห้องนี้”

“แล้วอยู่ที่ไหน!”ผมเผลอเสียงดังใส่ทศกัณฐ์อย่างลืมตัว  แต่เขาก็ไม่ได้ตกใจอะไร

“ไม่รู้เมื่อคืนเห็นสมิธมันเดินออกจากห้องไปพักนึง  มันคงเอากระเป๋ามึงออกไปด้วย” อาการปวดหัวจี๊ดเข้าแทรกผมทันที  ไอ้เหี้ยสมิธ…  ถึงหอผมจะอยู่ถักจากที่นี่ไปสองซอย  แต่ก็เป็นสองซอยที่ไกลนะครับ  คือขึ้นรถเมย์ก็ตั้งสองป้ายอ่ะ  เหนื่อยไปดิถ้าเดินกลับจริงๆ

“เดี๋ยวไปส่งอย่าคิดมาก  กินข้าวก่อนๆ”ทศกัณฐ์ลากผมไปนั่งที่เก้าอี้  ส่วนตัวเขาเดินไปเปิดหม้อข้าวต้มหยิบถ้วยกับช้อนออกมาสองชุด  ตักข้าวต้มใส่แล้วนำมาเสิร์ฟผมถึงที่

หืม  แปลกๆไปรึเปล่านะ  รู้สึกบรรยากาศผ่อนคลายตั้งแต่ที่เขาเข้ามาแล้ว

“เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นรึเปล่าครับ” ผมถามอย่างสงสัย  จ้องหน้าเขาอย่างหาคำตอบ

“ไม่นี่” ร่างสูงทรุดนั่งตรงข้าม  ก้มหน้าก้มตากินข้าวต้มกับไข่เจียวไม่สนใจผม

“หรอ  คุณดู…แปลกๆ”ผมตั้งข้อสังเกต  เขาดูว่าง่ายกว่าปกติ และ…อ่อนโยน  เฮ้ยๆๆๆ  บ้าไปแล้วรันต์  มึงเมาค้างแน่ๆ  ผมตบหน้าตัวเองเบาๆเรียกสติ

“หึๆ  เป็นบ้าไปแล้วหรอ”ได้ยินเสียงหัวเราะจากฝั่งตรงข้ามกับสายตาขำๆของมันทำให้ผมรู้สึกแปลกๆว่ะครับ  แต่ไม่รู้จะเรียกความรู้สึกนี้ว่าอะไรดี  ช่างมันเถอะ

เราสองคนนั่งกินข้าวกันเงียบๆจนหมดถ้วย  ผมกินแค่ถ้วยเดียวก็อิ่ม  ส่วนทศกัณฐืสองถ้วยเต็ม  ไข่เจียวห้าฟองก็หมด(ผมกินนิดเดียว)
“คุณ!ไม่ต้องทำๆ  เดี๋ยวผมทำเอง  คุณไปอาบน้ำเถอะ”ผมรีบไปหยิบชามออกจากมือทศกัณฐ์ที่กำลังเดินจะเอาไปล้าง

“ช่วยทำ”เขาไม่ยอม  จะแย่งคืนจากมือผมให้ได้

“คุณไม่ต้องช่วย  นี่มันหน้าที่ผม  รีบไปอาบน้ำเถอะ  ผมอยากกลับจะแย่แล้ว” ผมว่าดุๆแล้วเดินเอาชามไปล้างที่ซิงค์  ทศกัณฐ์ก็มองตามก่อนจะหายใจหน่อยๆแล้วเดินออกจากครัวไป

ผมล้างชามเสร็จไม่เกินสิบนาที  ก่อนจะออกไปนั่งรอทศกัณฐ์ที่ห้องนั่งเล่นเปิดทีวีดูการ์ตูนช่องโปรดอย่างสบายใจ

เกรงใจไหม?

ไม่นี่   ผมทำให้เขามากกว่านี้อีก  เดี๋ยววันจันทร์จะต้องไปเอาเสื้อผ้าจากร้านซักรีดที่ใต้คอนโดมาไว้ให้อีก   ชีวิตขี้ข้าเต็มตัวแล้วตอนนี้
.
.
.
.
.

15 นาทีต่อมา

ตึกๆๆ

เสียงฝีเท้าดังมาจากชั้นสอง   ผมหันไปมองทศกัณฐ์ที่วิ่งลงมาอย่างรีบๆมือถือหมวกกันน็อคลงมาด้วย  แล้วเขา…

ก็วิ่งเลยผมไปที่หน้าห้อง

ผมรีบปิดทีวีแล้ววิ่งตามออกไป

“หอผมไม่ได้ย้ายหนีไปไหน  ไม่ต้องรีบขนาดนี้ก็ได้มั้งคุณ” ทศกัณฐ์ที่กำลังใส่รองเท้าชะงักเงยหน้ามองผมแล้วขมวดคิ้วมุ่น

“ขับรถยนต์เป็นไหม” เขาถามนิ่งๆยืนขึ้นเต็มความสูง

“ก็…พอได้ครับ  ทำไม?” ผมถามงงๆ  โดยส่วนตัวเมฆก็เป็นคนสอนผมขับรถ  รถสปอร์ตทุกคันของมันผมก็ลองขับมาหมดแล้ว  ทศกัณฐ์พยักหน้ารับ  วิ่งผ่านหน้าผมขึ้นไปบนชั้นสอง 

อะไรของเขาวะ?

ผมเดินไปเปิดตู้หยิบรองเท้ามาใส่รอ  สักพักทศกัณฐ์ก็วิ่งลงมาพร้อมโยนสิ่งที่อยู่ในมือเขามาทางผม   มือผมก็ยกขึ้นรับโดยอัตโนมัติ  เมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ในมือผมก็เงยหน้าขึ้นมองทศกัณฐ์งง

“หมายความว่าไงครับ?”ผมถามแล้วชูกุญแจรถที่มีสัญลักษณ์แอสตันมาร์ตินเด่นหรา

“กูไม่ว่างไปส่งมึงแล้ว  ขับกลับไปเลย  เดี๋ยวกระเป๋าจะหาไปคืนให้” ทศกัณฐ์ร่ายยาวแล้วเดินฉับๆจะออกจากห้อง

“เฮ้ยๆ  เดี๋ยวก่อนคุณ  มีเรื่องอะไรรึเปล่า”ผมรั้งแขนทศกัณฐ์ให้หันกลับมาคุยกันดีๆ  มันมองหน้าผมนิ่งๆ  แล้วถอนหายใจใส่

“ไอ้สมิธโดนรุมกระทืบ  ตอนนี้อยู่โรพยายบาล”

“ห๊ะ  แล้ว…เป็นอะไรมากรึเปล่า”

“ไอ้ดีบอกว่าโดนแทงที่ท้อง” ผมรู้สึกว่าประโยคนี้ของทศกัณฐ์ดูเย็นเยียบ  สายตาเขาดูกดต่ำลง  แวบนึงผมรู้สึกเหมือนสายตาเขา…ไม่เหมือนสายคนปกติ

“งั้นคุณรีบไปเถอะ”ผมดุนหลังเขาไปที่ประตู  เขาก็ออกรีบไปแต่โดยดี

ทศกัณฐ์ออกไปแล้วส่วนผมยังอยู่ในห้องเขา   ก็มีเรื่องต้องทำอีกนิดหน่อยน่ะครับ
.
.
.
.
.

ผมกลับมาถึงห้องตัวเองตอนบ่ายนิดๆ   ตอนขี่รถเข้ามาพี่ยามก็มองงงๆ  แน่ล่ะครับอพาร์ทเมนท์ที่นี่ส่วนใหญ่คนที่อยู่ก็เป็นนักศึกษาธรรมดาๆ   รถแพงๆคันเป็นสิบๆล้านก็ไม่ค่อยเห็นกันหรอกครับ   ผมไปทำเรื่องขอคีย์การ์ดสำรองไม่นานนักก็ได้ขึ้นห้อง  ผมอยู่ชั้น3 ครับ  ตึกนี้มี5ชั้น  ลิฟท์ไม่มี  ก็โอเคพอเดินไหวอยู่  พอเข้ามาในห้องแล้วรู้สึกคิดถึงอย่างบอกไม่ถูก(เว่อร์)  ผมรีบถอดเสื้อผ้าตรงดิ่งเข้าห้องน้ำทันที  พอตัวถูกน้ำเหมือนตายแล้วได้เกิดใหม่เลยแฮะ

วันนี้ผมอาบน้ำสระผมนานก็ที่เคย  รู้สึกตัวเองสกปรกไปหน่อย

ก็อกๆๆๆ

เสียงเคาะประตูรัวขึ้นขณะที่ผมกำลังนั่งเช็ดผมอยู่   ผมลุกขึ้นไปเปิด  เจอไอ้เมฆหน้าบึ้งจะเคาะประตูลงมาอีก

“เป็นบ้าอะไร” ผมหลบให้มันเข้ามาในห้องแล้วถาม

“โทรศัพท์เป็นอะไร  ทำไมติดต่อไม่ได้” เดินเข้ามาปุ๊บก็คั้นกูทันที  ผมเดินกลับไปนั่งเช็ดผมที่เตียงอย่างไม่สนใจก่อนจะตอบ

“แบตหมดมั้ง  สงสัยมันดับเอง”จริงๆอยู่กับไอ้พี่สมิธเว้ย  แต่มือถือผมก็ชอบดับเองจริงๆนะ

“ซื้อใหม่ซะทีเถอะรันต์  มึงก็ไม่ได้ขาดเงินอะไรขนาดนั้น  ถ้ามึงไม่ซื้อเดี๋ยวกูซื้อให้” เมฆเดินมานั่งลงข้างๆแล้วบ่น  มือมันก็แย่งผ้าเช็ดตัวจากผมมาเช็ดผมให้แทน

“ก็…มันยังพอใช้ได้อยู่”

“หรอออ  แล้วมีอะไรจะบอกกับพี่เมฆไหมครับน้องรันต์” ตอนแรกก็เหมือนจะล้อเลียน  แต่ประโยคหลังของเมฆก็ทำผมอดสะดุ้งไม่ได้

“อะไร?  ไม่มีนิ” ผมตอบขณะที่ก้มหัวให้มันเช็ดผมให้อยู่  แต่เมฆกลับหยุดมือแล้วเชยคางให้หน้าผมเงยขึ้นสบตากับมัน

“แล้วนี่อะไร  อธิบายพี่มาซิ” เมฆล้วงมือไปหยิบมือถือในกางเกง  กดยุกยิกก่อนจะยื่นจอมาใกล้หน้าผมเพราะตอนนี้ผมไม่ได้ใส่แว่น 

อ่า   รูปที่ไอ้พี่สมิธมันทำแสบไว้

“ก็…แค่เล่นๆกันไง”ผมตอบอ้อมแอ้ม  พยายามหลบสายตาเมฆแม้จะทำได้ไม่มากก็เถอะ  แต่น้ำเสียงเย็นๆที่มันไม่ค่อยใช้ก็ทำผมอดกลัวไม่ได้  เมฆหรี่ตามองนิ่ง  ใจผมก็เต้นรัวกลัวมันรู้ว่ารู้จักกับพวกนี้แล้วไม่บอกมัน

“พวกเขาได้แกล้งมึงรึเปล่า”

“ไม่นี่  กูเป็นพี่สาธิตแต่เล่นแพ้  ก็เลย…แบบนั้นแหละ”

“แล้วทำไมต้องลงโทษแบบนั้น”ไอ้พี่สมิธมันอยากแกล้งกูไง”ถ้าไอ้อ๋องไม่ส่งมาให้กูดูก็ไม่คิดจะบอกกูเลยใช่ไหมห๊ะ   กูคลาดสายตาแปบเดียวยังขนาดนี้”ไอ้แก่บ่นยาวเลยทีนี้

“เออน่ะ   มันไม่มีอะไรเสียหายหรอก”

“ไม่เสียหายได้ไง  แก้มมึงกูหอมได้คนเดียวยกเว้นแฟนมึง  แต่ตอนนี้มึงยังไม่มีแฟนกูหอมได้คนเดียว”ผมขำนิดๆกับความคิดมัน”หรือว่า…มึงมีแฟนแล้ว?” ผมรีบส่ายหัวโดยอัตโนมัติ  เมฆก็พยักหน้ารับเหมือนพอใจในคำตอบผม

“ดีมาก  ไหนแก้มข้างไหนที่ไอ้ผู้ชายคนนั้นมันหอมกูจะลบรอยแม่ง”ไม่พูดเปล่ามันยังเอามือทั้งสองข้างมารั้งใบหน้าผมเข้าไปใกล้  ก่อนจะกดจมูกโด่งๆลงหอมแก้มผมรัวทั้งสองข้าง  ส่วนตัวผมได้แต่ยื่นมือผลักหน้ามันออกไปไกลๆแต่ก็สู้แรงมันไม่ไหวอ่ะนะ

“เหี้ยเมฆ  พอเลยเล่นเป็นเด็กๆ”ผมบ่นหลังจากสลัดตัวหลุดออกจากมันได้  แต่มันกลับหัวเราะเสียงดังอย่างอารมณ์ดีที่ผมบ่น

“ก็มึงมันน่าโดน” โดนเหี้ยไรวะ

++++++++++++++++++++++

หลังจากนั้นเมฆก็ชวนผมออกไปหาอะไรกินข้างนอกที่ห้างใกล้ๆ  กินเสร็จเมฆก็บ่นๆอยากดูหนังไปๆมาๆก็โดนมันลากไปดูจริงๆ  พอดูเสร็จก็หิวไปหาอะไรกินกันอีก  ท้องผมจะแตกอยู่แล้วครับ

สี่ทุ่มเศษๆเมฆก็มาส่งผมที่หอ  มีถามด้วยว่าแอสตันใคร  ไม่เคยเห็นมาก่อน   ผมก็ตีมึนบอกไม่รู้

เมฆตามผมขึ้นไปบนห้องเพราะจะยืมการบ้านไปลอกส่งพรุ่งนี้  พอเอาของเสร็จผมก็เดินออกไปส่งมันหน้าห้อง

“ล็อคห้องให้เรียบร้อย  เดี๋ยวพรุ่งนี้กูมารับ  โอเค๊?”

“อือ  มึงก็ขับกลับดีๆดึกละ”ผมตอบ

“ครับ  มาจุ๊บลาสิ”

“จุ๊บป้ามึงดิ  ไปเลยไป”ผมไล่

“จุ๊บ!  หึๆ”มันไม่สนใจแต่ก้มลงมาจุ๊บมุมปากผมเร็วๆทีนึง  แล้วหัวเราะในลำคอก่อนจะวิ่งลงไป

“เชี่ยเมฆ  เล่นอะไรไม่รู้เรื่อง”ผมบ่นกับตัวเองเบาๆ  ไม่กล้าตะโกนด่าครับเดี๋ยวข้างห้องออกมาด่าผมแทน

ผมกลับเข้ามาในห้อง  คว้าผ้าเช็ดตัวเตรียมจะไปอาบน้ำแต่อยู่ๆเสียงเคาะประตูห้องผมก็ดังขึ้น   เมฆลืมอะไรไว้รึเปล่านะ

ก็อกๆ

“มีอะไรอีก”ผมเปิดประตูแล้วบ่นทันทีโดยไม่ทันมองว่าเป็นใคร  พอเงยหน้าขึ้นมองชัดๆเท่านั้นแหละ

“เอาของมาให้” ทศกัณฐ์พูดนิ่งๆ  มือข้างนึงชูเป้ผมขึ้นให้ดู

“คุณขึ้นมาได้ไงวะ  คนดูแลหอไม่รู้จักคุณนี่(เมฆขึ้นได้เพราะคนดูแลหอเปิดประตูขึ้นตึกให้  ผมบอกไว้อีกที)” ทศกัณฐ์ไม่ตอบ  แต่ใช้มืออีกข้างดันผมเข้าไปในห้อง  ตัวเขาก็ก้าวตามเข้ามาติดๆ  ใช้เท้าปิดประตูห้องกูอีก

“หิว” เขาวางเป้ลงที่โต๊ะเขียนหนังสือผมกวาดสายตามองรอบห้อง บอกว่าหิวสั้นๆก่อนจะล้มตัวลงบนเตียง

“หิวก็ไปหาซื้ออะไรกินสิ  แล้วก็ลุกออกจากเตียงผมด้วยครับมันสกปรกนะ”ผมสังเกตว่าชุดเขาคือตัวเดียวกันตั้งแต่เมื่อเช้านี้  ทศกัณฐ์ยอมลุกขึ้นนั่งแต่โดยดี  แต่ก็ยังไม่ลุกออกจากเตียงผม   ท่าทางดูเหนื่อยๆ

“เฮ้อ  มันดึกแล้ว  ร้านอาหารแถวนี้ก็ปิดหมดแล้ว  คุณกินมาม่าได้ไหมล่ะ”ผมบอกอย่างเหนื่อยใจ  นึกขึ้นได้ว่ายังพอมีมาม่ากับผักสดในตู้เย็นเหลืออยู่นิดหน่อย  ห้องผมไม่มีห้องครัวนะ  มีบ้างที่ทำนั่นนี่ใส่กระทะไฟฟ้าเอา   ทศกัณฐ์พยักหน้ารับ  สายตาเขามองผมนิ่งๆไม่พูดไม่จา

“มีอะไรติดหน้าผมอยู่รึเปล่าครับ” ผมถามอย่างสงสัย  ทศกัณฐ์ก็ยังนิ่ง  ผมจึงเลิกสนใจเขา  เดินไปหยิบกะทะไฟฟ้ามาต่อ  หยิบแครรอทกับคะน้าจากตู้เย็นแกะมาม่าให้เขาสองห่อดีที่เป็นรสหมูสับ

“อาบน้ำได้ไหม?”เสียงดังขึ้นจากด้านหลัง  ผมหันไปมอง  ตอนแรกว่าจะไล่ให้กลับไปอาบที่ห้องตัวเอง  แต่พอเห็นสภาพแล้วมันอด…ใจอ่อนไม่ได้

“ก็…ได้อยู่หรอก  แล้วชุดล่ะ?”

“มีชุดไหม”กูถามไม่ได้ให้ถามตอบ  ผมเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าคุ้ยๆหาเสื้อผ้าผมที่เขาพอจะใส่ได้  ถึงเราจะสูงต่างกันไม่มากแต่ทศกัณฐ์ตัวหนากว่าผมมาก  เกรงว่าเขาจะใส่ไม่ได้น่ะสิ

ผมได้กางเกงเลให้เขากับเสื้อยืดที่ได้ฟรีมาผิดไซส์แล้วก็ผ้าเช็ดตัวที่ยังไม่ได้ใช้  หวังว่าจะใส่ได้นะ  แล้วอันเดอร์แวร์ล่ะวะ

“อ่ะ  น่าจะใส่ได้  แต่…” ผมยื่นเสื้อผ้าให้ทศกัณฐ์  แต่ไม่กล้าพูดว่าไม่มีอันเดอร์แวร์ว่ะ  ทศกัณฐ์ก็เลิกคิ้วถาม

“มะ  ไม่มีอันเดอร์แวร์นะ”ผมพูดรัว  ทำไมต้องรู้สึกอายๆวะ  ยิ่งไอ้หน้าหล่อๆนิ่งๆยกยิ้มที่มุมปาก  หน้าผมยิ่งร้อนขึ้นไปอีก

“หึๆ  ผู้ชายเขาไม่ใส่นอนกันนะboy”มันแซวผมเสร็จก็เดินเข้าห้องน้ำไปเลย

กร๊าซซซซซ  เคยโมโหที่ทำอะไรไม่ได้ไหมครับ  แม่ง  พอตั้งสติได้ก็เดินไปทำมาม่าต้มให้คุณชายเขาต่อ

พอทศกัณฐ์ออกจากห้องน้ำ  ผมก็ชี้ไปที่มาม่าชามใหญ่ตรงโต๊ะ  แล้วเดินเข้าห้องน้ำอย่างไม่สน  แอบเหล่นิดหน่อยที่ขนาดมันใส่ชุดบ้านๆยังดูดีสุดๆ

ผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จในห้องน้ำ  ปกติก็แต่งด้านนอกแต่วันนี้มีตัวปัญหา

พอออกมาก็เห็นทศกัณฐ์นอนคว่ำอยู่บนเตียงผมแล้ว  ชามมาม่าไม่มีสงสัยกินเสร็จล้างเรียบร้อยแล้วมั้ง  ผมเอาผ้าเช็ดตัวไปตากที่ระเบียงแล้วเดินกลับไปที่เตียง  เขย่าแขนเรียกทศกัณฐ์

“นี่คุณ  อิ่มแล้วก็กลับบ้านไปนอนดิ”ผมเย่าแขนเขา  จนในที่สุดทศกัณฐ์ก็หันกลับมามอง  ท่าทางเขาสะลึมสะลือเหมือนหลับไปแล้ว

“กลับไปนอนห้องตัวเองได้แล้วครับ”ผมบอกนิ่ง  ยกมือขึ้นกอดอก

“ง่วง  จะนอน”แล้วมันก็หลับตาลงอีกครั้ง  คือกวนตีนใช่ป่ะ?

“ง่วงก็ลุกกกกก”ผมดึงแขนเขาให้ลุกขึ้น  แต่แม่งไม่ขยับเลย  หนักเป็นบ้า

“นอนนี่นะ”นี่ผมหูฝาดไปรึเปล่าครับทุกคน

“อย่ามาตลก  ขี่รถไม่ถึงสิบนาทีก็ถึงห้องคุณละ”ผมบอก  ยังพยายามลากแขนให้เขาลุกขึ้นให้ได้

“สิบนาทีก็ง่วง”อะไรของเขาวะ  มางอแงอะไรวันนี้เนี่ยทำเอาผมไปไม่ถูกเลย

“เตียงมันแคบ”เตียงผมประมาณ6ฟุตครับ  จริงๆมันก็พอนอนได้สองคนแหละ  แต่ไม่อยากนอนกับมันนี่

ไม่ได้สนิทกันสักหน่ย

“นอนได้” มันพูดแล้วเขยิบไปชิดอีกฝั่งให้ผม  เฮ้ออออออ

ผมถอนหาใจแรงๆใส่หน้ามันอย่างคนทำอะไรไม่ได้

ถามว่าทำไมไม่นอนพื้น  เรื่องอะไรผมต้องทำแบบนั้นกันครับ  นี่ห้องผมโว้ย

ผมหยิบหมอนข้างมากั้นตรงกลาง  แล้วเดินไปปิดไฟก่อนจะล้มตัวลงนอน

“ห้ามข้ามมาแม้แต่นิดนะครับ”ผมบอก  ยังคงระแวงนิดๆกับเรื่องเมื่อตอนนั้น
.
.
.
.
.
.
.


เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้  ผมก็ยังคงนอนไม่หลับ  เกร็งตัวนอนอยู่อย่างนั้น  จนกระทั่งเสียงโทรศัพท์ไม่คุ้นหูดังขึ้น  น่าจะเป็นมือถือของทศกัณฐ์    ผมสัมผัสได้ว่าร่างสูงที่นอนอยู่ข้างๆผมลุกขึ้น  ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมทำเป็นแกล้งหลับ  เสียงโทรศัพท์หยุดไปพร้อมๆกับเสียงทศกัณฐ์ที่ดังขึ้น

“มีอะไร” เขาพูดเป็นภาษาอังกฤษ

(…)

“ผมจัดการแล้ว  พี่ไม่ต้องเข้ามายุ่งเรื่องนี้” ทศกัณฐ์เสียงกดต่ำลงยิ่งกว่าเดิม

(…)

“ถ้ามันรู้ว่าพี่เข้ามายุ่ง  มันหนีอีกแน่”

(…)

“ตามใจ  แต่ถ้าคราวนี้พี่หามันไม่เจอ  รู้ไว้ว่าผมคือคนที่พามันไปเอง”

(…)

“ถ้ามันเป็นอะไรไป  ผมไม่ให้อภัยพี่แน่ลุค” แล้วทศกัณฐ์ก็วางสายไป  ผมเกร็งตัวยิ่งกว่าเดิมที่เตียงด้านข้างยวบลง   ไม่กี่นาทีต่อมาผมก็ได้ยินเสียงลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอของคนข้างๆ

ทศกัณฐ์คุยกับใครกัน  น้ำเสียงเขาดูซีเรียสมากจริงๆ  จะเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดวันนี้รึเปล่านะ

คิดไปคิดมาผมก็ผร็อยหลับตามทศกัณฐ์ไปติดๆ  โดยไม่รู้เลยว่าหมอนข้างที่กั้นไว้ได้กระเด็นตกจากเตียงด้วยฝีมือคนที่ผมคิดว่าหลับไปแล้ว
.
.
.
.
.
.

ก็อกๆๆๆ

“รันนนนนนนน  ตื่นนนนนนนน”

เสียงเคาะประตูรัวหน้าห้องผมดังขึ้น  ตามมาติดๆด้วยเสียงตะโกนจากเมฆ

ชิบ!ผมลืมตั้งนาฬิกาปลุก  เมื่อคืนกว่าจะหลับก็ดึกดื่น

ผมรีบจะลุกจากเตียงไปเปิดประตูให้เมฆที่เรียกอยู่ด้านนอก  แต่ตัวผมกลับดีดลงไปนอนที่เดิม 

What?  พอตั้งสติได้ดีๆก็เห็นแท่นแขนของคนพาดอยู่บริเวณเอวผม  ผมไล่สายตามองตา

WTF!!!ทศกัณฐ์  มึงกอดกู!  แล้วหมอนข้างไปไหนวะครับ  ผมเตรียมยกเท้าจะถีบมันออก

“ไอ้รันต์  ทำเหี้ยไรอยู่เนี่ยยยยย”  เชี่ยยย  ทำไมปัญหามันรุมเร้าแบบนี้วะเนี่ย  ผมลดเท้าลงแล้วเปลี่ยนเป็นปลุกมันดีๆแทน

“คุณณณณณ  ตื่นนนน”ผมทั้งเรียกทั้งเขย่าสุดแรง  แต่เรียกไม่ดังนะเดี๋ยวไอ้เมฆได้ยิน

“เมฆแปปปป  กูพึ่งตื่น”  ปากพูดกับไอ้เมฆ  มือก็เขย่าไอ้เหี้ยข้างๆนี่ให้ตื่น  จนในที่สุดมันก็ค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น(คือเสียงโครมครามขนาดนี้มึงควรตื่นได้ตั้งแล้ว)

“มีอะไร  ปลุกแต่เช้า”ไม่พูดเปล่ามีการกระชับแขนดกับเอวผมแน่นขึ้น  หน้าซุกหมอนนอนต่อ

“เชี่ยยย  ปล่อยกู   เพื่อนผมมาๆ”ผมดึงมือมันออก  ทศกัณฐ์ยอมเอาหน้าออกจากหมอนมามองผม

“แล้วไง   ก็ไปเปิดประตูดิ” พูดควายๆอีกละ  ยังไมทันที่ผมจะด่ามัน  เสียงไอ้หน้าห้องก็ดังขึ้นอีก

“ไอ้รันต์  มึงเปิดดิ  อยู่กับใครกูได้ยินเสียงคนคุยกัน” นรกแล้ววววว

“ไม่มี  เสียงทีวี  แปปนึงกู  กู  กูแก้ผ้านอน  เมื่อคืนไฟดับ  ใส่เสื้อผ้าก่อน”ผมตะโกนบอก  ทำไมกูต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วยวะ

“ลุกเดี๋ยวนี้  ถ้าเพื่อนผมเข้ามาเห็นคุณผมตายแน่ๆ”ผมบอกเขาลนๆ  ตอนนี้มันยอมปล่อยแขนออกจากเอวผมแล้วครับ  ผมรีบวิ่งไปเก็บรองเท้ากับเสื้อผ้าทศกัณฐ์มายัดใส่มือร่างสูงที่ลุกขึ้นนั่งบนเตียงแต่ยังไม่ยอมลุกออกมา   ผมได้แต่กัดฟันกรอดๆ

“ออกไปหลบที่ระเบียงเลย  เร็วๆ”ผมชี้นิ้วไปที่ระเบียง  ไม่รู้จะให้หลบที่ไหนนี่หว่า  แล้วไอ้เมฆมันก็ไม่ค่อยเปิดระเบียงห้องผมด้วย  มันบอกวิวไม่สวย

“ทำไมต่องทำอย่างนั้น”ถามหน้านิ่ง  แต่ไอ้ตาเขียวๆนั่นดูเจ้าเล่ห์มาก

“ห้ามเพื่อนผมรู้แค่นั้น  รีบไปเลยเร็วๆ”ผมบอก  ยังได้ยินไอ้เมฆบ่นนานบ้าบออะไรอยู่หน้าห้อง

“ก็ได้  แต่…”

“แต่อะไร  เร็วๆ”ผมเร่ง  เริ่มหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิม

ทศกัณฐ์ไม่ตอบ  เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูง  ระดับสายตาเราใกล้เคียงกัน  เราสบตากันอยู่ไม่กี่วินาที  ก่อนริมฝีปากสีซีดจะฉกวูบลงมาประทับกับมุมปากผมเบาๆ

“หึๆ”เขาผละออกไปแล้ว  ก่อนจะเดินไปที่ระเบียงแล้วเลื่อนปิดแต่ผมก็ยังนิ่งค้างอยู่ท่าเดิม

“ไอ้รันต์  มึงตายแล้วหรอออออ” ผมสะดุ้งกับเสียงเมฆ  รีบวิ่งไปเปิดประตู  ไม่ลืมเปิดทีวีเพื่อความเนียน

“ช้า!”เปิดมาปุ๊บโดนทันที

“ก็แต่งตัวอยู่”ผมบอกอ้อมแอ้ม  ทำไมรู้สึกเหมือนผัวแอบมีเมียน้อยแล้วกลัวเมียหลวงจับได้เลย

“แต่งทำไม  ผ้าเช็ดตัวก็พอมั้งเดี๋ยวก็ต้องอาบน้ำไปเรียน”มันหรี่ตามองอย่างจับผิด”มีอะไรปิดบังกูรึเปล่าเนี่ย”ผมส่ายหัวอย่างแรง

“ไม่มี”ผมรีบปฏิเสธ  เมฆพยักหน้าเดินเข้ามาในห้องก่อนจะตรงดิ่งไปที่ประตูระเบียง”เฮ้ย”ผมอุทานอย่างตกใจ  เมฆมันกระชากประตูให้เปิดออก  เมฆเงียบ  ผมรีบวิ่งออกไปเตรียมจะอธิบาย

“ตกใจอะไร”เมฆหันมาถาม  ผมกวาดสายตามองระเบียงที่ว่างเปล่าไร้วี่แววของบุคคลที่สามอยู่  หายไปไหนของเขา

“ก็มึงอ่ะเป็นอะไร  คิดว่ากูปิดบังอะไรวะ”โมโหกลบเกลื่อนแม่ม  ไอ้เมฆอึ้งพูดไม่ออก  ผมเดินหนีมันไปหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำทันที

เฮ้ออออ  รอดตัวไป

มือผมเผลอยกขึ้นแตะมุมปากที่พึ่งโดนขโมยจูบหมาดๆ  ไม่เข้าใจว่ามันทำไปเพื่ออะไร  เข้าใจว่าครั้งแรกคือแม่งเมาขาดสติ  โดนหอมแก้มครั้งที่สองคือโดนไอ้พี่สมิธแกล้ง  แล้วครั้งนี้ล่ะ?   ไม่รู้ผมคิดไปเองหรือว่ามันคือเรื่องบังเอิญที่ทศกัณฐ์จูบมุมปากผมข้างเดียวกับที่ไอ้เมฆแกล้งจุ๊บเมื่อคืนเลย   งงกับมันจริงๆ

ช่างเถอะ  ตอนนี้ต้องรีบอาบน้ำแล้วล่ะครับ  เดี๋ยวไปเรียนไม่ทัน

ซวยแต่เช้าเลย

ช่างเป็นวันที่ดีของไอ้รันต์จริงๆ

+++++++++++++++++++++++++

เค้าขอโต๊ดดดดดดดดดด  ผิดไปแล้ว  มาช้าไปหน่อย(หรอ) อาทิตย์ที่แล้วมีสอบนอกตาราง2ตัวเป้งๆเลย  ไม่ได้มาบอกไว้(ลืม)  จริงๆจะว่างแต่งตั้งแต่วันศุกร์แล้ว  แต่ไอ้เพื่อนบ้ามันพาไปต่อแถวซื้อของเซลล์แถวสยามเกือบตาย  เลยลากยาวมาจนถึงวันนี้แล  ฮืออออ  อภัยให้เค้านะ  อย่าหายไปนะ จุ๊ฟ  :mew1: :L2:

{โปรดติดตามตอนต่อไป...} :bye2:

หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 9♡ [28/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 28-11-2016 21:02:38
รอออ เขาจะรักกันตอนไหนคะซิสสส
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 9♡ [28/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 28-11-2016 21:28:14
 o13
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 9♡ [28/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 28-11-2016 21:42:55
เหมือนจะมีคู่แข่ง
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 9♡ [28/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ►MoNkEy-PrInCe◄ ที่ 28-11-2016 22:14:00
รอมาต่อน้าา
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 9♡ [28/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 28-11-2016 22:49:54
เมฆนี่คือยังไง ทำไมดูหวงรันต์แปลก ๆ แถมถึงเนื้อถึงตัวอีกต่างหาก
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 9♡ [28/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 28-11-2016 23:26:12
ชวบความป่วนของพี่เมฆอยู่นะ

ว่าแต่...เนียนเลยน๊าาาาา คุณยักษ์
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 9♡ [28/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 29-11-2016 16:06:30
 :hao7:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 9♡ [28/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ป้ากิ่งkingkarn ที่ 29-11-2016 17:08:25
ยักษ์จะพาใครหนีไปจากลุค ใช่สมิธมั้ย????
ยักษ์หายไปจากระเบียงได้ยังไง????
ยังสนุกและน่าติดตามมากๆเหมือนเดิมค่ะ จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 9♡ [28/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 29-11-2016 17:42:18
สนุกมากกก
มาต่อไวๆนะ

อยากรู้จะหลุดพ้นจากยักษ์ได้ไหม หึหึ
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 9♡ [28/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: จอมจุ้น6002 ที่ 29-11-2016 18:03:16
ถ้าหนูรันต์มองลงไปข้างล่างจะเห็นยักษ์ลงไปนอนเล่นอยู่ตรงนั้น
 :laugh: อยากอ่านยาวๆๆๆ
คิดถึงยักษ์กะหนูรันต์ :กอด1:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 9♡ [28/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: NuTonKaw ที่ 29-11-2016 23:18:15
 o13 o13 :mew1:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 9♡ [28/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Tamora ที่ 29-11-2016 23:39:58
หืม แล้วพี่นักษ์ไปไหนแล้วหล่ะ
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 9♡ [28/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 30-11-2016 04:13:04
 :z13:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 9♡ [28/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: kaokorn ที่ 30-11-2016 13:43:53
ยกมือรอฮะ
ท่าทางเมฆจะแปลกๆ คิดกับรันต์แค่เพื่อนก้อพอเนอะ
ยังไงๆรันต์ก็ของพี่ยักษ์อยู่แล้ว อิอิ
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 9♡ [28/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: JeabT. ที่ 30-11-2016 14:26:06
เมฆนี่ยังไง   :hao4:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 9♡ [28/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 30-11-2016 17:17:35
อ้าว พี่ยักษ์หายไปไหน
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 9♡ [28/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Fonz_Juz19 ที่ 30-11-2016 23:17:44
หุยยย  กำลังสนุกเลยยยย
ลุ้นแทนรันต์ 555555


อยากอ่านอีกอ่ะ
มาต่อเร็วๆนะคะคนเขียน  สู้ๆ
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 9♡ [28/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: tear0313 ที่ 01-12-2016 00:25:24
 :z3:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 10♡ [6/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 06-12-2016 21:45:46
10




“ขอบคุณนะรันต์”


“ยินดีครับ” เป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ของวันที่ผมพูดประโยคนี้   ตั้งแต่ผมก้าวเข้ามาเหยียบมหาวิทยาลัย  ก็มีวันนี้แหละครับที่ผู้คนสนใจตัวผมเป็นพิเศษ  อาจจะเพราะรูปทศกัณฐ์กับผมแพร่ไปทั่วโลกโซเชียลอย่างรวดเร็ว  เพื่อนในคณะที่แทบไม่เคยคุยกันเลยยังเข้ามาคุยกับผมอย่างกับสนิทมาตั้งแต่ชาติก่อน  เมื่อกี้ก็เป็นอีกคนนึงที่เดนมาคุยกับผมเพื่อนสาขาเดียวกันที่ไม่เคยคุยกันเลย  อยู่ๆก็มาถามเรื่องเรียนกูซะงั้น


ป้าบ!


“เฮ้ย  ฮอตนี่หว่า”แรงตบหลังผมจนหน้าแทบคว่ำมาพร้อมกับเสียงกวนๆของอ๋อง


“มารยาทดีอีกแล้วนะครับคุณอ๋อง”ผมหันไปมอง  อ๋องมากับเก่ง(ประธานภาค)


“สาสส  จะด่าก็ด่าไอ้รันต์  ไม่ต้องมาประชดหรือหลอกด่ากู”


“ฮ่าๆๆๆ  สมควรโดนไอ้ห่า”เมฆหัวเราะอย่างอารมณ์ดี  หลังจากที่ทั้งวันมันหน้าบึ้งหงุดหงิดที่ผม(แกล้ง)ไม่ยอมคุยกับมันทั้งวัน  แล้วยังมีบรรดาผู้คนแวะเวียนมาหาผมไม่ขาด  ตัวมันก็พูดอะไรมากไม่ได้


“ปากดี  ได้ข่าวโดนไอ้รันต์โกรธอยู่”เก่งสวนขึ้น  ทำเอาเมฆหุบปากฉับ  มันหันมาส่งสายตาอ้อนๆให้ผม  แต่ผมกระตุกยิ้มให้ทีนึง  เมฆก็หงอยลงทันที


“โธ่  นึกว่าจะแน่”อ๋องซ้ำอีกที


“พวกมึงมีอะไรรึเปล่า”ผมเลิกสนใจ  แล้วหันไปถามเก่งแทน


“อีกไม่ถึงเดือนเราก็จะสอบมิดเทอมกันแล้วใช่ป่ะ”ผมพยักหน้ารับ เมฆก็หันมาสนใจที่เก่งพูด


“อาฮะ”


“แล้วหลังจากนั้นอีกประมาณ1อาทิตย์ก็จะมีแข่งกีฬาระหว่างคณะ” อันนี้ผมก็พอได้ยินมาบ้าง


“กูเลยมีเรื่องอยากขอร้องพวกมึงสองคนหน่อย”


“โอ้โห  คุณเก่งพูดซะขนาดนี้จะไม่ช่วยได้ยังไงคร้าบบบ”ไอ้เมฆกวนตีน  เก่งก็ถลึงตาใส่แต่ก็ไม่ได้พุ่งมาจะเอาเรื่องเหมือนปกติ


“เมฆ”ผมหันไปยิ้มปรามๆให้เมฆ  มันเลยหุบปากได้


“ไอ้เมฆ  มึงไปลงเป็นตัวจริงกีฬาบอลให้หน่อย  คนขาดว่ะ”อ๋องพูดกับเมฆ


“ก็ได้อยู่นะ  ไม่เห็นต้องมากพิธีเลยนี่หว่า”เมฆพยักหน้ารับ


“ส่วนมึงรันต์”


“เฮ้ย  กูเล่นกีฬาไม่เป็นสักอย่าง อย่าเลย”ผมรีบโบกมือปฏิเสธ


“เปล่า  พวกกูไม่ได้จะให้มึงลงเล่น”เก่งรีบบอกผม


“แล้วจะให้กูทำอะไร?”


“ไปกล่อมแก็งค์พี่ทศกัณฐ์ให้ลงกีฬาให้หน่อยดิ  ท่าทางมึงจะสนิทกับเขา”เหมือนสายฟ้าฟาดลงมากลางหัวผมเต็มๆหลังจากที่เก่งพูดจบ  ผมพูดไม่ออก  กูไปสนิทกับพวกนั้นตอนไหนฟระ


“มึงเข้าใจผิดแล้ว  กูไม่ได้สนิทอะไรกับพวกเขาทั้งนั้น   เรื่องวันนั้นก็แค่แกล้งกันเล่นๆ”


“หรอ  กูจะบอกอะไรให้นะ  กลุ่มนี้ไม่ใช่ว่าจะเล่นกับใครไปทั่วนะเว้ย  แบบถึงจะอยู่คณะเดียวกันแต่มันก็คนละระดับอ่ะ  พวกพี่เขาไม่ใช่คนที่จะสุงสิงกับใครก็ได้แต่เขากับเดินเข้าไปเล่นเกมเองแล้วระบุตัวคนเล่นว่าต้องเป็นมึง  ยิ่งคนที่ชื่อทศกัณฐ์นะ  พูดยังแทบนับคำได้  นี่หอมแก้มมึงเลยนะเว้ย  มึงไม่คิดว่ามันไม่ธรรมดาหรอ”เก่งร่ายยาว  เมฆหันมาจ้องผมเขม็ง  ตายแน่ๆเลยกู


“กูจะรู้ไหมเล่า”ผมเสียงแข็งใส่อย่างไม่ยอมจำนน


“ไม่รู้ล่ะ  มึงทำยังไงก็ได้ให้พวกเขามาลง  ดูหุ่นก็รู้ละว่านักกีฬากันถ้าพวกเขาไม่ลงมึงก็ต้องลงแทน  อ่อ ขอรายชื่อก่อนศุกร์นี้นะ”เก่งไม่สนใจเสียงปฏิเสธผม  พูดจบก็เดินหนีทันที  ไอ้อ๋องก็ยักไหล่ยิ้มแหยๆให้แล้วตามเก่งออกไป


“ไม่มีอะไรจะพูดกับกูจริงๆใช่ไหม”เสียงเมฆดังขึ้นข้างๆ  ผมหันไปมองก็เห็นมันมองก่อนอยู่แล้ว


“ก็...เฮ้ออออ  เรื่องมันเป็นแบบนี้...”ผมจำใจต้องเล่าให้เมฆฟังเรื่องที่ต้องไปข้องเกี่ยวกับทศกัณฐ์  ผมเล่าแบบคร่าวๆไม่ได้ลงรายละเอียดนัก


“มันเป็นแบบนี้ได้ยังไง  ทำไมต้องเป็นมึง”เมฆวิเคราะห์  หัวคิ้วชนกันอย่างใช้ความคิด


“ไม่รู้สิ”


“เดี๋ยวกูช่วยมึงเอง”


“ช่วยยังไง? ลุงกับป้ากูอยู่ในกำมือเขา  พวกเขาเป็นใครกูยังไม่รู้เลย” ผมบอกปลงๆ  ตัวไถลไปกับโต๊ะอย่างไม่รู้จะทำยังไง  เมื่อวานนี้หลังทศกันฐ์ไปผมก็ไปหาโจเซฟ  ได้คุยกับป้าตามที่พวกเขาสัญญาไว้  พวกเขาสบายดีผมก็สบายใจไปเปาะหนึ่ง  แต่ก็ยังคิดหาทางแก้ปัญหานี้ไม่ออกจริงๆ


“เดี๋ยวกูให้คนของพ่อช่วยสืบให้”เมฆลูบหัวผมปลอบๆ  ครอบครัวของเมฆก็กว้างขวางมีอิธิพลพอสมควร


“ถ้ามันลำบากก็ไม่เป็นไรนะเว้ย  กูไม่อยากให้มึงกับครอบครัวมาเดือดร้อน”แม้กูจะยังแก้ปัญหาไม่ได้ก็เถอะ


“รันต์อย่าพูดแบบนี้  มึงก็เป็นครอบครัวกู  ม๊ากับป๊ากูก็รักมึงเหมือนลูก”


“อือ”ผมไม่รู้จะพูดอะไรตอบกลับไป  เพราะแบบนี้ไงถึงไม่อยากบอกเมฆ  ไม่อยากให้มันมายุ่งเรื่องนี้  ผมรู้สึกสังหรณ์ไม่ดีตะหงิดๆ


+++++++++++++++++++++++++++


หลังเลิกเรียน


ผมแยกกับเมฆกลับ  เพราะเมฆต้องไปลงรายชื่อนักกีฬากับอ๋อง  ส่วนผมก็ต้องไปคอนโดฯทศกัณฐ์  ผมเดินลงบันไดมาเรื่อยๆเดินสวนกับใครเขาก็พอกันมอง  ตลกดี


จนกระทั่งผมเดินมาถึงหน้าคณะ  สายตาผมไปสะดุดกับร่างสูงสง่าที่ยืนพิงดูคาติสีแดงสดอยู่หน้าคณะ  ผมสาบานว่ามองเขาแค่แปบเดียวแต่ทศกัณฐ์ก็หันหน้ามานัยน์ตาสีเขียวขุ่นสบเข้ากับผมพอดี  ผมไม่รู้จะทำตัวยังไงเลยเบี่ยงตัวเลี้ยวไปอีกทาง


ก็...แค่มองหน้าเรื่องเมื่อเช้าก็แวบเข้ามาในหัวเลยนี่หว่า


หมับ!แรงดึงที่แขนทำให้ตัวผมหยุดชะงักจากการเดิน  ตัวผมเหวี่ยงไปตามแรงดึงเล็กน้อยทำให้ผมเห็นหน้าผู้กระทำได้ชัดเจน


“มีอะไรครับ”ผมเลิกคิ้วถาม  แขนก็พยายามบิดออกจากมือทศกัณฐ์อย่างเนียนๆ  ทศกัณฐ์ยิ่งบีบแน่นกว่าเดิม


“เดินหนีทำไม”


“ผมไม่ได้เดินหนี  ผมจะกลับ  ปล่อยแขนผมด้วยครับ”


“หรอ  งั้นไปด้วยกันหน่อย”ไม่พูดเปล่ายังลากผมกลับไปทางเดิม


“เฮ้ยเดี๋ยวๆ  ไปไหน  ปล่อยผมแล้วคุยกันดีๆก่อนคนมองกันหมดแล้ว”เวลานี้คนก็เลิกเรียนเยอะพอสมควรครับ  ทศกัณฐ์หยุดแล้วมองไปรอบๆแต่ไม่ได้ปล่อยแขนผมอยู่ดี


“ตามมาเหอะ”


“ก็บอกมาสิจะไปไหน”อยู่ๆก็มาลากเอาๆผมคนนะเว้ยไม่ใช่กระต่ายจะได้จูงไปไหนก็ได้น่ะ


“รันต์อย่าดื้อดิ  อยากอายคนมากกว่าเดิมไหม”


“ไอ้...เออ!ก็ไปเร็วๆสิ” ผมเคยขัดอะไรแม่งได้บ้างวะ
.
.
.
.
.
.


ห้างเนี่ยนะ!  ผมหันไปมองทศกัณฐ์อย่างตั้งคำถามหลังจากถอดหมากกันน็อคส่งให้เขา  ทศกัณฐ์ไม่ได้ตอบอะไรคว้ามือผมแล้วพาเดินเข้าห้าง


“คุณ!ผมเดินเองได้นะครับไม่ต้องลาก”


“มึงช้า”แล้วมันก็พาผมลากดุ่มๆเข้าห้างไป  เหอะเห็นผอมกว่าหน่อยอย่าคิดว่าจะใช้กำลังกับกูได้นะเว้ย(ก็ใช้ได้จริงๆนี่)


ทศกัณฐ์พาผมเดินมาโซนซุปเปอร์มาเก็ตของห้าง  เขาปล่อยมือผมแล้วเดินไปเอารถเข็น


“เดินดิ”มันไม่พูดเฉยๆนะ  มีการเอารถเข็นมาผมให้เดินอีก


“คือจะซื้อของสด?”


“น้ำยาล้างห้องน้ำมั้ง”กวนตีนกูอีกไอ้ฝรั่งบ้า


“ไหนคุณบราวนบอกถ้าของสดหมดจะมีคนๆๆซื้อเตรียมไว้ให้ไง”ผมพึ่งไปคุยกับโจเซฟเรื่องนี้มาน่ะครับ  เรื่องทำความสะอาดห้องก็ไม่ต้องแล้ว  จะมีแม่บ้านมาคอยทำให้อาทิตย์ละ3วันยกเว้นห้องทศกัณฐ์ที่ผมยังต้องคอยดูแลให้อยู่  นอกนั้นผมมีหน้าที่ทำอาหารอย่างเดียว  อารมณ์ขึ้นๆลงๆจริงๆไอ้คุณยักษ์วัดแจ้ง


“ซื้อเองจะเป็นไรไป”ทศกัณฐ์เดินตรงไปทางผัก  ส่งสายตาให้ผมเลือก  แน่จริงก็เลือกเองเดะ


ผมเลือกหยิบผักที่มักจะใช้ทำอาหารเป็นประจำใส่รถเข็น  เดินนำเขาเลือกนั่นนี่  ทศกัณฐ์ก็เข็นรถตามหลังผมเงียบๆ


“คุณกินมะเขือเทศรึเปล่า”ทศกัณฐ์พยักหน้ารับผมก็หยิบใส่รถเข็นหนึ่งถุง   เราพากันเดินเลือกซื้ออาหารสดเรื่อยๆ  อันไหนที่ทศกัณฐ์ไม่กินมันก็หยิบกลับไปวางไว้ที่เดิมไม่ให้ผมเห็น  คือมึงไม่บอกดีๆวะทำยังกับเด็กกลัวแม่ดุเวลาไม่ชอบกินผัก


“แค่นี้ก็พอแล้วมั้ง  คุณจะเอาอะไรอีกไหม”ผมหันไปถามทศกัณฐ์  ของพวกนี้ผมกะไว้ว่าประมาณหนึ่งอาทิตย์น่าจะหมดไม่ควรเกินนี้


“ไม่”บอกแล้วก็ยื่นกระเป๋าตังค์หนังสีดำมาให้ผม  ดูเรียบๆแต่น่าจะแพงพอดู


“จ่าย”ผมรับมาถือไว้แล้วเราก็พากันไปที่เคาน์เตอร์คิดเงิน  เราเดินไปต่อคิวระหว่างนั้นคนที่รอจ่ายเงินก็พากันมิงเขากันพรึ่บส่วนมากจะเป็นพวกแม่บ้านที่มาซื้อ  เอาจริงๆคนเขาก็มองตั้งแต่มันเดินเข้าห้างแล้วล่ะครับ  ก็สูงโดดเด่น  ตาสีเขียว  เบ้าหน้าฝรั่งก็ก็กินขาดแล้วอ่ะครับ


พอถึงคิวเราคิดตังค์  ทศกัณฐ์ก็เป็นคนหยิบของขึ้นเคาน์เตอร์  ผมก็ช่วยหยิบนะครับ  แต่ทำไมคนถึงจ้องเอาๆขนาดนั้นวะ


“ทั้งหมด 4,276  บาทค่ะ”เสียงพนักงานแคชเชียร์แทรกเข้ามาในความคิด  ผมรีบเปิดกระเป๋าตังค์ทศกัณฐ์  มีบัตรแค่2-3ใบ  แต่บัตรนั้นมัน...ช่างเถอะ  ผมหาเงินสดที่อยู่อีกช่อง  หยิบแบงค์พันออกมา5ใบส่งให้พนักงาน  พอพนักงานแคชเชียร์จะส่งเงินทอนให้ผมทศกัณฐ์ก็พูดขึ้น


“ไม่ต้อง ทิป”แล้วมันก็เอาถุงใส่รถพาผมเดินออกมา  ได้ยินเสียงพนักงานกล่าวขอบคุณแว่วๆ


“โห  มีทงมีทิป  อ่ะเอาคืนไป”ผมแซว  ยังไงก็เงินเขาผมไม่มีสิทธิ์พูดอัไรมากอยู่แล้ว  ผมยื่นกระเป๋าตังค์คืนให้ทศกัณฐ์เมื่อนึกขึ้นได้


“ถือไว้ก่อน  มือไม่ว่าง”ผมก็พยักหน้ารับไม่ได้พูดอะไร  ไว้ใจกูไปไหมวะ  จนเราเดินออกมาถึงลานจอดรถผมก็นึกอะไรขึ้นมาได้


“คุณ  แล้วจะเอากลับยังไง  ของตั้งเยอะ”ตอนซื้อก็เพลินจนลืมนึกถึงตอนกลับเลยกู  ทศกัณฐ์ไม่ได้ตอบผมแต่พยักหน้าไปอีกทาง  ผมมองตามเจอโจเซฟกับสตีฟยืนรอไม่ไกลจากเรามากนัก  พวกเขาเดินตรงเข้ามาหา  ค้อมหัวให้ทศกัณฐ์นิดๆและ...ผมด้วย


“จะไปกันเลยใช่ไหมครับ”สตีฟถามทศกัณฐ์ก่อนหันมายิ้มให้ผมนิดๆ  ถึงจะงงๆแต่ผมก็ยิ้มคืนให้อย่างที่ควรทำ  ผมไม่ลืมหรอกนะครับว่าเขาทำอะไรไว้


“อืม”ทศกัณฐ์พึมพำตอบ


“ถ้าอย่างนั้นพวกเราจะเอาของไปเก็บให้นะครับ”สตีฟบอกเสียงนุ่ม  ผมสังเกตว่าถ้าสตีฟอยู่ด้วย  โจเซฟมักจะไม่ค่อยพูด  แต่ถ้าได้พูดก็นะ  รู้ๆกันอยู่


สตีฟและโจเซฟช่วยกันถือของในรถเข็นแล้วเข็นรถไปเก็บให้ก่อนจะก้มหัวให้นิดๆเหมือนลาแล้วเดินจากไปอีกทาง


“เราจะไปไหนกันหรอ”ผมหันไปถามทศกัณฐ์  ร่างสูงก็มองหน้าผมนิ่ง


“โรงพยาบาล”


+++++++++++++++++++++++++++


“อ้าว  ไอ้น้องรันต์”ยังไม่ทันจะก้าวพ้นประตูเข้าไปเลย  เสียงมาก่อนแล้ว  ผมกวาดสายตามอง  พี่สมิธนอนเบ็บอยู่บนเตียง  พี่เซนท์กินขนมดูทีวีอยู่ที่โซฟาเขาหันมาโบกมือยิ้มให้ผมอย่างสดใสด้วย  พี่ดีไม่เห็นแฮะ


“สวัสดีครับ”ผมยกมือไหว้สวัสดีทั้งสองคน  ทศกัณฐ์แยกตัวไปนั่งกับพี่เซนท์  ส่วนผมเอากระเช้าที่แวะซื้อมาไปวางไว้ชั้นวาง


“ลมอะไรหอบมึงมาได้วะ”ไอ้พี่สมิธถามกวนๆมือก็หยิบผลไม้ใส่ปาก


“ลมทศกัณฐ์น่ะครับ”ผมตอบไปตามความจริง


“ฮั่นแน่  เดี๋ยวเปิดตัวอ๋อ”


“ปากแบบนี้คงไม่เป็นอะไรมากสินะครับ  ตายยากจัง”ผมพูดยิ้มๆ  ไม่มีความเกรงกลัวอะไรทั้งนั้น


“โห่  มึงไม่เป็นกูไม่รู้หรอก  นี่กูพึ่งฟื้นเมื่อเช้านะเนี่ย”ทำไมมึงดีดขนาดนี้  เมายาแก้ปวดเรอะ


“ครับ  ผมคงไม่มีทางเป็นแบบนี้แน่ๆ”


“มึงเอามีดมาทางกูอีกรอบดีกว่ามารันต์ถ้าจะพูดขนาดนี้”


“ฮ่าๆๆๆ  น้องรันต์พูดถูกใจกูจริงๆ”พี่เซนท์หัวเราะลั่นห้องจนน้ำตาเล็ด  ไอ้พี่สมิธเห็นอย่างนั้นก็ขว้างผลไม้ใส่พี่เซนท์  รายนั้นก็ขว้างขนมใส่คืน  โยนกันไปกันมาจน...โดนยักษ์เข้าจนได้


“สมิธ!”ทศกัณฐ์ปรามดุๆ


“อะไรวะ  มึงไม่ว่าไอ้เซนท์บ้างอ่ะ”เถียงอย่างไม่ยอมแพ้


“ทั้งคู่  เก็บให้หมดด้วย”


“กูเจ็บอยู่”


“หรอสมิธหรอ”เสียงพี่เซนท์โคตรประชด  ผมเดินไปเก็บขนมที่เตียงให้พี่สมิธ  สงสารหรอกเห็นว่าเจ็บ


“มันต้องแบบนี้น้องรักของพี่  แม่ศรีเรือนจริงๆ”พูดเฉยๆไม่ได้ต้องกอดคอกูด้วยวะ  ผมตวัดสายตามองเป็นเชิงว่าให้ปล่อย  เขาก็ปล่อยแต่โดยดี


“น้องรันต์นี่นิสัยดีจริงๆ”พี่เซนท์พูดมือก็เก็บทั้งขนมทั้งผลไม้ที่ตัวเองนั่งอยู่  ทศกัณฐ์ก็ช่วยเก็บอีกแรง


“ไม่ม้างงง”นอนอยู่เงียบๆไม่ได้สินะ


“เก็บเองไหมครับ”ผมฉีกยิ้มให้  พี่สมิธถึงได้สงบปากลง


“หึๆ”


‘รายงานความคืบหน้า  พบศพวัยรุ่นชายเสียชีวิตบริเวณxxx มีบาดแผลฉกรรจ์ทั่วร่างกาย  โดยเฉพาะบริเวณข้อมือที่โดนตัดขาดทั้งสองข้าง  เจ้าหน้าที่ตำรวจคาดปมทะเลาะวิวะ...ติ้ด!’เสียงรายงานข่าวด่วนแทรกเข้ามา  ทั้งห้องเงียบกริบ  ทศกัณฐ์เป็นคนหยิบรีโมทปิดก่อนนักข่าวจะรายงานจบ


“เดี๋ยวมา”พูดแค่นั้นก่อนจะผลุนผลันออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว


“เป็นอะไรของมันวะ  เอารีโมทไปอีก”พี่เซนท์เกาหัวงงๆแล้วก้มหน้าเก็บขยะต่อ  ผมลอบมองพี่สมิธ  เขาเงียบไปเลยไม่พูดไม่จาสายตาเหม่อลอยออกไปนอกระเบียง


“พรุ่งนี้พี่อยากกินอะไรเป็นพิเศษรึเปล่าครับ  เดี๋ยวตอนเย็นผมทำเข้ามาให้”ผมเอ่ยขึ้นทำลายบรรยากาศชวนน่าอึดอัด  พี่สมิธละสายตามามองผมเลิกคิ้วให้นิดๆ


“กินๆ  แกงเขียวหวานนะน้องรันต์พี่ชอบๆ”พี่เซนท์วิ่งมาเกาะผมทันที  ผมยิ้มให้พยักหน้ารับ


“อืม...ทอดมันปลากรายกับต้มยำปูม้าน้ำใสละกัน  อ้อๆขอบัวลอยไข่หวานด้วยนะ”ผมยิ้มรับให้พี่สมิธ  เอาเถอะอย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ทำหน้าเหมือนคนอมทุกข์แล้ว  มันไม่เหมาะกับเขาเลยจริงๆ


“เย้  กูกินด้วยๆ”


“สัด  แย่งคนป่วยกินหรอมึงๆ”พี่สมิธคว้าตัวพี่เซนท์ที่ยืนใกล้ๆมาล็อคคอแกล้งๆ  พี่เซนท์ก็ไม่กล้าดิ้นมากเพราะกลัวพี่เซนท์เจ็บแผล


“เล่นอะไรไม่ดูสังขารเลยนะครับ”ผมส่ายหัวให้ขำๆ


แกร๊ก!  ประตูห้องเปิดออก  เราทั้งสามหันไปมองอัตโนมัติ  พี่เซนท์เดินเข้ามาเลิกคิ้วมองอย่างงงๆ  ผมยกมือไหว้เขาก็พยักหน้ารับพร้อมยิ้มให้นิดๆ


“ไอ้ทศล่ะ”พี่ดีถามไม่เจาะจงเมื่อไม่เห็นทศกัณฐ์อยู่ในห้อง


“ไม่รู้  วิ่งเฟี้ยวออกไปเมื่อกี้”ศัพท์พี่เซนท์น่ารักดีนะครับ


“อ่อ  แล้วทำไรกัน”พี่ดีหรี่ตามองมาทางพี่สมิธกับพี่เซนท์  ผมขยับถอยห่างอัตโนมัติไม่อยากโดนลูกหลงไปด้วยน่ะครับ


“ช่วยกูด้วยดี  ไอ้สมิธมันแกล้งกู”


“เล่นเป็นเด็กๆ”พี่ดีส่ายหัวให้แล้วเดินเลี่ยงไปนั่งที่โซฟา  ผมเก็บเศษขยะทั้งหมดไปทิ้งที่ถังขยะแล้วเดินไปล้างมือในห้องน้ำ  กลับออกมาก็เห็นพี่เซนท์ไปนั่งที่โซฟาข้างๆพี่ดีแล้ว


“น้องรันต์พี่รบกวนอยู่เป็นเพื่อนไอ้เหี้ยสมิธหน่อยดิ  เดี๋ยวพี่กับไอ้ดีจะไปหาอะไรกินแปบนึงแล้วเดี๋ยวมา  น้องรันต์เอาอะไรไหม”พี่เซนท์ทำหน้าอ้อนๆแกมขอร้อง


“ไม่เป็นไรครับ  เดี๋ยวผมอยู่เป็นเพื่อนพี่สมิธเอง  พี่เซนท์กับพี่ดีไปเถอะครับ”ผมบอกยิ้มๆ


“ทิ้งเพื่อนไปกับผัว  เชอะ”พี่สมิธแกล้งทำเป็นสะดีดสะดิ้งใส่พี่เซนท์


“ผัวพ่อมึงดิ  เดี๋ยวก็ปากแตกเพิ่มหรอก”พี่เซนท์ทำท่าจะเดินเข้ามาเอาเรื่องแต่โดนพี่ดีลากออกไปก่อน  อีกคนก็ทำเป็นลอยหน้าลอยตาใส่เขา


“เฮ้อ  เหงาก็บอกไปตรงๆสิครับ”ผมนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียง  พี่สมิธมองผมอย่างไม่เข้าใจ


“นักจิตวิทยากล่าวไว้ว่า  คนที่ชอบหัวเราะบ่อยๆลึกๆคือคนที่มีเรื่องเศร้าอยู่ในใจ  พี่ว่าจริงไหมครับ”ผมพูดเนิบๆเหมือนคุยเรื่องทั่วไป  พี่สมิธมองสบตาผม  สายตาเขาดูเศร้าสร้อยเหมือนคนเป็นทุกข์มากจริงๆ


“มึงเคยมีตราบาปไหมรันต์  มันจะติดตัวแล้วอยู่ในใจมึงไปตลอดชีวิต  อยากลืมก็ลืมไม่ได้ถึงตายก็ไม่รู้จะลืมได้ไหม”พี่สมิธละสายตาจากผมเหม่อไปที่ระเบียง  น้ำเสียงเขาขมขื่นจนผมคาดไม่ถึง  มือทั้งสองข้างขยุ้มผ้าห่มแน่น


“ถึงลืมไม่ได้   แต่ถ้าเวลาผ่านไปมันน่าจะดีขึ้นนะครับ”


“เวลาไม่ได้ช่วยอะไรเลยรันต์  ไม่ช่วยจริงๆ”พี่สมิธพึมพำกับตัวเองผมเงียบไม่ได้พูดอะไรต่อ  เหมือนตอนนี้พี่สมิธปิดสวิซเข้าสู่โลกของตัวเองไปแล้ว  ผมยังยืนยันคำเดิมว่าต้องใช้เวลา...และต้องทำให้ถูกวิธี
.
.
.
.
.
.


“งั้นผมกลับก่อนนะครับ”ผมพูดเบาๆกับพี่ใจดีและพี่เซนท์ที่กลับมาเมื่อกี้  พี่สมิธหลับไปแล้วก่อนหน้านี้คุณหมอมาเช็คอาการแล้วฉีดยาให้คงหลับไปเพราะฤทธิ์ยา


“จะกลับยังไง  เดี๋ยวพี่ไปส่ง”พี่ใจดีถามอย่างเป็นห่วง


“ผมกลับเองได้ครับ  ขึ้นแท็กซี่ก็ได้”


“แต่...”


แก็ก  เสียงเปิดประตูห้องดังขึ้น  คนที่หายไปเป็นชั่วโมงๆโผล่หน้ามาแล้ว


“เออ  ไอ้ทศมาละ  มึงไปส่งน้องรันต์ไป  น้องกำลังจะกลับพอดี”พี่เซนท์บอก  ทศกัณฐ์มองผมก่อนสายตาจะเหลือบไปมองพี่สมิธบนเตียง


“มันหลับนานยัง”


“ไม่นานครับ  สักสิบนาที  หมอมาฉีดยาให้แล้วก็หลับไป”ทศกัณฐ์แค่พยักหน้ารับ


“ไปเถอะ”แล้วก็เดินออกจากห้องไป  ผมรีบหันไปไหว้ลาพี่ทั้งสองแล้วรีบวิ่งตามทศกัณฐ์ออกไป  เค้ายืนรออยู่หน้าห้อง


“จริงๆคุณไม่ต้องไปส่งผมก็ได้  เดี๋ยวผมกลับเอง”


“จะไปส่ง”พูดจบก็หมุนตัวเดินไปที่ลิฟท์  โอเค  ไปส่งก็ไปส่ง


ใช้เวลาไม่นานทศกัณฐ์ก็พาผมมาส่งถึงหน้าหอ  ผมลงจากรถแล้วถอดหมวกกันน็อคคืนให้  ทศกัณฐ์ก็เปิดหน้ากากหมวกขึ้น


“ขอบคุณครับ”ผมยกมือไหว้  ถึงจะไม่เรียกเขาว่าพี่และก็ไม่เคยไหว้เขาเลย  แต่จริงๆเขาก็เป็นรุ่นพี่  แม่ผมสอนให้เคารพผู้ใหญ่เสมอ  วันนี้เขาก็ทำให้ผมหลายอย่าง


ผม...ก็ควรขอบคุณ


ทศกัณฐ์มองผมอึ้งๆ  อะไรวะคนอุตส่าห์ไหว้ยังมามองเหมือนไม่เชื่อ


“กลับไปได้แล้ว  ว่างๆก็ให้คนมาเอารถไปด้วยนะครับ  จอดนานผมใจคอไม่ดี”กลัวหายครับ  รถเป็นไรมาผมก็ซวยดิ


“ไว้ก่อน  อย่าลืมไปหาอะไรกินด้วย”


“ครับ  ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมไปนะ”ทศกัณฐ์พยักหน้ารับ  ผมหันหลังให้จะเดินเข้าหอ  ได้ยินเสียงสตาร์ทรถอีกครั้ง เสียงสุดท้ายของเขาแว่วเข้ามาในหูก่อนรถจะเคลื่อนตัวออกไป


“ฝันดีนะ ‘น้องรันต์’ ” เท้าผมหยุดกึกอยู่กับที่   เมื่อกี้ผมแค่หูฝาดไปเองรึเปล่า  เขาไม่เคยเรียกผมแบบนี้  น้ำเสียงที่ใช้ก็แตกต่างจากเดิม  ความรู้สึกหลากหลายตีกันอยู่ในอก  แต่มีความรู้สึกหนึ่งที่ชัดเจน


...อบอุ่น...


ริมฝีปากผมกระตุกยิ้มอย่างกลั้นไม่อยู่


ผมเม้มปากตัวเองแน่นเมื่อรู้ว่าเผลอคิดอะไรแปลกๆ


เขาก็แค่เรียกเหมือนคนอื่นๆนั่นแหละรันต์


ผมสะบัดหัวแรงๆไล่ความคิด  แต่พยายามยังไงมันก็สบัดไม่หลุด


ไอ้ยักษ์บ้ามึงทำอะไรกับกูวะ!!!


+++++++++++++++++++++


มาแล้วววว  อาทิตย์ละตอนกันเลยทีเดียวแถมน้อยจนน่าละอาย  ขอโทษค่าาาาเปรมติดภารกิจระดับชาติ  ไฟนอลมันจี้ตูดเข้ามาทุกที  อยากจะบ้าตาย  ช่วงนี้อาจจะได้แค่นิดหน่อยจริงๆค่ะ  หลังสอบเสร็จก็จะสามารถมาได้ถี่กว่าเดิม  แต่ตอนหน้าเจอกันวันพฤหัสฯนี้นะคะ :กอด1: :pig4:

{โปรดติดตามตอนต่อไป...}

หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 10♡ [6/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 06-12-2016 22:09:02
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 10♡ [6/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 06-12-2016 22:17:46
่ข่าวนั่นเกี่ยวอะไรกับพี่สมิธหรือเปล่า :hao4: :hao4: :hao4:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 10♡ [6/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 06-12-2016 22:41:57
ตอนท้ายดูอบอุ่นจริงๆ นะ ที่พี่ทศบอกฝันดีน้อง รู้สึกได้เลย

พี่สมิธน่าสงสาร ทางกายไม่เท่าไรแต่ทางใจนี่สิ เห้อ

หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 10♡ [6/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 06-12-2016 22:50:43
แหม มีบอกฝันดีด้วย

 :-[
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 10♡ [6/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 06-12-2016 23:19:26
มีเรื่องอะไรในใจกันน้าาาา
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 10♡ [6/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 06-12-2016 23:50:44
หูยยย มีหยอดก่อนกลับด้วย
วางระเบิดไว้นะ พ่อทศ อิอิอิ
 :hao4:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 10♡ [6/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 07-12-2016 01:35:29
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 10♡ [6/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: fsbeentaken ที่ 07-12-2016 10:26:08
รอนะค้าาาาา สู้ๆค่าาาา
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 10♡ [6/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 07-12-2016 15:45:50
เพิ่งเข้ามาอ่าน น่าติดตามมากค่ะ       :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

รอตอนต่อปายยยย

 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 10♡ [6/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ming88 ที่ 07-12-2016 17:00:47
ติดตามค่ะ น่ารักดี  :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 10♡ [6/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 07-12-2016 19:07:46
ขอบคุณค่ะ^^
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 10♡ [6/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 07-12-2016 22:20:03
ลุ้นๆอะ
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 10♡ [6/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: saotome ที่ 07-12-2016 22:47:26
ทศก็...หวานเป็นด้วย
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 10♡ [6/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: lovenadd ที่ 08-12-2016 12:46:08
พี่ทศ ชอบน้องแล้วล่ะเซ่
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 10♡ [6/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: กาลณัฐ ที่ 08-12-2016 14:55:51
ชอบอะะะะะ อือออออ
ยักษ์ โง้โง่ ชอบประโยคนี้จริงๆ 5555555555555
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 10♡ [6/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: sujusaranghae ที่ 08-12-2016 18:35:29
ความหวานนี้ ><
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 10♡ [6/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: shoky_9 ที่ 09-12-2016 11:29:40
รอน้องรันต์ เรียก ยัก อีก น่ารักกกก :mew1:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 11♡ [9/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 09-12-2016 20:18:36
11




“อ้าวน้องรันต์  มาทำอะไรแถวนี้”เสียงคนที่ผมมารอดังขึ้น  พี่เซนท์ตรงดิ่งมาหาผม  ตามหลังมาด้วยพี่ดีแล้วก็ทศกัณฐ์


ผมมาดักรอพวกเขาอีกตึกในคณะส่วนมากที่เรียนตึกนี้จะมีแต่ภาคอินเตอร์  วันนี้ก็วันพุธแล้วผมยังไม่ได้ขอให้พวกเขาลงกีฬาให้เลย  เมื่อวานนี้ไปหาพี่สมิธที่โรงพยาบาลก็ไม่มีโอกาสได้พูด  ไอ้เก่งก็เร่งยิกๆทุกวัน  เพื่อคณะเพื่อสปอนเซอร์บ้าอะไรของมันไม่รู้  กรรมอะไรของผมก็ไม่รู้


“เอ่อ...คือ”ผมอ้ำอึ้ง  ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน


“ไปนั่งคุยในร้านกาแฟนี่ดีกว่านะ”พี่ดีชี้ไปที่ร้านกาแฟชื่อดังข้างๆตึก  ทุกคนพยักหน้ารับเห็นด้วย  ดีเหมือนกันตอนนี้เหงื่อผมแตกพลั่กๆเลยครับ  คิดคำพูดไม่ออกเลย


พี่ดีกับทศกัณฐ์เดินไปสั่งเครื่องดื่มที่เคาน์เตอร์  ส่วนผมกับพี่เซนท์ก็มาหาโต๊ะนั่งรอ


“น้องรันต์เรื่องที่จะพูดมันสำคัญขนาดนั้นเลยหรอ  ดูไม่สมกับเป็นน้องเลยนะวันนี้”พี่เซนท์ถามเสียงนิ่ม


“ก็ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ...แต่มันก็เป็นการรบกวนพี่ๆนิดนึงอ่ะครับ”ผมยิ้มแหยๆตอบ


“หืม  เรื่องอะไรหรอ”พี่เซนท์ถามอย่างสงสัย


“เดี๋ยวรอเพื่อนพี่มาแล้วพูดทีเดียวดีกว่าครับ”ขี้เกียจพูดซ้ำๆหลายรอบ  รอไม่นานพี่ดีกับทศกัณฐ์ก็เดินมานั่งในมือถือแก้วเครื่องดื่มคนละสองแก้ว  ทศกัณฐ์ยื่นช็อคโกแลตปั่นมาให้ผมแล้วนั่งลงข้างๆ  ผมพึมพำขอบคุณเขาเบาๆ


“เอาล่ะครบแล้ว  พูดเลยน้องรันต์”พี่เซนท์เร่ง  สายตาเค้าจ้องผมแบบอยากรู้สุดๆ




“อีกไม่ถึงเดือน  เราก็จะสอบมิดเทอมแล้วใช่ไหมครับ” ผมเกริ่น สายตากวาดมองรอบโต๊ะ


“แล้วหลังจากนั้นประมาณ1อาทิตย์ก็จะมีการแข่งกีฬาระหว่างคณะ”ผมพูดต่อ


“อือฮึ  เหมือนจะได้ยินแว่วๆว่างั้นนะ”พี่เซนท์ทำท่านึก


“ก็นั่นแหละครับ  ถ้าผมอยากจะขอให้พวกพี่ลงกีฬาให้สักอย่างสองอย่าง  จะรบกวนเกินไปไหมครับ”ผมส่งสายตาที่คิดว่าน่าสงสารที่สุดให้ทุกคนไม่เว้นแม้แต่ทศกัณฐ์


“ไม่”ห้วนๆไร้เยื่อใยหลุดออกมาจากปากไอ้คนนั่งข้างๆผม  มึงคิดหน่อยก็ได้นะ


“ไอ้ทศว่าไงพี่ก็ว่าตามนั้น”พี่ดีพูดยิ้มๆ   ยกกาแฟขึ้นจิบไม่สนใจสายตาอ้อนวอนผมเลย  ผมเลยเปลี่ยนเป้าหมายไปหาความหวังสุดท้ายของตัวเอง  พี่เซนท์ทำหน้าเหมือนคนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก  ส่งยิ้มเจื่อนๆมาให้ผม


“คือพี่ก็อยากช่วยน้องรันต์น้าาา  แต่ถ้าไอ้ทศไม่พี่ก็คงไม่...”เขาส่งสายตารู้สึกผิดมาให้ผม  ทำไมพวกเขาแม่งไม่มีจุดยืนเลยวะ  ไอ้ยักษ์บ้านี่มีไรดีนักหนาทำไมต้องไปตามมันด้วย


ผมตวัดสายตามองทศกัณฐ์อย่างตัดพ้อ  ทศกัณฐ์ก็ทำเหมือนมองไม่เห็น


“น้องรันต์พี่ขอโทษษษษษ”เสียงพี่เซนท์บอกอย่างรู้สึกผิด  แต่หน้าผมนี่นิ่งไปแล้ว


“ไม่เป็นไรครับ”ผมยกยิ้มให้พี่เซนท์  แล้วลุกขึ้น


“ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวกลับก่อน”ผมก้มหัวให้พวกเขาเล็กน้อยแล้วเดินออกมา  โอเค  ผมยอมรับว่าตอนนี้ผมโกรธมากจนสั่นไปหมด  มันคล้ายๆความรู้สึกที่อยากได้อะไรแล้วไม่ได้ดั่งใจไม่รู้จะทำยังไง  ผมหายใจเข้าออกลึกๆพยายามควบคุมอารมณ์ให้คงที่


แต่แม่งไม่เข้าใจว่ะ  ไอ้ยักษ์บ้าแค่นี้ก็ช่วยไม่ได้  เหอะ!


ผมเดินฟึดฟัดไปรอรถเมย์ที่ป้ายรถหน้ามอ  ไม่รู้จะบอกไอ้เก่งยังไงดีเรื่องนี้  เพราะรู้สึกแย่นิดหน่อยเหมือนช่วยอะไรเพื่อนไม่ได้ตั้งแต่ปีหนึ่งแล้ว  กีฬาไม่เคยลง  กิจกรรมก็ร่วมนับครั้งได้  เพราะนิสัยไม่ชอบให้ใครมาคาดหวังในตัวผม  แล้วถ้าผมทำไม่ได้อย่างที่พวกเขาหวัง  ผมคงได้รับสายตาผิดหวังมาแทนเพราะแบบนี้แหละผมจึงเลือกที่จะไม่สนิทกับใครเลยนอกจากเมฆ


เฮ้ออออ  ผมถอนหายใจอย่างคิดไม่ตก  ก็คงต้องบอกเพื่อนไปตามตรง  รู้ว่ามันสำคัญแค่ไหน  ผมบังเอิญว่าได้ยินเก่งคุยกับเมฆว่าปีนี้คณะตัดงบเหลือแค่ครึ่งเดียว  เลยอยากดึงคนหน้าตาดีอย่างกลุ่มทศกัณฐ์มาเรียกสปอนเซอร์เพิ่ม  เก่งมันก็คงลำบากทำทุกอย่างนั่นแหละ  ถึงจะไม่ได้สนิทกันมากแต่มันก็เป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่ง


ผมวิ่งขึ้นรถเมย์แล้วหาที่นั่ง  สมองก็คิดหาทางให้ทศกัณฐ์ลงแข่งให้ได้


++++++++++++++++++++++++


ผมลงป้ายรถเมย์หน้าซอยเข้าคอนโดทศกัณฐ์  ตอนนี้พึ่งบ่ายสามนิดๆ  แต่ไม่รู้จะไปไหนเลยเลือกมาที่นี่แทน  เท่าที่รู้จักทศกัณฐ์มา2อาทินย์กว่าๆ  เขาเป็นคนนิ่งๆแต่ไม่เงียบขนาดนั้น  กินอาหารทุกอย่างที่ผมทำถ้าไม่ชอบอะไรก็เขี่ยไว้ข้างจานเหมือนเด็กแต่ไม่ยอมบอกผมว่าไม่ชอบ  ของหวานก็กินบ้างถ้าบางทีผมซื้อมาให้(ผมไม่ถนัดทำของหวาน)  เวลาว่างเขาจะดูไอแพดไม่ก็แม็คบุ๊คตลอด   แต่เคยได้ยินพี่สมิธบ่นว่าสนใจแต่ธุรกิจหมื่นล้านหรืออะไรนี่แหละผมไม่ค่อยได้ฟัง นับครั้งได้ที่อ่านหนังสือเรียน  และเขาชอบออกไปธุระตอนดึก(มีบางวันผมกลับมาเอาของแต่ไม่เจออยู่ที่ห้อง  เลยรู้จากโจเซฟว่าเขาไปทุกวันเรื่องปกติ)แต่จะกลับมานอนที่ห้องเสมอ(ผมเจอทุกเช้า)  ของรักของหวงคือโมเดลกันดั้มที่เก็บใส่ตู้ล็อคไว้เรียบร้อย (สงสัยกลัวผมขโมย) จุดอ่อนคือน้าเฟื่องฟ้าแต่ผมไม่กล้าเอามาต่อรองหรอก  เข็ดแล้ว


ติ๊ด!


ผมแตะคีย์การ์ดแล้วกดรหัส  บิดประตูจะเข้าห้อง  ทว่ายังไม่ทันที่มือผมจะสัมผัสกับลูกบิดก็มีเงามาซ้อนทับด้านหลังผม  มือของอีกคนก็ยื่นไปหมุนลูกบิดแล้วผลักประตูเปิดออกแทน


“เข้าไปสิ”เสียงดังขึ้นเบาๆข้างหู  ผมตกใจเผลอสะดุ้งถอยหลังไม่รู้ตัวทำให้แผ่นหลังผมแนบอยู่กับหน้าอกของอีกคนเข้าอย่างจัง


“หึๆ”เสียงหัวเราะในลำคอทศกัณฐ์ทำให้ผมได้สติรีบผละตัวออกจากเขาอย่างกับโดนของร้อน  รู้สึกเหมือนหน้าจะร้อนขึ้นนิดๆ  ผมไม่ได้มองทศกัณฐ์แต่เดินหนีมาเข้าห้องแทน


เหอะ! ยังมาทำเป็นอารมณ์ดี  ทำคนอื่นเขาโกรธขนาดนี้ยังไม่รู้ตัวอีก


ถึงผมต้องเป็นฝ่ายง้อให้เขาลงแข่ง  แต่พอคิดถึงตอนในร้านกาแฟก็ทำให้ผมอดฉุนขึ้นมาไม่ได้


ผมเปลี่ยนรองเท้า  เดินเอากระเป๋าไปเก็บทั้งหน้าบึ้งๆ  ทศกัณฐ์ก็เลิกคิ้วมองตาม  แอบได้ยินเสียงเขาถอนหายใจใส่ด้วย  นี่ปมผิดหรอ  เขาต่างหากที่ผิด  หน้าผมบึ้งยิ่งกว่าเดิม  ปากจะเบะอยู่แล้วแต่ก็กัดเอาไว้จนห้อเลือด


“รันต์  มาคุยกันก่อน”ทศกัณฐ์เดินมารั้งแขนผมไว้ขณะที่ผมจะเดินเข้าครัว  ผมไม่พูดอะไร  หันหน้าหนีไม่คุย  เขาพาผมมานั่งที่โซฟาตัวยาวในห้องนั่งเล่น   นั่งลงข้างๆจับผมให้นั่งหันหน้าเข้าหาเขา  แต่ผมก็เบือนหน้าหนีอยู่ดี  โกรธๆๆ


“เฮ้อ  ตกลงกูผิดใช่ไหม”ผมยังนิ่งเหมือนเดิม


“รันต์!”ทศกัณฐ์เสียงเข้มขึ้น


“อะไร!”ผมหันกับมามองหน้าทศกัณฐ์  เริ่มขึ้นละๆ


“พูดดีๆ”ทศกัณฐ์ปรามดุๆ


“แล้วทีตัวเองพูดกับคนอื่นล่ะ  ไม่อยากช่วยก็ไม่ต้องช่วย” รู้สึกว่าเสียงตัวเองจะตัดพ้อหน่อยๆแหะ


“เวลามึงขอให้คนอื่นช่วยนี่พูดแบบนี้ทุกครั้งรึเปล่า?”ทศกัณฐ์เลิกคิ้วถาม


“ก็ตอนแรกผมขอดีๆแล้วไง  จะเอาอะไรอีก”ผมกัดปากตัวเองระงับอารมณ์


“อย่ากัด  เดี๋ยวก็เป็นแผล”ทศกัณฐ์ยื่นนิ้วมาคลึงริมฝีปากผมให้คลายออก  ผมไม่ได้สะบัดหน้าหนี  แต่จ้องตากับทศกัณฐ์อย่างไม่ยอมแพ้


“แล้วตกลงจะช่วยไหม?”ปัดมือเขาออกแล้วถาม


“ก็ได้...แต่”ผมฉีกยิ้มทันทีที่เขาตกลง  แต่ก็ต้องหุบฉับกับไอ้คำตามหลัง


“แต่อะไร  ทำไมต้องมีเงื่อนไขวะ”


“อ่อ  แสดงว่าไม่อยากให้ลงแล้ว?”เลิกคิ้วมองข้างนึงแบบกวนส้นสุดๆ  ใครว่ามันนิ่งจะวิ่งไปตบปากให้(มึงนั่นแหละ)


“ก็ไม่...แล้วจะให้ทำอะไร” หน้าเริ่มงอเข้าๆแล้วครับ


“รับปากไหมล่ะ  ถ้าตกลงจะให้ไอ้เซนท์ไอ้ดีลงสักคนละอย่างสองอย่างก็ได้”มันกระตุกยิ้มให้ทีนึง  คือข้อเสนอล่อตาล่อใจมาก


“แล้วเงื่อนไขคืออะไร  บอกมาก่อน”ผมไม่ยอมเสียเปรียบแน่ๆอ่ะ


“เรียกกูว่าพี่เหมือนคนอื่น  แล้วแทนตัวเองว่า นะ...รันต์”เหมือนคำทศกัณฐ์จะสะดุดไปนิด  แต่ผมไม่ได้สนใจเท่าประโยคแรกที่มันบอกให้เรียกพี่


“ไม่!  เรียกแบนี้ก็ดีแล้วนี่”ผมปฏิเสธเสียงแข็ง


“ทำไม?  ทีกับคนอื่นเรียกได้แล้วทำไมกูเรียกไม่ได้”ก็มันไม่เหมือนกันนี่


“เรียกแบบเดิมก็สุภาพแล้วไง” ทศกัณฐ์ยักไหล่ไม่สน


“ไม่ต้องมาทำหน้าแบบนั้น  ปากน่ะเบะมากๆระวังจะโดน”ผมเม้มปากแน่น  นี่จะต่อยกันเลยหรอ  ทศกัณฐ์กดรีโมทเปิดทีวีไม่ได้หันมาสนใจผมอีก  ผมนิ่งคิดอยู่นาน  เอาวะยังไงก็ไม่มีอะไรเสียหายสักหน่อย  กระดากปากไปนิดแต่ก็ทนๆจนกว่าจะจบกีฬาละกัน


“ก็ได้  ผมยอมเรียก  คุณ  เอ๊ย!พี่ก็อย่าลืมทำตามสัญญาด้วย”ผมรีบกลับคำตอนเผลอเรียกเหมือนเดิม ทศกัณฐ์หรี่ตามอง


“แทนตัวเองว่ายังไงนะ?”กรอด อย่าให้ถึงทีกูนะๆ


“รันต์ครับ”ผมบอกด้วยน้ำเสียงกระด้างๆ


“ทำหน้าให้มันดีๆ  จะยิ้มสตอเบอร์รี่เหมือนที่ชอบทำก็ได้นะ”มันยื่นมือมาดึงแก้มผมซะเจ็บผมก็พยายามดึงมือมันออกแต่ไม่สำเร็จ  แล้วพูดแบบนี้ใครจะไปยิ้มออกกันล่ะ


“อ่อ  แล้วก็อีกอย่าง”พอแกล้งผมหนำใจแล้วก็โพล่งขึ้นเหมือนนึกอะไรออก


“อะไรอีก!”เงื่อนไขเยอะนักนะมึงเนี่ย


“กูบอกหรือใช้ให้ทำอะไรก็ทำ  เวลาที่กูไปแข่งทุกครั้งกูต้องเห็นหน้ามึง”


“เกี่ยวอะไรกันวะ  พี่ไปแข่งก็ไปดิ  ทำไมต้องให้ผะ...รันต์ไปด้วย”รีบเปลี่ยนคำแทบไม่ทัน  ก็มันไม่ชินนี่หว่า


“กูอุตส่าห์ยอมเหนื่อยฟรีๆ  แค่ไปดูกูแค่นี้จะตายไหม” ยิ่งกว่าตายอีก


“เออ”ผมปฏิเสธได้ด้วยหรอ


“เออนี่คือจะตาย  หรือจะไปดู”


“พี่จะกวนตีนทำไมวะ?  ก็ต้องไปดูเดะ  รันต์มีทางเลือกอื่นด้วยหรอ”พูดจบก็หันหน้าหนีแม่ง  ใครว่ากูเป็นตุ๊ดก็ช่างแต่ตอนนี้ไม่อยากเห็นหน้ามัน  ของจะขึ้น


“หึ  ว่าง่ายๆแบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย”แล้วจะมาขยี้ผมกูทำไมเนี่ย จิ๊  ผมเสียทรงหมด  ผมปัดมือทศกัณฐ์ออกจากหัวแล้วเขยิบไปชิดอีกมุมโซฟา


“วันนี้ไม่ไปหาพี่สมิธหรอ”ถามถามหลังจากที่ระหว่างเรานั่งเงียบดูทีวีไปสักพัก


“ค่ำๆ  จะไปด้วยไหม”เมื่อวานนี้ไปมาแล้ว  พี่สมิธก็สดใสร่าเริงปกติดี  ชมนักชมหนาว่าอาหารอร่อย  พรุ่งนี้อยากกินอีก


“ไม่เอาอ่ะ  วันนี้จะทำการบ้าน  แต่เดี๋ยวรันต์ทำกับข้าวเผื่อพี่สมิธด้วย”ผมนั่งนึกเมนูที่จะทำให้คนป่วย  แกงจืดกระดูกอ่อนหมูดีไหมนะ  แล้วก็ผัดผักรวมมิตรดีกว่า


“อืมตามใจ  นอนนี่ก็ได้นะ”


“ไม่เอา  ไม่มีเสื้อผ้า”ถึงจะขี้เกียจกลับหอจริงๆก็เถอะ


“เสื้อผ้ากูเยอะแยะ  ไปเลือกเอา”


“ไม่ถือหรอ”คนแบบทศกัณฐ์น่าจะเป็นคนที่ชอบหวงของมากๆ  ดูจากการที่ผมเอากันดั้มเขามาครั้งแรก


“เฉพาะกับบางคน”


“อะไรนะ”ขมวดคิ้วถาม  ได้ยินเขาพึมพำแค่ในลำคอ


“ไม่มีอะไร  จะใส่ตัวไหนก็ใส่  กางเกงในยังไม่ใส่ก็มี  มึงก็เห็นอยู่นิ”ใช่ครับผมรู้ทุกซอกทุกมุมของห้องมันนั่นแหละ  เสื้อผ้าผมยังเป็นคนเก็บให้เลย


“รันต์คิดดูก่อนละกัน  ไปทำกับข้าวดีกว่า  เดี๋ยวดึกมากพี่สมิธจะกินก่อน”ทศกัณฐ์ขมวดคิ้วมองนิ่งงงงง


“ทำไมต้องห่วงมันขนาดนั้นด้วย” แล้วทำไมต้องทำเสียงดุเนี่ย


“ก็เขาเจ็บอยู่  เป็นบ้าอะไรอีกเนี่ย”ประโยคหลังผมพูดกับตัวเองเบาๆ  ทศกัณฐ์ไม่ตอบแต่ลุกขึ้นเดินฟึดฟัดไปชั้นสอง  กูตามอารมณ์มึงไม่ทันแล้วนะเนี่ย


++++++++++++++++++++++++++


พออาหารเสร็จ  ผมก็แบ่งแพ็คใส่กล่องไปให้พี่สมิธที่โรงพยาบาล  ส่วนที่เหลือก็คงเป็นทศกัณฐ์กับผมนี่แหละที่จัด  ผมกำลังจะเดินไปเรียกทศกัณฐ์แต่เขาก็โผล่เข้ามาในครัวพอดีเปลี่ยนชุดใหม่เรียบร้อย  ตายยากจริง


“ทำอะไรกิน”คืออารมณ์กลับมาปกติแล้วใช่ไหมวะ


“แกงจืดกระดูกอ่อนหมู  ผัดผักรวมมิตร  และก็ไข่เจียวกุ้งสับ  จะทานเลยไหมครับ”เมนูสุดท้ายอยู่ๆก็อยากกินเลยทำซะเลย  ทศกัณฐ์พยักหน้ารับ  ผมจึงเดินไปตักกับข้าวใส่ชาม  ส่วนทศกัณฐ์ถือจานไปตักข้าวสองใบ  ทุกวันนี้การกินข้าวเย็นด้วยกันกลายเป็นกิจวัตรอย่างหนึ่งของเราสองคนไปแล้ว


เรานั่งทานกันเงียบๆ  ทศกัณฐ์เปิดทีวีในครัวดูข่าวเศรษฐกิจช่องต่างประเทศผมก็ดูตามเขาอย่างไม่รู้จะทำอะไร  ไม่นานผมก็อิ่ม  มองดูเขากินไปดูข่าวไปอย่างกับเด็ก


“สาลี่ไหมครับ”ผมถามเมื่อเห็นเขารวบช้อนไว้ในจาน  ทศกัณฐ์พยักหน้ารับ  ผมจึงเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบขวดน้ำเทใส่แก้วส่งให้ทศกัณฐ์ก่อน  แล้วจึงวางจานสาลี่ตรงหน้าเขา


“ไม่กิน?”ผมส่ายหัว


“อิ่ม”ผมบอกก่อนจะรวบรวมจานชามไปล้าง  หันกลับมาอักทีสาลี่สี่ลูกที่หั่นไว้ว่างเปล่า


“ชอบหรอ”ผมถามเขาอึ้งๆ  ทศกัณฐ์พยักหน้ารับ  เดินเอาจานมาล้างที่ซิงค์เอง  แล้วก็มาเบียดกูอีก  ผมจึงขยับออก  นึกได้ว่ายังไม่ได้กินน้ำเลยตั้งแต่กินข้าวเสร็จ  เปิดตู้เย็นหยิบน้ำเทใส่แก้วดื่ม  ยืนพิงตู้เย็นมองทศกัณฐ์ที่กำลังล้างจานหันหลังให้อยู่  มองดีๆแล้วไหล่เขากว้างมาก  ตัวสูงชะลูดเอวสอบภายใต้เชิ้ตดำล็อคในดูสมส่วน  ขายาวในกางเกงสแล็คสีครีมพับขาให้ลอยนิดหน่อยตามแฟชั่น  อืมมันตามแฟชั่นด้วยหรอวะ


“มองอะไร  หลงเสน่ห์หรอ?”ทศกัณฐ์หันมากระตุกยิ้มให้


“จะบ้าหรอคุณ  ทำไมผมต้องหลงเสน่ห์คุณมิทราบ”ผมโพล่งขึ้นอย่างลืมตัว  ทศกัณฐ์เลิกคิ้วเช็ดมือกับผ้า  แล้วย่างสุขุมมาทางผม


“เมื่อกี้พูดว่าไงนะ?”เขาเดินเข้ามาชิดโดยที่ผมไม่ทันสังเกต


“ก็ผมลืม เอ้ย! รันต์ลืม”ผมประท้วงแต่พอเงยหน้าขึ้นมาจมูกก็ชนกับคนตรงหน้าแล้ว


“กี่รอบแล้วรันต์?”ผมเม้มปากตัวเองแน่น  ก็แม่งพูดแต่ละที  ปากก็แทบจะแตะกันอยู่แล้ว


“ถอยออกไปยืนห่างๆดิ๊”ยกมือทั้งคู่ดันหน้าอกแกร่งของอีกคน  แต่มันไม่ขยับเลย  แถมยังเอามือค้ำตู้เย็นไว้ทั้งสองข้างไม่ให้ผมหนีไปไหนได้อีก  เริ่มจะเกลียดความผอมแห้งแรงน้อยของตัวเองขึ้นทุกที  จะไปออกกำลังกายแล้ว


“ถ้าไม่ล่ะ”เลิกคิ้วมองแบบกวนส้นสุด  อยากจะควักลูกตาสีเขียวแสนเจ้าเล่ห์นั่นมาขยี้จริงๆ


“จะทำอะไร”ผมเบิกตากว้างเมื่อทศกัณฐ์เคลื่อนหน้าเข้ามาใกล้กว่าเดิม


“ลงโทษ”พูดจบก็ดึงแว่นผมออกแล้วฉกปากวูบลงมาทันที  ผมเบี่ยงหน้าหนีมือดันอกเขาไว้แต่ทศกัณฐ์ก็ใช้อีกมือมาล็อคคางผมไว้แน่น  สุดท้ายริมฝีปากเราก็สัมผัสกัน  ผมเม้มปากไม่ให้เขาสอดลิ้นเข้ามาทศกัณฐ์จึงบีบแก้มผมแรงๆ  มันเจ็บจนผมต้องเปิดปากให้เขาสอดลิ้นเข้ามาในโพรงปากผม  ลิ้นเกี่ยวพันกันไปมาไม่รู้ของใครเป็นของใคร  เสียงดูดดึงระหว่างริมฝีปากดังไม่ขาดจนหน้าผมเห่อร้อนอย่างช่วยไม่ได้  นานจนผมเริ่มเคลิ้มไปกับสัมผัสทศกัณฐ์  ผมเผลอจูบตอบอย่างเงอะงะ  มือเปลี่ยนไปขยุ้มเสื้อเขาแบบไม่รู้ตัว  นานจนผมเกือบหมดลมหายใจทศกัณฐ์จึงได้ถอนริมฝีปากออก  แต่ยังคลอเคลียอยู่ใกล้ๆ  ผมสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆจนลมหายใจกลับมาปกติ  ทศกัณฐ์ทำท่าจะแนบริมฝีปากลงมาอีกครั้ง


“อย่า...อื้อ”มึงฟังกูบ้างได้ไหม  ไปตายอดตายอยากที่ไหนมาวะ  คราวนี้ผมเหมือนเข่าอ่อนหมดแรงกระทันหัน  ทศกัณฐ์จึงสอดแขนโอบเอวผมไว้มืออีกข้างก็ตรึงท้ายทอยผมให้เข้าไปแนบชิดกว่าเดิม  สุดท้ายก็ต้องปล่อยเลยตามเลยอีกจนได้  เราจูบกันสักพัก  จนมันพอใจถึงได้ผละปากออกไป  ไม่วายดูดปากผมแรงๆเหมือนหมั่นเขี้ยวส่งท้าย  ปากผมคงห้อเลือดหมดแล้วมั้ง


“ปล่อย”ผมก้มหน้างุดบอกเสียงแผ่วจนแทบไม่ได้ยิน  มันไม่ได้ปล่อยผมในทันทีแต่รั้งให้ผมไปนั่งที่เก้าอี้แทน  ผมก้มหน้ามองพื้นอย่างไม่รู้จะทำยังไง


“อย่ากัดปาก  เดี๋ยวก็เป็นแผลจริงๆหรอก”มันบอกเสียงทุ้ม  ผมเผลอกัดปากอย่างที่มันว่าจริงๆ


“อาบน้ำทำการบ้านแล้วรีบนอน  ไม่ต้องกลับหอ  โอเคไหม?” ผมยังเงียบ


“รันต์ได้ยินไหม?”ทำไมต้องทำเสียงดุด้วยวะพูดดีๆไม่ได้อ๋อ แต่ผมก็พยักหน้าตอบไปไม่รู้ตัว


“ดีมาก  กลับมาให้เจอ”กูคงกลับหอได้หรอกตอนนี้  สติสตังไปหมดแล้ว  ทศกัณฐ์ขยี้หัวผมเบาๆแล้วผละไป  ผมนั่งนิ่งอยู่นานได้ยินเสียงปิดประตูห้อง   เดินออกมานอกครัว  ไม่ได้สนใจจะใส่แว่น  จริงๆสายตาผมก็ไม่ได้สั้นขนาดมองไม่เห็นอะไรขนาดนั้นหรอก


ผมตัวนั่งบนโซฟา  คือทำตัวไม่ถูก  จูบกันอีกแล้วนะเว้ย  มันเป็นเกย์หรอวะ  ท่าทางไม่ให้เลยจริงๆ  แล้วมันจูบกูทำไมเนี่ยไม่มีวิธีลงโทษอย่างอื่นแล้วหรอ


ผมคว้ากระเป๋าควานหาโทรศัพท์  ต่อสายตรงถึงใครบางคน


(เออ  ว่าไง?)


“มะเมฆ  คือกูสงสัยอะไรนิดหน่อย”


(เออ  สงสัยไรวะ)


“คือ...คือแบบว่า”คิดคำพูดไม่ออก


(อะไรวะ  อ้ำอึ้งนะมึง  มีอะไร)


“มึงเคยจูบกับผู้ชายไหมวะ”กลั้นใจถามในที่สุด


(เคย)


“ห๊ะ  จริงอ่ะ  กับใคร”ไอ้เมฆเป็นเกย์หรอวะ  ทำไมผมไม่เคยรู้


(เออ  กับมึงไง  ฮ่าๆๆๆ)


“เฮ้ย  ไม่ใช่ดิ  แบบจูบจริงๆอ่ะ”


“ถามแบบนี้มีอะไรรึเปล่า”


“ปะเปล๊า  แค่อยากรู้ไง”ถ้ามันเห็นหน้าผมตอนนี้มันรู้แน่


(อ่อ  ก็ถ้าผู้ชายจูบกันก็เป็นเกย์ดิ)


“อ๋อหรอ  แล้วถ้าผู้ชายแท้ๆเลยอ่ะจูบกับอีกคน”


(ถามเยอะอะไรนักหนาเนี่ย  กูไม่รู้หรอกไม่เคยเว้ย  แต่ถ้าให้เดาถ้าผู้ชายแมนๆคนนึงจูบกับผู้ชายอีกคนก็คงจะ...)


“คงจะอะไรวะ”ผมถามอย่างพยายามเก็บอาการสุดฤทธิ์


(ชอบมั้ง)


ติ้ด! มือผมกดวางสายอัตโนมัติ


ชอบหรอ...


โนววววววววววว  อย่างไอ้ยักษ์เหี้ยนั่นเนี่ยนะ  สะบัดหัวไปมา


กูไม่อยากรู้ล่ะ


จะทำอะไรก็เรื่องของมึง


กูจะนอน  กูเจ็บปาก


ฮ่วย!!!


++++++++++++++++

เค้าขอโทษษษษ  หน้าหนาวมันนอนเพลินจริงๆ ฮ่าๆๆๆ  มาสายแต่ก็ดีกว่าไม่มานะ  ตอนนี้หวานๆเถื่อนๆไปก่อน  ไอ้น้องรันต์ปล่อยมันเอ๋อต่อไป
ตอนต่อไปเปรมไม่แน่ใจจะมาได้ตอนไหนเพราะเริ่มสอบอังคารนี้แล้ว  อาจจะแวบๆมาบ้างไม่อยากให้รอนาน หึๆ
ปอลอลิง  หลายคงคงกลัวจะมีดราม่าเรื่องพี่เมฆ-น้องรันต์  เปรมขอออกตัวไว้ก่อนว่าไม่มีแน่นอน  เขาเป็นแค่เพื่อนกันนนน  พี่เมฆอ่ะเปรมชอบสุด คุณสามีแห่งชาติและสามีเปรม(มโน)เอง :z6: :z2:


{โปรดติดตามต่อไป...}  :katai5:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 11♡ [9/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 09-12-2016 20:52:33
อิอิ เริ่มหวั่นไหวแล้วอะดิ
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 11♡ [9/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 09-12-2016 21:02:29
พี่ทศพยายามมากที่จะให้รันต์พูดเพราะด้วยสินะ แต่ตัวเองก็ไม่ยอมพูดเพราะ ๆ กับรันต์
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 11♡ [9/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 09-12-2016 21:06:16
นึกว่าจะไม่ยอมช่วยน้องซะละ
พี่ยักษ์นี่ก็แอบใจดีนะเนี่ยถึงจะมีข้อแลกเปลี่ยนก็เถอะ 555+

ว่าแต่จูบกันนี่อะไรยังไง ผู้ชายถ้าไม่คิดอะไรไม่จูบกันนะ หึหึ
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 11♡ [9/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: จอมจุ้น6002 ที่ 09-12-2016 21:20:22
แอบมีใจนะยักษ์  :katai2-1:
สองคนนี้เคยรู้จักกันมาก่อนหรือเปล่า?
น่าสงสัยๆ   :ruready
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 11♡ [9/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 09-12-2016 21:50:14
 :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 11♡ [9/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 09-12-2016 22:03:02
นึกไว้แล้วว่าทศต้องช่วยรันต์
แต่ช่วยแบบมีข้อแม้
เง้อออ.....พี่ทศ จูบรันต์ ดีพคิสซะด้วย :ling1: :ling1: :ling1:
แถมรันต์ รีบหาข้อมูลทันที กร๊ากกกกก
ทศ ออกแนวหึงรันต์ ที่ใส่ใจพี่สมิท  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ทศ ช่วย เพื่อนทศก็ช่วย
คราวนี้รายได้ทะลุเกินเป้าแน่ๆ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
นึกภาพออกเลย เพื่อนรันต์เก่ง ยิ้มแก้มฉีกถึงหู
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 11♡ [9/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 09-12-2016 22:08:42
คือจริงๆ พี่ยักษ์อยากให้น้องแทนตัวเองว่า น้องรันต์ใช่ไหม?

แหมๆๆๆ แล้วยังจะมีแอบหวงตลอดเลยน๊าาา
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 11♡ [9/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 09-12-2016 22:24:05
 :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 11♡ [9/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 09-12-2016 22:36:58
ไม่เมาด้วย

 :impress2:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 11♡ [9/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: fsbeentaken ที่ 09-12-2016 22:58:52
รันต์สาวแตกมากกก5555 แต่น่ารักจุง :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 11♡ [9/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 09-12-2016 23:08:16
 :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 11♡ [9/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 09-12-2016 23:43:26
 :z1:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 11♡ [9/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: rsmrypngpth ที่ 10-12-2016 00:15:16
โถ่ เมฆ ฮ่าๆๆๆๆๆ รันต์ไม่มองว่าการจูบกับนายเป็นจูบจริงๆ อะ โถ่ๆๆๆ น่างสาร

#ทีมยักษ์
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 11♡ [9/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 10-12-2016 00:21:59
ว้ายยย ถ้าน้องรันต์อยากรู้ก็ไปถามเจ้าตัวเลยสิคะ
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 11♡ [9/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 10-12-2016 06:22:27
 o13
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 11♡ [9/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 10-12-2016 09:34:55
พี่ยักษ์น่าย้ากกก  :ling1:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 11♡ [9/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 10-12-2016 10:16:56
 o13
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 11♡ [9/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ป้ากิ่งkingkarn ที่ 10-12-2016 11:58:37
อยากให้รันต์แทนตัวเองว่า....น..น..น้องใช่ปะพี่ยักษ์ น่ารักขึ้นเรื่อยๆเลยนะคะ^^
รอเชียร์กีฬาตอนต่อไป ขอบคุณค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 11♡ [9/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: andaseen ที่ 10-12-2016 20:59:20
เพิ่งเข้ามาอ่าน ชอบๆๆ  :m4:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 11♡ [9/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 10-12-2016 21:38:29
พี่ยักษ์ปล่อยระเบิดให้น้องหวั่นไหวซะแล้ว
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 11♡ [9/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Ujeen ที่ 11-12-2016 23:42:41
อ่านรวดเดียวไม่ยอมหลับยอมนอน :katai1:
สนุกมากกกก ชอบๆ พี่ทศเริ่มชอบน้องรันต์แล้วใช่มั้ยล่าาาาาาา  :z1:
รอตอนต่อไปค่ะ :3123:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 11♡ [9/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 12-12-2016 20:45:30
ดีย์~
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 11♡ [9/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: จอมจุ้น6002 ที่ 14-12-2016 15:13:04
คิดถึงยักษ์  :z3:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 11♡ [9/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 15-12-2016 13:53:09
ตามไปเรื่อยๆ



แม้จะมาสั้นๆ
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 11♡ [9/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: จอมจุ้น6002 ที่ 17-12-2016 22:16:51
ยักษ์ ยักษ์ ยักษ์
รันต์ รันต์ รันต์
คิดถึงงงงงงงง  :m15:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 12♡ ++50%++[18/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 18-12-2016 17:06:56
12.1



อื้อ  อึดอัดว่ะ  อะไรมารัดตัวกูตอนนี้วะ  คนจะนอน   ผมตะแครงตัวหันไปอีกด้าน  แต่แรงกอดรัดก็ยังไม่คลายออก  มิหนำซ้ำยังกระชับแน่นขึ้นยิ่งกว่าเดิมจนผมหงุดหงิดขึ้นมาหน่อยๆแล้ว   หรือว่า...

เฮ้ย!  อย่าบอกนะว่าผีอำ!!!  ค่อยๆลืมตาขึ้น

  ผมกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่แล้วเบนสายตาลงต่ำไปที่สัมผัสหนักอึ้งบริเวณเอว

เฮือก!! ขะแขนใครวะ  ผมไม่กล้ามองต่อกลัวหันไปจ๊ะกับสิ่งเหนือธรรมชาติ  ผมหลับตาปี๋ปากก็ท่องสวดมนต์ถูกๆผิดๆ  สลับกันไปมาคนละบท  ไปๆมาๆแม่งแร็ปบทสวดเลยกู  ช่างแม่มเหอะ!ขอให้มันไปก็พอ!

“รันต์กูจะนอน  รำคาญว่ะ”แรงกอดที่เอวแน่นขึ้น  บางอย่างซุกมาที่หลังคอผม

เหี้ยยยย  ผีรู้จักชื่อกูอีกแถมง่วงเป็นด้วย  เอ๊ะ  แล้วไอ้สัมผัสอุ่นๆเหมือนลมหายใจรดต้นคอนี่คือไรวะ?  ผีหายใจได้หรอ?

ผมลืมตาพรึ่บ  เอาวะ!เป็นไงเป็นกัน  ผมตัดสินใจพลิกตัวไปดูให้เต็มๆว่ามันคืออะไรกันแน่

‘อ่ะไอ้ยักกกกกก  มึงกอดกูอีกแล้วนะโว้ยยยยยย’  ผมขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างทำอะไรไม่ได้  ได้แต่ร้องตะโกนในใจ  ไม่สบอารมณ์จริงๆเมื่อเจอไอ้ตัวต้นเหตุชัดๆ  กูก็นึกว่าผี 

ไม่ๆรันต์นั่นไม่ใช่ประเด็น  ที่ทำผมโมโหคือมึงฉวยโอกาสกับกูอีกแล้ว 

ผมแกะมือปลาหมึกทศกัณฐ์ออกจากเอวอย่างแรง  แต่คือแม่งไม่กระดิกสักนิด

“ทศกัณฐ์  ปล่อยยยยย”ผมร้องดังๆให้มันตื่น  นี่มันไม่ใช่นิสัยผมเลยนะครับ  ไอ้การโหวกเหวกโวยวายเนี่ย  แต่กับไอ้ยักษ์เจ้าเล่ห์นี่ไม่ไหวจริงๆ

“โวยวายอะไรแต่เช้าวะ”ปากพูดแต่ตาหลับเป็นทองไม่รู้ร้อน  คิ้วขมวดกันยุ่ง

“ก็พี่ทำอะไรล่ะ  ใช่เรื่องไหมเนี่ยมานอนกอดคนอื่น”

“จะหวงอะไรนักหนา  ผู้ชายเหมือนกัน” ก็เพราะผู้ชายนั่นแหละโว้ย!!!เขานอนกอดกันที่ไหนล่ะ

“ผู้ชายบ้านพี่นอนกอดกันหรอวะ”ผมถามงงๆ  คิ้วขมวดชนกัน  หรือที่เมืองนอกผู้ชายเขานอนกอดกันเป็นเรื่องปกติวะ

“เออ”ตอบแล้วลืมตาสีเขียวหม่นๆขึ้นมามองผม  แววตาเขาขุ่นมัวเล็กน้อยจากการโดนรบกวนการนอน

‘แล้วผู้ชายบ้านมึงเขาจูบกันไหมวะ’  ผมได้แค่คิดไม่กล้าพูดออกไป

“มองหน้าจะพูดอะไร?”ทศกัณฐ์ถาม  ผมพึ่งสังเกตว่าหน้าเราใกล้กันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่

“เปล่า  ปล่อยดิ๊มันสายแล้ว  วันนี้รันต์มีเรียนเช้า”ผมปฏิเสธแล้วบอกเขาดีๆ  ทศกัณฐ์คลายอ้อมแขนออกให้อย่างว่าง่าย  ผมดีดตัวลุกอย่างรวดเร็ว

พรึ่บ! ตัวผมเอนลงที่เดิมเพราะอาการหน้ามืดจากการลุกกระทันหัน

“หึๆๆ”เออ  หัวเราะได้หัวเราะไป  อย่าพลาดนะจะทำให้หัวเราะไม่ออกเลย  ผมค่อยๆขยับลุกช้าๆ  เดินไปเข้าห้องน้ำโดยไม่สนใจอีกคนที่นอนอารมณ์ดีมองอยู่

หลายๆคนก็คงสงสัยการกระทำของทศกัณฐ์  ตัวผมเองก็สงสัยครับ  ช่วงนี้ดูเข้าหาแปลกๆแต่ก็ไม่อยากถามอะไรไปมากกว่านี้  ผมก็ไม่รู้ว่าต้องทำตัวยังไงเหมือนกัน  ให้มันเป็นแบบนี้ก็อาจจะดีกว่าก็ได้

ไม่นานหลังจากนั้นผมก็ออกมาเตรียมอาหารเช้า  ทศกัณฐ์ยังคงนอนต่ออยู่ในห้อง  ก็มันพึ่งจะหกโมงครึ่งยังไม่ใช่เวลาตื่นเขาหรอก

วันนี้ผมทำเบคอนรมควัน  ไข่ดาว  แล้วก็ขนมปังปิ้งทาแยมสตอเบอร์รี่ไว้ให้ทศกัณฐ์

ครับคุณฟังไม่ผิด  ไอ้ยักษ์เถื่อนมันชอบสตอเบอร์รี่มาก  ทั้งแยมทั้งผลไม้ต้องติดตู้เย็นไว้ไม่มีขาด  อ้อเหมือนจะมีสาลี่เพิ่มขึ้นมาอีกอย่างนะ

แก็ก

ผมเปิดประตูเข้าไปในห้อง  เขาก็ยังหลับในชุดนอนตัวโปรดบนเตียงอยู่เหมือนเดิม

“คุ...พี่  ตื่นได้แล้ว”ผมเดินไปกระชากผ้าห่มออกจากตัวทศกัณฐ์  มันมุดหน้าลงหมอนหนีผมเฉย

“เออตามใจ  ผมทำอาหารเช้าไว้แล้วนะ  กลับล่ะ”ผมหันหลังกลับจะออกจากห้อง  ไม่ตื่นก็เรื่องของมึง

หมับ!สัมผัสจับที่แขนทำให้ผมชะงักแล้วหันไปเลิกคิ้วมองไอ้คนที่อยู่บนเตียง

“อาบน้ำนี่แหละใส่ชุดกูไปก่อน  เดี๋ยวไปส่ง”ทศกัณฐ์บอกขณะกำลังงัวเงียในท่านั่ง

“ไม่เอา  เดี๋ยวกลับไปอาบหอ  พี่นอนต่อเหอะ”พึ่งนึกได้ว่าวันนี้เขาน่าจะเรียนบ่าย

“มันเสียเวลาไหม  กว่าจะกลับหอแล้วไปมหา’ลัยอีก”เออ  ก็จริง

“พี่มีชุดนีกศึกษาหรอ”ปกติเห็นแต่ใส่ชุดลำลองไปเรียน

“มี2-3ชุดมั้ง  ไปดูเอาในห้อง  อาบห้องนั้นไปเลย”ทศกัณฐ์บอก  ตาก็เหมือนจะปิดตลอดเวลา

“ถ้าง่วงขนาดนั้นไม่ต้องก็ได้นะ  เดี๋ยวอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วไปเองก็ได้”

“กูบอกว่ายังไง?บอกให้ทำอะไรก็ทำไม่ใช่หรอ?”เออออ  เรื่องของมึงเถอะถ้างั้น

“เออ!อยากทำอะไรก็ทำ  เหอะ!”ผมตอบอย่างหงุดหงิด

“ว่าไงนะ!คนปากดีจะโดนอะไรรู้ไหม?”ทศกัณฐ์ขยับลุกขึ้นจากเตียงมายืนเผชิญหน้าผม  ผมพยายามบิดข้อมือออกจากมือเขาแต่ไม่สำเร็จ  มืออีกข้างยกขึ้นปิดปากอัตโนมัติส่ายหน้าไปมา

“แล้วอยากรู้ไหม?”มุมปากทศกัณฐ์กระตุกยิ้มอย่างอารมณ์ดี  มึงถามอย่างเดียวหน้าไม่ต้องขยับมาใกล้ได้ไหมวะ  ผมไม่ตอบถลึงตาใส่เขาแทน  อะไรเนี่ย  ไหงสถานการณ์มันพลิกได้วะ  กลายเป็นกูถูกต้อนแทนซะงั้น

“ว่าไง?ไม่พูดไม่ปล่อย  สายก็เรื่องของมึง”มันว่าแล้วเหลือบสายตามองนาฬิกามี่ผนัง  ผมหันไปมองตาม

เชี่ย!!! เจ็ดโมงกว่า จะแปดโมงแล้วครับ  ผมมีเรียน9โมงเช้าครับ วิชาเอกด้วยวันนี้

“ไอ่อากอู๊  อ่อย!(ไม่อยากรู้  ปล่อย!)”ผมจำใจบอกขณะที่มือยังปิดปากอยู่เสียงเลยอู้อี้ๆ

“พูดอะไรวะ  ไม่รู้เรื่อง”

“ก็บอกว่าไม่อยากรู้งะ...จุ๊บ!...มึง!!!”แม่งเล่นทีเผลอตอนผมเอามือออกอ่ะ  ถึงจะแค่จุ๊บเร็วๆแล้วผละออกก็เถอะ  ครั้งนี้ผมบิดข้อมือออกได้แล้วกระชากคอเสื้อมันอย่างเอาเรื่อง  ทศกัณฐ์แค่แสยะยิ้มให้อย่างไม่ทุกข์ร้อน

“มากไปแล้วนะ  เล่นเหี้ยอะไรเนี่ย!กูไม่ตลก”ผมตะคอกอย่างเอาเรื่อง

“ไม่ได้เล่น”

“แล้ว...แล้วมึงมาจูบกูทำไม!” กระดากปากจะพูดจริงๆ

“กูพอใจ” มันยักคิ้วให้ข้างหนึ่ง  ผมได้แต่กัดฟันกรอดๆ

“มึงจะคิดมากทำไม  ไม่มีอะไรบุบสลายสักหน่อย  ที่ยุโรปเขาก็จูบทักทายกันเป็นปกติ  หรือมึงจะเถียง?”

“แต่...เราเป็นผู้ชายนะ”เสียงผมอ่อนลงเล็กน้อย

“ที่มึงกับเพื่อนมึงยังจูบกันได้เลย  หรือว่าเพื่อนแต่ปาก  หึ!”

“เพื่อนโว้ย!!”ผมแก้ตัวทันที  มันเห็นหรอวะ?แล้วไอ้สายตาเย็นชานั่นหมายความว่าไง?

“แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ไม่ได้สนิทกันมากพอที่จะทำแบบนั้นนี่”ผมยังเถียงต่อ  ทศกัณฐ์เพียงยักไหล่  มือเขาปลดมือผมออกจากคอเสื้อตัวเองแล้วตอบ

“สนิทกับกูไว้ไม่ดีตรงไหน?  มึงเรียนเศรษฐศาสตร์มา  อะไรที่มันให้ผลประโยชน์ทำไมไม่รู้จักคิด”อ้าว  สรุปกูผิดอีก

“ผลประโยชน์อะไรมิทราบ”

“ถ้าทำให้กูพอใจได้มึงขอหรืออยากได้อะไรมันก็ไม่ยากเลยใช่ไหมล่ะ   แล้วการที่กูจูบมึงแสดงว่ากูพอใจถึงทำ  ไม่คิดล่ะ?”หรอทศกัณฐ์หรอ  เหตุผลดูมีประโยชน์ต่อตัวกูมากเลยครับ

“แล้วพี่มาพอใจจูบกับรันต์ทำไม”

“ก็...สตอเบอร์รี่มั้ง”มันว่าจบก็เดินเข้าห้องน้ำไปเลย  แล้วทำไมกูต้องหน้าร้อนๆวะแม่ง!!!


++++++++++++++++++++++

มหาวิทยาลัย YU

“เลิกเรียนกี่โมง”ทศกัณฐ์ถามขณะรับหมวกกันน็อคจากผม

“เที่ยง  ทำไมอ่ะ”ผมตอบมือก็จัดทรงผมให้เข้าที่

“ได้ไปไหนต่อรึเปล่า”มือยื่นมาช่วยจัดทรงผมให้  ผมมองซ้ายขวาดูคนปัดมือเขาออกอย่างรวดเร็ว  เดี๋ยวคนมาเห็นจะเป็นเรื่อง  ถึงตอนนี้เราจะอยู่หลังตึกเรียนและทศกัณฐ์สวมหมวกไว้อยู่ก็เถอะ

“ไม่  พี่มีอะไรรึเปล่า”

“วันนี้กูมีเรียนบ่าย  ไม่มีคนเฝ้าไอ้สมิธ  ถ้ามึงว่างก็ไปดูมันหน่อยละกันกูรำคาญมันถามหามึง  เดี๋ยวตอนเย็นไปรับกลับคอนโดฯ”เขาดูเป็นคนแข็งๆแต่ดูรักเพื่อนอย่างไม่น่าเชื่อเลย  ที่ผ่านมาพี่สมิธอยากทำอะไรก็ไม่เคยขัด

“ได้ครับ”รับปากไป  ยังไงก็ว่างอยู่แล้ว

“อืม  ไปเถอะจะสายแล้ว”ผมพยักหน้ารับ  ยกมือไหว้เขาตามมารยาทแล้วเดินจากมาก่อนจะได้ยินเสียงรถบิดออกไป

ผมเดินเข้าตึกก็เจอกับเมฆนั่งรออยู่ก่อนแล้ว  เราทักทายกันตามปกติก่อนจะรีบขึ้นเรียนเพราะใกล้เวลาเต็มที
.
.
.
.
.

“รันต์เพื่อนร้ากกกกก” พออาจารย์ออกจากห้องไปปุ๊บไอ้เก่งก็ตรงดิ่งมาหาผมทันที

“อะไร?”ผมแกล้งถามงงๆ  จริงๆก็รู้แหละครับว่ามันมาด้วยจุดประสงค์อะไร

“มึงอย่ามา  ที่ให้ทำน่ะถึงไหนแล้ว”

“ถึงนี่แหละ”เมฆกวนตีนมัน  ส่วนผมเก็บของใส่เป้

“อย่ากวนตีนสัส”เก่งทำหน้ายักษ์จะกระโจนไปขย้ำเมฆแต่โดนผมห้ามทัพไว้ซะก่อน

“เออ  เขารับปากแล้ว  แต่พี่สมิธไม่ได้นะพี่เขาป่วยอยู่คงลงไม่ได้”ผมยอมบอกในที่สุด  พี่สมิธผมไม่ได้ถามคิดว่าแผลอาจจะหายไม่ทันลงกีฬาเลยไม่รบกวนดีกว่า

“กูว่าแล้วว่ามึงต้องทำได้รันต์เพื่อนรัก”มันทำท่าจะโน้มตัวมากอดผมแต่ผมเบี่ยงตัวหนีทัน  ผมมองบนเลยล่ะเมื่อกี้  มึงไม่รู้หรอกว่ากูต้องแลกมากับอะไรบ้าง

“หมดหน้าที่กูแล้วนะ  นอกเหนือจากนี้มึงไปจัดการเอง”

“เออ  ขอบใจมากเว้ย”เก่งบอกยกมือตบไหล่ผมแปะๆ

“ไม่เป็นไร”กัดฟันพูดล้วนๆเลยครับ

หลังจากนั้นเราสามคน  ผม  เมฆ  เก่ง  ก็พากันไปกินอาหารกลางวันที่โรงอาหารคณะ  เก่งมันก็ใจดีนะตอบแทนผมด้วยการไปซื้อน้ำซื้ออาหารมาบริการ  ผมก็โอเคอ่ะ  ไม่ขัดศรัทธาเพื่อนอยู่แล้ว

“เออรันต์กูถามอะไรมึงหน่อยได้เปล่าวะ”เก่งถามขึ้นหลังจากที่เรานั่งกินกันไปสักพัก

“ถามว่า?”

“มึงไปสนิทกับแก็งค์พี่ทศกัณฐ์ตอนไหนวะ  บุคลิกอย่างมึงไม่ร่าจะโคจรไปเจอกับพวกพี่เขาได้”เก่งตั้งข้อสงสัย


“ก็...บังเอิญรู้จักเฉยๆน่ะแค่รู้จักนะเว้ย”ผมย้ำชัดเจน  ก็แค่รู้จักกันจริงๆนี่

“หรอ  แล้วไปรู้จักกันได้ยังไง”ไอ้เก่งยังเซ้าซี้ไม่เลิก  วันนี้พูดมากจัง

“กูลืมไปแล้ว”

“อ้าว!”

“มึงแดกๆไปเลยจะเซ้าซี้เหี้ยไรนักหนา”เมฆขัดบทเก่งแล้วคีบลูกชิ้นในถ้วยตัวเองยัดใส่ปากเพื่อน

“แค่กๆสัส  เกือบติดคอกู”

“สม P”

“แต่ว่าวันนี้  ชุดมึงดูตัวใหญ่กว่าตัวมึงมากนะรันต์”อยู่ๆเก่งก็โพล่งขึ้น

“เออนั่นดิ  กูก็ว่าอยู่”เมฆสำทับอีกเสียง

“แค่กๆ  ถามมากว่ะ  แดกๆไปเลยพวกมึง”กลายเป็นผมที่สำลักข้าวมันไก่ซะเอง  ผมไม่ตอบทั้งทั้งคู่แต่ชวนคุยเปลี่ยนเรื่องแทน  พวกมันก็เออออไปตามเรื่อง

แต่มานึกๆดูแล้วการที่ผมได้รู้จักกับทศกัณฐ์มันคือเรื่องบังเอิญจริงๆหรอ?

++++++++++++++++++++++++

โรงพยาบาล C

หลังจากกินข้าวเสร็จผมก็แยกกันกับเมฆและเก่ง  เมฆจะไปซ้อมฟุตบอล  ส่วนเก่งต้องไปห้องสโมฯ  เราก็แยกย้ายกันไปคนละทาง  ตัวผมก็มาเยี่ยมไอ้พี่จิ้งจอกสมิธ

ก็อกๆๆ

ผมเคาะห้องก่อนจะเปิดประตูเข้าไปโดยไม่รอฟังคำอนุญาต  เดินเข้าไปก็เห็นไอ้พี่สมิธกึ่งนั่งกึ่งนอนดูทีวีอยู่บนเตียงอยู่

“ว่าไงไอ้น้องรันต์  ลมอะไรหอบมึงมาเยี่ยมกูได้เนี่ย”ถามทันทีที่เห็นผมโผล่มา

“แท็กซี่ครับ  ผมบินไม่ได้”

“กวนตีน!เออ  มึงมาก็ดีแล้วกูกำลังเซ็งๆอยู่พอดี”หางานให้กูอีกล่ะสิ

“ผมแค่สงสาร  เลยมาดูเฉยๆนะครับ”ผมทรุดนั่งลงบนโซฟาในห้อง  หยิบหนังสือขึ้นมาอ่านทำเป็นไม่สนใจเขา

“ใจร้ายยยย  กูออกจะคิดถึงมึงขนาดนี้  เชอะ!”พี่สมิธแกล้งทำเสียงกระเง้ากระงอดใส่

“จะอ้วกครับ”

“อ้าวแปบเดียวนี่ท้องแล้วหรอ  ไอ้ทศมันน้ำยาดีจริงๆเว้ย  ฮ่าๆๆ  เอ...ได้ข่าวว่ามึงไปกราบขอร้องอ้อนวอนพวกไอ้ทศให้ลงกีฬาคณะให้หรอ”ผมตวัดสายตาให้ดุๆ  ท้องบ้าอะไรล่ะ

“ก็ไม่ขนาดกราบหรอกครับ...แต่ก็ขอให้ช่วย” เขามองผมด้วยสายตาเจ้าเล่ห์นั่น  มุมปากกระตุกยิ้มส่งให้ผม  อืม...เสียวสันหลังแปลกๆแฮะ

“แล้วมึงทำยังไงมันถึงยอม” กูว่าแล้วไงต้องถาม  ทำไมมีแต่คนอยากรู้จังวะ

“พี่ก็ไปถามพี่ทศเองสิ”ผมปัดไปให้อีกคน

“หืม...เมื่อกี้พูดว่าไงนะ  อ่อ กูว่ากูพอจะรู้แล้วล่ะ J” กูเกลียดรอยยิ้มแสยะนั่นจริงๆ

“ก็ไม่มีอะไรเสียหาย”ผมยักไหล่แล้วเสหน้าลงมองหนังสือ  กลัวไอ้พี่สมิธจะรู้ว่ามีอะไรมากกว่านั้น

“หึๆ  เรามาเล่นเกมส์กันดีกว่าน้องรันต์  กูเริ่มเบื่อละ”

“เกมส์อะไรอีกครับ?”ผมเงยหน้ามองเขาอีกครั้ง

“ก็เกมส์ทายปริศนาง่ายๆนี่แหละ  แต่...” ผมว่ามันต้องไม่ใช่เรื่องดี

“คนแพ้ต้องทำตามที่คนชนะบอกนะ ฮิๆ”พี่สมิธบอกด้วยน้ำเสียงสนุกๆกับไอ้เสียงหัวเราะจิตๆนั่นอีก

“ผมไม่เล่น” ผมปฏิเสธแทบจะทันที  คราวนี้จะให้กูทำอะไรอีกล่ะ  ผมไม่มีทางตกหลุมพรางเขาแน่

“อ้าวป็อดนี่หว่า  ยังไม่ได้ลองเล่นเลย  หรือว่ามึงกลัวแพ้กู  อ่อนกว่าที่กูคิดอีกนะมึงเนี่ย”ผมกัดฟันกรอด  มึงหยามกูเกินไปแล้ว

“ได้!แล้วพี่อย่ามาร้องไห้เสียใจทีหลังละกัน!”

“โอ๊เคD”

+++++++++++++++++50%+++++++++++++++++++

เค้าขอโทษล้านที  มาช้าเหลือเกิน  มันปลีกตัวออกจากหนังสือแทบไม่ได้เลย สอบยังไม่เสร็จด้วย  ฮืออ :katai1:  วันนี้ขอลงแค่ 50%ก่อนนะคะ  พรุ่งนี้จะมาลงให้ครบนะ
ไปแล่วววว :katai5:
ป.ล.มีคนบอกว่าเรื่องบังเอิญไม่มีในโลก  มีแต่ตั้งใจทำให้มันบังเอิญ (จริงร๊อ)

หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 12♡ ++50%++[18/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 18-12-2016 18:05:31
 o13 :L2:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 12♡ ++50%++[18/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: andaseen ที่ 18-12-2016 19:03:06
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 12♡ ++50%++[18/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 18-12-2016 21:23:32
ลงโทษน้องทีเดี๋ยวจูบๆ พอถามยังมีหน้ามาว่าไม่น่าจะคิดมาก ที่ยุโรปเขาก็จูบทักทายกันเป็นปกติ
พี่ลืมหรือเปล่าว่าเมืองไทย ถ้าจูบคือแฟนไม่ก็ผัวเมีย
ที่พี่ว่าไม่มีอะไรบุบสลาย มีนะพี่ทศ ใจสลาย ถ้าพี่ทศไม่คิดอะไรกับน้องรันต์

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 12♡ ++50%++[18/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 18-12-2016 21:46:37
แพ้ทุกราย ไอ้พวกหยามไม่ได้เนี่ย :z6: :z6: :z6:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 12♡ ++50%++[18/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 18-12-2016 22:00:17
โดนหลอกอีกแน่ๆ

 :laugh:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 12♡ ++50%++[18/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 18-12-2016 22:14:20
น้องรันต์ของพี่ตกหลุมพรางอีกแล้ววว
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 12♡ ++50%++[18/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 18-12-2016 22:19:50
ชวนน้องเล่นเกมไรเนี่ย 5555+

งานนี้น้องรันต์ตกหลุมพี่สมิธแน่ๆ หุหุ
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 12♡ ++50%++[18/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 18-12-2016 22:27:21
หลงกลคุณจิ้งจอกแล้วล่ะน้องรันต์
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 12♡ ++50%++[18/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: benzdekba ที่ 18-12-2016 22:48:51
 :ling1:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 12.1♡ ++50%++[18/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 18-12-2016 23:50:26
ชอบๆ ติดตามๆ  o18
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 12.1♡ ++50%++[18/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 18-12-2016 23:56:51
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 12.1♡ ++50%++[18/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: arissara ที่ 18-12-2016 23:57:51
ยั่วยุได้ตล๊อดดด ตกหลุมเก่งมากกกก
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 12.1♡ ++50%++[18/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 19-12-2016 00:14:02
 :z13:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 12.1♡ ++50%++[18/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 19-12-2016 00:27:03
ทำไมรู้สึกว่าน้องโดนแกล้ง?

น่าเอ็นดูก็อย่างนี้แหละเนอะ. ใครๆก็อยากเล่นด้วย. 5555
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 12.1♡ ++50%++[18/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 19-12-2016 13:28:17
น้องเริ่มน่ารักขึ้นเรื่อยๆล่ะ
สู้ๆค่ะ จะรออ่านนะ
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 12.1♡ ++50%++[18/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 19-12-2016 18:22:22
อีพี่สมิธ กวงติงน้องรันต์ทำไม :laugh:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 12.2♡ ++100%++[19/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 19-12-2016 19:42:21
12.2


“ผิด!  กร๊ากกกกก  ฮ่าๆๆๆๆ  กูชนะๆๆ โอ๊ย!เจ็บแผล  ฮ่าๆๆ”เออรู้แล้ว  จะย้ำอะไรนักหนา  พี่สมิธดูสะใจมากครับ  หัวเราะลั่นห้อง  เป็นไงล่ะ  เจ็บแผลเลย

“ทำอะไรไม่เจียมสังขาร  สม!”ผมว่าให้แม้จะเจ็บใจอยู่มากก็ตาม

“ก็มึงมันอ่อนนี่หว่า  ตอบไม่ถูกสักข้อ  ฮ่าๆๆๆ”พี่สมิธพูดไปหัวเราะไป  มือนึงก็กุมแผลไว้อีกมือก็ปาดน้ำตาที่หางตา  มันต้องตลกขนาดนั้นเลยหรอวะ

อย่าที่ทุกคนคาดไว้ไม่มีผิดครับ  ผมแพ้ไอ้พี่สมิธแบบราบคาบเลยล่ะ  แต่มันยังไม่น่าเจ็บใจเท่าไอ้การแสดงออกว่าสะใจเว่อร์ๆจนออกนอกหน้าของไอ้พี่สมิธหรอกครับ  ผมหน้าบึ้งกำมือแน่น  เจ็บใจโว้ยยยยย

“อ่ะๆอย่ามาโกรธกูนะ  แค่ทายว่ากูเคยเลี้ยงอะไรระหว่างหมากับเหี้ย  แค่เนี้ยก็ตอบไม่ได้”คนดีๆที่ไหนเลี้ยงเหี้ยครับ ผมถามหน่อย

มันเป็นเกมส์ทายใจง่ายๆครับ  คนถามเขียนคำตอบที่ถูกไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว  มีตัวเลือกให้ตอบเพียงสองตัวเลือก  คือโอกาสถูกมัน 50-50 อ่ะครับ  แต่10ข้อที่ผ่านมาผมทายไม่ถูกเลย!!!  ข้อไหนที่ผมตอบแบบปกติๆคำตอบที่มันเลือกก็จะพิสดารๆอ่ะครับ  ส่วนนึงที่ทำผมเขวก็ไอ้สีหน้าท่าทางของไอ้พี่สมิธบ้านี่แหละ  แม่ง  ในขณะที่ผมตอบไม่ถูกเลยสักข้อไอ้พี่สมิธกลับทายใจผมถูกไปถึง7ข้อ  มันไม่น่าเชื่อจริงๆนะ

“มึงดูไม่ยากหรอกรันต์  ถ้ารู้จักนิสัยมึงสักหน่อยก็ตอบได้แล้ว  ฮ่าๆๆ”แล้วพี่มารู้จักนิสัยผมตอนไหนวะ

“พี่ไม่ต้องพูดมาก  จะให้ทำอะไรก็ว่ามา”ผมบอกเสียงแข็ง

“กูชอบมึงก็ตรงนี้แหละน้องรันต์  รักษาสัญญาเสมอ”เฮ้อ  ผมจะไม่ตกหลุมพรางมันอีกแล้ว

“มาใกล้ๆกูดิ๊”พี่สมิธกวักมือเรียกไปใกล้ๆเตียงที่เขานอนอยู่  ผมจำใจเข้าไปอย่างทำอะไรไม่ได้

“ถ้าให้ทำอะไรแผลงๆไม่เอานะ”ผมชิงดักคอไว้ก่อน

“เออน่า  ยกนิ้วก้อยขึ้นมา”พี่สมิธบอกยิ้มๆ  ผมทำหน้างงๆแต่ก็ยอมชูนิ้วขึ้นมา

หมับ! พี่สมิธยกนิ้วก้อยตัวเองมาเกี่ยวกับนิ้วก้อยผมไว้แน่น

“เฮ้ย  พี่จะทำอะไรวะ”ผมร้องอย่างตกใจ

“ที่เมืองไทยการเกี่ยวก้อยนี่คือการสัญญากันใช่ไหมวะ”คนตรงหน้าถามเสียงจริงจังแต่ยังมีรอยยิ้มประทับอยู่

“ไม่เอาาาา  จะให้ทำอะไรก็บอกมา  ไม่สัญญาโว้ย”ผมพยายามจะสลัดมืออีกคนออก  แต่เขาก็เกี่ยวไว้แน่นจนเลือดผมไม่เดินแล้วครับ

“นับจากนี้มึงมาเป็นน้องรักกู  สัญญากัน!”เขาบอกแล้วเขย่านิ้วที่เกี่ยวกันไปมาเหมือนตกลง  ยิ้มแป้นให้ผม  ตาสีฟ้าเปล่งประกายสดใส

“ห๊ะ!”อะไรของพี่วะ  ผมเกาหัวแกร๊กๆเลย

“ตามนั้น”บอกเสร็จก็ปล่อยเลย

“เฮ้ย!ไม่เอา”เดี๋ยวแม่งหาเรื่องแกล้งกูอีก

“ไม่สน  ไม่แก้”มือกอดอกแล้วก็สบัดหน้าไปอีกทาง  เอ่อ  คิดว่าทำแล้วน่ารักหรอวะ-_-

“...”หมดคำจะพูดจริงๆครับ  กับคนดื้อแบบนี้ผมรับมือไม่ค่อยถูก  ถ้าร้ายๆใส่ยังจะดีกว่า  ผมทรุดนั่งลงเก้าอี้ข้างๆเขา  เราดูทีวีกันเงียบๆไปสักพัก

“ผมลูกคนเดียวไม่เคยมีพี่น้อง  ผมไม่รู้ว่าต้องทำยังไงกับคนเป็นพี่  เพราะฉะนั้นอย่าคาดหวังอะไรจากผมมากนะครับ”ผมพูดลอยๆขึ้นมา  ตาก็ยังมองทีวีอยู่

หมับ!แรงกอดจากคนข้างๆที่โน้มตัวลงมากอดทำเอาผมอดสะดุ้งไม่ได้  แต่ก็ไม่ได้ผลักเขาออกไป

“ขอบคุณ”เสียงแผ่วๆที่ข้างหูทำให้ผมอดยิ้มกับตัวเองไม่ได้  ดีแล้วที่ตัดสินใจแบบนี้

อย่างน้อยก็ไม่มีอะไรเสียหายนี่...มั้งนะ

+++++++++++++++++++++

หลังจากนั้นไม่นานคุณหมอก็เข้ามาดูอาการพี่สมิธ  ฉีดยาใส่น้ำเกลือให้หนึ่งเข็ม  พูดเจี้ยวจ้าวได้พักเดียวก็หลับไป  ส่วนผมก็เอาหนังสือมาอ่านฆ่าเวลาเล่น  ใกล้สอบมิดเทอมแล้วครับต้องฟิตหน่อย

แก็ก  เสียงเปิดประตูห้องดังขึ้น  ผมเงยหน้าจากหนังสือขึ้นไปมองเจอพี่เซนท์กับพี่ใจดีเดินเข้ามา

“น้องรันนนน”พี่เซนท์วิ่งถลาเข้ามากอดผมหมับ  ผมเงยหน้ามองพี่ดีส่งยิ้มเจื่อนๆให้  พี่เขาก็ส่งยืมคืนนิดๆไม่ได้ส่งรังสีแปลกๆมาให้ผมเหมือนก่อน  แต่ไอ้แก็งค์นี้ชอบกอดกันจริงๆวุ้ย  เหลือพี่ดีนี่แหละ...ซึ่งผมไม่เอาแน่ๆครับ

สายตาผมเผลอกวาดมองหาใครอีกคนที่ยังไม่โผล่มา  คือผมอยากกลับเฉยๆหรอก

“ไอ้ทศกำลังตามมา  มันไปทำธุระแปบนึง”พี่เซนท์บอกหลังจากผละออกจากผมแล้วนั่งลงโซฟาข้างๆกัน

“อ่อครับ”

“น้องรันต์ได้กินอะไรรึยังเนี่ย”พี่เซนท์ชวนคุย

“ผมกินตั้งแต่เที่ยงแล้วครับ”ผมบอกยิ้มๆ

“โห นี่จะสี่โมงแล้วไม่หิวแย่หรอ”

“นิดหน่อยครับ  ผมกินผลไม้รองท้องบ้างแล้ว”โดนไอ้พี่สมิธจับยัดครับ

“ไม่ได้นะกินแค่นี้จะไปอิ่มได้ยังไง  มิน่าน้องรันต์ผ้อมผอม”พี่เซนท์ว่าดุๆ  ผมก็ไม่ได้ผอมขนาดนั้นซะหน่อย

“ใช่  ในขณะที่มึงกำลังจะอ้วนเป็นหมู  หนักมากหลังแทบหัก”พี่ดีว่าเสียงแกล้งๆ

“ชิ  ใครใช้ให้มึงแบก  ทีหลังก็ไม่ต้อง”พี่เซนท์ว่าเสียงเหวี่ยงๆ  แก้มก็ป่องๆน่าหยิกจริงๆ  แต่ไม่ทันขาดคำพี่ใจดีก็ยื่นมืมาหยิกแทนผมจริงๆ  ก็เขาน่าหมั่นเขี้ยวจริงๆนี่

“เจ็บนะ!โกรธมึงแล้ว  ป่ะน้องรันต์  ไปหาอะไรกินรอไอ้ทศกัน  ส่วนบางคนก็ปล่อยเฝ้าไอ้สมิธไป”ว่าจบก็ลากผมออกจากห้องเลยมาครับแต่ก็ยังได้ยินเสียงพี่ใจดีแว่วมาก่อนออกจากห้องอยู่ดี

“หึๆพูดยังไม่ทันขาดคำ”
.
.
.
.
.
.

“พี่อ้วนจริงๆหรอน้องรันต์”พี่เซนท์ถามหงอยๆ

“อืม  ก็ไม่นะครับ  กำลังดีเลย”ผมบอกยิ้มๆ

“จริงหรอ  เห็นไหมไอ้ดีอ่ะเว่อร์”คนข้างๆยิ้มกว้างจนตาหยี  น่ารักจริงๆนะครับ

เราเดินมาจนถึงโซนขายอาหารสำหรับญาติผู้ป่วย  มีแต่อาหารน่ากินๆทั้งนั้นเลยครับ

“อ่ะพี่เซนท์  เดี๋ยวผมขอไปกดตังค์แปบนึงนะครับ  พี่เซนท์ไปซื้อก่อนเลย”ผมหันไปบอกอีกคน  เมื่อสายตาหันไปเห็นตู้ATM

“โอเค  เดี๋ยวพี่รอไปเถอะ”ผมพยักหน้ารับแล้วรีบเดินไปที่ตู้

หืม...เงินเพิ่มมาจากไหน 5 แสนวะ?

มีการโอนผิดรึเปล่านะ  ถ้าบอกว่ามาจากป้าพิมพ์ยิ่งไม่น่าใช่  บัญชีนี้ผมไม่เคยบอกใคร

เอาเถอะ  พรุ่งนี้ค่อยไปที่ธนาคารละกัน

ผมตัดสินใจกดเงินออกมาจำนวนหนึ่ง  แใจะยังติดใจเรื่องเงินที่โผล่มาไม่หายก็เถอะ

“น้องรันต์เป็นอะไร  คิ้วขมวดกันเชียว”พี่เซนท์ถามเมื่อผมเดินกลับไปหาเขา

“เปล่าครับ  เราไปหาอะไรกินกันดีกว่าเนอะ”ผมส่งยิ้มให้คลายกังวล

++++++++++++++++++++++++

Rrr  Rrr  Rrr

เสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้น  เป็นเบอร์แปลก  ผมจึงขอตัวออกไปรับที่นอกระเบียง

“สวัสดีครับ”

(รันต์) ใครวะ

“ครับ?...”

“ลงมารอหน้าโรงพยาบาล”

“ใครครับเนี่ย?”

(ทศกัณฐ์) อ่อ  ถึงว่าเสียงคุ้นๆ

“ครับ”

(อืม) ติ้ด! วางสายใส่อีก

ผมเดินเข้าไปบอกลาพี่ๆในห้อง  พี่สมิธตื่นแล้ว  งอแงนิดหน่อยแต่โดนพี่เซนท์โบกไปทีก็เงียบปากได้

ผมเดินออกมารอที่ฟุตบาธหน้าโรงพยาบาลไม่ถึง10นาที  ดูคาติคันคุ้นตาก็มาจอดเทียบ  มืออีกคนยื่นหมวกกันน็อคให้ผม  เมื่อสวมเรียบร้อยผมก็ก้าวขึ้นซ้อนอีกคน  มือเกาะบ่าอย่างเคยชิน

บรืนนนน

ทศกัณฐ์ออกรถอย่างรวดเร็ว  ขับฉวัดเฉวียนจนผมต้องเลื่อนมือจากเกาะบ่าเป็นกอดเอวคนข้างหน้าไว้แน่น  กลัวหลุดตกรถครับ  วันนี้เขาอารมณ์เสียรึเปล่านะถึงได้ขับเร็วปาดไปปาดมาขนาดนี้  ปกติถ้าเขาอารมณ์นิ่งเขาขับเร็วก็จริงอยู่แต่เขาจะไม่ขับหวาดเสียวขนาดนี้  นอกจากเขาจะหงุดหงิดมากๆเหมือนที่ผมซ้อนเขาวันแรกนั่นแหละ

ปี๊ดดดดดดดดดด!  ปี๊ดดดดดดดดดด!  เสียงแตรบีบใส่ดังระงม  ถ้าได้ยินเสียงหวอตำรวจผมจะไม่ตกใจเลยจริงๆ
ไม่นานรถก็เข้ามาจอดที่ประจำในคอนโดฯโชคดีที่ไม่มีตำรวจขี่ตามมา  แต่อาจจะมีใบสั่งส่งมาพรุ่งนี้ก็ได้  เหอะ!  พอเขาดับเครื่อง  ผมก็ค่อยลงรถแบบเซๆนิดหน่อยไม่ถึงกับจะอ้วกนะครับ  นั่งจนชินแล้ว  ทศกัณฐ์มาช่วยถอดหมวก  ของเขาถอดออกเรีนบร้อยแล้วครับ

“เป็นบ้าอะไรอีกเนี่ย  ขับรถไม่กลัวตายก็เห็นใจคนที่เขายังไม่อยากตายหน่อย”ผมต่อว่าเขาอย่างหงุดหงิด  ทศกัณฐ์ไม่ตอบหน้าเขานิ่งมาก  แต่แววตาสีเขียวหม่นฉายแววหงุดหงิดออกมาอย่างชัดเจน  ชั่วแวบเดียวทศกัณฐ์ใช้มือข้างที่ว่างคว้าท้ายทอยผมดันให้หน้าผมเข้าไปใกล้หน้าเขาโน้มลงมาเหมือนกำลังจะจูบผม  มือยกหมวกกันน็อคคั่นหน้าอกเขาไว้ทัน  คิ้วทศดัณฐ์ยิ่งขมวดหนักยิ่งกว่าเดิมอีก

“จะทำอะไร!”ผมบอกตาโต  รู้แล้วล่ะว่าเขาจะทำอะไร

“หงุดหงิด”บอกนิ่งๆจะปัดหมวกกันน็อคที่คั่นอยู่ออก

“จะบ้าหรอ  เดี๋ยวมีคนมาเห็น”ผมมองซ้ายขวากลัวว่าจะมีคนมาเห็นจริงๆ  ชอบทำประเจิดประเจ้อ

“ถ้าไม่มีคนเห็นได้ใช่ไหม”อีกคนพูดจบก็ลากผมเข้าลิฟท์ทันที

“อื้อ...”มาจูบกูในลิฟท์แทนเนี่ยนะ  ผมพยายามดันตัวทศกัณฐ์ออกแต่สู้แรงไม่ไหว   ร่างสูงยังบดจูบลงมาอย่างรุนแรง  ผมไม่ได้เปิดปากให้เขาสอดลิ้นเข้ามา  ทศกัณฐ์ก็ไม่ได้บังคับให้เปิดปากยังตะโบมจูบเอาจูบเอาอย่างรุนแรง  นี่เป็นการระบายความหงุดหงิดหรอวะ?

ติ้ง!เสียงลิฟท์ดังขึ้นเมื่อมาถึงชั้น40 โชคดีที่ไม่มีใครกดเข้าลิฟท์  อีกคนก็กึ่งลากกึ่งจูงผมออกจากลิฟท์จนเข้ามาในห้องได้เมื่อไหร่ไม่รู้

ตึ้ง!เสียงหมวกกันน็อคกระทบกับพื้นห้องที่ทศกัณฐ์ทิ้งลงตรงหน้าประตูเรียกสติเบลอๆผมกลับมา  แต่ยังไม่ทันที่สติจะกลับเข้าร่างดี  อีกคนก็จับเข้าที่ท้ายทอยดันให้หน้าผมเข้าไปแนบชิด  กดริมฝีปากสีซีดลงกับริมฝีปากผมอีกครั้ง  รสจูบของทศกัณฐ์ยังคงรุนแรงและร้อนขึ้นเรื่อยๆ  มืออีกข้างเขาบีบแก้มผมให้เปิดปาก  เขาสอดลิ้นเข้ามาเกี่ยวพันสลับกับดูดเป็นระยะๆ

ผมเริ่มหายใจไม่ทัน  ทรุดตัวลงนั่งพิงประตู  ทศกัณฐ์ก็ตามมาจูบโดยที่ริมฝีปากยังไม่ห่างออกจากกันแม้แต่นิด  ผมทุบหน้าอกทศกัณฐ์เมื่อลมหายใจใกล้จะหมดจริงๆ  เขายอมผละออกแต่ริมฝีปากยังคงคลอเคลียวนจูบซับอยู่แถวข้างแก้ม

ผมสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่  ลมหายใจใกล้จะกลับมาปกติแต่สุดท้ายก็โดนอีกคนสูบไปอีกจนได้  ทศกัณฐ์ค่อยๆจูบละเอียดช้าๆมันละมุนวาบหวามจนอธิบายไม่ถูกไม่ได้รุนแรงเหมือนครั้งแรกๆที่จูบไม่ยั้ง  ผมเริ่มเคลิ้มตามนิดๆมือเขาเลื่อนมาจับให้มือผมทั้งสองข้างไปคล้องคอตัวเอง  หน้าอีกคนยิ่งชัดเจนในสายตา  ตาเขียวหม่นที่มองมาทำให้ผมรู้ว่าเขาเริ่มอารมณ์เย็นขึ้นแล้ว

เอาเถอะ!  ท่าทางเขาก็ไม่คุกคามไปมากกว่าจูบ  ปล่อยให้ทำตามใจไปอีกสักพักก็ได้

นี่ผมใจดีเกินไปรึเปล่านะ...?

++++++++++++++++++++++++

ตอนหน้าเตรียมตัว....หึๆๆๆ :hao6:  หลังเปรมสอบเสร็จ 22 เจอกัน  จุ๊ฟๆๆๆ :mew1: :bye2:


{โปรดติดตามตอนต่อไป...}
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 12.2♡ ++100%++[19/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Bunny_tj ที่ 19-12-2016 19:52:47
มาเร็วๆนะ
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 12.2♡ ++100%++[19/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 19-12-2016 20:47:08
นุงรันต์ใจดีจริงๆ >\\<
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 12.2♡ ++100%++[19/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 19-12-2016 20:58:20
 :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 12.2♡ ++100%++[19/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: panitanun ที่ 19-12-2016 21:06:38
โอ้ยยยยยยยยเขินนนนนนนนน :katai4:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 12.2♡ ++100%++[19/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 19-12-2016 21:10:48
ไปหงุดหงิดอะไรมาล่ะพี่ทศ

ว่าแต่...ไม่เป็นไรจ้าาา ใจดีกับพี่ทศได้เต็มที่เลยน้องรันต์ ฮาาาา
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 12.2♡ ++100%++[19/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 19-12-2016 21:20:01
เกิดไรขึ้นกะพี่ทศคะ ผีเข้า หรือไปหึงอะไรน้องมา ลากมาจูบโบ้มๆเฉย  :hao4:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 12.2♡ ++100%++[19/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 19-12-2016 21:28:45
พี่ทศเป็นบ้าอะไรมาเนี่ย :hao4: :hao4:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 12.2♡ ++100%++[19/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 19-12-2016 21:57:54
พี่ทศ หงุดหงิดไรมา  :katai1: :katai1: :katai1:
แต่ยาแก้หงุดหงิดยี่ห้อรันต์ นี่ดีจังเลย
แล้วเงินที่ไหน งอกมาในบัญชีรันต์ เนี่ย :hao7:
ว่าแล้วรันต์ แพ้จริงๆ
แต่แพ้แล้วมาเป็นน้องรักของพี่สมิท ไม่เลวเลย
ขำสัตว์เลี้ยงของพี่สมิท ระหว่างหมากับเหี้ย
แล้วเฉลยเป็นเหี้ย พี่สมิทนี่สุดเกรียนจริงๆ
พี่ดี คิดไรกับพี่เซนท์ ปะเนี่ย
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 12.2♡ ++100%++[19/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 19-12-2016 22:05:44
พี่สมิธวางยาแล้ว

 :laugh:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 12.2♡ ++100%++[19/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 20-12-2016 00:23:38
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 12.2♡ ++100%++[19/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: จอมจุ้น6002 ที่ 20-12-2016 00:45:59
หงุดหงิด น้องรักของพี่สมิธ หรือเปล่าค่ะ
คุณยักกกกกษ์  :z1: :z1:

#เอาใจช่วยคนเขียนเรื่องสอบนะคะ สู้โว้ย!!!
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 12.2♡ ++100%++[19/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 20-12-2016 01:31:00
คุณพี่หงุดหงิดอะไรมาคะ เรื่องพี่สมิธรึป่าว จูบเอาๆจนปากน้องช้ำหมดแล้วมั้งน่ะ
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 12.2♡ ++100%++[19/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: hpimmc ที่ 20-12-2016 02:46:59
ไม่ได้นะคะ จะมาใจดีมากกว่านี้ไม่ได้
น้องรันต์อย่าเพิ่งให้พี่เขากินนะคะ
 :katai2-1: :katai2-1: :katai3:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 12.2♡ ++100%++[19/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: arissara ที่ 20-12-2016 02:48:24
เอิ่มมม น้องคะ คือถ้าใจดีแบบนี้คงไม่ใช่แล้ว เค้าเรียกว่า ,"มีใจ"ค่ะนร๊องงง บ้านพี่เรียกมีใจโว้ยย
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 12.2♡ ++100%++[19/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 20-12-2016 03:00:19
ใจดีเลยให้จูบ ไม่ใช่มั้งน้องรันต์
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 12.2♡ ++100%++[19/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ZYSQ_ ที่ 20-12-2016 09:12:36
 :o8: :o8: :o8:
หงุดหงิดแล้วจำเป็นต้องร้อนแรงเบอร์นี้ไหมคะคุณทศ? อื้อหือ
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 12.2♡ ++100%++[19/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: shoky_9 ที่ 20-12-2016 17:21:52
โอ้โห พี่ยักษ์ร้อนแรงมากกก  :impress2:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 12.2♡ ++100%++[19/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: kaokorn ที่ 20-12-2016 17:44:42
ยกมือรอคร้าบบบบบ
ขอให้ทำข้อสอบได้ฉลุยยยยยย
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 12.2♡ ++100%++[19/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 20-12-2016 21:18:47
น้องรัน ไม่รอดแน่  อิอิ
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 12.2♡ ++100%++[19/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 21-12-2016 01:01:07
 :z3:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 12.2♡ ++100%++[19/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Babelilong ที่ 21-12-2016 12:56:07
รอออออ
พรุ่งนี้มาแน่นะ

 :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 12.2♡ ++100%++[19/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: fsbeentaken ที่ 21-12-2016 22:43:19
มาต่อไวๆเลยค่าาาาา 55555  :hao7:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 12.2♡ ++100%++[19/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 22-12-2016 13:41:45
รู้จักรันมาก่อนแน่นอน แต่ตอนไหนละ
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 12.2♡ ++100%++[19/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Banabananabi ที่ 23-12-2016 00:49:40
 :haun4:รอออออออค่ะ เอาใจช่วยคนน้องให้ไม่รอด อุ๊ว่ะฮ่ะฮ่า  :z1: :hao7: :hao6:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 12.2♡ ++100%++[19/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: จอมจุ้น6002 ที่ 25-12-2016 22:04:26
คิดถึงยักษ์กับน้องรันต์แล้วอ่ะ  :ling1:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 12.2♡ ++100%++[19/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Fonz_Juz19 ที่ 27-12-2016 22:22:32
อยากอ่านแล้ววววววววววววววววว
คิดถึงพี่ยักษ์กะน้องรันต์
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 12.2♡ ++100%++[19/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: aommaboo ที่ 30-12-2016 10:36:35
รอนะค้าา สนุกค่ะๆ ชอบการระบายอารมณ์หงุดหงิดของพี่ทศ5555
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 12.2♡ ++100%++[19/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 06-01-2017 02:39:35
เราจิไปทวงนิยายเรื่องนี้ได้ที่ไหน
คือ มีความรู้สึกพี่ทศน้องรัน รุ้จักกันมานานกว่านี้ ไม่น่าบังเอิญ ทุกอย่างเจาะจงไป อยากอ่านคะ
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 12.2♡ ++100%++[19/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: maxtorpis ที่ 06-01-2017 15:32:36
๙ชอบ
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 12.2♡ ++100%++[19/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Ujeen ที่ 06-01-2017 20:08:50
อูยฟินหลายยยยยย :-[
รอตอนต่อไปนะฮิๆ :hao6:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 12.2♡ ++100%++[19/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 08-01-2017 00:46:48
เริ่มชินรึเปล่านะรัน
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 12.2♡ ++100%++[19/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 08-01-2017 03:05:55
 :z13:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 12.2♡ ++100%++[19/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: จอมจุ้น6002 ที่ 10-01-2017 11:53:02
คนเขียนสอบยังไม่เสร็จเหรอคะ
คิดถึงยักษ์!!! :ling1:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 13♡ [10/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 10-01-2017 15:08:43
ใจยักษ์ 13


Rrr   Rrr  Rrr

จุ๊บ!จ๊วบ!

“อึ่ก...อื้อ...พี่...ทะ...โทรศัพท์...อือ...พอก่อน”มือเรียวพยายามผลักคนตรงหน้าออกจากตัว  แต่อีกคนกลับไม่ถอยห่างดั่งใจ   คนตัวโตกว่าเหมือนไร้สติ  ริมฝีปากอิ่มยังถูกครอบครองจากคนตรงหน้าอย่างไม่รู้จักพอ  ผมใช้กำลังเฮือกสุดท้ายผลักทศกัณฐ์ออกอย่างแรง  ได้ยินเสียงจ๊วบตอนริมฝีปากผละออกจากกันอย่างน่าอาย

“shit!!อะไรวะ!”น้ำเสียงหงุดหงิดของอีกคนทำเอาผมสะดุ้ง  คิ้วขมวดกันยุ่งดวงตาสีเขียวทรงเสน่ห์จ้องคาดโทษมาแบบดุๆ

Rrr   Rrr   Rrr

เสียงโทรศัพท์เครื่องหรูแผดขึ้นมาอีกรอบ

“ก็...โทรศัพท์พี่ดัง  รับหน่อยสิอาจจะมีเรื่องสำคัญก็ได้”ผมบอกแล้วหลบนัยน์ตาสีเขียวหม่นนั่น  แต่สายตาเจ้ากรรมดันเหลือบไปเห็นริมฝีปากอีกคนที่บวมแดงขึ้นมานิดๆ  เผลอเม้นปากตัวแน่นเมื่อนึกว่าของตัวเองต้องเจ่อแดงกว่าอีกคนอย่างไม่ต้องสงสัย

ทศกัณฐ์เสยผมไปด้านหลังอย่างระบายความหงุดหงิด  เสียงโทรศัพท์มือถือหยุดดังแล้ว

คือกูผิดอะไรวะ?

ร่างหนาลุกขึ้นยืนเต็มความสูง  ก่อนจะโน้มตัวช้อนใต้รักแร้ดึงผมให้ลุกขึ้นตาม  มือหนาสวมแว่นใส่ให้ผมที่ไม่รู้ว่าร่วงออกตอนไหน  ผมขยับออกห่างจากอีกคนเผลอกัดริมฝีปากด้วยความเคยชิน

“บอกว่าอย่ากัดปาก”ไม่พูดเปล่ามือหนายังยื่นมาคลึงริมฝีปากให้คลายออก  ลูบไล้อ้อยอิ่งบนริมฝีปากจ้องมองไม่ยอมสายตาละออก  จนผมเริ่มจะทำตัวไม่ถูก  จึงปัดมือเขาออกเบาๆ

“พี่หิวไหม  เดี๋ยวรันต์ทำอะไรให้กิน”เปลี่ยนเรื่องแม่ม

ทศกัณฐ์ไม่ตอบแต่พยักหน้าให้เบาๆ  ผมพยักหน้ารับ  เดินเลี่ยงมาเข้าครัวเพื่อหาอะไรให้คุณท่านยักษ์กิน  ระหว่างที่ทำอะไรง่ายๆให้ทศกัณฐ์  สมองผมก็ฟุ้งซ่านคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้

ผมไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้มันคืออะไร  ทำไมถึงได้ยอมให้เขาทำขนาดนั้น  ก็รู้ว่ามันไม่น่าจะปกติที่ผู้ชายเขากอดจูบกัน  แต่ใจลึกๆผมก็อยากลองนะ  ไม่รู้สิ!  เกิดมาผมไม่เคยลองทำกับใคร  มากสุดก็เมฆที่แตะเบาๆ

แต่สอดลิ้นนี่...ครั้งแรกแฮะ

ผมไม่ได้รู้สึกรังเกียจเหมือนครั้งแรกที่เขาบังคับผม  อืม...อยากลองอีกด้วยซ้ำ

แล้วถ้าลองกับคนอื่นจะรู้สึกแบบนี้ไหมนะ?

ตัวผมได้แต่สงสัย  ใครจะมาอยากลองกับผมวะ  มีแต่ไอ้ยักษ์บ้านั่นแหละที่แปลก!


30นาทีต่อมา

“พี่ครับ  เสร็จแล้วนะ”ผมเดินมาหยุดอยู่ข้างๆทศกัณฐ์  เขานอนหลับเอามือก่ายหน้าผากอยู่ที่โซฟา  มองสำรวจคนตรงหน้าท่าทางเขาเหนื่อยๆ  ผมจะปลุกเขาดีไหมวะ

อืม...งั้นกลับดีกว่า  ปล่อยเขานอนไปเดี๋ยวก็ตื่นมากินเองนั่นแหละ

“อยู่กินด้วยกันก่อน”จังหวะที่ผมหมุนตัวกลับไปที่ประตูหน้าห้อง  เสียงทุ้มของทศกัณฐ์ก็เรียกขึ้นซะก่อน  ผมหันกลับไปทศกัณฐ์ก็ลุกขึ้นนั่งแล้วมองมาที่ผมก่อนแล้ว

“รันต์กินมาแล้ว  อิ่ม”กับพี่เเซนท์ไงครับ

นิ่งเลย.. เอาไงดีวะ

“แต่เดี๋ยวรันต์นั่งเป็นพะ...”

“ไม่ต้อง!กลับเถอะ”ตอบกลับมานิ่งๆก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินเข้าครัวไป

เขา...ไม่ได้โกรธผมใช่ไหมครับ?

ผมยักไหล่นิดๆก่อนจะเดินออกจากห้องมา  ในเมื่อเขาไม่อยากให้อยู่จะดึงดันทำไมล่ะครับ  อารมณ์ขึ้นๆลงๆกูตามไม่ค่อยจะทันนะโว้ยยยยย!!!


+++++++++++++++++++++++++++++++


“ผมฝากคุณบราวนไปดูเขาด้วยนะครับ...ครับ...ขอบคุณครับ”หลังจากวางสายจากโจเซฟ  ผมก็ผลักประตูเข้าไปในธนาคารที่ผมเปิดบัญชีไว้  กดคิวแล้วนั่งรอนิ่งๆ

วันนี้ผมแวะเข้าไปทำอาหารเช้าไว้ให้ทศกัณฐ์แล้วรีบออกมาทำธุระที่ธนาคาร  เลยต้องฝากโจเซฟไปดูให้หน่อย

ธุระที่ผมมาทำก็เรื่องเงิน5แสนบาทปริศนานั่นแหละครับ  ไม่สิ  ต้องบอกว่า5แสนเศษไม่ถ้วนเหมือนเปลี่ยนค่าเงินอีกสกุลนึงมาเป็นเงินบาทแล้วเข้าบัญชีผมนั่นแหละครับ

“สวัสดีค่ะ”เจ้าหน้าที่ยกมือสวัสดีเมื่อถึงคิวผม

“ผมมาตรวจสอบบัญชีครับ  เมื่อวานมีการโอนเงินเข้าบัญชีผมโดยที่ผมไม่รู้  อาจจะมีการโอนผิดบัญชี”ยื่นสมุดบัญชีพร้อมบัตรให้  แล้วเซ็นตามระเบียบ

“สักครู่นะคะ”

“เมื่อวันที่ xx เดือน xxx มียอดเงินโอนเข้ามาจำนวน5xx,xxxบาทค่ะ  และไม่มีการแจ้งอายัดเงินที่โอนเข้ามานะคะ  อาจจะไม่ใช่การโอนผิดค่ะ” เงินนี้โอนเข้าตั้งแต่2อาทิตย์ก่อนงั้นหรอ

“ผมขอโอนคืนให้บัญชีนั่น”

“ไม่ได้ค่ะ  นี่เป็นการโอนแบบไม่ระบุหมายเลขบัญชี  อาจจะมีการฝากเข้าจากที่ไหนสักแห่งก็ได้ค่ะ”จิ๊!ยุ่งยากชิบ

“ผมอยากทราบว่าเขาโอนเงินมาจากที่ไหนจะได้ไหมครับ”

“อาจจะต้องใช้เวลาตรวจสอบหน่อยค่ะ  ถ้าคุณเหรันต์ไม่สะดวกรอ  เดี๋ยวทางธนาคารจะติดต่อไปภายหลังค่ะ”

“ครับ  ขอบคุณครับ” ผมเดินออกจากธนาคารมารอแท็กซี่  นี่ก็สายมากแล้วเดี๋ยวจะกลับมหาลัยไปเรียนไม่ทัน  ผมสงสัยและรู้สึกไม่สบายใจมาก  เงินของใครก็ไม่รู้  ไม่ได้อยากได้สักนิด

พอถึงมหาวิทยาลัย  ผมก็ไปหาอะไรกินที่โรงอาหารของคณะคนเดียวรอเวลาขึ้นเรียน  เมฆไลน์มาบอกว่าวันนี้ไม่เข้าติดธุระกับม๊าฝากเช็คชื่อด้วย  ปกติมันก็ไม่ค่อยทิ้งให้ผมเรียนคนเดียว  นานๆมันจะขาดที

“น้องรันนนนนนนต์”เสียงมาก่อนตัวอีกครับ  คนหันมามองกันพรึ่บ  คนแก้มป่องวิ่งดุ๊กดิ๊กมาทางผมก่อนใคร

“ได้ยินแล้วครับ”ผมส่งยิ้มให้พี่เซนท์นิดๆ  ด้านหลังเขามีพี่ใจดีกับทศกัณฐ์เดินตามมา

“ง่ะ  ทำไมมานั่งกินข้าวคนเดียวล่ะ”พี่เซนท์ทรุดตัวลงนั่งที่ตรงข้ามพี่ใจดีนั่งลงข้างๆกัน  ทศกัณฐ์จึงต้องมานั่งฝั่งเดียวกับผม

“วันนี้เพื่อนผมไม่มาน่ะครับ”

“อ้อ  เหงาแย่สิ”ผมยิ้มรับบางๆ

“งั้นเดี๋ยวพี่ไปหาอะไรมานั่งกินด้วยดีกว่า  ป่ะดีลุก! ทศมึงเอาไรป่ะ”พี่เซนท์ดึงมือพี่ดีให้ลุกขึ้น  ก่อนจะหันมาถามทศกัณฐ์

“ไม่  ขอบใจ”

“ทำไมออกมาก่อน”คนข้างๆถามขึ้นหลังจากพวกพี่เซนท์ลุกออกไป  ผมเงยหน้าจากจานข้าวมองสบกับอีกคน

“รันต์บอกคุณบราวนแล้วไงครับ  ว่ามีธุระ”

“แล้วทำไมไม่เข้าไปบอกกูเอง”

“ก็ไม่อยากปลุก...โอ๊ย!...มันเจ็บนะ!”มันเลื่อนมือมาบีบต้นขาผมแรงๆ  ขนาดผมไม่ได้ร้องดังมากยังมีบางคนหันมามอง  ดีนะใต้โต๊ะไม่มีใครเห็นว่าเขาทำอะไร

“ทีหลังต้องบอก!”เสียงเย็นๆกับสายตาบีบบังคับ

“ก็บอกดีๆได้ไหม!ทำไมต้องมาหงุดหงิดใส่รันต์ด้วย!ปล่อย!”ผมกัดฟันบอกอีกคนมองสบตาอย่างไม่ยอมแพ้  มือก็พยายามแงะมือเขาออกจากต้นขาตัวเอง  อยู่ๆเป็นบ้าอะไรขึ้นมาอีกวะ

“มึงทำกูหงุดหงิดนะรันต์”เขาคลายแรงบีบลง  แต่ยังไม่ปล่อยมือออก

WTF!!!ความผิดกูอีกแล้ว?  นี่ผมยังไม่รู้ตัวเลยนะว่าไปทำอะไรให้มันหงุดหงิดตอนไหน

“รันต์ทำอะไรให้พี่หงุดหงิดมิทราบครับ”

“...”เงียบ

“บอกมาสิ”

“ก็มึง...”

“คุยอะไรกันเนี่ยท่าทางเครียดๆ”เสียงพี่เซนท์ดังขึ้นขัดจังหวะที่ทศกัณฐ์กำลังจะอ้าปากบอกเหตุผลพอดี  เขาเลยไม่ได้พูดอะไรต่อ  หันหน้าหนีผมไปอีกทางแต่มือยังไม่เอาออกจากขาผมอ่ะดิ  ผมไม่อยากทำตัวพิรุธเลยยิ้มให้พี่เซนท์แล้วก้มหน้ากินข้าวต่อน

“นี่  พวกพี่ไปลงชื่อกีฬาแล้วนะ”กินกันไปสักพักพี่เซนท์ก็ชวนคุย

“อ่อครับ  แล้วลงอะไรกันบ้างครับ”ผมถามขึ้นอย่างสนใจ  มือรวบช้อนส้อมไว้ที่จานเมื่ออิ่มแล้ว

“พี่ลงบาส”เสียงพี่เซนท์ดูภูมิใจสุดๆ

“จริงหรอครับ”ผมถามอึ้งๆอย่างไม่อยากจะเชื่อ

“อะไรเล่าไอ้น้องรันต์  เห็นอย่างนี้พี่เก่งนะเว้ย”พี่เซนท์กอดอกหน้างอ  ทำเป็นงอนใส่

“อ่า  ผมขอโทษครับ”

“ไปแกล้งน้องมันทำไม  แต่เห็นเตี้ยๆแบบนี้เคยเป็นกัปตันทีมบาสโรงเรียนนะรันต์  หึๆ”พี่ดีพูดกับพี่เซนท์ก่อนจะหันมาบอกผม

“โห  สุดยอดเลยครับ”ชมเอาใจเขาหน่อย

“หึ!มันแน่อยู่แล้วไอ้น้อง”เสียงขึ้นจมูกเชียว

“แล้วพี่ดีล่ะครับ  ลงอะไรบ้าง”ผมหันไปถาม

“บาสกับว่ายน้ำน่ะ  แต่บาสมีคนบังคับให้พี่ลง”พี่ดียิ้มให้นิด  ก็...พอจะรู้ล่ะนะว่าใครบังคับก็คนข้างๆเล่นจ้องซะตาเขียวขนาดนั้น  พี่ดีก็ขยี้ผมพี่เซนท์แกล้งๆคืน  ผมพยักหน้ารับรู้  ก่อนยกน้ำขึ้นดูดจนเกือบหมดแก้ว

“แล้วไม่คิดจะถามกูหน่อยหรือไง”เสียงเย็นๆดังมาจากคนข้างๆ

“พี่ก็บอกมาดิ”ท้าวคางมองกลับ  ยักคิ้วให้ทีหนึ่ง

“ทำไมทีคนอื่นมึงถามได้  แล้วกับกูถามไม่ได้ใช่ไหม”เสียงทศกัณฐ์เข้มขึ้น  มือที่วางบนต้นขาผมก็ออกแรงบีบเบาๆ  ตอนนี้พี่เซนท์กับพี่ดีก็หันมามองพวกเราสองคนอย่างสนใจ

“พี่อย่ามางี่เง่านะ  ลงอะไรก็บอกมาสิ”ผมกัดฟันถามเบาๆ  ก็มันงี่เง่าจริงๆนี่  กับเรื่องแค่นี้ก็ชวนทะเลาะ  ทำตัวเป็นเด็กชอบเอาชนะไปได้  มือผมก็พยายามแกะมือเขาออกจากต้นขาเนียนๆ  ทว่าทศกัณฐ์กลับแกล้งสอดมือมาจับกับมือผมแถมประสานนิ้วกันซะแน่นจนสลัดไม่ออก

“ปล่อย”ผมตาโตตวัดสายตาสั่งให้เขาปล่อย  ทศกัณฐ์เพียงยิ้มมุมปากให้นิดๆก่อนจะยกแก้วน้ำผมขึ้นดูดหน้าตาเฉย

ผมจะทำอะไรได้ล่ะครับ  นอกจากต้องปล่อยเลยตามเลยเคยบอกอะไรแล้วมันเคยฟังซะที่ไหนล่ะ

“โอ้ย!มดกัดกู  หวานจริงๆแถวนี้  ไม่ต้องเกรงใจนะต่อเลยๆ”พี่เซนท์ทำเป็นลูบแขนตัวเองไปมาประกอบคำพูด  ผมนี่หน้าบึ้งยิ่งกว่าเดิมอีกตวัดสายตามองมันโกรธๆ  เพราะมันแม่งพี่เซนท์เลยล้ออ่ะ  สุดท้ายก็เลยไม่รู้ว่าไอ้ยักษ์วัดแจ้งนี่ลงกีฬาอะไร  ผมก็ขี้เกียจเซ้าซี้ต่อแล้วด้วย

“หึ!”มือหนาล้วงน้ำแข็งจากแก้วผมขว้างใส่พี่เซนท์  ย้ำ!แก้วน้ำผม!  พี่เซนท์มีหรือจะยอม  ขว้างน้ำแข็งจากแก้วตัวเองคืนใส่กันสนุกเลยสิทีนี้  ผมกับพี่ดีก็พลอยโดนลูกหลงไปด้วย  แต่ถึงอย่างนั้นทศกัณฐ์ก็ยังไม่ปล่อยมือเขาออกจากมือผมอยู่ดี

“พี่รันต์  หวัดดีครับ”เสียงทุ้มสดใสดังขึ้นที่ข้างโต๊ะ  พร้อมๆกับการปรากฏตัวของคนคุ้นหน้า

“อ้าวนัท  หวัดดีๆ”ผมยิ้มให้นัท  ผู้ชายสูง หล่อ คมเข้มแบบไทยแท้ๆ  และฮอตสุดๆในเศรษฐศาสตร์ขนาดนี้เพราะเขาเป็นเดือนคณะและรองเดือนมหาลัยในปีนี้  แล้วก็...ยังเป็นน้องรหัสผมด้วยอ่ะนะ

“นี่ผมมากวนพวกพี่รึเปล่าครับเนี่ย  แต่ผมไม่เจอพี่รันต์เลยตั้งแต่วันงานเฟรชชี่  วันนี้เห็นแวบๆเลยลองเข้ามาทักน่ะครับ”น้องส่งยิ้มให้ตาหยี  นัทเป็นผู้ชายที่น่าตาดีและขี้เล่น  เขาเข้าถึงคนได้ง่ายด้วยความอัธยาศัยดีของเขานี่แหละครับ  ขนาดผมเป็นเข้ากับคนอื่นยาก  ยังคุยสนิทกับนัทได้เร็วเลย

“ไม่กวนหรอก  แล้วนี่กินอะไรมารึยัง ป่ะพี่เลี้ยง”ผมออกตัว  ไม่ค่อยได้ดูแลน้องเลยครับ

“ยังเลยครับ  แต่ผมฝากเพื่อนซื้อแล้ว  เอาไว้วันหลังผมพาพี่รันต์ไปเลี้ยงสเต็กนะ”

“ได้ไง  พี่ดิต้องเลี้ยง”ผมรีบส่ายหน้า  จะมาให้น้องเลี้ยงไม่ได้  พี่กล้า(พี่ปี3)รู้  เล่นผมตายแน่

“ฮ่าๆๆ  ผมพาไปแต่พี่รันต์เลี้ยงไงครับ  พี่รันต์ไม่มีรถนี่นา”น้องมีรถยนต์ขับครับ

“อ่อ  โอเค  ว่างเมื่อไหร่ก็บอกนะ”

“ครับ  เดี๋ยวผมโทรหา  หวัดดีครับพี่ๆ”น้องตอบก่อนจะยกมือสวัสดีทุกคนในโต๊ะ  ก่อนไปไม่วายส่งยิ้มยิงฟันให้ผมอีกรอบ  ผมเลยยิ้มตอบให้น้องคืนบ้าง

อึ่ก! แรงบีบที่มือแรงขึ้นทำให้ผมหุบยิ้มฉับ  หันไปมองไอ้คนข้างๆที่ไม่รู้ว่าเป็นบ้าอะไรขึ้นมาอีก  ทศกัณฐ์หน้านิ่งๆหันมามองผมเช่นกัน  ดวงตาสีเขียวหม่นจ้องมองลึกเข้ามาอย่างไม่ยอมแพ้  สุดท้ายเป็นผมที่ต้องเป็นฝ่ายเบือนหน้าหนีไปอีกทางแทน

“เอ่อ  ตอนบ่ายน้องรันต์มีเรียนไหมเนี่ย”พี่เซนท์ถามขึ้นขัดบรรยากาศมาคุๆ

“มีครับ  ใกล้ได้เวลาแล้วด้วยสิ”ผมหันไปยิ้มตอบพี่เซนท์  ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูก็เหลือเวลาประมาณอีก20นาที

“ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนนะครับ  จะเอาจานไปเก็บด้วย”ผมพูดขึ้นลอย  ไม่ได้เจาะจงบอกใครเป็นพิเศษ  มือที่สอดประสานกับอีกคนก็พยายามดึงออกเบาๆ  แต่เจ้าตัวดันไม่ปล่อย  ผมเลยต้องใช้ไม้อ่อนบีบมือเขากลับเบาๆใช้นิ้วคลึงวนหลังมือเขา  แปบเดียวเท่านั้นแหละครับ  ทศกัณฐ์ปล่อยมือผมออกแทบจะทันที  แถมมองผมมาแบบอึ้งๆที่ไม่เคยเห็นจากเขาเลย  ผมเลยส่งยิ้มกลับให้นิดๆ

“ไปนะครับ”สะพายเป้ได้ ก็ยกจานกับแก้วน้ำออกมาเลย

อืม...วันนี้รู้สึกดีนิดๆแฮะ  ที่เห็นสีหน้าอีกแบบหนึ่งจากทศกัณฐ์ได้  คนแบบเขามันก็มีวิธีไม่ยากหรอกครับที่จะจัดการ  ผมรู้  อยู่ที่ว่าจะทำหรือไม่ทำเท่านั้นเอง J


+++++++++++++++++++++++++++++


“ไอ้รันต์  เพื่อนรักมึงไม่มาหรอวันนี้”เก่งถามขึ้นตอนที่เราเดินออกจากห้องมาพร้อมกัน

“ไม่อ่ะ  มันไปธุระกับม๊ามัน  ทำไม?คิดถึงมันหรอ”ผมแกล้งแหย่เล่น  เก่งทำหน้ายี้ลูบแขนตัวเองเหมือนขนลุกขนพอง

“มึงอย่าพูดอย่างนี้อีกนะ  ข้าวเที่ยงกู 40บาทจะอ้วกออกมาก็เสียดาย”

“ฮ่าๆ เว่อร์ ก็เห็นกัดกันทุกวัน  มันไม่มาก็นึกว่าจะเหงา”ผมกดปุ่มรอลิฟท์

“สบายหูกูมากกว่า”เก่งยักไหล่  เบ้ปากนิดๆ”ว่าแต่มึงพาน้องรหัสไปเลี้ยงยัง?”เก่งถามขณะที่เราเดินเข้ามาในลิฟท์

“ยังเลย  วันนี้ก็เจอน้อง  ถ้าพี่กล้ารู้ว่ายังไม่พาน้องไปเลี้ยงนะ กูโดนเล่นแน่”

“เออ  สายมึงโหดจริง  กูยังทึ่งเลยที่มึงกล้าไม่ไปวันเลี้ยงสาย  มึงนี่เกือบจะโดนตัดออกอยู่แล้วนะรู้ตัวไหม  ดีที่เจ๊ออยแกใจดี  มึงเลยรอดตัวไป”เก่งท้าวความหลังเมื่อตอนปีหนึ่ง  คือจริงๆแล้วผมก็ไม่ได้กล้าอะไรขนาดนั้นหรอก  แต่วันที่สายรหัสนัดเลี้ยงสายที่ร้านนั่งชิล  ผมอารมณ์ไม่ค่อยปกติเท่าไหร่  บวกกับที่รู้ว่าไปแล้วอาจจะต้องมีน้ำเมา  ซึ่งผมอ่อน  ผมด็เลยไม่ไปมันซะเฉยๆ  ไม่ได้บอกเหตุผลกับใคร  เพราะไม่รู้จะอ้างอะไรจริงๆ

เช้าวันต่อมาไอ้พี่กล้าตามผมถึงหน้าเซค  โมโหอะไรนักไม่รู้  ดีที่พี่ออย  พี่รหัสพี่กล้าปรามไว้  เขาก็เข้าใจว่าผมไม่ชอบดื่มเหล้า  เลยนัดเลี้ยงชาบูกันแทน  ผมก็ไปนะ  ไปหลังจากที่ทุกคนเกือบจะอิ่มกันหมดแล้ว  แต่พี่บลูพี่ซีเนียร์แกใจดี  เลยไม่ถือสาอะไรผมมาก  ที่ไอ้เก่งมันรู้เรื่องก็เพราะมันเป็นสายโคฯกับสายผม  เวลานัดเลี้ยงทั้งสายก็นัดสายมันไปด้วยกัน

“พี่ออยไม่เท่าไหร่  แต่พี่กล้าเนี่ยดิ  ไม่รู้ปีนี้จะเล่นหนักรึเปล่า”พี่กล้าแกก็ไม่ได้อะไรกับผมมากนะหลังจากนั้น  แต่ก็หาเรื่องคอยแกล้งผมเรื่อยๆนั่นแหละ

“กูว่าปีนี้มึงจะโดนเล่นแทนน้องไอ้รันต์  พี่พีท(พี่รหัสเก่ง)กระซิบกูมาแล้ว  หึๆ”มึงจะมาพูดให้กูระแวงเพิ่มอีกทำไมเนี่ย

ติ้ง!เราพากันเดินออกจากลิฟท์เมื่อถึงจุดหมาย

“มึงกลับหอเลยเปล่าเนี่ย”

“อืม”ผมตอบเก่งสั้นๆ  เราล่ำลากันเล็กน้อยก่อนจะแยกกันไปคนละทาง

กึก!ฝีทางผมหยุดลง  เมื่อไม่คิดว่าจะเห็นคนที่ไม่น่าจะมาอยู่ที่นี่ได้ยืนดักทางที่ผมผมจะกลับ

“สวัสดีครับคุณรันต์  ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ”รอยยิ้มตามมารยาทประดับอยู่บนใบหน้าหวานของเขา

“สวัสดีครับคุณสตีฟ  มีอะไรรึเปล่าครับ?”ผมฉีกยิ้มส่งคืนให้เขา

“ถ้าไม่เป็นการรบกวนคุณเกินไป  ช่วยตามผมมาจะได้ไหมครับ” ผมพยักหน้าตกลง  สตีฟจึงนำทางพาผมเดินไปที่จอดรถของคณะ  ระหว่างทางเราก็ไม่ได้พูดอะไรกันสักนิด

สตีฟพาผมเดินไปถึงรถยุโรปคันหรูที่สตาร์ทเครื่องรอ  เขาเปิดประตูหลังรถให้  หันมายิ้มแล้วส่งสายตาให้ผมเข้าไปนั่งในรถ  ผมมองเข้าไปก็เจออีกคนนั่งอยู่ด้านใน  เขาหันออกไปมองนอกรถอีกฝั่ง

ผมเข้าไปนั่งในรถ  เหลือบมองคนที่นั่งข้างๆผมนิดๆ  เขาไม่หันมามองผมด้วยซ้ำ  เหอะ!

สตีฟปิดประตูให้  แล้วจึงไปนั่งที่นั่งข้างคนขับ  ส่วนพลขับก็คงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากโจเซฟ  เขามองผมผ่านกระจกหลัง  ก้มหัวให้นิดๆก่อนจะขับเคลื่อนรถออกไป

ในรถเงียบมาก  แม้แต่เสียงจากวิยุยังไม่มี  ผมไม่ได้ถามว่าพวกเขาจะพาผมไปไหนและไม่คิดจะถามเพราะมันไม่ใช่หน้าที่  หน้าที่ของผมคือทำตามที่พวกเขาบอกแค่นั้น

ผมมองออกไปนอกกระจกรถ  เส้นทางที่รถเคลื่อนผ่านเริ่มคุ้นตาผมขึ้นเรื่อยๆ  จนเมื่อมาหยุดอยู่ที่บ้านหลังหนึ่ง  สิ่งที่ผมคิดไว้ก็ไม่ผิด



[ยาวเกินต่อ reply ถัดไป]
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 13(ต่อ)♡ [10/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 10-01-2017 15:10:20
(ต่อ)


พวกเขามาหาน้าเฟื่องฟ้า!!!

“เชิญครับ”เสียงสตีฟที่เปิดประตูรถให้  เรียกสติผมกลับมาอีกครั้ง  ผมก้าวลงจากรถ  เห็นทศกัณฐ์ยืนนิ่งอยู่ที่หน้าบ้านก่อนแล้ว  มือทั้ง2ข้างของเขากำเข้าหากันแน่นราวกับกำลังประหม่าอยู่

ผมเดินไปหยุดอยู่ข้างๆทศกัณฐ์มือเอื้อมไปกดกริ่งหน้าบ้านโดยไม่ถามความเห็นใครสักคน  ทศกัณฐ์เบิกตากว้างมองผม  สายตาเขาหลุกหลิกนิดๆ

“มาขนาดนี้แล้ว  ก็กล้าๆหน่อย”ผมยักคิ้วให้เขาทีนึง  มือกดออดซ้ำเมื่อยังไม่เห็นใครออกมา  ทศกัณฐ์ถอนหายใจนิดๆแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร  สักพักก็มีผู้หญิงร่างบางเดินรีบๆออกมา

“มาแล้วค่าาาา  ขอโทษนะคะพอดีอยู่หลังบ้าน”เสียงฝีเท้าเธอใกล้เข้ามาเรื่อยๆ  จนมาหยุดอยู่ที่ประตูรั้ว  สายตาเธอมาหยุดอยู่ที่ผมเป็นคนแรก

“น้องรันต์! มาทำไมไม่โทรบอกน้าครับ  น้าจะได้เตรียมอะไรไว้ให้ทาน”เสียงน้าเฟื่องฟ้าดูดีใจมาก  แววตาเธอก็สดใสแม้จะมีร่องรอยความเหนื่อยล้าอยู่บ้าง

“มันกระทันหันนิดหน่อยน่ะครับ”ผมส่งยิ้มไปให้คนตรงหน้า

“แล้วนี่...”น้าเฟื่องฟ้าไล่ดวงตาสำรวจบุคคลอื่นนอกจากเราสองคน  สายตาเธอมองไปที่ด้านหลังผมที่มีโจเซฟกับสตีฟยืนอยู่  จนกระทั่งไปหยุดอยู่ที่ทศกัณฐ์  สายตาเธอแสดงออกมาแค่ความสงสัย  ในขณะที่ดวงตาของทศกัณฐ์กลับแสดงความประหลาดใจออกมาชัดเจน “พวกเขาเป็นใครหรอจ้ะน้องรันต์”คำถามน้าเฟื่องฟ้าทำเอาผมพูดไม่ออก  นี่เธอจำลูกตัวเองไม่ได้อย่างนั้นหรอ?

เงียบสนิท...

“นี่ทศกัณฐ์ครับ”ผมเป็นทำลายความเงียบ  ผาบมือไปทางทศกัณฐ์  ดวงตาน้าเฟื่องฟ้าเบิกกว้าอย่างตกใจก่อนน้ำใสๆจะคลอขึ้นเต็มหน่วยตา  สุดท้ายเธอก็ยกมือขึ้นปิดหน้าร้องไห้อย่างห้ามไม่อยู่

“ไม่ใช่”เสียงแผ่วๆของทศกัณฐ์ดังออกมาจากลำคอ  กัดฟันแน่นจนขึ้นกรามชัด  แววตาที่จ้องมองน้าเฟื่องฟ้าสั่นไหวอย่างรุนแรง  เพียงเสี้ยววินาที  มือทศกัณฐ์ยื่นไปกำรอบคอน้าเฟื่องฟ้าผ่านประตูที่สูงเพียงอก  เธอทั้งร้องไห้ทั้งทั้งตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  ผมเองก็ตกใจไม่คิดว่าเขาจะทำขนาดนี้

“นี่คุณทำอะไร!!!เป็นบ้าไปแล้วหรอ!!!ปล่อยเธอเดี๋ยวนี้”ผมพยายามดึงๆแขนทศกัณฐ์ให้ปล่อยแต่มันไม่กระดิกสักนิด  เขายิ่งเพิ่มแรงบีบขึ้นเรื่อยๆแววตาเย็นเยียบน่ากลัวอย่างกับไม่ใช่สายตามนุษย์ปกติ  น้าเฟื่องฟ้าเริ่มแย่  อ้าปากหายใจแทนจวนจะไม่ไหวเต็มที

“พวกคุณมาช่วยผมห้ามเขาที”ผมตัดสินใจหันกลับไปขอความช่วยเหลือจากสองคนด้านหลัง  พวกเขาแค่ยืนดูนิ่งๆเหมือนดูทศกัณฐ์กำลังเล่นขายของไม่ใช่กำลังจะฆ่าคน! ทำไมเวลาแบบนี้ถึงไม่มีคนผ่านมาเลยนะ! ผมกัดฟันกรอด  ตัดสินใจใช้วิธีสุดท้าย

หมับ!

“พี่ครับ  ปล่อยเธอเถอะ  ค่อยๆคุยกันนะครับ”ผมสวมกอดทศกัณฐ์จากด้านหลังเต็มแรง  สองแขนโอบรัดเขาแน่น  ขอร้องเสียงอ่อนที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้  ตัวทศกัณฐ์เกร็งเครียดไปหมด

“นะครับ นะ...เชื่อรันต์”ผมเรียกสติเขาเบาๆค่อยๆเอื้อมือไปจับแขนเขาเบาๆ  ดึงให้เขาปล่อยช้าๆ  ทศกัณฐ์คลายมือออกจากลำคอน้าเฟื่องฟ้า  ตัวเธอทรุดลงไปกองกับพื้นแทบจะทันที  น้าเฟื่องฟ้าหอบหายใจแฮ่ก  แววตาเธอมีความตื่นตระหนกและหวาดกลัว  น่าแปลกที่ผมไม่เห็นความเกรี้ยวกราดในดวงตาเธอ

ผมคลายอ้อมกอดออกจากตัวทศกัณฐ์  ดึงเขาให้ถอยห่างออกจากประตูรั้วบ้าน  ตัวเขาก็ขยับตามผมแต่โดยดี  เหมือนอ่อนลงแต่ก็ไม่  ผมเดาไม่ถูกว่าเขาคิดอะไรอยู่  ทำไมถึงทำแบบนั้นลงไป  น้าเฟื่องฟ้าไม่ใช่คนที่เขาตามหาหรอกหรอ  แต่ถึงไม่ใช่ก็ไม่ควรทำแบบนี้  ผมขมวดคิ้วมองเขาอย่างครุ่นคิด

“เจฟ”อยู่ๆทศกัณฐ์ก็เรียกโจเซฟขึ้น

กริ้ก! เสียงขึ้นนกทำให้ผมหันไปมองโจเซฟอย่างไม่อยากจะเชื่อ

ปลายกระบอกปืนเล็งไปที่ทางน้าเฟื่องฟ้าที่กำลังพยุงตัวลุกขึ้นยืน  ตัวผมสั่นขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่

“พี่เป็นบ้าอะไรวะ!!!”ผมตะคอกดังลั่น

“คุณเป็นใคร”ทศกัณฐ์ไม่สนใจเสียงผม  เค้นถามไปที่น้าเฟื่องฟ้าเสียงเข้ม  น้าเฟื่องฟ้าเพียงยิ้มเศร้าๆให้นิดๆมือค่อยๆเลื่อนเปิดประตูบ้าน  ไม่ได้สนใจกระบอกปืนสีเงินมันวาวที่เล็งไปทางตัวเองสักนิด

“เข้ามาสิจ้ะ  มาหาแม่ไม่ใช่หรอทศกัณฐ์”
.
.
.
.
.
.
.
.

เราทั้งสี่คนเดินตามน้าเฟื่องฟ้าเข้ามาในบ้านเงียบๆ  บ้านของเธอหลังไม่ใหญ่นัก  การตกแต่งภายในเป็นสไตล์วินเทจเหมือนแต่ก่อนที่ผมเคยมา  แทบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม

“นั่งก่อนจ้ะ  เดี๋ยวน้าไปเอาน้ำมาให้”เธอผายมือให้เรานั่งที่โซฟาห้องรับแขก  ส่งยิ้มให้นิดๆ

“เดี๋ยวรันต์ช่วยครับ”ผมอาสา

“ไม่เป็นไรลูก  น้องรันต์นั่งเถอะ”เธอรีบปฏิเสธ

“ไม่ได้ครับ  ถ้าแม่รู้ว่ารันต์ใช้น้าเฟื่องฟ้านะ ต้องโกรธรันต์มากแน่ๆ น้าอยากให้คุณแม่โกรธรันต์หรอครับ”ผมพูดอ้อนๆ  สุดท้ายน้าเฟื่องฟ้าจึงพยักหน้าตกลงให้ผมช่วย  ส่วนสามคนที่นั่งอยู่มองตรงมาทางพวกเราสองคนนิ่งๆ  โดยเฉพาะสายตาว่างเปล่าจากทศกัณฐ์  เขาแทบไม่กระพริบตาหรือกระดิกตัวด้วยซ้ำ  ผมไม่ชอบที่เขาเป็นแบบนี้สักนิด  เห็นแล้วหงุดหงิดชะมัด

เมื่อผมกับน้าเฟื่องฟ้าเดินเข้ามาถึงส่วนครัว  เธอบอกให้ผมเอาแก้วจากในตู้ออกมาแล้วให้รินน้ำใส่  ส่วนน้เฟื่องฟ้าแยกไปห่ของว่างพวกบิสกิตจากอีกฝั่ง

“น้องรันต์ไปรู้จักกับพวกเขาได้ยังไงลูก”อยู่ๆน้าเฟื่องฟ้าก็โพล่งถามขึ้นกลางความเงียบ

“บังเอิญรู้จักกันน่ะครับ  ทศกัณฐ์เป็นรุ่นพี่ที่มหาลัย”

“อืม”จากนั้นเธอก็เงียบไป  ผมไม่กล้าถามว่าเธอใช่แม่ของทศกัณฐ์รึเปล่า  ทำไมเหมือนจำไม่ได้  ถึงจะผ่านมาเป็นสิบปี  แต่ถ้าเป็นลูกของตัวเองจะไม่คุ้นสักนิดเลยงั้นหรอ  แล้วน้าเฟื่องฟ้าทำไมต้องร้องไห้ขนาดนั้น

ในขณะที่ทศกัณฐ์บอกว่าไม่ใช่...

“เสร็จรึยังจ้ะน้องรันต์”เสียงเรียกจากด้านทำให้ผมหลุดจากภวังค์

“ครับ”

ผมกับน้าเฟื่องฟ้ายกน้ำและขนมมาวางไว้ที่โต๊ะห้องรับแขกผมทรุดตัวลงนั่งที่โซฟาตัวยาวตัวเดียวกับทศกัณฐ์  ส่วนน้าเฟื่องฟ้านั่งลงที่โซฟาเดี่ยวตัวข้างๆ  ไม่มีใครยกน้ำขึ้นดื่ม  บรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียดจนผมรู้สึกอึดอัด

“จะเข้าเรื่องได้รึยัง”เสียงเย็นๆของทศกัณฐ์ลอยเข้ามากระทบโสตประสาท  ผมสะดุ้งนิดๆ  เหลือบมองไปที่โจเซฟไม่เห็นยกไอ้นั่นขึ้นมาก็เบาใจ

“เอาเรื่องไหนก่อนดีคะ”น้าเฟื่องฟ้ายิ้มตอบทศกัณฐ์บางๆ

“หยุดพล่ามแล้วพูดซะที!”ผมหันไปมองทศกัณฐ์ควับ  รู้แล้วว่าเขาใกล้จะสติแตกเต็มที  น้าเฟื่องฟ้าเพียงหัวเราะนิดๆก่อนจะเอ่ยปากเล่าช้าๆ

“ฉันเป็นน้องสาวฝาแฝดกับพี่บุหงาแม่ของเธอ”

“ไม่จริง  ในประวัติ...”เสียงสตีเฟ่นครางเบาๆกับตัวเอง

“เรื่องจริง  แต่ไม่มีใครรู้นอกจากพ่อแม่ของเราสองคน” เธอกวาดสายตาไปรอบๆเมื่อเห็นทุกคนนิ่งตั้งใจฟัง  จึงเปิดปากเล่าต่อ “พวกเราเกิดในต่างจังหวัด  เป็นอำเภอเล็กๆที่ค่อนข้างชนบท  เราสองคนเกิดมาจากความไม่ตั้งใจของพ่อกับแม่ หรือจะเรียกง่ายๆว่าพลาดนั่นแหละ”

“แม่ถูกตากับยายไล่ออกจากบ้านเพราะท้องไม่มีพ่อ  เธอหนีไปตั้งหลักในที่ที่ไม่มีคนรู้จัก  พ่อยังอยู่ในเมืองกรุงส่งเงินให้แม่ใช้ทุกๆเดือนแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก

จนกระทั่งแม่คลอดพวกเราออกมาโดยหมอตำแยประจำหมู่บ้าน  พ่อที่รู้เรื่องก็รีบไปหา  แต่สิ่งที่เขาทำคือนำเด็กผู้หญิงฝาแฝดคนหนึ่งกลับมาที่เมืองกรุงด้วย  โดยที่คนเป็นแม่ไม่ได้ยอม...และเด็กคนนั้นก็คือฉันเอง พวกเราแจ้งเกิดกันคนละที่  ชื่อ-นามสกุลต่างกัน  จึงไม่มีใครรู้ว่าเราเป็นฝาแฝดกัน” น้าเฟื่องฟ้ายกน้ำขึ้นจิบเบาๆก่อนจะเล่าต่อ

“เราเติบโตมาโดยไม่รู้ว่ามีอีกฝาหนึ่งของตัวเองอยู่  ฉันเติบโตมาอย่างสุขสบายคนละสภาพแวดล้อมกับพี่บุหงา  พ่อเป็นคนมีฐานะอยู่แล้วก็แต่งงานใหม่  มีลูกอีกคน  พอฉันเริ่มโตขึ้นมาหน่อยก็แยกออกมาอยู่คนเดียว  ฉันแต่งงานแต่ไม่มีลูก แต่โชคร้ายหน่อยที่สามีฉันอายุสั้น  ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตหลังใช้ชีวิตร่วมกันได้ไม่นาน”

“ฉันจึงใช้ชีวิตคนเดียวมาโดยตลอด  จนกระทั่งเมื่อสิบกว่าปีก่อน  ไม่รู้ว่าฟ้าลิขิตหรืออะไร  ฉันได้บังเอิญเจอกับอีกครึ่งหนึ่งที่หายไปของตัวเอง”เธอหยุดเล่าหลับตาเหมือนรำลึกความหลังอยู่พักหนึ่ง  ก่อนจะเล่าต่อช้าๆ



10 ปีก่อน

“คุณๆ  เป็นอะไรมากรึเปล่าคะ”เฟื่องฟ้าสอบถามอาการคนที่เธอพึ่งช่วยจากการถูกรถจักรยายยนต์เฉี่ยวหยกๆ

“มะ...ไม่เป็นไร  ขอบคุณค่ะ”บุหงาได้สติ  ก่อนจะเงยหน้าไปขอบคุณคนที่พึ่งช่วยเธอจากการรอดตาย  แต่ก็ต้องเบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อเห็นคนที่ช่วยเธอไว้หน้าตาเหมือนกันราวกับแพะ เอ้ย แกะ  แม้กระทั่งตัวเฟื่องฟ้าเองก็แปลกใจไม่แพ้กัน

“ไปที่บ้านฉันไหมคะ  ใกล้ๆนี่เอง”เฟื่องฟ้าเอ่ยปาก  เธอว่ามีหลายเรื่องที่ต้องคุยกับผู้หญิงตรงหน้าเธอ

“ฉันก็คิดว่าอย่างนั้น”

หลังจากที่ทั้งสองกลับมาถึงบ้าน  สอบถามสารทุกข์สุกดิบสืบสาวราวเรื่องของแต่ละคน  จนประติดประต่อไปว่าพวกเธออาจจะเป็นฝาแฝดกัน   ไม่จำเป็นต้องตรวจDNAให้เสียเวลา  พวกเธอทั้งคู่ต้องรู้สึกผูกพันต่อกันราวกับค้นพบสิ่งที่ขาดหายของตัวเองกลับคืน

เฟื่องฟ้าตัดสินใจชวนบุหงามาอยู่ด้วยกัน  เพราะรู้ว่าคนที่ตัวเองยกให้เป็นพี่ยังไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง

ทั้งสองใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันในบ้านหลังเล็กๆ  ภายในบ้านถูกตกแต่งให้เป็นสไตล์วินเทจอย่างที่บุหงาชื่นชอบ  ตัวเฟื่องฟ้าเองก็รู้สึกชอบด้วย

เวลาผ่านไปปีเศษๆเฟื่องฟ้าก็สังเกตเห็นอาการดหม่อลอยของบุหงาที่ถี่ขึ่นๆทุกวันจนกลัวว่าจะเป็นอันตราย  เธอถามว่าเหม่อถึงใครก็ไม่ยอมตอบ  เวลาผ่านไปยิ่งเป็นหนักขึ้นเรื่อยๆเธอจึงต้องบังคับพาพี่สาวตัวเองไปหาหมอ

“ผู้ป่วยมีอาการเข้าข่ายของโรคซึมเศร้นะครับ”คำวินิจฉัยของหมอทำให้เฟิ่องฟ้าเป็นกังวลเป็นอย่างมาก

“แล้วมันร้ายแรงมากไหมคะหมอ”

“ถ้าไม่รีบรักษาอาจจะไปสู่การเป็นโรคซึมเศร้าขั้นรุนแรง  นำไปสู่การฆ่าตัวตายได้นะครับ”

“เข้าใจแล้วค่ะ  ฉันฝากคุณหมอด้วย”

เฟื่องฟ้าพยายามทำทุกอย่างให้บุหงากับมาเป็นปกติ  ไม่ให้บุหงาไปทำงานหางานอดิเรกให้ทำ  ส่วนตัวเธอทำงานน้อยลงพยายามหาเวลาว่างใช้กับบุหงาให้ได้มากที่สุด

แต่เมื่อวันเวลาผ่านไปนานเข้า  อาการป่วยของบุหงายิ่งรุนแรงขึ้น  เธอไม่ยอมกินยอมนอนจนร่างกายอ่อนแอทรุดหนัก  แม้กระทั่งแรงหายใจยังแทบจะไม่มี

“เฟื่องฟ้า...มาหาพี่หน่อย”เสียงโรยแรงของบุหงาดังขึ้นเบาๆบนเตียงผู้ป่วย  คนน้องรีบรุดไปหากุมมือคนพี่ไว้เบาๆ

“เหนื่อยมากไหม”บุหงาถามยิ้มๆ  เฟื่องฟ้าเพียงแต่ส่ายหน้าให้แล้วยิ้มน้ำตาคลอ

“พี่มีเรื่องจะบอก...ที่เธอถามว่าพี่เอาแต่คิดถึงใคร แฮ่ก พี่จะบอกเธอ”

“ไม่พี่  พี่ไม่ต้องบอกหนู  หนูไม่อยากรู้แล้ว พี่พักนะยิ่งพี่พูดพี่จะยิ่งเหนื่อย”เฟื่องฟ้าน้ำตาไหลอาบแก้ม  ถ้าบุหงาตัดสินใจจะบอกหมายความว่าเวลานั้นใกล้เข้ามาถึงทุกที  เธอไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น

“คนคนนั้นคือลูกชายพี่...เขาชื่อ ‘ทศกัณฐ์’ มีดวงตาสีเขียวหม่นๆ ผมสีน้ำตาล  หล่อมากๆเลย”บุหงาไม่ได้ฟังคำทัดทานของน้อง พูดไปยิ้มไปราวกับมีความสุขมากๆที่นึกถึง

“พี่จำเป็น...แค่ก...ต้องจากมา  เพื่อรักษา...ความเป็นมนุษย์ปกติของเขาไว้  พี่หวัง...ว่าพวกเขาจะรักษาคำพูด”น้ำตาบุหงาไหลรินออกจากดวงตาสวยช้าๆเมื่อนึกถึงเหตุผลที่เธอต้องจากมา

“พี่จ๋า...”เฟื่องฟ้ารู้สึกสงสารพี่สาวเธอจับใจ

“น้องพี่...หนูอย่าร้องไห้นะ...พี่ขอโทษที่ทำให้หนูต้องมาเหนื่อยกับพี่ที่ไม่ได้เรื่องคนนี้  พี่ยังไม่ได้ทำอะไรให้สมกับคนเป็นพี่เพื่อน้องเลย  แฮ่กๆ”บุหงาพยายามเค้นเสียงบอกน้องช้าๆ  แรงเธอใกล้จะหมดเต็มที

“พี่อย่าขอโทษ  หนูเต็มใจ  หนูรักพี่นะ  ฮืออออ”เฟื้องฟ้ากุมมือคนพี่แนบแก้ม  น้ำตาไหลรินไม่ขาดสาย

“พี่ก็รักหนู  ขอบคุณสำหรับทุกอย่างเลย  พี่ดีใจนะจริงๆ”คนพี่ยิ้มให้น้องสาวทั้งน้ำตา

“พี่มีเรื่องอย่างสุดท้ายจะขอร้องหนู...ถ้าเกิดว่าวันหนึ่ง  เด็กผู้ชายคนนั้นมา...ตัวพี่อาจไม่ได้ยืนอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว...พี่ฝากหนูบอกเขาว่า...แม่รักหนูนะ  ขอโทษที่แม่สามารถทำให้หนูได้แค่นี้  แค่กๆ  ดูแลตัวเองดีๆ  อย่าทำร้ายคนอื่นเหมือนผักปลา  และจงปกป้องคนที่ตัวเองรัก   ถึงแม่จะไม่อยู่ตรงนี้แล้ว  แม่ก็ยังเป็นแม่หนูเสมอ  แม่ไม่เคยทิ้งหนูไปไหนจะอยู่ตรงนี้ในใจเสมอเมื่อยามคิดถึงกัน...นะ”เฟื่องฟ้าพยักหน้ารับทั้งน้ำตา

“หนูสัญญา  ถ้าเขามากนูจะบอกเขาให้ ฮึ่ก  พี่พักนะ”

“พี่ขอบใจหนูมากๆ  ดูแลตัวเองด้วยนะน้องสาวของพี่  อยู่ดูแลเขาแทนพี่ด้วย พี่เหนื่อยมากแล้วจริงๆ”บุหงาค่อยๆหลับตาลงพักผ่อนไปทั้งน้ำตา

คนน้องได้แต่ออกไปร้องไห้ที่ระเบียง  เพราะไม่อยากให้พี่กังวลหรือไม่สบายใจ  เธอเกลียดความรู้สึกนี้  ความรู้สึกที่ทำอะไรไม่ได้นอกจากเฝ้ามองคนที่เธอรักค่อยๆจากไปทีละคน
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

กลางดึกคืนนั้นบุหงาได้จากไปอย่างสงบ  เสียงร่ำไห้ราวกับจะขาดใจของเฟื่องฟ้าดังลั่นห้องพักในโรงพยาบาล  น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลอาบแก้มนวลเหมือนไม่มีวันจะหยุด  ยืนมองส่งพี่สาวขึ้นสวรรค์ไปอีกคนด้วยความอาลัย

‘ฟ้ามีตาจริงๆรึเปล่านะ....ทำไมถึงได้พรากคนที่เธอรักไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า...เธอจะอยู่ต่อไปยังไง  ชีวิตต่อจากนี้จะมีความสุขได้ยังไง  เธอเหนื่อย  เหนื่อยที่จะหายใจต่อเหลือเกิน...’


+++++++++++++++++++++++++++++

ยังไม่ตายนะครัชชชชช  ขอโทษจริงๆเกือบ3สัปดาห์(หลบตีนแปป)ที่ห่างหาย  :z6:  สอบเสร็จแล้วกลับ ตจว.เลยง่ะ  เที่ยวไม่หยุด  ปาร์ตี้ยิงยาวทุกวันยันปีใหม่  จะตื่นมาแต่งตอนพิเศษก็ไม่ไหวจริงๆช่วงนั้น สมองมึนๆไปหมด  ใช้วันหยุดโคตรคุ้ม  ตอนนี้กลับมาละแต่เปรมยังยุ่งๆเรื่องเรียนกับย้ายหออยู่นะคะ  เลยไม่ค่อยมีเวลา เพื่อนก็มาตามให้ลงยิกๆ  แต่จะกลับมาอัพถี่ๆให้ได้ล่ะ  ไม่ทิ้งแน่นอนนนน :z2:

ตอนนี้ก็เตรียมตัวอย่างที่บอก  เตรียมตัวหยิบทิชชู่น่ะนะ  ใช้เวลาแต่งนานพอสมควร(3วัน มัวแต่เล่นอยู่) ปมเรื่องแม่ทศกัณฐ์ยังไม่หมดแค่นี้  แต่จะค่อยๆคลายออกทีละนิดและตัวตนของพี่ยักษ์กำลังจะเปิดเผย  ฮ่าๆๆ(กูบ้าไปแล้ว)

นิยายเรื่องนี้ไม่ได้แฟนตาซีน้าาาาา  แต่ทศกัณฐ์ไม่เหมือนมนุษย์ปกติยังไงต้องติดตามเน้อ

ปอลอลิง.ถ้าพูดว่าสวัสดีปีใหม่ตอนนี้จะทันไหม? เอาเป็นว่า สวัสดีปีใหม่ฮับทุกคน  มีความสุขมากๆนะ  จุ๊ฟๆ :mew1:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 13♡ [10/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: mirage ที่ 10-01-2017 16:02:00
ทศกัณฐ์ไม่ใช่มนุษย์หรือเปล่าคะ
ยังทันค่ะ สวัสดีปีใหม่คุณคนเขียน
เป็นกำลังใจให้ค่า  :L2:
ติดตามค่ะ
 :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 13♡ [10/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 10-01-2017 16:33:06
รักษาความเป็นมนุษย์ แปลว่าครอบครัวทศนี่เป็น ผู้มีอิทธิพล นักฆ่าไรงี้ปะคะเนี่ย สงสัย แต่น้องรันต์เราจะโดนกินไหม ดูแล้วทศก็คนนะ แค่อารมณ์ไม่ปกติ เรื่องแม่นี่อยากรู้มาก เรื่องรันต์ยากรู้มากกว่า
ปล.ว่าแล้วว่าเฟื่องฟ้าต้องไม่ใช่ ตงิดมาก
น้องรันต์จะโดนจัยกินละชะ ทำไม น้องรันต์มีความคิดอยากลอง ถ้าพี่ทศรู้ รันต์เอ้ยรันต์ 555
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 13♡ [10/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: mxb ที่ 10-01-2017 16:44:17
เปิดมาอื้อ อ้า นี่รีบเลื่อนลงมาอ่านเลย
นึกว่าน้องรันต์จะโดนกินสะแล้ว55555
เกิดอะไรขึ้นกับคุณยักษ์น้อ รอตอนต่อไป :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 13♡ [10/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 10-01-2017 17:13:17
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 13♡ [10/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 10-01-2017 18:46:10
บุหงา แม่ทศกัณฐ์ จำต้องจากลูกมา
เพราะทางฝ่ายพ่อของทศกัณฐ์บังคับ
เพื่อรักษา...ความเป็นมนุษย์ปกติของทศกัณฐ์ไว้ 
แสดงว่าทศกัณฐ์ ไม่ใช่มนุษย์เต็มตัว
มีความเป็นยักษ์อยู่ในตัวทศกัณฐ์ด้วย
แต่ทศกัณฐ์ จะอ่อนโยนกับรันต์  :mew1: :mew1: :mew1:
รอต่อไป อย่างพิศวงสงสัย  :katai1: :katai1: :katai1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
     
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 13♡ [10/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 10-01-2017 19:09:05
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 13♡ [10/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 10-01-2017 19:31:33
ครอบครัวพี่ยักษ์นี่มีความลับอะไรกันนะ
จะรออ่านนะคะ สู้ๆค่ะ
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 13♡ [10/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 10-01-2017 19:50:15
หูยยย อยากอ่านต่อแล้วอ่ะ
 :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 13♡ [10/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 10-01-2017 20:09:23
อยากรู้ความลับพี่ยักษ์ทศกัณฐ์ :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 13♡ [10/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 10-01-2017 20:59:05
 :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 13♡ [10/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 10-01-2017 21:13:30
เศร้าเลย

หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 13♡ [10/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 10-01-2017 23:55:04
อยากรู้ว่าครอบครัวทศกัณฐ์เป็นอะไร
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 13♡ [10/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 11-01-2017 07:32:19
 :z3:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 13♡ [10/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 11-01-2017 14:49:54
คุณแม่จากไปแล้ว


โอ๋เอ๋นะ
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 13♡ [10/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: NuTonKaw ที่ 12-01-2017 00:42:41
 :a5: :a5: o13
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 13♡ [10/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 12-01-2017 06:04:18
อ่านอีกรอบ มีคำถาม ลุคกับสมิธ นี่ มีซัมติ้งกันใช่ไหม ลุคคือตราบาป?? ของสมิธ คือครั้งแรกของสมิธอ๋อ แล้วลุค นี่ด้วยปะที่สั่งฆ่าวัยรุ่น พร้อมตัดมือ

นี่ก็ยังอยากรู้ น้องรันต์ กับยักษ์ รู้จักกันมาก่อนหรือเปล่า เหมือนต้องรู้จักกันมาก่อนสิ หรือยักษ์รู้จักรันต์คนเดียว

เค้าอยากรู้ไวไวคนเขียน มาต่อนะนะ  สงสารคนอ่านตาดำ ๆ

แต่ พี่ทสหึงน้องรันตืแล้วชะมะ  หึงแม้แต่กับพี่สมิธ คึคึ
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 13♡ [10/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: fsbeentaken ที่ 12-01-2017 09:40:12
ชอบค่ะ ทำปมได้ดีเลยยยย
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 13♡ [10/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: จอมจุ้น6002 ที่ 13-01-2017 13:05:47
ยิ่งอ่าน ยิ่งลุ้น ยิ่งอยากค้นหาตัวตนจริงๆของทศกันฐ์
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 14♡ [13/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 13-01-2017 15:24:56
ใจยักษ์  14


“...เรามีโอกาสได้ใช้ชีวิตด้วยกันเกือบ3ปี  อาจจะเป็นเป็นเวลาที่ไม่มาก แต่สำหรับฉันมันก็คุ้มค่าแล้ว”ร่างบางยิ้มเศร้าๆเล่ามาถึงตอนจบ  แม้กระทั่งตอนนี้เธอก็ยังไม่เข้าใจในสิ่งที่พี่สาวเธอพูด  ทศกัณฐ์ไม่เหมือนคนปกติทั่วไปตรงไหน...แน่นอนว่าเขาอาจเย็นชาไปบ้าง  แต่เขาก็ยังมีอารมณ์มีความรู้สึกเหมือนมนุษย์ปุถุชนปกติทั่วไป

ทั้งบ้านเกิดความเงียบขึ้นอีกครั้ง...ทศกัณฐ์นิ่งเงียบ  ไม่ไหวตัวเลยสักนิด

ช็อคตายไปแล้วรึเปล่าวะ

“แล้วตอนนี้น้าเฟื่องฟ้าเป็นยังไงบ้างครับ  สบายดีรึเปล่า?”ผมถามขึ้นทำลายความเงียบ

“ก็ตามอัธภาพจ้ะ  น้าพึ่งเปลี่ยนงานมาทำฟรีแลนท์ได้3-4เดือนแล้วจ้ะ”

“อ่อ...อย่าหักโหมมากนะครับ”เธอยิ้มบางๆตอบแทน

พรึ่บ!

“กลับ!”อยู่ๆทศกัณฐ์ก็ลุกขึ้นกระทันหันพร้อมสั่งเสียงเข้ม  ก่อนจะเดินออกจากบ้านไปโดยไม่รอใครเลย  โจเซฟกับสตีฟก็รีบตามออกไป  น้าเฟื่องฟ้าก็หน้าเสียลงถนัดตา

“เขาอาจจะต้องใช้เวลาหน่อย  น้าเฟื่องฟ้าอย่าคิดมากเลยนะครับ”ผมกุมมือเธอไว้หลวมๆพร้อมปลอบ

“น้าเป็นคนไม่ค่อยจะได้เรื่องนัก  ทำอะไรก็ไม่ค่อยจะสำเร็จ  เรื่องทศกัณฐ์น้าไม่อยากผิดคำพูดกับพี่บุหงาแต่ไม่รู้จะทำยังไงจริงๆ  น้องรันต์รู้จักเขาระหว่างนี้น้าอยากให้ช่วยน้าดูแลทศกัณฐ์จะได้ไหมจ้ะ”สายตาอ้อนวอนที่มองสบทำเอาผมอดรู้สึกสงสารไม่ได้  ทำไมเขาถึงต้องมีแต่คนคอยดูและนะ  ผมไม่เข้าใจจริงๆ

“รันต์คงจะรับปากไม่ได้หรอกครับ  เพราะรันต์กับทศกัณฐ์ไม่ได้เป็นอะไรกัน  อีกอย่างเขาโตแล้วไม่จำเป็นต้องมีคนดูแลหรอกครับ”ผมปฏิเสธเรียบๆ  สงสารก็สงสารอยู่  แต่มันไม่ใช่หน้าที่ของผมที่ต้องเอาชีวิตไปผูกเกี่ยวกับเขาตลอด  เพราะแค่ที่ทำอยู่ตอนนี้ก็ทำเอาชีวิตผมปั่นป่วนอย่างที่ไม่เคยเป็น

น้าเฟื่องฟ้าถอนหายใจอย่างทำอะไรไม่ได้  ทำได้เพียงแต่ก้มหน้ายอมรับความเป็นจริง

“น้าเฟื่องฟ้าอย่าเอาแต่โทษตัวเองที่ทำอะไรไม่ได้เลยครับ  ตอนนี้เขาพึ่งรับฟังเรื่องที่กระทบกระเทือนจิตใจเขามาก  ไม่แปลกที่เขาจะแสดงออกแบบนั้น  รันต์เชื่อว่าเดี๋ยวเขาต้องกลับมาที่นี่อีก  พอถึงเวลานั้นน้าเฟื่องฟ้าก็ค่อยทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับน้าบุหงาก็ได้นี่ครับ...รันต์ต้องขอโทษถ้าการกระทำกับคำพูดของรันต์เป็นการล่วงเกินหรือทำให้น้าเฟื่องฟ้ารู้สึกไม่ดีนะครับ”ผมยกมือไหว้อย่างสุภาพที่สุด

“ไม่เป็นไรจ้ะน้าจะพยายามนะน้องรันต์  ขอบใจมากนะลูก”เธอยิ้มบางๆพร้อมลูบหัวผมเบาๆ

“ไม่เป็นไรครับ  ดูแลตัวเองด้วยว่างๆรันต์จะมาเยี่ยมนะครับ”ผมร่ำลาน้าเฟื่องฟ้าอีกเล็กน้อยก่อนจะขอตัวกลับ

พอเดินพ้นจากตัวบ้านออกมา  ปรากฏว่าทศกัณฐ์ยืนพิงรถรออยู่  เขาสูบนิโคตินเข้าปอดเฮือกใหญ่ทีเดียวสองมวน  ที่พื้นมีก้นบุหรี่ตกอยู่อีกสอง  เขาหันมามองผมนิ่งเมื่อตัวผมก้าวพ้นประตูบ้านออกมา  ทศกัณฐ์ดูดบุหรี่เฮือกสุดท้ายก่อนจะปล่อยลงสู่พื้นใช้เท้าขยี้ดับไฟแล้วหมุนตัวเปิดประตูรถเข้าไปเอง

ผมได้แต่ก้าวขึ้นไปบนรถเงียบๆ  ภายในรถมีแต่ความเงียบ  อึดอัดยิ่งกว่าตอนขามาซะอีก

เนิ่นนานในความรู้สึกผมแต่จริงๆแล้วพึ่งผ่านไปแค่40นาที  รถยนต์คันหรูจอดเทียบสนิทที่หน้าหอพักของผมเอง  ผมหันไปมองทศกัณฐ์ที่มองออกไปนอกหน้าต่างนิดๆ

“วันนี้เหนื่อยมากพอแล้ว  คุณรันต์พักผ่อนเถอะครับไม่ต้องไปทำอาหารให้คุณทศกัณฐ์”สตีฟลงมาเปิดประตูรถให้ผมแล้วบอก  ผมพยักหน้าเข้าใจ  ก้าวลงจากตัวรถ  ส่งยิ้มตามมารยาทให้สตีฟแล้วเดินขึ้นหอพักโดยไม่ได้หันกลับไปมองพวกเขาอีก

เอาเถอะ...เขาจะเป็นยังไงมันก็ไม่ใช่เรื่องของผมนี่

ผมไม่จำเป็นต้องรู้สึกอะไร....


++++++++++++++++++++++++++

เช้าวันต่อมา

Rrr  Rrr  Rrr

“สวัสดีครับ”

(สวัสดีค่ะ  ตอนนี้กำลังเรียนสายอยู่กับคุณเหรันต์  ราชรัตน์ใช่ไหมคะ)

“ครับ มีอะไรรึเปล่าครับ”

(ดิฉันติดต่อมาจากธนาคาร CC นะคะ  เรื่องความคืบหน้าของเงินในบัญชีน่ะค่ะ  สะดวกคุยไหมคะ?)

“สะดวกครับ  เชิญพูดได้เลย”ขยับตัวลุกจากเตียงนั่งดีๆอย่างตั้งใจฟัง

(ทางเราได้ตรวจสอบต้นทางของเงินในบัญชีที่ฝากเข้ามา  พบว่ามาจากธนาคารRในกรุงลอนดอนนะคะ)

“...ครับ  ขอบคุณมากครับ”ผมนิ่งไปนานกว่าจะตอบปลายสาย

(ยินดีรับใช้ค่ะ  สวัสดีค่ะ) ติ้ด!

ลอนดอน...อังกฤษ...หรือว่าจะเป็นทศกัณฐ์!

ผมเดาว่าเป็นใครไม่ออกจริงๆนอกจากเขา

ผมรีบผุดลุกขึ้นจากเตียง  รีบเข้าห้องน้ำชำระร่างกายให้เรียบร้อย  ก่อนออกจากห้องไม่ลืมหยิบกุญแจรถคันหรูออกไปด้วย

อยากรู้อะไร...ก็ไปถามเลยสิวะ
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

แกร็ก! นี่มัน...เกิดเรื่องอะไรขึ้นวะเนี่ย!!!

ภายในห้องหรูที่ตกแต่งอย่างสวยงาม  ตอนนี้กลายเป็นเศษซากปรักหักพังไปหมด  ตั้งแต่ตู้รองเท้าข้างประตูยันทีวีจอแบนขนาดยักษ์ที่แตกเป็นเสี่ยงๆ  สภาพในห้องนั่งเล่นไม่มีอะไรดูได้เลยสักชิ้น  เคาน์เตอร์บาร์ที่ทำจากหินเนื้อดีนำเข้า  ก็แตกร้าวไม่เหลือเค้าความสวยงาม  โซฟาตัวยาวโดนกรีดซ้ำๆจนไม่เหลือชิ้นดี  เศษแก้วเศษไม้ของเฟอร์นิเจอร์ต่างๆกระจายอยู่เต็มทั่วห้อง  ที่สำคัญ...รอยเลือดเป็นหย่อมๆนี่มันของใคร!

ผมรีบตรงดิ่งไปที่ชั้นสองพยายามเดินระวังไม่ให้เศษกระจกที่เกลื่อนไปทั่วบาดเท้า

มือผมคว้าลูกบิดได้ก็เปิดปังเสียงดังอย่างไม่สนใจมารยาทอะไรทั้งนั้น  ข้างในมืดสนิทผมจึงเลื่อนมือไปกดเปิดไฟ

แสงสว่างภายในห้องสว่างวาบขึ้นมา  คนที่ผมตามหานั่งชันเข่าอยู่ที่พื้นปลายเตียงขาอีกข้างเหยียดไปกับพื้น  ที่มือถือขวดเหล้าสีเข้มที่เหลือเพียงก้นกรมนิ่งๆ 

สายตาเขาไม่ได้หันมาสนใจผู้บุกรุกอย่างผมสักนิด  แววตาจดจ้องอยู่แค่กับหุ่นยนต์กันดั้มตัวหนึ่ง  ผมพึ่งสังเกตว่าตามข้อนิ้วเขามีแผลแตกแทบทุกนิ้ว

ผมค่อยๆเดินเข้าไปในห้องช้าๆ  ภายในห้องสะอาดเรียบร้อยดีไม่มีร่องรอยโดนทำลายเหมือนด้านล่าง

“พี่...ทศกัณฐ์”เรียกเบาๆ  ยังรักษาระยะห่างเอาไว้

“...”ไร้ปฏิกิริยาตอบรับ  ผมค่อยๆขยับร่างกายเข้าไปใกล้เขาขึ้นอีกนิดแม้สัญชาตญาณจะร้องเตือนว่าอย่าใกล้เขาตอนนี้จะปลอดภัยที่สุด

มือผมค่อยๆยื่นไปข้างหน้าหมายจะสะกิดให้เขารู้สึกตัว  แต่เหตุการณ์กลับตาลปัตร

หมับ! เพล้ง! โครม! อึก!

ทศกัณฐ์กระชากแขนผมแล้วดึงอย่างแรงจนไม่ทันตั้งตัว  ผมล้มลงกับพื้นเขาขว้างขวดเหล้าทิ้งก่อนจะยึดลำตัวผมลงกับพื้น  มือหนาบีบรอบคอผมอย่างแน่นจนหายใจไม่ออก

ผมดิ้นรนสุดตัว  สองมือพยายามแงะมือของทศกัณฐ์ออกจากลำคอ  ตัวก็ดิ้นไม่ได้มากนักเพราะอีกคนนั่งทับไว้ไม่ให้ขยับไปไหนได้

สายตาผมมองลึกเข้าไปในดวงตาทศกัณฐ์หวังให้เขาปล่อย  แต่สิ่งที่สะท้อนออกมาจากดวงตาเขามีเพียงความว่างเปล่า  ยิ่งมองลึกลงไปเท่าไหร่ยิ่งเหมือนกำลังดำดิ่งอยู่ในก้นเหว

ผมพึ่งรู้ในวันนี้เองว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาผมพอจะเข้าใจนิสัยใจคอของเขาได้บ้าง  แต่ตอนนี้...ไม่เลย

เขาเป็นอีกคนที่ผมไม่รู้จัก  สายตาเขาไม่เหมือนมนุษย์ด้วยซ้ำ

มันว่างเปล่า...เย็นเยียบเกินกว่าจะหาคำมาบรรยาย

ชั่ววินาทีที่ผมคิดว่าอาจจะต้องตายแน่ๆ...ผมกลับรู้สึกสงสารเขาขึ้นมา

เขาโตมาแบบไหน  ใครกันที่เลี้ยงคนๆหนึ่งให้กลายเป็นปีศาจได้ขนาดนี้

ผมหลับตาลงอย่างยอมรับสภาพ...

ผมคงไม่โกรธเขาหรอก...เพราะเขาน่าสังเวชใจยิ่งกว่า

“เฮือก...แค่กๆๆ”แต่ก่อนที่ผมจะหมดลมหายใจ  แรงบีบรัดที่ลำคอก็หลุดออกไปอย่างกะทันหัน  ผมรีบสูดอากาศเข้าปอดเฮือกใหญ่จนสำลัก  ลืมตาขึ้นเห็นชายฉกรรจ์3คนช่วยกันล็อคแขนและลำตัวทศกัณฐ์ไว้  และผู้ชายร่างสูงเพรียวคุ้นตาที่กำลังหันหลังให้ผมกำลังฉีดบางอย่างเข้ากับต้นคอแกร่งของทศกัณฐ์

สักพักเดียวทศกัณฐ์ก็สลบไป  ชายทั้งสามช่วยกันยกร่างของเขาไปนอนบนเตียง  คนที่ถือเข็มฉีดยาหันกลับมามองผมพร้อมฉีกยิ้มบางๆให้  บนใบหน้าหวานมีรอยช้ำหนักที่มุมปากขวาและข้างแก้มซ้าย  เหนือขึ้นไปบนหน้าผากมีผ้าพันแผลพันไว้แต่ก็ยังมีรอยเลือดจางๆอยู่

“เกิดอะไรขึ้นกับคุณสตีฟ...”ผมถามอย่างตกตะลึงเมื่อตั้งสติได้

“คุณรันต์ไม่เป็นอะไรมากนะครับ”เขาเลี่ยงที่จะตอบโดยการย้อนถามผมกลับ  ร่างเพรียวช่วยพยุงผมให้ค่อยๆลุกขึ้นยืน

“ผมโอเค...นี่มันเกิดอะไรขึ้น”ถามพร้อมจับลำคอตัวเองเบาๆอย่างไม่คาดฝัน

“เราไปคุยกันที่ห้องผมดีกว่าครับ”เขาบอกก่อนจะเดินนำออกจากห้องไป  ผมเหลือบไปมองทศกัณฐ์ที่หลับอยู่นิดๆ  ชายฉกรรจ์ทั้งสามอยู่ประจำแต่ละจุดในมุมห้อง  เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงจึงเดินตามสตีฟออกไป
.
.
.
.
.
.
.
.

ตอนนี้ผมมาอยู่ที่ห้อง 2910 เหมือนตอนแรกที่โจเซฟเคยพามาอีกครั้ง  ผมนั่งรอที่โซฟาห้องนั่งเล่น  ส่วนคนเจ็บเดินเข้าครัวไปเอาน้ำมาให้  จริงๆไม่อยากใช้คนเจ็บหรอก  แต่เมื่อเจ้าบ้านสั่งให้รอเฉยๆผมก็ต้องตามนั้นแหละ

กึก! สตีฟวางแก้วน้ำไว้ตรงหน้าก่อนจะนั่งลงตรงข้ามกัน

“คุณอาจสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นที่ห้องนั่งเล่น  ผม  และคุณทศกัณฐ์”ผมพยักหน้ารับเมื่อเขาเกริ่นขึ้น

“จริงๆมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรมากหรอกนะครับ”เขาพูดยิ้มๆแต่ผมสังเกตแววเศร้าในตาเขาแวบหนึ่ง

“ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอ...เขา-เกือบจะ-ฆ่า-ผม”ผมย้ำเสียงเข้ม

“ฮ่ะๆๆ  ต้องขอโทษด้วยจริงๆ  แต่ส่วนหนึ่งก็เป็นความผิดคุณที่เข้าไปไม่ถูกเวลา”เขาหัวเราะฝืนๆมาให้  สรุปผมผิดหรอวะ?

“ผมจะตรัสรู้ไหมว่าเวลาไหนเขาปกติไม่ปกติ  แล้วคุณโจเซฟไปไหนอย่างนั้นหรอครับ?”ผมว่าอย่างโมโห  ก่อนจะถามถึงอีกคนที่ไม่เห็นเลยตั้งแต่เข้ามา

สตีฟเบือนหน้าไปอีกทาง  เขาถอนหายใจอย่างเหนื่อยๆ  เงียบไปนานก่อนจะเอ่ยช้าๆ

“...ICU ครับ”เขาบีบมือตัวเองไปมาเหมือนระบายความเครียด

“...อย่าบอกว่าเพราะเขา”ผมนิ่งไปนานกว่าผมจะเค้นหาเสียงตัวเองเจอ  สตีฟเพียงยิ้มแทนคำตอบ  ทั้งรอยแผลบนร่างกายเขา  แค่นี้ก็ชัดเจนเพียงพอแล้ว

นี่มันเกิดอะไรขึ้น  นั่นลูกน้องคนสนิทของเขานะ  กับผมที่โดนทำร้ายน่ะไม่เท่าไหร่เพราะพึ่งจะรู้จักกัน

ผมได้แต่ถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้น

“นี่ไม่ใช่ความผิดคุณทศกัณฐ์  และมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรขนาดนั้น”

“นี่ยังไม่ใหญ่พออีกหรอ  ต้องให้เขาฆ่าคนตายเลยไหมถึงจะเป็นเรื่องใหญ่!”ผมสวนกลับทันที

“คุณไม่มีสิทธิ์มาว่าเขา!!!และเขาจะไม่ฆ่าใคร!!!...อีก”สตีฟตะคอกดังลั่นลุกขึ้นมากระชากคอเสื้อผมอย่างแรง  แต่ท้ายประโยคกลับสั่นเครืออย่างห้ามไม่อยู่  แววตาเขาสั่นไหวรุนแรง

“...”

“...”

“โอเค...ผมขอโทษ  ผมผิดเองนี่มันไม่ใช่เรื่องของผมเลย”ผมเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย  นั่นสิ มันไม่ใช่เรื่องของผมทำไมผมจะต้องมาเป็นเดือดเป็นร้อนแทน ผมค่อยๆแกะมือสตีฟออกจากคอเสื้อช้าๆ  เขายอมปล่อยออกง่ายๆสายตาเหมือนรู้สึกผิด

“คุณรันต์ ผม-”

“คุณพูดถูกสตีฟ...ผมไม่มีสิทธิ์เลยสักนิด  มีหน้าที่แค่ทำตามที่พวกคุณบอกก็พอ”ผมยิ้มมุมปากให้นิดๆ  มือล้วงหยิบกุญแจรถวางไว้ที่โต๊ะ “ผมเอามาคืน  จะเรียกใช้เมื่อไหร่ก็โทรมาแล้วกันนะครับ...ขอตัวก่อน”ว่าจบก็เดินออกจากห้องมาทันที

ผมช่างทำตัวแย่เหลือเกิน  ไปยุ่งเรื่องคนอื่นโดยที่เขาไม่ต้องการ  ไม่ได้สนิทกันด้วยซ้ำ  จะถูกเขาว่าก็สมควรแล้ว

แต่ไม่รู้ว่าทำไมในใจลึกๆผมถึงรู้สึกเจ็บแปลบๆในอกกับคำๆนั้น  รอยยิ้มเย้ยหยันตัวเองปรากฏบนใบหน้า

ไม่มีสิทธิ์งั้นหรอ...ก็คงอย่างนั้นแหละ...

++++++++++++++++++++++++++++

“เย็นนี้ไปไหน?  ไปดูกูซ้อมบอลป่ะ?”เมฆเอ่ยชวนหลังเราเลิกเรียนคาบสุดท้ายของวันนี้

“อืม...ไปดิ”ผมตอบเรียบก่อนจะโดนมันกอดคอพากันออกจากห้องเรียน

“ช่วงนี้เป็นอะไรรึเปล่า  ดูเงียบๆกว่าปกติ”เสียงคนข้างๆถามอย่างเป็นห่วง

“เปล่า  ก็ปกตินี่”ตอบเสียงโทนเดิม  เมฆหันมามองหน้าผมนิ่งๆแวบนึง  ก่อนจะเดินต่อ

“ตามใจ...อยากบอกเมื่อไหร่ค่อยบอก”เมฆพูดขึ้นลอย  ผมได้แต่พยักหน้ารับเบาๆ

ผมก็ปกติดีนี่...

โอเค...ผมไม่ปกติไปจากเดิมเล็กน้อย  แค่เล็กน้อยนะ

ตั้งแต่เกิดเรื่องวันนั้น  นี่ก็ผ่านมาเกือบอาทิตย์แล้ว  พวกเขาไม่มีการติดต่อมา  เงียบหายไปซะเฉยๆ  และตัวผมก็ไม่กล้าเสนอหน้าไปหรอกครับ  อีกอย่างรอยแดงที่โดนบีบคอก็พึ่งจะจางลงเอง

จะเอายังไงกันแน่ก็ไม่พูดออกมาตรงๆ...ผมเริ่มหงุดหงิดแล้วนะ

ช่วงนี้อารมณ์ผมเลยเป็นอึนๆเงียบๆจนเมฆสังเกตได้

“อีกอาทิตย์เดียวก็สอบแล้ว  มึงอ่านไปถึงไหนละ”เมฆถามระหว่างทาง

“เกือบจบหมดละ  เหลืออีก2 ตัว วิชาเสรีอ่ะ”

“โหยยยย  ติวกูเลยสาสสส  พึ่งเริ่มเองกู  ไม่ทันแน่ๆ”เมฆโอดครวญ

“เออๆ  ก็มึงมัวแต่เล่น”ผมบ่นเอือมๆ

“น่ารักจริงๆ  น้องใครเนี่ย”ขยี้ผมกูอีก

Rrr  Rrr  Rrr

“เออ  ว่าไงวะ”เมฆกดรับโทรศัพท์ “เอ้าไอ้สัด  ยืมกูแล้วลำบากกูไปเอาอีก”

“เออๆทีหลังกูจะไม่ให้แม่งยืมละ...สัสกวนตีน  แค่นี้แหละเดี๋ยวไปเอา”เมฆวางสายแล้วยัดโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกงอย่างหงุดหงิด

“เดี๋ยวแวะไปโรงยิม3ก่อนนะ”เก่งพาผมเดินเลี้ยวไปอีกทาง

“มีอะไรหรอ  ท่าทางหงุดหงิดเชียว”

“ไอ้เก่งอ่ะดิ  เมื่อเช้ามายืมไทด์กู  คือแม่งมีประชุมแต่เสือกลืมใส่มา  ควายไง...พอดีกูมีติดรถเลยให้แม่งยืม...แล้วมึงดูมันเดะ  ยังให้กูไปเอาเองอีก  จิกหัวกูนี่ยิกๆๆ”บ่นไปทั้งทาง

“ฮ่าๆๆๆ  มึงยอมตกเป็นเบี้ยล่างมันเองนิ”

“อย่างกูไม่เคยอยู่ล่างโว้ยย  บนตลอดคร้าบบ”เสียงกระล่อนเชียว

“บนอะไรของมึง?”ผมถามงงๆ

“หึๆ  เป็นเด็กไม่ต้องรู้หรอกไอ้น้อง”ทำเสียงมีเลสนัยอีกละ เฮ้ออ
.
.
.
.
.
.
.
.

“มึงนั่งรอนี่  กูไปขี้แปบ  เดี๋ยวไอ้เก่งมา”เมฆบอกก่อนจะวิ่งไปอีกฝั่งที่เป็นห้องน้ำของยิม  ผมก็ขึ้นไปนั่งรอบนที่นั่งไม่สูงมากนักตามที่มันบอก

มองไปบนสนามมีนักกีฬาบาสเกตบอลกำลังวอร์มกันอยู่ข้างสนาม  หนึ่งในนั้นมีคนที่ผมคุ้นหน้าคุ้นตาอยู่ด้วย

พี่เซนท์...ข้างๆกันก็เป็นพี่ดี

เพียงแวบเดียวร่างโปร่งก็หันมาสบตากับผมโดยบังเอิญ  เขายิ้มกว้างออกมาทันทีที่เห็น  ผมก็ยิ้มบางๆตอบกับไป  คนตัวเตี้ยกว่าวิ่งมาชิดอัฒจรรย์กวักมือเรียกผมไห้ไปหา  ผมจึงเดินลงไปหาเขาแต่โดยดี

“หายไปไหนมา  ไม่เจอเลย”พี่เซนท์แกล้งถามเสียงงอนๆ  แก้มป่องขึ้นนิดๆ

“ผมไม่ได้ไปไหน  แค่เราไม่เจอกันเอง”

“ไม่เชื่ออออ  ไอ้ทศก็หายหัว  ไม่มาเรียนอีกแล้ว  ไปหาที่ห้องก็ไม่เจอ  ไอ้สมิธก็บ่นหาทั้งน้องรันต์ทั้งไอ้ทศทุกวัน  พี่ล่ะปวดหัว”พี่เซนท์ขยี้ผมตัวเองให้ยุ่งๆประกอบคำพูด  ผมทำได้แค่ยิ้มบางๆตอบอย่างไม่รู้จะพูดอะไร

“แล้วนี่น้องรันต์มาทำอะไรที่นี่”

“ผมมาหาเพื่อนน่ะครับ  เดี๋ยวก็จะไปแล้ว”พอผมว่าจบพี่เซนท์ก็หน้าบึ้งทันที

“น้องรันต์อ่ะ  พี่ก็นึกว่าจะมาดูเค้า”

“ฮ่าๆๆ  ผมสัญญาว่าจะไปดูเพื่อนซ้อมบอลแล้วน่ะสิครับ”

“ชิ!”พี่เซนท์เบะปาก

“ผมขอโทษ  หายโกรธเถอะนะ”ง้อเขาหน่อย

“ไม่...”ปฏิเสธเสียงแข็ง  ก่อนจะหันมาทำสายตาเจ้าเล่ห์ใส่ผม”แต่ถ้าวันนี้น้องรันต์ไปรับไอ้สมิธออกจากโรงพยาบาลกับพี่จะหายโกรธก็ได้   ขี้เกียจฟังมันบ่นจะแย่”พี่เซนท์พูดเสียงอ้อนๆ  กระพริบตาใส่ผมปิ๊งๆ

ผมทำท่าคิดหนัก  อืม...

“ก็ได้ครับ”ตอบตกลงในที่สุด  พี่เซนท์ยิ้มดีใจร่าเลย

“เคร  เอาเบอร์มา  แปบนะ”เขาวิ่งกลับไปเอาโทรศัพท์ที่โต๊ะแล้ววิ่งกลับมายื่นให้ผม  ผมกดเบอร์ตัวเองให้พี่

“เดี๋ยวพี่โทรหาอีกทีนะ”พูดจบก็รีบวิ่งกลับไปซ้อมต่อ

“รันต์  แฮ่กๆ”เสียงเรียกชื่อผมดังขึ้นอีกฝั่ง  เก่งวิ่งหอบๆมาหยุดอยู่ข้างๆผม

“ใจเย็นเพื่อน  กูไม่ค่อยรีบ”

“ไอ้เมฆขี้เสร็จยังอ่ะ”หลังจากลมหายใจกลับมาปกติ  เก่งก็ยิงคำถาม

“ยังเลย  นานแล้วนะเนี่ย  แล้วมึงรู้ได้ไง  พึ่งมาไม่ใช่อ๋อ?”

“กูโทรหามันว่าให้รอแปบ  กูติดพันประชุมเรื่องงานกีฬาอยู่  มันก็บ่นๆแล้วบอกว่าจะขี้รอนั่นแหละ  ทุเรศชิบหายไอ้สัด”เก่งพูดไปเบะปากไป

“ฮ่าๆๆๆ  แล้วทำไมถึงนัดมันให้มาเอาที่นี่วะ”ผมถามอย่างสงสัย

“ก็กูต้องมาซ้อมบาส  ขี้เกียจเดินอ้อมโลกไปสนามบอล”แล้วพวกกกูต้องอ้อมแทนว่างั้นเถอะ  ไอ้เมฆก็ฉลาดตลอด  ไม่ทันไอ้เก่งหรอกรายนั้น

“พวกมึงนี่น้าาา”ผมส่ายหัวอย่างเอือมระอาพวกมันสองคนเบาๆ

“งั้นเดี๋ยวกูไปเปลี่ยนชุดก่อนนะ  เดี๋ยวเอาไทด์มาให้”เก่งหันมาบอกก่อนจะเดินไปอีกทาง

“รันต์  ไอ้เก่งมายัง?”หลังเก่งเดินจากไปแค่ครู่เดียว  เมฆก็เดินกลับมาจากห้องน้ำ

พวกมึงสองคนนี่ยังไง  คลาดกันตลอด

“มาแล้ว  แต่มันขอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”

“อะไรวะ!กูขี้เกียจรอแม่งละ  มึงรอนี่เดี๋ยวกูมา”เมฆติดจะหงุดหงิดนิดๆ  ก่อนจะหมุนตัวเดินไปทางเดียวกับที่เก่งเดินไปเมื่อกี้


เกือบๆยี่สิบนาทีต่อมา  เมฆเดินยิ้มออกมาด้วยสีหน้าอารมณ์ดีสุดๆต่างจากก่อนจะเข้าไปโดยสิ้นเชิงที่มือถือไทด์ออกมาด้วย  เก่งที่เดินออกมาก็ตีหน้ายุ่งแล้วเดินเลี่ยงไปลงสนาม

“มีอะไรดีๆรึไง? อารมณ์ดีมาเชียว”ผมถามเมื่อเมฆเดินเข้ามาใกล้

“หึๆสะใจอะไรนิดหน่อย”ก็พอจะเดาได้จากสีหน้าเก่งล่ะนะ

++++++++++++++++++++++


“ไอ้สมิธมันต้องดีใจมากแน่ๆที่น้องรันต์มา อิอิ”พี่เซนท์พูดขึ้น  ขณะที่เรากำลังเดินทางไปที่ห้องพักพิเศษพี่สมิธ

“ไม่ขนาดนั้นมั้งครับ”ผมยิ้มแหยๆตอบ

“จริงๆ  ไม่เชื่อถามไอ้ดีดู  มันบ่นถึงน้องรันต์ทุกวันจริงๆ”พี่ดีก็พยักหน้ายืนยันคำพูดพี่เซนท์  ผมได้แต่ยิ้ม

พวกเราพากันเดินมาเรื่อยๆระหว่างทางก็มีพี่เซนท์พูดเจี้ยวจ้าวอยู่ตลอด  จนกระทั่งมาถึงหน้าห้องที่พี่สมิธพักอยู่  พี่ดีเป็นคนเปิดประตูนำเข้าไปก่อนคนแรก  ตามด้วยพี่เซนท์และตบท้ายด้วยผม

“ช้าาาาาา”เสียงบ่นพี่สมิธดังลั่นห้อง

“ไอ้สัด  เสียงดังเพื่อ?” โอ้โดนพี่ดีว่าเข้าให้

“เออๆ  มึงดูก่อนว่ากูพาใครมา”พี่เซนท์โผล่ออกไปจากหลังพี่ดี  แต่ผมยังไม่ได้ขยับออกพี่สมิธจึงยังไม่เห็นผม

“ใคร?”พี่ดีขยับตัวออกให้พ้นทางผม  เผยให้พี่สมิธเห็นหน้าผมตรงๆ

“ดีครับ  หายดีรึยัง”ผมทักแล้วยิ้มให้บางๆ

“ไอ้น้องรันต์มึงหายเฮดไปไหนมา  ไม่รอมาตอนฝังกูเลยอ่ะ”พี่สมิธตรงดิ่งลงมาจากเตียงมาหาผมแถมล็อคคอผมเข้าให้  เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลองธรรมดาแล้ว  แต่ยังเกรียนขึ้นไปนอนบนเตียงผู้ป่วยอยู่

“นี่ถ้าไม่โดนบังคับมึงก็คงจะไม่มาใช่ไหมเนี่ย”พี่สมิธถามขึ้นหลังจากเราหาที่นั่งกันเรียบร้อย

“แฮะๆ”ได้แต่หัวเราะเจื่อนๆส่งให้

“บทพวกมึง2คนจะหายหัวก็หายไปเลย  บทจะมาก็มาพร้อมกัน”พี่สมิธพูดหน่ายๆ

หมายความว่า...?

แกร็ก!ครืด!เสียงเปิดประตูระเบียงดังขึ้นเรียกความสนใจจากทุกคนในห้องให้หันไปมอง

ผู้ชาย...ที่ผมไม่ได้เจอเกือบอาทิตย์ก้าวเข้ามาในห้อง  เขากวาดสายตามองยักคิ้วให้พี่ดีหนึ่งที  จนสายตามาหยุดอยู่ที่ผม  เท้าเขาชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะเดินเลี่ยงไปนั่งอีกมุมโดยไม่หันมาสนใจผมสักนิด

ผมไม่รู้ว่าตลอดหลายวันที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นกับเขาและเขาเป็นอย่างไรบ้าง

แต่สิ่งที่ผมรู้ตอนนี้...

เขาไม่เหมือนเดิม...แม้กระทั่งสายตาที่ใช้มองผมยังเปลี่ยนไป!

+++++++++++++++++++++++

ตื่นปุ๊บก็รีบมาลงเลย  อิอิ :katai5:

{โปรดติดตามตอนต่อไป...}
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 14♡ [13/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Banabananabi ที่ 13-01-2017 15:43:01
ยังไงอ่ะ พี่ทศไม่ใช่คนนี่ยังไง  :katai1:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 14♡ [13/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Banabananabi ที่ 13-01-2017 15:44:18
แง่ว กำลังเม้นตอนเก่าตอนใหม่มาพอดี5555
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 14♡ [13/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 13-01-2017 16:15:03
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 14♡ [13/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 13-01-2017 16:30:23
ยังไงพี่ทศ เป็นอะไรกันแน่ พี่ทศ เหมือนกำลังผลักรันต์ให้ออกจากวงโคจร โอ้ววว อยากรู้มาก เว่อวังอลังการ ขนาด ทำร้ายคนได้รุนแรง ทศไม่ใช่คนใช่ไหม เครื่องจักรสังหาร ??? มโนไกลมาก กร๊ากกกก

น้องรันต์ บุกไปปล้ำพี่ทศเลย นี่ยุเพื่อจะได้มีสิทธิ์กับเขาบ้าง คิคิ
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 14♡ [13/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 13-01-2017 16:34:18
ทศกัณฐ์ มีวิญญานยักษ์สิงอยู่ในร่างแน่เลย
เป็นรันต์ก็ต้องทำตัวไม่ถูก อยู่ๆโดนบีบคอหวิดตาย
เฉยมาก็เฉยไป ไม่ต้องสนใจ
เลิกไปหาทศกัณฐ์ที้ห้องเลย
เมฆ ปล้นจูบเก่ง แน่เลย
รันต์ ไม่รู้เรื่อง ไม่ทันเมฆร้อก
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 14♡ [13/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 13-01-2017 17:23:30
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 14♡ [13/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 13-01-2017 17:29:54
 :ling1:

คนเดิมว่าแย่แล้ว นี่แย่กว่าเดิม หรออออ
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 14♡ [13/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Ferin1A ที่ 13-01-2017 17:40:48
คุณไม่มีสิทธิ์มาว่าเขา!!!และเขาจะไม่ฆ่าใคร!!!...อีก”สตีฟตะคอกดังลั่นลุกขึ้นมากระชากคอเสื้อผมอย่างแรง
รำสตีฟ  รันต์เกือบถูกบีบคอตายแล้วนะ  ไม่มีสิทธิ์บ่นเลยเรอะ 
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 14♡ [13/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: จอมจุ้น6002 ที่ 13-01-2017 17:48:58
ลากป้าไปยิงให้ตายเถอะค่ะ ถ้าจะตัดฉับอย่างนี้
ป้าค้างอย่างแรง  :fire:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 14♡ [13/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 13-01-2017 19:36:56
ก่อนหน้ามาเจอรันต์ เกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย...
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 14♡ [13/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 13-01-2017 20:27:15
อ่านยังไม่ทันเคลียรเลย ตัดฉับซะแล้ว
 :katai1:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 14♡ [13/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 13-01-2017 20:37:50
ไม่ต้องไปคุยด้วยเลยนะ
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 14♡ [13/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: fsbeentaken ที่ 13-01-2017 20:46:38
นี่ฉันอ่านเรื่องอะไรอยู่วววว กร๊าซซซ อยากรู้ววว
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 14♡ [13/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: mirage ที่ 13-01-2017 21:02:17
มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่คะเนี่ย ทศเป็นอะไร อ๊าก :katai1: :katai1:

ติดตามค่ะ
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 14♡ [13/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 14-01-2017 00:50:14
มันเกิดอะไรขึ้น หรือว่าจะเป็นอะไรที่ดูแฟนซี? ได้แต่คาดเดา
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 14♡ [13/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 14-01-2017 01:06:37
พี่ทศเป็นอะไรกันแน่เนี่ย ทำไมควบคุมตัวเองไม่ได้แถมต้องฉีดยาระงับอีก เกือบจะฆ่าน้องแล้วด้วยอ่ะ
 :katai1:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 14♡ [13/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: จอมจุ้น6002 ที่ 14-01-2017 16:58:19
ชอบผู้ชายอย่างทศกัณฐ์
กุโรคจิต!!!  :z2:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 14♡ [13/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: oiruop ที่ 19-01-2017 21:03:48
 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 14♡ [13/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 19-01-2017 21:26:56
เราจะไปตาม คนเขียนเรื่องนี้ได้จากไหน คือ รอลุ้นมาก แบบ เข้ามาดูตลอด มีความเคลื่อนไหวไหม ได้โปรด อยากรู้มากจริง ๆ
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 14♡ [13/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: จอมจุ้น6002 ที่ 21-01-2017 17:56:26
 :katai1:ได้แต่รอต่อไป
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 14♡ [13/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: zombi ที่ 22-01-2017 00:05:42
พี่ทศเป็นอะไรไป ลืมความสัมพันธ์ดีๆไปแล้วเหรอ
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 14♡ [13/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: จอมจุ้น6002 ที่ 27-01-2017 22:41:02
มาอัพเถอะค่ะ  :call:  :call: :call:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 14♡ [13/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: จอมจุ้น6002 ที่ 03-02-2017 18:07:24
หายไปนานจังเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 15♡ [5/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 05-02-2017 21:55:03
ใจยักษ์  15


“ไหนๆก็อยู่กันครบแล้ว  กูว่าเราไปหาอะไรแดกกันเถอะว่ะ  ฉลองที่กูออกจากโรงพยาบาลกันหน่อยเร็วววว” พูดสมิธพูดอย่างอารมณ์ดี  ฉุดมือผมให้ลุกขึ้นตามตัวเอง  คนอื่นๆก็พลอยผุดลุกขึ้นตามไปด้วย

“คือผมไม่-“

“มึงหุบปากไปเลยไอ้น้องรันต์ มึงยังมีความผิดอยู่นะอย่าลืม” พี่สมิทหันมาชี้หน้าผมก่อนผมจะพูดจบประโยคซะอีก ผมได้แต่หุบปากฉับลงอย่างเถียงไม่ได้

“แล้วจะไปแดกไหน?” พี่ดีถาม

“ไปร้านของซาโต้ซังก็ได้ ไม่ได้ไปนานละอยากแดกอาหารญี่ปุ่นพอดี” พี่สมิธนิ่งคิดไปก่อนจะตอบ

“โอเค แล้วน้องรันต์ว่ายังไงกินได้ใช่ไหม?” พี่เซนท์หันมาถามความเห็น

“ครับ ยังไงก็ได้” พยักหน้ารับยิ้มๆ เมื่อตกลงกันเรียบร้อยแล้วทุกคนก็พากันเดินออกจากห้องไป ส่วนเรื่องค่ารักษาพยาบาลของพี่สมิธได้ยินว่าทศกัณฐ์เป็นคนจัดการให้เรียบร้อยแล้ว

ผมกับพี่สมิธเดินทางไปด้วยรถของพี่ใจดีเหมือนตอนขามาโรงพยาบาล ส่วนทศกัณณฐ์เขาเดินแยกไปอีกทางหนึ่ง

ใช้เวลาไปประมาณหนึ่งชั่วโมงกว่าๆพวกเราก็เดินทางมาถึงร้านอาหารญี่ปุ่นแถวทองหล่อ เป็นร้านขนาดกลางตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ

“เออ...เข้าไปรอข้างในแล้วใช่ไหม?...เค พวกกูอยู่หน้าร้านแล้ว” เสียงพี่สมิธคุยโทรศัพท์

“ไอ้ทศถึงแล้วรออยู่ด้านใน  เข้าไปกันเถอะ” พี่สมิธหันมาบอกทุกคนก่อนจะพากันเดินเข้าไปในร้าน

“อิราไซมาเซะ” พนักงานต้อนรับในร้านโค้งยินดีต้อนรับเป็นภาษาญี่ปุ่น “กี่ท่านคะ” พนักงานคนเดิมถามขึ้น

“จองไว้แล้วครับ ชื่อทศกัณฐ์” พี่สมิธบอก  เธอพยักหน้ารับจากนั้นก็พาพวกเราเดินไปยังห้องทางด้านซ้ายและเปิดประตูบานเลื่อนให้พวกเราเข้าไปแล้วค่อยเดินตามหลังเข้ามา

ผมมองเข้าไปเห็นทศกัณฐ์นั่งกดไอแพดรออยู่ด้านในริมสุดของโต๊ะก่อนแล้ว  ภายในห้องเป็นแบบนั่งพื้นยกสูงประมาณหนึ่งฝ่ามือ บนยกพื้นสูงประกอบไปด้วยโต๊ะไม้ขนาดปานกลางนั่งกันได้สี่ถึงห้าคน ซึ่งสูงขึ้นมาจากพื้นประมาณสามสิบเซนติเมตร พื้นห้องถูกปูด้วยเสื่อทาทามิ โดยมีฟูกรองนั่งถูกวางเอาไว้ด้านข้างของโต๊ะฝั่งละสองที่นั่งและที่หัวโต๊ะอีกหนึ่งที่นั่ง รอบๆ ห้องถูกประดับด้วยภาพเขียนพู่กันรูปดอกไม้ให้บรรยากาศถึงความเป็นญี่ปุ่น

“มึงสั่งอะไรรึยังวะ” พี่เซนท์ถาม ทศกัณฐ์ละสายตาจากหน้าจอขึ้นมาตอบ “ยัง รอพวกมึง”  พวกเราถอดรองเท้าก่อนเข้าไปนั่ง พี่เซนท์กับพี่ดีเดินไปนั่งฝั่งตรงข้ามกับทศกัณฐ์ส่วนไอ้พี่สมิธก็นั่งแหมะลงตรงหัวโต๊ะ ผมยืนงงๆหันรีหันข้างพี่สมิธเห็นก็พยักหน้าไปทางทศกัณฐ์ ส่งสายตาประมาณว่า ไปนั่งตรงนั่นเดะ ผมจึงต้องจำใจไปนั่งข้างทศกัณฐ์อย่างทำอะไรไม่ได้

“เอาซาชิมิแซลม่อนไซส์XLครับ” พี่สมิธสั่งรายการอาหารกับพนักงาน...นี่พี่มันจะสั่งของดิบกินตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลวันแรกเลยเหรอวะ?

จากนั้นทุกคนก็ผลัดกันสั่งคนละอย่างสองอย่าง พนักงานทวนรายการอีกครั้งก่อนจะเดินออกไปจัดอาหารตามที่สั่ง
เอ่อ...ทำไมผมรู้สึกว่าบรรยากาศตอนนี้มันเงียบแปลกๆ

“แล้ววันนี้มึงจะเดินทางตอนไหน” อยู่ๆพี่สมิธหันมาทางทศกัณฐ์แล้วพูดขึ้น

“มึงจะไปไหนวะ?” พี่ดีถามอย่างสงสัย

“กลับอังกฤษ” ทศกัณฐ์ตอบสั้นๆ
 
“ไปทำไมอ่ะ? ทำไมไม่เห็นบอกกูเลย” พี่เซนท์พูดติดจะงอนๆหน้างอนิดๆ

“ธุระ” ทศกัณฐ์ตอบหน้านิ่งก่อนก้มลงไปกดไอแพดต่อ หางตาผมเห็นแวบๆว่าเป็นตารางกราฟกับตัวเลข

“ไอ้น้องรันต์มึงไปห้องน้ำเป็นเพื่อนกูหน่อยดิ” พี่สมิธลุกขึ้นก่อนจะหันมาพูดกับผม

“ห๊ะ! ผมเหรอ?” ชี้นิ้วมาที่ตัวเอง อะไรของเขาวะ ไปเข้าห้องน้ำก็ต้องไปเป็นเพื่อนหรอ

“เออมึงนั่นแหละเร็วๆ เลย” ผมจึงต้องลุกขึ้นตามพี่สมิธอย่างทำอะไรไม่ได้...นี่เห็นกูเป็นทาสหรือน้องเนี่ย บังคับจริง

ระหว่างทางที่เดินไปเข้าห้องน้ำพี่สมิธก็ถามขึ้นลอยๆ “มึงกับไอ้ทศทะเลาะอะไรกันรึเปล่าวะ?”

“ทะเลาะอะไรเหรอครับ?”ถามหน้างงๆ จริงๆก็งงนั่นแหละ

“มึงไม่ต้องมาเฉไฉ วันนี้ไอ้ทศมันแปลกๆ กับมึง”

“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน พี่ไม่ลองถามเพื่อนพี่ดูล่ะ” ผมส่ายหน้าแล้วย้อนถามพี่สมิธกลับไป นี่ไม่ได้หมายความว่าจะกวนตีน แต่ผมก็ไมรู้เหมือนกันว่าเขาเป็นอะไรกันแน่

พี่สมิธหันกลับมามองหน้าผมตรงๆ เหมือนจะค้นหาว่าผมโกหกอยู่รึเปล่า เขาขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิดก่อนจะเดินต่อไปโดยไม่ถามอะไรอีก


++++++++++++++++++++++++


“ไอ้ทศ  มึงคีบเทมปุระให้น้องรันต์ดิ” พี่เซนท์หันไปบอกทศกัณฐ์หลังจากที่เรานั่งกินกันไปสักพัก เนื่องจากจานเทมปุระที่ผมสั่งวางอยู่ริมใกล้ๆ มือทศกัณฐ์พอดี  แต่เขากลับยกจานเทมปุระมาวางตรงหน้าผมแทน แล้วก้มลงทานอาหารของตัวเองต่อ

ผมวางตะเกียบที่ถืออยู่ลงบนจานเบาๆ แล้วลุกขึ้นช้าๆ อย่างไม่ให้เสียมารยาท

“คุณทศกัณฐ์  ผมมีเรื่องจะคุยด้วยหน่อยน่ะครับ ขอรบกวนเวลาคุณสักเล็กน้อยจะได้ไหมครับ?”หันไปถามอีกคนเสียงนุ่มพร้อมมุมปากกระตุกยิ้มให้บางๆทุกเสียงในห้องเงียบกริบขึ้นมากระทันหัน  ทศกัณฐ์เงยหน้าขึ้นมองสบตากลับนิ่งๆก่อนจะลุกขึ้นยืนตามผม คนที่เหลือในห้องเพียงมองตามเงียบๆแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
.
.
.
.
.

“มีอะไร”เขาถามขึ้นหลังจากเราเดินมามุมสูบบุหรี่ เขาจุดบุหรี่กลิ่นประจำตัวขึ้นจุดราวกับไม่ใส่ใจ โชคดีที่ตอนนี้ไม่มีคนอื่นนอกจากเรา

“ผมไม่รู้ว่าคุณเป็นอะไร แต่ถ้าคุณไม่อยากให้ผมทำงานให้หรือเข้ามายุ่งเกี่ยวในชีวิตคุณอีกก็บอกมาตรงๆเถอะครับ ผมไม่ฉลาดพอที่จะรู้ว่าคุณต้องการอะไร” ไม่ใช่ทำมาเป็นรังเกียจกันขนาดนี้ เพียงเสี้ยววินาทีผมเหมือนสายตาทศกัณฐ์กระตุกไปวูบหนึ่ง

“มึงเข้าใจถูกแล้ว จากนี้ไปไม่ต้องมาทำอะไรให้กูอีก ส่วนเรื่องลุงกับป้ามึง กูจะจัดการให้”เขาสูบบุหรี่เฮือกใหญ่จนหมดมวน ปล่อยควันผ่านริมฝีปากสีซีดออกมาช้าๆก่อนจะบอก

“เข้าใจแล้วครับ” ผมพยักหน้ารับยอมรับฝืนยิ้มออกมาราวกับไม่ได้รู้สึกอะไร แต่ตัวผมรู้ดีว่าตอนนี้ความรู้สึกมันเป็นยัไง ในใจมันหวิวแปลกๆร่างกายเหมือนชาไปครู่ใหญ่ แต่ก็ดีแล้วล่ะที่เขาพูดออกมาตรงๆ เขามองมาทางผมนิ่งๆก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากไปไม่พูดอะไรอีก

“เดี๋ยวครับ! ผมมีอีกเรื่องอยากจะถาม” พูดรั้งเขาไว้ก่อนเขาจะเดินออกไป  ทศกัณฐ์หยุดเดินแล้วหันกลับมาทางผมอีกครั้ง ส่งสายตาเป็นเชิงถามว่ามีเรื่องอะไรอีก

“อยู่ๆก็มีเงินโผล่มาในบัญชีผมโดยไม่มีสาเหตุ แล้วบังเอิญว่าต้นเงินส่งมาจากอังกฤษ คุณพอจะรู้ไหมครับ?” ผมถามสิ่งที่ค้างคาใจมาตลอดหลายวันกับเขา ไม่รู้สิผมแค่มีลางสังหรณ์ว่าเขาจะต้องรู้

“กูไม่เคยใช้ใครทำอะไรให้ฟรีๆ” น้ำเสียงห่างเหินที่เขาเอ่ยออกมาทำให้ผมเข้าใจอะไรหลายๆอย่างได้ชัดเจนขึ้น เหมือนยอมรับว่าเงินนั่นมาจากเขากลายๆ มือผมกำเข้าหากันแน่นโดยไม่รู้ตัว

“สำหรับอะไรงั้นหรอครับ”

“ก็ทุกอย่างนั่นแหละ” ทศกัณฐ์แสยะยิ้มย้ำลงอีกครั้งก่อนจะเดินออกไปอย่างไม่แยแสผมอีก  แค่คำพูดเพียงไม่กี่ประโยคแต่มันทำผมจุกจนพูดไม่ออก

เขาช่างเลือดเย็น ...ใช้เงินซื้อแม้กระทั่งความรู้สึก...ที่ผ่านมาทั้งหมดเขาตีค่าผมด้วยเงินอย่างนั้นหรอ

“เหอะ!” อยากจะหัวเราะให้กับความน่าสมเพชตัวเอง

ไม่รู้ว่าผมยืนเหม่ออยู่ตรงนี้นานเท่าไหร่ จนกระทั่งได้ยินเสียงโทรศัท์มือถือของตนเองดังขึ้น

“ครับพี่เซนท์?”

(น้องรันต์อยู่ไหน ทำไมยังไม่กลับเข้ามาอีก)

“เอ่อ...ผมกลับหอแล้วครับพี่เซนท์  พอดีเพื่อนเรียกกระทันหันน่ะครับ” ตัดสินใจพูดปดออกไปเพราะไม่อยากเจอหน้าใครในตอนนี้  ระหว่างที่คุยกับพี่ขาทั้งสองข้างก็ก้าวเดินออกไปหน้าร้านเพื่อเรียกแท็กซี่

(ว่าไงนะ! กลับไปแล้วหรอ...เอามานี่ดิ๊  เฮ้ยรันต์กูเองสมิธ  มึงกลับไปทำไมไม่บอกกู)เหมือนปลายสายเกิดความชุมุนขึ้นเล็กน้อย

“ครับ...มันกะทันหันจริงๆ ผมลืมด้วย ขอโทษที่เสียมารยาทนะครับ”

(เกิดอะไรขึ้นวะ  ไอ้ทศทำอะไรมึงรึเปล่า)เสียงพี่สมิธเข้มขึ้นอีกระดับ คาดว่าทศกัณฐ์คงไม่ได้พูดอะไรให้ฟัง

“เปล่าครับ  เราพูดกันรู้เรื่องแล้ว ผมเข้าใจดีทุกอย่าง”ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกว่าน้ำเสียตัวเองมันถึงได้ดูเหนื่อยๆยังไงชอบกล “พี่สมิธแค่นี้ก่อนนะครับ” รีบบอกก่อนจะกดวางสายไป แท็กซี่หยุดจอดอยู่ตรงหน้าพอดี

“ไป XX ครับ” ขึ้นมานั่งแล้วบอกจุดหมาย ก่อนจะหลับตาทิ้งตัวลงอย่างเหนื่อยอ่อน วันนี้ผมเหนื่อยพอแล้ว

เรื่องวุ่นวายทั้งหมดมันจบลงแล้ว  ผมจะได้กลับไปใช้ชีวิตปกติเหมือนที่ผ่านมาสักที

แต่จริงๆผมไม่รู้หรอก...ว่านับจากนี้ไปมีสิ่งที่ทำให้ผมเหนื่อยได้มากกว่านี้จนบรรยายไม่ได้เลยล่ะ


++++++++++++++++++++++++++


ผมกลับหอมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า นอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียงได้สักพักแล้วครับ แต่พยายามจะข่มตาหลับตาหลับยังไงก็ทำไม่ได้สักที ทั้งๆที่ปกติผมหัวถึงเตียงปุ๊บก็หลับได้ทันที นั่งดูทีวีไปสักพักเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น

Rrrr  Rrrr  Rrrr

หืม เมฆงั้นหรอ

“ว่าไง”

(น้องมึงอยู่ไหน)เสียงเมฆดังมาตามสาย  รอบข้างเสียงดังเหมือนเพลง

“หออ่ะ”

(อ้าวกลับมาแล้วหรอวะ)

“อื้อ มึงอยู่ไหน?”

(คลับD แถว ZZ อ่ะมาแดกเหล้ากับพวกไอ้อ๋อง ทำไม?)

“อ่อ ไปหาได้ป่ะ”

(ห๊ะ! มึงเนี่ยนะ เป็นอะไรรึเปล่า?)น้ำเสียงเมฆแสดงความกังวล เสียงเพลงที่ดังตอนแรกๆก็เบาลง

“ไม่ได้เป็นอะไร แค่นอนไม่หลับ เลยอยากไปหา”  ความจริงผมก็แปลกใจตัวเองเหมือนกันนั่นแหละ  ปกติผมท่องราตรีซะที่ไหนล่ะ

(...เออตามใจ  ถึงแล้วโทรมา)เมฆเงียบไปอึดใจก่อนจะตอบกลับมา ผมรับคำแล้วกดวาง  สองเท้าเดินไปหยุดหน้าตู้เสื้อผ้า เลือกชุดเปลี่ยนเพื่ออกไปคืนนี้
.
.
.
.
.
.
.

“เหี้ยยยยยยยย นี่กูไม่ได้ตาฝาดใช่ไหมวะที่เห็นไอ้รันต์อยู่ที่นี่” เสียอ๋องอุทานดังลั่นอ้าปากค้างมองผมซะเว่อร์เมื่อเห็นปรากฏตัวขึ้นพร้อมเมฆที่โต๊ะพวกเขากำลังดื่มกินกัน

“มึงไม่ได้ตาฝาดคนเดียวหรอกเว้ย  กูว่าเราตาฝาดกันยกกลุ่ม” บอยเพื่อนสาขาอีกคนพูดเสริม มือขยี้ตาล้อๆใส่ จนผมต้องย่นจมูกใส่อย่างหมั่นไส้

“หยิกกูที  นี่กูไม่ได้ฝันไปใช่ไหมวะ” เพื่อนอีกคนในโต๊ะสัมทับขึ้นอีกที  จำได้คร่าวๆว่าเป็นกลุ่มนักกีฬาฟุตบอล

“เกินไปนะพวกมึง มันก็ไม่ขนาดนั้นป่ะ”ขอแก้ตัวหน่อยเถอะ ผมเคยอยู่นะตอนปีหนึ่งที่โดนรับน้องอ่ะ

“หรอออออออ!!!” พร้อมใจกันเชียว

“เออออออออ” เรื่องอะไรกูต้องยอม

“จะแดกอะไร โค้ก น้ำเปล่า หรือพวกโซดาผลไม้”เมฆถามหลังเรานั่งที่เรียบร้อยร้อย คนอื่นก็หันไปดื่มไปคุยกันไม่ได้สนใจอะไรผมอีก

“เอาที่พวกมึงดื่มอ่ะ” สายตามองที่แก้วตรงหน้ามัน เมฆหันมามองหน้าผมควับ ตาหรี่ลงมองผมอย่างไม่อยากจะเชื่อ

“มีอะไรทำไมไม่บอกกู”คนข้างตัวพูดเสียงเข้ม  ผมก้มหน้ามองต่ำมือบีบเข้าหากันไปมาอย่างไม่รู้จะทำยังไง  ผมก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกันว่าตัวเองตอนนี้เป็นอะไร แต่มันรู้สึกแย่ๆอึนๆอยู่ในอก  แค่อยากหลุดพ้นจากความรู้สึกนี้...ก็แค่นั้น

“รันต์!”เมฆเรียกย้ำอีกรอบเมื่อเห็นว่าผมไม่ตอบ

“กูไม่รู้! กูไม่รู้อะไรเลยเมฆ มึงอย่าพึ่งถามอะไรกูตอนนี้ได้ไหม ” ผมไม่รู้ว่าตัวเองทำหน้าแบบไหนออกไป แต่สายตาเมฆก็อ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด

“ไม่เป็นไร พร้อมเมื่อไหร่ค่อยบอกกู กูจะดูแลมึงเอง”เมฆรั้งศีรษะผมเข้าไปซบซอกคอ ผมได้แต่กำเสื้อมันแน่นอย่างไม่รู้จะทำอะไร  เพราะรู้นิสัยเพื่อนดีว่าถ้ามันรู้ เรื่องก็คงไม่จบง่ายๆ ให้เป็นแบบนี้คงจะดีที่สุดแล้ว

“พวกมึงดราม่าอะไรกันเนี่ย เอ้าไอ้รันต์แก้วมึง ชนๆๆ”อ๋องชงเหล้ามาให้ ก่อนจะชนกันทั้งวง ผมผละออกจากเมฆแล้วรับแก้วมาชนก่อนกระดกของเหลวสีอำพันรสชาติขมปร่าไหลผ่านลำคอ ทำเอาผมมึนไปชั่วขณะ สะบัดหัวเบาๆ2-3ทียังสามารถประคองสติได้อยู่

“ไอ้เหี้ยอ๋อง มึงชงให้มันซะแรงเลยสัด มันยิ่งคออ่อนๆอยู่” เมฆหันไปด่าอ๋องเอเห็นอาการผมก่อนจะหยิบแก้วไปเติมโซดาเพื่อลดความเข้มข้น

“อ้าว กูจะรู้หรอวะ  ก็หัดๆไว้ไง เป็นลูกผู้ชายของแบบนี้ต้องหัดบ้าง มึงดูผู้หญิงบางคนคอแข็งยิ่งกว่าเราอีก กินทีกูนึกว่าอาบเอา” อ๋องเล่าขำๆ ผมก็เริ่มพลอยสนุกไปด้วย

เราเริ่มดื่มกินกันไปเรื่อยๆ ผมนั่งฟังเพื่อนคุยไปมือก็ยกแก้วตัวเองกระดกของเหลวเข้าปากแก้วแล้วแก้วเล่าที่ดื่มได้เยอะก็เพราะเมฆมันชงให้อ่อนๆแต่พอหลายแก้วไปผมก็เริ่มมึนหนักขึ้นแล้วล่ะครับ  ยิ่งดึกคลับนี้คนก็ยิ่งเยอะ  เพื่อนในโต๊ะบางคนก็เริ่มลุกออกไปวาดลวดลาย  ไอ้อ๋องก็เดินไปคลุกวงในแล้วครับ ส่วนเมฆแม่งยังไม่ขยับไปไหนแต่น่าจะเริ่มกรึ่มๆแล้วละ

ผมดื่มไปมองผู้คนไปก็เพลินดีครับ แต่หัวก็ไม่โล่งสักที มองไปทงไอ้เมฆก็เห็นสายตามันมองไปที่ผู้หญิงหน้าตาสะสวยคนหนึ่ง  เธออยู่ในชุดเดรสสั้นสีดำเปิดไหล่ เธอก็ส่งสายตาพร้อมรอยยิ้มสื่อนัยยะคืนให้เมฆ  แต่มันก็ทำเป็นเล่นตัวไงครับ

“ไปดิ เหยื่อติดกับแล้วไม่ใช่หรอ” เมฆหันมาเลิกคิ้วยิ้มๆกับคำพูดผม

“หึ ไม่ทิ้งมึงหรอกน่า” เมฆโยกหหัวผมเบาๆราวกับผมเป็นเด็กเล็กๆ ผมจับมือมันไว้ แล้วพูดเสียงจริงจัง

“เหอะน่า เดี๋ยวกูก็จะกลับแล้วเนี่ย” แกว่งมือเพื่อนเล่นไปมา หัวก็เอียงไปซบไหล่มันอ้อนๆอย่างไม่รู้ตัว

“หึๆ เดี๋ยวกูไปส่ง”เมฆดึงมือออกมากอดคอผมแทน  ตาเริ่มเยิ้มนิดๆเหมือนกัน

“ขอโทษนะคะ เอมี่ขอนั่งด้วยได้รึเปล่าคะ”สาวสวยที่ไอ้เมฆจ้องก่อนหน้านี้เดินเข้ามาประชิดโต๊ะที่พวกเรานั่งกันอยู่  เธอยิ้มซะหวานหยดย้อยให้ไอ้เมฆ อืมรุกเร็วดีแหะ ผมเอียงตัวกลับ

 “เชิญเลยครับ ผมกำลังจะกลับพอดี”ผมบอกเธอก่อนจะลุกพรวดขึ้น เซนิดๆแต่ก็ยังยืนได้อยู่ รู้สึกมึนๆแต่ก็ยังมีสติอยู่ เมฆทำท่าจะประท้วงแต่ผมยกมือเบรกมันไว้ก่อน “อย่า กูกลับเองได้  ไม่ได้เมาขนาดนั้น” เมฆทำหน้าไม่ค่อยเชื่อจะลุกตามผมให้ได้

“เมฆ  ถึงแล้วเดี๋ยวโทรบอก” ผมพูดหน้านิ่งๆ เมฆถอนหายใจปลงๆอย่างขัดไม่ได้

“เออๆ ถึงแล้วรีบโทรมา” มันพยักหน้าให้ ผมหันไปยิ้มให้สาวสวยที่ยืนอยู่ ก่อนจะขอตัวออกมา แต่ปวดฉี่ว่ะ  หาห้องน้ำเข้าก่อนละกัน

เมื่อเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อย  ผมก็จะเดินกลับไปที่ทางออกซึ่งอยู่ด้านหน้า

พลั่ก! ด้วยเพราะคนเบียดมาก ทำให้ผมไปชนเข้ากับผู้หญิงคนหนึ่ง มือผมคว้าเข้าที่เอวเธอไว้ทันก่อนที่จะล้มไปทั้งคู่

“เป็นอะไรมากรึเปล่าครับ” ด้วยเพราะที่ผมมึนๆอยู่ก่อนแล้วทำให้โดนเบียดนิดหน่อยก็ตั้งตัวไม่ค่อยอยู่ ผมปล่อยมือออกจากเอวเธอ แต่ผู้หญิงตรงหน้ากลับคล้องแขนข้างหนึ่งไว้ที่ต้นคอผมมืออีกข้างถือแก้วเหล้าเอาไว้ เธอสูงชะลูดใกล้เคียงผมแต่อาจจะเตี้ยกว่านิดหน่อย ใบหน้าผมมองไม่ชัดเท่าไหร่เพราะค่อนข้างมืด

“หืม จะทำร้ายกันหรอคะสุดหล่อ” เสียเธอดูทุ้มและแหบไปนิดเหมือนจะเมามากๆแล้วด้วย ผมรู้สึกแปลกๆพยายามจะปลดมือเธอออกแต่ก็ทุลักทุเลพอสมควร

“ขอโทษจริงๆแต่ผมไม่ได้ตั้งใจ”

“ไม่ให้อภัย ตองดื่มแก้วนี้ให้หมดก่อนถึงจะยอม คิๆ” เธอบอกเสียงอ้อแอ้มือที่เกาะอยู่ก็แกะไม่ออกง่ายๆ ผมก็อยากกลับเต็มทีเพราะทั้งมึนทั้งง่วง จึงตัดใจคว้าแก้วเธอขึ้นกระดกจนหมด รสชาติบาดคอกว่าที่อ๋องชงให้ครั้งแรกซะอีก  เหมือนโลกเอียงได้ ภาพตรงหน้าดูซ้อนๆกัน  ผมพยายามครองสติไว้  แต่ก็ดูเหมือนจะเป็นไปได้ยากเต็มที

“หมดแล้ววว ปล่อยได้ยางงง” แม่งเหมือนลิ้นพันกันเลยว่ะ

“คึๆ แก้วเดียวก็เมาเลยหรอ ไปต่อกับฉันไหมคะ” เธอยื่นหน้าเข้ามาใกล้กับใบหน้าผม มือผมพยายามพลักเธอออกแต่ก็อ่อนปวกเปียกจนน่าหงุดหงิด จนสุดท้ายไม่รู้เธอลากผมมาตอนไหน แต่ผมมาอยู่ที่โต๊ะเธอและผองเพื่อนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  มีหลายคนที่พยายามจะถามชื่อแซ่ผม และชวนคุยผมตอบบ้างไม่ตอบบ้างเพราะคิดไม่ทัน รู้แค่มึนๆเบลอๆง่วงชะมัด  แต่เหล่าเพื่อนเธอทั้งชายหญิงพากันยัดแก้วที่มีน้ำสีสวยๆให้ผมไม่หยุด ผมก็ดื่มเรื่อยๆรู้สึกแค่ว่ามันอร่อยและหัวเริ่มโล่งดี

ผู้หญิงที่พาผมมาเธอเริ่มเบียดเข้ามาประชิดตัว ผมอยากกลับแต่ปลีกตัวแทบไม่ได้เลย  จึงคว้าโทรศัพท์จะโทรหาเมฆเพราะตอนนี้ผมรู้สึกร้อนรุ่มแปลกๆ สติผมผมกำลังจะขาดหายเต็มที

ไม่นะ พวกเขาเอาอะไรให้ผมดื่มกัน?

++++++++++++++++++++++++++++++

ร่างสูงโปร่งของรันต์พยายามพลักหญิงสาวที่กำลังคุกคามเขาออก มืออีกข้างกดมือถือเพื่อโทรหาความช่วยเหลือจากเพื่อน รอปลายสายนานจนเขาเกือบจะวางสายแต่ในที่สุดปลายสายก็รับโทรศัพท์เขา

“เมฆ ชะ...ช่วยน้องด้วยยย” เหรันต์รีบร้องบอกเพื่อนน้ำ เพราะผู้หญิงข้างๆกำลังจะซุกไซ้ซอกคอเขาแล้ว เขาทั้งผลักทั้งเบี่ยงตัวออกแต่แปลกที่เขากลับสู้แรงผู้หญิงคนนี้แทบไม่ได้ ร้องให้ใครช่วยก็ไม่มีคนสนใจ

(....)

“เขาจะจูบน้องงง กูรู้สึกแปลกๆเหมือนอยากทำ...อ๊ะ...เขาเอาน้ามให้น้องกิน”เสียเขาก็อ้อแอ้ได้ที่ ขาดๆหายๆ  พร้อมความร้สึกบางอย่างที่ใกล้จะประทุขึ้นมา

(อยู่ไหน?)ปลายสายถามเสียงนิ่ง

“ที่เดิมงายยย ระ...เร็วๆนะ จะทนม่ายไหวแล้วคร้าบบ อื้อ อย่าทามโผมมม”หญิงสาวแปลกหน้าพยายามจะรั้งใบหน้าของรันต์ให้ประกบจูบกับตนเอง

(Shit!!! แล้วมันที่ไหนวะ!!!) ปลายสายสบถด้วยความหงุดหงิด

“ก็ที่กูนั่งแดกกะเมิงน่านแหละ  อย่าโง่ได้ป่าว ติ้ด! อ้าว” ยังพูดไม่ทันรู้เรื่อง หน้าจอโทรศัพท์มือถือของเหรันต์ก็ชิงดับไปซะก่อน เขาใช้แรงฮึดสุดท้ายจนผู้หญิงคนนี้หลุดออกจากตัวเขาได้ ค่อยๆพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นยืน

“นี่!จะเล่นตัวอะไรนักหนา คิดว่าหล่อนักรึไงห๊า!!!” สาวเจ้าเหวี่ยงเสียงหลง ใบหน้าถมึงทึงเมื่อโดนขัดอารมณ์

“ก็ไม่อยากทามมม  คูณเอาอารายให้ผมกิน” รันต์ปฏิเสธออกไป แม้ตัวเขาจะร้อนรุ่มและมีความต้องการมากขึ้นกว่าเดิมแต่เขาก็พยายามจะระงับอารมณ์ตัวเองเอาไว้ให้ได้

“ไม่น่าถามนะหนุ่มน้อย ก็สิ่งที่จะทำให้เราขึ้นสวรรค์ยังไงล่ะ” เธอบอกแล้วยิ้มเยาะให้กับความซื่อจนเกินไปของเด็กหนุ่มตรงหน้า

“ผมจะกลับ”มือเรียวกุมขมับอย่างมึนๆ  กัดปากตัวเองเพื่อดึงสติไว้จนกว่าเพื่อนจะมา

“ฮ่าๆๆๆ คงจะไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก ยิ่งเด็กผู้ชายซื่อๆซิงๆอย่างเธอน่ะหายากนักล่ะ”เธอพูอย่างอารมณ์ดีพร้อมเลียริมฝีปากอย่างเห็นอาหารอันโอชะตรงหน้า

“อะไรอีแมนนี่ ยังไม่ได้แดกอยู่อีกหรอ กูเห็นมึงตะล่อมนานแล้วนะ”เพื่อนสาวอีกคนของแมนนี่เดินเข้ามาร่วมวง

“ยัง มันเล่นตัวว่ะเหมือนไม่เคยเลย”แมนนี่ตอบเพื่อนเซ็งๆ สติรันต์ใกล้หลุดเต็มที ตอนนี้เขาไม่ได้ยินเสียงใครทั้งนั้น ลำพังแค่พยุงตัวให้ยืนอยู่อยู่ได้ก็ยากเต็มทน
 
“มึงไม่ได้ใส่ ‘ไอ้นั่น’ให้มันกินหรอ”เธอถามพร้อมมองสำรวจไปที่ตัวรันต์

“ใส่ กูก็งงว่าแม่งไม่รู้สึกอะไรเลยหรอ เล้าโลมมันมาสักพักแล้วนะซินดี้”

“พามันเข้าห้องสิอีด_ก ป่านนี้คงออกฤทธิ์แล้วล่ะ”เธอชี้ทางสว่างให้เพื่อน

“เออก็จริงของมึง  ตอนนี้มันก็เริ่มคุมตัวเองไม่อยู่แล้วล่ะ”แมนนี่เห็นด้วยกับเพื่อนสาว

“เด็กหนุ่มซิงๆคงเคี้ยวอร่อยไม่เบาสิมึง”จิกกัดเพื่อนไปด้วยความหมั่นไส้

“ของใครของมันค่ะกรี่ มาช่วยกูลากมันไปขึ้นรถหน่อยสิ”

“เออ” ทั้งคู่ช่วยกันไปหิ้วปีกร่างโปร่งที่ฟุบลงไปเมื่อครู่

“อื้ออออ ปล่อยยยน้องงงงง” รันต์โวยวายออกมาด้วยน้ำเสียงอ้อแอ้ เมื่อกี้เขารู้สึกเหมือนโลกหมุนเลยขาอ่อนฟุบลงกับโซฟา  แต่ยังไม่หลับไปซะทีเดียวเพราะความร้อนรุ่มที่เกิดขึ้นกับร่างกายเขานี่แหละ  ส่วนกลางลำตัวขยายขึ้นจนดุนดันกางเกงออกมาอย่างเห็นได้ชัด

“นิ่งๆสิวะ”เสียงทุ้มห้าวของซินดี้บ่นอุบ เมื่อรันต์ไม่ยอมให้ความร่วมมือดีๆ จนกระทั่งทั้งคู่พารันต์ออกมาถึงลานจอดรถ

“คนที่เขายอมดีๆก็ไม่เอานะมึง” ซินดี้บ่นให้เพื่อนไม่หยุด

“ก็กูถูกใจ  กูจะเอาคนนี้” แมนนี่เถียงเพื่อนอย่างไม่ยอมแพ้ เมื่อมาถึงรถของแมนนี่กำลังจะเปิดประตูรถเพื่อให้รันต์เข้าไปด้านใน ซินดี้กลับหยุดกึก

“อ้าวหยุดทำไมคะดอก เร็วๆกูเสี้ยน”แมนนี่หันไปถามเพื่อน แต่เมื่อเห็นสีหน้าไร้สีเลือดและท่าทางสั่นๆของเพื่อนทำเอาเธอกลืนน้ำลายลงคอดังอึกใหญ่ก่อนจะเบนสายตาไปทางที่เพื่อนมองอยู่

ปืนเบเร็ตต้าสีเงินยวงจ่อหน้าผากของแมนนี่ในเสี้ยววินาทีที่เธอหันไปมอง เธอไม่ได้ยินแม้แต่เสียงฝีเท้าของคนคนนี้เลยด้วยซ้ำ

กริ้ก!เสียงขึ้นนกทำเอาเธอสั่นจนฉี่ราดอย่างกลั้นไม่อยู่ น้ำหูน้ำตาก็ไหลท่วมอย่างกลัวความตาย

“อยากลองหายเสี้ยนไหม”เสียงทุ้มว่าเรียบๆแต่กลับเย็นเยียบไปถึงขั้วหัวใจของเธอทั้งสอง เกิดมาไม่เคยคิดว่านรกจะมาเยือนระยะเผาขนขนาดนี้ พวกเธอทั้งคู่ได้แต่ส่ายหน้าอย่างสั่นๆ “ส่งเขามา” ชายหนุ่มพูดขึ้นอีกครั้งพร้อมลดเบเร็ตต้าในมือลง พวกเธอรีบกุลีกุจอส่งเด็กหนุ่มให้ชายตรงหน้า  เขาพยุงเด็กหนุ่มด้วยมือข้างเดียวก่อนจะลากไปอีกทางโดยไม่พูดอะไรกับพวกเธออีก

เมื่อชายหนุ่มพ้นสายตา สาวประเภทสองทั้งคู่ก็เข่าอ่อนทรุดนั่งลงกับพื้นโดยไม่ได้นัดหมาย ตัวพวกเธอยังสั่นไม่หยุด

“อีแมนนี่  มึงเกือบพากูมาตายแล้วนะ!!!มึงเล่นกับเด็กใคร ทำไมไม่ดูดีๆยะ” ซินดี้ตวาดเพื่อนอย่างเสียศูนย์ เธอเพิ่งเหมือนผ่านความตายมาหมาดๆ ตัวเธอยังสั่นไม่หาย

“กูจะรู้หรอ ท่าทางมันก็ดูไม่มีพิษไม่มีภัยนี่หว่า” เธอว่าหวั่นๆ เหตุการณ์ที่ทำเอาเธอกลัวหนักถึงขนาดฉี่แตก  เธอยังไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองยังมีลมหายใจอยู่ ผู้ชายคนเมื่อกี้เขาเอาจริง! ไม่ใช่แค่จะขู่  แววตาเขาไม่มีความลังเลที่จะเหนี่ยวไกลสักนิดถ้าหากเธอไม่ทำตามที่เขาบอก

ซวยที่เธอเอง ดันไปยุ่งกับคนที่ไม่ควรยุ่งซะได้...

+++++++++++++++++++++++++++++++++

อีกด้านหนึ่ง

“บาวววว น้องเจบบบบบ” ร่างโปร่งที่โดนอีกคนกึ่งลากกึ่งจูงอย่างแรงโดยไม่สนใจร้องประท้วงออกมา  ตาเขาจะปิดอยู่รอมร่อแต่ความต้องการที่ประทุขึ้นทำให้เขารู้สึกอึดอัดและหัวใจสูบฉีดเลือดเร็วขึ้น

ร่างสูงที่ทำหน้าที่เป็นคนจูงหันกลับมามองคนด้านหลัง แม้บริเวณนี้จะมืดแต่ก็มีแสงไฟที่ลานจอดรถส่องให้เห็นหน้า คนประท้วงหน้าแดงหูแดงลามไปถึงคอ ริมฝีปากเห่อแดงกับตาเยิ้มๆเกินปกติทำให้เขาต้องขมวดคิ้วมองอีกคนให้ชัด

“Damn! มึงโดนยาหรอวะ” เขาสบถอย่างหัวเสีย  มือเสยผมไปด้านหลังอย่างหงุดหงิดก่อนจะรีบลากคนตัวเล็กกว่าให้เดินเร็วขึ้นกว่าเดิม

จนกระทั่งเดินมาถึงรถ ร่างสูงจับยัดคนเมาให้เข้าไปในรถอย่างทุลักทุเลเมื่อคนไร้สติเกาะเขาหนึบไม่ยอมปล่อย ทีตอนแรกล่ะบอกให้ปล่อยแล้วมาดูตอนนี้สิ

“นั่งดีๆ”บอกก่อนจะปิดประตูให้ ร่างสูงเดินอ้อมไปฝั่งคนขับ เมื่อประจำที่เรียบร้อยก็รีบออกรถ ยังไม่ถึงหนึ่งนาทีคนเมาก็เริ่มแผงฤทธิ์

“เมฆฆฆฆฆ น้องง่วงงง ร้อนนนน…แฮ่กๆ”มือเรียวสะบัดเสื้อตัวเองระบายความร้อนแต่ก็ไม่ช่วยอะไรจึงลงมือปลดกระดุมเสื้อตัวเองอย่างรวดเร็ว คนทำหน้าที่เป็นพลขับหันมามองอีกทีก็เห็นคนเมากำลังจะถอดกางเกงยีนส์ของตัวเองออก  เขารีบตะครุบมือขาวไว้  มืออีกข้างก็บังคับพวงมาลัย

“จะทำอะไรวะ  ทีสติหน่อยรันต์!” เขาตะคอกรันต์ดุๆ

“อื้อออ ก็มันร้อน ตรงนั้นมันเสียวววว” รันต์ร้องอืออา ขาเรียวสวยบิดสีกันไปมาอย่างทนไม่ไหว  ร่างสูงเห็นอย่างนั้นก็รีบเหยียบคันเร่งพาไปถึงจุดหมายให้เร็วที่สุด  แต่เหมือนโชคจะไม่เข้าข้างเขาสักนิด  เมื่อคนเมาเปลี่ยนเป้าหมายมาเล่นงานเขาแทน

“เมฆฆฆฆ  เมื่อหร่ายยยน้องจะหายร้อน งื้อออ” คนเมาข้ามเกียร์ไปอีกเบาะหาคนข้างๆ มือเรียวยาวโอบรอบคอของอีกคนใบหน้าใสไร้กรอบแว่นซุกไซ้ที่ลำคอแกร่งอ้อนๆ

“ถอยไปนั่งดีๆ เดี๋ยวรถคว่ำ” คนโดนก่อกวนบอกคนเมาเสียงดุ หางตาเขาเหลือบเห็นกลางลำตัวคนเมาโป่งพองขึ้น มือเรียวปัดป่ายไปมาบริเวณหน้าอกหนา ทำเขาตัวเกร็งขึ้นอัตโนมัติ  ขบกรามแกร่งอดกลั้นอารมณ์ที่ถูกอีคกระตุ้น

“อื้ออออออออ แฮ่กๆ ชะช่วยน้องสักที” เสียงครางข้างหูดังขึ้นเป็นระยะๆ สายตาคมเหลือบเห็นโรงแรมอยู่ด้านหน้าทำให้ความอดทนเขาขาดสะบั้นลงทันที  มือแกร่งหักพวงมาลัยเลี้ยวเข้าโรงแรมข้างหน้าทันที

เอาวะ!ค่อยไปแก้ปัญหาเอาทีหลัง

+++++++++++++++++++++++++

คุยกันนิด

สวัสดีทุกคนนนนนน  ยังอยู่แต่ใกล้ตายแล้ว งื้อ ขอโทษที่หายไปโดยไม่บอกกลายเป็นนิยายรายเดือนไปแล้ว  ชีวิตโคตรมีปัญหาเลยค่ะ เข้ามาแบบไม่ทันตั้งตัวเลย  เปรมเครียดมากไม่อยากทำอะไรเลย จริงๆเป็นคนทำอะไรตามความรู้สึก ถ้าไม่มีอารมณ์ก็คือไม่ทำ อารมณ์มันไม่คงที่ก็เลยไม่อยากเอามาปนกับนิยาย  แต่ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว(ปัญหายังไม่จบอยู่ดี) นิยายเรื่องนี้เปรมวางพล็อตไว้หมดแล้วเหลือแค่พิมพ์  แต่เปรมไม่รู้ว่าวันไหนเปรมจะหายไปอีก ถ้าใครไม่ตามต่อเปรมก็โอเคแต่จะพยายามไม่หายไปนานแบบนี้อีก ยังไงเรื่องนี้ต้องจบ ค่อยมาอ่านตอนมันจบก็ได้เนอะ จุ๊ฟๆ  ขอบคุณที่อ่านฮับ  :L1:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 15♡ [5/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 05-02-2017 22:08:06
สู้ๆ ค่ะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 15♡ [5/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 05-02-2017 22:21:35
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 15♡ [5/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 05-02-2017 22:33:19
คนที่มาช่วยคือทศกัณฐ์?
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 15♡ [5/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 05-02-2017 22:43:00
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 15♡ [5/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 05-02-2017 22:49:54
รันต์ พูดแทนตัวว่าน้อง น่าร้ากกกก  :mew1: :mew1: :mew1:
ทศ เป็นคนช่วยรันต์ใ่ช่มั้ย  :katai1: :katai1: :katai1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 15♡ [5/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 05-02-2017 22:51:40
โอ้ยยย น้องรันต์อะไรจะซวยขนาดนี้
แล้วพี่ทศนี่ทำไมใจร้ายกับน้องจังงง
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 15♡ [5/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 05-02-2017 23:02:13
สู้ๆค่ะ เอาใจช่วยนะคะ
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 15♡ [5/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ่KEI_jry ที่ 05-02-2017 23:21:17
เอาให้ยักษ์อกแตกตายไปเลยยยยยยย  :katai3:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 15♡ [5/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Fonz_Juz19 ที่ 06-02-2017 00:19:16
เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ
่น้องรันต์ แทนตัวเองว่า น้อง มันดูน่ารักมากๆเลย
ชอบๆๆ  แต่พี่ทศนี่ยังไงๆอยู่น้าาา
บอกรันต์ว่าหมดหน้าที่แล้ว แต่ตัวเองกลับมาช่วยน้อง
ห่วงน้อง รักน้องก็บอก 55555
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 15♡ [5/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 06-02-2017 00:40:28
 :katai1:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 15♡ [5/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 06-02-2017 01:22:01
รายเดือนเลยอ๋อคนเขียน ไม่เป็นไร รอ ว่าแต่น้องจะรู้ไหม นั่นพี่ทศ ไม่ใช่เมฆ 5555 โอ๊ย อยากขำนะ ทำไมเมาแล้วน่ารักวะ
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 15♡ [5/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 06-02-2017 01:30:34
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 15♡ [5/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: เล็กต้มยำ ที่ 06-02-2017 03:16:04
ค้างงงงงงงงงงง
 :katai1: :katai1:
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 15♡ [5/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: แม่มดน้อย ที่ 06-02-2017 08:58:21
ทศเป็นอาร๊ายยยยยบ

งือ ขอบคุณคนเขียนค่า :mew1:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 15♡ [5/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 06-02-2017 09:55:29
 :hao6:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 15♡ [5/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: จอมจุ้น6002 ที่ 06-02-2017 10:12:09
ทศแม่งใจร้ายว่ะ พูดกับรันต์แบบนั้น
ใจหล่นไปอยู่ตาตุ่มแล้วกระเด็นหายไปแล้ว!!!
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 15♡ [5/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: som ที่ 06-02-2017 10:23:21
ผมว่าคนที่อ่านเรื่องนี้ไม่มีใครทิ้งหรอกครับ
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 15♡ [5/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: kaokorn ที่ 06-02-2017 13:22:28
มายกมือรออ่านฮะ รายเดือนก้อรับได้ แต่ขอให้ลงจนจบนะคร้าบบบบ
เอาใจช่วยสำหรับเรื่องวุ่นๆ ขอให้ผ่านทุกอย่างไปด้วยดีนะฮะ  :L2:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 15♡ [5/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: mirage ที่ 06-02-2017 18:07:30
รัตน์น่ารัก พูดแทนตัวเองว่าน้องตลอดเลย เอาไงคะคุณพี่ทศ รีบเคลียปัญหาให้จบนะคะ

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 15♡ [5/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Laliat ที่ 08-02-2017 04:08:52
มาต่อแล้ว ดีน่ะยังจำเนื้อเรื่องได้บ้าง อารมณ์เกือบขาดแล้ว
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 15♡ [5/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 08-02-2017 10:39:38
ไม่ไหวก็พักนะคะ อย่าคิดมาก พวกเรารอได้ค่ะ แวะมาบอกมากล่าวบ้างก็ได้

สู้ๆนะคะ
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 15♡ [5/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 08-02-2017 11:29:50
ชอบเวลารันต์แทนตัวตัวเองว่าน้อง น่ารักน่าเอ็นดูมาก พี่ทศมาช่วยน้งใช่ไหมอ่ะ

เรารอได้ค่ะ ไรท์สู้ๆนะ เป็นกำลังใจให้นะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 15♡ [5/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: จอมจุ้น6002 ที่ 19-02-2017 16:15:44
คิดถึงยักษ์  :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 15♡ [5/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 19-02-2017 17:00:57
 :z13: จิ้มคนข้างบน มาวันนี้แหละ อิอิ :katai5:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 15♡ [5/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: จอมจุ้น6002 ที่ 19-02-2017 19:24:21
เข้ามาส่องทุกวันเลยค่ะ
รอๆๆๆๆๆคนเขียนนะคะ  :L2: :3123: :กอด1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 16♡ [20/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 20-02-2017 15:26:50
ใจยักษ์ 16


“ลงมารันต์”ทศกัณฐ์เดินอ้อมไปเปิดประตูให้คนเมาที่บ่นงึมงำอะไรไม่รู้อยู่คนเดียว ถ้าถามว่าทำไมเขาจึงมาอยู่ตรงนี้ได้ก็คงต้องนึกย้อนไปเมื่อประมาณหนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้ที่เขากำลังจะขึ้นเครื่องไปอังกฤษด้วยเหตุผลบางอย่าง แต่ก่อนที่มือถือเขาจะเปิดโหมดเครื่องบินก็มีสายเข้าจากคนที่ไม่นึกว่าจะโทรมาเวลานี้ได้ เขาลังเลอยู่นานว่าจะรับดีหรือไม่ในเมื่อตัดสินใจทำร้ายจิตใจอีกคนไปแล้วก็ควรจะทำให้ถึงที่สุด แต่สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจรับก่อนที่สายจะตัดไปซะก่อน

เขาจับใจความได้ว่าอีกฝ่ายเข้าใจว่าเขาเป็นเพื่อนตัวเองและกำลังโดนคุกคามอยู่ น้ำเสียงก็เหมือนกำลังเมาได้ที่เลย ใจหนึ่งเขาไม่อยากไปเจอหน้ารันต์อีก เพราะไม่อยากทำให้อีกฝ่ายเจ็บตัวเพราะเขา เขารู้เรื่องที่ตัวเองเผลอทำร้ายรันต์ไปอีกคนตอนจิตใจและร่างกายเขากำลังมีปัญหาจากสตีฟ เขาไม่รู้ว่าวันดีคืนดีเขาจะเป็นแบบนี้อีกไหมเพราะฉะนั้นเขาควรจะตัดรันต์ออกจากชีวิตเขาซะ รันต์ไม่ควรจะเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก เขาควรจะปล่อยให้เด็กคนนี้ไปมีชีวิตที่ปกติสุขของตัวเอง ถึงแม้จะเสียดายนิดหน่อยก็เถอะ แน่นอนว่าตอนนี้เขาแค่กำลังสนใจเหรันต์เด็กผู้ชายหลายบุคลิกที่เปลี่ยนอารมณ์ไปมาจนจับทางไม่ถูกท่าทางมึนๆงงๆแต่ก็ไม่ได้ซื่อจนไม่รู้อะไรเลย บางครั้งก็ทำคนอารมณ์นิ่งเป็นกราฟเส้นตรงอย่างเขาโกรธได้ บางทีก็ว่านอนสอนง่ายไปซะหมด มันทำให้คนอย่างเขาอยากเล่นด้วยทุกวันล่ะมั้ง วันนี้เขาก็พึ่งโดนไอ้สมิธบ่นใหญ่ว่าทำตัวแปลกๆไปทำอะไรให้น้องรักมันโกรธถึงได้หนีกลับไปก่อน เขาก็ได้แต่นั่งเงียบๆทำหูทวนลมไป

แต่อีกใจหนึ่งเขาก็รู้สึกว่าไม่สามารถทิ้งให้เด็กคนนั้นให้เจออันตรายได้ แม้คนที่อันตรายที่สุดสำหรับเด็กคนนั้นอาจจะเป็นเขาก็ตาม เขาตัดสินใจถามว่ารันต์อยู่ที่ไหนแต่สุดท้ายก็ไม่ได้อะไรที่เป็นประโยชน์จากคนเมาสักนิดแล้วยิ่งมือถือรันต์มาแบตหมดตอนยังไม่ทันรู้เรื่องอะไร ยิ่งทำให้เขาหงุดหงิดขึ้นยิ่งกว่าเดิมซะอีก

ทศกัณฐ์จึงให้โจเซฟตามหาตำแหน่งรันต์ให้ ใช้เวลาไม่นานก็รู้ว่าอยู่ที่ไหน เขาใช้รถที่ขับมาสนามบินออกไปหารันต์ โดยเลื่อนไฟต์บินออกไปก่อน เมื่อไปถึงยังไม่ทันที่เขาจะจอดรถสนิทดีสายตาเหลือบเห็นผู้หญิงสอบคนกำลังหิ้วแขนผู้ชายคนละข้างตรงมาทางลานจอดรถ แน่นอนว่าคนที่โดนหิ้วก็คือไอ้เด็กที่ทำให้เขามาอยู่ที่นี่ตอนนี้แหละ

เขารีบลงจากรถไปแต่มือกันคว้าเบเร็ตต้าติดมือลงไปด้วยความลืมตัว  พอเดินใกล้ถึงตัวคนพวกนั้น คำพูดของผู้หญิงหนึ่งในนั้นทำเอาเขาอยากแกล้งให้หายซ่าสักหน่อย เลยแกล้งยกปืนขึ้นแนบหน้าผากเธอเล่นๆ พอเห็นว่ากลัวซะจนฉี่ราดเลยลดปืนลง  ก็ถือซะว่าหายกันที่ทำเด็กนี่ละกันแม้จะยังรู้สึกหงุดหงิดใจอยู่เล็กๆก็ตาม

แต่พอยัดไอ้เด็กลิงเมาขึ้นรถมาได้สักพักนี่แหละ  เขาถึงรู้ว่านรกมีจริงทำเอาเขาอยากจะขย้ำคอไอ้เด็กนี่ไปหลายรอบ ได้แต่พยายามสกัดกั้นอารมณ์เอาไว้  แต่ที่ทำให้ความอดทนเขาขาดสะบั้นลงก็คงเป็นไอ้การพยายามจะถอดกางเกงตัวเองแล้วปีนข้ามเบาะมาไซร้เขานี่แหละ ถ้าเขายังฝืนขี่รถต่อไปก็อาจจะไม่รอดทั้งคู่ก็ได้จึงหักเลี้ยวเข้าโรงแรมในเครือบริษัทของบ้านไอ้เซนท์ที่เป็นทางผ่านพอดี

ปัจจุบัน

“ลงมารันต์”

“ฮื่อออ เมฆฆฆฆ  แฮ่กๆ  นะน้องร้อน มะมานอึดอัด แฮ่ก” เด็กน้อยงอแงไปกระเส่าไป ขาเรียวภายใต้กางเกงเสียดสีเข้าหากันระบายความเสียวซ่าน

“กูไม่ใช่ไอ้เมฆ” ทศกัณฐ์ว่าเสียงนิ่ง โน้มตัวลงไปติดกระดุมเสื้อคนเมาลวกๆ มือหนาคว้าข้อมือของรันต์ที่ขยับไปที่ส่วนล่างตัวเองไว้ก่อนจะฉุดลุกขึ้นจากรถ

“แล้วคุณเป็นครายยยย แฮ่ก” ตาปรือมองคนตัวโตกว่า มือขาวคว้าเข้าที่ต้นคอแกร่งดึงให้ใบหน้าอีกคนโน้มมาใกล้ตนเองยิ่งกว่าเดิม “หน้าคุ้นๆ อื้อออ” คิ้วเข้มขมวดกันยุ่ง ทศกัณฐ์ส่ายหน้าอย่างระอา มือหนาปลดมือของอีกคนออกจากต้นคอของตัวเอง แล้วสอดแขนเข้าที่เอวคนเมาพยุงให้ยืนดีๆ

“ให้ผมช่วยอะไรไหมครับท่าน” เด็กรับรถวิ่งตรงมาทางพวกเขาเมื่อเห็นท่าทางทุลักทุเลจากทั้งคู่  ทศกัณฐ์เพียงยกมือส่งสัญญาณห้ามแล้วให้กุญแจรถกับพนักงานไป เขาพารันต์เดินเข้าไปที่ล็อบบี้โรงแรม รีเซฟชั่นที่รู้จักทศกัณฐ์รีบกุลีกุจอออกมาต้อนรับ ทศกัณฐ์ เขาแจ้งต้องการห้องพนักงานก็รีบจัดการให้อย่างรวดเร็ว ใช้เวลาเพียงไม่นานแต่กินพลังงานเขาไม่น้อยทศกัณฐ์ก็พารันต์มาถึงห้องในที่สุด เขาตัดสินใจพารันต์ตรงดิ่งไปที่ห้องน้ำ ผลักคนเมาไปใต้ rain shower เปิดวาล์วให้น้ำไหลรดคนเมาให้ได้สติ

“ฮื่ออออ หนาวววว ยะอย่าทำน้องงงง” รันต์ขดตัวเข้าหากันด้วยความหนาว ตัวสั่นเทิ้มจนทศกัณฐ์อดรู้สึกสงสารไม่ได้ เพียงแต่เขาคิดว่าวิธีนี้น่าจะดี่สุดที่จะลดความร้อนรุ่มจากฤทธ์ยาปลุกให้กับรันต์ได้

“ดีขึ้นรึยัง หายร้อนบ้างไหม” เขาถามพร้อมลดความแรงของน้ำลงหน่อย

“ฮึก ทั้งร้อนทั้งหนาวน่านแหละ กึกๆ” เสียงฟันกระทบกันของรันต์ทำให้ทศกัณฐ์ปิดวาล์วของrain shower ในที่สุด ร่างโปร่งยกมือไขว่คว้าไปมาทางทศกัณฐ์ คนตัวสูงจึงโน้มตัวลงไปหาสอดแขนเข้าใต้รักแร้พยุงให้อีกคนลุกขึ้นมา แต่คนเมากลับผวาเข้ากอดเขาแน่น ทำให้ทศกัณฐ์ตอนนี้ตัวเปียกชื้นตามอีกคนไปด้วย

“ถอดชุดออกก่อนแล้วกัน เดี๋ยวเป็นปอดบวมตายซะก่อน” ทศกัณฐ์พึมพำกับตัวเอง จะจัดการถอดชุดเปียกโชกให้กับคนเมา แต่ไอ้เด็กแสบนี่กลับเกาะเขาหนึบ ทศกัณฐ์ถอนหายใจมือหนาเอื้อมไปปลดกางเกงให้เด็กน้อยอย่างทุลักทุเล ไอ้เด็กเมาก็เทียวไล้เทียวจูบตามหน้าอกและลำคอเขาอยู่นั่น กว่าจะถอดเสื้อให้ได้ก็กินพลังงานไปเยอะอยู่เหมือนกัน

ตอนนี้ทั้งตัวรันต์มีเพียงเกงเกงในสีเข้มเหลือติดตัวอยู่เพียงอย่างเดียว ไอ้เด็กนี่ก็นัวเนียเขาอย่างไม่สนอะไรทั้งนั้น ความโป่งพองกลางกายที่ดุนดันอันเดอร์แวร์ออกมาทำให้ทศกัณฐ์จึงเอื้อมมือไปคว้าชุดคลุมอาบน้ำมาสวมให้ลวกๆก่อนจะลากไอ้เด็กขี้เมาออกจากห้องน้ำ

“มะเมฆฆฆฆ น้องหนาวน้องปวดตรงนั้น”เด็กน้อยเริ่มงอแงอีกครั้ง ตัวคนเมาพยายามคลอเคลียตัวเขาอยู่ตลอดเวลา  ทศกัณฐ์มาถึงทางตันอีกครั้ง เขาไม่รู้ว่าควรทำยังไงต่อไป

แน่นอนว่าเขารู้วิธีว่าควรทำยังไงสำหรับคนที่โดนยาปลุกเซ็กส์ แต่สำหรับรันต์นั้นทศกัณฐ์ก็ไม่รู้ว่าเขาควรจะทำยังไงดีเหมือนกัน   

เฟี้ยว~~~ เพียงทศกัณฐ์เผลอครุ่นคิดไปแค่แวบเดียว อันเดอร์แวร์สีเข้มของคนเมาก็ลอยผ่านหน้าเขาไปอีกทาง เมื่อทศกัณฐ์หันไปมองที่รันต์อีกที ร่างตรงหน้าเขาก็เปลือเปล่าเสียแล้ว

มือเรียวของรันต์กอบกุมส่วนกลางลำตัวตนเองไว้ ชักขึ้นชักลงเป็นจังหวะด้วยแรงกามอารมณ์ ทศกัณฐ์เบิกตากว้าขึ้นอย่างคาดไม่ถึงว่าเขาจะเห็นเด็กนี่สำเร็จความใคร่ต่อหน้าเขา แม้ว่าที่ทำไปจะเพราะฤทธ์ยาปลุก แต่เขาก็ไม่คาดคิดว่าจะมาเห็นเด็กที่หยิ่งในศักดิ์ศรีอย่างรันต์ในสภาพนี้ได้

“อ๊ะ...อึก อื้มมม...อ่าหหหหห์” เสียงครางต่ำในลำคอดังไม่ขาดสายจากร่างสูงโปร่ง มือเรียวขยับรูดชักแก่นกายตนเองถี่เร็วขึ้นอีกเมื่อใกล้ถึงปลายทาง เพียงไม่กี่วินาทีต่อมาร่างเหรันต์ก็เกร็งกระตุกถี่ก่อนจะปลดปล่อยน้ำกามสีขาวขุ่นออกมาเป็นจำนวนมากและมีบางส่วนที่ฉีดพ่นออกมายังกระเด็นไปโดนร่างสูงอีกคนที่ยืนนิ่งดูอยู่

ขาเรียวของรันต์สั่นอย่างอ่อนแรงทำให้ร่างโปร่งเข่าอ่อนทรุดฮวบลงไปกับพื้น ดวงตาคมสวยช้อนมองอีกคนด้วยความปรารถนาจนเอ่อล้น ความต้องการเขายังไม่หมด แม้พึ่งสำเร็จความใคร่ไปแต่ความต้องการละลอกใหม่ก็พุ่งเข้ามาจู่โจมรันต์แทบจะทันที กลางกายร่างเพรียวขยายขนาดขึ้นอีกครั้ง ริมฝีปากอิ่มที่อีกคนชอบดูดชิมขบเม้มเข้าหากันอย่างสะกั้ดกลั้นอารมณ์พลุ่งพล่านของตน

แก่นกลางกายของทศกัณฐ์ขยายใหญ่ขึ้นจนดุนดันกางเกงเนื้อดีออกมาอย่างเห็นได้ชัด เขาเริ่มเกิดอารมณ์ตั้งแต่เห็นรันต์ช่วยตัวเองแล้วแล้วยิ่งมาเห็นไอ้ท่าทางยั่วๆจากอีกคนนี่อีก เป็นใครจะไปทนไหว แม้ว่าเขาจะเป็นไบเซ็กส์ชวลแต่เขาไม่ใช่คนที่จะมีอะไรกับใครก็ได้ไปทั่ว อย่างน้อยๆคนๆนั้นต้องสะอาดไม่จำเป็นว่าต้องบริสุทธ์และถูกใจเขาด้วยส่วนหนึ่ง ทศกัณฐ์กัดฟันแน่นอย่างพยายามระงับอารมณ์ เขาไม่อยากฉวยโอกาสกับเด็กนี่ แม้ว่าความปวดหนึบกลางกายเขาจะเรียกร้องแค่ไหนก็ตาม

“อึก แฮ่ก ช่วยน้องหน่อย มะ...มันไม่พอ อื้ออ” สองแขนเรียวไขว่คว้ามาทางทศกัณฐ์ ตาเยิ้มๆแกมอ้อนวอนทำเอาใจเขาอ่อนยวบลงทันตา  สองขายาวก้าวตรงไปหาคนตัวเล็กกว่า ทศกัณฐ์คุกเข่าลงข้างหนึ่งให้ตัวเสมอกับอีกคน

หมับ! เมื่อรันต์เห็นอีกคนเข้ามาใกล้ ตัวเขาก็ผวาเข้ากอดกับอีกคนทันที เขาต้องการแค่ใครสักคนที่ช่วยระบายความอึดอัดนี้ได้ มือขาวลูบไล้ไปตามแผ่นหลังกว้างของอีกคนริมฝีปากสีสดจูบซับไปตามลำคอแกร่ง

ทศกัณฐ์ช้อนใต้แขนรันต์ให้ลุกขึ้นพาไปยังเตียงผลักอีกคนลงไปนอนที่เตียง เด็กขี้เมามองเขาด้วยความงุนงง

“นอนที่นี่แหละ พรุ่งนี้ยาก็คงหมดฤทธิ์ไปเอง” ทศกัณฐ์เอ่ยอย่างเย็นชา ก่อนจะหันหลังให้อีกคน

“ม่ายอาววว อึก จะทิ้งกันเหมือนเขาช่ายม้ายยย” ร่างโปร่งโวยวายเสียงอ้อแอ้ ก่อนพาร่างตัวเองลงจากเตียงมาหาอีกคน เท้าของทศกัณฐ์หยุดกึกเพราะคำพูดของเด็กลิง

ที่ทิ้งนี่หมายถึงเขารึเปล่า?

“เมฆไม่เคยทิ้งน้อง ถ้าจะไม่ช่วยน้อง ก็ไปเรียกคนอื่นมา เรียกใครมาก็ได้ อึก ยกเว้นไอ้ยักษ์ใจร้ายนั่น ที่...นิสัยไม่ดี อึก ไม่อยากเจออีกแล้ว” ด้วยความเมา ทำให้รันต์พรั่งพรูความอึดอัดในใจออกมาโดยไม่ทันคิด

ทศกัณฐ์ตากระตุก ในหูเหมือนได้ยินเส้นความอดทนของตัวเองดังขาดผึง! เขาหันกลับไปมองรันต์ เห็นร่างเปลือยปล่ายืนโงนเงนไม่ห่างจากเขานัก ขายาวทศกัณฐ์ก้าวเพียงไม่กี่ก้าวก็ถึงตัวอีกคน มือแกร่งบีบเข้าที่กรามอีกคนให้เชิดขึ้นมองสบตากับเขาตรงๆ

“เมื่อกี้พูดว่าไงนะ?” ทศกัณฐ์ถามเสียงรอดไรฟัน เขาได้ยินที่รันต์พูดชัดเจนเป็นอย่างดี เพียงแค่พูดย้ำกับตัวเองเท่านั้นว่าอีกคนไม่ต้องการเจอเขา

“อื้อออ มันเจ็บนะ! แฮ่ก” รันต์พยายามเบี่ยงหน้าออกจากคีมเหล็กที่หน้าเขา แต่ทศกัณฐ์กลับบีบแรงขึ้นอีก

“ใครก็ได้ใช่ไหม? ง่ายดีนี่” มุมปากทศกัณฐ์เหยียดยิ้มเยาะ อย่างนี้ก็ไม่ต้องถนอมอะไรแล้วมั้ง

คิดได้ดังนั้นทศกัณฐ์ก็ลากคนตัวเปลือยไปที่เตียงผลักรันต์อย่างแรงจนหงายไปที่เตียงก่อนตามไปขึ้นคร่อมอีกคนไว้อย่างรวดเร็วมือหนาปลดกระดุมเสื้อตัวเองอย่างช้าๆพลางสายตามองสำรวจไปที่อีกคน ผิวขาวนวลเป็นสีน้ำนมทั้งตัว บริเวณลำคอและไหปลาร้าเห่อแดงนิดหน่อยจากฤทธิ์ของเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ รวบร่างที่ผอมบางกว่าเขามากแต่ก็ไม่ได้อ้อนแอ้นเกินชายแต่อย่างใด  ทศกัณฐ์ไล้มือไปตามลำตัวของรันต์ช้าๆ อีกคนสั่นครือในลำคอด้วยความเสียวซ่านจากสัมผัส

“มะ มากกว่านี้ แฮ่ก” รันต์ร้องขออีกคน หายใจแรงขึ้นด้วยแรงอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน ใครก็ต้องไม่เชื่อว่าคนอย่างรันต์จะเป็นได้ขนาดนี้

“ถ้าต้องการยิ่งกว่านี้ก็ทำเองสิ”ทศกัณฐ์ว่าอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนจะผละออกจากรันต์ลงไปล้มตัวนอนลงข้างๆ อยากรู้เหมือนกันว่าเด็กนี่จะทำได้แค่ไหน เพียงเสี้ยวนาทีที่ทศกัณฐ์ผละออกอีกคนก็รีบตามมาขึ้นคร่อมนั่งบนหน้าท้องแกร่งของเขา รันต์โน้มใบหน้าลงมาก่อนจะประทับริมฝีปากอิ่มกับริมฝีปากของทศกัณฐ์ ทศกัณฐ์เพียงนิ่งให้รันต์ตะโบมจูบเอาๆเหมือนคนจูบไม่เป็น จนสุดท้ายเป็นทศกัณฐ์เองที่ทนไม่ไหวพลิกรันต์ลงข้างล่างโดยที่ริมฝีปากยังไม่ละออกจากกันแล้วเป็นฝ่ายคุมเกมส์นี้เสียเอง เขาจูบตอบรันต์อย่างร้อน ผละออกให้รันต์ได้หายใจแล้วกดจูบลงใหม่เป็นแบบนี้ครั้งแล้วครั้งเล่านานหลายนาที

ทศกัณฐ์ละจูบจากริมฝีปากรันต์ขยับจูบซับไปตามพวงแก้มใส ลากไล้มาตามลำคอระหง เขาเป็นพวกไม่ชอบจูบหรือทำรอยคิสมาร์คบนตัวคู่นอน แต่ก็อดใจไม่ไหวเม้มแรงๆที่ไหปลาร้ารันต์ไปหนึ่งที  นิ้วโป้งบดขยี้ไปที่ยอดอกสีชมพู  ริมฝีปากร้อนดูดชิมไปที่ยอดอกอีกข้าง รันต์ตัวสั่นสะท้าน แอ่นหน้าอกรับมือและปากทศกัณฐ์อย่างไม่รู้ตัว มืออีกข้างของทศกัณฐ์ลากไล้ไปจนถึงกลางลำตัวของอีกคน มือหนาจับเข้ากับแท่งร้อนของรันต์ที่ตั้งพร้อมรบ  เขาชักขึ้นลงช้าๆเน้นๆรันต์ครางฮือในลำคอไม่หยุด

“ครางดังๆ” ทศกัณฐ์ละริมฝีปากออก หยุดทุกการกระทำเพื่อแกล้งอีกคน รันต์มองค้อนอย่างโกรธๆกัดปากตัวเองอย่างอดกลั้นมือเรียวจิกไปที่ลำแขนของทศกัณฐ์ ทศกัณฐ์ลงมือรูดชักกลางกายรันต์แรงๆสลับเบาอีกครั้งสร้างความเสียวไปทั้งกลางลำตัวลามไปจนถึงท้องน้อย แต่เมื่อใกล้จะถึงทศกัณฐ์ก็จะรีบหยุดมือทันที

“อ๊ะ ฮื่อออ อ๊า ยะอย่าแกล้ง” คนเมาครางออกมาอย่างห้ามอารมณ์ไม่อยู่ ตอนนี้เขาไม่ไหวแล้วแค่ต้องการปลดปล่อยเท่านั้น จะให้ทำอะไรเขายอมทั้งหมด

“หึๆ” ทศกัณฐ์เมื่อแกล้งอีกคนจนหนำใจแล้วก็ขยับมือรัวเร็วช่วยอีกคนให้ไปถึงปลายทาง เพียงไม่นานหน้าท้องของรันต์ก็เกร็งกระตุกถี่ๆมือทศกัณฐ์ยิ่งสาวรูดเร็วขึ้นจนอีกคนฉีดพ่นหยาดน้ำสีขุ่นออกมาเต็มฝ่ามือเขาและหน้าอกของตัวเอง

“แฮ่กๆๆๆ” เสียงหอบหายใจถี่บวกกับคราบบนตัวของรันต์ตอนนี้ทำให้เขานึกภาพเนิร์ดๆของรันต์ไม่ออกเลยรันต์เหมือนกำลังเชิญชวนให้เขาขย้ำแรงๆสักที ส่วนกลางลำตัวก็เต้นตุบๆจนเขาปวดไปหมด

ทศกัณฐ์ปลดกระดุมกางเกงแล้วรูดซิปลง ขยับตัวออกจากรันต์ เขานั่งคุกเข่าแล้วช้อนสะโพกอีกคนวางที่หน้าขาของเขา  สองมือทศกัณฐ์จับขาเรียวของรันต์อ้าออกกว้าง  เผยส่วนนั้นให้เขาเห็นอย่างชัดเจน กลางลำตัวของรันต์แข็งขืนขึ้นมาอีกครั้งจากฤทธิ์ของยา ทศกัณฐ์จูบซับไปตามขาอ่อนของรันต์ช้าๆเผลอกัดและดูดเม้มไปหลายรอยอย่างไม่รู้ตัวส่วนอีกคนครางอืออารับอย่างเดียว

ทศกัณฐ์ใช้นิ้วคลึงรอยจีบสีสวยเบาๆก่อนจะส่งนิ้วกลางที่มีน้ำหล่อลื่นของรันต์เข้าไปพรวดเดียวจนมิดนิ้ว รันต์ผวาเฮือกด้วยความเจ็บปนอึดอัด ทศกัณฐ์ขยับนิ้วเข้าออกโดยไม่สนใจอาการเหล่านั้น

“อ่ะ อ๊า...อ๊ะ...อื้อออ” เมื่อความเจ็บแปรเปลี่ยนเป็นความเสียวซ่านก็ทำให้ผู้ถูกกระทำร้องครางออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ทศกัณฐ์เมื่อเห็นอีกคนเริ่มปรับตัวได้ เขาก็เพิ่มจำนวนนิ้วเข้าไปอีกสองนิ้วรันต์นิ่วหน้าแสดงความเจ็บปวดอย่างชัดเจน ทศกัณฐ์ชักนิ้วเข้าออกอย่างรวดเร็ว มืออีกข้างของทศกัณฐ์ก็ขยับรูดชักแก่นกายให้รันต์ไปพร้อมๆกัน จนเมื่อเขามั่นใจว่าช่องทางของรันต์พร้อมแล้วจึงถอนนิ้วออกเพื่อเติมเต็มส่วนของเขาเข้าไป

ทศกัณฐ์ร่นกางเกงลงแค่พอหยิบลำท่อนของเขาออกมาได้ มือหนาขยับชักลำของตัวเองให้พร้อมรบ ฉีกซองถุงยางที่พกติดตัวตลอดแล้วรีบสวมใส่ให้ตนเอง เขาจ่อท่อนลำของตัวเองไปที่ทางเข้าของรันต์ขยับตีไปมาสองสามทีก่อนจะค่อยๆกดส่วนหัวเข้าไปช้าๆ

“อึก โอ้ยยยยย เจ็บบบบบ”รันต์ร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดเมื่อทศกัณฐ์กดเข้าไปได้เพียงส่วนหัว เขาพยายามขยับตัวหนีจากความเจ็บปวด แต่ทศกัณฐ์กลับตรึงสะโพกมนไว้แน่นไม่ให้ขยับไปไหน ทศกัณฐ์ขยับมือไปรูดชักกลางกายของรันต์เพื่อปลุกอารมณ์อีกครั้งไม่นานความเสียวซ่านก็เริ่มก่อตัวขึ้นใหม่ง่ายๆด้วยฤทธิ์ยา  ร่างสูงโน้มตัวไปดูดดุนยอดอกสีหวานของรันต์เพื่อสร้างความเคลิบเคลิ้มให้แก่ร่างเพรียว ก่อนที่เขาจะกดตัวตนของเขาเข้าไปทีเดียวมิดด้ามโดยไม่ให้อีกคนตั้งตัว  ช่องทางของรันต์บีบรัดสิ่งแปลกปลอมตามสัญชาตญาณ ทำให้ท่อนลำของทศกัณฐ์ปวดหนึบจากความคับแน่นจนขยับไม่ได้ มือทศกัณฐ์บีบเค้นไปตามหน้าอกของรันต์ ริมฝีปากของเขากดจูบไปตามขมับและหน้าผากเพื่อผ่อนคลายร่างกายของอีกคน

รันต์น้ำตาคลอเบ้า รู้สึกเจ็บแต่ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่าในความเจ็บนั้นมีความสุขปนเสียวซ่านอยู่ ผ่านไปไม่นานร่างกายของรันต์คลายจากอาการเกร็ง ทศกัณฐ์ค่อยๆขยับสะโพกช้าๆจนเมื่อแน่ใจว่ารันต์พร้อมเต็มที่แล้วจึงจับขารันต์ข้างหนึ่งไว้บนบ่ากว้าง อีกข้างใช้แขนของเขาช้อนข้อพักไว้ ก่อนจะสาวเน้นสะโพกเข้าออกช้าๆแล้วเปลี่ยนจังหวะเป็นรัวเร็วขึ้นสลับกัน ริมฝีปากทศกัณฐ์กดดูดเม้มไปตามขาอ่อนของรันต์ที่พาดบนบ่าอย่างหื่นกระหาย

“ฮื่อออ อื้ออ...อ๊า...อ่าหหหห์” รันต์ร้องครางลั่นเด้งสะโพกสวนรับจังหวะที่ทศกัณฐ์สอดใส่เข้ามา มือเรียวขยับรูดชักแก่นกายให้ตนเองตามสัญชาตญาณ  ทศกัณฐ์ขยับเร็วแรงขึ้น ตัวรันต์เริ่มเกร็งกระตุกเมื่อใกล้ถึงจุดหมาย แต่อารมณ์ก็มาขาดช่วงเมื่ออยู่ๆทศกัณฐ์กลับหยุดขยับ มิหนำซ้ำยังเอื้อมือมาปิดส่วนปลายเขาไว้ไม่ให้ปลดปล่อย รันต์หน้าแดงจัดด้วยแรงอารมณ์ที่ใกล้ปลดปล่อยแต่ก็ทำไม่ได้

“รู้ไหมมึงทำให้กูโกรธ?” ทศกัณฐ์ถามอีกคนด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่นานๆจะเห็นจากเขาสักที รันต์ส่ายหน้ารัวส่งสายตาเยิ้มอยากปลดปล่อยให้อีกคน

“เด็กนิสัยไม่ดีต้องโดนลงโทษรู้รึเปล่า” ทศกัณฐ์ยังเล่นเกมส์ยี่สิบคำถามกับอีกคน รันต์ส่ายหน้าปากเริ่มเบะเวลาไม่ได้ดั่งใจเหมือนตอนเด็กๆ

“อย่าร้องนะ!” ทศกัณฐ์ว่าเสียงเข้ม อารมณ์อยากทำมันก็มีแต่พอเห็นหน้าอีกคนมันก็อดนิสัยอยากแกล้งไม่ได้ “ถ้าพูดอะไรจะทำตามไหม?” เขาถามต่อ รันต์ก็รีบพยักหน้ารับ

“ดี...ไหนลองเรียกกูว่าพี่ทศดิ๊”

“พี่...ทศ” รันต์พูดอย่างว่าง่าย ทศกัณฐ์ขยับยิ้มอย่างพอใจ เขาขยับสะโพกเน้นๆให้รันต์ไปทีจนรันต์ครางฮือ ทศกัณฐ์ขยับหน้าลงไปใกล้กับใบหน้าของรันต์ ขาเรียวที่พาดบนบ่าตกลงข้างลำตัวเขา เมื่อรันต์เห็นอีกคนขยับเข้ามาใกล้ก็ผวากอดคออีกคนแน่นซุกหน้าลงกับซอกคอของทศกัณฐ์

“หึๆ อยากทำต่อรึยัง?” เขาถาม รันต์พยักหน้ารับขณะซุกอยู่ “งั้นลองอ้อนผัวน่ารักๆซิ จะจัดให้ทุกท่าเลย” รันต์นิ่งไปพักนึงจนทศกัณฐ์เริ่มกังวลว่าเขาเล่นแรงไปรึเปล่า แต่รันต์กลับค่อยๆเงยหน้าขึ้นมสบตากับเขาอ้อนๆ ตาเด็กนี่เวลาไม่ได้ใส่แว่นช่างสุกใสยิ่งกว่าดาวดวงไหนๆซะอีก

“ผะ..ผัวครับ ทำให้น้องหน่อยได้ไหม ช่วยน้องนะ น้องไม่ไหวแล้ว” ว่าจบเด็กน้อยก็ยืดตัวมาจูบมุมปากทศกัณฐ์เบาๆก่อนมองตากับเขาตรงๆร่างหนาอดใจไม่ไหวกับท่าทางน่าหมั่นเขี้ยวที่รันต์ทำไปโดยไม่รู้ตัวนั้น ก้มลงไปหอมแก้มเด็กน้อยเสียฟอดใหญ่ โน้มตัวให้แผ่นหลังอีกคนติดกับเตียงก่อนจะเริ่มขยับสะโพกอีกครั้ง ขาทั้งสองข้างของรันต์เกี่ยวเอวสอบทศกัณฐ์อัตโนมัติ เสียงครางแหบทุ้มเริ่มดังขึ้นอีกครั้ง จนกระทั่งเกือบรุ่งสางพายุอารมณ์ของทั้งคู่จึงสงบลง

ทศกัณฐ์เดินออกจากห้องน้ำหลังจากจัดการธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อย สาวเท้าไปหาเด็กน้อยที่หลับสนิทอยู่บนเตียงด้วยความอ่อนเพลีย มองผ้าห่มที่ร่นลงมาปิดสะโพกกลมมนไว้หมิ่นแหม่

“shit! จะยั่วไปถึงไหนวะ” ทศกัณฐ์สบถเบาๆกับท่าทางยั่วยวนโดยไม่ตั้งใจของรันต์ อดใจไม่ไหวยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายภาพอีกคนเก็บไว้ ก่อนจะดึงผ้าห่มคลุมให้อีกคน แต่สายตาแหลมคมของทศกัณฐ์เหลือบไปเห็นบางสิ่งจากรันต์ ความคิดชั่วร้ายบางอย่างแล่นเข้ามาในหัวฉับพลัน

“เล่นเกมส์กันหน่อยแล้วกันกวางน้อย” มุมปากเสือร้ายยกยิ้มขึ้นอย่างมีเลศนัย ตัดสินใจหยิบบางสิ่งออกจากห้องมาก่อนจะรีบเดินทางไปยังสนามบินโดยไม่ลืมทิ้งปัญหาไว้ให้กับอีกคน

เขากลับมาเมื่อไหร่ นายไม่รอดแน่เจ้าลูกกวางน้อย!


++++++++++++++++++++++++++


อืม ทำไมถึงปวดไปทั้งตัวแบบนี้วะ  นี่ผมประสบอุบัติเหตุอะไรรึเปล่านะ ทำไมถึงได้ชาไปทั้งร่างขนาดนี้ จำได้ว่าเมื่อคืนออกไปกินเหล้ากับพวกไอ้เมฆ พอจะกลับก็ไปชนเข้ากับผู้หญิงคนหนึ่ง เธอให้ผมดื่มเหล้าเยอะมากแล้วผมยังรู้สึกว่าร่างกายมีความต้องการมากผิดปกติ ผมพยายามจะโทรหาเมฆในความทรงจำสุดท้ายก่อนทุกอย่างจะดับวูบไป

แล้วมันเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้นวะ...แถมฝันแปลกๆปนลามกอีก

ดวงตาค่อยๆหรี่ขึ้นช้าๆเพื่อพยายามปรับแสงให้กับสายตา  ภาพเพดานที่เป็นโคมไฟระย้าหรูหราไม่คุ้นเคย มองไปรอบๆไม่ใช่ห้องผมแน่ๆ เหมือนอยู่ในโรงแรมหรูที่ไหนสักแห่ง ผมก้มลงมองตัวเองที่อยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนหนาเมื่อร่างกายสัมผัสได้ถึงความโล่งโปร่งราวไม่ได้ใส่อะไร ช่วงบนผมโล่งไม่มีเสื้อติดตัว แล้วช่วงล่างภายใต้ผ้าห่มล่ะ

ผมเอื้อมมืออันสั่นเทาเลิกผ้าห่มออกจากตัวช้าๆ ความปวดหน่วงช่วงล่างมันทำให้ผมหายใจติดขัด หวัง...ว่ามันจะไม่ใช่อย่างที่คิด

ฟุ่บ!

“เฮอะ...” เหมือนเสียงผมหายไปชั่วขณะ สมองตื้อจนคิดอะไรไม่ออก ไม่คิดว่าตัวเองต้องมาเจอเรื่องเลวร้ายอะไรถึงเพียงนี้ มือเรียวยกขึ้นมานวดขมับตัวเองเมื่อมันเต้นตุบๆราวกับจะระเบิดออกมา อาการแฮงค์จากสุรายังเทียบไม่ได้กับความจริงที่พึ่งได้รู้เมื่อกี้

ผมค่อยๆขยับตัวขาทั้งสองข้างรู้สึกไม่มีแรงและอ่อนล้าไปหมด ยิ่งส่วนนั้นไม่ต้องพูดถึงมันทั้งเจ็บทั้งปวดหน่วงเหมือนล้มก้นกระแทกแรงๆเป็นสิบๆที ผมอธิบายไม่ถูกรู้แค่ว่ามันแย่ จุกจนพูดอะไรไม่ออก สุดท้ายก็กลั้นใจฝืนตัวลุกขึ้นจากเตียง ขาสั่นจนเกือบจะล้ม ผ้าปูที่นอนสีขาวมีคราบสีแดงคล้ำคล้ายหยดเลือดเป็นหย่อมแต่ไม่มากนัก คาดว่าเป็นของผมเองล่ะมั้ง เจ็บซะขนาดนี้

แสดงว่าที่ฝันก็เรื่องจริงน่ะสิ แล้วเขาเป็นใครกัน หรือจะเป็นเมฆ...

ไม่ดิ!

เหมือนคลับคล้ายคลับคลาเขาบอกว่าไม่ใช่ และผมก็รู้สึกว่าไม่ใช่เมฆ มันคุ้นอย่างประหลาด

แต่ช่างเถอะ จบแล้วก็ให้แล้วกันไปมันผ่านไปแล้วรันต์ๆ ผมได้แต่ปลอบใจตัวเอง จะโทษอีกคนอย่างเดียวก็ไม่ได้เท่าที่จำได้เลาๆก็รู้สึกว่าตัวเองจะใช่ย่อยเหมือนเหมือนกัน คิดแล้วก็อายตัวเอง

ตอนนี้ผมจะต้องออกไปจากที่นี่ซะก่อน แล้วรีบไปตรวจเลือดก็หวังว่าเขาจะใช้ถุงยางและไม่มีโรคติดต่ออะไร  ช่องทางนั้นก็รู้สึกเหนอะแต่ก็ไม่ได้มีน้ำอะไรไหลออกมาให้เห็นได้ช้ำใจยิ่งกว่าเดิม

ผมเข้าห้องน้ำไปชำระร่างกายด้วยความทุกข์ทรมาณที่สุดในชีวิต เมื่อเดินตัวเปลือยออกมายืนอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ที่เห็นได้ทั้งตัวก็ทำเอาผมอึ้งไปพักใหญ่

ไอ้นี่แม่งเป็นโรคจิตหรอวะ  ที่ลำคอผมไม่มีร่องรอยใดๆทั้งนั้นจะมีอยู่แค่ที่ไหปลาร้าเพียงจุดเดียว  บริเวณหน้าอกก็บวมแดงนิดๆจากรอยนิ้วมือ แต่ช่วงล่างของผมลงไปนี่สิ สะโพกมีแต่รอยดูดกัดเป็นจ้ำๆห้อเลือดไปหมด แล้วยิ่งบริเวณต้นขาอ่อนด้านในนะแทบไม่เหลือพื้นที่สีผิวผมเลย นี่มึงจะกินกูรึเปล่าเนี่ย มิน่าขาถึงได้ง่อยเปลี้ยขนาดนี้ ผมได้แต่ส่ายหน้าให้กับสภาพตัวเอง  เดินไปหยิบเสื้อผ้าตัวเองที่พับเรียบร้อยอยู่ไม่ไกล

เมื่อแต่งตัวเสร็จผมเดินกลับไปที่เตียงเพื่อหากระเป๋าเงินกับโทรศัพท์ หวังว่าคงไม่โดนปล้นหรอกนะ ถึงจะไม่มีของมีค่าอะไรให้เอาไปก็เถอะ

ของมีค่า...สายตาผมมองไปที่นิ้วตัวเองอย่างรวดเร็ว

ชิบบบบบบบ!แหวนผมหายไป ผมรีบฝืนร่างกายตัวเองวิ่งไปที่เตียง ถลกผ้าห่มขึ้นค้นหาแต่หาเท่าไหร่ก็ไม่พบทั้งใต้เตียงก็แล้ว ในห้องน้ำก็แล้วก็ไม่มีวี่แววว่าจะพบ ถึงผมจะไม่ได้ใส่แว่นแต่สายตาผมก็ไม่ได้แย่ขนาดที่จะมองไม่เห็นเลย อีกอย่างแหวนวงนี้ก็เริ่มคับนิ้วผมแล้ว ถ้าไม่ถอดออกเองก็ไม่มีทางหลุดเองได้ง่ายๆ

มันเป็นแหวนที่แม่ให้ไว้ก่อนจะจากไป เป็นเพียงแหวนทองคำขาววงเกลี้ยงไม่ได้มีราคาอะไรมากมายแต่มันมีคุณค่าทางใจกับผมมาก  ผมทรุดตัวลงนั่งกับเตียงอย่างอ่อนหล้า ทำไมถึงได้มีแต่เรื่องร้ายๆถาโถมมาไม่หยุด

แต่ทันใดนั้นสายตาผมก็เหลือบไปมองโต๊ะข้างหัวเตียงมีกระเป๋าตังค์ผมวางไว้อยู่และสิ่งที่วางอยู่ข้างๆกันนั้นก็ทำเอาผมโกรธจนเลือดขึ้นหน้า มือผมกำแน่นจนเล็บจิกไปกับเนื้อเพื่อสะกดกลั้นอารมณ์

“นี่กูกลายเป็นไอ้ตัวไปตั้งแต่เมื่อไหร่” พูดเยาะๆพึมพำกับตัวเอง

ทำไมกันนะ ทำไมใครๆถึงได้มีแต่เอาเงินฟาดหัวผม  ผมดูเป็นพวกหิวเงินขนาดนั้นเลยหรอ มุมปากกระตุกขึ้นยิ้มเยาะให้กับตัวเอง

ดี...มึงกล้าให้กูก็กล้าเอา แล้วมาดูกันว่ากูจะทำให้มึงเสียใจที่สุดเพราะเงินของมึงได้ไหม

แม้ตอนนี้ผมจะไม่รู้ว่าไอ้คนๆเป็นใครก็เถอะ

ผมตัดใจเรื่องแหวนแม้จะเสียใจแต่ก็คงทำอะไรไม่ได้แล้ว อาจจะหายไปตั้งแต่ที่ร้านเมื่อคืนแล้วก็ได้ โทรศัพท์ก็ไม่เห็น แม้จะแปลกใจว่าทำไมไม่เอากระเป๋าเงินไปด้วย แถมเงินก็อยู่ครบอีกต่างหาก

ผมเดินออกจากห้องด้วยสีหน้าเรียบเฉย ตอนแรกก็จะไม่ติดใจเรื่องที่เกิดเมื่อคืนแล้วล่ะ

แต่ตอนนี้ผมเปลี่ยนใจแล้ว...ผมจะตามล่ามันให้ถึงที่สุดเลย!!!

+++++++++++++++++++++++++++++

งื้อ ติดเกมกับอ่านหนังสือง่า ว่าจะมาแต่ม่ะคืนล่ะแต่ดันติดละครอีก ฮือๆ อภัยให้เค้านะ :z3:

ตอนนี้เรื่อยๆ ชิลๆ(หรอ) ใช้เวลาแต่งตอนนี้น่าจะหนึ่งอาทิตย์ได้ ยากมากกกกก อิพี่ทศนี่ร้ายกาจจริงๆแถมยังขี้แกล้งสุดๆ แต่ก็นะ เหนือฟ้ายังมีฟ้านะทศ หึๆ  แล้วเจอกันตอนหน้าฮับ  :bye2:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 16♡ [20/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 20-02-2017 18:18:30
 :pighaun: :pighaun: :pighaun:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 16♡ [20/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 20-02-2017 19:30:49
เดี่ยว อิพี่ยักษ์ ทำแบบนี้ก็ได้หรอ น้องรันต์ต้องรู้ชะมะ ต้องรู้สิ น้องรันต์ออกจะฉลาด หึหึ ไปขย้ำ ยักษ์เลยน้องรันต์

คนเขียนสู้ ๆ เรารออ่าน ปล.แอบขำพี่ยักษ์ โคตรมีความอดทน แบบ อดทนอะ ชอบๆๆ ไปจัดการตัวเองแล้วกลับมากัดน้องรันต์ไวไวนะ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 16♡ [20/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 20-02-2017 20:04:05
พี่ทศนี่ก็นะ....

 :serius2:

หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 16♡ [20/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 20-02-2017 20:47:16
รันต์ จะตามล่าคนๆนั้น
แต่จะรู้ได้อย่างไร ว่าเป็นใคร
แล้วจะไปตามหาเจอที่ไหน
เวลาไม่รู้ตัว รันต์อ้อนมาก อ้อนน่ารัก
แทนตัวเองว่า น้องอย่างนั้น น้องอย่างนี้ น่ารักโคตร   :ling1: :ling1: :ling1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 16♡ [20/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 20-02-2017 21:06:55
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 16♡ [20/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 20-02-2017 21:14:44
แล้วการล่ายักษ์ก็เริ่มขึ้น.....

ฮาาาา

หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 16♡ [20/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: จอมจุ้น6002 ที่ 20-02-2017 22:13:46
 น้องรันต์หื่นใส่ยักษ์ได้น่าเอ็นดูมาก  :m20: :m20:
อีพี่ยักษ์ก้อเตรียมตัวเป็นทาสน้องได้เลย  :hao7:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 16♡ [20/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: itsgonnabeme ที่ 20-02-2017 22:14:30
ตายแล้วววววว
จะยังไงต่อดีล่ะทีนี้

เอ้าพี่ทศเดินเกมดีดีล่ะ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 16♡ [20/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 20-02-2017 22:31:45
 :3123: :3123: :3123: :3123:


 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 16♡ [20/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 20-02-2017 23:22:49
ตายแล้ว น้องรันต์สู้ๆนะลูก
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 16♡ [20/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 21-02-2017 08:49:28
 :katai3: :katai3: :katai3:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 16♡ [20/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 21-02-2017 10:05:33
อ๊ายๆๆๆๆ :mew2:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 16♡ [20/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: tay028643904 ที่ 21-02-2017 16:56:26
 :katai1: :katai1: นี้อ่านนิยายแฟนตาซีอยุ่เหรอ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 16♡ [20/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ก๊าบก๊าบ ที่ 21-02-2017 20:25:44
มาตามอ่านครับบบ ~
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 16♡ [20/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 21-02-2017 23:22:01
น้องรันต์เสร็จพี่ยักษ์ซะแล้วววววว.........
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 16♡ [20/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: JaaJaaJaaJaa ที่ 21-02-2017 23:35:51
  :a5:ชั้นพลาดเรื่องนี้ไปได้ยังไง :a5:โอ๊ยยยยยยยย อ่านรวดเดียวติดหนึบสุดๆ ต่อเร็วไรท์  :z3:  :katai1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 16♡ [20/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 21-02-2017 23:43:58
 :laugh:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 16♡ [20/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 22-02-2017 00:26:20
น้องรันต์โดนพี่ยักษ์จับกินไปซะแล้ว โถ่~
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 16♡ [20/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 22-02-2017 09:07:59
แกล้งแรงไปไหมอะ ช็อกตายไปก่อนทำยังไง
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 16♡ [20/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Fonz_Juz19 ที่ 22-02-2017 20:34:05
โอยยยย อยากอ่านต่อมากเลยยย
น้องรันต์จะล่าพี่ทศได้ไหม !!!!
น้องรันต์ น่ารักกกกกกกกกกกกกก
อิพี่ทศก็เก็กเกินนนน ระวังหลงน้องรันต์ โงหัวไม่ขึ้นนะจ้ะ 5555
คนเขียนสู้ๆๆนะคะ รออยู่ๆ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 16♡ [20/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 23-02-2017 01:51:23
รออ่าน
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 16♡ [20/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Laliat ที่ 23-02-2017 06:04:56
 :z13: นิยายรายเดือนใช่มั้ย รอจนจะลืมแล้ว
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 16♡ [20/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 25-02-2017 10:58:20
โอ้ย ได้น้องแล้วมารัยผิดชอบด้วยโว้ยอีพี่ทศ หายหัวไปอีก อารมณ์ตื่นมาแล้วแบบเสียตัวมันแย่นะ
แถมวาวเงินไว้อีก กวน.... อยากจะคัดออกจากพระเอกจริงๆ น้องรันต์เวลาแทนตัวว่าน้องๆๆ นี่โคตรน่ารักเลย
แก้แค้นให้หนักค่ะน้องรันต์ ให้รักให้หลง ไปไหนไม่รอด

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 16♡ [20/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Ouizzz ที่ 25-02-2017 14:03:00
อ่านครบ16ตอนแล้วสนุกอ่ะ  o13 o13 ทศรีบๆกลับมารับความผิดเลย :hao3:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 17♡+ special scoop by Hearun [25/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 25-02-2017 19:01:00
ใจยักษ์ 17


“ขอโทษนะครับ เช็คเอาท์ห้อง 1012 ครับ” ผมเดินออกจากลิฟท์มาถึงฟร้อนท์ของโรงแรม บอกกับพนักงานด้วยรอยยิ้มบางๆพร้อมยื่นคีย์การ์ดให้

“สักครู่นะคะ” เธอก้มหน้าลงคีย์ข้อมูล สักพักเดียวก็เงยหน้ามาบอกผมด้วยรอยยิ้มหวาน “ห้องนี้เช็คเอาท์ล่วงหน้าไว้แล้วนะคะ ไม่ต้องชำระอะไรเพิ่มเติมค่ะ”

“อ่อครับ...แล้วห้องนี้เป็นชื่อใครจองหรอครับ”

“ชื่อการจองเข้าพักคือคุณเหรันต์ ราชรัตน์ ค่ะ มีอะไรรึเปล่าคะ” สายตาเธอมองผมด้วยความเคลือบแคลงแต่ไม่ได้แสดงออกเกินไปจนน่าเกลียด ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ สายตาเสมองไปทางอื่นเหมือนกำลังลำบากใจก่อนจะค่อยเบนสายตามาทางเธออีกครั้ง ดวงตาหลุบมองพื้นเล็กน้อยแล้วยิ้มฝืนๆให้เธอ ชะโงกหน้าไปใกล้เธออีกนิด พูดเสียงเบาเพื่อให้ได้ยินกันแค่สองคน

“ผมชื่อเหรันต์...อย่าว่าแต่จองห้องเลยเมื่อคืน ผมมาที่นี่ได้ยังไงผมยังนึกไม่ออก แต่ที่แน่ๆของสำคัญผมหายไป ผมต้องการรู้ว่าใครพาผมมา” เธอตาโตเหมือนตกใจที่ได้ยิน

“โรงแรมเราไม่เคยมีประวัติเสื่อมเสียเลยนะคะ ลูกค้าเราต่างก็มีระดับทั้งนั้น คุณเหรันต์แน่ใจนะคะ” เธอพูดอย่างไม่อยากจะเชื่อ

“มีเหตุผลอะไรที่ผมต้องโกหก ผมแค่ต้องการรู้ตัวคนที่พาผมมาแค่นั้น” ผมไม่ได้โกหกจริงๆนี่ก็ของผมหาย แต่ไม่ได้บอกว่าไอ้คนๆนั้นเอาไปสักหน่อย ก็แค่อยากรู้ว่ามันเป็นใคร

“เรื่องทรัพย์สินเสียหายอยู่นอกเหนือความรับผิดชอบของทางโรงแรมนะคะ” ผมมองเธอนิ่งจนเธอหลบสายตา จึงค่อยๆฉีกยิ้มแล้วพูดกับเธอด้วยรอยยิ้มสุภาพ

“ผมอยากขอดูกล้องวงจรปิด แค่เห็นหน้าเขา ผมอาจนึกออกว่าเป็นใคร”

“เอ่อ...ดิฉันเกรงว่า...” เธอมีท่าทีลำบากใจที่จะบอก แต่ก่อนที่เธอจะพูดจบ ผมก็เอ่ยตัดบทเสียงนิ่ง

“ผมขอคุยกับผู้จัดการ”
.
.
.
.
.
.
.

“...เรื่องนี้คุณเหรันต์ต้องไปแจ้งตำรวจก่อนแล้วนำหมายมาให้กับทางโรงแรม เราถึงจะสามารถเปิดให้ดูได้ครับ” ผู้จัดการพูดอย่างนอบน้อมหลังจากที่พนักงานเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง อ้อ ตอนนี้เหลือแค่ผมกับผู้จัดการสองคนอยู่ที่ห้องรับรองอีกห้องน่ะครับ

“แม้ว่าโรงแรมอาจจะต้องเสียชื่อเสียงน่ะหรอครับ” ผมว่าเสียงนิ่งยิ้มๆ

“ผมคิดว่ามันคงไม่ถึงขั้นนั้น ทางเรายินดีให้ความร่วมมือตามกระบวนการครับ”

หึ...ตอนตอบคำถามตาเขากระพริบถี่ขึ้นจากตอนแรกที่เจอหน้ากัน ตอนที่อธิบายบีบนิ้วตัวเองไปมา และไม่ถามสักคำว่าอะไรหายไป...มันปกติซะที่ไหน

เขา...มีเรื่องปิดบังผม

“คุณไม่รู้ไม่เห็นจริงๆใช่ไหมว่าเมื่อคืนผมเข้าพักได้ยังไง กับใคร?”

“...ครับ”

“โอเคครับ ถ้าคุณว่าอย่างนั้น” ผมลุกขึ้นไม่ได้เซ้าซี้อะไรต่อ ผู้จัดการวัยกลางคนเดินมาส่งผมถึงหน้าโรงแรม

“คุณเหรันต์จะให้ผมเรียกแท็กซี่ให้ไหมครับ”

“ไม่ต้องหรอกครับ ผมกลับเองได้” ผมบอกเสียงนิ่ม หันหลังให้เขาแต่เดินไปแค่ไม่กี่ก้าวก็หันกลับไปเรียกคุณผู้จัดการก่อนเขาจะเดินกลับเข้าโรงแรมไป “คุณผู้จัดการครับ”

“ครับ?”

“คุณนี่เก่งจังเลยนะครับ รู้ด้วยว่าผมไม่มีรถ แต่ไม่ยักรู้ว่าผมมาได้ยังไง” ผมว่ายิ้มๆ

“...”

เขานิ่งกลืนน้ำลายอึกใหญ่แต่ไม่ได้พูดอะไร และผมก็ไม่คิดจะใส่ใจอะไรอีกแล้ว ผมจึงเดินหันหลังออกมา

เอาเถอะ...อย่างน้อยก็รู้ว่าพวกเขาร่วมมือกันตั้งใจปิดบังอะไรสักอย่างกับผม

ผมไม่รู้ว่ามันคือเรื่องบังเอิญหรือว่าเขาตั้งใจ

ถ้าคนที่พาผมมาเมื่อคืนนั้นฉลาด  เขาอาจจะรู้ว่าผมแจ้งตำรวจไม่ได้ด้วยเหตุผลบางอย่าง  แต่ลางสังหรณ์ผมมันร้องเตือนว่าทุกอย่างกำลังเป็นไปตามเกมส์ของใครสักคน

ผมไม่รู้หรอกว่าเขาคนนั้นกำลังคิดจะทำอะไร แต่ผมไม่ยอมเป็นเบี้ยให้เขาจับเดินได้ง่ายๆแน่

ก็ดี...แล้วมาดูกัน ว่าใครจะพลาดท่าก่อน

+++++++++++++++++++++++++++

ก็อก!ๆๆๆๆๆๆ

โอ้ยยยยยยยย เสียงดังอะไรนักหนาวะคนจะหลับจะนอน ผมพลิกตัวหันหลังไปอีกทางเอาหมอนปิดหูกลั้นเสียงรบกวนจากภายนอก

“ไอ้รันนนนนนนนต์ ตื่นโว้ยยยยยยย” เสียงเอะอะนอกห้องยังดังไม่หยุด ว่าแต่เมื่อกี้มีคนเรียกผมหรอวะ ดวงตาผมสว่างพรึ่บ แม้ว่าตอนที่พลิกตัวจะเจ็บสะโพกจนสะดุ้งตื่นแล้วก็เถอะ ลืมตัวไปหน่อย ผมค่อยๆลุกนั่งบนเตียง ลุกขึ้นแล้วเดินไปเปิดประตู

“มึงตื่นเดี๋ยวนะ-…” แกร็ก! ผมชิงเปิดประตูก่อนที่เมฆจะโวยวายจบ

“โวยวายอะไรของมึงแต่เช้า เดี๋ยวห้องข้างๆก็เอาอีโต้มาฟันปากหรอก” ผมเอ่ยแกมงัวเงียนิดๆ เปิดประตูทิ้งไว้ให้เมฆเข้ามาก่อนจะไปนอนฟุ่บคว่ำหน้ากับเตียงต่อ

“ปากคอเราะร้ายใครจะกล้ามาฟันปากกู มีแต่มึงนั่นแหละ แล้วเช้าบ้านมึงดิ นี่มันจะเที่ยงละ” เมฆมานั่งบนเตียงก่อนจะบ่นผม

นี่ผมหลับยาวขนาดนี้เลยหรอวะ เมื่อวานหลังกลับจากโรงแรมผมก็แวะคลินิกแล้วตรวจเลือด ตอนนี้เลือดผมปกติดี แน่ล่ะมันพึ่งจะผ่านมาคืนเดียว อีกสามเดือนค่อยไปตรวจใหม่ ได้ยาแก้ปวด แก้อักเสบ แล้วก็ยาทาแผลทางทวารหนักมา

ใช่ครับ ผมบอกอาการผมกับหมอทุกอย่าง แวะซื้อแว่นกับหมวกปิดบังใบหน้าก่อนจะไป ขอปิดบังตัวเองด้วยข้ออ้างว่ารู้สึกอาย ผมไม่ได้บอกว่าโดนข่มขืน บอกว่าสมยอมแต่เพราะเมามากเลยไม่รู้ว่าเขาจะป้องกันรึเปล่าและจะปลอดภัยไหมเลยอยากมาตรวจให้แน่ใจ  ก็ถ้าไม่อ้างแบบนี้ หมอก็จะเซ้าซี้ให้แจ้งตำรวจอีก แต่จริงๆมันก็มีส่วนความจริงในคำอ้างนั่นแหละคุณหมอเขาก็เข้าใจไม่ได้พูดซักไซ้อะไรอีก

พอกลับถึงห้องก็สักบ่ายแก่ๆใกล้จะเย็นแล้ว ผมอาบน้ำอีกรอบ เปลี่ยนเสื้อผ้ากินยาแล้วล้มตัวลงนอนเลย มารู้สึกตัวอีกทีก็เมฆมาปลุกนี่แหละ  แม้ว่าจะนอนไปซะขนาดนั้นแต่ผมก็ยังรู้สึกเพลียๆและเจ็บตรงนั้นอยู่ ดีหน่อยที่ไม่ได้เป็นไข้

“เป็นอะไรรึเปล่า ท่าทางเพลียๆ” เมฆถามอย่างเป็นห่วง สอดมือมาวัดไข้กับหน้าผากผม ผมส่ายหน้าเงยหน้ามองมันยิ้มๆ

“ก็แฮงค์ตั้งแต่วันที่ไปแดกเหล้ากับพวกมึงนั่นแหละ” แหลครับ จริงๆหายนานแล้ว

“ก็ว่า มึงเงียบหายไปเลย ตั้งแต่มึงส่งข้อความมาหากูเมื่อวาน หลังจากนั้นโทรหายังไงก็ไม่ติด วันนี้เลยแวะมาหาว่าตายรึยัง” ข้อความงั้นหรอ ผมส่งให้มันตอนไหนวะ

“ข้อความอะไรวะ?” เผลอถามมันไปด้วยความลืมตัว

“ก็ข้อความที่มึงบอกว่าปลอดภัยถึงหอแล้วไม่ต้องห่วง เบลอหรอถึงจำไม่ได้ อ่ะนี่ไง” เมฆยื่นโทรศัพท์มันให้ผมดูเป็นหลักฐาน ซึ่งก็เป็นอย่างที่มันว่าจริงๆ แต่ไม่ใช่ผมที่ส่งไปแน่ๆ เวลาที่ส่งให้ก็เป็นช่วงเช้าที่กูยังไม่ทันตื่นด้วยซ้ำ

มันรู้ได้ไงวะว่าต้องส่งให้ไอ้เมฆ ผมยกมือขยี้หัวอย่างครุ่นคิด

“เป็นเหี้ยไรของมึง แล้วโทรหาทำไมไม่ติด”

“เป็นคนโว้ยยย โทรศัพท์ก็หายไปแล้วไง” ผมเงยหน้าขึ้นตอบเมฆ พูดถึงเหี้ยก็นึกถึงไอ้พี่สมิธ

“อ้าว หายไปตอนไหนวะ” เมฆถามงงๆ

“เมื่อวานนี้แหละ หลังส่งข้อความหามึง กูก็ยังมึนๆอยู่แล้วออกไปหาซื้อของกินแต่ไม่รู้เผลอวางไว้ไหน รู้ตัวอีกทีก็หายไปแล้วง่ะ” ผมเบ้ปากเซ็งๆให้เมฆเพื่อความเนียนในการแหล มันเลยส่งนิ้วมาดีดหน้าผากผมดังเป๊าะ เจ็บนะโว้ยยยย

“ไม่ต้องมาทำเป็น ไปอาบน้ำไปเดี๋ยวพาไปซื้อเครื่องใหม่ หายก็ดีเหมือนกัน มึงจะได้เปลี่ยนไอ้โทรศัพท์เส็งเคร็งนั่นสักที”

“เออออออออออ”
.
.
.
.
.

“จะแดกอะไร” เมฆถามขึ้นหลังจากที่พาผมไปซื้อโทรศัพท์ใหม่และเปิดเบอร์เดิมเสร็จแล้ว อ้อ ผมซื้อเองนะครับแม้ไอ้เมฆจะจ่ายให้แต่ยังไงผมก็จะจ่ายเองจนมันยอมในที่สุด แล้วเงินที่ผมใช้ซื้อก็ไม่ใช่เงินไอ้เหี้ยนั่นเหมือนกัน

“อยากกินเป็ดย่าง” เมฆพยักหน้าก่อนจะพาผมเดินตรงไปยังร้านภัตตาคารอาหารจีนในห้าง เมฆสั่งอาหารมาเต็มโต๊ะ บอกให้ผมกินเยอะๆ ผอมจนจะปลิวไปตามลมอยู่แล้ว คือมันก็ไม่ขนาดนั้นป่ะวะ ผมเป็นคนตัวสูงนะแค่ไม่ค่อยมีกล้ามเนื้อเองเหอะ

“กินเสร็จแล้วไปดูหนังกันต่อนะ เรื่องที่กูเคยบอกมึงเมื่อตอนนั้นไงที่...” แล้วมันก็พล่ามยาวเลยครับ ผมก็พยักหน้าเออออไปกับมัน จริงๆก็จำไม่ค่อยได้หรอก จนกระทั่งเราสองคนกินเสร็จก็ใกล้ถึงเวลาที่หนังจะฉายแล้ว(มันดูเวลาที่เขาจะฉายในมือถือ) ผมกับเมฆจึงรีบไปที่เคาน์เตอร์ซื้อตั๋ว ขณะที่กำลังต่อแถวซื้อตั๋วก็มีเสียงเรียกจากด้านหลังดังขึ้น

“เฮ้ย! มึงใช่ไอ้น้องรันต์ป่ะ” เสียงเรียกกวนตีนแบบนี้ มีไม่กี่คนหรอกครับ ตอนแรกผมว่าจะไม่หันแล้วแต่ไอ้เมฆแม่งเสือกหันแล้วเอาศอกสะกิดผมไง ผมเลยหันไปยิ้มแหยะๆให้คนข้างหลัง

“หวัดดีครับพี่” ผมยกมือไหว้พวกพี่สมิธ เมฆก็ยกมือขึ้นไหว้ด้วยเหมือนกัน “เมฆ นี่พี่สมิธ พี่ใจดีแล้วก็พี่เซนท์...พี่ครับ นี่เพื่อนผมเรียนคณะเดียวกันชื่อ เมฆ” ผมแนะนำให้เขารู้จักกันคร่าวๆเมื่อพวกพี่ๆสาวเท้ามาใกล้เรามากขึ้น

“เรียกไม่หัน หยิ่งอ๋อมึง” พี่สมิธพยักหน้าแล้วถามด้วยน้ำเสียงเหมือนหาเรื่องแกมกวนตีน ส่วนพี่เซนท์ที่โบกมือยิ้มให้ผมด้วยความสดใส ผมจึงยิ้มตอบไปตามมารยาทก่อนจะหันไปตอบพี่สมิธ

“ก็พี่ทักแบบนี้ใครจะกล้าหันล่ะครับ”

“หรออออออรันต์” มันประชดใช่ไหมครับไอ้พี่คนนี้

“น้องรันต์จะดูหนังเรื่องอะไรหรอ” พี่เซนท์เป็นคนถามผมบ้าง ตอนนี้พวกผมหลบออกจากแถวให้คนอื่นไปซื้อก่อนแล้วครับ

“เรื่องอะไรวะ” หันไปถามเมฆอีกต่อหนึ่ง

“เรื่อง...อ่ะพี่ หนังภาคต่อ” เมฆตอบคำถามพี่แทนผม

“อ่ออออ พวกกูว่างพอดีเลย ขอไปดูด้วยดิ ใช่มะพวกมึง” พี่สมิธพูดขึ้น กูว่าถ้าพูดขนาดนี้ก็ไม่ต้องถามความเห็นกันแล้วมั้ง พวกเราทั้งสี่คนก็พยักหน้าให้อย่างไม่มีทางเลือก

“อ่ะมึง เอาไปซื้อตั๋วมา 5 ที่” พี่สมิธยื่นบัตรเครดิตสีดำใบหรูให้เมฆ

“เฮ้ยไม่เป็นไรพี่” ไอ้เมฆรีบปฏิเสธจะไม่รับ

“กูเป็นพี่คณะ จะเลี้ยงน้องไม่ได้หรือไง ไปดิ” กวนตีนขนาดนี้เคยโดนเขารุมตีไหมวะ อ่อ โดนแทงไปแล้ว เมฆเมื่อได้ยินพี่สมิธว่าอย่างนั้นก็พยักหน้ารับแล้วไปซื้อตั๋วอย่าว่าง่าย

“ผมไม่แปลกใจเลยทำไมพี่ถึงโดนแทง” ผมบ่นงึมงำคนเดียวแต่ก็ไม่วายโดนผลักหัวจากอีกคน

“กูได้ยิน” ผมเลยเบ้ปากใส่ให้ตรงๆซะเลย พี่สมิธทำท่าจะเข้ามาขย้ำคอผมแต่สองขาผมเร็วกว่าวิ่งไปหลบหลังพี่เซนท์แล้วแสยะยิ้มให้อีกคนอย่างไม่กลัวตาย พี่สมิธยิ่งเห็นแบบนั้นก็ยิ่งถลึงตาใส่ผมจะตรงเข้าใส่ผมให้ได้แต่ก็โดนพี่เซนท์เบรคไว้ซะก่อน

“พอเลยๆมึงนี่เล่นเป็นเด็ก ป่ะน้องรันต์ไปซื้อน้ำกับป็อปคอร์นกัน” ว่าจบพี่เซนท์ก็คว้ามือผมออกมาจากตรงนั้น ไม่วายได้ยินเสียงพี่สมิธโวยวายตามหลังมา

“ก็มันทำใส่กูก่อน มึงไม่ว่ามันบ้างวะ!” อืมมมม เคยยอมคนอื่นเขาซะที่ไหน

“น้องรันต์” อยู่ๆพี่เซนท์ก็เรียกผมขณะที่กำลังรอป็อปคอร์นกับน้ำ

“ครับ?”

“เรื่องวันนั้น...ไอ้ทศได้ทำอะไรให้โกรธรึเปล่า” น้ำเสียงพี่เซนท์ติดจะกังวล มองผมอย่างรอคอยคำตอบ

“เปล่าครับ พี่เซนท์อย่ากังวลเลย ผมไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องโกรธเขา” ผมบอกแล้วยิ้มให้เล็กน้อยเหมือนมันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร

“แล้วทำไมหลังจากวันนั้นพวกพี่ถึงติดต่อน้องไม่ได้”

“ก็โทรศัพท์ผมหาย นี่ไงครับ พึ่งมาซื้อวันนี้เลย” ผมชูถุงโทรศัพท์ให้พี่เซนท์ดูเป็นหลักฐาน

“อ้อ ใช้เบอร์เดิมอยู่ใช่ป่ะ” ผมพยักหน้า จากนั้นเราก็ได้ป็อปคอร์นกับน้ำจากพนักงานพอดี พอเดินไปรวมกันเมฆก็กลับมาแล้ว พวกเราเลยพากันเดินเข้าโรงหนังเพราะใกล้เวลาแล้ว  พี่สมิธเป็นคนจัดแจงที่นั่ง โดยให้ เมฆ ผม พี่สมิธ พี่เซนท์ พี่ดี นั่งเรียงกันตามลำดับ เรานั่งช่วงกลางตรงจอพอดี คนไม่ค่อยเยอะเพราะเป็นหนังที่ใกล้ออกโรงแล้ว โดยเฉพาะแถวผมที่ไม่มีใครมานั่งด้วยเลย  เมื่อหนังฉายไปสักพัก หัวพี่สมิธก็หล่นตุบมาบนไหล่ผม

คือหลับ! แต่พอผมดูไปได้สักพักความกินอิ่มๆกับแอร์เย็นๆก็ทำพิษ ตาผมปรือใกล้จะปิดเต็มที หันไปมองทางเมฆมันก็นั่งกินป็อปคอร์นดูดน้ำแจ็บๆดูหนังอย่างตั้งใจตามประสามัน แต่คือผมเริ่มไม่ไหวละ ขอพักสายตาแปบนึงเดี๋ยวกูตื่นมาดูเป็นเพื่อนนะเมฆ จนกระทั่ง...

“รันต์ ตื่นดิ๊ แม่งให้มาดูเป็นเพื่อนเสือกหลับ” แรงเขย่าตัวทำให้ผมสะดุ้งตื่น ก่อนจะพบว่าในโรงหนังไฟสว่างโร่ แสดงว่าหนังคงฉายจบแล้ว ผมลุกขึ้นยืนงงๆ ไหล่โคตรปวดไอ้พี่สมิธทำพิษกูอีกละ

“เขาให้มาดูหนังไม่ใช่มานอน” พี่สมิธว่าพลางบิดขี้เกียจโชว์ซิกส์แพคอ่อนๆ ปากก็หาวไปด้วย มึงหนักกว่ากูอีกพี่

“แล้วจะพากันไปไหนต่อ” พี่ดีถามขณะที่เรากำลังเดินออกจากโรงหนัง

“พวกผมคงกลับเลยพี่ ไอ้รันต์มันป่วยๆ” เมฆตอบพี่ดี

“มึงเป็นไร?แต่ท่าเดินมึงแปลกๆนะ ขี้คาตูดอ๋อ” คาตูดพ่องดิพี่สมิธ ผมแกล้งเบ้ปากงอนๆให้พี่สมิธ

“ผมลื่นล้มก้นกระแทกพื้น” โกหกอีกแล้วครับ ฮื่อออ คนอื่นๆก็พยักหน้าไม่ได้เซ้าซี้ต่อ แต่ไอ้พี่สมิธนี่สิครับ เขาหรี่ตามองผมเหมือนไม่เชื่อ จ้องตั้งแต่หัวจรดเท้าทำผมเสียวสันหลังวูบๆ แต่ผมก็ยังนิ่งไม่แสดงพิรุธอะไรให้เขาจับได้ แต่เมื่อกี้ผมเผลอหลบตาเขาแวบนึงไม่รู้ว่าเขาจะรู้ตัวรึเปล่า

“มึงแน่ใจนะ” พี่สมิธถามย้ำอีกรอบ

“มีอะไรที่ผมต้องไม่แน่ใจ ผมเมาแล้วลื่นอ่ะ ไม่เชื่อถามไอ้เมฆดูดิ”

“มันเมาจริงพี่ แต่ไอ้ลื่นนี่ผมไม่เห็น”

“ถ้าพี่ไม่เชื่อว่าผมลื่น แล้วพี่คิดว่าผมเป็นอะไร” ผมถามอีกคนกลับ

“มันเหมือนโดน...” พี่สมิธขมวดคิ้วเหมือนครุ่นคิด ทำหน้าตาแปลกๆ

“เหมือนโดนอะไร?” ผมคาดคั้นพี่สมิธอย่างไม่ยอมแพ้ จ้องเขานิ่ง หรือว่าจะเป็นพี่สมิธที่อยู่กับผมคืนนั้น ฮึ่ย แค่คิดผมก็ขนลุกแล้วว่ะ เขาจะแสดงเนียนไปละ  ฮ่าๆๆๆ

“ก็...เปล๊า”เขายักไหล่แล้วเสสายตาไปอีกทางแต่ไม่ได้ซักไซ้อะไรผมอีก  ผมแอบถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ยังไม่มีใครรู้เรื่องนั้น(หรือเปล่า?)

 “งั้นแยกกันตรงนี้นะครับ พวกผมกลับก่อน หวัดดีครับ” ผมร่ายยาวรวบรัดลาพวกเขาเลย

“อื้ม กลับดีๆนะเด็กๆ” พี่เซนท์บอกลา พี่ดีก็ยิ้มนิดๆให้ตามสไตล์ ส่วนไอ้พี่สมิธ...งอนตุ๊บป่องไปแล้ว กูผิดอะไรอีกเนี่ย ตัวเท่าควายนึกว่าตัวเองทำแล้วน่ารักหรอวะ

“ไม่น่ารักเลย” ไวเท่าความคิดปากผมก็พูดออกไปแล้ว พี่สมิธหันมาถลึงตาใส่เดินมาตบหัวผมเบาๆ

“กูไม่ได้งอน ใครจะทำ ตุ๊ดเหี้ยๆเลย”กอดอกแล้วสะบัดหน้าหนีน้องเนี่ยนะ โอเคถ้าพี่มันน่ารักบอบบาง หรือหุ่นน่ากอดเหมือนพี่เซนท์มันก็พอให้อภัยได้ไง แต่นี่สูงอย่างเปรต เลยผมไปอีก แล้วแม่งหน้าอย่างหล่อ ซิกส์แพคก็มี พวกคุณลองนึกภาพดิ แต่ผมก็รู้แหละว่าไอ้พี่สมิธเขาแกล้งทำ

“ก็ดีครับ เพราะถ้าพี่โกรธหรืองอนผมจะไม่มาให้พี่เห็นให้เสียสายตาอีก” ผมว่ายิ้มๆ พี่สมิธจ้องผมเขม็งแล้วเอ่ยเสียงเข้ม

“ถ้ามึงหายกูตามถึงห้องอ่ะ ลองดู”

“หึๆ บายครับ แล้วเจอกัน”

++++++++++++++++++++++++++++++

ก็อกๆ แก็กๆ ปัง!

“อ่ะแฮ่ม” เสียงดังจากในห้อง

“ปล่อยน้ำใส่นาน้องแหน่” ผมตอบกลับอีกคนไป

แอ๊ด! ประตูห้องเปิดพอให้ผมแทรกตัวเข้าไปได้ก่อนจะปิดลงทันที

“โค้ดเหี้ยอะไรของมึงเนี่ย” ผมถามอย่างงๆ มันแปลกๆนะ อีกคนทำเพียงหัวเราะหึๆก่อนจะกลับไปนั่งที่เก้าอี้หน้าคอมพิวเตอร์สามตัวพร้อมสายไฟระโยงระยางเต็มไปหมด ถ้ามึงโดนไฟช็อตตายจะไม่แปลกใจเลย “ทำตัวลับๆล่อคนยิ่งสงสัย” ผมบ่นมันไปอีกที

“มีอะไรถึงมาหากูได้?” มันถาม

“กูจะให้มึงหาคนให้กูหน่อย” ผมเข้าเรื่อง

“ว้าว!ใครล่ะ” อีกคนมองผมอย่างสนใจ

“ไม่รู้”

“ห๊ะ...แล้วจะให้กูหายังไงวะ” มันเกาหัวงงๆ

“แฮคกล้องวงจรปิดโรงแรม S ย่าน...ให้กูที” ผมบอกนิ่งๆ

“เฮ้ย! ไหนว่ารามือแล้ววะ เกิดอะไรขึ้น” เจคถามขึ้นอย่างตกใจ

“ของสำคัญกูหายไปว่ะ กูสงสัยว่าคนที่กูกำลังตามหาอาจเอาไป” ใช่ครับ ตอนนี้ผมเชื่อเกิน 70 % ว่าคนๆนั้นอาจจะเอาไปเพราะโทรศัพท์ผมที่มีคนส่งข้อความหาเมฆทำให้ผมมั่นใจว่าแหวนอาจจะอยู่กับเขาก็ได้ “มึงจะเอาเท่าไหร่ว่ามาเลย” ผมบอกเจค ตัวผมไม่เคยให้ใครทำอะไรให้ฟรีหรอก

“มันไม่ได้อยู่ที่เงินเว้ย แต่มันเกิดอะไรขึ้นกับมึงวะที่ต้องวกกลับมาเส้นทางเดิม” เจคพูดอย่างเป็นห่วง มันก็เหมือนไอ้เมฆอีกคน เป็นเพื่อนที่รู้จักผมดีแต่เป็นอีกโลกหนึ่งที่เมฆไม่เคยรู้

“กูไม่อยากพูดถึง แต่มันทำให้กูเจ็บปวด” แค่นึกใจผมมันก็อดรู้สึกเจ็บแปลบไม่ได้ ผมระวังตัวเองมาตลอด แต่มาตกม้าตายเพราะเหล้าที่ผมแสนจะไม่ชอบ ผมไม่อยากโทษใครอีกคนที่ทำให้ผมรู้สึกอยากลืมเรื่องบ้าๆทั้งหมด

“เออก็ได้” เจคถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนหมุนตัวกลับไปที่หน้าคอมพิวตอร์ของมัน รัวนิ้วแกร็กๆๆจนมองตามไม่ทัน ผมเดินไปหยุดอยู่ข้างหลังมัน เห็นโค้ดที่ผมไม่เข้าใจขึ้นเต็มไปหมด

“ระบบรักษาความปลอดภัยของโรงแรมนี้อยู่ในเกณฑ์ดีนะ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากเท่าไหร่ มึงจะดูของวันไหนล่ะ” เจคถามขณะรัวนิ้ว ตามันก็จ้องแต่หน้าจอ

“ตั้งแต่สี่ทุ่มของวัน…จนถึงก่อนเที่ยงของวัน…ดูกล้องทุกตัวของตัวล็อบบี้” ผมบอกเวลาที่คาดการณ์เอาไว้ เจครัวนิ้วไปสักพัก ก่อนหน้าจอจะขึ้นเครื่องหมายตกใจ

“ไฟล์ที่บันทึกช่วงห้าทุ่มถึงเก้าโมงเช้าของอีกวันหายไปว่ะ” เจคเกาหัวแกรกๆ

“งั้นดูที่ชั้นสิบเวลาเดียวกัน”

“ก็หายเหมือนกันว่ะ...เชี่ย มึงไปมีเรื่องกับใครวะ” เจคถามอย่างตกใจ

“มึงกู้ไฟล์ได้ไหม” ผมถามอีกคนเสียงนิ่ง เจครัวนิ้วต่อไปอีกสักพักก่อนจะขย้ำผมอย่างอารมณ์เสีย

“มันลบไฟล์ถาวรไปแล้ว ถ้ากูกู้คืนโค้ดแก้จะบังคับให้คีย์เข้ากดตัวไวรัสที่เขาวางไว้ ความเสียหายยังไม่รู้แต่ที่แน่ๆฐานข้อมูลกูถูกพบแน่ ซึ่งนั่นบอกได้เลยว่าซวยเหี้ยๆ” เหมือนโดนตีแสกหน้ารอบสอง ต้องทำขนาดนี้เลยหรอวะ

“ไม่เป็นไร เอาที่ปลอดภัยมึงไว้ก่อน” ผมบอกมันเสียงนิ่ง

“เดี๋ยวกูหาทางอื่น แต่คงต้องใช้เวลาหน่อย” เจคบอกเสียงเครียด มันเป็นพวกไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ ยิ่งอะไรที่มันทำไม่ได้มันก็จะยิ่งทำให้สำเร็จ เสี่ยงกว่านี้เราก็ทำมาแล้ว

ตอนนี้เหมือนผมกำลังโดนอีกคนท้าทายหนักมากขึ้นเรื่อยๆ เขาดักผมไว้ทุกทาง บีบให้ผมวิ่งเต้นไปตามเกมส์ของเขา  ผมอยากปล่อยวางแต่ผมไม่เข้าใจ ผมสงสัยว่าทำไมเขาต้องทำขนาดนี้แล้วต้องการอะไรจากผมกันแน่ ถามว่าทำไมไม่ลองไปดูกล้องวงจรปิดที่ร้านเหล้า คือมันมืดและคนเยอะมาก คงไม่ค่อยได้อะไรเท่าไหร่

“ขอบใจมาก นี่เลข IMEI เครื่องกูที่หายไป ว่างๆก็หาให้หน่อยแล้วกัน” ผมยื่นกระดาษให้เจค มันรับไว้แล้วหันไปจดจ่อกับหน้าคอมต่อ “กูไปแล้วนะ” มันพยักหน้ารับไม่ได้พูดอะไร ผมจึงเดินออกจากห้องมัน หอที่เจคอยู่ค่อนข้างเงียบสงบ เป็นอาคารเก่าๆสองชั้น ชั้นละแค่หกห้อง แต่ก็มีพื้นที่ในแต่ละห้องที่กว้างขวางอยู่เหมือนกัน ระบบรักษาความปลอดภัยไม่มี อยู่ในซอยลึกสุดไม่ใกล้ไม่ไกลจากชุมชน เลือกได้ดีนี่

+++++++++++++++++++++++++++

“มึงติวสแตทให้หน่อยดิ๊” เมฆพูดขึ้นขณะที่เรากำลังนั่งทานอาหารกันที่โรงอาหารของคณะ

“หืม แน่ใจหรอว่ากู?” ผมถามหลังเงยหน้าขึ้นจากการซดก๋วยเตี๋ยวถามเมฆ(บนโต๊ะอาหารมีแค่เราสองคน)

“เออดิ เทอมที่แล้วกูก็รอดเพราะมึง”

“แต่เทอมนี้ก็ยังไม่เริ่มทวนเลย กลัวมึงจะไม่รอดเพราะกูนะสิ” มัวแต่ยุ่งกับเรื่องอื่นอยู่ครับ การสอบก็กระชั้นชิดเข้ามาทุกที

“เออน่ะ ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย” บอกเสร็จก็เคี้ยวข้าวตุ้ยๆ

“จริงๆมึงไม่น่ามาเรียนตามกู น่าจะไปเรียนบริหาร ไม่ก็วิศวะที่มึงชอบ” ผมพูดกับเมฆเสียงอ่อน เมฆถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนเอื้อมมือมาขยี้หัวผมเบาๆ

“มึงนี่จะคิดมากทำไม กูสอบเข้ามาแล้วเปล่าวะ ถ้าไปเรียนคณะอื่นโดยที่ไม่มีมึงกูก็ไม่มีความสุขเหมือนกันเพราะต้องคอยห่วงมึงไง แบบนี้แหละดีแล้ว กูมีความสุขดีแค่ปวดหัวกะไอ้ที่เรียน เครนะไอ้น้อง” เมฆว่ายิ้มๆแล้วก้มลงกินอาหารตรงหน้าต่อ

“ขอบคุณนะพี่เมฆ” ผมยิ้มกว้างให้อีกคน

“หึ J ”
.
.
.
.
.
.
.
.

“ไอ้รันต์ได้ข่าวจะติวสแตทให้ไอ้เมฆหรอ ติวให้กูบ้างดิวะ เห็นมันโม้ว่ารอดได้อย่างปาฏิหารย์เพราะมึง” อ๋องตรงเข้ามาหาผมทันทีที่เลิกคลาส

“ก็ไม่ขนาดนั้นหรอก เทอมที่แล้วมันง่ายด้วยแหละมั้ง”

“ง่ายบ้านป้ามึงดิ แดกปลา เกือบครึ่งเซค ได้ด็อคมาจูงเล่นกันถ้วนหน้า มีมึงได้แดกแอปเปิ้ลอยู่คนเดียว” บ้านป้ากูอยู่เมกา -_-

“เออๆแต่เทอมนี้กูไม่รับประกันนะเว้ย ยากกว่าเทอมที่แล้ว อยู่ที่ความตั้งใจของพวกมึง” ผมบอกปลงๆ เหนื่อยเพิ่มอีกแล้วกู

“เย้! กูชวนพวกไอ้บอยมาด้วยนะ” ผมพยักหน้ารับอย่างช่วยไม่ได้ กรอกตาอย่างหน่ายๆให้พวกมัน “เออไอ้เมฆฝากบอกว่าให้ไปรอมันที่รถเลย มันไปขี้อยู่” ก็ว่าหายไปไหน กลิ่นตุๆเลยมาเลยไอ้บ้าเมฆ

ผมไปยืนข้างBMWคันหรูของเมฆนิ่งๆที่ลานจอดรถคณะ รอไปสักพักก็มีผู้หญิงสวยจัดสามคนเดินตรงมาทางนี้ จนกระทั่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม...สายตาดูเป็นมิตรมาก//ประชด การแต่ตัวก็สไตล์สาวสวยประจำคณะ เสื้อนิสิตรัดรูปจนแทบปริ กระโปรงทรงเอความยาวคืบเดียวแถมแหวกซะจนน่าหวาดเสียว

“ใช่รันต์ป่ะ” เสียงแหลมปรี๊ดของนางหนึ่งถามขึ้น

“ครับ” ผมพยักหน้ารับ พวกเธอมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า ริมฝีปากเหยียดยิ้มให้อย่างเยาะๆ

“เป็นอะไรกับเมฆ” อีกคนหนึ่งถามขึ้นด้วยความเปรี้ยวได้ที่เลย(ไม่ใช่กลิ่นนะ)

“เพื่อนสิครับ” ผมตอบยิ้มๆ

“หรอ ท่าทางไม่น่าเป็นเพื่อนกันได้เลยเนอะ” คนตรงกลางและท่าทางจะเป็นหัวโจกด้วย กอดอกมองผมอย่างมีมาด

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพวกคุณด้วยไม่ทราบครับ” ผมฉีกยิ้มให้อีกนิด

“แก! คิดว่าตัวเองเป็นใครถึงกล้ามาทำตัวสนิทสนมกับเมฆวันนี้ก็ทำเป็นหลอกให้เขาขยี้ผม หน้าตาก็เห่ย แหวะ!จะอ้วก!” อ่อ ไม่แฟนคลับก็คงเป็นคู่ขาเก่าของไอ้เมฆ

“ก็อ้วกออกมาสิครับ ใครเอามือปิดปากคุณไว้ไม่ทราบ”

“หยาบคาย แกคิดว่าแกเป็นใคร คิดจะสะเออะไปตีสนิทพวกพี่ทศกัณฐ์ รูปในเพจนั่นแค่เห็นก็ขยะแขยงไปหมด” อืม พวกเธอยังเป็นแฟนคลับของแก็งค์นั้นอีกด้วย

“ใช่ๆ คิดจะยกตัวเองหรอ” เสริมกันดีจริงๆ

“พวกคุณจะพูดอะไรก็พูดไปเถอะ แล้วที่บอกว่าผมหยาบคาย ใครทำแบบไหนใส่ผม ผมก็จะทำอย่างนั้นคืนนะครับ” บอกแล้วยิ้มบางตบท้าย

“กรี๊ด!!!นี่แกว่าพวกฉันหรอ” หัวโจกกระทืบเท้าเร่าเตรียมถลาเข้ามาจะตบผมให้ได้

“เชิญเลยครับ แต่ถ้าคุณจะตบผมก็เตรียมเข้าพบคณบดีได้เลย” ผมบอกสายตาเหลือบไปทางกล้องวงจรปิดแล้วยิ้ม พวกเธอมองตามกัดฟันกรอด

“แกคิดว่าจะทำอะไรพวกฉันได้” ลูกสมุนถลึงตาใส่ผม

“ลองดูไหมล่ะ ทั้งเมฆ ทั้งพวกพี่สมิธ ว่าเขาจะทำยังไงกับพวกคุณถ้ารู้ว่าคุณทำร้ายผม คุณบอกว่าผมตีสนิทพวกเขานี่ ไม่อยากรู้หรอว่าสนิทขนาดไหน” เธอลดมือลงอย่างช่วยไม่ได้มองหน้ากันเหมือนปรึกษากันผ่านทางสายตา

“ฝากไว้ก่อนเถอะแก” พูดจบก็หมุนตัวเดินหนีอย่างฉุนเฉียวไปอีกทาง ลูกสมุนก็ถลึงตาใส่ผมอย่างโกรธๆก่อนจะตามออกไป เฮ้อ ผมกลัวพวกเธอจะปวดตากันซะจริงๆ ถลึงใส่อยู่นั่น

ช่างเถอะ ก็แค่คำพูดของคนอื่นไม่ได้มีผลอะไรกับชีวิตผมอยูแล้ว  ถ้ามัวแต่เก็บมาใส่ใจไปซะหมด ชีวิตเราจะก้าวไปข้างหน้าได้ยังไงล่ะ

จริงไหม?

++++++++++++++++++++++++++++

{โปรดติดตามตอนต่อไป...}


งื้ออออออ สัมภาษณ์พิเศษreply ถัดไปฮับ  :katai5:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 17♡+ special scoop by Hearun [25/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 25-02-2017 19:05:11
Special scoop

YINGPREM : ดีค่ะรันต์ เป็นไงบ้าง สบายดีไหม

เหรันต์ : สวัสดีครับเปรม ผมก็ตามอัธภาพแหละครับ แล้วเปรมล่ะ?

YINGPREM : ก็ป่วยบ้างอะไรบ้าง ตามประสานักเขียนผู้อ่อนแอ อิอิ // หราาาาาา

เหรันต์ : หึๆ ครับ//ยิ้มอ่อน

YINGPREM : เข้าเรื่องเลยนะคะ มีนักอ่านหลายคนสงสัยว่าความสัมพันธ์ของรันต์กับเมฆนี่ยังไงหรอคะ ทำไมสนิ๊ดสนิทกัน

เหรันต์ : ก็เป็นทั้งเพื่อนทั้งพี่นะครับ  รู้จักกันตั้งแต่เด็กแล้ว แต่ก่อนบ้านอยู่ข้างกัน : )

YINGPREM : ทำไมเมฆชอบเรียกรันต์ว่าน้องคะ?

เหรันต์ : ผมเข้าเรียนก่อนเกณฑ์กว่าคนอื่นครับจริงๆเมฆเป็นพี่ผมเกือบสองปีครับ แต่มันซิ่วมาเรียนเป็นเพื่อนผมง่ะ

YINGPREM : อ่อ แล้วที่เมฆชอบจูบชอบหอมรันต์นี่เป็นเรื่องปกติหรอคะ

เหรันต์ : ก็คง…ปกติมั้งครับ คุณแม่ก็ยังทำ

YINGPREM : หลังๆมานี่ทำไมรันต์ดูลึกลับจัง มีความลับอะไรรึเปล่า

เหรันต์ : ฮ่ะๆ จริงหรอครับผมไม่รู้ตัวเลย เรื่องความลับใครๆก็คงมีกันทั้งนั้นแหละครับ หรือว่าเปรมไม่มี? //ยิ้มบาง

YINGPREM : แหะๆ…ทำไมรันต์ผอมจังทั้งๆที่สูง//มีความอิจ

เหรันต์ : ผมไม่ค่อยชอบกินตลอดเหมือนเปรมน่ะ ล้อเล่นๆ หึๆ

YINGPREM : ค่ะ//กัดฟันกรอดๆ…คิดยังไงกับทศกัณฐ์คะ

เหรันต์ : …ก็ไม่ได้คิดอะไรนะครับ

YINGPREM : อ้ออออค่ะ…คิดว่าพี่สมิธเป็นคนยังไง

เหรันต์ : กวนตีน…แต่ก็รักพวกพ้องดีครับ

YINGPREM : ถ้าเมฆมาขอเป็นแฟนจะตอบว่าไง

เหรันต์ : กูจะฟ้องแม่มึง

YINGPREM : เคยมีแฟนมาก่อนรึเปล่า

เหรันต์ : ไม่ครับ งงเหมือนกัน

YINGPREM : มีคนบอกว่ารันต์ฉลาด

เหรันต์ : ไม่หรอกครับ ผมแค่วิเคราะห์และระวังเสมอ แต่ก็พลาดเหมือนกัน

YINGPREM : สุดท้ายแล้ว รันต์เป็นนายเอกเรื่องนี้ใช่มะ?

เหรันต์ : คืออะไรอ่ะเปรม?

YINGPREM : หึๆ ไม่มีอะไรค่ะ ขอบคุณมากสำหรับวันนี้

เหรันต์ : ยินดีครับ J


++++++++++++++++++

scoop ต่อไปจะเป็นใครรีเควสมาเลยค่าาาาา :hao7:


อ่อ แถมอิมเมจรันต์(บุคคลในภาพเป็นแค่ส่วนประกอบของเรื่องไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆนะฮับ)

หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 17♡+ special scoop by Hearun [25/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 25-02-2017 19:17:13
น้องรันต์ลึกลับมากเลยยย อิพี่ทศก็รีบกลับมาหาน้องดิ๊ให้ไวๆๆๆ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 17♡+ special scoop by Hearun [25/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: itsgonnabeme ที่ 25-02-2017 20:32:36
น้องรันต์สู้เค้าา

แต่จริงๆเจ้ #ทีมพี่ทศ นะ
รอพี่ทศกลับมาเดินเกมมมมม
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 17♡+ special scoop by Hearun [25/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 25-02-2017 20:56:17
มันส์
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 17♡+ special scoop by Hearun [25/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 25-02-2017 21:17:47
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 17♡+ special scoop by Hearun [25/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: จอมจุ้น6002 ที่ 25-02-2017 21:55:11
บวกเป็ดก่อนค่ะ เดี๋ยวมาใหม่
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 17♡+ special scoop by Hearun [25/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 25-02-2017 22:27:05
รันต์ ทั้งน่ารัก ทั้งหล่อ ชอบบบบบบ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 17♡+ special scoop by Hearun [25/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: จอมจุ้น6002 ที่ 25-02-2017 22:42:42
เอาอีพี่ยักษ์คืนให้เจ็บตับกันไปเลย
ดีมาดีตอบ แรงมาร้ายกลับคืนพันเท่าเลยค่ะรันต์  :beat: :beat: :beat:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 17♡+ special scoop by Hearun [25/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Ouizzz ที่ 25-02-2017 23:03:44
สู้เขาาาาาาาาาาาา ทศนี่หายเลยรีบๆกลับมารับผิดชอบน้องเลยนะ :ling2:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 17♡+ special scoop by Hearun [25/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 25-02-2017 23:11:36
พี่ทศหายไปไหน
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 17♡+ special scoop by Hearun [25/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: FonJuz ที่ 25-02-2017 23:18:59
อิมเมจรันต์ โดนใจมากกกก
ชอบวอนอู ก็แอบคิดๆภาพรันต์ประมาณนี้
ตอนทำหน้าปกติ จะดูนิ่งๆ หล่อๆ
พอยิ้มเท่านั้นแหละ โอยยยน น่ารักกก
พี่ยักษ์นี่เงียบหายเลยนะ.....
มารับผิดชอบน้องด่วนๆเลย
ชอบ special scoop น่ารักดีค่ะ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ
สู้ๆค่ะ มาต่อ ไวๆเน้อ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 17♡+ special scoop by Hearun [25/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 25-02-2017 23:42:55
น้องรันต์น่ารักอ่ะ อีกมุมของน้องรันต์เป็นแบบไหนล่ะเนี่ย ดูลึกลับอ่ะ พี่ทศอย่าหายไปนานนะ
ส่วนเมฆนี่ไม่คิดว่าจะแก่กว่ารันต์ตั้งสองปี จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ สู้ๆค่ะ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 17♡+ special scoop by Hearun [25/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 26-02-2017 00:17:25
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 17♡+ special scoop by Hearun [25/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 26-02-2017 09:20:10
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 17♡+ special scoop by Hearun [25/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: thyme812 ที่ 01-03-2017 02:55:01
 o13 o13
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 17♡+ special scoop by Hearun [25/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 01-03-2017 05:44:59
ไม่คิดว่ารันต์จะไม่ธรรมดา คือคิดตลอดว่ารันต์ฉลาด และค่อนข้างกล้าได้กล้าเสีย อิพี่ทศชั่ว เล่นแบบนี้เลยหรอ จริง ๆ รันต์หาข้อมูลใครเป็นเจ้าของโรงแรม แต่คงไม่ทันนึกเนอะ เพราะเป็นเราเราก็ไม่นึก น้องรันต์ไฟตืติ้ง อย่ายอมแพ้ อิพี่ทศนะ กลับมาเอาให้กระอัก เชื่อว่ารันต์ทำได้
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 17♡+ special scoop by Hearun [25/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: thyme812 ที่ 06-03-2017 00:37:23
 :sad4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 18♡+ special scoop by Thossakan [6/3/60]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 06-03-2017 20:14:51
ใจยักษ์ 18


“สอบเสร็จแล้วโว้ยยยยยยย!!!” ผลั๊วะ!!!

“เบาไอ้สัด อายคน” เมฆตบหัวอ๋องซะจนหน้าเกือบทิ่มพื้น

“ก็กูดีใจนี่หว่า อดหลับอดนอนมาหลายคืน” อ๋องลูบหัวตัวเองป้อยๆแก้ต่าง ก็แน่ดิอดหลับอดนอนเพราะเร่งอ่านไง

“ง่วงก็ไปนอนดิ” ผมบอกอ๋อง ตอนนี้พวกเรานั่งที่ม้าหินอ่อนใต้คณะครับ กำลังรอเก่งอยู่

“เมื่อไหร่ไอ้เก่งจะออกมาวะ แม่งไม่รู้จักเตรียม ลืมนั่นลืมนี่ตลอด เป็นเฮดภาษาอะไร” เมฆบ่นอย่างไม่จริงจังนัก

“อ้าว มึงให้มันยืมอะไรวะ” อ๋องถามเมฆอย่างสงสัยพลางดูดน้ำในมือไปด้วย

“นาฬิกา” แล้วมันก็แย่งน้ำจากมืออ๋องมาดูดต่อก่อนจะส่งมาทางผม ผมส่ายหน้าปฏิเสธ พอดียังไม่หิวน่ะครับไม่ได้รังเกียจเลย

“ก็เอาวันหลังก็ได้นี่หว่า มันแพงมากหรืองไงวะ?”อ๋องถาม

“แสนสอง พ่อกูให้ของขวัญวันเกิดกู จริงๆก็ไม่ได้กลัวมันเอาไปหรอกแต่มันบอกให้รอเอาวันนี้” อือฮึ เชื่อฟังดี

“แสดงว่ามันรู้ราคาอ่ะดิ” ผมว่าอย่างเดานิสัยเก่งออก เมฆพยักหน้ารับว่าใช่

“โทษทีมึง  กูทวนคำตอบอยู่” เก่งเดินลงมาจากตึกก่อนจะตรงดิ่งมาทางที่พวกเรานั่งกันอยู่

“ไม่รอช่วยเขาปิดห้องเลยล่ะ” แหนะ มีจิกเขา เก่งมันก็เบะปากให้เมฆหน่อยๆก่อนจะส่งคืนให้

“อ่ะ ขอบใจมาก” เมฆรับมายัดใส่กระเป๋าเสื้อไว้โดยไม่ได้ตรวจเช็คใดๆทั้งสิ้น

“แล้วนี่จะพากันไปไหนต่อ” เก่งถาม

“กูกับไอ้เมฆจะไปซ้อมบอลต่อ แล้วตอนเย็นจะไปฉลองสอบเสร็จ” อ๋องว่า ที่ฉลองก็คงไม่พ้นร้านเหล้าหรอกครับ

“แล้วมึงอ่ะไปไหนต่อ?” เก่งวกกลับมาถามผม

“กลับไปนอนดิ” ไอ้อ๋องอดนอนยังไงผมก็อดนอนอย่างนั้นครับเพราะติวให้แม่งไม่จบที่สแตทไง

“อ๋อ เคๆ แยกย้ายๆ วันจันทร์เจอกัน” วันนี้วันพฤหัสบดีครับ แล้วพวกเราก็พากันแยกย้ายไปคนละทาง ตอนแรกเมฆว่าจะแวะไปส่งผมก่อน แต่ผมไม่อยากให้มันขับรถกลับไปกลับมาเลยกลับเองดีกว่า  กลับห้องไปนอนเอาแรงก่อนเผื่อว่าเรื่องที่คิดไม่ตกจะหาทางออกได้
.
.
.
.
.
.

ที่นี่ที่ไหนวะ  ทำไมมีแต่หมอกควันเต็มไปหมด ผมเดินไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมายแม้แต่เส้นทางที่เดินยังมองไม่เห็น ผมเดิน เดินเร็วขึ้นอีก เร็วขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นวิ่ง จนกระทั่งผมเหนื่อยจนก้าวขาไม่ออก

แฮ่กๆๆๆ

‘เหนื่อยไหม’ ไม่เหนื่อยมั้งหอบขนาดนี้ อยู่ๆก็มีเสียดังขึ้นมาจากไหนไม่รู้ ผมแยกไม่ออกว่าเป็นเสียงผู้หญิงหรือผู้ชายด้วยซ้ำ

“ใครกัน...?” ผมพูดเบากับตัวเอง

‘จิตใต้สำนึกของเจ้านั่นแหละ’ อะไรวะนี่กูฝันอยู่หรอ

“ทำไมผมถึงมองไม่เห็นอะไรเลย”

‘เจ้ามองเห็นทุกอย่าง เพียงแค่มองข้ามจุดเล็กๆไปเท่านั้น หมอกควันพวกนี้ก็คือความคิดของเจ้า ที่มีมากมายแต่กลับไม่มีประโยชน์’ อะไรวะผมงง

‘เจ้าคงงง’ เออดิ เป็นใครไม่งงบ้างวะ

“ผมต้องทำยังไง”

‘ลองไม่ต้องคิดอะไรให้มากมายดูสิ ปล่อยวางลงซะ’ ผมหลับตาลง ไม่คิดอะไรทั้งนั้นเหมือนกำลังอยู่ในภวังค์ที่ล่องลอย ดวงตาผมลืมขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ผมกลับเห็นทุกอย่างชัดเจน เส้นทางที่เต็มไปด้วยขวากหนามมากมาย เนื้อตัวที่เต็มไปด้วยบาดแผลขีดข่วนจากหนาม เท้าทั้งสองข้างที่มีเลือดซึมออกมาไม่หยุด แปลกที่ตอนแรกผมไม่รู้สึกอะไรแต่ตอนนี้กลับเจ็บแสบไปทั้งตัว  ผมมองไปทางปลายทางที่มีแสงสว่างอยู่ไกลลิบๆ

ผมไม่รู้ว่านี่คืออะไร ไม่ว่าจะเป็นอภินิหารเหนือธรรมชาติหรือว่าผมมโนไปเอง แต่มันก็ทำให้ผมได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่างมากขึ้น ผมก้าวเดินผ่านหนามพวกนั้นด้วยความระมัดระวัง และปลายทางที่มีแสงสว่างนั่นคือจุดหมายของผม!

เฮือก!!! ฝันไปหรอวะ เดี๋ยวนี้กูมโนเก่งขนาดนี้แล้วหรอวะ แต่ถึงอย่างนั้นในฝันผมก็รู้สึกเหมือนเหนื่อยและเจ็บจริงๆ ดีนะที่ผมเดินไปถึงจุดหมาย

จุดหมายงั้นหรอ...ไม่หรอกมั้ง

ใจผมหล่นวูบไปอยู่ที่ตาตุ่ม เมื่ออยู่ๆความคิดบางอย่างมันก็แล่นแวบเข้ามาในหัว

เจค!!!...ขอให้ทันทีเถอะ!

Rrrr   Rrrr   Rrrr   Rrrr

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะการก้าวเดินอย่างเร่งรีบของผม ยิ่งเห็นเบอร์ที่โชว์หราบนหน้าจอก็ทำเอามือผมเย็นเฉียบไปหมด

“ว่าไง...”

(รันต์มึงต้องรีบมาหากูเดี๋ยวนี้) กูก็กำลังไปอยู่นี่ไง

“กูกำลังจะไป ใกล้ถึงแล้ว”

(เออ รีบๆมากูมีอะไรจะให้ดู)

“...อย่าบอกนะว่ามึงแก้ได้แล้ว” สองเท้าผมรีบเดินอย่างเร่งรีบ เห็นหอพักของเจคอยู่ตรงหน้าแล้ว

(ก็เออดิ มึงมีอะไรวะ!)

“บ้าเอ้ย!...มึงออกมาเปิดประตูห้องให้กูตอนนี้เลย” ติ้ด! ผมกดวางสายอย่างหงุดหงิด เป็นเพียงไม่กี่ครั้งที่ผมควบคุมตัวเองไม่อยู่

แกร็ก! ประตูห้องเจคแง้มออก ผมรีบสอดตัวเข้าไปในห้องด้วยความรวดเร็ว

“มึงเป็นอะไรวะรันต์ เกิดอะไรขึ้น” เจคถามผมด้วยความมึนงง

“เจค...กูขอโทษ กูคิดว่านี่อาจเป็นกับดักที่ทำให้เราต้องเปิดเผยตัวเอง” ผมพูดเสียงแผ่วอย่างรู้สึกผิด ถ้ามันเป็นอย่างที่ผมคิดจริงๆ คนที่เดือดร้อนที่สุดก็คือเจค

“ทุกอย่างมันแก้ไขได้เว่ย...มึงมาดูนี่ก่อน มันอาจเป็นสิ่งที่ยืนยันสันนิษฐานมึงได้ดี” เจคลากตัวผมไปนั่งลงที่หน้าจอคอม รัวนิ้วที่คีย์บอร์ดเพียงแปปเดียวก็ปรากฏไฟล์ขึ้นหลายไฟล์

“นี่เป็นไฟล์ภาพกล้องวงจรปิดที่กูกู้มาได้...ไฟล์นี้ที่ล็อบบี้โรงแรม” เจคบอกแล้วคลิกไปที่ไฟล์แรก เขารีภาพให้เร็วขึ้นอีกนิดก่อนจะปรับให้ดำเนินไปตามเวลาปกติ ภาพที่ผมเห็นคือผมโดนผู้ชายคนหนึ่งประคองเข้าไปที่ล็อบบี้ ผมไม่เห็นหน้าเขาตรงๆ เห็นแค่ด้านหลังกับด้านข้างเท่านั้น แต่แผ่นหลังใบนั้นมันดูคุ้นอย่างน่าประหลาด

“มีที่เห็นหน้าชัดกว่านี้ไหม” เจคไม่ตอบแต่คลิกไปที่อีกไฟล์หนึ่งแทนเป็นเวลาประมาณหกโมงเช้านิดๆ ภาพที่เห็นเป็นทางเดินยาว ก่อนประตูอีกฟากของกล้องวงจรปิดจะเปิดออกมา ผู้ชายคนที่ประคองผมเดินออกมาจากห้องด้วยท่าทีเรียบเฉย ยิ่งเขาเดินเข้ามาใกล้เท่าไหร่ ภาพใบหน้าเขาในกล้องก็ยิ่งชัดขึ้นเรื่อยๆใจผมยิ่งสั่นขึ้นอย่างไม่อาจควบคุม จนเมื่ออีกคนในภาพหยุดเดินแล้วเงยหน้าขึ้นมามองกล้องตรงๆ

ใบหน้าเฉยชาที่เห็นบ่อยครั้งจนชินชาทำเลือดในกายผมเย็นเฉียบ นัยน์ตาสีเขียวหม่นจ้องมองมาผ่านกล้องราวกับเขารู้ว่าผมกำลังมองอยู่ ริมฝีปากหนาแสยะยิ้มมุมปากให้ก่อนจะเดินผ่านกล้องไป

“มึงรู้จักเขาใช่ไหมวะ” เจคเอ่ยทำลายความเงียบ เรียกสติผมกลับมาอีกครั้ง หมัดผมกำเข้าหากันแน่นลุกขึ้นแล้วหันไปบอกเจค

“เจค มึงรีบไปเก็บของแล้วย้ายออกให้เร็วที่สุด เรื่องนี้กูจะรับผิดชอบเอง”

“รันต์ มึงมีอะไรทำไมไม่บอกกู กูจะช่วยมึงเอง!” เจคตะคอกใส่ผมอย่างเหลืออดที่ผมไม่ยอมบอกอะไรกับมัน

“เขาอันตรายกว่าที่เราคิด เราไม่รู้หรอกว่าเขาจะมาไม้ไหน แต่ตอนนี้สถานการณ์มึงเสี่ยงกว่ากูมาก หนีไปกบดานที่อื่นก่อน แล้วค่อยคุยกันอีกที” ผมพยายามตะล่อมอีกคนให้เข้าใจ ยังไงผมก็จะไม่ยอมให้เจคต้องมาเดือดร้อนเพราะผม เจคยืนมองนิ่ง ระหว่างเราเกิดความเงียบขึ้นนานมาก จนในที่สุดเจคก็เป็นคนเปิดปากก่อน

“ครั้งนี้กูจะยอมมึงก่อน แต่มึงรู้ไว้เลยว่ากูไม่ยอมให้มึงทำอะไรเสี่ยงๆคนเดียวแน่” เจคพูดเสียงแน่วแน่ ผมยิ้มให้มันก่อนจะพยักหน้ารับ ผมช่วยเจคเก็บของนิดหน่อยก่อนจะโดนมันไล่ให้กลับหอเพราะเดี๋ยวมันจะให้คนรู้จักมารับแล้ว

ผมเดินออกจากหอเจคอย่างลอยๆเลียบไปตามฟุตบาทเหมือนไม่รู้จะไปทางไหน ไม่รู้สิ ตอนนี้ผมสมองผมมันตื้อจนคิดอะไรไม่ออกเลย

ถ้าไม่ใช่เขา...มันจะเป็นยังไงวะ

กึก! รองเท้าหนังมันปลาบหยุดยืนขวางทางผมอยู่ข้างหน้า ทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นมองบุคคลที่สอง

“สวัสดีครับคุณรันต์ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ” บุคคลตรงหน้ากล่าวทักทายพร้อมยิ้มบางๆไปตามมารยาท ถ้าเป็นเวลาปกติผมคงยิ้มกลับคืนไปแล้ว แต่ครั้งนี้ผมกลับไม่มีอารมณ์ที่จะทำแบบนั้นเลยสักนิด

“ก็ไม่ได้นานจนผมลืมหน้าคุณหรอกครับ คุณบราวน์” รอยยิ้มบนใบหน้าสตีฟยิ่งกว้างขึ้นมากกว่าเดิมเมื่อผมไม่เล่นด้วย

“ท่าทางจะอารมณ์ดีกว่าปกตินะครับ พอจะมีเวลาว่างสักครู่ไหมครับ”

“ถ้าผมบอกว่าไม่” ผมยังคงน้ำเสียงนิ่งๆให้กับอีกคน

“ผมไม่คิดอย่างนั้นนะครับ” เอาเถอะ ถึงเขาไม่มา แต่ผมก็จะไปหาเขาเองอยู่ดี


+++++++++++++++++++++++++


ผมกลับมาที่นี่อีกแล้ว  น้ำตกที่เคยทำให้ผมสดชื่นทุกครั้งที่เห็นไม่ได้ช่วยให้ความรู้สึกผมตอนนี้ดีขึ้นเลยสักนิด  กลับกัน ผมยิ่งรู้สึกหดหู่ใจ ยิ่งก้าวเดินเข้าไปข้างในเท่าไหร่หัวใจผมเหมือนกำลังจะหยุดเต้นเข้าไปทุกที จนเมื่อโจเซฟพาผมมาหยุดอยู่ตรงผู้ชายที่พาดขาไปกับโซฟาตัวยาวนั่งดูโทรทัศน์อย่างสบายใจเฉิบ ดูมีความสุขซะจริง

“ไง J” คำทักทายพร้อมรอยยิ้มที่มุมปากที่เห็นได้ไม่บ่อยนักจากอีกคนส่งมาให้ผม

“…” ผมยังเงียบ คำพูดมากมายที่อยากพูดกลับไม่สามารถเปล่งมันออกไปได้สักคำ ตัวผมได้แต่ยืนนิ่งๆมองเขาอยู่อย่างนั้น

“นั่งก่อนสิ ยืนค้ำหัวผู้ใหญ่มันไม่มีมารยาทนะ” เขาว่าแกมสัพยอก

“ทำแบบนี้ทำไม” กว่าผมจะหาเสียงตัวเองเจอแล้วเอ่ยถามทศกัณฐ์ออกไป ตัวผมยังยืนนิ่งไม่ได้นั่งลงตามที่เขาบอก

“ทำอะไร?” เขายังทำหน้าไขสือใส่ผม

“เอาแหวนผมมา” ผมไม่ตอบแต่ทวงของสำคัญแทน

“ปรักปรำกันแบบนี้ ระวังล้มละลายนะ” เขายังบอกด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดี ทำให้เส้นความอดทนผมขาดผึงทันที

“เลิกทำเป็นไขสือสักที! คุณทำเลวระยำอะไรไว้ผมรู้หมดแล้ว บีบให้ผมวิ่งเต้น ต้องการอะไรก็พูดมา!” ผมจ้องตาเขาเขม็ง เกิดมายังไม่เคยทำแบบนี้กับใครเลยสักครั้ง แต่วันนี้มันสุดจะทนแล้วจริงๆ

“คืนนั้นมึงเรียกร้องเองนะรันต์” คำตอบเขาทำเอาร่างกายผมชาวูบ ผมรู้ตัวดีว่าตัวเองแทบจะไม่ได้ขัดขืนอะไรเลยเพราะยานรกนั่น แต่ที่ผมโกรธคือเขาเอาแต่ซ้ำเติมผมย้ำๆซ้ำๆให้ผมหยุดคิดไม่ได้

“แล้วจะทำไม? มันจบไปแล้ว เอาของๆผมคืนมา”

“มึงเป็นคนยังไงกันแน่รันต์” แทนที่เขาจะคืนของผมเพื่อให้เรื่องมันจบๆไป แต่กลับถามเฉไปเรื่องอื่น

“คุณเสือกอะไรด้วย ไม่ต้องมายุ่งเรื่องของผม” ตอนนี้ผมเหมือนไอ้บ้าที่ไร้เหตุผลไปทุกที

“โดยการทำตัวเป็นอาชญากรน่ะหรอ” ทศกัณฐ์ยืดตัวขึ้นนั่งไขว่ห้างแล้วตอกกลับผม

“...”

“แก้ตัวสิรันต์ว่าไม่ใช่”

“...” ผลพวงจากการกระทำในอดีตกำลังย้อนกลับมาทำร้ายผม

“จะให้กูบรรยายไหมว่าทำอะไรมาบ้าง มึงเก่งนะที่ทำได้ขนาดนี้ กูชื่นชมเลย แต่เก่งในทางที่ไม่ควรเก่ง” ทศกัณฐ์ยังร่ายยาวเรื่องราวผมไปเรื่อยๆราวกับสายน้ำ “ใครสั่งให้ทำ” คำถามสุดท้ายของทศกัณฐ์ยิ่งทำให้ผมก้มหน้านิ่งมือทั้งสองกำหมัดแน่นจนขึ้นข้อ

“...ผมทำเอง...” ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ผมก็คงเลือกที่จะทำเหมือนเดิม ผม...ไม่มีทางเลือก

“กูไม่อยากจะคิดว่ามึงหน้าเงินเลยจริงๆ ปากบอกว่าไม่อยากได้เงิน แต่ที่เคยทำมามันสวนทางกับการกระทำมึงนะ”

“คุณ...ไม่รู้อะไร...” ผมเค้นเสียงออกมาอย่างยากเย็น กระบอกตาผมร้อนผ่าว อย่านะรันต์ กลั้นมันไว้

“ใช่กูไม่รู้อะไร แต่ที่รู้ๆไอ้พวกที่เคยโดนมึงเอาของมันไปกำลังตามล่าตัวมึงอยู่ไง” ทศกัณฐ์ว่าเสียงนิ่ง

“ชีวิตของผม ถ้าผมจะต้องตายมันก็เป็นเรื่องของผม” ผมบอกกับอีกคนเสียงสั่นเครือ ก้มหน้านิ่ง

“ถ้ามึงตายคนเดียวโดยไม่เดือดร้อนคนอื่นก็ดีน่ะสิ ไม่คิดหรือไงว่าคนรอบข้างมึงจะคอยเดือดร้อนตามไปด้วย” สิ้นคำพูดของทศกัณฐ์สิ่งที่ผมพยายามอดกลั้นมาทั้งหมดก็พังทลายลงจนไม่เหลือสิ้นดี

เผาะ! เผาะ! เผาะ! น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลอาบแก้มร่วงลงพื้นอย่างห้ามไม่อยู่ ผมจะทำให้คนอื่นลำบากอีกแล้วหรอ ชีวิตผมเคยมีอะไรดีๆให้ใครบ้างไหมนะ หรือเป็นได้แค่ตัวภาระ ฮึก ผม...ถึงได้ไม่เหลือใครเลย...

ถ้าเกิดว่าเป็นคุณ...ถ้าเป็นคุณ คุณจะทำหรือเปล่า? โอกาสสุดท้าย...ที่คุณจะสามารถรั้งชีวิตคนที่คุณรักไว้ได้  สิ่งสุดท้ายที่จะสามารถทำให้คุณหายใจต่อได้ในแต่ละวัน ต่อให้ผม...ต้องเลวระยำแค่ไหน ต้องตกนรกอีกไม่รู้กี่ขุม หรือว่าผมต้องตาย...เพื่อแลก แลกกันกับชีวิตคนๆนั้น ถ้าทำได้...ผมก็จะทำ ทำทุกอย่างทุกอย่างจริงๆ

“ฮึก...ฮึก...” ยิ่งยกมือขึ้นปาดน้ำตามากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งไหลออกมาไม่หยุด เรื่องราวที่เคยเสียใจมามากมายปรากฏขึ้นมาในหัวราวกับพึ่งเกิด ผมไม่ชอบร้องไห้ เพราะมันคือช่วงเวลาที่ผมอ่อนแอและจบปวด น้ำตาไม่ได้ช่วยแก้ปัญหา แต่น้ำตาก็แสดงให้ผมเห็นว่าเรา...ยังมีความรู้สึก มีหัวใจที่ยังเต้นอยู่ แต่หัวใจอีกครึ่งหนึ่งของผมหยุดเต้นไปตั้งนานแล้ว ตั้งแต่...ที่เธอผู้เป็นที่รักของผมจากไป

“ผม...ฮึก...ไม่ได้ ฮึกๆ ให้คุณมาเข้าใจ...ฮึก ถึงผมจะหน้าเงิน ฮึกๆ ผม...ก็มีเหตุผลของผม...ไม่ได้อยากให้ใครมาตายด้วย ฮึก...” เหตุผลที่ผมไม่อยากพูดขึ้นมาให้ปวดใจอีก ให้อยู่แค่ในใจผมคนเดียว เท่านั้นพอ...

“กูมีข้อเสนอ ถ้ามึงยอม ทุกคนจะปลอดภัย ไม่เว้นแม้แต่เพื่อนแฮกเกอร์ใต้ดินของมึงด้วย” ผมเงยหน้าขึ้นมองทศกัณฐ์ผ่านม่านน้ำตา ถอดแว่นที่ขึ้นฝ้าเล็กน้อยออก ยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดน้ำตาตัวเอง พยายามกลั้นสะอื้นให้เบาลงที่สุด

“ข้อเสนอ ฮึก...อะไร?”

“มาเป็นเด็กกู” สิ้นเสียงทศกัณฐ์ ทำนบน้ำตาผมก็ไหลลงมาอีกระลอก นี่ผมกำลังจะกลายไปเป็นตัวอะไร ผมไม่ได้อินโนเซ้นท์ขนาดที่จะไม่รู้หน้าที่ของคำๆนี้ ผมคิดเป็นอย่างอื่นไม่ออกจริงๆ

“ไม่ได้จะให้ทำฟรีๆหรอกนะกูเลี้ยงมึงได้...ว่าไง?คนฉลาดอย่างมึงน่าจะรู้ว่าควรทำยังไง ถ้าตกลง ก็เริ่มตอนนี้เลย” ทศกัณฐ์บอกพร้อมรอยยิ้ม ราวกับมั่นใจว่ายังไงผมก็จะต้องตกลง

“นานแค่ไหน”

“ไม่รู้...คงไม่นาน ก็จนกว่าจะเบื่อนั่นแหละ” ทศกัณฐ์ว่ายักไหล่อย่างไม่ยี่หระ ผมก้าวเท้าไปประชิดทศกัณฐ์หลังตัดสินใจได้ เขาเงยหน้ามามอง แววตาฉายแววเจ้าเล่ห์

“ผมเกลียดคุณ!” เอ่ยบอกอีกคนก่อนจะโน้มหน้าลงไปใกล้อีกคนที่นั่งรออยู่ ผมหลับตาปี๋แล้วประทับริมฝีปากลงไปแนบสนิทกับริมฝีปากทศกัณฐ์ที่เงยหน้ารอรับไว้อยู่ก่อนแล้ว  ทันทีที่ริมฝีปากเราสองคนสัมผัสกันน้ำตาอีกหยดของผมก็อาบแก้มทันที มันย้ำเตือนว่าจูบนี้เต็มไปด้วยความเจ็บแค้นและขมขื่นแค่ไหน รสจูบของทศกัณฐ์เต็มไปด้วยความเร่าร้อนและหื่นกระหาย มือทศกัณฐ์เลื่อนปลดกระดุมเสื้อผมทีละเม็ดๆจนกระทั่งปลดออกหมดทุกรังดุม มือหนารั้งเอวผมให้ลงไปนั่งตักเขา ขาทั้งสองข้างของผมเกี่ยวเอวอีกคนไว้โดยอัตโนมัติ มือหนาสอดรั้งเอวผมให้แนบชิดกายหนายิ่งกว่าเดิม ริมฝีปากก็ยังแนบสัมผัสกันอย่างดูดดื่มโดยไม่ละออกจากกันแม้แต่น้อย ทศกัณฐ์ลุกขึ้นเดินโดยไม่ละจูบออก แขนผมรีบเกี่ยวคออีกคนตามสัญชาตญาณ ผมลืมตาขึ้นมองเห็นดวงตาสีเขียวหม่นทรงเสน่ห์มองอยู่ก่อนแล้ว ดวงตาเราใกล้กันมาก เขาทั้งเดินไปอุ้มผมไปแถมยังจูบกันอีกต่างหาก จุดหมายก็คงเป็นห้องที่ชั้นสอง ถึงผมไม่บอกก็คงพอเดากันออกนะว่าต่อจากนี้เรากำลังจะไปทำอะไรที่ห้องนั้น...ทำหน้าที่ที่พึ่งได้รับมาสดๆร้อนๆไงล่ะ


++++++++++++++++++++++++


อื้อ ปวดตัวชะมัดเลยว่ะ ตาก็ปวดจนแทบลืมไม่ขึ้น โดยเฉพาะบริเวณศีรษะที่ปวดตุบๆอย่างกับมีคนเอาค้อนมาตอกเลย ผมพยายามฝืนลืมตาขึ้นช้าๆ รู้สึกว่าลืมได้ไม่เต็มตานัก

“ตื่นแล้วหรอครับ อาการเป็นอย่างไรบ้างครับ” ผมหันไปข้างเตียงตามเสียงปรากฏเป็นสตีฟยืนอยู่ สายตาผมเหลือบกลับมามองตัวเองว่าโป๊อยู่ไหม โชคดีที่ผมใส่ชุดนอนเรียบร้อย ถึงจะเป็นผู้ชายเหมือนกัน แต่ถ้ามาโดนเห็นในสภาพนั้นผมว่ามันก็ไม่น่าดูเท่าไหร่หรอก

“ผมปวดหัว” น้ำเสียงที่เอ่ยออกไปนั้นแหบแห้งจนแทบไม่ได้ยิน จริงๆผมก็ปวดไปทั้งตัวนั่นแหละ

“คุณรันต์มีไข้น่ะครับ ทานข้าวต้มสักหน่อยนะครับ จะได้ทานยา” สตีฟบอกผมด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน สตีฟยกถ้วยข้าวต้มร้อนๆที่มีไอลอยกรุ่นอยู่มาทางผม แต่แค่ได้กลิ่นผมก็รู้สึกคลื่นไส้แล้ว

“เอาออกไป ผมไม่หิว เอาแค่ยามาก็พอ” ผมบอกสตีฟ หน้าตาผมก็คงแสดงความผะอืดผะอมอย่างเห็นได้ชัดเขาถึงได้ขยับตัวออกห่างเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่ไปไหน

“เอาออกไป!”น้ำเสียงผมแสดงถึงความวีนอย่างเห็นได้ชัด เวลาผมป่วยอารมณ์ผมมักจะแปรปรวนและหงุดหงิดง่าย ถ้าป่วยผมมักจะอยู่คนเดียวและดูแลตัวเอง ผมไม่อยากเหวี่ยงใส่สตีฟอีกจึงหันหลังให้แล้วเอาผ้าห่มคลุมโปงแม่งเลย ถึงแม้ว่าจะปวดหัวและร้อนตามตัวไปหมดก็ตาม สตีฟเงียบไปสักพักแต่ผมก็ไม่ได้เปิดผ้าออกไปดูว่าเขายังอยู่ในห้องไหม

“เอ่อ...คุณรันต์ครับ...” คราวนี้เป็นเสียงของโจเซฟ คนหนึ่งไม่ได้ผลก็คงจะผลัดกันมาสินะ

“ก็บอกว่าไม่หิวไง!!” ผมตะคอกบอกไปด้วยความหงุดหงิด จะเซ้าซี้อะไรนักหนาวะ ก็บอกอยู่ว่าไม่หิวๆ

“ไม่หิวก็ต้องกิน!....” พรึ่บ เสียงเข้มทศกัณฐ์ดังขึ้นเหนือหัวพร้อมแรงกระชากผ้าห่มออกจากตัวผม ร่างกายผมสั่นสะท้านด้วยความหนาวทันทีที่สัมผัสกับบรรยากาศภายนอกผ้าห่ม

“จะกินไหม” เขายังส่งเสียงนิ่งๆดุๆมาให้ ผมได้แต่กัดปากมองเขานิ่ง นึกแค้นใจที่ผมเป็นแบบนี้ก็เพราะมัน

“จะอ้วก ไม่อยากกิน” ผมเอ่ยบอกเขาเสียงแผ่ว เบนสายตาไปอีกทางเพื่อที่จะได้ไม่จ้องตากับเขา ผมรู้สึกว่าสู้ไม่ได้อย่างบอกไม่ถูก

“แล้วถ้าไม่กินข้าวจะได้กินยาไหม มันจะหายไหมล่ะไข้” เขาบอกด้วยเหตุผล คือผมก็รู้นะ แต่มันไม่หิวอ่ะ จะให้ทำไง ผมเหลือบสายตามองเขาก็เห็นเขาจ้องเม็งไม่ละสายตาเลย ผมเลยค่อยๆดันตัวเองนั่งพิงหัวเตียงแล้วเอ่ยต่อรองกับอีกคน

“สามนะ”

“ยี่สิบ” อีกคนตอบกลับอย่างรวดเร็ว

“ห้า” ผม

“สิบแปด” ยักษ์

“แปด”

“สิบห้า”

“สิบขาดตัว” ผมบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง แต่

“สิบสองขาดตัว” อีกคนเสียงดังเข้มกว่า ผมพรูลมหายใจด้วยความเหนื่อยใจ ไม่ได้พูดอะไรต่ออีก เป็นอันจบว่ายอมกินที่สิบสองคำ ทศกัณฐ์หันไปทำสัญญาณให้สตีฟเอาข้าวต้มมาให้ผม

“กินเองได้ใช่ไหม” ทศกัณฐ์ถามย้ำ ผมพยักหน้าแทนคำตอบ ตักข้าวประมาณปลายๆช้อนกำลังจะเข้าปากแต่ก็โดนอีกคนท้วงเอาไว้ก่อน

“ให้มันคำใหญ่ๆกว่านั้นหน่อย เต็มช้อนเลย” ผมได้แต่กรอกตาให้กับความเรื่องเยอะของอีกคน แต่ผมจะทำอะไรได้ล่ะนอกจากทำตามที่เขาบอก ผมฝืนกินไปได้ไม่กี่คำก็วางช้อน นอกจากจะไม่อยากกินอะไรแล้วผมยังเจ็บคอมากๆอีกด้วย กว่าจะกลืนไปได้แต่ละคำ

“...ขอน้ำ” สตีฟรีบยื่นแก้วน้ำมาใกล้ โดยถือไว้ให้แล้วให้ผมดูดน้ำเองอย่างเดียว

“กินอีกหน่อยสิ พึ่งกินไปได้นิดเดียวเอง” ทศกัณฐ์ที่ยืนอยู่ข้างๆสตีฟเอ่ยบอก
                                                                      
“ไม่ไหวแล้ว น้องเจ็บคอ” ทศกัณฐ์นิ่งไปเลย ผมก็พึ่งรู้ตัวว่าเผลอพูดแทนตัวเองด้วยความเคยชิ

“งั้นคำสุดท้าย” ทศกัณฐ์บอกพร้อมตักข้าวต้มคำใหญ่มาจ่อที่ปากผมเอง ผมเลยจำใจอ้าปากกินในที่สุด จากนั้นเขาก็ให้ผมกินน้ำกินยา พอกินเสร็จผมก็สไลด์ตัวลงกับเตียงแบบพร้อมจะนอนต่อแล้ว ทศกัณฐ์จึงเอาผ้าห่มที่เขากระชากออกไปมาคลุมตัวให้

“นอนพักผ่อนซะ” เขาบอกแล้วลูบหัวผมเบาๆสองสามทีก่อนที่จะพากันยกโขยงออกจากห้องไป ไม่นานผมก็หลับไปในที่สุด
.
.
.
.
.
.
.
.
.

“สวัสดีครับคุณรันต์ เช้านี้คุณจะรับอะไรดีครับ” สตีฟกล่าวทักทายเมื่อเห็นผมเดินลงมาจากชั้นบน อ่อวันนี้วันอาทิตย์ครับ ผมเพิ่งจะสร่างไข้หลังจากที่นอนซมมาสองวันติด

“ไม่เอาข้าวต้ม” กินแม่งทุกคาบตั้งแต่ป่วยอ่ะ  แค่เอ่ยชื่อก็เบื่อจนแทบไม่อยากอาหารแล้ว

“งั้นอเมริกันเบรคฟาสแล้วกันนะครับ” สตีฟบอกก่อนที่จะเดินไปทางห้องครัว เขาก็ทำอาหารเป็นอยู่นี่หว่า ผมนั่งดูทีวีรอสตีฟได้สักพัก ก็ได้ยินเสียงติ๊ดแล้วก็เสียงเปิดประตูจากหน้าห้อง ผมไม่ได้หันไปดูว่าใครมา ยังคงจดจ่ออยู่กับการ์ตูนช่องบูมอยู่

ฟุ่บ! เสียงโซฟาข้างกายยวบลงบ่งบอกว่ามีคนนั่น หางตาผมชำเลืองมองก็เห็นว่าเป็นทศกัณฐ์อย่างที่คิด

“หายไข้แล้วหรอ?” เขาเอ่ยทำลายความเงียบ(เมื่อคืนเขาออกไปข้างนอกแล้วไม่ได้กลับมา จนถึงเมื่อกี้) ผมเพียงพยักหน้าไม่ได้ตอบอะไร ตาก็มองดูการตูนอยู่ บัคบันนี่ฉลาดจัง

หมับ! เหมือนคนข้างๆจะทนความเฉยเมยของผมไม่ไหว เขาคว้าหมับเข้าที่คางรั้งใบหน้าผมให้หันไปเผชิญหน้ากับเขาตรงๆ คิ้วเข้มขมวดจนแทบจะชนกัน

“นี่กูกำลังพูกับเด็กใบ้อยู่หรอ” ผมขมวดคิ้วบ้างเมื่อได้ยินคำพูดเขา ใบหน้าเริ่มงอง้ำอย่างไม่รู้ตัว แต่พอผมจะเอ่ยปากตอกกลับไป ทศกัณฐ์กลับโฉบริมฝีปากมาแนบสนิทกับริมฝีปากผมอย่างรวดเร็ว ลิ้นร้อนที่ได้โอกาสสอดเข้ามาเกี่ยวพัน ลากไล้ลัดเลาะไปตามแนวฟัน ดูดดึงลิ้นลงหนักสลับเบาจนผมเบลอไปหมด เขาจูบผมนานมากจนผมแทบจะหมดลมหายใจจึงผละออกแล้วประทับจูบลงใหม่ซ้ำๆ ราวกับว่าเข้าจะลงโทษที่ผมดื้อใส่อย่างไรอย่างนั้น

“จุ๊บ...อื้อออ...พอ...อ๊ะ!” ผมพยายามห้ามปรามหลังปล่อยเขาจูบอยู่นาน เมื่อมันชักจะเลยเถิดไปไกลกว่าที่คิด มือหนาทศกัณฐ์ตอนนี้วนเวียนอยู่แถวบั้นท้ายผมซะแล้ว

ครั้งก่อนพึ่งจะหายปวด นี่ผมจะโดนซ้ำอีกแล้วหรอ!


++++++++++++++++++++++++++++

ขอโทษที่สาย ช่วงนี้เปรมอ่านหนังสือสอบฮับ หลังสอบเสร็จคงมาได้ถี่ขึ้น ฮี่ๆ :katai3:


special scoop ต่อreply ถัดไปฮับ :katai5:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 18♡+ special scoop by Thossakan [6/3/60]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 06-03-2017 20:31:43
Special  scoop by Thossakan

YINGPREM : สวัสดีค่ะทศกัณฐ์  วันนี้ได้มีโอกาสคุยกันสักที

ทศกัณฐ์ : สวัสดีครับ

YINGPREM : เข้าคำถามแรกเลยนะคะ ชื่อทศกัณฐ์ นี่ใครเป็นคนตั้งให้อย่างนั้นหรอคะ

ทศกัณฐ์ : พ่อ

YINGPREM : อ่อ มีความหมายอะไรพิเศษไหมคะ

ทศกัณฐ์ : จริงๆทศกัณฐ์คือชื่อเล่น เขาบอกว่าเป็นยักษ์ที่มีพลังอำนาจมากมาย แม้ว่าจะเป็นตัวร้าย ที่สำคัญข้อดีที่เขาชอบทศกัณฐ์มากที่สุดคือเป็นคนที่รักเมียมากนะ ผมก็ไม่รู้หรอกว่าจริงไหม

YINGPREM : ว้าววว แล้วพี่ทศรักเมียไหม(เนียนเลยกู)

ทศกัณฐ์ : ถ้าขึ้นชื่อว่าเมีย ก็คงรักแล้วล่ะ

YINGPREM : แล้วมีเมียรึยังคะ//สนใจเปรมไหม(คิดในใจ)

ทศกัณฐ์ : หึ รอดูกันเอาเอง

YINGPREM : มีเล็งๆใครว่าเป็นพิเศษรึเปล่า

ทศกัณฐ์ : ก็มองอยู่

YINGPREM : เคยมีแฟนมาแล้วกี่คนคะ?

ทศกัณฐ์ : ไม่มี

YINGPREM : โอ้ ไม่น่าเชื่อนะเนี่ย...เคยเจอน้องรันต์มาก่อนรึเปล่า

ทศกัณฐ์ : หมายถึง?

YINGPREM : ก่อนที่รันต์จะไปช่วยพี่ทศที่ซอกตึกนั่นไงคะ

ทศกัณฐ์ : ไม่ตอบได้ไหม

YINGPREM : พลีสสสสสสสสสสสส

ทศกัณฐ์ : เรื่องบังเอิญอาจมีอยู่บนโลกนี้ก็ได้ J //ฉีกยิ้มมุมปากบาดใจ

YINGPREM : ทำไมถึงชอบบังคับแล้วก็ใจร้ายกับน้องจัง

ทศกัณฐ์ : ก็มันน่าแกล้ง

YINGPREM : ไม่ใช่ม้างงง...ขออนุญาตถามตรงๆเลยชอบรันต์รึเปล่า?

ทศกัณฐ์ : ผมเกลียดสตอเบอร์รี่

YINGPREM : ??แล้วชอบอะไร?

ทศกัณฐ์ : ก็...สตอเบอร์รี่ล่ะมั้ง

YINGPREM : อ้าว...อาหารรสมือรันต์เป็นยังไงบ้าง

ทศกัณฐ์ : กินได้//ปากแข็งชัดๆ

YINGPREM : ถ้ารันต์เป็นผู้หญิง น้องเหมาะจะเป็นแม่ของลูกไหม

ทศกัณฐ์ : ผมไม่คิดว่าผมจะมีลูกนะ

YINGPREM : หืมมมมมมม คิดว่ารันต์เวอร์ชั่นเมาเป็นเป็นยังไง

ทศกัณฐ์ : เหล้าแพงแค่ไหนผมก็จะซื้อ

YINGPREM : มีคนบอกว่าเรื่องนี้แฟนตาซีหรอ?

ทศกัณฐ์ : หึๆ ผมบินไม่ได้นะถ้าไม่ได้นั่งเครื่องบิน //กวนตีน

YINGPREM : ดูท่าทางพี่ทศไม่น่ามารู้จักกันกับพี่สมิธได้นะ เป็นเพื่อนกันได้ยังไงคะเนี่ย

ทศกัณฐ์ : สถารการณ์มันบีบบังคับน่ะ

YINGPREM : มีพี่น้องไหมคะ?

ทศกัณฐ์ : มีพี่ชายคนละแม่ครับ

YINGPREM : สภาพร่างกายตอนนี้เป็นยังไงบ้างคะ

ทศกัณฐ์ : ผมมีโรคประจำตัวที่ยังรักษาไม่หายอยู่น่ะ

YINGPREM : เฮ้ยยยยยย แล้วอันตรายรึเปล่า

ทศกัณฐ์ : มันก็แล้วแต่คนจะคิดนะ

YINGPREM : สุดท้ายนี้อยากฝากอะไรถึงคนที่อยู่ทีมพี่ทศไหมคะ

ทศกัณฐ์ : ขอบคุณที่ติดตามครับ

YINGPREM : ขอบคุณมากนะค่า

ทศกัณฐ์ : ครับ...


+++++++++++++++


ปอลอลิง อยากลงรูปอิมเมจพี่ทศแต่ลงไม่ได้ คราวหลังแล้วกันนะคะ :m16:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 18♡+ special scoop by Thossakan [6/3/60]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 06-03-2017 20:49:55
อิพี่รันต์ปากแข็ง อยากให้น้องมาอยู่ใกล้ๆล่ะสิ ถึงบอกให้มาเป็นเด็กน่ะ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 18♡+ special scoop by Thossakan [6/3/60]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 06-03-2017 21:13:19
อยากรู้จังว่ารันต์ทำงานอะไร พี่ทศก็อย่าใจร้ายกับน้องนักสิ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 18♡+ special scoop by Thossakan [6/3/60]
เริ่มหัวข้อโดย: จอมจุ้น6002 ที่ 06-03-2017 21:24:27
บวกเป็ดให้ก่อน เดี๋ยวมาอ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 18♡+ special scoop by Thossakan [6/3/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 06-03-2017 21:35:43
ตื่นเต้น น้องรันต์ น่ารักไปอีก อิพี่ทศก็กวนตีนไปอีก ขอให้สอบได้ A ทุกวิชาเลยนะคะ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 18♡+ special scoop by Thossakan [6/3/60]
เริ่มหัวข้อโดย: FonJuz ที่ 06-03-2017 21:50:41
โอววววว .พี่ทศ กะ น้องรันต์
ดีใจมากๆ ได้อ่านแล้วว
คือน้องรันต์ เป็น เด็กพี่ทศ งื้อออ ~
เหมือนมันจะมีอะไรบางอย่าง แต่ก็ฟินน
น้องรันต์ดูมี ปมไรอ่ะ หรือเราพลาดอะไรไป เอ๊ะ
 
ช่วง special scoop พี่ทศดูกวงตีงง น่าหมั่นไส้ 555
รักน้องรันต์เหมือนเดิม รักคนเขียนด้วย สู้ๆนะคะ

หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 18♡+ special scoop by Thossakan [6/3/60]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 06-03-2017 21:57:18
พี่ทศเบามือหน่อย น้องป่วยเลยเห็นไหมเนี่ย

ปล. เจอ "น้อง" แอทแทคเข้าไป...อึ้งเลยเนอะ ฮาาาาา
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 18♡+ special scoop by Thossakan [6/3/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 06-03-2017 22:04:46
น้องรันต์โดนบีบให้เป็นเด็กเสี่ยซะแล้ว ตอนแทนตัวว่าน้องนี่พี่ทศดูจะยอมได้ทุกอย่าง
เอาดีด้านสายอ้อนเถอะลูก

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 18♡+ special scoop by Thossakan [6/3/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 06-03-2017 22:15:22
อดีตของรันต์ รันต์ร้าย :katai1:
สืบความลับคนมีอิทธิพล แล้วแบล็กเมล์เหรอ
เอาเงินไปรักษาโรคร้าย คนในครอบครัวที่ตัวเองรัก
ทศกัณฐ์ เลือกรันต์ เพราะเริ่มหลงรันต์แล้วใช่ปะ
จะมีเด็กของตัวเอง คนที่อยากเป็นเด็กทศกัณฐ์เยอะแยะ
ทั้ง เก่ง หล่อ รวย ดังสุดๆ ทั้งหญิง ชาย แต่ทศ มาเลือกรันต์
พอรันต์แทนตัวเองว่าน้อง ก็หยุดบังคับให้กินข้าว
ก่อนหน้านี้ก็ดูจะหวงรันต์ที่สนิทกับเมฆ
รอจนเบื่อ ถึงจะปล่อย รันต์คงท้องก่อนแล้ว
ใครจะหลง ใครจะเบื่อ ไว้รอดูกัน
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 18♡+ special scoop by Thossakan [6/3/60]
เริ่มหัวข้อโดย: จอมจุ้น6002 ที่ 06-03-2017 22:24:07
สงสารน้อง  :m15:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 18♡+ special scoop by Thossakan [6/3/60]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 06-03-2017 22:30:09
 :ped149: :ped149: :ped149: :ped149: :ped149:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 18♡+ special scoop by Thossakan [6/3/60]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 06-03-2017 23:01:31
 :katai4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 18♡+ special scoop by Thossakan [6/3/60]
เริ่มหัวข้อโดย: pearlypear ที่ 06-03-2017 23:11:47
อิพี่ทศบ้าาาาา ทำร้ายรันต์ได้ไง>< งืออออออออออ :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 18♡+ special scoop by Thossakan [6/3/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 06-03-2017 23:37:23
ชอบๆๆติดตามต่อไปค่ะ :mew2:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 18♡+ special scoop by Thossakan [6/3/60]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 06-03-2017 23:46:58
 :katai3:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 18♡+ special scoop by Thossakan [6/3/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 06-03-2017 23:52:19
 :m31:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 18♡+ special scoop by Thossakan [6/3/60]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 07-03-2017 00:55:11
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 18♡+ special scoop by Thossakan [6/3/60]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 07-03-2017 01:05:08
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 18♡+ special scoop by Thossakan [6/3/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Banabananabi ที่ 09-03-2017 00:52:09
สงลูกอ่ะ หนูรันต  :sad4:  :o12:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 18♡+ special scoop by Thossakan [6/3/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Laliat ที่ 09-03-2017 04:52:39
 :z13:  สอบเสร็จไวๆ โชคดีๆ แล้วมาอัพไวๆน้า
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 18♡+ special scoop by Thossakan [6/3/60]
เริ่มหัวข้อโดย: mirage ที่ 09-03-2017 08:38:26
รัตน์หนูไปทำอะไรมา เหมือนเรื่องมันเดินปุปปั๊บ เอ๊ะ! หรือเราตามไม่ทันเอง

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 18♡+ special scoop by Thossakan [6/3/60]
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 09-03-2017 17:00:42
สนุกค่ะ  เพิ่งเข้ามาอ่าน อ่านรวดเดียวเลย เปน กลจ ให้คนเขียนค่า
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 18♡+ special scoop by Thossakan [6/3/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 09-03-2017 19:18:14
 :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 18♡+ special scoop by Thossakan [6/3/60]
เริ่มหัวข้อโดย: itsgonnabeme ที่ 15-03-2017 07:48:51
เอ้อวววววว
เป็นเด็กพี่ทศก็เป็นเด็กพี่ทศเนอะ
ขอให้ดำรงตำแหน่งนี้ตลอดไปเลยนะน้องรันต์

เปิดใจคนละนิด ลดทิฐิลงอีกหน่อย
รับรองความสุขอบอวลเลยล่ะ

เป็นกำลังใจให้คนเขียนเสมอนะคะ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 18♡+ special scoop by Thossakan [6/3/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 15-03-2017 21:34:55
 :hao6: :hao6: :hao6:

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 18♡+ special scoop by Thossakan [6/3/60]
เริ่มหัวข้อโดย: PKT ที่ 19-03-2017 16:11:17
ชอบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 18♡+ special scoop by Thossakan [6/3/60]
เริ่มหัวข้อโดย: normalplayer ที่ 20-03-2017 01:04:31
รับรองว่างานนี้พี่ทศคงเบื่อน้องรันต์ยากแน่ๆ
ทำใจนะลูก...รันต์ คนนี้คงหนียาก  :hao3:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 19♡ [23/3/60]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 23-03-2017 16:51:32
ใจยักษ์ 19


“อาหารเสร็จแล้วครับ เอ่อ…ขอโทษครับ” เสียงสตีฟดังมาจากทางด้านหลัง คาดว่าเขาคงออกมาตามผมน่ะครับ คงไม่คิดว่าจะออกมาเจอภาพที่เจ้านายตัวเองนัวเนียกับผู้ชายอีกคนอยู่ แต่ทศกัณฐ์ก็ผละริมฝีปากของเขาออกช้าๆราวกับไม่สนใจว่าใครจะมาเห็น เขามองผมนิ่งๆอยู่พักใหญ่ก่อนจะเอ่ยปากขึ้น

“กินเสร็จแล้วไปอาบน้ำนะ จะพาออกไปข้างนอก”

“ไม่ไป” ผมโพล่งออกไปอย่างรวดเร็ว ไม่อยากไปไหนทั้งนั้นแหละ เดี๋ยวคนรู้จักมาเห็นเข้าแล้วจะยุ่ง

“ใครขอความเห็น?แค่บอกให้ทำตาม”เขาขยี้หัวผมจนยุ่งเหยิงไปหมด ผมได้แต่ปัดมือเขาออกอย่างหงุดหงิดก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินหนีไปทางครัวโดยไม่สนใจเขาอีก ผมเดินเข้ามานั่งลงที่โต๊ะทานข้าว สตีฟนำอาหารมาเสริฟให้ ผมลงมือทานเงียบๆ สตีฟก็ยืนอยู่ด้านหลังเงียบๆเช่นกัน เมื่อผมทานอาหาเสร็จเรียบร้อยก็กะจะลุกเอาจานไปล้างแต่อีกคนที่ยืนอยู่ก็เข้ามาขวางซะก่อน

“เป็นหน้าที่ของผมครับ เชิญคุณรันต์ที่ด้านนอกดีกว่า” สตีฟบอกก่อนจะดึงจานออกจากมือผมเบาๆ

“ปกติผมก็ทำประจำนะ” ผมบอกเขางงๆ ไอ้เรื่องทำความสะอาดครัวล้างจานชามมันหน้าที่เบ๊หลักของผมเลยเถอะ แล้วผมก็ไม่ใช่คนงอมืองอเท้าที่หยิบจับอะไรไม่เป็นซะหน่อย มาอยู่ที่ของเขาก็ต้องทำอะไรตอบแทนบ้าง

“แต่ตอนนี้คุณรันต์ไม่ได้อยู่ในสถานะที่ต้องมาทำอะไรแบบนี้แล้ว คุณคงรู้ดี” สตีฟพูดด้วยรอยยิ้มประจำของเขาแต่ทำเอาผมสะอึกคำใหญ่เลย

“หรอ” ผมครางออกมาเบาๆแล้วเดินออกจากครัวนิ่งๆ เขาคงไม่ได้เหน็บผมหรอกแต่คำพูดนี่ก็ทำเอาผมไปไม่เป็นเหมือนกัน

แค่คู่นอนเจ้านาย ดูแลกันขนาดนี้เชียว? ถ้าเป็นแฟนนี่จะขนาดไหนกัน…

ผมเดินขึ้นมาบนชั้นสองเปิดประตูเข้าไปในห้องเจอทศกัณฐ์เดินนุ่งผ้าขนหนูผืนเดียวออกจากห้องน้ำพอดี เขาปรายตามองผมนิดๆก่อนจะเดินไปที่ห้องแต่งตัวที่เชื่อมกับห้องนอน ผมยักไหล่แล้วเข้าห้องน้ำไปทำธุระส่วนตัวบ้าง พอออกมาจากห้องน้ำก็ไม่เห็นทศกัณฐ์แล้ว คงอยู่ที่ห้องแต่งตัวไม่ก็ลงไปชั้นล่างแล้ว ผมเดินไปที่ห้องแต่งตัวปรากฏว่าไม่มีใครอยู่ เลยเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าบิวท์อินฝั่งซ้ายสุดในห้องแต่งตัวซึ่งแบ่งออกเป็นสามส่วน ซึ่งช่วงตรงกลางและขวาของตู้เป็นเสื้อผ้าของทศกัณฐ์ที่แบ่งไว้เป็นสัดส่วน ภายในห้องโล่งกว้างมีกระจกบานใหญ่เต็มด้านหนึ่งของผนังห้องตั้งแต่พื้นจรดเพดาน อีกด้านก็จะเป็นตู้บิวท์อินที่เก็บพวกเครื่องแต่งตัวต่างๆของเขาเต็มไปหมด  ผมเลือกหยิบเสื้อผ้าชุดใหม่ที่พวกเขาจัดเตรียมไว้ให้มาใส่อย่างไม่มีทางเลือกนัก

“ช้า” ทันทีที่เท้าผมแตะพื้นชั้นล่างเสียงตำหนิจากอีกคนที่นั่งโซฟาอยู่ก็เอ่ยขึ้น ผมมองเขานิ่งแล้วยักไหล่ไม่สนใจ

“ใครขอให้รอล่ะ ผมไม่เต็มใจจะไปอยู่แล้ว” ผมตอกกลับอย่างไม่ยอมแพ้

“ไปกันได้แล้ว ไม่ต้องพูดมาก” ทศกัณฐ์ลุกขึ้นและเดินนำออกไป ผมได้แต่ถลึงตาตามหลังเขา อย่าให้ถึงทีผมบ้างแล้วกัน


+++++++++++++++++++

Aston Martin DB11 จอดสนิทในซองสำหรับรถซุปเปอร์คาร์ของห้างดัง ที่จอดข้างๆกันก็แลมโบกินี่ตัวท็อป เบนซ์สปอร์ต รถสปอร์ตแพงๆเรียงกันเป็นตับ คนไทยนี่ก็รวยกันจริงๆ  แต่จริงๆลักษณะนิสัยอย่างทศกัณฐ์เขาก็น่าจะเป็นคนที่ชอบความเร็วอะไรแบบนี้นะ แต่กลับไม่มีรถพวกแลมโบ อัลฟาโรมิโอ เฟอร์รารี่ อะไรแบบนี้เลย

“นี่ ทำไมคุณไม่ซื้อพวกรถแข่งแรงๆอะไรแบบนี้มาขับล่ะ ท่าทางคุณก็น่าจะชอบไม่ใช่หรือไง” ผมเอ่ยปากถามอีกคนขณะที่เขากำลังปลดเบลล์อยู่ ทศกัณฐ์เลิกคิ้วมองงงๆก่อนจะปลดเบลล์ให้ตัวเองและผม

“แล้วคันนี้มันไม่ดีหรือไง?”เขาถามกลับ

“ก็ดี แต่ไม่ค่อยเห็นคนขับ” จริงๆก็ยังไม่เห็นใครขับรุ่นเดียวกับเขาในกรุงเทพหรอก แต่ผมไม่รู้จะให้เหตุผลอะไรกับเขาจริงๆ คันนี้ที่ผมนั่งอยู่ในไทยก็น่าจะสิบยี่สิบล้านขึ้น

“หึ กูแค่ชอบเลยซื้อมาขับ ไม่ได้จะซื้อมาอวดใคร ที่เห็นไม่ค่อยมีใครขี่ก็เพราะมันยังไม่ได้ผลิตออกมาเยอะ คันนี้กูสั่งเข้ามาเอง” เขาบอกพร้อมขยี้หัวผมเบาๆ ผมกูยุ่งอีกละ “ทำไม?อยากได้รถพวกนี้หรอ” เขาถามต่อหลังเอามือออกจากศีรษะผม

“ก็ถ้าบอกว่าอยากได้ จะให้ไหมล่ะ”ผมจ้องตาเขาอย่างท้าทาย ทศกัณฐ์จ้องตาผมคืนมุมปากเขากระตุกยิ้มขึ้น ก่อนจะโน้มตัวลงมาใกล้จนได้ยินแม้กระทั่งเสียงลมหายใจของกันและกัน

“แลกกับอะไรล่ะ?” เขาจ้องผมด้วยสายตาที่ติดจะเจ้าเล่ห์ ผมระบายยิ้มคืนให้อย่างไม่ยอมแพ้

“แล้วอยากได้อะไรล่ะ” ผมเอ่ยกระซิบเสียงเบา ปลายนิ้วลากไล้ไปตามแนวกรามเขาอย่างอ้อยอิ่ง ทศกัณฐ์นิ่งไปนิดก่อนจะเคลื่อนริมฝีปากมาแนบสัมผัสกับริมฝีปากผมช้าๆแล้วแปรเปลี่ยนสัมผัสเป็นเร่าร้อนขึ้นเรื่อยๆจนร้อนระอุไปทั่วทั้งรถ

ผมไม่มีอะไรต้องกลัวอีกแล้ว ผมสูญเสียทุกอย่างไปแล้ว จากนี้ไปผมจะดับเครื่องชนโดยไม่สนอะไรทั้งนั้น ผมสัญญา…เขาจะต้องชดใช้ให้ผมอย่างสาสม
.
.
.
.
.
.
.

“จะเอาเรือนไหน”ทศกัณฐ์ถามพร้อมยกแขนผมลองนาฬิกาทั้งสองเรือนที่เขาเลือกไว้

“สีดำ”

“สีซิลเวอร์ดีกว่า กูชอบ” เขาบอกก่อนจะถอดเรือนสีดำออก แล้วจะถามกูทำไมวะ

“ผมเอาเรือนนี้กับเรือนนี้”ทศกัณฐ์หันไปบอกพนักงาน เขาชี้เรือนที่เขาบอกว่าชอบและอีกเรือนสีน้ำที่เลือกไว้ก่อนหน้านี้

“สำหรับลูกค้า VIP ลด15%...ทั้งหมด 249,000 บาทถ้วนค่ะ” พนักงานบอกด้วยรอยยิ้ม ผมตาโตด้วยความอึ้ง นาฬิกาแค่สองเรือนฟาดไปเป็นแสนเลยหรอวะ โอเคดูจากร้านผมก็พอรู้ว่าอาจจะแพง แต่ไม่คิดว่าจะเป็นแสนขนาดนี้ไง ทศกัณฐ์หยิบกระเป๋าเงินก่อนจะหยิบบัตรสีดำออกมาส่งให้พนักงาน ผมมีโอกาสได้เห็นบัตรของเขาชัดๆเป็นครั้งแรก ตอนนี้ผมไม่แปลกใจแล้วล่ะว่าทำไมเขาถึงใช้จ่ายเงินเหมือนน้ำราวกับว่าบ้านผลิตแบงค์ใช้เอง เขาทำงานอะไรกัน…

หลังจากที่ออกจากร้านนาฬิกาทศกัณฐ์ก็พอผมเข้าร้านนู่น ออกร้านนี้เป็นว่าเล่น ดีหน่อยที่บางส่วนเขาให้ส่งไปให้ที่คอนโด แต่ของก็ยังเต็มมือของเราทั้งคู่อยู่ดี

“นี่!ผมเหนื่อยแล้วนะ จะซื้ออะไรนักหนาทำอย่างกับคนไม่เคยเดินช็อปปิ้ง” ผมบ่นอย่างหงุดหงิดเมื่อเขากำลังจะตรงดิ่งเข้าไปอีกร้าน ล้าไปทั้งแขนและขาแล้วผม

“ใช่ มึงรู้ได้ยังไงว่ากูไม่เคยเดินช็อปปิ้ง นี่ครั้งแรกเลย” เขาบอกด้วยน้ำเสียงแปลกใจ

“ว่าไงนะ!” ผมอุทานอย่างไม่อยากจะเชื่อ

“ปกติเสื้อผ้าจะสั่งตัดแล้วเขาจะเอามาส่งเอง ของอย่างอื่นก็เลือกไว้เดี๋ยวเจฟกับสตีฟก็ไปหามาให้” มึงนี่คุณชายตัวจริงเลยนี่หว่า

“แล้วจะมาเดินเองทำไมให้เหนื่อย ทำเหมือนเดิมก็ดีแล้วนี่”

“ก็…อยากลองเปลี่ยนบรรยากาศ” เขาบอกแล้วมองไปอีกทาง

“เฮ้อ…เอาเถอะ แต่ผมว่าซื้อแค่นี้ก็พอแล้วล่ะมันเยอะแล้ว หรือถ้าคุณยังจะซื้ออีกผมขอนั่งรออยู่แถวนี้” ผมบอกเขาเหนื่อยๆ วันนี้เขาหมดไปเป็นล้านได้แล้วมั้ง

“ร้านนี้ร้านสุดท้ายแล้ว” ทศกัณฐ์บอกอย่างไม่สำนึกก่อนจะลากผมเข้าร้านที่อยู่ตรงหน้าอย่างอารมณ์ดี(?)

“นั่งรอตรงนี้ก่อน เดี๋ยวมา” พอเราเดินเข้ามาในร้านทศกัณฐ์กดไหล่ให้ผมนั่งรอที่โซฟา เขาวางข้าวของไว้กับผมก่อนจะเดินหายเข้าไปด้านใน รู้สึกว่าร้านนี้จะขายชุดสปอร์ต และรองเท้าสำหรับเล่นกีฬา เวลาผ่านไปพักใหญ่ทศกัณฐ์ก็เดินออกมาพร้อมรองเท้ากีฬาในมือ3คู่ ข้างหลังเขาก็เป็นพนักงานหญิงเดินตามมาอีกสองคน

“ลองดูสิ” ทศกัณฐ์นั่งลงข้างๆ เขาวางรองเท้าทั้งสามคู่ไว้ที่ปลายเท้าผม ผมมองเขางงๆ

“จะซื้อให้ผมหรือไง” เลิกคิ้วถามกวนๆ

“ถอดรองเท้าออก”เขาว่าดุๆกลับมาแทน ผมขี้เกียจต่อปากต่อคำก็เลยก้มลงไปแกะเชือกรองเท้าผ้าใบ แต่เหมือนจะเกิดปัญหาแล้วล่ะเพราะปมเชือกที่ผมผูกไว้ดันพันกันแน่นจนแกะไม่ออกเลย ผมยื้อยุดกับมันอยู่สักพักก็ได้ยินเสียงถอนหายใจจากคนข้าง เขาก้มลงมาช่วยผมแกะแต่ก็เหมือนจะไม่เวิร์คนะ

“จิ๊!” เขาสบถด้วยความหงุดหงิดแล้วก็ยกขาผมขึ้นพาดตักตัวเองเฉยเลย

“เฮ้ย! ทำบ้าอะไรวะ!” ผมพยายามดึงขาออกจากมือเขา แต่อีกคนกลับดึงไว้ซะแน่น

“เฉยๆดิ๊ ก้มมากกูปวดคอ” ใครขอให้ทำให้วะ ผมหน้าหงิกแล้วล่ะตอนนี้

“คิกๆ” เสียงหัวเราะเบาๆดังมาจากพนักงานสองคนที่ยืนอยู่ ยิ่งทำให้ผมอายยิ่งขึ้นกว่าเดิมอีก อีกคนก็ก้มหน้าก้มตาแกะเชือกไม่สนใจอะไรเลย

“เสร็จแล้ว อีกข้างหนึ่งแกะได้ไหม?” ทศกัณฐ์ถอดรองเท้าออกแล้ววางเท้าผมลงที่เดิมก่อนจะถาม ผมไม่ตอบแต่ก้มลงไปแกะเชือกอีกข้างอย่างรวดเร็ว

“ใส่คู่นั้นสิชอบไหม”ทศกัณฐ์พูดขึ้นเมื่อเห็นผมถอดรองเท้าออกเรียบร้อยแล้ว ผมหยิบรองเท้ากีฬายี่ห้อดังสีแดงเลือดหมูมาสวม “พอดีไหม ลองเดินดูว่าสบายเท้ารึเปล่า” เขาบอกขึ้นมาอีก ผมจึงลุกขึ้นแล้วลองเดินดูอย่างที่เขาว่า อืม เบาสบายดีจัง ฟินไปอีก ผมเดินเล่นวนอยู่นานแล้วผลัดเปลี่ยนอีกสองคู่ที่เป็นสีดำและน้ำมาใส่ ใส่สบายทุกอันเลยแฮะ ผมยิ้มกับตัวเองอย่างเพลิดเพลินจนลืมคนอื่นๆ

“ชอบคู่ไหน?” เสียงทศกัณฐ์ดึงให้ผมกลับจากโลกตัวเอง ผมเกาหัวแกรกๆจ้องทั้งสามคู่ไม่วางตา จนกระทั่ง…

“พอ ไม่ต้องเลือกละ เอาแม่งทั้งทั้งสามคู่นั่นแหละ” ทศกัณฐ์บอกอย่างหมดความอดทน ก่อนจะพยักหน้าให้พนักงานเอาไปใส่กล่อง

“คุณซื้อรองเท้ากีฬาให้ผมทำไมครับ”

“ซื้อมาดูเล่นมั้ง”กวนตีนกูอีก - -

++++++++++++++++++++++

ฟุ่บ! ผมล้มตัวลงนอนที่โซฟาทันทีที่ถึงห้อง แม่งเหนื่อยชิบ ก่อนกลับเขาก็พาผมไปทานอาหารจีนอีก ยิ่งง่วงเข้าไปใหญ่เลยตอนนี้

“ลุกขึ้นไปนอนบนห้องดีๆ”ทศกัณฐ์เดินมาดึงแขนผมให้ลุกขึ้น

“อย่ามายุ่งได้ไหม ผมจะนอนนี่แหละ” เอ่ยบอกเขาขณะที่กำลังหลับตาอยู่

“รันต์ ลุกเดี๋ยวนี้” ทศกัณฐ์พูดเสียงยนิ่งๆ

“…” ผมเงียบ ไม่ตอบอะไรทั้งนั้น

“รันต์ จะลองดีใช่ไหม” เสียงเขากดต่ำลงไปอีก ผมเผลอเม้มปากแน่น

หงับ!โอ้ย! ผมลืมตาพรึบ มันกัดจมูกผม!!! ผมจ้องตาเขาโกรธๆ มือก็ผลักอกเขาให้ถอยออกไป

“เล่นบ้าอะไรวะเนี่ย”ต่อว่าเขาด้วยความหัวเสีย

“ก็บอกดีๆไม่ฟัง” นี่มึงเป็นเด็กหรอวะ ผมเลยถลึงตาใส่เขาก่อนจะเดินชนไหล่ไอ้ยักษ์บ้าขึ้นชั้นสอง เดินเข้าห้องแล้วล้มตัวนอนบนเตียงจากนั้นก็หลับไปด้วยความรวดเร็ว

“รันต์…ตื่นได้แล้ว จะเย็นแล้วนะ” ฮื่อออ เสียงใครมากวนเวลาคนนอนวะ แต่แรงเขย่าตัวที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆทำให้ผมต้องฝืนตาตื่นขึ้นมาอย่างหงุดหงิด

“คนจะนอนนะ ปลุกทำไม”

“มันเย็นแล้ว ไปอาบน้ำจะพาไปข้างนอก”ทศกัณฐ์บอก ตอนนี้เขาอยู่ในชุดใหม่ต่างจากตอนกลางวัน

“เป็นไหนอีก ผมเหนื่อยแล้วนะ!” แม่งกูเลือกถูกหรือผิดวะที่ยอมมันขนาดนี้

“ไปที่ๆเหมาะกับมึงไง” มีใครงงเหมือนผมบ้าง

“ไปเถอะน่า” พอเห็นผมมองงงๆเขายิ่งฉุดผมลงจากเตียงแรงกว่าเดิมอีก นี่มึงทำแก้เก้อรึเปล่าวะเนี่ย
.
.
.
.
.
.

D Gym

ทศกัณฐ์พาผมเดินเข้ามาที่เคาน์เตอร์ เขาให้ผมยืนรอ ส่วนตัวเขายืนกรอกเอกสารอะไรสักอย่าง สักพักเขาก็เดินพาผมมาโซนด้านในมีห้องเรียงกันเป็นแถบๆเยอะมาก ผมหันไปมองหน้าทศกัณฐ์ทันที เขาหันมาแสยะยิ้มให้ผมนิดๆแล้วหยุดอยู่ที่ประตูห้องหนึ่ง เขาประตูแล้วเปิดเข้าไป ส่วนตัวผมยืนนิ่งอยู่หน้าห้องไม่ขยับตัวเลยก็ว่าได้

“ไม่ได้พามาปล้ำหรอกน่า รีบเข้ามาแล้วปิดประตูด้วย” ทศกัณฐ์ร้องเรียก ผมมองเข้าไปอย่างไม่ไว้ใจ ถึงจะไม่เห็นเตียงก็อดระแวงไม่ได้เหมือนกัน ขาเรียวค่อยๆย่างเข้าไปในห้อง พื้นที่ไม่มากนักมีตู้เสื้อผ้าโดดๆอยู่ในห้องหนึ่งตู้และเก้าอี้ตัวยาวหนึ่งตัว

“เหี้ย!ถอดเสื้อทำไม ไหนว่าไม่ทำอะไรไงวะ!”ผมร้องอย่างตกใจเมื่อเห็นทศกัณฐ์กำลังถอดเสื้อ เขาไม่ได้ตอบผมแต่เลื่อนมือไปปลดกระดุมกางเกงแทน

“ทศกัณฐ์!”

“กูจะเปลี่ยนเสื้อผ้า!ถ้าจะทำกูจัดมึงตั้งแต่ที่ห้องแล้ว ไม่ถ่อมาถึงนี่หรอกไอ้เด็กลามก” ก็กูนึกว่ามึงจะเปลี่ยนบรรยากาศนี่ เหมือนหน้าผมจะร้อนฉ่าเพราะความอายเลย เพราะเขาคนเดียวแหละที่ทำผมคิดลามก พอกางเกงทศกัณฐ์หลุดจากสะโพกเหลือแค่กางเกงในตัวเดียวเขาก็เดินดุ่มๆไปเปิดกระเป๋าเป้ หยิบเสื้อผ้าและรองเท้าออก ก่อนจะโยนชุดมาทางผมที่รับไว้ได้พอดี

“เปลี่ยนซะ ไม่ต้องถามมาก” ผมมองชุดในมือนิ่ง ก่อนจะวางลง รีบถอดเสื้อผ้าชุดเดิมออกแล้วสวมชุดที่เขาให้มาอย่างรวดเร็ว เป็นเสื้อแขนกุดใส่ออกกำลังกาย กางเกงขาสั้นใส่ออกกำลังกาย จริงๆผมไม่ได้อยากรู้สึกอะไรมากนะ แต่ไอ้คนที่ยืนจ้องไม่วางตานี่ดิ ทศกัณฐ์เปลี่ยนชุดเสร็จแล้วเขาอยู่ในชุดคล้ายผม แต่เสื้อรัดรูปกับลำตัวจนเห็นสัดส่วนของกล้ามเนื้อชัดเจน

เหอะ!อยากโชว์ก็บอก

“ใส่” ทศกัณฐ์ยื่นรองเท้าสีเลือดหมูที่พึ่งไปซื้อมาวันนี้ให้กับผม ผมจึงรับมาสวมเงียบๆ เมื่อเราสองคนแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วทศกัณฐ์ก็พอผมเดินออกจากห้องแล้วล็อคประตูไว้ เขาพาผมเดินขึ้นบันไดไปชั้นสาม มองเข้าไปในห้องกระจกมีเครื่องเล่นออกกำลังกายหลากหลายอย่างเต็มไปหมด คนไม่พลุ่งพล่านมากนักแถมทุกคนหุ่นดีกันทั้งนั้น ผู้ชายส่วนใหญ่ก็หุ่นหนาล่ำกันทั้งนั้นเลย ไอ้คนที่อยู่ข้างหน้าผมถึงไม่ล่ำแต่เขาก็ตัวหนาและมีมัดกล้ามกว่าผมเยอะเลย

อืม เครื่องออกกำลังกาย…ออกกำลังกายหรอ…

“ไม่เอานะ”ผมร้องออกมาอย่างลืมตัว

“เป็นอะไร?” ทศกัณฐ์หันมามองผมงงๆว่าเป็นบ้าอะไรขึ้นมาอีก

“ไม่ออกกำลังกายไง ผมจะกลับ” ผมบอกแล้วหมุนตัวเตรียมจะเดินหนี แต่ก็โดนทศกัณฐ์รั้งแขนเอาไว้ซะก่อน

“ไม่ได้ มึงผอมเกินไปแล้ว กระแทกแต่ละทีนึกว่าเอวจะหัก” ทศกัณฐ์พูดออกมาหน้าตาเฉยไม่พอยังยื่นมือมาบีบเอวผมประกอบคำพูดตัวเองอีก คำพูดคำจาและการกระทำของเขาทำเอาเลือดในกายผมเดือดปุดๆเลยทีเดียว

“นี่!จะพูดขึ้นมาทำบ้าอะไร กลัวคนเขาไม่รู้นักหรือไง” ผมเอ็ดเขาเสียงเบามือก็ปัดมือเขาออกจากเอวตัวเอง สายตาเหลือบมองทั่วบริเวณว่ามีคนอื่นไหม

“ใครสน”ว่าจบเขาก็ลากผมเข้าไปข้างในเลย

“คุณทศกัณฐ์ สวัสดีครับ”ชายในชุดออกกำลังกายตัวล่ำบึกแต่ตัวเตี้ยกว่าทศกัณฐ์มาก เผลอๆเตี้ยกว่าผมซะอีก เดินมาทักทาย

“สวัสดี” ไอ้คนนี้ก็ตอบห้วนเกิ๊น

“แล้วนี่คุณ…”เขาหันมามองแล้วยิ้มให้ผม

“เหรันต์…ผมพาเขามาออกกำลังกาย รันต์นี่ชาติชายเป็นเทรนเนอร์ที่นี่”ทศกัณฐ์แนะนำ

“สวัสดีครับคุณเหรันต์”ชาติชายยื่นมือมาตรงหน้าเพื่อทำความรู้จักพร้อมรอยยิ้มที่ทำผมขนลุกแปลกๆ

“สวัสดีครับคุณชาติชาย” ผมยกมือไหว้เขาพร้อมรอยยิ้ม

“อ่าครับ จะให้ผมจัดเทรนเนอร์ให้คุณเหรันต์ไหมครับ”รอยยิ้มบนใบหน้าเขาเจื่อนลงแล้วชักมือกลับเนียนๆ ผมแอบเห็นทศกัณฐ์ยิ้มนิดๆที่มุมปากด้วย

“ไม่ต้อง เดี๋ยวผมจัดการเอง ขอบคุณ” ถ้าไม่มีคำว่าขอบคุณจากทศกัณฐ์ ผมต้องคิดว่าเขาไม่ค่อยชอบคุณชาติชายแน่

“กูจะให้มึงฝึกความอดทนก่อน เริ่มจากวิ่งบนลู่วิ่งไฟฟ้าก่อนนะ”มันไม่บอกเฉยๆนะ แต่ผลักผมขึ้นไปบนลู่วิ่งอย่างไม่ทันตั้งตัว

“นี่ ออกแปบเดียวพอนะ ผมเหนื่อย” ผมหันไปบอกเขา

“ก็ออกให้เหนื่อย ทีตอนเย็_กันไม่เห็นบ่นขนาดนี้”เขากระซิบกับผมเบาๆ ดีที่บริเวณนี้ไม่มีคนนัก

“ก็ตอนที่เย็_ผมนอนเฉยๆนี่”ผมยักคิ้วตอบกลับอย่างไม่ยอมแพ้ มาดิ หยาบมากูหยาบกลับ

“หึ!”เขาไม่ได้พูดอะไรอีกนอกจากกดปุ่มเริ่มการทำงานของเครื่อง

“แฮ่กๆ พอยัง” ผมถามทศกัณฐ์หลังเริ่มวิ่งมาได้ราวๆหนึ่งชั่วโมง เหนื่อยเป็นบ้า

“อีกห้านาที ทนเอา” มึงมันโหดเหี้ยมที่สุด คือระหว่างช่วงเวลาที่ผมวิ่งเขาจะค่อยๆเพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆ แถมยังชวนคุยเป็นระยะๆ พอผมไม่ตอบเพราะมันเหนื่อยก็เซ้าซี้อยู่นั่น วันนี้หัวมันฟาดขอบโถส้วมหรือไงวะ

ติ้ด!

“โอเค พอแล้ว หายใจเข้าลึกๆอย่าพึ่งนั่ง”เสียทศกัณฐ์เอ่ยขึ้นอีกครั้ง ผมทำตามที่เขาบอกเงียบๆไม่พูดอะไรทั้งนั้น เหนื่อย… หลังจากนั้นเขาก็พาผมไปอาบน้ำเปลี่ยนใส่ชุดที่ใส่ออกมาจากคอนโด

“เป็นอะไร เงียบเชียว”ทศกัณฐ์ถามขณะขับรถสายตาเขาก็มองถนนอยู่ ปกติผมก็ไม่ใช่คนพูดมากขนาดนั้นรึเปล่าวะ

“เหนื่อย”ตอบเขาไปสั้นๆ วันนี้มึงทำร้ายร่างกายกูมากจริงๆยักษ์

“ทำทุกวันเดี๋ยวก็ชิน”

“ว่าไงนะ!” นี่ผมหูฝาดไปใช่ไหม ทุกอย่างมันจะจบแค่วันนี้อย่างที่ผมเข้าใจใช่รึเปล่า

“มึงต้องน้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างน้อย5-10กิโล กำลังดี ตอนนี้ผอมไปหน่อย”เขาหันมาประเมินผมด้วยสายตาก่อนจะตอบ

“ไม่เอา แค่กินให้อ้วนอย่างเดียวก็ได้นี่” ผมรีบปฏิเสธออกไปทันที ยังไงก็จะไม่ยอมเหนื่อยไปมากกว่านี้อีกแล้ว

“สร้างกล้ามเนื้อน่ะเข้าใจไหม ห้ามปฏิเสธเพราะกูบังคับ”

“แล้วผมต้องทำไปอีกนานแค่ไหน”น้ำเสียงผมหงุดหงิดมากตอนนี้

“ถ้าเป็นช่วงนี้ก็ต้องออกกำลังกายติดกันทุกวันสักหนึ่งเดือนล่ะมั้ง ถ้าได้ตามเป้าแล้วก็สัปดาห์ละ2-3ครั้งก็ได้

“ไม่จริงใช่ไหม”ความรู้สึกเหมือนฟ้ากำลังจะถล่มใส่หัวมันเป็นแบบนี้นี่เอง

“จริงครับ J” ม่ายยยยยย กูเกลียดมึง ไอ้ยักษ์เควี่ย!!!//วิบัติเพื่อเข้าถึงอารมณ์
.
.
.
.
.
.

“ไอ้รันต์ ช่วงนี้กลับหอเร็วจังวะทั้งอาทิตย์นี้ถ้าไม่ได้เรียนด้วยกันกูแทบไม่เห็นหน้ามึงเลยนะ  แถมไม่ให้กูไปส่งอีก มีอะไรรึเปล่าเนี่ย” เมฆถามหลังจบชั่วโมงสุดท้ายของการเรียนวันนี้

“เปล่า…กูแค่ขี้เกียจรอมึงซ้อมบอลเสร็จไงเลยกลับก่อน” แถจนสีข้างเลือดไหลซิบๆแล้วผม

“เออ พรุ่งนี้จะมาดูกูซ้อมไหม” พรุ่งนี้วันเสาร์แล้วครับ อาทิตย์หน้าก็เป็นการแข่งขันกีฬาระหว่างคณะแล้ว

“เอ่อ เดี๋ยวกูโทรบอกอีกทีนะ”ผมระบายยิ้มให้เมฆอย่างเอาใจ รู้สึกผิดกับเพื่อนจริงๆ เพราะไอ้บ้านั่นคนเดียวเลย

“อือ”เมฆรับคำเสียงหงอยหน้าเศร้าๆจนผมรู้สึกผิดยิ่งกว่าเดิม ผมมองเพื่อนแล้วคิดหนัก หันมองไปรอบๆห้องเพื่อนๆก็ทยอยออกไปใกล้จะหมดแล้ว ผมเลยรีบโน้มหน้ากดจมูกลงกับแก้มเมฆอย่างรวดเร็ว เมฆจึงยิ้มออก

“น้องขอโทษที่ไม่ค่อยมีเวลาให้นะ แต่สัญญาว่าถ้าพี่เมฆแข่ง น้องจะไปเชียร์แน่ๆ”พูดอ้อนพี่อย่างเอาใจที่สุด

“เออ อย่าผิดสัญญาแล้วกัน”เมฆว่าแล้วเคลื่อนริมฝีปากมาหอมหน้าผากผมแผ่วเบา

หลังจากที่แยกย้ายกันกับเมฆ ผมก็นั่งรถเมย์กลับคอนโดทศกัณฐ์อย่างเคยชิน นี่ก็ร่วมสัปดาห์แล้วที่ผมต้องไปพักอาศัยอยู่กับเขาหลังจากที่เราทำข้อตกลงกัน และเขาทำตามที่พูดกับผมเมื่อวันอาทิตย์ก่อนทุกอย่าง ทศกัณฐ์พาผมเข้ายิมไปออกกำลังกายทุกวัน เอาตรงๆปวดร่างยิ่งกว่าเสียตัวครั้งแรกซะอีก

อ่อ แล้วถ้าคุณจะคาดหวังว่าเขาจะคอยดูแลหรือเอาอกเอาใจผม คอยรับส่งไปนู่นนี่ล่ะก็ คุณคิดผิด!

เราโคตรต่างคนต่างอยู่เลย โอเคว่าอาจจะนอนเตียงเดียวกันแต่ก็นอนกันคนละฝั่ง แล้วหลังจากวันนั้นที่มีอะไรกัน เขาก็ไม่ได้ทำอะไรผมอีก แต่ถึงทำผมได้ตายคาเตียงแน่ๆ ปวดตัวจากการออกกำลังกายซะขนาดนั้น ส่วนอาหารก็เราไม่ได้กินพร้อมกันเพราะตื่นคนละเวลา เห็นไหมว่าต่างคนต่างอยู่ขนาดไหน

ติ้ด! แกรก! เมื่อผมเปิดประตูห้องเข้าไป ไฟในห้องก็สว่างขึ้นอัตโนมัติ แสดงว่าไม่มีคนอยู่อย่างนั้นหรอ

ทศกัณฐ์ไม่อยู่ หมายว่าไม่ต้องไปออกกำลังกายอย่างนั้นสิ เยส!

ผมยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดีในรอบสัปดาห์ เอากระเป๋าไปเก็บบนห้องอย่างมีความสุข ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าจากชุดนิสิตเป็นชุดลำลอง เพราะเตียงนุ่มๆกับแอร์เย็นๆในห้องกำลังทำให้ผมเคลิ้มหลับด้วยความสบาย ความอ่อนล้าที่สะสมมาทั้งอาทิตย์ทำให้ผมเข้าสู่ห้วงนิทราได้อย่างง่ายดาย


[ไม่พอได้ไงงงงง ต่อreply ถัดไปเจ้าค่ะ :katai5:]
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 19♡ [23/3/60]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 23-03-2017 16:57:41
ใจยักษ์ 19 [ต่อ]


“อื้ออออ”ทำไมรู้สึกว่ามันอึดอัดแปลกๆนะ ผมลืมตาขึ้นจากการพักผ่อน สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าคือนัยน์ตาสีเขียวหม่นในระยะประชิด สัมผัสนุ่มหยุ่นที่กำลังบดคลึงอยู่กับริมฝีปากผมทำให้รู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ ร่างหนาของทศกัณฐ์กำลังคล่อมผมอยู่ มือเรียวทั้งสองข้างพยายามดันอกแกร่งของอีกคนออกแต่ไม่เป็นผลเลยสักนิด มิหนำซ้ำยังบดเบียดร่างกายเข้ามามากกว่าเดิมเสียอีก ผมอ้าปากจะต่อว่าเขาด้วยความเคยชินจนลืมไปว่าริมฝีปากถูกอีกคนครอบครองไว้อยู่ เมื่อได้โอกาส ทศกัณฐ์จึงสอดลิ้นเข้ามาเข้ามาในโพลงปากผมอย่างรวดเร็ว

ลิ้นร้อนของร่างหนาตสัดเกี่ยวพันกับลิ้นผมด้วยความชำนาญ ผมพยายามหลบหลีกลิ้นของเขาแต่อีกคนก็ยังตามรุกไล่กวาดต้อนจนผมมิอาจต้านทานประสบการณ์แสนโชกโชนของอีกคนได้ เขาบดจูบอย่างดูดดื่มกับผมเนิ่นนานจนผมเกือบเคลิ้มหลับไปอีกรอบเขาจึงผละริมฝีปากออกไป อาจจะเพราะเขาจูบผมบ่อยเลยทำให้ผมเรียนรู้วิธีการหายใจเวลาจูบได้แล้ว ผมลืมตาตื่นมองเขาให้เต็มตา ริมฝีปากเขาเห่อแดงขึ้นนิดๆ แล้วริมฝีปากผมล่ะวะ จนตอนนี้ผมก็รู้สึกว่ามันบวมกว่าปกติมากๆเลยล่ะ

“เป็นโรคจิตหรือ ชอบทำอะไรตอนคนอื่นหลับ”ผมเอ่ยทำลายความเงียบหลังเราจ้องตากันอยู่นาน

“ได้อารมณ์ดีออก” ทศกัณฐ์ว่าแล้วพลิกตัวลงมานอนข้างๆ มันคงโรคจิตจริงๆนั่นแหละ

“บ้า” ด่าไม่ออกเลยผม

“ตื่นก็ดีแล้ว ไปล้างหน้าล้างตา จะพาออกไปกินข้าวนอกบ้าน”

“หมายความว่าวันนี้ไม่ต้องออกกำลังกายใช่ไหม”ผมพลิกตัวไปมองทศกัณฐ์อย่างมีความหวัง

“วันนี้ให้พักหนึ่งวัน”เขายักคิ้วให้แล้วบอก  พอได้ยินแบบนั้นผมก็ยิ้มกว้างด้วยความดีใจอย่างห้ามไม่อยู่

“เย้! ไปเปลี่ยนชุดก่อนนะ”ว่าจบผมก็รีบลุกขึ้นจากเตียงเพื่อไปเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาแล้วค่อยไปเปลี่ยนชุด แต่ก็ไม่วายได้ยินเสียงอีกคนตามไล่หลังมา

“หึๆ ทีอย่างนี้ล่ะรีบเชียว ไอ้เด็กบ๊องเอ้ย”
.
.
.
.
.
.
“ฮื่อออ…มันอิ่มแล้วนะจะให้กินอะไรนักหนาเนี่ย”ผมบ่นพร้อมดันแก้วเครื่องดื่มโปรตีนออก แต่ไอ้คนที่มันตามเอามาจ่อปากผมมันก็ไม่ยอมแพ้เหมือนกัน ตอนนี้เราสองคนกลับมาจากกินข้าวข้างนอกแล้วครับ ไม่ค่อยอร่อยเท่าไหร่เลย สู้ผมทำกินเองก็ไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้นทศกัณฐ์ก็บังคับให้ผมทานเยอะกว่าเดิมเป็นสองเท่าเลยล่ะครับ

“กินเข้าไป แค่วันละ2แก้วจะอะไรนัก”สองแก้วมึงมันก็แก้วใหญ่นะเว้ยยย  เขายังถือแก้วจ่อปากผมเหมือนเดิม แถมยังบีบปากผมเหมือนจะกรอกปากแล้ว

“ชิ!เอามาดิ” สุดท้ายผมก็ต้องยอมแม่งอีกจนได้ครับ รีบแก้วมาถือแล้วกระดกอึกๆรวดเดียวหมดเลย

“กินง่ายๆตั้งแต่แรกก็จบแล้ว” มึงไม่กินเองวะ

“ไปอาบน้ำนอนไป”เขาบอกขึ้นมาอีก

“คุณก็ไปอาบก่อนสิ”

“กูจะออกไปข้างนอก มึงอาบน้ำนอนก่อนเลย” แล้วใครจะรอคุณไม่ทราบครับ ผมเบ้ปากนิดๆแล้วเดินขึ้นชั้นสองหนีมาเลย

++++++++++++++++++++

“วิ่งหน่อยรันต์”กูก็วิ่งอยู่นี่ไงวะ นี่วิ่งจนไม่เหลือแรงแล้วนะโว้ย

พลั้ว!โอ้ย!

“ตีภาษาอะไรวะ ตบลูกมาโดนผมเนี่ย” ไม่ไหวแล้วครับ หงุดหงิดสุดๆ นี่ก็เกืบชั่วโมงแล้วยังไม่ได้พักเลย แต่วันนี้ทศกัณฐ์ไม่ได้พาผมไปยิมที่วิ่งนะ วันนี้เขาพาผมมาโรงยิมเพื่อตีแบด ใช่ครับ กีฬาแบดมินตัน แถมมันยังเก่งเอามากๆเลย พอตีโต้ได้สองสามครั้งบ้างแต่ผมยังไม่ได้แต้มจากมันสักแต้มเลย หัวร้อนเป็นที่สุด

“เอ้า ก็อยากให้มึงรับลูกได้” ยังมีหน้ามากวนตีนกูอีก

“ไม่เล่นแล้ว ผมเหนื่อย!” ผมตะโกนบอกเสร็จก็เดินออกจากสนามไปนั่งพักที่เก้าอี้ตัวยาวข้างสนามเลย กระดกน้ำอึกๆไม่ยั้งอย่างกับคนตายน้ำ

“ถ้ามึงไม่เล่นกูจะโทรตามไอ้สมิธมาเล่นแทน” เขาเดินตามออกมาหยุดอยู่ตรงหน้าแล้วบอก

“งั้นผมจะกลับ” ถ้าไอ้พี่สมิธมาเห็น ความชิบหายบังเกิดแน่ๆงานนี้ ผมลุกขึ้นเดินหนีเขาแต่ก็โดนอีกคนกระชากแขนให้กลับมาอยู่ที่เดิม

“กูไม่ให้กลับ”มันไม่พูดเฉยๆนะแต่ยักคิ้วข้างซ้ายยั่วโมโหผมด้วย

“ไอ้…ขอผมพักก่อนแล้วกัน” ผมจำใจกลืนคำด่าลงไปอย่างช่วยไม่ได้ ใจเย็นไว้รันต์ ห้ามหลุดๆ

“หึๆ ให้พักสิบนาทีแล้วกัน” คุณสังเกตว่าช่วงนี้ไอ้ยักษ์วัดแจ้งมันกวนผมมากผิดปกติไหมครับ?

“วันจันทร์นี้ไปดูกูแข่งที่โรงยิม3ด้วย กูต้องเห็นหน้ามึงที่นั่นก่อนแข่ง” ทศกัณฐ์พูดขึ้นหลังจากทีเขานั่งลงเก้าอี้ตัวเดียวกันกับผม

“ไปทำไมอ่ะ” หันไปมองเขางงๆ

“บอกให้ไปก็ไป”ทศกัณฐ์บอกแล้วกระดกน้ำในขวดขึ้นดื่ม ขนาดท่าดื่มน้ำมันยังเก๊ก หล่อตายล่ะ : (

“กี่โมงล่ะ”

“บ่ายสองโมงครึ่ง”

“เฮ้ย!ไม่ได้” พึ่งนึกขึ้นได้ เมื่อเช้าเมฆส่งข้อความมาบอกว่ามีแข่งนัดแรกตอนบ่ายโมงวันจันทร์ คงไปดูทศกัณฐ์ไม่ทันหรอก อีกอย่างผมไม่อยากผิดสัญญากับเมฆด้วย ช่วงนี้ยิ่งไม่ค่อยมีเวลาเล่นกับมันเลย

“ทำไม?”คิ้วขมวดกันยุ่งเชียวคุณ

“เพื่อนผมมีแข่งใกล้ๆช่วงเวลานั้นพอดี ผมสัญญาแล้วว่าจะไปดูเพื่อน”ผมบอกเหตุผลเขาไปตามความจริง

“นี่เห็นเพื่อนดีกว่าผัว?”เขาเลิกคิ้วถาม ก็เออเดะเพื่อนก็ต้องมาก่อนอยู่แล้วป่ะวะ ผัวหาเมื่อไหร่ก็ได้…เดี๋ยวนะ

“ผัวบ้าอะไร อย่ามาพูดพล่อยๆนะ”ผมกระซิบลอดไรฟันอย่างอดกลั้น แม่งชอบพูดจาแบบนี้ตลอดเลยเว้ย ไอ้ฝรั่งเซิ่นเจิ้นเอ้ย

“ก็เรื่องจริง มึงยังเคยเรียกเลย”เขายักไหล่อย่างไม่ยี่ระในเรื่องที่พูดสักนิด ผมตาโตอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เขาบอก

“ไม่จริงอ่ะ ไม่มีทางที่ผมจะเรียกแน่ๆ” เท่าที่จำได้ไม่เคยเรียกเลยนะเว้ย (ครางอย่างเดียวใช่มะ?//YINGPREM)

“เคย เต็มสองหูกูเลย ตัวเองจำไม่ได้อย่ามาพูด”เขาว่า หรือผมจะเคยพูดจริงๆวะ แม่งน่าขายหน้าที่สุด

“กะ..ก็ถ้าเป็นตอนผมไม่มีสติล่ะก็ ผมไม่นับ” เถียงไปดิ

“หึๆ แต่กูนับครับJ” ผมเกลียดรอยยิ้มมันจริงๆ

+++++++++++++++++++++++

ปิ้ด!ปี้ดดดดดดดดด!

“หมดเวลาการแข่งขันแล้วนะครับ สำหรับกรุ๊ปB คู่แรก คณะเศรษฐศาสตร์ชนะ คณะวิทยาศาสตร์ไปด้วยสกอร์ 4-2 นะครับ ขอแสดงความยินดีด้วยครับ” หลังเสียงนกหวีดเป่าหมดเวลา นักพากย์ก็สรุปผลการแข่งขัน วันนี้คณะเศรษฐศาสตร์ฟอร์มดีมาก เมฆเล่นเป็นกองหน้าได้ดีเลยทีเดียว

“รันต์ ไปไหนต่อไหม”เมฆวิ่งมาหาผมหลังจากเข้าแถวเสร็จแล้ว เสื้อผ้าก็ยังไม่ได้เปลี่ยน

“เอ่อ ทำไมหรอ”นี่ก็เกือบบ่ายสามโมงแล้ว ป่านนี้ทศกัณฐ์คงเริ่มแข่งไปแล้วล่ะมั้ง ว่าแต่เขาแข่งกีฬาอะไรวะ?

“กูว่าจะชวนมึงไปดูไอ้เก่งเล่นบาสตอนบ่ายสี่โมง จะไปไหม?” เมฆถาม

“อื้อ ไปๆ แต่กูขอไปดูเขาแข่งกีฬาที่โรงยิม3ก่อนนะ วันนี้คณะเาก็มีแข่ง มึงก็ไปอาบน้ำเลย เดี๋ยวสี่โมงเจอกันๆ”ผมบอกเมฆพร้อมดุนหลังมันไป

“เออๆ เจอกันโรงยิม1นะ บาย” เมฆรับคำแล้วเดิมไป ผมจึงเดินเลี่ยงไปอีกทางเพื่อไปโรงยิมที่3 ที่ไม่ห่างจากสนามฟุตบอลนัก เอาเถอะไปดูเขาหน่อย อยากรู้เหมือนกันว่าไอ้ยักษ์บ้านั่นจะแข่งกีฬาอะไร คงแพ้ตั้งแต่รอบแรกนั่นแหละ

“เฮ้ย!ไอ้น้องรันต์รึเปล่าวะ” เสียงตะโกนเรียกชื่อผมดังขึ้นจากทางด้านหลังขณะที่ผมกำลังจะก้าวขาเข้าสู่โรงยิม

“หวัดดีครับพี่สมิธ” ผมหันไปยกมือไหว้ แค่ได้ยินการทักทายสุดแสนสถุนขนาดนี้ก็รู้แล้วว่าเป็นเขา

“เออ ครั้งนี้เรียกแล้วหันดีเว้ย”ก็ไม่อยากจะหันหรอกแต่กลัวอายคนอื่นไง

“พี่มีไรอ่ะ”ผมถามเขาหน้าซื่อ

“ก็เรียกเฉยๆไม่ได้รึไง ว่าแต่มึงมาทำอะไรที่นี่เนี่ย”พี่สมิธกอดอกหรี่ตามอง

“ก็มาดูกีฬาไง ได้ยินว่าวันนี้คณะเราก็มีแข่งที่นี่ ผมว่างเลยมาดู” ผมตอบเขายิ้มๆ

“หรอ ดูไม่ใช่นิสัยมึงเลยนะ แล้วรู้รึเปล่าว่าวันนี้ไอ้ทศมีแข่งที่นี่”

“หรอครับ?” ผมเบิกตาขึ้นเล็กน้อยเหมือนพึ่งรู้ มีรางวัลสตอเบอร์รี่ยอดเยี่ยมให้ผมไหม เกลียดความแหลตัวเองจริงๆ

“เออ เข้าไปกันเถอะ ไอ้ทศคงกำลังแข่งอยู่”พี่สมิธว่า แล้วเราสองคนก็เดินเข้าโรงยิมไปพร้อมกัน

กรี๊ดดดดดดดดดดดด!!!

 เมื่อเดินเข้ามาได้เพียงเล็กน้อย ก็ได้ยินเสียงกรี๊ดดังกระหึ่มเชียวนี่เขากำลังแข่งอะไรกันอยู่วะ

“โอ้ย!หนวกหูจริง”พี่สมิธบ่นออกมาเสียงดัง

“เขาแข่งกีฬาอะไรหรอครับ เสียงกรี๊ดดังลั่นเชียว”ผมหันไปถามพี่สมิธ

“ก็แข่งแบดมินตันไง นี่มึงมาไม่รู้หรอเขาแข่งอะไรกัน”

“ก็…เพื่อนผมบแกให้มาแต่ไม่ได้บแกว่ามีแข่งอะไรไง” ผมแถพี่สมิธอีกจนได้ ถ้าอย่างนั้นทศกัณฐ์ก็แข่งกีฬาแบดมินตันสินะ มิน่าวันเสาร์-อาทิตย์ถึงลากผมออกไปตีแบดทั้งวัน แต่ว่าเป็นกีฬาที่โคตรไม่เข้ากับหน้าแล้วก็ตัวมันจริงๆนะ ถึงแม้เขาจะเล่นเก่งมากๆก็เถอะ

“นั่นไงไอ้ทศ กำลังแข่งอยู่เลย” เสียงพี่สมิธดังขึ้นข้างๆหลังจากที่เราพยายามหาที่นั่งบนอัฒจรรย์ที่มีสาวๆจับจองไปซะส่วนใหญ่ นี่ขนาดไม่ได้โปรโมทนะว่าทศกัณฐ์เป็นนักกีฬาชนิดนี้ ถ้าป่าวประกาศที่ยืนในยิมคงไม่เหลือให้พวกผม

ผมมองตามที่พี่สมิธบอก เขาตีเก่งมากเลย ตีโต้กันไปมาสนุกแต่ฝั่งตรงข้ามเหมือนจะไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่แฮะ เหงื่อยไหลโชกเต็มตัวท่าทางเหมือนผมเมื่อวานไม่มีผิดในขณะที่ทศกัณฐ์ยังนิ่งๆมีเหงื่อไหลตามไรผมและหน้าอกนิดหน่อยแต่ไม่มีอาการเหนื่อยหอบเลยสักนิด อึดเป็นบ้า

สุดท้ายทศกัณฐ์ก็ชนะขาดลอยไปตามความคาดหมาย เสียงกรี๊ดก็ดังกระหึ่มยิ่งกว่าเดิม พี่สมิธนี่หน้าหงิกไปแล้ว

ติ้ง!เสียงโปรแกรมแชทผมดังขึ้น

THOSSAKAN: ไหนว่าจะไม่มาไง

Run Run: เดินผ่านเฉยๆเหอะ

THOSSAKAN:หรอ มาหาที่ห้องพักนักกีฬาดิ๊

Run Run:ไปทำไม?

THOSSAKAN:บอกให้มาก็มาเหอะ

Run Run:ไม่เอา

THOSSAKAN:ไม่อย่างนั้นจะโทรบอกไอ้สมิธให้พามา

Run Run: ไอ้...

ผมจบการสนทนาเพียงเท่านั้น ไม่น่ามาเลยจิงๆ มันเห็นผมกับพี่สมิธได้ยังไงวะ ผมลุกขึ้นยืมพร้อมกันกับพี่สมิธ ตอนนี้ผู้คนกำลังทยอยลงจากอัฒจรรย์กันแล้ว

“พี่สมิธจะเข้าห้องน้ำรึเปล่าครับ”ต้องถามดักเอาไว้ก่อนครับ

“ไม่อ่ะ มึงจะเข้าหรือไง”

“อ่าครับ พี่ไปก่อนเลย”

“เดี๋ยวกูไปเป็นเพื่อน”พี่สมิธอาสา จะมาหวังดีอะไรตอนที่ไม่ต้องการวะ

“ไม่ต้องครับพี่ ผมปวดหนัก คงนานมากกกกกก”ลากเสียงให้ยาวว่ามากจริงๆ

“เออๆ นี่กูต้องรอไอ้ทศอีก มันคงอาบน้ำอยู่ ว่าจะดูไอ้เซนท์กับไอ้ดีแข่งบาสต่อ แล้วมึงจะไปดูด้วยกันไหม?” พี่สมิธทำหน้ายุ่งๆแล้วนั่งลงที่เดิมแล้วถาม น่าสงสารเหมือนกันแฮะ

“ถ้าเสร็จทันเดี๋ยวผมตามไป”

“จะขี้เป็นชั่วโมงเลยหรอ?” จำเป็นต้องทำหน้าจริงจังขนาดนั้นม้ายยย

“แหะๆ หวัดดีครับ”ยกมือไหว้แล้วรีบชิ่งออกมาเลย ผมเดินลัดไปอีกด้านของโรงยิมที่จะมีห้องพักสำหรับนักกีฬาไว้เตรียมตัวหรือเปลี่ยนชุดก่อนแข่งอยู่ เดินหาไม่นานก็มาหยุดที่ประตูที่มีป้ายคำว่า คณะเศรษฐศาสตร์อยู่

ก็อก!ก็อก!...แกร็ก! เหวอออ…

ทศกัณฐ์เปิดประตูแล้วรีบกระชากมือผมเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว

“มีอะไร เร็วๆเลย พี่สมิธรออยู่”ผมว่าเสียงดุ

“ขยับเข้ามาใกล้ๆดิ๊”ทศกัณฐ์บอกหลังจากที่เขานั่งลงบนโซฟาในห้องพึ่งสังเกตว่าเขาเปลือยท่อนบน ผมมองเขาด้วยความหวาดระแวง สายตาเขามันไว้ใจไม่ได้

“ทำไม คุยตรงนี้ก็ได้นี่”

“รันต์ จะมาไหม”เสียงเขาดุๆเย็นๆจนผมทำตัวไม่ถูก “มานี่” พอเขาเรียกอีก ร่างกายผมเหมือนโปรแกรมที่ถูกตั้งให้รับคำสั่งเขาอย่างไรอย่างนั้น ขาผมก้าวตรงไปหยุดอยู่ตรงหน้าเขาซะแล้ว

“มะ…ไม่ทำนะ” ผมพูดเสียงอ่อน ส่งสายตาขอร้องแกมอ้อนวอนให้เขาเห็นใจ

“แค่จูบครับ”สิ้นเสียงทศกัณฐ์ เขาก็จัดการกระตุกมือผมแรงๆทำให้ผมเซถลาไปนั่งตุ้บบนตักเขา มือเรียวเกาะไหล่เขาโดยอัตโนมัติ (แรงมันเยอะจริงๆนะ) มือหนาเชยคางผมให้เชิดขึ้นก่อนจะประริมฝีปากลงมาละเลียดชิดกับริมฝีปากผมช้าๆ บดจูบดูดคลึงริมฝีปากสลับหนักเบาอย่างเป็นจังหวะ ตอนแรกผมก็เม้มปากไว้แน่นะ แต่มารู้ตัวอีกทีลิ้นร้อนๆของทศกัณฐ์ก็สอดเข้ามาในโพรงปากอุ่นของผมเสียแล้ว  ผมบอกแล้วไงว่าเขามันไว้ใจไม่ได้ ไอ้ยักษ์เจ้าเล่ห์


++++++++++++++++++++

เกิดความผิดพลาดในการลงยังไงไม่รู้เปรมโคตรงงเลยขอโทษทีนะคะ// สอบเสร็จได้ราวๆหนึ่งอาทิตย์แล้วแต่เปรมติดเที่ยวไปหน่อยเลยลืมนิยายไปเลย แหะๆ ขอโทษจริงจริงๆ(กราบเบญจางคประดิษฐ์สามรอบ) ตอนแรกว่าจะลงตั้งแต่เมื่อวานแต่มันไม่เสร็จง่ะ ช่วงนี้เปรมพิมพ์ในโทรศัพท์ใช้เวลาไปเกือบ3วัน ฮือๆ จากนี้จะแก้ตัวโดยการมาลงวันเว้นวันนะคะ จะพยายามทำให้ได้ แต่ถ้าล่าช้ายังไง ขอให้รู้ไว้ว่าเค้าพิมพ์ในมือถือ ฮือออ ไปละ จุ๊ฟฟฟ :serius2: :bye2:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 19♡ [23/3/60]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 23-03-2017 17:09:35
ลงอะไรของมึงวะนังเปรม งื้ออออ ข้ามไปปปปป :z3:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 19♡ [23/3/60]
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 23-03-2017 18:31:47
พี่ทศโหมดออกกำลังกาย ฮารันต์เลย ช่วงนี้คงโคตรเหนื่อย
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 19♡ [23/3/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 23-03-2017 18:52:50
ทศ เตรียมร่างกายรันต์หรือเปล่า
ทั้งให้ร่างกายแข็งแรง และเรื่องตั้งครรภ์
ดูแล้วทศ ไม่ได้คิดกับรันต์แค่เซ็กส์เท่านั้น
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 19♡ [23/3/60]
เริ่มหัวข้อโดย: แม่มดน้อย ที่ 23-03-2017 18:55:17
ทศน่ารักกกก ฮะ?
 :pig4: o13
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 19♡ [23/3/60]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 23-03-2017 19:13:30
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 19♡ [23/3/60]
เริ่มหัวข้อโดย: normalplayer ที่ 23-03-2017 21:31:58
มดกัดวุ้ย :hao3:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 19♡ [23/3/60]
เริ่มหัวข้อโดย: FonJuz ที่ 23-03-2017 21:43:46
รันต์ก็ยังน่ารักเหมือนเดิม
แต่ยังสงสัยที่พี่ทศให้รันต์ออกกำลังกาย
ต้องมีอะไรแน่ๆ 555  หรือคิดมากเอง
แต่เหมือนๆพี่ทศหลงน้องมากๆเลยนะ
เอะอะจูบๆ มีเปย์์บ้างล่ะ 5555 
รออ่านตอนต่อไปนะคะ สู้ๆค่ะคนเขียน
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 19♡ [23/3/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 23-03-2017 22:02:46
 :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 19♡ [23/3/60]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 23-03-2017 22:14:15
 :oni2: :oni2: :oni2:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 19♡ [23/3/60]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 23-03-2017 23:16:44
 :laugh:

ยอมๆไปเถอะ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 19♡ [23/3/60]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 24-03-2017 01:15:40
ถถถถ สงสารน้องรันต์โดนพี่เค้าจับไปฟิตหุ่น สู้ๆนะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 19♡ [23/3/60]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 24-03-2017 12:54:07
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 19♡ [23/3/60]
เริ่มหัวข้อโดย: patsakon ที่ 24-03-2017 21:25:07
อย่าปล่อยให้รอเก้ออีกนะ  ถ้ามีอีกจะให้ทศกันณ์ทำโทษ :m16:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 19♡ [23/3/60]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 26-03-2017 00:04:34
ใจยักษ์ 20


Rrrr  Rrrr  Rrrr

“ฮื่อออ  พะ…พอก่อน…มีคนโทรมา” ผมบอกทศกัณฐ์พร้อมดันอกเขาให้ออกห่าง ทศกัณฐ์จึงถอนจูบออกแต่คิ้วที่ขมวดกันยุ่งก็บ่งบอกว่าเขาไม่ค่อยสบอารมณ์นัก ผมดันตัวจะลุกขึ้นจากตักเขาแต่อีกคนกลับรัดเอวผมไว้เสียแน่น

“ปล่อย!” กดเสียงสั่งเขาไป แต่อีกคนกลับลอยหน้าลอยตา เอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าเป้ด้วยมือเดียวค้นในกระเป๋าสักพักก็หยิบโทรศัพท์ที่แผดเสียงขึ้นมาอีกรอบออกมา

“เออ ว่าไง” เขากดรับโทรศัพท์

“ไม่เห็น…แต่กูใกล้จะเสร็จ รออีกแปบเดียว”ทำไมเขาต้องหันมามองผมด้วยสายตาแบบนั้นวะ คำพูดก็ดูสองแง่สองง่ามพิกล

“อืมๆ ไม่เกิน20นาที” ติ้ด แล้วทศกัณฐ์ก็วางสายไป

“ปล่อยได้หรือยัง?”

“อืม…เหมือนน้ำหนักจะเพิ่มขึ้นประมาณ1-2กิโลฯนะ กล้ามเนื้อก็ดูกระชับขึ้นนิดหน่อยแต่เอวก็ยังบางอยู่ดี”ทศกัณฐ์พูดพึมพำดับตัวเองขณะที่เขาบีบไปตามแขนและต้นขาผม ยังมีทาลูบๆแถวเอวอีก ไม่ได้สนใจที่ผมพูดเลยสักนิด

“เหอะ!แน่ล่ะ ก็บังคับกันออกกำลังกายซะขนาดนั้น ” หมั่นไส้จริงๆ ใครจะรู้บ้างว่าผมปวดตัวขนาดไหน ขาพึ่งจะชินจนหายปวด แต่พอไปตีแบดมาปุ๊บ อาการปวดแขนกูตามมาทันที จะไม่ให้ร่างกายผมได้พักเลยใช่ไหม แต่ผมก็งงอยู่นะ ออกกำลังกายให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นนี่มีด้วยหรอวะ

“แค่ทำตามที่บอกเดี๋ยวก็ดีเอง ฮึบ!”ทศกัณฐ์บอกก่อนจะจับเอวผมยกขึ้นจากตักตัวเองให้ผมยืนขึ้น

“ครับ…แล้วเรื่องนั้น” ผมท้วงสิ่งที่ผมต้องการ ในเมื่อผมยอมเขาถึงขนาดนี้ เรื่องนั้นเขาก็จะต้องทำตามที่ผมขอเช่นกัน

“กลับห้องค่อยคุยกัน”ผมพยักหน้าตกลง “กลับไปรอกับสมิธก่อน รอไปพร้อมกัน”ทศกัณฐ์เอ่ยสัมทับขึ้นมาอีกรอบ

“ผมจะไปก่อน นัดเพื่อนไว้แล้ว”ผมจัดผมเผ้าตัวเองให้เรียบร้อยโดยไม่สนใจที่เขาบอก

“รอ” เขาพูดทิ้งท้ายไว้ก่อนจะคว้าผ้าเช็ดตัวออกจากห้องไป ผมยืนเงียบมองตามหลังเขานิ่งๆ

ก็ได้…
.
.
.
.
.
.

“ไอ้รันต์ ทางนี้ๆ” เสียงร้องตะโกนเรียกของเมฆดังมาจากที่นั่งผู้ชมในโรงยิม คนหันมามองกันให้พรึ่บ ไม่ใช่อะไรหรอก มันเสียงดังไง เห็นอย่างนี้ก็อายนะครับ

“เบาๆก็ได้มั้ง” ผมบอกเมฆหลังจากที่เดินขึ้นมาจนถึงตัวมันแล้วนั่งลงข้างๆ ถัดจากเมฆไปเป็นอ๋องและเพื่อนร่วมสาขาอีก4คน พวกมันก็ยกมือทักทายผมตอนเดินมานั่ง

“กลัวมึงไม่ได้ยิน” เมฆว่าพร้อมกับมองไปที่สนามเป็นการแข่งบาสเก็ตบอลระหว่างคณะศิลปะกรรมฯและเภสัชฯ ซึ่งก็ใกล้จะรู้ผลแล้ว โชคดีที่คนไม่ค่อยเยอะมาก ส่วนมากก็จะมาเชียร์คณะตัวเองกันทั้งนั้น นัดต่อไปคงเป็นคณะผมแข่งแล้วล่ะ มีเก่ง พี่เซนท์ และพี่ดีเป็นตัวจริงในทีมด้วย

พูดถึงพี่เซนท์กับพี่ดี ก็นึกถึงไอ้ยักษ์บ้าอำนาจนั่น เหอะ!คิดว่าผมจะอยู่รอให้โง่หรอผมไม่เสี่ยงไปไหนมาไหนกับเขาให้คนอื่นรู้แน่ ใช่ว่าผมจำเป็นต้องฟังเขาทุกเรื่องสักหน่อย

ปิ้ด!ปี๊ดดดดดดดดดดด! เสียงกรรมการเป่านกหวีดหมดเวลา ปรากฏว่าคณะเภสัชฯเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ให้กับคณะศิลปกรรมฯไป เสียงเฮฝั่งศิลปกรรมฯก็ดังดีใจกันลั่นสนามเลยทีเดียว เมื่อนักกีฬาทั้งสองคณะเดินออกจากสนามไป นักกีฬาบาสเกตบอลของคณะเศรษฐศาสตร์และคณะเทคโนฯก็เดินเข้ามาในสนามเพื่อวอร์มก่อนแข่ง แต่ก็ไม่อยากจะเข้าข้างหรอกนะที่พอคณะผมเดินมาก็มีเสียงกรี๊ดต้อนรับอย่างมากมาย ที่โดดเด่นที่สุดในทีมคงไม่พ้นพี่ดีที่ยืนสูงชะลูดอยู่ข้างๆพี่เซนท์

“นั่งไงไอ้เก่ง แข่งบาสแล้วใส่แว่นทำไมวะ เดี๋ยวเขาก็โยนบอลอัดใส่หน้าแว่นตาแตกหรอก” เสียงเมฆพูดขึ้นลอยๆ กูว่าเขาคงไม่ทำอย่างที่มึงพูดหรอกมั้งเมฆ

“กูว่าไม่หรอกมั้ง” เสียงอ๋องดังขึ้นตอบแทนความในใจผม

“แต่มันก็ดีนะ ทำทุกอย่างเพื่อคณะทั้งงานราษฎร์งานหลวงมันทำหมด” เพื่อนสาขาอีกคนเสริมบ้าง

“เหอะ!ถ้าทำแล้วมันเหนื่อยตัวเอง กูว่าอย่าทำดีกว่า” มึงป็นอะไรกับมันมากรึเปล่าเนี่ยเมฆ

ติ้ง! เสียงโปรแกรมแชทดังขึ้นเบาๆ ผมหันไปมองเมฆควับว่ามันได้ยินไหม ปรากฏว่ามันกำลังคุยอย่างออกรสชาติกับอ๋องและเพื่อนๆอยู่ ผมก็แอบถอนหายใจแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู

THOSSAKAN : ทำไมหนีออกไปก่อน?

Run Run : แล้วทำไมผมต้องอยู่ครับ? ใครบอกว่าจะรอมิทราบ

THOSSAKAN : หรอ อยากโดนทำโทษหนักๆหรือเปล่า?

Run Run : ชิ่วๆๆๆ

เถียงคืนก็มีแต่เข้าตัวเองเลยตัดบทแม่งเลย จากนั้นผมก็รีบปิดโปรแกรมแชทลงทันที แต่ก็ได้ยินเสียงแจ้งเตือนดังขึ้นมาอีกรอบ

THOSSAKAN : Wow : D

ผมนึกถึงหน้าตากวนส้นของเขาออกเลย ปวดประสาทกับมันจริงๆ

“คุยกับใครอ่ะ” อยู่ๆเสียงของคนที่ผมคิดว่ากำลังคุยกับเพื่อนอยู่ก็ดังขึ้นที่ข้างหู มันเห็นรึเปล่าวะ

“เปล่า แค่เปิดดูข้อความของกรุ๊ปสาขาเราไง” ผมบอกเมฆเสียงเรียบๆ

“อ่อ” เมฆพยักหน้าแล้วหันไปดูนักกีฬาที่สนามต่อ ตอนนี้พวกเขากำลังซ้อมชู้ตลูกครับ พี่เซนท์โยนสามแต้มด้วย เก่งจริงๆเลยทั้งๆที่เขาตัวเล็กที่สุดในทีมด้วยนะ ไอ้เก่งก็สูงพอๆกับผมเลยแต่มันดูมีกล้ามเนื้อกว่าหน่อย

“กรี๊ดดด แก นั่นใช่พี่ทศกัณฐ์รึเปล่าวะ” ผู้หญิงที่นั่งถัดจากผมไปหน่อยกรี๊ดขึ้นเบาๆแล้วถามเพื่อนที่นั่งข้างกันอย่างไม่แน่ใจ

“ไหนวะแก”ผู้หญิงอีกคนพยายามมองหาตามคำพูดเพื่อน

“ก็นั่นไงๆ เดินขึ้นบันไดขึ้นมาแล้วนั่นไง” สายตาผมเหลือบมองตามเธออัตโนมัติ ไม่ได้สนใจหรอกนะจริงๆ เขานั่งชั้น3ส่วนผมนั่งชั้น5

“โอ้ย! ใช่จริงๆด้วย หน้าฝรั่งหล่อทะลุมดลูกขนาดนี้มีคนเดียว แล้วที่เดินตามหลังมาคือพี่สมิธไหมวะแก” เสียงเธอดี๊ด๊ามาก

“ใช่แก๊ ฉันฟินว่ะ เพราะพี่เซนท์กับพี่ดีลงแข่งบาสแน่ๆพวกพี่เขาถึงมาที่นี่ได้ ปกติไม่ค่อยเจอง่ายๆหรอก” ก็เจอแล้วนี่ไง

“สวัสดีท่านผู้ชมทุกๆท่านครับ ตอนนี้ก็ได้เวลาแล้วนะครับสำหรับการแข่งขันแมตท์สุดท้ายของวันนี้ระหว่างคณะเทคโนโลยีและคณะเศรษฐศาสตร์ ขอเสียงตบมือด้วยครับ” เสียงตบมือและเสียงกรี๊ดดังระงมไปทั่วทั้งโรงยิม นักกีฬาเข้าแถวแสดงความความเคารพซึ่งกันและกัน เมื่อนักกีฬาตัวจริงประจำที่เรียบร้อยแล้ว กรรมการกดสัญเริ่มการแข่งขัน เมื่อลูกบาสลอยละล่องอยู่กลางอากาศ พี่ดีคือคนที่สามารถปัดลูกให้กับทีมได้ จากนั้นนักกีฬาก็ผลัดกันส่งลูกอย่างดุดันกันตั้งแต่ต้นเกมส์

“โห พี่เซนท์แม่งเล่นโคตรเก่งเลย ตัวเล็กกว่าทุกคนในทีแต่บุกโคตรเก่ง”เมฆชื่นชมพี่เซนท์เสียงดัง ซึ่งผมก็เห็นด้วยกับที่เมฆว่า เขาเล่นเก่งจริงๆ ท่ามกลางผู้เล่นตัวสูงใหญ่แต่เขากลับเบียดแทรกคนพวกนั้นไปได้โดยไม่เป็นอุปสรรค ผมโคตรทึ่งเลยเห็นเขายิ้มร่าเริงอย่างนั้นแต่ในสนามเขาจริงจังมากไม่เหมือนพี่เซนท์ที่ผมรู้จักเลย

เฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ!!!! เสียงเชียร์แต่ละคณะดังไม่แพ้กันเมื่อนักกีฬาคณะใดคณะหนึ่งสามารถชู้ตลูกลงห่วงได้ เกมส์การแข่งขันเป็นไปอย่างดุเดือด จนเมื่อมาถึงควอเตอร์สุดท้าย สิ่งที่ผมคิดว่าไม่น่าจะเกิดขึ้นมันก็เกิดจนได้ ไอ้เก่งโดนศอกเซ็นเตอร์ฝ่ายตรงข้ามกระแทกหน้าจนหงายหลัง

“สัดเอ้ย!!!เล่นแรงไปแล้วไอ้เหี้ย!” เมฆลุกขึ้นตะโกนอย่างหัวเสีย คนที่นั่งใกล้ๆเราก็พากันหันมามองไม่เว้นแม้แต่พี่สมิธและทศกัณฐ์

“เมฆใจเย็นๆ นั่งลงก่อน”ผมดึงแขนไอ้เมฆให้นั่งลง มันจึงยอมนั่งลงแบบฟึดฟัด ตอนนี้กรรมการเป่านกหวีดฟาวล์ให้(C) ของคณะเทคโนฯ โค้ชจึงเปลี่ยนตัวให้เก่งออกแล้วส่งตัวสำรองอีกคนหนึ่งลงแทน เลือดกำเดาไหลด้วยว่ะ

“ไอ้เหี้ยนั่นเจอกูแน่” เมฆพูดพึมพำกับตัวเองแค้นๆ ผมได้ยินแบบนั้นจึงหันไปปราม

“เมฆ อย่าเล่นนอกเกมส์ มีอะไรก็สู้กันในสนามดิ เล่นกีฬามันก็ต้องมีอุบัติเหตุกันบ้าง” ผมลูบแขนมันเบาๆให้ใจเย็นลง ใช่ว่าผมไม่โกรธไอ้เหี้ยนั่นที่เล่นแรงขนาดนั้นจนทำคนอื่นบาดเจ็บ

“มึงก็ดูไอ้เหี้ยนั่นดิ กูเห็นแม่งเล่นแรงหลายทีละ ดูก็รู้ว่ามันจงใจ สำนึกไหมก็ไม่มี คำขอโทษยังไม่หลุดออกจากปากมันเลย” เมฆว่าอย่างมีน้ำโห

“ใจเย็นมึง ไอ้เก่งก็คงไม่เป็นไรมากแล้วล่ะกูโทร ลงไปถามไอ้ฝ้ายที่เป็นสวัสดิการทีมมันบอกไอ้เก่งมันโดเคแล้ว เลือดก็หยุดไหลแล้วด้วย”อ๋องบอกเกรงๆเมฆ คงไม่ค่อยเห็นมันอารมณ์ขึ้นขนาดนี้ด้วยมั้ง

“ไอ้เหี้ยนั่นมันเป็นใครไอ้อ๋อง”เก่งถามอ๋องเสียงนิ่ง สายตายังจับจ้องไปที่สนามที่การแข่งขันยังดำเนินต่อไป ผมรู้สึกไม่ดีเลยที่เมฆถามแบบนี้

“มันชื่อไอ้เต้ เรียนเทคโนฯอุตสาฯ ปี2เหมือนเรา”อ๋องบอก มันเป็นคนที่กว้างขวางคนหนึ่งเลยล่ะไอ้อ๋อง

“เมฆ” ผมเรียกชื่อมันเสียงเข้มเป็นการปราม แม้ผมจะเคยเล่นงานคนอื่นมาเหมือนกันแต่เมฆไม่ใช่ วิธีการมันไม่เหมือนกัน เมฆมันคนตรงๆคงตัดสินกันด้วยกำลังแน่ๆซึ่งถ้าเรื่องนี้ถึงหูอธิบดีล่ะก็ แม่งเรื่องใหญ่แน่ เมฆนั่งนิ่งๆไม่หือไม่อืออะไรทั้งนั้น ผมได้แต่ถอนหายใจอย่างไม่รู้จะทำยังไง

เมื่อกรรมการเป่านกหวีดหมดเวลาแข่งขัน ก็มีเสียงตบมือแสดงความยินดีแต่ไม่มีความเฮฮากรี๊ดกร๊าดมากเท่าตอนแรกนัก อาจจะเพราะพึ่งผ่านเหตุการณ์สะเทือนขวัญมาหมาดๆ และก็คณะผมก็ชนะไปด้วยคะแนนขาดลอย ตอนช่วงสุดท้ายที่ต้องเข้าแถวจับมือกันเก่งก็ออกไปด้วย นับ่าดีแล้วที่ไม่ได้เป็นอะไรมาก

“การแข่งจบแล้วก็ไปดูมันดิ จะได้ไม่ต้องมานั่งหัวร้อนอยู่แบบนี้” ผมหันไปบอกคนที่นั่งข้างๆ

“อะไรของมึง? กูไม่ได้สนใจมันขนาดนั้น” มันหันมาเลิกคิ้วถามผม แหมทำมาเป็นเฉไฉนะมึงนิ

“งั้นกูไปดูมันนะ” ผมแกล้งลุกขึ้นยืน

“กูไปด้วย” แหม่ รีบลุกเร็วเชียว ผมยักไหล่พร้อมเดินนำมันลงมา เห็นเหล่านักกีฬากำลังยืนพูดคุยกันอยู่ข้างสนาม

“น้องรันนนนนนนนนต์ คิดถึง” หมับ! พี่เซนท์ที่ยืนอยู่ในวงหันมาเจอผมก็ผละออกมาแล้ววิ่งปรี่ตรงมากอดผมทันที

“ครับ วันนี้พี่เซนท์เก่งมากๆเลย” ผมเอ่ยชมเขาจากใจจริง

“จริงหรอ น้องรันต์ก็ดูอยู่ใช่มะ พี่ก็เก่งจริงๆนั่นแหละ อิอิ” เขาผละกอดพูดกับผมพร้อมรอยยิ้มกว้างจนตาหยี

“ครับ” พอเห็นรอยยิ้มเขาผมก็อดยิ้มคืนไม่ได้

หมับ! แรงรัดต้นคอจากด้านหลังทำผมสะดุ้งจนมือฟาดข้างหลังตามสัญชาตญาณ

“โอ้ยยย!นี่มึงจะฆ่ากูหรอไอ้น้องรันต์” ไอ้พี่สมิธนี่เอง สมควรโดนแล้ว

“ก็พี่เล่นอะไรของพี่วะ ปล่อยผมเลย” ผมบอกพร้อมงือเขาออก แขนยิ่งปวดๆจากการตีแบดอยู่

“หนีกูมาก่อนยังไม่ชำระความ” เขาเลิกรัดคอแต่แขนยังพาดอยู่กับไหล่ผมอยู่ เขาตัวสูงกว่าผมแต่ก็เตี้ยกว่าทศกัณฐ์เล็กน้อย

“ผมนึกว่าพี่ไปแล้วไง” มันเบ้ปากใส่ พร้อมผลักหัวผมแรงๆหนึ่งทีก่อนจะหันไปคุยกับพี่เซนท์ เมื่อได้โอกาสผมจึงเอ่ยขอตัวเพื่อำปดูอาการของเก่ง

“ผมขอตัวก่อนนะครับ จะไปดูอาการเพื่อนหน่อย” พี่สมิธพยักหน้ารับยิ้มๆ

“เดี๋ยว”พี่สมิธรั้งคอผมเข้าไปใกล้ ก่อนจะก้มกระซิบข้างหูให้ได้ยินกันสองคน

“ไอ้ทศบอกให้กลับบ้านพร้อมกันนะ น้องรันต์J” ผมเงยหน้ามองเขานิ่ง ไม่รู้ว่าผมทำหน้ายังไงออกไปนี่เขารู้แล้วหรอ ตอนนี้ผมโคตรเกลียดรอยยิ้มบนใบหน้าไอ้พี่สมิธมาก อยากฆ่าทิ้งจริงๆถ้าทำได้ แต่ไอ้คนที่ผมอยากฆ่าที่สุดคงไม่พ้นไอ้ยักษ์ทศกัณฐ์สารเลวนั่นหรอก

อ้ากกกกกกกกกกกกกกกก หัวร้อนแทนไอ้เมฆแล้วกู!!!

+++++++++++++++++++++++++++++++

เอาไปก่อนครึ่งหนึ่งไม่เสร็จง่ะ ติดละครเว่อร์ งอแงๆ :mew4: พรุ่งนี้ตอนเช้าค่อยเจอกัน :katai4:



อย่าปล่อยให้รอเก้ออีกนะ  ถ้ามีอีกจะให้ทศกันณ์ทำโทษ :m16:

นี่จงใจมาสายเพื่อให้พี่ยักษ์ลงโทษนะ อิอิ :hao7:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 20 (50%)♡ [26/3/60]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 26-03-2017 00:15:07
เมฆกับเก่งมีซัมติงอะไรกันรึป่าวเนี่ย 55555
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 20 (50%)♡ [26/3/60]
เริ่มหัวข้อโดย: normalplayer ที่ 26-03-2017 00:21:29
พี่ทศ พยศขนาดนี้จัดหนักๆไปเลยนะพี่  :hao7: น้องมันจะได้ไม่กล้าหืออีก
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 20 (50%)♡ [26/3/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 26-03-2017 01:27:20
 :hao7:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡แจ้งข่าว♡ [26/3/60]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 26-03-2017 08:00:48
แจ้งการเลื่อนลงนิยาย

การลงนิยายครึ่งหลังที่เปรมบอกจะมาลงตอนเช้านี้ขอเลื่อนไปเป็นพรุ่งนี้แทนนะคะ เพราะเมื่อกี้เพื่อนเปรมพึ่งประสบอุบัติเหตุกระทันหัน ไม่มีอารมณ์แต่งเลยค่ะ ต้องไปดูเพื่อนก่อน ขอบคุณค่ะ :L1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡แจ้งข่าว♡ [26/3/60]
เริ่มหัวข้อโดย: itsgonnabeme ที่ 26-03-2017 09:25:44
พี่ทศทำดีดีนะ
น้องรันต์ก็ดื้อให้น้อยลงหน่อย

นี่รอดูไซด์สตอรี่ของเมฆเก่งออยู่นะครัช
เป็นกำลังในให้หญิงเปรมน้าาาา

ปล.ขอให้เพื่อนปลอดภัยไม่เป็นอะไรมากนะจ้ะ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡แจ้งข่าว♡ [26/3/60]
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 26-03-2017 10:45:29
ขอให้เพื่อนปลอดภัยครับ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡แจ้งข่าว♡ [26/3/60]
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 26-03-2017 14:44:46
สงสารน้อง คือเหมือนจะดีนะ แต่พอมีเหตุการณ์เข้ามาตอกย้ำว่าจุดยืนคืออะไรนิเฟลจริงๆ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡แจ้งข่าว♡ [26/3/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 26-03-2017 20:00:47
ขอให้เพื่อนหายไวไวนะคะ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡แจ้งข่าว♡ [26/3/60]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 26-03-2017 21:04:22
ขอให้เพื่อนหายเร็วๆนะคะ :L2:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡แจ้งข่าว♡ [26/3/60]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 26-03-2017 22:19:04
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡แจ้งข่าว♡ [26/3/60]
เริ่มหัวข้อโดย: patsakon ที่ 26-03-2017 22:42:50
ขอให้เพื่อนปลอดภัยและหายไวๆคัฟ ดูแลตัวเองด้วยคัฟ :3123:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡แจ้งข่าว♡ [26/3/60]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 27-03-2017 11:26:20
ขอให้เพื่อนปลอดภัย และคนเขียนก็ขอให้สุขภาพแข็งแรงนะจ๊ะ
 :L2:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 20♡ ++100%++[27/3/60]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 27-03-2017 18:38:36
ใจยักษ์ 20 (ครึ่งหลัง)


“มึงไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้ว” ผมพูดกับเก่งขณะที่พวกเรากำลังเดินออกจากโรงยิม

“ขอบใจว่ะ เล่นกีฬามันก็มีกระทบกระทั่งกันบ้าง กูไม่ถือสาหรอก” เก่งหันมาบอกผม จมูกมันยังแดงๆอยู่เลย ถึงเก่งจะบอกกับผมแบบนั้นแต่ก็ยังมีบางคนไม่ได้คิดแบบมึงน่ะสิ

“เอางี้ เมฆก็ไปส่งเก่งแล้วกัน เดี๋ยวกูกลับเอง” ผมจัดแจงทุกอย่างให้เสร็จสรรพ

“เฮ้ย! ไม่เป็นไรมึง กูกลับเองได้” เก่งรีบโบกมือปฏิเสธทันที

“มันคงรังเกียจ อย่าไปบังคับเขาเลยรันต์” เมฆว่า

“กูไม่ได้...”

“มึงไปกับมันเถอะไอ้เก่ง เมื่อกี้มึงก็ล้มกระแทกแขนขาก็คงช้ำไม่น้อย ถ้าต้องไปโหนรถเมย์เบียดเสียด จะไม่แย่กว่าเดิมหรอกหรอ เดี๋ยวก็แข่งรอบต่อไปไม่ได้หรอก” อ๋องเกลี้ยกล่อมบ้าง เก่งมีสีหน้าลำบากใจก่อนจะพยักหน้าตกลงในที่สุด

“รบกวนมึงแล้ว” เก่งหันหน้าไปพูดกับเมฆเบาๆ

+++++++++++++++++++++

“เลี้ยวไหนต่อ?” เมฆถามเก่งขณะที่สายตาก็ยังมองที่ถนนอยู่

“เลี้ยวซ้ายสี่แยกข้างหน้าแล้วตรงออกไปทางถนน VV เรื่อยๆเลย ถึงหน้าซอยY มึงก็จอดให้กูตรงป้ายรถเมย์นั่นแหละ เดี๋ยวกูเดินต่อเข้าไปเอง” เก่งเอ่ยปากบอกผู้ถาม เขานั่งนิ่งตัวเกร็งตั้งแต่ขึ้นรถมาแล้วล่ะ แม้แต่เบาะยังไม่กล้าพิงเลย ที่ไม่อยากให้เมฆมาส่งก็เพราะรถมันแพงเกินไป กลัวไปทำรถมันเปื้อนหรือพังเอาน่ะสิ ให้เขาซ้อนมอเตอร์ไซด์ไอ้อ๋องยังจะสบายใจกว่า

“เป็นอะไรของมึง ทำไมนั่งตัวเกร็งแบบนั้น” ระหว่างที่ติดไฟแดงเมฆหันมาเห็นท่านั่งเก่งก็ได้แต่ขมวดคิ้วถามอย่างแปลกใจ

“เปล่านี่ กูก็นั่งปกติ” เก่งส่ายหัวปฏิเสธฉับพลัน เมฆหรี่ตามองก่อนจะหลุดขำออกมา

“ฮ่ะๆๆ มึงไม่ต้องเกร็งขนาดนั้นหรอกน่า นั่งสบายๆเถอะ ทำอย่างกับคนไม่เคยนั่งรถยนต์ไปได้” กูเคยนั่งโว้ย แค่ไม่เคยนั่งรถแพงขนาดนี้ต่างหาก เก่งได้แต่เถียงเมฆในใจเงียบๆ แต่ก็ต้องสะดุ้งเพราะอยู่ๆขณะที่เมฆเหยียบคันเร่งออกตัวมือขาวๆของมันก็พาดมาดันหน้าอกให้หลังพิงกับพนักเบาะแถมยังกดแช่ไว้อีกต่างหาก เก่งได้แต่หันไปมองเมฆตาปริบๆ

“เห็นไหม แบบนี้สบายกว่าตั้งเยอะ” เมฆหันมาทำหน้ากวนๆพร้อมยักคิ้วให้

“อืม” เก่งตอบรับคำในลำคอแผ่วเบา เขาเอื้อมมือมาจับมือเมฆออกจากหน้าอกตัวเอง แต่พอได้สัมผัสกับมือของเมฆเขาก็หันไปมองอีกคนโดยอัตโนมัติ

“อะไร?”เมฆที่รู้ตัวว่าถูกมองก็เลยถามด้วยความสงสัย

“มือมึงนิ่มจัง” เก่งถามออกไปโดยไม่ทันคิด มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เมฆหัวเราะออกมาเสียงดัง

“ฮ่าๆๆ วันนี้มึงมาแปลกนะ ตอนที่ล้มหัวกระแทกพื้นด้วยหรอ” เมฆจับหัวเก่งพลิกดูไปมาสลับกับมองถนน ก็คงอย่างนั้น เก่งก็คิดเหมือนเมฆ วันนี้เขาเป็นบ้าอะไรวะ

ฮ้าวววว นั่งไปนั่งมาก็ชักง่วงรถดันมาติดอีก เวลานี้เป็นช่วงรถติดแสนสาหัสของถนนเส้นนี้เลยแหละ

“นอนไปเลยก็ได้ ถึงแล้วเดี๋ยวกูปลุก” เมฆที่เห็นอีกคนหาวหวอดๆ ก็แนะนำด้วยความหวังดี แต่เก่งกลับส่ายหน้าปฏิเสธทั้งที่ตาปรือใกล้หลับเต็มทีแล้ว

“ไม่เอาอ่ะ ไม่ได้ง่วงขนาดนั้น” แข็งใจไว้ไอ้เก่ง ให้เขามาส่งแล้วยังจะหลับหนีเขาอีก เก่งพยายามฝืนใจตัวเองไว้ แต่ด้วยความที่แอร์เย็นๆและความเหนื่อยล้าที่สะสมมาทั้งวันทำให้คนที่บอกว่าจะไม่หลับหนีเพื่อนสัปหงกไปอย่างไม่รู้ตัว

เมฆที่หันมาเห็นเก่งสัปหงกก็ส่ายหัวด้วยความเหนื่อยใจ ปากก็บอกไม่ง่วงๆ เป็นไงล่ะ เขาเผลอแค่แปบเดียวก็หลับซะแล้ว ระหว่างที่รถติด เมฆจึงเอื้อตัวไปปรับเบาะให้อีกคนได้นอนสบายขึ้น เพราะแบบนั้นเองทำให้เขาได้มองใบหน้าเก่งใกล้ขนาดนี้ จมูกที่แดงๆของคนหลับทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอีกไม่ได้ เขาไม่ชอบที่ไอ้เต้มันเล่นนอกเกมส์ ยิ่งเห็นเพื่อนโดนแบบนั้นเขายิ่งไม่อยากยอม ไม่ใช่แค่เก่งหรอกที่เขาออกตัวแทน ต่อให้เป็นไอ้อ๋องหรือเพื่อนคนอื่นๆเขาก็คงจะรู้สึกแบบเดียวกันนั่นแหละ ยิ่งถ้าเป็นเหรันต์ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ไอ้เหี้ยนั่นเขาได้ตายคามือเขาจริงๆแน่

เมื่อรถคนข้างหน้าขยับเขาจึงออกตัวบ้างแต่เมื่อสายตาเขาเหลือไปเห็นร้านที่เขาตามหาจึงตบไฟเลี้ยวเพื่อลงไปจัดการบางอย่าง
.
.
.
.
.
.
.

“...เก่ง ไอ้เก่งๆ ตื่นโว้ยถึงแล้ว” เมฆเขย่าตัวปลุกคนที่หลับไม่รู้เรื่องเมื่อมาถึงที่หมายแล้ว เก่งที่โดนเขย่าตัวแรงๆถึงสะดุ้งตื่นได้

“หืม ถึงไหนแล้วอ่ะ” สายตาเก่งมองมาที่เมฆงงๆ

“ถึงหน้าซอยY ที่มึงบอกกูแล้วนี่ไง หลับไม่รู้เรื่องเลยนะมึง นี่ขนาดไม่ง่วงนะเนี่ย” เมฆบอก

“อ้าวหรอ โทษทีว่ะ” เมื่อสติกลับเข้าร่างดีแล้วเขาถึงได้รู้ตัวว่าทำเรื่องหน้าอายออกไป ไม่น่าไปบอกมันว่าไม่ง่วงเล้ย เก่งก้นด่าตัวเองในใจคนเดียว

“เออ ไม่เป็นไร” เมฆโบกมือให้อย่างไม่ถือสา เขาแค่ต้องการแซวมันเล่นๆเท่านั้น

“เออ ขอบใจมากที่มาส่ง กูไปล่ะ”เก่งบอกเมฆก่อนจะเปิดประตูลงจากรถ แต่เมฆก็เลื่อนกระจกข้างคนขับลง

“เดี๋ยวมึง...เอ้านี่ กูแวะซื้อตอนมึงหลับ อย่าลืมทาล่ะ” เมฆยื่นถุงยาที่เขาจอดแวะซื้อให้กับเก่ง เก่งก็รับมางงๆ

“เอ่อ ขอบใจนะ” เมฆพยักหน้ารับจากนั้นก็ปิดกระจกและเคลื่อนรถออกไป เมฆออกไปได้สักพักแต่เก่งยังยืนนิ่งมองถุงยาในมืออยู่ ทำไมเขาถึงรู้สึกว่ามันใจดีได้ล่ะ ทั้งๆที่ปกติก็ไม่ค่อยจะถูกกันสักเท่าไหร่ วันนี้ก็ยังไม่ชวนทะเลาะเลยเพราะเขาเจ็บหรือเปล่านะ

ช่างเถอะ!ไอ้เมฆมันก็ใจดีกับทุกคนอยู่แล้ว มึงไม่เห็นต้องดีใจกับสิ่งที่มันทำหรอก

ไม่เห็นจะดีใจเลยสักนิด แต่ทำไมเราต้องปวดแก้มเพราะกลั้นยิ้มด้วยวะ...

++++++++++++++++++++++++

ปัง!!!

“คุณบอกพี่สมิธ!”หลังจากปิดประตูรถเสร็จปุ๊บ ผมก็กดเสียงถามไอ้คนที่นั่งเป็นทองไม่รู้ร้อนอยู่ในรถที่สตาร์ทเครื่องไว้อยู่ทันที

“ปิดแรงขนาดนั้น รถพังขึ้นมาได้เดินกลับนะ” ดูมันเฉไฉดิ

“ผมมีปัญญากลับเองได้ กรุณาตอบคำถามผมด้วย” ผมถามด้วยสีหน้าจริงจัง

“เฮ้อ มันเห็นเอง” เขายักไหล่เล่าอย่างกับไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร

“เห็น? เห็นอะไร?” หรือว่ามันแอบถ่ายภาพโป๊ผมวะ มือผมกำแน่นด้วยความโกรธ

“ไม่ใช่อย่างที่มึงคิดหรอก มันเห็นข้อความที่มึงส่งหากูเมื่อตอนกลางวัน” ก็มึงส่งหากูก่อนอ่ะ

“แล้วเห็นได้ยังไง ก็รู้ทั้งรู้ว่ากำลังคุยอยู่ เอาให้พี่สมิธทำไมเล่า” ผมต่อว่าเขาอย่างมีน้ำโห

“ก็มันแย่งไป”

“คุณก็ยอมง่ายๆเนี่ยนะ” ผมไม่อยากจะเชื่อคำพูดเขาเลย

“ก็มันเห็นไปแล้ว” ตุ้บ ผมทุบไหล่แม่งเลย หมั่นไส้ว่ะอดไม่ได้จริงๆ โคตรหงุดหงิดเลย

“ใช้กำลังอ๋อ มันไม่รู้หรอกว่าเราตกลงอะไรกัน อาจจะแค่สงสัย” ทศกัณฐ์ผลักหัวผมคืน แล้วพูดแก้ต่าง ผมเคยขอเขาว่าขอให้เก็บเรื่องระหว่างเราเป็นความลับ เพราะสักวันหนึ่งต่างคนก็ต่างต้องแยกย้ายอยู่ดีให้มันจบเงียบๆไปดีกว่า ถ้ามีคนอื่นมารู้เห็นด้วยมันจะกลายเป็นเรื่องยากกว่าเดิม

“ผมยอมคุณทุกอย่างแล้ว แต่ผมขอแค่เรื่องนี้เรื่องเดียว อย่าให้ใครรู้อีก ถ้ามีอีกไม่ว่าคุณจะขู่อะไร ผมจะไปทันที” ผมเอ่ยบอกเขาเสียงนิ่ง ทศกัณฐ์ก็เงียบไปเลย เขาเคลื่อนรถคันหรูออกจากบริเวณ ภายในรถเงียบกริบเพราะต่างคนต่างจมอยู่กับความรู้สึกตัวเอง ผมรู้สึกแย่ที่ตัวเองช่างไร้คุณค่ากับการทำตัวแบบนี้ แค่ที่รู้กันอยู่ผมก็รู้สึกแย่มากพอแล้ว อย่าต้องให้มีใครมารับรู้เรื่องราวแบบนี้อีกเลย พอถึงเวลาที่หมดประโยชน์ต่อกันและกัน สุดท้ายเราก็ต้องกลายเป็นคนแปลกหน้าต่อกันอยู่แล้ว

“เรื่องรัฐมนตรี กูกำลังให้คนรวบรวมหลักฐานอยู่แต่คงต้องใช้เวลาสักหน่อย เพราะเขาเป็นคนฉลาดแต่ละเรื่องที่ทำไว้มันก็เก็บกวาดจนแทบไม่เหลืออะไรไว้” ทศกัณฐ์พูดขึ้นทำลายความเงียบ

“แทบไม่เหลือ แสดงว่ายังหลงเหลืออยู่” ผมหันไปสนใจพร้อมกับคำถาม

“ทุกอย่างมักเหลือร่องรอยไว้เสมอ อยู่ที่ว่าเราจะหามันเจอแล้วใช้ให้เป็นประโยชน์ได้รึเปล่า” ผมพยักหน้าอย่างเห็นด้วยกับคำพูดของทศกัณฐ์

“ข้อมูลที่มึงไปเอามาอยู่ไหน” ทศกัณฐ์ถาม

“ไม่มี ผมให้ผู้ว่าจ้างไปหมดแล้ว” ผมบอกเขาขณะมองออกไปนอกหน้าต่าง

“ถ้าอยากให้กูช่วย อย่าโกหก” ผมกัดริมฝีปากอย่างขบคิด จะบอกดีไหม

“ผมแบ่งออกเป็นสี่ส่วน อยู่กับผมและเจคคนละหนึ่งส่วน อีกสองส่วนผมเอาไปซ่อนไว้ในที่ๆปลอดภัย” ผมยอมบอกความจริงเขาในที่สุด

“อยู่ที่ไหน?”เขาถามต่อ

“ผมมีอะไรที่สามารถเชื่อใจคุณได้บ้าง?” ผมระบายยิ้มหยันให้กับเขา ทศกัณฐ์หันมามองผมแวบเดียวก่อนจะเอ่ยคำพูด

“ไม่มีหรอก แต่มึงต้องเชื่อ...อย่างไม่มีเหตุผล”

ผม...ต้องสี่ยงแล้วใช่ไหม?

+++++++++++++++++++++++++
   
มาต่อได้นิดหน่อย ต้องรีบไปงานวันเกิดซิส อิอิ จริงๆตอนนี้น่าจะเข้าใจเหตุผลของรันต์แล้วนะคะว่าทำไมนางถึงยอมพี่ยักษ์ พอถึงเวลานางก็จะมีวิธีการของนางเอง เปรมไม่ขอพูดอะไรมากอยากให้อ่านและวิเคราะห์เอา มีนักอ่านบางคนทายถูกว่ารันต์เคยทำอะไรไว้ อยากให้ติดตามต่อเรื่องราวกำลังเข้มข้นขึ้นแล้ว ตอนต่อไปเจอกันวันพฤหัสนะคะ คาดว่าพรุ่งนี้อาจไม่ฟื้นและวันพุธเปรมมีธุระไม่ว่างเลย แต่ถ้าปั่นเสร็จเร็วก็อาจจะมาก่อนเวลานะ จุ๊ฟฟฟฟ
 :z2: :กอด1:
ป.ล.ตอนนี้เพื่อนเปรมปลอดภัยและไม่ได้เป็นอะไรมากแล้วตอนนี้นางกลับไปรักษาตัวที่บ้าน ขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วงนะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 20♡ ++100%++[27/3/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 27-03-2017 18:55:03
เมฆ เก่ง  :mew1:
ทศกัณฐ์ ช่วยรันต์ ได้แน่ๆ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 20♡ ++100%++[27/3/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 27-03-2017 19:13:14
 :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 20♡ ++100%++[27/3/60]
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 27-03-2017 19:27:31
เมฆเก่งน่าลุ้นนะเนี่ยยย :impress2:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 20♡ ++100%++[27/3/60]
เริ่มหัวข้อโดย: natt lUcky ที่ 27-03-2017 19:29:32
น้องรันต์ พี่ทศต้องช่วยน้องรันต์นะ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 20♡ ++100%++[27/3/60]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 27-03-2017 19:38:30
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 20♡ ++100%++[27/3/60]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 27-03-2017 19:51:16
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 20♡ ++100%++[27/3/60]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 27-03-2017 20:26:49
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 20♡ ++100%++[27/3/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 27-03-2017 21:06:56
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 20♡ ++100%++[27/3/60]
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 27-03-2017 21:21:23
อยากให้ถึงวันพฤ นี่อยากอ่านต่อ
นี่ติดนะคะ
สงสัย
และเฟลมาก
เจ็บกับความรู้สึกของรัน
กลัวใจ ทั้งรัน แล้วก็ทศ
น้องรันจะเจ็บอีกแค่ไหน
ทศ จะเข้าใจอะไรบ้างไม๊
ต่างคนจะต้องเสียอะไรไปแค่ไหน ถึงจะผ่านเรื่องราวต่างๆไปได้
เอาจิงๆนะ  อินสุดๆ เจ็บอะ ยิ่งอ่านยิ่งเจ๋บ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 20♡ ++100%++[27/3/60]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 27-03-2017 21:28:01
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 20♡ ++100%++[27/3/60]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 28-03-2017 01:59:22
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 20♡ ++100%++[27/3/60]
เริ่มหัวข้อโดย: itsgonnabeme ที่ 28-03-2017 07:17:59
น้องรันต์เคยทำอะไรไว้ในอดีตอ่ะก็พอเดาได้

แต่ที่เดาไม่ได้คือไม่รู้เค้าจะรักกันแบบไหน
ใครจะเป็นฝ่ายลดอีโก้ลง จะปากแข็งนานไหม

ทั้งพี่ทศทั้งน้องรันต์พอกันทั้งคู่เลยฮือออออ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 20♡ ++100%++[27/3/60]
เริ่มหัวข้อโดย: PKT ที่ 28-03-2017 15:36:01
รอครัชชช
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 20♡ ++100%++[27/3/60]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 29-03-2017 01:17:02
จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 20♡ ++100%++[27/3/60]
เริ่มหัวข้อโดย: MissMay ที่ 29-03-2017 09:10:29
รอพี่ทศ น้องรันต์  :ling1: สนุกมากกกก อ่านรวดเดียวเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡แจ้งข่าวสำคัญ ขอความกรุณาเข้ามาอ่านด้วยนะคะ♡[02/4/60]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 02-04-2017 17:25:31
แจ้งเรื่องสำคัญ


สวัสดีค่ะทุกคน ก่อนอื่นเลยเปรมต้องขอโทษนะคะที่ไม่สามารถมาตามนัดได้ หลังจากที่กลับมาจากงานวันเกิดพี่วันต่อมาเปรมก็ป่วยหนักเลย พึ่งจะดีขึ้นเมื่อวันศุกร์ แต่ก็มีข่าวร้ายที่เปรมไม่อยากจะให้เกิดขึ้น คุณยายเปรมป่วยถึงขั้นต้องเข้าโรงพยาบาล เปรมต้องรีบกลับบ้านไปดูแล ซึ่งอาการของคุณยายเปรมยังไม่ดีขึ้น เปรมเป็นกังวลใจเป็นอย่างมาก การอัพนิยายเรื่องใจยักษ์จึงต้องขอหยุดไปสักพัก ตัวเปรมเองก็ไม่สามารถรับปากได้ว่าจะมาต่อได้ตอนไหน ซึ่งนักอ่านบางคนก็คงจะรำคาญที่เปรมนั้นข้ออ้างเยอะเหลือเกิน เปรมไม่แก้ตัว แค่มาบอกให้รับรู้เหตุผลแค่นั้นจะไม่ตามต่อก็ได้เปรมไม่โกรธ ไม่มีใครที่จะแช่งให้คนที่ตัวเองรักเป็นอะไรไปหรอกนะคะ ขอบคุณทุกคนมากๆที่ติดตามนิยายเรื่องใจยักษ์ เปรมรักเรื่องนี้จริงๆ อ่านทุกๆคอมเม้นท์ ดีใจมากๆที่มีคนติดตาม ได้แต่หวังว่าทุกอย่างจะดีขึ้นโดยเร็ว


รัก…YINGPREM
  :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡แจ้งข่าวสำคัญ ขอความกรุณาเข้ามาอ่านด้วยนะคะ♡[02/4/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 02-04-2017 17:33:59
ไรท์ ไปดูแลคุณยายอย่างสบายใจเถอะ
ดูแลสุขภาพไรท์ ออกกำลังกายด้วยนะ
ขอให้คุณยายหายป่วยไวๆ
และขอให้สุขภาพไรท์แข็งแรงดีด้วย
เรื่องงานเขียน สบายใจแล้วค่อยมาเขียน
คนอ่าน ยังติดตามต่อ
ก็เรื่องสนุก ไม่ตามได้อย่างไร
ขอบคุณไรท์ แวะมาส่งข่าว
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡แจ้งข่าวสำคัญ ขอความกรุณาเข้ามาอ่านด้วยนะคะ♡[02/4/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Laliat ที่ 02-04-2017 17:49:21
 :L1: เป็นกำลังใจให้จ้า
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡แจ้งข่าวสำคัญ ขอความกรุณาเข้ามาอ่านด้วยนะคะ♡[02/4/60]
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 02-04-2017 18:16:57
สู้ๆนะคะะะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ  :L2: :3123:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡แจ้งข่าวสำคัญ ขอความกรุณาเข้ามาอ่านด้วยนะคะ♡[02/4/60]
เริ่มหัวข้อโดย: mook0007 ที่ 02-04-2017 20:05:02
ขอให้คุณยายหายเร็วๆนะคะ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡แจ้งข่าวสำคัญ ขอความกรุณาเข้ามาอ่านด้วยนะคะ♡[02/4/60]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 02-04-2017 20:08:04
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡แจ้งข่าวสำคัญ ขอความกรุณาเข้ามาอ่านด้วยนะคะ♡[02/4/60]
เริ่มหัวข้อโดย: itsgonnabeme ที่ 02-04-2017 20:09:52
ไม่ต้องคิดมากเรื่องนี้นะน้องเปรม
ไปทำหน้าที่ของหนูให้เต็มที่

ทางนี้รอได้อยู่แล้ว

ส่งกำลังใจไปให้น้องเปรมและครอบครัวค่ะ :))
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡แจ้งข่าวสำคัญ ขอความกรุณาเข้ามาอ่านด้วยนะคะ♡[02/4/60]
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 02-04-2017 20:10:59
,ขอให้คุณยายหายไวๆนะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡แจ้งข่าวสำคัญ ขอความกรุณาเข้ามาอ่านด้วยนะคะ♡[02/4/60]
เริ่มหัวข้อโดย: patsakon ที่ 02-04-2017 20:25:27
เปนกำลังใจให้คัฟ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡แจ้งข่าวสำคัญ เรื่องการอัพนิยาย♡[02/4/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Fonz_Juz19 ที่ 02-04-2017 22:14:12
เป็นกำลังใจให้นะคะ ขอให้คุณยายหายไวๆด้วยค่ะ
รอได้เสมอ มาเมื่อไหร่ก็พร้อมอ่านเสมอนะคะ สู้ๆค่ะ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 21♡P.14[22/4/60]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 22-04-2017 17:22:43
ใจยักษ์ 21


“อ้าวรันต์ มาทำอะไรที่นี่เนี่ย ไม่ไปดูคณะเราแข่งบาสรอบชิงฯ หรอ” ผมเงยหน้าขึ้นจากวรรณกรรมแปลที่กำลังอ่านเพลินๆ เจอหญิงและกิ่งเพื่อนสาขายืนอยู่ข้างๆโต๊ะที่ผมกำลังนั่งอยู่

“เอ่อ...ไม่ดีกว่า คงมีคนไปเชียร์เยอะแล้ว ขาดเราไปคนเดียวคงไม่เป็นไร” ผมส่ายหน้าบอกกับสองสาวยิ้มๆ ความจริงแล้วผมขี้เกียจเองน่ะ วันนี้มีแข่งบาสตัดสินรอบชิงชนะเลิศระหว่างคณะเศรษฐศาสตร์และคณะสถาปัตย์ฯ แชมป์เก่า  ตอนแรกเมฆมันก็คะยั้นคะยอให้ผมไปดูด้วยกันนั่นแหละ แต่ผมก็ยังยืนยันคำเดิมว่าไม่ เมฆจึงยอมและไม่ได้เซ้าซี้อะไรผมอีก ตอนนี้ผมเลยมานั่งอ่านหนังสืออยู่ในร้านกาแฟเล็กๆ ไม่ใกล้ไม่ไกลจากโรงยิมที่กำลังมีการแข่งขัน

“อ่า...งั้นหรอ ถ้าอย่างนั้นพวกเราไม่กวนรันต์แล้ว บายจ้ะ” กิ่งพูดพร้อมรอยยิ้มเจื่อนก่อนจะเอ่ยลา ผมยิ้มให้พวกเธอเล็กๆ แล้วก้มลงไปไล่สายตาอ่านตัวหนังสือในมือต่อเป็นการตัดบทลากลายๆ  ไม่นานก็ได้ยินเสียงฝีเท้าห่างออกไป ผมรู้ดีว่าการกระทำของผมเป็นการเสียมารยาทต่อพวกเธอขนาดไหน  แต่ว่าเป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว ผมรักษาระยะห่างความสัมพันธ์กับทุกคนแบบนี้เสมอ  แม้ช่วงนี้มีพูดมากกว่าปกติก็คือเก่งกับอ๋องเพราะเมฆสนิทกับพวกเขา แต่นอกเหนือจากนั้นผมก็ไม่พูดมากเกินความจำเป็น  ถึงอย่างนั้นก็มีตัวป่วนโผล่เข้ามาในชีวิตเรื่อยๆ อย่างนัอยตอนนี้ก็เพิ่มมาอีกสี่คนล่ะนะ -_-

Rrrr  Rrrr  Rrrr

“อือ ว่าไง” ส่งเสียงถึงปลายสาย ตายยากจริงๆ พูดถึงก็โทรมาเลย

(อยู่ไหนวะ) เสียงเมฆตะโกนดังแข่งกับเสียงเซ็งแซ่รอบๆ กายเขา

“ก็ที่เดิมอ่ะแหละ  ผลเป็นไงบ้างล่ะ”

(ก็สูสี เหลือควอเตอร์สุดท้ายกำลังจะแข่งนี่แหละ)

“อ่าฮะ แล้วโทรมามี’ไร” ถามเขาเสียงเนือย สายตาก็กวาดไล่อ่านตัวหนังสือในมือต่อ

(ก็ไม่มีอะไร กลัวมึงจะเบื่อ ชวนมาก็ไม่มา) เมฆบ่นหงุงหงิงในลำคอ

“กูไม่เบื่อหรอกน่า”

(เออ เป็นอย่างนั้นก็ดีไป ก่อนแข่งพี่สมิธก็เดินมาถามหามึงเนี่ย  แกบอกไลน์หามึงก็ไม่ตอบ)

“หรอ ไม่เห็นอ่ะ มีอะไรสำคัญรึเปล่า?” จริงๆ ก็เห็นแจ้งเตือนแว่บๆ แต่ไม่ได้สนใจเปิดดู

(ไม่รู้ว่ะ มึงก็เข้าไปดูหน่อยแล้วกัน แค่นี้ก่อนนะ แข่งเสร็จแล้วเดี๋ยวไปหา)

“เค”

หลังจากวางสายจากเมฆ ผมก็เข้าโปรแกรมแชทชื่อดังสีเขียว มีข้อความจากพี่สมิธจริงๆ ด้วย

สะมุด สะมิด : ไอ้น้องรันต์ อยู่ไหนวะครับ  (10:24)

สะมุด สะมิด : ออกมาเจอกูดิ๊  มึงจะมาดูเขาแข่งบาสป่ะเนี่ย  (10:25)

สะมุด สะมิด : เห้ยยยยยย ตอบกูหน่อยยยย  (10:30)

สะมุด สะมิด : มึงตายยังเนี่ย หรือว่าขี้อยู่อ่ะ  (10:33)

สะมุด สะมิด : รันนนนนนนนนนน (10:55)

สะมุด สะมิด : เฮลโลลลลลลลลลลล (10:57)

สะมุด สะมิด : เมี๊ยววววววววววว (11:02)

สะมุด สะมิด : ฮือออออออ  (11:17)

เอิ่ม มึงว่างจังวะพี่ พยายามเหลือเกิน หรือว่าวันนี้ประสาทขึ้นก็ไม่แน่ใจ

Run Run : ครับ?  (11:42)

ผมพิมพ์ตอบกลับเขาสั้นๆ ก่อนจะวางสมาร์ทโฟนลงแล้วหันมาสนใจหนังสือต่อ

ติ้ง! เสียงแจ้งเตือนดังขึ้นภายในเวลาไม่ถึงสองนาที ก็จากพี่สมิธนั่นแหละ

สะมุด สะมิด : สาสสสส มึงไม่ตอบกูปีหน้าเลยล่ะ (11:44)

Run Run : ก็ได้นะครับ  (11:45)

สะมุด สะมิด : กูประชดโว้ยยย  กวนตีนนะมึงนิ  (11:45)

Run Run : แล้วพี่มีอะไรรึเปล่าครับ? ถึงได้โหยหวนอะไรขนาดนั้น  (11:46)

สะมุด สะมิด : ก็ที่ถามตอนแรกไง๊  มึงไม่มาดูเขาแข่งบาสกันอ่ะ เพื่อนมึงก็ลงเล่นนี่หว่า (11:47)

Run Run : ไม่ครับ  (11:47)

สะมุด สะมิด : ทำไมง่ะ  (11:48)

Run Run : ผมไม่สะดวก  (11:50)

สะมุด สะมิด : ตอแหล ไอ้เมฆบอกกูหมดแล้ว  (11:52)

ไอ้เมฆ ไอ้เพื่อนทรยศ

Run Run : ครับ (11:54)

สะมุด สะมิด : มึงเนี่ยน้า หัดเข้าสังคมบ้างดิ  (11:56)

Run Run : ไปดูเขาแข่งไป  (11:57)

พิมพ์ตัดบทส่งหาพี่สมิธเสร็จผมก็ล็อคหน้าจอแล้วไม่ได้สนใจโทรศัพท์อีก  ผมนั่งละเลียดเสพวรรณกรรมได้สักพักใหญ่ก็มีอันต้องสะดุ้ง เมื่ออยู่ๆ ก็ถูกรัดคอจากด้านหลัง

“ไง ถึงกับสะดุ้งเลยหรอ” เสียงจากพี่สมิธดังขึ้นข้างๆ หู ผมเอี้ยวตัวกลับไปมองด้านหลัง กวาดสายตามองพบว่าเขาไม่ได้มาแค่คนเดียว แต่มีพี่เซนท์ พี่ใจดี เมฆ และทศกัณฐ์ ยืนอยู่ด้วย ผมกรอกตามองพี่สมิธหน่ายๆ พร้อมดึงแขนเขาที่รัดคอผมอยู่ออก พี่สมิธก็ยอมปล่อยแต่โดยดี

“แข่งเสร็จแล้วหรอครับ” ผมเอ่ยถาม ตอนนี้ทุกคนพากันหยิบเก้าอี้คนละตัวสองตัวจากโต๊ะอื่นมานั่งล้อมผมไว้ ดีนะที่คนในร้านไม่ค่อยเยอะเลยไม่มีใครว่า ถึงอยากว่าก็คงไม่กล้าอยู่ดี  ดูขนาดตัวแต่ละคนดิครับ

“ไม่เสร็จมึงจะเห็นพวกกูเสนอหน้าอยู่ที่รึไง” ผมยักไหล่ให้ไอ้พี่สมิธ เขามันปากคอเราะร้ายจริงๆ

“อ่อ แล้วผลการแข่งเป็นยังไงบ้างครับ” ผมพยักหน้ารับแล้วหันไปถามพี่เซนท์แทน  รายนั้นก็ยิ้มกว้างให้ผมเมื่อผมถาม แค่ดูหน้าเขาก็พอจะรู้แล้วล่ะครับว่าผลเป็นยังไง

“แน่นอนว่าต้องชนะอยู่แล้ว” เห็นไหมว่าเป็นอย่างที่ผมคิด

“ยินดีด้วยนะครับ” ผมกล่าวแสดงความยินดีทั้งกับพี่เซนท์และพี่ใจดี

“งั้นมึงก็ต้องบอกไอ้ทศด้วยเพราะมันก็แข่งชนะเหมือนกัน นี่ถ้ากูได้ลงแข่งด้วยนะรางวัลที่หนึ่งไม่มีเหลือให้คณะอื่นหร๊อก” พี่สมิธพูดโม้ๆ ผมหันไปมองทศกัณฐ์ที่นั่งเยื้องด้านหลังผมนิดๆ รู้สึกปากหนักขึ้นเป็นเท่าตัวที่ต้องแสดงความยินดีกับเขาตามที่พี่สมิธบอก

“ยินดีด้วยครับ” ผมพูดเสียงเรียบๆ ไม่แสดงสีหน้าก่อนจะหันกลับมาทางเดิมอย่างรวดเร็ว บรรยายกาศมาคุขึ้นทันตาเมื่อทุกคนเงียบกริบกันทั้งกลุ่ม ก่อนที่พี่ใจดีบุคคลที่พูดน้อยสุดในกลุ่มจะเอ่ยปากทำลายความเงียบขึ้น

“เย็นนี้พวกเราว่างหรือเปล่า” เขาน่าจะหมายถึงผมกับเมฆ

“ผมก็ว่างนะ  แล้วมึงล่ะ” เมฆตอบพี่ดี ก่อนจะหันมาเลิกคิ้วถามผม

“ผมก็...ไม่มีอะไรเป็นพิเศษครับ”

“ดีเลย! เย็นนี้พวกพี่จะเลี้ยงฉลองกลุ่มบาสที่แข่งชนะวันนี้ น้องรันต์ไปนะๆ” เซนท์คะยั้นคะยอผมเต็มที่

“เอ่อ...คือผม” จะปฏิเสธไปตรงๆ ก็ทำไม่เต็มปาก ดวงตารีสวยของพี่เซนท์ก็จ้องมองมาอย่างคาดหวัง ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาชอบดึงผมเข้าไปมีส่วนร่วมนัก

“มึงก็ไปเถอะน่า พี่อุตส่าห์เอ่ยปากชวนขนาดนี้แล้ว” เมฆพูดกดดันผมอีกแรง รู้สึกเหมือนพวกเขากำลังไล่ต้อนผมเลยแฮะ

“ก็ได้ครับ” ผมตอบตกลงอย่างไม่มีทางเลือก

“โอเค งั้นแยกย้ายได้ เจอกันสองทุ่ม Club C” พี่สมิธเอ่ยพร้อมลุกขึ้นอย่างที่ปากว่า นี่ตกลงพวกเขาลงทุนมาที่นี่แค่เพื่อชวนผมไปด้วยเนี่ยนะ ลงทุนไปไหม

“ป่ะกลับ เดี๋ยวกูไปส่ง” เมฆบอกผมแล้วช่วยเก็บของใส่กระเป๋าให้ ทศกัณฐ์มองผมนิดๆ ก่อนจะเดินตามหลังเพื่อนออกไป เหลือเพียงผมกับเมฆที่ยังยืนอยู่

“ทุ่มหนึ่งเดี๋ยวมารับนะ” เมฆบอกหลังBMW จอดสนิทที่หน้าหอพักผม ผมพยักหน้ารับ เมฆขยี้หัวผมอย่างที่ชอบทำก่อนปล่อยลงจากรถ

เอี๊ยด! ทันทีที่BMWเมฆ เคลื่อนตัวพ้นจากหอพักผมออกไป Aston martin สีเทาควันบุหรี่ก็จอดเทียบสนิทตรงหน้าผมทันที  ผมเปิดประตูก้าวขึ้นรถอย่างรู้งาน  ทศกัณฐ์ไม่ได้หันมามองผม เขาแตะคันเร่งเคลื่อนรถมุ่งหน้าสู่สถานที่ที่เราคุ้นเคยกันดี
.
.
.
.
.
.
.

เมื่อกลับถึงคอนโดฯ ทศกัณฐ์ ผมก็มุ่งหน้าเดินเข้าห้องน้ำ ล้างมือล้างเท้าด้วยความเคยชิน  จังหวะที่จะเดินออกไปก็เจอร่างสูงของทศกัณฐ์ยืนดักหน้าประตูไว้

“มีอะไรครับ?” ผมเอ่ยถามเขาด้วยความสงสัย อยู่ๆ มายืนจ้องหน้ากันนิ่งๆ แบบนี้ก็ทำเอาไปไม่เป็นเหมือนกัน

“หิว” เขาบอกผมสั้นๆ ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรเพิ่มเติม

“ก็ไปหาอะไรกินสิครับ มาบอกผมทำไม”

“ทำให้กินหน่อย” ทำไมผมถึงรู้สึกว่าน้ำเสียงเขาดูอ้อนๆ สายตาเขาก็อ่อนลง แต่คงเป็นไปไม่ได้ แค่คิดว่าผู้ชายอย่างทศกัณฐ์อ้อนก็ขนลุกไปทั้งตัวแล้ว

“คุณก็โทรเรียกคุณบราวนมาทำให้สิ” ผมบอกปัดเขาไป ตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจากนี้จะไม่ทำอะไรเพื่อเขาอีก

“สตีฟทำงานอยู่” เหอะ ถ้าคนของเขาไม่ว่างก็คงไม่นึกถึงผม

“โทรไปที่ครัวของคอนโดสิ อยากกินอะไรก็สั่งเอา หลีกทางผมด้วยครับ” ทศกัณฐ์หลีกทางให้ผมเดินออกจากห้องน้ำแต่โดยดี ผมรู้สึกได้ว่าเขาก็เดินตามหลังผมออกมา  ผมเดินเข้าไปที่ครัว ไม่ได้จะไปทำอาหารให้เขาหรอกนะครับ แค่จะไปหาอะไรกินรองท้องก็เท่านั้นเอง ขนมปังที่กินไปในร้านกาแฟก็ย่อยไปหมดแล้ว ช่วงนี้ผมหิวบ่อยจริงๆ

ผมเปิดตู้เย็นสำรวจว่าพอมีอะไรที่จะรองท้องก่อนตอนเย็นได้บ้าง ขณะที่กำลังหาอยู่ จู่ๆ ก็มีแรงกอดรัดที่เอวจากด้านหลัง  คงไม่ต้องเดาก็คงจะรู้ว่าเป็นใคร

“ปล่อย” เอ่ยบอกเขาเสียงเรียบ มือก็ยังค้นหาของกินในตู้เย็นต่อไป ไม่ได้สนว่าลมหายใจอุ่นๆ ของอีกคนอยู่ในระยะประชิดจนสัมผัสได้

“หิว” สัมผัสเปียกชื้นที่หลังคอ ทำให้มือที่กำลังค้นหาของกินชะงักไป ผมถอนหายใจหน่ายๆ

“อย่าทำเป็นรอยละกัน” แม้จะรู้ดีว่าทศกัณฐ์เป็นพวกที่ไม่ชอบทิ้งรอยในจุดโจ่งแจ้งโดยเฉพาะบริเวณต้นคอที่เขาไม่เคยทำเลย ผมก็เตือนเขาไปอย่างนั้นเอง ถ้าจะห้ามคนอย่างทศกัณฐ์ก็คงจะยาก

โอ้ย!

พูดยังไม่ทันขาดคำ ความรู้สึกเจ็บจี๊ดบริเวณหลังต้นคอทำให้ผมหลุดปากอุทานเสียงดังลั่น  ต้นเหตุก็มาจากไอ้คนที่ผมพึ่งบอกไปหยกๆ นั่นแหละ  ผมเอี้ยวตัวหันไปตวัดสายตาไม่พอใจใส่ทศกัณฐ์ทั้งๆ ที่อยู่ในอ้อมแขนของเขา นัยน์ตาสีเขียวแสนเจ้าเล่ห์ก็มองตอบอย่างไม่ยอมแพ้  ทศกัณฐ์ก็มักเป็นอย่างนี้ ไล่ต้อนบีบบังคับผู้อื่นให้ทำในสิ่งที่เขาปรารถนาเสมอ

หลังต่อสู้กันทางสายตาพักใหญ่ ผมก็ยักไหล่ใส่เขาเหมือนไม่แคร์ว่าเขาจะทำอะไร ถ้าได้ยอมเขาแล้วมันก็ต้องยอมไปเรื่อยๆ สิ ผมจะสอนให้เขาได้รู้ว่าไม่มีใครได้ในสิ่งที่ต้องการเสมอไปหรอก ผมหันกลับไปหยิบสลัดทูน่าในตู้เย็นออกมา  กินกับขนมปังแก้ขัดไปก่อนก็ได้วะ  ไม่ว่าผมจะเดินไปทางไหน ทศกัณฐ์ก็จะเดินเกาะเอวตามผมไปในทุกที่   คงเป็นท่าที่แปลกๆ พิลึก

“นี่คุณ เป็นปลิงหรือไงถึงได้ตามเกาะผมไม่ปล่อยแบบนี้” ผมบ่นให้ทศกัณฐ์ด้วยความรำคาญเล็กๆ ของตัวเอง  แต่มือก็ยังป้ายสลัดทูน่าใส่ขนมปังไม่หยุด

“หึ” ทศกัณฐ์ไม่ได้ตอบโต้อะไรผมอีก เขาเพียงกอดเอวผมนิ่งๆ อยู่อย่างนั้น  เมื่อผมทำแซนวิชใส้สลัดทูน่าสำหรับตัวเองเสร็จ ผมก็เตรียมหยิบเข้าปากโดยไม่สนใจอีกคนข้างหลัง  ยืนกินมันทั้งอย่างนี้นี่แหละ

“อ๊ะ” แซนวิชในมือผมร่วงผล็อย  ความรู้สึกเสียวแปลบเกิดขึ้นกะทันหันทำเอามือไม้ผมอ่อนแรงอย่างไม่น่าเชื่อ มือหนาของทศกัณฐ์ไปอยู่ที่ยอดอกภายใต้เสื้อนิสิตผมตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

“อื้ออออ ยะ...หยุดนะ!”  ทศกัณฐ์ลงมือบดขยี้ยอดอกผมอย่างต่อเนื่อง  ริมฝีปากหนาได้รูปพรมจูบไปทั่วหลังคอและใบหู  ความเสียวซ่านเข้าจู่โจมไม่หยุดจนผมต้องค้ำมือทั้งสองข้างลงกับเคาน์เตอร์หินอ่อนในครัว นี่ถ้าอีกมือหนึ่งของทศกัณฐ์ไม่ประครองเอวผมไว้ ไม่แน่ว่าตอนนี้ผมอาจทรุดลงไปกับพื้นแล้วก็ได้

“หยุดทำไม? มึงบอกว่ากูเป็นปลิงนี่ ปลิงก็ต้อง ‘ดูด’ เลือดสิ” ว่าจบเขาก็จัดการ ‘ดูด’ อย่างที่ปากว่าจริงๆ  ผมพยายามเบี่ยงตัวหลบทศกัณฐ์แต่ก็ทำได้ยากเต็มที  ตอนนี้กระดุมเสื้อผมถูกปลดออกทุกเม็ด มือทศกัณฐ์ย้ายไปบดคลึงยอดอกอีกข้างเพื่อไม่ให้เสียเปรียบกัน  แนวฟันบนขบริมฝีปากล่างแน่นเพื่อสะกดกลั้นเสียงจากห้วงอารมณ์ที่อีกคนก่อ  ยังไงผมก็จะต้องไม่ใช่คนแพ้ในเกมส์นี้

“หึ กลั้นไปให้ได้จนจบนะรันต์” น้ำเสียงทศกัณฐ์มีความเย้าแหย่ให้ผมปรี๊ดแตก  ทศกัณฐ์ละมือออกจากยอดอกผมก่อนจะกวาดข้าวของบนเคาน์เตอร์ลงพื้นแล้วยกสะโพกผมขึ้นไปนั่งแทนโดยพลิกให้ผมหันหน้าเข้าหาตัวเอง  แล้วสอดกายแทรกระหว่างขาผมอย่างรวดเร็วแถมยังถอดแว่นผมไปเสียบไว้กระเป๋าหลังกางเกงอีก ว่าแต่ผมเบาจนยกง่ายๆ ได้ขนาดนี้เลยหรอวะ

“อุ๊บ!…อื้อ”  เมื่อสบโอกาส ริมฝีปากหนาก็ประกบจูบลงมาอย่างรวดเร็ว รสจูบที่ทศกัณฐ์มอบให้เต็มไปด้วยความร้อนแรงและอยากเอาชนะ  แน่สิก็ผมไม่ยอมเขาจริงๆ  ทศกัณฐ์บดจูบกับริมฝีปากผมอย่างดูดดื่ม การจูบครั้งนี้ไม่เรียกว่าจูบซะทีเดียว น่าจะเรียกว่าดูดริมฝีปากซะมากกว่า  มันทั้งเจ็บและชาจนผมมึนไปหมด  รู้ตัวอีกทีช่วงล่างผมก็สัมผัสกับความโล่งเย็นของเคาน์เตอร์หินอ่อนเข้าซะแล้ว  นี่เขาจะมือไวเกินไปแล้วนะ

“อึก...อ๊ะ!” ทศกัณฐ์ย้ายริมฝีปากมาละเลงลิ้นลงกับยอดอกผมรัวเร็ว มือก็บดขยี้กับยอดอกข้างที่ว่าง  ผมแทบจะกลั้นเสียงเอาไว้ไม่อยู่  มือผมก็ผลักหน้าทศกัณฐ์ให้ออกห่างแต่กลับสู้แรงของเขาไม่ได้เลย รู้อย่างนี้ผมน่าจะตั้งใจออกกำลังกาย เผื่อจะสู้แรงของเขาได้บ้าง

“พอ...อ๊า...” ผมพยายามจะบอกให้เขาหยุดแต่ก็ต้องร้องจนเสียงหลงเมื่อมือหนาอีกข้างของทศกัณฐ์กำลังหยอกล้อกับส่วนอ่อนไหวของผมอยู่  เขาใช้หัวแม่มือขยี้ส่วนปลายซ้ำๆ พร้อมชักขึ้นชักลงอย่างเป็นจังหวะเน้นๆ จนมันแข็งสู้มือเขาอย่างน่าอาย   ผมหนีบขาเข้าหากันเพื่อหยุดยั้งการกระทำของเขา แต่ขาผมช่างง่อยเปลี้ยเหลือเกิน ลำแขนทศกัณฐ์เกือบจะหนาพอๆกับขาอ่อนผมเลยเถอะ(?)

จุ๊บ...จ๊วบ...  เสียงดูดจากริมฝีปากของทศกัณฐ์ดังแข่งกับเสียงหอบหายใจผมท่ามกลางความเงียบภายในห้อง  มือหนาก็ทำหน้าที่ขยับไม่หยุด จนสุดท้ายผมต้านทานความต้องการไม่ไหวจึงปลดปล่อยหยาดน้ำสีขุ่นออกมาเปรอะเปื้อนเต็มมือทศกัณฐ์และหน้าอกของเขาและผม

“แฮ่ก...แฮ่ก...” ผมหายใจหอบถี่  สองมือเกาะบ่าอีกคนอย่างไม่รู้ตัว รู้สึกว่าจะเผลอจิกเล็บลงไปด้วยสิ เพิ่งสังเกตว่าเขาถอดเสื้อออกไปแล้วเหลือเพียงแค่กางเกงยีนส์ติดร่างกายไว้  ทศกัณฐ์ผละใบหน้าออกจากร่างกายผม  เขายกมือที่มีน้ำกามผมขึ้นตวัดเลียเบาๆ สายตาคมกริบจับจ้องมาที่ผมเหมือนนักล่ากำลังจ้องจะตะครุบเหยื่ออย่างไรอย่างนั้น  ผมมองเขาอึ้งๆ ไม่คิดว่าเขาจะกล้าลิ้มลองมัน  เขากระตุกยิ้มให้กับสีหน้าผม

พรึ่บ! ไม่รอช้า ทศกัณฐ์ยกขาทั้งสองข้างผมขึ้นบนเคาน์เตอร์พร้อมแยกออกกว้างจนเห็นอะไรต่อมิอะไรหมด  ผมก็หนีบแล้วหนีบอีกแต่สู้แรงไอ้ยักษ์หื่นกามนี่ไม่ไหวจริงๆ

อึ่ก  เขาใช้นิ้วข้างที่เปื้อนน้ำของผมสอดเข้ามาที่ช่องทางด้านหลังตอนผมเผลออย่างรวดเร็ว  ร่างกายผมรัดเกร็งขึ้นโดยอัตโนมัติเมื่อมีสิ่งแปลกปลอมสอดแทรกอยู่ภายใน  แต่คิดว่าคนอย่างทศกัณฐ์จะสนหรอ แม้ข้างหลังผมจะเกร็งเพียงใดเขาก็ยังดึงดันจะขยับนิ้วอยู่ดี

“ถ้าไม่อยากเจ็บตัวก็อย่าเกร็ง” เกร็งไม่เกร็งกูก็เจ็บโว้ย  เขามันผู้ชายเลือดเย็นของจริง  ทำไมชั่วขณะหนึ่งผมถึงเคยคิดว่าเขาน่าจะอ่อนโยนได้นะ  สุดท้ายผมก็ต้องค่อยๆ ผ่อนคลายร่างกายตัวเอง  ไม่ใช่เพราะทศกัณฐ์ แต่ผมรักตัวเองต่างหาก

นิ้วที่สามถูกสอดเพิ่มเข้ามา  มันคับแน่นจนแทบขยับไม่ได้  ทศกัณฐ์จึงก้มลงไปถ่มน้ำลายใส่นิ้วตัวเองเพื่อเพิ่มน้ำหล่อลื่นแล้วขยับอีกครั้ง  มือหนาอีกข้างของเขาก็ช่วยขยับรูดรั้งส่วนกลางกายของผมให้มีอารมณ์ร่วม  ความเสียวซ่านละลอกใหม่เริ่มก่อตัวอีกครั้ง  มือทั้งสองข้างผมจิกลงที่ไหล่หนาระบายความเสียวที่เกิดขึ้น  ไม่นานทศกัณฐ์ก็ถอนนิ้วทั้งสามออก  ผมหลับตาปี๋เมื่อรู้ว่าสิ่งที่ใหญ่กว่ากำลังจะเข้ามาแทนที่

เฮือก...ทันทีที่ส่วนหัวชำแหละเข้ามาในร่างกายก็ทำเอาผมสะดุ้งสุดตัว  แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังหลับตาและพยายามผ่อนคลายร่างกายตัวเองเอาไว้

“ซี๊ดดด...ลืมตาดูรันต์  ดูว่าตอนนี้กูกำลังอยู่ในตัวมึง” เสียงแหบพร่าของทศกัณฐ์ดังขึ้นเบาๆ ที่ข้างหู  ผมส่ายหน้าแรงๆ อย่างไม่ต้องการ  ได้ยินเสียงทศกัณฐ์หัวเราะเบาๆ ที่ข้างหูและสะโพกหนาเริ่มขยับช้าๆ เนิบนาบอย่างเป็นจังหวะ  สัมผัสที่หนักหน่วงเริ่มทำให้ผมมีอารมณ์คล้อยตามจังหวะที่ทศกัณฐ์นำพา  มันช่างร้อนและแนบแน่นมากกว่าปกติอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

เสียว...ยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ที่เคยทำกัน

“อ่าห์...เสียวชิบ” ทศกัณฐ์ครางต่ำในลำคอ  ซอยสะโพกเร็วและลึกขึ้นจนไปโดนจุดกระสันภายในของผม  ร่างกายกายสั่นสะท้านและเสียววูบวาบที่ท้องน้อย ช่องทางรักและกลางกายไม่หยุด  ผมกัดริมฝีปากกลั้นเสียงจนห้อเลือด  ภายในผมขมิบถี่รัวๆ ทศกัณฐ์ก็ยิ่งขยับสะโพกถี่เร็วเมื่อรู้ว่าผมใกล้จะถึง  ในที่สุดผมก็ปลดปล่อยออกมาอีกครั้งทศกัณฐ์จึงขยับสะโพกช้าลง  ทศกัณฐ์ไม่ปล่อยให้ผมพักหายใจได้นาน เขาจับพลิกตัวผมนอนตะแครงข้างแล้วจับขาอีกข้างของผมขึ้นพาดบ่า  จากนั้นก็ไถลตัวตนเข้ามาจนสุดลำ

“อ๊า...” มันเสียวมากจนผมหลุดปากครางลั่น  สายตาผมเหลือบเห็นเขาหลุดยิ้มพอใจออกมา  ผมสะบัดหน้าหนีไปอีกทางมือเรียวยกขึ้นปิดปากตัวเองไว้ไม่ให้เสียงใดๆ เล็ดลอดออกไปได้อีก  รู้สึกแย่ที่ตัวเองร้องอย่างกับผู้หญิงอย่างไรอย่างนั้น

ฟอดดดด...ทศกัณฐ์ก้มตัวลงมาหอมแก้มผมฟอดใหญ่ก่อนจะขยับกายอีกครั้ง  เขาคงภูมิใจมากสินะที่ทำผมหลุดเสียงได้  แน่นอนว่าการที่เขาทำแบบนี้ก็เป็นการเยาะเย้ยผมกลายๆ

“หึๆ  ถ้าเสียวก็ร้องออกมาเถอะน่า  ไม่ล้อหรอก” กายหนาบอกพลางขยับส่วนล่างไปด้วย  สายตาที่เขาจ้องมองมาทำเอาเลือดในกายร้อนรุ่มแปลกๆ  ผมยังเงียบแม้จะเสียวแทบขาดใจก็ตาม

ทศกัณฐ์ขยับจังหวะซอยสะโพกหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ  มันโดนจุดนั้นผมครั้งแล้วครั้งเล่า  ท่านี้ทำให้แก่นกายของทศกัณฐ์ขยับเข้ามาได้ลึกมากและมันกำลังจะทำให้ผมเสร็จอีกแล้ว  ผมกัดฟันแน่นเมื่อทศกัณฐ์ก้มลงมาดูดแถวๆ ติ่งหูเพิ่มความเสียวสะท้านมากขึ้นไปอีก ตัวผมสั่นคลอนอย่างรุนแรงเมื่อทศกัณฐ์ขยับกายถี่ขึ้นเรื่อยๆ เขาก็ใกล้จะถึงฝั่งเต็มที ข้างหลังผมขมิบตอดรัดตัวตนของเขาอย่างรู้งานจนน่ารังเกียจ

พายุอารมณ์ถาโถมเข้ามาอย่างไม่หยุดยั้ง จนในที่สุดร่างกายผมเกร็งกระตุกถี่ๆ ช่องทางก็ขมิบรัวแล้วปลดปล่อยออกมาเป็นครั้งที่สามโดยที่ไม่ได้แตะต้องส่วนนั้นของตัวเองแม้แต่น้อย  ทศกัณฐ์ขยับสะโพกต่ออีกเพียงไม่กี่ครั้งก่อนจับสะโพกผมตรึงแน่นกดกายเข้ามาจนสุดแล้วกระตุกปลดปล่อยหยาดน้ำออกมา

สัมผัสจากการฉีดพ่นน้ำกามและความอุ่นวาบที่ผมได้รับเต็มท้องน้อยและช่องทางด้านหลังที่ผมไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนทำเอาผมเบิกตากว้างและตัวสั่นขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่


[ต่อ reply ถัดปายยยย :katai3:]
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 21♡P.14[22/4/60]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 22-04-2017 17:26:04
ใจยักษ์ 21 (ต่อ)


“คุณ...ไม่ได้ใส่ถุงยางงั้นหรอ” นานกว่าที่ผมจะเรียกสติและหาเสียงตัวเองเจอ  ทศกัณฐ์ก็เหมือนจะอึ้งๆ ไปเหมือนกัน  เขาก็คงลืมทั้งๆ ที่ไม่ควรจะลืมได้เลย  ผมไม่น่าสะเพร่าเลยจริงๆ  มิน่า มันถึงรู้สึกมากกว่าที่ผ่านๆ มา

“กูสะอาดพอ  เรื่องโรคกูกล้ารับรองว่าไม่มี” ทศกัณฐ์เอ่ยเสียงเรียบ ชั่วแว่บนึงผมเห็นแววตาเขาวูบไหวแปลกไปจากเดิม แต่ตอนนี้ผมไม่มีกะจิตกะใจมาสนเรื่องนั้นหรอก

“ถ้าแค่เรื่องนั้นก็ดีน่ะสิ  ออกไปจากตัวผมได้แล้ว” ทศกัณฐ์เงียบแต่ยังไม่ยอมถอนกายออกไป  เราสองคนต่างก็รู้ดีว่าเรื่องที่ผมพูดหมายความว่าอะไร  คู่ขาที่ไหนเขาทำสดกันหรอ  ใครไม่ถือผมไม่รู้แต่เรื่องนี้ผมถือ ถ้าถึงขั้นนั้นมันก็เลยคำว่าคู่ขากันแล้ว  ผมไม่ได้หมายถึงว่าผมเป็นสถานะนั้น  แต่ว่าผมไม่อยากที่จะเฉียดกายหรือยื่นขาเข้าไปใกล้มันแม้แต่นิดเดียวต่างหาก ซึ่งทศกัณฐ์ก็น่าจะคิดแบบเดียวกับผม

“บอกให้เอาออกไปไง” ผมย้ำเสียงเข้มแกมหงุดหงิดเมื่อเห็นว่าทศกัณฐ์ยังนิ่งอยู่  แต่ทศกัณฐ์กลับจับขาผมทั้งสองข้างของผมให้เหนี่ยวเอวสอบตัวเองไว้ แล้วโน้มตัวมาอุ้มผมขึ้น  มือผมจึงต้องเหนี่ยวลำคอของอีกฝ่ายไว้กันตก

“ทำบ้าอะไรวะ” ผมหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิมรู้ตัวว่ากำลังชักสีหน้าใส่เขา  จากที่เหนื่อยๆ อยู่แล้วพอมีเรื่องนี้เข้ามาอีก ผมแทบจะเย็นไม่อยู่แล้ว

“จะพาไปห้องน้ำ  ถ้าเอาออกตอนนี้ เดี๋ยว...ไหลออกมาเต็มพื้น” ทศกัณฐ์ยังพูดเสียงเรียบ รักษาสีหน้าสงบนิ่งของตัวเองได้เป็นอย่างดี

“ก็ช่างหัวมันดิ” ผมยังคงดื้อดึงแม้จะรู้ตัวดีว่าภายในเฉอะแฉะมากแค่ไหน  ถ้าทศกัณฐ์ถอนกายออกจริงๆ ก็คงจะไหลเต็มพื้นอย่างที่เขาว่านั่นแหละ

“อยากให้เจฟกับสตีฟมาเห็นหรือไง” ทศกัณฐ์เอาจุดอ่อนผมขึ้นมาอ้าง  ผมจำนนต่อเหตุผลจึงเงียบแทนคำตอบ  ทศกัณฐ์จึงขยับเท้าก้าวเดินทั้งๆ ที่ร่างกายเรายังเชื่อมกันอยู่  ดีหน่อยที่ส่วนล่างของทศกัณฐ์ยังมีกางเกงยีนส์ติดอยู่ เพราะเขาเพียงแค่ปลดตะขอและรูดซิปลงเท่านั้น  ทุกย่างก้าวของทศกัณฐ์เป็นไปอย่างเชื่องช้าขยับแรงมากไม่ได้ ผมเห็นเขาขบกรามเสียแน่น  ตัวผมเองก็ทำอะไรไม่ได้ คงได้แค่ภาวนาให้ถึงห้องน้ำโดยเร็ว

ในที่สุดคำภาวนาผมก็เป็นผลทศกัณฐ์พาผมมาถึงห้องน้ำในห้องนอนเก่าผม  วางผมลงในอ่างก่อนค่อยๆ ถอนกายออกช้าๆ ได้ยินเสียงบ๊วบ ตอนเขาถอนกายออกเต็มสองรูหู  ผมหันหน้าหนีไปอีกทางอย่างปั้นหน้าไม่ถูก  ทศกัณฐ์กดเปิดระบบน้ำในอ่างให้ทำงาน  น้ำอุ่นที่ค่อยๆ เพิ่มสูงขึ้นทำให้ร่างกายผมกลับมาผ่อนคลายอีกครั้ง  ได้ยินเสียงทศกัณฐ์เดินออกจากห้องน้ำไป  ผมจึงไถลตัวตามความยาวของอ่าง  แม้อ่างห้องนี้จะไม่ใหญ่และหรูหราเท่าของห้องน้ำในห้องนอนทศกัณฐ์  แต่ผมว่ามันก็ใช้ได้ดีเลยล่ะ  ผมหลับตาพริ้มปลดปล่อยความเครียดที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้  ไม่นานก็ได้ยินเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาจนกระทั่งหยุดอยู่เหนือหัวผม

“ครีมอาบน้ำอยู่นี่นะ ชุดอยู่บนเตียง อย่าแช่นานเดี๋ยวไม่สบาย” เสียงทศกัณฐ์ดังขึ้นใกล้ๆ  ผมพยักหน้ารับทั้งๆ ที่ยังหลับตาอยู่  ผมได้ยินเสียงขยับตัวจึงเอ่ยสิ่งที่วนเวียนในหัวก่อนเขาจะเดินออกไป

“อย่าให้เกิดเรื่องแบบวันนี้ขึ้นอีก  ให้มันพลาดแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว โอเคนะ” ผมเอ่ยบอกเขาด้วยโทนเสียงราบเรียบไม่ใส่อารมณ์ใดๆ หลังคิดทบทวนกับตัวเองสักพัก

“อืม” เสียงปิดประตูดังขึ้นเบาๆ  เป็นแบบนี้ดีที่สุดแล้วระหว่างเรา…
.
.
.
.
.
.

“รันต์ตื่น...รันต์” เสียงปลุกพร้อมแรงที่เขย่าตัวทำให้ตื่นขึ้นด้วยความสะลึมสะลือ  หรี่ตาดูปรากฏว่าเป็นทศกัณฐ์นั่นเอง

“มีอะไรครับ” ผมค่อยๆ ขยับตัวลุกขึ้น นี่มันห้องนอนทศกัณฐ์นี่นา มาอยู่นี่ได้ไงวะ จำได้ว่าก่อนจะหลับไปผมนอนอยู่ที่โซฟาห้องนั่งเล่น(ห้องนอนเล็กนอนไม่ได้ ฝุ่นเยอะ) ถึงว่าทำไมนอนสบายจัง

“โทรศัพท์เข้า” ทศกัณฐ์บอกพร้อมยื่นโทรศัพท์ของผมมาตรงหน้า  ผมรับจากเขามาถืองงๆ สติยังไม่จูนเต็มที่

‘พี่เมฆเอง’

“อือ ว่าไง” กดรับสายพร้อมหาวไปด้วย  ทศกัณฐ์เดินไปที่ห้องแต่งตัว

(พึ่งตื่นหรอ กูกำลังไปรับนะ) ชิบหาย! ผมลืมเรื่องเมฆไปเลย  ความง่วงหายวับไปทันตา ผมเหลือบดูนาฬิกาตอนนี้หนึ่งทุ่มตรง ผมหลับไปตั้งแต่บ่ายสาม นานเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน

“เมฆ...คือมึงไม่ต้องมารับกูนะเว้ย เดี๋ยวกูไปเองได้”

(ทำไมอ่ะ  ก็กูบอกแล้วไงว่าจะไปรับ  มีอะไรรึเปล่าวะ...)

“กูอยากกินกระเพาะปลาน้ำแดงที่เยาวราชเมื่อตอนที่เราไปกินกันก่อนเปิดเทอมอ่ะ” กูขอโทษนะเว้ยเมฆ

(ตอนนี้เนี่ยนะ! ไกลแถมรถติดจะตายห่า ไปพรุ่งนี้ก็ได้มั้งเดี๋ยวกูพาไปกินไม่อั้น)

“กูอยากกินวันนี้  ตอนนี้” ผมยังคงดื้อดึงใส่เมฆ  รู้ว่าทำแบบนี้โคตรแย่ แต่ก็ไม่มีทางเลือกจริงๆ

(ก็ได้...มึงไปรอที่ร้านเลยแล้วกัน  ไปถูกใช่ไหม?)

“ไปถูกๆ ขอบคุณนะเมฆ ”  แล้วน้องก็ขอโทษนะเมฆ  แต่เรื่องนี้น้องให้เมฆรู้ไม่ได้จริงๆ

(กูรักมึงนะ) ที่มันพูดแบบนี้ แสดงว่ามันต้องการบอกผมว่ายังมีมันอยู่ข้างๆ เสมอ มีอะไรก็บอกมันได้ทุกเรื่อง

“รู้” แต่ผมก็เลือกที่จะเงียบต่อไป

(งั้นแค่นี้ก่อนนะ เดินทางดีๆ ล่ะ มีอะไรก็โทรหากู) แล้วเมฆก็วางสายไป  ผมรู้ว่าเมฆไม่เชื่อหรอกว่าผมอยากกินกระเพาะปลาจริงๆ  แต่ที่มันยอมและไม่คาดคั้นอะไรก็ทำเพื่อความสบายใจของผมเท่านั้นเอง

“ไปล้างหน้าล้างตาไป จะได้แต่งตัวแล้วออกไป” เสียงทศกัณฐ์ดังขึ้นขัดความคิด  เขายืนพิงกรอบประตูกอดอกมองผมอยู่  ไม่รู้ว่าเข้ามาตั้งแต่ตอนไหน เสื้อเชิ้ตตามแฟชั่นสีขาวพอดีล็อคในด้วยกางเกงชิโน่สีกรมท่าพับเลยตาตุ่มขึ้นมาเล็กน้อยที่เอวก็สอดทับด้วยเข็มขัดHermes หัวสีทองโดดเด่น เครื่องประดับคือนาฬิกาสีเงินเรียบหรู  ผมทรงคลาสสิกอันเดอร์คัตเสยไปข้างหลังเปิดหน้าหล่อๆ และนัยน์ตาสีเขียวหม่นอันเป็นเอกลักษณ์ของเขาให้ชัดเจนยิ่งขึ้น  ทุกอย่างดูเข้ากันและลงตัวเมื่อมาอยู่บนร่างของผู้ชายคนนี้  ผมเบ้ปากนิดๆ ด้วยความหมั่นไส้ก่อนเดินผ่านหน้าเขาเข้าห้องน้ำไป  ดีที่ตอนลงจากเตียงขาไม่ทรุดลงให้เสียหน้าเข้าไปอีก  ไอ้ขานี่ก็สั่นไม่หยุดตั้งแต่เมื่อบ่ายละ ผมล่ะเซ็งจริงๆ

ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงเราก็มาถึงที่หมาย  ตอนแรกผมก็ให้ทศกัณฐ์จอดให้ก่อนถึงร้านนั่นแหละ  แต่ไอ้ยักษ์บ้านี่ก็ยังเฉยทำหูทวนลม  ผมเลยได้แต่ฮึดฮัดภายในใจอยู่คนเดียว

“ผมเข้าไปก่อนนะ  อีกสิบนาทีคุณค่อยเข้าไป” ผมบอกพร้อมเปิดประตูรถ ส่องซ้ายขวาไม่เจอคนรู้จักก็เตรียมวิ่งออกไป

“รันต์อย่าวิ่ง!” ได้ยินเสียงทศกัณฐ์ตะโกนไล่หลังมา  แต่ ณ จุดนี้ไม่สนอะไรแล้วครับ  เจ็บเป็นเจ็บ ดีกว่ามีคนมาเห็นว่ามาด้วยกันล่ะนะ

ผมเบียดกายแทรกผู้คนเข้าไปข้างใน  ที่ผ่านการ์ดเข้ามาได้ง่ายๆ เพราะพี่สมิธบอกว่าให้บอกเขาว่าเป็นน้องชายพี่ดี  ตอนแรกผมก็งงว่าทำไมต้องบอกแบบนั้น  มารู้ตอนหลังว่าพี่ดีเป็นเจ้าของร้านจากทศกัณฐ์น่ะครับ  เก่งชะมัดที่ทำร้านระดับนี้ขึ้นมาได้ด้วยอายุแค่นี้  แม้จะมีพ่อแม่คอยให้ความช่วยเหลืออยู่ก็เถอะ

ผมเดินขึ้นไปยังชั้นสองเห็นสมาชิกที่คุ้นหน้าคุ้นตากลุ่มใหญ่เด่นชัดมาก

“น้องรันต์  ทางนี้ๆ” เสียงพี่เซนท์กวักมือเรียกเสียงดังแข่งกับดนตรี  ผมเดินตรงเข้าไปหาพวกเขา  แม้ข้างหลังจะยังขัดๆ อยู่บ้างแต่ก็เดินได้ไม่แสดงอาการอะไร  ผมยกมือไหว้พวกพี่ๆ ทุกคนแล้วหันไปยกมือทักทายเมฆและอ๋อง  ภายในโต๊ะมีพี่ใจดี พี่เซนท์ พี่สมิธ เก่งและอ๋อง  โต๊ะข้างๆ กันก็เป็นกลุ่มนักกีฬาคณะที่ผมก็คุ้นๆ หน้าบ้างแต่ไม่รู้จักเป็นพิเศษเลยปล่อยผ่านไป  ผมทรุดนั่งโซฟาคู่ที่ยังไม่มีใครจับจอง เพราะพี่ดีนั่งคู่กับพี่เซนท์ เมฆกับอ๋อง พี่สมิธนั่งคนเดียว ซึ่งผมไม่อยากโดนกวนประสาท เลยเลือกที่จะนั่งตัวที่ว่างแทน พอเมฆมาก็จะให้มันนั่งกับผม เป็นอันจบ

ฟุ่บ! แรงยวบของโซฟาตัวเดียวกับผม ทำให้ผมหันไปมองอีกคนตาเขียวทันที  ทศกัณฐ์ทรุดนั่งลงข้างๆ อย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว

“ฮิ้วววว ก็ว่าอยู่ว่าทำไมไม่มานั่งข้างกู ที่แท้ก็รอไอ้ทศมานั่งด้วยนี่เอง” ไอ้พี่สมิธชงทันที  กูว่าละว่าต้องไม่พลาดช็อตนี้

“ไม่ใช่อย่างนั้นซะหน่อย พี่ชอบกวนประสาทผมเถอะ” ผมบอกหน้าบูดๆ

“หรอออออ” กวนติงชะมัดเลยไอ้พี่คนนี้

“แล้วไอ้เมฆทำอะไรอยู่ ยังไม่มาอีก” พี่ดีถามขึ้น

“ไปซื้อกระเพาะปลาให้ผมอยู่ครับ”

“มึงมาอยากกินกระเพาะปลาอะไรตอนนี้เนี่ย” พี่สมิธมองงงๆ

“เรื่องของผม” แลบลิ้นแถมให้ด้วย ไอ้พี่สมิธเลยทำท่าจะเข้ามาขย้ำคอซะให้ได้ถ้าไม่โดนพี่ดีมองดุๆ ซะก่อน

“น้องรันต์กินข้าวมารึยัง  สั่งอะไรหน่อยไหม” พี่เซนท์ถามผม ร้านนี้มีทั้งอาหารและเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ครับ

“ไม่ครับ  ผมรอกินกระเพาะปลาน้ำแดงจากเมฆ” มันอุตส่าห์ถ่อไปซื้อให้ซะขนาดนั้น ถ้าไม่กินผมก็จะใจร้ายกับเมฆเกินไปแล้ว

“อ่อ  แล้วมึงล่ะทศ  จะสั่งอะไรเพิ่มป่ะ ถึงพวกกูจะสั่งไปเยอะแล้วก็เถอะ” พี่เซนท์หันไปถามทศกัณฐ์แทน  เขานิ่งไปครู่หนึ่ง เหมือนกำลังครุ่นคิด  ก่อนคำตอบของเขาจะทำให้ใจผมกระตุกไปวูบหนึ่ง

“แซนวิชสลัดทูน่าละกัน” ผมไม่กล้าหันไปมองทศกัณฐ์เลย  ไม่รู้จะเผลอทำหน้าแบบไหนออกไป  ได้แต่ยกแก้วน้ำเปล่าขึ้นดื่มอย่างไม่รู้จะทำตัวยังไง

ระหว่างที่รออาหารภายในโต๊ะก็เต็มไปด้วยความครื้นเครงเพราะมี 3 ตัวชง ที่ค่อนข้างพูดเก่งรวมตัวกันอยู่ นั่นก็คือ พี่สมิธ พี่เซนท์ และอ๋อง นั่นเอง  ระหว่างที่ทุกคนกำลังคุยกันด้วยความสนุกสนาน ผมจึงได้โอกาสเปิดปากคุยกับทศกัณฐ์เบาๆ

“คุณ  ถ้าเมฆมาเมื่อไหร่ คุณย้ายไปนั่งข้างพี่สมิธนะ” ทศกัณฐ์หันมามองหน้าผมตรงๆ แล้วส่ายหน้าให้แบบมึนๆ ผมเลยถลึงตาใส่ทันที “ทำไม?”

“จะให้ผู้ชายตัวโตๆ สองคนนั่งเบียดกันรึไง  ตลกจะตายชัก” มันก็จริง พี่สมิธกับทศกัณฐ์นี่ตัวพอๆ กันเลย แต่ทศกัณฐ์น่าจะหนากว่าหน่อย  แล้วโซฟามันก็ไม่ได้แคบขนาดนั้นหรอก นั่งเบียดหน่อยสามคนยังได้เลย

“ไม่รู้ล่ะ แต่ผมจะนั่งกับเมฆ คุณต้องย้าย” ผมยังยืนยันเสียงแข็ง มองสบตาเขาอย่างไม่ยอมแพ้

“พี่ๆ หวัดดีครับ...ไงพวกมึง” เสียงเมฆดังขึ้นจากทางด้านหลัง ผมเงยหน้าขึ้นไปมองในมือเมฆมีถุงกระเพาะปลาหลายถุงเชียว  ไม่ได้ซื้อมาประชดกูใช่ไหมเนี่ย

“เออๆ ช้านะมึง มานั่งเร็วๆ จะได้แดกเหล้ากันซะที” อ้าวไอ้พี่สมิธ กูก็นึกว่าห่วงเพื่อนกู  ผมใช้สายตาไล่ทศกัณฐ์ ร่างสูงทำท่าว่าจะขยับลุกแต่เมฆดันไปนั่งลงข้างพี่สมิธซะก่อน  ทศกัณฐ์เลยนั่งลงแล้วยักใหล่ให้ผมอย่างช่วยไม่ได้  ผมแอบเบ้ปากให้เขานิดๆ ด้วยความหมั่นไส้

“อ่ะไอ้น้อง  กระเพาะปลาน้ำแดง แดกให้หมดนะมึง” เมฆส่งกระเพาะปลามาให้จากฝั่งตรงข้าม พี่ดีจึงเรียกพนักงานให้เอาชามมาให้ ประจวบเหมาะกับอาหารที่กำลังทยอยเอามาเสิร์ฟพอดี  เราจึงลงมือรับประทานด้วยความหิวโหย

หลังจากจัดการอาหารบนโต๊ะ และเคลียร์พื้นที่เรียบร้อย ก็เข้าสู่ช่วงที่ทุกคนรอคอย นั่นคือการดื่มเครื่องดื่มมึนเมานั่นเอง ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าอร่อยตรงไหน

“เอาเหล้ากันหมดเลยใช่ไหม” พี่ดีหันมาถามสมาชิกทุกคนก่อนจะสั่งพนักงานให้จัดแก้วได้ถูก

“ผมดื่มเบียร์นะพี่  กินเหล้าแล้วเมาง่าย” เก่งเอ่ยปากบอก หรือว่าผมจะเอาแบบเก่งดี เพราะเหล้าผมเมาง่ายมาก

“ผมก็เอาเบียร์เหมือนกัน” ผมยกมือบ้าง ทุกคนพากันหันมามองด้วยความแปลกใจ

“ค็อกเทลก็พอมั้งมึงอ่ะ” เมฆขัดขึ้น

“ไม่เอา จะกินเบียร์” ความรู้สึกเหมือนจะเป็นผู้ใหญ่ขึ้นอีกระดับ หึๆ

“เออๆ ตามใจมันเหอะ” พี่สมิธจึงตัดรำคาญในที่สุด

“กูเปิดโกลด์นะ” พี่เซนท์ว่า เห็นสายตาของไอ้อ๋องเป็นประกายเชียว

“เปิดบลูให้กูก่อน” ทศกัณฐ์ว่าเสียงเรียบ

“เฮ้ย! เอาจริงดิพี่” อ๋องพูดอึ้งๆ

“ฮ่าๆๆ มึงคิดว่ากำลังพูดอยู่กับใคร นี่ป๋าทศนะเว้ย” พี่สมิธพูดขึ้นอย่างอารมณ์ดี

“แต่มันไม่มีในโปรร้านนี่ครับ ก็เกิดมาผมยังไม่เคยดื่มเลยนี่พี่ บุญปากสุดก็โกลด์ที่ไอ้เมฆเลี้ยง” อ๋องบ่นอุบอิบ

“ไม่มีในโปร แต่สั่งเองได้ไง  แดกๆ ไปเถอะมึงไม่ได้เป็นคนจ่ายหรอก” ไอ้เมฆว่า ผมก็พยักหน้าเห็นด้วย ก็ดี จะกินให้แม่งหมดตัวเลย

“เหลือลังเดียวนะ ของมาอีกทีอาทิตย์หน้า” พี่ดีหันมาพูดกับทศกัณฐ์

“เปิดแค่ขวด สองขวด พอหายเสี้ยนก็ได้” พี่เซนท์บอก ทศกัณฐ์ก็พยักหน้าตกลง  รอไม่นานวิสกี้ราคาแพงก็ถูกนำมาเสิร์ฟแก่ทุกคนบนโต๊ะ พร้อมแก้วเบียร์ไซส์ใหญ่วางตรงหน้าผม  มีกับแกล้มสองสามอย่างทยอยมาทีหลัง  ผมยกเบียร์ขึ้นจิบ รสชาติเป็นขมฝาดๆ ลิ้นจนต้องเบ้หน้าเบาๆ หรือมันยังไม่ชินลิ้นวะ

“เป็นไง อร่อยไหม” ทศกัณฐ์ก้มลงมากระซิบถาม อยากจะพูดว่าอร่อยมากเพราะกลัวเสียหน้า แต่มันไม่อยากฝืนกินแล้วง่ะ ไม่อร่อยเลย  ทศกัณฐ์เลิกคิ้วมองท่าทางผมก่อนจะหลุดยิ้มขำแล้วยกมือเรียกพนักงาน

“โรเซ่ แก้วเล็กที่หนึ่ง” พนักงานรับคำก่อนจะเดินไป

“อะไรเล่า ผมกินได้เหอะ” ไม่ยอมให้เขาดูถูกง่ายๆ แน่  บรรยากาศภายในโต๊ะเต็มไปด้วยความครื้นเครง พอเหล้าเข้าปากก็เหมือนจะคล่องกันหมด  ไม่นานแก้วที่บรรจุน้ำสีเข้มกว่าเบียร์ที่ผมดื่มอยู่ก็วางลงตรงหน้าเป็นฟองๆ เหมือนกันเลยแฮะ

“ลองดื่มดู เป็นเบียร์เหมือนกันนั่นแหละ แต่มึงน่าจะชอบ” ทศกัณฐ์พยักหน้าไปทางแก้วเบียร์แก้วใหม่ตรงหน้าผมแล้วหันไปสนใจที่เพื่อนคุยกันไม่ได้มองผมอีก  ตอนแรกก็ไม่อยากจะฟังเขาเท่าไหร่หรอก แต่ว่าลองสักหน่อยก็ได้วะ

หอมดีแฮะ...อืม  กินง่ายกว่าเมื่อกี้เยอะเลย รสชาติเหมือนมีสตอรว์เบอร์รีผสมอยู่ด้วย

ผมดื่มอึกๆ เพลินไปหน่อยจนหมดแก้ว  รู้สึกไม่เมาเหมือนเหล้าแฮะ(เดี๋ยวแกก็รู้//YINGPREM)  ผมอยากดื่มอีกจึงตัดสินใจกระตุกเสื้อทศกัณฐ์ เขาหันมามองนิดๆ ว่ามีอะไร ผมยังเงียบ เขาเลยเหลือบมองไปแก้วที่ว่างเปล่า ก็ฉีกยิ้มมุมปากมาให้ผม  เขาชักจะยิ้มบ่อยเกินไปแล้วนะวันนี้

“โรเซ่ ไซส์แอล...อย่าดื่มเยอะนักล่ะ เมาเหมือนกันนะ” ทศกัณฐ์หันไปบอกพนักงานก่อนจะวกกลับมาคุยกับผม  ผมเลยยู่จมูกใส่เขานิดๆ  อย่ามาสอนซะให้ยาก คราวนี้ผมไม่เมาแน่ๆ

++++++++++++++++++++++++++++++++++

สมิธหันไปมองฝั่งตรงข้ามกับที่เขานั่งอยู่  ไอ้เด็กจอมกวนยกเบียร์ขึ้นดื่มอึกใหญ่ไปแก้วที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้  ตาก็เริ่มปรือแล้วด้วยสิ  แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีอะไรที่ต้องห่วงนัก เพราะไอ้น้องรันต์ไม่ว่าจะทำอะไรหรือขยับตัวไปไหนก็จะอยู่ในสายตาของเพื่อนเขาตลอด   ตั้งแต่ที่เขาเป็นเพื่อนกับทศกัณฐ์มายังไม่เคยเห็นมันสนใจใครเท่านี้มาก่อน  อย่าว่าแต่กับคนอื่นเลย  ขนาดเพื่อนมันก็ยังมีกำแพงของมัน  แต่พอเขาได้เห็นทศกัณฐ์เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นเขาก็ดีใจมากแล้ว  อยากให้เพื่อนได้มีความสุขเหมือนคนอื่นๆ เขาสักที

“ไปไหนอ่ะพี่” เมฆหันมาทักท้วงสมิธที่ลุกขึ้นยืน กำลังจะออกจากโต๊ะ

“ห้องน้ำ” สมิธหันมาตอบรุ่นน้อง ก่อนจะเดินแยกตัวออกมา  ยิ่งดึกผู้คนในคลับยิ่งเยอะเบียดเสียด  กว่าจะผ่านฝูงชนมาถึงห้องน้ำได้ก็เล่นเหนื่อยเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน

วูบ! สมิธหันไปมองรอบๆ ตัวด้วยความสงสัย  ความรู้สึกเหมือนกำลังโดนจ้องมองอยู่ตลอดเวลา มันทำให้กายเขาขนลุกซู่อยู่ตลอดเวลา  เขาบีบมือตัวเองที่สั่นขึ้นอย่างไม่มีสาเหตุ  ปฏิกิริยาแบบนี้ของร่างกายไม่น่าจะเกิดขึ้นอีก

ร่างสูงรีบเดินเข้าไปยังโถด้านในสุด จัดการรูดซิปแล้วควักน้องชายออกมาทำธุระให้เสร็จอย่างรวดเร็ว  เมื่อจัดการเสร็จก็ตรงดิ่งไปยังอ่างล้างมือ กวักน้ำใส่หน้าตนเองจนเริ่มสร่าง  หรือว่าเขาจะเมาจนคิดไปเอง

“หึๆ” เสียงปริศนาดังขึ้น ร่างสูงที่พึ่งจะสร่างหมาดๆ รีบหันไปทางต้นเสียงที่หน้าทางเข้า เห็นเพียงเสี้ยวแว่บๆ เดินออกไป  ใครมันกล้ามากวนประสาทเขากันถ้าจับได้แม่งจะกระทืบให้ คิดได้ดังนั้นสมิธก็รีบสาวเท้าตามไปติดๆ  เขาเห็นแผ่นหลังที่คาดว่าจะเป็นของบุคคลปริศนา

“หยุดนะเว้ย!” สมิธตะโกนสั่งอีกคนให้หยุด แต่บุคคลคนนั้นก็ยังเดินต่อไปด้วยท่าทีสบายๆ โชคดีที่เสียงเพลงค่อนข้างดังเลยไม่มีใครหันมาสนใจเขามากนัก  จนกระทั่งเขาตามมาจนทะลุหลังร้าน  ร่างปริศนาจึงได้หยุดยืนอยู่นิ่งๆ ทำให้สมิธที่เดินตามมาพลอยหยุดตามไปด้วย  แสงไฟจากลานจอดรถสาดส่องเข้ามา ทำให้เขาเห็นแผ่นหลังของบุคคลที่เขาเดินตามได้เต็มสองตา  ผมยาวสลวยสีบลอนด์ทองถูกมัดขึ้นลวกๆ แต่กระนั้นก็ยังยาวมาถึงกลางแผ่นหลังกว้างที่คุ้นตา

“ตามกูทำไม มึงเป็นใครกันแน่!” ไม่รู้เพราะอะไรดลใจให้เขาถามออกไปแบบนั้น  แม้ตอนนี้สัญชาตญาณเขากำลังร้องเตือนอย่างหนักว่าให้รีบถอยห่างจากคนๆ นี้

“จะให้หันไปจริงๆ น่ะหรอ” เสียงทุ้มแหบเอื้อนเอ่ยออกมาเพียงเท่านั้น ก็ทำให้อาหารที่สมิธเพิ่งกินไปแทบจะขย้อนออกมาให้ได้ ตัวเขาสั่นเทิ้มอย่างรุนแรงมองร่างตรงหน้าด้วยความรู้สึกหลากหลาย  เขาอยากหนีไปจากตรงนี้แต่ร่างกายเขาตอนนี้ราวกับมีโซ่จากทุกทิศทางมาตรึงไว้จนขยับไม่ได้  ระยะห่างราวสิบเมตรไม่ได้ช่วยให้เขารู้สึกดีขึ้นเลยสักนิด

ในตอนนั้นเองร่างสูงตรงหน้าสมิธกำลังจะขยับกาย ทำให้เขารีบร้องจนเสียงหลง

“อย่าแม้แต่จะหันมาเด็ดขาด” สมิธแทบจะไม่ได้ยินเสียงของตัวเอง ในหูของเขามันอื้ออึงไปหมด แต่อย่างน้อยบุคคลตรงหน้าก็ไม่ได้ขยับหันมาอย่างที่คิด

“หึๆ ไม่คิดถึงกันเลยหรือไง” น้ำเสียงทุ้มแหบพร่าเอ่ยกับสมิธด้วยโทนเสียงสบายๆ เหมือนถามสารทุกข์สุขดิบ

“มึงฝันกลางวันอยู่รึไง!” สมิธกัดฟันตอบโต้อีกคนอย่างสุดจะทน  เท้าของเขาก้าวถอยหลังเรื่อยๆ

“ก็คงจะฝันต่อไปอีกไม่นานหรอก” อีกคนตอบกลับออกมาปนหัวเราะเบาๆ ราวกับว่าจะมีเรื่องอะไรดีๆ เกิดขึ้นอย่างนั้น

“อย่ามาผิดสัญญา มึงต้องไม่โผล่หน้ามาให้กูเห็นอีก” เขาท้วงติงถึงพันธะสัญญาในอดีต  ความทรงจำอันเลวร้ายกำลังจะกลับมาหลอกหลอนเขาอีกครั้ง

“พี่ไม่เคยผิดสัญญา แต่จะเป็นนายต่างหาก ที่จะเดินเข้ามาหาพี่เอง” จบประโยคนั้นสมิธตัดสินใจหันหลังออกวิ่งกลับเข้าไปในร้านทันที  แต่เขาก็ยังไม่วายได้ยินเสียงของไอ้ปีศาจลอยเข้ามาในอากาศ

“มาหาพี่ได้ทุกเมื่อนะ มิตตี้” รอยยิ้มร้ายถูกจุดขึ้นบนใบหน้าคมสวยนิดๆ  สมิธวิ่งอย่างไม่ลืมหูลืมตาตรงดิ่งไปยังห้องน้ำข้างใน เมื่อปิดประตูยังไม่สนิทดี เขาก็ขย้อนสิ่งที่พึ่งกินไปออกมาอย่างกักเก็บไว้ไม่ไหว  สมิธโก่งคออ้วกซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนไม่เหลืออะไรจะหลุดออกจากกระเพาะได้อีก

ร่างสูงทรุดตัวนั่งอยู่ข้างโถส้วมด้วยความอ่อนแรง

เขาจะทำยังไงดี...สัตว์นรกนั่นกำลังคืบคลานเข้าใกล้เขามากขึ้นทุกทีแล้ว!!!

+++++++++++++++++++++++

เฮลโลลลล เปรมคัมแบ็คคคคค อิอิ ตอนนี้ช่างยาวเหยียดเหลือเกิน ชดเชยที่ห่างหายไปนานให้เต็มอิ่มกันไปเล้ย ขอบคุณทุกๆ คนมากนะคะสำหรับกำลังใจ  ตอนนี้ทุกอย่างเริ่มโอเคเคขึ้นมากแล้ว  แต่คงไม่ได้มาถี่มากเพราะเปรมก็ยังยุ่งๆ อยู่ อาจจะมาได้อาทิตย์ละประมาณ 2 ตอนนะคะ คิดถึงทุกคนเน้อ จุ๊ฟฟฟ :กอด1:
ป.ล.ถ้าไม่เป็นการรบกวนมากไปก็อยากให้ช่วยคอมเม้นแสดงความคิดเห็นให้หน่อยนะคะ จะได้เป็นแนวทางนำไปปรับปรุงงานเขียนต่อไป ชุ้บๆ :-[
ป.ล.2 ถ้าเม้นเยอะๆ ตอนหน้าจะมาเร็วเป็นพิเศษ จุ๊ฟฟฟ(หลบรองเท้าแพรพ อิอิ) :z6: :z3:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 21♡P.14[22/4/60]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 22-04-2017 17:32:16
 :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 21♡P.14[22/4/60]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 22-04-2017 18:02:27
 :a5: อย่าบอกนะว่ามิตตี้มีสามีน่ะ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 21♡P.14[22/4/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 22-04-2017 18:37:01
ฮึก ร้องไห้ ดีใจมากที่กลับมาสักที คิดถึงรันต์ ว่าแล้วมิตตี้ต้องมีสามีคึคึ

ว่าแต่น้องรันต์ เมื่อไหร่ เรื่องกับพี่ทศจะหลุด ว่าแต่ คู่นี้กำแพงหนาพอ ๆ กันเลย รันต์ทศเนี่ย
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 21♡P.14[22/4/60]
เริ่มหัวข้อโดย: question09 ที่ 22-04-2017 19:09:16
 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 21♡P.14[22/4/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 22-04-2017 19:09:43
ฮึ่ย......คนนั้นที่สมิธกลัว เป็นใครกันนะ
เพราะสมิธ ก็ตัวใหญ่ใกล้เคียงทศกัณฐ์
แต่เรียกสมิธ ซะน่าร้าก น่ารัก "มิตตี้"
น่าจะติดใจ ชอบสมิธ มากเลย
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 21♡P.14[22/4/60]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 22-04-2017 19:12:28
 :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 21♡P.14[22/4/60]
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 22-04-2017 20:41:06
สงสัยใจยักษ์นี่คงไม่ใช่หมายถึงทศกัณฑ์ละม้างงงง สงสัยคงเป็นรันต์ละที่ "ใจยักษ์ :hao7: :hao7:" อิอิ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 21♡P.14[22/4/60]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 22-04-2017 23:39:59
 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 21♡P.14[22/4/60]
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 23-04-2017 00:26:40
เจอคำว่ามิตตี้มาในหัวเราคือคิตตี้เลยค่ะ
พี่สมิธตัวใหญ่แล้วยังมีคนล้มได้อีกเหรอคะ แต่แบบนี้แหละค่ะที่ต้องการ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 21♡P.14[22/4/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 23-04-2017 01:33:45
ดีใจที่ได้อ่านต่อ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 21♡P.14[22/4/60]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 23-04-2017 01:49:50
 :katai5:


มิตตี้ ไปอีกกกกกกก
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 21♡P.14[22/4/60]
เริ่มหัวข้อโดย: จอมจุ้น6002 ที่ 24-04-2017 22:31:07
ช็อคกับ มิตตี้!!!!!! อ๊ากกกกกกก  :z3:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 21♡P.14[22/4/60]
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 25-04-2017 09:29:43
ปูเสื่อรอ หลังเลิกร้าน เด็กจะเมาม้าาาย
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 21♡P.14[22/4/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 26-04-2017 20:08:34
 :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 21♡P.14[22/4/60]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 26-04-2017 20:35:13
ใจยักษ์ 22


หมับ!  แรงบีบไม่แรงนักที่ข้อมือ ทำให้ผมที่กำลังจะลุกไปเข้าห้องน้ำหันกลับมามองอีกคนนิ่ง

“จะไปไหน?” ทศกัณฐ์เป็นคนที่เอ่ยปากถามขึ้นก่อน

“ห้องน้ำ ทำไม?” ผมฟาดเบียร์ไปสามแก้วแล้วเลยจะไปเอาออกสักหน่อย อาการตอนนี้ก็มึนๆนิดหน่อยแต่ยังสามารถประครองสติไว้ได้อยู่  สงสัยผมจะถูกกับเบียร์มากกว่าเหล้า

“ไปด้วย” ทศกัณฐ์ลุกขึ้นเต็มความสูงทั้งๆที่ยังจับข้อมือไว้อยู่ ผมเห็นพี่ดีเหลือบมาทางเรานิดๆจึงบิดข้อมือออกจากมือหนาอีกคนเนียนๆ แต่เขากลับกระชับแรงบีบขึ้นแล้วลากผมออกมาจากโต๊ะเฉยเลย

“ไปเองคนเดียวไม่เป็นหรือไงห้องน้ำ ทำตัวอย่างกับสาวน้อยไปได้” ผมบ่นอุบอิบคนเดียวระหว่างที่เดินโดยมีทศกัณฐ์จูงมืออยู่ด้านหน้า

“กูไอ้ยินนะรันต์ เดี๋ยวจะโดน” หูดีจริง ขนาดเพลงดังๆยังอุตส่าห์ได้ยินเฉย  ทศกัณฐ์พาผมเดินเบียดเสียดผู้คนมาจนถึงห้องน้ำจึงได้ปล่อยมือผมออก  สองเท้าผมรีบตรงดิ่งไปยังโถฉี่ที่ว่าง  มีผู้ชายกำลังทำธุระอยู่สองคน  มือเรียวกำลังรูดซิปกางเกงลงอยู่แล้ว แต่ก็มีแรงดึงจากข้างหลังอีกจนได้  จะดึงอะไรนักหนาวะ

“อะไรอ่ะ? จะราดอยู่แล้วนะ”ผมขมวดคิ้วมองทศกัณฐ์งงๆ จู่ๆมาห้ามไว้ทำไมเนี่ย

“ไปฉี่ในห้องน้ำไป” เขาบอกด้วยน้ำเสียงนิ่งๆแล้วผลักผมเข้าห้องน้ำก่อนจะแทรกตัวตามเข้ามาแล้วปิดประตูลงอย่างรวดเร็ว  ผมตาโตมองเขาด้วยความอึ้ง

“ตามเข้ามาทำไมวะเนี่ย” แม่งคนอยู่ข้างนอกก็มี  แล้วไอ้การที่ผู้ชายตัวโตๆเข้ามาเบียดกันในห้องน้ำสองคนมันใช่เรื่องปกติหรอวะ  ป่านนี้พากันคิดไปถึงไหนแล้วมั้ง

“กลัวลื่นล้มหัวฟาดฟื้น” เหตุผลเขาโคตรจะฟังไม่ขึ้นเลย  มีการกอดอกยืนมองผมอีก คิดว่าเท่ห์นักหรือไง

“ผมไม่ได้เมา คุณออกไปรอข้างนอกเลยไป เข้ามาด้วยกันแบบนี้คนอื่นเขาจะมองยังไง” บอกพร้อมกับดันอกหนาให้ออกไปด้วย  แต่นอกจากทศกัณฐ์จะไม่ขยับตัวตามแรงผลักผมแล้ว เขายังเบียดเข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆจนปากแทบจะแนบกันอยู่แล้ว แผ่นอกที่แนบชิดก็มีเพียงฝ่ามือทั้งสองกางกั้นไว้

“มองยังไงก็ช่างสิ เราไม่ได้ทำอะไรเสียหายสักหน่อย หรือว่า...มึงอยากทำ?” ผมอยากจะควักไอ้ลูกตาสีเขียวแสนเจ้าเล่ห์นั่นมาขยี้ให้แหลกซะจริงๆ  มันทำให้ผมร้อนวูบวาบไปทั่วทั้งกายเลย ปากที่ขยับแต่ละทีก็แตะกันแผ่วเบาราวกับว่าเขาจงใจจะแกล้งผม  ผมเลยเบี่ยงหน้าหนีเขาไปอีกทาง

“บ้า! งั้นหันหลังไปเลย” สุดท้ายก็ต้องยอมเขาอย่างไม่มีทางเลือก  ตอนนี้รู้สึกสมองมันตื้อๆจนคิดคำเถียงทศกัณฐ์ไม่ออก

“จะอายอะไรล่ะ เห็นจนจำได้หมดแล้ว” หมดคำจะพูดเลยครับ เขามันหน้าด้านหน้าทนจริงๆ

“ไม่ได้อายเหอะ แต่เวลามีคนมองแล้วมันจะฉี่ไม่ออกต่างหาก”

“แล้วทีเมื่อกี้จะปล่อยข้างนอก คนก็เยอะ ฉี่ออกรึไง?” ทำไมเขาถึงเป็นคนที่ดื้อด้านขนาดนี้นะ มันเหมือนกันที่ไหนเล่า

“คนอื่นเขาไม่ได้โรคจิตเหมือนคุณไง” ทศกัณฐ์ยักไหล่ไม่สะทกสะท้านกับคำเหน็บแนมของผม

“แล้วเมื่อไหร่จะฉี่สักที  ไหนว่าปวดมากไง” ผมเลยแยกเขี้ยวใส่เขาไปที ก่อนจะหันกายเข้าชักโครกแล้วจัดการธุระตัวเองให้เสร็จโดยไม่ได้สนใจไอ้คนข้างหลังว่าจะมองอยู่หรือไม่ก็ตาม พอแต่งตัวแล้วกดชักโครกเรียบร้อย

“ออกไปเดะ...อื้อออ” พอผมหันกายกลับไปหาทศกัณฐ์เพื่อบอกให้เขาออกไปก่อน แต่กลับโดนริมฝีปากของเขาจู่โจมอย่างไม่ทันตั้งตัว  ผมเบี่ยงหน้าหนีจากริมฝีปากของทศกัณฐ์ มือก็ผลักอกเขาออกห่าง แต่อีกคนก็ล็อคหน้าผมไว้แน่น เพื่อตอบรับรสจูบแสนเร่าร้อนจากเขา  ทศกัณฐ์ใช้มือข้างเดียวบีบแก้มผมแรงๆเพื่อให้เปิดปากรับลิ้นร้อนของเขาเข้ามาไล้เลียกวาดต้อนไปทั่วโพรงปากสลับเกี่ยวพันกับลิ้นผมที่พยายามหลบเลี่ยงเขาสุดกำลัง ริมฝีปากหนายังทำหน้าที่ได้ดีทั้งขบและดูดริฝีปากผมไม่ยอมหยุด  แอลกอฮอลล์ที่ผมพึ่งดื่มเข้าไปยังไม่สามารถทำให้ผมเมามายได้เท่ารสจูบของเขาเลย

ทศกัณฐ์พลิกตัวสลับตำแหน่งระหว่างผมและเขา โดยที่เขาเป็นคนลงไปนั่งลงบนฝาชักโครกก่อนจะรั้งเอวผมให้ลงไปนั่งคร่อมตักตนเองทั้งๆที่ยังประกบริมฝีปากกันอยู่  ทศกัณฐ์จูบกับผมอยู่สักพักใหญ่ จากนั้นจึงค่อยๆเคลื่อนริมฝีปากมาจูบซับข้างๆแก้มวนเวียนไปแถวๆติ่งหูก่อนจะผละออกมาจูบผมซ้ำๆอยู่อย่างนั้น แก้มผมเห่อแดงขึ้นโดยไม่รู้ตัวเมื่อผมพึ่งรู้ตัวว่าตั้งแต่เขาประกบจูบลงมาผมประสานสายตากับทศกัณฐ์ตลอดเวลา  และถึงแม้ผมจะไม่อยากยอมรับแต่ตอนนี้ผมไม่สามารถปฏิเสธจูบเขาได้อีกต่อไปแล้ว

“ฮื่อออ...ไม่เอา” ผมเกลียดเสียงตัวเองตอนนี้เหลือเกิน ทำไมถึงได้ดูกระเส่าขนาดนั้นก็ไม่รู้  ผมจิกไหล่หนาเรียกสติทศกัณฐ์เมื่อดูเหมือนสติเขาจะเลยเถิดไปไกล  ริมฝีปากของทศกัณฐ์เคลื่อนที่มาซุกไซ้บริเวณซอกคอผมแทน  เมื่อตอนกลางวันผมก็ยังไม่ได้ชำระความที่เขาเผลอทำรอยบนคอผมเต็มไปหมด  วันนี้ผมจึงใส่เสื้อคอปกมาและด้วยความที่คลับค่อนข้างมืดจึงไม่มีใครสังเกตเห็นมัน

อึ่ก  ทศกัณฐ์เคลื่อนมือมาขยำสะโพกผมเบาๆ  บางสิ่งบางอย่างที่ดุดันกางเกงชิโน่ขึ้นมาจนผมสัมผัสได้  ทศกัณฐ์เหมือนคนไร้สติที่กำลังมัวเมากับสารเสพติดอย่างไรอย่างนั้น  ผมจึงต้องปลุกเขาด้วยการกระชากผมเขาแรงๆให้ถอนใบหน้าออกไปแล้วก้มลงไปกัดลำคอเขาจนจมเขี้ยว!

“รันต์!!!” ทศกัณฐ์ผลักใบหน้าผมออกแล้วเอามือแตะลำคอตัวเองมาดูว่าเลือดไหม แต่มันแค่เป็นรอยฟันแล้วมีเลือดซิบๆเท่านั้นเอง ทศกัณฐ์มองผมดุๆก่อนจะดึงผมออกจากตักตัวเองแล้วเปิดประตูออกไปเลย

อะไรวะ!  นี่ผมกลายเป็นคนผิดหรอ!

ผมเปิดประตูห้องน้ำเดินตามทศกัณฐ์ออกมา เขายืนนิ่งๆที่หน้าอ่างล้างมือ  ตามองผมผ่านกระจกบานใหญ่  ผมกัดปากนิดๆเมื่อเห็นท่าทีของเขา

“ผมไม่ผิดนะ! คุณนั่นแหละไม่ยอมหยุดเอง” ผมออกตัวไว้ก่อน ที่กล้าโพล่งออกไปไม่ใช่ไม่อายนะครับ แต่ในห้องน้ำตอนนี้ไม่มีคนอยู่ต่างหาก

“ก็ไม่ได้ว่าอะไร” เชื่อก็บ้าละ เสียงเรียบซะขนาดนั้น แถมยังไม่ยอมสบตาผมแล้วด้วย  ผมก้าวเข้าไปใกล้แผ่นหลังกว้างกำลังจะอ้าปากเคลียร์ให้รู้เรื่องเพราะ ผมไม่ได้ผิด เขาไม่มีสิทธิ์มาทำเหมือนผมผิดนะเว้ย

แกร็ก! เสียงเปิดประตูของห้องน้ำห้องหนึ่งดังขึ้นหยุดทุกการกระทำของเราสองคน  ร่างที่เดินออกมาปรากฏแก่สายตายิ่งทำให้ผมตัวชาวาบไปทั้งตัว

อะไรมันจะบังเอิญซวยขนาดนี้วะ

คนที่เดินออกมาคือพี่สมิธ!

เหงื่อผมแตกพลั่กทั้งตัว คิดหาคำแก้ตัวจนหัวหมุนติ้วๆ  แต่น่าแปลก...เมื่อกี้เขาเดินผ่านหน้าผมไปเหมือนไม่เห็นผมยืนอยู่เลย

พี่สมิธเงียบเกินไปรึเปล่านะ  หรือว่าเขาโกรธผม ปกติเขาต้องสรรหาคำพูดอะไรสักอย่างมาทำให้ผมพูดไม่ออกแล้วสิ  ผมมองตามพี่สมิธอีกครั้งอย่างพิจารณา  เขาเดินเอื่อยๆเหมือนคนไม่มีแรง ตาก็ลอยๆ หน้านี่ซีดเป็นไก่ต้มเชียว  พี่สมิธเดินไปหยุดอยู่ที่เคาน์เตอร์ล้างมือข้างทศกัณฐ์  แต่นอกจากจะไม่มีคำทักทายใดๆให้ทศกัณฐ์แล้ว พี่สมิธยังเปิดน้ำในอ่างทิ้งแล้วมองกระจกนิ่งๆ ไม่มองแม้แต่หน้าของเพื่อนรักตัวเองเลยสักนิดทั้งๆที่ห่างกันเพียงไม่กี่คืบ  ทศกัณฐ์โดนเมินโดยสมบูรณ์แบบ

นั่นจึงทำให้คิ้วทศกัณฐ์ขมวดแน่น มือกอดอกมองพี่สมิธด้วยความสงสัย  สุดท้ายทศกัณฐ์จึงอดทนไม่ไหวยื่นมือไปจับไหล่พี่สมิธ

“สมิธ” พี่สมิธยังเงียบแทนคำตอบ  เขาโดนสะกดจิตรึเปล่านะทเรียกขนาดนั้นยังไม่รู้ตัวอีก

“สมิธ!” ทศกัณฐ์เพิ่มความดังและเข้มของเสียงขึ้นอีกระดับ และมันก็ได้ผล พี่สมิธสะดุ้งก่อนจะหันไปมองทศกัณฐ์ตื่นๆ

“ห๊ะ  ตะโกนทำไมวะ แล้วมึงมาตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย” จบประโยคพี่สมิธเท่านั้นแหละ  แววตาของทศกัณฐ์เครียดขรึมขึ้นยิ่งกว่าเดิมอีก  แสดงว่าเขาเหม่อจนมองไม่เห็นพวกผมจริงๆด้วย

“พวกกูยืนอยู่ตั้งนานแล้ว  มึงเหม่อจนมองไม่เห็นเอง”

“พวกกู?...อ้าว ไอ้น้องรันต์...” พี่สมิธหันมาเจอผมยืนอยู่อีกคน ผมจึงฉีกยิ้มให้เขานิดๆ  แสดงว่าเรื่องผมกับทศกัณฐ์เขาไม่รู้ ก็น่าดีใจอยู่หรอกครับ  แต่อาการของพี่สมิธนี่สิ  น่าเป็นห่วง...

“มึงเป็นอะไร?” ทศกัณฐ์ไม่ปล่อยให้พี่สมิธเปลี่ยนเรื่อง  เขายังเดินหน้าคาดคั้นถึงอาการพี่สมิธอย่างเครียดๆ

“ก็...กูเมา เลยมาอ้วกออกให้สร่างหน่อย”

“บลูพึ่งหมดไปขวดเดียวเนี่ยนะ?” ทศกัณฐ์ถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ  แสดงว่าพวกเขาต้องคอแข็งมาก นี่ขนาดผมยังไม่เมา(หรอ)  พี่สมิธนี่ยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่

“เออ  อาจจะเพราะยาที่กูกินด้วยมั้ง  มันเลยอยากอาเจียน” ไม่รู้ว่าผมรู้สึกไปเองไหม  แต่ตอนที่พูดเขาหลบตาทศกัณฐ์บ่อยมาก

“แค่นี้หรอที่อยากจะบอก?” เหมือนทศกัณฐ์จะรู้ถึงความผิดปกติของพี่สมิธนะครับ  แต่พี่สมิธเพียงพยักหน้ารับเร็วๆแล้วหันไปบ้วนปากและกวักน้ำใส่หน้าตัวเองแทนเป็นการตัดบท  ทศกัณฐ์ก็ยืนนิ่งไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก  ผมกลืนน้ำลายอึกใหญ่กับบรรยากาศที่น่าอึดอัดนี้  ถ้าผมเดินออกไปก่อนตอนนี้จะน่าเกลียดไปไหมนะ?

 “ป่ะ ไปกันเถอะไอ้น้องรันต์ กูอยากเมาต่อละ” พี่สมิธเดินมากอดคอผมเดินนำออกจากห้องน้ำก่อน  สวนกับคนอื่นที่จะเข้ามาใช้บริการ  ความรู้สึกเหมือนถูกจับตามองอย่างหนักจากข้างหลัง  คงไม่พ้นมาจากทศกัณฐ์ที่กำลังเดินตามหลังอยู่  เมื่อพวกเราพากันเดินมาถึงโต๊ะ พี่สมิธก็รีบแยกตัวไปนั่งลงที่เดิมของตัวเองทันที  เขาก็พูดคุยกับทุกคนบนโต๊ะเฮฮาอย่างเคย  เหมือนจะไม่มีอะไรไม่มีอะไรแล้วนะ  แค่เหมือนจะ...

ผมจำใจกลับไปนั่งที่เดิม ทั้งๆที่ตอนแรกกะจะไปขอเปลี่ยนที่กับพี่สมิธ  แต่ตอนนี้ไม่กล้าแล้วว่ะ...รู้สึกว่าอีกคนที่ผมไม่ได้พูดถึงจะคืนร่างจริงแล้วสิ  เขาก็ยังทำหน้าราบเรียบเฉยๆนะ  แต่ผมสังหรณ์แปลกๆว่าข้างในตอนนี้เขาคงร้อนเป็นไฟไปแล้ว  ซึ่งถ้าเขาไม่หาทางระบายออก  ทศกัณฐ์จะน่ากลัวยิ่งกว่านี้ ผมพอจะเคยเห็นมาแล้ว  ก็คงได้แต่หวังว่าคนที่ต้องมารองรับอารมณ์เขาจะไม่ใช่ผมคนนี้ล่ะนะ...

หลังจากนั้นต่างคนก็ต่างดื่มเอาๆ  ทศกัณฐ์กระดกแก้วเหล้าเพียวๆถี่มาก  ตอนแรกผมก็เกร็งๆเขานะ เพราะเขาดูเงียบไปเลย  แต่พอเบียร์เริ่มเข้าสู่สายเลือดผมอีกครั้งผมก็เลยเลิกสนใจเขาไปเลย  ผมดื่มเบียร์เพิ่มอีกหลายแก้วจนตอนนี้ชักกรึ่มๆ

“ยักษ์เป็นรายอ่ะ  จะทำหน้าเครียดอีกนานป่ะ” ผมเอาไหล่ไปกระแทกกับคนที่นั่งข้างๆจนมือที่กำลังจะยกแก้วชะงัก  ทศกัณฐ์หันมามองผมหน้านิ่ง  ผมเลยฉีกยิ้มกว้างโชว์ฟันขาวให้เขาเผื่อเขาจะยิ้มกลับคืนมาบ้าง  แต่นอกจากทศกัณฐ์จะไม่ยิ้มคืนให้ผมแล้ว เขายังยื่นมือมาผลักหัวผมไปอีกทางอีก  แล้วยกแก้วขึ้นดื่มต่อ พอเห็นแบบนั้นผมเลยยื่นมือไปผลักหัวเขาคืนบ้าง  ทศกัณฐ์หันหน้ามามองผมทันที  ผมไม่กลัวหรอก รู้แค่ว่าต้องเอาคืน ใครจะยอมให้เขาทำอยู่ฝ่ายเดียวล่ะ ฮ่าๆๆๆ

“มึงอยากตายมากใช่ไหมรันต์” ทศกัณฐ์กระซิบรอดไรฟันเขาบีบเอวผมอย่างแรงจนต้องเบ้หน้า  แววตาแสนดุดันยิ่งกว่ายักษ์มารซะอีกนะผมว่า เอิ้กๆ

“ปล่อยน้องนะ! มันเจ็บบบบ” ผมดึงมือทศกัณฐ์ออกจากบั้นเอว  แต่อีกคนกลับยิ่งเพิ่มแรงบีบหนักขึ้นไปอีก  นี่เขาจะฆ่าผมจริงๆหรอ  ม่ายยยยยนะ! ผมยังตายตอนนี้ไม่ได้

“เห้ยๆ มีไรกันวะ” อาจจะเพราะว่าเมื่อกี้ผมเสียงดังและดิ้นหนีมือทศกัณฐ์ไปมา จึงทำให้พี่เซนท์ที่นั่งอยู่ใกล้ๆสังเกตเห็นความผิดปกติ

“ยักษ์ทำน้องๆ” ผมเลยได้โอกาสหันไปฟ้องพี่เซนท์ทันทีชี้ไปทางทศกัณฐ์เพื่อล็อคเป้าหมาย  เขาจึงยอมปล่อยมือจากเอวผม  รู้สึกว่าตอนนี้ทุกคนในโต๊ะจะหันมาสนใจผมกันหมดเลย  มึงไม่รอดแน่ไอ้ยักษ์โรคจิต คิกๆ

“หวา สงสัยไอ้น้องจะเริ่มเมาแล้วล่ะ” เสียงคุ้นๆเหมือนเมฆเลย

“ใครว่าน้องเมาห๊า  วันนี้น้องจะไม่มาววว” ผมไม่ได้กินเหล้าจะเมาได้ไง

“มันน่าจะเมาแล้วจริงๆ” เสียงใครสักคนที่ผมจำไม่ได้พูดขึ้น  อืม...ตอนนี้ผมเริ่มง่วงแล้วแฮะ  เลยเอนหัวไปซบอะไรสักอย่างที่ใกล้ที่สุด สบายดีจังได้องศาพอดีเลย หนังตาก็หนักๆแล้วด้วยสิ ขอพักสายตาก่อนนะครับ

++++++++++++++++++++++

“กูพามันกลับก่อนละกัน  เครื่องดื่มวันนี้ลงบิลกูไว้นะ” ทศกัณฐ์บอกกกับทุกคน หลังเด็กน้อยหลับใส่บ่าเขาไปซะดื้อๆ  ทุกคนก็เหมือนจะงงๆกับท่าทางของพวกเขาเหมือนกัน

“ไม่รบกวนดีกว่าครับ  ไอ้รันต์ป็นเพื่อนผมเดี๋ยวผมไปส่งมันเอง” เมฆลุกขึ้นเต็มความสูงแล้วเดินมาหยุดอยู่ข้างๆรันต์  ทศกัณฐ์ปรายสายตามองไปที่เมฆ ก่อนจะแสยะยิ้มออกมา แล้วประโยคที่ทศกัณฐ์พ่นออกมาก็ทำให้เมฆเงียบไปทันใด

“แต่มึงก็รู้ไม่ใช่หรอ ว่ากู ‘เป็นอะไรกัน’กับเพื่อนมึง” เมฆยืนกำมือแน่นพูดไม่ออก เขาจะพูดอะไรได้ ในเมื่อคนของตัวเองเป็นคนตัดสินใจแบบนี้เอง  ครึ่งหนึ่งในโต๊ะเข้าใจความหมายที่ทศกัณฐ์พูดดี  ส่วนอีกครึ่งก็ทำหน้างง ไม่รู้ว่าพวกนี้กำลังพูดเรื่องอะไร

“กูจะไปส่งมันเอง ยังไงก็ทางเดียวกัน” ทศกัณฐ์จับแขนรันต์ขึ้นพาดบ่า มืออีกข้างสอดเข้าที่เอวแล้วพยุงให้ลุกขึ้นก่อนจะพาเดินออกจากโต๊ะโดยไม่ได้ล่ำลาใครอีก  เมฆได้แต่มองตามอย่างทำอะไรไม่ได้ วันนี้เขาเห็น...หลังจากที่แวะส่งรันต์ที่หอ  ตัวเขาไม่ได้ขับออกไปไกลนัก มองผ่านกระจกหลังเห็นรันต์ก้าวขึ้นรถหรูของทศกัณฐ์ที่เขาจำได้แม่นจากการไปสืบประวัติ  ผู้ชายคนนี้ไม่ธรรมดา ข้อมูลทุกอย่างที่เกี่ยวกับทศกัณฐ์เป็นศูนย์ แม้แต่ชื่อที่ใช้เข้ามหาวิทยาลัยก็ไม่ใช่ชื่อที่แท้จริง เมฆจึงต้องคอยตามสืบอยู่ห่างๆแต่ไม่ว่าจะมองไปทางไหนเกี่ยวกับผู้ชายที่ชื่อทศกัณฐ์ก็มีแต่ทางตัน  อย่างน้อยตอนนี้เขาคงทำได้แค่เฝ้าดูน้องอยู่ห่างๆสินะ  ได้แต่ภาวนาว่าทศกัณฐ์จะไม่ใจร้ายกับไอ้น้องจนเกินไป

“อย่าห่วงไปเลย  มึงก็น่าจะรู้จักเพื่อนมึงดีว่าไม่มีใครบังคับมันได้ไม่ใช่หรอ” เสียงสมิธพูดขึ้นตอกย้ำความคิดของเมฆ  ตั้งแต่รู้จักกับรันต์มาเป็นสิบๆปี  ไม่มีใครเคยบังคับมันได้...ถ้ามันไม่ต้องใจให้โดนบังคับเอง

นั่นสินะ...คนที่เขาควรห่วงไม่ใช่เหรันต์

แต่เป็นทศกัณฐ์ต่างหาก!

+++++++++++++++++++++++

[ต่อ reply ถัดไปโล้ด :o8:]
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 22♡P.15[26/4/60]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 26-04-2017 20:36:56
ใจยักษ์ 22 [ต่อ]


ทางด้านของทศกัณฐ์และรันต์  หลังจากที่ทศกัณฐ์จับรันต์ยัดใส่รถแล้วพาขับออกมาจากคลับ เขาก็เอาแต่นิ่งคิดถึงท่าทางแปลกๆของสมิธ  เพราะปฏิกิริยาที่แสดงออกผิดปกติขนาดนี้มีเพียงคนๆเดียวที่ทำได้เท่านั้น! มันทำให้เขาคิดเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้เลยว่าคนๆนั้นๆได้กลับมาวนเวียนในชีวิตเพื่อนเขาอีกแล้ว  ทศกัณฐ์อดคิดไม่ได้ว่านี่คือความผิดของเขาเองที่ดูแลสมิธให้ปลอดภัยไม่ได้จากเหตุการณ์ที่มันพึ่งไปโดนแทงมา  จนคนๆนั้นอาจจะมาทวง ‘ของๆเขา’ คืน
.
.
.
.

‘ก็ได้...พี่จะยอมปล่อยเขาตามที่นายต้องการ  ครบสัญญาเมื่อไหร่พี่ต้องได้เขาคืน’

‘แต่นับจากวันนี้ พี่ต้องไม่โผล่หน้าหรือแม้แต่ปลายเส้นผมไปให้สมิธเห็นอีก  ไม่อย่างนั้นผมจะพามันไปจากพี่ตลอดชีวิต’

‘ฮ่ะๆ มันจะไม่มากไปหน่อยหรือไง’

‘ผมทำจริง’

‘ดี...ถ้าอย่างนั้นก็สัญญามา ถ้าสมิธได้รับอันตรายจนเลือดตกยางออกเมื่อไหร่ สัญญาที่เราตกลงกันไว้ถือเป็นโมฆะ พี่จะไปรับเขาคืน เพราะนี่ถือว่าเป็นการที่นายดูแลเขาได้ไม่ดีพอ’

‘คงไม่มีใครทำให้เขาเจ็บปวดได้เท่าพี่’

‘พี่ทำได้คนเดียว...น้องชาย’

‘ตกลง’

นั่นเป็นสัญญาในอดีตระหว่างเขาและชายที่เขาอยากมีปัญหาด้วยน้อยที่สุด  สัญญาที่เขาคิดว่ามันไม่ได้ยากจนเกินไปและมันก็ผ่านไปได้ด้วยดีตลอดหลายปีมานี้  แต่วันนั้นคนของเขาที่คอยตามสมิธสะเพร่าเอง  ตัวเขาก็มัวแต่วุ่นวายกับอีกคนที่หลับอยู่ข้างๆ  เหตุการณ์นั้นทำให้คนที่ทำร้ายสมิธถูกจบชีวิตลงโดยปริศนา  ตำรวจจับมือใครดมไม่ได้  นั่นทำให้เขาสังหรณ์ว่าคนๆนั้นเคลื่อนไหวแล้ว

เขาจะหยุดลูคัสได้ยังไง  คิดไม่ออกเลยจริงๆ

“ยักษ์ใจร้าย  แจ๊บๆ” เสียงของคนที่หลับอุตุดังขึ้นพร้อมกับที่รถจอดสนิทในซองของคอนโดฯพอดี  นี่ก็เป็นอีกคนที่ทำให้เขาคิดไม่ตก  ความสัมพันธ์ที่ถูกตั้งเงื่อนไขจะจบลงยังไง  หรือแม้แต่กระทั่งความรู้สึกบางอย่างที่กำลังก่อเกิด  ก็ยังไม่รู้ว่าต้องจัดการกับมันยังไงเหมือนกัน

ทศกัณฐ์ตัดสินใจอุ้มรันต์ขึ้นพาดบ่า เพราะไม่อยากให้คนเมาตื่นมาโวยวายป่วนประสาทตนเอง  รันต์ตัวสูงก็จริงแต่ก็ผอมแห้งไม่ค่อยมีแรง  ยิ่งเวลาขัดขืนเขาก็ทำไม่เคยสำเร็จเลยสักครั้ง  เขาจึงอยากให้รันต์ได้ออกกำลังกาย เพื่อที่วันที่เขาไม่อยู่แล้ว จะได้ไม่ต้องห่วงเด็กน้อยคนนี้อีก

ทศกัณฐ์พารันต์เดินตรงดิ่งไปยังห้องนอนบนชั้นสอง  วางอีกคนลงที่เตียงแผ่วเบา ถอดแว่นแล้ววางไว้โต๊ข้างเตียงที่ประจำของเด็กน้อย  เขาใช้ฝ่ามือตบที่หน้าใสของรันต์เบาๆเพื่อเรียกสติ

“ฮื่ออออ อย่ากวนได้ไหม น้องจะนอน” รันต์ใช้มือปัดป้องตัวเองออกแล้วหันหน้าหนีไปอีกทาง

“จะอาบไหมน้ำน่ะ” ด้วยความที่รันต์เป็นเด็กที่ค่อนข้างรักสะอาด  ทศกัณฐ์จึงปลุกอีกคนขึ้นเผื่อว่าคนเมาอยากจะอาบน้ำขึ้นมา

“อาบซี่  ไม่อาบเดี๋ยวตัวเหม็นนะ” คนเมายังหลับตาพูดตอบโต้

“ถ้าจะอาบก็ลุก”

“มันลุกไม่ไหวน่ะซี่ อุ้มโหน่ยยย” เด็กเมาชูมือขึ้นเหมือนอยากให้ทศกัณฐ์อุ้มจริงๆ  ทศกัณฐ์ส่ายหัวให้เบาๆแต่ก็ยอมแดมืออีกคนให้ลุกขึ้นมา ไม่ได้อุ้มเหมือนที่ขอแต่อย่างใด  แรงดึงจากทศกัณฐ์ทำให้รันต์ลุกขึ้นมานั่งโงนเงนอยู่บนเตียง  เด็กน้อยขี้เมาหรี่ตาพร้อมเอียงคอมองคนตรงหน้า

“หน้าเหมือนยักษ์เลยยยย ฮิๆ” ช่างอารมณ์ดีซะเต็มประดา  ทศกัณฐ์ไม่ได้ถือสาคนเมา  เขาจัดการถอดเสื้อให้อีกคนเพื่อไม่เป็นการเสียเวลา

“เหมือนยักษ์จะโกรธน้องเลยนะ  ใช่ม่ะ?” คนเมาก็ยังพูดเจี้ยวจ้าวต่อไป ทศกัณฐ์ไม่ตอบแต่เลื่อนมือไปถอดกางเกงออกให้แทน

“งื้อออ จะทำอะไรเค้าอ่ะตัว  จะถอดกางเกงเค้าทำมายยยยย” รันต์ดิ้นพอเป็นพิธีเมื่อเห็นว่าอีกคนจัดการถอดกางเกงเขาออกจนหมด  ไม่เว้นแม้แต่กางเกงในตัวจิ๋ว

“รู้ไว้เลยนะว่าเกิดมากูยังไม่เคยทำให้ใครขนาดนี้มาก่อน” ทศกัณฐ์พูดลอยๆแล้วพารันต์เดินเข้าห้องน้ำ

“ก็ทำซะสิ  ได้ซิงเค้าไปแล้วก็หัดมารับผิดชอบบ้าง คิกๆ” คนเมายังพูดต่อไปโดยไม่สะทกสะท้าน  ทศกัณฐ์หันมาเลิกคิ้วมองอีกคน  ไม่คิดว่าเรื่องที่รันต์เสียครั้งแรกให้กับเขาจะยังฝังใจอีกคนอยู่

“อยากให้รับผิดชอบหรอ?” ทศกัณฐ์หลอกถามคนเมา

“หึ ไม่อ่ะ” คนเมาส่ายหน้ายืนยันคำตอบ  ทศกัณฐ์จึงไม่เซ้าซี้อีกคนอีก  เขาเงียบแล้วพารันต์มาหยุดที่ใต้เรนชาวเวอร์ จะให้แช่ในอ่างสภาพนี้ก็คงไม่ไหว 

ทศกัณฐ์เปิดวาล์วน้ำ  หยาดน้ำร่วงใส่ทั้งคู่  รันต์สะดุ้งนิดๆ มือเรียวทั้งสองขยำเสื้อทศกัณฐ์แน่น  เมื่อตัวเปียกได้ที่แล้วทศกัณฐ์จึงกดครีมอาบน้ำแล้วลูบไล้ไปที่ร่างกายอีกคน  เขาถูลวกๆ สายตาก็พยายามมองผ่านๆไม่จับจ้องไปที่ส่วนใดส่วนหนึ่ง  รันต์เป็นคนตัวขาวผิวออกสีน้ำนมทำให้เขาอดใจไม่ไหวอยากทำรอยไปทั่วร่างกายเพรียว  ปกติเขาชอบมีอะไรกับคนผิวสีแทนๆหุ่นต้องไม่ผมจนเกินไป  แต่ตอนนี้คงต้องยกเว้นเด็กคนนี้ไว้อีกคนแล้วล่ะ

หลังจากการอาบน้ำให้คนเมาผ่านไปอย่างทุลักทุเล ขั้นตอนต่อไปที่ทำให้ทศกัณฐ์เหนื่อยใจสุดๆคงไม่พ้นตอนใส่เสื้อผ้า  เด็กเมาไม่ไม่ให้ความร่วมมือเขาเลยสักนิด  กว่าจะใส่ชุดนอนให้ได้ก็ทำเขาล้าไปทั้งร่าง  ทศกัณฐ์จากที่เมากรึ่มๆได้ที่  ตอนนี้แทบจะสร่างเมาเลยทีเดียว  ทศกัณฐ์พาร่างคนเมามาโยนลงบนเตียงแล้วเขาก็ต้องไปจัดการตัวเองต่อในห้องน้ำ  ร่วมถึงธุระที่คั่งค้างจากห้องน้ำในครับด้วย  ยิ่งต้องมาอาบน้ำให้อีกคน  สิ่งที่เขาอดกลั้นไว้ก็ปวดตุบๆอยากออกมาผงาดเต็มที

ทศกัณฐ์ใช้เวลาอาบน้ำร่วมครึ่งชั่วโมง  เขาแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยกำลังจะล้มตัวลงนอนข้างๆคนที่หลับปุ๋ยอยู่กลางเตียง

กริ่งงงงง  กริ่งงงงง  กริ่งงงงง

ทศกัณฐ์เลิกคิ้วเปลี่ยนเป้าหมายจากเตียงเป็นหน้าประตูห้องแทน

แกร็ก...

“Hi ขอเข้าไปหน่อนดิ” ทศกัณฐ์หลีกทางให้เพื่อนเข้ามาในห้องของตน

“มีอะไร” เอ่ยปากถามสมิธ แล้วพากันเดินมาจนถึงห้องนั่งเล่น

“ไอ้น้องรันต์ล่ะ” สมิธถามด้วยความสดใสเช่นเคย เขาก็ไม่ได้แปลกใจนักที่สมิธถามถึงรันต์

“บนห้อง  หลับไปแล้ว”

“อ่า ก็มันเมาซะขนาดนั้น นี่กูได้มาขัดจังหวะพวกมึงรึเปล่า”

“เปล่า กูก็กำลังจะนอน มีอะไร” ทศกัณฐ์หรี่ตามองสมิธที่นั่งเอกเขนกบนโซฟา  อาจจะดูทื่อๆไปบ้างที่ถามออกไปตรงๆ แต่เขาคิดว่าสมิธกำลังกลบเกลื่อนอะไรสักอย่าง

“คือ...กูขอนอนด้วยคนดิ”

“…”

“คือกูนอนห้องเล็กมึงก็ได้นะเว้ย” สมิธพูดรนๆ

“ห้องเล็กยังไม่ได้ทำความสะอาด”

“โซฟาก็ได้  นะมึง” ทศกัณฐ์มองเพื่อนอย่างพิจารณา  มือสมิธบีบกันแน่นราวกับไม่เป็นตัวของตัวเอง  สุดท้ายทศกัณฐ์จึงตัดสินใจอนุญาต

“จะนอนก็ขึ้นไปนอนบนห้อง”

“อ้าวไอ้น้องรันต์อ่ะ”

“ก็นอนด้วยกันนั่นแหละ พวกกูไม่ได้จะเอากันหรอก” สมิธเบ้ปาก หมั่นไส้เพื่อนซะจริง

หลังจากนั้นพวกเขาก็พากันเดินขึ้นไปบนชั้นสอง  สมิธเปิดประตูเข้าไปเห็นรันต์ก็หัวเราะออกมานิดหน่อย  นึกสภาพตอนมันเมาแล้วน่าแกล้งดี

“ให้กูนอนไหนอ่ะ” สมิธหันไปถามทศกัณฐ์  ทศกัณฐ์พยักหน้าไปอีกฝั่งของเตียง  ส่วนตัวเขาก็นอนอีกฝั่งโดยให้รันต์นอนตรงกลาง  เตียงคิงไซส์ในห้องนอนทศกัณฐ์มีขนาดใหญ่มาก สามารถให้ผู้ชายตัวโตๆนอนเรียงกันห้าคนยังนอนได้สบายเลย  เพราะฉะนั้นการนอนร่วมเตียงสามคนจึงนอนได้อย่างสบายๆ  ทศกัณฐ์ไปหยิบผ้านวมอักผืนจากในตู้มาให้สมิธ  ปกติบนเตียงมีรันต์ยึดผ้าห่มคนเดียว ส่วนเขาไม่ห่มเพราะร้อน 

หลังจากที่สมิธล้มตัวลงนอน ไอ้คนที่ทุกคนคิดว่าหลับไปแล้วกลับกลิ้งตัวไปก่ายแขนขากับตัวสมิธแน่น

“เชี่ย! ไอ้น้องรันต์มึงมากอดกูทำไมเนี่ย  กูไม่ใช่หมอนข้างนะเว้ย” อีกอย่างผัวมึงมองกูตาเขม็งแล้วนะ สมิธคิดในใจ มือก็ดึงคนมือเท้าตุ๊กแกออกจากตัวเองอย่างอยากลำบาก  สุดท้ายทศกัณฐ์ก็ต้องมาช่วยดึงออกไปอีกแรง  ทศกัณฐ์จึงเปลี่ยนใจล้มตัวลงนอนตรงกลางแทน เป็นการป้องกันไม่ให้รันต์ไปกอดสมิธได้อีก  แถมเขายังกอดเอวอีกฝ่ายไว้แน่นขนาดนี้  ข้ามไปได้ก็เกินไปแล้ว  จากนั้นเขาจึงกดรีโมทปิดไฟในห้องนอน

“หึๆ  หวงเมียเว่อร์สัส” สมิธแซวขึ้นเบา  แต่ทศกัณฐ์ไม่ได้ตอบอะไร  เวลาผ่านไปนอนจนสมิธคิดว่าทศกัณฐ์หลับไปแล้ว แต่จู่ๆเสียงเข้มก็เอ่ยขึ้นท่ามกลางความมืด

“เขามาใช่ไหม?”

“…”

“กูขอโทษที่ดูแลมึงได้ไม่ดีพอ” ทศกัณฐ์พูดสั้นๆจากใจ  เขาไม่มีคำแก้ตัวใดๆกับสิ่งที่เกิดขึ้น

“ไม่ใช่ความผิดมึงซะหน่อย  ถ้าจะมีคนผิด คนนั้นๆคือมัน ไม่ใช่มึง” สมิธก่ายหน้าผาก  เหม่อมองผ่านความมืดออกไป  ที่เขาต้องมาขอนอนกับทศกัณฐ์ไม่ใช่ต้องการมาคุยเรื่องนี้  แต่เพราะเขาฝันร้ายต่างหาก  ความทรงจำที่ถูกฝังในส่วนที่ลึกที่สุดภายในจิตใจกำลังแง้มออกมาทีละนิดๆ  แค่หลับตาก็มีตาภาพลอยขึ้นมา  พอปิดหูก็เหมือนได้ยินเสียงกรีดร้องไม่รู้จบของตัวเอง  ขืนเขายังอยู่คนเดียวคงฟุ้งซ่านจนเป็นบ้าตายแน่ๆ

“กูจะช่วยมึงให้ถึงที่สุด  มึงอย่าคิดมากเลย ถ้ามีอาการเหมือนช่วงนั้นให้รีบกินยา รู้รึเปล่า” เสียงทศกัณฐ์ช่วยปลุกสมิธออกจากภวังค์ที่เจ็บปวด

“อือ มึงไม่ต้องเป็นห่วงกูหรอก  กูเข้มแข็งขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะ  นี่สมิธคนใหม่ไง” สมิธพูดเสียงสดใส  แม้เสียงหัวเราะเขาจะดูขมขื่นอยู่บ้าง  แต่ทุกอย่างจะต้องดีขึ้นแน่  เพราะเขาจะไม่ยอมให้ไอ้ผู้ชายสารเลวคนนั้นข่มเหงเขาฝ่ายเดียวได้อีกต่อไป

“อืมมมม  เสียงดังอารายกานนน” เสียงแทรกของคนเมาขัดบทสนทนาเครียดๆของพวกเขาให้สลายไปได้ทันตา

“หึๆ เคลียร์เอานะมึง กูนอนละ” สมิธบอกเพื่อนก่อนจะนอนหันหลังให้ทศกัณฐ์ เป็นการบอกนัยๆว่าเขาจะไม่ยุ่ง

“นอนไปเลย ไอ้เด็กขี้เมา” ทศกัณฐ์กระซิบบอกคนในอ้อมแขนเบาๆ

“ก็แล้วทำไมยักม่ายนอน  โกรธน้องใช่หม้ายยยย” คนเมาพูดเสียงยายคาน ตาลืมปรือๆมองหน้าทศกัณฐ์ผ่านความมืด

“…” ทศกัณฐ์เลือกที่จะเงียบเพื่อให้คนเมานอนสักที  แต่สิ่งที่ทำให้เขาแปลกใจคือมือบางของอีกคน คลำไปตามหน้าอกเรื่อยไปถึงลำคอเขาสะเปะสะปะ จนมาหยุดมืออยู่ที่ริมฝีปากหนาได้รูป  ทศกัณฐ์ยังนอนนิ่งไม่หือไม่อือ เขาก็อยากรู้ว่าคนเมาจะทำอะไรเหมือนกัน

จุ๊บ!

“หายโกรธนะ” สัมผัสบางเบาที่เกิดขึ้นบริเวณมุมปาก ทำให้ทศกัณฐ์หันไปมองอีกคนด้วยความอึ้ง  ไม่คิดว่าจะง้อเขาด้วยวิธีนี้นะ  อันที่จริงเขาก็ไม่ได้โกรธอะไรรันต์  ในห้องน้ำที่เงียบไปก็เพราะต้องสะกดกลั้นความต้องการของตัวเองไว้  ไม่อย่างนั้นเขาต้องเผลอทำรุนแรงกับรันต์ในห้องน้ำคลับแน่ๆ อันนั้นเขาคงโดนโกรธแทน  แต่อีกคนกลับคิดว่าเขาโกรธนี่สิ  ทศกัณฐ์ยังคงเงียบเพื่อดูปฏิกิริยาของคนเมาว่าจะทำยังไงต่อ

“ยังไม่หายโกรธหรอ...จุ๊บ!” รันต์จูบเขาอีกแล้ว ถึงแม้ว่าจะแค่แตะเบาๆแล้วผละออก แต่ก็ทำเขาอารมณ์ดีขึ้นได้เหมือนกัน  คราวนี้ทศกัณฐ์เปลี่ยนท่านอนเป็นนอนตะแคงข้างเข้าหารันต์  สอดแขนเข้าใต้ศีรษะคนน้องเพื่อให้ได้ท่าที่ถนัดถนี่

“ยัง” ขอแกล้งต่ออีกนิดละกัน  นานๆจะได้โอกาสที

“ทำไมล่ะ  ปกติถ้าจุ๊บแล้วจะต้องคืนดีสิ” คนเมายังงงงวยไม่เข้าใจคนงอน

“ใครบอก?”

“คุณพ่อกับคุณแม่สิ”

“นั่นคุณพ่อคุณแม่  แต่พี่ไม่ใช” ทศกัณฐ์ใช้นิ้วเกลี่ยแก้มใสของอีกคน

“แล้วน้องต้องทำยังไง  ยักษ์ถึงจะหายโกรธ” คนเมาถาม ซึ่งก็เข้าทางของคนเจ้าเลห์

“ไปเข้าห้องน้ำกัน J”

+++++++++++++++++++++++++

ก็บอกแล้วว่าเรื่องนี้โรแมนติก อิอิ :z2:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 22♡P.15[26/4/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 26-04-2017 20:55:43
จะหลอกน้องไปเสียน้ำละซิ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 22♡P.15[26/4/60]
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 26-04-2017 22:08:25
น้องรันต์โดนหลอกแล้วลูกกกก สมิธสู้นะ!
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 22♡P.15[26/4/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 26-04-2017 22:51:04
ไอ้พี่ยักษ์ 55555 คืออ่านจบคิดงี้จริง ๆ นะ แบบกำลังหน่วงกับมิตตี้ เจอพี่ยักษ์ ไปห้องน้ำ เปลี่ยนอารมเลย

ตายแน่ หลงน้องจนตายขาดไม่ได้แน่ ๆ

เฆฆ นี่รู้นิสัยน้องดีสินะคะ ทศกัณฑ์ ไม่รอดแล้วแหละ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 22♡P.15[26/4/60]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 26-04-2017 23:22:53
ยักษ์ล่อลวงน้องงงงงง

กอดสมิธ....
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 22♡P.15[26/4/60]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 26-04-2017 23:33:17
 :hao3:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 22♡P.15[26/4/60]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 26-04-2017 23:36:00
 :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 22♡P.15[26/4/60]
เริ่มหัวข้อโดย: จอมจุ้น6002 ที่ 26-04-2017 23:51:59
โง่ยยยยยย เขินนนนน
ยิ้มไม่หุบเลยกรู  :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 22♡P.15[26/4/60]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 26-04-2017 23:52:12
 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 22♡P.15[26/4/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 27-04-2017 01:59:02
ห้องน้ำเก็บเสียงไหม
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 22♡P.15[26/4/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 27-04-2017 05:28:36
โอ๊ย.......ชอบบบบบ
รันต์ น่ารักโคตร แทนตัวน้องกับทุกคน
อ้อนทศ จุ๊บๆ ทศ ไม่หลง ไม่ได้แล้ว
กลายเป็นเมฆ ห่วงทศ ซะและ
ที่มายุ่งกับน้องรันต์ ยังไง  :z3: :z3: :z3:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 22♡P.15[26/4/60]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 27-04-2017 11:27:59
เราจะไปนั่งรอในห้องน้ำด้วยนะ :z1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 22♡P.15[26/4/60]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 27-04-2017 12:22:36
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 22♡P.15[26/4/60]
เริ่มหัวข้อโดย: zonpine ที่ 27-04-2017 12:33:21
ทำไมเพิ่งมาเจอเรื่องนี้!!!!
งานดีมากเลยค่ะคุณเปรม55555 ชอบทั้งพี่ทศน้องรันต์เลย
แต่งานนี้มันต้องมีเงื่อนงำแน่ๆรันต์ดูมีความลับเยอะ
ชอบเรื่องนี้มากๆ เเต่งดีเนื้อเรื่องสนุกมากกกกกกกกกกกกกกกกกกก(ก.ไก่ล้านตัวเลย)
อยากให้มาต่อไวจัง
รอนะคะ :mew1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 22♡P.15[26/4/60]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 30-04-2017 09:10:20
เวลาน้องรันต์เมาดาเมจรุนแรงมาก น่ารักน่าฟัดที่สุด จัดไปเลยค่ะพี่ทศ อ้อนขนาดนี้ก็อย่าให้เหลือรอดออกไป 55555555   ว่าแต่ลูคัสทำอะไรพี่สมิธอ่ะ TT
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 22♡P.15[26/4/60]
เริ่มหัวข้อโดย: itsgonnabeme ที่ 30-04-2017 17:33:00
น้องรันต์ต้องเปิดใจให้พี่ทศนะ
พี่ทศก็ต้องสู้ให้มากนะรู้ป่าว

นี่เริ่มกลัวพี่ชาย(?)ทศแล้ว
คนนี้ที่ตอนนั้นทศโทรไปหาใช่ไหม
เคยทำอะไรสมิธไว้เนี่ย ถึงกับอาเจียนนี่ไม่เวิคแล้ว
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 23♡++50%++[2/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 02-05-2017 16:00:15
ใจยักษ์ 23


“อื้อออ...จุ๊บ!...” ทันทีที่ทศกัณฐ์พาเด็กขี้เมามาถึงห้องน้ำ เขาก็รีบตรงดิ่งไปยังเคาน์เตอร์ล้างหน้า จับเอวเด็กขึ้นนั่งข้างบนแล้วโน้มคออีกคนลงมาประกบจูบอย่างรวดเร็ว  คนเมาที่ตอนแรกก็ขัดขืนเล็กน้อยด้วยความตกใจแต่ก็ต้องโอนอ่อนตามชั้นเชิงของอีกคนในเวลาไม่นาน ทศกัณฐ์ป้อนจูบที่ร้อนแรงและเต็มไปด้วยความต้องการให้แก่เด็กน้อย  ความต้องกายกำลังร่ำร้องจะปลดปล่อย  เขาจูบกับรันต์อยู่นาน ส่วนกลางลำตัวดุนดันเกงเกงนอนออกมาอย่างเห็นได้ชัด ทศกัณฐ์ถอนริมฝีปากออกจากริมฝีปากอิ่มของอีกคนที่ตอนนี้บวมเจ่อเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“น้องช่วยพี่ที” ทศกัณฐ์กระซิบชิดใบหูเด็กน้อย

“ช่วยอาราย เมื่อกี้มาดูดปากน้องทำไม” ดูเด็กใช้คำพูดสิ ทศกัณฐ์อุ้มเด็กมาวางกับพื้น กดไหล่คนตัวเล็กกว่าให้นั่งคุกเข่า ดึงกางเกงนอนตัวเองลงจนมังกรขนาดเขื่องดีดผึงออกมาชี้หน้าเด็กน้อย

“อมไอ้ติมให้พี่หน่อย” ทศกัณฐ์เอ่ยเสียงพร่า น้ำใสๆปริ่มอยู่ที่ส่วนหัวอยากปลดปล่อย

“น้องไม่ค่อยชอบไอติม”

“ลองดูก่อน เดี๋ยวก็ชอบเอง...ซี๊ด” ทศกัณฐ์พูดยังไม่ทันขาดคำเด็กน้อยก็ใช้สองมือคว้าหมับเข้าที่ทศกัณฐ์น้อยก่อนจะค่อยๆใช้ลิ้นแต่ที่ส่วนหัวเบาๆไปทีหนึ่งจนทศกัณฐ์ต้องสูดปากออกมา

“ฮื่อออ ไม่เห็นอร่อยเลยยยย” เด็กน้อยกำลังจะปล่อยมืออกแต่ทศกัณฐ์ก็จับมือเด็กประกบเข้าที่เดิมแล้วขยับมือรูดชักขึ้นลงเป็นจังหวะ ความอุ่นจากมือของรันต์ยิ่งทำให้ทศกัณฐ์เสียวมากขึ้นๆ  แต่เหตุการณ์ที่ทศกัณฐ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เด็กน้อยก้มหน้าใช้ลิ้นเรียวๆขยับเลียไปที่ส่วนหัวบานของทศกัณฐ์น้อยในขณะที่มือเรียวก็ยังชักขึ้นชักลงตามจังหวะการนำพาของทศกัณฐ์  เพียงไม่กี่อึดใจทศกัณฐ์ก็กระตุกร่างจะปล่อย เขาใช้มือดันหน้ารันต์ออกให้พ้นรัศมี แต่ไม่ทันการณ์ น้ำสีขาวขุ่นขลั่กก็ถูกฉีดพ่นกระเด็นไปโดนใบหน้าใสอยู่หลายส่วน

เด็กน้อยขี้เมายังนิ่งกลายเป็นทศกัณฐ์เองที่เป็นฝ่ายตกใจ เขารีบพารันต์ไปล้างหน้า เช็ดทำความสะอาดแก่นกายและพื้นที่เปื้อนจนสะอาดเรียบร้อย  อุ้มเด็กน้อยที่ตาปรือพร้อมจะหลับทุกเมื่อขึ้น ริมฝีปากหนาโน้มลงไปจูบหน้าผากมนแผ่วเบา  เขารู้ว่าเขาแย่ที่เอาเปรียบคนเมาที่ไม่รู้เรื่อง แต่เขาก็อดใจไม่ไหวขึ้นทุกวัน  อยากทำมากกว่านี้ มากขึ้น มากขึ้นอีก

ทศกัณฐ์วางรันต์ที่หลับไปแล้วลงบนเตียงก่อนจะเอนกายลงตาม สอดแขนหนาให้อีกคนนอนหนุน ส่วนอีกแขนก็พาดก่ายเข้าที่เอวน้อง

“ไอ้สัส สบายตัวเลยสิมึง” สมิธแขวะทศกัณฐ์ทันทีที่ล้มตัวลงนอนลงข้างๆ เขาไม่ได้ยินเสียงหรอกว่าไอ้พวกนี้เข้าไปทำอะไรกัน แต่ชวนกันไปเข้าห้องน้ำเวลานี้ มันก็คงจะเดาได้ไม่ยากนักหรอก

“เสือก นอนไปเดี๋ยวมันก็ตื่นมาโวยวายอีก” ทศกัณฐ์ที่นอนกอดอีกคนตอบกลับสมิธเบาๆ เพราะกลัวไอ้เด็กขี้เมาจะตื่นขึ้นมาโวยวายจริงๆ

“ครับบบบ” สมิธขานรับเบาๆ  ก่อนจะพยายามข่มตาหลับไปในที่สุด

+++++++++++++++++++++++

“Hi~~ อรุณสวัวดิ์ไอ้น้องรันต์  ปวดหัวไหมมึง” หืมมม เหมือนผมได้ยินเสียงและตัวพี่สมิธอยู่ที่โซฟาห้องนั่งเล่นแฮะ นี่ผมยังไม่ตื่นอีกหรอ  ผมเดินลงบันไดพร้อมขยี้ตาไปด้วย  แต่พี่สมิธก็ยังอยู่แฮะ ผมว่าผมเดินกลับไปนอนต่อแล้วปลุกตัวเองให้ตื่นดีกว่า

“มึงจะไปไหนวะ มึงไม่ได้ตาฝาดเว้ย ไอ้เด็กเอ๋อ” พี่สมิธร้องเรียกอีกครั้ง  ผมเลยลองหยิกตัวเองเบาๆก็รู้สึก  แสดงว่าไม่ได้ฝันจริงๆด้วย

“พี่...มาตั้งแต่ตอนไหน...” พอพี่สมิธได้ยินผมถามเท่านั้นแหละ ไอ้รอยยิ้มชั่วร้ายก็ผุดขึ้นมาบนใบหน้าเขาทันที ผมว่าสถานการณ์ชักไม่ค่อยดีแฮะ

“ตั้งแต่เมื่อคืน” ผมหรี่ตามองพี่สมิธเล็กน้อย  ก่อนสายตาจะเบนหาทศกัณฐ์ไปทั่วห้อง ผมตื่นมาก็ไม่เจอเขาแล้ว แต่ตอนนี้ชั้นล่างก็ดูจะไร้วี่แววของเขา  ผมว่าผมคงมีเรื่องต้องคุยกับเขาสักหน่อย

“มึงไม่ต้องมองหามันหรอก มันออกไปวิ่งตั้งแต่หกโมงเช้านู่น  แต่เดี๋ยวก็คงมาแล้วล่ะมั้ง” ตอนนี้เจ็ดโมงนิดๆแล้วครับ

“คือว่า...” ผมกำลังจะอ้าปากแก้ตัวกับพี่สมิธ  แต่ก็โดนเขาพูดสวนขึ้นซะก่อน

“มึงไม่ต้องพูด เรื่องของพวกมึงสองคนกูรู้หมดแล้ว แล้วก็ไม่ต้องห่วงเห็นกูเป็นแบบนี้กูไม่ใช่พวกปากสว่าง” พี่สมิธพูดกอดอกเชิดหน้าเหมือนภูมิใจในตัวเองซะเต็มประดา

“รู้เรื่องพวกผม หมายความว่าไงครับ?” ผมขมวดคิ้วถามเขางงๆ

“ก็มึงกะไอ้ทศเป็นกิ๊กกันไม่ใช่หรอ กูเห็นหรอกเวลามึงมาที่นี่ก็มาแต่ชั้นสี่สิบ กูก็อยู่ที่นี่นะอย่าลืมดิ หรือจะเถียงกู?” ผมลืมไปซะสนิทเลยว่าพี่สมิธก็อยู่คอนโดฯนี้ เพียงแต่อยู่คนละชั้นเท่านั้นเอง

“มันไม่ใช่อย่างที่พี่คิด ผมมีเหตุผลของผม เดี๋ยวผมก็จะไปจากที่นี่แล้ว” ก็ไม่รู้จะแก้ตัวยังไงดีเหมือนกัน

“หรอ นั่นมันก็เป็นเรื่องของพวกมึง ไม่ต้องมาบอกกูหรอก ไอ้ทศก็ย้ำกูแล้วล่ะว่าอย่าบอกเรื่องนี้กับใคร” พี่สมิธพูดสบายๆแต่น้ำเสียงเขากลับเต็มไปด้วยความมั่นคง

เฮ้อ เอาเถอะผมคิดไว้แล้วล่ะว่าสักวันคงต้องมีใครรู้เรื่องนี้ แต่ก็ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้ล่ะนะ

“พี่อยากคิดยังไงก็แล้วแต่พี่  แต่เรื่องนี้อย่าเอาไปบอกใครเลยนะครับ ถือว่าผมขอร้องก็ได้”

“เออ ไม่บอกใครหรอกน่า” ผมพยักหน้าวางใจแล้วลงไปนั่งลงโซฟาตัวยาวตัวเดียวกับที่เขานั่งอยู่ กดรีโมทไปช่องโปรดของตัวเอง

“ว่าแต่เมื่อคืนพี่มาทำอะไรที่นี่หรือครับ ห้องตัวเองก็มีไม่ใช่หรอ” ผมถามพี่สมิธขึ้น เห็นเขาสะดุ้งนิดนิดๆแล้วนิ่งไปนานจนผมนึกว่าเขาจะไม่ตอบผมแล้ว

“กูฝันร้ายน่ะ” พี่สมิธพูดเสียงแผ่ว  ผมก็พยักหน้ารับไม่ได้เซ้าซี้อะไรเค้าอีก ดูจากท่าทางเขาก็คงไม่อยากจะพูดถึงมันสักเท่าไหร่ เราสองคนนั่งดูทีวีกันเงียบๆอยู่สักพัก อยู่ๆพี่สมิธก็พูดขึ้น

“รันต์ ถ้าสมมตินะสมมติว่ามึงโดนข่มขืน...มึงจะทำยังไงวะ”

“ผู้หญิงหรือผู้ชายล่ะครับ ถ้าเป็นผู้หญิงผมก็อาจจะปล่อยเธอไปแต่คิดว่าคงเป็นไปได้ยากอยู่นะครับที่ผู้หญิงจะสามารถข่มขืนผู้ชายได้  ส่วนผู้ชายหรอครับ อืม...ผมอาจจะฆ่ามันก็ได้นะครับ” จริงๆแค่ความตายผมว่ามันยังไม่พอหรอก ผมจะทำทุกอย่างเพื่อให้มันเจ็บปวดกว่าผมเป็นร้อยเท่าพันเท่าเลย แต่ผมก็ไม่ได้พูดออกไป

“แล้วถ้ามึงฆ่ามันไม่ได้ล่ะ แบบไม่มีทางเลือกจริงๆ จะทำยังไง”

“ผมเป็นคนมีทางเลือกให้ตัวเองเสมอ แต่สำหรับบางคนที่คิดหาทางออกให้ตัวเองไม่เจอก็คงต้องจมอยู่กับสิ่งเหล่านั้นไปตลอดชีวิต  หรือไม่ก็จบทุกอย่าง...ด้วยความตาย ซึ่งวิธีสุดท้ายผมไม่ขอแนะนำ เพราะมันคือวิธีของคนขี้ขลาด” จริงๆผมก็เคยใช้วิธีนี้ไปแล้วกับทศกัณฐ์ แต่ก็แค่ขู่เขาเท่านั้นแหละ ใครเขาจะยอมเอาชีวิตไปแลกกับคนอย่างเขาจริงๆกัน

“หรอ แล้วถ้าตายไม่ได้แต่ต้องจมอยู่กับความทรงจำแย่ๆแบบนั้น มันมีทางไหมที่จะสามารถลืมมันได้”

“ขึ้นอยู่กับว่าโดนมาหนักแค่ไหนนะครับ บางคนอาจใช้เวลาเยียวยาแค่ปีสองปี บางคนอาจใช้เวลาเป็นสิบปี หรือบางคนอาจต้องใช้เวลาทั้งชีวิต”

“โดนเกือบทุกวัน...หลายปี” เสียงพี่สมิธดูแผ่วปนขมขื่นจนผมใจกระตุกแปลกๆ

“คนที่โดนขนาดนั้นยังมีชีวิตอยู่อีกหรอครับ ผมว่าไม่น่ามีคนที่ทนได้ขนาดนั้นนะครับ ถ้าเขายังอยู่แสดงว่าเขาต้องเป็นคนที่เข้มแข็งมากแน่ๆ” ผมพูดยิ้มๆกับพี่สมิธ

“ไม่หรอก...แต่มึงเคยบอกกูว่าเวลาจะช่วยเยียวยาทุกอย่าง”

“ครับ ถ้าทำให้ถูกวิธี เราจะค่อยๆดีขึ้นและอยู่ได้แม้จะไม่ได้มีความสุขก็ตาม แต่ก็อย่างที่บอกนะครับเวลาแค่ช่วยเยียวยาจิตใจและร่างกายให้ดีขึ้นไม่ได้ทำให้เราลืมใครคนนั้นที่ทำร้ายเราไว้หรอกนะครับ กับคนบางคนเวลาก็ไม่มีผลต่อความรู้สึกนะครับ ยิ่งผ่านไปนานเท่าไหร่ก็ยิ่งตอกย้ำตัวเอง ยิ่งรู้สึก...มากขึ้นเท่านั้น”

“อืม ก็คงจะจริงอย่างที่มึงว่า”

“พี่สมิธทำไมถึงถามเรื่องนี้หรอครับ?”

“ก็...” แกร็ก! เสียงเปิดประตูจากด้านนอกดังขึ้นพอดีกับที่พี่สมิธกำลังจะพูดอะไรสักอย่าง  เขาจึงปิดปากฉับลงพร้อมๆกับที่ทศกัณฐ์เดินเข้าห้องมา

“คุยอะไรกัน” ทศกัณฐ์เปิดปากถามเมื่อเดินเข้ามาใกล้พวกเรา

“ก็เรื่องทั่วๆไปน่ะ มึงกูหิวแล้วว่ะ”

“ก็ไปหาซื้ออะไรกินดิ” ทศกัณฐ์บอกปัดๆแล้วนั่งลงที่โซฟาระหว่างผมและพี่สมิธ  ผมขยับตัวหนีนิดหน่อย ก็ตัวเขาเปื้อนเหงื่อนิครับ

“กูอยากกินน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋” พี่สมิธเริ่มงอแงแล้วครับ ทศกัณฐ์ส่ายหัวให้แล้วกดรีโมทเปลี่ยนทีวีไปอีกช่องหนึ่ง ผมหันไปมองหน้าเขานิดๆ  นี่มันช่องโปรดผมเลยนะ ปกติเขาก็จะให้ผมดูตลอด บางครั้งก็มานั่งดูกับผมเงียบๆ ถ้าเขาอยากดูอะไรจริงๆก็จะขึ้นไปดูบนห้อง หรือว่าเขายังไม่หายโกรธผมตั้งแต่เมื่อคืนวะ ผู้ชายอะไรวะ ขี้น้อยใจเป็นบ้า สงสัยผมจะมองเขานานไปหน่อย ทศกัณฐ์จึงหันหน้ามาเลิกคิ้วมองผม  ผมเลยเบ้ปากใส่เขาไปทีแล้วลุกขึ้น

“เดี๋ยวรันต์พาไปเองครับพี่สมิธ ขอไปเปลี่ยนชุดก่อน” ว่าจบผมก็เดินขึ้นชั้นสองทันที  อยู่ๆก็หงุดหงิดขึ้นมาซะเฉยๆ คงเพราะโดนเขาแย่งทีวีหรอก ไม่ใช่เพราะเขาทำเหมือนเมินผมสักหน่อย

อ๊ะ! แรงกอดรัดที่เอวจากข้างหลังทำให้ผมหยุดชะงัก

“ปล่อย! ผมจะเปลี่ยนเสื้อ” ผมเปลี่ยนกางเกงแล้วครับ แต่ทศกัณณฐ์ก็ยังนิ่งแถมเบียดหน้าอกมาชิดแผ่นหลังผมอีก ความอุ่นจากร่างกายเขาจึงแผ่มายังตัวผม

“เป็นอะไร หืม” ไม่ต้องมาทำเสียงนุ่มเลย คิดว่าจะตบหัวแล้วลูบหลังผมได้หรอ

“เปล่าสักหน่อย  คุณต่างหากที่ทำเป็นปั้นปึ่งใส่ผม”

“ตอนไหนวะ?ยังไม่ทันได้ทำอะไรเลยรันต์” ทศกัณฐ์พูดพร้อมกับหอมหัวผมไปด้วย ไม่ต้องมาทำเป็นเปลี่ยนเรื่องเลยโว้ย

“ก็คุณนั่นแหละ ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วนะ เมื่อกี้ก็มาเปลี่ยนช่องโปรดผม กับอีเรื่องแค่นั้นจะโกรธอะไรนักหนา”ผมว่าเสียงผมเหวี่ยงมาก ปกติผมไม่เคยเป็นแบบนี้กับใครนะครับ เริ่มนิสัยไม่ดีขึ้นทุกวันแล้วสิ ทศกัณฐ์พลิกตัวผมให้หันไปเผชิญหน้ากับเขา

“เมื่อคืนไม่ได้โกรธแค่หงุดหงิดนิดหน่อย แต่รันต์ก็ทำให้พี่หายหงุดหงิดแล้วล่ะ” พูดพร้อมลูบผมเสยขึ้นหน้าผากให้ผม เออค่อยยังชั่วหน่อย ผมก็ลืมเปิดแอร์ ถึงว่าทำไมมันร้อน

“ทำอะไรอ่ะ?” ผมกัดปากนิดๆอย่างเคยชิน

“ไม่บอก…ฟอดดด” ผมถลึงสายตาใส่ทศกัณฐ์ ชอบมาลวนลามอยู่เรื่อย วันนี้ก็ดูทำตัวแปลกๆ

“ถอยออกไปเลยยยย” ผมใช้มือดันหน้าทศกัณฐ์ออกเมื่อเขาทำท่าจะหอมแก้มผมอีกข้าง

“หึๆ” เขาอมยิ้มด้วย ความรู้สึกประหม่าที่เกิดขึ้นกับตัวเองมันคืออะไรวะ

“ต่อไปนี้เรียกพี่ว่าพี่ทศนะ พี่ก็จะเรียกรันต์ว่าน้อง” เขาพูดไปด้วยมือก็เช็ดเหงื่อตามขมับให้ผมด้วย  ผมนิ่งไปกับคำพูดเขา สมองกำลังคิดตาม ‘น้อง’อย่างนั้นหรอ

“เมื่อคืน...ผมได้ทำอะไรที่แปลกๆไปรึเปล่า?”

“ก็เปล่า”

“ผมเรียกคุณว่าพี่ได้ แทนตัวเองว่ารันต์ได้ แต่คำว่า ‘น้อง’ ผมไม่สามารถให้คุณเรียกไม่ได้” นอกจากคนในครอบครัว ผมอนุญาตแค่คนๆเดียวเท่านั้นที่สามารถเรียกผมว่าน้องได้ แต่ว่าเขาก็อาจจะลืมผมไปแล้วก็ได้

“ใครหรอ” ทศกัณฐ์ถามเสียงราบเรียบ ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรทั้งนั้น

“คนสำคัญ” ผมก้มหน้าบอกเสียงอ้อมแอ้ม

“อืม ไม่เป็นไร ถ้าอย่างนั้นพี่เรียกรันต์ว่ารันต์ ส่วนรันต์ก็เรียกพี่ว่า ‘พี่ทศ’ ตกลงไหม?” ผมเพียงพยักหน้าเบาๆ ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองเขา

“ดีมากเด็กดี”เมื่อเห็นท่าทีโอนอ่อนของผมทศกัณฐ์จึงหอมไปตามขมับและแก้มไล้ลงมายังริมฝีปากและขบชิมด้วยความอ่อนหวาน ผมหลับตารับสัมผัสที่เขานำพา

ผมไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้คืออะไร  มันรู้สึกดีจนผม...ไม่อาจต้านทานได้ไหวอีกต่อไป
.
.
.
.
.
“ช้าสาสสส ตลาดกูวายแล้วมั้ง ปาท่องก๋งท่องโก๋คงไม่ได้แดกละ” พี่สมิธบ่นขึ้นทันทีที่เห็นผมเดินลงบันไดมา  ผมทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้เดินเลยพี่สมิธไปใส่รองเท้าทันที ถ้าพี่จะโทษพี่ก็ไปโทษเพื่อนพี่เถอะ  ผมกับพี่สมิธเดินออกจากลิฟท์จนมาถึงลานจอดรถ

“ไปคันนี้จริงอ่ะ” พี่สมิธถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ

“ครับ ผมอยากลองขับดู”
.
.
.
.
.
.

“ไอ้รันนนนนนน ช้าๆๆๆหน่อยโว้ยยยย กูกลัว” เสียงพี่สมิธโหยหวนไปตลอดทาง แขนแกร่งรัดเอวผมแน่นจนหายใจแทบไม่ออก  ผมว่าผมก็ไม่ได้ขับเร็วนะบิดไปแค่นิดเดียวเองพี่สมิธน่ะเว่อร์เกินไป  แต่ผมเข้าใจความรู้สึกทศกัณฐ์แล้วล่ะว่าทำไมเขาชอบขับเร็ว ความรู้สึกเวลามีลมปะทะหน้ามันรู้สึกดีอย่างนี้นี่เอง  นี่ถ้าได้ไปขับที่ถนนโล่งๆคงรู้สึกดีมากกว่านี้ไม่น้อย

ทุกคนคิดถูกครับ  ผมเอาไอ้แดงลูกชายทศกัณฐ์ออกมา ซึ่งเจ้าของก็มองผมด้วยความระแวงนิดๆล่ะนะ

“พอเถอะครับ เดี๋ยวกินไม่หมดนะ” ผมปรามพี่สมิธ เมื่อเขาตรงปรี่ไปยังร้านหมูปิ้งทั้งๆที่ของกินก็เต็มมือเต็มปาก

“ไม่หมดก็แช่ตู้เย็นไว้ดิ  กูอยากกินหมูปิ้ง ไม่ได้แดกนานละ” สุดท้ายผมก็ต้องปล่อยให้เขาไปซื้อตามระเบียบ

“เงินล่ะ” พี่สมิธแบมือมาตรงหน้า ผมจึงควักแบงค์ร้อยให้เขาหนึ่งใบ  ไม่ต้องสงสัยหรอกครับไม่ใช่เงินผมหรอก ของเพื่อนพี่สมิธต่างหาก ก่อนออกมาเขาหยิบมาให้ผมห้าพัน  ผมก็คิดว่าเว่อร์เกินไปรึเปล่ากับอีแค่มาซื้อกับข้าวที่ตลาด  แต่ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วล่ะครับ พี่สมิธเห็นอะไรน่ากินนี่ซื้อมาไม่ยั้ง ไม่ว่าจะกินหรือไม่กิน กูซื้อหมด-_-

“เฮ้ยๆ ร้านขนมเบื้องน่าแดกดีว่ะ สักชุดหน่อยดีกว่า...น่ารันต์ ร้านสุดท้ายละๆ” ประโยคสุดท้ายเสียงอ่อนลงทันทีเมื่อเจอสายตาพิฆาตจากผม

“ร้านสุดท้ายแล้วนะครับ เดี๋ยวเอากลับยาก” คิดดูสิครับขี่มอ’ไซต์มา แต่ของเยอะเหมือนเอารถสิบล้อมาขน มันใช่ที่ไหนล่ะ

“เอาไส้หวานกับไส้เค็มอย่างละชุดครับป้า” พี่สมิธสั่ง ด้านหน้ามีหญิงผมสีดอกเลาและเด็กสาววัยรุ่นยืนอยู่ก่อนหน้า

“ได้จ้า พ่อฝรั่งรูปหล่อ” ป้าคนขายนี่เสียงหวานเชียว

“กินให้หมดนะครับ” ผมบอกพี่สมิธเสียงเข้ม เสียดายของแย่ถ้ากินไม่หมด

“กูกินไม่หมดมึงก็ช่วยกูกินสิวะรันต์” ปัดความรับผิดชอบมาให้กูอีก

“ได้แล้วจ้าพ่อหนุ่ม” เสียงแม่ค้าเรียกบอกพี่สมิธ เป็นจังหวะเดียวกับที่ผู้หญิงสูงอายุและเด็กสาวหันมาพอดี ผมสบตากับผู้หญิงตรงหน้าด้วยความบังเอิญ ดวงตาที่มีฝ้าเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา

“คุณน้อง” น้ำเสียงสั่นเครือที่เอื้อนเอ่ยแทบทำให้ผมขาดใจลงตรงนั้น

“...คุณนม”

++++++++++++

เอาไปก่อนครึ่งหนึ่ง แวบมาได้นิดหน่อย ช่วงนี้เหนื่อยร่างพังมาก :katai1:  พรุ่งนี้เจอกันต่ออีกครึ่ง จุ๊ฟฟฟฟฟ :mew1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 23♡++50%++[2/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 02-05-2017 16:27:14
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 23♡++50%++[2/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 02-05-2017 17:48:26
อยากจะบอก ใจเค้ากะพังคะ ไรท์ อยากรู้เรื่องคุณน้องใจจะขาดแล้ว

พี่สิท น่าสงสาร ขอให้ผ่านไปได้ เอาอิคนทำมาจัดการ ทำไรรู้สึก น้องรันต์จะเคลียร์ได้
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 23♡++50%++[2/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 02-05-2017 19:00:11
 :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 23♡++50%++[2/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 02-05-2017 19:20:08
อะไรอ่ะ อะไรรรรรร

ติดตามๆ :mew1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 23♡++50%++[2/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 02-05-2017 20:00:37
ทศ หวงรันต์ รักรันต์แล้วสิ
เวลารันต์เมา น่ารักจริงๆ
รันต์ แทนตัวว่าน้องไม่ได้ แต่ตอนเมา น้อง นี่มาเลย

พี่สมิท เคยถูกข่มขืนทุกวันนานหลายปี
คนนั้นคงไม่ใช่เห็นพี่สมิทเป็นที่ระบายหรอก
เพราะที่ระบายมีเยอะไป แต่คงรักผูกพันพี่สมิทด้วย
แต่ความรู้สึกคงไม่จูนกัน การกระทำก็ด้วย
อาจไม่เคยบอกพี่สมิทด้วยว่ารัก ว่าชอบพี่สมิท
พี่สมิท เลยรู้สึกไม่ดีด้วย

“คุณน้อง”
“...คุณนม"  นี่มันยังไง เคยเป็นครอบครัวรันต์มาก่อนเหรอ
อยากรู้ทั้งพาร์ทรันต์  และทศ
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 23♡++50%++[2/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 02-05-2017 21:11:16
 :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 23♡++50%++[2/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 02-05-2017 21:35:15
ค้างงงงงงงงงง  :sad4: :sad4:
สูๆนะคะไรท์เตอร์
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 23♡++50%++[2/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 02-05-2017 22:00:35
หือออ คุณน้อง?

หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 23♡++50%++[2/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 02-05-2017 23:14:27
 :z13:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 23♡++50%++[2/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 02-05-2017 23:29:50
 :hao4: :hao4: :hao4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 23♡++50%++[2/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 02-05-2017 23:48:01
รอค่ะรอ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 23♡++50%++[2/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 03-05-2017 09:46:34
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 23♡++50%++[2/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: aurusma ที่ 03-05-2017 19:19:36
สงสารพี่สมิธ >< พี่สมิธสู้ๆน๊าา
รันต์นี่เคยเป็นคุณหนูหรือเปล่า แต่มีเรื่องทำให้ต้องออกมาแบบนี้ ต้องดิ้นรนเลี้ยงตัวเอง แล้วก็มีอะไรบังคับให้ทำอะไรที่เกี่ยวกับอาชญากรรมที่ว่า

ยังไงก็รอติดตามอยู่นะคะะ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 23♡++100%++[3/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 03-05-2017 20:42:40
ใจยักษ์ 23 [ต่อ]


“สบายดีรึเปล่าคะคุณน้องของนม โตขึ้นเยอะจนนมจำเกือบไม่ได้แหนะ” คุณนมพูดไปมือก็จับไปตามโครงหน้าของผมราวกับจะดูให้แน่ใจว่าใช่ผมตัวจริงรึเปล่า สายตามองด้วยความห่วงหาอาทรเหมือนเมื่อก่อนไม่มีผิด ผมจึงยิ้มให้เธอบางๆ

“น้องสบายดีครับ แต่ถึงจะโตขึ้นขนาดไหนคุณนมก็ยังจำน้องได้นี่ครับ” ผมจับมือที่เหี่ยวย่นของผู้หญิงตรงหน้าออกจากใบหน้าผม คลึงไปตามมือสากด้วยความถนุถนอมปนคิดถึง

“นม...ไม่เคยลืมคุณน้อง...ทำไมไม่ยอมกลับบ้านบ้างเลยคะ กลับมาหานมบ้าง แค่โทรหาสักครั้งก็ไม่เคย ฮึก...อย่าใจร้ายกับคนแก่นักเลยนะคะคุณน้อง” คุณนมพูดตัดพ้อเสียงขาดเป็นห้วงๆจนสะอื้นไห้ในที่สุด ภาพตรงหน้ามันมันสะเทือนใจจนผมพูดไม่ออก ผมทำให้ผู้หญิงที่ผมรักที่สุดอีกคนต้องร้องไห้อีกครั้ง  ผมยื่นมือไปเช็ดน้ำตาให้คุณนมแผ่วเบา ไม่อยากให้ต้องมาเสียน้ำตาให้คนอย่างผมเลย

นมใจ หรือ ‘คุณนม’ เป็นคำที่ผมเรียกติดปากตั้งแต่เด็กๆ ตั้งแต่จำความได้ผมก็มีเธอคอยอยู่ข้างๆแล้ว ไม่ว่าจะไปไหนหรือทำอะไร ก็จะมีคุณนมคอยทำทุกอย่างให้เสมอ เธอเป็นพี่เลี้ยงของผม ไม่สิ ต้องบอกว่าเป็น ‘แม่เลี้ยง’ มากกว่า เพราะคุณนมก็เปรียบเสมือนแม่คนที่สองของผมดีๆนี่เอง  นมใจเป็นแม่นมของพ่อผม จนมาถึงรุ่นผมเธอก็คอยช่วยเลี้ยงดูไม่ห่าง แม้ว่าเธอจะแก่มากแล้ว แต่ก็เต็มใจที่จะทำด้วยความรักและภัคดี

“น้องขอโทษครับ แต่น้องไม่อยากกลับ ที่นั่นไม่ใช่ที่ของน้องอีกต่อไปแล้ว” ผมไม่มีที่ให้กลับ ไม่มีครอบครัวให้พึ่งพิงอีกแล้ว

“ทำไมจะไม่ใช่คะ ที่นั่นคือบ้านของคุณน้อง คุณน้องจะกลับไปเมื่อไหร่ก็ได้” คุณนมค้านหัวชนฝา ก็แน่ล่ะ ที่บ้านหลังนั้นอาจจะมีแค่นมคนเดียวที่คิดแบบนั้นก็ได้

“คงไม่มีใครต้อนรับน้อง ‘เขา’ ไล่น้องออกมาแล้ว จะให้น้องกลับไปเหยียบที่นั่นอีกได้ยังไงครับ” ผมยิ้มเยาะให้ตัวเองด้วยความสมเพช คนอย่างผมใครเขาจะต้องการ ทำไมใครๆถึงได้ชอบทิ้งผมนัก

“ท่านพูดไปด้วยแรงอารมณ์ ไม่ได้มีเจตนาจะไล่คุณน้องออกจากบ้านหรอกนะคะ ท่านถามหาถึงคุณน้องทุกวัน กลับบ้านกับนมนะคะ”นมเกลี้ยกล่อมผมเสียงอ่อน เธอหยุดร้องไห้แล้ว แต่ในดวงตายังมีน้ำตาคลออยู่ตลอดเวลา  ผมนิ่งเงียบอย่างใช้ความคิด ไม่ได้ลังเลว่าจะกลับหรือไม่กลับ ผมมีคำตอบในใจของตัวเองอยู่แล้ว แต่แค่คิดว่าจะพูดยังไงไม่ให้คุณนมเสียใจไปมากกว่านี้

“น้องยังกลับตอนนี้ไม่ได้จริงๆครับ คุณนมอย่าเป็นห่วงน้องเลยนะครับ น้องดูแลตัวเองได้ ตอนนี้โตแล้ว แข็งแรง และไม่เกเรแล้วด้วย”

“คุณน้อง...5ปีแล้วนะคะ จะให้นมรอไปถึงเมื่อไหร่ หรือว่านมต้องตายก่อนคุณน้องถึงจะไปงานศพนม”

“คุณนม! อย่าพูดแบบนั้นอีกเด็ดขาดนะครับ ไม่อย่างนั้นน้องจะโกรธจริงๆ ถ้านมเป็นอะไรไปน้องจะเหลือใคร น้องไม่เคยลืมนมนะครับ นมอยู่ในใจน้องตลอด” ผมบอกนมด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“นมทั้งคิดถึงทั้งน้อยใจคุณน้อง ตอนนี้คุณท่านก็ไม่ค่อยสบาย กลับไปหาท่านสักหน่อยนะคะ ยังไงเขาก็เป็น ‘พ่อ’ คุณน้องนะคะ”

“เขามีคนที่ดูแลอยู่แล้ว ไม่มีน้องคงไม่เป็นไร ยิ่งถ้าน้องโผล่หน้าไปอาจจะทรุดหนักกว่าเดิมก็ได้”

“ไม่เอาค่ะ ไม่พูดอย่างนั้นนะคะ ไม่ดีเลย ถ้าคุณแม่ยังอยู่ คุณน้องต้องโดนเปี๊ยะปากแน่ๆ ยังไงก็ต้องไปดูแลท่านบ้างนะคะ นี่ก็ผ่านมาหลายปีแล้ว ความโกรธคุณน้องไม่ลดลงบ้างเลยหรือคะ อย่าปล่อยให้ทิฐิที่มีมาทำให้ทุกอย่างแย่ลงกว่าเดิมเลยนะคะ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายไป นมอยากให้คุณน้องคิดทบทวนให้ดีๆ คุณน้องโตแล้ว ไม่มีใครสั่งคุณน้องได้แล้ว ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจคุณน้องนะคะ”

“น้องขอคิดดูก่อนครับ” ผมนิ่งไปก่อนจะตอบคุณนม

“ก็ได้ค่ะ แต่เดือนหน้าก็วันเกิดคุณน้องแล้ว ออกมาเจอนมอีกนะคะถือว่านมขอร้อง”

“ก็ได้ครับ”
.
.
.
.
.
.

“ใครหรอวะมึง” พี่สมิธถามขึ้นขณะที่พวกเราเดินถือข้าวของพะรุงพะรังเข้าลิฟท์  คงอยากเผือกเต็มที่แต่เห็นผมเดินหน้านิ่งๆกลับไปที่รถเลยไม่กล้าถาม

“พี่เลี้ยงสมัยเด็กน่ะครับ”

“อ่อ แล้วทำไมเขาทำท่าเหมือนจะร้องไห้เลยวะ ไม่ได้เจอกันนานเลยหรอ”

“ก็ราวๆ5ปีได้ครับ”

“โห แล้วทำไมไม่ไปเจอกันว้า เขาคงคิดถึงมึงแย่”

“พี่ก็ยังมีคนที่พี่เจอไม่ได้ ทำไมผมจะมีไม่ได้ครับ”

“…”

“…”

“คนหนึ่งไม่ได้เจอกันแต่ยังมีความรู้สึกดีๆให้กัน กับอีกคนหนึ่งที่ไม่เจอเพราะเกลียด มันไม่เหมือนกันหรอกนะรันต์” น้ำเสียงพี่สมิธเต็มไปด้วยความตัดพ้อ มือพี่สมิธสั่นนิดๆ  อยากจะตบปากตัวเองจริงๆที่ปล่อยให้อารมณ์มาทำให้พลั้งปากโดยไม่คิดขนาดนี้

“ผมขอโทษครับ ผมมีเรื่องให้คิดเยอะจนน่าหงุดหงิด พี่อย่าโกรธผมเลยนะครับ” ผมเอียงหัวไปถูกับไหล่พี่สมิธไปมาอย่างอ้อนๆ เคยใช้วิธีนี้ง้อเมฆแล้วหายทุกที

“…” ยังเงียบอยู่

“นะ...หายโกรธเค้านะ”

“หึ เออ ไม่ได้โกรธหรอก...กูว่าละทำไมไอ้ทศถึงแพ้ให้มึง” พี่สมิธใช้ไหล่ดันผมออก ผมได้ยินแต่ว่าไม่โกรธแล้ว แต่ไอ้ประโยคหลังนี่ไม่ค่อยได้ยินเลย

“ประโยคหลังพี่พูดว่าอะไรนะครับ”

“ไม่บอกแล้วโว้ย ไปๆถึงละ” ประตูลิฟท์เปิดออกที่ชั้นสี่สิบพอดี ผมจึงยักไหล่ไม่ถามเซ้าซี้เขาอีก

++++++++++++++++++++

“คืนนี้มึงนอนห้องเล็กนะ” ทศกัณฐ์บอกพี่สมิธขณะที่เรากำลังนั่งทานอาหารค่ำกัน วันนี้พวกผมไม่ได้ออกไปไหนกันเลยตั้งแต่กลับมาจากตลาดเมื่อเช้านั่นแหละครับ ต่างคนก็ต่างทำหน้าที่ของตัวเองไป ทศกัณฐ์ทำงาน ผมดูทีวี ส่วนพี่สมิธนอนกลางวัน...

“จริงๆให้ผมไปนอนห้องเล็กก็ได้นะครับ”

“ไม่/ไม่ต้อง” ต้องพูดพร้อมกันขนาดนั้นเลยหรอวะ ผมเลิกคิ้วมองพวกเขาสองคนงงๆ

“พวกมึงก็นอนบนชั้นสองเหมือนเดิมนั่นแหละ เดี๋ยวกูนอนห้องข้างล่างเอง” พี่สมิธพูดขึ้นแทน ทศกัณฐ์ก็พยักหน้าหงึกๆเห็นด้วย ผมเลยพยักหน้าเออออไป อยากทำอะไรก็ทำไปเถอะ เมื่อทานข้าวเสร็จแล้ว ทศกัณฐ์ก็ยื่นกระปุกยาเล็กๆส่งให้พี่สมิธ

“กูถามเกรย์แล้ว เขาบอกให้ช่วงนี้กินก่อนนอนสองเม็ด จนกว่าจะเลิกฝันร้ายนะ”

“อือฮึ” พี่สมิธพยักหน้าแล้วรับเอาไป

“มองไรมึง” พี่สมิธหันมาถามเมื่อเห็นผมจ้องกระปุกยาในมือเขาเขม็ง

“ยาไรอ่ะ” ถามตรงๆก็ตอบตรงๆมันนี่แหละ

“ยาใจ อิอิ” กวนตีน คิดว่ามุกมันเข้ากับหน้าไหม? ผมเลยทำหน้าป่วยๆใส่เขา

“เรื่องของผู้ใหญ่ เป็นเด็กเป็นเล็กรีบไปนอนไป”

“พี่โตแค่ไหนกันเชียว”

“21 แล้วโว้ย มึงล่ะกี่ขวบละ”

“ผมจะสิบเก้าแล้วครับ”

“อะไร?ทำไมอายุน้อยจังวะ ที่ไทยนี่แบ่งเกณฑ์เข้าเรียนยังไงวะ?”

“ความจริงถ้าเรียนปีสองมันต้องสิบเก้าขึ้นมั้ง” ทศกัณฐ์ว่าบ้าง

“ผมเข้าเรียนก่อนเกณฑ์ แต่เดือนหน้าก็จะสิบเก้าแล้วล่ะครับ” ไม่รู้ว่าพี่สมิธต้องทำหน้าสงสัยอะไรมากมายเบอนั้น

“เฮ้ย จะวันเกิดแล้ว ทำไมมึงไม่เห็นบอกล่ะ”

“ทำไมต้องบอกล่ะครับ ไม่ใช่เรื่องจำเป็นอะไรนี่ครับ” นานแล้วล่ะครับที่ไม่ได้จัดวันเกิด เป็นแค่วันธรรมดาๆวันหนึ่ง เมฆก็พาออกไปกินข้าว แล้วก็กลับหอมานอน

“เฮ้ยไม่ได้ๆ เป็นน้องรักของสมิธทั้งที มันต้องมีอะไรมากกว่านั้นสิ”

“ไม่ต้องหรอกครับ มัน...ไม่ได้สำคัญอะไร”

“เออน่ะ วันนั้นก็ทำตัวว่างๆไว้แล้วกัน เฮ้อออ อิ่มล่ะ ไปอาบน้ำนอนดีกว่า” พี่สมิธพูดจบก็ลุกเอาจานไปเก็บแล้วเดินลิ่วๆออกจากครัวไป ผมกับทศกัณฐ์ก็อิ่มแล้วจึงช่วยกันเก็บจานชามที่เหลือ

“วันนี้เป็นอะไร” ทศกัณฐ์ถามขึ้นท่ามกลางความเงียบ

“ครับ?”

“ตั้งแต่กลับมาเมื่อเช้าก็ดูเงียบ เหม่อ เป็นอะไร” เขาขยายความให้ผมเข้าใจมากขึ้น ไม่คิดว่าเขาจะจับสังเกตได้  ปกติผมไม่ใช่คนช่างพูดขนาดนั้น อยู่กับเขาก็โอเคเพราะเขาไม่ค่อยพูดยิ่งกว่าผมซะอีก

“มีเรื่องต้องคิดนิดหน่อยน่ะครับ อ้อ คุณ เอ่อ..พี่พอจะมีหมอผ่าตัดที่ไว้ใจได้สักคนไหมครับ?” ผมถามเขาเมื่อนึกอะไรบางอย่างได้

“อืม...มีอยู่คนหนึ่ง ทำไม?”

“เขาพอจะว่างได้ภายในเดือนนี้ไหมครับ”

“เดี๋ยวถามก่อน” ผมพยักหน้ารับ

“พี่เคยถามรันต์ ว่าข้อมูลที่รันต์ไปเอามาอยู่ที่ไหนใช่ไหม”

“ใช่ เอามาให้พี่ ที่เหลือเดี๋ยวจะจัดการเอง”

“ครับ อยู่กับเจคสองส่วน รันต์จะติดต่อให้เขาเอามาให้ภายในเดือนนี้ ส่วนที่อยู่กับรันต์ ชิ้นหนึ่งอยู่ในเซฟของธนาคารต้องใช้กุญแจสองดอกเปิดพร้อมรหัสเป็นชื่อของชาวต่างชาติที่รันต์ปลอมมาอีกที ส่วนอีกชิ้นอยู่กับตัวรันต์”

“พกติดตัวงั้นหรอ ไม่อันตรายไปหน่อยหรอ” ทศกัณฐ์ถาม

“ก็ติดตัวนะครับ แต่ถ้าไม่กรีดเนื้อรันต์ดูก็คงไม่เห็นหรอก”

“หมายความว่าไง?” ทศกัณฐ์ถามด้วยความสงสัยปนงุนงง

“ที่ขาผมมีเหล็กดามอยู่อันหนึ่ง…”

“รันต์...!?!” ทศกัณฐ์มองผมเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง ผมจึงฉีกยิ้มบางๆเพื่อยืนยันความเข้าใจของเขา

“ครับ ชิพข้อมูลอีกอันอยู่ในนั้นแหละ”

ถามว่าจำเป็นต้องทำขนาดนี้ไหม?

ก็ต้องจำเป็นอยู่แล้ว เพราะความจริงแล้ว

การที่ผมยังสามารถมีชีวิตอยู่ได้โดยสวัสดิภาพครบสามสิบสองจนถึงทุกวันนี้ ผมก็ยังไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นไปได้เลย

คงต้องขอบคุณเขา ที่ทำให้ผมอยากมีชีวิตอยู่ต่อไป

+++++++++++++++++++++

ตอนต่อไปเป็นพาร์ทอดีตของน้องรันต์แล้วนะ อย่าพลาดเชียวล่ะ จุ๊ฟๆ  :katai4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 23♡++100%++[3/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 03-05-2017 21:08:36
ตอนหน้าต้องต้มน้ำมั้ย?
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 23♡++100%++[3/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 03-05-2017 21:40:53
ลึกลับดีแท้
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 23♡++100%++[3/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 03-05-2017 22:19:55
 :a5: :a5: :a5:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 23♡++100%++[3/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 03-05-2017 22:43:42
คือ เรื่องอัลลัย น้องรันต์เป็นตัวไรคะ ตอบพี่สิ ตอบ สงสัยมาก
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 23♡++100%++[3/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 03-05-2017 23:05:01
 :hao3:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 23♡++100%++[3/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 03-05-2017 23:19:05
 :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 23♡++100%++[3/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 03-05-2017 23:38:52
ว้าว......จะได้รู้อดีตของรันต์แล้ว  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 23♡++100%++[3/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 04-05-2017 01:58:08
อะไรยังไง  :a5:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 23♡++100%++[3/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: itsgonnabeme ที่ 04-05-2017 09:28:22
โอ๊ยตื่นเต้นนนนนนนนน
จะยังไงต่อดีทีนี้

และลุ้นกว่าอดีตน้องรันต์คือความสัมพันธ์ของน้องกับพี่ยักษ์นี่ล่ะ กลัวใจมากเลยฮืออออออ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 23♡++100%++[3/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 04-05-2017 11:06:14
โห รันต์ฝังชิพไว้ในตัวเลยหรอ ลึกลับมาก :a5:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 23♡++100%++[3/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Apple_matinie ที่ 05-05-2017 01:05:06
 :z13:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 23♡++100%++[3/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Fonz_Juz19 ที่ 05-05-2017 02:13:44
น้องรันต์ ขนาดนั้นเชียวหรอลูก
ลุ้นมากๆๆเลย ตื่นเต้นๆๆๆๆๆ
อยากอ่านทั้งพาร์ทอดีต และปัจจุบันเลย
พี่ทศสู้ๆ  พี่สมิธขอให้หายจากฝันร้ายเร็วๆ

คนเขียนก็สู้ๆๆนะคะ รออ่านๆ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 23♡++100%++[3/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Fonz_Juz19 ที่ 07-05-2017 23:39:24
รอๆๆๆ อยากอ่านต่อมากกกกกก  เลยยยย
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 23♡++100%++[3/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: natsikijang ที่ 09-05-2017 16:34:05
พี่ทศแสดงออกชัดเลยนะว่า ชอบรันต์   ถ้ารันต์ฉลาดสักหน่อยน่าจะรู้ตัวและอยากให้รันต์เริ่มสงสัยกับความรู้สึกของตัวเอง   อ่านแล้วสนุกมากๆค่ะ เดินเรื่องมีเงื่อนงำตลอดทั้งประวัติพี่ทศ  อดีตน้องรันต์  ถ้าแฟนซีหน่อย อยากให้น้องรันต์ท้องไปเลย
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 23♡++100%++[3/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 10-05-2017 14:46:16
ใจยักษ์ 24

คนในสังคมส่วนใหญ่ล้วนเกิดมามี พ่อ แม่ และปัจจัยสี่ในการดำเนินชีวิต เด็กชายเหรันต์ ราชรัตน์ก็เช่นกัน  เขามีครอบครัวที่อบอุ่นและสมบูรณ์พร้อมไปทุกอย่าง มีชีวิตที่สุขสบายบนกองเงินกองทอง มีชีวิตที่ใครๆต่างก็ต้องอิจฉา

แล้วถ้าเกิดวันหนึ่ง  ไม่มีสิ่งเหล่านั้นอีกแล้วล่ะ...

“คุณทำแบบนี้กับฉันและลูกได้ยังไงคุณวิรัช!! คุณทำได้ยังไง!!!” เสียงหวานตะโกนดังลั่นห้องโถงของบ้านหลังใหญ่  มือบางขว้างเอกสารการโทรเข้า-ออกของผู้เป็นสามี พร้อมรูปผู้หญิงและเด็กอีกคนปึกใหญ่ใส่ตัวชายตรงหน้า ใบหน้างามอาบไปด้วยน้ำตา ความเสียใจยังไม่มากเท่าความเจ็บใจที่ถูกคนที่รักหักหลัง  แพรวาเป็นผู้หญิงสวยหวาน  บุคลิกดีและนิ่ง เธอไม่เคยโวยวายหรือแม้แต่ตะคอกใส่ใคร  เธอฉลาดในการวางตัวเสมอ  แต่ครั้งนี้เธอหมดแล้วซึ่งความอดทน

“ผมไม่ได้ตั้งใจ มันเป็นความผิดพลาด คุณฟังผมอธิบายก่อน” วิรัช ราชรัตน์  ชายผู้ก่อตั้งบริษัท R Advertising บริษัทสื่อโฆษณาทุกประเภท ที่กำลังเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาไม่ถึง 10 ปี เขาโผเข้าหาผู้หญิงตรงหน้า กำลังจะอธิบายเหตุผลของความผิดพลาดครั้งใหญ่ในชีวิตให้ภรรยาผู้เป็นที่รักฟัง  แต่หญิงสาวกลับส่ายหน้าและก้าวถอยหนี

“คุณผิดสัญญา ทั้งๆที่ฉันทำทุกอย่างเพื่อคุณ รักและซื่อสัตย์ยิ่งกว่าหมา ฮึก แต่คุณกลับหักหลังครอบครัวของเรา ฮึก” เธอยอมหันหลังให้ครอบครัวตัวเองเพื่อเริ่มต้นครอบครัวใหม่ ละทิ้งหน้าที่ทุกอย่าง แม้กระทั่งอนาคตที่สดใสในการเป็นเชฟอาหารนานาชาติ ทุกสิ่งทุกอย่างก็เพื่อผู้ชายที่เธอรักและไว้ใจ  แล้วนี่หรือคือผลตอบแทนที่เธอได้รับ

“วันที่ฉลองยอดผมเมามาก ไม่ได้ตั้งใจให้ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้จริงๆแพรว”

“เกือบสิบปีที่คุณปิดบังฉัน  ถ้าฉันไม่สังเกตว่าโทรศัพท์คุณดังบ่อยกว่าปกติแล้วไปสืบฉันจะรู้ไหม  คุณจะบอกฉันไหม!ว่ามีลูกกับผู้หญิงอีกคนหนึ่งหลังน้องรันต์เกิดได้ไม่กี่เดือน!” เธอหยุดฟูมฟายแต่น้ำตายังไหลอาบแก้มนวล แพรวาสังเกตุว่าพักหลังมานี้โทรศัพท์สามีเธอมีคนโทรเข้ามากกว่าปกติโดยเฉพาะเวลากลางคืน เหมือนจงใจโทรมาเวลาที่เธออยู่ด้วย และวิรัชจะไม่ยอมรับสายหรือไม่ก็ปิดเครื่องไปเลย เขาให้เหตุผลกับเธอว่าเป็นพวกโรคจิตที่โทรมาก่อกวน แต่พอเธอบอกจะรับสายให้แทนกลับไม่ยอม นั่นยิ่งทำให้เธอสงสัยจนต้องจ้างนักสืบให้ช่วยตามสืบให้ และความจริงที่เธอได้รับรู้ก็ทำให้หัวใจเธอแตกสลายย่อยยับไม่มีชิ้นดี

“ผมพึ่งรู้เมื่อ 3 ปีก่อน ผมไม่กล้าบอกคุณเพราะผมกลัวคุณจะทิ้งผมไป ผมขอโทษ...อภัยให้ผมนะแพรว ผมรักคุณคนเดียว ไม่ได้รักผู้หญิงคนนั้นจริงๆ ผมเพียงส่งเสียพวกเขาตามสมควร...ยังไงเด็กอีกคนก็ลูกผม” น้ำตาของลูกผู้ชายไหลไม่ขาดสาย วิรัชยอมแม้กระทั่งคุกเข่าอ้อนวอนเพื่อรั้งคนที่เขารักที่สุดไว้

“ในชีวิตคู่ฉันขอคุณแค่เรื่องเดียว จำได้ไหม?” วิรัชไม่กล้าแม้แต่จะปริปาก ได้แต่ก้มหน้ายอมรับ สิ่งเดียวที่แพรวาขอจากเขามีเพียงแค่เรื่องเดียว คืออย่าทำอะไรลับหลังเธอ  ห้ามนอกทั้งกายและใจ ถ้าไม่รักก็บอกเธอตรงๆ เธอจะเป็นคนที่ไปเอง

“คุณเคยสัญญาแล้ว...แต่ในเมื่อคุณให้ฉันไม่ได้ ฉันว่าเราก็คงไปกันไม่รอดแล้วล่ะ...” แพรวากำมือแน่น สิ่งที่เธอเสียใจที่สุดไม่ใช่แค่การที่เขาโกหกปิดบัง แต่มันคือความซื่อสัตย์ในชีวิตคู่ต่างหาก เมื่อไม่ซื่อสัตย์ต่อกันก็จะเกิดความระแวง แล้วชีวิตคู่จะดำเนินต่อไปให้มีความสุขได้ยังไง ชีวิตคู่คือสอง ไม่ใช่สาม เรื่องนี้สำหรับเธอมันยากที่จะทำใจและเกินอภัยได้

“...”

“พรุ่งนี้ไปหย่ากัน”

“ไม่นะแพรว...ฮึก...ไม่เอาแบบนี้” วิรัชรู้สึกเหมือนทุกอย่างจบสิ้นลงตรงหน้า เขากอดขาแพรวาร้องไห้อย่างไม่อายคนใช้ในบ้าน  วิรัชกลัวที่สุดคือใจแพรวา เธอเป็นคนพูดจริงทำจริง ใจแข็งยิ่งกว่าหิน ยิ่งเป็นเรื่องนี้เขาไม่เห็นแววล้อเล่นในดวงตาเธอเลย

“ฉันไม่ขออะไรจากคุณนอกจากน้องรันต์ ถ้าคุณยังพอมีความรักให้ฉันอยู่บ้างก็ให้เขากับฉันมา...ความสุขสุดท้ายของฉัน”

วิรัชได้แต่ก่นด่าตัวเองในใจ  เขาทำให้ครอบครัวเสียใจ

...เขาสูญเสียทุกอย่างไปแล้วจริงๆ...
.
.
.
.
.
.
.

“น้องรันต์ต่อไปนี้เราจะอยู่ที่นี่กันนะครับ” แพรวาก้มบอกเด็กชายเหรันต์ตัวน้อยในวัย 11 ปี ที่ยืนอยู่ข้างๆเธอ  หลังจากแพรวาตัดสินใจจบชีวิตคู่15ปีลง เธอก็ตัดสินใจย้ายออกจากบ้านราชรัตน์เพื่อมาอยู่บ้านจัดสรรขนาดกลาง  ซึ่งอยู่ห่างจากที่อยู่เดิมค่อนข้างไกล แม้ว่าเธอจะบอกให้วิรัชไปหย่าให้เธอ แต่เขากลับดื้อดึงและบ่ายเบี่ยง เขาพยายามง้อเธอทุกวัน แต่เธอเจ็บ ตอนนี้แผลมันยังสดใหม่ เธอทำใจให้อภัยเขาไม่ได้จริงๆ  สุดท้ายแพรวาจึงยื่นคำขาดว่าถ้าไม่หย่าเธอก็จะย้ายออกจากบ้าน  วิรัชจึงจำใจให้แพรวาย้ายออกจากบ้าน อย่างน้อยเขาก็ยังสามารถแวะไปหาได้บ้าง ดีกว่าต้องหย่าขาดจากกัน

“ครับ แล้วคุณพ่อล่ะครับ” เด็กชายตัวเล็กที่แสนว่านอนสอยง่าย ไม่ว่าคุณพ่อคุณแม่จะบอกหรือสอนอะไร เขาก็จะเชื่อฟังและทำตามโดยไม่มีข้อแม้เสมอ  ถึงแม้ภายในหัวใจดวงเล็กๆนั่นจะมีคำถามอยู่มากมายอยู่ก็ตาม

“คุณพ่อต้องทำงานครับ คงแวะมาบ้าง...น้องรันต์อยู่กับแม่ได้ใช่ไหมครับ”แพรวายิ้มให้ลูกชายบางๆ

“ครับ”รอยยิ้มสว่างสดใสปรากฏบนใบหน้าเด็กชาย  คุณแม่ยิ้มแล้ว อย่างน้อยก็ดีกว่าสัปดาห์ที่ผ่านมาที่คุณแม่ไม่ค่อยยิ้มแถมไม่คุยกับคุณพ่ออีกต่างหาก

+++++++++++++++++++

“แม่ครับ น้องกลับมาแล้ว”

“ครับ น้องรันต์หิวรึยังลูก”

“ยังครับ...คุณแม่ปวดหัวอีกแล้วหรือครับ” เด็กชายเหรันต์เดินมาถึงส่วนครัวตามเสียงของแม่ เห็นผู้หญิงตรงหน้าพึ่งวางกระปุกยาลง  ช่วงนี้แม่ของเขาปวดหัวถี่ขึ้นมาก ช่วงหนึ่งปีหลังเริ่มมีอาการปวดบ้างเป็นครั้งคราว แต่พอมา2-3เดือนนี้แม่ของเขาปวดหัวแทบจะทุกวันเลย กินยาแก้ปวดก็เพียงบรรเทาลงบ้างแต่ก็กลับมาปวดใหม่เหมือนเดิม

“นิดหน่อยจ้ะ วันนี้แม่พึ่งกินไปเมื่อกี้เอง”

“อ่อครับ น้องว่าคุณแม่ควรไปหาคุณหมอ” เด็กชายบอกด้วยความเป็นห่วง

“แม่ไม่เป็นไรมากหรอกจ้ะลูก” แพรวาลูบหัวเด็กชายเหรันต์พร้อมยิ้มบางๆ เธอไม่อยากให้ลูกรู้ว่าปวดจี๊ดบริเวณศีรษะขึ้นทุกวันและนานขึ้นแม้กินยาแก้ปวดก็แทบไม่ดีขึ้น น้องรันต์เป็นเด็กไม่ค่อยพูด แต่ว่าเขาฉลาดและช่างสังเกต เธอไม่อยากให้ลูกต้องมาคอยพะวงเรื่องของเธอนัก อยากให้ลูกเอาเวลาไปอ่านหนังสือเพื่อเตรียมสอบมากกว่า เพราะเหรันต์อยู่เกรดเก้าแล้ว ปีหน้าเธออยากให้ลูกชายสอบเข้าโรงเรียนมัธยมปลายที่มีชื่อเสียงด้านวิชาการให้ได้ เพื่ออนาคตของตัวเหรันต์เอง

“ครับ แต่ถ้าคุณแม่ปวดหัวมากกว่านี้ต้องบอกน้องรันต์นะครับ น้องจะพาไปหาหมอ” เด็กชายพูดด้วยความเป็นห่วง

“ตกลงจ้ะ แล้วเรื่องไปสอบน้องรันต์ตัดสินใจได้รึยังลูก” แพรวาถามลูกชายที่ผ่านการสอบคัดเลือกให้ไปสอบโอลิมปิกฯคณิตศาสตร์ระดับนานาชาติ  แต่ดูเหมือนว่าลูกชายของเธอจะเกิดอาการลังเลไม่อยากไปซะอย่างนั้น

“น้อง...กำลังตัดสินใจครับ” เด็กชายเหรันต์มีท่าทีลังเล  ถ้าเขาตกลงเป็นตัวแทนของประเทศเขาก็ต้องไปเข้าค่ายเก็บตัว ซึ่งคงไม่มีเวลาดูแลแพรวานัก ทั้งเมื่อถึงเวลาแข่งก็ต้องไปต่างประเทศอีก เขาเป็นห่วงแม่ ช่วงนี้ดูเหมือนอาการแม่ของเขาจะไม่ค่อยดีเท่าไรนัก

“น้องรันต์ฟังแม่นะลูก...อย่าให้แม่ต้องเป็นอุปสรรคของน้อง อย่าให้คนอื่นมีอิทธิพลต่อชีวิตขนาดนั้น แม่ตายไปชีวิตน้องรันต์ก็ต้องเดินต่อ สิ่งที่เราตัดสินใจทำในวันนี้จะส่งผลไปถึงอนาคตนะลูก” แพรวาลูบหัวสอนลูกด้วยเหตุผล

“คุณแม่ไม่ใช่คนอื่น” เด็กชายเถียงเป็นครั้งแรกพร้อมกอดซบอกของผู้เป็นแม่ เขาไม่ชอบเลยที่คุณแม่บอกว่าตัวเองเป็นคนอื่น แถมยังพูดว่าจะตายจากเขาไปอีกด้วย...เขาจะอยู่ได้ยังไงถ้าคุณแม่ไม่อยู่แล้ว....

“โตไปเดี๋ยวน้องก็จะรู้ว่าที่แม่พูดมันจริง หรือไม่จริง…แม่เคารพทุกการตัดสินใจของน้องรันต์นะครับ แต่อยากให้น้องรันต์ทำสิ่งที่น้องอยากทำจริงๆ” เพราะยอมให้คนอื่นมามีอิทธิพลต่อหัวใจไม่ใช่หรือ   เธอจึงได้เจ็บปวดอยู่จนถึงทุกวันนี้ แพรวาจึงไม่อยากให้ลูกดำเนินชีวิตที่ผิดพลาดเหมือนตนเอง

“น้องรันต์...จะไปแข่งครับคุณแม่” ใจจริงเขาอยากไปแข่ง อยากรู้ศักยภาพของตัวเองว่าไปถึงระดับไหน

“ดีแล้วลูก ไม่ต้องห่วงแม่นะครับ แม่ดูแลตัวเองได้” แพรวาโยกตัวเด็กชายในอ้อมกอดเบาๆ

“คุณแม่เข้าไปนั่งพักนะครับ เดี๋ยววันนี้น้องจะทำอาหารให้คุณแม่ทานเอง” เหรันต์ผละออกจากอ้อมกอดผู้เป็นแม่  เขาดุนหลังแพรวาให้ออกจากครัวเพื่อไปนั่งพักผ่อนที่ห้องนั่งเล่น  คล้อยหลังแพรวาเด็กชายเหรันต์หยิบกระปุกยาของแพรวาออกมาเทใส่จานแล้วนับเหมือนทุกวันที่ทำ

“วันนี้กินไปสามเม็ดเลยงั้นหรอ” เด็กหนุ่มพึมพำคนเดียวเสียงเบา  ในใจเหรันต์ว้าวุ่นไปหมด เขาแอบนับยาทุกวัน ปกติแม่เขาจะกินยาวันละไม่เกินหนึ่งเม็ด แต่สองสามวันมานี้เพิ่มเป็นวันละสองเม็ด แล้ววันนี้ก็เพิ่มเป็นสามเม็ด

ชักไม่ดีแล้วสิ...ต้องรีบหาทางพาไปหาหมอให้ได้

เด็กชายรันต์เก็บยาเข้ากระปุกตามเดิม ก่อนจะเปิดหาวัตถุดิบในตู้เย็นเพื่อทำอาหารค่ำ  เขาอยู่กับแม่แค่สองคนในบ้านหลังนี้เพราะฉะนั้นอาหารการกินจึงเป็นแบบง่ายๆแค่2-3อย่าง  รันต์เริ่มหัดทำอาหารตั้งแต่ช่วงแรกที่ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ จนตอนนี้ก็เกือบสามปีแล้ว แม่ของเขาทำอาหารเก่งมากเขาเรียนรู้และจดจำ แพรวาก็สอนให้รู้ด้วยความเต็มใจ เธอทำงานฟรีแลนซ์อยู่ที่บ้าน ใช้ความรู้ที่เรียนมาจากฝรั่งเศสเขียนบทความเกี่ยวกับอาหารลงนิตยาสารรายสัปดาห์ รายได้ก็พออยู่ได้สำหรับสองคนแม่ลูก  ส่วนค่าเทอมของเหรันต์ วิรัชยืนกรานจะเป็นคนจัดการเพราะค่าเทอมสำหรับโรงเรียนนานาชาติค่อนข้างหนักไปสำหรับเธอคนเดียว  แต่เมื่อเหรันต์ขึ้นชั้นมัธยมปลายเมื่อไหร่เธอจะให้ลูกเรียนโรงเรียนรัฐบาลค่าเทอมธรรมดาไม่ก็โรงเรียนเอกชนที่เธอพอจ่ายไหวได้ แพรวาอยากจะดูแลลูกชายเธอให้ดีด้วยตัวคนเดียวให้ได้

ในช่วงแรกเด็กชายเหรันต์ก็สงสัยว่าทำไมต้องย้ายบ้าน ทำไมไม่ได้อยู่กับคุณพ่อเหมือนเดิม ทำไมต้องขึ้นรถเมย์ไปโรงเรียนแทนที่จะมีคุณพ่อหรือลุงหมายไปส่ง ทำไมไม่มีคุณนมหรือบ้านหลังใหญ่ให้วิ่งเล่น ในหัวมีแต่คำว่าทำไมๆๆเต็มไปหมด  แต่โดยนิสัยเขาเป็นคนไม่ค่อยพูดและรู้สึกว่าคุณแม่ไม่อยากพูดถึงมันสักเท่าไหร่  เด็กชายจึงเลือกที่จะเงียบและทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี  ในช่วงแรกๆวิรัชพ่อของเขาเทียวมาหาแทบทุกวัน ซื้อของมาให้เขาและแม่อยู่เสมอ เขารับไว้เพราะมันคือเรื่องปกติที่พ่อจะซื้อของให้ลูก แต่แม่ของเขากลับปฏิเสธและเงียบใส่ เด็กชายตัวน้อยแค่แปลกแต่ไม่ได้คิดมากอะไร แต่พอโตขึ้นมาหน่อยเขาก็เริ่มเข้าใจว่าครอบครัวคงไม่มีทางกลับไปเป็นเหมือนเดิมแล้ว เหรันต์ไม่รู้ว่าสาเหตุมันเกิดจากอะไร แต่เขาก็พอรู้ว่าแม่เขาเป็นคนยังไง ตัวเขาได้แต่ทำใจและยอมรับมัน  ช่วงครึ่งปีหลังมานี้คุณพ่อแทบจะไม่มีเวลามาหาเขาเลยเพราะต้องทำงานหนักเป็นช่วงขยายกิจการอะไรสักอย่างที่เขาไม่ค่อยรู้เรื่อง มีโทรมาหาบ้างอาทิตย์ละสองสามครั้ง แต่เดือนนี้ก็ยังไม่โทรมาเลย...คงยุ่งมาก  แม้จะมีเหงาๆอยู่บ้างเพราะเป็นคนเข้าสังคมไม่เก่งเลยไม่ค่อยมีเพื่อน แต่พอไปโรงเรียนก็ยังดีที่มีพี่เมฆมาเล่นด้วยบ่อยๆ

พี่เมฆเป็นพี่ชายข้างบ้านหลังเดิม  อายุห่างกันสองปี  ชอบปีนกำแพงรั้วมาหาบ่อยๆ  ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่มาทางประตู นิสัยก็แปลกๆ  ตอนแรกก็ไม่ได้อยากจะเล่นด้วยเท่าไหร่หรอกเพราะพี่เมฆชอบแกล้งน้องรันต์บ่อยๆแถมยังอยู่โรงเรียนเดียวกันอีกแค่คนละชั้นปี  แต่เล่นๆด้วยไปก็สนุกดี แม้จะไม่ค่อยมีเวลาอ่านหนังสือเท่าไหร่ แต่น้องรันต์ก็ฉลาดคงไม่เป็นไร บางครั้งยังต้องสอนการบ้านให้พี่เมฆเลย
.
.
.
.
.

พอดีกับที่ทำอาหารเสร็จ  อยู่ๆก็มีความคิดหนึ่งแล่นเข้ามาในหัวทำให้เด็กชายเหรันต์ยิ้มให้กับตัวเองนิดๆ

ยังไงชีวิตของเขาก็ไม่ได้มืดมนอะไรขนาดนั้นสักหน่อย  เขายังมีพ่อแม่และเพื่อนอยู่  แม้จะสูญเสียความสุขบางส่วนไปบ้างแต่ก็ไม่ได้สำคัญอะไร  อยู่ที่ตัวเราจะมองให้มีความสุขได้ยังไงต่างหาก...

หลังจากทานอาหารเย็นกับคุณแม่เรียบร้อยแล้ว เด็กชายหน้าใสก็เก็บจานชามมาล้างทำความสะอาด  อะไรที่ไม่เคยทำเขาก็ทำเพราะอยากช่วยแบ่งเบาภาระของแม่  แม้ว่าคุณแม่จะไม่ได้ขอแต่เขาก็อยากจะช่วย  แม้จะทำให้คุณแม่เหนื่อยน้อยลงสักนิด ก็ยังดี...


+++++++++50%++++++++++++

เฮลโลลล ยังอยู่ไหมเบบ ช่วงนี้เปรมป่วยอีกแล้วพักผ่อนน้อยด้วย เดี๋ยวปวดท้อง ปวดหัว เจ็บปาก บลาๆ จนโดนสังคมรังเกียจว่าเป็นอีวันละโรค ฮ่าๆๆ  วันนี้เอาครึ่งแรกมาให้ชิมรางไปก่อน  พรุ่งนี้ครึ่งหลังเตรียมผ้าเช็ดหน้าไว้ด้วยนะ จะพาไปต้มน้ำ  อะไรที่เคยสงสัยกันมาก็จะเฉลยในบางส่วน :z6: :beat:

ป.ล.พล็อตดูเหมือนออกทะเลแต่ว่าเปรมวางไว้หมดแล้วจนกระทั่งถึงตอนจบ อาจดูเว่อร์ไปบ้างแต่มันก็คือนิยาย  เรื่องที่เราไม่เคยรู้เคยเห็นอาจจะเหลือเชื่อยิ่งกว่านิยายซะอีกนะแจ๊ะ  จุ๊ฟฟฟฟ :mew1: :bye2:

หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 24♡++50%++[10/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 10-05-2017 15:16:56
 :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 24♡++50%++[10/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: owlseason ที่ 10-05-2017 15:25:53
พี่เมฆเป็นคนประหลาดแต่เด็กสินะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 24♡++50%++[10/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 10-05-2017 16:45:08
น้ำเมา น้ำเปลี่ยนนิสัย น้ำเปลี่ยนอนาคต
พ่อรันต์ เลยมีลูกเมียใหม่เพื่มอย่างกระทันหัน
แต่ก็เสียลูกเมียเดิมทันที
เรียกว่าไม่ได้ไม่เสีย เท่าทุนหรือเปล่ากับปริมาณ
แต่ความรู้สึก ความรักที่สร้างสมมานี่สิ เสียไปเลย
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 24♡++50%++[10/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 10-05-2017 21:01:19
สงสัยผู้หญิงคนนั้นตั้งใจจับพ่อรันต์แน่ๆ รู้ว่าเค้ามีเมียแล้วก็ลูกอยู่แล้วแต่ก็จะแย่ง เฮ้ออออออ  :katai1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 24♡++50%++[10/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 10-05-2017 21:11:17
รออ่านอีก
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 24♡++50%++[10/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 10-05-2017 21:17:17
 :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 24♡++50%++[10/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 10-05-2017 22:05:29
ท้องอืดอยู่ ไม่อยากกินมาม่า......
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 24♡++50%++[10/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 10-05-2017 23:18:08
 :katai1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 24♡++50%++[10/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 10-05-2017 23:57:57
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 24♡++50%++[10/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 11-05-2017 01:11:43
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 24♡++50%++[10/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: pearlypear ที่ 11-05-2017 01:38:49
 :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 24♡++50%++[10/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 11-05-2017 01:47:24
อดีตของน้องรันต์น่าสงสารมากเลย  :sad4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 24♡++50%++[10/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 11-05-2017 16:07:50
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 24♡++50%++[10/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 12-05-2017 00:39:59
ตามทันแล้วววว
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 24♡++50%++[10/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: natsikijang ที่ 12-05-2017 13:20:49
ดูแลรักษาสุขภาพด้วยนะคะ คุณเปรม ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย นิยายรอได้ค่ะ ขอแค่อย่าทิ้งกันไปเลยก็พอ

สำหรับตอนล่าสุด รู้สึกว่าแม่รันต์คิดอะไรแปลกๆ ตรรกะแมวมาก มีแต่คนพยายามทำทุกอย่างเพื่อรักษาครอบครัว ความเป็นแม่คน ถ้ามีลูกต้องคิดถึงลูกก่อน อยากให้ลูกมีพ่อ นี่พ่อไม่ได้นอกใจ แต่มีผู้หญิงมาจับ ผู้หญิงทั่วไปที่แต่งงานแล้วจะมีแต่จะไฟท์กับผู้หญิงที่มาจับคนนั้น มุมมองแม่รันต์เหมือนคนที่ไม่เคยแต่งงานมากกว่าค่ะ

พล็อตย้อนอดีตดูออกทะเลไปจริงๆค่ะ แปลกๆ ไปจากพล็อตปกติที่ดูสนุกมากมาย ความเห็นส่วนตัวไม่อยากให้ย้อนเลย น่าจะค่อยๆเฉลยมาจากคำพูดการกระทำของน้องรันต์ดูจะน่าลุ้น ชวนคิดมากกว่า พอเฉลยออกมาแล้วดูทำให้ดำเนินเรื่องกลายเป็นเล่าเรื่อยๆ เอื่อยๆ แทนที่จะน่ารัก ตื่นเต้น สนุกขบขันเหมือนเดิมไป เหมือนคนละเรื่องเดียวกันค่ะ เพราะตอนเดินเรื่องปัจจุบันสนุกมากจริงๆ อ่านรวดเดียวจบเลยค่ะ


ชอบน้องรันต์ รักพี่ทศค่ะ รอคู่นี้อยู่ค่ะ   
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》แจ้งเหตุค่ะ-_-[12/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 12-05-2017 16:09:28
ชี้แจง


สวัสดีทุกคนนนนนน  ช่วงนี้พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกอย่างไรมิรู้  NB เปรมพังค่ะ!!!ตั้งแต่เมื่อวาน ส่งซ่อมแล้ววันนี้ยังมิได้คืน  ค่อนข้างจะหัวร้อนเป็นอย่างมาก  ขอโทษด้วยนะคะที่ทำให้รอเก้อ ช่างบอกพรุ่งนี้ได้ ซึ่งไม่รู้ว่าไฟล์นิยายเค้าจะหายไหมมมม กร๊าซซซซ :fire: แวะมาบอกไม่อยากให้รอ ขอตัวไปหาตังค์ซื้อใหม่ก่อน กราบสวัสดีค่ะ :mew4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》แจ้งเหตุค่ะ-_-[12/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 12-05-2017 19:01:22
 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》แจ้งเหตุค่ะ-_-[12/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 12-05-2017 19:21:30
 :katai5:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 24♡++100%++[13/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 13-05-2017 18:43:30
ใจยักษ์  24 [ต่อ]


เด็กหนุ่มร่างสูงโปร่งเดินเข้าซอยโรงเรียนเอื่อยๆด้วยท่าทีสบายๆในเวลาเจ็ดโมงเช้า  ในมือเรียวมีถุงผ้าใส่กล่องอยู่สองใบ  กล่องใบหนึ่งเป็นอาหารกลางวันของเด็กหนุ่ม  อีกใบเป็นของเจ้าตัวซนทั้งหลาย  เหรันต์แวะลานกว้างโล่งๆก่อนถึงโรงเรียนที่เจ้าของปล่อยทิ้งร้าง  ทันทีที่ย่างเท้าเข้าไปในบริเวณเจ้าตูบสี่ขาพัทธุ์ทางผสมสามตัวก็กระดิกหางวิ่งเข้ามาหาเด็กหนุ่มทันที

“เอ้า อย่าแย่งกันสิ ค่อยๆกินครับ” เด็กหนุ่มเทข้าวใส่กระบะใบใหญ่ให้เจ้าตูบสามตัวได้กินด้วยกัน  เขามาเจอเจ้าพวกนี้ขณะเดินออกจากโรงเรียนเมื่อสองเดือนก่อน  อายุก็ราวๆ1-2ปี  ไม่รู้ว่าเป็นเพื่อนหรือพี่น้องกันเพราะมีลักษณะตัวและที่แตกต่างกันไป  ตอนแรกเขาเจอเจ้าน้ำตาลยืนมองหน้าเขาขณะเดินกินลูกชิ้นอยู่ ก็เลยแบ่งให้ไปด้วยความสงสาร  วันต่อมาดันเพิ่มมาอีกสอง คือเจ้าขาวและเจ้านวล  ชื่อที่เรียกเขาก็ตั้งตามสีนั่นแหละ

“ฮ่าๆๆ พอแล้วๆ เดี๋ยวชุดนักเรียนเปื้อน” เด็กหนุ่มห้ามเจ้าพวกสี่ขาที่หลังจากกินเสร็จก็วิ่งมาล้อมหน้าล้อมหลังแถมยังทำท่าจะกระโดตะครุบเขาให้หยอกล้อด้วยอีก  เด็กชายหน้าใสหัวเราะอย่างมีความสุข  เขาอยากเลี้ยงพวกมันไว้หมดเลยแต่ว่าแม่ของเขาดันแพ้ขนสัตว์  จะหาบ้านให้มันอยู่ก็ไม่รู้จะหาจากที่ไหน  ใจลึกๆเขาก็ไม่อยากให้พวกมันไปไหนอยากจะเล่นด้วยกันทุกวัน  แต่เขาจะทำแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆไม่ได้เพราะไม่รู้ว่าตัวเขาเองจะดูแลเจ้าพวกนี้ไปได้ถึงเมื่อไหร่  การหาบ้านให้เจ้าสี่ขาสามตัวนี้คือทางออกที่ดีที่สุดแล้ว

โฮ่ง!ๆๆๆๆ

อยู่ๆเจ้านวลก็เห่าขึ้นเสียงดัง  ทำให้เจ้าสองตัวที่เหลือพลอยเห่าตามไปด้วย  สายตาของพวกมันจับจ้องไปที่ต้นไม้ด้านหลังเด็กหนุ่ม  เหรันต์ชะงักแล้วหันไปมองตาม เขาไม่เจอสิ่งมีชีวิตอย่างอื่น แต่เจ้าพวกลูกสมุนของเขาก็ยังเห่าต้นไม้ต้นนั้นไม่หยุด  ด้วยความที่เป็นเด็กฉลาดทำให้เหรันต์มีนิสัยขี้สงสัยและอยากรู้อยากลอง  เขายืดตัวขึ้นเต็มความสูง สองเท้าค่อยๆย่างก้าวไปที่ต้นไม้น่าสงสัยนั่น  สุนัขสามตัวก็ยังเห่าไม่หยุดแต่ไม่กล้าวิ่งนำหน้าเขา ได้แต่เห่าตามอยู่ด้านหลัง(เป็นสุนัขที่กล้าหาญจริงๆ) มือเรียววางถุงผ้าที่มีข้าวกล่องลงที่หินก่อนถึงต้นไม้  เพราะถ้าหากเกิดอะไรไม่คาดฝันขึ้นเขาจะได้สามารถวิ่งได้โดยไม่ห่วงอะไร(?) ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความกดดันจากสุนัขสามตัวด้านหลังเขา  เหรันต์ก้าวไปจนถึงต้นไม้ต้นใหญ่ก้มหยิบก้อนหินโยนไปข้างหลังต้นไม้เป็นการลองเชิง  ถ้าเป็นงูจะต้องฉกออกมาแน่

เงียบกริบ...

ไม่มีเสียงของสิ่งมีชีวิตอื่น  เสียงใบไม้ขยับสักนิดก็ไม่มี  แม้แต่เจ้าสุนัขสามตัวก็เงียบเสียงไปอย่างรู้งาน  เหรันต์เกาหัวงงๆ  แล้วเจ้าตูบมันเห่าอะไรวะ!  เด็กหนุ่มค่อยๆเอี้ยวตัวไปข้างหลังต้นไม้ช้าๆอย่างระมัดระวัง

หืม...ไม่เห็นมีอะไรนี่หว่า

โฮ่งๆๆๆๆ  พรึ่บ!

“อ๊ะ!” เสียงเห่าของลูกสมุนดังขึ้นพร้อมๆกับแรงรัดที่คอของเด็กหนุ่ม  เหรันต์ดิ้นและกระชากตัวออกตามสัญชาตญาณแต่ไม่หลุดจากแรงรัด  ทั้งคู่ยื้อยุดกันไปมาจนล้มลงกระแทกเข้ากับพื้นหญ้าทั้งคู่

แต่สถานการณ์ก็ไม่ค่อยจะดีนักเมื่อบุคคลไม่น่าไว้ใจเป็นคนขึ้นคร่อมด้านบน  มือเรียวกำคอเด็กหนุ่มให้ยึดกับพื้น  เสียงสุนัขทั้งสามเห่าขู่ไม่ขาดสายเมื่อเห็นผู้มีพระคุณตนเองกำลังเป็นอันตรายแต่ยังไม่กล้าเข้าใกล้ทั้งคู่  เหรันต์ดึงมืออีกคนออกจากคอตนเองแต่ก็ไม่เป็นผลนัก  ตาเรียวสวยเผลอมองขึ้นสบตากับอีกคนโดยไม่ได้ตั้งใจ

ชั่วแวบหนึ่ง...เหรันต์คิดว่าคนตรงหน้าเขานี้เป็นอีกคนที่เขารู้จักและรอคอย

แต่ว่าคงไม่ใช่...แม้จะคล้ายแต่สีตาของผู้ชายคนนี้สีเขียวซีดออกหม่นมากกว่า

“ปล่อยนะ! จะมาบีบคอผมทำไมเนี่ย! แค่ก...”มือสีซีดปล่อยจากลำคอขาวตามเสียงอีกคนโดยไม่รู้ตัว เหรันต์ผลักอีกคนออกให้พ้นจากตัวเขา  ผู้ถูกผลักกระเด็นนั่งลงอยู่ไม่ไกลกัน

“ถอยไปเลยนะ! อย่าขยับเข้ามาไม่อย่างนั้นผมจะให้หมากัดคุณจริงๆด้วย” เหรันต์ชี้นิ้วห้ามอีกคนที่ทำท่าจะขยับเข้ามาหาเขา  คนถูกสั่งชะงักไปก่อนจะนั่งนิ่งลงที่เดิม  เหรันต์มีโอกาสได้นั่งมองหน้าคู่กรณีเต็มๆตา  ชายหนุ่มตรงหน้าเขามีโครงหน้าแสดงออกที่ชัดเจนว่าเป็นชาวต่างชาติแน่นอน  ผมสีน้ำตาลอ่อนประกายทอง นัยน์ตาสีเขียวซีดนิดๆ ปากบางอมชมพูสุขภาพดี รูปร่างสูงโปร่ง แต่งตัวด้วยชุดเสื้อยืดสีดำตัวหลวมๆตามสไตล์เด็กฝรั่ง กางเกงสกินนี่สีดำ พร้อมรองเท้าบู๊ทหนังสีน้ำตาลหุ้มข้อ ตัวสูงและมีกล้ามเนื้อมากกว่าเขาอยู่พอสมควร

“ฟังภาษาไทยรู้เรื่องไหม?” เด็กชายหน้าใสถามคนตรงหน้าเป็นภาษาไทย

“ไม่” หนุ่มนัยน์ตาน้ำข้าวส่ายหัวและตอบอีกคนด้วยภาษาอังกฤษ รันต์ขมวดคิ้วงงๆในคำตอบของคนตรงหน้าเขา ซึ่งคำตอบของชายคนนี้เหมือนเข้าใจคำถามอย่างไรอย่างนั้น

“อย่ามากวน ผมรู้หรอกว่าคุณฟังออก” เหรันต์ตอบเด็กหนุ่มตรงหน้าเขาคืนด้วยภาษาอังกฤษ  เด็กหนุ่มตัวโตกว่ายักไหล่ให้แทนคำตอบ  เหรันต์กรอกตาใส่คนตรงหน้าแล้วขยับตัวลุกขึ้นเพราะเขาใกล้จะสายเต็มทีแล้ว  เมื่อรันต์ลุกขึ้น เด็กหนุ่มปริศนาก็ขยับตัวลุกขึ้นตามโดยอัตโนมัติ  เด็กหนุ่มตัวเล็กกว่าขยับตัวถอยห่างด้วยความหวาดระแวงเล็กน้อย  ลูกสมุนทั้งสามตั้งท่าขู่ยิงฟัน  แต่เด็กหนุ่มนัยน์ตาน้ำข้าวกลับนิ่งไม่มีวี่แววหวาดกลัวเลยสักนิด เหรันต์จึงหันไปส่งเสียงให้เงียบพวกมันจึงหยุด แต่สายตาของอีกคนกลับจ้องมองไปที่เหรันต์ตลอดเวลาจนเขาทนอึดอัดกับสายตานั่นไม่ไหวถึงได้เปิดปากคุยคนแปลกหน้าอีกครั้ง

“หน้าผมมีอะไรหรอครับ” เหรันต์ถามด้วยภาษาอังกฤษเช่นเดิม น่าแปลกที่เขาไม่ได้รู้สึกกลัวหรือหวาดระแวงคนแปลกหน้าคนนี้เท่ากับตอนแรก  อาจจะเป็นเพราะว่าอีกคนไม่ได้มีท่าทีคุกคามเขาไปมากกว่านี้ก็ได้

“ไม่มี แค่อยากมอง” แล้วก็มองอยู่จริงๆนั่นแหละ แบบกะจะไม่ให้คลาดสายตาเลย

“อะไรของเขาวะ” เหรันต์เกาหัวพึมพำกับตัวเองงงๆ  เกิดมาเขาไม่เคยเห็นใครแปลกเท่าคนๆนี้  รู้จักก็ไม่รู้จักแล้วจะมามองหน้าทำไม  จ้องจนเขารู้สึกอายขึ้นมานิดๆ ก็ไม่อยากจะยอมรับหรอกว่าตั้งแต่เห็นหนุ่มต่างชาติมาทั้งในและนอกโรงเรียนยังไม่เคยเห็นใครรูปหน้าหล่อเหลาและจัดว่ามีเสน่ห์มากได้เท่าเขามาก่อน

“ถ้าไม่มีอะไรก็แล้วไป ผมไปล่ะ...อ่อ อย่ายุ่งกับเจ้าลูกหมาพวกนั้นเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นผมไม่มีทางอภัยให้คุณแน่” เด็กหนุ่มตัวบางเอ่ยกับคนตัวโตกว่า แต่ก็ไม่วายขู่แถมท้ายด้วย

เหรันต์หยิบถุงกล่องข้าวและเดินออกจากลานกว้างไปแล้ว  แต่เด็กหนุ่มอีกคนยังยืนนิ่งอยู่และมีเหล่าสามทหารเสือดมฟุดฟิดๆตามขาสักพัก เมื่อไม่ได้กลิ่นอันตรายจากคนที่ยืนอยู่ พวกมันจึงแยกย้ายตัวออกไป เหลือเพียงคนเดียวในที่แห่งนี้ที่มองตามหลังอีกคนไปจนลับสายตา ริมฝีปากบางยกยิ้มขึ้นนิดๆแล้วเดินออกจากบริเวณนี้ไป
.
.
.
.
.
.
.
.

ตลอดเวลาเกือบหนึ่งอาทิตย์ในทุกๆเช้าที่เหรันต์แวะมาหาเจ้าพวกลูกสมุนทั้งสาม  เขามักจะเจอเด็กหนุ่มชาวต่างชาติที่เจอกันในวันแรกนั่งรออยู่กับเจ้าพวกลูกสมุน(ที่เปลี่ยนข้างจาก)เขาในทุกๆวัน  เขามีหน้าที่เอาอาหารไปให้  ส่วนฝรั่งหนุ่มก็เอาแต่นั่งมองหน้าเขาอยู่ตลอด  ไม่ค่อยได้พูดคุยกัน แม้แต่ชื่อก็ไม่รู้จัก  มีแต่มองหน้าเขาอย่างกับมีตัวหนังสืออยู่บนหน้านั้นแหละ  ตอนแรกเด็กชายเหรันต์ก็รู้สึกประหม่าอยู่บ้าง  แต่หลังๆมาเริ่มชินแล้ว อยากมองก็มองไปเถอะ

แต่วันนี้เป็นวันหยุดที่เขาแวะออกจากบ้านมาเอาอาหารให้เจ้าสุนัขทั้งสามดังเช่นปกติ  แต่ที่ไม่ปกติคือเขาทำแซนวิชกล่องใหญ่มาด้วยอีกกล่อง ซึ่งปริมาณขนาดนี้กินคนเดียวคงไม่หมดแน่ๆ...ก็ไม่ได้หวังว่าใครอีกคนจะกินด้วยหรอก

“กินอาหารเช้ารึยังอ่ะ?” รันต์พูดเป็นภาษาอังกฤษลอยๆพลางหยิบแซนวิชใส่ปากเคี้ยวตุ้ยๆจนแก้มป่อง  เด็กหนุ่มอีกคนที่มองคนตัวเล็กกว่าอยู่ก่อนแล้วส่ายหน้าเบาๆแทนคำตอบ  จะให้เขาคิดเป็นอย่างอื่นได้อย่างไรในเมื่อบริเวณนี้มีคนอยู่แค่สองคน ถ้าไม่พูดกับเขาจะพูดกับใครล่ะ

“อ่ะ ผมทำมาเยอะเกินเลยกินไม่หมด...ไม่ได้ทำมาเผื่อนะ!” คนตัวโตกว่ายกยิ้มนิดๆที่เหรันต์ส่งกล่องแซนวิชมาตรงหน้าเขา  แต่เมื่อเด็กชายเห็นรอยยิ้มอีกคนก็รีบเอ่ยปากปฏิเสธไว้ก่อนทันที  เด็กหนุ่มตาน้ำข้าวหยิบแซนวิชของอีกคนขึ้นกัดเต็มคำ  เขากินมันหมดอย่างรวดเร็ว รันต์เห็นอย่างนั้นก็รีบส่งแซนวิชให้อีกคนเรื่อยๆจนแซนวิชกล่องใหญ่หมดลงในพริบตา

“อร่อย...ขอบคุณ” คนพูดน้อยนานๆจะเอ่ยปากที  เด็กชายเหรันต์ยกยิ้มพร้อมเชิดหน้าขึ้นนิดๆด้วยความภูมิใจในฝีมือการทำอาหารของตัวเอง

“ของมันแน่นอนอยู่แล้ว  ว่าแต่คุณพึ่งย้ายมาอยู่แถวนี้หรอ เห็นมาทุกวัน” เหรันต์ถามอีกคนด้วยความลืมตัว ว่าคนๆนี้คือคนแปลกหน้า

“เปล่า”

“แล้วมาทำไม มานั่งมองหน้าผมหรอ” เด็กชายถามอีกคนไปตรงๆ

“มองไม่ได้หรอ?” เจอถามคำถามกลับซะอย่างนั้น

“ขอเหตุผลที่ต้องมองหน้าผมด้วย”

“ไม่มี” อีกคนตอบกลับสั้นๆ

“ได้ไง...หรือว่า...คุณชอบผม” เด็กหนุ่มแกล้งทำตาโต พูดหยอกอีกคนไปโดยไม่รู้ตัวแถมยังทำเป็นเอามือปิดหน้าอกตัวเองเหมือนสงวนตัวมาก  แต่ปฏิกิริยาของคนตรงหน้าเด็กชายเหรันต์นิ่งอึ้งไปซะอย่างนั้น  เพราะคนตรงหน้าเขาหัวเราะออกมาเสียงดังอย่างลืมมาด  ถ้าถามว่าเทพบุตรในเทพนิยายมีจริงไหม  เขาบอกได้คำเดียวว่ามันมีจริงๆนะ  คนตรงหน้าเขาไงล่ะ  แค่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะก็ทำให้หัวใจเด็กชายเต้นผิดจังหวะไป  เหมือนโลกมันหยุดชะงักไปในเสี้ยววินาทีนั้น

“หลงตัวเอง” หลังจากระงับความขำตัวเองลงได้ หนุ่มตาสีมรกตซีดก็แกล้งผลักหัวคนตัวเล็กกว่าเบาๆ  รันต์เบ้ปากให้อีกคนนิดๆ  เขาแค่แกล้งพูดไปอย่างนั้นเอง

“ผมกลับแล้ว” รันต์บอกอีกคนด้วยความหงุดหงิดนิดๆเมื่อโดนล้อ  ตอนนี้เขาออกมานานมากแล้ว  รีบกลับก่อนคุณแม่จะเป็นห่วงดีกว่า

“เดี๋ยว” มือขาวซีดรั้งแขนอีกคนไว้ขณะกำลังลุกขึ้น

“อะไร?”

“พรุ่งนี้จะมาไหม?”

“ถ้าไม่ติดอะไรก็คงมาแหละ...ทำไม”

“เปล่า...พรุ่งนี้มานะ...จะรอ” รันต์ขมวดคิ้วนิดๆกับคำพูดของอีกคน  เขาไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมารอเขา  แต่ก็ช่างเถอะ ยังไงเขาก็มาที่นี่เกือบทุกวันอยู่แล้ว

“อืม...แต่ถ้าผมไม่ได้มา  ก็ไม่ต้องรอนะ บายๆ” รันต์บอกลาอีกคน  เขาออกตัวไว้ก่อนว่าถ้าเกิดเขาไม่ได้มาจริงๆ ก็ไม่อยากให้คนๆนี้ต้องรอเก้อ  เพราะว่าเขาก็เข้าใจดีว่าความรู้สึกของคนรอเป็นอย่างไร  คนตัวโตเพียงยิ้มให้นิดๆก่อนจะโบกมือลาเขาเป็นครั้งแรก...

.
.
.
.
.

“น้าเฟื่องฟ้าสวัสดีครับ...ทำอะไรอยู่หรอครับ?” เมื่อรันต์กลับมาถึงบ้านก็เจอเข้ากับน้าเฟื่องฟ้าเพื่อนสนิทแม่ของเขาเดินถือกะละมังเล็กใส่น้ำและผ้าขนหนู

“สวัสดีจ้ะน้องรันต์  น้ากำลังจะไปเช็ดตัวให้แพรวน่ะจ้ะ”

“คุณแม่ไม่สบายหรอครับ  น้องรันต์ไม่รู้เรื่องเลย” ตอนเช้าเขาตื่นมาคุณแม่ก็ยังไม่ตื่น เขาเลยอยากให้คุณแม่พักผ่อนมากๆ เลยก็รีบทำอาหารไว้ให้แล้วออกไปข้างนอก

“ตอนแรกน้าก็ไม่รู้ ไม่ยอมบอกอะไรสักคำ แต่น้าเห็นเป็นซึมๆเดินเซๆ พาไปจับตัวเท่านั้นแหละเลยรู้  ตอนนี้ก็ไล่ขึ้นไปนอนพักบนห้องแล้ว น้ากำลังจะไปเช็ดตัวให้...น้องรันต์ช่วยทำข้าวต้มอ่อนๆทีได้ไหมลูก” เฟื่องฟ้าเล่าเหตุการณ์เมื่อตอนเธอมาให้หลานชายฟัง

“ครับๆ เดี๋ยวน้องรันต์จะรีบทำ รบกวนน้าเฟื่องฟ้าช่วยดูคุณแม่แทนทีนะครับ” เหรันต์บอกเฟื่องฟ้าลนๆ  ปกติแม่เขาจะไม่ค่อยป่วยนัก  ถ้าป่วยทีจะเป็นค่อนข้างหนักยิ่งช่วงนี้มีอาการปวดหัวบ่อยร่วมด้วยเขายิ่งเป็นห่วงเข้าไปใหญ่

เหรันต์กับเฟื่องฟ้าผลัดกันดูแลแพรวาจนเวลาล่วงเลยมาถึงหัวค่ำของอีกวัน อาการของแพรวาจึงค่อยๆดีขึ้นตามลำดับ  เมื่อความกังวลลดลงจึงทำให้เขาคิดบางอย่างขึ้นมาได้

“แย่แล้ว...ลืมเขาไปซะสนิทเลย” เด็กชายหน้าใสพึมพำกับตัวเองเสียงหลง

“มีอะไรรึเปล่าจ้ะน้องรันต์” เฟื่องฟ้าที่นั่งอยู่ไม่ไกลเห็นท่าทางแปลกๆของหลานก้ถามขึ้น

“คือ...วันนี้น้องรันต์นัดเพื่อนไว้น่ะครับ” เพื่อนรึเปล่าไม่รู้ แต่ไม่รู้จะบอกกับน้าได้ยังไงว่านัดกับคนที่ไม่รู้จักแม้แต่ชื่อไว้

“ตายแล้ว...แล้วน้องรันต์โทรบอกเพื่อนไว้รึยังลูก”

“ยังครับ” เพราะไม่มีเบอร์น่ะสิ

“ถ้าอย่างนั้นก็รีบไปเถอะลูก เขาอาจจะรออยู่ก็ได้นะ ส่วนแพรวเดี๋ยวน้าดูไว้ให้ ตอนนี้ก็อาการดีขึ้นมากแล้ว” เฟื่องฟ้าแนะนำด้วยความหวังดี เมื่อเห็นหลานดูท่าจะกังวลอยู่ไม่น้อย

“ถ้าอย่างนั้นน้องรันต์ฝากน้าเฟื่องฟ้าช่วยดูคุณแม่ให้แปบหนึ่งนะครับ  มีอะไรรีบโทรมาเลยนะครับ น้องรันต์ไปแปบเดียว”

“จ้ะ”

++++++++++++++++++

“แฮ่กๆๆ...คุณอยู่ไหมอ่ะ” เขารีบวิ่งมาจากปากซอยที่ไม่ค่อยเปลี่ยวมากมา ยอมลงทุนขึ้นแท็กซี่จากหน้าหมู่บ้านเลยทีเดียว  แต่สิ่งที่ตอบเขากลับเป็นเสียงเห่าของสุนัขทั้งสามก่อนจะวิ่งกรูมากระโดดตะครุบเขา  ไฟฉายถูกส่องไปทั่วบริเวณก็ไม่เห็นใครนอกจากเขาและสุนัขทั้งสาม

เหรันต์เทข้าวให้สุนัขทั้งสามกิน  สาตาก็กวาดมองไปทั่วบริเวณอีกครั้ง สุดท้ายเลยนั่งยองๆมองเหล่าลูกสมุนกินข้าวเงียบๆ  ในอกเขาเป็นหน่วงๆ รู้สึกผิดนิดๆที่ไม่สามารถมาตามนัดจากอีกคนได้ แถมเขายังชอบมาตั้งแต่เช้าไม่รู้จะอยู่รอเขานานขนาดไหน เอาเถอะ! พรุ่งนี้ก็ค่อยขอโทษก็แล้วกัน

เมื่อเหล่าลูกสมุนทั้งสามกินเสร็จเรียบร้อยเหรันต์ก็หยอกล้อพวกมันต่ออีกนิดหน่อยก่อนจะรีบกลับเพราะมันค่ำมากแล้วแม้จะมีร้านรวงอยู่แถวนี้แต่ก็ค่อนข้างจะเป็นอันตรายอยู่เหมือนกัน

เด็กหนุ่มร่างสูงโปร่งเดินเอื่อยๆมาจนถึงป้ายรถเมย์  เขานั่งรอรถเมย์สายที่จะกลับที่นานๆจะโผล่มาสักคัน  รันต์นั่งรอเงียบๆแต่ก็ได้ยินเสียงจิ๊ปากของหนุ่มคนข้างๆ  เหรันต์หันไปมองนิดๆพอดีกับที่คนข้างๆก็หันมามองเขาเช่นกัน  ชายคนนี้เป็นหนุ่มรูปร่างค่อนข้างผอมแบบผอมมากๆแต่สูง ใส่แว่นหนาเตอะจนแทบไม่เห็นตาดำ

“มองอะไรวะ”

“มองคุณ” เหรันต์ตอบผู้ชายข้างๆเขาตรงๆเพราะเขาก็มองจริงๆแล้วหันหน้าหนีไปอีกทาง ผู้ชายข้างๆเขาเงียบไปนานแล้วอยู่ๆก็สะกิดไหล่เหรันต์พร้อมยื่นบางอย่างมาให้ดูแล้วชักมือกลับไปอย่างรวดเร็ว

“เก่งจริงก็บอกมาว่าหมายถึงอะไร” ชายผอมสูงท้าทายเหรันต์ด้วยความหมั่นไส้ในท่าทางจองหองของคนที่ดูยังไงก็เป็นเด็กอ่อนๆแน่ๆ เด็กชายนิ่งไป สมองกำลังประมวลภาพที่เห็นเมื่อกี้แล้วเอ่ยออกมาช้าๆ

“เป็นสถานที่ใช่ไหมครับ” รอยยิ้มของหนุ่มแว่นชะงักค้าง  เขาสาบานว่าเมื่อกี้เขายื่นให้คนตรงหน้าดูแค่เสี้ยววินาทีจริงๆ  นี่มันความลับระดับชาติเลยนะ ถ้าเรื่องหลุดออกไปเขาตายแน่

“ฮ่ะๆ มึงอย่ามาอำกู เมื่อกี้กูแค่เขียนมั่วๆ” ชายผอมสูงหัวเราะฝืนๆ  เขาแก้สถานการณ์ได้แย่มากจริงๆ

“5.11.19.3.23.1.12.1.17.20.15.18 แปลเป็นตัวอักษรได้ e k s c w a l a q t o r นับไป 1 แล้วตัด นับไป2 แล้วตัด นับไป 3แล้วตัด ได้คำว่า escalator ที่แปลว่าบันไดเลื่อน ส่วนเอ็นจะ...อื้อออ” รันต์ร่ายยาวที่พรั่งพรูออกมาจากความคิดเขา แต่ก่อนที่เขาจะพูดรหัสสุดท้ายออกมาคนที่ยื่นหายนะให้ตัวเองก็รีบปิดปากรันต์ก่อนจะพาเดินไปที่ลับตาคนทันที

“มึงกำลังจะทำกูซวยนะเว้ย” หนุ่มแว่นกระซิบกับรันต์เสียงต่ำ เขาไม่คิดว่าเด็กนี่จะทำให้เขาอึ้งได้ขนาดนี้ แม้โค้ดลับเขาจะไม่ได้ยากมากมายอะไร แต่เขาไม่คิดว่าการเห็นไม่ถึงชั่ววินาทีจะทำให้ไอ้เด็กนี้ถอดรหัสออกมาได้เป็นคำแถมเร็วขนาดนี้

“ก็คุณเอามาให้ผมดูเองอ่ะ” เด็กหนุ่มเถียง

“มึงเงียบไปเลย เมื่อกี้ช่วยทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นด้วย” หวังว่าเด็กนี่จะไม่ปากโป้งนะ เจคคิดในใจเงียบๆ

“ครับ คุณก็รีบไปซะสิ สถานที่อยู่ห่างจากที่นี่ตั้งไกลไม่ใช่หรือไง” รันต์ถอนหายใจหน่ายๆให้ชายตรงหน้าเขา

“ถ้าไปได้กูไปแล้วโว้ย เดี๋ยวนะ...มึงรู้หรอว่าที่ไหน” เจคขมวดคิ้วถามอีกคน ไม่อยากจะยอมรับว่าตอนนี้เขาไม่รู้จะไปที่ไหน แน่นอนว่าไอ้รหัสตัวเลขเขาก็สามารถไขมันออกได้ง่ายๆแต่รหัสสุดท้ายนี่สิที่เขาคิดไม่ออกว่าที่ไหน บันไดเลื่อนที่ไหนวะ!

“เห...นี่คุณไม่รู้หรอว่าที่ไหน” เหรันต์ยกยิ้มเยาะๆให้ชายตรงหน้า อยากมาแกล้งเขาดีนัก

“มึงรู้รึไง”

“รู้สิ ถ้าไม่รู้ผมจะบอกให้คุณไปทำไม ท่าทางก็ใกล้ถึงเวลาแล้วไม่ใช่หรอ ถ้าไม่รีบระวังจะไม่ทันนะ” คนอ่อนกว่ายิ้มอย่างมีชัย

“จิ๊...ใบให้กูหน่อย จะไม่ทันแล้วเนี่ย” เจคยอมจำนนต่อเด็กหน้าใสอย่างช่วยไม่ได้

“ถ้าบอกแล้วผมจะได้อะไรล่ะ?”

“มึงอยากได้อะไร” เจคว่าอย่างหงุดหงิด เขาไม่น่าแส่หาเรื่องเลย ไอ้เด็กหน้าซื่อๆตาใสๆที่คิดว่าพอแกล้งแล้วคงร้องไห้นี่แม่งเหลี่ยมเยอะชะมัด

“อืม...ผมยังคิดไม่ออก เอาเบอร์คุณมาสิ...เบอร์จริงๆนะ” เด็กแสบดักคอเจคไว้ สุดท้ายก็ต้องจำใจให้เด็กมันไป อย่างเด็กนี่จะขออะไรเขากัน ก็คงเป็นเครื่องเล่นเกมส์สักเครื่อง ไม่ก็ตำราหนาๆสักเล่มนั่นแหละ

“ยื่นหูมาสิ...ความลับไม่ใช่หรือไง?” รันต์บอกกับคนแปลกหน้าแถมยังดูบ้าๆป่วงๆที่มองเขาด้วยความหวาดระแวง ถ้าไม่เชื่อจะถามทำไมกัน แต่สุดท้ายเจคก็ยอมยื่นหูให้รันต์กระซิบสถานที่สุดท้ายที่เขาต้องการ

“เออว่ะ!” เจคมองรันต์อึ้งๆ รหัสแม่งเส้นผมบังภูเขาชัดๆ

“ใช่ไหมล่ะ ผมมองปุ๊บก็รู้ละว่าที่ไหน มันคิดได้อย่างเดียวแหละไอ้รหัสนี้ ถ้าจำไม่ผิดที่นั่นมีบันไดเลื่อนทางขึ้นแค่อันเดียวด้วย เขาเลยไม่ได้ระบุไว้ไงว่าบันไดเลื่อนอยู่ทางไหน” เด็กคนนี้ฉลาดและรอบรู้มาก คนแบบนี้แหละที่เขาอยากได้มาเป็นผู้ช่วย แต่ก็เด็กเกินไปล่ะนะ  เจคคิดอย่างเสียดาย

“เออ ขอบใจมากไอ้หนู” เจคบอกลารันต์แล้วรีบวิ่งไปอีกทาง เด็กหนุ่มจึงเดินย้อนกลับไปรอรถที่ป้ายตามเดิม ในใจก็คิดว่าทำไมช่วงนี้ถึงเจอแต่คนแปลกๆกันนะ

++++++++++++++++++++

ยาวไปง่ะ ขอตัดไปอีกตอนนะคะเพราะรายละเอียดค่อนข้างเยอะ ยืดเวลาต้มน้ำไปได้อีกนิด อิอิ  เจอกันตอนหน้าฮับ :katai4:
ป.ล.ครึ่งหลังพิมพ์ใหม่หมดเลยจ้า อยากจะกรี๊ดมาก ฮ่าๆๆ ขอบคุณทุกกำลังใจนะคะ จุ๊ฟฟฟฟฟ :bye2:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 24♡++100%++[13/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 13-05-2017 19:03:09
น้องรันต์ใช่เด็กอัจริยะรึเปล่าเนี่ย ส่วนเด็กฝรั่งที่เจอตอนไปเลี้ยงหมาใช่พี่ยักษ์รึเปล่า
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 24♡++100%++[13/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 13-05-2017 20:03:13
เป็นเรื่องราวในอดีตซินะ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 24♡++100%++[13/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: natsikijang ที่ 13-05-2017 21:11:14
ชื่นชมกับความอัพเร็วจริงๆ ค่ะ มาแล้ว มาแล้ววววววววดีใจจัง 
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 24♡++100%++[13/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 13-05-2017 22:04:17
อดีตรันต์ มียักษ์อยู่ด้วยใช่ปะ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 24♡++100%++[13/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 13-05-2017 22:52:09
 :mew1: :mew1: :mew1: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 24♡++100%++[13/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 13-05-2017 22:52:27
น้องรันต์เจอยักษ์ตั้งแต่เด็กแต่จำไม่ได้ใช่มิ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 24♡++100%++[13/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 13-05-2017 23:24:10
 o13
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 24♡++100%++[13/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 14-05-2017 01:04:09
ต้องละเมียดละไมอ่าน เดี๋ยวตกหล่น
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 24♡++100%++[13/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 14-05-2017 01:27:53
 :katai1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 24♡++100%++[13/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 14-05-2017 01:58:06
คนนั้นใช่พี่ยักษ์รึป่าวอ่ะ ส่วนผู้ชายที่ให้รันต์ดูโค้ดคือจุดเริ่มต้นของสิ่งที่รันต์ต้องทำรึป่าว
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 24♡++100%++[13/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 14-05-2017 09:39:13
รออออ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 24♡++100%++[13/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Fonz_Juz19 ที่ 29-05-2017 14:01:52
รอน้องรันต์นะคะ
คนเขียนมาต่อเร็วๆนะคะ คิดถึงเรื่องนี้มากๆ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 24♡++100%++[13/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: jaokhwan ที่ 29-05-2017 14:46:56
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 25♡[29/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 29-05-2017 15:53:59
ใจยักษ์ 25


“วันนี้ก็ไม่มางั้นหรอ...” เด็กชายเหรันต์มองหาใครอีกคนที่เขาผิดนัดไปเมื่อสามวันก่อน  วันรุ่งขึ้นหลังผิดนัดเขารีบมารอตั้งแต่เช้าตรู่จนกระทั่งเกือบสายก็ยังไม่พบเงาอีกคนโผล่มา  เขาทำอย่างนี้เป็นวันที่สามแล้ว ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันที่ต้องมาทำอะไรแบบนี้  อาจจะเป็นเพราะรู้สึกผิดที่มาตามนัดของอีกคนไม่ได้ล่ะมั้ง

“ช่างเถอะ...ยังไงเขาก็เป็นแค่คนแปลกหน้า” เด็กชายพึมพำกับตัวเองคนเดียว

“ต่อจากนี้พวกแกจะไม่ลำบากแล้วนะ” เหรันต์ลูบหัวเจ้านวลเบาๆ  มีคนรับเลี้ยงเจ้าพวกสามตัวนี้แล้ว ซึ่งคนๆนั้นก็คือป้าศรีที่ขายอาหารกลางวันในโรงเรียนของเขา เด็กชายมักไปขออาหารเหลือจากป้าศรีเพื่อเอามาให้เจ้าพวกลูกสมุนหลังเลิกเรียน  ป้าศรีรู้ตั้งแต่แรกว่าเขานำอาหารมาให้เจ้าสามตัวนี้  แต่เมื่อวานเขาได้มีโอกาสคุยกับป้าศรีอีกครั้งเรื่องหาบ้านให้เจ้าตูบทั้งสาม  ป้าศรีจึงเอ่ยปากขอรับเลี้ยงเอง เพราะเจ้าตูบที่บ้านแกพึ่งจะจากไปด้วยโรคชราเมื่ออาทิตย์ก่อน  ป้าศรีที่ตัวคนเดียวจึงอยากรับเจ้าสามทหารเสือไปเลี้ยงเฝ้าบ้านและแก้เหงา รันต์ดีใจมากแม้จะใจหายแต่นี่ก็คงดีที่สุดแล้วสำหรับเจ้าสามตัวที่เขารัก
+++++++++++++++++++

หนึ่งสัปดาห์ต่อมา

“ของสดสำหรับทำอาหารหนึ่งอาทิตย์นะครับ เสื้อผ้าน้องรันต์ซักไว้ให้แล้ว  วันศุกร์หน้าเดี๋ยวร้านซักรีดจะมาเอาเสื้อผ้าไปซักให้ คุณแม่ไม่ต้องซักเองนะครับ คุณแม่ต้องทานอาหารให้ครบสามมื้อ ห้ามโหมทำงานหนัก ห้ามนอนดึกนะครับ อ่อ แล้วก็พรุ่งนี้น้าเฟื่องฟ้าจะมานอนเป็นเพื่อนนะครับ”

“คิกๆ  แม่ไม่ได้พิการนะน้องรันต์” แพรวาขำให้กับความเป็นห่วงจนเกินไปของลูกชาย  เนื่องจากเด็กชายเหรันต์ต้องไปเข้าค่ายเก็บตัวสามสัปดาห์ก่อนที่จะไปสอบแข่งขันที่ต่างประเทศ เธอจึงต้องอยู่บ้านคนเดียวเป็นเหตุให้ลูกชายสุดที่รักห่วงจนไม่เป็นทำอะไร

“น้องรันต์จะรีบไปรีบกลับ  ถ้าว่างเมื่อไหร่จะโทรหานะครับ” เด็กชายจับมือคนเป็นแม่ขึ้นมากุมไว้หลวมๆ  ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยห่างอกแม่นานขนาดนี้ เด็กชายไม่ใช่พวกเด็กติดแม่ แต่สุขภาพแม่ของเขาตอนนี้ทำให้อดห่วงไม่ได้จริงๆ

“ครับ มากอดทีมา” เด็กชายโผเข้าหาอกคนเป็นแม่  เขากอดแน่นราวกับกลัวว่าถ้าปล่อยมือออก ผู้หญิงคนนี้จะสลายและหายไปจากเขา

“น้องรันต์รักแม่นะครับ รักทีสุด...” เด็กชายพูดขณะซบอกคนเป็นแม่  แพรวายิ้มบางๆกอดกระชับคนที่เธอรักสุดหัวใจยิ่งขึ้นไปอีก  เธอกลัวว่านี่จะเป็นอ้อมกอดสุดท้าย  กลัวว่าจะไม่ได้เห็นเด็กที่มีรอยยิ้มและดวงตาสดใสสุกสกาวคนนี้อีก

“แม่ไม่อยู่น้องรันต์ต้องดูแลตัวเองนะลูก มีความสุขให้มากๆ หาเป้าหมายตัวเองให้เจอ...เข้าใจไหมเด็กดี” แพรวาลูบหัวเด็กชายด้วยความโอบอ้อมอารี  จูบซับไปตามเส้นไหมสีเข้มนุ่มๆด้วยความรัก

“คุณแม่อย่าพูดอย่างนี้ เดี๋ยวน้องรันต์ก็กลับ” อยู่รอน้องรันต์ก่อนนะครับ น้องกลับมาจะรีบพาคุณแม่ไปหาหมอ เด็กชายคิดในใจด้วยความกังวล

“ไปเถอะลูก เดี๋ยวจะสายเอา”แพรวาผละอ้อมกอดออก เธอส่งยิ้มให้ลูกชายพร้อมถือกระเป๋าเป้ที่ใส่สัมภาระไม่ใหญ่มากส่งให้  เหรันต์รับมาสะพายหลังไว้ เขายกมือไหว้สวัสดีแพรวาส่งยิ้มที่สดใสที่สุดในชีวิตให้แล้วเดินออกจากบ้านไป

เขาจะตั้งใจ  จะเป็นคนที่เก่งและประสบความสำเร็จให้แม่ของเขาภูมิใจ

จะต้องทำให้ได้…

รอก่อนนะครับแม่...
.
.
.
.
.
.

ย่างเข้าสู่ก่อนวันสุดท้ายของการเข้าค่ายเก็บตัวไปแข่งขันวิชาการนานาชาติ  เหรันต์ทำผลงานได้ดีเยี่ยม  เขาทำแบบทดสอบได้ถูกต้องหมดร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่สิ ต้องบอกว่าร้อยยี่สิบเปอร์เซ็นต์ เพราะข้อบกพร่องของโจทย์เขาสามารถแก้ไขให้ถูกต้องและเขียนอธิบายวิธีประกอบไว้ด้วย  เป็นที่น่าทึ่งสำหรับเหล่าคณะอาจารย์ผู้ฝึกสอนเป็นอย่างมาก สิบปีจะมีเด็กแบบนี้โผล่มาสักคน

เมื่อถามถึงไอคิวเด็กคนนี้ คำตอบที่ได้กลับเป็นความเงียบ  พอจะให้ทำแบบทดสอบไอคิว เหรันต์ก็ตอบด้วยรอยยิ้มบางๆที่ทำเหล่าคณาจารย์ไม่กล้าถามถึงเรื่องนี้อีก

“การรู้ไอคิวผมมันสำคัญขนาดไหนกันครับ สำคัญกว่าการใช้สมองผมให้เป็นประโยชน์รึเปล่า...เพราะถ้าไม่ นั่นก็ไม่ใช่สิ่งสำคัญพอที่จำเป็นจะต้องรู้หรอก จริงไหมครับ?” เพราะขนาดตัวเขาเองยังไม่เห็นอยากรู้ มันไม่สำคัญเลย...สักนิดเดียว

“น้าเฟื่องฟ้าครับ  ได้อยู่กับคุณแม่รึเปล่า น้องรันต์โทรหาคุณแม่ไม่รับโทรศัพท์เลย” เด็กชายถามเพื่อนของแม่ผ่านสาย ตอนนี้เป็นช่วงเบรกที่เขาได้พักจึงโทรหาผู้เป็นแม่แต่สายที่ห้าแล้วก็ยังไม่รับและไม่โทรกลับ  เหรันต์จึงโทรหาเฟื่องฟ้าเพื่อนสนิทแม่เขาที่ไปอยู่เป็นเพื่อน  เขาร้อนใจเหลือเกินรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ  พรุ่งนี้เขาก็จะได้กับบ้านแล้ว  อย่าเพิ่งให้เกิดเรื่องไม่ดีอะไรขึ้นเลย

(เปล่าจ้ะ น้าออกมาส่งของให้ลูกค้า)

“ทำยังไงดีครับ น้องรันต์สังหรณ์ใจไม่ดีเลย” เด็กชายกำโทรศัพท์แน่น เหงื่อซึมตามตัวด้วยความเครียด

(น้าส่งของเสร็จพอดี จะรีบกลับตอนนี้ น้องรันต์ใจเย็นๆนะลูก ถึงบ้านแล้วเดี๋ยวน้าโทรบอก)

“ครับ ขอบคุณมากครับ” เด็กชายกัดริฝีปากตนเองจนเลือดซิบอย่างอดกลั้น  ได้แต่ภาวนาอย่าให้แม่ของเขาเป็นอะไรไปเลย

ร่วมสองชั่วโมงที่รันต์รอโทรศัพท์จากเฟื่องฟ้าหรือแม่ของเขาอย่างใจจดใจจ่อ  สิ่งที่อาจารย์สอนไม่เข้าหูเขาเลยสักนิด จนในที่สุดเสียงสัญญาณที่เขารอก็ดังขึ้น

“ขออนุญาตครับ...ครับน้าเฟื่องฟ้า” เด็กชายขออนุญาตแล้วรีบวิ่งออกไปรับโทรศัพท์ทันที  ขอไม่สนมารยาทอะไรแล้วทั้งนั้น

(น้องรันต์...)เฟื่องฟ้าเหมือนคนเสียงหาย คำพูดของเธอแผ่วเบาหายเข้าไปในลำคอ

“มีอะไรครับน้าเฟื่องฟ้า  บอกน้องรันต์มาเถอะครับ” มือเด็กชายสั่นอย่างห้ามไม่อยู่ อย่าให้เขาต้องได้ยินในสิ่งที่เขากลัวเลย

(ตอนนี้น้าอยู่โรงพยาบาล แพรวอยู่ในห้องฉุกเฉิน ฮึก)

“...แม้น้องรันต์เป็นอะไร” เด็กชายถามเสียงเบาเหมือนคนไร้สติ เด็กชายแทบไม่มีแรงจะยืน มืออีกข้างค้ำผนังกำแพงพยุงตัวเองไว้

(น้ากลับไปเจอแพรวนอนสลบอยู่หน้าบันได ที่หัวมีรอยนูน ฮึก คิดว่าน่าจะหน้ามืดหัวฟาดกับราวบันไดแล้วพลัดตกลงมา...น้องรันต์ น้าขอโทษ) เฟื่องฟ้าเสียงสั่นเครือ

(ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาลอะไรครับ)
++++++++++++++++++

“หมอขอคุยกับญาติคนไข้หน่อยนะครับ” คุณหมอวัยกลางคนเดินเข้ามาในห้องพักคนไข้ที่มีเด็กชายเหรันต์ และเฟื่องฟ้านั่งเฝ้าแพรวาอยู่  เหรันต์ทำท่าจะลุกขึ้น แต่เฟื่องฟ้าชิงกดไหล่เด็กชายและลุกขึ้นแทนก่อน

“ดิฉันเองค่ะคุณหมอ” เฟื่องฟ้าเดินออกจากห้องไปพร้อมคุณหมอ เหลือเพียงเด็กชายเหรันต์และแพรวาที่หลับไม่ได้สติอยู่บนเตียง

“คุณแม่รีบฟื้นนะครับ หายเร็วๆน้องรันต์รออยู่” เด็กชายกุมคือผู้เป็นแม่ขึ้นแนบแก้ม เขาขออกจากค่ายก่อนเวลา ไม่สนว่าใครจะว่ายังไง โชค ในชีวิตเขาแม่คือสิ่งที่สำคัญที่สุด  เขาจะทิ้งแม่ไว้ได้ยังไง  ดีที่ตอนนี้โรงเรียนเขาปิดเทอมพอดี

แกร็ก!

เวลาผ่านไปนานนับชั่วโมงที่รันต์นั่งจมอยู่ในภวังค์  เสียงเปิดประตูจากเฟื่องฟ้าดึงสติเด็กชายกลับคืนมาอีกครั้ง

“น้องรันต์ง่วงไหมลูก พักสักหน่อยไหม” เฟื่องฟ้าถามเด็กชายตรงหน้าเธอด้วยความเป็นห่วง

“ไม่ครับ คุณหมอว่ายังไงบ้างครับน้าเฟื่องฟ้า” เด็กชายถามสิ่งที่อยากรู้โดยไม่อ้อมค้อม เฟื่องฟ้ากลืนน้ำลายอึกใหญ่ ลำบากใจที่จะพูดเหลือเกิน

“คือ...หมอเขาพาแพรวไปสแกนสมองหาว่ามีเลือดคลั่งไหม  แล้ว...” เฟื่องฟ้าอึกอักแล้วหยุดคำไป เด็กชายขมวดคิ้วมุ่น

“แล้วอะไรครับ?”

“มีเลือดออกนิดหน่อย แต่ว่า...หมอเขาเจอสิ่งที่เหมือนก้อนเนื้ออยู่ด้วย”

“มะเร็งไหมครับ?” เหรันต์รู้สึกเหมือนหายใจไม่ออกขึ้นมาดื้อๆ เขาทำใจไว้ส่วนหนึ่งแล้วเพราะอาการที่แม่เขาเป็นก็ค่อนข้างจะใกล้เคียงกับสิ่งที่คิด แล้วมาได้ยินหมอบอกแบบนี้อีก

“หมอบอกยังไม่แน่ใจ เย็นนี้เขาจะเอาเนื้อเยื่อไปตรวจดู...หมอบอกว่าอย่ากังวล อาจจะไม่ใช่เนื้อร้ายก็ได้นะน้องรันต์”เฟื่องฟ้าพูดปลอบใจหลานชาย เธอเองก็พูดไม่ออกไปพักใหญ่

“ครับ น้องรันต์ก็หวังว่าจะเป็นแบบนั้น”
.
.
.
.
.
.

“คุณแม่ฟื้นแล้ว!” เด็กชายโพล่งขึ้นด้วยความดีใจ ค่อนวันกว่าแพรวาจะฟื้น เธอกลืนน้ำลายด้วยความยากลำบาก เด็กชายเห็นดังนั้นจึงรีบเทน้ำใส่แก้วแล้วยื่นหลอดให้คนป่วย

“ที่นี่ที่ไหนน่ะลูก” แพรวาเอ่ยถามลูกชายเสียงแหบ

“โรงพยาบาลน่ะครับ” แพรวาหันหน้าตามเสียงลูกชาย มือบางยื่นหมายจะจับหน้าเด็กชายแต่ก็พลาดคว้าแต่อากาศ ซึ่งแพรวาวาดมือไปอีกทางตรงข้ามกับที่เหรันต์ยืนอยู่

“คุณแม่ น้องรันต์อยู่นี่ครับ” เหรันต์จับมือผู้เป็นแม่มาจับแก้มตัวเองแล้วยิ้มให้บางๆ

“จ้ะ แม่มองไม่ค่อยชัดน่ะ” ไม่ค่อยเห็นเลยต่างหาก เด็กชายคิดในใจ

“แพรว แกฟื้นแล้ว!” เฟื่องฟ้าที่ออกไปซื้อของกินกลับมาเจอกับแพรวาที่ฟื้นแล้วจึงดีใจมาก รันต์ปล่อยให้แม่กับน้าได้คุยกัน ส่วนเขาออกไปนอกห้อง มือเรียวกำหมัดแน่นจนขึ้นข้อขาว  อาการแม่ของเขาหนักกว่าที่คิด ตัวเหรันต์เองก็ได้แต่เจ็บใจเพราะทำอะไรไม่ได้ ก็ได้แต่หวังว่าหมอจะช่วยรักษาให้แม่ของเขาหายได้ในเร็ววัน

สองวันถัดมา

“จากผลเอกซเรย์และการตรวจเนื้อเยื่อของก้อนเนื้อเราพบว่าคุณแพรวา ราชรัตน์ มีก้อนเนื้องอกที่บริเวณก้านสมอง ยังสรุปไม่ได้ว่าเป็นเนื้อร้ายหรือไม่ แต่ถ้าปล่อยไว้ก็ไมใช่เรื่องดีนะครับ แต่จากอุบัติเหตุที่คุณแพรวาประสบทำให้เสี่ยงที่เนื้องอกจะเกิดภาวะแทรกซ้อนหลายอย่าง ยกตัวอย่างเช่นภาวะตกเลือดในเนื้องอกซึ่งอันตรายถึงชีวิต” นายแพทย์ที่ทำการรักษาบอกผลการวินิจฉัยให้เฟื่องฟ้าและเด็กชายเหรันต์ทราบถึงอาการของแพรวา  เฟื่องฟ้าแสดงอาการตกใจอย่างเห็นได้ชัด แต่เด็กชายหน้าใสกลับสงบนิ่งแล้วเอ่ยปากถามคุณหมอ

“แล้วจะต้องทำยังไงต่อไปครับ”

“คุณแพรวาต้องได้รับการผ่าตัดอย่างด่วนที่สุด” คุณหมอบอกด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม เขาเองก็ค่อนข้างหนักใจกับคนไข้เคสนี้เหมือนกัน แม้จะยังสรุปไม่ได้ว่าเป็นเนื้อร้ายหรือไม่ แต่จากการที่ล้มหัวกระแทกก็ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้หลายอย่าง แม้แต่การผ่าตัดก็ค่อนข้างจะเสี่ยงมากเหมือนกัน

“ครับ ทำตามที่คุณหมอเห็นสมควร...ฝากน้าเฟื่องฟ้าจัดการต่อด้วยนะครับ” เด็กชายหันไปบอกกับเฟื่องฟ้าในประโยคสุดท้ายเสร็จ ลุกขึ้นยืนพร้อมกับยกมือไหว้คุณหมอแล้วเดินออกจากห้องไปเงียบๆ คุณหมอวัยกลางคนมองตามเด็กชายด้วยความแปลกใจเพราะไม่คิดว่าจะมีเด็กคนไหนที่รู้อาการที่ค่อนข้างสาหัสของแม่แล้วยังสามารถคงความสงบเยือกเย็นได้ถึงขนาดนี้

คล้อยหลังคนทั้งสอง เด็กที่ทุกคนเห็นว่าสงบเยือกเย็นกลับตัวสั่นสะท้านเพราะอดกลั้นความรู้สึกเจ็บปวดเอาไว้

“น้องรันต์! จะไปไหนลูก” เฟื่องฟ้าที่ตามออกมาจากห้องตะโกนถามหลานชายที่ยืนอยู่หน้าลิฟต์

“น้องรันต์จะไปหาคุณพ่อครับ คิดว่าเรื่องนี้คุณพ่อจำเป็นต้องรู้” เด็กชายหันมาบอกกับเพื่อนสนิทแม่ เขาคิดว่าสถานการณ์ตอนนี้เขาไม่สามารถรับมือคนเดียวได้ ไหนจะเรื่องเงินค่าผ่าตัดของโรงพยาบาลเอกชนที่เขาไม่มีปัญญาหาได้แน่ ต่อให้เอาเงินเก็บของเขากับแม่รวมกันก็คงไม่พอ  ถามว่าทำไมถึงไม่ไปโรงพยาบาลรัฐ ก็เพราะว่าที่นี่มีคุณหมอเฉพาะทางด้านสมองที่เก่งที่สุดในประเทศ ยอมจ่ายแพงแต่มีโอกาสรอดมากกว่าเขาก็ยอม

ไม่ว่าจะต้องดิ้นรนแค่ไหน...เหรันต์ก็จะทำให้ถึงที่สุด เพื่อรักษาดวงใจของเขาเอาไว้ให้ได้

“เรื่องค่ารักษา...” เฟื่องฟ้าอ้ำอึ้ง เพราะหลังจากที่คุยกับคุณหมอเรื่องค่าผ่าตัดแล้ว ถือว่าเป็นจำนวนเงินที่ค่อนข้างสูงมาก เธอจึงยังไม่กล้ายินยอมให้คุณหมอทำการผ่าตัดได้ทันที

“น้องรันต์จะไปหามาเอง...รบกวนน้าเฟื่องฟ้าดูคุณแม่ให้ก่อนนะครับ” เด็กชายบอกผู้เป็นน้าด้วยรอยยิ้มบางๆ

“จ้ะ มีอะไรก็บอกน้านะลูก”เฟื่องฟ้ารับคำหลาน  เธอรู้สึกผิดที่ช่วยอะไรไม่ได้เลย ตอนนี้เฟื่องฟ้าก็พยายามช่วยเหลืออย่างสุดกำลังของเธอแล้ว เด็กชายพยักหน้าให้ด้วยรอยยิ้มเล็กก่อนจะเดินเข้าลิฟต์ไป
.
.
.
.
.
.

ติ๊งต่อง ติ๊งต่อง

เด็กชายกดออดหน้าบ้านหลังใหญ่  รู้สึกคิดถึงนิดๆหลังจากที่ไม่ได้กลับมาที่นี่เลยหลายปี  ยืนรอไม่นานก็มีชายในชุด รปภ. เดินมาเปิดประตูบานเล็ก

“คุณน้อง!”ผู้รักษาความปลอดภัยหนุ่มวัยสามสิบต้นๆร้องเรียกเหรันต์ด้วยความดีใจ

“น้ามิ่ง สวัสดีครับ” เด็กชายยกมือไหว้ผู้ใหญ่ด้วยความอ่อนน้อม เพราะแบบนี้อย่างไรเล่า ทุกคนในบ้านถึงพากันรักคุณหนูเหรันต์

“เข้ามาในบ้านก่อนสิครับ นี่ถ้าคุณป้าใจและคนอื่นๆรู้ว่าคุณน้องมาต้องดีใจมากแน่ๆครับ”

“คุณพ่ออยู่ไหมครับ น้องรันต์โทรหาไม่ติดเลย”เด็กชายลังเลที่จะเข้าบ้าน จึงถามหาคนที่เขาอยากพบแทน

“คุณท่านไปต่างประเทศครับ คุณหนูมีเรื่องด่วนอะไรรึเปล่าครับ” รปภ.หนุ่มถามด้วยความสงสัยเมื่อเห็นท่าทางหนักใจจากเจ้านายตัวน้อย

“ก็...ไม่มีอะไรครับ แล้วน้ามิ่งรู้ไหมครับว่าคุณพ่อจะกลับเมื่อไหร่” เด็กชายตัดใจไม่พูดแต่ถามต่อแทน

“ผมไม่ทราบจริงๆครับ ต้องขอโทษด้วยครับคุณหนู”

“ไม่เป็นไรครับ  แต่ถ้าคุณพ่อกลับมาแล้วรบกวนน้ามิ่งบอกคุณพ่อให้โทรหาน้องรันต์ด่วนนะครับ”

“ได้ครับ ผมจะไปบอกคุณป้าใจให้เรียนท่านให้ แล้วคุณน้องจะไม่เข้าบ้านก่อนหรือครับ” มิ่งถามเด็กชายเหรันต์ที่ทำท่าหันหลังจะกลับ

“ครับ...น้องรีบ สวัสดีครับ”เด็กชายหมุนตัวจะเดินกลับไปทางเดิม แต่ก็มีเสียงเรียกจากอีกด้านของประตูที่ทำให้เท้าของเขาหยุดชะงัก

“จะรีบกลับไปไหนล่ะค่ะคุณน้อง...รันต์” เสียงแหลมๆจนแสบแก้วหูในความคิดของเด็กชาย เหรันต์หันหน้ากลับไปมองตามเสียงเรียก พบหญิงสาวแต่งตัวด้วยเดรสสีสดรัดรูป แต่ใบหน้าที่สวยงามกลับแต่งแต้มไปด้วยเครื่องประทินโฉมจนเกินพอดี  เหรันต์ขมวดคิ้วนิดๆ  เขาไม่รู้จักผู้หญิงคนนี้  แต่ผู้หญิงคนนี้กลับรู้จักเขา  แล้วเธอเข้าไปอยู่ในบ้านหลังนี้ได้ยังไงกัน

“สวัสดีครับ”แม้จะงงๆอยู่บ้างแต่เด็กชายก็ยกมือไหว้คนแปลกหน้าตามที่ถูกสอนมาเป็นอย่างดี

“แหม...มารยาทดีจังเลยนะคะ แต่ถ้าฝืนใจก็ไม่ต้องก็ได้” เธอกอดอกเชิดหน้ามองเด็กชายที่ตัวเล็กกว่าอย่างดูแคลน  คิดว่าเธอไม่รู้หรือไงว่าเด็กคนนี้แกล้งทำเป็นไหว้ใส่เธอ

“หมายความว่ายังไงครับ?” เด็กชายเอ่ยถาม เพราะเขาไม่รู้จริงๆว่าผู้หญิงเป็นใคร แล้วที่พูดมาหมายถึงอะไรกันแน่

“อ้าว นัง เอ้ย! คุณแพรวาไม่ได้บอกหรือคะ ว่าน้ากำลังจะเป็นคุณผู้หญิงคนใหม่ของที่นี่” ริมฝีปากที่ถูกทาลิปสติกสีแดงแสยะยิ้มด้วยความเหนือกว่า  รปภ.หนุ่มขยับปากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ก็ถูกตวัดสายตาดุๆจากผู้หญิงเพียงหนึ่งเดียว

“ไม่ได้บอกครับ เพราะว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร คุณจะเป็นใครก็เรื่องของคุณ ตราบใดที่คุณไม่ได้มายุ่งวุ่นวายอะไรกับพวกเรา ผมก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรู้จักหรือใส่ใจ” มินตรากัดฟันกรอด เธอรู้สึกเหมือนถูกตบหน้าฉาดใหญ่จากเด็กที่อายุยังไม่ถึงสิบห้าปีด้วยซ้ำ ไอ้เด็กคนนี้มันกล้าดีพูดว่าเธอไม่อยู่ในสายตามันได้ยังไง

“เหรอ ปากดีแบบนี้ แม่แกเคยสั่งสอนให้รู้จักมีสัมมาคารวะกับผู้ใหญ่บ้างรึเปล่า ไม่ใช่มายืนเถียงฉอดๆแบบนี้! แล้วไปไหนซะล่ะ...ทำไมปล่อยแกมายืนเกาะรั้วขอเข้าบ้านอยู่คนเดียว...หรือว่าเปลี่ยนใจอยากกลับมาอยู่ที่นี่เลยส่งแกมาขอร้องให้คุณวิรัชสงสาร...หรือว่าสมเพชดี หึ” มินตราสะกดอารมณ์ไม่ไหว ระเบิดความหยาบคายต่อว่าเหรันต์อย่างรุนแรง

“ช่วยเก็บปากของคุณไว้ดื่มน้ำเถอะครับ  แม่ผมสอนให้พูดและประพฤติดีเสมอ แต่ผมเลือกจะปฏิบัติกับคนที่ทำตัวเป็นผู้ใหญ่และน่าเคารพ แล้วอย่าเที่ยวไปกล่าวหาคนอื่นโดยที่ไม่รู้อะไร ระวังเขาจะฟ้องหมิ่นประมาทหมดตัวเอาได้นะครับ...น้องรันต์ไปแล้วนะครับน้ามิ่ง สวัสดีครับ” เด็กชายเชือดผู้หญิงที่ว่าร้ายแม่เขานิ่มๆแต่เจ็บแสบจนอยากกรีดร้องออกมาดังๆในความรู้สึกของอีกคน เขาหันไปบอกลาคนที่เขาเคารพจริงๆแล้วเดินออกจากตรงนั้นทันที  ส่วนคนที่ถูกเด็กถอนหงอกก็ได้แต่ร้องกรี๊ดออกมาด้วยความเจ็บใจ

‘ขนาดแม่แกฉันยังกำจัดได้ไม่ยาก แล้วนับประสาอะไรกับเด็กเมื่อวานซืนอย่างแก ฉันจะทำไม่ได้’ มินตราหมายมั่นไว้ในใจ  โดยที่เธอไม่รู้เลยว่าคนที่เธอคิดจะกำจัดเป็นรายต่อไป ไม่ใช่หมูในอวยอย่างที่คิด

++++++++++++++++++

“น้องรันต์ แม่อยากกลับบ้าน” แพรวาหันไปพูดกับลูกชายขณะที่เด็กชายดูโทรทัศน์อยู่  เธอพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งนี้มาได้ครบหนึ่งสัปดาห์พอดี เธอกลับมามองเห็นแล้ว เหมือนตอนที่ตื่นมาเธอเหมือนจะสูญเสียการมองเห็นฉับพลัน แต่พอเวลาผ่านไปก็ค่อยๆกลับมามองเห็น แต่ที่หนักกว่านั้นคือเธออาเจียนบ่อยมาก และปวดหัวจนแทบระเบิด  ต้องเอ่ยปากกับหมอขอยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวด

“คุณแม่ต้องอยู่รักษาตัว จนกว่าคุณแม่จะหาย”

“แม่ไม่เป็นอะระ...”

“คุณแม่เลิกปิดบังน้องเถอะครับ ถ้าคุณแม่เจ็บก็บอกว่าเจ็บ ถ้าทนไม่ไหวก็บอก น้องโตแล้ว คุณแม่บอกน้องได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะยังไงน้องก็จะสู้เพื่อคุณแม่ ขอแค่คุณแม่บอกน้องมา” เด็กชายตัดบทคนเป็นแม่อย่างอดทนไม่ไหว เขาทนเงียบต่อไปไม่ไหวแล้ว

“ฮึก แม่...แม่เจ็บ แม่ขอโทษนะน้องรันต์” แพรวาบอกกับลูกชายเสียงสั่น เธอไม่อยากให้ลูกเป็นห่วง แค่นี้เขาก็เจ็บปวดมากพอแล้ว

“คุณแม่ไม่ต้องขอโทษ  น้องรักคุณแม่นะ” เหรันต์โน้มตัวลงไปกอดคนเป็นแม่ที่นอนอยู่บนเตียง

“แม่คงเป็นแม่ที่แย่มากใช่ไหมลูก”

“ไม่มีมนุษย์คนไหนบนโลกนี้สมบูรณ์แบบ แต่คุณแม่คือแม่ที่ดีที่สุดสำหรับน้องรันต์”

“แม่ดีใจที่น้องรันต์เข้มแข็งกว่าแม่” เธอหอมแก้มลูกชายฟอดใหญ่  เหรันต์เป็นเด็กมีความคิดและเข้มแข็ง แพรวาเชื่อว่าลูกชายจะสามารถมีความสุขกับทางที่เลือกเดินได้

“แต่คุณแม่จะแข็งแรงกว่าน้องรันต์ถ้าคุณแม่ได้รับการรักษาจนหายดี”

“เรื่องรักษาแม่ว่า...”

“คุณหมอคงบอกคุณแม่แล้ว  คุณแม่ต้องเข้ารับการผ่าตัดจึงจะหาย ไม่ต้องคิดมากนะครับ น้องรันต์จะจัดการเอง นะครับ ถือว่าน้องรันต์ขอร้อง” เด็กชายบอกกับแม่ด้วยรอยยิ้มให้หายกังวล แม้ภายในใจเหมือนเดินในเขาวงกตที่หาทางออกไม่เจอ  หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปวิรัชพ่อของเขาก็ยังไม่ติดต่อกลับมา อาการของแม่เขาเดี๋ยวทรงเดี๋ยวทรุด เขาคงรอให้เวลาผ่านไปเรื่อยๆไม่ไหวอีกต่อไป

“แล้วน้องรันต์จะไปเอาเงินมากมายขนาดนั้นมาจากไหนลูก” แพรวาไม่อยากให้ตัวเองต้องเป็นภาระของใคร แล้วยิ่งเด็กผู้ชายตัวเล็กๆอย่างลูกเธอจะไปหาเงินมาจากไหน

“คุณแม่ว่าน้องเก่งไหม” เด็กชายตอบเธอกลับด้วยคำถาม แพรวาพยักหน้าให้ลูกชายแทนคำตอบ

“ถ้าอย่างนั้นคุณแม่แค่เชื่อใจน้องรันต์ก็พอ”


+++++++++++++++++

คิดถึงจัง เหมือนไม่ได้เจอกันนานมากกกกก แต่ก็แวะมาสิงที่นี่เรื่อยๆแหละ :z6: เดือนนี้สาหัสเหลือเกิน ไม่มีเวลามาแจ้งข่าวเลย จริงๆจะลงพรุ่งนี้สองตอนรวด แต่ทนคิดถึงคนอ่านไม่ไหว พรุ่งนี้จะมาอีกตอนนะคะ เป็นตอนจบของพาร์ทอดีตแล้ว
ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจ จุ๊ฟ :กอด1: :L1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 25♡[29/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 29-05-2017 16:46:43
รออีกๆ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 25♡[29/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 29-05-2017 18:08:29
มีความจำเป็นอะไรนะ ผู้หญิงที่มาแย่งสามีคนอื่น
ถึงต้องมาพูดกระแหนะกระแหนกับเด็กที่แม่ถูกแย่งสามี
บ่งบอกความหยาบคายในกมลสันดาน ที่อวดดี ไร้สมอง
ไม่มีปัญญาหาผู้ชายโสดมาเป็นสามี
หรือเพราะสามีคนอื่นรวย โง่ หน้าหม้อใช้เซ็กส์เบิกทางสบายๆ

สงสารรันต์ ทุกข์ใจที่แม่ป่วยหนัก จำเป็นต้องผ่าตัด
พ่อก็ไม่อยู่ยามที่ลูกเมียต้องการ  :mew2: :mew2: :mew2:
ถ้ารันต์ จะปฏิเสธพ่อ ไม่ไปหา ก็ไม่แปลกใจ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 25♡[29/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 29-05-2017 18:51:01
 :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 25♡[29/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 29-05-2017 19:55:00
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 25♡[29/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 29-05-2017 20:54:44
 :mew6: :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 25♡[29/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 29-05-2017 22:12:16
น้องรันต์น่าสงสารจังเลย กอดๆๆๆๆ

โอยยย เราไม่ชอบคนแบบมินตราเลย ทำไมต้องมาหาเรื่องเด็กด้วย
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 25♡[29/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: maxtorpis ที่ 29-05-2017 22:25:39
่ค้างมาก
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 25♡[29/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: monalism ที่ 29-05-2017 23:26:25
งืออออ น้องรันต์สู้ๆ เอาไตพี่ไปเลยค่ะ เอาไปขายนะลูก
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 25♡[29/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 30-05-2017 01:36:45
 :katai1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 25♡[29/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 30-05-2017 06:55:21
ทำไมพวกเมียน้อยส่วนใหญ่มันต้องร้ายด้วยนะ :m16:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 25♡[29/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 30-05-2017 08:31:37
สงสารน้องรันต์กับคุณแม่มากเลย
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 25♡[29/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 30-05-2017 08:40:58
เป็นเด็กที่น่าสงสาร และ น่าชื่นชมในเวลาเดียวกัน

น้องเก่งมาก ๆ ในอายุแค่นั้นแต่สามารถตั้งสติได้
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 26♡[31/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 31-05-2017 22:04:02
ใจยักษ์ 26


‘ผมมีเรื่องจะคุยด้วย คุณสะดวกออกมาพบผมจะได้ไหมครับ...เหรันต์’ เด็กชายกดส่งข้อความหาทางออกสุดท้ายสุดท้ายของเขา เหรันต์ไม่ได้บอกเมฆเพราะพี่ชายข้างบ้านเขาไปเที่ยวต่างประเทศกับครอบครัว เขาไม่อยากให้เรื่องของเขาต้องไปขัดความสุขของพี่ชาย

ติ้ง! เพียงไม่ถึงหนึ่งนาทีที่ส่งข้อความไปก็มีข้อความตอบกลับมาจากหมายเลขไม่ได้ระบุ

‘@ W 10.30 pm’
.
.
.
.
.
.
.
.
หมับ!

“เชี่ย! กูตกใจหมดไอ้เด็กบ้า แล้วรู้ได้ไงวะว่าเป็นกู” เจคถอดฮู้ดออกแล้วกระซิบกับรันต์เสียงเบา  สถานที่ที่เขานัดพบเด็กคนนี้เป็นย่านที่คนเดินผ่านไปผ่านมาและค่อนข้างเสียงดังจอแจ

“ก็ใส่ฮู้ดทำตัวมีลับลมคมในขนาดนั้นก็ต้องดูออกเป็นธรรมดาสิครับ” เด็กชายเถียงกลับเบาๆ อันที่จริงชายข้างๆเขาก็ไม่ได้ทำตัวน่าสงสัยขนาดนั้นแต่เขาแค่จำลักษณะและท่าทางออกเท่านั้นเอง

“แล้วมึงมีเรื่องอะไรจะคุยกับกูวะ”เจคปรับระดับเสียงให้ได้ยินกันแค่สองคนแล้วทำเป็นดูนั่นดูนี่เหมือนนักท่องเที่ยวปกติ

“คุณเคยรับปากว่าจะให้อะไรก็ได้ที่ผมขออย่างหนึ่ง”

“มึงบังคับกูต่างหาก” ปากสนทนากันแต่สายตากลับเสมองไปคนละทาง

“ผมมีเรื่องต้องใช้เงินด่วน...”…

“แม่มึงป่วย เป็นเนื้องอกในสมองต้องได้รับการผ่าตัดเพราะอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการล้ม”

“ก็คิดว่าถ้าเป็นคุณก็คงจะรู้ได้ไม่ยาก” เด็กชายเหรันต์ตอบกลับอีกคนโดยไม่แปลกใจแม้แต่น้อย

“แต่ที่น่าแปลกคือ ประวัติมึงก็เหมือนเด็กเก่งธรรมดาๆคนหนึ่ง พ่อก็เป็นถึงเจ้าของบริษัท...แต่ที่กูเห็นมันไม่ใช่อย่างนั้นนี่นา” ทั้งคู่หันกลับมาสบตากันโดยบังเอิญ  ต่างคนต่างเงียบไป ในที่สุดคนอายุน้อยกว่าก็เอ่ยปากเปลี่ยนเรื่อง

“ถ้ามันมากเกินไปผมยินดีทำงานตอบแทน”

“แล้วมึงจะทำอะไรได้บ้างล่ะ”

“แล้วคุณคิดว่าคนอย่างผมจะสามารถทำอะไรตอบแทนค่าจ้างได้บ้างล่ะครับ ถ้าคุณไม่ต้องการผม คุณคงไม่เรียกผมออกมาตั้งแต่แรก คุณจะยอมปล่อยผ่านก็ได้ เพราะยังไงผมก็ไม่มีปัญญาหาคุณเจออยู่ดี” ถูกที่เด็กชายว่าทุกอย่าง เขามีความจำที่จะใช้เด็กคนนี้จริงๆ

“มึงรู้ใช่ไหมว่าถ้าได้ก้าวเท้าเข้ามาแล้ว ชีวิตมึงจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป”

“พรุ่งนี้มาหากูที่นี่” เจคใช้วิธีเดียวกับที่เจอเด็กชายเมื่อครั้งแรกยื่นกระดาษแผ่นเล็กๆที่ฝ่ามือผ่านหน้าเด็กชายในเสี้ยววินาที เป็นรหัสที่แกะออกมาแล้วจะเป็นเวลาและสถานที่ที่เขานัดเจอ ถ้าแค่นี้ทำไม่ได้ เหรันต์ก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะต้องทำงานกับเขา

“ครับ”

…วันต่อมา...

“นี่เป็นงานที่กูทำค้างมาครึ่งปี แต่ยังปิดจ็อบไม่ได้สักที” เจคยื่นเอกสารประวัติโดยละเอียดพร้อมแนบรูปชายวัยกลางคนหนึ่งที่ค่อนข้างคุ้นหน้าคุ้นตาในแวดวงทางการเมืองคนหนึ่ง ตอนนี้เขากับเหรันต์นั่งคุยกันอยู่ในห้องของเขา เด็กนี่จำได้และแกะรหัสถูกต้อง แสดงว่าผ่านด่านแรก

“ทำไมถึงไว้ใจผมล่ะ นี่มันเรื่องใหญ่เลยไม่ใช่หรือไง?”

“กูใช้เหตุผลในการตัดสินใจมาทั้งชีวิตแล้ว ถ้ากูใช้ความรู้สึกบ้าง...บางทีมันอาจจะดีกว่าก็ได้” เด็กชายรู้สึกดีใจและชื่นชมเจคไปในเวลาเดียวกัน อย่างน้อยก็ยังมีคนที่มองเห็นคุณค่าในด้านที่เขาอยากให้มองบ้าง แน่ล่ะใครๆก็ต้องการใช้ประโยชน์จากความเก่งของเขาไม่เว้นแม้แต่เจค แต่ว่าอย่างน้อยเจคก็ยังเชื่อใจ ยังให้ความไว้วางใจเขา

“คุณเป็นตำรวจหรอ” เด็กชายถามเจค

“เปล่า” เจคส่ายหัวปฏิเสธเด็กชายแล้วพูดต่อ “แต่ทำงานให้เขาอีกที”

“อ่อ เป็นสายตำรวจ?” เด็กชายถามพลางอ่านประวัติของคนที่เจคยื่นให้อ่าน

“ไม่เชิงหรอก สืบเอง ลงมือเองทุกอย่าง” เด็กชายเงยหน้าขึ้นมองเจคด้วยความสงสัย

“คนที่กูทำงานให้เขาเป็นผู้มีพระคุณของกู  แล้วยังเป็นตำรวจหน่วยสืบสวนพิเศษ แต่งานสืบสวนบางอย่างที่ได้รับก็ค่อนข้างเสี่ยงต่อหน้าที่และขัดกับกฎหมายของประเทศ...นิดหน่อย  กูที่ไม่ได้มีตำแหน่งอะไรก็ได้รับภารกิจมาทำบ้าง...พูดง่ายๆเลยคือ ทำงานให้ประเทศแบบใต้ดินนั่นแหละ”

“สรุปคือ ถ้าทำสำเร็จเบื้องบนเขาจะได้ผลงาน แต่ถ้าไม่ก็ต้องตัวใครตัวมันใช่ไหมครับ?”

“ก็...ประมาณนั้น....ที่สำคัญกว่านั้น วิธีการที่เราทำก็คล้ายๆอาชญากรเลยนะ  เพราะทางตรงมันไร้ซึ่งจุดหมายเราก็เลยต้องใช้วิธีลัดเพื่อให้มันเร็วขึ้น แต่ทุกอย่างที่ทำไปก็ทำประโยชน์เพื่อประเทศ มันเสี่ยงอันตรายมาก...มึงแน่ใจแล้วนะว่าจะทำ”

“ผมจะทำ”เหรันต์บอกเสียงนิ่ง ไม่เคยคิดว่าชีวิตจะต้องเดินมาถึงจุดนี้  จากชีวิตที่สุขสบายสู่การเริ่มใหม่ที่เรียบง่าย แล้วมาถึงตอนนี้ที่สถานการณ์ทำให้เขาแทบจะฝืนยิ้มออกมาไม่ไหว  แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นลูกผู้ชาย เขาจะต้องปกป้องสิ่งสำคัญของชีวิตเอาไว้ให้ได้

“บอกตรง ชีวิตมึงโคตรละครเลย” เจคแกล้งสัพยอกเด็กตรงหน้าเขาเพราะเห็นนิ่งไปพักใหญ่   เขาสืบทุกประวัติของเด็กคนนี้แล้ว เอาเข้าจริงๆจะมีเด็กสักกี่คนที่ยิ้มได้แล้วปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ที่ครอบครัวแตกแยกได้เร็วขนาดนี้  เหรันต์ไม่เคยมีประวัติทำตัวก้าวร้าวรุนแรงหรือใจแตกอย่างที่คิด กลับเป็นเด็กที่นิสัยยังเสมอต้นเสมอปลายตั้งแต่แรก ว่านอนสอนง่าย ยิ้มแย้มแจ่มใส เพื่อนก็น้อยลงเมื่อไม่มีรถหรูๆมาส่งเหมือนเดิม ไปกินนั่นนี่กับเพื่อนไม่ได้ แต่เด็กคนนี้ก็ยังใช้ชีวิตปกติเลือกที่จะเงียบและยิ้มรับทุกอย่าง จนเขากลัวว่าสักวันหนึ่งเด็กคนนี้อาจจะ...

“สนใจเอาไปเขียนนิยายไหมครับ ฮ่าๆๆๆ” เด็กชายหัวเราะแทรกขึ้นหยุดความคิดเจค  ทำให้เขาหยุดคิดเรื่องเพ้อเจ้อลง

เขาคงไม่ได้เป็นอย่างนั้นหรอกมั้ง...

“ว่าแต่คุณชื่ออะไรหรอครับ” เหรันต์ถาม เจอกันก็ตั้งหลายครั้งแต่ไม่รู้จักชื่อเลยมันก็ยังไงๆอยู่

“จริงๆการทำงานแบบนี้ชื่อที่อยู่ค่อนข้างเป็นความลับ”

“แล้วจะให้ผมเรียกว่าอะไรครับ” เจคลูบคางตัวเองอย่างใช้ความคิด

“กูชื่อเจค” แค่ชื่อเล่นเขาคิดว่าคงไม่เป็นไร

“อ้าว ไหนว่าเป็นความลับ”

“ไม่มีเหตุผลโว้ย...มาคุยเรื่องงานกัน  มึงคงอ่านประวัติของเขาจบแล้วนะ”

“ครับ...ไม่อยากจะเชื่อว่าจะมีคนแบบนี้เกิดบนแผ่นเดียวกันกับเรา เป็นคนที่น่ารังเกียจจริงๆ” หลังเด็กชายได้อ่านประวัติของคนๆนี้จบเขาก็รู้สึกรังเกียจในความชั่วช้าที่ชายคนนี้ทำลายประเทศชาติจริงๆ

“ความโลภ ความเห็นแก่ตัวไงล่ะรันต์ ทุกๆคนก็ล้วนมีเหมือนกันหมด แต่อยู่ที่ว่าใครจะมากหรือน้อยใครจะแสดงออกหรือไม่แสดงออกก็เท่านั้นเอง…สิ่งสำคัญของภารกิจนี้คือ การเอาข้อมูลการทำผิดของนายหริรักษ์ทั้งหมดมาให้ได้ เพื่อส่งต่อให้เจ้าหน้าที่ให้เขาจัดการด้านกฎหมายต่อไป…ก่อนหน้านี้กูตามเก็บหลักฐานเป็นพวกรูปถ่ายการซื้อขาย แต่มันก็ยังไม่เพียงพอ ถ้าไปขึ้นศาลจริงๆยังไงมันก็ต้องดิ้นหลุด
แล้วจะเป็นเราเองที่ซวย แต่เมื่อตอนเดือนก่อนที่กูเจอมึงกูได้รับการติดต่อจากสายถึงแหล่งเก็บหลักฐานการค้ามนุษย์ รายชื่อลูกค้ารายใหญ่ จำนวนเหยื่อที่ถูกจับไปค้ามนุษย์ รวมถึงเรื่องทุจริตฉ้อราชบังหลวงที่มันมีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด”

“ที่ไหนหรอครับ?” เด็กชายถาม คนระดับนั้นก็ต้องมีวิธีป้องกันตัวเองให้ปลอดภัยที่สุดอยู่แล้ว

“คอมพิวเตอร์ในห้องทำงานมัน”

“แล้วเราจะไปเอามาได้ยังไง”

“ก็เข้าไปเอาในบ้านมันไง” เจคยักไหล่ไม่ยี่หระตอบ

“มันจะง่ายขนาดนั้นเรอะ!”

“ก็มันไม่ง่ายนี่ไงล่ะ กูถึงต้องการความสามารถมึง”สิ่งที่รันต์มีทำให้เขาคิดหาทางออกที่เคยมืดสนิทสำหรับเรื่องนี้ได้แล้ว

“ความสามารถผม?”

“เออสิ...มึงมีความสามารถเรื่องการจดจำใช่ไหมล่ะ ไม่งั้นกูจะให้มึงมาทำงานให้หรอ แล้วความสามรถอื่นล่ะมีอีกไหม”

“ผม...สามารถคำนวณทุกอย่างได้ในหัวโดยไม่ต้องเขียน ไม่ว่าจะเคยเรียนหรือไม่เคยเรียนมาก่อน สมองผมจะทำการไขคำตอบมันออกมาเองโดยอัตโนมัติ ส่วนเรื่องความจำ ผมก็จำเก่งตั้งแต่จำความได้แล้ว แค่แวบแรกก็จำได้ แต่มีอยู่สิ่งเดียวที่ผมก็จำเกือบไม่ได้แล้ว”ประโยคสุดท้ายเด็กชายพูดกับตัวเองเสียงเบา

“เรื่องคำนวณกูไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ แต่เรื่องการจำของมึงต่างหากที่กูต้องการ เอาล่ะมาทดสอบความสามารถของมึงกัน” เจคพูดจบเขาก็เดินไปหยิบหนังสือเล่มหนึ่งในห้องมาก่อนจะกรีดกระดาษให้เห็นชัดๆตั้งแต่แผ่นแรกยันแผ่นสุดท้ายแล้วปิดลงอย่างรวดเร็ว

“หน้าที่39 บรรทัดที่7”เจคเอ่ยปากถามอย่างลุ้นๆ สายตามองไปที่หนังสืออย่างจดจ่อ เด็กชายฉีกยิ้มนิดๆแล้วพูดออกมาราวน้ำไหล

“ลักษณะของการสลายตัวให้รังสีแอลฟา... ”เด็กชายร่ายยาวจนจบไปอีกห้าบรรทัดแล้วหยุดเอียงคอถามคนอายุมากกว่า “ถูกไหมครับ? จริงๆจะให้พูดทั้งหน้าเลยก็ได้ แต่จะไม่เสียเวลาไปหน่อยหรอครับ”

เปาะ! เจคดีดนิ้วอย่างถูกใจ ที่รันต์ตอบได้อย่างแม่นยำไม่ตกหล่นสักตัวอักษรเดียว

“ถูกหมด...ก็จริงอยู่ที่ว่ามึงค่อนข้างอัจฉริยะ แต่มึงยังเด็กเกินไป...”อยู่ๆ เจคเกิดความลังเล เด็กผู้ชายตรงหน้าเขายังอายุไม่ถึงสิบห้าปีด้วยซ้ำ มันจะโอเคจริงๆหรอวะที่จะเอาเด็กตัวแค่นี้มาเสี่ยงอันตรายด้วย

“มันเป็นเส้นทางที่ผมเลือกเอง ผิดพลาดยังไงผมก็จะรับไว้เอง...แต่ว่านะเจค มนุษย์ทุกคนรักตัวเอง ผมจะทำให้ถึงที่สุดไม่ยอมพลาดให้ตัวเองตายง่ายๆหรอกครับ” เด็กชายพูดด้วยสีหน้าราบเรียบแต่น้ำเสียงกลับเต็มไปด้วยความมั่นคง ความคิดความอ่านก็โตเกินเด็ก เจคถอนหายใจอย่างปลงๆ ยังไงซะเขาก็จำเป็นต้องพึ่งเด็กคนนี้

“มึงถอยหลังกลับไม่ได้แล้วนะ...ถ้าพลาด คือตายสถานเดียว”

“ครับ…แต่ผมไม่ยอมตายหรอกนะ”

+++++++++++++++++

“อ๊ะ  ขอโทษครับ” เด็กหนุ่มหน้าหวาน รูปร่างบอบบางในชุดกางเกงขาสั้นโชว์เรียวขาสวยพร้อมเสื้อกล้ามสีดำที่ทำให้ผิวขาวสว่างโดดเด่น ผมสีบลอนด์ทองยิ่งขับให้ใบหน้ากระจ่างใสดูสวยหวานยิ่งขึ้นไปอีก

“ไม่เป็นไรหนู...เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?” หริรักษ์รับเด็กหนุ่มร่างบางที่เดินเซมาชนเข้ากับเขาจนเกือบจะล้ม  แค่เห็นครั้งแรกเขาก็รู้สึกถูกใจเด็กหนุ่มคนนี้เข้าอย่างจัง

หริรักษ์ พฤกษรักษ์  ชายวัยกลางคนอายุห้าสิบปีเต็มที่ยังดูดี มีตำแหน่งทางการเมืองใหญ่โต มีภรรยาและลูกอีกสองคน ช่างเป็นครอบครัวที่แสนอบอุ่น แต่นั่นเป็นเพียงฉากหน้าที่คนภายนอกเห็น รสนิยมจริงๆที่เขาชอบคือผู้ชาย โดยเฉพาะเด็กผู้ชายตัวเล็กๆหน้าหวานๆที่เขาก็เลี้ยงเอาไว้หลายต่อหลายคน ยิ่งมาเห็นเด็กคนนี้อาการอยากได้จนเนื้อตัวสั่นไปหมด

“ไม่เป็นไรครับ ผมต้องขอโทษท่านจริงๆ”เด็กหนุ่มขืนตัวออกจากอ้อมกอดอีกคนอย่างมีจริต หริรักษ์มองด้วยแววตาเป็นประกายขึ้น

แบบนี้ยิ่งน่าอยากได้ไปใหญ่

“จะกลับแล้วหรอ ยังไม่ดึกเลย” คนอายุมากกว่าเอ่ยปากถาม ณ เวลานี้พึ่งจะห้าทุ่ม ที่นี่เป็นคลับที่กลุ่มวัยทำงาน วัยมหาวิทยาลัยชอบมาเที่ยวสังสรรค์ ซึ่งเขาก็แวะมาผ่อนคลายอารมณ์เปลี่ยวเดือนละครั้ง

“ใช่ครับ วันนี้ดึกแล้ว  พรุ่งนี้ต้องไปมหาวิทยาลัยตั้งแต่เช้า”

“เรียนมหาลัยแล้วหรอเนี่ย ยังหน้าเด็กอยู่เลย” หริรักษ์เพิ่มระดับเสียงแข่งกับเพลงภายในคลับ

“ถ้าอายุไม่ถึงผมจะเข้ามาได้ยังไงล่ะครับ ผมขอตัวก่อนนะครับ ถ้าพรุ่งนี้ได้เจอท่านอีกก็คงดี สวัสดีครับ” เด็กหนุ่มยกมือไหว้อย่างนอบน้อมพร้อมฉีกยิ้มหวานให้แล้วเดินจากไป หริรักษ์มองตามจนสุดสายตา  ไม่ยอมง่ายๆ แต่ก็ไม่ได้ยากจนน่ารำคาญ เห็นทีช่วงนี้เขาคงต้องมาที่นี่บ่อยๆหน่อยแล้ว

คล้อยหลังออกจาหประตูคลับ เหรันต์เดินตรงดิ่งไปขึ้นรถที่จอดรอตรงมุมอับของซอยแถวนั้น

“เป็นไงบ้าง”เจคเหยียบคันเร่งออกจากบริเวณพร้อมเอ่ยปากถามคนข้างๆ เด็กชายยังไม่ตอบในทันทีเพราะเขามัวแต่ลูบตามตัวด้วยความขนลุก

“ผมไม่รู้” เด็กชายตอบทื่อๆ

“เอ้า! อะไรของมึงวะ”

“ผมทำตามที่เจคบอกทุกอย่างนั่นแหละ ติดกับรึเปล่าไม่รู้ ดูไม่เป็น”

“ไม่โดนจับได้ใช่ไหม?”

“ถ้าโดนคงมีโอกาสรอดมาหาคุณได้หรอก” ผั๊วะ! แล้วก็โดนตบจนหัวทิ่มข้อหายอกย้อน

“เดี๋ยวนี้กวนตีนนะมึง...พรุ่งนี้ได้รู้กันว่าได้ผลรึเปล่า”

เจคขับรถซีดานเก่าๆสีดำตกรุ่นหลายปีไปส่งเด็กชายที่ซอกตึกใกล้ๆกับโรงพยาบาลที่แม่ของเขารักษาตัวอยู่  เด็กชายรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าบนรถโดยไม่มีความเขินอายอีกคนแม้แต่น้อย เมื่อเปลี่ยนเสร็จก็หยิบวิกสีดำมาใส่ไว้เป็นอันจบการแปลงกาย

“ไปแล้วนะครับ” เด็กชายเอ่ยลา

“เออ พรุ่งนี้เจอกัน”

++++++++++++++++++++

ในทุกๆวันเหรันต์อีกคน หรือ ดิว  นายอธิป  เลิศผล อายุ 20 ปี นิสิตมหาวิทยาลัย L  จะไปพบกับนายหริรักษ์ที่คลับ B ทุกวัน จนเวลาล่วงเลยมาเข้าสู่วันที่ห้าที่ได้พบกัน นายหริรักษ์เดินหน้ารุกเหรันต์เต็มกำลัง โดยการชวนไปทานข้าวที่ภัตตาคารหรูใจกลางเมือง เหรันต์ตอบตกลงเพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปตามแผน

“ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้  แต่เป็นโอกาสที่ดี ขั้นต่อไปมึงทำยังไงก็ได้ให้ได้เข้าบ้านมัน” เจคบอกแผนการขั้นต่อไปกับเด็กชายภายในรถ

“มันไม่เร็วไปหน่อยหรอ”

“ไม่หรอก มันดูกระหายมึงจะตาย”

“แล้วถ้าผมขอเข้าไปได้ต้องทำยังไงถึงจะสามารถเอาข้อมูลออกมาได้”

“เดี๋ยวกูบอกมึงอีกที ทำให้มันสำเร็จก่อนเถอะ” เจคบอกกับรันต์ อย่างน้อยก็คงต้องใช้เวลาสักเดือนเพื่อให้นายหริรักษ์วางใจล่ะ
.
.
.
.
.
.
.

“บอกมาสิว่าต้องทำยังไงต่อ” เหรันต์ทวงถามแผนการกับเจค

“กูไม่อยากจะเชื่อ มึงทำได้ยังไงอ่ะ” เจคถามอย่างทึ่งๆหลังจากที่คุยกันได้หนึ่งวัน เหรันต์เดินมาขึ้นรถแล้วบอกกับเขาว่าสามารถเข้าบ้านนายหริรักษ์ได้แล้ว

“ก็แค่บอกว่าอยากดูนกเงือกแบบเป็นส่วนตัว ถ้าทำให้ได้จะยอมให้ทำอย่างที่อยากทำ เขาก็เสนอตัวว่าจะพาไปดูที่บ้าน” เด็กชายตอบซื่อๆ เขาจำได้ว่านายหริรักษ์ลักลอบเลี้ยงสัตว์สงวนไว้ภายในบริเวณบ้านจากการอ่านประวัติ ก็เลยลองเสี่ยงทำเป็นพูดขึ้นมาลอยๆโดยต่อรองสิ่งที่เจคบอกว่านายหริรักษ์ต้องการจากเขา

สุดท้ายเจคจึงพารันต์มาที่ห้องพักของเขาเพื่อวางแผนที่จะทำในวันพรุ่งนี้ ไหนๆก็ไหนๆแล้วนี่อาจจะเป็นโอกาสเดียวที่พวกเขาจะทำสำเร็จ

“นี่เป็นเข็มยาสลบดึงปลอกออกแล้วจิ้มที่ท้ายทอยตอนมันกำลังจะแหย่ด้ายเข้าเข็มมึง”เจคยื่นเข็มยาสลบให้รันต์

“เขาจะทำผมจริงๆใช่ไหม?” เด็กชายเริ่มกลัวขึ้นมานิดๆ เกิดมาแม้แต่คนมาชอบยังไม่มี แต่พอเจคจับแปลงโฉมกลับมีแต่คนมองคนสนใจ

“อย่าพลาด”เจคบีบไหล่น้องเบาๆอย่างให้กำลังใจให้กำลังใจ ก่อนจะเอ่ยแผนการกับรันต์ต่อ

“สิ่งที่ยากที่สุดหลังจากเข้าบ้านนายหริรักษ์ได้แล้วจะเข้าห้องนอนมันได้ยังไงต่างหาก”

“ทำไมครับ?”

“ห้องทำงานที่เก็บข้อมูลมีประตูเชื่อมกับห้องนอนมันอยู่  แล้วมึงคิดว่าไอ้บ้าที่ไหนมันจะพาคนที่รู้จักไม่ถึงหนึ่งอาทิตย์ไปนอนในห้องที่ส่วนตัวแล้วสำคัญขนาดนั้นวะ” เจคขยี้ผมเซ็งๆ พอเดินจากจุดหนึ่งมาได้ก็เดินมาเจอทางตันซะอย่างนั้น

“ผม...จะลองพยายามดู”

“ยังไง เฮ้ย!!!” เจคหลุดอุทานเสียงดัง เมื่ออยู่ๆเด็กชายหน้าใสลุกพรวดก้าวมาทางเจคแล้วนั่งคร่อมตักเขาอย่างรวดเร็ว แขนขาวๆทั้งสองข้างคล้องเข้าที่คอ ตาคมสวยช้อนมองต่างไปจากเดิม ลมหายใจเจคหยุดกึก เหมือนคนที่นั่งอยู่บนตักเขาอยู่ตอนนี้ไม่ใช่เหรันต์ที่เขารู้จักอีกต่อไป

“เจค...”เสียงหวานปนแหบเอ่ยเรียกสติเจคให้กลับคืนมา

“ห๊ะ...หา” เจคกลืนน้ำลายอึกใหญ่

“ขอสิบล้านได้ไหม?”ตาคมช้อนมองอ้อยอิ่ง

“ฝะฝันหรอ” เจคปฏิเสธติดๆขัดๆ

“นะ...นะครับเจค....ยอมทุกอย่างเลย” รันต์อ้อนเสียงหวาน ริมฝีปากอิ่มน่าจูบเผยออกนิดๆอย่างเชิญชวน มือบางคลึงท้ายทอยอีกคนให้ผ่อนคลาย  สะโพกมนขยับส่ายเบาๆบนตัก เจคเผลอยกมือลูบเอวบางด้วยความลืมตัว ตาเริ่มลอยเหมือนตกอยู่ในภวังค์

“เจคคคคค” รันต์ลากเสียงเรียกชื่ออีกคน

“อะอืม ตามใจดิ” เจคตอบอีกคนไปโดยไม่รู้ตัว

เพี๊ยะ! เด็กชายตบหน้าเรียกสติคนพี่เบาๆเพื่อเรียกสติ

“เหี้ย! เล่นอะไรของมึงวะ” เจคโวยวายเมื่อสติกลับเข้าร่างแล้ว

“คุณต้องจ่ายให้ผมสิบล้านนะเจค” เด็กชายยิ้มให้บางๆ เจคมองรันต์อึ้งๆเมื่อกี้เขาเผลอตกปากรับคำอีกคนซะแล้ว

“มึงหลอกล่อกู” เจคเถียงอย่างไม่ยอมแพ้ ยอมรับเลยว่าหลงรันต์ไปพักหนึ่ง

“เขาเรียกว่าขออย่างมีเทคนิค” เด็กชายยักคิ้วให้ข้างหนึ่งกวนๆ

“ไปจำมาจากไหน?” เจคหรี่ตามอง รู้แน่แล้วว่าเด็กชายต้องไปจำมาจากที่ไหนสักแห่งแน่ๆ

“หนังอีโรติค ที่เขาเรียกว่าอะไรนะ...ยั่วยวน? ใช่ๆคิดว่าอาจจะต้องใช้ก็ได้” เด็กชายตอบซื่อๆไม่มีกระดากอายสักนิด  เจคได้แต่หัวเราะเหอะๆในใจ ขนาดพึ่งไปจำเขามานะเนี่ย

“กูว่าเรื่องเข้าห้องนอนไอ้เหี้ยนั่นอาจมีหวัง” เจคแทนชื่อนายหริรักษ์เป็นคำหยาบด้วยความหมั่นไส้ส่วนตัว

“ว้าว! ถ้าอย่างนั้นเรามาพูดแผนการขั้นตอไปกันเถอะ~”

+++++++++++++++++++

“ช่วงนี้ตอนดึกน้องหายไปไหนมาลูก?” แพรวาถามพร้อมลูบหัวลูกชายด้วยความเอ็นดู ลูกชายเธอมักจะหายไปตอนที่เธอหลับ และกลับมาเมื่อเธอตื่น  ที่รู้เพราะเธอสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกด้วยอาการปวดหัวแล้วเจอเพียงเพื่อนสนิท เธอสังเกตอยู่สองสามคืน เลยเค้นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่คงรู้เห็นเป็นใจไปด้วย แต่เฟื่องฟ้าก็ไม่รู้อะไรมากเธอจึงถามลูกชายตรงๆ

“น้อง...ไปทำงานกับเพื่อนครับ ไม่ใช่งานไม่ดีหรอกครับ” เด็กชายยิ้มพร้อมออกตัวไว้ก่อน จับมือแม่ที่ลูบหัวอยู่มาจูบด้วยความรัก

“แม่ก็ไม่เคยคิดว่าน้องรันต์จะทำเรื่องไม่ดี แต่แม่เป็นห่วงน้อง”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ เดี๋ยวมันก็จบแล้ว...คุณแม่พักผ่อนนะครับ พรุ่งนี้ก็จะผ่าตัดแล้วน้องอยากให้คุณแม่พร้อมที่สุด”

“คร้าบบบ คุณลูกชาย”

“น้องรันต์รักคุณแม่นะ รักที่สุด”เด็กชายโน้มตัวเข้าไปกอดคนเป็นแม่ ไม่รู้เพราะอะไรกระบอกตาเขาถึงร้อนผ่าวขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ อาจจะเพราะเขามีเรื่องปิดบังคนเป็นแม่อยู่ เย็นนี้เขาจะต้องไปบ้านนายหริรักษ์แล้ว ไม่รู้จะมีชีวิตรอดกลับมาได้รึเปล่า

“แม่ก็รักน้องรันต์ รักที่สุดในชีวิตแม่” เธอกอดลูกชายแน่น การผ่าตัดที่จะถึงในวันพรุ่งนี้ทำให้เธอรู้สึกกลัวขึ้นมานิดๆ แม้จะทำใจและยอมรับชะตากรรมว่าไม่มีใครมีชีวิตยืนยาวไปได้ตลอด แต่เธอก็ยังอยากอยู่...อยากเห็นเขาเติบโต...

“เก็บแหวนวงนี้ไว้นะลูก” แพรวาถอดแหวนที่เธอใส่ติดนิ้วตลอดชีวิตคู่ใส่มือลูกชาย เด็กน้อยมองแหวนในมือด้วยความไม่เข้าใจ

“คุณแม่ให้น้องทำไมครับ?”

“แม่อยากให้เป็นสิ่งแทนใจแม่...น้องรันต์รู้ไหมว่าแหวนวงนี้ราคาไม่ถึงหมื่นด้วยซ้ำ แต่พ่อของน้องรันต์ก็ใช้เงินเก็บที่มีทั้งหมดในตอนนั้นซื้อให้แม่เป็นแหวนแต่งงาน...แม่รักพ่อมากนะ เลือกเขาทั้งๆที่ครอบครัวไม่ยอมรับจนถึงขนาดต้องตัดพ่อตัดลูก  แต่พ่อน้องรันต์เขาก็ดีทำงานตัวเป็นเกลียวจนมีเงินก้อนมาเปิดบริษัทเป็นของตัวเอง ชีวิตครอบครัวเรามีความสุขดี...จนกระทั่งผู้หญิงคนนั้นเข้ามาในชีวิตพ่อของลูก แม่ยอมรับว่าตอนแรกที่รู้เรื่องแม่เสียใจมากและใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล แม่จึงถอยออกมาเพื่อตั้งหลักก่อน ส่วนหนึ่งก็เพื่อเป็นการพิสูจน์ตัวพ่อของลูกว่าการที่เขามีชีวิตที่อิสระขึ้นเขาจะยังเลือกครอบครัวเหมือนเดิม หรือเลือก...ผู้หญิงคนนั้น  แม่ไม่อยากให้น้องรันต์โกรธคุณพ่อเพราะมันเป็นปัญหาของผู้ใหญ่ เขายังทำหน้าที่พ่อของน้องรันต์อยู่” แพรวาเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ลูกเข้าใจ

“คุณแม่รักคุณพ่อไหม?”

“รักสิ ถึงจะโกรธ แต่แม่ก็รักเขานะ” แพรวายิ้มให้ลูกชาย เธอรู้ว่าสิ่งที่เธอทำจะทำให้ลูกมองพ่อตัวเองในด้านลบซึ่งเธอไม่ได้ต้องการให้เป็นแบบนั้น

“น้องรันต์จะเชื่อคุณแม่...แต่ถึงไม่มีใครรักคุณแม่ยังไงน้องก็รักคุณแม่เหมือนเดิม” เด็กชายยิ้มกว้างพร้อมก้มหอมแก้มแม่ฟอดใหญ่

“แม่เป็นกำลังใจให้น้องรันต์นะลูก” แพรวาหอมแก้มพร้อมจุ๊บปากลูกชายคืน เธอช่างโชคดีที่เด็กคนนี้เกิดมาเป็นลูกของเธอ

“ตอนเย็นน้องรันต์ไม่อยู่ คุณแม่ไม่ต้องรอนะครับ รีบพักผ่อนเลย”เด็กชายบอกแล้วหอมแก้มคนเป็นแม่

“จ้ะ” แพรวายิ้มหวานให้ลูกชายอย่างเป็นกำลังใจให้ เธอไม่รู้ว่าลูกต้องเหนื่อยเพื่อเธอขนาดไหน อย่างน้อยที่สุดเธอก็จะคอยเป็นกำลังใจให้เขาตลอดไป

+++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 26♡[31/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 31-05-2017 22:05:33
ใจยักษ์ 26 [ต่อ]

“ท่านพาดิวมาที่นี่ คุณหญิงจะไม่ว่าหรือครับ” ดิว อธิป หรือ เหรันต์ ราชรัตน์ เกาะแขนหนุ่มใหญ่เดินชมนานาสัตว์สงวนภายในบ้าน พฤกษรักษ์

“คุณหญิงเธอไปเที่ยวยุโรปน่ะ ไม่ค่อยอยู่ติดบ้านหรอก” มือนายหริรักษ์ขยับมาโอบเอวให้ร่างบางเข้าแนบชิดกับกายตนมากยิ่งขึ้น เหรันต์แอบตากระตุกนิดๆด้วยความรังเกียจแต่ก็พลิกหน้ายิ้มหวานมอบให้อีกคนอย่างแนบเนียน

“ดิวขอบพระคุณท่านมากนะครับที่ใจดีกับดิวขนาดนี้ ไม่รู้จะสามารถทำอะไรตอบแทนท่านได้บ้าง” เขายิ้มหวาน ซบหัวทุยกับหน้าอกหริรักษ์อย่างอ้อนๆ

“เธอรู้ดีว่าฉันต้องการอะไร” หริรักษ์ลูบไล้ตามใบหน้าคมสวยอย่างหลงใหล ยิ่งนานวันเข้าเขาก็ยิ่งหลงใหลเด็กคนนี้มากเข้าทุกที

“ถ้านั่นคือสิ่งที่ท่านต้องการ ดิวก็ยินดีครับ” เด็กคนนี้เล่นของกับเขาหรือเปล่านะ เพราะแค่ยิ้มหวานๆก็ทำให้ชายที่โชกโชนในวงการอย่างเขาที่ผ่านชายมาเป็นร้อยเป็นพันแทบจะสยบอยู่แทบเท้าเด็กคนนี้
.
.
.
.
.
.
.
.

“ห้องสวยจังเลยนะครับ” เด็กหนุ่มพูดขึ้นหลังจากที่หริรักษ์พาเขาขึ้นชั้นสองมายังห้องหนึ่ง

“ชอบไหม?”หริรักษ์เดินเข้ามาใกล้พร้อมโอบเอวบาง จมูกสูดดมไปตามซอกคอหอมอย่างหลงใหล

“ก็ดีครับ” เด็กหนุ่มเอ่ยตอบเสียงเบา หริรักษ์ขมวดคิ้วก่อนจะพลิกตัวเด็กหนุ่มให้หันมาเผชิญหน้ากับตนเอง

“ทำไมถึงเสียงเศร้าแบบนั้น ถ้าไม่ชอบฉันจะเปลี่ยนห้องให้”

“ไม่ได้ไม่ชอบหรอกครับ แต่ดิวแค่ผิดหวังนิดหน่อย” เด็กหนุ่มหลุบตาต่ำไม่ยอมสบตาคนอายุมากกว่า

“ผิดหวังอะไรรึ?”

“เปล่าครับ” เด็กหนุ่มส่ายหน้าพร้อมยิ้มแห้งๆแล้วซบหน้าลงที่อกกว้างราวกับเศร้าสร้อยมากมาย เขากำลังนึกภาพว่าผู้หญิงในหนังทำสีหน้าแบบไหน ณ ตอนนั้น

“บอกฉันมาเถอะ อะไรที่ให้ได้ฉันก็จะให้” หริรักษ์ไล้มือไปตามใบหน้าคมอ้อยอิ่ง

“ดิวแค่หวังว่าท่านคงจะพาไปที่ห้องนอนของท่าน ที่ๆท่านใช้หลับนอนทุกวัน อยากรู้จัก อยากสัมผัสให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น” ตากลมโตช้อนมองเหมือนที่ทำกับเจคเมื่อวาน มือบางลูบไล้ไปตามหน้าอกอีกบางเบา จากนั้นจึงเฉมองไปอีกทางแล้วพูดประโยคต่อมาที่กระทบใจหริรักษ์เข้าอย่างจัง

“แต่ดิวคงไม่มีค่าพอ”

“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก” หริรักษ์รีบปฏิเสธ กระวนกระวายใจเมื่อเห็นหน้าเศร้าๆของเด็กคนนี้ แต่เขาก็ค่อนข้างหนักใจที่จะพาคนรู้จักไม่ถึงสัปดาห์เข้าห้องที่สำคัญขนาดนั้น

“ถ้าท่านลำบากใจ ก็ไม่เป็นไรหรอกครับ ดิวรู้สถานะตัวเองดี” เด็กหนุ่มแกล้งยิ้มฝืนๆแล้วบอกปัด หริรักษ์นิ่งคิดไปพักใหญ่แล้วเอ่ยบอกกับเด็กหนุ่มเมื่อตัดสินใจได้

“ไปสิ ฉันจะพาไปห้องนอนฉัน” ยอมรับตรงๆว่าเขาหลงเด็กคนนี้หนักจริงๆ อยากเอาใจไปซะทุกอย่าง เด็กหนุ่มยิ้มหวานแล้วเขย่งจมูกหอมที่คางหริรักษ์เร็วๆ หนุ่มใหญ่ยิ่งอยากขย้ำกระต่ายตัวน้อยๆใจแทบขาดแล้ว

“ท่านจะพาเด็กคนนี้เข้าไปจริงๆหรือครับ” การ์ดหน้าประตูเข้าขวางทางคนทั้งคู่ก่อนจะเอ่ยถามเจ้าของห้อง

“ใช่ หลบไปโชค” หริรักษ์ว่าเสียงเย็น ต่อหน้าลูกน้องเขาเคร่งขรึมเสมอ

“แต่ว่า...” โชคลังเลที่จะถอยให้

“ถ้าคุณโชคไม่ไว้ใจ กลัวดิวจะทำร้ายท่าน จะค้นตัวดิวก็ได้นะครับ” เด็กชายยิ้มซื่อๆพูดเพื่อความบริสุทธิ์ใจของตนเองทั้งๆที่ข้างในกางเกงของเขามีทั้งเข็มยาสลบและชิพที่ใส่ข้อมูล

โชคทำท่าจะเข้ามาค้นตัวดิวแต่ก็โดนเจ้านายตนเองขวางเอาไว้ก่อน

“อย่าเสียมารยาทเจ้าโชค ดิวเป็นคนของฉันและเมื่อกี้เขาก็แสดงความบริสุทธิ์ใจชัดเจนแล้ว เด็กตัวแค่นี้ฉันจะสู้ไม่ได้เชียวรึ” หริรักษ์ตำหนิลูกน้องตัวเองเสียงเข้ม โชคก้มหน้านิ่งก่อนจะขยับตัวเปิดทางให้ทั้งคู่เข้าห้องไป

“ว้าว!สวยมากเลยครับท่าน ตกแต่งหรูหราสมกับเป็นท่านเลย” เด็กชายแกล้งทำเป็นตื่นตาตื่นใจ สายตากวาดมองไปทั่วห้องเพื่อหาประตูเชื่อมไปห้องทำงานแต่ก็ยังไม่พบ

“ถ้าชอบฉันก็ดีใจ จะอาบน้ำก่อนไหม?” หริรักษ์ถามยิ้มๆ

“ไม่ดีกว่าครับ ผมว่าเรามาเริ่มให้มันเสร็จๆเลยดีกว่า” เด็กชายพูดพร้อมล้มตัวลงบนเตียง หริรักษ์แปลกใจเล็กน้อยที่น้ำเสียงของอีกคนดูเย็นขึ้น แต่เขาก็เลือกที่จะละทิ้งเหตุผลด้วยความมัวเมาในเสน่หาของอีกคน ชายร่างใหญ่กระโดดขึ้นเตียงคร่อมทับอีกคนไว้ แลบลิ้นเลียริมฝีปากหนาของตนเอง วันนี้แหละที่เขาจะได้ลิ้มลองริมฝีปากน่าขยี้นี่สักที

“มาเป็นของฉันเถอะ” หริรักษ์ครางหื่นๆก้มหน้าลงจะประทับริมฝีปากอีกคน แต่ก็ชะงักกึกเมื่อเห็นร้อยยิ้มร้ายๆผุดขึ้นบนใบหน้าสวยพร้อมความเจ็บแปลบที่ท้ายทอย

“ครับ แต่ว่าในนรกนะ ไอ้สารเลว”เฮือกสุดท้ายก่อนหมดสติหริรักษ์เอื้อมมือหมายจะบีบคออีกคน แต่ด้วยฤทธิ์ของเข็มยาสลบชนิดรุนแรงทำให้เขาล้มทับเหรันต์ในทันที

เด็กชายเบ้หน้าแล้วผลักหริรักษ์นอนที่ว่างข้างๆ เขาลุกขึ้นจัดเสื้อผ้าเล็กน้อย จัดท่านอนนายหริรักษ์ให้ปกติถอดเสื้อออกให้เปลือยท่อนบนแล้วใช้ผ้าห่มคลุมสะโพกไว้ เหรันต์หยิบโทรศัพท์แล้วเปิดคลิปเกย์ที่กำลังมีอะไรกันจากนั้นเอาไปวางไว้ใกล้ๆกับประตู เมื่อเสร็จขั้นหลอกคนข้างนอก เด็กชายก็ทั่วห้องเพื่อหาประตูที่สามารถเชื่อมไปยังห้องทำงานได้ จนกระทั่งไปเจอเข้ากับผนังด้านหนึ่งของห้องแต่งตัว เด็กชายเคาะไปตามผนังจนไปถึงจุดที่ได้ยินเสียงโปร่งๆ เขาหาสวิซเปิดประตู สมองคิดถึงความเป็นไปได้ที่จะเป็นที่ซ่อนก่อนจะยิ้มออกมานิดๆเมื่อนึกอะไรดีๆออก

เหรันต์ตรงดิ่งไปยังชั้นหนังสือ สอดมือเข้าไปหลังชั้นหนังสือเจอกับปุ่มสีเขียว เด็กชายกดก่อนจะได้ยินเสียงประตูเปิดจากห้องแต่งตัว เด็กชายยิ้มภูมิใจกับตนเองนิดๆ

เพราะแวบแรกที่นายหริรักษ์เข้ามา สายตาเขามองไปที่ชั้นหนังสือก่อนเป็นอันดับแรก เพราะฉะนั้นคนมีชนักติดหลังอย่างหมอนี่ต้องเช็คสิ่งสำคัญของตัวเองก่อนเป็นอันดับแรกอยู่แล้ว ซึ่งก็เป็นอย่างที่เขาคิดจริงๆ เหรันต์รีบตรงดิ่งไปยังห้องทำงาน  เจอคอมพิวเตอร์ตั้งตระหง่านอยู่บนโต๊ะ  เหรันต์เปิดเครื่องตามที่เจคบอกพร้อมเสียบชิพเข้าไปยังช่อง ระหว่างที่รอก็ลงมือค้นหาเอกสารต่างๆ เจอข้อมูลน่าสนใจเขาก็ถ่ายรูปเก็บไว้ เมื่อเครื่องเปิดให้เข้ารหัส เด็กชายก็กดปุ่มตามที่เจคบอก  เมื่อจอขึ้นสีดำและขึ้นให้คีย์ตัวอักษรลงไป เด็กชายก็จัดการรัวนิ้วบนแป้นพิมพ์ สิ่งที่เขาพิมพ์ลงไปคือภาษาซีซึ่งเป็นภาษาคอมพิวเตอร์ เจคเขียนให้เขาจำเกือบสามหน้ากระดาษ ย้ำให้จำให้ได้ทุกตัวอักษรแม้แต่วงเล็บหรือวรรคตัวอักษรก็ห้ามตกหล่นแม้แต่ตัวเดียว เพราะไม่อย่างนั้นมันจะรันไม่ออก หรือรันไม่สมบูรณ์นั่นเอง เด็กชายใช้เวลาเกือบสิบนาที ระบบก็เปิดและทำการดูดทุกข้อมูลในเครื่องลงชิพ เด็กชายถอนหายใจเหนื่อยๆเหงื่อเม็ดใหญ่ผุดซึมขึ้นตามใบหน้าเหมือนเขาไปวิ่งมาราธอนสักยี่สิบกิโลเมตร เป็นเพราะความเกร็งและใช้สมองอย่างหนักทำให้เขาล้าอย่างช่วยไม่ได้

ระหว่างที่รอโหลดข้อมูลอยู่ รันต์ก็จัดการถอดเสื้อตอนเองออกมาขยำให้ยับยู่ยี่เพื่อความแนบเนียน รันต์ขยับวิกให้เข้าที่ วันนี้เขาใส่วิกผมราคาเป็นแสนของเจคมาเพื่อป้องกันไม่ให้ผมหล่นเป็นหลักฐานมัดตัวเองได้ ที่นิ้วมือก็มีสติกเกอร์แปะไว้ไม่ให้เหลือร่องรอยใดๆทั้งสิ้น

เวลาล่วงเลยไปยี่สิบนาทีกว่าๆ การอัพโหลดข้อมูลทั้งหมดลงบนไมโครชิพเป็นอันเสร็จสมบูรณ์ เหรันต์ดึงชิพออกจากคอมพิวเตอร์แล้วเก็บไว้อย่างปลอดภัย ก่อนออกจากห้องเขาหันไปยิ้มให้กล้อวงจรปิดแล้วทำการปิดประตูห้องทำงานนายหริรักษ์ เหรันต์เดินออกมานอกห้อง ตรงดิ่งเข้าไปในห้องน้ำแล้วเปิดวาล์วเรนชาวเวอร์ไว้ เปิดประตูห้องน้ำให้มีเสียงออกมา

รันต์นั่งรออีกประมาณสิบนาทีเพื่อให้ได้เวลาที่พอดีกับที่นายหริรักษ์ทำกิจกรรมเสร็จ เขาชื่นชมในตัวเจคจริงๆนะที่ขนาดเวลาบนเตียงของนายหริรักษ์เขายังไปสืบมาจนรู้

เมื่อได้เวลาเหรันต์ก็ทำการเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกง จัดเสื้อผ้ายับๆให้หลุดลุ่ยเล็กน้อยแล้วเปิดประตูออกไป การ์ดหน้าห้องไม่ใช่โชคแต่เป็นอีกคนที่เขาไม่เคยเห็นยืนหน้าแดงอยู่ คงเพราะได้ยินเสียงจากโทรศัพท์ที่เขาวางเอาไว้นั่นแหละ

“จะไปไหนหรือครับ” การ์ดรีบถามเมื่อเห็นรันต์ออกมาคนเดียว

“ผมจะลงไปรอที่โต๊ะทานข้าวน่ะครับ ท่านให้ลงไปรอก่อนเพราะท่านจะอาบน้ำก่อน” นี่ก็เป็นนิสัยอีกอย่างหนึ่งของนายหริรักษ์เช่นกัน

“เชิญครับ” รันต์หันไปยิ้มหวานให้การ์ดก่อนจะเดินลงบันไดไป เมื่อมาถึงชั้นล่างของบ้านแทนที่เด็กชายจะไปยังโต๊ะอาหารตามที่ปากบอกแต่เขากลับเลาะเลี้ยวไปข้างหลังของตัวบ้านซึ่งเป็นทางไปบ้านพักคนรับใช้ของที่นี่  ซึ่งหลังบ้านพักคนใช้มีประตูบานเล็กๆที่คนใช้มีไว้ใช้เข้าออกประจำ

ถามว่าทำไมเขาถึงรู้น่ะหรอ ก็เพราะเจคเอาแปลนบ้านหลังนี้มากางให้เขาจำโดยละเอียดเลยนะสิ  อยากรู้จริงๆว่าสายของเจคในบ้านหลังนี้เป็นใครกันแน่

“หยุดเดี๋ยวนี้นะ” เสียงเข้มๆจากด้านหลังเรียกเด็กชายเอาไว้ เท้าทั้งสองข้างหยุดกึกหมุนตัวกลับไปมองพร้อมแจกยิ้มให้อีกคนช้าๆ  คนข้างหลังคือหนึ่งในการ์ดของหริรักษ์ที่หรี่ตามองเขาอย่างสงสัย

“มาทำอะไรแถวนี้” การ์ดถามเสียงเข้ม ตอนนี้ข้างนอกฟ้าเริ่มมืดแล้ว คงไม่ใช่เรื่องดีที่จะบอกว่ามาเดินเล่น

“คือ...ผมหลงทาง”

“ทำตัวน่าสงสัย” การ์ดหนุ่มหยิบปืนขึ้นเตรียมเล็ง พร้อมทั้งยกวอเพื่อจะเรียกเพื่อน  เด็กชายหลับตาปี๋สองจิตสองใจว่าจะวิ่งตอนนี้เลยดีหรือไม่ แต่ก่อนที่เหรันต์จะหันหลังเตรียมวิ่งเขาก็ได้ยินเหมือนเสียงกระดูกเลื่อนจากคนตรงหน้าก่อน

แก็ก! จังหวะที่รันต์ลืมตาขึ้นก็พบร่างการ์ดหนุ่มลงไปกองอยู่กับพื้นพอดี เงาดำจากด้านหลังทำให้เด็กชายถอยหลังด้วยความกลัว ยังไงเขาก็ยังเป็นเด็ก เมื่อความตายคืบคลานเข้ามาใกล้ก็อดจะรู้สึกตื่นกลัวขึ้นมาไม่ได้

“คะคุณโชค”เมื่อบุคคลปริศนาปรากฏตัว รันต์ถึงกับครางออกมาอย่างลืมตัว

“รีบไปสิ จะมัวยืนรอให้มันมาฆ่าหรือไง” ร่างใหญ่บอกเสียงดุ

“หรือว่าคุณจะเป็น...”

“รีบไป!”สิ้นเสียงตวาดของโชครันต์รีบหันหลังวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต แม้จะยังสับสนอยู่ในใจแต่เขาก็ต้องเอาชีวิตรอดไว้ก่อน คิดว่ายังไงคนระดับนั้นก็คงหาทางรอดได้เอง รันต์เปิดประตูรั้วเล็กที่ไม่ได้ล็อคไว้ออก ไม่รู้ว่าเพราะความบังเอิญหรือจงใจของใครกันแน่ แต่เขาก็รีบออกไปแล้ววิ่งไปยังจุดนัดพบกับเจค รันต์กระโดดขึ้นรถซีดานคันเก่าได้ รถก็รีบแล่นออกไปอย่างรวดเร็ว

รถซีดานจอดสนิทยังสุสานรถแถบชานเมือง เจคหันมามองคนข้างเด็กชายยังหอบไม่หาย อาจจะเป็นเพราะพึ่งผ่านวินาทีเป็นวินาทีตายมาก็ได้

“หายใจเข้าลึกๆ” เจคบอกอีกคน เด็กชายทำตามที่บอกสักพักลมหายใจจึงกลับมาปกติ ก่อนจะยื่นมืออันสั่นเทาที่มีข้อมูลสำคัญให้เจค

“เราทำสำเร็จแล้วใช่ไหม” เด็กชายถามเสียงสั่น หัวใจของเขายังเต้นแรงอยู่ อะดีนลีนในร่างกายคงหลั่งออกมามากกว่าปกติ

“ใช่ มึงเก่งมาก”เจคดึงเด็กชายมากอดให้ตัวหายสั่น เด็กยังไงก็ยังเป็นเด็กอยู่ล่ะนะ หลังจากที่สงบสติได้รันต์ก็เงยหน้าขึ้นมองเจคแล้วถามคำถามที่เจคพูดไม่ออก

“ถ้าเขารอด ผม...คงไม่สามารถใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้แล้วใช่ไหม” เหรันต์รู้ทันทีหลังจากออกจากบ้านหลังนั้นมาได้ ตราบใดที่หริรักษ์ยังไม่โดนจับ เขาที่ทำไว้เยอะขนาดนั้นคงลอยหน้าลอยตาอยู่ในสังคมไม่ได้ง่ายๆอีกต่อไป ตัวเจคเองก็รู้ว่าอาจทำให้อนาคตที่สดใสของเด็กต้องพังลง

“ก็ไม่ขนาดนั้นนั้นหรอก กูไม่มีทางยอมให้มึงเป็นอะไรไปทั้งนั้น ข้อมูลนี่จะถูกส่งให้ตำรวจแล้วมันต้องถูกจับ แต่ระหว่างนี้มึงต้องกลับไปเป็นเหรันต์ทำตัวเงียบๆ ย้อมผมให้เหมือนเดิม ใส่แว่นซะ” เด็กชายพยักหน้าเอาอุปกรณ์มาแปลงโฉมภายในรถ ร่วมชั่วโมงทุกอย่างก็เสร็จสิ้น

“เดินไกลสักหน่อยนะ เพราะเราต้องทิ้งรถไว้ที่นี่ เขาจะทำลายมันในวันพรุ่งนี้พอดี” เจคบอกเด็กชายก็พยักหน้ารับ ทุกหลักฐานพวกเขาเผาทิ้งแล้วเรียบร้อย นายอธิป  เลิศผล ตัวละครที่ถูกสร้างขึ้นมาก็หายสาบสูญไปตลอดกาล พวกเขาจะไม่มีทางรู้ว่านายดิวคือใคร จะไม่มีทางรู้ว่าเด็กชายเหรันต์ ราชรัตน์ เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด

เจคพารันต์เดินเท้าร่วมหนึ่งกิโลเมตรจนมาถึงป้ายรถเมย์ เขาพาเด็กชายต่อรถเมย์ถึงสามสายจนกระทั่งถึงหน้าโรงพยาบาล

“ทำตัวปกติ ไม่มีใครรู้ กูจะปกป้องมึงเอง” เจคบอกกับรันต์ก่อนจะแยกทาง เด็กชายพยักหน้าก่อนจะเดินเข้าโรงพยาบาล เมื่อไปถึงห้องที่แม่เขาพักกลับพบเพียงความว่างเปล่า  ไม่มีแม่เขาหรือน้าเฟื่อฟ้า

ใจเหรันต์หล่นไปที่ตาตุ่ม สังหรณ์ไม่ดีกำลังร้องเตือน เด็กชายหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดเครื่องรีบกดโทรหาเฟื่องฟ้าทันที ไม่นานเธอก็รับสาย

(น้องรันต์)

“น้าเฟื่องฟ้าอยู่ไหนครับ แล้วคุณแม่ล่ะครับ” เด็กชายถามอย่างร้อนรน

(น้องรันต์...มาหน้าห้องICUด่วน แพรวาช็อคเมื่อชั่วโมงก่อน คุณหมอกำลังทำการรักษาอยู่) เฟื่องฟ้าพูดเสียงสั่น เธอจะไม่ร้องไห้เพราะมันเป็นลางไม่ดี

โทรศัพท์หล่นจากมือบางไม่รู้ตัว เขาไม่ได้ยินเสียงเฟื่องฟ้าอีกแล้ว  ร่างบางกำมือแน่น

แม่เขาต้องไม่เป็นอะไรสิ คุณแม่เข้มแข็งอยู่แล้ว เด็กชายคิดแล้วรีบสาวเท้าไปที่ห้องห้องICU เมื่อไปถึงก็พบเฟื่องฟ้านั่งรออยู่ก่อนแล้ว ผู้เป็นน้ากอดเขาแน่นราวกับหาที่พึ่ง เขาไม่แม้แต่จะนั่งรอด้วยซ้ำ ยืนมองประตูบานนั้นอย่างใจจดใจจ่อ ในใจภาวนาขอให้แม่เขาปลอดภัย

เวลาผ่านไปอีกสองชั่วโมงแต่เนิ่นนานนับปีในความรู้สึกของเหรันต์ ในที่สุดคุณหมอวัยกลางก็เดินออกจากห้องICU ใบหน้าหนักใจแกมรู้สึกผิดปรากฏฉายชัดออกมา

“ทีมแพทย์ทำอย่างสุดความสามารถแล้วครับ แต่คุณแพรวาช็อคและหัวใจหยุดเต้นไปสามครั้ง ครั้งสุดท้ายเรายื้อไว้ไม่สำเร็จ หมอขอแสดงความสะ...”

“คุณเงียบไปเลย!! ไม่ต้องมาแสดงความเสียใจอะไรทั้งนั้น!...คุณไม่เป็นผม คุณไม่รู้หรอกว่าคำว่าเสียใจยังเทียบไม่ได้สักเสี้ยวของความรู้สึกผม!!! ผมไม่เหลือใครแล้ว ไม่มีใครอยู่กับน้องเลยสักคน!!!”เด็กชายโวยวายเหมือนคนบ้าคลั่ง เขาอาระวาดทำร้ายตัวเองราวกับคนเสียสติ แพทย์และพยาบาลต้องมาช่วยกันจับตัวไว้ จนสุดท้ายคุณหมอต้องฉีดยาคลายเครียดเพื่อให้เด็กชายสงบลง

ที่น่าแปลกกว่านั้นคือ ไม่มีน้ำตาไหลออกจากดวงตากลมโตสักหยดเดียว

ในวันเดียวกันนั้นวิรัชที่รับรู้เรื่องราวทั้งหมดจากเฟื่องฟ้าเขารีบเดินทางมาโรงพยาบาล ตลอดทางน้ำตาเขาไหลออกมาไม่หยุด ทุกอย่างเป็นความผิดของเขาเองที่ดูแลครอบครัวได้ไม่ดีพอ  ถ้าเขาไม่มัวแต่ทำงานทุกอย่างคงไม่เป็นอย่างนี้  เมื่อมาถึงโรงพยาบาลสภาพที่เขาเห็นลูกชายยิ่งทำให้เขาไม่อยากอภัยให้ตัวเอง

สภาพเด็กชายเหรันต์นั่งกอดเข่าเหม่อลอยดวงตาแดงก่ำที่พยายามกลั้นน้ำตานั้น ทำน้ำตาคนเป็นพ่อไหลออกมาด้วยความสงสารและเวทนาลูก  วิรัชเดินไปกอดลูกชายแน่นเขาได้แต่พร่ำขอโทษลูกซ้ำไปซ้ำมา  เดินชายไร้เสียงตอบรับเพียงแค่หันหน้าหนีไปอีกทางแทนคำตอบ...

งานศพแพรวาถูกจัดขึ้นตามศาสนา วิรัชเป็นคนจัดการงานทั้งหมดด้วยตัวเอง หลังเสร็จสิ้นงานศพวิรัชก็ให้คนไปเก็บข้าวของของรันต์และแพรวาจากบ้านหลังเล็ก เด็กชายทำตามที่ทุกคนบอกโดยไม่หือไม่อือ ราวกับตุ๊กตากระเบื้องที่ไร้ชีวิต พร้อมที่จะแตกได้ทุกเมื่อถ้าไม่รักษาไว้ให้ดี

อาการถามคำตอบคำของเด็กชายทำให้วิรัชเป็นห่วงอาการของลูกเป็นอย่างมาก เขาปรึกษาจิตแพทย์เด็กถึงปัญหาเหล่า เมื่อได้รับคำแนะนำเขาจึงตัดสินใจทำบางอย่างที่คิดว่าลูกชายคงจะมีความสุขได้

“รันต์ นี่คิริว ตั้งแต่วันนี้น้องจะมาอยู่ที่นี่เป็นน้องชายของรันต์นะลูก” วิรัชพาเด็กชายตัวเล็กแก้มป่องอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับเหรันต์ คิริวเป็นลูกนอกสมรสของเขากับมินตรา แม้มินตราจะขอร้องแกมอ้อนวอนให้ตนเองและลูกเข้ามาอยู่ในบ้างหลังนี้หลายครั้งแต่เขาก็ปฏิเสธเพราะไม่มีใครสามารถมาแทนภรรยาและลูกของเขาได้ แม้ว่าคิริวจะเกิดจากความไม่ตั้งใจแต่เขาก็มอบความรักในฐานะพ่อให้คิริวเสมอ ผิดกับมินตราที่เขาไม่มีความรู้สึกใดๆให้ทั้งสิ้น

จนสุดท้ายเขาจึงตัดสินใจให้คิริวเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้เพื่อเป็นเพื่อนเล่นให้กับเหรันต์ และเขาจะได้ดูแลทั้งสองคนอย่างเท่าเทียมกัน มินตราไม่มีปัญหาเพราะเขาจ่ายค่าตอบแทนให้อย่างสมน้ำสมเนื้อและเขาอนุญาตให้มาหาลูกได้เพียงอาทิตย์ละครั้ง ใครจะว่าเขาเห็นแก่ตัวก็ช่าง แต่ต่อจากนี้ไปเขาจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อลูกทั้งสองคน

สองเดือนที่คิริวย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านราชรัตน์เขาพยามปรับตัวเข้ากับทุกคน คิริวเป็นเด็กที่สดใส ร่าเริง และช่างพูด ไปไหนก็มีแต่คนรักคนเอ็นดู ผิดกับเด็กชายเหรันต์ที่ชอบเก็บตัว ไม่สุงสิงกับใคร  แม้จิตแพทย์จะยืนยันว่าไม่มีอาการทางจิตแต่ก็ต้องเฝ้าดูอย่างระมัดระวังเพราะเสี่ยงที่จะเป็นโรคซึมเศร้าได้

“พี่รันต์ วันนี้ริวลองทำข้าวผัด ชิมให้ริวหน่อยนะครับ” คิริวคะยั้นคะยอพี่ชาย เด็กชายรันต์นิ่งไปนิดก่อนจะใช้ช้อนตักข้าวผัดเข้าปากแล้ววิจารณ์ออกมาสั้นๆ

“หวานไปหน่อย”

“แหะๆ สงสัยมือหนักไปหน่อย งั้นพรุ่งนี้พี่รันต์ชิมให้ริวอีกนะครับ” เหรันต์พยักหน้าแล้วเดินขึ้นห้องไป เด็กชายคิริวยิ้มกว้าง อย่างน้อยพี่รันต์ก็เริ่มตอบสนองเขาบ้างแล้ว

อยู่มาวันหนึ่งที่เด็กชายคิริวขึ้นไปเคาะประตูห้องพี่ชายแต่เห็นประตูแง้มไว้อยู่ ด้วยความซุกซนของเด็กชายจึงแอบเข้าไปในห้องที่เขาไม่เคยไม่แต่จะได้ย่างกรายเข้ามาก่อน เขาเดินสำรวจทั่วห้องของรันต์จนไปสะดุดกับแหวนวงเกลี้ยงข้างเตียง เด็กชายคิริวหยิบขึ้นมาดูพร้อมกับที่เสียงดังขึ้นจากหน้าห้องน้ำ

“ทำอะไรน่ะ!”ด้วยความตกใจเด็กชายจึงทำแหวนตกจากมือ และด้วยความบังเอิญที่เท้าเขาดันเหยียบเข้ากับแหวนพอดี เหรันต์กัดฟันแน่น ความโกรธพุ่งพรวดขึ้นมา เขาตรงดิ่งไปผลักคิริวอย่างแรง ร่างที่เล็กอยู่แล้วของคิริวจึงปลิวไปตามแรงผลักหัวฟาดเข้ากับขอบเตียงเลือดไหลออกมาเป็นทาง

“เกิดอะไรขึ้น...รันต์ทำอะไรน้อง!” วิรัชที่ได้ยินเสียงเอะอะเลยเดินเข้ามาเจอคิริวหน้าอาบเลือดจึงเผลอตวาดรันต์เสียงดังลั่น เด็กชายนิ่งเมื่อคนเป็นพ่อคิดว่าเขาคือคนร้าย

“ริวไม่ได้เป็นอะไรครับคุณพ่อ พี่รันต์เขาไม่ดะ...” เด็กชายคิริวกำลังจะพูดแก้ตัวแทนพี่ชาย แต่เหรันต์กลับแสยะยิ้มแล้วพูดออกมาเสียงนิ่ง

“แล้วไง?”

“รันต์!พ่อไม่เคยสอนให้ลูกทำตัวหยาบคายแบบนี้”วิรัชกดเสียงเข้ม พยุงคิริวให้ยืนขึ้น

“คุณเคยสอนอะไรผมด้วยหรอ เคยทำหน้าที่พ่อด้วยหรือไง เหอะ!” เด็กชายพูดประชดคนเป็นพ่อออกไป แต่ด้วยคำพูดของลูกที่ไปกระตุ้นต่อมโกรธวิรัชเข้า เขาจึงบันดาลโทสะทำในสิ่งที่ไม่คาดคิดออกไป

เพี๊ยะ!!! เปาะ!

หน้าเหรันต์หันไปตามแรงฝ่ามือพร้อมกับที่น้ำตาเม็ดแรกหยดออกมา เลือดสดๆไหลซึมลงมาตามมุมปาก เด็กชายเงยหน้ามองผู้เป็นพ่อฉีกยิ้มให้พร้อมๆกับน้ำตาที่ไหลรินเป็นทาง

“ไม่เห็นเป็นอย่างที่คุณแม่บอกเลย ไม่มีใคร...รักผมสักคน” เด็กชายก้มเก็บแหวนที่อยู่ปลายเท้าวิรัช เขาไม่สังเกตเห็นมันเลยด้วยซ้ำ ความรู้สึกผิดที่ตีลูกไปถาโถมใส่ร่างจนพูดไม่ออก

“รันต์ พ่อ...”

“วันที่พวกเราต้องการพ่อ คุณไปอยู่ที่ไหน...วันที่แม่เจ็บที่สุดคุณเคยรู้บ้างไหม...วันที่ผมกลัวคุณได้อยู่ข้างๆรึเปล่า ไม่มี...ไม่เลย ผมต้องรู้สึกยังไง ทนทุกข์ทรมานขนาดไหน เข้าใจผมบ้างหรือเปล่า” ไร้เสียงสะอื้นมีเพียงน้ำตาที่ไหลรินอย่างไม่อาจกลั้น เด็กชายยิ้มให้บิดาเป็นครั้งสุดท้าย เขาไม่เหลืออะไรแล้วจริงๆ แม้เพียงที่พักพิงแหล่งสุดท้ายยังทำร้ายเขาได้เลย เหรันต์หมุนตัวเดินออกจากห้อง  ลงไปข้างล่างจุดหมายเขาคือการออกไปให้พ้นจากบ้านหลังนี้

“ตายแล้ว! ใครทำอะไรคุณน้องคะ” นมใจที่เห็นใบหน้าของคุณหนูของบ้านถึงกับร้องออกมาด้วยความตกใจ เด็กชายยิ้มแล้วส่ายหน้าเช็ดน้ำตาลวกๆแล้วสวมกอดแม่อีกคนหนึ่งของเขา

“คุณนมรักษาสุขภาพด้วยนะครับ น้องจะคิดถึงคุณนมเสมอนะครับ” เด็กชายเอ่ยพร้อมยิ้มให้บางๆ

“ไม่เอาค่ะ คุณน้องจะไปไหน นมไม่ให้ไป ฮืออออ”นมใจร้องไห้ เธอกำลังจะเสียเด็กคนนี้ไปเป็นครั้งที่สอง

“น้อง ฮึก ไม่รู้ แต่น้องจะไป” เด็กชายแข็งใจแกะมือนมใจออก หันหลังให้กลับบ้านหลังใหญ่

“หยุดเดี๋ยวนี้นะรันต์ อย่าแม้จะก้าวขาออกไปแม้แต่ก้าวเดียว” วิรัชที่ตามลูกลงมารีบห้ามแกมขู่ แต่สิ่งที่เด็กชายทำคือการก้าวเดินต่อไปอย่างมั่นคงไม่หันกลับไปมองหน้าผู้เป็นพ่อเลยสักนิด

“ถ้าแกกล้าก้าวขาออกจากบ้านหลังนี้เมื่อไหร่ แกไม่ต้องกลับมาเหยียบที่นี่อีก”

“คุณท่าน!/คุณพ่อ!” เสียงอุทานด้วยความตกใจของนมใจและคิริวดังขึ้นพร้อมกัน เด็กชายเพียงหยุดก้าวชะงัก เขาหันกับมามองผู้ให้กำเนิดเป็นครั้งสุดท้าย ตากลมคลอไปด้วยหยาดน้ำตา ก่อนจะพูดประโยคสุดท้ายที่วิรัชจำได้ไม่เคยลืม

“ได้ครับ ตามที่คุณพ่อต้องการ” เด็กชายเดินออกจากบ้านด้วยหัวใจที่บอบช้ำ เขาไม่ได้ทำเพื่อประชดใคร แต่ว่าเขา...เสียใจจนแทบไม่อยากหายใจอีกต่อไป...

++++++++++++++++++
แฮ่! มาสาย เมื่อวานไม่ใช่ความผิดเปรมนะ ฝนตกwifiหลุดจ้า แต่วันนี้ไม่ว่างจีๆเลยมาซะดึก  ตอนนี้น่าจะเป็นตอนที่เขียนยากที่สุดในเรื่องแล้วล่ะ ออกตัวก่อนว่าเป็นคนไม่มีความรู้ทางด้านใดทั้งนั้นแทบจะโง่สุดในห้อง(แงๆ) ถ้าผิดพลาดคลาดเคลื่อนใดๆก็ขออภัยด้วยนะคะ ติมาได้เลยเปรมจะได้ปรับแก้ :z2:
เขียนไปก็สงสารน้องรันต์นะ จะมีเด็กสักกี่คนที่เข้มแข็งได้อย่างนาง เปรมล่ะคนหนึ่งที่ไม่ใช่ เพราะงั้นฝากเป็นกำลังใจให้นางด้วยนะ จุ๊ฟฟฟฟ :กอด1:

หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 26♡[31/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 31-05-2017 22:39:05
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 26♡[31/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 31-05-2017 23:11:25
 o13
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 26♡[31/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 31-05-2017 23:23:03
หายใจไม่ออก
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 26♡[31/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 31-05-2017 23:27:02
โอ้ยยยยย สงสารน้อง :katai1: อีพ่อคะ หล่อนจะมารู้สำนึกช้าไปละ ลำคาน
พี่ทศโอ๋น้องด่วน
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 26♡[31/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 31-05-2017 23:33:09
คุณวิรัช แปลกๆนะ แต่งงานกับแม่รันต์
แต่มีลูกนอกสมรส อายุไล่ๆกับรันต์ ยังไงกัน
แสดงว่านอกใจแม่รันต์ ก่อนหรือหลังแต่งงานกันนะ

โทษตัวเองว่าเอาแต่ทำงาน ไม่มีเวลาดูแลลูกเมีย
หรือว่าเอาแต่ทำงาน แล้วไปอยู่กับเมียน้อย

ตอนคิริวหัวแตก แทนที่จะฟังเหตุผล ชิงทำร้ายรันต์ซะก่อน
ลูกเดินออกจากบ้าน แทนที่จะขอโทษลูก ก็ขู่ซะอีก
ถ้าออกไปจากบ้าน  ก็ไม่ต้องกลับมาเหยียบอีก  :katai1: :katai1: :katai1:

น่าสงสารรันต์  :mew2: :mew2: :mew2:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 26♡[31/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Dangdang ที่ 01-06-2017 04:36:21
เก่งมากน้องรันต์สู้ๆ :mc4: :mc4: :mc4:
รอวันเอาคืนทศกัณฐ์ :beat: :beat: :beat:
จะได้รู้ซะบ้าง ว่าไผเป็นไผ.......
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 26♡[31/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 01-06-2017 06:40:23
เหอ ๆ เหตุผลคุณพ่อมันช่างน่า ...
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 26♡[31/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: jaokhwan ที่ 01-06-2017 06:53:53
 :o12: :o12: :o12:
 :mew2: :mew2: :mew2: สงสารน้องรันนนน ฮรืออออ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 26♡[31/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 01-06-2017 06:54:37
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 26♡[31/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 01-06-2017 10:55:03
 o13 o13
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 26♡[31/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 01-06-2017 11:28:59
พ่อรันต์นี่รักลูกแน่หรอ สงสารรันต์มากๆ ทั้งๆที่ยอมเสี่ยงไปทำเรื่องอันตรายแต่สุดท้ายแม่ก็จากไป
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 26♡[31/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: maxtorpis ที่ 01-06-2017 15:16:25
หนุกสุดยอดอ่ะ ชอบสุดๆ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 26♡[31/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Fonz_Juz19 ที่ 01-06-2017 15:42:08
น้องรันต์  น่าสงสาร  :o12: :sad4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 26♡[31/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Laliat ที่ 01-06-2017 19:52:18
 :hao5:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 26♡[31/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 01-06-2017 20:05:12
 :hao5:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 26♡[31/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 02-06-2017 00:36:33
น้องรันนนนนต์ ทำไมน่าสงสารขนาดนี้
ฮือออออ อยากจะดึงน้องมากอดแน่นๆ
ไม่แปลกอะที่น้องจะโกรธพ่อขนาดนั้น
ดูที่ตัวเองทำสิ ความผิดเดิมยังชดเชยไม่ทันหมด
ดูแลกเนังทำได้ไม่เต็มที่ ยังจะเอาอารมณ์มาเป็นใหญ่อีก
พ่อนี่ได้เรียนรู้อะไรจากความผิดพลาดที่ผ่านมาบ้างมั้ย
สงสารน้องรันต์มากกก
ส่วนพี่ทศนะคะที่หายไปนั่นคือกลับอังกฤษไปแล้วแน่ๆ
เจคนี่ก้ไม่แปลกใจอะที่จะห่วงน้อง คอนช่วยน้องขนาดนี้
ไม่แปลกใจด้วยที่น้องจะห่วงและรักขนาดนี้
ทั้งเป็นคนคอยปลอบ เป็นที่พึ่ง เป็นเพื่อน เป็นพี่ ในวันที่แย่ที่สุดอะ
รอค่าาา สนุกมากก ชอบบ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 26♡[31/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 02-06-2017 17:10:19
สงสารรันต์
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 26♡[31/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 02-06-2017 20:53:06
 :o12: :o12: :sad4: :sad4:
สงสารน้องรันต์
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 26♡[31/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 03-06-2017 15:32:27
น้องรันต์เก่งมาก ใช้ชีวิตมาได้ขนาดนี้ พี่ทศต้องรักน้องให้มากๆนะ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 26♡[31/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 03-06-2017 20:52:38
 :hao3:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 26♡[31/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 04-06-2017 08:19:56
น้องรันต์ผ่านอะไรมาเยอะจริงๆ ถึงเก่งยังไงแต่ก็ยังเด็กอยู่นะ เสียแม่ที่รักมากแล้วพ่อยังไม่เข้าใจอีก เหมือนไม่เหลือใครเลย :monkeysad: :กอด1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 27♡++50%++[4/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 04-06-2017 21:10:49
ใจยักษ์ 27


เฮือก!! แฮ่ก! แฮ่ก!...

ผมสะดุ้งตื่นกลางดึกพร้อมอาการเหนื่อยหอบ เหงื่อผุดขึ้นเป็นเม็ดๆตามใบหน้าและลำตัว มือข้างหนึ่งขยุ้มหน้าอกข้างซ้ายตัวเองหัวใจที่เต้นเร็วรัวราวกับจะหลุดออกมา

ผมฝัน...ฝันเห็นเรื่องราวของตัวเองในอดีต ตั้งแต่เดินออกจากบ้านหลังนั้น เวลาก็ผ่านมาเกือบ5ปี แล้ว ผมกลับไปอยู่บ้านหลังที่เคยอยู่กับแม่ เมฆที่รู้ว่าผมออกจากบ้านก็ตามหาผมจนเจอ เขาไม่ได้พูดอะไรแค่กอดผมแล้วร้องไห้บอกกับผมว่าจะคอยอยู่เคียงข้างเอง ผมไม่ได้หนีไปซ่อนตัวที่ไหน แค่อยู่ในที่ที่อยู่แล้วสบายใจ ไม่นานหลังจากนั้นผมได้รับการติดต่อจากโรงเรียนประจำชายล้วนชื่อดังแห่งหนึ่งในการมอบทุนเปล่าให้กับผม มารู้ทีหลังว่าเมฆส่งรายชื่อผมไป จึงตอบรับแบบงงๆ เมฆลงทุนซิ่วมาเรียนเป็นเพื่อนผม แล้วเราก็ตัวติดกันตั้งแต่นั้น ผมตัดขาดทุกคนไม่เว้นแม้กระทั่งเจคใช้ชีวิตอยู่แค่ในโรงเรียนจนจบชั้นมัธยมปลาย

เจคติดต่อผมได้ก่อนที่ผมจะขึ้นปีหนึ่ง เขาบอกข่าวร้ายที่ผมไม่อยากจะได้ยินว่าบอสเขาเสียชีวิตในช่วงสามเดือนแรกหลังจากที่เราได้ข้อมูลมา หลักฐานเรื่องนายหริรักษ์โดนทำลายจนเกลี้ยงแต่โชคดีที่เจคเป็นคนรอบคอบ เขาก็อบปี้ข้อมูลทั้งหมดไว้อีกชุด จึงโดนตามล่าตัวหัวซุกหัวซุนตลอดสามปี เขาปิดบังไม่ยอมบอกผมเพราะไม่อยากดึงผมไม่เกี่ยวด้วยอีก แต่ผมปล่อยให้เขาไปตายคนเดียวไม่ได้ อย่างน้อยเราก็ลงเรือลำเดียวกันแล้ว เพราะฉะนั้นก็ต้องร่วมกันรับผิดชอบ ที่เขาติดต่อมาหาเพราะนายหริรักษ์เริ่มแกะรอยผมได้ทีละนิดๆแล้ว เขาจึงอยากให้ระวังตัว ผมขอให้เจคแบ่งข้อมูลเป็นสี่ส่วน เก็บไว้คนละสอง เขาไม่อยากทำแต่ผมขู่เขาว่าถ้าไม่ยอมทำตามที่บอกผมจะเดินไปรับผิดกับนายหริรักษ์คนเดียว เจคจึงจำใจต้องทำตามแผนผมพร้อมบ่นว่าผมเลือดเย็นขึ้นเยอะ ผมไม่รู้ว่าคนอื่นมองผมเป็นยังไงแต่ผมรู้สึกว่าตัวเองแข็งแกร่งขึ้นแต่ก่อน

ส่วนเรื่องฝังชิพไว้ที่ขา ช่วงนั้นผมเกิดอุบัติเหตุโดนรถเฉี่ยวตกท่อระบายน้ำ กระดูกขวาล่างหักหนึ่งท่อน บริเวณที่ดามเหล็กไว้อยู่ใกล้กับหัวเข่าข้างขวา ระยะเวลาถอดเหล็กออกหนึ่งปี แต่ตอนนี้จะครบสองปีแล้วผมก็ยังไม่ได้ถอดออกเลย  เพราะผมเอาชิพฝังไว้ในเหล็กที่ดามจนกว่าจะหาทางทำให้นายหริรักษ์เข้าคุกได้ผมจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ผมให้เจคทำให้พร้อมหาหมอที่ไว้ใจมาผ่าตัด ตอนนั้นคิดว่าเอาไว้ที่นี่ปลอดภัยที่สุด ต่อให้โดนจับได้เขาก็จะไม่กล้าฆ่าผม เพราะเขาต้องการข้อมูลนี้มาก  เพราะถ้าข้อมูลมันหลุดออกไปลูกค้าตัวเป้งๆตามฆ่าหริรักษ์แน่นอน แต่ผมก็ปล่อยให้หลุดไปไม่ได้เหมือนกันเพราะไม่อย่างนั้นจะเป็นผมเองที่ถูกฆ่าตาย

ตอนแรกผมก็ไม่คิดจะดิ้นรน  แต่เพราะผมไปเจอบางอย่างเข้าจากบ้านหลังเล็กที่เคยอยู่กับแม่ มันทำให้ผมอยากอยู่ต่ออีกนิด อยากเจอกับเขา อยากถามเขาว่าสบายดีไหม มีแฟน มีความสุขแล้วหรือยัง...ถึงตอนนั้นต่อให้ต้องตายก็ไม่เป็นไร

เรื่องราวทั้งหมดทำให้ผมคิดบางอย่างขึ้นมาได้

การไม่รู้สึก เท่ากับไม่อ่อนแอ...ผมพยายามเลิกสนใจคนอื่น เพื่อนไม่จำเป็นสำหรับผม ใครทำร้ายผมๆจะเอาคืนอย่างเจ็บแสบให้เขารู้ว่าโลกนี้เลวร้ายกว่าที่เขาเคยเจอ การเป็นคนดีมันเจ็บปวด...ผมเหนื่อยกับความเจ็บปวดมากพอแล้ว

ผมเป็นคนใหม่ใส่หน้ากากรอยยิ้มให้กับทุกคน ทั้งที่ในใจผมไร้ความรู้สึก ยิ่งนานวันไปหัวใจยิ่งด้านชาขึ้นเรื่อยๆ...ผมไม่เชื่อในความรักอีกต่อไป

แต่ว่าตอนนี้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวผม ผมเผลอยิ้มโดยไม่ได้ตั้งใจ พูดคุยกับคนอื่นมากขึ้น  บางช่วงเวลาก็รู้สึกว่ามีความสุขขึ้นมา

มันเริ่มจากตอนไหนนะ...ผมไม่รู้ตัวเลย จบเรื่องหริรักษ์คงต้องรีบถอยออกมาเสียที

“อ๊ะ!ยักษ์หรอ” ผมสะดุ้งเมื่อมีแรงสวมกอดจากด้านหลัง ลืมไปสนิทว่าตอนนี้อยู่บนเตียงเดียวกับเขา

“ครับ ฝันร้ายหรอ ตัวสั่นเชียว” เสียงทศกัณฐ์งัวเงีย ศีรษะพิงซบกับไหล่ผมเพราะความง่วง วงแขนกอดกระชับขึ้น

“นิดหน่อย ขอโทษที่ทำให้ตื่น” ผมไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองตัวสั่นมากแค่ไหน พอจับมือตัวเองถึงได้รู้ว่ามันสั่นอย่างที่เขาบอกจริงๆ

“ไม่เป็นไร นอนต่อเถอะพึ่งจะตีสี่เอง” ทศกัณฐ์บอกแล้วดึงผมให้ล้มลงไปนอนด้วยกัน เขาไม่ได้กอดผมแล้วต่างคนต่างนอนเป็นเรื่องปกติ วันไหนเขาอยากกอดก็กอด ไม่อยากกอดก็ไม่กอดแล้วแต่อารมณ์ แต่ตอนนี้ผมกลับไม่สามารถข่มตาให้หลับได้

“พี่ทศ...ทศกัณฐ์ หลับหรือยัง?” ผมส่งเสียงท่ามกลางความมืด

“หลับแล้ว” แล้วหมาที่ไหนมันตอบกูวะ

“นี่...ช่วยอะไรหน่อยได้ไหม?”

“ว่า”

“ช่วยกอดรันต์ที...ได้ไหม?” ผมตัดสินใจเอ่ยปากขอเอง

“หือ?...กอดแบบไหน?” เขาถามอย่างไม่แน่ใจ

“แบบไหนก็เรื่องของพี่ดิ”เสียงผมสะบัดนิดๆ ทำไมต้องถามให้มากความด้วยก็ไม่รู้

“หึๆ พูดเองนะ”

“เออ อื้อ...”ทศกัณฐ์พลิกตัวขึ้นคร่อมข้างบนพร้อมประกอบจูบลงมา ผมหลับตาตอบรับสัมผัสจากเขา ริมฝีปากร้อนจูบซับไปตามร่างกายผมทุกส่วน ทศกัณฐ์กอดผมในแบบของเขาไร้ซึ่งคำถามและคำปลอบโยน ผมปล่อยร่างกายและจิตใจให้เป็นไปอย่างธรรมชาติ เผลอหลุดครางหลายต่อหลายครั้ง ถ้าความเจ็บปวดที่ทศกัณฐ์มอบให้สามารถทำให้ผมลืมความเจ็บปวดในอดีตได้บ้าง แค่ช่วงเวลาหนึ่ง แค่นั้นก็ยังดี...

จนกระทั่งช่วงสายที่เขากอดผมเป็นรอบสุดท้ายจนอิ่มหนำใจ แต่ก่อนที่ผมจะหมดสติจำได้ว่าเขารีบพาผมไปเข้าห้องน้ำ ทำความสะอาดร่างกายให้พร้อมกับควักหยาดน้ำที่อัดแน่นอยู่ภายในช่องทางออกให้จนหมด เขาคงเก็บหลักฐานเพราะกลัวผมจะตื่นขึ้นมาด่าล่ะมั้ง

ก็นะ...ครั้งนี้จะทำเป็นมองไม่เห็นก็แล้วกัน

+++++++++++++++++++++++

“ไงมึง หลับหรือซ้อมตาย” เสียงพี่สมิธลอยมากระทบโสตประสาททันทีที่เหยียบชั้นล่าง เป็นฝรั่งที่ช่างสรรหาคำมาพูดจริงๆ

“ถ้าตายจะมาหลอกพี่เป็นคนแรก” ผมบอกพร้อมทรุดนั่งลงข้างๆเขา กดรีโมทเปลี่ยนช่องอย่างถือวิสาสะ โดนตบหัวไม่แรงมากจากคนที่นั่งข้างๆ

“ผีจริงไม่กลัว...กลัวจะเป็นผีผ้าห่ม กร๊ากกก”ไปอารมณ์ดีมาจากไหนวะ

“สูบชาป่ะเนี่ย”

“ชาพ่อง ไปทำอะไรให้แดกดิ๊ หิว” พี่สมิธผลักหัวผมเบาๆ ผมเบ้ปากให้แล้วลุกขึ้นไปหาอะไรง่ายๆให้เขาทานรองท้อง ตอนนี้พึ่งจะห้าโมงเย็น สักค่ำๆค่อยทำอาหารดีกว่า ผมทอดไส้กรอกค็อกเทลจานใหญ่ให้พี่สมิธ กินเสร็จก็เคลิ้มหลับไป

“ฮื่อออ ปล่อย” ผมสะบัดตัวหนีจากคนที่ย่องมาล็อคคอจากด้านหลัง เขาหัวเราะในลำคอก่อนจะปล่อยแขนออกแล้วกระโดดข้ามมานั่งที่โซฟาด้วยกัน กลายเป็นตอนนี้โซฟาตัวยาวมีผู้ชายตัวโตๆสามคนนั่งเบียดกันอยู่

“ตื่นตอนไหน?”เขาถามพร้อมกวาดสายตาสำรวจชุดผม ผมยังอยู่ในชุดนอนที่เขาใส่ให้

“ห้าโมงครับ” ผมบอกพร้อมเหยียดขาออก ช่วงนี้อากาศเริ่มหนาวขึ้นขาข้างที่ดามเหล็กก็ปวดขึ้นนิดๆ

“กินข้าวหรือยัง?” ทศกัณฐ์เสยผมที่ปรกหน้าไปด้านหลังให้ ผมส่ายหน้าบอกเขา มาทำดีด้วยรู้สึกแปลกๆว่ะ

“ไปไหนมา?” ผมถามเขาคืนบ้าง มือก็นวดขาข้างที่ปวดขึ้นมา ทศกัณฐ์กลับยกขาข้างที่ผมนวดอยู่พาดตักตัวเองคลึงให้เบาๆแล้วตอบ

“ไปทำธุระให้เด็ก”

“หรอ” ไม่รู้จะพูดอะไรต่อเลยครับ เล่นจ้องกันขนาดนี้ไม่กินหัวผมเลยล่ะ

“ครับ” ทศกัณฐ์โน้มหน้าเข้ามาใกล้ ผมก็เอนตัวหนีไปข้างหลัง รู้แหละว่าเขาจะทำอะไร แต่มันใช่เวลาไหมเนี่ย พี่สมิธก็นอนอยู่ข้างๆ

“อย่า...เดี๋ยวพี่สมิธตื่น”ผมใช้เท้าอีกข้างดันหน้าอกเขาไว้ โอเคผมรู้มันหยาบคาย แต่เพราะมือผมก็ต้องค้ำโซฟาไว้ไม่ให้เอนไปโดนตัวพี่สมิธไง แทนที่ทศกัณฐ์จะโกรธเขากลับจับเท้าผมออกจากอกแล้วทำสิ่งที่ผมตกใจแทน

จุ๊บ!

“ยักษ์! มันสกปรก”ผมเอ็ดเขาเสียงดุ จะไม่ให้ว่าได้ไงล่ะครับ ในเมื่อเขาจูบเข้าที่ข้อเท้าผมน่ะสิ

“ไม่เห็นเป็นไร ได้เห็นคนเขินก็คุ้มแล้ว” มีการยื่นมือมาหยิกแก้มผมอีก

“ใครเขินว่ะ”ปฏิเสธเสียงแข็ง ไม่มีทางหรอกที่ผมจะเขิน ผมปัดมือเขาออกแล้วกระโจนเข้าไปหาเขาหมายจะหยิกคืน มารู้ตัวอีกทีก็เสียท่ายักษ์เจ้าเล่ห์ซะแล้ว เขาใช้สองเท้าเกี่ยวเอวผมไว้แล้วใช้มือดันท้ายทอยให้ก้มลงไปประทับจูบกับริมฝีปากเขา

“อื้อออ” ผมทุบหน้าอกเขาดังปั่ก ทศกัณฐ์ก็ยังไม่ยอมปล่อยให้ริมฝีปากผมเป็นอิสระ ยังคงตะโบมจูบเอาๆเหมือนอดอยากปากแห้งมานานทั้งๆที่เพิ่งจะทำไปแท้ๆ

“อ่ะแฮ่มๆ เกรงใจกูนิสสสสนึง อย่างน้อยก็ปลุกกูไปนอนในห้องก็ได้แล้วค่อยทำต่อ” เสียงพี่สมิธทำให้ทศกัณฐ์เผลอผ่อนแรง ผมจึงดันเขาออกแล้วกระโดดออกจากเขาอย่างรวดเร็ว

“บ้านกู จะทำตรงไหนก็ได้” ทศกัณฐ์เถียงพี่สมิธหน้าบึ้งๆ

“เอ้า กูเป็นแขกไอ้สัส”

“มึงเป็นฝรั่งไอ้เหี้ย” อีกคนก็ไม่ยอมแพ้

เอิ่ม...เหมือนดูเด็กอนุบาลทะเลาะกันยังไงไม่รู้ครับ ไปๆมาๆก็ลามไปเถียงกันเรื่องอื่น

“จะเถียงกันให้มันได้อะไรขึ้นมาครับ” ผมแทรกสงครามน้ำลายทั้งสองคน

“ก็มันปากเสีย/ผัวมึงแหละผิด” ขนาดแก้ตัวก็ยังพูดพร้อมกัน เชื่อแล้วล่ะว่าเป็นเพื่อนกันจริงๆ

“มันก็พอกันทั้งคู่นั่นแหละ”ผมส่ายหน้าให้พวกเขาแล้วหนีขึ้นมาอาบน้ำบนชั้นสอง จริงๆก็ไม่อยากยืนอยู่ตรงนั้นต่อเท่าไหร่ ก็ดันทำประเจิดประเจ้อให้พี่สมิธเห็นคาตาขนาดนั้น น่าอายจริงๆ เพราะเขาคนเดียวเลย

หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ผมก็เดินลงมาชั้นล่างกะจะทำอาหารกินสักหน่อย วันนี้ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องผมเลย ยังไม่ทันจะเหยียบพื้นพี่สมิธก็ยื่นลิสต์รายการอาหารที่ตัวเองอยากกินมาให้ซะยาวเหยียด ดูๆไปแล้วก็มีเมนูของทศกัณฐ์ด้วยเนียนเลย

ผมเคยบอกไปแล้วนี่ครับว่าจะไม่ทำอาหารให้เขากินอีก  แต่ว่าตอนนี้ทศกัณฐ์ก็ทำหลายอย่างเพื่อผมอยู่เพราะฉะนั้นการทำอาหารตอบแทนเล็กๆน้อยๆก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร

ผมไม่ได้ทำอาหารที่พวกเขาอยากกินทั้งหมด เลือกทำแค่เฉพาะที่มีวัตถุดิบ อีกทั้งถ้าทำเยอะเกินมีแค่สามคนคงทานไม่หมด ผมทำฉู่ฉี่ปลาทับทิม ปลาหมึกผัดไข่เค็ม ผัดคะน้าน้ำมันหอย กุ้งคั่วเกลือ และข้าวสวยอีกหนึ่งหม้อ ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงอาหารเต็มโต๊ะหมดเกลี้ยง ผมกินน้อยสุดคือข้าวจานเดียว(เน้นกับข้าว) ทศกัณฐ์เพิ่มข้าวสองจาน แต่เหนือทศกัณฐ์ยังมีพี่สมิธ รายนั้นฟาดไปเยอะมาก จนข้าวหมดหม้อ ยอมเลยครับ

หลังทานอาหารค่ำเสร็จ พี่สมิธก็ชวนเปิดหนังดูที่ห้องนั่งเล่น ด้วยทีวีเจ็ดสิบนิ้วก็พอถูไถแทนโรงหนังได้ ผมก็โอเค เบื่อๆยังไม่อยากนอน แต่มันก็เกิดปัญหาอีกแล้วครับเมื่อพี่สมิธอยากดูหนังผีแต่ทศกัณฐ์อยากดูการ์ตูนเด็กผู้หญิง ซึ่งผมว่าแม่งไม่เข้าท่าทั้งคู่

“ถ้าอย่างนั้นมาออกเสียงกัน เรื่องไหนคะแนนมากกว่าดูเรื่องนั้น” พี่สมิธเสนอความเห็น ผมว่าวิธีนี้ก็ดีเหมือนกัน

“ได้...กูให้คะแนนบาร์บี๋” ทศกัณฐ์ลงคะแนนคนแรก

“กูให้คะแนนคอนจูหริ่ง” พี่สมิธลงบ้าง แล้วทั้งสองก็หันมามองหน้าผมโดยอัตโนมัติ

“มึงล่ะรันต์ จะเลือกดูเรื่องอะไร” พี่สมิธถามด้วยน้ำเสียงเข้มๆ จำเป็นต้องจริงจังขนาดนี้ไหมเนี่ย

“ไม่เลือกได้ไหม”

“ไม่ได้/ไม่” โอเค เลือกก็เลือก

“ผมเลือก....คอนจูหริ่งแล้วกัน” พี่สมิธกระโดดโล้ดเต้นดีใจ ไม่วายหันไปเต้นเยาะเย้ยทศกัณฐ์อีก เลยโดนเพื่อนสนิทถีบเข้าให้เลยไง ทศกัณฐ์หน้าบูดไปพักใหญ่เลย จะให้ดูการ์ตูนผู้หญิงมันก็ไม่ไหวจริงๆครับ ไม่ได้มีเจตนาจะแกล้งเขาหรอก

ตำแหน่งในการนั่งดูหนังก็ช่างคุ้นเหลือเกิน เหมือนเมื่อตอนเย็นเป๊ะเลย ดูๆไปสักพักพี่สมิธก้เริ่มยกหมอนอิงมาปิดหน้า พอไปกลางๆเรื่องเท่านั้นแหละ แทบจะกระโดดมานั่งตักผมเลย นี่ยังดีที่ทศกัณฐ์เอาเท้ายันไว้ให้ ป่วนจริงๆคู่นี้

“มึงถอยออกไปห่างๆรันต์ดิ” ทศกัณฐ์ผลักหัวพี่สมิธออกจากไหล่ผม มือพี่สมิธก็กอดแขนผมแน่นจนเลือดไม่เดินแล้วครับ

“ก็กูกลัว กูต้องการที่พึ่ง” พี่สมิธหลับหูหลับตาเถียง มันไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นหรอก แค่ซาวด์ ประกอบมันทำให้ผีดูน่ากลัวขึ้นแค่นั้นแหละ

“กลัวแล้วดูหาป้ามึงหรอ กูบอกว่าดูบาร์บี๋แต่แรกก็ไม่เชื่อ”

“กลัวแต่กูอยากดูนิ” ยังเถียงๆ

“กลัวแล้วมึงจะกอดมันทำเหี้ยอะไร มึงปล่อยก่อนจะโดนตีนกูอีกรอบ” คงอารมณ์เสียยิงยาวตั้งแต่ไม่ได้ดูบาร์บี๋แล้ว

“กูไม่ปล่อย! ไอ้รันต์มันน้องกู” มีการยักคิ้วท้าทายอีก ผมล่ะเหนื่อยใจจริงๆ เดี๋ยวก็ตีกันอีก

“น้องมึงแต่เมียกูไหม” พูดจบก็รั้งท้ายทอยผมเข้าไปประกบจูบกับตัวเองทันที

คือ...มึงเล่นบ้าอะไรครับ ไอ้ยักษ์เชรี่ยยยยยยยยย!!!

++++++++++++++++++++

***หมายเหตุ แก้ไขเนื้อเรื่องที่เปรมบอกว่ารันต์มีเหล็กดามที่เข่าเปลี่ยนเป็นที่กระดูกหน้าแข้งแทนนะคะ

มาได้ครึ่งเดียว ฝืนไม่ไหวภูมิแพ้กำเริบ ขอไปพักก่อน ครึ่งหลังจะตามมาในวันสองวันนี้  ตอนนี้มาแบบน่ารักชิลๆตามสไตล์นิยายโรแมนติค ฮ่าาาา :mew1:
ป.ล.ขอบคุณทุกเป็ดและทุกกำลังใจค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 27♡++50%++[4/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 04-06-2017 21:43:15
ลุ้นรันต์มาก คือน้องรันต์ไปเล่นกับตัวร้ายสินะ
รอตอนต่อไป ดีใจอัพบ่อยขึ้น ฮึก
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 27♡++50%++[4/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 04-06-2017 22:16:40
ดีใจมาอัพ :heaven
รออีกครึ่ง
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 27♡++50%++[4/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 04-06-2017 22:33:47
 :katai1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 27♡++50%++[4/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 04-06-2017 23:15:57
เด็กอนุบาล ทศกัณฐ์ สมิธ
เลือกดูหนังเข้ากับหนังหน้าโหดๆมากกกกกกก

รันต์ เปิดร้านอาหารได้แล้ว
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 27♡++50%++[4/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 04-06-2017 23:53:22
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 27♡++50%++[4/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 05-06-2017 00:42:49
ดูแลตัวเองด้วยนะคะะ
พี่ทศหยอดได้เป็นหยอด  :katai3:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 27♡++50%++[4/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 05-06-2017 01:08:19
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 27♡++50%++[4/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 05-06-2017 02:07:56
เป็นห่วงรันต์มากเลย :sad4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 27♡++50%++[4/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 05-06-2017 03:36:21
เด็กเล่นกัน
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 27♡++50%++[4/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Shonteen ที่ 05-06-2017 08:08:06
มีความแฟนตาซี มีความทิวเลอร์ มีความดราม่า มีความมุ้งมิ้ง ชอบคะ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 27♡++50%++[4/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 05-06-2017 09:30:37
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 27♡++50%++[4/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 05-06-2017 10:34:40
ตอนนี้ยักษ์น่ารักมาก ดูเอ็นดูน้อง  :mew1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 27♡++50%++[4/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 05-06-2017 12:29:01
ตอนนี้ยักษ์น่ารัก กับเพื่อนก็ยังหวงน้องได้
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 27♡++50%++[4/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 05-06-2017 17:06:11
เอะอะจูบ เอะอะจูบ ตลอดเลยพี่ยักษ์ :z1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 27♡++50%++[4/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: monalism ที่ 05-06-2017 20:45:38
พี่สมิทคือทนทานมาก เอาตัวเองไปเป็นส่วนเกินเขา 555555555555
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 27♡++100%++[5/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 05-06-2017 23:14:46
ใจยักษ์ 27 [ต่อ]

“น้องมึงแต่เมียกูไหม” ทศกัณฐ์รั้งใบหน้าผมเข้าไปจูบแผ่วเบาแล้วปล่อยเป็นอิสระ

เพี๊ยะ! พอเขาปล่อยมือผมก็ฟาดแรงๆไปที่ต้นแขนเขาทันที

“โอ๊ย!” ทศกัณฐ์ร้องเสียงหลงลูบแขนล่ำๆตัวเองป้อยๆราวกับว่าเจ็บมากอย่างนั้น แอคติ้งเว่อร์ๆนั่นยิ่งทำผมหมั่นไส้อยากฟาดเขาอีกสักรอบ

“สม!”พี่สมิธแลบลิ้นเยาะเย้ยทศกัณฐ์ แปลกที่เขาไม่ล้อเลียนผมเหมือนแต่ก่อนเมื่อตอนเย็นนั่นก็เหมือนกัน ทำราวกับเป็นเรื่องธรรมชาติที่เขาเห็นจนชาชิน

“เดี๋ยวมึงได้กระเด็นออกจากห้องกูไอ้สมิธ” ทศกัณฐ์ชี้หน้าพี่สมิธ ตอนนี้ไม่มีใครสนใจผีที่โผล่มาแล้วครับ

“กูไม่ไป มึงจะทำไม?” พี่สมิธท้าทายด้วยใบหน้าที่เหนือกว่า

“สัส!”สั้นๆคำเดียวเป็นการจบบทสนทนาจากทศกัณฐ์ ดูๆไปแล้วเขาก็ค่อนข้างตามใจพี่สมิธเหมือนกัน

“พวกพี่สองคนเป็นแฟนกันรึเปล่าครับ” ผมถามในสิ่งที่ใจคิดออกไป

“เหี้ย!!!/อ้วก!!!” เสียงอุทานตกใจของชายฉกรรจ์ทั้งสองดังขึ้นพร้อมกัน พี่สมิธทำท่าโก่งคออ้วกซะผมเชื่อเลย

“ขอร้อง ได้โปรดเอาความคิดเหี้ยๆนี่ออกจากหัวมึงด้วย กูยังไม่อยากอ้วกข้าวที่พึ่งกินไป ขนลุกว่ะ”พี่สมิธลูบแขนตัวเองแหยงๆ

“พี่ยอมตายอีกสิบชาติดีกว่าต้องเป็นแฟนมัน” ทศกัณฐ์ก็ทำหน้ายี้ๆจนผมหลุดหัวเราะออกมาจากการแสดงออกของพวกเขา

“ก็แค่ถามดู ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ดิ” ผมยักไหล่แล้วตั้งใจดูหนังไม่สนใจเสียงง็องแง็งของพวกเขาอีก

ตกดึกพี่สมิธไม่ยอมนอนคนเดียวเพราะกลัวผีจนขึ้นสมอง จะให้ผมนอนเป็นเพื่อนทศกัณฐ์ก็ไม่ยอม ผมจะนอนคนเดียวแล้วให้พวกเขานอนด้วยกันก็ไม่ยอมอีก เถียงกันตั้งนานกว่าจะตกลงกันได้ สรุปคือนอนในห้องทศกัณฐ์กันทั้งสามคน และทศกัณฐ์เป็นคนนอนคั่นกลาง ผมไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ก่อนจะหลับก็ได้ยินเสียงพวกเขาคุยกันแว่วๆมาเข้าหู ‘หวงแม่งไรนักหนาไม่รู้’ ‘เสือก’
.
.
.
.
.
.
.
.

“มึงๆ มึงว่าใครเป็นคนในข่าวลือวะ” เสียงเด็กปีหนึ่งสนทนากันบนโต๊ะอาหาร

“ข่าวลืออะไรวะ” เด็กหน้าม้าถามเพื่อนงงๆอย่างไม่รู้เรื่อง

“มึงไปอยู่ไหนมาเนี่ย! ก็เรื่องพี่ทศกัณฐ์ภาคอินเตอร์กิ๊กกับเด็กภาคปกฯคณะเดียวกันนี่แหละ!” เด็กผู้หญิงดัดฟันหน้าตาน่ารักอีกคนหนึ่งพูดขึ้น

“อ้าว! ไหนเขาว่าเป็นเจ้าชายบนหอคอยน้ำแข็งไม่เคยมีใครในม.นี้สอยได้ไม่ใช่หรอวะ?”
“ก็นั่นแหละกูถึงอยากรู้ว่ามันเรื่องจริงรึเปล่า แต่ก็มีคนพูดกันมาอีกนะเว้ยว่าเคยเห็นพี่ทศขี่บิ๊กไบค์เทียวรับเทียวส่งผู้หญิงผมสั้นช่วงก่อนมิดเทอมอ่ะ” แค่กๆๆ จบประโยคของน้องที่นั่งด้านหลัง ผมก็สำลักน้ำที่พึ่งดื่มเข้าไปทันที สงสัยคงสะดุดลมหายใจตัวเอง เมฆลูบหลังให้ป้อยๆ

“ค่อยๆเขาไม่รู้หรอกว่าเป็นมึง” เมฆกระซิบเบาๆ

“เมฆ!” ผมร้องอย่างตกใจ กลุ่มเด็กผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างหลังหันมามองกันพรึ่บ พอเจอรอยยิ้มเมฆพวกเธอก็ยิ้มเขินๆให้แล้วหันไปกรี๊ดกร๊าดกันในกลุ่มต่อ ที่เมฆพูดเมื่อดี้คือเขารู้แล้วหรอวะ

“มึงไม่พูด ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นเขาจะไม่รู้นะรันต์” เมฆยังยิ้ม ผมใจชื้นขึ้นอีกนิดอย่างน้อยเขาก็คงไม่ได้โกรธอะไรผมมากนัก

“มันไม่ได้เป็นอย่างที่พี่คิด” ผมบีบมือเมฆเบาๆ พูดเสียงอ่อยๆ

“แล้วมันเป็นแบบไหนล่ะ บอกกูมาสิ หรือต้องให้กูรู้เองอีกแล้ว?” ใบหน้าหล่อเหลาของเมฆไม่มีรอยยิ้มให้ผมแล้ว เขาเบือนหน้าหนีจากผมเป็นครั้งแรกเลยนับตั้งแต่รู้จักกันมา ผมส่ายหน้าปฏิเสธข้อกล่าวหาจากเมฆ

“บอกก็ได้” ผมลุกขึ้นพร้อมกับฉุดมือเมฆไปด้วยกัน คงต้องไปหาที่ๆปลอดคนมากกว่านี้ อีกสิบนาทีถึงเวลาเรียนคงต้องโดดแล้วล่ะ(เป็นพฤติกรรมที่ไม่ดีไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่างนะครับ) ผมพาเมฆออกจากโรงอาหารเดินลัดเลาะไปจนถึงห้องสมุดของคณะ ช่วงนี้ไม่ค่อยมีคนเพราะผ่านเทศกาลการสอบไปแล้ว ผมเลือกโต๊ะมุมๆแล้วทรุดนั่ง เมื่อมั่นใจว่าปลอดภัยแล้วจึงเปิดปากเล่าเรื่องราวทั้งหมดตั้งแต่ไปทำงานกับเจค สถานการณ์ของครอบครัวที่ไม่เคยปริปากให้ใครฟัง รวมถึงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างผมและทศกัณฐ์ตอนนี้ เมฆนั่งฟังด้วยท่าทีสงบ บางช่วงก็บีบมือเหมือนจะให้กำลังใจผม ใจผมไม่อยากพูดเรื่องนี้อีก เพียงแต่ผมสงสารเมฆ เขาคือคนที่มีผมอยู่ในสายตาเสมอ มีอยู่ครั้งหนึ่งเมฆหลุดปากว่าถ้าผมไม่มีแฟนเขาก็จะไม่ยอมมองใคร ตอนแรกก็คิดว่าพูดเล่น แต่จนกระทั่งตอนนี้เขาก็ยังไม่ยอมมีใครจริงๆ หรือมีแล้วผมไม่รู้ก็ไม่ทราบ จวบจนผมพูดจบเมฆก็ยังไม่พูดอะไรมีแค่น้ำตาที่หยดกระทบมือเราทั้งสอง เมฆร้องไห้เงียบๆเขาบีบมือผมแน่นราวกับกลัวว่าจะหายไปจากเขา ผม...ทำครอบครัวร้องไห้อีกแล้ว

“ลำบากไหมน้อง...ทำไมไม่บอกพี่” เมฆเอื้อมมือมาไล้แก้มผมบางๆ  ผมส่ายหัวพร้อมยิ้มให้เมฆบางๆราวกับว่าไม่เป็นอะไร

“น้องทนได้ พี่เมฆอย่าร้องเลยนะ” ผมเอื้อมมืออีกข้างไปเช็ดน้ำตาให้พี่ โชคดีที่ชั้นนี้มีคนนั่งสองสามคนประปรายไม่มีใครหันมาสนใจพวกผม

“พี่ขอโทษนะน้อง ขอโทษที่ดูแลมึงไม่ได้” เมฆร้องไห้ซบลงกับมือที่ประสานกันไว้ ผมเงยหน้าสะกดกั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา ผมไม่อยากร้องไห้...ไม่อยากอ่อนแออีกแล้ว
.
.
.
.
.
.

“แล้วเรื่องทศกัณฐ์มึงจะเอายังไงต่อ มีข่าวลือเรื่องนี้เป็นสัปดาห์แล้วยังไม่ซาลงเลยนะ” เมฆถามหลังสงบสติอารมณ์ตัวเองได้ ที่เขาไม่เรียกทศกัณฐ์ว่าพี่เพราะอายุเมฆก็พอๆกับพวกพี่ทศกัณฐ์

“ก็ต้องห่างๆแล้วล่ะ เพราะถ้าจบเรื่องนั้นเมื่อไหร่ น้องก็ต้องออกไปจากชีวิตเขา”

“ให้พี่ไปรับไปส่งไหม”

“ไม่เอา ลำบากเมฆเปล่าๆ”

“ลำบากเหี้ยไรล่ะ ถ้ายังเห็นกูเป็นพี่เป็นเพื่อนอยู่ก็ให้กูไปรับไปส่ง” เมฆว่าเสียงเข้ม

“ก็ได้” หวังว่าคงจะไม่มีปัญหาอะไรนะ

ติ้ง! เสียงโปรแกรมแชทดังขึ้นจากคนที่พึ่งจะนินทาไปเมื่อกี้

THOSSAKAN : อยู่ไหน?
Run Run : ห้องเรียนดิ
THOSSAKAN : อย่ามาโกหก พี่อยู่เซคที่รันต์เรียน
Run Run : ไปทำอะไรล่ะนั่น
THOSSAKAN : ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง
Run Run : ป่าวววว
THOSSAKAN : แล้วอยู่ไหนกันแน่?
Run Run : หอสมุดคณะ
THOSSAKAN : ไปทำอะไร?
Run Run : หลีหญิง
THOSSAKAN : หรอ
Run Run : หลีหนุ่มก็ได้
THOSSAKAN : ฝากบอกคนถูกจีบด้วยว่าระวังโดนตีนผัวคนจีบ
Run Run : ไม่กลัว
THOSSAKAN : ลองดูดิถ้าอยากเห็นคนตาย

เอิ่ม...เปลี่ยนเรื่องดีกว่า

Run Run : จะไม่ไปไหนมาไหนด้วยแล้วนะ คนในคณะเริ่มสังเกตแล้ว

ผมกดส่งให้ทศกัณฐ์พอขึ้นอ่านเท่านั้นแหละ

Rrrr Rrrr Rrrr

มันโทรมาเลยครับ ผมเงยหน้าขึ้นมองเมฆเห็นมันกดโทรยิกๆไม่ได้สนใจ ผมเลยกดรับสาย

(เจอกันที่รถ) เสียงเข้มๆส่งผ่านสายมา

“ไม่เอา”

(เดี๋ยวนี้)

จิ๊! ไปก็ได้วะ ไม่ได้กลัวหรอก

“เมฆ เดี๋ยววันนี้น้องกลับก่อนนะ” ผมบอกเมฆเบาๆ เขาเงยหน้าขึ้นมามองแล้วลุกขึ้น

“ไปดิ เดี๋ยวไปส่ง” เมฆคว้ามือผมแล้วพาออกเดิน

“คือ ต้องไปคุยกับเขาก่อน” ผมบอกเมฆขณะเดินลงบันได

“เขาหรอ?...กูไปด้วย” เมฆบอกแล้วใช้สายตาให้ผมนำทางไป  เมื่อถึงที่จอดรถผมเห็นทศกัณฐ์ยืนพิงรถเขาสูบบุหรี่เงียบๆคนเดียว เขาตวัดสายตาขึ้นมองเมื่อพวกผมเดินเข้าไปใกล้

“จากนี้ไปกูจะเป็นคนไปรับไปส่งไอ้น้องเอง” เมฆเปิดประเด็นขึ้นก่อนพร้อมเอาแขนพาดบ่าผมไว้ ไม่มีความเคารพรุ่นพี่ในน้ำเสียงอีกต่อไป ทศกัณฐ์ขมวดคิ้วนิดๆ นั่นทำให้ผมรู้ว่าเขาเริ่มหงุดหงิดแล้ว

“ไม่ใช่เรื่องที่มึงต้องเสือก” ทศกัณฐ์พูดเสียงเข้ม

“ทำไมกูจะเสือกไม่ได้ กูเป็นพี่แล้วก็เพื่อนมัน”

“มึงรู้ดีอยู่แก่ใจว่ากูเป็นอะไรกับมัน”

“แล้วไง? ตราบใดที่กูยังไม่ได้ยินจากปากมันเอง กูไม่ถอย”เมฆยักไหล่พร้อมแสยะยิ้มส่งให้ทศกัณฐ์ ทศกัณฐ์เหลือบมามองผมนิดๆแล้วหันไปพูดกับเมฆ

“มึงจะเอายังไง” พวกเขาพูดอะไรกันวะ ใช่เรื่องเดียวกับผมไหมเนี่ย

“เอาเลยไหมล่ะ” เมฆพูดจบก็ดันผมไปอยู่ด้านหลังตัวเอง ไม่กี่วินาทีต่อมาพวกเขาก็พุ่งซัดหมัดใส่กันทันที

“เฮ้ย!!” ผมร้องเสียงหลง ไหงมาตีกันได้วะ ผมไม่รู้จะหาจังหวะแทรกยังไงเพราะพวกเขาซัดกันนัวเลย แต่รู้สึกว่าเมฆจะเริ่มเสียเปรียบทศกัณฐ์แล้วสิ เมฆถีบทศกัณฐ์ออกจากตัวแล้วพุ่งไปซัดหมัดใส่ทศกัณฐ์ใบหน้าทศกัณฐ์เต็มๆ เขาผงะถอยไปตามแรงชกเล็กน้อย ทศกัณฐ์อาศัยจังหวะที่เมฆจะเข้าไปถีบชกเข้าที่ท้องเมฆจนตัวงอแล้วถีบอย่างแรงจนล้มลงไปกองอยู่กับพื้น ทศกัณฐ์ตามไปคร่อมแล้วชกใส่เมฆเสียหลายหมัด คิ้วและโหนกแก้มแตกเป็นทาง ผมอาศัยจังหวะที่ทศกัณฐ์ง้างหมัดขึ้นไปกอดเขาไว้แน่น กลัวว่าเขาจะฆ่าเมฆตายจริงๆอย่างที่บอก

“ยักษ์หยุด! นี่พี่ชายน้องนะ!”ผมร้องตะโกนหวังให้เขาหยุด ทศกัณฐ์หยุด เขายืดตัวขึ้นแล้วถอยออกจากเมฆ มือแกร่งจับแขนผมแน่นจนแดงเป็นปื้น ผมลูบแขนเขาเบาๆให้ใจเย็น ทั้งหน้าทศกัณฐ์มีแค่มุมปากที่เลือดซิบ ถือว่าเบากว่าเมฆมากนัก ผมส่งสายตาขอร้องเขาให้ปล่อยไปดูพี่ ทศกัณฐ์ถอนหายใจแรงๆแล้วยอมปล่อย พอเป็นอิสระผมก็รีบวิ่งไปพยุงร่างกายสะบักสะบอมของเมฆขึ้น เขาพาดแขนบนไหล่ผมเพื่อพยุงตัวไว้ ฟาดฟันกับทศกัณฐ์ผ่านทางสายตา

“ไปทำแผลที่คอนโดฯกูนะ ทำกับข้าวให้ด้วย” เมฆพูดเสียงอ่อยกับผม

“อื้อ” ผมพยักหน้าตกลง ในใจก็งงว่าจะต่อยกันทำบ้าอะไร ก่อนหน้านี้ยังดีๆกันอยู่เลย หรือจะโกรธเรื่องความสัมพันธ์อธิบายยากระหว่างผมกับทศกัณฐ์

“รันต์!” ทศกัณฐ์ทำท่าจะย่างเท้าเข้ามาหาเรา แต่เมฆก็ชิงพูดขึ้นก่อน

“มึงอย่าใจแคบนักเลย กูแพ้แล้วอย่างน้อยก็ให้มันอยู่ปลอบใจกูบ้าง” ในน้ำเสียงเมฆมีแววเศร้าออกมา

“ห้ามเกินสี่ทุ่ม...ถึงเวลาเดี๋ยวไปรับ” ประโยคสุดท้ายเขาหันมาพูดกับผมก่อนจะหันหลังเดินไปขึ้นรถแล้วขับออกไป

“ตีกันทำไม ถ้าคนอื่นมาเห็นเดี๋ยวก็เป็นเรื่อง” ผมดุเมฆเบาๆขณะพยุงเขามาที่BMW คันสวย

“มันเป็นการคุยกันผ่านหมัดของลูกผู้ชาย” เมฆบอก

“กูก็ลูกผู้ชาย ไม่เห็นจะเข้าใจ”

“มึงมีเมียเมื่อไหร่เดี๋ยวก็เข้าใจเอง...ไปๆขับรถให้กูเลย ผัวมึงต่อยกูซะยับ เจ็บชิบหาย” พูดจบเมฆก็รีบสอดตัวเข้าไปในรถทันที

“เมฆ!!!” เดี๋ยวแม่งก็มีคนได้ยินหรอก ผมล่ะเอือมระอากับผู้ชายรอบตัวผมจริงๆ เฮ้ออออออ

+++++++++{โปรดติดตามตอนต่อไป}++++++++++++

แอบย่องมา ช่วงนี้ขยันจริงๆไอ้เปรม(สงสารคนรออ่านงายยย) :beat:
เริ่มหมั่นไส้ไอ้น้องรันต์ละ มีผู้มาต่อยแย่งขนาดนี้ยังไม่รู้ตัว ฉันจะหาแบบแกได้ที่หนายยยย(เริ่มบ้า) ช่วงนี้จะมาเบาๆหวานๆก่อนให้พระนายมีฉากมุ้งมิ้งอย่างที่ชอบบ้าง แต่ขออกตัวก่อนว่าเปรมไม่ค่อยถนัดแนวนี้นะ ถ้าหวานเยอะไปเปรมเลี่ยนไม่ไหวจริงๆ อีกไม่นานตัวร้ายตัวแรกก็จะออกแล้ววว เย้! คอยเป็นกำลังใจให้น้องกับพี่ยักษ์ด้วยนะ จุ๊ฟ :กอด1: 
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 27♡++100%++[5/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 05-06-2017 23:24:27
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 27♡++100%++[5/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 05-06-2017 23:49:05
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 27♡++100%++[5/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Shonteen ที่ 05-06-2017 23:52:40
นับวันหนูรันจะสาวขึ้นนะคะ ป้าว่า ........ ป้าสัมผัสได้.......ป้าจิตแข็งพอ......


ปล. มีความรู้สึก ว่าพี่ลูคัส จะเป็นเคะราชินีสายSm
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 27♡++100%++[5/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 06-06-2017 00:48:02
อ้าว เมฆชอบรันต์หรอ เรานึกว่ารัก/เอ็นดูแบบน้องมาตลอด หรือหวงน้องชายเฉยๆ หรือยังไง
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 27♡++100%++[5/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 06-06-2017 00:55:27
อยู่ๆก็ต่อยกันซะงั้น555 เจ็บตัวเล่นๆไป
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 27♡++100%++[5/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 06-06-2017 01:08:25
อ่อ วิธีคุยกันผ่านหมัดของลูกผู้ชายที่ชอบคนๆเดียวกันใช่ป่ะ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 27♡++100%++[5/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: jaokhwan ที่ 06-06-2017 01:10:12
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 27♡++100%++[5/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 06-06-2017 01:15:34
 o13
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 27♡++100%++[5/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 06-06-2017 02:56:16
นี่สัมผัสไม่ได้เลยว่าพี่เมฆก้ชอบรันต์
คิดมาตลอดว่านางคือพี่ชสยที่หวงน้อง
5555555555555 พี่เนียนเกินไปหรืออะไรคะะ
นี่ชักจะอิจฉาน้องรันต์ละ มีผชดีๆมาต่อยแย่งกัน
โอ้โหหหหหหห ดูสวยมากกอะ
รอค่าาาา
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 27♡++100%++[5/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: idoloveyou555 ที่ 06-06-2017 08:27:35
นี่พี่เมฆเนียนเกินหรือน้องรันต์บื้อเกินอ่ะ 5555 #พี่เมฆคนเนียน
 :ling2: :ling2: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 27♡++100%++[5/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 06-06-2017 10:17:12
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 27♡++100%++[5/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 06-06-2017 10:34:01
 o22 พี่เมฆก็ชอบหรอ นึกว่าคิดเป็นน้องมาตลอดเลย ยักษ์ต้องแสดงออกเยอะๆละนะ น้องจะได้รู้ตัว
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 27♡++100%++[5/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 06-06-2017 11:09:54
ข่าาา คุยกันผ่านหมัด ยับทั้งหน้า ยับทั้งใจเลยเฮียเมฆ

โปรดส่งใครมารักเมฆที ~~~
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 27♡++100%++[5/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Quatree ที่ 06-06-2017 15:32:15
 o13 o13
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 28♡++50%++[7/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 07-06-2017 17:12:44
ใจยักษ์ 28.1

“โอ๊ย! ซี๊ดดด” เมฆปัดมือเรียวที่กำลังใช้สำลีชุบน้ำเกลือเช็ดแผลบนใบหน้าให้

“เว่อร์ สมควรแล้วจะต่อยกันทำไมไม่รู้” ผมบ่นขณะใส่ยาให้เขา

“ใครจะไปรู้ว่ามันจะเก่งขนาดนั้น แม่งเสือกออมแรงอีก เจ็บใจชะมัด” เมฆพึมพำเสียงเบา แต่ผมก็ยังได้ยินอยู่ดี ออมแรงแล้วเมฆยังสู้ไม่ได้เลยงั้นหรอ จริงๆทักษะเมฆไม่ได้ขี้เหร่เลยนะครับ เขาเล่นกีฬาเทควันโดจนได้สายดำทั้งกีฬาชกมวยอีก ไม่น่าจะยับเยินขนาดนี้

“เมฆสู้เขาไม่ได้เลยหรอ”

“ถ้าพูดแบบไม่มีอคติ...กูเทียบไม่ติดเลยล่ะ” เมฆบอกเซ็งๆ มือกดรีโมทเปลี่ยนช่องรัว

“เขาเคยหายไปจากชั้นสามด้วยนะ”ผมพูดขึ้นเมื่อนึกถึงตอนที่เขาไปนอนที่หอผมแล้วเมฆมาในตอนเช้า เขาหายไปจากระเบียงอย่างไร้ร่องรอย ผมก็แปลกใจอยู่แต่ถ้าจะให้ถามเซ้าซี้ก็ไม่ใช่นิสัยผมอีกนั่นแหละ

“จริงหรอ? มันเป็นตัวอะไรว้า?” เมฆครุ่นคิด โดยส่วนตัวผมว่าเขาก็เป็นคนธรรมดาไม่ได้เป็นสัตว์ประหลาดมาจากที่ไหนหรอก อาจจะมีทักษะด้านต่อสู้ที่ดีกว่าคนอื่น แต่ดูๆไปเขาเหมือนพวกมาเฟียในละครเหมือนกัน มีการ์ดประจำตัวแต่ก็ไม่ได้ใส่ชุดดำแว่นดำจนน่ากลัว ปืนผมก็ไม่เคยเห็นนะ อย่างจับคนมาฆ่าหรือทรมานก็ไม่มี...หรือว่ามีหว่า? ช่างเถอะ เขาจะเป็นใครก็ไม่ใช่เรื่องของผมอยู่ดี

“แล้วจะกินอะไร ข้าวต้มไหม?จะได้ทานง่ายๆ” ผมถามหลังจากทำแผลเสร็จ

“เออ จะทำอะไรก็ทำมาเถอะ” เมฆตอบปัดๆ สายตาก็ดูแต่ทีวี ผมเข้าใจเขานะคือเมฆก็เป็นคนมั่นใจในฝีมือตัวเองระดับหนึ่ง พอมาแพ้คนที่เก่งกว่าตัวเองมากๆแล้วยังออมแรงให้มันก็ต้องเสียเซลฟ์บ้างเป็นธรรมดา

ผมทำข้ามต้มหมูสับให้เมฆ เขาทานได้ไม่เยอะเท่าปกติ พอทานเสร็จผมก็เอายาแก้ปวดและแก้อักเสบให้เขาทาน เราสองคนนั่งเล่นๆนอนๆดูทีวีที่ห้องนั่งเล่นจนสามทุ่ม เมฆเข้าไปอาบน้ำ  ความจริงแล้วผมมาที่นี่ไม่บ่อยนักเคยค้างแค่สองครั้ง เพราะปกติเมฆเขาก็จะกลับไปนอนที่บ้านไม่ค่อยได้นอนที่นี่หรอก

Rrrr Rrrr Rrrr
เสียงมือถือผมดังขึ้น ปรากฏว่าเป็นทศกัณฐ์ที่โทรมา

“ครับ”

(อีกสิบนาที) ผมมองนาฬิกาพบว่าอีกสิบนาทีคือสี่ทุ่ม คือเวลาที่เขากำหนด

“ครับ เดี๋ยวรันต์กลับ”

(พี่รออยู่ข้างล่าง)

“พี่อยู่ไหน?”

(หน้าคอนโดมัน รีบลงมาล่ะ) เขาบอกเรียบๆแล้วกดวางสาย แปลกใจเล็กน้อยที่เขารู้จักคอนโดเมฆ แต่ถ้าอยากรู้จริงๆคงไม่เกินความสามารถเขาอยู่ดี

“มันตามแล้วหรอ” เมฆเดินออกมาจากห้องนอน ผมพยักหน้าให้ ลุกขึ้นสะพายกระเป๋าเตรียมกลับ

“มากอดหน่อยมา” เมฆอ้าแขนออกกว้าง ผมเดินเข้าไปกอดเขาโดยไม่มีข้อแม้ แม้ว่าผมจะไม่ใช่คนตัวเล็กแต่รูปร่างค่อนข้างผอม ตัวผมจมเขาไปในอกเมฆ คางเกยไหล่เขาไว้ เมฆซุกหน้าลงกับกลุ่มผมกอดแน่นจนหายใจแทบไม่ออก

“กูไม่อยากปล่อยมึงเลย” เมฆว่า

“กอดไว้ตลอดเมื่อยตายเลย เริ่มหายใจไม่ออกแล้วเนี่ย” ผมว่าขำๆ

“ไอ้เด็กบ้า กูหมายถึงปล่อยมึงให้มันต่างหาก” เมฆเขกหัวผมเบาๆ

“ให้เขาทำไมทำไม ไม่ได้เป็นอะไรกันกับเขาสักหน่อย”

“ใช่หร๊อ ที่กูเห็นมันไม่ได้เป็นแบบนั้นนะ”

“มันไม่เป็นแบบไหนทั้งนั้นแหละ”

“มึงทำเป็นพูดดีไป ถ้ามึงรักมันไปแล้วมึงจะไม่พูดแบบนี้”

“น้องจะไม่รัก” ผมพูดเสียงแข็ง ความรักคือสิ่งที่ผมเกลียดและอยากถอยห่างมากที่สุด

“ความรู้สึกไม่ได้ห้ามกันง่ายๆนะรันต์ ไม่ว่าจะโกรธ เกลียด เสียใจ เจ็บปวด มีความสุขหรือว่า...รัก ตราบใดที่หัวใจน้องยังเต้นอยู่ น้องไม่มีทางหนีมันพ้น”

“...” หัวใจน้องหยุดเต้นไปตั้งนานแล้วเมฆ

“เอาเถอะ ไม่ว่ามึงจะรู้สึกอย่างไรกูก็จะอยู่ข้างๆมึงเสมอ จะสุขหรือว่าเสียใจก็บอกกูบ้าง อย่าคิดว่าตัวเองอยู่คนเดียวเลยนะ” เมฆผละอ้อมกอด สองมือยึดไหล่ผมไว้ ลูบหัวเบาๆแบบเอ็นดูมาก ผมยังเงียบเพราะคงไม่มีวันนั้น

“ไปเถอะเดี๋ยวกูลงไปส่ง...ความรู้สึกเหมือนลูกสาวกำลังจะห่างจากอกยังไงไม่รู้” เมฆดุนหลังจะพาผมลงไปข้างล่าง แต่ประโยคสุดท้ายเขาพูดงึมงำในลำคอซึ่งผมได้ยินไม่ชัด

“เมฆพูดว่าไงนะ?”

“ไม่มีอะไรๆ รีบไปเถอะก่อนมันจะแดกหัวกูอีกรอบ” เมฆเดินมาส่งผมถึงรถที่ทศกัณฐ์จอดเลียบฟุตบาตรหน้าคอนโดฯ ทศกัณฐ์ยังนั่งรออยู่ในรถไม่ได้ลงมา ผมหันไปล่ำลาเมฆ แต่ก่อนผมจะขึ้นรถเมฆไม่วายหอมแก้มผมฟอดใหญ่พร้อมแสยะยิ้ม ผมก็งงว่าจะยิ้มทำไม แต่พอเห็นทศกัณฐ์เปิดประตูลงมาเท่านั้นแหละ เลยรีบไล่เมฆขึ้นห้องพร้อมส่งสายตาปรามทศกัณฐ์ไว้ทันที ทศกัณฐ์จิ๊ปากหงุดหงิดก่อนจะกลับเข้าไปในรถ เมฆก็ยิ้มร่าแล้วเดินกลับเข้าไปในคอนโดฯ ผมจึงเปิดเข้าไปนั่งในรถ

“อื้อออ” ยังไม่ทันที่ก้นจะแตะเบาะดี ทศกัณฐ์ก็กระชากแขนผมเข้าไปใกล้พร้อมประกบจูบลงมาอย่างหนักหน่วง ผมสัมผัสได้ถึงรสชาติฝาดๆพร้อมกลิ่นคาวของเลือดซึ่งไม่รู้ว่ามาจากปากเขาหรือผมกันแน่ ทศกัณฐ์บดจูบเนิ่นนานจนผมแทบขาดใจจึงผละออกให้ผมโกยอากาศเข้าปอด ริมฝีปากได้รูปไล้วนอยู่ข้างแก้มก่อนจะกัดแรงๆ ซึ่งทำผมเจ็บจนร้องเสียงหลง

“มันเจ็บนะ! เป็นบ้าอะไรขึ้นมาอีก” ผมว่าอย่างหงุดหงิด

“ให้มันหอมแก้มทำไม แล้วก่อนหน้านี้ให้มันทำอะไรบ้าง!”ทศกัณฐ์ตะคอกลั่นรถมือหนาบีบแขนผมแทบหัก ไอ้คำถามแรกไม่เท่าไหร่ แต่ไอ้ประโยคสุดท้ายนี่ทำผมจี๊ดเลย เขาดูถูกผมมากผมรู้จักกับเมฆก่อนจะมารู้จักกับเขาตั้งกี่ปี

“จะให้ทำอะไรมันก็เรื่องของผม ไม่เกี่ยวกับคุณ!” ผมตะคอกกลับ ปกติผมเย็นและจะยอมให้เขาก่อนเสมอ แต่ครั้งนี้มันมากเกินไปจริงๆ แค่นี้ศักดิ์ศรีลูกผู้ชายก็แทบไม่เหลืออยู่แล้ว เขายังมาขยี้ซ้ำจนไม่เหลือชิ้นดี

“กูไม่ชอบใช้ของร่วมกับใคร” สรรพนามเขาเปลี่ยนตามผม

“กูไม่ใช่สิ่งของ ร่างกายกู กูจะให้ใครทำอะไรก็ได้” ผมประชดเขา ขึ้นกูมึงอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน

“คำตอบฟังดูร่านดี เดี๋ยวกูจะสนองคนร่านๆอย่างมึงให้หายอยากK เลย” ทศกัณฐ์เหยียดยิ้ม

ผลั๊ว! ผมชกเขาด้วยแรงทั้งหมดที่มี ทศกัณฐ์หน้าหันตามแรงชก ผมหันหลังให้เขาจะเปิดประตูลงจากรถ แต่อีกคนกลับไวกว่า กระชากแขนผมแล้วไขว้มือผมไว้ด้านหลังทั้งสองข้างไว้ด้วยมือเขาข้างเดียว ทศกัณฐ์เอี้ยวตัวไปด้านหลังหยิบเข็มขัดหนังมัดแขนผมไว้จนแน่นแล้วคาดเบลท์ทับอีกที จากนั้นจึงกระชากรถออกจากบริเวณด้วยความเร็วชนิดที่หน้าผมคว่ำคะมำไปโขกคอนโซลรถ

“อย่าคิดว่ากูจะกลัว! มึงไม่มีทางบังคับกูได้” ผมจะไม่มีวันแสดงความอ่อนแอให้เขาเห็นเด็ดขาด

“อย่าท้าทายกู ที่ผ่านมากูอาจจะใจดีกับมึงมากเกินไป แล้วมึงจะรู้ว่าน่ากลัวจริงๆมันเป็นยังไง” เขาพูดเสียงเย็น ผมขนลุกซู่แต่ก็ยังทำใจดีสู้เสือ ยังมีอะไรที่เลวร้ายกว่าที่ผมเคยเจอมาอีกหรอ

+++++++++++++++++

ทศกัณฐ์ดึงผมลงจากรถแล้วแบกขึ้นบ่า ผมทั้งดิ้นทั้งโวยวาย แต่เขาก็ไม่สนใจไม่ต่อปากต่อคำเดินตรงดิ่งเข้าลิฟท์ เมื่อลิฟท์เปิดออกที่ชั้นสี่สิบ แม้ไม่อยากจะยอมรับแต่ตอนนี้ผมเริ่มกลัวขึ้นมาแล้ว ทศกัณฐ์เปิดประตูเข้าไปในห้องเดินตรงดิ่งไปที่ชั้นสอง ไร้วี่แววของสิ่งมีชีวิตอื่น ทำไมเวลาสำคัญๆแบบนี้พี่สมิธไม่อยู่วะ

ตุบ! รู้ตัวอีกทีผมก็ถูกโยนลงเตียงคิงไซส์ในห้อง แม้จะเป็นเตียงสปริงแต่ก็ทำผมจุกได้เหมือนกัน ทศกัณฐ์ปลดกระดุมเสื้อทีละเม็ดๆอย่างใจเย็น แผ่นอกกว้างและหน้าท้องเป็นลอนๆปรากฏสู่สายตา มือหนาเลื่อนถอดเข็มขัดและกระดุมกาเกงออก เหลือเพียงอันเดอร์แวร์สีเข้มติดบนร่างกาย ผมถดกายหนีรู้ชะตากรรมต่อจากนี้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น  ทศกัณฐ์ย่างเท้าขึ้นมาบนเตียงกระชากข้อเท้าผมจนถลาเข้าไปอยู่ใต้ร่างเขา มือหนากระชากเสื้อผมทีเดียวขาดออกจากกัน

ใบหน้าหล่อเหลาโฉบลงมากระแทกริมฝีปากกับผมอย่างแรงจนได้รสเลือด ผมหันหน้าหนีแต่แต่เขาก็ล็อคคางพร้อมบีบกรามผมจนปวด สุดท้ายก็ต้องยินยอมเปิดปากให้เขาสอดลิ้นเข้ามา ลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัดดูดดึงกับลิ้นผมจนชาไปหมด ผมหายใจไม่ออกเขาก็ไม่สนใจจนแทบจะขาดใจเขาก็ผละออกแล้วกระแทกลงมาใหม่ซ้ำๆย้ำๆอยู่แบบนั้นเป็นสิบๆรอบ มือหนาก็ไม่ว่างเว้นทั้งบีบทั้งขยี้ยอดอกผม มันทั้งเจ็บและเสียวซ่านขึ้นมาพร้อมๆกัน ริมฝีปากทศกัณฐ์ย้ายจากริมฝีปากไปที่ซอกคอเขากัดแล้วดูดซ้ำๆจนผมต้องกัดฟันแน่นด้วยความเจ็บปวด มือผมที่ถูกมัดอยู่ก็เริ่มชาจากการโดนทับ ลำคอที่แทบไม่มีที่ให้เขาทำรอยแล้วเขาก็เลื่อนริมฝีปากมาจัดการกับยอดอกต่อ เขาใช้มือขยี้ยอดอกจนแดงเป่งแล้วครอบริมฝีปากดูดแรงๆซ้ำ ความเสียวพรุ่งปราดไปทั่วร่าง

“อ๊าห์...” ผมเสียวมากจนหลุดครางออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ทศกัณฐ์ร้องหึในลำคอ แล้วสลับไปทำยอดอกอีกข้างเหมือนกัน

“อ๊ะ...อ๊าห์...พะพอที” มันเสียแบบทรมานจนแทบขาดใจ เขาไม่สนใจเสียงร้องผม ยังตั้งหน้าตั้งตาดูดชิมอยู่อย่างนั้นจนร่างผมเกร็งกระตุกแล้วเสร็จในที่สุดทั้งๆที่ไม่ได้แตะต้องเลยสักนิด ผมหอบหายใจถี่ ทศกัณฐ์ผละออกแล้วดึงกางเกงพร้อมอันเดอร์แวร์ออกจากร่างกายผม ความเย็นปะทะเข้ากับร่างกายเปลือยเปล่าทำให้ผมตัวสั่นนิดๆ ทศกัณฐ์จับขาผมตั้งชันและถ่างออกมองด้วยสายตาที่ผมอ่านไม่ออก ผมหันหน้าหนีความอัปยศที่เกิดขึ้น หลายครั้งที่เรามีเซ็กส์กันเขาจะให้เกียร์ติผมไม่มองโจ่งแจ้งหรือทำให้ต้องรู้สึกอายมากนัก แต่ครั้งนี้แค่ถนุถนอมสักนิดยังไม่มี

“จะหันหน้าหนีทำไม มองดูของผัวกำลังจะเข้าไปในตัวมึงหน่อยสิ” ทศกัณฐ์กดเสียงต่ำ จับแก่นกายผมชักรูดแรงๆจนเจ็บแสบ

“มึงไม่ใช่ผัวกู! อึก!” แม้จะทั้งเจ็บทั้งเสียว แต่ผมก็ตอบโต้อีกคนอย่างไม่ยอมแพ้ แววตาทศกัณฐ์วาวโรจน์ขึ้น ถ้าผมไม่คิดไปเองดวงตาเขาเปลี่ยนเป็นสีเขียวเข้มขึ้นกว่าปกติ

“ดี!จนกว่ามึงจะครางเรียกกูว่าผัว กูจะไม่หยุดกูจะเอามึงจนสลบคาKกูเลย” พูดจบเขาก็เอื้อมตัวไปหยิบบางสิ่งในลิ้นชักแล้วโยนเข้าปาก ร่างสูงชักแก่นกายตัวเองสองสามที จับขาผมแยกออกจากกันแล้วยัดแก่นกายตัวเองเข้ามาในร่างกายผมทีเดียวมิด

“อ๊ากกกกก” ผมกรีดร้องสุดเสียง ช่องทางด้านหลังเจ็บเหมือนจะขาดเป็นชิ้นๆ ของเหลวหนืดๆที่ไหลออกมาทำให้ผมรู้โดยทันทีว่าเป็นเลือด ทศกัณฐ์ขยับสะโพกไม่สนใจความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกับผม แววตาเขาว่างเปล่าจนน่ากลัว ผมหลับตาไม่อยากรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้น

“อ๊ะ...อ๊าห์...อ๊าห์....อ๊ะ...อ๊ะ!” ผมร้องครางไม่เป็นภาษา ทศกัณฐ์ถอนตัวออกมาจนเกือบหลุดก่อนจะกระแทกกายเข้าไปจนสุด จุดกระสันภายในผมถูกเขาขยี้ซ้ำๆจนต้องครางเสียงหลง แม้ว่ามันจะเสียวมากเท่าไหร่แต่ความเจ็บปวดจากช่องทางที่ฉีกขาดยิ่งทวีขึ้นมากเท่านั้น เขาซอยสะโพกถี่รัวเมื่อใกล้ถึงฝั่ง ผมเกร็งกระตุกก่อนจะปลดปล่อยออกมาเป็นครั้งที่สองช่องทางข้างหลังขมิบรัดตามกลไกธรรมชาติร่างกาย ทศกัณฐ์กระแทกแรงๆอีกสีห้าทีแล้วเสือกกายเข้ามาจนสุดก่อนจะกระตุกปลดปล่อยธารสีขาวออกมาอัดแน่นอยู่ภายใน มันมากมายจนร้อนไปถึงท้องน้อยเขาแช่ค้างอยู่นิ่งๆ ไม่ถึงหนึ่งนาทีต่อมาแก่นกายที่แช่อยู่ภายในก็ขยายขึ้นมาอีกครั้ง เขาพลิกตัวผมให้คว่ำหน้า จับสะโพกให้ลอยเด่นขึ้นแล้วกระแทกลงมาอีกครั้ง

“อ๊าห์....” ผมร้องครางจนเสียงแหบแห้ง

“พูดมาสิ...ว่าใครเป็นผัวมึง” ทศกัณฐ์ก้มลงมากระซิบชิดใบหู ขณะที่ส่วนล่างยังคงขยับกายเข้าออกอย่างต่อเนื่อง

“ไม่มีวันเป็นมึง!”ทศกัณฐ์ไม่ได้พูดอะไรต่ออีก เขายืดตัวขึ้นพร้อมกระแทกลงมารุนแรง จุกจนแทบจะรับไม่ไหว แล้วหลังจากนั้นความเลวร้ายจริงๆที่ผมไม่เคยได้สัมผัสก็บังเกิดขึ้น

ผมไม่รู้ว่าวันเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ตัวผม บนเตียง และที่ต่างๆภายในห้องเต็มไปด้วยน้ำคาวกาม ผมสลบไปขณะที่เขายังกระแทกกระทั้นใส่ร่างกายอยู่ ตื่นมาเขาก็ยังเสพย์สมร่างกายผมอยู่เหมือนเดิม เขาให้ผมดื่มแค่น้ำเมื่อร่างกายเริ่มจะไม่ไหว ผมครางจนแทบไม่มีเสียงออกมาจากลำคอ เป็นแบบนี้ครั้งแล้วครั้งเล่าจนผมคิดว่าถ้าเขาไม่หยุดผมอาจจะตายจริงๆก็ได้
ก่อนที่ผมจะหลับไปครั้งสุดท้ายเขาก้มลงมาจูบที่อ่อนโยนที่สุดตั้งแต่เริ่มทำ พร้อมกระซิบแผ่วเบา

“รันต์เป็นคนของพี่ตั้งแต่แรก อย่าหวังว่าจะไปจากพี่ได้เพราะพี่ไม่ยอม!”

ผมจับใจความที่เขาพูดไม่ได้ แต่น้ำตาผมกลับไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่

ทั้งๆที่บอกกับตัวเองว่าไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขา แต่ทำไมหัวใจผมถึงได้เจ็บปวดกับสิ่งที่เขาทำมากมายขนาดนี้...

+++++++++++++++++++++

อิพี่ยักษ์ทำไมใจร้ายกับน้องขนาดนี้  :z6: นี่แหละคือตัวตนอีกด้านของทศกัณฐ์ ถ้าลองมองดีๆก่อนหน้านี้เราจะเห็นว่าพี่ทศค่อนข้างจะเป็นสุภาพบุรุษนะแม้จะเจ้าเล่ห์แต่เขาจะหาวิธีทำให้รันต์สมยอมเสมอ แต่ครั้งนี้ถึงขั้นหักหาญน้ำใจน้องขนาดนี้มันเพราะอะไรกันนะ แค่หึงจริงๆหร๊อ ติดตามครึ่งหลังต่อไปฮับ อิอิ :katai5:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 28♡++50%++[7/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: jaokhwan ที่ 07-06-2017 17:24:47
อ้าว หักมุม T^T :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 28♡++50%++[7/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: question09 ที่ 07-06-2017 17:44:27
 :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:

สงสารน้องรันต์อ่ะ ยักษ์ทำมั้ยทำแบบนี้ :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 28♡++50%++[7/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 07-06-2017 17:46:05
จะถอยหลังลงคลองอีกเหรอ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 28♡++50%++[7/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 07-06-2017 18:13:19
 :fire: :fire: :fire: :fire:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 28♡++50%++[7/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: MorethanMore ที่ 07-06-2017 18:43:15
มันมีเหตุผลอะไรหรือเปล่า แค่หึงไม่น่าใช่ รันต์ดื้อหรอ หรือว่าโกรธเรื่องไหนมาแล้วรันต์ดื้อเลยทำแบบนี้
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 28♡++50%++[7/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Fonz_Juz19 ที่ 07-06-2017 20:10:45
ทำไมพี่ยักษ์ทำแบบนี้คะ
น้องผิดอะไร ทำไมไม่ถามน้องดีๆ
สงสารน้องรันต์มากเลย
อยากอ่านต่อแล้วววว
มาต่อเร็วๆนะคะ สู้ๆค่ะคนเขียน
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 28♡++50%++[7/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: missm2c ที่ 07-06-2017 20:32:55
ยักกกกกกกกกกกษ์ โว้ย!!!
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 28♡++50%++[7/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 07-06-2017 20:55:00
 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 28♡++50%++[7/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 07-06-2017 20:56:39
หมาบ้าเข้าสิงรึไงฮะอียักษ์บ้า ไม่ถนอมน้องบ้างเลย  :fire:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 28♡++50%++[7/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 08-06-2017 11:27:05
โกรธยักษ์แล้ว ข่มขืนน้องทำไม  :z6:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 28♡++50%++[7/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 08-06-2017 12:46:00
“ให้มันหอมแก้มทำไม แล้วก่อนหน้านี้ให้มันทำอะไรบ้าง!”
“จะให้ทำอะไรมันก็เรื่องของผม ไม่เกี่ยวกับคุณ!”
รันต์ ต่อปากต่อคำท้าทาย ทั้งที่รูว่าทศกัณฐ์ เป็นคนอย่างไร
ถ้ารันต์ ตอบแบบไม่ใช้อารมณ์ ก็คงไม่ทำให้ทศโกรธ

คนผิดที่แท้จริงคือเมฆ ไปหอมแก้มรันต์อวดทศ
เมฆทำเพื่อความสะใจ ยั่วโมโห และท้าทายทศ
ทั้งที่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างรันต์กับทศ
ถ้าเมฆรู้ว่าทำไปแล้วรันต์เจออะไรบ้าง
เมฆจะรู้สึกอย่างไรนะ

แล้วรันต์ก็ถูกทศ ใช้ความรุนแรง ข่มขืน จนเกือบสลบ
คงเพราะทั้งหึง ทั้งโกรธ ที่ถูกท้าทาย
แต่ก็ยังได้ยิน แม้จับใจความไม่ได้
“รันต์เป็นคนของพี่ตั้งแต่แรก อย่าหวังว่าจะไปจากพี่ได้เพราะพี่ไม่ยอม!
แล้ทศ ทำไมต้องรุนแรงกับรันต์ขนาดนี้
อ่อนโยน ทนุถนอมรันต์หน่อยสิ
รันต์ ยิ่งเป็นคนใจเด็ด ใจแข็ง
ยิ่งรุนแรง ป่าเถื่อนใส่ อีกหน่อยรันต์จะหายไปจากชีวิต

ทศ คือพี่ชายที่เคยเล่นกับรันต์ตอนยังเด็กใช่มั้ย
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 28♡++50%++[7/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 08-06-2017 15:24:00
ไม่ถนอมน้องเลยยย........
กลัวใจน้องจริงๆๆ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 28♡++50%++[7/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 08-06-2017 19:53:27
สงสารน้องกลัวว่าพอน้องตื่นมาจะเป็นยังไงเนี่ยแต่ก็อยากให้น้องเอาคืนอีพี่ยักษ์เหมือนกัน
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 28♡++50%++[7/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 09-06-2017 00:28:51
โอ้ยยยยยย กำลังจะดีอยู่แล้ว แต่ก็ทะเลาะกันอีกจนได้ รันต์ก็ไม่น่าพูดกับพี่ยักษ์แบบนั้นเลย พอพูดแบบนั้นพี่เค้าก็โกรธ ตัวรันต์ก็เจ็บอีก  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 28♡++50%++[7/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: itsgonnabeme ที่ 09-06-2017 01:45:14
มีความรู้สึกว่าจะหม่นและดราม่าต่อไปอีกยาวๆ
ไม่เปิดใจจริงๆจังๆสักคน

งานนี้ไม่โทษใครนะ จะรอดูว่าจะเลือกความเจ็บปวดกันไปถึงเมื่อไหร่...
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 28♡++100%++[9/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 09-06-2017 18:06:05
ใจยักษ์ 28.2


 ร่างสูงของสมิธเดินเตร็ดแตร่ไปตามฟุตบาทหน้าคอนโดฯคู่นอนของเขา  วันนี้เป็นวันที่สามแล้วที่เขาไม่ได้กลับไปนอนห้องทศกัณฐ์ เนื่องจากไอ้เพื่อนตัวดีส่งข้อความมาบอกเขาว่าสองสามวันนี้ให้หาที่นอนเอาเอง ไอ้ห้องตัวเองมันก็มีอยู่หรอก เพียงแต่มันไม่อยากนอนคนเดียวน่ะสิช่วงนี้ก็เทียวไปนอนกับคนนู่นทีคนนี้ทีอย่างกับสัมภเวสี

สวบ! เสียงใบไม้ดังไม่ไกลจากบริเวณที่เขาเดินแว่วเข้ามาในหูใครมันจะมาเดินเล่นในเวลาตีสี่กว่าๆแบบนี้ สมิธถอนหายใจแรงๆอย่างหมดความอดทน

“ออกมา” สมิธพูดภาษาอังกฤษเสียงเรียบ

เงียบกริบ! สมิธหมุนตัวกลับไปด้านหลังมองไปยังบริเวณที่เกิดเสียง  จะไม่ออกมาดีๆใช่ไหม!

“ผมบอกให้ออกมา!” เขากดเสียงเข้มขึ้นอีกระดับใบหน้าถมึงทึง ถ้าเหรันต์มาเจอเขาตอนนี้คงไม่เชื่อในสิ่งที่เห็นแน่ๆ

สวบสาบ! เสียงขยับบริเวณพุ่มไม้ดังขึ้นเบาๆก่อนจะปรากฏร่างชายฉกรรจ์สองคน พวกเขาทั้งคู่สูงราวๆ190ซม. เค้าโครงหน้าและรูปร่างที่สูงใหญ่บ่งบอกถึงเชื้อชาติตะวันตก พวกเขาทั้งคู่ก้มหัวให้สมิธเล็กน้อยอย่างแสดงความเคารพ

“สะกดรอยตามผมทำไม” สมิธกอดอกเค้นถามเสียงเข้ม เขารู้ตัวมาได้สักพักแล้วว่ามีคนตาม ตอนแรกก็คิดว่าเป็นคนของทศกัณฐ์ แต่ขนาดอยู่กับทศกัณฐ์เขายังรู้สึกเหมือนโดนจ้องมอง นั่นทำให้เขารู้ได้ทันทีว่าเป็นคนของใคร เพราะมันมีอยู่คนเดียวเท่านั้นแหละ!

“ผมทำตามหน้าที่ครับ” หนึ่งในชายชุดดำกล่าว

“หน้าที่อะไร? ผมโตแล้วนะโย ไม่จำเป็นต้องมีคนมาคอยตาม” สมิธบอกกับโยฮันเนสหนึ่งในชายชุดดำที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา แน่ล่ะว่าเขารู้จัก เพราะเห็นมาตั้งแต่เด็ก แถมอีกฝ่ายยังเป็นลูกน้องฝีมือดีของไอ้วิปริตนั่นด้วย

“นายท่านเป็นห่วงคุณสมิธ” โยฮันเนสบอกไปตามความจริง ตั้งแต่ที่สมิธโดนแทงพวกเขาได้แผลกันถ้วนหน้าโทษฐานสะเพร่าทำให้ ‘คนโปรด’ ของนายได้รับบาดเจ็บ แม้จะมีคนของคุณทศกัณฐ์คอยดูแลด้วย พวกเขาก็ต้องระวังให้มากกว่านี้

“ไม่มีการมีงานทำกันหรือไงวะ ถึงได้ว่างมาตามขนาดนี้เนี่ย!” สมิธขยี้ผมตัวเองเซ็งๆ บ่นฝนฟ้าอากาศไปเรื่อย จนเมื่อระบายอารมณ์หงุดหงิดไปบ้างแล้วเขาจึงหันไปพูดกับโยฮันเนส

“คุณมาก็ดีเหมือนกัน พาผมไปเอารถหน่อยดิ” สมิธทิ้งรถไว้ที่คลับแล้วมาคอนโดด้วยรถของผู้หญิงที่เขามาค้างด้วย เขารู้ทั้งรู้ว่าโยฮันเนสเป็นคนของใครแต่โยก็ดีกับเขามาโดยตลอด แม้จะไม่อยากข้องเกี่ยวด้วย แต่จะให้เดินหาแท็กซี่ในตอนตีสี่แบบนี้ก็เห็นทีจะไม่ไหว อีกอย่างเวลานี้ไอ้หมอนั่นไม่มีทางมาอยู่ที่นี่แน่

“สักครู่นะครับ” โยฮันเนสยกมือถือขึ้นโทรเรียกลูกน้องสองสามประโยค ไม่ถึงห้านาทีเมอร์เซเดส เบนซ์ GLE Coupe สีเทา ก็จอดสนิทเทียบฟุตบาทที่พวกเขายืนอยู่ โยฮันเนสเปิดประตูด้านหลังให้สมิธเข้าไปนั่ง

“เชิญครับ” สมิธขึ้นไปนั่งบนรถ เขาหลับตาลงเพื่อพักสายตา ช่วงนี้ดีขึ้นหน่อยที่นอนโดยไม่ต้องใช้ยาแล้ว มีบ้างที่สะดุ้งตื่นช่วงตีสามตีสี่อย่างวันนี้ แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าช่วงแรกที่ไม่ได้นอนเลย

“ครับนาย...อยู่บนรถครับ…กำลังจะพาไปเอารถครับ...หลับอยู่ครับ จะให้ผมปลุกไหมครับ?...ครับ...ทราบแล้วครับ” โยฮันเนสวางสายจากผู้เป็นนาย ลอบมองสมิธผ่านกระจกที่หลับตานิ่ง เขารู้ว่าสมิธไม่ได้หลับแต่ก็ไม่ยอมบอกนาย เพราะรู้ดีว่าสมิธจะเป็นอย่างไรถ้าหากต้องคุยกับเจ้านายเขาตอนนี้ ปล่อยให้เด็กคนนี้ได้มีความสุขกับอิสระภาพที่มีไปอีกสักนิด ก่อนที่ทุกอย่างจะถูกริบคืนโดยผู้ชายที่ชื่อว่า ‘ลูคัส ฮาลน์’

“คุณสมิธครับ ถึงแล้วครับ” โยฮันเนสเดินลงไปเปิดประตูให้กับสมิธ สมิธลืมตาขึ้น นึกแปลกใจที่ถึงเร็วกว่าที่คาด

“ผมบอกว่าให้พาไปเอารถไม่ใช่หรอ” เมื่อลงมาจากรถแล้ว สมิธถึงได้รู้ว่าเขาอยู่ที่หน้าคอนโดฯของตัวเอง

“คุณสมิธขึ้นไปพักเถอะครับ เรื่องรถผมจะจัดการเอามาไว้ให้”

“ผมต้องการความเห็นจากคุณหรอ? ผมไปเอาเองก็ได้” ว่าจบสมิธก็หมุนตัวจะเดินไปอีกทาง เวลานี้จะตีห้าแล้ว อีกอย่างคอนโดเขาไม่ใช่ซอยเปลี่ยวดังนั้นไม่มีอะไรให้กลัว แต่เท้าของเขาก็ต้องหยุดชะงักลงกับคำพูดของโยฮันเนส

“นายบอกให้คุณสมิธขึ้นไปนอนพัก ถ้ายังดื้อดึงท่านจะพาคุณสมิธไปเอารถด้วยตัวท่านเอง” สมิธกัดฟันแน่น ไม่น่าเรียกไอ้พวกนี้ออกมาตั้งแต่แรกเลยจริงๆ

“จิ๊! คิดว่าวิธีนี้จะขู่ผมได้หรอ”

“คุณสมิธจะลองดูก็ได้นะครับ ก็รู้ไม่ใช่เหรอครับว่าท่านเป็นคนอย่างไร”

“ผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันทั้งนั้น!...อยากจะทำอะไรก็เชิญ” สมิธขว้างกุญแจรถตัวเองให้โยฮันเนสรับได้พอดีแล้วเปลี่ยนทิศทางเดินเข้าคอนโดแทน โยฮันเนสส่ายหน้ายิ้มๆ เคยดื้ออย่างไรก็ยังดื้ออย่างนั้นเผลอๆอาจจะมากกว่าเมื่อก่อนซะอีก แต่ก็ยังมีคนที่สามารถกำราบเด็กดื้อได้ล่ะนะ เพราะแค่เอ่ยชื่อ คุณสมิธก็ไม่กล้าขยับตัวแล้ว ไม่รู้จะสงสารหรืออย่างไรดี

สมิธกดลิฟท์มาที่ชั้นสี่สิบ เขาไม่อยากอยู่คนเดียว มาอยู่กับไอ้น้องรันต์คงดีกว่า ผ่านมาจะเข้าสู่วันที่สามแล้วพวกนั้นคงจี๋จ๋ากันเรียบร้อยแล้วล่ะมั้ง  จะว่าไปเขาก็ตลกได้พวกนั้นเหมือนกัน ไอ้เพื่อนตัวดีเขาชอบไอ้น้องรันต์มากขนาดนั้นก็ยังไม่รู้ใจตัวเอง ส่วนไอ้น้องรันต์ยิ่งแล้วใหญ่ บื้อเอาโล่เลย

กริ่งงงง กริ่งงงงง กริ่งงงงงง

สมิธกดออดย้ำประมาณสามที รอไม่ถึงห้านาทีประตูก็เปิดออก ทศกัณฐ์เดินกลับเข้าไปในห้อง สมิธมองตามหลังเปลือยของเพื่อนงงๆ จมูกสัมผัสได้ถึงกลิ่นบางอย่างจนเขาต้องขมวดคิ้ว

หลังถอดรองเท้าเสร็จเขาเดินตามทศกัณฐ์เข้าไปที่ห้องนั่งเล่น เจอร่างสูงใหญ่กำลังนั่งกระดกแอลกอฮอล์ที่เหลืออยู่ค่อนกรมอยู่หน้าโซฟาเพียงคนเดียว ทั้งกายมีเพียงกางเกงยีนส์ตัวเดียวติดอยู่ กลิ่นกายคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นเหล้าและบุหรี่ ซากบุหรี่ที่กองพะเนินและขวดเหล้าที่วางระเกะระกะอีกสามขวดทำให้เขาแปลกใจกับอาการเพื่อน นี่มันนั่งดื่มมานานเท่าไหร่แล้ว?

“เป็นอะไร? ทำไมมานั่งแดกเหล้าอยู่ตรงนี้” สมิธถามพร้อมนั่งลงข้างๆเพื่อน

“...” ทศกัณฐ์ไม่ตอบ แม้ใบหน้าจะเรียบเฉยแต่ทศกัณฐ์กัณฐ์กลับมีแววตาที่เครียดขมึงปนเหม่อลอย สมิธสังเกตเห็นมือที่สั่นอยู่นิดๆของเพื่อน เขาถอยห่างออกเล็กน้อยแล้วถามซ้ำ

“เกิดอะไรขึ้น...แล้วไอ้น้องรันต์ล่ะ” มีอยู่ไม่กี่เรื่องหรอกที่ทำให้เพื่อนเขาไม่เป็นตัวของตัวเองได้

“...บนห้อง...สลบไปแล้ว” ทศกัณฐ์เหมือนพูดออกมาคนเดียว มือบีบหัวตาตัวเองเครียดๆ

“มึงทำอะไรมัน!”

“....” ทศกัณฐ์เงียบแทนคำตอบ นั่นทำให้เขารู้ว่าสภาพไอ้น้องรันต์ตอนนี้ปางตายแน่นอน สมิธจึงวิ่งไปที่ชั้นสอง หวังว่าไอ้น้องรันต์คงยังไม่จมกองเลือดตายนะ!

ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปในห้อง กลิ่นที่ลอยออกมาปะทะหน้าเขาทำให้ถึงกับต้องเบ้หน้าปิดจมูกทันที กลิ่นคาวคลุ้งไปทั่วห้อง มันไม่ใช่กลิ่นคาวของเลือดแต่เป็นกลิ่นที่เขาจำมันได้ดี เมื่อเท้าเหยียบเข้าไปบนพื้นห้องแสงไฟในห้องสว่างวาบโดยอัตโนมัติ ข้าวของที่ระเกะระกะบางส่วน ไหนจะพวกของต่างๆที่กระจัดกระจายอยู่ตามพื้น เขาค่อยๆก้าวเดินไปที่เตียงช้าๆ ยิ่งเห็นสภาพไอ้น้องรันต์ชัดเท่าไหร่ ตัวเขาก็ยิ่งสั่นขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่

เหรันต์หลับตาพริ้มหลับอยู่บนเตียง ที่หางตายังมีคราบน้ำตาเกาะอยู่เล็กน้อย ริมฝีปากแตกและบวมเจ่อ สมิธค่อยๆยื่นมือที่สั่นเทาไปจับผ้าห่มที่คลุมตั้งแต่ต้นคอลงไปให้เลิกขึ้น สภาพที่เห็นทำไห้เขาหลับตากัดฟันแน่นก่อนจะวิ่งเข้าไปโก่งคออ้วกในห้องน้ำ สภาพที่เห็นน้องทำให้เขาอยากฆ่าไอ้เพื่อนตัวดีนัก ทั้งรอยกัดและรอยดูดทั่วตัวที่แดงจนเป็นจ้ำม่วงๆ  คราบน้ำกามที่แห้งกรังติดตามตัว ที่หว่างขามีน้ำรักปนกับเลือดไหลออกมา สภาพเตียงยิ่งแทบดูไม่ได้

สมิธเดินสั่นๆออกมาจากห้องน้ำเจอเพื่อนตัวเองยืนมองเมียอยู่ที่ปลายเตียงยิ่งทำให้เขาโมโห สมิธถลาตัวไปหาทศกัณฐ์ก่อนจะซัดหมัดใส่ปากเพื่อนเป็นครั้งแรก ทศกัณฐ์ล้มลงตามแรงชก ผลจากการไม่ได้นอนสามวันสามคืนและแอลกอฮอลล์ทำให้เขาทรงตัวไม่อยู่

“มึงทำแบบนี้ได้ยังไงไอ้ทศ!!! มึงข่มขืนมันทำไม!!!” สมิธโกรธจนตัวสั่น ขนาดเขาตะโกนลั่นห้องขนาดนี้ไอ้น้องรันต์มันยังไม่ตื่นเลย คิดดูเอาว่ามันโดนทำหนักขนาดไหน

“มันท้าทายกู มันบอกกูว่ามันจะให้ใครทำอะไรร่างกายมันก็ได้...กูโกรธมาก...อารมณ์ตอนนั้นกูไม่อยากให้มันเป็นของคนอื่น กูไม่อยากให้ใครแตะต้องมัน แม้แต่มองกูก็ไม่ชอบ” อารมณ์เขาตอนนั้นสูงปรี๊ด โกรธตั้งแต่รันต์เลือกไปกับไอ้เมฆ ยิ่งมาเห็นมันหอมแก้มรันต์ต่อหน้าต่อตาอารมณ์โกรธเขายิ่งเดือดจนประทุ

“แล้วมึงข่มขืนมันทำไม จำเป็นต้องทำขนาดนี้ไหม”

“กู...ควบคุมตัวเองไม่ได้ ตอนนั้นมันทำไปด้วยจิตสำนึกด้านมืดล้วนๆ”ทศกัณฐ์ซบหน้าลงกับมือตัวเอง เขาพลาดแล้ว อะไรๆที่ดีขึ้นก็มาพังเพราะความขาดสติ สองวันสามคืนกว่าที่เขาจะรู้ตัว

“ว่าไงนะ” สมิธถามอย่างไม่เชื่อหู ทศกัณฐ์น่ะหรือควบคุมตัวเองไม่ได้ คนที่ถูกฝึกตั้งแต่สามขวบ ฆ่าคนเป็นผักเป็นปลาจนความรู้สึกตายด้านน่ะหรือจะควบคุมตัวเองไม่ได้ หรือจะเป็นเพราะ...

“ ‘ไอ้นั่น’ มันกำเริบหรอ มึงพึ่งรับเซรั่มไปเองไม่ใช่หรือไง ยังไม่ถึงสามเดือนเลย” ปกติเซรั่มจะทำให้ร่างกายอยู่ในสภาวะปกติได้3-4 เดือน

“กูก็ไม่รู้ มันก็ไม่ได้ควบคุมไม่ได้ตลอด แต่สติมันจะหลุดแค่คิดว่ามันจะมีคนอื่น มันจะไปจากกู” ภาวะควบคุมตัวเองไม่ได้เป็นหนึ่งในความผิดปกติของร่างกายทศกัณฐ์ ต้องได้รับเซรั่มทุกๆสามเดือนเพื่อให้ระบบประสาททำงานปกติ แต่ถ้ามีเรื่องที่กระทบจิตใจของเขาอย่างรุนแรงก็จะเป็นเรื่องแม่ที่ทำให้เขาหลุดจนกลับมาแทบไม่ได้ต้องได้รับเซรั่มทันที ครั้งนี้ก็เป็นเรื่องของเหรันต์อีก ไม่เคยคิดว่าเด็กคนนี้จะทำให้เขาเป็นได้ถึงขนาดนี้

“แล้วจะเอายังไง กลับไปรับเซรั่มที่อังกฤษหรอ” น้ำเสียงสมิธอ่อนลง แม้เพื่อนเขาจะผิด แต่ส่วนหนึ่งก็มาจากอาการผิดปกติของร่างกายที่มันเป็นอยู่

“อืม คงต้องไปปรึกษาพวกเขาดูว่าเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง”

“เฮ้อ เมื่อไหร่พวกเขาจะคิดค้นยาที่ทำให้มึงหายขาดได้วะ กูเหนื่อยแทนมึงจริงๆ” สมิธถอนหายใจยาวๆอย่างเหนื่อยล้า

“เขาบอกว่าคืบหน้าไปแล้ว70% แต่ยังไม่กล้าทดลองกับกู” ทศกัณฐ์พูดเสียงนิ่ง เมื่อก่อนเขาเคยคิดว่าอยู่หรือตายก็มีค่าเท่ากัน แต่ทำไมตอนนี้เขากลับขี้ขลาด ไม่ได้กลัวความตาย แต่กลัวว่าจะไม่ได้เห็นหน้าเด็กคนนี้อีก

“แล้วไอ้น้องรันต์ จะเอายังไงต่อ ถ้ามันตื่นขึ้นมากูบอกได้คำเดียวเลยว่ามันไม่มีทางเหมือนเดิมกับมึงแน่” สมิธกล้าเอาหัวเป็นประกันเลยว่าถ้าไอ้น้องรันต์ตื่นขึ้นมาไม่มันก็เพื่อนเขาคงต้องตายกันไปข้าง

“กูทำเหี้ยกับมันไปแล้ว ก็รอดูตอนมันฟื้นว่าจะเป็นยังไง” ทศกัณฐ์ว่าเสียงเครียด ถ้ารันต์แข็งใส่เขา ช่วงแรกเขาก็จำเป็นต้องแข็งใส่กว่า เขารู้จักนิสัยรันต์ดี ไม่อย่างนั้นคงเอาไม่อยู่ พออารมณ์อีกคนเย็นลงแล้วค่อยหาวิธีง้อทีหลัง

“ทำอะไรก็คิดดีๆ  ไอ้รันต์มันก็เหมือนกระจกมึงทำแบบไหนมันก็จะสะท้อนกลับหามึงแบบนั้นและสิ่งที่ได้แถมมาด้วยมีแต่ความโกรธความเกลียด” สมิธบอกเพื่อนอย่างเป็นกังวล เกือบจะดีแล้วไอ้ทศเอ้ย

“ต่อให้มันเกลียดกูแค่ไหน กูก็จะไม่มีทางปล่อยมือมัน กูยอมโดนมันเกลียดไปตลอดชีวิตยังดีกว่าให้มันหายไปจากสายตา” ทศกัณฐ์ขยับตัวลุกก่อนจะขึ้นไปนอนบนเตียงเดียวกับเด็กน้อยของเขา สวมกอดอีกคนจากด้านหลังอย่างหวงแหน สมิธมองเพื่อนด้วยสายตาเรียบนิ่งอย่างน้อยเพื่อนเขามันก็ยังสำนึกและมีความรู้สึกให้กับไอ้รันต์ รู้ตัวว่าทำอะไรลงไปผิดกับอีกคนที่มันไร้หัวใจ เขาจึงมีแต่ความเกลียดที่มอบให้มันก็เท่านั้นเอง....

+++++++++++++++++++

เอ้า เข้าใจพี่ทศแกขึ้นรึยัง ถึงจะเป็นเพราะความผิดปกติของร่างกายแต่เพราะหวงและยึดติดเกินไปก็เลยทำให้ขาดสติได้ง่ายๆล่ะนะ มาลุ้นกันต่อว่าน้องรันต์ฟื้นมาแล้วจะเป็นอย่างไร เปรมไม่ชอบดราม่าเท่าไหร่ อาจจะมีหน่วงๆบ้างอีกไม่กี่ตอนเดี๋ยวมันก็ผ่านไปละ ส่วนพี่สมิธก็นะ...รอดูเสียงตอบรับจากคนอ่านอีกที แต่ว่าตอนหน้า ‘เขา’ มาแน่นอน  :z2:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 28♡++100%++[9/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 09-06-2017 18:24:10
 :angry2: :angry2:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 28♡++100%++[9/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 09-06-2017 19:00:00
 :z3:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 28♡++100%++[9/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 09-06-2017 19:10:50
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 28♡++100%++[9/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 09-06-2017 19:13:48
รันต์ไม่เหมือนเดิมแน่
แล้วทำไมไม่ทำความสะอาดให้รันต์
มัวแต่กินเหล้าสูบบุหรี่ เพื่อ  :katai1: :katai1: :katai1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 28♡++100%++[9/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: MorethanMore ที่ 09-06-2017 19:33:23
เค้าไม่โทษใครเลย ไม่ได้ชื่นชมพระเอกข่มขืนด้วย เกลียดด้วซ้ำ แต่สำหรับทศกับันต์ คือแรลทั้งคู่ไง คนหนึ่งท้าทาย คนนึงป่วยเลยควบคุมตัวเองไม่ได้ ทศไม่มีความรู้สึก ไม่เข้าใจความรัก รู้แค่หวง ส่วนรันต์หวาดกลัว เจอแบบรันต์ใครจะกล้ารักถามจริง ทศก็ไม่รู้ไรเลยถ้าถูกฝึกให้ฆ่าแต่เด็ก นั่นแปลว่าดีแล้วที่รันต์ไม่ตายจำตอนที่รันต์ถุกบีบคอได้เลยตอนนั้นทศยังไม่รู้สึกเลยกล้าฆ่ารันต์ แต่ตอนนี้เราว่าทศรักรันต์ เลยทำร้ายแบบนี้ ผิดมาก แต่เราให้ทศสี่สิบรันต์ห้าสิบห้าเฆมห้า

ว่าแต่ มันเกี่ยวอะไรกันเนี่ย การที่ทศหายตัวได้ การที่ทศร้ายกาจเฉลยละ เหลือจัดการศัตรูรันต์ กับ สานต่อความสัมพันธ์ใช่ปะ ตื่นเต้นเลย
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 28♡++100%++[9/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 09-06-2017 19:47:12
 :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 28♡++100%++[9/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 09-06-2017 20:36:43
ทำน้องเจ็บขนาดนี้ มันก็คงไม่เหมือนเดิมอยู่แล้วล่ะ เฮ้ออออ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 28♡++100%++[9/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: numay ที่ 09-06-2017 21:16:46
 :mew6:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 28♡++100%++[9/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 10-06-2017 11:26:57
ไม่เข้าข้างใคร ก็ผิดด้วยกันทั้งคู่ ผิดมากหน่อยก็อิคนยั่วโมโห

คนนึงยุขึ้น อีกคนก้อปากกล้า อิที่มันกำลังดีก็พัง

อยู่ที่น้องแล้วล่ะมั้ง ว่าเปิดใจได้แค่ไหน ขอให้หายไว ๆ ทั้งคู่เลย
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 28♡++100%++[9/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ป้ากิ่งkingkarn ที่ 10-06-2017 11:41:04
นี่ไม่ห่วงคู่ยักษ์เลย
ห่วงสมิธมากๆสงสารนางอีกไม่นานก็ต้องกลับไปอยู่ในนรกแล้วสินะ
เกลียดอิ"เขา"มากเลย เกลียดรอไว้ตั้งแต่ยังไม่เจอตัว
ขอบคุณค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 28♡++100%++[9/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 11-06-2017 00:28:10
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 29♡++50%++[19/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 19-06-2017 20:48:41
ใจยักษ์ 29.1

กริ่งงงง กริ่งงงง

สมิธสะดุ้งตื่นเพราะเสียงกริ่งหน้าห้อง สายตาเหลือมองนาฬิกาพบว่าตอนนี้คือเวลา9 โมงเช้า หลังจากเคลียร์กับทศกัณฐ์แล้ว สมิธจึงลงมาเปิดทีวีดูฆ่าเวลาแต่ไม่คิดว่าตัวเองจะผล็อยหลับไป เขาลุกขึ้นจากโซฟาเดินมึนๆไปเปิดประตู ขยี้ตาเบาๆให้คลายความง่วง

“หืม สายขนาดนี้ยังง่วงอยู่หรอ?สมิธ” เสียงทุ้มพร้อมภาษาอังกฤษสำเนียงเมืองผู้ดีเอ่ยเนิบๆ สมิธลืมตาขึ้นมองอีกคนเต็มตา ดวงตาสีฟ้าเบิกกว้างก่อนจะกระโดดกอดคนที่อยู่หน้าประตูเต็มแรง

“โอ๊ะ! เบาๆ” เกรย์ แอนเดอร์สัน จิตแพทย์หนุ่มนัยน์ตาน้ำข้าวตบหลังสมิธเบาๆพร้อมหัวเราะออกมาด้วยความเอ็นดู 

“ก็มันคิดถึงนี่หว่า มาไม่เห็นบอก” สมิธผละออกแล้วบ่นงึมงำใส่เกรย์ เขาเบี่ยงตัวเปิดทางให้เกรย์เข้ามาในห้อง เกรย์เดินเข้าห้องพร้อมเอามือพาดบ่าสมิธเข้าไปด้วยกัน

“คิดถึงแล้วทำไมไม่ไปหา...นี่ยังไม่ชำระความเรื่องนอนไม่หลับแล้วไม่ยอมบอกพี่เลยนะ” เกรย์ดุสมิธออกไปเล็กน้อย “แล้วนี่ทศกัณฐ์ไปไหนซะล่ะ” เกรย์ถามหาเจ้าของห้องตัวจริง

“นอนกับเมียอยู่บนห้องนู่น มันทะเลาะกันด้วย” เขาได้ทีก็รีบฟ้องคนเป็นพี่

“อ่า ทศกัณฐ์โทรบอกให้พี่มาดูอาการเขาอยู่...ชื่ออะไรนะ?” เกรย์พยายามนึก

“รันต์...เหรันต์” สมิธตอบพลางนึกหน้าไอ้น้องรันต์ที่ตอนนี้หลับสนิทอยู่ข้างบน

“เออ ใช่ๆ ท่าทางจะหนักน่าดู ทศกัณฐ์ถึงตามพี่มาดูให้ก่อน”

“อืม ไอ้ทศมันบ้า แต่จริงๆก็เป็นผลมาจากยานั่นด้วยที่ทำให้มันควบคุมตัวเองไม่ได้” สีหน้าสมิธบ่งบอกถึงความกังวล เขาเป็นห่วงเพื่อนยิ่งกว่าตัวเองเสียอีก เพราะทศกัณฐ์เป็นทั้งเพื่อนและผู้มีพระคุณที่ให้ชีวิตใหม่แก่เขา

“อืม ร่างกายใกล้จึงขีดจำกัดแล้วล่ะนะ” เกรย์ไม่ใช่หมอที่ดูแลทศกัณฐ์โดยตรง แต่เขาก็พอรู้อาการคร่าวๆบ้าง แต่ไอ้เด็กข้างๆเขานี่แหละที่เขาเป็นหมอประจำตัว

“ถ้าอย่างนั้นระหว่างที่พวกเขาหลับอยู่ เรามาคุยเรื่องของสมิธกันหน่อยดีไหม” เกรย์กระตุกยิ้ม สมิธหน้าซีดเฉหลบสายตา การรักษาของเกรย์ไม่เหมือนจิตแพทย์คนอื่น ค่อนข้างจะหน้ากลัวสำหรับสมิธอยู่มากทีเดียว

เกรย์กดไหล่สมิธให้นั่งลงที่โซฟาตัวเดี่ยว ส่วนเขาเดินไปลากเก้าอี้แล้วนั่งไขว่ห้างมือประสานกันไว้ที่ตักเผชิญหน้ากับสมิธ

“กินข้าวหรือยัง?” จิตแพทย์หนุ่มเอ่ยถามเนิบๆ สบายๆ

“ยัง เดี๋ยวค่อยกิน”

“ทำไมไม่กิน มันสายแล้วไม่ใช่หรอ” น้ำเสียงของเกรย์ยังคงสบายๆ

“ก็...ก็ยังไม่หิวเท่าไหร่” สมิธสายตาล่อกแล่ก แต่เขาก็ตอบทุกอย่างไปตามความจริง

“อ่อ...แล้วเรียนเป็นยังไงบ้าง เครียดรึเปล่า?”

“ก็เรื่อยๆ ไม่เครียดอ่ะ โง่อยู่แล้ว บางทีก็ลอกไอ้ทศ ถูไถให้เกรดมันผ่านโปรฯ”

“อือฮึ...นอนกับผู้หญิงครั้งล่าสุดตอนไหน”

“เมื่อคืน” สมิธตอบ สบตากับนัยน์ตาสีอ่อนของเกรย์ตรงๆ

“ผู้ชายล่ะ?”

“เกรย์!!! ผมไม่ใช่เกย์เว้ย!” สมิธสวนกลับอย่างหัวเสีย แต่จิตแพทย์หนุ่มกับยิ้มให้บางๆ แล้วถามเรื่องราวในชีวิตประจำวันของสมิธไปเรื่อยๆ

“...มีอะไรอยากเล่าให้พี่ฟังไหม?” เกรย์พูดเสียงนุ่ม มือลูบผมสีเข้มของสมิธอย่างอ่อนโยน แต่ก่อนคนตรงหน้าเขาตัวเล็กกว่านี้ ผิวขาวจัด และดูหวาดกลัวคนอื่นจนน่าสงสาร ดูตอนนี้สิ เด็กชายสมิธที่เขาเคยเจอในตอนแรกแทบไม่เหลือเค้าเดิม ร่างกายสูงสมส่วนตามพันธุกรรมของเชื้อชาติ มีแววตาที่สดใสและเข้มแข็งขึ้น เขาดีใจที่สมิธมีความเปลี่ยนแปลง

“ผม...เจอมัน” สมิธกลืนน้ำลายอึกใหญ่ก่อนจะตอบ เขาก้มหน้ามองพื้น มือทั้งสองบีบเข้าหาตัวเองจนแน่น

“อาการตอนนั้นเป็นอย่างไรบ้าง” จิตแพทย์หนุ่มถามเสียงเรียบ ไร้คำปลอบโยนใดๆจากปากเขา

“มันคลื่นไส้ ท้องไส้ปั่นป่วนไปหมดและผม...กลัว” สมิธกัดปากตัวเอง ตัวสั่นเทิ้มอย่างห้ามไม่อยู่เมื่อนึกถึงความรู้สึกตอนนั้น

“ใจเย็นๆ มันทำอะไรสมิธไม่ได้หรอก” เกรย์นวดหลังมือสมิธให้ผ่อนคลาย สมิธผ่อนคลายขึ้นตัวหยุดสั่นแล้วเกรย์จึงพูดต่อ

“รู้อะไรไหม จริงๆสมิธก็ปกติเหมือนคนทั่วไป เพียงแต่ยังติดอยู่แค่นิดเดียว” เกรย์เริ่มตะล่อมเด็กน้อยให้เข้าสู้กระบวนการรักษา เกรย์ไม่ได้หลอก สมิธมีอาการดีขึ้นกว่าเดิมเยอะมาก ถ้าเป็นเมื่อก่อนสมิธไม่สามารถเข้าสังคมร่วมกับผู้อื่นได้เลย ยิ่งเรื่องแตะเนื้อต้องตัวยิ่งแทบจะเป็นไปไม่ได้ ตอนนี้เขาจับสมิธได้ ไม่มีอาการสะดุ้งหรือตื่นกลัวให้เห็น ดีขึ้นเกิน70% ด้วยซ้ำ

“อะไรหรอ” สมิธเมื่ออยู่ต่อหน้าเกรย์ก็เหมือนเด็กน้อย ตามีแววประกายด้วยความหวังว่าเขาจะสามารถใช้ชีวิตได้ปกติ ไม่สะดุ้งตื่นในบางคืน หรือหวาดระแวงผู้ชายที่แตะตัวเขาโดยไม่ทันตั้งตัว

“สมิธ คุณกำลังยึดติดอะไรไว้อยู่รึเปล่า?” เกรย์พูดยิ้มๆพร้อมนวดมือให้คนอายุน้อยกว่า สมิธกำมือแน่นแววตาฉายชัดถึงความเจ็บปวดเมื่อนึกถึง

“ผมกลัว กลัวมัน...แค่ได้ยินเสียงก็สั่นไปหมดแล้ว” เขากลัวไอ้ผู้ชายสารเลวคนนั้นมาก แค่ได้ยินชื่อร่างกายก็ชาดิกไปทั้งตัว

“แล้วไม่อยากหายกลัวเหรอ” เกรย์เอ่ยเสียงทุ้มฉีกยิ้มให้สมิธด้วยความอ่อนโยน

“อยากดิ!” สมิธรีบโพล่ง ทำไมเขาจะไม่อยากลืมคนเลวๆพรรค์นั้น มันทำให้เขาต้องตกนรกทั้งเป็น อยากตาย...ก็ตายไม่ได้

“อย่างนั้นก็เผชิญหน้ากับความกลัวแล้วเอาชนะมันซะ”

“ไม่เอา!”สมิธปฏิเสธทันใด เขาชักมือกลับ สายตามองเกรย์อย่างหวาดหวั่น ถ้าให้เขาต้องไปเผชิญหน้ากับมันอีก ฆ่าเขาให้ตายซะยังจะดีกว่า

“งั้นก็หนีมันไปตลอดชีวิตนั่นแหละ”เกรย์ไหวไหล่พูดเรียบๆ เขามันโหดเหี้ยมก็ตรงนี้ชอบบังคับให้สมิธทำในสิ่งที่ฝืนใจสุดๆ

“เกรย์...ไม่มีวิธีอื่นอีกแล้วหรอ”สมิธเสียงหงอยจนเกรย์เกือบจะใจอ่อน แต่เขาก็ยังดึงดันทำตามวิธีของเขาต่อไป เชื่อสิว่าจะเป็นผลดีต่อสมิธในอนาคต และเป็นบทลงโทษให้ใครบางคนรู้สึกตัวสักที

“ไม่มี...ฟังนะสมิธ ผมไม่ได้บอกให้คุณเผชิญหน้ากับมันคนเดียวสักหน่อย ตอนนี้คุณมีคนที่พร้อมจะอยู่ข้างคุณมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน พี่ หรือรุ่นน้อง ใช่ไหม?” สมิธพยักหน้ารับ “เจ็ดปีมานี้มันได้ก้าวล้ำมาหาคุณรึเปล่า?ได้เดินเข้ามาเฉียดใกล้ให้คุณรู้สึกอะไรไหม? คุณสามารถนอนกลับใครก็ได้ ทั้งๆที่เมื่อก่อนคนอื่นมีสิทธ์มองได้แค่ปลายเท้าคุณเท่านั้น จะแตะเนื้อต้องตัวยิ่งเป็นไปไม่ได้เลย ถูกไหม?” สมิธเงียบ ถูกอย่างที่เกรย์บอกทุกอย่าง ผู้ชายคนนั้นรักษาสัญญา ไม่เคยย่างกรายเข้ามาใกล้เขาอีกเลย แต่ถึงอย่างนั้นสมิธก็รู้ว่าตัวเขาเองอยู่ในสายตาผู้ชายคนนั้นตลอด อยู่ในกรงเหมือนเดิมเพียงแต่มันขยายใหญ่ขึ้น หลอกให้เขาตายใจว่าได้อิสระกลับคืนมา แม้จะรู้แต่อย่างน้อยก็ยังดีกว่าต้องอยู่แบบเดิม ชีวิตที่เป็นได้เพียงทาสอารมณ์ของอีกคน

“คุณไม่ได้พูดเพื่อช่วยเพื่อนตัวเองหรอกใช่ไหม” เกรย์กระตุกยิ้มก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงดัง

“ตลอดเจ็ดปีที่ผ่านมายังทำให้คุณเชื่อใจผมไม่ได้อีกหรอ ถึงแม้มันจะเป็นเพื่อนสนิทแต่สิ่งที่มันทำกับคุณก็ค่อนข้างจะเลวร้ายเกินไป ผมไม่อยากพูดเพื่อให้คุณให้อภัยมัน แต่การที่คุณโกรธเกลียดมันไปก็เท่านั้น คุณจะไม่สามารถลืมมันได้เลย” เพื่อนสนิทเขาฉลาดอย่างร้ายกาจ ไม่ทำให้รักแต่เลือกที่จะทำให้เกลียดจนลืมไม่ลง เป็นคนที่มีตรรกะในการใช้ชีวิตแปลกๆ ก็อย่างว่า ครอบครัวนี้ไม่ได้เกิดมาเพื่อจะได้ใช้ชีวิตเหมือนคนธรรมดาทั่วไป

“แล้วผม...ต้องทำอย่างไรบ้าง” แม้สีหน้าและแววตาจะมีความลังเลใจ แต่สมิธก็อยากที่จะเข้มแข็งขึ้น ไม่อยากที่จะแพ้ให้คนสารเลวแบบนั้นอีกแล้ว

“เริ่มจากดูรูปก่อนเป็นไง?” เกรย์ฉีกยิ้มอย่างกระตือรือร้น หยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาเสิร์ชหารูปเพื่อน มันหาไม่อยากหรอก ในเมื่อ ลูคัส ฮาลน์ คือนักธุรกิจหนุ่มลูกครึ่งรัสเซีย-อังกฤษ วัย27 ปี เขาเป็นทายาทคนโตของ แคสเซียส ฮาลน์ เจ้าของกิจการ God Casino บ่อนการพนันครบวงจรถูกกฎหมาย ที่นี่เป็นบ่อนระดับไฮคลาสสำหรับคนมีเงินและชนชั้นสูงเท่านั้น มีสาขาอยู่ทุกทวีปในโลก รวยชนิดที่ว่าสามารถซื้อเครื่องบินเจ็ทได้วันละลำเลยทีเดียว ลูคัสทำหน้าที่เป็นผู้บริหารคาสิโนช่วยพ่อตั้งแต่อายุ17ปี เขาไม่ได้มีชีวิตเหมือนเด็กวัยรุ่นทั่วๆไป นั่นก็คงเป็นเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เพื่อนของเขามีนิสัยและรสนิยมที่ผิดแปลกไปจากคนอื่น ตอนนี้ลูคัสนั่งบริหารดูแลอยู่สามทวีป คือ อเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ และเอเชีย ซึ่งส่วนใหญ่จะประจำอยู่ที่ลาสเวกัส มหานครแห่งแสงสีและแหล่งคาสิโนที่มากที่สุดในโลก แต่ช่วง2-3 ปีหลังดูเหมือนไอ้เพื่อนสนิทเขาจะมาประจำอยู่มาเก๊าบ่อยผิดปกติ ก็อย่างว่าล่ะนะ หึๆ

ถามว่ามารู้จักกันได้ยังไงน่ะหรอ...เรื่องมันยาว ข้ามไปเถอะ!

เกรย์ยื่นรูปผู้ชายตัวสูง ผมยาวสลวยสีทองถูกมัดรวบตึงไว้ด้านหลัง ดวงตาคมกริบสีเขียวมรกต พร้อมร้อยยิ้มที่มุมปากอันเป็นเอกลักษณ์ประจำตัว กรอบหน้าเรียวออกคม ดูยังไงมันก็แค่ไอ้ผู้ชายหน้าหวานท่าทางใจดี ใครจะคิดว่ามันคือปีศาจในคราบมนุษย์ สมิธเบ้ปากใส่รูปที่เห็นเหยียดๆ

“เฮ้ยๆ โทรศัพท์พี่” เกรย์รีบห้ามเมื่อสมิธคว้าโทรศัพท์เขาไปแล้วทำท่าจะขว้างทิ้ง สมิธทำท่าโก่งคออ้วกใส่โทรศัพท์แล้วคืนให้เกรย์ที่หัวเราะลั่นห้อง

“ขำอะไรเล่า” สมิธหน้ายุ่งชกไหล่หมอประจำตัวเบาๆ

“ฮ่าๆๆ โอเคๆ ด่านแรกผ่าน มาขั้นตอนต่อไปกัน” กว่าเกรย์จะหยุดหัวเราะได้ก็กินเวลาร่วมสิบนาทีแล้วเข้าสู่โหมดจริงจัง

“อะไรอีก” สมิธมองอย่างหวาดระแวง จริงอยู่ที่เห็นรูปแล้วเขาไม่ได้แสดงอาการหวาดกลัวชัดเจนอะไร แม้ในใจเขาจะกระตุกนิดๆแต่ความขยะแขยงเมื่อครั้นเห็นหน้าก็ยังมากมายไม่เปลี่ยนแปลง เพราะเป็นรูปภาพสมิธจึงกล้าต่างหาก

“ฟังเสียง”

“ไม่เอา!” สมิธแย้งรีบลุกขึ้นจากที่นั่งเพื่อจะหนีไปแต่ก็โดนเกรย์จับแขนเอาไว้ก่อน

“จะหนีหรือ? เข้มแข็งหน่อยสิ ไหนทศกัณฐ์บอกว่าไม่เหมือนเดิมแล้วไง” เกรย์พูดเรียบๆ แววตาเขามีแต่ความเย็นชา สมิธไม่แปลกใจเลยที่พวกเขาเป็นเพื่อนกัน ที่ยังกล้าคุยกับเกรย์ทุกวันนี้ก็เพราะเกรย์ช่วยเหลือเขาหลายอย่าง ทำให้เขาสามารถใช้ชีวิตได้เหมือนคนทั่วๆไป สมิธกำหมัดแน่น ยอมกลับไปนั่งลงที่เดิม

“เก่งมากเด็กดี” เกรย์ลูบหัวพร้อมยิ้มให้สมิธบางๆ มือแกร่งกดหมายเลขต่อสายถึงอีกคน เกรย์จัดการเปิดลำโพงโทรศัพท์ รอสายนานจนเกือบจะตัด แต่ก็มีสัญญาณกดรับพร้อมเสียงทุ้มที่เปล่งออกมาเป็นภาษาอังกฤษ

“ว่าไง” เสียงทุ้มโทนต่ำ ทำลมหายใจสมิธติดขัดขึ้น เกรย์ลูบมือคนไข้เขาเบาๆก่อนจะกรอกเสียงคุยกับปลายสาย

“ทำอะไรอยู่วะ” ปลายสายเงียบไปนิดก่อนจะเอ่ยตอบ

“...ทำงาน ถามแปลกนะมึง” น้ำเสียงลูคัสมีความแคลงใจเล็กน้อย

“ฮ่าๆๆ กูก็ถามไปงั้นแหละ” เกรย์พูดสบายๆ

“เหรอ แล้วมึงล่ะ ทำอะไรอยู่”

“กูก็พักผ่อนอ่ะ ไม่ได้ทำงานจนเงินทับตายเหมือนมึง” เกรย์เหน็บเพื่อนตามนิสัยบ้างานของมัน

“มึงอยู่กับมิทตี้ใช่ไหม” ปลายสายโพล่งออกมาโดยที่คนฟังไม่ทันตั้งตัว สมิธตาเบิกกว้างอย่างตกใจมือกำเข้าหากันแน่นยิ่งกว่าเดิม

“…”

“อยู่จริงๆสินะ ไงมิทตี้” ลูคัสพูดย้ำความคิดตัวเองน้ำเสียงเปลี่ยนเป็นอีกโทน สมิธที่ได้ยินแทบจะอ้วกออกมา ดวงตาแดงก่ำด้วยความกลัว เขาเกลียดผู้ชายคนนี้ที่สุดก็ตรงที่มันรู้ทันคนอื่นไปเสียทุกเรื่อง ฉลาดมากจนน่ากลัว ที่สามารถอยู่ในระดับผู้บริหารได้ตั้งแต่อายุสิบเจ็ดไม่ใช่เพราะเส้นพ่อ แต่เพราะความสามารถของลูคัสที่ไม่มีใครกล้าค้านสักคนว่าเขาไม่เหมาะสม

“เชี่ยไรของมึง กูไม่ได้อยู่กับน้อง” เกรย์ทำเป็นแก้ตัวกลบเกลื่อน จริงๆเขาก็ชั่ว จะพูดให้มันจับไม่ได้ก็ทำได้แต่เขาก็ไม่ทำ ใช่! เขาตั้งใจให้ลูคัสรู้ ไม่ใช่เพื่อเอาใจเพื่อน แต่เพื่อให้สมิธเข้มแข็งขึ้นต่างหาก

“หึๆ ให้มันโทรหาพี่ คิดถึงกันหรือไง?” ลูคัสไม่สนใจเสียงท้วงจากเกรย์ ยังคงกระเซ้าแหย่อีกคนที่เขารู้ว่าฟังอยู่แน่ๆ เกรย์อ้าปากพูดไม่ออกเสียงว่า ‘อดทนไว้’ สมิธกัดฟันแน่นอย่างอดทน นิสัยเขาเป็นที่รู้ดีว่าใจร้อนและโผงผาง มีอะไรก็จะพูกออกไปตรงๆทันที ชอบก็บอกว่าชอบ เกลียดก็บอกว่าเกลียด

“…”

“เอ...หรือจะให้พี่ไปหาดี พี่ก็เริ่มคิดถึงมิทตี้แล้วแฮะ” ลูคัสยังคงยั่วยุอีกคนไม่เลิก เกรย์เห็นสมิธท่าไม่ดีก็เตรียมจะตัดสายแต่คนเด็กกว่ากลับคว้าโทรศัพท์จากเขาไปจ่อปากแล้วตะคอกสุดเสียง

“มึงจะไปตายที่ไหนก็ไป!!! ไม่ต้องมาเสือกคิดถึงกู! กูขยะแขยง...มึงได้ยินไหมว่ากูเกลียดและขยะแขยงมึง!!” สมิธหอบแฮ่ก เขาใส่อารณ์ไปมากจนเหนื่อย

“หึๆ ปากดีจริงๆ อย่างนี้มันน่าจับจูบให้หายซ่า” แม้ลูคัสจะยังมีเสียงหัวเราะติดอยู่ แต่น้ำเสียงที่เปลี่ยนไปก็เรียบเย็นจนน่าขนลุก

“มึงอย่าคิดว่ากูจะกลัว กูไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไปแล้ว” สมิธพูดเสียงเข้มลอดไรฟัน เขาพยายามจะไม่ใช้อารมณ์จะไม่บ้าหลงเดิมตามเกมส์มันอีก แม้ในใจเขาจะหวาดหวั่นเพียงใดแต่สมิธจะไม่มีทางเผยออกมาให้มันได้เห็นความอ่อนแอของเขาอีก

“แล้วพี่จะคอยดูว่านายจะเปลี่ยนไปสักแค่ไหน...แต่รู้อะไรไหมสมิธต่อให้นายเปลี่ยนไปสักแค่ไหนนายก็ไม่มีทางหนีพี่พ้น...ดูจากชื่อนายเป็นตัวอย่างสิ ติ๊ด!” ลูคัสพูดยังไม่ทันจบประโยคดีสมิธก็รีบชิงตัดสายทันที เขาส่งโทรศัพท์ให้เกรย์ เดินลิ่วไปห้องน้ำเปิดก็อกแล้วกวักน้ำสาดใส่หน้าตัวเองหลายๆทีเพื่อเรียกสติ สมิธเงยหน้าขึ้นมองเงาตัวเองในกระจกแล้วเหยียดยิ้มออกมาอย่างสมเพชในโชคขะตาตัวเอง

นั่นสินะ...เขาจะหนีจากมันได้ยังไงกัน เพราะเขาคือ สมิธ ฮาล์น บุคคลที่ตกอยู่ใต้อาณัติ ลูคัส ฮาล์น โดยสมบูรณ์แบบ...

+++++++++++++++

แฮร่ เปรมมาแย้วหลังจากตรอมใจไปพักใหญ่ :hao5: กว่าจะจูนตัวเองกลับมาได้ ขอโทษนักอ่านทุกคนจริงๆ ขอมาทีละครึ่งให้หายคิดถึงกันไปก่อน เรื่องชื่อสมิธจะมีเฉลยในตอนต่อๆไป เชิญเดากันไปก่อนเลย ฮี่ๆ ส่วนเฮียลุคคือพระเอกที่เปรมจะปั้นให้คนด่ามากที่สุด อิอิ จุ๊ฟ :กอด1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 29♡++50%++[19/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: monalism ที่ 19-06-2017 22:12:13
มิทตี้สู้ๆค่ะ //ยังไม่ชินกับชื่อในวงการของนาง  :hao7:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 29♡++50%++[19/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 19-06-2017 23:56:42
มิทตี้~~~~~~ ชื่อน่ารักจังเลย 555555
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 29♡++50%++[19/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 20-06-2017 00:20:13
มิทตี้สู้ๆค่ะ //ยังไม่ชินกับชื่อในวงการของนาง  :hao7:

อันนี้ฮา มิทตี้ ชื่อในวงการ  :laugh:
รันต์ฟื้นมาจะเป็นยังไงเนี่ย
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 29♡++50%++[19/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 20-06-2017 00:55:28
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 29♡++50%++[19/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 20-06-2017 02:00:35
ทั้งลุ้นทั้งกลัวทุกตอน
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 29♡++50%++[19/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 20-06-2017 05:53:01
OMG ทำไมสมิธ  ถึงนามสกุลเดียวกับลูคัส ฮาล์น  :katai1:
ลุค ข่มขืนสมิธ เรื่องมันนานมากแล้ว
แต่ก็ยังยึดติดแต่กับสมิธ เพราะอะไรนะ ต้องเพราะชอบมาก รักมากแน่ๆ
ถ้าทำดี จีบดีๆ ก็น่าจะทำได้
เป็นเพราะสถานการณ์บังคับแน่เลย
ต้องจากไปคุมงานไกลๆ เลยไม่มีเวลาจีบ
เลยเลือกมีสัมพันธ์แบบที่สมิธ ต้องจดจำแต่ตัวเองงั้นหรือ   :z3: :z3: :z3:
อยากอ่านเรื่องของลูคัส x สมิธ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 29♡++50%++[19/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 20-06-2017 08:18:44
 :hao3:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 29♡++50%++[19/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 20-06-2017 08:54:33
อื้อหือ มิทตี้ แต่ก็นะ สู้ ๆ ค่ะเท๊อ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 29♡++50%++[19/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Alone Alone ที่ 21-06-2017 12:45:36
ตอนนี้เริ่มสนใจคู่รองมากกว่าคู่หลักแล้ว 555
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 29♡++50%++[19/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 21-06-2017 19:44:11
ผ่านไปให้ได้ อย่ากลัวพี่สมิท :กอด1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 29♡++50%++[19/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 22-06-2017 23:15:00
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 29♡++50%++[19/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 23-06-2017 19:38:50
มิทตี้สู้สู้ :กอด1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 29♡++50%++[19/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 26-06-2017 17:04:47
มิทตี้สู้ๆค่ะ //ยังไม่ชินกับชื่อในวงการของนาง  :hao7:

อันนี้ฮา มิทตี้ ชื่อในวงการ  :laugh:
รันต์ฟื้นมาจะเป็นยังไงเนี่ย

ขอขำด้วยคน คือคำนี้มันวิ่งเข้ามาในหัวเลยค่ะ ก็ตอนเด็กสมิธนางตัวเล็กน่ารัก สะมีนางก็ต้องเรียกด้วยความเอ็นดูเป็นธรรมดาอยู่แล้ว อิอิ :hao7:


ใจยักษ์ 29.2

ตึกๆๆๆ

“สมิธ! สมิธ!” เสียงวิ่งตึกตักบนพื้นไม้ลามิเนตพร้อมเสียงเรียกชื่อเขาจากทศกัณฐ์ ทำให้สมิธรีบออกจากห้องน้ำมองหาต้นเสียง เขาเห็นเพื่อนสนิทวิ่งหน้าตาตื่นอุ้มเด็กหนุ่มร่างผอมที่ทั้งเนื้อทั้งตัวมีแต่เสื้อเชิ้ตตัวโคร่งติดอยู่ตัวเดียวลงมาจากชั้นสอง

“ใจเย็นๆ เป็นอะไรวะ” สมิธกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าไปหาเพื่อน เกรย์ก็รีบเข้าประชิดตัวทศกัณฐ์ทันทีที่ร่างหนาเท้าแตะชั้นสอง

“พากูไปโรงพยาบาลที รันต์ช็อคหมดสติไปแล้ว” สายตาทศกัณฐ์สั่นไหวอย่างรุนแรง เขาตื่นมาเช็คตัวและทำความสะอาดให้รันต์ แต่คนน้องกลับผลักไสเขา ยื้อยุดกันอยู่นาน อยู่ๆเหรันต์ก็ช็อคหมดสติไปเลย เขาตกใจมากรีบแต่งตัวให้รันต์ลวกๆแล้วพาลงมาด้านล่าง

“ชีพจรเต้นอ่อนมาก รีบไปกันเถอะ สมิธขับรถนะ เดี๋ยวพี่นั่งข้างหลังกับทศกัณฐ์” เกรย์คือคนที่มีสติมากที่สุดเอ่ยบอกกับทั้งคู่หลังเขาจับชีพจรเหรันต์ ไข้ค่อนข้างสูงมากทีเดียว

ทศกัณฐ์กับสมิธพยักหน้าแล้วรีบคว้ากุญแจรถออกจากห้องอย่างรวดเร็ว ขณะที่อยู่บนรถทศกัณฐ์ก็ได้แต่ประคองคนน้องไว้แนบอก ปากก็พร่ำขอโทษไปตลอดทาง เกรย์ก็คอยจับชีพจรรันต์อยู่เรื่อยๆ ส่วนสมิธก็เหยียบคันเร่งสุดฝีเท้าเช่นกัน

++++++++++++++++++

ปวด...คือความรู้สึกแรกที่ผมรู้สึกตัว ผมพยายามจะขยับตัวแต่ก็ทำได้ไม่ดีนักเพราะความปวดร้าวที่รุมเร้าตั้งแต่หัวจรดเท้าทำให้ผมอ่อนแรงและไม่สามารถขยับตัวได้อย่างที่ใจอยาก ผมจึงค่อยๆลืมตาขึ้นมาแทน แสงที่แยงเข้ามาในหน่วยตาทำให้ผมหลับลงอีกครั้งแล้วลืมขึ้นมาใหม่จนดวงตาปรับสภาพได้

เพดานสีครีม ดวงไฟที่ส่องแสงสว่างอ่อนๆพร้อมกลิ่นอบอวลที่สะอาด ผมก็พอเดาได้ว่าตอนนี้ผมน่าจะอยู่ที่โรงพยาบาล ผมกรอกสายตาไปมาทั่วห้องก่อนจะไปสะดุดอยู่ที่ร่างๆหนึ่งที่นอนหลับตาก่ายหน้าผากอยู่โซฟาด้านขวามือผม   ผมถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนจะเบือนหน้าหนีไปอีกทาง แต่กระนั้นก็ยังได้ยินเสียงขยับตัวจากโซฟาแว่วเข้ามาในหู

“ตื่นนานแล้วหรอ...เป็นยังไงบ้าง?” น้ำเสียงแหบๆของเขาดังขึ้นเหนือศีรษะ ผมไม่หันไปมอง ไม่พูดไม่หือไม่อืออะไรทั้งนั้น

“ให้หมอตรวจหน่อยนะ” พูดจบก็ได้ยินเขากดสัญญาณเรียก ไม่ถึงห้านาทีหมอและพยาลอีกคนก็เคาะประตูเบาๆก่อนจะเดินเข้ามาภายในห้อง พยาบาลวัดไข้และความดัน ส่วนหมอใช้ไฟฉายตรวจตาและคอผม เขาพูดอะไรสักอย่างที่ไม่ได้เข้าหูผมเลย จับใจความได้แค่ประโยคสุดท้าย

“...หมอให้อดข้าวอีกหนึ่งวันก่อนนะครับ พรุ่งนี้ถ้าไข้ไม่ขึ้นอีกก็สามารถทานอาหารอ่อนๆได้แล้วครับ” คุณหมอบอกผมด้วยรอยยิ้มปลอบประโลม

“นะ...น้ำ” ผมเปล่งเสียงอันแหบแห้งของตัวเองออกไป เนื่องจากคอแห้งมากจนแสบ หลังผมเอ่ยจบก็มีแก้วน้ำพร้อมหลอดดูดจ่ออยู่ใกล้ๆปากมาจากทางขวามือผม ผมเงียบไม่ยอมอ้าปากดูดน้ำแม้จะอยากดื่มมากแค่ไหนก็ตาม ทั้งห้องเงียบกริบ ผมเห็นว่าพยาบาลทำสีหน้าไม่ค่อยถูก ทศกัณฐ์จึงยื่นแก้วน้ำให้หมอนิ่งๆแทน คุณหมอรับมาด้วยสีหน้าเก้อๆก่อนจะส่งแก้วน้ำมาให้ผมดื่ม ผมขยับปากดูดน้ำจนหมดแก้ว คุณพยาบาลก็เติมให้อีกจนน้ำหมดไปครึ่งเหยือก หลังจากหมอและพยาบาลออกจากห้องไป บรรยายกาศภายในห้องก็เงียบชวนน่าอึดอัดขึ้นมาอีกเท่าตัว

“รันต์” เสียงอ่อนระโหยดังขึ้นข้างพร้อมกับมือหนาที่กุมมืออีกข้างผมเอาไว้ ผมพยายามจะสะบัดออก แต่แรงที่มีตอนนี้ก็น้อยนิดเหลือเกิน

“พี่รู้ว่าพี่ทำผิดมากเกินกว่ารันต์จะให้อภัยได้ พี่ไม่มีข้อแก้ตัว...พี่ขอโทษ” แม้เสียงเขาจะแหบแห้งไม่ต่างจากผม แต่ในน้ำเสียงนั้นก็เต็มไปด้วยความหนักแน่น

“…”ผมยังคงเงียบไร้คำพูดที่จะเอื้อนเอ่ยใดๆ ถูกของเขา สิ่งที่เขาทำกับผมมันไม่ต่างจากพูดสัตว์เดรัจฉานสมสู่กันสักนิด เขาทำผิดมาก...จนยากที่จะอภัย

“แต่ว่าพี่ไม่สามรถปล่อยรันต์ไปได้จริงๆ...อย่าไปจากพี่...ได้โปรด”ทศกัณฐ์กุมมือผมแนบหน้าผากตัวเองเหมือนคนไร้เรี่ยวแรง...เขาในตอนนี้ดูอ่อนแอยิ่งกว่าผมเสียอีก

“หึ คุณนี่มันเห็นแก่ตัวจริงๆ”น่าสงสารอย่างนั้นเหรอ...เทียบไม่ได้สักนิดกับความทุกทรมานที่ผมได้รับ

“พี่รู้ว่าพี่สารเลวมากแค่ไหน มากจนไม่รู้จะชดเชยให้รันต์ได้ยังไง แต่พี่ขอโอกาสให้พี่ได้ดูแลรันต์ ได้ชดใช้ให้กับรันต์นะครับ” ผมหันไปมองทศกัณฐ์นิ่งๆ เขาเงยหน้าขึ้นมองสบตากับผม สายตาสีเขียวซีดที่เคยแข็งแกร่งมั่นคง บัดนี้มีแต่ความเหนื่อยล้าและเว้าวอน

“งั้นหรอ จะชดใช้ให้ใช่ไหม?” ทศกัณฐ์พยักหน้า แววตาเขาเหมือนมีประกายขึ้น รอยยิ้มปรากฏขึ้นเป็นครั้งแรกที่ผมลืมตาตื่นขึ้น แต่ประโยคต่อมาของผมกลับทำให้รอยยิ้มเขาเจื่อนลงไปในพริบตา “ถ้าอย่างนั้นคุณลองไปโดนผู้ชายข่มขืนสักสามวันสามคืนดูสิ ถ้าคุณไม่รู้สึกอะไรผมจะอภัยและอโหสิกรรมให้” มุมปากผมเหยียดยิ้มให้กับเขา

“...” ทศกัณฐ์

“ทำไม่ได้ใช่ไหมล่ะ เพราะฉะนั้นอย่ามาเรียกร้องอะไรกับผมอีก โอกาสที่คุณได้จากผมไปมันมากเกินพอแล้ว คุณทำลายและย่ำยีมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผมเจ็บมากแค่ไหนใครจะรู้” ไม่ใช่แค่ร่างกายที่เจ็บปวดแต่หัวใจผมก็เจ็บปวดมากมายไม่แพ้กัน ทศกัณฐ์จำนนต่อคำพูดผมทุกอย่าง เขาซบหน้าลงกับมือผม สัมผัสเปียกชื้นบนหลังมือทำให้ผมรู้ว่าผู้ชายอย่างเขาก็รู้จักเสียใจและมีน้ำตาเป็น ผมไม่ได้ทำอะไรเขาเลย เป็นเขาต่างหาก...ที่ทำตัวเอง

++++++++++++++++

ผมไม่รู้ว่าตัวเองเผลอหลับไปตอนไหน ก็หลับไปทั้งๆที่เขาจับมืออยู่นั่นแหละเพียงแต่ตัวเขาหยุดร้องไห้แล้ว ผมตื่นขึ้นมาก็เจอพี่สมิธ พี่เซนท์ และคุณเกรย์จิตแพทย์หนุ่มนัยน์ตาน้ำข้าว

“รันต์มึงอยากกินพิซซ่าป่ะ เดี๋ยวกูโทรสั่งให้” พี่สมิธที่นั่งอยู่โซฟาเอ่ยขึ้น

“พี่เห็นบนบอร์ดไหม หมอเขางดอาหารผมครับ” ผมหันไปตอบเขายิ้มๆ พี่สมิธหน้าบึ้งลงนิดๆอย่างขัดใจ

“มึงอยากกินเองก็บอกไอ้สมิธ อย่ามาทำเป็นถามน้องรันต์” พี่เซนท์ที่นั่งอยู่ข้างๆเหน็บเข้าให้  จึงทำให้พี่สมิธล็อคเข้ามาใกล้แล้วเอาเกี่ยวเอาไว้พร้อมรัดแน่นๆจนพี่เซนท์ร้องลั่นห้อง ลำบากคุณหมอต้องไปช่วยแยกออก

“สัส กูเกือบตายแล้วนะ มึงแม่งชอบเล่นอะไรแผลงๆ ไอ้คนซาดิสท์” หลังจากพี่เซนท์หลุดพ้นจากพี่สมิธได้ เขาก็รีบหลบไปนั่งอีกมุมของห้องแล้วบ่นแบบหงอๆเพราะกลัวพี่สมิธจะเข้าไปทำร้ายตัวเองอีก

“กูแค่แกล้งตอนมีโอกาสหรอก” พี่สมิธแสยะยิ้มร้ายออกมา ดูเหมือนปีศาจในคราบเทพบุตรมากๆเลยล่ะครับ

“โอกาสเหี้ยไรของมึง?” พี่เซนท์ถามงงๆ ไม่ใช่แค่พี่เซนท์หรอกครับที่งง ผมก็งงเหมือนกัน

“ก็ตอนนี้ไอ้ดีไม่อยู่ ถ้ามันอยู่กูจะแตะมึงได้ไหมล่ะ” พี่สมิธไขข้อข้องใจทุกคน ก็จริงของพี่สมิธ พี่ดีนี่เหมือนบอดี้การ์ดของพี่เซนท์เลย

“มันอยู่มึงก็ทำกูเหอะ” พี่เซนท์ว่าเสียงสะบัด วันนี้พี่ดีไม่ได้มาด้วยเพราะที่ร้านมีปัญหาอะไรสักอย่างต้องรีบไปดู พี่เซนท์ก็เลยมาเยี่ยมผมกับพี่สมิธแทน ส่วนคุณหมอเกรย์ตามมาทีหลัง

แกร็ก! เสียงเปิดประตูห้องดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของคนที่ผมอยากเจอมากที่สุด

“เมฆ” ผมส่งยิ้มให้เมฆบางๆขัดกับใบหน้าถมึงทึงของเขา

“ผมขอคุยส่วนตัวกับเพื่อนผมสักครู่” เมฆกล่าวเสียงเรียบแบบไม่อ้อมค้อม พี่สมิธขมวดคิ้วไม่พอใจนิดๆแต่ก็ยอมลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องไปก่อนคนแรก ส่วนพี่เซนท์หันมายิ้มให้กำลังใจผมก่อนจะเดินตามออกไปพร้อมๆกับคุณหมอ เมื่อทุกคนออกไปจนหมดทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบนานนับนาที ผมอยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียงส่วนเมฆยืนจ้องตาผมอยู่ที่ปลายเตียงนิ่งๆ ผมเห็นที่ข้อนิ้วเขามีแต่รอยแตกจนเลือดซิบ เขานิ่งมากจนผมเริ่มกลัว ในที่สุดผมก็เป็นคนทำลายความเงียบนี้ขึ้นก่อน

“เมฆไปทำอะไรมา ทำไมมือเป็นแบบนั้น เจ็บไหม?” เอ่ยถามเขาด้วยความเป็นห่วง แต่เสียงที่เมฆตอบกลับมากลับเต็มไปด้วยความปวดร้าว

“ไม่เจ็บเท่าใจกูหรอกรันต์” ผมก้มหน้าไม่กล้าสบตากับเขา หัวใจเหมือนถูกบีบจากมือที่มองไม่เห็น ผมทำให้พี่เสียใจอีกแล้ว

“น้องขอโทษ” ผมเอ่ยเสียงแผ่ว น้ำเสียงสั่นเครืออย่างห้ามไม่อยู่ ไม่รู้ว่าเมฆมายืนอยู่ข้างๆเตียงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาเอื้อมมือมาคว้าศีรษะผมไปซบลงแนบอกตัวเองแล้วกอดเอาไว้หลวมๆ

“ขอโทษทำไม พี่สิที่ต้องขอโทษที่ปกป้องน้องไม่ได้...พี่อยู่ตรงนี้ไม่ต้องกลัวแล้วนะ” ทำนบน้ำตาที่พยายามฝืนไว้พังทะลักออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ผมร้องไห้จนสุดเสียง ระบายความเจ็บปวดออกมามากที่สุดตั้งแต่แม่จากไป ผมคิดว่าน้ำตาคือความอ่อนแอ การร้องไห้ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น แต่วันนี้ผมเจ็บ มันเจ็บอยู่ข้างในใจ มันอึดอัดจนไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ สิ่งเดียวที่ผมทำได้ในตอนนี้คือการปลดปล่อยทุกสิ่งผ่านหยาดน้ำตา ได้แต่ขยุ้มเสื้อพี่จนแน่นแล้วร้องไห้ออกมาดังๆ คิดน้อยใจในโชคชะตาตัวเองเป็นครั้งแรก ความทรงจำในอดีตที่ผ่านมาประดังประเดเข้ามาในความคิดไม่หยุด ในหัวมีแต่คำถามมากมายที่ผมไม่สามารถหาคำตอบให้ตัวเองได้ ทำไมชีวิตผมถึงได้พบแต่ความเจ็บปวด ทำไมผมต้องเป็นคนที่ต้องสูญเสียทุกอย่าง ทำไมผมถึงยังไม่ตาย ตัวผมตอนนี้จะมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่ออะไรกัน

ผมร้องไห้มากที่สุดตั้งแต่จำความได้ ไม่คิดว่าตัวเองจะอ่อนแอได้ถึงขนาดนี้ ผมร้องไปพักใหญ่จึงค่อยๆหยุดเหลือเพียงสะอื้นนิดๆ เมฆก็ยังลูบหัวผมเบาๆอยู่เหมือนเดิม เขาดึงผมออกจากอกพร้อมกับเช็ดน้ำตาให้เบาๆก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำแล้วเดินออกมาพร้อมผ้าชุบน้ำบิดหมาด เขาเช็ดตามใบหน้าและลำคอให้ผมอย่างอ่อนโยน ทั้งๆที่เขาเป็นแค่คนอื่น ไม่ได้มีสายเลือดเดียวกับผมด้วยซ้ำ ทำไมเขาถึงได้ทำดีกับผมขนาดนี้

“ขอบคุณนะเมฆ อย่างน้อยการได้รู้จักเมฆก็เป็นเรื่องดีๆในชีวิตห่วยๆของน้อง” ผมเอ่ยบอกกับเมฆเบาๆ

“อย่าพูดอย่างนั้น เหรันต์ที่กูรู้จักไม่ใช่คนที่ยอมแพ้โชคชะตา มึงอ่อนแอได้รันต์ มึงเป็นเป็นมนุษย์ มึงมีหัวใจ” เมฆลูบศีรษะผมด้วยความอ่อนโยน

“น้องเป็นยักษ์ต่างหาก ชื่อน้องคือชื่อยักษ์ตัวหนึ่งที่ไม่มีความสำคัญอะไรเลย ไม่ค่อยมีใครรู้จัก แทบไม่เคยได้ยินชื่อด้วยซ้ำ คุณแม่บอกกับน้องว่าต่อให้เราไม่ใช่ผู้ยิ่งใหญ่หรือสำคัญมาตั้งแต่เกิด แต่ว่าเราก็มีความสำคัญในตัวเอง วันข้างหน้าเราอาจจะเป็นกองกำลังที่สำคัญให้กับผู้ยิ่งใหญ่ก็ได้ น้องจึงภูมิใจในตัวเองเสมอ แต่วันนี้น้องเหนื่อย...เหนื่อยจนไม่อยากหายใจแล้วเมฆ” ผมระบายความอั้นอั้นออกมาให้เมฆฟัง ผมไม่รู้ว่าทำไมคุณแม่ต้องตั้งชื่อยักษ์ให้กับผม ทำไมต้องไปเหมือนเขาก็ไม่รู้

“…” เมฆ

“ทั้งๆที่น้องควรโกรธเกลียดเขามากกว่านี้ แต่ทำไมใจน้องกลับอ่อนลงง่ายๆแค่เขาหลั่งน้ำตาเพื่อน้อง แค่เขาขอโทษและสำนึกนึกผิดเองนะเมฆ น้องอ่อนแอขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่” ยอมรับตรงๆว่าตอนแรกที่เห็นหน้าเขาก็นึกชิงชังจนอยากฆ่าเขาให้ตาย แต่พอเขาขอโทษและสำนึกผิดความโกรธก็บางเบาลงได้ง่ายๆ ตอนนี้ผมก็โกรธแต่ไม่รู้ว่าต่อไปผมจะใจแข็งได้สักแค่ไหน ผมไม่เคยเห็นทศกัณฐ์เป็นแบบนี้ ผมไม่รู้ว่าเขาเป็นอย่างไร แต่เท่าที่อยู่ด้วยกันมาเป็นเดือนๆผมก็พอรู้ว่าเขาไม่ใช่พวกชอบโกหก ถ้าเป็นเรื่องที่พูดไม่ได้เขาก็จะไม่ปริปากแม้แต่นิด

“น้องไม่ได้อ่อนแอ...น้องแค่รักเขา” เมฆพูดเรียบๆแต่กับเสียดแทงหัวใจผมเข้าอย่างจัง ผมกัดปากตัวเองจนเลือดซิบแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไรออกไป

คุณรู้ไหมว่าสิ่งที่ผมเกลียดที่สุดในชีวิตคืออะไร
.
.
.
.
.
.
ความรักไงล่ะ

ผม...หนีมันไม่พ้นจริงๆใช่ไหม แล้วผมควรตัดใจหรือว่าไปต่อดี...?

เพราะไม่ว่าทางไหน คงเจ็บปวดไม่ต่างกัน

++++++++++++++++++

ติดเกมส์ง่ะ ผิดไปแล้วววว :z6:// ก้าวสู่ความเข้มข้นของเรื่องซะแล้วซี่ เอาล่ะ มาทายกันว่ารันต์จะตัดใจ หรือว่าไปต่อ ฮี่ๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 29♡++100%++[26/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 26-06-2017 17:50:51
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 29♡++100%++[26/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 26-06-2017 17:51:34
น้องรันต์อย่าพึ่งตัดใจนะคะ ให้โอกาสอิทศเค้าหน่อยนะลูก :katai1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 29♡++100%++[26/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 26-06-2017 18:05:53
ต้องมีคำอธิบายให้รันต์นะ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 29♡++100%++[26/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 26-06-2017 18:41:20
น้องรันต์อย่าเพิ่งตัดใจนะ ส่วนพี่ทศก็ห้ามทำร้ายน้องอีก ต้องดูแลน้องให้ดีๆนะ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 29♡++100%++[26/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 26-06-2017 19:00:14
โห ..มาทีทำให้คนอ่านเสียน้ำตาได้นี่สุดยอด
มาต่ออีกสักตอนนะ แล้วค่อยไปติดเกมส์ต่อ
 :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 29♡++100%++[26/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 26-06-2017 19:06:04
ฮืออออ สงสารน้องอ่ะ แต่ก็อยากให้น้องให้โอกาศอิพี่ทศเขานะลูกกกก

หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 29♡++100%++[26/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 26-06-2017 20:07:38
 :katai1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 29♡++100%++[26/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 26-06-2017 21:20:56
ทศ รุนแรงกับรันต์ เพราะเมฆ
เมฆยั่วโมโหหอมรันต์อวดทศ
เมฆโกรธทศ แต่ไม่รู้ว่าสาเหตุมาจากตัวเอง

ใครจะบอกรันต์ ได้ล่ะว่าสาเหตุหนึ่งมาจากยาของทศ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 29♡++100%++[26/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 26-06-2017 21:26:23
 :mew4: :mew4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 29♡++100%++[26/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 26-06-2017 21:36:55
everythingคือทศผิดจ้า แอบรำเมฆที่ทำนู่นนี่ยั่วให้ทศหึง
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 29♡++100%++[26/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 26-06-2017 22:54:16
ไปต่อก็ทำใจลำบาก หยุดก่อนเถอะรัน
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 29♡++100%++[26/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: monalism ที่ 27-06-2017 00:23:39
เหนื่อยพักค่ะน้องรันต์

//ต่อไปนี้จะเข้าสู่กระบวนการทรมานพี่ทศ ทำมันเลยค่ะ หมั่นไส้
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 29♡++100%++[26/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 27-06-2017 02:24:18
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 29♡++100%++[26/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: insunhwen ที่ 27-06-2017 13:34:31
 :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 29♡++100%++[26/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 27-06-2017 19:46:31
นี่ก็ใจอ่อนตามรันต์เหมือนกัน  :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 29♡++100%++[26/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: MorethanMore ที่ 27-06-2017 20:53:35
ป้าก็ใจอ่อนตามหนูลูก ไปต่อเถอะรันต์ อย่าตัดใจเลย ต่อให้ตาย อิยักษ์ทศ มันก็ไปเอาหนูกลับมาได้ เหอ ๆๆ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 29♡++100%++[26/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Panizzz3838 ที่ 28-06-2017 01:04:13
เจ้มจ้นจิงๆเจย....ติดงอมแงมเลยแบบนี้มาต่อเร็วนะ :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 29♡++100%++[26/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Laliat ที่ 28-06-2017 23:39:07
มาม่าต้มยำน้ำข้น :m31:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 29♡++100%++[26/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 29-06-2017 00:43:19
นี่คือ 50%? :katai1: :katai1:
ค้างมากกกกก :z3: :z3:
ไหนก็รู้ว่ารักก็ต้องยอมซักครั้ง
เหรันต์ผู่ไม่ยอมแพ้ในโชคชะตา ก็ลุยเลยค่ะ
สั่งสอนยักษ์ตัวนี้ดีๆละกันค่ะ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 29♡++100%++[26/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 29-06-2017 08:46:35
อื้อหืออออเหมือนโดนกรอกปากด้วยน้ำต้มยำ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 29♡++100%++[26/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 29-06-2017 21:39:07
ตะลุยอ่าน สนุกมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ชอบมากเช่นกัน รออยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 29♡++100%++[26/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: hongzaa ที่ 01-07-2017 03:08:20
ชอบวิธีการเขียน และปมต่างๆมากเลยค่ะ

แต่ไม่อยากกินมาม่าแล้ววว อย่าโกรธกันนานเลย
-------
ให้สมิธกลับไปเป็นผัวแทน หยะแหยงลูคัสอะ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 29♡++100%++[26/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Gato88 ที่ 01-07-2017 11:59:24
ฮือออออออออ น้องเศร้า  :o12:

น้องตามอ่านจนทันแล้ววว ชอบพล็อตเรื่องแบบนี้มากเลยยย
 :mew1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 29♡++100%++[26/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Red_sister ที่ 02-07-2017 02:33:54
คือตามอ่านนน แบบว่าสนุกมากกก นั่งอ่านทั้งวันนนน อยากได้ผัวแบบพี่ทศ แต่คงสู้รีนต์ ไม่ได้ แต่อยากจะพี่ทศว่าา พี่แมนมากค่า กล้าทำาขอโทษ น้องรนต์ หนูก็รักเค้าไปแล้ว รักกันๆสิคะ แหม่ มาต่อเร็วเด้อออ รออ่านต่ออยากให้พี่เมฆช่วยพูดให้น้องเข้าใจทีว่ารักไม่แย่ขนาดนั้นนะคะะะ loveeeeeeeeeee
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 29♡++100%++[26/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 02-07-2017 09:59:09
มาม่ามาแบบน้ำข้นมากๆๆๆสงสารน้องรันต์
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 29♡++100%++[26/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: insunhwen ที่ 02-07-2017 15:52:45
 :z3: :ling1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 29♡++100%++[26/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 02-07-2017 17:18:26
เข้ามาอ่านแล้วติดหนึบ ติดงอมแงม
ตอนล่าสุดบีบหัวใจไปอีก
ถึงจะรู้ว่ายักษ์ตัวพี่ร้าย :hao5: แต่เราก็เห็นใจอยู่ดี
ให้พี่เค้าไถ่โทษเถอะน้องรันต์
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 30♡++50%++[2/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 02-07-2017 22:05:48
ใจยักษ์ 30.1

“อาการคนไข้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วนะครับ พรุ่งนี้ก็สามารถกลับบ้านได้ครับ” คุณหมอบอกอย่างใจดี ผมอยู่โรงพยาบาลมาสี่วันแล้วครับ ถ้านับวันพรุ่งนี้ก็จะครบห้าวัน เหมือนขาดเรียนไปทั้งอาทิตย์ ใกล้สอบไฟนอลแล้วด้วยสิ

“ครับ” ผมพยักหน้ารับทราบที่คุณหมอบอก

“พรุ่งก็จะได้กลับห้องแล้ว ดีใจหน่อยสิวะ” พี่สมิธพูดขึ้นหลังจากที่คุณหมออกจากห้องไปแล้ว วันนี้พี่สมิธมาเยี่ยมผมตั้งแต่เที่ยงจนตอนนี้ก็บ่ายแก่แล้ว เขามาทุกวันจนผมนึกแปลกใจว่าทำไมถึงว่างมาหาได้บ่อยขนาดนี้ มาก็ชวนคุยนั่นคุยนี่ กวนประสาทไปเรื่อย แต่ถึงอย่างนั้นผมก็รู้สึกขอบคุณเขา อย่างน้อยมันก็ทำให้ผมลืมเรื่องเศร้าๆไปได้บ้าง

“ครับ เดี๋ยวผมให้เมฆมารับกลับหอ พรุ่งนี้พี่ไม่ต้องมาก็ได้” ผมยิ้มบอกพี่สมิธ ความจริงเมฆก็มาหาผมทุกวัน แต่จะมาช่วงเย็นเป็นส่วนใหญ่ ส่วนเรื่องนอนเฝ้านั้นผมไม่ต้องการให้ใครมานอนเฝ้าทั้งนั้น ทุกคนก็รับทราบ แต่ก็มักจะมีแขกไม่ได้รับเชิญมายึดโซฟาตอนดึกๆทุกวันล่ะนะ

“เฮ้ย!ไม่ได้” พี่สมิธว่าเสียงดัง ส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วยในสิ่งที่ผมพึ่งบอก

“ทำไมหรอครับ” ผมถามหน้างง ไม่เข้าใจปฎิกิริยาจากพี่สมิธ

“มึงกลับไปนอนหอตัวเองไม่ได้” พี่สมิธขยายความ

“ทำไมจะไม่ได้ ผมจ่ายค่าเช่าทุกเดือน”

“มันไม่ใช่แบบนั้น แต่ตอนนี้มึงยังกลับไม่ได้”พี่สมิธตีหน้ายุ่งอย่างไม่รู้จะอธิบายอย่างไรดี

“แล้วจะให้ผมไปนอนที่ไหน?”

“ก็...ห้อง-”

“ผมไม่ไป!” พี่สมิธพูดยังไม่ทันได้จบประโยคดี ผมก็พูดสวนขึ้นทันควัน ผมรู้หรอกว่าเขาจะบอกว่าที่ไหน

“รันต์” พี่สมิธครางอย่างอ่อนใจ เขามีสีหน้าลำบากใจอย่างเห็นได้ชัด

“ถ้าเป็นพี่ พี่อยากจะกลับไปอยู่ในสถานที่ที่เราถูกทำร้ายไหม พี่ทำใจได้รึเปล่า?” ผมย้อนคำถามคืนให้พี่สมิธ เขาถอนหายหายใจแล้วตอบออกมาสั้นๆ

“ไม่” เขาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดออกมาอีกครั้ง “แต่ในกรณีเรามันไม่เหมือนกัน มึงกำลังตกอยู่ในอันตราย รู้สถานการณ์ตัวเองตอนนี้บ้างสิวะ” พี่สมิธพูดแบบนี้แสดงว่าเขารู้เรื่องนายหริรักษ์และเงื่อนไขระหว่างผมกับทศกัณฐ์แล้วแน่

“ปล่อยให้ผมตายไปเถอะ ชีวิตผมมันไม่มีค่าอะไรแล้ว” ผมพูดเรียบๆ สีหน้าเย็นชาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แม้ว่าจริงๆแล้วความเย็นชานี่แหละคือตัวตนที่แท้จริงของผม ตอนเด็กๆผมอาจจะร่าเริงและยิ้มจริงๆ แต่พอชีวิตผ่านอะไรมาหลายอย่าง ความโดดเดี่ยวมันกัดกินหัวใจผมจนด้านชา การยิ้มของผมมันก็คือละครฉากหน้า หลอกแม้กระทั่งตัวเองว่ามีความสุข ทั้งๆที่ในใจก็ไม่ได้รู้สึกดีขึ้นเลยสักนิด จะว่าผมเป็นเด็กเก็บกดก็คงไม่ผิดนัก ตอนนี้ผมชักจะยิ้มไม่ออกแล้วสิ

“รันต์!...ฟังกูนะ” พี่สมิธจับไหล่ผอมๆของผมให้หันไปทางเขาตรงๆ ผมจำต้องสบตาเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้

“มึงผ่านอะไรในชีวิตมาตั้งเท่าไหร่ ลงทุนลงแรงกับเรื่องนี้ไปมากแค่ไหน มึงจะมายอมแพ้แค่นี้ไม่ได้นะเว้ย กูรู้ว่ามึงเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ไอ้คนทำมันก็เสียใจมากไม่แพ้มึงหรอก” พี่สมิธเว้นช่วง เมื่อหันว่าผมไม่พูดอะไรเขาจึงพูดต่อ

“กูจะพูดสิ่งที่เจ็บปวดที่สุดในชีวิตกูให้ฟัง…กูเคยโดนข่มขืน” น้ำเสียงพี่สมิธขมขื่นไม่แพ้สีหน้าเขา

“ผมรู้” ผมบอกออกไป คิดว่าตัวเองพอเดาได้กับสิ่งที่เขาหลุดพูดหลายๆครั้ง อาการสะดุ้งเป็นบางครั้งเมื่อผู้ชายแปลกหน้าแตะโดนตัว

“ตั้งแต่สิบสอง” ผมตาเบิกโพลงอย่างคาดไม่ถึง ไม่คิดว่ามันจะเลวร้ายขนาดนี้ “ไม่อยากจะเชื่อเลยใช่ไหมล่ะ” พี่สมิธเหยียดยิ้มนิดๆยามเมื่อพูดถึง

“กูโดนหนักกว่ามึงตั้งไม่รู้กี่เท่า ปีแรกแทบไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันด้วยซ้ำ เวลาผ่านไปกี่วันกี่คืนยังไม่รู้เลย กูรู้ว่าความรู้สึกของคนเรามันเทียบกันไม่ได้ แต่ว่ากูก็เจ็บปวดทุกข์ทรมานไม่แพ้มึงหรอก อยากตายยังตายไม่ได้เลย...มึงอาจจะดีกว่าหน่อย ที่พวกมึงสองคนมีความรู้สึกดีๆให้กัน...มึงไม่ต้องปฏิเสธเลยว่ามึงไม่รู้สึกอะไร” พี่สมิธชี้หน้าเมื่อเห็นผมอ้าปากจะพูด คือผมไม่ได้จะปฏิเสธ แต่หมายถึงอีกคนต่างหากเล่า

“แล้วพี่ผ่านมันมาได้ยังไง” ผมถามพี่สมิธ นับถือในความเข้มแข็งของเขามาก ดูไม่ออกเลยว่าเขาเคยเจอเรื่องร้ายๆแบบนั้นมาก่อน

“ทศกัณฐ์ช่วยกูไว้” ผมขมวดคิ้วงงๆ เกี่ยวอะไรกับทศกัณฐ์

“มันเป็นคนพากูออกมาจากที่นั่น เอาชีวิตตัวเองเป็นหลักประกันให้กู ทั้งๆที่ไม่รู้จักกัน”

“พี่ไม่ได้เป็นเพื่อนกับเขามาตั้งแต่แรกหรอ?” ผมเผลอถามออกไปด้วยความสงสัย

“เปล่า กูยัดเยียดความเป็นเพื่อนให้มันเองหลังจากนั้นต่างหาก” พี่สมิธยักไหล่นิดๆก่อนจะพูด “ที่กูจะสื่อให้มึงฟังก็คือ...อย่ายอมแพ้อะไรง่ายๆ ทุกอย่างมันผ่านไปได้ มึงรู้ไหมว่าตอนนี้มึงไม่ได้อยู่คนเดียวแล้วนะ มึงลองเปิดใจดูแล้วมึงก็จะมองเห็นว่าใครอยู่ข้างๆมึงบ้าง” ผมรู้สึกว่าน้ำเสียงพี่สมิธอ่อนโยนกว่าที่เคย เขาลูบหัวผมเบาๆด้วยความเอ็นดู กระบอกตาผมร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ทำไมผมจะไม่รู้ว่าตั้งแต่พวกเขาก้าวเข้ามาในชีวิตผม มีบางอย่างกำลังเปลี่ยน ผมอยากหลอกตัวเองตัวเองต่อว่าพวกเขาผ่านมาแล้วเดี๋ยวก็ผ่านไป อย่าไปรู้สึกดี อย่าไปมีความสุขร่วม ควรถอยออกมาให้ห่างๆ เพราะผมกลัวว่าถ้าไม่มีพวกเขาแล้วผมจะเสียใจ ผมไม่อยากเสียใจอีกแล้ว

“ไม่มีใครทิ้งมึงหรอก พวกกูรักมึงจะตาย ขนาดไอ้ดียังพูดถึงมึงตลอดเลย” น้ำตาหยดแรกร่วงลงสู่ตัก หยดต่อมาไหลรินไม่ขาดสาย ผมร้องไห้อีกแล้ว แต่ความรู้สึกตอนนี้มันทั้งซาบซึ้งและดีใจมากๆเลย ผมอยากมีความสุข อยากอยู่เล่นกับทุกคน ไม่อยากเหงาอีกแล้ว

“ฮึก...พี่จะไม่ ฮึก...ทิ้งผมใช่ไหม” ผมมองสบตาที่สมิธอย่างคาดหวัง กัดริมฝีปากเพื่อกั้นสะอื้น

“ใครจะทิ้งลง น่ารักขนาดนี้ มาเป็นเมียกูมา” พี่สมิธทำท่าจะโน้มหน้ามาหอมแก้มผม แต่ผมเบี่ยงหน้าหนีแล้วเอามือดันอกเขาไว้

“พอเลย ฮึก” ผมยิ้มบางๆ แม้จะยังติดสะอื้นอยู่ ไม่นานทุกอย่างก็เข้าสู่สภาวะปกติ ผมดูทีวี ส่วนพี่สมิธนั่งกดโทรศัพท์แชทกับสาว

“เรื่องไอ้ทศ” อยู่พี่สมิธก็เกริ่นขึ้นหลังจากเราอยู่ในโลกส่วนตัวกันสักพัก ผมเงียบไม่ได้พูดอะไรแต่ก็หันไปมองหน้าเขานิ่งๆแทน

“ไอ้ทศมันไม่ใช่คนพูดมาก มันเป็นลูกผู้ชายอะไรที่มันผิดมันก็ยอมรับผิดแต่โดยดี เพียงแต่เรื่องที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งมาจากอาการป่วยของมัน” พี่สมิธลอบมองปฏิกิริยาผม เมื่อเห็นผมไม่พูดอะไร เขาจึงเอ่ยปากต่อ

“ถ้ามึงคิดว่ากูแก้ตัวแทนแทนเพื่อนล่ะก็...ใช่! มึงคิดถูก”

“อ้าว” อะไรของเขาวะ

“แต่กูอยากให้มึงฟังคำแก้ตัวนี้ก่อนแล้วค่อยตัดสินใจ” พูดสมิธพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังแต่สีหน้าเขาก็ค่อนข้างลังเลที่จะพูด ผมไม่ใช่คนไร้เหตุผลนะ แต่เรื่องที่ทศกัณฐ์ทำผมนึกเหตุผลที่จะมาหักล้างกับสิ่งที่เขาทำไม่ออกจริงๆ

“ถ้ามันพูดยาก ก็ไม่ต้องพูดก็ได้นะครับ” ผมพูดออกไปเบาๆ คิดว่าเรื่องที่พี่สมิธกำลังจะบอกผมอาจเป็นเรื่องสำคัญมาก ที่บอกใครไม่ได้ก็ได้

“มึงรับปากกูได้ไหมว่าถ้ามึงรู้เรื่องนี้ มึงจะไม่เกลียดมันยิ่งก็เดิม” พี่สมิธพูดแกมขอร้อง ผมหลุบตาต่ำอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี

“ผมไม่รู้”

“...ทศกัณฐ์เป็นทายาทคนเล็กของตระกูลฮาล์น ตระกูลนี้มีวิธีการเลี้ยงลูกไม่เหมือนคนอื่น เติบโตมากับบ่อน ทุกอย่างคือการแย่งชิง ผลประโยชน์ต้องมาก่อนเสมอและที่สำคัญ พ่อแม่ไม่มีสิทธิ์ในการปกป้องเลี้ยงดูลูก คุณต้องเติบโตเอง ยืนหยัดให้ได้ด้วยตัวเอง เมื่อคุณมีคุณสมบัติที่พร้อมจึงจะได้สืบทอดกิจการของตระกูลต่อไป”

“บ้าไปแล้ว” ผมครางออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ

“แต่ว่าทศกัณฐ์เลวร้ายกว่านั้น...ลูเซียส ฮาล์น ผู้เป็นปู่มองเห็นอะไรบางอย่างในตัวหลานชายคนเล็ก เขาจับทศกัณฐ์ฝึกศิลปะการต่อสู้ทุกชนิดบนโลกใบนี้ตั้งแต่ทศกัณฐ์ยังไม่ทันสามขวบดี...ทักษะและไวพริบต่างๆถูกยัดเยียดใส่ไว้ในเด็กตัวเล็กๆคนหนึ่ง เก้าขวบฆ่าคนเป็นครั้งแรก ทศกัณฐ์ทำได้อย่างที่เด็กคนไหนไม่สามารถทำได้มาก่อน เขาทำทุกอย่าง...เพียงเพราะปู่บอกว่าจะให้เจอแม่...จนเมื่ออายุสิบสี่ปีเขาได้เป็นหนึ่งในสมาชิกองค์กร JKG ในรัสเซีย ไม่เคยทำงานพลาด เก็บได้ทุกใบสั่ง จนถูกยกว่าเป็นเงาสีเลือด เพราะเขาไม่เคยเปิดเผยใบหน้า ไม่มีข้อมูลที่บอกว่าทศกัณฐ์คือใคร มีเพียงคนเดียวที่รู้ คือ ลูเซียส ฮาล์น หนึ่งในผู้บริหารระดับสูงขององค์กร” พี่สมิธหยุดพักหายใจนิดๆก่อนจะเอ่ยปากเล่าต่อ

“จนเมื่อทศกัณฐ์อายุได้สิบเจ็ดปีเขาก็เริ่มได้สติ รู้ว่าสิ่งที่ทำอยู่ต่อให้ทำไปจนตายก็ไม่มีวันได้เจอหน้าแม่ของตัวเอง เขามีความคิดที่จะออกจากองค์กร ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ สิ่งเดียวที่จะทำให้ออกจากองค์กรได้ คือความตายเท่านั้น แต่ทศกรณ์ก็คือทศกัณฐ์ เขาไร้ซึ่งความกลัว จนสุดท้ายก็โดนลอบฆ่าด้วยกระสุนยาพิษ PS702 ยาพิษตัวนี้มีผลให้สมองทุกส่วนหยุดทำงานในสองนาที  ไม่ทิ้งร่องรอย...ไม่มียารักษา...มึงคิดว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป”

“ตาย” ผมเอ่ยออกมาเบาๆ สมองมีผลต่อร่างกายทุกส่วน ไม่เว้นแม้แต่หัวใจที่ว่าสำคัญ ถ้าสมองส่วนเมดัลลา ออบลองกาตา และพอนส์ ที่ควบคุมการหายใจถูกทำลายทุกอย่างก็จบแล้ว นี่ไม่รวมส่วนอื่นๆอีก

“ใช่...แต่ว่าอาจจะเป็นโชคดีในล้านคนของทศกัณฐ์ที่ยาพิษไม่สามารถทำให้มันตายได้ทันที แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีผลอะไร ยาพิษนี่มีผลในระยะยาวมันแทรกซึมเข้าไปในสมอง ตรวจหาไม่เจอ และยังไม่มียารักษา มีแค่บรรเทาอาการคลุ้มคลั่งที่เกิดในบางช่วงเพราะสมองส่วนฟรอนทัล โลบ ถูกทำลายสาหัสที่สุด มันจะควบคุมพฤติกรรม อารมณ์ จิตสำนึก ความจำและการเคลื่อนไหวไม่ได้” พอพูดแบบนี้ผมนึกถึงทศกัณฐ์ที่อาระวาดจนเกือบฆ่าผมขึ้นมาเลย

“หมายความว่าที่เขาทำไปทั้งหมด คือไม่รู้ตัวหรอ” ผมพูดเสียงแผ่ว ลำคอแห้งผากขึ้นมาเมื่อรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้น

“มันรู้ แต่ควบคุมไม่ได้ จิตสำนึกมันคือมึง ต้องการแค่มึง เรียกร้องมึง กลัวว่ามึงจะมีคนอื่น จิตสำนึกด้านมืดมันจึงทำทุกอย่างแค่ให้มึงอยู่กับมัน” พี่สมิธพูดเหมือนทศกัณฐ์คลั่งผมมากยังไงไม่รู้

“เขาจะมาต้องการอะไรผมมากขนาดนั้น”

“มึงไม่รู้หรอ?...กูว่ามึงรู้นะ แค่มึงไม่ยอมรับมันเอง” ผมเบี่ยงหน้าหนีรอยยิ้มและสายตาแพรวระยับจากพี่สมิธ ไม่รู้อะไรทั้งนั้นแหละโว้ยยยย

“แล้วJKG รู้รึเปล่าว่าทศกัณฐ์ยังมีชีวิตอยู่” ผมถามพี่สมิธเปลี่ยนเรื่อง

“รู้สิ ก็รู้กันทั้งองค์กรนั่นแหละ” พี่สมิธพูดเสียงเรียบ

“อ้าว แล้วอย่างนี้เขาไม่ตามล่าทศกัณฐ์หรอครับ”

“จะตามฆ่าได้ยังไง ก็พวกมันตายหมดแล้ว” พี่สมิธไหวอย่างไม่ยี่ระ ส่วนผมตาโตเท่าไข่ห่าน

“ก็ทำมันก่อน ทศกัณฐ์น่ะถือคติว่า ถ้าไม่ฆ่ามันให้ตาย มันจะตามไปเอาคืนไม่ให้เหลือแม้แต่ธุลี แม้แต่ที่ตั้งองค์กรมันก็ยังระเบิดทิ้งเหลือแต่ซากปรักหักเลย”

“แล้วปู่เขาล่ะครับ” ผมจำได้ว่าเขาคือผู้บริหารระดับสูงขององค์กร

“...ทุกคนต้องชดใช้ให้กับทศกัณฐ์ แม้แต่ลูเซียสก็ยังยอมจำนนแต่โดยดี เขารู้ตัวว่าเขาพรากทุกความสุขไปจากทศกัณฐ์ สร้างทศกัณฐ์ให้เป็นแบบนี้...เขาจึงต้องชดใช้...ทศกัณฐ์จึงให้สัญญากับลูเซียสว่าเขาจะฆ่าลูเซียสล้างมือเป็นคนสุดท้าย...จบทุกอย่างลงด้วยกระสุนเพียงนัดเดียว”

ทั้งๆที่ทศกัณฐ์ดูโหดเหี้ยมเกินมนุษย์ โหดร้ายจนไม่น่าเข้าใกล้ แต่ใจของผมกลับมองว่าเขาช่างน่าสงสารและโหยหาความรักเหลือเกิน

+++++++++++++++++

แฮ่ ยุ่งจริงๆช่วงนี้ ทั้งที่ร้านทั้งย้ายหอ ขอโทษนักอ่านทุกคนจริงๆที่ให้รอนานและมาได้แค่ครึ่งเดียว พรุ่งนี้ถ้าไม่ติดอะไรจะมาต่อครึ่งหลัง(แต่อาจจะดึกนะ) สามสัปดาห์สุดท้ายก่อนเปิดเรียนจะพยายามมาให้บ่อยที่สุด ขอบคุณทุกๆกำลังใจมากค่ะ :กอด1:

หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 30♡++50%++[2/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: MorethanMore ที่ 02-07-2017 22:56:02
ร้องไห้กับพี่ทศแปปได้ไหมคะ มันโหดร้ายเกินไป โหดเกินไป ฆ่าคนเป็นผักปลา เพราะโดนหลอกให้เชื่อว่าจะได้เจอแม่

แต่พี่ชายทศแม่งเชี่ย ข่มขืนเด็ก 12 ขังเป็นปี พี่สมิธ จิตใจชั่งกล้าแกร่งมากค่ะ กราบใจ

น้องรันต์ อย่าปิดกั้นตัวเองเลยนะ กลับไปซบอกพี่ทศ แล้วอ้อนให้ลืมหูลืมตาไม่ขึ้น หาทางไปไม่เจอเลย คิคิ

ว่าแต่ พ่อพี่ทศรู้แน่ๆชะว่ารันต์ รู้จักกับน้องสาวแม่พี่ทศ เลยบีบบังคับทางอ้อม เพราะน่าจะเป็นอย่างเดียวที่ทำให้ทศได้
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 30♡++50%++[2/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 02-07-2017 23:05:15
แก๊งนี้น่าสงสารมากอะ ทั้งพี่ทศทั้งพี่สมิธ   :z3: อิปู่คือชั่วจริง อิพี่ชายด้วย
ข่มขืนเด็กอายุ12เนี่ยนะ ใช่คนป้ะอะ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 30♡++50%++[2/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 02-07-2017 23:13:23
 :mew4: :mew4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 30♡++50%++[2/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Red_sister ที่ 02-07-2017 23:25:19
โอ้ยยยยยย ดีกันเถิดดดดด
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 30♡++50%++[2/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 02-07-2017 23:41:28
พี่ทศของบ่าววววว :กอด1:
มาม่ะขอกอดที น่าเห็นใจจิงๆ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 30♡++50%++[2/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 03-07-2017 00:04:24
 :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 30♡++50%++[2/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 03-07-2017 01:25:34
โอ้ยยยย ชีวิตแต่ละคนทำไมมันน่าหดหู่อย่างนี้นะ ทั้งพี่ทศ พี่สมิธและก็รันต์เลย  :sad4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 30♡++50%++[2/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 03-07-2017 02:52:09
 :hao5: :hao5:
** ธุลี นะคะไม่ใช่ ธุรี ××
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 30♡++50%++[2/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 03-07-2017 04:26:24
น้องรันต์ยอมรับเลยว่ารักยักษ์
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 30♡++50%++[2/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 03-07-2017 07:13:21
ชีวิตแต่ละคน หูดหู่เกินไปแล้ว
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 30♡++50%++[2/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: minnin ที่ 03-07-2017 07:14:52
 :z2:ดาร์กดีชอบๆ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 30♡++50%++[2/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 03-07-2017 07:44:11
น้องรันต์ต้องรักพี่ทศมากๆนะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 30♡++50%++[2/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 03-07-2017 14:42:56
รันต์สงสารอิพี่ทศมันเถอะะะ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 30♡++50%++[2/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: jaokhwan ที่ 03-07-2017 14:53:37
 :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 30♡++50%++[2/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 03-07-2017 15:45:36
ชีวิตทศกัณฑ โหดดีแท้
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 30♡++50%++[2/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 03-07-2017 17:14:54
:hao5: :hao5:
** ธุลี นะคะไม่ใช่ ธุรี ××
แก้แล้ว ขอบคุณมากค่ะ ฮี่ๆ :L1:


ใจยักษ์ 30.2

“พี่บอกเรื่องนี้กับผมทำไม ไม่กลัวผมเกลียดเพื่อนพี่ยิ่งกว่าเดิมหรือไง” ผมถามพี่สมิธเสียงนิ่ง

“กูเชื่อใจมึง...มึงไม่ทิ้งเพื่อนกูหรอก” สมิธระบายยิ้มออกมาบางๆ ผมจึงกระตุกยิ้มยิ้มให้เขาแต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ นี่มันบีบบังคับกูทางอ้อมเลยนี่หว่า

“แล้วตกลงว่ามึงจะกลับไปอยู่ที่คอนโดฯตามเดิมใช่ป่ะ?” พี่สมิธเอ่ยถามขึ้นลุ้นๆ

“ผม...ยังไม่อยากเจอหน้าเขาตอนนี้” ผมบอกความรู้สึกกับพี่สมิธออกไปตรงๆ เข้าใจเรื่องทุกอย่างดี แต่ผมก็มีบาดแผลที่ใจ ผมต้องการเวลารักษาเยียวยามันก่อน ยังไม่พร้อมจะร่วมเดินทางไปกับเขาจริงๆ

“กูว่า...” แกร็ก พี่สมิธกำลังจะพูดอะไรสักอย่าง แต่เสียงเปิดประตูห้องก็ดังขัดจังหวะขึ้นมาซะก่อน บุคคลที่ผมไม่อยากเจอหน้าที่สุดตอนนี้เดินเข้ามา เขาหยุดยืนอยู่ปลายเตียงพร้อมมองหน้าผมนิ่งๆ ผมเฉสายตาหลบไปอีกทาง

“รันต์ไปอยู่ที่คอนโดฯพี่ระบบรักษาความปลอดภัยจะดีกว่า ช่วงนี้หริรักษ์เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว เราไม่รู้ว่ามันจะมาไม้ไหน ปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่า” ทศกัณฐ์เอ่ยขึ้นมานิ่งๆ พี่สมิธก็พยักหน้าเห็นด้วย “ถ้าไม่อยากเห็นหน้าพี่ พี่จะไปอยู่ที่อื่น จะไม่โผล่หน้ามาให้ระคายใจ” พูดจบทศกัณฐ์ก็รีบหมุนตัวเดินออกจากห้องทันที ไม่รอให้ผมได้เอ่ยปฏิเสธด้วยซ้ำ

“ทำตามที่มันบอกเถอะว่ะ ถือว่าเป็นครั้งสุดท้ายก็ได้ ถ้ามึงไม่อยากให้อภัยมันจริงๆ กูขอร้อง” พี่สมิธช่วยพูดให้ทศกัณฐ์อีกแรง ผมถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนจะพยักหน้ารับในที่สุด

“ก็ได้ครับ”
.
.
.
.
.
.
.

“เสื้อผ้าคุณรันต์ ผมย้ายไปไว้อีกห้องให้เรียบร้อยแล้วนะครับ” สตีฟเอ่ยบอกผมเบาๆ ผมพยักหน้ารับไม่พูดอะไรแล้วเดินเข้าไปในห้องนอนเล็กบนชั้นล่าง เมฆเป็นคนพาผมมาส่ง มันบ่นหงุงหงิงนิดหน่อย แต่ไม่ได้ค้านที่ผมจะมาอยู่ที่นี่สักพัก เขาไม่ถามเลยด้วยซ้ำ สตีฟที่หายหน้าไปหลายสัปดาห์มารอรับผมที่ล็อบบี้คอนโดฯ เมฆกลับไปก่อนเพื่อให้ผมได้พักผ่อน

ผมกวาดสายตามองรอบๆห้อง มันเหมือนไม่ใช่ที่ของผมอย่างไรก็ไม่รู้ มือเรียวลูบไปตามที่นอนนุ่มเหม่อๆ ความอ่อนเพลียที่ยังติดค้างอยู่ ทำให้ผมค่อยๆโน้มตัวลงบนเตียงแล้วหลับไปในที่สุด

“...คุณรันต์ ตื่นเถอะครับเย็นมากแล้ว” แรงปลุกเบาๆจากสตีฟทำให้ผมหลุดออกจากห้วงนิทรา สาตาเหลือบมองนาฬิกาดิจิตอลบนผนังบอกอีกสิบนาทีจะหนึ่งทุ่ม หลับไปนานเหมือนกันแฮะ

“จะรับอาหารข้างในห้องหรือข้างนอกครับ” สตีฟถามต่อเมื่อเห็นว่าผมตื่นเต็มตาแล้ว

“ข้างนอก คุณออกไปก่อน ผมขอล้างหน้าก่อนเดี๋ยวตามออกไป” สตีฟยิ้มรับบางๆก่อนจะเดินออกจากห้องไป ผมเดินเข้าห้องน้ำใช้เวลาทำธุระส่วนตัวไม่นานก็เสร็จ เมื่อเดินไปถึงห้องครัวก็มีอาหารไทยสามอย่างพร้อมข้าวสวยหนึ่งจานอยู่บนโต๊ะ ผมนั่งลงแล้วมองสตีฟที่ยืนเฝ้าอยู่ไม่ไกล

“ไปตักข้าวมาอีกจาน” เอ่ยปากบอกอีกคนเสียงนิ่ง

“ครับ?” เขาคงจะงงไม่น้อยกับคำพูดผม

“นั่งทานเป็นเพื่อนผม” ผมขยายความ สตีฟนิ่งไปก่อนจะระบายยิ้มออกมาบางๆ เขาไปตักข้าวแล้วนั่งลงตรงข้ามผม เราทานกันเงียบๆ สตีฟตักกับให้ผมบ้าง แต่ผมไม่ได้ตักคืนให้ หลังกินข้าวเสร็จเขาก็เอายาแก้อักเสบมาให้ผมทาน เพราะช่องทางตรงนั้นของผมยังไม่หายดีนัก เวลาเดินก็มีขัดๆอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้เจ็บปวดมากมายอะไรเท่าตอนแรก

กินยาเสร็จผมก็ไปนั่งดูทีวีเงียบๆคนเดียว เพราะสตีฟทำหน้าที่เก็บกวาดครัวอยู่ ดูทีวีไปได้ไม่นานดวงตาทั้งสองข้างผมเริ่มปรือลง อาจจะเป็นเพราะกินข้าวอิ่มเกินไปบวกกับแอร์เย็นๆทำให้ผมเคลิ้มหลับไปอีกครั้ง
.
.
.
.
.
.

“สตีฟไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวผมดูเขาเอง” เสียงคุ้นหูดังอยู่เหนือศีรษะพร้อมสัมผัสอบอุ่นที่ยกตัวผมขึ้นจากโซฟา มันคุ้นเคยอย่างหน้าประหลาด ผมรับรู้การย่างก้าวเบาๆจนกระทั่งตัวผมโดนปล่อยออกจากอกอุ่นๆนั้นลงบนที่นอน ผมยังหลับตาแม้จริงๆจะรู้สึกตัวตั้งแต่เขาอุ้มขึ้นจากโซฟาแล้ว ทศกัณฐ์เปิดแอร์พร้อมกับอุณหภูมิที่พอเหมาะ ห่มผ้าให้ผมจนถึงคอ อยากเอาออกแทบแย่แต่ก็ไม่กล้าขยับตัวให้เขารู้ ทศกัณฐ์ดับไฟแล้วเสียงฝีเท้าเขาก็เงียบไป ก่อนผมได้ยินเสียงยวบของโซฟาที่มุมห้องเบาๆ  ผมแอบลืมตาเห็นเงานั่งตะคุ่มๆอยู่จริงๆ คิดว่าไม่น่าใช่ผีอ่ะนะ เขานั่งนิ่งๆอยู่แบบนั้นพร้อมกับสายตาที่มองมาทางผมตลอดเวลา(เขาจ้องจนรู้อ่ะ) มีเพียงเสียงแอร์ภายในห้องที่ทำงานเบาๆเท่านั้นที่ขัดความเงียบระหว่างเราสองคน

ก่อนที่ผมจะหลับไปในช่วงใกล้รุ่ง ผมรับรู้ได้ถึงสัมผัสบางเบาที่ประทับลงบนหน้าผาก พร้อมกับการจากไปของใครอีกคน...

+++++++++++++++

“วันนี้ไปแดกชาบูกัน ฉลองที่มึงออกจากโรงพยาบาล” เสียงอ๋องเอ่ยขึ้นหลังจากที่อาจารย์เลิกคลาสก่อนเวลา

“เอ่อ...” ผมกำลังประมวลผลไม่ทัน หันไปมองหน้าเมฆตรงๆ คือนี่มันวันศุกร์ แล้วกูก็มาเรียนตั้งแต่วันจันทร์แล้วป่ะวะ มาฉลองอะไรตอนนี้

“ไปเหอะ พวกมันว่างพร้อมกันวันนี้” เมฆพยักหน้า หมายความว่าไม่ได้มีแค่อ๋องแต่อาจจะมีคนอื่นอยู่ด้วย พอมองไปหลังอ๋องก็เห็นเก่งและพวกบอยอีก5-6คน ไม่รู้สิ ผมทำตัวไม่ค่อยถูก ไม่เคยไปกินข้าวนอกรอบกับเพื่อนเยอะๆขนาดนี้

“ว่าไง แดกกับเพื่อนแค่นี้มีอะไรต้องคิดเยอะวะ” เสียงบอยพูดกดดันคำตอบผมขึ้นมาอีก...เพื่อนงั้นหรอ รอยยิ้มที่มุมปากเผยออกมาอย่างไม่รู้ตัว

“เออก็ได้” ลองดูสักตั้งก็ไม่เสียหายอะไรนี่
.
.
.
.
.
.

“ตอนนี้ผมอยู่ห้างใกล้ๆมอ มากับเพื่อน เสร็จเมื่อไหร่เดี๋ยวโทรหา...ครับ” ผมโทรบอกสตีฟว่ามาห้าง เพราะเขาคือคนที่คอยขี่รถรับ-ส่งผมไปมหาวิทยาลัยตลอดสัปดาห์

“สัดรันต์ป่วยแม่งไม่ยอมบอกเพื่อนสักคำ ไอ้เหี้ยเมฆก็ช่วยกันปิดดีนัก” อ๋องบ่นออกมาขณะที่เรากำลังโซ้ยชาบูอย่างเอร็ดอร่อย

“เอ้า! ก็มันไม่อยากให้พวกมึงวุ่นวายเป็นห่วง ใช่มะ” เมฆหันมาถาม ผมก็พยักหน้าเออออไปกับมัน

“ไม่บอกนั่นแหละยิ่งเป็นห่วง มึงชอบมีอะไรไม่บอกคนอื่น ไปไหนมาไหนคนเดียวตลอด อยู่ดีๆเกิดมึงหายตัวไปใครจะไปรู้กับมึง” เก่งเทศน์ยาว ใช้ตะเกียบชี้หน้าคาดโทษผมไว้ด้วย

“ก็กูเกรงใจ” ผมบอกออกไปตามความรู้สึก

“เกรงใจเหี้ยอะไรล่ะ เพื่อนกัน แดกๆไปเลยยิ่งผอมๆอยู่” อ้นว่าพร้อมคีบลูกชิ้นปลาให้ผมซะเต็มถ้วย

พลั๊วะ!

“ไอ้เหี้ยอ้นมึงอย่าหัวหมอ ตัวเองไม่แดกลูกชิ้นปลาเลยตักให้ไอ้รันต์ใช่ไหมมึง” อ๋องตบหัวเกรียนๆของอ้นซะหน้าทิ่ม

“ควายอ๋อง! รู้ทันกูอีก อุตส่าห์เนียนแล้วเชียว ฮี่ๆ” อ้นยอมรับหน้าตาเฉย ทุกคนเลยหัวเราะกันลั่นโต๊ะรวมทั้งผมด้วย ไม่เกรงใจคนอื่นในร้านเลย

“เป็นไง มีเพื่อนสนุกไหม?” เมฆโน้มหน้ามาถามใกล้ๆขณะที่ทุกคนกำลังเฮฮากันอยู่ ผมเพียงยิ้มกว้างที่สุดในชีวิตแทนคำตอบ

++++++++++++++

“มีอะไรวะ?” พี่สมิธถามขึ้นเมื่อเห็นผมกวาดสายตามองรอบๆตลอดขณะที่เรากำลังเดินกลับจากมินิมาร์ทใกล้ๆคอนโดฯ วันนี้เป็นวันหยุดพี่สมิธจึงมาเล่นด้วยแล้วชวนผมออกมาซื้อของ

“ผมคิดว่าเรากำลังถูกตาม...พี่อย่าหันไปมองนะ!” ผมรีบกระซิบพี่สมิธเสียงเข้มเมื่อเขาทำท่าจะหันไปมองตามที่ผมบอก ผมรู้สึกมาได้สักพักตั้งแต่เดินออกจากมินิมาร์ทแล้ว ตอนนี้ทำได้เพียงเร่งฝีเท้าให้ถึงคอนโดฯเร็วที่สุด ได้แต่ภาวนาว่ามันจะไม่กล้าทำอะไร จนในที่สุดผมกับพี่สมิธก็ถึงคอนโดฯอย่างปลอดภัย

“กลัวนึกว่าเราจะไม่รอดแล้วนะเนี่ย ตื่นเต้นชะมัดเลย” มันใช่เวลาไหมเนี่ย ผมมองพี่สมิธอย่างดุๆ ไม่อยากดึงเขาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเลย

“เรื่องนี้พี่อย่าพึ่งบอกใครนะครรับ” ผมบอกพี่สมิธเสียงเครียดๆ

“ทำไมวะ? มันอันตรายนะเว้ย” พี่สมิธถามอย่างสงสัยขณะที่เราอยู่ในลิฟท์

“ผมว่าผมมีแผน” แผนนี้อาจจะดูอันตรายไปหน่อย แต่ว่าคนอื่นๆไม่ต้องเสี่ยงไปกับผม และถ้าสำเร็จนายหริรักษ์จะต้องได้ชดใช้สิ่งที่ทำลงไปอย่างสาสม

ตอนเย็นผมทำอาหารแนวฟิวชั่นสามอย่างกินกับพี่สมิธและสตีฟ หลังกินอิ่มพี่สมิธก็ชวนเล่นเกมส์ต่อสู้อะไรสักอย่างที่ต้องเล่นกันเป็นทีมส่วนสตีฟขอบาย เล่นไปเล่นมาก็เริ่มสนุก พอคนในทีมเล่นกากนี่ก็หัวร้อนอยู่เหมือนกัน แต่ก็ไม่เท่าพี่สมิธที่แทบจะขว้างโทรศัพท์ทิ้ง เป็นเอามาก-_- เราเล่นกันจนเกือบเที่ยงคืนถึงได้แยกย้ายไปห้องใครห้องมัน เมื่อทำธุระเสร็จเรียบร้อยผมจึงล้มตัวลงบนเตียง มองนาฬิกาอีกสองนาทีจะเที่ยงคืนกดปิดไฟเรียบร้อย ผมปิดเปลือกตาลง ไม่ถึงหนึ่งนาทีเสียงเปิดประตูห้องผมก็ดังขึ้นเบาๆพร้อมกับใครอีกคนที่ย่องเข้าห้องผมเวลานี้เป็นประจำ ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาเขาจะมานั่งเฝ้าผมแบบนี้ตลอด บางวันก็รู้ตัวบ้าง บางวันก็ไม่รู้ตัว แต่ที่ทำให้ผมรู้ว่าเขามาก็เพราะว่าก่อนเช้าที่เขาจะออกไป ทศกัณฐ์มักจะลาผมด้วยสัมผัสนุ่มหยุ่นบนหน้าผากเสมอมันบางเบาราวกับละอองดอกไม้ ไม่เคยเกินเลยนอกจากนั้น ไม่มีคำพูดหรือเสียงกระซิบใดๆออกมา ผมรู้ตัวทุกครั้งไม่รู้เป็นเพราะอะไร แต่หลังจากนั้นก็มักจะหลับสบายจนขี้เกียจตื่นเสมอ

…จุ๊บ…

“พี่ไม่อยู่ ดูแลตัวเองดีๆนะ” เสียงประทับริมฝีปากเบาๆดังขึ้นเมื่อสัมผัสกับหน้าผากผมพร้อมกับถ้อยคำแรกที่เขาเอ่ยออกมาในรอบสัปดาห์ แม้ในความรู้สึกผมมันเหมือนกับว่าเราไม่ได้คุยกันนานเป็นปี ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมเลือกที่จะลืมตาขึ้นมองสบกับดวงตาเขาที่อยู่ห่างไม่ถึงคืบผ่านความมืด เนิ่นนานที่เราสองคนต่างพากันเงียบ เขาบอกลาผมเร็วกว่าปกติและคำพูดนั่นอีก แสดงว่าเขามีที่ๆต้องไป ทำไมผมถึงรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีแปลกๆ หัวใจมันวูบโหวงยากจะอธิบาย ทศกัณฐ์ยืดตัวขึ้น เขาเลือกที่จะออกไปเงียบๆโดยไม่พูดอะไร แต่ก่อนที่เขาจะก้าวพ้นประตูผมก็เอ่ยขึ้นมาเรียบๆ

“ถ้าคุณไม่กลับมา ผมจะไม่มีทางอภัยให้คุณไปตลอดชีวิต”ครั้งสุดท้ายที่ผมจะให้โอกาสเขา ทศกัณฐ์ชะงักเท้า เขาเลือกที่จะเงียบ ไม่รู้เพราะไม่กล้ารับปากหรือว่าไม่อยากพูดอะไร สุดท้ายเขาก็เดินกลับมาสวมกอดผมแรงๆใบหน้าหล่อเหลาซุกลงกับซอกคอผมอย่างโหยหา เอ่ยออกมาเบาๆแต่ก็เต็มไปด้วยความหนักแน่น

“พี่จะพยายาม”

++++++++++++++++++

รันๆขี้ใจอ่อนจัง หึหึ ใกล้แล้วววววว  มันกำลังจะมาแล้ว บอกเลยมาม่าเรื่องนี้ไม่หนัก(หรอ) แค่พอกรุบกริบเป็นสีสันของเรื่อง นี่มันนิยายโรแมนติคนะเธอ ฮี่ๆๆๆ  ขอบคุณทุกกำลังใจค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 30♡++100%++[3/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 03-07-2017 17:20:55
ยักษ์น่าสงสาร สมิธก็น่าสงสาร รันต์ก็น่าสงสาร  :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 30♡++100%++[3/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: question09 ที่ 03-07-2017 17:47:02
 :mew2: :mew2: :mew2: :mew2: :mew2: :mew2:  :mew2: :mew2: :mew2: :mew2:


เริ่มสงสารยักษ์แล้วอ่ะ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 30♡++100%++[3/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 03-07-2017 17:57:27
สงสารยักษ์จัง ขอให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดีนะ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 30♡++100%++[3/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 03-07-2017 17:59:36
น้องรันเริ่มอ่อนให้แล้ว
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 30♡++100%++[3/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 03-07-2017 18:06:39
รันต์ ก็รู้แก่ใจว่าทศ รักรันต์
รันต์ รู้ว่าที่ทศทำเพราะการคลุ้มคลั่งในสมอง
ที่เป็นผลมาจากพิษที่ได้รับ
รันต์ ให้อภัยทศนะ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 30♡++100%++[3/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 03-07-2017 18:19:58
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 30♡++100%++[3/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: hongzaa ที่ 03-07-2017 18:35:05
พี่ทศไปหนายยย ไปจัดการเรื่องให้รัน
รึว่าไปรักษาแล้วมีโอกาสเสี่ยงว่าจะรอดรึไม่รอดดดด
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 30♡++100%++[3/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 03-07-2017 18:49:18
 :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 30♡++100%++[3/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 03-07-2017 19:09:38
 :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 30♡++100%++[3/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 03-07-2017 20:30:09
ทศกัณฐ์มีภารกิจอะไรอันตรายหรือเปล่าเนี่ย?
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 30♡++100%++[3/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 03-07-2017 23:22:21
ยักษ์จะไปไหน ไปรักษาตัว?
ถ้ากลับมาแล้วความจำเสื่อม จำน้องรันต์ไม่ได้ จะทำยังไง :katai1: :katai1: :katai1:
พอๆๆ 555
มโนไปไกลล่ะ ...รอลุ้นต่อไป
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 30♡++100%++[3/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 04-07-2017 00:09:28
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 30♡++100%++[3/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 04-07-2017 00:46:06
น้องรันต์เริ่มใจอ่อนแล้วว
พี่ทศน่าสงสารอะ
เด่ว่าน่าจะไปลองรับยาที่ทดลองกันอยู่
ไปเป็นตัวทดลองรึป่าวอะ ถึงได้ไม่กล้ารับปากว่าจะกลับมา
ถ้ายามันพลาดก้คงกลับมาไม่ได้จริงๆนั่นแหละ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 30♡++100%++[3/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Laliat ที่ 04-07-2017 06:39:38
 :z13: เอิ่ม คนแต่งช่างกล้าเอ่ย นิยายโรแมนซ์ติก :a5:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 30♡++100%++[3/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 04-07-2017 07:09:45
โอยยย เบื้องหลังแต่ล่ะคน
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 30♡++100%++[3/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 04-07-2017 20:41:14
พี่ทศจะไปไหนอ่ะ  :sad4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 30♡++100%++[3/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: กาลณัฐ ที่ 05-07-2017 00:27:41
เป็นนิยายที่สงสารไปหมดทุกคน เลือกทีมไม่ถูก  :hao5:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 30♡++100%++[3/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: insunhwen ที่ 05-07-2017 11:24:29
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 30♡++100%++[3/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: itsgonnabeme ที่ 05-07-2017 12:10:41
ฮือออออออออออออ
พี่ทศสู้ๆ กลับมาปลอดภัยนะคะ
น้องรันต์เข้าใจและก็รอพี่อยู่นะ!
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 30♡++100%++[3/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 16-07-2017 07:16:49
ทศสู้ๆนะกลับมาหาน้องรันต์นะ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 30♡++100%++[3/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 16-07-2017 23:49:30
ทั้งรอทั้งลุ้น..อ๊ายยยย :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 30♡++100%++[3/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: kungverrycool ที่ 21-07-2017 22:36:44
 :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 30♡++100%++[3/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 22-07-2017 15:53:33
มาม่าไม่หนัก
นิยายโรแมนติก
มันใช่หรอ
นี่เราร้องไห้ตาแฉะแล้ว!!!
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 30♡++100%++[3/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 22-07-2017 22:23:32
คิดถึงพี่ทศแล้วนะ...รีบมาเค้ารออยู่ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 30♡++100%++[3/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ohuii ที่ 24-07-2017 00:37:01
ภูมิหลังแต่ล่ะคน FBI กลัวเลย ยิ่งอ่านยิ่งมันส์ คิดถึงพี่ทศกับร้องรันต์หนา
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 30♡++100%++[3/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: poonziis ที่ 02-08-2017 10:17:14
 :pig4: มาต่อเถอะค่ะ  :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 31.1♡++50%++[2/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 02-08-2017 22:30:11
ใจยักษ์ 31.1

“กูไม่ให้!!! มันอันตราย” คนตรงหน้าปฏิเสธเสียงแข็งอย่างไร้เยื่อใย ผมกรอกตานิดๆเมื่อเขาพูดอย่างที่ผมคิดไว้ไม่มีผิด

“แต่วิธีนี้จะทำให้เราได้หลักฐานมัดตัวมันจนดิ้นไม่หลุดเลยนะ” ผมพยายามโน้มน้าวใจเจคก่อนจะคีบซูชิเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ

“กูรู้ แต่กูเป็นห่วงมึงป่ะวะ” ประโยคสั้นๆจากเจคทำให้ผมยิ้มกว้างออกมา รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงรู้สึกสมเพชคนพูดแบบนี้กับผมอยู่พอสมควร คิดๆไปแล้วแต่ก่อนผมก็มองโลกในแง่ร้ายมากอยู่เหมือนกัน

“ขอบคุณมึงมากนะเว้ยที่เป็นห่วงกู แต่นี่มันเป็นงานที่กูต้องทำให้มันจบ...ครั้งสุดท้าย”

“รันต์กูขอร้อง หลักฐานที่เรามีมันเพียงพอแล้ว แค่รอให้คุณทศกัณฐ์กลับมา” เจคขอร้องแกมอ้อนวอน น้ำเสียงเขาสั่นพร่าเหมือนคนกำลังจะร้องไห้

“มึงรู้ว่าเขาไปไหนงั้นหรอ?” ผมสะกิดใจในคำพูดของเจคจึงเอ่ยถามออกไปตรงๆ

“กูไม่รู้ แต่ไม่กี่วันก่อนเขาให้ลูกน้องมาเอาหลักฐานทั้งหมดที่กูมีให้เขา ลูกน้องเขาที่เป็นฝรั่งเลยบอกกูว่าให้รออีกนิด พอทศกัณฐ์กลับมาทุกอย่างจะเรียบร้อย เขาประสานงานกับผู้ใหญ่ให้ดำเนินการให้แล้ว ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการสืบสวน มึงควรรอ” เจคเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง ผมรู้สึกเจ็บใจแปลบๆที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย

“ทำไมกูไม่เห็นรู้เลย”ผมพึมพำกับตัวเองเสียงนิ่ง

“เขาคงพยายามกันมึงให้ห่างจากเรื่องนี้ที่สุด มันไม่ใช่เรื่องดีหรอกนะเว้ยที่จะให้คนอื่นรู้ว่ามึงมีส่วนเกี่ยวข้อง ถ้าเกิดคนนั้นถูกจับแล้ว พวกคู่ค้ามันที่เสียผลประโยชน์มีตั้งเท่าไหร่ มึงคิดว่าพวกมันจะยอมอยู่เฉยๆไหมล่ะ แล้วมึงจะสามารถใช้ชีวิตที่มีความสุขได้ยังไง” ผมเผลอกัดปากตัวเองหลังฟังที่เจคเล่า ทำไมคนอื่นๆถึงทำเพื่อผมมากมายขนาดนี้นะ แล้วผมสามารถทำอะไรได้บ้าง

“แล้วมึงล่ะเจค มึงจะอยู่ยังไง?” เจคเป็นคนที่ทำเรื่องนี้มาโดยตลอดตั้งแต่ต้น เขาต้องไปเป็นพยานแน่ เหมือนเจคกำลังเอาตัวเองเป็นโล่ให้กับผม ผมไม่ยอมให้เป็นแบบนั้นหรอก แต่อยู่ๆคนที่นั่งตรงข้ามกับผมกลับระเบิดเสียงหัวเราะออกมาซะดังลั่น โชคดีที่เรามาร้านอาหารญี่ปุ่นที่เป็นห้องนั่งทานแบบเป็นส่วนตัวจึงไม่ต้องกลัวใครจะมาได้ยินที่เราคุยกัน

“ฮ่าๆๆๆ ไอ้รันต์มึงไม่ต้องมาคิดมากกับกูหรอกน่า มึงลืมไปแล้วหรอว่ากูอยู่กับงานแบบนี้มาทั้งชีวิต กูเป็นเด็กกำพร้าที่ไม่มีใครต้องการเพราะดูอ่อนแอไม่น่ารักเหมือนเด็กคนอื่นๆ แต่วันหนึ่งก็มีตำรวจรับกูมาเลี้ยง กูเหมือนได้ชีวิตใหม่เลยนะ กูรักท่านมาก เลยอยากช่วยงานเขาตอบแทนพระคุณในสิ่งที่กูพอจะช่วยได้ กูไม่ไปเรียนหนังสือเพราะอ่านเองได้ กูไม่มีสังคม ไม่มีเพื่อน ไม่มีใครแล้ว...” หางเสียงเจคดูเศร้าๆ ถ้าจำไม่ผิดเขาบอกว่าบอสเขาโดนเก็บไปแล้ว บางทีบอสที่เขาว่าอาจจะเป็นคนสำคัญคนเดียวในชีวิตของเขา

“ในขณะเดียวกันมึงก็ต้องดำเนินชีวิตเหมือนวัยรุ่นคนอื่นๆ มีเพื่อนและคนที่รัก มึงเลิกหลบซ่อนตัวเองได้แล้ว อย่าใจร้ายกับตัวเองนักเลย เรื่องราวที่ผ่านมามันไม่ใช่ความผิดของมึงนะเว้ย” แค่เพียงไม่กี่ประโยคของเจคกลับทำให้จมูกและดวงตาของผมร้อนผ่าวขึ้นมาซะดื้อๆ ช่วงนี้ผมเป็นอะไรไปกันนะ ทำไมหัวใจถึงได้อ่อนไหวง่ายขนาดนี้ แต่สิ่งที่เจคพูดมันพุ่งตรงมาปักหัวใจผมทุกอย่าง ผมซ่อนตัวเองในโรงเรียนชายล้วนตลอดชีวิตมัธยมปลาย อยู่แค่หอในโรงเรียน ตื่นเช้าก็ไปเรียนตกเย็นก็กลับหอเป็นแบบนี้วนไปในทุกๆวัน ผมสอบชิงทุนของธนาคารต่างชาติแห่งหนึ่งได้ เขาส่งเสียให้ผมเรียนจนจบได้ทุกระดับที่ผมต้องการ ไม่จำกัดว่ากี่ปี ไม่ต้องใช้ทุนคืนตอบแทน เขาให้มากจนผมยังแปลกใจไม่หาย และที่ผมไม่เคยกลับบ้านเลย ไม่ใช่ไม่อยากกลับ แต่ผมกลับไปไม่ได้...ผมไม่อยากให้พวกเขาต้องเป็นอันตรายไปกับผม ผมไม่อยากเสียใครไปอีกแล้ว

ผมมันคนขี้ขลาด อยากผลักไสและเย็นชาใส่ทุกคน ผมไม่อยากรักใคร เพราะผมกลัวว่าวันหนึ่งที่เขาไม่อยู่ด้วยแล้วผมไม่รู้ว่าตัวเองจะเสียใจมากมายขนาดไหน ผมไม่กล้าคิดสภาพตัวเองในตอนนั้นเลยจริงๆ

“พี่ยังมีผมนะ ยังมีผมจริงๆ” ผมระบายยิ้มกว้างให้เจคมากที่สุดเท่าที่เคยยิ้มให้เขา ยิ้มที่ออกมาจากใจผมจริงๆ หางตามีน้ำตาซึมออกมาเล็กน้อยอย่างกลั้นไม่อยู่

“สัส ไม่ต้องมาทำเป็นพูดดี กูไม่ซึ้งหรอกนะเว้ย” คนบอกไม่ซึ้งเลิกเสื้อขึ้นมาปาดน้ำตาตัวเองป้อยๆ “มึงจะไม่ทำแล้วใช่ไหม?” เจคถามขึ้นอีกครั้งหลังจากที่ปรับเสียงสะอื้นตัวเองให้เป็นปกติ  แต่สิ่งที่ผมตอบเขาคือการส่ายหน้าแทนคำตอบ เจคจึงถลึงตาใส่แทบจะลุกข้ามโต๊ะมาขย้ำคอผมเสียให้ได้

“เฮ้! ฟังผมก่อนๆ” ผมรีบยกมือห้ามเจค เมื่อเขายื่นมาทำท่าจะตบหัวผมอย่างหมายมั่น

“อะไร? บอกแล้วไงว่ายังไงกูก็ไม่ให้” เจคพูดเสียงแข็ง หน้าบึ้งๆกับตาแดงๆดูแล้วก็ไม่ใช่ภาพที่เหมาะกับเขาเท่าไหร่

“ผมยังยืนยันว่าต้องการของที่ขอไป แต่จะปรับเปลี่ยนแผนนิดหน่อย” รอยยิ้มมุมปากผมผุดขึ้นมาเมื่อตัดสินใจอะไรบางอย่างได้

“อะไร?” เจคถามเสียงกระด้างพร้อมสีหน้าที่มองผมอย่างเคลือบแคลงใจ ทำไมต้องมองแบบนั้นด้วยวะ ความคิดผมสร้างสรรค์จะตาย(?) ผมกระดิกนิ้วชี้ให้เขาเอียงหูเข้ามาใกล้ๆ เจคอิดออดเล็กน้อยพอเป็นพิธีแต่ก็ยอมเอียงหูมาให้แต่โดยดี

“มันจะดีหรอวะ?” เจคพูดอย่างไม่มั่นใจเมื่อฟังแผนการใหม่ของผม

“มันจะดีสิ” เจคใช้เวลาครุ่นคิดคนเดียวไปนานพอสมควร ผมก็คีบแซลมอนกินไปพลางๆจนเกือบหมดจาน กินหมดแม่งเลยดีกว่า เดี๋ยวเจคอ้วน(กูผอมกว่ามึงอี๊ก//เจค)

“ก็ได้ แต่มึงต้องสัญญากับกูก่อนว่ามึงจะไม่เล่นนอกแผน ถ้าไม่ไหวต้องรีบหนีหรือขอความช่วยเหลือทันที” ผมพยักหน้าตกลง  พร้อมต่อประโยคในใจว่าถ้าสถานการณ์มันไม่เหนือการควบคุมล่ะก็นะ แต่ก็ไม่ได้พูดออกไปเพราะปากกำลังเคี้ยวแซมอนสองชิ้นสุดท้ายอยู่

“เสร็จนี่แล้วไปไหนต่อ”เจคเริ่มสนใจอาหารตรงหน้าตัวเองพร้อมกับถามผมไปด้วย

“ไปทำหล่อ” ผมยักคิ้วซ้ายให้เจคอย่างอารมณ์ดี คงต้องเปลี่ยนลุคใหม่นิดหน่อยเพื่อให้แผนการเป็นไปอย่างแนบเนียน

“อืม...ไอ้รันต์” เจคพยักหน้ารับรู้ก่อนจะชงักแล้วเรียกชื่อผมเสียงนิ่ง

“ครับ?”

“แซลม่อนกูหายไปไหนหมด” สายตาเขาจ้องเขม็งไปที่จานญี่ปุ่นที่ตอนนี้เหลือแค่ผักตกแต่งอยู่เล็กน้อย(ก็ผมไม่ชอบกินผัก)

“ผมแดกหมดแล้ว อร่อยกว่าที่คิดนะ” ผมวิจารณ์รสชาติให้เขาฟังยิ้มๆ

“อะ ไอ้เหี้ยรันนนนน! แซลมอนของโปรดตัวสุดท้ายของกูวววว” เจคโหยหวนขึ้นมาทันที หน้าเขาพร้อมจะฆ่าผมแล้ว ต้องโกรธอะไรเบอนั้นวะ

“ก็ผมนึกว่าพี่ไม่กิน เสียดายของ แดกๆไปก็เพลินดีระหว่างรอมึงคิด”

“ไม่กินพ่องดิ ของโปรดกูเก็บไว้แดกสุดท้ายเว้ย” เจคบอกอย่างหัวเสีย ท่าจะโกรธจริง

“ผมไม่รู้นี่ ทีหลังชอบอะไรก็รีบกินสิ ของอร่อยใครๆเขาก็อยากกินกันทั้งนั้น พอโดนคนอื่นตัดหน้าก็จะหัวร้อนแบบนี้แหละ จำไว้เป็นบทเรียน” ได้ทีผมก็ทำเป็นผู้ใหญ่กว่าสั่งสอนเขาทันทีเขา

“เออ คราวหน้าไม่ได้แดกของกูหรอก มึงก็อย่าลืมเก็บคำพูดนี้ไว้เตือนตัวเองด้วยล่ะ”

“หึๆ” ผมเพียงส่งเสียงหัวเราะเบาๆเป็นคำตอบก่อนเราทั้งคู่จะเริ่มลงมือจัดการอาหารบนโต๊ะไม่ให้เหลือซาก

ผมจะเตือนเจคได้ยังไงถ้าผมไม่เป็นคนแบบนั้น...อะไรที่ผมชอบแล้ว ไม่เคยหลุดมือผมไปได้สักอย่าง

+++++++++++++++++++

ประเทศอังกฤษ

“นายครับ ห้องพร้อมแล้วครับ” โจเซฟเอ่ยกับทศกัณฐ์เรียบๆ ขณะที่ร่างสูงกำลังดูหุ้นผ่านแท็บเลตบนโซฟาหนังตัวยาว เขาวางอุปกรณ์ไอทีลงบนโต๊ะไม้สีทองสลักสไตล์คลาสสิคราคาเหยียบห้าหมื่นปอนด์ในปราสาทแล้วยืนขึ้นเต็มความสูง

“รันต์เป็นยังไงบ้าง” ทศกัณฐ์เอ่ยถามถึงอีกคนที่อยู่คนละซีกโลกกับโจเซฟขณะกำลังเดินเดินขึ้นบันไดไปยังห้องที่จัดเตรียมไว้สำหรับรักษาเขาโดยเฉพาะ

“สตีฟรายงานว่าสถานการณ์ปกติดีครับ แต่ทางนั้นก็ซุ่มรออยู่คงยังไม่กล้าเคลื่อนไหวอะไร”

“อืม บอกสตีฟให้ดูรันต์ให้ดี อย่าให้คลาดสายตาเด็ดขาด” ทศกัณฐ์เอ่ยย้ำกับคนสนิท เขาไม่ได้กลัวว่าพวกหริรักษ์จะบุกมาชิงตัวหรือฆ่าปิดปากอะไรเหรันต์อย่างที่คนอื่นคิด แต่สิ่งที่เขากลัวคือความคิดเด็กน้อยของเขาต่างหาก ดีไม่ดีอาจจะบุกเดี่ยวไปจบเรื่องทั้งหมดนี้เลยก็ได้

โจเซฟเปิดประตูให้ทศกัณฐ์เข้าไปในห้องขนาดใหญ่แสนโอ่อ่าที่ชั้นสามของปราสาท ภายในที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์ทางการแพทย์ เท้าหนาย่ำลงไปบนพรมสีเลือดหมูช้าๆอย่างสงบ มือปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตอย่างไม่เร่งร้อนพลางก้าวขึ้นเตียงนุ่มหลังใหญ่แล้วส่งเสื้อให้คนสนิท ตอนนี้ทั้งตัวทศกัณฐ์มีเพียงกางเกงขายาวผ้าฝ้ายตัวลื่นติดตัวเขาเท่านั้น ข้างๆเตียงเขามีโจเซฟและหมอที่ทำการรักษาเขายาวนานถึงสี่ปีอีกสองคนยืนอยู่ เมื่อทศกัณฐ์นอนอยู่ในท่าที่สบายตัวที่สุดแล้วคุณหมอทั้งสองท่านจึงเริ่มลงมือติดตั้งอุปกรณ์ใส่ตามตัวทศกัณฐ์ คนหนึ่งเจาะสายน้ำเกลือ อีกคนใส่เครื่องวัดชีพจร แม้ทุกคนจะปิดปากเงียบสนิทแต่บรรยากาศภายในห้องกลับไม่ได้กดดันหรืออึดอัดแต่อย่างใด ทุกอย่างดูเรียบเรื่อยผ่อนคลายอย่างไม่น่าที่จะเป็น

“อาจจะเจ็บกว่าที่เคย อดทนหน่อยนะครับ”ด็อคเตอร์ เดวิด คอปเปอร์ แพทย์วัยกลางคนเชื้อสายเมืองผู้ดีเอ่ยกับทศกัณฐ์ขณะกำลังเสียบสายออกซิเจนเข้ากับจมูกทศกัณฐ์

“ผมก็อดทนทุกครั้ง” ทศกัณฐ์เอ่ยเสียงนิ่ง ทุกครั้งที่เขาได้รับยารักษาร่างกายเขามันเจ็บปวราวกับอวัยวะจะฉีกขาดออกจากกันทุกส่วน เขาทนมาถึงสี่ปี เจ็บปวดแสนสาหัสจนอยากจะตายไปซะให้พ้นๆ แต่ก็ไม่อยากยอมแพ้ เขามีหลายอย่างที่ต้องทำ เขามีเป้าหมายที่ยังอยากอยู่ต่อไปจึงได้ทนเป็นคนที่อ่อนแอน่าสมเพชแบบนี้

“ครั้งนี้ถ้าโชคดีคุณอาจฟื้นและมีสิทธ์หายได้ 70% แต่ถ้าโชคร้าย…”  ด็อคเตอร์จอห์น อาร์ช แพทย์หนุ่มระดับหัวกระทิของเยอรมันที่ผันตัวมาเป็นนักวิทยาศาสตร์คิดค้นยารักษาโรคใหม่ๆเอ่ยกับทศกัณฐ์แต่ไม่กล้าพูดต่อในสิ่งที่ไม่ควรพูดถึง

“ผมจะไม่ยอมตายตอนนี้หรอกนะด็อคเตอร์อาร์ช” ทศกัณฐ์ยิ้มที่มุมปากนิดๆ คุณหมอทั้งสองเบิกตานิดๆเพราะไม่คิดว่าจะเห็นรอยยิ้มเล็กๆที่ดูธรรมชาติจากคนระดับนี้

“พวกผมจะทำอย่างสุดความสามารถครับ” คุณหมอเดวิดเอ่ยให้คำมั่นกลายๆ ทศกัณฐ์คือหลานผู้มีพระคุณของเขา เพราะฉะนั้นก็ถือว่าเป็นผู้มีพระคุณอีกคนหนึ่งของเขาเหมือนกัน ชายหนุ่มพยักหน้าให้พร้อมหลับตาลงแสดงถึงความพร้อมในการรักษา เขาไม่เคยต้องเตรียมใจเพราะเขาจะต้องฟื้นเพื่อกลับไปหาอีกคน

ด็อคเตอร์เดวิดและด็อคเตอร์จอห์นหยิบหลอดแก้วใส่ยาเหลืองอ่อนขนาด 10 มิลลิลิตร ออกมาสามหลอด เป็นยาตัวใหม่ที่พวกเขาคิดค้นได้แต่ก็ต้องเสี่ยงใช้ก่อนกำหนด คุณหมดทั้งสองช่วยกันฉีดยาผ่านสายน้ำเกลือให้ทศกัณฐ์อย่างช้าๆ  เวลาผ่านไปสามชั่วโมงร่างกายทศกัณฐ์สั่นและเกร็งขึ้น ลมหายใจหอบถี่ เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดซึมตามใบหน้าและลำตัว คุณหมดทั้งสองฉีดยาระงับอาการเกร็งของกล้ามเนื้อ ทศกัณฐ์กัดฟันแน่นอย่างอดกลั้นเวลาผ่านไปอีกสองชั่วโมงกล้ามเนื้อแน่นเริ่มผ่อนคลายลงพร้อมๆกับลมหายใจที่เริ่มแผ่วลงทุกขณะ ทศกัณฐ์ใช้เวลาต่อสู้กับความเจ็บปวดยาวนานถึงห้าชั่วโมงก่อนห้วงสติเขาจะค่อยๆดับไป

ติ๊ด...ติ๊ด...ติ๊ด...ตี๊ดดดดดดดด....

++++++++++++++++

คิดถึงจังงงงง ก่อนอื่นขอกราบขอโทษงามๆสามที ไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้ เปรมมีเหตุผลส่วนตัวที่ไม่สามารถอัพนิยายได้ซึ่งเหตุผลนั้นร้ายแรงพอที่จะไม่สามารถแต่งนิยายต่อได้อีก เปรมทำทุกอย่างพลาดไปหมด เปรมเหนื่อย เปรมร้องไห้และโคตรเสียใจและทุกคนก็เสียใจเพราะเปรม แต่ไม่ว่ายังไงก็ไม่สามารถทิ้งคนอ่านไปได้จริงๆ เพราะเห็นคอมเม้นและยอดวิวที่เพิ่มขึ้นทุกวันมันอดไม่ได้ มีคนบอกว่าเปรมโตแล้วแต่ยังทำตัวเหมือนเด็ก ชอบฝืนและดื้อดึง ซึ่งคงจะจริง เพราะเปรมจะดื้อในสิ่งที่ตัวเองรัก ไม่ต้องเข้าใจเค้าหรอกนะ แต่เค้าว่าเค้ารักพวกเธอ สู้โว้ยยย <3 :กอด1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 31.1♡++50%++[2/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 02-08-2017 23:17:36
 :mew1:
รักคนเขียน
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 31.1♡++50%++[2/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 02-08-2017 23:55:34
คุณเปรมกลับมาแล้ววววววววว สู้ๆนะคะ เป็นกำลังใจให้นะ  :L2: :กอด1:

พี่ทศต้องหายจากอาการนั้นนะ น้องรันต์รออยู่ ว่าแต่รันต์วางแผนอะไรกับเจคอ่ะ จะรออ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 31.1♡++50%++[2/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 03-08-2017 00:02:03
เย้มาต่อแล้ว
 :กอด1: เก็บกำลังใจให้น้าาาาา
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 31.1♡++50%++[2/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 03-08-2017 00:05:15
ทศกัณฐ์ต้องหาย
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 31.1♡++50%++[2/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 03-08-2017 00:24:48
 o13
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 31.1♡++50%++[2/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 03-08-2017 02:39:02
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 31.1♡++50%++[2/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: MorethanMore ที่ 03-08-2017 04:26:52
เราไม่รู้จักกัน แต่เราเป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ

รันต์เยอะสิ่ง ดื้ออะ ดื้อเกิน ถือตัวมั่นหน้าไปละ 5555
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 31.1♡++50%++[2/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 03-08-2017 04:28:20
เดี๋ยววว ค้างงงงง  :hao5:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 31.1♡++50%++[2/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 03-08-2017 04:34:17
คนเขียนกลับมาแล้วว
ทศกันต์ต้องหายอยู่แล้ว แรงใจดีขนาดนี้
แต่ไม่น่าจะฟื้นมาทันห้ามรันต์แน่ๆเลย
เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 31.1♡++50%++[2/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: numay ที่ 03-08-2017 06:21:41
สู้ๆ รออ่านตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 31.1♡++50%++[2/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 03-08-2017 08:05:05
ดีใจ ไรท์มา  เป็นกำลังให้ไรท์นะ สู้ๆ  :mew1: :mew1: :mew1:

รันต์ ยังพยามยามแก้ไขตามวิธีของรันต์
รันต์ฉลาด รันต์สามารถ
ก็ขอให้มันสำเร็จด้วยดี
แบบงานลุล่วง ทศได้กลับมาหารันต์

รันต์รู้สึกแปลกๆกับร่างกาย หรือรันต์จะ......แล้ว  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 31.1♡++50%++[2/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Red_sister ที่ 03-08-2017 10:29:01
สู้นะคนเขียน อะไรที่ไม่สบายใจก็ปล่อยวางบ้าง เป็นกำลังใจให้นะ พักก่อนค่อยมาใหม่ก็ไม่สายค่าาา สู้ๆค่าาาาา
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 31.1♡++50%++[2/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 03-08-2017 17:53:45
ที่น่าห่วง ไม่ใช่คนพี่ แต่เปนคนน้องอ่ะ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 31.1♡++50%++[2/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 03-08-2017 18:19:02
ทศสู้ๆๆๆๆ o13
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 31.1♡++50%++[2/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 03-08-2017 18:30:34
รอมาตลอดเลยยยยย........
ติ๊ดดดดดดดดด สุดท้ายนี่คืออารายยยยย :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 31.1♡++50%++[2/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 04-08-2017 13:11:02
รีบกลับมานะ..  :hao5:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 31.1♡++50%++[2/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: mook0007 ที่ 04-08-2017 20:19:03
เป็นกำลังใจให้นะคะ สู้ๆ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 31.1♡++50%++[2/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Fonz_Juz19 ที่ 04-08-2017 22:57:06
เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ สู้ๆค่ะ
เป็นเรื่องในดวงใจอีกเรื่องเลย ชอบมากๆค่ะ
ดูมีอะไรน่าติดตามตลอดเลย รัก

พี่ทศต้องหาย แล้วกลับไปหาน้องรันต์นะ
อยากอ่านต่อมากๆเลยยยยยยย 
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 31.2♡++100%++[6/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 06-08-2017 20:16:25
ใจยักษ์ 31.2

“พี่สมิธ วันอาทิตย์นี้ไปดูหนังกันไหมครับ?” ผมเอ่ยชวนพี่สมิธขึ้นระหว่างที่เขาโยนเมล็ดอัลมอนด์เข้าปาก ขาไขว่ห้างกระดิกเท้ายิกๆดูทีวีสบายใจเฉิบ เขาหันมาเลิกคิ้วมองผมนิดๆ

“มึงไม่ชวนกูก็ว่าจะชวนพอดี แต่ก็แปลกใจนิดหน่อยที่มึงเป็นคนเอ่ยปากชวนก่อน”

“ผมก็แค่เบื่อๆ”  ยักไหล่ตอบพี่สมิธกลับไป

“บอกตรงนะ ช่วงนี้มึงดูทำตัวแปลกๆ” พี่สมิธหรี่สายตาไล่สำรวจตัวผมตั้งแต่หัวจรดเท้า

“แปลกมากเลยหรอครับ แล้วมันแปลกในทางที่ดีหรือว่าไม่ดีล่ะ?” ผมยักไหล่ถามเขายิ้มๆ พี่สมิธตีหน้ายุ่งอย่างใช้ความคิด

“มันก็ดี มึงดูสวยขึ้น แรดขึ้น กูไม่ชิน” พี่สมิธเบ้ปากใส่พร้อมผลักหัวผมเมื่อเห็นรอยยิ้มที่ผมชอบใช้ผุดขึ้นบนใบหน้าหลังเขาเอ่ยจบ

“เขาเรียกว่าหล่อและดูดีขึ้นต่างหาก หึๆ” ผมแก้คำที่พี่สมิธใช้นิยามลุคใหม่ผมผิด นี่ก็ผ่านมาสัปดาห์กว่าๆแล้วเขายังไม่ชินอีกเหรอ เมื่อนึกไปถึงวันที่ผมเสร็จธุระจากเจคแล้ว ผมก็ให้สตีฟพาผมไปห้างใกล้ๆ เมื่อไปถึงผมก็เดินเข้าร้านทำผมก่อนเป็นอันดับแรก  พอช่างให้ดูแบบผมก็เลือกไม่ถูก เลยบอกให้เขาจัดการให้เลยขอให้มันดูดีขึ้นและเข้ากับหน้าผมก็พอ ไม่รู้ว่ายากเกินไปไหม แต่ช่างก็เพียงฉีกยิ้มกว้างแล้วเริ่มหั่นเส้นผมบนศีรษะผมทันที ช่างทำผมใช้เวลาราวๆสามชั่วโมงในการละเลงฝีมือบนศีรษะผม พอได้เห็นตัวเองหลังทำสีเสร็จแล้วก็นึกว่าเป็นคนอื่น(ขำ) มันดูดีและสะอาดตาขึ้นเยอะ ผมสีน้ำตาลหม่นประกายเทาอะไรสักอย่างที่ช่างว่ายิ่งทำให้ใบหน้าผมคมเด่นขึ้นกว่าเดิม แวบแรกที่สตีฟเห็นผมเขาชงักมองผมนิ่งก่อนจะระบายยิ้มกว้างออกมาอย่างที่ผมเดาไม่ออกว่าเขาคิดอะไรอยู่ ผมไปซื้อคอนแทคเลนส์ พร้อมซื้อเครื่องประดับตามตัวอีกเล็กน้อย อ้อ...เจาะหูด้วยหนึ่งข้าง

“เหอะ!เดี๋ยวชวนไอ้เซนท์กับไอ้ดีไปด้วยดีกว่า เดี๋ยวนี้เป็นดังแล้วนี่ใครๆก็อยากรู้จัก กูมันก็แค่หมาหัวเน่า จิ๊!” พี่สมิธสะบัดหน้าพรืดไปดูทีวี บนด้วยน้ำเสียงจะว่าไงดี...งอนหรือเปล่าวะ?

“ผมไปดังตั้งแต่เมื่อไหร่วะ?” ยื่นหน้าไปถามพี่สมิธใกล้ๆ เขาก็ใช้นิ้วจิ้มหน้าผากผลักผมออกห่างๆ

“มึงจะปฏิเสธไหมล่ะว่าช่วงนี้ใครๆก็เข้าหามึง ขนาดกูไปซื้อข้าวกินกับมึง มึงก็มัวแต่คุยกับอีปากแดงนั่น ปล่อยให้กูยืนรอตั้งนาน”พี่สมิธกอดอกพูดรัว หน้าบึ้งๆของเขาไม่รู้ว่าแกล้งทำหรือว่าเป็นอารมณ์จริงๆของเขากันแน่ แต่ท่าทางแบบนั้นมันโคตรไม่เข้ากับผู้ชายตัวโตๆอย่างเขาเลย ส่วนเรื่องที่พี่สมิธพูดผมยอมรับว่าผมผิดจริงๆ ช่วงสัปดาห์ก่อนคนแปลกหน้าพยายามเข้าหาและพูดคุยกับผมอย่างที่ในชีวิตผมไม่เคยมีมาก่อน แต่ว่าผมไม่ได้คุยกับทุกคนหรอกนะ ผมก็เหมือนเดิมปฏิเสธคนที่ไม่รู้จักด้วยรอยยิ้มสุภาพอย่างเคย แต่ผู้หญิงปากแดงที่พี่สมิธว่าเธอเป็นเพื่อนที่เรียนเจอร์เดียวกับผมและได้ทำรายงานกลุ่มร่วมกัน  อยู่ๆเธอก็เดินมาถามเนื้อหารายงานจากผมกลางโรงอาหารคณะ จะปฏิเสธไปก็ยากอยู่ เลยบอกให้พี่สมิธไปนั่งก่อน แต่เขาก็เลือกจะยืนรอและจ้องหน้าเธอคนนั้นเขม็ง ก็ไม่คิดว่าจะเก็บกดมาโกรธนานขนาดนี้

“ผมก็บอกให้พี่ไปก่อน ไม่ต้องรอ”

“มึงเลือกอีนั่นมากกว่ากูงั้นสิ” ไปกันใหญ่แล้ววุ้ย

“เปล่า แต่ผมคุยเรื่องงานมันจำเป็น ขอโทษนะครับ หายโกรธผมนะ” ผมยิ้มหวานประจบเขาพร้อมนวดตามแขนคลายเมื่อยให้ด้วย พี่สมิธผ่อนคลายใบหน้าบึ้งตึง ช่วงนี้เขาอารมณ์ขึ้นๆลง ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไร

“กูไม่ได้โกรธมึงหรอก แต่กูจะบอกอะไรให้นะ ไอ้พวกที่เข้าหามึงเพราะมึงดูดีขึ้นน่ะ ไม่ต้องไปสนใจพวกแม่งหรอก ไม่มีใครจริงใจกับมึงสักคน พวกนั้นมองมึงแค่ที่เปลือกนอก เขาไม่สนใจหรอกว่าข้างในจิตใจมึงเป็นอย่างไง แม่งไม่รู้ด้วยซ้ำว่านิสัยมึงเป็นยังไงแต่ก็อยากมาทำเป็นสนิทสนม อยากรู้จักคนหน้าตาดีจะได้เอาไปคุยไปอวดได้ แล้วตลอดเวลาที่ผ่านมาล่ะ สิ่งดีๆที่มึงเคยทำมีใครสนใจแม่งบ้างป่ะวะ” เสียงทุ้มของพี่สมิธเปล่งออกมาอย่างหงุดหงิดแต่กลับมีกระแสอบอุ่นและห่วงใยเจือมาด้วย ผมฉีกยิ้มให้เขาอย่างเข้าใจเจตนาที่พี่สมิธต้องการสื่อ

“ผมเข้าใจดีครับ ไม่ได้อยากหาเพื่อนด้วยวิธีนี้หรอกนะ แค่ที่มีอยู่ตอนนี้ก็ปวดหัวจะแย่” ผมพูดยิ้มๆแกมสัพยอกพี่สมิธไปนิดหน่อย เลยโดนพี่สมิธเขกหัวไปหนึ่งที

“แล้วที่มึงลุกขึ้นมาเปลี่ยนตัวเองนี่เพื่ออะไรวะ” พี่สมิธถามออกมาอย่างสงสัย

“ในความรู้สึกพี่ ผมเปลี่ยนไปรึเปล่า?”

“แค่ข้างนอก แต่นิสัยยังกวนตีนกูเหมือนเดิม”

“แล้วพี่จะสนใจทำไม ในเมื่อพี่ไม่ได้สนใจรูปกายภายนอกผมตั้งแต่แรก”

“ก็ใช่ แต่กูอยากรู้ กูชอบเสือกอ่ะ เข้าใจป่ะวะ!” พี่สมิธเอ่ยอย่างขัดใจเมื่อผมไม่ยอมตอบคำถามเขาตรงๆ

“ฮ่าๆๆๆ ในที่สุดพี่ก็เผยธาตุแท้ออกมาแล้ว” ผมหัวเราะเสียงดังลั่นห้องนั่งเล่น พี่สมิธจึงปาเมล็ดอัลมอนด์ใส่ผมอย่างหมั่นไส้ เมื่อผมเจ็บก็ต้องเอาคืนสิครับ จะเหลือหรอ สงครามปาขนมจึงบังเกิดระหว่างพี่น้องร่วมสาบาน จริงๆผมเป็นคนเสียดายของและรู้คุณค่าอาหารเสมอ แต่ครั้งนี้ขอหน่อยเถอะ หมั่นไส้มานานละ(ร้ายกาจ)

“แฮ่กๆๆ พอๆกูยอมแล้วๆ” พี่สมิธโบกธงขาวยอมแพ้หลังจบมหกรรมฟาดหมอนอิง แน่นอนว่าเขาแพ้เพราะไม่มีอาวุธ...ส่วนผมครบมือ

“มึง...ติดต่อไอ้ทศได้บ้างป่ะวะ มันหายเงียบไปเลย” พี่สมิธถามขึ้นขณะที่เรานั่งพักหลังจากเก็บกวาดห้องเรียบร้อย

“ไม่รู้สิครับ ผมไม่ได้ติดต่อหาเขาสักที” ผมส่ายหน้าตอบพี่สมิธเรียบ ตั้งแต่คืนนั้นทศกัณฐ์ก็เงียบหายไปเลย  เวลาก็ล่วงเลยมาสองสัปดาห์กว่าๆแล้ว ไม่เคยโทรมาเลยสักครั้ง เหอะ! ผมไม่ได้รอเขานะ!

“แล้วมึงใจอ่อนให้มันบ้างรึยังวะ” พี่สมิธถามเสียงแผ่วอย่างไม่มั่นใจว่าจะถามผมดีไหม ผมยิ้มออกมานิดๆเมื่อได้ยิน เขาเป็นคนรักเพื่อนมากเลยนะ รักทุกคนที่อยู่รอบข้าง เป็นห่วงเป็นใยผู้อื่น พี่สมิธเป็รคนดีจริงๆ แต่ทำไมคนดีๆถึงไม่สามารถมีความสุขได้สักที ผมรู้ได้ยังไงน่ะหรอ? แววตาเขาที่สะท้อนความรวดร้าวออกมายังไงล่ะ เขาเป็นเสาที่พักพิงให้กับผู้อื่นได้ได้ แต่ตัวเองกลับพยายามไขว่คว้าหาที่ยึดเหนี่ยวให้ตัวเองไม่รู้จบ ไม่รู้ ไม่มี หรือไม่ยอมรับ

“พี่คิดว่าไง?” ผมย้อนถามคนข้างๆแทนคำตอบ

“กูไม่รู้ กูเดาใจมึงไม่ออก” พี่สมิธยอมแพ้ง่ายๆไม่พยายามเค้นคำตอบจากผมเท่าไหร่

“พี่เคยบอกว่าผมเดาออกง่ายจะตายไม่ใช่หรือไง ลองเดาดูสิ” ผมพูดยิ้มๆ นึกถึงช่วงเวลาที่เคยเล่นเกมส์ทายใจกับพี่สมิธเมื่อตอนที่เขายังอยู่โรงพยาบาล นั่นผมแพ้เขาราบคาบเลยนะ

“ตอนนั้นกูคิดว่ามึงจงใจทำให้กูเดาได้ต่างหากล่ะ ใช่ไหม? มันเป็นไปไม่ได้หรอกที่มึงจะเดาไม่ถูกเลย ความเป็นไปได้มันก็50-50 ป่ะวะ มันก็ต้องมีถูกบ้างแหละ นอกจากคนๆนั้นจะโง่และดวงซวยสุดๆหรือไม่ก็ฉลาดโคตรๆที่วิเคราะห์คนออกไปหมดทุกเรื่องอย่างมึง เป็นต้น” ผมนิ่งไปเล็กน้อยพร้อมฉีกยิ้มกว้างให้พี่ เขาเริ่มตามผมทันแล้ว

“พี่ฉลาดขึ้นนะ” ผมหัวเราะเบาๆ เลยโดนพี่สมิธโบกหัวมาทีหนึ่งพร้อมเสียงโวยวายก่อนเขาจะหันหน้าไปดูทีวีไม่สนใจผมอีก

“กูพี่นะโว้ยยยย” น่าสงสารเขานะครับ หึๆ

++++++++++++++++++

“พี่สมิธผมปวดท้อง ไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ” ผมเอียงตัวไปกระซิบบอกพี่สมิธที่นั่งอยู่ข้างๆขณะที่สายตาเขายังจดจ่ออยู่ที่จอหนังขนาดใหญ่

“ปวดขี้อะไรตอนนี้วะ หนังกำลังมันส์ รีบไปรีบมาเลย” พี่สมิธกระซิบตอบ เขาคงเสียดายแทนผมที่อาจพลาดช็อตเด็ด เพราะหนังกำลังฉายไปเกินครึ่งเรื่องแล้ว

“อื้อ พี่...ถ้าผมเป็นอันตราย พี่จะช่วยผมไหมครับ” ผมเอ่ยถามพี่สมิธก่อนที่จะลุกออกไป

“ก็ต้องช่วยเดะ มึงน้องกู” เขาหันมามองผมนิดๆก่อนจะหันกลับไปดูหนังต่อ

“ผมก็เหมือนกัน...ขอบคุณนะครับ” พูดจบผมก็ลุกออกมาเลย รู้สึกได้ถึงสายตาของพี่สมิธมองตามหลังมา โชคเที่พวกเรานั่งที่นั่งแบบโอเปร่าแชร์ด้านหลังสุด จึงไม่มีใครเสียสมาธิดูหนังจากการลุกขึ้นของผม

ผมเดินไปที่ห้องน้ำ จัดการเปลี่ยนชุดสำรองเอาตัวเก่าใส่เป้แล้วทิ้งไว้ในห้องน้ำ ผมหยิบหมวกขึ้นมาสวมพร้องๆกับเสียงจ้อกแจ้กของผู้คนที่เดินออกมาจากอีกโรงหนึ่งพอดี ผมเดินเนียนไปกับผู้คนที่ทางออก ผ่านบอดี้การ์ดของสตีฟที่นั่งอยู่ก็ไม่มีใครสังเกตุเห็นเพราะพวกเขาคิดว่าผมยังดูหนังอยู่อีกโรงซึ่งจะกว่าจะออกมาก็อีกชั่วโมงกว่าๆ ผมเห็นสตีฟนั่งอยู่โซฟาใกล้ทางออกอีกทาง เอ่ยขอโทษเขาในใจแล้วรีบเดินออกมา สตีฟเป็นคนฉลาดเพราะฉะนั้นไม่ควรเสี่ยงเดินผ่านตาเขาดีที่สุด

ในที่สุดผมก็หลุดออกจากบอดี้การ์ดและการประกบตัวของผู้คนรอบข้าง ทำไมผมจะไม่รู้ว่าช่วงนี้พวกเขาสลับกันตัวติดกับผมเป็นพิเศษ ทั้งเมฆ พี่สมิธ และสตีฟ ไหนจะบอดี้การ์ดที่เดินตามหลังอย่างเปิดเผย เพราะพวกเขารู้ว่าหริรักษ์กำลังเคลื่อนไหวและจับตาดูผมอยู่  ดีที่แค่ในมหาวิทยาลัยยังมีแค่เมฆและพี่สมิธ ผมถอดหมวกทิ้งเผยใบหน้าให้เห็นชัดๆ ทำเป็นเดินวนๆเวียนที่ชั้นนั้น(แต่ห่างโรงหนัง) ราวๆสิบนาที เดินอ้อยอิ่งดูของในแต่ละชั้นเรื่อยๆ เมื่อสังเกตเห็นว่ามีคนหน้าเดิมชุดเดิมๆอยู่ทุกที่ที่ผมไปผมจึงเริ่มแผนการขั้นต่อไป

ผมทำเป็นเดินกดโทรศัพท์ไปลานจอดรถห่างจากป้อมยามพอสมควร ยืนก้มหน้ากดโทรศัพท์ราวๆห้านาทีก็รู้สึกว่ามีคนเดินมาประชิดตัว วัตถุแข็งๆที่คร่าชีวิตคนได้จ่ออยู่ที่เอว  มาสักทีก้มกดโทรศัพท์จนเมื่อยไปหมด

“นิ่งๆแล้วเดินไปซอกนั้นถ้าไม่อยากตาย” เสียงแหบปนกลิ่นบุหรี่ลอยมากระทบจมูก ทำให้ผมนิ่วหน้าจนแทบอ้วก ผิดกับอีกคนที่ผมไม่เคยมีความรู้สึกนี้กับเขาเลยสักนิด ผมเดินไปตามที่มันบอกไร้การขัดขืนใดๆทั้งสิ้น เมื่อเดินไปถึงซอกหลืบที่มันบอกก็พบชายฉกรรจ์หน้าตาน่ากลัวผิวคร้ามแดดสามคนที่ผมจำว่าพวกมันเดินตามผมอยู่ในห้างได้

“ฮ่าๆๆ ไม่คิดว่ามึงจะโง่เดินมาให้พวกกูจับถึงที่ ตามมาตั้งนาน บทจะจับง่ายก็ง่ายแสนง่าย” ไอ้ตัวที่น่าจะเป็นหัวหน้าพูดอย่างสะใจ ก็ต้องง่ายอยู่แล้วสิในเมื่อกูจงใจให้พวกมึงจับได้ ควายเอ้ย ผมมองหน้าพวกมันนิ่งๆอย่างไร้ความรู้สึก พวกมันยังไม่กล้าทำอะไรผมหรอก ตราบใดที่เจ้านายมันยังไม่ได้สิ่งที่ต้องการจากผม

“มองหน้าพวกกูทำไมไอ้ตุ๊ด หรือมึงอยากโดน” ไอ้ลิ่วล้อคนหนึ่งเห็นผมจ้องนิ่งๆก็อารมณ์ขึ้น ง้างมือเตรียมจะตบผม แต่ไอ้คนเป็นลูกพี่มันก็ห้ามเอาไว้ก่อน

“เฮ้ย!อย่าพึ่งทำมัน นายสั่งให้เอาตัวมันไปในสภาพสมบูรณ์ที่สุด เดี๋ยวนายจะเป็นคนจัดการมันเอง...ทำแสบไว้เยอะนักนะมึง ไม่ตายดีแน่” มึงน่ะสิไม่ตายดี ผมเถียงในใจ เมื่อประโยคสุดท้ายมันหันมาแสยะยิ้มขู่ผม

บรืนนนน!

รถตู้สีขาวมุกติดฟิมล์ดำธรรมดาๆหยุดจอดที่บริเวณผมโดนยืนคุมอยู่ ชั่ววินาไอ้ตัวหัวหน้าก็หยิบผ้าเช็ดหน้าสีชมพูขึ้นมาแล้วโปะเข้าที่จมูกผมแน่น ผมดิ้นรนขัดขืนนิดหน่อยเนื่องจากหายใจไม่ออก สักพักมันก็ปล่อยมือออกจากหน้าผม อาการผมตอนนี้มันมึนๆเบลอๆยังไม่สลบในทันที รู้แต่ว่าถูกอุ้มพาดบ่าขึ้นรถ ได้ยินเสียงที่พวกมันเริ่มคุยกันไม่เป็นศัพท์ สายตาผมพร่ามัวพร้อมสติที่ดับวูบไปในที่สุด

Smith’s part

ไอ้น้องรันต์มึงขี้นานไปป่ะวะ ออกไปตั้งแต่หนังเล่นได้ครึ่งเรื่องจนตอนนี้หนังจบแล้วมันก็ยังไม่กลับมา ไฟในโรงหนังเปิดสว่างโร่ ไอ้เซนท์พร้อมๆกับไอ้ดีลุกจากโซฟาข้างผม หน้าแดง ปากแดงบวมเจ่อดูก็รู้ว่าโดนอะไร ไอ้เหี้ยดีนอกสถานที่ก็ไม่เว้น

“น้องรันต์ล่ะ” ไอ้เซนท์ถามกลบเกลื่อนสายตาผมเมื่อไม่เห็นเงาของไอ้เด็กแสบที่ควรจะอยู่ตรงนี้

“ไอ้รันต์ไปขี้ยังไม่กลับมาเลย ตกส้วมตายไปแล้วมั้ง กูไปตามมันก่อนนะ พวกมึงไปรอที่ข้างหน้าก่อนเลย” ผมบอกสองคนนั้นด้วยน้ำเสียงปกติแกมล้อเล่นแล้วรีบสาวเท้าออกมา ทั้งๆที่ในใจผมมันกลับร้อนรนและรู้สึกไม่ดีสุดๆ เมื่อถึงห้องน้ำผมก็รอคนที่เข้าอยู่ให้ออกไปให้หมดก่อน ผมไล่ดูห้องน้ำทุกบานที่เปิด แม้แต่บานที่ปิดก็เคาะเรียก แต่ก็ไม่ใช่คนที่ผมตามหา

จนกระผมเปิดห้องน้ำบานหนึ่งไปเป้สีแดงคุ้นตาวางที่พักของในห้องน้ำ ผมถือวิสาสะเปิดเป้นั้นดูเป็นเสื้อยืดและกางเกงยีนส์ขาดของไอ้เด็กที่ผมพามาด้วยเมื่อตอนเย็น ใจผมหายวาบ หยิบโทรศัพท์กดโทรหามันเมื่อนึกขึ้นได้

ตู๊ด...ตู๊ด...ตู๊ด...

ติดแต่ว่าไม่มีคนรับ!

“Shit!” ผมสบถออกมาอย่างหัวเสีย มันไปแล้ว...แอบไปทำอะไรอันตรายๆคนเดียวแน่ๆ ทำไมมันต้องทำ

“คุณสมิธ! เจอคุณรันต์ไหมครับ” สตีฟวิ่งหน้าตาตื่นเจอกับผมที่เดินออกมาจากห้องน้ำ สายตาเขาหยุดมองเป้ในมือผมพร้อมกับเสื้อผ้าชุดเดิมของไอ้รันต์ คนฉลาดอย่างสตีฟก็เข้าใจทุกอย่างได้แทบจะทันที เขารีบกดมือถือโทรหาลูกน้องให้ออกตามหาไอ้รันต์ให้ทั่วห้าง

“คุณรันต์ออกไปนานรึยังครับ” สตีฟถามเมื่อเห็นผมนิ่งไป

“ชั่วโมงหนึ่งได้” ผมพูดเรียบๆ เหมือนสติหลุดออกจากร่างโกรธก็โกรธที่มันทำอะไรเองไม่บอกคนอื่น แต่ความห่วงมันมีมากกว่า จนผมไม่รู้จะทำยังไงแล้วตอนนี้

“กรินเจอโทรศัพท์ตกอยู่ที่ลานจอดรถ คาดว่าน่าจะเป็นของคุณรันต์ครับ” สตีฟวางกูโทรศัพท์เป็นรอบที่ห้าหันมาบอกกับผม ตอนนี้เราอยู่บนรถสตีฟกลับมาส่งผมที่คอนโดฯก่อน ส่วนไอ้เซนท์และไอ้ดีผมให้พวกมันกลับไปก่อน ไอ้ดีเป็นคนที่รู้เรื่องแล้วจะให้คนของแม่ช่วยตามหาอีกแรง ส่วนไอ้เซนท์ก็ยังมึนๆต่อไป

“งั้นหรอ อย่าพึ่งผลีผลามทำอะไร ซุ่มดูไว้ก่อน” สตีฟวางสายรอบที่หกจากลูกน้อง ดูเหมือนจะมีความคืบหน้าแล้ว

“ได้ความแล้วหรอ” ผมหันไปถามสตีฟ เหงื่อชื้นมือไปหมด

“ครับ ลูกน้องที่ซุ่มดูบ้านพักแถวชานเมืองอีกหลังของนายหริรักษ์บอกว่ามีรถตู้น่าสงสัยที่ไม่ใช่รถประจำบ้านของนายหริรักษ์ขี่เข้าบ้านไปเมื่อกี้ครับ คิดว่าน่าจะเป็นของกลุ่มที่จับตัวคุณรันต์ไป อีกอย่างหนึ่งชั่วโมงก่อนนายหริรักษ์ยกเลิกประชุมด่วน คาดว่ากำลังเดินทางไปที่บ้านหลังนั้นครับ”

“แล้วรออะไรล่ะ ไปเลยสิ ผมไปด้วย” ผมพูดขึ้นอย่างดีใจเมื่อรู้ว่ารันต์อยู่ที่ไหน ถ้ารีบไปช่วยตอนนี้ก็น่าจะทัน แต่สตีฟกลับส่ายหัวให้กับผม

“ผมพาคุณสมิธไปด้วยไม่ได้ครับ มันอันตรายมาก ถ้าคุณเป็นอะไรขึ้นมาด้วยอีกคนผมอาจไม่ได้หายใจบนโลกนี้อีกแล้วก็ได้ แค่คุณรัต์ผมทำหน้าที่บกพร่องยังไม่รู้จะโดนอะไรบ้างเลย” สตีฟบอกด้วยน้ำเสียงหนักใจ เขาคงไม่กล้าเอาชีวิตผมไปเสี่ยงด้วยนั่นแหละ ผมรู้ว่าที่เขาพูดหมายถึงอะไร แต่ผมแค่อยากไปช่วยไม่ได้อยากไปเพิ่มภาระสักหน่อย

“แล้วจะเอายังไงต่อ”

“ผมจะเข้าไปถ่วงเวลาไว้ก่อน ติดต่อนายไม่ได้แต่อีกสองชั่วโมงเจฟจะถึงเมืองไทยแล้วกำลังเสริมคงจะตามไปสมทบ ตอนนี้เราไม่มีกำลังคนมากขนาดที่จะบุกเข้าไปชิงตัวคุณรันต์ออกมาได้ ถ้าไม่สำเร็จมันจะกลายเป็นช่องโหว่ให้ฝั่งนั้นจัดการเรา” สตีฟเอ่ยเครียดๆ ถ้าเขาจะเข้าไปถ่วงเวลาไว้เพียงลำพัง นั่นก็หมายความว่าเขายอมสละชีวิตตัวเองแล้ว

“ไปคอนโดฯ G” ผมพูดเสียงนิ่ง ในเมื่อเรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้วผมก็ไม่มีทางเลือก สตีฟมองหน้าผมราวกับตาฝาด

“ว่าไงนะครับ” เขาอุทานออกมาอย่างไม่เชื่อหู

“ไปคอนโดฯG อยากได้กำลังสนับสนุนไม่ใช่หรือไง” ผมพูดเสียงนิ่ง บังคับจิตใจตัวเองให้เข้มแข็ง มือกำเข้าหากันแน่น ผมตัดสินใจแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ผมจะยอมรับและสู้กับมัน

“แน่ใจแล้วนะครับ” สตีฟถามย้ำอีกรอบกับผม

“อืม” สตีฟหันไปพยักหน้าให้คนขับรถ พวงมาลัยถูกหักเลี้ยวเปลี่ยนไปอีกเส้นทาง

ไปในที่ๆผมจะไม่สามารถก้าวออกมาจากมันได้อีก

++++++++++++++++

ครึ่งหลังเพลินไปนิดจนยาวกว่าปกติ ฮี่ๆ ขอบคุณสำหรับทุกๆกำลังใจเลยนะคะ แม้เปรมจะไม่ค่อยได้ตอบเม้นแต่ก็อ่านทุกคอมเมนท์เสมอเพราะทุกคนคือแรงใจให้นิยายเรื่องนี้ก้าวต่อไปได้ ขอสปอยว่าอีกไม่เกินสิบตอนนิยายเรื่องนี้ก็จะจบแล้ว ใจหายเนอะ.... :L1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 31.2♡++100%++[6/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Fonz_Juz19 ที่ 06-08-2017 22:11:24
หูยยยยยยยยยยยยย
กำลังเข้มข้นเลยยยยยยยยยย
อยากอ่านต่อแล้ว
ใครจะไปช่วยน้องรันต์นะ
สู้ๆนะคะคนเขียน มาต่อเร็วๆนะคะ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 31.2♡++100%++[6/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 06-08-2017 22:41:17
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 31.2♡++100%++[6/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: numay ที่ 06-08-2017 22:57:14
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 31.2♡++100%++[6/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 06-08-2017 23:17:48
เข้มข้นนนน ทศจะฟื้นมาช่วยทันมั้ยเนี่ย
แล้วรันต์จะทำอะไรกันแน่ หาเรื่องจริงๆเลยยย
พี่สมิทจะเป็นไงต่อจากนี้
คนๆนั้นของพี่จะทำคัวดีกว่าเดิมเพื่อรักษาสมิทไว้มั้ย
หรือก้นะทำร้ายแบบเดิมๆ รออค่าา
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 31.2♡++100%++[6/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 06-08-2017 23:34:47
ทำให้คุณพี่ชายกลับบ้านหาฝันร้ายจนได้ :ling2:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 31.2♡++100%++[6/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: MorethanMore ที่ 07-08-2017 00:25:02
โกรธน้องรันต์ได้ไหมอะ คือทำให้พี่สมิธพาตัวกลับไปหาฝันร้ายอะ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 31.2♡++100%++[6/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 07-08-2017 00:26:45
ตื่นเต้นๆ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 31.2♡++100%++[6/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 07-08-2017 07:31:42
เข้มข้นมากๆๆๆ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 31.2♡++100%++[6/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Red_sister ที่ 07-08-2017 09:09:05
ลุ้นตามสุดดดดดด พระเอกค่าตัวแพงงง ออกมาหน่อยค่าา
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 31.2♡++100%++[6/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 07-08-2017 09:17:03
ลุ้นระทึกกันเลยทีเดียว

ชื่อคนผิดเยอะไปนิดนะตอนนี้ แต่เราเดาได้ 555
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 31.2♡++100%++[6/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 07-08-2017 09:25:03
หู้ยยยยย.. มาให้ลุ้นอ่ะ...
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 31.2♡++100%++[6/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 07-08-2017 11:33:56
เปนห่วงพี่สมิทที่สุด นี่ผิดไหมอ่ะ :hao4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 31.2♡++100%++[6/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 07-08-2017 12:01:28
ลุ้น
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 31.2♡++100%++[6/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ป้ากิ่งkingkarn ที่ 07-08-2017 19:12:29
ขอเป็นกำลังใจให้น้องเปรมด้วยอีกคนนะคะ
ไม่ว่ามีปัญหาอะไรอยู่ก็ตาม ขอเอาใจช่วยให้ผ่านพ้นไป
อยากทำได้มากกว่านี้ อยากช่วยปลอบอยากอยู่ข้างๆช่วยเผชิญหน้ากับทุกปัญหา :กอด1:
แต่ติดที่เป็นเพียงผู้ติดตามผลงานนิยายเท่านั้น
คงทำได้ดีที่สุดคือการเป็นกำลังใจผ่านตัวหนังสือว่าจะเป็นแฟนคลับคอยติดตามผลงานต่อๆไป
ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆเรื่องนี้นะคะ  :pig4:
รออ่านตอนต่อไปอยู้น้า สู้ๆจ้า :กอด1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 31.2♡++100%++[6/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 07-08-2017 19:27:03
 :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 31.2♡++100%++[6/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 07-08-2017 22:50:16
มิทตี้ยอมกลับไปหาฝันร้ายเพื่อน้องรันเลยนะ แล้วจะได้กลับออกมามั้ยเนี่ยมิทตี้......
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 31.2♡++100%++[6/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 08-08-2017 00:40:44
น้องรันต์วางแผนอะไรไว้เนี่ยยยย  :sad4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 31.2♡++100%++[6/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Miranda ที่ 08-08-2017 20:55:00
เปรมมาต่อเร็วๆน้า พึ่งอ่านวันแรกก็ซัดยาวจนมาถึงต่อนนี้อ่ะ บอกเลยนะเนื้อหาสนุกมากกกก น่าติดตาม พล็อตเรื่องก็สนุก ยังไงก็มาต่อให้จบน้า /สู้ๆๆๆๆ o13 :heaven
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 31.2♡++100%++[6/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B_SRIKHUNLA ที่ 23-08-2017 19:50:32
ลุ้นตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 32.1♡++50%++[03/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 03-09-2017 20:35:32
ใจยักษ์ 32.1

“จิ๊!” ผมสบถออกมาอย่างหงุดหงิด เมื่อความรู้สึกมึนๆที่ศีรษะและความปวดเมื่อยตามร่างกายแล่นปราดเข้าจู่โจมทันทีที่ผมฟื้นคืนสติ ผมกระพริบตาปริบเพื่อปรับการมองเห็นไม่รู้ว่าหลับไปนานเท่าไหร่แต่มองออกไปข้างนอกก็มืดสนิท ขยับตัวเล็กน้อยไล่ความปวดเมื่อยตามร่างกายแต่ก็ติดไอ้เชือกเส้นใหญ่ที่มัดเท้าและมือผมไขว่หลังไว้

ผมนอนนิ่งอยู่บนเตียงกว้างสีขาวหลังใหญ่ สภาพภายในห้องไม่ค่อยมีสิ่งของเครื่องใช้อะไรมากนัก น่าจะเป็นห้องที่ใช้รับแขกมานอนค้างคืน เมื่อก้มลงสำรวจตัวเองก็พบว่าเสื้อผ้าบนร่างกายยังอยู่ครบ ค่อยยังชั่ว...

แอ๊ด...แต่ผมก็โล่งใจได้ไม่นาน เมื่อเสียงเปิดประตูห้องดังขึ้น ผมสบตากับผู้ที่เปิดเข้ามา ดวงตาสีนิลกร้านโลกมองผมด้วยความคุกรุ่นปนสะใจ ผมสีดอกเลาสลับดำไม่ได้ทำให้เขาดูแก่ขึ้นจากเมื่อ5ปีก่อนเท่าไหร่

หริรักษ์...

“ว่ายังไงเด็กน้อย ไม่ได้เจอกันซะนาน ลืมฉันคนนี้ที่เธอทำแสบไว้ซะเยอะไปแล้วรึเปล่า?” หริรักษ์เดินไปนั่งลงที่เก้าอี้บุนวมตัวหนึ่งที่มุมห้อง เขามีลูกน้องเดินตามเข้ามาอีกสองคน และสายตาของหริรักษ์ยังจับจ้องมาที่ผมอยู่ น้ำเสียงที่เขาเปล่งออกมาดูเรียบๆแต่รอยยิ้มกลับเหี้ยมเกรียมใช้ได้เลย ผมยังมองเขานิ่งไม่ได้พูดอะไรตอบกลับไป กลับเป็นหริรักษ์เองที่เห็นท่าทางผมแล้วฉุนเฉียวขึ้น

“เธอยังกล้ามองฉันแบบนี้อีกหรอ รู้รึเปล่าว่าชีวิตเธอตอนนี้อยู่ในกำมือฉัน” แม้ว่าเขาจะพยายามรักษาท่าทีเยือกเย็นไว้ แต่ไฟในดวงตาเขาก็ค่อยๆลุกโชนขึ้น ตอนนี้ผมยังไม่ควรทำให้เขาโกรธมากไปกว่านี้จะดีกว่า

“รู้สิครับ แต่ท่านจะฆ่าผมจริงๆหรอ” ผมเผยอยิ้มให้เขานิดๆ หริรักษ์จึงลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินมาหยุดอยู่ที่ข้างเตียง

“สิ่งเธอทำไว้กับฉัน ฉันว่าความตายมันยังน้อยไปนะ” เขากำลังขู่ผม ซึ่งผมก็ทำได้แต่ยิ้มสู้เสือ

“ที่ท่านพูดแบบนี้ หมายความว่าท่านจะไม่ฆ่าผม?” ผมถามเสียงซื่อ

“ตอนนี้ยัง แต่ฉันมีวิธีจัดการเธอให้เจ็บปวดได้มากกว่าความตายเยอะ เอาล่ะมาพูดถึงสิ่งที่เธอควรจะทำตอนนี้ดีกว่า”

“…”

“ที่เธอเอา ‘มัน’ ไปเมื่อห้าปีก่อนอยู่ที่ไหน”

“ท่านหมายถึงอะไรหรือครับ ผมไม่เข้าใจ”ผมแกล้งตีหน้าซื่อ ไม่สนใบหน้านิ่งๆที่พร้อมปลิดชีวิตผมได้ตลอดเวลา เขาฉลาดที่ไม่พูดถึง ‘มัน’ ออกมาตรงๆ แต่ผมก็มีวิธีของผมที่จะทำให้เขาพูดถึงมันออกมา

“เธอรู้ว่าฉันหมายถึงอะไรดิว...ไม่สิ เหรันต์ใช่รึเปล่านะ” หริรักษ์แสยะยิ้มให้อย่างเหนือกว่า เขาคงคิดว่าตอนนี้เขาอยู่เหนือผมทุกอย่าง ซึ่งก็เกือบจะใช่ทั้งหมด

“…” เมื่อหริรักษ์เห็นว่าผมยังปิดปากเงียบอยู่ เขาจึงหันไปพยักหน้าให้ลูกน้องคนหนึ่งที่อยู่ภายในห้องด้วย ชายคนนั้นเดินเข้ามาใกล้พร้อมหยิบรูปปึกเล็กจากกระเป๋าข้างในสูทส่งให้หริรักษ์ เขารับมาแล้วแสยะยิ้มก่อนจะเขวี้ยงรูปพวกนั้นใส่หน้าผมจนชา ผมมองตามภาพพวกนั้นด้วยแววตานิ่งเฉย คิดเอาไว้อยู่แล้วว่าสักวันต้องเป็นแบบนี้ รูปแต่ละใบถ่ายอิริยาบถต่างๆที่ผมอยู่กับคนรอบข้างที่สนิทหรือคุยด้วยบ่อยๆ ไม่เว้นแม้แต่รูปผมกับทศกัณฐ์ที่ออกจากคอนโดฯไปด้วยกัน

“เธอเป็นคนสวยเหรันต์ สวยขึ้นกว่าเมื่อก่อนมากจริงๆ อำพรางตัวเองได้มิดชิดจนไม่น่าเชื่อ แต่นอกจากหน้าตาสะสวยที่เธอมี สิ่งที่มีค่ายิ่งกว่านั้นคือสมองอันชาญฉลาดของเธอต่างหาก เกือบห้าปีที่ฉันตามกลิ่นเธอไม่เจอเลย ถ้าเธอไม่เก่งจริงเธอคงทำอย่างนั้นด้วยตัวคนเดียวไม่ได้หรอก และถ้าตอนนี้เธอยังพอมีความฉลาดอยู่บ้าง เธอคงรู้ดีว่ารูปพวกนี้ฉันหมายถึงอะไร”

“ท่านกำลังขู่ผม”

“จะลองดูสักคนไหมล่ะ แค่ฉันโทรกริ๊งเดียว สมองใครสักคนในนี้กระจุยได้ทันทีเลยนะ เริ่มจากคนนี้ก่อนเป็นไง” หริรักษ์หยิบรูปพี่สมิธที่กำลังยิ้มกว้างทานอาหารอยู่กับผมบนห้าง

“การฆ่าคนไม่ใช่เรื่องที่ทำกันได้ง่ายๆ เขาไม่ใช่คนแร่ร่อนไร้ญาติขาดมิตร ถ้าเขาตายผิดธรรมชาติขึ้นมา แน่นอนว่าต้องมีการสอบสวน ท่านคิดว่าท่านจะรอดง่ายๆอย่างนั้นหรอครับ เผลอๆเรื่องที่ท่านปกปิดไว้ก็จะแดงขึ้นมาด้วย” เมื่อผมพูดจบแทนที่หริรักษ์จะมีท่าทีคิดทบทวน เขากลับระเบิดเสียงหัวเราะออกมาเสียงดังลั่นห้อง ผมขมวดคิ้วมุ่น นี่ผมพูดอะไรผิดไปรึเปล่าวะ

“ฮ่าๆๆๆ เธอนี่ใสซื่อจริงๆเหรันต์ เธอคิดว่าฉันจะยอมให้พวกสุนัขรับใช้พวกนั้นตามกลิ่นฉันเจอง่ายๆหรือ ฉันอยู่วงการนี้มากกว่าอายุเธอเสียอีก สั่งเก็บมาไม่รู้ตั้งกี่ศพมีใครทำอะไรฉันได้บ้าง และต่อให้สามารถตามมาถึงฉันได้จริงๆ ฉันก็ไม่กลัว ตราบใดที่ไม่มีหลักฐานและฉันไม่ยอมรับก็ไม่มีทางเอาผิดฉันได้ง่ายๆหรอก” หริรักษ์หัวเราะเยาะในความโงงมของผม ซึ่งมันก็คงจะจริงอย่างที่เขาพูดเพราะแม้ขนาดบอสของเจคโดนฆ่าปิดปากเรื่องยังเงียบมาจนถึงทุกวันนี้เลย

“นั่นสินะครับ คงถูกอย่างที่ท่านว่า แต่ว่าผมไม่ได้เป็นคนฉลาดมากมายอย่างที่ท่านคิดหรอกนะครับถ้าเก่งจริงผมคงไม่โดนท่านจับตัวมาง่ายๆอย่างนี้ แค่พอเอาตัวรอดได้บ้าง แม้ครั้งนี้ผมจะจนมุมแล้วจริงๆ ผมไม่มีของที่ท่านต้องการหรอก อยากจะทำอะไรก็เชิญ เขาไม่ได้สำคัญกับผมมากมายขนาดนั้น” ประโยคสุดท้ายผมกล้ำกลืนพูดเสียงแข็ง พี่สมิธไม่ใช่คนที่จะมีใครทำอะไรได้ง่ายๆ เขาเหมือนมีหมอกดำหนาปกคลุมตัวไว้อยู่ตลอดเวลา  ผมก็ได้แต่หวังว่าหมอกนั้นจะปกป้องพี่สมิธจากอันตรายเอาไว้ได้

“ดี! อยากลองของมากฉันจัดให้ ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าเธอจะปากแข็งไปได้อีกนานแค่ไหน” หริรักษ์แสยะยิ้มอย่างคนเหนือกว่า มือหนาหยิบสมาร์ทโฟนจากกางเกงสแลคสีเข้มขึ้นมาทำท่าเหมือนจะโทรจริงๆ ผมเหงื่อซึมตามตัวอย่างกดดันแต่ก็ต้องใจแข็งทำหน้าเรียบเฉยเอาไว้ แต่ก่อนที่หริรักษ์จะได้กดโทรออก เสียงเคาะประตูจากนอกห้องก็ดังขึ้นพร้อมกับเปิดลูกบิดออกมาโดยไม่ได้ขออนุญาตจากหริรักห์ก่อน ราชสีห์เฒ่าหันไปมองด้วยความไม่สบอารมณ์ แต่เมื่อเห็นลูกน้องคนสนิทของตนเดินเข้ามาด้วยใบหน้าเคร่งเครียดเขาจึงละลายความหงุดหงิดนั้นทิ้งไป

“มีอะไรโชค ไม่รู้หรือว่าฉันไม่ชอบให้ใครมาขัดจังหวะ”หริรักษ์ถามลูกน้องคนสนิทเสียงเรียบ โชคเหลือบมองผมนิดหน่อยก่อนจะก้มลงกระซิบกับผู้เป็นนาย หริรักษ์แย้มรอยยิ้มออกมาราวกับได้ฟังเรื่องอะไรดีๆที่ถูกใจเขาซะเหลือเกิน

“ฉันคงไม่ต้องโทรแล้วล่ะ เพราะมีไก่หลงเข้ามาให้ฉันเชือดให้ลิงดูอยู่ที่นี่แล้ว” หริรักษ์หันมาพูดกับผมอย่างอารมณ์ดี เขาเดินเข้ามาใกล้ กระชากผมให้ลุกขึ้นนั่งอย่างทุกลักทุเล ส่งสายตาให้ลูกน้องมาแก้มัดเชือกที่ขาผม เหลือไว้แค่ที่มือเท่านั้น

“ไป!ฉันจะพาเธอไปดูอะไรดีๆ” หริรักษ์กระชากแขนผมลงจากเตียงให้เดินตามเขาออกมานอกห้อง ผมเดินตามโดยไม่อิดออด เขาพาผมเดินลงมายังชั้นล่าง บ้านหลังนี้คล้ายๆบ้านจัดสรรขนาดใหญ่แต่ก็มีขนาดไม่ใหญ่นักเมื่อเทียบกับบ้านอีกหลังของหริรักษ์ เขาพาผมมาหยุดที่ห้องใต้บันได ลูกน้องที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูสองคนเปิดประตูให้ผู้เป็นนายได้เข้าไป ภายในห้องมืดมิดมองไม่เห็นอะไรเลย จนลูกน้องของหริรักษ์ที่เดินตามเข้ามาทีหลังกดสวิซเปิดไฟ แสงสว่างวาบจากดวงไฟทำให้เห็นทุกสิ่งในห้องได้อย่างชัดเจน เมื่อมองไปที่ด้านหนึ่งของห้อง พลันหัวใจผมก็หยุดเต้นไปเสียดื้อๆ

ร่างสูงใหญ่เกินมาตรฐานชาวเอเชียทั่วไปถูกลวดเส้นหนามัดขึงข้อมือทั้งสองข้างกับลูกกรงหน้าต่าง ใบหน้าบอบช้ำที่มีร่องรอยถูกทำร้ายนิ่งสงบราบเรียบ มีเพียงดวงตาสีเขียวหม่นที่มองมาทางผมอย่างอ่านความหมายไม่ออก

ทศกัณฐ์มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง!

“หึ อาลัยอาวรณ์กันจริงนะ ห่วงมันมากนักหรือ” เสียงเย็นจากหริรักษ์ดังขึ้นขัดความคิดผม ผมละสายตาจากทศกัณฐ์หันมามองหริรักษ์อีกครั้ง

“ผมเปล่าอาลัยอาวรณ์ เขาไม่ได้สำคัญกับผมมากมายขนาดนั้น” ผมเอ่ยออกมาเรียบๆ ชั่วแวบนึงเห็นสายตาทศกัณฐ์ทอดมองมาอย่างเจ็บปวด

“อย่างนั้นหรือ แต่ดูเหมือนอีกคนจะไม่คิดแบบเดียวกับเธอนะ” หริรักษ์พูดอย่างไม่เชื่อ

“แล้วแต่ท่านจะคิด” ผมหันใบหน้าหนีไปอีกทางราวกับไม่อยากจะมองอีกคนที่อยู่ตรงหน้า

“ก็ดี ถ้าอย่างนั้นก็ทรมานมันไปเรื่อยๆจนกว่าเธอจะยอมปริปากก็แล้วกัน” หริรักษ์พูดกับผมจบก็หันไปสั่งกับลูกน้อง ชายชุดดำสองคนในห้องย่างสุขุมเข้ามาพร้อมกับท่อนเหล็กขนาดเท่าไม้เบสบอลในมือคนละอัน พวกเขาพากันลงมือฟาดตามลำตัวทศกัณฐ์ไม่ยั้ง ร่างสูงงอตัวด้วยความเจ็บปวดแต่ไร้เสียงเล็ดรอดดังออกมา ผมตัวสั่นเทิ้มด้วยความเวทนา กลัว...ว่าเขาจะตาย จนในที่สุดความอดทนผมก็ขาดสะบั้นลงเมื่อหนึ่งในนั้นหยิบมีดปลายแหลมลากผ่านลำคอทศกัณฐ์เบาๆก็เรียกเลือดให้ไหลซึมออกมาได้

“พอสักที!! ผมยอมแล้ว!!!”ทศกัณฐ์ขมวดคิ้วมองผมนิดๆเหมือนไม่เห็นด้วยที่ผมตัดสินใจทำอย่างนี้ แต่ผมก็ทนเห็นเขาตายไปต่อหน้าต่อตาไม่ได้จริงๆ

“ฮ่าๆๆ ฉันคิดไว้แล้วว่าเธอต้องบอก ไอ้ฝรั่งนี่คงสำคัญกับเธอมากสินะ”หริรักษ์หัวเราะอย่างสะใจ แม้ท้ายประโยคเสียงเขาจะดูโหดเหี้ยมขึ้นมากก็ตาม

“ปล่อยเขา แล้วผมจะบอก”

“เธอไม่มีสิทธิ์ต่อรอง และถ้าเธอโกหกไอ้ฝรั่งนี่ตาย!” อยู่ๆหริรักษ์ก็บีบกรามผมแน่นอย่างโกรธๆ ผมกัดฟันอดกลั้นความเจ็บ ดวงตาสบมองกับนัยน์ตาสีนิลกร้านโลกอย่างไม่ยอมแพ้ จนในที่สุดหริรักษ์ก็สะบัดหน้าผมออกอย่างแรง

“ข้อมูลรายชื่อลูกค้า และเหยื่อขบวนการค้ามนุษย์ของท่านใช่ไหมที่ต้องการ” ผมเอ่ยเสียงเรียบแล้วพูดต่อ “รวมทั้งหลักฐานการรับสินบน เงินใต้โต๊ะ และการทุจริตอีกมากมายที่ท่านมีส่วนเกี่ยวข้อง ใช่ไหมที่ท่านต้องการ?” ผมยิ้มนิดๆ ร่ายยาวสิ่งที่หริรักษ์กระทำชั่วออกมา

“อยากให้ฉันสารภาพหรือ? ฮ่าๆๆๆ ใช่! ข้อมูลทั้งหมดที่แกเอาจากฉันไปคือความจริง ฉันทำมันทั้งหมด ทำมาก่อนที่เธอจะเกิดซะอีก แล้วยังไงล่ะ จะเอาไอ้กล้องนี่ส่งให้ตำรวจอย่างนั้นหรือ” พูดจบหริรักษ์ก็กระชากสร้อยคอแฟชั่นที่มีกล้องบันทึกวิดีโอขนาดจิ๋วซ่อนอยู่หลุดออกจากลำคอผม

“คุณรู้!” ผมอุทานอย่างตื่นตระหนก ไม่คิดว่าแผนที่วางไว้จะถูกจับได้เร็วขนาดนี้

“ฉันไม่ได้โง่นะเหรันต์ แผนตื้นๆแค่นี้ทำไมฉันจะดูไม่ออกแล้วคิดว่าจะรอดเงื้อมือฉันไปได้หรือ แล้วจะทำอย่างไรต่อล่ะทีนี้” หริรักษ์ใช้เท้าขยี้สร้อยผมจนกล้องแตกละเอียด จนผมอดทำหน้าผิดหวังออกมาไม่ได้

“ผมยอมแล้ว อย่าทำอะไรพวกเพื่อนๆผมเลยนะครับ” ผมก้มหน้าเอ่ยอย่างยอมจำนน

“ข้อมูลอยู่ที่ไหน”

“อยู่คอนโดฯG ผมซ่อนไว้ในโน๊ตบุ๊คในห้อง3802” ผมเงยหน้าพูดกับหริรักษ์ตรงๆโดยไม่หลบตา หริรักษ์หรี่ตามองค้นหาความจริงจากตาผม เขาพยักหน้า

“แล้วฉันจะไปเอามันมาได้ยังไง” หริรักษ์กอดอกเอ่ยถาม

“ผมจะพาไปเอา”

“ไม่ได้ เธออาจจะเล่นตุกติกมีพวกรอดักอยู่ก็ได้” หริรักษ์ปฏิเสธอย่างไม่ไว้ใจ

“ไม่มีใครรู้เรื่องนี้...ยกเว้นเขา” ผมเหลือบสายตาไปมองทศกัณฐ์ที่แน่นิ่งไปแล้ว

“คิดวิธีอื่นที่ทำให้ฉันได้มันมาโดยที่เธอต้องอยู่ที่นี่ ไม่อย่างนั้น....แกร็ก!” หริรักษ์ขึ้นนกหันปลายกระบอกปืนไปทางทศกัณฐ์ราวกับข่มขู่กลายๆ

“ให้ลูกน้องคุณเอาคีย์การ์ดในกระเป๋ากางเกงผมไป ถ้าภายในสามสิบนาทีหลังจากเขาถึงคอนโดฯแล้วขาดการติดต่อ ท่านฆ่าผมได้เลย” หริรักษ์พยักหน้าอย่างเห็นด้วย เขาลงมือค้นหาคีย์การ์ดผมด้วยตัวของเขาเอง ไม่รู้ทำไมถึงได้รู้สึกว่ามือเขาปัดป่ายอ้อยอิ่งอยู่แถวบั้นท้ายผมนานไปหน่อย ในที่สุดเขาก็หยิบคีย์การ์ดสีดำออกมาได้สักที ผมค่อยหายใจสะดวกขึ้นหน่อย

“หึๆ เอาล่ะทีนี้ก็ถึงเวลาของเธอสักที” หริรักษ์เดินมาพูดกับผมหลังจากที่เขาออกไปสั่งงานกับลูกน้อง โดยทิ้งให้ผมอยู่กับทศกัณฐ์และลูกน้องเขาอีกสองคน

“ท่านหมายความว่ายังไง?” ผมเอ่ยถามด้วยความไม่เข้าใจ แต่หริรักษ์กลับย่างสุขุมเข้ามาใกล้ผมพร้อมผลักลงบนโซฟาตัวยาวที่อยู่อีกมุมหนึ่งของห้อง

“อย่ามาทำเป็นใสซื่อ เธอกับไอ้ฝรั่งนั้นคงไปถึงไหนต่อไหนกันแล้วล่ะสิ” ผมเลือกที่จะเงียบไม่ตอบโต้อะไร “เมื่อก่อนฉันเคยบอกไปแล้วนี่ว่าฉันถูกใจเธอ วันนั้นเธอทำแสบเอาไว้ก่อนที่ฉันจะได้เชยชมร่างกายเธอ แต่วันนี้ฉันมีโอกาสได้สานต่อจากวันนั้น และที่ยิ่งสะใจไปมากกว่านั้นคือฉันได้ย่ำยีเธอต่อหน้าคนรักของเธอไงล่ะ ฮ่าๆๆๆ” หริรักษ์กดไหล่และลำตัวผมลงกับโซฟาเมื่อผมดิ้นรนขัดขืนอย่างรุนแรง เสียงน้ำสาดดังซ่าดังขึ้นไม่ไกลจากอีกฟากของห้อง ทศกัณฐ์ลืมตาขึ้นมาด้วยสภาพสะบักสะบอม  เขาเหลือบมองมาทางผมก่อนจะดิ้นรนให้หลุดจากลวด ทศกัณฐ์คำรามต่ำในลำคอเหมือนสัตว์บาดเจ็บเมื่อหริรักษ์เริ่มถอดเสื้อผมออกจากตัว ผมดิ้นหนีสุดกำลังแต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากนักเนื่องจากสองมือที่ถูกมักไล่หลังไว้ หริรักษ์ซุกไซ้ลำคอผมแรงๆเพราะผมเม้มปากแน่นบ่ายหน้าหนีริมฝีปากหนานั่นตลอดเวลา เขาขยำมือไปตามลำตัวผมจนแดงเป็นปื้น พึมพำอยู่ข้างหูเหมือนคนโรคจิต

“สวย...เธอสวยมากจริงๆ” พูดจบเขาก็เลื่อนใบหน้าครอบริมฝีปากลงที่ยอดอกผมทันที ความเจ็บแปลบเกิดขึ้นที่ยอดอก ผมกัดปากแน่นด้วยความรังเกียจ “เป็นของฉัน ฉันจะให้ทุกอย่างที่เธอต้องการ” หริรักษ์มองผมด้วยความหลงไหลพร้อมกับกระชากกางเกงพร้อมอันเดอร์แวร์ผมพ้นจากเรียวขาทันที

“ไม่!!!” ทศกัณฐ์ตะคอกสุดเสียง โมโหร้ายที่สุดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

++++++++++++++++++++++

กลายเป็นนิยายรายเดือนไปแล้ว งื้อ เค้าเรียนหนักมากมายจริงๆ แอมซอรี่เวรี่มาชชชช :mew2:

หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 32.1♡++50%++[03/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: missm2c ที่ 03-09-2017 20:58:17
ยักษ์มาแล้ววววว เม้นก่อนเดี๋ยวมาอ่านนะจ๊ะ คิดถึงสุดๆ TT
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 32.1♡++50%++[03/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 03-09-2017 21:32:02
หริรักษ์ ตามมาเอาคืนรันต์จนได้
แต่อยู่ในแผนรันต์รึเปล่า

หริรักษ์ ยังหลงใหลรันต์ไม่เลิก
คิดว่าล่วงเกินรันต์ ต่อหน้าคนรักรันต์ เป็นการหยามทศสุดๆ
หริรักษ์ คิดผิดแล้ว แต่ว่า....คงคิดใหม่ไม่ได้
เพราะ......ทศกัณฐ์ โกรธจัด จน....... ค้างงงงงง  :z3: :z3: :z3:
รอตอนใหม่     
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 32.1♡++50%++[03/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 03-09-2017 22:37:38
ไรท์... ผมรอคุณนานเหลือเกิน...  :hao5:
มาต่อไวนะครับ คุณ...
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 32.1♡++50%++[03/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 03-09-2017 22:38:50
ทำขนาดนี้ ต่อหน้าทศกัณฑ์ หึหึ
ไหนๆก้มั่นใจว่ากฎหมายเอาผิดไม่ได้แล้ว
ตายๆไปเลยดีมั้ย กฎแห่งกรรมแทนงี้
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 32.1♡++50%++[03/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 03-09-2017 22:50:46
ยักษ์ตามน้องมาทันได้ไงอ่ะ ขยายความอย่างด่วนค่า.........
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 32.1♡++50%++[03/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 04-09-2017 01:06:47
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 32.1♡++50%++[03/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 04-09-2017 22:40:20
ไรท์กลับมาแล้ววววววววว
ทำไงดีๆ ใครจะมาช่วยได้บ้าง  :sad4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 32.1♡++50%++[03/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Fonz_Juz19 ที่ 04-09-2017 22:44:54
ค้างงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
อยากอ่านต่อมากๆ ฮืออออ คนเขียนมาต่อเร็วๆนะ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 32.1♡++50%++[03/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 06-09-2017 08:44:41
ช่วยน้องยังไงดี  :mew4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 32.1♡++50%++[03/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 07-09-2017 11:47:52
ใครจะมาช่วยเนี่ย
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 32.1♡++50%++[03/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 02-10-2017 06:05:12
น้องรันต เปนไงบ้างเนี่ย :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 32.2♡++100%++[02/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 02-10-2017 20:08:31
ใจยักษ์ 32.2

คำเตือน : เนื้อหามีความรุนแรงขัดต่อหลักศีลธรรม โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

Thossakan’s Part

กร็อบ!พรวด! หลังจากที่ผมเห็นภาพไอ้เหี้ยหริรักษ์กำลังจะย่ำยีรันต์ เส้นความอดทนผมก็ขาดสะบั้นในทันที ผมร้องตะโกนสุดเสียงเลือดขึ้นหน้าด้วยความโกรธ หักนิ้วหัวแม่มือข้างซ้ายตัวเองจนผิดรูปก่อนจะกระชากแขนออกจากไอ้ลวดโง่ๆที่พวกมันคิดว่าเอาผมอยู่ ไอ้การ์ดสองคนที่ยืนขนาบข้างผมอยู่มองด้วยความตกใจเมื่อเห็นแขนข้างหนึ่งผมหลุดจากการเกาะกุม ซึ่งนั่นก็เพียงพอที่จะส่งพวกมันไปลงนรกได้แล้ว ผมอาศัยจังหวะชั่ววินาทีที่พวกมันกำลังตกใจคว้าคอคนที่ยืนอยู่ใกล้มือที่สุดเข้ามาใกล้แล้วฟาดหน้ามันเข้ากับกรงเหล็กที่มัดผมอยู่ เลือดไหลอาบหน้าและหมดสติแทบจะในทันที

ปัง!/ ปัง! ปัง! ปัง!

การ์ดอีกคนเมื่อตั้งสติได้รีบเหนี่ยวไกลมาที่ผมทันที แต่ผมใช้ทักษะที่มีจับร่างของเพื่อนมันขึ้นบังตัวเองพร้อมๆกับกระชากปืนมันที่เหน็บอยู่ข้างเอวขึ้นยิงสวนไปที่หน้าอกไอ้คนที่ยิงมาสามนัดรวดย้ำๆที่ตำแหน่งเดิมตามสัญชาตญาณนักล่าของตัวเอง เลือดมันกระเซ็นมาโดนหน้าและตัวผม ร่างกายมันทรุดฮวบตายทันที ทุกอย่างเกิดขึ้นภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที

ผมถูกปลูกฝังว่าถ้าจะหันปลายกระบอกปืนยิงใส่ใครต้องทำให้มั่นใจว่ามันจะตายสนิท ไม่อย่างนั้นคงเป็นผมเองที่จะถูกฆ่าตาย ผมหักนิ้วตัวเองอีกข้างแล้วกระชากออกจากลวด

“มึงจะปล่อยเมียกู หรือมึงจะไปลงนรก” ผมเอ่ยเสียงเหี้ยมพร้อมหันกระบอกปืนไปทางไอ้หริรักษ์ ตอนนี้มันยืนรัดคอซ้อนหลังรันต์ที่ท่อนล่างเปลือยเปล่าให้เป็นเกราะกำบังให้ มืออีกข้างถือปืนจี้หัวที่พร้อมปลิดชีวิตรันต์ได้ทุกเมื่อ

“มือมึงสั่นขนาดนั้น นอกจากจะไม่โดนกูแล้ว เมียมึงนั่นแหละที่จะตายแทน ฮ่าๆๆๆ”

ผมใช้มืออีกข้างจับมือข้างที่ถือปืนให้หยุดสั่น ไม่ใช่เพราะเจ็บ...แต่เพราะผมผิดคำพูดกับเขาคนนั้นไปแล้ว มันทำให้ผมนึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้น วันที่ผมหันหลังให้กับสวรรค์และก้าวขาสู่นรกอย่างแท้จริง
.
.
.
.
‘เร็วกว่าที่คิดนี่...หึ ก็คงไม่มีใครหยุดแกได้อยู่แล้ว’ ชายผมสีดอกเลาร่างกายสูงใหญ่ตามเชื้อชาติตะวันตกภายใต้ชุดสูทตัวหรูพูดขึ้นเมื่อเห็นหลานชายย่างสุขุมเข้ามาในห้องทำงานเขาอย่างดุดัน ลูเซียสลุกขึ้นจากโซฟาสีเลือดนกวางแก้ววิสกี้ที่ดื่มย้อมใจลงบนโต๊ะกระจกอย่างใจเย็นมองหลานชายที่ยืนจ้องหน้าเขานิ่ง มืออีกข้างของทศกัณฐ์กำปืนกระบอกสีดำเมื่อมแน่น เนื้อตัวสกปรกมอมแมมคราบเลือดกระเซ็นที่คาดว่าคงไม่ใช่ของเจ้าตัวมีอยู่ทั่วร่างกาย

‘…’

‘ฉันไม่มีอะไรจะแก้ตัว จะยิงก็รีบยิง’ ชายแก่บอกอย่างยอมจำนนในชะตากรรม

‘ทำแบบนี้ทำไม’ น้ำเสียงราบเรียบแต่เย็นยะเยือกเข้าไปในโสตประสาทของคนฟังถูกเปล่งออกมาจากซาตานน้อย

‘…’

‘ตอบผม!’ ทศกัณฐ์ตะคอกเสียงดังอย่างควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ มือแกร่งยกเครื่องมือปลิดชีพใส่หน้าผู้เป็นปู่

“ฉันไม่เคยเห็นด้วยกับพ่อแกที่เลือกแต่งงานกับผู้หญิงชาวไทยคนนั้น ไม่มีความเหมาะสมที่จะเป็นนายหญิงของฮาล์นเลยสักนิด ฉันคิดจะกำจัดเธอหลังแกเกิด แต่เพราะแกเกิดมาผู้หญิงคนนั้นจึงรอด เพราะแววตาแกที่ฉายออกมาตั้งแต่เกิดมันทำให้ฉันรู้ว่าแกจะเป็นคนที่ทำให้อุดมการณ์อันยิ่งใหญ่ของฉันสำเร็จ ทั้งๆที่ตอนนี้ทุกอย่างมาได้ไกลเกินครึ่ง JKG แผ่ขยายอำนาจไปทั่วยุโรป วงการใต้ดินใครๆก็รู้จักและยำเกรง แต่ตอนนี้ทุกอย่างที่ฉันสร้างมาก็ต้องพังพินาศเพราะแก!” ลูเซียสเพ้อออกมาราวกับคนเสียสติ ทั้งที่ตอนนี้ความตายมาเยือนถึงหน้าและคนที่มอบให้ก็คือหลานแท้ๆของเขาเอง

“ถ้าคุณไม่พรากเธอไปจากผม ถ้าพวกคุณไม่คิดกำจัดผมก่อนทุกอย่างคงไม่จบแบบนี้”

“ถ้าฉันไม่เอาผู้หญิงคนนั้นออกไปให้พ้นทาง แกจะไม่มีทางเก่งกล้าได้ขนาดนี้  ไม่มีทางเดินมาฆ่าฉันถึงที่ได้ด้วยตัวคนเดียวแบบนี้หรอก” ลูเซียสแสยะยิ้ม เสียงปืนที่ดังขึ้นอยู่รอบบ้านก่อนหน้านี้ไม่ถึงชั่วโมงก็สงบลงพร้อมๆกับการมาถึงของทศกัณฐ์ เขากล้าพูดเลยว่าลูกน้องเกินขึ้นร้อยของเขาคงไม่มีใครรอดสักรายถึงรอดก็สาหัส เพราะเขาคือคนที่สอนทศกัณฐ์เองว่าถ้าจะฆ่าใครต้องมั่นใจว่าคนๆต้องตายสนิทจึงจะหันหลังให้ได้ เขาจึงไม่คิดหนีเพราะถึงหนีไปก็คงไม่พ้นการตามล่าจากซาตานในร่างคน ปีศาจแข็งแกร่งที่เขาสร้างมากับมือ

“ผมทำทุกอย่างเพื่อแม่ผม แต่เมื่อคุณผิดสัญญาผมจะเอาทุกอย่างคืน...และทุกคนที่เกี่ยวข้องต้องชดใช้!”

“หึ! จะฆ่าก็รีบๆซะแกเป็นคนพูดมากแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่” ลูเซียสเอ่ยอย่างไม่แยแสชีวิตตนเอง แต่ใครว่าเขาไม่กลัวกัน เขากลัวจะไม่รู้ว่าจะแสดงความกลัวออกมาในรูปแบบไหนต่างหาก

“หลับตาซะ อย่างน้อยคุณก็เป็นปู่ผมจะให้คุณทรมานน้อยที่สุด ผมกรรมทั้งหมดที่ทำกับคุณไปผมขอรับไว้เอง ผมสัญญาคุณคือคนสุดท้ายที่ผมจะลงมือ...ลาก่อน” ทศกัณฐ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบใบหน้าเย็นชา แต่ดวงตาสีเขียวซีดกลับคลอหน่วยด้วยน้ำใสๆ

“อย่าสัญญา แกหยุดฆ่าใครไม่ได้หรอก สักวันเมื่อแกเจอคนที่ต้องปกป้องหัวใจแกจะเป็นคนลงมือเอง ถึงวันนั้นแกจะเจอหนทางที่ยากลำบากและเจ็บปวดกว่านี้ เพราะไม่มีใครรักฆาตกรไร้หัวใจอย่างแกได้หรอก...จงอย่าเสียน้ำตาให้กับคนอย่างฉัน ลาก่อน อาร์นันโด้ เดรทไพรส์ ฮาล์น” ลูกเซียสเอ่ยทิ้งท้ายก่อนจะหลับตาพร้อมกับรอยยิ้มเย้ยหยันชะตาชีวิตให้แก่หลานชาย

ปัง! น้ำตาหนึ่งหยดร่วงหล่นจากหน่วยตาของผู้กระทำพร้อมๆกับเสียงดังกัมปนาทลั่นคฤหาสน์เลือด...จบทุกอย่างที่ติดค้างกัน
.
.
.
ปัง! ปัง! ปัง!...

เสียงยิงประทะกันของปืนจากหลังประตูห้อง เรียกสติของผมกลับมาอีกครั้ง พวกเจฟคงกำลังทำตามแผนที่ผมวางเอาไว้ ถามว่าทำไม่ผมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง  คือทันทีที่ผมลงจากเครื่องกลับจากอังกฤษ ลูกน้องของลุคก็ไปยืนคอยรายงานสถานการณ์ทุกอย่างแล้ว

ผมรีบตรงดิ่งจากสนามบินดอนเมือง(ผมมาเครื่องบินส่วนตัวเลยลงที่ดอนเมือง)ไปบ้านพักอีกหลังของไอ้หริรักษ์ที่อยู่ไม่ไกลกันมาก ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงกว่าๆก็ถึง พอไปถึงก็เจอคนของลุคอีกสิบคนรอสแตนบายไว้แล้ว พวกเขาบอกว่าลุคส่งมาช่วยรันต์กำลังจะบุกเข้าไป ผมแปลกใจนิดหน่อยที่ลุคยื่นมือเข้ามาเรื่องของผม ปกติเราจะแบ่งแยกเรื่องของกันอย่างชัดเจนไม่ว่าจะเป็นเรื่องธุรกิจ ที่ลุคช่วยพ่อบริหารคาสิโน เขาค่อนข้างมีอิทธิพลและศัตรูมากจึงมีบอดี้การ์ดเยอะ(แม้จะไม่ค่อยจำเป็นสำหรับเขา) แต่ลุคก็ยังยืนยันว่าตัวเองคือนักธุรกิจไม่ใช่เจ้าพ่อ ส่วนตัวผมมีธุรกิจเป็นของตัวเองที่อังกฤษ เราเลยไม่ค่อยมีโอกาสได้พบปะกันตามประสาพี่น้องต่างมารดาสักเท่าไหร่แต่เขาก็โทรหาผมอยู่เรื่อยๆ ยิ่งเรื่องส่วนตัวของกันและกันเรายิ่งไม่ยุ่ง ยกเว้นเรื่องเดียว...คือเรื่องไอ้สมิธ ผมถึงได้แปลกใจว่าทำไม?

ผมปัดเรื่องที่สงสัยออกจากหัวก่อนแล้วกลับมาคิดหาทางช่วยรันต์แทน ตอนแรกก็ว่าจะลุยเข้าไปจัดการกันตรงๆสามคนกับสตีฟและเจฟ คนอื่นให้รอจัดการอยู่ข้างนอก แต่สตีฟไม่เห็นด้วยเพราะพวกมันมีรันต์เป็นตัวประกันมันจะทำร้ายรันต์เมื่อไหร่ก็ได้ เจฟเสนอตัวเองไปเป็นเหยื่อล่อเพื่อให้พวกมันจับตัวไป อาจจะทำให้รู้ที่อยู่ของรันต์แล้วช่วยออกมาได้ แต่ผมไม่ยอมมันค่อนข้างเสี่ยง ผมจะเป็นคนลงมือเอง พวกเขาค่อนข้างกังวลและเป็นห่วงผมแต่ไม่มีใครกล้าทักท้วงอะไร เพราะคำสั่งของผมถือเป็นที่สุดเป็นกฎที่ต้องทำตาม ผมให้สัญญาณเป็นเสียงปืนนัดแรก ถ้าได้ยินให้พวกเขาบุกทลายมันได้เลย ซึ่งตอนนี้ก็กำลังเริ่มกันแล้ว

เรื่องก็เป็นอย่างนี้ล่ะครับ...

“นี่มึงเรียกคนมาช่วยงั้นหรอ เหอะ ก็ดีจะได้ตายกันไปซะให้หมด” ไอ้เดรัจฉานหริรักษ์พวกอย่างเป็นโดยไม่รู้ชะตากรรมที่จะเกิดกับตัวเอง พวกผมมีกันสิบกว่าคนก็จริงแต่ไม่ได้ทำให้ประสิทธิภาพน้อยลงสักนิด ถ้าลุคไม่มั่นใจเขาไม่ส่งคนมา นั่นหมายความว่าเขาคาดการณ์ว่าสิบคนนี้ ‘เพียงพอที่จะจัดการ’ แม้ว่าจริงๆมันก็ไม่ค่อยจำเป็นเท่าไหร่ แต่ลุคคงคิดว่าผมห่างมือในเรื่องนี้นานก็เลยส่งมาเผื่อๆ หรือไม่ก็เพื่อตามใจใครสักคน

“แกนั่นแหละที่จะตาย อึ่ก!”รันต์เอ่ยโต้ตอบไอ้หริรักษ์ แต่หน้าหวานๆก็ต้องเหยเกเมื่อไอ้สารเลวนั่นกำรอบคอเพรียวไว้แรงกว่าเดิม มือที่ถือปืนผมกระตุกอยากลั่นไกลปลิดชีวิตไอ้ระยำนี่ซะเดี๋ยวนี้

“มึงอย่ามาปากดีกับกูไอ้เด็กเปรต เดี๋ยวกูก็ยิงซะเลยนี่” ไอ้หริรักษ์ว่าดุๆพร้อมกดปลายกระบอกปืนใส่ศีรษะรันต์แน่นขึ้น

“ถ้ากูตายมึงก็ต้องตาย” รันต์เอ่ยกลับอย่างไม่ยอมแพ้ ดูด้าวร้าวแต่ก็เข้มแข็งในแบบของเขา

“มึงทิ้งปืน ไม่งั้นไอ้เด็กนี่สมองกระจุย...เร็วสิวะ!” ไอ้หริรักษ์เอ่ยสั่งแต่เมื่อเห็นผมยังนิ่งอยู่จึงตวาดลั่น ผมค่อยๆลดปืนลงข้างตัวช้าๆแล้วเตะออกไปไกลๆยืดตัวพร้อมยกมือขึ้น

“หึ! โง่ดี! เพราะเด็กผู้ชายเพียงคนเดียวมึงถึงกับยอมเอาชีวิตมาทิ้ง ถุ้ย! กูสมเพชว่ะ” หริรักษ์ถ่มน้ำลายลงพื้นว่าเหยียดๆ “งั้นมึงก็ลงไปรอมันในนรกแล้วกัน” พูดจบหริรักษ์ก็หันปลายกระบอกปืนมาทางผมแทน

ปัง! นิ้วมันกดเหนี่ยวพร้อมกับที่รันต์โขกหัวไปที่ปลายคางไอ้เหี้ยนั่นมันเสียหลักไปสองสามก้าว วิถีกระสุนเปลี่ยนนิดหน่อยผมขยับตัวหลบแล้วแต่ไม่พ้น อาการชาใต้ราวนมขวาและความเจ็บปวดค่อยๆเกาะกิน ผมกัดฟันข่มความเจ็บพุ่งไปข้างหน้าผลักรันต์ให้พ้นการปะทะ เมื่อผมเข้าประชิดตัวหริรักษ์ได้มันผงะไปข้างหลังตามสัญชาตญาณ ผมจึงอาศัยจังหวะนี้ชกเข้าที่คอหอยมันอย่างแรง มันแทบจะหมดสติหงายหลังในทันทีแต่ผมก็ถีบเข้าที่ยอดอกมันเต็มแรงจนกระเด็นไปปะทะกับผนังเพื่อให้มันหลับเร็วขึ้น

หริรักษ์สลบทันที ผมยืนเซๆเข่าทรุดลงข้างหนึ่งเนื่องจากเสียเลือดมากไปหน่อย ผมรีบถอดเสื้อเอามาปิดปากแผลไว้อาการเจ็บแบบนี้กระสุนน่าจะฝังใน

“ยักษ์!” รันต์ตะโกนเสียงดังลั่นห้อง รีบถลาตัวเข้ามาประคองผมให้พิงหน้าอกตัวเองไว้

“ไปใส่กางเกง เดี๋ยวมีคนมาเห็น” ผมพูดดุๆเมื่อสัมผัสได้ถึงความนุ่มลื่นจากขาอีกคน

“มันใช่เวลามาห่วงเรื่องนั้นไหม ตัวเองจะแย่อยู่แล้วนะ!” รันต์ตวาดเสียงดังน้ำใสๆคลอหน่วยเต็มตาเรียวสวย

“ก็พี่หวง ไม่อยากให้ใครเห็น”

“ไม่ต้องมาพูดเลย โทรศัพท์อยู่ไหน น้องจะโทรเรียกรถพยาบาล” รันต์พูดลนๆน้ำตาไหลอาบแก้มนวล มือคลำหาโทรศัพท์ผมทั่วกางเกง แต่ผมขยับมือข้างที่ว่างจับมือรันต์มาหอมแรงๆอย่างคิดถึง

“ไม่ต้องหรอก มันจบแล้วเดี๋ยวพวกเจฟก็คงมา ไม่ใช่เรื่องดีที่จะให้ใครมารู้ว่ามีการยิงกันตายเกลื่อนบ้านขนาดนี้” เสียงปืนหยุดดังแล้ว คิดว่าทุกอย่างคงจบเรียบร้อยดี โชคดีที่แถบนี้ไอ้หริรักษ์กว้านซื้อไว้หมด เลยไม่มีบ้านเรือนชาวบ้านอยู่ใกล้ๆ ถึงพูดเขาได้ยินเสียงปืนก็คงไม่มีใครกล้าปริปากพูดอะไร เพราะมันเป็นเรื่องของพวกมีอิทธิพลในแถบๆนี้

“ฮึก! อดทนไว้นะ...น้องจะไปตามคนมาช่วย” รันต์ทำท่าจะลุกแต่ผมกระตุกมือรันต์ไว้ไม่ให้ไปไหน

“อยู่กับพี่นี่แหละ เดี๋ยวเขาก็มา” ผมยิ้มให้กับรันต์ แม้จะเจ็บมากแต่แผลแค่นี้ฆ่าผมยังไม่ได้หรอกครับ ที่ผมทรุดเพราะร่างกายผมเพิ่งฟื้นตัวจากยารักษา สติผมกลับมาเมื่อวานก็รีบตรงดิ่งกลับไทยทันที พอไม่ได้พักผ่อนเลยอาการหนักกว่าที่ควรจะเป็น

“วันนี้แต่ตัวซะน่ารัก แถมคนอื่นเห็นตั้งหลายคน น้องต้องโดนทำโทษนะรู้ไหม” รันต์พยักหน้าทั้งน้ำตา ผมจึงยื่นมือออกไปเช็ดน้ำตาให้อย่างสงสาร น่ารักซะจนอยากฟัดแรงๆจริง(?)

“อย่าพึ่งพูดมากได้ไหม เดี๋ยวก็เสียเลือดกว่าเดิมหรอก”

“กลัวพี่ตายหรอ” ผมเอ่ยถามยิ้มๆ

“เออดิ พี่อย่ามาตายต่อหน้าน้อง ห้ามตาย ห้ามไปไหนเด็ดขาด” เด็กขี้แยปล่อยโฮเสียงดังลั่น แนบหน้าผากตัวเองลงกับหน้าผากผมพูดพึมพำไม่ให้ผมไปไหน

“จะไปได้ยังไงใจพี่อยู่ที่นี่ อยู่ในกำมือน้องแล้ว”

“ฮือออออ สัญญานะ”

“ครับ สัญญา” นั่นเป็นประโยคสุดท้ายที่ผมเอ่ยออกไปก่อนจะหมดสติ เสียงร้องไห้โฮและเสียงฝีเท้าหลายสิบดังเข้ามาในโสตประสาทก่อนผมจะหลับไป

มันจะเป็นไปได้ไหมนะ ที่คนบาปอย่างผมก็อยากมีความสุขสักครั้ง...กับคนที่ได้หัวใจของยักษ์ตนนี้ไป

+++++++++++++++

เฮลโหลเบบ เค้ายังอยู่ ยังไม่ลืมนิยายนะ แต่เทอมนี้เค้าเรียนหนัก(มากกกก) นี่พึ่งสอบเสร็จอภัยให้ซิสด้วย
จากนี้จะหวานยาวๆแล้วนะ เตรียมทิชชู่ไว้ด้วยล่ะ อิอิ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 32.2♡++100%++[02/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 02-10-2017 20:35:21
การี้ด แต่อิหริรักษ มันไม่ตายใช่ไหม เค้าหลอน เอาใจช่วยค่า
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 32.2♡++100%++[02/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 02-10-2017 20:39:01
รอไรท์ ดีใจไรท์มา  :mew1: :mew1: :mew1:

ยักษ์ ช่วยรันต์ได้แล้ว  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ยักษ์ขี้หวงมากกกกกกกกก
เวลาความเป็นความตาย เลือดไหล
ยักษ์ยังหวงไม่อยากให้ใครเห็นรันต์โป๊

ยักษ์ รันต์ พูดกันเพราะ พี่ๆ น้องๆ
ยักษ์ บอกรันต์แล้วว่าใจยักษ์อยู่กับรันต์ จะไม่ไปไหน
รันต์ ยังให้ยักษ์สัญญาอีกด้วย  :z3: :z3: :z3:
ยักษ์ รันต์  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 32.2♡++100%++[02/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 02-10-2017 20:49:17
รันต์น่ารักนะ ถึงจะเยอะไปนิด แต่รวม ๆ น่ารัก พี่ยักษ์ อย่าเป็นไรเน้อ รักษาสัญญาด้วย

หวังว่าต่อจากนี้ เขาจะเข้าใจกันได้สักที

หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 32.2♡++100%++[02/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 02-10-2017 20:53:03
ดีใจ......ที่มาต่อแล้วววว.......
รอตอนหวานๆๆๆ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 32.2♡++100%++[02/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 02-10-2017 21:31:10
เวลาสองคนนี้คุยกันดีๆ นี่ก๊าวใจมากเลยอ่าาาา

หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 32.2♡++100%++[02/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: jpjiraporn ที่ 02-10-2017 21:47:54
รอมานานรู้สึกดี  :mew6: o13 o13
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 32.2♡++100%++[02/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 02-10-2017 22:20:36
ว๊าว พระเอกมาดแมนแฮนซั่ม กลัวคนเห็นของแฟน อิอิอิ
ขอให้ปลอดภัยนะ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 32.2♡++100%++[02/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 02-10-2017 23:19:01
รอดูคู่นี้หวานๆ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 32.2♡++100%++[02/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Laliat ที่ 03-10-2017 01:06:52
โทษฐานมาต่อช้า รีบมาอัพให้ไวเลย :z13:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 32.2♡++100%++[02/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 03-10-2017 02:46:20
คนแต่งกลับมาแล้วววว ดีใจจ
สถานการณ์น่าหวาดเสียวแบบนี้ทำไมเค้าหวานนกันละ
ชอบเวลาคุยกันแล้วเรียกพี่ๆน้องๆงี้มากกอะ ละมุนนน
มาต่อไวๆนะคะ อยากดูเค้าหวานกันแล้วว
พี่ยักษ์เท่มากก อบอุ่นมากกก
รอค่าาา
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 32.2♡++100%++[02/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 03-10-2017 05:02:49
พี่ยักษ์ซะอย่าง ไม่ตายง่ายๆหรอก :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 32.2♡++100%++[02/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 03-10-2017 09:09:40
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 32.2♡++100%++[02/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 03-10-2017 11:40:03
รอตอนหวาน หวานให้ :m25: ไปเลย 5555
ให้สมกับที่รอมานาน ...... :L2:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 32.2♡++100%++[02/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 03-10-2017 20:21:09
เอาอีกแย้วววว.
ไรท์ทำแบบนี้อีกแย้ววววว
 :katai1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 32.2♡++100%++[02/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 03-10-2017 20:46:19
เย้ๆๆมาต่อแล้ว  :mew2:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 32.2♡++100%++[02/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 03-10-2017 20:47:02
 :m31:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 32.2♡++100%++[02/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B_SRIKHUNLA ที่ 03-10-2017 23:24:05
รอตอนต่อไปน้าาาาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 32.2♡++100%++[02/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 03-10-2017 23:26:09
ไรท์พาทุกคนกลับมาแล้วววววววว พี่ยักษ์หายไวๆนะ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 32.2♡++100%++[02/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 03-10-2017 23:51:37
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 32.2♡++100%++[02/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 04-10-2017 19:09:37
 :hao5: เอาใจช่วยพี่ยักษ์ รีบฟื้นมาปลอบน้องเร็วๆน๊า
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 32.2♡++100%++[02/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: jpjiraporn ที่ 04-10-2017 22:05:11
มาเร็วๆนะเรารออยู่ :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 32.2♡++100%++[02/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 04-10-2017 22:41:39
ใจยักษ์ 33

“จะไม่เข้าไปดูมันหน่อยหรอ” เสียงทุ้มดังขึ้นจากด้านหลัง ผมหันไปมองต้นเสียงก็พบว่าเป็นพี่เซนท์กับพี่ใจดี

“...ไม่ดีกว่าครับ แค่เขาปลอดภัยก็ดีใจแล้วครับ” ผมส่ายหน้าเบาๆแล้วหันไปมองหน้าประตูห้องพักทศกัณฐ์อีกครั้ง หลังเขาผ่าตัดเสร็จราวๆสามชั่วโมง แพทย์ก็ให้ทศกัณฐ์มาพักที่ห้องพักฟื้นได้เลย ผมยืนอยู่หน้าห้องเขาตั้งแต่เขาถูกย้ายมาจนกระทั่งพี่เซนท์ทักเมื่อกี้แหละครับ ผมดีใจและโล่งใจมากที่เขาปลอดภัย แต่หลังจากนั้นความรู้สึกผิดก็ตีตื้นขึ้นมาจนผมพูดไม่ออก ผมไม่กล้าเข้าไปสู้หน้าเขา ถ้าไม่ใช่เพราะผมเขาก็คงไม่ต้องมานอนเจ็บอยู่แบบนี้

“ทำไมล่ะ ถ้ามันตื่นมาไม่เจอน้องรันต์ มีหวังอาละวาดจนโรงพยาบาลแตกแน่ๆ” พี่เซนท์ทำท่าลูบหวาดๆประกอบคำพูดตัวเอง

“หรือว่ารู้สึกผิดที่ตัวเองเป็นต้นเหตุทำให้มันโดนยิง” คำพูดของพี่ดียิงทะลุเข้าที่กลางอกผมเต็มๆ ผมเงียบไร้คำพูด รู้สึกผิดจนไม่กล้าสู้หน้าพี่ๆเขา เลยได้แต่ก้มหน้านิ่งกำมือแน่น

“ดี ทำไมพูดกับน้องแบบนั้นวะ” พี่เซนท์เอ็ดพี่ดีเสียงดุ

“ถ้ารู้สึกผิดก็ไปดูแลมัน ไปทำให้มันมีความสุขซะสิ จะมัวลังเลหนีหัวใจตัวเองไปทำไม อะไรที่เป็นอดีตก็ปล่อยมันไปทุกอย่างผ่านไปแล้ว ไม่มีใครดีพอไปซะหมดหรอก แต่เราจะพอดีกับใครสักคนมากกว่า”พี่ดีไม่สนใจเสียงพี่เซนท์ เขายังคนสั่งสอนผมยาวเหยียดผิดนิสัยพูดน้อยของเขา

“ห๊ะ! เมื่อกี้มึงว่าใครรักใครวะ?” พี่เซนท์เกาหัวถามพี่ดีงงๆ  พี่ดีเพียงแสยะยิ้มคืนให้พี่เซนท์ก่อนจะกอดคอคนที่ตัวเล็กกว่าเดินเข้าห้องพักฟื้นทศกัณฐ์ และเสียงทุ้มที่เอ่ยทิ้งท้ายก่อนบานประตูจะปิดลง

“กลับไปทบทวนความรู้สึกตัวเองดีๆ ความรักมันไม่ได้น่ากลัวเสมอไปนะรันต์ อาจจะมีสุขบ้างทุกข์บ้าง หัวเราะหรือเสียน้ำตา แต่ถึงอย่างนั้นเราก็มีใครสักคนอยู่เคียงข้างคอยเดินไปกับเรา ทุกอย่างล้วนคุ้มค่าน่าลิ้มลองไม่ใช่หรอ”

ผมหันหลังเดินออกจากบริเวณนั้นเงียบๆ มันแน่นหน้าอกจนหายใจแทบไม่ออก ผมยอมรับว่าความรู้สึกที่มีต่อทศกัณฐ์นั้นพิเศษมากกว่าคนอื่นๆ ผมไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้มันคืออะไรแต่คิดว่าคงไม่มีคำไหนจะตรงความรู้สึกผมตอนนี้ได้เท่ากับคำว่า‘รัก’อีกแล้ว มันคือความรู้สึกที่ผมไม่อยากให้เกิด ผมไม่กล้าคิด เพราะผมกลัวความผิดหวัง กลัวการสูญเสีย ผมไม่อยากเสียใจ แต่ก็มีความสุขทุกครั้งเมื่อเขาทำอะไรดีๆให้ ตัวผมก็ไม่อาจหักห้ามความรู้สึกเหล่านั้นได้เลย ยิ่งเรื่องที่เกิดวันนี้ยิ่งทำให้ผมได้รู้ใจตัวเองมากขึ้นว่าเขามีอิทธิพลต่อผมมากแค่ไหน แค่เห็นเขาถูกทรมานใจก็แทบจะขาดอยู่รอนๆ

ผมไม่ใช่คนใสซื่อพอที่ไม่รู้ว่าทศกัณฐ์มีความรู้สึกอย่างไรให้กับผม มันไม่ใช่เรื่องจำเป็นของเขาเลยที่ต้องเอาตัวเองเข้ามาเสี่ยงกับปัญหาของผม แค่คนแปลกหน้าที่ได้รู้จักกันไม่กี่เดือนทำไมต้องทำให้มากมายขนาดนี้ ผมเคยคิดจะเอาคืนเขา ทำให้เขาเจ็บปวดให้สาสมกับที่เขาทำไม่ดีกับผม แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว กลายเป็นว่าผมไม่กล้าทำให้เขาเจ็บปวดเสียเอง แล้วถ้าเขารู้ว่าจริงๆเรื่องราวมันเป็นยังไง ตัวผมจริงๆเป็นคนแบบไหน ถึงเวลานั้นเขาจะยังรู้สึกกับผมเหมือนเดิมอยู่ไหม หรือจะเกลียดผมหรือเปล่า

ผมเดินมาหน้าโรงพยาบาลโบกแท็กซี่กลับหอ ระหว่างทางก็คิดทบทวนถึงเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมา ผมคิดถึงแม่ ถ้าแม่ยังอยู่ก็คงดี...ผมคงไม่เป็นแบบนี้ เป็นแบบที่ผมก็รู้สึกเกลียดตัวเอง...

เวลานี้เกือบๆจะหกโมงเช้าแล้ว ผมอาบแล้วล้มตัวลงบนเตียงแม้จะพยายามข่มตาหลับแค่ไหนภาพที่ทศกัณฐ์หมดสติและอาบไปด้วยเลือดยังติดตาอยู่ไม่จางหาย ตอนเย็นผมต้องไปที่โรงพยาบาลเพราะพรุ่งนี้ผมมีนัดผ่าเอาเหล็กดามขาออก จะได้เอาชิพข้อมูลส่งให้ตำรวจด้วย คนที่ผ่าให้เป็นหมอที่เจคบอกว่าไว้ใจได้เพราะเขาเคยเป็นลูกน้องของบอสมัน ตอนแรกทศกัณฐ์ก็หาหมอมาจะผ่าให้ผมตั้งนานแล้ว แต่ผมเป็นคนที่ผลัดออกไปเอง

ผมไม่รู้ว่าตัวเองผล็อยหลับไปตอนไหน ตื่นมาอีกทีก็ห้าโมงเย็นแล้ว ผมจึงลุกไปอาบน้ำแต่งตัวแวะร้านสะดวกซื้อหาของกินรองท้องนิดหน่อยก่อนจะโบกแท็กซี่ไปที่โรงพยาบาล ผมเข้าไปติดต่อหน้าเคาน์เตอร์เรื่องนัดผ่าตัด เธอให้ผมกรอกเอกสารพร้อมเซ็นต์อะไรนิดหน่อยก่อนจะมีนางพยาบาลอีกคนพาผมไปห้องพักเอาชุดให้เปลี่ยนแล้วรอคุณหมอมาคุยด้วยตอนหนึ่งทุ่ม ตอนนี้ก็หกโมงเย็นกว่าแล้วซึ่งระหว่างนี้ผมก็นั่งๆนอนๆดูทีวีในห้องไปพลางๆ

ไม่นานคุยหมอประจำไข้ก็เดินมาคุยกับผมเรื่องผ่าตัด เขาไม่เซ้าซี้หรือซักไซ้อะไรเลย บอกผมเพียงว่าจะให้งดน้ำงดอาหารหลังเที่ยงคืน เจ็ดโมงเช้าพรุ่งนี้ผมจึงจะได้ผ่าตัด ผมก็พยักหน้ารับทราบแล้วคุณหมอก็ออกไป

คล้อยหลังคุณหมอออกไปไม่นานก็มีบุคคลเข้ามาใหม่ในห้องผมสองคน ที่คุ้นหน้าคุ้นตาดีหนึ่งคนคือ เจค ส่วนอีกคน โชค... คุณจำโชค ลูกน้องคนสนิทของหริรักษ์ได้ไหมครับ ตอนนี้เขาอยู่ในชุดเครื่องแบบเต็มยศ ดาวบนบ่าสามดาว ร.ต.อ.ชัยณรงค์ ฤกษ์มี เป็นตำรวจสายลับสืบสวนพิเศษ แฝงตัวเพื่อทำคดีนี้อยู่เกือบหกปี

“มึงเป็นยังไงบ้างวะ บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”เจครีบถลามาหาผมที่เตียงหน้าตื่น สายตาสอดส่องทั่วร่างกายผม เมื่อไม่พบบาดแผลสายตาจึงอ่อนลง

“กูไม่เป็นไร ไม่ได้บาดเจ็บตรงไหนเลย” ผมเอ่ยย้ำว่าไม่มีตรงไหนของร่างกายได้รับบาดเจ็บ

“หมอเข้ามาคุยเรื่องผ่าตัดแล้วใช่ไหม” ผู้กองเอ่ยถามขึ้น

“ครับ พึ่งออกไปเมื่อกี้เอง”

“พวกเราเป็นหนี้เธอ ถ้าไม่ได้เธอเราคงไม่มีหลักฐานจับหริรักษ์ได้อยู่หมัดขนาดนี้ ขอบใจมากจริงๆ” ผู้กองหนุ่มกล่าวด้วยรอยยิ้มจริงใจ

“ไม่มีใครเป็นหนี้ผม พวกคุณได้ให้สิ่งที่ผมต้องการแล้ว ผมเพียงแต่ทำหน้าที่ของตัวเองให้จบ ว่าแต่ภาพและเสียงชัดเจนดีใช่ไหมครับ”

“ชัดเจนทุกคำ ยังไงก็ดิ้นไม่หลุด ต่อให้มันมีเส้นใหญ่แค่ไหนก็ไม่มีใครก็ช่วยหรอกในเมื่อมันสารภาพเองขนาดนี้ คุกตลอดชีวิตยังน้อยไปด้วยซ้ำ” ผู้กองเอ่ย หลายคนอาจสงสัยว่ามีภาพและเสียงของหริรักษ์ได้ยังไงในเมื่อมันทำลายกล้องถ่ายวิดีโอไปแล้ว ก็ถูกที่ว่ามันทำลายไปแล้วแต่ไม่ได้ทำลายทุกอันสักหน่อย ผมไม่เคยเสี่ยงทำอะไรโดยไม่มีแผนสำรองหรอกนะครับ ผมเคยบอกว่าผมต้องไปเจาะหูนั่นก็เพราะผมเอากล้องอีกตัวที่ถูกทำมาพิเศษเหน็บไว้แทนต่างหู มันเป็นกล้องที่สามารถเชื่อมต่อกับสัญญาณดาวเทียมได้ ภาพและเสียงที่ถูกถ่ายไว้จะส่งไปให้ผู้รับสัญญาณนั่นก็คือเจค แผนของผมคือจงใจใส่กล้องอัดวิดีโออีกตัวไว้หลอกหริรักษ์ให้มันตายใจ ทั้งๆที่จริงๆกล้องอีกตัวต่างหากที่สำคัญกว่า เพราะว่าถ้าผมไม่รอดออกไปจากที่นั่นได้จริงๆอย่างน้อยก็มีหลักฐานที่จะสามารถจับตัวหริรักษ์ได้

เรื่องหริรักษ์ถูกจับเป็นข่าวใหญ่โตไปทั่วทั้งประเทศ ประชาชนต่างให้ความสนใจว่าคนที่ดูช่วยเหลือสังคมออกสื่ออยู่ตลอดจะทำการชั่วได้ถึงเพียงนี้ บ้านพักทุกหลังถูกตรวจค้น ทรัพย์สินทั้งหมดถูกตรวจสอบ ภรรยาหนีออกนอกประเทศแล้วเป็นที่เรียบร้อย แต่หน้าแปลกคือไม่มีข่าวเรื่องการยิงกันเสียชีวิตเมื่อคืนวานในบ้านพักหริรักษ์ ทั้งๆที่ตอนผมพาทศกัณฐ์ออกมาก็เห็นนอนจมกองเลือดกันหลายสิบ

“เรื่องเมื่อวาน...” ผมเกริ่นขึ้นด้วยความกังวล ทศกัณฐ์จะโดนหางเลขไปด้วยรึเปล่า

“ไม่ต้องห่วง เขาให้คนมาเก็บกวาดปิดเรื่องนี้ไว้แล้ว” ผู้กองเอ่ยก่อนที่จะถามอะไร ผมมองหน้าเขางงๆอย่างไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ “เรื่องนี้ผมก็ไม่รู้อะไรมาก เพราะผู้ใหญ่เป็นคนสั่งลงมาโดยตรง ก็คนที่มาช่วยเธอเขาไม่ใช่แค่คนรวยระดับธรรมดาหรอกนะ เพราะแม้แต่ผู้นำบางประเทศก็ยังต้องเกรงใจเขา” ผมนิ่งไปด้วยความตกใจ ทศกัณฐ์เป็นใคร เขาไม่ใช่มาเฟียนี่ ไม่เห็นมีลูกน้องล้อมหน้าล้อมหลังเหมือนในหนัง หรือว่าเขาจะเป็นเจ้าชาย ยิ่งไม่น่าใช่ไปกันใหญ่ เพราะพี่สมิธบอกว่าพ่อเขาเป็นนักธุรกิจส่วนแม้เขาเป็นพี่สาวน้าเฟื่องฟ้า ซึ่งก็คือคนธรรมดาทั่วไป แล้วเขาเป็นใครกัน

“ได้ยินแบบนั้นผมก็สบายใจ” ผมเอ่ยบอกผู้กอง ปัดความสงสัยเหล่านั้นทิ้งไป มันไม่ใช่เรื่องที่ผมสนใจในตัวเขาหรอก

“อืม อย่าคิดมากเลย พรุ่งนี้หลังผ่าตัดเสร็จเธอก็จะไม่ต้องมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อีกแล้ว จะได้กลับไปใช้ชีวิตอย่างปกติเสียที”

“ผมก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น”

ผมกองอยู่คุยกับผมเรื่องทั่วไปไม่นานก็ขอตัวกลับไปสะสางคดีต่อ มีเพียงเจคที่ยังอยู่เป็นเพื่อนผม

“ที่กูให้สืบ ได้ความรึยัง” ผมเปิดปากก่อนเมื่อในห้องเหลือเพียงผมและเจค อีกคนเงยหน้าขึ้นมองผมนิ่งๆ

“ทศกัณฐ์เป็นลูกชายของ...”

“เรื่องนั้นกูรู้แล้ว ที่กูอยากรู้คือเมื่อประมาณ 13 ปีก่อนเขาเคยไปฝรั่งเศสไหม ไปกับใคร แล้วไปเจอใครบ้าง”

“ในปี 20xx มีประวัติว่าเด็กชาย อาร์นันโด้ ฮาล์น เดินทางไปปารีสกับพ่อเพียงแค่สองคนเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ก่อนกลับรัสเซีย ไม่มีหลักฐานว่าแคสเซียส ฮาล์นไปทำธุรกิจ น่าจะแค่ไปเที่ยวพักผ่อนธรรมดา รายละเอียดไม่มี แล้วหลังจากนั้นประวัติของอาร์นันโด้ก็ว่างเปล่า คือไม่มีอะไรเลย ไม่ทราบที่อยู่แน่ชัด เหมือนหายสาบสูญไปเฉยๆ จนกระทั่งเขาอายุ 18 ปี ปรากฏหลักฐานว่าเขาได้รับมรดกจาก อลิเซีย เดรทไพรส์ ผู้เป็นย่าแต่เพียงผู้เดียว เขาเพิ่มชื่อกลางเข้าไป เป็นมิสเตอร์อาร์นันโด้ เดรทไพร์ส ฮาล์น มูลค่ามรดกมหาศาลที่ประเมินค่าไม่ได้ แต่หลักๆเลยก็คือ ปราสาทประจำตระกูลเดรทไพรส์ ธนาคารที่มีสินทรัพย์มากที่สุดในอังกฤษ ตอนนี้เขาเปิดบริษัทสินเชื่อเป็นแหล่งเงินทุนให้นักธุรกิจหรือผู้ที่อยากกู้ทั่วโลก ผู้กองถึงได้บอกไงว่าผู้นำบางประเทศก็ต้องเกรงใจเขา เพราะบางประเทศที่เศรษฐกิจกำลังเติบโตก็มีเงินทุนจากเขาคอยหมุนเวียนอยู่ ดูยิ่งใหญ่เป็นบ้าเลยใช่ไหมล่ะ” เจคเอ่ยเยาะๆแกมประชดตัวเอง คงยังไม่อยากเชื่อข้อมูลที่ตัวเองหามาได้เหมือนกัน

“เขามาไทยครั้งแรกเมื่อไหร่”

“ห้าปีก่อน ตอนเขาอายุ 18 ไปๆมาๆระหว่างไทยกับอังกฤษ แต่เวลาส่วนมากก็อยู่ไทย”

“ก่อนเขาอายุ18 ประมาณปี 20xx เขาไม่ได้มาไทยหรือไง” ผมถามอย่างข้องใจ นึกย้อนความทรงในวันวาน

“ก็บอกแล้วว่าข้อมูลก่อนหน้านี้หายสาบสูญ”

ปัง!

“ว่างป่ะ ขอคุยด้วยหน่อยดิ” เสียงเลื่อนประตูห้องพักผมดังปัง พร้อมกับการปรากฏตัวของคนที่ผมก็ทำผิดต่อเขา

“เจคมึงกลับไปก่อน ขอบใจมากที่มา” ผมหันไปบอกเจค มันหันไปมองหน้าพี่สมิธนิดหน่อย ล่ำลาผมไม่กี่คำแล้วก็ออกไป

“พี่มีอะไรรึปะ-…เพี๊ยะ!” ผมถามเขายังไม่ทันจบประโยคดี ฝ่ามือหนาพี่สมิธฟาดลงมาที่แก้มผมจนหน้าหัน แก้มซีกซ้ายผมชาดิก แต่เลือกไม่กลบปาก คิดว่าเขาคงยั้งแรงไว้ให้อยู่

“มึงยังเห็นกูเป็นพี่มึงอยู่ไหม ไหนบอกว่าไว้ใจกู กูมีอะไรก็เล่าให้มึงฟังหมด แล้วทำไมเวลาที่มึงมีปัญหาถึงไม่พูด! มึงเคยเห็นหัวกูบ้างไหม!” พี่สมิธพูดด้วยน้ำเสียงดุดันแววตาเขาฉายแววผิดหวังและเจ็บปวด ผมไม่โกรธเขาเลยสักนิดที่ตบผม แค่นี้มันยังน้อยไปด้วยซ้ำที่ผมทำกับเขา สตีฟบอกผมหมดแล้วเรื่องที่พี่สมิธวิ่งตามหาผมเป็นชั่วโมงและเขาต้องจำใจกลับไปหาผู้ชายคนนั้น

“ผมขอโทษ” ผมเอ่ยเสียงแผ่ว รู้ว่าแค่คำๆเดียวคงไม่เพียงพอ

“มึงพูดเป็นแต่คำนี้หรอ มึงไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้วใช่ไหม...ถ้ามึงไม่พูด เราก็ไม่มีอะไรต้องคุยกันอีก” ผมใจหายวาบกับคำพูดของพี่สมิธ หัวใจสั่นไหวอย่างรุนแรงเหมือนกันลังจะสูญเสียอะไรสักอย่าง พี่สมิธเหมือนจะชอบบังคับให้ผมทำนั่นนี่แต่เขาก็มักจะตามใจผมอยู่เสมอ คอยอยู่เป็นเพื่อน พูดจากวนโอ๊ยเพื่อไม่ให้เหงา เป็นประเภทที่ปากร้ายแต่ใจดี ในชีวิตคนอย่างผมจะมีคนแบบเขาผ่านเข้ามาอีกสักกี่คนกัน

“ไม่เอา” ผมพูดขึ้นอย่างเอาแต่ใจ

“ไม่เอาก็พูดมาให้หมด เรื่องราวทั้งหมด...ทุกเรื่อง”พี่สมิธนั่งลงเก้าอี้ข้างเตียง ผมจึงเริ่มเล่าเรื่องราวชีวิตทั้งหมดตั้งแต่แรกให้พี่สมิธฟัง เขาพอรู้เรื่องราวที่ผมต้องเข้าไปพัวพันกับหริรักษ์อยู่แล้วอยู่แล้ว จนผมเล่ามาถึงช่วงแผนการสุดท้ายของผม

“...มีคนโทรหาผม เขาบอกว่าหริรักษ์รู้ตัวตนของผมแล้ว มีคนคอยจับตาดูผม และพี่อยู่ พอผมลองสังเกตดูดีๆก็เป็นอย่างที่เขาว่าจริงๆ”

“กูด้วยหรอ” พี่สมิธขมวดคิ้วงงๆ

“อื้อ เขาบอกผมกำลังจะทำให้พี่สมิธเป็นอันตรายกับเรื่องของผมไปด้วย...ผมก็เลยตัดสินใจกันทุกคนออกไป” ท้ายประโยคผมก้มหน้าพูดเสียงแผ่วๆ

“คนที่โทรคุยกับมึงเขาพูดภาษาอะไร”

“ภาษาอังกฤษ”

“สำเนียงผู้ดี พูดสุภาพแบบกระแดะๆป่ะ”

“ครับ แต่ก็ไม่กระแดะนะ” ผมบอกพี่สมิธไปตามตรง พอพี่สมิธได้ยินคำตอบผมเขาก็กัดกรามกรอด กำหมัดแน่นเลย

“ไอ้เหี้ยนั่น กล้าดียังไงมาหลอกใช้มึงบีบกู” สายตาพี่สมิธโกรธมาก น่าจะเพราะคนที่โทรหาผม “มึงไม่ต้องพูดอะไรแล้วกูว่ากูพอเข้าใจอะไรหลายๆอย่างแล้ว ทีหลังมีอะไรพูดกับกูได้ทุกเรื่อง เข้าใจไหม” พี่สมิธเอื้อมมือมาขยี้หัวผมเบาๆอย่างเอ็นดู

“อื้อ ไม่ทิ้งแล้วใช่ไหม” ผมถามพี่สมิธตาแป๋ว

“ไม่ทิ้ง ถ้ามึงไม่ดื้อ” พี่สมิธยิ้มๆหล่อๆมาให้

“ไม่ดื้อเหอะ” ผมเบะปากให้พี่สมิธนิดๆอย่างเคยชิน เลยโดนไอ้พี่บ้าดึงปากซะเจ็บไปหมด

“แล้วนี่ใจคอมึงจะไม่ไปดูผัวมึงเลยหรือไง มันแทบจะกระชากน้ำเกลือมาหามึงถึงที่ถ้ากูไม่ห้ามไว้ก่อน” ผมนิ่งไปนิดเมื่อได้ยิน

“ทำไมถึงรู้กันล่ะครับว่าผมอยู่ที่นี่”

“ไอ้คุณตำหนวดบอกมาอ่ะ มันเข้าไปคุยเรื่องไอ้เหี้ยนั่นกับไอ้ทศอ่ะดิ” ดูความเกรียนของพี่สมิธสิครับ พูดซะตำวจเขาเสียหมด “น่าไปดูมันหน่อย ป่านนี้มันหลับไปแล้วมั้ง หมอพึ่งให้ยามันอีกรอบ ไปเถอะน่า” ผมนิ่งคิด ตอนแรกก็คิดว่าจะรอผ่าตัดให้เสร็จก่อนแล้วไปสารภาพความจริงกับเขาทีเดียว แต่ใจก็อยากไปดูเขาอยู่ลึกๆ ไปดูให้เห็นกับตาว่าเขาไม่เป็นอะไรแล้ว สุดท้ายผมก็ทนการเซ้าซี้จากพี่สมิธและหักห้ามใจตัวเองไม่ไหว เลยยอมเดินตามพี่สมิธต้อยๆไปจนถึงห้องพักฟื้นทศกัณฐ์

“เออมึงเข้าไปก่อน เดี๋ยวกูคุยโทรศัพท์อยู่นี่แปบ” พี่สมิธหันมาบอกผมเมื่อเรามาถึงหน้าห้อง ผมยังไม่ทันได้พูดอะไรเขาก็ผลักผมเข้ามาในพร้อมปิดประตูให้เสร็จสรรพ ผมจึงเดินลึกเข้าในห้องจนเห็นทศกัณฐ์หลับอยู่บนเตียงอย่างที่พี่สมิธว่าจริงๆ ผมเดินเข้าไปใกล้เตียงเงียบๆ ลมหายใจผ่อนเข้าออกสม่ำเสมอ ใบหน้าก็ซับสีเลือดสุขภาพดี เห็นแบบนั้นผมก็พรูลมหายใจออกมาอย่างโล่งใจ

ผมทำใจกล้ายื่นมือไปเสยผมที่ไม่ได้เซ็ทของเขาไม่ให้ปรกหน้า เผลอลูบไล้ตามโครงหน้าหล่อเหลาด้วยความเผลอไผล รู้ตัวอีกทีก็ถูกมือหนาจับข้อมือผมไว้จนหยุดชะงัก ผมมองหน้าเขาตื่นๆพยายามดึงข้อมือออกจากมือเขาแต่ไม่สำเร็จ แววตาร่างสูงส่อหงุดหงิดนิดๆที่เห็นผมขัดขืน เขาปรับเตียงตัวเองให้อยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนก่อนจะโน้มตัวมาช้อนใต้รักแร้ผมทั้งสองข้างขึ้นมาบนเตียงนั่งทับหน้าท้องแกร่งเขาอย่าง่ายดาย

“อย่า...” ผมเอามือปิดปากเขาไว้ เมื่อทศกัณฐ์ทำท่าจะโน้มหน้าเข้ามาใกล้

“ทำไม? เป็นอะไรไหนบอกพี่ซิ?” ทศกัณฐ์ไม่เซ้าซี้ทำต่อ แต่เปลี่ยนมาตั้งคำถามกับผมแทน

“…”

“ไม่พูดงั้นจูบ”

“ผมขอโทษ”ผมรีบโพล่งออกไปเมื่อเขาทำท่าจะจูบผมอีกครั้ง

“พูดใหม่”

“ห๊ะ!?”

“แทนตัวเองว่าน้อง” เขาบอกด้วยสีหน้าจริงจัง

“มะ ไม่เอา” ผมส่ายหัวปฏิเสธ รู้สึกเขินๆยังไงไม่รู้ถ้าต้องแทนตัวเองอ้อนๆแบบนั้นกับเขา

“โอเค งั้นปล้ำ” พูดจบเขาก็ไม่สนใจเสียงห้ามผมแล้ว จับมือทั้งสองข้างผมรวบไว้แล้วล็อคท้ายทอยผมไม่ให้ถอยหนี จากนั้นจึงโน้มหน้าทาบริมฝีปากแนบสนิทลงกับริมฝีปากผม ทศกัณฐ์ไม่ได้จูบรุนแรง ผิดคาดเขาค่อยๆบดจูบกับริมฝีปากผมช้า ขบเม้นสลับริมฝีปากบนและล่างอย่างอ่อนหวาน เขาค่อยๆไล้เลียละเลียดชิมริมฝีปากผมอย่างอ่อนโยน ผมเคลิ้มไปกับรสจูบของทศกัณฐ์ หัวใจฟูฟ่องรู้สึกดี เม้นริมฝีปากจูบเขาคืนโดยไม่รู้ตัว จูบนี้เหมือนเขาจะโหยหาและคิดถึงผมมาก ลิ้นร้อนค่อยๆลอดแนวฟันเข้ามาสัมผัสกัน ผมขยับลิ้นตอบเขาอย่างไม่ประสา นั่นยิ่งทำให้ทศกัณฐ์รุกรานจูบผมมากขึ้นกว่าเดิม เร่าร้อนขึ้นตามแรงอารมณ์ มือหนาปล่อยมือทั้งสองข้างของผม เลื้อยสอดเข้ามาลูบไล้บั้นเอวใต้เสื้อคนไข้ของผมแทน

“อ่ะ อื้อ น้องยะ...ยอมแล้ว” ผมรีบเบี่ยงหน้าออกเมื่อเห็นว่ามือเขาชักจะเลยเถิดไปที่ท่อนล่างของผมแทน ทศกัณฐ์ยอมหยุด...อย่างอ้อยอิ่ง จูบลงบนริมฝีปากผมเบาๆอีกทีส่งท้ายอย่างเสียดาย

“เอาล่ะ พูดมา”

“น้องขอโทษครับ ที่ทำให้พี่เจ็บ” ผมกำกางเกงคนไข้ตัวเองแน่น แต่ก็ไม่ได้หลบตาอีกคน

“ขอโทษทำไม พี่เต็มใจยังไงก็ทนเห็นน้องลำบากไม่ได้อยู่แล้ว ต่อให้ตายพี่ก็ไม่เสียใจ”

“ไม่เอา ไม่ให้ตายนะ” ผมส่ายหัวแรง

“ก็ไม่ตายแล้วนี่ไง”

“อื้อ” ผมรับคำหงอยๆ

“มีอะไรอยากจะพูดอีกไหม? พูดกับพี่ได้ทุกเรื่องนะ”

“…”

“ว่าไง?”

“น้อง...น้องเป็นคนนิสัยไม่ดี” พูดจบผมก็เขื่อนแตกทันที ทศกัณฐ์จึงรั้งร่างผมเข้าไปกอดแน่นโดยไม่กลัวว่าตัวเองจะเจ็บแผล มือหนาลูบหลังผมปลอบๆ ผมกอดคอเขาแน่นซบบ่ากว้างปล่อยน้ำตาให้ไหลอย่างไม่อาจกลั้น ผมไม่กล้าพูด ผมกลัวเขาเกลียด แค่คิดก็จบจนแทบไม่ไหว

“ร้องไห้ทำไม พี่ยังไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย” พูดไปก็ลูบหลังลูบหัวปลอบผมไป

“น้องหลอกใช้พี่ ฮึก น้องจำพี่ได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอในซอกตึกนั่น พี่คือคนที่อยู่ใต้ต้นไม้ตอนนั้นใช่ไหม”

“ครับ”

“น้องไม่ได้ตั้งใจผิดสัญญา แต่คุณแม่น้องป่วย น้องขอโทษ ฮึก”

“ไม่เป็นไรครับ”

“แล้วพอมาเจอกันอีก ยักษ์ก็จำน้องไม่ได้ ทำเหมือนไม่ชอบน้อง”

“มันจำเป็น ไม่ได้ตั้งใจ”

“พออยู่กันไปยักษ์ก็ทำไม่ดีกับน้อง น้องยิ่งโกรธเลยคิดว่าจะเอาคืน จะทำให้เสียใจให้ได้” ผมสารภาพออกไปตามตรง

“อาฮะ แล้วได้ทำไหม” ผมส่ายหน้า

“แล้วน้องเป็นเด็กไม่ดีตรงไหน น้องได้พยายามทุกอย่างในสิ่งที่น้องจะสามารถทำได้ น้องยอมเอาตัวเองไปทำงานเสี่ยงๆเพื่อรักษาแม่ ยอมออกจากบ้านเพื่อไม่ให้ครอบครัวเดือดร้อน ยอมตายได้ถ้าทุกคนไม่ต้องเป็นอะไร ใช่ไหม?” ผมพยักหน้า น้ำตาไหลหนักยิ่งกว่าเดิม

“เด็กผู้ชายตัวแค่นี้ ต้องแบบรับภาระหลายอย่างมากมายด้วยตัวคนเดียว น้องเก่งมากนะรู้ไหม” “พี่ซะอีกสิที่ต้องขอโทษน้อง ทำตัวไม่ดีกับน้องตั้งหลายอย่าง ทั้งแกล้งทั้งทำให้เสียใจก็ตั้งหลายครั้ง” ทศกัณฐ์ดึงผมออกจากบ่า หยิบทิชชู่เช็ดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน

“พี่ขอโทษนะครับ” ทศกัณฐ์พูด ผมก็พยักหน้าเบาๆ เขายิ้มแล้วโน้มหน้ามาจูบหน้าผากผมเบาๆ

“ยักษ์...เราเคยเจอกันมาก่อนไหม ก่อนที่น้องจะโต ตอนที่เรายังเด็กมากๆ” ผมอ้อมแอ้มถามอย่างไม่แน่ใจ แต่ความรู้สึกผมมันบอกว่ามีบางอย่างที่ถูกเก็บซ่อน

“นั่นเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้พี่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป เพื่อได้มาเจอน้องอีกครั้ง” รอยยิ้มจากทศกัณฐ์ทำให้น้ำตาที่หยุดไปแล้วหยดแหมะลงมาอีกครั้ง ทำไมผมถึงจำไม่ได้ ทั้งๆที่ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็จำเก่งนักหนา แต่ทำไมแค่หน้าพี่ชายที่เคยให้เขาขี่หลังเดินรอบปารีสในตอนนั้นถึงได้ลืม คนที่เคยสัญญาว่าจะทำให้ผมมีความสุขที่สุด จะอยู่เคียงข้างเวลาผมไม่มีใคร

“ทำไมไม่บอกน้องให้เร็วกว่านี้” ผมโผกอดเขาแน่น ความรู้สึกพังทะลักออกมาจนบรรยายไม่ถูก เหมือนผมหาสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตเจอแล้ว

“พี่ไม่อยากบังคับน้อง พี่อยากให้น้องเป็นคนเลือก”

“น้อง ฮึก คิดถึงมาตลอด”

“พี่ก็คิดถึงเหมือนกัน... พี่อยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีน้อง” ทศกัณฐ์ดึงผมให้มองสบตาเขาตรงๆ ก่อนจะเอ่ยพูดช้าๆชัดอย่างหนักหน่อยที่ติดตรึงในใจผมไปตลอดกาล

“ทศกัณฐ์รักเหรันต์”

“...รันต์ก็รักยักษ์” ผมพูดเบาๆเขินๆทว่าน้ำตาแห่งความดีใจก็ซึมมาอีกครั้ง ผมคิดว่าเขาคงได้ยินเพราะเขายิ้มกว้างส่งให้ผม

“คบกับพี่นะ ให้พี่ได้อยู่เคียงข้างน้อง ดูแลปกป้องน้อง ทำให้น้องมีความสุขตลอดไป”

“ครับ” ผมไม่อยากลังเล ไม่อยากคิดว่าต่อไปจะเจ็บหรือเสียใจหรือเปล่า ตอนนี้ผมมีความสุข ผมอยากเก็บความสุขนี้ไว้ให้ได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นผมก็จะไม่เสียใจที่เลือก

++++++++++++++++

ตอนนี้ก็ไม่เชิงว่าจะหวานหรืออะไร คือเปรมอยากจะคลี่คลายปมต่างๆไม่ให้ค้างคาใจกันก่อน หลายๆคนอาจจะงงในเนื้อเรื่องและรำคาญนิสัยรันต์ไปบ้าง เปรมขออนุญาตอธิบายตรงนี้ว่า
-รันต์ยังเด็กมากๆ แต่เจอปัญหารุมเร้าค่อนข้างเยอะจึงตัดสินใจรวดเร็วไปในครั้งเดียวจบ เชื่อมั่นในตัวเองสูงเพราะเติบโตมาแบบที่ต้องดูแลตัว ฮีจะเป็นไม่กล้าพึ่งคนอื่นเพราะอยู่ตัวคนเดียวมาตลอดและแสดงความรู้สึกไม่เก่ง
-น้องรันต์ดูกลัวนั่นนี่ไปหมด นั่นเพราะฮีได้เห็นบทเรียนที่แสนเจ็บปวดจากพ่อแม่ก็เลยฝังใจ
-คล้ายๆว่าจะเป็นเด็กสองบุคลิกจะมีด้านที่ดูโตเกินอายุ และอีกด้านที่เด็กมากๆ
-ความรู้สึกตัวละครดูขัดแย้งกัน นั่นเพราะพวกเขาพยายามจะซ่อนความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองโดยเฉพาะฮีทศที่รู้ว่ารันต์คือใครแต่แรก ปากแข็งเหลือเกิน
-รันต์กับทศกัณฐ์เคยเจอกันมาก่อนตอนเด็กๆใช่ไหม ใช่ค่ะเนื้อหาเปรมจะเขียนลงไปในตอนพิเศษนะคะ
ป.ล.เนื้อหาอาจดูเว่อร์วังไปหน่อย เปรมขอย้ำว่ามันคือนิยาย ไม่มีส่วนไหนที่เป็นความจริง แต่งตามความชอบส่วนตัว
-ปมอื่นๆจะค่อยๆคลายไปตามลำดับ คู่หลักก็จะงุ้งงิ้งไปตามประสาข้าวใหม่ปลามัน และขอบคุณที่ติดตามค่ะ-   :mew1:

หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 33♡[04/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 04-10-2017 23:18:26
 :mew1: :mew1: :mew1:
ขอบคุณจ้าาา
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 33♡[04/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 05-10-2017 00:37:00
ชอบเวลาเค้าแทนตัวกันแบบนี้จัง น่ารักมากก
ยักษ์กับน้อง น้องกับพี่ ละมุนมากกก
รอค่าาา
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 33♡[04/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 05-10-2017 01:00:27
 :hao6: :hao6: :hao6:  ทำไมพูดว่าน้อง แล้วนึกถึงฟิลลิป เดอะเฟสเมน 5555  น้องๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 33♡[04/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Laliat ที่ 05-10-2017 03:13:30
แหม กว่าจะลงตัว เสียเลือดเสียเนื้อมิใช่เบา :mew1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 33♡[04/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 05-10-2017 06:11:29
ทุกอย่างคลี่คลาย
พี่ดี สั่งสอนแนะนำรันต์ดีมาก

ยักษ์ รันต์  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
รันต์ รู้ซึ้งถึงความรักที่ยักษ์มีต่อตัวเอง และตัวเองก็รักยักษ์
ยักษ์ รันต์ เข้าใจกัน คบกับแล้ว  :mew1: :mew1: :mew1:
รอความหวาน มุ้งมิ้งหวงรันต์ของยักษ์
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 33♡[04/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 05-10-2017 08:29:31
แทนตัวพี่กับน้องน่ารักๆ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 33♡[04/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 05-10-2017 08:48:21
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 33♡[04/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 05-10-2017 09:20:02
 :-[ เค้าดีกันแล้วววววว ปลื้มปริ่ม
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 33♡[04/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Fonz_Juz19 ที่ 05-10-2017 10:44:57
น่ารักกกกก  น้องกับพี่
ผ่านเรื่องร้ายไปแล้วนะ
รันต์ควรมีความสุขจริงๆสักที
พี่ยักษ์ดูแลน้องดีๆเด้อ
ขอบคุณแต่งมากๆ ค่า
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 33♡[04/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 05-10-2017 16:53:31
เรื่องร้าย ๆ ผ่านไปแล้วนะ

หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 33♡[04/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 05-10-2017 19:39:05
 :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 33♡[04/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 05-10-2017 21:59:46
ในที่สุดก็เปิดใจกันแล้ว
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 33♡[04/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 05-10-2017 23:27:26
รอตอนหวานงุ้นงิ้งๆๆ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 33♡[04/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: hpimmc ที่ 05-10-2017 23:46:22
แทนตัวน่ารักมาก ๆ  ฮือออออออออออ
น่ารักมากจนจะต้องร้องไห้
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 34♡++50%++[08/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 08-10-2017 18:10:55
ใจยักษ์ 34.1

“เย็นนี้นี้น้องจะทำข้าวต้มหมู กับบล็อคโคลี่ผัดกุ้งให้กินนะ”ผมบอกขณะช่วยอีกคนใส่เสื้อให้เรียบร้อย

“ข้าวต้ม?” ทศกัณฐ์ขมวดคิ้วนิดๆ ทวนชื่อรายการอาหารที่ผมบอกไป

“ทำไม? เบื่อแล้วหรอ” ผมถามพร้อมกระตุกยิ้ม มือละออกจากเสื้อเขาเมื่อกลัดกระดุมเม็ดสุดท้ายเสร็จแล้ว แต่อีกคนกลับรีบจับมือผมไว้แน่นพร้อมเอ่ยเสียงเข้ม

“ไม่เบื่อ ไม่มีทางเบื่อ” ทศกัณฐ์ยกมือผมขึ้นหอมหลายๆทีอย่างเอาใจ  นัยน์ตาสีเขียวซีดจ้องสบตามาทำเอาผมอดแก้มร้อนไม่ได้

“หึๆ ทนไปก่อน ช่วงนี้น้องอยากให้พี่ทานอะไรอ่อนๆ แผลจะได้สมานตัวเร็วไม่อักเสบไง”ผมหัวเราะกลบความเขินแล้วดึงมือออก คือผมเข้าใจทศกัณฐ์นะ ว่าเขาก็ต้องเริ่มเบื่อเมนูอาหารอ่อนๆที่ผมจัดให้ โดยเฉพาะข้าวต้มที่ถึงจะไม่ได้ทานติดๆกันหลายคาบ แต่ก็เป็นเมนูที่ผมทำบ่อยในช่วงสองสามวันมานี้  อ่อลืมบอกไปว่าตอนนี้ทศกัณฐ์ออกจากโรงพยาบาลมาได้สามวันแล้วล่ะครับ จริงๆคุณหมอจะไม่ให้ออกเร็วขนาดนี้ เพราะเขาพักฟื้นหลังผ่าตัดที่โรงพยาบาลแค่สองวันเอง แต่ทศกัณฐ์ก็คือทศกัณฐ์ จะเอาให้ได้ดั่งใจตัวเองเสมอ ส่วนผมหลังผ่าตัดเอาเหล็กดามออกก็สามารถกลับได้เลย ผมยังเดินติดๆขัดๆเป๋บ้างและตึงแผลเล็กน้อย คุณหมอก็บอกวิธีทำกายภาพให้หมั่นฝึกทำไม่เกินหนึ่งเดือนก็น่าจะเริ่มวิ่งเบาๆได้แล้ว

“น้องทำอะไรให้พี่ก็ชอบหมดนั่นแหละ ฟอดดด” ทศกัณฐ์เดินเกาะหลังผมออกจากห้องแต่งตัว พูดยอเอาใจผมแถมไม่วายยื่นจมูกมาหอมแก้มผมฟอดใหญ่ ผมทำเป็นหันไปขึงตาใส่ดุๆ ช่วงนี้ปากถึงจมูกถึงตลอด เขินเป็นเหมือนกันนะเว้ย

“ทำมาเป็นพูด ถ้าบ่นนะ น้องจะ...”ผมหันไปพูดกับยักษ์เอาแต่ใจ

“จะอะไร?”ทศกัณฐ์กระตุกยิ้มหล่อ ส่งสายตาแพรวพราวมาให้จนผมเกือยพูดไม่ออก

“จะไม่ให้หอมน้องไง”ผมฉีกยิ้ม กอดอกเชิดหน้าขึ้นนิดอย่างคนเหนือกว่า ยักษ์ถึงกับหุบยิ้มฉับหน้าบึ้ง แต่ไม่นานเขาก็ระบายยิ้มออกมากว้างกว่ารอยยิ้มผมซะอีก

“ยิ้มอะไร?”

“ก็ยิ้มมีความสุขไง...ถ้าน้องไม่ให้หอม พี่ก็จะจูบแทน จูบไปทั้งตัวเลย” ทศกัณฐ์ย่างเท้าเข้ามาใกล้ชิดผมยิ่งกว่าเดิม ในขณะที่เท้าผมก็ถอยหลังออกมาเรื่อยๆเช่นเดียวกัน รู้ตัวอีกทีขาผมก็ชนเข้ากับขอบเตียง แต่ด้วยความที่ขาผมก็ไม่ค่อยจะดีนัก(แผลผ่าตัด)ผมจึงเสียหลักล้มลงไปบนเตียง ฉากนี้แม่งนิยายสัสๆ(ก็นิยาย) ทำให้ทศกัณฐ์สบโอกาสตามมาคร่อมตัวผมไว้อย่างง่ายดาย

“ลุกออกไปเลย” ผมพูดเสียงนิ่ง สังหรณ์ว่าจะต้องมีการเสียเลือดกันมั่ง

“หืม ไม่อยากลุกเลยว่ะ” ปากพูดอย่างเดียวก็ได้ทำไมต้องขยับเข้ามาใกล้หน้าผมด้วยเนี่ย ผมจึงเอามือปิดปากเขาไว้ก่อนที่จะสัมผัสโดนริมฝีปากผม

“น้องจะไปทำอาหารให้ จะไม่กินใช่ป่ะข้าว”

“กินของหวานก่อนได้ไหมอ่ะ ข้าวเอาไว้ทีหลัง” ทศกัณฐ์ดึงมือผมออกแล้วตอบ เวลาที่เขาส่งยิ้มกว้างมาให้พร้อมสายตาแพรวพราวนั่นมันทำให้ขนลุกร้อนๆหนาวๆไปทั้งตัว หัวใจเต้นแรงมากจนผมกลัวอีกคนจะได้ยิน

“ข้าวมีประโยชน์นะ” ผมพูดตะล่อมเขากระพริบตาปริบๆ ก็รู้แหละว่ากำลังจะโดนอะไร แต่ผมก็ยังรู้สึกกลัวๆอยู่

“แต่พี่ชอบของหวานจากน้องมากกว่านี่ นะ...”ทศกัณฐ์ส่งสายตาอ้อนๆมาให้ มันทำให้ผม...ใจอ่อนว่ะ

ก็ผมรักของผมนี่นา

“จุ๊บ!...อื้อ” ผมยังไม่ทันพูดตอบตกลงอะไรเลย แค่พยักหน้าเบาๆ ทศกัณฐ์ก็รีบฉกริมฝีปากหนาได้รูปทาบทับลงมากับริมฝีปากผมทันที เขาบดจูบผมอย่างเร่าร้อน ลิ้นร้อนสอดเข้ามาเกี่ยวกวัดหยอกล้อในโพรงปาก ผมตวัดลิ้นคืนให้กับเขาบ้าง ริมฝีปากก็ดูดเม้นอย่างเป็นจังหวะสอดประสานกันเลียนแบบที่เขาทำกับผม ทศกัณฐ์ขมวดคิ้วนิดๆก่อนจะถอนริมฝีปากออกจากผมเพียงเล็กน้อย

“จูบเก่งขึ้นรึเปล่า?” เขาเอ่ยถามอย่างสงสัยแต่สายตากลับเต็มไปด้วยแรงอารมณ์

“คนสอนเก่ง มันก็ต้องมพัฒนากันบ้างสิ”ผมตอบกลับไปยิ้มๆ ถ้าเป็นแต่ก่อนผมคงไม่กล้าจูบตอบเขาเพราะกลัวนั่นนี่นู่นไปหมด แต่ว่าตอนนี้ผมกับเขาเราเป็นแฟนกันแล้ว ดังนั้นผมก็มีสิทธิ์แสดงอารมณ์ความรักความต้องการของตัวเองได้เต็มที่เหมือนกัน

“คำตอบน่าจะได้รางวัลเป็นจูบแรงๆสักหลายๆที” พูดจบเขาก็ให้รางวัลผมเดี๋ยวนั้น เราจูบกันานมากแลกลิ้นดูดชิมน้ำลายกันไปมา จนเมื่อแรงอารมณ์ดำเนินมาถึงขีดความต้องการทศกัณฐ์จึงผละริมฝีปากออกแล้วรีบถอดเสื้อให้ผมและตัวเองอย่างรวดเร็ว ผมปลดหัวเข็มขัดและกระดุมกางเกงให้กับเขา ทศกัณฐ์รีบสลัดกางเกงให้พ้นจากตัวเหลือเพียงอันเดอร์แวร์ติดกาย ก่อนจะหันมาลงมือกับกางเกงผมแทน ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาทีร่างกายผมก็เปลือยเปล่า 

ทศกัณฐ์อุ้มผมให้ไปอยู่กลางเตียง มือหนาลูบไล้ไปทั่วทั้งกายผม ริมฝีปากได้รูปพรมจูบตั้งแต่หน้าผากผมไล้ลงมาข้างขมับ สูดหอมพวงแก้มผมหลายฟอดก่อนจะวนกลับมาเชยชิมริมฝีปากผมอีกครั้ง มือหนาไล้วนหัวนมบนยอดอก นิ้วโป้งบดคลึงแรงๆสลับไล้วน ส่วนยอดอกอีกข้างก็ถูกริมฝีปากเขาเลื่อนลงมาดูดครอบครองไว้

ผมเสียวแปลบๆตรงกลางกายและท้องน้อยเป็นระยะ จนกระทั่งมืออีกข้างของทศกัณฐ์เลื่อนลงไปกุมกลางกายพร้อมชักรูดขึ้นลงให้ ผมถึงกับต้องจิกผมทศกัณฐ์และแผ่นหลังของเขาระบายความเสียวซ่านที่เข้าจู่โจมอย่างไม่ทันตั้งตัว

“อ๊ะ...ยะยักษ์ พอ...อื้อ เร็ว น้องเสียว” ผมอยากผลักเขาออกเพราะรู้สึกร่างกายปั่นป่วนไปหมดแต่ร่างกายกลับทรยศแอ่นอกขยับตามเขาอย่างไม่รู้จักอาย มันทรมานหรือสุขสมจนผมก็แยกไม่ออกเพราะเบลอไปหมดแล้ว ไม่นานร่างกายผมก็เกร็งกระตุก ทศกัณฐ์สาวมือเร็วขึ้นจนผมปลดปล่อยน้ำรักออกมา ผมหอบหายใจถี่หลังถึงฝั่งแต่ยังไม่ทันได้พักหายเหนื่อยดีผมก็รู้สึกเปียกชื้นที่ช่องทางด้านหลัง

“ฮื่อ ยักษ์อย่าเลียนะ มันสกปรก” ผมรีบร้องบอกเขา จะถดตัวหนีก็โดนยักษ์จับตรึงเอวไว้แน่น

“พี่ไม่เคยรังเกียจ ของเมียทั้งคน” พูดจบเขาก็ละเลงลิ้นใส่ไม่ยั้งจนช่องทางนั้นมันแฉะไปหมด ผมหลุดเสียงครางไปหลายทีเมื่อความเสียวเริ่มก่อตัวอีกครั้ง

เฮือก! ผมสะดุ้งสุดตัวเมื่อสิ่งแปลกปลอมถูกสอดเข้ามา ทศกัณฐ์นิ่งไปจนผมพยักหน้าให้เขาจึงเริ่มขยับนิ้วเข้าออก เมื่อช่องทางเริ่มขยายนิ้วที่สองและสามจึงถูกสอดเข้ามาติดๆ เขาใช้น้ำรักผมที่พึ่งปลดปล่อยไปเป็นตัวหล่อลื่นนิ้วจึงสอดเข้าได้ไม่ยากเย็นนัก มันจุกและคับแน่นมากแต่ว่าก็เสียวซ่านมากเช่นกัน

จนเมื่อช่องทางถูกขยายได้ที่ทศกัณฐ์จึงถอนนิ้วออก เขายืดตัวขึ้นแล้วเอื้อมตัวไปหยิบหลอดเจลในลิ้นชักข้างหัวเตียง ผมมองดูทศกัณฐ์ถอดอันเดอร์แวร์ออก แก่นกายที่ใหญ่โตนั้นดีดผึงชี้หน้าโดยไม่ต้องชักให้เสียเวลาส่วนปลายมีน้ำขุ่นๆผุดออกมารอการปลดปล่อย ทศกัณฐ์ชโลมเจลใส่แก่นกายชักคลึงไม่กี่ครั้งก็พร้อมรบเต็มที่ ร่างกายสูงใหญ่ขยับเข้ามาใกล้ผมช้าๆ เขาจับขาผมอ้าออกกว้าง จับแก่นกายสีไปมากับช่องทางนั้นก่อนจะจ่อให้ตรงรูแล้วกดส่วนกัวเข้ามา...กึก

ผมเผลอขยับหนีเขา! ตัวสั่นขึ้นนิดๆ เมื่อเห็นภาพวันที่เขาข่มขืนผมซ้อนทับขึ้นมา สีหน้าทศกัณฐ์เหวออย่างเห็นได้ชัดแววตาเขาส่อความเจ็บปวดออกมา ทศกัณฐ์เอื้อมมือมาหาผมก็เผลอหลบไปเองอัตโนมัติ มือแกร่งหยุดชะงักทันที

บ้าเอ้ย! ทำไมต้องมาเป็นอะไรแบบนี้ด้วยวะ

“ยักษ์...น้องไม่...” ผมกำลังจะบอกว่าไม่เป็นไร แต่อีกคนกลับรีบพูดขึ้นก่อน

“พี่ไม่ทำอะไรแล้ว จะไม่ฝืนใจน้อง ขอโทษนะ ขอโทษจริงๆ” ทศกัณฐ์ยิ้มเศร้าให้ไม่กล้าขยับมาหาผมอีก เขาคงรู้สึกผิดมากจริงๆ เขาทำท่าจะลุกออกจากเตียง แต่เป็นผมเองที่พุ่งเข้าไปกอดคอเขาไว้แน่น

“ทำเถอะ น้องอยากให้ยักษ์ทำ ยักษ์ก็จะได้มีความสุขไง”

“แต่น้อง...”

“น้องก็จะมีความสุข...น้องเชื่อใจพี่”ผมระบายยิ้มให้ทศกัณฐ์สบตาเขาเพื่อบอกว่าผมไม่เป็นไรจริงๆ ทศกัณฐ์ค่อยๆวางผมลงกับเตียงก่อนจะตามลงมาทาบทับอีกครั้ง เขาเริ่มประกบริมฝีปากจูบผมอีกครั้ง สายตาก็คอยมองสีหน้าผมอย่างระวังตลอด จนกระทั่งความอึดอัดที่ช่องทางเกิดขึ้น ผมกัดฝันแน่นและทศกัณฐ์ก็รีบหยุดทันทีเช่นกัน

“เข้ามา”ผมเอ่ยบอกเมื่อเริ่มผ่อนคลายตัวเองอีกครั้ง ทศกัณฐ์ยิ้มหวานให้ผมพร้อมพรมจูบไปทั่วใบหน้าและลำคอ มืออีกข้างก็ชักรูดแก่นกายผมปลุกอารมณ์ปรารถนาขึ้นมาอีกครั้ง

“เข้าได้สุดแล้ว” ทศกัณฐ์แจกยิ้มให้ผมอีกแล้ว หล่อจนผมต้องส่งยิ้มคืนให้เขินๆ

“ขะเข้าสุดแล้วหรอ” คือมันไม่รู้ตัวเลย รู้แค่ว่าแน่นๆอึดอัดปนเสียวใส่กันหมด

“อื้ม เจ็บไหม ฟอดดด” ทศกัณฐ์ถามแล้วเปิดเหม่งหอมหน้าผากผมฟอดโต

“ไม่เจ็บ อึดอัดแต่เสียวมากกว่า”ผมยอมอายพูดความจริงให้กำลังใจเขา

“เมียใครวะน่ารักขนาดนี้...พี่ขยับนะ”เขาพึมพำอะไรในลำคอไม่รู้ก่อนจะหันมาพูดกับผมในประโยคสุดท้ายพอผมพยักหน้าให้เขาก็เริ่มขยับเอวเนิบนาบช้า มือจับขาผมอ้าออกพาดไว้ที่แขนทั้งสองข้าง กระทุ้งกายเข้าออกเป็นจังหวะ ผมเสียว...แต่มันยังไม่สุดว่ะ

“ยักษ์ อย่าลีลา ทำให้มันเร็วๆกว่านี้”ผมสั่งอีกคนอย่างลืมตัว ทศกัณฐ์เงยหน้าจากซอกคอมองผมอึ้งๆ

“คือพี่กลัวน้องเจ็บ”

“ไม่เจ็บ แต่ช่วยทำให้มันแรงๆกว่านี้ได้ป่ะ โด่!”

“อาฮะ จัดไปครับเมีย”

จากนั้นทศกัณฐ์ก็งัดทุกกระบวนท่าใส่มาเต็มแรงไม่มียั้ง ผมเสียวจนลืมเจ็บ ครางยาวๆจนเขาหอมด้วยความหมั่นเขี้ยว ทศกัณฐ์พลิกตัวเปลี่ยนท่าผมตามต้องการจนมาถึงยกสุดท้ายที่ผมเหนื่อยจนตาใกล้จะปิดเต็มที

แต่เสียงเนื้อกระแทกกันอย่างต่อเนื่องและความเสียวที่แล่นปราดไปทั่วกลางกายที่ทำผมหลับไม่ได้ต่างหาก ทศกัณฐ์จับผมมาอยู่ในท่าเบสิค ดึงตัวออกแล้วกระแทกเข้ามาจนสุดความยาวโดนจุดกระสันจนผมร้องเสียงหลงซ้ำแล้วซ้ำเล่า

พั่บ!พั่บ!พั่บ!...

“อ๊ะ...อ๊ะ...ยักษ์ เร็ว น้อง จะถึง อึก แล้ว อ๊า...” ผมปลดปล่อยน้ำที่หกหรือเจ็ดไม่แน่ใจคามือทศกัณฐ์ ทศกัณฐ์เร่งจังหวะสะโพกถี่รัวเมื่อใกล้ถึงฝั่ง ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงมาดูดปากผมแรงๆขณะที่สะโพกขยับอยู่

“น้องน่ารักที่สุดเลย เด็กดีของพี่”

“แล้วถ้าน้องดื้อ จะไม่รักหรอ?” ผมยกแขนขึ้นคล้องคอเขาไว้ หอมแก้มที่มีหนวดขึ้นรำไรสองฟอดติด

“หึๆ ยอมแล้วทูนหัวของพี่ โคตรรักเลย”ทศกัณฐ์ขยับอีกเพียงไม่กี่ครั้งก็ปลดปล่อยหยาดน้ำรักออกมาเต็มช่องทางของผม ร่างสูงหอมหน้าผากผมหลายที ก่อนจะค่อยถอนแก่นกายออก...และกระแทกเข้ามาอีกครั้ง!

“อ๊า! ยักษ์!”ผมร้องเสียงหลงคือทั้งจุกทั้งเสียวนั่นแหละ แต่ผมจะไม่ไหวแล้วนะ

“ครับ”ยักษ์บ้าขานรับหน้าบาน

“เอาออกไป ไหนว่ายกสุดท้ายแล้วไง น้องเหนื่อยแล้วนะ”

“เมื่อกี้ยกสุดท้าย แต่รอบนี้เป็นรอบพิเศษให้รางวัลคนทำตัวน่ารัก น่าฟัดที่สุด” แล้วมันก็ก้มมาหาจูบผมเสียหลายรอบ รู้สึกได้เลยว่าน้องชายทศกัณฐ์ขยายจนคับช่องทางผมแล้ว

“ไม่ๆๆๆ” ผมส่ายหน้าหนีริมฝีปากอีกคน มือก็ดันหน้าท้องแกร่งเขาไว้ไม่ให้ขยับ แม้จะไม่ช่วยอะไรเลยก็เถอะ

“ไม่ปฎิเสธ โอเคครับ จุ๊บ!” แล้วผมก็ขัดขืนการมอบรางวัลรอบพิเศษจากทศกัณฐ์ไม่ได้จริงๆ ใครก็ได้พาไอ้ยักษ์หื่นนี่ออกไปจากตัวผมสักที กูเหนื่อย(ปนเสียว)โว้ยยยย

++++++++++++++

เขินจัง -///-  :hao6: รีบมาลงครึ่งหนึ่งก่อน มีนัดทำงานกลุ่มกับเพื่อน เจอกันครึ่งหลังเมื่อเปรมว่าง(ภายในอาทิตย์นี้แหละ) จุ๊ฟฟฟ :bye2:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 34♡++50%++[08/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 08-10-2017 18:27:44
  :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4:

:pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 34♡++50%++[08/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Red_sister ที่ 08-10-2017 18:28:09
Dee tor jai sud sud
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 34♡++50%++[08/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: numay ที่ 08-10-2017 19:17:20
 :pighaun:.
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 34♡++50%++[08/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 08-10-2017 20:03:37
ดีกันได้ก็จัดเต็มไม่หยุดเลยนะ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 34♡++50%++[08/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 08-10-2017 20:16:33
โหยหลายรอบแล้วมีรางวัลพิเศษด้วย เพลาๆ บ้างเถ๊อะ  :hao6:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 34♡++50%++[08/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 08-10-2017 20:17:20
โอ๊ย..........ดีต่อใจสุดๆไปเลย  :z1: :pighaun: :haun4:
ยักษ์ รันต์  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
โอ้ ออดอ้อน เอาใจกันพูดเพราะๆกัน
ยักษ์ หลงรันต์ตายแน่  :ling1: :ling1: :ling1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 34♡++50%++[08/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: uyong ที่ 08-10-2017 20:56:21
 :pighaun: :haun4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 34♡++50%++[08/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 08-10-2017 21:19:44
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 34♡++50%++[08/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Laliat ที่ 08-10-2017 22:13:16
หื่นไดดีสตาร์ทติดง่าย :jul1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 34♡++50%++[08/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 08-10-2017 23:08:13
อื้ออออ เขินเลย
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 34♡++50%++[08/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 09-10-2017 02:43:47
 :pighaun: ร้อนแรงมากกก
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 34♡++50%++[08/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 09-10-2017 05:16:07
จัดเต็มสุดๆ :oo1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 34♡++50%++[08/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 09-10-2017 16:17:12
โหยยย พี่ยักษ์คะ มี special round ให้น้องด้วยหราาาาา  :hao3:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 34♡++50%++[08/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 09-10-2017 16:30:44
 :hao7: :hao6:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 34♡++50%++[08/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 10-10-2017 22:49:26
อ๊า.........หวานจนมดแทบขึ้นจอ.........
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 34♡++100%++[15/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 15-10-2017 21:00:34
34.2

ผวั๊ะ! แรงตบที่ถูกถวายลงมาที่ศีรษะแบบยั้งๆเกือบทำให้หน้าผมทิ่มลงไปในชามก๋วยเตี๋ยวต้มยำ

“ต๊าย กูก็นึกว่าโอปป้าที่ไหนมานั่งแดกข้าวในโรงอาหาร ที่แท้ก็อิรันรันเพื่อนกูนี่เอง” เสียงแบบนี้ ลักษณะการพูดแบบนี้กับผมมีคนเดียวเท่านั้น...ไอ้สุเทพ(ท็อฟฟี่)

“มือหรือตีน หนักชิบสัส” ผมเลิกคิ้วกวนตีนด่ามันกลับไป ก่อนจะก้มลงซดน้ำก๋วยเตี๋ยวในชามต่อ สุเทพจึงย้ายร่างยักษ์ๆของมันไปนั่งลงตรงข้ามกับผม

“เอาตรงๆนะ มึงไปทำผมมาใหม่แล้วโคตรหล่ออ่ะ มาเป็นผัวกูเถอะรันต์”สุเทพพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ผมไม่ได้เงยหน้าจากชามก๋วยเตี๋ยวแต่แจกนิ้วกลางให้มันแทนคำตอบ

“น่า ลองเบี้ยนดู กูแซ่บกว่าที่มึงคิดนะ กูยอมเป็นผัวมึงก็ได้เอ้า!”

“ไปไกลๆตีนกูเลย ขนลุก” ผมยกเท้าถีบหน้าแข้งมันใต้โต๊ะ

“อินี่! ทำร้ายร่างกายอันบอบบางของกู”สุเทพแกล้งร้องโอดครวญ

“ถุ้ยยย”

“หยาบคาย แล้วนี่ผัวสำรองมึงไปไหนคะ”

“ใคร?”

“ไอ้เมฆ ผัวคนที่ห้าสิบสามของกูไง” ไอ้นี่มันมีผัวกี่คนกันวะ

“ไม่รู้อ่ะ เดี๋ยวก็มามั้ง”

“โอ๊ะนั่นไง พูดถึงหมาหมาก็มา” ผมหันไปมองตามเสียงสุเทพ ไอ้เมฆเดินเข้ามาในโรงอาหารพร้อมไอ้เก่ง

“เมฆ สุเทพมันบอกว่ามึงเป็นหมา”ทันทีที่ไอ้เมฆนั่งลงข้างๆกัน ผมก็เอ่ยฟ้องคนตัวสูงทันที

“อิรันต์อิเพื่อนทรยศ...โอ๊ย!ไอ้เหี้ยเมฆผมกูเสียทรงหมด”สุเทพโวยลั่นโรงอาหาร เพราะเมฆตบหัวมันพร้อมกับขยี้แรงๆให้เสียทรง

“กูไม่เคยอยู่ข้างเดียวกับมึง” ผมแลบลิ้นใส่มัน ใครบอกมึงมาตบหัวกูก่อนล่ะ

“เหอะ! รุมกูหรอ ไอ้เก่งช่วยกูด้วย”แล้วสุเทพมันก็หันไปออเซาะเก่งที่นั่งอยู่ข้างๆมันแทน

“เคลียร์กันเองดิ กูไม่เกี่ยว ไปหาไรแดกล่ะ”พูดจบเก่งก็ลุกจากโต๊ะไปหาอะไรกินก่อนที่ไอ้ท็อฟฟี่จะโวยวายให้หนวกหู

“จำไว้เลยพวกมึงแกล้งกู ชิ!”แล้วมันก็สะบัดตูดที่มันคิดว่างอนไปหาอะไรกินตามไอ้เก่ง

“มาตั้งแต่เมื่อไหร่”เมฆเอ่ยถามขึ้น

“สักครึ่งชั่วโมงได้ละ หิวสัส” ผมบ่น คือแทบไม่มีแรงทำเองเลย ลากสังขารลงจากเตียงมาเรียนได้ก็โคตรเทพแล้วอ่ะผม

“โดนจัดหนักสิมึง รอยเต็มคอเชียว” เมฆเปิดคอเสื้อผมส่องดูรอย จริงๆมันก็ไม่เห็นหรอกถ้าไม่พิเรนท์เปิดดูเหมือนมัน

“เออ แล้วทำไมมึงมากับเก่งได้” ผมตอบปัดๆ เฉถามไปเรื่องอื่นแทน

“เมื่อวานมันไปนอนที่คอนโดฯกู”

“หืม?”ผมเลิกคิ้วมองนิดๆอย่างสนใจ ก๋วยเตี๋ยวหมดชามแล้วด้วยแหละ

“มองเหี้ยไรของมึง พวกกูพากันไปเมามาเถอะ ไม่เหมือนมึงหรอกอยู่แต่กับ...ผัว”เมฆผลักหัวผมเบาๆ ดีหน่อยที่ท้ายประโยคมันก้มลงมากระซิบ

“อ่ะแฮ่มๆๆ ทำอะไรเกรงใจเพื่อนกูด้วย”

“อะไรติดคอหรอครับพี่สมิธ” ผมหันไปพูดกับผู้มาใหม่

“ตีนไอ้ทศมั้งสัส เดี๋ยวมันมาเห็นก็เป็นเรื่องอีก” พี่สมิธพูดพลางนั่งลงแทนที่สุเทพ

“ไม่ได้ทำอะไรไม่ดีสักหน่อย” ผมเบะปากนิดๆ ตอนนี้คงกำลังคุยกับอาจารย์เรื่องขาดเรียนไปหลายวัน

“หรอ ถ้าพ่อมึงมาก็ปากเก่งให้ได้แบบนี้นะ” พี่สมิธยื่นมือมาดีดเหม่งผมเบาๆ พ่อที่เขาหมายถึงก็คือทศกัณฐ์นั่นแหละครับ

“แต่วันนี้พี่สมิธมาเช้าจัง มีเรียนสิบโมงไม่ใช่หรอครับ” ผมจำตารางเรียนพวกเขาได้ ตอนนี้พึ่งจะแปดโมงเช้านิดๆเท่านั้น

“ก็กู...ไม่อยากอยู่นาน” พี่สมิธมีสีหน้าลำบากใจเล็กน้อย

“เออ เดี๋ยวกูไปหาซื้อไรแดกก่อนนะ”เมฆเอ่ยขึ้นอย่างรู้สถานการณ์ก่อนจะลุกออกไปเลย

“พี่...ได้นอนห้องตัวเองรึเปล่าครับ” ผมเอ่ยถามร่างสูงตรงหน้าออกไปตรงๆ

“เปล่า...แต่ไม่เป็นไรหรอก มันทำอะไรกูไม่ได้หรอก” พี่สมิธไหวไหล่เหมือนชิลๆ

“พี่โอเคนะ ผมขอโทษที่ทำให้เรื่องทุกอย่างมันเป็นแบบนี้” ผมเอ่ยอย่างรู้สึกผิด

“ไม่ใช่ความผิดมึงสักหน่อย กูเลือกที่จะทำเอง อีกอย่างกูคิดว่ากูควรเดินไปข้างหน้าว่ะ กูไม่อยากจมปรักอยู่กับความรู้สึกบ้าๆนี้อีกแล้ว กูจะทำให้มันเห็นว่ามันไม่มีค่าอะไรสักนิดกับชีวิตกู”ดวงตาพี่สมิธฉายแววเด็ดเดี่ยว

“พี่อยากให้ผมช่วยไหม?”

“ห๊ะ!?”

“เอาเป็นว่าพี่ไม่ต้องกลัว ถ้าพี่ต้องการผมจะช่วยพี่ขยี้เขาเอง” ผู้ชายคนนั้นสมควรได้รับกรรมกับสิ่งที่เขาก่อไว้อย่างสาสมและคนที่จะทำให้เขาเจ็บได้ ก็มีแต่พี่สมิธเท่านั้น

++++++++++++++++++++
วันนี้ครบกำหนดที่คุณหมอนัดตัดไหมแผลของทศกัณฐ์(ของผมตัดไปก่อนแล้ว) ผมนั่งรอทศกัณฐ์กับโจเซฟที่โซฟาหน้าห้องใช้เวลาไม่นานเขาก็เดินตัวปลิวออกมา ผมเดินเข้าไปหาเขา ส่วนโจเซฟแยกตัวไปเตรียมรถ ทศกัณฐ์พาดแขนกับบ่าผม เดินกอดคอผมออกไปโดยไม่สนสายตาของใครต่อใครที่มองมา

“รันต์!”เสียงเรียกชื่อผมจากด้านหลังทำให้เท้าผมหยุดชะงักพลอยทำให้ทศกัณฐ์หยุดเดินไปด้วย

ผมหันไปมองทางต้นเสียง พบผู้ชายอายุห้าสิบกลางๆ แต่งตัวดูภูมิฐานเหมือนพึ่งเลิกงานเพราะมือข้างหนึ่งเขาถือสูทพาดแขนไว้ด้วย ใบหน้าดูอ่อนล้ากว่าที่ควรจะเป็น และผู้ชายคนนั้นคือพ่อของผมเอง

“เป็นอย่างไรบ้าง” คนตรงหน้าเอ่ยถามผม ตอนนี้เรานั่งอยู่ในร้านคอฟฟี่ของโรงพยาบาล

“สบายดีครับ” แล้วพ่อล่ะ...ผมไม่กล้าถามออกไป

“มาทำอะไรที่โรงพยาบาล ป่วยตรงไหนรึเปล่า” เขาถามอย่างเป็นห่วง

“ผมไม่ได้เป็นอะไร แต่ว่าแฟนผมเป็น” ผมเหลือบไปมองทศกัณฐ์ที่นั่งถัดไปอีกสองโต๊ะ ก็ไม่ได้คิดจะปิดบังอะไรอยู่แล้วเลยบอกไปตรงๆดีกว่า พอคนตรงหน้าได้ยินคำตอบผมเขาก็เบิกตากว้างอย่างตกใจนิดๆพลางเหลือบสายตามองทศกัณฐ์ไปด้วย

“คนนั้นแฟนน้อง?”

“ใช่ครับ” ผมพยักหน้ารับ

“พ่อคงไม่ห้ามอะไร พ่อไม่รู้ว่าพ่อมีสิทธิ์พูดได้ไหม แต่ความรักแบบนี้มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ถ้าน้องยอมรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้พ่อก็ไม่ว่าอะไร ค่อยๆดูกันไปนะลูก” แม้ว่าเขาจะมีสีหน้าคิดหนักแต่เขาก็เลือกที่จะให้ผมตัดสินใจด้วยตัวเอง

“ผมรู้ว่าอะไรควรทำหรือไม่ควรทำ ขอบคุณนะครับที่เป็นห่วง”

“อืม แล้วน้องจะกลับบ้านเมื่อไหร่”

“ผม...ไม่รู้” ผมเอ่ยออกไปตรงๆ คือผมจากที่บ้านมานานมาก มันก็มีหลายเรื่องที่ทำให้ผมต้องออกมา เอาจริงๆที่ตอนนี้ผมยังไม่กลับไปไม่ใช่เพราะยังโกรธอะไรอยู่หรอกครับแต่เพราะทิฐิในใจผมยังมีอยู่ ซึ่งผมโคตรเกลียดตัวเองเลยเพราะสีหน้าของคนตรงหน้าผมซีดลงอย่างเห็นได้ชัด

“ถ้าเป็นเรื่องนั้นพ่อขอโทษ พ่อผิดเองที่ทำเกินกว่าเหตุ พ่อคิดถึงน้อง น้องกลับบ้านไปอยู่กับพ่อกับริวได้ไหมลูก” เขาเอ่ยอย่างอ่อนแรง น้ำตาคลอขึ้นมา ผมคงบาปมากใช่ไหมที่ทำให้ผู้ให้กำเกิดต้องมาเสียน้ำตาให้กับความงี่เง่าของผม

“เรื่องนั้นผมลืมแล้ว อย่าโทษตัวเองเลยนะครับ”

“มาหาพ่อบ้างได้ไหมลูก ก่อนพ่อจะตายพ่ออยากอยู่กับน้องกับริวอย่างพร้อมหน้า”

“พ่อเป็นอะไร!” ผมถามอย่างตกใจ เผลอเสียงดังขึ้นมานิดหน่อย

“แค่ความดันสูงน่ะ ไม่ใช่โลกร้ายแรงอะไรหรอก แต่ก็ไม่รู้จะตายวันตายพรุ่ง”

“…”

“…”

“แล้ววันนี้มาตรวจใช่ไหม มากับใครครับ” ผมเอ่ยถามหลังจากที่ต่างคนต่างเงียบ

“พ่อมาคนเดียว”

“แล้วริว หรือน้ามิ่งล่ะ ทำไมไม่ให้พามา” ผมขมวดคิ้วมุ่น ถ้าอยู่ๆความดันขึ้นขณะขับรถล่ะ จะอันตรายรึเปล่า

“ริวติดเรียน มิ่งพ่อใช้ไปทำธุระอย่างอื่นให้”ผมพยักหน้ารับรู้แต่ก็อดหงุดหงิดไม่ได้

“คราวหลังถ้าไม่มีใครพาไปโทรหาน้องนะครับ เดี๋ยวน้องพามาเอง”

“พ่อโทรหาได้หรอ น้องจะรับใช่ไหม” ชายสูงวัยเอ่ยขึ้นอย่างดีใจ ผมยิ่งรู้สึกผิดเพิ่มขึ้นไปอีก นี่ผมมัวทำอะไรอยู่ ทำไมถึงปล่อยให้ทิฐิมันบังตาได้ขนาดนี้

“โทรได้ตลอด ถ้าว่างน้องก็จะโทรหา”

“ขอบใจนะลูก แค่นี้พ่อก็ดีใจมากแล้ว”คนตรงหน้าผมยิ้มกว้างทำให้ผมยิ้มตามออกมานิดๆ

“เสร็จจากนี้แล้วคุณ...พ่อว่างไหม” ผมเอ่ยขัดนิดๆหลังจากที่ไม่ได้เรียกคำนี้มานาน

“ว่างแล้วล่ะ ทำไมหรือ?”

“น้องอยากกินเป็ดย่างภัตตาคารเทียน แต่จำทางไม่ได้” ผมพูดนิ่งๆ พ่อเผยอรอยยิ้มกว้างให้

“ถ้าอย่างนั้นให้พ่อพาไปนะลูก” เขาเอ่ยบอกอย่างกระตือรือร้น ผมจึงพยักหน้าตกลง

ผมไม่ค่อยชอบเป็ดย่างเท่าไหร่ แต่ในความทรงจำผมก็บันทึกไว้ว่าผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าผมนี้ชอบเมนูนี้ที่สุด

+++++++++++++++++

Smith’s part

“จะกินอะไร” เสียงทุ้มโมโนโทนเอ่ยถามเมื่อรถเคลื่อนตัวออกจากมหาวิทยาลัยได้สักพัก

“กูไม่กิน” ผมเอ่ยเสียงห้วนแข็งๆตอบกลับมันไป สายตามองออกไปนอกรถ จราจรในกรุงเทพช่วงเวลาห้าโมงเย็นนี่เป็นอะไรที่ผมโคตรจะเกลียด แต่ก็เกลียดได้ไม่ถึงเสี้ยวของอะไรคนที่นั่งอยู่ข้างๆผมหรอก

“กัซเซปเปสไหม อาหารอีกตาเลี่ยนที่นายชอบ” มันเอ่ยชื่อร้านอาหารอิตตาเลี่ยนที่ผมชอบไปกินอย่างไม่สนใจคำปฏิเสธ ผมจิ๊ปากอย่างรำคาญมันนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป ได้แต่หวังว่ามันจะเลิกพล่ามไปเอง

“ผู้ใหญ่ถามทำไมไม่ตอบ หืม?” มือหนายื่นมาเชยคางผมให้หันไปมองหน้ามัน ผมปัดมือมันออกจากหน้าด้วยความรังเกียจ สายตาตวัดมองมันเหมือนสัตว์ตัวหนึ่ง

“กูเลือกตอบเฉพาะกับคน สัตว์กูไม่อยากพูดด้วย”ผมพูดเน้นคำใส่หน้ามันเต็มๆ ใบหน้าคมออกหวานเหยียดยิ้มนิดๆอย่างที่ผมรู้คือมันเริ่มหงุดหงิดแล้ว

“ปากนี่มันทำจากอะไร เวลาจูบก็นิ่มดีอยู่หรอก แต่ทำไมเวลาพูดมันถึงได้ร้ายกาจขนาดนี้” มันเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม สายตาแพรวระยับที่ผมโคตรขยะแขยงจ้องมองริมฝีปากผม ผมกัดฟันกรอด

“ไม่ต้องมาพล่ามมาก กูไม่เคยจูบกับเหี้ย”คิ้วไอ้นรกนี่กระตุกข้างหนึ่ง

“พูดให้มันดีๆกว่านี้สมิธ อย่าทำให้พี่โมโห” มันกดเสียงต่ำลง

“ก็เอาดิ เชิญมึงโมโหได้ตามสบาย แล้วไง? จะฆ่ากูเลยไหมล่ะ” ผมเอ่ยตอบกลับไปอย่างไม่เกรงกลัวแม้ในใจจะหวั่นมากแค่ไหนก็ตาม แต่ถ้าผมอ่อนแอให้มันเห็นมันก็จะไล่ต้อนผมได้ตลอดไปน่ะสิ

“ก็ไม่ฆ่าหรอก แต่จะทำอย่างอื่นแทน...กลับคอนโดฯ”ท้ายประโยคมันสั่งลูกน้องมันเสียงนิ่ง ลมหายใจผมสะดุดทันที

“มึงคิดจะทำอะไร” ผมขยับตัวชิดกับประตูรถ

“ก็จะทำให้นายเห็นไงว่าเวลาที่พี่โมโหนายจะเป็นยังไง...จำได้ไหม” มันแสยะยิ้มที่ทำให้ขนทั้งตัวผมลุกเกรียว

“มึงจะทำแบบนั้นไม่ได้นะ ไหนว่าสัญญาแล้วไง” ผมเสียงสั่นโดยไม่รู้ตัว มันน่ากลัวเกินกว่าผมจะรับไหวได้อีกแล้ว

“ทีตอนนี้ทำมาทวงสัญญา...แต่พี่จะบอกอะไรให้นะ สัญญามันขาดลงตั้งนานแล้ว ที่พี่ยังปล่อยให้นายอิสระก็เพราะพี่อยากตามใจนาย แต่เห็นทีความใจดีของพี่จะไม่เป็นผล ถ้าอย่างนั้นก็กลับไปเป็นเหมือนเดิมนั่นแหละง่ายดี” มันพล่ามยาวเหยียดคำพูดมันแทบจะไม่เข้าหูผมด้วยซ้ำ รถเบนซ์เลี้ยวเข้าคอนโดฯที่ถึงเร็วกว่าที่คาด

ผมเหมือนเห็นประตูนรกกำลังจะเปิดออก

ผมจะทำยังไงดี...

++++++++++++++
อิพี่ลุค อิชั่ว เกลียดว่ะ ตอนหน้ามาเอาใจช่วยสมิธกัน
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 34♡++100%++[15/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 15-10-2017 22:40:26
รันต์ เจอพ่อ
พ่อก็ดูห่วงใย คิดถึงรันต์
แต่รันต์ ห่วงใยพ่อ ถามทุกข์สุขพ่อ
ยอมตามใจพ่อ
ให้พ่อพาไปกินเป็ดที่เป็นอาหารโปรดของพ่อ
รันต์ น่ารักมากกกกกกก  :mew1: :mew1: :mew1:

มันยังไงอิพี่ลุค ทั้งทรมาน ทั้งข่มขืนพี่สมิท ตั้งแต่แรกๆ
ห่างหายไปก็ยังจะทำแบบเดิม
อยากได้เขาทำไมไม่ใช้ใจแลกใจ นี่เอะอะอะไรก็จะกดๆ  :z6: :z6: :z6:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 34♡++100%++[15/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 15-10-2017 22:54:56
เป็นห่วงพี่สมิธ :sad4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 34♡++100%++[15/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 15-10-2017 23:09:59
 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 34♡++100%++[15/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 15-10-2017 23:22:16
 :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 34♡++100%++[15/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 15-10-2017 23:24:00
นี่50%จริงอ่ะ ไมสั้นจังอ่ะ
สมิธต้องปรึกษาน้องแล้วหล่ะ ว่าจะคุมปีศาจตัวนี้ยังไง
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 34♡++100%++[15/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 16-10-2017 03:07:42
คู่ยักษ์กับน้องทุกอย่างกำลังคลี่คลายไปในทางที่ดี
แต่คู่ลุคกับสมิทนี่สิ เหมือนมันยังแค่เริ่มต้นเลย
กลับไปเริ่มต้นจุดเดิม สมิทโดนข่ม ลุคไม่สำนึก
ถ้าอยากให้ตแนจบเปลี่ยน เราต้องเปลี่ยนเส้นทางด้วยสิ
ให้น้องรันต์ช่วยเถอะพี่สมิทท
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 34♡++100%++[15/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 16-10-2017 04:16:51
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 34♡++100%++[15/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 16-10-2017 10:01:23
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 34♡++100%++[15/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 16-10-2017 10:18:01
เอ้าเวรล่ะ พี่สมิทซวยอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 34♡++100%++[15/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 16-10-2017 14:44:11
หู้ยยย.. ตื่นแทน น้องสมิธ เรยค๊าบบบ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 34♡++100%++[15/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ous_p ที่ 16-10-2017 19:52:22
น้องน่ารักอ่ัะ เริ่มคุยกับพ่อแล้ว
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 34♡++100%++[15/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 16-10-2017 19:54:45
 :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 34♡++100%++[15/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 17-10-2017 03:55:33
สมิธจะเป็นยังไงบ้างเนี่ย
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 34♡++100%++[15/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Fonz_Juz19 ที่ 20-10-2017 16:48:04
น้องรันต์เข้าใจกันกับคุณพ่อแล้ว น่ารักมากๆเลยๆ
แต่พี่สมิธนี่สิ น่าเป็นห่วง เอาใจช่วยนะ
สู้ๆนะคะคนเขียน รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 34♡++100%++[15/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ป้ากิ่งkingkarn ที่ 20-10-2017 17:54:43
ไม่เอนจอยกับสายSถ้าอีกฝ่ายไม่ได้เป็นMจริงๆค่ะ สงสาร :o12:
เรื่องนี้ถึงมือรันต์แน่นอน พี่สมิธฮึบไว้น้า :hao4:
รอตอนต่อไปจ้า :กอด1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 34♡++100%++[15/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 22-10-2017 17:00:32
เจอน้องรันต์แน่ ๆ อะงานนี้
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 34♡++100%++[15/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: kai_kaka ที่ 22-10-2017 23:44:35
สนุกมาก เรื่องราวแปลกดี ชอบมาก
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 34♡++100%++[15/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Legpptk ที่ 23-10-2017 07:31:52
สนุกมากกก

น้องน่ารัก
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 34♡++100%++[15/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 27-10-2017 22:28:34
เมเด เมเด เมเด! รันต์เอ้ยมาช่วยสมิธด่วนลูก สมิธจะโดนงูกินแหลวว :katai1:

ปอลอ.ชอบสำนวนการเขียนของคนเขียนจัง :-[
ปอลอ2.หนูทนเห็นพวกเขาแทนตัวว่าพี่-น้องไม่ได้ค่ะคุณแม่! อาหารที่หนูกินมันหวานไปหมดแล้ว!!
#มีความมดตอม
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 35♡++50%++[31/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 31-10-2017 08:38:31
ใจยักษ์ 35.1

Smith’s Part

“ปล่อยกูนะเว้ย!” ผมถูกลากลงจากรถแม้จะดิ้นรนหรือขัดขืนมากแค่ไหนแต่การ์ดสองคนของไอ้สัตว์นรกนั่นก็แข็งแรงกว่าผมมาก ผมแหกปากร้องโวยวายไปตลอดทาง แต่เหมือนสวรรค์จะนึกชังหน้าผมเพราะไม่มีใครกล้ายื่นมือเข้ามาช่วยผมเลยสักคน ไอ้เหี้ยลูคัสเดินนำด้วยฝีเท้ามั่นคงไม่สนใจเสียงร้องโวยวายจากผมเลยสักนิด เป็นไปได้ผมอยากกระโจนไปบีบคอมันให้ตายจริงๆ

“พาไปไว้ในห้องเล็ก...มัดไว้ด้วย” มันเอ่ยเสียงนิ่งทันทีที่พวกเราเดินเข้าไปในห้อง แล้วมันก็ทำท่าจะเดินแยกไปอีกทาง

“ไม่!ลูคัสไม่! ปล่อยกู ขอร้องล่ะ” ผมตะโกนไล่หลัง แต่ปีศาจมันก็คือปีศาจ มันไม่เคยมีความเมตตาให้กับใครอยู่แล้ว

ผมโดนลากมาอีกห้องโดนการ์ดจับแขนกดลงกับเตียง โยฮันเนสเดินตามหลังเข้ามาในห้องแล้วเดินไปหยิบเชือกสีฟ้าจากลิ้นชักมามัดแขนผมไว้กับหัวเตียง  ผมดิ้นจนเจ็บแม้เชือกจะนุ่มและเหนียวแต่ก็ทำแขนผมแดนเป็นปื้นเลยทีเดียว

“โย...ปล่อยผมนะ” ผมเอ่ยขอร้องโยหลังจากที่เขามัดแขนผมเสร็จแล้ว เขามองผมด้วยสีหน้าหนักใจแต่สายตาก็สะท้อนออกมาว่าเขาจะไม่มีทางปล่อยตามที่ผมขอแน่ๆ

“คุณไม่ควรไปท้าทายนายท่าน ตอนนี้ท่านเริ่มโกรธแล้ว อย่าดื้อเลยนะครับจะได้ไม่เจ็บตัวมาก” คำพูดของโยทำให้ผมชาวาบไปทั้งตัว ความสิ้นหวัง หวาดกลัวคืบคลานกัดกินหัวใจผมอีกครั้ง

“ออกไปให้หมด” เสียงเข้มเอ่ยขึ้นที่หน้าประตูห้อง ไม่รู้ว่ามันโผล่มาตั้งแต่เมื่อไหร่ แค่ชุดเสื้อคลุมสีกรมที่มันใส่อยู่ตัวเดียวตอนนี้ก็ทำผมสั่นสะท้านไปหมดแล้ว

โยและลูกน้องอีกสองคนรีบเดินก้มหน้าออกจากห้องตามคำสั่งของเจ้านาย มิวายช่วยปิดประตูให้อีกต่างหาก

“ไง ไม่ปากดีแล้วหรอ” มันเดินกอดอกมาหยุดที่ปลายเตียง ริมฝีปากเรียวบางแสยะยิ้ม ผมสีบลอนด์ทองปล่อยยาวแผ่กลางหลัง เครื่องหน้าที่ใครๆก็บอกว่าหล่อออกสวยเหมือนเทวดาจากสวรรค์  แต่สำหรับผมมันคือปีศาจจากนรกดีๆนี่เอง

“ปล่อยกูเดี๋ยวนี้”

“พูดเป็นอยู่คำเดียวหรือไง”

“แน่จริงมึงมาสู้กับกูอย่างลูกผู้ชาย จับกูมัดแบบนี้มันพวกหน้าตัวเมีย”

“หึ!ก็ได้อยู่หรอก สู้กันตัวต่อตัว เสื้อผ้าไม่ต้อง” พูดจบมันก็ก้าวขึ้นเตียงพร้อมกระชากขาทั้งสองข้างผมเข้าไปใกล้ตัวเองจนแขนผมที่ถูกพันธนาการไว้เหยียดตึงจนเจ็บ

“ไอ้เหี้ย! หยุดทำเรื่องทุเรศวิปริตกับกูสักที เด็กมึงมีเยอะแยะทำไมไม่ไปทำห๊า!!!” ผมตะคอกด่ามันสุดเสียง สองขาก็ทั้งเตะทั้งถีบมันไปมาเมื่อมันพยายามจะปลดตะขอและถอดกางเกงนักศึกษาผมออก จนในที่สุดไอ้สัตว์นรกลูคัสก็กระชากกางเกงและอันเดอร์แวร์หลุดจากขาผมจนได้

“เพราะนายคือคนโปรดที่พี่เล่นได้ด้วยไม่เคยเบื่อ ภูมิใจซะสิเด็กน้อย”มันพูดยิ้มๆอย่างอารมณ์ดี ตอแหลได้ออสก้าร์เลยมึง

ภูมิใจพ่อมึงสิไอ้สัตว์!

“เมื่อไหร่มึงจะเบื่อ ช่วยเบื่อกูสักที!ปล่อยกูไปไม่ได้หรอลูคัส” ผมพูดเสียงอ่อนในท้ายประโยค

“ยังไม่ใช่ตอนนี้” น้ำเสียงเย็นเยียบถูกเปล่งออกมาจากอีกฝ่าย

มันโดดขึ้นมานั่งทับหน้าขาผมไว้ไม่ให้ขยับ ก่อนจะสอดมือเรียวยาวเข้ามาในเสื้อผมช้าๆ ลากไล้ไปมาเบาๆจนขนลุกไปทั่วทั้งกาย ส่วนมืออีกข้างก็ปลดกระดุมเสื้อผมออกช้าๆอย่างไม่รีบร้อน ในขณะที่ตัวผมดิ้นจะเป็นจะตายกลับขัดขืนอะไรไม่ได้เลยสักนิด

“พอเถอะลูคัส กะ...ผมขอโทษถ้าพูดอะไรไม่ดีออกไปให้คุณไม่พอใจ แต่ได้โปรดเถอะอย่าลงโทษผมอย่างนี้...คุณเห็นร่างกายผมตอนนี้ไหม แขนขาผมไม่ได้เรียวเล็กเหมือนอย่างแต่ก่อน เอวก็ไม่ได้บางแม้แต่นิดซิกแพ็คเป็นลูกๆ ผมล่ำพอๆกับคุณด้วยซ้ำ คุณไม่ขยะแขยงบ้างหรือไง” ผมพยายามเกลี้ยกล่อมมันดีๆ สิ่งที่ผมพูดไปเป็นความจริงทุกอย่าง ผมไม่ใช่เด็กผู้ชายตัวเล็กน่ารักอีกแล้ว ผิวยังขาวสู้มันไม่ได้ด้วยซ้ำ ยิ่งหน้าตาอย่าไปพูดถึง ไม่ใช่สเป็คมันเลยสักนิด ของเล่นของมันถ้าเป็นผู้ชายต้องตัวเล็ก หุ่นบางเหมือนผู้หญิง หน้าตาแต่ละคนก็สวยเด็ดกันทั้งนั้น กับผู้หญิงมีบ้างแต่มันไม่ค่อยเลี้ยงไว้ด้วยเหตุผลไม่ทนไม้ทนมือเหมือนผู้ชายไงล่ะ

“ใช่ ไม่เห็นน่ารักเท่าเมื่อก่อนเลย” ผมหลุดยิ้มออกมาเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ย่างเข้าคอนโดฯมีความหวังว่ามันคงจะไม่ได้ทำอะไรๆอย่างที่ผมคิด

“แต่...คิดว่ามีแค่ร่างกายหรอที่ทำให้พี่โปรดนายเป็นพิเศษ ถึงตอนนี้จะตัวใหญ่ไปหน่อยแต่ก็น่าลองไปอีกแบบ หึๆ” ริมฝีปากผมหุบฉับ หน้าซีดลงเรื่อยๆความหวังที่มีอยู่เลือนลางดับวูบ มารู้ตัวอีกทีมันก็ปลดกระดุมผมออกหมดแล้ว มือเรียวสวยยื่นมาขยี้ยอดอกผมแรงๆทันที

“อ๊ะ...มึงมันชาติสัตว์ สันดานเดรัจฉาน ผิดสัญญากับกูซ้ำแล้วซ้ำเล่า!!” ผมข่มความรู้สึกแปลกๆของร่างกายแล้วตะคอกด่ามันอย่างสุดจะทน สมองเค้นหาคำด่าที่จะด่ามันให้เจ็บที่สุด ให้ได้สักเศษเสี้ยวที่ผมรู้สึกบ้างก็ยังดี

“พี่ไม่เคยผิดสัญญา นายเป็นคนเดินเข้ามาหาพี่เอง!” มันขึ้นเสียงบ้างแต่ยังเก็บสีหน้าตอแหลไว้ได้อย่างแนบเนียน

“มึงบีบกู หลอกใช้ไอ้รันต์ วางแผนเอาไว้แล้วทุกอย่าง มึงยังมีหน้ามาพูดแบบนี้อีกหรอ มึงใช่ลูกผู้ชายไหมลุค มึงยังมีความเป็นคนอยู่ไหม!!!”

“แล้วไง? พี่ไม่ได้อยากเป็นคนดีในสายตาใครอยู่แล้ว แค่ได้สิ่งที่ต้องการจะสนวิธีการไปทำไม” มันเหยียดยิ้มชั่วช้าออกมา นี่แหละสีหน้าจริงๆของมันที่คนอื่นไม่เคยได้เห็น ผมโกรธจนแค่นหัวเราะออกมา

“เหอะ! เพราะมึงเป็นแบบนี้ไงกูถึงได้เกลียดมึงทุกลมหายใจเข้าออก”

“ก็อยากให้เป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว เกลียดเข้าไปเยอะๆให้ในหัวนายมีแต่พี่คนเดียว” มันพูดจบก็กระแทกริมฝีปากใส่ริมฝีปากผมอย่างแรง ย้ำ!นะครับว่ากระแทกจนได้เลือด มันทั้งดูดทั้งขบเม้มปากผมแรงๆจนริมฝีปากบวมเจ่อ ตอนมันสอดลิ้นเข้ามาในโพรงปากผมพยายามจะกัดลิ้นมันจนโดนปลายๆลิ้นมัน เลยโดนมันตบจนเลือดกลบปากอีกรอบ ดวงหน้าคมหวานเคลื่อนไปกัดตามลำคอและไหปลาร้าจนแดงช้ำแทบไม่เหลือพื้นที่ผิวปกติ

“อ๊าก!!!เจ็บ!” ผมร้องลั่นห้องด้วยความเจ็บปวดเมื่อสองนิ้วเรียวยาวแทงพรวดเข้ามาในช่องทางด้านหลังอย่างทื่อๆไร้ตัวช่วย มันขยับเข้าออกแรงๆแล้วเพิ่มนิ้วที่สามเข้ามาอย่างรวดเร็วจากที่เจ็บๆก็ชาไปหมดแล้ว

ผมหลับตายิ้มสมเพชรับความทรมานขั้นแรก ได้แต่ภาวนาขอให้ทุกอย่างผ่านไปให้เร็วที่สุดไม่ก็ขาดใจตายๆไปซะ

แล้วอย่าให้ถึงทีผมบ้าง ถ้าวันนั้นมาถึงเมื่อไหร่ผมจะทำให้มันเจ็บจนมีสภาพแย่ยิ่งกว่าหมาข้างถนนเลย!

(ขออนุญาตตัดฉากncต่อจากนี้เนื่องจากมีเนื้อหาที่รุนแรงมากๆ...และนักอ่านบางคนไม่ชอบแนวนี้เพราะไม่เหมาะกับนิยายเรทใสใจยักษ์ ดังนั้นติดตามต่อได้ในโอกาสอื่นค่ะ//YINGPREM)

+++++++++++++++++++++++
ผมสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาตอนประมาณตีสี่ ปวดเมื่อยตั้งแต่หัวจรดตีนแต่ก็ต้องฝืนสังขารที่หนักอึ้งไปที่ห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายและส่วนที่ตกค้างจากข้างในออกให้หมดไม่อย่างนั้นผมจะปวดท้องมาก ผมอ้วกไปรอบหนึ่ง ใช้เวลาเกือบๆชั่วโมงกว่าทุกอย่างจะเสร็จสิ้นแล้วลากสังขารเอื่อยๆมาที่เตียง

พอเห็นสภาพที่นอนที่มีแต่คราบน้ำกามและเลือดก็ทำผมอดหันหน้าหนีไม่ได้ ผมผะอืดผะอมขึ้นมาอีกรอบจนสุดท้ายก็วิ่งไปอ้วกอย่างกลั้นไม่ไหว พอกลับมาที่เตียงก็กลั้นใจดึงผ้าปูที่นอนออกเอาไปโยนทิ้งไว้ไกลๆสายตาแล้วกลับมาล้มตัวลงนอนอีกครั้งทั้งๆที่ตัวสวมเพียงชุดคลุมอาบน้ำ

เป็นปอดบวมตายก็ช่างแม่งเหอะ เจ็บจนจะตายอยู่แล้ว

ผมปิดไฟแล้ว ร่างกายทรมานมากแต่ผมไม่อาจข่มตาหลับได้เลย

จริงอยู่ที่ว่าผมกลัว...แต่ที่มีมากกว่านั้นคือผมขยะแขยงร่างกายตัวเอง

อยากจะเอามีดกรีดแล่เนื้อเพื่อลบสัมผัสมันออกไปให้หมด

แต่การที่ผมทำร้ายตัวเองไม่ได้ทำให้หนีไอ้สัตว์นรกนั่นพ้น คุณคิดว่าผมไม่เคยทำหรือ

ผมทำทุกครั้งที่มีโอกาส ทั้งๆที่ผมเกือบทำสำเร็จ ใกล้จะตายเพื่อหลุดพ้นจากมันก็หลายครั้ง

แต่สุดท้ายมันก็สามารถกระชากผมกลับมาได้ทุกที และทรมานผมหนักขึ้นเรื่อยๆเป็นการลงโทษที่ผมคิดจะหนีมันด้วยความตาย

ผมคิดว่าการที่ผมตายมันอาจไม่ใช่ทางออก เพราะฉะนั้นคนที่สมควรตายคือมันต่างหาก

ไอ้เดนมนุษย์ที่ชื่อ ลูคัส  ฮาล์น
.
.
.
.
.
.
“พรุ่งนี้พี่จะกลับไปดูงานที่ลาสเวกัส”ฝ่ายตรงข้ามเอ่ยบอกขณะที่ผมกำลังตักเส้นพาสต้าเข้าปากอย่างหิวโหย อ่อลืมบอกว่าตอนนี้เที่ยงกว่าแล้วครับ ผมอยู่ที่ร้านกัซเซปเปซและกำลังโซ้ยพาสต้าครีมซอสที่ผมชื่นชอบเป็นจานที่สาม

ผมยิ้มลิงโล้ดอยู่ในใจที่มันจะไปให้พ้นหน้าผมตั้งหนึ่งอาทิตย์ แต่ผมไม่ได้ตอบอะไรเพราะของกินเต็มปากและไม่อยากพูดกับมัน
หิวมากจริงๆครับไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เย็นเมื่อวานอ่ะคิดดู อีกอย่างต้องรีบทำเวลาเพราะบ่ายสองมีเรียนวิชาเมเจอร์น่ะสิครับ

ถามว่าทำไมผมถึงลุกมาเรียนไหวบอกได้คำเดียวครับว่า...ผมเก่ง!

เอาเป็นว่าตอนนี้ร่างกายผมแข็งแรงกว่าแต่ก่อนมาก แต่ถึงโดนทำไปขนาดนั้นก็สาหัสอยู่ดีครับ

“หึ! ดีใจจนออกนอกหน้าเลยนะ พี่ไม่อยู่ไม่ได้หมายความว่าจะเกเรได้หรอกนะ”มันยื่นมือมายีหัวผมเบาๆแต่ผมก็ปัดออกด้วยความรำคาญก่อนจะยกมือขึ้นเรียกบริกรเพื่อจะสั่งเมนูต่อไป มันก็ไม่ได้ว่าอะไรกับท่าทางของผมเพียงแค่ยื่นมือไปหยิบแก้วแชมเปญมาจิบดูผมกินเงียบๆ

เหอะ!คิดว่าห้ามกูได้ก็เชิญ

ผมใช้เวลาจัดการอาหารที่เพิ่มมาอีกสี่อย่างภายในเวลายี่สิบนาทีนิดๆเท่านั้น...อิ่มครับ

จากนั้นไอ้สัตว์นรกมันก็พาผมเดินย่อยอาหารโดยการเลือกซื้อของที่อยากได้อะไรก็ได้กี่อย่างก็ไม่ว่าตามต้องการ เหมือนเป็นธรรมเนียมหลังจากมีเซ็กส์แล้วมันก็จะให้ของรางวัลปลอบใจให้ของเล่นเสมอ

แล้วผมรับไหมน่ะหรอครับ...แน่นอนว่าจำเป็นต้องรับครับ

ผมเคยหัวแข็งไม่รับเลยโดนทำแบบ...ไปสี่น้ำ หรือว่าเคยรับแล้วโยนใส่หน้ามันก็มี ครั้งนั้นโดนตบจนฟันแทบร่วงแถมยังโดนทำจนสลบอีก

ตั้งแต่นั้นผมก็ไม่กล้าทำแบบนั้นใส่มันอีกเลย

ผมเดินเข้าเดินออกช็อปนั่นนี่เป็นว่าเล่น ผมไม่มีอะไรที่อยากได้เป็นพิเศษแต่เลือกซื้อให้คนอื่นๆเพื่อผลาญเงินมันเล่น แม้ว่าจะใช้เท่าไหร่ก็ไม่หมดสักทีก็เถอะ

จนกระทั่งผมเมื่อยขาและปวดตูดจนแทบจะฝืนเดินต่อไม่ไหวแล้วนั่นแหละถึงได้หยุด(ทำอะไรไม่ดูสังขารอีกแล้วกู) หันไปมองด้านหลังก็เห็นโยกับลูกน้องอีกคนหิ้วถุงแบรนด์เนมต่างๆจนล้นมือ

มีคนมองพวกเราอย่างสนใจที่เห็นฝรั่งร่างใหญ่สี่คนแถมหล่อมาก(ผมเอง)เดินไปเดินมาทั่วห้างดัง นี่ขนาดไอ้พวกนี้ไม่ได้ใส่สูทสีเข้มน่ากลัวอะไรพวกนั้นนะ คนยังสนใจมองขนาดนี้ ผมไหวไหล่นิดๆแล้วเอ่ยขึ้นลอยๆว่าครบแล้วแต่หิวน้ำ

มันก็พาผมไปซื้อโกโก้ปั่นใส่วิปชาเขียวที่ร้านคาเฟ่ชื่อดัง จนในที่สุดก็ถึงเวลาที่ควรไปเรียนของผมสักทีนั่นแหละถึงได้พากันออกจากห้าง

ดูเหมือนมันจะตามใจผมนะ แต่เชื่อสิ ผมไม่เคยต้องการเลยสักนิด

จนกระทั่งรถสนิทที่หลังตึกคณะ ผมหันไปคว้ากระเป๋าที่วางอยู่กลางเบาะแต่ข้อมือก็ถูกคว้าไว้ก่อน

“ตอนเย็นพี่มารับที่นี่” ไม่ใช่คำบอกเล่าแต่เป็นคำสั่ง ผมชักสีหน้าหงุดหงิด

“กูมีโปรเจ็คกลุ่ม ต้องช่วยเพื่อนทำก่อนเดี๋ยวกลับเอง” ผมโกหก ใครบอกว่ามันตอแหลเป็นคนเดียวล่ะ

“สี่ทุ่มพี่ต้องเห็นหน้านายที่ห้อง ห้ามสายแม้แต่นาทีเดียว” มันพูดเสียงเรียบๆจ้องหน้าผมนิ่งๆจนผมใจกระตุกกลัวมันจับได้

ผมจึงพยักหน้ารับแบบขอไปที แล้วเตรียมจะลงจากรถแต่ก็โดนมันดึงไว้อีก ผมกำลังจะหันไปด่าด้วยความปากไว แต่พอหันไปกลับถูกไอ้เหี้ยลูคัสประกบจูบเข้าเต็มๆ มันบดจูบอ้อยอิ่งวาบหวามแต่ไม่ได้สอดลิ้นเข้ามา

ผมกำสายกระเป๋าแน่น...อดทนไว้สมิธ!

มันจูบผมนานหลายนาทีก่อนจะถอนจูบออก และในจังหวะที่มันถอนริมฝีปากออกไปมันก็ตวัดลิ้นเลียเหนือริมฝีปากผมเบาๆ ผมเห็นวิปปิ้งครีมติดปลายลิ้นเข้าไปในปากมัน

“กินเหมือนเด็ก” แม้ปากจะพูดแบบนั้นแต่มันก็ยืดตัวกลับไปนั่งพิงเบาะหลังตรงสายตามองไปอีกทางเหมือนไม่ใคร่จะสนใจผมนัก ผมยกมือเช็ดปากลวกๆ โยลงมาเปิดประตูรถให้ผม การ์ดอีกคนหนึ่งก็ยื่นถุงของมาให้

ผมคว้าถุงมาถือไว้อย่างหงุดหงิดแล้วรีบเดินจ้ำอ้าวขึ้นตึกทันที

มันก็เป็นซะแบบนี้ ชอบทำเหมือนคนอื่นเป็นแค่ของเล่น

นึกอยากจะใส่ใจก็ทำ นึกจะทิ้งก็ทำได้อย่างเลือดเย็น

ถึงพังก็ซื้อใหม่หรือไม่ก็แค่ซ่อมมัน

แต่มันคงลืมไป ว่าของเล่นก็พังจนซ่อมไม่ได้เป็นเหมือกัน

+++++++++++++++++++++++++++++++
ขออภัยที่ช้า เปรมติดทำงานคณะแล้วยังมาป่วยซ้ำเข้าไปอีก ออกจาก รพ.ก็รีบแต่งเลย อาจจะเบลอๆบ้างนะ งื้อ :mew6:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 35♡++50%++[31/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 31-10-2017 09:11:26
ฮือออ สงสารพี่สมิธ เมื่อไหร่จะหลุดพ้นสักที  :sad4:
เป็นกำลังใจให้ไรท์นะคะ สู้ๆค่ะ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 35♡++50%++[31/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 31-10-2017 09:58:44
สงสารสมิธ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 35♡++50%++[31/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 31-10-2017 15:48:59
ลุคเหมือนเด็กที่ไม่รู้จักรักษาของอะ
อันไหนที่ชอบก้เล่นไปจนพัง
สงสารสมิท
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 35♡++50%++[31/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: hpimmc ที่ 31-10-2017 16:29:13
ใจแข็งๆ เด้อ สมิธ ขอให้หลุดไปให้ได้แล้วอย่ามาเจออีก
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 35♡++50%++[31/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 31-10-2017 16:54:29
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 35♡++50%++[31/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 31-10-2017 19:43:12
สมิธ ปาดคอหนักๆ ซักรอย  ยิงทะลุหัวใจซักนัด ให้คาที่ ยังไงฮาล์นก็ช่วยไม่ทัน  :mew5:

แต่การมีชีวิตอยู่กับเรื่องบัดซบนี่ซิ ยากกว่าเยอะ 

อยากจับฮาล์นไปถ่วงน้ำแม่ง ชั่วเกิน
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 35♡++50%++[31/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 31-10-2017 20:03:15
เอาใจช่วยสมิท คิดหาวิธีเอาคืน และหนีพ้นจากลูคัส  :z3: :z3: :z3:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 35♡++50%++[31/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 31-10-2017 20:32:17
ภาวนาให้ตอนจบสมิทมีสามีใหม่ที่ดีกว่า มีอำนาจมากกว่า  ส่วนลูคัสจะไปตายไหนก็เรื่องของมัน!   :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 35♡++50%++[31/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 31-10-2017 21:25:16
 :katai1: ทำไมอ่านคู่ สมิท กะ พี่ลุค แล้วมันเครียดดดด..
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 35♡++50%++[31/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 31-10-2017 22:08:56
เฮ้อออ เอาใจช่วยสมิธนะ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 35♡++100%++[12/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 12-11-2017 19:01:48
ใจยักษ์ 35.2

“อ๊ะ...พอเลยยักษ์เดี๋ยวยาว” ผมดึงริมฝีปากออกจากการจูบกับอีกคนเพื่อร้องห้าม มือเรียวผมรีบตะบบมือหนาของทศกัณฐ์เมื่อเขาเลื่อนเข้าไปใต้กางเกงนอนผม

“พี่ขอนิดเดียว”เขาเอ่ยปากขออ้อนๆ ทำหน้าตาน่าสงสารยิ่งกว่าลูกหมาถูกทิ้งซะอีก แต่ผมก็ส่ายหัวปฏิเสธอย่างรู้ทันเพราะนิดเดียวของเขาทีไรก็ไม่พ้นผมต้องขาถ่างไปเรียนทุกที

“วันนี้น้องมีเรียนทั้งวันครับ พรุ่งนี้ก็วันศุกร์แล้วทนหน่อยสิ” ผมผงกหัวขึ้นไปจูบมุมปากของคนที่คร่อมอยู่ปลอบๆ เขาจึงฉีกยิ้มพอใจมาให้ก่อนจะก้มลงมาฟัดแก้ม จมูก ปากผมไปหลายทีจนแทบจะช้ำหมดแล้ว

ตั้งแต่มีอะไรกันหลังจากคบกันแล้ว ทศกัณฐ์ทำการบ้านบ่อยมากกกก

แทบทุกวัน ผมเดินขาถ่างปวดหน่วงสะโพกไปเรียนเป็นสัปดาห์

หลังๆผมขอให้ป็นสองวันครั้ง แม้เขาจะรับปากแต่ก็ทำบ้างไม่ทำบ้าง

ช่วงนี้ดีขึ้นหน่อยเขาเริ่มสงสารมั้ง วันเว้นวันให้พักบ้าง ทำน้อยลงบ้าง

ก็ยังดีครับ ไม่อย่างนั้นช่วงล่างผมพังก่อนเวลาแน่-_-

“ก็ได้ พรุ่งนี้ขอชุดใหญ่เลยนะ”เสียงทุ้มเอ่ยสั่นพร่า จมูกโด่งคลอเคลียอยู่ข้างขมับผมแล้วกดจมูกหอมไปอีกฟอดใหญ่ ผมก็พยักหน้าพลางยื่นจมูกไปหอมเขาบ้างแต่ไม่เยอะ...ผมเขิน

หลังจากนั้นเขาก็นัวเนียผมอีกเล็กน้อยพอหอมปากหอมคอก่อนจะลุกเข้าไปจัดการตัวเองในห้องน้ำต่อ ส่วนผมก็ลุกจากเตียงมาทำอาหารเช้าสำหรับสี่ที่คือผม ทศกัณฐ์ โจเซฟ และสตีฟ

แม้เรื่องของผมและทศกัณฐ์จะดำเนินไปในสถานะของคนรักกันแล้ว แต่เราก็ยังไม่ได้เปิดเผยสถานะกันอย่างชัดเจนมากนัก คนที่รู้เรื่องนี้ก็มีแค่กลุ่มทศกัณฐ์และเมฆ เวลาอยู่ที่มหาลัยเราก็ไปมาหาสู่กันตามปกติไม่ได้สวีทหวานอะไรกันมากเหมือนอยู่ในห้องเพราะผมค่อนข้างเคารพสถานที่พอสมควร ทศกัณฐ์ก็เข้าใจไม่ได้ยุ่มย่ามกับผมมาก แต่ถ้าว่างหรือพักตรงกันเขาก็จะมานั่งกินข้าวด้วย บางครั้งผมก็นั่งรอเขากลับห้องด้วยกัน เพื่อนที่อยู่ใกล้ตัวผมก็คงเริ่มสังเกตเห็นอะไรบางอย่างระหว่างเราแต่แค่ไม่มีใครกล้าพูดอะไรก็เท่านั้น

“อิรันต์คะ กูทนไม่ไหวแล้วนะ!” อยู่ๆไอ้ท็อฟฟี่ก็แหกปากโพล่งขึ้นขณะที่พวกเราเดินลงมาใต้ตึกเรียน คนหันมามองพวกเรากันพรึ่บเพราะมันพูดซะดังและเนื่องจากเป็นช่วงเวลาเลิกเรียนของหลายเซคและก็ไม่ได้มีแค่เฉพาะคณะผมเนื่องจากคาบนี้พวกเรามาเรียนอาคารเรียนรวม นิสิตก็พากันทยอยลงจากอาคารอย่างแน่นหนา ผมก็หันไปมองมันอย่างงงๆเช่นกัน

“แหกปากอะไรของมึง ทนไม่ไหวก็ไปห้องน้ำดิ” เมฆที่ยืนอยู่ข้างๆกันเอ่ยปากด่าแกมหยอกล้อสุดท็อฟฟี่ ผมกับคนอื่นๆก็พยักหน้าเห็นด้วยรัวๆ

“อิสัสเมฆ!กูไม่ได้ปวดขี้ค่ะ ถ้าหน้าไม่หล่อกูกระโดดถีบแล้วนะ กวนส้นตีนนะมึงนิ...ฮึ่ม!กูยิ่งอัดอั้นตันใจกับอิรันต์อยู่!” ไอ้ท็อฟฟี่ทำท่ากระฟัดกระเฟียดเมื่อไม่มีใครเข้าใจมันสักคนก่อนจะทำท่านึกอะไรได้ แล้วหันมามองผมเขม็ง

“กูหรอ?” ผมชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง มองมันงงๆ

“เออสิคะ มึงมีอะไรจะสารภาพไหม” มันกอดอกเชิดหน้า มองผมเหมือนมีความผิดซะเต็มปะดา

“ก็ได้...กู” ผมอ้ำอึ้ง

“…” เพื่อน

“เมื่อเช้ากูไปเข้าห้องน้ำแล้วลืมล้างมือ เห็นกระเป๋ามึงนุ่มๆดีเลยยืมเช็ดอ่ะ”

“กรี๊ด!...กูว่าแล้วทำไมกลิ่นตุๆ นี่คอลเล็คชั่นใหม่เลยนะ กว่าจะแอบป๊าซื้อได้...มึงตายอิรันต์!” ไอ้ท็อฟฟี่ไล่บีบคอผมด้วยความคับแค้นที่กล้าเช็ดมือกับกับกระเป๋าใบละหกหมื่นของมัน ส่วนผมก็วิ่งหนีสิครับ วิ่งไปวิ่งมาก็มาโผล่ที่ใต้ตึกคณะซะแล้ว แม่งโคตรเหนื่อย

“โอ้ย!อิรันต์ แฮ่ก...พอก่อนกูเหนื่อย หายใจไม่ทันแล้ว แฮ่กๆ”ไอ้ท็อฟฟี่ที่หยุดยืนหอบไม่ไกลเอ่ยปาก ถึงมันไม่บอกผมก็จะหยุดอยู่แล้วล่ะ

“กูก็ว่างั้น นั่งก่อนมึง” ผมชวนมันนั่งเก้าอี้ตัวยาวใต้ตึกคณะ เวลานี้เย็นมากแล้วคนก็เริ่มบางตา มีอยู่สองสามกลุ่มนั่งถัดจากเราไปไม่ไกลนัก

“อิรันต์มึงช่วยตอบกูมาตรงๆ สนองต่อมเสือกกูกับอิหญิงทีเถอะ...มึงกับพี่ทศกัณฐ์ภาคอินเตอร์ฯเป็นอะไรกันวะ” ไอ้ท็อฟฟี่เอ่ยปากถามขึ้นหลังจากที่เรานั่งพักหายเหนื่อยกันได้สักพัก

“มึงคิดว่าไงล่ะ” ผมเลิกคิ้วถามมัน

“มึงอย่ามายอกย้อนได้ป่ะ กูถามมึงก่อนอิฟาย” มึงพูดเฉยๆไม่ต้องมีคำตามหลังได้เปล่าวะ

“ก็เออ...คบกันอยู่”

“อะไรนะ พูดให้มันดังๆหน่อยเป็นผู้ชายมีผัวซะเปล่า กูเป็นตุ๊ดยังพูดดังกว่าอีก”

“เออพวกกูคบกันอยู่ ได้กันแล้ว พอใจยัง!” ผมเพิ่มระดับเสียงให้ดังขึ้นกว่าเดิม พร้อมขยายความสิ่งที่พวกมันต้องการได้ยินให้อย่างสมใจ

“ตามนั้นค่ะ ได้ยินแล้วนะคะพวกมึง” พอไอ้ท็อฟฟี่พูดจบ ไอ้พวกเพื่อนๆ(ตัวเสือก)ก็ปรากฏกายออกมาจากมุมบันไดใกล้ๆ ซึ่งเมฆเบ้ปากทำหน้าเบื่อหน่ายอย่างเห็นได้ชัดก็มันรู้แล้วนี่ ไม่มีเหตุผลที่ต้องมายืนแอบฟังกับคนอื่นๆ ไอ้เก่งใช้นิ้วดันแว่นนิดๆอย่างเคยแล้วยิ้มให้ ไอ้อ๋องมองผมอึ้งอ้าปากค้างจนแมลงวันแทบจะบินเข้าปากอยู่แล้ว

ส่วนสองสาวเพื่อนเล่นอีกกลุ่มของท็อฟฟี่ หญิงและน้ำ แทบจะถลามาหาผม ดวงตาสั่นระริกและรอยยิ้มแปลกๆทำเอาผมอดขนลุกไม่ได้

“กูว่าแล้ววววว เรดาร์กูไม่เคยพลาด”หญิงยื่นมือมาหยิกแก้มผมเบาๆอย่างมีความสุข ซึ่งผมก็ไม่รู้มันมีความสุขอะไร(เขาเรียกฟินลูก//YINGPREM)

“เออ กูก็ซุ่มแล้วซุ่มอีก เห็นขึ้นรถไปด้วยกันบ่อยๆ คิดว่ายังไงแม่งต้องมีได้เสีย” น้ำเอ่ยสำทับขึ้นอีกคน

“จริงๆถ้าเป็นคนอื่นไอ้พี่ทศกูจะเคืองเป็นอย่างมากกูจะเป็นแกนนำแอนตี้แฟน แต่นี่เป็นอิรันรันกูจึงอภัยโทษให้มึงหรอกนะ” ไอ้ท็อฟฟี่สวมวิญญาณเจ้าบทเจ้ากลอนมาเชียว

“ช่ายยย ไอ้รันต์น่ารัก แถมยังเป็นเพื่อนเรา ต้องสนับสนุน...ว่าแต่ลีลาพี่ทศกัณฐ์แซ่บไหมมึง” เดี๋ยวนะน้ำ มึงเปลี่ยนเรื่องเร็วไปไหม

“นั่นดิ เวลาโดนตอกนี่จุกมากไหมมึง พี่ทศกัณฐ์ตัวอย่างใหญ่กูว่าไอ้นั่นก็ไม่ธรรมดา” หญิงพยักหน้าเห็นด้วยกับน้ำ แล้วถามคำถามที่ทำให้ผมแทบพูดไม่ออก

ผู้หญิงสมัยนี้น่ากลัวจริงๆนะครับ...

“ก็...” ไม่รู้จะตอบยังไงเลยกู

“มึงจะไปถามมันทำไม วันก่อนที่มันเดินขาถ่างมาเรียนยังยืนยันไม่ได้อีกหรอ” ไอ้เมฆ ไอ้เพื่อน ไอ้พี่ทรยศ ขายกูซะได้

“อ่อ กูก็นึกว่าลื่นล้ม ทั้งเดินเป๋เป็นสัปดาห์” ไอ้อ๋อง

“อันนั้นกูพึ่งถอดเหล็กที่ขาเถอะ” ให้ผมมีที่ยืนบ้างครับ รุมกูจัง

“แต่ก็น่าจะโดนถี่สินะ รอยที่คอไม่หายสักที”ไอ้เก่งว่าบ้าง มึงนี่ก็ช่างสังเกตเนอะ ไอ้ท็อฟฟี่รีบชะโงกหน้ามาเปิดคอเสื้อผมดูทันที

“ไม่เบาเลยนะคะ กูเริ่มอิจฉามึงแล้วเนี่ย” ไอ้ท็อฟฟี่เบ้ปากแล้วผลักหัวผมหนึ่งที ผมก็เลยตบหัวมันคืนไปหนึ่งดอก

“อร๊ายยย เรื่องนี้ต้องขยาย” หญิงทำท่าบิดตัวไปมาเหมือนเขิน พอมันพูดแบบนี้ผมก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

“กูบอกพวกมึงไปหมดแล้ว ทีนี้กูมีเรื่องจะขอบ้าง”

“ไม่ใช่เรื่องที่จะขอกันฉันเข้าใจ ไม่ใช่เรื่อง...ผลั๊ว! โอ้ย! เหี้ยอ๋องตบกูหาพระบิดามึงหรอ”

“เพื่อนจริงจังไอ้ห่าสุเทพ”

“เออๆขอโทษค่ะ กูแค่หยอกเองอ่ะ” ไอ้ท็อฟฟี่เริ่มหงอย

“ไม่เป็นไรๆ มันก็ไม่ได้สำคัญอะไรขนาดนั้น”ผมตบบ่าท็อฟฟี่ปลอบ

“แล้วมึงจะขอพวกกูเรื่องอะไร”

“เรื่องที่กูคบกับพี่เขาอ่ะ กูไม่อยากให้มึงเอาไปป่าวประกาศอะไรแบบนั้นนะเว้ย ถึงสังคมจะเปิดกว้างแล้วแต่มันก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะยอมรับได้หรอกนะ กูน่ะไม่เป็นไรหรอกแต่กูไม่อยากให้คนอื่นมองพี่มันไม่ดี ถ้าเกิด...”

“มึงไม่ควรไปคิดเองเออเองแทนผัวมึงนะรันต์ มันก็ดูรักมึงออก กูว่าเรื่องแบบนี้ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติเถอะ อย่าพึ่งตีตนไปก่อนไข้เลย”เมฆเอ่ยขัดก่อนผมจะพูดในสิ่งที่คิดออกมา ผมยอมรับว่าผมก็ค่อนข้างกังวลกับความสัมพันธ์ระหว่างผมกับทศกัณฐ์ เพราะผมไม่เคยมีแฟนมาก่อน ผมไม่รู้ว่าต้องทำตัวยังไงให้เราสามารถคงความรู้สึกตอนนี้และอยู่ด้วยกันไปนานๆ

ผมคิดนะ ว่าถ้าวันหนึ่งเราเกิดเลิกกันขึ้นมาจริงๆ ผมก็จะคอยสนับสนุนเขา มองเขาอยู่ห่างๆไม่ว่าจะในฐานะไหนก็ได้ที่เขาต้องการ แค่ได้เห็นเขามีความสุขดี แค่นั้นก็เพียงพอแล้วจริงๆ

ชีวิตนี้ผมคงรักใครนอกจากทศกัณฐ์ไม่ได้อีกแล้ว

ก็รักมาทั้งชีวิตแล้วนี่เนอะ...ถ้าจะรักตลอดไปก็ไม่เห็นจะเป็นไร

“กูรู้นะรันต์ว่ามึงกังวลเรื่องอะไร แต่ที่ไอ้เมฆพูดมันก็ถูกแล้ว มึงเจอคนที่เขารักมึงและมึงก็รักเขา มึงโชคดีแค่ไหนรู้ไหม ดูอย่างกูสิ จะมีใครบ้างมารักมาชอบบ้าง ไม่มี๊ มีแต่รักเงินกูน่ะสิ เพราะฉะนั้นมึงก็ใช้ชีวิตของมึงไป เป็นตัวของตัวเองนั่นแหละดีแล้ว กูว่าพี่ทศเขาก็คงรักที่มึงเป็นแบบนั้น” จริงๆไอ้ท็อฟฟี่มันไม่ใช่คนหน้าตาไม่ดู แต่ท่าทางสะดีดสะดิ้งที่มันชอบทำก็ขัดกับรูปร่าง 181 ซม. ผิวสีน้ำผึ้ง แต่หน้าตี๋เพราะเชื้อสายจีน ชอบมโนว่าคนนั้นคนนี้เป็นผัว แต่เอาเข้าจริงๆก็ไม่เห็นเอาใครสักคน

“อื้ม ขอบใจพวกมึงนะเว้ย แต่ก็ไม่ต้องเอาไปประกาศนะอายเขา” ความกังวลที่ก่อตัวสลายไปแทบไม่มีเหลือ มันดีจริงๆนะที่ได้รับคำปรึกษาจากเพื่อนแบบนี้

“เออ มึงนี่มันโง่จริงๆ มีผัวน่าแดกขนาดนี้เสือกไม่อยากอวด เป็นกูนะ จะจ้างประชาสัมพันธ์มอประกาศแม่งทั้งเดือนแล้ว”

กูเริ่มกลัวมึงจริงๆแล้วนะเว้ยน้ำ

“อิน้ำ สำรวมค่ะลูกสาว ให้แม่มีก่อนนะคะ กูจะจ้างรถประกาศวิ่งทั่วกรุงเทพฯเลย” ถุ้ย กูก็นึกว่าจะห้ามเพื่อนนะท็อฟฟี่

“นี่ก็เย็นแล้วแยกย้ายกันกลับเถอะ...แล้วนี่มึงจะกลับยังไง” เมฆเอ่ยสลายตัวก่อนจะหันมาถามผม

“กลับกับพี่ทศ” อีกเดี๋ยวเขาก็จะเลิกเรียนแล้วครับ

“งั้นกูรอพี่ทศมาก่อนถึงจะกลับ” ไอ้ท็อฟฟี่พูด สองสาวเพื่อนเกลอก็พยักหน้าเออออด้วย

“เดี๋ยวนี้ไม่กลับกับกูเลยนะ” เมฆพูดเรียบๆแต่น้ำเสียงเจือความเหงา รู้สึกผิดเหมือนกันแฮะที่ช่วงนี้ไม่มีเวลาให้พี่ชายเลย

“ฮื่อออ ไม่งอนดิ พรุ่งนี้เลิกเรียนแล้วไปกินบุฟเฟ่อาหารญี่ปุ่นกัน” ผมลุกขึ้นไปจับมือเมฆแกว่งไปมา ยิ้มอ้อนๆที่ทำให้เมฆใจอ่อนให้ซะทุกที

“ก็ได้ แต่ขอหอมก่อน”

“ตอนนี้เนี่ยนะ” เพื่อนๆหันมามองนิดๆก่อนจะแกล้งมองเสไปทางอื่น

ฟอดดดดดด เมฆโน้มหน้ามาหอมแก้มผมแทนคำตอบ เพื่อนที่เห็นก็แกล้งทำหน้าประหลักประเหลือก เบ้ปากบ้างล่ะ

“ระวังตีนผัวเขาด้วยนะคะ” ไอ้ท็อฟฟี่เปรย

“กลัวตายล่ะ นี่น้องกูเหอะ” เมฆแกล้งถีบตูดไอ้ท็อฟฟี่เบาๆ เลยโดนมันค้อนขวับเข้าให้

ระหว่างที่ผมกำลังหัวเราะกับการทะเลาะกันระหว่างเมฆกับท็อฟฟี่ อยู่ๆก็มีบางอย่างพุ่งตรงมาทางผมพร้อมสวมกอดแน่นจนตั้งตัวไม่ทัน

หมับ!

“คิดถึง” ผมชะงักไปเล็กน้อยกับคำบอกกล่าว เพื่อนทุกคนหันมามองผมเป็นตาเดียว

“รันต์!” เสียงทุ้มเข้มดังขึ้นอีกฟาก ทศกัณฐ์พุ่งตรงมาทางนี้อย่างรวดเร็ว

พลั่ก! คนที่กอดผมอยู่ก่อนหน้าทศกัณฐ์ถูกทศกัณฐ์ผลักออกอย่างแรง ผมจึงโดนกระชากเข้าหาอ้อมกอดที่คุ้นเคย

“มึงกล้าดียังไงมากอดเมียกู” ทศกัณฐ์กดเสียงต่ำ เขาดูโกรธมาก

“ทำไมผมจะกอดไม่ได้ พี่รันต์เป็นคนสำคัญของผม” อีกคนแสยะยิ้มยั่วโมโหทศกัณฐ์ ซึ่งมันได้ผม เขาถลาจะไปชกคนตรงหน้าเข้าจริงๆ ผมกอดแขนเขาไว้แน่น แต่ก็แทบจะเอาไม่อยู่อยู่แล้ว

“ใครก็ได้ช่วยกูจับพี่ทศที” ผมร้องขอความช่วยเหลือ แต่เป็นพี่สมิธที่ตามมาทีหลังช่วยจับแขนทศกัณฐ์อีกข้าง

“เหอะ ใช้แต่กำลัง คนแบบนี้หรอจะดูแลพี่รันต์ได้”

“หยุดพูดนะริว!” ผมหันไปปรามจอมยั่วโมโหอีกรอบ แต่ไม่ทันแล้วครับ ทศกัณฐ์โกรธมาก เขาดึงแขนออกจากผมและสะบัดแขนอีกข้างอย่างไม่ไยดี ถลาเข้าไปซัดปากริวจนล้มลงกับที พี่สมิธก็ล้มจ้ำเบ้าก้นกระแทกพื้น

“โอ๊ย!เชี่ยทศ สะโพกกูไปหมดแล้ว คนยิ่งเจ็บๆตูดอยู่” พี่สมิธโอดโอยพึมพำเบาๆแต่ผมก็ได้ยิน ผมหันรีหันขวางไม่รู้จะช่วยใครก่อนดี เอาเป็นว่าไปดูคนชกกันก่อนละกัน

ทั้งริวทั้งทศกัณฐ์ตะลุมบอนชกกันอย่างไม่มีใครยอมใคร แต่ดูปราดเดียวก็รู้ว่าใครได้เปรียบ ขืนปล่อยไว้นานกว่านี้ริวตายแน่ๆ

“พี่ทศพอแล้ว...พอนะ” ผมเอ่ยปากห้าม แต่เขาเหมือนไม่ได้ยินอะไรแล้ว

ผมจะทำยังไงดีวะ คนอื่นๆก็ไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่งเลย ทศกัณฐ์น่ากลัวมากจริงๆ

เอาวะ เป็นไงเป็นกัน

“หยุดนะทศกัณฐ์!” ผมผลักริวออกจากทศกัณฐ์แล้วยืนขวางหน้าเขาไว้ กางแขนป้องกันไม่ให้เขาเข้าไปทำร้ายริวอีก

กำปั้นทศกัณฐ์หยุดห่างจากปลายจมูกผมไปนิดเดียว เขาลดกำปั้นลงข้างตัวมองผมอึ้งๆ

“...รันต์”

“กลับไปก่อน ผมจะอธิบายทีหลัง” พวกเขาตีกันในสถานศึกษา ถ้าเรื่องนี้ไปถึงหูอาจารย์เรื่องใหญ่แน่ รีบๆสลายตัวจะดีกว่า แต่ตอนนี้ผมควรพาริวไปโรงพยาบาลก่อน หน้าแตกยับเลือดอาบซะน่ากลัวเลย

“แล้วน้องจะไปไหน” สายตาทศกัณฐ์มองตามผมที่กำลังพยุงริวขึ้น

“พาริวไปหาหมอ”

“ไม่ให้ไป” แววตาเขาวาวโรจน์

“ยักษ์ พี่ผิด”ผมพูดนิ่งๆ

“มันสมควรโดน!”

“…” ผมเงียบ รู้ว่าเขาโกรธ ไม่ควรทำให้โมโหหนักกว่านี้

“ตามใจ...” ทศกัณฐ์ล้วงกระเป๋ากางเกงตัวเองหยิบกุญแจรถยัดใส่กระเป๋าเสื้อนิสิตผม แล้วหันหลังเดินจากไปทันที

แม้เขาจะโกรธสักแค่ไหนแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังห่วงผม กลัวว่าผมจะกลับบ้านลำบาก

เสี้ยววินาทีผมเห็นดวงตาสีเขียวซีดมีแววเจ็บปวด

ผมยืนตัวชารู้สึกเจ็บในอกไม่ต่างกัน

ผมทำให้คนที่รักเสียใจ

++++++++++++++++++++

รันรันทำอิพี่ยักษ์เจ็บซะแล้ว รีบๆไปง้อเลยเอาแบบให้พี่แกหลงกว่าเดิม หึๆ ตอนหน้าไม่ม่านะคะ และขออภัยที่หายไปนานเป็นพักๆ เปรมไปเดินเอ๋อให้รถเฉี่ยวตั้งแต่วันลอยกระทงนู้น ตอนนี้ซ่าได้ละ :z2: อิอิ ขอบคุณที่รอและติดตามค่ะ :bye2:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 35♡++100%++[12/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 12-11-2017 19:06:57
 :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 35♡++100%++[12/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Meaw Evezaaaaa ที่ 12-11-2017 19:19:02
ถ้าจำไม่ผิดริวนี่น้องต่างแม่ของรันต์ป่ะ?
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 35♡++100%++[12/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 12-11-2017 19:35:30
พี่ยักษ์อย่าเพิ่งน้อยใจน้องนะ :sad4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 35♡++100%++[12/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-11-2017 19:49:13
พากันปากหนักอีกแล้วแต่ละคน แค่บอกว่าเป็นน้องให้รู้ให้เข้าใจก่อนจะตายเหรอ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 35♡++100%++[12/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 12-11-2017 19:50:15
กำลังสนุกกับท๊อฟฟี่ อยู่ดีๆ เปลี่ยนอารมณ์แทบไม่ทัน ทศนะ ทศ ลดความหึงสักหน่อย
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 35♡++100%++[12/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: missm2c ที่ 12-11-2017 23:27:18
อย่าปล่อยให้เราค้างคานะ pleaseeee~
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 35♡++100%++[12/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 12-11-2017 23:30:14
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 35♡++100%++[12/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 12-11-2017 23:50:39
รันรัน น้องผิด ตามยักษ์ไปด่วน ทำร้ายจิตใจยักษ์น้อยผู้แสนเปราะบาง (?) ได้ยังไง โยนไปให้พี่เมฆสิตัวปัญหานั่นน่ะ พี่เมฆสามารถเชื่อสิ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 35♡++100%++[12/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 13-11-2017 06:32:32
น้องไปง้อพี่ยักษ์อย่างไวเลยนะ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 35♡++100%++[12/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 13-11-2017 09:58:15
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 35♡++100%++[12/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 13-11-2017 11:45:05
สงสารยักษ์เลยย
ก้บอกพี่มันไปสิว่าน้องงงงอะรันต์
บอกไปแค่นั้นนนก้เบาลงแล้วว
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 35♡++100%++[12/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 13-11-2017 14:19:11
ตอนแรกคิดว่าเมฆ กลายเป็นริว น้องรันต์ซะนี่
ไปพููดยั่วโมโห ปากไวไปว่าทศก่อน
ปกติทศก็โหด เถื่อน ผลเลยออกมาอย่างนี้

รันต์ก็รู้ว่าทศเสียใจที่เลือกดูแลริว
แต่จะไปกับทศ มันก็ไม่ถูกต้อง
ทศ งอนไปแล้ว  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
รันต์ต้องไปง้อ ก็ง้อแบบทศชอบแต่รันต์จะแย่น่ะสิ

ทศ รันต์  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 35♡++100%++[12/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 15-11-2017 20:25:27
 :เฮ้อ: ผิดทั้งคู่เลย เอาใบเหลืองไปคนละใบ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 36♡++50%++[16/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 16-11-2017 17:48:37
ใจยักษ์ 36.1

“พี่รันต์ วันนี้กลับไปกินข้าวที่บ้านด้วยกันนะครับ” คนที่นั่งอยู่ข้างๆกันโน้มศีรษะมาถูไถคลอเคลียที่ไหล่ผมอ้อนๆ ขณะที่เรากำลังนั่งรอรับยาในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง

“ไม่ล่ะ พี่ไม่ว่าง”

“ทำไม! พี่รันต์จะไปหาไอ้หมอนั่นหรอ” น้ำเสียงอ้อนๆพลันเปลี่ยนเป็นห้วนสั้นฉับพลัน

“ใช่ เขาเป็นแฟนพี่ ทำไมพี่จะไปหาเขาไม่ได้” ผมเอ่ยเรียบๆ ไม่ได้ชายสายตาไปมองว่าคนข้างๆมีปฏิกิริยาอย่างไร

“มันต่อยริว ริวเจ็บ ทำไมพี่รันต์ต้องไปคบกับคนนิสัยไม่ดีแบบนี้ด้วย” ผมได้ยินเสียงกัดฟันดังมาจากคนนั่งข้างกัน

“มันเรื่องของพี่ ไม่เกี่ยวกับนาย” เมื่อผมพูดจบ เขาก็เรียกชื่อน้องชายต่างแม่ของผมไปรับยาพอดี ผมลุกขึ้นไปรับยาให้เขา เสร็จแล้วก็ยัดใส่มือริว จากนั้นก็หันหลังเดินออกมาเลย

“เดี๋ยวพี่รันต์ รอริวด้วย” ริวเดินตามมารั้งแขนผมไว้ ผมสะบัดออกเบาๆทันที เพียงแค่นั้นริวก็หน้าเสียลงถนัดตา

“พี่รันต์โกรธริวหรอ ริวขอโทษนะครับ” ริวยิ้มฝืด พยายามแก้สถานการณ์ตึงเครียดให้ดีขึ้น

“ที่ขอโทษมารู้ไหมว่าทำอะไรผิด” ผมกอดอกมองหน้าเขานิ่งๆ แต่เมื่อเห็นอีกคนยืนนิ่งไม่ตอบจึงเอ่ยสำทับขึ้นอีก “ขึ้นรถ จะไปส่ง”

“เพราะริวกอดพี่รันต์หรอ” เสียงแผ่วลอดออกมาจากคนที่นั่งข้างๆ

“แน่ใจหรอ” ผมเหยียบคันเร่งเบาๆให้รถเคลื่อนตัวออกจากโรงพยาบาล สายตามองไปที่ถนนยามค่ำที่จราจรเริ่มบางเบาลงบ้างแล้วสำหรับเส้นนี้ สมองปวดจี๊ดขึ้นมาเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อตอนเย็น

“ที่ริวพูดไปมันไม่ใช่เรื่องจริงหรือไง ก็พี่รันต์เป็นคนสำคัญของริว เป็นคนที่ริวรักที่สุด คนที่ใช้แต่อารมณ์เป็นที่ตั้งแบบนั้นสักวันเขาจะทำให้พี่รันต์เสียใจ”

“มันไม่ใช่เรื่องของนาย!” ผมกดเสียงต่ำอย่างฉุนๆ “ไม่ว่าเขาจะเป็นคนแบบไหนผมก็เลือกเขาแล้ว เพราะฉะนั้นไม่ว่าคุณจะพูดยังไงก็ไม่มีผลต่อการตัดสินใจของผม และคุณก็อย่ามาก้าวก่ายชีวิตของผมอีก” สิ้นเสียงผมทั้งรถก็ตกอยู่ในความเงียบ ไม่นานผมก็ได้ยินเสียงสะอื้นเบาๆลอยมาเข้าหู

ผมเหลือบไปมองริวแวบเดียวแล้วหันกลับไปมองทางข้างหน้าต่อ ไม่คิดแม้แต่จะเอ่ยคำปลอบเขา ริวปิดหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้นจนตัวโยน  เด็กหนุ่มอายุเกือบ 18 ปี ผมสีดำสนิทหยักศกเล็กน้อย รูปร่างสมส่วน สูงกว่าผมไม่มาก ผิวขาวกระจ่างใสแต่ใบหน้าหล่อคม

เดือนนิเทศฯคนปัจจุบันของมหาวิทยาลัย Y

เมื่อประมาณ5-6 ปี ก่อนที่ผมจะออกจากบ้านใหญ่ ริวติดผมแจมาก ผมไปไหน ทำอะไร ริวก็จะตามติดและทำตามอย่างไม่รู้เบื่อ

เรียกได้ว่าเป็นเหงาตามตัวผมก็ว่าได้

เวลาที่ผมไปเล่นบ้านเมฆที่อยู่ข้างๆกัน เขาก็จะตามผมไปด้วย เล่นได้ไม่ทันไรก็งอแงจะกลับ ถ้าผมไม่กลับก็จะร้องไห้เสียงดังโวยวายน่ารำคาญ ทั้งๆที่ตอนนั้นก็โตจนขึ้นมอต้นแล้วนะ ผมเลยจำต้องกลับอย่างช่วยไม่ได้เพราะเกรงใจคนที่บ้านเมฆเหมือนกัน

พออยู่บ้านเขาก็จะชวนผมทำนั่นทำนี่  ผมไม่ทำ ส่วนมากก็จะหนีเข้าห้อง แต่ถ้าโดนตามตอแยมากๆเข้าก็จะทำส่งๆพอให้มันจบไป

ตอนที่ผมออกจากบ้านมาเขาก็คงพยายามติดต่อผมทุกวิถีทาง แต่ก็นั่นแหละ เขาเป็นเพียงเด็ก อายุ 13 แค่ไปโรงเรียนเองยังทำไม่เป็นเลย นับประสาอะไรจะมาตามหาตัวผม หลังจากนั้นเราก็ห่างๆกันไปในที่สุด

บอกตรงๆว่าตอนนั้นก็ไม่ได้เกลียดอะไรริว

แต่ถ้าถามว่ารักไหม คำตอบคือไม่

มันเฉยๆ และรำคาญเป็นส่วนใหญ่

“คิดว่าน้ำตาจะเรียกร้องความสนใจได้ผลเหมือนทุกทีหรือไง” ผมพูดเรียบๆ พลางหักพวงมาลัยเลี้ยวเข้าซอยหมู่บ้าน

“ริว ฮึก...ไม่ได้เรียกร้องความสนใจ แต่ริวเสียใจ ฮึก ริวขอโทษ ฮึกๆ พี่รันต์อย่าเกลียดริวเลยนะ ฮือออ” ยิ่งพูดก็ยิ่งร้องหนักกว่าเดิม จนผมอดไม่ไหวหยิบกล่องทิชชู่โยนให้ เขาก็หยิบไปเช็ดน้ำตาไม่อิดออดและพยายามกัดปากกลั้นเสียงสะอื้นเพราะรู้ว่าผมเริ่มรำคาญแล้ว

“ไม่ต้องร้อง โตขนาดนี้ยังขี้แยอยู่อีก แล้วอย่างนี้จะดูแลพ่อได้ไหม”

“พี่รันต์ก็กลับมาอยู่บ้าน มาช่วยริวดูแลพ่อสิครับ ฮึก...พ่อคิดถึง ริวก็คิดถึง” ดวงตาสีน้ำตาเข้มบวมแดงจากการร้องไห้หันมามองผมสั่นๆ ใบหน้าที่เคยหล่อเหลาบวมช้ำมีบาดแผลเต็มไปหมดยิ่งทำให้เขาดูน่าสงสารหนักกว่าเดิม ผมถอนหายใจแล้วหยุดรถที่ข้างกำแพงบ้านพอดี จากนั้นจึงหันไปมองพิจารณาเขานิ่งๆ

“ฟังนะริว นายโตพอจะคิดอะไรเองได้แล้ว ควรรู้ว่าอะไรควรทำหรือไม่ควรทำ อย่าทำตัวเหมือนเด็กไม่รู้จักโต ไม่อย่างนั้นจะไม่มีใครรัก” ผมหยิบเอาจุดอ่อนที่สุดของริวขึ้นมาสั่งสอนเขา

กลัวไม่มีใครรัก...

“พี่รันต์ก็จะไม่รักเหมือนกันหรอ”

“ใช่ พี่เกลียดคนเจ้าน้ำตา เพราะฉะนั้นก็เงียบซะ” ผมยกมือลูบหัวริวเบาๆ ต่อให้เราไม่ได้มีความผูกพันอะไรกันมากมาย แม่เขาเกลียดผม และผมก็ไม่ชอบแม่เขา แต่ยังไงริวก็เป็นน้อง มันก็อดจะเอ็นดูเขาไม่ได้

“ริวจะไปขอโทษเขาก็ได้”

“เขาไหน?” ผมแกล้งถามทั้งที่รู้ว่าเขาหมายถึงใคร

“แฟนพี่รันต์ ทะ...พี่ทศกัณฐ์” ริวรีบเปลี่ยนคำเรียกเมื่อผมหรี่ตามองเขานิ่งๆ

“อืม ดีแล้ว ต่อไปอย่าทำแบบนี้อีก พี่ทศก็ผิดที่ต่อยริวทั้งๆที่รู้ว่าเป็นน้อง พี่จะให้เขาขอโทษริวเหมือนกัน” ผมไม่ได้พูดอะไรผิดไปหรอกนะครับ

ทศกัณฐ์รู้ดีอยู่แก่ใจว่าริวคือน้องชายต่างแม่ของผม เขารู้ประวัติผมทุกอย่างดีอยู่แล้ว วันที่เจอพ่อที่โรงพยาบาลแล้วหลังจากที่เราไปทานข้าวด้วยกัน ผมกับทศกัณฐ์ก็มาส่งคุณพ่อถึงที่บ้าน ริวที่รู้เรื่องเขาก็ออกมารอรับ ผมลงไปส่งพ่อส่วนทศกัณฐ์รออยู่ในรถ ผมได้คุยกับริวนิดหน่อย ถ้าทศกัณฐ์ไม่ได้ตาบอดเขาก็ต้องเห็น และเขาก็ไม่ได้โง่พอที่จะจำไม่ได้ว่าใครเป็นใคร

อาจจะใช่ที่ตอนแรกเขาเห็นริวกอดผมเขาไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่หลังจากนั้นเขาต้องรู้อยู่แล้วว่านั่นคือน้องชายผม เขาไม่ฟังอะไรเลย ให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล

ผมตกใจกลัวเขาคลั่งเหมือนตอนนั้น ซึ่งโชคดีที่มันไม่เป็นอย่างที่ผมคิด ผมนึกโกรธริวที่ใช้วาจาและท่าทางยียวนกวนโมโหทศกัณฐ์จนเกิดเรื่อง แต่ก็โกรธทศกัณฐ์ที่เขาทำตัวเหมือนอันธพาลไร้ความคิด

เขาทำกับริวเกินไป ก็รู้หรอกว่าหวงแต่ก็ไม่คิดว่าจะหวงกันจนขาดสติขนาดนี้

ผมจะไม่พูดอะไรถ้าเขายังทำใจให้เย็นลงไม่ได้ ทศกัณฐ์ต้องควบคุมตัวเองให้ได้มากกว่านี้  ผมถึงได้บอกว่าจะอธิบายทีหลังว่านิสัยริวเขาก็เป็นแบบนี้ เขาเป็นแค่น้องชาย ผมไม่ได้คิดอะไรอย่าไปถือสาเลย

ผมอาจจะตามใจทศกัณฐ์มากเกินไป พอผมไม่ทำให้ได้ดั่งใจก็พลอยน้อยใจ พลอยเสียใจไปเลย

ทศกัณฐ์เติบโตมาไม่เหมือนคนอื่นทั่วไป เขาไม่เคยสนใจใคร ไม่เคยมีใครอยู่ในสายตา พอมีผมเขาก็จะยึดเหนี่ยวผมเอาไว้คนเดียวไม่ให้ใครแตะต้อง ซึ่งแม้ผมจะระวังตัวมากแต่ก็บอกไม่ได้ว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกไหม ผมไม่อยากให้เขาขาดสติแบบนี้อีก เพราะฉะนั้นก็ต้องมีการเตือนกันบ้าง

เหตุการณ์ในครั้งนี้ผมคิดว่าผมทำถูกแล้ว ก็ได้แต่หวังว่าเขาจะคิดอะไรได้บ้าง

“แล้วพี่รันต์จะไม่ลงไปกินข้าวเย็นด้วยกันจริงๆหรอ” ริวทำหน้าหงอยๆ

“อืม...ไปก็ได้ พี่จะไปคุยกับพ่อเรื่องหน้านายด้วย”

“เย้! รักพี่รันต์ที่สุดเลย!”

+++++++++++++++++++++++++

ผมกลับถึงห้องในเวลาสี่ทุ่มกว่า ทั้งห้องเงียบกริบ กะไว้อยู่แล้วว่าถ้าไม่อยู่ร้านพี่ดีก็ต้องอยู่คอนโดฯไหนสักแห่งของเพื่อนในแก็งค์เขา

ผมถอนหายใจเบาๆอย่างล้าๆ ขอไปอาบน้ำให้รู้สึกดีกว่านี้สักหน่อยก็แล้วกัน เมื่อช่วงค่ำผมได้คุยกับพ่อเรื่องแผลบนหน้าของริวและขอโทษแทนทศกัณฐ์ พ่อผมก็ไม่ได้ว่าอะไรแถมยังมีการหันไปดุริวอีกหลายคำ

เมื่ออาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ผมก็ล้มตัวนอนบนเตียงหลังใหญ่เงียบๆ น่าแปลกที่วันนี้ผมรู้สึกว่าเตียงมันกว้างและเย็นกว่าที่เคย อาจเพราะว่าไม่มีใครอีกคนคอยนอนเบียด กอดซุกให้ความอบอุ่นเหมือนวันที่ผ่านมา

Rrrr  Rrrr  Rrrr

โทรศัพท์แผดเสียงขึ้นช่วงที่ผมใกล้ๆจะเคลิ้มหลับ ผมสะลึมสะลือดูหน้าจอ คนที่โทรเข้ามาคือพี่สมิธ

“ครับพี่”
(มึงอยู่ไหนวะ?)
“คอนโดฯครับ”
(มึงว่างไหมอ่ะ)
“ว่างครับ ทำไมหรอพี่”
(มารับผัวมึงหน่อย มันแย่แล้วเนี่ย!)
“...ที่ไหนครับ”
.
.
.
.
.
C Club

ผมมาถึงคลับของพี่ดีในช่วงใกล้เที่ยงคืน เดินผ่านเข้ามาได้อย่างง่ายดายเหมือนมีคำสั่งไว้แล้ว ช่วงใกล้สุดสัปดาห์รู้สึกนักท่องราตรีจะหนาแน่นเป็นพิเศษ ผมเดินเบียดพวกเขาขึ้นไปยังชั้นสาม ย่างไปจนถึงห้องขวาสุดตามที่พี่สมิธบอกไว้ ผมเคาะประตูสองสามที ได้ยินเสียงอนุญาตจากคนข้างในจึงเปิดเข้าไป

สภาพภายในห้องไม่ได้ต่างอะไรมากจากครั้งแรกที่ผมเจอพวกเขานักเพียงแค่ไม่มีผู้หญิงมานั่งด้วยก็เท่านั้น ทศกัณฐ์และพี่สมิธนั่งโซฟาเดี่ยวคนละตัว  พี่เซนท์และพี่ดีนั่งโซฟาตัวยาวใหญ่เพียงแค่สองคน แต่ละคนก็ยกแก้วดื่ม กินกับแกล้มกันตามปกติ

ผมหันไปมองทศกัณฐ์ เขาก็ทำหน้านิ่งๆก็จะหันหน้าหนีผมไปอีกทาง

ผมฉีกยิ้มเฝื่อนออกมานิดๆ เขาก็ไม่ได้แย่หรือเป็นอะไรอย่างที่พี่สมิธบอกนี่

คงหลอกให้ผมออกมาสินะ

“เอ้า! มาแล้วเสือกยืนเอ๋ออยู่ได้นะมึง ไปนั่งดิ” พี่สมิธทักผมขึ้นคนแรก

“มาๆน้องรันต์ มานั่งกับพี่นี่มา ช่วงนี้ไม่ค่อยได้คุยกันเลย” พี่เซนท์เอ่ยเรียกแล้วขยับตัวให้ ผมจึงเดินไปนั่งลงข้างเขา

“น้องรันต์จะดื่มหรืออยากกินอะไรไหม เดี๋ยวพี่กดสั่งให้”

“ไม่ล่ะครับ ผมอาบน้ำแปรงฟันแล้ว”

“สักหน่อยเถอะน่า เดี๋ยวกูสั่งให้เอง” พี่สมิธรวบรัดตัดจบ ไม่นานพนักงานก็ขึ้นมาเสิร์ฟเบียร์แก้วใหญ่พร้อมของกินเล่นอีกสามอย่าง

“แดกๆไปเลยมึง กลับไปค่อยแปรงฟัน”

“ผมขับรถมา”

“แก้วเดียวไม่เมาหรอก แสรดดด” พี่ไม่เมาแต่ผมเมานี่หว่า แถมเป็นแก้วเบียร์ไซส์XL อีก ค่อยๆจิบรอแล้วกัน

ระหว่างที่นั่งดื่มกินกันสลับกับฟังดนตรีสดบ้าง แม้จะมีเสียงพี่เซนท์และพี่สมิธพูดคุยกันกับผมเป็นระยะ และมีเสียงพี่ดีสอดแทรกเข้ามาบ้างเป็นบางจังหวะ แต่มีอยู่คนเดียวที่เงียบกริบ ผมเหลือบไปมองเขาอยู่หลายครั้ง

ทุกๆครั้งก็จะเห็นเขามองผมก่อนอยู่แล้วเสมอ เมื่อสบสายตากันเขาก็จะเบือนสายตาหลบไปอีกทาง

ผมพยายามไม่คิดมาก แต่มันก็อดน้อยใจไม่ได้

หรือสิ่งที่ผมหวังดีนั้น เขาจะไม่ต้องการ ถึงได้หมางเมินและเย็นชาใส่ผม

คิดมาถึงตรงนี้มันก็อดร้อนๆที่ปลายจมูกและกระบอกตาไม่ได้

มันอึดอัดจนน้ำตาผมไหลออกมาเองไม่รู้ตัว เมื่อน้ำตาร่วงเผาะใส่หลังมือ ผมจึงรีบก้มหน้าเช็ดน้ำตาลวกๆ เพราะไม่อยากให้ใครเห็น

ผมคิดว่าผมควรออกไปจากที่นี่ คิดได้ดังนั้นผมก็รีบลุกขึ้นจะเดินออกจากห้อง แต่ก่อนที่จะถึงประตูมันต้องเดินผ่านโซฟาที่ทศกัณฐ์นั่งอยู่ก่อน

จังหวะที่ผมกำลังก้าวเดินผ่านอยู่นั้นเอง มือหนาอบอุ่นก็ยื่นมาจับข้อมือผมไว้แน่น

“จะไปไหน” เสียงทุ้มเข้มที่ผมไม่คิดว่าเขาจะเอ่ยกับผมแล้ววันนี้ถามขึ้น

“...กลับบ้าน” ผมพยายามบังคับเสียงตัวเองไม่ให้สั่น แต่ก็ทำได้ยากเย็นเหลือเกิน

“มานั่งนี่มา” เขารั้งแขนผมเข้าไปใกล้ ดึงให้ผมนั่งลงที่ตักพร้อมจับให้ผมนั่งหันหน้าเข้าหาตัวเอง ผมขัดขืนนิดหน่อยเพราะอายพี่ๆและไม่อยากให้เขาเห็นน้ำตา ถึงแม้ว่าเขาอาจจะเห็นตั้งแต่แรกแล้วก็ได้

สุดท้ายเมื่อทำอะไรไม่ได้ ผมจึงได้แต่กอดคอแกร่งแล้วซุกหน้าลงกับซอกคอเขาแน่น ผมสูดดมรับกลิ่นคุ้นเคยเข้าปอด บรรยายกาศที่รู้สึกอึดอัดก็ดูผ่อนคลายขึ้น พึ่งรู้ว่าตัวเองก็โหยหาเขามากขนาดนี้ ทศกัณฐ์กอดเอวผมไว้หลวมๆ มืออีกข้างลูบหัวผมไปมาเบาๆ

“น้องร้องไห้ทำไม” เสียงทุ้มกระซิบถามข้างหูพร้อมสัมผัสหนักๆจากริมฝีปากเขาที่ข้างขมับ

“พี่...โกรธน้องมากถึงขนาดไม่มองหน้ากันเลยใช่ไหม” ผมย้อนถามเสียงสั่น น้ำตาพานจะไหลออกมาอีกระลอก

“เปล่า...พี่แค่รู้สึกผิด พี่น่าทำแบบนั้นเลย ขอโทษนะ” เขารั้งใบหน้าผมให้มาสบตากันตรงๆ มือหนาเช็ดคราบน้ำตาให้แผ่วเบา

“พี่ต้องใจเย็นๆ ค่อยๆคิดตริตรองอย่าใช้กำลังตัดสินปัญหา น้องไม่อยากให้พี่ทำแบบนั้น พี่เป็นเจ้าคนนายคนแล้วต้องคิดเยอะๆนะ  ริวก็เป็นน้องเป็นคนในครอบครัวของน้อง พี่ทศก็เป็นคนที่น้องรัก เป็นคนที่น้องอยากใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันไปตลอด ไม่ว่าใครก็สำคัญกับน้อง น้องเสียใจนะที่เป็นต้นเหตุของเรื่อง”

“พี่จะพยายามใจเย็นขึ้น ถึงแม้ว่าเรื่องน้องมันจะทำได้ยาก พี่ใจจะขาดถ้าเห็นคนอื่นแตะต้องน้อง...กลัวว่าเขาจะพรากน้องไปจากพี่”ทศกัณฐ์กระชับวงแขนที่เอวผมแน่นขึ้น ใบหน้าหล่อเหลาซบลและดูดเบาๆที่ต้นคอผม ผมจึงกอดตอบเขาแน่นๆอย่างหมั่นเขี้ยว ทศกัณฐ์อ่อนหัดเรื่องความรักมากจริงๆ

“ใครก็พรากน้องไปจากพี่ไม่ได้ทั้งนั้น...นอกจากพี่จะไม่ต้องการน้องแล้ว”

“ไม่มีทาง” ผมยิ้มขำๆกับหน้าเครียดๆหัวคิ้วชนกันของเขา จึงโน้มหน้าไปจูบหว่างคิ้วเครียดเขาหนึ่งที ทศกัณฐ์ฉีกยิ้มกว้าง มือหนารั้งต้นคอผมเข้าไปใกล้แล้วประทับจูบหวานๆที่ริมฝีปากให้ผมเป็นรางวัลตอบแทน

+++++++++++++++++++

เอ๊ะ! คู่รักเขาลืมอะไรไปรึเปล่าคะ...สามคนที่เหลือและพวกเรากลายเป็นอากาศไปในทันที ฮ่า :hao7: // ขออภัยที่มาได้ครึ่งเดียวนะคะ เปรมติดภารกิจแห่งชาติ(สอบ) อีกครึ่งเจอกันวันอาทิตย์ค่ะ :mew1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 36♡++50%++[16/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 16-11-2017 19:06:42
 :L2: :L1: :3123:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 36♡++50%++[16/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 16-11-2017 19:13:18
 :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 36♡++50%++[16/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 16-11-2017 19:21:29
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 36♡++50%++[16/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 16-11-2017 19:30:06
สวีทกันหวานเลยนะลืมเพื่อนกันไปหมดแล้วเหรอ :-[
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 36♡++50%++[16/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: numay ที่ 16-11-2017 20:05:18
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 36♡++50%++[16/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 16-11-2017 20:05:25
เดี๋ยวววว พอจะสวีตกัน ก็ลืมเพื่อนๆเลยใช่ไหมคะ? ฮาาาาา
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 36♡++50%++[16/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 16-11-2017 20:08:55
ในนี้มีเพียงเราสอง
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 36♡++50%++[16/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Dangdang ที่ 17-11-2017 19:32:47
สู้ๆๆนะค่ะ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 36♡++50%++[16/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 17-11-2017 20:41:47
งอนง้อ กันน่ารักมากกกกก
นั่งตัก กอดกัน จุ๊บกัน
เพื่อนทศ กลายเป็นอากาศธาตุไปเลย

แผนเรียกรันต์มา
ทศ หายอึมครึม
ดีกัน ประสบความสำเร็จ
ทศ รันต์  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 36♡++50%++[16/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 18-11-2017 07:37:00
ชอบเวลาที่รันแทนตัวว่าน้อง น่ารักมาก
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 36♡++50%++[16/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 18-11-2017 08:24:45
โลกหมุนรอบตัวเรา น้องกับพี่นี้มีกันสองคน เนอะ.   

 :hao3:  :hao3:  :hao3:  :hao3:  :hao3:

....
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 36♡++50%++[16/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 18-11-2017 11:03:50
เพื่อนๆต้องทำหน้าเอือมระอากันขนาดไหนนอพ
สวีทกันไม่เกรงใจใครเลยจ้าาา
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 36♡++50%++[16/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 18-11-2017 16:25:21
ลืมเพื่อนๆไปแล้วสินะ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 36♡++50%++[16/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 19-11-2017 17:43:36
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 36♡++100%++[19/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 19-11-2017 19:41:10
ใจยักษ์ 36.2

“เอ่อคือ...กูว่าเรากลับกันเลยดีไหม” สิ้นเสียงพี่เซนท์ผมก็รีบผลักอกหนาทศกัณฐ์ออกห่าง แล้วผละจูบออกทันที

ฉิบ!...ลืมไปเลยว่าพี่ๆก็อยู่ด้วย  ผมดันตัวจะลุกจากตักแกร่งแต่เขากลับกอดเอวผมแน่นจนขยับตัวแทบไม่ได้ ตาคมเขียวซีดตวัดมองดุๆไปที่ด้านหลังผม

“อย่ามองกูแบบนั้น กูไม่ได้อยากขัด แต่ไอ้สมิธมันบอกให้กูทำอ่า มันว่ามันขัดบ่อยแล้วเดี๋ยวกรรมตามสนองมัน”พี่เซนท์รีบเอ่ยแก้ตัวทันที ก็สายตาทศกัณฐ์คาดโทษซะขนาดนั้น

“อ้าวไอ้เชี่ยเซนท์ โยนขี้มาให้กูเฉยเลย”

แล้วหลังจากนั้นผมก็ได้ยินเสียงรุ่นพี่สองคนทะเลาะกันงุ้งงิ้งมาจากทางด้านหลัง

“ยักษ์ กลับห้องนะ น้องง่วงแล้ว” ตาผมเริ่มปรือแล้วจริงๆครับ ยิ่งดื่มเบียร์เย็นๆไปแก้วใหญ่แบบนี้ คืนนี้หลับสบายเลยล่ะผม ทศกัณฐ์ขยี้หัวผมเบาๆแล้วหอมแก้มผมไปอีกฟอดใหญ่

“ครับ...กูกลับแล้วนะ วันนี้ลงบิลกูไว้” ทศกัณฐ์ตอบรับแล้วบอกเพื่อนที่ยังคงเถียงกันไม่เสร็จ เขายกผมออกจากตักแล้วยืนขึ้น จับมือจูงผมออกจากห้องโดยไม่เว้นจังหวะให้ผมไหว้ลาพวกพี่เขาเลย ผมทำได้แค่หันไปก้มหน้าให้พวกเขาอย่างขอบคุณ  ได้ยินเสียงพี่สมิธบ่นตามหลัง ว่าเมียมาแล้วลืมเพื่อน

“เอากุญแจรถมา” ทศกัณฐ์เอ่ยปากขอกุญแจรถแล้วแบมือมาตรงหน้าผมเมื่อเราเดินมาถึงลานจอดรถกันแล้ว ผมล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงหยิบกุญแจรถส่งให้เขา

“เอาคันนี้มาหรอ?” ทศกัณฐ์ถามเสียงเข้ม ใบหน้าหล่อขรึมลงทันตา

“อือ ก็น้องรีบนี่นึกว่าพี่เป็นอะไรมาก ก็เลยหยิบมาไม่ได้ดู มารู้ตอนอยู่ที่ลานจอดรถแล้วอ่ะก็เลยขี่มาเลย” ผมพูดเสียงหงอยๆ ก็รถคันที่ผมขี่มาคือดูคาติของเขาน่ะครับ ซึ่งทศกัณฐ์สั่งห้ามผมขี่เด็ดขาด เพราะเครื่องมันแรงและหนักเขากลัวผมเกิดอุบัติเหตุ ทั้งกลัวผมขี่ไปชนเขาแล้วก็กลัวคนอื่นขี่มาชนผม

ห่วงสารพัดที่จะห่วงเลยยักษ์คนนี้

“อย่าทำอีกนะ...พี่ขอ” สายตาเว้าวอนที่มองตอบมาโคตรทำให้ผมรู้สึกผิดเลยว่ะ

หมับ! ผมยื่นมือไปโอบกอดร่างใหญ่ของคนรักไว้แน่น เขากอดตอบผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ ร่างกายเกร็งเครียดค่อยๆผ่อนคลายขึ้น

“น้องขอโทษครับ...อย่าคิดมากเลยนะ น้องอยู่ตรงนี้แล้วไง”

“รู้ไหมว่าพี่รักน้องน้องมาตลอดเป็นสิบปี แปลกที่ความรู้สึกรักและห่วงใยมันรุนแรงขึ้นทุกวัน พี่เคยได้ยินว่ายิ่งนานวันไปความรู้สึกจะค่อยจางลง แต่สำหรับพี่มันไม่ใช่...”

“ยักษ์ น้องก็ไม่รู้หรอกนะว่าความรักสำหรับคนอื่นเขาใช้อะไรวัดกัน แต่พี่อย่าลืมว่าทุกคนไม่เหมือนกัน เราไม่สามารถเอาความรู้สึกของแต่ละคนมาเปรียบกันได้หรอก รักก็คือรัก ไม่รักก็คือไม่รัก ไม่จำเป็นต้องหาเหตุผลให้วุ่นวาย”

“น้อง...จะเลิกรักพี่ไหม” เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่าทศกัณฐ์ขาดความมั่นที่จะเอ่ยถาม

“น้องไม่รู้ มันเป็นเรื่องของอนาคต” อ้อมแขนทศกัณฐ์ที่กอดผมอยู่สั่นขึ้นมา “...แต่ว่าตั้งแต่อดีตจนถึงตอนนี้ น้องก็ยังรักพี่อยู่ และน้องก็ไม่เคยคิดที่จะเลิกรัก ไม่รู้ว่าจะมีวันนั้นไหม”

“ขอบคุณ...ขอบคุณที่รอพี่ ที่ให้โอกาสผู้ชายคนนี้ พี่เป็นคนไม่ดี ไม่สมควรมีชีวิตอยู่ ต่อให้คนทั้งโลกเกลียดพี่ก็ไม่เป็นไร แค่น้องรักพี่ อยากให้พี่อยู่ต่อแค่นั้นก็พอแล้ว เพราะฉะนั้นดูแลตัวเองให้ดี ถ้าน้องเป็นอะไรไป พี่อยู่ไม่ได้จริงๆรันต์” ผมยืนร้องไห้เงียบๆ ผมคิดว่าความรักที่ผมมีให้เขาก็ไม่ได้น้อยไปกว่าเขา ผมรักเขามากไม่แพ้ใคร แต่ผมก็ยังรักตัวเอง ถ้าทศกัณฐ์ตายแน่ล่ะว่าผมต้องเสียใจมากและรักใครไม่ได้อีก แต่ผมไม่คิดจะตายตามเขา

แต่ถ้าผมตาย ผมเชื่อว่าเขาทำแน่

“อย่าตายนะ ห้ามตายตามน้อง พี่ต้องอยู่!” อย่ารักผมมากกว่าชีวิตตัวเอง ผมร้องไห้อย่างหนัก ในความโชคร้ายของชีวิต อย่างน้อยทศกัณฐ์ก็คือโชคดีที่ผมได้รับมา

“พี่จะอยู่ ถ้าน้องอยู่ อย่าร้องเลยนะครับ”

“อื้ม” ผมพยักหน้าแล้วเช็ดน้ำตากับแขนเสื้อ พยายามบังคับสะอื้นให้หยุดลงในที่สุด ทั้งๆที่บอกริวว่าเกลียดคนเจ้าน้ำตา แต่ผมนี่แหละที่งอแงยิ่งกว่าน้องอีก

“นี่พวกมึงมายืนซึ้งกอดอะไรกันอยู่ตรงนี้ กูคิดว่ากลับไปนานแล้วนะเนี่ย” เสียงพี่สมิธแว่วๆมาจากด้านหลังผม เราผละกอดออกจากกัน เป็นทศกัณฐ์โอบไหล่ผมไว้แทน ผมยิ้มบางให้พี่ๆ

“น้องรันต์ร้องไห้หรอ! ทะเลาะอะไรกันอีกอ่ะ” พี่เซนท์ร้องถามด้วยความตกใจเมื่อเห็นใบหน้าผมชัดๆ

“เปล่าทะเลาะนะครับ เราคุยอะไรกันนิดหน่อย ผมบ่อน้ำตาตื้นเอง” ผมรีบไขความเข้าใจผิดพี่ๆ

“จริงหรอวะ” พี่ดีเหลือบมองผมแล้วหันไปถามทศกัณฐ์ คนข้างๆผมเขาก็พยักหน้าแทนคำตอบ

“เออๆ ไม่มีอะไรก็ดีละ พอดีเลยไอ้ทศกูกลับกลับมึงนะ ไอ้ดีจะได้ไม่ต้องอ้อมไปส่ง”

“ไม่ได้ รันต์ขี่มอไซต์มา”

“อ้าว งั้นมึงไปส่งกูไอ้ดี” พี่สมิธหันไปฉีกยิ้มให้พี่ดีแทน

“กูคนขับรถมึงหรอสัส”

“ทีไอ้เซนท์มึงยังอ้อมโลกไปส่งได้ อย่ามาสองมาตรฐาน แสรดดด”

เอี๊ยด! เสียงเบรกเบาๆดังขึ้นเรียกความสนใจจากพวกเรา เมอร์เซเดส เบนซ์ คันสวยสีดำจอดเทียบอยู่หน้าทางเข้าลานจอดรถพร้อมๆกับเสียงโทรศัพท์จากใครบางคนดังขึ้น

“เชี่ยสมิธ รับดิโทรศัพท์มึงดังอ่ะ” พี่เซนท์ทักพี่สมิธ ผมก็หันไปมองบ้าง พี่สมิธหน้าซีดแปลก เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแต่ไม่ยอมรับสาย เหลือบมองโทรศัพท์ในมือสลับกับรถเบนซ์คันที่จอดติดเครื่องอยู่คันนั้น

“มึงรับสักทีดิ ไม่รับเดี๋ยวกูรับให้เอง มา!” พี่เซนท์ทำท่าจะฉวยโทรศัพท์จากมือพี่สมิธจะรับให้แทนเพราะมันดังและดับไปรอบที่สองแล้ว แต่พี่สมิธก็เบี่ยงหลบทัน

“ไม่ต้อง!! กูรับเอง ติ๊ด”

“…”

“อืม รู้แล้ว จิ๊!” พี่สมิธพูดไม่กี่คำก่อนจะวางสาย เขาสบถแล้วถอนหายใจหนัก

“กูกลับล่ะ”

“ไม่ให้กูไปส่งแล้วหรอ”

“ไม่อ่ะ มีคนมารับกูแล้ว ไปล่ะ” พี่สมิธลาเพื่อน หันมายิ้มให้ผมนิดนึงแล้วเดินไปทางเข้าลานจอดรถ แต่เดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าวก็หยุดชะงักแล้วหันมาบอกเพื่อน “อ่อ ถ้าพรุ่งนี้ไม่เห็นกูไปเรียน อย่าลืมเซ็นชื่อให้กูด้วยนะ” แล้วเขาก็เดินลิ่วไปขึ้นรถเบนซ์คันนั้น คนที่ยืนอยู่ก็ได้แต่พากันมองตามตาปริบๆ

“พรุ่งนี้มันจะไปไหนอ่ะดี แล้วใครมารับมันอ่ะ” พี่เซนท์หันไปเอียงคอถามพี่ดีด้วยความสงสัย

“ไม่รู้ ค่อยรอถามมันเอง กูกลับล่ะ” พี่ดียักไหล่ตอบพี่เซนท์เหมือนไม่ค่อยจะสนใจเท่าไหร่ ก่อนจะหันมาบอกทศกัณฐ์ ยิ้มลาให้ผม แล้วล็อคคอพี่เซนท์เดินไปขึ้นรถ

“แม่ง! แม่งถามอะไรก็ไม่มีใครตอบกูหรอก...พี่กลับแล้วนะน้องรันต์” พี่เซนท์บ่นหงุงหงิงแล้วตะโกนบอกลาผม

“ยักษ พี่สมิธ...” เมื่อเหลือเราเพียงสองคน ผมจึงจะเอ่ยถามเรื่องพี่สมิธ


“ค่อยคุยกันที่ห้อง” ทศกัณฐ์เอ่ยขึ้นแล้วจูงมือผมพาเดินไปที่รถ เขาหยิบหมวกกันน็อคขึ้นสวมให้ผม

“พี่ขับ ทำไมไม่ใส่” ผมหยิบหมวกมาแค่ใบเดียว

“น้องใส่นั่นแหละดีแล้ว” ทศกัณฐ์ยิ้ม แล้วขึ้นคร่อมสตาร์ทรถ ผมจึงขึ้นไปซ้อน สอดแขนไปกอดเอวสอบเขาไว้แน่น

“น้องกอดแน่นไปไหม” ผมถามกระเซ้า

“หึ แน่นกว่านี้อีกสิครับ”

+++++++++++++++++++++++++

Smith’s part

“จะไม่พูดอะไรเลยใช่ไหม?” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นหลังจากที่เงียบกันอยู่นานตั้งแต่ผมขึ้นรถจนเข้ามาในลิฟท์

“...”

“สมิธ” ระดับเสียงเย็นขึ้นทันที บรรยากาศภายในลิฟท์อึดอัดขึ้นทันตา การ์ดที่ยืนอยู่ตรงหน้าสองคนก้มหัวตัวเกร็งขึ้นโดยอัตโนมัติ

“จะให้กูพูดอะไร มึงเห็นยังไงก็อย่างนั้นแหละ” ผมเหยียดริมฝีปากเยาะๆ คิดว่ามันคงเห็นเพราะลิฟท์เป็นกระจกเงาทั้งตัว

“คำพูดพี่ ไม่มีความหมายเลยใช่ไหม”

“เหอะ! มึงคิดว่ามึงเป็นใคร อย่ามาสำคัญตัวผะ...อึ่ก!” ผมถูกมือเรียวบีบเข้าที่คอดันติดกับผนังลิฟท์อย่างแรงจนพูดไม่ออก ผมใช้สองมือแกะมือมันมือเดียวไม่ออก ยิ่งทำมันก็ยิ่งเพิ่มแรงบีบ มันบีบแรงชนิดที่ว่าลมหายใจผมขาดเป็นช่วงๆ

“อย่า-ปาก-ดี” แววตาสีเขียวเข้มต่างจากน้องวาวโรจน์

“...” ผมไม่ตอบอะไร แม้จะรู้สึกทรมานแทบตาย แต่สายตาก็มองตอบมันอย่างไม่ยอมแพ้ จนกระทั่งสายตาผมเริ่มพร่ามัวแทบบังคับสติตัวเองไว้ไม่ไหว เพราะสมองได้รับออกซิเจนน้อยเกินไป แรงบีบรักที่คอจึงคลายออก ผมหมดแรงทรุดฮวบลงกับพื้นทันที

ติ๊ง! ประตูลิฟท์เปิดออกพอดี

“ลากมันไป” พูดจบมันก็ก้าวเดินนำออกจากลิฟท์ การ์ดสองคนรีบเข้ามาหิ้วปีกแขนทั้งสองข้างให้ตามออกไปทันที ผมถูกพาตัวมาไว้ห้องที่ใช้นอนประจำ ไม่ได้ขัดขืนดิ้นรนแต่อย่างใด แม่งรู้สึกไม่ค่อยมีแรง ถึงผมจะไม่เมาแต่ก็กรึ่มๆไปนั่งดื่มเป็นเพื่อนเชี่ยทศตั้งแต่หัวค่ำ ไอ้ดีไอ้เซนท์น่ะตามมาทีหลัง

“ถอดเสื้อผ้ามันออก” ผมหันควับไปมองต้นเสียงด้วยความตกใจ โยและการ์ดอีกคนหันไปมองมันอย่างไม่เชื่อหูทันที  ผมกลืนน้ำลายอึกใหญ่ คือผมไม่ได้หลงตัวเองนะแต่มันไม่ชอบให้คนอื่นแตะต้องตัวผมโดยไม่จำเป็น อย่าว่าแต่ถอดเสื้อผ้าเลย แค่มีคนเห็นผมเปลือยท่อนบนโดยไม่ได้รับอนุญาต หลังจากนั้นผมไม่เห็นหน้าคนนั้นอีกเลย

“นายหมายถึง ถอดแค่เสื้อใช่ไหมครับ”โยเอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจ

“ถอดทั้งหมด ทุกชิ้น” โยคร่อมหัวรับคำสั่ง แล้วเดินมาหาผมที่เตียง

“ไม่ต้อง! ผมถอดเอง!” กับอีแค่ถอดเสื้อผ้า ผู้ชายด้วยกันไม่เห็นจะเป็นไร แม้ตามตัวผมจะพร่างไปด้วยรอยสีกุหลาบจากไอ้ระยำนั่นก็ตาม ผมกระดากเล็กน้อยจากสายตาทั้งสามคู่เมื่อเปลือยไปทั้งตัว แล้วมาดูกันว่าใครจะทนไม่ได้ก่อน โยและลูกน้องรีบก้มหน้าไม่มองทันที

“พวกนายเงยหน้าขึ้นแล้วดู...อ้าขาด้วยสิ อ้าออกกว้างๆ” มันสั่งลูน้องก่อนหันมาสั่งผมเสียงเข้ม

“ไอ้เหี้ยเอ้ย!” ผมสบถแต่ก็ยอมอ้าขาออก ผมยอมเสียศักดิ์ศรีดีกว่าก้มหัวให้มัน

“สอดนิ้วเข้าไป แล้วช่วยตัวเอง”

“ไอ้ระยำ!!!” เกิดมาผมยังไม่เคยทำเรื่องน่าขยะแขยะแบบนี้มาก่อน  ผมไม่เคยช่วยตัวเองจากด้านหลังและไม่คิดจะทำเลยสักนิด

“หรือจะให้โยทำ” มันฉีกยิ้มอย่างไม่ยี่ระ

“มึงมันวิปริต สารเลว นรกส่งมาเกิด!” ผมตะคอกอย่างโมโหสุดจะกลั้น กะไว้ว่ายังไงจะไม่เต้นไปตามเกมส์มันแต่สุดท้ายมั้นก็ทำความอดทนผมขาดได้อยู่ดี

“ก็ไอ้วิปริตสารเลวคนนี้ไงล่ะ ที่ปล่อยน้ำในตัวนายไปเป็นร้อยๆรอบ” มันแสยะยิ้มกอดอก

ผมเกลียดมัน...โมโหจนตัวสั่น แต่ผมก็เลือกที่จะสอดนิ้วกลางเข้าไปที่ช่องทางบวมช้ำ มันเข้าง่ายแต่เจ็บแปลบไปหมด ก็มันพึ่งจะผ่านสมรภูมิมานี่ มืออีกข้างผมสาวแก่นกายตัวเองใช้เวลาอยู่นานกว่ามันจะสู้มือเพราะเมื่อวานผมปล่อยไปเป็นสิบน้ำ  นิ้วกลางสอดเข้าออกเป็นจังหวะกับมือที่รูดแก่นกายขึ้นลง

อาการเจ็บแปลบๆในตอนแรกถูกแปรเปลี่ยนเป็นเจ็บแปลบปนเสียวซ่าน ผมกัดปากกลั้นเสียง แต่คิดไปคิดมาผมควรจะทำอย่างที่ ‘เขา’ แนะนำมาดีกว่า

“อ๊ะ...อื้อออ แฮ่ก อ๊ะ อ๊า” กูเกลียดเสียงตัวเองจริงๆ ทำไมมันดูกระเส่าอารมณ์ขนาดนี้วะ แต่ช่างแม่งเถอะ

“อึก!” ไม่รู้ผมคิดไปเองไหม แต่ผมเหมือนได้ยินเสียงกลืนน้ำลาย เอาเถอะจะใครก็ช่างแต่ผมจะปล่อยท่าไม้ตายแล้วล่ะ

“อ๊า...ลุค อื้อ ลุค มะ...ไม่ไหวแล้ว อ๊ะ” ผมช้อนสายตามองคนที่ผมเรียกชื่อ ส่งสายตาเยิ้มๆให้มันอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน มันมองผมอึ้ง ลูกกระเดือกขยับขึ้นลงอย่างเห็นได้ชัด

“ออกไปให้หมด! ปิดประตู แล้วลืมภาพเมื่อกี้ซะ ใครหน้าไหนกล้าจำ ผมจะไม่ให้มีตาไว้มองอีก” ลูกน้องมันก้มหน้ารับคำเสียงเข้มแล้วรีบกุลีกุจอออกจากห้องทันที ผมดึงนิ้วตัวเองออกและหยุดมือช่วยตัวเอง

หึๆ ผมชนะ...มันคิดว่าทำให้ผมอับอายเสียศักดิ์ศรีจะทำให้ผมยอมร้องไห้อ้อนวอนอย่างนั้นหรอ

รอไปอีกสิบชาติตอนดึกๆเถอะ

“หึ กล้าไม่เบา ไปหัดทำแบบนี้มาจากใคร” มันก้าวขึ้นเตียง สายตาวาวโรจน์ดูน่ากลัว

“จะกับใครแล้วไง สนใจหรอ ใครจะดูก็ได้นี่” ผมแสยะยิ้มเหมือนไม่แคร์ ทั้งๆที่ในใจผมโคตรแย่ โคตรเสียศักดิ์ศรี

พรวด! อึ่ก! ไอ้เหี้ยลุคอาศัยจังหวะที่ผมเผลอ อ้าขาผมออกแล้วใช้เข่ากดไว้ แล้วสอดนิ้วยาวเข้ามาพร้อมกันสองนิ้ว

“จะบอกดีๆไหม” มันยิ้มเหี้ยม งอนิ้วแล้วครูดกับผนังนุ่มข้างในเข้าออกแรงๆจนผมเจ็บจนดิ้นพล่าน

“อ๊ะ เจ็บบบบ ปล่อยกู!!” ผมปัดป่ายมือไปมาจนมันจับไว้ได้ด้วยมือข้างเดียว

“ก็ตอบมาสิ” มันเร่งความเร็วและแรงขึ้น ผมเจ็บจนน้ำตาแทบไหล

“ไม่มี! ไม่เคยทำกับใคร พอใจรึยัง!!!”

“บอกพี่ดีๆตั้งแต่แรกก็จะไม่เจ็บตัวแล้วแท้ๆ มิทตี้” มันโน้มหน้ามาจูบปากผมเบาเหมือนให้รางวัล ผมเบี่ยงหน้าหนีไปอีกด้าน กัดกรามจนเจ็บไปหมด ได้ยินเสียงมันหัวเราะในลำคอเบาๆ

“มา พี่ช่วยให้เสร็จดีกว่า” มันปล่อยมือที่จับผมไว้แล้วไปจัดการกับน้องชายผมที่หดตัวจากความเจ็บไปแล้วแทน ไม่ถึงนาทีมันก็ตั้งขึ้นสู้มือไอ้สารนี่จนผมอยากจะมุดดินหนีไปซะให้แม่งรู้แล้วรู้รอด

“ไม่ต้องงงง อ๊า...” แม่งเอ้ย กูเกลียดมึงไอ้ลูคัส

และเกลียดไอ้ร่างกายไม่รักดีนี่ด้วย

+++++++++++++++++++++++

พี่น้องตระกูลฮาล์นนี่เขาเหมือนกันเนอะ หวงเมียยิ่งชีพ ฮ่าๆๆ
  :hao3:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 36♡++100%++[19/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 19-11-2017 20:44:55
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 36♡++100%++[19/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 19-11-2017 22:37:15
หวงเมีย แต่คราวนี้ประชดเสีย
เลยยอมให้ลูกน้องถอดเสื้อผ้าเมีย
ยอมให้เห็นเมียช่วยตัวเอง  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

เมื่อไรสมิท จะเปิดใจกับลุค
เพราะลุคยึดติดแต่กับสมิทคนเดียว
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 36♡++100%++[19/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 19-11-2017 22:48:21
คู่หนึ่งสุขสม :n1:
อีกคู่เมื่อไหร่หนอ  :เฮ้อ:
+1 ให้เป็นกำลังใจครับ  :L2:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 36♡++100%++[19/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 20-11-2017 01:30:30
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 36♡++100%++[19/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 20-11-2017 04:08:18
หลังๆเราว่าคู่ลูคัสกับสมิทมันดูดีขึ้นนะ
เหมือนเราเห็นมุมของลุคมากขึ้นอะเลยเข้าใจเค้ามากขึ้น
นี่ว่าผิดทั้งคู่เลย
สมิทผิดที่รู้ว่าทำแบบนี้แล้วจะโดนอะไร แต่ก้ยังจะทำอยู่แบบนั้น
ดูได้จากตแนนี้เลยชัดๆว่านางรู้ว่าทำแบบไหนแล้วลุคจะยอม
แบบไหนลุคจะเกรี้ยวกราดขึ้นมา แต่ก้เลือกเองอะที่จะทำให้ลุคอารมณ์ขึ้น
ส่วนลูคัสก้ผิดที่ทั้งๆที่รักและยึดติดสมิทมากขนาดนี้ แต่ก้เลือกจะเข้าหาด้วยวิธีการเดิมๆ
เป็นวิธีการเดิมๆที่ทำให้นึกถึงแต่เรื่องแย่ๆชวนให้ต่อต้านไปเรื่อยๆ รึอาจจะชอบแบบนี้
และรู้สึกว่าลูคัสรักสมิทนะ แต่ยังไม่มากพออะ เหมือนยึดติดอะใช่แน่ๆมากด้วยแหละ
แต่ยังไม่ได้ถึงขั้นรักมากๆแบบทศกัณฐ์ หวงมากๆจนความโมโหของตัวเองก้ทำให้ลืมความหวงไม่ได้อะ
เนี่ย พอโกรธ อยากจะลงโทษจะดัดนิสัย นี่ก้ถึงขั้นให้ทำอะไรแบบนี้ให้ลูกน้องดู
ลูคัสเหมือนคนที่ผสมทศกัณฐ์ตอนปกติกับตอนที่สติหลุดไว้ด้วยกันแบบเสถียรแล้วอะ
บวกไปกับการเลี้ยงดูของครอบครัวนี้ และยังไม่ทีที่ยึดเหนี่ยวให้อยากเป็นคนดีแบบทศกัณฐ์ที่มีแม่อะ
ในตอนนั้นพอเจอสมิทก้เลยยึดติดได้ถึงขนาดนี้จริงๆ แต่ผิดวิธีไปเยอะเลย ด้วยการเลี้ยงดูแบบนั้นอะ
รออค่าา อยากเห็นคู่หลังเค้ารักกันดีๆซะที
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 36♡++100%++[19/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 20-11-2017 19:53:28
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 36♡++100%++[19/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 20-11-2017 20:04:40
 :mew5:  คู่สมิธไม่น่าจะไปกันรอดนะ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 37♡[17/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 17-12-2017 23:04:18
ใจยักษ์ 37

“เอามือมึงออกไปเดี๋ยวนี้!” สมิธผลักอกคนที่กำลังคุกคามส่วนสงวนของตนออกอย่างแรง ลูคัสผงะถอยห่างเล็กน้อยตามแรงผลัก มือที่สาวแก่นกายให้อีกคนหยุดชะงักแต่สองนิ้วเรียวของเขายังไม่หลุดออกจากช่องทางรัดนุ่ม

“อย่าดื้อน่า แต่ก่อนยังพูดง่ายกว่านี้นี่มิทตี้” ลูคัสฉีกยิ้มมุมปากอย่างอารมณ์ดีแม้จะโดนคนอายุน้อยกว่าขัดขืนจนน่าหงุดหงิด แต่เขาเลือกจะปล่อยผ่านแล้วขยับตัวไปจูบซับใบหูอีกคนแทน ถึงแม้จะโดนมือขาวๆทั้งสองข้างนั้นยันอกกว้างเขาไว้ ซึ่งแรงของสมิธก็ต้านทานการกระทำเขาไม่ได้อยู่ดี

“กูไม่ได้พูดง่ายแต่กูโดนมึงบังคับต่างหาก แล้วก็เลิกเรียกกูด้วยชื่อทุเรศๆแบบนั้นสักที!” สมิธตีสีหน้ายุ่ง เบี่ยงหน้าหนีริมฝีปากบางที่กำลังขบเม้นไปตามใบหูเขาอย่างไม่ลดละ แม้ไม่อยากยอมรับ แต่ว่าตอนนี้แขนขาเขาเริ่มอ่อนแรง เสียววูบไปทั่วท้องน้อยไม่หยุด

ไอ้ปีศาจนี่เล่นจู่โจมจุดอ่อนไหวที่สุดของเขาน่ะสิ!

“ไม่เลิก น่ารักดีออก...พี่ชอบ” ลูคัสกระซิบเย้าชิดใบหูจนสมิธขนลุกเกรียวไปทั้งตัว เขาชอบที่จะเห็นสมิธแสดงสีหน้าต่างๆมากกว่าทำเป็นเฉยชาหรือทำประชดในสิ่งที่เขาไม่ชอบใจนัก

“ถ้าอย่างนั้นกูเรียกมึงว่า‘ไอ้นรก’ เพราะ ‘กูชอบ’ ได้ไหมล่ะ” สมิธเน้นชื่อเรียกใหม่ของลูคัสเสียงหยัน เขาสบตาสีเขียวเข้มตรงๆในดวงตามีแววท้าทายที่มักจะทำให้ลูคัสตบะแตกทนไม่ไหวก่อนเสมอ สมิธทำใจว่าครั้งนี้ถ้าไม่โดนตบจนปากฉีกก็ต้องโดนทารุณกรรมด้วยสารพัดวิธีต่างๆตามแบบฉบับของมัน

“ก็ได้นะ” สมิธชะงักค้างกับคำตอบง่ายๆและรอยยิ้มบนหน้าคมหวานนั่น ไม่คิดว่ามันจะยอมง่ายขนาดนี้แม้ตอนแรกจะเห็นหัวคิ้วเข้มกระตุกแล้วก็ตาม แต่ประโยคต่อมาจากอีกคนก็ทำสมิธเม้มริมฝีปากแน่นอย่างพยายามเก็บอารมณ์ คิดถูกจริงๆนั่นแหละว่ายอมง่ายๆแบบนี้ไม่ใช่ตัวมันเลย

“เรียกได้ แต่ว่า...หนึ่งคำต่อสิบน้ำนะ เพราะพี่จะถือว่านั่นเป็นคำเรียกแสดงความรักจากนาย” ลูคัสฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่คนอายุน้อยกว่า เมื้อกี้คือเขาเกือบจะฟาดฝ่ามือลงบนใบหน้าขาวแต่สากจากหนวดแล้วจริงๆ แต่ใจอีกด้านก็สามารถควบคุมความโกรธไว้ได้ทัน จึงเปลี่ยนจากจะตบเป็นดูดแรงๆลงบนต้นคอสวยแทน เขาจะใช้แต่ความรุนแรงกับสมิธเหมือนเดิมไม่ได้ อย่างน้อยก็ไม่อยากให้เด็กน้อยทนไม่ไหวจนเตลิดหนีเขาไปอีกนั่นแหละ ครั้งนี้เขาต้องรีบจับแมวดื้อตัวนี้ให้อยู่ ‘ของๆเขา’ เขาต้องได้คืน

“ฝันไปเถอะ! อึก!...ขยับทำเหี้ยไร เอานิ้วออกไป!” สมิธขยับตัวหนีจากการรุกรานของนิ้วเรียวอีกคน แต่แทนที่ลูคัสจะทำตามคำพูดของสมิธ เขากลับสอดนิ้วที่สามเข้าไปอีกนิ้วสร้างความเจ็บปวดที่ช่องทางนั้นให้อีกคน

นิ้วเรียวยาวทั้งสามขยับเข้าออกช้าๆสลับหมุนควงกระแทกจุดกระสันเป็นระยะสอดรับกับจังหวะการสาวชักแก่นกาย สมิธถึงกับหมดเรี่ยวแรงจะต้านทาน แอลกอฮอลล์ในเลือดยิ่งทำให้เขารู้สึกตื่นตัวเร็วเป็นพิเศษ

“เป็นเด็กดีของพี่ แล้วพี่จะไม่ทำอะไร” จบประโยคลูคัสก็ทาบทับริมฝีปากบางลงสัมผัสกับริมฝีปากของอีกคน สมิธเม้มริมฝีปากแน่นไม่อยากให้อีกคนได้เชยชิมน้ำหวานจากริมฝีปากเขา ลูคัสที่รู้อยู่แล้วว่าอีกคนต้องไม่ยอมให้เขาง่ายๆ มือเรียวที่ชักรูดแก่นกายให้อีกคนอยู่เปลี่ยนไปลูบวนส่วนปลายพร้อมใช้นิ้วโป้งขยี้ตามรอยแยกหยักด้วยน้ำหนักพอดีมือ สมิธถึงกับเผลอหลุดร้องครางด้วยความเสียวอย่างทนไม่ไหว

ลูคัสอาศัยจังหวะนั้นรีบสอดลิ้นเข้าไปเชยชิดความหวานในริมฝีปากอีกคนทันที เขาส่งลิ้นไปทักทายกับลิ้นเด็กน้อยที่พยายามหลบเลี่ยงเขา ริมฝีปากบางขบเม้มอย่างเร่าร้อนหื่นกระหาย มือทั้งสองข้างยังทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม สมิธที่โดนจู่โจมทั้งบนและล่างอย่างหนักก็ถึงขีดจำกัด ไม่นานสมิธน้อยก็พรั่งพรูหยาดน้ำไปถึงฝั่งฝัน

“แฮ่กๆๆ” ลูคัสถอนริมฝีปากออกมองคนใต้ร่างที่หอบหนัก ดวงตาหยาดเยิ้มและริมฝีปากที่แดงเจ่อ มันทำให้ปวดหนึบไปทั้งส่วนล่าง อยากสอดตัวตนเข้าไปแล้วกระแทกลงหนักๆให้อีกคนตัวสั่นคลอนเหมือนเมื่อครั้งก่อน

แต่ร่างกายของสมิธคงจะรองรับอารมณ์เขาตอนนี้ไม่ไหว ช่องทางรักยังบวมแดงและมีเลือดซึมออกมาหน่อยๆ

ความต้องการเขามีมากและอึดกว่าคนทั่วๆไป ถ้าเขาทำไม่ว่าอย่างไรสมิธคงไปฟื้นโรงพยาบาลแน่ๆ

แล้วถ้าเป็นอย่างนั้นทศกัณฐ์ก็จะมีข้ออ้างกีดกันเขาอีกน่ะสิ

ใครจะไปยอม!

ชึบ! ลูคัสถอนนิ้วที่เปียกชื้นออกจากช่องทางนุ่มช้าๆ เขายืดตัวลุกออกจากเตียงส่งเสียงทิ้งท้ายก่อนจะออกจากห้องไปพร้อมกับความโป่งพองที่ดุนดันกางเกงอยู่อย่างรวดเร็ว แม้จะเสียดายมากแต่เพื่อแผนการระยะยาวเขาต้องยอมปล่อยเด็กน้อยไปก่อน

“พักผ่อนซะ อาทิตย์หน้าเจอกัน”

++++++++++++++++++++++++++++++
“ยักษ์ ไม่ว่ายังไงน้องก็จะช่วยพี่สมิธนะ” ผมเอ่ยบอกทศกัณฐ์พลางก้าวขึ้นเตียงลงไปนอนเคียงข้างร่างหนาที่นอนพิงหัวเตียงรออยู่ก่อนแล้ว

“อืม แต่ลุคไม่ใช่คนที่จะจัดการได้ง่ายๆ เขาฉลาดและเหี้ยมโหดกว่าที่น้องคิด” ทศกัณฐ์เคลื่อนตัวลงมานอนดีๆ เขาสอดแขนใต้คอผมพร้อมรั้งเอวให้เข้าไปอยู่ในอ้อมกอดอุ่นของเขา ผมกอดตอบเขาหลวมๆ

“ถ้าอย่างนั้นเรามาร่วมมือกันช่วยพี่สมิธนะ” ผมนอนตะแคงข้างหันไปส่งสายตาที่ทศกัณฐ์มักใจอ่อนเสมอให้เขา

“หึ ไม่ต้องมาส่งสายตาอ้อนเลย เรื่องนี้ต้องคิดให้รอบคอบและอีกอย่างเราต้องถามไอ้สมิธด้วยว่าอยากให้เราช่วยรึเปล่า” ที่ทศกัณฐ์พูดก็มีเหตุผล แต่ผมรู้ว่าพี่สมิธต้องการความช่วยเหลือ แววตาเขามันฟ้องเพียงแต่เขาไม่กล้าที่จะเอ่ยปาก อาจจะจริงอย่างที่ทศกัณฐ์ว่าที่ฮาล์นคนพี่นั้นเหี้ยมโหด พี่สมิธจึงไม่อยากให้คนอื่นมาเดือดร้อน

แต่ผมจะยอมให้พี่สมิธโดนรังแกฝ่ายเดียวได้อย่างไร เขาเป็นพี่ชายที่ผมรัก และอีกอย่างที่เขาต้องกลับไปสู่วังวนของคนๆนั้นส่วนหนึ่งก็มาจากผมด้วย

“อื้อ แต่ว่านะยักษ์ คนอย่างพี่สมิธถ้าไม่ไหวจริงๆเขาไม่มีทางเอ่ยปากแน่”

“ถ้าถึงตอนนั้นแล้ว พี่จะจัดการเอง...อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ไม่ได้ทำอะไรรุนแรงกับมัน ไม่ได้กักขังอิสรภาพ เราจึงไม่สามารถเข้าไปก้าวก่ายเรื่องเขาตรงๆได้ น้องอย่าลืมว่าไอ้สมิธก็เป็นคนของเขาตั้งแต่แรก พี่ต่างหากที่ไปแย่งชิงมันมาจากเขา”ทศกัณฐ์ลูบหัวผมเบาๆอย่างปลอบโยน เมื่อกี้ผมอาจแสดงสีหน้ากังวลมากเกินไปล่ะมั้ง

“โห พวกเหมือนรักสามเศร้า” ผมแกล้งพูดติดตลกเพื่อไม่ให้บรรยากาศมันอึมครึมจนเกินไป แม้ทศกัณฐ์จะพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่เรื่องนี้เขาก็คงรู้สึกผิดอยู่ไม่น้อย

“ปกติพี่เป็นคนไม่สนใจใคร แต่วันนั้นพี่ทนดูไม่ได้จริงๆ เป็นครั้งแรกที่พี่ทำเพื่อคนอื่น แถมเป็นคนที่ไม่รู้จักกันอีก แต่นั่นก็เป็นการหักหลังพี่ชายตัวเอง” ทศกัณฐ์ยิ้มเศร้า เขาคงนึกถึงวันที่ได้เจอกับพี่สมิธครั้งแรก

“พี่ทำดีแล้ว อย่างน้อยพี่ก็ได้เพื่อนที่ดีที่สุดมา” ผมตบหลังมือหนาเบาๆ ทศกัณฐ์จึงโน้มหน้ามาจูบหน้าผากผมแรงๆอย่างหมั่นเขี้ยว

“แล้วตอนนี้พี่ก็ได้น้องกลับคืนมา”
.
.
.
.
.

“สวัสดี คุณเหรันต์”ผมหันไปมองเจ้าของเสียงเรียบ ใบหน้านิ่งๆของเขาทำเสียงผมสะดุดไปหนึ่งจังหวะ


“สะสวัสดีครับ พี่กล้า”  ผมยกมือไหว้พี่รหัสตัวเอง ผมยิ้มแหยๆให้รู้สึกปั้นหน้าไม่ถูกกับท่าทางของเขา ทำไมต้องพูดทางการแบบประชดขนาดนั้นด้วยวะ

“รู้จักชื่อผมด้วยหรอ” เขากอดอกเลิกคิ้วมองกวนๆ ข้างหลังเขามีเพื่อนยืนคอยอยู่สองคน นี่ถึงขนาดมายืนดักรอผมเลิกเรียน อาจจะมีเรื่องสำคัญก็ได้

“รู้ครับ ก็พี่เป็นพี่รหัสผม”

“ก็ยังดีที่คุณยังจำได้ ผมคิดว่าคุณน่าจะลืมทั้งสายรหัสด้วยซ้ำ” ผมเหวอไปนิดนึง กัดแรงใช่เล่น

“อ่า...ครับ”

“วันเสาร์นี้คุณพอจะมีเวลาว่างไหม เฮียบลูนัดเลี้ยงสายที่ร้านมาว สี่ทุ่มตรง ถ้าคุณมีอารมณ์ว่าง ก็ช่วยมาด้วยละกัน” พูดจบเขาก็หมุนตัวเดินออกไปพร้อมกับเพื่อนเลย ผมยังไม่ทันได้ยกมือไหว้ด้วยซ้ำ

“อิรันต์ พี่กล้าเขาปากจัดเว่อร์ จิกมึงซะพรุน” ไอ้ท็อฟฟี่ยื่นหน้ามากระซิบข้างหู

“มึงไปทำอะไรให้พี่เขาโกรธรึเปล่าวะ” ไอ้อ๋องก็โผล่หน้าเข้ามาเสือกในวงสนทนา

“ยิ่งโดยเฉพาะคำว่า ‘มีอารมณ์ว่าง’นะมึง เขาด่ามึงเรื่องปีที่แล้วชัดๆ” เก่งเปรยขึ้นแต่พุ่งกระแทกอกผมเต็มๆ ผมเคยเล่าไปแล้วใช่ไหมครับที่เฮียบลูพี่ซีเนียร์ปีที่แล้ว(พี่บัณฑิตปีนี้)นัดเลี้ยงสายแล้วผมก็โดดแบบไร้เหตุผล ซึ่งร้านที่นัดก็ไอ้ร้านมาวนี่แหละครับ

“แล้วมึงจะไปป่ะ”

“เขาพูดขนาดนี้ก็ต้องไปแหละ” ผมเอ่ยตอบไอ้ท็อฟฟี่ แต่เมฆที่ยืนเงียบๆมาตั้งนานก็เอ่ยขึ้น

“แล้วผัวมึงจะให้ไปหรอ” ผมนิ่งไปหลายวินาที นั่นสิตอนนี้ผมมีผู้คุมอยู่นี่หว่า

“ก็คงให้ไปแหละ” ล่ะมั้ง
.
.
.
.
.
.
.
.

“ไม่ให้ไป” ทศกัณฐ์ปฎิเสธแทบจะทันทีที่ผมเอ่ยปาก

“ต้องไปจริงๆ น้องเบี้ยวพี่เขาบ่อยแล้ว ยักษ์อย่าไร้เหตุผลดิ” ผมเอาคางเกยไหล่หนาอ้อนๆ ทศกัณฐ์วางไอแพดที่ดูหุ้นอยู่ลงบนโต๊ะแล้วหันมามองหน้าผมตรงๆ แววตาเขาไม่ได้อ่อนลงเลย

“มันเป็นร้านเหล้าและดึก พี่เป็นห่วงมาก เหตุผลแค่นี้พอไหม” สายตาจริงจังของเขาทำผมพูดไม่ออก ก็รู้ว่าห่วงอ่ะ แต่มันก็จำเป็นวุ้ย ลำบากใจไอ้คนกลางอย่างผมเนี่ย

“น้องสัญญาจะไม่ดื่มเหล้า” ผมหาทางออกที่น่าจะดีสำหรับทั้งสองฝ่าย

“ไม่มีทาง ไอ้พวกรุ่นพี่ยังไงเขาก็ต้องบังคับให้ดื่ม” อันนี้น่าจะจริงอย่างที่ทศกัณฐ์ว่าครับ พี่กล้าแกยิ่งดูแค้นๆผมอยู่ อย่างน้อยก็เพียวสิบวิฯ เป็นอย่างต่ำ

“แล้วจะให้น้องทำยังไง”

“ก็ไม่ต้องไป”

“ยักษ์อ่า ไม่เอาแบบนี้ดิ ไปเฝ้าเลยไหมล่ะ” ผมโพล่งออกไปอย่างไม่ทันคิดอะไร แต่อีกคนกลับตอบรับคำพูดผมอย่างรวดเร็วราวกับว่าเขารอให้ผมเอ่ยปากไว้อยู่แล้ว

“แบบนั้นก็ดีเหมือนกัน”

++++++++++++++++++++++
วันเสาร์

ยืนอยู่ที่หน้าร้านมาวข้างๆยักษ์ปักหลั่น อีกสิบนาทีจะสี่ทุ่ม เราตกลงกันว่าจะกลับก่อนเที่ยงคืน และทศกัณฐ์จะไม่เข้ามายุ่งกับผมถ้าไม่จำเป็น

เมื่อเดินเข้าไปในร้านเราก็แยกกันไปคนละทาง ทศกัณฐ์บอกว่าเขานัดพี่ดีออกมานั่งเป็นเพื่อน ผมก็เบาใจเพราะไม่อยากให้เขาต้องนั่งรออยู่คนเดียว ผมกวาดสายตาทีเดียวก็เจอกลุ่มพี่บลู เป็นพี่บัณฑิตกลุ่มเขาที่นัดน้องสายตัวเองมาเลี้ยง ต่อโต๊ะยาวหลายตัวคนเยอะมากจนเป็นจุดเด่น ผมก้าวเข้าไปหาพวกเขาด้วยความมั่นใจ

“พี่ๆสวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้รอบโต๊ะพร้อมฉีกยิ้มให้ทุกคน รู้จักหรือไม่ก็ต้องทำไว้ก่อน

“น้อง...ใครวะครับ” พี่คนหนึ่งที่ผมจำได้ว่าเป็นเพื่อนพี่บลูมองหน้าผมงงๆ ซึ่งผมก็ไม่แปลกใจสักเท่าไหร่ที่เขาจะจำผมไม่ได้ เพราะตัวผมก็ไม่ค่อยโผล่ศีรษะไปเข้าร่วมกิจกรรมเวลาพี่เขาอยู่สักเท่าไหร่

“นี่รันต์ น้องสายไอ้บลูไงไอ้ห่าเนม” พี่ผู้ชายอีกคนที่นั่งใกล้ๆกันพูดขึ้น พี่ผู้ชายคนนั้นก็ครุ่นคิดไปสักพักก่อนจะนึกออก

“อ๋ออออ เฟรชชี่ที่โดดเลี้ยงสายไอ้บลูนี่เอง” ถ้าพี่จะจำได้แบบนี้ ไม่ต้องนึกขึ้นมาก็ได้นะครับ

“ไม่ได้เฟรชชี่แล้วครับ เฟรชชี่ชื่อนัท” ผมเอ่ยตอบยิ้มๆแต่ทำเอาเงียบกริบทั้งวง

นี่ผมพูดอะไรผิดไปงั้นหรอ

“จะยืนค้ำหัวเถียงรุ่นพี่อีกนานไหม นั่งสิ” เสียงพี่กล้าดังขึ้นที่มุมหนึ่ง ผมจึงเดินไปนั่งลงที่ว่างข้างๆเขา นัทที่นั่งถัดจากพี่กล้าผมก็ยกยิ้มทักทายให้เขาบางๆ เหลือบเห็นไอ้เก่งกับท็อฟฟี่ยกมือให้เล็กน้อย

“อ้าวรันต์ มาแล้ว ไอ้กล้าเจ๋งนี่หว่าไปเรียกน้องมาได้” พี่บลูที่เพื่งเดินมาอีกทางเห็นผมเข้าจึงเอ่ยทัก สงสัยพึ่งไปเข้าห้องน้ำมา

“เหลือใครยังไม่มาวะ” เพื่อนพี่บลูที่เป็นผู้หญิงหนึ่งเดียวในกลุ่มถามขึ้น

“เหลือไอ้ออยน้องกูอ่ะ” พี่บลูเอ่ยตอบ

“ฮ่า คิดถึงน้องออยสุดสวยชะมัด” พี่ผู้หญิงคนนั้นพูดยิ้มๆพร้อมทำหน้าตาแปลกๆ

“พอเลยเชี่ยฟ้า อย่าลากน้องไปเบี้ยนกับมึง” พี่คนหนึ่งผลักหัวพี่ฟ้าหยอกๆ จากนั้นพี่เขาก็ให้น้องๆสั่งอาหารกันเต็มที่ มีอาหารบางส่วนเริ่มทะยอยมาเสิร์ฟจากที่สั่งไว้ก่อนหน้านี้

“สวัสดีค่ะพี่ๆ ออยขอโทษที่มาสายน้าพอดีรถติดอ่ะ” พี่ออยเดินเข้ามาตอนเกือยสี่ทุ่มครึ่งด้วยท่าทางรีบๆ พร้อมกับฉีกยิ้มหวานที่ทำเอาผู้ชายและผู้หญิง(บางคน)อ่อนระทวย

“ตอนที่ผมมาจากบ้านก็รถไม่ติดนะ เจ๊มาจากเส้นไหน” พี่กล้าเอ่ยถามพี่ออยที่ทรุดนั่งข้างผม

“กูก็มาเส้นเดียวกับมึงนั่นแหละ แต่กูขี้อยู่เลยอ้างเหตุผลที่ดูดีหน่อย จบนะ” พี่ออยว่าเชิดๆสะบัดผมไม่แคร์สื่อ

“ว่าไงรันต์ หายหน้าหายตาเลยนะลูก” พี่ออยเปลี่ยนเป้าหมายมาคุยกับผมแทน ผมได้แต่ยิ้มให้ เธอชอบเรียกผมเป็นลูกแบบนี้แหละ

“ก็พี่ออยไปฝึกงานก็ต้องไม่เห็นรันต์สิครับ”

“หรอ”ทำไมรู้สึกได้ยินเสียงประสานจากทั้งสองข้างชอบกล

ใช้เวลาไม่นานหลังจากทานอาหารกันพอประมาณ เครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ก็เต็มโต๊ะ เสียงพูดคุยเล่าประสบการณ์ต่างๆก็เริ่มดังขึ้น จนกระทั่งวกมาเข้าสู่การรับน้องสาย ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เมื่อเห็นท็อฟฟี่และเก่งช่วยน้องดื่ม

กูโดนแน่ๆ

“มาถึงสายสุดท้าย สายไอ้บลู...” ผมอยากมูฟตัวเองออกจากที่นี่เดี๋ยวนี้เลยได้ไหม

“ปีหนึ่ง รายงานตัว” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้นไม่ดังและไม่เบาจนเกินไปแต่ก็ดูน่าเกรงขาม นัทลุกขึ้นรายงานตัว พี่เขาก็พยักหน้าให้นัทนั่งลงพร้อมแก้วทรงสูงสีอำพันเต็มแก้วถูกยื่นมาตรงหน้า

“สามสิบวิฯ” พี่บลูเอ่ยนิ่งๆ จากนั้นก็มีเสียงโห่จากพี่ๆดังขึ้นมา

“โห่ไรวะ พวกกูให้นางเป็นนาที น้อยไปป่าว”

“น้องมันจะไม่ไหว” พี่บลูว่าเรียบๆ แต่มุมปากกลับมีรอยยิ้มที่ไม่น่าไว้ใจสักเท่าไหร่

“พี่มันมีไว้ทำไม ทำไมไม่ช่วยน้อง”แล้วก็มีอีกหลายๆเสียงสนับสนุนประโยคเมื่อกี้ขึ้นมา เจ๊ออยกำลังจะยกมือขออนุญาตช่วยน้องแต่ผมรีบตะครุบมือพี่ไว้แล้วเอ่ยปากเอง

“ขออนุญาตช่วยน้องครับ”

“ว้าว ดูซิว่าใครขอช่วยน้อง” พี่จูเนียร์คนหนึ่งพูดขึ้น ถ้าจำไม่ผิดนั่นเป็นเพื่อนของพี่กล้า

“จะช่วยเท่าไหร่” พี่บลูพูดยิ้มๆเหมือนพอใจ

“เอ่อ สิบ...ห้าวิฯ”

“น้อยไปเปล่า ห้าวิน้องนัทก็จะไม่ไหวแล้ว” กูนี่สิไม่ไหว ผมเงียบไม่พูดอะไร เขาให้ทำอะไรก็ต้องทำแล้วล่ะ

“น่าๆพวกมึง อย่าแกล้งน้องกู สิบห้าก็สิบห้า เอาสิรันต์” พี่บลูส่งอีกแก้วมาทางผม นัทขอเริ่มก่อน พวกพี่ๆก็ส่งเสียงเชียร์นับกันเสียงดัง นัทกระดกชิวๆจนครบเวลาตามที่พี่นับ หน้าเขาแดงปลั่ง ผมกลืนน้ำลายอึกใหญ่

กูตายแน่ๆ

“เอาล่ะ มาถึงคนสุดท้ายที่เรารอคอย”พี่ครามพื่อนพี่บลูพูดขึ้นด้วยความสมใจ แหม่ได้ทีขี่แพะไล่กันดีเนอะ

“ถ้าพร้อมก็ยกเลย” พี่กล้าที่นั่งข้างๆเอ่ยขึ้นนิ่งๆ ผมสูดหายใจเฮือกใหญ่เรียกความมั่นใจ ก่อนจะคว้าแก้วยกขึ้นกระดก อย่างรวดเร็ว ผมนับในใจค่อยๆจิบให้น้อยและช้าที่สุด เมื่อครบเวลาผมจะยกแก้วออกจากปากแต่กลับโดนมือปริศนายันก้นแก้วผมไว้ให้ดื่มต่ออึกใหญ่จนผมแทบสำลักมือนั้นจึงผละออกไป

ผมสะบัดหน้านิดๆรู้สึกมึนงง และโลกหมุนตลอดเวลา แทบจะฟังพวกเขาคุยกันไม่รู้เรื่อง

“ไอ้กล้า ไปแกล้งน้องมันทำไมวะ”

“มันจิบไปนิดเดียวเองเจ๊”

“นิวเดียวบ้านมึงสิ เหลือค่อนแก้วเนี่ย”

ผมมึนๆและเวียนหัวอย่างหนัก รู้สึกผะอืดผะอมอยากจะอาเจียน เลยพยายามลุกขึ้นเงียบๆคนเดียว แต่ก็เหมือนจะเซล้มลงอีก

หมับ! แขนหนาของใครบางคนสอดเข้าพยุงเอวผมเพื่อให้ผมทรงตัวได้ ผมหันไปมองแต่ผมมันซ้อนๆกันมองไม่ค่อยชัด กลิ่นน้ำหอมราคาแพงที่หอมจัดจนฉุนทำให้ผมย่นจมูกนิดๆเพราะเวียนหัวหนักกว่าเดิม

“เดี๋ยวหนูพารันต์ไปเข้าห้องน้ำนะคะพี่” ผมรู้สึกเหมือนมีใครพาเดินไปที่ไหนสักแห่ง ได้ยินเสียงพูดอยู่ใกล้ๆหูแต่ผมฟังไม่ได้ศัพท์สักเท่าไหร่

“มึง อ้วกออกให้หมดเลยนะ จะได้ดีขึ้น” สัมผัสลูบหลังผมไม่เบานักทำให้ผมรู้สึกผะอืดผะอมขึ้นมา มือผมควานหาโถตามสัญชาตญาณก่อนจะอ้วกออกมาจนแสบคอไปหมด ผมอ้วกอยู่นานจนรู้สึกดีขึ้นแต่ก็ยังมึนหัวอยู่

มีคนพยุงผมไปล้างหน้าและบ้วนปาก ผมยืนอยู่นิ่งๆสักพักจึงรู้สึกดีขึ้น มองไปที่คนที่ยืนอยู่เคียงข้างก็เป็นไอ้ท็อฟฟี่อย่างที่คิดจริงๆ

“อ่ะ ดื่มสักหน่อยจะได้รู้สึกดีขึ้น” มันยื่นขวดโซดามาให้ ผมก้รับมาดื่มโดยไม่อิดออด

“ขอบใจ”

“เออ กูโคตรสงสารมึงค่ะดอก แต่อย่าโกรธอะไรพี่เขาเลย เขาก็แกล้งแรงแบบนี้ไปตามธรรมเนียมแหละ”

“ไม่ได้โกรธ” แต่กูจำ

“กูเห็นพี่ทศ มึงไปนั่งกับพี่เขาก่อนดีไหม กลับตอนนี้พี่เขาจะเข้าใจผิดเอา”

“อืม”

ท็อฟฟี่กับผมพากันเดินออกจากห้องน้ำ มันพาผมเดินไปอีกทาง แต่อยู่ๆแผ่นหลังกว้างของท็อฟฟี่ก็หยุดลงกะทันหัน

“อิรันต์ งานเข้าค่ะ” ผมขมวดคิ้วมุ่นและลากสายตาตามที่ท็อฟฟี่มองอยู่

ตรงนั้นมีผู้ชายนั่งดื่มบนโซฟาอยู่สองคน และมีผู้ชายตัวเล็กอีกคนหนึ่งนั่งอยู่...บนตักแฟนผม

“เอาไง ตบไหมมึง” ผมไม่ตอบท็อฟฟี่แต่เดินตรงไปยังที่ทศกัณฐ์นั่งอยู่ทันที

“ยักษ์”ทศกัณฐ์หันมามองตามเสียงเรียกพร้อมๆกับที่ผู้ชายหน้าหวานคนนั้นกระเด็นออกจากตักทศกัณฐ์พอดิบพอดี

“เสร็จแล้วหรอ” ผมส่ายหน้า เขาจึงขยับที่ให้ผมนั่ง ผมก็ทรุดลงนั่ง...บนตักแฟนผม โดยไม่อิดออด พิงหลังกับอกแกร่งอย่างต้องการพัก แขนหนาก็โอบเอวผมหลวมๆไว้กันตก

“เมารึยัง” เสียงทุ้มแหบพร่ากระซิบชิดหู

“เมา” ผมพลิกตัวหันหน้าเข้าหาเขา สองแขนโอบรอบคอแกร่งพร้อมกลับซุกหน้าไถจมูกกับบ่าเขาอย่างที่ชอบทำ

“กลับเลยไหม?” ทศกัณฐ์ถามพลางลูบหลังให้ผมไปด้วย

“ยัง ว่าแต่...เขาเป็นใครหรอ” ปากผมถามทศกัณฐ์ แต่สายตาผมหันไปมองพร้อมฉีกยิ้มบางๆให้บุคคลแปลกหน้าที่ย้ายไปนั่งข้างพี่ดีแล้ว เขาที่จ้องพวกผมอยู่ก่อนแล้ว พอเห็นผมมองกลับก็หน้าเครียดขมึงใส่ผมทันที

“น้องไอ้เซนท์ ชื่อซี” ทศกัณฐ์พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบราวกับไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร

“อ๋อหรอ แล้วทำไมเขาถึงมานั่งตักพี่ได้ล่ะ”

“เขาล้ม พี่เลยรับไว้” ผมพยักหน้ารับรู้

“ผมชื่อรันต์นะครับ” ผมยิ้มแล้วแนะนำตัวกับอีกคน

“ซีครับ”

“คุณ ไม่เป็นอะไรนะครับ”

“ครับ” เขาตอบห้วนๆตัดบทแล้วยกแก้วเหล้าตรงหน้าขึ้นดื่ม

“โชคดีจังเลยนะครับที่คุณล้มใส่แฟนผมพอดี ไม่อย่างนั้นคงเจ็บตัวแย่” แก้วที่เขายกขึ้นดื่มชะงักไป  เขาวางแก้วลงบนโต๊ะเสียงดัง พี่ดีหันไปมองดุๆ ทศกัณฐ์ก็มองด้วยความไม่ชอบใจ แต่ผมเพียงยิ้มให้เขา

“ผมกลับก่อนนะ” พูดจบเขาก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปทันที

“รันต์พี่ขอโทษแทนซีด้วย” พี่ดีเอ่ยขอโทษแทนคนที่จากไปแล้ว

“พี่ดีจะขอโทษทำไม มันเป็นอุบัติเหตุนี่ครับ อย่าคิดมากเลย รันต์ไม่ถือสา”

“อืม”

“ยักษ์ เดี๋ยวน้องจะไปหารุ่นพี่ก่อนนะ อีกครึ่งชั่วโมงค่อยกลับ” ผมหันมาพูดกับอีกคนที่นั่งทับเขาอยู่ ทศกัณฐ์พยักหน้าพร้อมยื่นหน้ามาหอมแก้มผมหนึ่งฟอด

“อ้าว ยังไม่กลับหรอครับคุณซี” ผมเดินมาทางห้องน้ำแล้วเอ่ยทักอีกคนที่กำลังล้างมือที่อ้างล้างหน้าอยู่ เขาหันมามองผมด้วยสายตาทิ่มแทงเสียยิ่งกว่ามีดอีก

“นายจงใจใช่ไหม” เขากัดฟันถามออกมา

“ผมต่างหากที่ต้องเป็นคนพูดคำนั้น ฉลาดล้มได้ถูกที่ดีนะครับ ที่ว่างขนาดนั้นสะดุดอากาศล้มหรอ” ผมพูดยิ้มๆ เอาตรงๆตอนที่เห็นภาพเขานั่งอยู่บนตักทศกัณฐ์ก็ทำผมพูดไม่ออกเหมือนกัน ตอนนั้นสัญชาตญาณผมบอกว่าไม่ควรปล่อยผ่านไปง่ายๆ อาจจะเพราะผมเมาผมเลยกล้าทำตัวหน้าไม่อายแบบนั้นล่ะมั้ง

ที่ผมเดินมาเจอเขาตรงนี้ก็ไม่ได้บังเอิญหรอกนะ

“เหอะ! แล้วยังไงอย่างน้อยผมก็ไม่ตีสองหน้าเก่งเหมือนนาย”

“แต่คนตีสองหน้าเก่งอย่างผมก็เป็นคนที่ได้เขามานอนกอดทุกคืนนะครับ ไม่เหมือนบางคน พยายามสำออยแทบตายแต่ก็ได้แค่นั้น”

“แก ถ้าพี่ทศกัณฐ์รู้ว่าแกเป็นคนแบบนี้เขาจะว่ายังไง”

“เขาก็จะหอมแก้มผมสองฟอดแล้วถามว่าอยากได้อะไรน่ะสิครับ” ซีกัดฟันกรอดกำมือแน่น แต่สิ่งที่ผมพูดให้เขามันก็จริงทุกอย่างนี่ครับ

“ผมเตือนว่าอย่าพยายามล้ำเส้นให้มันมากเกินไป ผมทำได้มากกว่านี้อีก ต่อให้คุณเป็นน้องพี่เซนท์ก็อย่าหาว่าผมไม่เกรงใจ” พูดจบผมก็เดินออกมาเลย

เอ...หรือว่าผมจะว่าเขาเกินไปนะ

ช่างเถอะ ใครบอกให้เขามองแฟนผมด้วยสายตาแบบนั้นกันล่ะ สายตานั้นผมทำได้คนเดียว

ผมเดินไปโต๊ะพี่ๆ นั่งดื่มน้ำอัดลมเงียบๆฟังพวกเขาคุยกัน พี่ปีสูงก็ไม่ได้บังคับให้ผมดื่มอีก ท็อฟฟี่มองผมเหมือนจะถามเรื่องที่เกิดขึ้น ผมจึงยิ้มและยกนิ้วโอเคให้มัน มันเลยพยักหน้าตอบกลับมา ผมนั่งอีกสิบนาทีก็ขอตัวกลับโดยอ้างว่าเมา พวกเขาก็ยอมให้ผมกลับแต่โดยดี

ผมออกมานอกร้านแล้วโทรบอกทศกัณฐ์ เขาบอกให้ผมไปรอที่รถ เขาขอเคลียร์บิลก่อน ผมยืนพิงรถเงียบๆกวาดสายตามองไปรอบๆ เห็นคนที่ผมพึ่งไปวางท่าใส่ยืนคุยโทรศัพท์อยู่ไม่ไกล เขาคงยังไม่เห็นผม แต่ถ้าหันมาก็จะเจอผมเต็มๆเลยล่ะ

“ยุงกัดไหม” ร่างหนาที่เดินมาถึงตัวผมก็เอ่ยถามอย่างเป็นห่วง และเป็นจังหวะเดียวกับที่ซีหันมาทางนี้พอดี อาจเป็นเพราะเขาได้ยินเสียงทศกัณฐ์

“โอ๊ย! เจ็บขา” อยู่ๆโรคขาเจ็บก็เกิดขึ้นกะทันหัน ผมแกล้งทรุดตัวตรงๆแบบว่ารู้แน่ๆว่าแกล้ง แต่ทศกัณฐ์ก็เลือกที่จะตามน้ำเล่นละครไปกับผม เขารีบสอดแขนพยุงผมไม่ให้ล้ม ปลดล็อกรถเปิดประตูแล้วจับผมให้นั่งลงบนเบาะหนังนุ่มๆ โดยหันเท้าออกมานอกรถ

“เจ็บข้างไหน” ทศกัณฐ์ทรุดเข่าลงกับพื้นข้างหนึ่ง ผมชี้มั่วๆไปที่เท้าขวา เขาก็จับขาผมพาดตักตัวเอง ถอดรองเท้าผมออกอย่างเบามือราวกับกลัวว่าทำทำแรงไปขาผมมันจะหักซะอย่างนั้น เขานวดๆคลึงๆให้ผมอยู่สักพักก่อนจะเงยหน้าพูดกับผม

“อาจจะพลิกนิดหน่อย น้องทนเจ็บนะ กลับห้องไปพี่จะเอายานวดให้” ร่างสูงบอกยิ้มๆ ดวงตาสีเขียวซีดทอประกายแวววับอย่างรู้ทัน

“อื้อ ขอบคุณครับ” ผมโน้มตัวไปจูบหน้าผากเขาหนักๆหนึ่งทีที่ยอมตามใจ

ก็นั่นแหละครับ ถ้าทศกัณฐ์ตามผมไม่ทัน ผมไม่เอาเขามาทำ...แฟนหรอก

+++++++++++++++++++++++++

แอบมาดึกๆ คิดถึงทุกคนนะ แต่มอเลื่อนสอบมันเลยไม่ว่างยืดเยื้อเป็นเดือนแบบนี้แหละ รอหน่อยเน้อ จุ๊ฟฟฟฟ :กอด1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 37♡[17/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 17-12-2017 23:53:24
 :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 37♡[17/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 18-12-2017 00:05:17
ชอบช็อตวันนี้ของน้องรันต์


แต่!!!! พี่กล้าคืออะไร???
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 37♡[17/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 18-12-2017 01:31:20
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 37♡[17/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ravyy ที่ 18-12-2017 02:32:56
มันต้องแบบนี้จ้า หึๆๆๆ สะใจมากนุ้งรันต์
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 37♡[17/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 18-12-2017 05:55:32
อย่ามายุ่งกับแฟนรันต์นะ ฮึ่มมมม  :m16:
ตอบโต้แบบนิ่มๆ เตือนดีๆแล้ว ก็ยังไม่เข้าใจ
งั้นเจอลูกอ่อย ลูกอ้อน ให้อิจฉาตาร้อนไปเลย

นี่เล่นเบาะๆนะ ถ้าเจอสุดๆแล้วจะซีด  :angry2: :angry2: :angry2:
ทศ ก็เล่นด้วย น่าร้ากกกกก  :mew1:
ทศ รันต์  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 37♡[17/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 18-12-2017 07:26:05

ตามกันทันด้วย  น่ารักอ่ะ  :L1:



หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 37♡[17/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 18-12-2017 08:48:46
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 37♡[17/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 18-12-2017 09:55:05
อย่างนี้แหละถึงไปด้วยกันได้รู้ทันกัน
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 37♡[17/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 18-12-2017 10:18:37
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 37♡[17/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 18-12-2017 10:49:47
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤ตอนที่ 37❤[17/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 18-12-2017 16:37:16
คนของเราค่ะ อย่าให้ใครมายุ่ง ชอบรันต์เวอร์ชั่นนี้มาก :mew1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤ตอนที่ 37❤[17/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: uyong ที่ 18-12-2017 20:10:11
พี่ยักษ์น้องรันต์ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤ตอนที่ 37❤[17/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 18-12-2017 21:13:33
ชอบมาก แซ่บค่ะ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤ตอนที่ 38❤[30/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 30-12-2017 17:44:12
ใจยักษ์ 38

“ทำไรอยู่...ฟอด!” ผมเงยหน้าจากหนังสือขึ้นมองคนที่ย่องมาขโมยหอมแก้มผมเงียบๆ เขาอยู่ในชุดจ๊อกกิ้งที่ชื้นเหงื่อนิดๆ ดวงตาสีเขียวซีดเป็นประกายสดใส ริมฝีปากหนาได้รูปหยักยิ้มที่มุมปากอย่างอารมณ์ดี  ผมคั่นหนังสือปิดไว้แล้วกวักมือเรียกอีกคนให้โน้มหน้ามาใกล้ๆผมที่นั่งอยู่

ทศกัณฐ์โน้มตัวข้ามโซฟาเข้ามาใกล้ตามที่ผมเรียก ผมจึ่งยื่นหน้ากดจมูกลงบนแก้มของคนรักคืน ได้ยินเสียงเขาหัวเราะในลำคอเบาๆก่อนที่ใบหน้าหล่อเหลาจะปรับองศาให้ริมฝีปากเราประกบกันพอดี มือหนายื่นมาดันท้ายทอยผมให้ริมฝีปากเราชิดสนิทแนบแน่นยิ่งกว่าเดิม ต่างคนต่างขบเม้นริมฝีปากของกันและกันอย่างโหยหา ลิ้นอุ่นร้อนถูกส่งเข้ามาหยอกล้อกันด้วยความคุ้นเคย กวาดต้อนแลกเปลี่ยนเอนไซม์ระหว่างกันอย่างไม่รู้เบื่อ เสียงดูดดึงริมฝีปากดังเข้าหูผมเป็นระยะ เราจูบกันนานมากจนผมรู้สึกว่าริมฝีปากชานิดๆ แต่มาได้สติอีกทีก็ตอนแผ่นหลังผมสัมผัสกับอุณหภูมิเย็นเฉียบของโซฟา

“ฮื่อ...อ๊ะ ยักษ์จะทำอะไร” ผมเอ่ยคำถามที่รู้คำตอบอยู่แล้วกับอีกคนด้วยน้ำเสียงกระท่อนกระแท่นเมื่อเห็นกางเกงเลเนื้อเบาที่ชอบใส่กำลังจะหลุดออกจากขา ผมปรือสายตามองอีกคนที่กำลังมองผมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยไฟแห่งความปรารถนาและตอนนี้เขาก็คร่อมตัวลงมาเหนือร่างผมแล้ว

“ทำรัก...จุ๊บ”ตอบได้หน้าตาเฉยแถมยังมาจุ๊บเหม่งผมซะเสียงดัง

“แต่ว่า...มันยังเช้าอยู่เลยนะ” ผมอึกอักหน้าแดง

“แล้วไง? มันเป็นการแสดงความรักรูปแบบหนึ่งเราจะทำเวลาไหนก็ได้”

“…”หลักการมาเต็มจนผมเถียงไม่ออก

“พี่รักน้องตลอดเวลา พี่ก็อยากทำกับน้องตลอดเวลานั่นแหละ” นี่ไม่ใช่ข้ออ้างของคนหื่นกามใช่ไหมครับ แต่ที่แน่ๆตอนนี้คือหน้าผมสุกไปหมดแล้ว

“น้อง...นะครับ” ท่าหงอยๆเหมือนลูกสุนัขหูลู่หางตกโคตรจะไม่เข้ากับผู้ชายตัวโตๆอย่างทศกัณฐ์เลยเถอะ

 แต่เชี่ยเอ้ย! มันทำให้ผมใจสั่นเลยว่ะ ถ้าผมถอดเสื้อให้เขาเองเลยจะน่าเกลียดไปไหมนะ

“ก็ได้ แต่รอบเดียวนะน้องหิวแล้ว”ผมแกล้งทำเป็นเสียงเข้มกลบเกลื่อนความอายแต่พวงแก้มที่ร้อนผ่าวก็บ่งบอกได้ดีว่าผมเขินเขาขนาดไหน ทศกัณฐ์กระตุกยิ้มหล่อให้อย่างดีใจ เขายิ้มกว้างจนตาหยีขึ้นเล็กน้อย

“เมียพี่น่ารักที่สุด”

++++++++++++++++++++

หมับ! แรงกอดรัดจากด้านหลังพร้อมสัมผัสหนักๆจากริมฝีปากอีกคนที่ข้างขมับ ผมเกือบจะทำมีดหลุดมือแล้วเชียวถ้าไม่เริ่มชินกับการจู่โจมกะทันหันของเขา ผมจึงหันไปส่งสายตาดุๆให้แทนการว่า

“ไปรอข้างนอกเลยไป น้องจะทำกับข้าว” ผมเอ่ยปากไล่อีกคนแล้วหั่นหมูต่อ

“ทำไมไม่โทรสั่ง ไม่เหนื่อยหรือไง” ทศกัณฐ์เกยคางบนไหล่ผมอ้อนๆ แต่ผมก็เอียงหลบไปล้างผักอีกทาง

“แล้วมันเพราะใครกันล่ะ น้องหิวจะแย่!ถ้าโทรสั่งเมื่อไหร่จะได้กิน” ผมตวัดสายตาเคืองๆไปให้ยักษ์ขี้แกล้ง ถึงจะบอกว่ารอบเดียว แต่ผมเสร็จไปสาม ล่อไปสองชั่วโมงกว่า ทศกัณฐ์กลั้นแล้วกลั้นอีกไม่ยอมถึงสักที บ้าที่สุด! หิวจะตายอยู่แล้ว

เอ๊ะ!นี่ผมคิดเรื่องบ้าอะไรอยู่วะ

“ขอโทษครับ พี่แค่อยากกอดน้องนานๆนี่” ทศกัณฐ์ทำหน้าซึม พูดเสียงหงอยซะผมรู้สึกผิด

อึก!เจอโหมดนี้ทศกัณฐ์เข้าไปแล้วผมจะพูดอะไรได้ล่ะครับ จริงๆผมยอมเขาเองนี่หว่า

“ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นเลย น้องแค่โมโหหิวไปอย่างนั้น ไม่ได้โกรธยักษ์สักหน่อย”

ทศกัณฐ์ยิ้มกว้างขยับมาใกล้แล้วกดจมูกหอมแก้มที่ป่องหน่อยๆของผมไปหลายที

“พอเลยๆ ไม่ได้กินข้าวพอดีวันนี้” ผมดันอกกว้างให้ห่างตัว ทำตั้งนานพึ่งล้างต้นหอมได้ต้นเดียวเอง

“หึๆ เขินก็บอก” เออดิ แต่ผมไม่พูดหรอกแค่ยักไหล่ใส่เขาไปเท่านั้นแล้วหันไปล้างแครอทต่อ

“ทำไรกินอ่ะ” ทศกัณฐ์ที่เงียบไปนานและไม่ได้ขยับตัวออกจากครัวไปไหนถามขึ้นขณะที่ผมกำลังตั้งกระทะ

“ข้าวผัด” ถึงแม้จะหิวมาก แต่อาหารแต่ละมื้อที่ผมทำจะต้องถูกปากพ่อคนเรื่องมากอย่างทศกัณฐ์ด้วย แม้ว่าผมจะเคยทำต้มมาม่าให้เขากินมาก่อนก็เถอะ

“สอนหน่อยดิ”

“หือ?” ผมไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหมครับ “คิดยังไงถึงอยากทำครับ”

“ก็อยากทำเฉยๆ” ผมมองตาทศกัณฐ์อย่างค้นหา ร้อยวันพันปีไม่เคยอยากทำอาหาร แค่ต้มมาม่าเขายังไม่ทำเลยเถอะ แต่ทศกัณฐ์นิ่งมาก ผมมองไม่ออกว่าเขาคิดอะไรอยู่

“โอเค ขั้นตอนแรกก็เตรียมวัตถุดิบ อยู่ที่ว่าเราจะทำข้าวผัดอะไร วันนี้น้องทำข้าวผัดหมู น้องก็จะหั่นหมูเป็นชิ้นๆแบบนี้...” ผมปิดเตา แล้วเริ่มสอนทศกัณฐ์โดยไม่เซ้าซี้เขาอีก เรียกเขาเข้ามาใกล้ๆสอนวิธีการหั่นหมูและผักให้เขาดูช้าๆ ให้เขาลองทำเองก็เกือบเฉือนนิ้วตัวเองไปหลายครั้ง ผมต้องจับมือหนาแล้วค่อยๆพาทำ

ซึ่งผมไม่ได้โอบเขาจากด้านหลังเหมือนในละครหรือนิยายหรอกนะครับ ตัวทศกัณฐ์ไม่ใช่เล็กๆขืนทำแบบนั้นคงตลกพิลึก ผมยืนอยู่ด้านหน้าส่วนทศกัณฐ์อยู่ด้านหลังเยื้องมาข้างๆคลายๆเขาโอบผมมากกว่า(เขิน) สรุปข้าวผัดฝีมือผม(ซะส่วนใหญ่)และทศกัณฐ์ก็ใช้เวลาไปเกือบชั่วโมง แต่ก็ดีครับ โรแมนติกไปอีกแบบ หึ

“เป็นไง อร่อยไหม” ผมเอ่ยถามเมื่อทศกัณฐ์ตักคำแรกเข้าปาก

“ก็เหมือนเดิม...อร่อย” คนทำอาหารพอได้ยินคนกินชมว่าอร่อยมันก็รู้สึกดีมากเหมือนตัวจะลอยเลยนะครับ

“พี่ก็ปรุงตามที่น้องบอก ส่วนผสมมันไม่เยอะหรอก ปริมาณถ้าจำไม่ได้ก็กะเอาใส่น้อยๆไปก่อนถ้าไม่พอดีหรืออยากได้รสไหนก็ปรุงเพิ่ม” ทศกัณฐ์พยักหน้าฟังอย่างตั้งใจ กินไปและครุ่นคิดไปเหมือนพยายามทวนความจำที่ผมพึ่งสอนไป

หลังจากกินอาหารเช้า(และเที่ยง)เสร็จ เราก็แยกย้ายไปทำกิจวัตรของตัวเอง ทศกัณฐ์ทำงานของในห้องทำงานบนชั้นสอง ส่วนผมอ่านหนังสือเตรียมสอบไฟนอล อ่านไปอ่านมาก็ผล็อยหลับไป มารู้ตัวอีกทีตอนทศกัณฐ์มาปลุกให้ไปล้างหน้าแต่งตัว เขาจะพาออกไปกินข้าวข้างนอกกับพี่สมิธ

ทศกัณฐ์พาผมออกจากห้องตอนหกโมงเย็น แต่ถึงโรงแรมหนึ่งทุ่มกว่า สถานที่ที่พี่สมิธนัดคือเล้านจ์สุดหรูบนชั้นดาดฟ้าของโรงแรมแห่งหนึ่งใจกลางกรุง พอไปถึงก็เห็นพี่สมิธนั่งโดดเด่นอยู่มุมหนึ่ง โต๊ะที่เขาเลือกค่อนข้างเป็นส่วนตัวและสามารถชมความสวยงามของวิวยามค่ำคืนในกรุงเทพได้เป็นอย่างดี

“ช้า” ยังไม่มันที่ก้นจะแตะบนเก้าอี้ พี่สมิธที่ละจากวิวมามองก็บ่นพวกผมทันที

“มาขับรถให้พวกกูสิ จะได้เร็วทันใจมึง”

“สัส!”

บอกผมทีว่าพวกเขาเป็นเพื่อนกัน ทศกัณฐ์ยกมือเป็นสัญญาณ ไม่นานบริกรชายที่แต่งตัวเนี้ยบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าก็เข้ามาให้บริการ ผมสั่งสเต็กปลาทูน่ากับน้ำกีวี่เพราะยังอิ่มๆอยู่ ส่วนทศกัณฐ์และพี่สมิธก็จัดหนักทั้งสเต็กโกเบ สเต็กขาแกะ ลาซานญ่า สปาเก็ตตี้ซอสเนื้อ บลาๆ ตบท้ายด้วยไวน์แดงที่ผมเห็นราคาแล้วแทบช็อค

พระเจ้า...ผมไม่แปลกใจเลยที่พวกเขาตัวใหญ่(แต่ไม่อ้วน) โดยเฉพาะพี่สมิธนะดูจะชอบอาหารอิตาเลี่ยนสุดๆ

“มองหน้าพี่อยากมีเรื่องหรืออยากมีเราจ้ะหนูรันต์” พี่สมิธเลิกคิ้วถามกวนๆ

“เดี๋ยวมึงจะมีเลือด”

“แหม่...นิดๆหน่อยๆไม่ได้เลย” พี่สมิธเบ้หน้าใส่ทศกัณฐ์ ก่อนจะหันมาคุยกับผมแทนเพื่อนสนิท

“มึงอ้วนขึ้นป่ะเนี่ย” ดูคำพูดเขาแต่ละคำสิครับ

“3กิโลฯครับ” ผมก็เริ่มสังเกตว่าตัวเองเริ่มมีแก้ม แต่ส่วนอื่นก็ไม่ค่อยได้สังเกต เลยหันไปมองหน้าทศกัณฐ์นิดๆทำไมเขาไม่เห็นพูดอะไร ผมอ้วนขึ้นจนดูออกได้ขนาดนั้นเลยหรอ ทศกัณฐ์คงเห็นสีหน้าเป็นกังวลของผมเขาจึงเอ่ยปลอบใจ

“ไม่อ้วนหรอก ออกแค่แก้มแล้วก็...”

“แล้วก็...?” ผมเอียงคอมองยักษ์ด้วยความสงสัยใคร่รู้

“หึ” ทศกัณฐ์ไม่ตอบแต่หัวเราะในลำคอแทน

“อะไรอ่ะ บอกมานะ”ผมเขย่าแขนยักษ์เหมือนเด็กอยากได้ของเล่น มาทำให้อยากรู้แต่ดันอมพะนำไว้ไม่ยอมบอก แต่ทศกัณฐ์ก็เอาแต่ยิ้มมุมปากไม่ยอมพูดท่าเดียว ผมจึงเลิกตื้อ เอามือกอดอกแล้วหันไปมองวิวแทน

บ่งบอกว่าผมจะโกรธแล้วนะ...ไม่ได้งอนอะไรทั้งนั้น

“น้องไม่อยากให้พี่พูดตอนนี้หรอกเชื่อสิ เดี๋ยวกลับห้องจะบอก โอเคไหมครับ” ทศกัณฐ์โน้มหน้าเข้ามากระซิบใกล้หู ผมจึงหันไปหาต้นเสียง แต่ไม่คิดว่าเขาจะกล้าเอาหน้าเข้ามาใกล้ขนาดนี้ จมูกเราเลยสัมผัสกันโดยบังเอิญ อีกนิดปากก็จะแตะกันอยู่แล้ว ผมย่นจมูกใส่เขาแล้วขยับหน้าออกห่างส่วนอีกคนกดยิ้มมุมปากอย่างพอใจ

“รันต์อ้วนมากเลยหรอพี่สมิธ”

“ใช่ อ้วนมาก โดยเฉพาะตรงนี้” พี่สมิธยื่นมือมาดึงสองข้างแก้มผมด้วยความหมั่นเขี้ยว ผมก็ได้แต่ร้องอือาให้เขาแกล้งไป ไอ้คนที่นี่งข้างๆก็ไม่ช่วยกูเล้ย

ไม่นานไวน์แดงก็ถูกนำมาเสิร์ฟก่อนอาหาร ปกติจะมีบริกรคอยรินไวน์ให้แต่ทศกัณฐ์ก็ให้เขากลับไปแล้วเทจิบเองด้วยเหตุผลที่ว่า

“มันเทไม่ทันใจ”

คือบริกรเขาก็ต้องบริการอย่างพิถีพิถันไม่ใช่หรอ ตัวเองน่ะใจร้อนเอง หลังจากนั้นอาหารก็ค่อยๆทยอยมาเสิร์ฟตามลำดับ เราใช่เวลาดื่มกินพร้อมชมวิวไปด้วยเกือบๆหนึ่งชั่วโมง อาหารที่สั่งมาถูกจัดการเรียบ เรานั่งดื่มด่ำกับบรรยากาศดีๆมีลมพัดมาเอื่อยๆเคล้าคลอไปกับเพลงacousticฟังสบายๆ ผมที่ดื่มไปนิดหน่อยด้วยความเพลินก็ไม่ถึงกับมึนมาก จนไวน์ขวดที่สองหมดเราถึงได้แยกย้ายกันกลับ พี่สมิธมีรถมารอรับอีกแล้ว คันเดิมกับเมื่อคืนเลยครับ

“กุญแจรถมา เดี๋ยวน้องขับ” ผมแบมือขอกุญแจรถกับอีกคนเพราะทศกัณฐ์ก็ดื่มไปมากอยู่ ถึงจะน้อยกว่าเรทปกติของเขาก็ตาม

“พี่ไม่เมาเหอะ น้องนั่นแหละตาเยิ้มเชียว” ทศกัณฐ์ลูบแก้มผมบางๆแทนการปฏิเสธให้กุญแจรถ เขาจับผมนั่งฝั่งข้างคนขับก่อนจะพาตัวเองไปเป็นสารถีให้ผมแทน

เขากดปุ่มสตาร์ทก่อนแล้วมาช่วยผมคาดเบลท์ที่พอเริ่มคบกันเขาก็จะทำให้ตลอด ผมก็ยอมให้เขาทำนะเพราะมันเหมือนเป็นการแสดงออกถึงความใส่ใจจากเขา และช่วงที่ทศกัณฐ์โน้มตัวมาคาดเบลท์ให้ผมหน้าเราอยู่ใกล้กันมาก จริงๆก็รู้ว่าเขาจงใจนั่นแหละ ผมมองสบตากับอีกคนโดยไร้เลนส์ขวางกั้น(ผมใส่แว่นเฉพาะเวลาไปมหาลัย) ไม่มีบทสนทนาใดๆเกิดขึ้น มีเพียงความหมายที่สื่ออกมาทางสายตาระหว่างเรา ริมฝีปากหนาได้รูปเคลื่อนเข้ามาใกล้ปากอิ่มที่เผยอคอยท่า

ผมหลับตาพริ้มเมื่อกลีบปากถูกสัมผัสและดูดุนเบาๆก่อนจะค่อยๆไต่ระดับเป็นร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ สองแขนคล้องคอร่างหนาเพื่อให้ได้ท่าที่ถนัดและสบายที่สุด ลิ้นร้อนสอดเข้ามากระหวัดเกี่ยวพันกันอย่างเร่าร้อน รสชาติฝาดเฝื่อนของไวน์ที่ติดอยู่ลิ้นทศกัณฐ์มากกว่ายิ่งทำให้ผมมัวเมาไปกับรสจูบนี้ยิ่งกว่าเดิม

เมื่อผมรู้สึกว่าอารมณ์ของเราสองคนกำลังจะเลยเถิด ผมจึงสะกิดเอ่ยเตือนอีกคนที่ย้ายไปจูบตามต้นคอผมแล้วให้หยุด ทศกัณฐ์เกร็งตัวค้างก่อนจะหายใจหนักๆอย่างพยายามระงับอารมณ์ทั้งๆที่ใบหน้าเขายังฝังอยู่กับซอกคอผมอยู่ ผมสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนผ่าวของเขาที่เต็มไปด้วยแรงอารมณ์ ขนาดผมยังเริ่มมีอารมณ์ไม่ต้องถามถึงทศกัณฐ์เลยครับว่าเขาจะขนาดไหน หื่นแทบทุกเวลา

“จะทำให้หลงไปถึงไหน พี่จะทนไม่ไหวอยู่แล้ว” ทศกัณฐ์พึมพำกับตัวเองเสียงเบาก่อนเขาจะเงยหน้ามาหอมแก้มผมหนักๆอีกหลายทีจนพอใจเขาแล้วนั่นแหละเขาถึงได้ย้ายกับไปที่ตัวเอง คาดเบลท์ใส่เกียร์แล้วเริ่มออกรถ มือหนาเอื้อมมาขยี้หัวผมเบาๆ บอกว่าถ้าง่วงก็ให้นอนเลย

ส่วนผมก็นั่งเงียบตัวแดงให้กำลังใจ(?)เขาไป

+++++++++++++++++++++++++

“ดูให้หน่อย ชอบคันไหน”

ในเช้าวันหยุดที่แสนสงบสุข อยู่ๆอีกคนก็เดินหน้านิ่งๆวางหนังสือรถลงบนตักผมก่อนจะเดินออกจากห้องไปโดยไม่พูดอะไรเพิ่มเติม ผมที่ยังเอ๋อก็ได้แต่มองตามหลังเขาไปด้วยความมึนงง เปิดหนังสือดูมีแต่รถสปอร์ตสวยๆทั้งนั้น บอกรายละเอียดต่างๆทั้งสเปค CC แรงม้า แต่ไม่มีราคาบอก ผมเลือกไว้สองคันดูที่มันน่าจะเหมาะสมกับทศกัณฐ์และไม่เว่อร์มากจนเกินไป บางทีเขาอาจจะอยากเปลี่ยนรถใหม่แต่เลือกไม่ได้ล่ะมั้ง

ทศกัณฐ์ที่เพิ่งไปวิ่งกลับมาผมก็ยื่นหนังสือให้เขา เขาเปิดดูทันทีก่อนจะขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นที่ผมเลือกไว้

“เอาที่รันต์ชอบ ไม่ใช่พี่ชอบ”

“ทำไมอ่ะ?” ผมถามเพราะรู้สึกว่ามันเริ่มแปลกๆ

“ก็ดูๆไว้ไง เผื่ออนาคตได้ใช้”

“น้องไม่ซื้อหรอก แพงไป” ไอ้เรื่องรถเนี่ยปกติผมก็ไม่ค่อยสนใจหรอกนะครับ มีก็ดีไม่มีก็ได้ ซึ่งอนาคตถ้าผมเรียนจบมีงานทำแล้วก็ไม่รู้จะซื้อไหม ถ้าจำเป็นอย่างมากก็ราคาช่วงล้านต้นๆก็พอครับ แต่ดูที่ทศกัณฐ์เอามาให้ผมดูสิครับถึงไม่มีราคาบอกแต่รถนำเข้าสวยๆพวกนี้ก็น่าจะหลักสิบล้านขึ้นไปแน่ๆ

“ก็ไม่ได้ให้ซื้อ ถามความคิดเห็นเฉยๆ” พอเขาพูดแบบนั้นผมก็พยักหน้าเข้าใจก่อนจะเปิดๆดูอีกรอบ แล้วชี้ไปที่รถคันหนึ่งเป็นยี่ห้อที่มีห่วงวงกลมสี่ห่วงเป็นเอกลักษณ์ ผมไม่ได้ดูรายละเอียดแต่ดูรูปทรงรถและเป็นสีขาวก็สวยดี ทศกัณฐ์พยักหน้าก่อนจะพับหนังสือเก็บ ผมเลิกคิ้วมองเขานิดๆจะไม่ถามอะไรเลยหรือไง

หลังจากนั้นเราก็ทานอาหารเช้ากันปกติ ไม่ได้พูดเรื่องรถอีก บ่ายๆทศกัณฐ์ก็พาผมออกไปเดินห้างใกล้ๆคอนโดฯ เขาพาผมไปดูหนังแต่ตัวเองดันหลับซบไหล่ผมตั้งแต่ครึ่งชั่วโมง แล้วไอ้หนังเรื่องนี้ก้ใช่ว่าผมจะอยากดูนะครับ แต่ก็ดูๆไปจะได้คุ้มค่าที่นั่งฮันนีมูนซีทนี่

พอกลับถึงห้องผมโดนทศกัณฐ์จัดก่อนกินข้าวไปหนึ่งยก(เพราะเมื่อวานกลับมาเขาก็ไม่ได้ทำอะไรผม) จากนั้นก็พักอาบน้ำกินข้าว ดึกๆพอจะหลับก็โดนสะกิดอีก แต่เขาก็ค่อนข้างทำเวลาเพราะรู้ว่าพรุ่งนี้ผมมีเรียนเช้า
.
.
.
.
.
.

“อิรันต์ มึงอยากรู้ไหมว่าเมื่อวานกูไปเจอใครมา” ท็อฟฟี่หันมาคุยกับผมทันทีที่ผมวางจานข้าวลงบนโต๊ะ ผมนั่งลงข้างๆเมฆก่อนจะกวนตีนไอ้ท็อฟฟี่

“ไม่อยากรู้”

“เอ๊ะ!อินี่ ไม่อยากรู้มึงก็ต้องรู้ กูไปเจอโจกท์มึงมาจ้า” ผมเลิกคิ้วมองมันก่อนจะตักผัดวุ้นเส้นเข้าปาก

“ใครวะ”

“ก็ใครล่ะที่นั่งตักผัวมึงเมื่อวันศุกร์ก่อนอ่ะ”

“หืม? นี่กูตกข่าวอะไรไปรึเปล่า?” ไอ้เมฆที่นั่งแย่งลูกชิ้นไอ้เก่งอยู่หันมาสนใจบ้าง

“นี่มึงไม่ได้เหลาให้ไอ้เมฆฟังอ๋อ” ผมส่ายหน้าแทนคำตอบก็ไม่รู้จะเล่าอะไร ค่อนข้างไร้สาระ ผมไม่ใช่คนช่างพูดอยู่แล้ว

“ก็ตอนวันศุกร์ที่พวกกูไปเลี้ยงสายร้านมาวใช่ป่ะ อิรันต์เนี่ยก็มีผัวไปเฝ้าแต่ว่านั่งอยู่คนละโต๊ะ ละทีนี้มันก็เมากูเลยพามันไปหาผัว รู้ไหมพวกกูเห็นอะไร”

“กูจะไปรู้กะพวกมึงหรอ” ไอ้เมฆกวนตีนจจนโดนไอ้ท็อฟฟี่ถลึงตาใส่

“เออสัส พวกกูเห็นฮีคนนี้นั่งตักคล้องคอพี่ทศกัณฐ์อยู่จ้า สายตาที่มองพี่แกนะแทบจะแดกลงไปทั้งตัว” คล้องคอด้วยหรอวะไม่เห็นจำได้แล้วมืดขนาดนั้นมันดันไปเห็นสายตาเขาอีก ยอมใจมันจริงๆ เมฆก็มองผมเหมือนถามว่าเรื่องจริงหรอ

“มันก็ไม่ถึงกับขนาดนั้นหรอก มึงก็ว่าเขาเกินไป” อย่างน้อยซีก็เป็นน้องพี่เซนท์ล่ะนะ ผมก็ต้องรักษาหน้าเขาไว้หน่อย

“เฮอะ! มึงน่ะไม่รู้ความร้ายของนาง ในวงการพวกกูนางดังจะตาย เรื่องตกผู้ชายหล่อๆอ่ะนางได้แอ้มมาครึ่งมอละ”วงการที่ไอ้ท็อฟฟี่พูดถึงคงหมายถึงสังคมเพื่อนเพศที่สาม

“มึงอิจฉาเขาก็บอก” ไอ้เก่งพูดขึ้นบ้าง พวกผมก็พยักหน้าเห็นด้วย มันเลยค้อนวงโตมาให้

“ส่วนหนึ่ง แต่นางกับกูคนละสายกันก็เลยไม่ได้ขัดแข้งขัดขากันมาก แต่มันบังอาจมาแหย่มกับผัวเพื่อนกู เพราะฉะนั้นกูไม่ยอม!”

“นี่ผัวเพื่อนหรือผัวตัวเอง ออกตัวแรงเชียวนะมึง” ไอ้อ๋องตบหัวไอ้ท็อฟฟี่ไปหนึ่งที เลยโดนมันตบเกรียนคืนเกือบแตก

“และส่วนหนึ่งเพราะนางเล็งเหยื่อคนเดียวกับมึงใช่ไหมแม่” ไอ้น้ำที่โผล่มาจากไหนไม่รู้พูดขึ้น มีไอ้หญิงที่เป็นลูกคู่กันยืนอยู่ข้างๆ ผมขยับตัวให้สาวแสบสองคนนั่งลงด้วยกัน

“อะไรของมึงคะลูกสาว” ไอ้ท็อฟฟี่ถามเหมือนคนไม่รู้เรื่องแต่ว่ามันดูมีพิรุธแปลกๆ

“อย่ามาแหลค่ะ เมื่อคืนมึงไปอ่อยใครสารภาพมา” ไอ้น้ำเข้าโหมดนักสืบทันที

“อะไรของมึงเนี่ย!กูก็อ่อยไปเรื่อยของกูปกติ๊!”

“เสียงสูงเชียว ปิดบังไรเพื่อนป่ะเนี่ย”

“หุบปากไปค่ะอิรันรัน เวลาถามไม่อยากตอบบแต่คราวเสือกพูดเก่งเชียว” ไอ้ท็อฟฟี่เบ้ปากงอนๆ

“หึๆ มึงอย่าเปลี่ยนเรื่องแม่ จะพูดเองหรือให้กูแฉ”

“อะไรของพวกมึงเนี่ย!...เมื่อคืนกูไปบาร์เกย์แถวXXกับพวกอิแคนดี้ใช่ป่ะ มันก็ปกติไหมที่กูจะส่องแล้วกูก็ไปเจอกับ...” ไอ้ท็อฟฟี่เงียบไปเหมือนไม่อยากพูดแต่บิดตัวเหมือนเขินๆ

“พี่หมอ”ไอ้หญิงพูดประโยคเดียวระเบิดลงที่ไอ้ท็อฟฟี่ทันที มันหน้าแดงก่ำทั้งๆที่ผิวสีเข้มแต่กลับเห็นได้อย่างชัดเจน เขินอายบิดตัวไปมาตุ้งติ้งตามประสามัน

ผมแปลกใจนิดหน่อย ไอ้ท็อฟฟี่เล็งหมอไม่เห็นมีอะไรต้องปกปิดหรือน่าเสียหายตรงไหน

“ก็เออ...กูไม่รู้นี่ แต่กูปิ้งอ่ะ มารู้ตัวเมื่อหลวมตัวไปแล้ว” มันว่าเพ้อๆ

“เดี๋ยวๆ มันมีกฎห้ามว่าตุ๊ดห้ามชอบหมอหรอวะ” ไอ้อ๋องถามสิ่งที่ผมสงสัยในใจ

“ตุ๊ดคนอื่นไม่มี แต่อิเพื่อนมึงมันปฏิญาณตนไว้เลยว่ามันจะแดกทุกอาชีพตั้งแต่กรรมกรยันผู้ว่าฯ แต่ยกเว้นหมอ” ไอ้น้ำตอบข้อสงสัย

“ทำไมวะ?”

“กูมีเหตุผลของกูน่า” ไอ้ท็อฟฟี่ตอบปัดเหมือนไม่อยากพูดถึง

“แล้วยังไง สรุปว่ามึงตกหมอคนนี้ได้รึเปล่า” ไอ้เก่งถามต่อ

“กูก็ไปเบียดๆแล้วก็ขอชนแก้วเขานั่นแหละ  แล้วทีนี้กูมารู้ว่าเขาเป็นหมอจากเพื่อนเขาน้ำตากูแทบไหลเป็นสายเลือด ด้วยปฏิญาณอันแรงกล้าของกู กูก็ว่าจะถอยทัพ แต๊นังซีคนสวยก็เหมือนจะสนใจเขาว่ะ มันก็อ่อยเขามากเหมือนกัน กูเลยไม่อยากยอมแพ้มัน ”

“ก็เลยสู้ใช่ไหม”

“ใช่ เพื่อผู้ชายกูสู้สุดชีวิต” มันพูดแล้วทาบมือกับอกตัวเองด้วยความภูมิใจ

“แต่สุดท้ายเขาก็เลือกซีใช่ป่ะ” ไอ้เมฆว่าเยาะๆ

“เปล่า เขาเลือกกู”

“ห๊า!!!/เหี้ย!/ไม่จริง/เป็นไปไม่ได้”ทั้งโต๊ะพูดขึ้นแทบจะพร้อมกันทันทีที่มันพูดจบประโยค

“อะไรของพวกมึง กูออกจะสวยนะ” มันทำท่าสะบัดหัวเกรียนๆประหนึ่งว่าเป็นพรีเซ็นเตอร์แชมพู

“จริงหรอ”

“จริง กูว่าเขาชอบของแปลก” ท็อฟฟี่กอดอกเชิดหน้า ที่มันพูดมาผมก็เห็นด้วย คือมันค่อนข้างตัวสูงใหญ่ มีกล้ามด้วยแต่ไม่เท่าทศกัณฐ์ ตัดผมรองทรงเบอร์สอง ผิวแทนสวย ตารีเรียวแต่ใบหน้าออกคม ทั้งที่มันดูหล่อนะ แต่ชอบพูดว่าตัวเองสวย อีกอย่างผมยังไม่เคยเห็นมันแต่งหญิงเลยนอกจาก กระเป๋าและรองเท้านี่ต้องยกให้เป็นเจ้าแม่เลยจัดเต็มตลอด

“แล้วเป็นไงแซ่บไหมแม่” ไอ้หญิงถามด้วยน้ำเสียงอยากรู้สุดๆ

“ไม่รู้ กูไม่ได้แดก” ไอ้ท็อฟฟี่หน้างอลงหงอยๆไปเลย

“อ้าว ไหนว่าเขาเลือกมึงวะ พี่แคนดี้ยังบอกว่าเห็นมึงดูดปากกับเขาอยู่ลานจอดรถ” ไอ้น้ำถามเหมือนไม่อยากจะเชื่อ ไอ้ท็อฟฟี่ถลึงตาเอามือปิดปากไอ้น้ำทันที

“มึงจะแถลงออกมาให้เขารู้กันไปทั้งมอเลยไหมคะอีน้ำ”

“โทษ กูลืม” น้ำขอโทษส่งๆเหมือนไม่ใส่ใจ โชคดีที่พวกเราได้มากินกันก่อนเที่ยง คนยังไม่เยอะเท่าไหร่เพราะเป็นแค่โรงอาหารของคณะ

“จูบน่ะจูบ แต่กูตัดใจไม่ไปต่อว่ะ เสียดายสัสๆ” ท็อฟฟี่ทำหน้าเสียดายมากจริงๆ

“เขาก็ยอมง่ายๆเลยหรอ” เมฆถามใคร่รู้

“อืม โคตรคนดี โคตรสุภาพบุรุษ อยากได้มาเป็นพ่อของลูกชิบหาย”

“มึงท้องไม่ได้!!!!” ทุกคนพูดรวมกันโดยไม่ได้นัดหมาย มีคนหันมามองด้วย

“ลูกบุญธรรมสิคะ ไม่ฉลาดเลยพวกมึงนี่”

“สรุปเลยคือ มึงไม่ชอบซีเพราะอ่อยพี่ทศหรือเพราะเขาจะแย่งว่าที่ผัวมึง”

“ทั้งคู่”

“เออ แค่นี้ก็จบสัส ฟังมาตั้งนานก๋วยเตี๋ยวกูเย็นหมด” ไอ้เก่งบ่น

“แต่อิรันต์ข้าวหมดแล้ว” ทุกคนหันมามองจานข้าวผม

“ก็กูหิว ฟังไปแดกไปไง”

“มีผัวแล้วใช้พลังงานเยอะน่ะสิ” ไอ้ท็อฟฟี่เหน็บ ทำหน้าทำตาน่าตีชิบ

“เออ ดีกว่าคนอยากกินแล้วไม่ได้กินแล้วกัน”

“อิรันต์!มึงมันร้าย!”

+++++++++++++++++++++++

หง่อววว เปรมมาแย้ว ช่วงปีใหม่คิวก็จะแน่นนิสนุง  นี่รีบมาหลังจากผ่อนผ่อนมาหลายวัน พรุ่งนี้เปรมจะลงอีกตอนอาจจะค่ำๆ และถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดก็จะลงตอนจบอีกสองตอนในช่วงวันปีใหม่นะจ้ะ จุ๊ฟๆ :กอด1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤ตอนที่ 38❤[30/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 30-12-2017 18:31:29
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤ตอนที่ 38❤[30/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 30-12-2017 18:34:27
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤ตอนที่ 38❤[30/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 30-12-2017 20:09:14
 :pig4:  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤ตอนที่ 38❤[30/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 30-12-2017 20:17:10
 :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤ตอนที่ 38❤[30/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 30-12-2017 20:30:24
ซีชอบอ่อยคนมีเจ้าของเหรอ บางทีก็ควรดูด้วยว่าเจ้าที่เขาแรงไหม

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤ตอนที่ 38❤[30/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 31-12-2017 01:44:06
 :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤ตอนที่ 38❤[30/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 31-12-2017 04:18:14
Happy New Year 2018
สวัสดีปีใหม่ ๒๕๖๑  ขอให้ไรท์สุขสันต์ มีความสุขมากๆ

รันต์ อ้วนออกที่แก้ม กับที่พุง เอ๊ย.....ท้องหรือเปล่า  :hao3:

ซี ชอบทศแน่ๆ
แต่ทศ รักรันต์  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หื่นกับรันต์ตลอด   :-[
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤ตอนที่ 38❤[30/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: lovenine ที่ 31-12-2017 15:52:41
 :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤ตอนที่ 39.1❤++50%++[31/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 31-12-2017 21:25:55
ใจยักษ์ 39.1

“วันนี้จะไปไหนต่อไหม?”

“อืม...ไม่รู้สิ น่าจะไม่นะ” ผมครุ่นคิดว่าวันนี้เพื่อนมีนัดทำโปรเจ็คไหมเพราะใกล้สอบไฟนอลเข้าไปทุกที งานก็ต้องส่งก่อนสอบอีก

“เลิกเรียนเดี๋ยวพี่มารับ”

“วันนี้เลิกหนึ่งทุ่มนี่?” ผมที่จำตารางเรียนของอีกคนได้กล่าวเตือน

“งดคลาส” ทศกัณฐ์ตอบหน้าตาย

“จริงอ่ะ?”ผมถามอย่างไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ อาจารย์ที่สอนภาคอินเตอร์จะเป๊ะมากเรื่องเวลาเรียน แทบไม่เคยได้ยินว่าอาจารย์งดคลาสจากทศกัณฐ์เลย

“อืม” ทศกัณฐ์รับคำในลำคอ

“โอเค งั้นน้องไปก่อนนะ สวัสดีครับ”ผมยกมือไหว้ทศกัณฐ์แล้วลงจากรถเดินตรงเข้าตึกคณะ ผมนั่งรอเมฆใต้ตึกไม่ถึงห้านาทีมันก็โผล่หัวยุ่งๆที่เส้นผมยังเปียกหมาดๆอยู่มา

“ตื่นสายหรอ” ผมเอ่ยทักพร้อมกับช่วยพี่สางผมให้เรียบร้อย

“เออ เมื่อคืนกลับไปนอนบ้าน” เมฆกัดขนมปังคำใหญ่ นั่งไขว่ห้างสะบัดผมไปมาเบาๆ ผู้หญิงที่เดินผ่านไปผ่านมาก็กรี๊ดให้กับท่าทางเท่ห์ๆโดยไม่รู้ตัวของเมฆ

“เย็นนี้มึงว่างป่ะ?” วันนี้มันวันอะไรทำไมมีแต่คนถามเวลาชีวิตผมบ่อยจริง

“ก็...ตอนเย็นพี่ทศบอกจะมารับ”

“อ่อ งั้นก็ไปแดกตอนเที่ยง”

“แดกไร?”

“มึงจะแดกไรอ่ะ กูตามใจมึงเดี๋ยวพี่เมฆจะเลี้ยงน้องรันต์เอง” เมฆยื่นมือมาขยี้หัวผมเบาๆด้วยความเอ็นดู

“หือ ทำไมวันนี้ใจดีแปลกๆ มีอะไรงั้นหรอ?” ผมถามเพื่อนอย่างสงสัยใคร่รู้ แต่เมฆกลับมีสีหน้าปุเลี่ยน ขมวดคิ้วจ้องผมเขม็ง

“นี่มึงจำไม่ได้จริงๆหรอ?”

“จำไม่ได้อะไร วันเกิดมึงก็ไม่ใช่...เอ๊ะ!วันนี้วันที่เท่าไหร่วะ?” ผมจำได้ว่าเมฆเกิดเดือนมิถุนายน ซึ่งนี่มันเดือนธันวาเดือนเกิดผม

“วันที่6”เมฆตอบด้วยสีหน้าเอือมๆ

“วันเกิดกูนี่” ผมถึงกับบางอ้อ ที่แท้วันนี้ก็วันเกิดผมนี่เอง ช่วงนี้ผมอ่านหนังสือดึก แถมยังต้องช่วยทศกัณฐ์ทำการบ้าน(?) ผมรู้ว่าวันนี้คือวันอังคาร แต่ก็จำไม่ได้ว่าวันที่เท่าไหร่

“เป็นเยอะไปแล้วมึงน่ะ เพลาๆลงบ้างนะ พักผ่อนเยอะๆหน่อย” เมฆรั้งคอผมไปกอดไว้หลวมๆ เขกหัวผมเบาๆเป็นการลงโทษหนึ่งที

“ใกล้สอบแล้ว อ่านหนังสือดึก”

“มึงฉลาดจะตาย อ่านรอบเดียวก็พอแล้ว ผัวก็ไม่ต้องไปตามใจมันมาก ขัดขืนมันบ้างเข้าใจไหม” ผมพยักหน้าเข้าใจแต่ไม่ได้รับปากเมฆเพราะไม่รู้จะทำได้ไหมน่ะสิ แต่ไม่พูดดีกว่าเดี๋ยวมันด่า

“สรุปแล้วจะแดกอะไร?”ปีที่แล้วเมฆพาไปเลี้ยงชาบู ปีนี้จะกินอะไรดีน้า

“บุฟเฟ่ต์ซูชิแล้วกัน” เมฆพยักหน้ารับ เราพากันลุกขึ้นเพื่อเตรียมตัวไปเรียน เมฆเดินกอดคอผมเข้าไปในลิฟท์ คนก็พากันมองใหญ่แต่มันก็ไม่ได้สนใจ ชวนผมคุยนั่นคุยนี่ไปเรื่อย ผมเงยหน้ามองเมฆ มันสูงขึ้นอีกแล้ว ทศกัณฐ์ก็สูงขึ้นแตะร้อยเก้าสิบเซนฯไปแล้ว
.
.
.
.
.
.
.
.
“รันรันจะไปแดกซูชิหรอ” ไอ้ท็อฟฟี่เสนอหน้ามาใกล้ผมทันทีที่อาจารย์ย่างกรายออกจากห้อง ผมก็พยักหน้าตอบมันไป

“ใช่ เมฆจะเลี้ยง”

“โห่ อิจฉามีคนเลี้ยง” ไอ้อ๋องแกล้งแซว ผมก็ยิ้มๆให้มันไป

“กูไปแดกด้วยดิ อยากกิซูชิพอดี”

“เอาสิ แต่จ่ายเองนะ เมฆเลี้ยงกูคนเดียว” ผมยักคิ้วกวนส้นไอ้ท็อฟฟี่ มันเบ้ปากใส่ทันที

“จ้ะ ยกให้วันหนึ่ง”

หลังจากนั้นพวกเราก็ย้ายทัพไปร้านซูชิแห่งหนึ่งไม่ไกลจากมหาลัยมาก มีผู้ร่วมขบวนการ ได้แก่ เมฆ อ๋อง เก่ง ท็อฟฟี่ และผม

ระหว่างที่เรากำลังรอซูชิ เมฆที่นั่งอยู่ข้างๆก็หยิบนิยายเรื่องหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเป้ มันยื่นมาตรงหน้าผม

“ปีก่อนๆกูให้หนังสือวิชาการกับมึง แต่ปีนี้กูอยากให้มึงอ่านเรื่องราวที่มีความรักสอดแทรกดูบ้าง สนุกดีมึงน่าจะชอบ วุขสันต์วันครบรอบสิบเก้าปีนะน้องรันต์” ผมยกมือไหว้เมฆก่อนและรับหนังสือมาไว้ในมือ น้ำตาคลอหน่วยด้วยความซาบซึ้งใจ ตั้งแต่คุณแม่ไม่อยู่ เมฆก็จะคอยอยู่เคียงข้างผมในทุกๆปี ไม่ว่าผมจะมีหรือไม่มีใครมันก็ยังยืนอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน

เมฆเป็นผู้ชายที่ผมพูดได้เต็มปากว่ารักเขามาก เขาเป็นพี่ชายที่ผมรักที่สุด

“หึ ซึ้งเลยสิ” เมฆยิ้มก่อนจะอ้าแขนออกเป็นสัญญาณ ผมโผซุกเข้าสู่อ้อมกอดอบอุ่นนี้ทันที ใครจะมองยังไงก็ช่างผมไม่ได้สนใจอยู่แล้ว

“ขอบคุณนะพี่เมฆ น้องขอบคุณจริงๆที่อยู่ด้วยกันมาตลอด...รักนะ” ผมพูดเสียงสั่นแต่น้ำตามันไหลซึมกับบ่าแกร่งไปแล้ว มันตื้นตันใจอย่างบอกไม่ถูก เพราะปีนี้ผมได้พบเจอกับเรื่องราวมากมายจนคาดไม่ถึง รสชาติชีวิตที่ไม่เคยได้สัมผัสทำให้ผมมีความสุขมาก แต่ผมไม่เคยลืมว่าผู้ชายคนนี้คือคนที่อยู่ข้างๆผมเสมอในเวลาที่ผมทุกข์และเป็นคนที่ร้องไห้แทนผมในเวลาที่ผมอ่อนแอที่สุด

“กูก็รักมึง มีความสุขมากๆนะเว้ยน้อง” เมฆกอดผมแน่น ลูบหลังผมไปมาอย่างที่ชอบทำ ผมพยักหน้าและผละออกจากอ้อมแขนพี่เมื่อพนักงานขออนุญาตเสิร์ฟอาหาร ผมเช็ดน้ำตาเกาแก้มหน่อยๆแก้เก้อ พอพนักงานเดินจากไปไอ้ท็อฟฟี่ก็เปิดปากขึ้น

“ถ้าไม่ติดว่ามึงมีผัวแล้วนะ กูจะยุให้มึงได้กับไอ้เมฆจริงๆ มิน่าเขาถึงพูดกันให้แซ่ดว่ามึงกับไอ้เมฆเป็นมากกว่าเพื่อนสนิทกัน”

“ก็จริงอย่างที่เขาพูดนะ” เมฆว่ายิ้มๆ ผมก็พยักหน้าเออออไปกับเมฆ

“เหี้ย!นี่พวกมึงเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อกันหรอ แล้วพี่ทศกัณฐ์อิรันต์ทองง” ไอ้ท็อฟฟี่ทำท่าตกใจ คิดเป็นตุเป็นตะไปไกล เมฆจึงส่งสัญญาณให้อ๋องที่นั่งข้างๆไอ้ท็อฟฟี่ ไอ้อ๋องพยักหน้ารับก่อนจะประทับฝ่ามือลงกระหม่อมไอ้ท็อฟฟี่เต็มๆ เมฆหัวเราะพอใจก่อนจะแทคมือกับไอ้อ๋อง

“อิเหี้ยอ๋อง!อิสัสเมฆ! สารเลวมาก” ไอ้ท็อฟฟี่โววายทำท่าจะคืนแต่ก็ทำไม่ได้ จึงได้แต่ฟึดฟัดเจ็บใจอยู่คนเดียว

“มึงนี่นะ ฟังก่อนดิ กูกับเมฆเป็นมากกว่าเพื่อนสนิทจริงๆเพราะกูนับเมฆเป็นพี่เป็นเหมือนคนในครอบครัวกูจริงๆ” ผมอธิบาย

“ก็แล้วทำไมพวกมึงไม่อธิบายให้ชัดเจนตั้งแต่แรกล่ะคะ กูยิ่งเป็นตุ๊ดขี้มโนอยู่”

“มึงไม่ได้มโน มึงมันเพ้อเจ้อ” เก่งที่นั่งฟังเงียบๆอยู่นานได้ทีเหน็บไอ้ท็อฟฟี่บ้าง

“ไอ้เก่ง มึงก็อีกคนช่วยกันรุมด่ากูดีจัง ทำไมไม่พากันรุมโทรมกูบ้าง” ไอ้ท็อฟฟี่หัวเดียวกระเทียมลีบได้แต่โววายอยู่คนเดียว พวกผมก็พากันหัวเราะครีนกับท่าทางหัวเสียของมัน

“อ่ะนี่ของกู อาจจะไม่ได้แพงแต่กูตั้งใจเลือกให้มึงสุดๆและก็สุขสันต์วันเกิดนะเว้ย” อ๋องยื่นกล่องของขวัญเรียบๆขนาดใหญ่กว่าฝ่ามือผมไม่มากมาให้ ผมยิ้มรับของที่เพื่อนให้มา

“ขอบใจมากนะเว้ย”

“ส่วนนี่ของกูค่า...ของขวัญนี้มึงจะชอบจนต้องกราบขอบคุณตรงอกแม่เลยล่ะรันรัน แล้วก็ขอให้มึงมีความสุขมากๆผัวรักผัวหลง ผัวดีผัวเปย์ ทำการบ้านบ่อยๆไม่เปลี่ยวใจ” มันยื่นกล่องของขวัญลายดอกไม้ที่...โคตรเชยมาให้ กล่องใหญ่กว่าของไอ้อ๋องขึ้นมาหน่อย และคำอวยพรที่แม้จะเอาฮาแต่ผมก็สัมผัสได้ถึงความจริงใจจากสุเทพ ผมรับมาแล้วฉีกยิ้มกว้างให้มัน

“ขอบคุณคร้าบคุณแม่”

“จ้ะลูกสาว” ท็อฟฟี่ยิ้มพราวดูเจ้าเล่ห์แปลกๆ ผมวางของขวัญไว้ที่นั่งที่ว่างข้างๆ สายตาเหลือบเห็นหนังสือที่เมฆให้มา

“เมฆ...ของขวัญมึงมันมีเล่มเดียวหรอวะ?”

“ช่าย แต่เรื่องนี้สองเล่มจบนะ”

“แล้วมึงซื้อเล่มสองมาให้กูเนี่ยนะ?”

“อื้อ กูอยากให้มึงได้อ่านแต่เล่มหนึ่งหมดเลยเอาเล่มสองมาแทน ส่วนเล่มหนึ่งมึงไปหาซื้อเอาเองละกัน” พูดจบมันก็คีบซูชิเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆโดยไม่สะทกสะท้านอะไรทั้งนั้น มึงจะให้กูจับใจความของเรื่องยังไงวะ

เอาความซึ้งกลับน้ำตากูคืนมา...

“เอ่อ...สุขสันต์วันเกิดรันต์” เก่งส่งเสียงเรียก ผมหันไปมองก่อนมันจะยื่นหนังสือหนึ่งเล่มที่ปกเหมือนกันกับของเมฆเปี๊ยบแต่ขึ้นตัวไอใหญ่ตามหลังชื่อเรื่องหนึ่งตัวโดดๆ

หนังสือเรื่องเดียวกับเมฆแต่เป็นเล่มหนึ่ง...

ผมรับมาอย่างงงๆ บังเอิญโคตรๆ...อย่างกับพรหมลิขิต

เมฆที่เคี้ยวซูชิอยู่ถึงกับชะงักไปเลยดิ

“คือกูชอบเรื่องนี้ คิดว่ามันสนุกดีเลยไปหาซื้อมาเป็นของขวัญให้มึง แต่เล่มสองมันหมดก่อน ก็เลยซื้อมาเล่มเดียว”

ทุกคนเงียบ เหมือนจะประหลาดใจในความบังเอิญโคตรๆนี้

“ฮ่ะๆ โคตรเจ๋งขอบใจมากนะเว้ย” ผมยิ้มกว้างให้เก่ง ปัดเรื่องที่ไม่น่าเชื่อนี้ออกจากหัว

หลังจากนั้นทุกอย่างก็เข้าสู้โหมดปกติ ทุกคนต่างสวาปามอาหารตรงหน้าด้วยความหิวโหย กินกันสองชั่วโมงครบเวลาแต่เกือบกลับไปเรียนกันไม่ทัน

+++++++++++++++++++++

หลังเลิกเรียน

ผมเดินออกจากตึกก่อนเวลาเลิกเรียนครึ่งชั่วโมงมาพร้อมกับเพื่อนๆที่พากันเจี้ยวจ้าวเป็นนกแก้วนกขุนทองโดยเฉพาะท็อฟฟี่กับอ๋องที่ขัดแข้งขัดขากันดีเหลือเกิน

“น้องรันต์!”น้ำเสียงคุ้นหูเอ่ยเรียกชื่อผมจากอีกด้านหนึ่งของตัวอาคาร ชายวัยกลางคนมีผมสีดอกเลาแซมบนศีรษะประปราย อยู่ในชุดทำงานดูภูมิฐานเพียงแต่สูทตัวนอกพาดไว้กับแขนและเนคไทคลายออกเล้กน้อย

“คุณพ่อ” ผมขมวดคิ้วพึมพำกับตัวเองก่อนจะบอกลาเพื่อนๆ พยักหน้าให้กับเมฆที่มองอยู่แล้วปลีกตัวไปหาคุณพ่อ

“คุณพ่อสวัสดีครับ มาหาน้องรันต์มีอะไรรึเปล่าครับ”

“พ่อมารับน้องรันต์” คุณพ่อส่งยิ้มอบอุ่นมาให้แม้ใบหน้าเขาจะดูอิดโรยอยู่เนืองๆ

“มารับน้องรันต์ทำไมครับ?” ปกติเราก็จะโทรหากันบ้าง บางทีก็นัดกันออกไปกินข้าวกันสองคน แต่ผมไม่เคยให้คุณพ่อมารับผมเพราะผมกลัวท่านจะเหนื่อยและเสียเวลา แม้เราจะปรับความเข้าใจกันแล้วแต่ผมไม่อยากเป็นภาระ

“วันนี้วันเกิดน้องรันต์ พ่ออยากจะมารับน้องรันต์ไปกินข้าวที่บ้านด้วยกัน...ได้ไหมลูก?”คุณเอ่ยถามผมด้วยความไม่มั่นใจราวกับว่าตัวเองทำอะไรผิด

ผมเห็นแบบนั้นก็ใจอ่อนปนเวทนา

คนเป็นพ่อต้องมาอ้อนวอนลูกขนาดนี้เชียวหรอ

เรื่องแค่นี้เอง ทำไมผมจะให้เขาไม่ได้ เขาคือคนที่ทำให้ผมได้เกิดมานี่นา

“ได้สิครับ น้องรันต์อยากกินเค้กชาเขียวด้วย”ผมจับมือบุพการีที่เหลืออยู่คนเดียวแล้วแกว่งไปมาอ้อนๆ นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มเหมือนผมเปล่งประกายด้วยความดีใจ

“พอซื้อไว้อยู่ที่บ้สน นมใจทำของโปรดน้องไว้เต็มเลยนะลูก” คุณพ่อพูดพร้อมกับจูงมือพาผมไปที่รถด้วย ดีที่วันนี้ท่านให้คนมาขับรถให้ เราสองพ่อลูกก็นั่งคุยกันไปตลอดทาง

แต่ระหว่างนั้นผมรู้สึกสะกิดใจแปลก

ผมลืมอะไรไปรึเปล่านะ?

+++++++++++++++++++++++

ที่บ้านเปรมมีงานยุ่งทั้งวันเลย ขอมาลงครึ่งหนึ่งก่อนนะคะ แล้วก็สวัสดีวันปีใหม่ล่วงหน้านะคะ ขอให้นักอ่านทุกคนมีความสุขมากๆ...รักทุกคนเน้อ จุ๊ฟ :L1:

หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤ตอนที่ 39.1❤++50%++[31/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 31-12-2017 23:33:29
อ้าววววว น้องรันต์ลืมผัวซะงั้น
จะมีน้อยใจยาวๆอีกไหมล่ะเนี้ย :ling2:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤ตอนที่ 39.1❤++50%++[31/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 01-01-2018 01:36:58
พี่ทศน้อยใจไปแล้ว
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤ตอนที่ 39.1❤++50%++[31/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 01-01-2018 01:41:40
อ้าวว ลืมผัว 5555
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤ตอนที่ 39.1❤++50%++[31/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 01-01-2018 05:09:38
น้องลืมพี่ทศได้ไงเนี่ย  :hao4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤ตอนที่ 39.1❤++50%++[31/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 01-01-2018 05:56:04
อูยยยยยย..............น้องรันต์ ลืมพี่ทศ  :laugh:
พี่ทศงอนแน่ๆ  :z3: :z3: :z3:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤ตอนที่ 39.1❤++50%++[31/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 01-01-2018 06:55:18
ลืมพี่ยักษ์ซะแล้วน้องรัน
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤ตอนที่ 39.2❤++100%++[14/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 14-01-2018 20:03:58
ใจยักษ์ 39.2
“พี่รันต์!คิดถึงจัง!” เมื่อผมย่างเท้าเข้าสู่ตัวบ้าน เด็กหนุ่มตัวสูงผมสีทองก็วิ่งโร่เข้ามากอดผมเต็มรัก ผมจึงยกมือตบหลังริวเบาๆ

“เจ้าริว ใจคอลูกจะไม่ให้พี่รันต์เขาพักให้หายเหนื่อยหน่อยหรือไง” คุณพ่อที่เดินตามมาทีหลังเอ่ยทัก ริวผละออกจากผมแล้ววิ่งไปกอดคุณพ่อทันที

“คุณพ่อสวัสดีครับ ริวคิดถึงคุณพ่อเหมือนกัน”

“รู้แล้วๆขี้ประจบจริงๆลูกคนนี้” คุณพ่อลูบหัวริวด้วยความเอ็นดู ผมเผยรอยยิ้มบางๆเมื่อเห็นภาพนี้

“พี่รันต์วันนี้นอนที่นี่นะครับ น้า” ผมนิ่งคิดแต่เมื่อเห็นสายตาคาดหวังจากคุณพ่อปากผมก็ตอบไปเองโดยอัตโนมัติ

“อืม”

“เย้ รักพี่รันต์ที่สุด” โตแต่ตัวจริงๆเจ้าริว

“คุณน้อง” นมใจที่เดินมาหยุดอยู่ข้างๆผมเมื่อไหร่รู้เอ่ยเรียก ผมฉีกยิ้มกว้างแล้วจึงโน้มตัวไปกอดร่างท้วมของแม่นมแน่นๆพร้อมหอมแก้มซ้ายทีขวาที

“น้องคิดถึงนมที่สุดเล้ย”

“แหม ตั้งแต่มีแฟนนี่ปากหวานขึ้นนะคะเนี่ยคุณหนูของนม” นมได้ทีก็แซวผมใหญ่ ผมก็ได้แต่ยิ้มแก้มแดงๆอย่างเดียว

แฟนหรอ...เดี๋ยวนะ!

ผมนึกออกแล้วว่าผมลืมอะไรไปสักอย่าง ที่แท้ก็นัดทศกัณฐ์ไว้นี่เอง

Rrrr  Rrrr  Rrrr

‘ยักษ์ใหญ่’

ชิบหายละ!ยังไม่ทันได้ขาดคำเลย

“น้องขอไปคุยโทรศัพท์แปบหนึ่งนะครับ” ผมบอกทุกคนก่อนจะแยกตัวไปคุยโทรศัพท์อีกด้าน

ติ๊ด!

(อยู่ไหน?)น้ำเสียงราบเรียบไร้อารมณ์ถูกส่งผ่านออกมาทำให้ผมกลืนน้ำลายอึกใหญ่ก่อนจะตอบเขา

“อยู่...บ้านน้อง”

(...)

“ยักษ์ น้องขอโทษนะครับ คือคุณพ่อมารับแล้วเราคุยกันเพลิน น้องเลย...ลืม”

(...ไม่เป็นไร) โทนเสียงของเขายังปกติไม่มีกระแสอารมณ์อื่นเจือปนอยู่ในนั้น

“โกรธไหม” ผมถามอย่างร้อนใจ รู้สึกไม่ดีสุดๆ อย่างน้อยถ้าไม่ลืมก็จะได้โทรบอกให้เขาไม่ต้องไปรับ ผมอยู่กับทศกัณฐ์ทุกวัน ในขณะเดียวกันคุณพ่อคือคนที่นานๆได้เจอกันที ผมก็ไม่อยากปฏิเสธ

(ไม่โกรธ...จะกลับตอนไหน เดี๋ยวพี่ไป)

“ยักษ์...วันนี้น้องค้างที่บ้านนะ”

(อืม)

“ยักษ์ มากินข้าวที่บ้านกับน้องไหม”

(น้องกินเถอะ กว่าพี่จะถึงคงไม่ต่ำกว่าสองชั่วโมง)

“น้องจะรอ”

(ไม่เอาดิ นานๆได้อยู่กับครอบครัวทั้งทีนะ)

“พี่ก็ครอบครัวน้อง” เสียงผมเริ่มสั่น ทำไมเขาต้องทำเหมือนตัวเองเป็นคนนอกด้วย

(อย่างอแงดิ ไม่ได้อยู่โอ๋นะ)

“ก็มาสิ...ฮึก”

(ร้องไห้ทำไมครับ วันนี้วันเกิดน้องนะ...น้องต้องมีความสุขมากๆ)

“…”ผมเงียบแต่น้ำตามันไหลแล้วไง ทำไมเขาต้องพูดเหมือนไม่รู้สึกอะไร ทั้งๆที่เขาก็คงรู้สึกไม่น้อยไปกว่าผม

(พี่โอเคจริงๆ น้องอย่าร้องเลยนะ...พี่ใจจะขาด)

“ฮึก ครับ”

(ครับก็เงียบดิ)

“เงียบแล้วจะให้คุยยังไง”

(กวนตีนแล้วก้าง) บางครั้งทศกัณฐ์ก็จะชอบเรียกผมว่าก้างเนื่องจากว่าผมผอมจนเกินไป แต่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยเรียกสงสัยผมจะอ้วนขึ้นจริงๆ

“ยักษ์...น้องรักยักษ์มากๆนะ” ผมเป็นคนไม่ค่อยพูด ยิ่งบอกรักยิ่งแล้วใหญ่ ตั้งแต่วันที่เขาขอคบผมก็ไม่เคยพูดอีก ทศกัณฐ์ก็นิสัยคล้ายๆกับผม เราชอบที่จะแสดงออกมากกว่ามาบรรยายเป็นคำพูด

แต่ที่ผมบอกเขาในวันนี้ ก็เพราะผมอยากให้เขามั่นใจว่าผมยังรักและคิดถึงเขาเสมอ แม้บางบางช่วงเวลาอาจจะหลงๆลืมๆไปบ้าง...นิดหน่อย(ช่วงนี้ผมพักผ่อนน้อยนี่)

(พี่ก็รักน้องมากๆๆเหมือนกัน)

 “อื้อ” ถ้าทศกัณฐ์กัณฐ์ยืนอยู่ตรงหน้า ผมต้องเขินเขาหนักกว่ามากกว่านี้แน่ๆ

(พรุ่งนี้เจอกัน)

ผมรับคำทศกัณฐ์อีกไม่กี่คำแล้วกดวางสายจากนั้นจึงเช็ดหน้าเช็ดตาแล้วเดินเข้าไปหาทุกคนที่รออยู่ที่ห้องโถงใหญ่ จากนั้นเราก็พากันทานอาหารซึ่งมีแต่ของโปรดของผมจริงๆอยู่เต็มโต๊ะ ตบท้ายด้วยเค้กชาเขียวก้อนใหญ่ขนาดประมาณสามปอนด์

ช่วงประมาณสามทุ่มปาร์ตี้เล็กๆก็เลิก ริวกับคุณพ่อตามมาส่งผมถึงบนห้อง พวกเขาผลัดกันกอดและหอมแก้มผมคนละทีสองทีด้วยความรักใคร่

ริวงอแงจะนอนกับผมให้ได้ สุดท้ายผมก็ใจอ่อนยอมให้เขามานอนด้วย ตกดึกผมก็นอนกระสับกระส่ายพลิกตัวไปมา น่าแปลกที่ผมรู้สึกนอนไม่หลับเลย ทั้งๆที่ห้องนี้ผมก็เคยนอนหลับสนิทมาหลายปีแต่ทำไมวันนี้ผมถึงข่มตาให้หลับลงไม่ได้

“พี่รันต์นอนไม่หลับหรือครับ” ริวที่นอนอยู่ข้างๆถามด้วยน้ำเสียงติดจะงัวเงีย

“อืม...นิดหน่อย” ผมยื่นมือไปลูบหัวน้องเบาๆกล่อมให้หลับ

“มีเรื่องไม่สบายใจอะไรรึเปล่า”

“เปล่า”

หลังจากนั้นก็ต่างคนต่างเงียบไปจนสักพักริวก็เด้งตัวขึ้น เปิดโคมไฟข้างหัวเตียง

“พี่รันต์ลุกมาเก็บของเถอะครับ เดี๋ยวริวจะไปส่ง”

“ไปไหน?” ผมลุกขึ้นถามด้วยความงงงวย

“ตอนนี้ใจพี่รันต์นึกถึงใคร ก็ไปที่นั่นแหละ” ริวพูดยิ้มๆเหมือนรู้ทัน

“พี่...”ผมกำลังจะเอ่ยปฏิเสธคนเป็นน้องแต่ก็ตัดสินใจเปลี่ยนคำพูด “ขอบใจนะ”

“ริวรู้ใจพี่รันต์อยู่แล้ว แต่วันหลังพี่รันต์ต้องมานอนชดเชยกับริวนะ หลายๆวันด้วย” ริวพูดอย่างเด็กเอาแต่ใจ ผมก็ได้แต่ยิ้มแล้วพยักหน้าตกลง ผมใช้เวลาเก็บข้าวของไม่นาน ส่วนริวเดินไปล้างหน้าให้สดชื่น ตอนที่เราเดินออกจากห้อง ก็มีบางคนเดินขึ้นมาจากด้านล่าง

“สองพี่น้องจะพากันไปไหน” ริวสะดุ้งตามเสียงของคนที่เราคิดว่าหลับไปแล้ว คุณพ่อเลิกคิ้วนิดๆมองกล่องของขวัญที่เต็มไม้เต็มมือผม

“คือ...”ริวกำลังอ้าปากจะอธิบายแต่ผมก็ชิงตัดบทพูดก่อน

“น้องจะไปหาเขาครับ ริวเลยจะไปส่ง”

“ทศกัณฐ์?”

“ครับ” ผมมองสบตาคุณพ่อตรงๆ อยากให้เขาเข้าใจว่าทศกัณฐ์ก็สำคัญไม่แพ้ใคร

“อืม...เอาไว้วันหลังพาเขามาทานข้าวที่บ้านด้วยกันนะ”คุณพ่อคลี่ยิ้มบางพร้อมลูบหัวผมเบาๆ ผมฉีกยิ้มแล้วยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มที่เริ่มย่นเล็กน้อยไปตามกาลเวลา

“ขอบคุณครับ พรุ่งนี้เดี๋ยวน้องจะโทรหา”

คุณพ่อรับคำแล้วหันไปกำชับริวให้ขับรถดีๆ ริวขับรถพาผมไปส่งด้วยอัตราเร็วคงที่เนื่องด้วยถนนเส้นทางนี้ยามห้าทุ่มนั้นค่อนข้างโล่งจึงทำให้ริวมาส่งผมด้วยระยะเวลาแค่สี่สิบนาที

“พี่ไปแล้ว ขอบใจมากนะ” ผมปลดเบลท์แล้วหันไปเอ่ยลาริวที่นั่งจ้องหน้าผมแป๋ว

“เขาโชคดีจริงๆที่พี่รันต์รักเขามากขนาดนี้”

“พี่ก็โชคดีจริงๆที่มีน้องรักที่รักพี่ขนาดนี้” ผมยื่นมือไปขยี้ทรงผมเท่ๆของเขาเบาๆ ริวฉีกยิ้มกว้างแล้วยื่นหน้ามาหอมแก้มผมฟอดใหญ่ ผมผงะนิดๆแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ผู้ชายรอบตัวผมเป็นอะไรกันไปหมดนะ ชอบมากอดมาหอมผมกันจริง

ผมเดินเข้าตึก สแกนคีย์การ์ดเข้าลิฟท์ รู้สึกตื่นเต้นแปลกๆขณะที่ลิฟท์กำลังเดินทางถึงชั้นสี่สิบ เมื่อลิฟท์เปิดออกผมก็ค่อยๆย่างก้าวไปถึงห้องที่คุ้นเคย

ผมกดรหัสเข้าห้อง ภายในเย็นฉ่ำด้วยเครื่องปรับอากาศแต่ทุกอย่างกับเงียบสงัดราวกับไร้สิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ ผมกดเปิดไฟ กวาดตามองไปรอบๆห้อง เงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาบอกเวลาห้าทุ่มสี่สิบห้า

ผมวางของไว้บนโต๊ะแล้วก้าวขึ้นบันไดไปยังชั้นสองเมื่อไม่พบเขาที่ห้องนั่งเล่น เปิดแง้มประตูเบาๆ ไอเย็นจากแอร์ปะทะหน้าผมทันที ทศกัณฐ์เป็นคนขี้ร้อนมากเรื่องนั้นผมรู้ดี แต่เมื่อผมนอนด้วยเขาจะปรับอุณหภูมิให้เย็นพอเหมาะ บ่งบอกว่าเขาเอาใจใส่ผมแค่ไหน

ได้ยินเสียงลมหายใจเบาๆมาจากบนเตียง ผมเดินอ้อมไปอีกฝั่งของเตียงสอดตัวเข้าไปในผ้าห่มที่กองไว้ฝั่งของผม ค่อยๆขยับตัวเข้าไปใกล้อีกคนก่อนจะค่อยๆซุกหน้าเข้ากับแขนแกร่ง เบียดตัวเข้าหาอย่างต้องการความอบอุ่น ชั่วพริบตาคนที่ผมคิดว่ากำลังหลับอยู่กลับพลิกตัวขึ้นมาคร่อมทับตัวผมไว้อย่างรวดเร็ว

“ไหนว่าไม่กลับ?” ในน้ำเสียงเขาไม่มีความง่วงงุนอยู่เลยแม้แต่น้อย ลมหายใจอุ่นๆรินรดอยู่เหนือหน้าผากผมไม่กี่นิ้ว ผมหายใจติดขัดไปชั่วขณะ

“แล้วกลับไม่ได้หรือไง?”

“ได้ตามที่น้องต้องการครับ” แม้จะมองไม่เห็นใบหน้าเขาแต่ก็รู้ได้เลยว่าอีกคนกำลังยิ้มอยู่

“ฮึ!”

“คิดถึงพี่อ่ะดิ”

“อื้อ คิดถึงมาก นอนไม่หลับเลย”

ผมยื่นมือไปลูบแก้มสากเบาๆเมื่อเขาชะงักค้างไป ทศกัณกัณฐ์หายใจแรงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เขาเอื้อมมือไปเปิดไฟบนหัวเตียง ทศกัณฐ์มองผมด้วยความรู้สึกหลากหลาย เขาก้มลงมาประทับจูบบนหน้าผากผมเนิ่นนานก่อนจะค่อยๆขยับจูบไล่ไปตามขมับ พวงแก้ม แล้วหยุดอยู่ชิดริมฝีปาก

“จะทำให้รักไปถึงไหน แค่นี้ก็ขาดไม่ได้แล้ว”

“นั่นแหละที่น้องต้องการ” ผมฉีกยิ้มมองเขาโดยไม่หลบสายตา สื่อความหมายให้เขารู้ว่าที่ผมพูดไปนั่นคือเรื่องจริง

ทศกัณฐ์กระตุกยิ้มก่อนจะแนบรุมฝีปากประทับจุมพิตด้วยความอ่อนหวาน ผมจูบตอบอีกคนด้วยความรู้สึกเช่นเดียวกับเขา ริมฝีปากหนาค่อยๆละเลียดชิมบดจูบช้าๆและอ่อนโยน

“สุขสันต์วันเกิดนะเด็กน้อย มีความสุขมากๆสุขภาพร่างกายแข็งแรงเป็นดวงใจของพี่ตลอดไป” อีกคนอวยพรสั้นๆแล้วกดจูบบนหน้าผากผมอีกรอบแผ่วเบา

“ครับ” ถ้าหากในวันเกิดเราสามารถขอพรได้หนึ่งอย่าง ผมก็ขอให้คนที่ผมรักทุกคนมีแต่ความสุขและอยู่กับผมไปในทุกๆปี

ทศกัณฐ์พลิกตัวลงนอนข้างๆ รั้งตัวผมไปกอดแนบอกลูบหัวกล่อมผมเบาๆราวกับเป็นเด็กน้อย แต่ถึงกระนั้นไม่กี่วินาทีถัดมาผมก็หลับสนิทในอ้อมแขนคนรักอย่างง่ายดาย

จวบจนกระทั่งช่วงเวลาใกล้รุ่ง ผมสะดุ้งตื่นเพราะปวดฉี่ ผมค่อยแกะมือทศกัณฐ์ออกจากบั้นเอวแล้วลุกไปเข้าห้องน้ำ รู้สึกคอแห้งเลยเดินไปเปิดตู้เย็นเล็กในห้อง แต่น้ำดันหมด ผมเลยเดินไปชั้นล่างแทน

เมื่อถึงในครัวผมก็ตรงดิ่งไปหาตู้เย็นเทน้ำใส่แก้วแล้วดื่มดับกระหาย ในจังหวะที่หมุนตัวออกจากครัว สายตาผมเหลือบไปทางห้องกินข้าวเห็นเห็นเงาตะคุ่มๆขิงบางสิ่งวางไว้โดดๆอยู่บนโต๊ะอาหาร ผมเปลี่ยนเป้าหมายเดินไปอีกทางเปิดไฟห้องกินข้าว ก้าวเข้าไปใกล้สิ่งนั้นชัดๆมือจับฝาครอบให้เปิดออก

มันคือ...ข้าวผัด รึเปล่านะ?

ผมมองพิจารณาข้าวสีน้ำตาลที่มีลักษณะค่อนข้างเละปะปนอยู่กับไข่สีเหลืองมีผักปะปรายดูไม่ค่อยน่ากินสักเท่าไหร่ ที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นข้าวผัดเพราะว่ามีแตงกวารูปร่างบางหนาไม่เท่ากันพร้อมกับมะนาวอีกหนึ่งลูกที่วางประดับอยู่ขอบจาน

ย้ำนะครับว่ามะนาวหนึ่งลูก!

ผมทรุดตัวนั่งเก้าอี้ เลื่อนจานอาหารมาตรงหน้า หยิบช้อนและซ่อมที่เตรียมไว้ข้างจานขึ้นมา ก่อนจะตักคำแรกเข้าปาก รสสัมผัสแรกก็เกือบทำให้ผมคายทิ้งออกแล้ว แต่เดาว่าใครเป็นคนทำก็ทำให้ผมสามารถเคียวคำต่อๆไปได้

รสชาติมันค่อนข้างจะเค็มมาก เค็มจนปลายลิ้นชาเลยทีเดียว ผมจึงหยิบมะนาวไปที่ครัว ใช้มีดผ่าเป็นซีกๆแล้วบีบใส่ข้าวผัด รสชาติค่อยกินได้ขึ้นมาหน่อย บางคำก็มีเศษเปลือกไข่มาให้เคี้ยวเล่นได้อารมณ์ไปอีกแบบ

มันก็ไม่ได้เป็นการฝืนกินอะไร กลับกันผมรู้สึกว่าผมสามารถกินได้อีกถ้าเขาเป็นคนทำให้ ข้าวผัดจานนี้แม้รสชาติจะไม่ได้อร่อยติดไปทางย่ำแย่ด้วยซ้ำ แต่ผมสัมผัสได้ว่าเขาใส่ใจและอยากทำให้ผมจริงๆมันจึงทำให้ผมสามารถกินอาหารจานนี้ได้เรื่อยๆจนหมด

ผมมองจานอาหารที่ว่างเปล่าด้วยความรู้สึกหลากหลาย มันทั้งคาดไม่ถึงทั้งอธิบายเป็นคำพูดไม่ถูก แต่ความรู้สึกที่ชัดเจนที่สุดคือมันอุ่นวาบไปทั้งหัวใจ

ผมอมยิ้มเล็กๆเก็บจานไปล้างทำความสะอาด ดื่มน้ำล้างปากเรียบร้อยแล้วจึงขึ้นไปยังชั้นสอง

ผมสอดตัวเข้าไปในผ้าห่ม ขยับตัวเข้าไปใกล้อีกคนอีกนิดแล้วซุกหน้ากับแขนแกร่ง

ทศกัณฐ์ขยับตัวน้อยๆก่อนจะรั้งตัวผมเข้าไปในอ้อมกอดซุกอกเขา ผมกอดเอวสอบแน่นแล้วผงกหัวขึ้นจูบปลายคางของเขาแผ่วเบาก่อนจะซุกหน้าลงกับอกหนาดังเดิมแล้วหลับสนิทไปในที่สุด

+++++++++++++++

ผมตื่นขึ้นมาในช่วงเจ็ดโมงเช้าก็ไม่เจอทศกัณฐ์อีกแล้ว คาดว่าเขาคงไปออกกำลังกายอีกไม่นานก็คงจะกลับ ผมขยับตัวลุกขึ้นบิดขี้เกียจ แต่มือกลับสัมผัสไปโดนบางสิ่งที่วางอยู่บนเตียง

ผมหยิบกล่องของขวัญขนาดเล็กกว่าฝ่ามือเล็กน้อยขึ้นมาพิจารณาดู มันถูกห่อด้วยกระดาษเรียบลื่นสีน้ำตาลทองพร้อมโบว์เล็กๆประดับไว้ มีการ์ดห้อยอันเล็กว่าของขวัญสำหรับผมเป็นลายมือของทศกัณฐ์

ผมแกะห่อของขวัญออกช้าๆอย่างประณีต ค่อยๆเปิดฝากล่องออกอย่างลุ้นนิดๆ เมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ข้างในก็ทำให้ผมอดจะกังวลไม่ได้

ดีใจมันก็ดีใจอยู่หรอก แต่ว่า...

ผมตัดสินใจลุกจากเตียงไปล้างหน้าแปรงฟัน ก่อนจะลงไปด้านล่างก็ไม่ลืมหยิบของขวัญจากอีกคนลงไปด้วย

เมื่อเดินมาชั้นล่างทศกัณฐ์ก็เปิดประตูเข้ามาในห้องพอดี เขายิ้มทักทายผมด้วยใบหน้าที่สดใส ร่างสูงเดินเข้ามาใกล้แล้วยื่นหน้ามาหอมแก้มรับอรุณผมไปอีกสองที

“เป็นอะไรทำหน้าเครียดๆ”ทศกัณฐ์รั้งแขนผมไปนั่งด้วยกันบนโซฟาก่อนเอ่ยถาม

“ยักษ์...ของขวัญที่ให้น้องเอาคืนไปนะ มันมากเกินไป” ผมวางกล่องลงบนมือหนาแล้วระบายยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยนที่สุด ทศกัณฐ์ก้มมองสิ่งของที่อยู่บนมือ ใบหน้าหล่อเหลาขรึมลงไปอีกหลายระดับ

“พี่ให้น้องแล้ว ไม่รับคืนหรอก”

“ยักษ์ มันแพงเกินไป” ผมแสดงสีหน้าลำบากใจอย่างชัดเจน ให้อะไรไม่ให้ดันให้รถแถมยังเป็นรุ่นที่เขาเพิ่งถามผมไปเมื่อสัปดาห์ก่อนๆอีก

“ถ้าน้องไม่ต้องการก็เอาไปทิ้งหรือจะเอาไปทำอะไรก็ได้ตามใจน้อง อะไรที่พี่ให้ไปแล้วก็คือให้มันไม่ใช่ของพี่อีก”

“…”

“สำหรับพี่น้องคือทุกอย่างในชีวิต ไม่มีอะไรที่น้อยหรือมากเกินไป...พี่ให้ด้วยใจจริง”ทศกัณฐ์ลุกขึ้นวางกุญแจรถไว้บนโต๊ะแล้วเดินขึ้นชั้นสองไป

ผมได้แต่มองตามแผ่นหลังกว้างไปจนสุดสายตา

หลังจากนั้นผมก็ไปอาบน้ำอีกห้อง หลังแต่งตัวเสร็จเราก็ยังไม่ได้พูดอะไรกัน พอถึงเวลาจะไปเรียนทศกัณฐ์ก็เป็นคนขับรถพาผมไปส่งที่มหาลัย ก่อนลงเขาก็ยัดถุงแซนวิชใส่มือผมเงียบๆ ผมไม่ได้พูดอะไร ได้แต่ยกมือไหว้เขาแล้วลงรถ

วันนี้ผมเงียบจนบรรยากาศอึมครึมไปทั้งวัน เพื่อนไม่มีใครกล้าเข้ามาแกล้งผมสักคน

“น้อง วันนี้มึงเป็นอะไรวะ” เมฆที่ทนไม่ไหวก่อนใครเพื่อนเอ่ยถาม

“เปล่า”

“เปล่าเหี้ยไรคะ ทะเลาะกับผัวมาน่ะสิ” ไอ้ท็อฟฟี่เสือกขึ้นมา

“ไม่ได้ทะเลาะ” เป็นผมที่งี่เง่าไปเองคนเดียวมากกว่า

“ปากบอกไม่ได้ทะเลาะแต่หน้ามึงนี่จะร้องอยู่แล้วสัส”

“กู...ไม่รู้ว่ะ”

“เอ้า ร้องซะละ” เมฆร้องอย่างตกใจก่อนจะรั้งผมเข้าไปกอด “เป็นอะไรเล่ามาดิ๊”

“พี่ทศโกรธกูแล้วอ่ะ กูงี่เง่าเอง” ผมเช็ดน้ำตาปริ่มๆแต่ยังไม่ได้ไหล คือมันเหมือนมีคนมารุมถามเยอะๆแล้วมันรู้สึกกดดันแล้วก็อ่อนแอลงไปซะเฉยๆน่ะครับ

“โกรธยังไง ไหนเหลามาสิ” ไอ้ท็อฟฟี่ลากผมไปนั่งตรงจุดที่ไม่ค่อยมีคน เมฆกับอ๋องก็ตามมานั่งฟังด้วย ผมเลยเปิดปากเล่าตั้งแต่เรื่องเมื่อวานให้เพื่อนฟัง

“โอ๊ยยยย!อิดอก!เล่นตัวไม่เข้าเรื่อง เขาให้อะไรก็รับๆไว้เถอะ ใช้ไม่ใช้นั่นอีกเรื่อง”

“กูไม่ได้คบกับเขาเพื่อหวังสิ่งของเงินทองจากเขานะเว้ย อีกอย่างมันสิ้นเปลืองไปหน่อย”

“กูก็ไม่ได้หมายถึงแบบนั้น เขาให้มึงเองด้วยความเสน่หาน่ะ เข้าใจไหมคะ แล้วถ้าเขาเดือดร้อนเขาจะให้มึงหรอ ที่เขาซื้อให้แสดงว่าต้องมีเหตุผล คิดหน่อยสิหนู” ไอ้ท็อฟฟี่จิ้มหัวผมจนสั่นไปหมด

“กูว่าที่อีสุเทพพูดมันก็ถูก เขาคงเห็นมึงไปนั่งรอเขาเรียนเสร็จมืดๆค่ำ บางทีเวลามาเรียนก็ไม่ตรง มอเตอร์ไซค์ก็ไม่ให้ขี่ แท็กซี่ก็ไม่ให้นั่ง รถเมย์ก็หมด เขาคงเป็นห่วงมึงก็สมเหตุสมผลที่จะซื้อรถเพิ่มอีกคัน” เมฆวิเคร์ตามที่ไอ้ท็อฟฟี่พูด

“อิเหี้ยเมฆอยากโดนกูจูบปากใช่ไหม ถึงกล้าเรียกชื่อนี้” ไอ้ท็อฟฟี่ชี้หน้าคาดโทษเมฆ

“แต่มันก็มากเกินไปอยู่ดีนะมึง”

“ผัวมึงรวย!” ทุกคนพร้อมใจกันประสานเสียง ผมได้แต่สงบปากสงบคำไม่เถียงอะไรพวกมันอีก

“อย่าลืมไปง้อเขาล่ะ เล่นท่ายากสักสองสามท่าก็ใจอ่อนละ”

เออออออ เอาก็เอาวะ

++++++++++++++

ผมรอทศกัณฐ์เลิกเรียนแล้วกลับพร้อมกัน สายตาตอนที่เขาเห็นผมดูประหลาดใจชั่วแวบหนึ่งก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นดีใจเมื่อผมส่งยิ้มบางๆให้เขา

เขายกมือลาเพื่อนก่อนจะเดินมาจับมือผมไว้หลวมๆแล้วพาไปขึ้นรถ ผมก้มมองมือที่ประสานกันอยู่แล้วรู้สึกโล่งอก เราสองคนเป็นประเภทมีอะไรแล้วไม่ค่อยยอมพูดกัน ชอบเก็บงำความรู้สึกไว้เพราะกลัวว่าถ้าแสดงออกไปแล้วอีกฝ่ายจะไม่ชอบ มาตอนนี้เรายังสามารถอยู่ด้วยกันได้อยู่ ผมก็ดีใจ

บางทีผมก็ควรจะลดทิฐิของตัวเองลงอีกนิด เพราะเขาก็ยอมให้ผมมากพอแล้ว

ไม่ใช่เพื่อผมแต่เพื่อเรา...

+++++++++++++++

มาแย้วววว ติดไปทำนั่นทำนี่ พอว่างแล้วก็ติดเพื่อนติดเที่ยวด้วย นิยายก็เลยไม่ได้ใส่ใจ แต่มีคนเตือนสติเปรมก็สำนึกแล้วจริงๆจ้า :m15:
ป.ล.ตอนหน้าจบนะ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤ตอนที่ 39.2❤++100%++[14/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 14-01-2018 20:30:59
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤ตอนที่ 39.2❤++100%++[14/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 14-01-2018 20:35:00
พระเอกเราสายเปย์ อย่าไปขัดใจเขาเลยค่ะ   :mew1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤ตอนที่ 39.2❤++100%++[14/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 14-01-2018 20:36:41
ชอบบบบบ..... :mew1: :mew1: :mew1:

ทศ รันต์  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
รันต์ เปิดเผยอารมณ์ของตัวเองว่าติดทศ
นอนไม่หลับถ้าไม่ได้นอนกับทศ
ทศ ก็รักรันต์ สุดๆ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤ตอนที่ 39.2❤++100%++[14/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 14-01-2018 23:21:36
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤ตอนที่ 39.2❤++100%++[14/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 16-01-2018 00:00:50
เรียนรู้ ปรับตัว ปรับทัศนะคติ ปรับจูนความคิด สุดท้ายคือการให้อภัย
ไม้เท้ายอดทอง กระบองยอดเพชร ไม่หนีไปไหน  :กอด1:
มารอดูตอนจบ จะจบแบบไหน หวานซึ้ง หวานหื่น หรือหวานปานน้ำผึ้ง  :hao6:
+1 ให้เป็นกำลังใจครับ  :L2:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤ตอนที่ 39.2❤++100%++[14/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 16-01-2018 09:51:03
พี่เค้าอยากให้ ก้รับๆไว้เถอะหนูรันต์
ให้ในโอกาสพิเศษงี้ ไม่ได้ซื้อของราคาเท่านี้ให้ทุกวันซะหน่อย
ปฏิเสธพอเป็นพิธีก้พอละ คนให้มันเสียน้ำใจ
รอตอนจบค่าาา
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤ตอนที่ 39.2❤++100%++[14/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 16-01-2018 10:51:36
สามีสายเปย์ o13 o13 o13

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤ตอนจบ❤++ครึ่งแรก++[21/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 21-01-2018 18:47:11
ใจยักษ์ (ตอนจบ)[ครึ่งแรก]

ร่างสูงเพรียวในชุดสูทเข้ารูปสมัยใหม่สีน้ำเงินเข้มก้าวเท้าเข้าบริษัทเงินทุนที่มั่งคั่งและยิ่งใหญ่เป็นอันดับหนึ่งในแถบยุโรป สถานที่ตั้งสำนักงานอยู่ในเขตCanary Wharf  ทางด้านทิศตะวันออกของกรุงลอนดอน

ทันทีที่เขาก้าวเท้าเข้าไป เหล่าพนักงานที่เห็นต่างค้อมศีรษะให้เล็กน้อยเป็นการแสดงความเคารพ รอยยิ้มบางถูกแจกจ่ายให้กับทุกคนอย่างทั่วถึง ขาเรียวยาวภายใต้กางเกงแสล็คเข้ารูปเดินตรงดิ่งเข้าลิฟท์สำหรับผู้บริหารระดับสูงเท่านั้น ซึ่งปัจจุบันมีคนใช้ลิฟท์ตัวนี้ได้แค่สองคนเท่านั้น

หนึ่งคือเขาคนนี้ และอีกคนที่เป็นเจ้าของบริษัท

เขากดชั้น 35 ซึ่งเป็นชั้นบนสุดของตึกสูงระฟ้าแห่งนี้

ติ้ง!

“คุณรันต์!ผมนึกว่าวันนี้คุณจะไม่เข้าออฟฟิตแล้วซะอีก...พระเจ้า!ในที่สุดคุณก็มาช่วยเรา” บุคคลที่นั่งอยู่หน้าประตูห้องCEOเงยหน้าขึ้นมองผู้มาใหม่ด้วยความดีใจระคนตื้นตัน วันนี้เจ้านายเขาค่อนข้างหัวเสียอยู่พอสมควร ไม่ว่าใครก็เข้าหน้าไม่ติด พอเห็นคนที่พอจะช่วยเขาแก้ไขสถานการณ์ได้ก็อดจะดีใจไม่ได้

วันนี้สถานการณ์ค่อนข้างเลวร้าย เนื่องจากผู้ช่วยพิเศษคนนี้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาซึ่งควบตำแหน่งคนรักของท่านประธานออกไปคุยเรื่องสัญญากับคู่ค้าข้างนอกบริษัทตั้งแต่เช้าและมีแววว่าจะไม่กลับเข้ามาอีกในตอนบ่าย

ท่านประธานที่พึ่งมารู้ในตอนหลังถึงกับหัวคิ้วกระตุกหน้าตึงขึ้นอีกสิบระดับ บรรยายกาศรอบตัวลดฮวบฮาบจนติดลบ ริชาร์ดที่ทำหน้าที่เป็นเลขาท่านประธานมาห้าปีกว่ารู้ได้โดยทันทีว่าท่านหงุดหงิดหนักค่อนไปทางอารมณ์เสียมากแล้ว

และสาเหตุที่ทำให้ท่านเป็นแบบนี้น่ะหรือ

ก็คู่ค้าที่คุณรันต์ออกไปคุยด้วยวันนี้ เขาค่อนข้างสนใจคุณรันต์อย่างออกหน้าออกตาเลยล่ะ

จะไม่ให้ท่านประธานโมโหหึงอย่างไรไหว

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ท่านเป็นอย่างนี้ แต่ก็ไม่บ่อยจนต้องวางแผนหาทางรับมือ

เพราะคนที่เอาท่านประธานอยู่ก็มีอยู่คนเดียว ถ้าคุณรันต์ไม่อยู่เขาจะทำอย่างไรได้

พวกที่ไม่รู้ตื้นลึกบางหนาก็ต้องเป็นเบาะรองรับพายุอารมณ์ของท่านประธานไปตามๆกัน

“เขาเป็นอย่างไรบ้างริชาร์ด”ร่างเพรียวเพียงเอ่ยถามยิ้มๆอย่างใจเย็น

“ไม่มีใครเข้าหน้าติดสักคนเลยครับ วันนี้ในที่ประชุมโดนท่านประธานฉะยับกันถ้วนหน้า โดยเฉพาะผู้จัดการฝ่ายสินเชื่อที่โดนท่านฉีกแบบร่างโครงการใหม่ทิ้งลงถังขยะใส่หน้าอย่างไม่ไยดีเลย”ริชาร์ดกล่าวรายงานให้เจ้านายอีกคนฟัง

“อืม แสดงว่าอารมณ์เสียจริงๆ” เหรันต์พยักหน้ารับทราบสถารการณ์ “เขาอยู่ในห้องใช่ไหม?”

“ครับ” ริชาร์ดเอ่ยตอบรัวเร็ว มองตามร่างบางสูงโปร่งที่เดินเข้าห้องท่านประธานด้วยท่าทีสบายใจ เอาเถอะ!ถึงมือคุณรันต์แล้วคงไม่มีอะไรต้องห่วง

ใครจะไปคิดว่าท่านประธานผู้แสนเย็นชาและดุดันคนนั้น จะกลายเป็นลูกแมวน้อยเชื่องๆในมือผู้ชายที่มีใบหน้าประดับรอยยิ้มตลอดเวลาอย่างคุณรันต์

เขามีวิธีปราบเสือร้ายแบบไหนกันนะ ริชาร์ดไม่กล้าแม้แต่จะคิดต่อเลยทีเดียว...

+++++++++++++++++

แกร็ก! ผมดันปิดประตูเบาๆ ยังก้าวเท้าไม่ถึงสามก้าวดีอีกคนที่นั่งอ่านเอกสารอยู่บนโต๊ะก็เอ่ยไล่ด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก ถ้าเป็นคนอื่นคงแข้งขาสั่นจนไปไม่เป็นแล้ว

“ผมอนุญาตให้คุณเข้ามาหรือ” ทศกัณฐ์เอ่ยทั้งๆที่ไม่เงยหน้าขึ้นมามองด้วยซ้ำ

“ผมขออนุญาตเข้าพบท่านประธานได้ไหมครับ” ผมพูดขึ้นขณะสาวเท้าเข้าไปใกล้โต๊ะทำงานยักษ์ขี้โมโห เขาเงยหน้าขึ้นประจวบเหมาะกับที่ผมหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเขาโดยมีโต๊ะคั่นกลางไว้พอดี

ทศกัณฐ์ลุกขึ้นฉับพลัน ตรงมาคว้าแขนผมพาไปที่โซฟาสีเบสอีกมุมหนึ่งของห้อง เขานั่งลงก่อนจะจับให้ผมนั่งลงกับตักแกร่งของตัวเอง ผมจึงสอดแขนคล้องคอหนาอย่างเอาใจเขา พร้อมๆกับที่เขาก็กอดรัดเอวผมไว้แน่นก่อนจะฝังจมูกลงกับซอกคอผมแล้วดูดแรงๆทีหนึ่งจนผมสะดุ้ง

“วันนี้เป็นอะไร ทำไมถึงหงุดหงิดขนาดนี้หืม?”ผมลูบหัวทศกัณฐ์เบาๆพร้อมกับนวดคลึงขมับให้เขาผ่อนคลายอารมณ์

“ไม่รู้จริงๆหรอ?” ใบหน้าหล่อเหลาผละออกจากซอกคอมองหน้าผมตรงๆ ดวงตาสีเขียวซีดประกายแววน้อยใจออกมาหน่อยๆ ทำให้ผมกลั้นยิ้มไว้แทบไม่อยู่

“น้องไปทำงาน พี่จะมางอนอะไรน้อง” ผมหยิดแก้มสากที่มีไรหนวดขึ้นสั้นๆแต่ทรงเสน่ห์ เขาขมวดคิ้วนิดๆก่อนจะไล่ต้อนผมอย่างไม่ยอมแพ้

“แล้วทำไมน้องต้องไป พี่บอกแล้วไงว่าไม่ให้ทำ”

“ก็น้องเป็นคนดูแลลูกค้าคนนี้ตั้งแต่แรก อยู่ๆจะให้เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาแบบไม่มีเหตุผลเขาจะมองบริษัทไม่ดีนะ”

“มองยังไงก็ช่างหัวมันสิ ไม่พอใจก็ไม่ต้องทำ” แรงกอดรัดบริเวณเอวผมเพิ่มขึ้น รู้สึกว่าเส้นความอดทนของทศกัณฐ์ใกล้จะขาดลงทุกที ขืนเป็นแบบนี้มีหวังทศกัณฐ์ฉีกสัญญาของบริษัทอีวานส์แน่ๆ

ผมจึงโน้มหน้าไปจูบขมับอีกคนหลายๆทีก่อนจะกอดเขาไว้แน่น มืออีกข้างลูบหลังเขาไปมาให้ใจเย็นขึ้น เมื่อรู้สึกว่าอีกคนสงบสติอารมณ์ได้แล้วจึงค่อยๆอธิบายเหตุผลให้ฟัง

“บริษัทคุณอีวานส์เขาเป็นลูกค้ารายใหญ่ทำสัญญากับเขาก็ไม่มีอะไรเสียหาย ความเสี่ยงโครงการเขาก็ต่ำ กำไรที่เราจะได้คืนจากเขาก็ไม่ใช่น้อยๆ อย่างน้อยเราก็ต้องให้เกียรติเขาบ้างยักษ์”

“แต่มันสนใจน้อง มันมองน้องแบบ...” ทศกัณฐ์กัดฟันกรอดๆไม่ยอมพูดต่อ ผมจึงจูบหน้าผากกว้างปลอบใจเขาไปอีกที

“ก็เขาไม่รู้ว่าน้องมีแฟนแล้ว”

“ผัว”

“เออๆนั่นแหละ”

“แล้วทำไมไม่บอกมัน”

“แหม อยู่ๆจะให้เดินไปบอกเขาว่า ‘ผมมีผัวแล้วนะครับคุณอีวานส์ชื่อทศกัณฐ์เป็นเจ้าของบริษัทที่คุณกำลังจะทำสัญญาด้วย เลิกมองผมแบบนี้สักที ผัวผมหวง’ แบบนี้อ่ะหรอ”

“ใช่ เอาแบบนั้นแหละ” ทศกัณฐ์ตอบหน้านิ่ง

“ฮ่าๆๆ ยักษ์บ้าป่ะ เขาแค่มองเองไม่ได้ทำอะไรมากกว่านี้สักหน่อย” ทศกัณฐ์ดูจะหมั่นไส้กับการหัวเราะเยาะเขา จึงจับผมบดจูบแรงๆจนขำไม่ออกไปหลายนาที

“แค่มองก็หวง ไม่ชอบ”

“ฮึ น้องแก่แล้วนะ มีอะไรให้หวงกัน ไม่ใช่เด็กหนุ่มสิบเจ็ดสิบแปดนะ”

“แก่ตรงไหนน่ะเรา ถึงจะแก่พี่ก็รัก” แล้วผมก็โดนเขาฟัดแก้มไปอีกหลายที ท่าทางน่าจะอารมณ์ดีขึ้นไม่น้อยแล้วล่ะครับ

อืม...ผมคงลืมเล่าอะไรบางอย่างไป ปัจจุบันนี้ผมอายุ 29 ขวบปีแล้วครับ ทศกัณฐ์ก็ 32 ตั้งแต่ที่เริ่มครบกันจนถึงวันนี้ก็เกินสิบปีเข้าไปแล้วล่ะครับ ชีวิตผมและทศกัณฐ์มีการเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆอย่าง

ตอนที่ทศกัณฐ์เรียนจบเขาก็ยังรั้งอยู่ที่เมืองไทยกับผม แต่ก็บินไปๆมาที่อังกฤษกับไทยเพื่อมาดูงาน จนเมื่อผมเรียนจบเขาขอให้ผมย้ายมาอยู่กับเขาที่อังกฤษเพราะบริษัทเขาขยายตัวใหญ่ขึ้นทำให้เขาต้องทำงานหนักขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เวลาประจำเขาจึงต้องอยู่ที่อังกฤษเป็นส่วนใหญ่ แต่ผมก็ปฎิเสธคำขอร้องเขาไปทำให้ทศกัณฐ์นอยด์ผมไปเป็นเดือนเลยล่ะ

เหตุผลที่ทำให้ผมยังไม่มาอยู่กับเขาตั้งแต่แรงคือผมอยากหาประสบการณ์ทำงานด้วยตัวเองก่อน อุตส่าห์บากบั่นเรียนจนจบเกีนรตินิยมจะไม่ให้ใช้งานเลยได้อย่างไร สุดท้ายทศกัณฐ์ก็ต้องยอมแพ้ให้กับเหตุผลของผมแต่ยื่นข้อแม้ว่าถ้าเดือนไหนที่เขาไม่ว่างกลับมาหา ก็ต้องเป็นผมที่ต้องมาหาเขาที่ลอนดอนแทน เราทำแบบนี้ไปๆมาๆได้สักปีเศษผมก็ออกจากบริษัทที่ทำอยู่ด้วยเหตุผลหลายๆอย่าง

ทศกัณฐ์ดูดีใจมากที่ในที่สุดผมก็ว่างงานสักที  แต่แล้วเขาก็ไม่สามารถพาผมกลับมาอยู่ที่อังกฤษดังใจหมายได้เพราะบริษัทพ่อผมอยู่ในช่วงวิกฤต อาการเจ็บป่วยของคุณพ่อก็เริ่มเป็นหนักขึ้น ริวที่พึ่งจบมาก็ยังจัดการอะไรไม่คล่องแคล่วเท่าไหร่ คุณพ่อเลยขอให้ผมกลับไปช่วย

ผมช่วยงานบริษัทคุณพ่ออีกสามปี รอเวลาที่ริวเรียนจบปริญญาโทกลับมาจากอเมริกาด้วย สถารการณ์บริษัทก็ค่อยๆดีขึ้นตามลำดับ จนริวเข้ามาช่วยคุณพ่อบริหารอย่างเต็มตัวบริษัทก็ใหญ่โตและมั่นคงจนมาถึงทุกวันนี้

พอตัวผมไร้ภาระ ทศกัณฐ์ก็วางแผนกระทำชำเราร่างกายผมจนไร้เรี่ยวแรงแล้วจึงจับผมยัดใส่เครื่องบินส่วนตัวพาข้ามน้ำข้ามทะเลมาอยู่ที่อังกฤษแบบขัดขืนอะไรไม่ได้สักนิด แล้วเขาก็ให้เหตุผลว่าขอคุณพ่อผมเรียบร้อยทำเอาปฏิเสธไม่ออกเลยล่ะครับ จวบจนปัจจุบันนี้ก็เกือบห้าปีแล้วที่ผมต้องจากบ้านเกิดมาอยู่กับคนรัก

ผมกลับไทยปีละสามสี่ครั้ง แต่ก็อยู่นานมากไม่ได้ เดี๋ยวคนแถวนี้จะลงแดงเอา มันเคยมีเหตุการณ์มาแล้วน่ะครับ

มาเล่าถึงชีวิตคนอื่นบ้าง เริ่มจากเมฆก่อนเลยก็แล้วกัน เมฆเรียนจบแล้วก็เลือกไปเรียนต่อMBAที่อเมริกาสองปี แล้วกลับไปช่วยป๊ากับเฮียมันบริหารบริษัท ปัจจุบันมันก็นั่งตำแหน่งรองประธานกรรมการ โดยมีเฮียพายุรับตำแหน่งประธานต่อจากป๊า

ส่วนเก่ง มันเข้าทำงานที่บริษัทลูกในเขตปริมณฑลของบริษัทเมฆ ผมมีโอกาสได้คุยกับมัน มันก็บอกไม่รู้จริงๆว่าเป็นกิจการของบ้านเมฆ ช่างบังเอิญจริงๆ ปัจจุบันเก่งก็ดำรงตำแหน่งหัวหน้าแผนกอะไรสักอย่างอยู่ที่เดิม

อ๋องเป็นเด็กเหนือ ที่บ้านมีกิจการไร่ชาและกาแฟ มันก็กลับไปช่วยกิจการที่บ้าน เวลาที่ผมกลับไทยตอนไหนถ้ามันว่างก็จะลงกรุงเทพฯมาหาเสมอ...ซึ่งมันก็ดูว่างอยู่ตลอด

ส่วนไอ้ท็อฟฟี่ รายนั้นก็มีร้านกระเป๋าเป็นของตัวเองทั้งๆที่ตอนแรกก็เข้าไปช่วยงานบริษัทของป๊ามัน แต่ทำได้ไม่กี่ปีก็เลิกโดยที่มันให้เหตุผลว่าไม่ชอบบรรยากาศการทำงานแบบนั้น ดูไม่เป็นตัวของตัวเอง จะแสดงออกมากก็ไม่ได้ต้องไว้หน้าป๊าบ้าง ก็เลยออกมาเปิดแบรนด์กระเป๋าเป็นของตัวเองซะเลย ช่วงแรกๆผมก็ถามมันว่าเงินพอใช้หรอเปิดร้านใหม่โดยไม่ขอพ่อ มันก็ตอกกลับมาซะผมหน้าแดงฉ่า ‘กูขายตัวให้ผัวกู ได้น้ำละหมื่น ช่วงนี้ขยันหน่อยเพราะไม่ค่อยมีเงินก็ได้วันละเป็นแสนอยู่นะลูก’ ผมไม่รู้ว่าจริงไหมแต่ก็ไม่กล้าถามต่อ เพราะฉะนั้นถ้าอยากรู้ก็ไปถามมันเอาเองก็แล้วกันนะครับ

ส่วนสองสาวน้ำและหญิง น้ำทำงานในบริษัทข้ามชาติแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯปัจจุบันก็ตำแหน่งค่อนข้างสูง ส่วนหญิงมาเหนือความคาดหมายมากเพราะเธอเข้าวงการไปเป็นนักแสดง ตอนนี้ก็ค่อนข้างจะมีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆเลยล่ะครับ

คิดๆไปแล้วก็รู้สึกคิดถึงเพื่อนๆแฮะ

“...น้อง...น้องรันต์”ทศกัณฐ์สะกิดเรียกผมเบาๆให้ตื่นจากภวังค์

“เมื่อกี้พี่ว่าไงนะ?”

“พี่ถามว่ากินข้าวมาหรือยัง น้องเหม่ออะไร? หรือคิดถึงนายอีวานส์” ทศกัณฐ์หลี่ตามอง หึงอีกละ

“ยังไม่ได้กินเลยครับ รอมากินพร้องเบบนี่แหละ” ผมเรียกทศกัณฐ์อ้อนๆก่อนจะจูบมุมปากเขาอีกทีอย่างหมั่นเขี้ยว

“ถ้าอย่างนั้นเราออกไปกินข้างนอกแล้วกัน…แล้วเมื่อกี้เหม่ออะไร?”

“คิดถึงเรื่องสมัยก่อนของเราน่ะครับ แล้วก็คิดถึงเพื่อนๆที่ไทยด้วย...อยากกลับไปได้ป่าว?” ผมจ้องทศกัณฐ์อ้อนๆผมทำตาแป๋วใส่

“พึ่งกลับไม่ใช่หรือไง”

“ห้าเดือนแล้วเนี่ยนะ! น้องคิดถึงบ้าน” คือช่วงนี้ผมยุ่งมากจริงๆครับ แม้ว่าทศกัณฐ์จะไม่ต้องการให้ผมทำงาน แค่ใช้เงินที่เขาใส่บัญชีไว้ให้ใช้แต่ละเดือนๆก็พอแล้ว ผมมีหน้าที่แค่กิน นอน ทำกับข้าว ใช้เงิน เที่ยวเล่น(ในสายตาเขา) มันก็ค่อนข้างจะเบื่อ เลยมาช่วยเขาทำงานซะเลย ตัวผมก็ไม่ได้ต้องการตำแหน่งอะไร แต่ทุกคนที่นี่ก็ยกตำแหน่งให้ผมเป็นผู้ช่วยพิเศษของท่านประธาน

อีกหน้าที่หนึ่งที่ทศกัณฐ์ทำให้ผมลำบากใจสุดๆคือการเอาบัญชีทรัพย์สินต่างๆของตัวเองมายัดใส่มือผมให้ช่วยดูแล แต่ไม่รู้ว่าตอนไหนที่ชื่อของทรัพย์สินหลายๆอย่างเปลี่ยนมาเป็นชื่อผม จนทศกัณฐ์แทบจะไม่เหลืออะไรอยู่แล้ว

ผมอยากปฏิเสธเขา แต่พอเจอเหตุผลของเขาในแต่ละครั้งก็เถียงไม่ออก และเหตุการณ์ในวันเกิดเมื่อสิบปีก่อนก็เป็นบทเรียนได้ดี

และมีอยู่เหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผมเลิกปฏิเสธเขาไปเลยก็คือ

‘สินสอดจากพี่ น้องจะรับไว้ได้ไหม’

จากนั้นผมก็เลิกพูดเรื่องนี้อีก เขาอยากให้ผมก็จะรับไว้ จะเก็บรักษาและดูแลไว้ให้เขา ถ้าเขาอยากได้คืนเมื่อไหร่ผมก็พร้อมจะให้คืนได้เสมอ เพราะผมไม่ได้ต้องการสิ่งของเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย

ที่ผมต้องการ คือ หัวใจของทศกัณฐ์ ซึ่งผมก็ได้รับมาอย่างสุดหัวใจ

“ไปด้วยกันนะ” ผมเอ่ยชวนเขายิ้มๆ ทศกัณฐ์มองหน้าผมก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาบางๆ

“ก็ได้ แต่ปีนี้ห้ามปฏิเสธแล้วนะ”

ผมยิ้มแล้วกอดเขาไว้แน่น เป็นคำตอบของคำถามที่ระหว่างเรารู้กันเพียงสองคน

+++++++++++++++++++

ขอลงก่อนครึ่งหนึ่ง มีเรื่องไม่สบายใจเล็กน้อยเขียนไม่ค่อยออก แต่เปรมไม่อยากให้รอนาน อีกสองสามวันเจอกันค่ะ :L1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤ตอนจบ❤++ครึ่งแรก++[21/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 21-01-2018 19:21:01
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤ตอนจบ❤++ครึ่งแรก++[21/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 21-01-2018 19:33:30
รอๆๆๆ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤ตอนจบ❤++ครึ่งแรก++[21/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 21-01-2018 21:09:33
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤ตอนจบ❤++ครึ่งแรก++[21/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 22-01-2018 00:02:27
 :z1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤ตอนจบ❤++ครึ่งแรก++[21/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 22-01-2018 02:24:33
เป็นกำลังใจให้คุณเปรมนะคะ สู้ๆค่ะ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤ตอนจบ❤++ครึ่งแรก++[21/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 22-01-2018 04:03:22
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤ตอนจบ❤++ครึ่งแรก++[21/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: uyong ที่ 22-01-2018 07:55:19
 อีกครึ่งก็จบแล้วเหรอ เดี๋ยวจะกลับไปอ่านใหม่ตั้งแต่เริ่ม ขอบคุณค่ะ :pig4: :กอด1::L2:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤ตอนจบ❤++ครึ่งแรก++[21/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 22-01-2018 09:27:31
จะจบแล้ว คงคิดถึงเรื่องนี้ :mew2:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤ตอนจบ❤++ครึ่งแรก++[21/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 22-01-2018 09:48:55
ผ่านเรื่องเลวร้ายไปแล้วนะ ต่อไปก็คงไปแนวทางมุ้งมิ้ง
ดีจังเพื่อนแต่ละคน ก็มีการมีงานเป็นของตัวเองไปแล้ว
 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤ตอนจบ❤++ครึ่งแรก++[21/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 22-01-2018 10:24:01
พี่ยักษ์ดูรักน้องมากกกก  :mew1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤ตอนจบ❤++ครึ่งแรก++[21/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 23-01-2018 07:28:09
หวานกันจริงๆเลย อยากได้แบบนี้สักคนมีไหม
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤ตอนจบบริบูรณ์❤[25/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 25-01-2018 23:24:15
ใจยักษ์ จบบริบูรณ์
“รันรัน อิดอก คิดถึงค่า!!!” เสียงที่ร้องเรียกผมด้วยความรัก(?) ทำให้เท้าผมที่กำลังเดินตรงไปทางมันหยุดชะงักแล้วเบี่ยงทิศเลี่ยงจะเดินไปอีกทาง

“อิรันต์! เดินหนีกูทำเชี่ยไรคะ คนเค้าอุตส่าห์มารอรับ อิเวง!” มันรีบสาวเท้าเข้ามาขวางหน้าผมไว้ก่อนที่ผมจะเดินหนี

“กูอายเป็นไหมสัส ตะโกนซะลั่น นี่สนามบินนะไม่ใช่บ้านมึง”

“ก็กูกลัวมึงไม่เห็นกูนี่หว่า อีกอย่างฝรั่งเขาฟังไม่ออกหรอก” มันเบ้ปากใส่

“ตัวมึงก็ไม่เล็กนะเพื่อน น้องๆหมีควะ...”

“เดี๋ยวกูตบปากเลยอิเชี่ย กูออกจะขาวสวยหมวยบางร่างเล็กขนาดนี้” ไอ้ท็แฟฟี่ทำท่าจะฟาดมือใส่หัวผมจริงๆ

“เออๆเอาที่มึงสบายใจเลยเพื่อน”

“แล้วนี่ผัวไม่มาด้วยหรอ”

“เดี๋ยวตามมาทีหลัง ช่วงเดือนปีใหม่งานก็ยุ่งแบบนี้แหละ” ผมเดินลากกระเป๋าไปตามทาง

“ผัวทำงานหาเงินให้ใช้งกๆ ดีไปอี๊ก” ผมหัวเราะเบาๆกับคำกึ่งเหน็บกึ่งหยอกของไอ้ท็อฟฟี่

“แล้วพี่หมอเขาไม่ให้มึงใช้หรือไง?...ได้ข่าวว่าปอร์เช่คันใหม่เขาก็ซื้อให้นี่ ว่าแต่กูสัส” ผมตบหัวไอ้ท็อฟฟี่ไปที

“รู้ดีอิสัส หมาตัวไหนบอกคะ”

“หมาอ๋อง”

“กูว่าละ ว่างสุดในหมู่เพื่อนก็ไอ้เชี่ยอ๋องนี่แหละ เสือกทุกเรื่อง!” ไอ้ท็อฟฟี่บ่นอย่างไม่จริงจัง

“มึงก็หาเมียให้มันสักคนดิ กูว่ามันเหงานะ ลองมันมีแฟนมันอาจจะเลิกมากวนตีนมึงก็ได้” ผมแนะนำไอ้ท็อฟฟี่ไป คือช่วงนี้ไม่รู้ไอ้อ๋องเป็นอะไร คือมันว่างจัดขนาดที่มีเวลาตามเสือกตามกวนเพื่อนทุกคนในกลุ่ม อย่าว่าแต่ไอ้ท็อฟฟี่โดนกวนเลย คนอื่นๆก็ไม่น้อยหน้าไปยิ่งกว่ามัน นี่ดีที่ผมอยู่ไกลมันเลยไม่ค่อยมากวนตีนเท่าไหร่ แต่ก็คอยส่งข้อความมาเล่ามากวนผมเรื่อยๆ เทียบกับคนอื่นแล้วผมดูสบายสุด

“กูจะหาเมียให้มันทำไม หาผัวให้มันดีกว่า มันจะได้เข็ดอิ๋งๆ” ไอ้ท็อฟฟี่แสยะยิ้มน่ากลัวจนผมขนลุกไปหมด กลัวล่วงหน้าแทนไอ้อ๋องได้ไหมวะ เราเดินไปคุยไปไม่นานก็ถึงรถปอร์เช่คันสวยของไอ้ท็อฟฟี่ที่ผัวมันพึ่งออกให้เมื่อเดือนก่อน

“มึงจะอยู่เค้าท์ดาวน์ที่นี่ไหม” ท็อฟฟี่เอ่ยถามขึ้นเมื่อรถออกตัวจากสนามบินมาได้สักพัก

“ก็คิดไว้อย่างนั้นนะ แต่กูอยากไปเคาท์ที่ต่างจังหวัดมากกว่า กูเบื่อกรุงเทพฯ”

“เออ กูก็คิดเหมือนมึง”

“ปีนี้กูอยากเคาท์ดาวน์กับเพื่อน มึงว่างไหม?...ห้ามใช้ข้ออ้างติดผัวนะ” ผมรีบเอ่ยดักไอ้ท็อฟฟี่ไว้ก่อน ปีที่แล้วเมฆเล่าว่าไอ้ท็อฟฟี่เทเพื่อนเพราะพี่หมอต้องไปดูงานที่ต่างประเทศ มันก็ถ่อตามเขาไปด้วยเพราะมีเพื่อนหมอผู้หญิงอีกคนต้องไปด้วยกัน

“ติดเหมือนเดิม เพิ่มเติมกูจะพาผัวไปเคาท์กับพวกมึง” ผมพยักหน้าตกลง

“ดีมาก”

“ว่าแต่กู มึงนี่ไม่ติดเลยเนอะ”

“กูไม่ใช่มึง”

“หรา แล้วเวลาไปไหนมาไหนนี่ต้องขอก่อน โทรรายงานตัวทุกชั่วโมงคือไรคะ”

“ก็เขาเป็นห่วง กูก็อยากให้เขาสบายใจ ไม่ได้ติดผัวอะไรอย่างที่มึงว่า”

“หรออออออ”

“จริงๆ”

“เชื่อมากๆเลยจ้า” ทุกคนต้องเห็นหน้ามันตอนพูดประโยคนี้ครับ...น่าถีบ

“กูไม่ติดผัว...แต่ผัวกูเขาติดกูมากๆ ก็แค่นั้น” ผมยักไหล่แล้วฉีกยิ้มให้ไอ้ท็อฟฟี่ในจังหวะที่มันหันมามองพอดี มันเบะปากใส่ผมทันที

“อิดอกมั่นหน้าไปอีก...แต่ก็จริงของมึง” อะไรคือการด่ากูแล้วมาเห็นด้วยทีหลังวะ

Rrr  Rrr  Rrr

ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู คนที่พึ่งพูดถึงก็โทรเข้ามาพอดี หนังเหนียวจริงๆ

“โอโห! พูดถึงปุ๊บก็โทรมาเลย พี่ทศโคตรตายยากเลย”

“ฮ่าๆๆ กูจะฟ้องเขา” ผมแกล้งขู่ท็อฟฟี่ เวลาอยู่ต่อหน้าทศกัณฐ์มันโคตรหงอเลย ไม่รู้จะกลัวอะไรนักหนา

“อย่า!มึงรีบรับสายผัวมึงไปเลยไป อย่าให้พี่ทศกูกริ้ว”

“หึๆ” ผมหัวเราะเบาๆแล้วกดรับสาย “ครับ”

(อยู่ไหนแล้ว)

“อยู่บนรถกับสุเทพครับ กำลังกลับบ้าน”

“อิสัสรันต์!” เสียงคนนั่งข้างๆพึมพำด่า

(อืม ถึงแล้วทำไมไม่โทรมาหาพี่)

มาละ ไอ้อาการขี้น้อยใจประจำตัว

“ก็น้องพึ่งเปลี่ยนซิมเอง อีกอย่างที่นั่นก็ตี1แล้ว น้องอยากให้พี่นอนพักผ่อนมากๆ”

(นอนไม่หลับ คิดถึง) โอ๊ย หัวใจโคตรเต้นแรงกับเสียงหงอยๆจากปลายสายเลยครับ

“ฮื่อ คิดถึงอะไร น้องพึ่งมาเอง”

(นาทีเดียวพี่ก็คิดถึง ใจจะขาดแล้ว)

“หึๆ เลิกทำงานแล้วมาหาน้องสิครับ” ผมแกล้งแหย่ยักษ์

(อย่าท้าพี่นะน้อง) ผมได้ยินเสียงทศกัณฐ์ขยับตัวลอดเข้ามา อย่าบอกนะว่าเขาคิดจะมาหาผมตอนนี้จริงๆ

“เฮ้ยๆ น้องพูดเล่น ขืนพี่มาตอนนี้สตีฟฆ่าน้องแน่”

(พี่ยังอยู่ ใครจะกล้า)

“ฮึ ทำงานให้เสร็จก่อนสิครับแล้วค่อยมาหาน้อง เราจะได้เที่ยวกันยาวๆไม่ต้องห่วงอะไรไง...นะครับ”

(ยุบบริษัททิ้งดีไหม พี่ไม่อยากทำแล้ว)

“แล้วพี่จะเอาเงินที่ไหนมาเปย์น้อง” ผมพูดยิ้มๆ

(นั่นสิ เด็กบางคนกินเก่งยิ่งกว่าหมูอีก ตอนนี้จะกลายเป็นลูกหมูอยู่แล้ว ถ้าพี่ไม่ทำงานไม่มีเงินซื้อข้าวให้ลูกหมูกินแน่ๆเลย)

“ไอ้พี่ยักษ์! ว่าใครอ้วน!” ผมหน้าบึ้ง ล้ออะไรไม่ล้อมาล้อเรื่องอ้วน ถึงผมจะอ้วนขึ้นจากแต่ก่อนจริงๆก็เถอะ แต่ยักษ์ต้องห้ามว่าน้องนะ!

(เปล่านี่ ไม่ได้เอ่ยชื่อใครเลย) แม่งกวนตีนกูนี่หว่า

“ไม่อยากคุยด้วยแล้ว รีบนอนเลย งานไม่เสร็จห้ามมาหาเด็ดขาด!”

(งอนหรอ?)

“เปล่า”

(แน่ใจ? งั้นพี่ไม่โอ๋นะ)

“ยักษ์!”ผมเริ่มเสียงห้วน แม่งชอบแกล้งอีกแล้ว

(โอ๋ๆไม่งอนนะ เมียพี่ผอมที่สุด เวลาขึ้นให้ก็ไม่หนักเลย อุ้มเตงรอบห้องได้สบายๆ) ผมหน้าแดงแปร๊ดเผลอนึกภาพตามจนพูดไม่ออก

“ดี จะกินให้อ้วนขึ้นอีกสิบกิโลฯเลย ดูดิ๊ว่าจะไหวอย่างปากพูดไหม”

(หึๆ น้อมรับคำท้า...แค่นี้นะน้องพี่จะนอนแล้ว จะได้รีบตื่นไปทำงานหาเงินให้เมียใช้) ฮึ!กวนเสร็จแล้วก็นอนได้สักที

“โอเค ฝันดีครับ” แต่ผมจะทำอะไรได้นอกจากตอบรับเสียงเบา อมอมยิ้มนิดๆแล้วเก็บโทรศัพท์ เหลือบเห็นไอ้ท็อฟฟี่ทำเป็นโก่งคออ้วกรอบที่ห้า

“จะอ้วกก็ลงไปอ้วกนอกรถดีๆ มาอ้วกในนี้มันเหม็น” ผมเอ่ยบอกมันเรียบๆ

“อิเหี้ย กูจะอ้วกพวกมึงนี่แหละ เลี่ยนซะฉิบ ”

“พี่หมอ~ฟี่เจ็บมือ พี่หมอป้อนฟี่หน่อยน้า...อื้ม!อร่อยที่สุด แฟนใครน้าน่ารักจัง~...ถุ้ย! ไม่เลี่ยนเลย”

“อิสัสอ๋อง! มึงนะมึงกูหาผัวให้มึงแน่” ไอ้ท็อฟฟี่เถียงผมไม่ออก ได้แต่บ่นพึมพำด่าไอ้อ๋องไปตลอดทาง

++++++++++++++++++++

 วันนี้เป็นวันที่31 ธันวาคม ผมอยู่บ้านพักตากอากาศทางเหนือของไอ้อ๋อง เพื่อนๆผมทุกคนอยู่กันพร้อมหน้ากันทุกคน แถมยังมีเหล่าเพื่อนทศกัณฐ์ พี่เซนท์ พี่ใจดี และพี่สมิธ ที่มากไปกว่านั้นก็มีคุณพ่อผม ริว และน้องโอลีฟแฟนริว และพี่หมอไฟแฟนไอ้ท็อฟฟี่มาด้วย

ขาดอยู่คนเดียว...คือทศกัณฐ์แฟนผม

เขาบอกว่าจะรีบมาตั้งแต่วันคริสต์มาส แต่เพราะงานมีปัญหาบางอย่างเขาจึงต้องอยู่เคลียให้เสร็จ และเพราะบริษัทหยุดงานให้พนักงานตั้งแต่คริสต์มาสอีฟจนถึงปีใหม่ จึงไม่มีคนอยู่ช่วยงานเขาได้มากนัก จนถึงวันนี้เขาก็ยังไม่มา แต่เราก็โทรคุยกันทุกวัน วิดีโอคอลบ้าง

แต่ที่ทำให้ผมหงอยสุดๆก็เพราะทศกัณฐ์บอกว่าอาจจะมาไม่ทันเคาท์ดาวน์ ผมเข้าใจเขานะแต่มันก็อดรู้สึกเสียดายไม่ได้ทั้งๆที่วันนี้ทุกคนมีเวลาว่างตรงกันแท้ๆ

ตอนนี้ยังเช้าอยู่ อากาศดีมาก หนาวจนมีควันออกจากปากในช่วงเช้าตรู่ พูดถึงทศกัณฐ์แล้วก็อดคิดถึงไม่ได้ ว่าแล้วก็โทรหาเขาหน่อยดีกว่า หวังว่าคงยังไม่นอนนะ

“พี่อยู่ไหน” ผมเอ่ยถามเมื่อเห็นชุดเสื้อยืดสบายๆของทศกัณฐ์ผ่านกล้อง

(ห้องนอน)

“เปลี่ยนผ้าปูใหม่หรอ?” ปกติผ้าปูที่นอนที่เพ้นเฮ้าส์ในลอนดอนจะเป็นสีกรมท่าเข้ม แต่นี่เป็นสีขาว

(อืม) ทศกัณฐ์ตอบกลับมาสั้น ผมหรี่ตาลงนิดๆ

“แพนกล้องไปรอบๆห้องดิ” ผมสั่งอีกคนเสียงเรียบขณะเดินกลับห้องพัก ทศกัณฐ์นิ่งไปแถมยังไม่ยอมแพนกล้องตามที่ผมพูด

(จะดูอะไร ก็อยู่ในห้องนอน)

“ห้องนอนที่ไหนล่ะ”

(...) มันเงียบเว้ย

“ยักษ์ถ้าพี่จะไปนอนที่อื่น หรือกับใคร พี่ก็บอกน้องตรงๆก็ได้”

(มันไม่ใช่แบบนั้น) ทศกัณฐ์เอ่ยเสียงเครียด

“แล้วมันเป็นแบบไหน พี่ไม่ว่างมาเพราะติดงานน้องไม่ว่า แต่ถ้าติดอย่างอื่น...น้องโคตรเสียใจเลย” ผมอดจะตัดพ้ออีกคนไม่ได้ ความน้อยใจที่ถูกกักเก็บมาหลายวันเริ่มจะกลั้นไม่อยู่

(ขอโทษที่โกหก...พี่ยอมรับว่าติดอย่างอื่นอยู่จริงๆ) สิ้นเสียงทศกัณฐ์ โทรศัพท์ที่ผมถืออยู่แทบจะร่วงลงจากมือ สมองผมตื้อตันคิดอะไรไม่ออก ผมเงียบอยู่นานจนกระทั่งปลายเท้าหยุดอยู่หน้าห้องพักตัวเอง

(น้อง...) ทศกัณฐ์ส่งเสียงเรียกเมื่อเห็นว่าผมเงียบไป

“เดี๋ยวค่อยคุยกันได้ไหม น้อง...ขอโทษ” ผมกดปิดหน้าจอให้ดับไป งงกับตัวเองว่าตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น ไม่เข้าใจว่าผมจะไปขอโทษเขาทำไม ทั้งๆที่ผมไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย

หรือว่าผมทำผิดไปโดยไม่รู้ตัว

เขาถึงได้ทำกับผมแบบนี้...

ผมทรุดตัวลงหน้าประตูห้อง ไร้เรี่ยวแรงแม้แต่จะเปิดประตู ไม่นานหยาดน้ำอุ่นใสก็กลั่นตัวคลอที่หน่วยตา ผมมองไม่เห็นทัศนียภาพ ร่างกายไร้เรี่ยวแรง ลมหายใจขาดเป็นห้วงๆ สุดท้ายได้แต่ปล่อยให้น้ำตาไหลลงเงียบๆ

มันเจ็บอยู่ในหัวใจ ปวดร้าวเข้าไปถึงกระดูก

ทำไมถึงผิดสัญญา...ไหนว่าจะไม่ทิ้งกัน

หรือเพราะความรักตลอดสิบปีสำหรับเขามันค่อยๆเจือจางลงไป

ในขณะที่ผมกลับรักเขาขึ้นทุกวันจนไม่สามารถจะรักได้มากกว่านี้อีกแล้ว

ผมซุกหน้ากอดเข่าร้องไห้กับตัวเองไม่ถึงหนึ่งนาที ประตูห้องที่คิดว่าล็อคไว้ดีแล้วกลับเปิดออกจากด้านใน ผมเกือบหงายหลังถ้าไม่ติดว่ามีอะไรแข็งๆกั้นไว้ก่อน

ผมเอียงหน้ามองไปด้านหลังผ่านม่านน้ำตา ค่อยๆไล่ระดับสายตาจากต่ำขึ้นสูงไปเรื่อยๆ ท่อนขาแข็งแรงยาวภายใต้กางเกงเนื้อดีครึ่งเข่า สะโพกสอบ อกผาย ไหล่กว้างตึง ลำคอแกร่ง

และใบหน้าที่แม้จะเห็นไม่ค่อยชัด แต่ก็ไม่มีวันลืมได้ง่ายๆ

“มานั่งร้องไห้อะไรตรงนี้” เสียงทุ้มแหบเป็นเอกลักษณ์ของเขายิ่งทำให้ผมบ่อน้ำตาแตกยิ่งกว่าเดิม เขาอยู่ตรงหน้าผมแล้ว ไม่ได้ทิ้งผมไปใช่ไหม ทศกัณฐ์เห็นผมเอาแต่เงียบก็ช้อนตัวผมขึ้นอุ้มเขาไปในห้อง

เขาวางผมลงบนเตียงที่มีผ้าปูที่นอนสะอาดสีขาว ก่อนจะผละไปปิดประตูห้อง

กริ๊ก!เสียงล็อคประตูเรียกสติผมกลับเข้าร่าง สมองกลับมาทำงานอีกครั้ง

“ยักษ์ พี่มาได้ยังไง?” ทศกัณฐ์เดินเข้ามาใกล้ก่อนจะตอบ

“ขี่เครื่องบินมา แล้วก็นั่งรถยนต์ต่อมาที่นี่อีกที”

“พี่กวนตีนน้องหรอ” ผมเอ่ยถามลอยๆคล้ายยังไม่ได้สติดีนัก

“ใช่ พี่กำลังกวนน้องอยู่...ฟอด!” เขาพูดยิ้มๆแล้วโน้มตัวยื่นจมูกมาหอมแก้มผมเสียงดัง

“อื้ม ดีแล้ว...พี่ยังอยู่กับน้อง ไม่ได้ทิ้งน้องไปไหน” ผมจ้องเขาตาแทบไม่กระพริบ กลัวว่าถ้าละสายตาไปแม้แต่นิดเดียวเขาจะหายไปจริงๆ

“คิดไปถึงไหนหืม พี่จะทิ้งหมูน้อยลงได้ยังไง” ทศกัณฐ์ทรุดนั่งลงข้างๆก่อนจะรั้งตัวผมเข้าไปกอดแน่น ผมยกมือขึ้นขยำเสื้ออีกฝ่ายแน่น

“ขอโทษที่โกหกเรื่องอะไร แล้วติดอย่างอื่นอยู่คืออะไร” ผมขมวดคิ้วถาม

“โกหกว่าจะมาไม่ทันเคาท์ดาวน์ แล้วก็ไม่ได้ติดงานแต่ว่าติดเมียอยู่ เข้าใจรึยังครับ” ผมพยักหน้าเข้าใจเรื่องราวในที่สุด เพียงแต่ความกังวลที่ยังหลงเหลืออยู่ในใจทำให้ผมพลั้งปากพูดออกไป

“พี่อย่าพึ่งทิ้งตอนนี้นะ น้องยังทำใจไม่ไหวจริงๆ”…ไม่ว่าจะตอนไหนก็คงทำใจไม่ได้หรอก

“พี่ไม่ทิ้งน้อง ไม่ว่าตอนนี้หรือตอนไหน ไม่มีวัน!” ทศกัณฐ์พูดเสียงหนักแน่น จมูกโด่งเริ่มซุกไซ้ไปตามซอกคอ ริมฝีปากร้อนจุมพิตแนบไปกับลำคอระหงสร้างรอยรักสีแดงระเรื่อยไว้จนพอใจ ก่อนจะวกกลับมาประทับกับริมฝีปากอิ่มนาบเนิบแต่เต็มไปด้วยความรักและคิดถึง ทศกัณฐ์ค่อยๆบดจูบช้าๆละเลียดชิมราวกับกลัวว่าความหวานนี้จะหมด

เสื้อผ้าค่อยๆหลุดออกจากร่างทีละชิ้นๆ จนร่างกายเราทั้งสองต่างเปล่าเปลือย อุณหภูมิเย็นของห้องทำให้ผมหนาวสั่นจนต้องเบียดตัวเข้าหากายแกร่งยิ่งกว่าเดิม

ทศกัณฐ์เคลื่อนริมฝีปากร้อนจูบซับไปตามอกบาง แวะดูดชิมยอดอกสีหวานทั้งสองข้างอย่างคุ้นเคย ผมส่งเสียงครางผะแผ่วเมื่อเขาลงลิ้นหนักขึ้นกับตุ่มไตเม็ดเล็ก จนเมื่อเขาดื่มกินอย่างพอใจแล้วจึงค่อยๆเคลื่อนริมฝีปากลงต่ำกว่าเดิม

ทศกัณณฐ์สอดลิ้นเลียไล้วนสะดือจุ๋นผมครั้งแล้วครั้งเล่า เสียววูบวาบไปมาจนฉี่แทบแตก ผมผลักมือเขาออกเมื่อรู้สึกว่าจะไม่ไหวแล้วเขาจึงยอมผละออกไปอีกตำแหน่ง

มือหนากอบกำเหรันต์น้อยที่ตื่นตัวตั้งแต่โดนขยี้ยอดอกแล้ว ผมห่างจากทศกัณฐ์สองอาทิตย์กว่าๆและไม่ได้ช่วยตัวเองเลย ไม่แปลกที่พอโดนคนคุ้นเคยสะกิดนิดขยี้หน่อยก็ผงกหัวรับแล้ว

มือหนาจับขาผมกางออกกว้างก่อนจะเริ่มรูดชักขึ้นลงสลับหนักเบาเป็นจังหวะ จากนั้นริมฝีปากร้อนของเขาก็ค่อยๆดูดกลืนมันเข้าไปจนเกือบสุดโคน

“อ๊ะ...อื้อยักษ์...อ๊า” ผมหยุดร้องครางเมื่อความเสียวมันพุ่งขึ้นสูงเกินกว่าจะต้านไหว ทศกัณฐ์ดูดชักไล้เลียให้ผมไม่กี่นาที อารมณ์ผมก็พุ่งขึ้นสู่สวรรค์ปลดปล่อยหยาดน้ำออกมาให้อีกคนดื่มลงคอจนหมด

“ถึงเร็ว พี่ไม่อยู่ได้ช่วยตัวเองไหม” เขาเคลื่อนหน้าเข้ามาหอมแก้มแล้วเอ่ยถามขณะที่ผมยังนอนหอบหายใจอยู่ ผมส่ายหน้าก่อนจะเอ่ยตอบเขา

“ไม่มีอารมณ์ อยากทำกับยักษ์มากกว่า” ทศกัณฐ์กระตุกยิ้มกว้าง แววตาแปรเปลี่ยนไปอีกแบบหนึ่ง

“ปากหวานแบบนี้ เดินขาถ่างแล้วอย่าร้องนะ”

“ถ้าร้องจะไม่โอ๋หรอ” ผมเอียงศีรษะถามอีกคน

“โอ๋สิ แล้วก็จะทำให้ร้องหนักก็เดิม”

“อื้ออออ”ทศกัณฐ์จูบปิดปากผม กลิ่นคาวเล็กน้อยปะปนมากับความหวานของรสจูบทำให้ผมเคลิบเคลิ้มมัวเมาหนักขึ้น ทศกัณฐ์พลิกตัวผมให้นอนคว่ำ ก่อนจะรั้งสะโพกมนขึ้นสูง มือหนาแบะซาลาเปาสองลูกออกจากกัน ลิ้นร้อนๆไล้เลียตั้งแต่ทางแยกจรดร่องจีบสีหวาน

ทศกัณฐ์ไล้เลียปากทางเข้าจนชุ่ม ก่อนจะกดลิ้นเข้าสู่ด้านในชักเข้าชักออกจนผมต้องกัดหมอนกลั้นเสียงคราง ผมไม่รู้ว่าห้องนี้มันเก็บเสียงรึเปล่าเพราะงั้นถึงไม่กล้าร้องเสียงดัง

“เสียวก็ร้องดังเลย ไอ้อ๋องบอกว่าห้องเก็บเสียง”ทศกัณฐ์โน้มหน้ามากระซิบใกล้หู

“นี่เขารู้กันหมดเลยหรอว่าพี่มา”

“พึ่งรู้น่ะ อย่าอารมณ์เสียสิครับ” แล้วเขาก็จูบขมับผมแรงๆไปหนึ่งที ผมจึงส่งเสียงไม่พอใจไปให้เขา

“ฮึ!อ๊ะ!...อื้อ เบายักษ์ น้องเจ็บ” ทศกัณฐ์กดมังกรยักษ์ของเขาเข้ามาโดยที่ผมยังไม่ทันตั้งตัว อย่างที่บอกว่าเราห่างกันหลายอาทิตย์และไม่มีตัวช่วยหล่อลื่นอื่นเลยนอกจากน้ำลายของเขา การสอดใส่จึงค่อนข้างฝืดเคืองอยู่บ้าง

ทศกัณฐ์ค่อยๆสอดตัวเข้ามาช้าๆก่อนจะถอนออกและสอดเข้ามาใหม่ลึกกว่าเดิม ทำเข้าๆออกๆแบบนี้ไม่กี่ครั้งเขาก็เข้ามาได้จนสุด

กายแกร่งขยับสะโพกเนิบนาบแต่เต็มไปด้วยความดุดัน มือหนาข้างหนึ่งกอดเอวผมไว้แน่น อีกข้างก็ขยี้ยอดอกผมสลับกันไม่หยุด ทุกครั้งที่เขากระแทกตัวตนเข้ามาผมทำได้เพียงครางรับเท่านั้น

ทศกัณฐ์เร่งเร้าจังหวะการสาวสะโพกถี่รัวขึ้น ผมรู้สึกว่าใกล้จะถึงจุดๆนั้นแล้วจึงขยับมือจะสาวชักน้องชายของตัวเองให้ถึงฝั่ง แต่ทศกัณฐ์กลับจับมือผมไว้แน่น สะโพกแกร่งหยุดขยับ

“หยุดทำไม อ๊ะอ๊า” ผมเอ่ยถามออกไปด้วยความสงสัย แต่อีกคนกลับขยับตัวพลิกกายลงไปนอนหงายบนเตียงแล้วจับผมให้ขึ้นอยู่ข้างบนแทนทั้งๆที่ช่องทางยังเชื่อมต่อกันอยู่ ผมร้องเสียงหลงเมื่อมังกรยักษ์มุดเข้าไปถึงจุดที่ลึกที่สุด

“อืม หนักขึ้นจริงๆด้วยลูกหมู” ทศกัณฐ์กระตุกยิ้มเอ่ยเสียงเย้า เขาอยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนมองผมอยู่

“บ้า กินไปนิดเดียวเอง” ผมค้อนเขาเสียงสะบัด ใช้กำปั้นทุบซิกแพคหนาๆนั่นไม่แรงนัก เลยโดนเขาสวนกายเข้ามาร้องเสียงหลงไปอีกรอบ

“ไหนใครท้าพี่ไว้ ไม่เห็นจะหนักเท่าไหร่”

“น้องจะลดน้ำหนัก”

“ห้ามลด! หมูๆแบบนี้แหละน่ารักดี”

“ไม่เอา!อื้อ อ๊า” พอผมปฏิเสธทศกัณฐ์ก็ขยับตัวหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆจนผมใกล้จะถึงก่อนจะหยุด..อีกแล้ว

มึงจะทำๆหยุดๆอะไรนักหนาวะ คนเค้าทรมานนะเว้ย ผมส่งหน้าตาโกรธปนทรมานไปให้อีก ถลึงตาใส่ไปด้วยอีกทีแม่งชอบแกล้ง

“หึๆ น้องขยับบ้างสิ พี่เดินทางมายังไม่ได้พักเลย เหนื๊อยเหนื่อย” ผมตวัดตาเขียวปั๊ดให้อีกคน รู้ว่าโดนเขาแกล้งเข้าแล้ว แต่จะทำยังไงได้ในเมื่อผมยังทรมานอยู่แบบนี้

“พี่จำไว้เลยนะ” ผมหมายมั่นไว้ก่อนจะเริ่มขยับสะโพกขึ้นลง สองมือค้ำกับท้องแกร่งอีกคนไว้เพื่อตั้งหลัก ทุกครั้งที่ผมกดตัวลงไปทศกัณฐ์จะครางต่ำในลำคอแบบพอใจ ผมขยับตัวลงอีกครั้งก่อนจะส่ายสะโพกหมุนวนไปมากับแยแกร่ง

“โอ้ว...ซี๊ด...น้องรันต์...ซี๊ด!” ทศกัณฐ์ขยำสะโพกผมอย่างมันมือ

“ดีไหมยักษ์...อื้อ”

“ดีครับ...เมียพี่...ซี๊ด”

ผมขยับตัวอีกไม่กี่ครั้งทศกัณฐ์ก็เริ่มทนไม่ไหวพลิกตัวผมนอนหงายแล้วเขาขึ้นคร่อมไว้ ก่อนจะสาวสะโพกกระแทกแก่นกายเข้าหาผมอย่างหนักหน่วงถี่เร็ว

“พร้อมกันนะน้อง ซี๊ด”

“อ๊า...อ๊า...ครับ”

ทศกัณฐ์โน้มตัวกอดผมไว้แน่น รอมฝีปากหนาบดจูบลงมาขณะที่ช่วงล่างยังขยับอย่างต่อเนื่อง เสียงกายกระทบกันอีกเพียงไม่กี่นาทีก่อนที่หยาดน้ำรักผมจะพรุ่งพรวดออกมาเลอะจนถึงออก และจากนั้นไม่กี่วินาทีน้ำอีกคนก็ฉีดพ่นน้ำร้อนๆเข้ามาในตัวผมจนเอ่อล้นออกมา

เราทั้งคู่หอบแฮ่ก  ทศกัณฐ์ล้มตัวนอนกอดผมขณะที่ส่วนนั้นยังแช่คาไว้อยู่

“เอาออกไปดิ”

“ไม่เอาออก เดี๋ยวทำต่อ ขอพักแปบหนึ่ง”

“ใครจะให้ทำต่อ”

“ลูกหมูแถวนี้อีก”

“ถ้ายังมีคำว่าหมูออกมาจากปากแม้แต่คำเดียว อย่าหวังว่าจะได้ทำอีก”

“หึๆ หมูที่ไหน? เมียพี่ผอมที่สุดแล้ว” แกล้งทำปากหวานแล้วยังมาทำเป็นหอมกูอีก

“ชิ!”

“ต่อเลยแล้วกัน ยักษ์คิดถึงลูกหมูจะแย่แล้ว” ทศกัณฐ์พลิกตัวขึ้นและเริ่มขยับมังกรใส่ช่องทางที่ชื้นแฉะอีกครั้ง

“ไอ้พี่ยักษ์!!!” ผมเอาเท้าผลักอกเขาออกแต่ยิ่งเป็นการเปิดทางให้อีกคนสอดตัวเข้ามาได้สะดวกขึ้น สุดท้ายผมเลยได้แต่ร้องครางจนเสียงแหบเสียงแห้งปล่อยยักษ์ตัวโตกอดให้หายคิดถึงจนหนำใจ

+++++++++++++++++

“ไงมึง กว่าจะฟื้นคืนชีพ เช้าจรดดึก” เมฆเอ่ยทักก่อนทันทีที่ผมโผล่หน้าไปหลังบ้านพัก คืนนี้เราจะเค้าท์ดาวน์กันบนภูเขาแห่งนี้ มองลงไปเป็นวิวยามค่ำคืนเห็นแสงไฟสุกสกาวจากตัวเมืองที่อยู่ไกลๆแล้วสวยงามมาก ดาวบนท้องฟ้าก็ขึ้นเรียงรายเต็มไปหมดงดงามจริงๆ

“มึงก็ไปโทษมันดิ” ผมส่งสายตาไปให้คนที่เดินตามมาด้านหลัง เขาเดินเข้าไปยกมือไหว้พ่อผมอีกทาง

“มึงด้วยแหละที่ยอมมัน หรือไม่จริง?” พี่สมิธที่โผล่มาจากไหนไม่รู้กอดคอผมไว้แน่น ผมจึงหันไปกอดรอบเอวเขาไว้หลวมๆ

“ก็จริง แต่น้องรันต์โดนบังคับนะพี่สมิธ” ผมทำปากยู่ฟ้อง สิบปีมานี้ผมสนิทกับพี่สมิธขึ้นมาก ทศกัณฐ์ก็แทบจะไม่หึงผมกับพี่สมิธแล้วล่ะครับ

“ขนาดโดนบังคับยังร้องซะลั่น” พี่สมิธตบหัวผมเบาๆ

“อะไรอ่ะ ไหนว่าห้องเก็บเสียง”

“มึงโดนไอ้อ๋องต้มซะแล้วล่ะ หึๆ”

“ไอ้เหี้ยอ๋อง!กูจะร่วมมือกับไอ้ท็อฟฟี่” ผมขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่ในใจ“เออ แล้วน้องปริมไม่มาด้วยหรอ”ผมเอ่ยถามเมื่อนึกขึ้นได้ น้องปริมก็คือแฟนสาวของพี่สมิธที่คบกันมาได้สองปีแล้ว

“ไม่อ่ะ ไปกับครอบครัว”

“อือฮึ…อ๊ะ!” แรงดึงไม่แรงมากนักแต่ก็ทำเอาผมหลุดออกจากอ้อมกอดพี่สมิธแล้วเข้าสู่อ้อมแขนของอีกคน

“กูไม่ว่า ก็ไม่ได้หมายความว่าจะให้มึงกอดเมียกูกลมนาดนี้นะ” ทศกัณฐ์พูดเสียงนิ่ง

“เหี้ยเถอะ เมียมึงกอดกูเองสัสทศ หลงกันจนตาบอดมองไม่เห็นอะไรเลยหรือไง” พี่สมิธโวยให้

“มันกอดมึงก็ผลักออกสิ มึงไม่ทำมึงนั่นแหละผิด”

“สัส ตกลงกูไม่ได้ทำเหี้ยอะไรเลยก็เสือกผิด พวกมึงสองผัวเมียไปไกลๆตีนกูเลยไป”

“มึงสิไป”

จากนั้นพวกเขาก็เถียงกันไปมา เถียงกันไม่หยุดเหมือนเมื่อก่อนไม่มีผิด ผมแวบไปหาคุณพ่อเห็นท่านนั่งคุยกับพี่หมอไฟอยู่

“ว่าไงเรา หายหน้าไปทั้งวันเชียว” คุณพ่อเอ่ยล้อยิ้มๆ

“คุณพ่ออ่า ไม่ใช่ความผิดน้องรันต์สักหน่อย” ผมนั่งลงข้างๆแล้วดุนหัวใส่ไหล่ท่านอ้อนๆ

“อืม อยู่กับพี่เขา น้องมีความสุขไหมลูก” ผมนิ่งเงียบไปก่อนจะเอ่ยตอบ

“ก็มีทั้งสุขแล้วก็ทุกข์ แต่น้องมีความสุขมากกว่าครับ”

“ดีแล้วล่ะลูก...น้องรันต์ ไม่ต้องเป็นห่วงพ่อนะ น้องทำอย่างที่ใจลูกอยากทำแล้วมีความสุขเถอะ”

“เขาขอให้คุณพ่อช่วยพูดให้หรอครับ”

“เปล่า แต่สิบปีที่ผ่านมาเขาทำให้พ่อเห็นและเชื่อใจได้ ว่าเขาจะทำให้น้องมีความสุข…พ่อรู้ว่าน้องยังห่วงพ่อ แต่น้องรันต์อย่าลืมนึกถึงหัวใจเขาและหัวใจตัวเองด้วยนะลูก”

“น้องรันต์กลัว” ผมกอดคุณพ่อไว้แน่น น้ำตาซึมไปกับเสื้อของท่าน แต่คุณพ่อเพียงลูบศีรษะผมเงียบๆเท่านั้น

“พ่ออยู่ข้างน้องรันต์เสมอ ไม่ต้องกลัวอะไรนะลูก”

“น้องรันต์รักคุณพ่อที่สุด” ผมกอดท่านแน่นขึ้น ราวกับกลัวว่าท่านจะหายไป ผมไม่รู้ว่าใครเป็นเหมือนผมไหม แต่คนเรายิ่งโตขึ้นก็จะยิ่งรับรู้ความรู้สึกได้ลึกซึ้งขึ้น

ตอนเด็กๆผมรู้ว่าผมรักคุณพ่อคุณแม่ รักมากแบบไม่มีคำอธิบาย พอโตขึ้นมาหน่อยก็ต้องรู้จักกับคำว่าสูญเสีย ผมจึงกลายเป็นคนขี้ขลาดที่พยายามทำตัวเองให้เข้มแข็ง หลีกหนีและปิดกั้นหัวใจตัวเอง ผมกลัวที่สุดคือการสูญเสีย ผมไม่อยากมองคนที่รักจากไปไม่ว่าเป็นหรือตายก็ตาม

จนถึงตอนนี้ที่ผมอายุจะเข้าเลขสามแล้ว สุดท้ายผมก็เข้าใจว่าผมไม่สามารถห้ามความรู้สึกเหล่านั้นได้เลย ผมจึงทั้งรักและกลัวมาโดยตลอด

แต่ว่าตอนนี้ที่ผมมีความสุขดีก็เพราะความรัก ผมจึงควรที่จะกล้าเผชิญหน้ากับทุกอย่างได้แล้ว
.
.
.
.
.
.
.
“มาๆ ทุกคนมารวมตัว เตรียมนับถอยหลังกันเร็ว” ไอ้อ๋องกวักมือเรียกทุกคนให้ลุกจากวงแอลกอฮอลล์ มือแจกจ่ายไฟเย็น และพลุเล็กๆให้คนละอันสองอัน ผมกับทศกัณฐ์รับไฟเย็นมาจุด ก่อนที่ทุกคนจะเริ่มนับ

“10!”

“ยักษ์”

“9!”

“หืม?”

“8!”

“รักน้องมากไหม”

“7!”

“มากยิ่งกว่าชีวิต...มากเกินกว่าจะวัดได้”

“6!”

“น้องเชื่อพี่นะ”

“5!”

“น้อง”

“4!”

“ครับ”

“3!”

“แต่งงานกับพี่นะ” ทศกัณฐ์คุกเข่าลงข้างหนึ่ง มือหนาหยิบแหวนวงเกลี้ยงออกจากเสื้อ ยื่นมาตรงหน้าผม

“2!”

“…”

“1!”

“ฝากตัวด้วยครับ” ผมเอ่ยพร้อมกับยื่นมือไปให้ทศกัณฐ์ เขายิ้มกว้างแล้วสวมหวานใส่นิ้วนางข้างซ้ายอย่างรวดเร็วลุกขึ้นกอดผมแน่นพร้อมๆกับที่เสียงผู้คนรอบข้างของเราดังขึ้น

“ยินดีกับคู่แต่งงานด้วย มีความสุขมากๆนะ!!!” เสียงแสดงความยินดีพร้อมกันดังก้องไปทั่วบริเวณ พลุสีสวยถูกจุดขึ้น รู้ตัวอีกทีทุกคนก็ยืนรอบพวกเราเป็นวงกลม ไฟเย็นถูกจุดจากมือทุกคนดูสวยงามเป็นพิเศษ เมื่อไฟเย็นหมดลง คุณพ่อก็เดินเข้ามากอดเราสองคนแน่น กระซิบคำอวยพรที่ทำให้ผมน้ำตาไหล พอคุณพ่อผละออก คนอื่นๆก็ทยอยเข้ามากอดและอวยพรผมกับทศกัณฐ์ ผมน้ำตาซึม ซึ้งจนพูดไม่ออก

“ขอบคุณทุกคนมากๆ ที่อยู่กับน้องรันต์ รักและหวังดีกับน้องเสมอมา ฮึก ขอบคุณทุกคนมากจริงๆ ทุกคนก็ต้องมีความสุขมากๆนะ!!!” เพื่อนๆเข้ามารุมกอดผมอีกครั้งเมื่อเห็นผมพูดทั้งน้ำตา

“ยักษ์ ขอบคุณที่กลับมา” ผมหันไปพูดกับทศกัณฐ์ จับมือทั้งสองข้างเขาแน่น

“น้องรันต์เป็นดวงใจของพี่ พี่จะทิ้งหัวใจของตัวเองได้อย่างไร” ทศกัณฐ์ก้มจูบหน้าผากผมหนักแน่นรั้งผมกายผมเข้าไปกอดด้วยความอ่อนโยน

ผมยิ้มให้กับตัวเอง นึกดีใจที่เลือกถูก ผมเลือกที่จะให้อภัยในสิ่งร้ายๆที่เขาเคยทำ และมองลึกเข้าไปถึงหัวใจของเขา จนในที่สุดผมก็เป็นดวงใจของเขา ยักษ์ร้ายสุดที่รัก...

The  End
+++++++++++++++++
คุยช่วงสุดท้าย
ในที่สุดนิยายเรื่องนี้ก็ได้จบลงอย่างสมบูรณ์ เปรมขอขอบคุณนักอ่านทุกๆคนที่คอยติดตามและให้กำลังใจมาโดยตลอด โดยเฉพาะแรงโหวตและคอมเมนต์ มันเป็นกำลังใจและทำให้นิยายเรื่องนี้จบได้จริงๆ  เปรมเป็นแค่นักเขียนที่เริ่มหัดขีดเขียนคนหนึ่ง อาจจะไม่ดี และตกหล่นในหลายๆอย่างไปบ้าง ก็ให้อภัยเปรมด้วยนะ บางช่วงที่งงๆตกหล่นไปเปรมก็จะเขียนใส่ในตอนพิเศษนะคะ ถ้ามีโอกาสหวังว่าเราจะได้เจอกันในนิยายเรื่องต่อไป :D
รัก...YINGPREM :กอด1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤ตอนจบบริบูรณ์❤[25/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 26-01-2018 00:20:30
 :L2: :3123:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤ตอนจบบริบูรณ์❤[25/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Panizzz3838 ที่ 26-01-2018 00:28:01
สมิธนี่หลุดจากบ่วงมารของอีลูคัสแล้วช่ะป่ะ...ยินดีด้วยเน้อ :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤ตอนจบบริบูรณ์❤[25/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 26-01-2018 01:25:48
แฮปปี้มากๆ ขอบคุณนะคะ
ปล. สงสัยอีกนิด พี่สมิธมีแฟนแล้วแสดงว่าลูคัสยอมปล่อยพี่สมิธแล้วใช่ไหม
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤ตอนจบบริบูรณ์❤[25/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 26-01-2018 04:27:52
จบแล้วว
นี่อยากรู้อย่างเดียวคือจริงๆแล้วลูคัสคิดยังไงกันแน่อะ
ถึงนางจะร้ายมากๆ แต่ก้ดูน่าสงสารในบางทีอะ
แต่พี่สมิทมีแฟนก้แปลว่าลูคัสยอมปล่อยแล้วหรองี้
ของคุณสำหรับนิยายดีๆตลอดหลายเดือนมานี้นะคะ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤ตอนจบบริบูรณ์❤[25/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 26-01-2018 07:21:21
น่ารักเสมอเลยน้องรัน
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤ตอนจบบริบูรณ์❤[25/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 26-01-2018 07:42:55
 :L2: :L2:

 :กอด1: :กอด1:

จบแล้ว
มีความสุขน้าา
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤ตอนจบบริบูรณ์❤[25/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 26-01-2018 10:00:33
ยินดีกับน้องรันต์ คร้าาา แต่แอบงงกับพีีสมิธ อย่าลืมมาต่อตอนพิเศษให้หายงงนะคะ  :mew1: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤ตอนจบบริบูรณ์❤[25/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 26-01-2018 12:31:19
 :L1:นมีความสุขกันทุกคน ชอบๆๆ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤ตอนจบบริบูรณ์❤[25/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 26-01-2018 18:33:35
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤ตอนจบบริบูรณ์❤[25/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 26-01-2018 22:43:19
 :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤ตอนจบบริบูรณ์❤[25/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Laliat ที่ 27-01-2018 01:10:11
รอความเป็นไปของสมิธ อยู่ๆลูคัสก็หายไปแบบงงๆง่ะ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤ตอนจบบริบูรณ์❤[25/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 27-01-2018 04:14:46
กว่าจะมุ้งมิ้ง..ฮาร์ดคอกันนานมาก  :amen:

สนุกสุด ๆ  o13 o13 o13

ผูกปม ซ่อนปมซะมิดเลย..ลุ้นทุกตอน  :impress2:

ได้ใจ ให้ดาว บวกเป็ดไปอีกหนึ่งเรื่องเลยจ้า :pig3:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤ตอนจบบริบูรณ์❤[25/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 27-01-2018 05:23:31
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ นะคะ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤ตอนจบบริบูรณ์❤[25/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: maykiz ที่ 28-01-2018 05:49:28
อ่านแบบไม่หลับไม่นอนเลย สนุกมากๆค่ะ
ขอบคุณนิยายดีดีค่ะ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤แจ้ง❤[~End~][28/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 28-01-2018 12:32:31

​​สวัสดีค่ะนักอ่านที่รักทุกคน หลังจากที่เปรมได้ลงตอนจบนิยายใจยักษ์ไปแล้วนั้น เปรมได้อ่านหลายๆความคิดเห็น ซึ่งมีหลายคนที่ยังค้างคาใจเกี่ยวกับเรื่องสมิธ+ลูคัส ว่าเป็นมาอย่างไร เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา แน่นอนว่าในช่วงระยะเวลาสิบปีนั้นทุกอย่างมีการเปลี่ยนแปลง แต่ที่ทุกคนได้อ่านในตอนจบนั้นเรื่องของบางคนมันอาจจะแค่เริ่มต้นก็ได้ ที่เปรมจะบอกคือเรื่องราวของบางคู่ยังมีต่อจริงๆ แต่เปรมไม่สามารถเขียนใส่ในตอนหลักได้เพราะเนื้อหามันยืดไปมากแล้ว เปรมจึงจะเขียนตอนพิเศษของแต่ละคู่แต่ละเรื่องราวขึ้น แต่ขอดูก่อนว่าจะลงตอนไหนได้บ้าง อยากอ่านคู่ของใครเป็นพิเศษก็บอกได้จ้า
ป.ล.ตอนพิเศษจะอัพหลังจากแก้คำผิดเนื้อหาหลัก และrewriteบางคำให้เรียบลื่นขึ้น(เนื้อเรื่องยังคงเดิม)เสร็จก่อนนะคะ รอหน่อยเน้อ จุ๊ฟ♡
  :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤แจ้ง❤[~End~][28/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: wildride ที่ 28-01-2018 13:23:14
นี่เหมือนคนเป็นโรคจิต เวลาติดใจอะไรก็อยากคิดตามตลอด แบบมโนว่าพวกเขาคือส่วนหนึ่งในชีวิต แล้วทุกคนๆดำเนินชีวิตยังไงต่อไป อยากเข้าไปใส่ใจในทุกเรื่องราว   :ling1:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤แจ้ง❤[~End~][28/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Psycho ที่ 28-01-2018 16:26:36
อ่านรวดเดียวจบ อิ่มเอม
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤แจ้ง❤[~End~][28/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 28-01-2018 17:39:22
จบแล้ว    :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ยักษ์ รันต์  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ห่างกันก็คิดถึงกันซะ
รันต์ โดนหลอกหรอ เรื่องห้องเก็บเสียง อะจ๊ากกกกก :o8: :-[ :impress2:
งี้ก็ได้ยินเสียงรันต์ครางกันหมดสิ   :z1: :pighaun: :haun4:

สมิธ ถอยห่างจากลูคัสได้แล้วหรือ
พูดใหม่ ต้องว่าลูคัสยอมปล่อยสมิธ ?  ไม่น่าใช่นะ  o22 o22 o22
รออ่านตอนพิเศษ  :mew1: :mew1: :mew1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤แจ้ง❤[~End~][28/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 28-01-2018 19:37:18
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤แจ้ง❤[~End~][28/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 28-01-2018 19:53:55
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤แจ้ง❤[~End~][28/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: abcee ที่ 28-01-2018 20:51:34
อดหลับอดนอนอ่านกันเลยทีเดียว ขอบคุณมากครับ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤แจ้ง❤[~End~][28/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 28-01-2018 23:09:46
 :hao6: เนื้อเรื่องสนุกมากค่ะ ฟินสุดๆ :mew1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤แจ้ง❤[~End~][28/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 28-01-2018 23:32:51
รอตอนพิเศษค่าา
ไม่รุ้ทำไมแต่คาใจกับลูคัสจังเลย
ยอมปล่อยสมิธจริงๆหรอ ซึ่งน่าจะยาก
แต่ถ้ายอมปล่อยจริงๆจะปล่อยไปเฉยๆเลยหรอ
อยากอ่านพาร์ทลูคัสค่าา
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤แจ้ง❤[~End~][28/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: tae1234 ที่ 29-01-2018 01:55:10
สนุกดีครับ ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤แจ้ง❤[~End~][28/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 29-01-2018 14:12:15
กลับมาอ่านแบบรวดเดียวจบ ชอบมากค่ะสนุกมาก คนเขียนเก่งมากเลยที่สร้างตัวละครทุกตัวให้มีมิติได้และไม่ฟุ่มเฟือยเลย เก่งมากๆ


ปล.อยากอ่านคู่เมฆ-เก่ง สองคนนี้เคมีดีมาก
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤แจ้ง❤[~End~][28/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 29-01-2018 21:49:46
มิทตี้... นู๋จะเลิกกับพี่ลูคัสไม่ได้นะ... ชะนีไม่มีอย่างที่คิด... 5555... น้องรันต์มีความสุขจริงๆแล้วนะ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤แจ้ง❤[~End~][28/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: jum1201 ที่ 30-01-2018 08:40:30
ขอบคุณนิยายดีๆ รอตอนพิเศษค๊าา คนแต่งสู้ๆๆ :กอด1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤แจ้ง❤[~End~][28/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: minmin96 ที่ 30-01-2018 10:13:32
อยากอ่านของทุกคู่เลย
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤แจ้ง❤[~End~][28/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 08-02-2018 12:53:19
 :3123: :3123: :L2: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤แจ้ง❤[~End~][28/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 08-02-2018 23:12:17
อิ่มอกอิ่มใจ กับตอนจบ  :mew1:
ตั้งหน้าตั้งตารอ ตอนพิเศษ อยู่ครับ เปรม
+1 ให้เป็นกำลังใจครับ  :L2:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤แจ้ง❤[~End~][28/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Somsitwiegel ที่ 09-02-2018 21:36:07
 :กอด1: :กอด1: :L2: :L2: :pig4: :L2:  ขอบคุณผู้แต่งมากเลยนะ สนุกมากจริงๆๆ อ่านรวดเดียวหยุดไม่เลยจริงๆๆ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤แจ้ง❤[~End~][28/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Naamtaan22 ที่ 10-02-2018 18:46:23
จบแล้ว :กอด1สนุกมากขอบคุณนะคะแล้วจะรออ่านตอนพิเศษต่อไป :mew1:
หัวข้อ: Re: ใจยักษ์: Intro+ตอนที่1 (3/11/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 11-02-2018 08:01:59
 :katai2-1: ตามมาจากน้องปลายฟ้าแสนงามกับคุณรพสุดอปป้า


****เพิ่มเติม******

เอ ผชคนที่น้องรันต์ช่วยนั้นเป็นใครกันนะ จะมาเกี่ยวข้องกัน

ในอนาคตหรือเปล่า โจก็ด้วย ไม่ใช่ว่าสืบจนรู้แล้วจะมาเอาคืนนะ

อ้อว่าแต่เมฆกับรันต์เป็นอะไรกันนะ  ลูกเจ้านายใหญ่?  o21
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤Special Interview by Smith❤[End][28/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 11-02-2018 16:49:01
Special Interview by Smith



YINGPREM : เย้!ในที่สุดวันนี้เปรมก็ได้มีโอกาสมาสัมภาษณ์บุคคลที่ถูกทุกคนพูดถึงกันมากที่สุด...สวัสดีค่าพี่สมิธ

Smith : ดีไอ้เปรม...สวัสดีครับทุกๆคน(//หันไปทางกล้องแล้วยิ้มหล่อ)

YINGPREM : ไหงไม่เห็นพูดสุภาพกับเปรมเลยอ่ะ นี่เป็นผู้หญิงนะเฟ้ย -_-

Smith : อ้าว!เธอเป็นผู้หญิงหรอ!...ฮ่าๆๆๆ พี่ล้อเล่นน่าอย่างอนดิๆ

YINGPREM : กรอดดด(//กัดฟันแบบอาฆาต)...มาเข้าเรื่องเลยดีกว่า รู้ไหมว่าตอนนี้ทุกคนอยากรู้เรื่องราวของพี่มาก ชนิดที่ลืมพระนายของน้องไปเลย

Smith : ฮึ! ไม่รู้หรอก แต่ก็พอจะเข้าใจอ่ะนะว่าทุกคนต้องสนใจเรื่องของผมเป็นธรรมดา ก็คนมันหล่ออ่ะเนอะ เชี่ยทศหร๊อจะสู้พี่ได้

YINGPREM : ค่าๆ พี่หล่อมว๊ากกก ถ้าอย่างนั้นอัปเดตชีวิตตอนนี้ให้ฟังหน่อย

Smith : ได้...ตอนนี้ผมเป็นอาจารย์สอนมหาวิทยาลัยคณะเดิม มหาลัยเดิมสมัยที่เคยเรียนอยู่ครับ เจ้าเด็กปีหนึ่งปีสองที่เรียนวิชาภาคเจอกันได้ หึหึ

YINGPREM : โห!พี่เป็นอาจารย์จริงหรอ สมัยเรียนได้ข่าวว่าจะไทร์แหล่ไม่ไทร์แหล่

Smith : ดูถูกว่ะ คนเรามันก็มีเปลี่ยนแปลงกันได้ป่ะวะ

YINGPREM : อ้อ เหมือนเรื่องนิสัยอะไรแบบนี้รึเปล่า มีข่าวลือว่ามีแฟนที่คบเป็นจริงเป็นจัง

Smith : ข่าวลืออะไรล่ะ พี่มีแฟนจริงๆ

YINGPREM : ผู้หญิงหรือผู้ชายอ่ะ

Smith : ผู้หญิงสิโว้ยยยย

YINGPREM : อ่อหรอ แต่ไม่น่าเชื่อว่าคนเหี้ยๆอย่างพี่ที่เปลี่ยนหญิงเป็นว่าเล่นจะหยุดได้จริงๆนะเนี่ย

Smith : มึงพูดขนาดนี้ไม่ต้องเรียกกูพี่ก็ได้นะเปรม

YINGPREM : มึงพูดเองนะสมิธ อย่าหาว่าเปรมไม่เกรงใจ

Smith : เดี๋ยวๆใจเย็นนนนน

YINGPREM : ฮ่าๆๆขอโทษค่าเค้าล้อเล่น...แล้วแฟนชื่ออะไร คบกันมากี่ปีแล้ว

Smith : ชื่อปริม คบกันก็ประมาณสองปีแล้วมั้ง

YINGPREM : มั้ง? แล้วคิดว่าจะแต่งกับเขาไหม

Smith : ก็ดูๆกันไปก่อนปริมเขาเป็นคนดี ถ้าเป็นไปได้ก็อยากแต่งกับเขานี่แหละ

YINGPREM : คนดีอย่างเดียวหรอ? ไม่รักเขารึไง?

Smith : …(สตั้นไป 5วิฯ) ก็ต้องรักสิ ถามอะไรแบบนั้น วู้!

YINGPREM : หรอ...นี่พี่สมิธ จะเป็นไรไหมถ้าเปรมจะขอละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวพี่กว่านี้อีกสักเล็กน้อย

Smith : นี่ยังไม่พออีกเรอะ

YINGPREM : น่า อยากรู้จริงๆ

Smith : เออๆถามมา

YINGPREM : พี่ลืม ‘เขา’ ได้แล้วรึยัง

Smith : เขาน่ะใคร?(ทำหน้าสงสัย)

YINGPREM : เอ่ยชื่อได้หรอ

Smith : ก็เอ่ยมา

YINGPREM : ละ ลูคัสอ่ะ

Smith : อือ...ยังไม่ลืมหรอก และคิดว่าคงไม่มีวันลืม

YINGPREM : แล้วตอนนี้พี่กับเขา...

Smith : ไม่แล้วล่ะ เรื่องระหว่างผมกับเขามันจบไปนานแล้ว เขายอมปล่อยผมแล้ว แบบปล่อยจริงๆต่างคนต่างอยู่

YINGPREM : ทำไมเขาถึงยอมคะ?

Smith : ผมไม่ได้ทำร้ายร่างกายเขาเลยนะ แต่ผมทำอย่างที่ไอ้น้องรันต์บอก เขาก็ยอมนะ แล้วปฏิกิริยาเขาที่ไอ้น้องรันต์มาเล่าให้ฟังทีหลังผมยังไม่อยากจะเชื่อเลย

YINGPREM : เขาเป็นยังไง

Smith : มัน...ร้องไห้

YINGPREM : ต้องทำยังไงพี่ถึงจะอภัยให้เขาได้(แอบเชียร์)

Smith : พี่จะบอกอะไรให้นะ สิ่งที่เขาเคยทำกับพี่ ต่อให้เขาชดใช้ด้วยชีวิตความรู้สึกเหล่านั้นก็ไม่มีวันหายไปหรอก แต่...ตอนนี้ก็ไม่ได้เกลียดมากขนาดเมื่อก่อนแล้วล่ะ พอเวลาผ่านไปเราโตขึ้น เราก็ยิ่งปล่อยวางได้มากขึ้น พี่รู้สึกเฉยๆมากกว่า ชีวิตคนเราต่อให้เจ็บมากแค่ไหนเราก็ต้องเดินต่อไป ทางข้างหน้าที่เราไม่รู้มันมีอะไรให้ทำอีกเยอะ เราอาจจะเปลี่ยนเส้นทางใหม่ก็ได้ถ้าอะไรเก่าๆมันไม่ดีพอให้เราเลือกเดิน

YINGPREM : พี่สมิธเข้มแข็งขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ดูมีความคิดอ่ะแล้วโรคประจำตัวหายแล้วรึยังคะ

Smith : เดี๋ยวนะ ไม่ได้หลอกด่ากันใช่ไหมวะ...โรคนั้นหายเป็นมาได้3-4ปีแล้ว ก็ได้คนรอบข้างที่ให้ความช่วยเหลือ

YINGPREM : อื้อ เปรมดีใจด้วย

Smith : ขอบคุณครับ(//ยิ้มหล่ออีกแล้ว)

YINGPREM : คำถามสุดท้ายละๆ พี่คิดว่าคุณลูคัสเขารักพี่ไหม(//กลั้นใจถามสุดๆ)

Smith : ...มันบอกว่ารัก

YINGPREM : จริงหรออออออ แล้วพี่จะรักเขาได้ไหม

Smith : ไหนเมื่อกี้บอกคำถามสุดท้ายแล้วไง?

YINGPREM : แงงงงงง ตอบน้องหน่อยสุดท้ายแล้วจริงๆ(//พนมมืออ้อนวอน น้ำตาคลอเรียกความสมเพช)

Smith : ไม่ตอบเว้ยยยยยย คำไหนคำนั้น ไปคิดกันเอาเอง

YINGPREM : เช้อ จำไว้เลยๆ...เดี๋ยวจะเขียนให้พี่ถูกรังแกหนักๆ(//กระซิบกับตัวเอง)

Smith : กูได้ยิน!

YINGPREM : แหะๆ มาฝากคำพูดส่งท้ายถึงทุกคนหน่อย

Smith : เอ่อ ผมก็ไม่รู้จะพูดอะไร จู่ๆก็มีแฟนคลับกับเขา เอาเป็นว่าขอบคุณทุกคนมากนะ ไม่ต้องห่วงผม ผมสบายดีมีความสุข ถ้าเจอกันก็ทักทายได้ ผมหล่อและใจดีนะเว้ย ไอ้เปรมพูดไรก็อย่าไปฟังมันมากนะ มันบ้า บ๊ายบายยยยย

YINGPREM : เออจ้ะ=*=



+++++++++++++++

เอาพี่ชายมาฝากให้หายคิดถึงกัน ส่วนการเปิดเรื่องใหม่พี่สมิธ จากแรงยุของคนรอบข้างและนักอ่านหลายๆคน เปรมตัดสินใจว่าจะเปิดเรื่องใหม่ก็ได้ แต๊มันเขียนค่อนข้างยากสำหรับเปรมและเป็นแนวที่ค่อนข้างรุนแรง เปรมจึงอยากจะถามความคิดเห็นนักอ่านก่อนที่จะเปิดเรื่อง คือ

1.รับได้ไหมที่เป็นแนว SM 20+

2.จะมีพาร์ทที่เป็นโชตะ(สมิธตอนเด็ก) ประมาณไม่เกิน 10 ตอน

3.มีการใช้ความรุนแรงทางเพศกับเด็กอายุต่ำกว่า15ปี

สามข้อนี้รับได้ทั้งหมดไหม เปรมบอกไว้ก่อนเพราะไม่อยากให้มีปัญหาทีหลังแล้วมาว่าเปรม เพราะมันจะทำให้เสียความรู้สึกเป็นอย่างมาก ถ้าโอเคเปรมจะเรื่องในเร็วๆนี้เพราะเขียนรอได้สักพักแล้ว แต่ถ้าไม่โอเค เปรมจะตัดที่มันรุนแรงไปทิ้งแล้วทำเป็นตอนพิเศษใส่ในใจยักษ์เหมือนเดิม

ป.ล.นิยายใจยักษ์จะได้ตีพิมพ์เป็นหนังสือกับทางสำนักพิมพ์ แต่ก็อาจจะนานหน่อยคิดว่าคงภายในปีนี้ ถ้าอยากได้ก็เก็บตังค์รอ ฮ่าๆๆ อย่าปล่อยให้น้องรันต์-พี่ทศ เมฆ-เก่ง ใจดี-เซนท์ ท็อฟฟี่-พี่หมอ ต้องเหงานะเบบ มว๊ฟฟฟฟฟ

รัก...YINGPREM :กอด1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤Special Interview by Smith❤[End][28/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: coffeegirl ที่ 11-02-2018 18:15:10
รอคู่เมฆ-เก่ง ค่ะ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤Special Interview by Smith❤[End][28/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: eat2tea ที่ 11-02-2018 20:54:41
พี่สมิธเป็นอาจารย์สอนมหาวิทยาลัยไหนครับ เผื่อเจอจะได้ทักทาย

เสียดายพี่สมิธมีแฟนแล้ว ในเรื่องชอบพี่เค้ามากๆ  :sad4:

รอ YINGPREM เปิดเรื่องพี่สมิธครับ



หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤Special Interview by Smith❤[End][28/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 11-02-2018 22:31:04
สนุกมากๆๆๆๆๆๆ หลายอารมณืมากเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤Special Interview by Smith❤[End][28/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: jorjinney ที่ 11-02-2018 23:58:07
ดีงามมากกกกกกกกกกกกกกกกกก
รอติดตามเรื่องของสมิธอยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤Special Interview by Smith❤[End][28/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 12-02-2018 09:42:57
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤Special Interview by Smith❤[End][28/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 12-02-2018 13:22:19
สนุกมากๆเลย ชอบมาก ชอบทุกคู่
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ตอนที่ 8♡ [20/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 12-02-2018 14:32:02
ว้ายยยยย น้องรันต์น่ารักมากเด้อ


ฮือ ยักษ์หลงน้องแน่ๆ คิกคิก
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 24♡++100%++[13/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 12-02-2018 18:50:06
เอ... ยักษ์กับน้องรันรันเคยเจอกันตอนเด็กนี่นา...
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤Special Interview by Smith❤[End][28/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 12-02-2018 19:05:38
คุณเปรมเปิดเรื่องลูคัส-สมิธเลย
คนอ่านอยากอ่านมากๆๆๆๆๆ
มาทีหลังแต่เด่นกว่าทุกคู่เลย
มีความSMหนักเว่อร์ๆ
แล้วก็แต่งทางนู้นอย่าลืมตอนพิเศษทางนี้นะคะ
อยากอ่านตอนที่ทั้งคู่เจอกันที่ปารีส
มีสัญญาใจมาถึงวันนี้ด้วย
เด็กน้อยกร๊าวใจมากๆๆๆ
รออ่านทั้งหมดจากคุณเปรมนะค้า
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤Special Interview by Smith❤[End][28/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Nickname ที่ 12-02-2018 21:02:33
รอทุกคู่นี่ได้มั้ยคะ จะรุนแรงแค่ไหนก็จัดมาค่ะจบดีก็พอขอแค่นี้จริงๆ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤ตอนจบบริบูรณ์❤[25/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 13-02-2018 08:37:54
โง้ย จบแล้ว ฟินมาก  :pig4:

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤Special Interview by Smith❤[End][28/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ooomukooo ที่ 14-02-2018 08:26:57
ทุกคนสนใจ ลูคัส สมิธ
แต่นี้สนใจเรื่องของ พี่หมอไฟ ท๊อฟฟี่  :-[
อยากอ่านเรื่องของสองคนนี้อ่ะคะ :hao7:
จะมีโอกาศที่จะเขียนไหมคะ  :mew2:
ขอแบบสั้นๆก็ได้ พลีส  :hao5:   :mew6:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤Special Interview by Smith❤[End][28/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 14-02-2018 13:13:34

หวานเวอร์.....

 แต่กว่าจะหวานได้ก็หน่วงมาเยอะ

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ

หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤Special Valentine’s Day❤[End][14/02/61]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 15-02-2018 00:05:56
Special  Valentine’s Day

“เนตรวันนี้เธอจะไปดินเนอร์ที่ไหนนะ”

“โรงแรมxxน่ะ”

“ว้าย!โรงแรมหรูเลยนะนั่น น่าอิจฉาจริงๆ”

“ก็ไม่เท่าไหร่หรอก...แล้วเธอล่ะ” เนตรนภาอมยิ้มนิดๆขณะที่มือกำลังใช้พัพเกลี่ยแป้งบนใบหน้าแล้วถามเพื่อนสาวกลับ

“เฮ้อไม่รู้สิ ไม่เห็นเขาพูดว่าอะไรนะ”อรดีท้าวคางแล้วถอนหายใจเซ็งๆ

“เอาน่าเขาอาจจะมีเซอร์ไพรส์อะไรรอเธอก็ได้นะ”

“ขอให้เป็นอย่างที่เธอว่า อุ๊ย!ผู้จัดการ!”อรดีร้องเสียงหลง ผงกหัวให้ผู้จัดการหนุ่มที่มายืนข้างหลังเนตรนภาตั้งแต่เมื่อไหร่รู้แล้วรีบเลื่อนเก้าอี้กลับโต๊ะทำงานตัวเองอย่างรวดเร็ว ส่วนเนตรนภาได้แต่ตัวสั่นลุกขึ้นยืนเผชิญหน้ากับคนที่ขึ้นชื่อเรื่องเข้มงวดมากที่สุดในแผนก

“คุณเนตรนภา เอกสารเบิกงบประมาณส่วนที่สองของโครงการTเสร็จรึยัง?”

“ยะยังเลยค่ะผู้จัดการ”

“ผมต้องได้เปเปอร์ภายในวันนี้นะครับ” เขาพูดเรียบๆสีหน้าเย็นชาผิดกับหญิงสาวที่ยืนหน้าซีดลงไปถนัดตา เพราะเวลานี้ก็เกือบสี่โมงเย็นใกล้เวลาเลิกงานเต็มที เธอจะไปทำเสร็จทันเวลานัดกับแฟนหนุ่มตอนหกโมงเย็นได้อย่างไร โดยเฉพาะโรงแรมXX ที่แฟนหนุ่มเธอบากบั่นจองกันข้ามปีเพื่อวันนี้ที่เป็นวันแห่งความรัก เธอจะพลาดไม่ได้โดยเด็ดขาด

“แต่ว่าผู้จัดการไม่ได้บอกให้เนตรส่งภายในวันนี้นิคะ แล้วผู้จัดการมาบอกเอาตอนนี้เนตรทำไม่ทันหรอกค่ะ” หางเสียงเธอเหวี่ยงนิดๆอย่างไม่ยอมแพ้ อีกอย่างคำสั่งพึ่งลงมาถึงเธอเมื่อเช้าอย่างเร็วก็ต้องใช้เวลาจนถึงพรุ่งนี้จึงจะเสร็จ เพราะฉะนั้นเธอไม่ผิด!

“แค่งานง่ายๆพิมพ์เอกสารแค่ไม่กี่แผ่น มีเวลาทั้งวันแต่คุณไม่สามารถทำให้เสร็จได้ ผมว่าฝ่ายHRคงต้องพิจารณาเงินเดือนของคุณใหม่แล้วล่ะว่าคุ้มค่ากับการทำงานของคุณรึเปล่า” น้ำเสียงเย็นๆพร้อมใบหน้านิ่งเรียบทำให้เนตรนภาแทบเข่าอ่อน นี่เขาขู่จะตัดเงินเดือนเธอเลยหรอ

“เนตรขอโทษค่ะผู้จัดการ เนตรจะรีบทำให้เสร็จเลยค่ะ!” เธอไม่สนแล้ววาเลนทงวาเลนไทน์  ยังไงหน้าที่การงานก็ต้องมาก่อน ไม่น่าพลาดเลยจริงๆยัยเนตรเอ้ย

“ผมจะรอ แล้วอย่าให้มีเหตุการณ์แบบวันนี้อีก”เขาเหลือบตามองแป้งพัพและลิปติกบนโต๊ะของเธอนิดๆก่อนจะเดินจากไป

“โคตรซวยเลยเนตร” อรดีกระซิบเบาๆหลังจากที่ผู้จัดการหนุ่มเดินจากไปแล้ว

“ฉันรู้แล้ว!”

++++++++++++++++++

Rrr  Rrr  Rrr

ผมเงยหน้าจากเอกสารตรงหน้าเพราะเสียงโทรศัพท์ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะก่อนจะยกหูโทรศัพท์ขึ้นรับสาย

“สวัสดีครับ นภทีป์พูดครับ”

//สวัสดีค่ะคุณนภทีป์ ดิฉันปิยดาเลขาณุการท่านรองฯนะคะ

“ครับ”

//ท่านต้องการดูเอกสารเบิกงบประมาณส่วนที่สองของโครงการTตอนนี้ค่ะ ไม่ทราบว่าสะดวกขึ้นมาเองหรือจะให้ดิฉันลงไปเอาคะ

น้ำเสียงจากปลายสายมีความลำบากใจปนอยู่ ก็แน่ล่ะคำสั่งพึ่งลงมาเมื่อวานจะเอาวันนี้มันก็กระไรอยู่แม้ว่าผมจะเร่งให้ลูกน้องทำแล้วก็ตาม แต่ไม่มีคำสั่งด่วนกำกับไว้ถ้าจะมาเร่งเอาตอนนี้ก็ไม่มีให้หรอก

“ผมขึ้นไปเองดีกว่าครับ คุณปิยดาช่วยเรียนท่านรองให้ด้วยนะครับว่าผู้จัดการฝ่ายจัดสรรงบประมาณขอเข้าพบ”

//ได้ค่ะ

+++++++++++++++++

“เชิญเข้าไปได้เลยค่ะ” เลขาฯสาวหน้าห้องยิ้มทักทายเล็กน้อยก่อนจะบอกให้ผมเข้าไปในห้องที่มีประตูสีน้ำตาลบานใหญ่กั้นไว้อยู่ ผมเคาะประตูสองสามที ได้ยินเสียงคนข้างในเอ่ยปากอนุญาตจึงค่อยๆเปิดประตูเข้าไป

ภายในห้องถูกตกแต่งด้วยโทนสีน้ำตาลอบอุ่น มีตู้หนังสือตู้ใหญ่ที่ความสูงจรดเพดานห้องและมีหนังสืออัดแน่นเต็มไปหมด ข้างๆกันก็เป็นตู้เก็บแฟ้มเอกสารวางอยู่เต็มทุกช่อง โซฟาสีเบสตัวใหญ่หนึ่งชุดและโต๊ะกลมหนึ่งตัวน่าจะเป็นมุมพักผ่อน ตรงกลางห้องมีโต๊ะทำงานหลังใหญ่ และมีชายหนุ่มที่ดูคุ้นตานั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงานตัวใหญ่ มองเลยข้างหลังเขาไปก็เป็นกระจกหนาที่สามารถทำให้เห็นวิวด้านนอกได้ร้อยแปดสิบองศา

“สวัสดีครับท่านรองฯ ผมนภทีป์จากฝ่ายงบประมาณครับ” เขาเงยหน้าขึ้นมองผมก่อนจะขยับริมฝีปากสีชมพูขึ้น

“เชิญนั่ง”

“ขอบคุณครับ” ผมนั่งลงบนเก้าอี้ตรงหน้าเขา คนตรงหน้าวางปากกาแล้วปิดแฟ้มเอกสารก่อนจะเงยหน้าขึ้นพูดกับผม

“เลขาผมบอกคุณแล้วใช่ไหมว่าผมต้องการเอกสารอะไร อยู่ไหนล่ะ?”เขากวาดตามองหาสิ่งที่ต้องการ ผมใช้นิ้วดันแว่นนิดๆก่อนจะเอ่ยตอบ

“ยังไม่เสร็จครับ”

“หมายความว่าไงไม่เสร็จ ทำงานกันยังไง” คนตรงหน้าผมเสียงเข้มขึ้นอีกระดับ

“งานเอกสารด่วนอย่างน้อยก็ต้องใช้เวลา2-3วัน ถ้าท่านจะเอาตอนนี้ผมก็ไม่มีให้หรอกครับ”

“นี่เถียง?” คนตรงหน้าเลิกคิ้วซ้ายขึ้น

“ผมแค่อธิบาย”

“หรออออ”ผมเผลอตวัดสายตาขุ่นๆใส่อีกคนเมื่อเขายื่นมือมาผลักหัวผมเบาๆ

“ถ้าท่านรีบ ผมจะให้พนักงานเอาขึ้นมาให้พรุ่งนี้ก่อนเที่ยงนะครับ”

“ไม่ต้อง ทำตามกำหนดการเดิมนั่นแหละ แต่คุณทำให้ผมไม่พอใจคุณต้องโดนลงโทษ”

“แต่ว่า...” ผมทำท่าจะเอ่ยปากพูด แต่อีกคนกลับชี้หน้าคาดโทษแทน

“อย่าเถียง ผมสั่ง!” แค่ได้ยินเสียงเข้มเด็ดขาดใจผมก็วูบไหวแปลกๆ สุดท้ายก็ได้แต่ตอบรับเสียงแผ่ว

“ครับ”

“ดี ไปเก็บของแล้วไปเจอกันที่ลานจอดรถชั้นสามบล็อคD” น้ำเสียงเขาดูอ่อนลง ผมพยักหน้ารับทราบก่อนจะรีบเดินออกจากห้องไปเก็บของตามที่เขาบอก

จะทำยังไงได้ ก็ผมเป็นแค่ลูกน้องเขานี่

++++++++++++++++

ผมลงจากชั้น30 มาถึงชั้น8ที่เป็นแผนกที่ทำอยู่ก็เป็นเวลาเลิกงานเข้าไปแล้ว เหล่าพนักงานเงินเดือนก็เริ่มเก็บของและเตรียมกลับบ้าง บางคนก็ยังนั่งทำงานกันอยู่รวมถึงเนตรนภาที่ผมมอบหมายงานให้เธอทำด้วย

“คุณเนตรนภา”ผมเดินไปหยุดอยู่ข้างๆเนตรนภา

“คะผู้จัดการ?”

“’งานเสร็จรึยัง?”

“ยังเลยค่ะ”

“พรุ่งนี้ก่อนเที่ยงผมต้องเห็นงาน วันนี้ผมมีธุระ”

“คะ?...ค่ะ!” เธอผงกหัวรับทราบพร้อมฉีกยิ้มกว้าง

“คุณอยากจะไปทำอะไรก็ไปเถอะ แค่พรุ่งนี้ให้มีงานส่งผมก็พอ” พูดจบผมก็เดินออกมาเลย แต่ก็ได้ยินเสียงขอบคุณแว่วๆมาจากเธอ

เอาเถอะ...นี่วันแห่งความรัก ผมก็ไม่ควรจะเป็นมารขัดความสุขของคนอื่น เพราะผมก็รู้สึกกลัวว่าจะไม่สมหวังเหมือนกัน

++++++++++++++++

“เป็นอะไรเงียบเชียว โกรธกูหรอ?”

“เปล่า”

“เปล่าแล้วทำไมไม่พูด”

“แล้วจะให้ผมพูดอะไรครับท่านรองเมฆินทร์”

“มึงเลิกเรียกกูแบบนี้ซะที” เขายื่นมือมาผลักหัวผมจนเกือบกระแทกเข้ากับกระจกรถ

“แล้วใครมันเริ่มก่อน!”ผมเริ่มขึ้นเสียงนิดๆ อย่างโมโห

“ทำไมต้องชวนทะเลาะวะเก่ง” อีกคนพูดเซ็งๆ หันมามองผมเขม็งเพราะตอนนี้รถติดอยู่

“...” ผมก็เงียบ เถียงยังไงแม่งก็ผิด

แล้วมันก็เงียบตามไปอีกคน จนกระทั่งเวลาผ่านไปชั่วโมงกว่าๆเราก็ฝ่ารถติดเพื่อมาห้างชื่อดังใจกลางเมือง

“ต้องให้กูเปิดประตูรถให้ด้วยไหม”

“พากูมาทำไม”

“ลงไปก่อน เดี๋ยวถึงก็รู้เองแหละ” มันตัดบททันที

เขาพาผมขึ้นลิฟท์ไปที่ชั้นห้า เพื่อไปยัง...โรงหนัง ผมเหลือบมองอีกคนที่ตัวสูงกว่าผมไม่มากอย่างสงสัย

“วันนี้หนังที่กูอยากดูเข้าโรง แล้วถ้ามาเป็นคู่ตั๋วลดห้าสิบเปอร์เซ็นต์”

“มึงไม่มีปัญญาซื้อตั๋วหนังราคาไม่กี่ร้อยเลยหรือยังไง แล้วที่เขาลดเขาลดให้เฉพาะคู่รักเถอะ” ผมมองมันนิดๆ ขี่รถคันละเป็นสิบล้านแต่ตระหนี่ค่าตั๋วหนังเนี่ยนะ

“เขาเรียกว่าใช้เงินเป็น...อีกอย่างมึงก็สวมรอยเป็นคู่รักกูก็ได้” มันยักไหล่นิดๆไม่สนใจคำเหน็บจากผม

“เหี้ยเหอะ!...มึงไม่เรียกเมียมึงมาล่ะ จะลากกูมาทำบ้าอะไร” ผมขมวดคิ้วเถียง คนที่เดินผ่านไปผ่านมาเริ่มหันมามองเราที่ยืนเถียงกันอยู่หน้าโรงหนัง

“กูไม่มีเมีย และมึงต้องไปดูกับกู!”พูดจบมันก็ลากแขนผมพาไปยังเคาน์เตอร์ขายตั๋วทันที

“ซื้อตั๋วหนังYYเบาะโซฟาสองที่นั่งครับ”

“วันนี้มีโปรโมชั่นคู่รัก ถ้าซื้อป็อปคอร์นและแป็ปซี่เพิ่มจะอยู่ที่ราคา1xxxบาทนะคะ”

“เอาครับ” ไอ้คนที่จับแขนผมอยู่รีบตอบรับอย่างรวดเร็ว ผมได้ยินเสียงกรี๊ดเบาๆมาจากทางด้านหลัง

“ไอ้เมฆ!” ผมร้องเตรียมจะเอ่ยขัดแต่ก็โดนมันเอามืออุดปากไว้ก่อนเรียกเสียงกรี๊ดให้ดังขึ้นไปอีก แน่ล่ะครับวันนี้วันวาเลนไทน์นะอย่าลืม เขาก็ต้องเข้าใจว่าผมกับมันเป็นแฟนกันน่ะสิ

“ถ้ามึงไม่อยากอายก็หุบปากอยู่เงียบๆซะ” เพราะมีคนมองมาทางเรามากขึ้น ดีที่ผมกับไอ้เมฆถอดสูทและเนคไทไว้บนรถมันแล้วแต่ถึงอย่างนั้นชุดเราก็ยังถือว่าดูเด่นบวกกับหน้าตาของไอ้คนข้างๆผมคนเลยยิ่งมองกันไปใหญ่

ผมรับถังป็อบคอร์นมาถือไว้ด้วยใบหน้าหงิกงอ มันใช่ธุระกงการอะไรที่ผมต้องมาอยู่ที่นี่ก็ไม่รู้

“ทำหน้าให้มันดีๆหน่อย กูไม่ได้พามาฆ่านะเว้ย” เมฆบีบท้ายทอยผมไม่เบาจนรู้สึกเจ็บจี๊ด นี่ถือเป็นการเตือนจากมัน

“อย่ามาสั่ง นี่มันนอกเวลางานแล้ว”

“เออๆ จะเข้าเลยไหมหนังจะเริ่มละ”มันพูดปัดอย่างขอไปที

“มึงก็นำไปสิ” เมฆส่ายหัวให้กับท่าทีของผมนิดๆก่อนจะล็อคคอผมทั้งๆที่มือมันถือแก้วน้ำไว้อยู่แล้วพาเดินเข้าสู่โรงหนัง

หลังจากหนังเริ่มฉายไปได้ประมาณครึ่งชั่วโมง ไอ้คนที่นั่งอยู่ข้างๆก็เริ่มหัวเอียงไปมา ก่อนผมจะรู้สึกหนักๆที่ไหล่ด้านซ้ายของตัวเอง ผมผลักหัวมันออกห่างๆแต่ไม่นานมันก็กลับมาซบลงที่เดิม

“ไอ้เมฆ ถ้ามึงจะมานอนก็กลับ! ไหนว่าอยากดูไงวะ” ผมกระซิบมันเสียงเข้ม

“อือ ยังไม่ถึงไคลแม็กซ์เลย”มันพูดเสียงงัวเงียหน่อยๆแต่ปรือเต็มทีแต่ผมรู้ว่ามันได้ยินที่ผมพูด

“มึงรู้ได้ไง? ตื่นขึ้นมาดูเดี๋ยวนี้”

“เออๆสั่งเป็นเมียกูเลยนะมึง”

“เมียพ่อง”

“แม่กูอยู่ฝรั่งเศสกับป๊า จะให้โทรหามะ?”

“กวนตีน” ผมเอื้อมมือไปตบหัวมันเบาๆ ก็รู้ครับว่าเจ้านายแต่มันอดไม่ได้จริงๆ

“กูไม่ว่านี่ชักเอาใหญ่เลยนะมึง”เมฆคาดโทษผมนิดๆแต่ก็ไม่ได้ตบผมคืนอะไร จากนั่งเราก็นั่งดูหนังกันต่อจนจบ เนื้อหาก็ดีครับไม่ใช่หนังน้ำเน่าอะไรออกแนวไซไฟโรแมนติคมากกว่า

เมฆหยิบถังป็อปคอร์นที่เหลืออยู่นิดหน่อยกับแก้วน้ำผมไปทิ้งให้ เราเดินตามคนอื่นๆที่เดินออกมาเป็นคู่ๆ หรือเป็นครอบครัวออกมา น้อยนักที่จะเห็นใครเดินคนเดียวในวันนี้

“เดี๋ยวไปกินข้าวก่อนนะ กูหิวละ”เมฆหันมาบอก

“มึงก็ไปกินส่วนกูจะกลับ”

“ไปแดกเป็นเพื่อนกูก่อน” มันขมวดคิ้วไม่ยอม

“อะไรของมึงเนี่ยเมฆ!”

“กูรู้มึงก็หิว มันจะสามทุ่มแล้วไปแดกข้าวก่อนเดียวกูไปส่ง”

“เออๆเร็วๆเลย กูเหนื่อยอยากกลับบ้านไปอาบน้ำนอนแล้ว” ถึงแม้จะเป็นผู้จัดการแต่หน้าที่ความรับผิดก็ไม่ได้น้อยกว่าตอนเป็นลูกน้องเลยนะครับ เผลอๆตอนนี้เหนื่อยกว่าเมื่อก่อนซะอีก

เมฆพาผมเข้าร้านอาหารที่คนในร้านไม่ค่อยเยอะมากแต่ราคาถือว่าสูงเลยทีเดียว ส่วนมากคนจะเยอะๆในร้านที่ราคากลางๆมากกว่า

ร้านนี้เป็นร้านอาอาหารนานาชาติ ผมเคยมากินครั้งหนึ่งกับแฟนเก่า รู้สึกว่าแพงไปหน่อยสำหรับมนุษย์เงินเดือนอย่างผม แต่ถ้านานๆทีก็คงพอได้

ภายในร้านก็เป็นอย่างที่คิดบรรยากาศถูกตกแต่งให้เข้ากับวันแห่งความรัก ลูกค้าภายในร้านส่วนมากก็มากันเป็นคู่ ผมสั่งอาหารจานเดียวกับน้ำเปล่า ส่วนเมฆสั่งไปสามสี่อย่าง ระหว่างที่รอผมก็อดจะเปิดปากถามมันด้วยความสงสัยไม่ได้

“ถามจริง ทำไมมึงต้องพากูมาดูหนังกินข้าวอะไรแบบนี้ด้วยวะ มึงไม่รู้สึกแปลกๆเลยหรือไง”

“แปลกตรงไหน มึงกับกูรู้จักกันมา14ปี มาดูหนังแดกข้าวด้วยกันแค่นี้ทำไมจะไม่เคย” ที่มันพูดมาก็จริงอยู่ แต่ก็ไม่เคยมาด้วยกันสองคนแบบนี้สักที

“แล้วเพื่อนคนอื่นมึงไม่มีหรือไง?”

“ไอ้น้องอยู่ลอนดอน ไอ้เหี้ยอ๋องกกเด็กอยู่เชียงราย อิท็อฟฟี่ติดผัว...ก็เหลือแค่มึงนี่ไง”

“อ่อ กูเป็นตัวเลือกสุดท้ายว่างั้น” ผมกระตุกยิ้มมุมปากนิดๆข่มความรู้สึกบางอย่าง “แล้วทำไมมึงไม่คิดว่ากูจะไม่ว่างบ้าง”

“ถ้ามึงไม่ว่างมึงไปตั้งนานแล้วเก่ง แถมโทรศัพท์มึงเงียบซะขนาดนี้ มึงจะมีใครนัด”

“นั่นสิ อย่างกูจะมีใคร”

“กูไม่ได้...”เมฆทำท่าจะพูดอะไรสักอย่างแต่ผมก็ชิงตัดบทขึ้นก่อนเมื่อเห็นพนักงานนำอาหารมาเสิร์ฟ

“รีบกินจะได้กลับกันสักที”

ระหว่างที่ทานอาหารเมฆก็ชวนผมคุยบ้างตามประสามัน แต่ผมก็ตอบบ้างเงียบบ้าง รู้สึกไม่ค่อยมีอารมณ์ร่วมเท่าไหร่ จนเมื่อทานเสร็จมันก็เรียกเช็คบิล ผมหยิบแบงค์พันให้มันสามใบ มันมองนิ่งๆแต่ไม่ยอมรับเงิน

“ค่าอะไร”

“ค่าหนังกับค่าอาหาร”

“ไม่ต้อง” เมฆวางบัตรใส่สมุดที่แนบบิลอยู่

“เอาไป อย่าทำให้กูโกรธไม่ใช่กงการอะไรที่ต้องมาเลี้ยงกู” ผมพูดนิ่งๆ

“โกรธอะไรของมึงอีกเนี่ย”ไอ้เมฆเอื้อมมือมาขยี้หัวผมเบาๆเหมือนที่มนชอบทำกับไอ้รันต์ ผมปัดมือมันอย่างไม่เล่นด้วย

“เออ อยากจ่ายก็เอามา” สุดท้ายมันก็ยอมรับเงินไปจากผม

ไม่นานพนักงานนำบัตรและใบเสร็จมาให้ ไอ้เมฆก็หยิบบัตรเก็บแล้ววางแบงค์พันที่ผมพึ่งให้มันใส่ไว้หนึ่งใบแทนที่ ผมมองนิดๆรู้สึกว่ามันให้มากไปหน่อยเพราะร้านแบบนี้ยังไงเขาก็ชาร์จค่าบริการอยู่แล้ว แต่ก็เรื่องของมันเถอะ

ไม่ใช่เงินผมสักหน่อย

เราเดินออกจากร้านอาหารในเวลาเกือบจะห้าทุ่มแล้ว คนก็เริ่มบางตาลงไปมาก  ไอ้เมฆที่เดินนำอยู่หนึ่งก้าว(ผมไม่อยากเดินข้างมัน)อยู่ๆก็หยุดเดินกะทันหัน ทำให้ผมที่เดินคิดอะไรเหม่อๆอยู่ชนเข้ากับแผ่นหลังกว้างโดยไม่ทันตั้งตัว ผมเซนิดๆแต่มีบางสิ่งหยุดออกจากกรอบหน้าผม และผมก็ได้ยินเสียงบางอย่างตามมา

แกร็ก!

“มันไม่ใช่อย่างที่กูคิดใช่ไหม” ผมมองไปทางต้นเสียงด้วยสายตาที่พร่ามัวเต็มที

“มันเป็นอย่างที่มึงคิดนั่นแหละ กูเหยียบแว่นมึงหักออกเป็นสองท่อนเลย เลนส์หลุดออกมาด้วยเนี่ย แหะๆ”แหะพ่องดิ

“เหี้ยเอ้ย” ผมสบถในลำคอเบาๆ จริงๆก็ไม่ใช่ความผิดของไอ้เมฆคนเดียวหรอก

“แล้วเอาไงอ่ะ”

“มึงยังจะถาม ไปหาร้านแว่นซื้อคอนแทคเลส์มาให้กูดิ พากูไปหาที่นั่งรอด้วย” ตอนนี้ผมแทบจะใกล้เคียงคนตาบอดเลยครับ พ้นระยะหนึ่งช่วงแขนไปนี่มัวไปหมด

“เออๆ มานี่นั่งรอตรงนี้ มึงสั้นเท่าไหร่”มันจับมือผมเดินไม่ไกลแล้วกดไหล่ผมให้นั่งลงยังบริเวณหนึ่ง

“สั้น850 จริงๆเอียงด้วยแต่เอาแต่สั้นมานั่นแหละ”

“ควรทำเลสิคได้แล้วนะมึงอ่ะ อยู่ตรงนี้ห้ามไปไหนนะมึง ใครมาเรียกก็อย่าไป”

“สัสกูไม่ใช่ควาย มึงรีบไปเลย!”

“จ้าๆ”

ผมรอเมฆอยู่นานมากในความรู้สึกเพราะได้แต่นั่งรออยู่เฉยๆ จนในที่สุดเสียงคุ้นหูก็ดังขึ้นใกล้ๆ

“มึง ร้านมันปิดหมดเลยว่ะ”

“...” พูดไม่ออกเลยครับ

“...”

“ถ้างั้นก็กลับ”ผมพูดแล้วลุกขึ้นแต่ยังไม่ขยับเท้าเดินเพราะกลัวจะเดินไปชนกับอะไรเข้าไง

หมับ! สัมผัสอบอุ่นเข้ากอบกุมฝ่ามือซ้ายของผมแล้วชักนำผมให้เดินไปตามแรงดึง ผมจะดึงมืออกแต่แรงกระชับที่ฝ่ามือกลับแน่นขึ้น ผมจึงได้แต่เงียบปล่อยให้เมฆจูงมือเดิน แล้วก้าวขาตาที่อีกคนบอกไปตลอดทาง

จนกระทั่งมันมาจอดรถถึงหน้าบ้านผมจากการบอกทางด้วยปากเปล่าล้วนๆ ผมให้เมฆหยิบมือถือผมไปโทรหาแม่บ้านที่จ้างไว้ดูแลบ้านและคุณยายของผมให้ออกมาเปิดประตูให้หน่อย

“ขอบใจมึงมากที่มาส่ง”ผมบอกมันก่อนจะหันไปเปิดประตูรถแต่กลับถูกเมฆกลับรั้งแขนผมเอาไว้ก่อน ก่อนจะมีกล่องบางอย่างถูกยัดใส่มือผมขนดก็ประมาณหน้าตักผมได้

“อะไรอ่ะ”

“ไปเปิดดูเอาเอง”

“อืม”ผมเปิดประตูรถลงไปยืนเพราะได้ยินเสียงเปิดประตูรั้วจากพี่จันทร์

“เก่ง” เมฆเรียกด้วยน้ำเสียงที่แปลกไปจากเดิม

“หืม?”

“ที่คอนโดกูคืนนั้น กูจำได้นะ”

สิ้นคำพูดนั้นหัวใจผมก็แทบจะหยุดเต้นไปฉับพลัน

“กูไม่เห็นจำอะไรได้เลย...ไปนะ”

“อืม ฝันดี”

ผมถูกพี่จันทร์พาเดินเข้าบ้านด้วยสติล่องลอย ผมให้เธอไปหยิบแว่นสำรองอีกอันมาให้ พอใส่แล้วก็เห็นสิ่งที่อยู่ในมืออย่างชัดเจน

มันก็แค่

ช็อคโกแลต...

ที่ผม

ชอบมากๆ

ก็เท่านั้นเอง

+++++++++++++++++

สุขสันต์วันแห่งความรักจ้า อิอิ มาสายไปหน่อยไอ้คนเขียนป่วยหนัก(อีกแล้ว)เพลียร่างมาก แต่ก็อยากจะลงจริงๆ อาจจะดาร์คหน่วงๆไปบ้าง แต่ว่าความรักมันมีหลายรูปแบบนี่เนอะ เปรมมองว่าแค่รักอ่ะไม่ว่าแบบไหนสมหวังหรือไม่มันก็ล้วนสวยงามจริงๆนะ ...สุดท้ายนี้เปรมขอให้รักของทุกคนเป็นอย่างที่ปรารถนาและมีความสุขมากๆนะคะ

รัก...YINGPREM :L1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤Special Valentine’s Day❤[End][14/02/61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 15-02-2018 02:06:08
โอ้โห 14 ปีเลยเหรอ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤Special Valentine’s Day❤[End][14/02/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 15-02-2018 04:33:49
 o22 o22 o22 ที่คอนโดคืนนั้นเกิดไรๆ  :z3: :z3: :z3:
ระหว่างเก่ง เมฆ   อยากรู้ๆ   :ling1: :ling1: :ling1:

คิดถึง ยักษ์  รันต์   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤Special Valentine’s Day❤[End][14/02/61]
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 15-02-2018 10:56:05
ว๊าย กรี้ดดดด  :laugh:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤Special Valentine’s Day❤[End][14/02/61]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 15-02-2018 12:11:42
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤Special Valentine’s Day❤[End][14/02/61]
เริ่มหัวข้อโดย: duckka ที่ 15-02-2018 21:51:06
โอ้ยยย ลุ้นแทบตาย มันซับซ้อน
สรุปรู้จักกันและรักกันตั้งแต่เด็ก
พี่ทศกับน้อง
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤Special Valentine’s Day❤[End][14/02/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Naamtaan22 ที่ 15-02-2018 22:43:47
มาแล้วๆเมฆกับเก่งถึงจะหน่วงๆไปหน่อยก็เถอะนะ :pig4: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤Special Valentine’s Day❤[End][14/02/61]
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 16-02-2018 02:07:32
 :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤Special Valentine’s Day❤[End][14/02/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 16-02-2018 03:44:55
คอนโด? คืนนั้น? คืนไหน?
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤Special Valentine’s Day❤[End][14/02/61]
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 17-02-2018 05:25:10
รักทศฯ รักน้องรันต์ และรักทุกๆตัวละคร
เป็นเรื่องราวที่ดีจริงๆ. ขอบคุณจริงๆ


ปล.รอคู่สมิธด้วยคน
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤Special Valentine’s Day❤[End][14/02/61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 17-02-2018 13:40:11
รออ่านสมิท  :กอด1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤Special Valentine’s Day❤[End][14/02/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ตั้งโอ๋ ที่ 18-02-2018 12:42:28
อยากอ่านต่อออออออ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤Special Valentine’s Day❤[End][14/02/61]
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 18-02-2018 13:08:25
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤Special Valentine’s Day❤[End][14/02/61]
เริ่มหัวข้อโดย: เมียงู ที่ 18-02-2018 15:51:52
ขอบคุณสำหรับเรื่องนี้นะคะ และปูเสื่อรอเรื่องใหม่ด้วย อิอิอิอิอิ

เรื่องของลูคัสกับสมิธจะแฮปปี้เอนดิ้งเหมือนกันใช่มั้ยคะ กลัวใจ หน่วงทั้งเรื่องก็ได้แต่ขอจบดี  :hao5:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์》❤Special Valentine’s Day❤[End][14/02/61]
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 18-02-2018 22:01:19
อ่านรวดเดียวจบเลย
สนุกมาก ถึงต้นเรื่องกับกลางเรื่องจะหน่วงไปหน่อย แต่ช่วงหลังนี่หวานหยดมาก
แล้วชอบตอนรันต์เมานะแบบว่าน่ารักดี 5555+
ว่าแต่เรื่องของพี่สมิธเค้ายากรู้ความเป็นไป ทำไมลูคัสถึงยอมปล่อยพี่สมิธ
เค้าอยากให้พี่สมิธคู่กับลูกคัส ไม่เอาแฟนผู้หญิงสิ ไม่เหมาะกับพี่สมิธหรอก ลูคัสน่ะเหมาะกับพี่สมิธที่สุดแล้ว ยังไงรออ่านคู่นี้นะคะ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์❤โปรโมตพี่ชายจ้ะ❤[End][23/02/61]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 23-02-2018 11:45:45
เอาเรื่องพี่ชายไอ้น้องรันต์มาแปะ อย่าลืมไปเอาใจช่วยมิทตี้เง้อ

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66273.0#lastPost

คู่อื่นจะลงเป็นตอนพิเศษในเรื่องเหมือนเดิมค่ะ :L1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์❤โปรโมตพี่ชายจ้ะ❤[End][23/02/61]
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 24-02-2018 14:20:35
เอาเรื่องพี่ชายไอ้น้องรันต์มาแปะ อย่าลืมไปเอาใจช่วยมิทตี้เง้อ

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66273.0#lastPost

คู่อื่นจะลงเป็นตอนพิเศษในเรื่องเหมือนเดิมค่ะ :L1:

รอจบแล้วค่อยตามทีเดียว ฮาาา
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์❤โปรโมตพี่ชายจ้ะ❤[End][23/02/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Guy_BLove ที่ 26-02-2018 03:13:05
ชอบบบบบบบบบบบบ
ฮืออออออออออ :ling1:
บอกไม่ถูกแต่น้องชอบมากกกก :-[ :-[ :-[ :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์❤โปรโมตพี่ชายจ้ะ❤[End][23/02/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 26-02-2018 16:55:33
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์❤[เมฆ-เก่ง]:ตอนที่1❤[25/03/61]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 25-03-2018 21:25:53
[เมฆ-เก่ง]ตอนที่1

คุณเคยทำตัวไร้เหตุผลไหม?

ผมเป็นพวกยึดมั่นในอุดมการณ์และดำเนินชีวิตอย่างมีแบบแผน ทุกสิ่งที่ทำไปล้วนมีเหตุและผลมารองรับเสมอ ผมใช้ชีวิตแบบนั้นเรื่อยมา...แต่แล้ววันหนึ่งมันก็เกิดเรื่องที่ผมไม่สามารถอธิบายเหตุผลให้กับตัวเองได้ เรื่องนั้นมันเกิดขึ้นราวๆสิบกว่าปีก่อน…

“หวัดดี!มึงชื่อไรวะ กูเมฆยินดีที่ได้รู้จัก”ผมเหลือบสายตามองไอ้หน้าตี๋ที่นั่งอยู่ข้างๆ รอยยิ้มสว่างเจิดจ้าและดวงตาเรียวคมที่หยีขึ้นจากการยิ้มทำให้อีกฝ่ายดูดีจนน่าหมั่นไส้

นี่เป็นครั้งแรกที่ผมมีความคิดงี่เง่าแบบนี้

“เอ้า!ถามก็ไม่ตอบอีก”มันขมวกคิ้วใส่เมื่อเห็นว่าผมยังไม่ขยับปากตอบมัน ผมใช้นิ้วดันสันแว่นขึ้นนิดๆอย่างเคยชินก่อนจะตอบ

“มึงตาบอดมองไม่เห็นบนป้ายชื่อรึไง?”นี่เป็นอีกครั้งที่ผมไร้เหตุผลกวนตีนมันไปซะอย่างนั้น บนคอผมแขวนเชือกที่มีป้ายชื่อสำหรับปีหนึ่งแขวนอยู่ และมีคำโตๆว่า ‘เก่ง’

“มึงจะกวนตีนกูให้ได้เลยใช่มะ?ไอ้เก่ง สาสสสคนเค้าอุตส่าห์ชวนคุย เห็นไม่มีเพื่อนหรอก”คำพูดมันเหมือนเอาเรื่อง แต่ท่าทีที่มันแสดงออกคือไหวไหล่สบายๆ

“มึงก็ไม่มีเหมือนกันนั่นแหละ ทำมาเป็นพูด”

“กูเลือกคุยหรอกโว้ยยยย”

“อ่อ กูต้องดีใจใช่ไหม?”

“เออ!ไหนๆก็เป็นเพื่อนกันแล้วมีการบ้านอย่าลืมให้กูลอกด้วยละกัน”มันฉีกยิ้มอีกละ

“พ่อง ใครจะเป็นเพื่อนกับมึง!”ผมไม่ชอบให้เพื่อนลอกการบ้าน ใครถามผมจับมาสอนเดี๋ยวนั้น แต่ส่วนมากก็จะวิ่งหนีผมไปกันหมด

“พ่อกูอยู่บ้าน เลิกกิจกรรมแล้วจะไปหาด้วยกันไหมล่ะ”

“ไอ้เหี้ยเมฆ!กวนตีนกู”ผมเผลอยกมือตบหัวมันไปโดยไม่รู้ตัว ผมชะงักกึกไอ้เมฆก็นิ่งไปนิดหนึ่งก่อนมันจะคลี่ยิ้มออกมา

“ตบหัวแสดงความสนิทกับกูแล้วอย่าลืมให้กูลอกการบ้านด้วยแล้วกัน” ผมถลึงตาใส่มันอย่างทำอะไรไม่ได้เพราะพี่สตาฟที่สอนร้องเพลงอยู่หน้าห้องหันมามองดุๆทางพวกผมหลายทีแล้ว

ไม่รู้ว่าเพราะการทำตัวไร้เหตุผลครั้งนี้ของผมรึเปล่า ที่ส่งผลต่อหัวใจผมมาจนถึงทุกวันนี้

+++++++++++++

“ใครได้หมายเลข15อ่ะ…ยู้ฮู มีใครได้หมายเลข15ไหมครัช” ผมก้มมองหมายเลขบนกระดาษที่อยู่ในมือตัวเองแล้วถอนหายใจเบาๆ

สาขาวิชาผมในแต่ละรุ่นมีอยู่ราวๆ40กว่าคน รุ่นพี่ที่อย่กให้รุ่นน้องได้มีความสามัคคีกลมเกลียวช่วยเหลือซึ่งกันและกันทั้งเรื่องเรียนและกิจกรรมจึงได้มีการให้จับบัดดี้กันขึ้นโดยวิธีการจับฉลาก ทำให้ผมต้องนั่งจุมปุ้กอยู่ในห้องพักสาขานี่แหละครับ

ซึ่งผมจะไม่รู้สึกเหนื่อยใจขนาดนี้เล้ย ถ้าไอ้เลขในมือผมมันไม่ไปตรงกับ…

“เฮ้ย!มึงน่ะ ได้หมายเลขอะไรวะ” แรงสะกิดไหล่ไม่แรงนักทำให้ผมที่นั่งอยู่เหลือบสายตาขึ้นมองมัน

…ไอ้เชี่ยเมฆ

ผมใช้มือดันแว่นนิดๆก่อนจะเอ่ยตอบมันไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“เลข15”

“แล้วตอนกูถามหา มึงไม่ตอบอ่ะ”มันกอดอกมองผมเหมือนเอาเรื่อง

“กูกำลังคิดอยู่”

“คิดว่า?”ไอ้เมฆขมวดคิ้วถามอย่างสงสัย

“คิดว่าไม่น่าเป็นมึงเลย”

“โอ้ย!ช่างเจ็บปวดอะไรอย่างนี้…แต่กูดันดีใจสุดๆเลยว่ะที่เป็นมึง หึๆๆ”มันทำหน้ากุมหน้าอกเหมือนเจ็บ แต่หน้าตาดูสะใจจนผมอยากจะถีบให้สักที

“จิ๊!”ผมจิ๊ปากอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์ มันก็ไม่ได้รู้สึกแย่ขนาดนั้นหรอกที่เป็นไอ้เมฆ แต่ผมหมั่นไส้มันไง ชอบทำเป็นเล่นอยู่เรื่อย

“เอาโทรศัพท์มึงมาดิ๊”มันนั่งลงข้างๆพร้อมแบมือมาตรงหน้าผม

“จะเอาไปทำเหี้ยไร?”

“ก็แลกเบอร์ไงไอ้นี่ มึงไม่เห็นคู่อื่นหรา”ผมเหลือบสายตามองรอบข้าง พบว่าคนอื่นที่เจอคู่บัดดี้ของตัวเองแล้วก็ยื่นโทรศัพท์แลกเบอร์กัน ผมถอนหายใจนิดๆอย่างยอมจำนนก่อนจะควักสมาร์ทโฟนรุ่นเก่าวางบนมือมัน

“ปลดล็อคด้วยสิคร้าบ”เออ ผมก็ลืมไปเลย ผมกดรหัสสี่ตัวปลดล็อคแล้วส่งให้มัน ไอ้เมฆกดเบอร์ตัวเองอย่างคล่องแคล่วแล้วกดโทรออก เสียงสั่นดังขึ้นได้ยินใกล้ มันหยิบมือถือสีดำยี่ห้อเดียวกับที่ผมใช้แต่เป็นรุ่นใหม่ล่าสุดที่พึ่งเข้าไทยได้ไม่กี่วันออกมากดยุกยิกๆของมันไป

หน้าตาดีแล้วยังมีอันจะกิน…ครบสูตร

“กูเมมชื่อกูไว้ให้แล้วนะ”มันส่งมือถือคืนให้ ผมเลยเช็คดูว่ามันพิมพ์ว่าอะไร

‘พี่เมฆสุดหล่อ’

“พ่องดิ”ผมเผลออุทานเสียงดังออกมาอย่างลืมตัว เพื่อนและรุ่นพี่บางคนที่อยู่ใกล้ๆก็หันมามอง แต่ไอ้เมฆก็ยังยิ้มนิดๆไม่ได้ถือสาที่ผมหยาบคายใส่มัน

“ไม่ใช่ซะหน่อย พ่อกูชื่ออาทิตย์เหอะ”มึงยังจะกวนตีนกูอีก ผมยกเท้าถีบหน้าแข้งมันไปทีก่อนจะลงมือเปลี่ยนชื่อมันอย่างรวดเร็ว เสร็จแล้วก็ยื่นให้มันดูอีกด้วย

‘ไอ้หมาเมฆ’

“หมาที่ไหนจะหล่อขนาดนี้”ผมเบ้ปากให้มันนิดๆ แม้จะสงสัยว่ามันเมมชื่อผมว่าอะไรแต่ก็ไม่ถามมันหรอก รู้เลยว่ามันต้องกวนตีนเพราะงั้นมึงจะเมมยังไงก็เรื่องของมึงเถอะ

และก่อนที่มันจะกวนตีนผมไปมากกว่านี้ พี่ปีสองก็เรียกรวมซะก่อน ได้ยินเสียงมันบ่นตามหลังแว่วๆว่าไอ้น้องโดดอีกแล้วอะไรสักอย่างของมัน

++++++++++++

หลังจากมหาลัยเปิดเรียนมาได้เดือนกว่าๆ ก็ทำให้ผมรู้ว่าไอ้เมฆมันมีเพื่อนสนิทจากโรงเรียนมาเรียนสาขาเดียวกันด้วย ซึ่งไอ้คนนั้นมีชื่อว่า ‘เหรันต์’ มันเป็นคนติสท์ๆนะตามความรู้สึกผม หน้าจืดๆสวมแว่น ผอมสูง ชอบใส่เสื้อผ้าหลวมกว่าหุ่นจริงหนึ่งไซส์ ดูเป็นคนเงียบๆและไม่ชอบสุงสิงหรือคุยกับใครมากนอกจากไอ้เมฆ ที่สำคัญมันแทบไม่เข้าดิจกรรมเลย…แต่มันก็มาเรียนตลอดล่ะนะ ยกเว้นเปิดเทอมวันแรกที่ไม่ได้เห็นหน้ามัน

ส่วนผมก็ไม่ได้จับกลุ่มกับใครเป็นพิเศษ ผมคุยได้กับทุกคนนะแต่มันก็ยังไม่ได้สนิทใจกับใครไงเลยไม่ได้ไปนั่งเรียนหรือไปกินข้าวด้วยกัน ซึ่งหลายๆคนก็เป็นเหมือนผม ยิ่งถ้าเราไม่รู้จักเข้าหาคนอื่นเลย ผมว่าตลอดชีวิตมหาลัยเราอาจจะไม่มีเพื่อนสนิทเลยก็ได้ ผมก็คิดเผื่อเอาไว้แล้วล่ะว่าสังคมมหาลัยมันก็น่าจะแนวๆนี้ รุ่นพี่ถึงได้ให้จับบัดดี้กันไง ซึงไอ้บัดดี้ผมก็โคตรจะอยากสนิทด้วยเลย(ประชด) ย้ำอีกครั้ง!ว่าผมไม่ใช่คนอัธยาศัยแย่นะ ผมคุยได้กับทุกคนแค่ไม่สนิทเท่านั้นเอง…

ในช่วงแรกๆที่เปิดเรียนมาปีหนึ่งอย่างผมก็พ้นต้องเข้าห้องซ้อมร้องเพลงประจำคณะและสถาบัน ส่วนเองโซตัสคณะผมไม่โหดมีบ้างนิดๆหน่อยๆให้รู้จักเคารพรุ่นพี่ แต่กิจกรรมที่ขาดไม่ได้เลยในมหาลัยคือการประกวดดาว-เดือน

โดยเริ่มจากการที่แต่ละสาขาส่งดาว-เดือนออกไปชิงตำแหน่งดาว-เดือนคณะ การคัดเลือกดาว-เดือนสาขาก็ง่ายๆทั่วไป คือให้เพื่อนส่งรายชื่อคนที่เราคิดว่าสวย-หล่อที่สุดในสายตาเราออกไป หรือจะส่งตัวเองก็ได้นะ จากนั้นก็ให้ทุกคนโหวตเลือก ใครได้คะแนนเยอะสุดก็ได้รับตำแหน่งนั้นไป

ซึ่งคะแนนเสียงในการเลือกเดือนก็เป็นไปตามความคาดหมายของผม

ไอ้เมฆ…คะแนนขาดลอยจนน่าเกลียด ผมก็ยกมือเลือกมันนะ มันโดดเด่นที่สุดในพวกเรา สามารถเป็นหน้าเป็นตาให้แก่สาขาได้…ไอ้เมฆทำหน้าอึดอัดเล็กน้อยเหมือนไม่อยากเป็นเท่าไหร่ แต่จะทำไงได้ ความหวังสาขาอยู่ที่มันนี่หว่า!

และสุดท้ายไอ้เมฆก็ได้เป็นเดือนคณะจนได้ แสดงความสามารถคือเดาะบอลโชว์กรรมการสามสิบครั้ง…แค่เนี้ย!แม่งก็ได้เป็นละ อย่างที่ผมบอกไปแหละมันทั้งสูงทั้งขาว หน้าตี๋กำลังอิเทรนท์ แค่หุ่นมันก็กินขาดทุกคนไปแล้ว

พอมันได้เป็นเดือนคณะ เวลาว่างของมันก็เริ่มไม่ว่างอีกต่อไป ไหนจะต้องไปฝึกประกวดชิงตำแหน่งเดือนมหาลัย ไหนจะต้องเข้าห้องเชียร์ เรียนก็ต้องมาเรียน ถามว่าทำไมผมถึงรู้ตารางชีวิตมันขนาดนี้น่ะหรอ…

กูไม่ได้อยากรู้หรือยุ่งด้วยเลยครับ…แต่มันเป็นบัดดี้ผมไง

แล้วถ้าวันไหนมันยังไม่มาเรียนหรือสายก็ต้องเป็นผมนี่แหละที่โทรตาม อย่างเช่นวันนี้ไง…

(อืมมม ใครวะ)เสียงงัวเงียรับโทรศัะท์หลังจากที่ผมโทรเป็นรอบที่สาม

“ไอ้เมฆ มึงตื่นเดี๋ยวนี้ กี่โมงกี่ยามแล้วรู้ไหม”

(หืม?ไอ้เก่งหรอ กี่โมงแล้วอ่ะ?)ได้ยินเสียงขยับตัวรอดเข้ามา

“จะเก้าโมงแล้ว รีบมาเดี๋ยวนี้!”

(ไม่ทันวิชาแรกแล้วมั้ง ฮ้าวววว)

“วันนี้เรียนทั้งวัน ยังไงมึงก็ต้องมา”ผมใส่อารมณ์หงุดหงิดนิดหน่อย

(เออๆเดี๋ยวไปน่า)

“ตื่นเดี๋ยวนี้ กูรู้มึงจะนอนต่อ”ผมพูดดักอย่างรู้ทัน หลายทีละไอ้นี่

(เออออสั่งจริง แล้วไอ้น้องไปเรียนป่ะ)ผมเหลือบตาไปมองชั้นบนๆ(ที่นั่งแบบสโลป)เห็นไอ้รันต์นั่งก้มหน้าเขียนอะไรก็ไม่รู้

“มันมาทุกวันไม่สายเหมือนมึงหรอก”

(จ้ะๆเดี๋ยวกูไป ฝากเช็คชื่อด้วยนะครับบบ)

“ไม่!มึงรีบมา!”แล้วผมก็กดวางสายมันทิ้งทันที ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่ถ้ากระดาษเซ็นชื่อมาอยู่ตรงหน้าแล้วถ้าไอ้รันต์ลืมเซ็นให้มันก็เป็นผมนี่แหละที่เซ็นอยู่ดี(ไม่ดีอย่าเอาเป็นแบบอย่างนะครับ)

เฮ้อออออ ผมได้แต่ถอนหายใจกลับตัวเอง นี่มันไม่ใช่ตัวผมเลย แต่ผมกลับไม่ได้รู้สึกฝืนใจที่ต้องทำแบบนี้ซะงั้น มันแปลกเกินไป

ผมอธิบายเหตุผลให้ตัวเองไม่ได้จริงๆ

+++++++[TBC]++++++

เอามาให้หายคิดถุง ลงสัปดาห์ละตอนนะจ้ะ จุ๊ฟๆ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์❤[เมฆ-เก่ง]:ตอนที่1❤[25/03/61]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 26-03-2018 13:40:53
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์❤[เมฆ-เก่ง]:ตอนที่1❤[25/03/61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 26-03-2018 16:35:37
 :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์❤[เมฆ-เก่ง]:ตอนที่1❤[25/03/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 26-03-2018 20:33:49
เมฆ เด่นซะขนาดนี้ :o8: :-[ :impress2:
ทั้งหล่อ ทั้งหุ่นดีคะแนนให้เป็นเดือนคณะก็มาเพียบ  o18
ทั้งกวนตีน กวนใจเก่ง เป็นบัดดี้เก่งอีก
เก่ง จะอะไรๆในใจก็ไม่แปลกหรอก   :hao3: :hao3: :hao3:
เมฆ เก่ง   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์❤[เมฆ-เก่ง]:ตอนที่1❤[25/03/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Killian ที่ 27-03-2018 11:38:28
Happy ที่ได้อ่านนิยายเรื่องนี้ ขอบคุณนักเขียนมากๆครับ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์❤[เมฆ-เก่ง]:ตอนที่1❤[25/03/61]
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 28-03-2018 07:32:29
ติดตามอยู่นะจ๊ะ มาให้หายคิดถึงหน่อย  :mew1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์❤[เมฆ-เก่ง]:ตอนที่1❤[25/03/61]
เริ่มหัวข้อโดย: AgotoZ ที่ 01-04-2018 19:07:11
อ่านทันแล้วววววว  รีบมาต่อน้าาาาาาา  :mew1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์❤[เมฆ-เก่ง]:ตอนที่1❤[25/03/61]
เริ่มหัวข้อโดย: +pEnGuIn+ ที่ 10-04-2018 15:55:55
เมฆเก่ง เรารอคู่เน้
อิอิ มาต่อเรื่อยๆเด้อออ
เปิดเรื่องใหม่เลยมั้ยคะ
พี่สมิธก็อยากอ่าน ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์❤[เมฆ-เก่ง]:ตอนที่1❤[25/03/61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 13-04-2018 04:19:09
พี่เมฆมาแล้ววววว คิดถุงจัง  :กอด1:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์❤[เมฆ-เก่ง]:ตอนที่1❤[25/03/61]
เริ่มหัวข้อโดย: TM_DuckCe ที่ 13-04-2018 19:20:51
 :hao7: :hao7: อยากถูกขอแต่งงานแบบยักษ์  :katai5: :katai5: :katai4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์❤[เมฆ-เก่ง]:ตอนที่1❤[25/03/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Nobodylove ที่ 17-06-2018 23:09:12
 :o8: :-[ มันดีมากกกก
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์❤[เมฆ-เก่ง]:ตอนที่1❤[25/03/61]
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-04-2020 22:31:19
 :pig4:
หัวข้อ: Re: 《•ใจยักษ์•》♡ ตอนที่ 3 ♡ [5/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 25-02-2022 07:59:46
นายท่านยื่นคำขาดให้เขากลับไปเรียนไฮสคูลต่อที่อังกฤษ แต่คุณทศกัณฐ์ตัดสินใจเรียนมหาวิทยาลัยที่นี่เพื่อตามหานายหญิงต่อ
อืมมมมม มหาวิทยาลัยของไทยมันคงกระจอกมากนะ เทียบได้แค่ม.ปลายของอังกฤษเอง
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์❤[เมฆ-เก่ง]:ตอนที่1❤[25/03/61]
เริ่มหัวข้อโดย: habanice ที่ 01-03-2022 11:09:14
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
กลับมาอ่านอีกรอบ เบื่อโควิด
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์❤[เมฆ-เก่ง]:ตอนที่1❤[25/03/61]
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 05-03-2022 21:17:35
 :pig4:
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์❤[เมฆ-เก่ง]:ตอนที่1❤[25/03/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 23-05-2023 22:58:16
กลับมาอ่านอีกสักรอบ
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์❤[เมฆ-เก่ง]:ตอนที่1❤[25/03/61]
เริ่มหัวข้อโดย: sarawutcom ที่ 16-03-2024 20:16:35
aIS ระบบเติมเงิน โปรเน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว (ราคารวมภาษี 7% แล้ว)
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 27บ./1วัน กด *777*7021*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 30บ./1วัน กด *777*7023*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 38บ./2วัน กด *777*7380*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 59บ./3วัน กด *777*7096*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 129บ./7วัน กด *777*7098*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 139บ./7วัน กด *777*7220*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 375บ./30วัน กด *777*7153*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 800บ./90วัน กด *777*7379*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 1,200บ./180วัน กด *777*7328*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 1,800บ./365วัน กด *777*7329*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 30บ./1วัน กด *777*7381*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 32บ./1วัน กด *777*7084*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 130บ./7วัน กด *777*7629*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 161บ./7วัน กด *777*7382*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 482บ./30วัน กด *777*7383*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 380บ./30วัน กด *777*7631*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก)+โทรทุกค่าย15นาที 155บ./7วัน กด *777*7630*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 35บ./1วัน กด *777*620*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทรทุกค่าย10นาที 38บ./1วัน กด *777*7627*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทรทุกค่าย10นาที 58บ./2วัน กด *777*7628*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 45บ./1วัน กด *777*7151*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 246บ./7วัน กด *777*7221*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 470บ./30วัน กด *777*7632*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 59บ./2วัน กด *777*7384*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 236บ./7วัน กด *777*7154*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 696บ./30วัน กด *777*7159*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 1,285บ./90วัน กด *777*7398*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 49บ./1วัน กด *777*7209*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 81บ./2วัน กด *777*7385*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 289บ./7วัน กด *777*7210*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 910บ./30วัน กด *777*7211*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 59บ./1วัน กด *777*7386*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 102บ./2วัน กด *777*7387*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 354บ./7วัน กด *777*7388*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 1,177บ./30วัน กด *777*7389*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 1,925บ./90วัน กด *777*7399*117010#
21 บาท 1 วัน  โทรฟรี  ทุกเครือข่าย  ช่วงเวลา 05.00 - 17.00 น.  โทรครั้งละไม่เกิน 30 นาที  กด  *777*231*117010#
22 บาท 100 นาที  โทรฟรี  ทุกเครือข่าย  ได้  100 นาที  อายุ  1  วัน  กด  *777*246*117010#
aIS  สมัคร  โทรไป  จีน,  ฮ่องกง,  มาเลเซีย,  สิงคโปร์,  เกาหลีใต้,  อินเดีย
*777*3801*117010#
ราคา  99  บาท  โทรได้  60  นาที
เฉลี่ยนาทีละ  1.54  บาท
aIS  สมัคร  โทรไป  ลาว,  กัมพูชา,  เมียนมาร์,  เวียดนาม 
*777*3802*117010#
ราคา  119  บาท  โทรได้  40  นาที
เฉลี่ยนาทีละ  2.78  บาท
aIS  สมัคร  โทรไป  สหรัฐอเมริกา,  แคนนาดา 
*777*3803*117010#
ราคา  129  บาท  โทรได้  60  นาที
เฉลี่ยนาทีละ  2.01  บาท
aIS  สมัคร  โทรไป  เยอรมนี,  สหราชอาณาจักร,  ญี่ปุ่น,  ฝรั่งเศส
*777*3804*117010#
ราคา  159  บาท  โทรได้  40  นาที
เฉลี่ยนาทีละ  3.71  บาท
เวลาโทร  กด
003  รหัสประเทศ  รหัสเมือง  เบอร์ปลายทาง
เช็คเน็ต aIS คงเหลือ  กด  *121*32#  โทรออก
เช็คเบอร์ตัวเอง aIS กด  *545#  โทรออก
ยกเลิกข้อความ SMS กินเงิน  กด  *137  โทรออก
ติดต่อ คอลเซ็นเตอร์ aIS กด  1175  โทรออก
#โปรเสริมเน็ตวันนี้ #โปรเน็ตสุดฮิต #เน็ตไม่อั้นไม่ลดสปีด  #โปรเสริมเน็ต #สมัครเน็ต #โปรเน็ตดีดี #เน็ตไม่จำกัด #เน็ตไม่ลดสปีด #โปรเน็ตไม่อั้นรายวัน #โปรเน็ตไม่อั้นรายสัปดาห์ #โปรเน็ตไม่อั้นรายเดือน
https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3 (https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3)



เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว AIS เอไอเอส ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=HMk_TW7icaw (https://www.youtube.com/watch?v=HMk_TW7icaw)


เน็ต เปิดเบอร์ใหม่ ย้ายค่าย เบอร์เก่า AIS ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=9tfjDajR-yU (https://www.youtube.com/watch?v=9tfjDajR-yU)


เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว AIS เอไอเอส ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3 (https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3)
หัวข้อ: Re: 《ใจยักษ์❤[เมฆ-เก่ง]:ตอนที่1❤[25/03/61]
เริ่มหัวข้อโดย: sarawutcom ที่ 24-03-2024 21:21:59
aIS ระบบเติมเงิน โปรเน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว (ราคารวมภาษี 7% แล้ว)
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 27บ./1วัน กด *777*7021*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 30บ./1วัน กด *777*7023*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 38บ./2วัน กด *777*7380*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 59บ./3วัน กด *777*7096*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 129บ./7วัน กด *777*7098*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 139บ./7วัน กด *777*7220*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 375บ./30วัน กด *777*7153*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 800บ./90วัน กด *777*7379*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 1,200บ./180วัน กด *777*7328*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 1,800บ./365วัน กด *777*7329*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 30บ./1วัน กด *777*7381*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 32บ./1วัน กด *777*7084*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 130บ./7วัน กด *777*7629*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 161บ./7วัน กด *777*7382*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 482บ./30วัน กด *777*7383*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 380บ./30วัน กด *777*7631*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก)+โทรทุกค่าย15นาที 155บ./7วัน กด *777*7630*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 35บ./1วัน กด *777*620*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทรทุกค่าย10นาที 38บ./1วัน กด *777*7627*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทรทุกค่าย10นาที 58บ./2วัน กด *777*7628*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 45บ./1วัน กด *777*7151*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 246บ./7วัน กด *777*7221*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 470บ./30วัน กด *777*7632*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 59บ./2วัน กด *777*7384*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 236บ./7วัน กด *777*7154*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 696บ./30วัน กด *777*7159*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 1,285บ./90วัน กด *777*7398*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 49บ./1วัน กด *777*7209*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 81บ./2วัน กด *777*7385*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 289บ./7วัน กด *777*7210*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 910บ./30วัน กด *777*7211*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 59บ./1วัน กด *777*7386*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 102บ./2วัน กด *777*7387*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 354บ./7วัน กด *777*7388*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 1,177บ./30วัน กด *777*7389*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 1,925บ./90วัน กด *777*7399*117010#
21 บาท 1 วัน  โทรฟรี  ทุกเครือข่าย  ช่วงเวลา 05.00 - 17.00 น.  โทรครั้งละไม่เกิน 30 นาที  กด  *777*231*117010#
22 บาท 100 นาที  โทรฟรี  ทุกเครือข่าย  ได้  100 นาที  อายุ  1  วัน  กด  *777*246*117010#
aIS  สมัคร  โทรไป  จีน,  ฮ่องกง,  มาเลเซีย,  สิงคโปร์,  เกาหลีใต้,  อินเดีย
*777*3801*117010#
ราคา  99  บาท  โทรได้  60  นาที
เฉลี่ยนาทีละ  1.54  บาท
aIS  สมัคร  โทรไป  ลาว,  กัมพูชา,  เมียนมาร์,  เวียดนาม 
*777*3802*117010#
ราคา  119  บาท  โทรได้  40  นาที
เฉลี่ยนาทีละ  2.78  บาท
aIS  สมัคร  โทรไป  สหรัฐอเมริกา,  แคนนาดา 
*777*3803*117010#
ราคา  129  บาท  โทรได้  60  นาที
เฉลี่ยนาทีละ  2.01  บาท
aIS  สมัคร  โทรไป  เยอรมนี,  สหราชอาณาจักร,  ญี่ปุ่น,  ฝรั่งเศส
*777*3804*117010#
ราคา  159  บาท  โทรได้  40  นาที
เฉลี่ยนาทีละ  3.71  บาท
เวลาโทร  กด
003  รหัสประเทศ  รหัสเมือง  เบอร์ปลายทาง
เช็คเน็ต aIS คงเหลือ  กด  *121*32#  โทรออก
เช็คเบอร์ตัวเอง aIS กด  *545#  โทรออก
ยกเลิกข้อความ SMS กินเงิน  กด  *137  โทรออก
ติดต่อ คอลเซ็นเตอร์ aIS กด  1175  โทรออก
#โปรเสริมเน็ตวันนี้ #โปรเน็ตสุดฮิต #เน็ตไม่อั้นไม่ลดสปีด  #โปรเสริมเน็ต #สมัครเน็ต #โปรเน็ตดีดี #เน็ตไม่จำกัด #เน็ตไม่ลดสปีด #โปรเน็ตไม่อั้นรายวัน #โปรเน็ตไม่อั้นรายสัปดาห์ #โปรเน็ตไม่อั้นรายเดือน
https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3 (https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3)



เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว AIS เอไอเอส ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=HMk_TW7icaw (https://www.youtube.com/watch?v=HMk_TW7icaw)


เน็ต เปิดเบอร์ใหม่ ย้ายค่าย เบอร์เก่า AIS ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=9tfjDajR-yU (https://www.youtube.com/watch?v=9tfjDajR-yU)


เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว AIS เอไอเอส ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3 (https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3)