พิมพ์หน้านี้ - [Novel] สายใยรัก & Love You Only และตอนตัวอย่างของ Love U Andy

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: j-muay ที่ 18-01-2010 14:11:33

หัวข้อ: [Novel] สายใยรัก & Love You Only และตอนตัวอย่างของ Love U Andy
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 18-01-2010 14:11:33
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปสาระสำคัญดังนี้

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความที่ไม่เหมาะสมและเกิดความขัดแย้ง
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ
4. ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม
ให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่า


**********************************



 o15

หวัดดีค่า  เจ๊หมวยเองค่ะ  เพื่อนๆ น้องๆ  หวังว่าจะยังจำกันได้นะคะ

ตอนนี้ภาระหนักอึ้ง คือ รวมเล่ม BOSSJA  เสร็จสิ้นแล้วก็รู้สึกว่างๆ  นั่งคิดไป คิดมา  ไหนๆ ที่เล้าเป็ดก็มีนิยายเจ๊หมวยหลายเรื่องแล้ว เอามาลงให้หมดเลยก็จะเป็นการดี  เผื่อวันไหน บ้านพ่อ อันตรธาน ไปเพราะ Web Thaimisc ปิดตัว ผลงานของเจ๊หมวยจะได้เหลืออยู่ที่นี่   ฮี่ ฮี่

เจ๊หมวยจึงตัดสินใจนำนิยายอีกหนึ่งเรื่อง มาแปะไว้ที่เล้า   สายใยรัก เป็นนิยายเรื่องแรก ที่ทำให้คอวาย รู้จักชื่อ j-muay  และรู้จักว่านิยายแนว Daddy's love  เป็นยังงี้นี่เอง~~~

   "สายใยรัก"   เป็นนิยายเรื่องยาว~~ มากๆ   น้องๆ ที่เพิ่งอ่านเป็นครั้งแรก  เพื่อให้ได้อรรถรสในการอ่าน  เจ๊หมวยขอให้รออ่านที่นี่นะจ๊ะ   จะมาโพสให้วันละบท   ตาจะได้ไม่ลาย    o2



หวังว่าจะมีคนอ่านนะ
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: Rong ที่ 18-01-2010 14:15:00
รออ่านเรื่องนี้เลยค่ะ

เคยอ่านเมื่อนานมามาก ๆ แล้ว

ชอบมาก ๆ เลย

ตอนรวมเล่ม ก็ไม่มีตังส์ซื้อ พอจะซื้อก็หาไม่ได้  :z3:

ดังนั้น รออ่านเลยค่ะ

ขอบคุณเจ๊หมวยมาก ๆ ค่ะ ที่เอามาลงใหม่ให้อ่านกันค่ะ
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 18-01-2010 14:16:41
  สายใยรัก บทที่ 1
…ไอ้หนู 18 มงกุฎจริงเหรอ ?…


---------------------



“ พรุ่งนี้ มีออดิชั่นที่สตูดิโอ 4 โมงเช้านะ ทอม..”
“อะไรนะ!!..  นายก็รู้ว่าฉันไม่ชอบตื่นก่อนเที่ยง”
“เวลาลงไม่ได้จริงๆ ทอม.. ช่วงบ่ายถึงค่ำมีแคทวอล์ค 3 งานติดกันเลย”
“ให้ตายเถอะ! ฉันไม่ใช่หุ่นยนต์นะจิม.. เป็นผู้จัดการประสาอะไร จัดคิวงานให้แบบนี้ฉันก็ตายซี…”
“ เฮ้! โทษฉันได้ไง แคทวอล์ค 3 งานนั่นนายเป็นคนรับเองนะ ฉันเตือนแล้วว่าเวลามันกระชั้น นายบอกว่าไม่เป็นไร รับไหว..”
“ถ้างั้นก็ cancel งานมิสเตอร์โรเจอร์ไปซะ”
“ไม่ได้นะ ทอม.. ฉันรับปากโรเจอร์เขาไว้ว่างานนี้นายไม่พลาดแน่ เราเคยปฏิเสธเขาไป 2 ครั้งแล้ว ถ้าครั้งนี้ No อีก ต่อให้นายดังทะลุฟ้าเป็นสุดยอดนายแบบอีกกี่สมัย เขาก็จะไม่แบ็คอัพนายอีกต่อไป..”
“เชอะ! ช่างปะไร ทำไมฉันต้องให้หมอนั่นแบ็คด้วย ระดับฉันแล้วไม่จำเป็นต้อง…."
บทสนทนาชะงักลง เพราะทั้งคนพูดและคนฟังหัวทิ่มไปชนพนักเก้าอี้ด้านหน้า รถถูกเบรคกระทันหันจนเสียงล้อเบียดกับถนนดัง..เอี๊ยดดดดด!!!!!!…
“ขับรถประสาอะไรวะ เอ๊ดดี้.. เป็นอะไรหรือเปล่า ทอม..”
จิมรีบขยับเข้าไปประคองนายแบบหนุ่มรูปงามของเขาที่ยังซบนิ่งอยู่กับพนักเก้าอี้ตอนหน้า เนื่องจากยังอยู่ในอาการมึนงงเพราะศีรษะกระแทกกับพนักอย่างแรง
“อูยย… เกิดอะไรขึ้น หยุดรถทำไมวะ เอ๊ดดี้…”
“เอ่อ.. คือ..... มีเด็กผู้ชายวิ่งตัดหน้ารถครับผม..” เสียงแหบพร่าของโชเฟอร์หนุ่มที่ยังอยู่ในอาการตกใจ
“เด็ก? ที่ไหน..” สองหนุ่มกล่าวประสานเสียง สายตามองตรงไปที่หน้ารถ
“ไม่เห็นมีเลย เด็กที่ไหนวะ ” จิมกล่าวด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด อีกแค่ไม่ถึงร้อยเมตรก็จะถึงบ้านอยู่แล้ว เกือบจะเที่ยงคืนแล้วด้วยจะมีเด็กที่ไหนมาวิ่งเวลานี้
“เอ่อ.. คือ.. เอ่อ..”
“มัวแต่เอ่อ.. อ่า.. อยู่ได้ ไหนล่ะเด็ก ถ้าหาไม่เจอฉันเตะแกแน่”

ทอมกล่าวเมื่อหายจากอาการมึนงง สายตาสอดส่ายไปนอกรถทั้งซ้ายและขวาของสองฟากถนน

“เอ่อ.. เจ้านายครับ มองไม่เห็นหรอกครับ ต้องลงจากรถไปดู”
“ทำไมต้องลงด้วย มองแค่นี้ก็เห็นแล้วว่าไม่มีใคร แกตาฝาดน่ะซี รีบออกรถเดี๋ยวนี้เลย คุณทอมต้องพักผ่อนแล้ว พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า”
จิมกล่าวตัดบทและสรุปเรื่องที่พูดคุยค้างไว้ เพื่อไม่ให้โอกาสอีกฝ่ายโต้แย้ง
“ออกรถไม่ได้ครับ คุณจิม”
“ทำไมออกไม่ได้วะ แกอย่าเรื่องมากนะ เอ๊ดดี้..”
“ออกไม่ได้จริงๆ ครับ คุณจิม” นายเอ็ดกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“เด็กคนที่ว่านอนอยู่หน้ารถ จะให้ผมออกรถจริงๆ หรือครับ”

“เด็กอยู่หน้ารถ” อีกครั้งที่ชายหนุ่มทั้งสองประสานเสียงพร้อมกัน

จิมอ้าปากหวอ..กล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนกในขณะที่ทอมเองก็ตกใจไม่น้อยไปกว่า

“หมายความว่าไงวะ เอ๊ดดี้.. แกชนถูกเด็กเหรอ..”
“เอ่อ.. ผมไม่ค่อยแน่ใจครับคุณจิม ผมคิดว่าผมหยุดทันแต่จริงๆ อาจหยุดไม่ทันก็ได้”
“จะบ้าเหรอ.. แล้วยังมัวนั่งพูดอยู่อีก ลงไปดูซี” ทอมตะคอกใส่อย่างหัวเสีย
“ผมไม่กล้าครับ เจ้านาย.. ผมขับรถมา 10 ปี ยังไม่เคยชนใครเลย”
“โธ่เอ้ย! เอ๊ดดี้.. แกนี่มันปอดแหกจริงๆ ” ทอมทำท่าจะเปิดประตูรถแต่ถูกจิมห้ามไว้
“อย่า..ทอม ฉันลงไปดูเอง นายอยู่ในรถล็อคประตูด้วย ลงไปเอ๊ดดี้.. ถ้าไม่เจอเด็กแกถูกเตะแน่…”

ทอมพยักหน้ารับโดยดี แค่ลงไปดูเด็กที่อาจจะถูกรถเราชน จิมก็เปลี่ยนท่าทีเป็นระแวดระวังภัยทันที

ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ผู้นี้ไม่ได้เป็นแค่ผู้จัดการส่วนตัวคอยจัดคิวงานให้สุดยอดนายแบบรูปงามทอม แม็คกิลล์ หากแต่ต้องทำหน้าที่เป็นบอดี้การ์ดระวังภัยที่จะเกิดขึ้นกับทอมทุกรูปแบบด้วย เขาก้าวลงจากรถด้วยความระมัดระวัง อีกไม่ถึงร้อยเมตรก็จะถึงบ้านแม็คกิลล์แล้วแต่เขาก็ไม่ไว้ใจ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจถูกสร้างสถานการณ์ก็ได้ ในขณะที่จิมมัวแต่ระวังภัย นายเอ๊ดซึ่งก้าวลงจากรถได้ก็ตรงรี่ไปด้านหน้าทันทีด้วยความกังวลว่าเด็กอาจได้รับบาดเจ็บเพราะเขาหยุดรถไม่ทันจริงๆ

จิมก้าวพรวดตามไปยืนข้างๆ เมื่อเห็นนายเอ๊ดอยู่ในอาการตะลึง สายตาจับจ้องที่พื้นถนน

“ว่าไง เอ๊ดดี้.. เห็นเด็กหรือเปล่า โอ๊ะ.. โอ ! .. อะไรกันเนี่ย…” จิมร้องครางตะลึงมองด้วยความตกใจเช่นกัน..


+ + + ส า ย ใย รั ก + + +

หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 18-01-2010 14:23:00
ชายหนุ่มสองคนนั่งตาปริบๆ มองดูเด็กชายลูกครึ่งวัยประมาณ 10 ปีเศษ จัดการกับข้าวไข่เจียวตรงหน้าด้วยท่าทีเอร็ดอร่อย ความรู้สึกของสองหนุ่มต่างกัน ทอมรู้สึกเป็นห่วงและสงสาร แม้รถจะไม่ได้ชนแต่เด็กก็ล้มลงเพราะความตกใจ ทำให้มีบาดแผลถลอกที่ข้อศอกและแขน เขาจึงสั่งให้พาเด็กกลับมาบ้านเพื่อทำแผลให้ในขณะที่จิมไม่เห็นด้วยและพยายามจะห้าม แต่รถจักรยานยนต์สายตรวจผ่านมาพอดี เรื่องจึงต้องลงเอยโดยจิมเป็นฝ่ายพาเด็กขึ้นรถและให้ทอมรับหน้าตำรวจ ทอมกล่าวทักทายตำรวจ 2 นายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม สายตรวจทั้งสองถึงกับปลื้มที่ได้เห็นตัวจริงและพูดคุยกับนายแบบหนุ่มชื่อดัง เลยไม่ซักถามว่าเกิดอะไรขึ้น

ความรู้สึกของจิมขณะนี้ต่างจากทอมโดยสิ้นเชิง เขาไม่รู้สึกเป็นห่วงเจ้าหนูที่นั่งอยู่ตรงหน้าสักนิด เพราะทอมไม่ได้เห็นอย่างที่เขาเห็น ภาพเด็กชายนอนหนุนแขนตัวเองและยกขาไขว่ห้างกระดิกเท้าด้วยความสบายใจ แถมยังส่งยิ้มให้เขาด้วยสีหน้าระรื่น จะให้เขารู้สึกเป็นห่วงหรือสงสารได้ยังไง

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเห็นได้ชัดว่าเจ้าหนูจงใจวิ่งเข้ามาตัดหน้ารถ และฉลาดพอที่จะยืนอยู่ห่างจากลูกระนาดเพียงเล็กน้อย ซึ่งเป็นจุดที่รถต้องชะลอความเร็ว แต่ถึงกระนั้นถ้านายเอ๊ดไม่เหยียบเบรคจนตัวโก่ง เจ้าหนูจอมแสบผู้นี้ก็คงไปนอนให้น้ำเกลือที่โรงพยาบาลแทนการนั่งโจ้ข้าวไข่เจียวอยู่ตรงหน้าแล้ว เด็กคนนี้คงเป็นหนึ่งในแก๊ง 18 มงกุฎที่แสบและใจถึงพอตัว จึงถูกส่งมาทำเรื่องเสี่ยงตายแบบนี้…

จิมดึงแขนเด็กชายลงจากรถทันทีที่ถึงบ้านเพื่อจะถามไถ่เรื่องราว แต่ยังไม่ทันเอ่ยปากเจ้าหนูก็สะบัดมือจากเขาและวิ่งไปหลบหลังทอม ทอมจึงขอร้องเขาอย่าเพิ่งซักไซ้ ให้เด็กนั่งพักและดื่มน้ำให้หายตกใจก่อน แต่เจ้าเด็กแสบกลับทำตาละห้อยบอกว่าตั้งแต่เช้ายังไม่ได้กินข้าวเลย ทำให้ทอมยิ่งใจอ่อนหนักขึ้น เดือดร้อนถึงแม่ครัวต้องถูกปลุกขึ้นมาทอดไข่เจียวกลางดึก

จิมสะกดอารมณ์ไม่พูดไม่จานั่งนิ่งมองจนเด็กชายกินข้าวอิ่มและดื่มน้ำเรียบร้อยแล้ว

“อิ่มแล้วใช่มั้ย พร้อมจะตอบคำถามหรือยัง”

เด็กชายพยักหน้าหงึกพร้อมกับส่งยิ้มหวานให้ คิ้วโก่งได้รูปสวยรับกับดวงตากลมโตสีน้ำทะเล ริมฝีปากบางเป็นกระจับ ผมสีน้ำตาลอ่อนหยักศกและยาวเป็นลอนอย่างหนุ่มวัยโจ๋ เสื้อผ้าและเนื้อตัวมอมแมมแต่ไม่ถึงกับสกปรก ผิวพรรณเนียนใสแต่ออกคล้ำเล็กน้อย น่าจะเป็นเพราะถูกแดดมากกว่าที่จะมีสีผิวเช่นนี้โดยกำเนิด จริงๆ แล้วเจ้าหนูนี่เป็นเด็กชายลูกครึ่งที่หน้าตาดีมากคนหนึ่งเลยทีเดียว

“จะถามอะไรหรือครับคุณจิม..”

จิมสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อถูกเด็กย้อนถาม รู้สึกฉุนตัวเองที่เผลอพิศรูปโฉมของเจ้าหนู 18 มงกุฎ เพียงเพราะเด็กส่งยิ้มให้เท่านั้น

“เออ.. พร้อมจะตอบคำถามแล้วใช่มั้ย” จิมแสร้งทำเสียงเข้มใส่
“ครับ”
“ดี… สัญญากับพระเจ้าก่อนว่าทุกคำตอบจะเป็นความจริง”
เด็กชายอ้าปากหวอ..ทำหน้าอธิบายไม่ถูก
ทอมส่ายหน้าเมื่อจิมทำเหมือนกำลังตกลงธุรกิจกับพวกเขี้ยวลากดินทั้งหลาย และเขามักจะใช้มุขนี้ทุกครั้ง
“ว่าไงล่ะ” จิมถามย้ำเพราะเด็กชายเล่นนั่งอึ้งไม่พูดไม่จา
“เอ่อ.. ผมตอบคำถามคุณไม่ใช่หรือครับ ทำไมต้องสัญญากับพระเจ้าด้วย”
“ผิดแล้ว ฉันเป็นคนตั้งคำถาม แต่พระเจ้าจะเป็นผู้รับฟังคำตอบจากนาย”
“พระเจ้าอยู่ไหนล่ะครับ”

จิมถอนใจเมื่อเจ้าหนูไม่ยอมเออออด้วยดี ซ้ำยังปล่อยคำถามหมัดตรงกลับมาอีก เขาดึงสร้อยคอที่สวมไว้ออกจากเสื้อ พระเยซูคริสต์บนไม้กางเขนอาจทำให้เด็กชายเข้าใจได้ว่าพระเจ้าอยู่ไหน
“นี่ไง นายรู้จักใช่มั้ย” จิมแน่ใจว่าเด็กชายลูกครึ่งคนนี้ต้องรู้จัก อย่างน้อยไม่พ่อก็แม่ต้องนับถือแคธอลิก
เด็กชายจ้องมองตัวแทนพระเจ้าที่อยู่ในมือจิม สีหน้าและแววตาอ่อนโยนลงอย่างไม่น่าเชื่อ
“ครับ ผมจะให้คำตอบกับพระเจ้าเป็นเรื่องจริงทั้งหมด”
“ดีมาก” จิมปล่อยสร้อยออกจากมือโดยไม่เก็บเข้าไปในเสื้อ จงใจห้อยไว้ให้เด็กชายเห็น
“คำถามแรกนะ ไอ้หนู.. นายเป็นแก๊ง 18 มงกุฎหรือเปล่า ? ”
เด็กชายขมวดคิ้ว
“18 มงกุฎ คืออะไรครับ ?..”
จิมถอนใจเฮือกใหญ่แค่คำถามแรกก็เจอย้อนกลับแล้ว
“ความจริงนายดูเป็นเด็กฉลาดนะ แต่เอาเถอะ.. ฉันเชื่อว่านายไม่รู้จริงๆ ฉันจะถามใหม่ว่า นายเป็นหนึ่งในแก๊งของพวกต้มตุ๋นหลอกลวงชาวบ้านหรือเปล่า”
“เปล่าครับ”
จิมพยักหน้ารับทราบ สีหน้าและแววตาของเจ้าหนูสื่อให้รู้ว่าไม่ได้พูดปดจริงๆ
“แต่นายจงใจเข้ามาขวางรถ ต้องการให้รถชนใช่มั้ย”
เด็กชายก้มหน้านิ่งคิดอยู่อึดใจก่อนจะเงยหน้าขึ้นตอบคำถามด้วยรอยยิ้ม
“ผมจงใจเข้าไปขวางรถจริงๆ ครับ แต่ไม่ได้อยากให้รถชน ผมไม่อยากบาดเจ็บ ผมมีเรื่องสำคัญต้องทำครับ ”
ครั้งนี้จิมเป็นฝ่ายขมวดคิ้ว แม้จะไม่ค่อยพอใจกับคำตอบที่ได้รับ แต่น้ำเสียงชัดถ้อยชัดคำ และยังเป็นคำตอบที่ชวนให้ติดตามซะด้วย
“เรื่องสำคัญของนายเกี่ยวข้องกับพวกเรางั้นเหรอ ถึงต้องเข้ามาขวางรถ รู้มั้ยว่ามันอันตรายแค่ไหน นายอาจตายก่อนที่จะได้จัดการเรื่องสำคัญที่ว่านั่น”
“ผมต้องเสี่ยงครับ ผมเชื่อว่าคงไม่ถึงตายอย่างมากก็แค่บาดเจ็บ แล้วผมก็ไม่ได้รับบาดเจ็บจริงๆ ด้วย น้าคนขับหยุดรถได้เก่งจริงๆ นะครับ”
เด็กชายหันไปยกมือไหว้นายเอ๊ดที่นั่งพับเพียบฟังเรื่องราวอยู่ห่างๆ
“ผมขอโทษนะครับที่วิ่งตัดหน้ารถ ทำให้น้าต้องหยุดรถกระทันหัน”
“เอ่อ.. ไม่เป็นไรหรอก.. โชคดีนะไอ้หนูที่น้าเหยียบเบรกทัน ไม่งั้นมีหวังติดคุกแน่ วันหลังอย่าทำแบบนี้นะ.. มันอันตราย..”
นายเอ๊ดพูดคุยกับเด็กชายอย่างเป็นกันเองแต่แล้วก็ต้องสะดุ้งกับเสียงตวาดของจิม
“เฮ้! หุบปากไปเลยเอ๊ดดี้.. แกไม่ต้องออกความเห็น หมดธุระของแกแล้วก็ไปนอนซะ…”
"ครับผม" นายเอ๊ดรีบลุกขึ้นทันทีเพราะรอคำสั่งนี้อยู่นานแล้ว
จิมหันมาใส่เด็กชายต่อ
“คนที่นายต้องขอโทษคือคุณทอมกับฉัน ไม่ใช่เจ้าเอ๊ดดี้คนขับรถ”
“เอ่อ.. ขอโทษครับคุณทอม.. ขอโทษครับคุณจิม..”

เด็กชายรีบหันไปขอโทษทอมก่อน และไม่ขอโทษแต่ปากยังยกมือไหว้อย่างนอบน้อมด้วยก่อนจะหันมาขอโทษจิม ทำเอาสองหนุ่มใจอ่อนลงโดยเฉพาะทอมไม่ได้ติดใจและโกรธเด็กชายแล้ว แต่จิมยังไม่เลิกลาตั้งคำถามต่อด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว


หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 18-01-2010 14:26:08
“อย่าคิดว่าแค่ขอโทษแล้วฉันจะหายข้องใจพฤติกรรมของนายนะ บอกจุดประสงค์ของนายมาได้แล้วว่าเข้ามาขวางรถทำไม..”
“ผม เอ่อ…” เด็กชายก้มหน้าลงไม่ยอมตอบคำถามในทันที จิมเชื่อว่าเจ้าหนูคงพยายามหาทางโกหกอย่างแนบเนียน จึงต้องใช้เวลาคิดก่อน
“ว่าไง ทำไมต้องคิดนานขนาดนั้น นายสัญญากับพระเจ้าแล้วนะ”
เด็กชายเงยหน้าขึ้นตอบด้วยสีหน้าระรื่น
“ผมตอบไปแล้วครับ”
“อะไรนะ ตอบตอนไหนฉันยังไม่ได้ยินเลย อย่าบอกนะว่าตอบในใจ..”
จิมดักคอเจ้าหนู และคำตอบที่ได้รับก็ยืนยันให้เขารู้ว่าเด็กชายที่นั่งทำหน้าซื่ออยู่ตรงหน้าสุดแสบจริงๆ
“ใช่ครับ ผมตอบในใจ คุณให้ผมตอบคำถามกับพระเจ้าไม่ใช่เหรอ ผมบอกความจริงให้พระองค์รับทราบแล้ว คุณไม่ต้องห่วง ผมไม่กล้าโกหกพระเจ้าหรอก..”
“ชะ! ไอ้หนู แก…” จิมลุกขึ้นปราดเข้ามาคว้าคอเสื้อเด็กชายเขย่า
"อยากลองดีเหรอ หือ….”
“ปล่อยเด็กนะ จิม..” ทอมลุกพรวดขึ้นมาคว้าแขนผู้จัดการจอมโวยของเขา
“ใช้กำลังกับเด็กไม่อายหรือไง ปล่อยมือ ฉันจะคุยเอง”
จิมปล่อยมือจากคอเสื้อเด็กชายและทรุดตัวลงนั่งสงบสติ รู้สึกไม่ดีเหมือนกันที่อารมณ์ร้อนไปหน่อยและเผลอใช้กำลังกับเด็ก
“เอาล่ะ ไอ้หนู.. เธอควรจะตอบทุกคำถามอย่างตรงไปตรงมา เรื่องจะได้จบลงเร็วๆ เกือบจะตีหนึ่งแล้ว ฉันเหนื่อย…อยากพักผ่อน พรุ่งนี้ยังต้องตื่นแต่เช้าอีกด้วย โอเค…”
เด็กชายพยักหน้ารับ สายตาที่จ้องมองทอมละห้อยและอ่อนโยนผิดกับเวลาสบตากับจิม
“ก่อนจะตอบคำถามบอกชื่อของเธอก่อนดีกว่า คุยกันมาตั้งนานแล้วยังไม่รู้จักชื่อ”
จิมเป็นฝ่ายนิ่งฟังบ้างเมื่อทอมสามารถพูดคุยกับเด็กได้รู้เรื่องมากกว่า ซ้ำเจ้าหนูยังมีท่าทียอมเชื่อฟังทอมมากกว่าเขาด้วย
“ผมเข้ามาขวางรถเพราะผมอยากพบคุณครับ ผมมีเรื่องสำคัญจะคุยกับคุณ”
เด็กชายไม่ยอมบอกชื่อ กลับบอกเหตุผลที่วิ่งเข้ามาให้รถชน
“คุณ?.. ใคร?.. ฉันหรือเขา..”
ทอมพยักหน้าไปที่จิม อยู่ๆ เจ้าหนูก็เข้าเรื่องเอาดื้อๆ ซึ่งคำตอบที่ได้รับก็ทำให้ทอมละความสนใจที่จะรู้จักชื่อของเด็กชาย

“ผมอยากพบคุณทอม แม็คกิลล์ ครับ”

คำตอบชัดถ้อยชัดคำของหนุ่มน้อยทำเอาทอมอึ้งไปชั่วครู่
“พบฉันเหรอ แน่ใจนะว่าไม่ผิดคน ฉันไม่เคยรู้จักเธอมาก่อน จะมีเรื่องคุยกันได้ยังไง”
“คุณไม่รู้จักผมหรอกครับ แต่ผมรู้จักคุณ”
“ใช่ซีวะ นายต้องรู้จักแน่” จิมขัดขึ้นอย่างอดรนทนไม่ได้
“สุดยอดนายแบบ 3 สมัย ทอม แม็คกิลล์ มีใครไม่รู้จักบ้าง ไม่ยักรู้ว่าเด็กผู้ชายอย่างนายก็สนใจนายแบบหนุ่ม ๆ ด้วยเหมือนกัน บ้าคนดังล่ะซี เป็นเด็กผู้หญิงก็ว่าไปอย่าง เด็กผู้ชายเขามีแต่บ้านักฟุตบอลดังๆ ไม่ใช่นายแบบหนุ่ม รู้มั้ย”
“ผมไม่ได้บ้าคนดัง ผมไม่ได้เพิ่งรู้จักคุณทอมตอนเป็นนายแบบ ผมรู้จักคุณทอมตั้งแต่จำความได้เกือบ 10 ปีมาแล้ว ”
เด็กชายสบตาทอมขณะพูดแม้จะเป็นการตอบคำถามจิม
ทอมขมวดคิ้ว “ว่าไงนะ.. เธอรู้จักฉันมาเกือบ 10 ปีแล้ว.. ตลกหรือเปล่าเจ้าหนู เธออายุเท่าไรแล้วชื่ออะไร..”
“วันที่ 20 เดือนหน้าผมก็จะอายุ 12 ปีเต็มแล้ว ผมชื่อ แม็คกิลล์ แม่เรียกผมว่าแม็กกี้ครับ”
ทอมนิ่งอึ้งเมื่อได้ยินชื่อเด็กชาย นึกขำแต่หัวเราะไม่ออก เชื่อว่าเจ้าหนูคงล้อเล่นมากกว่า
“อย่าไปคุยดีด้วยเลยทอม เด็กแสบพรรค์นี้ นายตามไม่ทันหรอก”
จิมพูดด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะและขยับเข้าไปใกล้เด็กชาย
“นี่ไอ้หนู... ถ้านายไม่ยอมตอบคำถามเราดีๆ ฉันจะจับนายโยนออกไปนอกบ้าน ไม่เสียเวลาเสวนาด้วยแล้ว ดึกมากแล้วนะทอม.. นายขึ้นไปพักผ่อนดีกว่า ฉันจัดการเด็กนี่เอง..”
ทอมเห็นดีด้วย เพราะรู้สึกเหนื่อยและง่วงนอนเต็มทน
“โอเค.. นายจัดการล่ะกัน อย่ารุนแรงล่ะ แล้วนี่ก็ดึกมากแล้ว ถ้ายังไงให้นอนพักสักคืนก็ได้ พรุ่งนี้เช้าค่อยให้ไป”
ทอมลุกขึ้นยืน ขยับจะเดินเด็กชายก็ถลาเข้ามาคุกเข่าตรงหน้า
“อย่าเพิ่งไปครับ ขอผมคุยกับคุณก่อน ผมมีธุระสำคัญจริงๆ”
จิมคว้าแขนเด็กชายไว้
“มีธุระอะไรก็คุยกับฉัน ฉันเป็นผู้จัดการส่วนตัวของคุณทอม เรื่องทุกเรื่องต้องผ่านฉันก่อน หลีกทางให้คุณทอมเดี๋ยวนี้….”
เด็กชายมองจิมด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“แต่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณ ไม่ใช่เรื่องของผู้จัดการ นี่เป็นเรื่องส่วนตัว.. ไม่ใช่เรื่องงาน”
“วะ.. ว่าไงนะ!!.. แกต้องการให้ฉันเอาจริงยังงั้นเหรอ ปากเก่งแบบนี้ ก็ไม่ต้องเสียเวลาพูดดีกันอีกแล้ว… ฉันจะลากแกโยนออกไปนอกบ้านเดี๋ยวนี้เลย ”

จิมปล่อยมือจากแขนเด็กชายเปลี่ยนเป็นคว้าร่างเจ้าหนูไว้ในวงแขนเพื่อจะรั้งให้ออกห่างจากทอม แต่เด็กชายรีบกอดขาทอมไว้ทัน ทอมจึงถูกดึงรั้งไปด้วย
“อ๊ะ!.. เฮ้ย!… อะไรกันน่ะ ปล่อยเด็กก่อน จิม..”
ทอมโวยลั่นเริ่มหงุดหงิดกับเหตุการณ์บ้าๆ ที่เกิดขึ้น จึงตะคอกใส่เด็กชายด้วยความโมโห
“ปล่อยมือเดี๋ยวนี้นะ ไอ้เด็กบ้า..”
เด็กชายสะดุ้งเฮือกรีบปล่อยมือจากขาทอมทันที จิมจึงคลายวงแขนออกเจ้าหนูเงยหน้าขึ้นมองทอมด้วยสายตาอ้อนวอนจนทอมใจอ่อนพยายามระงับอารมณ์โกรธและทรุดตัวลงนั่ง
“ตกลง ฉันจะคุยกับเธอ มีอะไรก็รีบว่ามา”
เด็กชายยิ้มด้วยความดีใจรีบทรุดตัวลงนั่งกับพื้น จิมส่ายหน้าและทรุดตัวลงนั่งข้างๆ ทอม รู้สึกเหนื่อยใจกับเจ้าหนูจอมแสบผู้นี้
“ผมอยากคุยกับคุณแค่ 2 คนครับ”
ทอมเริ่มไม่พอใจกับความเรื่องมากของเด็กชาย
“อย่าเรื่องมากน่า เจ้าหนู.. มีอะไรก็พูดมา”
“แต่ว่า.. มันเป็นเรื่องส่วนตัวนะครับ จะให้คนอื่นรู้ด้วยเหรอ”
จิมโวยขึ้นอย่างเหลืออด
“นี่!.. ไอ้เด็กบ้า... รีบๆ พูดออกมาก่อนที่นายจะหมดโอกาส เพราะฉันกำลังจะหมดความอดทนแล้ว ไอ้..” จิมพูดไม่จบเพราะถูกทอมเอามือปิดปากไว้และผลักให้เอนตัวลงพิงพนักโซฟาร์
“พอแล้ว.. ฉันจัดการเอง นายนั่งเงียบๆ สักครู่ โอเค..”
จิมพยักหน้าหงึกและหลับตาลง ทอมจึงหันไปกล่าวกับเด็กชาย
“ฟังนะเจ้าหนู… ฉันให้โอกาสเธอเป็นครั้งสุดท้าย อยากจะพูดอะไรก็พูดมา ระหว่างฉันกับผู้ชายคนนี้ไม่มีเรื่องส่วนตัวต้องปิดบังกัน ทุกปัญหาของฉันหมอนี่จะเป็นคนจัดการให้ทั้งหมด เพราะฉะนั้นพูดออกมาได้แล้ว ฉันให้เวลาเธอแค่ 10 นาที พูดจบแล้วฉันจะได้ขึ้นไปนอน ส่วนเธอฉันอนุญาตให้พักอยู่จนถึงเช้า แล้วรีบไสหัวออกไปให้พ้นจากบ้านฉัน”
เด็กชายหน้าเสียกับประโยคสุดท้าย
“เอ่อ.. ก็ได้ครับ ผมเริ่มเลยนะ.. ผมชื่อแม็คกิลล์ เป็นลูกของแม่แอนนา สแตนลีย์ แม่เป็นคนอังกฤษแต่เกิดในประเทศไทยครับ แม่เข้ามาเป็นพี่เลี้ยงเด็กที่บ้านแม็คกิลล์เมื่อ 13 ปีที่แล้ว คุณจำแม่แอนนาของผมได้มั้ยครับ"

หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 18-01-2010 14:30:22
ทอมนั่งอึ้งไม่ตอบคำถาม คิ้วเรียวขมวดมุ่นเหมือนกำลังพยายามทบทวนเรื่องตาม เด็กชายจึงเล่าต่อโดยไม่รอฟังคำตอบเช่นกัน
“ท่านทูตจอห์น แม็คกิลล์ คุณพ่อของคุณจ้างแม่แอนนาของผมมาเป็นพี่เลี้ยงคุณ แต่คุณไม่ชอบแม่ คอยหาทางแกล้งแม่อยู่เรื่อย”
ทอมชักสีหน้าไม่พอใจเริ่มรู้สึกโกรธที่ถูกเด็กกะโปโลต่อว่า แต่พยายามระงับอารมณ์รอฟังเรื่องราวทั้งหมดก่อน ในขณะที่จิมนิ่งเงียบฟังด้วยความสนใจเช่นกัน
“คุณไม่ชอบแม่เพราะว่าแม่เป็นผู้หญิงที่มีอายุมากกว่าคุณแค่ 2 ปี แต่กลับมาทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงคุณ ต่อหน้าท่านทูตคุณทำตัวเป็นเด็กดี แต่พอลับหลังคุณหาวิธีแกล้งแม่ต่างๆ นาๆ ….”
“พอได้แล้ว… เข้าประเด็นซะที ถ้าบังอาจพูดจาเหน็บฉันอีกคำล่ะก็… นายจะไม่มีโอกาสได้พูดอีก…”
ทอมต่อว่าเด็กชายเพราะเหลืออดและหันไปทำตาเขียวใส่จิมที่นั่งอมยิ้มอยู่
“แต่ไม่ว่าจะโดนคุณแกล้งยังไง แม่ไม่เคยปริปากบอกท่านทูต แม่อดทนมาตลอดเพราะอยากเป็นพี่เลี้ยงที่ดีของคุณ จนกระทั่งวันหนึ่งคุณทะเลาะกับคุณพ่อ คุณถูกท่านตบหน้าเลยหนีออกจากบ้านแอบไปดื่มเหล้า แม่ตามคุณไปเพราะเป็นห่วง คุณดื่มไปนิดเดียวก็เมามากเพราะคุณยังเด็ก แม่พยายามพาคุณกลับบ้านแต่คุณไม่ยอม คุณบอกแม่ว่าจะกลับบ้านก็ต่อเมื่อแม่ยอมเป็นของคุณก่อน”
เด็กชายก้มหน้าลงขณะกล่าวประโยคสุดท้าย ไม่กล้าสบตาด้วยเพราะรู้ว่าคนฟังต้องอยู่ในอารมณ์โกรธแน่นอน
ในขณะที่ทอมเริ่มกระวนกระวายใจกับเรื่องที่เด็กชายบอกเล่า ไม่รู้ว่าจุดประสงค์ของเจ้าหนูคืออะไร จิมขยับตัวขึ้นนั่งนิ่งฟังด้วยความสนใจ เพราะเรื่องที่เจ้าหนูเล่าชักจะตื่นเต้นขึ้นทุกทีแล้ว
เด็กชายนิ่งเงียบอยู่อึดใจ เมื่อไม่มีเสียงโวยหรือคำถามใดๆ จากอีกฝ่ายจึงรีบเล่าต่อเพราะต้องการให้จบเรื่องเร็วๆ เช่นกัน
“ในที่สุดแม่ก็พาคุณกลับบ้านได้เพราะแม่ยอมเป็นของคุณในคืนนั้น แต่หลังจากคืนนั้นคุณก็ไม่ยอมพูดกับแม่อีกเลย ไม่แกล้งไม่กระเซ้า ไม่ยอมให้แม่เข้าใกล้คุณด้วย แม่เลยต้องลาออกเพราะไม่สามารถทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงคุณได้แล้ว”

จิมมัวแต่จับจ้องเด็กชายเพื่อจับโกหกจึงไม่ทันได้เห็นว่าอารมณ์ของทอมกำลังคุกรุ่นเพียงใด ความรู้สึกของทอมขณะนี้คือ โกรธและเกลียดเด็กชายที่นั่งอยู่ตรงหน้าจับใจ ที่จู่ๆ ก็ขุดเอาเรื่องที่เขาพยายามลืมจนได้แล้วขึ้นมาตีแผ่อย่างหมดเปลือก เขาต้องใช้ความพยายามอย่างสูงสะกดกลั้นอารมณ์กัดฟันกล่าวด้วยน้ำเสียงปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้

“จบแล้วใช่มั้ย เข้าเรื่องซะทีว่า แก มาที่นี่ทำไม ต้องการอะไร”

สรรพนามเรียกเด็กชายเปลี่ยนจาก “เธอ” เป็น ”แก” จิมก็รู้ทันทีว่าทอมกำลังโกรธจัด ในขณะที่เด็กชายเองก็หน้าเสียลงเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังโกรธมาก รีบต่อให้จบก่อนจะถูกไล่ออกจากบ้าน

“แม่แอนนาของผมไม่สบายเป็นโรคหัวใจ เพิ่งเสียไปเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว ก่อนตายแม่ฝากให้ผมทำงานชิ้นสำคัญให้แม่ครับ” น้ำเสียงเด็กชายสั่นเครือเมื่อพูดถึงการตายของแม่

ทอมคลายอารมณ์โกรธลงเล็กน้อย เมื่อรู้ว่าแม่ของเจ้าหนูเสียชีวิตแล้ว เขายังคงเป็นฝ่ายนั่งเงียบไม่มีคำถามที่แสดงว่าสนใจในเรื่องที่ได้รับฟัง ปล่อยให้เด็กชายเป็นฝ่ายพูด อยากให้ฟังเรื่องอะไรก็พูดออกมาเอง

“แม่สั่งให้ผมมาหาคุณ ฝากให้ผมบอกคุณว่าแม่ยอมเป็นของคุณในคืนนั้นไม่ใช่เพราะแม่ต้องการทำหน้าที่พี่เลี้ยง แต่เพราะแม่… รักคุณ…”

ทอมรู้สึกเครียดกับเรื่องราวที่ได้ยินจากปากเด็กชาย กัดฟันพูดดีด้วยทั้งๆ ที่ไม่อยากจะพูด
"แค่นี้ใช่มั้ยเรื่องสำคัญของนาย จบแล้วฉันจะได้ไปนอน"
"ยังครับ ธุระของแม่เสร็จแต่ของผมยัง.. ผมอยากพิสูจน์ความจริงว่า เรื่อง
ที่แม่บอกผมตั้งแต่ผมจำความได้เป็นเรื่องจริงไม่ได้โกหก"

ทอมถอนใจเฮือกรู้สึกโกรธเด็กชายมากจนต้องหัวเราะออกมา อีก 15 นาที จะตี 2 เวลานี้เขาควรจะได้หลับสบายไปแล้ว แต่กลับต้องมานั่งฟังเรื่องบ้าๆ

จิมบีบไหล่ทอมเบาๆ เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังรู้สึกแย่เต็มกลืน

"ไม่เป็นไรทอม.. ไหนๆ ก็ยอมรับฟังแล้ว ฟังต่อให้จบเถอะ พรุ่งนี้ฉันจะโทรบอกโรเจอร์ว่านายขอตัวไม่เข้าไปออดิชั่นแต่รับงานแน่นอน เพราะจริงๆ แล้วระดับนายก็ไม่จำเป็นหรอก ถ้ามีปัญหาก็ขอบายไป "

ทอมใช้สองมือกุมศีรษะและเสยผมขึ้นด้วยความรู้สึกอัดอั้น เขาหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง สิ่งที่อยากทำตอนนี้คือ อยากจับเด็กชายลูกครึ่งที่นั่งอยู่ตรงหน้าโยนออกไปนอกบ้าน เหมือนที่จิมคิดจะทำก่อนหน้านี้

"ว่าธุระของนายต่อได้เลยไอ้หนู สั้นๆ และตรงประเด็น นายต้องการพิสูจน์ความจริงเรื่องอะไร"

"ผมต้องการพิสูจน์ว่า ผู้ชายที่แม่บอกว่าเป็นพ่อของผม เป็นพ่อของผมจริงหรือเปล่า เพราะแม่ไม่ยอมให้ผมบอกกับใครว่าเขาเป็นพ่อ บอกว่าให้รู้กัน 2 คนแม่ลูกก็พอ แม่ให้ผมบอกคนอื่นๆ ว่าพ่อ ตายก่อนที่ผมจะเกิด ผมเลยต้องกลายเป็นเด็กไม่มีพ่อ ทั้งๆ ที่ผมมี…"

"แล้วไง นายต้องการพิสูจน์พ่อของนายก็ไปหาทางจัดการซี จะให้คุณทอมช่วยอะไร หรือจะให้ช่วยตามหาให้"

จิมกลับมาเป็นฝ่ายพูดคุยกับเด็กชาย เพราะอารมณ์ของทอมขณะนี้ไม่อยู่ในภาวะที่จะเสวนาโต้ตอบกับเด็กชายต่อได้ หากแต่ในขณะที่จิมกำลังป้อนคำถามสำคัญกับเจ้าหนูที่มีดวงตาสีน้ำทะเลแสนสวย เขารู้สึกถึงความผิดปกติของทอม… เทพบุตรรูปงามของเขามีอาการสั่นจนเขาต้องรีบโอบไหล่และจับมือไว้ เพราะกลัวว่า ทอมจะโกรธมากจนระงับอารมณ์ไว้ไม่ได้ นั่นหมายถึงเด็กชายอาจจะต้องเจ็บตัว ทว่า..ทันทีที่มือของเขาสัมผัสกับมือของทอม ซึ่งเย็นเฉียบและชื้นไปด้วยเหงื่อ จิมรู้ซึ้งในทันทีว่าอาการสะท้านของทอมไม่ใช่เพราะโกรธ แต่กำลังตื่นกลัว.…

"ผมไม่ได้ต้องการให้คุณทอมช่วยหา คุณทอมคือผู้ชายคนที่แม่บอกว่าเป็น…เอ่อ…พ่อของผม ผมต้องการพิสูจน์ว่าจริงหรือเปล่า… "

คำตอบที่จิมได้รับจากเด็กชายก็ทำให้เขาถึงกับอ้าปากค้าง พร้อมกับรู้เหตุผลแล้วว่าทำไมทอมจึงมีอาการเช่นนี้


หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 18-01-2010 14:34:44
ฮู่ว์~~~   บอกแล้วว่าเรื่องนี้ยาวมาก~   เนื้อเรื่องแต่ละบทก็ยาว 

นี่แค่ครึ่งบทเอง   พักก่อนนะ   เดี๋ยวมาต่อใหม่  :try2:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: MiTo™ ที่ 18-01-2010 14:43:54
ชอบมากครับบ

เห็นชื่อ J-muay ก็วิ่งเข้าหาทันทีครับบ


เป็นกำลังใจให้นะครับ
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: jokirito ที่ 18-01-2010 15:01:05
 :mc4:  รับประทัดไปหนึ่งตับ
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: thaitanoi ที่ 18-01-2010 15:04:39
มาให้กำลังใจครับ
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 18-01-2010 16:33:20
 :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 18-01-2010 17:44:13
ทอมหลับตาลงพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าออกช้าๆ รู้สึกอึดอัดและแน่นในอก เขาไม่เคยโกรธและโมโหใครมากมายเท่านี้มาก่อน… เด็กชายกะโปโลที่ไม่เคยรู้จักหัวนอนปลายเท้ามาก่อน จู่ๆ ก็โผล่เข้ามาในชีวิตเขา และบังอาจนำเรื่องเลวร้ายในอดีตของเขามาบอกกล่าวเสมือนหนึ่งจะให้เขารับผิดชอบ ไม่ว่าเรื่องที่รับฟังจะจริงหรือเท็จ เขาบอกได้คำเดียวว่าโกรธและเกลียดเด็กชายที่นั่งอยู่ตรงหน้าจับใจ ไม่มีวันที่เขาจะรับผิดชอบหรือยอมทำตามที่เด็กชายลูกครึ่งคนนี้ต้องการ..

แม้เรื่องที่ได้รับฟังจะเหลือเชื่อจนจิมอ้าปากค้าง แต่สภาพของทอมนาทีนี้กลับทำให้เขาตกใจยิ่งกว่า เทพบุตรรูปงามของเขากำลังอยู่ในอาการเหมือนคนไข้โรคหัวใจ ใบหน้าขาวซีด หายใจติดขัดจนจิมต้องขยับร่างทอมเอนลงพิงพนักและกล่าวปลอบ

"ใจเย็นทอม หายใจลึกๆ ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร…"
"ไล่มันออกไป จิม.. ไล่ไอ้เด็กบ้านี่ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้" ทอมกล่าวน้ำเสียงกระท่อนกระแท่น
เด็กชายรีบขยับถอยห่างออกมาเมื่อเห็นสถานการณ์ไม่ค่อยสู้ดี รู้สึกกลัวอารมณ์ของทอม จึงรีบพูดต่อหวังจะให้อีกฝ่ายสบายใจ
"ผมแค่จะขอพิสูจน์ความจริงว่าคุณทอมเป็นพ่อผมจริงเปล่า ผมไม่ได้ต้องการอะไรครับ"

ความอดทนของเทพบุตรทอมขาดผึงลง ร่างสง่างามลุกพรวดขึ้นถลาเข้าหาร่างเล็กคว้าคอเสื้อเจ้าหนูรั้งเข้ามาใกล้และตะคอกใส่ด้วยความโกรธสุดขีด

"ฉันไม่มีอะไรให้แกพิสูจน์ หมดเรื่องที่แกต้องการจะพูดแล้วก็ไสหัวออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้ จะเดินออกไปดีๆ หรือจะให้ฉันโยนแกออกไป ไอ้หนูสกปรก!!.. ไอ้เด็กบ้า!!.. ไอ้เด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้า!!.."

เด็กชายสะดุ้งเฮือกตกใจกับอารมณ์โกรธที่รุนแรงของทอม นึกไม่ถึงว่าจะถูกชายหนุ่มซึ่งเป็นเทพบุตรในใจของตัวเองมาตั้งแต่เด็กด่าทอด้วยความเกลียดชังเช่นนี้

จิมลุกพรวดตามขึ้นมาด้วยความตกใจ ไม่เคยเห็นทอมมีอารมณ์โกรธที่รุนแรงแบบนี้มาก่อน

"ใจเย็นทอม ปล่อยเด็กเถอะ ใช้กำลังกับเด็กไม่อายหรือไง หือ.."

จิมกระซิบประโยคสุดท้ายด้วยคำพูดเดียวกับที่ทอมพูดกับเขา

"ทำไมต้องอาย กะอีแค่เด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้า เด็กจรจัด ในที่สุดแกก็ไม่ต่างจากพวกต้มตุ๋นหลอกลวง คิดจะหาเงินใช้ยังงั้นเหรอ"

"ผมเปล่า.. ผมไม่ใช่พวกต้มตุ๋น ผมไม่ได้มาหาเงินจากคุณ ผมแค่อยากพิสูจน์ความจริงๆ เฉย คุณกลัวเหรอ.. . โอ๊ย!…"

ทอมตบหน้าเด็กชายที่กำลังพูดฉอดๆ อยู่ตรงหน้าอย่างแรง ในขณะที่มือยังคว้าคอเสื้อไว้ ร่างเล็กบอบบางจึงไม่ได้เซถลาล้มลง

"แกเป็นใครบังอาจมาพิสูจน์ฉัน แล้วทำไมฉันต้องกลัวแกด้วย ฉันจะฆ่าแกให้ตายเดี๋ยวนี้เลยก็ยังได้"

ทอมปล่อยมือจากคอเสื้อไปที่ลำคอเด็กชายและบีบอย่างแรงด้วยอารมณ์โกรธที่พลุ่งขึ้นขีดสุด หนุ่มน้อยตาเหลือกดิ้นขลุกขลักไปมาเพราะหายใจไม่ออก

"หยุดนะทอม.. หยุดเดี๋ยวนี้"

จิมจับข้อมือทอมรั้งออก ใจหายวาบ รู้ทันทีว่าทอมไม่ได้แกล้งเพื่อให้เด็กชายตกใจกลัว ไม่ว่าจะเกิดขึ้นเพราะอารมณ์ชั่ววูบหรือเพราะความตั้งใจ เขาจำเป็นต้องหยุดทอมเดี๋ยวนี้

"อุ๊บ!... โอย!…" ทอมปล่อยมือจากเด็กชายเพราะอาการจุกที่ท้อง กัดฟันพูดด้วยความโกรธ

"ชกฉันทำไมจิมมี่.. นายเข้าข้างเด็กบ้านี่เหรอ"

จิมดึงทอมออกห่างจากเด็กชายและประคองให้นั่งลงบนโซฟาร์ เขาหันไปบอกเจ้าหนูที่กำลังยืนตัวสั่นอยู่ให้ออกไปคอยข้างนอก

"เปล่า.. ฉันไม่ได้เข้าข้างเด็กแต่กำลังช่วยนาย จะเกิดอะไรขึ้นถ้านายบีบคอเด็กคนนี้ตาย หือ… ทอม ใจเย็นหน่อยซี.. ทำไมต้องโกรธมากขนาดนี้ด้วย"

"นายไม่ให้ฉันโกรธได้ไง เรื่องบ้าๆ ที่ไอ้เด็กนั่นพูดมาทั้งหมดเป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับนายยังงั้นหรือ จิม.." ทอมตะคอกใส่ด้วยอารมณ์โกรธ

จิมบีบนวดขมับชายหนุ่มเบาๆ เพื่อช่วยผ่อนคลายอารมณ์ให้

"ไม่เอาน่ะทอม.. ใครจะไปยินดีกับเรื่องบ้าๆ อย่างนั้น แต่นายทำรุนแรงกับเด็กเกินไป นายทำแบบนั้นไม่ได้ นายไม่ใช่ผู้ร้ายหรือผู้ชายเดินถนนธรรมดา แต่เป็นเทพบุตรที่เดินอยู่บนถนนสายดวงดาว และกำลังจะได้เป็นนายแบบอินเตอร์อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นฉันจะปล่อยให้มีเรื่องร้ายๆ เกิดขึ้นกับนายไม่ได้"

"ถ้างั้นก็ช่วยไล่ไอ้เด็กบ้านั่นออกไปที ทำยังไงก็ได้ให้มันออกไปให้พ้นจากบ้านฉัน"

"โอเค! ฉันจะออกไปคุยกับเด็กนั่นเอง นายรออยู่นี่หรือจะขึ้นไปนอนเลยก็ได้ ดึกมากแล้ว อย่าโกรธอย่าเครียดนะแม็คกิลล์ พรุ่งนี้มีแคทวอล์คตั้ง 3 งาน เดี๋ยวหมดหล่อนะ"

จิมจุมพิตหน้าผากเทพบุตรของเขาเบาๆ
"ฉันจะจัดการเด็กนั่นให้เอง ขึ้นไปพักผ่อนได้แล้วทอม พรุ่งนี้ฉันจะปลุกนายตอนเที่ยง โอเค?.."
ทอมพยักหน้ารับด้วยดีและลุกขึ้นเดินสโลสเลขึ้นไปชั้นบน จิมยืนชั่งใจอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเดินออกไปหาเด็กชายที่คอยอยู่ด้านนอก

ร่างสูงใหญ่ชะงักเท้าที่หน้าประตูเมื่อเห็นภาพตรงหน้า เด็กชายนั่งชันเข่าที่พื้นระเบียงนอกบ้านใช้แขนเสื้อคอยซับเลือดกำเดาที่ไหลเป็นทางลงมา เขาถอนใจเฮือกก่อนจะหมุนตัวกลับเข้าไปด้านใน สักครู่ก็กลับออกมาอีกครั้งพร้อมผ้าเย็นในมือ

"เอ้า! เอาผ้านี้วางไว้ที่จมูก"

จิมส่งผ้าเย็นให้เด็กชายอย่างเสียไม่ได้ คงเป็นเพราะถูกทอมตบหน้าเมื่อครู่ เห็นก็อยากจะสงสารหรอกแต่สงสารไม่ลง

จิมกอดอกยืนดูเด็กชายแล้วก็รู้สึกหงุดหงิด เมื่อหนุ่มน้อยใช้ผ้าเย็นประคบตรงจมูกตามที่เขาบอกแต่ไม่ยอมเงยหน้าขึ้น เลือดจึงไม่หยุดไหล เขาทรุดตัวลงจับศีรษะเจ้าหนูเงยขึ้น

"นายต้องอยู่ท่านี้สักครู่ มันไม่หยุดไหลง่ายๆ หรอก ถ้ายังก้มๆ เงยๆ อยู่อย่างนี้"

เด็กชายพยักหน้าทำตามที่จิมบอกแต่โดยดี แขนเสื้อทั้งสองข้างเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบเลือด คงพยายามเช็ดอยู่นานเพื่อให้เลือดหยุด ดีว่าเสื้อยืดที่สวมอยู่เป็นสีเข้ม สภาพของเจ้าหนูตอนนี้ไม่ต่างจากเด็กชายวัยเดียวกันทั่วๆ ไป ซื่อ บริสุทธิ์ และยังให้ความรู้สึกน่าสงสาร ผิดกับตอนอยู่ต่อหน้าเขาและทอมเมื่อสักครู่ ที่แสดงสีหน้าและคำพูดกวนประสาท แถมยังดื้อด้านอีกด้วย จะไม่ให้เขาคิดว่าเป็นพวกต้มตุ๋นหรือแก๊ง 18 มงกุฎได้ยังไง

"เอาล่ะ! ไอ้หนู เรามาคุยกันต่อให้จบเรื่อง ฉันเป็นผู้จัดการส่วนตัวของทอม มีหน้าที่จัดการปัญหาและตัดสินใจทุกเรื่องแทนเขา ถ้าอยากจะคุยต่อต้องคุยกับฉัน ทอมจะไม่เสียเวลาพูดคุยกับนายอีก"

"ผมชื่อแม็คกิลล์ เมื่อไรคุณจะเรียกชื่อผมแทน ไอ้หนู ซะที"

จิมอึ้งไปที่จู่ๆ เด็กชายก็แนะนำตัวอีกครั้งและขอให้เรียกชื่อ แค่เอ่ยปากพูดเท่านั้น เด็กชายที่กำลังอยู่ในสภาพน่าสงสารก็กลับเป็นไอ้หนูจอมแสบเหมือนเดิมทันที

หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 18-01-2010 17:48:01
"เออ… นั่นซีนะ นายแนะนำตัวแล้ว ทำไมฉันไม่ยอมเรียกชื่อซะที"

"เพราะคุณไม่เชื่อว่าผมชื่อแม็คกิลล์จริงๆ ใช่มั้ย ผมมีหลักฐานให้คุณดู"

เด็กชายขยับกระเป๋าเป้ออกจากหลัง ทำให้จิมเพิ่งสังเกตุเห็นว่าเจ้าหนูมีกระเป๋าเป้ใบย่อมๆ ติดตัวมาด้วยและสะพายไว้ตลอดเวลา หนุ่มน้อยล้วงมือควานหาของในกระเป๋าโดยไม่ได้ก้มลงมอง สักครู่ก็ยื่นหลักฐานที่ว่าให้เขาดู มันคือบัตรนักเรียนของเด็กชายแม็คกิลล์ แสตนลีย์

จิมมองดูบัตรนักเรียนสลับกับมองหน้าเด็กชาย
"โรงเรียนอยู่ในอำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี งั้นเหรอ.. แสดงว่าบ้านนายอยู่เมืองกาญจน์ด้วยใช่มั้ย"
เด็กชายรีบดึงบัตรจากมือจิมเก็บคืนในกระเป๋า
"ผมให้คุณดูชื่อเฉยๆ ทำไมต้องสนใจเรื่องอื่นด้วย"
"ไม่สนใจได้ไง ฉันกำลังอยากรู้ว่าบ้านนายอยู่ที่ไหนพอดี โรงเรียนอยู่ที่ไหน แสดงว่าบ้านก็ต้องอยู่ที่นั่นด้วย ดีล่ะ... ฉันจะพานายไปส่ง…"
"ไม่นะ… ผมไม่ไป.." หนุ่มน้อยแม็คกิลล์ดึงผ้าเย็นออก และขยับตัวหนีห่างจากจิม
"ผมไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว และผมก็ไม่ได้เรียนหนังสือแล้วด้วย นี่เป็นบัตรนักเรียนเก่าที่ผมยังเก็บไว้"

จิมรู้สึกอึ้งอีกครั้งเมื่อเห็นท่าทีตื่นตระหนกรวมถึงสีหน้าและแววตาไม่พอใจของเจ้าหนูแม็คกิลล์เมื่อเขาบอกว่าจะพาไปส่งบ้าน จิมจึงรีบตัดบทไม่อยากให้เด็กเอะอะโวยวาย

"เอาล่ะ เอาล่ะ... ช่างเถอะ จะอยู่ที่ไหนก็เรื่องของนาย มาเองก็กลับเอง ฉันไม่เสียเวลาไปส่งหรอก คุยธุระต่อเถอะ ตกลงนายต้องการอะไรกันแน่...แม็กกี้"

สีหน้าของเด็กชายคลายความวิตกลงและยิ้มอย่างดีใจเมื่อได้ยินจิมเรียกชื่อ

"ผมบอกไปแล้วนี่ครับ ว่าผมต้องการพิสูจน์ว่าคุณทอมเป็นพ่อของผมจริงหรือเปล่า"

จิมถอนใจเฮือกเมื่อได้ยินเด็กชายยืนยันความต้องการอย่างหนักแน่นและจริงจัง ช่างเป็นปัญหาที่หนักหนาสาหัสสำหรับเทพบุตรของเขาจริงๆ

"นายคิดว่าจะได้อะไรจากการพิสูจน์"

"ได้ความจริงไงฮะ ผมคิดมาตลอดว่าแม่อาจหลอกผมเรื่องพ่อ แต่ก่อนแม่ ตายแม่ก็ยังยืนยันกับผมและบอกว่าคุณทอมเป็นพ่อผมจริงๆ แม่อนุญาตให้ผมมาหาความจริงด้วยตัวเอง เพราะแม่มีเรื่องจะให้ผมบอกกับคุณทอมด้วย แต่แม่กำชับว่าอย่าทำให้คุณทอมเดือดร้อนและวุ่นวาย ผมรับปากและสัญญากับแม่ไว้ว่าผมจะหาความจริงให้ได้และจะไม่ทำให้คุณทอมเดือดร้อนแน่นอน ได้ความจริงเมื่อไรผมก็จะจากไปทันทีไม่กลับมาให้พวกคุณเห็นหน้าอีก"

จิมปวดหัวตึบ คงเป็นเพราะสัญญาที่ให้ไว้กับแม่ก่อนตาย เจ้าหนูแม็กถึงดื้อรั้นจะขอพิสูจน์ความจริงให้ได้

"แม้ว่าความจริงคือใช่.. นายก็จะกลับไปโดยไม่ต้องการอะไรจากคุณทอมเลยยังงั้นเหรอ.."

หนุ่มน้อยพยักหน้ารับและยิ้มให้

"ถ้างั้นจะพิสูจน์ไปทำไม จะบอกอะไรให้นะ แม็กกี้.. ว่าใจของนายตอนนี้เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ส่วนที่เชื่อเพราะแม่บอก ส่วนที่ไม่เชื่อคือตัวนายเอง แต่ตอนนี้แม่นายก็เสียไปแล้ว เพราะฉะนั้นฉันขอแนะนำว่า อยากจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็เลือกเอาสักอย่างแล้วเชื่อมั่นตามนั้นไม่ดีกว่าหรือ ในฐานะที่ฉันเป็นผู้ใหญ่ อยากลองฟังความเห็นของฉันมั้ยไอ้หนู…"

จิมเริ่มแผนการโน้มน้าวให้เด็กชายคล้อยตาม เมื่อเห็นท่าทีของเจ้าหนูอ่อนลงและตั้งใจฟังที่เขาพูดด้วยดี

"ถ้าเรื่องที่นายเล่ามาทั้งหมดเป็นความจริง ทอมไม่ใช่พ่อของนายหรอก.. มันเป็นไปไม่ได้ที่เด็กผู้ชายอายุมากกว่านายตอนนี้แค่ 2 ปี จะมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงแค่ครั้งเดียวแล้วสามารถให้กำเนิดลูกได้ นายเองก็คลางแคลงใจด้วยเหตุผลนี้ใช่มั้ยล่ะ"

เจ้าหนูแม็กกี้หน้าเสียไม่ยอมตอบคำถามและก้มหน้าลง จิมได้โอกาสจึงรีบโน้มน้าวต่อ

"เลิกเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งได้แล้วแม็กกี้ คิดตามความเชื่อของตัวเองนั่นแหล่ะ คือสิ่งที่ถูกต้องและเป็นจริงที่สุด"
"หมายความว่า… แม่มีผู้ชายคนอื่นนอกจากคุณทอมหรือฮะ"
"เอ่อ… ก็... คงงั้นมั้ง แต่ผู้ชายคนนั้นแม่นายอาจไม่ได้รักหรือผูกพันด้วย เลยไม่อยากจดจำและไม่อยากให้เป็นพ่อของนาย.."
"เป็นไปได้ยังไง…." หนุ่มน้อยก้มหน้าพึมพำด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาก่อนจะเงยหน้าขึ้นพูดกับจิมด้วยน้ำเสียงแข็งขึ้น
"แม่ไม่มีวันมีอะไรกับผู้ชายที่ไม่ได้รักหรอก แม่ไม่ใช่ผู้หญิงไม่ดีสักหน่อย คุณโกหก…"

สีหน้าและแววตาขุ่นเคืองของเด็กชายทำเอาจิมสะดุ้ง เจ้าหนูนี่อารมณ์แปรเปลี่ยนรวดเร็วเหลือเกิน..

หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: DEMON3132 ที่ 18-01-2010 17:49:37
เข้ามา  :mc4: ให้เจ๊หมวย และ +1 เป็นกำลังใจให้นะคะ
เป็นสมาชิกบอร์ดเจ๊หมวย สั่งซื้อหนังสือเจ้านายจ๊ะจ๋าอ่านแล้วด้วย
นิยายของเจ๊หมวย สนุกทุกเรื่อง ขอรับรองค่ะ ดีจังจะได้ตามอ่าน
ที่บอร์ดนี้ได้เลย ขอบคุณมากมาย ........... :pig4:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 18-01-2010 17:55:31
"เอ่อ.. ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น เอาเป็นว่าใครเป็นพ่อของนายฉันไม่รู้หรอก รู้แต่ว่าไม่ใช่ทอมแน่"

เด็กชายนั่งสวมกอดกระเป๋าเป้ไว้แน่นเหมือนมีของรักของหวงอยู่ในนั้น

"ถ้าไม่ใช่คุณทอมแล้วเป็นใคร… ผมจะกลายเป็นลูกไม่มีพ่ออย่างที่คนอื่นเข้าใจเหรอ.." เด็กชายกล่าวเบาๆ เหมือนรำพึงกับตัวเองก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบสายตาแข็งกร้าวกับจิมอีกครั้ง
"ไม่… ผมไม่เชื่อคุณ ผมเชื่อแม่ แม่ไม่โกหกผมหรอก"
จิมส่ายหน้าและถอนหายใจเฮือก ตี 2 ครึ่งแล้วเขายังกล่อมเจ้าหนูไม่สำเร็จ
"นี่.. ฟังนะไอ้หนู ฉันเกือบจะหมดความอดทนแล้ว ถ้านายอยากจะเชื่อก็เชื่อไป จะมาพิสูจน์หาความจริงทำไมอีก"
"ก็… เวลาที่ผมนึกถึงพ่อจะได้นึกถึงถูกคน ไม่หลงคิดว่าคนอื่นเป็นพ่อตัวเอง ถ้าไม่ใช่.. ผมจะได้ทำใจยอมรับว่าไม่มีพ่อจริงๆ แล้วผมก็จะได้ลืมคุณทอมไปจากความทรงจำของผมด้วย"

ให้ตายเถอะ!… เหตุผลซื่อๆ ของเด็กชายเล่นเอาจิมสะท้านในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก ถ้ายังขืนนั่งคุยต่อเขาคงจะใจอ่อนลงแน่ และคนที่ถูกโน้มน้าวด้วยคำพูดน่าจะเป็นเขาเองมากกว่า ถึงเวลาที่เขาจะต้องใช้ไม้แข็งและเด็ดขาดแล้ว

"ฟังนะไอ้หนู.. นายมีเหตุผลของนาย..ฉันมีเหตุผลของฉัน ฉันไม่มีทางให้ ทอมพิสูจน์เรื่องบ้าๆนี้กับนาย เพราะฉะนั้นกลับบ้านไปซะ ฉันจะให้เงินค่ารถกลับ"
"ไม่.. ผมไม่กลับจนกว่าจะได้พิสูจน์ ทำไมพวกคุณต้องกลัวความจริงด้วย"
เด็กชายลอยหน้าลอยตาพูดทำเอาจิมเหลืออด ความรู้สึกสงสารเมื่อครู่เลือนหายไปสิ้น เขาคว้าแขนเด็กชายฉุดลุกขึ้นยืน
"นายไม่มีทางได้พิสูจน์ความจริงอะไรทั้งนั้น ฉันพยายามพูดดีกับนายแล้วนะไอ้หนู กะว่าจะให้นั่งหรือนอนพักจนถึงเช้าแล้วให้เอ๊ดดี้ไปส่งที่ท่ารถ แต่ตอนนี้ฉันเปลี่ยนใจแล้ว"
จิมดึงแขนเด็กชายลากตัวลงจากระเบียงบ้านตรงไปที่ประตู
"ไม่นะ.. ผมไม่ไป.. ปล่อย… ปล่อยนะ ผมอุตส่าห์มาหาคุณทอมถึงบ้านเพราะไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่โต รู้งี้ไปหาหนังสือพิมพ์เหมือนดาราคนอื่นๆ ดีกว่า"

ร่างสูงชะงักเท้าทันที่ที่ได้ยินคำพูดประโยคสุดท้าย นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าหนูผู้นี้จะมีความคิดสุดแสบขนาดนี้ มือใหญ่จับลำแขนเล็กสองข้างของเด็กชายเขย่าและกัดฟันพูดด้วยน้ำเสียงกระซิบ เพราะไม่ใช่เวลาที่จะตะโกนด้วยอารมณ์โกรธได้

"ว่าไงนะไอ้หนู... พูดอีกทีซิ แกกล้าทำอย่างที่พูดเหรอ" จิมเปลี่ยนสรรพนามเรียกเด็กชายโดยไม่รู้ตัว

"คุณคิดว่าผมกล้ามั้ยล่ะฮะ ถ้าคุณเป็นผมคุณจะกล้ามั้ย"

จิมแทบคลั่งเมื่อเจอคำพูดยอกย้อนซ้ำเข้าให้ เขาปล่อยแขนเด็กชายและยกมือขึ้นเสยผมอย่างแรง สูดลมหายใจเข้าออกลึกๆ เพื่อระบายอารมณ์โกรธที่ไม่สามารถระเบิดออกมาได้ให้คลายลง

จิมยืนชั่งใจอยู่ชั่วครู่ก่อนจะคว้าข้อมือเล็กพาเดินกลับเข้าไป และผลักเจ้าหนูล้มลงที่ระเบียงหน้าตึกตามเดิม

"ฉันไม่สามารถพูดอะไรกับแกต่อได้แล้ว เพราะฉันอาจพลั้งมือบีบคอแกถึงตายได้เหมือนที่คุณทอมทำเมื่อครู่ ฉันจะไปนอนพักสักสองสามชั่วโมงแล้วจะกลับมาคุยใหม่ในตอนเช้า ส่วนแก… จะนอนตรงนี้หรือหามุมไหนในบริเวณบ้านนอนก็ตามใจ แต่เตือนไว้ก่อนนะว่ามีกรงหมาอยู่ด้านหลัง เจ้าร็อตไวเลอร์ฮาร์เวิร์ดจะขย้ำคอแกเอาง่ายๆ เพราะฉะนั้นเพื่อความปลอดภัยฉันขอแนะนำให้แกปีนขึ้นไปนอนบนต้นไม้ หรือไม่ก็ปีนออกไปนอนนอกบ้านเลย ราตรีสวัสดิ์ ไอ้หนูแม็กจอมแสบ…"

จิมหันหลังเดินเข้าบ้านและเลื่อนประตูปิดลงกลอน โดยไม่สนใจเด็กชายที่อยู่ในอาการหวาดกลัวเมื่อพูดถึงหมา…



+ + + ส า ย ใย รั ก + + +



“คุณจิมขา.. คุณจิม.. 7 โมงเช้าแล้วค่ะ"
"อืมม์…"

จิมส่งเสียงงัวเงียหนังตายังหนักอึ้งอยู่ เขาเพิ่งจะงีบหลับไปตอนตี 4 กว่าๆ เพราะมัวแต่คิดหาหนทางแก้ไขสถานการณ์เลวร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้นกับเทพบุตรทอมนายแบบรูปงามของเขา เขาไม่อาจปล่อยให้อนาคตที่กำลังรุ่งโรจน์ของทอมต้องสะดุดลงเพราะเด็กชายวัย 12 ปีคนนี้เด็ดขาด ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน เขาต้องหยุดความต้องการของเจ้าหนูนี่ให้ได้

"คุณจิมขา.. ตื่นเถอะค่ะ เด็กผู้ชายเมื่อคืนยังอยู่ในบ้านนะคะ แถมยังปีนขึ้นไปอยู่บนต้นไม้ด้วย เรียกให้ลงมาก็ไม่ยอม บอกว่าจะรอคุยกับคุณจิมต่อค่ะ"

จิมลุกพรวดขึ้นตาสว่างทันทีที่สาวใช้รายงานจบ



+ + + ส า ย ใย รั ก + + +



"ขังหมาไว้แล้วยังจะกลัวอะไรอีก ลงมาซีเจ้าหนู.."

นายเอ๊ดถอนใจเฮือกเมื่อเด็กชายเอาแต่ส่ายหน้า เขาไม่รู้ว่าเจ้าหนูคนนี้ต้องการอะไร แต่สังหรณ์ว่าคงจะนำเรื่องวุ่นวายมาให้เจ้านายไม่มากก็น้อย ไม่รู้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นเจ้าหนูถึงระเห็จขึ้นไปอยู่บ้นต้นไม้

"เฮ้อ~  บอกให้ลงมาก็ไม่ลง อ้าว! คุณจิมมาพอดี อรุณสวัสดิ์ครับ คุณจิม"

จิมแหงนหน้าขึ้นมอง ไม่รู้ว่าจะสมน้ำหน้าหรือสงสารดี เมื่อเห็นสภาพของเด็กชายในเวลานี้ นึกไม่ถึงว่าเจ้าหนูสุดแสบผู้นี้จะกลัวหมาเอามากๆ เขาแค่แหย่เล่นเท่านั้นไม่คิดว่าจะปีนขึ้นไปจริงๆ

"อรุณสวัสดิ์ แม็กกี้.. ไง..อากาศข้างบนดีมั้ย"

เด็กชายเอาแต่ส่ายหน้า นายเอ๊ดจึงรีบรายงาน

"ถามอะไรก็ไม่ตอบครับ พูดคำเดียวว่ากลัว... อุตส่าห์ขังเจ้าฮาร์เวิร์ดไว้แล้วก็ยังไม่ยอมลงครับ"

จิมขมวดคิ้วเดินเข้าไปใกล้และเงยหน้าขึ้นมอง เขาไม่เห็นหน้าเด็กชายเพราะเจ้าหนูเงยหน้าขึ้น ไม่รู้ว่าปีนขึ้นไปตอนไหน ความสูงแค่ 4 เมตรแม้จะไม่มากเท่าไร แต่ถ้าพลาดตกลงมาล่ะก็…

"แม็กกี้.. ลงมาได้แล้ว"

เงียบ!!! ไม่มีคำตอบทั้งจากคำพูดและท่าทาง

"เอ๊ดดี้.."

"ครับ คุณจิม"

"มีบันไดหรือเปล่า ปีนขึ้นไปพาเจ้าหนูนั่นลงมา"

"เอ๊ะ! ทำไมล่ะครับ เด็กปีนขึ้นไปเองนะครับ"

"แล้วไงล่ะ ขึ้นเองได้แต่ลงไม่ได้น่ะซี ตัวสั่นยังงั้นไม่ได้กลัวหมาหรอก รีบไปเอาบันไดมา อย่าถามมากความ"

"ครับผม"

จิมอยากจะหัวเราะสมน้ำหน้าศัตรูตัวกะเปี๊ยกของเขาที่กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก แต่ด้วยวัยที่ต่างกันมาก ตรงหน้าเขาขณะนี้จึงเป็นแค่เด็กชายตัวเล็กๆ ที่ไม่มีพิษสง และกำลังต้องการความช่วยเหลือจากเขาซึ่งเป็นผู้ใหญ่กว่า และยังอาวุโสมากพอที่จะเป็นพ่อของเจ้าหนูได้อย่างไม่น่าคลางแคลงใจเท่าทอม แม็คกิลล์ บ๊อสหนุ่มรูปงามของเขา..



 :t2:

หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 18-01-2010 18:08:43
 :mc4:  ต้อนรับนิยายของเจ๊หมวยจ้า

เรื่องนี้อ่านจบแล้วจากหนังสือของเจ๊หมวย
(เพิ่งอ่านจบตอนวันพ่อที่ผ่านมา ยิ่งเข้าบรรยากาศมากๆ)
ประทับใจสุดๆ อ่านแล้วมีความสุขกับความรักของพ่อลูก และหนุ่มๆในเรื่อง
ยิ่งเรื่องนี้ยิ่งสนุกมากๆค่ะ ประทับใจกับนิยายของเจ๊หมวยทุกเรื่องเลย

บวก 1 แต้มเป็นกำลังใจก่อนค่ะ  :L2:

ปล เจ๊หมวยอย่าลืมแปะกฎของเล้าไว้ที่หน้าแรก ตอนแรกด้วยนะคะ


หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 18-01-2010 20:07:58
รับเรื่องใหม่ :L2:
เกิดไรขึ้นกะบ้านโน้น
ไม่ได้เข้าไปนานแล้ว
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: จุ๊บจิ๊บจ๊ะจ๋า ที่ 18-01-2010 20:19:06
 :mc4: :mc4: :mc4:

ต้อนรับเรื่องใหม่


และ

 :o12: :o12: :o12: :o12:


เศร้าตามเด็กอายุสิบสอง

ตอนเลยนะ ต่อตอนต่อไปได้เลย
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: tatum1234 ที่ 18-01-2010 20:27:22
 :m3:กรี๊ดดดนิยายเจ๊หมวย ขอติดตามอ่านด้วยคนนะครับ

 :m23:และขอสารภาพว่ายังไม่ได้สั่งหนังสือของเจ๊หมวยสักเล่มเล่ยครับ

 :o11:ไม่รู้ว่าหมดยัง..ครับ

 o8ถ้ายังละก็..หึหึไม่พลาดแน่ๆครับ

 :oni1:ไปอ่านก่อนดีกว่า..เดี๋ยวอ่านตามไม่ทัน...ฟิ้วววว!!!
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: kungyung ที่ 18-01-2010 20:48:20
ว้าวววววววววววๆๆเจ้หมวยยยยยยยยย
สนุกอ่ะ
มาต่อไวๆนะครับเจ้
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: MiTo™ ที่ 19-01-2010 09:24:46
ชอบมากมายเลย

สนุกกๆๆๆ


 :o8:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 19-01-2010 10:50:00
สาย ใ ย รัก.. บทที่ 2

.."แผนเผด็จศึก"..   :a2:


---------------------------


'ทอม แม็คกิลล์'   (Tomus Mcgill)   นายแบบหนุ่มสุดฮ็อทแห่งปีวัยย่างเข้า 27  เชื้อชาติอเมริกันแต่เกิดและเติบโตที่เมืองไทย  บิดาชาวอเมริกันเป็นอดีตกงศุลใหญ่สหรัฐประจำประเทศไทย มารดาซึ่งเป็นอดีตนางแบบสาวชั้นแนวหน้าก็เป็นลูกครึ่งไทย-แคนาดา ทอมจึงดูเป็นฝรั่งแท้มากกว่าเป็นลูกครึ่ง   

   ...ท่านทูตจอนห์ แม็คกิลล์ และภริยาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ทิ้งหนุ่มน้อยแม็คกิลล์ซึ่งเป็นทายาทเพียงคนเดียวไว้ ทอมไม่อาจใช้ชีวิตอยู่ในคฤหาสน์หลังใหญ่แต่เพียงลำพังได้  จำต้องจากบ้านแม็คกิลล์ในเมืองไทยไปอยู่กับพี่สาวของบิดาที่แคลิฟอร์เนียและศึกษาต่อที่นั่นเป็นเวลา นานกว่า 7 ปี   

….ทอมเดินทางกลับมาเมืองไทยเมื่อ 3 ปีที่แล้วก็เข้าสู่วงการนายแบบเลย เพียงปีแรกก็ได้ตำแหน่งนายแบบแห่งปีมาครอง เป็นที่หลงใหลได้ปลื้มของสาวน้อยวัยรุ่นถึงสาวใหญ่ตระกูลไฮโซ ไม่เว้นแม้กระทั่งหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ในวงการเกย์
ฉายา 'เทพบุตรแห่งเวทีแคทวอล์ค' กับตำแหน่งท๊อปโมเดล 3 สมัยติดต่อกัน ส่งให้ทอม แม็คกิลล์ กำลังจะได้ก้าวขึ้นสู่เวทีนายแบบระดับโลก ซึ่งตำแหน่งสุดยอดนายแบบของโลกคือความฝันสูงสุดของทอมในขณะนี้

….ทอม แม็คกิลล์ เป็นนายแบบที่ฮอทที่สุดในช่วง 2 - 3 ปีที่ผ่านมา เขาเป็นนายแบบอิสระที่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับมากที่สุด ทอมปฏิเสธโมเดลลิ่งทุกค่ายรับและจัดคิวงานด้วยตัวเองอยู่เกือบปีจนได้มาพบปะกับจิมโดยบังเอิญ

'เจมส์ การ์เซีย' (James Menendes Garcia) หนุ่มเม็กซิกันวัย 35 ปี บิดาและมารดาเป็นชาวเม็กซิกัน แต่มารดามีเชื้อสายไทย - คิวบาอยู่ด้วย ใบหน้าคมเข้มตามเชื้อชาติและดูเป็นหนุ่มลูกครึ่งมากกว่าทอมทั้งๆ ที่มีเชื้อสายไทยแค่ 1 ใน 8

จิมเป็นนายแบบรุ่นพี่ของทอม แต่งานเดินแบบเป็นแค่งานอดิเรก อาชีพหลักเป็นครูฝึกเทควันโด เขาจึงมีรูปร่างกำยำสมส่วนอย่างนักกีฬาและตัวใหญ่กว่าทอมมากทั้งที่สูงกว่าเพียงเล็กน้อย

….จิมได้รู้จักกับทอมในงานเลี้ยงฉลองตำแหน่งท็อปโมเดลเมื่อ 2 ปีที่แล้ว เขาพูดคุยถูกคอกับทอมและยังคบหากันในเวลาต่อมาจนพรรคพวกในวงการประหลาดใจ เนื่องจากทอมไม่เคยเปิดโอกาสให้ใครสนิทสนมด้วยเกินคนรู้จัก ทอมจึงไม่ค่อยมีเพื่อนสนิทในวงการเดียวกัน

จิมเห็นแววในตัวทอมและทึ่งในความหล่องดงามไม่มีที่ติ เชื่อว่านายแบบหนุ่มรุ่นน้องผู้นี้จะต้องประสบความสำเร็จตามที่วาดฝันไว้ แต่การไม่เข้าสังกัดโมเดลลิ่งค่ายใดและยังทำงานเพียงลำพังโดยไม่มีผู้ช่วยเช่นนี้ ทอมอาจไปไม่ถึงดวงดาวดังที่ฝัน
จิมอยากช่วยจึงลองออกปากขอทำงานในตำแหน่งผู้จัดการส่วนตัวให้โดยไม่เกี่ยงค่าตอบแทน เขาเตรียมหาเหตุผลมากมายไว้กล่อมหากถูกทอมปฏิเสธ แต่ทอมกลับตอบตกลงในทันทีอย่างคาดไม่ถึง


 o13


จิมชะงักเท้าหน้าประตูยืนทำใจอยู่ชั่วครู่เหมือนเตรียมเข้าสู่สมรภูมิรบ เพราะทันทีที่ย่างก้าวเข้าไปในห้อง ระเบิดต้องลงตรงหน้าเขาแน่นอน ทางเดียวที่จะรอดคือ ต้องรีบหาทางถอดสลักให้ทันก่อนที่จะระเบิด
ทอมครึ่งนั่งครึ่งนอนอยู่บนโซฟาตัวโปรดด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ จิมเดินอ้อมไปด้านหลังโน้มตัวลงสวมกอด  และกระซิบข้างหูบ๊อสหนุ่มของเขา
"อรุณสวัสดิ์ ทอม.. เพิ่งจะ 2 โมงเช้าเองรีบตื่นทำไม บอกว่าจะปลุกตอนเที่ยงไง พักต่ออีกหน่อยดีกว่าวันนี้นายต้องเหนื่อยทั้งวันเลยนะ"
"ทำไมไอ้เด็กบ้านั่นยังอยู่ในบ้าน"    ทอมเอ่ยประโยคแรกด้วยน้ำเสียงปกติเหมือนแค่รู้สึกข้องใจธรรมดา แต่จิมรู้ดีว่าประโยคถัดไปจะไม่ใช่น้ำเสียงเดิมแล้ว
"ทำไม!!.. จิม นายบอกว่าจะจัดการเด็กนั่นให้ แล้วทำไมยังปล่อยให้มันอยู่ในบ้านอีก"
ทอมตะคอกใส่ด้วยอารมณ์โกรธ เขานอนหลับๆ ตื่นๆ ทั้งคืนเพราะกังวลกับเรื่องบ้าๆ ที่เกิดขึ้น เพิ่งจะหลับสนิทไปเมื่อตอนใกล้สว่างแต่ก็ต้องสะดุ้งตื่นเพราะเสียงเอะอะที่สนามหน้าบ้าน   เมื่อลุกไปดูกลับพบว่าเด็กชายที่เขาเกลียดขี้หน้าจับใจยังอยู่ในบ้าน หนำซ้ำทั้งจิมและเจ้าเอ็ดดี้ยังพยายามช่วยกันพาเด็กนั่นลงจากต้นไม้ด้วยท่าทีห่วงใย มันทำให้ทอมโกรธจนพูดไม่ออก
"อย่าโมโหซีทอม ฟังฉันอธิบายก่อน"
"ฉันไม่ฟัง ฉันไม่สนใจคำอธิบายของนายทั้งนั้น เรื่องง่ายๆ แค่นี้ก็จัดการให้ไม่ได้ นายยังเป็นผู้จัดการของฉันอยู่หรือเปล่า"
"ไม่เอาน่ะ ทอม.. อย่าโมโหซี ฉันมีเหตุผลที่ต้องทำอย่างนั้น ฉันปล่อยให้เด็กออกไปจากบ้านตอนนี้ไม่ได้"
"ทำไม.. นายก็รู้ว่าฉันเกลียดเด็กนั่น มันกำลังจะทำให้ชีวิตฉันพัง หรือว่านายเชื่อที่มันพูด จิม.. นายเชื่อมันใช่มั้ย นายเชื่อไอ้เด็กผีนั่นใช่มั้ย"
ทอมเขย่าแขนจิม อารมณ์โกรธที่ออกมาพร้อมกับความตื่นกลัวทำให้จิมตกใจจนต้องสวมกอดเทพบุตรของเขาไว้และละล่ำละลั่กปลอบ
"ไม่นะ ทอม.. ไม่ใช่นะ ฉันจะเชื่อเด็กนั่นได้ยังไง ฉันเกลียดเจ้าหนูนั่นยิ่งกว่านายซะอีก ฉันไม่มีวันยอมให้ใครหน้าไหนมาทำลายชีวิตของนาย เชื่อฉันนะทอม ฉันไม่เคยทำให้นายผิดหวังแม้เพียงสักครั้งเลยไม่ใช่หรือ หือ.."
ทอมคลายอารมณ์โกรธลงก็ซุกหน้ากับอกจิมร้องไห้เหมือนเด็กๆ
"ฉันกลัวอ่ะ จิม.. ฉันไม่อยากเห็นหน้าเด็กนั่น ทำไมถึงไล่มันไปไม่ได้"
จิมเงยหน้าทอมขึ้นและเช็ดน้ำตาให้
"อย่าร้องไห้ซี.. มีฉันอยู่ข้างๆ ยังจะกลัวอะไรอีก ฟังนะ ทอม.. เด็กนั่นเข้ามาหาเราในบ้านก็ดีแล้ว ถ้าไปหาหนังสือพิมพ์หรือสื่ออื่นๆ เราจะยิ่งเดือดร้อน"
ดวงตาคู่สวยของเทพบุตรทอมเบิกโพลง เหตุการณ์ที่จิมหยิบยกขึ้นรุนแรงและเลวร้ายมากในความรู้สึกของเขา ทอมอ้าปากจะโวยก็ถูกมือใหญ่ปิดปากไว้
"เราจะไม่ใล่เด็กนั่นออกไปจากบ้านในเวลานี้ ฉันมีแผนที่จะให้ไอ้หนูแม็กกี้เป็นฝ่ายขอลาจากไปเองโดยไม่มีโอกาสได้พิสูจน์ความจริงอะไรทั้งนั้น
ฉันจะทำให้เด็กนั่นออกไปจากชีวิตของนายโดยไม่หวนกลับมาอีกเลย เชื่อฉันซีทอม.."

จิมปล่อยมือจากปากเปลี่ยนเป็นบีบนวดที่ขมับและเสยผมทอมไปมา เขาทำเช่นนี้ทุกครั้งที่ทอมเริ่มเครียดและเหนื่อยจากงาน มันทำให้ทอมรู้สึกผ่อนคลายจนบางครั้งผล็อยหลับไปเลย

...สัมผัสที่ได้รับทำให้ทอมผ่อนคลายความรู้สึกลง นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่เขาไม่ต้องการสนิทสนมกับใคร เขาเป็นคนเจ้าอารมณ์ เวลาโกรธมากๆ บางครั้งควบคุมตัวเองไม่ได้...

จิมเป็นคนเดียวที่ไม่เคยตกใจกลัวหรือหนีห่างเขาเหมือนคนอื่นๆ แต่จะรีบเข้ามาสวมกอดและปลอบโยนจนเขารู้สึกดีขึ้น   หลายครั้งที่เขารู้สึกตัวเมื่ออารมณ์สงบลงและพบว่าเขาทำจิมบาดเจ็บ เขาได้แต่บอกว่าเสียใจและขอโทษในขณะที่จิมก็เอาแต่พูดประโยคเดิมทีเล่นทีจริงทุกครั้งว่า

“ไม่ต้องขอโทษครับบ๊อส.. ผมเป็นผู้จัดการของคุณ ถ้าจัดการให้คุณรู้สึกผ่อนคลายและสบายใจไม่ได้ ผมจะทำงานให้คุณได้ยังไง”


หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: MiTo™ ที่ 19-01-2010 11:11:50
ทำไม ผมอ่านแล้วรู้สึกเกลียด

คุณทอม กับคุณจิม อ่าครับ

มีใครรู้สึกเกลียด แบบผมรึป่าวหว่า


เกลียดมานนนนนน รังแกเด็ก!!!!

 :fire: :angry2:


อ๊ากก!!!  :z6:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 19-01-2010 11:19:28
อะไรกันจ๊ะ

แค่บทแรกก็เกลียดกันแล้วเหรอ

อย่างนี้เจ๊หมวยก็ไม่กล้าโพสต่อดิ


 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 19-01-2010 11:21:36
“ขอโทษนะจิม ฉันงี่เง่ากับนายอีกแล้ว”
“อย่าว่าตัวเองแบบนี้ซี.. ฉันไม่อยากเห็นนายโกรธ มันทำให้เครียดและเสียสุขภาพรู้มั้ย”
“ฉันรักนาย จิม.. นายเป็นพี่ชายที่แสนดีของฉัน” คำพูดของทอมทำให้หัวใจของจิมพองโตและวูบลงในทันทีเช่นกัน
“นายมีแผนจะจัดการเด็กนั่นยังไงหรือ จิม..”
จิมฉุดทอมลุกขึ้นจากโซฟาพาเดินมานั่งที่เตียง
“ฉันมีแผนอยู่ในหัวแล้ว ทอม.. แต่ก่อนที่เราจะคุยกันเรื่องแผนการกำจัดเด็กนั่น นายต้องตอบคำถามฉันก่อน เพราะคำตอบของนายจะทำให้ฉันเลือกใช้แผนได้ถูก”
“ถามอะไรเหรอ..”
จิมรั้งทอมนอนลงบนตัก
“หลังตอบคำถามของฉันแล้ว ฉันอยากให้นายหลับต่ออีกสัก 2 - 3 ชั่วโมง โอเค...”
“แต่ฉันไม่ง่วง แล้วก็นอนไม่หลับหรอก”
“แต่นายต้องนอน ทอม.. นายไปแคทวอล์ค 3 งานติดต่อกันโดยไม่นอนไม่ได้” จิมไม่พูดเปล่าเริ่มกล่อมอีกฝ่ายด้วยมือ
ทอมเองอยู่ในสภาพที่อ่อนล้าทั้งใจและกาย สัมผัสที่ได้รับทำให้เขารู้สึกสบายและผ่อนคลายขึ้นในทันที
“ตกลง.. นายจะถามอะไรล่ะ”
จิมชั่งใจอยู่ชั่วครู่ และเตรียมพร้อมที่จะรับอารมณ์โกรธที่อาจจะเกิดขึ้นอีก
“เรื่องที่เด็กเล่าเกี่ยวกับแม่ เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างนายกับเธอคืนนั้นเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า”
ทอมหน้าเสียลงทันทีที่ได้ยินคำถาม ลุกพรวดขึ้นนั่งทันที
“ไม่.. ฉันไม่รู้ ฉันจำไม่ได้ ทำไมนายต้องถามเรื่องนี้ด้วย”
“ไม่เอาน่าทอม.. อย่าหนีความจริงซี มันไม่ใช่เรื่องผิดปกติที่เด็กวัยรุ่นชายหญิงจะมีเซ็กซ์กัน ผู้ชายทุกคนต้องผ่านเรื่องนี้มาแล้วทั้งนั้น
รู้อะไรมั้ยทอม.. ฉันมีเซ็กซ์กับผู้หญิงครั้งแรกตอนอายุ 16 มากกว่านายแค่ 2 ปี ไม่เห็นรู้สึกผิดหรือต้องอายใครเลย”
“มากกว่าแค่ปีเดียวก็เพียงพอแล้ว อย่างน้อยนายก็ไม่ได้ใช้คำนำหน้าว่าเด็กชาย แล้วนายก็ไม่ได้เจออย่างที่ฉันเจอ  จู่ๆ ลูกของผู้หญิงที่เราเคยมีอะไรด้วยในตอนเด็กก็ตรงเข้ามาประจานเรื่องการมีเซ็กซ์ครั้งแรกของฉัน
หนำซ้ำยังจะมาขอพิสูจน์เรื่องบ้าๆ บ้อๆ อีก ถ้าเป็นนายล่ะ จิม.. นายรับไหวเหรอ..”
“นายไม่ต้องรับอะไรทั้งนั้น ทอม.. บอกแล้วไงว่าฉันจะจัดการเรื่องนี้เอง แค่ฉันรู้ว่าเด็กนั่นพูดจริงไม่ได้โกหกก็พอแล้ว ฟังนะ ทอม.. สิ่งที่เกิดขึ้นกับนายเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นกับเด็กผู้ชาย เพราะฉะนั้นอย่าคิดว่าเป็นความผิดอีก”
“ฉันไม่ได้รู้สึกผิดที่มีอะไรกับเธอในคืนนั้น แต่เรื่องที่เด็กนั่นพูดมา... เรื่องที่เธอยืนยันกับลูกว่าฉันเป็น.....”
ทอมอยู่ในอาการสั่นอีกครั้งด้วยความกลัว
“เป็นไปไม่ได้ใช่มั้ย จิมมี่... เธอโกหกใช่มั้ย ตอนนั้นฉันอายุแค่ 14 เองนะ ถ้าเป็นเรื่องจริงฉันจะทำยังไง ฉันเป็นพ่อเด็กโตขนาดนี้ไม่ได้หรอก ช่วยฉันด้วยจิม.. ฉันกลัวอ่ะ...”

…ให้ตายเถอะ! สิ่งที่ทอมกังวลอยู่ในใจ คือเรื่องเป็นพ่อเด็กโตขนาดเจ้าหนูนั่นไม่ได้… ไม่ได้ห่วงอนาคตและชื่อเสียงของตัวเองหรอกหรือ...

“ไม่ต้องกลัว ทอม.. ไม่ต้องกลัว ระหว่างนายกับเด็กนั่นไม่มีทางเป็นเรื่องจริงไปได้เลย ไม่มีทาง... มันจะจบลงในเร็วๆ นี้ ฉันจะทำทุกวิถีทางให้เด็กนั่นออกไปจากชีวิตนายโดยไม่หวนกลับคืนมาอีกเลย”
“จริงๆ นะ จิม.. นายต้องสัญญานะ”
“จริงซี ทอม.. ฉันให้สัญญา" จิมรั้งทอมลงนอนอีกครั้ง
"ฉันจะจัดการเรื่องนี้แทนโดยที่นายไม่ต้องทำอะไรเลย ถึงเวลาทุกอย่างจะเรียบร้อย นอนพักต่อนะ ทอม.. ไม่ต้องคิดอะไรอีก หลับให้สบาย หลับซะ..”

ทอมยิ้มออก เขาไม่เคยผิดหวังกับคำสัญญาของจิมเลยสักเรื่องเดียว  เมื่อความวิตกกังวลคลายลง ทอมจึงยอมหลับตาลงอย่างว่าง่ายในขณะที่จิมเองแอบลอบถอนใจ

เขาจำเป็นต้องบอกกับทอมว่าเป็นไปไม่ได้ ทั้งๆ ที่มีโอกาสเป็นไปได้นอกเสียจากว่า... แม่ของเจ้าหนูแม็กกี้จะมีใครอื่นนอกจากทอม

.... ผมเชื่อแม่... แม่ไม่โกหกผมหรอก แม่ไม่มีทางมีอะไรกับผู้ชายที่ไม่ได้รัก แม่ไม่ใช่ผู้หญิงไม่ดีซะหน่อย .....

.... เสียใจด้วยนะไอ้หนู ไม่ว่าความจริงจะเป็นยังไง คำตอบที่นายจะได้รับกลับไปคือไม่ใช่ และนายก็จะกลายเป็นเด็กไม่มีพ่อทันที
นายเลือกเองนะ แม็กกี้.. ช่วยไม่ได้ ฉันไม่ปล่อยให้ทอมเจ็บปวดเพราะนายแน่.....

จิมขยับศีรษะทอมนอนลงบนหมอนเมื่อรู้สึกว่าเทพบุตรของเขาผล็อยหลับไปแล้ว แสดงว่าทอมสบายใจและหยุดความคิดวุ่นวายในหัวสมองลงแล้ว

จิมอดพิศความงามของใบหน้าชายหนุ่มผู้นี้ไม่ได้ จ้องมองเท่าไรก็ไม่เคยเบื่อเลย ทั้งคิ้ว ตา จมูกและปาก ถูกสรรค์สร้างมาได้อย่างงดงาม และไม่ใช่แค่เพียงใบหน้าเท่านั้นที่ตรึงใจผู้ที่ได้พบเห็น

รูปร่างของทอมงามสมส่วนอย่างชายชาตรีโดยแท้ สมแล้วที่ตำแหน่งสุดยอดนายแบบจะตกเป็นของทอมมาถึง 3 ปีซ้อน ยังไม่มีนายแบบหน้าใหม่คนไหนแย่งชิงความสุดยอดของทอมไปได้

แต่ก็เถอะ... ด้วยวัยที่มากขึ้นอีกไม่นานก็จะต้องมีใครมาแทนที่ แต่ก่อนจะถึงวันนั้นเขาต้องพาทอมเดินไปสู่เส้นทางยอดนายแบบอินเตอร์  ซึ่งเขาเชื่อว่าทอมสามารถไปถึงตำแหน่งสูงสุดได้

…อีกครั้งเช่นกันที่จิมแอบจุมพิตชายหนุ่มในดวงใจของเขา  เริ่มจากหน้าผากเบาๆ ลงมาที่จมูกก่อนจะชะงักที่ริมฝีปาก

“จูบซีจิม.. ฉันอนุญาต”
จิมสะดุ้งเมื่อริมฝีปากงามได้รูปเอื้อนเอ่ยวาจาเชิญชวนทั้งๆ ที่ดวงตาทั้งคู่ยังปิดสนิท
“แต่ต้องสัญญาว่าจะไม่มีอะไรเกินเลยนอกเหนือจากจูบ”
ประโยคถัดมาทำเอาจิมอึ้งไปและรีบผละออกทันที

ทอมปรือตาขึ้นและส่งยิ้มหวานให้ทำเอาจิมใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ใบหน้างามตรงหน้าช่างมีเสน่ห์ยั่วยวนชวนให้อยากลิ้มรสความหอมหวานของริมฝีปากบางสวยตามคำเชื้อเชิญเหลือเกิน  แต่ไม่ว่าจะรู้สึกอยากกก…ขนาดไหน เขาก็ไม่มีวันหลงกลรับปากให้สัญญาหรอก…
 
“ขอบใจนะทอม.. แต่ฉันไม่...”

ทอมเลิกคิ้วเหมือนประหลาดใจ หัวเราะในลำคอและหลับตาลงพึมพำเบาๆ
“เห็นป้วนเปี้ยนอยู่ที่ปากฉันหลายครั้งแล้ว ก็แค่อยากตอบแทนให้นายสมหวังบ้าง ไม่เอาก็ตามใจ ห้ามมาลักจูบฉันตอนหลับก็แล้วกัน”

จิมหัวเราะในลำคอ   .... ที่ฉันไม่.. ไม่ใช่ไม่จูบนะ แต่ฉันไม่สัญญาต่างหาก ฉันไม่ผูกมัดตัวเองกับเรื่องที่ฉันทำไม่ได้หรอกทอม.. สำหรับเรื่องจูบ  ยังมีเวลาอีกเยอะ ฉันจะรอจนกว่านายจะใจอ่อนและยอมให้โดยไม่มีเงื่อนไข ....


 o18
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 19-01-2010 11:36:32
"พร้อมหรือยังแม็กกี้.. ถ้าพร้อม เรามาคุยกันได้แล้ว"
จิมให้เด็กชายพักอยู่หนึ่งวันและเรียกตัวมาคุยเพื่อตกลงเงื่อนไขในวันรุ่งขึ้น
"ผมพร้อมแล้วครับ เอ่อ.. แล้วคุณทอมล่ะครับ"
เด็กชายถามหาทอม เพราะเห็นมีเพียงจิมคนเดียวนั่งอยู่
"คุณทอมยังไม่ตื่น ฉันจะคุยและตกลงกับนายเอง ทุกเรื่องที่ฉันตัดสินใจคือความต้องการของทอมทั้งหมด"
"แต่ผมอยากให้คุณทอมอยู่ฟังด้วย ผมจะไม่คุยกับคุณสองคน ผมจะรอให้คุณทอมตื่นก่อน"
จิมถอนใจเฮือก คุยกับเจ้าหนูนี่ทีไรเลือดขึ้นหน้าทุกที
"นายนี่ท่าทางจะเป็นเด็กดื้อนะ แม็กกี้.. ถ้าเป็นลูกเป็นหลานฉัน ฉันจะจับตีก้นให้ลายเลย"
"ผมยอมให้คุณตี ถ้าคุณคุยกับคุณทอมให้ยอมพิสูจน์ความจริงกับผม"
จิมทั้งฉุนทั้งขำที่จู่ๆ เด็กชายก็หาทางให้เขาเป็นพวกด้วย และในที่สุดทอมก็ต้องมาร่วมนั่งฟังข้อตกลง แม้ว่าจะไม่ชอบและไม่อยากเห็นหน้าเด็กชาย แต่เพราะจิมขอร้องและบอกให้เข้ามานั่งเฉยๆ ไม่ต้องพูดอะไร คอยเออออตามที่เขาพูดก็พอ
"ฟังนะ แม็กกี้.. ก่อนที่นายจะขอพิสูจน์ความจริงกับคุณทอม นายต้องพิสูจน์ตัวเองให้คุณทอมเห็นก่อนว่านายมีความตั้งใจและความอดทนมากแค่ไหน ที่จะเอาชนะอุปสรรคและความยากลำบาก เพื่อให้ได้มาซึ่งความจริงที่นายต้องการ"
จิมหยุดพูดเมื่อเห็นเด็กชายเอาแต่จ้องมองทอมแทนที่จะมองหน้าเขาซึ่งเป็นคนพูด
"เข้าใจที่ฉันพูดหรือเปล่า แม็กกี้.."
"เข้าใจครับ คุณอยากทดสอบความอดทนของผม"
"ถูกต้อง เข้าใจง่ายดีนี่ เฮ้!.. ช่วยมองหน้าฉันเวลาคุยได้ไหม ไอ้หนู.."
"มันเป็นการตกลงระหว่างผมกับคุณทอม คุณแค่พูดแทนคุณทอมไม่ใช่หรือครับ"
จิมอึ้งกับคำพูดของเด็กชายและพยักหน้าให้โดยไม่มีข้อโต้แย้ง แต่ทอมกลับส่งสายตาแข็งกร้าวแสดงความไม่พอใจใส่ก่อนจะเมินหน้าหนีอย่างไม่ใยดี ทำเอาหนุ่มน้อยหน้าเสียรีบก้มหน้าลงไม่กล้าเงยขึ้นสบตากับทอมอีก
จิมรีบสรุปเรื่องก่อนที่ทอมจะหมดความอดทน
"เอาล่ะ ! เข้าใจจุดประสงค์ของเราก็ดีแล้ว ระยะเวลาที่ต้องการทดสอบคือ 2 เดือน คุณทอมจะให้นายพักอยู่ที่นี่ ถ้านายสามารถอยู่ครบกำหนด คุณทอมยินดีให้นายพิสูจน์ความจริง"
"ผมตกลงครับ" เด็กชายรีบตอบรับทันที่โดยไม่เสียเวลาคิด
"เฮ้!.. ทำไมตกลงง่ายจัง ไม่ถามหรือว่านายต้องทำอะไรบ้าง"
"ทำทุกอย่างที่คุณสั่งใช่มั้ยครับ"
"ก็…ทำนองนั้นล่ะ รับรองว่าไม่ใช่เรื่องเหลือบ่ากว่าแรงสำหรับเด็กอย่างนาย แค่งานในบ้านธรรมดาแต่อาจจะเหนื่อยหน่อยเท่านั้นเอง คิดว่ารับไหวหรือเปล่าล่ะ แม็กกี้.."
"ไหวครับ"

เด็กชายเงยหน้าขึ้นสบตากับจิม น้ำใสเอ่อรื้นดวงตาคู่สวย จิมใจหายเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ทำให้เขาใจอ่อนกลับนึกเงื่อนไขเด็ดๆ ขึ้นมาได้อีก

"ดีมาก คราวนี้มาฟังกติกากันหน่อย นายต้องทำงานที่ฉันหรือคุณทอมสั่งให้สำเร็จลุล่วงทุกครั้ง  โดยไม่มีสิทธิปฏิเสธว่าไม่… หรือต่อรองใดๆ ทั้งสิ้น  และไม่ว่าจะเหนื่อยหรือลำบากขนาดไหน อย่าบ่นหรือร้องไห้ให้ฉันหรือคุณทอมเห็น นายมีสิทธิที่จะไม่ทำหรือขอหยุดก็ได้ แต่เมื่อไรที่หยุดหมายถึงนายแพ้ และนั่นหมายถึงจบเกมการทดสอบ   นายต้องยอมจากไปโดยไม่ร้องขอพิสูจน์ความจริงใดๆ อีก คุณทอมจะให้เงินนายเป็นค่าใช้จ่ายและค่ารถกลับบ้าน"

เด็กชายนั่งนิ่งฟังโดยไม่มีข้อโต้แย้ง และเมื่อจิมกล่าวจบก็ย้ำถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง
"แต่ถ้าผมอดทนอยู่จนครบ 2 เดือน คุณทอมจะยินดีพิสูจน์ความจริงกับผมใช่มั้ยครับ"
จิมเห็นสีหน้าทอมยังไม่สบอารมณ์อยู่ ก็รีบกล่าวตอบเด็กชายทันที
"แน่นอน  แต่หลังจากพิสูจน์แล้วไม่ว่าผลจะออกมายังไง นายแค่ต้องการรู้ว่าที่แม่นายพูดมาจริงหรือเปล่า และยอมจากไปแต่โดยดีโดยไม่หวังอะไรเช่นกัน"

…ให้ตายเถอะ !.. คำว่าผู้ใหญ่รังแกเด็ก แว่บเข้ามาในความรู้สึกของจิม อย่างฉับพลัน เขากำลังเอาเปรียบเด็กชายทุกวิถีทาง ช่วยไม่ได้นี่.. เขาทำตามหน้าที่ เขาต้องปกป้องชื่อเสียงของทอม แม็คกิลล์…  

จิมรู้สึกอึ้งเมื่อสีหน้าเจ้าหนูแสดงความยินดี คงไม่รู้สึกว่าถูกเขาเอาเปรียบ จึงยิ้มให้พร้อมๆ กับอาการดีใจ

"ครับ ผมสัญญาว่าจะไปทันที และจะไม่กลับมาให้คุณทอมเห็นหน้าอีก"

จิมพยักหน้าหงึกๆ จนนาทีนี้ก็ยังไม่อยากเชื่อว่าเจ้าหนูแม็กกิลล์ต้องการรู้ความจริงเพียงเพื่อให้ตัวเองนึกถึงหน้าพ่อถูกคนเท่านั้น  จะยังไงก็ช่างเถอะ เขาจำเป็นต้องหาทางเลี่ยงไว้ก่อน ไม่พิสูจน์ได้จะเป็นการดีที่สุดสำหรับทอม

"OK.. ถ้ายังงั้นเราจับมือรับข้อตกลงกันหน่อยดีมั้ย"
จิมยื่นมือให้แต่เด็กชายกลับทำตาปริบๆ มองหน้าจิมและมือสลับกันก่อนจะชำเลืองแว่บไปที่ทอมและก้มหน้าลงโดยไม่พูดอะไรและไม่ยอมยื่นมือมาจับด้วย
จิมส่ายหน้าอยากจะหัวเราะ แต่เขาต้องอยู่ในอาการสำรวมเพราะกำลังทำหน้าที่สำคัญ
"OK.." จิมชักมือกลับและหันไปหาทอมซึ่งนั่งทำหน้าเบื่ออยู่
"จับมือตกลงกับเจ้าหนูแม็กหน่อยครับ คุณทอม"
ทอมขมวดคิ้ว เริ่มออกอาการหงุดหงิด ไม่พอใจความเรื่องมากของจิม แต่เหมือนนึกอะไรขึ้นได้รีบยื่นมือออกไปด้วยความเต็มใจ
"เอาล่ะ แม็กกี้.. อยากจับมือตกลงกับคุณทอมอย่างลูกผู้ชายมั้ย"
หนุ่มน้อยเงยหน้าขึ้น ยิ้มดีใจเมื่อเห็นมือของทอมยื่นออกมาคอยอยู่ รีบยื่นมือของตัวเองสัมผัสมือของทอมทันที
"ยินดีต้อนรับ แม็คกิลล์ สแตนลีย์ "
ทอมส่งยิ้มหวานให้เด็กชายและกล่าวต้อนรับด้วยน้ำเสียงเรียบ  เด็กชายยิ้มตอบก็จริงแต่สีหน้าของเจ้าหนู ทำให้จิมรู้ในทันทีว่าถูกทอมทดสอบความอดทนเข้าให้แล้ว
"ปล่อยมือได้แล้ว ทอม.." จิมกล่าวกระซิบกับทอมเมื่อเห็นว่าหยอกเล่นพอแล้ว
"เดี๋ยวซี จะรีบปล่อยไปไหน ไม่มีใครที่ได้จับมือกับทอม แม็คกิลล์แล้วอยากจะปล่อยมือง่ายๆ หรอกนะ จริงมั้ย แม็กกี้.."

ทอมระบายยิ้มขณะพูดพร้อมกับออกแรงบีบมือเล็กที่อยู่ในอุ้งมือเขาหนักขึ้น สีหน้าเจ็บปวดของเจ้าหนูทำให้จิมต้องจับมือทอมไว้พยายามแยกออก

"ปล่อยมือเด็กทอม.. พอแล้ว..  ปล่อยได้แล้ว"

ทอมปล่อยมือเด็กชายพร้อมกับหัวเราะอย่างสะใจที่ได้แกล้ง จิมส่ายหน้าเหนื่อยใจกับเทพบุตรสุดรักของเขา ที่เริ่มแผนการเผด็จศึกก่อนโดยไม่ทันให้เจ้าหนูได้ตั้งตัว…..



 o13



TBC >>>
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: MiTo™ ที่ 19-01-2010 11:59:35
อะไรกันจ๊ะ

แค่บทแรกก็เกลียดกันแล้วเหรอ

อย่างนี้เจ๊หมวยก็ไม่กล้าโพสต่อดิ


 :เฮ้อ:

เค้าเกลียด ทอมกับจิม  ก็ดูดิรวมหัวกันแกล้งเด็กอ่า  :m16:

แต่ ชอบ J-muay นะก๊าบบบ  :L2:

เป็นกำลังใจให้ครับ
ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 19-01-2010 12:56:44
ยินดีต้อนรับเจ้หมวยครับ

 :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: rero ที่ 19-01-2010 14:59:18
ขอรออ่าน ผู้ใหญ่รังแกเด็กด้วยคน  :serius2:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: a_tapha ที่ 19-01-2010 15:22:17
รอ   :z2:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: จุ๊บจิ๊บจ๊ะจ๋า ที่ 19-01-2010 19:14:09
 :sad11:น่าสงสารอะ

ทอมใจร้าย

อยากอ่านต่ออะเจ๊หมวยจ๋า :-[
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: kungyung ที่ 19-01-2010 21:08:48
ง่ะ ใจร้ายอ่ะ :angry2:
รังแกเด็ก
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 20-01-2010 01:10:16
แวะมาให้กำลังใจนิยายเรื่องใหม่(ที่นี่)ของเจ๊หมวยค้าบ
 :3123:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 20-01-2010 01:37:13
ฮ่าๆๆๆ มคนอ่านเกลียดทอมกับจิมตอนนี้แล้ว
แล้วตอนต่อๆไปล่ะ รักไม่รัก รอลุ้น

เป็นกำลังใจให้เจ๊หมวยจ้า  :L2:

หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 20-01-2010 12:35:09
บทที่ 2  (ต่อ) ....


"นี่ที่พักของเธอนะ แม็กกี้.. พออยู่ได้หรือเปล่า เดี๋ยวจะทยอยเอาของออกไปเก็บที่อื่นจะได้กว้างขึ้นหน่อย"
นายเอ๊ดได้รับคำสั่งให้จัดหาที่พักให้เด็กชายที่เรือนคนรับใช้ แต่เนื่องจากไม่มีห้องว่างเหลือหนุ่มน้อยจึงต้องมาอาศัยมุมหนึ่งในห้องเก็บของนอน

"ไม่ต้องหรอกครับน้า แค่นี้ก็กว้างพอแล้ว ผมอยู่ไม่นานหรอกครับ แค่ 2 เดือนเอง"

นายเอ็ดทำหน้างง ระยะเวลาที่เจ้าหนูบอกไหงถึงต่างจากที่คุณจิมบอก
…หาที่พักให้เด็กด้วย เอ็ดดี้.. เอาแค่พอซุกหัวนอน อยู่ได้ไม่กี่วันหรอก…
….เอ! ถ้าจะอยู่ถึง 2 เดือน ให้พักในที่แบบนี้จะดีเร้อ..

นายเอ๊ดรำพึงอยู่ในใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เห็นสมบัติของเด็กชายมีกระเป๋าเป้ขนาดย่อมเพียงใบเดียวก็ชักไม่แน่ใจ
"จะอยู่ตั้ง 2 เดือน แล้วมีเสื้อผ้ามากี่ชุดล่ะ ไอ้หนู.."

"เอ่อ.. ผมเอามาแค่ 2 ชุดครับ ไม่รู้ว่าจะต้องอยู่นาน แต่ไม่เป็นไรครับ ผมซักทุกวันอยู่แล้ว"

นายเอ๊ดพยักหน้าหงึก
"อืมม์.. เอาเถอะ เดี๋ยวจะแบ่งเสื้อผ้าตัวเล็กๆ มาให้ เอาของเก็บซะ แม็กกี้.. แล้วตามไปที่โรงรถ น้าจะสอนวิธีล้างและทำความสะอาดรถให้"

"ครับ"
แม็คกิลล์น้อยพยักหน้ารับด้วยความยินดี รู้ว่าการทดสอบบทที่ 1 กำลังจะเริ่มต้นแล้ว แค่อดทนอยู่จนครบ 2 เดือนเท่านั้น เขาก็จะได้รู้ความจริงเรื่อง "พ่อ" ที่เคลือบแคลงมาตลอดชีวิตเสียที…


 :monkeysad:


"นี่น่ะเหรอ แผนของนาย จิม.. แค่ให้ทำงานบ้าน ตัดหญ้า ล้างรถ เนี่ยนะ.. เด็กที่ไหนก็ทำได้ ไม่เห็นต้องใช้ความอดทนอะไรเลย"

ทอมโวยใส่จิมเมื่อเห็นเวลาผ่านไปหลายวันแล้ว เด็กชายยังมีความเป็นอยู่อย่างสบายๆ งานที่จิมสั่งให้ทำก็ไม่เห็นหนักหนาสาหัสเกินกว่าที่เด็กวัย 12 ปีจะทำได้สักนิด แถมยังมีเวลาว่างนั่งพูดคุยหัวเราะสนุกกับคนรับใช้คนอื่นๆ ในบ้าน

จิมหัวเราะ เดินเข้ามาโอบไหล่เทพบุตรของเขา
"ใจเย็นๆ ซี ทอม.. จู่โจมเร็วเกินไป เด็กตกใจหนีกลับบ้านก็หมดสนุกกันพอดี"

"นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นสนุกนะ ตกใจหนีกลับไปให้เร็วที่สุดยิ่งดี นายก็รู้ว่าฉันไม่อยากเห็นหน้าเด็กนั่น อยากให้ออกไปจากบ้านนี้เร็วๆ"

"วางใจเถอะน่า ทอม.. ตั้งแต่พรุ่งนี้นายจะได้เห็น และถึงเวลานั้นเจ้าหนูแม็กจะได้รู้ซึ้งว่า "นรกมีจริง"

จิมหัวเราะน้ำเสียงเย็นเยือกจนทอมใจหาย แม้ในใจจะรู้สึกว่าวิธีการของจิมและเขาเป็นการรังแกเด็กที่ไม่มีทางสู้ แต่จะทำไงได้ล่ะ.. เขาจำเป็นต้องให้เจ้าหนูคนนี้ไปให้พ้นจากชีวิตเขาและโดยเร็วที่สุดด้วย


 o3


"ลุงแก้วลากลับบ้านที่ต่างจังหวัด คงอีกหลายวันกว่าจะกลับ ตั้งแต่วันนี้ไปนายต้องรับหน้าที่แทนลุงแก้วทั้งหมด มีปัญหามั้ยแม็กกี้.. ดูแลสวนและต้นไม้เป็นหรือเปล่า... ทำไหวมั้ย… "

"พอเป็นครับ ทำไหวครับ " เด็กชายตอบรับแต่อึกอักเล็กน้อย ขืนปฏิเสธว่าไม่เป็นหรือบอกว่าไม่ไหวก็แพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มทดสอบเลยน่ะซี

"ดี.. แต่ไม่ใช่งานสวนอย่างเดียวนะที่นายต้องดูแล งานทำความสะอาดรถยังเป็นหน้าที่ของนายเหมือนเดิมด้วยนะ"

"ครับ"

"ทุกงานที่ได้รับมอบหมายต้องเรียบร้อยไม่มีที่ติ ก่อน 7 โมงเช้ารถทั้ง 3 คันต้องอยู่ในสภาพใหม่พร้อมใช้งาน ถนนและสนามหญ้าต้องไม่มีเศษไม้ใบหญ้าเกลื่อนรก…."
จิมหยุดพูดเมื่อเห็นเด็กชายยังมีสีหน้ายิ้มแย้มและนิ่งฟังโดยไม่โต้แย้งใดๆ เขาลอบยิ้มในใจ … ยังไม่หมดหรอกนะ ไอ้หนู…

"อ้อ! ยังมีอีกเรื่องที่นายต้องรับผิดชอบแทนลุงแก้วคือ รอเปิดประตูให้ฉันและคุณทอม ไม่ว่าจะกลับดึกขนาดไหนเป็นหน้าที่ของนายต้องคอย…
งานหลักๆ ก็มีเท่านี้ ไม่หนักหนาเกินไปใช่มั้ย แม็กกี้.. "

"ไม่ครับ"

"ดีมาก เจ้าหนู… ฉันขอบอกอะไรไว้อย่าง คุณทอมเป็นคนรักต้นไม้มาก เพราะมันช่วยให้เขาคลายเครียดและหายเหนื่อย วันไหนว่างจะใช้เวลาอยู่ในสวนและนั่งอยู่ที่สนามนานๆ
หวังว่านายคงจัดการต้นไม้ทุกต้นให้งดงามได้ไม่แพ้ลุงแก้ว อ้อ! แล้วก็สนามหญ้า.. อย่าให้ยาวเกินกว่าที่ลุงแก้วเคยดูแลไว้"

"ครับ" รอยยิ้มเด็กชายค่อยๆ จางลงเพราะเริ่มหนักใจเรื่องงานดูแลสวน แต่ยังคงพยักหน้ารับคำสั่งด้วยความยินดี


 :m17:

หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 20-01-2010 12:40:37
สามวันแล้วที่หนุ่มน้อยแม็คกิลล์ต้องรับหน้าที่เป็นทั้งคนสวนและผู้ช่วยนายเอ๊ดคอยดูแลทำความสะอาดรถ รวมถึงเป็นยามคอยเปิดประตูให้รถเข้าออก

สองคืนแรกรอจนถึง 5 ทุ่มเศษ… แต่เมื่อคืนเด็กชายนั่งคอยที่ระเบียงหน้าตึกจนหลับและสะดุ้งตื่นตั้งหลายครั้งเจ้านายหนุ่มทั้งสองก็ยังไม่กลับจนกระทั่งมาสะดุ้งตื่นอีกทีตอนฟ้าใกล้สางเพราะเสียงแตรรถ

แม็กกี้ยืนงงหลังจากที่ทุกคนแยกย้ายกันไปพักผ่อน คุณจิมแบกคุณทอมขึ้นตึกคงจะหลับทั้งๆ ที่เมา เพราะเดินผ่านไปตั้งนานแล้วกลิ่นเหล้ายังคลุ้งอยู่เลย   ส่วนน้าเอ๊ดดี้ก็หายแว่บไปทันทีหลังจากเอารถเข้าจอดเรียบร้อยแล้ว แม็กกี้ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นเวลาเท่าไร รู้แต่ว่าใกล้สว่างแล้ว

ใครจะยังหลับสบายอยู่ก็ช่าง แต่สำหรับแม็กงานแรกของวันเริ่มต้นแล้ว ถึงแม้วันนี้คุณทอมกับคุณจิมจะไม่ใช้รถในช่วงเช้าแน่นอน   แต่คำสั่งของคุณจิม รถทุกคันต้องสะอาดพร้อมใช้ก่อน 7 โมงเช้า ไม่ว่าจะใช้หรือไม่ใช้ก็ตาม…


 :m15:


สัปดาห์ที่ 2 ของการทดสอบ…


แม็กกี้ทรุดตัวลงนั่งกับพื้น แม้จะเตรียมใจไว้แล้วแต่ก็อดนึกหวาดไม่ได้เมื่อเห็นสีหน้าของคุณทอมและคุณจิมไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไร โดยเฉพาะคุณทอมหน้างอและบูดบึ้งอย่างเห็นได้ชัด

น้าเอ็ดดี้บอกว่าวันนี้คุณทอมว่างไม่มีงานเดินหรือถ่ายแบบที่ไหนและจะพักผ่อนอยู่กับบ้านทั้งวัน เพราะฉะนั้นแม็กจึงทำใจเตรียมพร้อมไว้แล้ว  ยังไงซะ.. วันนี้ต้องได้รับการทดสอบความอดทนจากคุณจิมแน่นอน

"สั่งแล้วใช่มั้ย แม็กกี้.. ว่าอย่าให้หญ้ายาวเกินกว่าที่ลุงแก้วเคยดูแลไว้ วันนี้คุณทอมอุตส่าห์ตื่นเช้าจะออกไปเดินเล่นที่สนาม แต่กลับต้องหงุดหงิดเพราะนาย.. ดูแลสนามหญ้าประสาอะไร หา!!…"

ทอมชักสีหน้าไม่พอใจและแสดงอาการหงุดหงิดทันทีเมื่อถูกจิมอ้างถึง

"เอ่อ.." เด็กชายหน้าจ๋อยรู้สึกผิดที่ทำให้คุณทอมหงุดหงิด

“ขอโทษครับ คือ.. ผมหาเครื่องตัดหญ้าไม่เจอ ไม่รู้ว่าลุงเอาไปเก็บไว้ที่ไหน"

"ว่าไงนะ !.. หาเครื่องตัดหญ้าไม่เจอก็เลยไม่ตัด นายมีมือหรือเปล่า.."

"เอ่อ.. มีครับ" เด็กชายตอบรับเสียงอ่อย

"ดี.. กรรไกรตัดหญ้าคงไม่ได้หายไปด้วยใช่มั้ย"

"ครับ"

"ถ้างั้นนายคงรู้นะว่าต้องทำยังไงหญ้าถึงจะสั้นลงได้"

"ครับ"

"ดี.. ไปจัดการเดี๋ยวนี้เลย ฉันให้เวลาหนึ่งชั่วโมง พอหรือเปล่า.."

"พอครับ" แม็กต้องรับปากทุกเรื่องโดยไม่มีข้อโต้แย้ง เพราะถ้าเผลอตอบว่าไม่ นั่นหมายถึงต้องแพ้เกมทดสอบ แม็กไม่หลงกลคุณจิมง่ายๆ หรอก …

"โอเค.. นับจากเวลาตอนนี้ เที่ยงครึ่ง.. สนามหญ้าต้องเรียบร้อย ไปจัดการได้ แม็กกี้.."

"ครับ" แม็กกี้รีบรับคำและลุกขึ้นเพราะไม่อาจเสียเวลาแม้เพียงนาทีเดียว สนามหญ้ากว้างขนาดนั้นขนาดใช้เครื่องตัดแม็กยังเห็นลุงแก้วใช้เวลาเป็นชั่วโมง
ไหนจะต้องเก็บเศษหญ้าทิ้งอีก… ถ้าใช้มือตัดเวลาแค่ชั่วโมงเดียวจะทันหรือเปล่าก็ไม่รู้..


 :m15:


"เอ๊ะ!.. นั่นเจ้าหนูแม็กใช่มั้ย พี่เอ๊ดดี้.. แดดร้อนเปรี้ยง ทำไมไปนั่งตัดหญ้าอย่างนั้นล่ะ"

นายเอ๊ดมองตามสาวใช้แววภรรยาสุดที่รักของเขาแล้วพยักหน้าหงึก รู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
"คงเป็นคำสั่งของคุณจิมน่ะ"

"เอ๊ะ! คุณจิมไม่ใช่คนใจร้ายใจดำสักนิด เธอน่ารักและใจดีจะตาย เพราะอะไรถึงใช้เด็กทำงานกลางแดดแบบนั้น สงสัยแม็กกี้ทำเรื่องอะไรให้โกรธแล้วถูกลงโทษกระมัง พี่.."

"ช่างเถอะ แวว.. เอ็งอย่าซักมากเลย พี่ก็ไม่รู้อะไรหรอก.."
นายเอ๊ดบอกปัดทั้งๆ ที่พอจะรู้เหตุผล เขามีจรรยาบรรณของคนขับรถที่ดีไม่แพร่งพรายความลับของเจ้านายให้ใครล่วงรู้เด็ดขาด ถึงจะเป็นเมียก็เถอะ…

"เฮ้! แม็กกี้.. งานเร่งเหรอ.." คนรถหนุ่มกล่าวทักสั้นๆ เด็กชายเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มให้ เหงื่อไหลย้อยเพราะอากาศและแดดร้อนเปรี้ยง สองมือจับกรรไกรตัดหญ้าฉับๆ

นายเอ๊ดรีบสวมหมวกไว้ที่ศีรษะเจ้าหนูด้วยความสงสารพร้อมกับโยนถุงมือให้
"สวมถุงมือซะ ไอ้หนู เดี๋ยวมือจะพองซะก่อน"

แม็กกี้หยุดมือและรีบคว้าถุงมือขึ้นมาสวม เพราะเริ่มรู้สึกเจ็บบ้างแล้ว
"ขอบคุณครับน้าเอ๊ดดี้"

"ยังไม่ได้กินกลางวันเลยไม่ใช่หรือ แม็กกี้.. ไปกินก่อนแล้วค่อยมาจัดการต่อดีมั้ย"

"ไม่ได้หรอกครับ เดี๋ยวงานเสร็จไม่ทัน ผมยังไม่หิวด้วย"

"ต้องเสร็จกี่โมงเหรอ? "

นายเอ๊ดตกใจเมื่อรู้ว่าคุณจิมให้เวลาเด็กชายเพียงหนึ่งชั่วโมงกับสนามหญ้าพื้นที่เกือบ 200 ตร.วา โดยใช้กรรไกรตัดหญ้า
มีวิธีเดียวที่พอจะทันคือตัดอย่างเดียวโดยไม่ต้องเก็บกวาด และดูเหมือนเจ้าหนูแม็กก็คงจะทำตามที่เขาคิดเช่นกัน และยังฉลาดพอที่จะเลือกตัดบริเวณที่หญ้ายาวมากๆ ก่อน

ให้ตายเถอะ !.. นี่ถ้าครูยุ่นจากมูลนิธิคุ้มครองเด็กมาเห็นล่ะก็ เจ้านายสุดหล่อของเขามีหวังได้ขึ้นหนังสือพิมพ์หน้า 1 แน่….

อีก 10 นาทีก็จะเที่ยงครึ่งแล้วเหลือพื้นที่ไม่ถึง 20 ตร.วา มือและแขนของเด็กชายล้าและเจ็บจนขยับแทบไม่ไหว แต่พยายามกัดฟันอดทน   นึกถึงวันที่ตัวเองจะได้พิสูจน์ความจริงกับคุณทอมแล้ว..ยังไงซะ.. แม็กก็แพ้ไม่ได้…


 :m15:


"เครื่องตัดหญ้าจะหายได้ยังไง เด็กนั่นหาถูกที่หรือเปล่า.."

ทอมพึมพำขณะชะเง้อมองเด็กชายนั่งยองๆ ตัดหญ้าด้วยกรรไกรอยู่ที่สนาม จิมนั่งอมยิ้มจิบเบียร์เย็นๆ อย่างสบายใจ

"คงต้องให้เอ๊ดดี้ไปหาดูอีกที ถ้าหายจริงจะได้ให้ไปซื้อใหม่"

"ไม่ต้องหาหรอก หาก็ไม่เจอ แล้วก็ไม่ต้องซื้อใหม่ด้วยเพราะไม่ได้หาย"

"อะไรของนายน่ะ จิม.. หมายความว่าไง"

"จะซื้อทำไมล่ะ ฉันแค่ยืมเครื่องตัดหญ้าของนายไปใช้ที่คอนโดสัก 2 - 3 วันเดี๋ยวก็เอามาคืน"

"อะไรนะ?..ตัดหญ้าที่คอนโด.."

ทอมพึมพำเบาๆ ก่อนจะแย้มยิ้มออกมาเมื่อรู้ว่าเป็นแผนทดสอบของจิม แต่นึกไม่ถึงว่าจิมจะหาวิธีแกล้งเด็กได้แนบเนียนขนาดนี้

มิน่าล่ะ! ทั้งๆที่วันนี้ไม่มีคิวงาน จู่ๆ ก็ปลุกให้ตื่นขึ้นมาชวนลงไปสูดอากาศที่สนาม ( ที่เห็นนั่งหน้าบูดเมื่อครู่ไม่ใช่เพราะหงุดหงิดเรื่องสนามหญ้าหรอก
แต่ยังเมาขี้ตาอยู่และฉุนจิมที่มาปลุกให้ตื่นทั้งๆ ที่วันนี้เขาควรจะได้นอนทั้งวันด้วยซ้ำ)

จิมยืนอึ้งเมื่อเด็กชายสามารถตัดหญ้าในสนามได้เสร็จตามเวลาที่กำหนด แม้จะยังเก็บกวาดเศษหญ้าไม่หมดแต่เขาจำต้องอนุโลมให้เพราะเจ้าหนูจอมแสบรีบออกตัวด้วยสีหน้าละห้อย

"ผมตัดหญ้าเสร็จตามเวลาที่สั่งแล้วครับ เหลือเก็บกวาดเศษหญ้าออก คุณจะกำหนดเวลาด้วยหรือเปล่า ถ้ายังไงผมขออนุญาตไปทานข้าวก่อนได้มั้ยครับ ผมหิว…"

……จริงๆ แล้วเด็กชายไม่ได้หิวแค่อยากหาทางขอพักสักเดี๋ยวเพราะเหนื่อยและเจ็บมือมาก ปวดเมื่อยระบมไปทั้งแขน เสี่ยงขออนุญาตไปยังงั้นเอง
ถ้าคุณจิมบอกให้ทำต่อ เจ้าหนูคงล้มทั้งยืนแน่….

ทอมรีบอนุญาตก่อนที่จิมจะหาทางแกล้งทดสอบเด็กต่อ ถึงจะไม่ชอบขึ้หน้าเจ้าหนูตรงหน้าแค่ไหนก็ตาม แต่เกมทดสอบระหว่างเขากับเด็กจะต้องดำเนินไปอย่างมีมนุษยธรรม

จิมส่ายหน้าเมื่อทอมรีบเข้ามาตัดบทเอ่ยอนุญาตให้เด็กชายไปทานข้าวได้ ทั้งๆ ที่บอกว่าไม่อยากเห็นหน้าและไม่อยากคุยด้วยแท้ๆ

"ทำไมล่ะทอม.. สงสารเหรอ.."

"เปล่าซะหน่อย" ทอมชักสีหน้าไม่พอใจ

“ตกลงกันก่อนนะ จิม.. ทำยังไงก็ได้..ให้ไอ้หนูนี่เผ่นแน่บออกไปจากบ้าน แต่อย่าแกล้งทรมานเด็กให้เจ็บหรือหิว " ทอมผละจากจิมเดินกลับเข้าบ้านไปนอนต่อ

จิมยืนนิ่งมองตามตาปริบๆ…

…ไม่ให้เจ็บหรือรู้สึกทรมานบ้าง เด็กจะเผ่นแน่บหรือครับบ๊อส…


 :เฮ้อ:



หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 20-01-2010 12:55:27
สายใยรัก บทที่ 3
กุญแจกลางสายฝน
-----------------


สัปดาห์ที่ 3…

วันนี้เป็นอีกวันที่นายแบบหนุ่มสุดฮอทแห่งปีได้มีเวลาพักผ่อนอยู่กับบ้าน จริงๆ แล้ววันนี้ทอมมีคิวถ่ายแบบ แต่เป็นการถ่ายนอก Studio ฝกตกหนักติดต่อกัน 2 วันทำให้คิวถ่ายชุดนี้ต้องเลื่อนไปจนกว่าท้องฟ้าจะโปร่ง

ทอมยืนกอดอกมองดูสายฝน เสียงฟ้าคะนองและแสงจากฟ้าแลบทำให้ภาพในอดีตฉายซ้อนขึ้นมาในความนึกคิด

....."ฝนตกแล้ว กลับบ้านเถอะค่ะ คุณทอม.. "

สาวน้อยวัย 16 ปี พยายามประคองเจ้านายหนุ่มน้อยวัย 14 ด้วยความทุลักทุเล แม้เธอจะอายุมากกว่าแต่รูปร่างกลับเล็กและบอบบางกว่ามาก จะไม่ให้คุณหนูของเธอสูงใหญ่กว่าได้ยังไง ในเมื่อคุณพ่อเป็นฝรั่ง คุณแม่เป็นลูกครึ่ง หนำซ้ำคุณหนูยังเป็นนักกีฬาของโรงเรียนด้วย

ท่ามกลางสายฝนที่เทลงมาอย่างหนัก สาวน้อยประคองกอดคุณหนูของเธอเอาไว้แน่น แต่กำลังของเธอสู้หนุ่มน้อยที่กำลังเมาไม่มีสติไม่ได้

"ไม่.. ฉันไม่กลับ เธอนั่นแหล่ะ กลับไป.. อย่ามายุ่ง" หนุ่มน้อยผลักพี่เลี้ยงสาวล้มลง
"อย่าไปนะคะคุณทอม กลับบ้านเถอะค่ะ คุณพ่อเป็นห่วงนะคะ"

หนุ่มน้อยไม่ฟังเสียงวิ่งหนีฝ่าสายฝนไป แต่ไปได้เพียง 3 ก้าวก็สะดุ้งสุดตัวเพราะปรากฎแสงจากฟ้าแลบผ่าเป็นสายลงมา สองมือกุมศีรษะและหมอบลงกับพื้นด้วยความตกใจกลัว พี่เลี้ยงสาวรีบลุกขึ้นวิ่งเข้าไปสวมกอดคุณหนูของเธอพร้อมๆ กับที่เสียงฟ้าคะนองดังขึ้น

"ไม่ต้องกลัวนะคะคุณทอม.. แค่ฟ้าร้องเท่านั้น กลับบ้านกับแอนเถอะนะคะคนดี"
หนุ่มน้อยยังเกเรไม่เลิก สะบัดตัวออกจากอ้อมกอดพี่เลี้ยงสาวและกลับเป็นฝ่ายสวมกอดเธอแทน
"ฉันไม่กลับ ฉันจะไม่กลับบ้าน นอกจากเธอจะยอมเป็นของฉันก่อน"
สาวน้อยนิ่งตะลึงอยู่ในอ้อมกอดคุณหนูของเธอท่ามกลางสายฝนและฟ้าคะนองในซอยเปลี่ยวกลางดึก เธอไม่รู้ว่าคุณหนูพูดด้วยความเมาไม่มีสติหรือเพราะโกรธเกลียดเธอกันแน่
"ล้อเล่นใช่มั้ยคะ คุณทอม.."
พี่เลี้ยงสาวถูกคุณหนูของเธอผลักล้มลง และร่างสูงใหญ่ของหนุ่มน้อยที่อ่อนวัยกว่าก็โถมทับลงมาแทนคำตอบ....


 :monkeysad:


ทอมบันดาลโทสะขึ้นมาทันทีเมื่อนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีต รู้สึกเกลียดชังหญิงสาวและลูกชายขึ้นมาจับใจ  ที่จู่ๆ ก็มาอ้างว่าเขาเป็นพ่อ ทั้งๆ ที่เขามีอะไรกับเธอแค่คืนนั้นเพียงครั้งเดียวและด้วยวัยเพียงแค่ 14 ปี หนำซ้ำยังเป็นครั้งแรกของเขาที่มีอะไรกับหญิงสาว ท่ามกลางสายฝนและฟ้าคะนองในซอยเปลี่ยว ทุกอย่างดำเนินไปด้วยความทุกลักทุเล ทั้งๆ ที่รู้อยู่เต็มอกว่าเป็นเรื่องที่ผิด แต่นาทีนั้นเขาหยุดความต้องการของตัวเองไม่ได้

…เพราะเธอคนเดียว ทำไมถึงไม่หนี ทำไมถึงยอม เรื่องบ้าๆ ในคืนนั้นไม่มีวันเกิดขึ้นถ้าเธอไม่ตามฉันไป ฉันเกลียดเธอแอนนา.. เธอทำให้ฉันมีความหลังที่น่าละอาย กว่าฉันจะลืมวันนั้นได้ต้องใช้เวลากว่า 10 ปี จู่ๆ ไอ้หนูบ้านี่ก็โผล่มา เธอโกหกใช่มั้ย แอนนา.. เธอมีผู้ชายคนอื่น.. เธอโกหกลูกของเธอเพื่อให้เขากลับมาแก้แค้นฉันใช่มั้ย…

ทอมสะดุ้งเฮือกเมื่อถูกจิมจับไหล่เบาๆ ทำเอาอีกฝ่ายสะดุ้งตาม

"โธ่เว้ย! จิม.. ตกใจหมดเลย เข้ามาเงียบๆ"

จิมยืนตาปริบๆ เขาเรียกทอมตั้งหลายครั้งก่อนจะเดินเข้ามาเอามือแตะไหล่

"ขอโทษที่ทำให้ตกใจทอม.. คิดอะไรอยู่"

"เปล่า.. ไม่ได้คิด แค่ยืนดูสายฝนเฉยๆ ตอนเด็กๆ นายกลัวฟ้าร้องมั้ยจิม.."

จิมเลิกคิ้วนึกแปลกใจกับคำถาม
"ฟ้าร้องไม่กลัวหรอกกลัวฟ้าผ่ามากกว่า แล้วนายล่ะ.. กลัวหรือเปล่า"

"ฉัน.. เอ่อ.. ฉันก็ไม่กลัว.." ทอมหลบสายตาจิมขณะตอบเหมือนกลัวว่าอีกฝ่ายจะจับโกหกได้

"แต่เฉพาะเด็กบางคนหรอกที่ไม่กลัว" ทอมรำพึงอย่างครุ่นคิดก่อนจะหันมายิ้มกับจิมอย่างมีแผน

"มาทดสอบกันดีกว่าจิม.. ว่าเด็กผู้ชายอายุ 12 ปี กลัวฟ้าร้องหรือเปล่า.."

ทอมฉุดแขนจิมเดินออกไปที่เทอเรซหน้าบ้าน จิมอ้าปากหวอเมื่อทอมเขวี้ยงกุญแจรถออกไปกลางสนาม สีหน้าและแววตาส่อความโกรธแค้นและชิงชัง ไม่ต้องบอกเขาก็รู้ว่าใครที่ทอมกำลังรู้สึกเกลียดชังอยู่ในขณะนี้ เพียงแต่ไม่เข้าใจว่าจู่ๆ ทำไมอารมณ์ถึงพลุ่งขึ้นมา

"ทำอะไรน่ะ ทอม.. อย่าบอกนะว่าจะให้…."

"ใช่" ทอมสวนขึ้นทันควันก่อนจะตะโกนเรียกหาสาวใช้

"ตอนนี้เลยเหรอ.."

จิมถามย้ำและนิ่งอึ้งเมื่อทอมพยักหน้ารับ ทอมออกปากยกหน้าที่จัดการเด็กให้เขา ไม่ใช่เพราะเกลียดเด็กจนไม่อยากพูดจาด้วยเพียงอย่างเดียว แต่เพราะโดยนิสัยแล้วทอมเป็นคนอ่อนโยน ใจไม่แข็งพอที่จะกระทำทารุณกับเด็กได้ ยกเว้นเวลาโกรธจนเลือดขึ้นหน้าเหมือนที่เกิดขึ้นในคืนนั้น

วิธีที่ทอมกำลังจะทดสอบเจ้าหนูแม็กในขณะนี้ เป็นเรื่องที่เขานึกไม่ถึงและถึงนึกได้ก็ไม่กล้าทดสอบด้วยเพราะอันตรายและเสี่ยงเกินไป ไม่อยากเชื่อเลยว่าทอมกล้าที่จะทดสอบเจ้าหนูด้วยวีธีที่เสี่ยงอันตรายแบบนี้…


หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 20-01-2010 13:09:40
"ไปเรียกเจ้าหนูแม็กมาหาฉันเดี๋ยวนี้"
"ค่ะ คุณทอม.." สาวใช้รับคำสั่งและรีบเดินกลับเข้าไปตามเด็กชาย
"จะดีหรือ ทอม.. ฟ้าลงขนาดนี้ มันอันตรายนะ"
"ไม่มีอันตรายหรอกน่า จิม.. อย่างมากก็แค่ตกใจกลัว ร้องไห้เท่านั้นเอง"
ทอมหัวเราะชอบใจและกล่าวแดกดันจิม
"ฉันไม่ปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างไร้ประโยชน์หรอก นี่มันสัปดาห์ที่ 3 เข้าไปแล้ว อีกไม่กี่วันก็จะครบเดือน เรามีเวลาแค่ 2 เดือนนะ จะให้ฉันนั่งใจเย็นอย่างนายได้ยังไง ไม่ใช่นายนี่หว่าที่เด็กนั่นอยากจะพิสูจน์ด้วย"
"ไม่เอาน่าทอม อย่าโมโหซี.."
จิมเหนื่อยใจ พูดถึงเรื่องนี้ทีไรเทพบุตรของเขาจะอารมณ์ฉุนเฉียวขึ้นทันที เขาเตรียมแผนสุดท้ายที่จะจัดการกับเด็กชายเอาไว้แล้ว ซึ่งแผนนี้เขาไม่สามารถบอกให้ทอมรู้ได้ รู้แต่ว่าจัดการเรียบร้อยเมื่อไรเจ้าหนูแม็กจะต้องเก็บเสื้อผ้าหนีกลับบ้านทันที


 :m15:


แม็กกี้ใจเต้นระทึกขณะทรุดตัวลงตรงหน้าชายหนุ่มทั้งสอง อุตส่าห์ทำใจไว้แล้วว่าวันนี้คงเป็นอีกวันที่ตัวเองจะต้องถูกทดสอบ ถ้าเป็นคุณจิมเรียกหาแม็กคงไม่ตื่นเต้นเท่าไร แต่นี่เป็นคุณทอม แถมน้าแววยังแอบกระซิบบอกว่าคุณทอมอารมณ์ไม่ค่อยดี ให้ระวังด้วย…

"ฉันมีเรื่องอยากให้เธอช่วยหน่อย"
เด็กชายหน้าตื่นรู้สึกตื่นเต้นและยินดีเพราะเป็นครั้งแรกที่คุณทอมยอมพูดด้วย เกือบ 3 สัปดาห์ที่อยู่ที่นี่ทอมไม่เคยพูดหรือออกคำสั่งอะไรกับเด็กชายด้วยตัวเองเลย
"ครับ" เด็กชายพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม ดีใจที่วันนี้คุณทอมเป็นคนออกคำสั่งเอง
"ฉันทำกุญแจรถหาย คิดว่าคงหล่นที่สนาม เธอช่วยไปหาให้หน่อย"
"ได้ครับ ฝนหยุดเมื่อไร ผมจะออกไปหาทันที"
"เดี๋ยวนี้" ทอมย้ำสั้นๆ ด้วยน้ำเสียงเย็นชา รู้สึกสะใจที่เห็นเด็กชายหน้าถอดสีและหันไปมองสายฝนที่กำลังเทลงมาอย่างหนัก
"เอ่อ.. แต่ฝนกำลังตกหนัก นะครับ"
"แล้วไง.. กะอีแค่ฝน กลัวด้วยเหรอ.." ทอมทรุดตัวลงส่งยิ้มหวานให้เด็กชาย
"บอกซีว่าเธอกลัวและทำไม่ได้ การทดสอบจะได้จบลงซะที ฝนหยุดเมื่อไร เธอจะยอมเก็บกระเป๋าออกจากบ้านฉันไปแต่โดยดีใช่มั้ย"
ทั้งคำพูดสีหน้าและสายตาของทอมราวกับจะหลอมเด็กชายตรงหน้าให้ละลายไปพร้อมกับสายฝน
"ผมไม่กลัว ผมจะไปหาเดี๋ยวนี้ครับ"

แม็กกี้รีบส่ายหน้าและตอบรับเสียงสั่น ทำใจดีสู้ทั้งที่หัวใจเต้นแรง คุณทอมไม่รู้หรอกว่าแม็กกลัวฟ้าร้องฟ้าผ่าขนาดไหน ตอนเด็กๆ เคยเห็นฟ้าผ่าลงตรงหน้ามาแล้วต้นมะพร้าวถูกแยกเป็น 2 ส่วน ไหม้เป็นตอตะโกทันที แต่ถึงจะกลัวแค่ไหนแม็กก็ไม่มีวันยอมแพ้ง่ายๆ หรอก

"ตกอยู่แถวไหนหรือครับ จะได้หาถูกที่"
"หึ! ถ้าฉันรู้ว่าตกที่ไหนคงไม่เรียกเธอไปหาหรอก เร็วๆ เข้า ฉันจะออกไปข้างนอก" ทอมจำเป็นต้องเร่งเวลาก่อนที่ฝนจะหยุดตก
"เอ่อ.. ครับ" แม็กกี้รับคำและลุกขึ้นยืน ตาปริบๆ มองสายฝนที่กำลังเทลงมาอย่างหนัก

แม็กกี้ยืนทำใจอยู่ใต้ชายคาโรงรถชั่วอึดใจก่อนจะวิ่งฝ่าสายฝนออกไปที่สนาม แต่เพียงแค่วูบแรกก็สะท้านแล้ว… จุดแรกที่ต้องหาก่อนคือ บริเวณที่คุณทอมนั่งพักผ่อนเป็นประจำ แม็กกี้ทรุดตัวลงพยายามใช้สองตาและสองมือให้เป็นประประโยชน์ที่สุด ฝนตกหนักมากจนแทบจะมองไม่เห็นเพราะไม่สามารถลืมตาได้ ต้องก้มหน้าคลานไปตามพื้นสนาม บริเวณใต้โต๊ะและเก้าอี้ที่คุณทอมนั่งประจำ ไม่มีกุญแจหล่นอยู่ มันควรจะตกอยู่ตรงไหนเหรอ คุณทอมเดินไปตรงไหนบ้างนะ

เปรี้ยง!!!!…

ร่างเล็กสะดุ้งเฮือกสุดตัว หัวใจแทบหยุดเต้น จู่ๆ ฟ้าก็คะนองโดยไม่ส่งแสงแว่บลงมาให้รู้ตัวก่อน

"เร็วๆ หน่อย อย่ามัวแต่หลบอยู่ ฉันต้องรีบไป"

แม็กไม่รู้ว่าคลานเข้ามาหลบใต้โต๊ะตั้งแต่เมื่อไร รู้สึกตัวอีกทีก็ได้ยินเสียงคุณทอมดังแว่วฝ่าสายฝนมา จึงรีบคลานออกจากใต้โต๊ะและตัดสินใจลุกขึ้นยืน เพราะถ้ายังขืนคลานอยู่อย่างนี้ทัศนวิสัยในการมองหาคงไม่ดีแน่ แม็กก้มลงมองที่พื้นสนามและกวาดสายตาไปทั่วบริเวณ ขยับถอยหลังไปเรื่อยๆ มีแสงแว่บเมื่อไรก็ยกสองมือกุมศีรษะไว้ทุกครั้ง ไม่รู้เหมือนกันว่าจะบังอะไรได้

เด็กชายเดินหาเกือบรอบสนามแล้วก็ยังไม่เจอ ฝนก็ไม่ยอมหยุดตกซะที ไม่มีทีท่าว่าจะเบาลงด้วย เหมือนเป็นใจให้กับการทดสอบของทอม หนุ่มน้อยใช้สองมือสวมกอดตัวเองไว้ เพราะหนาวจับใจจนถึงกระดูกแล้ว ปากสั่นจนฟันกระทบกัน ขาสองข้างก้าวแทบไม่ออกเพราะอาการสั่นสะท้าน

"… หนาวจังเลย แม่จ๋า… กุญแจ… กุญแจคุณทอม… อยู่ไหน… แม่จ๋า…กุญแจ…"

จิมรู้สึกไม่ค่อยชอบใจกับวิธีทดสอบของทอม เป็นคนบอกเขาเองว่าอย่าทำทารุณหรือทรมานเด็กให้เจ็บหรือหิว แต่ที่ตัวเองทำอยู่ตอนนี้มันทารุณเด็กเห็นๆ

"พอเถอะน่า ทอม.. หาไม่เจอหรอก เรียกขึ้นมาเถอะ"
ทอมยืนกอดอกดูเด็กชายยืนตัวสั่นอยู่ท่ามกลางสายฝนด้วยความสะใจ
"ถึงเรียกก็ไม่ยอมขึ้นหรอก เด็กนั่นคงไม่ยอมแพ้ง่ายๆ"
"ไม่เอาน่าทอม.. บอกเด็กว่านายไม่ต้องการกุญแจแล้ว หาวิธีทดสอบอย่างอื่นดีกว่า"
"ไม่.. ฉันต้องการกุญแจ นายจะใช้วิธีไหนก็เรื่องของนาย คิดเตรียมไว้ด้วยก็แล้วกัน ฉันเชื่อว่าเด็กนั่นต้องหาเจอแน่ แค่อยากจะแกล้งให้ตกใจเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าบ้างเท่านั้นเอง"


 :laugh3:

หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 20-01-2010 13:20:38
"พี่เอ๊ดดี้.. คุณทอมเธอให้แม็กกี้ออกไปหาอะไรที่สนามน่ะ ..."

นายเอ๊ดส่ายหน้าความหมายไม่รู้ว่าให้หาอะไร รู้แต่ว่าเป็นการทดสอบจากเจ้านายหนุ่มทั้งสองอีกแน่ รู้สึกไม่ชอบใจการกระทำของเจ้านายและคุณจิมที่ผลัดกันหาวิธีทดสอบเด็กชายวัยเพียง 12 ปี คนนี้อย่างโหดร้ายทารุณผิดวิสัยของชายหนุ่มทั้งสองหน้ามือเป็นหลังมือ

…ทำไมเจ้านายถึงไม่ยอมพิสูจน์ความจริงกับเด็กไปซะ เรื่องจะได้จบๆ ไป ยังไงก็ไม่ใช่อยู่แล้ว เอ๊ะ...แต่ถ้าเกิดใช่..ขึ้นมาล่ะ… เฮ้อ! เป็นคนมีชื่อเสียงนี่ลำบากชะมัด เพื่อรักษาภาพพจน์ซีนะ เจ้านายและคุณจิมถึงต้องสวมหน้ากากยักษ์แสร้งโหดร้ายใจดำผิดวิสัยแบบนี้…


 :z3:



แม็กกี้ยืนตัวสั่นอยู่ท่ามกลางสายฝนและฟ้าคะนอง ไม่รู้ว่าจะเริ่มหาตรงไหนต่อดี ฟ้าแลบแปลบปลาบขึ้นอีกครั้ง พลันมีแสงแว่บสะท้อนขึ้นมาจากพื้นสนามข้างหน้า แม็กเบิกตาโพลงด้วยความดีใจ ลืมไปเลยว่าจะต้องยกสองมือปิดหู รีบสาวเท้าเดินตรงไปด้วยอาการสั่นสะท้าน และมัวแต่จับจ้องอยู่ที่พื้นสนามข้างหน้า จึงสะดุดก้อนหินล้มลง สายตาหลายคู่ที่กำลังจับจ้องอยู่กลางสนามเบิกโพลงด้วยความตกใจ เมื่อเจ้าหนูแม็กกี้ล้มลงพร้อมกับเสียงฟ้าร้อง จิมอุทานและเผลอเรียกเด็กชายด้วยความเป็นห่วงรีบหันมาเพื่อบอกให้ทอมเลิกทดสอบเด็กชายด้วยวิธีนี้ ก็พบว่าเทพบุตรของเขายืนหน้าถอดสีอยู่ในอาการตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นกัน

 o2

ยังไม่ทันที่จิมจะเอ่ยอะไรนายเอ๊ดก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา มือถือร่มคันใหญ่เตรียมพร้อม

"เจ้านายครับ จะให้ผมออกไปรับเด็กมั้ยครับ"

ทอมยังอยู่ในอาการตะลึงไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรลงไปและไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อไป
"รีบไปพาแม็กกี้เข้ามา เอ๊ดดี้.. บอกว่าคุณทอมไม่ต้องการของแล้ว"

จิมฉวยโอกาสตัดบทและจบการทดสอบเด็กชายแต่เพียงเท่านี้ ไม่สนใจว่าทอมจะคัดค้านหรือไม่ เกือบครึ่งชั่วโมงที่เจ้าหนูต้องทนหนาวอยู่ท่ามกลางสายฝนที่เทลงมาอย่างหนัก มันมากเพียงพอที่จะผ่านการทดสอบแล้ว

จิมโล่งอกเมื่อเห็นเด็กชายขยับตัวขึ้น คงแค่ตกใจเสียงฟ้าร้องจึงล้มลง แต่เทพบุตรทอมที่สวมวิญญาณมารร้ายเมื่อสักครู่ยังยืนอึ้งอยู่ สีหน้ารู้สึกผิดจนจิมแอบลอบยิ้มในใจ มารร้ายคงออกจากร่างแล้วกระมัง

"แม็กกี้.. แม็กกี้.. เป็นอะไรหรือเปล่า.. เฮ้! ไอ้หนู.. กลับเข้าไปข้างในกันเถอะ ไม่ต้องหาแล้ว คุณทอมไม่ต้องการแล้ว"

นายเอ๊ดประคองเด็กชายขึ้นยืน ทั้งๆ ที่ร่างกายสั่นสะท้านแต่เจ้าหนูกลับส่งยิ้มให้เขาและโชว์ของในมือให้ดู

"ผมหาเจอแล้ว… หาเจอแล้ว..ครับ กุญแจ..รถ..คุณทอม ในที่สุด..ผ..ผมก็หาเจอ.." เด็กชายเสียงสั่นจนฟังแทบไม่ได้ศัพท์ หากแต่กุญแจรถในมือเจ้าหนูทำให้นายเอ๊ดถึงกับตะลึงและอึ้งไป

….ไม่อยากเชื่อเลยว่าคุณทอมให้เด็กชายออกมาหากุญแจรถทั้งๆ ที่กุญแจสำรองก็มีอยู่ที่เขาและคุณจิมคนละชุด คุณทอมจงใจแกล้งเจ้าหนูแม็กอย่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย….

นายเอ๊ดประคองเด็กชายเดินกลับเข้ามาและกล่าวถามด้วยความเป็นห่วง
"ไม่เป็นไรแน่นะ แม็กกี้.. รีบไปอาบน้ำแล้วเช็ดตัวให้แห้งเถอะ เดี๋ยวไม่สบาย"
"ไม่.. ไม่เป็นไรครับ.. ผมต้องเอากุญแจไปให้คุณทอมก่อน.."
จิมคว้าแขนทอมซึ่งทำท่าจะเดินกลับเข้าบ้านเมื่อเห็นเด็กชายเดินเข้ามาหา
"จะไปไหนทอม.. รู้สึกว่าไอ้หนูจะหา ของ ให้นายได้แล้วนะ รับของจากเด็กก่อน"
“ไม่.. นายรับล่ะกัน จิม.. ฉันจะเข้าข้างใน"
ทอมพยายามจะเดินหนีแต่ถูกจิมฉุดไว้
"ไม่ได้นะทอม.. นายต้องรับด้วยตัวเอง คำสั่งของนายไม่ใช่ของฉัน"
"โธ่เว้ย! จิม.. ช่วยรับหน่อยไม่…"

"คุณทอมครับ.. ผมหากุญแจได้แล้ว…"  :m15:

ทอมชะงักเมื่อเสียงสั่นสะท้านของเด็กชายดังขึ้นด้านหลัง เขาจำต้องหันไปเผชิญหน้าด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เพียงแว่บแรกที่เห็นก็ใจหายวาบแล้ว..

เด็กชายในสภาพมะล่อกมะแล่ก น้ำหยดเป็นทาง ยืนตัวสั่นอยู่ที่ขั้นบันไดไม่ยอมก้าวขึ้นมา ริมฝีปากบางซีดจนเกือบจะเขียวเผยอยิ้มให้เขาพร้อมๆ กับยื่นกุญแจที่อยู่ในมือให้ดู

"ใช่..อันนี้..หรือเปล่า..ครับ คุณทอม.." เสียงเจ้าหนูขาดหายเป็นห้วงๆ เพราะอาการสะท้าน มือที่ยื่นกุญแจให้สั่นระริกจนทอมต้องรีบหยิบขึ้นมาถือไว้

"ใช่.. ขอบใจ" ทอมไม่อาจกล่าวอะไรได้มากกว่านี้ ไม่รู้ว่าอารมณ์โกรธแค้นและชิงชังเด็กชายอย่างรุนแรงเมื่อสักครู่หายเป็นปลิดทิ้งได้อย่างไร
"ขอบใจ แม็กกี้.. หมดธุระแล้ว รีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าซะ" จิมกล่าวตัดบทเมื่อทอมยืนนิ่งไม่ยอมพูดอะไรต่อ
"ครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมไปอาบน้ำนะครับ คุณทอม.."
เด็กชายเอ่ยขออนุญาตทอมเสียงสั่น ทอมพูดอะไรไม่ออกได้แต่พยักหน้าให้
"กุญแจก็ได้มาแล้ว จะออกไปเที่ยวไหนหรือ ทอม.. อากาศเย็นสบายแบบนี้นอนอยู่บ้านไม่ดีกว่าเหรอ.."

จิมกระเซ้าด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ และชะงักทันควันเมื่อทอมออกอาการฉุนด้วยการปากุญแจรถใส่เขา ก่อนจะเดินกลับเข้าบ้านด้วยความไม่สบอารมณ์

อีกครั้งที่จิมต้องกล่าวตัดบทให้เทพบุตรของเขา เพราะขืนให้ทอมพูดมากกว่านี้ ประโยคต่อไปอาจเป็นคำขอโทษก็ได้ เขารู้ว่าทอมใจเสียกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะอารมณ์ชั่ววูบของตัวเอง แม้ว่าเขาจะไม่เห็นด้วยกับการทดสอบของทอมในครั้งนี้ แต่เขาก็ไม่อาจปล่อยให้ทอมแสดงความใจอ่อนกับเด็กชายได้


 o3
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 20-01-2010 13:23:55
แม็กกี้รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าทันทีที่กลับเข้าห้องเพราะรู้สึกหนาวจนถึงกระดูกแล้ว ถ้าต้องอาบน้ำก่อนอาจแข็งตายอยู่ในห้องน้ำก็ได้ แต่จนถึงตอนนี้แม็กนั่งกอดเข่าห่มผ้าอยู่บนที่นอนนานเกือบชั่วโมงแล้วก็ยังไม่หายหนาวเลย

"ขอบคุณฮะแม่.. ขอบคุณที่ช่วยหากุญแจให้ผม.."

แม็กกี้พึมพำขอบคุณแม่ไปมา สะดุ้งเมื่อเสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมๆ กับเสียงเรียกของนายเอ๊ด
"แม็กกี้.. ทำอะไรอยู่ น้าเข้าไปนะ"
นายเอ๊ดวางชามข้าวต้มลงข้างๆ เด็กชาย
"เป็นไงมั่ง ยังหนาวอยู่เหรอ"
"ค่อยยังชั่วแล้วครับ"
"อือ.." นายเอ๊ดพยักหน้าหงึก หยิบผ้าขนหนูผืนเล็กบนที่นอนเช็ดผมที่ยังชื้นอยู่ให้เด็กชายด้วยความรู้สึกเวทนา
"อาบน้ำแล้วใช่มั้ย เช็ดผมให้แห้งซี เดี๋ยวไม่สบาย "
เด็กชายสั่นศีรษะ "ยังไม่ได้อาบครับ ผมหนาว เดี๋ยวค่อยอาบตอนเย็น.."
"อ้าว! แล้วกัน เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก งั้นทานข้าวต้มร้อนๆ ก่อนจะได้อุ่นขึ้น"
"ขอบคุณครับ" แม็กกี้รับถาดข้าวต้มจากนายเอ๊ดมาถือไว้ และตักทานทันทีเพราะกำลังรู้สึกหิวพอดี
"คุณทอมไปแล้วหรือครับน้าเอ๊ดดี้ ไปกับคุณจิมใช่มั้ย ทำไมวันนี้คุณทอมไม่ให้น้าขับรถให้ล่ะครับ"
"เอ่อ.." นายเอ๊ดอึกอักตอบไม่ถูก ยังไงคุณทอมก็เป็นเจ้านายที่เขารักและเคารพมาก
"คุณทอมเปลี่ยนใจไม่ไปแล้วล่ะ คงเห็นเราลำบากต้องออกไปตากฝนก็เลยไม่สบายใจ"

นายเอ๊ดจำต้องบอกไปเช่นนั้นเพื่อให้เด็กชายสบายใจและมีกำลังใจต่อสู้กับเกมทดสอบสุดโหดต่อไป ซึ่งเขาเองก็แอบเอาใจช่วยเจ้าหนูแม็กกี้ให้ชนะเพราะอยากรู้ความจริงด้วยเช่นกัน

"จริงเหรอครับ แย่จัง เป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้วที่ต้องทำตามคำสั่งให้สำเร็จ ผมไม่อยากให้คุณทอมไม่สบายใจเลย ผมไม่ได้ลำบากอะไรซะหน่อย แค่หนาวนิดหน่อยเอง"

นายเอ๊ดส่ายหน้า เมื่อเห็นเจ้าหนูแม็กกี้ห่วงความรู้สึกของคุณทอมมากกว่าตัวเอง
"ถามจริงๆ เถอะ แม็กกี้.. จะทำยังไงต่อไปถ้าสามารถพิสูจน์ความจริงกับคุณทอมได้.. และถ้าคุณทอมเป็นพ่อจริงๆ แต่เขาไม่ยอมรับล่ะ จะทำยังไง?.."
"ผมไม่ได้ต้องการให้คุณทอมยอมรับ ผมแค่อยากรู้ความจริงเฉยๆ รู้แล้วผมก็จะไป ผมจะไม่กลับมากวนใจคุณทอมอีก.."
"จริงเหรอ" นายเอ๊ดหน้าตื่น ตกใจกับคำตอบที่ได้รับ
"คุณทอมรู้เรื่องนี้หรือเปล่า ว่าเราไม่ต้องการอะไรน่ะ.."
"ทราบครับ คุณจิมทราบ คุณทอมก็ทราบ"
"อือ…ไม่อยากเชื่อเลย " นายเอ๊ดส่งเสียงครางและพึมพำเบาๆ กับตัวเองก่อนจะซักคำถามต่อไปด้วยความอยากรู้
"แล้วจะกลับไปไหนเหรอ.. กลับบ้านที่เมืองกาญจน์หรือเปล่า"
"ไม่ครับ ผมไม่กลับไปที่นั่น"
"อ้าว! แล้วจะไปไหนล่ะ บอกหน่อยได้มั้ย เผื่อวันหน้าวันหลังน้าจะได้ไปเยี่ยมไง.."
"ผมก็ยังไม่รู้เลยครับว่าอยู่ที่ไหน รู้แต่ว่าเป็นเกาะ ญาติของแม่เปิดร้านอาหารที่นั่น เคยชวนแม่กับผมไปอยู่ด้วย ก่อนแม่ตายแม่สั่งให้ผมไปอยู่กับเขา ไปช่วยทำงานด้วยครับ.."

เสียงเด็กชายอ่อยลงเมื่อพูดถึงแม่ และวางชามข้าวต้มที่เหลือกว่าครึ่งลง
"อ้าว! อิ่มแล้วเหรอ ทำไมกินน้อยจัง"
"อิ่มแล้วครับ เดี๋ยวผมจะเอาที่อยู่ให้ดู น้าช่วยบอกทางให้ผมด้วยนะครับว่าไปยังไง"

นายเอ๊ดพยักหน้ารับ รู้สึกเวทนามากขึ้นเมื่อรู้ว่าเด็กชายต้องการรู้ความจริงเฉยๆ ไม่ได้หวังหรือต้องการอะไรจากเจ้านายหนุ่มของเขาสักนิด แม้ว่าความจริงจะใช่ก็ตาม ถ้าเป็นเช่นนั้นคุณทอมจะพยายามหลบเลี่ยงโดยการเปิดเกมทดสอบเด็กทำไมกัน

แม็กกี้หยิบสมุดที่หัวนอนออกมาเปิดและพลิกหน้ากระดาษไปมา นายเอ๊ดจึงได้มีโอกาสเห็นว่าสมุดเล่มนี้คงเป็นทั้งไดอารี่และอัลบั้มคนพิเศษของเด็กชาย เพราะมีทั้งตัวหนังสือและรูปถ่ายคละไปมาเกือบทุกหน้า

"เอ่อ.. แม็กกี้ อย่าหาว่าน้าเสียมารยาทเลยนะ ภาพในสมุดนั่นใช่คุณทอมหรือเปล่า.."
"ใช่ครับ อ๊ะ ! เจอแล้ว.." เด็กชายหยิบซองจดหมายเปล่าที่เสียบอยู่ในหน้าท้ายๆ ของสมุดยื่นให้นายเอ๊ด

"นี่ครับ น้าเอ๊ดดี้ ที่อยู่ญาติของแม่.."
นายเอ๊ดรับซองจดหมายไว้แต่ตายังจับจ้องอยู่ที่สมุดบนตักเจ้าหนู
"เอ่อ.. ขอน้าดูรูปคุณทอมหน่อยได้มั้ย แม็กกี้.. ไปหาตัดมาจากไหนเหรอ ภาพสวยๆ ทั้งนั้นเลยนะ"
"ได้ซีครับ ผมขอตัดมาจากหนังสือแฟชั่นและนิตยสารของร้านเสริมสวยที่แม่ทำงานอยู่ครับ"
เด็กชายเปิดสมุดหน้าที่มีรูปทอม แม็คกิลล์ 2 รูปใหญ่ๆ ยื่นให้นายเอ๊ดดู
"ดูซีครับน้าเอ๊ดดี้.. คุณทอมหล่อจังเลยเนอะ ดูเท่าไรก็ไม่เบื่อเลย ผมมีความสุขที่สุดเวลาได้ดูรูปคุณทอม โชคดีนะที่คุณทอมเป็นนายแบบมีชื่อเสียง ไม่งั้นผมคงไม่มีปัญญาทำอัลบั้มรูปพ่อในฝันของผมได้หรอก.."  :m1:

เด็กชายพูดถึงคุณทอมด้วยสีหน้าเป็นสุขจริงๆ และยังเปี่ยมด้วยความเชื่อมั่นว่าคุณทอมเป็นพ่อของตัวเองแน่นอน บรรยากาศรอบตัวเจ้าหนูสดชื่นขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ ทำเอานายเอ๊ดนั่งอึ้ง ไม่เข้าใจความต้องการของเด็กชาย ในเมื่อเชื่อมั่นขนาดนี้จะมาขอพิสูจน์ความจริงทำไมอีก…


 :m1:


TBC >>>


หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: เกริด้า(๐-*-๐)v ที่ 20-01-2010 15:26:58
คงแค่อยากอยู่ใกล้ๆพ่อแต่รู้ว่าการที่พ่อเป็นคนมีชื่อเสียงทำให้ไม่สามารถทำได้เลยอ้างไปว่าอยากพิสูจน์หรือเปล่า?


สวัสดีค่ะเจ๊หมวย   :กอด1: :L2:

ไอว่าจะเมลล์ไปหาหลายรอบแล๊ะ อยากบอกว่าเรื่องราวของ 'ปะป๊าโยกะพ่อโจ' สนุกมากมายค่ะ  ไออ่านจบไปหลายรอบแล๊ะ  :-[ 


ไอล่ะชอบแนวนี้จริงๆ  แต่เพิ่งเห็นเรื่องนี้เนี๊ยแหละ  เดาแนวเรื่องไม่ออกเลย  มันจะเป็นแนว daddy's love ยังไงหว่า??  แนวทารุณกรรมเด็กล่ะไม่ว่าสิน่าาาา

นี่ถ้าไม่ใช่พ่อเด็กจริงๆและไปทำให้เขาเกลียดจะยุ่งไปใหญ่นะ สังคมเด๋วนี้ลูกแจ้งความพ่อได้นะแล้วถ้าไม่ใช่ยิ่งแล้วใหญ่ จะอ้างว่าเด็กเต็มใจไงก็ฟังไม่ขึ้นหรอกนะ   :angry2:

(ชักเกลียดทอมกะจิมจริงๆนั่นแหละ)    สงสารแม๊กกี้โว้ย!!!!!!!!!!!            :m31: :fire:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 20-01-2010 16:03:25
แหะ ๆ  เพื่อนๆ น้องๆ ค้า~


เรื่องนี้ตอนต้นๆ   อ่านแล้วจะพลุ่งพล่านแบบนี้กันทุกคน  :m16:


เวลาที่น้องๆ  ต่อว่าทอมกับจิม  เจ๊หมวยรู้สึกหนาว ๆ ร้อน ๆ ไปด้วย


แหะๆ ยังไงก็ขอให้ใจเย็นๆ กันนิสนึง


เชื่อเหอะว่า  สายใยรัก    เป็นนิยาย  Daddy's love   จริงๆ  ไม่โกหก


 :oni1:


หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 20-01-2010 16:26:40
เค้าเชื่อเจ้แหละ  :laugh: เจ้จะไม่เขียนต่อรุ่นหลานหรอ  :jul3: อยากอ่านอะ
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: จุ๊บจิ๊บจ๊ะจ๋า ที่ 20-01-2010 17:24:32
 :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15:

วันนี้จะมีแถมอีกรอบไหมน้อ :-[
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: nbee ที่ 20-01-2010 19:07:52
เข้ามาอ่านด้วยคนคับ

:m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15:

วันนี้จะมีแถมอีกรอบไหมน้อ :-[

นั่นสิเนาะ
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: gypsy ที่ 20-01-2010 20:14:50
หมั่นไส้ จิมกับ ทอม อย่างแรง

สองคนนี้มีซัมติ้งกันแน่ๆเลยอ่ะ

อย่างเช่น ทอมแอบชอบจิมอยู่แหงๆ

แล้ว daddy's love เนี่ย

หึหึหึ จะมีอะไรผิดศีลธรรมหรือเปล่าคับ

แบบว่าชอบ 5555

ขอบคุณเจ๊หมวยสำหรับนิยายสนุกๆนะคับ

หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: kungyung ที่ 20-01-2010 22:25:54
 :angry2:ไอ้บ้าทอมทำไมถึงได้ใจร้ายอย่างนี้อ่ะ
สงสารน้องแม็กกี้จัง :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 20-01-2010 23:06:41

บทที่ 3 ต่อ...



"หลังจากวันพรุ่งนี้ คุณทอมไม่มีคิวว่างให้เวลาทั้งวันแล้วนะ ลูซี่.. ถ้าไม่จบภายในพรุ่งนี้ เธอเตรียมแก้ปัญหาเองล่ะกัน"
จิมตัดสายโทรศัพท์จบการนัดหมายงานถ่ายแบบสำหรับวันพรุ่งนี้ เขาต้องเคลียร์คิวและจัดตารางการทำงานให้ทอมล่วงหน้าเป็นอาทิตย์ โดยพยายามให้มีวันว่างอาทิตย์ละหนึ่งวัน เพื่อให้ทอมได้พักผ่อน
"พรุ่งนี้มีถ่าย Location สายๆ แต่เราต้องออกเดินทางไม่เกินสองโมงเช้า คืนนี้เข้านอนเร็วหน่อยนะทอม.." จิมพูดขณะก้มหน้าก้มตาจดคิวงาน
เงียบ!!! ไม่มีเสียงโวยหรือบ่นว่าใดๆ กลับมา ซึ่งผิดวิสัยของทอม
จิมเงยหน้าขึ้นก็พบเทพบุตรของเขากำลังตกอยู่ในภวังค์ ร่างสง่างามยืนกอดอกอยู่ริมหน้าต่าง สายตาทอดยาวออกไปถึงไหนก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าที่เขาพูดไปเมื่อสักครู่ทอมไม่ได้ยินแน่
จิมวางมือ ลุกขึ้นเดินเข้าไปโอบไหล่ทอมและกระซิบถาม
"เป็นอะไรทอม.. ไม่สบายใจเหรอ อย่าคิดมากซี "
"รู้เหรอว่าฉันคิดอะไรอยู่"
จิมหัวเราะ
"ทำไมจะไม่รู้ล่ะ นายไม่สามารถปิดบังอะไรฉันได้ เพราะนายเก็บซ่อนความรู้สึกไม่เป็น ฟังนะทอม.. เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นแค่เกมทดสอบ และเด็กก็เป็นฝ่ายชนะเราด้วย ไม่ต้องคิดมากและไม่ต้องเสียใจกับเรื่องที่ทำลงไป"
ทอมถอนใจเฮือก
"แต่ภาพตอนที่เด็กล้มลงไปพร้อมๆ กับเสียงฟ้าร้องยังติดตาฉันอยู่เลย ถ้ามันไม่ใช่ฟ้าร้องแต่เป็นฟ้าผ่า… อะไรจะเกิดขึ้น นายเตือนฉันแล้วแต่ฉันไม่ฟัง มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลยถ้าเด็กเป็นอะไรไปเพราะคำสั่งบ้าๆ ของฉัน"
อารมณ์และความรู้สึกของทอมที่มีต่อเด็กชายในนาทีนี้ไม่ได้เกลียดหรือชิงชังแต่กลัว.. ทอมหันมาสวมกอดและซบลงที่ไหล่จิม
"เมื่อไรเด็กจะไปจากเราซะที ฉันไม่อยากเห็นหน้าไอ้หนูแม็กกี้อีกเลย จิม.."
"ใจเย็นๆ น่าทอม เด็กนั่นอยู่ได้ไม่ถึง 2 เดือนหรอก ปล่อยฉันจัดการเอง นายไม่ต้องทำอะไรเหมือนเมื่อกลางวันนี้อีกแล้ว อยู่เฉยๆ แล้วทุกอย่างจะเรียบร้อย ฉันสัญญา… เจ้าหนูแม็กกี้จะต้องไปจากเราโดยไม่มีโอกาสได้พิสูจน์อะไรทั้งนั้น และจะไม่กล้าหวนกลับคืนมาอีกด้วย…"
ทอมรู้สึกสบายใจและคลายความกังวลเป็นปลิดทิ้ง เขาไม่เคยผิดหวังกับเรื่องที่จิมรับปากหรือให้สัญญาเลย
"ขอบใจนะ จิม.. พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าใช่มั้ย ฉันควรจะไปนอนได้แล้วซีนะ"
จิมพยักหน้าพร้อมส่งยิ้มและสายตาสื่อความรักใคร่และห่วงใยจนทอมรู้สึกเขินรีบผละออก แต่ขยับจะก้าวเดินก็ชะงักและหันกลับมาจูบแก้มผู้จัดการส่วนตัวของเขาก่อนจะขยับลงมาจุ๊บที่ริมฝีปากอย่างแผ่วเบาอีก 1 ครั้งแถมให้
"จูบที่นายต้องการ ฉันให้เป็นรางวัล ขอบใจอีกครั้งนะ จิมมี่.. กู๊ดไนท์.."
ทอมเดินตัวปลิวขึ้นไปนอนอย่างสบายอารมณ์ ทิ้งให้จิมยืนตะลึงกับรางวัลที่ได้รับ เป็นอาการตะลึงที่แฝงไว้ด้วยความผิดหวัง…
"นั่นไม่ใช่จูบที่ฉันต้องการ ฉันไม่ใช่เด็ก 2 ขวบนะ ทอม.. ถือซะว่านายยังติดรางวัลฉันอยู่ และฉันจะรอจนกว่านายจะใจอ่อน ถึงวันนั้นฉันจะทบทั้งต้นทั้งดอกให้สาแก่ใจเลย แม็คกิลล์..."


 :haun5:


"ป้า.. อาหารเช้าตั้งโต๊ะ 2 ที่นะจ๊ะ วันนี้คุณทอมมีงานเช้า อ้อ! แล้วช่วยเตรียมอาหารว่างเผื่อให้เธอระหว่างทางด้วย เพราะต้องนั่งรถยาวไปถึงเขาใหญ่นู่น...แน่ะ "
"ใครให้เอ็งมาสั่งข้า นังแวว.. แล้วรู้ได้ไงว่าคุณทอมออกเช้า"
"อุ๊ย! ฉันจะกล้าสั่งป้าได้ยังไง คำสั่งคุณจิมเธอนะ ไม่เชื่อถามพี่เอ๊ดดี้ดูซิ"
นายเอ๊ดเดินหน้ามุ่ยเข้ามาในครัวพอดี
"วันนี้คุณทอมมีงานเช้าหรือวะ เอ๊ดดี้.. ทำไมคุณจิมไม่เห็นบอกข้า"
“ใช่.. ป้า ออกเดินทาง 2 โมงเช้านี่ล่ะ คุณจิมคงลืมสั่งมั้ง"
"จริงด้วย คุณจิมคงงานยุ่งน่ะ เมื่อวานเห็นติดต่อนัดคิววุ่นวายไปหมด มาเถอะป้า เร่งมือเถอะ ฉันช่วยเอง"
สาวใช้แววรีบเออออตามสามีและกุลีกุจอเข้าไปช่วยป้าทิพย์เตรียมอาหาร เพราะจริงๆ แล้วจิมสั่งงานไว้ที่เธอและฝากให้บอกป้าทิพย์ด้วย คนที่ลืมคือตัวเธอเอง
นายเอ๊ดยืนหมุนตัวไปมานึกไม่ออกว่าเข้ามาทำอะไรในครัวสักครู่ก็อุทานขึ้นมาเพราะนึกขึ้นได้
"เออ! ใครเห็นเจ้าหนูแม็กบ้าง"
"โอ๊ย! ตกใจหมดพี่เอ๊ดดี้ ตะโกนขึ้นมาได้ ฉันไม่เห็นหรอก ป้าเห็นมั้ย"
"ข้าก็ไม่เห็น อยู่ที่สนามหรือเปล่า เวลานี้ถ้าไม่กวาดถนนก็รดน้ำต้นไม้ แต่เมื่อวานฝนตกหนักเลยไม่ต้องลดล่ะมั้ง"
"เอ..ไม่เห็นที่สนามเลยนะป้า ใบไม้เกลื่อนเต็มถนนก็ยังไม่ได้กวาด ที่สำคัญรถ 3 คันก็ยังไม่ได้ปัดเช็ด ดีนะที่เมื่อวานเจ้านายไม่ได้ออกไปไหน"
นายเอ๊ดยืนรำพึงก่อนจะเสียงดังขึ้นอีกเพราะนึกขึ้นได้
"เฮ้! หรือจะออกไปตลาดนัด เมื่อวานเห็นบอกกับป้าว่าอยากออกไปซื้อของใช้ส่วนตัวไม่ใช่เหรอ"
"จะบ้าหรือวะ เอ๊ดดี้.. แม็กกี้จะกล้าออกไปข้างนอกทั้งๆ ที่งานยังทำไม่เรียบร้อยได้ยังไง ไม่ใช่แกกับนังแววนี่..จะได้กล้าทำแบบนั้น"
ป้าทิพย์บ่นแต่ปาก ส่วนมือก็จัดเตรียมอาหารไปด้วย
สาวใช้แววค้อนแม่บ้านที่เหน็บเธอ แต่นายเอ๊ดไม่สนใจพยายามนึกว่าเด็กชายจะไปไหนได้อีกล่ะ นอกจากยังไม่ตื่น…หรือว่า..
"ฉันว่าอาจจะยังไม่ตื่นก็ได้นะ พี่เอ๊ดดี้.. ลองไปดูที่ห้องซิ เมื่อวานตากฝนอยู่นานอาจไม่ค่อยสบายก็ได้ อ้าว! ไปไหนแล้วล่ะ… "
สาวใช้แววตาปริบๆ ไม่รู้ว่าสามีผลุบออกไปตอนไหน...
เกือบ 7 โมงเช้าแล้วเด็กชายยังซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม ปกติจะตื่นตั้งแต่ตี 5 และสามารถตื่นได้เองโดยไม่ต้องใช้นาฬิกาหรือให้ใครมาปลุก
"แม็กกี้.. แม็กกี้.. 7 โมงเช้าแล้วนะ ไอ้หนู.. เฮ้!.."

นายเอ๊ดส่ายหน้า คิดว่าเด็กชายคงจะเหนื่อยหรือไม่ก็อาจจะรู้สึกไม่ค่อยสบายเพราะเมื่อวานตากฝนอยู่นาน คงต้องหายาให้ทานกันไว้ก่อน เขาทรุดตัวลงข้างที่นอนและดึงผ้าห่มออก แม็กกี้ซึ่งนอนขดตัวนิ่งอยู่ก็ส่งเสียงพึมพำฟังไม่ได้ศัพท์อยู่ในลำคอ

"อือ.. อือ.."

นายเอ๊ดรู้สึกว่าบรรยากาศในห้องอึดอัดและอบอ้าว สีหน้าคิ้วขมวดของเด็กชายทำให้เขาต้องขยับเข้าไปใกล้ ใจหายเพราะรับรู้ในทันทีว่าต้นเหตุของความอบอ้าวส่งผ่านออกมาจากร่างเล็กๆ ที่นอนขดตัวอยู่ ขณะสัมผัสเพียงแค่ลมหายใจยังร้อนขนาดนี้ นายเอ๊ดอังฝ่ามือที่หน้าผากของเจ้าหนูก็ต้องสะดุ้งและใจหายวาบอีกครั้ง ถึงจะนึกไว้แล้วว่าเด็กชายอาจจะไม่สบาย แต่ไม่คิดว่าจะมีอาการจับไข้สูงแบบนี้

เสียงพึมพำในลำคอของเด็กชายชัดเจนขึ้นแต่ขาดหายเป็นห้วงๆ นายเอ๊ดต้องเงี่ยหูฟังด้วยความอยากรู้ว่าเจ้าหนูพูดอะไร
"กุญแจ.. กุญแจ.. คุณทอม… อือ.. กุญแจ.. กุญแจ …"
นายเอ๊ดใจหาย เหตุการณ์เมื่อวานคงยังอยู่ใต้จิตสำนึกของเด็กชายจนเก็บมาเพ้อ
"แม็กกี้.. แม็กกี้.. เฮ้! ไอ้หนู.. กุญแจหาเจอแล้วไง คุณทอมได้กุญแจแล้ว.."
แม็กกี้สงบลงเล็กน้อยแต่ยังมีเสียงงึมงำในลำคอเพราะอาการไข้
"ไม่เป็นไรนะ แม็กกี้.. น้าจะพาไปหาหมอนะ"
นายเอ๊ดช้อนร่างเด็กชายไว้ในวงแขน ขยับจะลุกขึ้นก็นึกขึ้นได้ว่าต้องขับรถไปส่งเจ้านายเช้านี้ จำต้องปล่อยเด็กชายนอนลงก่อนและห่มผ้าให้
"คอยเดี๋ยวนะ แม็กกี้.. แป๊บเดียว เดี๋ยวน้ามา"


 :dad2:


จิมคุยโทรศัพท์นัดหมายกับทีมงานขณะเดินลงบันได นึกแปลกใจเมื่อเห็นนายเอ๊ดยืนรีรออยู่ เมื่อเขาเดินผ่านก็เดินตามและวนเวียนอยู่ใกล้ๆ จิมจบการสนทนาก็หันมาเอ็ด

"อะไรของแกวะ เอ๊ดดี้.. มายืนรอรับเสด็จใคร รถราเช็คเรียบร้อยหรือยัง วิ่งทางไกลนะโว้ย"
"รถเช็คเรียบร้อยแล้วครับ ผมมารอคุณจิมมีเรื่องสำคัญจะรายงานครับ"
จิมขมวดคิ้ว นายเอ๊ดก็รีบรายงานทันที
"แม็กกี้ไม่สบายมากครับ คุณจิม.. นอนจับไข้ไม่ได้สติอยู่ในห้อง คงเป็นเพราะตากฝนเมื่อวาน"
"ว่าไงนะ" จิมอึ้งไปชั่วอึดใจก่อนจะพยักหน้าให้ตามไปคุยนอกบ้าน


 :dad2:


จิมทรุดตัวลงข้างที่นอน เป็นครั้งแรกที่เขาได้มีโอกาสเข้ามาในห้องพักของเด็กชาย ซึ่งแต่เดิมเป็นห้องเก็บของแต่ของถูกขนย้ายออกไปกว่าครึ่งแล้ว จึงเหลือพื้นที่เป็นมุมพักผ่อนของเจ้าหนูเกือบครึ่งห้องตามที่นายเอ๊ดเคยรายงานให้ทราบ ฟังดูแล้วเหมือนน่าจะอยู่สบายพอสมควร หากแต่สภาพของห้องจริงๆที่เห็นอยู่ในขณะนี้ นอกจากจะมีกลิ่นอับจากข้าวของที่วางอยู่แล้ว มุมที่เด็กชายพักผ่อนสามารถนั่งและเดินไปมาได้มีพื้นที่เพียง 3X2 ตร.เมตรเท่านั้น

จิมตกใจมากเมื่อเห็นเด็กชายจับไข้จนเพ้อฟังไม่ได้ศัพท์ ยิ่งเมื่อรู้จากนายเอ๊ดว่าเจ้าหนูเพ้อหากุญแจและเรียกหาทอม ทำให้จิมไม่อาจปฏิเสธความรับผิดในอาการป่วยของเด็กชายได้

"แม็กกี้.. แม็ก.." จิมสะดุ้งเมื่อพบว่าเจ้าหนูตัวร้อนจี๋และยังมีอาการผวา ไข้สูงมากแบบนี้หากปล่อยไว้อาจเกิดอาการช็อคได้
"เอ๊ดดี้.. อุ้มเด็กขึ้นมา ต้องรีบให้ถึงมือหมอเร็วที่สุด"
นายเอ๊ดรีบปฏิบัติตามสั่งและเดินตามจิมออกไป จิมจ้ำอ้าวไปที่รถและเปิดประตูให้
"แกพาเด็กไปหาหมอนะ เอ๊ดดี้.. คลีนิคปากทางเข้าหมู่บ้าน ด่วนจี๋เลย"
"ครับคุณจิม ถ้ายังไงผมเอาแววไปด้วย ให้แววอยู่ดูเด็ก ผมจะได้รีบกลับมาให้ทัน 2 โมงครับ"
"ไม่ต้อง ฉันขับไปเอง แกอยู่ดูแลเด็ก ให้นอนพักที่คลีนิคจนกว่าไข้จะลดถึงจะพากลับมาได้ รีบไปก่อนที่ทอมจะลงมา"
"ครับผม"

จิมไม่อยากให้ทอมรู้ว่าเด็กชายป่วย ขนาดเขายังรู้สึกว่าตัวเองมีส่วนร่วมเป็นต้นเหตุ แล้วทอมล่ะ ! ถ้ารู้ว่าเด็กไม่สบายเพราะตากฝนเมื่อวาน มีหวังวันนี้ทั้งวันคงไม่เป็นอันทำงานแน่…


 :dad2:


หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 20-01-2010 23:15:55
"ให้เอ๊ดดี้ไปไหนหรือ จิม.. จะออกเดินทางแล้วไม่ใช่เหรอ.."
ทอมจิบกาแฟและจัดการอาหารเช้าตรงหน้าด้วยความเร่งรีบ อีก 5 นาทีจะ 2 โมงเช้า จิมขึ้นไปปลุกตั้งแต่ 7 โมงแล้ว แต่เขาไม่ยอมตื่นขอนอนต่ออีกหน่อยจน 7 โมง 40
"ฉันให้เอ๊ดดี้ไปทำธุระให้น่ะ วันนี้ฉันขับเอง ทอม.."
ทอมชะงัก เลิกคิ้วแปลกใจก่อนจะงับเบคอนเข้าปาก
"ธุระสำคัญมากเลยเหรอ ถึงขนาดยอมขับรถแทน"
"ทำไมล่ะ นายไม่ไว้ใจฉันขับเหรอ" จิมพยายามเลี่ยงไม่ตอบคำถาม
"เปล่า… ไม่ได้ไม่ไว้ใจ ไม่อยากให้นายเหนื่อย นี่มันทางไกลนะ"
"ขับให้เจ้านายสุดที่รักนั่ง ไกลแค่ไหนก็ไม่เหนื่อยหรอกครับ "
จิมหยอดคำหวานด้วยสีหน้าและสายตากรุ้มกริ่ม ก่อนจะรีบตัดบทเมื่ออีกฝ่ายค้อนประหลับประเหลือก
"อิ่มแล้วเหรอ.. ถ้างั้นไปกันเลย"
ทอมวางแก้วน้ำดื่มและลุกขึ้นยืน
"ตกลงยังไม่ได้บอกเลยว่าธุระสำคัญอะไร"
"เอาเถอะน่า เดี๋ยวจะบอกในรถ"
จิมโอบไหล่ทอมตรงไปที่รถ เป็นนิสัยปกติของทอมที่ขึ้นรถได้ไม่ถึง 5 นาทีก็จะง่วงและหลับสนิทจนถึงที่หมาย ยิ่งถ้าต้องตื่นเช้าเพื่อเดินทางไกลด้วยแล้ว หลับยาวหายห่วงแน่…
"แม็กกี้ไปไหนน่ะ" ทอมถามถึงเด็กชายเมื่อเห็นสาวใช้เป็นคนวิ่งไปเปิดประตูให้
"ทำไมปล่อยให้ใบไม้เกลื่อนถนนอย่างนี้ ทำงานไม่เรียบร้อย เดี๋ยวปรับให้แพ้ซะเลย"
จิมใจหาย รีบเลี้ยวรถออกจากบ้านก่อนที่ทอมจะเห็นอะไรน่าสงสัยมากยิ่งขึ้น


 :dad2:


โทรศัพท์มือถือดัง……จิมเอื้อมมือจะรับแต่ถูกทอมคว้าขึ้นมาถือไว้และทำท่าจะกดรับ

"ฉันรับเอง ทอม.."
"ไม่เป็นไร ฉันรับให้ นายขับรถเถอะ"
"อย่าดีกว่า ฉันคุยเอง ส่งมาทอม"
ทอมขมวดคิ้ว รู้สึกเหมือนจิมมีอะไรปิดบังอยู่จึงไม่ยอมส่งโทรศัพท์ให้
"ทำไม.. มีอะไรที่ไม่อยากให้ฉันรู้งั้นเหรอ หรือว่านายทำงานให้คนอื่นนอกจากฉันด้วย"
"เปล่านะทอม.. โอเค!.. อยากรับก็รับ" จิมตัดบทไม่อยากมีเรื่องกับทอมเวลานี้ ภาวนาให้ใครโทรมาก็ได้ยกเว้นเจ้าเอ๊ดดี้

ทอมกดรับสายด้วยอารมณ์ไม่สู้ดี ปกติเขาสามารถรับโทรศัพท์แทนจิมได้ทุกสาย เพราะส่วนใหญ่เป็นเรื่องงานและเกี่ยวข้องกับตัวเขาเองเองทั้งนั้น น้อยครั้งที่จะเป็นเรื่องส่วนตัวของจิม

"Hello.."

"คุณจิมครับ คลีนิกหน้าหมู่บ้านคุณหมอเวรเพิ่งกลับไป พยาบาลให้คอยครึ่งชั่วโมงและจะช่วยลดไข้ให้เด็กก่อน แต่เด็กอาการไม่ค่อยดีผมไม่ไว้ใจเลยพามาโรงพยาบาลแล้วนะครับ ตอนนี้อยู่ในห้องตรวจ ถ้าได้เรื่องยังไงผมจะโทรรายงานให้ทราบอีกครั้งครับ"

สายถูกตัดไป !!!!!…

ทอมนั่งอึ้ง ในขณะที่โชเฟอร์จิมใจเต้นไม่เป็นจังหวะ หนาวๆ ร้อนๆ เพราะได้ยินเสียงเจ้าเอ๊ดดี้ดังแว่วออกมานอกหูอย่างชัดเจน
"จอดรถ" ทอมกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบและแผ่วเบา
จิมแสร้งทำใจดีสู้ "จอดทำไม ทอม.. ลืมอะไรเหรอ.."
"ฉันไม่ได้ลืม คนที่ลืมคือนาย จิม.. ทำไมไม่ตอบคำถามฉันซะทีว่าให้เอ๊ดดี้ไปทำธุระอะไร นายให้มันพาเด็กที่ไหนไปหาหมอ อย่าบอกนะว่าเด็กนั่นคือ แม็กกี้"
"เอ่อ.." จิมอึกอักนึกโมโหเจ้าเอ๊ดดี้ …ทำไมต้องโทรมารายงานตอนนี้ด้วยฟะ!..
"ว่าไงล่ะ จิมมี่.. ตอบฉันซี หยุดรถด้วย!!!.. ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้นตราบใดที่ฉันยังเป็นไอ้โง่อยู่.." ทอมตะวาดใส่ด้วยอารมณ์โกรธ
"โอเค! ทอม .. โอเค!.."
จิมชะลอรถและจอดเข้าข้างทาง ถอนหายใจเฮือกก่อนจะหันมาสบตาเขียวปั้ดของทอม
"อย่าโมโหซี ทอม.. ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปิดนาย ยังไงก็ต้องบอกให้รู้อยู่แล้ว รอเอ๊ดดี้โทรมารายงานก่อน"
"งั้นเหรอ.. แล้วนายอยากรู้มั้ยว่าเอ๊ดดี้รายงานว่าอะไร"
"เอ่อ.. วะ.. ว่ายังไงเหรอ"
"คลีนิคหน้าหมู่บ้านไม่มีหมอ เด็กอาการไม่ค่อยดีเลยพาไปโรงพยาบาล ตอนนี้รอหมอตรวจอยู่ รู้แล้วยังไงล่ะ จิมมี่.. ถ้าฉันไม่ได้เป็นคนรับสาย นายจะบอกฉันแบบนี้หรือเปล่า เห็นฉันเป็นเด็ก 10 ขวบหรือไง เรื่องที่ฉันควรรู้ก็ไม่ให้รู้ ทำไม จิม.. ทำไม.."
"ใจเย็นซี ทอม.. บอกแล้วไงว่าฉันไม่คิดจะปิดนาย แล้วเด็กก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่จับไข้.. เอ่อ.. นิดหน่อย"
"แล้วนายคิดจะบอกฉันตอนไหน…รู้ก็ทั้งรู้ว่าเด็กนั่นป่วยเพราะคำสั่งของฉัน ฉันแกล้งเด็กด้วยความเกลียดชังจนทำให้เด็กไม่สบาย นายน่าจะรีบบอกให้ฉันรู้ ฉันจะได้ดีใจและสะใจยังไงล่ะ จิมมี่...”
จิมส่ายหน้าเมื่อทอมกล่าวประชดตัวเอง นี่คือเหตุผล...ว่าทำไมเขาถึงบอกทอมตอนนี้ไม่ได้…
"ถ้านายรู้สึกอย่างที่พูดจริงๆ ฉันคงรีบวิ่งขึ้นไปบอกตั้งแต่นายยังนอนอยู่บนเตียงแล้ว ฉันทำทุกอย่างเพราะแคร์ความรู้สึกของนายนะ ทอม..”
“ไม่ว่าฉันจะรู้สึกยังไง นายก็น่าจะบอกให้ฉันรู้” ทอมเสียงอ่อนลงเมื่อจิมเริ่มเสียงดังบ้าง
“เด็กไม่สบายก็เพราะฉันสั่งให้ออกไปตากฝน ไม่คิดเลยว่าฉันจะทำเรื่องแบบนั้นได้ ฉันรังแกเด็ก..  เพราะอยากให้ไอ้หนูนั่นไปจากชีวิตฉันเร็วๆ ฉันเป็นผู้ใหญ่ที่แย่มากเลยใช่มั้ย จิมมี่..”
“ไม่เอาน่ะทอม.. หยุดโทษตัวเองและเลิกคิดว่านายรังแกเด็กได้แล้ว เราคุยเรื่องนี้กันแล้วไม่ใช่หรือว่ามันเป็นแค่เกมทดสอบ แม็กกี้เองก็ยอมรับและยอมทำทุกอย่างที่เราสั่ง เพราะมีจุดมุ่งหมายที่จะเอาชนะเพื่อให้ได้พิสูจน์ความจริงกับนาย คิดหรือว่าเด็กฉลาดอย่างเจ้าหนูแม็กจะยอมให้เรารังแกได้”

ทอมนั่งนิ่งอารมณ์สงบลง สีหน้าเรียบเฉยจนจิมเดาความรู้สึกไม่ออก

“ไปโรงพยาบาลก่อน จิม..”
“อะไรนะ”
“ให้ฉันเห็นว่าเขาปลอดภัย ไม่เป็นอะไรแล้วจริงๆ ค่อยเดินทางต่อ”

จิมลอบถอนใจ เริ่มกังวลและไม่แน่ใจกับความรู้สึกที่ทอมมีต่อเด็กชายในเวลานี้ เขาคงต้องหาทางยับยั้งไม่ให้ความเกลียดชังถูกแปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกอื่น

“ฉันไม่อยากขัดนายนะ ทอม.. อยากทำอะไรก็ทำ แต่อย่าลืมว่านายไม่ใช่แค่ชายหนุ่มหน้าตาดีธรรมดา ทันทีที่ก้าวลงจากรถและเหยียบย่างเข้าไปในโรงพยาบาล นายต้องมีคำตอบเตรียมไว้สำหรับทุกคำถาม ...คุณทอม แม็คกิลล์ มาทำอะไรที่โรงพยาบาลครับ… ไม่สบายเป็นอะไรคะ… มาเยี่ยมไข้หรือคะ… เด็กเป็นอะไรกับคุณทอมครับ… เป็นญาติ เป็นน้อง เป็นหลานชาย หรือว่าเป็น....”

“พอแล้ว พอ... หยุด โอย....”   ทอมเอามือกุมศีรษะเพราะรู้สึกเครียดจนปวดหัวตึบ จิมรีบขยับที่นั่งเอนลงเพื่อให้เทพบุตรของเขาอยู่ในท่าที่ผ่อนคลายขึ้น
“ใจเย็นๆ ซีทอม... เอางี้ดีมั้ย..” จิมปลอบโยนพร้อมกับบีบนวดที่ขมับให้เหมือนทุกครั้ง
“เราออกเดินทางกันไปเรื่อยๆ ฉันจะขับช้าๆ ระหว่างรอเอ๊ดดี้โทรมารายงาน ถ้าหากมีอะไรร้ายแรงเราก็จะวกรถกลับไปโรงพยาบาลทันที”

ทอมทำหน้าเหมือนไม่ค่อยชอบใจกับข้อเสนอ จิมจำต้องรีบตัดบท

“เชื่อฉันซีทอม.. แม็กกี้ไม่เป็นอะไรมากหรอก แค่ไข้หวัดเท่านั้น ถึงมือหมอแล้วก็หมดห่วง ที่สำคัญเอ๊ดดี้ก็อยู่ด้วย ฉันอุตส่าห์ยอมขับรถแทนเพื่อให้หมอนั่นไปทำหน้าที่สำคัญแทนเรา นายยังจะห่วงอะไรอีก”

ทอมพยักหน้าและหลับตาลง จะยังไงก็ได้แล้ว เพราะเขารู้สึกเหนื่อยและเครียดมาก

จิมสตาร์ทรถออกเดินทางต่อเมื่อเทพบุตรของเขาสงบลงและยอมโอนอ่อนด้วยดี ซ้ำยังหลับสนิทไปภายในเวลาไม่กี่นาที จิมหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาตัดเสียงเรียกเข้าเป็นสั่นเตือน อยากให้ผู้โดยสารของเขาหลับยาวโดยไม่มีเรื่องมารกสมองและกวนใจอีก

…ครึ่งชั่วโมงต่อมา.. นายเอ๊ดโทรมารายงานว่าอาการไข้ของเด็กชายทุเลาลงเล็กน้อย หมอเตือนว่าอย่าให้เด็กเล่นน้ำฝนอีก ความเย็นจากน้ำฝนไม่เหมือนน้ำธรรมดา โชคดีที่รีบพามาหาหมอเพราะเด็กมีไข้สูง ถ้าปล่อยไว้จะเกิดอาการปอดบวมแทรกซ้อนแน่

“... หมอดุผมใหญ่เลยครับ คุณจิม.. หาว่าผมปล่อยให้หลานวิ่งเล่นน้ำฝนอยู่ได้ยังไงตั้งครึ่งค่อนชั่วโมง..”

จิมนึกขำอยู่ในใจ สมควรแล้วที่หมอจะดุแก เอ๊ดดี้.. เรื่องอะไรไปบอกว่าเด็กเล่นน้ำฝน แต่จะว่าไปแล้วก็เป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องบอกเรื่องจริงกับหมอเพื่อการวินิจฉัยโรค ถ้าเป็นเขาก็คงต้องบอกว่าเด็กถูกฝนเหมือนกัน

....แต่เรื่องที่บอกว่าเจ้าหนูแม็กเป็นหลานแกนี่ซิ คิดได้ไงวะ เอ๊ดดี้...  


 :dad2:


หนุ่มน้อยแม็กกี้ต้องนอนพักอยู่ที่โรงพยาบาล 1 คืนตามคำสั่งของหมอ ทอมสบายใจขึ้นเมื่อเด็กชายไม่เป็นอะไรมาก นึกอยากจะไปเยี่ยมแต่แล้วก็เปลี่ยนใจกระทันหันซึ่งจิมเองก็รู้สึกโล่งอก เพราะเขาไม่อยากให้ทอมแสดงความห่วงใยให้เด็กชายเห็น

กลับจากโรงพยาบาลทอมอนุญาตให้เด็กชายพักผ่อนต่อจนกว่าจะหายและแข็งแรงดีค่อยทำงาน แต่แม็กกี้เมื่อไม่มีอาการไข้ก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นปกติดี ไม่อาจนั่งอยู่เฉยๆ ได้

“เฮ้!.. ทำอะไรน่ะ แม็กกี้.. เพิ่งออกจากโรงพยาบาลเมื่อวานนี้เอง ลุกขึ้นมาทำอะไรแต่เช้า เดี๋ยวไข้ขึ้นอีกหรอก”
แม็กกี้เงยหน้าขึ้นส่งยิ้มให้นายเอ๊ด ในมือถือฟองน้ำกำลังทำความสะอาดล้อรถ
“ผมค่อยยังชั่วแล้ว ไม่มีไข้แล้วครับ”
นายเอ๊ดทรุดตัวลงนั่งยองๆ
“ถึงไม่มีไข้ก็ใช่ว่าจะหายนะ วางมือเถอะ เดี๋ยวคุณทอมรู้ก็ถูกดุหรอก ท่านสั่งให้พักก็พักเถอะ เวลาที่จะได้ทำงานมีอีกเยอะ”
“เยอะที่ไหนกันครับ ผมจะอยู่ที่นี่อีกแค่เดือนเดียวเท่านั้น ผมอยากทำงานให้คุณทอมเยอะๆ แลกเปลี่ยนกับความจริงที่ผมจะได้รู้”
นายเอ๊ดกลืนน้ำลายเอื๊อก ในหัวสมองเด็กชายมีแต่เรื่องความจริงที่อยากจะพิสูจน์
“ถามจริงๆ เถอะแม็กกี้.. พิสูจน์แล้วจะได้อะไรขึ้นมา ถ้าหากรู้ว่าไม่ใช่จะไม่เสียใจเหรอ..”
เด็กชายชะงักมือเล็กน้อย ก่อนจะบรรจงเช็ดถูแม็กรถต่อด้วยความตั้งใจ
“เสียใจครับ เสียใจที่แม่หลอกผม.. แต่ผมเชื่อว่าแม่พูดจริง ผมถึงมั่นใจว่าใช่..”
นายเอ๊ดยกมือเกาหัว
“มั่นใจว่าใช่..ในเมื่อเชื่อที่แม่พูดแล้วจะมาพิสูจน์ความจริงทำไมอีกล่ะ หือ..”
“เป็นเหตุผลส่วนตัวของผมครับ น้าเอ๊ดดี้อยากรู้เหรอ..”
“เอ่อ.. ฮะ ฮะ ก็.. ไม่เป็นไร บอกไม่ได้ก็ไม่เป็นไร”
เอ๊ดดี้หัวเราะแห้งๆ รู้สึกว่าตัวเองชักจะเป็นผู้ใหญ่ที่สอดรู้สอดเห็นเรื่องของเด็กมากไป
“บอกก็ได้ครับ แต่น้าต้องสัญญาว่าจะไม่บอกใคร ได้มั้ยครับ”
นายเอ๊ดนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะพยักหน้าและรับปากให้สัญญา..


 :dad2:

หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 20-01-2010 23:21:45
.....ผมเชื่อว่าคุณทอมเป็นพ่อ..เพราะแม่บอก ผมเชื่อที่แม่พูด… ผมเชื่อมาตั้งแต่เด็กแต่พอโตขึ้นผมชักไม่แน่ใจ เด็กผู้ชายอายุ 14 แถวบ้านผมหลายคนตัวเท่าผม บางคนเล็กกว่าผมก็ยังมี คุณทอมอาจตัวใหญ่กว่าเพราะเป็นฝรั่ง แต่ผมก็ไม่อยากเชื่อว่าจะทำให้ผู้หญิงมีลูกได้ ถ้าได้พิสูจน์แล้วว่าใช่.. ผมก็มีความสุขมากขึ้น ต่อไปเวลามองดูรูปคุณทอม ผมก็เรียกเขาว่าพ่อได้สนิทใจ แต่ถ้าเกิดไม่ใช่... ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำยังไงต่อไป รู้แต่ว่าผมคงต้องกลายเป็นเด็กไม่มีพ่อจริงๆ อย่างที่คนอื่นเข้าใจ แต่ถึงผมจะเสียใจผมก็ไม่โกรธแม่หรอกครับ ผมรู้ว่าแม่ทำเพราะรักผม แม่อยากให้ผมมีพ่อเหมือนเด็กคนอื่นๆ เลยให้คนที่แม่รักเป็นตัวแทนพ่อของผม บางที.. ผมอาจจะให้คุณทอมเป็นตัวแทนพ่อตลอดไปก็ได้...

...เหตุผลที่ผมต้องจากไปโดยไม่หวนกลับมาอีก แม้ว่าผลการพิสูจน์คุณทอมจะเป็นพ่อของผม เพราะความจริงที่ได้รับรู้เป็นความจริงสำหรับผมคนเดียว แต่ความจริงสำหรับคุณทอม ผมไม่ใช่ลูกเขา คุณทอมไม่มีวันรับเรื่องนี้ได้ เป็นใครก็รับไม่ได้ที่จู่ๆ ก็ต้องมามีลูกชายตัวโตเท่านี้ ในสายตาของคุณทอม ผมเป็นแค่เด็กแปลกหน้าคนหนึ่ง เป็นเด็กที่เข้ามาสร้างความวุ่นวายในชีวิตคุณทอม ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณทอมครับ ผมถึงไม่ต้องการอะไร ผมไม่ต้องการเป็นลูกของคุณทอม ผมขอเป็นแค่เด็กผู้ชายคนหนึ่งที่คุณทอมเคยรู้จักก็พอครับ....  :m15:



 :dad2:



TBC>>>>>>
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: kungyung ที่ 20-01-2010 23:42:17
 :m15: :m15: :m15: :m15:
ชีวิตยิ่งกว่าดาวพระศุกร์
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 21-01-2010 10:58:01

สายใยรัก บทที่ 4..
“อ่างปลา คุณทอม”

-----------------



“เข้าไปทำ อะไรน่ะ แวว..”
จิมเอ่ยทักสาวใช้ที่กำลังก้าวออกจากห้องพร้อมอุปกรณ์ทำความสะอาด
“ทำความสะอาดค่ะ"
"ใครสั่ง?"
จิมถามด้วยความสงสัยเพราะไม่ใช่ที่ทางที่ต้องทำความสะอาดทุกวันตามหน้าที่ เนื่องจากเป็นห้องพักสำหรับคนรับใช้ที่ปิดว่างไว้ และไม่มีทางที่สาวใช้แววจะนึกขยันเข้าไปทำความสะอาดโดยไม่ได้รับคำสั่ง
"คุณทอมค่ะ คุณทอมสั่งพี่เอ๊ดดี้ไว้เมื่อคืน ให้ทำความสะอาดห้องพักคนรับใช้บนตึกด้วย"
"ทำไมรู้มั้ย"
"ไม่ทราบค่ะ คุณทอมไม่ได้สั่งอะไรต่อค่ะ"
จิมผละจากสาวใช้เดินกลับขึ้นไปชั้นบน ทอมไม่เห็นบอกเขาสักคำว่ากำลังทำอะไร หรือว่า….


 :m28:


จิมเพลินกับการยืนชมความงามของเทพบุตรทอมจนลืมไปเลยว่าเข้ามาทำอะไร เขาไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมจึงไม่รู้สึกเบื่อเลย ทั้งๆ ที่ได้เห็นหน้าและพูดคุยใกล้ชิดอยู่ทุกวัน

ไม่ว่าในยามหลับหรือตื่น ทอม แม็คกิลล์ ก็ยังคงความงดงามราวเทพบุตรอยู่เสมอ ในยามหลับเป็นความงดงามที่อ่อนโยนน่าทะนุถนอม ชวนให้อยากสัมผัสและอยู่ใกล้ ต่างจากเวลาตื่นความงามมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับอารมณ์ ด้วยใบหน้าที่หล่อและมีเสน่ห์ชวนฝัน เมื่อไรที่ยิ้มและหัวเราะอย่างมีความสุข บรรยากาศรอบๆ เหมือนอยู่บนแดนสวรรค์ยังไงยังงั้น.. แต่ถ้าโกรธหรือไม่พอใจขึ้นมาเหมือนมีเมฆดำแผ่กระจายรอบๆ บรรยากาศมาคุ… เราดีๆ นี่เอง

จิมยอมรับว่าความรู้สึกที่เขามีให้ทอมในวันนี้ ไม่ใช่แค่ในฐานะเพื่อนหรือลูกจ้าง ถึงวันนี้เขาพร้อมที่จะทำงานให้ทอมโดยไม่ต้องการค่าจ้างหรือผลตอบแทนสักบาท ขอแค่ได้มีโอกาสอยู่ใกล้ชิดก็เพียงพอแล้ว

…เมื่อไรจะใจอ่อนซะที ทอม.. นายรู้ว่าฉันรู้สึกยังไงกับนาย นายให้ความหวังฉันโดยการไม่ปฏิเสธ แต่ก็ไม่ยอมตอบรับความรู้สึกของฉันซะที…

จิมโน้มตัวลงไปใกล้เทพบุตรของเขา จึงสังเกตุเห็นว่าทอมไม่ได้กลัดกระดุมเสื้อนอน เปลี่ยนเสื้อเสร็จคงกระโดดขึ้นเตียงหลับปุ๋ยไปเลย จิมขยับเสื้อนอนของทอมให้เข้าที่และกลัดกระดุมให้

"อืมม์.. อย่านะ ไม่…" เสียงพึมพำจากริมฝีปากบางสวย คิ้วเรียวขมวดมุ่นเข้าหากันเหมือนตกอยู่ในอาการฝันร้าย

"ทอม.. ทอม.." จิมปลุกทอมให้ตื่นจากภวังค์ร้าย

ทอมลืมตาขึ้นก็ผวาเฮือกและผลักร่างสูงออกก่อนจะลุกขึ้นโวยเสียงดัง

"ทำบ้าอะไรน่ะจิมมี่.. ฉันบอกแล้วใช่มั้ยว่าฉันไม่ใช่!!… ฉันไม่ชอบ  และไม่มีรสนิยมแบบเดียวกับนาย กลับไปพักที่คอนโดของนายบ้างก็ได้นะ จะได้หาใครมาระบายความใคร่ได้บ้าง ไม่ต้องนอนที่นี่ทุกคืนก็ได้…"

จิมอ้าปากหวอตกใจกับอารมณ์และถ้อยคำต่อว่าที่รุนแรงของทอม มันไม่ใช่อารมณ์โกรธของคนที่กำลังหลับสบายและถูกปลุกให้ตื่น ทุกถ้อยคำเหมือนเก็บความโกรธและไม่พอใจไว้นานแล้ว แต่ทอมคงไม่กล้าพูดและต่อว่าให้เขาเสียน้ำใจ หรือไม่ก็จำต้องอดทนเพราะเขาต้องทำงานให้   แม้จะรู้สึกเจ็บปวดและเสียใจแต่จิมก็สามารถซ่อนความรู้สึกได้อย่างมิดชิด สีหน้าของเขาขณะนี้จึงเป็นสีหน้าของคนที่ไม่เข้าใจและอยู่ในอาการงุนงงเท่านั้น

"เรื่องอะไร ทอม.. ฉันแค่ปลุกนายเฉยๆ"

"ปลุกทำไม!!.." ทอมเหลือบดูเวลาที่หัวเตียงและหันมาโวยต่อ   "เพิ่งจะ 3 โมงเช้าเอง วันนี้มีงานตอนเย็นไม่ใช่เหรอ มันไม่ใช่เวลาที่ฉันควรจะตื่นซะหน่อย"

"เอ่อ.. ขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปลุกให้ตื่น แค่จะให้ออกจากฝันร้ายเท่านั้น"

"ฝันร้ายอะไร รู้ได้ไงว่าฉันฝัน หรือว่านายเข้าไปอยู่ใน…"

ทอมชะงักเมื่อรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาว่าเขากำลังฝันจริงๆ และในฝันก็มีจิมอยู่ด้วยจริง บอกไม่ถูกว่ามันคือฝันร้ายหรือเปล่า ไม่ซิ เขาฝันดีต่างหาก…

….เขาฝันว่าได้ก้าวไปสู่เวทีนายแบบระดับโลกด้วยการผลักดันของจิม เขาให้รางวัลจิมเป็นสิ่งที่เจ้าตัวอยากได้แต่ไม่เคยได้รับจากเขานั่นคือ การจูบด้วยอารมณ์และความรู้สึกที่ยินยอม แต่มีข้อแม้ว่าให้แค่จูบเท่านั้น ห้ามเกินเลยมากไปกว่านี้ จิมรับปากและตรงรี่เข้ามาขอรับรางวัลจากเขาทันที เขาและจิมผลัดกันให้และรับรางวัลกันอย่างดูดดื่ม แม้จะรู้สึกดี… แต่เขาก็มีขอบเขตของการให้ ก่อนที่อารมณ์ของเขาและจิมจะเตลิดไปไกลจนกู่ไม่กลับ เขาขอหยุดและพยายามจะผละออก แต่จิมไม่ยอมกลับผลักเขาล้มลงและตัดกำลังด้วยการชกที่ท้องเขาจนจุก อย่างนี้แล้วจะไม่ให้เขารู้สึกโกรธมากได้ยังไง เมื่อลืมตาขึ้นมาก็พบใบหน้าของจิมอยู่ห่างไม่ถึงฟุต และมือก็กำลังปลดกระดุมเสื้อของเขาอยู่….

ทอมหน้าแดงรู้สึกละอายกับความฝันบ้าๆ ของตัวเอง   แต่ถึงจะเป็นแค่ความฝันเขาก็รู้สึกโกรธคู่กรณีในฝันที่กำลังนั่งหน้าเหลออยู่ตรงหน้าขณะนี้

"ตกลงนายฝันร้ายหรือเปล่า ถ้าเปล่า.. ฉันก็ขอโทษด้วยที่รู้มากไปหน่อย หลับต่อเถอะ.. "

จิมลุกขึ้นยืนผละออกจากเตียงไปได้ 2 ก้าวก็หันกลับมาสั่งเสียเทพบุตรแสนรักของเขาด้วยความห่วงใยจากใจจริง
"ยังติดกระดุมเสื้อไม่หมดจัดการต่อเองนะ ต่อไปเวลานอนอย่าลืมติดกระดุมล่ะ ถ้าขี้เกียจก็สวมเสื้อยืดซะ นายชอบเปิดแอร์ซะหนาว.. และยังนอนไม่ห่มผ้าด้วย เดี๋ยวจะเป็นหวัด "
ร่างสูงชะงักอีกครั้งขณะก้าวออกจากห้อง
"อ้อ! เดี๋ยวฉันจะออกไปข้างนอก ถ้าไม่ติดธุระอะไรจะกลับมารับนายตอน 4 โมงเย็น แต่ถ้าไม่มาฉันจะโทรบอกก่อนแล้วนัดเจอกันที่โรงแรมเลย ไปเองได้ใช่มั้ย ทอม"

ทอมนั่งอึ้งรู้สึกเสียใจที่เข้าใจผิดคิดว่าจิมกำลังจะ… เขาพยักหน้าหงึกทั้งๆ ที่ก็ไม่รู้ว่าจะออกจากบ้านไปไหนคนเดียวได้หรือเปล่า นานมากแล้วที่เขาไม่ได้ทำอะไรหรือไปไหนคนเดียวโดยไม่มีชายหนุ่มผู้นี้อยู่ข้างกายด้วย

"เดี๋ยวก่อน!!.."

จิมเลิกคิ้วเมื่อบ๊อสหนุ่มออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงไม่พอใจอีกครั้ง
"จู่ๆ ก็มีธุระ จะไปไหนอ่ะ ทำไมไม่บอกล่วงหน้า"

จิมเริ่มเหนื่อยใจ เขาเคยคิดว่าสามารถอดทนกับความเจ้าอารมณ์ของทอมได้ แต่ตอนนี้เขาชักไม่แน่ใจแล้ว ไม่รู้ว่าจะอดทนไปเพื่ออะไร จิมพยายามตอบคำถามด้วยน้ำเสียงปกติที่สุด

"ขอโทษนะครับ บ๊อส.. ผมก็ไม่รู้ล่วงหน้าเหมือนกันว่าจะมีธุระ ก็แค่จะขนของใช้ส่วนตัวกลับไปที่คอนโด แล้วก็อยู่เก็บกวาดทำความสะอาดสักหน่อย คืนนี้กลับเข้าไปจะได้นอนสบาย"

ทอมอ้าปากหวอนั่งตะลึงโดยไม่พูดอะไรอีก จิมจึงรีบตัดบท

"ผมจะพยายามกลับมารับให้ทันล่ะกัน ถ้าไม่มีอะไรแล้วขอตัวนะครับ บ๊อส.. ขอโทษด้วยที่เข้ามารบกวน "

จิมกลับไปที่ห้องตัวเองเพื่อเก็บเสื้อผ้า เป็นเวลากว่า 1 ปีแล้วที่เขาพักอยู่ร่วมชายคาเดียวกับสุดยอดนายแบบชื่อดัง ระยะแรกจะพักเฉพาะคืนที่กลับดึกมากเท่านั้น แต่ช่วงครึ่งปีหลังที่ผ่านมานี้ทอมมีงานดึกเกือบทุกคืนจึงชวนให้เขาย้ายมาพักอยู่ด้วย
ถึงเวลาที่เขาควรจะแยกกลับไปอยู่ในที่ทางของตัวเองซะที นึกแล้วก็น่าขัน เขาหอบเสื้อผ้ามาพักอยู่ที่นี่ก็เพราะทอมชวนให้มา ไม่คิดเลยว่าเขาจะต้องกลับไปเพราะทอมเอ่ยปากไล่…

จิมชะงักเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู เขาดึงเสื้อออกจากไม้แขวนและโยนไปที่เตียงก่อนจะเดินไปเปิด เพียงแค่ขยับลูกบิดปลดล็อคประตูก็ถูกผลักเข้ามาพร้อมๆ กับร่างของทอมถลาเข้ามาสวมกอดโดยที่จิมไม่ทันตั้งตัว

"อย่าไปนะจิม.. ฉันขอโทษ... ฉันไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้หมายความว่าให้นายจากไป" ทอมละล่ำละลักบอกกล่าวความในใจ
"นายไปแล้วฉันจะอยู่กับใคร ใครจะช่วยฉันดูคิวงาน ใครจะจัดการเจ้าหนูแม็กกี้ให้ฉัน อย่าไปนะ จิมมี่.. อย่าทิ้งฉันไป ฉันอยู่คนเดียวไม่ได้.."

ทอมซบไหล่จิมสะอื้น จิมตกใจรีบสวมกอดและปลอบโยนเทพบุตรแสนรักที่กำลังอยู่ในอาการขวัญหายเพราะกลัวถูกเขาทิ้งให้อยู่คนเดียว

"ใจเย็นๆ ทอม ฉันไม่ได้ไปไหน แค่กลับไปนอนที่คอนโดเท่านั้น ฉันไม่ได้ขอลาออกจากงานซะหน่อย ทุกอย่างยังเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เสร็จจากงานก็พานายกลับบ้าน รอจนนายเข้านอนแล้วฉันถึงจะกลับ และทันทีที่นายตื่นก็จะเห็นฉันยืนอยู่ตรงหน้าเหมือนทุกวัน เห็นมั้ยว่าไม่มีเวลาไหนที่ฉันจากไปหรือทิ้งให้นายอยู่คนเดียวเลยยกเว้นเวลานอนเท่านั้น ทุกวันนี้ก็เป็นแบบนี้อยู่แล้วไม่ใช่หรือทอม หือ.."

ทอมผละจากจิมเดินไปที่เตียงรื้อเสื้อผ้าออกจากกระเป๋า
"ไม่เอา ฉันไม่ให้ไป ทำไมต้องกลับไปนอนที่คอนโดด้วย แค่นี้ยังเหนื่อยไม่พออีกหรือไง เทียวไปเทียวมาทำไมอีก ฉันไม่ให้นายไป!!! "
จิมส่ายหน้าเอาใจบ๊อสหนุ่มแสนรักไม่ถูก เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย.. เดี๋ยวรักเดี๋ยวเกลียด.. เดี๋ยวไล่ให้ไปเดี๋ยวสั่งให้อยู่…
"แน่ใจหรือทอม..ว่าอยากให้ฉันนอนที่นี่เหมือนเดิม ไม่กลัวฉันเกิดอารมณ์ใคร่ขึ้นมาแล้วย่องเข้าไปหานายอีกเหรอ"
ทอมหน้าจ๋อยรู้สึกเสียใจที่พูดจารุนแรงออกไป เพราะในความเป็นจริงจิมไม่มีทางทำเรื่องแบบนั้น ไม่มีทางใช้กำลังทำร้ายและบังคับเขาอย่างในฝันแน่
"ฉันเสียใจ ฉันขอโทษที่พูดจาไม่ดีกับนาย ฉันกำลังฝันร้ายจริงๆ ตื่นขึ้นมาก็เลยตกใจต่อว่านายรุนแรง ยกโทษให้ฉันได้มั้ย จิมมี่.."
จิมลอบยิ้มในใจแสร้งตีหน้าเครียดเดินเข้าไปจับไหล่
"ไม่ได้หรอก ฉันยกโทษให้ไม่ได้"
คิ้วเรียวขมวดมุ่น จิมรีบกล่าวต่อ
"ฉันไม่ได้โกรธ จะให้ยกโทษเรื่องอะไรล่ะ หือ.."
"แต่นายกำลังจะเก็บของกลับไปนอนที่คอนโด ก็แปลว่านายแคร์คำพูดของฉัน…"
"ฉันไม่ได้แคร์คำพูดของนายเลย ทอม.. ฉันแคร์ความรู้สึกของนายต่างหาก อยากให้นายสบายใจ เวลานอนจะได้ไม่ต้องผวาและกังวลว่าฉันจะเข้าไปทำอะไร"

ทอมทำหน้าเหมือนกับจะร้องไห้ เขาไม่เคยมีฟอร์มอย่างที่เห็นในเวลาเดินแบบหรืออยู่ต่อหน้าสาธารณชนเวลาอยู่กับจิม ทอมเหมือนเด็กชาย หงุดหงิดอารมณ์เสียเวลาโกรธ หัวเราะเวลาสุขและร้องไห้เมื่อเสียใจ

"ฉันไม่เคยผวาหรือกังวลเรื่องของนายมาก่อนเลยนะ จิม.. เมื่อเช้าฉันกำลังฝันถึงนายพอดี ตื่นขึ้นมาเห็นหน้าก็เลยตกใจอ่ะ…"
จิมเลิกคิ้วความหมายว่าไม่เข้าใจ ทอมจึงเล่าความฝันของตัวเองให้ฟัง

 :-[



หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 21-01-2010 11:08:03
"หัวเราะอะไร นี่ไม่ใช่เรื่องตลกนะ" ทอมฉุนและตาเขียวใส่เมื่อจิมหัวเราะความฝันของเขา
จิมทรุดตัวลงนั่งบนเตียงและฉุดเทพบุตรแสนรักของเขานั่งลงข้างๆ
"ไม่ใช่เรื่องตลกแต่เป็นเรื่องที่น่าดีใจ ไม่อยากเชื่อว่านายยอมให้ฉันจูบแล้ว"
ทอมกระเถิบออกห่าง หน้าแดงเมื่อถูกล้อ
"บ้าเหรอ.. นั่นมันในฝัน ไม่ใช่เรื่องจริงซะหน่อย"
"ฉันอยากให้ความฝันเป็นจริง"
จิมส่งสายตาหวานซึ้งให้ แต่ทอมกลับทำตาเขียวใส่
"ถ้าฝันเป็นจริงฉันก็จะไม่รั้งนายให้อยู่ที่นี่อีกต่อไป นายไม่รักษาคำพูด ใช้กำลังบังคับฉัน ทำฉันเจ็บ ฉันจะเกลียดนายชั่วชีวิตเลยถ้านายทำอย่างนั้นกับฉันจริงๆ"
จิมจับไหล่ทอมเขย่าให้รู้สึกตัว
"เฮ้! ทอม.. ฉันอยากให้เป็นจริงเฉพาะเรื่องจูบเท่านั้นนะ เรื่องที่ฉันทำร้ายนายไม่มีทางเป็นจริงไปได้"

จิมสวมกอดและจูบหน้าผากเทพบุตรแสนรักเบาๆ โดยอีกฝ่ายยอมก็นั่งนิ่งแต่โดยดี

"ฉันสัญญาว่าจะไม่แตะต้องและมีอะไรเกินเลยกับนายนอกเหนือจากกอดและจูบ.. เมื่อนายไม่ชอบฉันก็จะไม่ฝืน นายชอบและรักผู้หญิงก็เป็นเรื่องที่ดีแล้ว ฉันขอแค่เป็นฝ่ายชอบนายคนเดียวก็พอ ลืมฝันร้ายเมื่อเช้านี้ซะ โอเค.."

"ถ้างั้นนายก็จะไม่กลับไปนอนที่คอนโดแล้วใช่มั้ย"
ทอมยิ้มออกเมื่อจิมพยักหน้าให้ ร่างเพรียวงามหงายหลังลงบนที่นอน คว้าหมอนหนุนของจิมมาสวมกอดและหลับตาลงด้วยความสบายใจ
"ฉันขอนอนต่อที่ห้องนายนะ จิม.."
...อยากเป็นหมอนใบนี้จังเลย…จิมรำพึงในใจก่อนจะเอ่ยเรียกเมื่อนึกขึ้นได้
"ทอม.."
"หืมม์.." ทอมขานรับโดยไม่ลืมตา
"สั่งให้ทำความสะอาดห้องคนรับใช้บนตึกเหรอ.."
"อือ.. ลืมไปเลย สั่งเอ๊ดดี้ให้บอกแวว บอกหรือยังก็ไม่รู้"
"บอกแล้ว ฉันเห็นแววเข้าไปเก็บกวาดอยู่ จะให้แม็กกี้ขึ้นมาพักเหรอ.."
ทอมลืมตาและลุกพรวดขึ้นนั่ง
"รู้ได้ไง ฉันบอกนายแล้วเหรอ.."
"เปล่า.. ถ้าบอกแล้วฉันจะถามทำไม แค่สังหรณ์ว่าต้องเป็นเจ้าหนูแม็ก ทำไมล่ะ ทอม.."

"เอ่อ…ก็... เมื่อสองวันก่อนฉันได้ยินนายเปรยว่าที่พักของเด็กเล็กกว่าห้องน้ำบนตึกนี้เกือบ 2 เท่าอ่ะ… คิดๆ ดูแล้วรู้สึกว่าเราโหดร้ายใจดำเกินไป ก็เลยอยากให้เขาพักที่สบายกว่านี้หน่อย ผิดหรือจิม ไม่ควรทำแบบนี้เหรอ.."

"เปล่า.. ไม่ผิดหรอกทอม.. นายสมควรทำ เราต้องการชนะแค่ในเกมเท่านั้น นอกเกมเราสามารถเอื้อเฟื้อต่อเด็กได้ตามความเหมาะสมและสมควร ฟังนะ ทอม.. อีกไม่กี่วันก็จะครบหนึ่งเดือนที่เจ้าหนูแม็กพักอยู่ที่นี่ เหลือเวลาหนึ่งเดือนที่เราจะทดสอบเด็ก ฉันอยากฟังความต้องการของนายตอนนี้อีกครั้ง ว่ายังยืนยันที่จะให้เด็กออกไปให้พ้นจากชีวิตโดยหลีกเลี่ยงการพิสูจน์ความจริงด้วยหรือเปล่า"

ทอมอึ้งไปชั่วครู่ก่อนจะยืนยันความต้องการของตนเอง แต่ไม่ยอมสบตาจิมขณะพูด
"ทำตามที่เคยตกลงกันไว้น่ะแหล่ะ จิม.. อย่ามาถามเซ้าซี้อีก ฉันจะนอนต่อห้ามกวนนะ"

จิมตาปริบๆ มองทอมล้มตัวลงนอนต่อ
… ห้ามกวน!! ทั้งๆ ที่นอนอยู่บนเตียงคนอื่นเนี่ยนะ…

… หึ! ขอให้หมายความตามที่พูดจริงๆ เถอะ ทอม.. ช่างไม่รู้ตัวเลยว่าความเกลียดชังในตัวเด็กของนายลดน้อยลงไปแล้ว ลดลงไม่เป็นไรหรอก แต่อย่าเปลี่ยนความรู้สึกจากเกลียดเป็นรักก็แล้วกัน  ฉันไม่มีวันยอมให้เจ้าหนูนี่มาขัดขวางอนาคตที่กำลังรุ่งโรจน์ของนายหรอก แม็คกิลล์…


 :laugh3:


"เจอหรือยังวะเอ๊ดดี้.. ทำไมไม่ไว้กับกุญแจรถ หรือว่าลืม.."

จิมชะโงกหน้าไปถามเมื่อรู้สึกว่ารถจอดนิ่งอยู่หน้าประตูบ้านนานเกินไปแล้ว

นายเอ๊ดล้วงกระเป๋ากางเกงซ้ายขวาหารีโมทประตูซึ่งปกติจะติดตัวไว้ตลอดเวลา

"เอ!.. ผมว่าผมเอามานะครับคุณจิม.. หรือว่าจะหล่นหายก็ไม่ทราบ"

"ถึงบ้านแล้วเหรอ…"

ทอมงัวเงียตื่นขึ้นเพราะเสียงพูดคุย คืนนี้เขาเหนื่อยมากจริงๆ แคทวอล์คคนเดียว 20 ชุด จากที่ตกลงกันไว้เพียง 10 ชุด เพราะนายแบบที่เดินคู่กับทอมเกิดป่วยกระทันหัน เจ้าของห้องเสื้อขอร้องให้ทอมช่วยเดินแทน เพราะมีเขาเท่านั้นที่เข้ากับ Concept ของชุด จิมขอต่อรองเหลือแค่ 15 ก็ไม่ยอม อ้างว่าไม่คุ้มค่าใช้จ่ายที่ลงทุนจัดงาน และแบบเสื้อ 20 ชุดที่ว่าก็เป็นดีไซน์ใหม่ล่าสุดที่ตั้งใจมาเปิดตัวในงานนี้โดยเฉพาะ

"เดี๋ยวก่อนทอม.. ถึงแล้วแต่ยังไม่ได้เข้าบ้าน" จิมรีบบอกเมื่อเห็นทอมทำท่าจะเปิดประตูรถ
"หารีโมทเจอรึยัง เอ๊ดดี้.." จิมหันไปเอ็ดประตูรั้วก็เปิดออกพอดี

"ต่อไปเก็บไว้กับกุญแจรถเลยนะ เอ้า! เข้าบ้านซีวะ นั่งเซ่ออยู่ทำไม"
"ครับผม"

นายเอ๊ดรีบเคลื่อนรถเข้าบ้าน เขาไม่ได้เป็นคนเปิดประตูเพราะยังหารีโมทไม่เจอ และเมื่อเขาไม่ได้เปิดก็แปลว่า…..

"อ้าว! แม็กกี้นี่.. แสดงว่าแกยังหากุญแจไม่เจอล่ะซี เอ๊ดดี้.."

จิมกล่าวอย่างรู้ทันแต่ไม่ได้โวยวายต่อว่า ในขณะที่ทอมเหลียวหลังมองก็เห็นเจ้าหนูกำลังบังคับรีโมทปิดประตู
"ไม่ได้บอกเด็กหรือ เอ๊ดดี้.. ว่าไม่ต้องมารอเปิดประตู ให้พักจนกว่าจะแข็งแรงดีก่อนน่ะ"

ทอมเอ็ดนายเอ๊ดเมื่อเห็นเด็กชายมายืนรอเปิดประตูให้ทั้งๆ ที่เวลาขณะนี้เกือบจะเที่ยงคืนเข้าไปแล้ว และเจ้าหนูก็เพิ่งออกจากโรงพยาบาลได้ 3 วัน
"เอ่อ.. บอกแล้วครับเจ้านาย แต่แม็กกี้บอกว่าค่อยยังชั่วมากแล้ว ไม่อยากนั่งเฉยๆ ครับ"
"เชอะ! เด็กบ้า อวดเก่ง.."
ทอมเปิดประตูและก้าวลงจากรถด้วยอารมณ์ไม่สู้ดี จิมซ่อนยิ้มไว้ในหน้า รีบรับปากจัดการให้

"ไปนอนเถอะทอม.. ฉันจัดการเอง ถ้าหายดีแล้วจะได้เปิดเกมทดสอบกันต่อ"
ทอมพยักหน้าทำท่าจะเดินขึ้นตึกแต่แล้วก็ชะงัก
"เฮ้! เดี๋ยวก่อนจิม จะทดสอบอะไร ไม่ใช่ตอนนี้นะ"
"โอ! ทอม.. เห็นฉันเป็นยักษ์เป็นมารหรือไง ไม่ใช่ตอนนี้แล้วก็ไม่ใช่พรุ่งนี้ รออีก 2-3 วัน ฉันแค่จะเกริ่นให้เจ้าหนูรู้ล่วงหน้าก่อนเท่านั้น อย่าห่วงเลยน่ะ บ๊อส… ไปนอนซะ"
"แม็กกี้.."
จิมกวักมือเรียก เด็กชายก็วิ่งเหยาะๆ เข้ามาหา
"หายแล้วเหรอ"
"ครับ"
จิมโอบไหล่เด็กชายพาเดินเข้าบ้าน
"ฉันจะไปส่งที่ห้อง ห้องพักใหม่เป็นไงบ้าง สบายมั้ย"
"สบายครับ เอ่อ..ผมไปที่ห้องเองได้ครับ คุณจิม.."
"ไม่เป็นไร ฉันอยากไปส่ง มีเรื่องจะคุยด้วย"


 o18


ทอมกำลังจะก้าวขึ้นรถก็ต้องชะงักเมื่อสายตาเหลือบไปที่สนามเห็นร่างเล็กกำลังขุดดินด้วยพลั่วขนาดใหญ่เกือบเท่าตัว

"แม็กกี้ทำอะไรอยู่น่ะ เอ๊ดดี้.. อย่าบอกว่าขุดดินนะ" ทอมรีบดักคอก่อนจะได้รับคำตอบที่ไม่สร้างสรรค์

"เอ่อ.. คุณจิมสั่งให้ขุดครับเจ้านาย เห็นว่าจะทำบ่อเลี้ยงปลา"

"อะไรนะ"

ทอมยืนนิ่ง จิมคงเริ่มเกมทดสอบแล้วกระมัง ทำไมไม่บอกเขาสักคำว่าจะทำอะไร!!
"อ้าว! ยังไม่ขึ้นรถอีกเหรอทอม.. รีบไปเถอะ เดี๋ยวสาย.."

จิมเดินตามออกมา เป็นครั้งแรกที่ทอมเป็นฝ่ายออกมาคอยเพราะเขาติดโทรศัพท์ทางไกลอยู่

"ให้เด็กขุดดินทำไมจิม.. จะทำอะไรน่ะ"

"อะไร.. อ๋อ.." จิมมองไปที่สนามและยิ้มด้วยความพอใจ หารู้ไม่ว่ารอยยิ้มของเขาทำให้ทอมรู้สึกไม่ชอบใจ

"ได้ยินนายบ่นว่าอยากมีบ่อเลี้ยงปลาในบ้านไม่ใช่เหรอ…"

ทอมตาโต สีหน้าไม่พอใจจนจิมต้องรีบขัดขึ้นก่อน

"ล้อเล่นน่า.. แค่บ่อ เอ้ย! อ่างเลี้ยงปลาเท่านั้น เล็กๆ ไม่ใหญ่มากหรอก"

"ไม่ใหญ่มากน่ะ แค่ไหน"

ทอมถามด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจเท่าไร ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องฉุนด้วย รู้ก็รู้ว่าจิมทำไปเพราะช่วยเขา

"ก็.. แค่ 4-5 ตารางเมตรเท่านั้นแหล่ะทอม.. ไม่หนักหนาเท่าไรหรอก แล้วครั้งนี้ฉันก็ให้เวลาทั้งวัน เย็นนี้ค่อยกลับมาดูผลงาน ไปกันเถอะ เดี๋ยวสาย"

ทอมยังยืนนิ่งอยู่ จิมลอบถอนใจเมื่อเห็นสายตาที่ทอมมองดูเด็กชาย

"ถ้านายไม่สบายใจ ฉันจะไปบอกแม็กกี้ให้เลิกขุดเดี๋ยวนี้ โอเค.."

ทอมไม่ตอบ จิมถอนใจเฮือกและเดินดุ่มไปที่สนามทันที

"จะไปไหนจิม.. ไม่รีบไปเดี๋ยวจะสายนะ "

จิมชะงักหันกลับไป ทอมเรียกเขาขึ้นรถด้วยสีหน้าและรอยยิ้มที่เปลี่ยนไปจากเมื่อครู่

"เย็นนี้ค่อยกลับมาดูว่าจะได้อ่างปลาหรืออ่างบัว"

ทอมก้าวขึ้นรถ นายเอ๊ดตามมาปิดประตูให้และเข้าไปนั่งประจำที่คนขับ จิมส่ายหน้าเดินกลับไปขึ้นรถ…


 :o9:



หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 21-01-2010 11:23:08
"แม็กกี้.. พักก่อนเถอะ น้าเอาข้าวกลางวันมาให้" สาวใช้แววพยายามเรียกเด็กชายเป็นครั้งที่ 3

"ขอบคุณครับ ผมยังไม่หิว"

เด็กชายกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหอบ อุปกรณ์ขุดดินหลายชนิดวางกองอยู่

….ขุดด้วยเครื่องมืออะไรก็ได้ที่นายถนัดให้ได้ขนาดเท่าที่ฉันมาร์คไว้ ความลึก 60 ซม. ต้องเผื่อเทปูนด้วย พรุ่งนี้ฉันจะให้ช่างปูนมาทำงานต่อจากนาย อีก 2 วันคุณทอมก็จะได้อ่างปลาคราฟไว้นั่งดูเล่นคลายเครียด ครั้งนี้ฉันไม่กำหนดเวลา แต่งานต้องเสร็จเมื่อฉันและคุณทอมกลับมา ไม่เร็วกว่า 5 โมงเย็นหรอก บางทีอาจจะช้ากว่านั้นด้วยซ้ำ และด้วยสัญญาของลูกผู้ชาย นี่เป็นงานของนายเพียงคนเดียวนะแม็กกี้.. คนอื่นไม่เกี่ยว…

เด็กชายตักดินใส่ถังเพื่อขนออกไปเทไว้ข้างๆ อ่างปลารูปวงกลมเส้นผ่าศูนย์กลางขนาด 2.5 เมตร มันก็ไม่ใหญ่มากนักหรอกแต่มันก็ไม่เล็ก และที่สำคัญต้องให้ได้ความลึกถึง 60 ซม.นี่ซิ ! มันทำให้แม็กต้องขุดดินออกไปกองไว้ข้างๆ ผ่านไป 3 ชั่วโมงแล้วยังขุดได้ไม่ถึงครึ่งเลย เหลือเวลาอีก 5 ชั่วโมง… ไม่รู้ว่าจะขุดทันหรือเปล่า.. เรี่ยวแรงก็ชักจะหมดลงแล้ว…

"แม็กกี้.. ขึ้นมาพักกินข้าวก่อนเถอะ จะบ่ายอยู่แล้ว"

แม่บ้านทิพย์นั่งยองๆ อยู่ข้างหลุมที่เด็กชายกำลังขุด เมื่อสาวใช้แววไม่สามารถเรียกแม็กกี้ขึ้นมาจัดการอาหารกลางวันได้ จึงเดือดร้อนถึงแม่บ้านต้องมาช่วยเรียกแทน

แม็กกี้เงยหน้าขึ้นส่งยิ้มอ่อนระโหยให้ ถึงจะเหนื่อยแค่ไหนแต่ก็มีกำลังใจที่จะสู้เพราะคนที่นี่ดีกับแม็กทุกคน แม้แต่คุณจิมเองนอกเหนือจากเกมทดสอบแล้ว บางครั้งคุณจิมก็เข้ามาพูดคุยหยอกล้อด้วยความเอ็นดู ส่วนคุณทอมถึงจะพูดคุยด้วยนับคำได้ แต่แม็กก็เชื่อว่าจริงๆ แล้วคุณทอมเป็นคนใจดี และคงไม่เย็นชาแบบนี้ถ้าแม็กไม่ได้เข้ามาในบ้านเพื่อต้องการพิสูจน์ความจริงในเรื่องที่ร้ายแรงและรับไม่ได้สำหรับคุณทอม

"ผมยังไม่หิวครับป้า ผมต้องรีบขุดด้วย เดี๋ยวไม่ทัน"

"โถ! พ่อคุณ มันไม่ได้เสียเวลาเท่าไรหรอก ขึ้นมาก่อนเถอะ  พักดื่มน้ำก่อนก็ยังดี.."

แม็กกี้วางจอบในมือและลุกขึ้นยืนจะปีนขึ้นจากหลุม  แต่หน้ามืดเสียหลักล้มลงเพราะลุกขึ้นเร็วเกินไป

"ผมไม่เป็นไรครับป้า หน้ามืดนิดเดียว"

แม่บ้านทิพย์ร้องเรียกสาวใช้แววให้เอายาดมออกมา และช่วยฉุดเด็กชายขึ้นจากหลุมพาไปหลบแดดใต้ร่มไม้

"เดี๋ยวให้แววออกมาช่วยนะ แม็กกี้.. จะได้เสร็จทันเวลา" แม่บ้านส่งน้ำให้เด็กชายดื่ม

"ไม่ได้หรอกครับ ผมต้องทำเอง"

"โธ่เอ๊ย! แม็กกี้.. ให้แววช่วยจะได้เสร็จเร็วขึ้น ไม่มีใครรู้หรอก ป้าจะไม่บอกใคร"

"ไม่ได้ครับ ผมขี้โกงไม่ได้ คำสั่งของคุณทอมผมต้องทำให้เสร็จครับ"

เด็กชายทานข้าวเพียงครึ่งจานก็วางช้อนลง และลุกขึ้นกระโดดลงไปทำงานต่อ แม็กกี้ไม่สามารถพูดอะไรให้ป้าทิพย์หรือน้าแววเข้าใจได้มากกว่านี้ เพราะเรื่องระหว่างแม็กกับคุณทอม คุณจิมสั่งห้ามไม่ให้พูดหรือบอกใคร ยกเว้นน้าเอ๊ดดี้เท่านั้นที่รู้…

"เฮ้อ! คุณทอมกับคุณจิมทำไมถึงใจร้ายอย่างนี้นะ ใช้งานเด็กอย่างกับทาส ผิดวิสัยจริงๆ"

แม่บ้านรำพึงด้วยความเวทนา…


 :monkeysad:


อีก 15 นาทีจะ 5 โมงเย็น…

ร่างเล็กปวดระบมและล้าไปหมดทั้งตัว ไม่มีแรงลุกขึ้นยืนหรือแม้แต่จะยกแขนขึ้น อ่างปลาของคุณทอมถูกขุดเป็นวงได้ขนาดตามที่คุณจิมต้องการแล้ว เหลือแต่ความลึกที่ยังขุดได้ไม่ทั่วทั้งวง ฝ่ามือทั้งสองข้างของเด็กชายบวมช้ำจนไม่สามารถจับเครื่องมือใดๆ ได้แล้ว แต่ตราบเท่าที่ยังมีแรงอยู่แม็กก็จะไม่หยุด ที่ยังพอทำได้ขณะนี้คือใช้เท้ากระแทกดินให้ร่อนออก แล้วใช้ขันพลาสติคตักดินใส่กระป๋อง

แม็กกี้รู้ดีว่าความหวังที่จะผ่านการทดสอบครั้งนี้หมดลงแล้ว ถึงคุณทอมและคุณจิมจะกลับมาช้ากว่านี้ แม็กก็ไม่สามารถทำงานนี้สำเร็จเพราะแม็กกำลังจะหมดแรงแล้ว…..

…แม่จ๋า.. ผมไม่ได้พิสูจน์ความจริงแล้ว… ผมคงต้องไปจากที่นี่… :m15:  ไปจากคุณทอม.. ผมไม่ไหว… ผมแพ้….แล้ว…

ในที่สุดเด็กชายก็หมดสติไปเพราะความเหนื่อยและเพลียที่สุดเท่าที่ร่างกายเคยได้รับ..


 :m15:


"แวว.. เอ็งออกไปดูซิ แม็กกี้เป็นยังไงบ้าง"

"อุ๊ย! ไม่เอาหรอกป้า คุณจิมโทรมากำชับว่าไม่ให้เข้าไปช่วยเด็กทำงาน ฉันไม่อยากขัดคำสั่ง เดี๋ยวถูกไล่ออก"

"ข้าให้เอ็งออกไปดูเฉยๆ ให้มันรู้ไปซีวะ ว่าแค่ยืนดูจะถูกไล่ออก เจ้านายของพวกเราน่ะ คุณทอมนะไม่ใช่คุณจิม"

"โธ่.. ป้า คุณจิมก็อ้างคำสั่งคุณทอมน่ะแหล่ะ เอาเถอะ ! เดี๋ยวฉันจะออกไปดูให้ ป้าเร่งมืออาหารเย็นด้วยก็แล้วกัน คุณจิมว่ากลับมาถึงก็ให้เตรียมตั้งโต๊ะเลย คืนนี้คุณทอมต้องพักผ่อนเร็วหน่อย เพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้ามืดเดินทางไปถ่าย โลเคชั่นที่เมืองกาญจน์ "

"เฮ้อ! ทำไมรับงานเยอะเหลือเกิน คุณทอม.. มรดกทรัพย์สินของตระกูลก็มีมากมาย ไม่รู้จะทำงานให้เหน็ดเหนื่อยไปทำไม"

เสียงแตรรถดัง!!!

สาวใช้แววแสดงอาการยินดีรีบวิ่งออกไปเปิดประตูรับ แม่บ้านค้อนให้ด้วยความหมั่นไส้ รู้ว่าอาการดีใจของแววไม่ใช่เพราะเจ้านายกลับ แต่เพราะสามีของเธอกลับมาแล้วต่างหาก

"โอ้โฮเฮะ !… อะไรกันเนี่ย… นายเห็นอย่างที่ฉันเห็นหรือเปล่า ทอม.."

จิมแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง เด็กชายวัย 12 ปีคนนี้เอาเรี่ยวแรงมากมายมาจากไหน ถึงสามารถขุดหลุมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2.5 เมตรขึ้นมาจนได้ เศษดินกองเป็นแนวรอบปากหลุม สูงพอประมาณจนทำให้ไม่สามารถมองเห็นร่างเด็กชายได้ (ถ้าเจ้าหนูยังอยู่ในนั้น)

จิมก้าวลงจากรถตรงดิ่งไปที่หมายทันที ทอมวิ่งหน้าตื่นตามมาติดๆ ตกตะลึงและทึ่งกับผลงานของเด็กชายเช่นกัน

"กลับมาแล้วเหรอพี่เอ๊ดดี้ อ้าว! นั่นคุณทอมกับคุณจิมวิ่งไปไหนกันน่ะ"

นายเอ๊ดคว้าแขนเมียรักเข้ามาถาม

"นี่ แวว.. เธออยู่บ้านทั้งวัน ได้เข้าไปช่วยเจ้าหนูแม็กขุดดินหรือเปล่า"

"อุ๊ย! ใครจะกล้าช่วย คุณจิมเธอสั่งไว้ไม่ให้เข้าไปยุ่ง"

"อย่าบอกนะว่าหลุมขนาดนั้น แม็กกี้ขุดคนเดียว" นายเอ๊ดเขย่าแขนเมียด้วยความตกใจ

"จะบ้าเหรอ พี่เอ๊ดดี้.. ทำไมต้องตื่นเต้นด้วย" แววสะบัดแขนออกค้อนสามี

"ก็เล่นขุดตั้งแต่เช้าจนป่านนี้ยังไม่ยอมพักเลย ข้าวกลางวันกินไปได้แค่ไม่กี่คำ นี่ฉันกำลังจะออกไปดูพอดี พี่ก็พาคุณๆ กลับมา"

นายเอ๊ดหายจากอาการตกตะลึงก็หันมาเอ็ดเมียต่อ

"ทำไมไม่เข้าไปช่วยเด็กล่ะ แวว.. ไม่มีน้ำใจเลย"

"เอ๊ะ! อย่ามาหาเรื่องนะ พี่เอ๊ดดี้ เด็กนั่นยอมให้ช่วยซะที่ไหน พูดแต่ว่าเป็นงานของตัวเอง ต้องรับผิดชอบเอง แพ้ไม่ได้ แพ้ชนะเรื่องอะไร พี่รู้มั้ย.."

นายเอ๊ดไม่พูดอะไรอีก ผละจากเมียวิ่งไปหาเจ้านายที่สนาม สังหรณ์ว่าจะต้องเกิดเรื่องอะไรอีกแน่..


 :เฮ้อ:


"โอ! พระเจ้า.."

จิมและทอมร้องครางด้วยคำอุทานเดียวกัน เมื่อเห็นสภาพของเด็กชายเนื้อตัวมอมแมมไปด้วยขี้ดิน นอนหงายเหยียดยาวไม่ได้สติอยู่ในหลุมที่ตัวเองขุด

จิมกระโดดลงไปทรุดตัวลงช้อนร่างเด็กชายไว้ในวงแขน ในขณะที่ทอมทรุดตัวลงนั่งข้างกองดิน หน้าเสียด้วยความตกใจ

"แม็กกี้.. แม็กกี้.. เฮ้!.. ตื่นได้แล้ว ไอ้หนู… อย่าอู้งานซี"

จิมแสร้งทำใจเย็นปลุกเด็กชาย ทั้งๆ ที่กำลังรู้สึกตกใจและเสียใจกับการกระทำของตัวเอง แต่เขาต้องซ่อนความรู้สึกไว้ไม่อาจแสดงความใจอ่อนให้ทอมเห็นได้

แม็กกี้รู้สึกเหมือนมีคนกำลังเรียก อยากจะขยับตัวแต่ขยับไม่ไหว ทำได้แค่เพียงพยายามลืมตาขึ้น

"แม็กกี้ เฮ้! ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไรใช่มั้ย.."

จิมลอบถอนใจด้วยความโล่งอกเมื่อเด็กชายลืมตา มือช่วยบีบนวดแขนขาที่ไร้เรี่ยวแรงของเจ้าหนูเพื่อให้รู้สึกสบายขึ้น

"คุณ.. จิม.."

เด็กชายเอ่ยเรียกจิมเสียงแผ่วเบา สีหน้าแสดงความกังวลก่อนจะรายงานผลงานที่ตัวเองทำด้วยน้ำเสียงกระท่อนกระแท่น

"ผมขุด.. อ่างปลา.. เกือบเสร็จแล้ว.. แต่.. ขุดได้ลึกแค่.. ฟุตเดียว… ผมทำไม่ไหว..แล้ว.. มือผม… เจ็บ.. ผม… ไม่มีแรงแล้ว ผมยอมแพ้… ผมทำไม่ได้… พรุ่งนี้.. ผมจะไปจากที่นี่…"

"เฮ้! เฮ้!… เดี๋ยวก่อนซี.." จิมเสยผมเด็กชายไปมา

"ใครบอกว่าแพ้ หือ…นายชนะพวกเราอีกแล้วต่างหาก คุณทอมเปลี่ยนใจอยากได้อ่างตื้นๆ จะจัดเป็นสวนน้ำตกแทน ที่นายขุดไว้ลึกเกินพอแล้ว แม็กกี้.."

จิมไม่รู้ว่าตัวเองพูดอะไรออกไป รู้แต่ว่าพูดตามอารมณ์และความรู้สึก หากทอมเป็นเขาก็ต้องพูดแบบเดียวกัน ดีไม่ดีอาจเอ่ยขอโทษเด็กชายด้วยก็ได้

"จริง… เหรอครับ"

"จริงซี ไม่เชื่อถามคุณทอมดูก็ได้" จิมหันหน้าเด็กชายไปหาคู่กรณี

"ใช่มั้ย ทอม.. ความลึกแค่นี้ใช้ได้แล้วใช่มั้ย"

"ใช่"

ทอมพยักหน้าและส่งยิ้มให้ด้วย รอยยิ้มของทอมทำให้หัวใจของหนุ่มน้อยพองโตด้วยความยินดีและเป็นสุข จนแทบจะหายจากอาการปวดล้าที่เป็นอยู่ เพราะกว่าหนึ่งเดือนที่พักอยู่ที่นี่ นี่เป็นครั้งแรกที่คุณทอมยิ้มให้แม็ก…

"งั้นผมก็.. ยังไม่ต้องไป.. จากที่นี่ใช่มั้ยครับ"  :m15:

"ใช่" จิมและทอมตอบรับพร้อมๆ กัน 

"ขอบคุณครับ.. ขอบคุณคุณทอม.. ขอบคุณคุณจิม.."

เด็กชายยิ้มอย่างอ่อนระโหย รู้สึกหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง แต่ก็เป็นเพียงความรู้สึกทางใจเท่านั้น ครั้งนี้หนุ่มน้อยไม่สามารถใช้กำลังใจบังคับร่างกายให้ลุกขึ้นได้ เพราะเรี่ยวแรงทั้งหมดถูกใช้ไปเพื่อขุดอ่างปลาให้คุณทอมหมดแล้ว
แม็กกี้คอพับไปในอ้อมแขนของจิมอีกครั้งด้วยสีหน้าเป็นสุข ทอมตกใจทำท่าจะโวยแต่จิมรีบขัดขึ้นก่อน

"หลับน่ะ ทอม.. ไม่เป็นไร เกมนี้เขาเหนื่อยมาก เหนื่อยมากจริงๆ"

จิมสวมกอดเด็กชายด้วยความลืมตัว บอกความรู้สึกของตัวเองไม่ได้ ไม่รู้ว่าดีใจหรือเสียใจที่เกมทดสอบครั้งนี้เขาเป็นฝ่ายขอแพ้

นายเอ๊ดวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาดูสถานการณ์

"เอ๊ดดี้.. ช่วยคุณจิมพาเด็กไปพักผ่อนหน่อย เช็ดตัวทำความสะอาดให้ด้วย"

"ครับ เจ้านาย"

นายเอ๊ดเข้าไปช่วยรับเด็กชายจากจิมเพื่อพากลับไปพักผ่อนที่ห้อง เสียงจิมตะโกนไล่หลังให้ดูแผลที่มือเด็กด้วย

"ไม่ว่าใช่มั้ย ทอม.. ที่ครั้งนี้เราเป็นฝ่ายขอยอมแพ้…"

ทอมยิ้ม ส่งมือให้จิมและฉุดขึ้นจากหลุม

"ทุกเรื่องที่นายทำมีเหตุผลเสมอไม่ใช่หรือ จิม.. แล้วนายจะว่ามั้ยถ้าฉันจะขอให้ครั้งนี้เป็นการทดสอบครั้งสุดท้าย... ที่เราจะใช้วิธีทารุณเด็ก.. "

จิมอึ้งไปก่อนจะพยักหน้ารับ

…..ฉันเข้าใจความรู้สึกของนายตอนเจ้าหนูแม็กไม่สบายเพราะออกไปตากฝนแล้ว เราสองคนนี่มันมือสมัครเล่นจริงๆ ไอ้พวกเดนมนุษย์ที่มันชอบรังแกและทำทารุณกับเด็ก จิตใจทำด้วยอะไรนะ…..



 :dad2:



TBC>>>>>>




หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: a_tapha ที่ 21-01-2010 12:00:37
 :pig4:  กำลังสนุกเลย

มาต่ออีกหน่อยสิค่ะ

หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: OhJa ที่ 21-01-2010 12:13:37
ตอนแรกที่อ่าน  เคืองทอมกับจิมมากๆเลย รังแกเด็กได้
แต่ตอนนี้เริ่มดีขึ้นบ้างละ
เมื่อไหร่พวกผู้ใหญ่จะใจอ่อนซะทีน้า สงสารน้องแม็กกี้
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: tatum1234 ที่ 21-01-2010 15:31:53
 :sad4:ฮือๆสงสารแม็กกี้..ผู้ใหญ่ใจร้าย


 :L2:ขอบคุณเจ้หมวยนะครับ....ติดตามอ่านต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: จุ๊บจิ๊บจ๊ะจ๋า ที่ 21-01-2010 19:34:58
 :m15: :monkeysad: :m15: :monkeysad:

สงสารแม็กกี้อ่ะ :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 21-01-2010 21:27:48
จะไปฟ้องปวีณา ใจร้าย รังแกเด็ก

เชอะ
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: unnoname ที่ 21-01-2010 22:44:33
ใจร้ายยยยยยยยยยยยยยยย  :sad4:


แล้วรอตอนต่อไปนะคะ J-muay  o13
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: kungyung ที่ 21-01-2010 23:04:06
 :m15: :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 22-01-2010 10:13:04

สายใยรัก… บทที่ 5
"แผนร้าย… ของจิม "

--------------------



ไม่บ่อยครั้งนักที่สุดยอดนายแบบทอม แม็คกิลล์ จะได้มีโอกาสนั่งมองแสงสีตามถนนหนทางในยามค่ำคืน  ทุกครั้งที่ขึ้นรถเขามักจะผล็อยหลับไปภายในเวลาไม่นาน ขึ้นอยู่กับจิมว่าจะใช้เวลาพูดคุยบอกรายละเอียดของงานวันถัดไปให้เขานานแค่ไหน  วันไหนเห็นเขาเหนื่อยมากจิมจะบอกให้นอนพักเลยโดยไม่ชวนคุย จะบอกแต่เพียงสั้นๆว่าพรุ่งนี้มีงานเช้าหรือบ่ายเท่านั้น

วันนี้เขาไม่รู้สึกเหนื่อยเลยเพราะช่วงบ่ายมีงานถ่ายซ่อมปกหนังสือแค่หนึ่งช็อต ช่วงเย็นถึงหัวค่ำได้รับเชิญไปโชว์ตัวในงานเลี้ยงฉลองความสำเร็จและต้อนรับการกลับบ้านของด๊อกเตอร์หนุ่มลูกชายตระกูลไฮโซชื่อดัง   งานนี้เขาไม่ได้ถูกเชิญให้มาเดินแบบเพราะเจ้าภาพมีเพื่อนนายแบบจากอังกฤษมาเดินให้  แต่ได้รับการขอร้องให้ช่วยขึ้นไปแจมเป็นคู่กับนายแบบและนางแบบโดยไม่ต้องเปลี่ยนชุดซึ่งมันก็ไม่ได้ทำให้เขาเหน็ดเหนื่อย  กลับรู้สึกได้ Relax และมีโอกาสได้รู้จักกับเพื่อนร่วมอาชีพเดียวกันจากต่างประเทศ

นั่งอยู่ในรถนานกว่าสิบนาทีแล้วและทอมก็ไม่ได้หลับ แต่ตั้งแต่ขึ้นรถมาจิมพูดคุยกับเขานับคำได้ และที่พูดก็เป็นเพราะเขาถาม 
"พรุ่งนี้มีงานหรือเปล่าจิม.." เป็นครั้งแรกตั้งแต่ทำงานด้วยกันมาที่ทอมต้องเป็นฝ่ายเอ่ยถามตารางงานเอง

ทอมถามย้ำเพราะอีกฝ่ายนั่งเหม่อออกไปนอกรถ
"เอ่อ.. ฉันลืมบุ๊คไว้ที่บ้านน่ะ ถ้าจำไม่ผิดคิดว่ามี 2 งานช่วงบ่ายนะ เดี๋ยวกลับไปดูให้อีกที"

นั่งนิ่งกันไปอีกชั่วครู่ทอมก็อดรนทนไม่ไหวเพราะอีกฝ่ายผิดปกติไปอย่างเห็นๆ ไม่คุยเรื่องงานก็ไม่แปลก แต่นี่ไม่พูดคุยหยอกล้อ ไม่กระเซ้า ไม่แม้แต่จะจับมือเขาไว้อย่างที่เคยทำบ่อยครั้งในเวลากลางคืน

จิมชอบจับมือเขาบีบโดยอ้างว่าเป็นการถ่ายทอดพลังให้ ซึ่งมันก็ทำให้เขารู้สึกดีจริงๆ  และหลายครั้งที่ไม่ใช่แค่จับอย่างเดียวแต่ยกขึ้นจูบเอาดื้อๆ เพราะนึกว่าเขาหลับสนิทแล้ว

"เป็นอะไร จิม.."
"หือ.. เปล่านี่"
"โกหก ทำไมไม่พูดอะไรเลย คิดอะไรอยู่ หรือว่า… นายกำลังคิดหาวิธีจัดการกับแม็กกี้"
"ใช่.. ก็นายห้ามไม่ให้ใช้วิธีรุนแรงกับเด็กอีก จนป่านนี้ฉันก็ยังคิดไม่ออกว่าจะหาวิธีนุ่มนวลจัดการกับเด็กยังไง"
ทอมขยับเข้าไปกระแซะเอาใจเมื่อสำนึกขึ้นได้ว่าเป็นปัญหาส่วนตัวของเขาแท้ๆ แต่กลับต้องให้จิมช่วยจัดการให้
"ไม่เป็นไรหรอกจิม.. มีเวลาอีกตั้ง 3 อาทิตย์ ค่อยๆ คิดก็ได้"
จิมพยักหน้าให้โดยไม่กล่าวอะไร เอนศีรษะพิงพนักและหลับตา

ทอมอึ้งไปก่อนจะขยับตัวออกห่างและกระเถิบไปนั่งพิงประตูอีกด้านโดยไม่พูดอะไรอีก เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น  จิมจึงหมางเมินและเย็นชาขนาดประชิดถึงตัวแล้วยังไม่ยอมสวมกอด.....ไม่แม้แต่จะยกมือขึ้นโอบไหล่เหมือนที่เคยทำทุกๆ ครั้งจนเป็นเรื่องปกติวิสัย



"ไง! ลุง พักร้อน 1 เดือน สมบูรณ์ขึ้นเยอะเลยนะ"
จิมกล่าวทักนายแก้วคนสวนที่ลากลับบ้านต่างจังหวัดไปนานกว่าหนึ่งเดือนตามคำสั่งของทอม
“เป็นพระคุณครับที่เจ้านายกรุณาเรียกผมกลับมา ผมอยู่ไม่ค่อยเป็นสุขเลยกลัวถูกเจ้าหนูแม็กเลื่อยขาเก้าอี้”
จิมหัวเราะลั่น กิริยาท่าทีผิดกับตอนอยู่ในรถเป็นคนละคน ทอมเห็นแล้วอดหมั่นไส้ไม่ได้ ผละขึ้นตึกไปโดยไม่ทักทายและพูดจากับใคร
“เอ่อ.. คุณทอมคงจะเหนื่อยซีนะครับ ทำงานหนักทุกวันอย่างนี้ผมเป็นห่วงสุขภาพจริงๆ”
“ไม่ต้องห่วงหรอกลุง วันนี้คุณทอมของลุงไม่ได้เหนื่อยหรอก เขาแค่หงุดหงิดเท่านั้น”

จิมทักทายและสั่งงานนายแก้วให้ดูแลงานทุกอย่างเหมือนเดิม โดยให้เด็กชายเป็นแค่ลูกมือช่วยงานเล็กๆ น้อยๆ  เมื่อวิธีใช้เด็กทำงานอย่างหนักไม่ได้ผล เขาจำเป็นต้องเปลี่ยนวิธีใหม่แต่ก็ไม่ได้เร่งรัดหาวิธีจัดการอย่างที่ทอมเข้าใจ  ตั้งใจจะปล่อยให้เจ้าหนูพักผ่อนสบายๆ สักระยะ เพราะผลงานสุดท้ายที่เขาทำไว้ ยังรู้สึกละอายใจทุกครั้งที่นึกถึง  สองวันเต็มๆ ที่เด็กชายนอนซมไม่สามารถลุกจากเตียงได้ เนื่องจากฝ่ามือทั้งสองข้างเป็นแผลระบมและอักเสบจนไข้ขึ้น เขาต้องปฐมพยาบาลเด็กชายด้วยตัวเอง ไม่กล้าพาไปหาหมอเพราะอาการป่วยครั้งนี้ต่างจากครั้งที่แล้ว จะให้เขาบอกหมอว่าเด็กไปทำอะไรมาจึงมีสภาพเช่นนี้

จิมสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อไฟในห้องสว่างขึ้น เทพบุตรทอมนอนเหยียดยาวอยู่บนเตียงนอนของเขา  แม้จะอยู่ในท่าที่ผ่อนคลายและดูเหมือนกำลังหลับสบาย หากแต่สีหน้ากลับส่อแววไม่สบอารมณ์อย่างเห็นได้ชัด

จิมทรุดตัวลงนั่งข้างๆ   ทอมรู้ว่าเขาอารมณ์ไม่ดีแต่ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร จะให้เขาอารมณ์ดีและเอ็นจอยอยู่ได้ยังไง  ในเมื่อบรรยากาศในงานเลี้ยงของกลุ่มไฮโซคืนนี้มีเหตุการณ์ที่ขัดตาขัดใจเขาอย่างมาก  และคนที่ทำให้เขาเสียความรู้สึกก็เป็นเทพบุตรสุดรักของเขาเอง

เริ่มจากการที่ทอมแนะนำเขากับเจ้าของงานรวมถึงกลุ่มหนุ่มสาวไฮโซ..ไฮซ้อ..ทั้งหลายว่าเขาเป็นผู้จัดการส่วนตัว  ทอมยกย่องและชมเขาต่อหน้าแขกในงานว่าที่มีชื่อเสียงและเป็นนายแบบชื่อดังในวันนี้ได้ก็เพราะเขา.. ฟังดูแล้วน่าภูมิใจไม่น้อยแต่เปล่าเลย.. ความรู้สึกของเขาในคืนนี้แทบไม่เหลือศักดิ์ศรีในตัวเอง  ไม่อยากเชื่อเลยว่าไม่มีใครสักคนจดจำหรือคลับคล้ายว่าเขาเคยเป็นนายแบบมาก่อน

การแนะนำของทอมยิ่งทำให้สายตาของกลุ่มไฮโซในงานคืนนี้ มองเขาเป็นแค่ลูกจ้างหรือผู้ติดตามของทอม แม็คกิลล์ สุดยอดนายแบบชื่อดังเท่านั้น จิมรู้สึกเหมือนตัวเองแปลกปลอมและเป็นส่วนเกินของคนในงาน ในขณะที่ทอมได้รับการยกย่องถูกล้อมหน้าล้อมหลัง  นอกจากในฐานะนายแบบที่มีชื่อเสียง   ทอม แม็คกิลล์ ยังเป็นลูกชายคนเดียวของท่านทูตจอห์น แม็คกิลล์ อดีตกงศุลใหญ่สหรัฐฯ ประจำประเทศไทย  จึงมีชาติตระกูลเป็นที่ยอมรับของกลุ่มไฮโซ   

จิมปลีกตัวออกมานั่งจิบไวน์เงียบๆ อยู่มุมห้อง และเพื่อไม่ให้เขาดูเหมือนหมาถูกเจ้าของทิ้ง เขาจำเป็นต้องทำทีเป็นนั่งคุยโทรศัพท์   เริ่มตั้งแต่เช็คคิวงานล่วงหน้าให้ทอมถึง 2 อาทิตย์และคุยสัพเพเหระกับเพื่อน แต่ระหว่างพูดคุยสายตาของเขาไม่ได้ละจากทอมเลย  ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาต้องจับจ้องเอาไว้เหมือนหมาหวงเจ้าของยังไงยังงั้น หวง...!!.. ใช่..เขาหวงทอม จะไม่ให้รู้สึกหวงได้ยังไง...  ในเมื่อรอบกายของทอมคืนนี้มีแต่หนุ่มสาวไฮโซที่กำลังหิวโซในเรื่องเซ็กซ์ทั้งนั้น

จิมรู้สึกฉุนและไม่สบอารมณ์อย่างมากเมื่อด็อกเตอร์หนุ่มเจ้าภาพของงานพร้อมด้วยเพื่อนนายแบบหนุ่มตาน้ำข้าวร่างบึ๊ก
ตามประกบทอมซ้ายขวาจนสาวๆ ที่ล้อมรอบอยู่ไม่สามารถแทรกเข้าแทนที่ได้ โดยเฉพาะด็อกเตอร์หนุ่มที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเขา  ไม่ต้องพูดคุยด้วยแค่เห็นก็รู้แล้วว่าเป็นเกย์ เพื่อนนายแบบตาน้ำข้าวถ้าเดาไม่ผิดก็คงเป็นคู่ขา  สายตาของเจ้าด๊อกหนุ่มที่มองทอมหวานเยิ้มแทบจะหยด มือไม้ป่ายเปะปะไปทั่ว คนหนึ่งโอบไหล่ คนหนึ่งกอดเอว เขาหัวเสียและไม่พอใจกับภาพที่เห็นอย่างมาก ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมคนที่เขาโกรธกลับกลายเป็นทอม  อาจเป็นเพราะแทนที่จะหาทางเลี่ยงและลุกหนี ทอมกลับนิ่งเฉยยอมให้สองเกย์หนุ่มขี้หลีนั่งแทะโลมเหมือนพึงพอใจ

เขาพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ไว้จนมีโอกาสได้สบตากับทอม จึงพยักหน้าให้ความหมายว่ากลับบ้านได้แล้ว  ซึ่งทอมก็เข้าใจรีบลุกขึ้นขอตัวกลับแต่โดยดี ไม่ดื้อดึงขออยู่ต่อเหมือนบางงาน 

จิมไม่สบอารมณ์อย่างมากถึงขนาดตลอดทางที่นั่งรถกลับบ้านอย่าว่าแต่จะพูดคุยเล่นเลย   แม้แต่คิวงานของวันรุ่งขึ้นที่เขาต้องแจ้งให้ทอมรับรู้เป็นกิจวัตรทุกวันเขายังไม่อยากเอ่ยถึง   ไอ้ด๊อกหนุ่มและคู่ขาบังอาจสวมกอดและหอมแก้มทอมตอนขอตัวลากลับเท่านั้นเขาก็รู้สึกโกรธมากแล้ว  แต่ที่โกรธและหัวเสียจนพูดอะไรไม่ออกก็เพราะทอมปฏิบัติตอบกลับไปแบบเดียวกัน

“โกรธฉันเรื่องอะไรเหรอ จิม..”
จิมสะดุ้งมัวแต่นั่งเหม่อและตกอยู่ในภวังค์จนไม่รู้ว่าเทพบุตรของเขารู้สึกตัวตอนไหน หันมาก็เห็นนอนท้าวแขนทำหน้าละห้อยอยู่ 
“บอกซี.. ฉันทำอะไรให้นายโกรธ ในงานเลี้ยงใช่มั้ย”
จิมสั่นศีรษะปฏิเสธ สำนึกได้ว่าจริงๆ แล้วเขาไม่มีสิทธิที่จะโกรธ
“ไม่จริง นายโกรธฉัน นายโกรธที่ฉันปล่อยให้นายนั่งอยู่คนเดียวใช่มั้ย ก็นายคุยโทรศัพท์ตลอดเลยอ่ะ มองไปทีไรก็ไม่ยอมวางสายซะที”
จิมหัวเราะกับคำตอบที่ทอมเฉลยให้ตัวเอง
“ไม่ใช่เหรอ.. ถ้างั้นเพราะอะไรล่ะ พูดซี... จิมมี่..” ทอมผุดลุกขึ้นนั่ง เริ่มอารมณ์ฉุนขึ้นตามนิสัย
“อยากรู้จริงๆ หรือ ทอม..”
ทอมพยักหน้า จิมจึงบอกเหตุผลที่ทำให้เขาไม่พอใจและหงุดหงิด ทอมอ้าปากค้างนึกไม่ถึงว่าเรื่องเล็กๆ
และไร้สาระเช่นนี้จะทำให้จิมโกรธเขามากจนไม่ยอมพูดด้วย
“ให้ตายเถอะ จิม.. นายคิดอะไรอยู่ รู้หรือเปล่าว่าด๊อกเตอร์อลงกรณ์กับคุณเคนเป็นเกย์และเขาก็เป็น..เอ่อ..คนรักกันน่ะ"
จิมแค่นหัวเราะ
“ฉันรู้”
“อ๊ะ ! รู้เหรอ.. รู้แล้วโกรธเรื่องอะไร ถ้าเป็นสาวๆ นั่งเบียดอยู่ข้างฉันก็ว่าไปอย่าง  แต่จะว่าไปแล้วนายไม่เคยใส่ใจเลยไม่ใช่เหรอว่าฉันจะยืนสังสรรค์อยู่ท่ามกลางหนุ่มหรือสาว ทำไมคืนนี้ต้องสนใจด้วย”

จิมอึ้งไป
...ถูกของทอม... ทำไมเขาต้องสนใจด้วย ที่ผ่านมาเขาไม่เคยใส่ใจทอมทุกฝีก้าว งานเลี้ยงกึ่งโชว์ตัวแบบนี้ บางครั้งเขาปล่อยให้ทอมอยู่ในงานคนเดียวด้วยซ้ำ เขาแค่ไปส่งหรือไปรับเท่านั้น  แต่มาในระยะหลังโดยเฉพาะช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา ทอมมีงานมากและเหนื่อยจากงานทุกวัน  จนเขาต้องให้ความเอาใจใส่และดูแลทอมใกล้ชิดมากขึ้น ห่วงใยและใส่ใจดูแลทุกๆ เรื่อง  ในแต่ละวันภาระและหน้าที่ของเขาจะสิ้นสุดลงก็ต่อเมื่อทอมเข้านอนแล้ว

ระยะหลังนี้…จิมยอมรับว่าเขามีความสุขเวลาได้อยู่ใกล้ชิดทอม จนบางครั้งลืมไปเลยว่าเขาอยู่ในฐานะลูกจ้าง  ทุกวันนี้เขาแทบไม่อยากรับเงินเดือนจากทอม เพราะทุกเรื่องที่เขาทำให้ทอมวันนี้ ไม่ได้ทำตามหน้าที่แล้วแต่ทำด้วยใจ  ถ้าเขาไม่ได้ทำงานนี้ก็คงไม่มีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดทอม เมื่อไม่มีโอกาสได้อยู่ใกล้ ไม่เพียงแต่เขาจะไม่มีความสุข  แต่เหมือนสิ่งสำคัญบางอย่างในชีวิตขาดหายไป

ความรู้สึกที่เขามีให้ทอมในวันนี้จะเป็นความรู้สึกใดไปไม่ได้นอกจากความรัก ใช่!.. เขารักทอม  ไม่ใช่ในฐานะลูกจ้างกับนายจ้าง… ไม่ใช่ในฐานะเพื่อนหรือพี่ชาย... เขาเชื่อว่าทอมรับรู้และเข้าใจความรู้สึกที่เขามีให้ เพราะทอมไม่ใช่หนุ่มน้อยที่ยังอ่อนต่อโลก  ก่อนที่เขาจะมาร่วมงานด้วย ทอมเป็นนายแบบหนุ่มเสน่ห์แรงเปลี่ยนสาวควงไม่ซ้ำหน้า  มาในระยะหลังลดความเป็นเพลย์บอยลง หันมามุ่งมั่นเรื่องงาน ทอมรักงานเป็นชีวิตจิตใจ ตั้งใจเดินไปสู่จุดสูงสุดแล้วต้องทำให้ได้  แต่ถึงจะรับรู้ความรู้สึกของเขาทอมก็ไม่สามารถสนองตอบ กลับรู้สึกดีกับเขาแค่เพียงในฐานะเพื่อนและพี่ชายเท่านั้น 

"จิม.. จิม.." ทอมกระซิบเรียกเมื่อเห็นอีกฝ่ายนั่งอึ้งไปนาน
"เอ่อ.. ขอโทษนะ ทอม.." จิมลุกขึ้นยืน
"จริงของนาย ทำไมฉันต้องโกรธด้วย ฉันไม่มีสิทธิจะรู้สึกอย่างนั้น ฉันเป็นแค่ลูกจ้างของสุดยอดนายแบบทอม แม็คกิลล์
หน้าที่ของฉันคือจัดคิวการทำงานและคอยอำนวยความสะดวกทุกๆ เรื่องให้นายเท่านั้น นอกเหนือจากนั้นฉันไม่ควรเข้าไปยุ่ง  ที่จริงแล้วคืนนี้ฉันควรจะรออยู่ในรถ ไม่ควรสะเออะเข้าไปในงานด้วยซ้ำ สังคมชั้นสูงแบบนั้นมันไม่เหมาะกับคนชั้นต่ำอย่าง…"
"พอแล้ว…หยุดได้แล้วจิม.."
ทอมลุกพรวดขึ้นเอามือปิดปากผู้จัดการคู่ใจของเขาไว้ เพราะไม่อาจทนฟังต่อไปได้
"ทำไมต้องตัดพ้อขนาดนี้ด้วย ฉันไม่เคยคิดว่านายเป็นลูกจ้างเลยนะ นายโกรธฉันเรื่องนี้ด้วยใช่มั้ย
ฉันไม่ได้ตั้งใจทำให้นายเสียความรู้สึกนะจิม.. ฉันขอโทษ "
ทอมปล่อยมือออกยืนเผชิญหน้ากับจิม
"นายไม่ใช่ลูกจ้าง เพราะฉะนั้นนายมีสิทธิจะคิดยังไงกับฉันก็ได้ ถ้ามันทำให้นายมีความสุข แต่สำหรับคืนนี้ฉันแค่ไม่เข้าใจเท่านั้นว่านายห่วงอะไรกับเกย์สองคนที่นั่งประกบฉัน  ทั้งๆ ที่พวกเขาเป็นคู่ขากัน ถ้านั่งอยู่คนเดียวก็ว่าไปอย่าง"

อีกครั้งที่จิมแค่นหัวเราะ ทอมยังไม่รู้จักนิสัยของผู้ชายที่มีรสนิยมรักร่วมเพศว่ามีหลากหลายขนาดไหน  เขาเองก็ไม่เคยคิดว่าจะต้องมาศึกษาและทำความรู้จักกับพฤติกรรมของคนกลุ่มนี้  ถ้าไม่ใช่เพราะความรู้สึกและความต้องการของตัวเองเริ่มแปลกๆ ไป ที่จริงแล้วเขาไม่อยากจัดตัวเองอยู่ในกลุ่มรักร่วมเพศ  เพราะนอกจากทอมแล้วเขาไม่เคยรู้สึกหวั่นไหวหรือเกิดจิตพิศวาสกับชายหนุ่มคนไหนเลยไม่ว่าจะหน้าตาดีขนาดไหนก็ตาม เขายังพอใจที่จะมีเซ็กส์กับผู้หญิงเหมือนผู้ชายธรรมดาทั่วๆ ไป

"เป็นคู่ขากันแล้วยังไง ทอม.. นายไม่ได้เห็นอย่างที่ฉันเห็น  ไม่รู้หรอกว่าทั้งสีหน้าและสายตาของเจ้าด๊อกและคู่ขาของมันแทบจะกลืนกินนายเลยทีเดียว และการที่นายแสดงกิริยาเหมือนยอมรับและไม่รังเกียจ รับรองได้เลยว่านายจะต้องได้รับเชิญไปงานเลี้ยงของเจ้าด๊อกอีกหลายงาน จนกว่าหมอนั่นจะได้กลืนกินนายสมใจ"
"จะบ้าหรือจิม.. นี่ฉันอยู่ในสายตาของนายตลอดเวลาเลยยังงั้นเหรอ ไม่อยากเชื่อเลย.. ฉันไม่ใช่เด็กหนุ่มไร้เดียงสานะ
ฟันหญิงมานับไม่ถ้วนแล้วฉันรู้ว่าฉันทำอะไรอยู่ ขอบใจที่เป็นห่วง แต่ไม่ต้องจับจ้องฉันทุกฝีก้าวแบบนี้ ฉันดูแลตัวเองได้"
"ขอโทษนะทอม.. ฉันไม่เคยจับจ้องนายแบบนี้มาก่อน เพิ่งจะมีงานเลี้ยงคืนนี้เท่านั้นที่ฉันรู้สึกผิดปกติตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้าไปในงาน ฉันไม่เคยห่วงเวลานายอยู่กับผู้หญิง แต่กับผู้ชายประเภทนี้ฉันห่วง นายไม่แสดงทีท่ารังเกียจพวกเขาก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว แต่ก็ควรสงวนเนื้อตัวไว้บ้างไม่ใช่เปิดโอกาสให้จับต้องตามสบาย ป่านนี้เจ้าด๊อกนั่นคงเก็บไปนอนฝันหวานแล้ว"
"พอแล้ว จิมมี่.. พอซะที หยุดแสดงความเห็นในเรื่องไร้สาระได้แล้ว ที่นายพูดมาทั้งหมดนี่ฉันชักไม่แน่ใจแล้วว่า นายห่วงหรือหวงฉันกันแน่ "
"ทำไมฉันจะต้องสงวนเนื้อตัวอะไรนักหนา ถ้าร่างกายของฉันทำให้คนที่ได้พบเห็นหรือได้สัมผัสแล้วมีความสุข ก็ถือว่าฉันได้บุญไปด้วย  ใครอยากจะจับต้องอยากสัมผัสก็จับไป ฉันมี Limit ของฉัน นายเองก็น่าจะรู้ดี ฉันไม่เคยหวงตัวกับนายเลยไม่ใช่เหรอ.. แต่ฉันก็ให้เท่าที่จะให้ได้เท่านั้น  เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงว่าใครจะมากลืนกินฉันได้ง่ายๆ ถ้าฉันจะยอมให้ใครกลืน ฉันไม่ลืมหรอกว่านายอยู่หัวแถว นายต้องเป็นคนแรกของฉันเลยจิม.. ไม่ต้องห่วงนะ"

ทอมสวมกอดจิมเอาใจ  คิดว่านี่เป็นคำพูดปลอบประโลมที่ดีที่สุดแล้ว หารู้ไม่ว่าเป็นคำปลอบโยนที่ทำให้หัวใจของจิมแหลกสลายไม่มีชิ้นดี   

จิมอึ้งไปพูดอะไรไม่ออก ต้องใช้ความพยายามอย่างสูงข่มความเจ็บปวดให้คลายลงด้วยการยกแขนขึ้นสวมกอดและลูบหลังทอมไปมา ดูแล้วเหมือนทอมกำลังถูกเขาปลอบ แต่เปล่าหรอกเขากำลังปลอบใจตัวเองต่างหาก

"ลืมที่ฉันพูดทั้งหมดในคืนนี้ซะทอม.. ฉันจะไม่วุ่นวายเรื่องส่วนตัวของนายอีก พรุ่งนี้มีงาน 10 โมงเช้า นายควรพักผ่อนได้แล้ว"

จิมคลายอ้อมกอดจากเทพบุตรของเขา …ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาใกล้ชิดทอมในลักษณะนี้ เขาจะไม่สัมผัสหรือจับต้องทอมด้วยความเสน่หาอีกต่อไป เขาจะไม่ยอมเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่จ้องจะกลืนกินทอม  เขาไม่รู้ตัวเลยว่าเขายืนอยู่หัวแถวของคนพวกนั้น ไม่รู้เลยจริงๆ …

"กู๊ดไนท์ ทอม.. ฉันจะปลุกนายตอน 2 โมงครึ่ง "
จิมเดินไปที่ประตู ชะงักเมื่ออีกฝ่ายร้องเรียก
"จะไปไหน จิม.. นี่ห้องนายไม่ใช่เหรอ.."
จิมหันกลับมาฝืนยิ้มให้
"ฉันคอแห้งน่ะ จะลงไปหาอะไรดื่มหน่อย ไปพักผ่อนได้แล้วนะทอม.. ดึกมากแล้ว"

จิมก้าวออกจากห้องในขณะที่ทอมยืนนิ่งไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเอง  เขาน่าจะดีใจที่จิมยอมปล่อยวางไม่วุ่นวายเรื่องส่วนตัวของเขาอีก แต่ทำไมความรู้สึกตอนนี้ถึงเจ็บลึกๆ ชอบกล…


 o7
 

หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 22-01-2010 10:27:34
จิมกระดกเหล้าผ่านเข้าลำคอทีเดียวหมดแก้ว ทั้งๆ ที่รู้สึกมึนและหัวหมุนจนนั่งทรงตัวแทบจะไม่อยู่แล้ว  ทำไมคำปลอบโยนที่เฉือนหัวใจประโยคนั้นยังไม่เลือนออกไปจากโสตประสาทเขาซะที 

….นายห่วงหรือหวงฉันกันแน่... ถ้าฉันจะยอมให้ใครกลืนกิน ฉันไม่ลืมหรอกว่านายอยู่หัวแถว นายต้องเป็นคนแรกของฉันเลยจิม ไม่ต้องห่วง…  

ให้ตายเถอะ!.. นึกไม่ถึงเลยว่าความจริงใจที่เขามีให้ทอมตลอดเวลาที่ผ่านมา สำหรับทอมแล้วเขาไม่ได้วิเศษและแตกต่างไปจากชายหนุ่มที่มีพฤติกรรมรักร่วมเพศคนอื่นๆ ที่เข้ามารุมล้อมทอมเลย  เขาถูกทอมจัดอันดับให้อยู่หัวแถวด้วยซ้ำ ช่างเป็นเรื่องที่น่ายินดีเหลือเกิน...

จิมรินบรั่นดีใส่แก้วที่วางเรียงกัน 5 ใบ เขาไม่ใช่คอทองแดงแต่ก็เคยเป็นนักดื่มตัวยง  ก่อนมาทำงานกับทอมเขาดื่มเกือบทุกวันแต่ไม่เคยดื่มจนเมา  หลังจากมารับหน้าที่เป็นผู้จัดการส่วนตัวให้สุดยอดนายแบบผู้นี้เขาก็เลิกดื่ม  จะดื่มเฉพาะเวลาไปงานส่วนตัวแต่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น งานไหนมีทอมไปด้วยเขาจะไม่ดื่มเลย

"….ฉันเคยหลงคิดว่านายอาจมีใจให้ฉันบ้าง นายทำให้ฉันมีความหวังจนพร้อมที่จะรอ นานแค่ไหนฉันก็จะรอ… ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าฉันคิดไปคนเดียว ฉันเพิ่งรู้ว่าทุกครั้งที่ฉันกอดและสัมผัสนาย ความรู้สึกของนายตอนนั้นคือ การทำบุญ…"

…ถ้าร่างกายของฉันทำให้คนที่ได้เห็นหรือได้สัมผัสแล้วมีความสุข ก็ถือว่าฉันได้บุญไปด้วย…

จิมรู้สึกสมเพชกับสภาพของตัวเองในเวลานี้ ถูกทอมตัดเยื่อใยด้วยการบอกว่าพบคนที่ชอบพอและถูกใจแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชายเขาจะไม่เสียใจเท่านี้เลย…

"คุณจิมครับ.. คุณจิม.."
"อืมม์.."
จิมขานรับด้วยน้ำเสียงอ้อแอ้เมื่อได้ยินเสียงเรียกเบาๆ ด้านหลัง หันไปก็พบเจ้าหนูแม็กกี้ยืนมองตาปริบๆ
"แม็กกี้เหรอ.. ว่าไง.. ดึกป่านนี้แล้วทำไมยังไม่นอน.."
"ผมลุกมาเข้าห้องน้ำครับ เห็นไฟเปิดอยู่เลยเดินมาดู ดึกมากแล้วนะครับ ยังนั่งดื่มอยู่อีกเหรอ.."
"หึ.. ไม่ใช่เรื่องของเด็ก กลับไปนอนซะไป"
"แล้วคุณล่ะครับจะนอนหรือยัง ถ้าจะนอนแล้วเดี๋ยวผมช่วยพาคุณไปส่งที่ห้องก่อนครับ"
แม็กกี้กล่าวอย่างมีน้ำใจเพราะเห็นคุณจิมเมามากแล้ว แต่เมื่อถูกย้ำให้กลับไปนอนอีกครั้ง  ด้วยสายตาและน้ำเสียงของคนเมาที่กำลังไม่สบอารมณ์ เจ้าหนูก็รีบหันหลังวิ่งกลับเข้าห้องทันที


 :m15:


เที่ยงคืนกว่าแล้ว…..

แม็กกี้ขยับตัวขึ้นนั่ง ลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำกลางดึกทีไร นอนต่อไม่หลับทุกที  แม็กเปิดไฟที่หัวเตียงและหยิบสมุดบันทึกใต้หมอนขึ้นมาเปิดดู เวลาที่ว่างจากงานแม็กจะนั่งเขียนบันทึกถึงแม่และพ่อ  บางทีก็เปิดอ่านและดูรูปเฉยๆ ทุกครั้งที่มองดูรูปคุณทอมในสมุดบันทึกของตัวเอง แม็กไม่เคยรู้สึกว่าเป็นคนอื่นเลยนอกจากพ่อ..  แต่ทำไมเวลาอยู่ใกล้คุณทอมตัวจริงกลับรู้สึกเหมือนเป็นคนอื่น อยู่ที่นี่นานกว่า 5 สัปดาห์แล้ว แม็กไม่เคยมองหน้าคุณทอมเต็มตาเลยสักครั้ง   ตั้งแต่คุณทอมชักสีหน้าไม่พอใจและจ้องแม็กด้วยสายตาขุ่นเคืองในวันแรกที่พูดคุยตกลงกัน ตั้งแต่วันนั้นมาแม็กไม่กล้ามองหน้าและสบตากับคุณทอมอีกเลย ได้แต่แอบมองอยู่ไกลๆ ถ้ามองก็แค่แว่บเดียวส่วนใหญ่จะก้มหน้ารับคำสั่งมากกว่า  แต่ตั้งแต่อยู่ที่นี่คุณทอมเคยสั่งงานด้วยตัวเองแค่ครั้งเดียว คือตอนที่ให้ไปหากุญแจกลางสนามในวันที่ฝนตก

"….แม่ครับ เหลืออีกแค่ 20 วันเท่านั้นผมก็จะได้พิสูจน์ความจริงแล้ว ผมจะอดทนจนถึงวันนั้นให้ได้…"
แม็กกี้สะดุ้งเมื่อเสียงเคาะประตูดังขึ้น รีบเก็บสมุดบันทึกไว้ใต้หมอนและลุกขึ้นไปเปิดประตู
"คุณจิม.."
แม็กเอ่ยเรียกด้วยความแปลกใจมากกว่าตกใจ ไม่อยากเชื่อเลยว่าคุณจิมยังนั่งดื่มเหล้าอยู่จนถึงเวลานี้ นี่มันผ่านมาชั่วโมงกว่าแล้วที่แม็กออกไปเข้าห้องน้ำ
"ยังไม่ขึ้นไปนอนอีกเหรอครับ"
"อืมม์… แม็กกี้.."
จิมยืนโงนเงนไปมาทรงตัวแทบไม่อยู่ แม็กกี้รีบเข้ามาช่วยประคอง กลิ่นเหล้าโชยคลุ้งจนหนุ่มน้อยต้องเบือนหน้าหนี
"ผมจะพาคุณขึ้นไปนอนนะครับ"
ร่างเล็กก้าวเท้าจะเดินออกจากห้อง แต่ร่างสูงใหญ่กลับเดินเข้าไปในห้องและรั้งเด็กชายตามเข้าไปด้วย
"อ๊ะ! คุณจิมจะไปไหนครับ ห้องคุณอยู่ข้างบน"
"ฉันจะนอนนี่ ขอฉันนอนด้วยคนนะ แม็กกี้.."
ร่างสูงล้มตัวลงนอนเหยียดยาวบนเตียงนอนของเด็กชาย หลับตาพึมพำฟังไม่ได้ศัพท์

แม็กกี้ยืนเกาหัวไม่รู้จะทำยังไงดี จะวิ่งไปปลุกน้าเอ๊ดดี้ก็เกรงใจ ยืนนิ่งอยู่ชั่วครู่ก็นึกขึ้นได้ว่าจะต้องทำให้คุณจิมสร่างเมาก่อน

จิมเบือนหน้าหนีและใช้มือปัดผ้าออกด้วยความรำคาญ แต่แม็กกี้ไม่ยอมแพ้พยายามเอาผ้าชุบน้ำเช็ดหน้าให้ ถึงจะเมามากแต่จิมก็ยังพอมีสติ เขารู้ว่าเด็กชายพยายามจะช่วยให้เขาสร่างเมา

"คุณจิม.. คุณจิมครับ ค่อยยังชั่วหรือยัง"
"อืมม์…" จิมลืมตาขึ้นก็พบหนุ่มน้อยนั่งคุกเข่าอยู่ข้างเตียงจ้องมองเขาอยู่
"คุณจิมรู้สึกตัวแล้ว ผมจะพาขึ้นไปบนห้องนะครับ"
เด็กชายลุกขึ้นยืนพยายามประคองจิมขึ้นจากที่นอน แต่กลับถูกอีกฝ่ายสวมกอดและรั้งเข้าไปซบที่ลำตัว
"อู๊ยย~~~ คุณจิมปล่อยซี ไปนอนที่ห้องคุณเถอะ สบายกว่านอนตรงนี้"
"ขอนอนด้วยคนนะ แม็กกี้.. เธอรังเกียจฉันเหรอ"
"ผมเปล่ารังเกียจ ก็ได้ครับ ถ้าคุณอยากจะนอน ผมจะออกไปนอนข้างนอก ปล่อยซีครับ คุณจิม.."
ร่างเล็กพยายามยันตัวขึ้น แต่ถูกจิมกอดแน่นไม่ยอมปล่อย
"อืมม์… ฉันอยากให้เธอนอนด้วย นอนด้วยกันที่นี่นะ แม็กกี้.."
จิมขยับเด็กชายนอนลงข้างๆ โดยให้อยู่ด้านในติดผนังห้อง เจ้าหนูขยับจะลุกขึ้นก็ถูกเขาดันให้นอนลง
"อื้อ.. อย่าดื้อซี แม็กกี้.. บอกให้นอนก็นอนซี"
แม้จะอยู่ในอาการมึนเมา แต่น้ำเสียงของจิมชัดถ้อยชัดคำจนหนุ่มน้อยต้องยอมนอนนิ่งๆ ตามคำสั่ง
"ดีมาก.. แม็กกี้.. รู้มั้ยว่านายเป็นเด็กที่น่ารักมาก ถ้าเป็นไปได้ฉันอยากจะช่วยให้นายสมหวัง"

แม้จะรู้สึกยินดีที่คุณจิมเริ่มจะเห็นใจ แต่ตอนนี้แม็กกี้อยากจะลุกขึ้นเพราะรู้สึกอึดอัดมาก  เตียงเล็กแค่ 3 ฟุตไม่เหมาะที่จะนอนสองคนคนซะหน่อย คุณจิมตัวใหญ่นอนคนเดียวก็เกือบจะเต็มแล้ว ที่แย่กว่านั้นก็คือ อยู่ใกล้คุณจิมตอนนี้แม็กหายใจไม่ออกเพราะกลิ่นเหล้าคละคลุ้งไปหมด  ปกติทุกครั้งที่เข้าใกล้คุณจิมหรือแค่คุณจิมเดินผ่าน แม็กจะได้กลิ่มหอมอ่อนๆ บ้าง หอมฉุนบ้าง ล้วนแต่เป็นกลิ่นที่ดึงดูดให้เข้าใกล้ แต่ตอนนี้กลิ่นเหล้ากลบกลิ่นน้ำหอมจนหมดแล้ว

"คุณจิมครับ เตียงมันเล็กเกินไปนอน 2 คนไม่ได้หรอก คุณจะนอนไม่สบายนะครับ"
"ฉันไม่ต้องการความสบายทางกายหรอก แม็กกี้.. ขอแค่สบายใจก็พอ"

จิมขยับตัวนอนตะแคงหันหน้าเข้าหาเด็กชาย ผ้าเย็นชุบน้ำทำให้เขาสร่างเมาขึ้นมาก สีหน้าลำบากใจของเจ้าหนู   ทำให้จิมรู้สึกขันและผ่อนคลายความทุกข์ใจลง เขาเอื้อมมือเสยผมหนุ่มน้อยไปมาด้วยความรู้สึกเอ็นดู

"รู้มั้ยอะไรมั้ย แม็กกี้.. นายเป็นเด็กดีและน่ารักมาก ไม่ได้เกเรและจอมแสบอย่างที่ฉันคิดไว้ตอนแรกเลย"

แม็กกี้นอนนิ่งไม่ตอบอะไร รู้งี้..ไม่ทำให้สร่างเมาดีกว่า ปล่อยให้หลับไม่มีสติไปก็จบเรื่องแล้ว

ขณะที่มือกำลังเสยผมเด็กชายไปมา ใบหน้าหล่อเหลามีเสน่ห์ชวนฝันของ ทอม แม็คกิลล์ ก็ฉายซ้อนขึ้นมาดื้อๆ อารมณ์ที่รู้สึกผ่อนคลายลงเมื่อครู่กลับเจ็บปวดขึ้นมาอีก ในเมื่อทอมไม่ได้มีความรู้สึกลึกซึ้งเป็นพิเศษกับเขาเลยแม้เพียงสักนิด เขาก็จะไม่หวังหรือรอคอยอะไรอีก  จิมพิศมองเด็กชายตรงหน้าอย่างครุ่นคิด อารมณ์และนิสัยของเจ้าหนูแม็กกี้เหมือนทอมมาก
แม้หน้าตาจะไม่ละม้ายคล้ายคลึง แต่อาจเป็นเพราะถอดแบบมาจากแม่ เขาอยากบอกเจ้าหนูเหลือเกินว่า

….ไม่ต้องพิสูจน์ความจริงหรอก แม็กกี้.. ถ้าเชื่อมั่นว่าแม่ไม่มีใครจริงๆ แล้วล่ะก็ นายจะเป็นลูกใครได้ล่ะ  นอกจากเทพบุตรที่ฉันหลงรักจนถอนใจไม่ขึ้นแล้ว แต่เขารับนายเป็นลูกไม่ได้หรอก และด้วยหน้าที่ของฉัน ฉันจำเป็นต้องปกป้องเขา …

"ยังอยากพิสูจน์ความจริงกับคุณทอมอยู่หรือเปล่า แม็กกี้.."
เด็กชายพยักหน้ารับ
"ฉันช่วยได้นะ ถ้านายผ่านการทดสอบอีกครั้งในคืนนี้"
"ทดสอบอะไรเหรอ.. อ๊ะ ! คุณจิมอย่าทับผมซี ผมอึดอัด"
แม็กกี้ใช้สองมือยันหน้าอกจิมไว้ เพราะอีกฝ่ายเล่นขยับเข้ามาเบียดจนหายใจแทบไม่ออกแล้ว
"ไม่ยากเย็นเลยแม็กกี้.. ไม่ต้องเหนื่อยหรือใช้กำลังเหมือนครั้งก่อนๆ
ฉันจะหาทางช่วยให้นายได้พิสูจน์ความจริงเร็วขึ้นโดยไม่ต้องผ่านการทดสอบอะไรอีก"
"พูดเหมือนคุณทอมไม่รู้เรื่องการทดสอบครั้งนี้ คุณจะหักหลังคุณทอมมาช่วยผมเหรอ.."
"ใครบอกล่ะ หือ.." จิมยอมรับว่านอกจากเจ้าหนูแม็กจะเป็นเด็กดีและน่ารักแล้วยังฉลาดและทันคนด้วย
"คุณทอมเป็นคนที่ทำให้ฉันคิดแผนนี้ขึ้นมาได้ต่างหาก เขาไม่เชื่อหรอกว่านายจะสามารถผ่านการทดสอบนี้ได้  และเมื่อไม่ผ่านนายก็ต้องเก็บเสื้อผ้าออกจากบ้านแม็คกิลล์ทันทีเช่นกัน"

แม็กกี้ใจหาย.. ทำไมคุณทอมถึงเกลียดชังแม็กมากขนาดนี้ คงอยากให้แม็กแพ้และรีบจากไปเร็วๆ  หลงคิดว่าคุณทอมคงคลายความเกลียดชังลงบ้างแล้ว อุตส่าห์ให้ย้ายขึ้นมาพักบนตึก  งานที่ได้รับมอบหมายก็เบาลงตั้งเยอะเพราะลุงแก้วกลับมาแล้ว วันๆ แม็กแทบจะไม่มีงานทำ  หลายวันแล้วที่แม็กถูกน้าเอ๊ดดี้แย่งงานล้างรถไปเฉยเลย

"ว่าไงล่ะ คิดอะไรอยู่ พร้อมจะรับการทดสอบหรือยัง หือ.." จิมเสยผมเด็กชายและจูบที่หน้าผากเบาๆ
แม็กกี้พยายามกระเถิบหนีแต่หนีไม่ได้เพราะหลังชนผนังห้องแล้ว หัวใจเต้นแรง  รู้สึกแปลกๆ กับการกระทำของคุณจิม และยิ่งแปลกมากขึ้นเมื่อถูกถามว่าพร้อมหรือยัง
"คุณจะให้ผมทำอะไรครับ ผมจะพยายามเท่าที่ผมจะทำได้ แต่ขอเป็นพรุ่งนี้เช้าได้มั้ยครับ ตอนนี้ดึกมากแล้ว"
"เฮ้!.. การทดสอบนี้ต้องทำเวลาดึกมากๆ แหล่ะ ดี.. ว่าไงล่ะ นายไม่มีทางเลือกอื่นนะแม็กกี้.. บอกแต่ว่าจะทดสอบหรือไม่ทดสอบเท่านั้น ถ้าไม่.. ฉันก็จะลุกขึ้นและออกจากห้องไปเดี๋ยวนี้เลย พรุ่งนี้เช้านายก็เก็บกระเป๋าเตรียมไว้ ฉันจะให้เอ๊ดดี้ไปส่งที่ท่ารถตอนสายๆ โอเค.."

เด็กชายหน้าเสีย แต่ยังคงนอนนิ่งไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ ดวงตาสีน้ำทะเลแสนสวยส่อแววกังวลและคิดหนัก  คงกำลังชั่งใจว่าจะทดสอบดีหรือไม่

จิมผละจากเด็กชายลุกขึ้นยืน รู้สึกเหมือนห้องกำลังหมุนจนต้องทรุดตัวลงนั่ง เขาไม่ปฏิเสธเลยว่าตัวเองกำลังเมา
ใช่เขาเมา.. เมาทั้งเหล้า.. เมาทั้งรัก..

"เอ่อ.. เดี๋ยวครับ คุณจิม.." แม็กกี้ตัดสินใจรับการทดสอบ คว้าชายเสื้อร่างสูงใหญ่ที่ทำท่าจะลุกขึ้น
"ตกลงครับ ทดสอบก็ได้จะได้หมดเรื่องไป ถ้าผมแพ้พรุ่งนี้ผมก็จะไปจากที่นี่.."
จิมหันมายิ้มและส่งสายตาที่มีความหมายลึกซึ้งให้ แต่เจ้าหนูคงไม่รับรู้และไม่เข้าใจความหมายใดๆ  สีหน้าขณะนี้ส่อแววฉงน กล้าๆ กลัวๆ เพราะไม่รู้ว่าตัวเองจะถูกทดสอบอะไร
"จะให้ผมทำอะไรล่ะครับ ผมพร้อมแล้ว" เด็กชายขยับตัวจะลุกขึ้นนั่งก็ถูกจิมผลักให้นอนลง
"นอนลง แม็กกี้.. การทดสอบบทนี้เธอต้องนอนลง"

จิมก้มลงจูบที่แก้มเนียนใสของเด็กชายเบาๆ แม็กกี้นอนนิ่งตาปริบๆ เพราะยังงงและตั้งตัวไม่ทัน  แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือกตัวสั่นด้วยความตกใจ เมื่อถูกริมฝีปากร้อนของร่างสูงใหญ่สัมผัสเบาๆ ที่ริมฝีปากตัวเอง สองมือยันหน้าอกจิมไว้และพยายามเบือนหน้าหนี….

"คุณจะทำอะไร!! ไหนบอกว่าจะทดสอบไง.."
"นี่แหล่ะคือการทดสอบ แม็กกี้.."
จิมกระซิบข้างหูก่อนจะซุกไซ้ซอกคอเด็กชายด้วยอารมณ์ปรารถนาที่เริ่มก่อตัวขึ้น
“ไม่นะ… ไม่เอา… ผมไม่ทดสอบแบบนี้ ปล่อยนะคุณจิม.. ปล่อยผม.."
แม็กกี้ส่ายหน้าหนีไปมาและเริ่มส่งเสียงดังจนจิมต้องจับใบหน้าเด็กชายหันมาเผชิญหน้าด้วย
"ฟังนะ แม็กกี้.. คุณทอมมอบหน้าที่ให้ฉันจัดการทดสอบนายด้วยวิธีไหนก็ได้ที่จะทำให้นายยอมแพ้และไปจากที่นี่  ครั้งนี้จะเป็นการทดสอบครั้งสุดท้ายหากนายชนะก็พิสูจน์ความจริงกับทอมได้ทันทีโดยไม่ต้องรอให้ครบสองเดือน  แต่ถ้าปฏิเสธไม่ยอมทดสอบก็อยู่ในเงื่อนไขเดิม คือปรับแพ้ทันที ตกลงจะยอมแพ้ใช่ไหม แม็กกี้.."
เด็กชายพูดไม่ออกได้แต่ส่ายหน้าเพราะยังไม่หายสั่นจากอาการตกใจ จิมพยายามปลอบโยนให้หายกลัว ไม่ว่าเจ้าหนูจะยอมทดสอบหรือไม่ เขาได้ประโยชน์ทั้งขึ้นทั้งล่อง
"ถ้าไม่อยากแพ้ก็ทำตามที่ฉันแนะนำซะ แม็กกี้.. รู้หรือเปล่าว่าฉันแอบเข้าข้างนายตั้งแต่แรกแล้ว เพราะฉันไม่เห็นว่าการพิสูจน์ความจริงจะเสียหายอะไร ไม่ว่าจะจริงหรือไม่จริง  นายก็ต้องไปจากคุณทอมโดยไม่หวนกลับมาให้เขาเห็นหน้าอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ.."
แม็กกี้พยักหน้าให้ เริ่มรู้สึกคลายความตกใจลงบ้างแต่หัวใจยังเต้นแรงอยู่
"ฉันถึงบอกว่าอยากช่วยให้นายชนะไง ฉันไม่ได้หักหลังทอม แค่แนะนำวิธีที่จะทำให้นายชนะได้ต่างหาก ฟังนะ แม็กกี้.. แค่อย่าตกใจและอย่ากลัวเท่านั้น การทดสอบครั้งนี้ก็จะผ่านฉลุย  คุณทอมจะเป็นฝ่ายแพ้และนายก็จะได้พิสูจน์ความจริงเร็วขึ้นโดยไม่ต้องผ่านการทดสอบอื่นๆ อีก"
เด็กชายตาปริบๆ ฟังด้วยสีหน้าครุ่นคิด จิมจึงรีบตัดบทเพื่อไม่ให้เจ้าหนูขอยอมแพ้โดยไม่ทดสอบเลย
"ทำทุกอย่างตามที่ฉันบอก แม็กกี้.. แล้วการทดสอบจะผ่านไปด้วยดี"
จิมถกเสื้อยืดเด็กชายขึ้นและจุมพิตผิวเนื้อนวลเนียนของเจ้าหนูซึ่งมีอาการสั่นขึ้นมาอีก
"ไม่ต้องกลัว แม็กกี้.. นึกถึงตอนที่นายจะได้พิสูจน์ความจริงเข้าไว้"

ร่างสูงใหญ่ขยับขึ้นไซ้ซอกคอหนุ่มน้อย กลิ่นกายเยาว์วัยของเด็กชายให้ความรู้สึกบริสุทธิ์และไร้เดียงสาจนอารมณ์ปรารถนาของจิมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ  ร่างเล็กนอนนิ่งไม่ดิ้นหนีแต่อาการสั่นรุนแรงขึ้น จนเขาต้องรีบรุกเพราะกลัวเจ้าหนูจะยกธงขาวยอมแพ้ซะก่อน

แม็กกี้ใจหายวาบเมื่อถูกดึงกางเกงนอนออก ไม่สามารถอดทนกับการทดสอบด้วยวิธีนี้แล้ว พยายามจะขยับตัวลุกขึ้นก็ลุกไม่ได้เพราะถูกร่างสูงใหญ่นอนคร่อมไว้ แม็กกี้ร้องครางด้วยความกลัวจับใจเมื่อถูกคุณจิมจับต้องน้องชายตัวเล็ก

"อือ… คุณจิมผมกลัว… ผมไม่เอาแล้ว.."
จิมเอามือปิดปากเด็กชายไว้ไม่ให้พูดต่อ
"อย่านะ แม็กกี้.. อย่าพูดออกมาเชียว ฉันไม่ให้นายยอมแพ้"
จิมคว้าผ้าขนหนูผืนเล็กที่หัวเตียงมัดข้อมือสองข้างของเด็กชายไว้ พร้อมๆ กับกระซิบปลอบโยนไปด้วย
"ฉันไม่ได้ทำร้ายนะ แม็กกี้.. แค่ไม่อยากให้ดิ้นหนี ไม่อยากให้ยอมแพ้"
"อือ..ไม่เอา..ผมไม่อยากทดสอบแบบนี้ ผมกลัว.."
จิมปิดปากเจ้าหนูไว้ก่อนจะโวยวายเสียงดังไปกว่านี้ และล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาขมวดเป็นก้อนยัดเข้าปาก
"ถ้าพูดไม่ได้ก็ยอมแพ้ไม่ได้ด้วยใช่มั้ย แม็กกี้.. คราวนี้ก็ถึงเวลาทดสอบจริงแล้วนะ ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องตกใจ
ฉันไม่ทำให้เจ็บ.. เป็นเด็กดีนะ แม็กกี้.."
"ฮือ.. ฮือ…" แม็กกี้ร้องครางด้วยความกลัวจับใจ น้ำตาไหลพรากอาบแก้ม

…ทำไมคุณทอมให้คุณจิมใช้วิธีนี้ทดสอบกับแม็ก สู้ใช้ให้แม็กทำงานหนักจนตายเลยยังจะดีกว่า…

.....ฮือ... แม่จ๋า... แด๊ดดี้.. ช่วยด้วย... ฮือ ๆๆ…..

ในขณะที่เด็กชายกำลังหวาดกลัวสุดขีดกับการกระทำที่คิดว่าทอมเป็นคนสั่งการ  ทว่าเสียงร้องเรียกให้ช่วยที่ดังอยู่ในลำคอก็ไม่พ้นที่จะเรียกหาทอมเช่นกัน  หากแต่เป็นคุณทอมในสมุดบันทึกผู้ซึ่งมีมโนภาพอยู่ในฐานะพ่อของเด็กชายตั้งแต่จำความได้แล้ว....


 :m15:

หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: a_tapha ที่ 22-01-2010 10:53:34
 :beat:  เรียกสติคุณจิม
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: gypsy ที่ 22-01-2010 13:46:50
โอ้ว ว่าแล้วเชียว

ซื้อหวยทำไมไม่ถูกแบบนี้

วิธีทดสอบคงไม่พ้นเรื่องเซ๊กส์แน่ๆ

เฮ่อ ผิดหวังจากพ่อก็เลยมาเอาลูกแทนเนี่ยนะนายจิม

 :oo1:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 22-01-2010 19:07:07
แมร่งเลว

สงสารแม็กกี้

กระซิกกระซิก
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: จุ๊บจิ๊บจ๊ะจ๋า ที่ 22-01-2010 19:21:36
 :z6: :z6: :z6:จิมมี่


 :o12: :o12:สงสารแม็กกี้อ่ะ
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: nbee ที่ 22-01-2010 20:04:14
อ๊ากกกกกกกกกกกกก
จิมมี่ชักจะเกินไปแล้วมั้ง

หรืออยากได้อะไรไปพิสูจน์

ไว้ใจได้มั้ยเนี่ยจิมมม

หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: kungyung ที่ 22-01-2010 21:36:37
 :angry2:ไอ้จิมมี่ :z6: :z6:เลวจริงๆๆ
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: tatum1234 ที่ 22-01-2010 22:43:40
 :m31: อ๊าคคคคคคเลวร้ายที่สุด


 :serius2:ปล่อยแม็กกี้เดียวนี้เลยยยยยย...แล้ว


 :-[มาลงที่ผมแทน...
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 22-01-2010 23:32:16
ฮ่วย! กำลังเห็นใจจิมอยู่แหม๊บๆ
...เอามันไปเก็บที
  :z10:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: เกริด้า(๐-*-๐)v ที่ 23-01-2010 01:29:12
เฮ้ย!   :a5:  o22   นี่มัน... :beat:   มีสติหน่อยซิวะ!    :angry2:     :z6:    :m31:


Ps.แน่ใจว่าแนวDaddy?  ไม่ใช่แนวShotaหรอกเหรอ?   :m28:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: nithiwz ที่ 23-01-2010 02:58:48
กด 1134 โทรหามูลนิธิปวีณา
อีตาทอม กับ อีตาจิม  มันรุมหัวกันแกล้งเด็กน้อยแม๊กกี้อ่าคร้าบบบบบบบบ

สงสารหนูแม๊กกี้อ่ะ  ทำไมถึงทำร้ายแบบนี้ด้วย
สงสารอ่ะ  ทั้งงานหนักกาย  สองงานก็กระอักเลือดแล้ว
งานหนักสุดท้ายนี่ก็เครียด TT[]TT สงสารแม๊กกี้จริงจัง

 o18 เอามีดจ้วงพุงลุงจิมให้ได้สติเลยแม๊กกี้  อย่าไปยอม (ดันโดนมัดมือไปแล้ว  อ๊ากกกกกกกกก)
เพิ่งมาอ่าน  เศร้าดีครับ  แต่ชอบ  อยากรู้จะเป็นไงต่อไป
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: nithiwz ที่ 23-01-2010 03:02:45
คอมเม้นท์เสร็จแล้วเพิ่งคิดอะไรได้  สงสัยอีตาลุงจิมจะเอาน้ำเชื้อของหนูแม็กกี้ไปพิสูจน์ดีเอ็นเอแน่เลย
สงสัยกำลังเตรียมการเก็บน้ำเชื้อ
ต่อไปคงไปเก็บน้ำเชื้อ  อีตาทอมต่อ อิอิ
จะได้รู้ว่าเป็นพ่อลูกกันจริงอะไรจริง   :haun5:
 :sad4: ล้ำลึกยิ่งนัก  ตาลุงจิม  สุดยอด  เหอะๆๆๆๆ  :z1:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 23-01-2010 12:03:07
ช่างคิดกันนักนะ พวกเรา
คิดกันไปได้
มาอ่านต่อเหอะ  ว่านายจิมจะได้ลูกหรือได้พ่อ
----------------------

บทที่ 5 (ต่อ)..

ทอมเอื้อมมือเปิดไฟที่หัวเตียงและลุกขึ้นนั่ง ตกใจเมื่อเห็นเวลาเที่ยงคืนกว่าแล้ว ไม่อยากเชื่อเลยว่าเขานอนไม่หลับ แค่มีปากเสียงกับจิมนิดหน่อยเขาถึงกับนอนไม่หลับเลยหรือนี่…

ทอมดับไฟเข้านอนตั้งแต่ 4 ทุ่มครึ่ง จริงๆ แล้วเขายังไม่อยากนอนแต่จิมบอกว่าพรุ่งนี้มีงานตอนสาย ปกติถึงไม่ง่วงแต่ถ้าหัวถึงหมอนเมื่อไร เขาสามารถหลับได้ภายในเวลาไม่กี่นาที แต่คืนนี้เขานอนไม่หลับเพราะสมองยังวนเวียนอยู่แต่เรื่องของจิม

ทอมรู้สึกว่าตัวเองพูดรุนแรงหลายเรื่อง จิมนิ่งไปไม่ใช่เพราะเข้าใจที่เขาพูดหรือโกรธแต่คงเพราะเสียใจ เขาควรไปขอโทษและพูดคุยกับจิมใหม่อีกครั้ง เพราะขนาดเป็นคนพูดเองยังนอนไม่หลับ แล้วจิมล่ะ… ป่านนี้ยังนอนตาค้างอยู่หรือว่าหลับปุ๋ยไปแล้ว…

ทอมตัดสินใจลุกจากเตียงไปปรับความเข้าใจกับจิมใหม่ แต่แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อไม่พบจิมในห้องนอน เขาเดินวนไปมาจนนึกขึ้นได้ว่าก่อนออกจากห้องจิมบอกว่าจะลงไปหาอะไรดื่ม แต่จะดื่มอะไรนานขนาดนี้ หรือว่าออกไปข้างนอก…

ทอมผลุนผลันออกจากห้องนอนจิมกึ่งเดินกึ่งวิ่งลงบันไดมาก็พบไฟที่บาร์เปิดอยู่ โล่งอกเมื่อเห็นหลักฐานที่แสดงว่าจิมไม่ได้ออกไปหาอะไรดื่มข้างนอก แก้วเปล่าหลายใบวางเรียงรายอยู่พร้อมขวดบรั่นดีที่เหลือเพียงก้นขวด นี่หรือเครื่องดื่มที่ว่า.. นอกจากในงานเลี้ยงแล้วเขาไม่เคยเห็นจิมดื่มเหล้าในเวลาอื่นเลย แม้จะนั่งสังสรรค์เฮฮาอยู่กับเพื่อนฝูง เต็มที่ก็จิบเบียร์เย็นๆ แค่ 2-3 แก้ว  นี่เขาทำให้จิมโกรธและเสียใจมากถึงขนาดต้องดื่มเหล้าดับอารมณ์เชียวหรือ…

ทอมเดินหาจิมตามห้องต่างๆ เหลียวซ้ายแลขวากวาดสายตาไปทั่วบริเวณเผื่อว่าอาจจะนอนหลับไม่ได้สติอยู่ที่ไหนสักแห่ง เพราะความเมา แต่หาจนทั่วก็ไม่พบจึงออกไปชะโงกดูที่โรงรถให้แน่ใจอีกครั้งก็พบว่ารถยังจอดอยู่ครบ 3 คัน แสดงว่าจิมต้องอยู่บริเวณไหนสักแห่งในบ้าน เขาเกือบจะกดสายในเรียกเอ๊ดดี้ด้วยความเคยชิน แต่นึกขึ้นได้ว่าดึกมากแล้ว จะพลอยทำให้คนรับใช้คนอื่นๆ ตื่นกันหมด

ทอมเดินขึ้นไปสำรวจห้องพักชั้นบนทุกห้อง เมื่อไม่พบก็กลับลงมาชั้นล่างหาใหม่อีกครั้ง เขาเดินเข้าออกทุกห้องแม้กระทั่งห้องน้ำและห้องครัว เริ่มใจเสียเมื่อหาจิมไม่พบ

"นายอยู่ไหนอ่ะ.."

ทอมเป็นห่วงกลัวว่าจิมจะเมาหลับอยู่กลางสนามหรือที่ไหนสักแห่งในบ้าน เขาคนเดียวคงไม่มีปัญญาหาแน่ จึงตัดสินใจเดินไปปลุกเอ๊ดดี้ที่ห้องแทนการเรียกสายในเนื่องจากโทรศัพท์ถูกติดตั้งไว้หน้าห้องนอนนายเอ๊ดและสาวใช้แวว ซึ่งทั้งคู่มีความน่าจะเป็นในการถูกเรียกใช้งานมากที่สุด แต่กว่าจะตื่นขึ้นมารับสายเขาเดินไปเรียกหน้าห้องจะเร็วกว่า

ทอมเดินผ่านห้องครัวตรงไปที่เรือนคนรับใช้ซึ่งอยู่ด้านหลัง เขาหยุดชะงักเมื่อเดินผ่านห้องซึ่งอยู่สุดทางเดินถัดจากห้องครัว มันคือห้องพักคนรับใช้ซึ่งปกติจะปิดว่างไว้ แต่ตอนนี้กลายเป็นห้องพักของแม็กกี้ หนุ่มน้อยที่เขาแสนจะเกลียดชังจับใจ โดยเฉพาะในช่วง 2 สัปดาห์แรกที่พักอยู่ที่นี่ แต่วันนี้ย่างเข้าสัปดาห์ที่ 6 แล้ว ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าความรู้สึกเกลียดชังอย่างรุนแรงคลายลงไปได้อย่างไรและตอนไหน แต่ถึงจะเกลียดน้อยลงเขาก็ยังอยากให้เด็กชายจากไป โดยไม่ต้องมาวุ่นวายขอพิสูจน์ความจริงที่แสนจะเลวร้ายนั้น

ทอมยืนนิ่งอยู่หน้าห้องชั่งใจว่าควรจะปลุกเจ้าหนูแม็กขึ้นมาถามดีมั้ย เผื่อว่าเด็กอาจจะเห็นจิมนั่งดื่มเหล้าอยู่และได้พูดคุยอะไรกันบ้าง ทอมทำท่าจะเคาะประตูแต่แล้วก็เปลี่ยนใจเดินผละจากไปเพราะเห็นว่าดึกมากแล้ว ที่สำคัญเขาไม่อยากพูดคุยกับเด็กชายโดยไม่จำเป็น ที่ผ่านมาเขาพยายามเลี่ยงไม่พูดคุยด้วย ส่วนใหญ่ให้จิมออกหน้าแทนอยู่แล้ว

ทอมผละมาที่ประตูทางออก ก็ต้องชะงักอีกครั้งเมื่อได้ยินเหมือนเสียงร้องของเด็กชายดังแว่วออกมา เขาถอยกลับมายืนหน้าห้อง สงสัยเจ้าหนูคงจะฝันร้ายกระมัง นึกถึงสิ่งที่เขาและจิมกระทำกับเด็กที่ผ่านๆ มาแล้วมันก็น่าอยู่หรอก… เสียงเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะดังแว่วออกมาอีก ครั้งนี้เขาได้ยินถนัดว่าเป็นเสียงร้องครางออกจากลำคอเหมือนเด็กชายกำลังหวาดกลัวสุดขีด

…ให้ตายเถอะ !.. ไม่เข้าใจความรู้สึกตัวเองเลยว่าทำไมเขาต้องใส่ใจด้วย พักเรื่องจิมไว้.. เข้าไปปลุกเจ้าหนูให้ตื่นจากฝันร้ายก่อน คงไม่เสียเวลามากเท่าไร…

เร็วเท่าใจคิด... ทอมขยับลูกบิดประตูเมื่อพบว่าไม่ได้ล็อค จึงเปิดเข้าไปช้าๆ

 o2

ทอมยืนตะลึงกับภาพที่เห็น !!!…. คาดไม่ถึงว่าจะได้พบจิมในห้องเด็กชาย เขาควรจะดีใจแต่กลับตกใจจนหัวใจแทบหยุดเต้น !!!!..

เจ้าหนูแม็กกี้ในสภาพเกือบเปลือยมือถูกมัดไขว้หลัง มีผ้าเช็ดหน้าอุดปากไว้ เด็กอยู่ในท่านอนคว่ำ ส่วนจิมอยู่ในท่าคุกเข่าคร่อมร่างเล็กและกำลังจูบไซ้แผ่นหลังของเด็กชายที่นอนตัวสั่นอยู่ข้างใต้  จิมชะงักและตกอยู่ในอาการตะลึงเช่นกันเมื่อหันมาเห็นเขา

…โอ! พระเจ้า… ทอมอธิบายความรู้สึกของตัวเองกับภาพที่เห็นตรงหน้าไม่ถูก เขาเดินเข้าไปหาในอาการที่ยังตะลึงอยู่ ในขณะที่จิมหายมึนเป็นปลิดทิ้งและยังหายจากอาการตะลึงได้เร็วกว่า รีบเผ่นแผล็วลงจากเตียง   จิมอ้าปากจะอธิบายก็ถูกหมัดกระแทกเข้าที่หน้าจนถลาล้มลง ที่ล้มไม่ใช่เพราะแรงจากหมัด แต่เพราะฤทธิแอลกอฮอลล์ทำให้จิมคุมการทรงตัวไม่อยู่

ทอมตามมาคว้าคอเสื้อจิมลากออกจากห้อง…
"ฟังฉันอธิบายก่อน ทอม.."
ทอมไม่ฟังคำแก้ตัวใดๆ
"ชั่วร้ายมากจิมมี่.. ไม่อยากเชื่อเลยว่านายกล้าทำเรื่องชั่วๆ แบบนี้ได้ แม็กกี้ไม่ใช่ที่ระบายอารมณ์ของนาย  ออกไปหาที่ระบายตัณหานอกบ้าน ไป!!.. ออกไป!!.."
"ฟังฉันก่อน ทอม.. ฉันไม่ได้ระบายอารมณ์นะ ฉัน.."
"ไป!!.. ไปให้พ้น!!.."

ทอมปิดประตูห้องนอนใส่หน้าจิม เขาโกรธและเสียใจจนพูดอะไรไม่ออก เรื่องจิมไว้จัดการทีหลัง ที่เขาต้องทำตอนนี้คือปลอบเจ้าหนูให้หายจากอาการตกใจก่อน

ทอมเดินไปที่เตียง แม้จะเห็นว่าเป็นเขาเด็กชายก็ยังถดร่างหนีและส่งเสียงครางในลำคอด้วยความหวาดกลัว เขารีบดึงผ้าที่อุดปากออก เสียงครางที่ฟังไม่ได้ศัพท์จึงชัดถ้อยชัดคำขึ้น

"ฮือ.. อย่า.. อย่าทำ.. ผมกลัวแล้ว.. ผมกลัว.."
ทอมรีบแก้มัดที่มือให้และกล่าวปลอบไปด้วย
"ไม่ต้องกลัวแม็กกี้.. ไม่ต้องกลัวนะ ฉันไล่เขาไปแล้ว "
ทอมไม่รู้เลยว่าคำปลอบโยนของเขายิ่งทำให้เด็กชายหวาดกลัวมากขึ้น   คำพูดของเขาไม่ต่างจากคำพูดของจิมเมื่อสักครู่เลย
…ไม่ต้องกลัวนะ แม็กกี้ ฉันไม่ทำให้เจ็บ เป็นเด็กดีนะ…
เด็กชายขยับตัวนอนหงายทันทีที่มือถูกแก้มัด เพียงแว่บเดียวที่ได้สบตากับทอมหนุ่มน้อยก็ผวาพร้อมกับอาการสะอื้น รีบคว้าหมอนปิดหน้าเพราะไม่รู้จะถอยหนีไปไหนได้อีก
ทอมตกใจเมื่อเห็นอาการหวาดกลัวของแม็กกี้ แม้แต่เขา.. เจ้าหนูก็ไม่เชื่อใจ เขาจับมือเด็กชายบีบเบาๆ ก็ถูกสะบัดหนี หดมือเข้าใต้หมอน เขาดึงหมอนออกหนุ่มน้อยก็เบือนหน้าหนีเข้าผนังห้อง
"แม็กกี้.. ฉันทอมนะ …"
เด็กชายส่ายหน้าน้ำตาไหลเป็นทางแต่ไม่มีเสียง เป็นครั้งแรกที่ทอมรู้สึกสงสารเจ้าหนูจนอยากปลอบโยนด้วยการสวมกอด  แต่ก็ทำได้เพียงแค่ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างให้และกล่าวปลอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
"นอนนะแม็กกี้.. ไม่ต้องกลัวอะไรอีกแล้ว หมอนั่นจะไม่กล้าเข้ามารังแกเธออีก ฉันสัญญา…"
ทอมลุกขึ้นยืนเมื่อหนุ่มน้อยดึงผ้าห่มขึ้นคลุมศีรษะ ไม่อยากเชื่อเลยว่าเหตุการณ์เลวร้ายที่จิมก่อขึ้นเมื่อครู่จะทำให้แม็กกี้หวาดกลัวเขาไปด้วย ถึงขนาดไม่กล้ามองหน้าหรือสบตา ทั้งๆ ที่เคยแอบเฝ้ามองเขาอยู่บ่อยๆ เวลาที่เขาแกล้งทำเป็นไม่รู้และไม่สนใจ

ทอมชะงักขณะกำลังจะก้าวออกจากห้องเด็กชาย
"คุณทอม~~ ผมขอทดสอบวิธีอื่นแทนได้มั้ย.. ให้ผมทำงานหนักแค่ไหนก็ได้"

ทอมใจหายวาบ หันกลับไปก็พบเด็กชายโผล่หน้าออกจากผ้าห่มจ้องมองเขาด้วยสายตาอ้อนวอนน้ำตายังฉ่ำนองใบหน้าอยู่  เขากลืนน้ำลายลงคอเกือบจะมองหน้าเด็กชายไม่ติด เข้าใจแล้วว่าทำไมเจ้าหนูถึงกลัวเขาด้วย
…จิมนะจิม.. นายคิดจะรังแกเด็กโดยอ้างว่าเป็นการทดสอบ แผนของนายชั่วร้ายเกินกว่าที่ฉันคาดถึง ฉันผิดหวังในตัวนายมาก…

"โอเค!.. แม็กกี้.. นอนซะ ดึกมากแล้ว ไว้เราค่อยคุยกันพรุ่งนี้ กู๊ดไนท์.. ไอ้หนู.."

ทอมออกจากห้องเด็กชายโดยไม่ลืมกดล็อคประตูให้ รายต่อไปที่เขาต้องจัดการคือ เจมส์ เมเนนเดซ การ์เซีย ผู้จัดการแสนดีที่เขารู้สึกรักใคร่ชอบพอดุจเพื่อนสนิทและพี่ชาย แต่เวลานี้เขากำลังรู้สึกเกลียดชังชายหนุ่มผู้นี้จับใจ  ที่บังอาจทำเรื่องเลวร้ายแบบนี้ในบ้านเขา คิดจะสนองอารมณ์ใคร่ของตัวเองกับเด็กชายวัยเพียง 12 ปีคนนี้ ทั้งๆ ที่รู้อยู่เต็มอกว่าเด็กอาจจะเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา ให้ตายเถอะ !.. ถึงเขาจะไม่ชอบไอ้หนูนี่และไม่คิดจะยอมรับ แต่เขาก็ไม่มีวันยอมให้จิมทำเรื่องชั่วร้ายแบบนี้กับเด็ก…

ทอมผลักประตูห้องอย่างแรงด้วยความโกรธ ผู้จัดการสุดแสบของเขาดูท่าจะสร่างเมาแล้วเพราะทั้งศีรษะและใบหน้าเปียกโชก น้ำจากเส้นผมหยดเป็นทางลงที่ลำตัวและพื้นห้อง จิมนั่งนิ่งอยู่ปลายเตียงเหมือนเตรียมพร้อมรอคำพิพากษาอยู่แล้ว ทอมถลาเข้าไปเปิดฉากก่อนทันที

"เกิดอะไรขึ้นกับแม็กกี้ นายคิดจะทำอะไร จิม.. การที่ฉันไว้ใจและเชื่อใจให้นายจัดการปัญหาของฉันกับเด็กนั่น ไม่ได้หมายความว่านายมีสิทธิจะทำอะไรเด็กก็ได้ตามที่ใจต้องการ รู้มั้ยว่าฉันเสียความรู้สึกกับนายแค่ไหน.."
"ฉันเสียใจ.. ฉันขอโทษ.."
"แค่เสียใจและขอโทษ 4 คำ ก็จบยังงั้นเหรอ.. นายทำเรื่องที่ชั่วร้ายมากรู้ตัวหรือเปล่า จิม.. ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่า นายคิดจะระบายอารมณ์ใคร่กับเด็กโดยอ้างว่านี่คือการทดสอบ นายทำให้แม็กกี้เข้าใจว่าฉันเห็นด้วยกับสิ่งที่นายทำ นายทำได้ไง.. จิมมี่.. ทั้งๆ ที่เด็กนั่นอาจจะเป็น…"

ทอมไม่สามารถหลุดคำพูดออกมาได้ เขายอมรับว่ากลัว กลัวมากจริงๆ…

จิมนั่งก้มหน้านิ่งไม่แก้ตัวใดๆ กับเรื่องที่ตัวเองก่อ สมควรแล้วที่ทอมจะโกรธ เขาคิดแผนการเลวร้ายนี้ขึ้นมาด้วยอารมณ์ชั่ววูบ กะจะยิงนก 2 ตัวด้วยกระสุนนัดเดียว เขากำลังเสียใจและเคืองทอม จึงคิดจะหยอกกระเซ้าเจ้าหนูแม็กในฐานะที่อาจจะเป็นสายเลือดของคนที่เขารัก เขาไม่ได้คิดระบายอารมณ์ใคร่กับเด็กจริงๆ ด้วยวิธีนี้เขาเชื่อว่าเด็กชายจะต้องขอยอมแพ้ แต่กว่าจะยอมแพ้เขาก็ได้หยอกเย้าจนสนุกแล้ว แต่เอาเข้าจริงๆ เขากลับหยุดยั้งอารมณ์ตัวเองไม่ได้ เผลอใช้กำลังบังคับเด็กชายจริงๆ ถ้าทอมไม่เข้าไปขัดจังหวะ ป่านนี้เขาอาจทำเรื่องที่เลวทรามชั่วช้าไปแล้ว…

"ฉันขอโทษ ทอม.. ฉันยอมรับว่ามันเป็นแผนที่ชั่วร้ายมาก แต่ฉันไม่ได้คิดจะทำอะไรจริงๆ แค่จะแกล้งให้เด็กยอมแพ้และไปจากนายเท่านั้น"
"โกหก!!.. จะให้เชื่อที่นายพูดเหรอ นายกำลังทำอะไรตอนที่ฉันเข้าไป หา!." ทอมคว้าคอเสื้อจิมกล่าวด้วยน้ำเสียงปวดร้าว
"นายคิดแผนเลวทรามนี้ขึ้นมาได้ยังไง จิมมี่.. นายไม่คิดถึงใจเด็กว่าเขาจะเจ็บปวดแค่ไหนก็น่าจะนึกถึงใจฉันบ้าง ฉันให้นายจัดการหาวิธีทำให้เด็กไปจากที่นี่ ไม่ได้หมายความว่านายคิดจะทำอะไรก็ได้ ถึงฉันจะเกลียดและไม่ยอมรับเขาก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะยินยอมให้นายทำเรื่องเลวร้ายกับเด็กคนนี้ "
จิมนั่งนิ่งเหมือนยอมรับว่าตัวเองมีความคิดและการกระทำที่เลวร้ายจริงๆ มันทำให้ทอมยิ่งโกรธมากขึ้น
"นายทำให้ฉันผิดหวังมาก จิม.. ถ้าฉันไม่คิดจะขอโทษนายก็คงไม่ได้พบเห็นเหตุการณ์ในคืนนี้ ฉันเพิ่งเห็นธาตุแท้ของนายวันนี้เอง หึ! น่าขำ นายว่าด๊อกเตอร์อลงกรณ์ กับโจอยากจะกลืนกินฉันยังงั้นเหรอ ต่อให้เป็นจริงอย่างที่ว่า สองคนนั่นก็ดีกว่านายหลายเท่าที่ไม่คิดจะกลืนกินเด็กชายที่ไม่มีทางสู้"

จิมสะอึก สิ่งที่เขาทำกับเจ้าหนูแม็กกี้ทอมจะด่าว่าเขาเลวยังไงก็ได้ เขายอมรับผิดแต่โดยดี แต่การที่ทอมเปรียบเขากับเกย์ไฮโซคู่นั้น มันตอกย้ำความรู้สึกเจ็บปวดที่เขาได้รับจากคำพูดของทอมก่อนหน้านั้น

…..ฉันไม่ลืมหรอกว่านายอยู่หัวแถว นายต้องเป็นคนแรกที่จะได้กลืนกินฉัน…  

หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 23-01-2010 12:18:08
เมื่อครู่เขาเสียใจและน้อยใจกับคำพูดของทอมที่แสดงให้รู้ว่า นอกจากเขาจะไม่มีความหมายใดๆ เป็นพิเศษกับทอมแล้ว เขายังไม่ต่างจากเกย์หลายๆ คนที่ห้อมล้อมทอมด้วยความหวัง แต่โชคดีกว่าตรงที่ทอมจัดให้เขาอยู่หัวแถว

หากแต่ครั้งนี้จิมรู้สึกฉุนและโกรธมาก ทอมเอาการกระทำของเจ้าด๊อกกับคู่ขาของมันมาเปรียบกับเขา ไหนจะสายตาของทอมที่จ้องมองเขาอยู่ขณะนี้ ช่างส่อแววเหยียดหยามและเย้ยหยันจนจิมหมดความอดกลั้น

จิมลุกขึ้นยืนประจันหน้าเทพบุตรแสนรักด้วยความรู้สึกที่ปวดร้าว เขาผลักทอมล้มลงบนเตียงและตามลงไปคร่อมทับโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันได้ตั้งตัว

"ปล่อยนะ จิม.. ทำบ้าอะไร"

เป็นครั้งแรกที่ทอมถูกร่างสูงใหญ่ประชิดตัวในลักษณะนี้ จิมทาบทับอยู่บนร่างของเขา สัมผัสลมหายใจที่ร้อนผ่าวและกลิ่นเหล้าคละคลุ้งทำให้ทอมต้องเบือนหน้าหนี

"ลุกขึ้นนะ ไอ้บ้า !!.. นายเมาก็นอนซะ ไว้เราค่อยคุยกันต่อพรุ่งนี้"
จิมแค่นหัวเราะ
"ด่าว่าให้พอใจเลย ทอม.. ก่อนที่ฉันจะทำอะไรบางอย่างให้สมกับที่เป็นคนบ้าและคนเลวในสายตาของนาย"
"จะ.. จะทำอะไร ปล่อยนะ จิมมี่.. นายตัวหนัก ฉันอึดอัดนะ"
จิมแค่นหัวเราะ ทอมร้องให้ปล่อยไม่ต่างจากเจ้าหนูแม็กเมื่อครู่เลย
"จะทำอะไรงั้นเหรอ.. ก็ทำอย่างที่ทำกับแม็กกี้ไง แต่กับเจ้าหนู.. ฉันสาบานได้ว่าไม่ได้ตั้งใจจะเลยเถิดไปไกล เด็กตัวกะเปี๊ยกแค่นั้นจะกลืนกินเข้าไปได้ยังไง… นายต่างหากที่ฉันต้องการ ทอม.. ในสายตาของนายฉันไม่ต่างจากเกย์คนอื่นๆ เลยไม่ใช่เหรอ นายยังยกให้ฉันอยู่หัวแถวเลยด้วยซ้ำ นายว่าฉันเลวกว่าเจ้าด๊อกและคู่ขาของมันซะอีก ฉันจะแสดงให้ดูว่าฉันจะกลืนกินนายยังไงถึงจะได้รสชาด"

ทอมตาเหลือกไม่คิดว่าจะถูกจู่โจมในลักษณะนี้ เขารู้ว่าจิมทำเพราะกำลังโกรธและเสียใจไม่ใช่เพราะเสน่หา
"ไม่นะ จิมมี่.. ปะ..ปล….." น้ำเสียงร้องห้ามของทอมขาดหายเพราะถูกจิมปิดปากแน่นสนิท จิมไม่ได้ปิดปากเขาด้วยมือแต่ด้วยริมฝีปาก
"อื้อ… อือ…" ทอมได้แต่ร้องครางมือสองข้างถูกจิมล็อคไว้

ทอมมีรูปร่างสูงโปร่งสมส่วนอย่างชายชาตรีและสวยงามราวเทพบุตร เมื่อเปรียบกับจิมซึ่งมีความสูงกว่าเล็กน้อย แต่อีกฝ่ายตัวใหญ่และล่ำกว่าซ้ำยังเป็นนักกีฬาเทควันโดสายดำด้วยแล้ว พละกำลังของทอมไม่มีทางสู้จิมได้ สถานการณ์ขณะนี้คือทอมหมดทางดิ้นรนเพราะจิมคร่อมทับเขาไว้ทั้งตัว ที่พอทำได้คือเบือนหน้าหนีไปมา แต่จิมก็สามารถประกบริมฝีปากตามไปมาไม่ยอมปล่อย

ใบหน้าของทอมร้อนผ่าวสีหน้าแดงซ่านสลับกับซีดขาว พยายามสะบัดหน้าหนี หากแต่ลิ้นอุ่นของอีกฝ่ายก็ยังตามสอดแทรกและซอกซอนแผ่วหวานละมุน หนักหน่วงและรุนแรง รุกเร้าปะปนไปมาอย่างช่ำชอง สัมผัสที่ได้รับทำให้ทอมไร้เรี่ยวแรงผลักไส

….นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของเขาที่ได้รับสัมผัสเช่นนี้จากผู้ชายด้วยกัน มันไม่ใช่แค่การจูบลาหรือจูบทักทายกันธรรมดา แต่เป็นการจูบจริงและจูบอย่างดูดดื่มเหมือนที่หนุ่มสาวกระทำในขณะที่มีอารมณ์รักใคร่เสน่หาต่อกัน จิมพยายามจะจูบปากเขาหลายครั้งแต่ไม่เคยได้โอกาส ครั้งนี้เพราะความโกรธทำให้จิมใช้กำลังทำตามที่ใจต้องการจนได้…

แม้จะรู้สึกโกรธและเสียใจหากแต่ในอารมณ์ส่วนลึก ทอมยอมรับว่ามันเป็นการจูบที่ดูดดื่มมาก มากจนเขานอนหลับตานิ่งเพราะเคลิ้มกับสัมผัสที่ได้รับจนไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับตัวเอง ทำไมจู่ๆ อีกฝ่ายก็ถอนริมฝีปากออกและพร่ำเรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก

"ทอม.. ทอม.. ฉันขอโทษ ไม่เป็นไรนะ ทอม.. หายใจซี สูดหายใจลึกๆ.."

จิมรั้งทอมขึ้นนั่งและลูบหลังไปมา สติและอารมณ์ที่กำลังล่องลอยเตลิดไปไกลถูกดึงกลับคืนมาในเสี้ยววินาที เมื่อร่างกายของทอมสั่นและเกร็งใบหน้าแดงก่ำจนเขาถอนริมฝีปากแทบไม่ทัน …ให้ตายเถอะ ! ทอมไม่ยอมหายใจขณะถูกเขาจูบนานกว่า 1 นาที ไม่รู้ว่าตกใจจนลืมหรือจงใจทำเพื่อประชดเขา…

ทอมพยายามสูดหายใจเข้าปอดตามเสียงแว่วของจิม ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเขาถึงรู้สึกอึดอัดมากขึ้นเรื่อยๆ
เป็นเพราะเขาไม่ได้หายใจหรอกหรือ..

"ขอโทษนะทอม.. ฉันขอโทษ"

ทอมรู้สึกผ่อนคลายขึ้นเมื่อร่างกายได้รับออกซิเจนตามปกติ ได้ยินเสียงพร่ำขอโทษไปมาอยู่ใกล้ๆ ลืมตาขึ้นก็พบจิมในสภาพโทรมสุดๆ นั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้า แค่สบตาด้วยทอมก็รับรู้ทุกอารมณ์ของอีกฝ่าย เข้าใจแล้วว่าเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับแม็กกี้ในคืนนี้เพราะเขาเป็นต้นเหตุ เพราะคำพูดของเขา

"ฉันต่างหากที่ต้องขอโทษ ถ้าฉันไม่ทำให้นายเสียใจ นายก็คงไม่ลงไปนั่งดื่มเหล้า เหตุการณ์บ้าๆ นั่นก็คงไม่เกิดขึ้น"

จิมซบหน้าลงกับตักและกอดขาทอมไว้ เขาได้แต่พร่ำบอกเสียใจกับการกระทำของตัวเองในคืนนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เมื่อครู่กับแม็กกี้ และตอนนี้กับทอม เขาเคยสัญญากับทอมไว้ว่า ตราบใดที่ทอมไม่มีใจให้เขาจะไม่แตะต้องหรือเกินเลยทอมมากไปกว่าการกอดและจูบแบบทักทายธรรมดา แต่การกระทำเมื่อครู่นอกจากทอมจะไม่ยินยอมแล้ว มันยังทำให้ทอมช็อคจนหายใจไม่ออกไปชั่วขณะ ถ้าเขารู้สึกตัวช้ากว่านี้เทพบุตรสุดรักของเขาจะเป็นยังไง

"ยกโทษให้ฉันด้วยทอม.. ฉันขอโทษ…เรื่องที่เกิดกับแม็กกี้ ขอโทษที่ทำกับนาย…" จิมเงยหน้าขึ้นจากตักน้ำตานองหน้า
ทอมใจหาย ระยะเวลากว่า 2 ปีที่คบหากันมาวันนี้เขาเพิ่งเห็นจิมร้องไห้เป็นครั้งแรก
"ลงโทษฉันซี ทอม.. ให้สมกับความผิดที่ฉันทำในคืนนี้ ไล่ฉันออกจากงานก็ได้"
"จะบ้าเหรอจิม.. นายไม่เคยบกพร่องเรื่องงานเลย มีแค่เรื่องของแม็กกี้ที่นายทำเกินไป.. แค่นายยอมรับผิดและสัญญาว่าจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกก็พอแล้ว"
จิมส่ายหน้า สำนึกในขณะนี้คือรู้สึกว่าตัวเองผิดและเลวร้ายมากจริงๆ กับการกระทำในคืนนี้ โดยเฉพาะเรื่องที่เกิดกับเด็กชายวัยเพียง 12 ปี ที่อาจจะเป็นสายเลือดของทอมด้วยซ้ำ
"ฉันชั่วร้ายมากอย่างที่นายว่าจริงๆ ทอม.. ถ้านายไม่ลงโทษฉัน ก็ขอให้ฉันได้ลงโทษตัวเอง" จิมลุกขึ้นยืนเดินผละไปที่ตู้เสื้อผ้า
ทอมใจหายเมื่อเห็นจิมเก็บเสื้อผ้าและของใช้จำเป็นบางอย่าง
"จะทำอะไรอ่ะ เก็บเสื้อผ้าทำไม"
"ฉันต้องไปจากที่นี่ คืนนี้เก็บไปแค่ที่ใช้ก่อน วันหลังค่อยมา…."
จิมพูดไม่จบเพราะถูกทอมตามเข้ามากระชากกระเป๋าไปจากมือ และเขวี้ยงไปที่มุมห้อง
"ไม่นะ ฉันไม่ให้ไป จะบ้าหรือเปล่า จิมมี่.. นายไปแล้วใครจะช่วยฉันเรื่องงาน ทำแบบนี้นอกจากจะชั่วร้ายแล้วยังเห็นแก่ตัวอีก นายมันไอ้ทุเรศ ถ้าคิดจะไปจริงๆ ชาตินี้ก็อย่ามามองหน้ากันอีก ฉันจะเกลียดนายชั่ว…"

จิมใจหายวาบ รีบเอามือปิดปากเทพบุตรแสนรักและรั้งตัวเข้ามาสวมกอด ได้ยินทอมบอกเกลียดด้วยอารมณ์โกรธยังรู้สึกแย่ขนาดนี้ ถ้าทอมเกลียดเขาจากใจจริงจะเจ็บปวดขนาดไหน ทุกวันนี้ทอมแค่ไม่ได้รู้สึกพิเศษกับเขาเท่านั้น แต่ยังมีความรักให้เขาในฐานะเพื่อนสนิทและพี่ชาย

"ไม่นะทอม.. อย่าเกลียดฉัน… ฉันไม่ได้คิดจะไปจากนาย แค่ขอกลับไปนอนที่คอนโดเท่านั้น เรื่องงานทุกอย่างยังเหมือนเดิม อย่าโกรธนะ ทอม.. ได้โปรด.."

จิมปล่อยมือเมื่อกล่าวจบ ทอมยังมีสีหน้าบึ้งตึงไม่สบอารมณ์อยู่ ผมเผ้ายุ่งเหยิงปกระใบหน้า เขาใช้สองมือเสยเรือนผมชายหนุ่มเบาๆ

"นายไม่ถือโทษ.. ยิ่งทำให้ฉันรู้สึกผิดมากขึ้น ขอให้ฉันได้ลงโทษตัวเองด้วยการอยู่ห่างจากนายสักระยะ จนกว่าความรู้สึกของเราจะดีขึ้น เรายังเจอกันในเวลางานเหมือนเดิม ฉันจะมารับนายไปทำงานและส่งกลับบ้าน นายเข้านอนเมื่อไรฉันถึงจะกลับ โอเค.."

ทอมหน้างอถึงจะเข้าใจเหตุผลแต่เขาก็ไม่เห็นด้วย เขาไม่ได้นอนอยู่ในบ้านหลังใหญ่นี้คนเดียวมานานมากแล้ว
"ตามใจ.. ความจริงนอกเหนือจากเวลางาน นายจะอยู่ที่ไหนก็เป็นสิทธิของนาย ฉันจะไม่สนใจอีกแล้ว"

จิมยิ้มให้อย่างอ่อนโยน แม้จะเป็นการอนุญาตแบบไม่เต็มใจ
"ไม่สนใจหรือไม่รักฉันก็ไม่เป็นไรหรอก ทอม.. ขอแค่อย่าเกลียดก็พอ "

ทอมอ้าปากจะเถียงแต่เปลี่ยนใจ

กลางดึกคืนนั้นจิมเก็บเสื้อผ้ากลับไปนอนที่คอนโด ก่อนไปไม่ลืมนัดแนะเรื่องงานกับทอมโดยที่อีกฝ่ายนิ่งฟังด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ….


 o12


ต่อบทที่ 6 >>
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 23-01-2010 12:28:38
สาย ใย รัก บทที่ 6
… ไอ้หนูยกธงขาว …

 :m8:
------------------

ทอมชะงักเท้าเมื่อเห็นร่างเล็กนั่งคอยอยู่ที่ขั้นบันได เด็กชายรีบลุกขึ้นยืนทันทีที่เห็นเขา
"กู๊ดมอร์นิ่ง แม็กกี้.. มีธุระอะไรหรือเปล่า.. จิมกลับไปนอนที่คอนโดของเขาแล้ว ไม่ต้องกลัวแล้วนะ"

ทอมจำต้องทักทายและฝืนยิ้มให้แม้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเขาจะไม่ได้เป็นคนก่อแต่มันก็ทำให้เขามองหน้าเจ้าหนูไม่ติด
"ผมเสียใจที่ทดสอบแบบนั้นกับคุณจิมไม่ได้ ทำไมคุณทอมไม่ทดสอบเองล่ะครับ ถ้าเป็นคุณทอมผมจะอดทน.. ผมจะไม่…"

ทอมใจหายวาบกับคำพูดของเด็กชาย เอามือปิดปากเจ้าหนูแทบไม่ทัน
"ลืมมันซะ แม็กกี้.. จะไม่มีเรื่องอย่างเมื่อคืนเกิดขึ้นอีก จะไม่มีการทดสอบอะไรบ้าๆ แบบนั้นอีก เข้าใจมั้ย.."

สีหน้าละห้อยของเด็กชายและดวงตาสีน้ำทะเลคู่งามมีน้ำใสเอ่อรื้นขึ้น ทำให้เขาต้องรีบตัดบทก่อนจะใจอ่อนลงมากกว่านี้
"ไว้ค่อยคุยกันใหม่ ฉันต้องรีบไปทำงานแล้ว"

เด็กชายยืนหน้าละห้อยมองทอมเดินจากไป  …ทำไมคุณทอมไม่ค่อยอยากพูดกับผมเลย คุณทอมกลัวว่าจะต้องรับผมเป็นลูกเหรอครับ ผมแค่อยากรู้ความจริง แค่อยากให้คุณทอมใช่พ่อของผมจริงๆ เท่านั้น ผมไม่อยากเป็นลูกไม่มีพ่อเหมือนที่คนอื่นๆ ล้อ…

 :m15:

"คุณจิมมีเรื่องอะไรกับคุณทอมหรือเปล่าเอ๊ดดี้.. ไม่เห็นนอนที่บ้านสองคืนแล้ว.."
"เปล่านี่..ก็คุยกันปกติ แต่ดูคุณจิมเงียบๆ ไปเหมือนกัน ไม่ค่อยคุยเล่นกับเจ้านายเลย เป็นไปได้ว่าอาจมีเรื่องขัดใจกันนิดหน่อย.." นายเอ๊ดสันนิษฐานอย่างผู้รู้
"แล้วมันเรื่องอะไรล่ะวะ เอ็งรู้หรือเปล่า"
"จะไปรู้หรือป้า ฉันไม่ได้ตามติดเจ้านายตลอด 24 ชั่วโมงนี่ คนที่ควรจะรู้คือเจ้านี่.."
นายเอ๊ดพยักหน้าไปที่เด็กชายซึ่งนั่งก้มหน้าทานข้าว ไม่พูดไม่จากับใครเอาแต่ฟังอย่างเดียว
"นอนอยู่บนตึกน่าจะรู้อะไรบ้าง ใช่มั้ยแม็กกี้.. รู้มั้ยว่าคุณทอมมีเรื่องขัดใจกับคุณจิมหรือเปล่า"

แม็กกี้เงยหน้าขึ้นส่ายหน้าพร้อมกับตอบปฏิเสธว่าไม่รู้ รีบขอตัวเอาจานไปล้างเพราะอิ่มพอดี แม็กต้องรีบผละจากวงสนทนาเพราะไม่อยากถูกซักมากความ แม็กไม่มีวันบอกเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนั้นกับใครหรอก   ไม่อยากให้ทุกคนมองคุณจิมไม่ดี คุณจิมทำไปเพราะต้องการให้งานที่ได้รับมอบหมายจากคุณทอมลุล่วง แต่คืนนั้นคุณจิมเมามากจึงคิดแผนทดสอบร้ายๆ แบบนั้นขึ้นมา เพราะวันรุ่งขึ้นคุณจิมแอบมากระซิบขอโทษแม็กแล้ว

"แม็กกี้.."  จิมคว้าข้อมือเล็กไว้เมื่อเด็กชายทำท่าจะเดินหนี
"ไม่ต้องกลัว ฉันไม่ทำอะไร.. ฉันอยากขอโทษเรื่องเมื่อคืน ยกโทษให้ฉันได้มั้ยแม็กกี้.."
"ผมไม่ได้โทษคุณ ผมไม่ได้โกรธ"
เด็กชายตอบโดยไม่ยอมมองหน้าจิม หวนนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วใจเต้นตุ้บตับ ยังรู้สึกกลัวอยู่เลย
"เรื่องที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวกับคุณทอมนะแม็กกี้.. คุณทอมไม่รู้เรื่องด้วย ฉันคิดเองทำเองทั้งหมด ฉันขอรับผิดคนเดียว"
แม็กกี้เห็นสีหน้าและดวงตาของคุณจิมตอนนั้นแล้วหายกลัวทันที นอกจากไม่นึกโกรธแล้วยังดีใจและโล่งอกมาก
ที่ได้รู้ว่าคุณทอมไม่ได้เป็นคนสั่งให้คุณจิมทำเรื่องแบบนั้น  

 :m13:

"ถึงบ้านแล้วทอม.. ทอม.." จิมกระซิบข้างหูเทพบุตรสุดรักของเขา
...แม้รู้ว่าทอมไม่มีใจให้เขาอย่างแน่นอนแล้ว แต่จิมก็ยังตัดใจจากทอมไม่ได้ ไม่ว่าทอมจะรู้สึกกับเขาอย่างไร ขอเพียงแค่ได้มีโอกาสอยู่ใกล้ชิดได้ดูแลปรนนิบัติ ตราบเท่าที่ทอมยังไม่มีใคร เขาก็มีความสุขไม่หวังและต้องการอะไรอีก ...
"ถึงแล้วเหรอ..."
ทอมรู้สึกตัวแต่ไม่ยอมลืมตา วันนี้เขาเหนื่อยมากจริงๆ ถ่าย Outdoor กลางแดดร้อนเปรี้ยงร่วมกับนายแบบชื่อดังคนอื่นๆ อีกหลายคน ใช้เวลาหลายชั่วโมงเพราะมากคนก็มากเรื่อง
"เหนื่อยมากเลยจิม.. ไม่รับงานแบบนี้อีกแล้วนะ "
"รับทราบครับบ๊อส.. "
จิมเห็นสภาพความวุ่นวายในวันนี้ก็ตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่รับงานประเภทนี้ให้ทอมอีก ที่จริงแล้วงานนี้ถ้าไม่ใช่เจ้าของหนังสือขอร้องเองเขาก็คงไม่รับ

ทอมก้าวลงจากรถด้วยอาการเหนื่อยและเพลียจริงๆ วนไปมาอยู่กลางแดดร้อนเปรี้ยงตลอดบ่ายไม่จับไข้ก็เก่งแล้ว
จิมเดินตามในระยะกระชั้นชิดเมื่อเห็นท่าเดินของทอม ไม่จำเป็นจริงๆ เขาพยายามเลี่ยงไม่แตะต้อง แต่แล้วเมื่อทอมเดินเซขณะก้าวขึ้นบันได จิมก็ถลาเข้าไปประคองเทพบุตรของเขาไว้ในวงแขนทันทีด้วยความลืมตัว

ทอมหลับตาหงายหลังลงบนที่นอนทันที่ที่จิมประคองลงนั่ง จิมผละไปเตรียมน้ำอุ่นให้สักครู่ก็เดินเข้ามาก้มลงกระซิบ
"เตรียมน้ำอุ่นให้แล้วนะทอม.. อาบเสร็จก็รีบพักผ่อนซะ หลับให้สบาย พรุ่งนี้ว่างทั้งวัน"
"หือ.. มีงานไม่ใช่เหรอ เมื่อเช้านายยังบอกอยู่เลย"
"ฉันขอเลื่อนน่ะ วันนี้เหนื่อยมากฉันอยากให้นายพัก"
ทอมลืมตาขึ้นก็สบสายตาคมเข้มที่จ้องมองเขาอยู่ด้วยความรักใคร่และห่วงใยเหมือนเดิม
"ฉันกลับก่อนนะ พรุ่งนี้จะโทรหา กู๊ดไนท์ทอม.. หลับฝันดีนะ"

ทอมนอนนิ่งตาปริบ ๆ เมื่อจิมตัดบทบอกลาดื้อๆ เขามองจิมเดินผละจากไปด้วยความรู้สึกแปลกๆ  ไม่อยากเชื่อเลยว่าเหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นในคืนนั้นจะทำให้จิมตัดใจจากเขาได้   5 คืนแล้วที่จิมขอแยกกลับไปนอนที่คอนโดของตัวเอง และยังเป็น 5 วันเต็มๆ ที่จิมไม่แตะต้องเขาด้วยความเสน่หาเลย  ไม่กระเซ้าหรือหยอกเย้าด้วยการสวมกอด ไม่แม้แต่จะจูบราตรีสวัสดิ์เหมือนที่เคยทำ

"เมื่อไรอ่ะ จิม.. เมื่อไร.."
จิมชะงักเท้าที่หน้าประตูหันมาเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม  แต่เพียงแค่เห็นสีหน้าของเทพบุตรสุดรักก็เข้าใจความหมายของคำถามแล้ว อยากจะเข้าไปสวมกอดและจูบลาใจจะขาด แต่เท่าที่ทำได้ขณะนี้คือแสร้งยืนงงไม่เข้าใจคำถาม

ทอมนอนนิ่งจ้องมองมาที่เขา ไม่ยอมพูดอะไรต่อจนจิมต้องเป็นฝ่ายเอ่ยถาม
"อะไรหรือทอม.."
"เปล่า.. ไม่มีอะไร.. กู๊ดไนท์จิมมี่.. ขับรถระวังด้วย"

จิมขับรถออกจากบ้านแม็คกิลล์ด้วยอาการเจ็บแปลบที่หัวใจ เขาไม่ได้อยากทำเย็นชากับทอมแบบนี้เลย  แต่เขาต้องฝืนใจทำให้ได้ เพราะทุกครั้งที่นึกถึงเหตุการณ์ในคืนนั้น เขารู้สึกว่าตัวเองเลวร้ายเกินกว่าที่จะได้รับการให้อภัย   เขาทำลายความเชื่อใจและไว้ใจที่ทอมมีต่อเขาจนหมดสิ้น

….นายจะรักฉันด้วยความรู้สึกแบบไหนก็เรื่องของนาย แต่สำหรับฉัน…. ฉันรักนายแบบพี่ชาย และเชื่อว่านายเป็นพี่ชายที่ดีของฉัน ไม่รังแกหรือบังคับฝืนใจในสิ่งที่ฉันไม่ชอบ…..

คืนนั้นเขาทำเรื่องที่ชั่วร้ายและน่าอายถึงสองครั้ง นอกจากจะรังแกเด็กชายวัยแค่ 12 ปีที่ไม่มีทางสู้แล้ว เขายังใช้กำลังบังคับทอมจนตกอยู่ในอาการช็อคอีก   วันนี้เขาจึงต้องอดทนกับความเจ็บปวดเพราะการกระทำของตัวเอง เขาไม่ได้แตะต้องทอมด้วยความเสน่หามา 5 วันแล้ว   แค่จับแขนหรือโอบไหล่ในเวลางานเท่านั้น เขาต้องใช้ความอดกลั้นอย่างสูงบังคับใจตัวเอง  ไม่ให้เผลอสวมกอดเทพบุตรสุดรักของเขาซึ่งบางครั้งยืนอยู่ห่างไม่ถึงคืบ ถ้าไม่ได้อยู่ใกล้ชิดก็ว่าไปอย่าง แต่นี่…. บางขณะเหมือนทอมจงใจประชิดตัวเขา บางครั้งนั่งซบ บางครั้งยืนพิงด้วยอาการเหนื่อยอ่อน สิ่งที่เขาทำได้คืออาการนิ่งเฉย แสร้งเบือนความสนใจหาเรื่องพูดคุยหรือหันไปทำกิจกรรมอื่นๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าจะอดทนได้นานแค่ไหน…

หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 23-01-2010 13:14:20
"เป็นอะไรแม็กกี้.. กับข้าวไม่ถูกปากใช่มั้ย วันไหนไม่ได้กินของเหลือเจ้านายก็งี้แหล่ะ ทนๆ กินเข้าไปเถอะ"
สาวใช้แววค่อนขอดแม่บ้านทิพย์เรื่องอาหาร เพราะตัวเองรู้สึกเช่นนั้นแต่ไม่กล้าบ่น ถือโอกาสเหน็บเมื่อเห็นเด็กชายมีท่าทางเบื่ออาหาร เอาแต่เขี่ยข้าวในจานไปมา
"เอ็งว่าอะไรนะ นังแวว หาว่าอาหารที่ข้าทำไม่ได้เรื่องงั้นเหรอ"
"ฉันไม่ได้พูดงั้นซะหน่อย แค่บอกว่ากินของเหลือเจ้านายอร่อยกว่าเท่านั้น"
"หน็อย!... เจ้านายไม่อยู่จะทำอะไรเลิศหรูนักหนา ต่อไปเอ็งอยากกินอะไรก็ทำเอง ข้าไม่ใช่ขี้ข้าเอ็ง "
"เอ่อ.. ป้าครับ อาหารอร่อยแต่ผมทานไม่ลงเอง ผมปวดท้อง" แม็กกี้รีบตัดบททันทีก่อนที่ป้าทิพย์และน้าแววจะมีปากเสียงกัน
"อ้าว! ปวดท้องเหรอ เห็นมั้ยนังแวว เอ็งมันรู้มาก เด็กปวดท้องถึงกินไม่ลงดันมาหาว่าข้าทำไม่อร่อย.."
แม่บ้านทิพย์หันไปโวยสาวใช้ต่อ เด็กชายเห็นท่าไม่ดีรีบยกจานข้าวไปเก็บล้างและเลี่ยงออกจากครัว

แม็กกี้กลับเข้ามาในห้องพักคว้าสมุดบันทึกมากอดไว้   แม็กกินข้าวไม่ค่อยลงมาสองวันแล้ว กินไปได้หน่อยก็อยากจะอาเจียน วันนี้นอกจากจะทานไม่ลงแล้วยังปวดท้องอีกด้วย  ตอนแม่ยังอยู่ทุกครั้งที่ไม่สบายหรือเจ็บปวดจากอะไรก็ตาม
แม็กจะรู้สึกดีขึ้นทุกครั้งที่ได้อยู่ในอ้อมกอดของแม่ แต่วันนี้แม็กไม่มีแม่แล้ว มีแค่สมุดบันทึกเล่มนี้แทนตัวแม่แอนนาและแด๊ดดี้ของแม็ก

เด็กชายหน้านิ่วงอตัวลงเพราะรู้สึกปวดจี๊ดที่ท้องน้อยขวาเป็นระยะๆ แม็กปวดแบบนี้มาหลายวันแล้วแต่วันนี้ปวดมากกว่าทุกวัน  ร่างเล็กขยับตัวลงนอนเอาสมุดบันทึกใส่ไว้ในปลอกหมอนและเอาหมอนทับท้องไว้ คิดว่าควรจะหลับสักงีบหนึ่ง
ตื่นขึ้นมาอาการปวดจะได้ทุเลาขึ้นเหมือนทุกๆ ครั้ง

 :m15:

เด็กชายผวาตื่นกลางดึกอีกครั้งด้วยอาการบีบตัวอย่างแรงบริเวณท้องน้อยด้านขวา รู้สึกปวดท้องมากจนร้องครางออกมาด้วยความลืมตัว
"อือ…แม่จ๋า.. ผมปวดท้อง..โอย.. ฮือ...."

แม็กกี้น้ำตาไหลเมื่อนึกขึ้นได้ว่าแม่จากไปแล้ว และห้องที่นอนอยู่ตอนนี้ก็เป็นที่พักอาศัยชั่วคราว อีกไม่กี่วันแม็กก็ต้องไปจากที่นี่แล้ว   ที่นี่เป็นคฤหาสน์หลังงามของคุณทอม แม็คกิลล์ นายแบบชื่อดัง รูปหล่อและสง่างามราวเทพบุตร  ถ้าเปรียบคุณทอมเป็นเทวดา แม็กก็เป็นแค่เด็กผู้ชายเดินดินที่ได้แต่เงยหน้ามองขึ้นไปบนฟ้า ไม่มีทางได้สัมผัสหรือจับต้องเทวดาผู้สูงศักดิ์

"โอ้ยยยย.. อือ…"
แม็กกี้ร้องครางและงอตัวด้วยความปวด รู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ เหมือนกับจะเป็นไข้ ไม่เคยปวดมากขนาดนี้มาก่อน ตอนเด็กๆ แม็กชอบปวดท้องกลางดึกเป็นประจำแต่ไม่เคยปวดแบบนี้ ส่วนใหญ่ปวดเพราะนอนไม่ห่มผ้าแถมยังชอบถกเสื้อขึ้นมาอีก   แม็กถูกแม่ดุเป็นประจำแต่ถึงดุแม่ก็ปลอบไปด้วย ทายาให้และกล่อมจนแม็กหลับไป

….. 6 สัปดาห์กว่าแล้วที่แม็กพักอาศัยอยู่ที่นี่  นี่เป็นครั้งที่ 3 ที่แม็กไม่สบาย ครั้งแรกป่วยเป็นไข้เพราะตากฝนหากุญแจให้คุณทอม ครั้งที่ 2 ปวดเมื่อยไปทั้งตัวและไข้ขึ้นเพราะขุดอ่างปลาให้คุณทอมทั้งวันจนหมดแรง แต่ครั้งนี้คุณทอมปล่อยให้แม็กอยู่สบายๆ แท้ๆ แต่แม็กก็ไม่สบายอีกจนได้ แม็กไม่อยากทำให้คุณทอมเดือดร้อนเลย….

"เราต้องอดทน เราจะไม่ทำให้คุณทอมเดือดร้อนอีก…"

แม็กกี้ดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มเพราะรู้สึกหนาว เอาหมอนทับท้องไว้อีกชั้นเพื่อให้อุ่นขึ้น อาการปวดทุเลาลงเล็กน้อย กำลังจะเคลิ้มหลับก็ต้องผวาขึ้นมาอาเจียนลงข้างเตียง พร้อมๆ กับอาการปวดอย่างรุนแรงกำเริบขึ้นอีก

แม็กใจหายวาบ แค่เอามือแตะบริเวณที่ปวดก็รู้สึกเจ็บแล้ว หวนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา  แม็กและเพื่อนๆ เล่นฟุตบอลที่โรงเรียน จู่ๆ บุญโชคก็ล้มลงนอนบิดไปมาเพราะปวดท้อง  แม็กจำได้ว่าบุญโชคบอกปวดที่ท้องน้อยด้านขวาแม็กและเพื่อนพาบุญโชคไปส่งบ้าน เช้าวันต่อมาคนที่บ้านบุญโชคมาส่งข่าวว่าบุญโชคตายแล้ว เป็นไส้ติ่งอักเสบและแตกตั้งแต่ตอนเล่นฟุตบอล แต่พ่อเลี้ยงของบุญโชคเอาแต่กินเหล้าเมา แม่ก็ไม่สนใจเอาแต่เล่นไพ่ ตอนนั้นบุญโชคเพิ่งอายุได้ 10 ขวบเอง

“ฮือ ๆ… แม่จ๋า.. ผมปวดท้อง ผมเป็นไส้ติ่งหรือเปล่า…"
เด็กชายน้ำตาไหลพรากตัวสั่นด้วยความกลัว ไม่รู้ว่าจะอดทนนอนต่อไปหรือลุกขึ้นไปหาคนช่วยดี  ดึกป่านนี้ทุกคนคงกำลังหลับสบาย แม็กไม่อยากรบกวนใครๆ เลย…

 :m15:

ทอมสะดุ้งตื่นเมื่อลูกแก้วที่ถืออยู่ในมือตกแตก เขาฝันประหลาดคล้ายๆ กันมา 2 คืนแล้ว ฝันว่าเขาเป็นเจ้าของลูกแก้วสีน้ำทะเลซึ่งมีขนาดใหญ่เท่ากำปั้น ส่องประกายสวยงามมาก แต่แล้วก็มีหญิงสาวรูปงามยื่นลูกแก้วอีก 2 ดวงให้เขา ขนาดเล็กกว่าที่อยู่ในมือแต่เป็นสีรุ้งสวยงามไปอีกแบบ เขารับลูกแก้ว 2 ดวงจากหญิงสาวมาถือไว้ในมือรวมเป็น 3 ดวง เขาประคองลูกแก้วทั้งหมดไว้ด้วยความระวังแล้ว แต่กลับพลาดทำลูกแก้วดวงแรกตกลงกับพื้นแตกกระจาย…

ทอมส่ายหน้าเมื่อนึกถึงความฝันไร้สาระของตัวเอง เขาลุกขึ้นจากเตียงเดินไปเปิดตู้เย็นหาน้ำดื่ม เหลือบดูเวลาเพิ่งจะเที่ยงคืนกว่าเอง ไม่อยากเชื่อเลยเพิ่งหลับไปได้ไม่ถึงชั่วโมงก็ฝันเป็นเรื่องเป็นราว แต่ถึงจะเป็นแค่ความฝันความรู้สึกก็ยังตามติดออกมา   ….เสียดายจัง ไม่น่าทำลูกแก้วสีน้ำทะเลดวงแรกแตกเลย…

ทอมเดินกลับมาที่เตียง กำลังจะล้มตัวลงนอนก็ได้ยินเสียงกุกกักอยู่ชั้นล่าง ดึกป่านนี้แล้วใครยังทำอะไรอยู่ อาจเป็นสาวใช้แววหรือแม่บ้านทิพย์ ทอมไม่สนใจล้มตัวลงนอนต่อ เขาไม่เคยห่วงเรื่องขโมยขึ้นบ้าน เพราะบ้านแม็คกิลล์มีระบบรักษาความปลอดภัยรอบตัวบ้านและตลอดแนวรั้ว สัญญาณส่งตรงไปที่ป้อมตำรวจหน้าหมู่บ้านและสถานีตำรวจในท้องที่ เขาไม่จ้าง รปภ. เพราะวุ่นวาย ลำพังคนรับใช้ 4 คนก็มากเพียงพอแล้ว

กำลังจะเคลิ้มหลับทอมก็สะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงเหมือนของตก      เขานอนนิ่งอยู่ชั่วครู่ก่อนจะลุกพรวดขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้ว่าจิมไม่ได้นอนที่นี่แล้ว หากไม่ใช่แม่บ้านหรือสาวใช้ล่ะ….

ทอมเปิดลิ้นชักโต๊ะข้างเตียงหยิบปืนพกขึ้นมาถือกระชับไว้ในมือ ถ้าเป็นจิมคงลงไปตรวจตั้งแต่ได้ยินเสียงกุกกักตอนแรกแล้ว นี่ถ้าไม่ใช่เพราะตกใจตื่นจากฝันประหลาดล่ะก็  เขาไม่มีทางตื่นขึ้นมาเพราะเสียงกุกกักแค่นี้แน่

ทอมย่องออกจากห้องนอนอย่างเงียบกริบ เขาไม่ได้กลัวแค่ตื่นเต้นเล็กน้อยเท่านั้น ถ้าจิมอยู่อย่าหวังเลยว่าจะได้ถือปืนเดินหน้าลงมาหาคนร้ายแบบนี้…

ทอมเดินสำรวจเกือบทั่วทุกห้องตั้งแต่โถงหน้าบันได.. ห้องพักผ่อน.. ห้องหนังสือ.. ห้องอาหารและห้องครัว ไม่พบอะไรผิดปกติเลย ไม่มีร่องรอยว่าจะมีใครเข้ามาทำเสียงกุกกักอะไรได้ ประตูบ้านก็ปิดอยู่ในสภาพเรียบร้อย จึงเดินไปสำรวจที่ประตูหลัง ก็พบประตูห้องนอนของเด็กชายเปิดแง้มอยู่ ทำให้นึกขึ้นได้ว่ายังมีเจ้าหนูแม็กกี้อยู่เป็นเพื่อนเขาอีกหนึ่งคนในตึกใหญ่หลังนี้

แต่แล้วทอมก็ต้องแปลกใจเมื่อไม่เห็นเด็กชายอยู่ในห้อง หรือว่าเสียงกุกกักที่ได้ยินเป็นฝีมือของแม็กกี้เอง… ทอมเปลี่ยนความตั้งใจในการค้นหาคนร้ายเป็นเดินหาเจ้าหนูแม็กแทน แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่วางใจยังคงถือปืนกระชับไว้ในมือ

ทอมชะงักขณะเดินผ่านห้องน้ำ เสียงครางโอดโอยของเด็กชายดังแว่วออกมา หัวใจเต้นแรงขึ้นทันทีเมื่อหวนนึกถึงเหตุการณ์ในคืนที่จิมเข้าไปรังแกเจ้าหนูในห้องนอน ทอมถือปืนกระชับไว้ในท่าเตรียมพร้อม หากเด็กชายถูกรังแกอีกครั้งนี้ต้องเป็นฝีมือคนร้ายอย่างแน่นอนแล้ว

….ให้ตายเถอะ! เวลาแบบนี้จิมกลับไม่อยู่ เขาต้องเล่นบทบู๊ด้วยตัวเองจริงๆ หรือนี่….  ทอมสูดหายใจรวบรวมความกล้าก่อนผลักประตูห้องน้ำเปิดออก…

--- o8

ร่างเล็กนอนขดตัวอยู่ที่พื้นห้องน้ำ หลับตานิ่วหน้าและส่งเสียงครางเหมือนกำลังเจ็บปวด ทอมยืนตะลึงอยู่ชั่วครู่ก่อนจะวางปืนลงในอ่างล้างหน้าและทรุดตัวลงช้อนร่างเด็กชายไว้ในวงแขน มือสำรวจไปทั่วร่างกายของเจ้าหนูเพื่อหาบาดแผล
"แม็กกี้.. เป็นอะไร เฮ้!.. ไอ้หนู…"
ทอมเสยผมที่ปกระใบหน้าเด็กชายจึงพบว่าเจ้าหนูมีไข้และยังมีสีหน้าซีดเซียวจนน่าตกใจ
"ฉันทอมนะแม็กกี้.. ไม่สบายเหรอ… หือ.."
เด็กชายพยักหน้าเหมือนรับรู้แต่ยังหลับตาส่งเสียงคราง ทำให้เขาใจหายอย่างบอกไม่ถูก
"อือ… อือ… เจ็บ… อือ…"
"เจ็บตรงไหนแม็กกี้.. บอกซิว่าเจ็บตรงไหน ไม่สบายตั้งแต่เมื่อไร ทำไมไม่บอก"
ทอมขยับร่างเล็กไปมาเพื่อหาบาดแผลก็พบว่าเจ้าหนูนิ่วหน้าเหมือนเจ็บปวดมากขึ้น จึงเปลี่ยนมาลูบคลำแขนขาและลำตัวเบาๆ เขาเพิ่งสังเกตุเห็นร่องรอยเศษอาหารที่อาเจียน  แสดงว่าเด็กชายไม่สบายมากจริงๆ
"ไม่สบายตรงไหนล่ะแม็กกี้.. บอกซิว่าเจ็บตรงไหน"
"คุณทอม.." เด็กชายปรือตาขึ้นและเรียกชื่อเขา
"ใช่.. ฉันเอง ไม่สบายเป็นอะไร เจ็บตรงไหนบอกซิแม็กกี้ หือ…"

ทอมถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ความขุ่นเคืองและไม่ชอบใจในตัวเด็กชายซึ่งนับวันจะลดน้อยลงเรื่อยๆ  จนถึงนาทีนี้…ความรู้สึกเหล่านั้นมลายหายไปจนหมดสิ้น  เขาเสยผมเจ้าหนูไปมาเผื่ออาจจะช่วยให้รู้สึกสบายและผ่อนคลายความเจ็บปวดลงบ้าง แต่คงไม่ได้ผล..แม็กกี้นิ่วหน้าและกัดฟันเหมือนอาการเจ็บกำเริบขึ้นอีก   ทอมเพิ่งสังเกตเห็นเด็กชายเอามือกุมท้องน้อยไว้ ยังไม่ทันจะเอ่ยถามเจ้าหนูก็ร้องครางขึ้นอีกด้วยน้ำเสียงสะอื้น

"อือ... ผมปวดท้อง… เจ็บอ่ะ.. ฮึก.. ฮือ…"
"ปวดท้องเหรอ.. ปวดตรงไหนแม็กกี้.. "
ทอมเอามือเด็กชายออกและเลิกเสื้อยืดขึ้น หน้าท้องเจ้าหนูเกร็งและแข็งผิดปกติ เขาใช้นิ้วคลำและกดเบาๆ วนไปรอบๆ ร่างเล็กสะดุ้งเฮือกและร้องครางขึ้นอีกเมื่อเขาแตะถูกท้องน้อยด้านขวา
"โอ๊ย!…. เจ็บ.. ผมเจ็บ.. อือ…"
....โอ! พระเจ้า.. เขาแค่แตะถูกเบาๆ เจ้าหนูก็ร้องเจ็บ แสดงว่าอาการคงไม่น้อยแล้ว ดูจากตำแหน่งที่ปวดน่าจะเป็นไส้ติ่ง…
"อดทนนะแม็กกี้.. จะพาไปหาหมอนะ"
ทอมอุ้มเด็กชายออกจากห้องน้ำพามานอนที่โซฟาร์ เขาเงยหน้าขึ้นจะตะโกนเรียกจิมก็นึกขึ้นได้ว่าจิมไม่ได้นอนนี่แล้ว จึงคว้าโทรศัพท์กดสายในไปที่เรือนคนรับใช้ ระหว่างรอสายก็พูดปลอบเด็กชายไปด้วย
"ไม่เป็นไรนะแม็กกี้.. คงจะเป็นไส้ติ่งอักเสบ เดี๋ยวหมอให้ยามาทานก็หาย"
ทอมไม่กล้าพูดอะไรมากกว่านี้ ทั้งๆ ที่รู้ว่าอาการของเด็กชายอาจต้องผ่าตัด แต่ขนาดบอกเพียงสั้นๆ  แม็กกี้ก็ยังผวาและตกใจกลัว
"ไม่เอา.. ผมไม่อยากเป็นไส้ติ่ง ผมกลัว.."
"ไม่ต้องกลัว... ไส้ติ่งไม่ใช่โรคร้ายแรง ไม่มีอันตรายเลยรู้มั้ย"
"ไม่ฮะ ผมไม่อยากเป็นไส้ติ่ง.. ฮึก.. ฮือ ๆ…" เด็กชายสะอื้น.. น้ำตาไหลพรากอาบแก้ม
เป็นครั้งแรกที่ทอมเห็นเจ้าหนูแสดงความอ่อนแอและร้องไห้อย่างเด็กๆ  ไม่เข้มแข็งและอดทนเหมือนเวลารับการทดสอบจากเขาและจิม รู้สึกสงสารจนอยากกอดปลอบแต่ก็ทำได้เพียงเช็ดน้ำตาให้และปลอบโยนด้วยคำพูด
“ไม่เป็นไร แม็กกี้.. ไม่เป็นไรนะ ไม่ต้องกลัว.."
"ผมเอ๊ดดี้ครับเจ้านาย.." เสียงจากปลายสายดังขึ้น

ทอมสั่งนายเอ๊ดให้เอารถออกพาแม็กกี้ไปโรงพยาบาลโดยด่วน อีกฝ่ายรีบรับคำโดยไม่มีคำถามใดๆ  เพียงชั่วครู่คนรับใช้ในบ้านก็เข้ามายืนเรียงหน้าสลอน รอรับคำสั่งด้วยสีหน้าตื่นตระหนก   ทอมสั่งนายแก้วอุ้มเด็กชายไปรอที่รถ ก่อนจะวิ่งกลับขึ้นไปบนห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า

"จิม.. แม็กกี้ปวดท้องมาก สงสัยจะเป็นไส้ติ่ง ฉันจะพาไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้ ถ้าหมอถามว่าฉันเป็นอะไรกับเด็ก จะตอบว่าไง"    ทอมคุยโทรศัพท์ไปด้วยขณะเปลี่ยนเสื้อผ้า น้ำเสียงตื่นตระหนกจนปลายสายต้องกล่าวปลอบ
"ใจเย็นทอม..ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ฉันจัดการเอง...ไปเจอกันที่โรงพยาบาล..."
"โอเค!.. ไปเดี๋ยวนี้เลยนะ"   ทอมวางสายจิมด้วยความโล่งอก เขาไม่ได้ทำอะไรตัวคนเดียวมานานมากแล้ว ปัญหาทุกเรื่องของเขาต้องมีจิมช่วยตัดสินใจให้เสมอ

ทอมกึ่งเดินกึ่งวิ่งมาที่รถ นายเอ๊ดเตรียมเปิดประตูตอนหน้าให้ เพราะเด็กชายนอนยาวยึดที่นั่งตอนหลังไว้หมดแล้ว
ทอมกำลังจะก้าวขึ้นรถเห็นเจ้าหนูนอนบิดสีหน้าเจ็บปวดก็เปลี่ยนใจ บอกนายเอ๊ดว่าเขาจะนั่งข้างหลัง

ทอมนั่งนิ่ง รู้ว่าร่างเล็กซึ่งกำลังนอนหนุนตักเขาอยู่ขณะนี้กำลังได้รับความเจ็บปวดอย่างมาก แต่ทั้งๆ ที่เจ็บมากขนาดนี้... เจ้าหนูก็ไม่ได้ร้องโอดครวญงอแงอย่างที่เด็กควรจะทำ มีเพียงเสียงครางเบาๆ เป็นระยะๆ เท่านั้น

ทอมสั่งเอ๊ดดี้ลดแอร์เมื่อเห็นแม็กกี้มีอาการสั่น มือซ้ายของเจ้าหนูกุมท้องน้อยบริเวณที่ปวด ในขณะที่มือขวากอดลำตัวไว้เหมือนให้ความอบอุ่นกับตัวเอง ทอมไม่สามารถนั่งนิ่งอยู่ต่อไปได้ ทั้งๆ ที่เด็กชายนอนหนุนตักเขาอยู่แท้ๆ แต่กลับต้องอดทนและกัดฟันสู้กับความเจ็บปวดเพียงลำพัง เขาดึงแจ็กเก็ตของจิมที่วางพาดอยู่ที่พนักเบาะหน้ามาห่มให้ร่างเล็ก
และปลอบโยนด้วยการลูบศีรษะเจ้าหนูไปมา มืออีกข้างจับมือเด็กชายกุมไว้ แม้จะไม่ได้ช่วยคลายความเจ็บปวดลงแต่ก็ดีกว่าที่เขาจะนั่งอยู่เฉยๆ อย่างน้อยแม็กกี้จะได้รู้ว่ามีเขาอยู่เป็นเพื่อน

ทอมรู้สึกว่าเด็กชายกำลังเจ็บมาก มือของเขาถูกบีบอย่างแรง เสียงครางที่ลอดออกจากริมฝีปากเจ้าหนูกลายเป็นชื่อเขา
"..อือ..คุณทอม.."
"ว่าไง แม็กกี้.. อดทนหน่อยนะ จะถึงแล้ว"
ทอมไม่รู้จะปลอบเด็กชายยังไงนอกจากบอกให้อดทน
"ผมจะ~ตาย~มั้ย  ถ้าตายแล้ว~จะไปอยู่ไหน~"
โอ! พระเจ้า.. ทอมไม่คิดว่าจะได้ยินคำถามนี้จากปากเด็กชายวัย 12 ปี ไม่รู้ว่าถ้าเป็นเมื่อหนึ่งเดือนก่อนคำถามนี้จะทำให้เขารู้สึกใจหายแบบนี้หรือเปล่า…
"เหลวไหล แค่ปวดไส้ติ่งเท่านั้น จะตายได้ยังไง หือ.."
ทอมเอื้อมมือเปิดไฟ เขาต้องการเห็นหน้าเจ้าหนูแม็กกี้คนเก่ง ที่อดทนต่อการทดสอบโหดๆ มาได้ทุกครั้ง แต่แค่ปวดท้องไส้ติ่งเท่านั้นก็ทำท่าจะบอกลาแล้ว
"บุญโชคยังตายเลย~ เขาปวดไส้ติ่ง~ เหมือนผม"
ทอมเดาเอาว่าบุญโชคคงเป็นใครสักคนที่เด็กชายรู้จัก
"มันไม่เกิดขึ้นกับทุกคนหรอกแม็กกี้.. หมอที่กรุงเทพฯเก่งๆทั้งนั้น ผ่าตัดออกมา 3 วันก็วิ่งเล่นได้แล้ว"
"ผมต้อง~ผ่าตัดเหรอ~" น้ำเสียงสะอื้น น้ำใสที่เอ่อคลออยู่ร่วงผล็อยลงอีกเมื่อได้ยินว่าต้องผ่าตัด
"เอ่อ.." ทอมโมโหตัวเองไม่น่าหลุดปากออกไปเลย ทำให้เด็กชายใจเสียและกลัวมากขึ้น
"แค่อาจจะเท่านั้น แม็กกี้.. ไม่ต้องกลัวนะ เหมือนนอนหลับเลย ตื่นขึ้นมาก็หายปวด สองวันก็กลับบ้านได้"

นายเอ๊ดแทบไม่เชื่อหูตัวเอง เขาไม่เคยได้ยินน้ำเสียงและคำปลอบโยนที่อ่อนโยนเช่นนี้จากเจ้านายทอมมาก่อน โดยเฉพาะกับเจ้าหนูแม็กกี้.. เด็กชายที่เข้ามาสร้างความวุ่นวายและไม่สบอารมณ์ให้เมื่อ 6 สัปดาห์ก่อน อย่าว่าแต่จะพูดคุยด้วยเลย.. แม้แต่หน้าเจ้านายก็ยังไม่อยากจะเห็น

"แต่ถ้าผมตายล่ะ~ ผมต้องถูกเผาเหลือแต่กระดูกเหมือนแม่~ ใช่มั้ย.. คุณทอม… อือ~"
เด็กชายร้องครางและบีบมือทอมอย่างแรง เหมือนอาการเจ็บปวดรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แต่ยังพยายามพูดต่อ
"ให้กระดูกผม~อยู่ที่บ้านคุณทอมได้มั้ย~ ตรงไหนก็ได้~ อยู่ใกล้ๆ อ่างปลาก็ได้~ ผมชอบปลา~"

โอ! พระเจ้า.. ทอมใจหายอย่างแรง เจ้าหนูแม็กกี้กำลังสั่งเสียเขาหรือนี่…

"เหลวไหลนะแม็กกี้.. ถ้าอยากจะอยู่กับฉันต้องมีชีวิตอยู่ ตายไม่ได้นะรู้มั้ย.. ฉันไม่ต้องการแค่กระดูกของเธอ ได้ยินมั้ยไอ้หนู.. ลืมเรื่องสำคัญระหว่างเราไปแล้วเหรอ.. ความจริงยังไม่ได้พิสูจน์เลย คิดจะยอมแพ้หรือไง หือ.."

ทอมไม่รู้ว่าเขารั้งเด็กชายขึ้นมาสวมกอดตั้งแต่เมื่อไร รู้สึกตัวอีกทีเมื่อเจ้าหนูซบหน้าลงกับอกเขาด้วยสีหน้าที่ยังเจ็บปวด
เขาไม่เคยปวดไส้ติ่งไม่รู้ว่ามันเจ็บและทรมานขนาดไหน รู้แต่ว่าหากเขาเจ็บแทนร่างเล็กในอ้อมกอดขณะนี้ได้ เขายินดี…

"ผมไม่น่า~มาหาคุณทอมเลย~ทำให้คุณ~เดือดร้อน~ต้องเสียเงิน~รักษาผมอีก~ แล้ว~"
น้ำเสียงกระท่อนกระแท่นดังอู้อี้เพราะซบอยู่กับอก ทอมไม่รู้จะพูดปลอบอะไรอีกแล้ว ได้แต่กอดเด็กชายไว้และลูบศีรษะไปมา
"หลับซะแม็กกี้.. ไม่พูดอะไรแล้วนะ นอนหลับซะ เด็กดี.."

แม็กกี้ไม่พูดอะไรอีกยอมหลับตาแต่โดยดี ทอมยังสัมผัสความเจ็บปวดของเจ้าหนูได้จากร่างกายที่ผวาขึ้นเป็นระยะๆ
และมือเล็กที่ดึงรั้งแขนเสื้อเขาทุกครั้งที่รู้สึกเจ็บ

ทอมกระซิบบอกเด็กชายเมื่อรถเลี้ยวเข้าโรงพยาบาล
"ถึงโรงพยาบาลแล้วนะแม็กกี้.. เข้มแข็งนะ ไม่ต้องกลัว ฉันจะอยู่ใกล้ๆ"

ทอมไม่รู้หรอกว่าร่างเล็กในอ้อมกอดของเขาสงบลงไม่ใช่เพราะหลับ แต่หมดสติไปเพราะความเจ็บปวดที่ได้รับมากมายเกินกว่าที่ร่างกายเด็กชายจะรับไหว

 :m15:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 23-01-2010 17:09:56
^
^
^
^
จิ้มก่อนอ่านค่ะ ^__^



ง่า ไมเป็นแบบนี้หล่ะ เศร้าอ่ะ  T______T
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: tatum1234 ที่ 23-01-2010 17:22:32
 :o12:แม็กกี้กกกกกก...ทำไมชีวินหนูมันยิ่งกว่าวรรณลี บวกด้วย ดาวพระศุกร์ แล้วคูณด้วยโอชินแบบนี้
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: gypsy ที่ 23-01-2010 17:50:02
จนถึงตอนปัจจุบัน ยังหมั่นไส้จิมกับทอมอยู่เลย

สงสารหนูแม็กกี้

เฮ่อ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: kungyung ที่ 23-01-2010 20:34:55
 :m15: :m15: :m15:เจ้าหนูแม็กกี้จะเป็นอะไรมากมั้ยเนี้ยยยยยย
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: nithiwz ที่ 24-01-2010 00:57:13
แล้วตาจิมก็ไม่ได้เก็บน้ำเชื้อไปตรวจ (ซะงั้น  :seng2ped:)
อ่านแล้วเศร้าอ่ะ  :m15: สงสารเจ้าหนูแม็กกี้เป็นไส้ติ่งอีกต่างหาก
จะตายมั้ยเนี่ย  แต่คงไม่ตายหรอกนะ  สู้ๆ เพื่อพิสูจน์ความจริง
สงสัยจะได้พิสูจน์แล้วแหละ  นายทอมเริ่มใจอ่อนแล้ว  เหอะๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 24-01-2010 11:01:43
"ทอม.. ทอม.."
"แม็กกี้ออกมารึยังจิม.." ทอมเอ่ยประโยคแรกทันทีที่สะดุ้งตื่น
"ยังเลย นายกลับก่อนดีมั้ย ฉันจะอยู่เฝ้าเอง"
"แค่ไส้ติ่งเองทำไมนานจัง เกือบ 3 ชั่วโมงแล้วนะ "
"แม็กกี้ไส้ติ่งแตกตอนหมอลงมีดพอดี.."
"วะ.. ว่าไงนะ… ไส้ติ่งแตก..แปลว่าอะไร เค้าจะตายมั้ย" ทอมละล่ำละลักถามสีหน้าตื่นตกใจ เล่นเอาจิมตกใจไปด้วย
"เฮ้! ทอม.. ทำไมต้องตื่นเต้นด้วย แม็กกี้ปลอดภัยดี แค่ไส้ติ่งแตกหมอต้องใช้เวลานานหน่อยเท่านั้น ตอนนี้คงใกล้เสร็จแล้ว ฉันอยากให้นายกลับไปพักผ่อนที่บ้าน อย่านอนแกร่วอยู่ที่นี่เลย"
"ไม่!!.. ฉันยังไม่กลับ จะรอจนกว่าแม็กกี้จะออกมา ให้ฉันเห็นกับตาก่อนว่าเขาปลอดภัย"

ทอมโล่งอกเมื่อรู้ว่าเด็กชายปลอดภัย ก็เจ้าหนูเล่นพูดจาสั่งเสียเขาไว้มากมายขณะอยู่ในรถ จะไม่ให้เขากังวลใจได้ยังไง

จิมลอบถอนใจ ความรู้สึกของทอมที่มีต่อเด็กชายแม็คกิลล์ สแตนลีย์ ในวันนี้มันเปลี่ยนไปแล้วโดยสิ้นเชิง ไม่รู้ว่าทอมรู้ตัวหรือเปล่าว่าความรู้สึกที่ตัวเองมีต่อเจ้าหนูแม็กกี้วันนี้คืออะไร เขาควรจะอยู่เฉยหรือทำอะไรสักอย่างดี หรือปล่อยให้เรื่องทั้งหมดเป็นไปตามที่สวรรค์ลิขิต

การก้าวไปสู่เวทีนายแบบโลกของทอมอาจชะงักลง ซึ่งโอกาสจะหลุดลอยและผ่านไปโดยไม่มีทางหวนกลับคืนมาอีก ไม่ใช่เรื่องง่ายที่นายแบบวัย 27 ปี จะได้รับการเสนอชื่อให้เข้าร่วมเวทีคัดเลือกนายแบบระดับโลก เป็นเพราะทอมมีความงดงามสมบูรณ์แบบโดนใจกรรมการ  ถ้าปล่อยให้โอกาสนี้ผ่านไป ความฝันที่จะได้ตำแหน่งสุดยอดนายแบบโลกของทอมก็ต้องจบลงอย่างน่าเสียดาย

 :เฮ้อ:

"ให้เอ๊ดดี้อยู่เฝ้าจะดีเหรอ.."
จิมเลิกคิ้ว น้ำเสียงทอมเนือยๆ เหมือนพูดเปรยโดยไม่ต้องการคำตอบ เขาจึงย้อนถามกลับไป
"ทำไมล่ะ นายอยากอยู่เฝ้าเหรอ.."
"เอ่อ.. เปล่า.. ใครจะมีเวลาไปเฝ้าล่ะ ฉันหมายถึงเฉพาะตอนที่เด็กรู้สึกตัวขึ้นมา ถ้าได้เห็นหน้านายหรือฉันอยู่ด้วย เขาคงมีกำลังใจดีขึ้น ฉันแค่ไม่อยากให้เด็กคิดว่าเราทอดทิ้งเขา"
จิมส่ายหน้าลอบยิ้มในใจ
"เด็กผ่าตัดไส้ติ่งนะ ทอม.. ศีรษะไม่ได้กระทบกระเทือน รับรองว่า.. ตื่นขึ้นมาแม็กกี้ยังจำได้ว่านายเป็นคนพาเขาไปส่งโรงพยาบาล ไม่ต้องได้เห็นหน้าหรอก แค่นึกถึงตอนที่ได้อยู่ในอ้อมกอดของคุณทอม เจ้าหนูแม็กก็หายวันหายคืนแล้ว.."
จิมกระเซ้าเล่นแต่ทอมกลับหน้างอไม่ชอบใจคิดว่าจิมพูดค่อนขอดเขา
"ทำไมต้องประชดด้วย ฉันแค่ทำในสิ่งที่ควรจะทำเท่านั้น เด็กปวดท้องจนคิดว่าตัวเองกำลังจะตายอยู่แล้ว นายจะให้ฉันใจแข็งทำโหดร้ายใจดำอยู่ได้ยังไง ฉันไม่ใช่นายนี่ จะได้บังคับอารมณ์และจิตใจตัวเองให้ทำดีหรือเลวร้ายเมื่อไรก็ได้ ฉันเก็บอารมณ์และฝืนความรู้สึกตัวเองไม่เป็น ฉันไม่หน้าตาย ไม่เย็นชาอย่างนายนี่….นายมันคนไม่มีหัวใจ…"

จิมตกใจกับอารมณ์ของทอม เขาชะลอรถเข้าข้างทางก่อนจะเหยียบเบรคให้รถหยุด  เสียงยางล้อรถเบียดถนนดัง เอี๊ยดดด!!!!!…. ความเร็วของรถที่วิ่งมาในยามวิกาลเช่นนี้ แม้รถจะถูกชะลอก่อนแต่ถูกบังคับให้หยุดกระทันหันด้วยอารมณ์ฉุนนิดๆ ของเขา   เหตุการณ์ไม่คาดฝันจึงเกิดขึ้น!!! ร่างของทอมถลาไปกระแทกกับคอนโซลรถ ศีรษะกระแทกกับกระจกด้านหน้าอย่างแรง…

จิมใจหายวาบ เขาไม่รู้และไม่ทันสังเกตว่าทอมไม่ได้คาดเซฟตี้เบลท์
"โอ! พระเจ้า… ขอโทษ ทอม.. ฉันขอโทษ…เจ็บตรงไหนบ้าง"
จิมรีบสำรวจอาการบาดเจ็บของทอมในขณะที่เจ้าตัวยังอยู่ในอาการมึนงง
"เกิดอะไรขึ้น หยุดรถทำไมอ่ะ จิม.." ทอมคลำศีรษะป้อย ไม่ได้ร้องโอดครวญทั้งๆ ที่ได้รับบาดเจ็บ
"เอ่อ.." จิมอึ้งกับคำถาม

…ใช่! หยุดรถทำไม.. เขาหยุดรถกระทันหันเพราะฉุนที่ถูกทอมต่อว่า ให้ตายเถอะ !.. นี่เขาทำเรื่องบ้าอะไรลงไป ถ้าเกิดอุบัติเหตุและทอมได้รับบาดเจ็บมากกว่านี้เขาจะทำยังไง…

จิมสวมกอดทอมและพร่ำขอโทษ
"ขอโทษทอม.. ฉันขอโทษ… ไม่รู้ว่านายไม่ได้คาดเข็มขัด ฉันเสียใจที่ทำนายเจ็บ ขอโทษนะทอม.. เจ็บตรงไหนบ้าง เจ็บมากมั้ย.. "

จิมลูบคลำศีรษะบริเวณที่เจ็บของทอม  โดยที่อีกฝ่ายนั่งนิ่งไม่ได้ต่อว่าหรือย้อนถามว่าเพราะอะไรถึงหยุดรถ แต่กลับเอ่ยประโยคที่ทำให้จิมคลายอ้อมแขนและผละออกทันที

"ถ้าฉันไม่เจ็บนายไม่คิดจะกอดฉันอีกแล้วซีนะ"
"นายตัดใจจากฉันได้แล้วเหรอ จิมมี่.."

ทอมรุกคำถามต่อเมื่ออีกฝ่ายนิ่งเงียบไป ทำเอาจิมอึ้งหนักเข้าไปอีก จู่ๆ เทพบุตรทอมก็เบนประเด็นการสนทนาจากเจ้าหนูแม็กกี้มาเป็นเรื่องเขา

"เอ่อ.." จิมอึกอัก ความอดกลั้นกำลังจะสิ้นสุดลงเมื่อทอมซบศีรษะกับไหล่เขากล่าวน้ำเสียงอ้อน
"ทำไมอ่ะ จิม.. ทำไมต้องเป็นแบบนี้ เหมือนเดิมไม่ได้เหรอ.. ถึงฉันจะไม่ได้รักนายแบบเดียวกับที่นายรักฉัน แต่ฉันก็อยากให้นายอยู่ใกล้ๆ ฉันขาดนายไม่ได้"

…โอ! พระเจ้า จิมไม่สามารถบังคับและฝืนหัวใจตัวเองได้อีก เขาสวมกอดทอมด้วยความรักสุดหัวใจ ความรู้สึกที่เขามีให้ทอมไม่ใช่รักร่วมเพศอย่างที่คนอื่นเป็น ถ้าไม่ใช่ทอมแล้วเขาไม่เคยมองชายหนุ่มรูปงามคนไหนด้วยความเสน่หา เขายังต้องการที่จะคบหาและมีเซ็กซ์กับผู้หญิงเหมือนผู้ชายปกติทั่วไป เพียงแต่หัวใจของเขาไม่มีที่ว่างสำหรับใครอื่นแล้ว เทพบุตรทอมนั่งอยู่ทุกห้องในห้วใจเขา

"ฉันไม่ได้อยากให้เป็นแบบนี้ แต่ฉันจำเป็นต้องฝืนใจออกห่างจากนาย ไม่อยากให้มีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นระหว่างเราอีก"
จิมคลายอ้อมแขนมองหน้าเทพบุตรแสนรัก  ควงตาคมเข้มฉายแววรักใคร่สุดหัวใจ
 
"นายอาจมองว่าฉันเป็นเกย์ รักชอบผู้ชายด้วยกัน  รู้อะไรมั้ย  ฉันไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้กับผู้ชายคนอื่น   ฉันรักนายเพราะนายคือ โธมัส แม็คกิลล์ ไม่ว่านายจะเป็นหญิงหรือชาย นายคือคนที่ฉันรัก ไม่มีใครแทนที่นายได้ และไม่มีวันที่ฉันจะตัดใจเลิกรักนายได้"  

ทอมนั่งอึ้ง เขาเข้าใจที่จิมพูดและกำลังสับสนความรู้สึกของตัวเอง
"ฉันก็รักนายนะจิม.. ไม่มีใครแทนนายได้เหมือนกัน ความรู้สึกของฉันเหมือนของนายหรือเปล่า.."
"อยากรู้ว่าเหมือนหรือไม่เหมือน ง่ายนิดเดียว นายอยากมีเซ็กซ์กับฉันหรือเปล่าล่ะ หือ.." 
"เอ่อ.. ซ..เซ็กซ์เหรอ.. หมายถึงที่นายชอบทำกับฉัน กอดและจูบ.. ใช่มั้ย"
"ใช่.. แต่ไม่ใช่แค่นั้น นายมีเซ็กซ์กับผู้หญิงยังไงก็ยังงั้นแหล่ะ"

จิมหัวเราะเมื่อทอมนั่งอึ้งไม่พูดอะไรต่อ
"รู้หรือยังว่าความรู้สึกของนายเหมือนฉันหรือเปล่า สำหรับฉัน… ไม่ใช่แค่อยากมีเซ็กซ์กับนายเท่านั้น บางครั้งฉันอยากจะกลืนกินนายเลยรู้มั้ย.."

ทอมสะดุ้งโหยงถอยร่างพิงประตู   จิมหัวเราะลั่น
"ล้อเล่นน่ะ ทอม.. นั่งดีๆ รัดเข็มขัดซะ ใกล้จะเช้าแล้ว…จะได้รีบกลับไปพักผ่อนต่อ โชคดีที่วันนี้ไม่มีคิว นายนอนได้ทั้งวันเลย.."

สองหนุ่มนั่งนิ่งเงียบมาในรถด้วยความรู้สึกต่างกัน จิมขับรถกลับบ้านด้วยความสบายใจที่ได้มีโอกาสบอกความรู้สึกที่แท้จริงของเขาให้ทอมรู้ แม้ว่าทอมจะไม่สามารถสนองตอบได้ ขอเพียงรับรู้และเข้าใจความรู้สึกที่เขามีให้ก็พอ..

ในขณะที่จิมรู้สึกสบายใจ ทอมกลับกังวลและสับสนกับความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อจิมจนลืมเรื่องของแม็กกี้ไปชั่วขณะ คำพูดของจิมทำให้ทอมนั่งครุ่นคิดมาตลอดทาง เขาเคยมั่นใจว่าไม่ได้รักจิมแบบเดียวกับที่จิมรักเขา แต่วันนี้ชักไม่แน่ใจแล้ว….

เขารู้สึกอบอุ่นเวลาอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่มผู้นี้ และรู้สึกดีทุกครั้งที่จิมจูบปลอบขวัญหรือหยอกเย้าเล่น และที่เหลือเชื่อไปกว่านั้นก็คือ วันที่เขาถูกจิมใช้กำลังบังคับขณะถูกจูบความรู้สึกเหมือนกำลังล่องลอยไปอีกโลกหนึ่ง บอกไม่ถูกว่าชอบหรือไม่... รู้แต่ว่าถ้าจิมจะทำแบบนั้นกับเขาอีก เขาจะไม่ดิ้นรนและขัดขืนเลย

ทอมขนลุกเมื่อนึกถึงคำพูดของจิมเรื่องมีเซ็กซ์ แต่ถ้าถึงขนาดมีเซ็กซ์แบบเดียวกับที่ผู้ชายและผู้หญิงมีต่อกันแล้วเขาคงรับไม่ได้ และเมื่อเขาไม่รับนั่นหมายถึงเขาคงรักจิมแบบพี่ชายหรือเพื่อนสนิทจริงๆ กระมัง

 :confuse:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 24-01-2010 11:08:08
ทอมยืนมองเด็กชายแม็คกิลล์ แสตนลีย์ ที่กำลังหลับสนิทอยู่อย่างพิจารณา พิศดูดีๆ แล้ว เค้าหน้าของเจ้าหนูถอดแบบผู้เป็นแม่มาเกือบทั้งหมด โดยเฉพาะดวงตาและจมูก เขายอมรับว่าจำหญิงสาวที่ชื่อแอนนาไม่ได้แล้วจริงๆ เด็กชายผู้นี้พาตัวเองมาหาเขาและยังมารื้อฟื้นความหลังที่เขาไม่ต้องการจะจำ ความรู้สึกที่มีต่อแม็กกี้ในวันแรกๆ จึงเต็มไปด้วยความเกลียดชัง แต่ ณ เวลานี้ ไม่รู้เหมือนกันว่าความไม่ชอบใจและความรู้สึกเกลียดชังในตัวเจ้าหนูแม็กหายไปไหนและตั้งแต่เมื่อไร

วันนี้เป็นวันที่สองที่เด็กชายนอนพักอยู่ที่โรงพยาบาล เมื่อวานเขาไม่ได้มาเยี่ยมเพราะกว่าจะได้นอนก็เกือบรุ่งเช้า ตื่นขึ้นมาอีกทีก็ปาเข้าไปบ่าย 2    จริงๆ แล้วเขาอยากจะมาแต่จิมบอกให้มาวันนี้จะดีกว่า   จิมไม่อยากให้เขาแสดงความห่วงใยเด็กชายมากเกินไป เพราะจะทำให้เจ้าหนูตัดใจไปจากเขาลำบาก หากไม่ยอมกลับขึ้นมาจะยุ่ง จิมคงไม่รู้หรอกว่าความรู้สึกที่เขามีต่อเด็กชายวันนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว..

สีหน้าของเด็กชายเหมือนกำลังอยู่ในห้วงของความฝัน และคงฝันไม่ค่อยดีเท่าไร คิ้วขมวดเล็กน้อยและส่งเสียงพึมพำเบาๆ เหมือนเรียกหาใคร ทำให้ทอมไม่อาจยืนนิ่งอยู่ได้ โน้มตัวลงเงี่ยหูฟังด้วยความอยากรู้

"แด๊ด.. แด๊ดดี้.. แด๊ดดี้.."

ทอมใจหายวาบ หัวใจเต้นแรงจนต้องผละจากเตียงมานั่งพักที่โซฟาร์ เขาไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมต้องกลัวการพิสูจน์ความจริงด้วย  เขาไม่น่ายื้อและพยายามหาวิธีหลีกหนีความจริงด้วยการตั้งเงื่อนไขบ้าๆ หาวิธีทดสอบและรังแกเด็กชายทุกวิถีทางเพียงเพื่อให้เจ้าหนูยอมแพ้และหนีกลับบ้าน

…… แม้หลายเรื่องเขาจะไม่ได้กระทำด้วยตัวเอง แต่ถ้าไม่ใช่เพราะความต้องการของเขา จิมก็ไม่มีวันทำเรื่องเช่นนั้นได้ นึกถึงความทารุณต่างๆ ที่เด็กชายได้รับจากการทดสอบแต่ละครั้ง เขารู้สึกว่าตัวเองเลวร้ายมาก การกระทำของเขาไม่ใช่แค่ผู้ใหญ่รังแกเด็กเท่านั้น เขาต้องหยุดการกระทำที่เลวร้ายตั้งแต่วินาทีนี้ ก่อนที่เขาอาจจะกลายเป็นพ่อใจยักษ์ เพราะหากความสัมพันธ์ระหว่างเขากับแม็กกี้พิสูจน์แล้วเป็นความจริง ไม่ว่าเขาจะรับเจ้าหนูเป็นลูกหรือไม่ ก็ไม่สามารถหลีกหนีความจริงได้ว่า เขาคือ "พ่อ" และ แม็กกี้ เป็น "……"

"คุณทอม.. คุณทอมครับ"

ทอมออกจากภวังค์ รู้สึกตัวก็พบเด็กชายกำลังจ้องมองเขาตาแป๋วและส่งยิ้มให้ สีหน้าซีดเซียวขณะหลับเมื่อครู่สดชื่นขึ้นอย่างประหลาด เขาจึงลุกขึ้นเดินเข้าไปหา

"Hi!.. แม็กกี้ ไง!.. หายปวดท้องหรือยัง"
"หายแล้วครับ ผมไม่ปวดท้องแล้ว แต่ยังเจ็บอยู่"
ทอมขยับเข้าไปใกล้เตียงและก้มลงถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
"เจ็บแผลใช่มั้ย.. เจ็บมากหรือเปล่า หือ.."
"ไม่มากครับ ผมทนได้ ไม่เหมือนตอนปวดท้อง ผมนึกว่าผมต้องตายแล้ว"
ทอมใจหายเมื่อได้ยินเด็กชายพูดถึงเรื่องตายอีก
"เหลวไหล.. แค่ปวดไส้ติ่งจะตายได้ยังไง ตอนนี้หายปวดเป็นปลิดทิ้งแล้วใช่มั้ย"
"ครับ ขอบคุณคุณทอม..ที่ช่วยพาผมมาโรงพยาบาล ผมทำความเดือดร้อนให้คุณทอมต้องเสียเงินรักษาผมตั้งหลายครั้ง ผมเป็นหนี้บุญคุณ เป็นหนี้ชีวิตด้วย… ผมสัญญาว่าจะไม่ทำความเดือดร้อนให้คุณทอมอีก ผมไม่ต้องการรู้ความจริงอะไรแล้วครับ ผมหายดีเมื่อไรผมจะไปจาก…"

ทอมเอามือปิดปากแม็กกี้ไว้ทัน เขาเป็นฝ่ายรอคอยอยากจะให้เด็กชายพูดคำนี้มานานแล้ว แต่พอเจ้าหนูจะพูดเขากลับไม่อยากได้ยิน
"พอแล้ว.. หยุดเดี๋ยวนี้ ห้ามพูดอะไรอีก ไม่ใช่เวลาที่เธอจะพูดมากแบบนี้ แม็กกี้.. ตอนนี้ต้องพักผ่อนมากๆ เข้าใจมั้ย"
ทอมปล่อยมือเด็กชายก็พูดต่อทันที
"แต่ผมมีเรื่องอยากจะบอกคุณ อยากให้คุณเข้าใจ"
ทอมขมวดคิ้ว รู้สึกระอาใจกึ่งไม่พอใจ
"เธอพูดเหมือนฉันไม่เข้าใจอะไรยังงั้นแหล่ะ ตกลง… อยากจะบอกอะไรก็บอก เพราะฉันเองก็มีเรื่องอยากจะบอกเธอด้วย"
"ผม.. เอ่อ.. ผมอยากจะบอกคุณว่าผมไม่ได้..."
"เฮ้!.. แม็กกี้... หวัดดีไอ้หนู หายปวดท้องหรือยัง"
หนุ่มน้อยเอ่ยความในใจได้เท่านี้เพราะถูกขัดจังหวะด้วยเสียงทักทายของผู้มาเยือน
"หวัดดีครับ คุณจิม.."

แม็กกี้จำใจทักตอบก่อนจะแอบถอนใจด้วยความเสียดาย โอกาสที่จะได้อยู่ตามลำพังกับคุณทอมมีไม่บ่อยนัก ที่สำคัญแม็กกำลังจะได้บอกความในใจของตัวเองให้คุณทอมรู้แล้ว คุณจิมไม่น่าเข้ามาขัดจังหวะเลย…

ทอมผละจากเตียงเลี่ยงมานั่งที่โซฟา เขานัดจิมให้มารับตอนบ่าย 2 นี่ยังไม่บ่ายเลย ไม่รู้ว่าจะรีบมาทำไม…

….เป็นครั้งแรกที่ทอมและเด็กชายมีความรู้สึกตรงกัน สายใยสัมพันธ์เริ่มเกาะกุมหัวใจชายหนุ่มอย่างไม่รู้ตัวแล้ว.…
 


 :dad2:
 

หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: kungyung ที่ 24-01-2010 11:28:47
เจ้หมวยคร้าบบบบบบบบ
วันนี้จะมาต่ออีกมั้ยคร้าบบบบบบบบบ
รอนะคร้าบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 24-01-2010 11:35:37
สายใยรัก บทที่ ..7..
“เทพบุตรยอมจำนน”

----------------


"จิม.."
"หือ.."
ทอมนั่งเงียบมาในรถกว่า 10 นาทีแล้ว ผิดวิสัยที่เคยเป็นปกติถ้าไม่หลับทอมมักจะมีเรื่องเล่าหรือไม่ก็บ่นเรื่องงานให้เขาฟังเสมอ
"ฉันมีเรื่องจะปรึกษา…"
"เรื่องแม็กกี้ใช่มั้ย" จิมดักคอเทพบุตรของเขาอย่างรู้ทัน
"ใช่... "
"ว่ามาซี ปรึกษาเรื่องอะไร"
"ฉัน.. เอ่อ.. ฉันตัดสินใจจะพิสูจน์ความจริงกับแม็กกี้ จะไม่เลี่ยงหรือหลบหลีกด้วยวิธีใดๆ อีกแล้ว ที่ผ่านมาฉันขี้ขลาดและเลวร้ายมากเกินกว่าจะให้อภัยตัวเองได้ ฉันเคยว่านายชั่วร้ายแต่จริงๆ แล้วฉันต่างหากที่ชั่วไม่ใช่นาย "
"เฮ้!.. หยุดนะทอม.. อย่าว่าตัวเองแบบนั้น ฉันต่างหากที่ทำเรื่องชั่วร้ายกับเด็ก ไม่ใช่นาย.."
"แต่นายทำตามคำสั่งของฉัน ถ้าไม่ใช่เพราะฉันสั่งให้นายหาวิธีกำจัดเด็ก นายจะทำเรื่องแบบนั้นได้หรือจิม.."
"จะยังไงก็ช่าง ฉันไม่อยากให้นายโทษตัวเองแบบนี้ นายว่าฉันชั่ว.. ฉันยังไม่รู้สึกแย่เท่ากับได้ยินนายว่าตัวเอง ถ้าเป็นคนอื่นพูดว่านายให้ฉันได้ยินแบบนี้ ป่านนี้ถูกอัดลงไปกองอยู่กับพื้นแล้วรู้มั้ย เพราะฉะนั้นอย่าว่าตัวเองแบบนั้นให้ฉันได้ยินอีก"
ทอมเอ่ยถามเสียงอ่อย
"นายจะอัดฉันลงไปกองด้วยเหรอ.."
"เปล่า.. ฉันจะปิดปากนายไม่ให้มีโอกาสได้พูดอีก ไม่ใช้มือปิดด้วย รู้ใช่มั้ย.. ว่าจะใช้อะไร.." จิมหันมาส่งยิ้มและสายตาเจ้าเล่ห์ให้
ทอมหน้าแดงรีบตัดบทเข้าเรื่องที่คุยค้างไว้
"ตกลงฉันจะพิสูจน์ความจริงกับแม็กกี้ นายเห็นด้วยมั้ย"
"……… " จิมนิ่งคิด

…..จริงๆ แล้วเขาเห็นด้วยถ้าทอมตัดสินใจพิสูจน์ความจริงตั้งแต่ตอนที่เด็กชายมาใหม่ๆ เพราะแม้ความจริงที่ปรากฎเจ้าหนูจะเป็นสายเลือดของทอม แต่ความรู้สึกของทอมที่มีต่อเด็กชายในขณะนั้น นอกจากจะไม่มีความผูกพันใดๆ ต่อกันแล้ว ยังรู้สึกไม่ชอบใจถึงขั้นเกลียดชังเลยด้วยซ้ำ หากเด็กชายทำตามสัญญาที่ให้ไว้ คือยอมจากไปด้วยดีโดยไม่หวนกลับคืนมาอีก ในเวลานั้นย่อมเป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับทอม …แต่ ณ วันนี้ ความจริงที่ปรากฎ ไม่ว่าแม็กกี้จะเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของทอมหรือไม่ การจากไปของเจ้าหนูต้องไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีสำหรับทอมอย่างแน่นอน….

"ว่าไงจิม เห็นด้วยหรือเปล่า" ทอมถามย้ำเมื่อเห็นอีกฝ่ายนิ่งเงียบไปนาน
"ไว้เราค่อยคุยเรื่องนี้หลังเสร็จงานแล้วดีมั้ย"
"ทำไมคุยตอนนี้ไม่ได้ โยกโย้แบบนี้แปลว่านายไม่เห็นด้วยใช่มั้ย" ทอมหน้ามุ่ยเริ่มหงุดหงิดเพราะถูกขัดใจ
"ทำไมล่ะจิม.. ลืมแล้วเหรอว่านายเคยบอกให้ฉันพิสูจน์ความจริงไปซะ ถึงยังไงเด็กนั่นก็ต้อง..ไปจากเรา.. อยู่แล้ว.."

ทอมอึ้งกับคำพูดของตัวเอง ...จริงซิ.. ตัวเขาเองก็ลืมเรื่องนี้ไปด้วย เพิ่งนึกขึ้นได้ตอนพูดนี่เอง…

จิมลอบถอนใจเมื่อเทพบุตรแสนรักหน้าเสียลงกับคำพูดของตัวเอง …บอกแล้วว่าการจากไปของเจ้าหนูแม็กในวันนี้ ไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีสำหรับ ทอม….

"ฟังนะ ! ทอม.. ไม่ว่านายจะเชื่อใจฉันในฐานะอะไร ขอให้รู้ว่าถ้าเป็นความต้องการจากใจจริงของนายแล้ว ไม่ว่าจะมีปัญหาหรืออุปสรรคอะไรขวางอยู่ ฉันจะจัดการเคลียร์ทุกอย่างให้เรียบร้อย อะไรที่นายต้องการแม้จะอยู่ไกลสุดขอบฟ้า ฉันจะไขว่คว้าหามาให้จนได้"

ทอมหน้าเหรอ
"ฉันแค่อยากพิสูจน์ความจริงกับแม็กกี้นะ จิม.. ไม่ได้ต้องการอะไรที่อยู่ไกลสุดขอบฟ้าเลย"
จิมหัวเราะ
"ฉันเปรียบให้ฟังน่ะ ทอม.. หากมีปัญหาหรือสถานการณ์เลวร้ายเกิดขึ้นหลังความจริงปรากฎ ฉันมีหน้าที่แก้ปัญหาให้นายไม่ใช่เหรอ.."
"หมายความว่าไง จะมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นงั้นเหรอ.."
จิมชะลอรถและมองหาที่จอดข้างทาง ไหนๆ ทอมก็ดันทุรังจะคุยให้ได้ เขาควรจะหยุดพูดเรื่องสำคัญนี้อย่างเป็นการเป็นงานเสียก่อน
"ปัญหาจะเกิดหรือไม่อยู่ที่ตัวนาย ทอม.. ถ้าความจริงปรากฎออกมาว่าแม็กกี้เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของนายจริงๆ จะทำยังไงต่อไปคิดไว้หรือยัง "
"เอ่อ.." ทอมนั่งนิ่ง จริงๆ แล้วปัญหานี้แหล่ะ ที่เขาจะมาขอคำปรึกษาจากจิมว่าควรจะทำยังไง
"แล้วนายคิดว่าฉันควรทำยังไงล่ะ ควรรับเค้าเป็น…เอ่อ… เป็นลูก.. หรือเปล่า"
"ไม่ควร.."
คำตอบชัดถ้อยชัดคำทำเอาทอมหน้าเสีย จิมรีบขยายความต่อทันที
"ไม่ควรให้คนอื่นนอกจากคนในบ้านล่วงรู้ ไม่ควรเปิดเผยกับสังคม"
"หมายความว่ารับได้.. แต่ปิดไม่ให้ใครรู้ใช่มั้ย" สีหน้าทอมดีขึ้น น้ำเสียงส่อแววยินดี
"ใช่.. รับได้.. ถ้าแม็กกี้ยินดีให้นายรับนะ "
"หมายความว่าไง ถ้ายินดี…"
"ก็นายเพิ่งบอกฉันเองว่า ไม่ว่าผลพิสูจน์จะออกมายังไงเด็กก็ต้องไปจากเราอยู่แล้ว"
"ก็.. นายเป็นคนเสนอเงื่อนไขนี้ให้เด็กไม่ใช่เหรอ คิดดูแล้วมันเป็นการเอาเปรียบเกินไป เราขอเปลี่ยนเงื่อนไขใหม่ได้นี่.."
จิมอมยิ้มอยากจะหัวเราะก๊ากด้วยซ้ำ เทพบุตรของเขาเพิ่งรู้ตัวว่าเอาเปรียบเด็ก วันที่นั่งตกลงกันเห็นยิ้มสะใจกับเงื่อนไขของเขา
"จะบอกอะไรให้นะ ทอม.. จริงๆ แล้วเงื่อนไขนี้เป็นความต้องการของแม็กกี้เอง เขาขอแค่ได้พิสูจน์ความจริงให้รู้ว่านายใช่พ่อหรือไม่ใช่เท่านั้น ไม่ได้ต้องการให้นายรับผิดชอบอะไรทั้งสิ้น แค่อยากรู้ว่าตัวเองไม่ได้กำพร้าพ่อ ก็พอ.."
"ถ้ายังงั้นจะมาพิสูจน์หาอะไร!!.." ทอมไม่สบอารมณ์ทันทีเมื่อรู้ว่าเงื่อนไขนี้เป็นความต้องการของเด็กชาย
"ทำไมนายไม่บอกฉันล่ะ ถ้ารู้ตั้งแต่แรกฉันจะไม่รอให้ถึงวันนี้เลย ป่านนี้เรื่องวุ่นวายต่างๆ คงจบไปนานแล้ว ทั้งฉันและนายก็ไม่ต้องกลายเป็นผู้ใหญ่ใจยักษ์โหดร้ายใจดำ รังแกเด็กให้เสียความรู้สึกแบบนี้…"
จิมส่ายหน้า เพราะคนที่กำลังเสียความรู้สึกไม่ใช่เขาแต่เป็นทอม และไม่ใช่แค่เสียความรู้สึกธรรมดา สีหน้าของทอมขณะนี้เหมือนคนผิดหวังจากความรัก…
"ฟังนะ ! ทอม.. นี่คือเหตุผลที่ฉันบอกกับนายว่ามีปัญหารออยู่ข้างหน้า แต่ทุกปัญหาฉันแก้ไขให้นายได้ขอแค่นายยอมพูดความจริง ตอบคำถามฉันด้วยความรู้สึกจากใจจริงเหมือนหมอรักษาคนไข้ คนไข้ต้องให้ความร่วมมือบอกอาการที่แท้จริงด้วย"
ทอมพยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้
"รู้สึกยังไงกับแม็กกี้ ทอม.. ฉันหมายถึงวันนี้.. เวลานี้..”
"ฉัน.. เอ่อ.."
จิมถอนใจเมื่อเห็นสีหน้าครุ่นคิดของทอม …โธ่เอ๊ย! ทอม.. มันไม่ใช่คำตอบที่ต้องใช้เวลาคิดเลยนี่นา แค่บอกตามที่หัวใจรู้สึกเท่านั้น…   
จิมเปลี่ยนคำถามใหม่เมื่อเห็นทอมยังนั่งนิ่งอยู่
"นายยังเกลียดเด็กอยู่หรือเปล่า ทอม.. เกลียดเท่าวันแรกที่เห็นหน้ามั้ย"
"ไม่.. เอ่อ.. จริงๆ แล้วฉันไม่ได้เกลียด.. แค่ไม่ค่อยชอบหน้า.."
"ไม่ได้เกลียด… แปลว่ารักหรือเปล่า.."
"เปล่านะ ฉันไม่ได้รัก.. เอ่อ.." ทอมรีบปฏิเสธแต่กลับชะงักด้วยด้วยความไม่แน่ใจ
"ฉัน..แค่ไม่ได้เกลียด แต่ฉันก็.. เอ่อ.. ฉันยังไม่ได้รัก…"
ทอมก้มหน้าลงเอามือกุมศีรษะเหมือนอยู่ในอาการกดดัน จนจิมต้องรีบผ่อนคลายด้วยการพูดปลอบ
"โอเค! ทอม.. ฉันเข้าใจแล้ว นายไม่ได้เกลียดเด็กแต่ก็ยังไม่ได้รัก แปลว่าแค่ชอบเฉยๆ รู้สึกดีกับเจ้าหนูมากกว่าเมื่อก่อนใช่มั้ย ตอบแค่ว่า.. ใช่หรือไม่..ก็พอ"
จิมบีบมือให้กำลังใจเทพบุตรของเขา ที่ทำเหมือนกำลังตกหลุมรักสาวแล้วไม่กล้าพูดหรือยอมรับความจริงว่าตัวเองชอบ..
ทอมไม่พูดแต่พยักหน้าให้ทั้งๆ ที่ยังก้มหน้างุดอยู่ ทำให้จิมอดหัวเราะไม่ได้
"โอเค !.. ถ้างั้นก็เดินหน้าพิสูจน์ความจริงกับแม็กกี้ได้เลย จะเป็นวันนี้หรือพรุ่งนี้หรือรอให้ครบ 2 เดือนก่อนก็ได้ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน แต่ควรบอกให้เด็กรู้ตัวก่อนจะได้มีกำลังใจและหายเร็วๆ ปัญหาอะไรที่จะเกิดขึ้นหลังจากนั้น ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันจัดการเอง โอเค!.."

ทอมยิ้มออก
"โอเค!.. งั้นไปทำงานกันได้แล้ว เสร็จจากงานเราแวะไปเยี่ยมแม็กกี้ก่อนกลับบ้านนะ อ้อ!.. มีอีกเรื่อง.. ตั้งแต่คืนนี้นายต้องย้ายกลับมานอนที่บ้านนะ จิม.. นี่เป็นคำสั่งไม่ใช่เรื่องปรึกษา.."

จิมอึ้งไปเล็กน้อยก่อนจะรับคำสั่งอย่างแข็งขัน
"รับทราบครับ บ๊อส.. เจมส์ เมเนนเดส  การ์เซีย จะปฏิบัติตามคำสั่งครับผม"

จิมสตาร์ทรถออกเดินทางต่อ เขาลอบยิ้มในใจกับอาการยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ของ ทอม

…นี่ไม่ใช่แค่รู้สึกดีธรรมดา ชอบก็ยังน้อยไป นายหลงรักเด็กเข้าแล้ว ทอม.. แต่รักหมดใจหรือยังต้องรอดูกันต่อไป…

…ไม่อยากเชื่อเลยว่าเกมทดสอบครั้งนี้ เจ้าหนูแม็กกี้เป็นฝ่ายชนะขาดลอย ใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านแม็คกิลล์ได้ไม่ถึง 2 เดือน ก็กุมหัวใจเทพบุตรทอมของเขาไว้ในกำมือแล้ว ดีนะที่เป็นเด็กและอยู่กันคนละฐานะ ไม่ยังงั้น.. นายต้องกลายเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งของฉันแน่ แม็กกี้...


 o13


หนุ่มน้อยแม็คกิลล์เปิดสมุดบันทึกมองภาพคุณทอมและแม่แอนนาสลับไปมาอย่างมีความสุข ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง…. คุณทอมยินดีพิสูจน์ความจริงแล้ว แต่มีเงื่อนไขว่าเรื่องนี้ต้องเป็นความลับ และไม่ว่าความจริงจะปรากฏออกมาว่าใช่หรือไม่ก็ตาม คุณทอมจะเป็นคนตัดสินใจเองว่าจะให้แม็กจากไปหรือไม่ คุณจิมเป็นคนกลางเจรจาตกลงให้เหมือนเดิม ครั้งนี้คุณทอมอารมณ์ดีแถมยังมองหน้าและยิ้มอย่างใจดีให้แม็กด้วย ไม่เหมือนครั้งที่แล้วนอกจากจะหน้าบึ้งไม่สบอารมณ์แล้วยังไม่ยอมชายตามองสักนิดเลย

แม็กกี้ออกจากโรงพยาบาลได้ 3 วันแล้ว อีกไม่กี่วันก็จะครบกำหนด 2 เดือนที่คุณทอมนัดว่าจะพิสูจน์ความจริงด้วย คุณจิมบอกว่าจะไม่ใช้วิธีเจาะเลือดเพราะให้ใครรู้เรื่องนี้ไม่ได้ แต่จะเป็นวิธีไหนถึงเวลาแล้วจะรู้เอง…

“ดีใจด้วยนะ แม็กกี้.. ในที่สุดคุณทอมก็ใจอ่อนยอมพิสูจน์ความจริงด้วย ถ้าผลออกมาว่าใช่.. ก็ต้องกลายเป็นคุณหนูแม็กแล้วล่ะซี ขอแสดงความยินดีล่วงหน้าด้วยนะครับ คุณหนู.."
"อย่าล้อซีครับ น้าเอ๊ดดี้.. ผมไม่มีโอกาสได้เป็นคุณหนูหรอก"
"อ้าว! ทำไมล่ะ ถ้าใช่ก็ต้องได้เป็นซี.."
"เอ่อ.."
แม็กกี้ก้มหน้านิ่ง พอว่าจะได้พิสูจน์จริงๆ ก็เริ่มกลัว ..กลัวว่าถ้าไม่ใช่ลูกคุณทอมจริงๆ ก็จะต้องกลายเป็นเด็กไม่มีพ่อ..
"ผมไม่ได้เป็นหรอกครับ น้าเอ๊ดดี้.. รู้ความจริงแล้วผมก็ต้องไปจากที่นี่ตามสัญญา"
"เฮ้!.. เอาจริงเหรอ แม็กกี้.. จะทำตามสัญญาจริงๆ เหรอ บางทีคุณทอมอาจเปลี่ยนใจยอมรับก็ได้นะ.."
"ไม่หรอกครับ คุณทอมรับผมไม่ได้หรอก คุณทอมมีชื่อเสียง อายุก็ยังน้อยเกินกว่าที่จะมีลูกโตๆ อย่างผม ผมจะไม่ทำให้คุณทอมลำบากใจหรอกครับ ผมต้องไป…"

นายเอ๊ดถอนใจเฮือกกับความตั้งใจแน่วแน่ของเจ้าหนูแม็กกี้ ทั้งๆ ที่รักและเทิดทูนคุณทอมมากขนาดนี้ก็ยังพร้อมจะเป็นฝ่ายจากไป แต่จะว่าไป.. เด็กชายก็เตรียมที่จะมาพบเพื่อจากอยู่แล้ว คนที่น่าเป็นห่วงดูท่าจะเป็นเจ้านายของเขามากกว่า ความรู้สึกของคุณทอมที่มีต่อเจ้าหนูแม็กวันนี้เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ ดูรูปการณ์แล้วคงไม่ยอมปล่อยให้เด็กชายจากไปแต่โดยดีแน่…

หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 24-01-2010 11:43:00
"แม็กกี้.. บอกแล้วไงว่าอย่าเข้ามายุ่มย่ามในครัว รีบวางมือแล้วไปนอนพักผ่อนซะ ยังไม่หายดีเลย ถ้าคุณทอมมาเห็นเข้าป้าจะถูกดุ"
"แต่ผมนอนทั้งวันจนเบื่อแล้วนี่ครับ ผมอยากออกมาช่วยทำอะไรบ้าง"
แม่บ้านส่ายหน้าด้วยความเอ็นดูกึ่งระอาใจ เด็กชายยังล้างผักต่อไปเรื่อยๆ ไม่ยอมวางมือ
"แม็กกี้ ๆ อยู่ในครัวหรือเปล่า.." เสียงสาวใช้แววเรียกหาเด็กชายอยู่ด้านนอกก่อนจะเดินเข้ามาในครัว
"เสียงมาก่อนตัวเลยนะ นังแวว.. ตามหาแม็กกี้ทำไม ถ้าจะให้ไปช่วยเอ็งถูบ้านล่ะก็ หยุดเลยนะ.."
"อะไรกันป้า อยู่ๆ ก็มาหาเรื่อง อ๊ะ! ..ทีป้าล่ะ ใช้ไอ้หนูล้างผักทำไม เดี๋ยวจะฟ้องคุณทอม"
"เอ่อ.. อย่าเถียงกันครับ ผมเป็นคนเข้ามาช่วยป้าเอง"
แม็กกี้รีบขัดจังหวะ ไม่อยากให้ป้าทิพย์และน้าแววมีปากเสียงกันเพราะตัวเอง รีบวางมือจากงานล้างผักและเดินเข้าไปหาสาวใช้แวว
"น้าแววมีอะไรให้ผมช่วยหรือครับ"
"อุ๊ย! น้าไม่กล้าหรอกจ๊ะ คุณจิมโทรมาสั่งว่าอาหารเย็นมื้อนี้คุณทอมจะให้แม็กกี้ทานร่วมโต๊ะด้วย อีกประมาณครึ่งชั่วโมงก็จะกลับถึงบ้านแล้ว"
แววเมียงมองเด็กชาย เธอได้รับคำสั่งให้มีหน้าที่เป็นพยาบาลพิเศษ คอยดูแลเด็กชายในระหว่างที่แผลผ่าตัดยังไม่หายดี
"ก็ไม่มอมแมมเท่าไร แต่น้าว่าไปอาบน้ำปะแป้งให้หอมๆ สักหน่อยดีกว่า เออ!.. จริงซี.. แผลยังไม่หายดีคงต้องเช็ดตัวไปก่อน มาเถอะ.. น้าจะช่วยจัดการให้"
"อะไรนะครับ ให้ผมทานร่วมโต๊ะด้วยจริงเหรอ"
"นั่นน่ะซี แวว.. เอ็งหูฝาดหรือเปล่า"
"ตอนแรกฉันก็นึกว่าตัวเองหูฝาด ย้ำถามคุณจิมไปตั้ง 3 รอบกว่าจะรู้เรื่อง"
"รู้เรื่องว่าไง.."
"รู้ว่า.. คุณจิมปากจัดน่ะซี เธอว่าฉันหัดแคะหูซะบ้าง ถ้าแคะเองไม่ได้ก็ให้พี่เอ๊ดดี้แคะให้ อย่ามัวแต่เอาเวลาไปแคะอย่างอื่น ดู๊.. ดู.. ป้า.. ปากคุณจิม มิน่าล่ะ!. ถึงยังไม่มีเมีย.."
"นี่..พอแล้วนังแวว.. แอบนินทาเจ้านาย ระวังตัวไว้ให้ดีเถอะ" แม่บ้านเอ็ดสาวใช้จบก็หันมากล่าวกับเด็กชายเสียงอ่อนลง
"ไปเช็ดตัวเปลี่ยนชุดใหม่ซะ แม็กกี้.. เดี๋ยวรอทานอาหารพร้อมคุณๆ"
"ผมต้องทานร่วมโต๊ะด้วยจริงเหรอ ไม่ทานได้มั้ยครับ"
แม็กกี้รำพึงเสียงอ่อย ก็เจอสาวใช้แววเสียงแข็งใส่ทันที
"ไม่ได้นะ แม็กกี้.. นี่เป็นคำสั่งคุณทอม"
"ก็ได้ครับ งั้นผมไปเช็ดตัวก่อน ผมจัดการเองได้ครับ น้าแววอยู่ช่วยป้าทำอาหารเถอะครับ " เด็กชายหมดทางโยกโย้เมื่อได้ยินว่าเป็นคำสั่งของคุณทอม
"แปลกจังนะป้า จู่ๆ คุณทอมก็เกิดเอ็นดูแม็กกี้ขึ้นมา ทั้งๆ ที่ตอนมาใหม่ๆ หน้าก็ยังไม่อยากจะมอง "
"เรื่องของเจ้านายอย่าอยากรู้ให้มากนักเลย มาช่วยกันทำอาหารเร็วเข้า"

แม่บ้านทิพย์กล่าวอย่างไม่สนใจ ทั้งๆ ที่ในใจเองก็นึกสงสัยแต่เธอก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรมากไปกว่าสาวใช้แวว รู้แต่เพียงว่าเด็กชายวัย 12 ปีคนนี้ต้องเข้ามาในบ้านแม็คกิลล์ด้วยจุดประสงค์บางอย่างที่เกี่ยวข้องกับเจ้านายหนุ่มของเธออย่างแน่นอน และคนรับใช้เพียงคนเดียวที่รู้เรื่องทั้งหมดดีก็คือนายเอ๊ด แต่คงเป็นเรื่องลับเฉพาะที่เจ้านายไม่ต้องการให้ใครรู้ นายเอ๊ดจึงปิดปากเงียบ ขนาดเมียรักเซ้าซี้ถามอยู่ทุกคืนยังไม่ยอมบอก บอกแต่เพียงว่าถึงเวลาก็จะรู้เอง…


 :กอด1:


"กับข้าวไม่ถูกปากหรือ แม็กกี้.."   
ทอมตั้งคำถามหวังให้เด็กชายเงยหน้าขึ้นตอบ เพราะเจ้าหนูเล่นก้มหน้าก้มตาตักข้าวในจานเข้าปากโดยไม่สนใจกับข้าวตรงหน้า
เด็กชายเงยหน้าขึ้นก็เจอะสายตาสองคู่กำลังจ้องมองมาที่ตัวเอง คุณจิมอมยิ้ม.. แต่คุณทอมซิ… คิ้วขมวดเหมือนไม่พอใจ
"เอ่อ.. ถูกครับ"
"ถูกแล้วทำไมไม่ตักกับข้าวทานล่ะ ฉันไม่ได้ให้เธอมานั่งทานข้าวเปล่านะ"
"ครับ"
เด็กชายรีบตักกับข้าวใส่จานมือไม้สั่นจนทอมสงสาร เขาไม่ได้ดุสักหน่อยแค่เสียงดังนิดเดียวเท่านั้น ทำไมต้องกลัวด้วยนะ…
ทอมตักปลาทอดใส่จานให้เจ้าหนูและกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนลง
"ทานเยอะๆ จะได้หายเร็วๆ จริงซิ.. ยังเจ็บแผลอยู่หรือเปล่า"
"ถ้าไม่แตะถูกก็ไม่เจ็บครับ"
"หมอนัดตัดไหมพรุ่งนี้ใช่มั้ย แม็กกี้.." จิมกลัวน้อยหน้าจึงชวนเด็กชายคุยบ้าง แต่แทนที่จะได้รับคำตอบจากเจ้าหนูกลับได้รับคำถามจากทอมแทน
"ตัดไหม?.. ต้องตัดด้วยเหรอ.."
"อ้าว! ตัดซีครับ บ๊อส.. จะรอให้มันเปื่อยเองเหรอ"
"แย่จัง ทำไมหมอไม่ใช้ไหมที่เย็บแล้วไม่ต้องตัดล่ะ ตัดยังไง เจ็บมั้ยจิม.."
จิมหัวเราะ ทอมบ่นอุบเหมือนถูกเย็บแผลเองยังงั้นล่ะ ในขณะที่เจ้าตัวทำท่าจะตอบคำถาม แต่ไม่มีโอกาสได้ตอบเพราะโดนทอมแทรกคำถามขึ้นอีก
"ก็คงเจ็บๆ คันๆ นิดหน่อย เหมือนดึงด้ายออกจากผ้ามั้ง"
ทอมนิ่วหน้าในขณะที่แม็กกี้นั่งตาปริบๆ ฟังด้วยความสนใจเช่นกัน
"แค่เจ็บๆ คันๆ นิดหน่อย ทนได้ใช่มั้ยแม็กกี้.. ปวดมากกว่านี้ยังทนไหวเลยนี่นา..." ทอมหันมาพูดให้กำลังใจเด็กชาย
"พรุ่งนี้จะให้เอ๊ดดี้พาไปโรงพยาบาลนะ ฉันกับคุณจิมไม่ว่าง…"
"ไม่เป็นไรครับ ผมไปเองได้ครับ.."
ทอมสั่งเด็กชายหลังเรียบร้อยจากอาหารมื้อเย็นวันนี้
"ต่อไปวันไหนที่ฉันและคุณจิมอยู่ทานข้าวที่บ้าน ให้มานั่งร่วมโต๊ะทุกครั้งนะ แม็กกี้.. แต่ถ้าไม่อยู่ก็ให้ทานในครัวเหมือนเดิม เข้าใจมั้ย.."
"เอ่อ.. จะดีเหรอครับ"
"ต้องตอบว่าเข้าใจครับ ไม่ใช่ถามว่าจะดีหรือครับ "
"เข้าใจครับ คุณทอม.."

จิมอมยิ้มเมื่อแม็กกี้ตกที่นั่งเดียวกับเขา คำสั่งของคุณทอมไม่มีใครกล้าขัดหรือไม่เข้าใจหรอก…

ทอมห่วงใยเจ้าหนูแม็กมากขึ้นทุกวัน ถึงขนาดชวนให้มานั่งร่วมโต๊ะอาหารด้วยก็ไม่ใช่แค่ความรู้สึกชอบแล้ว…


TBC>>>> 8


จบบทนี้หวังว่าจะยิ้มกันออกนะ

 :bye2:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: tatum1234 ที่ 24-01-2010 16:17:27
 :เฮ้อ:โล่งใจ...แม็กกี้ปลอดภัย

 :o8:คุณทอมเห่อลูกชาย..ฮิ้วๆ
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 24-01-2010 17:57:24
ให้ยังงัยก็เกลียดขี้หน้าทอมกะจิมอยู่ดี

ชิส์
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: gypsy ที่ 24-01-2010 18:08:29
หนูแม็กกี้ ใกล้ความจริงแล้ว

 o13

สู้ต่อไป นะ

หมั่นไส้จิมกับทอม ไม่เปลี่ยน

หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: nithiwz ที่ 24-01-2010 21:01:14
เริ่มดีขึ้นแล้วอ่ะ รู้สึกเนื้อเรื่องมีให้ชวนคิดมากขึ้น สงสารหนูแม็กกี้อ่ะ
เริ่มใกล้จะรู้ความจริงแล้ว  อ๊ากกกกกกกกกก!!!!

ตื่นเต้นๆๆๆ อยากรู้จริงๆ เลยว่าใช่ลุกหรือเปล่า  ไม่แน่อาจจะไม่ใช่ก็ได้
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: จุ๊บจิ๊บจ๊ะจ๋า ที่ 24-01-2010 21:36:05
 :angry2:เมื่อก่อนหน้ายังไม่มอง

เดี๋ยวนี้นี่ยิ่งกว่าไข่ในหิน :a14:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: เกริด้า(๐-*-๐)v ที่ 25-01-2010 02:38:58
เฮ้อ~ ดีนะที่ทัน   :เฮ้อ:


ก็แค่รู้สึกดีขึ้นหน่อยๆอ่ะ อะไรที่ทำลงไปแล้วมันยากที่จะลืมเลือนกันได้นะ ความรู้สึกคนเราก็เหมือนแผลเป็นนั่นแหละ


เอาล่ะ.. จะรอดูวันที่จะทำให้แผลเป็นนี้เจือจางลง
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 25-01-2010 10:03:05
สายใยรัก บทที่ ..8..
“สัตว์ 2 เท้า ลาภหรือเคราะห์ ? ”

----------------------------


"ถึงบ้านแล้วครับคุณจิม.. ตื่นเถอะครับ"
จิมลืมตาขึ้น เขาไม่ได้หลับแค่พักสายตาเท่านั้น ใครจะหลับเข้าไปลงในภาวะอารมณ์และสถานการณ์แย่ๆ แบบนี้
"กลับไปคอยคุณทอมที่โรงแรมนะ เอ๊ดดี้.. เปิดโทรศัพท์ไว้ด้วย  เผื่อฉันหรือคุณทอมโทรหา" จิมสั่งนายเอ๊ดก่อนก้าวลงจากรถ
"ครับผม"

เขาเดินขึ้นตึกด้วยอารมณ์และความรู้สึกร่อนรุ่มใจไม่เป็นสุข โกรธตัวเองที่ทำใจไม่ได้ซะทีกับเรื่องของทอม ทั้งๆ ที่รู้ว่าทอมไม่ได้มีใจให้เขานอกเหนือไปจากความเป็นเพื่อนและพี่ชายแล้ว ทำไมเขาถึงไม่สามารถหยุดความรู้สึกที่มีต่อทอมไว้เพียงแค่นี้ เขาไม่เคยคิดตัดใจจากทอม แค่คิดว่าจะคงความรู้สึกของตัวเองไม่ให้มากขึ้นและเกินเลยไปกว่านี้ แต่เขาก็ทำไม่ได้.. เหตุการณ์เมื่อตอนหัวค่ำยืนยันความรู้สึกที่เขามีต่อทอมในวันนี้ว่ามันมากขึ้นกว่าเมื่อวานและวันก่อนๆ ที่ผ่านมาจริงๆ เพราะมันทำให้เขารู้สึกเจ็บและร้อนรุ่มในอกจนถึงนาทีนี้

…เขาไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้มาก่อน เวลาที่มีหญิงสาวล้อมรอบทอมหรือแม้แต่เวลาที่เขานัดสาวที่ทอมถูกใจให้ เขาจะส่งเธอขึ้นรถให้ทอมควงไปเดทต่อหน้าต่อตาด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่ง เสมือนหนึ่งเป็นภาระหน้าที่ ที่ได้กระทำลุล่วง..

…การนัดเดทสาวของทอมน้อยครั้งที่ทอมจะนัดด้วยตัวเอง ส่วนใหญ่จะให้เขานัดให้ ยกเว้นเป็นสาวที่เดินแบบด้วยกันและเกิดต้องชะตากันขึ้น ซึ่งมีไม่บ่อยนัก แต่เกือบ 2 เดือนที่ผ่านมานี้ทอมไม่ได้สั่งให้เขานัดเดทสาวให้เลย อาจเพราะเป็นช่วงที่ทอมมีงานมากและเหนื่อยเกือบทุกวัน หัวถึงหมอนก็หลับแล้ว แถมยังมีปัญหาของแม็กกี้เข้ามาสร้างความปั่นป่วนและกังวลใจให้ด้วย

…เขาแน่ใจว่าทอมไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับหญิงสาวเลยในช่วง 2 เดือนนี้  เพราะถึงทอมนัดเองเขาก็ต้องรู้  ทอมจะบอกเขาก่อนทุกครั้งว่าจะไปไหนกับใครและกลับเมื่อไร  แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อตอนหัวค่ำและคำพูดของทอมก่อนจากกันเมื่อสักครู่ ทำให้เขาตะลึงและอึ้งไปเพราะคาดไม่ถึง…

 :a6:

"แคธรีน" นางแบบสาวลูกครึ่งออสซี่ นั่งคลอเคลียทอมไม่ห่างในงานแฟชั่นโชว์แสดงแบบเสื้อของเหล่าดีไซเนอร์ชั้นนำ ทุกการเคลื่อนไหวของทอมอยู่ในสายตาจิมตลอด เขาจะไม่รู้สึกแปลกใจเลยถ้าทอมเอาแต่ยิ้มและหัวเราะเหมือนทุกครั้ง แต่ที่เห็นในคืนนี้ไม่ใช่แคธรีนคลอเคลียทอมแต่เพียงฝ่ายเดียว มือไม้ของทอมก็อยู่ไม่สุขเช่นกัน ไม่โอบไหล่ก็จับมือถือแขนหญิงสาวไว้จนนางแบบคนอื่นๆ ยอมล่าถอยกันไปทีละคนสองคน

จิมรู้สึกแปลกใจเพราะจำได้ว่าไม่เคยนัดแคธรีนให้มาจับคู่เดทกับทอมเลย  นางแบบสาวผู้นี้มีประวัติฉาวพอควร  อยู่ในวงการได้เพราะมี Back ดี   ทอม แม็คกิลล์เป็นนายแบบสุดฮอท เป็นเทพบุตรรูปงามที่สาวๆ หมายปอง  เวทีไหนมีทอมเดินด้วยนายแบบคนอื่นๆ จะตกเป็นรองทั้งบนแคทวอล์คและหลังเวที   แต่เพราะทอมวางตัวดี  ต่อหน้าทีมงานและนายแบบคนอื่นๆ เขาไม่เคยตอบสนองนางแบบสาวที่มาคลอเคลียอยู่ข้างๆ ไม่ว่าจะด้วยคำพูดหรือการกระทำ ทอมวางเฉยกับหญิงสาวต่อหน้ากลุ่มคน   จนนายแบบหนุ่มผลัดกันเดินตบเท้าเข้ามาขอคบด้วย เพราะเข้าใจผิดคิดว่าทอมเป็นเกย์

…การกระทำของทอมในคืนนี้ผิดจากทุกครั้ง นอกจากจะไม่วางเฉยแล้วยังสนองกลับด้วยกิริยาและท่าทีที่ดูเหมือนสนิทสนมกันมาก ทั้งๆ ที่เวทีนี้เป็นเวทีแรกที่ทอมได้ร่วมงานกับเธอ หากเป็นการพบกันครั้งแรกทั้งคู่ไม่น่าจะแสดงความสนิทสนมกันขนาดนี้ หรือเป็นเพราะว่า..ทอมเก็บอารมณ์ตัวเองไว้ไม่อยู่ เพราะไม่ได้ผ่อนคลายความต้องการของตัวเองกับหญิงสาวเลยเป็นเวลานานมากแล้ว…

…ให้ตายเถอะ ! ... ถึงทอมไม่ได้สั่งเขาก็น่าจะเอ่ยถามสักคำ เป็นเพราะมัวแต่ยุ่งกับปัญหาของเจ้าหนูแม็ก และวุ่นวายใจกับความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อทอมจนลืมเรื่องสำคัญสำหรับชายหนุ่มไป…

…แต่แล้ว.. ความสนิทสนมที่แสดงให้เห็นอย่างออกนอกหน้าของทอมและแคธรีนในคืนนี้กลับไม่ใช่เพราะเหตุผลนี้เพียงอย่างเดียว เหตุผลที่ทอมให้เขาก่อนแยกจากกันทำให้เขาเกือบช็อค พูดอะไรไม่ออก ได้แต่ยืนอึ้งมองทอมควงเธอเดินหัวร่อต่อกระซิกเข้าลิฟต์ไป..

"จิม.. นายกลับก่อนนะ ฉันจะเข้าไปดื่มต่อ …คืนนี้ฉันมีเดทน่ะ.."

จิมใจหายวาบกับประโยคสุดท้ายที่ทอมขยับเข้ามากระซิบข้างหู ไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าทำไมต้องใจหายด้วย ขนาดทำใจไว้แล้วว่ายังไงซะคืนนี้ทอมต้องมีนัด

"อืมม์.. กับเธอเหรอ" จิมชายตามองไปที่กลุ่มนางแบบซึ่งมีแคธรีนยืนรวมกลุ่มอยู่ด้วย เขาไม่ได้เอ่ยชื่อว่าใคร อยากให้ทอมเป็นคนบอกเอง

"ใช่.. แคธรีน.. เธอน่าหม่ำใช่มั้ย จิม.."
ทอมพูดกับจิมขณะสายตาจ้องมองไปที่เธอด้วยความรู้สึกเดียวกับที่พูด ทำให้จิมรู้สึกผิดมากขึ้นที่ละเลยความต้องการของเทพบุตรสุดรักของเขา

"ใช่.. น่าหม่ำมากโดยเฉพาะเวลาที่กำลังหิวโซ.. ถึงรสชาดจะแย่แค่ไหนก็ให้ความรู้สึกว่ามันอร่อยที่สุด เพราะนายกำลังหิว"

ทอมขมวดคิ้วหันมามองหน้าจิมเพราะคำพูดแปลกๆ จิมกล่าวต่อด้วยสีหน้าสำนึกผิด
"ขอโทษนะทอม.. ขอโทษที่ละเลยความต้องการในเรื่องเซ็กซ์ของนาย เกือบ 2  เดือนแล้วที่นายไม่ได้นัดเดทกับสาวเลย ฉันน่าจะถามนายสักคำว่าต้องการหรือเปล่า"
"บ้าน่าจิม.. ไม่ใช่หน้าที่และเรื่องที่นายต้องรับผิดชอบซะหน่อย คืนนี้นายกลับก่อนนะ ไม่ต้องคอยด้วย ฉันคงกลับดึกมากหรือไม่ก็เช้าเลย"
"เดี๋ยวก่อนทอม.." จิมดึงแขนทอมไว้
"ต้องเป็นแคธรีนด้วยเหรอ คนอื่นได้มั้ย ฉันนัดให้นายคืนนี้เลยก็ได้"
ทอมเข้าใจว่าจิมโยกโย้เพราะหวงเขา กัดฟันกระซิบด้วยสีหน้าไม่พอใจ
"จะบ้าหรือจิมมี่.. ฉันไม่ได้ต้องการมีเซ็กซ์แค่เพื่อระบายอารมณ์ใคร่นะ สำหรับคืนนี้และตอนนี้ฉันต้องการแคธรีน เข้าใจมั้ย.. สาวอื่นที่ว่า..นายนัดให้ตัวเองเถอะ นายเองก็ควรจะระบายออกบ้าง ถ้าจะอดกลั้นไว้เพื่อคอยฉันเปลี่ยนใจ นายอาจจะลงแดงก่อนก็ได้นะ จิม.."
จิมหน้าชาไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดแรงๆ เช่นนี้จากปากทอม
"ฉันขอโทษ .. กู๊ดไนท์ทอม.. เจอกันพรุ่งนี้เช้า"

จิมรีบเอ่ยขอโทษและเดินผละจากมาอย่างรวดเร็ว ไม่อยากสร้างความไม่พอใจให้เทพบุตรของเขามากไปกว่านี้  ทอมหน้าเสียรีบวิ่งตามไปโอบไหล่จิมและกล่าวขอโทษ
"ขอโทษ จิม.. ฉันปากไม่ดี อย่าโกรธนะ เฮ้!.. หยุดก่อนซิ.. จะรีบไปไหน"
ทอมรั้งจิมไว้ไม่ให้เดินต่อ
"บอกซีว่านายไม่โกรธ ถ้าไม่พูดฉันจะกลับบ้านพร้อมนายเดี๋ยวนี้เลยก็ได้ ไม่ปงไม่ไปมันแล้ว"
จิมส่ายหน้าหันมายิ้มหวานให้เทพบุตรสุดรัก
"โกรธเรื่องอะไร ที่ฉันรีบก็เพราะเห็นจริงตามที่นายพูด ฉันจะไปหาที่ระบายของฉันบ้าง"
"จริงเหรอ"
"จริงซี.. รีบไปทอม.. เธอเรียกนายแล้ว ขอให้แฮปปี้นะ อ้อ! อย่าลืมสวมเสื้อกันฝนล่ะ  มีติดตัวหรือเปล่า.."
"NO " ทอมสั่นศีรษะ ระบายยิ้ม
"เดี๋ยวค่อยไปหาซื้อ ไม่ต้องห่วงหรอกจิม..ฉันจะไม่ยอมเสี่ยงแบบครั้งที่แล้วแน่"
จิมใจหายวาบ รีบถามกลับด้วยสีหน้ายิ้มแย้มทั้งที่ในใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
"ครั้งที่แล้ว… กับใคร?…"
"ก็กับเธอไง อ้อ!..จริงซี.. ฉันไม่เคยบอกเรื่องแคธี่กับนาย ฉันเคยมีเดทกับเธอมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว ตอนนั้นนายไม่อยู่ไปติดต่องานที่สิงคโปรค์ คืนนี้ฉันก็เลยอยากสานสัมพันธ์กับเธอต่อ นี่คือเหตุผลว่าทำไมต้องเป็นเธอไงล่ะจิม"

เสียงแคธรีนตะโกนเรียกทอมอยู่ด้านหลัง

"ฉันไปล่ะนะ กู๊ดไนท์จิมมี่.. เจอกันพรุ่งนี้เช้า"


 :a1:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 25-01-2010 10:16:09
เกือบตีหนึ่งแล้ว.. จิมยังข่มตานอนไม่หลับ เขายอมรับว่าทั้งตกใจและเสียใจกับเรื่องที่ได้ยิน   ไม่อยากเชื่อเลยว่าทอมเคยมีอะไรกับนางแบบสาวผู้นี้มาแล้วโดยที่เขาไม่รู้

…ความจริงการที่ทอมจะนัดเดทหรือมีเซ็กซ์กับใครไม่ใช่เรื่องที่จะต้องบอกให้เขารับรู้  ไม่ใช่สัญญาหรือข้อตกลงในการทำงานร่วมกัน  แต่ที่ผ่านมาทอมจะบอกเขาทุกครั้ง  โดยให้เหตุผลว่าเขาต้องรู้ว่าทอมอยู่ที่ไหนกับใคร  เผื่อมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นจะได้ตามไปปกป้องและช่วยเหลือได้   นับเป็นเหตุผลที่เข้าท่า   และอาจเป็นเพราะเขามั่นใจมาตลอดว่าทอมไม่เคยปิดบังเรื่องนี้กับเขาเลยสักครั้ง การรับรู้เรื่องแคธรีน อย่างไม่คาดฝันในวันนี้จึงทำให้เขาตกใจมาก และไม่แน่ใจว่าความรู้สึกที่ตามมาเป็นความห่วงใยหรือห่วงหวงกันแน่…

จิมพยายามทบทวนความรู้สึกของตัวเองในขณะที่ทอมเดินควงแคธรีนหายเข้าลิฟต์ไป   แล้วเขาก็พบว่าความหวงและห่วงเกิดขึ้นพร้อมๆ กัน

…ใช่.. เขาหวงทอม.. ก่อนหน้านั้นทุกครั้งที่ทอมควงสาวขึ้นรถไปต่อหน้าต่อตา ความรู้สึกของเขาคือยินดีและดีใจเหมือนได้ส่งทอมไปพักผ่อนหาความสุขหลังจากเครียดและเหนื่อยจากงานมาทั้งวัน แต่ความรู้สึกในคืนนี้ไม่ใช่… เป็นเพราะความรักที่เขามีต่อทอมในวันนี้ ลึกซึ้งและพิเศษมากขึ้นกว่าเมื่อ 3 - 4 เดือนก่อน …

…ใช่.. เขารักทอมมากขึ้นทุกๆ วัน จนไม่สามารถยืนนิ่งเฉยมองดูทอมควงสาวออกเดทด้วยความรู้สึกยินดีได้อีกแล้ว…

ทว่า… ในความหวงของเขามีความห่วงใยแฝงอยู่ เขาห่วงเพราะผู้หญิงที่ทอมควงไปเป็นแคธรีน เธอไม่คู่ควรกับทอมเลยสักนิดแม้จะแค่ชั่วครั้งชั่วคราวก็ตาม ไม่ใช่เพราะเธอมีประวัติฉาวนอนกับใครมามากต่อมาก หญิงสาวที่ทอมออกเดทและคบหาส่วนใหญ่ก็เป็นสาวสมัยใหม่ที่เปลี่ยนคู่ควงไม่ซ้ำหน้าเหมือนกัน

จิมบอกไม่ถูกว่าทำไมเขารู้สึกกังวลอย่างมากเมื่อเป็นแคธรีน สายตาที่เธอแว่บมองและยิ้มทักทายเขาก่อนจะควงทอมเดินจากไป เหมือนกับจะบอกว่า…

… เทพบุตรรูปงามผู้นี้จะต้องเป็นของเธอคนเดียว และเธอจะไม่ยอมปล่อยมือจากเขาเป็นอันขาด..

… โอ!.. ไม่นะ ทอม.. ได้โปรดอย่าไปกับเธอ อย่า…

… จิมลุกพรวดขึ้นนั่ง เมื่อรู้สึกว่าสมองฟุ้งซ่านเกินไปแล้ว….


 :z3:


จิมรู้สึกตัวอีกครั้งบรรยากาศรอบตัวยังมืดสลัว ยังไม่สว่างอีกหรือนี่.. เขาเคลิ้มหลับไปก็เกือบจะตี 3 อยู่แล้ว ทำไมช่วงเวลาแค่ 2 - 3 ชั่วโมง มันยาวนานขนาดนี้   เขาหลับๆ ตื่นๆ ตั้งหลายครั้งแล้วก็ยังไม่สว่างซะที   อยากให้เช้าเร็วๆ จะได้โทรตามทอมกลับบ้าน  เขาจะอ้างว่ามีงานด่วนเข้ามาตอนสาย ช่วยไม่ได้… เขาเชื่อลางสังหรณ์ของตัวเอง… ต้องหาทางแยกทอมจากนางแบบสาวคนนั้นให้ได้

จิมพลิกตัวขยับแขนไปชนถูกร่างๆ หนึ่ง เขาสะดุ้งหดแขนกลับนอนนิ่งอยู่อึดใจก่อนจะลุกพรวดขึ้น

…ใครมานอนอยู่ข้างๆ  เขานอนอยู่กับใคร ตั้งแต่เมื่อไรกัน…

แสงสลัวภายในห้องสว่างพอที่จิมจะมองเห็นว่ามีร่างของชายหนุ่มนอนตะแคงหันหลังให้ แถมยังซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มของเขาอีกต่างหาก

…ใครวะ!.. มานอนข้างเขาตั้งแต่เมื่อไร   หลับๆ ตื่นๆ เกือบทั้งคืนทำไมเขาไม่รู้สึกตัวเลย…

จิมเอี้ยวตัวเปิดลิ้นชักข้างเตียงหยิบปืนก่อนจะขยับผ้าห่มออกช้าๆ ไม่แน่ว่าชายผู้นี้อาจเป็นคนร้ายแอบย่องเบาเข้ามาในบ้านแล้วเกิดง่วงนอนหรือเปล่า

"อ๊ะ !.. เฮ้ย !.."

จิมอุทานด้วยความตกใจ ตั้งใจจะดึงผ้าห่มออกเพื่อดูว่าเป็นใคร แต่ร่างนั้นกลับลุกพรวดขึ้นมาสวมกอดและซบลงกับไหล่เขา

…สัมผัสที่ได้รับและกลิ่นกรุ่นจากร่ายกายและเรือนผม ทำเอาจิมนั่งอึ้งด้วยความคาดไม่ถึง รู้สึกตัวก็รีบโยนปืนทิ้งและสวมกอดร่างนั้นกลับด้วยความตกใจ..

"เป็นอะไรทอม.. กลับมาตั้งแต่เมื่อไร.. ทำไม.. เกิดอะไรขึ้น.. บอกฉันซิ.. มีเรื่องอะไร นายบาดเจ็บหรือเปล่า หือ.."
จิมรัวคำถามเป็นชุดด้วยความตื่นตกใจ จะไม่ให้ตกใจได้ยังไง สัมผัสที่ได้รับจากการสวมกอดจากเทพบุตรสุดรักของเขา คืออาการสะอื้น..
"ช่วยด้วยจิมมี่.. ช่วยฉันด้วย~"

…โอ! พระเจ้า.. จิมใจหายอย่างแรงเมื่อสัมผัสถึงความทุกข์ใจอย่างแสนสาหัสของคนที่เขารัก เกิดอะไรขึ้นกับทอม ทำไมจึงกลับมานอนอยู่ข้างเขาในสภาพเหมือนนกปีกหักเช่นนี้ นี่เขาฝันไปหรือเปล่า…

"ช่วยด้วยจิม.. ฮึก  ฮือ~"
ทอมสะอื้นและปล่อยโฮเหมือนเด็กทำให้จิมไม่อาจนิ่งเฉยอยู่ได้   เขาคลายอ้อมกอดและขยับไปเปิดไฟที่หัวเตียง ใจหายวาบกับสภาพของเทพบุตรแสนรัก แม้จะยังอยู่ในชุดหล่อเนี้ยบแต่ผมเผ้ายุ่งเหยิง สีหน้าหม่นหมอง น้ำตาไหลเป็นทาง

"โอ! พระเจ้า.. เกิดอะไรขึ้น ทอม.. นายบาดเจ็บหรือเปล่า"
จิมจับต้องและสำรวจร่างกายของทอม สิ่งแรกที่เขากังวลก่อนเรื่องอื่นๆ คืออาการบาดเจ็บทางกาย
"ฉันเปล่าบาดเจ็บ" ทอมสั่นศีรษะน้ำเสียงยังสะอื้น
สองมือใหญ่ซุกเรือนผมของทอมและเสยไปมาช้าๆ
"ไม่ต้องกลัวทอม.. ค่อยๆ เล่าให้ฉันฟังว่าเกิดอะไรขึ้น เอนลงนอนซะ จะได้สบายขึ้น"
จิมผลักทอมนอนลงช้าๆ มือหนึ่งนวดศีรษะให้ ในขณะที่อีกมือแก้เข็มขัดและดึงเสื้อออกจากกางเกงให้คลายความอึดอัดลง ปากก็พร่ำปลอบโยน
"ไม่ต้องกลัว..ฉันอยู่นี่ ตราบใดที่มีฉันอยู่เคียงข้าง ฉันไม่มีวันปล่อยให้นายทุกข์ ปัญหาของนายคือปัญหาของฉัน ฉันจะแก้ปัญหาทั้งหมดให้นายเอง"
"ฉันรักนาย จิมมี่.. รักมากกว่าใคร รักที่สุด"
จิมจับมือเทพบุตรแสนรักของเขาขึ้นจูบและยิ้มให้ ไม่อยากเชื่อว่าในภาวะอารมณ์เช่นนี้ ทอมบอกรักเขาหน้าตาเฉย
"ฉันเป็นพี่ชายที่แสนดีของนายไม่ใช่หรือทอม.. ทุกข์ของน้องคือทุกข์ของพี่ด้วย ถ้าฉันรับทุกข์แทนนายได้ทั้งหมด ฉันจะขอรับไว้คนเดียว"

ทอมผวาขึ้นกอดร่างสูงสะอื้นไห้   จิมใจหายวาบ ตระหนักแล้วว่าความทุกข์ของเทพบุตรแสนรักครั้งนี้คงสาหัสแน่ๆ …

 o9

ทอมกลับถึงบ้านประมาณตี 4 และตรงมาหาจิมที่ห้องในสภาพที่ถ้าจิมได้เห็นต้องตกใจมากกว่าตอนนี้หลายเท่า      ทอมเห็นจิมหลับอยู่อยากจะโผเข้าไปกอดในทันทีแต่กลัวจิมตกใจตื่น จึงซุกตัวลงนอนข้างๆ

ทอมรับถ้วยกาแฟจากจิมดื่มได้ 2 คำก็วางลง เพราะไม่ได้ทำให้ความทุกข์ที่อัดแน่นอยู่ในอกคลายลง
"ฉันไม่รู้จะเริ่มยังไง.. " ทอมกล่าวเสียงอ่อยสีหน้าหม่นหมองลงอีกจนจิมต้องกล่าวปลอบอีกครั้ง
"บอกแล้วไงว่าไม่ต้องกลัว… เริ่มจากจุดไหนก็ได้ที่จะทำให้ฉันรู้ความทุกข์ของนาย ถ้าเริ่มไม่ถูกจริงๆ ฉันถามแล้วนายตอบเอามั้ย หือ.."
"นายรู้เหรอ..ว่าเรื่องอะไร"
"ไม่รู้.. แต่ฉันถามให้นายตอบได้"
"งั้นถามซี.."
"ทุกเรื่องที่ฉันถาม นายต้องไม่ปิดบังคำตอบเพราะเขินหรืออาย โอเค.."
"โอเค"
จิมทรุดตัวลงนั่งข้างๆ เขาไม่รู้หรอกว่าทอมทุกข์ใจเรื่องอะไร รู้แต่ว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับแคธรีน..นางแบบสาวที่เขาไม่ต้องชะตาด้วยแน่นอน
"เรื่องที่ทำให้นายทุกข์ใจ มาจากแคธรีนใช่มั้ย"
ทอมพยักหน้า สีหน้าสลดลงอีก
"มีคนอื่นเกี่ยวข้องหรือเปล่านอกจากเธอ"
"ไม่"
"แสดงว่าเป็นเรื่องระหว่างนายกับเธอใช่มั้ย"
ทอมพยักหน้าอีก จิมนิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะตรงเข้าประเด็นที่เขาจำเป็นต้องรู้แม้จะรู้สึกแสลงใจกับคำตอบที่จะได้รับ
"นายอยู่กับเธอหลายชั่วโมงที่ผ่านมา ได้นอนกับเธอหรือเปล่า"
ทอมเอาแต่พยักหน้ารับ ไม่ยอมตอบด้วยคำพูด
"นายไม่ลืมที่ฉันเตือนใช่มั้ย ได้แวะซื้อหรือเปล่า"
"ฉันไม่ลืม แต่ไม่ได้แวะซื้อ"
จิมใจหายเล็กน้อย หากแต่คำตอบถัดมาของทอมก็ทำให้เขารู้สึกโล่งอก
"เธอมีติดตัวอยู่แล้ว ก็เลยไม่ได้ซื้อ"
"นายแฮปปี้มั้ย หือ.. เธอทำให้นายมีความสุขหรือเปล่า.."
ทอมเบือนหน้าหนีเหมือนไม่ชอบใจคำถาม
"ฉันไม่อยากเรียกการมีเซ็กซ์กับเธอว่าคือ ความสุข ความสุขที่ตามมาด้วยความทุกข์ นายว่ามันแฮปปี้มั้ย" ทอมย้อนคำถามกลับมาที่จิมและเริ่มบอกเล่าเรื่องราวด้วยตัวเอง
"จำได้มั้ย จิม.. ฉันบอกนายว่าฉันเคยมีอะไรกับเธอเมื่อ 3 เดือนที่แล้วตอนที่นายไม่อยู่"
จิมพยักหน้า เขาปลอบทอมว่าอย่ากลัว แต่ตัวเองกลับตื่นเต้นและกังวลกับเรื่องที่ทอมกำลังจะบอกจนหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
"ฉันบอกนายด้วยหรือเปล่า.. ว่า..ฉันไม่ได้ใส่.. ไม่ได้ป้องกัน..."
ทอมกล่าวด้วยน้ำเสียงปนสะอื้นเล่นเอาจิมใจหายวาบ สมองนึกไปถึงผลร้ายที่จะเกิดขึ้นตามมาทันที
"ฉันไม่ได้ตั้งใจจะไม่ใส่ คืนนั้นฉันเมาอ่ะ จิม.. แล้วเธอก็ทำท่าโกรธหาว่าเธอยังไว้ใจฉัน ฉันก็ต้องไว้ใจเธอด้วย เธอว่าเธอไม่ใช่โสเภณี เธอใส่ฉันเป็นชุด ฉันจะอธิบายเธอก็ไม่ยอมฟัง เธอขึ้นคร่อมฉันตอนไหนไม่รู้ ฉันมึนมากตั้งตัวไม่ทัน ต้องปล่อยเลยตามเลย.."

…โอ! พระเจ้า.. จิมเดาเรื่องที่ทอมกำลังจะบอกได้แล้ว.. หัวใจเขาแทบหยุดเต้น เขาต้องไม่ให้ทอมรู้ว่าเขาตื่นกลัวแค่ไหน แข็งใจเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงปกติ

"เธอบอกอะไรหรือ ทอม.. บอกหลังจากนอนกับนายเมื่อครู่นี้ใช่มั้ย.."
ทอมพยักหน้าหงึก ก้มหน้าลงไม่กล้าสบตากับจิม
"เธอเพิ่งไปหาหมอตรวจเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว หมอว่า..เธอ…"
ทอมพูดไม่จบก็ถูกจิมเอามือปิดปากและรั้งศีรษะเขาไปซบอก จิมกอดเขาแน่นจนได้ยินเสียงหัวใจเต้นเป็นกลองรัว
"ไม่ต้องพูดต่อก็ได้ ฉันรู้ปัญหาของนายแล้ว ทอม.."
"หัวใจเต้นแรงจัง… นายกลัวเหรอ จิม.. "
น้ำเสียงทอมอู้อี้แต่ก็ฟังได้ศัพท์ จิมรั้งศีรษะของทอมแนบกับอกไม่อยากให้เงยขึ้นมาเห็นสีหน้าของเขาตอนนี้
"อย่ากลัวเลย จิมมี่.. แค่นายอยู่ข้างๆ รับฟังฉันระบายทุกข์ก็พอ จริงๆ แล้วปัญหาส่วนตัวของฉันไม่ใช่หน้าที่ของ.."
ทอมถูกจิมเอามือปิดปากไม่ให้พูดอีก จึงพยายามเงยหน้าขึ้นสบตาด้วย ตกใจเมื่อเห็นน้ำใสคลอดวงตาคมเข้ม ทอมรีบผละออกจากอ้อมกอด
"อย่าร้องไห้ซี จิม.. มันเป็นปัญหาที่เกิดจากการกระทำของฉันเอง นายช่วยฉันมาเยอะแล้ว ครั้งนี้ฉันจะหาทางยุติปัญหาทั้งหมดด้วยตัวเองบ้าง"

ทอมไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงเข้มแข็งขึ้นมาได้ อาจเป็นเพราะเห็นจิมอยู่ในสภาพที่ตกใจกลัวมากกว่า แทนที่จิมจะปลอบเขา เขากลับเป็นฝ่ายปลอบจิมเสียเอง

 o6
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 25-01-2010 11:01:54
จิมรั้งทอมเข้ามาสวมกอดอีก ตกใจที่ได้ยินทอมบอกจะยุติปัญหาด้วยตัวเอง

"ไม่นะ ทอม.. อย่าทำอะไรโง่ๆ บอกแล้วใช่มั้ยว่าตราบใดที่ฉันยังอยู่เคียงข้างนาย ฉันจะไม่ปล่อยให้นายทุกข์ ถ้าปัญหานั้นแก้ไขไม่ได้ ฉันจะอยู่ร่วมทุกข์กับนายด้วย ฉันจะไม่ปล่อยมือจากนาย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันไม่มีวันตัดใจเลิกรักนาย ฉันรักนายหมดหัวใจนะ ทอม.. รักมาก.. มากกว่าชีวิตของฉันเอง ถ้าแลกได้ฉันขอรับความทุกข์ของนายมาไว้ที่ฉันคนเดียว"

"ขอบใจนะ จิมมี่.. แต่ปัญหานี้นายคงรับแทนฉันไม่ได้"

"ฉันรู้.. แต่นายแบ่งปันความทุกข์ของนายมาให้ฉันได้ นายจะได้เชื่อว่าฉันไม่มีวันหนีนายไปไหน เราจะอยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน นายเจ็บฉันก็เจ็บด้วย"

จิมผลักทอมนอนลงบนเตียงและตามลงไปประกบร่างกายที่แสนจะงดงามนั้น
"จะทำอะไรอ่ะ จิม.."
"อย่าขัดขืนเลยนะ ทอม.. ฉันรู้ว่านายไม่ชอบ แต่แค่ครั้งเดียวเท่านั้น ครั้งเดียวก็เพียงพอที่ฉันจะเดินร่วมทุกข์ไปกับนายได้แล้ว ได้โปรดเถอะนะ ทอม.. ให้ฉันเดินไปกับนาย ฉันปล่อยให้นายเจ็บคนเดียวไม่ได้.."
จิมประทับริมฝีปากแผ่วเบาที่หน้าผากของเทพบุตรแสนรัก เหมือนที่เคยทำทุกครั้งเวลาปลอบโยน แต่ครั้งนี้ไม่ได้หยุดอยู่แค่หน้าผาก ริมฝีปากร้อนผ่าวของจิมเลื่อนลงมาประกบกับริมฝีปากบางได้รูปสวยโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัว
"อ๊ะ… อือ.. อืมม์.."

ทอมนอนนิ่งเพราะกำลังงงและไม่เข้าใจความคิดและการกระทำของจิม พอรู้สึกตัวก็เคลิ้มไปกับรสจูบแล้ว สัมผัสจากปลายลิ้นของจิมทำให้สมองของเขาละความกังวลจากปัญหาต่างๆ ไปชั่วขณะ

จิมประทับจูบบนเรียวปากนุ่มของเทพบุตรทอมอย่างดื่มด่ำและหนักหน่วง ลิ้นอุ่นซอกซอนไปทั่วทุกพื้นผิวภายใน… ลิ้มรสอ่อนหวานด้วยอารมณ์เสน่หาและรักใคร่อย่างจับจิตจับใจ โดยเฉพาะในเวลานี้เขาไม่สามารถปล่อยมือทอมให้เดินไปสู่หนทางของความทุกข์เพียงลำพังได้

"อือ.."
ทอมส่งเสียงครางในลำคอ จิมไม่ยอมถอนริมฝีปากจากเขา ในขณะที่เขาเองก็ไม่มีเรี่ยวแรงที่จะขัดขืน ฝ่ามือร้อนผ่าวของจิมเริ่มสัมผัสและลูบไล้ร่างกายของเขาจากแผงอก..หน้าท้อง..ไล้เรื่อยลงไปที่… …โอยยย...ไม่ไหวแล้ว…

ทอมสะดุ้งเฮือกตั้งสติดึงอารมณ์ที่เตลิดไปให้กลับคืนมา  ใช้กำลังที่มีอยู่ทั้งหมดผลักร่างสูงใหญ่ที่ทาบทับเขาออกอย่างแรงจนอีกฝ่ายเกือบตกเตียง  และลุกพรวดขึ้นนั่ง สีหน้าโกรธจัดมองจิมราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ

"ทำบ้าอะไรวะ!! จิมมี่.. นายมันบ้าตัณหาไม่เลือกเวลา ชั่วร้ายจริงๆ"
จิมได้สติรีบขยับเข้าไปคุกเข่าขอโทษ
"ขอโทษทอม.. ฉันไม่ได้บ้าตัณหานะ ฉันไม่ได้ทำด้วยอารมณ์ ฉันทำเพราะรักนาย.."
"รัก..รัก..รัก...พูดแต่คำนี้… นี่เป็นเวลาที่นายจะมาทำรักกับฉันหรือไง จิม.. โธ่เว้ย!.. นายไม่รู้หรือว่าฉันกลุ้มใจ จะบ้าตายอยู่แล้ว ฮึก…."

ทอมทึ้งผมตัวเองและซุกหน้าลงกับหมอน      o9        จิมก้มลงสวมกอดเทพบุตรของเขาด้วยความรักและสงสารจับใจ

"ไม่เป็นไรนะ ทอม.. ไม่ต้องกลัว ฉันจะอยู่ข้างๆ ไม่จากไปไหนตลอดชีวิตนี้"
ทอมเงยหน้าขึ้น คิ้วขมวดมุ่น
"มีประโยชน์อะไร แค่อยู่ข้างๆ จะช่วยอะไรได้ ถ้าอยากช่วยก็รับเป็นพ่อเด็กไปเลยซิ ทำได้มั้ยล่ะ จิม.. นายรับเป็นพ่อเด็กแทนฉันได้มั้ย.." ทอมกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือและอ้อนวอน น้ำใสเอ่อรื้นดวงตาคู่สวย
จิมนั่งอึ้ง ทอมไม่ได้เป็นห่วงตัวเองแต่เป็นห่วงแม็กกี้หรอกเหรอ…
"เอ่อ.. ให้ฉันรับเป็นพ่อ.. แทนนาย.." จิมทวนคำขอของทอมอย่างไม่แน่ใจ
"ใช่.. ได้มั้ย… "
"เอ่อ.. ก..ก็ได้นะ ทอม.. ฉันไม่มีปัญหาหรอกแต่เด็กจะยอมเหรอ.. เค้ารักนายนะทอม ไม่มีใครแทนที่นายได้หรอก"
ทอมทึ้งผมตัวเองอีก รู้สึกขัดใจและไม่สบอารมณ์กับการกึ่งรับกึ่งปฏิเสธของจิม
"โธ่เว้ย!. . รักบ้ารักบออะไรกัน นายไม่รับก็ไม่ต้องมาโยกโย้ ไม่ต้องมาบอกว่าจะช่วยฉันอีกต่อไป ไม่ต้องมาอยู่ข้างๆ แค่นี้ช่วยไม่ได้ก็ไม่ต้องมาบอกว่ารักฉันอีกด้วย ฉันเกลียดนาย จ…"
จิมปิดปากทอมไว้ทันก่อนที่จะหลุดชื่อเขาออกมา
"โอเค.. ทอม.. โอเค.. ฉันรับเป็นพ่อแม็กกี้เอง ได้โปรดอย่าเกลียดฉันเลย.. นะทอมนะ "
จิมปล่อยมือและคลายอ้อมกอดออกเมื่อทอมนิ่งเงียบไป เสียงทอมพึมพำเบาๆ

"แม็กกี้.. แม็กกี้.. โอ! พระเจ้า…" ทอมหงายหลังตึงลงบนที่นอน
 o9
"ช่วยด้วย จิมมี่.. ฉันรับไม่ไหวแล้ว ฉันไม่พร้อมจะมีครอบครัว ฉันยังไม่อยากมีเมีย ไม่อยากมีลูก.. ทำไมต้องเป็นฉันด้วย ทำไมอ่ะ จิม..ทำไม.."
ทอมสะอื้นเหมือนเด็กๆ        จิมเริ่มไม่เข้าใจและคิดว่าทอมอาจเครียดจนคิดมากไปทุกๆ เรื่อง
"อย่าร้องไห้ ทอม.. นายเครียดมากไปแล้ว   พักผ่อนก่อนดีกว่านะ   หลับตาซะ  นายต้องพักผ่อน    ตื่นขึ้นมาทุกอย่างจะดีขึ้น โอเค.."
จิมกล่าวปลอบอย่างอ่อนโยนและก้มลงจูบซับน้ำตาให้ ในขณะที่ทอมยอมสงบลงอย่างว่าง่าย คงเพราะเครียดและเหนื่อยมากจริงๆ
"จริงเหรอ.. ตื่นขึ้นมาปัญหาจะจบลงมั้ย" ทอมตาปรือเสียงอ่อนลง
"แน่นอน ทอม.."
จิมกระซิบแผ่วเบาสองมือเสยผมสลวยของทอมไปมา อยู่กับเขาเพียงลำพังในเวลาที่มีเรื่องไม่สบายใจ ทอมจะเหมือนเด็กชายที่ชอบโวยวายงอแงและเอาแต่ใจ
"อย่าไปไหนนะ จิม ฉันมีเรื่องต้องคุยต่อตอนตื่นขึ้นมา.." ทอมสั่งด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
"ฉันจะไม่ไปไหน นายจะได้เห็นหน้าฉันทันทีที่ลืมตาขึ้น โอเค.."
ทอมพยักหน้า ก่อนจะม่อยหลับไปด้วยความอ่อนเพลียเพราะยังไม่ได้นอนเลยทั้งคืน
"ฉันจะอยู่ข้างๆ นายตลอดไป ไม่มีวันจากไปไหน ความตายเท่านั้นที่จะพรากฉันจากนายได้ ทอม.."

จิมก้มลงประทับจูบแผ่วเบาบนริมฝีปากบางสวยของทอมอีกครั้ง ก่อนจะขยับตัวลงนอนเคียงข้างสวมกอดเทพบุตรแสนรักไว้ด้วยความรู้สึกห่วงหวงจับใจ

จิมสะดุ้งเมื่อโทรศัพท์มือถือของทอมมีสัญญาณเรียกเข้า มันสั่นอยู่ในกระเป๋ากางเกงของทอมและกระทบมาที่ต้นขาเขา เขาสะดุ้งแต่ทอมยังนอนนิ่ง   หลับสนิทไปด้วยความเครียดและเพลียมากขนาดนี้อย่าหวังเลยว่าจะรู้สึกตัว ..

จิมล้วงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงทอมขึ้นมากดรับสาย

"ที่รักคะ.. ทำไมหนีกลับมาก่อนล่ะ.." เสียงใสๆ จากปลายสายโวยเข้ามาก่อนทันที

จิมสะอึกรู้สึกเกลียดชังน้ำเสียงนี้จับใจ เป็นแค่เพื่อนนอนชั่วครั้งคราว ถือดีมาเรียกเทพบุตรของเขาว่า…ที่รัก..

"คุณหนีไม่ได้ตลอดหรอกนะคะ ทอม.. แคธี่ให้เวลาคุณตัดสินใจ 3 วัน ยอมรับเงื่อนไขที่เสนอโดยดีเถอะนะคะ เมื่อคืนคุณเองก็มีความสุขมากไม่ใช่เหรอ.. ถ้ายังไงลองปรึกษาผู้จัดการของคุณดูก่อนก็ได้ ชื่ออะไรนะคะ แคธี่จำไม่ได้แล้ว ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่าจะเคยเป็นนายแบบด้วย รูปร่างหน้าตาก็เพอร์เฟ็ค ได้สังกัดดีๆ ก็อาจจะพอต่ออายุไปได้  ทำไมถึงลดตัวลงมาเป็นผู้จัดคิวให้คุณก็ไม่รู้นะคะ ทอม.. หวังว่าคงไม่ได้แอบชอบคุณหรอกนะคะ ผู้ชายสมัยนี้ดูยาก อยู่ใกล้ชิดกันมากๆ ไม่ค่อยน่าไว้ใจ คุณอย่าเผลอนะคะ ทอม.."

จิมหน้าชา นี่คือเหตุผลหนึ่งที่เขาไม่ชอบคบหาผู้หญิงเป็นเพื่อน  นิสัยอิจฉาริษยาและนินทาให้ร้ายคนอื่นอย่างสนุกปาก โดยเฉพาะแคธรีนด้วยแล้ว สวยเสียเปล่า.. คำพูดที่ออกจากปากเธอแต่ละคำช่างน่ารังเกียจเหลือเกิน ทอมไม่น่าไปข้องแวะด้วยเลย

"ผม เจมส์ เมเนนเดส การ์เซีย  ผู้จัดการส่วนตัว  ของ ทอม แม็คกิลล์ ขออภัยด้วยนะครับ ถ้าทำให้คุณรู้สึกว่าผมไม่น่าไว้ใจสำหรับทอม"
จิมกล่าวทักปลายสายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอย่างที่สุภาพบุรุษพึงกระทำ

"อุ๊ย!.. คุณ.."
หญิงสาวส่งเสียงอุทานและเงียบไป จิมรีบตัดบทก่อนที่เธอจะโวย

"คุณทอมเพลียมากหลับไปเมื่อสักครู่นี้เอง ผมคุยเรื่องของคุณกับทอมค้างไว้ ถ้าไม่รังเกียจที่จะคุยด้วย ผมขอรับทราบปัญหาและเงื่อนไขจากคุณอีกครั้งได้มั้ย แคธรีน.."

 o3
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 25-01-2010 11:08:40
เที่ยงวันแล้ว… ทอมยังหลับสนิทอยู่บนเตียงนอนของจิม สีหน้าขณะหลับผ่อนคลายขึ้นเพราะร่างกายได้พักผ่อนนานกว่า 7 ชั่วโมงแล้ว  จิมยืนกอดอกมองเทพบุตรรูปงามที่นอนหลับสนิทอยู่ตรงหน้าอย่างแสนรัก ตั้งแต่รู้ตัวว่าความรู้สึกพิเศษที่เขามีให้ทอมนั้นคือความรักฉันท์คนรัก จนถึงวันนี้เป็นเวลากว่าครึ่งปีแล้ว

เขาไม่เคยเบื่อที่ต้องคอยแก้ปัญหาให้ทอม ไม่เคยโกรธเวลาที่ทอมโมโหและอารมณ์เสียใส่ ไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยที่บางครั้งเขาต้องดูแลปรนนิบัติทอมไม่ต่างจากคนรับใช้ เขาทำทุกอย่างให้ด้วยความรู้สึกรื่นรมย์และยินดี ยกเว้นเรื่องเดียวที่ในระยะหลังเขาไม่อยากทำ ไม่อยากได้ยินคำสั่งนั้น นั่นคือการหาหญิงสาวมาเป็นคู่เดทให้ แต่ถึงยังงั้นก็เถอะ เขายินดีจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเองดีกว่าปล่อยให้ทอมเที่ยวไปปิ๊งใครต่อใครและพาไปนอนด้วยโดยที่เขาไม่รู้อย่างรายนางแบบสาวแคธรีน จนเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันและเลวร้ายเกินกว่าที่ความรู้สึกของทอมจะรับได้

ทอมพยายามจะบอกเล่าให้เขาฟัง แต่ด้วยท่าทีและอาการที่ตื่นตระหนกอย่างมากทำให้เขาเข้าใจผิด จนเกือบจะแก้ปัญหาที่เข้าใจผิดนั้นด้วยวิธีการที่ผิดเช่นกัน

…ดิฉันมีเรื่องต้องตกลงกับทอมค่ะ ดิฉันตั้งครรภ์ได้ 3 เดือนแล้ว มันเป็นอุบัติเหตุที่คาดไม่ถึง หมอว่าเพราะยาฉีดคุมกำเนิดหมดฤทธิ์ก่อนกำหนด ดิฉันไม่สามารถตัดสินใจเรื่องใหญ่ขนาดนี้ได้เพียงลำพัง จำเป็นต้องปรึกษาทอมเพราะทอมเป็นพ่อของเด็กในท้องค่ะ ทอมต้องรับผิดชอบดิฉันและลูกอย่างเปิดเผย เพื่อให้ดิฉันสามารถอยู่ในวงการต่อไปได้หลังจากคลอดเด็กแล้ว…

…เงื่อนไขก็คือ ดิฉันขออยู่ในฐานะภรรยาของทอม 1 ปี และจะขอแยกทางจากไปโดยไม่เรียกร้องทะเบียนสมรส แค่ให้ทอมรับเด็กเป็นลูกตามกฎหมายก็พอ แต่ถ้าทอมปฏิเสธไม่รับผิดชอบ นอกจากดิฉันจะไม่เอาเด็กไว้ ทอมอาจจะได้ขึ้นหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับว่าเป็นต้นเหตุให้ดิฉันแท้งลูกเพราะไม่รับผิดชอบ คุณคงเข้าใจดีนะคะว่าข่าวอื้อฉาวแบบนี้จะกระทบกับชื่อเสียงของทอมขนาดไหน สุดยอดนายแบบทอม แม็คกิลล์ ผู้กำลังจะก้าวขึ้นสู่เวทีนายแบบโลก จะสามารถไปถึงจุดสูงสุดที่ฝันไว้หรือเปล่า…

…ดิฉันให้เวลาทอมตัดสินใจ 3 วัน ในฐานะที่คุณเป็นผู้จัดการส่วนตัวของ ทอม ช่วยแนะนำด้วยนะคะว่าเขาควรจะเลือกข้อเสนอไหนดี อ้อ! ดิฉันมีลูกสาวบุญธรรมอายุ 3 ขวบอยู่ 1 คน ถ้าทอมจะกรุณารับเป็นพ่อเด็กด้วยก็จะเป็นพระคุณอย่างสูง แต่ถึงยังไงทอมก็จะต้องอยู่ในฐานะพ่อเลี้ยงแกอยู่แล้ว และถ้าโชคดีกว่านั้น เด็กในท้องดิฉันอาจจะเป็นลูกแฝดก็ได้ เพราะครอบครัวดิฉันเป็นกรรมพันธุ์แฝดค่ะ เท่ากับว่าทอมอาจจะได้เป็นพ่อเด็กถึง 3 คนในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากใช่มั้ยคะ คุณการ์เซีย…

จิมระบายยิ้มด้วยความรู้สึกโล่งอก  อย่างน้อยปัญหานี้ก็ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงและคอขาดบาดตายอย่างที่เขาหลงเข้าใจในตอนแรก เขาใจหายอย่างแรงหัวใจแทบหยุดเต้นเพราะนึกว่าแคธรีนไปตรวจร่างกายแล้วพบว่าตัวเองติดเชื้อเอชไอวี ก็เพราะอาการร้องไห้ตกใจกลัวของทอมนี่แหล่ะ ทำให้เขาเข้าใจผิด…

….เชื่อหรือยังล่ะ ทอม.. ว่าผู้หญิงอย่างเธอไม่ควรเข้าใกล้….

จิมถอนใจเบาๆ เทพบุตรของเขากำลังมีเคราะห์หรือกำลังจะได้ลาภกันแน่ เรื่องของเจ้าหนูแม็กกี้ยังไม่เรียบร้อย ปัญหาใหม่ก็เกิดขึ้นอีก คราวนี้ยกขบวนมาทั้งแม่ทั้งลูกเลย.. …มิน่าล่ะ…

…ช่วยด้วย จิมมี่.. ฉันรับไม่ไหวแล้ว ฉันไม่พร้อมจะมีครอบครัว ฉันยังไม่อยากมีเมีย ไม่อยากมีลูก ทำไมต้องเป็นฉันด้วย ทำไม…

…นั่นซีนะ.. ทำไมต้องเป็นทอมด้วย… เข้าใจเลือกนะแคธรีน.. คิดจะครอบครองเทพบุตรทอมของผมโดยการเอาเด็กมาต่อรองงั้นเหรอ เพ้อฝันเกินไปแล้ว...

จิมทรุดตัวลงนั่ง โน้มตัวลงกระซิบข้างหูเทพบุตรสุดรักของเขา
"นายเป็นดวงใจของฉัน ทอม.. ฉันจะยอมให้ใครมาครอบครองนายได้ยังไง ดวงใจของฉันก็ต้องอยู่กับฉันซี.."

ทอมขยับตัวส่งเสียงงึมงำในลำคอ ดวงตายังปิดสนิท ริมฝีปากบางได้รูปสวยเผยอยิ้มเล็กน้อย ทำเอาหัวใจจิมเต้นไม่เป็นจังหวะ เขาจ้องมองด้วยความรู้สึกกระหายใคร่อยากจะสัมผัส ช่างยั่วยวนและเชิญชวนเหลือเกิน…จะโกรธก็ยอมแล้ว…

จิมก้มลงประทับจูบบนริมฝีปากบางสวยตรงหน้าด้วยสัมผัสที่แผ่วเบา แค่ภายนอกยังให้ความรู้สึกหอมหวานขนาดนี้ ถ้าได้สัมผัสถึงภายในจะวิเศษขนาดไหน…

ทอมขยับตัวและเผยอริมฝีปากขึ้นเหมือนกับจะพึมพำอะไร จิมไม่รีรอรีบฉวยโอกาสเข้าไปดื่มด่ำความหอมหวานภายในด้วยลิ้นอุ่นของเขาทันที

"อือ.." ทอมรู้สึกตัวลืมตาขึ้น นอนงงอยู่ชั่วอึดใจก่อนจะใช้มือแตะหน้าอกร่างสูงใหญ่ไว้เพื่อดันออก แต่แขนสองข้างกลับไม่มีแรงเอาดื้อๆ
"อื้อ… อือ…"

ใบหน้าทอมร้อนผ่าวเมื่อรู้ตัวว่าถูกขโมยจูบอีกแล้ว.. ทำไมครั้งนี้ไม่มีแรงปัดป้องยอมนอนนิ่งให้จูบแต่โดยดี ลิ้นอุ่นๆ ของจิม.. ทำไมถึงรู้สึกดียังงี้นะ.. หญิงสาวที่ถูกหมอนี่จูบคงรู้สึกแบบนี้ทุกคนซีนะ แต่… เอ๊ะ !.. เขาไม่ใช่หญิงสาวซะหน่อย ทำไมต้องนอนนิ่งปล่อยให้จิมมี่เจ้าเล่ห์แสดงฝีปากแต่เพียงฝ่ายเดียวด้วย เพื่อไม่ให้ตัวเองตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบและอ่อนแรงลงไปมากกว่านี้ เขาต้องรีบตัดกำลังอีกฝ่ายด้วยการเป็นฝ่ายรุกบ้าง

จิมแอบดีใจอยู่ในส่วนลึกที่วันนี้เขาจูบทอมได้นานกว่าทุกวัน …ไม่อยากเชื่อเลย เป็นครั้งแรกที่ทอมยอมนอนนิ่งให้เขาดื่มด่ำความหวานจากริมฝีปากบางสวยได้เนิ่นนานขนาดนี้ แต่พอแค่นี้ก่อนดีกว่านอนนิ่งแบบนี้ชักไม่ค่อยไว้ใจ…

จิมชะงักเมื่อไม่สามารถถอนริมฝีปากออกมาได้ ใจหายเมื่อทอมคิดจะเอาคืนด้วยการใช้ฟันกัดลิ้นเขาไว้
"อือ…"

จิมเป็นฝ่ายส่งเสียงอึกอักบ้าง สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อทอมงับลิ้นเขาอย่างแรงก่อนจะยอมปล่อย จิมรีบถอนริมฝีปากออกแต่กลับเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เมื่อลิ้นนุ่มของทอมตามติดเข้ามาพัวพันกับลิ้นของเขา ให้ตายเถอะ.. นี่เขาฝันไปหรือเปล่า ทอมสนองตอบการกระทำของเขา ลิ้นอุ่นๆของทอมกำลังซุกซนอยู่ในปากของเขาอย่างช่ำชองไม่แพ้กัน

หัวใจของจิมพองโตเมื่อเทพบุตรแสนรักยังหลับตาพริ้มเหมือนเคลิบเคลิ้มกับการถูกกระทำ ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นฝ่ายรุกอยู่แท้ๆ
"อือ.. อืมม์.."

จิมส่งเสียงครางเบาๆ เมื่อครู่เขาแค่ต้องการจะหยอกเล่นเท่านั้น แต่การสนองตอบของทอมทำให้อารมณ์ปรารถนาของเขาคุกรุ่นขึ้นจนไม่สามารถอดกลั้นและเลิกลาแต่เพียงเท่านี้ได้แล้ว เขาสนองตอบทอมด้วยการบดจูบอย่างหนักหน่วงและอ่อนโยนสลับกันไป ดูดดื่มความหอมหวานจากปลายลิ้นและเรียวปากนุ่มครั้งแล้วครั้งเล่า สองมือปลดกระดุมเสื้อนอนของอีกฝ่ายออกอย่างรวดเร็ว ก่อนจะสัมผัสและลูบไล้เรือนร่างงดงามปานเทพบุตรด้วยความปรีดา ความคิดเตลิดไปไกล

…วันนี้เขาจะได้มีเซ็กซ์กับทอมแล้วยังงั้นหรือ ฝันไปหรือเปล่า จิมมี่..

ทอมหยุดสนองตอบและนอนนิ่งเหมือนเริ่มรู้สึกตัว จิมไม่ยอมให้เวลาเสียไปแม้เพียงเสี้ยววินาที เขาผละจากริมฝีปากฝังใบหน้าคมเข้มกับซอกคอ ซุกไซ้เลื่อนลงไปตามแนวบ่าและแผ่นอก จูบสัมผัสด้วยปลายลิ้นที่ยอดอกทั้งสองข้างและขบเบาๆ ด้วยฟัน ก่อนจะไซ้เรื่อยลงไปที่หน้าท้องแบนราบซึ่งกำลังอยู่ในอาการเกร็ง

จิมระบายยิ้มเมื่อได้ยินทอมส่งเสียงเครือครางแผ่วเบา ไร้การต่อต้านใดๆอย่างไม่น่าเชื่อ ลิ้นอุ่นของเขาซอกซอนต่ำลงไปเรื่อยๆ ใช่…ทอมกำลังมีอารมณ์.. เขาจะไม่ยอมปล่อยให้โอกาสนี้เสียไป…

ทอมผวาสะท้านไปทั่วร่าง กางเกงนอนของเขาถูกจิมถอดออกไปตอนไหนก็ไม่รู้ ไม่น่าเผลอไปสนองตอบเลย นึกว่าจะทำให้จิมอ่อนแรงลงเพื่อที่เขาจะได้มีแรงผลักไสได้ แต่คนที่อ่อนแรงกลับเป็นตัวเองซะได้…

ทอมสะดุ้งเฮือกเมื่อรู้สึกถึงการครอบครองด้วยริมฝีปากร้อนผ่าวที่เบื้องล่าง หมดแรงยับยั้งหรือผลักไสแล้วโดยสิ้นเชิง อารมณ์ปรารถนาที่ถูกปลุกขึ้นลุกโชนเกินหักห้ามแล้ว ยอมนอนนิ่งให้อีกฝ่ายกระทำแต่โดยดีแม้จะรู้สึกโกรธมากมายเพียงใด แต่ตอนนี้เขาต้องให้จิมรับผิดชอบการกระทำของตัวเองก่อน อยากมาปลุกเร้าอารมณ์และความต้องการของเขาทำไม…

ทอมหลับตาปี๋รีบดึงหมอนที่หนุนอยู่ขึ้นมาปิดใบหน้าไว้ เพราะไม่อาจมองดูจิมแสดงบทรักกับตัวเขาซึ่งเป็นผู้ชายเหมือนกันได้ ถึงเขาจะรู้สึกพึงพอใจจิมบ้างในบางอารมณ์ แต่ก็ยังไม่ถึงขนาดที่จะยอมมีความสัมพันธ์ด้วย
ทอมผวากอดหมอนไว้แน่น ใบหน้าเขาตอนนี้คงแดงเป็นลูกตำลึงแน่เพราะมันร้อนวูบวาบไปมา จะไม่ให้รู้สึกสะท้านได้ยังไง ก็ลิ้นอุ่นๆ ของจิมกำลังปลอบน้องชายของเขาให้หายจากอาการตื่นกลัวด้วยความอ่อนโยนและเร่าร้อนสลับกันไป ไม่อยากเชื่อเลยว่าจิมสามารถทำเรื่องแบบนี้ได้ กับผู้ชายด้วยกันแท้ๆ..

…ให้ตายเถอะ!.. ทำไมร่างกายของเขาถึงว่าง่ายเชื่อฟังจิมขนาดนี้…

"อ๊ะ! … อา… อา... จิมมี่..."
ทอมทั้งโกรธและอายที่เผลอเรียกชื่อจิมในขณะที่อารมณ์ถูกปลดปล่อย ….โชคดีที่เอาหมอนปิดไว้ หมอนั่นคงไม่ได้ยิน…

ทอมนอนหอบอยู่ใต้หมอนใบใหญ่ ไม่สนใจอีกฝ่ายที่ยังอ้อยอิ่งอยู่กับร่างกายส่วนล่างของเขา คิดว่าหากเขาไม่สนใจเดี๋ยวหมอนั่นก็เลิกลาและวิ่งเข้าห้องน้ำไปเอง แต่เขาคิดผิดเพราะจิมไม่หยุดแค่นั้น…

ทอมสะดุ้งเฮือกอีกครั้งเมื่อเรียวขาของตนถูกดันขึ้นสูงด้วยอุ้งมือแกร่ง รู้สึกร้อนวูบที่ใบหน้าทั้งโกรธทั้งอาย อ๊ะ!.. ไอ้บ้าจิมมี่.. อย่าหวังเลยว่าครั้งนี้ฉันจะยอมนอนนิ่งให้นายเล่นสนุกกับร่างกายฉันตามใจชอบอีก ทอมโมโหมากจนระงับอารมณ์ไม่อยู่ยกเท้าสองข้างถีบออกจากตัวอย่างแรง

"โอ๊ะ! " เสียงจิมร้องสั้นๆ เพียงคำเดียว
ทอมดึงหมอนที่ปิดหน้าออกเมื่อรู้สึกว่าบรรยากาศรอบตัวเงียบสงบลง ไม่มีใครมาเกาะแกะนัวเนียกับร่างกายเขาแล้ว ทอมนอนยิ้มอย่างสะใจที่จัดการกับจิมมี่เจ้าเล่ห์ได้

เสียงจิมร้องครางเบาๆ อยู่ตรงไหนสักแห่ง ทอมรีบลุกขึ้นคลานมาที่ขอบเตียง ร่างสูงใหญ่นอนหลับตานิ่วหน้าสองมือคลำป้อยอยู่ที่หน้าอกและท้อง รู้สึกเสียใจที่ทำรุนแรงเกินไป แต่พอนึกถึงเรื่องที่ถูกกระทำเมื่อครู่แล้วก็ฉุนกึกและโมโหขึ้นมาอีก

"ไง.. สมน้ำหน้า ไม่ขอโทษหรอก นายทำตัวนายเอง.."

จิมลืมตาขึ้นสบสายตาละห้อยกับเทพบุตรสุดรัก ไม่คิดว่าทอมจะโหดร้ายขนาดนี้ เท้าสองข้างของทอมถีบเข้าที่หน้าอกและท้องเขาอย่างแรงจนจุก อารมณ์ปรารถนาที่คุโชนอยู่เมื่อครู่วูบดับไปในเสี้ยววินาทีนั้น

"โหด… ร้าย… จัง.." น้ำเสียงจิมกระท่อนกระแท่นเพราะยังจุกอยู่

ทอมกัดริมฝีปากด้วยความรู้สึกฉุนที่เป็นฝ่ายถูกต่อว่า
"นายน่ะแหล่ะ ร้าย.."

ทอมกระโดดลงจากเตียงในสภาพเกือบจะเปลือย เพราะสวมแต่เสื้อนอนที่ไม่ได้ติดกระดุมไว้เพียงตัวเดียว แต่เพราะโกรธจึงไม่สนใจกับสภาพของตัวเอง
"นายมันจอมวายร้ายคอยคิดแต่จะลักหลับฉัน ฉันยอมเพราะความรำคาญ นายกลับได้ใจคิดจะเล่นประตูหลังฉัน บอกแล้วใช่มั้ย จิมมี่.. ว่าฉันไม่มีรสนิยมแบบนี้ ฉันไม่ได้รักนายแบบที่นายต้องการ และไม่มีทางเป็นไปได้ด้วย…"    ทอมตวาดใส่และใช้เท้าเตะที่ลำตัวของอีกฝ่ายด้วยความโมโห

จิมอ้าปากค้างไม่ได้เจ็บเพราะถูกเตะ แต่ตกใจกับอารมณ์โกรธของทอมนึกไม่ถึงเลยว่าจนถึงนาทีนี้ทอมยังไม่มีใจให้เขาฉันท์คนรักเลยแม้เพียงสักนิด ที่ทอมบอกรักเขาอยู่ทุกวันนี้ยังเป็นแค่ความรักแบบพี่ชายจริงๆ เขาคิดว่าทอมอาจจะสับสนกับความรู้สึกของตัวเองและคิดว่ามันอาจจะเปลี่ยนได้ แต่จนถึงวันนี้ความรู้สึกที่ทอมมีต่อเขาก็ยังมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง ทอมรักเขาในฐานะพี่ชายตลอดมา และก็คงตลอดไปด้วย

... ฉันยอมเพราะความรำคาญ แต่นายกลับได้ใจ…

…ทอมยอมเขาเพราะตัดความรำคาญหรอกหรือ นี่เขาทำอะไรลงไป ทอมจำใจให้คนที่ตัวเองรักอย่างพี่ชายแสดงความรักกับร่างกายตัวเอง   เวลานั้นทอมต้องรู้สึกฝืนใจมากขนาดไหน  เขาปล่อยให้อารมณ์และความปรารถนาครอบงำจนไม่สนใจความรู้สึกของทอมเลย   เขาทำผิดเป็นครั้งที่ 2 แล้วซีนะ…

หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: a_tapha ที่ 25-01-2010 11:35:48
กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มเลย (เกี่ยว???)

มาต่อให้หายข้องใจเลย  :z3:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: nithiwz ที่ 25-01-2010 11:42:07
 :fire: เกือบเสร็จแล้วมั้ยล่ะ  เหอะๆๆๆๆ
ตาทอมนี่ก็นะ ชอบขัดอารมณ์อยู่เรื่อย   :seng2ped:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 25-01-2010 12:10:15
เครียดอ่ะ
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: a_tapha ที่ 25-01-2010 13:02:34
รอ  :t3:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: tatum1234 ที่ 25-01-2010 16:38:16
 :เฮ้อ:เรื่องมาอีกแล้วววว...

 :L2:ขอบคุณครับ..รออ่านตอนต่อไปคร๊าบบบผม
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: จุ๊บจิ๊บจ๊ะจ๋า ที่ 25-01-2010 19:18:28
อีกนิดเดียวแท้ๆ จิมมี่เอ้ย :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 25-01-2010 19:52:21
คู่นี้ออกแนวเอสเอ็มเนอะ 555 พวกเจ็บไม่จำ :laugh:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: kungyung ที่ 25-01-2010 19:55:20
 :เฮ้อ:เสียด๋ายจังงงงงง
เกือบแล้วเชียว
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 25-01-2010 21:20:20
ขัดใจเจ้หมวย

เสียรมณ์

ชิส์
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: taem2love ที่ 25-01-2010 22:58:18
อ่านไปก็แช่งไปทาาามมมมายยยจายยยยร้ายจัง
ปวดตับสงสารหนุงแมคกี้มากกกกกกก
กรรมต้องตามสนองแกสองคนแน่จิมกับทอม
รอดูผลกรรมต่ไป
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 26-01-2010 10:24:40
จิมเจ็บที่หัวใจ  แต่เขากลับห่วงความรู้สึกของทอมโดยไม่สนใจความเจ็บปวดของตัวเอง เขาใช้มือแตะที่สีข้างเพิ่งรู้สึกว่าถูกอีกฝ่ายเตะด้วยกำลังพอเหมาะที่จะทำให้รู้สึกเจ็บได้.. แต่เขากลับไม่รู้สึก เพราะความเจ็บปวดที่หัวใจได้รับขณะนี้มากมายกว่าความเจ็บปวดทางกายหลายเท่า

ทอมหน้าเสีย  ดวงตาฉายแววเจ็บปวดของจิมทำให้เขารู้สึกตัวว่าทำรุนแรงเกินไป แต่แม้จะรู้สึกเสียใจที่ต่อว่าและใช้กำลัง แต่ก็ทำไปแล้วนี่..ทำไงได้..

จิมยันตัวขึ้นนั่งในขณะที่ทอมยังยืนนิ่ง เขาคุกเข่าตรงหน้าทอมและกล่าวขอโทษโดยไม่เงยหน้าขึ้นสบตาด้วย

"ฉันขอโทษ.. และสัญญาว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก ฉันจะฝังความรู้สึกที่มีต่อนายให้อยู่ก้นบึ้งของหัวใจ นายจะไม่ได้ยินคำพูดและเจอการกระทำที่ น่ารำคาญ ของฉันอีกต่อไป นับจากนาทีนี้.. นายจะเห็นฉันเป็นเพื่อน.. พี่ชาย.. หรือลูกจ้างก็ได้ แต่สำหรับฉัน… ไม่มีสิทธิเห็นนายเป็นอื่น..นอกจาก "นายจ้าง" ฉันจะทำทุกงานที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จลุล่วง ให้สมกับหน้าที่และค่าจ้างที่ฉันได้รับ"

จิมลุกขึ้นยืนเมื่อกล่าวจบในขณะที่ทอมยังตกอยู่ในอาการตะลึง ทั้งสองยืนเผชิญหน้าด้วยอารมณ์และความรู้สึกที่ต่างกัน

ทอมใจหายวาบ สีหน้าของจิมเรียบเฉยแฝงไว้ซึ่งความอ่อนโยนเหมือนทุกครั้ง หากแต่ดวงตาที่จ้องประสานมาเย็นชาจนให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ห่างไกลกันมาก ไม่.. มันไม่ใช่แค่ห่างไกล เหมือนคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้ไม่ใช่จิม…

…นับจากนาทีนี้ไปฉันไม่มีสิทธิเห็นนายเป็นอื่น นอกจาก " นายจ้าง "..
…นี่มันอะไรกัน…เกิดอะไรขึ้น…ล้อเล่นหรือเปล่า จิม.. ทำไมนายมองฉันด้วยสายตาแบบนี้...

"วันนี้ไม่มีงานนะครับ บ๊อส.. ผมขอเลื่อนไปพรุ่งนี้ "   จิมกล่าวด้วยสีหน้าและรอยยิ้มอ่อนโยนก่อนจะเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบผ้าเช็ดตัวออกมา
"อาบน้ำที่นี่เลยล่ะกัน เดี๋ยวจะไปเอาเสื้อผ้ามาให้ อาหารกลางวันมื้อนี้ผมสั่งป้าทิพย์ทำผัดไทยกุ้งสดของโปรดด้วย ทานกลางวันเสร็จแล้วเราจะคุยปัญหาของแคธรีนกันต่อ.."

จิมส่งผ้าเช็ดตัวให้แต่ทอมกลับยืนเฉยไม่ยอมรับ หน้าจ๋อยลงอย่างเห็นได้ชัด จิมคลี่ผ้าเช็ดตัวออกและขยับเข้าไปพันท่อนล่างที่ยังอยู่ในสภาพเปลือยให้ จิมคิดว่าทอมคงตกใจเมื่อเขาพูดถึงแคธรีน จึงกล่าวปลอบให้หายจากความกังวล
"อย่ากังวลเลย ทอม.. วางใจเถอะ  ไม่ว่าปัญหาจะหนักหนาแค่ไหน ฉันจัดการให้นายได้ทุกเรื่อง ขอแค่สั่งมาว่าต้องการให้จบแบบไหนเท่านั้น.."
"เจอกันที่โต๊ะอาหารนะ" จิมยิ้มอ่อนโยนก่อนจะเดินออกจากห้องไป

ทอมยืนอึ้ง เขาไม่ได้เห็นสายตาและรอยยิ้มแบบนี้ของจิมมานานมากแล้ว เป็นรอยยิ้มสมัยที่เพิ่งคบหากันใหม่ๆ แค่ให้ความรู้สึกอ่อนโยนและจริงใจเท่านั้น ไม่มีความรู้สึกพิเศษใดๆ หลงเหลืออยู่เลย
"..อ.. เอาจริงเหรอ จิมมี่.. จะทำอย่างที่พูดจริงเหรอ.."

ทอมทรุดตัวลงบนเตียงอย่างหมดแรง
…เกิดอะไรขึ้น เราเป็นอะไร ทำไมถึงใจหายแบบนี้ หรือว่าเรายังกลัวและตกใจกับเรื่องแคธรีน.. ไม่..ไม่ใช่…ที่กังวลอยู่ตอนนี้คือรอยยิ้มและความรู้สึกของจิมต่างหาก...

"..ฉันแค่โมโหเหมือนทุกๆ ครั้งที่นายเข้ามาแหย่ เคยว่าแรงๆตั้งหลายครั้ง ไม่เห็นโกรธ ทำไมวันนี้ต้องโกรธจริงจังขนาดนั้นด้วย.."


 :impress:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 26-01-2010 10:31:42
..9..
“สูญเสีย..ของรัก”

-----------------


แม็กกี้แอบเฝ้ามองทอมด้วยความเป็นห่วง เพราะเป็นครั้งแรกที่เห็นคุณทอมดื่มเหล้า ส่วนใหญ่จะเห็นตอนเมาไม่ได้สติมาจากข้างนอกแล้ว และทุกครั้งคุณจิมก็จะแบกคุณทอมลงจากรถพาขึ้นไปบนห้องด้วยตัวเอง

….คืนนี้คุณจิมไม่อยู่บ้านออกไปตั้งแต่ตอนเย็น ก่อนไปคุณจิมกระซิบสั่งว่าให้แม็กนั่งเฝ้าคุณทอมไว้ห่างๆ เห็นคอพับไปเมื่อไรก็ให้ไปเรียกลุงแก้วมาพาคุณทอมขึ้นไปนอน คุณจิมบอกว่าคุณทอมดื่มไม่เก่งหรอก ไม่กี่แก้วก็เมาพับแล้ว แต่ที่เห็นอยู่ตอนนี้…คุณทอมดื่มแก้วนี้เป็นแก้วที่ 6 แล้วยังไม่มีทีท่าว่าจะพับเลย  จะต้องรอให้ดื่มหมดขวดเลยเหรอ.. ถึงจะเมาพับไป แล้วทำไมต้องดื่มด้วย เพราะกลุ้มใจมากถึงต้องดื่มงั้นเหรอ…

เด็กชายนึกถึงปัญหาที่ทอมกลุ้มอยู่แล้วสะท้อนถึงเรื่องตัวเอง
"แม็กกี้.. ฉันจะออกไปข้างนอก ถ้าเห็นคุณทอมดื่มเหล้า ให้นั่งเฝ้าอยู่ห่างๆ ไม่ต้องเข้าไปกวนนะ"
"ทำไมถึงดื่มล่ะครับ เอ่อ.. ผมหมายถึง ทำไมคุณจิมถึงปล่อยให้คุณทอมนั่งดื่มคนเดียวล่ะครับ
จิมจ้องตาเด็กชายเขม็ง
"ไม่รู้จริงหรือ แม็กกี้.. ว่าคุณทอมดื่มเหล้าทำไม"
"เอ่อ.. ผม…"
จิมยิ้มเล็กน้อย เมื่อเด็กชายมีสีหน้าตื่นตระหนก
"เรื่องที่เธอแอบได้ยินเมื่อตอนบ่าย เธอว่ามันน่าสนุกหรือเปล่าสำหรับคุณทอม.."
เด็กชายสะดุ้งใจหายวาบไม่นึกว่าคุณจิมจะรู้.. รู้แล้วยังปล่อยให้แอบฟังอีก
"เอ่อ.. คือ…ผม.. เอ่อ.."
จิมหัวเราะเมื่อเด็กชายหน้าถอดสีและรีบก้มหน้าหลบสายตาเขา ถึงจะตกใจกลัวแต่เจ้าหนูก็ยอมรับผิดโดยดี
"ผมไม่ได้ตั้งใจแอบฟังครับ กำลังจะยกกาแฟเข้าไปแล้วได้ยินพอดี…"
"งั้นเหรอ.. ไหนๆ ได้ยินแล้วก็เลยหยุดฟังให้จบเลยใช่มั้ย"
"เอ่อ.." เด็กชายเงยหน้าขึ้น ดวงตาสีน้ำทะเลคู่สวยเหลือบขึ้นมองจิมอย่างสำนึกผิด กำลังจะเอ่ยขอโทษก็ถูกร่างสูงใหญ่ตรงหน้าเอามือปิดปากไว้
"ไม่ต้องขอโทษหรอก แม็กกี้.. ดีแล้วที่เธอได้ยินและได้ฟังกับหู เพราะมันเป็นเรื่องที่ฉันต้องการให้เธอรับรู้อยู่แล้ว ทุกข์สุขของคุณทอมเธอควรจะรับรู้ไว้"
จิมปล่อยมือ ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อบางเป็นกระจับเผยอยิ้มเล็กน้อยเหมือนโล่งอก จิมตะลึงไปชั่วขณะ เพิ่งสังเกตุเห็นวันนี้เอง.. ถ้าเป็นรูปปั้นก็คงเรียกว่ามาจากพิมพ์เดียวกันซีนะ..
"ทำไมผมต้องรู้ล่ะครับ คุณจิม.."
"ก็.. ในฐานะที่เธออาจจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของคุณทอมไง"
"แค่อาจจะ.. เท่านั้น จำเป็นต้องรู้ด้วยหรือครับ" เด็กชายกล่าวเสียงอ่อย
จิมลืมตัวหลงจ้องมองริมฝีปากบางน่ารักที่ขยับหมุบหมิบไปมา แล้วแว่บถึงต้นแบบที่เป็นแม่พิมพ์ของเจ้าหนู
"อืมม์.. เธอน่าจะรู้ด้วยตัวเองนะ แม็กกี้.. ว่าจำเป็นหรือเปล่า ถามตัวเองซิว่าหยุดแอบฟังทำไม.."
"ผมได้ยินคุณทอมบอกว่าไม่อยากมีลูก ผมก็เลย…"
"เลยตกใจนึกว่าคุณทอมหมายถึงเธองั้นซี.. "
จิมใช้มือเสยผมที่ปกระลงมาที่หน้าผากเด็กชาย และเชยคางเจ้าหนูขึ้น
"ฟังนะ แม็กกี้.. เรื่องของเธอมันผ่านพ้นภาวะวิกฤติไปแล้ว คุณทอมเป็นฝ่ายขอยอมแพ้และรับปากจะพิสูจน์ความจริงกับเธอแล้วไม่ใช่เหรอ เพราะฉะนั้นหมดห่วงและเลิกกังวลเรื่องของตัวเองได้"
เด็กชายตาค้างฟังอย่างตั้งใจ สีหน้ายังไม่สบายใจและกังวลอยู่
"ผมเป็นต้นเหตุทำให้คุณทอมไม่อยากรับลูกที่อยู่ในท้องของคุณผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่าครับ คุณทอมอาจเบื่อที่อยู่ๆ ก็ต้องมาเป็นพ่อของลูกตั้งหลายคน ถ้าเป็นอย่างนั้น ผมคิดว่า.."
จิมนึกไม่ถึงว่าแม็กกี้จะมีความคิดเช่นนี้ รีบตัดบทไม่ให้พูดต่อ
"ไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น ปัญหานี้เป็นหน้าที่ของฉันไม่ใช่ของเธอ   หน้าที่ของเธอตอนนี้ก็คือ ระหว่างที่ฉันไม่อยู่ช่วยเฝ้าดูคุณทอมให้หน่อยได้มั้ย.."
"ได้ครับ" แม็กกี้รับคำด้วยความเต็มใจ ดีใจที่ได้ทำประโยชน์ให้บ้าง
ขณะเดินตามไปส่งจิมที่รถ แม็กกี้เริ่มรู้สึกและสัมผัสถึงตัวตนจริงๆ ของชายหนุ่มผู้นี้ว่า จริงๆ แล้วเป็นคนอ่อนโยนและใจดี เข้าใจความรู้สึกของแม็กมากกว่าคุณทอมด้วยซ้ำ ตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลคุณจิมดีกับแม็กมากขึ้นทุกวัน แม้แต่คำเรียกแทนตัวก็เปลี่ยนจาก "นาย หรือ ไอ้หนู" เป็น "เธอ" แล้ว

 :m1:


"เอ๊ดดี้!!.. อยู่หรือเปล่า มีใครอยู่บ้าง ไปไหนกันหมด.."
แม็กกี้สะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงอ้อแอ้ของคุณทอมเรียกหาน้าเอ๊ดดี้ รีบออกจากที่ซ่อนตรงเข้าไปหาก่อนที่คุณทอมจะมีโมโห
"น้าเอ๊ดดี้ออกไปกับคุณจิมครับ คุณทอมต้องการอะไร ใช้ผมได้ครับ"
"ใคร… หือ.. อ้อ! แม้กกี้เหรอ.."
"ครับ"
แม็กนั่งคุกเข่าตรงหน้าคุณทอม เข้ามาใกล้ๆ ถึงรู้ว่าคุณทอมอยู่ในสภาพที่เมามากแล้วจริงๆ ใบหน้าแดงก่ำ ดวงตาสะลึมสะลือใกล้จะปิดอยู่แล้ว เสียงของหล่นเมื่อครู่คงเป็นขวดเหล้าเปล่าที่กลิ้งอยู่บนพื้นพรม โชคดีนะที่ไม่แตก..
"คุณทอมจะขึ้นไปนอนหรือยังครับ ผมจะพาไป"
"หึ! เข้าใจถามนะ ฉันยังไม่นอน ไปหยิบเหล้าที่บาร์มาขวดนึงซิ แม็กกี้.."
"เอ่อ.. คุณทอมเมามากแล้วนะครับ จะดื่มต่ออีกเหรอ.."
"เฮ้ !.. " ทอมส่งเสียงดังด้วยความไม่พอใจจนเด็กชายสะดุ้ง
"ฉันให้ไปหยิบก็ไป!!  ไม่ใช่หน้าที่ของเด็กอย่างเธอจะมาบอกให้ฉันหยุดดื่ม เธอนั่นแหล่ะเดินไปหยิบเหล้ามาเสร็จแล้วก็กลับไปนอนซะ มานั่งเฝ้ามองฉันอยู่ทำไม"

แม็กกี้ใจหายวาบรีบลุกขึ้นไปหยิบเหล้าขวดใหม่มาให้ คุณทอมกระชากขวดเหล้าไปจากมือด้วยความไม่พอใจ แม็กใจเต้นตุ้บตับเป็นครั้งแรกที่เห็นคุณทอมเมา เวลาเมาจะส่งเสียงดังและขี้โมโหแบบนี้หรอกเหรอ…

เด็กชายโล่งใจเมื่อเห็นทอมรินเหล้าแต่น้อย ไม่ถึงครึ่งแก้วด้วยซ้ำ แต่แล้วก็ต้องเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ เมื่อน้ำสีอำพันผ่านลำคอทอมภายในอึกเดียว

…ไม่ต้องห่วงนะครับ บ๊อส.. ผมจะจัดการเรื่องแคธรีนให้เรียบร้อย…
คำพูดของจิมยังก้องอยู่ในโสตประสาทของทอม บ๊อส เป็นคำที่จิมชอบใช้เรียกหยอกและกระเซ้าเล่นเท่านั้น แต่การพูดคุยกันระหว่างเขากับจิมเมื่อตอนบ่าย ทั้งน้ำเสียงและท่าทีของจิมเหมือนเขาอยู่ในฐานะแค่..บ๊อส..จริงๆ

จิมนั่งคุยและซักถามเขาเรื่องแคธรีนนานกว่าครึ่งชั่วโมง ด้วยสีหน้าจริงจังและเคร่งเครียด ไม่มีการกระเซ้าเย้าแหย่ ไม่พูดคุยนอกเรื่อง จนทอมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นผู้ต้องหาและกำลังถูกสอบปากคำ

…นายนอนกับเธอครั้งแรกเมื่อไร…จำวันเวลาได้มั้ย… กี่ครั้ง… หลังจากนั้นมีติดต่อกันอีกหรือเปล่า ช่วยตอบทุกคำถามเท่าที่จะจำได้เพื่อประโยชน์ของตัวนายเอง

…นี่มันเกิดอะไรขึ้น จิมจะทำเย็นชากับเขาแบบนี้อีกนานมั้ย ไหนจะเรื่องบ้าๆ จากยัยแคธรีนนั่นอีก จู่ๆ ก็มาบอกให้เขารับเป็นพ่อเด็กในท้อง นายแบบสุดฮอทหนุ่มฟ้อหล่อเฟี้ยวอย่างเขาต้องมาตกที่นั่งเป็นพ่อคน มีลูกพร้อมกันทีเดียว 3 - 4 คน โอ ! พระเจ้า…

ดวงตาหนุ่มน้อยเบิกโพลงขึ้นด้วยความตกใจอีกครั้ง รีบคลานเข้าไปประชิดตัวคุณทอมที่ จู่ๆ ก็ปล่อยแก้วร่วงลงจากมือและหงายหลังพิงพนักโซฟาอย่างหมดแรง
"คุณทอมครับ คุณทอม.." เด็กชายร้องเรียกและเขย่าขาทอมด้วยความเป็นห่วง
"อือ… หนวกหู" ทอมปัดมือเด็กชายออก
"บอกให้ไปนอนไง ยังนั่งเกะกะอยู่อีก"
"ผมยังไม่ง่วงครับ ผมจะอยู่รับใช้ ให้ผมนั่งเป็นเพื่อนนะครับ คุณทอม.."
ทอมส่ายหน้าด้วยความรำคาญ
"ตามใจ อยากจะอยู่ก็นั่งเงียบๆ อย่ามาเรียกให้ฉันหนวกหูอีก"
"ครับ"

เด็กชายนั่งก้มหน้านิ่ง ไม่พูดจาให้เป็นที่หนวกหูรำคาญใจอีก นิ่งเงียบไปชั่วครู่ทอมก็เป็นฝ่ายเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ฟังแทบจะไม่รู้เรื่องแล้ว

"อยากมีน้องมั้ย แม็กกี้.."
"หา.. เอ่อ.. อะไรนะครับ" แม็กไม่รู้ว่าตัวเองหูฝาดหรือคุณทอมพูดผิดเพราะเมาจนเกือบจะไม่มีสติแล้ว
ทอมจับศีรษะเด็กชายและก้มลงไปกระซิบข้างหูด้วยน้ำเสียงอ้อแอ้
"อยากมีน้องมั้ย"
แม็กกี้ใจหายวาบ คุณทอมกำลังจะระบายเรื่องที่อยู่ในใจกับแม็กเหรอ จะตอบยังไงดีล่ะ ! ...
"เอ่อ.. น้องเหรอครับ ผมจะมีน้องได้ไง แม่เสียไปแล้วนี่ครับ"
ทอมผละจากเด็กชายเอนหลังพิงพนักโซฟาร์ด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ คำตอบของเจ้าหนูไม่เข้าหูเขา
"ตอบไม่ตรงคำถาม ถามว่าอยากมีมั้ย เด็กที่เกิดจากพ่อคนเดียวกัน ถึงจะคนละแม่..ไม่ได้เป็นพี่น้องกันเหรอ แม็กกี้ หือ…"
เด็กชายตะลึง นึกไม่ถึงว่าคุณทอมจะเข้าประเด็นด้วยคำถามตรงๆ แบบนี้มัวแต่นั่งอึ้งตอบคำถามไม่ทันใจ ทอมเลยโมโหไล่เด็กชายไปนอน
"ไปนอนซะ ฉันอยากอยู่คนเดียว"
"ถ้ามีได้ผมก็อยากมีฮะ จะได้ไม่ต้องอยู่คนเดียว จะได้ไม่เหงาด้วย"
แม็กกี้รีบตอบคำถามจากใจจริง พร้อมๆ กับภาวนาขอให้เป็นคำตอบที่ถูกใจคุณทอม
ทอมระบายยิ้มออกมาเหมือนพึงพอใจ ก่อนจะขยับขึ้นจากพนักส่งยิ้มให้เด็กชาย ซึ่งเจ้าหนูก็ยิ้มตอบแม้จะรู้สึกว่ารอยยิ้มนั้นแปลกๆ ชอบกล
"คงไม่มีเด็กที่ไหนอยากเป็นลูกคนเดียวของพ่อแม่ซีนะ มันคงจะเหงาเหมือน ที่ฉันเป็นอยู่" ทอมพูดเหมือนรำพึงกับตัวเอง ก่อนจะก้มลงไปกล่าวกับเจ้าหนูที่นั่งยิ้มอยู่
"คนเป็น ลูก ก็อยากมีพี่น้อง แต่ถ้าคนเป็น พ่อ ไม่อยากมีลูกขึ้นมาล่ะ ทุกอย่างก็จบใช่มั้ย"
รอยยิ้มของเด็กชายจางลง ไม่เข้าใจว่าคุณทอมต้องการจะบอกอะไรแน่ จึงถามออกไปตรงๆ
"คนเป็น พ่อ ที่ว่า หมายถึง คุณทอมหรือเปล่าครับ คุณทอมไม่อยากมี ลูก เหรอครับ"

คำถามของเจ้าหนูแทงใจทอมอย่างจังจนไม่อาจระงับอารมณ์ไว้ได้ สีหน้าบึ้งตึงตะคอกใส่จนร่างเล็กบางผงะไป
"ใครอยากจะมีกันล่ะ!.. มันน่าสนุกหรือไง อยู่ๆ ก็มีเด็กเดินเข้ามาในชีวิตฉันและอ้างว่าเป็นลูกโผล่มาวันละคนสองคน มาแต่ลูกไม่พอยังมีแม่เด็กมาอีก เธอคิดว่ามันเป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับฉันหรือไง หา!!!!.."

แม็กกี้สะดุ้งเฮือก เคยถูกคุณทอมตะคอกใส่ตอนที่มาแสดงตัววันแรก แต่ก็ไม่น่ากลัวเท่าวันนี้ ไม่รู้สึกเจ็บที่หัวใจเหมือนวันนี้ด้วย ไหนๆ คุณทอมก็โกรธมากแล้วตัดสินใจถามให้รู้เรื่องไปเลยดีกว่า

"ค..คุณทอม หมายถึงผมด้วยหรือเปล่าครับ"   น้ำเสียงสั่นเครือของเด็กชายไม่ได้ทำให้อารมณ์ของทอมเย็นลง
"ถามโง่ๆ!!.. เธอเป็นเด็กคนแรกที่เดินเข้ามาในชีวิตฉัน ทำให้ฉันช็อคกับคำว่า พ่อ แล้วรู้อะไรมั้ย ฉันกำลังช็อคอีกเป็นครั้งที่ 2 เพราะฉันอาจจะกำลังมีลูกกับนางแบบสาวสวยที่ฉันนอนด้วยแค่ครั้งเดียวเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว ให้ตายเถอะ ! .. นี่ฉันคงกำลังมีโชคซีนะ ได้ลาภเป็นสัตว์สองเท้าตั้งหลายตัว เฮอะ!!.."

ทอมไม่มีสติที่จะควบคุมอารมณ์ตัวเองได้แล้ว เขาระบายความอัดอั้นออกมาโดยลืมไปว่าผู้รับฟังเป็นเด็กชายที่ตัวเองจะพิสูจน์ความจริงด้วยในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

ทอมละจากใบหน้าซีดเผือดของเด็กชายหันมารินเหล้าใส่แก้วและกระดกขึ้นดื่ม
"ผมเป็นต้นเหตุให้คุณทอมไม่อยากรับลูกที่อยู่ในท้องคุณผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่าครับ"
คิ้วเรียวขมวดมุ่น ไม่พอใจที่เด็กชายยังเซ้าซี้ถามเรื่องที่เขาไม่สบอารมณ์อยู่แทนที่จะรีบกลับไปนอน
"ถ้าฉันบอกว่า ใช่ ล่ะ .."
ทอมเค้นเสียงถามข้างๆ หูเด็กชาย กลิ่นแอลกอฮอล์คลุ้งจนหนุ่มน้อยต้องเบือนหน้าหนี

"ผมก็อยากจะบอกว่า คุณทอมไม่ต้องพิสูจน์ความจริงกับผมก็ได้ คุณจะได้ไม่รำคาญใจ เด็กที่เกิดมาต้องการพ่อมากกว่าผม จริงๆ แล้วผมไม่ได้อยากเป็นลูกคุณด้วย "
"วะ.. ว่าไงนะ" ทอมจับแขนเด็กชายเขย่า ประโยคสุดท้ายทำให้เขาโกรธจับใจ
"ไม่อยากแล้วมาทำไม ถ่อมาหาฉันถึงนี่ทำไม"
"ผมเคยบอกคุณแล้วว่าต้องการแค่รู้ความจริงเฉยๆ แต่ตอนนี้ผมไม่อยากรู้แล้ว โอย!…" เด็กชายร้องครางเพราะถูกอุ้งมือใหญ่บีบแก้ม 2 ข้างอย่างแรง
"อวดดี!!.. อยากเป็นผู้เสียสละงั้นเหรอ ต้องการแค่รู้ความจริงเฉยๆ ไม่ได้อยากเป็นลูกฉันงั้นเหรอ… ก็ได้… ไสหัวออกไปให้พ้นจากชีวิตฉันเลย อย่ากลับมาให้ฉันเห็นหน้าอีก จะมีลูกทั้งทีก็ต้องเลี้ยงดูกันมาตั้งแต่แรกเกิด ไม่ใช่โตมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ ถึงเป็นลูกจริงๆ ก็ไม่รู้ว่าจะมีความรักให้ได้หรือเปล่า.."

สีหน้าถมึงทึงและดวงตาวาวโรจน์ด้วยอารมณ์โกรธที่รุนแรงของทอม ไม่ได้ทำให้เด็กชายตกใจกลัวเท่าคำพูดที่ออกจากปากเลย

หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 26-01-2010 10:50:50
ทอมปล่อยมือที่บีบแก้มและแขนเด็กชายออกโดยไม่ได้ผลักแม้แต่น้อย แต่ร่างเล็กบางของเจ้าหนูกลับผงะและถดถอยออกอย่างไม่เป็นท่า จนทอมรู้สึกตัวว่าคงจะพูดจารุนแรงจนทำให้เด็กชายหวาดกลัวและตื่นตระหนก อยากจะปลอบอยู่หรอกแต่หัวเริ่มหมุนและตาลายจนนั่งทรงตัวไม่อยู่ ค่อยๆ เอนตัวลงนอนและพยายามเอ่ยกับเด็กชายด้วยน้ำเสียงอ้อแอ้ฟังแทบไม่ได้ศัพท์

"ไปนอน~ ซะ พรุ่งนี้~ค่อยคุยกัน"

คำพูดของทอมนอกจากจะฟังแทบไม่รู้เรื่องแล้ว ยังงึมงำอยู่แค่ในลำคอ ที่เด็กชายได้ยินชัดสองหูมีแค่ 3 คำเท่านั้น

…ไป ซะ พรุ่งนี้…

แม็กกี้ยังคงนั่งนิ่งอยู่ท่ามกลางความเงียบกริบ ได้ยินเสียงคุณทอมหายใจเข้าออกเป็นจังหวะสม่ำเสมอ นี่คงเป็นอาการเมาพับอย่างที่คุณจิมว่าแล้วมั้ง ..

…แปลกจัง ทำไมไม่ได้ยินเสียงหายใจของตัวเองเลย คุณทอมนอนอยู่ห่างออกไปกลับได้ยินชัดสองหู หรือว่าเราไม่ได้หายใจ หัวใจเราคงหายไปแล้วมั้ง…

แม็กกี้ค่อยๆ คลานไปข้างหน้า เมื่อรู้แล้วว่าหัวใจตัวเองหายไปอยู่ที่ไหน

แม็กกี้ยกเท้าคุณทอมขึ้นวางบนโซฟาร์และจัดให้นอนในท่าที่สบาย คุณทอมเป็นผู้ชายคนเดียวที่แม็กรักและเทิดทูนมาตั้งแต่เด็ก การได้มีโอกาสมาพักอาศัยอยู่กับคุณทอมนานถึง 2 เดือน เป็นเรื่องที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน ตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่ แม้จะต้องทุกข์กายอยู่หลายครั้ง แต่ในใจเปี่ยมล้นด้วยความสุขที่ได้มีโอกาสมาอยู่ใกล้ชิดกับคนที่ตัวเองรักและใฝ่ฝันถึง

เด็กชายจับมือทอมขึ้นมาแนบที่แก้ม
"ผมขอโทษครับ~  ผมไม่น่าเข้ามาในชีวิตคุณเลย~  ผมไม่รู้ว่ามันทำให้คุณทุกข์ใจและกลุ้มใจขนาดนี้ ผมไม่อยากให้เรื่องของผมทำให้คุณไม่ต้องการลูกที่อยู่ในท้องผู้หญิงคนนั้น~ "

แม็กกี้น้ำตาไหลพราก เมื่อนึกถึงคำพูดของทอมเมื่อสักครู่
"ฮึก… ผมรักคุณมาตั้งแต่เด็ก.. ตั้งแต่จำความได้ผมก็รักคุณแล้ว ผมรักคุณข้างเดียวมาตลอด และผมก็จะรักคุณแบบนี้ตลอดไป ผมไม่ได้อยากได้ความรักจากคุณ ผมขอแค่ได้รักคุณก็พอครับ.. ฮือ~~"

เด็กชายผวาเข้าซบอกทอมที่อยู่ในสภาพเมาพับไม่ได้สติ
 :m15:  "…ฮือ.. การเลี้ยงลูกต้องเลี้ยงตั้งแต่แรกเกิดจริงๆ เหรอครับ~ อีกไม่นานคุณก็จะมีลูกของคุณเองแล้ว~ ผมดีใจด้วย.. ฮึก~ ฮือ~"

"อือ…" ทอมขยับตัวและส่งเสียงครางเบาๆ

เด็กชายรีบผละออกและถอยห่างออกมา นั่งเฝ้ามองอยู่สักพักก็ลุกขึ้นวิ่งไปที่ห้องนอนตัวเองหยิบผ้าห่มออกมาคลุมร่างที่นอนเหยียดยาวอยู่บนโซฟา ก่อนจะทรุดตัวลงสวมกอดทอมอีกครั้ง

…ไปซะ.. ไสหัวออกไปให้พ้นจากชีวิตฉันเลย อย่ากลับมาให้ฉันเห็นหน้าอีก…ไปซะ..พรุ่งนี้…

เด็กชายจูบลาทอมที่แก้ม 1 ครั้ง และกระซิบบอกลาข้างหู
  :m15:   "ลาก่อนครับคุณทอม.. ไม่ต้องกลุ้มใจเรื่องของผมอีกแล้วนะครับ ผมสัญญาว่าจะไม่กลับมาให้คุณเห็นหน้าอีก…"


 :m15:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 26-01-2010 12:17:00
แอรยส

เจ้หมวย ใจร้ายที่สุด

สงสารแม็กกี้
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 26-01-2010 12:55:21
เพิ่งเข้ามาอ่านเรื่องนี้ครั้งแรกอ่ะ

ขอระบายหน่อยยยยยยยยย

โฮ้ๆๆ เรื่องนี้นอกจากจะทำร้ายร่างกายและจิตใจเด็กแล้ว

ยังทำร้ายจิตใจคนอ่านด้วยอ่า

สงสารน้องแม๊กกี้ มาอยู่กะเจ้ดีกว่า มาม่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 26-01-2010 13:03:02
 :sad4:  พูห์น้อยค้า~  มัยมาว่าเจ๊หมวยใจร้ายอ่ะ  ไปว่าทอมดิ

น้องๆ อินกันรุนแรงจังเลยเนอะ :try2:  เจ๊หมวยไม่กล้าโพสต่อเลย

เนื้อเรื่องมันเป็นอย่างนี้เอง  เจ๊หมวยรู้ว่ามันทำร้ายจิตใจ   นิยายเจ๊หมวยแต่ละเรื่องบีบหัวใจคนอ่าน   แต่ทุกคนต้องอดทน 

... ไม่มีใครต้องร้องไห้ตลอดไป   สักวันก็ต้องยิ้มและหัวเราะได้ ...
... มีกลางคืนก็ต้องมีกลางวัน...   
... มีวันฟ้าหม่น  ก็ต้องมีวันฟ้าใส ...
  :try2: แหะ ๆ  เกี่ยวกันมั้ย

อ่านนิยายเจ๊หมวย  ต้องเข้มแข็ง อดทน  ใครคิดว่าทนไม่ไหว  เจ๊หมวยขอให้พักยกไปตั้งสติก่อน แล้วค่อยกลับมาอ่านใหม่ 

แต่อย่ายกธงยอมแพ้เป็นอันขาด   :m8:

ผ่านเรื่อง fatherhood  กันมาแล้ว  เรื่องนี้ จิ๊บ ๆ น่า ~

อย่ายอมแพ้  สู้ๆ นะ ทุกคน


 :a2:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: tatum1234 ที่ 26-01-2010 14:38:33
 :serius2:ม่ายยยยยยน๊า...ทำไมๆใจร้ายเยี่ยงนี้อ่า


 :o12:แม็กกี้กกกกก...แง๊งงงงงงงง
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 26-01-2010 15:03:09
คุณ tatum ค้า~ 
อย่าไปค่า  กลับมาก่อน~~~~

กลับมา ๆ    :เฮ้อ:  ฮู้ว~

เข้มแข็งกันหน่อยพวกเรา 

จะเอาเรื่องนี้มาโพส  เจ๊หมวย คิดแล้วคิดอีก ก็เพราะเหตุนี้แหล่ะ..
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: จุ๊บจิ๊บจ๊ะจ๋า ที่ 26-01-2010 15:36:45
 :o12: :o12: :o12:

น่าสงสาร

รอตอนต่อไปนะจ๊ะเจ๊หมวย

ต่อเลยนะจ๊ะ :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: kungyung ที่ 26-01-2010 19:50:57
 :m15: :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 26-01-2010 20:20:44
เจ้หมวยขา พวกหนูจะอดทน :m15:

มาต่อเลยค่ะ รับได้ถูกอย่าง

แต่ยังยืนยันคำเดิม แม๊กกี้มาอยู่กะเจ้เถอะ มาม่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 26-01-2010 21:11:32
จริงแฮะ...ผ่าน fatherhood กันมาแล้ว...กะอีแค่นี้...
แต่! แต่! ...มันบีบหัวใจคับเจ๊ :o12:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 26-01-2010 22:00:08
กลับมา ต่อ เด๋ว นี้ เรยนะ เจ้    :serius2:


ตัด ตอน แบบ นี้ เอา มี มาแทง กัล เรย ดี ก่า   :beat:

ค้าง อย่างรุน แรง    :z3:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 26-01-2010 22:36:49
จิมกลับถึงบ้านเกือบตี 1 ทอมเมาหลับอยู่ที่โซฟาในสภาพที่เห็นแล้วอดยิ้มด้วยความรู้สึกเอ็นดูไม่ได้ ไม่ใช่ทอมที่เขารู้สึกเอ็นดูแต่เป็นเจ้าหนูแม็ก.. นี่คงนั่งเฝ้าทอมจนเมาพับไปอย่างที่เขาสั่งไว้จริงๆ และยังอุตส่าห์เอาผ้ามาห่มให้ด้วย กลัวว่าที่คุณพ่อสุดหล่อจะเป็นหวัดหรือไง แม็กกี้..

จิมดึงผ้าห่มที่คลุมร่างทอมออกและนำไปคืนเด็กชายที่ห้อง เขาหมุนลูกบิดประตูโดยไม่เคาะเรียกเพราะตั้งใจจะเข้าไปเงียบๆ และห่มผ้าให้ แต่ปรากฎว่าห้องล็อค ทำให้แว่บถึงเหตุการณ์ในคืนวันที่เขาเมาจนขาดสติ นึกถึงทีไรรู้สึกละอายใจและโกรธตัวเองมาก

ดึกป่านนี้เจ้าหนูคงหลับปุ๋ยไปแล้ว อากาศก็อ้าวๆ ห้องไม่มีแอร์ไม่ห่มผ้าคงไม่เป็นไร จิมวางผ้าห่มไว้ที่พื้นหน้าห้องเด็กชายและกลับไปที่ห้องพักผ่อน แบกทอมซึ่งหลับไหลไม่ได้สติพาขึ้นไปนอน ตลอดทางเขาต้องพึมพำเตือนตัวเองว่า
"พาเจ้านายไปนอน.. พาเจ้านายไปนอน.."


 :m5:


...เกือบตี 3 แล้ว.. แต่เด็กชายยังนอนตาค้างอยู่ เพราะทุกครั้งที่หลับตาจะเห็นใบหน้าถมึงทึงของคุณทอมเกรี้ยวกราดใส่ด้วยความโกรธ หนุ่มน้อยขยับศีรษะไปมากับหมอนเพื่อหาที่แห้งๆ หนุนนอน แต่ขยับไปทางไหนก็เปียกชุ่มไปหมด  จนต้องดึงหมอนออกมาสวมกอดไว้แทน

แม็กกี้เก็บเสื้อผ้าชุดเก่าและของใช้ส่วนตัวที่เป็นของตัวเองจริงๆ รวมถึงสมุดบันทึกด้วยใส่กระเป๋าเป้ไว้เรียบร้อยแล้ว แม็กเขียนจดหมายฝากให้คุณทอมหนึ่งฉบับ เพราะไม่มีโอกาสลาด้วยคำพูดก็ต้องลาด้วยตัวหนังสือ

แม็กกี้หยิบกระดาษที่อยู่ญาติของแม่ขึ้นมาอ่านดูอีกครั้ง น้าเอ๊ดดี้เคยอธิบายให้ฟังแล้วว่าต้องไปขึ้นรถที่สถานีขนส่งสายใต้ หารถนั่งไปที่จังหวัดสุราษฎ์ฯ ก่อนแล้วค่อยต่อเรือไปอีกที แม็กไม่รู้ว่าจะไปถูกหรือเปล่าแต่ก็ต้องเสี่ยงไป กรุงเทพฯ ไม่เคยมายังมาได้เลย ถึงเวลาต้องไปแล้ว …สัญญาต้องเป็นสัญญา…

แม็กรู้ว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเดินออกจากบ้านแม็คกิลล์ไปพร้อมกระเป๋าเป้โดยไม่มีใครท้วงถาม เพราะฉะนั้นทางเดียวที่จะออกไปได้คือ ต้องแอบหนีไป…


 :m15:


"เข้ามา"

สาวใช้แววโผล่หน้าเข้ามาก่อนเพื่อดูว่าคุณจิมอยู่ในสภาพใด เพราะหลายครั้งที่เธอเดินเข้ามาในห้องทั้งๆ ที่ได้รับอนุญาตแล้วก็ตาม กลับพบคุณจิมอยู่ในสภาพเกือบเปลือยบางครั้งสวมกางเกงในเพียงตัวเดียว มันทำให้เธอแอบเก็บไปนอนฝันหวานอยู่หลายคืน เกือบจะเผลอเรียกนายเอ๊ดเป็นคุณจิมตั้งหลายครั้ง ดีว่ายั้งปากไว้ทัน

แววถอนใจโล่งอกเมื่อพบคุณจิมอยู่ในชุดเสื้อคลุม คงเพิ่งอาบน้ำเสร็จ คุณจิมตื่นเช้าเป็นนิสัย ไม่ว่าจะนอนดึกขนาดไหนก็จะตื่นไม่เกินหนึ่งโมงเช้า ผิดกับคุณทอมนอนดึกมากน้อยแค่ไหน ถ้าให้ตื่นเองโดยไม่ต้องปลุก ไม่เคยตื่นก่อนเที่ยง

"มีอะไรแต่เช้า แวว.."
"มีจดหมายถึงคุณทอมค่ะ"
จิมหัวเราะในลำคอ เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าเลือกหาชุดที่จะสวม
"จดหมายคุณทอมก็รอให้คุณทอมตอนเขาตื่นซี บ๊องส์ใหญ่แล้วนะ แวว.."
"เอ่อ.. แต่ว่า.. มันเป็นจดหมายจากแม็กกี้ค่ะ"
จิมใจหายขึ้นมาทันที หันไปดึงจดหมายในมือสาวใช้มาพลิกดู
"พวกเราเรียกหาแม็กกี้รอบบ้านแล้วค่ะ พบจดหมายฉบับนี้อยู่ใต้หมอน ก็เลย…"
สาวใช้แววหยุดรายงานแต่เพียงเท่านี้เพราะจิมไม่ยืนรอฟังเธอพูด วิ่งพรวดออกไปจากห้องแล้ว…

 :sad11:

จิมเข้ามาในห้องเด็กชายสำรวจข้าวของของเจ้าหนูด้วยตัวเอง เสื้อผ้าที่เขาซื้อมาฝากเมื่อ 2 วันก่อนยังแขวนอยู่เรียบร้อย ดูแล้วแทบจะไม่มีอะไรหายไปจากห้องเลย เป็นเพราะตอนมาเด็กชายมีเพียงกระเป๋าเป้ใบย่อมๆ 1 ใบ มีเสื้อผ้ามาเปลี่ยนแค่หนึ่งชุด เขายังจำสภาพมอซอของเจ้าหนูในวันแรกได้ติดตา เสื้อยืดกางเกงยีนส์และรองเท้าผ้าใบเก่าๆ นั่นคือของใช้ส่วนตัวของเด็กชายจริงๆ ซึ่งตอนนี้ไม่มีอะไรเหลืออยู่ให้เห็นต่างหน้าแล้ว

…เกิดอะไรขึ้น แม็กกี้.. ทำไม.. ทั้งๆ ที่มาถึงวันนี้แล้วแท้ๆ หรือเป็นเพราะเธอรู้เรื่องลูกในท้องของแคธรีน จึงต้องการหลีกทางให้…

"เด็กโง่.. บอกแล้วใช่มั้ยว่ามันเป็นปัญหาที่ฉันจะจัดการเอง ทำไมไม่อดทน แม็กกี้.. อีกแค่ 2-3 วันเอง แท้ๆ"

จิมทรุดตัวลงบนเตียงอย่างอ่อนแรง ถ้าเป็นเมื่อหนึ่งเดือนก่อนเขาคงโล่งใจที่เด็กชายซึ่งเป็นขวากหนามในการก้าวไปสู่เวทีนายแบบโลกของทอมจากไปแล้ว แต่วันนี้ ไม่ใช่.. ความรู้สึกของเขาในขณะนี้คือ เสียใจอย่างมาก…

เขาได้แอบไปตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างทอมกับเด็กชายมาแล้ว และเพิ่งรู้ผลเมื่อวาน ตั้งใจจะบอกแต่ไม่มีโอกาส หนำซ้ำทอมยังกลับมาในสภาพเหมือนนกปีกหัก ลูกในท้องของแคธรีนเป็นปัญหาใหญ่ที่ร้ายแรงมากสำหรับทอม เขาจำต้องเก็บเรื่องของแม็กกี้ไว้รอให้ปัญหานี้คลี่คลายลงเสียก่อน หรือเมื่อทอมพร้อมจะพาเด็กชายไปหาความจริงเมื่อไร ก็กะว่าจะยื่นผลตรวจให้ดูตอนนั้นเลย

"ผลการตรวจดีเอ็นเอจากเซลล์เส้นผมสองชุดนี้ มีความสัมพันธ์กันครับ ถ้าชุดที่สองเป็นของเด็กตามที่พี่ระบุมา ชุดที่หนึ่งก็คือพ่อของเด็กแน่นอน งานลับๆ แบบนี้อย่ามีมาบ่อยนะครับพี่จิม.. ว่าแต่ว่า… ชุดที่หนึ่งใช่ของพี่หรือเปล่า?.."

…โอ! พระเจ้า.. ขนาดเขายังเสียใจ แล้วทอมล่ะ… ถ้าทอมรู้ความจริงเรื่องแม็กกี้จะเสียใจมากกว่าที่เขารู้สึกกี่เท่า…


 o7

หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 26-01-2010 22:52:25
….ถึงคุณทอมที่เคารพรักของผม..  :m15:

…ผมเสียใจมากครับ ที่เข้ามาทำให้ชีวิตของคุณทอมวุ่นวายไม่สงบสุข ผมคิดได้แล้วว่าระหว่างคุณทอมกับผมไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ความจริงหรอกครับ คุณทอมเป็นพ่อของผมตั้งแต่ผมจำความได้แล้ว จนถึงวันนี้และวันข้างหน้าคุณทอมก็ยังเป็นพ่อของผมตลอดไปอยู่ดี ถ้าพิสูจน์แล้วเกิดไม่ใช่ผมต้องเสียใจตายแน่ เพราะผมเลิกรักคุณไม่ได้แล้ว…

…จริงอย่างที่คุณทอมพูดครับ มีลูกทั้งทีก็ต้องเลี้ยงดูกันมาตั้งแต่แรกเกิด เด็กโตแล้วอย่างผมถึงเป็นลูกจริงๆ ก็ไม่มีสิทธิเรียกร้องความรักจากคุณหรอก ผมขอจากไปเพื่อตัดปัญหาเรื่องวุ่นวายของผม คุณทอมจะได้รับลูกในท้องของผู้หญิงคนนั้นด้วยความสบายใจ ผมไม่เสียใจที่ตัดสินใจแบบนี้ เพราะทำให้เด็กที่กำลังจะเกิดมาอีก 1 คนไม่ต้องมีชีวิตเหมือนผม ผมอยากให้เขาได้มีโอกาสอยู่กับพ่อตั้งแต่เกิด เขาจะได้รับความรักจากพ่อมากๆ…

…ขอบคุณมากครับที่ให้โอกาสผมได้อยู่ใกล้ชิดด้วยถึง 2 เดือน ผมจะไม่ลืมเลยตลอดชีวิตนี้ ผมสัญญาว่าตั้งแต่วันนี้ไปจะไม่กลับมาให้คุณทอมเห็นหน้าอีก…

…รักมากครับ….
 :m15:
แม็กกี้..  



จิมยืนนิ่งเตรียมพร้อมรอรับสถานการณ์และอารมณ์ของบ๊อสทอม ที่กำลังอ่านจดหมายของเด็กชายในสภาพที่ยังงัวเงียเพราะเพิ่งตื่นนอน จริงๆแล้วมันไม่ใช่เวลาที่เขาควรจะยื่นจดหมายให้อ่าน แต่เป็นเพราะทอมเรียกหาเด็กชายทันทีที่รู้สึกตัว บอกว่ามีเรื่องต้องคุยค้างต่อจากเมื่อคืน

ทอมอ่านจดหมายทวนไปมาถึง 3 รอบ พร้อมๆ กับนึกทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไปด้วย นึกออกบ้างไม่ออกบ้างจนปวดหัวตึบ แม้ในใจจะรู้สึกเหมือนสูญเสียและเจ็บปวดแต่ที่แสดงออกมากลับเป็นอารมณ์โกรธ

"หึ!.. เด็กบ้า!!.. ทั้งบ้า ทั้งโง่.. อยากจะเป็นผู้เสียสละยังงั้นเหรอ คิดว่าไปจากฉันแล้ว ฉันจะยอมรับเด็กในท้องแคธรีน ฝันไปเถอะ แม็กกี้.. ฉันไม่รับใครเป็นลูกทั้งนั้นรวมทั้งตัวเธอด้วย ไปให้พ้นซะได้ก็ดี เด็กโง่!!.."

ทอมขยำจดหมายเขวี้ยงลงพื้น ก่อนหงายหลังลงบนที่นอนเอามือกุมศีรษะไว้เพราะรู้สึกเหมือนสมองจะระเบิดออก
"โอย…ปวดหัว จิม.. ช่วยด้วย..ปวดหัว~ หัวจะระเบิดอยู่แล้ว…โอย~ ฮึก.."

จิมส่ายหน้าไม่เชื่อว่าทอมปวดหัวมากถึงขนาดน้ำตาไหล บอกว่าปวดใจจะน่าเชื่อกว่า... เขาเดินเข้าห้องน้ำหยิบผ้าขนหนูชุบน้ำเย็นมาวางที่หน้าผากทอม ก่อนจะกดโทรศัพท์สั่งสาวใช้ให้ยกอาหารขึ้นมา
"ทานอะไรรองท้องก่อนแล้วค่อยทานยานะ"

จิมใช้สองมือบีบนวดที่ขมับและศีรษะให้ทอมซึ่งยังนอนหลับตานิ่ง ไม่ร้องโอดครวญแล้วแต่น้ำใสยังไหลจากหางตาเป็นทาง จิมใช้นิ้วเกลี่ยซับให้เบาๆ นี่ขนาดยังไม่รู้ผลพิสูจน์ ยังเจ็บเพียงนี้เลยนะทอม.. ถ้ารู้ล่ะ..

"ฉันไม่ควรดื่มมากเลย.." ทอมเอ่ยประโยคแรกหลังจากนอนนิ่งอยู่นาน
"ไม่เคยปวดมากขนาดนี้เลย.."
"ใช่.. คราวหน้าอย่าดื่มมากแบบนี้อีกนะ นอกจากจะไม่ดีต่อสุขภาพแล้ว การพูดจาหรือการกระทำตอนที่เราขาดสติ มักเป็นเรื่องไม่ดีเสมอ"
ทอมลืมตาขึ้นก็สบสายตากับจิมที่จ้องมองอยู่ ทอมคิดว่าจิมจงใจแขวะจึงปัดมือออกและลุกขึ้นนั่งหน้างอ
"นายว่าฉันหรือ จิม.. คิดว่าเป็นเพราะฉันพูดหรือทำอะไรให้เด็กเสียใจจนต้องหนีไปงั้นเหรอ.."
"เปล่านะ ทอม.. ฉันว่าตัวเองต่างหาก เพราะฉันเคยเมาจนขาดสติและทำเรื่องเลวๆ กับแม็กกี้มาแล้ว"
"แต่ฉันไม่ได้ทำแบบนาย ไม่ได้ทำอะไรเลย ฉันจำได้ว่าฉันไม่ได้ทำอะไร แค่นั่งคุยกันเฉยๆ แค่คุย…"
ทอมพยายามนึกทบทวนเหตุการณ์ขณะนั่งคุยกับแม็กกี้ เขาพูดอะไรออกไปบ้างนะ ที่เจ้าหนูเขียนบอกในจดหมายเขาเป็นคนพูดจริงเหรอ..

ทอมปวดหัวจี๊ดขึ้นมาอีก เขาจำไม่ได้จริงๆ ว่าตัวเองพูดอะไรแบบนั้นออกไป …เด็กบ้า!.. ทำไมไม่รอคุยกันให้รู้เรื่องก่อน อยากมาก็มา นึกจะไปก็ไป เห็นฉันเป็นคนไม่มีหัวใจหรือไง…

 o7

"ผมตัดสินใจให้เลยไม่ได้หรอกครับ ต้องปรึกษาคุณทอมก่อนว่าจะรับหรือเปล่า ถึงจะเป็นการกุศลก็เถอะ คุณทอมไม่ชอบงานแสดงครับ อีกอย่างเขาต้องเตรียมตัวเข้าประกวดนายแบบโลกอีก 2 อาทิตย์ที่จะถึงนี้ เกรงว่าจะไม่มีเวลา ถ้ายังไงผมจะแจ้งกลับไปให้ทราบอีกครั้ง "
จิมตัดบทการสนทนาทางโทรศัพท์เมื่อเห็นทอมรู้สึกตัวและขยับลุกขึ้นนั่ง   ถึงจะอยู่ในสภาพงัวเงียผมเผ้ากระเซิงแต่สีหน้าดีขึ้น คงหายปวดหัวแล้วเพราะได้ยาระงับไป
"ตื่นแล้วเหรอ.. หายปวดหัวหรือยัง หือ.."

ทอมพยักหน้าหงึก สีหน้าเรียบเฉยแต่ดวงตามีแววครุ่นคิดอย่างหนัก   จิมทรุดตัวลงนั่งข้างๆ ใช้มือเสยผมกระเซิงของทอมให้เข้ารูปทรง หน้าที่ของเขาจริงๆ แล้วเป็นเพียงผู้จัดคิวงานให้ แต่ที่ผ่านมาเขาทำทุกอย่างที่ทอมออกปาก  แม้ไม่ใช่คำสั่งเขาก็ทำให้ด้วยความเต็มใจ บางครั้งเหมือนเป็นเลขาส่วนตัวบางครั้งก็เหมือนคนรับใช้

"จะให้ตามมั้ย ทอม.." จิมเอ่ยถามสั้นๆ เขารู้ว่าทอมเข้าใจความหมาย
คิ้วเรียวขมวดมุ่นและคลายออกในทันที
"ตามทำไม นึกอยากจะมาก็มา อยากไปก็ไป ช่างปะไร ฉันไม่สนใจ ปัญหาปวดหัวยังมีอีกหลายเรื่อง"
"ถ้าหมายถึงเรื่องแคธรีน ฉันคุยกับเธอแล้ว ให้เวลาเธอไปไตร่ตรองใหม่"
"หมายความว่าไง"
"ฉันถามเธอว่า แน่ใจหรือเปล่าว่า ทอม แม็คกิลล์ เป็นพ่อของเด็กในท้อง"
"ว่าไงนะ!! ถามแบบนี้เธอไม่โกรธเหรอ"
"ทำไมต้องกลัวเธอโกรธด้วย เธอต่างหากที่ต้องกลัวฉันจะโกรธ ฉันแค่บอกให้เธอไปนับดูใหม่ว่าเธอนอนกับใครก่อนและหลังนาย คนไหนใกล้เคียงกับอายุเด็กในท้องมากที่สุด ถ้ายังแน่ใจว่าเป็นนายค่อยกลับมาคุยกันใหม่"
ทอมนั่งอึ้งมองชายหนุ่มตรงหน้าซึ่งสูงวัยกว่าถึง 8 ปีอย่างรู้สึกทึ่ง จิมกำลังพยายามหาทางปกป้องเขาจากสถานการณ์เลวร้ายนี้ให้ผ่อนหนักเป็นเบาลง
"เอ่อ.. แล้วถ้าเกิดเธอกลับมายืนยันว่าใช่ล่ะ"
"ถ้าเธอยังยืนว่าใช่.. ฉันจะเสนอให้เธอหลบไปอยู่เมืองนอกจนกว่าจะคลอดลูก.. นายจะรับเป็นพ่อเด็กก็ต่อเมื่อได้พิสูจน์แล้วว่าใช่.. แต่ถ้าไม่ใช่.. เธอจะต้องชดใช้ค่าเสียความรู้สึกของทอม แม็คกิลล์ อย่างสาสม นอกจากเธอจะไม่ได้อยู่ในวงการนี้อีกต่อไปแล้ว อาจมีชีวิตที่ตกต่ำลงก็ได้"
"พิสูจน์.. อีกแล้วเหรอ.." ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันอย่างรู้สึกเจ็บปวด แต่เพียงแว่บเดียวก็ระบายยิ้มออกมา
"ไม่อยากเชื่อเลยว่านายขู่เธอกลับไปได้"
"เงื่อนไขก็คือ ทอม แม็คกิลล์ จะรับเป็นพ่อเด็กตามกฎหมายเท่านั้น ส่วนตัวเธอ.. นายอยากได้เป็นภรรยามั้ย"
ทอมรีบสั่นศีรษะปฏิเสธ สีหน้าหวาดกลัวอีกต่างหากทำให้จิมรู้สึกขัน
"ฉันปฏิเสธไปแล้วว่านายไม่ขอข้องเกี่ยวกับเธออีก ส่วนเด็กเธอจะเลี้ยงดูเองก็ได้ แต่ถ้าเธอไม่ต้องการนายก็ต้องรับมา"
"หา... รับมา.. ล้อเล่นใช่มั้ย.."
"ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะ ทอม.. ถ้านายเป็นพ่อเด็กจริงก็ต้องเลี้ยงดูเขา ถึงเด็กจะเกิดขึ้นจากพ่อและแม่ที่ไม่ได้มีความรักให้กัน แต่เมื่อเขาเกิดมาแล้ว เขาต้องการความรักในฐานะลูกเหมือนเด็กทุกๆ คน ฉันเชื่อว่านายทำได้ ทอม.. นายเป็นพ่อของลูกเล็กๆ ได้อย่างสบาย ไม่ต้องห่วงว่าใครจะวิจารณ์หรือนินทาลับหลัง ไม่เหมือนกับ…"
"พอแล้ว พอ!!.. ฉันไม่อยากฟัง ไม่ต้องไปเปรียบกับเด็กโง่นั่น…"
ทอมแสดงอาการโกรธแค้นและชิงชังเด็กชาย แต่หารู้ไม่ว่าสีหน้าและดวงตาคู่สวยส่อแววเจ็บปวดและเสียใจเห็นๆ
"ฉันอุตส่าห์เอ็นดูแล้วแท้ๆ กลับทำอวดเก่ง อยากเป็นผู้เสียสละยอมไปจากฉันเพราะอยากให้ฉันรับเด็กในท้องแคธรีนเป็นลูก ไร้สาระสิ้นดี เด็กบ้า!! เด็กโง่!! ฉันเกลียด.."

จิมปิดปากเทพบุตรทอมไว้ได้ทัน เมื่อรู้สึกว่าอีกฝ่ายสงบอารมณ์ลงจึงปล่อยมือ ทอมนั่งนิ่งอยู่ชั่วครู่ก็ออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชา
"ไม่ต้องใส่ใจเรื่องแม็กกี้อีกต่อไปแล้วนะ จิม.. กลับไปแล้วก็จบกัน ไม่ต้องตามหรอก พิสูจน์ออกมาก็อาจจะไม่ใช่ ถึงตอนนั้นก็ต้องจากไปอยู่ดี"

จิมใจหายวาบ อยากจะบอกความจริงแต่กลัวทอมรับปัญหาไม่ไหว รอให้เรื่องแคธรีนจบลงด้วยดีก่อนดีกว่า
"ตามใจนะ ทอม.. แล้วแต่นายจะสั่ง ขอคุยเรื่องงานต่อนะ ตั้งแต่วันนี้ไปฉันอยากให้นายลืมปัญหาต่างๆ ให้หมด ทำใจให้สบาย นายต้องเข้าคัดเลือกรอบสุดท้ายในอีก 2 อาทิตย์ วันเสาร์นี้จะนัดซ้อมใหญ่ ช่วยยืนยันกับฉันอีกครั้งได้มั้ยว่านายยังต้องการเดินไปสู่จุดหมายที่ตั้งไว้"
"แน่นอนซี จิม.. มาถึงขนาดนี้แล้ว หยุดได้ไง"
"โอเค.. ถ้างั้นจำไว้เลยว่าตอนนี้นายไม่มีปัญหาอะไรทั้งนั้น ทุกเรื่องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉันจัดการเอง"
"ขอบใจนะ จิม.. ขอบใจมาก ฉัน ร.. เอ่อ.."    ทอมชะงักคำพูดไว้แค่นั้นเพราะนึกขึ้นได้ว่าจิมไม่เหมือนเดิมแล้ว เขาไม่ควรเอ่ยประโยคนั้นอีก
จิมเลิกคิ้ว
"นอนพักต่ออีกหน่อยก็ได้นะ วันนี้ฉัน Cancel งานหมดแล้ว"
จิมออกจากห้องไปโดยไม่มีคำพูดและการกระทำหยอกเย้าเหมือนก่อน มันน่าจะทำให้ทอมรู้สึกดีและสบายใจ หากแต่ความรู้สึกขณะนี้กลับโดดเดี่ยวและอ้างว้างเหมือนถูกทอดทิ้งให้อยู่เพียงลำพัง

…จิมมี่คนเดิมหายไปจากชีวิตของเขาแล้ว ไหนจะเจ้าเปี๊ยกนั่นอีก อุตส่าห์หลงเอ็นดูแล้วแท้ๆ นึกอยากจะไปก็ไป ทุกคนเห็นเขาเป็นคนไม่มีหัวใจกันหมด…

ทอมมองจดหมายเด็กชายที่ถูกเขาขยำและเขวี้ยงทิ้งไปเมื่อครู่ จิมคงเก็บมันขึ้นมาและวางคืนให้ที่หัวเตียง ทอมหยิบจดหมายขึ้นมาทำท่าจะเปิดอ่านแต่แล้วก็เปลี่ยนใจสอดเข้าไปใต้หมอนก่อนจะล้มตัวลงนอนทอดอาลัยกับปัญหาวุ่นวายที่ทับถมเข้ามาในชีวิต…

 :sad2:


เอาให้สุดๆ กันไป 

TBC >>>>>>>> พรุ่งนี้

 :o12:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: nithiwz ที่ 27-01-2010 02:36:58
ดูวุ่นวายจริงๆ  สุดท้ายหนูแม็กกี้ก็ผละออกไปจากชีวิตจริงๆ เสียแล้ว
เศร้าอ่ะคับ  รอว่าจะลงเอยยังไง  :m15:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 27-01-2010 04:12:17
ทอมเมื่อไรจะเลิกทำตัวเป็นเด็กซะทีล่ะ

เป็นพ่อคนแล้วนะ โธ่แม๊กกี้เตลิดไปไหนแล้วก้อไม่รู้

รออ่านตอนต่อไป รอลุ้นไม่ให้ชีวิตแม๊กกี้รันทดไปกว่านี้
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: a_tapha ที่ 27-01-2010 09:07:21
 :sad4:  ม่ายเอาแล้ว

หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 27-01-2010 09:21:43
ฮือๆๆๆ

จะใจร้ายกันไปถึงไหน

เอาแม็กกี้ของผมคืนมาน่ะ











เค้าจะเอามาเหยาะไข่ดาว

ฟิ้วววว
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 27-01-2010 11:47:15
บทที่ 10
“ ฝั น ร้ า ย ของเทพบุตร ”

-----------------------


จิมประหลาดใจเมื่อเห็นสาวใช้ถืออุปกรณ์ทำความสะอาดออกมาจากห้องพักของเด็กชาย  คำตอบที่ได้รับทำให้เขารู้สึกสะท้อนใจ
“คุณทอมสั่งให้ทำความสะอาดทุกวันค่ะ”
..ไม่ให้ตามแล้วสั่งให้ทำความสะอาดทำไมล่ะทอม.. เผื่อว่าเด็กอาจจะกลับมาเองในวันใดวันหนึ่งยังงั้นเหรอ…
จิมดูเวลาที่ข้อมือ  …สายป่านนี้แล้วทอมยังไม่ลงมา  ย้อนกลับขึ้นไปตามก็พบเทพบุตรของเขาก้าวออกจากห้องด้วยท่าทีอ่อนระโหย
“ไม่สบายหรือเปล่าทอม.. สีหน้าไม่ดีเลย”
“เปล่า.. ฉันโอเค..”
“ทำไมหน้าเซียวจัง นอนไม่หลับเหรอ”
“อือ.. นอนกลางวันมากไป เมื่อคืนเลยนอนไม่ค่อยหลับ”
“ถ้างั้นเดี๋ยวงีบหลับในรถล่ะกัน ถึงแล้วฉันจะปลุก”
ทอมพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย จิมเห็นสภาพแล้วชักไม่แน่ใจว่างานถ่าย Outdoor วันนี้จะไปรอดหรือเปล่า ไม่ใช่วิสัยของทอมที่นอนกลางวันแล้วจะนอนไม่หลับตอนกลางคืน

...นอนไม่หลับเพราะคิดมากเกินไปหรือเปล่า ทอม...


 :m28:


จิมตกใจเมื่อเห็นทอมมีสีหน้าไม่ดีขณะเดินออกจากห้องน้ำ รีบตรงเข้าไปประคองพามานั่งที่เตียง
“เป็นอะไร ทอม.. ท้องเสียเหรอ..”
ทอมส่ายหน้า
“วันนี้งานที่ไหน แดดร้อนหรือเปล่า สองวันติดกันฉันไม่ไหวนะ”
จิมไม่สนใจคำถาม ทรุดตัวลงนั่งข้างๆ
“หน้าซีดอย่างนี้จะทำงานได้ยังไง นายต้องขายหน้าตานะ ไม่สบายใจอะไรหรือเปล่า หือ..”
จิมลอบถอนใจ ...ขณะเขาพูดสติของทอมยังไม่อยู่กับตัว ใจลอยไปอยู่ไหนก็ไม่รู้...
“ทอม.. ทอม..”
ทอมสะดุ้ง  “หือ.. อ.. อะไร..”
จิมใช้สองมือเสยเรือนผมเทพบุตรแสนรัก  เขาเคยปฏิบัติกับทอมยังไง ทุกวันนี้ก็ยังเหมือนเดิม เพียงแค่ห้ามใจตัวเองไม่ให้คิดหรือกระทำใดๆ เกินเลยเหมือนก่อนเท่านั้น
“ไม่สบายใจใช่มั้ย เมื่อคืนก็นอนไม่หลับอีกใช่หรือเปล่า”
“เอ่อ..” ทอมพยักหน้าหงึก
“บอกฉันซิว่าไม่สบายใจเรื่องอะไร เป็นห่วงเรื่องแคธรีนกับลูกในท้องของเธอหรือเปล่า..”
“เปล่า.. ฉัน.. ฉันฝันร้าย” น้ำเสียงของทอมแหบพร่า ดวงตาคู่สวยส่อแววกังวลและเป็นทุกข์
“ฝันร้าย.. คิดมากเกินไปรู้มั้ยถึงฝัน”
“นายรู้เหรอว่าฉันฝันอะไร..”
“ไม่รู้หรอก รู้แต่ว่าความฝันของคนเรามาจากจิตใต้สำนึกของตัวเอง ฝันร้ายของนายเป็นสิ่งที่นายกังวลและนึกถึงอยู่ใช่มั้ย”

ทอมเบือนหน้าหนีสายตาจิมที่จ้องมองอย่างรู้ทัน เขาไม่เคยปิดบังความรู้สึกของตัวเองกับจิมได้เลย แค่สบตาด้วยอีกฝ่ายก็มองทะลุไปถึงหัวใจเขาได้แล้ว   ทอมลุกขึ้นเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า

“ช่างเถอะ ก็แค่ฝัน ไปทำงานดีกว่า วันนี้ใส่ชุดไหนดี จิม..”

จิมส่ายหน้าเมื่อทอมตัดบทไม่คุยดื้อๆ  เขาเดินเข้าไปเลือกชุดสบายๆ ให้ หันกลับมาก็พบทอมในสภาพเปลือยกำลังสวมกางเกงใน เขาถือชุดรอด้วยอาการนิ่งเฉย   ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงแกล้งกระเซ้าด้วยการสวมกอดและช่วยแต่งตัวให้แล้ว
ทอมรับชุดไปสวมไม่พูดไม่จา จิมนิ่งมองไม่เซ้าซี้ถามต่อ เขารู้ว่าทอมมีเรื่องกังวลและนึกถึงใครอยู่ แต่เมื่อทอมไม่อยากบอกเขาก็จะไม่ถาม เหลือเวลาอีกเพียงไม่ถึงสองอาทิตย์   เขาก็จะส่งเทพบุตรผู้นี้ขึ้นไปเดินอยู่บนเวทีนายแบบโลกแล้ว เขาเชื่อว่าทอมต้องคว้าตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งกลับมาได้   หลังจากนั้นเขาจะหาทางบอกความจริงเรื่องแม็กกี้และออกตามหาเจ้าหนู เขารู้จากเอ็ดดี้ว่าเด็กชายจะเดินทางไปอยู่กับญาติที่เกาะสมุย ป่านนี้คงไปถึงแล้ว…

...รอก่อนนะ แม็กกี้.. แล้วฉันจะไปรับ เธอคือของขวัญพิเศษสุดที่ฉันจะนำมาส่งมอบให้แด๊ดดี้ทอมของเธอ...


 :เฮ้อ:


“มิสเตอร์การ์เซีย..”
จิมเงยหน้าจากหนังสือพิมพ์ รู้สึกไม่ชอบใจน้ำเสียงที่เรียกเขา
“เกิดอะไรขึ้นกับทอม เขารู้หรือเปล่าว่าวันนี้เราซ้อมอะไรกัน”
จิมพับหนังสือพิมพ์โยนลงบนโต๊ะ   เขาไม่ชอบขี้หน้าหมอนี่อยู่แล้ว  เป็นแค่ผู้ช่วยตากล้องแต่ทำแอ๊คพูดจาใหญ่โตไม่เข้าหูคน
“มีปัญหาหรือ แจ๊ค..”
จิมลุกขึ้นยืน ร่างสูงใหญ่ของเขาทำให้อีกฝ่ายเสียงอ่อยลง
“เอ่อ.. ไม่ใช่ผมหรอกครับที่มีปัญหา แต่เป็นคุณทอม.. คุณเคย์ให้ผมมาตามคุณ”
“งั้นเหรอ.. แสดงว่าหน้าที่ของนายคือ คุณเคย์ให้มาตามฉันใช่มั้ย”
“เอ่อ.. ครับ..”
จิมหัวเราะในลำคอเมื่อผู้ช่วยตากล้องแจ๊คจ๋องลงทันตาเห็น ก่อนผละจากมาเขาฝากคำพูดที่ทำให้หมอนั่นสันหลังวาบ
“คุณคงไม่รู้ใช่มั้ย แจ็ค.. ว่าผมเคยเป็นครูฝึกเทควันโดให้นักกีฬาเยาวชนทีมชาติมาก่อน  และงานในหน้าที่ของผมก็ไม่ใช่แค่ผู้จัดการส่วนตัวของสุดยอดนายแบบทอม แม็คกิลล์  แต่ผมเป็นบอดี้การ์ดด้วย”


 :a2:


“มีปัญหาอะไรหรือครับคุณเคย์..”
“อ้อ!.. คุณจิม.. รบกวนหน่อยครับ ช่วยไปดูทอมให้หน่อย วันนี้เขาทำงานไม่ได้เลย ใจเหม่อลอยไปไหนก็ไม่รู้”
จิมมองขึ้นไปบนเวที มีนายแบบจากประเทศในกลุ่มอาเซียน 4-5 คน เดินซ้อมอยู่แต่ไม่พบทอม
“ทอมอยู่ข้างใน ผมให้เขาพัก เขาเดินผิด 2-3 รอบทำให้นายแบบคนอื่นหัวเราะจนเกือบจะมีเรื่องชกต่อยกัน แคทวอล์คง่ายๆ แค่นี้ระดับทอม แม็คกิลล์แล้วหลับตาเดินก็ยังได้ ผมคิดว่าเขามีเรื่องไม่สบายใจ คุณช่วยเข้าไปดูหน่อย จิม..”
“ขอบคุณที่เข้าใจครับ คุณเคย์.. ผมจะเข้าไปดูเขาเดี๋ยวนี้”

…ทอมนะทอม.. ถามก่อนมาแล้วว่าไหวมั้ย สีหน้าตอนตื่นนอนเมื่อเช้าก็เหมือนเมื่อสองวันที่ผ่านมา นอนไม่หลับมาสามคืนติดกันแล้วยังปากแข็งไม่ยอมเล่าให้ฟังว่ากลุ้มใจเรื่องอะไร ถึงฉันจะรู้แต่ถ้านายไม่พูดฉันจะแก้ปัญหาอะไรให้นายได้..

จิมใจหายเมื่อเห็นเทพบุตรของเขานั่งกอดเข่าอยู่ในสภาพเหม่อลอย กว่าสองปีที่ทำงานอยู่กับทอม นี่เป็นครั้งแรกที่ทอมมีความทุกข์ในใจจนไม่สามารถทำงานได้

“ทอม..” จิมเรียกเบาๆ แต่ทอมยังนิ่งเฉย จึงใช้มือแตะไหล่
“ทอม..”
ทอมสะดุ้งเฮือกหันมาจะโวยใส่เห็นเป็นจิมก็โผเข้าสวมกอดและต่อว่าเหมือนเด็กถูกทิ้ง
“ไปไหนมาอ่ะ จิม.. ทำไมทิ้งฉันอยู่คนเดียว ฉันไม่อยากซ้อมแล้ว จะกลับบ้าน”
จิมรีบสวมกอดและกล่าวปลอบ
“ฉันออกไปหากาแฟดื่มน่ะ เรายังกลับบ้านไม่ได้ นายต้องซ้อมเดินสัก 2 รอบก่อน คราวนี้ฉันจะอยู่ดูด้วย โอเค..”
“ไม่เอา.. ฉันไม่อยากซ้อม อยากกลับบ้าน.. เดี๋ยวนี้เลย”
...ให้ตายเถอะ!.. เกิดอะไรขึ้น จู่ๆ ทอมก็งอแงเหมือนเด็ก จะว่าตื่นเวทีก็เป็นไปไม่ได้...
“ไม่เอาน่ะ ทอม.. นี่ไม่ใช่ซ้อมเดินแบบธรรมดานะ เรายังกลับไม่ได้จนกว่านายจะซ้อมผ่าน..”
“ให้ฉันซ้อมต่อไปก็ไม่ผ่านอยู่ดี”
ทอมเงยหน้าขึ้น น้ำใสเอ่อรื้นคลอดวงตาคู่สวย
“ฉันซ้อมไม่รู้เรื่องหรอก ในหัวฉันมีแต่เสียงร้องของแม็กกี้ ฉันฝันถึงเด็ก 3 คืนติดกันแล้ว ฉันได้ยินเสียงร้องไห้ของเขา ฉันไม่น่าพูดจารุนแรงกับแม็กกี้เลย ฉันทำให้เค้าเสียใจจนต้องหนีไป ฉันพยายามจะไม่คิดถึงแล้วแต่มันทำไม่ได้... ฉันคิดถึงแม็กกี้ทุกเวลา..ทุกนาทีเลย จิมมี่.. ฮึก..”

ทอมซุกหน้ากับอกกว้างสะอื้นไห้ จิมใจหายวาบ แม้ความในใจที่ระบายออกมาจะเป็นเรื่องเดียวกับที่เขาคิดไว้ แต่ไม่คิดว่าทอมจะอยู่ในอาการเสียใจมากขนาดนี้ เหมือน สูญเสียของรัก ที่สำคัญที่สุดในชีวิตไป

...ให้ตายเถอะ!!.. นี่ขนาดทอมยังไม่รู้ว่าตัวเองมีความสัมพันธ์กับแม็กกี้ จริงๆ ยังเสียใจมากขนาดนี้ ความรู้สึกที่ทอมมีต่อเด็กชายคงเป็นเพราะสายใยรัก.. ของความสัมพันธ์ที่มีต่อกันกระมัง…

“อย่าร้องไห้ ทอม.. อย่าร้อง.. คิดถึงก็ไปตามกลับมา ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรเลย”
“จริงเหรอจิม.. ตามแม็กกี้กลับมาได้จริงเหรอ นายรู้หรือว่าเด็กอยู่ไหน”

ทอมละล่ำละลักถามด้วยอาการตื่นเต้นดีใจ จิมใช้สองมือเสยผมเทพบุตรของเขา ไม่สนใจว่าทรงผมจะถูกเซ็ทให้เข้ารูปไว้แล้ว ทอม แม็คกิลล์ ซะอย่าง ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพไหนก็ดูดีเสมอ ขอแค่อย่ามีสีหน้าอมทุกข์แบบนี้

“มีอะไรที่ฉันทำให้นายไม่ได้ ทอม.. บอกแล้วใช่มั้ยว่ามีอะไรขอให้บอก เก็บความทุกข์ไว้คนเดียวแบบนี้ไม่ใช่วิสัยนายเลย”
“ฉันกลัวนายหัวเราะเยาะ   ฉันเคยสั่งให้นายกำจัดเด็กไปให้พ้นจากชีวิตฉัน   แต่พอเด็กไปจริงๆ ฉันไม่กล้าบอกให้นายไปตามกลับมา~”
น้ำเสียงทอมสั่นเครือน้ำตาที่เอ่อคลออยู่ร่วงผล็อยลงอีก   จิมควักผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตาให้
“เหลวไหล.. ฉันจะหัวเราะทำไม หน้าที่ของฉันคือทำให้นายมีความสุข ใจนายคิดยังไงกับเด็กทำไมฉันจะไม่รู้..”
ทอมยิ้มออกทั้งน้ำตา
“ขอบใจนะจิมมี่.. นายยังเหมือนเดิม ยังเป็นจิมคนเดิมของฉันจริงๆ ด้วย เราจะไปตามแม็กกี้กันที่ไหน ไปด้วยกันเดี๋ยวนี้เลยมั้ย..”
“NO ทอม.. ไม่ใช่ตอนนี้ เราไม่รู้ที่อยู่แน่นอนของเด็ก รู้แต่ว่าแม็กกี้น่าจะเดินทางไปหาญาติที่สมุย ฉันจะให้เอ๊ดดี้ล่วงหน้าไปตามหาก่อน เราอยู่ที่นี่รอฟังข่าว มีอีก 2-3 งานที่นายต้องเคลียร์ให้เสร็จภายในอาทิตย์นี้ก่อนเดินทางไปประกวด”
ทอมขมวดคิ้วทำท่าจะปฏิเสธก็ถูกจิมขัดคอก่อนอย่างรู้ทัน
“ไม่ทำไม่ได้นะ ทอม.. ไม่ว่าจะเบื่อ.. ขี้เกียจหรือทุกข์ร้อนใจยังไง งานก็คืองาน รับมาแล้วต้องทำให้ลุล่วง ฝากความทุกข์ทั้งหมดของนายไว้ที่ฉัน ทำใจให้สบายแล้วออกไปข้างนอกแคทวอล์คงามๆ สัก 2 รอบ ให้พวกนั้นตะลึงไปเลย นายทำได้อยู่แล้วนี่ทอม.. หือ..”
“ก็ได้.. แต่นายต้องสั่งเอ๊ดดี้ให้เตรียมตัวไปบ่ายนี้เลยนะ”
“โอเค..” จิมรับปากแต่โดยดี ทอมยิ้มออกและลุกขึ้นยืน
“คุณทอมพร้อมหรือยังคะ คุณเคย์ให้มาตามค่ะ” สต๊าฟสาวโผล่หน้าเข้ามา
“พร้อมแล้วครับ จะออกไปเดี๋ยวนี้” จิมตอบรับแทนในขณะที่ทอมยืนหันหลังเช็ดน้ำตาอยู่ เขาดึงแว่นกันแดดของตัวเองออกมาสวมให้ทอม  เอามือเสยผมให้
“อุ๊ย!!.. คุณจิมขา.. ทำไมทำผมคุณทอมยุ่งอย่างนั้นล่ะคะ ไม่มีเวลาเซ็ทให้ใหม่แล้วนะ”
“ใครจะให้เซ็ทใหม่ล่ะ ลูซี่.. ทอมจะออกไปแบบนี้แหล่ะ เธอออกไปคอยดูหน้าเวทีล่ะกันว่า ทอม แม็คกิลล์ ในสภาพนี้.. จะสู้นายแบบคนอื่นๆ ได้หรือเปล่า..”
“ไปได้แล้วทอม.. เดี๋ยวฉันตามออกไปดู”
“ให้เอ๊ดดี้ไปเครื่องนะจิม.. จะได้รู้ข่าวเร็วหน่อย กำชับให้เอาโทรศัพท์ไปด้วยนะ”
“รับทราบครับ บ๊อส..”
จิมถอนใจเฮือก ทอมยอมออกไปซ้อมโดยมีข้อต่อรองมากมาย ถ้าหาเด็กไม่พบก่อนออกเดินทาง ปัญหาใหญ่รออยู่ข้างหน้าแน่

เมื่อจิตใจสบาย ทอม แม็คกิลล์ ก็กลับเป็นเทพบุตรทอมคนเดิม  ทุกย่างก้าวบนเวทีสง่างามจนไม่อาจละสายตาได้  แว่นดำที่สวมปิดบังดวงตาคู่งามที่ผ่านการร้องไห้เมื่อครู่  ทำให้ทอมดูเข้มและเด่นขึ้นจนเป็นเป้าสายตาของทุกคนที่อยู่ด้านล่างเวที แม้แต่ มร.เคย์ ซึ่งเป็นทั้งผู้กำกับเวทีและตากล้องยังมองด้วยความทึ่งและหันมากระซิบกับจิมว่า

“สมแล้วที่เป็นสุดยอดนายแบบ 3 ปีซ้อน คุณทำยังไงหรือ จิม.. มีคาถาวิเศษหรือเปล่า..”

 :m12:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 27-01-2010 12:46:08
“สองวันแล้วนะ จิม.. ทำไมเอ๊ดดี้ยังหาแม็กกี้ไม่พบอีก”
“อืมม์.. นั่นซีนะ อุตส่าห์มีรูปเด็กติดไปด้วย นึกว่าจะหาง่ายขึ้น”

จิมถ่ายรูปเด็กชายไว้โดยบังเอิญก่อนที่เจ้าหนูจะออกจากบ้านไปสองวัน เพื่อนที่ญี่ปุ่นส่งกล้องดิจิตอลรุ่นใหม่มาให้ เขาเลยถือโอกาสลองกล้องโดยให้เด็กชายเป็นแบบ

“เราลงไปช่วยตามหาไม่ดีกว่าเหรอ.. อาทิตย์หน้าก็ต้องเดินทางแล้ว ถ้ายังหาเด็กไม่เจอ ฉันไม่อยากไปเลย”

...เอาแล้วไง!!.. เป็นอย่างที่นึกไว้จริงๆ ทอมนะทอม...
มือถือของจิมดังขึ้น เขารีบกดรับสายเผื่อว่าจะเป็นข่าวดีจากนายเอ๊ด แต่ปรากฏว่าไม่ใช่ จิมคุยโทรศัพท์โดยไม่มีคำพูดหลุดออกมาเลยเอาแต่รับคำฝ่ายเดียว ไม่ถึงนาทีก็วางสายและส่งยิ้มหวานให้ทอมที่นั่งหน้าตาไม่จอยอยู่

“อย่าทำหน้าบึ้งซี.. อยากฟังข่าวดีมั้ย แต่ไม่ใช่เรื่องแม็กกี้นะ”
ทอมทำท่าดีใจแต่ก็เซ็งลงทันทีเมื่อรู้ว่าไม่ใช่เรื่องเด็กชาย
“ภาณุเดช ไบรอัน โทรมาเชิญฉันกับนายไปงานแต่งงานของเขา”
สีหน้าทอมเหนื่อยหน่ายสุดขีด
“นี่น่ะเหรอข่าวดี มันเป็นข่าวดีของเจ้าไบรอันไม่ใช่ของฉัน มันอยากจะยกเสาลงหลุมก็เรื่องของมันไม่เกี่ยวกับฉัน”
จิมสะดุ้งน้อยครั้งนักที่ทอมจะพูดจาหยาบคายหรือใช้ถ้อยคำเหน็บแนมคนอื่น นี่แสดงว่าอารมณ์บูดจริงๆ
“ทำไมพูดจาไม่เพราะเลยทอม.. หือ..”
“ก็.. ฉันไม่สนใจเรื่องของคนอื่นนายก็รู้ มาบอกทำไมล่ะ”
“เป็นเรื่องของคนอื่นที่ไหน เรื่องของนายโดยตรงเลย ฟังให้จบก่อนซี.. ไม่อยากรู้หรือว่าเจ้าสาวของไบรอันเป็นใคร?..”
ทอมนั่งนิ่งไม่สนใจอยากรู้แต่ก็ไม่ปฏิเสธ
“เจ้าสาวของไบรอันคือ แคธรีน นางแบบสาวสวยสุดเซ็กซี่ของนายไง”
ทอมอ้าปากหวอ ไม่อยากเชื่อเลยว่าในที่สุดจิมก็สามารถแก้ไขสถานการณ์ ที่สุดแสนจะเลวร้ายของเขาไว้ได้
“หมายความว่า.. ไบรอันเป็นพ่อของเด็กในท้องเธอใช่มั้ย”
“คงงั้นมั้ง แต่ที่แน่ๆ คือไม่ใช่นาย..”
“โอ!.. จิม.. ฉันรักนาย รักที่สุดเลย”

ทอมโผเข้าสวมกอดร่างสูง อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัวจึงล้มลงบนที่นอนด้วยกันทั้งคู่   จิมตกใจ  พลิกร่างเทพบุตรแสนรักหงายลงบนที่นอนและผละลุกขึ้น ใบหน้ายิ้มระรื่นของทอมเจื่อนลง สีหน้างุนงงและตกใจที่จิมแสดงอาการเหมือนรังเกียจ

“เป็นอะไรจิม... รังเกียจฉันเหรอ...”
“เปล่านะทอม.. ฉันไม่ได้รังเกียจ ไม่เคยแม้แต่จะคิด ฉันให้สัญญาไว้ว่าจะไม่แตะต้องหรือล่วงเกินนายอีก ถ้าไม่ผละออกมา.. ไม่รู้ว่าจะห้ามใจตัวเองไหวหรือเปล่า.. ขอโทษที่ทำให้ตกใจ..”

ทอมลุกขึ้นนั่ง เขาลืมสนิทเลยว่าจิมเคยลั่นวาจาไว้ว่าจะไม่แตะต้องเขาด้วยความเสน่หาอีก ไม่นึกเลยว่าจิมยังเอาจริงกับคำสัญญานั้น หลายวันที่ผ่านมานี้เขากังวลและเป็นทุกข์กับเรื่องของแม็กกี้ จิมคอยอยู่เคียงข้างทั้งปลอบและให้กำลังใจ ทั้งที่ยังปฏิบัติกับเขาเหมือนเดิมแท้ๆ แล้วทำไม..

“ทอม.. ทอม..” จิมแตะไหล่ทอมซึ่งนั่งก้มหน้านิ่งไม่พูดไม่จา
ทอมปัดมือออกและเงยหน้าขึ้นกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“อย่ามาจับ!!.. อย่าแตะต้องฉัน ถ้าคิดจะรักษาสัญญาของนายต่อไปก็ไม่ต้องมาอาทรฉันอีก ไม่ต้องมาคอยอยู่เคียงข้าง คอยปลอบหรือให้กำลังใจ   ถ้านายคิดว่าทุกเรื่องที่ทำให้ฉันอยู่ตอนนี้เป็นหน้าที่ล่ะก็ พอกันที!!.. ต่อไปงานของนายแค่ดูคิวงานให้ฉันก็พอ ปัญหาและเรื่องส่วนตัวฉันจะจัดการเอง วันนี้ไม่มีงานอะไร นายอยากไปไหนก็ไป ฉันจะอยู่คนเดียว”

จิมใจหายวาบไม่เคยได้ยินน้ำเสียงและสายตาเย็นชาแบบนี้จากทอม รู้สึกเหมือนหัวใจตัวเองกำลังจะหลุดลอยไป รีบทรุดตัวลงคว้ามือทอมขึ้นมากุมไว้
“ไม่นะทอม.. อย่าโกรธซี.. ได้โปรด.. ทุกเรื่องที่ฉันทำ ฉันไม่เคยรู้สึกว่าเป็นหน้าที่เลย นายรู้อยู่เต็มอกนี่นาทอม.. ว่าฉันคิดยังไงกับนาย”
“ฉันไม่รู้ ปล่อยมือ..” ทอมชักมือกลับแต่จิมไม่ยอมปล่อย ดึงมือทอมขึ้นมาจูบและแนบไว้ที่แก้ม
“ฉันไม่ปล่อยจนกว่านายจะหายโกรธและยกเลิกคำสั่งเมื่อครู่นี้”

จิมรู้ว่าทอมไม่ได้โกรธและเกลียดเขาแค่น้อยใจเท่านั้น ทอมเบือนหน้าหนีสีหน้างอเง้าของเทพบุตรแสนรักช่างโดนใจเสียนี่กระไร.. ยิ่งได้รู้ว่าทอมไม่พอใจที่เขายึดคำมั่นสัญญานั้น ทำให้จิมไม่สามารถอดทนและอดกลั้นความ รู้สึกที่มีต่อทอมได้อีก
จิมไม่ยอมปล่อยมือแต่กลับลุกขึ้นโผเข้าสวมกอดทอมด้วยความรักสุดหัวใจโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัว จึงพากันหงายหลังลงบนที่นอนอีกครั้ง ใบหน้าคมเข้มซุกลงที่ซอกคอเทพบุตรแสนรัก สัมผัสและสูดดมความหอมให้สมกับความคิดถึง เสียงทุ้มกระซิบแผ่วข้างหู

“ฉันขอโทษที่ผละออกจากนายเมื่อกี้นี้ ฉันไม่ได้อยากทำอย่างนั้นเลย ขอฉันแก้ตัวใหม่นะทอม นะ..”
“แก้ตัวบ้าบออะไร ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้นะ ฉันอึดอัด” ทอมทุบหลังร่างสูงอย่างแรงจนเขาสัมผัสความแรงนั้นได้ แต่จิมกลับไม่สะดุ้งสะเทือน
“ให้ฉันอยู่ข้างล่างแบบเมื่อกี้นี้ก็ได้ นายจะได้ไม่อึดอัด โอเค..”

ทอมนอนอึ้งใบหน้าร้อนผ่าว ริมฝีปากบางขบแน่นเบือนหน้าหนีสายตากะลิ้มกะเหลี่ยของอีกฝ่าย
….จิมมี่เจ้าเล่ห์คนเดิมกลับมาแล้วซีนะ…

จิมใช้มือข้างที่ว่างอยู่สัมผัสริมฝีปากบางสวยตรงหน้าอย่างแผ่วเบา
“อย่ากัดซีทอม.. ริมฝีปากนี้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตฉันเลยนะรู้มั้ย นายไม่เจ็บแต่ฉันเจ็บนะ”
ทอมยอมทำตามอย่างว่าง่ายไม่กัดริมฝีปากตัวเอง คิ้วเข้มเลิกขึ้นเสียงทุ้มลอดไรฟัน
“ขอบใจที่ไม่ทำร้ายของรักของฉัน”

ร่างสูงขยับตัวขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้อีกฝ่ายคลายความอึดอัดลง จิมยิ้มให้ทอมด้วยความชื่นชมและรักใคร่ดุจเดิม ครั้งนี้ทอมสบสายตาเขาอย่างท้าทาย เรียวปากสีชมพูเรื่อช่างเย้ายวนจนจิมห้ามใจไม่ไหว ไม่สนแล้วกับคำสัญญาที่เคยให้ไว้ ..ถ้าไม่ติดสองนิ้วของเขาที่ถูกงับอยู่ล่ะก็..

“โอย!.. ซี้ด.. อย่ากัดขาดนะทอม ฉันไม่อยากพิการอ่ะ”

จิมไม่ละสายตาจากริมฝีปากบางสวยที่กำลังงับนิ้วเขาอยู่ และเหมือนทอมรู้ว่าเขากำลังคิดอะไร คิ้วเรียวขมวดเข้าหาและกัดสองนิ้วของเขาแรงขึ้นจนห้อเลือด จิมไม่ร้องแต่แกล้งกัดฟันนิ่วหน้าให้เห็นว่าเขาเจ็บมาก
ทอมอ้าปากขึ้นด้วยความตกใจ จิมชักนิ้วออกได้ก็ประกบริมฝีปากลงบนเรียวปากนุ่มที่เย้ายวนตรงหน้าและส่งลิ้นอุ่นแทรกผ่านเข้าไปโดยที่อีกฝ่ายไม่มีโอกาสได้ตั้งตัวเลย

“อึ๊…อือ.. อื้อออ…”
...อีกแล้วหรือนี่... จิมมี่คนเดิมกลับมาแล้วจริงๆ เรี่ยวแรงของทอมถูกถ่ายออกจากร่างทีละน้อย อย่าว่าแต่จะผลักไสเลยเขาไม่เหลือกำลังที่จะเบือนหน้าหนีด้วยซ้ำ ได้แต่นอนนิ่งปล่อยจิมมี่เจ้าเล่ห์ลักจูบตามใจปรารถนา
“อื้อ.. อือ..” ทอมใจหายเมื่อมือของจิมเริ่มซุกซนไปตามส่วนต่างๆ บนร่างกายของเขา

…R R R R…..

โทรศัพท์มือถือของจิมดังขัดจังหวะ แต่เจ้าของไม่สนใจยังคงอ้อยอิ่งอยู่ที่ริมฝีปากอ่อนนุ่มตรงหน้าด้วยความเสน่หา ทอมสะดุ้งเฮือกเมื่อถูกฝ่ามือร้อนสัมผัสลูบไล้ไปมาที่หน้าขา รีบควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงของจิมคว้าขึ้นมากดรับสายและจ่อเข้าไปที่หูของเจ้าตัวทันที

“หวัดดีครับคุณจิม.. ผมเอ๊ดดี้ครับ”

จิมชะงักเมื่อเสียงที่ผ่านเข้าหูมาเป็นนายเอ๊ด จำใจผละจากริมฝีปาก หวานตรงหน้าด้วยความเสียดายในขณะที่ทอมกลับรู้สึกโล่งอก จิมรับโทรศัพท์มาถือไว้ รู้สึกฉุนเล็กๆ ที่ถูกขัดจังหวะ แต่ไม่รับก็ไม่ได้เรื่องสำคัญที่กำลังรอคอยซะด้วย ไหนๆ ทอมก็เริ่มจะใจอ่อนแล้ว ถ้ารีบทำคะแนนตอนนี้ความหวังของเขาก็อาจจะสัมฤทธิ์ผลในเร็ววัน
“ว่าไง เอ๊ดดี้.. หาเด็กเจอมั้ย”
ทอมเบิกตากว้างด้วยความยินดี ผลักร่างสูงใหญ่พลิกหงายลงบนที่นอนและลุกพรวดขึ้นนั่ง งงกับเรี่ยวแรงตัวเอง เมื่อครู่แค่จะเบือนหน้าหนียังไม่มีแรง
“เอ๊ดดี้ว่าไง จิม..”
จิมนิ่งฟังปลายสายด้วยสีหน้าเรียบเฉย จนทอมเดาไม่ถูกว่าเรื่องดีหรือ ไม่ดี
“โอเค.. รออยู่ที่นั่นอีก 2 วัน เผื่อเด็กอาจจะยังไปไม่ถึง ”
ทอมหน้าจ๋อยเมื่อรู้ว่ายังหาแม็กกี้ไม่พบ
“ทำไมถึงไม่พบล่ะ จิม.. แม็กกี้ไม่ได้ไปที่นั่นใช่มั้ย หรือว่าจะกลับบ้านที่เมืองกาญจน์”
จิมนอนนิ่งสมองใช้ความคิดอย่างหนัก   เอ๊ดดี้สามารถหาร้านอาหารซึ่งเจ้าของร้านมีศักดิ์เป็นลุงของเด็กชายจนเจอ  อาศัยว่าจำชื่อร้านอาหารได้ แม้จะไม่รู้ว่าอยู่ที่หาดไหนของเกาะ แต่ก็ไม่เกินความสามารถของนายเอ๊ดตามหาจนเจอโดยใช้เวลา 2 วัน
“ลุงของแม็กกี้เป็นฝรั่งชื่อ พอล ครับ เขายืนยันว่าเด็กไม่ได้มาและเขาก็ไม่รู้ด้วยว่าเด็กจะมาหา ผมเลยขอให้เขาช่วยติดต่อเราด่วนถ้าแม็กกี้แวะไป”
จิมส่ายหน้าเมื่อทอมเอ่ยถึงเมืองกาญจน์ ที่ๆ เด็กชายจากมา
“เป็นไปไม่ได้หรอก แม็กกี้หนีพ่อเลี้ยงมา ไม่มีทางย้อนกลับไปแน่”
“หนีมา!!.. ทำไมฉันไม่รู้ ทำไมนายรู้.. รู้แล้วทำไมไม่เล่าให้ฉันฟังเลย”
ทอมไม่พอใจที่จิมรู้เรื่องแม็กกี้แล้วไม่ยอมบอก
“อ๊ะ!!.. ก็นายไม่เคยถาม นายไม่สนใจอยากรู้เรื่องของเด็ก แค่ฉันจะเอ่ยชื่อนายยังไม่อยากได้ยินเลย”
ทอมอึ้งไปเมื่อจิมพูดเรื่องจริง ช่วงสองอาทิตย์แรกเขาเกลียดเจ้าหนูแม็กจับใจเลย แม้แต่หน้าก็ไม่อยากจะมอง
“นายรู้เรื่องอะไรของแม็กกี้บ้าง เล่าให้ฉันฟังหน่อยซี…”
ทอมกล่าวเสียงอ่อย จิมหัวเราะก่อนเล่าเรื่องราวของเด็กชายเท่าที่เขารู้ให้ทอมฟัง….

 :impress:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 27-01-2010 12:51:52
…แม็กกี้อยู่กับแม่แอนนาสองคนแม่ลูกจนอายุได้ 10 ขวบ แม่ก็แต่งงาน พ่อเลี้ยงของแม็กกี้เป็นพ่อม่ายอายุมากกว่าแม่เกือบ 20 ปี มีลูกชาย 3 คนโตเป็นหนุ่มกันหมดแล้ว แม็กกี้ไม่มีปัญหากับพ่อเลี้ยงแต่กลับมีปัญหากับลูกชายโดยเฉพาะคนเล็กอายุมากกว่าแม็กกี้ 3 ปี แม็กกี้ต้องนอนห้องเดียวกับเด็กหนุ่มนั่น แต่ถูกกลั่นแกล้งสารพัดจนต้องหนีออกมานอนนอกห้องเกือบทุกคืน แม็กกี้ไม่ได้บอกเรื่องนี้กับแม่เพราะไม่อยากให้แม่กังวลและไม่สบายใจ จึงพยายามหาวิธีหลบเลี่ยงปัญหาต่างๆ ด้วยตัวเองมาตลอด แต่ตอนที่แม่ป่วยหนัก แม็กกี้จึงรู้ว่าแม่รู้ปัญหาของเขาและเฝ้าดูอยู่ตลอด ก่อนตายเธอสั่งเสียแม็กกี้ไว้สองเรื่อง เรื่องที่หนึ่ง ถ้ามีโอกาสได้พบกับทอม แม็คกิลล์ ให้บอกเขาว่าเธอมีอะไรด้วยในคืนนั้นเพราะความรักไม่ใช่เพราะหน้าที่ เรื่องที่สอง หากตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก ไม่สามารถอาศัยอยู่กับพ่อเลี้ยงต่อไปได้ ก็ให้เดินทางไปอาศัยอยู่กับญาติผู้พี่ของเธอซึ่งมีศักดิ์เป็นลุงของแม็กกี้ ตอนเล่าให้ฉันฟังแม็กกี้ไม่ได้บอกว่าลุงอยู่ที่ไหน คนที่รู้คือเอ๊ดดี้..

หลังจากแม่จากไป แม็กกี้ก็ไม่สามารถอาศัยอยู่ในบ้านหลังนั้นต่อไปได้ พ่อเลี้ยงซึ่งเคยดีด้วยก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน นอกจากจะถูกใช้งานหนักจากพ่อแล้วยังถูกลูกชายทั้งสามคนรุมรังแก จนต้องตัดสินใจหนีออกมาหลังงานศพแม่ผ่านไปเพียง 2 อาทิตย์ แม็กกี้ไปขออาศัยนอนที่วัดอยู่เกือบเดือนก่อนตัดสินใจเดินทางมากรุงเทพฯ เพื่อทำในสิ่งที่แม่สั่งไว้ก่อนตาย ส่วนเรื่องการขอพิสูจน์ความจริงกับนายเป็นความต้องการของแม็กกี้เอง ไม่เกี่ยวกับแม่แอนนา..

ทอมนั่งอึ้งฟังเรื่องราวของเด็กชายจากคำบอกเล่าของจิม นึกไม่ถึงว่าจิมจะรู้เรื่องส่วนตัวของแม็กกี้มากขนาดนี้ ทั้งที่เด็กชายเป็นปัญหาส่วนตัวของเขา แต่เขากลับไม่รู้อะไรเลย...

“ทำไมนายรู้เรื่องแม็กกี้มากขนาดนี้ ตั้งแต่เมื่อไร ทำไมไม่เล่าให้ฉันฟังบ้างเลย”
“เมื่อไม่นานนี้เอง 2-3 วันก่อนที่แม็กกี้จะออกจากบ้านไป รู้สึกจะเป็นวันเดียวกับที่ฉันขอให้เป็นแบบลองกล้อง จริงซิ.. ฉันเพิ่งรู้ด้วยนะว่าตาของเจ้าหนูเปลี่ยนสีได้ จากสีเขียวน้ำทะเลวันนั้นเปลี่ยนเป็นสีฟ้าใสสวยมากเลย..”

ทอมทำหน้าเหมือนกับจะร้องไห้ จิมมีสีหน้าปลื้มขณะพูดถึงแม็กกี้ แถมยังรู้เรื่องของเด็กชายมากมายในขณะที่เขาไม่คิดจะรับรู้อะไรเลย
“อย่าทำหน้าอย่างนั้นซี .. โกรธที่ฉันแอบสนใจเด็กเหรอ..”
“ใช่!!.. ฉันโกรธ.. โกรธตัวเองที่ไม่เคยใส่ใจ ไม่เคยสนใจถามเรื่องส่วนตัวของแม็กกี้เลย ถ้าฉันรู้เหมือนที่นายรู้ วันนั้นฉันคงไม่พูดจาให้เด็กเสียใจ ฉันโหดร้ายใจดำ ไม่มีน้ำใจ ฉันเป็นคนไล่เด็กออกไปจากบ้าน...”    ทอมน้ำตาคลอเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในคืนนั้น
“ไม่เอาน่ะทอม.. อย่าว่าตัวเองแบบนี้ วันนั้นนายเมา นายไม่มีวันพูดแบบนั้นแน่ถ้านายมีสติ” จิมรั้งศีรษะทอมซบไหล่และกล่าวปลอบ
“นายไม่ได้โหดร้ายใจดำซะหน่อย นายใส่ใจเด็กมากกว่าฉันนะ ทอม.. ฉันแค่เอ็นดูเท่านั้นแต่นายไม่ใช่.. นายรักเขา.. รู้ตัวหรือเปล่าว่านายรักแม็กกี้.. ตั้งแต่เมื่อไรรู้มั้ย หือ..”
ทอมส่ายหน้า
“หลังจากที่นายทดสอบเขาในวันฝนตก นายก็หลงรักเด็กแล้วทอม.. ตอนแม็กกี้ยื่นกุญแจรถให้นายด้วยมือที่สั่นระริก นายก็ถูกกามเทพแผลงศรเข้าตรงกลางหัวใจ ความเกลียดชังที่นายมีต่อเด็กละลายไปกับสายฝนตั้งแต่
วันนั้นแล้ว รู้มั้ย..”
ทอมผละออกสีหน้าไม่เชื่อที่จิมพูด
“ไม่เชื่อเหรอ.. จำได้มั้ย.. วันรุ่งขึ้นเด็กไม่สบาย นายโทษตัวเองเป็นวรรคเป็นเวร จะไปเยี่ยมให้ได้ทั้งที่มีคิวถ่ายแบบสำคัญรออยู่”
“ก็ฉันเป็นต้นเหตุทำให้เด็กไม่สบายนี่ เป็นใครก็ต้องรู้สึกเสียใจทั้งนั้น”
“ถ้ามันเกิดขึ้นกับคนที่เราเกลียดจริงๆ เราจะไม่รู้สึกเสียใจหรอก ทอม.. มีแต่จะแอบดีใจหรือสะใจกันทั้งนั้น..”
“นายเป็นพ่อมดหรือเปล่าจิม.. ทำไมถึงรู้ใจฉันทุกเรื่อง”
จิมหัวเราะ
“ถ้าฉันเป็นพ่อมด ฉันจะร่ายมนต์ให้นายรักฉันอย่างที่ฉันรักนาย..”
ทอมหน้าแดงตะคอกใส่ปิดบังความเขิน
“บ้าน่ะ.. ไม่ใช่เวลามาพูดเล่นนะ ตกลงเรื่องแม็กกี้จะเอายังไง ถ้าไม่กลับเมืองกาญจน์แล้วจะไปไหน..”
“เอ๊ะ!!.. นี่นายเห็นฉันเป็นพ่อมดจริงๆ หรือเนี่ย.. งั้นขอนั่งทางในดูก่อนนะว่าตอนนี้แม็กกี้ไปหลบซ่อนตัวอยู่ที่ไหน”
“อย่าล้อเล่นได้มั้ย ฉันซีเรียสนะ หรือว่าแม็กกี้หลงทางไปไม่ถูก จริงซี.. ฉันฝันร้ายได้ยินเสียงแม็กกี้ร้องไห้ บางทีเขาอาจได้รับอันตราย ไม่งั้นป่านนี้ก็น่าจะไปถึงแล้ว หรือว่าไม่สบายระหว่างทาง.. เขายิ่งไม่ค่อยแข็งแรงอยู่ หรือว่าถูกล่อลวงไปไหน.. หรือว่า..”
“พอแล้ว ทอม.. พอแล้ว..” จิมรีบเอามือปิดปากเทพบุตรของเขา
“คิดมากเกินไปแล้ว นายเป็นห่วงเด็ก คิดถึงมากจนเก็บเอาไปฝัน ไม่เกิดเรื่องแย่ๆ อย่างนั้นหรอกน่า แม็กกี้เป็นเด็กฉลาด.. ต้องเอาตัวรอดได้แน่ ขนาดมากรุงเทพฯ ครั้งแรก ยังมาตามหานายจนเจอเลย เพราะฉะนั้นหยุดคิดมากเรื่องฝันร้ายนั่นได้แล้ว ว่าแต่นายเถอะ ถ้าเจอแม็กกี้แล้วจะให้เขากลับมาอยู่ด้วยในฐานะอะไร หือ.. จะให้เรียกพ่อหรือเปล่า..”
ทอมสะดุ้ง
“วะ.. ว่าอะไรนะ นายพูดเหมือนมั่นใจหรือรู้แล้วว่าเด็กเป็นลูกฉัน เรายังไม่ได้พิสูจน์ความจริงกันเลยนะ”
“เอ่อ.. คือ..”        จิมลืมไปว่าเขายังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับทอม แสร้งตีสีหน้ากล่าวน้ำเสียงเครียด
“ยังจะต้องพิสูจน์อีกหรือ ทอม.. ความรู้สึกที่นายมีต่อเด็กวันนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้เหรอ.. ถ้าหากพิสูจน์แล้วแม็กกี้ไม่ใช่ลูกของนาย นายจะเลิกรักเขาใช่มั้ย ”
ทอมใจหาย จิมได้ทีรีบสำทับเหตุผลที่จะทำให้ทอมไม่ใส่ใจกับการพิสูจน์ความจริง
“นายอาจเลิกรักแม็กกี้ได้ทอม.. เพราะนายเพิ่งรู้จักเขาไม่ถึง 3 เดือน แต่นายจะเลิกได้หรือไม่ก็ไม่สำคัญเท่าความรู้สึกของเด็ก สำหรับแม็กกี้นายคือพ่อเขาตั้งแต่จำความได้แล้ว ถ้าผลพิสูจน์ออกมาว่าไม่ใช่ แม็กกี้ต้องเสียใจมากเพราะเขาเลิกรักนายไม่ได้ แต่รู้อะไรมั้ย ทอม.. ฉันเชื่อว่าแม็กกี้เป็นลูกนาย..”
ทอมนั่งนิ่งไม่โต้ตอบ ..ประโยคสุดท้าย ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเลย..
“ฉันเชื่อว่าแอนนาไม่โกหกลูกของเธอ และนับวันฉันก็ยิ่งมั่นใจเพราะนิสัยและอารมณ์ของแม็กกี้ถอดแบบมาจากนายเป๊ะเลย เค้าหน้าโดยรวมอาจ จะเหมือนแม่ แต่ริมฝีปากบางได้รูปพิมพ์เดียวกับนายชัดๆ ”
ทอมเหล่มองอีกฝ่ายอย่างไม่ไว้ใจ
“รู้ได้ยังไงว่าพิมพ์เดียวกัน อย่าบอกนะว่านายคอยจ้องมองปากแม็กกี้ คิดจะทำมิดีมิร้ายอีกงั้นเหรอ..”
จิมสะดุ้งโหยง
“บ้าน่ะทอม.. พูดอะไรแบบนั้น”
สายตาทอมจ้องมองเขาอย่างคาดคั้นแสดงว่าไม่ได้พูดเล่น   จิมตกใจกับข้อกล่าวหา   เป็นเพราะเขาเคยทำผิดพลาดมาแล้ว แต่ครั้งนั้นเพราะเขาเมาต่างหาก  จิมตีหน้าสลดขยับเข้าสวมกอดทอมเอาดื้อๆ
“ฉันขอสารภาพก็ได้ ทอม.. ฉันแอบจ้องมองทุกครั้งที่มีโอกาส อยากจะจูบอยู่ตลอดเวลาจริงๆ”
“ห๊ะ!!.. ไอ้บ้า!!..”
ทอมขยับหนีจากอ้อมกอดแต่จิมไม่ยอมปล่อย กลับออกแรงกอดรัดแน่นขึ้นกว่าเดิม ปากก็พูดพร่ำต่อโดยไม่สนใจอาการโกรธของอีกฝ่าย
“ฉันชอบมองหน้าแม็กกี้เวลาพูดคุยด้วย   ถึงได้รู้ว่าปากเจ้าหนูพิมพ์เดียวกับนายเลย   แต่ที่จ้องอยากจะจูบอยู่ตลอดเวลา คือปากของนายต่างหาก”
ทอมนั่งนิ่ง ขณะกำลังงงอยู่กับคำพูดริมฝีปากบางสวยก็ถูกประทับแนบสนิทอีกครั้งโดยไม่ทันตั้งตัว
“อึ๊!!.. อือ~~ ”
จิมขบริมฝีปากอ่อนนุ่มของทอมเบาๆ ก่อนแทรกลิ้นอุ่นผ่านเข้าไปลิ้มรสความหวานภายใน จิมหยุดรุกเมื่อรู้สึกว่าได้รับการสนองตอบ ลิ้นนุ่มของทอมแทรกตามเข้ามาพัวพันกับลิ้นเขา
“ปากนี้ต่างหากที่ฉันอยากจูบ เพราะมันสนองตอบได้”
เสียงจิมพึมพำเบาๆ ทำให้สติของทอมกลับคืน ใบหน้างามร้อนวูบ ผลักร่างสูงใหญ่ออกและคว้าหมอนตีใส่อย่างแรงก่อนกระโดดลงจากเตียง
“นายมันจอมกะล่อน จอมฉวยโอกาส อยากจะมีเซ็กซ์กับฉันมากใช่มั้ย ก็ได้.. ถ้าช่วยฉันตามหาแม็กกี้กลับมาได้ ฉันจะยอม.. แต่ถ้าไม่ได้ห้ามมาแตะต้องตัวฉันอีก”
จิมตกใจกับข้อเสนอ เขาคิดว่าทอมพูดด้วยอารมณ์โกรธ แต่สีหน้าทำไมจริงจังขนาดนั้น..
“พูดเล่นใช่มั้ย ทอม..”
ทอมขบริมฝีปากแน่นเพราะรู้สึกกระดาก ไม่ยอมพูดย้ำอีกครั้งแต่ส่ายหน้าความหมายว่าไม่ได้พูดเล่น ทั้งที่ควรจะดีใจแต่จิมกลับนั่งอึ้งไม่รู้สึกยินดีเลยสักนิด นึกไม่ถึงว่าทอมจะตั้งเงื่อนไขยอมมีเซ็กซ์กับเขาโดยแลกเปลี่ยนกับการตามหาแม็กกี้กลับมา...
จิมลุกขึ้นยืนยิ้มให้เทพบุตรสุดรัก
“ฉันสัญญาจะหาแม็กกี้ให้พบ จะพาเขากลับมาหานายให้ได้ แต่ไม่ต้องแลกด้วยการยอมมีเซ็กซ์กับฉันหรอกนะ ”
“ฉันไม่ได้อยากมีอะไรกับนายเพราะต้องการระบายความใคร่   ฉันไม่ได้ต้องการแค่ร่างกายแต่ต้องการหัวใจของนายด้วย ให้รอถึงเมื่อไรก็ได้จนกว่านายจะรู้สึกต้องการฉันอย่างที่ฉันรู้สึกกับนาย แต่ถ้าไม่มีวันนั้นก็ไม่เป็นไร ฉันขอแค่ได้เป็นฝ่ายรัก.. ก็พอ..”
ใบหน้าทอมแดงซ่านหัวใจเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ จิมพร่ำบอกรักเขาตั้งหลายครั้งแต่ไม่เคยมีครั้งไหนทำให้หัวใจของเขาแทบจะละลายแบบนี้เลย    ทอมเสเปลี่ยนเรื่องสนทนา
“ตกลงจะไปหาแม็กกี้ที่ไหนล่ะ จิม.. ลงประกาศในหนังสือพิมพ์ได้มั้ย”
“ประกาศหาในหนังสือพิมพ์เหรอ.. ทำไมจะไม่ได้ล่ะ”
สีหน้าจิมเอาจริงแปลว่าไม่ได้พูดเล่น..

 o18
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 27-01-2010 13:12:58

แวะเข้ามาทักทายเจ้ ด้วยความคิดถึงคะ  อิอิ
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: nithiwz ที่ 27-01-2010 15:33:23
แม็กกี้จะเป็นอะไรเปล่าอ่ะคับ
ขอให้รอดปลอดภัยนะ  สงสารตาทอมมันเถอะ เหอะๆๆๆๆ  :m15:

ตอนนี้สวีวี่วีกันจริงๆ ตาทอม กับ ตาจิม เหอะๆๆๆๆ

ป.ล. อยากรู้อดีตของหนูแม็กกี้อ่ะ ดูพี่ชายรุมรังแก  ฮ่าๆๆๆๆ รังแกอะไรหว่า
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: CorNnE PRiNCeS ที่ 27-01-2010 16:51:23
:z1: :z1: :z1:


มาทำให้คนเค้า

หลงรักเจ้าหนูแม็กกี้

กันอีกแล้วอ่ะเจ้

อิอิ

 :really2: :really2:


หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 27-01-2010 18:56:52
หนูแม๊กกี้ไปอยู่หนใดแล้ว

อย่าเกิดเรื่องร้ายๆขึ้นเลยนะ

แค่นี้ก้อใจคอไม่ดีแล้ว :m15:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: iiดาวพระสุขლii ที่ 27-01-2010 19:48:58
ถูกใจเรื่องนี้อย่างแรง...  o13



หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: จุ๊บจิ๊บจ๊ะจ๋า ที่ 27-01-2010 20:19:16
แม็กกี้จะเป็นอะไรไหมเนี่ยะ :m15:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 27-01-2010 20:20:19
กรีส ส ส สส ส

อยากอ่านต่อ

 o13
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: kungyung ที่ 27-01-2010 20:29:28
เจ้าหนูแม็กกี้หายไปไหนอ่ะ
หวังว่าคงไม่มีเรื่องร้ายแรงเกิดกะเจ้าหนูนะ :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: WEERACHOT ที่ 27-01-2010 23:29:11
ตามอ่านทันจนได้ เหะๆ สนุกมากๆ บีบใจสุดๆ

รอครับรอ มาต่ออีกน่ะ เยอะเลย

ปล.เรื่องนี้แต่งจบแล้วใช่มั้ยครับ แล้วจะโพสจนจบเปล่า :กอด1:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 28-01-2010 11:20:39
“พักนี้ทอมเป็นอะไร จิม.. ไม่ร่าเริงเลย เหม่อลอยอีกต่างหาก”
“ทอมมีเรื่องวุ่นวายทางบ้านนิดหน่อยครับ แต่เคลียร์เรียบร้อยแล้วไม่มีปัญหา”
“งั้นเหรอ.. ช่วยดูแลหน่อยนะ.. อีก 5 วันจะเดินทางแล้ว ผมไม่อยากให้ทอมหน้านิ่วคิ้วขมวด เขาเป็นตัวเก็งในกลุ่มเอเชียเลยนะ คุณก็รู้… ถึงไม่ได้นายแบบโลกแต่สุดยอดในกลุ่มต้องได้อยู่แล้ว”
“ผมทราบครับคุณโรเจอร์.. ผมจะดูแลทอมอย่างดี แต่ได้ยินมาว่าทอมอาจถูกตัดชื่อไม่ให้อยู่ในกลุ่มเอเชียเพราะมีเชื้อสายไทยแค่ 1 ใน 4”
“เหลวไหล!!.. เรื่องนี้คุณไม่ต้องกังวลหรอกจิม เป็นหน้าที่ผมจัดการเอง คุณดูแลทอมของผมให้ดีล่ะกัน เขาต้องเพอร์เฟ็กต์ที่สุดในวันเดินทางนะ”
“ครับ คุณโรเจอร์” จิมวางสายมิสเตอร์โรเจอร์ เจ้าของห้องเสื้อชื่อดัง สปอนเซอร์ใหญ่ที่สนับสนุนทอมเข้าประกวดครั้งนี้อย่างไม่สบอารมณ์
“ทอมของผม.. ชะ!!.. น้อยๆ หน่อย ไอ้เฒ่าหัวงู.. ทอมเป็นของฉันโว้ย.. ไม่ใช่ของแก..”

“บ่นอะไร จิม..”   
ทอมเดินมาทรุดตัวลงนั่งพัก หนุ่มอ๋อมช่างแต่งหน้าของสตูดิโอตามมานัวเนียอยู่ข้างๆ
“เปล่า.. ก่อนเดินทางโรเจอร์อยากให้นายหาเวลาสัก 2-3 วัน ไปเข้าคอร์สอาบน้ำแร่แช่น้ำนมอะไรทำนองนั้น”
“จะบ้าหรือเปล่า!!  ไม่ได้ประกวดนางงามนะ เรื่องมากเดี๋ยวไม่ไปซะเลย”
“เอ๋!!.. คุณทอมฮ้า.. เดี๋ยวนี้ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชายที่ต้องอาศัยความงามของหน้าตาและรูปร่างหาเงิน ถ้าอยากให้ดูดีขึ้น เขาต้องบำรุงและเสริมความงามกันทั้งนั้นล่ะฮ่ะ ใครจะเหมือนคุณทอมล่ะฮะ หล่อได้หล่อดี ไม่ได้บำรุงอะไรกับเขายังหล่อขนาดนี้ ถ้าอาบน้ำแร่แช่น้ำนมขึ้นมาล่ะก็ อุแม่เจ้า!..คงจะงามราวเทพบุตรบนสวรรค์เลยนะฮ้า..”
ทอมทำหน้าเบื่อหน่ายและเบือนหลบเมื่อช่างอ๋อมถือพัฟในมือยื่นมาที่หน้าเขา
“พอที.. หน้าหนาเป็นฟุตแล้ว ตบอยู่ได้”
“พอแล้ว เจ๊อ๋อม.. ให้คุณทอมนั่งพักสักครู่”
จิมกล่าวน้ำเสียงเรียบ หนุ่มอ๋อมรีบผละออกทันที
“แหม.. ไปก็ได้ แค่นี้ต้องหงุดหงิดด้วย”
ช่างอ๋อมไม่กล้าเซ้าซี้ต่อปากต่อคำกับจิม   จิมไม่ชอบพูดเล่นและหยอกล้อกับใคร   แต่ถ้าพูดเป็นการเป็นงานล่ะก็นั่งคุยได้นาน
“อีก 2 ช็อตเองทอม อย่าขมวดคิ้วนิ่วหน้าซี เดี๋ยวไม่หล่อนะ”
“งานนี้สุดท้ายแล้วใช่มั้ย”
“อะฮะ  งานสุดท้ายก่อนออกเดินทาง  กลับมามีงานรอจ่อคิวอยู่ 2-3 งานแต่ยังไม่ได้คอนเฟิร์ม ต้องดูผลประกวดก่อน”

ทอมถอนใจเฮือกหน้าตาและอารมณ์ไม่ค่อยจอย ด้วยเรื่องอะไรจิมรู้ดีแต่พยายามไม่เป็นฝ่ายเริ่มก่อน จิมส่งยิ้มหวานให้เมื่อทอมสบตาเขาด้วยสีหน้าหงุดหงิดเต็มที

ทอมอารมณ์เสียมากขึ้นเมื่อจิมนั่งใจเย็นไม่รู้ร้อนรู้หนาว ไม่ยอมเอ่ยปากถามสักคำทั้งที่รู้ว่าเขาร้อนใจเรื่องอะไร จึงแกล้งยกเท้าขึ้นวางพาดบนตักด้วยความโมโห แทนที่จิมจะโกรธกลับหัวเราะและถอดร้องเท้าเขาออก

“เมื่อยเท้าเหรอ.. จะนวดให้นะ"

ทอมนั่งมองจิมบีบนวดนิ้วเท้าให้ รู้สึกสบายและผ่อนคลายจึงยกเท้าอีกข้างขึ้นวางบนตักอย่างว่าง่าย จิมถอดรองเท้าอีกข้างของทอมออกและบีบนวดนิ้วเท้าทั้งสองข้างไปพร้อมๆ กัน ซ่อนยิ้มในสีหน้าเมื่อสามารถทำให้เทพบุตรแสนรักสงบลง ร่างสง่างามเอนหลังพิงพนักในท่าที่ผ่อนคลาย

“สามวันแล้วใช่มั้ย จิม.. ไม่มีใครโทรมาเลยเหรอ…”
จิมหัวเราะ ...ในที่สุดก็ไม่มีอะไรทำให้ทอมใจสงบลงได้...
“อืมม์.. คงต้องใช้เวลาอีกหน่อยน่ะทอม..”
ทอมชักเท้าออกลุกขึ้นนั่งหน้ามุ่ย
“อีกหน่อยของนายน่ะ กี่วัน?.. นายลงประกาศเล็กไป ฉันบอกให้ลงใหญ่กว่านี้ก็ไม่เชื่อ.”
“ไม่เอาน่ะ ทอม.. อย่าหงุดหงิดซี นี่อยู่ระหว่างงานนะ”
“ไม่รู้ล่ะ ถ้ายังไม่พบก่อนเดินทาง ไปหรือไม่ไปก็มีค่าเท่ากัน นายก็รู้ว่าฉันทำงานไม่ได้เวลาไม่สบายใจหรือไม่มีอารมณ์”
“คุณทอมครับ.. ฉากเซ็ทเสร็จแล้ว พี่เปี๊ยกให้เชิญเลยครับ”
สต๊าฟโผล่หน้าเข้ามาเรียกและผลุบออกไป ทอมลุกขึ้นยืนพยายามระงับอารมณ์และกล่าวกับจิมด้วยน้ำเสียงอ่อนลง
“สิบวันแล้วนะที่แม็กกี้จากไป นายว่านายเข้าใจความรู้สึกของฉัน แต่ถ้านายเป็นฉัน นายไม่มีทางนั่งใจเย็นอยู่อย่างนี้”

ทอมเดินกลับไปทำงานในสภาพที่จิมเห็นแล้วรู้สึกกังวลใจอย่างมาก
…ฉันใจเย็นก็จริง แต่ไม่ได้อยู่เฉยนะทอม..

จิมพยายามทุกวิถีทางแล้วในการตามหาเด็กชายแม็คกิลล์ แสตนลีย์ เหลือเพียงหนทางเดียวคือไม่ได้แจ้งตำรวจ..

จิมเรียกนายเอ๊ดขึ้นมาจากสมุย และจ้างนักสืบลงไปสืบหาเด็กชายแทน โดยแยกไปตามหาที่เมืองกาญจน์ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเจ้าหนูด้วย ซึ่งที่นั่นเขาไม่มีข้อมูลอะไรเลย จำได้แค่ชื่อโรงเรียนที่แม็กกี้เคยเรียนอยู่ แต่เพียงแค่นั้นสำหรับนักสืบมืออาชีพแล้วก็สามารถสืบหาจนพบบ้านพ่อเลี้ยงของเด็กชาย

...เด็กไม่ได้กลับไปที่เมืองกาญจน์ครับ คนในบ้านบอกว่าเด็กหนีออกจากบ้านไปเกือบ 4 เดือนแล้ว...

...ถามหาทั่วเกาะแล้วโดยเฉพาะที่ท่าเรือไม่มีใครพบเห็นเด็กเลย ลุงของเด็กรับปากว่าถ้าเด็กมาถึงจะรีบแจ้งให้ทราบแน่นอนครับ ถ้าไม่มีเหตุการณ์ ร้ายเกิดขึ้นเป็นไปได้ว่าเด็กอาจมีที่อื่นไปนอกจากสองที่นี้ แต่ผมจะให้คนเฝ้าที่ท่าเรือไว้เผื่อเด็กมาถึงล่าช้า ผมส่งคนสืบหาตามสถานีรถทุกแห่งในกรุงเทพฯ ด้วย แล้วจะรายงานให้ทราบเป็นระยะครับ...

จิมถอนใจเฮือกใหญ่ ถ้าหาแม็กกี้ไม่พบเขาจะกล้าบอกความจริงกับทอมได้ยังไงว่าเจ้าหนูเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขจริงๆ เพราะขนาดยังไม่รู้แน่ชัดทอมยังทุกข์ร้อนใจขนาดนี้ ถ้ารู้ว่าใช่.. ทอมคงโกรธและเกลียดเขาจนตัดญาติขาดมิตรฐานที่ไม่ยอมบอกความจริงตั้งแต่แรก..

...ให้ตายเถอะ!.. เขาจะรู้ได้ยังไงล่ะ ว่าทอมจะเมามากจนไม่มีสติและเอ่ยปากไล่เด็กไปในคืนนั้น….

…R R R R R R…..

จิมรีบคว้าโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสาย ภาวนาขอให้เป็นข่าวดีจากสายสืบ
“ฮัลโหล!!..”
“.............................”
“ใช่ครับ ผมเจมส์ การ์เซีย เป็นคนลงประกาศเอง”
“...........................................................................”
จิมนั่งอึ้งหลังวางสาย
...มีคนเห็นประกาศที่เขาลงตามหาแม็กกี้แล้ว แทนที่จะรู้สึกยินดีเขากลับภาวนาขอให้ไม่ใช่...

 :call:

“ทางนี้ครับ เจ้านาย..”
“จิมล่ะ..”
ทอมส่งชุดที่อยู่ในไม้แขวนให้นายเอ๊ดถือ เป็นชุดที่ใส่ถ่ายแบบเมื่อครู่ เขาถูกใจเลยขอซื้อแต่เจ้าของห้องเสื้อยินดียกให้ฟรี
“คุณจิมมีธุระด่วน ให้ผมเข้ามารอรับเจ้านายและพากลับบ้านก่อนครับ”
“ธุระอะไร.. ไปนานหรือยัง”
“เอ่อ.. บอกแต่ว่าธุระครับ เพิ่งออกไปได้ประมาณ 5 นาทีครับ”
“5 นาที บ้าที่สุดเลย รอกันหน่อยก็ไม่ได้”

ทอมเดินจ้ำอ้าวไปที่รถ อารมณ์หงุดหงิดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว คำตอบที่ได้รับทำให้รู้สึกโกรธและหัวเสียอย่างแรง เป็นครั้งแรกที่ถูกจิมทิ้งให้กลับบ้านเอง หนำซ้ำยังเป็นเหตุผลที่ห่วยแตกที่สุด

..ธุระ.. เหตุผล 2 คำ สั้นๆ เนี่ยนะ..

นายเอ๊ดวิ่งตามมาติดๆ เรื่องของเจ้าหนูแม็กกี้ทำให้เจ้านายทอมอารมณ์เสียและหงุดหงิดบ่อยๆ จนไม่มีใครเข้าหน้าติด มีคุณจิมคนเดียวที่เอาอยู่ วันนี้ก็ดันหนีไปทำธุระซะได้..

 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 28-01-2010 11:46:45
สายใยรัก บทที่  11 ..
 “ ใจ  (http://bossja.exteen.com/images/j12.gif)  ส ล า ย ”
----------------------------



จิมกระดกเหล้าอึกสุดท้ายและสั่งเช็คบิล เขาแค่ดื่มย้อมใจเท่านั้นไม่ได้ตั้งใจเข้ามานั่งดื่มจริงจัง  เพราะตั้งแต่เมาจนขาดสติทำเรื่องไม่ดีกับแม็กกี้ในคืนนั้น   เขาตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่ดื่มเหล้าจนตกอยู่ในอาการมึนเมาแบบนั้นอีก   

ร่างสูงก้าวลงจากแท็กซี่ยืนชั่งใจอยู่หน้าประตูรั้วบ้านแม็คกิลล์  ...เกือบจะเที่ยงคืนแล้ว ป่านนี้ทอมนอนหรือยัง   คงโกรธมากที่เขาหายหัวไปตั้งแต่บ่าย    แถมยังไม่ติดต่อกลับมารายงานสักคำว่าทำอะไรอยู่ที่ไหน..

จิมถอนใจเฮือกจนป่านนี้เขายังนึกไม่ออกว่าจะเริ่มต้นยังไง   ไม่รู้ว่าคืนนี้เขาจะรั้งอารมณ์ทอมไว้ได้หรือเปล่า...
 

. . . ใ จ     o7   ส  ล   า  ย . . .

 
“สวัสดีค่ะคุณการ์เซีย ดิฉัน.. มาริสา จิตแพทย์ประจำมูลนิธิ และเป็นพี่เลี้ยงพิเศษให้กับเด็กค่ะ กรุณาตามมาดูก่อนนะคะว่าใช่เด็กคนเดียวกันหรือเปล่า”

จิมไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะได้มีโอกาสเข้ามาในสถานที่แห่งนี้  นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเหยียบย่างเข้ามาใน "บ้านคุ้มครองเด็ก"  เคยแต่ได้ยินได้ฟังและได้รับรู้เรื่องราวจากหน้าหนังสือพิมพ์อยู่บ่อยครั้งถึงความเลวร้ายหลายรูปแบบ ที่เด็กๆ ในสถานที่แห่งนี้ได้รับ  ชีวิตน้อยๆ ทุกชีวิตเข้ามาในสถานที่นี้ในสภาพที่เจ็บปวดทุกคน ที่เห็นวิ่งเล่นอยู่แม้ความเจ็บปวดทางกายจะหายแล้ว แต่สภาพจิตใจยังต้องได้รับการบำบัดและฟื้นฟูอย่างมาก  เด็กบางคนแค่เขาเดินผ่านและสบตาด้วยก็สะดุ้งสุดตัวและวิ่งหนีไป

        จิมใจเต้นระทึกขณะเดินตามจิตแพทย์สาว ซึ่งเป็นแพทย์ประจำมูลนิธิและเป็นผู้ที่โทรหาเขาเพื่อแจ้งข่าวเด็กชายแม็คกิลล์ สแตนลีย์   เขาภาวนาตลอดทางขณะเดินตามเธอไปว่า ..ขออย่าให้ใช่เลย.. ถึงต้องการจะพบแม็กกี้มากแค่ไหน   แต่เขาก็ไม่อยากพบเจ้าหนูในสถานที่แห่งนี้ 

        จิมเดินตามเธอไปที่ห้องพักคนไข้ ใจเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเธอพามาหยุดยืนที่ม่านบานเกล็ดและเปิดออก จึงพบว่าเป็นหน้าต่างกระจกบานใหญ่ที่สามารถมองเห็นทุกมุมภายในห้องคนไข้ได้อย่างชัดเจน และที่เขาเห็นอยู่ขณะนี้คือ ร่างเล็กบอบบางของเด็กชายนอนตะแคงหันหลังให้อยู่บนเตียง แขนขวาถูกเข้าเฝือกไว้  แม้จะยังไม่เห็นหน้า ไม่รู้ว่าใช่แม็กกี้หรือเปล่า แต่เพียงแค่ด้านหลังก็ให้ความรู้สึกคุ้นเคยจนหัวใจเขาเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ

        “หลับอยู่นี่ครับ”   น้ำเสียงเขาแหบพร่า
        “ไม่หรอกค่ะ คอยสักครู่นะคะ”      แพทย์สาวสั่งให้พยาบาลเข้าไปจับเด็กชายหันหน้ามาให้เขาเห็น
        พยาบาลร่างใหญ่วัยกลางคนเข้าไปจับเด็กชายให้นอนตรงๆ  ร่างเล็กดิ้นหนีไม่ยอมให้จับแต่ก็สู้แรงไม่ได้  พยาบาลหันศีรษะเด็กชายมาในจังหวะเดียวกับที่เจ้าหนูหลับตานิ่วหน้าและร้องครางอย่างขัดใจ 
        จิมยืนนิ่งแทบไม่หายใจ

        ..โอ!.. พระเจ้า..   เป็นเด็กชายลูกครึ่งจริงๆ แต่ใบหน้าซูบตอบและขาวซีด    ดูยังไงก็ไม่เหมือนเจ้าหนูแม็กกี้ของเขา จิมผ่อนลมหายใจออกด้วยความรู้สึกโล่งอก  แต่เพียงแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้น เพราะเมื่อเด็กชายลืมตาขึ้นหัวใจเขาก็แทบหยุดเต้นและออกอาการเซจนเกือบจะล้มทั้งยืน  ดวงตาสีน้ำทะเลคู่สวยที่เขาแอบหลงปลื้มและชื่นชมอยู่บ่อยๆ  แม้ที่เห็นอยู่ขณะนี้จะเปลี่ยนเป็นสีเทาหม่นเหมือนไม่ใช่ดวงตาคู่เดิม หากแต่น้ำใสที่คลอระริกและหยดไหลอาบแก้มเนียนที่ขาวซีด  เป็นภาพที่เขาคุ้นตาจนไม่อาจหลอกตัวเองได้ว่าไม่ใช่…

       “คุณการ์เซียคะ   คุณการ์เซีย”
        “หือ.. เอ่อ.. ครับ”
        “คุณโอเคหรือเปล่าคะ  ต้องการยาดมมั้ย  หน้าคุณซีดมาก”
        “ครับ ผมโอเค..  แต่ผมก็.. อยากได้ยาดมด้วย..”
        แพทย์สาวยิ้มอ่อนโยน  เธอเข้าใจความรู้สึกของชายหนุ่มดีแม้จะยังไม่รู้ว่ามีความสัมพันธ์กับเด็กชายอย่างไร เพราะไม่ว่าใครก็ตามหากได้มาพบเด็กที่ตัวเองกำลังตามหาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้… ก็ต้องมีอาการช็อกแบบนี้ทุกราย
        “ถ้าโอเค.. เชิญทางนี้ค่ะ  เราจะคุยเรื่องเด็กต่อ”
        “เอ่อ.. ผมอยากขอเข้าไปดูใกล้ๆ ได้มั้ยครับ”

แพทย์สาวบอกเขาถึงเหตุผลที่ต้องให้ยืนดูอยู่ด้านนอกว่า เด็กชายจะมีอาการผวาและร้องโหยหวนทุกครั้งที่มีผู้ชายร่างสูงใหญ่เข้าใกล้
“ผมอยากให้แน่ใจว่า.. ใช่เด็กของผมหรือเปล่า..”
ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าของจิมทำให้แพทย์สาวจำต้องโอนอ่อน
“จะลองดูก็ได้นะคะ  เชิญค่ะ”

        แล้วจิมก็ต้องล่าถอยออกมาจากห้องทั้งที่ยังอยู่ในอาการตะลึง  อธิบายความรู้สึกตัวเองไม่ถูก  รู้แต่ว่าทุกความรู้สึกเกิดขึ้นรุนแรงพอๆ กัน   ถึงจะภาวนาไว้ว่าขออย่าให้ใช่เลย แต่ที่สุดแล้วเขาก็ยังดีใจที่ได้พบว่าเป็นแม็กกี้จริงๆ  พร้อมกับที่รู้สึกตกใจ เสียใจและเจ็บปวด.. ที่ได้มาพบเด็กชายในสภาพเช่นนี้ 

…พระเจ้า!!… ขนาดเขายังรู้สึกช็อก   แล้วทอมล่ะ …


. . . ใ จ     o7   ส  ล   า  ย . . . 


จิมนั่งกุมขมับ  เสียงกรีดร้องของเด็กชายยังดังก้องอยู่ในหูเขา  มีเพียงเสียงและดวงตาเท่านั้นที่บอกให้รู้ว่าร่างเล็กผอมบางจนแลเห็นกระดูกซี่โครงเป็นแนวคือคนเดียวกับเด็กชายแม็คกิลล์ สแตนลีย์ ที่เขากำลังตามหาเพื่อนำไปส่งคืนให้กับทอม แม็คกิลล์ เทพบุตรของเขา 

เข้าไปใกล้จึงพบว่านอกจากแขนขวาของเด็กชายจะถูกเข้าเฝือกไว้ ยังมีผ้าพันแผลปิดที่ศีรษะบริเวณท้ายทอยและคิ้วซ้าย  ผมสีน้ำตาลอ่อนหยักศกที่เคยยาวเป็นลอนอย่างทรงโจ๋  ซึ่งหลังจากเด็กชายกลับจากโรงพยาบาล ทอมสั่งให้สาวใช้แววที่พอจะมีฝีมือในการตัดผมอยู่บ้าง  ซอยผมแม็กกี้ให้เป็นทรงอย่างที่เด็กผู้ชายควรจะไว้ แต่คงเพราะอาการบาดเจ็บที่ศีรษะ จึงทำให้ผมของเด็กชายถูกกร้อนออกจนสั้นเกรียนติดหนังศีรษะ 

ถ้าไม่เคยได้เห็นกับตามาก่อนว่าดวงตาของแม็กกี้เปลี่ยนสีได้  เขาคงยังไม่ปักใจเชื่อว่าเด็กชายผู้นี้คือแม็กกี้  ดวงตาคู่งามที่เคยเป็นสีน้ำทะเลสดใส… ในวันนี้เปลี่ยนเป็นสีเทาหมอง ไหนจะเสียงครางด้วยอาการตื่นกลัวก็เป็นเสียงที่เขาคุ้นหู เพราะคืนที่เด็กชายถูกเขารังแกก็ส่งเสียงร้องครางแบบนี้ หากแต่เสียงครางที่ดังขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นเสียงกรีดร้องที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน ทำให้เขาต้องรีบผละออกด้วยความตกใจ  เพราะรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังทำให้เด็กชายเจ็บปวด

        “เด็กถูกส่งมาพักฟื้นที่นี่ได้ 3 วันแล้ว  มีคนพบเด็กในตึกร้างย่านชานเมือง  เด็กถูกทำร้ายและถูกทำทารุณทางเพศ ได้รับบาดเจ็บสาหัสที่ช่องทวารและอวัยวะเพศ  จนวันนี้ยังไม่สามารถขับถ่ายและปัสสาวะเองได้ นอกจากนี้ยังมีอาการบาดเจ็บที่ร่างกายหลายแห่ง โดยเฉพาะที่ศีรษะถูกกระแทกอย่างแรงจนมีอาการเลือดคั่งในสมอง โชคยังดีที่ไม่โดนตำแหน่งที่อันตราย แพทย์สามารถผ่าตัดเอาเลือดที่คั่งออกได้อย่างปลอดภัย   แต่เมื่อเด็กรู้สึกตัวก็ไม่ยอมพูดจาและส่งเสียงใดๆ เลย   แพทย์ที่ให้การรักษาสันนิษฐานว่าสมองในส่วนความจำถูกกระทบกระเทือนบางส่วน แต่ที่กระทบรุนแรงมากที่สุดคือภาวะจิตใจของเด็ก ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการรักษาและบำบัดไปพร้อมๆ กับอาการป่วยทางกายด้วย...”

        “....เด็กถูกส่งตัวมาที่นี่เพื่อให้ได้รับการบำบัดและดูแลอย่างถูกวิธี  ดิฉันในฐานะจิตแพทย์มั่นใจว่าเด็กมีอาการลืมความทรงจำเพราะได้รับความกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงที่จิตใจไม่ใช่ที่ศีรษะ    เรียกง่ายๆ ก็คือยังอยู่ในภาวะช็อก  ความทรงจำบางส่วนยังหลงเหลืออยู่   หากแต่เป็นความทรงจำที่เจ็บปวด   ทุกครั้งที่มีใครเข้าใกล้โดยเฉพาะผู้ชายร่างสูงใหญ่   แกจะร้องครางและส่งเสียงโหยหวนอย่างที่คุณเห็นและได้ยินเมื่อครู่...”
        “ใครเป็นคนพบเด็กครับ ตั้งแต่เมื่อไร.. ทำไมเหตุร้ายแรงแบบนี้ไม่เป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์”
        คำตอบที่ได้รับทำให้จิมใจหายอย่างแรง เมื่อรู้ว่าแม็กกี้ต้องประสบกับชะตากรรมที่โหดร้ายตั้งแต่วันแรกที่ออกจากบ้านแม็คกิลล์ไป
        “ถ้าเหตุร้ายแบบนี้ถูกนำเสนอเป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ทุกเรื่อง  ในแต่ละวันคงไม่มีข่าวอื่นให้เราอ่าน คนที่พบและช่วยพาเด็กไปส่งโรงพยาบาลเป็นเจ้าของที่บริเวณนั้น ไม่อยากให้เป็นข่าวลงหน้าหนังสือพิมพ์ด้วย  ตั้งใจว่าจะรอให้เด็กรู้สึกตัวแล้วค่อยแจ้งให้ผู้ปกครองทราบ แต่ปรากฏว่าเมื่อเด็กรู้สึกตัวแล้วกลับจำความอะไรไม่ได้  เขาจึงขอรับผิดชอบโดยออกค่าใช้จ่ายในการรักษาและติดตามเรื่องคดีจนกว่าเด็กจะหายหรือจำความได้ และจะประกาศตามหาผู้ปกครองให้...”

       บทสนทนาสุดท้ายของจิตแพทย์สาวประจำมูลนิธิยังก้องอยู่ในโสตประสาทของจิม

        “..ดิฉันคิดว่าเด็กยังมีความทรงจำที่ดีหลงอยู่ เวลานอนจะส่งเสียงพึมพำเรียกหาใคร  ดิฉันพยายามเงี่ยหูฟังอยู่หลายครั้งกว่าจะจับความได้ ไม่ทราบว่าคุณเป็นคนที่เด็กเรียกหาหรือเปล่า  คุณเป็นแด๊ดดี้ของเด็กหรือเปล่าคะ...”


 o7 o7
 
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 28-01-2010 11:58:07
จิมสูดหายใจรวบรวมความกล้า อะไรจะเกิดก็เกิด ความเจ็บปวดที่เขาจะได้รับเพราะถูกทอมโกรธเกลียด  ยังน้อยกว่าความเจ็บปวดที่ทอมจะได้รับจากเรื่องราวที่เขากำลังจะบอกเล่าหลายเท่านัก

ประตูเปิดออกในขณะที่จิมยืนพิงอยู่ ร่างสูงใหญ่จึงหงายหลังล้มลงไม่เป็นท่า
        “โอ๊ะ!!.. โอ๊ย!!..”
        “อ๊ะ!!.. ฮ้า!!..”

เสียงอุทานดังขึ้นพร้อมกัน ทอมส่งเสียงพร้อมอาการสะดุ้งเฮือก หายจากตกใจสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นบึ้งตึงทันที 
        “ไปไหนมา!!..  หายไปครึ่งค่อนวัน  กลับมา… ป่านนี้..”

น้ำเสียงขึ้งเคียดอ่อนลงในตอนท้าย เมื่อจิมเงยหน้าขึ้นมองเขาตาปริบๆ  ไม่เคยเห็นสีหน้าของจิมหดหู่เศร้าหมองแบบนี้มาก่อน
        “มือถือแบตหมดเหรอ.. ฉันพยายามโทรหาก็ติดต่อไม่ได้ โทรไปที่คอนโดก็ไม่มีใครรับสาย กำลังจะออกไปตาม เผื่อนายอยู่ที่นั่นแล้วไม่ยอม...”

        ทอมชะงักคำพูดไว้แค่นั้น จิมลุกขึ้นคุกเข่าตรงหน้าเขาในอาการที่ทอมเห็นแล้วใจหายวาบ 
        “เอ่อ.. ฉันไม่ได้โกรธนะ จิม.. ฉันเป็นห่วงอ่ะ นายไม่ยอมโทรกลับมาบอกสักคำว่าไปทำอะไร อยู่ที่ไหน…”
        “ฉันปิดมือถือ  ฉันไม่พร้อมจะคุยกับนาย”
        จิมบอกความจริงด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ไม่ห่วงว่าทอมจะโกรธหรือโมโหเพราะอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า  เขาอาจถูกเทพบุตรแสนรักเกลียดชังจนตัดความสัมพันธ์หรือเลิกคบไปเลยก็ได้

        ทอมยืนนิ่งกับคำตอบที่ได้รับทั้งที่ควรฉุนเฉียวและโวยใส่ สภาพอารมณ์ของจิมทำให้เขาตกใจและเป็นห่วงจนไม่มีเวลานึกถึงเรื่องโกรธ  ตั้งแต่คบหาและอยู่ร่วมชายคาเดียวกันมา  จิมไม่เคยไปไหนโดยไม่บอกกล่าวเขาเลย  และถึงบอกแล้วก็ยังโทรมารายงานทุกระยะจนเขารำคาญ วันนี้จิมหายไปตั้งแต่บ่ายสองจนเวลานี้เที่ยงคืนกว่าแล้ว  สองสามวันมานี้เขาคงพูดจากดดันจนจิมรู้สึกเครียดมากต้องหลบไปสงบสติอารมณ์
        “ฉันทำให้นายรู้สึกแย่ใช่มั้ย จิม..  ฉันขอโทษที่เอาแต่อารมณ์”
        จิมรู้สึกผิดมากขึ้นเมื่อทอมเป็นฝ่ายเอ่ยขอโทษก่อน
        “อย่า.. ทอม.. อย่าขอโทษฉัน  ฉันต่างหากที่ต้องขอโทษนายร้อยครั้ง..พันครั้ง.. ฉันมีเรื่องจะสารภาพ.. หลังจากที่ฉันแจ้งข่าวแม็กกี้กับนายแล้ว..”
        ทอมเบิกตาโพลง ทรุดตัวลงละล่ำละลักถามด้วยความดีใจ
        “ห๊ะ!!..  ได้ข่าวแม็กกี้แล้วเหรอจิม..   รู้แล้วใช่มั้ยว่าเค้าอยู่ที่ไหน..”
        จิมพยักหน้า  สีหน้ากังวลและเป็นทุกข์จนทอมเอะใจ
        “ทำไมทำหน้าอย่างนั้น รู้ข่าวแม็กกี้แล้วจริงเหรอ… หลอกให้ฉันดีใจเล่นหรือเปล่า”
        จิมส่ายหน้า    “ไม่ได้หลอก  ฉันเจอแม็กกี้แล้วจริงๆ”
        “เจอแล้ว!!..  อย่าบอกนะว่าที่นายหายไปวันนี้ เพราะไปหาแม็กกี้มา”
        จิมพยักหน้ารับ ก็ถูกทอมผลักหงายลงก้นกระแทกพื้นอีกครั้งด้วยความโมโห
        “บ้าที่สุดเลย.. ทำไมไม่ให้ฉันไปด้วย ทำไมไม่คอย ทำไมไม่เข้าไปบอก แอบหนีไปคนเดียว  รู้ก็รู้ว่าฉันคิดถึงเค้า  ทำไมไม่ให้ฉันไปด้วยล่ะ”   ทอมน้ำตาคลอทั้งโกรธและดีใจไปพร้อมๆ กัน

        จิมใจหายวาบ  ...แค่ได้ข่าวเด็กชาย ทอมก็น้ำตาร่วงแล้ว นี่เขาจะบอกความจริงเรื่องเจ้าหนูยังไงดี...

       “จริงซี!!..”   ทอมกระชากคอเสื้อจิมเข้ามาใกล้ 
        “ไหนๆ ก็ไปพบมาแล้ว ทำไมไม่พากลับมาด้วย นายไม่ได้บอกเด็กเหรอว่าฉันต้องการให้เค้ากลับมาอยู่ด้วยกัน  ทำไมกลับมาคนเดียว  แล้วทำไมมาป่านนี้..”
        ทอมอารมณ์เสียหนักขึ้นเมื่อได้กลิ่นเหล้าจากอีกฝ่าย
        “นี่นายดื่มมาเหรอ... เวลาอย่างนี้นายยังมีอารมณ์ไปนั่งดื่ม นายกำลังทำอะไรอยู่กันแน่  จิมมี่..”
        “ปะ.. ปล่อยก่อน ทอม.. ฉันหายใจไม่ออก”
        ทอมปล่อยมือออกแต่ยังไม่คลายอารมณ์โกรธลง สีหน้าถมึงทึงจนจิม หายใจไม่ทั่วท้อง  อุตส่าห์หลบไปดื่มเหล้าย้อมใจมาแล้ว  ไม่ได้ช่วยให้กำลังใจดีขึ้นเลย
        “ฉันพากลับมาด้วยไม่ได้  แม็กกี้ไม่สบาย”
        “อะไรนะ.. ไม่สบายอีกแล้วเหรอ..  เป็นอะไรอ่ะ ทำไมไม่พากลับมา จะได้พาไปหาหมอ”
        “เอ่อ.. ที่.. ที่นั่นมีหมอดูแลอยู่แล้ว ทอม..”
        “ที่นั่นมีหมอ.. ที่ไหนกันน่ะ  แม็กกี้อยู่ที่ไหนเหรอ  นายไปหาเค้าที่ไหนกันแน่..”   ทอมจับไหล่จิมเขย่า
        “บอกมาเดี๋ยวนี้นะ จิมมี่.. นายไปพบแม็กกี้ที่ไหนมา ที่ที่มีหมอ.. คือโรงพยาบาลใช่มั้ย ทำไมไม่โทรมาบอกให้ฉันตามไป  นายปิดฉันทำไม  รู้ก็รู้ว่าฉันคิดถึงและเป็นห่วงเค้ามาก..”
        “ฉันไม่ได้คิดจะปิดนะทอม.. ที่รีบร้อนออกไปโดยไม่บอกเพราะไม่แน่ใจว่าจะใช่แม็กกี้จริงหรือเปล่า ใจเย็นลงหน่อยได้มั้ย..  ฉันกำลังจะรายงานทุกอย่างให้ฟังอยู่เดี๋ยวนี้แล้ว”
        ทอมปล่อยมือและผละจากจิมขยับไปนั่งชันเข่าพิงผนังห้อง  สีหน้าบูดบึ้งจ้องมองจิมเขม็ง
        “ว่ามา”
        จิมยิ้มแห้งๆ   
        “จะนั่งคุยกันตรงนี้เลยเหรอ  ไปที่โซฟาหรือที่เตียงดีกว่ามั้ย”   จิมลุกขึ้นยืนหันไปปิดประตูที่ยังเปิดคาไว้และยื่นมือให้ทอม 
        ทอมเบือนหน้าหนีแต่ก็ยอมส่งมือให้โดยดี  จิมฉุดทอมขึ้นยืน  เขาเดินมานั่งที่เตียงแต่อีกฝ่ายกลับเดินไปที่โซฟา

        จิมลอบถอนใจ ที่ผ่านมาแม้จะรู้สึกเหนื่อยใจที่ต้องเป็นฝ่ายวิ่งตามทอม แต่เขาก็ตามจนทันและหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งทุกครั้ง เพราะสามารถทำให้ทอมยิ้มและหัวเราะได้  แต่สำหรับคืนนี้เขาหมดหนทางที่จะแก้ไขสถานการณ์ที่แสนจะเลวร้ายนี้ได้จริงๆ 
        ทอมนั่งนิ่งสายตาจ้องเขม็งมาที่เขา  คิ้วเรียวขมวดมุ่นเหมือนกับจะถามว่าเมื่อไรจะเริ่มเรื่องซะที..
       จิมสูดหายใจลึกรวบรวมจิตใจให้เข้มแข็ง ก่อนจะเริ่มถ่ายทอดเรื่องราวของเด็กชายที่ได้รับรู้และได้เห็นกับตาในวันนี้ให้ทอมฟังอย่างกระชับที่สุด
        “ฉันได้รับโทรศัพท์แจ้งเรื่องแม็กกี้ตอนนายเข้าไปถ่ายสองช็อตสุดท้าย..”

(http://bossja.exteen.com/images/j12.gif)

ทอมนั่งตะลึงหัวใจแทบหยุดเต้น ทุกคำพูดของจิมเหมือนหนามแหลมคมนับพันเล่มทิ่มแทงลงกลางหัวใจ  เขาเคยได้ยินได้ฟังเรื่องโหดร้ายทำนองนี้ในหน้าหนังสือพิมพ์อยู่บ่อยครั้ง  ทุกครั้งก็ได้แต่นึกเกลียดชังคนกระทำและเวทนาเด็กที่ถูกทำร้าย  และที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีเรื่องโหดร้ายเช่นนี้เกิดขึ้นกับเด็กหรือคนใกล้ตัวที่เขารู้จัก  แต่ถึงมีก็คงไม่เจ็บปวดจนแทบจะขาดใจเหมือนที่เขากำลังรู้สึกอยู่ในขณะนี้ เป็นเพราะเด็กที่เขารู้จักคนนี้คือเจ้าหนูแม็กกี้  เด็กชายที่เขาเคยรู้สึกเกลียดชังจับใจในวันแรกที่เหยียบย่างเข้ามาในบ้านแม็คกิลล์ เพราะบังอาจมายืนอยู่ตรงหน้าเขาและบอกด้วยรอยยิ้มซื่อๆ ว่า  " ….ผมอยากพิสูจน์ความจริงว่าคุณทอมเป็นพ่อผมจริงหรือเปล่า…"

       “ทอม.. ทอม..”
        จิมเขย่าร่างปากก็เรียกเทพบุตรของเขาให้รู้สึกตัว ทอมนั่งนิ่งฟังเขาเล่าโดยไม่แสดงอาการตกใจมากมายอย่างที่เขาวิตก หากแต่อาการนิ่งเฉยและนั่งฟังอย่างสงบกลับน่ากลัวยิ่งกว่า เพราะสีหน้าของทอมขณะนี้แทบจะไม่มีสีเลือดแล้ว
        จิมดันตัวทอมเอนลงพิงพนักและบีบนวดที่ขมับให้  แต่อาการก็ยังไม่ดีร่างเพรียวกระตุกเหมือนขาดอากาศหายใจ
        “ทอม..  หายใจลึกๆ ทอม.. หายใจ..”
        จิมใจหายอย่างแรง ไม่เคยเห็นทอมหายใจติดขัดรุนแรงแบบนี้มาก่อน ใบหน้างามขาวซีดแทบไม่มีสีเลือด ..โอ!.. พระเจ้า ทอมตกอยู่ในอาการช็อกจนไม่สามารถหายใจด้วยตัวเองได้ 
        “ฮะ… ฮา..”  ทอมพยายามหายใจทางปาก นิ้วเรียวจิกที่ต้นแขนเขาเหมือนกับจะบอกว่า..  ช่วยหน่อย..  จิมมี่..

        จิมเงยหน้าทอมขึ้น เขาต้องช่วยทอมหายใจ ต้องช่วยให้อากาศเข้าไปในปอดก่อน จิมใช้มือบีบจมูกทอมไว้และประกบริมฝีปากของเขาลงบนริมฝีปากซีดเขียว ค่อยๆ เป่าลมเข้าก่อนจะคลายมือที่บีบจมูกออก  มันเป็นวิธีผายปอดเพื่อช่วยคนที่หัวใจหยุดเต้น  แต่นอกจากวิธีนี้แล้วเขาไม่รู้ว่าจะทำยังไงที่จะให้อากาศเข้าไปในปอดได้ ถ้ามัวแต่คิดและลังเลอยู่เทพบุตรสุดรักของเขาคงขาดอากาศหายใจและหัวใจคงหยุดเต้นจริงๆ

        นอกจากจิมแล้วไม่มีใครรู้ว่าเทพบุตรทอม แม็คกิลล์ สุดยอดนายแบบ 3 สมัย มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับระบบการหายใจ  ทอมจะมีอาการหายใจติดขัดทุกครั้งที่รู้สึกเครียดอย่างหนัก  จิมเคยปรึกษาหมอที่เขารู้จักได้รับการสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นอาการบีบรัดตัวของหลอดลมในขณะที่เกิดอาการเครียด จิมเคยขอให้ทอมไปตรวจเช็คร่างกายเพื่อหาทางรักษาอาการประหลาดนี้  แต่ทอมไม่ยอมไปกลับบอกเขาหน้าตาเฉยว่า   …นายก็อย่าทำให้ฉันเครียดซี…

        ด้วยเหตุนี้.. หน้าที่ของจิมจึงไม่ใช่แค่ผู้จัดการส่วนตัวคอยดูแลและจัดคิวงานให้สุดยอดนายแบบทอมเท่านั้น  นอกเหนือเวลางานจิมต้องติดตามทอมไปทุกที่เหมือนเงาตามตัว  หลายคนให้ตำแหน่งบอดี้การ์ดประจำตัวเทพบุตรทอมกับจิม  แต่เขากลับรู้สึกเหมือนตัวเองไม่ต่างจากคนรับใช้ส่วนตัวของทอม แต่ถึงยังงั้นก็เถอะ  จิมไม่ได้ยอมทำทุกอย่างตามคำสั่งของทอมเพราะหวังเงินค่าจ้าง แต่เขาทำตามคำสั่งของหัวใจตัวเองที่อยากปกป้องและทำทุกอย่างเพื่อคนที่ตัวเองรัก

        จิมช่วยทอมหายใจอยู่ชั่วครู่ อาการของทอมก็ทุเลาขึ้นจนสามารถหายใจเองได้ ใบหน้าเริ่มมีสีเลือด สักครู่ก็กลับสู่อาการปกติ เขาสวมกอดทอมไว้และลูบหลังไปมาเพื่อปลอบโยนให้คลายความตกใจ เสียงหัวใจเต้นแรงมากจนจิมต้องสูดลมหายใจเข้าออกเพื่อเรียกสติกลับคืนมา เพราะเสียงที่ได้ยินเป็นหัวใจที่กำลังตื่นตระหนกของเขาเอง

        ทอมซบหน้ากับไหล่กว้าง  รู้สึกดีขึ้นเมื่อได้อยู่ในอ้อมกอดที่แข็งแรงและอบอุ่นนี้   นี่เป็นครั้งแรกที่เขาหายใจติดขัดอย่างรุนแรง    ถ้าจิมไม่ช่วยไว้เขาคงขาดใจตายแน่  เขาไม่ได้กลัวตายแต่เขาตายตอนนี้ไม่ได้  มีภาระใหญ่หลวงที่เขาต้องรับผิดชอบรออยู่ ชีวิตเด็กชายวัย 12 ปีที่อาจจะเป็นสายเลือดของเขา ต้องประสบเคราะห์กรรมที่โหดร้ายเพราะเขาเป็นต้นเหตุ  ถ้าไม่ชดใช้ถึงตายก็คงนอนตาไม่หลับ

        “ขอบใจนะ จิม.. ขอบใจที่ช่วยชีวิตฉันไว้”   ทอมกล่าวเสียงแผ่วเบา
        จิมผงกศีรษะรับ ทอมรู้สึกว่าร่างกายตัวเองสะท้าน คิดว่าอาการอาจกำเริบขึ้นอีกจึงสวมกอดจิมแน่นขึ้น  แต่แล้วก็ต้องรีบผละออกเมื่อรู้ว่าอาการสะท้านไม่ได้มาจากร่างกายของตัวเอง
        ทอมตกใจเมื่อเห็นใบหน้านองน้ำตาของจิม  จิมร้องไห้.. ทำไม?.. เขาต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายหลั่งน้ำตาไม่ใช่จิม..
       “ฉันขอโทษทอม.. ฉันขอโทษ..” น้ำเสียงสั่นเครือของจิมยืนยันความ รู้สึกจากส่วนลึกว่าเขาเสียใจมากจริงๆ
        ทอมกัดริมฝีปากเพื่อระงับอาการเสียใจของตัวเอง     
        “อย่าร้องไห้ซี จิม.. ขอโทษทำไม.. ไม่ใช่ความผิดของนายซะหน่อย ฉันต่างหากที่ผิด”
        จิมร้องไห้เพราะตกใจกับอาการของทอม ถ้าวิธีช่วยหายใจเมื่อครู่ไม่ได้ผลและทอมเป็นอะไรไป  เขาจะไม่ยกโทษให้ตัวเองเลยตลอดชีวิตนี้
        “อย่าโทษตัวเองซีทอม.. นายไม่ผิด.. เรื่องที่เกิดขึ้นกับแม็กกี้เป็นเคราะห์กรรมที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เหมือนที่นายและเด็กได้มาพบกันก็เป็นเพราะสวรรค์ลิขิตไว้”
        คำพูดของจิมกระทบจิตใจทอมอย่างแรง  ทำนบที่กั้นบ่อน้ำตาไว้ทะลายลงน้ำใสไหลพรากอาบแก้ม 
        จิมใจหายวาบ เขาพยายามจะปลอบแต่กลับทำให้ทอมเสียใจมากขึ้นถึงขั้นปล่อยโฮสะอื้นไห้ 
        “ฮึก.. ฮือ.. เพราะฉันไม่ดีเอง ฉันขี้ขลาดไม่กล้ารับความจริง เคราะห์กรรมของแม็กกี้ฉันเป็นคนหยิบยื่นให้ ฉันโหดร้ายยิ่งกว่าไอ้เดนมนุษย์พวกนั้น  ฉันเลวมากใช่มั้ย จิม..  ฉันเป็นคนเลว.. ฮือ..”
        จิมรั้งทอมเข้าสวมกอด ทอมเสียใจและตีโพยตีพายต่อว่าตัวเองแบบนี้ดีกว่านิ่งอึ้งไปและอยู่ในอาการช็อกแบบเมื่อครู่
        “ไม่นะ ทอม.. นายไม่ใช่คนเลว ได้โปรดอย่าว่าตัวเองแบบนี้  ถ้านายผิด  ฉันก็ผิดด้วย ฉันเลวร้ายยิ่งกว่านายหลายเท่า เคราะห์ร้ายที่เกิดขึ้นกับแม็กกี้มันผ่านพ้นไปแล้ว เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอดีตแต่เราดูแลอนาคตของเด็กได้  บอกฉันซิว่านายยังยินดีที่จะเลี้ยงดูแม็กกี้อยู่หรือเปล่า หือ..”
        ทอมผละออกใบหน้านองน้ำตามองจิมอย่างไม่พอใจ
        “ทำไมถามแบบนี้ นายคิดว่าแม็กกี้เป็นสิ่งของที่ถูกทำลายจนแตกหัก  และกลัวว่าฉันจะไม่อยากเก็บรักษาไว้แล้วยังงั้นเหรอ..”
        …ไปโน่น… จิมตาปริบๆ อึ้งกับคำเปรียบเทียบของทอม
        “เปล่านะ..  ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้นซะหน่อย  แค่ถามย้ำให้แน่ใจอีกครั้งจะได้ยืนยันกับเจ้าหน้าที่ ว่าเราจะรับเด็กมาดูแลต่อหลังจากที่เด็กอาการดีขึ้นแล้ว”
        “อีกนานแค่ไหน จิม..  ฉัน.. ฉันอยากพาเขากลับมาอยู่ด้วยพรุ่งนี้เลย”
        “ไม่ได้หรอกทอม.. ต้องรอให้อาการป่วยของแม็กกี้หายดีกว่านี้ก่อน  พรุ่งนี้ฉันจะพานายไปเยี่ยม  ตอนนี้ดึกมากแล้วนอนพักผ่อนก่อนเถอะนะ”
        ทอมพยักหน้ารับอย่างไม่ค่อยเต็มใจ  จิมจึงลุกขึ้นยืน
        “จะไปไหนอ่ะ” น้ำเสียงตระหนกของทอมเหมือนกลัวว่าจิมจะออกไปไหนอีก
        จิมหัวเราะเบาๆ  ก่อนตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
        “ไปอาบน้ำซีครับ บ๊อส..  ดึกป่านนี้ไม่ออกไปไหนแล้วล่ะครับ”
        “อาบที่นี่เลยซี  คืนนี้ฉันไม่อยากอยู่คนเดียว นอนเป็นเพื่อนได้มั้ย จิม..”
        จิมเห็นสีหน้าทอมแล้วสงสารจับใจ 
        “อย่าคิดมาก ทอม.. ไปนอนก่อนนะ ฉันอาบน้ำเสร็จแล้วจะมานอนเป็นเพื่อน โอเค..”
        “ฉันจะหยิบเสื้อนอนให้”
        ทอมลุกขึ้นยืนก็ถูกจิมฉุดไว้พาเดินมาที่เตียง
        “ฉันจัดการเองได้  นอนได้แล้วทอม  ดึกมากแล้ว”
        ทอมเอนตัวลงนอนอย่างว่าง่าย  จิมห่มผ้าให้และก้มลงจูบหน้าผากเบาๆ  รู้สึกแปลกใจตัวเอง ทำไมคืนนี้เขาไม่นึกอยากแตะต้องทอมด้วยความเสน่หาเลย ทั้งที่ได้มีโอกาสอยู่ใกล้ชิดขนาดนี้

(http://bossja.exteen.com/images/j12.gif)



หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 28-01-2010 12:06:04
จิมออกจากห้องน้ำเทพบุตรแสนรักก็หลับปุ๋ยไปแล้ว เขาถอนใจด้วยความโล่งอกก่อนซุกตัวลงใต้ผ้าห่มอย่างเงียบกริบ แต่ในขณะที่กำลังจะเคลิ้มหลับก็สะดุ้งกับเสียงเรียก

        “จิม.. หลับรึยัง..”
        ร่างสูงขยับตัวนอนตะแคง
        “ทำไมยังไม่นอนอีก.. อยากไปหาแม็กกี้แต่เช้าไม่ใช่เหรอ ถ้านอนไม่พอจะปวดหัวนะ”
        “ฉันนอนไม่หลับ ในหัวมีแต่เสียงร้องของแม็กกี้ ฉันนึกถึงความฝันที่ได้ยินเสียงเขาร้องไห้ ฉันบอกนายแล้วว่าแม็กกี้อาจถูกทำร้าย อาจได้รับบาดเจ็บ นายก็ไม่เชื่อ”
        จิมลอบถอนใจ … ไม่น่าหาวิธีปลอบด้วยการเอ่ยชื่อเจ้าหนูขึ้นมาเลย…
        “ฉันไม่อยากพิสูจน์ความจริงกับแม็กกี้แล้ว จิม.. ถ้าฉันเป็นพ่อเขาจริงๆ ฉันคงทนไม่ได้แน่..”
        “ทนไม่ได้เรื่องอะไร  นายไม่อยากให้แม็กกี้เป็นลูกของนายจริงๆ เหรอ”
        “ฉันกลัว.. แค่คิดว่าฉันอาจเป็นพ่อเขา ฉันก็เจ็บมากขนาดนี้แล้ว ถ้าเป็นพ่อจริงๆ  จะเจ็บปวดมากกว่านี้กี่เท่าก็ไม่รู้”
        จิมใจหายกับความวิตกกังวลของทอม  ถึงเวลาที่เขาต้องบอกความจริงแล้วกระมัง แสงไฟกลางคืนที่หัวเตียงสว่างพอที่เขาจะเห็นสีหน้าและดวงตาของทอมส่อแววทุกข์ใจจริงๆ   จิมจับมือทอมบีบเบาๆ
        “ฟังนะทอม.. นายจะไม่เจ็บมากไปกว่านี้อีกแล้ว นายไม่รู้ตัวหรอกว่าความรู้สึกที่นายเป็นอยู่ขณะนี้  ไม่ใช่ความรู้สึกของคนที่คิดว่าตัวเองอาจจะเป็นพ่อของเด็ก นายคิดถึงแม็กกี้ โหยหาและห่วงใยเมื่อเขาจากไป  ดีใจที่ได้พบ เสียใจและเจ็บปวดที่รู้ว่าเขาเจ็บ ทุกความรู้สึกของนายที่มีต่อแม็กกี้วันนี้ คือความรู้สึกของคนที่อยู่ในฐานะพ่อเต็มตัวแล้ว รู้มั้ย..”
        “จริงเหรอ..”    น้ำเสียงแผ่วเบาของทอมเหมือนไม่แน่ใจ
        “จริงซี.. ไม่เชื่อเหรอ..”
        “อือ.. ฉันเชื่อนาย จิม.. นายไม่เคยคิดหรือทำอะไรผิดพลาดเลยสักครั้ง งั้นนอนต่อเถอะ  จะได้ตื่นแต่เช้าไปหาแม็กกี้กัน”
        ทอมคว้าหมอนข้างมาสวมกอด
        “กู๊ดไนท์ จิมมี่.. ปลุกฉันแต่เช้าเลยนะ..”
        “โอเค.. กู๊ดไนท์ ทอม..”
        ครั้งนี้จิมเป็นฝ่ายนอนไม่หลับเผลอขยับตัวไปมา 2-3 ครั้ง  ทอมหันมาถามด้วยน้ำเสียงงัวเงีย
        “เป็นอะไร จิม.. นอนไม่หลับเหรอ..” 
        “เอ่อ.. ฉันมีเรื่องอยากจะบอก..”  จิมผุดลุกขึ้นนั่ง  ถ้าไม่ได้บอกความจริงเขาไม่มีทางนอนหลับแน่
        “เรื่องอะไร.. ไว้พรุ่งนี้ล่ะกัน นายบอกเองว่าให้รีบนอน  ยังจะมัวคุยอะไรอยู่อีก”
        “เอ่อ..เรื่องแม็กกี้  มีเรื่องหนึ่งที่ฉันรู้แล้วแต่นายยังไม่รู้”
        ทอมลุกพรวดขึ้นนั่ง   อ้าปากจะโวยก็ถูกจิมเอามือปิดปากไว้
        “ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงทอม.. เป็นเรื่องดี แต่รับปากก่อนว่าจะไม่อารมณ์เสีย ไม่เอะอะโวยวายตอนนี้ ถ้าโกรธและไม่พอใจฉันก็เก็บเอาไว้คิดบัญชีวันหลัง ตกลงมั้ย.. ถ้าไม่ตกลงฉันก็จะไม่บอกอะไรนาย และจะไม่พานายไปหาแม็กกี้ด้วย..”

        คิ้วเรียวขมวดเมื่อได้ยินข้อต่อรองประโยคหลังก่อนพยักหน้ายินยอมโดยดี   จิมจึงปล่อยมือออก
        “ฉันแค่อยากจะบอกนายว่า... แม็กกี้เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของนายจริงๆ  ฉันแอบเอาเส้นผมของนายกับแม็กกี้ไปตรวจดีเอ็นเอ ผลปรากฏออกมาก่อนหน้าที่แม็กกี้จะหนีไป 2 วัน  ฉันตั้งใจจะบอกนายแต่เกิดปัญหาเรื่องลูกในท้องแคธรีนขึ้นมาซะก่อน เลยกะว่า.. เอาไว้บอกวันที่นายจูงมือแม็กกี้ไปพิสูจน์ความจริง แต่พอเด็กหนีไปฉันก็เลยไม่รู้จะบอกนายยังไง ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปิดเรื่องนี้ตลอดไปแค่ยังไม่มีโอกาสบอกเท่านั้น จะโกรธก็ยอมนะทอม.. แต่อย่าเกลียดฉัน” 
        ทอมนั่งเงียบรับฟังโดยไม่พูดไม่จา ไม่โวยไม่ถาม เล่นเอาจิมใจไม่ดีกลัวจะช็อกอีกเป็นรอบที่สอง  ขยับเข้าไปจะกอดปลอบอีกฝ่ายก็ล้มตัวลงนอนเอาดื้อๆ จิมถอนใจด้วยความโล่งอก ทอมยอมรับเรื่องที่เขาบอกเล่าด้วยดีอย่างไม่น่าเชื่อ
        “จะรีบนอนแล้วใช่มั้ย    พรุ่งนี้ฉันจะปลุกแต่เช้าพาไปหาแม็กกี้นะ”
        จิมกระซิบเอาใจก่อนล้มตัวลงนอน แต่จู่ๆ ทอมก็ลุกพรวดขึ้นนั่งอีก  ร่างสูงผวาขึ้นนั่งตามด้วยความตกใจ
        “ฉันจะไปตอนนี้ จะไปหาแม็กกี้เดี๋ยวนี้เลย ฉันคิดถึงเค้า คิดถึงแม็กกี้ ได้ยินมั้ยจิม..  ฉันคิดถึง.. ฮึก..”   ทอมนั่งกอดเข่าสะอื้น
        “ใจเย็นๆ ซีทอม..  รอให้เช้าก่อนค่อยไปนะ”
        จิมนึกโมโหตัวเองว่าไม่น่าบอกความจริงเวลานี้เลย
        “ไม่เอา!!.. จะไปเดี๋ยวนี้ ถ้าเขาไม่ให้เข้า เราก็จอดรถรออยู่ข้างหน้าจนถึงเช้าหรือจนกว่าเขาจะเปิด”
        ทอมกระโดดลงจากเตียงตรงไปที่ตู้เสื้อผ้า
        “นายจะพาฉันไปหรือเปล่าจิมมี่.. นี่เป็นเวลานอน นายไม่ไปก็ได้แต่ฉันจะไป”
        จิมนั่งอึ้งมองตาปริบๆ  ทอมเปลี่ยนชุดด้วยความรวดเร็วไม่ถึง 2 นาทีก็อยู่ในสภาพพร้อมจะออกจากบ้าน  ทอมเดินไปที่โต๊ะเขียนหนังสือก่อนจะตรงมาหาเขา  โยนสมุดโน้ตปากกาและกุญแจรถให้
        “เลือกเอาจิม.. ถ้าไม่พาฉันไป  ก็เขียนแผนที่มา”

 :o12: :o12:

ในยามวิกาลเช่นนี้…    กว่าชายหนุ่มสองคนจะได้รับอนุญาตให้เข้ามาในบ้านคุ้มครองเด็กก็เล่นเอาวุ่นวายพอสมควร จิมลงไปเจราจากับยามรักษาความปลอดภัยขออนุญาตเข้าไปเยี่ยมเด็กเป็นกรณีพิเศษ    แต่ยามไม่ยอมให้เข้าอ้างว่าไม่ใช่เวลาเยี่ยมและขอให้มาใหม่ในตอนเช้า  แต่พอทอมตามลงมาพูดคุยด้วยไม่กี่ประโยค ร.ป.ภ. หนุ่มใหญ่ก็รีบเปิดทางให้โดยดี  ไม่ใช่เพราะคลับคล้ายคลับคลาว่าทอมเป็นนายแบบชื่อดัง  แต่เพราะคำพูดของทอมที่จิมเองก็แทบไม่เชื่อหูตัวเอง

        “…ผมไม่ได้มาเยี่ยมเด็ก ผมมาหาลูก ลูกผมอยู่ข้างใน ถ้าคุณพี่อยู่ในฐานะพ่อ..เหมือนผม คงจะเข้าใจความรู้สึกของผมตอนนี้ กรุณาให้ผมได้เข้าไปหาลูกเถอะนะครับ..”

        ร.ป.ภ. ยอมเปิดทางให้เพราะเขาเองก็อยู่ในฐานะพ่อคนเหมือนกัน จึงเข้าใจความรู้สึกของทอมตอนนี้ดี  แต่ขอให้เขาได้ติดต่อเจ้าหน้าที่ที่อยู่เวรดูแลด้านในก่อนและโชคดีเหลือเกินที่เจ้าหน้าที่อยู่เวรดูแลคืนนี้คือแพทย์หญิงมาริสา

        หมอมาริสาได้รับแจ้งจาก ร.ป.ภ. ว่ามีพ่อของเด็กที่อยู่ในบ้านหลังนี้จะขอเข้ามาเยี่ยมลูก   แต่ที่เธอพบกลับเป็น เจมส์ การ์เซีย ชายหนุ่มที่เธอพบปะและพูดคุยด้วยเมื่อตอนบ่าย มาพร้อมกับ ทอม แม็คกิลล์ นายแบบหนุ่มผู้มีชื่อเสียงโด่งดังบนเวทีแคทวอล์ค

        หมอมาริสาขอคุยกับจิมเป็นการส่วนตัว โดยบอกให้พยาบาลพาทอมไปหาเด็กชายที่ห้องก่อน จิมไม่อยากให้ทอมเห็นสภาพของแม็กกี้โดยที่ไม่มีเขาอยู่ด้วย แต่ทอมกลับตอบรับด้วยความยินดีและรีบเดินตามพยาบาลไป จิมมองตามด้วยความเป็นห่วง

        “เกิดอะไรขึ้นคะคุณการ์เซีย.. เราเพิ่งคุยกันไปเมื่อตอนบ่าย คุณบอกว่าคุณไม่ใช่พ่อของเด็ก แต่คุณกลับบุกเข้ามาในยามวิกาลเช่นนี้โดยอ้างกับยามว่าจะมาหาลูก ดิฉันไม่แน่ใจว่าตัวเองฟังผิดหรือคุณตั้งใจพูดปด เพราะยังตกใจเลยไม่กล้ารับความจริงเรื่องความสัมพันธ์ของคุณกับเด็ก  ช่วยอธิบายให้กระช่างชัดด้วยค่ะ แต่คงไม่บอกดิฉันว่านายแบบหนุ่มที่มากับคุณด้วยเป็น พ่อ ของเด็กนะคะ..”

        แม้จะได้รับรู้ถึงสภาพและอาการบาดเจ็บของเด็กชายจากคำบอกเล่าของ จิมมาก่อนแล้ว แต่เมื่อได้มาเห็นด้วยตาตัวเอง ทอมก็เกือบตกอยู่ในอาการช็อกอีกครั้ง เพราะจังหวะที่พยาบาลพาเขาเข้ามาในห้อง แม็กกี้กำลังส่งเสียงร้องครางเหมือนกำลังเจ็บปวด  ทอมถลาเข้าไปหาด้วยความตกใจ  หัวใจแทบสลายกับสภาพของเด็กชายที่นอนอยู่ตรงหน้า
        ทอมไม่รู้ว่าเขายืนตะลึงอยู่นานแค่ไหน รู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงครางสลับกับเสียงเรียก
        “อือ~~  อือ~~ แด๊ดดี้.. แด๊ดดี้.. อือ~~ ”

        …โอ!..พระเจ้า.. คนที่แม็กกี้เรียกหาขณะกำลังได้รับความเจ็บปวดคือ พ่อ..
        ทอมหวนนึกถึงความฝันของตัวเองใน 2 - 3 คืนแรกที่เด็กชายจากไป เสียงร้องเรียกให้ช่วยของแม็กกี้ผ่านเข้ามาในความฝันของเขา  แสดงว่าเจ้าหนูต้องเชื่อมั่นว่าเขาคือพ่อจริงๆ จึงสื่อความรู้สึกถึงเขาได้
        ...เด็กโง่!!.. ในเมื่อเชื่อมั่นขนาดนี้แล้วยังจะต้องการพิสูจน์อะไรอีก หากพิสูจน์ออกมาแล้วไม่ใช่.. คนที่จะเสียใจและเจ็บปวดคือตัวเธอเองนะ แม็กกี้..
        ...เพราะสำหรับฉันในวันนี้.. ต่อให้เธอไม่ใช่สายเลือดของฉัน ฉันก็ยินดีที่จะเลี้ยงดูเธอ  เพราะอะไรรู้มั้ย.. เพราะฉันหลงรักเธอเข้าแล้ว แม็กกี้.. ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไร..  รู้แต่ว่าวันนี้ฉันรักเธอสุดหัวใจของฉันเลย...

จิมแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง ทอมนั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียงเด็กชายด้วยอาการสงบ  ไม่มีความรู้สึกใดๆ แสดงออกบนสีหน้า  ดวงตาคู่สวยไม่มีน้ำใสไหลรินหรือเอ่อคลอให้เห็น   ทั้งที่ในใจกำลังเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส  ทอมกลับสงบสติอารมณ์ได้อย่างไม่น่าเชื่อ

  . . . ใ จ    (http://bossja.exteen.com/images/j12.gif)   ส  ล   า  ย . . .

หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 28-01-2010 12:15:45
(http://forum.mthai.com/data/34/1/30-11-2009/42106/images/42106_headline?1262765249)

แหะๆ  :try2:   บริการกระดาษทิชชูค่า~

อย่าตาเขียวใส่เจ๊หมวยเลย  เนื้อเรื่องเป็นแบบนี้    :sad4:

เขียนเรื่องนี้เจ๊หมวยเสียน้ำตาเป็นปี๊บเลย  เขียนไปร้องไห้ไป

 :o12:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: iiดาวพระสุขლii ที่ 28-01-2010 12:45:39
 :m15:

เข้ามารับบริการทิชชู่...
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 28-01-2010 13:59:57
 :m15: :m15: :m15:

ทิชชู่ไม่พอหรอก

ขอผ้าขนหนูด่วน

แม๊กกี้ ไม่น่าเลย :serius2:

หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 28-01-2010 14:51:22
(http://farm3.static.flickr.com/2302/2055159950_ea091a862d.jpg)

เอาเข้ามาวางให้   แล้วรีบวิ่งหนีออกไป

 :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: WEERACHOT ที่ 28-01-2010 15:21:40
มันเจ็บยังไม่พอเจ้ เอาให้เจ็บกว่านี้อีก  :laugh:

บีบใจสุดทน เครียดดดด

หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: tatum1234 ที่ 28-01-2010 16:25:07
 o22ช๊อก.....

 :serius2:ม่ายยยย..ไม่จริง...แม็กกี้...ไม่ไม่ไม่...ม่ายยยยยยยยย

:sad4:แม๊กกกกกี้...
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 28-01-2010 18:55:45
นี่มาน อาราย ก๊า น นน น น นน    :a5:

ไม่ได้ นั่ง ตาเขียว นะ

แต่นั่ง ตาแดง มากกว่า

 :sad4:   :sad4:   :sad4:

 :z3: 
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: จุ๊บจิ๊บจ๊ะจ๋า ที่ 28-01-2010 19:10:02
 :o12: :o12: :o12:

ทิชชู่ไม่พอ ขอผ้านวมแทนได้ไหมอ่ะ :m15: :m15: :m15:

เจ๊หมวยอ่ะ :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 28-01-2010 21:39:51
 :z3: โอ้ยยยย...เครียดดดดดดดดด...

สงสารแม็กกี้จัง



หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: kunkai ที่ 28-01-2010 21:47:39
ชีวิตแม๊กกี้
เจอแต่ความเลวร้าย  :impress3:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: kungyung ที่ 28-01-2010 21:58:54
 :o12: :o12: :o12: :o12:
ทำไมมันถึงได้รันทดเยี่ยงนี้หนออออออออ
สงสารแม็กกี้สุดๆๆ :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: aekporamai2 ที่ 28-01-2010 22:35:32
 :L2: :3123: :L1: o13
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: nbee ที่ 28-01-2010 23:09:42
 

:o12:  ชีวิตแม็กกี้ช่างโหดร้ายซะจริงๆ

หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: ThyRist ที่ 29-01-2010 00:06:56
จิ้มก่อนอ่านเรื่องเจ๊หมวยงับ ^^


สัญญาว่าจะอ่านให้จบแน่นอน อิอิ

..
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 29-01-2010 10:41:42
เจ้หมวย.....
จบเรื่องนี้แล้วเอา fatherhood มาลงต่อเลยนะอยากอ่าน
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 29-01-2010 13:11:28
“เดี๋ยวตามไปคุยกับฉันที่ห้องก่อนนะ จิม..”
ทอมก้าวลงจากรถเดินขึ้นตึก จิมมองตามด้วยความรู้สึกกังวล ทอมนั่งเงียบมาตลอดทางสีหน้าเฉยจนเดาอารมณ์ไม่ถูก คำสั่งเมื่อครู่เป็นคำพูดแรกที่ออกจากปากทอม
ทอมอยู่ในชุดนอนนั่งเอกเขนกอยู่บนเตียง จิมเดินมาหยุดยืนข้างๆ เขาเข้าใจว่าทอมช็อกกับสภาพของแม็กกี้ แต่ครั้งนี้ทอมช็อกด้วยอาการนิ่งเงียบ
“เรื่องด่วนหรือทอม.. นอนพักก่อนเถอะ  นายไม่ได้นอนทั้งคืนเลยนะ”
“นั่งซีจิม.. ฉันอยากคุยกับนายก่อน”
จิมทรุดตัวลงนั่งไม่ได้นึกเอะใจเลยว่าทอมกำลังตัดสินใจเรื่องใหญ่ในชีวิต
“มีอะไรหรือทอม.. โอเคหรือเปล่า.. เงียบแบบนี้ฉันไม่สบายใจเลยรู้มั้ย..”
“นายชินกับการเห็นฉันโวยวายหรือร้องไห้เสียใจใช่มั้ย   ต่อไปนี้นายจะไม่ได้เห็นฉันในสภาพนั้นอีก   ฉันจะไม่ทำตัวเหมือนเด็กที่ต้องคอยรับการปลอบโยนจาก พี่ชาย อีกต่อไป ”
จิมยิ้มเฝื่อนกับคำว่า ‘พี่ชาย’ แต่ก็นิ่งฟังต่อโดยไม่ขัดหรือทักท้วงใดๆ
“เพราะตั้งแต่วันนี้ฉันไม่ใช่หนุ่มโสดที่ไม่มีภาระให้รับผิดชอบ  ฉันไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวแล้ว  ฉันมีอีกหนึ่งชีวิตที่ต้องดูแล~”
“ฉันเข้าใจความรู้สึกของนายนะ ทอม.. ไม่ต้องเป็นห่วงและกังวลอะไรทั้งนั้น  แม็กกี้ไม่ใช่ภาระที่จะทำให้นายต้องเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเอง  ฉันเห็นด้วยที่นายจะรับเด็กกลับมาดูแลเองเมื่อเขาแข็งแรงดี  แม็กกี้ได้อยู่ใกล้ๆ นายก็อาจทำให้ความจำฟื้นกลับคืนมาเร็วขึ้น ฉันจะรับงานน้อยลง… นายจะได้มีเวลาอยู่กับแม็กกี้ที่บ้าน และจ้างพยาบาลไว้สักคนคอยดูแลตอนที่เราไม่อยู่”
“ไม่.. ฉันจะดูแลแม็กกี้เอง ฉันไม่รับงานอีกจนกว่าเขาจะหาย..”
“ว่าไงนะ!!.. ล้อเล่นน่ะทอม.. มันต้องใช้เวลากว่าแม็กกี้จะฟื้นความจำ  อาจจะแค่ไม่กี่สัปดาห์ แต่ก็อาจเป็นเดือน.. หรือเป็นปี..”
“นานแค่ไหนฉันก็ไม่สน ที่ฉันอยากคุยกับนายคือเรื่องนี้”
ทอมเอื้อมมือหยิบสมุดเช็คที่โต๊ะข้างเตียง  เซ็นชื่อและดึงออกจากสมุดส่งให้  จิมรับเช็คมาถืออย่างงงๆ ไม่มีตัวเลขบนเช็คมีแต่ลายเซ็น
“อะไร? ”

“ค่าเสียหายที่โรเจอร์จะขอเรียกคืนที่ฉันผิดสัญญาไม่เดินทางไปประกวดสุดยอดนายแบบที่ญี่ปุ่น  และเงินชดเชยสำหรับนาย 10 เดือน เพราะเมื่อฉันไม่รับงานก็ไม่มีงานให้นายทำและไม่รู้ว่าจะใช้เวลานานแค่ไหน อาจไม่กี่เดือนหรืออาจเป็นปีอย่างที่นายว่า ฉันยินดีให้นายไปหางานใหม่  ฉันรู้ว่ามีโมเดลลิ่งหลายแห่งอยากให้นายไปร่วมงานด้วย  นายไม่ใช่ผู้จัดคิวงานธรรมดาแต่เป็นนักต่อรองที่วิเศษสุด เหมาะที่จะนั่งโต๊ะสั่งงานหรือต่อรองเรื่องธุรกิจมากกว่างานที่ทำอยู่กับฉันทุกวันนี้ ใส่ตัวเลขเองนะจิม.. เผื่อนายต้องการมากกว่า 10 เดือน สำหรับนายเท่าไรฉันก็ยินดี…”

จิมนั่งตะลึงอยากจะคิดว่าเขาง่วงจนผล็อยหลับไปและกำลังฝันร้าย แต่ก็ไม่ใช่.. นี่คือความจริง เขาไม่ได้หลับ ในมือเขามีเช็คหนึ่งใบไม่ใส่ตัวเงิน ลายเซ็นทอม แม็คกิลล์ จริงๆ ไม่อยากเชื่อเลย นี่มันยิ่งกว่าฝันร้ายซะอีก..

เขาไม่ได้ตกใจที่ทอมตัดสินใจยกเลิกการเดินทางไปประกวดสุดยอดนายแบบ  เพราะเป็นเรื่องที่เขาคิดกังวลไว้ล่วงหน้าแล้ว และตกใจเล็กน้อยที่ทอมจะหยุดรับงานทั้งหมดเพียงเพื่อต้องการดูแลแม็กกี้เองจนกว่าจะหาย…  หากแต่ เรื่องที่ไม่เคยนึกถึงมาก่อน และทำให้เขารู้สึกเหมือนมีอะไรจุกอยู่ที่ลำคอจนพูดไม่ออกคือการถูกทอมบอกเลิกจ้าง…

“นายกำลังบอกเลิกจ้างฉันด้วยเงินชดเชย 10 เดือน ยังงั้นหรือทอม..”
“ฉันให้นายใส่ตัวเลขเองไง จิม.. ฉันไม่รู้ว่าควรจะให้เท่าไร รู้แต่ว่าไม่ควรต่ำกว่า 10 เดือน”
“หึ!!.. เท่าไรก็ได้ยังงั้นเหรอ..”
“ใช่!!.. สำหรับนายฉันยินดี..”
“เท่าไรก็ยินดีงั้นเหรอ.. 10 เดือนสำหรับฉันไม่พอหรอกนะทอม.. ถ้าฉันจะขอ 5 ล้าน นายยังยินดีอยู่หรือเปล่า”

ทอมนิ่งไปชั่วครู่ก่อนให้คำตอบที่ทำให้จิมตะลึงอึ้งไปอีก
“ลองเช็คเงินในบัญชีดูก่อนนะจิมว่ามีเท่าไร.. ถ้าจำไม่ผิดมีแค่ 15 ล้านเศษเอง จ่ายค่าผิดสัญญาให้โรเจอร์แล้วเหลือเท่าไรแบ่งกันคนละครึ่งนะ ฉันยินดีเพราะนายเองก็มีส่วนในเงินพวกนี้ ฉันจะเอาเงินส่วนที่เหลือไว้รักษาแม็กกี้  ฉันอยากเลี้ยงดูเขาด้วยเงินที่มาจากน้ำพักน้ำแรงของฉันเอง ไม่อยากแตะต้องเงินมรดกของตระกูล”

จิมสูดลมหายใจเข้าและระบายออกช้าๆ ทอมพูดเรื่องเงินด้วยน้ำเสียงวิตกเหมือนกลัวว่าเขาจะไม่ยอมรับเงินน้อยกว่า 5 ล้าน
...ให้ตายเถอะ!.. นี่มันอะไรกัน จนถึงนาทีนี้ทอมยังไม่เข้าใจความรู้สึกที่เขามีให้ คิดว่าเขาอยู่ด้วยทุกวันนี้เพราะค่าจ้างและงานในหน้าที่ยังงั้นเหรอ...

จิมลุกขึ้นยืน
“ฉันต้องการ 5 ล้าน  ถ้าอยากให้ฉันไปจากชีวิตนาย ” 
ทอมเงยหน้าขึ้นมองสีหน้าและแววตาตื่นตระหนก จิมระบายยิ้มด้วยความสะใจที่สามารถย้อนความเจ็บปวดกลับคืนไปให้เทพบุตรสุดรักของเขาได้
“ไปจากชีวิต หมายความว่าอะไร ” ความตระหนกของทอมไม่ได้อยู่ที่เงิน 5 ล้าน
“หึ!.. ก็หมายความว่าฉันน้อมรับคำสั่งเลิกจ้างของนาย และยินดีที่จะไปหางานใหม่ทำโดยไม่หวนกลับมาให้นายเห็นหน้าอีก”
จิมเบือนหน้าหนีเมื่อพูดจบจึงไม่เห็นอาการตกใจของอีกฝ่าย
“ต้องจากไป.. ไม่กลับมาอีก..” ทอมทวนคำพูดเบาๆ
“งานใหม่ของนายอยู่ไกลมากเหรอ..”
จิมชักเหลืออด หันกลับมาจับต้นแขนสองข้างของทอมบีบอย่างแรง
“ใช่!!.. ฉันยินดีจากไป จะไม่หวนกลับมาอีก จะไม่รับงานในวงการนี้ จะไปให้ไกลจากนายสุดหล้าฟ้าเขียวเลย พอใจหรือยัง”
จิมผลักทอมหงายลงบนที่นอน
“ฉันไม่ต้องการเงินชดเชยจากนายไม่ว่าจะ 5 ล้าน หรือ 10 ล้าน ต่อให้มากกว่านี้อีกกี่ร้อยเท่าก็ชดเชยความรู้สึกของฉันไม่ได้ ฉันจะคุยกับโรเจอร์ยกเลิกการเดินทางให้ ฉันเข้าใจที่นายต้องเลือกแม็กกี้มากกว่าความฝันสูงสุดของตัวเอง ไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าเสียหายให้โรเจอร์หรอก ฉันจะคุยกับเขาเอง เก็บเงินของนายไว้รักษาลูกเถอะ”
จิมจ้ำอ้าวผละจากไป กำลังจะก้าวออกจากห้องก็ต้องชะงักกับเสียงเรียก

“หยุดนะ!!.. เมเนนเดส การ์เซีย.. ฉันไม่ให้นายไป..”

จิมยืนนิ่งไม่เข้าใจตัวเองว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาจนถึงนาทีนี้ เขาทนอารมณ์และความเอาแต่ใจตัวเองของทอมได้อย่างไร จู่ๆ ก็ไล่ให้ไปหางานใหม่ทำ พอจะไปก็สั่งให้หยุด..
“ต้องการอะไรอีก โทมัส แม็คกิลล์ นับจากนาทีนี้ไปคุณจะออกคำสั่งกับผม ไม่.. ได้.. แล้ว.. ”
คำพูดสุดท้ายงึมงำอยู่ในลำคอเพราะหันกลับมาเห็นเทพบุตรสุดรักนั่งกอดเข่าน้ำตานองหน้า
“ทำไมต้องไปด้วย.. นายไปแล้วฉันจะอยู่กับใคร..” ทอมสะอื้นไห้ เพิ่งบอกว่าจะไม่ทำตัวเป็นเด็กต่อหน้าจิมอีก เอาเข้าจริงๆ ก็ทำไม่ได้
จิมแทบจะถลาเข้าไปคุกเข่าตรงหน้า แต่ฝืนยืนนิ่งรอดูสถานการณ์
“ฉันจ้างนายเหมือนเดิมก็ได้ ถ้านายไม่เบื่อที่อยู่กับฉันแล้วไม่มีงานทำ ดีกว่าให้นายไปหางานใหม่ที่ไกลสุดหล้าฟ้าเขียว แล้วต้องจากฉันไป..”
จิมถอนใจเฮือกใหญ่ เดินกลับไปหยุดยืนตรงหน้าทอม
“มันเป็นความต้องการของใครกันล่ะ หา!!.. นายเป็นคนอยากให้ฉันไปฉันก็จะไป จะเอาอะไรอีก...”
“ฉันไม่ได้อยากให้นายจากไปซะหน่อย ฉันแค่อยากให้นายไปหางานใหม่ทำเท่านั้น”
“หางานใหม่..” จิมกล่าวย้ำด้วยความไม่แน่ใจ หรือว่า…เขาฟังไม่เข้าใจและตีโพยตีพายไปก่อน
“ใช่!!.. หางานใหม่ทำดีกว่าอยู่ว่างไปวันๆ แต่ถ้างานใหม่ของนายอยู่ไกลจนต้องจากไปฉันก็ไม่เอา ฉันจ้างนายเหมือนเดิมก็ได้ ถ้านายไม่เบื่อที่ไม่มีงานทำ”
จิมทรุดตัวลงคุกเข่าตรงหน้าและจับมือเทพบุตรสุดรักไว้แน่น หัวใจเต้นแรงด้วยความยินดี
“หมายความว่านายต้องการให้ฉันไปหางานใหม่ทำ แต่ยังอยู่ที่นี่กับนายเหมือนเดิมยังงั้นเหรอ..”
ทอมพยักหน้า
“ฉันไม่ได้อยู่คนเดียวมานานแล้ว ถ้านายไปแล้วฉันจะอยู่กับใคร.. แล้วแม็กกี้ล่ะ.. นายจะปล่อยให้ฉันดูแลแม็กกี้ในสภาพแบบนี้คนเดียวงั้นเหรอ ไหนบอกว่าจะช่วยฉันดูแลอนาคตของเขาไง ฉันเลี้ยงลูกคนเดียวไม่ได้นะ จิมมี่.. ฉันไม่รู้ว่าคนเป็นพ่อต้องทำยังไงบ้าง~ ”   ทอมสะอื้นน้ำตาร่วงผล็อยลงอีก

…โอ!.. พระเจ้า เขาเข้าใจทอมผิดไปเองหรือนี่…

จิมจูบมือทอมเบาๆ และเช็ดน้ำตาให้
“อย่าร้องไห้ ทอม.. ฉันจะไม่ไปไหน ฉันขอโทษที่เข้าใจนายผิด”
จิมลุกขึ้นนั่งบนเตียง สวมกอดทอมไว้และบอกความในใจของตัวเองบ้าง
“ฟังนะ ทอม.. นายจะงดรับงานสักระยะเพื่อดูแลแม็กกี้ก็แล้วแต่ใจนะ แต่เมื่อนายไม่มีงานให้ฉันทำ ความสัมพันธ์ฉันท์ลูกจ้างกับนายจ้างของเราก็จบลงเท่านี้ นับจากนี้ไปฉันจะอยู่เคียงข้างช่วยนายดูแลแม็กกี้ ในฐานะอะไรก็ได้แล้วแต่นายอยากให้เป็น ยกเว้นในฐานะลูกจ้าง เพราะฉะนั้นอย่าพูดเรื่องเงินค่าจ้างกับฉันอีก เก็บเงินที่มีอยู่ไว้ใช้จ่ายและรักษาลูกเถอะนะ”
“แล้วนายจะเอาเงินที่ไหนใช้ล่ะ ฉันจ่ายให้นายเหมือนเดิมดีกว่าแต่น้อยลงกว่าเดิมหน่อย”
“ไม่นะทอม.. อย่าทำอย่างนั้น นายต้องใช้เงินอย่างประหยัด เมื่อไม่รับงานก็ไม่มีรายได้เข้ามา ไม่ต้องห่วงฉัน ฉันจะหางานพิเศษทำ”
“งานพิเศษเหรอ.. อยู่ไกลหรือเปล่า ต้องไปจากที่นี่มั้ย”
“หัวใจฉันอยู่ที่นี่ ถ้าไปก็หมายความว่าฉันต้องไปแต่ตัว แล้วฉันจะมีชีวิตอยู่ได้ยังไงถ้าไม่ได้เอาหัวใจไปด้วย”
ทอมหน้าแดง เบี่ยงตัวออกต่อว่าแก้เขิน
“กะล่อนน่ะ.. เมื่อกี้ถ้าฉันไม่เรียกไว้นายก็ไปแล้ว”
“ใช่.. ฉันไปแน่ถ้าเป็นความต้องการของนาย ฉันยอมจากไปทั้งที่ไม่มีหัวใจ รู้ใช่มั้ยว่าหัวใจฉันอยู่กับใครในบ้านหลังนี้..”
จิมสบตาทอมอย่างมีความหมาย ทอมเบือนหน้าหนีรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ เมื่อนึกถึงคำพูดที่ตัวเองเคยออกปากไว้
….อยากมีเซ็กซ์กับฉันมากใช่มั้ย จิม.. ถ้าช่วยฉันตามหาแม็กกี้กลับมาได้ ฉันจะยอม แต่ถ้าไม่ได้อย่ามาแตะต้องตัวฉันอีก…
ทอมขบริมฝีปากแน่น ภาวนาขออย่าให้จิมจำคำพูดนี้ได้เลย..
“รู้ใช่มั้ย ทอม.. ว่าทุกห้องหัวใจของฉันมีแต่นาย แล้วหัวใจของนายล่ะ.. นอกจากแม็กกี้แล้วยังพอมีว่างสักห้องให้ฉันอยู่มั้ย”
“จะบ้าใหญ่แล้วนะ เพ้อเจ้ออยู่ได้ นี่ไม่ใช่เวลาพูดเรื่องหัวใจนะ”
จิมซ่อนยิ้มในหน้า
“โอเค.. ไม่พูดเรื่องหัวใจก็ได้ งั้นจำได้มั้ย นายสัญญาอะไรกับฉันไว้ถ้าฉันหาแม็กกี้พบ หือ..”
ทอมสะดุ้งโหยง รีบสั่นศีรษะปฏิเสธ
จิมขมวดคิ้ว “จำไม่ได้หรือ ทอม.. เป็นลูกผู้ชายต้องรักษาคำพูดนะ”
จิมดันร่างทอมนอนลงและตามลงไปคร่อมทับ
“ไม่รู้ล่ะ ฉันจะขอทวงสัญญาของนายวันนี้และตอนนี้เลย..”
ริมฝีปากร้อนประทับจูบบนเรียวปากนุ่มอย่างรวดเร็ว
“อึ๊.. อือ~~ ”

ทอมอ่อนระโหยลงทันทีที่ลิ้นอุ่นของจิมแทรกเข้ามาสัมผัสกับลิ้นของเขา ระยะหลังที่ถูกจิมจูบ เขาไม่มีเรี่ยวแรงจะผลักไสหรือแม้แต่จะเบือนหน้าหนี ยอมนอนนิ่งแต่โดยดี ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าเพราะอะไร

จิมถอนริมฝีปากเมื่อรู้สึกว่าทอมเริ่มหายใจติดขัด เขาตั้งใจแค่จะกระเซ้าเล่นเท่านั้น หากแต่ใบหน้าแดงเรื่อที่นอนหลับตาพริ้มอยู่ตรงหน้าขณะนี้เย้ายวนให้อารมณ์ปรารถนาภายในกระเจิงเกินรั้งไว้ได้ ลิ้นร้อนไล่สัมผัสไปทั่วใบหน้างาม ซุกซนซอกซอนใบหูละเรื่อยลงสู่ลำคอ ริมฝีปากไล้ลงบนกระดุมเสื้อและใช้ฟันปลดออกทีละเม็ดอย่างรวดเร็ว มือไม้เริ่มซอกซอนเข้าไปสัมผัสผิวกายและเลื่อนไล้ไปทั่วเรือนร่าง ลิ้นอุ่นดูดเม้มติ่งเนื้อที่ยอดอกสลับไปมา

“อ๊ะ.. อา~~ ” เสียงครางแผ่วหวานของทอมเหมือนเป็นสัญญาณบอกให้จิมเดินหน้าต่อไปได้

หลายวันที่ผ่านมาทอมคิดถึงแต่เรื่องแม็กกี้จนมีแต่ความเครียด คงไม่ ได้ระบายความต้องการให้ตัวเองนานแล้ว จิมลากลิ้นสัมผัสแผ่นท้องแบนราบ มือรูดกางเกงนอนของทอมลงไปกองที่ปลายเท้าและปลดออก

ทอมสะดุ้งเฮือกเมื่อส่วนสำคัญของร่างกายถูกครอบครองด้วยความร้อน จากอุ้งมือและลิ้นอุ่นของจิม
“อา~~ ” ทอมร้องครางดวงตาคู่สวยหลับพริ้ม สัมผัสที่ได้รับทำให้อารมณ์ปรารถนารุมเร้าเกินเหนี่ยวรั้งไว้ได้แล้ว
“อึ๊ก.. ฮะ… ฮา~~ ”
ทอมระบายลมหายใจออก ใบหน้าแดงซ่านด้วยความเขินอายสุดชีวิตเมื่ออารมณ์ที่ปลดปล่อยออกมาถูกอีกฝ่ายกลืนกินลงไป เป็นครั้งที่สองแล้วที่จิมส่งเขาขึ้นสวรรค์ด้วยวิธีนี้ แต่ครั้งนี้เขายินยอมด้วยดีไม่เหมือนครั้งแรก
“ฉันรักนาย ทอม.. รักมาก.. รักสุดหัวใจเลย รู้มั้ย หือ…”
ทอมเบือนหน้าหนีด้วยความอาย
“ได้โปรด.. เป็นของฉันเถอะนะ ทอม..” เสียงทุ้มกระซิบเสียงแผ่วและสั่นพร่า
ทอมใจหายวาบเมื่อเห็นร่างสูงอยู่ในสภาพพร้อมที่จะเผด็จศึกเขา จิมถอดกางเกงออกตอนไหนทำไมเขาไม่เห็นเลย
“มะ.. ไม่.. จิมมี่.. อย่า~~ ”
จิมไม่เปิดโอกาสให้ทอมปฏิเสธ เขาปิดปากทอมด้วยจูบที่ร้อนแรงขึ้นกว่าเดิม น้องชายที่กำลังตื่นตัวของเขากำลังรอรับการปลดปล่อย จิมใช้สองมือแยกต้นขาทอมออก
ทอมสะดุ้งเฮือก สองมือดันอกกว้างไว้ด้วยกำลังที่มีอยู่ทั้งหมด
“มะ.. ไม่นะ.. จิมมี่.. อย่าทำ ฉันยังไม่พร้อมอ่ะ อย่า~~ อือ..” ทอมหลับตาสะอื้นตัวสั่น
จิมใจหายวาบรีบผละออกด้วยความตกใจ
“อย่าร้อง ทอม.. ฉันขอโทษ.. ไม่ทำแล้วนะ”
ทอมเอาแต่หลับตาและส่ายหน้า จิมลอบถอนใจด้วยความผิดหวัง รีบดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างเพื่อให้ทอมรู้สึกปลอดภัยและมั่นใจว่าเขาไม่ทำอะไรแล้วจริงๆ
“พักผ่อนนะ ทอม.. นายไม่ได้นอนทั้งคืนเลย ฉันจะจัดการเรื่องโรเจอร์ให้เรียบร้อย ไม่ต้องห่วงนะ..”

จิมกระซิบปลอบน้ำเสียงอ่อนโยน ก่อนคว้ากางเกงของตัวเองขึ้นมาสวม และหยิบกางเกงนอนของทอมที่กองอยู่กับพื้นขึ้นมาวางบนเตียง ร่างสูงยืนนิ่งมองเทพบุตรแสนรัก แม้จะนึกเสียดายที่ไม่ประสบความสำเร็จถึงขั้นสุดท้ายในการมีเซ็กซ์ร่วมกับทอม แต่อย่างน้อย..วันนี้ทอมยินยอมให้เขามอบความสุขให้ ถือว่าความหวังของเขาใกล้จะเป็นจริงแล้ว เขาผิดเองที่จู่โจมเร็วเกินไป..

ทอมลืมตาขึ้นเมื่อเสียงประตูปิดลง ถอนหายใจเฮือกด้วยความโล่งอก ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันทีเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ อดถามตัวเองไม่ได้ว่าเขายินยอมให้จิมทำเรื่องน่าอายแบบนี้เพราะจำต้องรักษาสัญญาพล่อยๆ ที่ให้ไว้ หรือเพราะทำตามความปรารถนาของหัวใจตัวเองกันแน่...

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 29-01-2010 13:25:20
สายใยรัก บทที่ 12 ..
 “ อ้อมกอดพ่อ   (http://bossja.exteen.com/images/j11.gif)  เป็นยาวิเศษ ”

-----------------------


“มองอะไรอยู่เหรอ แม็กกี้..”

ทอมมองตามสายตาเด็กชายไปยังท้องฟ้าเบื้องหน้า อยากรู้ว่าในใจของเจ้าหนูคิดอะไรอยู่ ตั้งแต่เขามาถึงจนเวลานี้ชั่วโมงกว่าแล้ว แม็กกี้เอาแต่นั่งเกาะหน้าต่างมองดูท้องฟ้า ไม่สนใจว่ามีใครนั่งพูดคุยอยู่ข้างๆ
 
…เด็กไม่รับรู้ในเรื่องที่ผ่านมา  ไม่รู้แม้กระทั่งว่าตัวเองเป็นใคร  ความทรงจำส่วนใหญ่หายไป ที่พอจะหลงอยู่บ้างกลับเป็นความเจ็บปวดที่ได้รับขณะถูกทำร้าย แต่ยังโชคดีค่ะที่เด็กจำพ่อได้  ค่อยๆ พูดคุยกับแกทุกวันนะคะ  ถ้าเป็นคุณแล้วดิฉันเชื่อว่าจะสามารถเข้าถึงจิตใจของเด็ก และช่วยฟื้นความทรงจำของแกกลับคืนมาได้…

...ที่แม็กกี้ยังจำได้คือแด๊ดดี้ของตัวเอง ไม่ใช่เขา.. ทอม แม็คกิลล์ ผู้โหดร้ายใจดำที่คอยคิดแต่จะกำจัดเด็กชายไปให้พ้นจากชีวิต   ตอนนี้แม็กกี้ลืมเขาได้แล้ว... เขาน่าจะดีใจ แต่ทำไมถึงเสียใจและเจ็บปวดมากมายเช่นนี้ ขณะนั่งพูดคุยอยู่ข้างๆ สายตาเด็กชายไม่เคยหยุดนิ่งที่เขา เหมือนเขาไม่มีตัวตนอยู่ในที่นี้..

        ..บางครั้งเด็กอาจเข้าใจที่คุณพูด แต่บางครั้งก็ไม่ต่างจากเด็กเล็กไร้เดียงสา ต้องพร่ำบอกพร่ำสอนให้เข้าใจ    คอยสังเกตว่าแกให้ความสนใจและจ้องมองอะไรอยู่นานๆ  แสดงว่าอาจมีความทรงจำในสิ่งนั้นหลงเหลืออยู่บ้าง…  

        “คิดอะไรอยู่เหรอ แม็กกี้..  บนท้องฟ้ามีอะไรครับ..”
        ทอมกระซิบถามน้ำเสียงขื่น ไม่ได้หวังให้เจ้าหนูตอบแค่ต้องการให้เสียงของเขาผ่านเข้าโสตประสาทของเด็กชายบ้าง
        “มีใครอยู่บนโน้นใช่มั้ย  แม่แอนนาหรือเปล่า  หรือว่าแด๊ดดี้.. หือ..”

        ดวงตาเด็กชายเป็นประกายเมื่อได้ยินคำว่า "แด๊ดดี้" แต่เพียงแว่บเดียวก็เลือนหายไป  ทอมจูบแก้มเนียนใสเบาๆ  อยากกอดใจจะขาดแต่ไม่กล้า  วันแรกที่ถูกเขาสวมกอดขณะมีสติเจ้าหนูแผดร้องด้วยความตกใจ มีอาการหวาดกลัวจนตัวสั่น  เขาต้องรีบผละและล่าถอยออกมาด้วยความตกใจเช่นกัน

..เฉพาะผู้ชายเท่านั้นค่ะที่แกไม่ยอมให้จับต้อง  สำหรับคุณทอมคงใช้เวลาไม่นานเด็กอาจยอมรับ ถ้าอยากกอดจริงๆ หมอแนะนำให้กอดตอนแกหลับสนิทแล้วค่ะ..  

        หนึ่งสัปดาห์เต็มแล้วที่ทอมแวะเวียนมาเยี่ยมแม็กกี้ตั้งแต่สายและอยู่จน ถึงบ่ายเย็น บางวันอยู่ถึงค่ำรอจนเด็กชายนอนหลับสนิทก่อนเพื่อจะได้มีโอกาสกอดเจ้าหนูอย่างที่หมอมาริสาแนะนำ

        สองวันแรกเด็กชายไม่ยอมให้ทอมเข้าใกล้ต้องมีพยาบาลอยู่ข้างๆ ด้วย แต่แค่วันที่สามทอมก็สามารถนั่งอยู่ข้างแม็กกี้ตามลำพัง ในขณะที่จิมได้แค่ยืนอยู่ห่างๆ ไม่สามารถเข้าใกล้ได้ในระยะประชิด  เพราะเจ้าหนูจะขยับหนีและส่งเสียงร้องครางทันที ปลอบยังไงก็ไม่หายจากอาการตื่นกลัวจนทอมต้องไล่จิมออกไปให้พ้นหน้าเด็กชาย

 :m15: 

วันนี้จิมปล่อยให้ทอมอยู่ตามลำพังกับแม็กกี้ ส่วนเขาเลี่ยงออกมานั่งพูดคุยกับหมอมาริสาที่สนาม

“เชื่อแล้วค่ะว่าคุณทอมเป็นพ่อของเด็กจริงๆ ถ้าไม่ใช่…. คุณทอมคงไม่มีโอกาสได้เข้าใกล้แกแน่  เป็นเพราะเด็กยังมีความทรงจำในเรื่องพ่อ  ถ้าเป็นอย่างนี้ดิฉันเชื่อว่าคงใช้เวลาไม่นาน เด็กจะค่อยๆ ฟื้นความจำส่วนอื่นๆ ขึ้นมาได้”

       จิมเล่าเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างทอมกับแม็กกี้ให้หมอมาริสาฟังว่า แม็กกี้รู้ว่าทอมเป็นพ่อมาตั้งแต่เด็กโดยที่ทอมไม่เคยรู้มาก่อน เด็กมาหาทอมที่บ้านเมื่อ 2 เดือนที่แล้วบอกว่าตัวเองเป็นลูกของทอม ต้องการมาพิสูจน์ความจริงว่าทอมเป็นพ่อจริงหรือเปล่า ทอมช็อกกับเรื่องที่เด็กบอกเล่า แม้ความ สัมพันธ์ระหว่างทอมกับแม่ของเด็กจะเป็นเรื่องจริง แต่ทอมก็ไม่เชื่อว่าเด็กเป็นลูกของเขา ทอมขอเวลาทำใจ 2 เดือน ก่อนที่จะยอมพิสูจน์ความจริงโดยให้เด็กพักอาศัยอยู่ด้วย

        “ระหว่างนั้นผมได้แอบพิสูจน์ความสัมพันธ์ระหว่างทอมกับเด็กแล้ว พบ ว่าทอมเป็นพ่อของเด็กจริงๆ แต่ผมไม่ได้บอกทอม กะว่าจะรอให้ครบกำหนด 2 เดือนที่ตกลงกันไว้ แต่เมื่อเกิดเรื่องเด็กหนีออกจากบ้าน ผมรู้สึกเสียใจมากที่ไม่ได้บอกความจริงให้ทอมรู้ เพราะถึงจะอยู่ในสภาพที่เมามากแค่ไหน หากรู้ว่าเป็นลูกจริงๆ ทอมก็คงไม่ออกปากไล่เด็กออกจากบ้าน  เรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับเด็กผมจึงมีส่วนต้องรับผิดชอบด้วยครับหมอ”

ถ้าไม่ใช่เพราะหมอมาริสาดักคอไว้ก่อนว่า ต้องการรู้ความจริงเกี่ยวกับตัวเด็กเพื่อประโยชน์ในการรักษาแล้วล่ะก็  จิมไม่มีทางบอกเรื่องจริงทั้งหมดให้เธอฟังแบบนี้แต่ถึงยังไงเขาก็บอกเฉพาะเรื่องที่สมควรจะบอกเท่านั้น  เรื่องที่ทอมคิดจะกำจัดเด็กไปให้พ้นจากชีวิต  แม้แผนการเลวร้ายส่วนใหญ่มาจากความคิดของเขาก็ตาม  เขาไม่บอกเรื่องนี้ให้เธอรับรู้แน่  ภาพพจน์ของทอม แม็คกิลล์ สุดยอดนายแบบคนดังจะโหดร้ายใจดำได้อย่างไร  แค่ทอมต้องตกที่นั่งเป็นพ่อของเด็กชายวัย 12 ปี ในขณะที่ตัวเองอายุแค่ 27 ปี  ใครได้ฟังก็อึ้งพอแล้ว

        “ผมก็หวังให้เป็นอย่างที่หมอพูด อยากให้แม็กกี้เห็นว่าทอมคือทอม  กลัวแกจำไม่ได้ แต่คิดว่าทอมเป็นผู้หญิงเพราะหน้าตาทอมสวยงามกว่าผู้หญิงบางคนซะอีก”
        “คงไม่หรอกค่ะ ดิฉันคิดว่าเด็กจำเสียงคุณทอมได้   ไม่เช่นนั้นคงกล่อมให้แกฉี่เองไม่ได้หรอกค่ะ แต่ก็จริงอย่างที่คุณว่านะคะ คุณทอมหล่อและสง่างามเหมือนเจ้าชายในเทพนิยายจริงๆ”
        จิมหัวเราะคำเปรียบเปรยของหมอ  อดภูมิใจแทนเทพบุตรของเขาไม่ได้
        ...เห็นมั้ยล่ะ ไม่ใช่แต่ฉันคนเดียวที่ยกย่องนายเป็นเทพบุตร  ความงามของนายเหมือนเจ้าชายในเทพนิยายอย่างที่หมอมาริสาว่าจริงๆ...
       ...เจ้าชายแม็คกิลล์... ตอนนี้พระองค์กำลังทำอะไรอยู่กับพระโอรสน่ะ...

       จิมมองไปที่หน้าต่างห้องพักของเด็กชาย สักครู่ก็หันมาทางหมอมาริสาเหมือนนึกขึ้นได้
        “เอ่อ.. หมอครับ  ถ้ายังไงอย่าลืมที่ผมขอไว้  เรื่องทอมกับแม็กกี้…”
        “อ๋อ.. ค่ะ  นอกจากดิฉันแล้วมีพยาบาลหน้าห้องอีก 1 คนเท่านั้นที่รู้  ด้วยเกียรติของวิชาชีพพยาบาลและจรรยาบรรณของหมอค่ะ”
        หมอมาริสายกมือขวาขึ้นส่งยิ้มหวานให้ชายหนุ่ม
        “หรือจะให้สาบานก็ได้นะคะ  ว่าเรื่องนี้จะเป็นความลับ..”
        “โอ๊ะ!.. ม.. ไม่ครับหมอ..”   จิมจับมือแพทย์สาวไว้ด้วยความตกใจ
        “ได้โปรดอย่าทำขนาดนี้เลย  แค่หมอรับปากผมก็วางใจแล้ว”  จิมกล่าวด้วยความเกรงใจ 
        “แค่นี้ผมกับทอมก็เป็นหนี้บุญคุณหมอมากแล้วที่ช่วยดูแลแม็กกี้อย่างดี  มีอะไรที่เราสองคนพอจะช่วยเหลือมูลนิธิได้  โปรดอย่าเกรงใจนะครับ”
        “ขอบคุณสำหรับความมีน้ำใจค่ะ ส่วนเรื่องแม็กกี้ได้โปรดอย่าเกรงใจเลย เป็นหน้าที่ของดิฉันอยู่แล้ว”  หมอมาริสายิ้มให้ชายหนุ่มอย่างอ่อนโยนก่อนจะเอ่ยอย่างสุภาพ
        “ขอโทษนะคะ  ขอมือคืนค่ะ”
        จิมสะดุ้ง  นึกขึ้นได้ว่ายังกุมมือหมอไว้   รีบปล่อยมือและกล่าวขอโทษ
        “อ๊ะ!.. เอ่อ.. ขอโทษครับ หมอ..  ขอโทษครับ”  จิมหัวเราะแก้เขิน
        “ไม่อยากเชื่อเลยนะคะ ว่าคุณเป็นผู้จัดการส่วนตัวของคุณทอม”
        “ทำไมล่ะครับ   ผมดูไม่น่าเชื่อถือเหรอ..”
        “ค่ะ ไม่น่าเชื่อว่าจะทำหน้าที่แค่จัดคิวงานให้คุณทอม ถ้าไม่บอกดิฉันคงเข้าใจว่าคุณเป็นเพื่อนนายแบบด้วยกัน  ก็คุณจิมน่ะ..หล่อน้อยกว่าคุณทอมแค่หน้าตาเท่านั้น แต่รูปร่างสมส่วนอย่างนักกีฬาแบบนี้ นายแบบบางคนยังสู้ไม่ได้เลยนะคะ  สาวๆ คงหลงเสน่ห์น่าดู  นี่ถ้าดิฉันยังโสดอยู่ก็ไม่แน่นะคะ”
        หมอมาริสากล่าวจบก็หัวเราะเหมือนเป็นแค่เรื่องคุยสนุก แต่จิมหัวเราะไม่ออกได้แต่ยิ้มแห้งๆ   เพราะไม่แน่ใจว่าเธอชมหรือแขวะเขากันแน่   แต่ที่รู้ๆ คือ หมอกำลังบอกให้เขารู้ว่าเธอมีเจ้าของแล้ว…

        …โธ่! หมอครับ.. ผมก็อยากจะบอกหมอว่า หัวใจของผมก็มีเจ้าของแล้วเหมือนกัน….

 :กอด1:

       “เป็นอะไร แม็กกี้.. ปวดฉี่ใช่มั้ย..”
        ทอมเอามือจับที่ท้องน้อยเด็กชายเมื่อเจ้าหนูมีอาการขนลุก  แต่สายตาก็ยังไม่ละความสนใจจากท้องฟ้า
        ทอมก้มลงหยิบกระบอกฉี่ขึ้นมาเตรียมพร้อม ก่อนจับต้องอวัยวะเพศเด็กชายเขาต้องกระซิบบอกให้รู้ตัวก่อน  ไม่เช่นนั้นจะเกิดอาการผวาและร้องครางด้วยความตกใจ
        “ฉี่นะแม็กกี้.. ฉี่เองได้แล้ว  ฉี่เองนะครับ”
         ทอมกระซิบบอกและยังออกเสียงประกอบให้เหมือนเด็กทารก  เขาจับต้องอย่างเบามือที่สุด  รู้สึกเจ็บปวดทุกครั้งเมื่อนึกถึงความทารุณโหดร้ายที่เด็กชายได้รับทำให้อวัยวะเพศระบมด้วยบาดแผล ไม่สามารถฉี่ได้ด้วยตัวเองต้องใช้วิธีสวน  โดยพยาบาลจะเข้ามาจับท้องน้อยเด็กชายทุกๆ 4 ชั่วโมง 

        ถ้าไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเองเขาคงไม่รู้ว่ากว่าเด็กชายจะฉี่ออกมาได้แต่ละครั้งต้องได้รับความเจ็บปวดแสนสาหัสขนาดไหน สภาพจิตใจของเด็กจะดีขึ้นได้ยังไง แค่เวลาฉี่ยังถูกจับมัดกับเตียงเพื่อไม่ให้ดิ้นหนี ครั้งแรกที่เห็นเขาถึงกับยืนตะลึง แม็กกี้ส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนขณะที่พยาบาลสอดสายยางเข้าท่อปัสสาวะ น้ำสีเหลืองขุ่นไหลออกตามสายยางพร้อมกับน้ำตาและเสียงร้องครางของเด็กชาย  ทอมไม่สามารถทนดูได้ ขอร้องหมอว่าอย่าใช้วิธีสวนอีก  เขาจะพยายามกล่อมให้เด็กฉี่ด้วยตัวเอง   
        เมื่อวานทอมใช้ความพยายามอยู่ทั้งวันคอยจับท้องน้อยและกระซิบบอกเด็กชายให้ฉี่  ผ่านไปครึ่งค่อนวันทำยังไงเจ้าหนูก็ไม่ยอมปล่อยน้ำเสียออกจากร่างกายซะที จนหมอเข้ามาตรวจและขอให้ใช้วิธีสวนเหมือนเดิมก่อนเพราะไม่เป็นผลดีกับกระเพาะปัสสาวะของเด็ก  ระหว่างรอพยาบาลนำอุปกรณ์มาสวน ทอมพยายามปลอบและกล่อมให้หนุ่มน้อยของเขาฉี่ด้วยตัวเองอีกครั้ง
        ทอมจับต้องอวัยวะเพศเด็กชายที่ยังมีร่องรอยบาดแผลอยู่อย่างเบามือ สมองคิดหาวิธีที่จะให้แม็กกี้ฉี่เอง  ถ้าเป็นเด็กเล็กๆ ที่ไม่รู้ประสา  พ่อแม่เขาทำยังไงกันนะ..
       ทอมกระซิบข้างหูเด็กชายขณะกำลังจะเคลิ้มหลับ
        "ฉี่ออกมาซี แม็กกี้..  ฉี่เองนะจะได้ไม่ต้องเจ็บไง… ฉี่ซีครับ เด็กดี.. ฉี่นะ…ซูว์….ซูว์……”  ทอมส่งเสียงประกอบโดยไม่รู้ตัว
        “โอ๊ะ!... โอว!..”
        ทอมสะดุ้งรู้สึกร้อนวูบที่มือ ตะลึงมองด้วยความดีใจเมื่อเห็นน้ำสีเหลืองขุ่นพุ่งใส่มือ  เขาไม่สนใจคว้าภาชนะมารองกลับหัวเราะด้วยความยินดี
        …รู้อย่างนี้..  ส่งเสียงให้ฉี่ตั้งแต่แรกแล้ว…
        “เก่งจัง แม็กกี้.. ฉี่เองได้แล้ว…”
        ทอมจูบแก้มเด็กชายเบาๆ ในขณะที่เจ้าหนูตาสว่างขยับตัวไปมาเพราะรู้สึกเปียกชื้น…    


  (http://bossja.exteen.com/images/j11.gif)
       

        “อาหารว่างมาแล้วครับ.. มาทานกันดีกว่า..”  ทอมกระซิบข้างหูเด็กชายที่กำลังนั่งดูทีวีอย่างตั้งใจ
        “การ์ตูนภาพสีสวยๆ อาจช่วยดึงความสนใจให้แม็กกี้ยอมผละจากหน้าต่างก็ได้นะ ทอม..”
        จิมเปรยกับทอมเมื่อตอนเที่ยงและเมื่อทอมเอ่ยเห็นดีด้วย ไม่ถึงชั่วโมงทีวีและเครื่องเล่นดีวีดีก็ถูกนำมาตั้งไว้ในห้องเหมือนเนรมิต 
        ทอมทรุดตัวลงนั่งข้างเด็กชายและป้อนอาหารว่างให้ แม็กกี้อ้าปากรับอาหารโดยดีทำเอาพยาบาลยืนงง
        “เป็นไปได้ยังไงคะนี่  ดีวันดีคืนอย่างไม่น่าเชื่อ ก่อนคุณมาแกไม่ยอมทานเลยนะคะ ต้องให้น้ำเกลืออยู่หลายวัน   ถ้าดีขึ้นอย่างนี้อีกไม่กี่วันคุณหมอคงอนุญาตให้กลับบ้านได้ค่ะ”
        ทอมส่งยิ้มหวานให้เพราะเธอพูดถูกใจเขา พยาบาลหน้าแดงเดินตัวลอยออกจากห้องไป  …คนอะไรก็ไม่รู้ หล่ออย่างกับเทพบุตร…
        “หายเร็วๆ นะ แม็กกี้.. เราจะได้กลับบ้านกันซะที..”
        ทอมเริ่มชินกับการพูดคนเดียว แม้จะไม่มีคำตอบกลับมา ขอเพียงให้แม็กกี้ได้ยินและจำเสียงเขาได้ก็พอ…
        ทอมลุกขึ้นยกถาดอาหารไปเก็บ เดินผ่านหน้าต่างก็อดมองขึ้นไปบนท้องฟ้าไม่ได้  .…อยากรู้จังว่าแม็กกี้นึกถึงอะไร  มีความทรงจำอะไรหลงอยู่ข้างบนงั้นเหรอ…
        ทอมถอนใจ  ละสายตาจากท้องฟ้าก็เหลือบไปเห็นภาพที่ทำให้เขาต้องเดินรี่ไปเกาะหน้าต่างมองอย่างไม่รู้ตัว

        จิมกำลังนั่งคุยกับหมอมาริสาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม อารมณ์เบิกบานอย่างที่เขาไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนัก  มีเด็กๆ วิ่งเล่นอยู่รอบคนทั้งสอง แต่จุดสนใจที่สายตาเขาเอาแต่จับจ้องคือร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่ม คบหาอยู่ด้วยกันมาตั้งนาน  ทำไมเขาเพิ่งรู้สึกว่าหมอนี่ดูดีและมีเสน่ห์มากในนาทีนี้เอง   
        ...เอ๊ะ!.. หรือว่า..  จริงซี.. ก็เวลาอยู่กับเขาจิมไม่เคยมีบุคลิกแบบนี้เลย  มีแต่เรื่องงานกับเรื่องเซ็กซ์อยู่ในหัวเท่านั้น เวลาคุยเรื่องงานก็สีหน้าเคร่ง เครียดจริงจัง  พักจากงานก็เอาแต่ส่งสายตากะลิ้มกะเหลี่ยกับเขา  ทำไมไม่เหมือนกับที่นั่งคุยกับหมอตอนนี้เลย...
        ทอมตาลุกวาวเมื่อเห็นจิมจับมือหมอมาริสากุมไว้   ปากพูดพร้อมกับส่งสายตาอ้อนวอนขอร้อง  ดูแล้วเหมือนชายหนุ่มกำลังขอความรักหญิงสาวยังงั้นล่ะ!..
        ทอมกัดริมฝีปากตัวเองอย่างแรงด้วยความลืมตัว แค่คิดก็รู้สึกเจ็บแปลบที่หน้าอกแล้ว   …นั่นนายคิดจะทำอะไรอ่ะ จิมมี่..  งี่เง่า!!.. บ้าฉิบ!!..
        ทอมหันหลังกลับยืนพิงหน้าต่าง เขาไม่ใช่แค่ไม่สบอารมณ์แต่เขากำลังโกรธ ..ใช่!.. เขาโกรธจิมที่ทำเรื่องงี่เง่าให้เขาเห็น  และโกรธตัวเองที่ทำไมต้องไม่พอใจและโกรธหมอนั่นด้วย จะจีบสาว จะจับมือหรือมีเซ็กซ์กับใครที่ไหนมันเกี่ยวอะไรกับเขา ในเมื่อเขาให้ในสิ่งที่จิมต้องการไม่ได้ จิมก็ต้องกลับไปคบหามีความสัมพันธ์กับหญิงสาวเป็นเรื่องปกติ       ทำไมเขาต้องรู้สึกฉุนและไม่พอใจที่เห็นจิมจับมือหมอมาริสาด้วย

        “บ้าจริง.. นี่เราเป็นอะไร ทำไมต้องโกรธด้วย..”  ทอมพึมพำกับตัวเอง

        …ฉันไม่ได้ต้องการแค่ร่างกายแต่ต้องการหัวใจของนายด้วย…
        …ฉันรักนาย ทอม.. รักมากที่สุด  ไม่เคยรักใครมากเท่านี้มาก่อน ฉันไม่สนว่านายจะเป็นหญิงหรือชาย  นายเป็นคนเดียวที่ฉันรัก …
        อารมณ์โกรธที่กำลังคลายลงฉุนกลับขึ้นมาอีกเมื่อนึกถึงถ้อยคำหวานที่จิมชอบพร่ำบอกเขา ทอมบอกตัวเองว่าเขาไม่ได้โกรธที่เห็นจิมจับมือหมอ แต่โกรธที่ถูกจิมมี่เจ้าเล่ห์หลอก ที่แท้เขาเองก็ไม่ต่างจากผู้หญิงทั่วไป ใครถูกใจก็จีบดะไปทั่ว
        “ชั่วร้ายนักนะจิมมี่.. เห็นฉันเป็นอะไร  ขนาดเป็นผู้ชายด้วยกันนายยังบอกรักได้หน้าตาเฉย  กับผู้หญิงก็คงบอกมาแล้วนับไม่ถ้วน  ไอ้คนกะล่อน!!.. ไอ้บ้า!!.. ไอ้..”

        ทอมชะงักคำสบถไว้แค่นั้น อารมณ์โกรธมลายสิ้นเมื่อหันไปเห็นร่างเล็กนั่งคอพับอยู่ที่โซฟา  รีบถลาเข้าไปดูพบว่านอนหลับธรรมดาก็โล่งอก
        “ง่วงแล้วเหรอ แม็กกี้... ไปนอนที่เตียงนะครับ..”
        ทอมก้มลงกระซิบก่อนช้อนร่างเด็กชายไว้ในวงแขนพาไปนอนที่เตียง  เขาขยับผ้าห่มคลุมร่างเล็กบอบบางและก้มลงจูบที่แก้มเนียนใสเบาๆ สองวันนี้แม็กกี้นอนหลับดีขึ้น ไม่ค่อยส่งเสียงครางเหมือนสองสามวันแรก  ยังมีอยู่บ้างก็แค่ส่งเสียงพึมพำเรียกหาใครคนนั้น  ซึ่งทุกครั้งที่เขาได้ยินรู้สึกปวดร้าวถึงขั้วหัวใจเลย
        ...แด๊ดดี้.. แด๊ดดี้.. อือ...
        แต่ในเวลาที่ตื่นแม็กกี้กลับไม่พูดหรือเอ่ยเรียกชื่อนี้เลยสักครั้ง  ไม่อยากเชื่อว่าแม็กกี้จำเขาไม่ได้ ทั้งที่ยังมีความทรงจำในเรื่องพ่ออยู่ หรือว่าจริงๆ แล้วแม็กกี้ไม่เชื่อว่าเขาคือพ่อ  จึงต้องการพิสูจน์ความจริง..
        ทอมสั่นหัวไล่ความคิดวกวนและวุ่นวายสารพัดเรื่องออกจากสมอง   เขาควรถือโอกาสตอนแม็กกี้หลับนอนกอดให้ชื่นใจดีกว่า…

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 29-01-2010 14:07:34
        จิมผลักประตูห้องเข้ามาก็ต้องชะงัก ส่ายหน้ากับภาพที่เห็น ร่างสง่างามของชายหนุ่มนอนตะแคงสวมกอดร่างเล็กบางของเด็กชายอยู่บนเตียงนอนขนาดแค่ 3 ฟุต 

        เขาตั้งใจจะเข้ามาชวนทอมกลับบ้านเร็วหน่อยเพราะอยากให้ทอมได้พักผ่อนบ้าง   ตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาทอมอยู่เฝ้าเด็กชายทั้งวันตั้งแต่สายจนถึงค่ำโดยไม่เอ่ยปากบ่นเหมือนเวลาที่เหนื่อยจากงาน แต่เขารู้ว่าทอมเหนื่อยทั้งใจและกายยิ่งกว่าทำงานซะอีก กลับถึงบ้านหัวถึงหมอนไม่กี่นาทีก็น็อกแล้ว

        จิมพิศใบหน้าของเด็กชายสลับกับทอม  เปรียบเทียบกันใกล้ขนาดนี้จึงพบว่าไม่ใช่แค่ปากเท่านั้นที่เหมือน  เค้าโครงหน้าของสองพ่อลูกก็เหมือนกันด้วย  จิมระบายยิ้มเมื่อเห็นสีหน้าของแม็กกี้วันนี้มีน้ำมีนวลขึ้น ไม่ขาวซีดและซูบตอบเหมือนวันแรกที่พบ  เขาก้มลงจูบแก้มเด็กชายเบาๆ ด้วยความรู้สึกรักและสงสาร  ผละจากแก้มลูกก็ขยับมาที่แก้มพ่อโดยอัตโนมัติ

        ทอมสะดุ้งตื่นเพราะไม่ได้หลับสนิทแค่เคลิ้มๆ เท่านั้น  อ้าปากจะโวยเมื่อเห็นใบหน้าของจิมอยู่ห่างไม่ถึงคืบ  แต่ถูกมือใหญ่ปิดปากไว้และส่งเสียงให้เงียบพร้อมกับพยักหน้าไปที่เด็กชายซึ่งกำลังหลับสนิทอยู่ข้างๆ  ทอมค่อยๆ ขยับตัวลงจากเตียงพร้อมกับเสียงครางเบาๆ

        “โอย~~  เหน็บกินแขนฉัน..”
        “เตียงเล็กแค่นี้นอนเข้าไปได้ยังไง หือ..”   จิมประคองเทพบุตรสุดรักมานั่งที่โซฟา
        “ฉันไม่ได้ตั้งใจจะหลับ  แค่จะนอนกอดเฉยๆ”
        “นายเหนื่อยมากรู้ตัวหรือเปล่า ทอม..  วันนี้กลับบ้านเร็วหน่อยนะ  ไปนอนพักผ่อนให้เต็มที่สักวัน”     จิมกล่าวขณะบีบนวดแขนข้างที่ชาให้
        ทอมพยักหน้าแต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าจิมทำเรื่องอะไรไว้เมื่อครู่ ก็รีบเบี่ยงตัวออกชักสีหน้าไม่พอใจทันที
        “อย่ามาแตะต้องตัวฉัน  นายมันกะล่อน งี่เง่า!!…”
        จิมหน้าเหลอ
        “หา!!..  อะ.. อะไรนะ  ฉันงี่เง่า..  เรื่องอะไร ?..”
        “เอ่อ..”
        ทอมอึกอัก จะบอกได้ยังไงว่าเขาโกรธที่เห็นจิมจับมือหมอมาริสา
        “ช่างเหอะ ”   ทอมตัดบทนึกละอายกับความรู้สึกของตัวเอง
        “ฉันยังไม่กลับตอนนี้  รอแม็กกี้ตื่นก่อน  จะพาเขากลับบ้านด้วย”
        “ว่าไงนะ  จะพาแม็กกี้กลับบ้านด้วย  ล้อเล่นหรือเปล่า ทอม.. แม็กกี้ยังไม่อยู่ในสภาพช่วยตัวเองได้เลยสักอย่าง  อยู่ใกล้หมอกับพยาบาลดีที่สุด”
        “ดีสำหรับใคร.. สำหรับฉันหรือสำหรับตัวนายเอง..”
       จิมผงะเมื่อถูกทอมตะคอกใส่อย่างไม่สบอารมณ์ ..นี่เขาพูดอะไรผิดตรงไหน  จึงทำให้ทอมหัวเสียขนาดนี้..

       ทอมกล่าวน้ำเสียงอ่อนลงเมื่อเห็นสีหน้าของจิมพิศวงกับอารมณ์ของเขา
        “ฉันไม่สนใจว่าแม็กกี้ยังช่วยตัวเองไม่ได้ แค่อาการบาดเจ็บดีขึ้นก็พอแล้ว นายคงไม่รู้ว่าหลายวันมานี้ฉันทำอะไรให้แม็กกี้บ้าง  ทุกอย่างที่พยาบาลทำให้เด็กฉันทำหมดแล้ว เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงว่าฉันจะดูแลเขาไม่ได้  เรื่องดูแลแม็กกี้เป็นหน้าที่ของฉัน หน้าที่ของนายคือไปเดินเรื่องขอพาเด็กกลับบ้านให้ได้ในเย็นนี้  คงไม่มีปัญหาใช่มั้ย จิม..  ถ้าเป็นนายพูด  คุณหมอคนสวยของนาย คงไม่ขัดข้องหรอก”

        ทอมอดแขวะจิมไม่ได้แต่กล่าวด้วยน้ำเสียงปกติไม่ได้แสดงอารมณ์  แต่ถึงกระนั้นก็ทำให้จิมสะอึกกับคำว่า "คุณหมอคนสวยของนาย" และชักเหลืออดกับคำพูดกระแนะกระแหนของทอม  มือใหญ่จับไหล่เทพบุตรเจ้าอารมณ์ของเขากระซิบถามด้วยน้ำเสียงที่เริ่มไม่พอใจบ้าง
        “เป็นอะไรทอม.. เดี๋ยวก็ด่า เดี๋ยวก็แขวะ  ฉันทำอะไรให้ไม่พอใจ บอกซิ”
        “ไม่มี.. ไม่ได้ทำ ปล่อย..”  ทอมเบี่ยงตัวหนีจึงถูกจิมบีบไหล่แรงขึ้น
        “โอ๊ย!.. เจ็บนะ ปล่อยเซ่…”  ทอมเริ่มส่งเสียงดัง รู้สึกโกรธมากขึ้นที่กำลังของเขาสู้จิมไม่ได้..
       “ไม่ปล่อย.. จนกว่านายจะบอกว่าโมโหฉันเรื่องอะไร”   จิมดันร่างทอม นอนลงบนโซฟา
        “ฉันไม่ได้โมโห  ปล่อยนะ จิมมี่..  นายมันบ้า.. อือ~~ อึ๊!!..”
        ทอมขนลุกซู่เมื่อร่างสูงขยับตามลงมาซุกไซ้ที่ใบหูและซอกคอเขา  จึงตะโกนเสียงดังด้วยความลืมตัวนึกว่าอยู่ที่บ้าน
        “ปล่อยนะ!!… จิมมี่!! ..”

        “อื้อ~ อือ~ อือ~”
        เสียงเด็กชายร้องคราง  ทอมหยุดส่งเสียงหันขวับไปมองในขณะที่จิมก็หยุดไซ้แต่ยังไม่คิดจะผละออก
        “ลูกร้องอ่ะ ทอม..”
        ทอมรู้สึกเขินกับคำว่า ‘ลูก’ กัดฟันกระซิบตอบด้วยอารมณ์โกรธที่ยังค้างอยู่
        “เออซีวะ..  ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้นะ”
        “ฮือ... อือ~~ ”  เสียงครางของเด็กชายดังขึ้น  แต่จิมกลับอ้อยสร้อยขยับตัวขึ้นช้าๆ

        “อุ๊ก!!..”
        ทอมลุกจากโซฟาถลาไปที่เตียงในขณะที่จิมนั่งตัวงอนิ่วหน้าอยู่  เข่าของทอมกระแทกเฉียดน้องชายเขาไปนิดเดียว

        “ไม่มีอะไรแม็กกี้.. ไม่มีอะไรนะ ไม่ต้องกลัว..”
        ทอมกระซิบปลอบและสวมกอดเด็กชายเบาๆ  แต่เจ้าหนูก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะออกจากภวังค์ร้าย
        “อือ.. อือ..”
        “แม็กกี้.. ไม่ต้องกลัว.. ฉันอยู่นี่..”
        “เรียกตัวเองว่าแด๊ดซี ทอม..  แม็กกี้จำคุณทอมไม่ได้  จำได้แต่พ่อ”
        ทอมเงยหน้าขึ้นมองจิมซึ่งเดินตามเข้ามาแนะนำอย่างรู้ดี  อ้าปากจะเถียงเด็กชายก็ร้องครางดังขึ้นกว่าเดิม  คราวนี้ดิ้นเร่าๆ ไปด้วย
        “อือ~~ เจ็บ.. อือ~~ แด๊ดดี้.. เจ็บ.. อือ~~”
        ทอมช้อนศีรษะเด็กชายขึ้นมาซบอก  ละล่ำละลักปลอบด้วยความตกใจ
        “แด๊ดอยู่นี่แม็กกี้.. แด๊ดกอดลูกอยู่นี่แล้ว ไม่ต้องกลัวนะ  ลูกหายแล้วแม็กกี้.. ไม่เจ็บแล้วนะครับ..”

        “เกิดอะไรขึ้นคะ ให้ตามคุณหมอมั้ยคะ”  พยาบาลชะโงกหน้าเข้ามาถาม
        “ไม่ต้องครับ  ไม่มีอะไร  เด็กแค่ฝันร้าย”
        “งั้นหรือคะ  กลางวันยังไม่ค่อยเท่าไรค่ะ  กลางคืนยิ่งกว่านี้อีก”

        ทอมใจหายวาบเมื่อได้ยินพยาบาลพูดเหมือนเป็นเรื่องปกติ  ตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่มาเฝ้าเด็กชาย  นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นอาการฝันร้ายของแม็กกี้ ไม่ใช่แค่เสียงครางและเรียกหาพ่ออย่างที่เคยได้ยิน  หากแต่เป็นเสียงร้องให้ช่วยเหมือนกำลังถูกทำร้าย 
        เขาไม่เคยนอนเฝ้าเด็กชายตอนกลางคืน  แค่คำว่า..เจ็บ.. ที่ได้ยินเมื่อครู่หัวใจเขาก็แทบจะสลายแล้ว  ยังมีร้ายกว่านี้อีกยังงั้นเหรอ…
        แม็กกี้สงบลงแล้ว ทอมค่อยๆ ปล่อยเด็กชายนอนลงและหันไปกล่าวกับพยาบาล
        “ช่วยเรียนคุณหมอด้วยครับ ว่าผมจะพาเด็กกลับบ้านเย็นนี้”
        “เอ๊ะ!..  เย็นนี้เลยหรือคะ  เกรงว่าคุณหมอจะยังไม่อนุญาต”
        ทอมส่งยิ้มหวานให้
        “รบกวนคุณพยาบาลช่วยไปเรียนให้คุณหมอทราบก่อน เดี๋ยวคุณจิมจะตามไปคุยกับคุณหมอเองครับ..”
        “ได้ค่ะ”
        พยาบาลสาวรีบดำเนินการตามความประสงค์  นายแบบหนุ่มรูปหล่ออย่างกับเทพบุตรเอ่ยขอร้องทั้งที  ไม่มีทางปฏิเสธอยู่แล้ว
        “ฉันจะพาแม็กกี้กลับบ้าน  ช่วยไปคุยกับหมอให้หน่อย จิม..”
        ทอมกล่าวกับจิมน้ำเสียงขื่น  ลืมความขุ่นเคืองที่เกิดขึ้นเมื่อครู่สนิท   จิมเข้าใจความรู้สึกของทอม เขาเองก็รู้สึกเจ็บปวดกับคำพูดที่ได้ยินจากปากเด็กชายเช่นกัน
        “โอเค.. ทอม.. พาลูกกลับบ้านก็ดีเหมือนกัน นายจะได้ไม่ต้องเทียวไปเทียวมาให้เหนื่อยแบบนี้”
        “ถ้าฉันรู้ว่าแม็กกี้ฝันร้ายแบบนี้ทุกคืน  ฉันคงขอตัวเขากลับบ้านนานแล้วไม่รอถึงวันนี้หรอก” 
        จิมโอบไหล่ทอมและกระซิบแหย่ให้คลายความขมขื่นลง
        “พากลับไปอยู่บ้านก็ดี อยู่ที่นี่คุยเรื่องของเราไม่ค่อยถนัดเลย คืนนี้ฉันจะถามใหม่อีกครั้งว่าเมื่อกี้นายด่าฉันทำไม  เตรียมคำตอบไว้ด้วยนะ..”

        จิมจูบแก้มทอมเบาๆ และรีบผละออกเดินยิ้มกริ่มออกจากห้องไป

        ทอมยืนอึ้งเมื่อนึกขึ้นได้เขาเคืองจิมอยู่และเหตุผลที่เขาต้องการพาแม็กกี้กลับบ้านเมื่อครู่ก็เพราะเห็นภาพบาดตาทางหน้าต่าง  พาแม็กกี้กลับบ้านเขาจะได้ไม่ต้องมาที่นี่อีกและเมื่อเขาไม่มา จิมก็….   
       ...ให้ตายเถอะ!..  ถึงเขาไม่มาจิมก็มาเองได้ถ้าต้องการจะมา...
       ...เชอะ!.. ช่างปะไร ทำไมเขาต้องสนใจหรือหงุดหงิดด้วย เขาควรโล่งอกต่างหากถ้าจิมชอบหมอมาริสาจริงๆ...
 

 o12

หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 29-01-2010 14:20:37
"หลับแล้วเหรอ.."
"อือ.." ทอมทรุดตัวลงนั่งด้วยสีหน้าอ่อนระโหย

ในที่สุดแม็กกี้ก็ได้กลับมาที่บ้านแม็คกิลล์อีกครั้ง แม้จะอยู่ในสภาพที่ทำให้ทุกคนตกตะลึง  แต่ต่างก็รู้สึกเอ็นดูพร้อมกับสงสารและเวทนาเด็กชายที่อยู่ในอาการตื่นตระหนก เพราะนอกจากจะจำใครไม่ได้แล้ว…ยังกลัวทุกคนที่เข้าไปยืนใกล้ รีบหันไปสวมกอดและซุกกับอกทอม โดยไม่ยอมเงยหน้าขึ้นสบตาใครเลย

จิมทรุดตัวลงนั่งข้างๆ และบีบนวดที่ขมับให้
"จะให้แม็กกี้นอนนี่เหรอ จัดห้องข้างๆ ไว้ให้แล้วนะ"
ทอมส่ายหน้า
"ห้องไหนก็เหมือนกัน ฉันต้องนอนด้วยอยู่ดี"
จิมพยักหน้าหงึก พึมพำเบาๆ
"อือ.. อิจฉาแม็กกี้จัง…"
"หือ.. ว่าไงนะ" ทอมสะลืมสะลือใกล้จะเคลิ้มหลับ
"เปล่า.. จะนอนทั้งอย่างนี้เหรอ อาบน้ำก่อนดีกว่านะ ทอม.. ฉันเตรียมน้ำอุ่นไว้ให้แล้ว"
"ดีเหมือนกัน" ทอมขยับจะลุกขึ้นก็ถูกจิมรั้งไว้
"อะไรอีกเล่า.. จะให้อาบน้ำไม่ใช่เหรอ"
"บอกก่อนได้มั้ย เมื่อตอนบ่ายอารมณ์เสียใส่ฉันเรื่องอะไร" คำถามของจิมทำเอาทอมตาสว่าง
"เรื่องอะไร.. เปล่าซะหน่อย"
"เปล่าอะไรกัน นายว่าฉันกะล่อนแล้วก็งี่เง่าด้วย ถ้าเป็นคนอื่นว่าฉันอย่างนี้มีหวังปากแตกไปแล้ว.."

ทอมชักฉุน อุตส่าห์พยายามลืมแล้วจิมยังขุดขึ้นมาพูดอีก
"ใช่.. ฉันด่านายงี่เง่า.. มีอะไรมั้ย อยากจะกระแทกปากฉันก็เชิญเลย และหยุดเซ้าซี้ถามซะที ไม่มีเหตุผลอะไรทั้งนั้น " ทอมกัดฟันต่อว่าจิมด้วยน้ำเสียงกระซิบ ไม่ลืมว่าเด็กชายนอนหลับอยู่บนเตียง

ริมฝีปากบางสวยสีชมพูเรื่อที่ขยับหมุบหมิบต่อว่าเขาอยู่ตรงหน้า ให้ความรู้สึกยั่วยวนจนจิมอดใจไว้ไม่ไหว เมื่อทอมพูดจบก็ถูกจิมรั้งตัวเข้ามาประทับจูบและไล้เลียที่ริมฝีปากเบาๆ

"อ๊ะ !… อื้อ…" ทอมดันหน้าอกจิมไว้ แต่นอกจากจะไม่ทำให้อีกฝ่ายยอมคลายอ้อมแขนและริมฝีปากออกแล้ว ยังเป็นการเร่งเร้าให้ริมฝีปากร้อนผ่าวของจิมบดขยี้เรียวปากนุ่มของทอมรุนแรงขึ้น ลิ้นอุ่นๆ แทรกผ่านเข้าไปสัมผัสความหอมหวานภายในอย่างดูดดื่ม

…อือ.. อีกแล้วเหรอ เจ้าจิมบ้า.. ทอมร้องครวญอยู่ในใจ นึกโกรธตัวเองที่รู้สึกเคลิ้มกับรสจูบที่จิมมอบให้ทุกครั้ง

จิมถอนริมฝีปากออก ลิ้นอุ่นของเขาอ้อยอิ่งอยู่ที่ริมฝีปากบางสวยและอ่อนนุ่มของทอมอีกครั้งก่อนจะไล้เรื่อยมาที่ใบหูและซอกคอ สองมือที่สวมกอดทอมไว้แยกกันทำหน้าที่โดยอัตโนมัติ มือซ้ายซอกซอนเข้าไปลูบไล้แผ่นหลังอย่างเบามือ ในขณะที่มือขวาเลื่อนลงไปสัมผัสที่หน้าท้องเรียบ

สัมผัสจากปลายนิ้วและลิ้นอุ่นของจิมทำให้อารมณ์ของทอมปั่นป่วน เขาต้องรีบหยุดมันก่อนที่จะเตลิดไปไกลจนกู่ไม่กลับ ที่สำคัญนี่ไม่ใช่เวลาและสถานที่ที่เขาจะยอมให้จิมทำเรื่องแบบนี้
"ยะ..หยุดเดี๋ยวนี้นะ จิมมี่.. ถ้าไม่..อยาก..ให้ฉัน.. ก..โกรธนาย..มะ..มากกว่านี้" ทอมพยายามบังคับเสียงตัวเองให้ออกมาเป็นคำพูด
จิมชะงักมือ ริมฝีปากร้อนผ่าวที่กำลังซุกไซ้อยู่ที่ซอกคอเลื่อนขึ้นมากระซิบที่ริมหู
"แปลว่ายอมรับแล้วใช่มั้ยว่าโกรธฉัน โกรธเรื่องอะไร.. หือ…"
"เอามือนายออกไป..แล้วปล่อยฉัน..ก่อน "

จิมยอมทำตามโดยไม่อิดเอื้อนเพราะอยากรู้ว่าทอมโมโหเขาเรื่องอะไร    ทอมยังนึกกระดากที่จะบอกจึงเลี่ยงด้วยการขอตัวไปอาบน้ำก่อน    จิมเดินตามไปส่งที่หน้าห้องน้ำและกล่าวดักคอ
"ยังไงซะ คืนนี้ฉันต้องรู้เหตุผลของนาย ฉันทำอะไรให้ไม่พอใจต่อไปฉันจะได้ไม่ทำ…"
"ไม่จำเป็นหรอก เรื่องของหัวใจฉันไม่มีสิทธิที่จะห้าม แค่นายอย่ามายุ่งกับฉันอีกก็พอ"
ทอมโพล่งออกมาด้วยความน้อยใจ ถอดเสื้อยืดเขวี้ยงลงตะกร้าอย่างไม่สบอารมณ์ ในขณะที่จิมหน้าเหรอไม่เข้าใจหนักขึ้น
"ถอยออกไป ฉันจะอาบน้ำ" ทอมพยายามจะปิดประตูแต่จิมยืนขวางไว้
"ไม่ถอย ไหนๆ ก็พูดออกมาแล้ว บอกมาให้หมดเลยว่าเรื่องอะไรกันแน่ พูดแขวะฉันที 2 ทีอย่างนี้ ฉันไม่เข้าใจ"
ทอมไม่ฟังที่จิมพูดพยายามจะปิดประตูท่าเดียว ทำให้จิมเริ่มฉุนจึงออกแรงดันประตูและผลุบเข้ามาในห้องน้ำก่อนจะช่วยปิดให้
"ออกไปนะ!!  ฉันจะอาบน้ำ" ทอมหน้างอด้วยความไม่สบอารมณ์
จิมส่ายหน้าและยิ้มเจ้าเล่ห์
"ไม่ออก   ฉันจะช่วยนายฟอกสบู่"
"อ๊ะ.. ไอ้บ้า ออกไปให้พ้น นายมันกะล่อน"
"ชูว์…." จิมจุ๊ย์ปากให้ทอมอย่าส่งเสียงดัง "เดี๋ยวลูกตื่นนะ.. บอกมาก่อนซีว่าทำไมต้องห้ามฉันยุ่งกับนายด้วย หัวใจของใครมีปัญหาไม่ทราบ.."
จิมเดินย่างเข้าหาในขณะที่ทอมเดินถอย แต่เพียงแค่สามก้าวก็ต้องหยุด เพราะถ้าถอยอีกคือต้องก้าวลงอ่างน้ำที่รองน้ำอุ่นไว้จนล้นแล้วล้นอีก
"ถ้าไม่บอกฉันจะช่วยนายอาบน้ำเดี๋ยวนี้แหล่ะ และฉันก็ไม่รับประกันด้วยว่าครั้งนี้จะระงับอารมณ์ตัวเองได้หรือเปล่า..."
จิมไม่พูดเปล่า มือจับสะโพกของทอมดันเข้าหาตัวเขาและคลึงเบาๆ
"ก.. ก็ได้.. ปล่อยมือก่อน.." ทอมขนลุกสะท้านกับสัมผัสภายใต้ผิวผ้า
จิมยอมปล่อยมือแต่โดยดีเพราะอยากรู้เรื่องเต็มแก่แล้ว เขาดันฝาชักโครกปิดลงและทรุดตัวลงนั่ง ในขณะที่ทอมนั่งลงที่ขอบอ่าง นิ่งทำใจอยู่ชั่วครู่ก่อนจะตัดใจเผยความรู้สึกในใจอย่างกระชับที่สุด
"ฉันเห็นนายนั่งคุยกับหมอมาริสาเมื่อตอนบ่าย เพิ่งรู้ว่านายและหมอสนิทสนมกันมาก ถ้าคิดจะจีบและจริงจังกับเธอฉันก็เห็นดีด้วย เพราะฉะนั้นตั้งแต่นาทีนี้ไปเลิกล้อเล่นและวุ่นวายกับฉันซะที"
สีหน้าของทอมเรียบเฉย แต่ประโยคสุดท้ายน้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อย
"นายเห็นเหรอ"
คำถามสั้นๆ ของจิมแต่เหมือนเป็นคำตอบให้อีกฝ่าย ดวงตาคู่งามฉายแววขึ้งเคียดและโกรธเคือง แต่เพียงแว่บเดียวก็คลายลงและกล่าวด้วยน้ำเสียงปกติ
"ฉันอยู่ที่หน้าต่าง"
"เอ่อ.. นาย.. เห็นอะไรบ้าง" จิมกล่าวเสียงอ่อย
"ฉันเห็นนายจับมือเธอ"
"แค่จับมือ.. ไม่ได้เห็นอะไรมากกว่านี้ใช่มั้ย" จิมแสร้งทำตาละห้อย

ทอมใจหาย เขาแค่เห็นจิมจับมือหมอมาริสาเท่านั้น มากกว่านั้นเขาไม่เห็น เพราะหันกลับมาเห็นแม็กกี้นั่งหลับคอพับอยู่จึงลืมเรื่องจิมไปชั่วขณะ ถามแบบนี้แปลว่ามีอะไรมากกว่าการจับมืองั้นเหรอ ทอมหมดความอดกลั้นแสร้งทำใจเย็นอยู่ต่อไปได้ ตะคอกใส่จิมด้วยอารมณ์โกรธ

“ฉันไม่มีเวลามานั่งจับตาดูนายหรอก จิมมี่.. และฉันก็ไม่สนด้วย อยากจะรักใครชอบใครก็เรื่องของนาย ไม่เกี่ยวกับฉัน ตั้งแต่นี้ไปอย่ามาแสดงกิริยาและพูดจากะล่อนกับฉันอีก   ถ้าคิดจะรักเผื่อเลือกล่ะก็.. ไปหาตัวเลือกที่เป็นผู้หญิงด้วยกัน อย่ามาทำงี่เง่ากับฉัน ฉันไม่ใช่ตัวตลกของนาย!!.. ”

ทอมผุดลุกขึ้นยืนด้วยอาการหอบเล็กน้อยเพราะเล่นตะคอกใส่โดยไม่หยุดหายใจเลย    จิมตกใจกับอารมณ์โกรธของทอม รีบลุกขึ้นยืนขวางเขาไว้
“หลีกไป ฉันไม่อาบแล้ว”
“ฟังฉันก่อนทอม.. ฉันขอสารภาพความจริง ฉันกับหมอ…”
“ไม่สน!!.. ฉันไม่สนใจ ไม่อยากฟัง ออกไป!!..  ไปให้พ้นหน้า..”

ทอมเอามือปิดหูหลับตาส่ายหน้า ไม่อยากฟังคำสารภาพ สุดยอดนายแบบอย่างเขาเคยแต่ทำผู้หญิงเสียใจ ไม่เคยถูกผู้หญิงหักอกด้วย จึงไม่รู้ว่าความรู้สึกของคนผิดหวังในรัก คล้ายความรู้สึกของเขาในนาทีนี้หรือเปล่า..

จิมตะลึงเมื่อเห็นทอมอยู่ในอาการเสียใจ ถึงปากจะบอกว่าไม่สนและปิดหูปิดตาไม่ยอมรับฟัง แต่ขนตางอนยาวเปียกชื้นเป็นแพ จิมรวบทอมเข้ามากอดและหยุดอารมณ์โกรธด้วยจูบที่ดูดดื่มจนทอมไม่มีแรงผลักไสและปฏิเสธ แถมยังตอบโต้กลับไปอย่างไม่สามารถหักห้ามอารมณ์ได้

จิมถอนริมฝีปากออก จูบซับน้ำตาที่ดวงตาก่อนจะกระซิบปลอบ
“ฉันไม่ได้ชอบหมอมาริสาซะหน่อย ไม่ได้จีบเธอด้วย” ปากกระซิบในขณะที่มือขวาไล้เบาๆ ที่แผ่นหลัง มือซ้ายเลื่อนลงไปปลดกระดุมกางเกงให้

“ฮึก.. โก..หก.. ฮา..”   ทอมครางเบาๆ เมื่อริมฝีปากและลิ้นอุ่นของจิมซุกไซ้ซอกซอนต่ำลงไปเรื่อยๆ
“อ๊ะ.. นะ.. นายหลอก..ฉัน บอก..ร.. รักฉัน.. ค..คนเดียว.. ฮะ..ฮา..”

ไม่ใช่เวลาแก้ตัว เสียงครางแผ่วหวานของทอมทำให้จิมต้องเร่งปฏิบัติการ เขาช่วยปลดปล่อยอารมณ์ให้ทอมด้วยมือขวาและลิ้นอุ่นๆ ของเขา ในขณะที่อารมณ์ของตัวเองถูกปลดปล่อยด้วยมือซ้ายไปพร้อมๆ กัน


 :กอด1:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 29-01-2010 14:34:17
ทอมนอนหลับตาในอ่างน้ำใบหน้าแดงระเรื่อ    จิมเข้าใจว่าน้ำคงร้อนเกินไปจึงพยายามปรับให้อุ่นลงด้วยการปล่อยน้ำในอ่างออกและเปิดน้ำเข้าใหม่   แม้จะรู้สึกว่าจิมกำลังวุ่นวายแต่ทอมก็นอนนิ่งไม่ยอมเอ่ยปากบอกว่าน้ำอุ่นพอดีแล้ว ที่หน้าแดงเพราะละอายกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ต่างหาก

จิมนั่งอยู่ข้างอ่างเล่าเรื่องที่พูดคุยกับหมอมาริสาให้ทอมฟัง   แม้เจ้าตัวยังปากแข็งยืนกรานว่าไม่สนใจแต่ก็นอนหลับตานิ่งฟังแต่โดยดี ถ้าไม่อยากฟังจริงๆ คงออกปากไล่แล้ว

“ฉันจะไปรักชอบใครที่ไหนได้อีก หัวใจทุกห้องของฉันมีนายจับจองอยู่หมดแล้ว ไม่มีที่ว่างเหลือให้ใครหรอก อ้อ! มีห้องเล็กเหลืออยู่ห้องหนึ่งฉันว่าจะแบ่งให้คนคนหนึ่งอยู่ อยากรู้มั้ยว่าใคร..”
ทอมไม่ตอบแกล้งตีน้ำในอ่างแรงๆ ให้ฟองเพิ่มขึ้น น้ำกระเด็นใส่ร่างสูงเต็มๆ
“โอ๊ย!.. เบาๆ หน่อยซี อยากให้ฉันลงไปอาบน้ำด้วยใช่มั้ย”
จิมลุกขึ้นยืนถอดเสื้อออกเช็ดศีรษะและบ่นพึมพำเบาๆ
“ขี้หึงใช่ย่อยนะนายเนี่ย..”

โป๊ก!!!!!… สบู่ก้อนขนาดเท่าฝ่ามือร่วงลงพื้น

จิมยืนงงอยู่ 2 วินาทีก่อนทรุดตัวลงร้องโอดครวญเสียงกระเส่า มือกุมตาขวาไว้

“โอ๊ย!!... โอย~~ ปวดจัง ตาฉันบอดแล้ว.. โอยยย~~~”
ทอมหน้าเสียลุกพรวดขึ้นจากอ่างน้ำประคองร่างสูงไว้ด้วยความตกใจ
“ขอโทษ.. จิม.. ฉันไม่ได้ตั้งใจ ขอดูหน่อยซี เป็นยังไงบ้าง”
“โอย~~ ปวด.. ตาฉันคงบอดแน่.. มืดไปหมดเลย”
จิมยอมปล่อยมือแต่ไม่ยอมลืมตา      ครั้งนี้เขาเจ็บจริงเบ้าตาขวาบวมแดงทันตาเห็น  น้ำตาไหลพราก ทอมเห็นแล้วใจเสียหนักขึ้น
“บ้าน่า แค่นี้จะตาบอดได้ไง ลืมตาซี ไม่ลืมแล้วจะเห็นเหรอ..”
จิมส่ายหน้า “ถ้าฉันตาบอด นายจะรับได้มั้ย ถ้ารับไม่ได้ก็อย่าดูดีกว่า”
“บ้าจริง!!.. ทำไมฉันต้องรับไม่ได้ด้วยเล่า ลืมตาขึ้นซี”
“ไม่.. บอกมาก่อนว่าถ้าฉันตาบอด นายจะยังเหมือนเดิมกับฉันมั้ย”
“เหมือนซี.. ต่อให้ตาบอดทั้งสองข้าง ฉันก็ไม่รังเกียจนายหรอก ลืมตาให้ฉันดูหน่อย จิมมี่..” ทอมจับไหล่จิมเขย่าด้วยความร้อนใจ
“ไม่รังเกียจแปลว่าอะไร เหมือนเดิมของนายแค่ไม่รังเกียจเท่านั้นเหรอ ไม่ได้รักใช่มั้ย โอย~~ เจ็บอ่ะ ทอม..”

... ไหนๆ ก็เจ็บตัวแล้ว ต้องหาทางรับรู้ความในใจของทอมให้ได้ จะหาว่าเจ้าเล่ห์ก็ยอม จิมซบหน้ากับไหล่ทอม สองมือสวมกอดร่างเปลือยไว้ ผิวเนื้อเนียนลื่นและเปียกชื้นให้ความรู้สึกที่วิเศษ

“ก็บอกว่าขอดูหน่อยไงเล่า พูดมากอยู่ได้”
“บอกก่อนว่านายรักฉันหรือเปล่า ได้โปรดเถอะนะ ทอม.. หากฉันต้องตาบอด ขอให้ฉันได้มีโอกาสรับรู้ความในใจของนายก่อน..”
“เอ่อ..” ทอมถอนใจเฮือก ห่วงก็ห่วง ฉุนก็ฉุน เวลาอย่างนี้ยังจะมาให้บอกความในใจ
“โอเค.. บอกก็ได้ ฟังให้ดีนะ ฉันจะบอกแค่ครั้งเดียวและจะไม่พูดอีก”
ทอมลดเสียงลงเป็นเสียงกระซิบเหมือนกลัวใครจะได้ยิน
“ฉันไม่พอใจและรู้สึกหงุดหงิดที่เห็นนายสนิทสนมกับหมอมาริสา ยิ่งตอนที่นายจับมือเธอฉันรู้สึกโมโหและโกรธมาก ถ้าความรู้สึกที่ว่าคืออาการหึง จะเรียกว่ารักหรือเปล่า คิดเอาเองล่ะกัน….”
“ฉันไม่อยากคิดเอง อยากได้ยินจากปากนายมากกว่า”    จิมไม่พูดเปล่า ผิวเนื้อเนียนลื่นที่เขาสวมกอดอยู่และกลิ่นสบู่หอมอ่อนๆ ช่างเย้ายวนอารมณ์จนอดสูดดมและซุกไซ้ที่ซอกคอไม่ได้

ทอมฉุนกึกเมื่อได้รับสัมผัสที่แสดงถึงความเจ้าเล่ห์ไม่มีที่สิ้นสุด จึงผลักร่างสูงออกด้วยความโมโห

โป๊ก!!!!…. เสียงศีรษะกระแทกผนังห้องน้ำอย่างแรง

จิมเบิกตาโพลง ครั้งนี้ไม่ส่งเสียงร้องสักแอะ นั่งอึ้งมือคลำศีรษะป้อย   ทอมอ้าปากหวอใจหายวาบเมื่อเห็นสภาพดวงตาขวาของจิม แค่เปลือกตาบวมและเบ้าตามีรอยช้ำก็รู้สึกแย่พอแล้ว  ไม่อยากเชื่อเลยว่าแรงกระแทกจากก้อนสบู่จะทำให้ดวงตาของจิมแดงก่ำ ทอมจับศีรษะจิมละล่ำละลั่กถามด้วยความตกใจ

“อ๊ะ!.. ขอโทษ จิม.. เจ็บมั้ย เจ็บหรือเปล่า..”
“ตรงไหนล่ะ  ตาหรือหัว”
น้ำเสียงเย็นชาของจิมทำเอาทอมใจเสีย สำนึกได้ว่าตัวเองทำรุนแรงกับอีกฝ่ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ที่น่าเป็นห่วงตอนนี้คืออาการบาดเจ็บที่ดวงตาขวามากกว่า
“ฉันขอโทษ.. ตาเป็นยังไงบ้าง มองเห็นหรือเปล่า..” ทอมเอามือปิดตาข้างซ้ายของจิมไว้
“เห็นฉันมั้ย จิม..”
จิมนั่งอึ้ง เรื่องที่ตาอาจมองไม่เห็นเขาแค่หลอกทอมให้ตกใจเล่นเท่านั้น ไม่คิดว่าภาพตรงหน้าเขาขณะนี้จะลางเลือนเป็นฝ้า เหมือนมองผ่านม่านขาวยังไงยังงั้น
“เอ่อ.. ห.. เห็น..” จิมปัดมือทอมออกและยันตัวลุกขึ้นยืน
“ฉันจะกลับห้องแล้ว นายอาบน้ำต่อเถอะ”
“เดี๋ยวซี.. ตานายแดงอ่ะ ไปหาหมอมั้ย…” น้ำเสียงทอมสั่นเครือ จิมคงโกรธแน่ จู่ๆ ก็เปลี่ยนท่าทีเป็นเย็นชาแบบนี้…
“ไม่ต้อง ฉันไม่เป็นไร เอาน้ำเย็นประคบหน่อยพรุ่งนี้เช้าก็หาย นายรีบอาบน้ำและเข้านอนซะ.. กู้ดไนท์ ทอม..”
จิมพูดโดยไม่หันไปมองหน้าอีกฝ่าย  เขาเปิดประตูห้องน้ำขยับจะก้าวออกก็ต้องชะงักเพราะถูกอ้อมกอดที่เปียกชื้นรั้งไว้

“ฉันขอโทษ ฉันไม่ดีเอง ชอบทำร้ายนาย อย่าโกรธนะ จิม ฉันขอโทษ..”

ทอมกระซิบขอโทษน้ำเสียงสั่นเครือ จิมร้อนวูบไปทั่วกาย อารมณ์ปรารถนาคุกรุ่นขึ้นในเสี้ยววินาที เขาเปลือยแค่ท่อนบน แต่ทอมคงลืมไปว่าตัวเองไม่ได้สวมอะไรเลย เล่นมาสวมกอดเนื้อแนบเนื้อกับเขาแบบนี้ ถึงจะด้านหลังก็เถอะ ทอมนะ ทอม.. แค่บอกรักฉันนายยังพูดไม่ได้ ยังมาแกล้งให้อารมณ์ฉันปั่นป่วนเล่นอีก..

จิมหันกลับมาเผชิญหน้าด้วย ทอมทำหน้าเหมือนกับจะร้องไห้เมื่อเห็นดวงตาของเขา
“ฉันไม่ได้โกรธนาย ทอม.. อย่าห่วงเลย เจ็บนิดเดียวเดี๋ยวก็หาย”
จิมใช้สองมือเสยผมเปียกชื้นของทอม
“รีบอาบน้ำแล้วเช็ดตัวให้แห้งซะ เดี๋ยวเป็นหวัดหรอก..”
จิมสะดุ้งเมื่อถูกทอมโผเข้ากอด ครั้งนี้ทำเอาเขาขนลุกเลย
“ห่วงทำไม ฉันทำนายเจ็บ ยังมาห่วงฉันอีก”
“ไม่ให้ห่วงได้ยังไง นายรักฉันหรือไม่ก็ไม่สำคัญ ขอให้รู้ว่าฉันรักนายสุดหัวใจฉันเลย เรื่องความรัก จริงๆ แล้วไม่จำเป็นต้องพูดหรือพร่ำบอกก็ได้ แค่การแสดงออกหรือการกระทำก็รู้แล้ว…”
ทอมผละออกสีหน้าตื่น
“จริงเหรอ..งั้นที่ฉันทำนายเจ็บบ่อยๆ นายก็คงเข้าใจว่าฉันไม่ได้รักนายใช่มั้ย”
จิมซ่อนยิ้มแสร้งตีหน้าเศร้า
“บอกแล้วไงว่าไม่เป็นไร ขอแค่นายไม่รังเกียจ ให้ฉันเป็นฝ่ายรักนายคนเดียวก็พอ..”

ทอมนิ่วหน้ากัดริมฝีปากตัวเองอย่างครุ่นคิด จิมอ้าปากจะเอ่ยห้ามว่าอย่ากัดริมฝีปาก แต่สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ริมฝีปากบางสวยตรงหน้าโน้มเข้ามาประทับแนบสนิทกับริมฝีปากของเขา ลิ้นอ่อนนุ่มของทอมแทรกผ่านเข้ามาสัมผัสกับลิ้นของเขาอย่างอ่อนโยน

จิมยืนนิ่งคิดว่าทอมแค่หยอกเล่น หากแต่สัมผัสที่ได้รับกลับเร่าร้อนขึ้นเรื่อยๆ จนเขาไม่อาจนิ่งเฉยอยู่ได้ สัมผัสและโต้ตอบกลับไปอย่างดูดดื่ม และในเมื่อเขาไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มจึงไม่ยอมเป็นฝ่ายผละออก เนิ่นนานทีเดียวกว่าทอมจะถอนริมฝีปาก ลิ้นอุ่นของเขาตามออกมาส่งและสัมผัสเบาๆ   ที่ริมฝีปากบางสวยอย่างอ้อยอิ่งด้วยความเสียดาย

ทอมผละออกใบหน้าร้อนผ่าวรู้สึกเขินอายกับการกระทำของตัวเอง ก้มหน้างุดและเอ่ยถามน้ำเสียงอ้อมแอ้ม
“เข้าใจความรู้สึกของฉันหรือยัง”
จิมเลิกคิ้ว
“เข้าใจว่าอะไรเหรอ..”
“ก็.. นายบอกว่าความรักแสดงออกที่การกระทำไม่ใช่เหรอ…”
“เอ๋?.. แสดงว่านายกำลังบอกว่า นายรักฉันใช่มั้ย..”
จิมอมยิ้มเมื่อเห็นใบหน้าเทพบุตรของเขาแดงซ่าน
“ม..ไม่รู้… คิดเอาเองซี..”
จิมรั้งทอมเข้ามาสวมกอดเนื้อแนบเนื้ออีกครั้ง
“แค่จูบ.. บอกอะไรไม่ได้มากหรอก คนไม่รักกันก็จูบกันได้”
ครั้งนี้ทอมเป็นฝ่ายขนลุกกับสัมผัสผิวกายที่ร้อนผ่าวของจิม เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองไม่ได้สวมอะไรเลย สองมือยันอกกว้างไว้
“ป.. ปล่อยนะ ใครจะเป็นยังไงฉันไม่รู้ แต่สำหรับฉัน ฉันไม่จูบปากใครที่ฉันไม่รักหรือไม่ชอบ..”
จิมลอบยิ้มในใจ ...อีกนิดเดียวเท่านั้น ถ้าได้ยินทอมบอกรักจากปาก เจ็บตัวอีกสักครั้งก็คุ้มเกินคุ้ม...
“งั้นที่นายจูบฉันเมื่อกี้ แปลว่านายรักฉันหรือแค่ชอบ หือ..”
“โธ่เว้ย!.. ทำไมต้องเซ้าซี้ด้วย รักหรือชอบก็เหมือนกันนั่นแหล่ะ”
ทอมเริ่มหงุดหงิด
“ปล่อยซะที ฉันจะอาบน้ำแล้ว”
“ไม่เหมือนนะทอม..” จิมไม่พูดเปล่าสองมือลูบไล้ผิวกายของทอมไปมา
“คนรักกันก็ต้องให้ความสุขซึ่งกันและกัน อย่างที่ฉันทำกับนายตอนนี้”
จิมเริ่มแสดงบทรักตามที่พูด ปากและจมูกซุกไซ้ไปทั่ว
“ม.. ไม่เอาแล้วนะ จิมมี่ ปล่อย~~~” 

ทอมเสียงสั่น ยอมรับว่าทุกครั้งที่ถูกจิมสัมผัส ถ้าไม่ฝืนใจตัวเองไว้อารมณ์ก็จะเตลิดไปจนกู่ไม่กลับ ครั้งนี้ก็เช่นกันถ้าไม่รีบหยุดยั้งการกระทำของจิมใน 2 –3 วินาทีนี้ ก็อย่าหวังว่าจะมีแรงผลักไสอีกเลย   ทอมรวบรวมกำลังซึ่งเหลืออยู่เพียงน้อยนิดผลักร่างสูงออก

...ให้ตายเถอะ!!.. แขนเขาไม่มีแรงเลย จิมทรุดตัวลงที่หว่างขาเขาแล้วทำยังไงดี.. เหลือวิธีเดียวที่จะหยุดได้ จะหาว่าโหดร้ายก็ยอม เขาไม่ยอมให้

จิมมี่เจ้าเล่ห์กลืนกินเขาถึง 2 ครั้งในคืนเดียวกันหรอก...

“อุ๊ก!.. โอ๊ะ!..”

ร่างสูงทรุดฮวบลงกับพื้น ทอมไม่รอช้า.. หิ้วปีกจิมลากออกจากห้องน้ำและกลับเข้าไปอาบน้ำต่อโดยกดล็อกประตูไว้
จิมนอนนิ่วหน้าขดตัวอยู่กับพื้น ชักไม่แน่ใจแล้วว่าเทพบุตรของเขาเป็นซาดิสต์หรือเปล่า ไม่ว่าจะอยู่ในอารมณ์ไหนก็ทำเขาเจ็บได้ โมโห.. โกรธ..หรืออายก็ยังพอว่า... แต่เข่าที่กระแทกใส่ยอดอกเขาเมื่อครู่นี้ มันมาจากอารมณ์ไหนกัน...

..หึ!.. จะอารมณ์ไหนก็ช่างเถอะ อย่างน้อยคืนนี้ฉันก็ได้รับรู้ความในใจของนายแล้ว ทอม..

 o4
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 29-01-2010 15:22:59
ในที่สุดแม๊กกี้ก้อกลับมาอยู่ในอ้อมกอดของแด๊ดดี๊แล้ว

ดีใจอ่ะ หายไวๆนะหนูแม๊กกี๊

คู่จิมทอมก็กำลังหวานได้ที่เลย น่ารักอ่ะ

อยากจะบอกว่าเรื่อง fatherhood อ่ะเจ้หมวยเคยเอามาลงที่บอร์ดแล้วน๊า

รู้สึกว่าจะอยู่ที่ นิยายที่จบแล้ว

เนื้อเรื่องทรมาน อ่านไปปวดใจไป ร้องไห้เสียน้ำตาเป็นปี๊ปๆ

แต่ก็สนุกมาก เอ๋หรือว่าเราจะมาโซล่ะเนี่ย


 
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: PeeYaR ที่ 29-01-2010 17:27:14
สนุกมากๆเลยค่ะ
ทั้งเศร้า ทั้งซึ้ง ทั้งหื่น
ครบรสมากเลยเรื่องนี้
แล้วก็รู้สึกว่าดีใจอ่ะ ที่อ่านมาถึงตอนที่เริ่มจะมีความสุขแล้ว
ถ้าเป็นตอนที่ยังเศร้าอยู่นะ คงค้างจนทำอะไรไม่ได้
เพราะรอคอยเจ๊หมวยมาอัพ
555
เอาใจช่วยแม๊กกี้ ให้ดีวันดีคืนนะ
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 29-01-2010 17:59:12
แอรยส

แม็กกกกกกี้

เจ้หมวยใจร้าย
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 29-01-2010 18:07:14
Fatherhood ตามลิงก์ไปเลยครับ

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=5759.0
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: จุ๊บจิ๊บจ๊ะจ๋า ที่ 29-01-2010 19:43:27
อาการลูกกับอาการพ่อ

ป่วยกับคนละแบบนะเนี่ยะ
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: kungyung ที่ 29-01-2010 20:56:29
ขอให้น้องแม็กกี้หายไวๆๆนะ :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: nithiwz ที่ 29-01-2010 22:31:59
สงสารแม็กกี้  ทำไมให้กัน  ใจร้ายยังงี้  จะฆ่าข่มขืนเด็กเลยประมาณนั้น
สงสารแม็กกี้  :m15: เมื่อไหร่ถึงจะมีความสุขเสียทีชีวิตนี้

เริ่มสวีทกันหนักนะ ตาจิมกับตาทอม
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: 1582 ที่ 30-01-2010 12:05:36
เอาใจช่วยจิม พิชิต ทอม ให้ได้ในเร็ววันนะคะ

ขอให้แม็กกี้หายป่วยเร็วๆ ด้วย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 30-01-2010 12:44:16
.. 13 ..
“ คุณพ่อ.. (http://bossja.exteen.com/images/j14.gif)  มือใหม่ ”


        “อือ...”   
        ทอมส่ายหน้าไปมา   ...ยังง่วงอยู่เลย จิม.. อย่าเพิ่งปลุกได้มั้ย...
        “อื้อออ...”    ทอมส่งเสียงรำคาญเมื่อแขนเสื้อถูกกระตุกไปมา 
        “อย่ากวนได้มั้ย ฉันยังง่วงอยู่”     
        ทอมส่งเสียงงัวเงียตวาดออกไปแต่ก็ยังถูกกวนอยู่ ครั้งนี้ใบหน้าเขาถูกลูบเบาๆ  ทอมเริ่มฉุนแม้จะยังง่วงมากจนเปิดตาแทบจะไม่ไหว  แต่ถ้ายังนอนนิ่งเฉยอยู่มีหวังถูกถอนพิษแต่เช้าแน่...
        “โธ่เว้ย!..”  ทอมปัดมือไม้ที่น่ารำคาญออก   
        “ถ้าพูดไม่รู้เรื่องฉันโกรธนายจริงๆ นะ”   ทอมตวาดใส่เสียงดังโดยไม่ลืมตาและขยับตัวนอนตะแคงเอาหมอนปิดหน้า
        ...ได้ผลแฮะ... จิมเลิกกวนเขาแล้ว เหมือนเด็กว่าง่ายแบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย เด็ก..ว่าง่าย... เด็ก.. เด็ก..!!!!...
        ทอมลืมตาโพลงหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง  ดึงหมอนออกลุกพรวดขึ้นนั่ง

        โอ!..พระเจ้า.. เด็กชายนั่งหน้าตื่นร่างเล็กบางสั่นสะท้านและเริ่มส่งเสียงครางในลำคอ  ทอมรีบรั้งตัวเข้ามาสวมกอดก่อนที่จะควบคุมอารมณ์ตกใจกลัวของเจ้าหนูไว้ไม่ได้

        “โอ๊ะ!.. โอ๋!.. แม็กกี้.. แด๊ดขอโทษ ลืมสนิทเลยว่าลูกนอนด้วย ขอโทษนะครับ ไม่กลัวนะลูก ไม่กลัวน้าา..”
        ทอมเงยหน้าเด็กชายขึ้น สีหน้าคลายความตกใจลงแล้วแต่สายตาที่จ้องมองเขาเหมือนยังไม่ไว้วางใจ  ทอมยิ้มหวานให้และจูบปลอบขวัญที่หน้าผาก  หวนนึกถึงคำพูดของหมอมาริสา

         …เด็กยังมีความทรงจำในตัวพ่อนะคะ  แกมีโอกาสจะฟื้นความจำเร็วขึ้นถ้าได้อยู่ใกล้และได้รับความอบอุ่นจากคุณ ถึงความรู้สึกของเด็กจะแบ่งแยกคุณทอมเป็นคนละคนกับพ่อของแก  แต่อย่างน้อยรูปลักษณ์พ่อที่อยู่ในความทรงจำของเด็กก็คือตัวคุณเอง  เพราะฉะนั้นช่วงเวลานี้คุณคือแด๊ดดี้ของแกนะคะ  ทำให้แกไว้ใจและเชื่อว่าคุณเป็นพ่อจริงๆ ก่อน  ความรักและความอบอุ่นที่คุณมอบให้จะทำให้เด็กรู้สึกปลอดภัย และกล้าสู้กับความทรงจำโหดร้ายที่คอยหลอกหลอนแกอยู่...  

        ทอมสวมกอดเด็กชายแน่นขึ้น  แม็กกี้คงเชื่อว่าเขาคือแด็ดดี้จริงๆ แล้ว จึงยอมนั่งนิ่งให้กอดแต่โดยดี  ไม่ดิ้นหนีเหมือนวันแรก ๆ

        …ให้ตายเถอะ!.. เขาอธิบายความรู้สึกของตัวเองในนาทีนี้ไม่ถูกเลย รู้แต่ว่าเป็นครั้งแรกที่ได้สวมกอดเด็กชายแล้วรู้สึกสุขใจอย่างประหลาด  เหมือนได้กอดคนรักเลย… ใช่!.. คนรัก… เขาตกหลุมรักเจ้าหนูแม็กกี้ตั้งแต่ตอนปวดไส้ติ่งแล้ว แต่ถึงจะรักก็ยังไม่แน่ใจว่าจะยอมรับเด็กชายเป็นลูกได้   ไม่คิดเลยว่าการเป็น พ่อ แค่ได้สวมกอดลูกก็มีความสุขมากแล้ว นี่ขนาดแค่สวมรอยยังมีความสุขขนาดนี้  ถ้าได้สวมกอดขณะที่แม็กกี้เป็นปกติและรู้ความจริงว่าเขาคือพ่อจริงๆ    ถึงเวลานั้นความสุขจะล้นทะลักหัวอกเขาหรือเปล่านะ…

         ทอมสะดุ้งจากภวังค์เมื่อร่างเล็กสะท้านขึ้นมา เขาคลายอ้อมแขนออกก็เห็นเด็กชายนิ่วหน้าเอามือกุมเป้ากางเกงไว้
        “เอ๋?... ปวดฉี่เหรอ แม็กกี้.. ร..รอเดี๋ยวนะ..”   
        ทอมผละจากเด็กชายกระโดดลงจากเตียงหันรีหันขวาง เขาพาแม็กกี้กลับจากโรงพยาบาลกระทันหันจึงยังไม่มีเวลาเตรียมอุปกรณ์ของใช้สำหรับคนป่วย  ตัดสินใจหันกลับมาช้อนร่างเล็กขึ้นจากเตียงเพื่อพาไปห้องน้ำ
        “โอ๊ะ!.. โอว!… แม็ก..กี้..”
        ทอมครางแผ่วเบาเพราะผละจากเตียงแค่สองก้าวแม็กกี้ก็ปล่อยฉี่ออก   จะร้องห้ามก็นึกขึ้นได้ว่าอาจทำให้เด็กตกใจจนฉี่ไม่ออกอีก  จึงหยุดยืนรอให้ปล่อยออกจนหมดก่อน

          …บางครั้งเด็กอาจเข้าใจที่คุณพูด  แต่บางครั้งก็ไม่ต่างจากเด็กเล็กๆ ต้องพร่ำบอกพร่ำสอนนะคะ…

 o13
 
        จิมแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองกับภาพที่เห็นตรงหน้า.. เด็กชายนั่งเปลือยอยู่ที่โซฟามีผ้าเช็ดตัวคลุมไหล่ไว้ ทอมคุกเข่าอยู่ตรงหน้ากำลังผัดแป้งให้ ที่ตกใจไม่ใช่เพราะเห็นทอมกำลังปรนนิบัติเจ้าหนู แต่ตกใจที่เห็นทอมตื่นขึ้นมาในเวลาที่ไม่เคยตื่น 
        เวลาปกติที่ทอมสามารถตื่นเองได้โดยไม่ต้องปลุกคือหลังเที่ยง แต่ตอนนี้แค่โมงเศษๆ เอง ทอมก็ลุกขึ้นมาทำภารกิจให้กับเด็กชายแล้ว เขาตั้งใจเข้ามาดูเพราะเป็นห่วงว่าแม็กกี้จะตื่นก่อนทอม  แต่กลับเข้ามาเห็นภาพที่ไม่คิดว่าจะได้เห็น
        “โอ๊ะ!.. โอ!.. ตาฝาดไปหรือเปล่าเนี่ย..  เกิดอะไรขึ้นครับคุณพ่อคุณลูก ลุกขึ้นอาบน้ำกันแต่เช้า”
        “ไม่ได้ตั้งใจจะอาบหรอก  แม็กกี้ฉี่รด” 
        ทอมตอบขณะกำลังง่วนอยู่กับเด็กชาย  แขนขวาที่เข้าเฝือกไว้ทำให้การสวมเสื้อลำบากพอสมควร เขาเลือกเสื้อนอนของตัวเองให้สวมไปพลางๆ ก่อนเพราะยังไม่ได้จัดหาเสื้อผ้าเตรียมไว้ให้     
        จิมเดินเข้ามาใกล้จึงพบว่าไม่ใช่แม็กกี้คนเดียวที่อยู่ในสภาพเปลือย ทอม เองก็สวมเสื้อคลุมเพียงตัวเดียวเหมือนเพิ่งอาบน้ำเสร็จ
        “แม็กกี้ฉี่รด  แล้วนายก็ฉี่รดด้วยเหรอ..”
        “จะบ้าเหรอ.. แม็กกี้ฉี่รดฉันต่างหาก ไม่ต้องพูดมากเลยวันนี้นายจะออกไปไหนหรือเปล่า ช่วยแวะซื้อ…”  ทอมชะงักเมื่อเงยหน้าขึ้นมาเห็นตาขวาของจิมปิดผ้าไว้  รีบลุกพรวดขึ้นด้วยความตกใจ
        “ตายังไม่หายเหรอ  เป็นอะไรมากรึเปล่า..”
        จิมไม่ตอบรั้งทอมเข้ามากอดและจูบที่แก้ม
        “มอร์นิ่ง  เบบี๋..”
        ใบหน้างามแดงเรื่อดันร่างสูงออก
        “ปล่อยนะ.. ถามว่าตาเป็นอะไร ไม่ได้ให้นายมาจูบฉัน”
        “จูบอรุณสวัสดิ์ไง คนรักกันก็ต้อง มอร์นิ่งคิส กันซี..  หรือนายอยากให้ฉันไป มอร์นิ่งคิส กับคนอื่น..”
        ทอมหน้าแดงจัดแต่ครั้งนี้เพราะโกรธที่จิมเริ่มล้ำเส้นมากขึ้น กล้าแสดงความรักกับเขาโดยไม่สนใจว่ามีเด็กชายนั่งอยู่ แถมยังพูดจากวนโมโหอีก
        “ใครเป็นคนรักของนายไม่ทราบ  อยากจะไปมอร์นิ่งคิสกับใครก็เรื่องของนาย  นึกว่าฉันแคร์เหรอ… งี่เง่า.. ออกไปให้พ้นเลย..”
        ทอมผลักจิมออกอย่างแรงโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัว  ร่างสูงใหญ่จึงล้มลงก้นกระแทกพื้น
        “โอ๊ย!!.. หยอกเล่นนิดหน่อย ทำไมต้องโกรธด้วย”  จิมร้องครวญยกมือขึ้นกุมตาขวาทั้งที่ไม่น่าจะเกี่ยวกัน
        “ทำร้ายกันแต่เช้าเลยนะ  เมื่อคืนก็เจ็บไปหมดทั้งตัวแล้ว..”
        “ก็.. นายอยากทำทุเรศแต่เช้าทำไม…” ทอมเสียงอ่อนลง
        “ทุเรศตรงไหน..  จูบคนที่ตัวเองรักมันผิดเหรอ ถ้าไม่ชอบต่อไปฉันจะไม่ทำอีก   ตั้งใจจะเข้ามาปลุกเผื่อว่าแม็กกี้ตื่นก่อนแล้วนายยังไม่ตื่น” 
        จิมชำเลืองไปทางเด็กชายที่นั่งตาแป๋วมองดูอยู่  ดูแล้วเหมือนเด็กเล็ก ไร้เดียงสาจริงๆ
        “ถ้าตื่นแล้วก็โอเค.. ขอโทษที่เข้ามากวน  เมื่อคืนฉันคงเข้าใจอะไรผิดไป  ถ้าพูดไม่ถูกหูก็ขอโทษด้วย”     
       จิมเลิกล้อเล่นเพราะเริ่มเหนื่อยใจกับการไม่ยอมรับความจริงของทอม  เขาทรุดตัวลงตรงหน้าแม็กกี้แต่ไม่ได้เข้าไปใกล้มากนัก  เพราะไม่แน่ใจว่าเจ้าหนูจะจำเขาได้หรือเปล่า ดวงตาสีฟ้าวันนี้สดใสขึ้น ไม่หม่นหมองเหมือนเมื่อ 2-3 วันแรก แถมยังกล้าสบตาเขานิ่งเฉยโดยไม่ได้แสดงท่าทีหวาดกลัว   จิมส่งยิ้มให้ค่อยๆ จับมือเด็กชายขึ้นมากุมไว้และจูบเบาๆ
        “กลับบ้านเราแล้วนะ แม็กกี้..  หายเร็วๆ นะ เด็กดี..”
        จิมรีบปล่อยมือเมื่อคิ้วเจ้าหนูเริ่มขมวด  นึกขำในใจ… อารมณ์เด็กชายแปรปรวนเพราะจิตใจไม่ปกติถือเป็นเรื่องธรรมดา แต่อารมณ์ของเทพบุตรทอมผู้เป็นพ่อนี่ซิ  เขาตามไม่ทันจริงๆ…
        จิมลุกขึ้นยืนผละจากทอมโดยไม่พูดอะไรเพราะกลัวจะผิดใจอีก
        “เอ่อ.. ด…เดี๋ยวก่อน จิม..”
        ร่างสูงชะงักมือจับลูกบิดประตูค้างไว้
        ทอมหันรีหันขวางก่อนเดินไปหยิบรถไฟฟ้าจำลองมาให้เด็กชายถือไว้  และเดินเลี่ยงมาหาจิมที่ประตู
        “ฉัน.. เอ่อ.. ข.. ขอโทษ..”   ทอมอึกอักสีหน้าสำนึกผิด
        “ขอโทษเรื่องอะไร ถ้าเรื่องที่ทำฉันเจ็บล่ะก็  นายต้องขอโทษฉันทุกวัน..วันละหลายๆ ครั้งเลยนะ อย่ากังวลเลยทอม  เป็นเรื่องชาชินสำหรับฉันแล้ว  วันไหนไม่ได้กระเซ้านาย  ฉันกินข้าวไม่ได้นอนไม่หลับอ่ะ”
        จิมยิ้มให้  ทอมจึงมีสีหน้าดีขึ้น
        “แต่นายกระเซ้าไม่เลือกเวลานี่นา ต่อหน้าแม็กกี้นายก็ไม่เว้น แถมยังพูดจากวนโมโหอีก”
        จิมถอนใจ  จริงๆ แล้วเขาไม่อยากต่อความยาวแต่เมื่อทอมเป็นฝ่ายเริ่มก่อนพูดให้รู้เรื่องเลยก็ดี  จะได้ไม่ทำอะไรให้ผิดหูผิดใจอีก
        “แม็กกี้ไม่ใช่คนอื่นนะทอม..  สภาพตอนนี้ก็เป็นแค่เด็กไร้เดียงสา  นายไม่พอใจและยังไม่ยอมรับว่านายรักฉัน เลยหงุดหงิดที่ฉันแสดงความรักกับนายอย่างถือวิสาสะ ฉันเข้าใจผิดนึกว่าเมื่อคืนเราคุยกันรู้เรื่องแล้ว ฉันต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายขอโทษ..  ฉันยอมก้าวกลับไปจุดเดิม  ยอมเป็นฝ่ายรักนายข้างเดียวเหมือนเดิม  ขอแค่นายไม่เกลียดฉัน  ยินยอมให้ฉันอยู่ข้างๆ ก็พอ..”
        ทอมยืนอึ้งกับบทสรุปของจิม
        “เดี๋ยวเจอกันที่โต๊ะอาหารนะ  แม็กกี้จะทานอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า จะสั่งป้าทิพย์เตรียมไว้ให้”
        “ฉันสั่งแล้ว”
        “โอเค.. อ้อ!.. เดี๋ยวสายๆ ฉันจะออกไปข้างนอกทำธุระนิดหน่อย จดรายการเสื้อผ้าและของใช้ของแม็กกี้ให้ด้วย  ขากลับจะแวะซื้อให้..”
        “เอ่อ..เดี๋ยว..”  ทอมเรียกให้หยุดแต่ยืนนิ่งไม่ยอมพูดจา
        จิมเลิกคิ้วเห็นสีหน้าไม่สบายใจของเทพบุตรแสนรักก็สงสาร ดึงตัวหลบเข้ามาที่ซอกประตูให้พ้นจากสายตาเด็กชายและรั้งตัวเข้ามาสวมกอด เรื่องของแม็กกี้ทำให้ทอมกังวลมากพอแล้ว ไม่อยากให้เรื่องของเขาทำให้ทอมต้องลำบากใจอีก
        “ถ้ายังไม่สบายใจเพราะเรื่องของฉัน ฉันขอยืนยันนะทอม.. แค่นายเข้าใจและยอมรับความรู้สึกที่ฉันมีให้ก็เพียงพอแล้ว  ฉันไม่ต้องการอะไรมากไปกว่านี้…”
        “จริงเหรอ..  งั้นที่ฉันอยากจะบอกนายก็ไม่จำเป็นแล้วซี..”
        “อะไรเหรอ..”
        “ฉันอยากบอกนายว่า.. ฉันไม่ได้โกรธที่ถูกนายจูบ…” ดวงตาคู่สวยผลุบต่ำลงพร้อมกับเบือนหน้าหนี   
        “ไม่ได้โกรธที่นายโมเมว่าฉันเป็น คนรัก ด้วย..”
        “ไม่ได้โกรธ..”  จิมทวนคำพูดอย่างไม่ค่อยแน่ใจ  หันหน้าเทพบุตรสุดรักมาสบตาด้วย 
        “แปลว่า.. ยอมรับว่าฉันเป็นคนรักของนายแล้วใช่มั้ย..”
        ทอมพยักหน้าหงึกหัวใจของจิมก็พองโตขึ้น  แต่ไม่ทันรู้สึกยินดีก็ต้องชะงักกับน้ำเสียงขึงขังพร้อมสีหน้างอเง้าของอีกฝ่าย
        “แต่ฉันก็พร้อมจะเกลียดนายทันที ถ้านายพูดจางี่เง่ากับฉันแบบนั้นอีก”
        “เอ๋?… งี่เง่า…แบบนั้น? แบบไหนเหรอ  ฉันพูดอะไรผิดหรือทอม”
        “ก็เรื่องจูบ.. ถ้าฉันไม่ให้ นายก็จะไปมอร์นิ่งคิสกับคนอื่น ถ้านายท้าทายฉันแบบนั้นอีก  ก็ไปให้พ้นจากชีวิตฉันเลย  ฉันจะเกลียดนายชั่ว..”
        จิมปิดปากทอมไม่ให้พูดต่อด้วยริมฝีปากของเขา แทบสำลักความสุขที่เปี่ยมล้นในอกอยู่ในนาทีนี้  เขาได้รับการยอมรับจากทอมแล้ว  หัวใจของทอมเปิดประตูต้อนรับเขาแล้ว..
        จิมถอนริมฝีปากออกเมื่อเทพบุตรของเขาเริ่มหายใจติดขัด  นิ้วเรียวไล้ริมฝีปากบางสวยตรงหน้าเบาๆ   
        “ฉันสัญญาว่าจะไม่สัมผัสหรือแตะต้องริมฝีปากใคร  นอกจากริมฝีปากนี้เท่านั้น  จะไม่จูบใครนอกจากนายคนเดียว  ถ้าผิดคำพูดขอให้สวรรค์…”
        จิมพูดไม่จบก็เป็นฝ่ายถูกทอมปิดปากบ้าง  ครั้งนี้ทั้งเขาและทอมผลัดกันสัมผัสและโต้ตอบกันอย่างดูดดื่มเนิ่นนาน จนเมื่อผละออกริมฝีปากบางสวยของเทพบุตรสุดรักเห่อแดงจนจิมต้องประคบด้วยลิ้นอุ่นของเขาเบาๆ
        “รักนะทอม.. รักนายคนเดียว.. ฉันให้สัญญา.. นับจากวันนี้ชีวิตฉันจะมีนายเพียงคนเดียว  เป็นของนายคนเดียว..”
        ทอมสะดุ้ง เขายังไม่แน่ใจกับความรู้สึกของตัวเองมากนัก  เห็นจิมดีใจและเอาจริงก็เริ่มใจแป้ว
        “อ...เอาจริงเหรอ…  ไม่ต้องจริงจังถึงขนาดให้สัญญาแบบนี้ก็ได้  เรื่องของอนาคตไม่มีอะไรแน่นอน ไม่ใช่เหรอ.."
        จิมขมวดคิ้ว เจอคำพูดประโยคนี้หัวใจที่พองโตอยู่ก็เริ่มหดลงทีละน้อย
        “อะไรคือไม่แน่นอน.. สำหรับเรื่องอื่นๆ อาจจะใช่ แต่ความรู้สึกที่ฉันมีต่อนายจะไม่มีวันเปลี่ยนไป  มันจะจบลงและหายไปพร้อมกับตัวตนของฉันเมื่อความตายมาเยือนเท่านั้น…”
        ทอมใจหายวาบเมื่อเห็นสีหน้าสลดของจิมขณะพูด  ทั้งกายและใจของจิมต้องเจ็บเพราะการกระทำและคำพูดของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่แม้จะเจ็บมากขนาดไหนจิมก็ยังยืนยันว่าจะขอรักเขาจนวันตาย
        ทอมโอบคอร่างสูงและซบลงกับไหล่กว้าง
        “ขอบใจสำหรับความรู้สึกที่นายมีให้ฉัน ฉันยอมรับว่าฉันกลัวที่จะคบกับนายในสภาพนี้จึงปฏิเสธความรู้สึกของตัวเองมาตลอด ตอนนี้ฉันตัดสินใจแล้ว  วันข้างหน้าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือเปล่าฉันไม่รู้..  รู้แต่ว่าวันนี้ขอโอกาสให้ฉันได้ลองคบกับนายแบบ.. คนรัก.. ได้มั้ย.. จิมมี่...”
        เสียงกระซิบของทอมผ่านเข้าโสตประสาทของจิม แม้จะเป็นเรื่องที่น่า ยินดีแต่ก็แฝงความเจ็บปวดไว้ในส่วนลึก ทอมแค่ขอลองคบกับเขาเท่านั้นเอง เป็นเพราะทอมยังลังเลและไม่มั่นใจความรู้สึกที่มีต่อเขา กลัวคำครหาในสังคมเพราะเป็นความรักระหว่างผู้ชายด้วยกัน ทอมจึงเผื่อความไม่แน่นอนในอนาคตไว้ ความรู้สึกที่ทอมมีให้เขายังแค่เริ่มต้น มันเทียบกับความรู้สึกที่เขามีให้ทอมไม่ได้เลย..
        “ได้มั้ย จิม.. จิม..”
        จิมใช้สองมือเสยเรือนผมเทพบุตรแสนรัก ใบหน้าหล่อเหลามีเสน่ห์ชวนฝันอยู่ห่างไม่ถึงคืบ  ความงามขนาดนี้ใครจะปล่อยให้หลุดมือไปได้ง่ายๆ
        “ทำไมจะไม่ได้ล่ะ… ต่อให้นายบอกว่าจะขอคบฉันอย่างเพื่อน  ฉันก็ไม่มีวันตัดใจเลิกรักนาย ถ้าเทียบกับการต้องเป็นฝ่ายรักนายข้างเดียวตลอดไป สู้ยอมให้นายคบฉันอย่างคนรักแค่เพียงวันเดียว  ฉันก็ยินดีสุดซึ้งแล้ว…”
        ทอมขมวดคิ้ว คำพูดของจิมบางครั้งก็ฟังง่ายตรงไปตรงมา บางครั้งก็เปรียบเปรยลึกซึ้งจนตามไม่ค่อยทัน
        “แปลว่าต้องการให้คบแค่วันเดียวเหรอ..”   ทอมถามด้วยน้ำเสียงจริงจังทำเอาจิมสะดุ้ง       
        “NO.. แค่สมมติน่ะ ทอม.. สมมติ..”   จิมรั้งทอมเข้าสวมกอดอีกครั้ง
        “นับจากนาทีนี้ไปนายเป็นคนรักของฉันแล้วนะ ขอทำสัญญาผูกมัดไว้ก่อนได้มั้ย”     
        จิมไม่พูดเปล่า มือปลดเชือกเสื้อคลุมของทอมไปด้วย
        “ม.. ไม่เอานะ.. ทำสัญญาบ้าบออะไรเวลานี้เล่า  แม็กกี้นั่งอยู่นั่น..”
        “งั้นคืนนี้ได้มั้ย..  นะ ทอม นะ..”  จมูกโด่งซุกไซ้ซอกคอหอม   
        “ให้แม็กกี้นอนหลับก่อนก็ได้..”
        “อ๊ะ.. อือ~~  ก.. ก็ได้.. ปล่อยก่อน  ปล่อยเดี๋ยวนี้เลย” 
        ทอมเสียงสั่นรีบผลักจิมออกก่อนที่อารมณ์จะเตลิดไปไกลจนกู่ไม่กลับ  ที่จริงก็เกือบจะระงับไม่อยู่แล้ว  ถ้าไม่ติดเด็กชายล่ะก็…
        ทอมรีบกล่าวตัดบท  มือผูกเชือกเสื้อคลุมไปด้วย
        “ออกไปได้แล้ว จิมมี่.. ไปดูป้าทิพย์ด้วยว่าทำข้าวต้มกุ้งเสร็จรึยัง  อ้อ!.. ที่ว่าจะไปธุระ   ไปไหนเหรอ..”
        “ไปหาหมอดูตาหน่อย ปวดตึบๆ ทั้งคืนเลย.. จะซื้ออะไรให้แม็กกี้บ้างจดรายการไว้ด้วย  เดี๋ยวเจอกันที่โต๊ะอาหารนะ..”
        ทอมยืนอึ้ง  จิมบอกปวดตาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ไม่โอดโอยต่อว่าเขาสักคำทั้งที่เขาเป็นคนทำให้เจ็บแท้ๆ 
        ...บ้าที่สุดเลย จิมมี่.. ทำไมต้องทำใจดีกับฉันขนาดนี้ด้วย...

   :o8:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 30-01-2010 13:00:46
จิมเดินผิวปากออกจากห้องอย่างสบายอารมณ์  กำลังจะก้าวลงบันไดก็ชะงักกับเสียงของทอมที่ดังแว่วออกมา  รีบวิ่งกลับเข้าไปก็พบทอมยืนหน้าตื่นเรียกหาแม็กกี้อยู่กลางห้อง
        “เกิดอะไรขึ้น ทอม.. แม็กกี้เป็นอะไร”
        “แม็กกี้หายไป ฉันให้นั่งอยู่ตรงนี้ก่อนเดินไปคุยกับนาย” ทอมชี้มือไปที่โซฟา   
        “ไม่หายไปไหนหรอก  ห้องน้ำหาหรือยัง”   
        “หาแล้ว ไม่อยู่”
จิมเหลียวซ้ายแลขวามองหาเด็กชายแต่ไม่พบ  เดินเข้าไปในห้องน้ำหาดูด้วยตัวเองอีกครั้ง  ออกจากห้องน้ำเห็นทอมก้มลงมองใต้เตียงปากก็ร้องเรียกเด็กชาย  ทำเหมือนกำลังหาลูกแมวยังงั้นแหล่ะ  จิมนึกขำแต่ไม่อยู่ในสถานการณ์ที่จะหัวเราะได้ เขาไม่ตกใจเท่าไรเพราะคิดว่าแม็กกี้อาจจะนั่งซุกตัวอยู่ตรงไหนสักแห่งในห้องเหมือนที่ทำบ่อยๆ ตอนอยู่ที่บ้านคุ้มครอง  แต่เมื่อมองหาจนทั่วแล้วก็พบว่าเด็กชายไม่ได้อยู่ในห้องจริงๆ
        “จิม.. แม็กกี้หายไปไหน หายไปได้ยังไง ช่วยฉันหาลูกหน่อย..”  น้ำเสียงทอมสั่นเครือ
        “ใจเย็นๆ ทอม.. จะไปไหน.. หือ..”   
        จิมฉุดทอมไว้เมื่ออีกฝ่ายทำท่าจะเดินออกจากห้อง
        “ไปหาข้างนอก  ก็ในห้องไม่มี..”
        “เรายืนกันอยู่ที่ประตู แม็กกี้ไม่ได้ออกจากห้องทางนั้นแน่ ยกเว้นเจ้าหนูหายตัวได้..”     จิมพูดกับทอมแต่สายตาจับจ้องที่ระเบียงด้านนอก
        “เมื่อเช้าออกไปที่ระเบียงหรือเปล่า ทอม.. ”
        “เปล่านี่… อ๊ะ!.. หรือว่า..”
        เร็วเท่าใจคิด!!.. ทอมวิ่งไปที่ประตูทางออกระเบียงซึ่งเปิดค้างไว้  ไม่พบเด็กชายบนระเบียง เหลียวซ้ายก็ไม่พบแต่เมื่อหันไปทางขวาก็ต้องสะดุ้งเฮือก อ้าปากจะร้องเรียกก็ถูกจิมเอามือปิดปากไว้
        “ชูว์… อย่าตะโกน  เดี๋ยวลูกตกใจ..”
แม็กกี้ปีนออกจากระเบียงไปนั่งอยู่บนหลังคา มือซ้ายยึดราวระเบียงไว้เพราะมือขวาเจ็บ ภาพที่เห็นคือเด็กชายกำลังพยายามจะเก็บอะไรสักอย่างด้วยเท้า  ไม่อยากเชื่อเลย.. แม็กกี้ในสภาพที่เห็นอยู่ตอนนี้ก็แค่เด็กผู้ชายซนๆ คนหนึ่ง  ไม่เหมือนเด็กที่มีอาการป่วยทางจิตเลย
        “ย่องเข้าไปจับไว้  พยายามอย่าให้เห็นก่อนจะถึงตัว”
        จิมกระซิบบอกเมื่อเห็นทอมยืนตะลึงอยู่
        “ฉ.. ฉันเหรอ..”
        “ใช่ซี.. แม็กกี้เห็นนายก็ยังไม่ตกใจเท่าเห็นฉัน  ไปเร็วเข้า ทอม..”
        “โอเค..” 
ทอมผูกเชือกเสื้อคลุมให้กระชับขึ้นก่อนเดินย่องเข้าไปหาเด็กชาย จิมเดินตามมาห่างๆ เข้าไปใกล้จึงเห็นว่าสิ่งที่แม็กกี้กำลังพยายามเก็บคืออะไร  ทอมใจเต้นแรงกลัวเด็กชายหันมาเห็นและตกใจปล่อยมือพลัดตก  จะให้จับตัวโดยที่เด็กไม่ทันได้เห็นไม่มีทางเป็นไปได้เลย  นอกเสียจาก...

         ทอมทรุดตัวลงด้านหลังเด็กชาย   ค่อยๆ ยื่นมือลอดราวระเบียงออกไปเพื่อรั้งตัวเจ้าหนูเข้ามา แต่เพียงแค่สัมผัสถูกร่างเล็กก็สะดุ้งเฮือก ส่งเสียงกรีดร้องและปล่อยมือซ้ายที่จับราวระเบียงไว้ทันที ทอมใจหายวาบคว้าร่างเจ้าหนูไว้แทบไม่ทัน
        “อย่าดิ้นซี แม็กกี้.. นี่แด๊ดนะ.. เฮ้!.. จิมช่วยหน่อย เร็ว…”
        เด็กชายพยายามดิ้นหนีเท้าสองข้างเตะถีบกระเบื้องไปมา ส่งเสียงครางสลับกับกรีดร้อง จิมปีนคร่อมราวระเบียงคว้าตัวเจ้าหนูไว้และบอกให้ทอมปล่อยมือ
        ทอมลุกขึ้นรับร่างเล็กที่ดิ้นเร่าๆ อยู่ในอ้อมแขนแกร่งของจิม เหตุการณ์ วุ่นวายบนระเบียงห้องนอนของเจ้านายทอม ทำเอานายแก้วและนายเอ๊ดแหงนหน้ามองตาค้างอยู่ที่สนาม นี่แค่วันแรกหนุ่มน้อยแม็กกี้ซึ่งวันนี้กลับมาอยู่ในฐานะคุณหนูของบ้านแม็คกิลล์  ก็ประเดิมเรื่องที่น่าหวาดเสียวแต่เช้าแล้ว

  :เฮ้อ:

         จิมยืนกอดอกมองดูเด็กชายที่ยังอยู่ในอาการสะอื้นเล็กๆ หลังคลายความ ตกใจลงแล้ว ร่างเล็กนั่งซบอยู่กับอกทอม เสียงพร่ำปลอบอย่างอ่อนโยนฟังระรื่นหูอย่างไม่น่าเชื่อ
        “ไม่กลัวแล้วนะแม็กกี้..  จะเก็บของทำไมไม่เรียกแด๊ดล่ะครับ ลูกปีนลงไปอย่างนั้นไม่ได้นะ มันอันตราย.. อยากออกมาเดินเล่นข้างนอกทำไมไม่บอกล่ะครับ ลูกพูดได้นี่นาแม็กกี้..  พูดอย่างที่เคยพูดซี  เรียกแด๊ดสักคำ...  คุณทอมก็ได้..  หือ…”
        ทอมลูบศีรษะเด็กชาย  เช็ดน้ำตาและจูบปลอบที่แก้มเบาๆ  จิมเห็นแล้วอิจฉาเจ้าหนูนิดๆ  ในมือเขาถือรถไฟฟ้าจำลองซึ่งเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดเรื่องน่าหวาดเสียวแต่เช้า เขาเดินเข้ามายื่นรถที่อยู่ในมือให้  แม็กกี้จ้องมองรถไฟตาเขม็งแต่ไม่ยอมรับจนทอมต้องกระซิบบอก
        “รถไฟของลูกไง รับซีครับ  คุณจิมเก็บรถให้ลูกแล้ว แม็กกี้..”
        เด็กชายเหลือบสายตาขึ้นมองจิมแว่บหนึ่งก็เบือนหน้าหนีซบกับไหล่ทอม
        “จำไม่ได้จริงๆ หรือ แม็กกี้..  ฉันคงรังแกเธอไว้เยอะซีนะ  แกล้งจำไม่ได้หรือเปล่าน่ะ  มองหน้ากันหน่อยซี ไอ้หนู  เฮ้!..” 
        จิมทรุดตัวลงข้างทอมพยายามจะสบตากับเด็กชาย    แม็กกี้เริ่มส่งเสียงครางจนทอมต้องรีบห้ามจิมให้หยุดกระเซ้า
        “พอเถอะจิม  แม็กกี้ยังจำฉันในฐานะ ทอม แม็คกิลล์ ไม่ได้เลย จะไปจำนายได้ยังไง.. ช่วยลงไปสั่งให้แววยกอาหารเช้าขึ้นมาที  ฉันจะทานกับแม็กกี้บนนี้  นายจะทานด้วยมั้ย”
        จิมเลิกแหย่เพราะเห็นว่าได้เวลาที่เด็กชายควรจะทานอาหารเช้าแล้ว เขาหยุดกระเซ้าลูกแต่หันมากระเซ้า คุณพ่อมือใหม่.. สุดที่รักของเขาแทน
        “ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ชวนกระหม่อมทานอาหารเช้าด้วย  แต่ตราบใดที่องค์ชายน้อยยังไม่ชอบหน้ากระหม่อม  คนรักฐานะต่ำต้อยอย่างกระหม่อมเข้าใจดี เพื่อไม่ให้ฝ่าบาทลำบากพระทัย กระหม่อมขอจัดการอาหารเช้าของตัวเองแต่เพียงลำพังที่โต๊ะอาหาร..”
        จิมยกมือทอมขึ้นจูบเบาๆ  ก่อนตีหน้าเศร้าลุกขึ้นเดินจากไป  ทอมนั่งอมยิ้มมองตามตาปริบๆ

        ...ดูละครเวทีมากเกินไปหรือเปล่า จิมมี่..  นายนี่มันทะเล้นจริงๆ...

 :L2:

จิมในชุดหล่อเนี้ยบกึ่งเดินกึ่งวิ่งลงบันไดมา เสียงทีวีในห้องพักผ่อนเปิดดังลั่นโดยไม่เกรงใจใคร เทพบุตรสุดรักของเขาคงกำลังนั่งดูการ์ตูนกับลูกชายอย่างสบายอารมณ์ล่ะซี จิมระบายยิ้มก่อนออกไปข้างนอกต้องแวะกระเซ้า คุณพ่อมือใหม่ ซะหน่อย

จิมแปลกใจเมื่อพบทอมในสภาพที่ไม่ค่อยสดชื่น สีหน้าไม่สบายอารมณ์อย่างที่คิด เด็กชายนั่งนัวเนียอยู่ข้างกาย เขาเดินอ้อมไปด้านหลังโซฟาและก้มลงจูบแก้มทอมเบาๆ
“เป็นอะไรทอม.. ทำหน้าเหมือนถ่ายไม่ออก..” เขาอดกระเซ้าไม่ได้ทั้งที่รู้ว่าอาจทำให้อีกฝ่ายหัวเสีย แต่ทอมกลับตอบรับด้วยน้ำเสียงเนือยๆ
“อือ.. รู้ได้ไง..”
“หา!!.. ถ่ายไม่ออกจริงเหรอ.. ท้องผูกล่ะซี.. เครียดเกินไปหรือเปล่า..”
กลิ่นน้ำหอมโชยกรุ่นทำให้ทอมละสายตาจากทีวีเงยขึ้นมอง ไม่สบอารมณ์ทันทีเมื่อเห็นอีกฝ่ายอยู่ในสภาพหล่อเนี้ยบ เพราะแสดงว่ากำลังจะออกไปข้างนอก
“จะไปไหน..” ทอมถามกลับไปโดยไม่สนใจตอบคำถามของอีกฝ่าย
“เอ่อ..” จิมอึกอักเล็กน้อย “ไปสัมภาษณ์งานน่ะ”
ทอมชักสีหน้าไม่พอใจ ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากัน อารมณ์ไม่ค่อยจอย อยู่ก่อนหน้าทำให้รู้สึกฉุนกับคำตอบที่ได้รับ
“สัมภาษณ์งานอะไร.. ใครอนุญาต คิดจะทำงานพิเศษโดยไม่บอกฉันสักคำยังงั้นเหรอ ฉันไม่ให้นายไปทำงานที่ไหนทั้งนั้น ถึงจะเป็นแค่งานพิเศษเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็ไม่ให้!!..”
จิมอ้าปากหวอ นึกไม่ถึงว่าอาการถ่ายไม่ออกจะทำให้คนอารมณ์เสียง่ายๆ อย่างไม่มีเหตุผลแบบนี้
“เฮ้!.. ทำไมต้องโมโหด้วย แค่ออกไปสัมภาษณ์เท่านั้น ยังไม่ได้งานทำสักหน่อย”
“ก็เหมือนกันนั่นแหล่ะ ฉันไม่ให้นายไปสัมภาษณ์งานที่ไหนทั้งนั้น เรื่องอะไรจะต้องไปหางานทำทั้งที่นายยังทำงานกับฉันอยู่”
ทอมเสียงดังจนแม็กกี้หันมามองสีหน้าเลิ่กลัก จิมได้ทีรีบอ้างเด็กชายเพื่อให้ทอมคลายอารมณ์โกรธลง
“อย่าเสียงดังซี ลูกตกใจเห็นมั้ย…”
ทอมหันไปจูบปลอบและกระซิบเบาๆ 2-3 คำ เจ้าหนูก็หันกลับไปดูทีวีต่ออย่างว่าง่าย ทอมลุกขึ้นไปนั่งที่โซฟาอีกตัว ไม่อยากให้เด็กชายได้ยินการสนทนา จิมตามมาทรุดตัวลงนั่งข้างๆ
“ลืมหรือเปล่า ทอม.. นายเป็นคนอยากให้ฉันหางานใหม่ทำเองนะ”
ทอมกล่าวกระซิบเสียงขุ่น
“ฉันไม่ลืม แต่ข้อตกลงนั้นยกเลิกไปแล้ว นายไม่ยอมรับเงินเลิกจ้างจากฉันก็แปลว่านายยังเป็นลูกจ้างฉันอยู่ เพราะงั้นนายไม่มีสิทธิไปรับงานซ้ำซ้อนเวลางานของฉัน”
“ไม่เอาน่ะ ทอม.. นายงดรับงานก็แปลว่าไม่มีรายได้เข้ากระเป๋าแล้วนะ”
“แล้วไง.. กลัวฉันไม่มีเงินจ่ายให้นายเหรอ..”
“เหลวไหลน่ะทอม.. คิดว่าฉันอยู่กับนายทุกวันนี้เพราะเงินค่าจ้างยังงั้นเหรอ.. เมื่อก่อนอาจจะใช่ แต่วันนี้ฉันไม่คิดจะเป็นลูกจ้างนายอีกต่อไปแล้วนะ”
“จิมมี่!!..” ทอมถลึงตาใส่กัดฟันเรียกเสียงสั่น
จิมเห็นท่าไม่ดีรีบสวมกอดเทพบุตรของเขาไว้ก่อนที่อารมณ์โกรธจะระเบิดออกมาเพราะเข้าใจผิด
“อย่าให้ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นแมลงปีกทองเลยนะทอม ฉันจะเหลือศักดิ์ศรีในตัวเองได้ยังไงถ้าต้องให้นายจ่ายเงินให้ทุกเดือน อยู่ในฐานะลูกจ้างก็ว่าไปอย่าง แต่ตอนนี้ฉันเป็นคนรักของนายแล้วนะ ลืมแล้วเหรอ…”
จิมกระซิบปลอบน้ำเสียงอ่อนโยน จมูกโด่งซุกไซ้และสูดดมความหอมที่แก้มไปด้วย
ทอมหน้าแดงอารมณ์โกรธมลายสิ้น แม้จะเข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่าย เขาก็ยังยืนยันความต้องการของตัวเอง
“ไม่รู้ล่ะ ฉันไม่ให้นายไปทำงานที่อื่น ถ้าไปข้อตกลงระหว่างเราก็ยกเลิก”
“ยกเลิก… ข้อตกลง ?.. เรื่องอะไรอ่ะ”
“เลิกคบกันอย่างคนรัก”
จิมสะดุ้งโหยง
“ไม่นะทอม.. เพิ่งตกลงคบกันได้แค่ 2 วันเอง   ฉันไม่ยอมนะ   ฉันไม่ไปทำงานที่อื่นแล้วก็ได้   จะอยู่กับนายคนเดียว โอเค..”   จิมอ้อนด้วยคำพูดไม่พอ ปากจมูกและมือไม้ยังซุกซนอยู่ที่ร่างกายของทอมด้วย

เด็กชายละสายตาจากทีวีหันไปเห็นทอมอยู่ในอ้อมกอดของจิม  คิ้วขมวดมุ่นดวงตากลมจ้องมองอย่างไม่พอใจ ในขณะที่เจ้าตัวยังไม่รู้ว่าสร้างความขุ่นเคืองให้กับเจ้าหนูที่นั่งอยู่ข้างๆ  

ทอมนั่งนิ่งยอมให้จิมสัมผัสแต่โดยดี จิมยอมโอนอ่อนให้เขาทุกเรื่องจึงอยากตอบแทนความรู้สึกดีๆ กลับไปบ้าง
“นายไม่ต้องกลัวว่าอยู่กับฉันแล้วจะไม่มีงานทำ ช่วยฉันดูแลแม็กกี้แค่นี้ก็งานหนักพอแล้ว ถ้านายทำให้ความจำของแม็กกี้กลับคืนมาได้ ฉันจะมีโบนัสพิเศษให้ด้วย อยากได้อะไร ถ้าให้ได้ฉันจะให้ทุกอย่าง..”
“จริงเหรอ.. ขอให้หัวใจและร่างกายของนายเป็นของฉันคนเดียวตลอดไป ได้มั้ย..”

ทอมหน้าร้อนผ่าว คิดไม่ถึงว่าจิมจะขอเรื่องใหญ่แบบนี้ ถึงวันนี้เขาจะมีความรู้สึกที่ดีกับจิมฉันท์คนรักก็ตาม แต่เขาก็ยังไม่มั่นใจว่าความรู้สึกที่ผิดธรรมชาติเช่นนี้จะคงอยู่ยืนยาวตลอดไปหรือไม่ ที่ยอมคบกับจิมวันนี้อาจเกิดขึ้นเพราะถูกตื้อและเซ้าซี้อยู่ทุกวันจนใจอ่อนก็ได้ เรื่องที่จิมขอจึงเป็นเรื่องใหญ่ที่เขาไม่อาจรับปากได้ในเวลานี้

“ได้มั้ย ทอม..”
“เอ่อ…” ทอมอึกอักสีหน้าและสายตาอ้อนวอนของจิมทำให้เขาไม่รู้จะพูดปฏิเสธยังไง
“คือ.. ฉันยังไม่….. ”
ทอมตัดสินใจขอเวลาพิสูจน์ความรู้สึกของตัวเองก่อน แต่ยังไม่ทันจะพูดจิมก็ร้องอุทาน
“โอ้ย!!.. ไม่โอเคก็ไม่เป็นไร.. อย่าโมโหซี ทอม..” จิมกัดฟันกระซิบ
“โอย~~ เจ็บ..”
“เป็นอะไร จิม.. เจ็บตรงไหน..” ทอมตกใจจับไหล่จิมเขย่า
“โอย~~ พอแล้วทอม.. ปล่อยมือ..” จิมกัดฟันตอบ
ทอมปล่อยมือจากไหล่กว้างสีหน้าตื่น
จิมรู้สึกเจ็บมากขึ้น คิ้วเข้มขมวดเมื่อเห็นทอมยกสองมือไว้ข้างลำตัว
..เป็นไปได้ยังไง เขายังเจ็บอยู่เลย.. ไม่ใช่ฝีมือทอมหรอกหรือ.. ถ้างั้นก็..

จิมสะดุ้งเฮือกส่งเสียงร้องดังลั่นเมื่อรู้ว่าเป็นฝีมือใคร..
“โอ๊ย!!.. เจ็บ~~ ช่วยด้วย ทอม.. แม็กกี้กัดฉัน.. โอย~~ ”
ร่างสูงไม่ยอมขยับตัวเอาแต่ร้องโอดโอยและซบอยู่กับไหล่ ทอมจึงเบี่ยงตัวออกใจหายวาบเมื่อเจอตัวต้นเหตุที่ทำให้จิมเจ็บแล้ว

เจ้าหนูแม็กกี้นั่งชันเข่ากับพื้น ร่างสูงใหญ่ของจิมบังไว้จนมองไม่เห็น เด็กชายกำลังจัดการกับมือใหญ่ที่ซุกซนอยู่บนหน้าขาของทอมด้วยการหยิกที่ท่อนแขนและใช้ปากกัดที่สันมือไปพร้อมๆ กัน..  

“อย่านะ แม็กกี้.. ปล่อยมือคุณจิม”
ทอมพยายามแกะมือเด็กชายออกจนได้ เจ้าหนูถูกขัดใจจึงออกแรงกัดที่สันมือหนักขึ้นจนแขนของ จิมกระตุก จิมส่งเสียงร้องเบาลงแต่โหยหวนจนทอมใจเสีย มือบีบปากเด็กชาย ให้ปล่อย
“ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ แม็กกี้.. ลูกทำคุณจิมเจ็บ รู้มั้ย..”
“ปล่อยซี… แม็กกี้..”

จิมไม่หันไปมองเพราะกลัวระงับอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ อาจดึงหรือกระชาก แขนออกทำให้เด็กชายบาดเจ็บฟันที่ขบกัดอยู่อาจจะโยกได้ เขาพยายามอดทนรอให้ทอมกล่อมแต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล แม็กกี้กำลังอยู่ในภวังค์ร้าย แขนและมือของเขาตอนนี้คือแขนของเดนมนุษย์พวกนั้น

“ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ แม็กกี้.. แด๊ดบอกให้ปล่อย นี่คุณจิมนะ ปล่อยเดี๋ยวนี้!!..
ทอมเสียงดังใส่จนเด็กชายสะดุ้ง น้ำใสเอ่อรื้นคลอดวงตาแต่แววตากลับแข็งกร้าวขึ้นอย่างน่ากลัวว่าจะ…จะ..

กึก!!! “โอ๊ะ!!..”
“อ๊ะ!!…”

เสียงอุทานของทอมและจิมดังขึ้นพร้อมกันแต่คนละอารมณ์ ทอมตกใจแต่จิมเจ็บปวดมากจนรู้สึกชาไปทั้งแขน
...โอ!.. พระเจ้า.. ทอมใจหายวาบเมื่อแม็กกี้ออกแรงกัดจิมจนได้เลือด เขาลืมตัวบีบปากเด็กชายอย่างแรงจนเจ้าหนูร้องและยอมอ้าปาก ทอมดึงแขนจิมออก เลือดไหลเป็นทางจากสันมือลงมาตามแขน นึกโมโหจิมที่นั่งนิ่งให้เด็กกัดโดยไม่ยอมดึงแขนหนี แต่เขาไม่กล้าบ่นว่าในเวลานี้ รีบหันไปดึงกระดาษทิชชูมาซับเลือดที่ไหลเป็นทาง

“ยกแขนไว้ จิม.. ฉันจะทำแผลให้” ทอมตะโกนเรียกสาวใช้ให้เอากระเป๋ายามาให้
จิมปัดมือทอมออก
“ฉันไม่เป็นไร ทอม.. ไปดูลูก..”
“ดูทำไม คนบาดเจ็บคือนายนะ” ทอมเป็นห่วงบาดแผลของจิมจึงไม่สนใจหันไปมองว่าเด็กชายกำลังอยู่ในสภาพตื่นกลัวเพียงใด
“ฉันไม่เป็นไร... ไปดูลูก ทอม.. เร็วเข้า แม็กกี้วิ่งออกไปแล้ว”
ทอมรู้สึกตัว หันไปเห็นหลังไวๆ ของเด็กชายวิ่งออกจากห้อง รีบลุกขึ้นวิ่งตามไปและสวนกับนายเอ๊ดที่วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา
“แววออกไปตลาดครับเจ้านาย ผมเห็นคุณหนูวิ่งออกไปจะให้ตามมั้ยครับ”
“ไม่ต้อง ไปช่วยทำแผลให้จิม”

ทอมวิ่งไล่หลังเด็กชายออกมาที่สนาม ยิ่งเรียกเจ้าหนูก็ยิ่งวิ่งเร็วขึ้น ขนาดหกล้มลงไปแล้วยังลุกขึ้นมาวิ่งหนีต่อ ทอมหยุดวิ่งตามเมื่อเห็นว่าไม่มีที่ให้เด็กชายหนีต่อแล้วยกเว้นปีนกำแพงออกไป ซึ่งเจ้าหนูของเขาคงไม่คิดจะทำ

ทอมวางใจเมื่อเห็นร่างเล็กยืนหอบอยู่ คิดว่ารอให้หายตกใจก่อนแล้วค่อยเข้าไปปลอบ จึงเดินเลี่ยงไปนั่งพักที่เก้าอี้สนามซึ่งอยู่ห่างจากที่เด็กชายยืนอยู่ไม่ไกลนัก แต่แล้วก็ต้องผุดลุกขึ้นยืนในทันทีที่ทรุดตัวลงนั่ง เพราะแค่ไม่กี่วินาทีที่เขาละสายตาแม็กกี้ก็หายตัวไปแล้ว

“โธ่เว้ย!!..”
ทอมไม่สามารถใจเย็นอยู่ต่อไปได้ ตะโกนเรียกคนในบ้านให้ออกมาช่วยกันหา
“แม็กกี้.. ลูกอยู่ไหน แม็กกี้..”
ทอมชะงักเมื่อพบร่องรอยของเด็กชาย จึงย่องเข้าไปใกล้ๆ

..โอ!..พระเจ้า.. หัวใจเขาแทบสลายเมื่อเห็นร่างเล็กนั่งซุกตัวอยู่ในพุ่มไม้ ตัวสั่นงกด้วยความกลัว บาดแผลรอยเกี่ยวจากกิ่งไม้ตามแขนขาและใบหน้า คงไม่ได้ทำให้เจ้าหนูรู้สึกระคายเคืองเลย เพราะความเจ็บปวดจากเหตุการณ์ร้ายที่ฝังลึกอยู่ในใจมากมายกว่าหลายร้อยหลายพันเท่านัก..

“แม็กกี้.. นี่แด๊ดนะ ออกมาเถอะลูก.. ออกมานะ เด็กดี…”

ทอมทรุดตัวลงยื่นมือเข้าไปหา เสียงกรีดร้องก็ดังขึ้นจนเขาสะดุ้งเฮือก แม็กกี้พยายามถดร่างหนีเข้าไปเรื่อยๆ ทอมใจหายเมื่อเห็นกิ่งไม้เกี่ยวแขนขาและใบหน้าเด็กชายจนเลือดไหลซิบๆ เจ้าหนูไม่ร้องเจ็บสักคำแต่เขากลับเจ็บปวดจนทนไม่ไหว หันไปเรียกนายแก้วซึ่งยืนรีรอเตรียมพร้อมอยู่ด้านหลังให้ตัดพุ่มไม้ออก
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 30-01-2010 13:03:28
อ่านแล้ว 

เจ็บตามเรย  ย ย

แง้   :sad4:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 30-01-2010 13:41:46
แอรยสสส

จะใจร้ายกันไปถึงไหน
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 30-01-2010 13:49:17
จิมยืนมองภาพตรงหน้าอย่างรู้สึกทึ่ง ไม่อยากเชื่อเลยว่าเทพบุตรทอมจะรู้จักวิธีปรนนิบัติใครได้อย่างนุ่มนวลและอ่อนโยนแบบนี้ ที่ผ่านมาเคยแต่ได้รับการปรนนิบัติจากคนรอบข้าง แต่วันนี้ทอมกลับทำในสิ่งที่เขาไม่เคยเห็นและไม่เคยคิดว่าจะทำได้

ทอมอุ้มเด็กชายกลับเขัาบ้านในสภาพที่เขาเห็นแล้วไม่กล้าเอ่ยถามว่าเป็นยังไงบ้าง เนื้อตัวเจ้าหนูมอมแมมด้วยขี้ดิน ทั้งใบหน้าและแขนขามีริ้วรอยถูกหนามเกี่ยวเลือดไหลซิบๆ เห็นแล้วอยากเข้าไปกอดปลอบคนอุ้มเหลือเกิน เข้าใจความรู้สึกของทอมในนาทีนั้นดีว่าเจ็บปวดขนาดไหน

ทอมเช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้แม็กกี้ต่อหน้าจิมที่ยืนเฝ้าดูอยู่โดยไม่รู้สึกขัดเขิน แม็กกี้หมดสติไปหลังจากกรีดร้องสุดเสียงด้วยความกลัวตอนเขาดึงตัวออกมาจากพุ่มไม้   เขาต้องเอามือปิดปากเจ้าหนูไว้เพราะไม่อยากให้เพื่อนบ้านตกใจ
ทอมเปรยเบาๆ ขณะทายาที่แขนขาและใบหน้าให้เด็กชายอย่างเบามือ

“แด๊ดคิดผิดหรือเปล่า ที่พาลูกกลับมา..”
ทอมวางหลอดยาที่หัวเตียง ห่มผ้าให้เด็กชายและก้มลงจูบที่หน้าผากเบาๆ   ก่อนเดินเลี่ยงมาทรุดตัวลงที่โซฟาด้วยท่าทีเหนื่อยอ่อน จิมเดินเข้าไปทรุดตัวลงนั่งข้างๆ และกล่าวปลอบ
“ไม่ผิดหรอกทอม แม็กกี้ต้องการนาย”
“แต่เวลานี้เขาอาจต้องการหมอมากกว่า ฉันคงใจร้อนเกินไปที่รีบพาเขากลับมา คิดว่าแม็กกี้ได้อยู่ใกล้ฉันแล้วจะดีขึ้น แต่เปล่าเลย.. อาการเมื่อครู่นี้แย่ยิ่งกว่าตอนอยู่ที่บ้านหลังนั้นซะอีก แม้แต่ฉันเขาก็จำไม่ได้..”

“ใครว่าล่ะ.. นายเป็นยาวิเศษที่จะรักษาแม็กกี้ได้ เป็นทั้งหมอและพ่อในเวลาเดียวกัน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เพราะฉันไม่ดีเอง แม็กกี้จำฉันไม่ได้จึงเกิดภาพหลอนขึ้นมาอีก.. ฉันขอโทษนะ ทอม.. ฉันไม่ได้ช่วยแบ่งเบาภาระให้นายเลย สามวันที่แม็กกี้กลับมาอยู่บ้าน ฉันไม่เคยคิดหาทางที่จะทำให้เด็กจำฉันได้ คอยแต่จะเลี่ยงหนี ทำให้นายต้องเหนื่อยอยู่คนเดียว ฉันสัญญานะ ทอม.. ตั้งแต่วันนี้ไปฉันจะช่วยดูแลแม็กกี้ จะพยายามทำให้แม็กกี้จำฉันให้ได้”

จิมยกมือให้สัญญาด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน แทนที่ทอมจะรู้สึกยินดีกลับใจหายรีบคว้ามืออีกฝ่ายสำรวจอาการบาดเจ็บ ที่สันมือปิดผ้าก็อซไว้ ถัดลงมาที่แขนมีร่องรอยเล็บจิกถึงช้ำและห้อเลือด
“เจ็บมั้ย จิม.. นายมันบ้า.. ทำไมไม่ดึงมือออก ปล่อยให้กัดอยู่ได้”
“ดึงออกไม่ได้หรอก เด็กจะเจ็บและกลัวมากขึ้นเมื่อรู้สึกว่ามีการต่อสู้ ที่สำคัญฉันกลัวแม็กกี้ฟันโยกอ่ะ”
“บ้าที่สุดเลย นายมันบ้ามาก รู้มั้ย จิม..”
“รักที่สุดเลย ฉันรักนายมาก รู้มั้ย ทอม..”
จิมส่งสายตาหวานซึ้งให้ ทอมหน้าแดง เบือนหนีมองไปที่เด็กชายและเปลี่ยนเรื่องพูด
“แม็กกี้ตื่นขึ้นมาจะจำฉันได้หรือเปล่าก็ไม่รู้   ถ้าจำไม่ได้แม้แต่แด๊ดดี้ล่ะก็โอกาสที่จะฟื้นความจำทั้งหมดคงยากขึ้นใช่มั้ย จิม..”
จิมถอนใจเบาๆ รั้งศีรษะทอมซบลงกับไหล่
“อย่าเพิ่งคิดหรือเดาเหตุการณ์อะไรล่วงหน้าเลยทอม.. ค่อยๆ แก้ไปตามสถานการณ์ มันคงไม่เลวร้ายมากไปกว่านี้อีกแล้ว.. เครียดมากๆ จะทำให้สุขภาพแย่นะ จริงซิ!!.. ถ่ายไม่ออกกี่วันแล้ว.. หือ..”
“ห๊ะ!.. รู้ได้ยังไง..”
“อ้าว!.. ก็นายเป็นคนบอกเอง”
จิมซ่อนยิ้มกับสีหน้าสงสัยของทอม รู้สึกยินดีอยู่ในส่วนลึก แม้จะตกที่นั่งเป็นพ่อคนแล้ว ทอมก็ยังเป็นทอมคนเดิมของเขาเสมอ ปวดหัว ปวดท้อง เป็นไข้ ไม่สบาย เขาคือคนแรกที่ทอมจะกระซิบบอก แต่อาการถ่ายไม่ออกเพิ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรก
“วันนี้วันที่สามแล้ว.. ตั้งแต่พากลับมาบ้านยังไม่ได้ถ่ายเลย..”
จิมพยักหน้ารับรู้ ทอมพูดด้วยสีหน้ากังวลไม่ได้เขินอายกับเรื่องที่บอก ทำให้เขาต้องตีสีหน้าจริงจังด้วย
“เพราะเครียดมากเกินไปรู้มั้ย ถ้าถึงคืนนี้ยังไม่ถ่ายต้องใช้ยาระบายช่วยแล้วนะ กินก่อนนอน เช้าตื่นขึ้นมาจะได้ถ่ายสบาย”
“ใช้ยากินจะดีเหรอ..” ทอมทำหน้ายุ่ง
“ยาจะออกฤทธิ์ตอนไหนก็ไม่รู้ ฉันต้องกังวลจนนอนไม่หลับแน่เลย ดีไม่ดีถ่ายเลอะที่นอน วุ่นวายหนักขึ้นไปอีก ใช้วิธีอื่นไม่ได้เหรอ จิม..”
“เอ่อ.. คือ..” จิมอึ้งกับเหตุผลวิตกจริตของทอม ยังไม่ทันนึกหาวิธีใหม่ทอมก็เป็นฝ่ายเสนอวิธีที่คิดว่าดีกว่า..
“ใช้ยาสวนได้มั้ย ไม่ต้องใช้เวลานานด้วย”
“เอ่อ.. ส.. สวนเหรอ”
จิมทวนวิธีใช้ยาถ่ายที่ทอมเสนออีกครั้ง ทอมพยักหน้าให้หน้าตาเฉย
“นายทำได้มั้ย ฉันจะให้นายเป็นคนสวน”
“อ.. อะไรนะ ให้ฉันเป็นคนสวนยาให้ แน่ใจเหรอ..” จิมกลืนน้ำลายลงคอ
ทอมเริ่มหงุดหงิดเมื่อจิมถามย้ำไปมาเหมือนไม่ค่อยเต็มใจอยากช่วย
“ไม่ได้เหรอ ไหนบอกจะช่วยฉันแบ่งเบาทุกเรื่องไง ถ้าลำบากก็ไม่ต้องฉันทำเองได้ จะไปไหนก็ไปเลย”
ทอมขยับจะลุกหนีด้วยความโมโห ก็ถูกจิมรั้งไว้ในอ้อมกอด
“โอเค.. ทอม ฉันทำได้.. ฉันทำให้นะ อย่าโกรธซี ทุกอย่างที่บ๊อสต้องการ มีอะไรที่ผมทำให้ไม่ได้ครับ..”
ทอมยิ้มออก

..อา!.. ให้ตายเถอะ สีหน้ายินดีของทอมนาทีนี้ ช่างบาดความรู้สึกของจิมจนอยากจะสัมผัสแก้มและริมฝีปากบางตรงหน้าอีกแล้ว แต่เหมือนทอมจะรู้ทันรีบเบี่ยงตัวหนีออกจากอ้อมแขนเขา..

“งั้นนายออกไปหาซื้อยาเตรียมไว้เลย จิม.. ถ้าแม็กกี้ตื่นขึ้นมาแล้วไม่มีอาการหนักขึ้นและยังจำฉันได้ ฉันจะพยายามให้นั่งถ่ายอีกครั้ง ถ้ายังไม่ยอมถ่ายอีก คืนนี้เราค่อยใช้ยากันนะ”

จิมนั่งอึ้งไปชั่วครู่ก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่
“หัวเราะอะไรจิม.. ประสาทหรือเปล่า”
“เปล่า.. ขอย้ำคำสั่งอีกครั้งได้มั้ย นายจะให้ฉันช่วยสวนยาถ่ายให้แม็กกี้ใช่มั้ย”
น้ำเสียงกลั้วหัวเราะของจิมทำให้ทอมเริ่มหงุดหงิดอีก
“เป็นบ้าอะไร.. ถามซ้ำถามซาก ไม่ใช่แม็กกี้แล้วเป็นใคร ห๊ะ!.. คิดว่าฉันจะให้นายสวนยาให้ใคร หรือว่า..”
จิมอมยิ้มไม่ตอบและไม่ถามอะไรอีก ทอมหน้าแดงจ้องหน้าจิมราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ คว้าหมอนอิงฟาดใส่ร่างสูงอย่างแรง
“งี่เง่านัก ในหัวนายคิดแต่จะทำเรื่องลามกสัปดนกับฉัน”
“โอ๊ย!.. เจ็บนะ ฉันไม่ได้คิดลามกซะหน่อย เรื่องสวนยานายเป็นคนคิดเองนะ ฉันแนะให้นายกินยาต่างหาก..”
จิมไม่ลุกหนีแค่ยกมือปัดป้อง เขายอมให้ตีแต่โดยดีเพราะรู้ว่าทอมกำลังโกรธและอายสุดๆ กับความเข้าใจผิดของเขา
“ฉันหมายถึงตัวเองที่ไหนเล่า หมายถึงแม็กกี้ต่างหาก แค่ถ่ายไม่ออกฉันต้องให้นายช่วยด้วยเหรอ อย่ามาแกล้งโง่เลย จิมมี่.. คิดจะสวนยาให้ฉันเหรอ.. ไอ้บ้า!!.. ไอ้ทุเรศ!!.. ลามก!!..”
จิมร้องโอดโอยปฏิเสธพัลวัน
“ฉันไม่ได้อยากสวนยาให้นายนะ ทอม.. ไม่คิดอยากเลยจริงๆ สาบานได้..”

...ฉันอยากทำอย่างอื่นที่คล้ายๆ กันโดยไม่ต้องใช้ยาสวนต่างหาก...
...ให้ตายเถอะ!.. จิมมี่เอ๋ย.. ถ้าพูดออกไปอย่างที่คิดล่ะก็ มีหวังนอนหยอดน้ำข้าวต้มแน่..

 :m16:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 30-01-2010 14:13:08
แม็กกี้นอนหนุนตักทอมอยู่บนเตียง สายตาจับจ้องตัวการ์ตูนไดโนเสาร์ที่กำลังวิ่งฝุ่นตลบอยู่ในจอ เด็กชายหมดสติไปตั้งแต่เมื่อบ่ายวานเพิ่งมาตื่นตอนรุ่งเช้าด้วยอารมณ์ที่เบิกบานผิดความคาดหมาย ทำเอาทอมซึ่งนอนไม่หลับทั้งคืนเพราะความเป็นห่วงหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง เพราะนอกจากเจ้าหนูจะจำเขาได้แล้ว ยังเป็นครั้งแรกที่ส่งยิ้มหวานให้ทันทีที่ลืมตาขึ้นมาเห็นหน้าเขา

ทอมใช้มือเกาศีรษะเด็กชายเบาๆ และลูบไล้แขนขาไปมาเพื่อให้รู้สึกสบายตัว ผมที่ถูกโกนจนสั้นเกรียนเริ่มยาวเล็กน้อย รอยแผลขีดข่วนจนเลือดไหลซิบเมื่อวานหายดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ ต้องยกความดีให้จิมที่หายาดีมาให้ทา เป็นยาเทวดาอย่างที่คุยไว้จริงๆ แค่ชั่วข้ามคืนแผลก็แห้งสนิท จำได้ว่าเป็นยาที่จิมเคยใช้ทาใบหน้าให้เขาเวลาที่เกิดบาดแผล จิมให้เหตุผลว่าใบหน้าของเขาเป็นสินค้าที่มีราคาแพงมากต้องบำรุงรักษาและดูแลให้ดีที่สุด โดย เฉพาะเวลาที่มีงานถ่ายปก ก่อนนอนจิมจะเข้ามาสำรวจใบหน้าของเขาว่าได้ทาครีมที่จัดหาไว้ให้หรือเปล่า ส่วนใหญ่จิมจะเป็นคนตามเข้ามาทาให้ตอนเขาหลับสนิทแล้ว แต่หลายสัปดาห์มานี้เขาละเลยและไม่สนใจเรื่องการดูแลผิวหน้าเพราะมัวแต่ยุ่งและวุ่นวายกับเรื่องของเด็กชาย ซึ่งจิมก็ปล่อยเพราะเป็นช่วงที่เขางดรับงาน

มีรอยหนามเกี่ยวที่แก้มหนึ่งแผลทำให้เจ้าหนูรู้สึกคันและทำท่าจะเกา ทอมดึงมือเด็กชายออกและใช้หลังมือไล้ให้เบาๆ
ร่างสูงนอนเอกเขนกอยู่บนโซฟา ในมือถือกระดาษหนึ่งแผ่นอ่านทวนไปมา สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงเทพบุตรสุดรักเอ่ยขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์

“จะศึกษาอีกนานมั้ย”
จิมลุกขึ้นนั่ง “พร้อมหรือยังล่ะ”
“นายนั่นแหล่ะพร้อมหรือยัง จะอ่านอีกกี่รอบ รีบมาจัดการซะที..”
จิมหัวเราะลุกขึ้นเดินเข้าไปหา
“ฉันพร้อมนานแล้ว เห็นกำลังอารมณ์ดีไม่อยากให้ร้องไห้”
ทอมขยับร่างเล็กนอนลงบนหมอนและลุกขึ้นยืน
“ไหน… ขอดูยาหน่อย”
จิมล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบยาออกมาไว้ในมือ
“จะใช้แบบไหน เหน็บหรือสวน”
ทอมมองยาในมือจิมแล้วทำหน้ายุ่ง ก่อนจะชี้ไปที่กระเปาะยาที่ใช้สำหรับสวนเพราะเคยเห็นพยาบาลใช้แบบนี้
“เอ้า!.. ถือไว้..”
จิมส่งกระเปาะยาให้ทอม เขาอยากให้ใช้แบบเหน็บเพราะง่ายกว่าและไม่เลอะเทอะ แต่ทอมคงเห็นหมอหรือพยาบาลใช้แบบสวนมาจึงอยากใช้ตาม
“ตกลงให้ฉันเป็นคนสอดใช่มั้ย”
ทอมสะดุ้งกับคำพูดสองแง่สองง่าม สายตาและรอยยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ยที่จ้องมองมาทำให้ทอมรู้สึกโกรธ อยากจะชกหน้าจิมมี่จอมกะล่อนให้หงายลงไปในนาทีนี้
“เฮ้!.. อย่าบีบยาอย่างนั้นซี เดี๋ยวแตกหรอก ดูทำหน้าเข้า.. ถ่ายไม่ออกด้วยอีกคนเหรอ.. ถ้ายังไงจัดการให้ลูกก่อนของพ่อไว้ทีหลังนะ..”
จิมกระเซ้าด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ พูดพลางถอยพลางในขณะที่ทอมเดินย่างสามขุมเข้ามาด้วยสีหน้างอหงิก
จิมหยุดเดิน ยกมือขึ้นยอมแพ้
“ล้อเล่นน่ะ ทอม.. อย่าโกรธซี ยอมให้อัดหนึ่งที โอเค..”
ทอมหยุดยืนตรงหน้าร่างสูงและยื่นยาให้
“จะเริ่มได้หรือยัง เรื่องลามกของนายไว้คิดบัญชีทีหลัง”
จิมเลิกกระเซ้าโอบไหล่ทอมเดินมาหยุดยืนข้างเด็กชายที่กำลังเพลินกับตัวการ์ตูนในจอทีวีจนไม่สนใจมองตามหาทอมที่ลุกผละออกไป
“นายสอดนะ ฉันจะจับให้เอง”
“เอ๊ะ!..นายนี่ยังไงนะ จะให้พูดกี่ครั้งว่านายต้องเป็นคนสวนยา ฉันจับเอง”
ทอมเสียงดังเพราะความเหลืออด เด็กชายสะดุ้งลุกขึ้นนั่งหน้าตื่น
“แค่นี้ก็ต้องเสียงดังด้วย ลูกตกใจเห็นมั้ย”
“ก็เพราะนายนั่นแหล่ะ พูดไม่รู้เรื่อง” ทอมทรุดตัวลงนั่ง แค่สวมกอดและจูบที่แก้มเบาๆ เด็กชายก็ล้มตัวลงนอนต่ออย่างว่าง่าย
“ไม่ใช่ไม่รู้เรื่อง ฟังนะทอม.. แม็กกี้ไม่อยู่นิ่งให้เราสวนยาง่ายๆ หรอก นายต้องจับให้แน่นจนดิ้นไม่ออกเลยนะ ไหวหรือเปล่า.. ให้ฉันจับแล้วนายสอดไม่ดีกว่าเหรอ”
ทอมนิ่งไปเพราะเห็นจริงด้วย ถ้าเทียบกำลังเขาสู้จิมไม่ได้อยู่แล้ว หากแม็กกี้ตกใจและออกแรงดิ้นมากเขาคงเอาไม่อยู่ แต่ถ้าจะให้เป็นคนสอดยาบอกตรงๆ เลยว่าเขาไม่กล้า..
“แต่แม็กกี้ไม่เอานายนี่... นายสวนแล้วฉันเป็นคนจับดีกว่า..”
“โอเค!!.. งั้นก็เริ่มเลย.. ถอดกางเกงออกและจับนอนตะแคง..”

จิมเดินเข้าห้องน้ำและกลับออกมาพร้อมผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ กระดาษทิชชู และน้ำอุ่น 1 ขัน ทอมถอดกางเกงแม็กกี้และจับนอนตะแคงเตรียมพร้อมไว้แล้ว จิมปูผ้าเช็ดตัวลงบนที่นอนและให้ทอมช้อนร่างเด็กชายขึ้นมานอนบนผ้าที่ปูไว้ เขาเดินอ้อมไปนั่งที่ปลายเท้าไม่ให้แม็กกี้เห็น ในขณะที่ทอมทรุดตัวลงกับพื้นจับร่างเล็กให้อยู่ในท่าชันเข่าโดยช้อนขา 2 ข้างไว้ในวงแขน แต่เพียงแค่จัดท่าเจ้าหนูก็ดิ้นขลุกขลักไปมาแล้ว

“คุยกับลูก ทอม.. ถ้าไม่ไหว ฉันจะช่วยนายจับ”

จิมกล่าวจริงจังเป็นการเป็นงาน ภารกิจที่ได้รับมอบหมายนี้ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นสำหรับเขา ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยสวนยาถ่ายให้ใครมาก่อน และไม่เคยเห็นใครทำด้วย ทอมเสียอีกที่เคยเห็นพยาบาลทำให้แม็กกี้มาแล้ว แต่เขารู้ว่าทอมไม่กล้าทำจึงผลักหน้าที่นี้ให้เขา..

ขณะที่ทอมกำลังล่อหลอกเด็กชายด้วยคำพูด จิมก็เริ่มปฏิบัติการโดยใช้น้ำอุ่นลูบที่ปากทวารหนักเพื่อลดการเสียดสี มือขวาถือยาเตรียมพร้อมส่วนมือซ้ายกดสะโพกเด็กชายไว้ เขาพยักหน้าให้ทอมและค่อยๆ สวนยาเข้าช่อง ทวารหนักอย่างเบามือที่สุด

“ฮึก!.. อือ~~ ”
แม็กกี้ร้องครางกับสัมผัสแปลกปลอมที่ได้รับแต่ยังนอนนิ่งอยู่ ชั่วอึดใจก็ผวาเฮือกดวงตาสีฟ้าเบิกโพลงขึ้น ใบหน้าเหยเกเหมือนได้รับความเจ็บปวดมาก ร่างเล็กเริ่มขยับและดิ้นหนี ทอมกดร่างเด็กชายไว้และกระซิบปลอบ
“ไม่เป็นไรแม็กกี้.. ไม่ต้องกลัวนะ.. คุณจิมสวนยาให้…ลูกจะได้ถ่ายออกไม่อึดอัดท้องนะครับ..”
จิมออกแรงกดสะโพกเด็กชายไว้จนขยับไม่ได้ ยิ่งสร้างความตกใจกลัวจนเกิดภาพหลอนของเหตุการณ์ร้ายขึ้นอีก ทอมใจหายวาบเมื่อแม็กกี้ส่งเสียงครางสลับกับเสียงกรีดร้อง น้ำตาไหลพราก ส่ายหน้าหนีไปมาโดยไม่ฟังคำพูดของเขาแล้ว
“เสร็จหรือยัง จิม.. นายทำแรงหรือเปล่า.. ค่อยๆ หน่อยซี..”
“ฉันทำเบามือที่สุดแล้ว ทอม.. อีกนิดเดียว..” จิมบีบยาเข้าไปจนหมดกระเปาะและนิ่งไว้ชั่วครู่เพื่อไม่ให้ยาไหลย้อนออกมา
เสียงกรีดร้องของเด็กชายดังขึ้นเรื่อยๆ เมื่อไม่สามารถดิ้นหนีออกจากอ้อมแขนของทอมได้ ร่างกายก็เริ่มกระตุกและสั่นสะท้าน ทอมใจหายวาบ
“พอแล้ว จิม.. นายทำแม็กกี้เจ็บ เอาออกเดี๋ยวนี้เลย..”
จิมดึงกระเปาะยาออกช้าๆ เขารู้ว่าแม็กกี้ไม่ได้เจ็บเพราะถูกสวนยา แต่เจ็บเพราะภาพหลอนของเหตุการณ์ร้าย
“จับนอนไว้ก่อนทอม.. อย่าเพิ่งลุก เดี๋ยวยาไหลออก.."
จิมถอนใจโล่งอก รู้สึกภูมิใจที่สามารถสวนยาให้เด็กชายได้สำเร็จ

“ไม่ต้องกลัวนะแม็กกี้.. นี่บ้านเรา.. แด๊ดกอดลูกอยู่ไงครับ”
อ้อมแขนของทอมยังกอดรัดเด็กชายไว้แน่น เขากระซิบและจูบปลอบขวัญซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนหนุ่มน้อยเริ่มคลายความตื่นกลัวและหยุดดิ้น แต่ถึงกระนั้นร่างเล็กบางก็ยังสะอื้นไม่หยุด

เด็กชายขยับตัวและเกร็งที่ช่องทวารเพราะฤทธิ์ยา จิมคว้าทิชชูซับยาที่ไหลย้อนออก ยาระบายประเภทนี้แม้จะออกฤทธิ์ค่อนข้างเร็ว แต่ถ้าจะให้ได้ผลต้องอยู่นิ่งๆ เพื่อให้ยาได้ออกฤทธิ์เต็มที่ แม้จะรู้สึกปวดอยากถ่ายแล้วก็ต้องพยายามกลั้นไว้จนกว่าจะทนไม่ไหว แต่สภาพของแม็กกี้ในยามนี้ไม่ต่างจากเด็กเล็กไร้เดียงสา เมื่อรู้สึกปวดก็คงอยากถ่ายทันที

“พาแม็กกี้ไปนั่งส้วมรอได้แล้วทอม.. ช้ากว่านี้นายอาจต้องเปลี่ยนที่นอนใหม่” จิมห่มตัวเด็กชายด้วยผ้าเช็ดตัวป้องกันไว้เผื่อไปไม่ทันนั่งส้วม

ทอมไม่รอช้า รีบช้อนร่างเล็กขึ้นจากเตียงพาไปที่ห้องน้ำ

จิมหัวเราะ ไม่มีใครเชื่อแน่ว่าสุดยอดนายแบบ ทอม แม็คกิลล์ ในวันนี้ได้กลายเป็นคุณพ่อมือใหม่ไปแล้ว แฟน ๆ รู้เข้าคงช็อก ยิ่งถ้ารู้ว่าไม่ใช่พ่อลูกอ่อนแต่เป็นพ่อของหนุ่มน้อยวัย 12 ปีด้วยแล้ว คงล้มทั้งยืนแน่

“เป็นไงบ้างทอม.. ถ่ายออก.. แล้วเหรอ..” จิมเปลี่ยนคำถามทันทีเพราะกลิ่นที่โชยเข้าจมูกเป็นคำตอบให้เขา
จิมมองตาปริบๆ เหลือเชื่อกับภาพที่เห็นตรงหน้า ทอมคุกเข่าอยู่ข้างแม็กกี้ที่กำลังนั่งถ่ายอยู่และเฝ้าปลอบโยนโดยสวมกอดเด็กชายไว้ ทำเหมือนเจ้าหนูนั่งอยู่บนเก้าอี้หรือโซฟายังงั้นล่ะ
“ยาได้ผลเร็วเกินคาดเลยใช่มั้ย ทอม..”
“ใช่.. แต่นายแน่ใจเหรอว่านี่ยาถ่าย ทำไมต้องออกแรงเบ่งขนาดนี้ ดูเหมือนจะปวดท้องด้วย” ทอมลูบหลังเด็กชายปลอบเมื่อเจ้าหนูออกแรงเบ่งจนหน้าแดง และร้องไห้อย่างขัดใจเพราะถูกบังคับให้นั่งถ่าย
“เอ่อ.. ที่จริงต้องกลั้นไว้รอให้ยาออกฤทธิ์มากกว่านี้ก่อนน่ะ แต่ไหนๆ ก็ออกมาแล้ว คงจะออกตามมาจนหมด.. เสียแต่ต้องออกแรงเบ่งนิดหน่อย”
“แย่จัง..” ทอมใช้สองมือเสยผมเด็กชายขณะกล่าวปลอบ
“เก่งมาก แม็กกี้.. ถ่ายออกมาอีกนะจะได้ไม่อึดอัดท้อง เนี่ย.. ถ้าลูกยอมถ่ายเอง ก็ไม่ต้องถูกคุณจิมทำเจ็บแบบนี้อีก..”
“อ้าว!.. พูดแบบนี้ได้ยังไงทอม.. แม็กกี้ยิ่งไม่ค่อยชอบหน้าฉันอยู่ แล้วฉันก็ไม่ได้ทำเขาเจ็บซะหน่อย”
จิมก้มลงจ้องหน้าเด็กชาย ใบหน้าและดวงตาสีฟ้าคู่งามฉ่ำนองไปด้วยน้ำตา
“ไง.. สบายท้องขึ้นหรือยัง แม็กกี้.. หือ..”

เด็กชายนิ่วหน้าใส่เขาทันที จิมหัวเราะเข้าใจว่าแม็กกี้ไม่ชอบหน้าเขาเอามากๆ แค่เห็นก็ทำสีหน้าไม่พอใจใส่ แต่เปล่าหรอก…

ปู๊ดดดดด!!!!!!….


เสียงของเหลวไหลออกเป็นชุดพร้อมกับเสียงครางและสีหน้าที่ดูเหมือนทรมานกับฤทธิ์ของยาถ่าย ทำให้จิมรู้สึกสงสารจนลืมเรื่องกลิ่นไปชั่วขณะ
“โอ๊ะ!.. โอ๋.. ปวดท้องเหรอ แม็กกี้.. ต่อไปต้องพยายามถ่ายเองนะ จะได้ไม่ต้องใช้ยาแบบนี้อีก..”
จิมขยับตัวขึ้นเมื่อรู้สึกว่ากำลังทนกลิ่นไม่ไหว รีบเอามือกดชักโครกให้
“เอ่อ.. จะนั่งกอดลูกอยู่อย่างนี้หรือทอม.. ไม่เหม็นเหรอ..”
จิมถามตรงๆ และคำตอบที่ได้รับก็ตรงคำถามอย่างจังเช่นกัน
“เหม็นซี.. อึใครหอมบ้าง ของนายหอมเหรอ..”

จิมหัวเราะ ไม่ทันได้ตอบกลับแม็กกี้ก็ถ่ายของเสียออกจากร่างกายด้วยเสียงที่ดังและรัวเป็นชุดยาวขึ้นกว่าเดิม  ครั้งนี้เด็กชายร้องไห้และกอดทอมไว้แน่นด้วยความตกใจกลัว
“ฮึก!!.. ฮือๆ ”
“ไม่เป็นไรลูก.. ไม่เป็นไรนะ.. ใกล้จะเสร็จแล้ว..”

จิมยิ้มแห้งๆ ช่วยกดชักโครกให้ เมื่อเห็นทอมเอาแต่ปลอบโยนโดยไม่สนใจกับกลิ่นที่อบอวลไปทั่วห้อง เขารู้ดีว่าคนที่อยู่ในฐานะพ่อแม่ ทุกข์สุขของลูกสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด แต่ไม่คิดว่าเทพบุตรทอมซึ่งตกที่นั่ง พ่อ ได้เพียงไม่กี่วัน อีกทั้งยังไม่เคยเป็นฝ่ายปรนนิบัติหรือดูแลใครมาก่อน จะสามารถทำหน้าที่ของพ่อได้อย่างน่าทึ่งเช่นนี้

“ออกไปคอยข้างนอกซี.. บอกว่าเหม็นยังยืนอยู่ได้..”
ทอมเอ่ยปากไล่เมื่อเห็นจิมยืนทำหน้าพิลึกพิลั่น
“เอ่อ!.. ไม่เป็นไร ฉันจะอยู่เป็นเพื่อน เผื่อมีอะไรให้ช่วย แม็กกี้คงถ่ายเกือบหมดท้องแล้วล่ะ แต่ให้นั่งต่ออีกหน่อยดีกว่า..”
“ออกไปเถอะ จิม.. นายช่วยฉันเยอะแล้ว ฉันจัดการต่อเองได้ ไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาอดทน ไม่ใช่ฉันไม่เหม็นนะ แต่ฉันปล่อยเค้านั่งอยู่คนเดียวไม่ได้..”
จิมพยักหน้ารับ ที่จริงแม็กกี้ต่างหากที่ไม่ยอมให้ทอมออกห่าง มือซ้ายเด็กชายขยุ้มแขนเสื้อทอมไว้แน่น
“โอเค!!.. ฉันจะลงไปข้างล่างสั่งป้าทิพย์เตรียมอาหารกลางวันเร็วหน่อย ถ่ายหมดท้องอย่างนี้ ไอ้หนูคงหิวเร็วแน่ๆ ..”

ทอมเอ่ยขอบใจ จิมรู้ใจเขาทุกเรื่องจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเขามานานแล้ว และจากนี้ไปเด็กชายที่อยู่ในอ้อมกอดเขาขณะนี้ก็จะเข้ามาเป็นหุ้นส่วนชีวิตของเขาเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคน คงเพราะความโหดร้ายใจดำของเขา สวรรค์จึงลงโทษให้เขาต้องรับผิดชอบดูแลเด็กชายวัย 12 ปีที่ตกอยู่ในสภาพไม่รู้ความ ไม่ต่างจากเด็กเล็กไร้เดียงสาเช่นนี้  ถ้อยความตัดพ้อในจดหมายแว่บเข้ามาในความนึกคิด

:m15:…จริงอย่างที่คุณพูดครับ มีลูกทั้งทีก็ต้องเลี้ยงดูกันมาตั้งแต่แรกเกิด เด็กโตแล้วอย่างผมถึงเป็นลูกจริงๆ ก็ไม่มีสิทธิเรียกร้องความรักจากคุณได้หรอก…  

…ให้ตายเถอะ!.. ไม่อยากเชื่อเลยว่านั่นคือคำพูดของเขาในคืนนั้น สมควรแล้วที่สวรรค์จะลงโทษ คงอยากให้เขาสำนึกถึงภาระหน้าที่และความรักที่พ่อต้องให้กับลูก จึงลงโทษให้เขาต้องดูแลเด็กชายวัย 12 ปีคนนี้อย่างเด็กแรกเกิดจริงๆ…

ทอมรู้สึกตัวเมื่อแขนเสื้อถูกกระตุก
“เสร็จแล้วเหรอ.. สบายท้องแล้ว เดี๋ยวเราลงไปหาของอร่อยๆ กินกันนะครับ..”
ทอมจูบแก้มเปียกชื้นของหนุ่มน้อย และฉุดร่างเล็กขึ้นยืนเพื่อชำระล้างทำความสะอาดร่างกายให้

วันนี้... ทอมเข้าใจภาระหน้าที่และความรู้สึกของคนเป็น พ่อ แล้ว อธิบายให้คนที่ไม่ได้อยู่ในฐานะเดียวกันเข้าใจไม่ได้ แม้แต่จิมซึ่งเข้าใจเขาทุกเรื่องเสมอมาก็คงไม่เข้าใจความรู้สึกในฐานะพ่อ ไม่เช่นนั้นคงไม่ถามเขาด้วยคำถามง่ายๆ ว่า ‘ ไม่เหม็นหรือทอม ’..

...ถ้านายเป็นฉันตอนนี้ ประสาทสัมผัสของนายจะลืมเรื่องกลิ่นไปเลย สิ่งเดียวที่สัมผัสได้คือความทุกข์ทรมานบนสีหน้าของ ลูก จนทำให้นายไม่สามารถละห่างออกมาได้แม้เพียงวินาทีเดียว...


(http://bossja.exteen.com/images/maggie.jpg)

ปู๊ดดดดด!!!!!!….




 :try2:   มาต่อให้จบตอนไปเลย
พ่อยกแม่ยกเจ้าหนูแม็กกี้ รู้สึกโล่งอก รึยังจ๊ะ

หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 30-01-2010 14:27:32
สงสารแม็กกี้อะ
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: 1582 ที่ 30-01-2010 14:44:53
แม็กกี้สบายท้องแล้ว  :really2:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 30-01-2010 17:50:48
 o13 ทอมเยี่ยมมากเลย
ต้องดูแลทั้งลูกและคนรักแบบนี้ทอมเหนื่อยแย่เลย
ดูท่าลูกชายจะไม่คอยชอบคนรักของคุณพ่อซะด้วย
แม๊กกี้ปลอดภัยแล้ว ดีจัง :z2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: nbee ที่ 30-01-2010 19:27:40
เคยสวนครั้งหนึ่ง ไม่ค่อยเจ็บหรอกแต่มันอายมากกว่าอ่ะ

ก็ตอนนั้นยังไม่เคยนี่นา  :o8:



แม็กกี้คงโล่งเลยล่ะนะ
 :z2:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: จุ๊บจิ๊บจ๊ะจ๋า ที่ 30-01-2010 22:10:37
เคยสวนครั้งหนึ่ง ไม่ค่อยเจ็บหรอกแต่มันอายมากกว่าอ่ะ

ก็ตอนนั้นยังไม่เคยนี่นา  :o8:



แม็กกี้คงโล่งเลยล่ะนะ
 :z2:


รีบนจ๋าไม่เคยอะไรจ๊ะ

แม็กกี้น่าสงสารมากมายอ่ะ :m15:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: iiดาวพระสุขლii ที่ 30-01-2010 22:32:53
มาให้กำลังใจคุณพ่อมือใหม่... :L2:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: ltahset ที่ 31-01-2010 01:17:49
เข้ามาให้กำลังใจ
กับถือโอกาศกด + ให้
เคยอ่านมาแล้วจากอีกบอร์ด

ยังไงก็ ขอบคุณมากๆนะคะ
เรื่องนี้แม็กกี้น่าสงสาร
อ่านไปเล่นเอาเสียน้ำตาเลยทีเดียว

^^
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: kungyung ที่ 31-01-2010 07:58:56
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 31-01-2010 10:24:28
สายใยรัก บทที่ 14..
“…สละเวที…”

------------


“สวัสดีค่ะ ต้องการให้ช่วยมั้ยคะ”
“ขอบคุณครับ” จิมหันมายิ้มให้ทำเอาพนักงานสาวใจเต้นตึกตัก
“ยินดีรับใช้ค่ะ กำลังหาเรื่องอะไรอยู่หรือคะ”
จิมบอกชื่อหนังการ์ตูนที่ทอมสั่งซื้อให้พนักงานของร้าน
“คอยสักครู่นะคะ”
“ดูเองหรือให้เด็กๆ ที่บ้านดูคะ” พนักงานสาวหยั่งคำถามลองเชิงขณะลูกค้าหนุ่มชำระเงิน
“เอ่อ.. ครับ ก็ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่นั่งดูกันทั้งบ้าน”
จิมตอบคำถามด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เพราะนึกแล้วอดขำไม่ได้ ORDER หนังการ์ตูนชุดวันนี้คนที่อยากดูคือทอม แรกๆ ก็เปิดให้ลูกดู ดูไปดูมาพ่อกลับเป็นคนติดเสียเอง
“ลูกชายซีนะคะ ต้องดีใจมากแน่ๆ เลย คุณพ่อซื้อหนังการ์ตูนให้ดูเป็นชุด”
จิมหัวเราะรีบปฏิเสธ “ผมไม่ใช่พ่อเด็กครับ”
“อุ๊ย ! ขอโทษค่ะ คงจะเป็นหลานๆ ใช่มั้ยคะ”
“ไม่รู้เป็นหลานหรือเปล่า เด็กเป็นลูกของ คนรัก น่ะครับ”
“โอ! งั้นหรือคะ ใจดีแบบนี้คงเข้ากับเด็กได้ดี เด็กคงรักและอยากให้เป็นคุณพ่อเร็วๆ แน่เลย”
จิมยิ้มหวานให้ กล่าวขอบคุณและจบการสนทนาแต่เพียงเท่านี้ ถ้าไม่กลัวว่าเธอจะตกใจจนทอนเงินผิดล่ะก็ เขาจะบอกต่อว่า…. “เด็กไม่ต้องการผมเป็นพ่อหรอกครับ คนรักของผมเป็นพ่อของเด็กอยู่แล้ว…”

 o13

ทอมขยับผ้าห่มคลุมร่างเล็กและก้มลงจูบเบาๆ ที่แก้ม พิศดูสีหน้าขณะหลับของแม็กกี้วันนี้ไม่ส่อแววทุกข์เหมือนวันแรกๆ ที่พากลับมา พรุ่งนี้ก็จะครบ 3 สัปดาห์เต็มที่เด็กชายกลับมาใช้ชีวิตอยู่กับเขาที่บ้าน บาดแผลที่ศีรษะและร่องรอยฟกช้ำตามร่างกายหายเป็นปกติแล้ว เหลือเพียงอาการบาดเจ็บที่แขนซึ่งต้องใช้เวลาอย่างน้อยอีก 2 สัปดาห์ หมอจะนัดเปลี่ยนเป็นเฝือกอ่อนให้

หมอมาริสาแวะมาเยี่ยมเด็กชายสัปดาห์ละครั้ง ครั้งหลังสุดเมื่อสองวันที่ผ่านมาหมอถึงกับออกปากว่า แม็กกี้มีพัฒนาการทางร่างกายและจิตใจที่ดีขึ้นมาก กล้ามองและสบตาคน แม้จะยังไม่ยอมเอ่ยปากพูดแต่หมอยืนยันว่าเด็กเข้าใจเรื่องราวที่ได้ยินและได้รับฟัง จึงขอให้ทุกคนในบ้านพยายามพูดคุยด้วยเหมือนปกติ สำหรับความจำถ้าเด็กจำเรื่องใดเรื่องหนึ่งได้เรื่องอื่นๆ ก็จะตามมา และเมื่อความจำกลับมาแล้วการฟื้นฟูจิตใจก็เป็นเรื่องง่าย เนื่องจากเด็กถูกทำร้ายจากคนอื่นที่ไม่ใช่คนใกล้ชิดหรือคนในครอบครัว และหมอเชื่อว่าความรักและความอบอุ่นที่ได้รับจากพ่อจะช่วยรักษาและฟื้นฟูจิตใจเด็กชายได้เป็นอย่างดี   สามคืนแล้วที่แม็กกี้นอนหลับยาวถึงเช้าโดยไม่ฝันร้ายและสะดุ้งตื่นกลางดึก ทอมดีใจและมีความสุขมากกว่าการได้รับรางวัลจากการประกวดครั้งใดๆ เสียอีก

ทอมปิดไฟที่หัวเตียงและล้มตัวลงนอน สะดุ้งเฮือกเมื่อหันไปเห็นเงาของร่างสูงใหญ่ยืนกอดอกพิงประตูมองดูเขาอยู่ รีบลุกจากเตียงเดินเข้าไปหา
“บ้าจัง มายืนทำอะไรมืดๆ ตรงนี้ ตกใจหมดเลย”
จิมยิ้มให้เทพบุตรแสนรัก ไม่ว่าจะอยู่ในอารมณ์โกรธ หน้ามุ่ยหน้างอขนาดไหน ทอมก็ดูดีและน่ารักน่าใคร่สำหรับเขาเสมอ
“จะนอนแล้วเหรอ..”
“อืมม์..”
จิมขยับเข้าไปประชิดและกระซิบข้างหู
“ขอนอนด้วยคนได้มั้ย”
ทอมหน้าตื่นรีบผละออกทันที
“จะบ้าเหรอ.. แม็กกี้นอนอยู่ด้วยเนี่ยนะ”
“ช่างปะไร เตียงออกกว้าง นอน 3 คนสบายอยู่แล้ว”
“ไม่ได้หรอกฉันไม่ไว้ใจนาย เดี๋ยวนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว นายจ้องแต่จะเขมือบฉัน”
จิมยกมือขวาขึ้นทำตาละห้อย
“ฉันสัญญาจะไม่ล่วงเกิน ขอแค่กอดก็พอ นะทอมนะ คิดถึงจะแย่อยู่แล้วอ่ะ ..”
“ประสาทหรือเปล่าจิมมี่.. คิดถึงบ้าบออะไร อยู่บ้านเดียวกัน เห็นหน้าพูดคุยกันอยู่ทุกวัน”
ทอมหมุนตัวจะเดินกลับไปนอน ก็ถูกจิมเดินตามเข้ามาประชิดและรั้งตัวเข้าไปสวมกอด
“ไม่ได้กอด ไม่ได้จูบ เกือบ 3 อาทิตย์แล้วนะทอม นายยุ่งอยู่กับแม็กกี้จนฉันไม่กล้าเข้าไปกวน และพอฉันไม่เป็นฝ่ายเข้าหา นายก็ลืมฉันไปเลย…”
ทอมพยายามดันจิมออกแต่สู้แรงไม่ได้ เขาไม่อยากส่งเสียงดังด้วย กลัวแม็กกี้ตกใจตื่น
“ปะ.. ปล่อยก่อนแล้วค่อยพูด”
“ไม่ปล่อย.. จนกว่านายจะอนุญาตให้ฉันนอนด้วย”
จิมไม่พูดเปล่า ฝังจมูกลงที่ซอกคอและสูดกลิ่นกายของเทพบุตรทอมที่เขาแสนจะเสน่หาให้สมกับความคิดถึง
“ปล่อยนะ…บอกแล้วไงว่าฉันยังไม่พร้อม ทำไมไม่ไปหาทางระบายกับผู้หญิงที่นายเคยนอนด้วยเล่า”
จิมชะงักรีบปล่อยมือและผละออกจากทอมทันที รู้สึกเสียใจจนน้ำเสียงที่กล่าวออกมาแหบพร่า
“ขอโทษ.. ที่มารบกวน ไม่สะดวกก็ไม่เป็นไร ฉันจะกลับไปนอนที่ห้อง”
จิมผละไปที่ประตู ก่อนจะก้าวออกจากห้องเขาหันไปบอกในใจอีกครั้ง
“ความรู้สึกที่ฉันมีให้นายไม่ใช่ความใคร่ ไประบายออกกับใครไม่ได้หรอก ทอม.. และนายก็คงไม่รู้หรอกว่า ทุกวันนี้ฉันไม่จำเป็นต้องพึ่งผู้หญิงที่ไหนอีก ถ้าเป็นแค่ความใคร่.. ฉันจัดการเองได้ กู๊ดไนท์ ทอม.. หลับฝันดีนะ”

ทอมถอนใจเฮือกแทนที่จะรู้สึกโล่งอกที่จิมออกจากห้องไป กลับรู้สึกไม่สบายใจจนข่มตานอนไม่หลับ ความจริงเตียงก็กว้างพอที่จะนอน 3 คนโดยไม่ต้องเบียด เขาไม่น่าตัดรอนไล่จิมกลับออกไปเลย ทุกเรื่องที่จิมทำให้เขาทุกวันนี้ไม่ได้ทำเพราะหน้าที่แต่ทำด้วยใจ ซึ่งมันมากมายจนเขาทดแทนไม่หมด ทำไมแค่ความสุขใจที่จิมต้องการจากเขาเพียงน้อยนิดก็ให้กลับคืนไปไม่ได้

ทอมขยับตัวขึ้นนั่งและคว้าโทรศัพท์ที่หัวเตียงกดสายใน เสียงเรียกดังอยู่หลายครั้งจนเขาเกือบจะวางอยู่แล้ว
“เอ่อ… คือ.. ม..ไม่มีอะไร แค่จะบอกว่าฉันลองขยับไปนอนใกล้แม็กกี้อีกหน่อย ก็ยังเหลือที่ว่างพอให้นักกีฬาซูโม่นอนกลิ้งไปมาได้อย่างสบาย ถ้านายหลับแล้วก็ไม่เป็นไร เท่านี้นะ กู๊ดไนท์..”
แล้วคืนนั้นเจมส์ การ์เซีย ก็ได้นอนกอดเทพบุตรทอม แม็คกิลล์ ของเขาสมใจปรารถนา แต่กว่าจะได้นอนก็โต้เถียงกันด้วยน้ำเสียงกระซิบอยู่พักใหญ่
“นายนอนข้างแม็กกี้ฝั่งนั้นนะ ฉันไม่อยากให้เขานอนริม เดี๋ยวตกเตียง”
“เอ๋?.. จะดีเหรอ.. เดี๋ยวแม็กกี้ตื่นขึ้นมากลางดึกเห็นหน้าฉันจะตกใจร้องไห้นะ ถึงจะคุ้นเคยกันแล้วแต่ก็ไม่เคยนอนด้วย”
จิมพยายามให้เหตุผลเข้าทางที่สุด และเพื่อให้สอดรับกับเหตุผลที่เขาเข้ามาขอนอนด้วย
“อืมม์.. จริงของนาย.. งั้นนอนข้างฉันล่ะกัน”
ทอมล้มตัวลงนอนแต่พอหัวถึงหมอนก็ลุกพรวดขึ้น จิมซึ่งกำลังจะล้มตัวลงนอนลุกขึ้นนั่งตาม
“อย่าลืมสัญญานะ ถ้าผิดคำพูดล่ะก็ ฉันไม่ยกโทษให้นายแน่”
“สัญญา ?.. อะไรเหรอ ?…”
จิมแสร้งไม่เข้าใจ เมื่อทอมอ้าปากจะโวยก็ถูกเขารั้งตัวเข้ามาสวมกอดและกระซิบข้างหู
“สัญญาว่าจะไม่ล่วงเกินอะไร ขอแค่กอดใช่มั้ย”
“ใช่ รู้แล้วก็ปล่อยซี..”
“เอ๋?... ไม่ปล่อยหรอก นี่อยู่ในข้อตกลงไม่ใช่เหรอ แค่กอดไม่ได้ทำอะไรซะหน่อย แต่ถ้านายดิ้นมากๆ ฉันอาจจะเกิดอารมณ์อยากทำอะไรมากกว่ากอดนะ”
“อ๊ะ ! ไอ้บ้า.. ลองดูซี ฉันจะ..”

ทอมพูดได้แค่นั้นก็ถูกปิดปากด้วยริมฝีปากร้อนผ่าวของจิม จะออกแรงดิ้นหนีให้สุดกำลังก็ทำไม่ได้เพราะกลัวแม็กกี้จะตื่น ชั่วอึดใจเรี่ยวแรงของเขาก็ถูกทานลงจนไม่เหลือกำลังที่จะผลักไส เขาถูกจิมมี่เจ้าเล่ห์ดันตัวลงนอนช้าๆ โดยไม่ยอมถอนริมฝีปากออก ถึงจะรู้สึกเคลิ้มกับสัมผัสที่ได้รับมากมายขนาดไหน แต่ถ้าจิมล่วงเกินเขามากกว่านี้ เขาไม่มีวันยกโทษให้แน่นอน

จิมถอนริมฝีปากออกด้วยความเสียดายก่อนจะหยุดยั้งอารมณ์ตัวเองไม่ได้
“ฉันจะไม่..”
ทอมถูกปิดปากอีกครั้งเมื่อพยายามจะพูดต่อ ครั้งนี้จิมปิดปากเขาด้วยมือ ริมฝีปากร้อนผ่าวของจิมเปลี่ยนที่หมายไปที่ซอกคอ เขาถูกจิมขบกัดเบาๆ ที่ติ่งหูก่อนจะส่งเสียงกระซิบไปพร้อมกัน
“ยังจะโวยอะไรอีก หือ… เดี๋ยวลูกก็ตื่นหรอก นอนเถอะฉันง่วงแล้ว”
จิมขยับตัวลงนอนตะแคง เอามือออกจากปากเลื่อนลงมากอดเอวทอมไว้
“สัญญาว่าขอแค่นอนกอดก็นอนกอดอย่างเดียวซี กลัวอะไรหือ.. กู๊ดไนท์ ทอม.. หลับฝันดีนะ”
น้ำเสียงของจิมเหมือนคนง่วงนอนจริงๆ แต่เขาไม่ไว้ใจหรอก ยังนอนลืมตานิ่งรอรับสถานการณ์ นึกฉุนตัวเองไม่น่าใจอ่อนเรียกกลับมานอนด้วยเลย จะถูกลักหลับตอนไหนก็ไม่รู้

ทอมรู้สึกละอายใจกับความคิดของตัวเองเมื่อได้ยินเสียงกรนเบาๆ
…ไม่อยากเชื่อเลย จิมหลับสนิทไปแล้ว… แสดงว่าง่วงและแค่อยากนอนกอดเขาจริงๆ…

ทอมค่อยๆ เอามือจิมออกจากตัว และขยับร่างสูงใหญ่ของอีกฝ่ายให้นอนในท่าที่สบาย ถึงจิมจะหลับสนิทไปแล้วก็เถอะ แต่เล่นนอนตะแคงหายใจรดต้นคอเขาอย่างนี้ นอกจากจะทำให้นอนไม่หลับแล้ว ยังทำให้จิตใจรู้สึกหวั่นไหวชอบกล

ทอมขยับตัวนอนตะแคงหันหลังให้จิมและหันหน้าเข้าหาเจ้าหนูแม็กกี้ของเขา ได้เห็นสีหน้าขณะหลับของเด็กชายแล้ว มันทำให้เขาหลับอย่างมีความสุขมากขึ้น แต่กำลังจะเคลิ้มหลับก็สะดุ้งเฮือกเมื่อถูกฝ่ามือใหญ่ตะปบเข้าที่เอวก่อนจะเลื่อนลงมาเกาะกุมที่หน้าท้องเขา เสียงบ่นงัวเงียของจิมทำให้เขาตาสว่างขึ้นมาทันที
“อย่าหันหนีซี..บอกแล้วไงว่าขอนอนกอด.. ไม่เชื่อใจแล้วเรียกกลับมานอน ด้วยทำไม หือ..”
ทอมลอบถอนใจบอกตัวเองว่าไม่น่าหาเรื่องเลย แต่ก็จริง.… ไม่เชื่อใจแล้วเรียกกลับมานอนด้วยทำไม…

เมื่อจิตใจคลายความกังวล เทพบุตรทอมก็เข้าสู่ห้วงนิทราตามเด็กชายและชายหนุ่มคนรักไปด้วยความสบายใจ…

 :กอด1:

“แค่จะเปิดบัญชีให้แม็กกี้ ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนอะไร ทำไมต้องเป็นวันนี้ด้วย หือ.. ทอม รู้มั้ยว่าต้นเดือนแบงค์คนแน่นขนาดไหน ”
“มาวันนี้นายจะได้เบิกเงินเดือนด้วยไง”
ทอมยื่นเช็คให้ จิมเหลือบตามองดูเช็คในมือและส่ายหน้า
“บอกแล้วไงว่าฉันไม่รับเงินเดือนจากนายอีกแล้ว ลืมเหตุผลที่ฉันเคยบอกแล้วหรือไง หรือเป็นเพราะว่าจริงๆ แล้วนายไม่เคยคิดหรือยอมรับว่าฉันอยู่กับนายทุกวันนี้ในฐานะคนรัก..” จิมกล่าวด้วยอารมณ์ฉุนนิดๆ
ทอมรีบพับเช็คใส่กระเป๋าทันที แก้ตัวเสียงอ่อย
“ไม่รับก็ไม่รับซี ทำไมต้องอารมณ์เสียด้วย ฉันลืมไปว่าเราคุยกันแล้ว..”

จิมเลี้ยวรถเข้าแบงค์ ปากยังบ่นต่อ..แต่ด้วยอารมณ์ที่เบิกบานขึ้น
“ทำไมต้องเป็นแบงค์นี้ด้วยล่ะ ฉันไม่อยากให้นายมาโชว์ตัวในที่สาธารณะอย่างนี้ ที่นี่ไม่มีคนรู้จัก ถ้าเป็นที่สำนักงานใหญ่ยังพอมีคนช่วยเดินเรื่องให้ นายก็แค่นั่งรออยู่ในห้องเฉยๆ”
“ไม่ได้หรอก.. ไกลเกินไป.. เดี๋ยวไม่ทันแม็กกี้ตื่น ถ้าไม่อยากให้ฉันตกอยู่ในวงล้อมของสาวๆ หน้าเคาน์เตอร์ล่ะก็.. หาทางให้ฉันเข้าไปนั่งรอในห้องผู้จัดการซี ที่รัก.. นายเคลียร์ได้นี่.. หรือว่าไม่ได้อยู่ในฐานะลูกจ้างแล้วถือว่าไม่ใช่หน้าที่…”
จิมยิ้มแก้มแทบฉีกกับคำว่า “ที่รัก” สุดปลื้มจนเกือบจะโผเข้าสวมกอดและจูบเทพบุตรแสนรักในทันที ถ้าไม่ติดว่ามีรถอีกคันกำลังเข้ามาจอดอยู่ใกล้ๆ ล่ะก็..
“ได้ซีครับบ๊อส.. นั่งรออยู่ในรถเดี๋ยวนะ อย่าออกไปเดินป้วนเปี้ยนล่ะ เดี๋ยวลงมารับ..”
จิมลงจากรถเข้าไปจัดการเคลียร์พื้นที่ตามคำสั่งด้วยหัวใจพองโต แค่ถูกทอมกระเซ้าด้วยคำพูดเขาก็สุขใจจนเกือบจะเดินตัวลอยแล้ว

ทอมเอื้อมมือไปปิดกุญแจดับเครื่องรถ เพื่อไม่ให้เกิดมลพิษกับอากาศข้างนอก เขาหยิบแว่นกันแดดขึ้นมาสวมก่อนจะลดกระจกลง สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าเสื้อสั่น รีบกดรับสายทันทีที่เห็นเบอร์
“เจ้านายครับ คุณหนูตื่นแล้ว.. ไม่เห็นหน้าเจ้านายร้องไห้ใหญ่เลย ป้าทิพย์กับแววเอาไม่อยู่ คุณหนูไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้ครับ”

 :m15:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 31-01-2010 10:41:33
กว่า 6 สัปดาห์แล้วที่สุดยอดนายแบบ 3 สมัย ทอม แม็คกิลล์ ปลีกวิเวกออกจากวงการในขณะที่กำลังมีชื่อเสียงเป็นอันดับหนึ่งบนเวทีแคทวอล์ค

ข่าวว่าทอมต้องการหยุดพักผ่อนระยะหนึ่งเพราะเหน็ดเหนื่อยจากงาน นิตยสาร และห้องเสื้อชั้นนำหลายแห่งที่รอจ่อคิวจองตัวทอมกันเป็นเดือนๆ ถูกปฏิเสธงานโดยไม่มีกำหนด ยิ่งไปกว่านั้นการที่ทอมปฏิเสธแม้กระทั่งการเดินทางไปประกวดสุดยอดนายแบบโลกที่ประเทศญี่ปุ่น เป็นเรื่องเหลือเชื่อที่ทำให้ผู้มีส่วนได้เสียทั้งหลายเกิดความคลางแคลงใจจนเกิดข่าวลือกันไปต่างๆ นาๆ ว่า…

..ทอม แม็คกิลล์ แอบไปมีครอบครัวที่อเมริกาแล้ว บ้างว่า.. ทอมทำนางแบบสาวท้องแล้วหนีความรับผิดชอบหลบไปอยู่เมืองนอก ..หรือแม้กระทั่ง…ทอมไม่ได้ไปอเมริกาตามข่าวลือ แต่นอนป่วยอยู่ที่บ้านด้วยโรคร้ายแรงสุดฮิทที่คนมีชื่อเสียงมักจะถูกลือคือ โรดเอดส์…

ทอมรับรู้ข่าวลือของตนเองแต่ไม่สนใจ กลับพูดหน้าตาเฉยว่าอยากลือก็ลือไปเบื่อก็เลิกเอง เป็นเพราะช่วงนี้ทอมกำลังมีความสุขมาก ดีใจที่แม็กกี้มีพัฒนาการดีขึ้น ยอมออกปากเรียกทอมว่า แด็ดดี้ ในขณะที่มีสติ ไม่ได้หลับหรือกำลังตกใจกลัวเหมือนที่ผ่านมา

แต่ในขณะที่ทอมไม่สนใจ จิมกลับรู้สึกเป็นห่วงสถานภาพของเทพบุตร ทอม แม็คกิลล์ ช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาจิมได้รับโทรศัพท์สอบถามข่าวคราวของทอมวันละหลายสิบราย จนทำให้ทั้งเขาและทอมต้องยกเลิกเบอร์มือถือเดิมที่ใช้อยู่ และตัดสายโทรศัพท์บ้านออกชั่วคราว

ล่าสุดเมื่อสองวันที่ผ่านมา นักข่าวจากนิตยสารบันเทิง 2-3 ฉบับ มาเฝ้ารอหน้าบ้านเพื่อขอสัมภาษณ์ทอม แม็คกิลล์ เนื่องจากสืบจนรู้แน่ชัดว่าทอมไม่ได้เดินทางไปอเมริกาตามข่าวที่แจ้งไว้ แต่ประตูบ้านแม็คกิลล์กลับไม่ยอมเปิดต้อนรับใครตามคำสั่งของทอม ทำให้กระจอกข่าวเหล่านั้นรวมกลุ่มกันเขียนข่าวซุบซิบถึงทอมโดยมีจุดประสงค์เพื่อให้เจ้าตัวออกมาแก้ข่าว…

…ข่าวซุบซิบหลังสุดเขียนขึ้นจากกระจอกข่าวผู้หนึ่งที่เฝ้าแอบดูพฤติกรรมของทอมอยู่หน้าบ้านแม็คกิลล์ตั้งแต่เช้าจรดค่ำจนเห็นกับตาว่า…

…สาวน้อยสาวใหญ่ที่เป็นแฟนนายแบบหนุ่มสุดฮอทแห่งปี ทอม แม็คกิลล์ เตรียมตัวช็อคกับข่าวร้อนๆ ล่าสุดนี่จ้า~ .. กระจอกข่าวของเราเห็นมากับตาว่าเทพบุตรทอม ขวัญใจของพวกเราเปลี่ยนรสนิยมไปชอบเด็กผู้ชายเอ๊าะๆ แล้วนะจะบอกให้ ถึงขนาดป้อนข้าวป้อนนมกันเลย สงสัยคงหลงหัวปักหัวปำ ขนาดยอมหยุดอนาคตที่กำลังรุ่งโรจน์ของตัวเองไว้แค่นี้ น่าเสียดายจังนะคะ เทพบุตรขา… ถ้าคิดจะคืนสู่เวทีแคทวอล์คอีกครั้ง รีบหวนกลับมาตอนนี้ยังทันนะคะ ช้ากว่านี้อาจสายเกินไป เพราะเจ้าของห้องเสื้อและคุณนายไฮโซทั้งหลายกำลังรวมตัวกันแอนตี้ ไม่เรียกใช้บริการอีกแล้วนะ เจ้าคะ…  

จิมร้อนใจกับข่าวซุบซิบล่าสุดนี้จนนั่งไม่ติด แต่ทอมกลับไม่สนใจสถานการณ์ที่เป็นอยู่ และตัดบทให้จิมออกข่าวไปว่าเขาจะเลิกอาชีพนายแบบ ไม่หวนกลับไปเดินโชว์รูปร่างหน้าตาหากินอีก ขอเป็นคนธรรมดาที่ไม่มีชื่อเสียงเพื่อจะได้มีชีวิตเป็นส่วนตัวบ้าง แต่จิมไม่เห็นด้วย ทอมมีชื่อเสียงขึ้นมาไม่ใช่เพราะแฟนๆ นิยมชมชอบในความงดงามของรูปร่างหน้าตาเท่านั้นแต่เพราะอัธยาศัยใจคอที่ดีด้วย จึงไม่ควรปล่อยให้คนที่นิยมชมชอบหมดศรัทธาไปเพราะความเข้าใจผิด

“แล้วจะให้ทำยังไง ออกไปให้สัมภาษณ์เรื่องจริงทั้งหมดเลยดีมั้ย ว่าเด็กผู้ชายเอ๊าะๆ ที่ฉันกำลังหลงรักหัวปักหัวปำ ที่แท้เป็นใคร..”
“ไม่ได้นะทอม.. ยังไม่ถึงเวลาที่จะเปิดเผย”
“งั้นก็รอจนกว่าจะถึงเวลาที่นายว่าเหมาะสม แล้วค่อยบอกทีเดียว”
“โอ! ทอม.. เวลาที่เหมาะสมยังไม่ใช่เร็วๆ นี้ แต่นายต้องให้ข่าวในวันสองวันนี้แล้วไม่ยังงั้นเราอยู่ไม่เป็นสุขแน่ คู่แข่งของนายอาจถือโอกาสให้ข่าวซ้ำเติมจนนายกลับไปยืนบนเวทีไม่ได้อีก”
“ช่างปะไรเล่า บอกแล้วไงว่าฉันตัดสินใจไม่กลับไปยืนบนเวทีนั่นอีกแล้ว ฉันจะเลิกอาชีพนายแบบ รู้อะไรมั้ย จิม.. ฉันไม่เคยได้พักผ่อนเต็มที่เลยตั้งแต่ได้ตำแหน่งสุดยอดนายแบบมาเมื่อ 3 ปีที่แล้ว นายไม่รู้หรอกว่าฉันเหนื่อยมากขนาดไหน ตั้งแต่หยุดรับงานมาดูแลแม็กกี้ที่บ้าน ถึงจะเหนื่อยทั้งใจและกายแต่ฉันก็มีความสุขมาก…. มากจนไม่อยากอยู่ห่างและไม่มีวันปล่อยให้แม็กกี้จากไปไหนอีกแล้ว ฉันยังนึกเสียใจอยู่ทุกวันนี้ที่ไม่ยอมรับความจริงตั้งแต่แรก ก็เพราะชื่อเสียงและสถานภาพของทอม แม็คกิลล์ ที่นายกำลังห่วงอยู่นี่ไง ทำให้วันนี้แม็กกี้ต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้.."

“ไม่เอาน่าทอม.. ได้โปรดอย่านึกถึงเรื่องที่ผ่านมาแล้วเลย เราย้อนกลับไปแก้ไขไม่ได้ ชีวิตของแม็กกี้ในวันนี้และวันข้างหน้าต่างหากที่เราต้องช่วยกันดูแลให้ดีที่สุด

..ฟังนะ ทอม.. ถึงไม่คิดจะกลับเข้าวงการอีก สุดยอดนายแบบ 3 สมัยอย่าง ทอม แม็คกิลล์ ต้องลงจากเวทีแคทวอล์คอย่างสง่างาม ออกไปเพื่อให้ทุกคนได้เห็นว่านายยังเป็นเทพบุตรทอมคนเดิมที่งดงามไม่เปลี่ยนแปลง อันดับ 2 และ 3 อย่างนายแดนและปีเตอร์ วิ่งให้ฝุ่นตลบยังไงก็ยังไล่ตามนายไม่ทัน ที่สำคัญข่าวลือและข่าวซุบซิบบ้าบอจะได้จบลงซะที เราจะเคลียร์ทุกเรื่องให้จบลงในวันนั้น และประกาศหยุดพักหรือออกจากวงการให้ทุกคนรับรู้เป็นเรื่องเป็นราว จากนั้นนายก็กลับมาใช้ชีวิตอย่างสงบสุขอยู่กับแม็กกี้ที่บ้านตามเดิม โอเค…”

ทอมถอนใจเฮือก ไม่คิดเลยว่าการจะขอลงจากเวทีแคทวอล์คเป็นเรื่องที่ยากเย็นและวุ่นวายยิ่งกว่าตอนขึ้นไปเดินซะอีก คงเป็นเพราะตำแหน่ง 3 สมัยที่ค้ำคอเขาอยู่กระมัง

“ก็ได้.. งั้นเราถือโอกาสบอกความจริงเรื่องแม็กกี้เลยนะ”
“อืมม์… ก็ได้ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด แค่ครึ่งเดียวก่อน”
“ครึ่งเดียว.. ยังไง.. แปลว่าอีกครึ่งเป็นเรื่องโกหกเหรอ..”
“ไม่ได้โกหก ฉันรู้ว่านายไม่อยากปิดบังเรื่องแม็กกี้ แต่เราไม่จำเป็นต้องเปิดเผยทั้งหมด ความจริงเพียงครึ่งเดียวจะทำให้ทุกคนปลาบปลื้มและยกย่องเทพบุตรทอมมากยิ่งขึ้น แต่ถ้าบอกความจริงทั้งหมดคนที่รับฟังอาจไม่แฮปปี้ แทนที่จะได้ลงจากเวทีอย่างสง่างามนายอาจถูกผลักตกลงมา”
“ลองดูซีวะ หน้าไหนมันกล้าผลักฉัน ฉันจะขึ้นไปกระทืบมันให้น่วมคาตีนฉันเลย”
จิมหัวเราะกับสีหน้าและท่าทีเอาจริงของทอม เขาโอบไหล่เทพบุตรสุดรักเข้ามากอด
“สมมติน่ะ ทอม.. แค่เปรียบให้ฟังเฉยๆ ถ้ามีใครทำอย่างนั้นกับนายจริงๆ ไม่ต้องร้อนถึงนายปีนกลับขึ้นไปกระทืบมันหรอก ฉันจะกระโดดขึ้นไปเหยียบมันให้แบนคาตีนฉันเองเลย..”
ทอมตาเขียวใส่ จิมชอบพูดเปรียบเปรยจนเขาตามไม่ทันอยู่บ่อยๆ
“จะทำอะไรก็ทำเถอะ ฉันให้เวลาแค่ชั่วโมงเดียวช่วงแม็กกี้นอนกลางวัน เลือกสถานที่ที่ใกล้บ้านที่สุดด้วยนะ จะได้ไปมาไม่เสียเวลา”
ในที่สุดทอมก็ต้องจำนนกับเหตุผลของจิม ยอมออกไปพบปะกระจอกข่าวทั้งหลายเพื่อให้ข่าวลือต่างๆ ของเขาจบลงซะที หลังจากนั้นจะได้กลับมาใช้ชีวิตอยู่กับแม็กกี้ที่บ้านอย่างสงบสุข โดยไม่มีเรื่องซุบซิบกวนใจให้เสียสุขภาพจิตอีก

 :เฮ้อ:

“ทำไมต้องนัดที่โรงแรมด้วย จิม.. ทำไมไม่เลือกที่ที่เป็นส่วนตัวกว่านี้”
อารมณ์ของทอมเริ่มไม่สู้ดีแต่พยายามสะกดกลั้นไว้ เพราะต้องคอยฉีกยิ้ม พยักหน้าและโบกมือทักทายแฟนๆ ที่พบเห็น ตั้งแต่โถงหน้าล็อบบี้เรื่อยมา

วันนี้ทอมอยู่ในชุดหล่อเนี้ยบ สูทลำลองสีขาวทั้งชุดตัดกับเชิ้ตตัวในสีดำ แว่นกันแดดที่สวมอยู่ยิ่งทำให้ทอมดูเด่นและสมาร์ทมากขึ้นจนละสายตาไม่ได้ ทั้งใบหน้าและเรือนผมถูกช่างเสริมสวยส่วนตัว ซึ่งจิมนัดเจอหน้าปากซอยเนรมิตให้ขณะอยู่ในรถโดยใช้เวลาไม่ถึง 5 นาที

จิมจ้ำอ้าวตามทอมด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เขาใช้โรงแรมเป็นสถานที่นัดจริง แต่ห้องที่กำลังเดินไปไม่ใช่ที่ที่เขานัดพบ กระจอกข่าวแค่ 2-3 คนเขาไม่บ้าเปิดห้องขนาดรับรองคนกว่าครึ่งร้อยต้อนรับหรอก ให้ตายเถอะ ! นี่มันงานแถลงข่าวแล้ว เขาถูกนักข่าวพวกนั้นหักหลัง ทอมต้องเข้าใจเขาผิดแน่

“ฉันไม่ได้นัดพวกเขาที่ห้องนี้นะ ทอม.. ฉันนัดที่ค้อฟฟี่ช้อบ ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น..”
“ฉันไม่สน.. นายต้องรับผิดชอบจิม.. บอกไว้ซะก่อนว่าฉันมีเวลาให้นายแค่ชั่วโมงเดียวหรือทันทีที่เอ๊ดดี้โทรมารายงานว่าแม็กกี้ตื่นแล้ว ฉันจะนั่งมอเตอร์ไซด์กลับ ได้ยินมั้ย..”
“ได้ยินครับ ได้ยิน.. อย่าโมโหซี เดี๋ยวไม่หล่อนะ”
“ไม่หล่อก็ดี รู้มั้ยว่าตอนนี้ฉันอยากให้หน้าฉันเหมือนเจ้าเอ๊ดดี้ จะได้หมดปัญหาวุ่นวายซะที.”
จิมหมดเวลาโต้เถียงกับทอมแล้ว เพราะทันทีที่ประตูเปิดออกทั้งเขาและทอมก็ต้องตะลึงกับการต้อนรับที่ไม่คาดฝันของเหล่ากระจอกข่าว เพื่อน ๆ ในวงการเดียวกัน เจ้าของห้องเสื้อชั้นนำที่เคยให้การสนับสนุน รวมถึงผู้เกี่ยวข้องที่ไหนอีกก็ไม่รู้และแฟนคลับอีกมากหน้าหลายตาตั้งแถวต้อนรับ ส่งเสียงเรียกกันเซ็งแซ่
“ยินดีต้อนรับ เทพบุตรทอม แม็คกิลล์”
“ยินดีต้อนรับ ทอม.. พวกเราคิดถึงคุณมากๆ..”
มิสเตอร์โรเจอร์ตรงเข้ามาทักทายทอมด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ยกสองแขนขึ้นทำท่าจะสวมกอดทอมซึ่งยืนตะลึงอยู่ จิมรีบก้าวเข้าไปขวางไว้และจับมือทักทายด้วย
“ Hi !.. คุณโรเจอร์.. งานวันนี้ฝีมือคุณใช่มั้ยครับ น่าจะบอกให้เรารู้ล่วงหน้าสักนิด ทำเซอร์ไพรส์อย่างนี้ คุณทอมของผม ตกใจนะครับ..”
มิสเตอร์โรเจอร์ยิ้มแห้งๆ ไม่รู้ว่าถูกจี้จุดเรื่องการจัดงานหรือเพราะคำว่า คุณทอมของผม ที่จิมจงใจพูดดักคอเขากันแน่

 :man1:

เด็กชายในสภาพงัวเงียเพราะเพิ่งตื่นนอน นั่งตัวสั่นน้ำตานองหน้าอยู่บนโซฟาในห้องพักผ่อน ไม่มีใครกล้าเข้าไปปลอบได้แต่นั่งเฝ้าอยู่ห่าง ๆ เพราะคุณหนูจะส่งเสียงกรีดร้องดังลั่นเมื่อถูกจับต้องร่างกาย ทั้งแม่บ้านทิพย์ สาวใช้แวว นายเอ๊ดดี้ และแม้กระทั่งนายแก้วคนสวนก็เข้ามานั่งจับกลุ่มเฝ้าดูด้วยความเป็นห่วง

หลังอาหารกลางวันแม็กกี้จะงีบหลับประมาณ 1-2 ชั่วโมงทุกวัน วันนี้ทอม กล่อมเด็กชายให้นอนกลางวันเร็วขึ้น รอจนหลับสนิทก็รีบแว่บออกจากบ้านพร้อมกับจิมเพื่อไปพบปะนักข่าวที่นัดไว้ โดยสั่งให้สาวใช้แววนั่งเฝ้า หากแม็กกี้ตื่นก่อนเขากลับให้รีบโทรบอกทันที

หลายวันที่ผ่านมานี้สุขภาพจิตของแม็กกี้ดีขึ้นมากแล้ว ไม่ตกอยู่ในภวังค์ร้ายและผวาตื่นกลางดึกเหมือน 2-3 สัปดาห์แรก และยังมีอารมณ์เบิกบานขึ้นเริ่มยิ้มตอบให้ทอมบ้างโดยเฉพาะเวลาที่เขาส่งยิ้มหวานให้ แต่ถึงจะดีขึ้นมากอย่างไรทอมก็ยังไม่วางใจ เหตุการณ์ร้ายที่เกิดขึ้นและยังอยู่ในความทรงจำ อาจจะหวนกลับเข้ามาสู่ความนึกคิดของเด็กชายเมื่อไรก็ได้

เหตุการณ์วันนี้น่าจะผ่านพ้นไปด้วยดี ถ้าไม่ใช่เพราะความซุ่มซ่ามของสาวใช้แววทำแจกันในห้องพักผ่อนตกแตกจนทำให้เด็กชายสะดุ้งตื่น หลังจากทอม ออกจากบ้านไปเพียงครึ่งชั่วโมง

จริงๆ แล้วแม็กกี้ก็พร้อมจะหลับต่อ หากตื่นขึ้นมาเห็นรอยยิ้มและได้ยินเสียงกล่อมเบาๆ จากทอมเหมือนเช่นทุกครั้ง แต่ทว่าแทนที่จะได้เห็นใบหน้าที่สวยงามของแด๊ดดี้ทอม กลับเป็นใบหน้าของสาวใช้แววที่เด็กชายไม่คุ้นเคยและยังเสียงปลอบของนายเอ๊ดที่ไม่เข้าหูเลยสักนิด

เป็นเพราะตลอด 6 สัปดาห์ที่แม็กกี้กลับมาใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านแม็คกิลล์ ทอมเฝ้าดูแลเด็กชายไม่เคยห่างกายเลย ทุกครั้งที่ลืมตาตื่นขึ้นมาแม็กกี้จะได้เห็นใบหน้าและรอยยิ้มที่อบอุ่นของทอมเสมอ ตามด้วยจูบเบาๆ ที่หน้าผากและแก้มทุกครั้ง เวลาที่ทอมห่างกายและออกมาทำธุระส่วนตัวได้ ก็คือเวลาที่หนุ่มน้อยนอนหลับสนิทแล้วเท่านั้น

“แกนะแก นังแวว.. ซุ่มซ่ามจนทำให้คุณหนูตกใจตื่น เธอยิ่งไม่ปกติอยู่”
แม่บ้านทิพย์ต่อว่าสาวใช้
“โธ่! ป้า.. ฉันไม่ได้ตั้งใจ ทำยังไงดีล่ะ โทรบอกคุณทอมดีมั้ย”
“ไม่ได้นะ” นายเอ๊ดท้วงเมียรัก “คุณทอมกำลังคุยธุระสำคัญ เดี๋ยวไปขัดจังหวะและอาจทำให้เสียเรื่องได้”
นายเอ็ดเป็นคนเดียวในบ้านที่รับรู้เรื่องของเจ้านายมากที่สุด และวันนี้เขาก็ได้รับคำสั่งลับจากจิมว่า ถ้าแม็กกี้ตื่นก่อนหนึ่งชั่วโมงให้ถ่วงเวลาไว้จนกว่าจิมจะเป็นฝ่ายโทรมา..
“แล้วจะให้ทำยังไงดีล่ะ สงสารคุณหนูร้องไห้ใหญ่แล้ว เมื่อสองวันก่อนยังยอมให้ฉันนั่งอยู่ใกล้ๆ ด้วยเลย”

หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 31-01-2010 11:01:22
ทุกวันนี้แม็กกี้ยอมให้ทุกคนในบ้านเข้าใกล้ได้ แต่นั่นหมายถึงต้องมีทอม อยู่ข้างๆ ด้วย แม้แต่จิมเองก็ยังไม่เคยอยู่กับเด็กชายสองต่อสองเลย
“นึกออกแล้ว โทรหาคุณจิมดีกว่า”
นายเอ็ดหาทางออกจนได้ คุณจิมเป็นคนเดียวที่จะช่วยแก้สถานการณ์เลวร้ายต่างๆ ในบ้านให้ดีขึ้นได้ เพราะเป็นคนเดียวที่เอาเจ้านายอยู่ ยอมให้คุณจิมโวยดีกว่าให้เจ้านายทอมโกรธ

 :เฮ้อ:

ทอมจ้ำอ้าวออกจากห้องแถลงข่าวโดยไม่สนใจเสียงเรียกของใครทั้งสิ้น
“ทอม.. เฮ้!.. รอด้วยซี..”
จิมวิ่งตามทอมที่กำลังเดินหายเข้าไปในลิฟท์
“ท่านหญิงเรียก นายไม่ได้ยินเหรอ..” จิมกล่าวด้วยน้ำเสียงหอบเล็กน้อย หลังจากวิ่งผลุบเข้ามาในลิฟท์อย่างฉิวเฉียด
“ช่างปะไร ฉันไม่สน หมดเวลาสำหรับเทพบุตรทอม แม็คกิลล์แล้ว นับจากนาทีนี้ไปฉันจะเป็นแด๊ดดี้ทอมของแม็กกี้คนเดียว"
ทอมยกมือขึ้นดูเวลาและตวาดใส่จิมด้วยอารมณ์โกรธ
"บอกแล้วใช่มั้ยว่าฉันให้เวลาแค่ชั่วโมงเดียว นี่มันปาเข้าไปเกือบสองชั่วโมงแล้ว"

ทอมก้าวออกจากลิฟท์ด้วยสีหน้างอหงิก เดินจ้ำอ้าวไปที่รถโดยไม่สนใจปั้นหน้าทักทายใครต่อใครที่พากันยิ้มให้นายแบบหนุ่มสุดฮอทแห่งปี จิมก้าวตามมาติดๆ รู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ ทอมกำลังโกรธและอารมณ์เสียมาก เหตุการณ์วันนี้เป็นเรื่องสุดวิสัยที่เขาเองก็คาดไม่ถึง

ทอมพยายามกดโทรศัพท์เข้าบ้านแต่สายไม่ว่าง เป็นเพราะนายเอ๊ดซึ่งพยายามโทรติดต่อจิมเมื่อครู่วางสายไม่สนิท ยิ่งทำให้ทอมหัวเสียมากขึ้น เพราะตอนอยู่ในงานทอมไม่มีโอกาสได้คุยโทรศัพท์เลย แต่ก็ยังรู้สึกวางใจเพราะเขาสั่งนายเอ๊ดไว้แล้วว่าให้โทรหาทันทีที่แม็กกี้ตื่น เมื่อไม่มีการโทรก็แปลว่าเด็กชายยังหลับอยู่

แต่ตอนนี้ในใจทอมร้อนรุ่ม เพราะเลยเวลาที่เด็กชายควรจะตื่นมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว ทอมบอกให้จิมเช็คโทรศัพท์ของตัวเองซึ่งลืมไว้ในรถว่ามีใครที่บ้านโทรมาหรือเปล่า จิมหยิบโทรศัพท์ขึ้นเช็คปรากฎเบอร์ที่บ้าน Miss Call 4-5 ครั้ง ในเวลาติดๆ กันเกือบหนึ่งชั่วโมงผ่านมาแล้ว ใจหายวาบจะบอกว่ามีก็ใช่ที่ ยิ่งจะทำให้อารมณ์เสียมากขึ้น ไหนๆ ก็กำลังจะกลับบ้านอยู่แล้ว จิมรีบปิดโทรศัพท์และยัดเข้ากระเป๋ากางเกงโดยบอกทอมว่าแบตหมดพอดี จึงถูกทอมด่า 2 คำสั้นๆ ว่า "ทุเรศ"

"ใครใช้สายวะ... แม็กกี้ตื่นหรือยังก็ไม่รู้ ขับเร็วกว่านี้หน่อยได้มั้ย จิม.."
"โอเค.. ทอม.. ใจเย็นหน่อยซี อย่ากังวลไปเลย แม็กกี้คงยังไม่ตื่นหรอก หรือถึงตื่นก็อาจจะนั่งดูทีวีอยู่ ไม่งอแงอย่างที่นายคิดก็ได้.."
"ขอให้เป็นอย่างที่พูดเถอะ รู้มั้ยว่านายทำให้ฉันเสียเวลา แทนที่จะช่วยตัดบทกลับปล่อยให้นักข่าวบ้าพวกนั้นตั้งคำถามงี่เง่าอยู่ได้"
"อย่าอารมณ์เสียซี ทอม.. เรื่องจบลงด้วยดีแล้ว ทุกคนประทับใจกับเรื่องของนายมาก นั่งฟังกันน้ำตาซึมเลยนะ.."
ทอมแค่นหัวเราะ
"ใช่ซี.. เรื่องจริงแค่ครึ่งเดียวของนายมันน่าประทับใจมากจริงๆ ลองให้ฟังเรื่องจริงทั้งหมดดูบ้างมั้ย ว่าจะยังประทับใจอยู่หรือเปล่า"
"ไม่เอาน่า ทอม.. มันดีที่สุดสำหรับสถานการณ์ตอนนี้ มันทำให้นายได้ใช้ชีวิตอยู่กับแม็กกี้โดยไม่ต้องปิดบังหรือแคร์สายตาใครอีก ที่สำคัญเรื่องที่บอกไปวันนี้อยู่บนพื้นฐานของความจริง เราไม่ได้โกหกเพียงแค่บอกไม่หมดเท่านั้น.."

เหตุการณ์พลิกผันในวันนี้ ทำให้จิมไม่อาจปล่อยให้ทอมเป็นผู้บอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดด้วยตัวเองแม้จะซักซ้อมกันมาอย่างดีแล้ว เขาใช้ตำแหน่งผู้จัดการส่วนตัวขอเป็นผู้แถลงเรื่องราวทั้งหมดแทน โดยจะให้ทอมเป็นผู้ตอบข้อซักถามทีหลัง แต่เอาเข้าจริงๆ แล้ว คนตอบคำถามก็เป็นเขาอยู่ดี ทอมได้แต่นั่งผืนยิ้มอยู่ข้างๆ พยักหน้ารับทราบไปตามเรื่องตามราว

 :เฮ้อ:

…ทุกวันเกิดของปี ทอม แม็คกิลล์ จะมีกิจกรรมส่วนตัวคือเลี้ยงอาหารและมอบของใช้ให้กับเด็กกำพร้าและเด็กพิการตามสถานดูแลต่างๆ หากไม่มีเวลาไปด้วยตัวเองก็จะมอบเป็นเงินช่วยเหลือให้ เมื่อสองเดือนที่ผ่านมาเป็นวันครบรอบ 27 ปี ย่างเข้าปีที่ 28 ของทอม ปีนี้ทอมมีเวลาว่างไปด้วยตัวเองและได้เลือกสถานที่ที่หลายท่านอาจไม่เคยนึกถึงมาก่อน สถานที่นั้นคือบ้านคุ้มครองเด็ก…

…ที่นี่… ทอมได้พบเด็กชายวัย 12 ปี อยู่ในสภาพที่น่าสงสาร มีคนพบเด็กถูกทำร้ายร่างกายนอนหมดสติอยู่ เด็กได้รับการช่วยเหลือพาไปรักษาตัวจนบาดแผลทางกายดีขึ้นและถูกพามาฝากไว้ที่บ้านคุ้มครองเนื่องจากเด็กมีอาการความจำเสื่อม นอกจากจะจำใครไม่ได้แล้วยังอยู่ในสภาพที่ช่วยตัวเองไม่ได้ ผู้ที่ให้การช่วยเหลือไม่สามารถดูแลเด็กในสภาพนี้ได้จึงพามาขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิให้ช่วยดูแลและฟื้นความจำให้

…ตั้งแต่เข้ามาอยู่ในบ้านหลังนั้น เด็กไม่ยอมให้ใครแปลกหน้าเข้าใกล้ ไม่เคยพูดหรือเอ่ยเรียกใคร แต่วันนั้นทอมสามารถยืนอยู่ตรงหน้าโดยที่เด็กไม่ร้องกลับจ้องมองทอมตาแป๋ว ก่อนจะผวาเข้าสวมกอดและเอ่ยคำพูดแรกออกจากปากว่า “แด๊ดดี้” เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความแปลกใจให้กับเจ้าหน้าที่ทุกคนเป็นอย่างมาก และมากยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อเด็กไม่ยอมปล่อยมือจากทอมจนเจ้าหน้าที่ต้องมาช่วยแยกตัวออก แต่กว่าจะแยกออกได้ก็ทำเอาทอมตกใจจนขวัญเสีย เพราะเด็กชายเอาแต่กรีดร้องและร้องเรียกให้ทอมช่วย “ แด๊ดดี้.. ช่วยด้วย ”

…ทุกท่านในที่นี้คงเคยเห็นแต่รอยยิ้มมีเสน่ห์ของทอม แม็คกิลล์ คงไม่เชื่อใช่มั้ยครับว่าวันนั้นเทพบุตรทอมของพวกคุณนั่งน้ำตาซึมมาในรถ..

…ตั้งแต่กลับจากบ้านคุ้มครองวันนั้น ทอมเหม่อลอยและไม่มีสมาธิทำงาน ครุ่นคิดถึงเด็กชายคนนั้นตลอดเวลา หลับก็ฝันถึง จนในที่สุดก็ทนความต้องการของหัวใจไม่ไหว สั่งให้ผมยกเลิกแผนการเดินทางไปประกวดสุดยอดนายแบบโลกที่ญี่ปุ่น ยกเลิกงานที่รับไว้และงดรับงานใหม่ทั้งหมด…

….หลังจากเคลียร์งานที่ค้างไว้ทั้งหมดแล้ว ทอมกลับไปที่บ้านคุ้มครองอีกครั้ง ทันทีที่เด็กชายเห็นหน้าก็โผเข้ากอดและยังเรียกทอมว่าพ่อเหมือนเดิม ทอมไม่อาจผลักไสเด็กออกจากอ้อมกอดได้ ตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่จะช่วยเด็กให้พ้นจากการถูกทารุนไม่ว่าจากใครก็ตาม เพราะเมื่อความจำกลับคืนมาเด็กอาจต้องกลับไปตกอยู่ในสภาพเดิมอีก ทอมจึงขอรับอุปการะเด็กชายคนนั้นในฐานะบุตรบุญธรรมและพากลับมาพักอยู่ด้วยที่บ้าน ดูแลป้อนข้าวป้อนน้ำให้จริงตามข่าวที่พวกคุณเขียนออกไป และนั่นเป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้เทพบุตรทอมของพวกคุณตัดสินใจละจากเวทีแคทวอล์คก่อนเวลาอันควร…

“เด็กไม่มีพ่อแม่หรือไงครับ คุณทอมถึงต้องรับมาอุปการะ หรือว่าเด็กถูกพ่อแม่ทำร้าย ถ้าเป็นเช่นนั้นก็น่าจะเป็นญาติพี่น้องของเด็กที่จะมีสิทธิรับเด็กไปอุปการะ ทางมูลนิธิไม่น่าจะมอบเด็กให้คุณทอมซึ่งเป็นคนอื่น”

เจอคำถามแรกทอมถึงกับอึ้ง แต่จิมกลับหัวเราะและตอบคำถามกระจอกข่าวหนุ่มหัวหมอแทน

“เรากำลังพูดถึงเด็กที่อยู่ในบ้านคุ้มครองนะครับไม่ใช่เด็กในครอบครัวปกติ เราไม่ได้แย่งสิทธิในการเลี้ยงดูเด็กจากใคร และเหตุผลที่ทอมขอรับอุปการะก็เพราะกว่าครึ่งเดือนที่เด็กถูกส่งตัวมาพักฟื้นอยู่ที่บ้านหลังนั้น ไม่มีข่าวตามหาเด็กจากพ่อแม่ ญาติพี่น้องหรือคนรู้จักของเด็กเลย ทอมได้ตกลงกับทางมูลนิธิว่าจะขอดูแลเด็กจนกว่าจะมีญาติมาติดต่อขอรับไป ซึ่งตราบใดที่ยังไม่มีใครติดต่อมาสิทธิในการอุปการะดูแลเด็กในขณะนี้อยู่ที่มูลนิธิ ซึ่งทางมูลนิธิก็ได้ตรวจสอบและพิจารณาแล้วว่า ทอม แม็คกิลล์ สามารถดูแลและปกป้องเด็กได้…

…พวกคุณคงไม่รู้ว่าในแต่ละเดือน มูลนิธิคุ้มครองเด็กมีค่าใช้จ่ายสูงถึงกว่าสองแสนบาท มันไม่ใช่เรื่องที่ดีหรอกหรือที่เราสามารถแบ่งเบาภาระให้กับสังคมได้ มีอีกเรื่องที่ผมคิดว่าพวกคุณควรรู้เพื่อยุติคำถามว่า ทำไม ทอม แม็คกิลล์ ถึงยอมทิ้งอนาคตและความฝันสูงสุดของตัวเองกับเด็กชายที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนในชีวิต พวกคุณในที่นี้มีใครเคยสัมผัสความทุกข์เช่นนี้มั้ย คนที่คุณรักมากและเขาก็รักคุณมากที่สุด มองคุณเป็นคนอื่นไปแล้ว…

"ทอมอยากให้เด็กหาย เพื่อเด็กจะได้จำคนที่เขารักได้ เท่านั้นเองครับ"

เรื่องที่จิมบอกเล่าในวันนี้จำเป็นต้องบิดเบือนจากความเป็นจริงไปบ้างเพื่อรักษาภาพพจน์ของทอม เขาได้พูดคุยกับหมอมาริสาและขออนุญาตทางมูลนิธิไว้แล้ว ถึงความจำเป็นที่ต้องบอกกล่าวเรื่องราวของทอมให้ออกมาในรูปนี้ ซึ่งทางมูลนิธิไม่ขัดข้องเพราะยึดถือชีวิตและอนาคตของเด็กเป็นสำคัญ เหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นกับเด็กทุกคนในบ้านหลังนี้ ทางมูลนิธิถือเป็นจรรยาบรรณที่ไม่อาจเปิดเผยหรือให้ข้อมูลอื่นใดกับคนภายนอกที่ไม่ใช่ผู้ปกครองหรือญาติพี่น้องที่ใกล้ชิดของเด็ก....

 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 31-01-2010 11:09:46
ทอมโล่งอกเมื่อพบว่าแม็กกี้ยังนอนหลับอยู่ที่โซฟา แต่แปลกใจที่คนรับใช้มานั่งล้อมวงเฝ้ากันหมดทั้งบ้าน
"ทำอะไรกัน อย่าบอกว่ามานั่งเฝ้าแม็กกี้นะ"
"เอ่อ.. คือ ครับ เจ้านาย"
นายเอ๊ดอึกอัก ….ระเบิดลงแน่ถ้าเจ้านายรู้ความจริงว่าคุณหนูแม็กกี้ที่ดูเหมือนยังหลับไม่ตื่นอยู่นั้น จริงๆ แล้วนั่งร้องไห้อยู่เป็นชั่วโมงจนหมดแรงผล็อยหลับไป…..
"พวกเรามานั่งเฝ้าคุณหนูครับ"
"บ้าหรือเปล่า งานอื่นไม่มีทำกันหรือไง ฉันสั่งให้แววนั่งเฝ้าคนเดียวไม่ใช่เหรอ หรือว่า.. เกิดอะไรขึ้น.."

ลางสังหรณ์ของทอมไวมากเมื่อเห็นสีหน้าของแต่ละคน โดยเฉพาะสาวใช้แววก้มหน้าหลบทันทีที่เขาเอ่ยถึง

ทอมไม่รอคำตอบรีบเดินเข้าไปทรุดตัวลงนั่งข้างๆ เด็กชาย เข้ามาใกล้จึงพบว่าเจ้าหนูอยู่ในท่านอนที่ผิดปกติ เสื้อผ้าเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อและยังฉี่รดจนแฉะนองไปทั้งโซฟาร์ เพียงแค่นี้เขาก็รู้คำตอบแล้วว่าทำไมทุกคนจึงมาอยู่กันพร้อมหน้า ทอมค่อยๆ ขยับร่างเด็กชายที่นอนตะแคงซุกหน้ากับหมอนขึ้น

..โอ! พระเจ้า!!! คราบน้ำตาและขนตาที่ยังเปียกชื้น ไม่ได้ทำให้ทอมรู้สึกตกใจเพราะเตรียมใจไว้บ้างแล้ว ว่าแม็กกี้ต้องร้องไห้ถ้าตื่นขึ้นมาไม่เห็นหน้าเขา แต่ที่ทำให้รู้สึกโกรธจนระงับอารมณ์แทบไม่อยู่คือขอบตาทั้งสองข้างของเด็กชายบวมและแดงช้ำ บอกให้รู้ว่าผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักและยาวนานจนหมดแรงผล็อยหลับไป

"เมื่อไร"
คำถามสั้นๆ แต่ไม่เจาะจงว่าถามใครทำให้ทอมไม่ได้รับคำตอบ เขายิ่งโกรธหนักเป็นทวีคูณ

"ฉันถามว่าเมื่อไร เอ๊ดดี้!!.. แม็กกี้ตื่นตั้งแต่กี่โมง ฉันสั่งไว้แล้วไม่ใช่หรือว่าให้โทรบอกทันทีที่ตื่น.."
"เอ่อ.. ขอโทษครับ ผมเกรงว่าเจ้านายอาจยังติดธุระสำคัญอยู่ กลัวจะขัดจังหวะทำให้เสียเรื่องครับผม"
"ใครสั่งให้แกสู่รู้และหวังดีขนาดนั้น หา!!!.."
"เอ่อ.. ค.. คุณจิมสั่งไว้ว่าถ้าเอาคุณหนูอยู่ก็ไม่ต้องโทรหา นอกจากไม่ไหวจริงๆ ครับ.."
ทอมเงยหน้าขึ้น ดวงตาสีน้ำตาลเข้มวาววับด้วยอารมณ์โกรธ จ้องเขม็งไปที่จิมซึ่งยืนกอดอกเฝ้าดูอยู่ห่างๆ
"ฉันสั่งเอง ทอม.." จิมตอบรับสั้นๆ โดยไม่ให้เหตุผลประกอบยิ่งทำให้ทอมฉุนหนัก
"…มาออกคำสั่งขัดกับฉันทำไม จิม.. รู้อยู่แล้วว่าไม่มีใครในบ้านเอาแม็กกี้อยู่นอกจากฉัน"
ทอมละสายตาจากจิมมาที่คนรับใช้ในบ้าน กวาดสายตาจ้องมองทุกคนที่นั่งอยู่ด้วยความรู้สึกเสียใจและผิดหวัง
"อุตส่าห์อยู่กันพร้อมหน้าทำได้แค่นั่งดูเด็กร้องไห้ สนุกนักหรือไง หา!!!.."

ทอมโกรธจนระงับอารมณ์ไม่อยู่ตวาดใส่เสียงดังลั่น ไม่เฉพาะคนที่ถูกต่อว่าเท่านั้นที่สะดุ้ง เด็กชายซึ่งหลับไปเพราะความเพลียก็สะดุ้งเฮือกตกใจตื่นเช่นกัน

ทอมใจหายเมื่อดวงตาคู่สวยซึ่งเปลี่ยนกลับเป็นสีน้ำทะเลสดใสเหมือนเดิมในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะนี้กลับกลายเป็นสีเทาหม่นอีกครั้ง ชั่วอึดใจร่างบางที่นอนนิ่งอยู่ก็สะอื้นอย่างแรง ทอมช้อนร่างเด็กชายขึ้นมาสวมกอดแนบอกและกระซิบปลอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

"ไม่ร้องนะ แม็กกี้.. แด๊ดอยู่นี่แล้วครับ กลับมากอดลูกแล้วนะ เด็กดี.."
ทอมใจหายวาบเมื่อปฏิกิริยาที่แม็กกี้สนองกลับเหมือนเห็นเขาเป็นคนอื่น มือซ้ายของเด็กชายพยายามดันตัวเขาออก เท้าสองข้างเตะถีบไปมา จนจิมต้องเข้ามาช่วยจับขาไว้
"แม็ก.. แม็กกี้.. นี่แด๊ดนะ ลูก.. ดูก่อนซีครับว่าใช่หรือเปล่า เฮ้!.."
ทอมพยายามจะสบตาด้วยแต่แม็กกี้ส่ายหน้าหนีไปมา เสียงครางดังขึ้นเรื่อยๆ จนทอมตกใจ อ้อมกอดของเขาไม่เคยได้รับการปฏิเสธจากเด็กชายเลย นับตั้งแต่เริ่มคุ้นเคยกันเจ้าหนูก็ยินยอมให้เขากอดแต่โดยดี จริงๆ แล้วแค่กอดและกระซิบเบาๆ แม็กกี้ก็น่าจะจำได้แล้ว ทำไมวันนี้เด็กชายจึงมีอาการตื่นกลัวรุนแรงแบบนี้
"อย่าดิ้นหนีซี แม็กกี้.. นี่แด๊ดนะ.. จำไม่ได้เหรอลูก หือ.."

ทอมจูบหน้าผากและแก้มเด็กชาย พยายามเรียกให้รู้สึกตัวแต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล แม็กกี้เริ่มกรีดร้อง ดวงตาเบิกโพลง ร่างกายสั่นเร่าๆ สีหน้าหวาดกลัวและเจ็บปวด โอ! พระเจ้า!!! หัวใจทอมแทบสลาย รู้สึกเหมือนตัวเองหลุดเข้าไปอยู่ในภวังค์ร้ายของเด็ก มองเห็นร่างเล็กบางในอ้อมกอดกำลังถูกไอ้เดนนรกกระทำทารุณอย่างโหดร้าย ร่ายกายและหัวใจของเขาสัมผัสถึงความเจ็บปวดของเด็กชายจนรู้สึกแน่นและเจ็บที่หน้าอก มือไม้สั่น

ทอมรีบปล่อยแม็กกี้นอนลงและผละลุกขึ้นมายืนตัวสั่นด้วยความตกใจ คนรับใช้ในบ้านแตกวงล่าถอยกันไปหมดแล้ว ไม่มีใครกล้าอยู่ขวางหูขวางตาในขณะที่จิมยังเฝ้าอยู่ใกล้ไม่ห่าง รู้สึกตกใจที่ทอมเอาเด็กชายไม่อยู่ ไม่เข้าใจว่าทำไม.. ทั้งๆ ที่แม็กกี้มีอาการดีขึ้นมากแล้ว แต่ถึงอย่างไรสภาพของสองพ่อลูกตอนนี้ อาการตกใจกลัวของพ่อดูท่าจะหนักกว่า ในขณะที่เด็กชายหยุดกรีดร้องและสงบลงเล็กน้อยแล้ว แต่ยังส่งเสียงครางและนอนตัวสั่นอยู่บนโซฟาร์

"ทอม.. ทอม.."
จิมเอ่ยเรียกเบาๆ เมื่อเห็นทอมยืนหน้าซีดเหงื่อซึมเพราะออกแรงกอดปล้ำกับลูก จิมขยับเข้าไปช่วยถอดสูทให้และพูดปลอบ
"ไม่เป็นไร ทอม.. รอให้แม็กกี้สงบลงอีกหน่อยค่อยเข้าไปปลอบ"
ทอมยืนนิ่งสบตาจิมด้วยสีหน้าครุ่นคิด ก่อนจะล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของอีกฝ่ายหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา
"จะโทรหาใครหรือ ทอม.. บอกซี ฉันต่อสายให้" จิมกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ไม่ได้เอะใจว่ากำลังถูกตรวจเช็คโทรศัพท์อยู่
"หาเบอร์ใครเหรอ.." จิมเลิกคิ้วเมื่อทอมมีสีหน้าเครียดขึ้นและเดินถอยห่างออกไป
จิมใจหายวาบเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเขาบอกทอมไว้ว่าโทรศัพท์แบตหมด..
"เอ่อ.. ท.. ทอม.. หาเบอร์ใครเหรอ.." จิมแสร้งทำใจดีสู้เสือ ไหนๆ ก็หลีกหนีไม่พ้นอยู่แล้ว

แทนคำตอบ!!!   โทรศัพท์มือถือของจิมถูกเขวี้ยงลงพื้นอย่างแรง  หน้ากากแตกกระจาย  ตัวเครื่องอยู่ทาง  แบตอยู่ทาง จิมสะดุ้งเล็กน้อยมองตามตาปริบๆ เตรียมใจรองรับอารมณ์โกรธของทอม แต่ทอมกลับไม่มีโอกาสได้ใส่อารมณ์กับจิมในนาทีนั้นเพราะเสียงโทรศัพท์ที่กระแทกกับพื้นไม้ปาร์เก้อย่างแรง ไม่ได้ทำให้จิม ตกใจคนเดียว หากแต่เด็กชายที่นอนครางอยู่ก็สะดุ้งสุดตัวส่งเสียงกรีดร้องขึ้นมาอีก

ทอมตกใจกับเสียงร้อง รีบถลาเข้าไปสวมกอดเด็กชายที่นอนตัวสั่นอยู่ด้วยความสงสารจับใจ
"แด๊ดอยู่นี่ แม็กกี้.. ไม่กลัวนะลูก .."
"ปล่อย~ ปล่อย~ ๆๆ "
ทอมใจหายเมื่อแม็กกี้ยังจำเขาไม่ได้
"นี่แด๊ดนะ แม็กกี้.. แด๊ดกลับมาแล้ว ลูก.. ดูซีครับว่าใช่หรือเปล่า"
ทอมพยายามสบตากับเด็กชาย ดวงตาสีเทาหม่นเหม่อมองอย่างไร้จุดหมายและความรู้สึก …โอ! พระเจ้า!!!.. แม็กกี้จำเขาไม่ได้แล้วจริงๆ…
ทอมสะอื้นไห้เสียใจและผิดหวังอย่างแรง รู้สึกเหมือนของมีค่าที่สุดในชีวิตกำลังจะหลุดลอยจากเขาไป
"ไม่นะแม็กกี้.. อย่าทำอย่างนี้.. อย่าทิ้งแด๊ดไป.. เพื่อลูก..แด๊ดยอมทิ้งทุกอย่างไปแล้ว ลูกทำอย่างนี้ไม่ได้นะ ลืมแด๊ดไม่ได้นะ แม็กกี้.. แม็ก.."
ทอมร่ำไห้สวมกอดเด็กชายแน่น ร่างเล็กในอ้อมกอดดิ้นขลุกขลักด้วยความหวาดกลัวและอึดอัด

จิมยืนอึ้งกับเหตุการณ์ตรงหน้า แม้รู้ว่าทอมกำลังโกรธและไม่มีทางเชื่อคำพูดของเขาในเวลานี้ แต่เขาก็ไม่สามารถยืนนิ่งรอดูลูกชายที่จิตใจไม่ปกติช็อคไปในอ้อมกอดของพ่อเพราะตกใจกลัวและหายใจไม่ออก
"ทอม.. อย่าทำอย่างนี้ ปล่อยแม็กกี้ก่อน.." จิมเข้าไปรั้งเด็กชายออกจากอ้อมกอดที่รัดแน่นอยู่
"ไปให้พ้น!! " ทอมตะโกนไล่โดยไม่ยอมปล่อยเด็กชาย กลับกอดรัดแน่นขึ้นอย่างขาดสติ
"เพราะนาย.. แม็กกี้ถึงเป็นแบบนี้ นายมันงี่เง่า ลากฉันไปงานแถลงข่าวบ้าบอยังไม่พอ ยังเจ้าเล่ห์กับฉัน แกล้งลืมโทรศัพท์ไว้ในรถ โกหกฉันว่าไม่มีใครโทรหา ฉันเกลียดนาย จิมมี่.. ไปให้พ้น!!.. ฉันไม่อยากเห็นหน้านาย "

จิมผงะ ถ้อยคำด่าว่าที่ออกจากปากทอมเวลาโกรธหรือหัวเสียอย่างแรง เขาได้ยินจนชินแล้ว แต่ 3 ประโยคสุดท้ายนี้ไม่เคยได้ยินมาก่อน แม้จะรู้สึกเสียใจและเจ็บปวดแต่ก็ไม่ใช่เวลาที่เขาจะนึกถึงอารมณ์และความรู้สึกของตัวเอง

"เรื่องของฉันไว้คุยทีหลังได้มั้ย ทอม.. ตอนนี้ปล่อยแม็กกี้ก่อน"
"ไม่.. แม็กกี้เป็นลูกฉัน ฉันไม่ปล่อย.. ไม่ยอมให้ห่างจากฉันอีกต่อไปแล้ว นายนั่นแหล่ะ ไปให้พ้น ไม่ต้องมาแนะนำดี ไม่ต้องมาห่วงชื่อเสียงของฉันอีก ฉันไม่สนใจ ฉันไม่แคร์อีกต่อไปแล้ว ออกไป.."

เด็กชายสะดุ้งเฮือกดวงตาเบิกโพลง เสียงตะโกนของทอมและอ้อมกอดที่รัดแน่นขึ้นทำให้ร่างบอบบางสะท้านและเกร็งด้วยความกลัวถึงขีดสุด เสียงพึมพำในลำคอ 2-3 คำ ก่อนที่ร่างเล็กบางจะอ่อนยวบลงพร้อมดวงตาที่ค่อยๆ หรี่ลงจนปิดสนิท ทอมใจหายวาบรีบคลายอ้อมแขนออก เห็นเด็กชายแน่นิ่งไปจิตใจก็ยิ่งไม่อยู่กับตัว

“แม็ก.. แม็กกี้.. ตื่นซีลูก.. ตื่น.. อย่าเป็นอะไรนะ ตื่น..”
“วางแม็กกี้นอนลง ทอม.. ฉันจะโทรตามหมอเดี๋ยวนี้”
“ไม่นะ.. ไม่ให้ตาม..” ทอมเงยหน้าขึ้นจ้องมองจิม ดวงตาคู่สวยคลอด้วยน้ำใสฉายแววขุ่นแค้นและโกรธเคือง
“อย่ามายุ่งกับฉัน ฉันไม่ให้นายตามหมอ ไม่ยอมให้ใครมาพรากแม็กกี้ไปจากฉันอีกแล้ว รวมทั้งนายด้วย ไปให้พ้น”

จิมหมดความอดทน เทพบุตรของเขาขาดสติจนพูดดีด้วยไม่ได้แล้ว เขาจับข้อมือทอมกระชากขึ้นมาอย่างแรง และกล่าวด้วยน้ำเสียงดุดันที่อีกฝ่ายไม่เคยได้ยินมาก่อน

ฉันไปแน่ แม็คกิลล์.. นายจะไม่ได้เห็นหน้าฉันอีกตลอดชีวิตนี้เลย แต่ต้องหลังจากที่หมอมาริสาได้มาดูอาการของแม็กกี้แล้ว ถ้านายรักลูก อยากให้เขาอยู่กับนายจริงๆ ล่ะก็ รีบปล่อยเขานอนลง แล้วหยิบโทรศัพท์ของนายให้ฉันโทรหาหมอเดี๋ยวนี้ โทมัส..”

ทอมตาค้าง สติกลับคืนเพราะเสียงตะคอกของจิม
“ก.. ก็ได้.. ปล่อยมือซี ฉันเจ็บ..”
จิมคลายมือออกก็ปรากฎรอยนิ้วมือของเขาเป็นจ้ำรอบข้อมือของทอม
ทอมปล่อยแม็กกี้นอนลงและล้วงกระเป๋าหยิบโทรศัพท์ส่งให้จิม ก่อนจะก้มลงไปกระซิบข้างหูเด็กชายด้วยน้ำเสียงสะอื้น
“อย่าเป็นอะไรนะ แม็กกี้.. จำแด๊ดไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ขอแค่ลูกสบายดีก็พอ ไว้เราค่อยทำความรู้จักกันใหม่ก็ได้ แด๊ดรักลูกนะ แม็กกี้.. รักสุดหัวใจเลย”

จิมกดโทรศัพท์หาหมอมาริสาด้วยความรู้สึกเจ็บปวดและเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หัวใจของคนที่เขารักกำลังจะแหลกสลายลงเพราะฝีมือของเขา เพราะความวุ่นวายเจ้ากี้เจ้าการของเขาจริงอย่างที่ทอมต่อว่า ถ้าแม็กกี้เป็นอะไรไปเขาจะไม่อภัยให้ตัวเองเลย

 :เฮ้อ:

ทอมขยับผ้าห่มคลุมร่างเล็กก่อนจะก้มลงจูบแก้มเนียนใสเบาๆ นึกภาวนาในใจขอให้ความจำของเด็กชายกลับคืนมาในตอนเช้า และตื่นขึ้นมาทักทายเขาด้วยรอยยิ้มและแววตาที่สดใสเหมือนเช่นทุกวัน

“ทำใจให้สบายนะคะคุณทอม ไม่มีอะไรเลวร้ายกว่าที่เป็นอยู่หรอกค่ะ นั่งร้องไห้หาพ่อเป็นชั่วโมง สำหรับเด็กจิตใจไม่ปกติอย่างแม็กกี้แล้ว ถือว่ากระทบกระเทือนความรู้สึกมากไปหน่อย แต่ไม่ต้องกังวลนะคะ หมอให้ยาช่วยผ่อนคลาย เด็กได้นอนหลับพักผ่อนเต็มที่ ตื่นขึ้นมาอารมณ์และจิตใจจะดีขึ้น ถ้าหากยังจำคุณทอมไม่ได้จริงๆ อย่าตกใจนะคะ พูดคุยกับแกเหมือนที่คุณเคยคุยด้วย ครั้งนี้อาจจะแค่ไม่กี่ชั่วโมงแกก็จำคุณได้แล้ว หมอเชื่อว่าคุณทอมทำได้ค่ะ..”

“จิมล่ะ” ทอมถามหาจิมเมื่อรู้ว่าต้องนั่งทานอาหารเย็นคนเดียว
“คุณจิมออกไปส่งคุณหมอ ยังไม่กลับเลยค่ะ”

ทอมสั่งสาวใช้เก็บโต๊ะอาหารและเดินกลับขึ้นห้องไป รู้สึกหงุดหงิดและอารมณ์เสียไม่ใช่เพราะต้องนั่งกินคนเดียว แต่เพราะรู้ว่าจิมออกไปส่งหมอเองทั้งๆที่เขาสั่งให้เอ๊ดดี้ไปส่งแล้ว

ทอมเอนกายลงนอนข้างเด็กชายที่กำลังหลับสนิท เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับแม็กกี้เมื่อตอนบ่ายทำให้เขาขาดสติจนพูดจาต่อว่าจิมอย่างรุนแรง

…ฉันไปแน่ แม็คกิลล์ นายจะไม่ได้เห็นหน้าฉันอีกตลอดชีวิตนี้เลย แต่ต้องหลังจากที่หมอมาริสาได้มาดูอาการของแม็กกี้แล้ว…

ทอมใจหายวาบผุดลุกขึ้นนั่ง …หรือว่า… จิมจะไปแล้ว…
…ทุเรศนะ จิมมี่.. ถ้านายไป.. ฉันจะยิ่งโกรธนายอีกร้อยเท่า พันเท่า…

 :o12:

จิมรู้สึกโล่งอกเมื่อหมอมาริสายืนยันกับเขาว่า อาการของแม็กกี้ไม่น่าเป็นห่วง เป็นเพราะจิตใจได้รับความกระทบกระเทือนและตกใจมากไปหน่อย ภาพเหตุการณ์ร้ายจึงย้อนกลับเข้ามาในจิตสำนึกจนหลงภาพปัจจุบันไปชั่วขณะ

…ขอให้เป็นเช่นนั้นเถอะ ฉันไม่อยากผิดคำพูดที่ให้ไว้กับนาย ฉันจะจากไปได้ยังไง.. ตราบใดที่ความทุกข์ยังสุมอกนายมากขนาดนี้…

จิมรำพึงอย่างหมดหวัง ถ้อยคำด่าว่าทั้งตวาดและไล่ส่งอย่างโกรธแค้นของทอมทำให้จิมเริ่มมั่นใจแล้วว่า ความรู้สึกที่ทอมมีให้เขาเป็นแค่ความรักฉันเพื่อนสนิทไม่ได้พิเศษหรือลึกซึ้งเหมือนความรู้สึกที่เขามีให้ ความไม่พร้อมของทอมอยู่ที่จิตใจ และเมื่อใจไม่พร้อมก็อย่าหวังการตอบสนองทางกาย

จิมมองร่างสง่างามที่นอนเหยียดยาวอยู่ด้วยความรู้สึกรักใคร่และห่วงใย อิจฉาร่างเล็กบอบบางที่นอนอยู่ข้างๆ นับตั้งแต่วันแรกที่เหยียบย่างเข้ามาในบ้านแม็คกิลล์จนถึงวันนี้เป็นเวลากว่า 4 เดือนแล้ว แต่เพียงแค่ 4 เดือนเจ้าหนูก็สามารถจับจองเป็นเจ้าของหัวใจของทอม ในขณะที่เขายืนอยู่เคียงข้างทอมมานานกว่า 3 ปี ยังไม่มีโอกาสได้ก้าวเข้าไปในหัวใจของเทพบุตรที่เขาหลงรักเลย ป่านนี้ทั้งสี่ห้องหัวใจของทอมคงถูกแม็กกี้ยึดครองหมดแล้ว

…ถึงจะเข้าไปนั่งในหัวใจไม่ได้ ถึงจะถูกตะเพิดออกมา ฉันก็ไม่มีวันตัดใจ นายไม่รักฉันได้ แต่จะห้ามฉันไม่ให้รักนายไม่ได้หรอกนะ แม็คกิลล์…

แสงสลัวจากไฟกลางคืนที่หัวเตียงสว่างพอที่เขาจะเห็นใบหน้างามของเทพบุตรทอม แม้ในยามหลับสีหน้าก็ยังส่อแววกังวลและเป็นทุกข์ คิ้วเรียวขมวดมุ่นเล็กน้อย เสียงกรนเบาๆ แสดงถึงความเหนื่อยและเพลีย นับตั้งแต่วันที่ทอมรู้ว่าเด็กชายเป็นสายเลือดของตัวเองจริงๆ เกือบ 2 เดือนแล้วกระมังที่ทอมไม่ได้หลับอย่างเป็นสุขเลย ไหนจะต้องตื่นกลางดึก ไหนจะต้องตื่นเช้า หลายคืนที่เขาแอบเข้ามาจ้องมองทอมในยามหลับ คืนนี้สีหน้าทอมส่อแววทุกข์และเหนื่อยใจมากกว่าทุกคืนที่ผ่านมา รู้สึกสงสารจับใจจนอยากสวมกอดเอาไว้ อยากช่วยแบ่งเบาความทุกข์ อยากอยู่เคียงข้าง ไม่อยากจากไปไหนเลย…

จิมจ้องมองใบหน้าของเทพบุตรแสนรัก ริมฝีปากบางสวยที่เผยอขึ้นเล็กน้อยเหมือนเชิญชวน ทำให้เขาห้ามใจไม่ไหวเผลอโน้มตัวลงช้าๆ

…ไปให้พ้นนะ ฉันเกลียดนาย จิมมี่.. ไม่อยากเห็นหน้านายอีก…  

จิมชะงักเมื่อเสียงตวาดไล่ของทอมแว่บเข้ามาในโสตประสาท รีบผละขึ้นยืนและถอยห่างออกจากเตียง

…ตั้งแต่คืนพรุ่งนี้เขาต้องกลับไปนอนที่คอนโดของตัวเอง ถึงเวลาที่เขาต้องหยุดและถอยกลับมายืนอยู่กับที่แล้ว ที่ผ่านมาเขาวิ่งตามทอมตลอด ยิ่งวิ่งไล่ทอมก็ยิ่งหนี บางขณะเคยคิดว่าเขาจับทอมไว้ได้แล้ว แต่เปล่าเลย.. ที่จับและสัมผัสได้เป็นเพียงแค่ร่างกายเท่านั้น ที่สุดแล้ว.. การตัดใจเฝ้าแอบรักและคอยดูแลอยู่ห่างๆ อาจเป็นหนทางที่ดีที่สุด ที่จะทำให้การคบหากันระหว่างเขาและทอมยั่งยืนและยาวนานตลอดไป...


TBC>>>> 15
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 31-01-2010 11:17:36
แอรยสสสสสสสสสสสสสสส

เจ้หมวย อย่าทำร้ายแม็กกี้อีกเลย ขอร้อง

 :o12:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 31-01-2010 11:37:02
เจ้หมวยจะเลิกทำร้ายแม๊กกี๊แต่มาทำร้ายจิมมี่แทนใช่ไหม

ตอนนี้จิมน่าสงสารเกินไปแล้ว

ทำอะไรก็ไม่ดีซักอย่าง แถมทอมยังทำร้ายจิตใจอยู่บ่อยๆอีก

หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 31-01-2010 12:16:40

…ตั้งแต่คืนพรุ่งนี้เขาต้องกลับไปนอนที่คอนโดของตัวเอง ถึงเวลาที่เขาต้องหยุดและถอยกลับมายืนอยู่กับที่แล้ว ที่ผ่านมาเขาวิ่งตามทอมตลอด ยิ่งวิ่งไล่ทอมก็ยิ่งหนี บางขณะเคยคิดว่าเขาจับทอมไว้ได้แล้ว แต่เปล่าเลย.. ที่จับและสัมผัสได้เป็นเพียงแค่ร่างกายเท่านั้น ที่สุดแล้ว.. การตัดใจเฝ้าแอบรักและคอยดูแลอยู่ห่างๆ อาจเป็นหนทางที่ดีที่สุด ที่จะทำให้การคบหากันระหว่างเขาและทอมยั่งยืนและยาวนานตลอดไป...


จิม ของ ช้าน น น น น น น น   :serius2:

เราว่า จิม น่าสงสารมากกว่าแม๊คกี้อีก 

แง้ๆๆๆ

อ่านแล้วน้ำตาซึมเลย   :sad4:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: kungyung ที่ 31-01-2010 12:38:49
 :m15: :monkeysad: :sad11: :impress3: :o12:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: nithiwz ที่ 31-01-2010 17:25:01
เมื่อไหร่จะจำได้สักที  แม็กกี้  สงสารเธอเหลือเกิน   :m15:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: 1582 ที่ 31-01-2010 21:17:43
สงสารทั้ง 3 คนเลย  เจ๊หมวยขา  อย่าใจร้ายกับคนอ่านเลยนะค๊า  :sad4:

คิดถึงหัวอกจิมแล้วยิ่งเศร้า  อยากกอดปลอบใจคุณจิมจัง  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: PeeYaR ที่ 31-01-2010 22:12:12
โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ
สงสารแม็กกี้อ่ะ สงสารทอมด้วย TT^TT
แต่ไม่ขอสงสารจิมได้มั๊ยอ่ะ เคืองจิมอ่าาาาาา
ทั้งๆที่เรื่องกำลังจะดีแล้วแท้ๆเชียว ถ้านายไม่ทำแบบนั้นเรื่องมันก็คงไม่แย่แบบนี้หรอก
ถ้าเกิดแม็กกี้อาการหนักกว่าเดิมจริงๆ มันจะไม่ยิ่งเศร้าไปกว่านี้หรอ
เข้าใจนะว่ารักทอมมานานอ่ะ
แต่อย่าลืมนะว่าแม็กกี้น่ะลูกแท้ๆของทอมเลยล่ะ เจอแบบนี้ก็ต้องโกรธมากเป็นธรรมดา
อย่ามัวแต่มานั่งน้อยใจทอม แต่มาช่วยกันหาทางแก้ปัญหาดีกว่านะจิมมี่
แค่นี้แม็กกี้ก็น่าสงสารเกินพอแล้วน้า TT^TT

ปล.รู้สึกว่าตัวเองอินเกินไปมั๊ย 555 พล่ามยาวได้อีก
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 01-02-2010 02:40:59
เป็นกำลังใจให้ทั้ง แม็กกี้ ทอม แล้วก็จิม... :L2:

ปล. คนแต่งด้วยค่ะ... :L2:

หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 01-02-2010 08:13:19
สายใยรับ บทที่ 15..
 “ อ้อมกอดพ่อ.. เป็นยาวิเศษ 2 .. ”

---------------------------

ร่างเล็กสะดุ้งเฮือก เสียงกรีดร้องดังโหยหวนอยู่ในลำคอเพราะถูกปิดปาก ด้วยผ้าเทปขนาดใหญ่ น้ำตาไหลพรากอาบสองแก้ม ร่างกายบอบช้ำและเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส  พยายามรวบรวมกำลังที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดถดร่างหนีแต่แล้วก็รู้สึกเหมือนโลกกำลังหมุน พร้อมกับความเจ็บปวดแผ่ซ่านจากศีรษะลงไปทั่วร่างกาย  เสี้ยววินาทีก่อนที่สติจะดับวูบลง  ใบหน้าของทอม แม็คกิลล์ คือมโนภาพสุดท้ายที่เด็กชายนึกถึง

         “นี่ที่ไหน?..”

เด็กชายรำพึงด้วยความแปลกใจ เมื่อลืมตาขึ้นเห็นบรรยากาศรอบตัวเป็นเหมือนหมอกควันและไอสีขาว  ขยับตัวขึ้นนั่งก็รู้สึกสดชื่นและปลอดโปร่งเหมือนอยู่บนสวรรค์
มือเล็กคว้าควันสีขาวเล่นอย่างเพลิดเพลินอยู่ชั่วครู่ก็หยุดชะงัก เมื่อรู้สึกเหมือนมีใครกำลังเดินฝ่าหมอกควันใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ร่างเล็กนั่งตัวแข็งใจเต้นตึกตัก บอกไม่ถูกว่าทำไมรู้สึกกลัวมากขนาดนี้ เหมือนตัวเองเพิ่งผ่านเรื่องโหดร้ายอะไรมาสักอย่างแต่นึกไม่ออก
   
เด็กชายนั่งตะลึงเมื่อร่างสูงสง่าก้าวมาหยุดยืนเบื้องหน้าตัวเอง ไม่ใช่เพราะเห็นปีกและวงแหวนสีขาวลอยอยู่เหนือศีรษะของร่างสง่างามนั้น และไม่ได้ตกใจที่รู้ว่าที่ที่นั่งอยู่นี่คือสวรรค์จริงๆ  แต่ตกใจและไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเพราะหน้าตาเทวดาเหมือนใครคนหนึ่งที่รู้จัก แต่รอยยิ้มที่อ่อนโยนแบบนี้ต้องไม่ใช่แน่นอน..

หนุ่มน้อยรู้สึกเหมือนร่างกายตัวเองเบาหวิว เมื่อถูกเทวดารูปงามช้อนร่างขึ้นไว้ในอ้อมแขน ปีกสองข้างของเทวดาหุบเข้ามาโอบตัวเขาไว้  ได้ยินเสียงกระซิบข้างหูเบาๆ ว่า 

         “หลับซะ เด็กดี.. ไม่ต้องกลัวอะไรอีกแล้วนะ เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป..”

..อา!!.. อุ่นจัง อยากอยู่ในอ้อมกอดนี้นานๆ ถ้าได้อยู่ด้วยตลอดไปจริง ๆ เราจะไม่กลัวอะไรอีกต่อไปแล้ว..
เด็กชายรำพึงในใจก่อนเคลิ้มหลับไปในอ้อมอกอุ่น..

 :m1:

ทุกเช้าที่ทอมรู้สึกตัวตื่นขึ้นในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมานี้  สิ่งที่ทำเป็นกิจวัตรแรกคือ หันไปสวมกอดร่างเล็กบางที่นอนอยู่ข้างกายและจูบอรุณสวัสดิ์เบาๆ   ส่วนใหญ่เด็กชายจะยังหลับอยู่ มีเพียง 2 ครั้งที่ตื่นก่อนและลุกขึ้นนั่งจ้องมองรอจนเขาตื่นโดยไม่ปลุกหรือสะกิดเรียกสักคำ  และเมื่อเขาลืมตาขึ้นเจ้าหนูก็ส่งยิ้มหวานให้แบบเดียวกับที่เขาทำเลย

   เช้านี้ทอมรู้สึกตัวตื่นขึ้นด้วยอารมณ์ไม่สดใสนัก ไม่รู้ว่าเมื่อคืนหลับไปตอนไหน  รีบหันดูเด็กชายที่นอนอยู่ข้างกายเห็นยังหลับอยู่ก็โล่งอก  ขยับเข้าไปสวมกอดและจูบเบาๆ ที่แก้มเหมือนทุกวัน  วันนี้เขาต้องการให้แม็กกี้เป็นฝ่ายตื่นขึ้นมาเห็นรอยยิ้มของเขาก่อนเหมือนทุกเช้าที่ผ่านมา และภาวนาขอ ให้เจ้าหนูตื่นขึ้นมาจำเขาได้เหมือนเดิม

   ทอมเลิกคิ้วเมื่อร่างเล็กในอ้อมแขนขยับเข้ามาซุกกับอก และพยายามจะกอดเขาด้วยแขนขวาที่ใส่เฝือกอ่อนอยู่  เสียงพึมพำเบาๆ
   “ให้อยู่จริงๆ นะ  ผมอยากอยู่ด้วย  อยากอยู่ที่นี่ตลอดไป”

   ..โอ! พระเจ้า.. เขาไม่รู้ว่าแม็กกี้ละเมอพูดประโยคเหล่านี้ออกมาได้ยังไง ไม่ใช่เสียงครางหรือร้องขอให้ช่วยเหมือนที่เคยได้ยิน  หากแต่เป็นถ้อยคำอ้อนวอนขอร้องถึง 3 ประโยคที่เขาฟังแล้วทั้งดีใจและเจ็บปวดไปพร้อมกัน
   “ให้อยู่ด้วยซีครับ ให้อยู่ตลอดไปเลย แด๊ดจะไม่จากลูกไปไหนอีกแล้ว และจะไม่ยอมให้ลูกจากไปไหนด้วย เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไปเลยนะ แม็กกี้..”
   ทอมสวมกอดเด็กชายและกล่าวปลอบอย่างอ่อนโยน ร่างเล็กซุกหน้าอยู่กับอกเขาจึงไม่เห็นว่าเจ้าหนูลืมตาขึ้นแล้ว
   “ขอบคุณสวรรค์  ขอบคุณ..”
             ทอมพึมพำเบาๆ ความเข้าใจของทอมขณะนี้คือ แม็กกี้ยังจำเขาได้แถมยังมีอาการดีขึ้นด้วย 
            “ขอบคุณสวรรค์ด้วยครับ  ที่ช่วยให้เทวดาเหมือนคุณทอมของผม”
            เด็กชายเอ่ยขอบคุณสวรรค์บ้าง แต่ด้วยน้ำเสียงอู้อี้ฟังไม่ค่อยได้ศัพท์
   ทอมได้ยินชื่อตัวเองแว่วๆ รีบคลายอ้อมแขนและเงยหน้าเด็กชายขึ้นก็เห็นดวงตาสีน้ำทะเลจ้องมองเขาตาแป๋ว รู้สึกตื่นเต้นและยินดีเพราะสีของดวงตาบอกให้รู้ว่าอารมณ์และจิตใจของแม็กกี้กลับสู่ภาวะปกติแล้ว
   “ว่าไงนะ ลูก..”
   “เทวดาเรียกเด็กว่าลูก.. เหรอครับ”
   “อ.. เอ่อ..”
   ทอมอึ้งกับคำถาม แต่พูดได้เป็นเรื่องเป็นราวขนาดนี้ก็แปลว่าอาการของเด็กชายดีขึ้นแล้วอย่างน่ามหัศจรรย์
   “พูดถึงใครหรือ แม็กกี้.. เทวดาที่ไหนเหรอ หือ..”
   “คุณไม่ใช่เทวดาเหรอครับ  ที่นี่ไม่ใช่บนสวรรค์เหรอ”

   ทอมใจหายเมื่อรู้สึกว่าอาการเด็กชายดีขึ้นก็จริง แต่ความจำอาจยังไม่กลับคืนมาหรือสับสนมากขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเขาไม่มีวันหมดกำลังใจ     อย่างน้อยดวงตาคู่สวยที่กำลังจ้องมองเขาอยู่ขณะนี้ก็มีชีวิตชีวาและสดใสมากขึ้น  แถมยังคุยจ้อได้ขนาดนี้  เขาควรคล้อยตามไปก่อนดีกว่า...

   “ถ้าลูกมีความสุข ที่นี่ก็คือสวรรค์ของลูก  อยากให้เป็นเทวดาหรือใครก็ได้ที่ลูกต้องการ”
   แม็กกี้จ้องมองเขาตาไม่กระพริบก่อนถามย้ำอย่างไม่แน่ใจ   
            “อยากให้เป็นใครก็ได้จริงเหรอครับ”
   ทอมยิ้มหวานให้  ก้มลงจูบหน้าผากเด็กชายเบาๆ
   “จริงซีครับ บนสวรรค์ทุกเรื่องเป็นจริงได้เสมอ  อยากให้เป็นเทวดาหรือใครก็ได้ที่ลูกรักและคิดถึงเขา  อยากเห็นหน้าเขา”
   เด็กชายนอนตะลึงจ้องมองเขาตาค้าง
   “ว่าไงล่ะ อยากให้เป็นใคร.. หลับตาแล้วอธิษฐานดังๆ ลืมตาขึ้นลูกก็จะได้เห็นหน้าคนคนนั้นเลย”
   ดวงตากลมคู่สวยหลับพริ้มลงทันที เหมือนรอคอยอยากจะอธิษฐานอยู่นานแล้ว
   “ผมบอกว่าอยากเห็นใครก็จะได้พบจริงๆ นะครับ”  เด็กชายถามย้ำอีกทั้งที่หลับตาเตรียมพร้อมแล้ว
   “จริงครับ”  ทอมรู้สึกตื่นเต้น คำตอบที่เขาต้องการได้ยินคือ  ..ผมอยากเจอแด๊ดดี้ครับ..
   “ผม.. ผมอยากเห็น..อยากเจอ.. คุณทอม แม็คกิลล์ ครับ”

   ครั้งนี้ทอมเป็นฝ่ายตะลึง  เกือบสองเดือนที่เฝ้าดูแลแม็กกี้มา เขาไม่เคยได้ยินชื่อตัวเองจากปากเด็กชายเลยสักครั้งไม่ว่าในยามหลับหรือตื่น แม้จะรู้สึกเสียใจที่แม็กกี้จำเขาในฐานะทอม แม็คกิลล์ ไม่ได้  แต่อย่างน้อยความทรงจำเรื่องพ่อยังอยู่  การที่เด็กชายเห็นเขาเป็นตัวแทนของพ่อ  เป็นเรื่องที่น่ายินดีและสร้างความสุขใจให้เขาอย่างมาก ดีกว่าที่แม็กกี้จะจำเขาในฐานะอะไรไม่ได้เลย

   ทอมรู้สึกตัวเมื่อร่างเล็กในอ้อมกอดสะอื้นไห้ และกอดเขาแน่นเหมือนกลัวจะจากไป
   “ผมเสียใจครับคุณทอม.. ผมขอโทษที่แอบหนีไปไม่บอกลาคุณก่อน  ผมคงไม่มีโอกาสได้พบคุณทอมอีกแล้ว  แต่ผมก็จะคิดถึงคุณทอมตลอดไป”
   ..โอ!!.. พระเจ้า.. เด็กชายเรียกชื่อเขาพร้อมกับความทรงจำที่หวนกลับ คืนมา  ทอมตกใจและดีใจจนตั้งรับสถานการณ์แทบไม่ทัน
   “อย่าร้องไห้ลูก.. เอ่อ.. ไม่ร้องนะ แม็กกี้..”
ทอมใช้สรรพนามแทนตัวไม่ถูก เขาควรกลับไปเป็นคุณทอมเหมือน เดิมก่อน..
   “ฉันก็คิดถึงเธอ  คิดถึงมากเลย  สัญญานะว่าจะไม่หนีจากไปไหนอีก”
   แม็กกี้เงยหน้าขึ้นจ้องมองเขา  ใบหน้าฉ่ำนองด้วยน้ำตา
   “ผมต้องไปครับ ผมอยู่นานไม่ได้ สวรรค์คงไม่อนุญาตหรอก ผมตายแล้ว.. ฮึก.. ฮือ..”    ประโยคสุดท้าย.. เด็กชายสะอื้นโฮ
   ทอมเข้าใจแล้วว่าทำไมแม็กกี้จึงเอ่ยถึงสวรรค์และเทวดา เขาสวมกอดร่างเล็กแน่นและหัวเราะอย่างมีความสุข ในขณะที่เจ้าหนูนอนน้ำตาร่วงผล็อยอยู่ในอ้อมแขน   ทอมแนบแก้มตัวเองกับหน้าผากมนและกระซิบเบาๆ
   “คนตายแล้วที่ไหนตัวอุ่นแบบนี้ หือ.. สวรรค์ก็สวรรค์เถอะ ฉันไม่ให้เธอกลับไปซะอย่างใครจะทำไม  ถ้าจะเอาเธอไปต้องเอาฉันไปด้วย  บอกแล้วไงว่าเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป ไม่จากกันอีกแล้ว เด็กดีของฉัน ฉันรักเธอนะ แม็กกี้ รักหมดหัวใจเลย..”

   แม็กกี้รู้สึกอบอุ่นและมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก ตัวเบาหวิวเหมือนกับจะลอยได้ 
    ...อา!!.. อุ่นจัง.. อ้อมกอดของคุณทอมจริงเหรอ.. ที่นี่ไม่ใช่สวรรค์เหรอ..  จะเป็นที่ไหนก็ช่าง..  จะเป็นใครแม็กไม่สนใจแล้ว อยากอยู่ด้วย..  อยากอยู่ในอ้อมกอดนี้ตลอดไปเลย...

 :m1:

หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 01-02-2010 08:18:09
แล้วทอมก็พบว่าความทรงจำของแม็กกี้กลับคืนมาเพียงบางส่วน จะด้วยความเมตตาของสวรรค์หรือพรศักดิ์สิทธิ์ที่เทพองค์ใดประทานให้ก็สุดแล้วแต่ ได้มอบความจำทุกเรื่องกลับคืนให้เด็กชายแต่เก็บความทรงจำที่เลวร้ายไว้

   แม็กกี้จำเรื่องราวก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุการณ์ร้ายได้ทั้งหมด  จำได้ว่าตัวเองเป็นใคร เดินทางมาหาทอมเพื่ออะไร และเพราะเหตุใดจึงแอบหนีออกจากบ้านแม็คกิลล์ เด็กชายเล่าว่าตั้งใจจะเดินทางไปหาเพื่อนของแม่ที่เกาะ สมุย แต่ระหว่างเดินทางไปขนส่งเกิดอุบัติเหตุถูกรถจักรยานยนต์เฉี่ยวล้มลง  แม็กกี้คิดว่าตัวเองตายแล้วเพราะรู้สึกคลับคล้ายว่าเหมือนได้อยู่บนสวรรค์ ได้เจอเทวดาที่มีหน้าตาเหมือนคุณทอมเปี๊ยบเลย  แต่พอตื่นขึ้นมาอีกทีก็อยู่ในอ้อมกอดของคุณทอมบนเตียงแล้ว

   แม็กกี้จำเหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นกับตัวเองรวมถึงช่วงเวลาที่ความทรงจำหายไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นจึงจำไม่ได้ด้วยว่าได้กลับมาใช้ชีวิตอยู่กับทอมที่บ้านแม็คกิลล์ในฐานะลูกชายนานเกือบ 2 เดือนแล้ว  และทอมเองก็ไม่ได้ใส่ใจจะบอกเพราะมัวแต่ตะลึงกับเรื่องราวที่เด็กชายบอกเล่า 
ทอมเพิ่งรู้ความจริงว่าเหตุการณ์ในคืนนั้นนอกจากเขาจะต่อว่าแม็กกี้อย่าง รุนแรงแล้ว เขายังเป็นคนออกปากไล่เด็กชายไปจากบ้านด้วย หลงคิดว่าเจ้าหนู หนีจากไปเพราะต้องการให้เขารับเด็กในท้องแคธรีนเป็นลูกอย่างสบายใจ

   “ขอโทษนะ แม็กกี้..  เรื่องที่เกิดขึ้นคืนนั้นฉันขอโทษ  ทำไมไม่อยู่รอคุยให้รู้เรื่องก่อน  หนีไปแบบนั้นรู้มั้ยว่าฉันเสียใจมากขนาดไหน..”
   “ผม.. ผมไม่ได้อยากหนี  ผมจำเป็นต้องไป..”
   “เด็กโง่.. จะบอกว่าจำเป็นต้องไปเพราะคิดจะเสียสละพ่อของตัวเองให้คนอื่นงั้นเหรอ.. หือ..”
   แม็กกี้หน้าแดงกับคำว่า  ‘พ่อของตัวเอง ’  ..หูฝาดไปหรือเปล่านะ..
   “ก็.. ผมไม่อยากให้เด็กคนนั้นเหมือนผม อยากให้เด็กได้อยู่กับพ่อตั้งแต่แรกเกิดพ่อจะได้รักมากๆ ครับ”
   ทอมใจหายวาบ ..คำพูดของเด็กชายเหมือนที่เขียนไว้ในจดหมายเลย..
   “ใครบอกหรือ แม็กกี้.. ไปเอาความคิดนี้มาจากไหน”   ทอมถามทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าเป็นคำพูดของตัวเองขณะเมาไม่มีสติ..
   “ก็.. คุณทอมเป็นคนบอก ว่าการเลี้ยงลูกต้องเลี้ยงตั้งแต่แรกเกิดถึงจะมีความรักให้ เด็กโตแล้วอย่างผม ถึงเป็นลูกก็ไม่รู้ว่าจะมีความรักให้ได้หรือเปล่า ผมเลยคิดว่าให้โอกาสเด็กในท้องดีกว่า..”
   น้ำเสียงเด็กชายสั่นเครือขณะกล่าว น้ำตาที่แห้งไปแล้วเอ่อล้นขึ้นมาอีก
   ..โอ!!.. พระเจ้า.. ทอมนึกเกลียดชังตัวเองจับใจ เขาสวมกอดเด็กชายไว้แนบอกละล่ำละลักกล่าวขอโทษ
   “ไม่จริงนะ แม็กกี้.. ไม่จริงเลยรู้มั้ย  ลืมเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนั้นให้หมด อย่าไปเชื่อคำพูดของคนเมาไม่มีสติแบบนั้น หมอนั่นยังไม่ได้เป็นพ่อของลูก ไม่รู้หรอกว่าขึ้นชื่อว่า ‘ลูก’ แล้ว    ไม่ว่าจะได้อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เกิดหรือเพิ่งได้พบเจอเมื่อโตแล้ว   ความรักที่มีให้ก็ไม่แตกต่างกันหรอก”
   ทอมรั้งเด็กชายออกจากตัวเพื่อสบตาด้วย
   “จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ได้นะ แม็กกี้..  แต่ขอให้รู้ไว้ว่าเด็กโตแล้วอย่างเธอ… ตอนนี้เป็นสุดที่รักของฉันแล้วนะ รู้มั้ย..”
   สีหน้าหนุ่มน้อยงงงวย    ทอมรีบเฉลยให้หายข้องใจ
   “ฟังให้ดีนะ แม็กกี้.. เด็กในท้องของแคธรีนไม่ใช่ลูกของฉัน  เธอแต่งงานกับพ่อของเด็กไปเรียบร้อยแล้ว  เด็กคนนั้นมีพ่อของตัวเองแล้ว  เพราะฉะนั้นไม่ต้องคิดเสียสละพ่อของเธอให้เด็กคนอื่นอีก..”
   “พ่อของผม..”  แม็กกี้พึมพาเบาๆ  คิ้วขมวดมุ่น 
   “หมายถึงคุณเหรอครับ.. เรายังไม่ได้พิสูจน์ความจริงกันเลย ผมอาจไม่ใช่ลูกของคุณก็ได้  แต่ถึงไม่ใช่ผมก็ไม่เสียใจหรอก  ผมดีใจที่ได้มารู้จักและได้เห็นตัวจริงของคุณครับ”
   “เอ๋!.. ไม่เสียใจจริงเหรอ.. พูดตรงกับใจหรือเปล่า หือ..”
   ดวงตาคู่สวยหลุบต่ำลงพร้อมกับเบือนหน้าหนี ทอมหันหน้าเด็กชายมาสบตาด้วย
   “ใจเธอเชื่อเต็มร้อยว่าฉันเป็นพ่อ  แล้วยังจะต้องพิสูจน์อะไรกันอีก”
   “ผมเชื่อเพราะแม่บอก..  ตอนเด็กๆ ผมเชื่อสนิทเลยแต่พอโตขึ้นผมชักไม่แน่ใจ  คิดว่าแม่อาจหลอกเพื่อให้ผมสบายใจก็ได้  ผมจึงอยากพิสูจน์ความจริง  ถ้าพิสูจน์แล้วไม่ใช่  ผมก็จะไม่เสียใจและไม่โกรธแม่หรอกครับ  ผมจะถือว่าแม่อยากให้คุณเป็นตัวแทนของพ่อ.. แต่คุณจะเชื่อผมง่ายๆ ไม่ได้นะครับ ผมเป็นเด็กแปลกหน้าสำหรับคุณ เพิ่งรู้จักกันไม่นานเอง..”
   “โอ!.. แม็กกี้..  เมื่อ 4 เดือนที่แล้วอาจจะใช่  แต่วันนี้.. นาทีนี้.. เธอไม่ใช่เด็กแปลกหน้าสำหรับฉันต่อไปแล้ว  ฉันยอมรับและเชื่อว่าเธอเป็นลูกแล้วนะ แม็กกี้.. เพราะฉะนั้นไม่ต้องพิสูจน์อะไรกันอีกแล้ว  ตั้งแต่วันนี้เรามาเป็นพ่อลูกกันนะ ..”
   หนุ่มน้อยมีสีหน้าตื่นเต้นและตกใจ  ทอมเห็นแล้วยิ่งหลงรักมากขึ้น  นึกไม่ถึงว่าคำพูดที่ออกจากปากเจ้าหนูจะกลายเป็นคำปฏิเสธอย่างแข็งขันไปได้
   “ไม่ได้ฮะ  ต้องพิสูจน์ความจริงก่อน  ผมไม่อยากเป็นภาระของคุณโดยที่ผมไม่ใช่ลูก ถ้าไม่พิสูจน์ผมก็อยู่กับคุณไม่ได้หรอก  ผมต้องไปจากที่นี่ ผมจะไปอยู่กับ..”
   ทอมใจหายอย่างแรง  เอามือปิดปากเด็กชายแทบไม่ทัน
   “ไม่นะ..  ไม่ให้ไป  ไปไหนไม่ได้นะ แม็กกี้..”

   ...โอ!.. พระเจ้า เป็นอย่างที่จิมบอกจริงๆ  เด็กชายวัย 12 ปี คนนี้กุมหัวใจเขาไว้แล้ว แค่บอกว่าจะไปเท่านั้นหัวใจเขาก็แทบจะหลุดลอยตามไปด้วย  จิตใจและอารมณ์ของแม็กกี้อาจยังไม่ปกติ  เขาควรโอนอ่อนและยอมตามใจก่อนจะดีกว่า

   “โอเค!!.. พิสูจน์ก็พิสูจน์  รอให้สุขภาพแข็งแรงกว่านี้อีกหน่อย เราค่อยไปตรวจดีเอ็นเอกันนะ โอเค..”
   ครั้งนี้เด็กชายพยักหน้ารับด้วยดี
   ทอมรั้งร่างเล็กเข้ามาสวมกอดด้วยความรักสุดหัวใจ  หลายสัปดาห์ที่เฝ้าดูแลเจ้าหนูในฐานะพ่อ ทำให้เขารู้สึกรักและผูกพันจนไม่อาจถอนใจและปล่อยเด็กชายให้หลุดมือจากไปได้อีก
   ...วันนี้.. เขา ทอม แม็คกิลล์  กลับเป็นฝ่ายโหยหาและต้องการความรักจากเด็กชายแม็คกิลล์ สแตนลีย์  อยากให้เจ้าหนูเชื่อและยอมรับเขาเป็นพ่อโดยไม่ต้องพิสูจน์ความจริงเลยด้วยซ้ำ...

   ... สวรรค์ลงโทษเขาอีกแล้ว...  คงแกล้งให้เขารู้จักและสัมผัสกับความรู้สึกอย่างเดียวกับที่แม็กกี้เคยรู้สึกกับเขามาก่อน ...

 :m17:

          “ผมอาบเองได้ฮะ”
   ทอมเลิกคิ้ว  นึกขึ้นได้ว่าเด็กชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเวลานี้กลับเป็นเจ้าหนูแม็กกี้คนเดิมแล้ว จึงยอมให้อาบเองแต่บอกว่าห้ามล็อกประตูห้องน้ำและเปิดแง้มไว้ให้เขาได้ยินเสียงด้วย

   ตั้งแต่พาเด็กชายกลับมาอยู่ที่บ้านแม็คกิลล์ในฐานะลูกชาย ตลอดเวลาที่ผ่านมา.. ทอมเฝ้าดูแลปรนนิบัติเจ้าหนูตั้งแต่ตื่นนอนตอนเช้าจนกระทั่งพาเข้านอนในตอนหัวค่ำ เขาทำทุกอย่างให้แม็กกี้ด้วยตัวเองจนกลายเป็นภาระ หน้าที่ที่ต้องปฏิบัติไปแล้ว  ไม่ใช่เพราะอาการบาดเจ็บที่แขนซึ่งเข้าเฝือกไว้ แต่เพราะเขาไม่อาจวางใจปล่อยให้เด็กชายวัย 12 ปี ที่มีวุฒิภาวะไม่ต่างจากเด็กเล็กทำอะไรด้วยตัวเอง  โดยเฉพาะไม่อาจปล่อยให้อยู่ในห้องน้ำเพียงลำพังได้

   ทอมเข้าไปช่วยเด็กชายแต่งตัวก็ถูกขัดขืนเล็กน้อยก่อนจะยินยอมด้วยดีเมื่อเขาแสร้งกล่าวด้วยสีหน้าน้อยใจ
   “แค่แต่งตัวให้ก็ไม่ยอม จะเป็นพ่อลูกกันในอีกไม่กี่วันนี้แล้ว ถ้าไม่เปิดใจยอมรับพิสูจน์ไปก็ไร้ความหมาย..  หรือเห็นฉันอายุไม่มากพอที่จะเป็นพ่อของเธอได้ใช่มั้ย..”
   “เปล่านะฮะ.. ผมไม่ได้คิดแบบนั้นซะหน่อย ผมแค่แต่งตัวเองได้ ผมโตแล้ว..”
   “โตสำหรับใคร   คนเป็น ลูก ใช้คำว่าโตแล้วกับ พ่อ ไม่ได้หรอกนะ”
   ทอมสวมบทพ่อเอ็ดเด็กชายเสียงเขียว ทำเอาเจ้าหนูคอตกยินยอมให้ทอมผัดแป้งแต่งตัวให้แต่โดยดี
   “โอเค.. หล่อแล้วครับ”   ทอมจูบแก้มขาวนวลและหอมอีกหนึ่งฟอดอย่างชื่นใจ

            แม็กกี้หน้าแดงก้มหน้างุดเพราะความเขิน   :m13:
           ...นึกไม่ถึงเลยว่าจะมีวันนี้ วันที่คุณทอม แม็คกิลล์ สุดยอดนายแบบคนดังกำลังจะกลายเป็นพ่อของแม็กจริงๆ แล้ว...

   “เอาล่ะ.. แด๊ดว่าเราไปเซอร์ไพรส์คุณจิมก่อนอาหารเช้ากันดีกว่าลูก..”

   แม็กกี้หูผึ่งกับคำว่า ‘แด๊ดและลูก’ เป็นคำที่แม็กรอคอยมานานแสนนาน ไม่อยากเชื่อเลยว่าคุณทอมยอมรับแม็กเป็นลูกได้อย่างสนิทใจทั้งที่ยังไม่ได้พิสูจน์ ความจริง  คุณทอมเรียกตัวเองว่า แด๊ด และเรียกแม็กว่า ลูก เหมือนเคยเรียกมาก่อนเลย   เหมือนเป็นพ่อลูกกันจริงๆ มาตั้งแต่เกิดด้วย...

 :m17:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 01-02-2010 08:22:43
หมูพูห์จ๋า  เจ๊หมวยเลิกใจร้ายกับแม็กกี้แล้วน้า~ 
อ่านตอนนี้แล้วคงสบายใจ  นอนหลับฝันดีซะที

เพื่อน ๆ น้องๆ ทุกคนด้วย  นอนตาหลับกันได้แล้วนะ

 :เฮ้อ:

ไปทำงานก่อนนะ  บ่ายๆ มาต่อให้
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 01-02-2010 09:10:10
เป็นข่าวดีรับเช้าต้นเดือนที่วิเศษสุดครับเจ้หมวย

ขอบคุณมากครับ

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: rero ที่ 01-02-2010 11:32:16
วันนี้ดีใจที่เข้ามาอ่านตอนเช้า

ตามอ่านทันพอดี...
มีความสุขกับเรื่องดีดี ตอนเช้าจริงๆ

พ่อลูกคู่นี้น่ารักจริง ...เกิดมาเพื่อรักกันจริง ๆ
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: aekporamai2 ที่ 01-02-2010 13:06:03
ขอบคุณครับ
 :L2: :3123: o13
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 01-02-2010 13:27:52
ขอบคุณนะคะที่มาต่อให้ o13 :L2:
ยิ่งอ่านยิ่งหลงรัก ทั้งคุณพ่อคุณลูก  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 01-02-2010 13:34:34
          “หลับแล้วเหรอ”
   จิมถามด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แม้ในใจจะยังรู้สึกขมขื่นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อบ่ายวาน  หากแต่เป็นความรู้สึกส่วนตัวที่เขาต้องเก็บซ่อนไว้  วันนี้ทอมอารมณ์ดียิ้มแย้มแจ่มใสทั้งวัน เพราะความทรงจำของแม็กกี้กลับคืนมาได้ราวกับปาฏิหาริย์  ทำให้เทพบุตรของเขาลืมเรื่องขุ่นข้องหมองใจที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นจนหมดสิ้น

   ทอมทรุดตัวลงนั่งด้วยท่าทีเหนื่อยอ่อน หากสีหน้าฉายแววสุขใจเต็มเปี่ยม
   “กว่าจะยอมนอนได้ทั้งปลอบทั้งดุ  จะขอกลับไปนอนห้องเดิมของตัวเองท่าเดียว”
   “จะให้นอนกับนายตลอดไปเลยเหรอ”
   “เปล่า..  ก็แค่รออีกสักพัก  ให้สุขภาพแข็งแรงดีกว่านี้ก่อน”
   “สุขภาพของแม็กกี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วนี่นา  ไม่อยากให้ลงมาอยู่ห้องเดิมก็ให้นอนห้องข้างๆ ซี”
   “ไม่อ่ะ.. ให้แน่ใจก่อนว่าแม็กกี้จะไม่ฝันร้ายอีก  ฉันกลัวว่าความทรงจำร้ายๆ  ยังหลงอยู่ในความฝันเค้า”
   จิมพยักหน้าเห็นจริงด้วย ความจำในเหตุการณ์ร้ายแค่ยังไม่กลับคืนมาเท่านั้น  อาจหลงเข้ามาในความฝันเมื่อไรก็ได้  ถ้าลืมได้เลยก็คงดีซีนะ..
   “โอเค.. ถ้าไม่มีอะไรแล้ว  วันนี้ฉันขอตัวกลับไปนอนที่คอนโดนะ”
   อารมณ์เบิกบานของทอมสะดุดลง  คิ้วเรียวขมวด
   “ทำไม.. ที่คอนโดมีอะไร..  ทำไมต้องไปนอนด้วย”
   จิมนึกขันกับท่าทีและคำถามของทอม คงลืมไปแล้วว่าคอนโดที่พูดถึงที่จริงแล้วคือบ้านของเขา
   “ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่จะแวะไปนอนบ้าง  ไม่ได้เข้าไปดูแลเป็นเดือนๆ แล้ว”
   “ดูแล?  หมายถึงทำความสะอาดใช่มั้ย   ถ้าใช่.. พรุ่งนี้ให้เอ๊ดดี้พาแววไปจัดการซี  ทำไมต้องไปเองด้วย”
   “เอ่อ.. เปล่า ทอม.. ฉันจะไปนอนน่ะ ไม่ได้ไปทำความสะอาด”
   “นอน? ทำไมต้องไปนอนด้วย ถ้าจะแค่แวะไปดู ไปตอนกลางวันก็ได้นี่..”
             ทอมเปลี่ยนใจเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเอาแต่ใจตัวเองมากไป
            “โอเค.. จะไปก็ไป แค่คืนเดียวไม่เป็นไรหรอก พรุ่งนี้ต้องเข้ามาแต่เช้านะ  ฉันกับแม็กกี้จะรอทานอาหาร”
            “ทอม..”     จิมขยับเข้ามาใกล้จับมือทอมกุมไว้   
            “ฉันไม่ได้ขอกลับไปนอนที่คอนโดแค่คืนนี้คืนเดียวเท่านั้นนะ.. แต่ตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไป..”
   “อะไร?  พูดอะไรจิม.. ฉันไม่เข้าใจ”
   “ฟังนะ ทอม.. ฉันจะไปให้พ้นจากชีวิตของนายตามที่สัญญาไว้ แต่จะให้จากไปตอนนี้เลยฉันทำไม่ได้  ขออยู่ดูแลอีกสักระยะ แต่จะอยู่ห่างๆ ไม่สร้างความวุ่นวายให้นายอีกจนกว่าแม็กกี้จะหายดี  ถึงวันนั้น.. ฉันจะจากไปและไม่กลับมาให้นายเห็นหน้าอีก”

   ทอมนั่งตะลึง
   ...ไปให้พ้น!!..  ฉันไม่อยากเห็นหน้านาย  ฉันเกลียดนาย จิมมี่...
   ..ให้ตายเถอะ!.. มันเป็นถ้อยคำต่อว่าที่รุนแรงจริงๆ  แต่เขาพูดไปเพราะอารมณ์โกรธนี่นา..  ไม่ได้หมายความตามที่พูดจริงๆ ซะหน่อย..
   “ทอม..  ทอม..”
             ทอมนั่งนิ่งไม่พูดจาใบหน้าขาวซีดจนจิมตกใจเขย่าเรียกเบาๆ
             “ทะ.. ทำไม~”   น้ำเสียงทอมสั่นเครือ   
             “คิดจะจากไปเพราะคำพูดของฉันงั้นเหรอ.. ฉันเสียใจที่พูดไม่ดีกับนายเมื่อวาน ตั้งใจจะขอโทษตั้งแต่เมื่อคืนแล้วแต่ไม่มีโอกาสได้คุย  วันนี้เห็นนายยิ้มและหัวเราะได้นึกว่าหายโกรธแล้ว..”   ทอมทำหน้าเหมือนกับจะร้องไห้   
   “ฉันยังไม่ได้จากไปไหนนะ ทอม.. แค่ขอกลับไปนอนที่คอนโดเท่านั้น  ยังมาหานายทุกวันเหมือนเดิม โอเค..”
   “ไม่โอเค ฉันพูดออกไปเพราะกำลังโกรธ ไม่ได้หมายความตามที่พูดซะหน่อย  นายทำเหมือนไม่รู้จักนิสัยฉัน”
   จิมลอบถอนใจ ทำไมเขาจะไม่รู้จักนิสัยทอม เขารู้ว่าคำพูดของคนที่กำลังโกรธและโมโหมักไม่ได้อยากให้เป็นตามที่พูดหรอก     ... ฉันรู้.. นายไม่ได้อยากให้ฉันจากไปจริงๆ หรอก ทอม..   นายไม่ได้เกลียดฉันด้วย  แต่ไม่ได้รักฉันอย่างที่ฉันรักนาย...   
ทอมออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
   “ฉันขอสั่งห้าม!!.. ไม่ให้นายกลับไปนอนที่คอนโด  แต่ถ้ายืนยันจะไปให้ได้ก็เชิญเลย  แล้วไม่ต้องกลับมาให้ฉันเห็นหน้าอีก  ไม่ต้องมาสร้างระยะห่างเพื่อรอเวลาไปจากฉัน  เก่งจริงก็จากไปวันนี้เลย..”
   “โอเค!!..”    จิมตอบรับสั้นๆ  และยิ้มให้เทพบุตรของเขา 
             ทอมใจหายวาบกับคำตอบน้ำตาร่วงผล็อยพร้อมอาการสะอื้น จิมตกใจขยับเข้าสวมกอดและกล่าวปลอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
   “อย่าร้องไห้ซี ทอม..”
   “ฉันขอโทษ จิมมี่.. ฉันไม่ได้อยากให้นายจากไปจริงๆ”  ทอมซบหน้ากับไหล่กว้างสะอื้นเหมือนเด็ก
   “นายไปแล้วฉันจะอยู่กับใคร ให้ฉันอยู่กับแม็กกี้สองคนเหรอ  แปลว่าที่นายบอกรักฉันเป็นเรื่องโกหกใช่มั้ย  หรือว่านายไม่รักฉันแล้ว ไม่มีคนรักกันที่ไหนทำกันแบบนี้หรอก  จู่ๆ ก็มาทิ้งกันไป ปล่อยให้ฉันอยู่กับลูกสองคน”
   จิมใจหายเมื่อถูกตัดพ้อด้วยเรื่องที่เขาแคร์มากที่สุดในชีวิต 
   “ไม่จริงนะทอม.. ไม่จริงสักนิด นายก็รู้ว่าฉันรักนายหมดหัวใจ รักนายคนเดียว  รักมาก.. มากที่สุดในชีวิต.. มากจนฉันตายแทนนายได้นะ ทอม..”
   ทอมผละจากอ้อมแขนแข็งแรงที่สวมกอดเขาอยู่ คิ้วเรียวขมวด ไม่เข้าใจคำพูดของจิมเพราะมันสวนทางกับการกระทำโดยสิ้นเชิง
   “รู้มั้ยว่าฉันเจ็บปวดแค่ไหน ที่ต้องตัดใจบอกลาจากนาย”
   “แล้วตัดทำไม  ทำไมต้องไปด้วย”
   “เพราะฉันรักนาย  ไม่อยากเสียนายไป  ไม่อยากให้นายเกลียดฉัน”
   สีหน้าทอมสลดลง  คำพูดของเขามักย้อนกลับมาสร้างความเจ็บปวดให้ตัวเขาเองเสมอ
   “ฉันขอโทษ ฉันไม่ดีเองชอบด่าว่านายด้วยอารมณ์ ฉันรู้ว่ามันเป็นการแก้ตัว  แต่.. แต่ฉันไม่ได้เกลียดนายจริงๆ นะ  จิมมี่..”
   จิมยิ้มอ่อนโยนมือใหญ่สัมผัสและลูบไล้แก้มขาวเนียนของเทพบุตรแสนรักเบาๆ
   “ฉันรู้ ทอม.. นายไม่ได้เกลียดฉัน”
“รู้.. รู้แล้วจะจากไปทำไม ถ้าเป็นเพราะคำพูดของฉัน  ฉันขอถอนคำพูดทั้งหมดเดี๋ยวนี้ก็ได้  ฉันไม่ได้เกลียดนาย  ไม่ได้อยากให้นายไปให้พ้น อยากให้นายอยู่เคียงข้างฉันกับแม็กกี้ตลอดไป.. ครั้งนี้ฉันพูดจริง ไม่ได้โกหก  ถ้าโกหกขอให้สวรรค์....”
   จิมเอามือปิดปากทอมและรั้งตัวเข้ามาในอ้อมกอด
   “ฉันโอเคไปแล้ว ยังจะสาบานอะไรอีก กับสวรรค์อย่าพูดโดยไม่คิดก่อน”
   “โอเค.. โอเคว่าจะไปจากฉันวันนี้เลยน่ะเหรอ..”  ทอมสะบัดตัวดิ้นหนีจากอ้อมกอดเหมือนเด็กที่ถูกขัดใจ 
   “งี่เง่า!!.. ปล่อยนะ อุตส่าห์ขอโทษแล้วก็ยังไม่ยอม อยากไปก็ไปเลย ไปให้พ..”
   ทอมถูกปิดปากอีกครั้ง   ครั้งนี้ด้วยริมฝีปากร้อนของจิม
   “อือ~~ ”  ทอมรู้สึกดีกับสัมผัสที่ได้รับ ปลายลิ้นอุ่นไล้เลียริมฝีปากของเขาอย่างนุ่มนวลและอ่อนโยน  ก่อนสอดเข้ามาสำรวจภายในอย่างดูดดื่ม
   ทอมยอมนั่งนิ่งให้อีกฝ่ายสัมผัสแต่โดยดี ไม่คิดขัดขืนเพราะพบว่าความ รู้สึกจริงๆ ของตัวเองไม่ได้รังเกียจการกระทำและสัมผัสที่ได้รับจากจิมเลยแม้ แต่น้อย
   อารมณ์ของทอมเริ่มปั่นป่วน  สองมือทึ้งเสื้อจิมด้วยความลืมตัว  จิมรีบถอนริมฝีปากออกก่อนที่เทพบุตรของเขาจะขาดใจ ทอมไม่ชินกับการหายใจทางจมูกขณะถูกเขาจูบ  ซึ่งจะเป็นเฉพาะกับเขาเท่านั้น  กับผู้หญิงทอมไม่เคยมีปัญหานี้ ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร
   ไม่รู้เป็นเพราะหายใจไม่ทันหรือเพราะความรู้สึกเสียวซ่านทางอารมณ์กันแน่จึงทำให้สีหน้าทอมแดงเรื่อ ดวงตาที่หลับพริ้มอยู่ช่างเชื้อเชิญเสียนี่กระไร  จิมเห็นแล้วต้องใช้ความพยายามอย่างสูงระงับอารมณ์ไว้  บอกตัวเองว่าไม่ใช่เวลานี้   เขาจับศีรษะทอมซบกับไหล่กระซิบถาม
   “ตกลงจะให้ไปหรือไม่ให้ไปกันแน่ หือ..”
   ทอมไม่ตอบแต่ส่ายหน้าไปมา
   “ก็บอกโอเคไปแล้วนี่นายังจะงอนอะไรอีก  ถ้าจะให้ฉันจากไปวันนี้เลยโดยไม่ต้องกลับมาให้นายเห็นหน้าอีก  ฉันคงขาดใจตายแน่แม็คกิลล์”
   “แปลว่า.. ไม่ไปแล้วใช่มั้ย”
   ทอมเอ่ยน้ำเสียงแผ่วเบา ศีรษะยังซบนิ่งกับไหล่กว้างเพราะรู้สึกเขินที่ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ถ้าจิมไม่ได้เป็นฝ่ายผละออกเขาก็ยังยินยอมให้สัมผัสอยู่อย่างนั้น  ช่างน่าอายจริงๆ
   “ก็นายสั่งห้ามไม่ให้ไปฉันก็ไม่ไปแล้วไง..  แต่บอกอีกครั้งได้มั้ยว่านายไม่เกลียดฉัน..”
   “อือ..”   ทอมไม่บอกแต่ตอบรับสั้นๆ
   “ไม่เกลียดแล้วยังรักแบบคนรักเหมือนเดิมหรือเปล่า”
   จิมรุกคำถามต่อเพื่อความแน่ใจ  ทอมอึกอักเล็กน้อยก่อนตอบรับสั้นๆ ด้วยน้ำเสียงในลำคอ
   “อื้อ..”
   จิมหัวเราะและสวมกอดเทพบุตรของเขาไว้ด้วยความรักสุดหัวใจ  อะไรจะเกิดต่อไปในอนาคตค่อยคิดแก้ไขเถอะ  ตราบใดที่ทอมยังต้องการให้เขาอยู่ใกล้  ถึงไม่มีความรักให้ฉันท์คนรักเขาก็ไม่คิดจากไป แค่ได้เฝ้ามองและเห็นคนที่ตัวเองรักมีความสุขเขาก็พอใจแล้ว

 :กอด1:

ทอมเรียกสมาชิกในบ้านมาประกาศให้รับรู้ทั่วกันต่อหน้าเด็กชายว่าแม็กกี้เป็นลูกชายของเขา  ถึงจะยังไม่ได้พิสูจน์ความจริงแต่เขาเชื่อว่าแม็กกี้เป็นลูกจริง จึงขอให้ทุกคนปรนนิบัติและดูแลแม็กกี้ในฐานะคุณหนูของบ้านแม็คกิลล์ด้วย  เล่นเอาเด็กชายนั่งตะลึงทั้งตกใจและดีใจเพราะคาดไม่ถึง 

   เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้แม็กกี้ระลึกถึงเหตุการณ์ร้าย ทอมกำชับทุกคนในบ้านให้ปิดเรื่องที่เขาดูแลแม็กกี้ในฐานะลูกชายก่อนหน้าที่ความจำจะกลับคืน  รวมถึงห้ามพูดคุยและบอกเล่าถึงอาการป่วยที่ผ่านมาด้วย    เพราะอาจทำให้เด็กชายพยายามนึกถึงสาเหตุที่ทำให้ตัวเองป่วย 

   ณ เวลานี้แม็กกี้รับรู้แต่เพียงว่าตัวเองนอนป่วยไม่มีสติอยู่บนเตียงนานหลายสัปดาห์ เพราะสมองได้รับความกระทบกระเทือนจากอุบัติเหตุถูกรถจักรยานยนต์ชนในวันที่หนีออกจากบ้าน   คุณทอมตกใจและเสียใจมากที่แม็กกี้หนีไป   ถึงกับลงประกาศตามหาในหน้าหนังสือพิมพ์จนพบตัวและพากลับมาอยู่ด้วยที่บ้านตามเดิม คุณทอมยอมหยุดรับงานชั่วคราวเพื่ออยู่เฝ้าดูแลจนกระทั่งแม็กมีอาการดีขึ้น

   “อย่าทำอย่างนั้นอีกนะ แม็กกี้.. อย่าแอบหนีไปแบบวันนั้นอีก  รู้มั้ยว่าฉันกินไม่ได้นอนไม่หลับ คิดถึงและเป็นห่วงมากขนาดไหน”
   “ผมขอโทษครับ..”  แม็กกี้กล่าวเสียงอ่อย 
   “ผมจะไม่แอบหนีไปอีกแล้ว..  ถ้าต้องไปผมจะบอกลาคุณก่อน”
   “ไม่นะ ไม่ให้ไป!!..”  ทอมเอ็ดเสียงเขียวด้วยความลืมตัวทำเอาเด็กชายสะดุ้งและหน้าเสีย
ทอมรีบสวมกอดและกล่าวปลอบด้วยน้ำเสียงอ่อนลง นึกโกรธตัวเองที่มีนิสัยเจ้าอารมณ์แก้ไม่หายสักที..
   “ไปไหนไม่ได้นะ แม็กกี้.. เธอต้องอยู่ที่นี่  ฉันจะรับเธอเป็นลูกอยู่แล้วยังจะไปไหนอีก”
   “แต่ถ้าพิสูจน์แล้วไม่ใช่ล่ะฮะ”
   “ไม่สน ใช่หรือไม่ใช่ฉันก็รักเธอเหมือนลูกหมดหัวใจแล้ว  จะไม่ปล่อยให้เธอจากไปไหนอีก เข้าใจมั้ย แม็กกี้..”
   ทอมสวมกอดเด็กชายแน่น  อยากรู้เหลือเกินว่าถ้าแม็กกี้จำเหตุการณ์ตอนอยู่กับเขาในฐานะลูกชายได้  ยังคิดจะพิสูจน์ความจริงอยู่หรือเปล่า..

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 01-02-2010 13:45:26
จิมยืนกอดอกมองดูสองพ่อลูกนั่งนัวเนียกันอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์  ทอมกำลังสอนแม็กกี้เล่นเกมโดยเล่นให้ดูเป็นตัวอย่างก่อน   เด็กชายพยักหน้าหงึกๆ บอกเล่นเป็นแล้ว   แต่ทอมก็ยังไม่ยอมปล่อยมือให้เจ้าหนูเล่นเองซะที    เป็นครั้งแรกที่จิมได้เห็นแม็กกี้ยิ้มและหัวเราะอย่างมีความสุข  มีอารมณ์ร่าเริงสนุกสนานอย่างเด็กผู้ชายคนอื่นในวัยเดียวกัน ไหนจะรอยยิ้มที่เปี่ยมสุขของผู้เป็นพ่อเห็นแล้วไม่อาจละสายตาได้เลย

เจ้านายหนุ่มสุดหล่อของบ้านแม็คกิลล์อารมณ์ดี หัวเราะเล่นหัวกับลูกชายหนุ่มน้อยตลอดทั้งวันแบบนี้ ทำให้สมาชิกทุกคนในบ้านพลอยมีความสุขอารมณ์เบิกบานแจ่มใสไปด้วย

 :L1:

สองสัปดาห์ผ่านไป.. อาการบาดเจ็บที่แขนของแม็กกี้หายเป็นปกติแล้ว   ทอมอนุญาตให้เด็กชายย้ายไปนอนห้องข้างๆ เพราะเห็นว่าหลายคืนที่ผ่านมาแม็กกี้นอนหลับสนิทตลอดคืน ไม่มีอาการฝันร้ายอย่างที่เขาวิตก  หากแต่กลางดึกเมื่อคืนที่ผ่านมาทั้งทอมและจิมตกใจตื่นเพราะเสียงกรีดร้องของเด็กชาย  วิ่งเข้าไปดูก็พบเจ้าหนูกำลังตกอยู่ในภวังค์ร้าย ต้องปลุกขึ้นมาปลอบกันอยู่พักใหญ่กว่าจะหายตกใจ

แม็กกี้ไม่ยอมบอกว่าฝันเห็นอะไร บอกแต่ว่ากลัวและกอดทอมแน่น... จนทอมต้องพากลับไปนอนที่ห้องด้วยเหมือนเดิม  สีหน้าของทอมส่อแววกังวลใจและตื่นกลัวยิ่งกว่าเด็กชายซะอีก

   “รู้อะไรมั้ย ทอม.. ฉันไม่กังวลเรื่องที่แม็กกี้จะจำเหตุการณ์ร้ายได้เลย อยากให้จำได้เร็วๆ ด้วยซ้ำ เพราะอะไรรู้มั้ย”
   จิมสบตาเทพบุตรแสนรักของเขาและกล่าวอย่างมั่นใจ
   “ตราบใดที่มีนายอยู่ข้างๆ แม็กกี้จะรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย เขาจะไม่กลัวอะไรถ้าได้อยู่ในอ้อมกอดของนาย  เพราะฉะนั้นเลิกกังวลซะ เตรียมสองแขนไว้กอดลูกเมื่อถึงเวลานั้นก็พอ..”
   “จริงเหรอ..”
   จิมหัวเราะหันไปมองเด็กชายที่นอนหลับอยู่ข้างๆ สีหน้าไม่ได้ส่อเค้าว่าเพิ่งผ่านอาการฝันร้ายมาเลย
   “ไม่จริงแล้วจะหลับปุ๋ยอย่างนี้ได้ยังไง  ให้ฉันปลอบจนถึงเช้าก็ไม่รู้ว่าจะยอมหลับหรือเปล่า”   กล่าวจบก็เอนตัวลงนอน 
   “นอนเถอะ ทอม.. เลิกวิตกกับเหตุการณ์ที่ยังมาไม่ถึง  ถึงเวลาจริงๆ มันไม่เลวร้ายอย่างที่นายกังวลหรอก”
   ทอมพยักหน้าหงึกล้มตัวลงนอนอย่างว่าง่าย ถูกจิมขยับเข้าสวมกอดก็สะดุ้งรีบลุกขึ้นนั่ง
   “อ๊ะ!.. จะนอนต่อที่นี่เหรอ..  กลับไปนอนห้องนายซี จิม..”
   จิมส่ายหน้าและฉุดทอมนอนลง 
   “ไม่เอาอ่ะ..  ขี้เกียจ.. นอนด้วยกันสามคนนี่แหล่ะ”
   “แต่ว่า.. แม็กกี้..”   
   จิมเอามือปิดปากทอมไว้   
   “แม็กกี้นอนซ้าย ฉันอยู่ขวาเกี่ยวอะไรด้วย  ดีเสียอีก นายจะได้เลือกกอดได้ตามใจชอบไง  แต่ที่รู้ๆ ตอนนี้ฉันขอกอดนายก่อนนะ”
   ทอมแกะมือจิมออกและตวาดด้วยน้ำเสียงกระซิบ
   “ไม่เอา จะนอนด้วยก็ได้แต่ห้ามกอดห้ามแตะต้องตัวฉัน ไม่งั้นก็กลับไปนอนที่ห้องนายเลย ไป..”
   “ก็ได้.. ไม่กอดก็ได้..”   จิมกล่าวเสียงอ่อนและตะแคงข้างหันหลังให้  แปลว่าจะไม่ยอมกลับไปนอนที่ห้องแน่นอน
   ทอมลอบถอนใจ เขาไม่อยากให้จิมกอดหรือสัมผัสถูกตัวไม่ใช่เพราะไม่ไว้ใจจิม  แต่ไม่ไว้ใจตัวเองต่างหาก  จิมย่องเข้ามาขอนอนกับเขา 2 คืนแล้ว พอเห็นแม็กกี้ไม่ได้นอนด้วยก็ถือโอกาสเข้ามาอ้อนขอนอนด้วยทันที และที่เขาปฏิเสธไม่ได้ก็เพราะถูกจิมสัมผัสนี่แหล่ะ..
   “จิม..”
   จิมกำลังจะเคลิ้มหลับก็สะดุ้งกับเสียงกระซิบเรียก
   “หือ..”
   “โกรธหรือเปล่า”
   จิมขยับตัวนอนหงายก็เจอใบหน้าของเทพบุตรสุดรักอยู่ห่างไม่ถึงคืบ กระทั่งในความมืดสลัวยังงดงามได้ถึงเพียงนี้
   “เรื่องอะไร”
   “ฉันไม่ได้ไล่นะ  แค่ไม่อยากให้กอดเท่านั้น”
   จิมซ่อนยิ้ม  เขารู้เหตุผลว่าเพราะอะไรแต่แกล้งทำเป็นไม่เข้าใจ
   “แค่กอดเฉยๆ ทำไมไม่ได้ล่ะ หือ..”
   “ก็.. เอ่อ..”    ทอมกัดริมฝีปากตัวเอง  ...ใครจะบอกได้ล่ะว่าเพราะอะไร..
   “ไม่มีอะไร  ก็แค่ไม่อยากให้กอด เดี๋ยวแม็กกี้ตื่นขึ้นมาเห็น”
   ทอมให้เหตุผลตัดบทและล้มตัวลงนอน   จิมขยับเข้ามากระซิบข้างหู
   “ไม่ใช่กลัวมีอารมณ์เหรอ หือ..”
   ทอมสะดุ้ง  อ้าปากจะโวยก็ถูกมือใหญ่ปิดไว้
   “อย่าเสียงดังนะ เดี๋ยวลูกก็ตื่นหรอก  ไม่ใช่เรื่องน่าอายสักนิด ฉันเองแค่คิดถึงนายอารมณ์ก็เตลิดไปไกลแล้ว รู้มั้ย..”
   ทอมทั้งโกรธและอาย ถึงจะเป็นเสียงกระซิบก็เถอะ ถ้าแม็กกี้ไม่ได้หลับสนิทได้ยินเข้าจะทำยังไง  จิมนะจิม.. พอดีด้วยหน่อยก็ชักจะเหลิง  ทอมขยับแขนขวาศอกเข้าร่างสูง
   “อุ๊บ!..”    ครั้งนี้ทอมเป็นฝ่ายเอามือปิดปากจิมและกระซิบหยอก
   “อย่าเสียงดังนะ  เดี๋ยวแม็กกี้ตื่น..  นี่เป็นวิธีแก้อารมณ์ที่กำลังเตลิดให้กลับคืนมา รู้มั้ย..”
   จิมพยักหน้ารับทราบไม่ร้องไม่โวย  ทอมจึงปล่อยมือ
   ร่างสูงยันกายลุกขึ้นจากเตียงทั้งที่กำลังจุก
   “จะไปไหนอ่ะ”   ทอมถามเสียงดังด้วยความลืมตัว ลุกขึ้นนั่งตามก่อนลดเสียงลงเป็นน้ำเสียงกระซิบ
“หยอกเล่นแค่นี้ต้องหนีกลับห้องด้วยเหรอ”
   จิมก้มลงมากระซิบตอบ
   “วิธีของนายใช้ไม่ได้ผล  มันยิ่งเร่งเร้าฉันมากขึ้น รู้มั้ย.. ฉันทนไม่ไหวต้องหาทางถอนพิษออกแล้ว..”
จิมขยายความต่อด้วยการคว้ามือเทพบุตรของเขามาสัมผัสที่กลางลำตัว  ทอมสะดุ้งเฮือกใบหน้าร้อนผ่าวรีบชักมือกลับ  ถ้าไม่ติดว่าแม็กกี้นอนหลับอยู่คงส่งเสียงเอ็ดตะโรดังลั่นแล้ว ทอมกระโดดลงจากเตียงคว้ามือร่างสูงกึ่งดึงกึ่งลากไปที่ประตู
“ออกไป..   กลับไปห้องนายเดี๋ยวนี้เลย ไป..”
   ทอมถอนใจโล่งอกเมื่อจิมยอมออกจากห้องไปแต่โดยดี
   ...บ้าที่สุดเลย ถูกอัดจนจุกยังมีอารมณ์ได้ขนาดนั้น นายต้องเป็นซาดิสต์แน่ๆ เลย จิมมี่...

   แม้ทอมจะยอมรับกับตัวเองแล้วว่ามีความรู้สึกพิเศษกับจิมฉันท์คนรัก แต่จนถึงวันนี้เขาก็ยังไม่เปิดใจยอมมีเซ็กซ์กับจิมจนถึงขั้นสุดท้าย และจิมเองก็ไม่เคยบังคับหรือเอ่ยขอ บอกว่าจะรอจนกว่าเขาจะพร้อม แค่ได้เป็นฝ่ายปลดปล่อยอารมณ์ให้เขา จิมก็มีความสุขยิ้มไม่หุบทั้งวันแล้ว  แม้บางครั้งตัวเองจะอารมณ์ค้างเพราะความไม่พร้อมของเขาแต่จิมกลับไม่หงุดหงิด  ยังพร่ำบอกรักซ้ำไปมาจนทอมอายแทบจะแทรกที่นอนหนี

   สาเหตุที่จิมอารมณ์ค้างส่วนใหญ่เพราะคิดแต่จะมอบความสุขให้ทอมโดยไม่ได้ปลดปล่อยอารมณ์ให้ตัวเองไปพร้อมๆ กัน  บางครั้งทอมรู้สึกเหมือนตัวเองเห็นแก่ตัว  เขาน่าจะเป็นฝ่ายช่วยปลดปล่อยให้จิมบ้างแต่เขาก็ไม่ทำ เขาทำไม่ได้เพราะใจยังไม่ยอมรับการมีเซ็กซ์ระหว่างผู้ชายกับผู้ชายด้วยกัน  ซึ่งจิมเข้าใจดี  ความหมายของคำว่า ‘ขอแค่ได้รัก ’ ของจิมจึงหมายความรวมถึงขอแค่ได้เป็นฝ่ายให้ความสุขกับทอมก็เพียงพอแล้ว..

   คืนนี้ก็เช่นกัน จิมยอมกลับไปนอนที่ห้องแต่โดยดีคงเป็นเพราะอารมณ์ค้างไปแล้วเมื่อตอนหัวค่ำ ถ้าครั้งนี้ยังไม่ได้ปลดปล่อยอีกคงไม่ดีต่อสุขภาพจิตแน่   ป่านนี้คงกำลังถอนพิษให้ตัวเองอยู่ 
             ...ขอโทษนะ จิมมี่.. ฉันยังไม่พร้อมอ่ะ  ฉันทำไม่ได้... ยังไงก็ไม่ได้..

 :serius2:

เช้าวันหนึ่ง… ในสองสัปดาห์ต่อมา…

    เด็กชายกระโดดลงจากเตียงโผเข้ากอดทอมที่กำลังเดินออกจากห้องน้ำด้วยอาการตกใจกลัวสุดขีด น้ำตาไหลพรากอาบแก้ม ร่างเล็กสั่นสะท้านละล่ำ ละลักให้ทอมช่วยด้วย
    :m15:“แด๊ดดี้ ช่วยด้วย..  ฮึก.. ฮือ.. ”
   ทอมเข้าใจว่าแม็กกี้ฝันร้ายเหมือนทุกครั้ง  หากแต่ประโยคชัดถ้อยชัดคำที่เด็กชายเงยหน้าขึ้นถามด้วยอาการสะอื้น ทำให้รู้ว่าวันที่เขาเฝ้ากังวลที่สุดมาถึงแล้ว
   “พวกมันจะมาอีกมั้ย  แด๊ดดี้..  มันจะมาทำผมอีกมั้ย  ผมเจ็บ.. ผมกลัว.. ฮือ..”
   “ไม่กลัวลูก.. ไม่ต้องกลัว”
             ทอมละล่ำละลักปลอบด้วยอาการตกใจเช่นกัน  พยายามตั้งสตินึกถึงคำพูดของจิมได้ก็ขยับแขนสวมกอดเด็กชายแน่นขึ้น
             “นี่บ้านเรา แม็กกี้.. ไม่ต้องกลัว ไม่มีใครกล้าเข้ามาทำร้ายลูก  ที่ผ่านมาเป็นแค่ฝันร้ายเท่านั้น  ลืมมันซะ แม็กกี้.. ลืมซะนะ..”
             ทอมช้อนร่างเล็กไว้ในวงแขนพามานั่งที่เตียง  เด็กชายกอดเขาแน่นเหมือนกลัวจะถูกใครตามมาทำร้าย
   “ไม่กลัวลูก.. ไม่ต้องกลัวนะ”   ทอมพร่ำปลอบและเช็ดน้ำตาให้  แต่เช็ดเท่าไรก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดไหล
   “ผมไม่ได้ฝันร้าย..  ผมถูกทำร้ายจริงๆ  ผมถูกมัด ถูกไฟจี้ ถูก.. ถูก .. ฮึก.. ฮือ.. ช่วยด้วย!!.. ผมเจ็บ.. ผมจะตายแล้ว แด๊ดดี้  ฮือ..”
    :m15:  เด็กชายร้องครางดวงตาเบิกโพลงด้วยความกลัวสุดขีดเหมือนหวนกลับไปอยู่ในเหตุการณ์นั้นอีกครั้ง
             ...โอ! พระเจ้า.. หัวใจทอมแทบสลายเมื่อร่างเล็กในอ้อมกอดเกร็งตัวดิ้นเร่าๆ  เขาจับศีรษะเด็กชายซุกไว้แนบอกและกระซิบปลอบด้วยน้ำเสียงสะอื้น
   “ไม่เป็นไร ลูก.. ไม่เป็นไรแล้ว มันจบลงแล้ว แด๊ดพาลูกกลับมาอยู่ที่บ้านเราแล้ว  ไม่มีใครกล้ามาทำร้ายลูกอีก  ไม่กลัวนะ แม็กกี้..  ไม่ต้องกลัว..”
   ทอมจูบซับน้ำตาที่แก้ม นอกจากพร่ำปลอบด้วยคำพูดแล้วเขาไม่รู้ว่าจะทำอะไรได้ดีไปกว่าการสวมกอดเด็กชายไว้แนบอก
    :m15:  “พวก.. พวกมันเผาสมุดของผมด้วย ... ฮือ.. มันบอกว่าถ้าผมไม่ร้องจะคืนสมุดให้  แต่.. แต่ผมเห็น.. มันเผาสมุดรูปแด๊ดไปแล้วอ่ะ.. ฮือ..”
   ทอมสะอื้นในอกเมื่อรู้ว่าเด็กชายห่วงและหวงสมุดที่มีรูปเขาเป็นตัวแทนพ่อถึงขนาดยอมเจ็บตัวเพื่อให้ได้สมุดคืน
   “โอ!.. แม็กกี้.. ยังต้องดูรูปในสมุดอีกเหรอ.. แด๊ดอยู่ใกล้ๆ กอดลูกอยู่นี่แล้วไงครับ..  ไม่ต้องกลัวนะ แม็กกี้..  ไม่มีอะไรแล้ว ที่นี่บ้านเรา แด๊ดไม่ยอมให้ใครมาแตะต้องลูกอีก  ใครกล้ารังแกลูก  แด๊ดจะฆ่ามันให้ตายกับมือเลย..”
            ทอมไม่รู้ว่าเขาพูดประโยคสุดท้ายออกมาได้อย่างไร  รู้แต่ว่าเขาทำได้จริงอย่างที่พูดแน่นอน
   “ใช่!!.. ใครบังอาจแตะต้องแม็กกี้ของฉันแม้เพียงปลายเล็บ ฉันจะหักมันเป็นสองท่อนเลย..”
   ทอมสะดุ้งเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นเห็นจิมยืนยิ้มให้สีหน้าอ่อนโยนขัดกับน้ำเสียงและคำพูดที่ออกมา  น้ำเสียงที่ทรชนถ่อยคนใดได้ฟังแล้วไม่กล้าเสี่ยงแตะต้องแม็กกี้ของเขาแน่
   ทอมยิ้มให้จิมแทนคำขอบคุณ  คำพูดของเขาและจิมคงทำให้แม็กกี้คลายความหวาดกลัวลง มือเล็กที่ขยุ้มเสื้อคลุมเขาอยู่คลายออก ทอมรีบสัมทับ คำพูดของจิมเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้เด็กชายเชื่อมั่นและหายกลัวกับเหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้น
   “ไม่มีใครกล้ารังแกหรือทำร้ายลูกอีกแล้วนะ แม็กกี้..  นอกจากแด๊ดแล้วยังมีคนเยอะแยะในบ้าน  คุณจิมก็อยู่ด้วยทั้งคน ลูกไม่ต้องกลัวอะไรอีกแล้วนะ รู้มั้ย.. คุณจิมเป็นครูฝึกเทควันโดสายดำเชียวนะ ใครกล้าแตะต้องลูกมีหวังถูกหักเป็นสองท่อนจริงๆ  ไม่เชื่อก็ลองถามดูว่าคุณจิมทำได้จริงอย่างที่พูดหรือเปล่า..”
   ใบหน้าที่ซุกนิ่งอยู่กับอกทอมเงยขึ้นมองจิม  ดวงตากลมฉ่ำนองไปด้วยน้ำตา  จิมยิ้มอ่อนโยนและพยักหน้าให้   แม็กกี้หันมาถามทอมด้วยน้ำเสียงสะอื้น
   “ผมอยากเป็นเทควันโดสายดำได้มั้ย.. ผมจะหักมันเป็นสองท่อนด้วย..”
   ทอมอึ้งไปก่อนหัวเราะออกมาอย่างสุขใจ  คาดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำพูดนี้ แม็กกี้เลิกหนีและหันหน้าสู้แล้ว   แสดงว่าจะไม่กลัวและไม่ฝันร้ายอีกต่อไป
   “ได้เลยแม็กกี้.. ลูกต้องได้เป็นแน่นอน เราสมัครเป็นลูกศิษย์คุณจิมพร้อมกันเลยดีมั้ย  ใครกล้าเข้ามาทำร้ายลูกอีก เราช่วยกันหักมันเป็นสี่ท่อนเลยนะ”    ทอมเงยหน้าขึ้นกล่าวกับจิม
             “คิดค่าสอนเท่าไร จิม..  ฉันกับแม็กกี้จะสมัครเรียนเทควันโดนะ เตรียมชุดไว้ให้ด้วย..”
   ร่างสูงทรุดตัวลงเบื้องหน้าสองพ่อลูก 
   “ขอเปลี่ยนค่าสอนเป็นขอร่วมวงจัดการกับไอ้วายร้ายด้วยคนได้มั้ย แม็กกี้ ช่วยกันสามคนมันจะได้ถูกหักเป็นหกท่อนไง..”
   แม็กกี้มองจิมตาปริบๆ  ก่อนเอ่ยถามเบาๆ อย่างไม่แน่ใจ
   “แบบนี้มันก็ตายสนิทเลยซีฮะ..”
   “ใช่!!..”  ทอมประสานเสียงกับจิม
   “มันสมควรตายสนิท ใครบังอาจรังแกหรือทำร้ายลูกอีก มันต้องถูกหักหกท่อนแน่นอน..”   ทอมกล่าวย้ำให้เด็กชายมั่นใจและเลิกกลัว
   แม็กกี้คลายความหวาดกลัวลงแล้ว  เด็กชายยิ้มให้ทอมและซุกหน้ากับอกอุ่นอีกครั้ง
   “ผมไม่ได้อยากหนีไป ผมอยากอยู่กับแด๊ดดี้ อยากอยู่ด้วยตลอดไปครับ”
   ..โอ!.. พระเจ้า.. ความรู้สึกปวดร้าวเมื่อครู่มลายสิ้น  ทอมปลื้มปีติและสุขใจเหลือที่จะกล่าว  เพิ่งรู้ตัวว่าแม็กกี้เรียกเขาว่า แด๊ดดี้  แล้ว...
   “แด๊ดก็อยากอยู่กับลูกตลอดไปแม็กกี้.. ไม่จำเป็นต้องพิสูจน์อะไรอีกแล้ว แด๊ดรักลูกและเชื่อว่าลูกเป็นลูกตั้งแต่วันแรกที่เล่าให้ฟังแล้วรู้มั้ย.. แด๊ดขอโทษที่ไม่กล้ายอมรับความจริง และยังทำร้ายจิตใจลูกมาตลอด ยกโทษให้แด๊ดนะ แม็กกี้..”
   “ผมไม่ยกโทษหรอก แด๊ดไม่ผิด.. ผมต่างหากอยู่ๆ ก็เข้ามาทำให้ชีวิตของคุณทอมวุ่นวายไปหมด  ทำให้นายแบบคนดังต้องกลายเป็นพ่อของลูกที่โตแล้วแบบผม  ถ้ามันทำให้แด๊ดดี้เสียชื่อเพราะเป็นเรื่องที่รับไม่ได้  ผมขออยู่ด้วยในฐานะอะไรก็ได้ครับที่ไม่ใช่..”
   ทอมปิดปากเจ้าหนูไว้ทัน
   “ชูว์~~  จะอยู่ในฐานะอะไรไม่ได้ทั้งนั้นนอกจากลูก.. เข้าใจมั้ย..”
   ทอมเช็ดคราบน้ำตาบนแก้มเนียนและก้มลงจูบเบาๆ  แม็กกี้ซุกหน้าลงกับอกทอม    ครั้งนี้เด็กชายซุกหนีเพราะเขินอาย   

เสียงปรบมือเปาะแปะของจิมดังขึ้น  ในที่สุดทอมก็ทำสำเร็จ  อ้อมกอดที่อบอุ่นและเปี่ยมด้วยความรักของทอมเป็นเหมือนยาวิเศษ ที่ช่วยรักษาจิตใจของเด็กชายให้คลายความเจ็บปวดและหวาดกลัวลงได้จริงๆ

ในที่สุดแม็กกี้ก็ได้พบกับความจริงที่เฝ้ารอคอยมาตั้งแต่จำความได้  เป็นความจริงที่ตัวเองต้องการแค่พิสูจน์ ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้รับการยอมรับและได้รับความรักตอบแทนกลับมามากมายขนาดนี้  ไม่ใช่แค่จากทอมผู้เป็นพ่อ..  แต่จากจิมและทุกๆ คนในบ้านแม็คกิลล์ด้วย

 :dad2:


>>>> 16
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 01-02-2010 14:13:05
อ่านแล้วเคลิ้ม  :-[ ยิ้มไม่หุบเลย.... รู้สึกอบอุ่นจัง  :กอด1:

ต่อไปแม็กกี้น่าจะมีความสุขแล้วสินะ แต่เมื่อไหร่ทอมจะยอมจิมหว่า :z1:


ขอบคุณนะคะที่มาต่อให้รอบบ่าย (อู้งานมาอ่านเหมือนกัน คิกคิก)  :L2:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 01-02-2010 14:31:12
ถามจริงๆ อ่านตอนนี้แล้วน้ำตาคลอกันบ้างมั้ย

ตอบตามจริงนะ  อย่าพูดปด   อยากรู้จริงๆ

 :teach:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 01-02-2010 15:11:35
เอาจริงๆนะคะ...

น้ำตาคลอมากช่วงที่
1.ไปรับแม็กกี้กลับมาจากโรงพยาบาลอ่ะค่ะ แบบว่าทอมต้องคอยดูแลทุกอย่างเลย
2.ทุกครั้งที่ทอมว่าจิมแบบแรงๆอ่ะค่ะ แล้วก็เวลาที่จิมบอกทอมว่าจะไปแล้วคอยดูห่างๆอย่างห่วงๆทำนองนี้อ่ะค่ะ...สงสารจิมมากมาย
เหมือนจะตอบไม่ตรงคำถามป่าวหว่า :m28:


แต่ว่าตอนล่าสุดที่มาโพสท์อ่านแล้ว อบอุ่นนะคะ เวลาที่ทอมคอยปลอบโยนแม๊กกี้อ่ะค่ะ  ทำให้ยิ้มได้มากกว่า :-[ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 01-02-2010 15:32:16
ขอบคุณที่ชวยบอกเล่าความรู้สึก  เจ๊หมวย +2 ให้ค่ะ  บวกวันนี้ไปแล้ว  พรุ่งนี้ค่อยบวกให้อีก   o13
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 01-02-2010 15:44:51
อ่านเรื่องนี้เป็นรอบที่สองแล้ว

ก็ยังน้ำไหลเหมือนเดิม  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: 1582 ที่ 01-02-2010 16:28:27
ตอบคำถามเจ๊หมวยค่ะ

น้ำตาซึมตอนที่ทอมไปเจอแม็กกี้ที่โรงพยาบาลค่ะ  อาการหวาดผวาต่างๆ + ตอนที่รับกลับมาอยู่บ้าน แล้วคอยกอดปลอบแม็กกี้ อ่านแล้วสะเทือนใจค่ะ
แล้วก็ตอนที่ทอมพูดจาทำร้ายจิตใจจิมแรง ไม่ถึงกับน้ำตาซึม  มันตื้อๆ อ่ะค่ะ  สงสารจิม

(คำตอบเหมือน ของน้องผึ้งเลย 55)
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 01-02-2010 18:00:38
ถ้า ถาม ว่าน้ำตาคลอไม๊

เราคลอตั้ง แต่ ทอม ไล่จิม ออกจากบ้านแล้ว   :o12:

ส่วน ตอนนี้ มี มีคลอนิดหน่อย ตรงช่วยที่  ทอม ปลอม แม๊คกี้ อ่ะ


แล้ว ก็ พออ่าน จนจบตอน ยิ้ม ออกเรย

รอตอนต่อไป นะค่ะ      :L2:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 01-02-2010 18:35:23
อ่านเรื่องนี้เป็นรอบที่สองแล้ว

ก็ยังน้ำไหลเหมือนเดิม  :เฮ้อ:


น้ำอะไรคะ ? :confuse:   น้ำลาย หรือ น้ำตา
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: kungyung ที่ 01-02-2010 20:54:39
โธ่เจ้ยังจะมาถามอีกว่าอ่านแล้วน้ำตาคลอมั้ย???
เล่นเอาน้ำตานองตั้งแต่ตอนแรกเลยอ่ะ
และมาบีบหัวใจสุดๆก็ตอนที่น้องแม็กกี้อยู่โรงพยาบาลอ่ะ
จนถึงตอนนี้ก็ยังมีโศกอยู่อีกหน่อยๆ
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 01-02-2010 21:58:50
เจ้หมวยขา น้ำตาอ่ะมันไม่แค่คลอซิค่ะ
ไหลพรากๆเลย ยิ่งตอนที่แม๊กกี้ถูกคนเลวทำร้าย
กับตอนที่ทอมดูแลแม๊กกี้อ่ะ  :o12:
อ่านแล้วคิดถึงพ่อตัวเองเลยอ่ะ
จำได้ว่าอ่านตอนนั้นจบรีบโทรไปบอกรักพ่อเลย
ทอมสื่อความรักของพ่อออกมาได้ดีมาก  ซึ้งมากกกกก
แล้วก็ตอนที่ทอมใจร้ายกับจิม พูดจาทำร้ายจิตใจจิมมากมาย
ปวดใจตามจิมเลยอ่ะ  :m15:
รู้สึกว่าอินมากมาย เรื่องนี้สนุกมากเลย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: nithiwz ที่ 01-02-2010 23:25:28
 :o8: เริ่มมีความสุขแล้ว  ดีใจจังเลย
ชอบแม็กกี้อ่ะ  เป็นหนูน้อยที่น่ารักจริงๆๆๆๆ
แอบสงสารแม็กกี้  ไม่น่ามีแผลในใจอย่างนี้เลย

รอติดตามต่อไป  ดีครับ ชอบๆๆๆๆ

ป.ล. เรื่อง fatherhood ยังอ่านไม่จบเลย
แต่เศร้าเกิน  สงสารไมค์มากมาย
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: sky-cafe ที่ 02-02-2010 03:42:01
ไม่ใช่แค่คลอค่ะ

แต่ไหลพรากๆ โดยเฉพาะตอนที่คุณทอมเมาแล้วเผลอตัวไล่แม็กกี้ออกจากบ้าน แล้วก็ตอนที่จิมไปเยี่ยมที่บ้านคุ้มครองเด็กแล้วได้รับรู้สภาพแม็กกี้

หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 02-02-2010 09:23:36
สายใยรัก บทที่  16..
 “ .. Happy :laugh3:  or Sad o7   .. ”

----------------------

             ทอมต้องการรับแม็กกี้เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย   แต่ถูกจิมค้านโดยให้เหตุผลว่านอกจากจะไม่สอดรับกับเรื่องราวที่แถลงออกไปแล้ว   ยังกลายเป็นเรื่องใหม่ที่จะสร้างความฮือฮาและถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก  จิมเสนอให้ทอมรับเด็กชายเป็นบุตรบุญธรรมตามข่าวที่ออกไปก่อน

            “ตอนนี้ผมยังไม่ได้เป็นลูกเหรอครับ...ต้องจดทะเบียนก่อนถึงจะเป็นลูกได้เหรอ..”     แม็กกี้นั่งฟังอยู่เอ่ยถามขึ้นด้วยความข้องใจ

             ทอมหยุดโต้เถียงและยอมทำตามที่จิมแนะ  คำถามของเด็กชายทำให้ทอมตระหนักได้ว่า  ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับแม็กกี้ไม่จำเป็นต้องมีทะเบียนมารองรับ  ไม่ว่ายังไง เจ้าหนูก็เป็นแก้วตาดวงใจของเขาอยู่ดี 

             หากแต่การรับแม็กกี้เป็นบุตรบุญธรรมกลับไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ใช่เพราะขั้นตอนและกระบวนการที่วุ่นวาย แต่เพราะคุณสมบัติของผู้ที่จะรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมต้องมีอายุมากกว่าบุตรบุญธรรมอย่างน้อย 15 ปี แต่ทอมมีอายุมากกว่าเด็กชายแค่  14 ปี กับอีก  9 เดือน   กรณีนี้ต้องร้องขอต่อศาลซึ่งอาจทำให้เรื่องรู้ไปถึงพ่อเลี้ยงของแม็กกี้  จิมแน่ใจว่าชายผู้นั้นไม่ได้รับแม็กกี้เป็นบุตรบุญธรรม  และไม่ได้อยู่ในฐานะผู้ปกครองของเด็กด้วย  แต่ไม่อยากให้ใครฉวยโอกาสใช้ชื่อเสียงของทอมมาต่อรองหรือสร้างปัญหาวุ่นวายขึ้นมา

   “ชะลอเรื่องรับแม็กกี้เป็นลูกไปก่อนได้มั้ย ทอม..”
   “ทำไมอ่ะ.. มีปัญหาอะไรอีก..”
             “ไว้ปีหน้า  รอให้นายลงจากตำแหน่งสมัยที่ 3 ก่อนดีมั้ย”
   “ทำไมต้องรอ ไม่เอานะจิม..  แม็กกี้ต้องมีพ่อ  เขาต้องเรียนหนังสือ  ใครจะเป็นผู้ปกครองให้ ถ้าติดปัญหาเรื่องอายุอย่างที่นายบอก ฉันจะรับแม็กกี้เป็นลูกจริงๆ  ฉันไม่สนใจชื่อเสียงอะไรทั้งนั้น  ฉันไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาแย่งลูกไปจากฉันด้วย”
   จิมรู้ว่าทอมต้องการรับแม็กกี้เป็นลูกอย่างถูกต้องตามกฎหมายเร็วๆ เพราะกลัวว่าเด็กชายจะถูกพรากจากไปอีก  เมื่อคืนเขาเอ่ยถึงพ่อเลี้ยงของแม็กกี้ แค่เปรยเล่นๆ ว่า  ถ้าหมอนั่นรู้ว่าเด็กอยู่กับเราคงมาขอรับกลับไปแน่  ทอมโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ  บอกให้เขารีบยื่นเรื่องขอรับแม็กกี้เป็นลูกโดยเร็วที่สุด 
   จิมคิดทบทวนไปมาจนในที่สุดก็เห็นด้วยที่ทอมจะขอจดทะเบียนรับแม็กกี้ เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย ชื่อเสียงจะสำคัญกว่าความสุขที่จะได้รับจากการเป็นพ่อของลูกได้อย่างไร ทอมอยากเป็นพ่อจริงๆ ของแม็กกี้  แม็กกี้เองก็คงไม่อยากเป็นแค่ลูกบุญธรรมของพ่อตัวเอง
   อย่างไรก็ตามจิมอยากให้ทอมผ่านพ้นตำแหน่งท็อปโมเดลสมัยที่ 3 ไปก่อน นอกจากจะเป็นการรักษาอิมเมจของตำแหน่งที่ได้รับไว้แล้ว  เมื่อชื่อเสียงของสุดยอดนายแบบคนใหม่กำลังฮอทเป็นที่นิยมชมชอบ ในขณะที่ทอมเองก็หายเงียบจากวงการไป ความสนใจจากแฟนๆ และกระจอกข่าวก็จะลดน้อยลง  ถึงเวลานั้นอดีตสุดยอดนายแบบ 3 สมัย ทอม แม็คกิลล์ วัยเพียง 27 ปีจะได้เป็นพ่อของหนุ่มน้อยวัย 12 ปีเศษอย่างสบายใจ โดยไม่จำเป็นต้องแคร์สายตา
หรือความรู้สึกของใครอีกต่อไปแล้ว
   “ถ้าฉันไม่ใช่สุดยอดนายแบบ 3 สมัย เรื่องก็คงไม่ยุ่งยากแบบนี้ใช่มั้ย”
   “อย่าไปคิดว่ามันยุ่งซีทอม.. เวลาแค่ 5 เดือน ไม่นานเกินรอหรอก.. ระหว่างนี้ขอให้แม็กกี้อยู่กับนายอย่างเงียบที่สุด  ถ้ามีข่าวไปเข้าหูพ่อเลี้ยงว่าสุดยอดนายแบบคนดังรับอุปการะอยู่ล่ะก็.. อาจมีปัญหาวุ่นวายตามมาได้  ฉันไม่ได้ห่วงว่าหมอนั่นจะมาแย่งลูกไปจากนายหรอกนะ เขาไม่มีสิทธิทำอย่างนั้น ฉันแน่ใจว่าหมอนั่นไม่ได้รับแม็กกี้เป็นบุตรบุญธรรม และไม่ได้อยู่ในฐานะเป็นผู้ปกครองเด็กด้วย ฉันแค่ป้องกันไว้ ไม่อยากให้ใครฉวยโอกาสใช้ชื่อเสียงของนายมาต่อรองหรือสร้างปัญหาวุ่นวายขึ้นมาก่อนเวลาอันควรเท่านั้น  รอให้ถึงเวลาที่อาจจะต้องตกเป็นข่าวจริงๆ ในอีก 5 เดือนข้างหน้า  เราจะเคลียร์ทุกปัญหาให้จบลงในวันนั้นเลย”
   “หมายความว่าแม็กกี้ต้องอยู่แต่ในบ้าน  ออกไปไหนกับฉันไม่ได้ใช่มั้ย..”
   “ก็ทำนองนั้น แม็กกี้ออกไปกับใครก็ได้ ยกเว้นกับนาย.. ถึงจะรับรู้กันทั่วไปแล้วว่านายรับอุปการะเด็กอยู่แต่ไม่มีใครเคยเห็นหน้าเด็ก  นายจะเป็นข่าวขึ้นปกหรือขึ้นหน้าหนึ่งยังไงก็ได้แต่แม็กกี้เป็นข่าวไม่ได้ จำไว้นะ ทอม..”
   ทอมนั่งกอดอกรับฟังด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ แค่จะมีลูกกับเขาคนหนึ่งอุปสรรคมากมายเหลือเกิน คนมีชื่อเสียงในวงการอื่นๆ ลำบากอย่างนี้เหมือนกันหมดทุกคนหรือเปล่านะ..

 o12

ทอมตัดสินใจเลิกอาชีพนายแบบ เขาไม่ได้แค่หยุดรับงานชั่วคราวแต่จะไม่รับงานประเภทนี้อีกต่อไป  ทอมต้องการมีเวลาอยู่ใกล้ชิดและดูแลเด็กชายด้วยตัวเอง  หากยังมีงานเดินแบบเป็นอาชีพหลักเหมือนเดิม   บางวันเขาอาจไม่มีเวลาแม้แต่จะได้พูดคุยกับลูก 
   ทอมมีเหตุผลแอบแฝงในการตัดสินใจเลิกอาชีพนายแบบ เขาไม่ต้องการ ให้ชื่อเสียงของตัวเองตกเป็นรองใคร   ทอมเห็นด้วยกับคำพูดของจิม..  สุดยอดนายแบบ 3 สมัย ทอม แม็คกิลล์ ต้องลงจากเวทีอย่างสง่างาม  การเดินลงจากเวทีในขณะที่ยังติดอันดับสุดยอดอยู่ อาจถูกมองว่าเขาไม่สนใจความมีชื่อเสียง แต่เปล่าเลย.. ทอมยึดติดกับความเป็นสุดยอด  แม้จะยังไม่มีใครที่ดูดีกว่าขึ้นมาแทนที่ แต่ทอมเชื่อว่าเขาคงไม่มีโอกาสได้ตำแหน่งใดๆ เป็นสมัยที่ 4 อย่างแน่นอน   ณ วันนี้เขาเกือบจะเป็นนายแบบที่มีอายุมากที่สุดในกลุ่มนายแบบวัยหนุ่มด้วยกัน  แม้จะมีคนทักอยู่เสมอว่าเขาดูอ่อนเยาว์กว่านายแบบวัยรุ่นบางคน  แต่ในความเป็นจริงเขากำลังจะหลุดจากกลุ่มนายแบบวัยหนุ่มไปเป็นนายแบบรุ่นใหญ่ในอีก 2-3 ปีข้างหน้าแล้ว
   จิมไม่แย้งการตัดสินใจของทอม เมื่อทอมให้เหตุผลว่าต้องการลงจากเวทีอย่างสง่างาม จิมก็เข้าใจความหมายในทันทีและเห็นดีด้วยจนทอมอดแปลกใจไม่ได้
   จิมแอบยินดีอยู่ในส่วนลึกด้วยซ้ำที่ทอมยุติอาชีพนี้  จะว่าเป็นความเห็นแก่ตัวก็ได้ที่เขาเริ่มรู้สึกไม่อยากให้ทอมเป็นคนของสาธารณชน  ไม่อยากให้เทพบุตรของเขาขึ้นไปเดินโชว์เรือนร่างและหน้าตาที่แสนจะงดงามมีเสน่ห์บนเวทีแคทวอล์คอีก ที่ผ่านมาสายตานับร้อยๆ คู่จากทุกเพศทุกวัยไม่เว้นแม้แต่กลุ่มรักร่วมเพศ ต่างเฝ้าจับจ้องเทพบุตรทอมด้วยความรู้สึกเสน่หาอยากจับจองเป็นเจ้าของทั้งสิ้น ทุกครั้งที่ภารกิจบนเวทีเสร็จสิ้น ทอมจะได้รับโทรศัพท์เสนอเงินทองมากมายโดยขอเป็นคู่ควงด้วย  ทอมมักจะหัวเราะและตอบอย่างสนุกว่า “ขอโทษครับ ตอนนี้เงินที่เก็บไว้ยังใช้ไม่หมดเลย ถ้าขัดสนเมื่อไรจะติดต่อกลับไปโดยด่วนครับ”
             จิมออกปากเห็นด้วยทันที เมื่อทอมบอกว่าจะเปลี่ยนงานมาอยู่เบื้องหลัง งานเดินแบบบ้าง  งานที่ทอมมีความสามารถทำได้เพราะได้ศึกษาคอร์สพิเศษมาแต่ไม่เคยคิดจะยึดเป็นอาชีพคือ งานดีไซเนอร์..
   ทุกครั้งที่เดินแบบทอมจะมีไอเดียในการสวมใส่เสื้อผ้าในแบบของตัวเอง และไม่มีเจ้าของเสื้อคนใดกล้าตำหนิ  เพราะการันตีได้เลยว่าทุกชุดที่สุดยอดนายแบบทอม แม็คกิลล์ สวมเป็นแบบ  จะมียอดขายอยู่ในอันดับต้นๆ เสมอ
    ทอมไม่นึกเสียใจเลยที่ละทิ้งตำแหน่งสูงสุดบนเวทีแคทวอล์คระดับโลก ซึ่งเป็นความฝันสูงสุดที่ใกล้จะเป็นความจริงของเขาไป   เพราะความสุขที่ได้รับจากการมีเจ้าหนูแม็กกี้อยู่เคียงข้างในวันนี้  ไม่มีความสุขครั้งไหนๆ เทียบเท่าได้ เป็นความรู้สึกที่แสนจะวิเศษที่เขาไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน ไม่ว่าจะหงุดหงิดหรือเหนื่อยจากเรื่องใดมา แค่ได้เห็นหน้าและรอยยิ้มของเด็กชายก็หายเหนื่อย เป็นปลิดทิ้งเลย..

 :oni1:

“ผมจะปรึกษาทอมอีกที  ขอบคุณที่ช่วยแนะนำครับหมอ”
   จิมวางสายหมอมาริสาด้วยสีหน้ากังวลและครุ่นคิด  เขาได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าจับตัวคนร้ายค้ายาและปล้นชิงทรัพย์ได้ 2 คน อีก 1 คนกำลังตามล่าตัว และได้หลักฐานบางอย่างที่เชื่อว่าเป็นคนร้ายกลุ่มเดียวกับที่ทำร้ายเด็กชายในตึกร้าง 1 ใน 2 ให้การสารภาพ  เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงต้องการให้ผู้ปกครองพาเด็กไปชี้ตัวคนร้ายที่จับได้
   จิมปรึกษาเรื่องนี้กับหมอมาริสาเพื่อขอความเห็นในฐานะที่เธอเป็นจิตแพทย์ ได้รับการแนะนำว่าแม้เด็กชายจะฟื้นความจำและมีสภาพจิตใจที่ดีขึ้นมากแล้ว  แต่ในส่วนลึกยังคงต้องหวาดผวากับเหตุการณ์ร้ายที่เกิดขึ้น  เธอให้ความเห็นเพียงเท่านี้และให้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของทอม
   ทอมกังวลและคิดหนัก เขาอยากให้ไอ้เดนมนุษย์พวกนั้นตกนรกหมกไหม้  แต่หากต้องแลกกับความรู้สึกของเด็กชายที่จะต้องเกิดอาการหวาดกลัวและผวา เมื่อเห็นหน้าคนร้ายล่ะก็..
   “ฉัน.. ไม่อยากให้แม็กกี้ไปเห็นหน้าพวกมันอีกเลย.. แต่ถ้าเราไม่พาเด็กไปชี้ตัวแปลว่าพวกมันจะพ้นผิดงั้นเหรอ  ทำไงดีอ่ะ จิม.. ฉันสงสารลูก..”
   จิมพยักหน้าหงึก
   “สงสารก็ไม่ต้องพาไป ฉันเห็นด้วยที่ไม่เอาแม็กกี้เข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อีก  สำหรับความผิดที่พวกมันก่อไว้ยังไงก็หนีไม่พ้น แค่คดีที่ติดตัวมันอยู่ตอนนี้  โทษต่ำสุดที่จะได้รับก็ไม่พ้นประหารชีวิตแล้ว”
   ทอมใจหายอย่างแรงเมื่อรู้ว่าเดนมนุษย์กลุ่มนี้มีคดีปล้นชิงทรัพย์และข่มขืนติดตัวหลายคดี  โดยเฉพาะคดีข่มขืนเจ้าทุกข์ไม่เคยรอดชีวิตสักราย
   ..โอ!.. พระเจ้า เขาควรจะสาปส่งหรือขอบใจพวกมันดี  ที่อุตส่าห์ปรานีไว้ชีวิตเจ้าหนูของเขา..

 :serius2:

หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 02-02-2010 09:35:49
“แด๊ดดี้ฮะ”
“หืมม์..”   
ทอมครึ่งนั่งครึ่งนอนอยู่บนเตียง แม็กกี้นอนกระแซะอยู่ข้างๆ ทำตาปรือเหมือนง่วงแต่ไม่ยอมหลับซะที
“แด๊ดจะเลิกอาชีพนายแบบจริงๆ เหรอ..”
ทอมพยักหน้าให้เด็กชายก็ถอนหายใจเฮือกและบ่นเสียดาย
“เสียดายอะไร..”
“เสียดายแทนแฟนๆ ที่เขาจะไม่ได้เห็นความหล่อของเทพบุตรทอมแล้วซีฮะ”
ทอมบีบแก้มเจ้าหนูเบาๆ ด้วยความหมั่นไส้
“ใครสอนให้เรียกเทพบุตร หือ..”
“ผมได้ยินคุณจิมเรียก  คุณจิมว่าแด๊ดดี้ไม่เหมือนมนุษย์”
“บ้าซี.. ไม่เหมือนมมุษย์แล้วเหมือนอะไร”
“คุณจิมว่าแด๊ดเหมือนเทพบนสวรรค์   ผมก็เห็นจริงด้วยฮะ”
“เหลวไหล  คุณจิมพูดอะไรไม่ต้องเชื่อไปหมดทุกเรื่องหรอกนะ แม็กกี้..”
“ผมไม่ได้เชื่อคุณจิมนะฮะ  ตอนที่แม่เอารูปแด๊ดดี้ให้ผมดูครั้งแรก ผมยังจำได้  ผมบอกแม่ว่าแด๊ดสวยเหมือนเทวดาบนสวรรค์เลย..”
“สวยเหรอ..”  ทอมถอนใจเฮือก  ดูเอาเถอะ.. แม้แต่แม็กกี้ยังเห็นเขาสวยมากกว่าหล่อ 
“คำว่าสวยเขาใช้กับผู้หญิง  แด๊ดเป็นผู้ชายนะ แม็กกี้..  ”
“ก็ใช่ฮะ  แต่..”   แม็กกี้มองหน้าทอมก่อนตอบ
“แต่มันสวยมากกว่าหล่อจริงๆ นะฮะ แด๊ด..”
“พอแล้วๆ   ปิดตานอนซะ ดึกมากแล้ว”

ทอมขยับตัวลงนอนสวมกอดเด็กชายที่เริ่มมีเนื้อหนังขึ้นมาบ้างแล้ว ไม่ใช่แค่อาหารดีๆ ที่ได้รับ แต่เพราะจิตใจเปี่ยมล้นด้วยความสุขที่ได้สมหวังในสิ่งที่ตัวเองฝันไว้มาตั้งแต่เด็ก

ทอมต้องเข้ามาดูแลให้แม็กกี้นอนหลับทุกคืน แม้เด็กชายจะบอกว่านอนเองได้แต่เขาก็ยังยืนยันความต้องการของตัวเองโดยให้เหตุผลว่า .... “ อีก 2 -3 ปี ลูกก็จะโตเป็นหนุ่มแล้วนะ แม็กกี้..  ขอให้แด๊ดทำหน้าที่ของพ่อได้กล่อมลูกนอนบ้าง  แต่ถ้าลูกไม่ชอบก็ไม่เป็นไร”   แม็กกี้รีบสวมกอดเขาไว้และตอบตกลงทันที....
   
“แด๊ดฮะ”
“หืมม์.. อะไรอีก  ทำไมวันนี้จุ๊กจิ๊กจัง”
“ก็ผมยังไม่ง่วงนี่..   วันนี้ผมนอนกลางวันด้วย”
“อือ.. แล้วไง..  ลุกขึ้นมานั่งคุยกันต่อดีมั้ย”
“ดีฮะ”   ร่างเล็กรีบลุกขึ้นมานั่งยิ้ม  ทอมส่ายหน้าระอาใจนอนมองตาปริบๆ   
“แด๊ด.. ผมมีเรื่องอยากถามได้มั้ยฮะ..”
ทอมเลิกคิ้ว   
“เรื่องอะไรเหรอ..”
“เรื่อง..เอ่อ..”  แม็กกี้นิ่งคิดชั่วครู่ก่อนเอ่ยคำถามด้วยน้ำเสียงกระซิบ
“แด๊ดดี้รักคุณจิมใช่มั้ยฮะ ”
ทอมใจหายกับคำถาม   แต่ยิ้มตอบกลับไปด้วยท่าทีปกติ
“รักซิ.. คุณจิมเป็นทั้งพี่ชายและเพื่อนสนิทของแด๊ด ที่จริงลูกควรเรียกคุณจิมว่า  ‘ลุง ’ ด้วย”
“รักแบบพี่หรือเพื่อนเขากอดจูบกันด้วยเหรอฮะ หรือว่าเป็นธรรมเนียมฝรั่ง”
ทอมลุกพรวดขึ้นนั่ง  เอ็ดเด็กชายเสียงเขียว
“ใครบอก  หา!!..”
“เอ่อ..  ป.. เปล่าฮะ.. ไม่มีใครบอก ผมเห็นเอง”
“ลูกเห็นเหรอ..  ที่ไหน.. เมื่อไร..”    ทอมจับไหล่ร่างเล็กเขย่าด้วยความลืมตัว   แม็กกี้ตกใจทำหน้าเหมือนกับจะร้องไห้   ทอมรู้สึกตัวรีบสวมกอดเจ้าหนูไว้แนบอก
“ช่างเถอะ.. ลูกจะเห็นที่ไหน.. เมื่อไร.. ก็ไม่มีความหมายอะไร  จะว่าเป็นธรรมเนียมฝรั่งก็ได้  ทุกวันนี้คุณจิมเป็นเพื่อนสนิทคนเดียวที่แด๊ดมีอยู่  สิ่งที่ลูกเห็นก็แค่.. การแสดงความรักและความสนิทสนมที่เรามีให้กัน ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น..  หรือว่าลูกคิดอะไรอยู่ หือ..  พูดได้นะ แม็กกี้..”
“ผม.. เอ่อ.. ผมนึกว่าแด๊ดดี้กับคุณจิมรักกันแบบ เอ่อ.. แบบคนรักฮะ..”
ประโยคสุดท้ายเด็กชายก้มหน้าลงไม่กล้าสบตาทอม จึงไม่ได้เห็นสีหน้า กังวลและหนักใจของผู้เป็นพ่อ
“เหลวไหล.. คิดอย่างนั้นได้ยังไง  ลูกคงไม่รู้ว่าทั้งคุณจิมและแด๊ดเปลี่ยนสาวควงไม่ซ้ำหน้ากันเลย เพิ่งจะหยุดตอนมีลูกเข้ามาในชีวิตนี่แหล่ะ  ถ้าไม่เชื่อ แด๊ดจะควงมาอวดดีมั้ย..”
“ไม่เอา”   แม็กกี้รีบปฏิเสธและสวมกอดทอมไว้ ไม่อยากให้ใครมาแย่งความรักของพ่อไปจากตัวเอง  โดยเฉพาะในเวลานี้..
“ผมไม่ได้ไม่เชื่อซะหน่อย แค่ถามดูเฉยๆ  ผมรู้อยู่แล้วว่าเป็นไปไม่ได้หรอก  ผู้ชายด้วยกันจะรักกันได้ยังไง  ไม่ใช่พวกวิปริตซะหน่อย ฮึก..”
ทอมสะอึกกับคำพูดของเจ้าหนู  หากแต่อาการสะอื้นของเด็กชายทำให้เขาตกใจและเป็นห่วงลูกมากกว่าความรู้สึกตัวเอง
“เป็นอะไร แม็กกี้..”  ทอมเงยหน้าเด็กชายขึ้น  ใจหายเมื่อเห็นเจ้าหนูน้ำตาคลอ 
“เป็นอะไรลูก หือ..”
แม็กกี้ส่ายหน้าและซบลงกับอกทอม
“เปล่าฮะ.. ผมแค่นึกถึงตอนที่ถูกทำร้าย พวกมันเป็นพวกวิปริตใช่มั้ยฮะ แด๊ด..”

..โอ!.. พระเจ้า...  ทอมเจ็บในอก  แค่นึกสงสัยความรักระหว่างเขากับจิมเท่านั้น  ทำไมถึงโยงให้หนุ่มน้อยคิดถึงเหตุการณ์เลวร้ายนั้นได้…
..ไม่ใช่พวกจิตวิปริตซะหน่อย..
..หรือว่า.. ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับจิมถึงเวลาต้องปิดฉากลงแล้ว..

 o7

          “หลับแล้วเหรอ.. ทำไมวันนี้ดึกจัง”
   จิมคว้ารีโมทหรี่เสียงทีวีก่อนขยับเข้าสวมกอดทอมที่เดินเข้ามาทรุดตัวลงนั่งด้วยท่าทีเซ็งๆ   ทอมเบี่ยงตัวหนีและลุกขึ้นยืน  จิมมองตามตาปริบๆ แต่สีหน้ายังยิ้มแย้ม
   “เป็นอะไรทอม..  หงุดหงิดอะไร  หรือว่าแม็กกี้ยังไม่หลับ”
   “หลับแล้ว”  ทอมกระแทกเสียงอย่างไม่พอใจ ..อยากจะบอกว่าหงุดหงิดที่เห็นนายยังนั่งคอยอยู่นี่แหล่ะ..

ระยะหลังจิมเข้ามาขอนอนกับทอมเกือบทุกคืน แต่จะลุกกลับไปนอนที่ห้องตัวเองในเวลาเช้ามืด ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้านายหนุ่มทั้งสองไม่มีใครในบ้านล่วงรู้นอกจากนายเอ๊ดคนขับรถคู่ใจ  ถึงจะกะล่อนและรอบจัดแต่ไว้ใจได้เรื่องความซื่อสัตย์และรู้หน้าที่ของตัวเองเป็นอย่างดี  ต่อหน้าทุกคนในบ้านจิมจะแสดงกิริยาและปฏิบัติกับทอมเหมือนปกติ  ยกเว้นเวลาอยู่สองต่อสองในห้องนอนคนใดคนหนึ่ง ทอมไม่เข้าใจว่าแม็กกี้แอบเห็นเขาและจิมกอดจูบกันได้ยังไง.. เห็นเมื่อไรและที่ไหน..

   ทอมเดินงุ่นง่านไปมาคิ้วเรียวขมวดมุ่น  จิมนั่งนิ่งไม่ซักอะไรเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายอารมณ์ไม่จอย   ทอมหยุดเดินและหันมามองหน้าจิม  จิมยิ้มหวานให้แต่ไม่ได้รับรอยยิ้มตอบกลับมา
   “คืนนี้ฉันต้องการนอนคนเดียว” ทอมพูดชัดถ้อยชัดคำเพราะไม่ต้องการพูดทวนซ้ำอีกครั้ง
   จิมเลิกคิ้วเหมือนแปลกใจแต่ก็ไม่ได้ซักอะไร ลุกขึ้นยืนและรั้งทอมเข้ามาสวมกอด
   “ทำไมต้องขมวดคิ้วนิ่วหน้าด้วยเดี๋ยวแก่เร็วนะ  รีบนอนพักผ่อนซะ ตื่นขึ้นมาจะได้อารมณ์ดีขึ้น”
   ทอมเบี่ยงตัวออก
   “ถ้าเป็นไปได้  อย่ากอดและจูบฉันพร่ำเพรื่อเหมือนที่ผ่านๆ มาอีก”
   จิมขมวดคิ้วแต่เพียงแว่บเดียวก็คลายสีหน้าเป็นปกติ
   “โอเค.. งั้นคืนนี้ฉันจะกลับไปนอนที่ห้อง  กู๊ดไนท์ ทอม.. หลับฝันดีนะ”
   กำลังจะก้าวออกจากห้อง จิมก็ต้องชะงักกับคำประกาศิตของเทพบุตรสุดรัก
   “ไม่ใช่แค่คืนนี้นะ  คืนพรุ่งนี้และคืนต่อๆ ไปด้วย  คืนไหนอยากให้นอนเป็นเพื่อนฉันจะบอกเอง..”
   “รับทราบจ้ะ ที่รัก.. จะปฏิบัติตามสั่งครับ ”   จิมตอบรับด้วยสีหน้ายิ้มระรื่นก่อนก้าวออกจากห้องด้วยท่าทีสงบ หากแต่เมื่อบานประตูปิดลง ร่างสูงก็ถอนใจเฮือกใหญ่

   เขายอมรับว่าตามอารมณ์ของทอมไม่ทัน  ตั้งแต่ตกที่นั่งพ่อของลูก นิสัยเจ้าอารมณ์ของทอมลดลงไปมาก ไม่ฉุนเฉียวและโมโหง่ายเหมือนก่อน  คืนนี้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น  จู่ๆ ทอมก็ไม่สบอารมณ์เขาขึ้นมาเฉยๆ ทั้งที่วันนี้ทอมมีความสุขมากอารมณ์ดีทั้งวันเพราะได้ข่าวที่น่ายินดีจากหมอมาริสาว่าผลตรวจเลือดของเด็กชายไม่พบเชื้อ HIV ตามที่เป็นกังวล  เมื่อตอนหัวค่ำก็ยังหัวเราะเล่นสนุกกับเขาและแม็กกี้อยู่เลย  และคนที่บอกให้เขาเข้ามานั่งดูทีวีคอยก็คือตัวเองแท้ๆ

 :เฮ้อ:

หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 02-02-2010 09:47:26
           ((แม่ครับ..  เราพูดเรื่องนี้กันหลายหนแล้วนะครับ))
   ทอมชะงักเท้าเมื่อได้ยินน้ำเสียงหงุดหงิดของจิมขณะพูดคุยโทรศัพท์ทางไกลกับมารดา  ถึงจะฟังภาษาไม่ออกแต่รู้ว่าเป็นเรื่องที่ไม่สบอารมณ์
   ((เอาเป็นว่าผมรับปากว่าจะกลับไปเยี่ยม แต่เรื่องมาเรียผมเสียใจที่ไม่สามารถตกลงได้  ไว้ผมจะบอกเหตุผลทีหลังล่ะกัน บายครับแม่))
   จิมวางโทรศัพท์ลงพร้อมกับถอนหายใจ  คุยกับมารดาทีไรรู้สึกเหนื่อยใจทุกครั้ง เขาหลับตาพิงพนัก สมองคิดหาวิธีที่จะให้มารดาเลิกยุ่งเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวของเขาโดยเฉพาะเรื่องคู่ครอง
   “จิม..”
   จิมสะดุ้งลืมตาขึ้นก็เจอะใบหน้างามอยู่ห่างไม่ถึงคืบ อาการเหนื่อยใจหายเป็นปลิดทิ้ง  กลิ่นอาฟเตอร์เชฟโชยกรุ่นจนอดใจไม่ไหว  ขยับตัวขึ้นจูบแก้มเทพบุตรแสนรักด้วยความรวดเร็ว
   ทอมผละออกตีหน้ายักษ์และคว้าหมอนอิงฟาดใส่ จิมยอมให้ตีแต่โดยดี  ก็มันลืมตัวนี่นา ทั้งรูปทั้งกลิ่นเชิญชวนขนาดนี้ใครจะอดใจไหว
   ทอมทรุดตัวลงนั่ง    จิมขยับเข้ามาขอโทษเสียงอ่อนเสียงหวาน
   “ขอโทษจ้ะ   ลืมตัวไปหน่อย  ก็นายอยากหอมทำไม”
   ทอมตาเขียวใส่หน้าบึ้งจนจิมไม่กล้ากระเซ้าต่อ รีบรายงานเรื่องของเจ้าหนูเพื่อคลายอารมณ์โกรธของทอมลง
   “หาครูสอนพิเศษให้แม็กกี้ได้แล้วนะ ทอม.. จะให้ไปเรียนที่บ้านครูหรือให้ครูมาสอนที่นี่”     จิมถามทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้ว
   “ให้ครูมาสอนที่บ้าน”

ทอมตอบโดยไม่เสียเวลาคิด ยังไม่ถึงเวลาที่เขาจะปล่อยแม็กกี้ออกไปพบปะคนแปลกหน้านอกบ้าน   นับจากวันที่แม็กกี้จำเหตุการณ์ต่างๆ ได้ทั้งหมดจนถึงวันนี้เป็นเวลากว่าหนึ่งเดือนแล้ว  แม้เด็กชายจะมีอารมณ์เบิกบานแจ่มใสขึ้น  ยิ้มและหัวเราะสนุกเหมือนเด็กทั่วๆ ไป  แต่เหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นก็ยังอยู่ภายในจิตใต้สำนึก  แม็กกี้ยังมีอาการตกใจและหวาดกลัวเมื่อเห็นเหตุการณ์หรือภาพคนถูกทำร้าย จนทอมต้องสั่งห้ามไม่ให้คนในบ้านดูหนังที่มีการชกต่อยหรือทำร้ายกันหากแม็กกี้นั่งดูอยู่ด้วย หมอมาริสาบอกว่าเด็กชายยังมีอาการทางจิต  ซึ่งต้องใช้เวลาและพยายามเลี่ยงไม่ให้พบปะกับเรื่องร้ายหรือเหตุการณ์รุนแรง   

สองวันก่อนแม็กกี้บอกเขาว่าตัวเองหายป่วยและแข็งแรงดีแล้ว อยากกลับไปเรียนหนังสือเหมือนเด็กคนอื่นๆ แต่ด้วยเหตุผลที่เขายังไม่ได้จดทะเบียนรับแม็กกี้เป็นบุตรตามกฎหมาย และการที่เขาต้องใช้ชีวิตอยู่กับเด็กชายอย่างเงียบที่สุด ไหนจะอาการทางจิตที่พร้อมจะเกิดขึ้นเมื่อไรก็ได้  เขาจึงให้เหตุผลว่าเข้าเรียนกลางปีแบบนี้จะเรียนไม่ทันเพื่อน  ถ้าอยากเรียนจริงๆ จะหาครูมาสอนพิเศษให้ที่บ้าน   แม็กกี้หน้าจ๋อยแต่ก็ยินยอมโดยดี

   “มีปัญหาเหรอ”    ทอมถามด้วยน้ำเสียงกังวลเล็กน้อย
   จิมส่ายหน้า
   “ไม่มี.. แล้วแต่เราอยู่แล้ว  ครูผู้หญิงเพิ่งจบได้ไม่กี่เดือน อัธยาศัยน่ารัก น่าจะเข้ากับแม็กกี้ได้   ไม่มีปัญหาหรอก”
   “ฉันหมายถึงปัญหากับแม่นาย ไม่ได้หมายถึงครู แม่เรียกนายกลับไปเยี่ยมบ้านใช่มั้ย..”
   จิมพยักหน้า  คิ้วเข้มขมวดทันทีที่พูดถึงปัญหานี้
   “แล้วทำไมต้องทำหน้ายุ่งยากใจขนาดนั้น ฉันไม่มีปัญหาหรอกนะ ถ้านายจะกลับไปเยี่ยมแม่ จำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่นายกลับไป  มันสองปีผ่านมาแล้ว”
   จิมถอนใจเฮือก  ...แค่กลับไปเยี่ยมแม่ไม่ใช่ปัญหาหรอก...
   “นายอยู่กับแม็กกี้สองคนได้เหรอ”
   “ทำไมจะไม่ได้ ตอนนี้แม็กกี้ก็หายดีแล้ว อย่าบอกนะว่านายยุ่งยากใจเพราะเป็นห่วงฉัน”
   “ถึงไม่มีอะไรน่าห่วงแต่ฉันก็ไม่สบายใจนักหรอกที่จะต้องจากนายไป มันไม่ใช่แค่วันสองวันนะ  อย่างน้อยสองอาทิตย์  จากกันนานขนาดนั้น ฉันทนคิดถึงนายไม่ไหวหรอก ทอม..”
   จิมพูดจากความรู้สึกของตัวเอง  แต่ทอมกลับหงุดหงิดและไม่สบอารมณ์กับเหตุผลของจิม
   “เหลวไหลสิ้นดี  คิดถึงบ้าบออะไรกัน   คนที่นายควรคิดถึงคือพ่อแม่.. ไม่ใช่ฉัน.. นายเป็นลูกประสาอะไรจิม.. นึกถึงหัวอกท่านบ้างซิ  ไม่ได้เห็นหน้าลูกเกือบ 2 ปีแล้ว   ขอให้กลับไปเยี่ยมบ้าน  นายกลับยึกยักอ้างเหตุผลไร้สาระ
เห็นคนอื่นสำคัญกว่าพ่อแม่ตัวเอง  มันเข้าข่ายลูกอกตัญญูแล้วรู้มั้ย”
   จิมนั่งตะลึง ไม่เข้าใจว่าทำไมทอมจึงหัวเสียถึงขนาดต่อว่าเขาด้วยคำพูดรุนแรงแบบนี้  ประโยคสุดท้ายถ้าเป็นคนอื่นพูดคงเจอเขาสวนด้วยหมัดไปแล้ว
   “ฉันยังไม่ได้บอกสักคำว่าจะไม่ไป แค่บอกว่าไปนานหลายวันฉันคงคิดถึงนายมาก ทำไมต้องหัวเสียด้วยล่ะ ฉันไม่เคยเห็นคนอื่นสำคัญกว่าพ่อแม่ และนายก็ไม่ใช่คนอื่นสำหรับฉัน.. นายเป็นคนสำคัญในชีวิตของฉันรองจากพ่อและแม่นะทอม.. ฉันรักนายมาก นายก็รู้..”
   สีหน้าจิมจริงจังและลึกซึ้งจนทอมรู้สึกผิดที่พูดจารุนแรงไป  พร้อมกับรู้สึกเขิน เขาไม่ชินกับการถูกจิมบอกรักซะที ทั้งที่ได้ฟังมาจนนับครั้งไม่ถ้วน  ได้ยินจิมสารภาพความในใจทีไร เขารู้สึกร้อนวูบวาบที่ใบหน้าแบบนี้ทุกครั้ง
   “เอ่อ.. จะยังไงก็เหอะ  ฉันอยากให้นายกลับไปเยี่ยมครอบครัวโดยไม่ต้องพะวงถึงฉัน  ฉันอยู่กับแม็กกี้สองคนได้ จะไปนานเป็นอาทิตย์  เป็นเดือนหรือนานแค่ไหนก็ได้ฉันไม่มีปัญหา   เพราะช่วง 2 ปีที่ผ่านมานี้นายไม่มีเวลาได้พักผ่อนเป็นส่วนตัวเลย  ถือซะว่าไปพักร้อนเลยล่ะกัน”

ทอมพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแต่คนฟังกลับยิ้มไม่ออก  นั่งอึ้งเหมือนไม่เชื่อหูตัวเอง เป็นครั้งแรกที่จิมได้รับอนุญาตให้ลาพักด้วยความเต็มใจ ที่ผ่านมาแค่ขอลาไปทำธุระ 2-3 วัน ก็ถูกย้ำนักย้ำหนาให้รีบกลับ แต่วันนี้ทอม อนุญาตให้เขาลาพักได้โดยไม่มีกำหนด  แบบนี้แล้วเขาควรจะดีใจไม่ใช่เหรอ..  ทำไมกลับรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก

             “ล้อเล่นใช่มั้ย ทอม..  ที่ว่าให้ไปนานแค่ไหนก็ได้น่ะ”
             “ไม่ได้ล้อเล่น จิม.. ฉันยินดีให้นายพักตามสบายเลย กี่วันก็ได้ไม่ต้องห่วง  ฉันมีแม็กกี้อยู่เป็นเพื่อนแล้ว ไม่เหงาหรอก”    น้ำเสียงและสีหน้าของทอมส่อแววยินดีจริงๆ  จนจิมพูดไม่ออก
   “ทำไมต้องทำหน้าลำบากใจด้วย  ฉันแค่อยากให้นายไปเยี่ยมแม่และถือโอกาสพักผ่อนไปด้วย หรือว่านายมีปัญหาเรื่องอื่น จริงซี!.. มาเรียคือใครเหรอ”
   จิมสะดุ้งเมื่อทอมเอ่ยชื่อหญิงสาวที่เป็นตัวปัญหาของเขา
   “เอ่อ.. เป็นญาติห่างๆ น่ะ   ไม่มีปัญหาเรื่องอื่นหรอก    ถ้านายออกปาก
แบบนี้  ฉันก็จะได้กลับไปเยี่ยมบ้านอย่างสบายใจ”   
   จิมตัดบทไม่อยากให้ทอมซักมากความกว่านี้  ทอมมีสีหน้าสบายใจจนเขารู้สึกขัดตาและหงุดหงิดใจ
   “จะไปเมื่อไร  เร็วๆ นี้เลยหรือเปล่า”
   ทอมซักอย่างใคร่รู้  แต่ในความรู้สึกของจิมเหมือนอยากให้ไปเร็วๆ  เขาเริ่มฉุนจึงตอบตัดบทประชดไป
   “ก็คง 2-3 วันนี้แหล่ะ”
   “จริงเหรอ.. งั้นเดี๋ยวฉันเขียนเช็คให้นะ”
   “ค่าอะไร”     น้ำเสียงห้วนเพราะรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้น
   “ค่าใช้จ่ายเดินทางและระหว่างพักร้อนที่บ้านไง   ฉันให้เป็นโบนัสพิเศษกับนายน่ะ จิม..”
   “ฉันไม่ต้องการ!!..”     
             ทอมสะดุ้งหน้าเสียกับเสียงตวาด    จิมรู้สึกตัวกล่าวขอโทษเสียงอ่อน
   “ขอโทษ ทอม.. เราคุยกันเข้าใจแล้วไม่ใช่หรือว่าฉันไม่ต้องการเงินจากนายอีก  ฉันมีเงินเก็บมากพอที่จะกลับไปอยู่เป็นปีๆ ได้เลย   ตอนนี้นายไม่ใช่หนุ่มโสดตัวคนเดียวแล้ว  อาชีพใหม่ของนายรายได้ก็ยังไม่แน่นอน  เก็บเงินไว้ใช้ในเรื่องที่จำเป็น  ไว้ให้แม็กกี้เรียนหนังสือด้วย โอเค..”
   ทอมพยักหน้ารับและยิ้มให้
   “ก็ได้.. แล้วแต่นาย ว่าแต่.. แน่ใจนะว่านายไม่ได้มีปัญหากับแม่ ดูท่าทางนายหงุดหงิดและไม่สบอารมณ์เลย มีปัญหาอะไรก็ขอให้บอก  บางทีฉันอาจจะช่วยได้นะ”
   จิมถอนใจเฮือก
    ...ให้ตายเถอะ!!.. วันนี้เทพบุตรของเขาเป็นอะไร นอกจากจะพูดจาไม่เข้าหูแล้ว  ยังเซ้าซี้ถามเรื่องที่เขาพยายามเลี่ยงไม่อยากพูดอีก..
   “ช่วยไม่ได้หรอก  เป็นเรื่องส่วนตัวน่ะ”
   “ส่วนตัว?..  แม้แต่กับฉันเหรอ..”
   “ก็.. เอ่อ.. เป็นปัญหาทางบ้านน่ะ  นายไม่จำเป็นต้องรู้..”
   “แต่ฉันอยากรู้นี่นา เผื่อจะช่วยแก้ปัญหาได้บ้าง หรือว่านายไม่เชื่อใจฉัน”
   จิมส่ายหน้าเมื่อเทพบุตรสุดรักครวญเสียงอ่อย
   ..ทอมนะทอม..  เป็นแบบนี้ทุกที ต้องได้ดั่งใจทุกเรื่อง รู้ก็ทั้งรู้ว่าฉันทนเห็นสีหน้าออดอ้อนของนายไม่ได้..
   จิมตัดสินใจเล่าปัญหาให้ฟัง  ในเมื่อเซ้าซี้อยากรู้ให้ได้เขาก็จะบอก จะได้หยั่งรู้ความในใจของทอมด้วย

 :เฮ้อ:

           ทอมนั่งนิ่งฟังด้วยสีหน้าครุ่นคิด   จิมรู้สึกผิดหวังที่เทพบุตรของเขาอยู่ในอาการสงบแทนที่จะโวยวายซักถามด้วยอารมณ์
   “ไม่น่าปฏิเสธไปเลย”    ทอมรำพึงเบาๆ 
   คิ้วเข้มขมวด
   “ทำไม..  นายเห็นว่าฉันควรรับข้อเสนอของแม่งั้นเหรอ”
   “เปล่า..  แค่คิดว่าน่าจะลองทำความรู้จักกับเธอก่อนตัดสินใจ”
   “ทำความรู้จัก”     จิมทวนคำ เริ่มรู้สึกแปลกๆ กับคำพูดของทอม 
             “รู้จักทำไม  เพื่ออะไร..”
             “ก็.. เธออาจสวยขึ้นกว่าเดิม  มีอัธยาศัยน่ารัก นายเห็นแล้วอาจจะถูกใจเธอก็ได้..”
   จิมสะอึกกับความเห็นของทอม รอยยิ้มบนใบหน้างามสอดรับกับคำพูดจนเขารู้สึกเจ็บแปลบในอก  ...นี่มันเกิดอะไรขึ้น  เป็นเขาหรือทอมกันแน่ที่สติไม่อยู่กับตัว...
   จิมรวบรวมจิตใจให้เข้มแข็งย้ำความรู้สึกในใจให้ทอมได้รับรู้อีกครั้ง
   “จะสวยหรือน่ารักขนาดไหนฉันก็ไม่มีวันถูกใจหรอก ฉันปฏิเสธข้อเสนอของแม่ไปเพราะอะไรนายก็น่าจะเข้าใจดี ไม่เอาน่ะทอม.. อย่าล้อเล่นแบบนี้.. อย่าทำเหมือนนายไม่รับรู้และไม่เข้าใจความรู้สึกที่ฉันมีให้  ตอนนี้เราคบกันอยู่ไม่ใช่เหรอ.. ฉันรักนายและนายก็รักฉัน  เพียงแต่นายยังไม่พร้อมและฉันก็ยินดีที่จะรอ..  เพราะฉะนั้นฉันไม่สามารถทำตามข้อเสนอของแม่ได้  ปฏิเสธไปก็ถูกต้องแล้วไม่ใช่เหรอ..”
   “ผิด”    ทอมสวนกลับด้วยสีหน้าเครียด 
   “มันเป็นการกระทำที่เห็นแก่ตัว นายต้องนึกถึงหัวอกของพ่อแม่ ท่านไม่ได้อยากให้นายมีครอบครัวอย่างเดียวแต่อยากได้หลานด้วย นายเป็นลูกชาย คนเดียวของตระกูลการ์เซีย ต้องมีทายาทและผู้สืบสกุลให้ตระกูล ความ สัมพันธ์ระหว่างเรามันแค่เรื่องฉาบฉวย  เรื่องเล่นๆ เท่านั้น  ไม่มีทางเป็นจริงไปได้ บางทีอาจเป็นเพราะที่ผ่านมาเราอยู่ใกล้ชิดกันมากเกินไป  ความรู้สึกที่มีให้กันจึงสับสน  ความรักระหว่างเราอาจไม่ใช่อย่างคนรักก็ได้ ลองอยู่ห่างกันสักพัก   บางทีทั้งฉันและนายอาจเข้าใจความรู้สึกของตัวเองดีขึ้น...”
   จิมนั่งตะลึง ทุกคำพูดของทอมเหมือนลูกธนูอาบยาพิษปักตรงกลางใจเขา  ตัวยากำลังแทรกซึมและทำลายเนื้อเยื่อหัวใจของเขาให้แหลกสลายลง
   ...โอ!!.. พระเจ้า.. เจ็บ.. เขาเจ็บมากเหลือเกิน เข้าใจถ่องแท้ในนาทีนี้แล้วถึงอาการและคำพูดแปลกๆ ของทอมในวันนี้...
           จิมฝืนยิ้มกล่าวน้ำเสียงแหบพร่า
   “ข้อสมมติฐานของนายน่าฟังและอาจเป็นไปได้สำหรับนาย ทอม.. แต่ไม่ใช่สำหรับฉัน  ความรู้สึกที่ฉันมีให้นายเป็นเรื่องจริงไม่ใช่เรื่องเล่น  และฉันไม่เคยสับสนกับความรู้สึกของตัวเอง..”
จิมแย้มยิ้มในสีหน้าทั้งที่ในใจกำลังเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส  เขาต้องใช้ความพยายามอย่างสูงซ่อนความขมขื่นไว้ภายใน
   “ขอบใจที่นายเป็นห่วงตระกูลการ์เซียของฉัน  ขอบใจที่เตือนสติไม่ให้ฉันกลายเป็นลูกอกตัญญู  ฉันจะเดินทางในอีก 2 วัน จะลองไปทำความรู้จักกับเธอดูตามคำแนะนำของนาย  บางทีฉันอาจจะยอมรับข้อเสนอของแม่..” 
   ทอมกลับเป็นฝ่ายหน้าจ๋อยลง  นั่งฟังตาปริบๆ โดยไม่พูดอะไรอีก
   “ลองอยู่ห่างกันสักพักก็ดี นายจะได้เข้าใจความรู้สึกของตัวเอง เพราะที่ผ่านมาฉันอาจเป็นฝ่ายเซ้าซี้และฝืนความรู้สึกของนายโดยไม่รู้ตัว”
   จิมลุกขึ้นยืน
   “แต่รู้อะไรไว้อย่างนะ ทอม..  ถึงฉันจะยอมแต่งงานกับมาเรีย มีทายาทวิ่งเล่นเป็นโขลง  ฉันก็ไม่มีวันตัดใจเลิกรักนาย”
             ทอมมองตามร่างสูงเดินขึ้นบันไดหายลับไป  สับสนกับความรู้สึกของตัวเองในนาทีนี้  อุตส่าห์ได้โอกาสบอกตัดสัมพันธ์ที่เป็นไปไม่ได้ให้จบลงแล้ว  ทำไมถึงไม่รู้สึกโล่งอกเลย กลับเจ็บข้างในอย่างบอกไม่ถูก เป็นเพราะจิมยินยอมโดยดีอย่างน่าใจหาย ไม่โวยวาย ไม่อ้อนวอนขอร้องสักคำอย่างนั้นเหรอ..
           ...ไม่นะ เขาต้องเข้มแข็ง ยอมรับความเจ็บปวดเสียเอง  เพื่อแม็กกี้และเพื่อตระกูลการ์เซียของจิม...
   ทอมกำลังคิดหาวิธีที่จะยุติความสัมพันธ์ระหว่างเขากับจิมอยู่พอดี  ปัญหาของจิมในวันนี้เป็นเหตุการณ์เหมาะเจาะและสอดรับกับเหตุผลในการตัดสินใจของเขา  แต่เมื่อตัดใจพูดไปแล้วเขาก็แทบอยากจะกลับคำในทันที ถ้าเพียงแต่จิมจะถามย้ำอีกครั้งว่า  ...ที่พูดมาทั้งหมดจริงหรือเปล่า ทอม..
           “ขอบใจที่นายไม่ถามฉัน จิมมี่..”    ทอมรู้สึกเจ็บและแน่นในอกจนต้องสูดหายใจเข้าลึกๆ

 o7

หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 02-02-2010 10:06:10
“นายต่างหากที่สับสน ทอม.. ไม่ว่ายังไงฉันก็ไม่มีวันตัดใจ จะรักและคิดถึงนายจนลมหายใจสุดท้ายเลย”

   จิมวางกรอบรูปลงในกระเป๋าเดินทาง มันเป็นรูปถ่ายคู่กับทอมเพียงรูปเดียวที่เขามีอยู่  ถึงจะมีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดทอมทั้งในและนอกเวลางาน แต่ไม่เคยได้ถ่ายรูปคู่กันอย่างจริงจังสักครั้ง นี่เป็นรูปแรกและคงเป็นรูปสุดท้ายที่เขาจะได้มีโอกาสยืนอยู่เคียงข้างเทพบุตรทอม แม็คกิลล์

   จิมเลือกหนังสือแฟชั่นที่มีทอมเป็นแบบ 2-3 เล่มติดตัวไปด้วย เขาจัดเสื้อผ้าลงกระเป๋าแค่ 4-5 ชุด ที่เหลือเก็บใส่ลังไว้  ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงห้องที่เขาพักอาศัยอยู่มานานกว่า 3 ปีก็กลายสภาพเป็นห้องว่าง ไม่มีสมบัติที่เป็นของเขาหลงไว้เลยสักชิ้น เขาไม่ได้ขนของทั้งหมดไปกับการเดินทาง มีเพียงกระเป๋าเสื้อผ้าใบเดียวที่จะนำไป  ที่เหลือตั้งใจจะนำไปเก็บไว้ที่คอนโดเพราะอาจต้องเดินทางกลับมาทำธุระ ถึงเวลานั้นเขาคงไม่มีหน้าหวนกลับมาซุกหัวนอนที่บ้านแม็คกิลล์อีก

   ร่างสูงหงายหลังลงบนที่นอน  แค่เก็บของลงกระเป๋าทำไมรู้สึกเหนื่อยแทบขาดใจทั้งที่ไม่ได้ออกแรงอะไรเลย  หรือว่าที่กำลังรู้สึกไม่ใช่อาการเหนื่อยแต่เป็นความอ่อนล้าเพราะหัวใจได้รับความเจ็บปวดซ้ำแล้วซ้ำเล่า  ทอมพูดจาตัดรอนเขาหลายครั้งแต่ไม่มีครั้งใดทำร้ายจิตใจเขาจนรู้สึกสิ้นหวังเท่าครั้งนี้  เป็นเพราะเขาหลงเชื่อใจคิดว่าจับมือทอมไว้ได้แล้ว แต่จู่ๆ ทอมก็สะบัดมือวิ่งหนีจากไปดื้อๆ  เขาตั้งรับไม่ทัน ไม่รู้จริงๆว่าเกิดอะไรขึ้น  ปัญหาของมาเรียต้องไม่ใช่สาเหตุแต่คงเป็นโอกาสที่ทำให้ทอมตัดใจจากเขา ทอมคงรู้จิตใจตัวเองแล้วว่าที่ผ่านมาหลงผิดและสับสนกับความรู้สึกที่มีให้เขา

   ก๊อก!!.. ก๊อก!!.. 
   เสียงเคาะประตูและเปิดออกโดยที่จิมยังไม่ได้เอ่ยอนุญาต  ถ้าเป็นเวลาอื่นเขาต้องโวยใส่แล้ว  แต่ขณะนี้จิมไม่มีอารมณ์ที่จะหงุดหงิดกับเรื่องไร้สาระ
   “สามลังที่พื้นเอาขึ้นรถให้หมด  เหลือกระเป๋าเดินทางไว้ก่อน”
   จิมออกคำสั่งทั้งที่ยังนอนหลับตา 
   ...เงียบ!!..  ไม่มีเสียงขานรับ แต่กลับมีเสียงเหมือนของในรังถูกรื้อ  จิมถอนใจว่าจะไม่อยากมีอารมณ์ก็อดไม่ได้
   “ฉันให้แกขึ้นมาขนของนะเอ๊ดดี้.. ไม่ใช่ให้มา…”   จิมชะงักคำพูดไว้แค่นั้นเมื่อหันมาเห็นร่างที่นั่งยองๆ รื้อของอยู่ไม่ใช่นายเอ๊ด
            “เก็บของไปหมดห้องเลย  แปลว่าจะไม่กลับมาอีกแล้วเหรอ..”
   จิมลุกพรวดขึ้นนั่ง   
            “เอ่อ.. ของในลังจะเอาไปเก็บไว้ที่คอนโดน่ะ  ฉันอาจจะไม่กลับมาอีก  ถึงมาก็คงไม่กลับมาพักที่นี่  นายเก็บห้องไว้รับรองแขกเถอะ”
   “ทำไมอ่ะ”   ทอมก้มหน้ารื้อของในลัง
   จิมลอบถอนใจกับคำถามซื่อๆ
   “เพราะฉันอาจไม่ได้กลับมาคนเดียว บางทีอาจจะพามาเรียมาด้วย จะให้ฉันพาเธอมาพักที่นี่งั้นเหรอ..”
   “ไม่เห็นเป็นไรเลย ที่นี่ก็เหมือนบ้านของนาย และห้องนี้ฉันก็ยกให้นายแล้ว  เป็นสิทธิของนายที่จะพาใครมาพักด้วยก็ได้..”
            จิมฝืนหัวเราะทั้งที่ในใจขมขื่น  ลุกขึ้นเดินเข้าไปทรุดตัวลงข้างเทพบุตรสุดรัก
   “ใครก็ได้ที่นายว่า.. คือผู้หญิงที่ฉันอาจจะแต่งงานด้วย ฉันอาจจะพาเธอมาฮันนีมูนที่เมืองไทย นายเต็มใจจะให้ฉันใช้ห้องนี้เป็นเรือนหองั้นเหรอ..  อยากให้ฉันพาเธอมาพักที่นี่จริงๆ หรือ ทอม..”
   ทอมพยักหน้าตอบรับโดยไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาสบตาด้วย  จิมขยับเข้าไปกระซิบเบาๆ
   “นายเต็มใจจริงหรือเปล่าฉันไม่รู้..  แต่ขอให้รู้ว่าฉันไม่มีวันพาเธอมาพบกับนายจนกว่าเธอจะพร้อม.. พร้อมเรื่องอะไร รู้มั้ย..”
   มือใหญ่เงยใบหน้างามขึ้น   น้ำใสเอ่อรื้นดวงตาคู่สวย
   “จนกว่าเธอจะเอ่ยปากอยากเห็นตัวจริงของคนที่ฉันรักมากที่สุดในชีวิต ถึงวันนั้นนายอาจจะได้เจอเธอ..”
   ทอมหมดความอดกลั้น  แค่กระพริบตาน้ำใสก็ร่วงผล็อยลงต่อหน้าคนที่ตัวเองต้องการให้ไปจากชีวิต 
   “อย่าร้องไห้ซี.. ฉันยอมทำทุกอย่างที่นายต้องการ แต่อย่างเดียวที่ทำไม่ได้คือให้ฉันเลิกรักและตัดใจจากนาย” นิ้วเรียวปาดน้ำตาบนแก้มเทพบุตรแสนรักอย่างแผ่วเบา
   “แต่นายไม่ควรทำอย่างนี้..  เก็บของไปหมดแบบนี้หมายความว่าจะเลิกคบกันเลยใช่มั้ย..  เราจะไม่เป็นอะไรกันอีกแม้แต่เพื่อน.. งั้นเหรอ.. ฮึก..”
   ทอมสะอื้นโฮ น้ำตาไหลพรากจนจิมต้องรั้งตัวเข้ามาสวมกอด
   “ใครบอกล่ะ.. สำหรับนายฉันอาจเป็นได้แค่เพื่อน.. แต่สำหรับฉันไม่ว่าวันนี้หรือวันข้างหน้า นายจะเป็นคนพิเศษที่สุดในชีวิตของฉันเพียงคนเดียว  นายไม่ได้ต้องการเลิกคบกับฉันไม่ใช่เหรอ.. แค่อยากให้ฉันกลับไปรับข้อเสนอของแม่เพื่อมีทายาทให้ตระกูล ฉันก็จะไป..”
   จิมพยายามเลี่ยงคำพูดที่แสลงใจเขา
   “แต่นายจะไม่กลับมาที่นี่อีกแล้ว”
   “ฉันหมายถึงถ้าไม่ได้กลับมาคนเดียวต่างหาก  แต่ถ้ามาคนเดียวฉันก็ต้องแวะมาเยี่ยมนายอยู่แล้ว”
   “แค่แวะมาเยี่ยม  แปลว่าจะไม่พักที่นี่ใช่มั้ย”
   “แล้วแต่นายซี ทอม..  ฉันทำทุกอย่างตามคำสั่งอยู่แล้ว จะให้พักที่นี่หรือจะให้ฉันกลับไปนอนที่คอนโดก็แล้วแต่ใจ..”
   “ไม่เอา!!..”    ทอมตะคอกใส่และผลักร่างสูงออก

   “พอซะที จิมมี่.. หยุดพูดว่านายจะทำทุกอย่างตามคำสั่งของฉันซะที ถ้าไม่มีใจอยากทำก็ไม่ต้องทำ มันทำให้ฉันรู้สึกผิด ฉันรู้ว่าฉันทำร้ายความรู้สึกของนาย ฉันทำนายเจ็บ..    แต่นึกว่านายเจ็บคนเดียวแล้วฉันมีความสุขยังงั้นเหรอ...
..ทั้งฉันและนายไม่ได้มีชีวิตอยู่กันตามลำพัง เรามีครอบครัวที่ต้องนึกถึง ถึงฉันจะไม่ได้เจอปัญหาอย่างนาย ไม่มีพ่อแม่ให้ต้องนึกถึงแล้ว  แต่ปัญหาของฉันขณะนี้ก็คือความรู้สึกของลูก แม็กกี้รับความสัมพันธ์ระหว่างเราไม่ได้หรอกนะจิม.. เหตุการณ์เลวร้ายมันจะกลับมาหลอนเขาอีก  ลูกจะรู้สึกยังไงถ้ารู้ว่าฉันคบกับนายแบบคนรัก นายเคยคิดถึงปัญหานี้บ้างหรือเปล่า… การจบความ สัมพันธ์ระหว่างเราเป็นเรื่องที่เราสองคนต้องร่วมมือและให้กำลังใจซึ่งกันและกันนะจิม..”

   ทอมก้มหน้าสะอื้นไห้  ความในใจที่พรั่งพรูออกมาอย่างหมดความอดกลั้นทำเอาจิมตะลึง  สองวันที่ผ่านมาเขามัวแต่นึกถึงความรู้สึกของตัวเอง  เฝ้าแต่ปลอบใจและให้กำลังใจตัวเอง  คิดไม่ถึงเลยว่าทอมก็เจ็บไม่น้อยกว่าและต้องการการปลอบใจด้วยเช่นกัน  ความในใจของทอมวันนี้ทำให้เขารู้ว่าไม่ใช่เพราะปัญหาของเขาแต่เพียงฝ่ายเดียว ที่ทำให้ทอมตัดสินใจยุติความสัมพันธ์ระหว่างเรา หากแต่ทอมเองก็พบปัญหาด้วยเช่นกัน ความรู้สึกของลูกเป็นเรื่องที่ทอมแคร์มากที่สุด  แม็กกี้สำคัญกับทอมมากแค่ไหนเขารู้ซึ้งดี  ชื่อเสียงและความฝันสูงสุดที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมทอมยังเสียสละได้ นับประสาอะไรกับความสุขส่วนตัว..

   ...ให้ตายเถอะ!!.. ถ้ารู้ตั้งแต่แรกเขาคงไม่หลงทุกข์และปวดใจเพราะคิดว่าทอมสับสนกับความรู้สึกของตัวเอง...
   จิมสวมกอดเทพบุตรแสนรักไว้แนบอก
   “ขอโทษนะ ทอม..  ฉันขอโทษที่นึกถึงแต่จิตใจตัวเอง ทำไมไม่บอกเหตุผลของนายให้ฉันรู้   ว่านายมีปัญหาเรื่องแม็กกี้.. หือ..”
   “ถ้าฉันอ้างปัญหาเรื่องแม็กกี้ นายจะยอมเหรอ..  ปัญหาของนายสำคัญกว่าปัญหาของฉันนะ”
   “แต่การที่นายไม่พูด มันทำให้ฉันรู้สึกเจ็บมากรู้มั้ย   ฉันคิดว่า..  เอ่อ..ช่างเถอะ!.. เอาเป็นว่า.. ฉันสัญญาว่าจะโทรมาหาและถ้ากลับมาคนเดียวจะมาพักอยู่กับนายที่นี่ถ้านายไม่รังเกียจ โอเค..”
   “โอเค..”     ทอมตอบน้ำเสียงแผ่วเบา  ในใจรู้สึกเบาโหวง
   “งั้นไม่ต้องเก็บของไปหมดไม่ได้เหรอ เหลือไว้บ้างซี  เล่นขนไปหมดแบบนี้ฉันใจหายนะ”   
   จิมส่ายหน้า อยู่กับเขาสองต่อสองทอมไม่เคยปิดบังความรู้สึกของตัวเองไว้ได้เลย  แม้ในเวลาที่ควรต้องทนฝืนความเจ็บปวดไว้อย่างเช่นในเวลานี้..
   “ถ้าของใช้ส่วนตัวของฉันสำคัญกับความรู้สึกของนายขนาดนั้น แสดงว่าจริงๆ แล้วนายไม่ได้สับสนกับความรู้สึกของตัวเองใช่มั้ย..”  จิมเงยหน้าทอมขึ้นมาสบตาด้วย
   “ตอบฉันหน่อยซิ ทอม..  ขอให้ฉันได้รับรู้ความรู้สึกที่แท้จริงของนายก่อนที่เราต้องจากกันไป”
   “สับสนหรือเปล่าฉันไม่รู้  รู้แต่ว่าฉันรักนายไม่ได้..  แต่การที่ฉันรักนายไม่ได้  ไม่ได้หมายความว่า.. ฉันไม่ได้รักนะ..”
   จิมระบายยิ้มบนสีหน้า คำพูดประโยคหลังเหมือนมนต์วิเศษปัดเป่าให้เขาหายจากความเจ็บปวดเป็นปลิดทิ้ง 
   “แปลว่าความรู้สึกของนายไม่ได้สับสน ทอม.. นายรักฉันเหมือนที่ฉันรักนาย   ถ้าเช่นนั้นขอคำยืนยันอีกสักครั้งได้มั้ยว่านายอยากให้ฉันไปจริงๆ”
   “ฉันไม่ได้อยากให้นายไป  แต่นายต้องไป..”
   จิมถอนใจเฮือกคลายอ้อมแขนและผละออก ความรู้สึกเจ็บปวดคลายลงเหลือเพียงความวิตกกังวลและเป็นทุกข์ที่ต้องจากคนที่รัก
   “ตกลงทอม.. เมื่อนายยืนยันจะให้ฉันไปก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ฉันจะออกเดินทางตอนสายของพรุ่งนี้ นายอยากไปส่งหรือเปล่า”
   ทอมส่ายหน้าปฏิเสธทันที
   “โอเค.. ฉันก็ไม่อยากให้นายไป ตกลงของในลังทิ้งไว้ที่นี่ ไม่ต้องจัดเก็บเข้าที่หรอกนะ  เผื่อนายต้องการใช้ห้องรับแขก”
   “ฉันไม่ใช้ห้องของนายต้อนรับใครหรอก จะให้แววเก็บของเข้าที่ให้เรียบร้อย  รอนายกลับมา.. เยี่ยม..”    ทอมฝืนยิ้มให้ทั้งที่ในใจกำลังขมขื่นและเจ็บปวดกับการหักหาญหัวใจตัวเอง 
             จิมกล่าวน้ำเสียงอ่อนโยน 
   “ฉันจะบอกพ่อกับแม่และทุกคนในครอบครัวรวมถึงมาเรียว่า.. ฉันมีคนรักที่นี่แล้ว และฉันจะไม่มีวันลืมหรือเลิกรักคนคนนี้เด็ดขาด หากฉันจำเป็น ต้องแต่งงานกับเธอจริงๆ ก็เพื่อมีทายาทให้ตระกูลเท่านั้น  ฉันจะทำทุกอย่างที่ต้องทำด้วยหน้าที่ไม่ใช่ด้วยหัวใจ ระหว่างที่ฉันไม่อยู่ดูแลสุขภาพนะทอม..  อย่าห่วงและดูแลแต่ลูกจนลืมตัวเองล่ะ..  ฉันจะรีบกลับมาให้เร็วที่สุด ไม่รู้ว่าเมื่อไรแต่จะต้องกลับมาแน่นอน  ฉันรักนายมากนะ ทอม..  รู้ใช่มั้ย หัวใจฉันอยู่กับนาย  ฝากดูแลด้วยนะ..”
   คำพูดสั่งเสียของจิมทำเอาเทพบุตรทอมถึงกับปล่อยโฮ น้ำตาร่วงผล็อยอย่างเด็กๆ
   “นายจะกลับมาเมื่อไร.. จะรอให้มีลูกเป็นโขลงอย่างที่พูดจริงๆ เหรอ~”
   จิมหัวเราะ  รั้งศีรษะทอมซบกับไหล่เพื่อให้อีกฝ่ายเช็ดน้ำตา
   “บ้าซี!.. เห็นฉันเป็นช้างหรือไง  ขืนรอให้มีลูกเป็นโขลงแล้วค่อยกลับมา ฉันคงขาดใจตายตั้งแต่ลูกคนแรกยังไม่เกิด  บอกแล้วไงว่าหัวใจฉันอยู่กับนาย ยังไงซะก็ต้องกลับมาให้นายช่วยต่อลมหายใจให้  ด้วยวิธีไหนรู้มั้ย..”
   ทอมสั่นศีรษะและเงยหน้าจ้องมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าฉงน  ดวงตาคู่สวยเริ่มร่องรอยบวมช้ำ  จิมยิ้มอ่อนโยน ใบหน้างามของเทพบุตรแสนรักอยู่ห่างแค่ลมหายใจเป่ารดเท่านั้น
   “ฉันต้องได้สัมผัสและสวมกอดนายแบบนี้  ได้รับลมหายใจจากนายเพื่อต่อชีวิตให้ฉันด้วยวิธีนี้..”
             จิมจูบเบาๆ ที่ริมฝีปากบางสวยตรงหน้าเพื่อหยั่งอารมณ์ก่อนว่าจะถูกโกรธหรือเปล่า เพราะหลายวันก่อนถูกทอมสั่งห้ามไม่ให้กอดหรือจูบโดยไม่ได้รับอนุญาต

   ทอมนั่งนิ่งดวงตาคู่งามจ้องมองเขาเหมือนกับจะบอกว่าพร้อมที่จะฝึกวิธีต่อลมหายใจแล้ว  จิมสัมผัสริมฝีปากบางสวยอย่างแผ่วเบา นุ่มนวลและหยอกเย้า  ลิ้นอุ่นซอกซอนเข้าไปลิ้มรสความหอมหวานภายใน  เขาและทอมผลัดกันสอนและฝึกวิธีต่อลมหายใจให้กันอย่างดูดดื่ม   สุขจนลืมปัญหาและความทุกข์ใจไปชั่วขณะ   

   ในที่สุดเจมส์ การ์เซีย ก็จำต้องจากเทพบุตรแสนรักไปปฏิบัติหน้าที่ให้ทายาทสืบสกุลในฐานะที่เป็นลูกชายเพียงคนเดียวของตระกูล เขาจากไปเพราะความต้องการของทอม หากจะหวนกลับคืนมาก็ควรเป็นความต้องการของทอมด้วยเช่นกัน 

   ...จำไว้นะ แม็คกิลล์.. แม้ความสัมพันธ์ของเราจำเป็นต้องยุติลง ฉันก็ไม่มีวันตัดใจจากนาย  จะขอรักนายเพียงคนเดียว สักวันเมื่อฉันพ้นพันธะจากเธอ  ถ้าวันนั้นนายยังไม่มีใคร  และแม็กกี้โตพอที่จะเข้าใจและรู้จักความรักแล้ว ฉันจะขอกลับมาอยู่เคียงข้างนายอีกครั้ง ได้มั้ย...

   ทอมจำไม่ได้ว่าตัวเองตอบรับหรือปฏิเสธไป รู้แต่ว่าหัวใจเขาพองโตด้วยความรู้สึกยินดี เหมือนแสงสว่างจากตะเกียงคู่ใจที่กำลังริบหรี่ลง ลุกโชนขึ้นพร้อมที่จะนำทางเขาก้าวเดินไปสู่จุดหมายอีกครั้ง...


THE END  PART 1
TBC >>> LOVE YOU ONLY
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 02-02-2010 11:00:49
จบภาค 1 แล้วค่า~ 
 o15
ขอบคุณเพื่อนๆ น้องๆ ที่ช่วยกันตามอ่านจนจบ 
ขอบคุณที่ไม่เป็นลมเป็นแล้งไปซะก่อน
ใครที่เป็น  แล้วลุกขึ้นมาอ่านต่อก็ขอบคุณมากๆ
เห็นมะ เจ๊หมวยบอกแล้วให้อดทน ไม่มีใครต้องร้องไห้ตลอดไป สักวันก็ต้องมีวันที่เราได้หัวเราะ

ขอบคุณสำหรับทุกๆ คอมเม้นท์
ขอบคุณน้องๆ ที่ช่วยกันบอกเล่าความรู้สึกที่มีต่อตัวละครในสายใยรัก
สรุปว่า ในบทแรกนี้ เจ้าหนูแม็กกี้เป็นพระเอกเลยนะเนี่ย ได้ใจพี่ๆ น้าๆ ทุกคนไป 
เป็นนิยายเรื่องเดียวที่พระเอกนายเอก โผล่มาก็พากันเป็นตัวร้ายเลย 

นิยายเรื่องนี้ บอกให้รู้ว่า  เพื่อนๆ น้องๆ ทุกคนมีจิตใจเมตตา ปราณี  ไม่ชอบคนรังแกเด็ก
ไม่สนว่าเป็นพระเอก นายเอก  รุมด่ากันเละ

เนื่องจากนิยายเรื่องนี้เจ๊หมวยรวมเล่มขายค่ะ   จึงขอโพสแค่ 2 ภาคนะคะ   ภาค 2  คือ LOVE YOU ONLY   เป็นเรื่องราว ความรักของพ่อ    ส่วนภาค 3  คือ  love U andy เป็นเรื่องราวของรุ่นลูก  เจ๊หมวยอาจจะโพสให้แค่ตอนแรกค่ะ 

ไม่ว่ากันนะ  ความจริง อ่านจบแค่ 2 ภาค ก็ถือว่าสมบูรณ์สำหรับความรักของพระเอกนายเอกแล้ว

ตอนนี้หนังสือหมดแล้ว  เจ๊หมวยกำลังจะพิมพ์เพิ่ม  ใครชอบนิยายแนวนี้  อยากได้หนังสือเก็บไว้  Messages มาสอบถามกันได้ค่ะ

 o14
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 02-02-2010 11:32:48
เจ๊หมวย....จบภาคแรกแล้วแต่ไม่อยากให้จิมจากไปเลยอ่ะ....
(ถึงแม้เค้าอาจจะกลับมาอยู่ด้วยกันก็ตาม) แอบเศร้า :o12:
จริงๆถ้าค่อยๆบอกแม็กกี้เด็กน้อยน่าจะเข้าใจเพราะเค้าก็เห็นจิมมาตั้งนานแล้ว  :sad4:

รออ่านภาคใหม่แล้วกันค่ะ  :L2: เป็นกำลังใจให้เจ๊หมวยต่อไป
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: booboos ที่ 02-02-2010 13:08:46
ภาค 1 เศร้าตั้งแต่ต้นจนจบเลยอ่ะนะ
ภาคต่อไปขอแบบ happy บ้างนะคะ
 :L2:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 02-02-2010 13:12:33
(http://i116.photobucket.com/albums/o7/wannarat/ronan.jpg?t=1265090464)

ทอม แม็คกิลล์  ในimagine ของเจ๊หมวย
ขอสงวนสิทธิ์ในการโต้แย้งและไม่เห็นด้วย :teach:
ในฐานะผู้เขียนและผู้กำกับการแสดง
ต้องเป็นคนนี้เท่านั้น :haun5:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 02-02-2010 13:13:27
ใจร้ายตลอดเลยเจ้หมวย

กราซิก กราซิก
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 02-02-2010 13:48:46
ใจร้ายเรื่องอาไรอีกอ่ะ  หมูพูห์ 
แม็กกี้ก็มีความสุข ได้รับความรักจากแด๊ดทอมแล้ว

หมูพูห์ไม่ชอบให้เจ๊หมวยแกล้งเด็กไม่ใช่เหรอ
ก็ไม่แกล้งแล้วไงจ๊ะ
 
 :oni1:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 02-02-2010 15:05:54
(http://i116.photobucket.com/albums/o7/wannarat/ronan.jpg?t=1265090464)

ทอม แม็คกิลล์  ในimagine ของเจ๊หมวย
ขอสงวนสิทธิ์ในการโต้แย้งและไม่เห็นด้วย :teach:
ในฐานะผู้เขียนและผู้กำกับการแสดง
ต้องเป็นคนนี้เท่านั้น :haun5:

เจ๊หมวยขา.....แบบนี้ไปหาซื้อได้ที่ไหนอ่ะ :z1: :z1:    แล้วจิมอ่ะคะ ไม่เอามาให้ชมบ้างเหรอ :o8:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 02-02-2010 19:18:47
จิม ของช้า น นน น น นน น น น  นน


รับม่าด้าย ย      :z6:

ไปเฉย เรย   

แง้ๆ  ๆๆ  ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ       :sad4:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: PeeYaR ที่ 02-02-2010 19:39:37
เง้ออออออออ
ขอให้ภาค 2 กลับมาอย่างมีความสุขนะคะ
จบภาค 1 เหมือนจะเศร้า แต่ก็ไม่เศร้าแฮะ
อาจเป็นเพราะว่าเข้าใจเหตุผลของทั้งจิม และ ทอม ก็ได้
ฟ้าหลังฝนคงจะดีกว่านี้นะคะ
สักวันหนึ่ง จิมและทอมต้องได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง
เย้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: kungyung ที่ 02-02-2010 19:55:40
 :o12:เศร้าจนหยดสุดท้ายเลยเจ้
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: จุ๊บจิ๊บจ๊ะจ๋า ที่ 02-02-2010 20:13:08
เศร้าได้อีกอ่ะ

จิมน่าสงสารเกิ๊น

น้ำตาไหลตั้งแต่วันแรกที่แม็กกี้อยู่บนต้นไม้ไม่กล้าลงมาแล้ว :m15:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 02-02-2010 20:43:51
เจ้หมวยขา เศร้าตั้งแต่ต้นจนจบเลยอ่ะ
ช่วงท้ายๆไม่รังแกเด็กแล้ว
แต่ไปรังแกผู้ใหญ่แทน จิมมี่โดนไปเต็มๆเลย
ภาค 2 แล้วจะมีความสุขกันใช่ไหมคู่นี้
กลับมาอยู่ด้วยกันเร็วๆนะ
ชอบเรื่องนี้มากเลย +1 สำหรับความประทับใจที่มีต่อเรื่องนี้
ขอบคุณเจ้หมวย รออ่านภาคต่อไปน๊า
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: 1582 ที่ 02-02-2010 21:14:37
คุณทอมหน้าหวานเชียว  อยากเห็นคุณจิมด้วยค่ะ เจ๊หมวย

ปล.ก็ยังสงสารจิมอยู่ดี   :เฮ้อ:   
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก by J-muay
เริ่มหัวข้อโดย: nithiwz ที่ 03-02-2010 03:43:49
เศร้าจริงอะไรจริง  สงสารจิม  แต่ก็เห็นใจแม็กกี้กับทอม
เค้าคงมีบาดแผลในใจพอสมควร  ที่ถูกผู้ชายวิปริตพรรค์นั้นข่มขืน เหอะๆๆๆ
ตกลงมี 3 ภาคเหรอครับ ภาค 2 ภาค 3
อยากอ่านอ่ะ เหอะๆๆๆ รอติดตามต่อไปแล้วกัน เหอะๆๆๆ คิดว่าภาค 3 น่าจะพีคพอควร
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 03-02-2010 11:32:16
Love You ONly 1..
 :L1:

เด็กชายผุดลุกผุดนั่งและเดินไปมาอยู่ที่ระเบียงหน้าตึก นายเอ๊ดยืนเช็ดรถอยู่เห็นแล้วนึกขำกึ่งเอ็นดูเจ้านายตัวน้อยที่เริ่มอาการหงุดหงิดเพราะพ่อไม่ยอมลงมาซะที

วันนี้ทอม แม็คกิลล์ จะพาหนุ่มน้อยแก้วตาดวงใจของเขาไปเที่ยวสวนสนุกตามที่เจ้าหนูอ้อนขอเมื่อคืน เนื่องจากหลายวันที่ผ่านมานี้แม็กกี้เห็นคุณพ่อสุดหล่อมีอาการเหม่อลอย นั่งดูทีวีอยู่ด้วยกันแต่ถามอะไรก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง เด็กชายรู้ว่าพ่อกำลังคิดถึงใครคนหนึ่งที่เคยอยู่เคียงข้าง แต่ตอนนี้เขาคนนั้นไม่อยู่แล้ว อาการเหงาหงอยของทอมทำให้เจ้าหนูไม่สบายใจไปด้วย จึงคอยหาจังหวะเข้าไปกระแซะใกล้ๆ ชวนพูดคุยให้คลายเหงา

วันนี้หนุ่มน้อยอยู่ในชุดสุดโจ๋เลย กางเกงยีนส์สี่ส่วนตัวหลวมโครกกับ เสื้อยืดสีขาวตัวเล็กเข้ารูป เข้ากับรองเท้าผ้าใบคู่งามที่ทอมเพิ่งซื้อให้เมื่อ 2 วันที่แล้ว แม็กกี้ในวันนี้เป็นเด็กชายลูกครึ่งที่ใครได้พบเห็นต้องพากันมองจนเหลียวหลัง ใบหน้าขาวเนียนเอิบอิ่มด้วยเลือดฝาดของเด็กวัยเยาว์ และดวงตากลมโตสีน้ำทะเล แสนสวย แสดงให้เห็นถึงสุขภาพกายและใจที่ดี หากแต่เจ้าหนูก็ไม่มีโอกาสได้ออกไปให้ใครพบเห็นบ่อยนัก เพราะทอมไม่อนุญาตให้ออกไปไหนกับใคร ไม่ว่าจะเป็นแม่บ้าน สาวใช้หรือแม้กระทั่งนายเอ็ดดี้ ยกเว้นเขาเป็นคนพาไป แต่กว่าจะไปไหนได้แต่ละครั้งก็ต้องรอกันนานสองนาน เหมือนวันนี้แหล่ะ

“เฮ้อ! ทำไมนานจัง”   แม็กกี้ถอนใจเฮือก ทรุดตัวลงนั่งที่ขั้นบันไดอีกเป็นครั้งที่เท่าไรจำไม่ได้  คิ้วเล็กขมวดมุ่นจนนายเอ๊ดรู้สึกขำ
“ใจเย็นๆ ครับคุณหนู จะได้ไปเที่ยวสนุกก็ต้องรอนานหน่อยซีครับ”
“นี่มันครึ่งชั่วโมงแล้วนะฮะ ปกติแด๊ดแต่งตัวไม่ถึง 10 นาที ก็เสร็จแล้ว”
เด็กชายนั่งนิ่งอยู่ชั่วครู่ก็ลุกพรวดขึ้นอีก
“ไม่รอแล้ว ขึ้นไปตามดีกว่า”
เจ้าหนูรีบร้อนวิ่งกลับเข้าไปในบ้านก็ชนกับร่างสูงของชายหนุ่มที่กำลังก้าวออกมา  ผลก็คือร่างเล็กกระเด็นออกแต่ไม่ทันล้มลงเพราะถูกคว้าตัวไว้ทัน
“โอว!!.. ระวังหน่อยซีครับ จะรีบไปไหน หือ..”
แม็กกี้เงยหน้าขึ้นมองด้วยอาการดีใจ แต่แล้วก็สะดุ้งรีบผละออก
“มาหาใครครับ”
สองแขนของเจ้าหนูยันอกชายหนุ่มไว้เมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมปล่อยและยังพยายามจะสวมกอดแน่นขึ้น
“มาหาใคร ปล่อยซีฮะ ปล่อย..” แม็กกี้ถามย้ำเสียงสั่น
“ไม่ปล่อย อยากจะกอดอ่ะ..” น้ำเสียงกระเซ้าอย่างอ่อนโยนแต่เด็กชายไม่รับรู้ถึงความคุ้นหูในน้ำเสียงนั้น ความรู้สึกของเจ้าหนูขณะนี้คือกลัว.. อ้อมกอดของชายแปลกหน้าทุกคน
“ไม่เอา~ ปล่อยนะ ปล่อย.. ฮึก~”
“จะปล่อยไปไหนล่ะครับ ไม่ไปสวนสนุกแล้วหรือไง หือ..”

น้ำเสียงสะอื้นของเด็กชายไม่ได้ทำให้อ้อมกอดที่รัดแน่นอยู่คลายลง หากแต่คำพูดที่ปลอบกลับมาทำให้ร่างเล็กหยุดดิ้น และเงยหน้ากลับขึ้นมามองใหม่อีกครั้ง ดวงตากลมโตจ้องเขม็งอย่างไม่แน่ใจ

แม็กกี้อ้าปากหวอจ้องหน้าชายหนุ่มที่สวมกอดตัวเองอยู่ เมื่อหยุดดิ้นและยืนนิ่งอยู่ชั่วครู่ก็รู้สึกคุ้นเคยกับสัมผัสที่ได้รับ ทั้งอ้อมกอดที่อบอุ่นและกลิ่นกายหอมกรุ่นที่แม็กชอบสูดดมทุกครั้งที่ถูกกอด ถ้าหลับตาลงผู้ชายคนนี้จะเป็นใครได้ล่ะถ้าไม่ใช่...

"แด๊ดดี้..”   เสียงเรียกแผ่วอย่างไม่แน่ใจ จะให้แน่ใจได้ไงล่ะ.. หนวดเคราเต็มหน้าแบบนี้ แถมดวงตายังสีฟ้าอีก
“ใช่เปล่าฮะ”
“ใช่หรือเปล่าล่ะ” น้ำเสียงที่ย้อนกลับมาพร้อมรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ทำให้เด็กชายตาโต อ้าปากค้างอีกรอบ
“แม้แต่ลูกก็จำไม่ได้หรือ แม็กกี้.. แสดงว่าฝีมือแปลงโฉมของแด๊ดวันนี้สุดยอดล่ะซี.. รับรองว่าไม่มีใครจำได้หรือสงสัยเหมือนวันก่อนแน่..”
ทอมพาเด็กชายไปช้อบปิ้งเมื่อสัปดาห์ก่อนแค่ติดหนวดและใส่แว่นเท่านั้น จึงมีแต่คนมองด้วยความสงสัย บางคนสงสัยมากถึงขนาดเดินเข้ามาถามเลย
“แด๊ดจริงๆ เหรอฮะ” เด็กชายสวมกอดทอมและเขย่งตัวขึ้นพิสูจน์กลิ่นที่ซอกคอหนึ่งฟอดเพื่อความแน่ใจ ก่อนจะหัวเราะออกมาและตามด้วยคำถามเป็นชุด
“ต้องปลอมขนาดนี้เลยหรือฮะ แด๊ด.. หนวดนี่ทำด้วยอะไรฮะ เหมือนของจริงจังเลย.. แด๊ดไม่จั๊กจี๋เหรอ.. ทำไมตาเป็นสีฟ้าล่ะฮะ.. ทำยังไงเหรอ.. เจ็บเปล่าฮะ..”
ทอมล็อคคอเด็กชายตรงไปที่รถ นอกจากจะไม่ตอบที่เจ้าหนูถามแล้ว ยังย้อนถามกลับไปอีก
“จะเล่นตอบคำถามหรือจะไปสวนสนุก เร็วๆ เข้า สายแล้ว”
“เอ๋?.. ก็ใครสายล่ะ ผมคอยแด๊ดเกือบชั่วโมงเลยนะฮะ... หนวดนี่ติดยากเหรอ.. ของปลอมแน่เหรอฮะ ทำไมเหมือนจริงจัง” เสียงใสย้อนกลับมาตามด้วยคำถามที่ยังค้างคาใจอีกเป็นชุด..
นายเอ๊ดยืนอมยิ้มเปิดประตูรถรอรับ เจ้านายหนุ่มรูปงามของเขาเป็นหนุ่มใหญ่ขึ้นทันตาเห็น สวมเชิร์ตแขนยาวเข้ารูปซึ่งไม่ค่อยจะได้เห็นบ่อยนัก อย่างนี้ซี..ถึงเหมาะที่จะควงเด็กชายวัยคุณหนูไปเที่ยวแบบพ่อๆ ลูกๆ
ขณะยืนคอยเด็กชายเข้าไปในรถ นายเอ๊ดขยับเข้ามาประชิดเจ้านายหนุ่ม และก้มลงสูดดมที่แขนเสื้อ
“ทำอะไรวะ? ”
“เอ่อ.. พิสูจน์..ว่าใช่ตัวจริงรึเปล่าครับ” โชเฟอร์จอมกะล่อนยิ้มฟันขาวตัดกับสีผิว
“แล้วไง!!” ทอมถามเสียงขุ่น
“อ่า.. ครับ เชิญครับเจ้านาย..” นายเอ๊ดโค้งคำนับอย่างงามและขยับประตูให้เปิดกว้างออก

ทอมส่ายหัวอย่างเอือมระอาก่อนจะก้าวขึ้นรถ ...วอนซะแล้วไอ้นี่ ยังดีนะที่พิสูจน์ตรงแขนเสื้อ ถ้าบังอาจมาพิสูจน์ตรงซอกคอเหมือนที่แม็กกี้ทำล่ะก็ แก..ตาย!!!.. กลิ่นกายของเขานอกจากเจ้าหนูแล้วมีเพียงคนเดียวเท่านั้น... ที่เขายินยอมให้สัมผัสและสูดดมทั่วทุกตารางนิ้วบนร่างกาย..

ทอมเจ็บแปล็บที่อก อีกแล้ว!! นึกถึงคนคนนั้นทีไรต้องมีอาการแบบนี้ทุกที ...ทำไมถึงอ่อนแอนักนะ แม็คกิลล์..
ทอมหันไปสนใจเด็กชายทันทีก่อนที่ความคิดคำนึงจะเตลิดไปไกลอีก พักนี้แม็กกี้ชอบค่อนขอดเขาบ่อยๆ ว่าคิดถึงแต่คนอื่น ไม่ค่อยสนใจลูกเลย..

แม็กกี้ยื่นโบรชัวร์สวนสนุกให้เขาดู สีหน้ายิ้มแย้มมีความสุขสุดๆ
“ดูซิฮะ.. มีเครื่องเล่นตั้งเยอะ เดี๋ยวเราเล่นทุกอย่างเลยนะฮะ แด๊ด..”
ทอมพยักหน้าให้สีหน้ายิ้มแย้มมีความสุขไปด้วย แต่ประโยคหลังทำให้รอยยิ้มค่อยๆ จางลง พลิกดูโบรชัวร์ในมือก่อนจะตอบรับคำชวนด้วยน้ำเสียงอ้อมแอ้ม
“ไม่มีปัญหาลูก.. เล่นได้ทุกอย่างยกเว้น.... อืมม์...รถไฟเหาะกับไวกิงส์”
“เอ๋?.. ทำไมล่ะฮะ เขาให้เฉพาะผู้ใหญ่เล่นเหรอ.. แต่ผมเล่นกับแด๊ดนี่ แล้วผมก็ไม่ใช่เด็กเล็กๆ ด้วย..”

ทอมหัวเราะแห้งๆ แทนคำตอบ จะให้บอกยังไงดีล่ะ.. ไม่ใช่เขาไม่อนุญาตหรอก.. แต่ไอ้เครื่องเล่นสองตัวนี้ เล่นเสร็จทีไร.. แด๊ดต้องวิ่งเข้าห้องน้ำคายของเก่าออกทุกครั้ง..

 :L1:

เด็กชายเดินหัวร่อและคุยฟุ้งตลอดทางหลังเสร็จสิ้นการผจญภัยในอวกาศโดยรถไฟตะลุยจักรวาล ในขณะที่ผู้เป็นพ่อรู้สึกมวนๆ ในท้องเล็กน้อย ..เขาไม่ถูกกับรถไฟที่มีความเร็วสูงเกือบทุกประเภทจริงๆ ให้ตายเถอะ !..
 :m4:  “สนุกจังเลยนะฮะ แด๊ด.. เหมือนได้ออกไปในอวกาศจริงๆ เลย.. เดี๋ยวเราไปต่อรถไฟเหินเวหากันนะฮะ เขาจะให้ผมขึ้นหรือเปล่า.. ผมไม่ใช่เด็กเล็กนะ ผมโตแล้ว”

แม็กกี้กล่าวด้วยสีหน้าวิตกเพราะกลัวว่าจะไม่ได้เล่น  ในขณะที่ทอมก็มีสีหน้าวิตกไม่แพ้กัน ถ้าให้ไปต่อรถไฟเหาะตอนนี้เลยล่ะก็.. มีหวังได้คายมือเช้าออกมาเต็มๆ แน่..
“แด๊ดว่าเราไปหาอะไรเบาๆ เล่นก่อนดีกว่า.. มั้ยลูก..”
“เบาๆ ?..”   :m28:  แม็กกี้ทวนคำสีหน้างงๆ
“เอ่อ.. หมายถึงอะไรก็ได้ ที่ไม่ใช่รถไฟอ่ะ แม็กกี้..”
ทอมถอนใจโล่งอกเมื่อเด็กชายพยักหน้ารับด้วยดี
“งั้นเปลี่ยนไปนั่งเรือมั้ยฮะ แด๊ดดี้.. เอาเรือไวกิงส์ หรือซุปเปอร์สแปลชดีฮะ”

(ซุปเปอร์สแปลช คือเรือลำใหญ่ ที่พาผู้เล่นขึ้นไปบนความสูงขนาดตึก 6 ชั้น ก่อนจะทิ้งดิ่งทะยานลงสู่แอ่งน้ำขนาดใหญ่ ก่อให้เกิดคลื่นขนาบ 2 ข้าง สร้างความตื่นเต้น เย็น..สะใจ..)  

คำชวนที่ออกจากปากเจ้าหนูอีกครั้งเล่นเอาทอมถึงกับแข้งขาอ่อน    :try2:  รีบจูงเด็กชายหลบเข้าข้างทางนั่งพัก
“อ่าาา.. แม็กกี้.. ลูกหิวรึยัง”
แม็กกี้หน้าเหรอ จู่ๆ ก็ถูกเปลี่ยนเรื่อง เพิ่งเล่นเครื่องเล่นไปแค่ 2 อย่างเอง จะหิวได้ไง.. ถึงหิวก็ยังไม่อยากกินหรอก ตอนนี้อยากเล่นมากกว่า..
“ผมยังไม่หิว อยากจะเล่นเรือฮะ แด๊ด..”   ครั้งนี้เด็กชายอ้อนขอด้วยคำพูดและสีหน้า เพราะเริ่มรู้สึกว่าพ่อไม่อยากเล่นเครื่องเล่นที่หวาดเสียว และถ้าทอมไม่เล่น..เจ้าหนูก็ไม่กล้าเล่นคนเดียว
“โอเค.. เรือก็เรือ.. งั้นเราไปผจญภัยที่แกรนด์แคนยอนกันก่อน เสร็จแล้วมาต่อเรือบั๊มส์ ให้มันสะใจไปเลย ดีมั้ย..”
เด็กชายทำตาปริบๆ แต่ก็พยักหน้ารับด้วยดี ไม่ใช่เครื่องเล่นที่ออกปากชวนสักอย่าง แต่ก็เอาเถอะ.. ดีกว่าไม่ได้เล่น.. เล่นกับพ่อ อะไรก็สนุกทั้งนั้นแหล่ะ...

 :L1:

ในที่สุดทอมก็หนีไม่พ้น...ต้องยอมนั่งรถไฟเหาะกับเด็กชาย ก็เจ้าหนูเล่นเล่าความหลังเมื่อครั้งยังเด็กว่า ฝันอยากมาเที่ยวสวนสนุกและได้นั่งรถไฟเหาะกับพ่อ ไม่คิดว่าความฝันจะได้เป็นจริงในวันนี้ ถึงจะไม่ได้นั่งรถไฟก็ไม่เป็นไร..

นายเอ๊ดประคองเจ้านายหนุ่มและคุณหนูออกจากสถานีรถไฟเหินเวหา เขาถูกโทรเรียกตัวให้มานั่งเป็นเพื่อนอยู่ด้านหลัง อดขำไม่ได้กับอาการตื่นกลัวของเจ้านายสุดหล่อและคุณหนูจอมซ่าส์ ซ่าส์อยากจะเล่นรถไฟเหาะ พอขึ้นไปนั่งจริงๆ ก็เริ่มหน้าเสีย และส่งเสียงร้องกรี๊ดตลอดการเดินทาง ในขณะที่เจ้านายไม่ส่งเสียงร้องสักแอะ แต่นั่งเกร็งมาตลอดทางเช่นกัน

ทอมมีสีหน้าไม่สู้ดีและดูแย่กว่าแม็กกี้ เจ้าหนูแค่รู้สึกตื่นเต้นหวาดเสียวขณะกำลังเล่นเท่านั้น เล่นจบก็หายและยังพูดคุยหัวเราะได้เหมือนเดิม
“เข้าห้องน้ำมั้ยครับ เจ้านาย”   นายเอ๊ดรู้ว่านี่คือเหตุผลที่เจ้านายเรียกมาเล่นเป็นเพื่อน จึงเอ่ยถามอย่างรู้หน้าที่ซึ่งทอมก็พยักหน้ารับทันที
“อยู่กับเอ๊ดดี้แถวนี้ก่อนนะแม็กกี้   แด๊ดขอเข้าห้องน้ำเดี๋ยว”
สีหน้าผะอืดผะอมของทอมทำให้แม็กกี้ใจไม่ดี รู้เหตุผลแล้วว่าทำไมพ่อถึงพยายามเลี่ยงไม่อยากนั่งเครื่องเล่นประเภทนี้
“ผมไปด้วยฮะ” แม็กกี้รีบเข้ามาช่วยประคองทอมจะพาไปห้องน้ำ
“ลูกปวดจะเข้าห้องน้ำรึเปล่า ถ้าไม่ปวดก็ไม่ต้องเข้าไป รออยู่ตรงนี้แหล่ะ อยู่กับแม็กกี้นะ เอ๊ดดี้..”

ทอมกำชับนายเอ๊ดอีกครั้งก่อนจะเดินเลี่ยงไปเข้าห้องน้ำอีกฟากถนน โดยไม่ยอมให้เด็กชายตามไปด้วย ห้องน้ำสาธารณะที่มีคนพลุกพล่านมากหน้าหลายตาแบบนี้ ไม่ใช่ที่ที่เด็กชายจะเข้าไปโดยไม่มีกิจธุระ ที่สำคัญใครจะอยากให้ลูกมายืนดูตัวเองแหวะของเก่าออกล่ะ และความรู้สึกของเขาตอนนี้ก็ไม่ใช่แค่อยากจะอาเจียนด้วย อยากจะปล่อยออกทั้งข้างบนและข้างล่างเลย..

 :L1:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 03-02-2010 11:54:10
“ทำไมแด๊ดเข้าห้องน้ำนานจัง”
แม็กกี้ผุดลุกผุดนั่งเมื่อเวลาผ่านไป 15 นาทีแล้ว ยังไม่เห็นวี่แววว่าคุณพ่อแสนรักจะออกมา นึกเสียใจที่ตัวเองทำให้พ่อรู้สึกไม่สบายท้อง
“น้าเอ๊ดดี้.. เข้าไปดูแด๊ดกันว่าเสร็จรึยัง” เด็กชายลุกขึ้นยืนแต่ถูกนายเอ๊ดฉุดให้นั่งลง
“รออยู่นี่แหล่ะครับคุณหนู.. เดี๋ยวผมไปตามเอง”

 o13

ทอม แม็คกิลล์ เดินจ้ำอ้าวออกจากห้องน้ำด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ หัวเสียนายเอ๊ดที่เข้ามายืนคอยด้านในโดยปล่อยเด็กชายให้คอยอยู่ด้านนอกตามลำพัง
“ก็.. คุณหนูให้ผมเข้ามาตามเจ้านายครับ”   นายเอ๊ดครวญเสียงอ่อย ไม่กล้าบอกความจริงว่าคุณหนูจะเข้ามาด้วยแต่เขาเป็นคนบอกให้คอยอยู่ข้างนอก ขืนบอกความจริงทั้งหมดก็แย่น่ะซี..
ทอมไม่สนใจฟังคำแก้ตัว เดินดุ่มไปที่ที่เด็กชายควรจะนั่งรออยู่แต่ไม่พบ
“แม็กกี้ล่ะ”
“เอ่อ.. ผมให้คุณหนูนั่งรออยู่ตรงนี้นี่ครับ สงสัยจะเดินเล่นอยู่แถวๆนี้” นายเอ๊ดกวาดสายตาไปรอบๆ นึกโกรธความชุ่ยของตัวเอง
ทอมหันรีหันขวางทำอะไรไม่ถูก ผู้คนมากหน้าเดินสวนกันไปมา หัวเราะสนุกสนาน เขาหมุนตัวไปรอบๆ ไม่พบเด็กชายอยู่ในกลุ่มผู้คนก็เริ่มใจเสีย
“แม็กกี้.. อยู่ไหน~ ”
น้ำเสียงสั่นเครือของทอมทำเอานายเอ๊ดใจเสียไปด้วย เขาคิดว่าเด็กชายคงวิ่งเล่นอยู่แถวๆ นี้ แต่เจ้านายคงไม่คิดแบบเขาแน่
“ไปตามหาซีโว้ย!!.. ยืนเซ่ออยู่ทำไม”

นายเอ๊ดสะดุ้งโหยงกับเสียงตะวาด เผ่นแน่บไปตามหาเด็กชายในขณะที่ทอมเดินแยกไปอีกด้าน หัวใจเต้นแรงด้วยความตื่นกลัว ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร แม็กกี้ไม่ใช่เด็กเล็กๆ โตพอที่จะดูแลตัวเองได้แล้วด้วยซ้ำ   นี่เป็นครั้งที่ 2 ที่เขาพาแม็กกี้ออกมาพบปะผู้คนภายนอกหลังจากที่เจ้าหนูมีสุขภาพจิตที่ดีขึ้นมากแล้ว ทุกย่างก้าวนอกคฤหาสน์แม็คกิลล์ เด็กชายไม่ได้แค่อยู่ในสายตาเขาเท่านั้น แต่ถูกเขาจูงมือไว้ตลอดไม่เคยปล่อย เพิ่งจะปล่อยให้อยู่ตามลำพังกับเจ้าเอ๊ดดี้ตอนเข้าห้องน้ำเมื่อครู่นี้เอง ให้ตายเถอะ !.. ถ้าหาไม่เจอจะทำยังไง…

ทอมเดินออกมาไกลพอสมควร เมื่อไม่พบก็วิ่งย้อนกลับไปที่เดิมเผื่อว่าเจ้าหนูจะกลับมาแล้ว แข้งขาอ่อนแรงลงทันทีเมื่อไม่เห็นเด็กชายนั่งคอยอยู่ มีแต่กลุ่มวัยรุ่นชายหญิงนั่งหยอกล้อหัวเราะกันสนุกสนาน ยืนงงอยู่นายเอ๊ดก็วิ่งหน้าตื่นกลับมาบอกว่ายังหาคุณหนูไม่พบ แต่จะลองย้อนกลับไปหาที่เครื่องเล่นไวกิงส์ดูอีกที อาจจะไปยืนดูเขาเล่นกันจนเพลิน

นายเอ๊ดวิ่งจากไปทอมก็ทรุดตัวลงนั่งก้มหน้ากุมขมับ หมดแรงเดินตามหา รู้สึกกลัวจับใจจนความนึกคิดสับสนและฟุ้งซ่าน ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับแม็กกี้อีกครั้ง เขาจะทำยังไง.. แว่บถึงชายหนุ่มที่เคยอยู่เคียงข้างเป็นเงาตามตัวกว่า 3 ปีที่ผ่านมา ถ้าเขาคนนั้นอยู่เหตุการณ์นี้จะไม่เกิดขึ้น จิมไม่มีวันปล่อยมือแม็กกี้เพราะรู้ดีว่าเด็กชายเป็นของรักที่มีค่าที่สุดในชีวิตของเขา   เสียงประกาศชมการแสดงพาเหรดที่จะเริ่มในอีก 10 นาที ทำให้ทอมรู้สึกตัวและนึกขึ้นได้ว่าจะต้องประกาศตามหาเด็กชายก่อน ไม่ใช่มานั่งท้อแท้สิ้นหวังแบบนี้

ทอมเงยหน้าขึ้นดวงตาสีฟ้าสวยเบิกกว้าง หัวใจพองโตในเสี้ยววินาทีจนรู้สึกวูบในอก เมื่อเห็นเด็กชายยืนยิ้มเผล่อยู่ตรงหน้า มือถือไอศครีมไว้ข้างละ 2 โคน สองแขนคว้าร่างเล็กเขย่าและละล่ำละลักต่อว่าด้วยอาการตื่นตระหนก

"ไปไหนมา แม็กกี้.. ไปไหนทำไมไม่บอก ทำไมไม่รอแด๊ดออกมาก่อน ตามหาจนทั่วก็ไม่เจอ อย่าทำแบบนี้อีกนะ.. ลูกทำให้แด๊ดตกใจรู้หรือเปล่า"

แม็กกี้หน้าเสียรอยยิ้มจางหาย  ถูกพ่อดุเป็นครั้งแรกในชีวิต รู้สึกเสียใจจนน้ำตาคลอระริก  :monkeysad:  ในขณะที่ทอมรู้สึกตัวแทบจะในทันทีที่พูดจบ รีบสวมกอดเจ้าหนูไว้ก่อนที่น้ำตาจะร่วงผล็อยลง
"แด๊ดไม่ได้ว่านะ แม็กกี้.. แด๊ดตกใจกลัวลูกหายไปไหนอีก.."
"ผมไม่ได้ไปไหน ผมแค่ไปซื้อไอศครีมที่ร้านโน้นฮะ" เด็กชายตอบน้ำเสียงสั่นเครือ จะไม่ให้เสียใจได้ยังไง ไอศครีมที่ซื้อมาตอนนี้เหลือแต่โคนเปล่าๆ ก็คุณพ่อเล่นเขย่าซะหัวสั่นหัวคลอน
แม็กกี้เห็นสายตาของพ่อจับจ้องโคนเปล่าที่อยู่ในมือ ก็รีบออกตัวด้วยน้ำเสียงสะอื้น
"แต่ตอนนี้ไอศครีมหล่นไปอยู่ที่พื้นหมดแล้วฮะ แด๊ด.."

เด็กชายก้มลงมองไอศครีมหลากสี 3 - 4 ก้อน ที่หล่นแปะอยู่กับพื้นน้ำตาก็ร่วงผล็อยลง เสียใจที่พ่อดุไม่เท่าไรหรอกแต่เสียดายไอศครีมที่หกหมดมากกว่า วันนี้ทางร้านจัดโปรโมชั่นซื้อ 1 แถม 1 เฉพาะเด็กแถวก็เลยยาวไปถึงหลังร้าน อุตส่าห์ไปต่อแถวซื้อตั้งนาน..

"โอว! แม็กกี้.." ทอมรั้งเด็กชายนั่งลงบนตักสวมกอดและกระซิบปลอบเบาๆ
"อยากกินไอศครีมทำไมไม่บอกล่ะครับ เดี๋ยวไปซื้อใหม่ ไม่ต้องร้องลูก.. "
"ผมขอโทษฮะที่ทำให้แด๊ดตกใจ ร้านไอศครีมคนเยอะ ผมต่อแถวตั้งยาวเลยกลับมาช้าฮะ ผมซื้อมาฝากแด๊ดกับน้าเอ๊ดดี้ด้วย.."
แม็กกี้โชว์โคนเปล่าที่อยู่ในมือให้ทอมดูว่าซื้อมาฝากจริงๆ
"แด๊ดขอโทษ ลูก.. เดี๋ยวเราไปซื้อกันใหม่นะ โอเค.."
ทอมดึงโคนไอศครีมเปล่าออกจากมือเด็กชายวางบนม้านั่ง โน้มศีรษะเล็กเข้ามาจูบซับน้ำตาที่แก้ม แม็กกี้สะดุ้งเบือนหน้าหนีและยกแขนขึ้นป้องไว้

ทอมเลิกคิ้วเมื่อลูกชายผละหนีจูบของเขา เสียงหัวเราะจากกลุ่มวัยรุ่นที่นั่งอยู่ห่างไปไม่ไกลนัก ทำให้เขานึกขึ้นได้ว่าไม่ได้อยู่ในที่ทางส่วนตัว ทอมหันไปมองก็พบสายตาหลายคู่จับจ้องมาที่เขากับลูก หลายคนอมยิ้มและหัวเราะ

ทอมซ่อนยิ้มในหน้า แกล้งกระซิบถามเบาๆ
"ทำไมไม่ให้จูบล่ะครับ ยังโกรธเรื่องไอศครีมเหรอ.."
"เปล่าโกรธฮะ"
"แล้วทำไมไม่ให้จูบล่ะ อายคนมอง? "
แม็กกี้ชำเลืองมองไปที่กลุ่มเด็กวัยรุ่นก่อนกระซิบตอบพ่อ
"เปล่าอายซะหน่อย   ผมจั๊กจี๋หนวดแด๊ดต่างหาก  ไม่รู้จะใส่หนวดเยอะแยะทำไม ปลอมยังไงคนก็ยังจำได้อยู่ดี"
"เอ๋?.. จริงอ่ะ" ทอมนึกขึ้นได้

…จริงซีนะ! เขาปลอมตัวออกมา... ไม่ต้องการให้คนจำได้เพราะต้องการมีเวลาเป็นส่วนตัวกับลูก และไม่ต้องการตกเป็นข่าวในช่วงนี้ด้วย เด็กพวกนี้มองเขาเพราะจำได้จริงเหรอ.. ปลอมขนาดนี้ยังจำได้.. ต่อไปก็ไม่ต้องปลอมกันแล้ว..

"ถ้างั้นลูกต้องยอมให้แด๊ดจูบดีๆ แล้ว"
"เอ๋?.." คิ้วเรียวเล็กขมวดมุ่น เพราะไม่รู้ว่ามันเกี่ยวกันตรงไหน
"ถ้าลูกไม่ยอมให้จูบ อาจมีคนสงสัยว่านี่เป็นหนวดปลอมนะ"
"หนวดจริงไม่จั๊กจี๋เหรอฮะ"
ทอมพยักหน้าให้ ...เป็นคำถามที่ไร้เดียงสาจริงๆ.. เย้าลูกชายเล่นมีความสุขอย่าบอกใครเลย..

…………………….
เสียงซุบซิบของเด็กสาวสองคนที่นั่งอยู่ใกล้สุดดังแว่วเข้าหูสองพ่อลูก
"เธอว่าใช่มั้ย ฉันว่าใช่นะ"
"นั่นน่ะซี เด็กน่ารักนะเธอ เข้าไปถามกันมั้ยว่า ใช่หรือเปล่า"
……………………..  

ดวงตาสีน้ำทะเลกลมโตเบิกโพลงรีบกระซิบบอกพ่อ
"รีบไปจากที่นี่เถอะฮะแด๊ด.. ก่อนที่เขาจะเข้ามาถาม"
"จูบแด๊ดก่อนซี แล้วค่อยไปกัน" ทอมต่อรองหน้าตาย

แม็กกี้ไม่อยากให้คนมาห้อมล้อม  จึงยอมทำตามโดยไม่เสียเวลาคิด  แต่เลือกจูบที่สันจมูกของพ่อ  ทอมจูบแก้มเด็กชายกลับ เสียงหัวเราะและกระซิบกระซาบก็ดังหึ่งขึ้นอีก  แม็กกี้หน้าแดง..อายจนต้องซุกหน้าลงกับไหล่พ่อและกระซิบบอกให้ไปจากที่นี่เร็วๆ

ทอมหัวเราะอย่างสุขใจ ชั่วขณะที่หาเด็กชายไม่เจอเมื่อครู่ หัวใจเขาแทบจะหลุดลอยหายไปด้วย ถึงนาทีนี้เขาไม่แคร์แล้วว่าใครจะจำได้หรือไม่ อยากจะประกาศให้โลกรู้ด้วยซ้ำว่าเจ้าหนูแม็กกี้คนนี้ เป็นลูกชายของทอม แม็คกิลล์ จริงๆ

ทอมแบกร่างเล็กขึ้นไหล่  เจ้าหนูดิ้นขลุกขลักจะลง ทอมแกล้งเดินเข้าไปใกล้กลุ่มเด็กวัยรุ่นและกระเซ้าเสียงดังจงใจให้หูที่ผึ่งอยู่หลายคู่ในที่นั้นได้ยินด้วย

"จะลงเดินเองก็ได้ แต่ต้องจูบแด๊ดอีกหนึ่งที โอเค.."
เด็กชายตกใจที่ทอมพูดเสียงดังจนคนอื่นๆได้ยิน รู้สึกอายจนเผลอทุบหลังพ่อ
“ไปเถอะฮะ แด๊ด.. น่าอายจะตาย..”

ทอมหัวเราะกับอาการเขินอายของลูกชาย หันไปส่งยิ้มและขยิบตาให้กลุ่มวัยรุ่นหนุ่มสาว ก่อนแบกร่างเล็กเดินจากไป ในขณะที่หน่วยสอดแนมชายหญิงหงายหลังตึงกันไปหลายคน เพราะท้าพนันกันอยู่ว่าหนุ่มฝรั่งสุดหล่อแสนเท่ผู้นี้เป็นพ่อของเด็กชายลูกครึ่งหน้าตาน่ารักหน้าชังคนนี้จริงรึเปล่า เพราะสารพัดเสียงอึกทึกทั้งเสียงกรีดร้องและเสียงเครื่องเล่นในสวนสนุก ทำให้ไม่มีใครได้ยินสองพ่อลูกคุยกันถนัดนัก ได้เห็นแต่สีหน้าท่าทีและกริยาที่ชายหนุ่มปฏิบัติต่อเด็กแล้ว ทั้งอบอุ่นและอ่อนโยนจนไม่สามารถหาคำบรรยายและละสายตาจากภาพที่เห็นได้ ต่างพากันจ้องเขม็งดูฉากรักหวานแหววระหว่าง 2 หนุ่ม 2 วัย  โดยไม่มีใครสงสัยว่าชายหนุ่มเป็นใคร  ความแคลงใจของวัยรุ่นกลุ่มนี้คือ  หนุ่มฝรั่งผู้นี้เป็นพ่อเด็กหรือเปล่าเท่านั้น..

"เด็กเป็นลูกจริงๆ ด้วยอ่ะ มิน่าล่ะ!.. โอ๋กันน่าดู"
"คนอะไรวะ หล่อโคดด..เลย มีหนวดเครารุ่มร่ามยังหล่อขนาดนี้ ถ้าโกนออกสงสัยอัญเชิญขึ้นไปอยู่บนสวรรค์ได้เลย"
"อะไรของแกวะ หมูพูห์.."
"ทำไมต้องให้แปลด้วยฟระ!! แค่นี้ก็ไม่เก๊ท บนสวรรค์เป็นที่อยู่ของใครกันล่ะ  ถ้าหมอนั่นไม่มีหนวดเคราล่ะก็ เทวดายังต้องหลบเลย เหอะ ๆ แต่.. เอ!!!.. มองไปมองมาคล้ายๆใครหว่า นึกไม่ออก…"

พูห์น้อย งึมงำประโยคสุดท้ายก่อนลุกขึ้นชวนเพื่อนๆ ไปเล่นเครื่องเล่นต่อ หลังจากหยุดพักเหนื่อยและได้ดูฉากรักหวานหวิวของพ่อลูกที่สุดแสนจะน่ารักคู่นั้นแล้วช่างเป็นบุญตาจริงๆ…

 :L1:


TBC >>>>

เห็นแม็กกี้มีความสุขแบบนี้  แม่ยก พ่อยก ยิ้มกว้าง ๆ กันได้แล้วซีนะ 
บอกแล้วไม่มีใครต้องร้องไห้ตลอดไป
ชะเอิงเอย
 :z2:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 03-02-2010 17:29:17
คิด ถึง จิม อ่ะ เมื่อไหร่ จิม จะกลับ มาซะที

กลับ มาก็ กลับมาคนเดียว นะ

อย่า พ่วง ใครกลับมาด้วย 

ทอม ก็นะ  ยัง ไม่รู้ความรู้สึกของตัวเอง อีกรึ ไง

รัก แต่ ไล่ ให้ไป     :z6:

เฮ้อ อ อ  อ อ อ ออ
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: จุ๊บจิ๊บจ๊ะจ๋า ที่ 03-02-2010 17:49:21
 :mc4: :mc4: :mc4:

ภาคสองมาแล้ว




เมื่อไหร่หนอจิมมี่จะกลับมา :m15:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 03-02-2010 18:18:27
อาไรกันอ่ะ

จิมเพิ่งไปแค่วันเดียว  ร้องหากันแล้วเหรอ   o18
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: DEMON3132 ที่ 03-02-2010 18:38:39
เจ๊หมวย พี่เป็นแฟนคลับของเสี่ยภากร เถ้าแก่โย บรรดาพ่อ ๆ ของน้องโมจิ
ที่สำคัญเป็นแม่ยกของน้องโมจิ (ขวัญใจ) เรื่องสายใยรักก็อ่านจากบอร์ด
บ้านพ่อแล้วยังตามมาอ่านจากบอร์ดนี้ อ่านเรื่องไหนของเจ๊หมวยมีความสุข
ทุกเรื่องเลย เจ๊หมวยไม่ได้แต่งเรื่องใหม่อีกเหรอ รอจับจองซื้อที่เป็นเล่มมาไว้
เป็นสมบัติสวนตัวอยู่นะคะ  :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 03-02-2010 19:55:29
แอรยสสสสส

ได้รับเชิญเรื่องนี้ด้วยวุ้ย

จ่ายค่าตัวมาด้วยเจ้หมวย

 :laugh: :laugh:

















ล้อเล่นนะครับ ขอบคุณที่มาต่อนะคร้าบบบ

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 03-02-2010 20:24:14
มีความสุขแบบเหงาๆ ทอมไม่มีจิมเคียงข้าง
เหมอๆแบบนี้ทอมคิดถึงจิมแน่เลย
พ่อลูกหยอกกัน น่ารัก :กอด1:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: nbee ที่ 03-02-2010 20:28:54
นี่แหล่ะน๊า พอเค้าไม่อยู่แล้วก็คิดถึงเค้า รู้ตัวว่าขาดเค้าไม่ได้ :sad11:


คู่พ่อลูกเค้าหยอกกันน่ารักจังเลยอ่ะ
แม็กกี้น่ารักซะ โตขึ้นคงสวย (?) เหมือนแด๊ดเนอะ
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: 1582 ที่ 03-02-2010 21:44:26
รอจิมกลับมา  :serius2:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 03-02-2010 22:09:09
หลังเหตุการณ์ใจหายเมื่อครู่ทอมสั่งนายเอ๊ดให้ไปคอยที่รถหรือจะไปเดินเที่ยวที่ไหนก็ตามใจ โทรไปตามเมื่อไรค่อยมารับ เขาขอเที่ยวเล่นกับลูกสองคนสบายใจกว่า

"เดี๋ยวเราจะเล่นอะไรต่อดีฮะ แด๊ด.." เสียงใสงึมงำขึ้นทันทีหลังจากงับไอศครีมคำเบ่อเริ่มเข้าในปาก
"กลืนลงคอก่อนแล้วค่อยพูดซี.." ทอมดุเสียงเข้ม ดึงกระกาษซับช็อคโกแลตที่ไหลย้อยจากมุมปากแล้วส่ายหน้า เด็กชายกินไอศครีมถ้วยนี้เป็นถ้วยที่สองแล้ว
"ยังจะเล่นอีกเหรอ กินอิ่มๆ ไปเล่นเดี๋ยวก็แหวะหรอก"
"เหมือนแด๊ดเหรอฮะ" หนุ่มน้อยกระเซ้าพ่อสีหน้าทะเล้น เจอดวงตาสีฟ้าถลึงใส่ก็รีบอ้อนเสียงใสก่อนจะถูกดุ
"เล่นที่ไม่หวาดเสียวได้มั้ยฮะ"
ทอมถอนใจเฮือกก่อนจะพยักหน้าให้ เจ้าหนูก็รีบควักโพยเครื่องเล่นออกมาดู
"ไปขับรถโกคาร์ทมั้ยฮะ แด๊ด.."
ทอมส่ายหน้าตัวเลือกใหม่ก็สวนขึ้นมาทันที
"พรมวิเศษ.. น่าตื่นเต้นนะฮะ"
ทอมส่ายหน้าอีก
แม็กกี้ไม่ยอมแพ้ เอ่ยชื่อเครื่องเล่นที่ยังไม่ได้เล่นอีกเป็นหางว่าวก็ถูกพ่อส่ายหัว
"แด๊ดอ่ะ.." เสียงใสสั่นเครือเมื่อรู้ว่าพ่อไม่อยากเล่นอะไรแล้ว
“เข้าปราสาทผีสิงกันมั้ย” ทอมเอ่ยชวนอย่างไม่จริงจังนักเพราะคิดว่าเด็กชายต้องปฏิเสธ ถึงจะกล้าเล่นเครื่องเล่นที่ตื่นเต้นหวาดเสียว แต่เด็กก็ต้องเป็นเด็ก ยังไงก็ไม่ชอบเรื่องผีๆ แน่
“หา!!!..” ดวงตาคู่สวยเบิกโพลง ถามย้ำเบาๆ อย่างไม่แน่ใจ “ปราสาทผีสิง”
ทอมพยักหน้าให้ สีหน้าของเด็กชายดูไม่ค่อยถูกใจกับคำชวนนี้ จึงแกล้งกระเซ้าด้วยการพูดสบประมาทเล็กๆ
“ไม่อยากเข้าล่ะซี ไม่ชอบหรือไม่กล้า หือ…”
คิ้วเรียวเล็กขมวดมุ่น เม้มริมฝีบางอย่างครุ่นคิด ก่อนย้ำคำถามกลับไปให้พ่อ
“แด๊ดอยากเข้าเหรอฮะ ถ้าแด๊ดไม่กลัว ผมก็ไม่กลัว…”
ทอมเลิกคิ้วเมื่อแม็กกี้ยอมรับคำท้าด้วยดี ถึงสีหน้าจะกล้าๆ กลัวๆ ก็เหอะ
“จริงอ่ะ ลูกไม่กลัว.. แด๊ดก็ไม่กลัว..” ถ้างั้นจะช้าอยู่ทำไม กินเสร็จแล้วเราไปพิสูจน์ความกล้าของลูกผู้ชายกันเลย”
ทอมลุกขึ้นยืนรอเจ้าหนูจัดการไอศครีม 2 คำสุดท้ายด้วยท่าทีอิดออดชอบกล
ระหว่างทางจูงแม็กกี้มาปราสาทผีสิง มือเด็กชายเย็นเฉียบ!!!.. ไม่รู้ว่าเย็นเพราะไอศครีมเมื่อครู่หรือเพราะอะไร..


(http://www.thai-folksy.net/Image/Oths/12/gost.jpg)


“แด๊ดฮะ”  :m13: เสียงกระซิบเรียกของเด็กชายเหมือนต้องการความมั่นใจว่าพ่ออยู่ใกล้จริงๆ ทั้งที่มือเล็กก็กุมมือใหญ่ไว้แน่น
“หือ..”
บรรยากาศเริ่มวังเวงขึ้นเรื่อยๆ จากที่มีแสงสลัวเล็กน้อยก็มืดสนิทจนมองไม่เห็น
“ทำไมมันมืดตื๋อเลยอ่ะ”
“ไม่มืดผีก็ไม่ออกน่ะซี” ทอมกระซิบตอบ
“หา!!! ”
ทอมแทบจะกลั้นหัวเราะไม่อยู่ เมื่อร่างเล็กเบียดกระแซะเข้ามาจนเดินไม่ถนัด
....กรี๊ด!!!!!! เสียงกรีดร้องของกลุ่มคนที่อยู่ข้างหน้า ทำเอาแม็กกี้สะดุ้งเฮือกสวมกอดพ่อแน่น..
“แด๊ด.. พวกเขาเจออะไรฮะ..” แม็กกี้ถามเสียงสั่น
“เอ.. ไม่รู้ซี... คงจะเจอ.... อ๊ะ ! เฮ้ย!… ”
(http://t1.gstatic.com/images?q=tbn:U4a15J5ajpL3qM)(http://t1.gstatic.com/images?q=tbn:osh1PmWZUczioM)
ทอมสะดุ้ง จู่ๆ ก็มีหัวผีโผล่ออกมาลอยอยู่ตรงหน้า 2 หัว แสงที่ออกจากดวงตาโปนทำให้ดูน่ากลัวมากขึ้น เขาแค่ร้องอุทานเพราะตกใจแต่เจ้าหนูสะดุ้งสุดตัวส่งเสียงร้องกรี๊ด หัวซุกหัวซุนเข้ามากอดเขาแน่น ตัวสั่นงันงกด้วยความกลัว
อ๊าาาาา!!!!!! แด๊ด.. ผีหัวขาดอ่ะ... กลัว… อือ.....”
“ไม่กลัวลูก... ไม่ต้องกลัว.. ของปลอมทั้งนั้น”

ทอมกล่าวปลอบสองมือสวมกอดและลูบหลังเด็กชายให้หายตกใจ ร่างเล็กในอ้อมกอดกลัวจนตัวสั่นทำให้เขารู้สึกผิด หัวเราะความปากเก่งของเจ้าหนูไม่ออกแล้ว

ทอมพาแม็กกี้ผ่านด่านผีหัวขาดมาด้วยความทุลักทุเล ก็เจ้าหนูเล่นไม่ยอมมองทาง หัวซุกอยู่กับอกเขาจนต้องกึ่งลากกึ่งเดินกันมา

(http://t1.gstatic.com/images?q=tbn:9NLhjQu9QfxeHM)

“ถึงทางออกรึยังฮะ แด๊ด..” เด็กชายถามหาทางออกเสียงสั่นทั้งที่เข้ามายังไม่ถึงครึ่งทาง
“อีกนิดเดียว..จะไม่เงยหน้าขึ้นมามองหน่อยเหรอ.. ไม่มีอะไรน่ากลัวหรอก ของปลอมทั้งนั้นแหล่ะ”
“ไม่เห็นมีอะไรน่ามอง.. มีแต่น่าเกลียดน่ากลัวทั้งนั้น”

น้ำเสียงอู้อี้สั่นเครือและคำพูดเหมือนตัดพ้อพ่อที่ชวนเข้ามาทำไมก็ไม่รู้ ทำเอาทอมพูดไม่ออก.. ยอมให้ซุกหน้ากับอกแต่โดยดี ไม่เงยขึ้นมาก็ดีเหมือนกันจะได้ไม่กลัว แต่ขนาดไม่เห็นด้วยตาตนเองแค่เสียงกรีดร้องของคนอื่นๆ เจ้าหนูก็สะดุ้งและกอดเขาแน่นขึ้นทุกครั้ง

(http://i242.photobucket.com/albums/ff298/akapong999/dookdik/ghost/emoticon/ghost004.gif)(http://aboxor.exteen.com/images/other/cn_ghost.gif)(http://i242.photobucket.com/albums/ff298/akapong999/dookdik/ghost/emoticon/ghost004.gif)

(http://i242.photobucket.com/albums/ff298/akapong999/dookdik/angel-devil/ts14.gif)
(http://www.imajlar.com/free_clipart/halloween_clipart/halloween_clipart_ghost.gif)

ทอมเร่งฝีเท้าเพราะอยากพาลูกออกจากปราสาทร้างเขย่าขวัญแบบไร้สตินี้ซะที นึกโมโหตัวเองเหมือนกันไม่น่าพาเด็กเข้ามาในที่แบบนี้เลย ตลอดทางเดินมีผีและตัวประหลาดโผล่ออกมาหลอกเป็นระยะ ๆ เขาแค่สะดุ้งเพราะตกใจ..ไม่ได้ส่งเสียงร้อง จึงทำให้แม็กกี้คลายความหวาดกลัวลง อ้อมแขนที่กอดรัดเขาแน่นผ่อนคลายลงเล็กน้อย แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ร่างเล็กถูกกระชากออกจากอ้อมกอดของเขา แม็กกี้กรีดร้องสุดเสียงในขณะที่เขาใจหายวาบตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

แด๊ดดี้.. ช่วยด้วยย!!! แด๊ด~ อือ....” เสียงเด็กชายร้องเรียกอยู่ที่ไหนสักแห่งในความมืด
“แม็กกี้!!..”
ทอมโกรธมากเมื่อตั้งสติได้ว่าเป็นการเล่นหลอกของภูติจอมปลอม  บังอาจเล่นถึงลูกถึงคนแบบนี้ ผีบ้าที่ไหนวะ ชั่วจริงๆ..

แสงไฟเริ่มสลัวขึ้นทำให้ทอมเห็นร่างชายฉกรรจ์อยู่ในชุดโครงกระดูกสวม กอดเจ้าหนูของเขาซึ่งส่งเสียงร้องกรี๊ดและเต้นเร่าๆ อยู่
“แด๊ด.. แด๊ดดี้.. ช่วยด้วย!! อือ อือ...”
“ปล่อยลูกผมเดี๋ยวนี้ คุณผี..” ทอมโกรธมากแต่พยายามกัดฟันพูดดีด้วย

(http://i158.photobucket.com/albums/t97/dyukefundee/onepiece/en3/150px-Brook.jpg)

“เอาา..  ค่าาา...  ผ่านน...  ทางงง...  มาาาา...  ก่อนนนน..”

เสียงยานคางตอบกลับมาพร้อมกับเสียงร้องกรี๊ดๆ ของเด็กชาย ทอมโกรธจนเลือดขึ้นหน้าเมื่อไอ้ผีบ้าไม่สนใจสักนิดว่าเด็กจะกลัวขนาดไหน เขาตรงรี่เข้าไปจ่ายค่าผ่านทางที่ใบหน้าของเจ้าผีร้ายจนหงายหลังก้นจ้ำเบ้า และคว้าร่างเจ้าหนูไว้ทันไม่ให้ล้มลงไปพร้อมกับมัน แม็กกี้ผวาเข้าสวมกอดเขาตัวสั่นสะท้าน เสียงพูดตัดพ้อสะอึกสะอื้นฟังไม่ได้ศัพท์ ทอมรีบช้อนร่างเล็กไว้ในอ้อมแขนและเดินดิ่งไปที่ประตูทางออกซึ่งอยู่ห่างไปไม่ไกล โดยไม่สนใจกับผีร้ายที่นอนโอดครวญอยู่ ถ้าไม่ติดว่าอยากจะพาลูกออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดล่ะก็.. เขาจะกระทืบมันต่อให้น่วมเลย...


(http://www.hauntedcastlesandhotels.com/imagesHalloween/Ghost002.gif)
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 03-02-2010 22:25:18
ภาพเด็กชายนั่งอยู่บนตักและซุกหน้ากับอกชายหนุ่มหน้าปราสาทผีสิง ทำให้คนที่พบเห็นโดยเฉพาะกลุ่มคนที่เพิ่งออกมาจากคฤหาสน์ร้างอมยิ้มด้วยความรู้สึกเอ็นดู และเข้าใจตรงกันในทันที่ว่า.. หนุ่มฝรั่งรูปหล่อสุดเท่ผู้นี้กำลังปลอบโยนลูกชายที่ขวัญผวาออกมาจากปราสาทแน่ๆ หลายคนเดาว่าเสียงกรีดร้องเขย่าขวัญเมื่อครู่ต้องเป็นเสียงร้องของเจ้าหนู

“หายตกใจรึยัง หือ..” เสียงปลอบอ่อนโยนโดยหลีกเลี่ยงคำว่า “กลัว” เพื่อไม่ให้เด็กชายรู้สึกไม่ดีมากไปกว่านี้
“ผมขอโทษครับ”
ทอมเลิกคิ้วกับคำถาม “ขอโทษ? .. เรื่องอะไร ลูก...”
ทอมเสยผมชื้นเหงื่อของเจ้าหนูขึ้นและจูบหนักๆที่หน้าผากมนนิ่งไว้ชั่วครู่ ใบหน้าเนียนที่ขาวซีดตอนออกมาเริ่มมีเลือดฝาดขึ้นบ้างแล้ว แต่ดวงตาสีน้ำทะเลกลมโตยังมีน้ำใสหล่อรื้นอยู่  :monkeysad:
“ขอโทษ..ที่ผม...ก....กลัว..ผีฮะ” เด็กชายทำท่าจะสะอื้นก็ถูกพ่อจูบที่แก้มและกระซิบปลอบ
“ลูกไม่ได้กลัวซะหน่อย..แม็กกี้ แค่ตกใจต่างหาก"
“แต่ผมร้องเสียงดัง ผมไม่กล้ามองพวกมันด้วย”
“มีลูกร้องคนเดียวที่ไหน คนอื่นๆ เขาก็ร้องกัน ลูกก็ได้ยินนี่นา หือ..”
“แต่แด๊ดไม่ร้อง.. แด๊ดไม่กลัว.. แล้วก็ไม่ตกใจด้วย”
ทอมนึกขำที่เด็กชายเอาเขาไปเปรียบ แต่หัวเราะไม่ออก
“ก็ลูกยังเด็กอยู่นี่นา.. พอโตเป็นผู้ใหญ่ ลูกก็จะไม่ตกใจอะไรง่ายๆ หรอก”
“ผมไม่มีความกล้า ผมไม่ได้เป็นลูกผู้ชายใช่มั้ยฮะ”
“เหลวไหล คิดแบบนั้นได้ไง แม็กกี้.. หือ..” ทอมตกใจกับความนึกคิดของเด็กชาย
“ก็แด๊ดบอกว่าให้เข้าไปพิสูจน์ความกล้าของลูกผู้ชายในบ้านผีสิง แต่ผมไม่กล้ามองอ่ะ” แม็กกี้น้ำตาร่วงผล็อยลงอีก
ทอมอยากจะตบปากตัวเองนัก เป็นเพราะคำพูดของเขาทำให้ลูกคิดมากแบบนี้
“แด๊ดไม่ได้หมายความแบบนั้นนะ แม็กกี้.. ถ้าความเป็นลูกผู้ชายวัดกันที่ความกล้าในเรื่องพวกนี้ล่ะก็ ลูกมีความกล้ามากกว่าแด๊ดซะอีกนะ รู้มั้ย.. ลูกกล้าเล่นรถไฟเหาะ เรือไวกิงส์ และเครื่องเล่นอีกหลายอย่างที่ต้องขึ้นไปสูงๆ ลูกไม่กลัวทั้งที่มันตื่นเต้นแล้วก็.. น่าหวาดเสียวมากๆ...” ทอมหยุดคำพูดไว้ให้เด็กชายเข้าใจเอง
“แด๊ดกลัว..เหรอฮะ” น้ำเสียงแผ่วเบาย้อนถามกลับมาอย่างไม่แน่ใจ
ทอมพยักหน้าให้ ถึงตอนนี้ไม่รู้สึกอายแล้วที่จะต้องสารภาพกับลูก ว่าเขาไม่กล้าเล่นเครื่องเล่นสูงๆ ที่โลดโผนและหวาดเสียวเหล่านั้น
“ผมขอโทษฮะ”
เด็กชายเอ่ยขอโทษอีกครั้งแต่ด้วยน้ำเสียงที่สดใสขึ้น
“อะไรอีก.. ทำไมวันนี้มีเรื่องขอโทษเยอะจัง”
“ขอโทษที่ชวนแด๊ดไปเล่นรถไฟเหาะจนแด๊ดปวดท้องต้องเข้าห้องน้ำฮะ”
ทอมอึ้งไปชั่วครู่ก่อนจะหัวเราะออกมา
“ถ้างั้นเราก็หายกัน แด๊ดก็ต้องขอโทษลูกด้วยที่ชวนเข้าไปในปราสาทผีสิงบ้าๆ นั่น ไม่เห็นสนุกสักนิด เดี๋ยวเราไปเล่นที่อื่นกันต่อดีมั้ย”
ดวงตากลมโตส่อประกายแจ่มใสขึ้นทันทีเมื่อพูดถึงเรื่องเล่น ร่างเล็กขยับลงจากตักพ่อลุกขึ้นยืน เมื่อหายกลัวก็เริ่มมั่นใจในความเป็นลูกผู้ชายของตัวเอง อารมณ์เบิกบานขึ้นทันตาเห็น
“งั้นรีบไปกันเถอะ แด๊ดอยากเล่นอะไรฮะ” ครั้งนี้แม็กกี้ขอความเห็นพ่อเพราะไม่อยากเลือกตามใจตัวเอง
“อืมม์.. แด๊ดว่าจะพาไปเข้าอีกบ้านนึง..”
พูดถึง “บ้าน” แม็กกี้เบิกตาโพลงอ้าปากจะท้วง แต่ทอมไม่เปิดโอกาสให้พูด
“ลูกต้องชอบแน่ แม็กกี้.. มันคือบ้านน้ำแข็งของชาวเอสกิโม มีสไลเดอร์หิมะให้เล่นด้วย แล้วก็.. บ้านซานตาครอส สนมั้ย..”
ดวงตาคู่สวยเบิกโพลงขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ส่อประกายวาววับ ตื่นเต้นดีใจสุดๆ มือเล็กฉุดแขนพ่อให้ลุกขึ้นทันที
“สนฮะ สน.. ไปกันเดี๋ยวนี้เลยซีฮะ แด๊ด.. ผมอยากเห็นหิมะ”

ทอมพยักหน้าหงึก เอาไงเอากัน.. ที่จริงอยากจะกลับบ้านแล้ว อากาศร้อนและหนวดเคราปลอมทำให้เขารู้สึกคันยิบๆ บนใบหน้า แต่เพื่อเป็นการปลอบขวัญและแก้ตัวที่พาหนุ่มน้อยเข้าไปในสถานที่ที่ไม่น่าพิสมัย ตบท้ายด้วยเมืองหิมะ น่าจะทำให้เจ้าหนูลืมภาพน่ากลัวเมื่อครู่และนอนหลับฝันดี..

(http://203.144.244.115/images/5D5_image020.gif)

วันนี้ทอมต้องใช้ความอดทนอย่างสูงในการปลอมตัว แม้จะรู้สึกรำคาญกับความแปลกปลอมบนใบหน้า แต่ก็นับว่าคุ้มค่าเพราะไม่มีใครจำได้ แม้จะถูกจ้องมองอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้มองจนเหลียวหลัง หรือวิ่งกรูกันเข้ามาห้อมล้อมขอลายเซ็นต์กันวุ่นวายเหมือนกับที่เกิดขึ้นกับสุดยอดนายแบบ 3 สมัย ทอม แม็คกิลล์ ชีวิตสามัญเช่นนี้ช่างเป็นชีวิตที่สงบเรียบง่ายจนอยากจะย้อนเวลากลับไปเมื่อ 4 ปีที่แล้ว เขาไม่น่าเข้าวงการที่แสนจะวุ่นวายยุ่งเหยิงนี้เลย

ทอมสะดุดความคิดลงเมื่อสายตาเจอะกับภาพที่ทำให้รู้สึกวูบในอก ชายหนุ่มคู่หนึ่งเดินเคียงกันอยู่ด้านหน้า รูปร่างสูงใหญ่กว่ากันไม่มากนัก แต่การแสดงออกแค่เห็นก็รู้แล้วว่าความสัมพันธ์ไม่ใช่แค่เพื่อน รู้สึกสะท้อนใจกับการกระทำของตัวเองในวันนี้… ทำไมเขาถึงไม่ยอมรับความจริงให้เร็วกว่านี้ ทำไมเขาถึงแคร์ความรู้สึกของคนอื่นมากกว่าความรู้สึกของตัวเอง ทำไมไม่บอกความจริงกับลูก ทำไมยอมรับความเจ็บไว้คนเดียว…และผลักไสคนที่ตัวเองรักให้จากไปมีคนอื่น.. ทั้งหมด เพราะเขาคือ ทอม แม็คกิลล์ หรือว่าเพราะเขาขี้ขลาดกันแน่..

"แด๊ดฮะ ใกล้ถึงเราแล้ว"
เด็กชายกระตุกแขนเสื้อพ่อเตือนให้ควักเงินออกมาเตรียมจ่ายค่าบัตรเข้าชมเมืองหิมะ ดวงตาคู่สวยเบิกโพลงร้องถามด้วยความตกใจ
"แด๊ดดี้.. เป็นไรฮะ"
"ห๊ะ! คะ..ใครเป็นเป็นอะไร" ทอมงงกับอาการตกใจของเด็กชาย
"แด๊ด.. ทำไมน้ำตาไหล.." เด็กชายกระซิบถามเพราะไม่อยากให้ใครได้ยิน
ทอมรู้สึกตัว …เขาน้ำตาไหลหรือนี่ ตั้งแต่เมื่อไรกัน ทำไมไม่รู้ตัวเลย…   ทอมกระพริบตาน้ำใสก็ร่วงผล็อยลงแก้ม เจ้าหนูเห็นแล้วหน้าเสียรีบดันพ่อออกจากแถวหลบไปยืนข้างๆ ถามย้ำเสียงสั่น
"แด๊ดดี้เป็นไรฮะ"
"แด๊ดไม่ได้เป็นอะไรแม็กกี้.. แค่เคืองตานิดหน่อย สงสัยใส่คอนแท็คนานไป" ขณะพูดน้ำตาก็ยังไหลเล่นเอาเด็กชายใจเสีย ลืมไปเลยว่าตาสีฟ้าสวยๆ ของพ่อไม่ใช่ของจริงเหมือนตัวเอง
"เจ็บเหรอฮะ งั้นรีบกลับกันเถอะ"
"กลับ?.. ไปไหน?.."
"กลับบ้านไงฮะ รีบไปถอดตาสีฟ้านี่ออกเร็วๆ จะได้หายเจ็บ"

แม็กกี้ล้วงผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตาให้พ่อ ไม่สนใจสายตาหลายคู่ที่จับจ้องมาที่ตนและอมยิ้ม ไม่รู้สึกเขินอายเลยสักนิด ความรู้สึกขณะนี้คือเป็นความผิดของตัวเองที่ทำให้ตาพ่อเจ็บ เพราะไม่อยากให้ใครจำได้ จะได้เที่ยวสนุกกันตามประสาพ่อลูก พ่อจึงต้องปลอมตัวเปลี่ยนตาเป็นสีฟ้า (เด็กชายยังไม่เข้าใจถ่องแท้ว่าคอนแท็คคืออะไรและใส่ยังไง ทอมบอกแต่ว่าใส่คอนแท็กสีฟ้าตาก็เลยเปลี่ยนเป็นสีฟ้า)

ทอมยืนนิ่งให้ลูกซับน้ำตาให้ ความเจ็บร้าวที่วูบผ่านเข้ามาในหัวใจเมื่อครู่กำลังถูกมือเล็กๆ เยียวยารักษาให้ เขาทรุดตัวลงสวมกอดเด็กชายแนบศีรษะกับอกฟังเสียงเต้นของหัวใจเจ้าหนู มันสร้างกำลังใจให้เขาเข้มแข็งขึ้นอย่างประหลาด ในเมื่อยังมีอีกหนึ่งชีวิตอยู่เคียงข้างและมีความรักให้เขามากมายขนาดนี้ เขาจะรู้สึกเหงาเศร้าและโหยหาใครทำไมอีก น้ำตาที่ไหลเมื่อครู่ออกมาได้ยังไงเขาไม่รู้ รู้แต่ว่าน้ำตาที่ยังไหลอยู่ขณะนี้มาจากอาการเคืองตาซึ่งเป็นผลจากคอนแท็คจริงๆ

“อย่าเพิ่งกลับเลยแม็กกี้.. เข้าไปดูบ้านน้ำแข็งข้างในก่อนเถอะ ลูกไม่อยากเห็นลานหิมะเหรอ”
“แต่แด๊ดตาเจ็บนี่ฮะ ไว้วันหลังมาดูใหม่ก็ได้...”

ทอมเงยหน้าขึ้นมอง ไม่อยากเชื่อว่าแม็กกี้ห่วงเขามากกว่าห่วงเล่น สีหน้าของหนุ่มน้อยดูกังวลและเป็นห่วงมากกว่าคำพูดที่ออกมา ทอมรู้สึกสุขใจจนไม่สามารถบรรยายเป็นคำพูดได้ รั้งศีรษะเด็กชายเข้ามาจูบที่หน้าผากและแก้มเนียนใสทั้งสองข้างโดยไม่ให้เจ้าหนูได้ทันตั้งตัว เพราะถ้าขอดีๆ ต่อหน้าสาธารณชนล่ะก็.. ไม่มีทางยอมให้จูบแน่ๆ

“เอ๋?.. แด๊ด.. ทำอะไร” แม็กกี้เริ่มมีความรู้สึกกับสายตาหลายสิบคู่ที่จ้องมองอยู่และเสียงซุบซิบที่ดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้สองมือเล็กรีบยันอกพ่อออก ...เอาอีกแล้วนะแด๊ด.. ชอบจูบโชว์ให้คนอื่นเห็นอยู่เรื่อย...

“คนมองกันใหญ่แล้วนะฮะ ไม่กลัวเขาจำได้เหรอ”
“ไม่กลัว” ทอมส่ายหน้าและยิ้มให้ “ก็คนเค้ารักกันนี่ จะจูบกันใครจะทำไม”
คำพูดของพ่อเล่นเอาเจ้าหนูหน้าแดงแป๊ด งุบงิบต่อว่าด้วยน้ำเสียงกระซิบ
“น่าไม่อายจังเลยอ่ะ แด๊ด.. คนเขามองกันใหญ่แล้ว..”
“น่าอายตรงไหนกัน ปกติคนมองแด๊ดเป็นร้อยเป็นพัน นี่แค่ไม่กี่สิบเอง”
“โอ้ย ! ..ก็ผมไม่ใช่นายแบบเหมือนแด๊ดนี่”
ทอมหัวเราะสุขใจที่ได้กระเซ้าลูกชายแสนรัก ลุกขึ้นยืนพาเจ้าหนูมาต่อแถวใหม่
“ตกลงเข้าบ้านหิมะก่อนแล้วค่อยกลับล่ะกัน ตาแด๊ดหายแล้ว”
“จริงเหรอฮะ ไม่เจ็บแล้วเหรอ” เด็กชายเงยหน้าขึ้นมองให้แน่ใจอีกครั้ง
ทอมพยักหน้าให้ลูก ก่อนจะส่งยิ้มหวานให้กลุ่มคนที่ยืนต่อแถวอยู่ข้างหน้า ซึ่งพากันเหลียวหลังกลับมามองเขาและแม็กกี้ด้วยสีหน้าอมยิ้ม คงเพราะเห็นฉากรักระหว่างเขากับลูกเมื่อครู่ ทอมมั่นใจว่าไม่มีใครจำเขาได้เพราะถ้าจำได้คงไม่แค่มอง...

“ขอลายเซ็นหน่อยค่าาา..”

ทอมใจหายวาบยืนนิ่งเป็นหุ่น
“ว้าย !!!.. หล่อจังเลย ขอลายเซ็นหน่อยค่า” เสียงใสๆ จากด้านหลังทำให้กลุ่มวัยรุ่นที่อยู่ด้านหน้าแตกกระเจิงออกจากแถววิ่งตรงเข้ามาสบทบ
ทอมก้มหน้างุดยืนนิ่งแทบไม่หายใจ  สองแขนสวมกอดเจ้าหนูไว้แน่น ไม่รู้เหมือนกันว่าแม็กกี้จะช่วยอะไรได้

วูบ!!! ความรู้สึกเหมือนกลุ่มคนวิ่งผ่านไปพร้อมกับเสียงกรี๊ดเซ็งแซ่ด้านหลัง ทำให้ทอมรู้ตัวว่าเขาไม่ใช่เป้าหมาย จึงเงยหน้าขึ้นพร้อมอาการโล่งอกก่อนจะเหลียวหลังกลับไปมอง

“ไมเคิล รอสส์ หล่อจังเลยค่า ขอลายเซ็นพวกเราหน่อย”
“ขอจับมือหน่อยค่ะ พี่ไมค์.. เคยเห็นแต่ในหนังสือและทีวี ตัวจริงหล่อสุดๆ เลยค่ะ”

ทอมยืนมองตาปริบๆ
..ไมเคิล รอสส์ นายแบบท้ายแถวเนี่ยนะ.. หล่อสุดๆ.. สงสัยเพราะหันไปเอาดีทางการแสดงเลยโด่งดังเป็นที่รู้จัก...
ทอมยืนมองสภาพของไมเคิลที่อยู่ในวงล้อมแล้วสะท้อนถึงตัวเอง ดูแล้วเหมือนเป็นตัวประหลาด น่าสมเพชมากกว่าน่าภูมิใจ
“แด๊ด.. คนหายหมดแถวแล้ว ไปกันเถอะฮะ” เสียงเรียกของเจ้าหนูทำให้ทอมรู้สึกตัว
“อ๊ะ !! จริงด้วย รีบไปกันเถอะ”
ทอมจูงเด็กชายเดินจ้ำอ้าวไปซื้อบัตรและเช่าเสื้อโค้ทอย่างสบายใจ เขาไม่มีวันกลับไปอยู่ในสภาพเหมือนเป็นตัวประหลาดแบบนั้นอีกแล้ว การได้อยู่กับคนที่เรารักอย่างสงบสุขและเป็นส่วนตัว มีความสุขมากกว่าหลายร้อยหลายพันเท่านัก

โปรแกรมเที่ยวสวนสนุกในวันนี้จบลงเกือบเย็นย่ำ แม็กกี้ไม่ยอมออกจากเมืองหิมะง่ายๆ สนุกสนานบนลานน้ำแข็งและสไลเดอร์จนเพลิน เรียกให้กลับกี่ทีก็บอกแต่ว่า “อีกเดี๋ยวฮะ แด๊ด..” จนในที่สุดเขาต้องแอบไปซ่อน เพราะถึงจะวิ่งไปเล่นไกลแค่ไหน สายตาของเจ้าหนูก็คอยหันกลับมาดูเขาและยิ้มให้ตลอด เมื่อหันมาแล้วไม่เจอก็มองหาไปรอบๆ ก่อนจะวิ่งกลับมาที่เขายืนอยู่ด้วยสีหน้าเหมือนกับจะร้องไห้ ทันทีที่เขาโผล่ออกไปจ๊ะเอ๋.. เจ้าหนูก็โผเข้ากอด ร้องจะกลับบ้านทันที

นายเอ๊ดเหลือบมองกระจกส่องหลังก่อนจะหันกลับไปมองที่เบาะ อดยิ้มไม่ได้กับภาพที่เห็น ทั้งเจ้านายและคุณหนูตีตั๋วนอนยาวหลับสนิทเพราะเหนื่อยและเพลียสุดๆ ไม่ใช่แค่คุณหนูเท่านั้นที่เหนื่อยตามประสาเด็ก แต่เจ้านายหนุ่มของเขาก็คงสนุกจนหมดแรงด้วยเช่นกัน เคยเห็นแต่หมดแรงพับไปเพราะเหนื่อยจากงาน นี่เป็นครั้งแรกจริงๆ ที่เห็นเจ้านายเหนื่อยเพราะเล่นสนุก

นายเอ๊ดลอบถอนใจ เมื่อนึกถึงชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่เคยอยู่เคียงข้างเจ้านายเป็นเงาตามตัว
...ถ้ามีคุณจิมอยู่เคียงข้างด้วย เจ้านายของเขาคงจะมีความสุขมากกว่านี้หลายเท่าเลย...

 :L1:


TBC >> LOVE  YOU 2
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 03-02-2010 23:36:59
น่ารักจังเลย สองพ่อลูกไปเที่ยวกันที่สวนสนุก อบอุ่นจังค่ะ..แต่สงสารตอนที่ไอติมหล่นอ่ะ แม็กกี้คงตกใจมากที่โดนพ่อดุ แล้วไอ้ผีบ้าที่อยู่ดีๆมาจับแม็กกี้อีก น่าจะโดนอีกซักสองตุ้บ...

เจ้หมวยพาจิมมาเดินเล่นแถวนี้บ้างสิคะ...ทอมคิดถึง คนอ่านก็คิดถึง :กอด1:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: nithiwz ที่ 04-02-2010 00:54:46
ตอนนี้ชิวๆ ลัลล้าๆ น่ารักๆ ชอบอ่ะ  แม็กกี้กลัวผี  ดูเป็นเด็กน่ารักดีอ่ะ เหอะๆๆๆ
ไม่น่าเชื่อว่าหนูน้อยที่ดูแข็งแกร่ง แข็งแรงจะกลัวผี เหอะๆๆๆๆ
น่ารักจริงๆ พ่อลูกคู่นี้ เหอะๆๆๆๆ รอติดตามต่อไปเรื่อยๆ
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 04-02-2010 08:00:19
ตอนนี้น่ารักที่ซูดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

อย่าเศร้าอีกเลยนะครับ

 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: nbee ที่ 04-02-2010 15:07:45
ผีแบบนี้ก็มีด้วย ขอค่าผ่านทาง

แบบนี้ต้องให้ดับเบิลทีนเป็นค่าผ่านทาง


ตอนนี้น่ารักน่าเอ็นดูดีอ่ะ สดใสร่าเริงทั้งคู่เชียว
แต่...ถ้ามีคุณจิมอยู่เคียงข้างด้วย เจ้านายของเขาคงจะมีความสุขมากกว่านี้หลายเท่าเลย... นะ
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 04-02-2010 15:34:10
จิม ยุ หนาย ย ย ยย ย ย ย ย ย ยย ย ย ย

กลับ มาเด๋ว นี้ เรย นะ

ฮึ่ม  ๆ ๆ ๆๆ ๆ

เจ้ หมวย  เอา จิม มา ด้าย แล้ว ว วว ว ว     :z3:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: kungyung ที่ 04-02-2010 21:29:37
น่ารักจังอ่ะ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 04-02-2010 22:20:14
Love You OnlY  2..

หลายวันมานี้คนรับใช้ในบ้านแม็คกิลล์ไม่มีใครกล้าเข้าหน้าเจ้านายทอม แม้แต่แม็กกี้หนุ่มน้อยสุดที่รักของทอมเองก็เถอะ ไม่จำเป็นจะไม่เข้าไปกวนใจพ่อเด็ดขาด

ทอมดึงกระดาษออกจากโต๊ะเขียนแบบขยำและเขวี้ยงลงกับพื้น หลายวันแล้วที่เขาเขียนแบบเสื้อไม่ได้สักชุด จะให้คิดหรือเขียนออกได้ยังไงในเมื่อหัวสมองนึกถึงแต่เจมส์ การ์เซีย บอดี้การ์ดคู่ใจที่เงียบหายไปจากชีวิตเขานานเกือบ 3 เดือนแล้ว จิมโทรหาเขาประมาณ 3 ครั้งในช่วง 2 สัปดาห์แรก หลังจากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกลับมาอีกเลยจนถึงวันนี้อีก 5 วันก็ครบ 3 เดือนเต็มที่จิมจากบ้านแม็คกิลล์ไป

ช่วงเดือนแรกที่จิมจากไป ทอมยังมีอารมณ์เบิกบานสามารถออกแบบและสร้างสรรค์งานได้หลายชุด งานที่ทำอยู่ทุกวันนี้ทอมยังไม่ได้ตั้งใจจะยึดเป็นอาชีพ แค่ลองฝึกฝนฝีมือและเพื่อคลายเหงาเท่านั้น แต่พอทำไปก็เริ่มสนุกและมีไอเดียแปลกใหม่เกิดขึ้นตลอดเวลาจนหยุดไม่ได้ต้องนั่งขีดเขียนทุกวัน บางวันเขียนได้ถึง 6-7 ชุด บางวันเขียนได้แค่ชุดเดียว วันที่เขียนไม่ได้เลยคือวันที่เขาไม่ได้นั่งทำงาน ใช้เวลาพักผ่อนอยู่กับแม็กกี้

ทอมเริ่มพาลูกออกไปเที่ยวพักผ่อนนอกบ้าน ทุกครั้งที่ออกไปเขาต้องปลอมตัวจนอยู่ในสภาพที่ไม่มีใครจำได้ ซึ่งก็ไม่ใช่วิธียุ่งยากอะไรแค่ติดหนวดใส่เคราและสวมแว่นหน่อย ต่อให้เป็นแฟนพันธุ์แท้ขนาดไหนก็ไม่มีใครจำได้..

เข้าเดือนที่ 2 ทอมเริ่มอารมณ์ไม่ค่อยจอยหงุดหงิดที่จิมไม่ติดต่อและส่งข่าวกลับมาเลย เขามีที่อยู่ของจิมแต่ไม่คิดจะติดต่อไป เพราะจิมรับปากกับเขาว่าจะเป็นฝ่ายติดต่อมาเอง เวลาที่รู้สึกหงุดหงิดทอมมักจะคลายอารมณ์ด้วยการเข้าไปนั่งพูดคุยเล่นหัวกับลูก การได้อยู่ใกล้ชิดเด็กชายทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้น หายหงุดหงิดและลืมเรื่องขุ่นข้องหมองใจไปชั่วขณะ 

แต่พอย่างเข้าเดือนที่ 3 ทอมเริ่มหงุดหงิดและหัวเสียมากขึ้น เห็นอะไรขวางหูขวางตาไปหมด บ่นว่าคนรับใช้ในบ้านอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ไม่ว่าจะหัวเสียมากขนาดไหนทอมก็ไม่เคยบ่นว่าเจ้าหนูแสนรักของเขา ยังคงคลายความหงุดหงิดลงได้ทุกครั้งที่เด็กชายเข้ามาฉอเลาะใกล้ๆ ตอนนี้แม็กกี้จึงแทบจะกลายเป็นที่พึ่งของคนรับใช้ทุกคนในบ้าน โดยเฉพาะนายเอ๊ดอดคิดไม่ได้ว่าถ้าคุณหนูแม็กกี้เป็นเด็กชายเล็กๆ ล่ะก็ จะอุ้มขี่คอไว้ทั้งวันเป็นยันต์กันเจ้านายว๊ากใส่

สองวันนี้ทอมเก็บตัวอยู่แต่ในห้อง เพราะแม้แต่แม็กกี้ก็ไม่อาจทัดทานความหงุดหงิดใจให้คลายลงได้ ทอมจึงตัดปัญหาไม่พูดคุยกับใครจะได้ไม่พาลอารมณ์เสียใส่ กับเด็กชายเองก็พูดคุยด้วยนับคำได้และดูเหมือนแม็กกี้จะรู้ว่าเขามีความทุกข์ในใจจึงทำตัวเป็นเด็กว่าง่ายไม่สร้างปัญหาให้เขา ซ้ำยังมาอ้อนขอนอนด้วยโดยบอกว่ากลัวฝันร้าย แต่ทอมรู้ดีว่าแม็กกี้ต้องการอยู่เป็นเพื่อนช่วยคลายเหงาให้เขา

"แด๊ด.. แด๊ดดี้ฮะ"
ทอมสะดุ้งหันมาเห็นเด็กชายยืนถือแก้วน้ำส้มในมือ แม็กกี้ส่งยิ้มหวานให้เขาพร้อมกับยื่นแก้วน้ำส้มให้
"ดื่มน้ำส้มซีฮะ แด๊ด.. จะได้ชื่นใจ ผมคั้นเองกับมือครับ"
ทอมเลิกคิ้วและรับน้ำส้มมาดื่ม
"จริงเหรอ.. อืมม์… ชื่นใจจริงๆ ด้วย"
ทอมรั้งเด็กชายเข้ามากอด ไม่ว่าจะรู้สึกหงุดหงิดหรือมีทุกข์ในใจขนาดไหน เวลาที่เจ้าหนูอยู่ในอ้อมกอด เขารู้สึกดีขึ้นทุกครั้งแม้จะชั่วประเดี๋ยวก็เถอะ..
"วันนี้เรียนพิเศษเป็นไงมั่ง ภาษาอังกฤษใช่มั้ย เรียนรู้เรื่องหรือเปล่า"
"รู้ครับ ผมเป็นลูกฝรั่งนะฮะ เรียนไม่รู้เรื่องก็เสียชื่อแย่…"
ทอมหัวเราะ
"สองทุ่มกว่าแล้ว ถ้าง่วงก็ไปนอนก่อนเลย ไม่ต้องรอแด๊ดนะ"
เด็กชายส่ายหน้าความหมายว่ายังไม่ง่วง ดวงตาสีน้ำทะเลกลมโตจ้องเขม็งที่ใบหน้าของทอมอย่างรู้สึกเสียดาย ก่อนจะยกมือขึ้นลูบแก้มและคางผู้เป็นพ่อและรำพึงเบาๆ
"เสียดายจัง อดเห็นหน้าหล่อๆ เลย"
ทอมแสร้งกล่าวตัดพ้อเด็กชาย
"ทำไมล่ะ แม้แต่ลูกก็ชอบแต่คนหล่อหรือแม็กกี้.. ไม่ชอบคนมีหนวดเคราใช่มั้ย มิน่าล่ะ ! หลายวันแล้วที่แด๊ดจะหอมแล้วลูกขยับหนี.."
"เปล่านะฮะ ผมไม่ได้หนีเพราะไม่ชอบ ผมจั๊กกะจี๋หนวดต่างหาก"
แม็กกี้รีบแก้ข้อกล่าวหา และยืนยันคำพูดตัวเองด้วยการจูบแก้มที่มีขนเคราอ่อนนุ่มสีน้ำตาลอ่อนปกคลุมอยู่ ก่อนจะสวมกอดและซบศีรษะลงกับไหล่พ่อ
"ผมไม่ได้รักแด๊ดที่เป็นนายแบบรูปหล่อ ผมรักเพราะเป็นแด๊ดดี้ของผม ถึงจะขี้เหร่แบบน้าเอ๊ดดี้ผมก็ยังรักแด๊ดที่สุดในโลกฮะ.."

แรกเริ่มทอมตั้งใจแค่จะเว้นระยะเวลาในการโกนหนวดให้นานขึ้น เพื่อให้ผิวหน้าได้มีโอกาสพักผ่อนบ้าง แต่ไปๆ มาๆ ก็ตัดสินใจไว้หนวดเคราเลย เพราะนอกจากจะได้ออกไปไหนมาไหนได้อย่างสบายใจโดยไม่ต้องเสียเวลาแปลงโฉมให้ยุ่งยากแล้ว งานที่ทำอยู่ตอนนี้ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องคอยดูแลใบหน้าให้งดงามหล่อเหลาอยู่ตลอดเวลาเหมือนก่อน และด้วยเหตุผลสำคัญที่ไม่มีใครล่วงรู้ได้ก็คือ… เพื่อประชดใครบางคนที่เคยทำหน้าที่โกนหนวดให้เขา โดยเฉพาะเวลาที่ต้องตื่นแต่เช้า เขาเคยโกนเองแต่พลาดถูกมีดบาดเพราะความง่วง ตั้งแต่นั้นมาถ้ามีงานเช้า..หมอนั่นไม่ยอมให้เขาโกนหนวดเองอีกเลย

"แด๊ดดี้คิดถึงคุณจิมมั้ยฮะ"
ทอมสะดุ้งนึกไม่ถึงว่าจะได้ยินคำถามโดนใจจากปากเด็กชาย รีบคลายอ้อมแขนและรั้งเจ้าหนูออกห่าง ต้องการสบดวงตาคู่สวย อยากรู้ว่าคิดอะไรอยู่ในใจ
"ทำไมต้องคิดถึงด้วย คุณจิมเขาไปมีความสุขแล้ว คนมีความสุขเราไม่จำเป็นต้องไปห่วงหรือคิดถึงหรอก ห่วงตัวเราเองกันดีกว่าแม็กกี้.. หรือว่าลูกคิดถึงคุณจิม..ทั้งๆที่อยู่กับแด๊ดลูกยังไปคิดถึงคนอื่น อยากอยู่กับคุณจิมมากกว่าแด๊ดงั้นเหรอ.."
ทอมไม่ปฏิเสธเปล่ายังโยนคำถามตัดพ้อให้ด้วย คำถามสุดท้ายทำเอาเด็กชายตาโตรีบปฏิเสธจ้าละหวั่น
"เปล่าฮะ.. ผมไม่ได้อยากอยู่กับคุณจิมซะหน่อย ผมแค่.. เอ่อ.. แค่คิดถึงนิดหน่อย ไม่ได้คิดถึงมาก ก็.. คุณจิมไม่ใช่คนอื่นนี่ครับ แด๊ดเคยบอกว่าคุณจิมเป็นเหมือนญาติสนิท เหมือนคนในครอบครัวเดียวกัน…"
ทอมสะอื้นในอก แม้แต่เด็กชายยังรู้สึกคิดถึงแล้วเขาจะไม่รู้สึกได้อย่างไร…เป็นความคิดถึงที่แฝงไว้ซึ่งความเจ็บปวด น้อยใจและเสียใจที่หลงเชื่อใจหมอนั่น
"คุณจิมเขาแต่งงานมีครอบครัวของเขาไปแล้ว แม็กกี้.. เขาไม่ใช่คนในครอบครัวของเราอีกต่อไป ไม่จำเป็นต้องคิดถึงเขาอีก.."
"แต่ว่า…"
"ไม่มีแต่แล้วแม็กกี้.. เราจะไม่พูดถึงคุณจิมอีก โอเค.."
ทอมพยายามระงับอารมณ์ตัวเอง ถ้าคู่สนทนาตอนนี้ไม่ใช่แม็กกี้ล่ะก็ เขาคงหัวเสียไปนานแล้ว
"แต่หลายวันแล้วนะฮะที่แด๊ดอารมณ์ไม่ดี เอาแต่นั่งทำงานอยู่ในห้องไม่พูดคุยกับใคร แด๊ดโกรธที่คุณจิมไม่ติดต่อกลับมาเลยใช่มั้ยฮะ"

ทอมนิ่งมองเด็กชายอย่างชั่งใจ ไม่อยากเชื่อเลยว่าแม็กกี้จะกล้าเซ้าซี้ถามเรื่องจิมอย่างจริงจังแบบนี้ คิ้วเรียวงามของเจ้าหนูขมวดมุ่น ดวงตาสีน้ำทะเลจ้องมองเขาอย่างต้องการคำตอบ น่าแปลก.. เขาน่าจะโกรธเมื่อได้ยินคำถามนี้ แต่นอกจากจะไม่โกรธและหัวเสียแล้ว กลับดีใจที่รู้ว่าเด็กชายใส่ใจความรู้สึกของเขา

"แด๊ดไม่ได้โกรธคุณจิมหรอก แม็กกี้.. แค่หงุดหงิดนิดหน่อยที่เขาหายเงียบไป ไม่ส่งข่าวมาให้รู้ว่าสุขหรือทุกข์ยังไงบ้าง แต่คิดว่าเขาคงเป็นสุขดี เราไม่จำเป็นต้องห่วงหรือคิดถึงเขาหรอก…"
“ตั้งแต่คุณจิมไม่อยู่ไม่เห็นแด๊ดคบเพื่อนคนอื่นเลย ถ้าผมรู้ว่าคุณจิมไปแล้วแด๊ดจะเหงาและไม่มีความสุขแบบนี้ ผมจะอ้อนวอนขอร้องไม่ให้คุณจิมจากเราไป”

สีหน้าเศร้าสร้อยของเด็กชายขณะกล่าวทำเอาทอมใจหาย นึกไม่ถึงว่าแม็กกี้จะคอยเฝ้ามองและเป็นทุกข์ไปกับความรู้สึกของเขาด้วย ทอมสวมกอดและจูบปลอบที่หน้าผากหนุ่มน้อย

“ลูกคิดมากไปแล้ว แม็กกี้.. คุณจิมไม่อยู่แด๊ดแค่เหงา แต่ไม่ได้เป็นทุกข์อย่างที่ลูกเข้าใจ มีลูกอยู่ข้างๆ แบบนี้จะไม่มีความสุขได้ยังไง หือ.. การที่แด๊ดไม่ได้คบหาใครในช่วงนี้ไม่ใช่เพราะไม่มีเพื่อน แต่เพราะเพื่อนส่วนใหญ่อยู่ในวงการเดินแบบด้วยกัน แด๊ดอยากจะเงียบหายจากวงการนี้สักระยะ จึงไม่อยากไปไหนกับใครให้เป็นข่าวอีก ที่สำคัญอยู่ใกล้ใครก็ไม่มีความสุขเท่ากับอยู่ใกล้ลูกหรอก เอาเวลาที่จะไปคบหาคนอื่นอยู่กับลูกทั้งวันไม่ดีกว่าเหรอ หือ..”

เด็กชายยิ้มออกคลายความกังวลลง แต่ยังไม่วายพูดเรื่องที่แสลงและแทงใจเขาอย่างจัง
“ยกเว้นคุณจิมใช่มั้ยฮะที่แด๊ดอยู่ใกล้แล้วมีความสุข  ผมก็เหมือนกัน  ตอนคุณจิมอยู่กับเรา ผมรู้สึกอบอุ่นเหมือนคุณจิม เป็นญาติผู้ใหญ่ ความรู้สึกแบบนี้ใช่มั้ยฮะที่เรียกว่าเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน ถ้าได้มีโอกาสอยู่ด้วยกันเหมือนเดิมอีกครั้งก็ดี… อ๊ะ.. จะไปไหนฮะ.. แด๊ด..”

แม็กกี้ร้องถามเพราะจู่ๆ ก็ถูกทอมแบกขึ้นไหล่ลุกขึ้นยืน
“นอนแล้ว แด๊ดง่วงอยากนอน ลูกก็ต้องนอนด้วย” ทอมรีบตัดบทพาเด็กชายเข้านอน

…แด๊ดดี้คิดถึงคุณจิมใช่มั้ยฮะ… แด๊ดโกรธที่คุณจิมไม่ติดต่อกลับมาเลยใช่มั้ยฮะ… ยกเว้นคุณจิมใช่มั้ยที่แด๊ดอยู่ใกล้แล้วมีความสุข…

ทุกคำถามโดนใจเขาอย่างจัง ขืนปล่อยให้พูดต่อไปเขาอาจเจอคำถามหมัดตรงจากเจ้าหนูอีกครั้งว่า

… แด๊ดดี้รักคุณจิมใช่มั้ยฮะ…
… ให้ตายเถอะ! ถ้าเขาตอบว่าใช่ อะไรจะเกิดขึ้น ได้โปรดเถอะ แม็กกี้.. จะถามอะไรก็ได้ ยกเว้นคำถามนี้เท่านั้นที่แด๊ดไม่อยากได้ยิน แด๊ดไม่อยากพูดปดกับลูกซ้ำแล้วซ้ำเล่า…

 :z3:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 04-02-2010 22:28:31
นับวันนี้…ก็ครบ 5 เดือนเต็มแล้วที่จิมจากไป..

ทอมนั่งมองที่อยู่ของจิมในสมุดโน้ต ตามองตัวหนังสือแต่สมองนึกถึงคำพูดก่อนจากไปของจิม  …ฉันจะติดต่อกลับมานะ ทอม.. มีโอกาสเมื่อไรจะโทรหาทันที…  
จิมทำตามที่พูดไว้จริงๆ โทรหาเขาทันทีที่ถึงบ้านหนึ่งครั้งและโทรหาอีกสองครั้งในสัปดาห์ต่อมา จากนั้นก็หายเงียบไปไม่ติดต่อกลับมาอีกเลย

ทอมดึงกระดาษหน้าที่จดที่อยู่ของจิมออกและฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยโปรยลงพื้น
"ป่านนี้แล้วคงไม่ใช่ไม่มีโอกาส แต่นายคงหมดโอกาสที่จะโทรหาฉันแล้ว..   ไม่ต้องห่วงว่าฉันจะติดต่อกลับไปหรอกนะ จิม.. ฉันจะลืมให้หมดว่านายอยู่ที่ไหน.. ลืมว่านายเป็นใคร… ทุกๆ เรื่องที่เกี่ยวกับนายฉันจะลืมให้หมดเลย…"

 o7  ทอมกลั้นสะอื้นไว้ได้แต่ไม่อาจบังคับน้ำตาให้ไหลย้อนกลับ ยอมรับว่าตัวเองพ่ายแพ้ เขาแพ้ใจตัวเองทั้งๆ ที่เตรียมทำใจไว้แล้วว่าการจากไปของจิมครั้งนี้ อาจเป็นการจบสิ้นความสัมพันธ์ระหว่างเขากับจิม  การมีครอบครัวของตัวเองอาจทำให้เจมส์ การ์เซีย ยอมยุติความสัมพันธ์กับเขา และแปรเปลี่ยนความรู้สึกพิเศษที่มีต่อกันเป็นแค่เพื่อน

แต่เมื่อจิมเงียบหายไปจริงๆ เขากลับทำใจไม่ได้ รู้สึกแย่อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่ใช่แค่ความคิดถึงและเหงาอย่างที่แม็กกี้เข้าใจ หากแต่เป็นความรู้สึกโหยหาและเจ็บปวดเหมือนส่วนหนึ่งของวิญญาณและหัวใจของเขาหายไป เป็นเพราะการดำเนินชีวิตประจำวันของเขากว่า 3 ปีที่ผ่านมามีจิมอยู่ข้างกายเป็นเงาตามตัว คอยทำทุกอย่างให้หรือทำไปพร้อมๆ กับเขาเสมอ

เขาไม่ได้เป็นทุกข์หรือเดือดร้อนกับการที่ต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเองในวันนี้ หากแต่เป็นความรู้สึกอ้างว้างโดดเดี่ยวที่ต้องทำทุกอย่างเพียงลำพัง โดยไม่มีเงาของร่างสูงใหญ่วุ่นวายนัวเนียอยู่ข้างๆ เหมือนก่อน

เขาแพ้ใจตัวเองยังไม่พอเขายังแพ้ผู้หญิงคนนั้น… มาเรียคงมีความงดงามและเพียบพร้อมทุกอย่าง จึงทำให้จิมมี่ของเขาใจอ่อนและยอมเปลี่ยนใจจากเขาได้ ป่านนี้เธออาจกำลังตั้งครรภ์มีการ์เซียตัวน้อยให้ตระกูลแล้วก็ได้ จิมอาจกำลังเห่อลูกและเฝ้าดูแลทะนุถนอมเธออย่างไข่ในหิน จนไม่มีเวลานึกถึงและติดต่อกลับมาหาเขา

…ถ้าเรื่องที่คาดการณ์ทั้งหมดเป็นจริง ฉันควรยินดีกับนายใช่มั้ย จิมมี่.. ฉันไม่ควรโกรธ ไม่ควรเสียใจ เราต่างมีหน้าที่และภาระที่ต้องทำ นายมีครอบครัวของนายฉันมีครอบครัวของฉัน… ฉันมีแม็กกี้.. ...ใช่.. ฉันมีแม็กกี้..

ทอมพยายามปลอบใจตัวเองด้วยการนึกถึงแม็กกี้ โชคดีเหลือเกินที่สวรรค์ส่งเด็กชายมาให้เขา ถึงยังไงการสูญเสียคนรักก็ยังเจ็บปวดน้อยกว่าการสูญเสียเด็กชายที่เป็นสายเลือดตัวเองไป เพราะหัวใจเขาคงไม่ได้หายไปแค่บางส่วนแต่คงแหลกสลายไม่มีชิ้นดี

กว่า 8 เดือนแล้วที่หนุ่มน้อยแม็กกี้ได้ก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเขา จากเด็กชายร่างผอมบางอันเนื่องมาจากอาการป่วยทั้งทางร่างกายและจิตใจ วันนี้แม็กกี้เป็นหนุ่มน้อยที่สมบูรณ์ขึ้นด้วยฝีมือการเลี้ยงดูของเขา ร่าเริงสนุกสนานและเล่นซุกซนเหมือนเด็กชายทั่วๆ ไป แต่เพราะเห็นเขาเป็นทุกข์ หลายวันที่ผ่านมานี้นอกจากแม็กกี้จะไม่ร่าเริงแล้ว ยังทำท่าเหมือนทุกข์ใจไปกับเขาด้วย

ทอมตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่า วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่เขาจะทุกข์ใจกับการจากไปของอดีตผู้จัดการส่วนตัวและบอดี้การ์ดคู่ใจของเขา…

 o7

“แด๊ด.. แด๊ดฮะ.. แด๊ดดี้..”   
เสียงเรียกสุดท้ายดังอยู่ในลำคอเพราะเห็นพ่อคุยโทรศัพท์อยู่ แม็กกี้เลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ ไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองกับภาพที่เห็นตรงหน้า เพราะนานมากแล้วที่เด็กชายไม่ได้เห็นรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของทอม
((โอเค.. ผมจะจัดห้องเตรียมไว้ อีกสองวันเจอกัน บาย..))
ทอมวางหูโทรศัพท์ลงก็พยักหน้าให้ลูกชายแสนรักที่ยืนป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆ ซึ่งนับวันจะรู้มากและออกลายแก่นแก้ว แต่ถึงจะซนแค่ไหนก็เชื่อฟังและไม่เคยดื้อกับเขาสักครั้ง
“คุยกับใครเหรอฮะ แด๊ด..” แม็กกี้ชิงถามก่อนจะถูกพ่อดุว่ามายืนแอบฟัง
“บ๊อบ”
คำตอบสั้นๆ ทำให้คิ้วเรียวขมวดมุ่น ทั้งสงสัยและแปลกใจ
“เป็นใครอ่ะฮะ เขาจะมาพักที่นี่เหรอ..”
“เขามีศักดิ์เป็นลุงของลูก จะมาเที่ยวเมืองไทยสองอาทิตย์ รู้ได้ไงว่าเขาจะมาพักที่นี่ แอบฟังเหรอ..”
ทอมตีหน้าเครียดทั้งที่รู้สึกยินดี เขาคุยภาษาอังกฤษกับปลายสาย เด็กชายสามารถฟังออกก็แปลว่าการใช้ภาษาอังกฤษเริ่มเข้าขั้นแล้ว
“ห๊ะ !!..” ดวงตาคู่สวยเบิกโพลง “เปล่านะฮะ ผมเปล่าแอบฟัง ผมเพิ่งเข้ามา ได้ยินแค่ประโยคสุดท้ายเอง แหะ แหะ ” เด็กชายกลบเกลื่อนความผิดด้วยการล้มตัวลงนอนหนุนตักและสวมกอดพ่อ
“ตกลงเขาจะมาพักที่นี่เหรอฮะ พักกี่วันฮะแด๊ด”
“5 วัน”
“โห!! ” แม็กกี้ขมวดคิ้วคิดในใจว่าทำไมพักตั้งหลายวัน
“อะไร”
“เปล่าฮะ ดีเหมือนกันแด๊ดจะได้มีเพื่อนคุย ผมต้องเรียกเขาว่าอังเคิลเหรอฮะ ผมพูดภาษาอังกฤษยังไม่เก่งอ่ะฮะ แด๊ด.. ผมต้องฟังไม่รู้เรื่องแน่เลย แด๊ดต้องช่วยแปลให้ผมด้วยนะฮะ เขาจะดูถูกผมหรือเปล่าว่าเป็นลูกฝรั่งประสาอะไรพูดภาษาไม่ได้ เขารู้เรื่องของเรารึเปล่าฮะ แด๊ด ทำไม..”

เสียงใสเจื้อยแจ้วขาดหายไป เพราะถูกพ่อปิดปากไม่ให้พูดต่อ ทอมส่ายหน้ากับคำถามที่รัวออกมาเป็นชุด ไม่รู้จะตอบข้อไหนก่อน ก็เลยไม่ตอบเลยสักข้อ...

 :m23:

โรเบิร์ต แม็คกิลล์ นักธุรกิจหนุ่มใหญ่ มีศักดิ์เป็นญาติผู้พี่ของทอม เดินทางมาติดต่อธุรกิจในเมืองไทยและถือโอกาสพักผ่อนไปด้วย ทอมสนิทกับญาติผู้พี่คนนี้พอสมควร โดยเฉพาะช่วงครึ่งปีสุดท้ายก่อนจะเดินทางกลับมาเมืองไทย ทอมพักอาศัยอยู่ที่บ้านของโรเบิร์ต แต่หลังจากกลับมาเมืองไทยก็ขาดการติดต่อไป เพราะต่างฝ่ายต่างยุ่งอยู่กับงาน

“Hi..! Tom..”
“Hi.!. Bob..”

แม็กกี้ยืนตาปริบๆมองหนุ่มฝรั่งร่างสูงใหญ่ที่มีศักดิ์เป็นลุงโผเข้าทักทายและสวมกอดพ่อด้วยความรู้สึกไม่ค่อยแฮปปี้นัก ก็เล่นกอดซะนานจนเด็กชายอดรนทนไม่ไหว ต้องเสนอหน้าเข้าไปใกล้และเอามือสะกิดเอวพ่อให้รู้สึกตัวว่าควรจะผละออกจากอ้อมกอดที่ไม่น่าไว้ใจนี้ได้แล้ว และแนะนำลูกชายสุดที่รักให้รู้จักซะที
((บ๊อบ.. นี่ลูกชายผม แม็กกี้.. ที่เคยเล่าให้ฟัง)) ..... (( ลุงบ๊อบมาจาก LA จะพักอยู่กับเรา 4-5 วัน ))
((Hi.. แม็กกี้ หวัดดีไอ้หนู )) บ๊อบยื่นมือให้เด็กชาย แต่เจ้าหนูกลับยกมือไหว้แบบธรรมเนียมไทย
((หวัดดีฮะ ))
บ๊อบหัวเราะและยกมือขยี้ศีรษะเด็กชายแทน มืออีกข้างบีบแก้มเจ้าเนื้อด้วยความรู้สึกเอ็นดูกึ่งหมั่นเขี้ยว นึกไม่ถึงว่าลูกชายของทอมจะน่ารักน่าชังขนาดนี้

 :m1:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 04-02-2010 22:50:13
แม็กกี้นั่งท้าวคางบนโต๊ะม้าหินริมสนามสีหน้าใช้ความคิดอย่างหนัก หน้านิ่วอย่างไม่สบอารมณ์ รู้สึกไม่ชอบหน้าลุงฝรั่งคนนี้อย่างมาก มือไม้นัวเนียอยู่ไม่สุข โอบกอดแด๊ดอยู่ได้ กอดแด๊ดคนเดียวไม่พอยังมากอดและหยิกแก้มเราอีก ลุงบ้า!!!... เดี๋ยวตัดมือทิ้งซะหรอก แด๊ดก็เหมือนกันยอมให้กอดอยู่ได้ น่ารำคาญจะตาย ธรรมเนียมฝรั่งเนี่ย..น่าเกลียดจริงๆ..

“เป็นอะไรครับคุณหนู.. หน้ามุ่ยเชียว” นายเอ๊ดทั้งขำทั้งเอ็นดูเจ้านายน้อย เห็นนั่งถอนใจหลายเฮือกแล้ว
“เหม็นหน้าคน”
นายเอ๊ดเลิกคิ้วและยิ้มทันทีเพราะรู้ว่าคุณหนูหมายถึงใคร
“คุณลุงฝรั่งหรือครับ”
“แค่ญาติห่างๆ ของแด๊ด”
แม็กกี้ตอบอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไรนัก ไม่อยากเรียกผู้ชายคนนี้ว่าลุงหรอก ดูยังไงก็ไม่เหมาะที่จะเป็นญาติผู้ใหญ่ของเรา สู้คุณจิมก็ไม่ได้ เรียกคุณจิมว่าลุงยังไม่กระดากปากเท่า เฮอะ !..
“เห็นว่าจะพักที่นี่ 4-5 วันหรือครับคุณหนู”
แม็กกี้พยักหน้าให้ สีหน้าบูดลงไปอีกเมื่อพูดถึงเรื่องนี้
“อย่ากังวลไปก่อนซีครับ เขาอาจจะน่ารักมีอัธยาศัยดีก็ได้ มีแขกมาพักแด๊ดจะได้ไม่เหงาไงครับ”
“ผมก็คิดงั้นฮะ แต่ดูแล้วมันน่ารำคาญมากกว่า”
“คุณแม็กรำคาญ แต่คุณพ่ออาจไม่รำคาญก็ได้นะครับ”
“เชอะ ! แด๊ดน่ะ ตัวขี้รำคาญเลย ไม่ชอบให้ใครมาเกาะแกะใกล้ๆ ยกเว้นผมคนเดียว อ้อ ! แล้วก็คุณจิมอีกคน”
“อ้าว! ก็คุณจิมเป็น คนรัก นี่ครับ อุ๊บ!!!”    นายเอ็ดหุบปากทันทีเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควรพูด
“หา!!!..”
แม็กกี้หูผึ่งตาโตปากค้างอยู่อึดใจก็รัวคำถามใส่เป็นชุด และบังคับนายเอ๊ดเล่าให้ฟังเดี๋ยวนี้  ถ้าไม่เล่าจะฟ้องน้าแววว่าแอบจีบสาวที่ตลาด   
“.................................”

“อย่าไปถามเรื่องนี้กับคุณพ่อนะครับ ไม่งั้นผมถูกเตะแน่ ดีไม่ดีถูกไล่ออกด้วยนะครับ คุณหนู..”

ครั้งนี้สีหน้าเด็กชายอมทุกข์กว่าปัญหาเรื่องลุงฝรั่งหลายเท่า แม็กกี้ไม่ได้ตกใจกับความจริงที่ได้รับรู้ ความรู้สึกขณะนี้คือเสียใจและสงสารพ่อ... ตลอดเวลาที่ผ่านมาเด็กชายคิดแต่เพียงว่าความรักที่พ่อมีต่อคุณจิมเป็นเหมือนเพื่อนสนิทหรือพี่ชายจริงๆ พ่อผูกพันกับคุณจิมมากเพราะคุณจิมเป็นคนใกล้ชิดเพียงคนเดียวที่รู้ใจ ไม่คิดว่าความรู้สึกแท้จริงระหว่างคนทั้งสองคือ ความรักฉันท์คนรัก...

...มิน่าล่ะ.. ตั้งแต่คุณจิมจากไป แด๊ดเหมือนคนไม่มีหัวใจ แม็กเคยสงสัยว่าแด๊ดใจลอยไปไหน.. วันนี้รู้แล้วว่าหัวใจของแด๊ดลอยไปหาคุณจิมนั่นเอง..

...แล้วทำไมแด๊ดถึงยอมให้คุณจิมไปแต่งงานล่ะ   ทำไมแด๊ดถึงไม่ยอมบอกความจริงกับแม็กล่ะฮะ..

 :m17:

“Dad Ha~~”
เสียงเรียกของเด็กชายทำให้ชายหนุ่มสองคนที่กำลังเดินเคียงกันก้าวขึ้นบันไดหยุดชะงักและหันขวับลงมาหาเจ้าของเสียงที่วิ่งตามขึ้นมาแทรกกลางระหว่างคนทั้งสอง
“อย่าวิ่งขึ้นบันไดซี แม็กกี้.. เดี๋ยวก็ตกหรอก”  ทอมเอ็ดเสียงเขียว เพราะเจ้าหนูวิ่งขึ้นมาแทรกกลางจนเขาเสียหลักดีว่าจับราวบันไดไว้ทัน
“จะไปไหนกันฮะแด๊ด..” แม็กกี้ไม่สนใจที่ถูกดุ ยิ้มหวานและอ้อนถามเอาใจ
“พาลุงบ๊อบไปห้องพักเหรอฮะ ผมพาไปเองก็ได้”   กล่าวจบเจ้าหนูก็ฉุดมือบ๊อบเดินตามขึ้นไปโดยที่อีกฝ่ายทำหน้างงๆ เพราะไม่เข้าใจ
ทอมส่ายหน้ากับอาการแปลกๆ ของเด็กชายและเดินตามหลังขึ้นไป
((ห้องของลุงอยู่ทางนี้ฮะ)) แม็กกี้พาบ๊อบมาส่งที่ห้องรับรองแขกซึ่งอยู่คนละปีกกับห้องนอนของเจ้าของบ้าน
((แล้วห้องนอนแด๊ดล่ะ อยู่ไหน))
คิ้วเรียวขมวดมุ่นกับคำถาม แต่เพียงแว่บเดียวก็คลายออก
((อยู่ฝั่งโน้นฮะ))
((อืมม์.. แล้วฝั่งโน้นมีห้องว่างเหลือรึเปล่า หือ..ทอม)) ประโยคสุดท้ายบ๊อบหันไปถามผู้เป็นพ่อแทน (( ด้านโน้นมีกี่ห้อง ฉันขอนอนห้องเล็กก็ได้นะ จะได้อยู่ใกล้ๆ กัน))
(( เอ่อ.. มี 3 ห้อง แต่ว่า..))
“แด๊ดฮะ.. ฝั่งโน้นไม่มีห้องว่างแล้วนะ” แม็กกี้รีบดักคอเป็นภาษาไทยเพราะเริ่มฟังไม่รู้เรื่อง ก็ลุงฝรั่งเล่นพูดซะเร็วและยาวอีกต่างหาก
((ฝั่งโน้นไม่มีห้องว่างน่ะ บ๊อบ..)) ทอมตอบตามลูกโดยอัตโนมัติ
((อ้าว! ก็มี 3 ห้อง อยู่กันแค่ 2 คนพ่อลูก ก็ต้องเหลืออีกห้องซี))
((แต่อีกห้องก็ไม่ว่างฮะ มีคนอยู่แล้ว)) ครั้งนี้แม็กกี้ตอบได้ฉะฉานเพราะเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ
((เอ๋?..ใครล่ะ มีใครอยู่ที่นี่นอกจากนายกับลูกหรือทอม..))
((อืมม์..เคยมี.. แต่ว่าตอนนี้..))
((ลุงจิมฮะ.. แต่ตอนนี้ไม่อยู่ไปต่างประเทศ อีก 2-3 วันก็จะกลับแล้ว ใช่มั้ยฮะ แด๊ด..))
แม็กกี้ขยิบตาส่งซิกให้พ่อ ทอมแทบไม่เชื่อหูและสายตาของตัวเอง นอกจากเด็กชายจะเรียกจิมว่าลุงอย่างสนิทใจแล้ว ทั้งสีหน้าและดวงตายังแฝงแววเจ้าเล่ห์ไว้เต็มเปี่ยม เห็นแล้วอยากจะหยิกแก้มเจ้าตัวดีนัก แต่ที่แสดงออกกลับเป็นอาการพยักเพยิดเห็นด้วยกับลูกชาย
((ใช่.. บ๊อบ เจ้าของห้องไม่อยู่ แต่อีกไม่นานก็คงจะกลับ)) ทอมเลี่ยงไม่เอ่ยชื่อ ประโยคสุดท้ายแฝงความขมขื่นไว้ในน้ำเสียง หากแต่คนฟังไม่ได้รับรู้เพราะกำลังสงสัยว่า “ลุงจิม” คือใคร
เด็กชายจับน้ำเสียงของพ่อได้ รีบตัดบทความวุ่นวายของลุงฝรั่งจอมยุ่งด้วยการเฉลยคำตอบโดยไม่ต้องให้อีกฝ่ายเอ่ยถาม
((ลุงจิมเป็น.. เอ่อ..)) “แด๊ด..คนสนิทพูดว่าไงฮะ Boyfriend  อ๊ะเปล่า”
ทอมถลึงตาใส่เจ้าหนูก็ทำท่านึกออกรีบหันไปสนทนาต่อ
((ลุงจิมเป็น Bodyguard ของพ่อฮะ เป็นเทควันโดสายดำด้วย อีกไม่กี่วันก็จะกลับมาแล้ว เพราะงั้น.. ลุงบ๊อบต้องพักฝั่งนี้))
แม็กกี้ไม่เปิดโอกาสให้ลุงฝรั่งมีปัญหาเรื่องห้องอีก  รีบฉุดร่างสูงใหญ่เข้าห้องที่เปิดประตูรอเอาไว้ตั้งนานแล้ว

ในที่สุดบ๊อบก็ต้องพักห้องรับรองแขกอีกด้านหนึ่ง ตามคำเชิญชวนกึ่งบังคับของแม็คกิลล์น้อย งานนี้แม็กกี้ถึงกับปาดเหงื่อและถูกพ่อคาดโทษเรื่องพูดจากะล่อนไว้ด้วยว่าจะคิดบัญชีทีหลัง รอให้แขกกลับไปก่อน

 :m19:

TBC>>>
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 04-02-2010 23:15:56
เจ้าหนูแม๊กกี้ ร้ายขึ้นนะเรา  o18
มีกันท่าพ่อให้จิมมี่ด้วย น่ารักจริงๆ
จิมหายไปนานแล้วนะ ทอมคิดถึงแย่
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: nithiwz ที่ 05-02-2010 00:31:55
หนูแม็กกี้ร้ายนะเรา  เก่งจริง  เรื่องกะล่อนนี่  ฮ่าๆๆๆๆ
กามเทพตัวน้อยจะช่วยให้แด๊ดมีความรักได้มั้ยหนอ  รอลุ้นๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 05-02-2010 00:58:00
เก่งมากแม็กกี้ o13 o13  มันต้องอย่างนี้สิ คิกคิก
เจ้าหนูรู้ความจริงแล้ว ไม่มีท่าทางต่อต้านอีกด้วย...ดีจริง...อย่างนี้ก็

รอคุณจิมกลับบ้าน... :กอด1:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 05-02-2010 08:10:34
ร้ายนะฮะ อาจารย์ฮะ

แม็กกี้ ไอ้หนูตัวแสบ

อิอิ
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 05-02-2010 10:27:11
ห้องพักผ่อนบ้านแม็คกิลล์ เวลา 5 ทุ่ม....

เด็กชายง่วงจนตาแทบจะปิดแล้วแต่ยังฝืนถ่างตาอยู่หน้าทีวีจอยักษ์ ทำทีเป็นสนใจกับสารคดีสัตว์โลกใต้น้ำทั้งที่ไม่มีอะไรน่าสนใจ เพราะดูเป็นสิบๆ รอบแล้ว

แม็กกี้จำเป็นต้องนั่งอยู่เป็นก้าง.. เอ้ย! เป็นเพื่อน.. คุณพ่อสุดที่รัก ซึ่งตั้งหน้าตั้งตาคุยกับลุงฝรั่งตั้งแต่ 2 ทุ่มหลังทานอาหารค่ำเสร็จ จนป่านนี้ยังไม่ยอมเลิกคุย ลุงฝรั่งคุยไปจิบไวน์ไปหน้าแดงก่ำ ในขณะที่พ่อนานๆ ยกขึ้นจิบที แต่เพราะเหตุผลนี้แหล่ะที่แม็กต้องนั่งถ่างตาเฝ้าอยู่เป็นเพื่อน ไม่สนใจว่าพ่อจะออกปากไล่ให้ไปนอนหลายครั้งแล้ว

...จะคุยอะไรนักหนานะ.... ไม่เห็นน่าสนุกสักนิด (เพราะฟังออกบ้างไม่ออกบ้าง ส่วนใหญฟังไม่ออก) คุยไปหัวเราะไป ขำตรงไหน.. แต่ก็นะ.... ที่ยอมอดทนนั่งฟังก็เพราะหลายเดือนแล้วที่ไม่ได้เห็นพ่อยิ้มแย้มหัวเราะอย่างสนุกสนานแบบนี้ ลุงฝรั่งนั่นเป็นโจ๊กเกอร์รึเปล่า สามารถพูดให้พ่อหัวเราะได้..

ในที่สุดแม็กกี้ก็ทนง่วงไม่ไหว ร่างเล็กลุกขึ้นเดินโซเซไปนั่งแปะอยู่ข้างพ่อ ทอมเลิกคิ้วเมื่อเจ้าหนูขยับเข้ามาสวมกอดและซบศีรษะกับไหล่ส่งเสียงอู้อี้

“แด๊ดฮะ.. ง่วงนอนแล้วอ่ะ”
“ง่วงก็ไปนอนซี ใครบังคับให้นั่งอยู่ล่ะ หือ..” ทอมกล่าวอ่อนโยน รู้สึกดีทุกครั้งเวลาที่เจ้าหนูอ้อนเขาอย่างเป็นธรรมชาติ
“ก็ผมรอแด๊ดอ่ะ เมื่อไรจะคุยจบซะที”
“รอทำไมล่ะ ง่วงก็ไปนอนซี”
“ก็คืนนี้ผมจะนอนกับแด๊ดนี่ฮะ”
“งั้นก็ไปนอนก่อน เดี๋ยวแด๊ดคุยเสร็จแล้วจะตามไป”
“ไม่เอาอ่ะแด๊ด ไปนอนด้วยกันเดี๋ยวนี้เลยซีครับ คุยกันตั้งหลายชั่วโมงแล้วนะฮะ ยังไม่พออีกเหรอ ผมตาจะปิดอยู่แล้วน้าาา”
ทอมส่ายหน้าเมื่อเด็กชายเริ่มออกลายงอแง

บ๊อบจ้องมองสองพ่อลูกอย่างรู้สึกแปลกตา ไม่เคยเห็นลูกชายวัยนี้อ้อนพ่ออย่างเด็กเล็กๆ แบบนี้มาก่อน
((ลูกจะเอาอะไรหรือ ทอม..))
((Umm..)) ทอมยิ้มแห้งๆ ลืมไปเลยว่ามีแขกนั่งอยู่ เผลอโอ๋ลูกมากไปหน่อย
((แม็กกี้ง่วงนอนแล้ว ผมจะพาเขาไปนอน คืนนี้ขอตัวก่อนนะบ๊อบ.. พรุ่งนี้ค่อยคุยกันต่อ))
((เฮ้!!! โตขนาดนี้แล้วยังต้องพาไปนอนอีกเหรอ เด็กที่โน่นอายุขนาดนี้มี girldfriend แล้วนะ ไม่มานั่งอ้อนพ่ออย่างเด็กๆ หรอก))
เด็กชายหันขวับมาจ้องมอบบ๊อบ ถึงจะฟังออกไม่หมดแต่ก็รู้ว่าถูกเหน็บ ดวงตาคู่สวยฉายแววโกรธและไม่พอใจ ริมฝีปากบางเม้มแน่นเหมือนกับจะบอกว่า ลองพูดว่าอีกที.. น่าดู..

บ๊อบยิ้มแห้งๆ สีหน้าเด็กชายง่วงงุนแบบเอาเรื่องจริงๆ
((อืมม์.. แต่ว่าลูกง่วงแล้วก็พาไปนอนเถอะนะ ทอม.. ฉันก็รู้สึกมึนและง่วงแล้วเหมือนกัน))
ทอมพยักหน้าให้ เสียงใสก็ดังขึ้น
((กู๊ดไนท์ฮะ ลุงบ๊อบ หลับฝันดีนะฮะ))
((กู๊ดไนท์ แม็กกี้.. หลับฝันดีเช่นกัน อย่าลืมดื่มนมก่อนนอนล่ะ))

บ๊อบอมยิ้มเมื่อหนุ่มน้อยชักสีหน้าไม่พอใจและแลบลิ้นใส่

ในที่สุด วงสนทนาคืนนั้นก็จบลงด้วยเหตุผลง่ายๆ แบบนี้ล่ะ

 :m14:

“แด๊ดฮะ แด๊ดดี้~ ”
แม็กกี้เรียกหาพ่อเมื่อตื่นขึ้นมาไม่เห็นอยู่บนเตียง (ทุกวันนี้ทอมก็ยังตื่นสายอยู่ แม้จะไม่สายมากแต่ก็ไม่เคยตื่นก่อนลูก และแม็กกี้จะเป็นคนเข้ามาปลุกเขาตื่นนอนตอนเช้าทุกวัน)

แม็กกี้ลุกขึ้นจากเตียงเดินตามหาพ่อ ยังเช้าอยู่เลยทำไมแด๊ดตื่นเช้าจัง ประตูห้องน้ำเปิดแง้มไว้จึงเดินดิ่งไปหาก่อนทันที
“แด๊ด.. อยู่เปล่าฮะ แด๊ด.. ทำอะไรอ่ะ”   ร่างเล็กยืนตะลึงกับภาพที่เห็น

!!!!!!!!!!

ทอมกำลังจะโกนหนวด ใบหน้าบริเวณคางและแก้มเต็มไปด้วยโฟมมือถือใบมีดเตรียมพร้อม ลูกชายแสนรักก็โผล่เข้ามา
“มอร์นิ่ง แม็กกี้.. ตื่นแล้วเหรอ..”
แม็กกี้ไม่สนใจทักทายยามเช้ากับพ่อ หายตะลึงก็ถลาเข้าประชิดร่างสูงคว้าผ้าขนหนูเช็ดโฟมออกจากใบหน้าของพ่อ

“เฮ้! ทำอะไรอ่ะ แม็กกี้.. หยุดเดี๋ยวนี้นะ” ทอมคว้ามือเล็กไว้ ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นหรือเจ้าหนูจะละเมอ…
“ไม่เอา.. ผมไม่ให้แด๊ดโกนหนวด อย่าโกนนะฮะ ไมให้โกน..”
“ทำไมล่ะ หา!!! ก็ลูกบ่นบ่อยๆ ว่าอยากให้แด๊ดโกนหนวด อยากเห็นหน้าหล่อๆ ไม่ใช่เหรอ”
“ตอนนี้ผมไม่อยากให้โกนแล้ว ไว้หนวดแบบนี้ก็หล่อเหมือนกัน ไม่เอา.. อย่าโกนนะฮะ ไม่ให้โกน..”
ทอมขมวดคิ้ว รู้สึกฉุนที่เด็กชายเอาแต่ใจแบบไม่มีเหตุผล (ไม่รู้ว่าเหมือนใคร)
“เหลวไหลนะ แม็กกี้.. อย่ามางอแงแต่เช้าแบบนี้นะ ลูกไม่ใช่เด็กเล็กๆ แล้ว หัดมีเหตุผลซะบ้าง เอาแต่ใจแบบนี้จะให้แด๊ดตามใจทุกเรื่องได้ยังไง หา!!!”
เด็กชายสะดุ้ง ถูกพ่อดุเสียงดังด้วยน้ำเสียงและสีหน้าเอาจริงแบบนี้ บ่อน้ำตาก็ทำท่าจะล้นทะลัก ยืนคอตกเอ่ยขอโทษเสียงสั่น
“ขอโทษฮะ แด๊ด.. ผมไม่ได้งอแง ไม่ได้อยากเอาแต่ใจ แค่ไม่อยากให้แด๊ดโกนหนวดเฉยๆ”
ทอมลอบถอนใจ ดุลูกทีไรก็รู้สึกไม่ดีกับตัวเองทุกครั้ง เขาเงยหน้าเจ้าหนูขึ้น เห็นแล้วก็ต้องรีบสวมกอดไว้ นึกโกรธตัวเองที่ใช้อารมณ์ แม็กกี้ไม่ใช่เด็กเอาแต่ใจแบบไม่มีเหตุผล เขาควรจะถามก่อนที่จะดุ
“แด๊ดไม่ได้โกรธลูกนะ แค่อยากรู้เหตุผลว่าทำไม ลูกอยากให้แด๊ดโกนหนวดมาตลอด เพราะอยากเห็นหน้าหล่อๆ พอวันนี้จะโกนก็ไม่ยอม แปลว่าไม่อยากเห็นแล้วใช่มั้ย”
แม็กกี้ส่ายหน้า
“ผมอยากเห็น แต่.. แต่อยากเห็นคนเดียว ไม่อยากให้คนอื่นเห็นด้วย”
“คนอื่น? ใครคือ คนอื่น? มีคนอื่นอยู่ในบ้านเราด้วยเหรอ..”
“มีซีฮะ” แม็กกี้เสียงอ่อยไม่รู้ว่าพูดออกไปแล้วจะถูกดุอีกหรือเปล่า แต่ก็ต้องพูด..ไม่งั้นจะถูกหาว่าไม่มีเหตุผลอีก
“ก็ลุงบ๊อบไง ผมไม่อยากให้เขาเห็น รอให้เขากลับไปก่อนแล้วค่อยโกนนะฮะ”
ทอมอ้าปากหวอ นึกไม่ถึงกับความคิดของลูก
“แม็กกี้… ลูกพูดจริงรึเปล่า รู้มั้ยว่าความรู้สึกแบบนี้มันเรียกว่าอะไร”
เด็กชายพยักหน้ารับโดยดี
“ผมรู้.. ผมเห็นแก่ตัว ผมไม่อยากให้ใครเห็น ไม่อยากให้ใครมาหลงรักแด๊ด ยกเว้นผมกับคุณจิมสองคน”
แม็กกี้รีบซุกหน้ากับอกอุ่นๆ เพราะกลัวจะถูกจับได้ว่ารู้เรื่องส่วนตัวของพ่อกับคุณจิมแล้ว

ความรู้สึกของทอมวูบลงเมื่อได้ยินชื่อคนคนนั้น ไม่อยากเชื่อเลย…เขาพยายามจะลืมแต่แม็กกี้กลับนึกถึง ความรู้สึกของเจ้าหนูไม่ใช่ความเห็นแก่ตัว แต่เป็นความหวง…หวงเพื่อตัวเองยังไม่พอ แต่หวงเพื่อหมอนั่นด้วย …หวงไปทำไมแม็กกี้ หวงเพื่ออะไร…
แม็กกี้ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นเมื่อเห็นพ่อนิ่งเงียบไป ใจเสียที่เห็นพ่อหน้าเศร้าอีกแล้ว
“แด๊ด.. แด๊ดฮะ”
“หือ..”
“ทำไมอยู่ดีๆ ถึงอยากโกนล่ะฮะ รำคาญเหรอ หรือว่าคัน”
ทอมหัวเราะที่ตัวเองต้องกลายเป็นคนตอบคำถาม
“ลุงบ๊อบเขาไม่เชื่อว่าหน้าอย่างนี้จะเป็นสุดยอดนายแบบ 3 สมัย แด๊ดก็เลยอยากจะโชว์ให้เขาดูหน่อย”

ดวงตาสีน้ำทะเลเบิกโพลง สีหน้าไม่สบอารมณ์ทันที  สองมือเล็กกุมหนวดเคราของพ่อไว้อย่างแหนหวง
“ไม่ให้โกนนะฮะ แด๊ด.. ไม่เชื่อก็อย่าเชื่อซี ไม่ต้องโชว์ให้เห็นหรอก อยากดูก็เปิดในหนังสือดูก็ได้” อารมณ์หวงแล่นปี๊ดขึ้นมาอีก “ถ้าแด๊ดโกนออกอย่าหาว่าผมไม่เตือนนะ”
“ทำไม.. ลูกจะทำอะไรแด๊ดงั้นเหรอ” ทอมเสียงเข้มขึ้นเมื่อเห็นว่าเด็กชายชักจะเอาใหญ่แล้ว
“ผมไม่ได้จะทำอะไรแด๊ดซะหน่อย..” หนุ่มน้อยจอมซ่าเสียงอ่อยลง
“แค่อยากจะเตือนว่า ถ้าแด๊ดโกนหนวดออก ผมบอกได้เลยว่าลุงบ๊อบจะต้องเลื่อนกำหนดกลับ และขออยู่ที่นี่ต่ออีกอย่างน้อย 2 อาทิตย์ ไม่เชื่อก็คอยดูซีฮะ”
“เหลวไหล.. บ๊อบเขาไม่มีเวลาว่างมากขนาดนั้นหรอก ลูกชักจะแก่แดดเกินไปแล้วนะ แม็กกี้.. พอแล้วเลิกเพ้อเจ้อซะที ไปแปรงฟันอาบน้ำ ไป!! ”
แม็กกี้ยิ้มหวานเมื่อทอมเอาผ้าขนหนูเช็ดโฟมที่เหลือออก แปลว่าการเจรจาเกลี้ยกล่อมครั้งนี้สำเร็จลุล่วงด้วยดี
“ตกลง.. ไม่โกนแล้วใช่มั้ยฮะ แด๊ด..”
“อื้อ..” เสียงตอบรับอย่างรำคาญ
“เย้!!!!.. รักแด๊ดที่สุดในโลกเลยฮะ”
แม็กกี้เขย่งตัวขึ้นจูบแก้มพ่อ และจงใจเลือกจูบบริเวณที่มีขนเคราอ่อนนุ่ม ก่อนจะวิ่งจู๊ดกลับห้องตัวเองไปอาบน้ำแต่งตัวด้วยอารมณ์เบิกบานสุดๆ

ทอมถอนใจเฮือกกับความแก่นแก้วของเด็กชาย ในที่สุดเขาก็ต้องเลิกล้มความคิดที่จะโชว์ใบหน้าของสุดยอดนายแบบ 3 สมัยให้ญาติผู้พี่ดู เพราะเริ่มเห็นจริงตามที่เจ้าหนูบอก เมื่อคืนบ๊อบก็เอาแต่จ้องหน้าเขาและบ่นว่าไม่เหมือนทอมคนเดิมเลย มันจะไม่เหมือนได้ไงกะอีแค่มีหนวดเคราเท่านั้น ถ้าเห็นแล้วเกิดติดใจอยากอยู่ดูนานๆ จนเลื่อนกำหนดกลับอย่างที่เจ้าหนูคาดการณ์ไว้ล่ะก็…ไม่สนุกแน่ เพราะฉะนั้นอย่าเห็นเลยบ๊อบ.. ไปเปิดหนังสือดูอย่างที่แม็กกี้บอกก็ดีเหมือนกัน…


(http://i116.photobucket.com/albums/o7/wannarat/ronan.jpg?t=1265090464)

หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 05-02-2010 10:32:09
“เฮ้อ!!!”
เสียงถอนหายใจโล่งอกของเด็กชายดังมาก ถึงขนาดทำให้ทอมซึ่งนั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างรู้สึกตัวได้
“เป็นอะไรเจ้าตัวยุ่ง มีอะไรหนักใจอีกล่ะ” ทอมหันมาถาม เห็นเด็กชายนั่งยิ้มสีหน้าระรื่นจนน่าหมั่นไส้
“เปล่าหนักใจฮะ ดีใจ”
“ดีใจ? เรื่องอะไร”
“ก็.. เรื่องที่ได้ส่งลุงบ๊อบกลับแอลเอเรียบร้อยแล้วไงฮะ ”
“แล้วไง มีอะไรน่าดีใจ”
“ก็..” แม็กกี้ขยับเข้ามากระซิบบอกเหตุผลพ่อ เพราะไม่อยากให้นายเอ๊ดได้ยิน
“ดีใจที่จะได้ไม่มีใครมาเกาะแกะแด๊ดดี้ของผมแล้วฮะ”
ทอมส่ายหน้าเหมือนระอาแต่ลำแขนกลับโอบร่างเล็กเข้ามาซบอก เพื่อปลอบประโลมความรู้สึกเจ็บร้าวที่แล่นวูบเข้ามาในหัวใจ
…ดีใจที่ไม่มีใครมาเกาะแกะแด๊ดดี้ของผมฮะ… คำพูดของเด็กชายแสลงใจเขาโดยไม่รู้ตัวอีกแล้ว…

คนที่เคยเกาะแกะอยู่เคียงข้างและพร่ำสัญญาว่าจะรักเขาเพียงคนเดียวตลอดไป จนถึงวันนี้ก็ยังเงียบหายไป ไม่มีแม้แต่จะส่งเสียงมาทักทายกัน
…เพราะฉะนั้น ไม่ต้องห่วงว่าจะมีใครแย่งแด๊ดไปจากลูกหรอกนะ แม็กกี้.. และไม่ต้องหวงแด๊ดแทนใครคนนั้นอีกต่อไปแล้ว เพราะแด๊ดไม่มีวันยอมเจ็บซ้ำสอง ในเมื่อแด๊ดไม่มีค่าและความหมายสำหรับเขา ตั้งแต่วันนี้ไป… เขาก็จะไม่มีค่าและความหมายสำหรับแด๊ดเช่นกัน…

แม็กกี้สวมกอดพ่อแน่นขึ้นเมื่อรับรู้ถึงอาการสะท้านไหวของอ้อมอกอุ่น
…ไม่มีวิธีไหนที่แม็กจะช่วยให้แด๊ดหายจากอาการนี้ได้เลยเหรอ… 5 เดือนกว่าแล้วซีนะที่คุณจิมจากไป ความสุขที่แด๊ดได้รับจากเราคงฉาบอยู่แค่ภายนอกเท่านั้น มันไม่สามารถลบเลือนความทุกข์ที่อยู่ลึกลงไปในหัวใจของแด๊ดได้เลย คุณจิมนะคุณจิม ใจร้ายใจดำที่สุด ทำร้ายแด๊ดดี้ของผมได้ลงคอ ถ้ายังไม่รีบกลับมาในวันสองวันนี้ ผมจะยุให้แด๊ดมีแฟนใหม่ ผมจะไม่คอยเป็นก้างหวงแด๊ดไว้ให้คุณอีกต่อไป คุณจะต้องเสียใจตลอดชีวิตแน่ๆ บอดี้การ์ดใจทมิฬ…

 :เฮ้อ:

TBC >>>
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 05-02-2010 10:48:17
^
^
^
^
^
^

  :z13:


เจ้ หมวย ย ยย 

เมื่อไหร่ จิม จะกลับมาซะที 

 :z3:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: booboos ที่ 05-02-2010 11:33:08
น้องแม็กกี้เปิดใจให้คุณจิมแล้ว เย้ รอแต่คุณจิมมาสานต่ออ่ะนะ
 :3123:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 05-02-2010 12:29:26
แม็กกี้เกือบถูกดุแล้วสิ... ทอมจะดีใจมั้ยเนี่ยถ้ารู้ความจริงว่าลูกอ่ะไม่หวงเพราะจะแค่กันลุงบ๊อบแต่หวงไว้ให้คุณจิม...  แม็กกี้ o13



ยังรอคุณจิมกลับบ้านต่อไป :กอด1:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 05-02-2010 15:42:14
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 05-02-2010 18:28:21
LOVE YOU ONLY 3..

หลังอาหารเช้าทอมกลับขึ้นมาบนห้องเพราะรู้สึกเวียนหัวและเพลียมาก หนังตาหนักอึ้งจนลืมแทบไม่ขึ้น วันนี้เขาคงหลับสนิทได้แน่เพราะเมื่อคืนนอนไม่หลับเกือบทั้งคืน ตั้งแต่จิมจากไปเขาไม่เคยนอนหลับอย่างเป็นสุขเลย บางขณะเกิดความคิดชั่ววูบว่าอยากจะหลับให้สนิทและไม่ต้องตื่นขึ้นมาอีก แต่พอแว่บถึงแม็กกี้แล้วก็รู้สึกโกรธและเกลียดตัวเอง …เขากลายเป็นคนขี้แพ้ตั้งแต่เมื่อไรกัน…

"ทอม.. ทอม.."
…อืมม์……
ทอมลืมตาขึ้นเมื่อได้ยินเสียงเรียกอยู่ใกล้ๆ คิ้วเรียวขมวดมุ่นก่อนที่ดวงตาจะเบิกโพลง หัวใจพองโตด้วยความปิติยินดีเมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ยืนกอดอกอยู่ข้างเตียงและยิ้มให้
"Hi !.. Tom.."
ทอมดีใจจนพูดอะไรไม่ออก ไม่รู้ว่าลุกขึ้นมาสวมกอดอีกฝ่ายไว้ตั้งแต่เมื่อไร รู้ตัวอีกทีเพราะถูกจับให้เงยหน้าขึ้นสบตาด้วย
"Hi!.. Maggill.."
ทอมตะลึงมอง ตั้งแต่รู้จักคบหากันมาทำไมวันนี้หน้าตาของหมอนี่จึงดูคมเข้มมีเสน่ห์ทำเอาเขาใจสั่นได้ขนาดนี้ หรือเป็นเพราะว่าจากกันไปนานมาก…
"Hi!.. Jimmy.." ทอมทักตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ความตั้งใจที่จะต่อว่ามลายไปสิ้นเปลี่ยนเป็นเอ่ยตัดพ้อด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
"นึกว่าจะไม่กลับมาอีกแล้ว ฉันรอนายติดต่อกลับมาทุกวันเลย…"
"ต้องกลับซี สัญญาไว้แล้วนี่" จิมทรุดตัวลงนั่งข้างๆ มือสัมผัสหนวดเครานุ่มบนใบหน้าของทอมและเอ่ยกระเซ้า
"ฉันไม่อยู่ 5 เดือน กลายเป็นเคาบอยไปแล้วเหรอ.. หรือว่าจะรอให้ฉันกลับมาโกนให้ หือ.."
ทอมยิ้มและพยักหน้าให้ก่อนจะผวาเข้าสวมกอดด้วยความคิดถึง
"ฉันคิดถึงนายจิม.. คิดถึงมาก.. นายคิดถึงฉันหรือเปล่า ทำไมเงียบหายไปเลย"
จิมลูบหลังทอมไปมาและกล่าวปลอบ
"คิดถึงซีทอม.. ฉันคิดถึงนาย แต่มีเรื่องมากมายที่ต้องจัดการเลยไม่มีเวลาติดต่อมา ขอโทษด้วยนะ.."

ทอมผละออกอารมณ์แจ่มใสขึ้น เหมือนเมฆดำและฝนฟ้าคะนองจางหายไปแล้ว ริมฝีปากได้รูปของจิมเผยอยิ้มให้เขา รอยยิ้มช่างอ่อนโยนและอบอุ่น หัวใจที่กำลังหนาวเหน็บเพราะความอ้างว้างโดดเดี่ยวของเขารู้สึกอบอุ่นขึ้นในวินาทีนั้นเลย
เป็นครั้งแรกที่ทอมรู้สึกอยากสัมผัสริมฝีปากของจิม ทุกครั้งจิมจะเป็นฝ่ายเริ่มก่อน แต่วันนี้...ขณะนี้… หัวใจเขาปรารถนาที่จะได้รับสัมผัสที่อบอุ่นจากจูบของชายตรงหน้า แม้จะต้องเป็นฝ่ายเริ่มก่อนก็ไม่แคร์แล้ว

((ที่รักคะ))

ทอมสัมผัสริมฝีปากของจิมได้แค่เพียงแผ่วเบาก็ต้องรีบผละออก เมื่อได้ยินเสียงหญิงสาวเรียกหาจิมอยู่ด้านนอก   แม้จะฟังภาษาไม่รู้เรื่องแต่ก็พอจะเดาออกว่าเธอกำลังเรียกหาจิมอยู่   จิมหันไปขานรับเป็นภาษาสเปน

"ฉันพามาเรียมาด้วย ทอม.. เธอตั้งครรภ์ได้เกือบ 4 เดือนแล้ว 2 เดือนที่ผ่านมาเธอแพ้ท้องมาก ตอนนี้ค่อยยังชั่วและแข็งแรงดีแล้ว ฉันก็เลยพาเธอมาพักผ่อนและถือโอกาสฮันนีมูนไปด้วย"   จิมหันไปยิ้มให้หญิงสาวที่กำลังเดินเข้ามา และลุกขึ้นผละจากเขาไปหาเธอ

ทอมนั่งอึ้งพูดอะไรไม่ออก ได้แต่มองตามตาปริบๆ    …มาเรีย..ภรรยาของจิม นี่มันอะไรกัน จิมมี่.. นายพาเธอกลับมาด้วย.. ทำไม??.. ไหนบอกว่าจะไม่พาเธอมาเหยียบบ้านหลังนี้ไง…

"ฉันจะพักอยู่กรุงเทพฯ 3 วัน ก่อนลงใต้ไปภูเก็ต มาเรียอยากรู้จักนาย ฉันก็เลยพาเธอมา.."
จิมแนะนำเขาให้เธอรู้จัก เธอกล่าวทักเขาเป็นภาษาอังกฤษ เขาทักตอบตามมารยาทเหมือนหุ่นยนต์ไร้จิตใจ จิมยิ้มให้เขาแต่มือโอบกอดมาเรียไว้
"เรา จองห้องพักที่โรงแรมไว้ แต่ฉันมีเรื่องอยากคุยกับนายเยอะเลย ถ้าจะเปลี่ยนมาพักอยู่ด้วยที่นี่ จะเป็นการรบกวนมั้ย"

ทอมเจ็บร้าวในอกเหมือนหัวใจของเขาถูกอุ้งมือใหญ่ของชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าบีบอย่างแรง ทั้งคำพูดและการกระทำแสดงความห่างเหินอย่างเห็นได้ชัด คำว่า "เรา" แปลว่าเขาต้องเป็น "คนอื่น"

ทอมส่ายหน้าไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นไม่เข้าใจการกระทำของจิม แต่กลับทำให้อีกฝ่ายเข้าใจว่าไม่เป็นการรบกวน

"โอเค.. งั้นนายพักผ่อนต่อเถอะ ฉันจะพามาเรียไปที่ห้อง จะแวะไปทักทายแม็กกี้ด้วย อ้อ!.. เย็นนี้ไปดินเนอร์กันนะทอม.. ฉันเป็นเจ้ามือเอง.."

ทอมนั่งตาปริบๆ มองจิมโอบกอดมาเรียพาออกจากห้องด้วยท่าทีอ่อนโยน
อา!…. อา!….  o7   ทอมสูดลมหายใจเข้าปอดเมื่อรู้สึกอึดอัดและแน่นในอก รีบเอามือสำรวจหัวใจตัวเองว่ายังเต้นอยู่หรือเปล่า ก่อนจะค่อยๆ ตะแคงตัวลงนอน 

….เจ็บ… เจ็บเหลือเกิน… หัวใจเขากำลังจะแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ แล้ว…. อุตส่าห์ตั้งใจว่าจะไม่ทุกข์กับการจากไปของจิม อุตส่าห์ตั้งใจจะลืมให้ได้แล้วแท้ๆ.. จบสิ้นกันไปเลยก็ได้.. ขอเพียงแต่อย่าหวนกลับมาอีก เขาก็จะไม่เจ็บแบบนี้…
ทอมสะอื้นไห้ น้ำตาไหลพรากอย่างผู้พ่ายแพ้

…นายทำอย่างนี้กับฉันได้ยังไง จิมมี่.. กลับมาทำร้ายฉันทำไม ฮึก~ ฮือ ๆ  :o7:

 :o12:


 :try2:  แหะๆ  ขอกลับบ้านก่อนนะ  จะมาต่อให้ตอนค่ำๆ  พรุ่งนี้มาอ่านต่อ
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: nbee ที่ 05-02-2010 20:22:41
ม่ายจริ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง   :dont2:

เป็นความฝันช่ายม๊ายยยยยยยยย

ทอมตื่นได้แล้ว อย่าทำให้ใจหายอย่างนี้ดิ
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: จุ๊บจิ๊บจ๊ะจ๋า ที่ 05-02-2010 20:38:44
 :angry2:โฮ่เจ๊หมวยอ่ะทำอย่างงี้กระโดดถีบหน้ากันง่ายกว่าไหม


มันค้างอ่ะ  :fire:กลับมาต่อด่วนเลยนะ

จิมมี่ถ้ากลับมาแบบนี้อย่ามาเลยจะดีกว่าไหม :z6:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 05-02-2010 21:01:57
ว่าแล้ว ทำไมซื้อหวยไม่เคยถูก

ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

เจ้หมวยใจร้าย
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: kungyung ที่ 05-02-2010 21:24:31
ม่ายยยยยยยนะ ม่ายยยยยยยย
มันไม่จริงใช่มั้ยเจ้

หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 05-02-2010 21:58:29
จิมแบบนี้ไม่ต้องกลับมาเลย
กลับไปเลี้ยงลูกที่บ้านเกิดเลยไป๊
มาทอมให้ทอมเสียน้ำตาแบบนี้ ไม่ยอมนะ :m15:
เจ้หมวยขา จะทรมานคนอ่านอีกแล้วใช่ไหมอ่า~
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 05-02-2010 22:42:05
มาแล้วๆ  อย่าร้องกระจองงอแงกัน 
มาต่อเดี๋ยวนี้แล้ว คอยเดี๋ยว

หมูพูห์อ่ะ  เอะอะ ก็ว่าเจ๊หมวยใจร้าย :monkeysad:
อุตส่าห์ให้ยิ้มตั้ง 2 ตอน ตุนเอาไว้แล้วนะ

 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 05-02-2010 23:05:26
"ทอม.. ทอม.. "
เสียงกระซิบเรียก ทอมซุกหน้าลงกับหมอนพยายามเบี่ยงตัวหนีมือที่สัมผัสเขาอยู่พร้อมกับออกปากไล่
"ไปให้พ้น!! อย่าแตะต้องฉัน ออกไป.."
มือใหญ่ชักหนีออกไปเหมือนตกใจ หากแต่ชั่วอึดใจร่างของทอมกลับถูกช้อนไว้ในวงแขนและถูกรั้งเข้าไปในอ้อมกอดที่แข็งแรงและอบอุ่น
"ปล่อยนะ!! ปล่อยฉัน.. ปล่อย~  ฮึก~"
ทอมหลับตาร้องและส่ายหน้าหนีไปมา ไม่เข้าใจการกระทำของหมอนี่ ต่อหน้ามาเรียเมื่อครู่ยังทำเหมือนเขาเป็นคนอื่นอยู่เลย
"ไม่.. ฉันไม่ปล่อย ลืมตาขึ้นมาคุยกันก่อน ทอม.."
"ไม่คุย ฉันไม่คุย ไม่มีอะไรต้องคุยแล้ว จบแล้ว.. ฉันเป็นคนอื่นของนาย ปล่อย.. ปล่อยฉัน.. อึ๊.. อือ…."

ทอมถูกปิดปากไม่ไห้พูดต่อด้วยวิธีเดิมๆ แต่เวลานี้เขากลับรู้สึกว่ามันเป็นวิธีที่ชั่วร้ายมาก ทั้งที่เมื่อครู่ยังอยากได้รับสัมผัสอยู่เลย ก่อนที่เรี่ยวแรงจะถูกทานออกจากร่างจนหมด เขาต้องตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง

ทอมใช้มือขวาทุบหลังจิมอย่างแรง ดังสนั่นจนกระเทือนเข้าหาตัวเขาเอง จิมสะดุ้งและร้องครางอยู่ในลำคอ แต่ไม่ยอมคลายอ้อมแขนและถอนริมฝีปากออก กลับกอดรัดเขาแน่นขึ้นและบดริมฝีปากลงมาอย่างหนักหน่วงและรุนแรงมากขึ้นจนเขาต้องยอมอ่อนแรงและหยุดดิ้นรน

จิมถอนริมฝีปากออกแต่ยังไม่ยอมคลายอ้อมแขน จ้องมองเทพบุตรแสนรักที่ยังนอนหลับตานิ่งหายใจระรวยอยู่ในอ้อมกอด
"ฉันขอโทษ ทอม.. ขอโทษที่ไม่ได้ติดต่อกลับมาเลย มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นกับฉันแล้วจะเล่าให้ฟังทีหลังนะ แต่ตอนนี้ขอให้รู้ว่าระหว่างเรายังไม่จบ ฉันยังรักนายเหมือนเดิม นายไม่ใช่คนอื่น… นายเป็นคนพิเศษ.. เป็นคนรักคนเดียวของฉันนะ ทอม.."

ทอมลืมตาขึ้นคิ้วเรียวขมวดรู้สึกโกรธกับความกะล่อนของจิม ต่อหน้ามาเรียเมื่อครู่พูดเหมือนเขาเป็นคนอื่น แต่พอลับหลังก็…
"งี่เง่า!!.. ไปให้พ้น ฉันเกลียดนาย ไอ้คนกะล่อน" ทอมถือโอกาสที่อีกฝ่ายกำลังตะลึงขยับหนีจากอ้อมกอด
"หยุดใช้คำพูดหวานหูหลอกล่อฉันซะที ฉันไม่ได้เป็นคนรักของนายอีกต่อไปแล้ว แค่มีใจให้ไม่ได้หมายความว่าฉันต้องการเป็นเจ้าของนาย ฉันยังเป็นชายแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์ที่ต้องการมีเซ็กซ์กับผู้หญิง เพราะฉะนั้นอย่ามาทำลายศักดิ์ศรีของฉันด้วยการให้ฉันกลายเป็นคนที่สองของนาย กลับไปหาเมียนายที่ห้องซะ จิมมี่.. เรื่องระหว่างเรามันจบลงแล้ว ความสัมพันธ์ของเรานับจากนาทีนี้ไปเป็นแค่เพื่อนเท่านั้น"

จิมพยายามจะอธิบาย แต่ทอมไม่ฟังคว้าหมอนตีและออกปากไล่จนจิมต้องยอมแพ้
"โอเค.. ฉันจะออกไปเดี๋ยวนี้ อย่าโกรธมากซีทอม.. เดี่ยวหายใจไม่ออกอีกนะ รอให้นายอารมณ์ดีแล้วเราค่อยคุยกันใหม่"

ทอมลุกจากเตียงเดินเลี่ยงไปที่หน้าต่าง พยายามผ่อนคลายอารมณ์โกรธของตัวเองด้วยการสูดลมหายใจลึกๆ ก่อนจะชำเลืองกลับไปมองว่าอีกฝ่ายออกจากห้องไปหรือยัง

จิมเปิดประตูและหันมายิ้มอ่อนโยนให้เขาก่อนจะเดินออกจากห้องไป   ทอมยืนอึ้งไม่ใช่เพราะตกใจหรือเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่กำลังงงกับสภาพของจิม ตอนเข้ามาและกลับออกไปครั้งแรกยังดีๆ อยู่เลย ทำไมออกไปครั้งนี้ข้อเท้าขวาถูกเข้าเฝือกไว้ และยังใช้ไม้ค้ำยันไว้ขณะเดินอีก
ทอมเดินวนไปมาอยู่ชั่วครู่ ตัดสินใจตามออกไปดูให้รู้แน่ชัดอีกครั้งว่าตาฝาดไปหรือเปล่า

ทอมรีบดึงประตูปิดตามเดิม เมื่อนึกขึ้นได้ว่าจิมไม่ได้กลับมาคนเดียวแต่พาเธอกลับมาด้วย เขายืนชั่งใจอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเคาะประตูให้เสียงก่อน ขืนโผล่พรวดเข้าไปอาจเจอภาพบาดตาให้เจ็บกระดองใจอีก

จิมเดินมาเปิดประตูให้สีหน้าแปลกใจเมื่อเห็นเขา แต่ก็ยิ้มและทักทายอย่างอ่อนโยน
"มีอะไรหรือ ทอม.. อารมณ์ดีแล้วเหรอ.."

ทอมตกใจเมื่อมาเห็นกับตาอีกครั้งว่า จิมอยู่ในสภาพเหมือนคนได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุจริงๆ ร่างสูงใหญ่กำยำซูบลงไปอย่างเห็นได้ชัด ที่ข้อเท้าขวายังใส่เฝือกไว้ ขณะยืนพูดอยู่กับเขาก็ถือไม้ค้ำยันไว้ด้วย แสดงว่าตอนที่เข้าไปหาครั้งแรกเขาคงไม่ทันได้สังเกตเพราะมัวแต่ดีใจ และที่จิมเดินได้โดยไม่ต้องใช้ไม้ค้ำคงเพราะมีเธอคอยช่วยพยุง
 
ทอมนึกหมั่นไส้จึงแสร้งไม่ใส่ใจและไม่ถามถึงอาการบาดเจ็บ
"เข้าไปได้มั้ย"
จิมเลิกคิ้ว
"ได้ซี.."  ร่างสูงเบี่ยงตัวหลบให้ทอมเดินเข้าไปก่อน

ทอมหยุดยืนอยู่กลางห้องเหลียวซ้ายมองขวา ประตูห้องน้ำปิดอยู่ก็เข้าใจว่าเธออาจจะทำธุระอยู่ในห้องน้ำ  ทอมสอดสายตาสำรวจไปรอบห้องอย่างใคร่รู้ เห็นกระเป๋าเดินทางของจิมเพียงใบเดียวอยู่บนเตียงก็นึกแปลกใจแต่ไม่กล้าถาม สามีภรรยาจัดเสื้อผ้าอยู่ในกระเป๋าเดียวกันไม่ใช่เรื่องแปลก จิมเองก็มีเสื้อผ้าอยู่ที่นี่แล้ว

จิมเดินกระย่องกระแย่งมานั่งที่เตียงและทำท่าจะเปิดกระเป๋า ทอมรีบเบือนหน้าหนีและเดินเลี่ยงไปทางอื่น ไม่อยากเห็นของในกระเป๋า และไม่อยากให้จิมรู้ด้วยว่าเขากำลังสอดรู้สอดเห็นอยู่
"ฉันซื้อหนังสือมาฝาก" จิมหยิบหนังสือแฟชั่นสองเล่มออกจากกระเป๋า
"มาดูซิว่าชอบมั้ย" จิมยื่นหนังสือให้โดยยังนั่งอยู่ที่เตียง ทอมหันมามองแว่บหนึ่งก็เบือนหน้าหนี
"อยากให้ก็เดินมาเองซี"
ทอมไม่สนใจอาการบาดเจ็บของจิม คิดจะมาฮันนีมูนทั้งๆ ที่เท้ายังเจ็บแบบนี้ ก็แสดงว่าคงเจ็บไม่มากหรือไม่ก็คงใกล้จะหายแล้ว

ทอมเดินไปที่โต๊ะเขียนหนังสือ นึกแปลกใจเมื่อเห็นหนังสือเดินทางและของใช้ส่วนตัวของจิมวางระเกะระกะอยู่ แต่กลับไม่มีอะไรของเธอวางให้เห็นเลย แต่ก็ดี.. เขาไม่อยากเห็นนักหรอก.. ทอมหยิบพาสปอร์ตของจิมขึ้นมาเปิดดูอย่างไม่ใส่ใจนัก
"ลองดูซิทอม.. Trend ใหม่ของที่โน่น เผื่อเป็นไอเดียได้"
หนังสือแฟชั่นสองเล่มถูกยื่นมาทางด้านหลัง จิมลุกขึ้นเดินเอามาให้จนได้ ทอมรับหนังสือมาถือไว้ด้วยความลืมตัว เพราะเห็นแค่ปกก็รู้สึกตื่นตาตื่นใจแล้ว ว่าจะไม่อยากสนใจแล้วเชียว เปิดดูสัก 2-3 หน้าคงไม่เป็นไร
"ชอบมั้ย.."
ทอมสะดุ้งเมื่อร่างสูงใหญ่ขยับเข้ามาประชิดด้านหลัง ใจหายวาบเมื่อถูกลมหายใจอุ่นสัมผัสที่ต้นคอเบาๆ รีบหมุนตัวกลับในขณะที่อีกฝ่ายยังยืนประชิดอยู่ ใบหน้าของเขาและจิมจึงเกือบจะแนบชิดกัน

จิมรีบโอบเอวทอมไว้เพราะอีกฝ่ายเล่นหันมากระทันหัน ทำให้เขาเสียหลักเพราะขณะที่ยืนอยู่นั้นเขาพิงไม้ค้ำไว้กับโต๊ะ จะใช้มันเฉพาะเวลาเดินเท่านั้น

…ให้ตายเถอะ !.. ในสภาพนี้ทอมไม่อาจคิดเป็นอื่นได้เลย ทั้งโกรธและเจ็บปวดกับความกะล่อนของจิมที่คิดแต่จะหาความสุขใส่ตัว โดยไม่แคร์ความรู้สึกของเขาและเธอเลย...

ทอมใช้สองมือยันร่างสูงใหญ่ไว้และผลักอย่างแรง    เพราะถ้าไม่แรงแล้วอย่าหวังเลยว่าจะหลุดจากอ้อมกอดที่แข็งแกร่งนี้ได้

 :o12:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 05-02-2010 23:15:40
ร่างสูงตรงหน้าถูกผลักออกอย่างง่ายดายเกินคาด แถมยังเสียหลักล้มลงนอนวัดพื้นโดยไม่มีเสียงร้องสักแอะ ทอมยิ้มสะใจแต่แล้วก็หน้าเสียลงทันที เมื่อเห็นสีหน้าของจิมพร้อมกับอาการเกร็งของร่างกายเหมือนได้รับความเจ็บปวด ทอมใจหายวาบลืมสนิทเลยว่าข้อเท้าของจิมเข้าเฝือกไว้ รีบทรุดตัวตามลงไป

"ขอโทษ จิม.. ฉันลืมว่านายเท้าเจ็บ ขอโทษนะ เจ็บมากมั้ย" ทอมยกเท้าขวาของจิมขึ้นสำรวจดูว่ามีรอยแตกหักที่เฝือกหรือเปล่า คงจะกระเทือนถึงกระดูกที่หักถึงเจ็บแบบนี้
"มะ.. ไม่เป็นไร ทอม.. ฉันไม่เป็นไร"
"โกหก เจ็บก็บอกว่าเจ็บซี.. ทำไมต้องอวดเก่งด้วย" ทอมโวยใส่เมื่อเห็นจิมกัดฟันพูดและสีหน้าก็ยังเจ็บปวดอยู่ แปลว่ายังเจ็บมาก..
ทอมละล่ำละลักถามด้วยความเป็นห่วงและรู้สึกผิด
"เฝือกแตกหรือเปล่าอ่ะ กระดูกเป็นยังไงบ้าง เรียกหมอมาดูมั้ย.."
"ไม่เป็นไรทอม ฉันไม่ได้เจ็บที่เท้า"

ทอมเงยหน้าจากข้อเท้า สังเกตุเห็นมือของจิมลูบไปมาที่ชายโครงด้านขวา รีบขยับเข้าไปเอามือแตะสำรวจที่ลำตัวเพื่อตรวจดูอาการบาดเจ็บให้ แต่เพียงแค่สัมผัสถูกก็ใจหายวาบรีบปลดกระดุมเสื้อออก ก็พบว่ารอบลำตัวของจิมถูกพันด้วยอีราสติก อย่างหนา
…โอ! พระเจ้า.. จิมมีอาการบาดเจ็บมากกว่าที่เขาเห็น ไม่ใช่แค่ข้อเท้า…ร่างกายช่วงลำตัวถูกเข้าเฝือกไว้ด้วย นี่เป็นการต้อนรับจากเขา จิมสมควรได้รับโทษเพราะทำให้เขาเจ็บปวด สมน้ำหน้าแล้ว…

"ฉันไม่เป็นไร ทอม.. เจ็บนิดเดียว เดี๋ยวก็ค่อยยังชั่ว"
จิมรีบปลอบเมื่อเห็นเทพบุตรของเขาเอาแต่ก้มหน้านิ่งไม่พูดไม่จา คงตกใจที่อาการบาดเจ็บของเขามากกว่าที่เห็น
"ฉันได้รับอุบัติเหตุรถคว่ำเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว เพิ่งออกจากโรงพยาบาลได้ 2 อาทิตย์ ฉันไม่ได้ติดต่อกลับมาหานายเลย เพราะสมองกระทบกระเทือนจำความอะไรไม่ได้เพิ่งนึกออกเมื่อ 3 วันที่แล้ว…"
ทอมใจหายกับเรื่องที่ได้ยิน น้ำตาแทบร่วงเมื่อนึกถึงการกระทำของตัวเองเมื่อครู่
"ฉันขอโทษที่ผลักนาย… ไม่รู้ว่าเจ็บมากแบบนี้.."
"บอกแล้วไงว่าไม่เป็นไร ก็ฉันไม่ได้บอกนายจะรู้ได้ยังไง นี่แค่เฝือกอ่อนน่ะ ทอม.. ฉันใกล้จะหายแล้วล่ะ ไม่ต้องห่วงนะ ฉันโอเค.. ขอนอนนิ่งๆ สักครู่ก็ลุกขึ้นได้แล้ว" จิมเอื้อมมือแตะหนวดเคราของทอมและหัวเราะในลำคอ
"นึกยังไงถึงไว้หนวด หือ.. เป็นเทพบุตรดีๆ ไม่ชอบ อยากเป็นพระเอกเคาบอยเหรอ.." จิมเปลี่ยนเรื่องกระเซ้าทอมแต่ไม่สามารถเบนความสนใจได้ คำถามยังวนอยู่ที่อาการบาดเจ็บของเขา
"ซี่โครงหักเหรอ..." ทอมถามเสียงอ่อย
จิมพยักหน้าให้ สีหน้าเทพบุตรของเขาก็เริ่มบูดอีก
"นายมันบ้าสิ้นดี ทำไมไม่รอให้หายและแข็งแรงกว่านี้ก่อนค่อยเดินทางมา"
"ไม่ไหวหรอกทอม.. ให้ฉันรออีกแค่วันเดียว ฉันคงขาดใจตายแน่.."
สีหน้าและน้ำเสียงของจิมให้ความหมายตามที่พูดจริงๆ ทอมรู้สึกเจ็บร้าวในอกอีกแล้ว รีบเบือนหน้าหนีเมื่อรู้สึกว่าบ่อน้ำตากำลังเอ่อล้นขึ้นมาอีก

…จิมคงเกิดอุบัติเหตุหลังแต่งงานกับมาเรียได้ไม่กี่วัน และคงยังไม่มีโอกาสพาเธอไปฮันนีมูนที่ไหน ช่วงที่จิมจำอะไรไม่ได้ เธอคงเฝ้าปรนนิบัติในฐานะภรรยา ถ้าเป็นอย่างนั้น.. ก็สมควรแล้วที่จิมจะให้ความรู้สึกดีๆ และมีใจให้กับเธอ เขาไม่ควรโกรธจิม.. เปล่า…เขาไม่ได้โกรธถ้าจิมจะชอบเธอ แต่โกรธที่จิมยังกะล่อนไม่เลิก

…ถึงขนาดรออีกแค่วันเดียวจะขาดใจตาย ยังมีหน้ามาโกหกว่ายังรักฉันเหมือนเดิมอีกเหรอ จิมมี่…

"ทอม.. ช่วยฉันลุกขึ้นหน่อยได้มั้ย.."
ทอมรู้สึกตัวรีบขยับเข้าประคองร่างสูงใหญ่ให้ลุกขึ้น เขาต้องรีบออกจากห้องก่อนที่มาเรียจะออกมาเห็นว่าเขารังแกสามีของเธอทั้งๆ ที่ยังบาดเจ็บอยู่
ทอมประคองจิมมานั่งที่โซฟาร์ คว้าหมอนอิงหนุนหลังให้จะได้นั่งสบายขึ้น สีหน้าจิมยังดูไม่ดีเพราะยังเจ็บอยู่ แต่ยังยิ้มแย้มให้อย่างอ่อนโยน แววตาของจิมส่อประกายสื่อความหมายบางอย่างที่ทำให้ทอมใจเต้นรัว
"เอ่อ.. ฉันขอตัวก่อนนะ นายจะได้พักผ่อน ตามสบายนะจิม คิดว่าที่นี่คือบ้านของนาย"
"เดี๋ยวซี.. ฉันไม่อยากพัก อยากคุยกับนายมากกว่า"
จิมคว้าข้อมือเทพบุตรแสนรักไว้
"เอ่อ..แต่ว่า.." ทอมอึกอักก่อนจะชำเลืองไปที่ประตูห้องน้ำ ..ทำอะไรอยู่นะ ทำไมนานจัง ผู้หญิงเข้าห้องน้ำกันครั้งละนานๆ แบบนี้ทุกคนเหรอ..
"อย่าดีกว่า อย่ามาเสียเวลานั่งคุยกับฉันเลย อุตส่าห์ถ่อมาฮันนีมูนทั้งๆ ที่ยังเจ็บอยู่อย่างนี้ก็ใช้เวลาอยู่กับเธอให้คุ้มค่าเถอะ"
จิมหน้าเหรอคิ้วเข้มเลิกขึ้น ไม่ยอมปล่อยมือทอม
"พูดถึงใครเหรอ.. ใครมาฮันนีมูน"
คราวนี้ทอมเป็นฝ่ายขมวดคิ้ว กัดฟันกล่าวด้วยน้ำเสียงกระซิบพร้อมกับพยายามแกะมือจิมออก
"ไม่ตลกนะจิม.. หยุดกะล่อนได้แล้ว ไม่นึกถึงใจฉันก็ให้เกียรติเมียนายบ้างอย่าคิดว่าเธอฟังภาษาไม่ออกแล้วจะพูดอะไรก็ได้ ฉันไม่เจ็บเลยสักนิดถ้าเรื่องระหว่างเราจะจบลงแบบนี้ ขอแค่นายอย่ามาอาทรฉัน อย่ามาพร่ำพรรณาความรู้สึกกับฉันอีก"
ทอมสะบัดมือได้ก็ถอยห่างออกและชำเลืองไปที่ห้องน้ำอีกครั้ง
"ฉันขอตัวก่อน นายเองก็ควรไปเคาะประตูเรียกเธอออกจากห้องน้ำได้แล้ว"
ทอมเมินหน้าหนีสายตาฉงนกึ่งเว้าว้อนของจิม รีบตรงรี่ไปที่ประตู
"เดี๋ยวก่อนทอม.."
ทอมชะงัก ถอนใจเฮือกและเอ่ยถามโดยไม่หันไปมอง
"อะไรอีก.."
"ช่วยเรียกเธอที่อยู่ในห้องน้ำให้ฉันที ฉันลุกไม่ไหวยังเจ็บอยู่เลย"
ทอมไม่สบอารมณ์กับการถูกไหว้วาน แต่หันกลับมาเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายเจ็บจริงอย่างที่พูดจึงจำยอมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ทอมเดินมาหยุดอยู่หน้าห้องน้ำและเคาะเรียกด้วยน้ำเสียงสุภาพ เรียกอยู่สองครั้งไม่มีเสียงขานรับก็หันมาบอกจิมด้วยน้ำเสียงและสีหน้าตื่นเล็กน้อย
"ทำไมเธอไม่ขานล่ะ จิม.. เป็นอะไรหรือเปล่าก็ไม่รู้ นายมาเรียกดีกว่า"
"เปิดประตูเข้าไปดูซี ทอม.."
จิมบอกด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย สีหน้าไม่ตระหนกตกใจแม้แต่น้อย ในขณะที่ทอมยืนอึ้งไปชั่วขณะกับคำแนะนำของชายที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสามี
"ห..ให้ฉันเข้าไปดู… จะบ้าเหรอ.. เมียนายนะโว้ย เข้าไปเองซี.."
ทอมโวยเสียงดัง เดินเข้ามาคว้ามือจิมฉุดให้ลุกขึ้น
"ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้ ถ้าเป็นเพราะฉันทำให้นายเย็นชากับเธอแบบนี้ เชิญขนของไปพักที่อื่นเลย บ้านนี้ไม่ต้อนรับนาย.."
ทอมปล่อยมือออกเมื่อเห็นจิมทำท่าจะลุกแต่กลับถูกรั้งเข้าไปสวมกอด ศีรษะจิมซบนิ่งอยู่ที่ลำตัวและกล่าวอ้อนวอนด้วยน้ำเสียงอู้อี้
"ได้โปรดอย่าไล่ฉันเลยทอม.. ให้ฉันอยู่ด้วยนะ.. ฉันคิดถึงนายมาก.. คิดถึงใจจะขาดเลย รู้มั้ย.."
ประโยคสุดท้ายอู้อี้จนฟังไม่ได้ศัพท์ แต่เพียงแค่นี้เทพบุตรทอมก็ใจอ่อนเป็นขี้ผึ้งแล้ว
"ฉัน.. เอ่อ.. ฉันก็ไม่ได้อยากให้ไป แต่นายอย่าทำแบบนี้ นายมีครอบครัวแล้วควรใส่ใจและให้เกียรติเธอ ซื่อสัตย์กับเธอด้วย เวลานี้เธอต้องได้รับการเอาใจใส่และดูแลเป็นพิเศษ ลูกในท้องก็ต้องการความรักจากพ่อเหมือนกัน อย่าให้ซ้ำรอยเดียวกับฉันเลยนะ จิม.."
ทอมพูดโดยปราศจากอารมณ์ฉุนเฉียวขุ่นเคืองหรือน้อยใจ
"โอเค.. งั้นฉุดฉันขึ้นหน่อย ไปดูที่ห้องน้ำด้วยกัน"
ทอมประคองจิมเดินมาหยุดที่ประตูห้องน้ำอีกครั้ง
“เปิดเข้าไปเลยจิม.. เธออาจจะเหนื่อยจนเผลอหลับไปในอ่างน้ำก็ได้นะ คนท้องจะเข้าห้องน้ำนานแบบนี้แหล่ะ”
จิมหัวเราะ
“รู้ได้ไง นายเคยท้องเหรอ”
“โธ่เว้ย!.. ไม่ต้องพูดมาก เข้าไปได้แล้ว”
จิมแง้มประตูห้องน้ำและโผล่ศีรษะเข้าไป ทอมยืนประชิดอยู่ด้านหลังกระซิบถามเบาๆ
“เธอโอเคมั้ย.. นอนหลับอยู่ในอ่างน้ำใช่หรือเปล่า ปลุกให้ตื่นได้แล้ว”
จิมหันมาตอบด้วยสีหน้าเครียด
“ฉันไม่รู้จะปลุกยังไง นายเข้ามาปลุกเองล่ะกัน”
จิมก้าวเข้าไปในห้องน้ำโดยฉุดทอมเข้าไปด้วย
“อ๊ะ!.. จะบ้าเหรอ จิมมี่..”
ทอมตกใจเอามือปิดตาและซบหน้าลงกับไหล่จิม ละล่ำละลักขอโทษในขณะที่อีกฝ่ายยืนอมยิ้ม
“ขะ..ขอโทษครับ มาเรีย.. ผมไม่ได้ตั้งใจเข้ามารบกวน เห็นหายเงียบเข้ามาตั้งนาน ผม..เอ่อ..จิมเป็นห่วงคุณก็เลยดึงผมเข้ามา อ๊ะ !…เฮ้ย !.. ”
ทอมใจหายวาบเพราะถูกจิมรั้งตัวให้มายืนตรงหน้าอ่างอาบน้ำและดึงมือที่ปิดตาออก
“มาเรียจ๋า.. แม็คกิลล์ของผมเป็นห่วงคุณน่ะ… ไม่ได้มีเจตนาจะแอบดูคุณอาบน้ำหรอกนะ...”
จิมกล่าวข้างหูเทพบุตรสุดรัก และหัวเราะอย่างอารมณ์ดีในขณะที่อีกฝ่ายยืนหน้างอเป็นตะหลิว.

 :m26:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 05-02-2010 23:31:50
ทอมนั่งหน้าเครียดขณะรับฟังเรื่องราว หากแต่ในใจรู้สึกผ่อนคลาย..และลิงโลดด้วยความยินดีที่เหตุการณ์ก่อนหน้านี้เป็นแค่ความฝัน….

..มาเรีย.. เป็นลูกสาวของลูกพี่ลูกน้องทางฝ่ายมารดาของจิม พ่อแม่ประสบอุบัติเสียชีวิตพร้อมกันตอนเธออายุเพียง 5 ขวบ มารดาของจิมจึงรับเธอมาอุปการะเลี้ยงดูในฐานะลูกสาวบุญธรรม และอยู่ในฐานะน้องสาวของจิมซึ่งมีอายุมากกว่าถึงหนึ่งรอบ

มารดาของจิมมีปัญหาในเรื่องสุขภาพ หลังจากให้กำเนิดจิมแล้วเธอก็ไม่แข็งแรงพอที่จะมีบุตรได้อีก ทำให้ตระกูลการ์เซียมีจิมเป็นทายาทสืบสกุลเพียงคนเดียว มารดาของจิมกังวลกับเรื่องนี้มาก ถึงขนาดออกปากให้บิดาของเขามีผู้หญิงอื่นได้ แต่บิดาของเขาปฏิเสธด้วยเหตุผลสั้นๆ ว่ารักมารดาของเขาเพียงคนเดียว

การที่จิมขอแยกจากครอบครัวมาใช้ชีวิตเพื่อหาประสบการณ์ที่เมืองไทยไม่ใช่เรื่องที่บิดาเห็นด้วย แต่มารดายินยอมเพราะเห็นว่าไม่เสียหายอะไร เนื่องจากเธอเองมีเชื้อสายไทย-คิวบาแต่กลับกลายเป็นชาวเม็กซิกันเต็มตัว เพราะถือกำเนิดและเติบโตที่นั่น เธอจึงอยากให้ลูกชายรู้จักประเทศไทยในฐานะที่มีเชื้อสายคนไทยอยู่บ้าง แต่มีข้อแม้ว่าต้องทำมาหากินเลี้ยงตัวเอง เธออนุญาตเพราะไม่คิดว่าจิมจะทนลำบากอยู่ได้นาน เนื่องจากจิมเป็นลูกชายคนเดียวของตระกูลที่เอาแต่ใจและไม่เคยทำงานเป็นชิ้นเป็นอันเลย แต่จนถึงวันนี้เป็นเวลากว่า 10 ปีแล้วที่จิมใช้ชีวิตอย่างสุขกายสบายใจในเมืองไทยด้วยหยาดเหงื่อและแรงงานของตัวเอง โดยจะเดินทางกลับไปเยี่ยมครอบครัวปีละ 2 ครั้งเสมอ

ไม่มีใครรู้ว่า เจมส์ เมเนนเดส การ์เซีย เป็นเชื้อสายของตระกูลที่มีฐานะติดอันดับ 1 ใน 3 ของเมือง Monterrey ประเทศ Mexico แม้แต่ทอมเองก็รับรู้แต่เพียงว่าเป็นครอบครัวที่ค่อนข้างมีฐานะเท่านั้น... กับครอบครัวตัวเองอะไรที่อยากได้จิมต้องได้เสมอ แต่ที่เมืองไทยจิมกลับเจอคนที่เอาแต่ใจเหนือชั้นกว่า อะไรที่ทอม แม็คกิลล์ อยากได้ เจมส์ การ์เซีย ต้องยอมให้เสมอเช่นกัน เข้าตำราเหนือฟ้ายังมีฟ้า

กว่าสิบปีที่ผ่านมานี้ทุกครั้งที่กลับไปเยี่ยมบ้านมารดาของจิมจะถามถึงผู้หญิงของเขาเสมอ และทุกครั้งคำตอบก็คือไม่มีหรือยังไม่พร้อม จนครั้งหลังสุดเมื่อ 2 ปีที่แล้วเขาถูกยื่นคำขาดจากมารดาว่าถ้ากลับมาครั้งหน้ายังไม่มีคำตอบให้อีกเธอจะหาให้เอง จิมหัวเราะแต่ก็รู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ จนต้องรีบบินหนีกลับมา  และเมื่อ 5 เดือนที่แล้วจิมก็รู้ว่ามารดาของเขาไม่ได้พูดเล่น เมื่อเขาบอกว่ายังไม่มีผู้หญิงก็ถูกมารดายื่นข้อเสนอว่าให้กลับมาเข้าพิธีแต่งงานอย่างเงียบๆ กับมาเรีย
โดยให้เหตุผลว่าบิดาของเขาเริ่มเจ็บออดๆ แอดๆ ถึงเวลาที่เขาต้องมีครอบครัวและมีทายาทให้กับตระกูลแล้ว หากเขาแต่งงานกับมาเรียทรัพย์สมบัติของตระกูลครึ่งหนึ่งจะเป็นของเขาทันที และถ้ามีทายาทเป็นผู้ชายก็จะยกสมบัติส่วนที่เหลือให้

จริงๆ แล้วเขาตั้งใจจะวางเฉยกับข้อเสนอของมารดา หากทอมไม่บังเอิญแอบมาได้ยินเสียก่อน เขาไม่คิดที่จะเล่าและปรึกษาปัญหานี้กับทอมเด็ดขาด เพราะขนาดไม่มีปัญหาอะไรความสัมพันธ์ระหว่างเขาและทอมยังไม่ค่อยจะราบรื่นเท่าไร
หากแต่เมื่อทอมรับรู้ปัญหาของเขา กลับผลักดันให้เขารับข้อเสนอของมารดา เขาจำต้องกลับไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่การกลับไปของเขาไม่ใช่เพื่อยอมรับข้อเสนอ แต่กลับไปเพื่อยอมรับความจริงและยื่นข้อเสนอบางอย่างให้กับมารดา
จิมตัดสินใจยอมรับกับครอบครัวว่าเขาเป็นเกย์ แม้ในความเป็นจริงจะไม่ใช่เพราะนอกจากทอมแล้ว...เขาไม่เคยมีจิตพิศวาสกับชายหนุ่มคนใด ไม่ว่าจะหล่อขนาดไหนก็ตาม แต่การบอกว่าเขามีคนรักเป็นผู้ชายความหมายของคนฟังก็ไม่แตกต่างกัน และการยอมรับว่าเป็นเกย์หรือโฮโมเซ็กช่วล ก็เป็นเหตุผลเดียวที่จะทำให้เขาไม่สามารถแต่งงานอยู่กินกับมาเรียฉันท์สามีภรรยาได้

แต่ก่อนที่มารดาของจิมจะเป็นลมล้มพับไปก่อน จิมได้ยื่นข้อเสนอที่ทำให้มารดาของเขามีความหวังขึ้นมาบ้าง
“แต่ผมสามารถมีทายาทให้ตระกูลโดยไม่ต้องอยู่กินกับผู้หญิงนะครับ แม่.. ถ้าจุดประสงค์ที่ผมต้องแต่งงานคือต้องการทายาท...แปลว่ามาเรียเป็นผู้หญิงที่แม่เลือกให้เป็นแม่ของลูกผมแล้วใช่มั้ย.. ถ้าเช่นนั้นเธอจะยินยอมรับข้อเสนอเรื่องนี้ด้วยหรือเปล่า..”
จิมเสนอให้มีการผสมเทียมระหว่างเขากับมาเรีย เธอจะอุ้มท้องลูกของเขาและอยู่ในฐานะแม่ของลูก โดยจะเป็นสะใภ้ของตระกูลแค่ในนาม ไม่มีพันธะผูกพันใดๆกับเขาจริงๆ ถ้าเธอยินยอม… ทรัพย์สมบัติที่เขาควรจะได้ก็ยกให้เธอกับลูกทั้งหมด
“ผมไม่มีทางเลือกอื่นครับ... นี่เป็นหนทางที่ดีที่สุดที่จะไม่ทำให้เธอเจ็บปวด ผมเสียใจที่ผมรักเธอไม่ได้ และเธอก็คงรับไม่ได้เช่นกัน ถ้าผมจะอยู่กินกับเธอโดยที่หัวใจของผมอยู่กับคนอื่น ที่สำคัญคนคนนั้นเป็นผู้ชาย.".

…อย่าปฏิเสธข้อเสนอของผมเลยนะครับแม่.. พบกันครึ่งทาง พ่อกับแม่ได้ทายาทสายเลือดการ์เซียโดยแท้ ผมได้อยู่กับคนที่ผมรัก แต่ถ้าปฏิเสธแม่ก็บังคับผมไม่ได้อยู่ดี เราคงต้องเสียใจด้วยกันทั้งสองฝ่าย นอกจากพ่อกับแม่จะไม่ได้ทายาทแล้ว ผมยังต้องกลายเป็นลูกอกตัญญูด้วย อย่าให้เป็นแบบนั้นเลยนะครับ... ได้โปรดให้ผมได้อยู่กับคนที่ผมรักเถอะ อย่าบอกว่าพ่อต้องไม่เห็นด้วย ขอแค่แม่ยอม...พ่อก็ต้องยอม… ”    จิมตบท้ายด้วยการออดอ้อนขอมารดา

ในที่สุดทั้งบิดาและมารดาของจิมก็ยอมรับข้อเสนอ  มาเรียเองก็ไม่ขัดข้อง  ทั้งสองตกลงทำการผสมเทียมเพื่อให้กำเนิดลูกชายทันทีตามความต้องการของมารดา   ซึ่งจิมเองก็เห็นดีด้วยเพราะต้องการให้จบเรื่องเร็วๆ จะได้กลับไปหาคนที่เขารัก

การผสมเทียมระหว่างจิมกับมาเรียไม่ต้องใช้ระยะเวลาในการเตรียมการมากเหมือนสามีภรรยาคู่อื่นๆ เพราะไม่ใช่ Case ที่มีบุตรยากและทั้งคู่ต่างก็มีสุขภาพแข็งแรง จึงใช้วิธีที่ง่ายที่สุดโดยการรีดน้ำเชื้อลงในภาชนะที่เตรียมไว้ และนำไปฉีดเข้าที่บริเวณปากมดลูกด้านใน แค่เดือนถัดมามาเรียก็ตั้งครรภ์มีทายาทให้ตระกูลการ์เซีย ทุกคนพากันเอาอกเอาใจเธอ จิมเองก็รู้สึกตื่นเต้นและดีใจไม่น้อยที่ทำให้ทุกคนสมหวังรวมถึงตัวเขาเอง เพราะนอกจากเขาสามารถมีทายาทให้ตระกูลได้แล้ว ยังมีความหวังที่จะได้กลับไปอยู่เคียงข้างเทพบุตรแสนรักของเขาในอีกไม่นานนี้ด้วย

จิมหายเงียบไปนานกว่า 2 เดือนโดยไม่ได้ติดต่อกลับไปหาทอม เพราะตั้งใจจะรอให้ผลการผสมเทียมสำเร็จด้วยดีก่อน แต่จิมกลับประสบอุบัติเหตุรถคว่ำในจังหวะที่กำลังกดโทรศัพท์เพื่อแจ้งข่าวดีกับทอม แค่เสี้ยววินาทีที่เขาละสายตาจากถนนมาที่โทรศัพท์เท่านั้น

จิมได้รับบาดเจ็บไม่สาหัสเท่าไรนัก กระดูกซี่โครงขวาหัก 4 ซี่ ข้อเท้าขวาหักและได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะไม่มากนัก แต่ที่ทำให้ดูเหมือนอาการหนักคือเขาจำใครไม่ได้เลยแม้แต่คนในครอบครัว

ช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาจิมรับรู้แต่เพียงว่า ตัวเองเป็นลูกชายของตระกูลการ์เซีย มาเรียเป็นภรรยาของเขาและกำลังตั้งครรภ์ลูกคนแรก เธอเฝ้าดูแลและปรนนิบัติเขาเหมือนอยู่ในฐานะภรรยาจริงๆ ไม่มีใครยอมบอกความจริงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอ โดยเฉพาะมารดาของจิมแทบไม่อยากให้จิมจำความได้เลยด้วยซ้ำ

“เธอดูแลนายในฐานะภรรยาจริงๆ หมายความถึงเรื่องนั้นด้วยหรือเปล่า” ทอมถามเสียงอ่อย ความจริงที่ได้รับรู้ทำให้ตัวเองรู้สึกผิดที่หลงโกรธจิม อยู่ในใจ
“เรื่องนั้น..?.. เรื่องอะไรเหรอ..” จิมหน้าเหรอ แสร้งไม่เข้าใจคำถาม
“ก็เรื่อง.. เอ่อ.. ช่างเถอะ.. ไม่อยากรู้แล้ว..”
จิมหัวเราะเมื่อทอมหลบตาเขา
“เรื่องเซ็กซ์เหรอ..”
“โธ่เว้ย!.. รู้อยู่แล้วยังมาโยกโย้ ไม่ต้องตอบฉันก็รู้”
ทอมหน้างอ อารมณ์เริ่มบูดเล็กน้อยเมื่อจิมแกล้งยึกยักไม่ยอมตอบ
“รู้ว่าอะไร”
“ก็รู้ว่า.. ในที่สุดเธอก็เป็นเมียนายจริงๆ น่ะซี ไม่เห็นต้องปิดเลย ถ้าเป็นแบบนั้นนายควรกลับไปใช้ชีวิตครอบครัวจริงๆ กับเธอนะ”
จิมเลิกคิ้ว แค่เห็นสีหน้าก็รู้แล้วว่าเทพบุตรของเขาปากไม่ตรงกับใจ
“พูดจริงเหรอ.. อยากให้ฉันกลับจริงๆ หรือทอม..”
“ฉันบอกว่านายสมควรกลับ ถ้านายมีอะไรกับเธอแล้วจริงๆ ก็สมควรกลับไปอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัว …ข้อเสนอของนายมันโหดร้ายเกินไป…”

จิมถอนใจเฮือกก่อนจะระบายความรู้สึกในใจออกมา
“ให้กลับไปทั้งๆ ที่หัวใจของฉันอยู่กับนายงั้นเหรอ.. ฟังนะ แม็คกิลล์.. ฉันรีบร้อนกลับมาทันทีที่จำเรื่องทั้งหมดได้ ฉันคิดถึงนายมาก.. มากขนาดรออีกแค่วันเดียวใจฉันจะขาดแล้ว แต่พอได้พบหน้ายังไม่ถึง 15 นาที นายก็บอกว่าฉันสมควรกลับ เพียงเพราะฉันมีอะไรกับเธอในขณะที่ยังจำนายไม่ได้ มันเป็นความผิดที่ฉันควรกลับไปรับผิดชอบยังงั้นเหรอ แล้วหนทางที่ฉันพยายามหลีกเลี่ยงมาทั้งหมดด้วยการยอมรับความจริงกับพ่อและแม่จนทำให้ท่านตกใจแทบช็อค ฉันยอมทุกอย่างเพื่อให้ได้กลับมาใช้ชีวิตอยู่กับนาย ทุกอย่างที่ฉันทำไปเท่ากับสูญเปล่าและไม่มีความหมายอะไรเลย…”

สีหน้าของจิมขมขื่นและสิ้นหวัง กล่าวจบก็ลุกขึ้นจากโซฟาเดินกระเผลกไปที่เตียงหยิบเสื้อผ้า 2-3 ชุดที่วางอยู่บนที่นอนเก็บใส่กระเป๋าตามเดิม
ทอมหน้าเสียใจหายวาบ รีบถลาเข้าไปแย่งกระเป๋าโยนลงไปกองที่พื้น และหันมายืนประจัญหน้ากับจิมกล่าวเสียงอ่อยอย่างสำนึกผิด
“ฉันขอโทษ จิมมี่.. ช่วยถามฉันใหม่อีกครั้งได้มั้ย”
จิมยิ้มให้ทอม รอยยิ้มอ่อนโยนเหมือนเดิมแต่แฝงความขมขื่นไว้
“ไม่เป็นไรหรอกทอม.. ไม่อยากตอบฉันก็ไม่เซ้าซี้กวนใจอีก”
“แต่ตอนนี้ฉันอยากตอบ ฉันแค่บอกว่านายสมควรกลับ แต่ใจจริงฉันไม่ได้อยากให้นายกลับ ฉันขอโทษที่พูดจาไม่ดี..”
ทอมสบตาจิมอย่างสำนึกผิด แต่สายตาที่ตอบรับกลับมาเย็นชาเหมือนไม่รับรู้คำขอโทษของเขา ทอมก้มหน้าลงเมื่อรู้สึกว่าบ่อน้ำตากำลังเอ่อล้นขึ้นมา
“ไม่ยกโทษให้ก็ไม่เป็นไร... ฉันแค่อยากบอกว่า ฉัน.. เสียใจ..”
จิมรั้งทอมเข้าไปสวมกอด กระซิบปลอบโยนข้างหู
"ให้ฉันยกโทษเรื่องอะไร.. นายไม่ได้ทำผิดสักหน่อย"
"ผิดซี.. ฉันพูดจาไม่ดีอยู่เรื่อย ไม่คิดถึงใจนาย ชอบทำให้นายเสียใจ"
"นายควรขอโทษตัวเอง ทอม.. เพราะคำพูดของนายทำร้ายหัวใจตัวเอง การพูดไม่ตรงกับใจไม่ใช่แค่คนฟังที่เจ็บ คนพูดก็เจ็บด้วย"
"ฉันขอโทษ.. ฉันจะไม่พูดอะไรที่ไม่ตรงกับใจอีก.."
ทอมซบหน้ากับไหล่และสวมกอดจิมแน่น นานมากแล้วที่อ้อมกอดแข็งแรงนี้ร้างจากเขาไป เมื่อหวนกลับมาแทนที่จะไขว่คว้าไว้ กลับจะผลักไสไปด้วยคำพูดที่ไม่ตรงกับใจอีก
"งั้นบอกหน่อยได้มั้ย คิดถึงฉันหรือเปล่า..หือ.."
ทอมไม่พูดตอบแต่พยักหน้ารับ
"คิดถึงมากมั้ย" จิมกระซิบถามแผ่วเบา สองมือลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังทอม ด้วยสัมผัสที่ก่อให้เกิดความรู้สึกอบอุ่น ไม่ใช่เพื่อกระตุ้นอารมณ์ปรารถนา
จิมส่ายหน้าเมื่อทอมพยักหน้าตอบอีก เห็นทีต้องสอนให้รู้จักการบอกรักด้วยคำพูดซะแล้ว
"มากจนไม่สามารถบอกเป็นคำพูดได้นี่…แปลว่ามากกว่าที่ฉันคิดถึงนายอีกนะ รู้มั้ย.."
ทอมผละออกด้วยความเขินแต่ถูกจิมรั้งตัวไว้
"อย่าอายที่จะพูดหรือบอกความรู้สึกจริงๆ ของตัวเองเลยทอม.. คนสองคน มีความรู้สึกดีๆ ให้กันไม่ใช่เรื่องน่าอาย ไม่ว่าจะเป็นชายกับชายหรือหญิงกับหญิง ก็มีสิทธิที่จะมีความรู้สึกดีๆ ให้กันได้ ฉันรักนายหมดหัวใจ.. รักมาก.. รักที่สุด.. รักจนไม่รู้จะหาคำไหนมาเปรียบ สาบานได้นะ ทอม.. ฉันไม่ได้หวังอะไรมากไปกว่าการได้อยู่เคียงข้าง.. ขอแค่ได้ดูแล.. ได้ปกป้อง.. ได้ตายแทนนาย ฉันก็มีความสุขสุดยอดในชีวิตแล้ว…"

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 05-02-2010 23:39:02
ไปนอนก่อนนะ  ง่วงตาจะปิดแล้ว  พรุ่งนี้มาโพสต่อ
กู๊ดไนท์ทุกๆ คน  ต่อให้แค่นี้คงนอนหลับกันได้แล้วนะจ๊ะ
:a12:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: 1582 ที่ 05-02-2010 23:44:02
 :z13:  เจ๊ค่า อิอิ ฝันดีนะคะ  :กอด1:


จิมกลับมาแล้วววววววว  :L2: ทอมจ๋าอย่าปากแข็งนักเลย  สงสารจิมเถอะ  :sad11:

หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 06-02-2010 10:17:19
จิ้มๆๆพี่ปูทะลุไปถึงเจ๊หมวย... :z13: :z13:

ทอมอ่ะ เวลาพูดไรปากไม่เคยตรงกับใจเลย :angry2: เดี๋ยวปั๊ดยุให้คุณจิมไปไม่กลับมาเลยนี่ ชิส์

กับมาเรีย ...ยังไงอ่ะ ต่างคนต่างมีลูก..ต้องแยกกันอีกมั้ย...คู่นี้เหมือนง่าย แต่ก็เข้าใจยากจริง..

ทอมจ๋าบอกความรู้สึกคุณจิมไปเถอะสงสารเฮียแก..เจ็บขนาดนี้แต่ก็รีบมาหา :sad4:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 06-02-2010 10:55:13
เจ้หมวยอะ

ชอบแกล้งคนอ่าน
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 06-02-2010 11:39:30
ทอมยืนตะลึง จิมบอกรักเขานับครั้งไม่ถ้วนแต่ไม่มีครั้งไหนลึกซึ้งกินใจเท่าครั้งนี้จนเขารู้สึกละอายใจ เพราะความรู้สึกที่เขามีให้จิมไม่ถึงครึ่งที่จิมให้เขาเลย

ทอมสะอื้นในอกบ่อน้ำตาที่เอ่อล้นอยู่ภายในไหลรินออกมาอย่างไม่สามารถอดกลั้นได้อีก จิมตกใจแต่ยังไม่ทันจะเอ่ยปลอบ เทพบุตรของเขาก็ละล่ำละลักบอกความในใจด้วยน้ำเสียงสะอื้น
"ฉันขอโทษ จิมมี่.. ขอโทษที่รักนายน้อยกว่าที่นายรักฉัน แต่ฉันรักนายมากกว่านี้ไม่ได้.. มันหมดหัวใจของฉันแล้ว ไม่รู้จะเพิ่มให้ยังไงอีก~"

ครั้งนี้จิมเป็นฝ่ายยืนตะลึง ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะได้ยินทอมบอกความรู้สึกในใจ เขาเช็ดน้ำตาให้ก่อนจะรั้งศีรษะทอมซบกับไหล่และจูบเบาๆ ที่เส้นผมนุ่มสลวย
"รักฉันหมดหัวใจจริงเหรอ"

"จริงซี.."  ครั้งนี้ทอมตอบรับแทนการพยักหน้า 
"ในเมื่อรักหมดใจแล้วจะแปลว่ารักน้อยกว่าได้ยังไง"
"ก็.. นายตายแทนฉันได้ แต่ฉัน.. ฉันไม่รู้ว่าจะตายแทน.."
จิมรีบปิดปากทอมไม่ให้พูดต่อ
"อย่าแม้แต่จะคิด คนที่นายจะตายแทนต้องไม่ใช่ฉันอยู่แล้ว รู้มั้ยว่าใคร"
"แม็กกี้.."
จิมพยักหน้าให้ จึงถูกทอมย้อนกลับ
"ถ้างั้นนายก็เหมือนกัน ไม่ใช่หน้าที่ของนายจะมาตายแทนฉัน อีกไม่นานนายก็จะมีคนที่นายรักมาก อยากปกป้องคุ้มครองและดูแลหรือแม้แต่ตายแทน นายรู้ใช่มั้ยว่าใคร…"

จิมอึ้งไป อา!.. จริงซีนะ.. เพราะตกอยู่ในฐานะพ่อของลูก ทอมจึงรักเขาน้อยกว่า.. แม็กกี้แบ่งปันความรักของทอมไปจากเขา อีกหน่อยเขาเองก็คงอยู่ในฐานะเดียวกับทอม เขาจะต้องรักทอมน้อยลงจริงๆ หรือนี่… ไม่อยากเลย เขาไม่อยากให้เป็นแบบนั้น..

ทอมรีบกล่าวเมื่อเห็นสีหน้าวิตกของจิม
"อย่ากังวลเลยจิม.. ฉันไม่เสียใจหรอกถ้านายจะรักลูกมากกว่า ฉันยังรักแม็กกี้มากกว่านายเลย แต่จะมากหรือน้อยก็ไม่สำคัญหรอกเพราะนอกจากลูกแล้ว.. ขอแค่นายรักฉันคนเดียวก็พอ.."

สีหน้าของจิมคลายความวิตกลง แต่กลับส่ายหน้าปฏิเสธ
"ฉันรักนายคนเดียวไม่ได้หรอก”
"ทำไมอ่ะ"
“สัญญาก่อนว่า.. นอกจากแม็กกี้แล้วนายจะรักฉันคนเดียวเหมือนกัน"
"เอ่อ.." ทอมเบือนหน้าหนีสายตาออดอ้อนของจิม …ไม่เห็นจะต้องให้พูดเลย แค่นี้ก็รู้อยู่แล้ว…
"ไม่ได้เหรอ.."
"มะ.. ไม่ใช่" น้ำเสียงขมขื่นของจิมทำให้ทอมต้องรีบหันมาบอกความในใจ
"ไม่เห็นต้องถามเลย ฉันรักนายคนเดียวอยู่แล้ว.."  :o8:
จิมแย้มยิ้มอารมณ์เบิกบานขึ้นทันที ทรุดตัวลงบนเตียงและฉุดทอมนั่งลงข้างๆ
"ฉันก็รักนายคนเดียว ทอม.. เรื่องที่มีอะไรกับมาเรีย ฉัน.."
"ช่างเถอะ.. ฉันไม่สนใจแล้วก็อย่าพูดถึงอีก.."
"แต่ฉันอยากอธิบายนะ"
"เอ๊ะ !.. ก็ฉันไม่อยากฟังนี่นา.. อธิบายบ้าบออะไร จะบอกว่า.."
"ฉันไม่ได้มีเซ็กซ์กับเธอ.." จิมกระซิบประโยคสุดท้ายต่อให้ทำเอาทอมนั่งอึ้งไป
"จริงๆ นะทอม.. ฉันไม่ได้มีอะไรกับเธอ สาบานให้ก็ได้.."
"ทำไมต้องสาบานด้วย มีหรือไม่มีก็ไม่สำคัญสำหรับฉัน" ทอมเริ่มนิสัยปากไม่ตรงกับใจอีก แก้ไม่ได้จริงๆ ทำยังไงก็แก้ไม่ได้…
"สำคัญซิ"
"ไม่"
"สำคัญ"
"บอกว่าไม่"
"ไม่จริงเหรอ.. การที่ฉันไม่ได้มีอะไรกับเธอไม่ได้ทำให้นายรู้สึกดีกว่าเหรอ.. ถ้างั้นกลับไปครั้งหน้าฉันก็อาจจะมี…"
"หยุดนะ" ทอมตะวาดใส่ "ฉันไม่ใส่ใจเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เพราะนายจำอะไรไม่ได้ แต่ถ้านายเผลอมีอะไรกับเธอหลังจากนี้ ระหว่างเราก็บอกลากันได้เลย"
"ใจร้ายจัง" จิมพึมพำเบาๆ หากแต่ลอบยิ้มอยู่ในสีหน้า
ทอมเผลอค้อนขวับด้วยความหมั่นไส้ก่อนจะลุกขึ้นยืน
"เดี๋ยวซีทอม.. คุยกันก่อน" จิมคว้าแขนทอมไว้
"คุยอะไรอีก"
"ฉันอยากคุยเรื่องของเรา"
จิมกล่าวจริงจัง ดวงตาคมเข้มมีเสน่ห์ชวนฝันจ้องมองเทพบุตรของเขาด้วยความรู้สึกรักใคร่จับใจจนอีกฝ่ายต้องหลบสายตาเพราะความเขิน
"ไว้ก่อนได้มั้ย นายมาเหนื่อยๆ พักผ่อนก่อนเถอะ ฉันจะไปดูแม็กกี้หน่อย เมื่อคืนทำท่าเหมือนกับจะไม่สบาย บ่นหายใจไม่ค่อยออก"
จิมหัวเราะฉุดให้ทอมนั่งลงจนได้
"คงจะแพ้อากาศน่ะ ไม่ต้องลงไปดูหรอก แม็กกี้นั่งดูทีวีอยู่ ฉันแวะทักทายด้วยก่อนจะขึ้นมาหานายที่ห้อง รายงานเสร็จสรรพว่าระหว่างที่ฉันไม่อยู่แด๊ดใจไม่อยู่กับตัว ขี้หงุดหงิดจนคนในบ้านไม่กล้าเข้าใกล้เลย สงสัยคิดถึงใครอยู่ บอกให้ฉันขึ้นมาถามเองว่าคิดถึงใคร…"
จิมเล่าด้วยสีหน้ายิ้มแย้มในขณะที่คนฟังหน้าบึ้งเพราะฉุนลูกชายตัวยุ่งที่ทำอวดรู้
"แต่ถึงไม่ถามก็รู้แล้วล่ะ ว่าคิดถึงใคร"
ทอมลุกพรวดขึ้น แสร้งฉุนเฉียวปิดบังอาการเขิน
"สู่รู้ทั้งคู่ นายก็เหมือนกัน อย่าทำได้ใจนะ จิมมี่.."
ทอมขยับจะเดินก็ถูกจิมคว้าข้อมือไว้อีก
"อย่าเพิ่งไปซีทอม.. ไม่ได้เจอกันตั้ง 5 เดือน คิดถึงใจจะขาดอยู่แล้ว รู้มั้ย.."
จิมเล่นบทอ้อนและส่งสายตาหวานซึ้งให้จนเทพบุตรของเขาใจอ่อนยอมนั่งลงแต่หันหลังให้เพราะยังอารมณ์ไม่จอย      จิมขยับเข้าสวมกอดแต่ถูกทอมกระทุ้งศอกเข้าที่สีข้างด้วยความลืมตัว
"โอ๊ะ ! .. โอย…."

ทอมใจหายวาบเมื่อได้ยินเสียงคราง นึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายบาดเจ็บที่ซี่โครงและใส่เฝือกอ่อนอยู่ หันกลับไปเห็นสีหน้าเจ็บปวดของจิมก็ยิ่งใจเสีย รีบลูบหน้าลูบหลังด้วยความตกใจ
"ขอโทษ จิม.. ฉันขอโทษ~ เจ็บมากมั้ย.."
"โอย…… ไม่เป็นไร ทอม… ประคองฉันลงนอนหน่อย.."

ทอมแทบจะร้องไห้เมื่อได้ยินเสียงครางและน้ำเสียงลอดจากไรฟันของจิมแสดงว่าต้องเจ็บมากแน่ๆ   ยังจะบอกว่าไม่เป็นไรอีก ทอมรีบประคองร่างสูงใหญ่ที่นั่งตัวเกร็งอยู่ให้นอนลง
"แจ๊คพ็อตเลย ทอม.. ถูกซี่โครงที่หักพอดี"

จิมกัดฟันกระเซ้าและฝืนยิ้มให้ทำเอาทอมน้ำตาแทบร่วง นึกเกลียดและโกรธตัวเองที่ชอบใช้กำลังกับอีกฝ่ายจนเคยชิน
"ฉันขอโทษ~ จะตามหมอมาดูให้นะ หรือว่าจะไปโรงพยาบาล.."
"อย่าร้องไห้ซีทอม.. ฉันไม่เป็นไร ไม่ต้องถึงหมอหรอก นายช่วยฉันหายเจ็บได้"
"ช่วยยังไง บอกซี..ให้ฉันทำอะไร" ทอมเอามือปาดน้ำตา ดีใจที่ตัวเองยังสามารถช่วยให้จิมหายเจ็บได้
"นายจะทำให้ได้หรือเปล่า.."
"ได้ซี ฉันทำได้ ให้ทำอะไร บอกซี จิม.." ทอมจับต้องไปทั่วลำตัวของจิม คิดว่าจิมอาจจะอยากให้บีบนวดหรือประคบตรงไหน
"ให้ความสุขฉัน.."
ทอมชะงัก ไม่แน่ใจว่าหูฝาดหรือเปล่า
"อะ..อะไรนะ.. "
"ทำให้ฉันมีความสุขที.."
ทอมอึ้งไป สีหน้าและแววตาของจิมไม่ได้เจ้าเล่ห์เลยสักนิด หากแต่ยังฉายแววเจ็บปวดอยู่ด้วยซ้ำ
"ฉันแค่อยากได้ความรู้สึกดีๆ มาบดบังความเจ็บปวดเท่านั้น ไม่ได้ก็ไม่เป็นไรทอม.. ปล่อยฉันนอนพักสักครู่เดี๋ยวก็ค่อยยังชั่ว นายไปพักผ่อนเถอะ"

จิมหลับตาลงหน้านิ่วเล็กน้อยเพราะแค่หายใจก็รู้สึกเจ็บแล้ว ครั้งนี้เขาเจ็บมากจริงๆ แต่จะบอกได้ยังไงแค่นี้เทพบุตรของเขาก็ใจเสียจะแย่แล้ว

ทอมมือไม้สั่นขณะถอดเข็มขัดและปลดซิบกางเกงให้จิม เขาสมควรต้องชดใช้ความผิดที่ตัวเองทำ ถ้าเรื่องแค่นี้ทำไม่ได้.. ที่บอกรักไปเมื่อครู่จิมต้องหาว่าโกหกแน่ๆ

จิมใจหาย  ลืมเจ็บไปชั่วขณะ รีบคว้าสองมือของทอมกุมไว้ก่อนที่น้องชายเขาจะตื่นเต็มตาและรู้สึกกระดี๊กระด๊าจนห้ามใจไว้ไม่อยู่ เพราะแค่จับต้องเบาๆ ก็ทำท่าจะงัวเงียตื่นแล้ว

"จะทำอะไร ทอม.." จิมลืมตาขึ้นถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา อธิบายความรู้สึกของตัวเองตอนนี้ไม่ถูก
"ก็..เอ่อ.. จะทำอย่างที่นายบอก ให้ความสุข.." ทอมก้มหน้างุดไม่กล้าสบตาจิมขณะพูด
จิมถอนใจเฮือกที่คว้ามือทอมกุมไว้ได้ทัน  แต่แล้วก็รู้สึกเจ็บแปลบที่สีข้างจนต้องดึงมือทอมตามมาประคบบริเวณที่เจ็บไว้
"ไม่ต้องทำอะไรทอม.. ฉันรู้สึกดีขึ้นแล้ว "
จิมพูดขณะที่ยังรู้สึกปวดมาก สีหน้าจึงขัดกับคำพูดที่ออกไป
"โกหก.. ฉันรู้ว่านายยังเจ็บ ถ้าไม่ยอมให้ฉันทำให้นายมีความสุข ฉันจะตามหมอเดี๋ยวนี้.."
"ตกลงทอม.. ฉันยอม.."
"ยอมอะไร ให้ตามหมอ.. หรือให้ความสุข.."
"ให้..ความสุข.."
ทอมรู้สึกเขินเล็กน้อยแต่ก็พร้อมที่จะทำหน้าที่รักษาอาการเจ็บให้ เขาดึงมือออกจากการเกาะกุมของจิมแต่อีกฝ่ายไม่ยอมปล่อย
"ปล่อยมือซี จิม.."
จิมส่ายหน้า "ไม่ต้องใช้มือ"
ทอมสะดุ้ง ใบหน้าร้อนผ่าววูบไปมา นี่ถ้าเป็นเวลาปกติเขาคงโวยลั่นด้วยความโมโหอย่างสุดๆ แต่ตอนนี้เท่าที่ทำได้คือ…แข็งใจถามกลับไป
"ไม่ใช้มือ.. แล้ว..แล้วใช้อะไร"
"ใช้ปาก.."

 :sad5:


ใครอยู่ในเล้าตอนนี้  รีบมา say hello กัน  ถ้ายังไม่มีใครอยู่ตอนนี้เจ๊หมวยจะต่อให้ตอนเย็น
เจ๊หมวยชอบแกล้งน้องๆ   คิก คิก
 :z2:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: iiดาวพระสุขლii ที่ 06-02-2010 11:50:20
ได้โปรด อย่าแกล้งเด็กน้อยตาดำๆ เลยน๊าาา :z3:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 06-02-2010 12:07:47
เย้ เย~~ โชคดีนะ   madez  ช่วยเพื่อนๆ ให้ได้อ่านต่อ 
แหะๆ นึกว่าแฟนสายใยรักไม่มีใครอยู่ตอนนี้ กำลังจะปิดเครื่องแล้วเชียว
คิดว่าจะชะแว้บซะหน่อย

งั้นไปช่วยให้คุณจิมมีความสุขกัน   :กอด1:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 06-02-2010 12:12:44
จิมตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เขาหมายความตามที่พูดจริงๆ อยากให้ทอมใช้ปากกับเขา แต่ทอมกลับผวาเฮือกทำหน้าเหมือนจะร้องไห้

"ฉ..ฉัน.. เอ่อ.. ฉันทำไม่เป็น.. นายก็รู้ว่าฉันไม่เคยทำ.."
"โอ! ทอม.. อย่าทำหน้าแบบนั้นซี ฉันไม่ได้บังคับนะ ไม่อยากทำก็ไม่เป็นไร แต่อย่าบอกว่าทำไม่เป็นซี ฉันไม่อยู่ 5 เดือน..ลืมที่สอนไว้หมดเลยเหรอ.."
"สอน..?"   ทอมกัดริมฝีปากตัวเอง ขณะพยายามหวนนึกว่าจิมเคยสอนให้ทำเรื่องแบบนั้นตอนไหน
"แค่จูบ..ทำไมต้องคิดนานขนาดนั้นด้วย ถ้าความสุขที่ฉันกำลังรอได้รับจากนายเป็นยาถอนพิษ ป่านนี้ฉันคงได้ขึ้นไปหานางฟ้าหรือเทพบุตรบนสวรรค์จริงๆแล้ว"
"จูบ..มะ..หมายถึง..ให้ฉัน..จูบปาก..นายใช่มั้ย" ทอมเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ้อมแอ้มอย่างไม่แน่ใจ
จิมแทบหายเจ็บเมื่อเห็นสีหน้าเทพบุตรแสนรัก เขารู้ว่าทอมเข้าใจผิดตั้งแต่แรกแล้วแต่แสร้งทำเป็นไม่เข้าใจเพราะไม่อยากให้อาย
"นอกจากปากแล้ว มีส่วนไหนในร่างกายฉันที่นายอยากจูบงั้นเหรอ.."

ใบหน้าทอมร้อนผ่าว หนวดเคราไม่สามารถปิดบังใบหน้าที่แดงซ่านไว้ได้ ความรู้สึกขณะนี้ทั้งโกรธทั้งอาย อยากจะโวยก็โวยไม่ออก จิมดึงมือเขาเข้าไปจูบปลอบเหมือนรับรู้ความรู้สึกของเขา
"ไม่ต้องให้ความสุขฉันแล้ว ฉันค่อยยังชั่วแล้ว ทอม.. ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้นแค่นั่งอยู่ข้างๆ ฉันก็หายเจ็บแล้ว"
จิมหลับตาไม่คาดหวังหรือต้องการอะไรจากทอมจริงๆ แค่นี้ก็มีความสุขล้นเหลือแล้วที่เห็นทอมตั้งใจจะมอบความสุขให้เขาด้วยวิธีที่ไม่นึกฝันด้วยว่าทอมจะกล้าทำ

จิมสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้รับสัมผัสแผ่วเบาที่ริมฝีปาก   เขายังคงนอนนิ่งไม่ลืมตาเหมือนวางกับดักให้เหยื่อตายใจยังไงยังงั้น  ทอมเริ่มปฏิบัติการมอบความสุขให้เขาด้วยความเต็มใจ ทั้งๆ ที่เขาไม่คาดหวังหรือต้องการแล้วแท้ๆ ริมฝีปากอุ่นของทอมประกบแนบกับริมฝีปากเขา ปลายลิ้นอ่อนนุ่มแตะสัมผัสที่ริมฝีปากเขาเบาๆ เหมือนชั่งใจก่อนจะแทรกผ่านเข้ามาสัมผัสปลายลิ้นของเขาอย่างกล้าๆ กลัวๆ

..โอ! พระเจ้า.. จิมสุขใจจนลืมเจ็บ สัมผัสที่ร้างไปนานถึง 5 เดือน คิดถึงและโหยหาจนไม่สามารถนิ่งเฉยอยู่ได้แล้ว เขาตวัดปลายลิ้นหยอกเย้าลิ้นอ่อนนุ่มของทอมทันที

จิมสนองตอบและกลับเป็นผู้คุมเกมเสียเองจนทอมต้องล่าถอยและทำท่าจะผละออกแต่ถูกจิมกดศีรษะและกอดเอวไว้
"อึ๊... อื้อ…"

จิมกลับเป็นฝ่ายรุก เขาส่งปลายลิ้นอุ่นเข้าไปสัมผัสลิ้นของทอมอย่างนุ่มนวลและอ่อนโยน ซอกซอนไปทั่วจนร่างในอ้อมแขนที่พยายามขืนตัวจะผละขึ้นอ่อนแรงลง   …เหลือเชื่อจริงๆ อาการเจ็บที่ซี่โครงหายเป็นปลิดทิ้งเหมือนได้รับยาวิเศษเลย.

"พะ..พอได้แล้ว.." ทอมร้องโวยทันทีที่จิมถอนริมฝีปากออกเพื่อให้เขาได้หายใจ

จิมยอมปล่อยแต่โดยดี ทอมรีบผละและถอยออกห่าง เบือนหน้าหนีเพราะรู้สึกเขินกับการกระทำเมื่อครู่ เป็นฝ่ายเริ่มก่อนแท้ๆ แต่คุมเกมไม่อยู่ ปล่อยให้ถูกรุกกลับจนอารมณ์เตลิดเกือบจะกู่ไม่กลับ นี่ถ้าจิมไม่ยอมผละออกล่ะก็ มีหวัง…

"ทอม.. ทอม.." จิมสะกิดเรียกเบาๆ แต่ถูกอีกฝ่ายตะวาดใส่
"อะไรอีก.. หายเจ็บยัง นายมันจอมกะล่อนตลอด"
"ค่อยยังชั่วแล้ว.. แต่ว่า.. ทอม..ขออะไรอย่างได้มั้ย"
"ขออะไรอีก.. ถ้าขอเหมือนเก่า บอกเลยว่า ไม่.."
จิมส่ายหน้าความหมายว่าไม่ได้ขอเหมือนเก่า ก่อนจะเอ่ยด้วยสีหน้าเครียด
"ขอเถอะนะ.. ทอม.. โกนหนวดเคราทิ้งให้หมด.."
ทอมลูบคางตัวเองไปมา
"เกี่ยวอะไรด้วย ไม่ใช่หน้านายซะหน่อย"
"เกี่ยวซี.. ฉัน.. เอ่อ.."

จิมนิ่งไปไม่รู้ว่าควรจะบอกดีมั้ย เมื่อครู่เขาดีใจและเป็นสุขที่ได้จูบทอมก็จริง แต่เหมือนมีอะไรขวางกั้นจนทำให้ความรู้สึกขาดๆ หายๆ บอกไม่ถูก รู้แต่ว่าก่อนหน้านั้นไม่มีครั้งไหนที่จูบทอมแล้วไม่เกิดอารมณ์ตามมา แต่จูบเมื่อครู่นี้เขาอธิบายอารมณ์ตัวเองไม่ถูกจริงๆ ขนาดเป็นจูบแรกของการร้างลากันไปนานเกือบครึ่งปี ทำไมถึงไม่ได้อารมณ์เลย…

"ว่าไงล่ะ.. ถ้าบอกไม่ได้ว่าเกี่ยวกับนายตรงไหน อย่าหวังเลยว่าฉันจะทำตามที่ขอ สิทธิส่วนบุคคล หน้าของฉัน ฉันอยากไว้ฉันก็จะไว้"
จิมถอนใจเฮือก เมื่อเทพบุตรแสนรักยืนยันหนักแน่นแบบนี้เขาจำเป็นต้องบอกเหตุผลแล้ว
"เกี่ยวซีทอม.. จูบเมื่อกี้นี้ฉันไม่มีอารมณ์เลย หนวดเคราของนายมันขวางกั้นอารมณ์ของฉัน โกนทิ้งเถอะนะ.. เดี๋ยวนี้เลยได้มั้ย ฉันจัดการให้เอง.."
จิมบอกเหตุผลชัดถ้อยชัดคำด้วยสีหน้าอ้อนวอน ทอมทำท่าจะโวยใส่แต่แล้วก็เปลี่ยนใจเป็นยิ้มแย้มให้และกล่าวด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ
"ฉันทำตามที่นายต้องการไม่ได้หรอก จิมมี่.. เพราะเป็นเหตุผลที่ถูกใจฉันมากเลย.. รู้งี้ไว้ตั้งนานแล้ว"
จิมรู้สึกฉุนไม่ใช่เพราะถูกปฏิเสธแต่เพราะถูกทอมหัวเราะความรู้สึกของเขา
"ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ทอม.. ฉันจะมีอารมณ์หรือไม่มีก็ไม่สำคัญขอแค่ทำให้นายมีก็พอ.. เมื่อกี้ฉันทำให้นายรู้สึกดีใช่มั้ย.."
ทอมชะงักถึงจะเป็นความจริงแต่เขาก็ไม่ยอมรับเด็ดขาด
"อ๊ะ!.. อ๊ะ !..อย่านะ ถ้าจะบอกว่าไม่จริงอย่าพูดดีกว่า สัญญาแล้วไม่ใช่หรือทอม.. ว่าจะไม่พูดอะไรที่ไม่ตรงกับใจอีก"
ทอมหน้างอเจ็บใจที่ถูกดักคอรีบลุกขึ้นจากเตียงทันที
"จะไปไหน เดี๋ยวก่อนซี ฉันยังไม่หายเจ็บเลยนะ" จิมคว้าข้อมือไว้ได้ทัน แสร้งโอดครวญเมื่อทอมทำท่าจะไปจริงๆ
"เรื่องของนาย ถ่อมาถึงที่นี่ได้ก็แสดงว่าไม่เจ็บแล้ว ไม่ต้องมาสำออยเลย..ปล่อยมือ.."
จิมส่ายหน้า สบสายตาทอมด้วยความรู้สึกรักใคร่เทอดทูนอย่างหมดหัวใจทำเอาเทพบุตรทอมหัวใจแทบละลาย
"ปล่อยมือเถอะนะ จิมมี่.." ทอมกล่าวเสียงอ่อน
"มีเวลาคุยกันอีกตั้งเยอะ ตอนนี้นายพักผ่อนก่อนเถอะนะ ฉันจะลงไปสั่งป้าทิพย์เตรียมอาหารเย็นที่นายชอบไว้ให้ กระเพาะปลาน้ำแดง โอเค.."
จิมส่ายหน้า
"ฉันอยากกินแม็คกิลล์น้ำแดง.."
ทอมกลืนน้ำลายทั้งอายทั้งขำ
"บ้าน่ะ เลิกพูดเล่นซะที จิมมี่.."
"ไม่ได้พูดเล่นนะ ฉันพูดจริง ฉันอยากกินนาย ทอม.. อยากมีพันธะกับนายทั้งร่างกายและหัวใจ อยากผูกมัดนายไว้ เวลาที่ฉันไม่อยู่นายจะได้ไม่เปลี่ยนใจไปมีคนอื่น"

ทอมยืนอึ้งกับเหตุผลของจิม แปลกจัง..ทำไมเขาถึงไม่โกรธ แต่ถึงไม่โกรธก็ต้องแสร้งทำเป็นโมโห…
"อย่ามาดูถูกกันนะ จิมมี่.. ฉันไม่ใช่คนใจง่าย คนที่เปลี่ยนใจน่าจะเป็นนายมากกว่า และการมีพันธะต่อกันก็ไม่ได้หมายความว่านายจะผูกมัดฉันได้ "

ทอมผละจากมาโดยไม่สนใจสายตาละห้อยของอีกฝ่าย เขาแอบรำพึงในใจขณะก้าวออกจากห้อง
…ฉันต่างหากที่ต้องหาทางผูกมัดนายไว้ นายจะได้ไม่เผลอใจไปมีอะไรกับแม่ของลูก…


TBC >>>  LOVE YOU 4

   
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 06-02-2010 13:38:39
นึกกว่าจะเสร็จซะแล้ว


 :เฮ้อ:

หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 06-02-2010 19:09:59
กรีส สส ส ส

ที่รัก ชั้น กลับ มาแล้ว วว ว ว ว ว

 :-[
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: booboos ที่ 06-02-2010 19:20:54
เฮ้อ นึกว่าจะเรียกน้ำตาเหมือนภาคแรกซะแล้ว

กลับมาเจอกันก็หวานเชียว  : 222222:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: kungyung ที่ 06-02-2010 19:52:03
เมื่อไหร่คู่นี้จะผูก จะมัดกันซะทีหล่ะเจ้ :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 06-02-2010 20:47:39
ทอมร้องไห้เก้อเลย ดีจังที่จิมไม่มีปัญหากับที่บ้าน
หวานเชียวตอนนี้ ทอมน่ารักมากอ่ะ
ว่าแต่จูบกันแบบมีหนวดเคราก็ดีนะ
จักกะจี้ดีอ่ะ อิอิ  :-[
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: kunkai ที่ 06-02-2010 21:34:57
แม็คกิลล์น้ำแดง.....
กรี๊ดดดดด......
อยากกินด้วย.... :-[
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 06-02-2010 21:41:51
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 06-02-2010 23:18:56
 :z3: :z3: เจ๊หมวยอ่าา...อ่านไปนึกว่าคุณจิมจะได้มีความสุขจริงๆ แบบว่าได้กินแม็คกิลล์น้ำแดงแล้วซะอีก..

แต่อย่างน้อยทอมก็บอกรักคุณจิมแล้วอ่ะเนอะ  :-[ :o8:

หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: nithiwz ที่ 07-02-2010 03:25:13
กลับมาแล้วก็หวานกันเลยเชียว  ฮ่าๆๆๆๆ
ท่าทางความรักคงไม่มีปัญหาอะไรแล้ว  เหลือแค่ใจของทอมเท่านั้นซีนะ เหอะๆๆๆๆ

ป.ล. สงสารมาเรียจังเลย
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 07-02-2010 12:43:34
LOVE YOU ONLY  4..

“ยังไม่นอนอีกหรือ แม็กกี้.. ดึกมากแล้วนะ พรุงนี้มีเรียนพิเศษไมใช่เหรอ..”
วันนี้แม็กกี้ขอกลับมานอนที่ห้องตัวเองโดยให้เหตุผลว่า  ห้องแด๊ดเปิดแอร์เย็นมากนอนไมหลับ ทอมรู้ดีว่านั่นเป็นข้ออ้างไม่ใช่เหตุผล เจ้าหนูคงถูกจิมติดสินบนอะไรมาแน่ๆ หลังอาหารเย็นเห็นจิมเข้าไปนั่งกระแซะพูดคุยด้วยอยู่นาน
ทอมทรุดตัวลงนั่งข้างเด็กชาย
“อีกเดี๋ยวฮะ แด๊ด.. เรื่องนี้จบแล้วจะนอนครับ"
"จบกี่โมงล่ะ"
"4 ทุ่มครึ่งฮะ"
ทอมส่ายหน้าคว้ารีโมททีวีกดปิดทันที
"อ๊ะ !.. อย่าเพิ่งปิดซี...." แม็กกี้หันกลับไปจะแย่งรีโมทคืน แต่พอเป็นสีหน้าเอาจริงของทอมก็จ๋อย
"ฮะ.. ก็ด้ายยยย... นอนก็ได้ฮะ ง่วงแล้ว" แม็กกี้คลานขึ้นไปที่หัวเตียงและซุกตัวเข้าไปใต้ผ้าห่มแต่โดยดี
ทอมขยับเข้าไปนั่งพิงหัวเตียง มือเสยผมเด็กชายไปมาด้วยความเคยชิน เหมือนกล่อมเด็กเล็กๆ แม็กกี้เหลือบตาขึ้นมองเห็นทอมอยู่ในอาการเหม่อจึงเอ่ยเรียก
"แด๊ด.. แด๊ด.. แด๊ดดี้!!.."
ทอมสะดุ้ง ก้มลงเอ็ดเด็กชาย
"ทำไมต้องเรียกเสียงดังด้วย อยู่ใกล้แค่นี้เอง"
"ก็ผมเรียกค่อยแล้วแด๊ดไม่ได้ยินนี่ครับ ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ คุณจิมก็กลับมาแล้วนี่ฮะ"
ทอมถลึงตาใส่เจ้าหนูจอมแสบของเขา
"เกี่ยวอะไรกับคุณจิมด้วย หือ.. รู้ดีนักนะเราน่ะ"
แม็กกี้ขยับขึ้นมาสวมกอดและออดอ้อนทอม
"เกี่ยวซีฮะ คุณจิมทำให้แด๊ดหายหงุดหงิด ผมอยากให้คุณจิมกลับมาอยู่เป็นครอบครัวเดียวกับเรา ไม่อยากให้กลับไปอีกเลย แด๊ดอย่าให้คุณจิมกลับไปอีกนะฮะ"
ทอมหัวเราะในลำคอ
"คุณจิมเขาอยู่กับเราตลอดไปไม่ได้หรอก เขามีครอบครัวของเขาที่โน่นแล้ว แม็กกี้.."
"ไม่อยากเชื่อเลย คุณจิมกำลังจะมีลูกจริงๆ หรือฮะ ไปแค่ไม่กี่เดือนเอง"
"จริงซี"
"แต่คุณจิมบอกผมเมื่อตอนเย็นว่าจะกลับมาอยู่กับแด๊ดดี้ตลอดไป จะกลับไปเยี่ยนบ้านที่โน่นนานๆ ครั้ง เหมือนเดิม"
ทอมชักไม่สบอารมณ์ที่จิมพูดเพ้อเจ้อกับเด็กชาย
"อย่าไปฟังคุณจิมมากเลย แม็กกี้.. ตอนนี้ก็พูดได้ ถึงเวลาเข้าจริงๆ ขี้คร้านจะเห่อลูกจนไม่อยากกลับมาเยี่ยมเราสองคนเลยแหล่ะ"
ทอมรู้สึกเจ็บลึกๆ เพราะถ้าเป็นอย่างที่พูดเขาจำต้องยินยอมแต่โดยดี ไม่อาจแยกพ่อลูกให้อยู่ห่างกันได้
"แต่.. การที่เราไม่ได้อยู่กับคนที่เรารัก มันเป็นทุกข์นะฮะ แด๊ดดี้.."
ทอมสะดุ้ง คำพูดหนุ่มน้อยโดนใจเขาอย่างจัง
"พูดอะไรน่ะ แม็กกี้.." ทอมเงยหน้าลูกชายขึ้น ดวงตาสีน้ำทะเลคู่สวยจ้องมองเขาปริบๆ
"ผมไม่สนหรอกฮะว่าเขาคนนั้นเป็นใคร... ขอแค่แด๊ดอยู่ด้วยแล้วมีความสุขก็พอ.."
เด็กชายขยับตัวลงนอน "กู๊ดไนท์ฮะ แด๊ดดี้.."
แม็กกี้หลับปุ๋ยไปแล้ว แต่ทอมยังนั่งอึ้งกับคำพูดกำกวมของเด็กชาย
…ไปหัดพูดจาแบบนี้มาจากไหนกัน แม็กกี้…

 :-[

ทอมสะดุ้งตื่นเมื่อรู้สึกเย็นเยือกที่แก้มและหนักอึ้งที่ท้องเหมือนถูกอะไรทับ ลืมตาขึ้นก็เห็นลูกชายแสนรักยิ้มหวานให้และกล่าวทักทายยามเช้า
"กู๊ดมอร์นิ่งฮะ แด๊ด.."
ทอมตาสว่างในทันทีเพราะนอกจากจะพบว่าเจ้าหนูขึ้นมานั่งทับบนตัวเขาแล้ว สาเหตุของอาการเย็นเยือกที่แก้มยังทำให้เขาทั้งตกใจและโกรธ
"ทะ.. ทำอะไรกันน่ะ แม็กกี้.. จิม.. หยุดเดี๋ยวนี้น้า.."
ทอมพยายามจะปัดมือจิมออกแต่กลับพบว่าข้อมือทั้งสองข้างถูกมัดไว้กับหัวเตียง จึงส่ายหน้าหนีไปมาด้วยความโมโห
"ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ จิม.. อย่ามายุ่งกับหน้าฉัน แม็กกี้.. แก้มัดให้แด๊ดเดี๋ยวนี้.."
"เอ่อ.. คือว่า.." แม็กกี้หน้าเสียเมื่อเห็นพ่อโกรธแต่กลับนั่งเฉยไม่ทำตามที่บอก
"ขอเวลา 5 นาทีเองน่า ทอม.. หลับต่อก็ได้.. ฉันจะจัดการอย่างนุ่มนวลที่สุดจนนายไม่รู้สึกเลยล่ะ"
จิมบีบโฟมลงที่แก้มและคางของทอมจนทั่ว แต่อีกฝ่ายพยายามสะบัดหน้าหนีไปมาจนเขาต้องใช้มือกดศีรษะให้นิ่งไว้
"อย่าดิ้นซี ทอม.. เดี๋ยวมีดบาดนะ" จิมถือมีดโกนเตรียมพร้อมในมือ
"ไม่เอา ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ จิม.. เรื่องอะไรมาวุ่นวายกับหน้าของฉัน แม็กกี้.. ลูกอยู่ข้างใครกันแน่ ทำไมไปร่วมมือกับคนอื่นทำเรื่องแบบนี้กับแด๊ด หา!!!…"
"ก็.. ผมอยากเห็นหน้าหล่อๆ ของแด๊ดนี่ฮะ" แม็กกี้กล่าวเสียงอ่อย
"เหลวไหล มีลูกคนไหนทำเรื่องแบบนี้กับพ่อบ้าง"
ทอมตะคอกใส่ด้วยอารมณ์โกรธ เด็กชายถึงกับสะดุ้งทำหน้าเหมือนกับจะร้องไห้ จึงเปลี่ยนเป้าหมายหันมาจะโวยใส่จิมต่อก็ถูกมือใหญ่บีบคางอย่างแรงจนพูดไม่ออก จิมยิ้มหวานให้แต่ท่าทีจริงจังกับปฏิบัติการนี้ ดูท่าแล้วเขาคงไม่รอดพ้นเงื้อมมือแน่…

ทอมหลับตาปี๋..เมื่อจิมเงื้อมีดโกนขึ้น ถ้าเป็นมีดโกนที่ใช้สำหรับโกนหนวดทั่วไปก็ว่าไปอย่าง แต่นี่ไม่ใช่.. จิมถนัดใช้มีดโกนที่เป็นด้าม ราคาถูกมาก..แต่คมกริบอย่าบอกใคร แม้ที่ผ่านมาฝีมือการโกนหนวดของจิมจะนุ่มนวลอย่างที่คุยจริงๆ แต่ผิวหน้าของเขาไม่ได้สัมผัสกับใบมีดมานานเป็นเดือนๆ แล้ว จึงรู้สึกเสียววาบทันทีที่ใบมีดคมกริบสัมผัสและลากผ่านผิวเนื้อ

"อือ~~" ทอมครางเสียงสั่น ทำให้เด็กชายใจเสียนึกว่ามีดบาดถูก
"อ๊ะ... คุณจิม.. มีดบาดแก้มแด๊ดหรือเปล่า.."
"บาดที่ไหนล่ะ ไม่ต้องเสียวหรอกน่า ทอม.. นายทำให้ลูกกลัว รู้มั้ย.. ทำอย่างกับไม่เคยใช้บริการโกนหนวดจากจิมมี่บาร์เบอร์ยังงั้นล่ะ"
ทอมหยุดครางเพราะไม่อยากให้ลูกกลัวไปด้วย เก็บความโกรธไว้ในใจ
…ฝากไว้ก่อนเถอะ จิมมี่.. ฉันต้องคิดบัญชีกับนายแน่ คอยดูเถอะ..

จิมโกนหนวดได้นุ่มนวลสมราคาคุยจริงๆ จนทอมรู้สึกผ่อนคลายโดยไม่รู้ตัว จิมลอบยิ้มในใจ คลายมือที่บีบแก้มออกทอมก็ยังนอนหลับตานิ่ง จึงหยุดมือและหันไปหาลูกน้องที่ยังนั่งคร่อมอยู่บนตัวพ่อมองปฏิบัติการของเขาตาปริบๆ
"ลงมาได้แล้ว แม็กกี้.. แด๊ดดี้ยอมแพ้..ไม่ดิ้นหนีแล้วล่ะ หรือว่าติดใจอยากจะนั่งชั้นพิเศษดูการโกนหนวดอย่างใกล้ชิดล่ะก็ ขออนุญาตสักหน่อยดีกว่ามั้ย"
ทอมลืมตาขึ้นทันที หน้างออย่างขัดเคือง
"ไม่ต้องมาทำเป็นสอนดีหรอก จิม.. เก็บไว้สอนลูกตัวเองเถอะ"
แม็กกี้รีบขยับลงจากตัวทอมเข้ามานั่งกระแซะข้างๆ ขอโทษเสียงอ่อย
"ขอโทษครับ แด๊ด.."
ทอมยิ้มให้เจ้าหนูสุดรักของเขา กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแต่เย็นเยือกชอบกล
"แก้มัดให้แด๊ดหน่อยลูก.."
เด็กชายรีบขยับจะแก้เชือกออก แต่ถูกจิมดึงแขนไว้
"อ๊ะ.. อ๊ะ .. อย่าเพิ่งแม็กกี้.. ถึงยอมแล้วก็ยังไม่น่าไว้ใจนะ"
เด็กชายหน้าเหลอ ในขณะที่ผู้เป็นพ่อสีหน้าถมึงทึงตาเขียวใส่.. รู้สึกโกรธมากแต่ก็พยายามระงับอารมณ์ไว้ ต่อหน้าแม็กกี้เขาไม่อยากออกปากต่อว่าจิมเพราะอาจจะหยาบคายจนเด็กชายตกใจ จิมซ่อนยิ้มในหน้า รู้ว่าเทพบตุรของเขาพยายามสะกดกลั้นอารมณ์เต็มที่เพราะอยู่ต่อหน้าลูก
"ไปดูป้าทิพย์จัดเตรียมอาหารเช้าเถอะแม็กกี้ อีกสักครู่ฉันจะพาแด๊ดดี้สุดหล่อลงไปให้ทุกคนชมโฉมกัน"

แม็กกี้มองหน้าจิมอย่างไม่ค่อยแน่ใจ ก่อนจะหันมาขอความเห็นทอมด้วยสายตา ทอมรีบพยักหน้าและยิ้มให้เพราะอยากให้เจ้าหนูออกจากห้องเร็วๆ อยู่แล้ว
ลับหลังเด็กชาย ทอมก็แผลงฤทธิ์ด้วยการเตะถีบที่นอนอย่างขัดใจ อาการนี้แหล่ะที่เขาไม่อาจให้แม็กกี้เห็นได้

"ปล่อยมัดฉันซะที จิมมี่!!.. นายมันงี่เง่าที่สุด ทำเรื่องบ้าๆ แบบนี้ได้ไง หน้าของฉัน ฉันจัดการเองได้"
จิมไม่แก้ตัวใดๆ จ้องมองใบหน้าเทพบุตรสุดรักที่ปรากฎความงามให้เห็นบ้างแล้วแม้จะเพียงเสี้ยวเดียวของใบหน้า
"ตกลง จะแก้มัดให้" จิมวางมีดโกนลงและขยับไปแก้เชือกที่มัดให้
ทอมลุกพรวดขึ้นนั่งทันทีที่เป็นอิสระ หันมากระชากคอเสื้อจิมเขย่าด้วยความโมโห
"นายมันบ้าสิ้นดี สอนแม็กกี้ทำเรื่องแบบนี้กับฉันได้ไง กะอีแค่โกนหนวดทำไมต้อง…."

ทอมชะงักเมื่อเห็นจิมเอามือจับชายโครงไว้กันแรงกระเทือน รีบปล่อยมือทันทีเพราะนึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายบาดเจ็บอยู่ ทอมหน้าเสียลงแต่ยังบูดบึ้ง ยิ่งเห็นสีหน้ายิ้มแย้มของจิมแล้วก็ยิ่งโมโห
"ฝากไว้ก่อนเถอะ หายดีเมื่อไรฉันจะเอาคืนนายแน่ ยิ้มอะไร.."
"เปล่านี่" จิมคว้าไม้ค้ำยันตัวขึ้นยืนก็ถูกเทพบุตรของเขาเอ็ดเสียงลั่นอีก
"จะไปไหน!!"
"อ้าว!.. ก็จะกลับออกไป นายไม่อยากโกนฉันก็ไม่ฝืนแล้ว เดี๋ยวเจอกันที่โต๊ะอาหารล่ะกัน"
"ไม่ตลกนะ!!.." ทอมตะคอกใส่ด้วยความโมโห   "จะออกไปทั้งๆ ที่หนวดเคราฉันหายไปแล้วเกือบครึ่งงั้นเหรอ.."
"อ๊ะ ! ... ก็นายไม่อยากให้ฉันโกนให้ บอกว่าหน้าของนาย นายจัดการเองได้ไง.."
"อ..ไอ้บ้า!!.." ทอมโกรธจนแทบจะร้องไห้ นอกจากจิมจะไม่ขอโทษที่ทำเรื่องบ้าๆ กับเขาแล้ว ยังแกล้งตีหน้าซื่อไม่รับผิดชอบการกระทำของตัวเองอีก
ทอมเอามือป้ายโฟมที่เหลือออก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองจิมด้วยสายตาโกรธแค้นพร้อมกับชี้นิ้วไปที่ประตู
"ไปเลย ออกไปให้พ้น จะไปไหนก็ไป ไปให้พ้นจากชีวิตฉันได้ยิ่งดี"
จิมเย็นวาบไปทั้งตัว ไม่เคยเห็นสายตาชิงชังแบบนี้จากทอมมาก่อน รีบทรุดตัวลงนั่งคว้ามือที่ชี้นิ้วอยู่มากุมไว้แนบอก
"โอ!..ไม่นะทอม.. อย่าโกรธซี.. ฉันล้อเล่น.."
ทอมดึงมือออก ก้มหน้าต่อว่าด้วยความรู้สึกขัดเคืองใจ นิสัยทอมโกรธง่ายแต่ไม่หายเร็วเหมือนคนอื่นๆ หรอกนะ
"ไปให้พ้น ฉันเกลียดนาย~"
"ฉันขอโทษ" จิมโอบกอดเทพบุตรสุดรักไว้และกระซิบขอโทษเสียงอ่อนโยน ก็สมควรหรอกที่ทอมจะโกรธ จู่ๆ ก็ถูกปลุกขึ้นมาทำเรื่องบ้าๆ แต่เช้า
"ฉันล้อเล่นนะ ทอม.. ใครจะปล่อยให้นายจัดการเองได้ นี่มันหน้าที่ของฉันนะ.." จิมเงยหน้าทอมขึ้น ใจหายที่เห็นคนรักโกรธจนน้ำตาซึม
"ขอโทษนะ ทอม.. ขอโทษที่ล้อเล่นแรงๆ แบบนี้ ฉันแค่อยากเห็นนายดูดีหน้าตาสดใสชวนมองเหมือนเมื่อก่อน แล้วก็.. จริงๆ แล้วฉันไม่ได้เป็นตัวตั้งตัวตีในการปฏิบัติการครั้งนี้นะ"
ทอมผละออกทันที อารมณ์โกรธคลายลงแต่สีหน้ายังบึ้งตึงอยู่
"จะบอกว่าแม็กกี้เป็นคนต้นคิดให้นายจับฉันมัดกับเตียงงั้นเหรอ"
"เอ่อ.. ก็ไม่เชิง.. แม็กกี้แค่บอกว่า.. แด๊ดไม่ยอมโกนหรอกฮะ คุณจิม.. ผมลองขอตั้งหลายครั้งแล้ว ถ้าปล่อยให้โกนเองไม่มีทางแน่ สงสัยต้องแอบโกนให้ตอนนอนหลับ.."
"สรุปแล้วนายต่างหากที่เป็นคนสอนให้แม็กกี้ใช้กำลังกับฉัน จิม.. ไอ้.."
ทอมเงื้อกำปั้นจะชกก็ถูกจิมจับข้อมือไว้ และรั้งตัวเข้าไปกอด
"เลิกโมโหได้แล้ว แม็กกี้รอทานอาหารเช้าอยู่นะ ไปแปลงโฉมในห้องน้ำกันต่อเถอะ เอาให้ไอ้หนูนั่งตะลึงไปเลยดีมั้ย"

…...แต่แล้วคนที่อยู่ในอาการตะลึงก่อนจนห้ามใจไว้แทบไม่อยู่กลับเป็นตัวเขาเอง…..

(http://i116.photobucket.com/albums/o7/wannarat/ronan.jpg?t=1265521289)

(http://i116.photobucket.com/albums/o7/wannarat/ro008.jpg?t=1265521189)


หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 07-02-2010 13:02:15
"แก้วนี้ขอดื่มให้กับพ่อลูกคู่ใหม่ที่น่ารักที่สุดในโลก เป็นคุณพ่อของลูกชายอายุ 13 ปีที่อายุน้อยที่สุดและยังหล่อที่สุดด้วย"
"ชมแต่แด๊ด แล้วผมไม่หล่อเหรอ.."
"ใครว่าล่ะ แม็กกี้.. ฉันบรรยายความงามของเธอไม่ถูกต่างหาก รู้แต่ว่ารอให้โตเป็นหนุ่มกว่านี้อีก  3-4 ปี มีหวังได้เป็นเทพบุตรแม็คกิลล์คนที่สองแน่ๆ ดื่มฉลองให้ตัวเองล่วงหน้าได้เลยแม็กกี้.. ดื่ม ทอม.. ดื่ม.."
จิมยกแก้วขึ้นเชียร์และกระดกขึ้นดื่มรวดเดียวหมดแก้ว ในขณะที่แม็กกี้ก็กระดกแก้วน้ำอัดลมในมือขึ้นดื่มด้วย

ทอมส่ายหน้ากับความโอเวอร์ของจิม  หากแต่นับวันเขาก็ยิ่งรู้สึกรักใคร่และหวงแหนชายหนุ่มตรงหน้า อยากครอบครองไว้เป็นเจ้าของ อยากให้อยู่เป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่อยากให้จากไปไหน.... อีกเลย

ทอมสะบัดความคิดเห็นแก่ตัวออก วันนี้เป็นวันดีอีกวันหนึ่งในชีวิตของเขา จิมได้พาเขาไปจัดการเรื่องสำคัญที่ค้างคาไว้ โดยที่เขาไม่ได้เป็นฝ่ายทวงถามและนึกว่าจิมลืมไปแล้วด้วยซ้ำ

จิมจัดการให้เขาได้จดทะเบียนรับแม็กกี้เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายได้อย่างเงียบที่สุด จิมเป็นคนที่มีมนุษย์สัมพันธ์ดีเลิศเข้าขั้นนักการทูตมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว สามารถเคลียร์ทางสะดวกให้เขาได้ทุกเรื่องเสมอ แต่ในวงราชการเขาไม่คิดว่าจิมจะมีเส้นสายหรือรู้จักใครมากนัก จึงรู้สึกทึ่งอย่างมากที่เห็นจิมทักทายเจ้าหน้าที่ในสำนักงานอย่างสนิทสนม ตั้งแต่แผนกสารบรรณยันหน้าห้องผู้อำนวยการเขต

ขณะนั่งรถกลับบ้านจิมบอกเขาว่าเรื่องเรียบร้อยด้วยดีเพราะเลขาหน้าห้องประสานงานให้ทั้งหมด เขาถามว่ารู้จักกับเธอได้ไง จิมบอกหน้าตาเฉยว่าเคยคบหาด้วยเมื่อ 3 ปีที่แล้ว เล่นเอาเขาเสียอารมณ์นั่งหน้ามุ่ยมาตลอดทาง ทั้งๆ ที่ควรจะอารมณ์ดีแล้วแท้ๆ
"โกรธหรือ ทอม.. แค่เคยคบเฉยๆ น่ะ ยังไม่ได้มีอะไรกันเลย สาบานได้.."
จิมเพิ่งกระซิบบอกตอนถึงบ้าน ยิ่งทำให้ทอมฉุนมากขึ้น
"บอกทำไม ใครสน มีหรือไม่มีก็เรื่องของนาย"
ทอมจ้ำอ้าวขึ้นตึกด้วยสีหน้าไม่จอยนัก จิมก้าวกระเผลกตามมาติดๆ
"ไม่สนจริงอ่ะ แล้วหน้ามุ่ยทำไม วันนี้วันดีไม่ใช่เหรอ.. ยิ้มหน่อยซี.. เดี๋ยวแม็กกี้ก็เข้าใจผิดหรอก นั่นไง.. ลงมาพอดี "
ทอมนึกขึ้นได้ว่าวันนี้วันดีจริงๆ และจิมก็ทำเรื่องดีให้เขาด้วย เขาไม่ควรอารมณ์เสียด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้
“กลับมาแล้วเหรอ.. เรียบร้อยมั้ยฮะ แด๊ดดี้..”
แม็กกี้ร้องถามเสียงใสขณะวิ่งลงบันไดมาฟังข่าวดีด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แต่พอเข้าใกล้และเห็นสีหน้าไม่ค่อยจอยของทอมก็เสียงอ่อยลง
“โอเคมั้ยฮะ แด๊ด.. เรื่องเรียบร้อยใช่มั้ยครับ”
“เสียใจด้วยนะ แม็กกี้.. เราต้องส่งเธอกลับไปอยู่กับพ่อเลี้ยงที่เมืองกาญจน์เหมือนเดิม” จิมชิงหยอกเด็กชายเล่นอย่างนึกสนุกก่อนที่ทอมจะตอบ
แม็กกี้ผวาเฮือกตาเบิกโพลงด้วยความตกใจ ก่อนจะผงะและถอยออกห่าง แค่ชั่วอึดใจน้ำใสก็เอ่อล้นดวงตาสีน้ำทะเลคู่งาม และไหลพรากอาบแก้มพร้อมอาการสะอื้น
ทอมตกใจผวาเข้าสวมกอดในขณะที่จิมยืนยิ้มแห้งๆ อยู่ด้านหลัง ไม่คิดว่าเจ้าหนูจะเชื่อง่ายขนาดนั้น
“ไม่จริงลูก.. คุณจิมล้อเล่นน่ะ ทุกอย่างโอเค.. ลูกได้เป็นเด็กชายแม็คกิลล์อย่างถูกต้องแล้ว”
แม็กกี้สวมกอดทอมแน่น ถึงจะรู้ว่าเป็นเรื่องโกหกก็ยังไม่หยุดสะอื้น จนจิมต้องเข้าไปช่วยปลอบ
“ขอโทษ แม็กกี้.. ฉันล้อเล่นน้า.. อย่าร้องไห้ซีไอ้หนู.. เฮ้!.. วันนี้วันดีนะ ร้องไห้ได้ไง…”
นับเป็นโชคดีของจิมที่ยังบาดเจ็บอยู่และวันนี้เขาได้ทำเรื่องดีให้กับสองพ่อลูกแม็คกิลล์ จึงรอดพ้นจากการถูกรุมสกรัมมาได้...

 :monkeysad:

เป็นเวลากว่า 2 เดือนแล้วที่จิมได้กลับมาอยู่ใกล้ชิดกับคนที่เขารัก แต่จิมก็มีความรับผิดชอบในฐานะพ่อของเด็กในท้อง เขาโทรทางไกลถามทุกข์สุขของมาเรียทุกสัปดาห์
"ผมจะกลับอาทิตย์หน้า คุณอยากได้อะไรที่นี่มั้ย มาเรีย.."
บทสนทนาจะเป็นภาษาอังกฤษทุกครั้งที่ทอมอยู่ใกล้ เพื่อให้รับรู้ว่าเขาคุยอะไรกับเธอบ้าง แต่ถึงจะรู้ว่าเป็นการพูดคุยถามทุกข์สุขธรรมดา น้ำเสียงของจิมเวลาพูดคุยกับเธออ่อนโยนและแสดงความห่วงใย จนบางครั้งทอมไม่อยากฟังและลุกหนีไปดื้อๆ
"เป็นอะไรทอม หือ.."
ทอมถูกโอบกอดและกระซิบถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเหมือนที่คุยกับเธอ
"เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร"
ทอมเบี่ยงตัวออกและลุกหนีทันที จิมบอกกับเธอว่าจะกลับไปโดยไม่บอกให้เขารู้ก่อนได้ยังไง …นึกจะมาก็มา จะไปก็ไป เห็นบ้านแม็คกิลล์เป็นแค่ที่พักแรมหรือไง…
จิมมองตาปริบๆ สีหน้าทอมไม่สบอารมณ์เห็นๆ แต่กลับปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นอะไร
"อารมณ์ไม่ดีที่ฉันคุยกับมาเรียงั้นเหรอ ทำไมล่ะทอม.. อารมณ์เสียเรื่องอะไร ฉันคุยอะไรกับเธอบ้างนายก็ได้ยินนี่นา.."
"เอ๊ะ !.. บอกว่าไม่ได้เป็นอะไร ทำไมฉันต้องอารมณ์ไม่ดีด้วย จะคุยอะไรกับเธอก็เรื่องของนาย ฉันไม่เกี่ยวและไม่สนใจอยากรู้"
จิมอึ้งไป เขาคุยกับมาเรียต่อหน้าทอมหลายครั้งแล้ว ไม่เคยเห็นทอมหัวเสียอย่างมากก็แค่พูดเหน็บนิดหน่อยว่าเป็นห่วงลูกในท้อง หรือเป็นห่วงแม่ของลูก..
"ต่อไปไม่ต้องพูดภาษาอังกฤษกับเธอต่อหน้าฉันนะ ฉันไม่ต้องการรู้หรอกว่านายคุยอะไรกับเธอบ้าง เรื่องที่ไม่อยากให้ฉันรู้จะได้ไม่เข้าหูฉันโดยไม่ตั้งใจด้วย"
จิมหน้าเหลอ
"เรื่องอะไร ทอม.. ฉันไม่มีเรื่องที่ต้องปิดนายเลยนะ"
"ใช่.. นายปิดไม่ได้หรอก นายมาเงียบๆ ได้ แต่คงไม่ย่องกลับไปเงียบๆ หรอก"
จิมรู้ทันทีว่าทอมฉุนเขาเรื่องอะไร
"โกรธเรื่องที่ฉันจะกลับบ้านงั้นเหรอ เราคุยกันแล้วนี่ว่าฉันจะกลับไปเยี่ยมเธอสัก 2 อาทิตย์แล้วจะกลับมาอีก.. รอจนเธอใกล้คลอดแล้วค่อยกลับไปใหม่อีกครั้ง"
"คุยกันแล้วไง นายไม่ได้บอกฉันว่าจะกลับเมื่อไร แต่นายบอกเธอว่าจะกลับอาทิตย์หน้า หมายความว่าไง"
จิมเดินเข้าไปสวมกอดแม้อีกฝ่ายพยายามจะขืน แต่ถ้าเขาไม่ปล่อยยังไงก็ดิ้นไม่หลุด
"ถ้าไม่อยากให้กลับฉันไม่กลับก็ได้ รอเธอใกล้คลอดค่อยกลับไปทีเดียวเลย"
"จะบ้าเหรอ.. ฉันไม่ได้ไม่อยากให้นายกลับ แค่โมโหที่นายไม่บอกฉันก่อนที่จะบอกเธอ..ว่าจะกลับอาทิตย์หน้า.." ทอมเสียงอ่อนลง นิสัยเจ้าอารมณ์และเอาแต่ใจของเขามีจิมคนเดียวที่เอาอยู่
"ถ้างั้นก็หายโมโหได้แล้ว ฉันเพิ่งตัดสินใจตอนคุยสายกับเธอเมื่อกี้นี้เอง"
จิมยิ้มให้เทพบุตรแสนรัก ไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถใด สีหน้าบูดบึ้งงอง้ำขนาดไหน ความงามก็ไม่เสื่อมคลายลงเลย
"ฉันไปสองอาทิตย์นะ ทอม.. นายจะเหงาหรือเปล่า อยู่ได้มั้ย"
ทอมหน้าบึ้งหนักเข้าไปอีกเมื่อเจอคำถามไม่สบอารมณ์
"ทำไมจะอยู่ไม่ได้ ตอนนายเงียบหายไป 5 เดือน ฉันยังอยู่ได้เลย"
จิมหัวเราะนิสัยปากไม่ตรงกับใจของทอม ทำยังไงก็แก้ไม่หาย
"ถ้าอยู่ได้และไม่เหงา งั้นฉันอยู่ยาวรอจนกว่าเธอจะคลอดเลยดีกว่า จะได้ไม่ต้องไปๆ มาๆ "
ทอมฉุนจัด ผลักจิมเซถลาไปหลายก้าว
"ไปเลย… จะไปนานแค่ไหนก็เชิญ จะอยู่จนเธอคลอด อยู่จนลูกนายโต หรือจะไม่กลับมาอีกเลยตลอดชีวิตก็ได้ ฉันไม่แคร์หรอก"
จิมหน้าเครียดชักเหนื่อยใจกับอารมณ์ของทอม ชอบพูดไม่ตรงกับใจ พอกระเซ้าหน่อยก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
"หมายความว่าไง ไม่แคร์.. พูดจากใจจริงหรือเปล่า อย่าเอาแต่อารมณ์ได้มั้ยทอม.. หัดมีเหตุผลบ้าง"
เป็นครั้งแรกที่ถูกจิมต่อว่าว่าเจ้าอารมณ์ ทอมโกรธจนต้องแกล้งยืนยันคำพูดที่หลุดปากออกไปเมื่อครู่อย่างหนักแน่น
"จริงซี นานแค่ไหนก็เรื่องของนาย กลับหรือไม่กลับก็ได้ ต่างคนต่างมีครอบครัวจะมาเกาะติดกันเหมือนเดิมได้ไง"

จิมถอนใจเฮือก ส่ายหน้าด้วยความเหนื่อยใจ
"ก็จริงของนาย ต่างคนต่างมีครอบครัว ดีเหมือนกัน งั้นฉันจะอยู่จนกว่าเธอจะคลอดเลย จะได้ช่วยดูแลลูกในท้องเธอด้วย" จิมประชดเข้าให้บ้าง

ทอมน้ำตาแทบร่วง ขบกัดริมฝีปากตัวเองจนห้อเลือด ทั้งโกรธและน้อยใจ ในที่สุดจิมก็เผยความรู้สึกในใจออกมา ว่าอยากจะกลับไปอยู่ดูแลเธอกับลูก
"งั้นก็ไปเลย.. ไปเร็วเท่าไรได้ยิ่งดี กลับไปช่วยดูแลลูกที่อยู่ในท้องของผู้หญิงที่อาจจะเป็นเมียนายจริงๆ ในวันข้างหน้าเถอะ ไม่จำเป็นต้องมีนายอยู่ข้างๆ ฉันก็มีชีวิตอยู่ได้.. ไปเลย..ไปให้พ้น… ไม่ต้องกลับมาอีกเลยยิ่งดี.. ฉันไม่อยากเห็นหน้านายอีก..”

จิมยืนนิ่งอยู่ชั่วครู่ก็หันหลังเดินออกจากห้องไปโดยไม่พูดอะไรอีก    พ้นหลังร่างสูงทอมทรุดลงกับพื้นเหมือนนกปีกหัก น้ำตาร่วงผล็อยเมื่อถูกอีกฝ่ายเมินจากไปจริงๆ
“ฮึก..” ทอมสะอื้นไห้ เกลียดความอ่อนแอของตัวเอง
…ไปซะได้ก็ดี ความเป็นลูกผู้ชายของฉันจะได้กลับคืนมาซะที นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะเสียน้ำตาให้กับความรู้สึกบ้าๆ ที่มีให้นาย… ฉันจะกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิม เป็นเทพบุตรที่ผู้หญิงทุกคนต้องเหลียวหลังมอง ฉันไม่มีวันมานั่งเสียใจกับการจากไปของนายหรอก จิมมี่….

จิมยิ้มอ่อนโยนกับภาพที่เห็นตรงหน้า เทพบุตรสุดรักของเขานั่งชันเข่าซบหน้ากับท่อนแขน เขาไม่ได้เหนื่อยใจกับความเจ้าอารมณ์และเอาแต่ใจของทอมสักเท่าไร แต่ระอากับนิสัยไม่ยอมรับความจริงและปากกับใจไม่ตรงกันของทอมมากกว่า จนถึงวันนี้ทอมก็ยังกล้าๆ กลัวๆ กับความรู้สึกที่มีให้เขา บางครั้งก็ไม่ยอมรับขึ้นมาดื้อๆ วันนี้เขาต้องหาทางให้ทอมยอมรับความจริงให้ได้

จิมทรุดตัวลงโอบกอดทอมไว้ในอ้อมแขน และกระซิบอ่อนโยน
“ร้องไห้ทำไม หือ.. ถ้าร้องเพราะดีใจที่ไล่ฉันไปได้ล่ะก็ เตรียมตัวเสียใจได้แล้วเพราะฉันไม่มีวันให้นายได้สมใจหรอก ถึงจะเกลียดหน้าฉันยังไงนายก็ต้องมอง”

จิมเงยหน้าทอมขึ้น น้ำใสนองใบหน้างามและไหลเป็นทางลงมาอีกทันทีที่เห็นหน้าเขา
“เคยได้ยินคำพูดนี้มั้ย เกลียดอะไรมักจะได้อย่างนั้น ถ้าอยากให้ฉันจากไปล่ะก็ บอกรักฉันก่อนแล้วฉันจะไป ”
จิมยิ้มกริ่มอย่างอารมณ์ดี ทอมขมวดคิ้วจ้องมองเขาเหมือนไม่เชื่อคำพูด
“ว่าไงล่ะ รักกับเกลียด เลือกเอาว่าจะบอกคำไหน”
ทอมนั่งอึ้งเหมือนกำลังครุ่นคิดว่าจะบอกอะไรดี จิมหวังจะได้ยินทอมบอกรัก แต่คำตอบที่ได้กลับไม่เป็นดังที่หวัง
“ฉันเกลียดนาย”
คำตอบชัดถ้อยชัดคำหากแต่สั่นเครืออย่างผู้พ่ายแพ้ เพราะไม่ว่าจะเป็นคำตอบไหน ทอมไม่อาจปฏิเสธความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองได้

จิมโอบกอดร่างในอ้อมแขนแน่นขึ้น จูบปลอบขวัญที่หน้าผากก่อนจะไล่ลงมาซับความเปียกชื้นที่เปลือกตาและแก้มให้ โดยที่ทอมยอมนั่งนิ่งให้สัมผัสแต่โดยดี
“เกลียดฉันจริงหรือ ทอม.. หือ..”
“ก็นายเป็นคนให้ฉันตอบแบบนี้ เกลียดอะไรก็จะได้อย่างนั้น ถ้าฉันบอกเกลียดนายก็จะไม่ไปจากฉัน ฉัน.. ฉันอยากได้นาย อยากให้นายเป็นของฉันคนเดียว… ไม่อยากให้ไปเป็นของคนอื่น…”

จิมแทบไม่เชื่อหูและสายตาตัวเอง ไม่เคยได้ยินน้ำเสียงและเห็นดวงตาส่อประกายเว้าวอนขนาดนี้มาก่อน มันทำให้เขาใจเต้นไม่เป็นจังหวะและพูดอะไรไม่ออก ได้แต่ส่ายหน้าความหมายว่า…ไม่มีวันจากไปไหน… หากแต่ทอมคงคิดว่าเขาปฏิเสธ คิ้วเรียวขมวดมุ่น ดวงตาคู่งามที่ถูกเขาจูบซับน้ำตาจนแห้งไปแล้ว มีน้ำใสเอ่อรื้นขึ้นมาอีก

จิมใจหายกำลังจะปลอบให้หายเข้าใจผิด ทอมก็ซบหน้าลงกับอกเขาละล่ำละลักขอโทษด้วยอาการสะอื้น
“ฮึก.. ฉันไม่ได้เกลียดนะ จิม.. ฉันรักนาย ไม่อยากให้นายไป ฉันขอโทษที่พูดจาไม่ดี ชอบเอาแต่อารมณ์ ฉันจะไม่ทำอีกแล้ว ฉันจะเปลี่ยนนิสัยใหม่ นายอย่าเบื่อฉันนะ นายต้องกลับมา อย่าไปนานนะ..”

…โอ! พระเจ้า ทอมอ้อนวอนขอร้องเขาด้วยอาการกลัวจับใจเหมือนเด็กกำลังจะถูกทิ้งยังงั้นแหล่ะ เขากระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นและกระซิบปลอบ

“อย่าร้อง ทอม.. ฉันไม่ไปไหน ไม่มีวันจากนายไปได้ยินมั้ย ฉันแค่จะไปเยี่ยมเธอสัก 2 อาทิตย์เท่านั้น ถ้านายไม่อยากให้ไปฉันไม่ไปก็ได้ อย่าโทษตัวเอง ทอม.. นายไม่ได้น่าเบื่อสักนิด ฉันรักนายมากขนาดนี้จะเบื่อได้ยังไง หือ..”

จิมเงยหน้าเทพบุตรของเขาขึ้นมาจูบซับน้ำตาให้เป็นรอบที่สอง
“ฉันไม่เคยเบื่อความเจ้าอารมณ์ของนายเลยนะ ทอม.. สาบานให้ก็ได้..”
จิมจูบแผ่วเบาที่เปลือกตาและแก้มของทอม และยังกล่าวพึมพำในขณะเดียวกัน
“ไม่ต้องเปลี่ยนนิสัยตัวเองหรอกนะ ทอม.. ฉันชอบที่นายเป็นแบบนี้ มีแค่เรื่องเดียวที่ไม่อยากให้ทำอีก ได้มั้ย..”
ทอมพยักหน้ารับทันที จิมฝากรอยจุมพิศเบาๆ ไว้ที่ริมฝีปากบางสวยหนึ่งครั้งก่อน
“อย่าบอกเกลียดทั้งๆ ที่รักอีก โอเค..”
“โอเค..” ทอมตอบชัดถ้อยชัดคำเหมือนเป็นการให้คำมั่นสัญญา

จิมยิ้มอ่อนโยนก่อนจะคลายอ้อมกอดและลุกขึ้นยืน เขาฉุดทอมให้ลุกตามและพาเดินมาที่เตียง ตีเหล็กต้องตีตอนกำลังร้อนๆ เขาไม่ได้ฉวยโอกาสแต่อารมณ์ของทอมขณะนี้กำลังอ่อนไหวกับความรู้สึกที่มีให้เขา และว่าง่ายจนจิมไม่อาจปล่อยโอกาสให้ผ่านพ้นไปโดยไม่ทำอะไรเลย เพราะจนถึงวันนี้แม้แม็กกี้จะรับรู้และยอมรับความสัมพันธ์ระหว่างเขากับทอมแล้ว เขาก็ยังไม่เคยมีความสัมพันธ์กับทอมจนถึงขั้นสุดท้าย เพราะตราบใดที่ทอมยังไม่พร้อมเขาก็จะไม่ฝืนความรู้สึก แต่เมื่อครู่ ทอมหลุดคำพูดบางคำออกมา จะเป็นไรไปถ้าเขาจะลองทวงถามความต้องการของทอมอีกครั้ง

ทอมนั่งลงที่เตียงอย่างว่าง่าย จิมทรุดตัวลงข้างๆ โอบไหล่ทอมไว้และกระซิบข้างหูเบา ๆ
“เมื่อกี้บอกว่าอยากให้ฉันเป็นของนายคนเดียว พูดจริงหรือเปล่า”
ทอมก้มหน้างุด นึกถึงคำพูดเมื่อครู่แล้วอยากจะแทรกแผ่นดินหนี
“ว่าไงล่ะ ทำไมต้องคิดด้วย ที่พูดเมื่อกี้ไม่ได้พูดจากใจหรอกเหรอ”
จิมแสร้งเสียงแข็ง ทอมก็รีบเงยหน้าขึ้นตอบทันที
“ฉันพูดจริงนะ”
จิมพยักหน้าและยิ้มให้เทพบุตรสุดรักของเขา
“ฉันอยากจะบอกนายว่าฉันเป็นของนายคนเดียวไม่ได้หรอก”
ทอมนั่งนิ่งจ้องมองจิมเหมือนรอคำอธิบายต่อ แต่จิมกลับย้ำคำพูดเดิมโดยไม่ให้เหตุผลต่อท้าย
“ฉันเป็นของนายคนเดียวไม่ได้จริงๆ ทอม..”
“ไม่เป็นไร จิม.. ฉันเข้าใจ” สีหน้าทอมสลดลงเล็กน้อยแต่พยายามฝืนยิ้มให้
“เข้าใจว่าอะไร”
“ทำไมต้องถามด้วย บอกว่าเข้าใจก็เข้าใจซี!!..”
จิมหัวเราะเมื่อทอมพูดดีได้สองคำก็เริ่มอารมณ์บูดและหน้างอขึ้นมาอีก แบบนี้น่ะเหรอจะเปลี่ยนนิสัยได้…
“อย่ามาหัวเราะนะ ถ้านายมีคนอื่นได้ ฉันก็มีได้”
จิมหน้าบึ้งทันที เป็นคำพูดประชดที่ไม่สบอารมณ์เขาอย่างมาก และไม่คิดว่าจะได้ยิน เขาผลักทอมหงายหลังลงบนที่นอนและตามลงไปตะคอกใส่
“อย่าประชดฉันด้วยคำพูดแบบนี้นะ!!..”
“โอ๊ย!. ปล่อยนะ เจ็บ..” ทอมนิ่วหน้า
จิมรีบปล่อยมือออก เขาเผลอบีบข้อมือทอมอย่างแรงเพราะโมโห
“ขอโทษ.. ทอม.. อย่าพูดแบบนี้อีกนะ รู้มั้ย..”
“ทำไม.. ทีนายยังมีคนอื่นได้ ทำไมฉันมีไม่ได้”
“ฉันบอกตอนไหนว่าจะมีคนอื่น ฮึ..”
“นายบอกเมื่อกี้” ทอมเบือนหน้าหนี
“เมื่อกี้ฉันบอกว่าเป็นของนายคนเดียวไม่ได้ ก็เพราะตอนนี้ฉันยังไม่ได้เป็นของนายเลย ”
ทอมสะดุ้งเฮือกไม่ใช่จากคำพูด แต่เพราะถูกลิ้นอุ่นๆ ของจิมสัมผัสที่ติ่งหู
“อย่านะ” ทอมเอามือปิดหูตัวเองไว้ “พูดอะไรฉันไม่เข้าใจ”
จิมอมยิ้ม รู้ว่าทอมเข้าใจดีว่าเขาหมายถึงอะไร
“ไม่เอาน่าทอม.. นายไม่ใช่หนุ่มน้อยไม่ประสีประสานะ นายเข้าใจว่าฉันพูดถึงอะไร”
“เข้าใจแล้วไงเล่า!!..” ทอมชักฉุน หันมาตะคอกใส่

“ต้องมีความสัมพันธ์เฉพาะทางกายหรือไง ถึงจะเรียกว่าเป็นของกันและกัน ความรักที่เรามีให้กันไม่มีความหมายอะไรเลยงั้นเหรอ นายเคยบอกเองว่าไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าได้อยู่เคียงข้างฉัน แต่พอมีโอกาสได้อยู่ข้างนายก็ขยับเข้ามาจนชิด ฉันไม่ว่านายก็ขอกอดขอสัมผัส ฉันยอมให้จนถึงขนาดนี้แล้วยังไม่พออีกเหรอ… ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ไม่ต้องมาบอกว่าหัวใจของนายเป็นของฉัน ไม่ต้องมาบอกว่ารักฉันหมดหัวใจด้วย..”

จิมตกใจรีบผละออกและลุกขึ้นนั่ง ไม่คิดว่าจะถูกทอมปฏิเสธด้วยเหตุผลจริงจังขนาดนี้

…หัวใจของเขาเป็นของทอม หัวใจของทอมก็มอบให้เขาแล้ว เขายังจะต้องการความสัมพันธ์ทางร่างกายอีกทำไม??  :m28:ต้องการทำไม????…

…ให้ตายเถอะ.. นี่เขาหลงเข้าใจว่ายังมีความหวังที่จะได้มีความสัมพันธ์กับทอมมากกว่านี้ รอแค่ให้ทอมพร้อม จริงๆ แล้วเป็นความหวังลมๆ แล้งๆ เท่านั้น ที่ผ่านมาทอมจำใจยอมให้เขาอาจเพราะไม่ชอบหรือไม่มีความสุข แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด สุดท้ายแล้ว.. ทอมไม่มีวันยอมมีความสัมพันธ์กับเขาเกินเลยกว่านี้แน่

ทอมลุกขึ้นนั่งหน้าจ๋อย ตกใจกับคำพูดของตัวเองเช่นกัน
“จิม.. จิม..”
ทอมสะกิดเรียกเบาๆ ก็จิมเล่นนั่งกุมขมับนิ่งไม่พูดไม่จาจนลืมไปแล้วมั้งว่าเขานั่งอยู่ด้วย
“ข.. ขอโทษนะ ทอม..”
“ขอโทษเรื่องอะไร..” ทอมแปลกใจ สีหน้าของจิมตอนนี้เหมือนถูกเขาบอกเลิกคบยังงั้นเหล่ะ
“ขอโทษที่เข้าใจผิด..คิดว่านายมีความสุข ไม่รู้ว่านายต้องฝืนใจมาตลอด... ฉันสัญญาจะไม่แตะต้องนายอีก ขอรักนายแค่หัวใจก็ได้ ขอแค่ได้อยู่ข้างๆ อย่างที่เคยบอก หัวใจของฉันเป็นของนายคนเดียวจริงๆ ฉันจะไม่ไปไหน จะไม่เป็นของใครนอกจากนาย ทอม..”
ทอมใจหายอย่างแรง คำพูดของเขาเมื่อครู่คงทำร้ายความรู้สึกของจิมมาก
“เอ่อ.. จิม.. เมื่อกี้ฉันพูดจาไม่ดี ฉันขอโทษ..”
“เปล่า ทอม..” จิมฝืนยิ้มให้เมื่อเห็นทอมมีสีหน้าตื่นและกังวล
“นายไม่ได้พูดจาไม่ดี นายพูดความจริง ฉันเสียใจที่ทำเรื่องฝืนใจนายมาตลอดเพราะคิดถึงแต่ความต้องการของตัวเอง ฉันต่างหากที่ต้องขอโทษ..”

จิมตกใจเมื่อน้ำตาตัวเองร่วงผล็อยลง ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเขาถึงต้องเสียใจกับคำพูดประโยคนั้นของทอมมากมายขนาดนี้  … ฉันยอมให้จนถึงขนาดนี้แล้วยังไม่พออีกเหรอ…

“ไม่นะจิม.. นายไม่ได้ทำเรื่องฝืนใจฉันสักหน่อย ฉันต่างหากที่ชอบพูดต่อว่านายด้วยอารมณ์ ฉันขอโทษ..”
ทอมละล่ำละลักกล่าวขอโทษและเป็นฝ่ายเช็ดน้ำตาให้บ้าง แต่ใช้มือเช็ดไม่ได้ใช้ริมฝีปากอย่างที่จิมทำกับเขา จิมไม่ใช่ผู้ชายที่มีจิตใจอ่อนไหวเหมือนเขา หากไม่ใช่เรื่องเลวร้ายที่บีบคั้นความรู้สึกอย่างแรงแล้ว จิมไม่มีวันหลั่งน้ำตาง่ายๆ คำพูดของเขาเมื่อครู่.. คงทำร้ายความรู้สึกของจิมมากจริงๆ…

“นายจำยอมให้ฉันสัมผัส แค่นี้ก็คือการฝืนใจแล้ว”
“เอ่อ.. ต.. แต่ว่าฉันก็มีความสุขนะ ไม่ใช่ไม่มี..”
จิมหัวเราะ เอามือเสยเรือนผมที่ยุ่งเหยิงให้เทพบุตรแสนรัก
“นั่นไม่ใช่เรียกว่ามีความสุขหรอก ทอม.. แค่การปลดปล่อยอารมณ์ที่เกิดขึ้นจากความจำยอมเท่านั้น”
ทอมทำหน้างง พยายามทบทวนความรู้สึกของตัวเองว่าเป็นอย่างที่จิมพูดจริงหรือเปล่า
“อย่ากังวลเลย ทอม.. ฉันแค่เสียใจนิดหน่อย.. แต่ไม่ได้ทำให้ฉันรักนายน้อยลงเลยนะ ยังรักนายหมดหัวใจเหมือนเดิม.. รักมาก.. รักที่สุด..”
สองคำสุดท้ายจิมขยับเข้าไปกระซิบข้างหู ก่อนจะลุกขึ้นยืน
“จะไปไหนอ่ะ” ทอมแทบจะผวาตามด้วยความลืมตัว
“กลับห้องซี ดึกมากแล้ว นายจะได้พักผ่อน”
“ไม่นอนนี่เหรอ” ทอมเอ่ยถามด้วยความเคยชิน
จิมยืนอึ้ง ทำหน้าบอกอารมณ์ไม่ถูก
“จะให้นอนด้วยทั้งๆ ที่ฉันเพิ่งรับปากว่าจะไม่แตะต้องนายอีก โหดร้ายเกินไปหรือเปล่า ทอม..”
“ถ้าฉันเป็นฝ่ายแตะต้องนายล่ะ จะถือว่าผิดสัญญามั้ย”
จิมขมวดคิ้ว
“อย่าล้อเล่นกับฉันอีกเลย .. อย่าให้ฉันต้องทำในสิ่งที่ฝืนใจนายอีก”
ทอมลุกพรวดขึ้น สีหน้าชักไม่สบอารมณ์
“คำก็ฝืนใจ สองคำก็ฝืนใจ ฉันพูดคำไหนเหรอที่ทำให้นายเข้าใจอย่างนั้น นายคิดเองเข้าใจเองทั้งหมด ”
ทอมเดินมาหยุดยืนตรงหน้าจิม และรวบรวมความกล้ากล่าวประโยคที่น่าละอายอีกครั้ง

“ฉันอยากให้นายเป็นของฉันคนเดียวจริงๆ ฉันกล้าพูดว่านายเป็นของฉันแล้วเพราะนายบอกฉันเสมอว่าหัวใจของนายเป็นของฉัน และหัวใจของฉันก็มอบให้นายไปแล้วด้วยเช่นกัน แม้ความสัมพันธ์ทางกายของเราจะยังไม่ถึงขั้นที่เรียกว่าเป็นของกันและกัน แต่มันก็เกินเลยความเป็นเพื่อนไปแล้ว ถ้าฉันไม่ยินยอมและไม่มีใจคล้อยตามไปกับนายด้วย อย่าหวังว่านายจะได้แตะต้องฉัน จิมมี่..”

“พูดจริงหรือ ทอม..” จิมย้ำถามเพื่อความแน่ใจ เมื่อทอมพยักหน้าให้ก็ถูกเขาสวมกอดด้วยความรักสุดหัวใจ
“งั้นที่นายบอกว่ามีความสุข เวลาที่ฉันสัมผัสก็เป็นเรื่องจริงด้วยใช่มั้ย”

ทอมหน้าร้อนผ่าว :o8: ก้มหน้างุดไม่ยอมตอบคำถามนี้ แต่ก็ทำให้จิมรู้คำตอบ
“ขอโทษนะ ทอม.. ขอโทษที่เข้าใจนายผิด”
“ฉันก็ขอโทษด้วยที่พูดจาไม่ดี ทำให้นายเข้าใจผิด” ทอมกล่าวอู้อี้ขณะซุกหน้ากับไหล่กว้างเพราะยังรู้สึกเขินกับคำถามเมื่อครู่
“งั้นคืนนี้ ฉันขอนอนด้วยคนนะ” จิมเอ่ยขอกลับไปใหม่ก่อนที่เทพบุตรของเขาจะเปลี่ยนใจ

เป็นครั้งแรกที่ทอมบอกความรู้สึกในใจของตัวเองอย่างไม่เคอะเขิน ในเมื่อหัวใจของเราต่างเป็นของกันและกันแล้ว เขายังจะต้องการอะไรอีก ความผูกพันทางร่างกายเป็นแค่การยืนยันความรักที่มีต่อกันเท่านั้น หากทอมพอใจและมีความสุขกับความสัมพันธ์เท่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ เขาก็จำต้องยินยอมโดยดีแล้ว ….

   :m4:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 07-02-2010 13:13:29
ทอมหายใจหอบเป็นจังหวะจากช้าเป็นเร็วขึ้นสลับกับเสียงครางตามจังหวะการเร่งเร้าของจิม และเมื่อถึงจุดที่สุดแห่งความต้องการ อารมณ์ของทอมก็ถูกปลดปล่อยออกพร้อมกับเสียงร้องและอาการหอบน้อยๆ ก่อนจะหลับตาลงเบือนหน้าหนีด้วยความเขินอายเหมือนเช่นทุกครั้ง

จิมนอนท้าวแขนจ้องมองใบหน้าแดงซ่านของทอมซึ่งนอนหลับตาพริ้มอยู่อย่างแสนรัก หากการช่วยปลดปล่อยอารมณ์ให้ทอมพร้อมๆ กับการปลดปล่อยอารมณ์ตัวเองไปด้วยถือเป็นการมีเซ็กซ์แล้วล่ะก็ ถึงจะไม่ใช่การมีเซ็กซ์ที่สมบูรณ์แบบ ขอเพียงแค่ทอมมีความสุข เขาก็มีความสุขไปด้วย แม้ในบางครั้งอารมณ์ของตัวเองจะไม่ได้ถูกปลดปล่อยไปด้วยก็ตาม อย่างเช่นในคืนนี้ทอมทำท่าหมดแรงในขณะที่เขายังไม่บรรลุความต้องการเลย

จิมก้มลงจูบหน้าผากและเปลือกตาของทอมเบาๆ ตั้งใจจะกระเซ้าเพื่อให้ตาสว่าง แต่อีกฝ่ายกลับส่งเสียงอย่างรำคาญและหันหลังให้ ทำให้จิมชะงักมือไม่กล้าสัมผัสและกระเซ้าต่อ รีบดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างเปลือยให้ได้รับความอบอุ่น ก่อนจะขยับตัวลงนอนลืมตานิ่งอยู่ในความมืด พยายามข่มอารมณ์ให้สงบลงแต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อทอมหันหลังกลับมากระแซะและเอาขาก่ายขึ้นมาบนตัวเขา ถูกร่างเปลือยของทอมสัมผัสแนบชิดแบบนี้ หัวใจของจิมเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ อารมณ์ปรารถนาที่ค้างอยู่ลุกโชนขึ้นในเสี้ยววินาที

จิมนอนนิ่งไม่กระดิก หัวใจเต้นแรงมาก แม้แต่ตัวเองยังได้ยินเสียง
“มีคนตีกลองอยู่ในตัวนายด้วย จิม..”
เสียงพึมพำเบาๆ ทำให้จิมถอนใจด้วยความโล่งอก เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้หลับก็ไม่จำเป็นต้องนอนนิ่งแล้ว เขาสวมกอดทอมไว้ในอ้อมแขนและจูบเบาๆ ที่เส้นผมนุ่ม
“นึกว่าหลับแล้ว”
“ฉันไม่อยากเป็นคนเห็นแก่ตัว” ทอมพึมพำด้วยน้ำเสียงกระซิบ
“หือ..” จิมแปลกใจ แต่ก็รอฟังต่อโดยไม่เอยขัด
“ฉันตัดสินใจแล้ว จิม..” ทอมไม่พูดเปล่า มือไม้อยู่ไม่สุกลูบไล้ไปมาที่แผงอกและเลื่อนลงไปที่หน้าท้องของเขา จิมรีบคว้าข้อมือทอมไว้ก่อนที่เจ้ามือแสนซนจะเลื่อนต่ำลงไปกว่านี้
“ตัดสินใจเรื่องอะไรหรือ ทอม.. ถ้ายังไงเปิดไฟคุยกันดีมั้ย”
จิมทำท่าจะเอื้อมมือไปเปิดไฟที่หัวเตียง แต่ถูกทอมร้องห้าม
“ไม่เปิดนะ!!..”
“ตามใจ งั้นลุกขึ้นนั่งคุยมั้ย” จิมพยายามหาทางให้ตัวเองพ้นจากสัมผัสเนื้อแนบเนื้อเพราะมันทำให้อารมณ์ของเขาพลุ่งพล่าน
“ไม่.. เรื่องนี้เขาไม่นั่งคุยกันหรอก”
“เรื่องอะไรหรือ ทอม.. ถ้ายังไงคุยกันทีหลังได้มั้ย ตอนนี้ฉัน เอ่อ..”
จิมห้ามอารมณ์ตัวเองไม่ได้แล้ว เพราะถึงหยุดมือไว้ได้ แต่ขาของทอมซึ่งป่ายไปมาบนท่อนขาของเขา สัมผัสถูกน้องชายที่กำลังตื่นตัวของเขาเหมือนตั้งใจแต่แกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง
“เรื่องของนายไว้ทีหลังเถอะนะ ทอม.. ตอนนี้ช่วยจัดการเรื่องของฉันก่อน ได้มั้ย..”
จิมหมดความอดกลั้น คว้ามือทอมกุมน้องชายเขาไว้ ทอมสะดุ้งทำท่าจะดึงมือออก แต่ถูกจิมขอร้องด้วยน้ำเสียงแหบพร่า
“ได้โปรดเถอะทอม… อย่าปล่อย อยู่นิ่งๆ นะ ขอแค่ได้อยู่ในมือของนายก็พอ..”

น้ำเสียงจิมไม่ไหวแล้วจริงๆ ทอมจึงยอมกุมน้องชายของจิมนิ่งไว้แต่โดยดี จิมขยับเบาๆ แค่ไม่กี่ครั้งก็ปลดปล่อยอารมณ์ของตัวเองออกมา ทอมนอนอึ้งไม่อยากเชื่อเลยว่าจะรวดเร็วและง่ายดายขนาดนี้

จิมสวมกอดเทพบุตรของเขาไว้ในอ้อมแขนด้วยความรู้สึกรักใคร่จับใจ เป็นครั้งแรกที่เขาได้ปลดปล่อยอารมณ์ของตัวเองในอุ้งมือของทอม ช่างวิเศษและมีความสุขจริงๆ….

ทอมนอนตาปริบๆ อยู่ในอ้อมกอด ไม่อยากเชื่อเลยว่าแค่ได้ปล่อยอารมณ์ในมือของเขา จิมก็มีความสุขมากมายขนาดนี้ ถ้าเขายินยอมให้มากกว่านี้ จะไม่สำลักความสุขจนช็อคตายเหรอ…

“ตัดสินใจเรื่องอะไรหรือ ทอม.. หือ..” จิมทวงถามเรื่องที่พูดค้างไว้เมื่อเห็นทอมนิ่งเงียบไป
“เรื่อง.. เอ่อ.. ไม่จำเป็นต้องบอกตอนนี้แล้ว ไว้ค่อยบอกทีหลังก็ได้”
“เอ๋?.. เรื่องอะไรหรือ ทอม.. เกี่ยวกับฉันหรือเปล่า บอกตอนนี้หรือตอนไหนก็เหมือนกัน บอกมาเถอะ”
“ฉัน.. เอ่อ.. ฉันตัดสินใจแล้วว่า…” ทอมอ้ำอึ้ง เอาเข้าจริงๆ แล้วรู้สึกกระดากจนพูดไม่ออก
“ฉันจะยอม… ยอม.. เอ่อ.. เปล่าหรอก ไม่มีอะไร” ทอมผละจากอ้อมกอดหันหลังให้จิมและซุกหน้าลงกับหมอน

จิมไม่รู้ว่าเทพบุตรของเขาจะยอมอะไร หากแต่อาการเขินอายช่างน่ารักจนจิมอดใจไว้ไม่ได้ ขยับเข้าไปสวมกอดและซุกไซ้ที่ซอกคอพร้อมกับคำตอบเดาสุ่ม
“จะบอกว่าจะยอมเป็นของฉันแล้วใช่มั้ย แค่นี้ทำไมต้องอายด้วย”
ทอมสะดุ้งเฮือกหันกลับมาทุบและศอกจิมไม่นับครั้ง จนอีกฝ่ายร้องโอดครวญจึงหยุด
“โอย… เจ็บนะ ทำไมต้องโกรธด้วย พูดล้อเล่นก็รู้อยู่แล้ว”
ทอมลุกขึ้นนั่ง ควานหาเสื้อคลุมไม่เจอก็เอื้อมมือไปเปิดไฟทั้งๆ ที่ไม่ค่อยอยากเปิดสักเท่าไร รู้สึกฉุนขึ้นมาอีกเมื่อเห็นทั้งชุดนอนและเสื้อคลุมของเขากระจัดกระจายอยู่บนพื้นห้องไกลเกินกว่าที่มือจะเอื้อมถึง จึงหันมาทุบจิมอีก 1 ครั้ง

“โอ๊ะ ! โอ๊ย !… อะไรอีกล่ะ ทอม..”
“ทำไมต้องเขวี้ยงเสื้อผ้าฉันไปไกลขนาดนั้นด้วย ลุกไปหยิบมาเดี๋ยวนี้เลยนะ”

จิมลุกขึ้นจากเตียงเดินไปหยิบเสื้อผ้ามาส่งให้ ทอมก้มหน้างุดขณะรับมาสวม ร่างสูงใหญ่เล่นยืนเปลือยตรงหน้าโดยไม่สะทกสะท้านหรือเขินอายสักนิด
“หน้าด้าน ไม่รู้จักอาย”
จิมหัวเราะคิกเมื่อได้ยินทอมพึมพำเบาๆ เขาทรุดตัวลงนั่งข้างๆ เทพบุตรแสนรักที่กำลังสวมเสื้อนอนอยู่
“ทำไมต้องอายด้วย กับนายฉันไม่มีอะไรต้องอาย กับฉันนายก็ไม่จำเป็นต้องอาย รู้มั้ย.. เพราะทุกตารางนิ้วบนร่างกายนี้ ฉันเห็นจนหมดแล้ว..”
“บ้า หน้า…” ทอมชะงัก เมื่อจิมยกมือเขาขึ้นจูบและกล่าวขอโทษด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ขอโทษนะ ทอม.. อย่าโกรธ อย่าเสียอารมณ์เลยนะ   คืนนี้ฉันมีความสุขมากที่สุดเลย รักนายนะ ทอม.. รักมากที่สุด”
ใบหน้างามแดงเรื่อ  ถูกจิมบอกรักด้วยสายตาแบบนี้ทีไร... หัวใจทอมแทบจะละลายทุกที รีบชักมือกลับและล้มตัวลงนอน เอ่ยตัดบทก่อนจะถูกซักเรื่องที่พูดค้างไว้อีก
“ช่างเถอะ !.. ฉันไม่ได้โกรธ จะนอนแล้ว.. ง่วง.. นายจะนอนนี่มั้ย ถ้านอนก็สวมเสื้อด้วย ถ้าจะนอนเปลือยก็กลับไปนอนที่ห้อง”

ทอมดึงผ้าห่มคลุมโปงทันที รู้สึกเงียบไปนานจิมก็ยังไม่กลับขึ้นมานอนบนเตียงสักที หรือว่าจะกลับห้องไปแล้ว…  ทอมเลิกผ้าห่มออกก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อถูกจุ๊บเบาๆ ที่หน้าผาก อยากจะร้องโวยแต่เห็นสายตาที่จ้องมองอยู่แล้วร้องไม่ออก
“คนบ้า~ ฉันตกใจน้า~" ทอมกล่าวน้ำเสียงสั่น  เพราะตกใจจริงๆ

จิมหัวเราะ เอนตัวลงนอนกระแซะข้างๆ เขาสวมชุดนอนเรียบร้อยแล้วเพราะไม่อยากกลับไปนอนหนาวคนเดียวที่ห้อง
“อือ.. มานอนข้างนี้ซี ทำไมต้องมาเบียดฉันด้วย”
“ไม่.. จะนอนกอดแบบนี้ทุกคืนจนกว่าจะไป อีกแค่สามวันนายก็จะได้นอนคนเดียวไปอีก 2 อาทิตย์ หลังจากนั้นฉันจะกลับมาฟัดนายต่อให้น่วมเลย เตรียมตัวไว้ให้ดีเถอะ.. กู๊ดไนท์ ทอม หลับฝันดีนะ..”

คนกอดหลับไปแล้วแต่คนถูกกอดยังนอนไม่หลับ อีกแค่ 3 วันเองเหรอ ถ้ารอให้จิมกลับมาก่อนจะสายเกินไปหรือเปล่านะ ทำยังไงดีก็มันน่าอายนี่นา นอกจากอายแล้ว ยังกลัวด้วย…

…ฉันตัดสินใจยอมเป็นของนายแล้ว จิมมี่…

 
…ให้ตายเถอะ ! แค่คิดก็กระดากจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนีแล้ว…  :-[   เมื่อกี้จิมคงแค่กระเซ้าเล่น คงไม่ล่วงรู้ความคิดของเขาหรอกนะ.. แต่ถ้ารู้และเป็นฝ่ายเอ่ยปากขอเขาอีกครั้ง ครั้งนี้เขาจะไม่ปฏิเสธเลย..

 :o8:

TBC>>> 5
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: kungyung ที่ 07-02-2010 13:31:41
 :เฮ้อ:ลุ้นซะเหนื่อย
นึกว่าจะ....กันซะแล้ว
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: kunnyppk ที่ 07-02-2010 13:53:41
เห็นเจ๊หมวยเข้ามา เลยแอบอ่านตอนนี้ก่อน สนุกมากๆเลยค่ะ


เข้ามารีก่อน ยังไม่ได้อ่านตั้งแต่แรก กลับไปอ่านก่อนนะคะ

ขอบคุณเจ๊หมวยค่ะ :L2:

หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 07-02-2010 14:16:35
หายใจไม่ทั่วท้องเลยอ่ะ ลุ้นแทบแย่
คิดว่าทอมจะเสร็จจิมมี่ซะแล้ว
ในที่สุดความพยายามของจิมก็ได้ผล
ทอม ยอม แล้ว  o13
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 07-02-2010 14:27:28
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 07-02-2010 14:29:39
:เฮ้อ:ลุ้นซะเหนื่อย
นึกว่าจะ....กันซะแล้ว

^
^

เหมือนกัลเรย   :z3:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 07-02-2010 16:21:35
ยังต้องรอลุ้นกันต่อไป...
เวลาทอมว่าจิมทีนึงหรือออกปากไล่นี่มันเจ็บปวดจริงๆ :dont2:

แต่ตอนนี้คุฯชายแม็คกิลล์ก็พร้อมจะเป็นของจิมจริงๆแล้วสินะ..รอต่อไปจ้าา.. :L2:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 07-02-2010 19:58:54
รอจนกว่าจะได้กัน

แอรยส
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 08-02-2010 10:45:41
LOVE YOU ONLY  5...

“จะไปพรุ่งนี้แล้วเหรอ.. สองอาทิตย์จริงๆ นะฮะ คุณจิม.. ห้ามไปนานกว่านั้นนะ.."
จิมอดหัวเราะไม่ได้เมื่อถูกเด็กชายออกคำสั่งแทนพ่อ
"จริงซี เห็นฉันเป็นคนพูดไม่จริงตั้งแต่เมื่อไร หือ.."
"ก็คราวก่อนคุณจิมหายไปตั้งหลายเดือนแน่ะ คราวนี้ถ้าไปนานแบบนั้นอีก แด๊ดมีแฟนใหม่ผมไม่รู้ด้วยนะ"
"เฮ้ !.. ได้ไง.. จะหักหลังกันเหรอ เดี๋ยวไม่รับเป็นลูกศิษย์นะ"
จิมกอดคอเด็กชายและเล่นหัวอย่างเอ็นดู เขาเปรยกับทอมว่าอยากจะเปิดโรงเรียนฝึกสอนเทควันโด ทอมเห็นดีด้วยแต่มีข้อแม้ว่าจะต้องให้ทอมเป็นหุ้นส่วนใหญ่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด ส่วนเขาทำหน้าที่เป็นครูฝึกสอนอย่างเดียว
"ทำอะไรกันน่ะ จิมมี่.. แม็กกี้.. ซุบซิบอะไรกัน.."

เสียงทักแบบไม่ค่อยสบอารมณ์ของเทพบุตรทอม ทำเอาหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ผละออกจากกัน เด็กชายทำหน้าเหลอส่วนจิมทำหน้าแปลกๆ เมื่อถูกเรียกชื่อพร้อมกับเจ้าหนู

นอกจากพ่อและแม่แล้วไม่มีใครกล้าเรียกเขาว่าจิมมี่.. ต่อให้สนิทยังไงก็ตาม มีเพียงทอมคนเดียวเท่านั้นที่เขายอมให้ ก่อนหน้านี้นานๆ ครั้งจะเรียกสักที แต่ระยะหลังเรียกจนติดปากไปแล้ว

"เอ่อ.. อย่าเรียกชื่อ จิมมี่พร้อมๆ กับแม็กกี้ ได้มั้ยทอม.. ฟังดูแล้วเหมือนเรียกลูกชาย 2 คนเลยน่ะ"

แม็กกี้หัวเราะคิก แต่ทอมกลับไม่รู้สึกขำด้วย
"ทำไม!!.. ไม่ให้เรียกจิมมี่.. จะให้ฉันเรียกบ๊อบบี้งั้นเหรอ"

จิมกลืนน้ำลายลงคอ
…เอาแล้วมั้ยล่ะ.. คำพูดเจ้าหนูจะเป็นจริงเสียล่ะมัง.. เมื่อเดือนก่อนลูกพี่ลูกน้องของทอม โรเบิร์ต แม็คกิลล์ เดินทางมาเมืองไทยและแวะมาเยี่ยม กลับไปตั้ง 3 อาทิตย์กว่าแล้วยังโทรมาพูดคุยไม่รู้จักจบสิ้น…

 :m16:

"เป็นอะไร ทอม.. หงุดหงิดตั้งแต่เช้าแล้วนะ หือ.." จิมถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเมื่ออยู่ตามลำพัง
"เปล่านี่ ไม่ได้หงุดหงิด"
จิมอมยิ้มก็ถูกทอมตวาดใส่
"อย่ามายิ้มเยาะฉันนะ"
จิมส่ายหน้า รีบสวมกอดและกระซิบปลอบเทพบุตรของเขา
"ไม่เอาน่า ทอม.. ถ้ากังวลมากขนาดนี้ฉันยกเลิกดีกว่า ไว้ไปทีเดียวตอนเธอใกล้คลอดก็ได้"
"ไม่ได้นะ ห้ามยกเลิก ฉันไม่ได้กังวลเรื่องที่นายจะไปซะหน่อย"
จิมซ่อนยิ้มในใจและแสร้งตีหน้าเครียด วันนี้เขาต้องรู้ให้ได้ว่าทอมคิดอะไรอยู่ในใจ อ้ำๆ อึ้งๆ มา 3 วันแล้ว
"แล้วเรื่องอะไรล่ะที่นายกังวล เกี่ยวกับฉันด้วยใช่มั้ย บอกมาเดี๋ยวนี้นะ ทอม.. ถ้าไม่บอกฉันจะโทรไปยกเลิก Flight เดี๋ยวนี้"
"ไม่นะ ถ้านายยกเลิกไม่ไปหาเธอ ฉันจะโกรธนาย"
"งั้นก็บอกซีว่าเรื่องอะไร จะให้ฉันไปอย่างสบายใจได้ยังไง ถ้าต้องทิ้งให้นายมีเรื่องกังวลใจแบบนี้ หรือกลัวว่าฉันจะไม่กลับมาเหมือนครั้งก่อนใช่มั้ย"
"เปล่า" ทอมเสียงอ่อนลง ก้มหน้างุดไม่ยอมสบตาจิมขณะพูด
"ไว้ค่อยบอกคืนนี้ได้มั้ย"
จิมถอนใจเฮือกแต่ก็ยอมด้วยดี คืนนี้เขากับทอมมีเรื่องต้องคุยกันยาวแน่ ทอมมีเรื่องจะบอกส่วนเขาก็มีเรื่องจะขอ ถ้าครั้งนี้ยังไม่ยินยอมล่ะก็ ถึงต้องใช้กำลังบังคับเขาก็จะทำ ไม่สนใจสัญญิงสัญญาที่เคยให้ไว้แล้ว มัวแต่โอ้เอ้..ทำใจเย็นเป็นสุภาพบุรุษอยู่อย่างนี้ ถูกเจ้าบ๊อบบี้งาบไปล่ะก็.. เขาอาจต้องกลายเป็นฆาตกรก็ได้…

 :m31:
 
"จัดกระเป๋าเสร็จแล้วเหรอ.. พรุ่งนี้ออกกี่โมง ฉันต้องไปส่งมั้ย"
ทอมออกจากห้องน้ำก็เห็นจิมนอนเอกเขนกอยู่บนเตียง ใจเต้นตึกตักรีบหาเรื่องคุยก่อนจะถูกทวงถามเรื่องที่ค้างคำตอบไว้
"ฉันจะออกจากบ้าน 3 โมงเช้า นายยืนส่งที่บ้านก็พอ กระเป๋าไว้จัดพรุ่งนี้เช้าก็ทัน.."
จิมลุกจากเตียงตรงมาสวมกอดทอมซึ่งกำลังยืนเช็ดผมอยู่หน้ากระจก
"สระผมกลางคืนต้องเช็ดให้แห้งนะ เดี๋ยวจะเป็นหวัด" จิมดึงผ้าขนหนูจากมือทอมและจูงมานั่งที่โซฟาร์จัดการเช็ดผมให้
"ระหว่างที่ฉันเช็ดผมให้ นายก็พูดเรื่องของนายไป จบแล้วฉันจะได้พูดเรื่องของฉันบ้าง"
"เอ่อ.. คือ..ทำไมนายไม่จัดกระเป๋าเตรียมให้เรียบร้อยซะคืนนี้ รอไว้พรุ่งนี้เช้าเดี๋ยวก็ฉุกละหุกหรอก.."
จิมส่ายหน้ากับเรื่องที่ทอมหามาพูดคุยกลบเกลื่อน แต่ก็ยอมตอบคำถามด้วยดี
"มีเสื้อผ้าแค่ 2-3 ชุดและของใช้ส่วนตัวนิดหน่อยเอง จับโยนลงกระเป๋าไม่ถึงนาทีก็เสร็จแล้ว จะจัดอะไรมากมาย"
"แต่จัดไว้ก่อนก็ไม่เสียหายนี่นา เดี๋ยวฉันไปจัดเตรียมให้นายดีกว่า"
ทอมขยับจะลุกขึ้นแต่ถูกจิมกดไว้ไม่ยอมให้ลุก
"ม่ายต้อง... ฉันจัดการเองได้ แล้วนี่ก็ไม่ใช่เวลาจัดกระเป๋าด้วย.. ฉันรอฟังเรื่องของนายอยู่นะ เมื่อไรจะพูดเสียที ฮึ.." น้ำเสียงจิมเริ่มฉุนนิดๆ
"เอ่อ.. แต่ว่าเรื่องของฉัน.. พูดตอนนี้ไม่ได้อ่ะ"
จิมถอนใจเฮือกเมื่อทอมบ่ายเบี่ยงไม่ยอมพูดอีก
"ฉันไม่มีเวลาแล้วนะ ทอม.. พรุ่งนี้เช้าก็ต้องเดินทางแล้ว นายจะพูดเรื่องของนายตอนไหนฉันไม่สนแล้ว แต่ฉันจะพูดเรื่องของฉันตอนนี้.."
ทอมตกใจเมื่อจิมขยับลงไปคุกเข่าตรงหน้าและกุมมือเขาไว้ที่หน้าอก
"ฉันมีเรื่องจะขอนะทอม..แต่สัญญาก่อนได้มั้ยว่าจะไม่ปฏิเสธคำขอของฉัน"
"เอ่อ...เรื่อง? .. เรื่องอะไรล่ะ ฉันต้องรู้ก่อนซีว่าเรื่องอะไร"
"ไม่.. สัญญาก่อนว่าจะไม่ปฏิเสธ ฉันถึงจะบอก"
"เอ๋?.. จะ.. จะดีเหรอ.."
"ทำไม.. ไม่ไว้ใจฉันเหรอ กลัวฉันจะขออะไรที่นายให้ไม่ได้ใช่มั้ย ถ้างั้นก็ลืมซะ เมื่อนายรับปากไม่ได้ฉันก็จะไม่ขอ.."
จิมปล่อยมือที่กุมไว้ คว้าผ้าขนหนูและโน้มศีรษะทอมลงมาเช็ดผมต่อ
"รู้อะไรมั้ย ทอม.. ถ้านายเป็นคนเอ่ยปากขอฉันด้วยคำพูดนี้ ฉันจะไม่ลังเลที่จะตอบตกลงทันที เพราะแม้แต่ชีวิตของฉันก็ให้นายได้.."
จิมตกใจเมื่อถูกทอมปัดมือออก ใบหน้างามงอเง้าบอกบุญไม่รับอีกแล้ว
"เรื่องอะไรมาตัดสินใจแทนคนอื่น ฉันบอกนายแล้วเหรอว่าไม่ตกลง"
"แปลว่า ตกลงเหรอ" จิมถามและโผเข้าสวมกอดโดยไม่รอฟังคำตอบ
"ขอบใจนะ ทอม.. ที่ยอมให้ในสิ่งที่ฉันขอ ฉันรักนาย รักมาก รักที่สุด"
จิมเงยหน้าขึ้นก็เห็นสีหน้าเทพบุตรของเขาแดงซ่าน ยิ่งกระตุ้นความรู้สึกจนอดใจไว้ไม่ไหว รีบฉุดทอมลุกขึ้นจากโซฟาพามาที่เตียง
"ทำไม จะทำอะไรอ่ะ อ๊ะ !.."
ทอมหงายหลังลงบนที่นอนด้วยความจำยอม เพราะถูกร่างสูงใหญ่ของจิมทาบทับลงมา
"บ้าหรือเปล่า จิม.. ยังคุยไม่จบเลยจะทำอะไร" ทอมยันหน้าอกจิมไว้ ตกใจที่จู่ๆ จิมก็มีอาการตกมันขึ้นมาดื้อๆ คุยกันอยู่ดีๆ แท้ๆ
"SEX"
ทอมสะดุ้งเฮือกไม่ใช่เพราะคำตอบที่ได้รับ แต่เพราะถูกฝ่ามือใหญ่แทรกผ่านเสื้อคลุมเข้ามาสัมผัสที่ต้นขาของเขา
"ปะ..ปล่อยนะ จะบ้าเหรอ.. นี่ยังไม่ถึงเวลานอนนะ ยังหัวค่ำอยู่เลย"
"ก็ยังไม่นอนนี่นา ใครชวนนอนกันล่ะ หา.."
ทอมผวาอีกครั้งเมื่อถูกจิมฝังจมูกลงที่ซอกคอ เสียงร้องห้ามสั่นสะท้าน
"ยะ.. อย่า..นะ อย่าเพิ่ง.. ฉันต้องไปกู๊ดไนท์ คิส แม็กกี้..ก่อน อื้อ…"
"หยุดสักวันไม่เป็นไรหรอก.. คนที่นายต้องกู๊ดไนท์คิสเป็นฉันต่างหาก ฉันไม่อยู่ตั้งสองอาทิตย์นะทอม.. ใช้เวลาอยู่ด้วยกันคืนนี้ให้คุ้มค่าหน่อยซี.."
"แต่.. แต่ผมฉันยังไม่แห้งอ่ะ.."
ทอมยกเหตุผลอ้างไปเรื่อยเปื่อย เขาไม่ปฏิเสธที่จะมีเซ็กซ์กับจิมหรอก แต่นี่ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม ปกติต้องดึกมากกว่านี้… บางครั้งหลับไปแล้วด้วยซ้ำ
"ไม่เห็นเกี่ยวเลย ฉันไม่ได้ทำอะไรกับผมนายซะหน่อย"
เป็นความสามารถเฉพาะตัวของจิม ที่สามารถพูดจาโต้ตอบโดยที่จมูกและปากยังสัมผัสและซุกไซ้กับผิวเนื้อหอมกรุ่นของทอม
"แต่เมื่อกี้เรายังคุยค้างกันอยู่เลย นายจะขออะไรยังไม่ได้บอกเลยนะ"

ได้ผล !…เป็นเหตุผลที่ทำให้ทอมหยุดอาการสะท้านลงได้เพราะจิมยอมเงยหน้าขึ้นแล้ว แต่สีหน้าและแววตาที่จ้องมองเขาดูแล้วเหมือนจิ้งจอกเจ้าเล่ห์เลย

"ก็กำลังบอกอยู่นี่ไง ไม่ได้บอกด้วยคำพูดแต่บอกด้วยการกระทำ"
ทอมอึ้งไป พอจะเข้าใจความหมายแล้ว แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำเหมือนเป็นเรื่องสำคัญด้วยทุกคืนก็แค่กระซิบขอธรรมดา
"แค่มีเซ็กซ์.. ทำไมต้องให้ฉันสัญญาอะไรบ้าๆ บอๆ ด้วย"
จิมอมยิ้ม เขาควรจะบอกทอมดีมั้ยว่าที่มีอะไรกันอยู่ทุกวันนี้ ยังไม่ได้เรียกว่ามีเซ็กซ์จริงๆ หรอก
"ไม่ใช่สัญญาบ้าบอนะ ทอม.. มันมีความหมายต่อชีวิตฉันมาก จากนี้ไปเราจะเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน ทั้งร่างกายและวิญญาณเลย"
ทอมใจหายวาบกับคำพูดแปลกๆ
"ม..หมายความว่าอะไร.. นายขออะไรกันแน่ จิมมี่.."
"ฉันขอมีเซ็กซ์กับนายคืนนี้ถึงขั้นสุดท้ายเลยนะทอม.. จะมีความหมายอะไรมากไปกว่านี้อีกก็แล้วแต่นายจะคิด"
ทอมอ้าปากค้าง สีหน้าตื่นตระหนกและหวาดกลัวจนจิมสงสารแต่ไม่ใจอ่อน ยังไงซะคืนนี้เขาต้องเผด็จศึกให้ได้
"ทำไมไม่บอกก่อนว่านายจะขออะไร นายเคยรับปากว่าจะไม่บังคับฉันเรื่องนี้อีก…"

ทอมกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เขาไม่ได้รู้สึกโล่งอกสักนิดเมื่อสิ่งที่จิมขอกลายเป็นเรื่องเดียวกับที่เขาต้องการจะบอก แต่กลับรู้สึกเสียใจเพราะวิธีการของจิมไม่ใช่การขอ แต่จิมหลอกให้เขารับปาก ..การไม่ได้เต็มใจให้ ก็ไม่ต่างจากถูกบังคับ..

"บอกก่อนแล้วนายจะให้เหรอ นายก็จะโยกโย้อ้างโน่นอ้างนี่เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา ฉันตั้งใจไว้แล้วว่ายังไงซะ คืนนี้ถึงต้องใช้กำลังบังคับ ฉันก็จะต้องทำให้นายเป็นของฉันให้ได้.."

ทอมจ้องมองจิมอย่างไม่เชื่อสายตา ไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดนี้จากปากคนที่เขาอุตส่าห์มอบหัวใจให้ และคิดที่จะมอบร่างกายให้อยู่แล้วด้วยซ้ำ …เพียงแค่เขายอมพูดก่อนก็คงไม่เสียความรู้สึกแบบนี้…

จิมใจหายเมื่อถูกทอมจ้องมองด้วยสายตาเย็นชา และเบือนหน้าหนีไม่พูดอะไรอีก เหมือนกับจะบอกว่าอยากจะทำอะไรกับร่างกายนี้ก็เชิญเลย

“ขอโทษทอม.. ฉันไม่ได้อยากบังคับนะ ฉันต้องการนายมาก.. อยากให้เราเป็นของกัน เวลาที่ฉันไม่อยู่นายจะได้คิดถึงฉัน เราจะได้คิดถึงกัน”
ทอมหันขวับกลับมา พูดไม่ออกกับเหตุผลไร้สาระของจิม อยากจะโกรธก็โกรธไม่ลง แค่มองตาก็รู้แล้วว่าจิมต้องการเขามากอย่างที่พูดจริงๆ
“ฉันจะไปกู๊ดไนท์แม็กกี้ ถอยออกไป”
จิมหน้าเสียรีบผละออกไม่กล้าตอแยอีก ทอมลุกขึ้นจากเตียงตรงไปที่ตู้เสื้อผ้าหยิบชุดนอนออกมาสวม จิมนั่งมองโดยไม่พูดอะไรสักคำ สมเพชตัวเอง..ในที่สุดก็ใจอ่อนไม่กล้าใช้กำลัง… ในที่สุดก็ถูกปฏิเสธอีกจนได้...
“ทอม” จิมเอ่ยเรียกก่อนที่ทอมจะก้าวออกจากห้อง
“ถ้าไม่กลับมาภายในครึ่งชั่วโมง ถือซะว่าฉันไม่ได้ขออะไรนายในคืนนี้… เราไม่มีสัญญาอะไรต่อกัน โอเค..”
จิมหาทางออกเพื่อให้ทอมไม่เป็นฝ่ายผิดสัญญา และเพื่อให้ตัวเองไม่เป็นฝ่ายถูกปฏิเสธในคืนนี้ หากแต่ทางออกของเขายังแฝงความหวังที่อาจจะได้รับการตอบรับกลับมาด้วย
ทอมอึ้งไปก่อนจะย้อนคำพูดกลับมาโดยไม่หันมามองหน้า
“ถ้าฉันกลับเข้ามาแล้วนายยังไม่อาบน้ำ ถือว่าสัญญาที่ให้ไว้เมื่อกี้ยกเลิก”
จิมยืนตะลึงอยู่นาน รู้สึกตัวก็รีบวิ่งกลับไปที่ห้องทันที

…โอ! สวรรค์.. เขาไม่ได้หูฝาดใช่มั้ย ทอมยินดีจะเป็นของเขาเพียงแค่อาบน้ำให้เสร็จก่อนที่ทอมจะกลับเข้ามา...
จิมคว้าผ้าเช็ดตัวและชุดนอนวิ่งกลับมาอาบน้ำในห้องของทอม อาการตื่นเต้นของเขาตอนนี้เหมือนหนุ่มน้อยวัยรุ่นมีนัดเดทกับสาวเป็นครั้งแรก ยังไงยังงั้นเลย..

  :m3:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 08-02-2010 11:03:18
จิมนั่งสัปหงกจนรีโมททีวีร่วงลงกับพื้น เขาสะดุ้งตื่นก็รีบเหลียวมองดูเวลาก่อนจะหันไปดูรอบๆ ห้อง  ตาสว่างขึ้นมาทันที

ทอมหายออกจากห้องไปชั่วโมงกว่าแล้ว คงจงใจหลบไม่กลับเข้ามาภายในครึ่งชั่วโมง เพื่อจะได้ยกเลิกสัญญาที่ให้ไว้กับเขาซีนะ ถ้าตั้งใจแบบนั้นแล้วมาแกล้งหลอกให้เขามีความหวังทำไม  จิมคอตกรู้สึกสมเพชตัวเองเหลือเกิน ที่หลงดีใจได้ไม่นานก็ต้องผิดหวังอีก เป็นครั้งที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้…

 :m17:
   
ทอมสะดุ้งตื่นเมื่อถูกลำแขนเล็กป่ายมาพาดที่ลำตัว อดยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นใบหน้าเด็กชายในยามหลับสนิทช่างไร้เดียงสาเหมือนเด็กเล็กๆ ทอมนอนนิ่งอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเหลือบดูเวลาที่ผนังห้อง
…ตี 1 กว่าแล้วเหรอ เขาเผลอหลับไปได้ยังไง ตั้งใจจะเข้ามากู๊ดไนท์หน่อยเดียวเอง เพราะต้องรีบกลับไป…
ทอมใจหายวาบเมื่อนึกขึ้นได้ว่ามีนัดกับจิมที่ห้อง ค่อยๆ ขยับแขนเด็กชายออกและลุกขึ้นจากเตียง

ทอมกลับเข้ามาในห้องไม่พบจิม มีเพียงโน๊ต 1 แผ่นอยู่บนที่นอน
"ไม่ว่านายจะได้อ่านข้อความนี้ตอนไหน ขอให้ลืมคำขอของฉันในคืนที่ผ่านมาซะ ฉันจะถือสัญญาเดิมที่เคยให้ไว้กับนาย ไม่บังคับหรือขอร้องเรื่องนี้อีก แค่ขอให้ระลึกอยู่เสมอว่าหัวใจของนายมีฉันเป็นเจ้าของแล้วก็พอ รักมากที่สุด จิม... "

โน๊ตลงเวลา 5 ทุ่มครึ่ง จิมนั่งรอเขาถึง 2 ชั่วโมงครึ่งทั้งๆ ที่เขารับปากว่าจะกลับมาภายในครึ่งชั่วโมง แต่กลับเงียบหายไปเลย จิมคงไม่อยากรับรู้ว่าถูกเขาปฏิเสธจึงขอให้ลืมเรื่องทั้งหมดซะ

ทอมขยับลูกบิดก็พบว่าประตูล็อค ทำท่าจะเคาะแต่เปลี่ยนใจเดินกลับไปหยิบกุญแจมาไข 

บนเตียงนอนของจิมมีกระเป๋าเดินทางใบย่อม ของใช้ส่วนตัวและเสื้อผ้า 2-3 ชุดวางกองกันอยู่ ส่วนเจ้าตัวระเห็จไปนอนเหยียดยาวอยู่บนโซฟาในสภาพที่ทอมเห็นแล้วรู้สึกสงสารจับใจ นิตยสารที่เขาเป็นแบบขึ้นปกวางคว่ำอยู่ที่อก ในมือถือกระป๋องเบียร์ค้างอยู่ และอีก 1 กระป๋องยังไม่ได้เปิดวางอยู่ที่พื้นห้อง จิมคงดื่มแก้กระหายหรือคลายเครียดเท่านั้น เพราะถ้าดื่มจริงจะไม่เล่นแค่ 2 กระป๋องหรอก

ทอมอธิบายความรู้สึกตัวเองไม่ถูก ทำไมเขาต้องบ่ายเบี่ยงด้วยทั้งที่หัวใจต้องการ ทั้งๆ ที่คืนนี้ตั้งใจไว้แล้วด้วยซ้ำว่าจะบอกความในใจกับจิม ทั้งๆ ที่สิ่งที่เขาต้องการจะให้เป็นสิ่งเดียวกับที่จิมเอ่ยขอแท้ๆ แต่เขาก็ยังต่อรองและโยกโย้อีก ครั้งนี้จิมคงเสียใจและผิดหวังที่ถูกเขาปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนยอมยกธงขาวแล้ว

ทอมทรุดตัวลงกับพื้นข้างๆ ร่างสูงใหญ่ที่นอนเหยียดยาวอยู่ แม้สีหน้าจะไม่ได้หลับอย่างมีความสุขนัก แต่เสียงกรนเบาๆ ก็บอกให้รู้ว่าจิมหลับสนิทแล้ว

ทอมหยิบหนังสือและกระป๋องเบียร์ออกจากมือจิม ก่อนจะก้มลงจูบเบาๆ ที่ริมฝีปากอิ่มได้รูป กลิ่นแอลกอฮอลล์ยังกรุ่นอยู่เลย ทอมรู้สึกหวั่นไหวกับสัมผัสเพียงเบาๆ ที่ตัวเองเป็นฝ่ายแอบกระทำจนอยากได้รับสัมผัสตอบกลับมา เขาไม่กล้าปลุกในขณะที่อีกฝ่ายกำลังหลับสนิทอยู่อย่างนี้หรอก มีวิธีที่จะทำให้ตื่นโดยไม่ต้องปลุกมั้ยนะ…

ทอมซบศีรษะลงกับอกกว้างและสวมกอดร่างกำยำไว้  ..อา.. อุ่นจัง ทำไมคืนนี้อกหมอนี่ถึงอุ่นขนาดนี้นะ อุ่นจนไม่อยากให้จากไปไหนเลย ถ้าไปแล้วไม่กลับมาอีก หรือหายไปนานอย่างคราวที่แล้วจะทำยังไง..

จิมรู้สึกตัวจนได้ เขาไม่ได้สะดุ้งตื่นเพราะถูกปลุกแต่เพราะจู่ๆ ก็รู้สึกสะท้านที่อกขึ้นมาเฉยๆ เหมือนหนาว แต่แล้วก็ตาสว่างทันทีที่พบต้นเหตุของอาการสะท้าน ทอมซบศีรษะกับอกเขาสะอื้นเงียบโดยไม่มีเสียงร้องและน้ำตา

จิมใจหายวาบรีบขยับตัวขึ้นนั่งและรั้งทอมขึ้นมาสวมกอด ละล่ำละลักถามเป็นชุดด้วยความเป็นห่วง
"เป็นอะไรทอม.. ไม่สบายหรือเปล่า.. หรือว่าฝันร้าย หือ.. ดึกป่านนี้แล้วทำไมยังไม่นอน.."

ความห่วงใยของจิมยิ่งทำให้ทอมรู้สึกผิดมากขึ้นจนไม่สามารถอดกลั้นแสดงความเข้มแข็งได้อีก อยู่ต่อหน้าจิมทีไรเขาเหมือนน้องชายอายุ 10 ขวบที่ชอบร้องไห้งอแงกับพี่ชายหนุ่มน้อยวัย 18 ปี

จิมตกใจ เมื่อทอมซบศีรษะกับไหล่เขาปล่อยโฮออกมาพร้อมๆ กับถ้อยคำต่อว่าเป็นชุดเช่นกัน
"ทำไมหนีฉันกลับมานอนที่ห้อง จะปล่อยให้ฉันนอนคนเดียวทั้งๆ ที่พรุ่งนี้นายจะไปแล้วเหรอ.. จิมมี่คนบ้า..งี่เง่า บอกว่ารักฉัน บอกว่าต้องการฉัน โกหกทั้งเพ"

จิมตะลึงไปชั่วครู่ ก่อนจะกล่าวปลอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
"ฉันไม่ได้โกหกนะทอม.. ก็นายไม่อยู่นี่นา เล่นหลบไปนอนกอดลูก จะให้ฉันนอนกอดหมอนข้างของนายสู้กลับมานอนที่ห้องไม่ดีกว่าเหรอ.."
"ฉันไม่ได้หลบนะ ฉันเผลอหลับไปต่างหาก เพิ่งตื่นเมื่อกี้นี้เอง.."
"จริงเหรอ.." จิมลอบยิ้มในใจเพราะดีใจกับคำตอบที่ได้รับ แต่แสร้งย้อนถามเสียงเครียด   "นายรับปากฉันว่าจะกลับมาภายในครึ่งชั่วโมง แต่นายหายไปกว่า 4 ชั่วโมงเพราะว่าเผลอหลับงั้นเหรอ"
ทอมสะอื้นหนักขึ้นเมื่อถูกจิมย้ำความผิด
"ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้แกล้งหลับเพราะว่าจะหนีนายนะ ฉันเผลอหลับจริงๆ"
"โอเค.. ทอม.. ฉันไม่ได้ว่า แค่ถามดูเฉยๆ หยุดร้องเถอะนะ"
จิมจูบปลอบขวัญและซับน้ำตาให้ทอมจนหายจากอาการเสียใจ
"นายโกรธฉันหรือเปล่า จิม.."
จิมส่ายหน้าและยิ้มให้ แค่ได้รู้ว่าทอมไม่ได้ตั้งใจหลบ เขาก็ดีใจและมีความสุขเกินบรรยายแล้ว
"แต่นายก็เสียใจ.. คิดว่าฉันหลอกให้นายคอยใช่มั้ย แม็กกี้ชวนฉันนอนด้วย ฉันแค่จะนอนเป็นเพื่อนเท่านั้น ไม่รู้ว่าหลับไปตอนไหน ตื่นมาอีกทีก็ตีหนึ่งแล้ว… ฉันเสียใจจริงๆ นะ จิม.. ฉันจะไม่.."
จิมเอามือปิดปากเทพบุตรของเขาไว้
"พอแล้ว ไม่ต้องอธิบายแล้ว ถ้ารู้ว่าผิดก็ยอมรับโทษซะดีๆ "
คิ้วเรียวขมวดมุ่น เมื่อจิมปล่อยมือออกก็ยิงคำถามทันที
"โทษอะไร นายจะทำโทษฉันเหรอ"
จิมไม่ตอบผลักทอมนอนหงายลงบนโซฟาร์ และตามลงไปประกบริมฝีปากลงหนักๆ สอดลิ้นอุ่นเข้าไปซอกซอนหาความหอมหวานโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัว
"อือ...อืมม์.."
จิมถอนริมฝีปากออกและพึมพำเบาๆ
"อืมม์.. หวานจัง" เขามองใบหน้างามที่กำลังหายใจหอบอย่างแสนรัก ก่อนจะกดจมูกโด่งเป็นสันลงที่แก้มและสูดกลิ่นหอมเบาๆ "หอมจัง"
จิมฝังจมูกลงที่ซอกคอทันทีเมื่อเห็นเทพบุตรของเขายังนอนนิ่ง
"ดะ..เดี๋ยว…จะทำอะไร" ทอมใช้มือดันอกจิมไว้
"ลงโทษไง.." จิมพึมพำโดยไม่ยอมเงยหน้าขึ้นจากซอกคอและใบหู
"ด้วยการให้นายทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับฉัน.. เดี๋ยวนี้เลย.."
"ตะ..แต่ว่า.. นี่มันดึกมากๆ แล้วนะ.. พรุ่งนี้นายต้องออกแต่เช้าไม่ใช่เหรอ.."
จิมเงยหน้าขึ้นกล่าวด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์
"ช่างปะไร ฉันไม่ได้ขับเครื่องบินเองนี่ อย่าโยกโย้อีกเลยนะ ทอม.. ครั้งนี้อ้อนวอนยังไงฉันก็ไม่ปล่อย ต้องใช้กำลังบังคับ ฉันก็จะทำ"
จิมกล่าวจบก็ขยับทั้งตัวขึ้นมาทาบทับร่างบางกว่าที่อยู่ข้างใต้โดยไม่ออมแรง และฝังจมูกลงซุกไซ้ที่ซอกคอต่อทันที
"โอ๊ะ ! โอ๊ย !… หนักนะ จิมมี่.. ดะ..เดี๋ยวก่อน ไม่ใช่ตรงนี้.."
จิมชะงัก หัวใจพองโตด้วยความยินดี เงยหน้าขึ้นสบตาเทพบุตรสุดรัก
"แปลว่ายินยอมโดยดี ไม่ต้องให้ฉันใช้กำลังบังคับแล้วใช่มั้ย"
ทอมพยักหน้าด้วยอาการขัดเขิน เบือนหน้าหนีสายตาจิมที่จ้องมองเหมือนเห็นเขาเป็นขนมหวาน
จิมกระวีกระวาดลุกขึ้น ไม่กี่วินาทีต่อมาทอมก็มาอยู่บนเตียงนอนของจิมในท่าเดิมคือถูกร่างสูงใหญ่คร่อมทับไว้ทั้งตัว
"อือ.. หนักนะ.. เดี๋ยวก่อนซี จิม.." ทอมกล่าวเสียงสั่น "ฉันมีเรื่องอยากจะบอก…"
"ไม่ใช่ตอนนี้ นี่ไม่ใช่เวลาพูดคุยเรื่องอื่นแล้วทอม.." จิมซุกหน้าลงที่ลำคอขาว
"แต่เรื่องนี้มันเกี่ยวกับนายนะ ไม่อยากรู้เหรอว่าเรื่องอะไร" ทอมเสียงสั่นขนลุกซู่เมื่อถูกลมหายใจอุ่นเป่ารดซอกคอ ไม่ว่าจะเตรียมใจให้พร้อมยังไงก็ไม่เคยชินซะที
จิมชะงักการกระทำ เงยหน้าขึ้นพร้อมกับอาการถอนใจเบาๆ
"ก็ได้.. มีเรื่องอะไรก็ว่ามา หวังว่าคงไม่ใช้เวลานานเป็นชั่วโมงหรอกนะ แต่ถึงจะนานแค่ไหน ยังไงซะ คืนนี้นายไม่รอดพ้นฉันอยู่แล้ว ที่รัก.."
ทอมรู้สึกเย็นวาบเมื่อได้ยินคำพูดนี้ พยายามทำใจดีสู้เสือ
"เรื่องนี้ฉันตั้งใจจะบอกหลายวันแล้ว แต่ไม่กล้าบอก…"
"ใช่.. นายมีเรื่องอ้ำอึ้งกับฉัน มีอะไรก็รีบพูดมา ทอม.."
"ฉัน.. เอ่อ..ฉันตั้งใจจะบอกเรื่องนี้ก่อนที่นายจะกลับไปหามาเรีย อยากจะบอกนายว่า.. ฉัน…เอ่อ.."
ทอมมีอาการอึกอักและอ้ำอึ้งอีก จนจิมต้องหาวิธีแก้อาการดังกล่าวด้วยการประกบจูบอย่างดูดดื่ม ยาวนานจนอีกฝ่ายหายใจหอบจึงถอนริมฝีปากออก และกระซิบเบาๆ ข้างหู
"ฉันจะจูบไปเรื่อยๆ จนกว่านายพร้อมจะบอก.."
จิมทำท่าจะจูบต่ออย่างที่พูดแต่ถูกทอมเอามือปิดปากไว้ พร้อมกับเบือนหน้าหนี
"ฉันอยากจะบอกว่า.. ฉันพร้อมจะเป็นของนายแล้ว จิมมี่.."
จิมชะงักเลิกหยอกทันที ไม่อยากเชื่อหูตัวเองว่าจะได้ยินคำพูดนี้จากปาก ทอม
"ฉันอยากจะเป็นของนายก่อนที่นายจะกลับไปหาเธอ สิ่งที่ฉันต้องการจะบอกเป็นเรื่องเดียวกับที่นายขอฉันในคืนนี้"
จิมหันใบหน้าเทพบุตรแสนรักมาสบตาด้วย อยากรู้ว่าพูดจริงหรือหลอกให้เขาดีใจเล่นอีก แต่เพียงแว่บเดียวที่เห็นก็รู้แล้วว่าที่พูดมาไม่ใช่เรื่องล้อเล่น
"ในเมื่อความต้องการของเราตรงกัน ทำไมต้องปฏิเสธฉันด้วย"
"ฉันไม่ได้ปฏิเสธนะ แค่โยกโย้นิดหน่อยเอง.."
ทอมเสียงอ่อยเหมือนสำนึกผิด ยิ่งทำให้จิมรู้สึกรักใคร่และเอ็นดูเทพบุตรของเขามากขึ้น
"ถ้างั้นจะคอยอะไรอีกล่ะ มาช่วยกันทำให้ความต้องการของเราสมหวังกันเถอะนะ”
"เอ่อ.. ดะ...เดี๋ยวก่อนซี จิม.. หยุดก่อน.."
ทอมเอามือดันใบหน้าที่พยายามจะซุกไซ้ลงมา
"อะไรอีกอ่ะ ทำไมปัญหาเยอะจัง หือ.."
จิมพึมพำถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดและไม่หยุดตามคำขอด้วย สามารถซุกลงไปสูดดมความหอมที่แก้มเนียนจนได้
"ร….เราไม่ต้องรีบร้อนก็ได้… ถึงยังไงฉันก็…ตัดสินใจจะเป็นของนายแล้ว.. ฉัน…เปลี่ยนใจรอนายกลับมาก่อนดีกว่า… ฮา.."
ทอมผวาเฮือก เมื่อถูกมือใหญ่แทรกผ่านชุดนอนเข้าไปลูบไล้ที่แผ่นอกเบาๆ

จิมผละขึ้นมาจ้องมองเทพบุตรแสนรัก ไม่เข้าใจว่าจนถึงนาทีนี้แล้วจะโยกโย้และผลัดวันประกันพรุ่งไปทำไม แต่เพียงแค่เห็นสีหน้าและดวงตาก็เข้าใจเหตุผลจึงกล่าวปลอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

"มันไม่เหมือนกันนะ ทอม.. คืนนี้จะเป็นคืนที่มีความหมายสำหรับเรามาก เวลาที่ต้องอยู่ห่างและคิดถึงกัน แค่นึกถึงคืนนี้เราก็จะมีความสุขมากที่สุด อย่าลังเลอีกเลยทอม.. ฉันพร้อมจะเป็นของนายแล้วนะ ที่รัก.."

"ตะ..แต่ว่า.. ฉัน.. ฉันยังไม่พร้อมอ่ะ.." น้ำเสียงทอมสั่นเครือจนจิมต้องจูบผมนุ่มสีน้ำตาลบรอนซ์ปลอบประโลม
"ไม่พร้อมตรงไหน หือ.."
"ตรง.. เอ่อ.. ก็.." ทอมหาเหตุผลไม่ได้
"ว่าไง.." จิมยิ้มปลอบอย่างเข้าใจความรู้สึก หากแต่มือเริ่มปฏิบัติการปลดกระดุมเสื้อนอนของทอมออก นิ้วเรียวเขี่ยยอดอกเบาๆ
ทอมส่งเสียงครางสะท้าน ก่อนท้วงเสียงสั่น
"อือ... วะ~ ไว้วันหลังไม่ได้เหรอ~"
"ไม่ได้ นายต้องเป็นของฉันคืนนี้ ฉันรอวันนี้มานานแล้วนะทอม จะทรมานฉันไปถึงไหน ฉันจะไม่ขอให้นายเป็นของฉันก็ได้ ถ้านายบอกว่าไม่ได้รักฉัน.."
ทอมนอนนิ่งไม่สามารถพูดตามที่จิมบอกได้

 :-[
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: 1582 ที่ 08-02-2010 11:08:23
 :z1:   วันเผด็จศึก อิอิ   :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 08-02-2010 11:11:12
จิ้มพี่ปูทะลุไปหาเจ๊หมวย.... :z13:


เย้ๆๆๆจุดพลุฉลอง... :mc4: :mc4: ลุ้นมาตั้งนาน คราวนี้ของจริงแล้วใช้มั้ยคะ ฮ่าฮ่า :z1: :z1:


รอเจ๊หมวยมาต่อน๊าา....
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 08-02-2010 11:15:34
"เงียบแบบนี้แปลว่านายรักฉัน เพราะฉะนั้นคืนนี้นายต้องเป็นของฉันปฏิเสธไม่ได้แล้วนะ รู้มั้ย.."
"ไม่เห็นเกี่ยวสักหน่อย"
"เกี่ยวไม่เกี่ยวเดี๋ยวก็รู้.." จิมถอดกางเกงนอนของทอมโยนไปข้างเตียง
"ดะ..เดี๋ยวซี.. จิม..หยุด..หยุดก่อน ฉันกลัวอ่ะ~"
จิมหัวเราะ ในที่สุดเหตุผลของความไม่พร้อมก็หลุดปากออกมา
"คนที่จะต้องหยุดคือนายต่างหาก ทอม.. หยุดพูด หยุดร้องได้แล้ว~ ไม่ต้องกลัว ฉันจะอ่อนโยนที่สุดเลย คนดี.."
“ดะ..เดี๋ยวก่อนซี จิม~” ทอมยันหน้าอกกว้างออกกล่าวเสียงสั่น
“อะไรอีกล่ะ หือ..”
“ทะ.. ทำไมฉันต้องอยู่ข้างล่างตลอดเลยอ่ะ”
“หือ..” จิมเลิกคิ้ว ยิ้มอ่อนโยนแม้ในใจจะรู้สึกขำ
“นายอยากอยู่ข้างบนเหรอ ได้ซี..” จิมพลิกตัวลงบนที่นอน ชั่วอึดใจร่างบางกว่าก็เป็นฝ่ายคร่อมทับเขาไว้
ทอมหน้าแดง พยายามยันตัวขึ้นจากอกกว้างอีก แต่ถูกอ้อมแขนแกร่งรั้งไว้แน่น
“มะ.. ไม่ใช่.. ไม่ได้หมายความแบบนี้”
“ไม่ใช่แบบนี้แล้วแบบไหนล่ะ” คิ้วเข้มขมวดมุ่น ทำไมเทพบุตรของเขาถึงเจ้าปัญหานัก วันนี้จะได้เผด็จศึกมั้ยเนี่ย..
“เอ่อ.. คือ ฉ.. ฉันหมายถึง.. ทำไมนายต้องเป็นคนทำให้ทุกครั้งเลย แล้วทำไมฉันต้องเป็นฝ่ายรับด้วยอ่ะ~” เสียงใสสั่นเครือถามกล้าๆ กลัวๆ
จิมชะงักมือที่กำลังลูบไล้แผ่นหลังเปลือย นอนอึ้งไปชั่วครู่ ก่อนจะระบายยิ้มอ่อนโยน
“หมายความว่านายอยากเป็นคนทำบ้าง และต้องการให้ฉันรับใช่มั้ย ได้เลยที่รัก ถ้านายทำได้ก็ไม่มีปัญหา เชิญเลยจ้ะ..”

ทอมกลืนน้ำลายลงคอ เมื่อจิมเล่นนอนหลับตานิ่งปล่อยให้เขาเป็นฝ่ายเริ่มแต่โดยดี
..ทำไมยอมง่ายๆ แบบนี้ล่ะ.. แล้วทำไมเขาต้องมาทำเรื่องที่น่าอายแบบนี้ด้วย จะเริ่มยังไง.. เริ่มจากไหนก่อนดี.. คิดซะว่าหมอนี่เป็นผู้หญิงล่ะกัน...

ทอมมือสั่นขณะปลดกระดุมเสื้อนอนของอีกฝ่ายออก   ใบหน้าร้อนวูบเมื่อพบกับ   แผงอกหนาที่มีไรขนพองาม   ร่างกายของจิมกำยำสมส่วนอย่างนักกีฬา  กล้ามเนื้อแขนเป็นมัด  นี่ขนาดเพิ่งหายจากอาการบาดเจ็บยังแกร่งและบึกขนาดนี้   หุ่นทรมานใจสาวแบบนี้ใครเห็นก็คงน้ำลายหกอยากได้เป็นเจ้าของ...

...ไม่!!..ไม่ยอมนะ.. เขาต่างหากที่เป็นเจ้าของร่างกายกำยำนี้แต่เพียงคนเดียว ทั้งร่ายกายและหัวใจเลยด้วย...
ทอมหน้าแดงกับความคิดของตัวเอง ...บ้าจริงๆเลย แล้วนี่เขาจะเริ่มยังไง ผู้ชายจะเริ่มกับผู้ชายยังไง ทำไมจิมทำกับเขาได้ล่ะ ทั้งๆ ที่เขาก็เป็นผู้ชาย...

นิ้วเรียวไล้สัมผัสเบาๆบนโหนกแก้มและเปลือกตาที่หลับพริ้มของชายหนุ่ม ก่อนจะประทับจูบที่สันจมูกและริมฝีปากอิ่มเบาๆ ...ฉันรักตัวตนของนาย ทอม.. ไม่ว่านายจะเป็นหญิงหรือชาย นายคือคนที่ฉันรัก..

อา!!!.. จริงซีนะ.. ถ้อยคำหวานซึ้งที่จิมพร่ำบอกเขาตลอดมาคือคำตอบว่า ทำไมจิมถึงทำได้ แล้วเขาล่ะ.. เขาทำไม่ได้แปลว่าเขาไม่ได้รักจิมงั้นเหรอ.. ไม่..ไม่นะ.. รัก.. ฉันรักนาย จิมมี่..

ทอมขยับลงสวมกอดและซุกหน้าลงบนหมอนที่อีกฝ่ายนอนหนุนอยู่ น้ำเสียงอู้อี้ดังลอดออกมา แต่จิมได้ยินถนัดเพราะมันดังอยู่ข้างๆ หูเขา
“ฉันทำไม่ได้อ่ะจิม.. ไม่รู้จะเริ่มยังไง แต่ฉันรักนายนะ อยากเป็นของนายด้วย”
จิมลืมตาขึ้น แอบขำในใจอยู่หลายนาที แต่ได้ยินสองประโยคสุดท้ายแล้วขำไม่ออก รีบโอบกอดเทพบุตรแสนรักไว้อย่างปลอบประโลม
“ฉันก็รักนาย อยากเป็นของนาย ในเมื่อใจเราตรงกัน อยากเป็นของกันและกัน ยังจะห่วงว่าใครต้องเป็นฝ่ายไหนอีกทำไม พระเจ้าสร้างและกำหนดทุกอย่างบนโลกให้เป็นไปอย่างมีเหตุผลเสมอ ชายหนุ่มต้องดูแลและปกป้องหญิงสาว… พี่ต้องดูแลน้อง… คนแข็งแรงต้องปกป้องคนที่อ่อนแอกว่า…"
"แต่ฉันไม่ใช่ผู้หญิงนี่" น้ำเสียงอู้อี้ย้อนกลับมาโดยไม่ยอมผละขึ้นจากหมอน ยังนอนสวมกอดจิมอยู่ในท่าเดิม  (เป็นท่าที่ล่อแหลมมากๆ )
"ฉันก็ไมใช่ผู้หญิง เราต่างเป็นชาย แต่ระหว่างฉันกับนายใครแข็งแรงกว่า และใครสวยงามกว่า หือ.. พระเจ้าสร้างนายขึ้นมาเพื่อให้ฉันคอยดูแลและปกป้อง เข้าใจหรือยัง ทอม.. มีปัญหาคาใจอะไรอีกถามๆ มาให้หมด เพราะหลังจากนี้นายจะไม่มีโอกาสได้พูดแล้ว นอกจากส่งเสียงร้องครางอย่างเดียว ได้ยินมั้ย หือ.."
จิมกระซิบแผ่วเบาและอ่อนโยน ขณะที่มือแกร่งไล้เบาๆ บนแผ่นหลังเนียนก่อนจะหยุดที่สะโพกมนและบีบเคล้นเบาๆ

เงียบ!!!! ไม่มีคำถามใดๆ อีกนอกจากอาการสะท้านของร่างบางที่ทาบทับเขาอยู่ จิมซ่อนยิ้มในสีหน้าเมื่อรับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงของอีกฝ่าย อา!!! ร่างกายนายพร้อมแล้วนะ ทอม.. ยังจะอิดออด โอ้เอ้อะไรอยู่อีก

จิมพลิกร่างเทพบุตรแสนรักลงบนที่นอน ตกตะลึงเมื่อเห็นดวงตาสีน้ำตาลฉายแววเร่าร้อนด้วยอารมณ์ปรารถนา ใบหน้างามแดงเรื่อจ้องมองเขาอย่างเรียกร้อง…โหยหาที่จะได้สัมผัส ริมฝีปากบางเผยอขึ้นและหลุดคำพูดที่ทำให้เขาแทบหยุดหายใจ

"ทำให้ฉันเป็นของนายที จิมมี่.. ฉันอยากเป็นของนาย.. ทั้งร่างกายและหัวใจ"  

ร่างเปลือยงามสมส่วนทุกกระเบียดนิ้ว บิดตัวเล็กน้อยเหมือนกับจะยั่วเย้าและเร่งให้เขาทำตามที่ขอเร็วๆ
…โอ! พระเจ้า จิมไม่สามารถอดกลั้นทำตัวเป็นสุภาพบุรุษต่อไปได้ ความปรารถนาที่คุกรุ่นอยู่ภายใน และรอที่จะได้ปลดปล่อยในร่างกายของเทพบุตรแสนรักมาตลอด วันนี้โอกาสนั้นมาถึงแล้ว!!!…

"ได้เลยที่รัก.. เราจะเป็นของกันและกันเดี๋ยวนี้เลย"

จิมถอดชุดนอนออกโดยใช้เวลาแค่คำพูด 2 ประโยค ร่างเปลือยสูงใหญ่เบียดกระแซะเข้าหาร่างบางกว่า ริมฝีปากร้อนผ่าวประทับลงบนเรียวปากนุ่มอีกครั้ง

ทอมครางแผ่วในลำคอเมื่อถูกปลายนิ้วเรียวของอีกฝ่ายไล้ที่ต้นขาเบาๆ ก่อนจะเลื่อนมาเกาะกุมส่วนอ่อนไหวของร่างกายที่อยู่ในสภาพตื่นตัวของเขาและเคลื่อนไหวเบาๆ ทอมสะท้านไปทั่วร่าง ทั้ง ๆ ที่กลัวแต่ความต้องการกลับมากขึ้นจนรู้สึกว่าสัมผัสที่ได้รับเพียงเท่านี้ยังไม่พอ สองแขนยกขึ้นโอบกอดร่างสูงใหญ่ไว้และเบียดร่างกายตัวเองเข้าไปแนบชิดมากขึ้น

จิมระบายยิ้มเมื่อถูกร่างบางกระแซะเข้าหา อยากจะคิดว่าตัวเองฝันไปไม่อยากเชื่อและนึกไม่ถึงเลยว่า บทจะยินยอม เทพบุตรแสนรักของเขาก็มีท่าทีเหมือนเป็นฝ่ายเสนอ ใบหน้างามแดงเรื่อ  ช่างมีเสน่ห์เย้ายวนจนจิมต้องไล่จูบฝังรอยตั้งแต่ซอกคอขาวลงมาที่แผ่นอก ลิ้นอุ่นไล้วนที่ปลายยอดอกสีชมพูเข้ม ทำเอาร่างในอ้อมแขนอ่อนระทวย แผ่นหลังและบั้นท้ายไหวขึ้นลงเพราะความเสียวซ่าน จิมเคลื่อนไหวมือเร็วขึ้นจนกระทั่งของเหลวสีขาวขุ่นไหลเล็ดออกมาจากส่วนปลาย รู้สึกกระหายจนอดไม่ได้ต้องจรดริมฝีปากลงไปสัมผัสและวนลิ้นไล้เลียไปรอบๆ ก่อนจะเข้าครอบครองทั้งหมดและขยับขึ้นลงช้าๆ เสียงครางเครือดังลอดผ่านริมฝีปากบางสวยอย่างกลั้นไม่อยู่

ฝ่ามือใหญ่แตะท่อนขาเรียวเบาๆ ซึ่งทุกครั้งที่ผ่านมาจะถูกขืนไว้ แสดงถึงความไม่พร้อมและปิดกั้นไม่ให้จิมมีอะไรเกินเลยมากไปกว่านี้ นี่เป็นครั้งแรกที่มันถูกแยกออกด้วยความเต็มใจจากเจ้าตัวโดยที่เขาไม่ได้ออกแรงเลยสักนิด แสดงถึงความพร้อมเสียยิ่งกว่าพร้อมของร่างโปร่งบางที่อยู่ข้างใต้ จิมไล้ปลายนิ้วเรียวที่ชื้นด้วยอารมณ์ปรารถนาของเทพบุตรเข้าไปในร่องสะโพกและขยับวนไปมาเบาๆ ก่อนจะแทรกสอดเข้าไปภายในช้าๆ ในจังหวะเดียวกับที่ลิ้นอุ่นๆ พยายามโลมเร้าส่วนอ่อนไหวที่แข็งแกร่งอย่างดูดดื่ม เ   สียงครางและเสียงหอบหายใจของทอมรุนแรงขึ้น   ร่างกายสะท้านและเคลื่อนไหวตอบรับจังหวะที่มอบให้จนจิมต้องเร่งสัมผัสที่ปลายนิ้วในจังหวะที่เร่าร้อนตามไปด้วย

ร่างกายทอมกระตุกและสั่นระริกเสียงครางดังไม่ได้ศัพท์ เทพบุตรของเขาใกล้จะถึงจุดหมายแล้ว ทำให้จิมยิ่งดูดดื่มความแข็งแกร่งและเร่งสอดแทรกปลายนิ้วให้เร็วขึ้น

"อ๊า !!! จิมมี่.. มะ..ไม่ไหวแล้ว…อาาาาา…"
เสียงใสร้องครางเมื่อร่างกายได้รับการปลดปล่อย ของเหลวอุ่นพุ่งวาบเข้าในลำคอ จิมกลืนกินความหอมหวานลงไปและยังดูดดื่มที่ท่อนลำต่อจนร่างของทอมสั่นระริกเพราะความเสียวซ่านถึงขีดสุด

"พะ.. พอ.. พออออ.. หยุด..อ๊าาา" ร่างเพรียวบิดตัวหนี จิมจึงถอนริมฝีปากและนิ้วออกอย่างช้าๆ ด้วยความเสียดาย
จิมขยับตัวขึ้นประทับจูบที่หน้าผากชื้นเหงื่อ ก่อนจะลงมาประกบริมฝีปากบางสวยทั้งๆ ที่อีกฝ่ายยังเหนื่อยหอบอยู่ จึงถูกสองมือที่ยังมีอาการสั่นเล็กน้อยดันตัวออก
"อย่าเพิ่ง… ฉันเหนื่อย.."

จิมยิ้มอ่อนโยนรู้ว่าอีกฝ่ายเหนื่อยจริงเพราะเสียงยังหอบอยู่ อาการผลักไสหลังเสร็จกิจแบบนี้เหมือนกับทุกครั้งที่ผ่านมาเลย แต่ทุกครั้งทอมจะพูดตัดบทว่า "ไม่เอาแล้วจิมมี่.. ฉันเหนื่อย.. จะนอน.."

ทอมพลิกตัวนอนตะแคงหันหลังให้ไม่กล้ามองหน้าด้วยเพราะอาย เป็นครั้งแรกที่ยินยอมให้สิ่งแปลกปลอมเข้ามาในร่างกายถึงจะเป็นแค่นิ้วก็เถอะ…

จิมรีบขยับเข้าไปสวมกอดเอาใจ ริมฝีปากอุ่นกดจูบที่ไหล่ขาวเนียน
"เหนื่อยเหรอ.. ยังไม่จบนะที่รัก.."
"…………………."
"มีความสุขหรือเปล่าทอม.. รู้สึกดีมั้ย.. หือ.."
"…………………."
"อยากจะนอนแล้วเหรอ.."

เงียบ!!! ไม่มีคำตอบ

จิมใจเสียเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกเสียใจ ถ้าหากคืนนี้จะต้องพลาดการเผด็จศึกอีกครั้งจริงๆ เขาหัวเราะเบาๆ ปลอบใจตัวเองก่อนจะขยับผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างให้เทพบุตรแสนรัก
"ดึกมากแล้ว ถ้าง่วงก็นอนพักผ่อนเถอะนะ" จิมกระซิบแผ่วเบาข้างหู กดจูบหนักๆ ที่ต้นคอขาว 1 ครั้งก่อนจะพลิกตัวลงนอนหงาย
ทอมหันขวับตามร่างสูงใหญ่ที่ผละออกไป ริมฝีปากบางขบกันแน่นเหมือนพยายามจะระงับความรู้สึกบางอย่าง ก่อนจะพลิกตัวกลับมาซุกหน้ากับไหล่กว้างพร้อมเสียงกระซิบอุบอิบ
"………………………."
จิมเลิกคิ้วเพราะฟังไม่รู้เรื่อง
"หืมม์.. ว่าไงนะ"
"………………………."
จิมซ่อนยิ้มในสีหน้าหัวใจพองโตจนแทบจะระเบิด แม้จะพอจับความได้แต่อยากได้ยินให้ชัดสองหูอีกครั้ง
"พูดดังๆ ซี ฟังไม่รู้เรื่องเลย.."
ทอมเงยหน้าขึ้นกระซิบใส่หูจิม ก่อนจะพลิกตัวหันหลังให้เพราะเขินอายสุดชีวิต
"ฉันยังไม่ได้เป็นของนายเลย จะนอนได้ไง"
จิมหันไปสวมกอดเทพบุตรสุดรักและกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนจากใจจริง
"รักนะทอม.. รักมากที่สุดเลย ขอโทษที่เอาแต่ใจ แต่มันดึกมากแล้วจริงๆ ถ้าง่วงก็นอนเถอะ ยังมีเวลาอีกเยอะสำหรับเรา อย่างที่นายบอก ไว้รอฉันกลับมาก่อนก็ได้.."

อารมณ์เขินอายหายเป็นปลิดทิ้ง คิ้วเรียวขมวดมุ่นริมฝีปากบางขบกันอย่างแรงจนห้อเลือดด้วยความผิดหวัง รู้สึกขุ่นเคืองและน้อยใจกับคำพูดของอีกฝ่าย อยากจะโกรธและต่อว่าด้วยอารมณ์อย่างที่เคยทำทุกครั้ง แต่นอกจากจะดึกมากแล้วความรู้สึกขณะนี้อยากจะร้องไห้มากกว่า

"ตามใจ" คำตอบรับสั้นและแผ่วเบา ทำให้จิมจับความผิดปกติในน้ำเสียงไม่ได้ สวมกอดร่างในอ้อมแขนแน่นขึ้นและจูบแผ่วเบาที่เส้นผมนุ่ม
"ถ้างั้นก็นอนเถอะนะ ดึกมากแล้ว กู๊ดไนท์เบบี๋.. หลับฝันดีนะ"

จิมหลับตาลงอย่างเป็นสุข ไม่รู้สึกเสียใจเลยที่ไม่ได้มีเซ็กซ์กับทอมจนถึงขั้นสุดท้ายตามที่ตั้งใจไว้ เพราะคืนนี้ทอมไม่ได้เปิดใจยอมรับเขาด้วยคำพูดเท่านั้น แต่ด้วยความพร้อมของร่างกายและหัวใจ ร่างกายที่งดงามของเทพบุตรแสนรักวันนี้นอกจากจะร้อนรุ่มและมีเสน่ห์ยั่วยวนอย่างประหลาดแล้ว ยังเปิดรับและสนองตอบอย่างเร่าร้อนด้วย สีหน้าที่เต็มไปด้วยอารมณ์ปรารถนาเมื่อครู่ยังติดตาเขาอยู่เลย อา!!!!.. ทอม.. คืนนี้นายน่ารักเหลือเกิน น่ารักจนฉันไม่อยากจากไปไหน อยากนอนกอดแบบนี้ทุกคืน ทุกวัน ทุกนาทีเลย…

ทอมนอนลืมตานิ่งอธิบายความรู้สึกตัวเองไม่ถูก อ้อมแขนแกร่งที่กอดรัดเขาแน่นอยู่ค่อยๆ ผ่อนแรงคลายลง ลมหายใจเป็นจังหวะสม่ำเสมอ บอกให้รู้ว่าจิมเข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้ว ให้ตายเถอะ!…ไม่อยากเชื่อเลยว่าจิมยอมเขาเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา แค่เขาบอกว่าเหนื่อยและทำท่าอยากจะนอนจิมก็จะไม่แตะต้องเขาอีก

…แต่วันนี้ไม่เหมือนกับทุกวันที่ผ่านมานี่นา… ก็ฉันรับปากแล้วว่าจะยอมเป็นของนาย ฉันแค่เหนื่อยอยากขอพักแป๊บเดียวเท่านั้น ทำไมนายไม่ตื้อวะ จิมมี่.. ไอ้บ้า.. ไอ้งี่เง่า.. คนหลอกลวง.. ดี!!! ไม่อยากได้ก็ดี…

ในที่สุดทอมก็ตามเข้าสู่ภวังค์ทั้งที่ยังค้างคาความหงุดหงิดไว้ในใจ..

 :serius2:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 08-02-2010 11:30:34
แงงงงงงงงงงงงงงงงงงง เจ๊หมวยอ่ะ :o12: :o12: 

นึกว่าจิมจะได้เผด็จศึกทอมแล้วซะอีก...... :serius2:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: booboos ที่ 08-02-2010 12:20:03
จิมอ่ะไม่ได้ดั่งใจทอมเลยอ่ะ 555
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 08-02-2010 12:39:51
แอรยสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส

อะไรกันเนี้ยะ

 :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 08-02-2010 18:40:47
เจ้ หมวย ย ย ย

มาหลอก ให้ อยาก แล้ว ก็จากไป    :serius2:

 :angry2:

หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: จุ๊บจิ๊บจ๊ะจ๋า ที่ 08-02-2010 18:58:13
เจ๊หมวยอ่ะ


ทำร้ายจิตใจคนอ่านอีกแล้วนะ


ค้างอ่ะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :angry2:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: kungyung ที่ 08-02-2010 20:46:48
 :angry2:เจ้ใจร้ายอ่ะ
อุตส่าห์ลุ้นซะแทบตายอ่ะ ว่ายังงัยๆตอนนี้ทอมต้องเสร็จจิมแน่ๆเลยอ่ะ
แต่ไหนมันถึงได้เป็นเยี่ยงงงงงงงงงงงงนี้ได้ล่ะ
โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยย!!!! :a6: :a6: :a6:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: jjuboy ที่ 08-02-2010 21:31:49
แอ๊..................................ค้างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง :o12: :angry2:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 08-02-2010 21:35:22
อาไรกันค้า~~
โหวกเหวกกันใหญ่โตเลยนะ  ใจคออยากจะให้นายเอกทอม เสร็จพระเอกจิม เหลือเกิ้น~
เสร็จเร็วก็จบเร็วซีค้า~ ใจเย็นๆ ค่ะ พี่ๆ น้องๆ   :เฮ้อ:

คืองี้นะคะ  เจ๊หมวยไม่ค่อยถนัดฉากรักเท่าไร   :o8:  พอเขียนได้กล้อมแกล้ม ถึงเวลาฉากจั๊กกะดึ๋ยมาแล้ว
ห้ามติติงนะ

ที่เล้านี้ลงฉากได้ถึงขนาดไหนกันคะ (ไม่ค่อยถนัดเขียน  แต่อยากถามเป็นความรู้)    NC-17  แปลว่า ตำกว่า 17 ห้ามอ่านใช่หรือไม่  แล้วมีมาตรฐานอย่างไรถึงจะกำหนดว่าฉากขนาดนี้ ต้อง NC เท่าไร  เจ๊หมวยคิดว่ายิ่งเขียนเตือน อายุ 10-16 ก็จะพากันเข้ามาอ่าน   ถึงเวลาลงก็ลงไปเลยดีกว่ามั้ย  ไม่ต้องเตือน  หรือต้อง

แหะ ๆ  ชวนคุยเล่น  

เดี๋ยวต่อให้อีกหน่อย  รอเดี๋ยวนะ  :z2:

หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: nithiwz ที่ 08-02-2010 21:42:43
เมื่อไหร่จะเป็นของกันและกันสักที ตอนนี้ NC เหมือนน่ะเนี่ยะ เหอะๆๆๆๆ
ไม่รู้จะเป็นไงต่อไป  อวยให้รักกันไว้ เหอะๆๆ
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 08-02-2010 21:55:04
LOVE YOU ONLY  6..

ร่างสูงใหญ่ในชุดเสื้อคลุมก้าวออกจากห้องน้ำเดินมานั่งที่ขอบเตียง แสงแดดอ่อนๆในยามเช้าแทรกผ่านเข้ามาทำให้มองเห็นใบหน้าของเทพบุตรแสนรักได้ถนัดชัดเจนยิ่งขึ้น ร่างสง่างามสมส่วนที่เขากอดไว้แนบแน่นทั้งคืน มีผ้าห่มเนื้อนุ่มคลุมร่างไว้เพียงช่วงอก เทพบุตรของเขายังหลับสนิทอยู่ ขนตาสีน้ำตาลเป็นแพทาบบนผิวแก้มเนียนนุ่ม ทอมเป็นผู้ชายที่มีสุขภาพผิวดีโดยกำเนิด จึงไม่แปลกเลยที่จะงดงามราวเทพบุตรเวลาเดินแบบหรือขึ้นปกนิตยสาร แม้หลายเดือนที่ผ่านมาทอมจะเลิกใส่ใจดูแลผิวพรรณเหมือนเมื่อก่อนแล้ว แต่ความงามก็ยังไม่เสื่อมคลาย ใบหน้าของทอมจึงไม่เหมาะอย่างมากกับการไว้หนวดเครา วันแรกที่กลับมาเห็นจิมแทบช็อคกับสภาพของคนรัก เพราะที่ผ่านมาแค่เคราเขียวๆ ก็จะถูกเขาจับโกนทันที

สายตาของจิมละเรื่อยลงมาที่ซอกคอและเนินไหล่ขาวที่มีรอยแดงเป็นจ้ำประปรายด้วยความรักของเขา จิมก้มลงประทับรอยจูบซ้ำที่ต้นคอและไหล่เบาๆ
"อือ.."
"ตื่นแล้วเหรอ.." จิมเงยหน้าขึ้น

ทอมกระพริบตาถี่ๆเพื่อปรับสายตาให้เข้ากับแสงสว่าง นอนงงอยู่ชั่วครู่ก่อนจะลุกพรวดขึ้นนั่ง เพราะสัมผัสที่ได้รับทำให้อารมณ์ที่ค้างคาอยู่ (อารมณ์โกรธ)คืนกลับมา จิมเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจกึ่งเอ็นดูเมื่อเทพบุตรสุดรักลุกขึ้นมานั่งหน้ามุ่ยผมเผ้ากระเซิง สีหน้าไม่ค่อยจอยเท่าไรนัก ขยับเข้าไปจะจูบรับอรุณก็ถูกผลักออกและตะวาดไล่

"ไม่นะ!! อย่ามาแตะต้อง"
"เอ๋?.. เป็นอะไรอ่ะ ที่รัก.. หัวเสียเรื่องอะไร" จิมถามอย่างใจเย็น น้ำเสียงอ่อนโยนของเขาทำให้ทอมอ่อนเสียงลง
"ไม่ได้เป็นไร.. หยิบเสื้อคลุมให้หน่อย ฉันจะกลับห้อง"
"จะรีบกลับไปไหน ถ้าอยากจะอาบน้ำ อาบทีนี่ก็ได้"
"ไม่.. ฉันจะกลับห้อง หยิบเสื้อให้หน่อยย.." น้ำเสียงกระแทกใส่อย่างเอาแต่ใจ
จิมถอนใจเฮือกไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งที่เมื่อคืนสุดแสนจะน่ารัก ไหงตื่นขึ้นมาอารมณ์บูดได้ล่ะ นอกจากจะไม่หยิบเสื้อให้แล้ว จิมยังตีหน้าเครียดเสียงแข็งใส่บ้าง
“เป็นอะไร ทอม.. ฮึ !.. อยู่ดีๆ ก็หัวเสีย ไม่พอใจเรื่องอะไรก็บอกซี”
ทอมก้มหน้านิ่งไม่มีคำตอบให้ จิมจึงตะล่อมถามด้วยน้ำเสียงอ่อนลง
“ไม่สบายใจหรือไม่พอใจอะไรใช่มั้ย เรื่องที่ฉันจะกลับไปบ้านหรือเปล่า ถ้ายังไม่พร้อมจะให้ฉันไป ฉันยังไม่กลับก็ได้”
“ฉันพร้อมแล้ว” น้ำเสียงแผ่วเบาทั้งที่ยังก้มหน้า ทำให้จิมต้องเงยใบหน้างามขึ้น ใจหายเมื่อเห็นน้ำใสเอ่อคลอดวงตาคู่สวย
“พร้อม ? แล้วร้องไห้ทำไมล่ะ หือ..”
ริมฝีปากบางขบกันแน่นอย่างชั่งใจก่อนจะตอบคำถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ฉันพร้อมจะเป็นของนายมาตั้งหลายวันแล้ว ฉันอยากเป็นของนายก่อนที่นายจะกลับไป แต่ฉันไม่กล้าพูด จนถึงเมื่อคืนนี้ถ้าไม่ใช่เพราะนายเซ้าซี้ขอ.. ฉันก็ยังไม่กล้าพูด แต่ในที่สุดฉันก็พูดออกมาได้แล้ว ถึงเวลานายกลับไม่ใสใจคำพูดของฉัน ไล่ให้ฉันนอนทั้งที่ฉันยังไม่ได้เป็นของนาย นายไม่ได้สนใจความต้องการของฉัน นายมันสับปลับ ไม่รักษาคำพูด คนบ้า งี่เง่า คนโกหก หลอกลวง ฉันเกลียด..”  

ริมฝีปากบางถูกประกบจูบก่อนที่คำพูดสุดท้ายจะหลุดออกมา จิมเสียใจกับการกระทำของตัวเองอย่างมาก เขาเห็นทอมอยู่ในสภาพเหนื่อยหอบ และเวลาขณะนั้นก็ดึกมากแล้ว คิดว่าทอมคงอยากจะหลับเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา จึงออกปากให้ทอมพักผ่อน และการถูกปฏิเสธขั้นสุดท้ายมาโดยตลอด ทำให้เขาไม่มั่นใจว่าทอมตั้งใจจะเป็นของเขาจริง เขาทำให้ทอมเสียใจกับเรื่องนี้ได้ยังไง ทั้งๆ ที่เขาเป็นฝ่ายอยากได้... อยากเป็นหนึ่งเดียวกับร่างกายนี้มาตลอด

จิมถอนริมฝีปากออกและพรมจูบไปทั่วใบหน้างามพร้อมกับกระซิบขอโทษไปด้วย
“ฉันขอโทษที่ทำให้นายเสียใจ ฉันสมควรถูกโกรธ แต่ได้โปรดอย่าเกลียดฉันเลยนะ ทอม..”
“ฉันไม่เกลียดก็ได้ แต่ต้องทำให้ฉันเป็นของนายก่อน ตอนนี้เลย..”
จิมอ้าปากค้าง ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะได้ยินคำพูดประโยคนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจากปากเทพบุตรแสนรัก เขายิ้มหวานให้…ในใจลิงโลดด้วยความยินดีสุดชีวิต
“ได้เลยที่รัก.. แต่ขอเวลาให้ฉันโทรยกเลิก flight ก่อนนะ”
"ยกทำไม"
"ก็.." สายตาเจ้าเล่ห์พร้อมรอยยิ้มหวานเยิ้มแทบจะหยด " ฉันไม่อยากให้มีเวลามาจำกัด จะเปิดซิงให้ได้รสชาดต้องค่อยๆ ละเมียดละไมซีจ๊ะ .. รีบร้อนได้ไง… หรือว่านายต้องการแบบรุกเร็วจบเร็ว.. "
ใบหน้างามแดงจัดทั้งโกรธและอายที่อีกฝ่ายเอาความรู้สึกของเขามาล้อเล่น
"อ.. ไอ้บ้า.. ไปให้พ้นเลย ฉันไม่ต้องการนายแล้ว"
ทอมผลักจิมออกด้วยกำลังที่มีอยู่ทั้งหมด แต่ก็ยังสู้แรงไม่ได้
"ปล่อยนะ ! "
"ไม่ปล่อย !.. อย่าขี้โมโหเป็นเด็กๆ ได้มั้ย ใครจะทำใจจากไปได้ล่ะ ถ้าให้มีอะไรด้วยตอนนี้ บอกได้เลยว่าทั้งฉันและนายจะไม่อยากลุกจากเตียงจนถึงมื้อเย็นเลย โดยเฉพาะนาย ที่รัก.."
ทอมหยุดดิ้น ถามน้ำเสียงแผ่ว
"ทะ ทำไม.."
จิมแสร้งตีสีหน้าละห้อย
"ก็.. ใครจะใจไม้ไส้ระกำจากไป.. ปล่อยให้สุดที่รักนอนเจ็บหมดแรงอยู่บนเตียงคนเดียวล่ะ"
ทอมอ้าปากค้างสีหน้าตื่น จิมรีบปลอบด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะก่อนที่กระต่ายน้อยจะเปลี่ยนความตั้งใจวิ่งหนีไปจากอ้อมอกราชสีห์
"ล้อเล่นน่ะทอม.. ฉันทำใจจากไปไม่ได้เพราะอยากนอนกอดนายนานๆ ทั้งวันทั้งคืนเลยโดยเฉพาะครั้งแรกของเรา นายเองก็คงไม่อยากให้ฉันลุกจากไปทันทีหรอกใช่มั้ย เพราะฉะนั้นเลือกเอาระหว่างให้ฉันยกเลิกการเดินทางวันนี้ไปก่อน และใช้เวลาอยู่กับนายทั้งวัน หรือไม่ก็…"
"นายต้องไป" เสียงใสขัดขึ้นก่อนที่อีกฝ่ายจะพูดจบ เริ่มรู้สึกละอายกับความต้องการของตัวเอง   "ขอแค่นายอย่าลืมว่ามีฉันอยู่ที่นี่ ห้ามไปนานจนลืมแบบครั้งที่แล้วก็พอ.."
"โอ! ทอม.." จิมสวมกอดเทพบุตรสุดรักไว้แน่น รู้เหตุผลแล้วว่าทำไมทอมจึงอยากเป็นของเขาก่อนที่เขาจะไป
“ฉันไม่มีวันลืมนาย ที่รัก.. หัวใจของฉันเป็นของนายคนเดียว แล้วก็จริงอย่างที่นายพูด ในเมื่อหัวใจของเราเป็นของกันและกันแล้ว ยังจะห่วงอะไรกับร่างกายอีก”
ทอมผละออกเมื่อจิมเอาคำพูดของเขามาย้อน อ้าปากจะโวยก็ถูกขัดคอ
“แต่จะว่าไปนายเป็นของฉันทั้งตัวแล้วนะ ไม่รู้หรอกเหรอ..” ใบหน้าคมเข้มยิ้มเจ้าเล่ห์ สายตากวาดลงต่ำทำให้ทอมต้องก้มมองตาม ใจหายวาบใบหน้าแดงซ่าน รีบดึงผ้าห่มที่กองอยู่ที่เอวขึ้นมาคลุม
“อ๊ะ..! อย่ามองนะ ทำไมมีรอยเยอะขนาดนี้เนี่ย บ้าที่สุดเลย....”
“เห็นมั้ยล่ะ ว่านายเป็นของฉันทั้งตัวแล้ว” จิมหัวเราะชอบใจ
“เชอะ ! เดี๋ยวก็หาย ไม่เห็นมีความหมายอะไร” ทอมเบะปากใส่
คิ้วเข้าขมวดมุ่น
“พูดจริงรึเปล่า.. สัมผัสที่ฉันมอบให้เมื่อคืนไมได้ทำให้นายมีความสุข.. และไม่มีความหมายเลยงั้นเหรอ... ถ้าเป็นแบบนี้ถึงเป็นของกันและกันแล้ว ก็ไม่มีความหมายอะไรด้วยงั้นซี..”
ทอมก้มหน้างุด ไม่ตอบเพราะรู้สึกผิดและอายกับคำถาม
จิมซ่อนยิ้มในสีหน้า ต้องดัดนิสัยปากไม่ตรงกับใจของทอมให้ได้ เขาผละไปที่ตู้เสื้อผ้าและกล่าวอย่างไม่ใสใจ
“ก็ได้... ในเมื่อนายไม่เห็นความสำคัญกับเรื่องนี้ ฉันก็จะถือว่ายังไม่เคยได้สัมผัสนายเลยสักครั้ง ดีเหมือนกัน.. จากกันสองอาทิตย์ ฉันจะได้ไม่ต้องคอยห่วงหาและคิดถึงนาย”
จิมแต่งตัวไปด้วยขณะพูดและไม่ได้หันมามอง จึงไม่เห็นว่าอีกฝ่ายหน้าเสียกับท่าทีและคำพูดของเขาขนาดไหน
"หมายความว่าไง ไม่คิดถึงฉันแล้วคิดถึงใคร มาเรียเหรอ.." ทอมแข็งใจถามด้วยน้ำเสียงแหบพร่า
"งั้นมั้ง" จิมแกล้งกระเซ้าเล่นเพราะยังไม่เห็นสีหน้าของคนรัก

เงียบ !!!!..

ไม่มีเสียงโวยวายหรือคำถามซักกลับมาอีก จิมกำลังง่วนอยู่กับการผูกไทด์จึงไม่รู้สึกผิดสังเกต เมื่ออยู่ในสภาพดูดีเรียบร้อยแล้วก็หันกลับมายิ้มให้แต่นอกจากจะยิ้มไม่ออกแล้ว ยังใจหายวาบเมื่อเห็นเทพบุตรแสนรักนั่งกอดเข่าซุกหน้าอยู่ในสภาพที่รู้ทันทีว่าเขาคือต้นเหตุ นึกโกรธตัวเองที่ล้อเล่นโดยไม่เลือกเวลา

"โอ! ทอม.. ฉันล้อเล่น…ขอโทษนะ...น้าาา.."
จิมถลาเข้าไปสวมกอดก็ถูกผลักออก
"ไปให้พ้น รีบไปหามาเรียของนายเลย"
"ไม่เอาน่า ทอม.. ฉันล้อเล่นเท่านั้น อย่าโกรธนะ ฉันขอโทษ.."
จิมกุมมือทอมไว้แต่ถูกสะบัดออกและกำหมัดแน่นทำท่าเหมือนจะชก
"ชกเลยที่รัก.. ถ้าชกแล้วหายโกรธ ชกเดี๋ยวนี้เลย.."

จิมพูดโดยไม่คิดอะไร รู้แต่ว่าต้องทำให้ทอมหายโกรธให้ได้ เขาจะต้องออกจากบ้านในอีกไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงแล้ว จะปล่อยให้คนที่เขารักสุดหัวใจขุ่นเคืองและเข้าใจเขาผิดได้ยังไง

สีหน้าเว้าวอนกึ่งขอร้องของจิมทำให้หมัดรุ่นๆ ของทอม กระแทกเข้าปากครึ่งจมูกครึ่งสุดแรงตามคำเชิญชวน ทำเอาอีกฝ่ายหน้าหงายล้มลงบนที่นอนเพราะตั้งรับไม่ทัน

จิมนอนนับดาวด้วยอาการมึนงง นึกไม่ถึงว่าจะถูกชกจริงๆ แต่เขาไม่โกรธเลยแม้แต่น้อย ถูกชกหนึ่งหมัดแปลว่าทอมยอมหายโกรธแล้ว เขาหันไปยิ้มหวานให้ แต่กลับพบเทพบุตรแสนรักนั่งตะลึงเพราะตกใจกับการกระทำของตัวเอง และทำหน้าเหมือนกับจะร้องไห้

"ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ"
ทอมขยับเข้ามาประคองใบหน้าเขาด้วยอาการตกใจ และกล่าวขอโทษเสียงสั่นจิมต้องรีบปลอบ
"ไม่เป็นไรทอม.. ฉันไม่เป็นไร ไม่ต้องขอโทษ"
"ฉันทำนายเจ็บ ฉันขอโทษ"

ทอมหันไปคว้ากระดาษทิชชูมาซับปากและจมูกให้   จิมจึงรู้เหตุผลว่าทำไมเทพบุตรของเขาจึงตกใจจนหน้าซีด    ทอมน้ำตาร่วงผล็อย ซับเท่าไรเลือดกำเดาก็ไม่ยอมหยุดไหล คิดไม่ถึงว่าจิมจะนั่งเฉยยอมให้ชกแต่โดยดี

"เลือดไม่ยอมหยุดไหลอ่ะ จิม.. ทำไงดี.." ทอมสะอื้นโฮเหมือนเด็กที่ทำผิดแล้วเกิดเหตุรุนแรงที่คาดไม่ถึงตามมา
"ไม่เป็นไรทอม.. อย่าร้องไห้ซี ได้โปรด.. เห็นน้ำตาของนายแล้วฉันปวดหัวใจรู้มั้ย"
จิมจับมือทอมนิ่งไว้และจัดการห้ามเลือดกำเดาด้วยตัวเอง โดยการเงยหน้าขึ้นและใช้นิ้วมือบีบจมูกนิ่งไว้ครู่ใหญ่
"หายโกรธแล้วใช่มั้ย ฉันขอโทษนะที่ล้อเล่นแรงไปหน่อย" จิมขยับลุกขึ้นนั่ง
"ฉันก็ขอโทษด้วย ที่ชกหน้านายแรงไปหน่อย"

ทั้งคู่หัวเราะให้กัน จิมสวมกอดเทพบุตรของเขาไว้ด้วยความรักสุดหัวใจ  :กอด1:
"เรื่องเมื่อคืน..ที่นายบอกว่าจะถือว่ายังไม่เคยสัมผัสฉัน... พูดล้อเล่นด้วยหรือเปล่า"
จิมเลิกคิ้วไม่คิดว่าคำพูดนี้จะสะกิดใจทอม คิดว่าเป็นเรื่องที่เขาพูดถึงมาเรียซะอีก
"ล้อเล่นซี.. ที่พูดเมื่อกี้นี้ไม่จริงสักเรื่อง ใครจะคิดแบบนั้นได้... ถึงนายจะเห็นว่ามันไม่สำคัญหรือไม่มีความหมายอะไร แต่สำหรับฉันแล้ว... แม้จะต้องแลกด้วยชีวิตเพื่อให้ได้นายมาเป็นของฉัน ฉันก็ยอม…"
"ทำไมต้องพูดขนาดนี้ด้วย.."
"ฉันพูดจากใจจริงนะ ทอม.." จิมเสยผมยุ่งเหยิงของเทพบุตรแสนรักให้เข้ารูปและจูบเบาๆที่หน้าผาก
"สัมผัสจากฉันไม่มีความหมายสำหรับนายก็ไม่เป็นไร  แต่ขอให้รับรู้ว่าทุกครั้งที่ฉันได้สัมผัสนาย  ไม่ว่าจะได้ปลดปล่อยหรึอไม่ ฉันมีความสุขล้นเหลือเลย รู้มั้ย.. "
"ฉันยังไม่ได้พูดสักคำว่าไม่มีความสุข นายพูดเองเออเองทั้งหมด"     ทอมก้มหน้างุด รู้สึกว่าตัวเองหน้าบางเกินกว่าจะยอมรับเรื่องนี้ตรงๆ แบบจิมได้
จิมซ่อนความดีใจไว้ ไม่แสดงออกนอกหน้าเพราะไม่อยากให้ทอมเขิน
"แปลว่าฉันเข้าใจผิด นายเองก็รู้สึกดีและมีความสุขจนอยากเป็นของฉันทั้งร่างกายและหัวใจแล้วใช่มั้ย"
ทอมพยักหน้ารับทั้งๆ ที่ก้มหน้างุดอยู่ จิมได้ทีรีบกระซิบสั่ง
"นายต้องได้เป็นของฉันอย่างสมบูรณ์แน่ ที่รัก.. ถือซะว่าเมื่อคืนฉันมัดจำไว้ก่อน… เพราะฉะนั้นระหว่างที่ฉันไม่อยู่ ห้ามคุยโทรศัพท์กับบ๊อบนานๆ ฉันหวงนะ รู้มั้ย.."

ทอมเงยหน้าขึ้นอ้าปากจะเถียงก็ถูกจิมปิดปากด้วยวิธีเดิมๆ ลิ้นอุ่นแทรกผ่านเข้ามาอย่างรวดเร็ว แม้จะตั้งตัวไม่ติดแต่ทอมก็ตอบรับสัมผัสที่ได้รับอย่างเต็มใจ ไม่อิดเอื้อนและขัดขืนก่อนเหมือนทุกครั้ง

ทอมสะดุ้งเมื่อถูกฝ่ามือใหญ่ลูบไล้ที่แผ่นหลังเบาๆ นึกขึ้นได้ว่าตัวเองยังอยู่ในชุดแรกเกิด ดีว่าร่างกายท่อนล่างยังซุกอยู่ใต้ผ้าห่ม ทอมส่งเสียงในลำคอพร้อมกับเอามือผลักอกจิมออกเป็นสัญญาณว่าพอได้แล้ว
"…………………"
"…อือ…พอแล้ว จิม.. เสื้อผ้ายับหมด"

จิมถอนริมฝีปากอย่างแสนเสียดาย ริมฝีปากบางสวยของทอมเห่อแดงเพราะจูบที่หนักหน่วงของเขา ไหนจะร่องรอยที่เกิดขึ้นจากเมื่อคืน เห็นแล้วไม่อยากตัดใจจากไป อยากจะทำตามคำขอ.. อยากเป็นของกันและกันเดี๋ยวนี้เลย…
"ฉันรักนาย ทอม.. รักที่สุดในโลก ที่สุดของหัวใจฉัน"
"ฉันก็รักนาย จิม.. หลีกไปได้แล้ว ฉันจะอาบน้ำเดี๋ยวไม่ทันไปส่ง"
"ใครจะให้ไปส่ง เราตกลงกันแล้วนี่ว่าจะส่งกันแค่ที่ประตูบ้าน"
"แล้วไง นายจะให้ฉันลงไปส่งที่ประตูบ้านทั้งชุดนี้เหรอ.."    ทอมกวาดสายตาไปทั่วเตียงก่อนจะชะโงกลงไปที่พื้นข้างเตียงนอน
"หาอะไรเหรอ.."
"หยิบเสื้อคลุมให้ที จิม.. ชุดนอนฉันอยู่ไหนอ่ะ"
จิมหัวเราะเมื่อน้ำเสียงและสีหน้าเทพบุตรแสนรักเริ่มหงุดหงิดอีก
"จะกลับไปอาบน้ำที่ห้องเหรอ ถ้าอาบที่นี่ก็ไม่ต้องใช้หรอก เดินไม่กี่ก้าวก็ถึงห้องน้ำแล้ว"
"จะบ้าเหรอ อาบที่ไหนก็ต้องใช้เสื้อคลุมเหมือนกัน ฉันไม่เหมือนนายหรอก หน้าด้าน!!.."

จิมหัวเราะ   ลุกขึ้นเดินผิวปากไปหยิบเสื้อคลุมมาส่งให้  วันนี้เขาอารมณ์ดีไม่เคยมีความสุขมากเท่านี้มาก่อน ขนาดรู้ว่ามาเรียตั้งครรภ์มีทายาทให้ตระกูลได้สำเร็จ เขายังแค่ดีใจเท่านั้นไม่ได้รู้สึกเป็นสุขเท่าครั้งนี้ อาจเป็นเพราะการตั้งครรภ์ของเธอเป็นเหมือนภาระและหน้าที่ที่เขาต้องทำให้ลุล่วงก็ได้

จิมยืนออดอ้อนหน้าห้องน้ำต่ออีกพักใหญ่ จนทอมต้องดันร่างสูงใหญ่กว่าให้พ้นจากประตูและออกคำสั่งแก้เขิน
"ออกไปได้แล้ว ไปเอาเสื้อผ้าของฉันมาเตรียมไว้ให้ด้วย เสร็จแล้วไปทานอาหารเช้าก่อนเลยนะ เดี๋ยวตามลงไป"
"รับทราบจ้ะ ที่ร๊ากกกก.."

จิมกระเซ้าด้วยคำพูดและส่งยิ้มหวานให้เหมือนทุกครั้ง แต่ครั้งนี้ทอมเห็นแล้วหัวใจเต้นแรงเผลอจ้องมองด้วยความลืมตัว คบกันมานานเกือบ 4 ปีแล้วเพิ่งเห็นว่าจิมมีเสน่ห์และดูดีมากเมื่อไม่นานมานี้เอง โดยเฉพาะรอยยิ้มในวันนี้เห็นแล้วใจเต้นเป็นกลองรัวเลย..

ทอมสะดุ้งเมื่อจิมโน้มศีรษะเข้ามาจูบเบาๆ ที่ริมฝีปาก รีบก้าวถอยและปิดประตูใส่หน้าด้วยความเขินอย่างแรง

…บ้าจริง! อดีตสุดยอดนายแบบ 3 ปี ซ้อนอย่างเรา เป็นฝ่ายยืนตะลึงมองจิม การ์เซีย อดีตผู้จัดการส่วนตัวของตัวเองที่ขี้เหร่กว่าได้ไง น่าอายจริงๆ…  :o8:


TBC >>>  
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 08-02-2010 22:17:24
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: nithiwz ที่ 08-02-2010 22:18:31
 :o12: แล้วก็ต้องจากกันแล้วอ่ะ เหอะๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 08-02-2010 23:43:08
แล้วยังงัยกันละเนี้ยะ

 :seng2ped:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 09-02-2010 01:15:55
จิมมี่ขัดใจแม่ยกที่ซูดดดดดดดดดดดดดดด
ทอมเค้ายอมขนาดนี้แล้ว  :serius2:
เดี๋ยวก็ต้องห่างกันแล้วคู่นี้
รอลุ้นคู่นี้ต่อไปนะ
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: -N- ที่ 09-02-2010 01:44:52
จิมไม่ได้ดั่งใจเล้ยยยยยยยย  ทำทอมค้างได้อีกกกกกก
ตอนหน้านะเจ้หมวย ตอนหน้าาาาา
:call:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 09-02-2010 01:59:18
ยังอีกคู่นี้.....ตอนนี้ลุ้นจนตัวโก่งแล้วค่าเจ๊หมวย......

มาไวๆๆน๊าาาาา :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 09-02-2010 10:05:20
ทอมกึ่งเดินกึ่งวิ่งลงบันไดมา   เช้านี้เขาต้องสวมเสื้อผ้ามิดชิดกว่าปกติเพื่อปกปิดร่องรอยที่จิมทำไว้   ไม่อยากให้แม็กกี้เห็นขี้เกียจตอบคำถาม
“กู๊ดมอร์นิ่งฮะ แด๊ด..”

ทอมหันไปตามเสียง แม็กกี้นั่งอยู่ที่พื้นข้างโซฟาส่งยิ้มหวานให้เขา ในมืออุ้มลูกหมาขนปุยวัย 1 เดือนเศษที่หลงเข้ามาในบ้านเมื่อสองสามวันก่อน ให้เอาไปปล่อยก็ไม่ยอม  บอกว่าถ้าไม่มีเจ้าของมาตามก็จะขอเลี้ยงไว้เอง ตั้งแต่มีลูกหมาในบ้านเด็กชายลงทุนตื่นแต่เช้าเพื่อป้อนนมให้มันด้วยตัวเอง

“มอร์นิ่ง แม็กกี้.. ทานเช้าหรือยัง”
“ยังฮะ ผมรอทานพร้อมแด๊ด แต่คุณจิมทานแล้วเพราะต้องรีบไป”
ทอมพยักหน้ารับรู้และเหลียวซ้ายแลขวา ยังไม่ทันเอ่ยอะไรเด็กชายก็ขัดขึ้นก่อนอย่างแสนรู้
“คุณจิมอยู่ที่สนามหน้าบ้านฮะ”
ทอมหันมองเด็กชายด้วยความรู้สึกเอ็นดูกึ่งหมั่นไส้
“แด๊ดจะกลับเข้ามาในอีก 10 นาที หวังว่าคงเห็นลูกนั่งรอที่โต๊ะอาหารนะ อ้อ! ล้างมือให้สะอาดก่อนไปนั่งที่โต๊ะด้วยล่ะ”

ทอมหน้าตื่นเมื่อไม่พบจิมที่สนาม มองไปที่โรงรถไม่พบรถของจิมก็ใจหาย เหลียวซ้ายแลขวาอีกครั้งก่อนจะเดินรี่ไปหานายแก้วที่กำลังยืนรดน้ำต้นไม้อยู่
“เอ๊ดดี้อยู่ไหน ลุงแก้ว..”
ทอมไม่ถามหาจิมโดยตรง เพราะถึงทุกคนในบ้านจะรับรู้และยอมรับความสัมพันธ์ฉันท์คนรักระหว่างเขากับจิมด้วยความเข้าใจและยินดี แต่เขาก็ยังไม่เปิดใจพูดคุยและแสดงความรู้สึกที่มีต่อจิมต่อหน้าคนอื่นๆ หากเลี่ยงได้จะพยายามเลี่ยง
“ขับรถออกไปเมื่อครู่นี้เองครับ”
ทอมใจหายวาบ ยืนอึ้งมองไปที่ประตูรั้วอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเดินคอตกไปนั่งที่ซุ้มริมสนาม
“ไหนบอกว่าจะออกจากบ้าน 3 โมงเช้า นี่เพิ่ง 2 โมงครึ่งเอง ยังไม่ได้ร่ำลากันเลยทำไมต้องรีบร้อนไปด้วย คนบ้า บ้าที่สุด..”
“ว่าใครบ้าเหรอที่รัก หืมม์…”
ทอมสะดุ้งกับเสียงกระซิบข้างหู หันมาเห็นใบหน้าคมเข้มยิ้มให้อย่างอ่อนโยนก็ผวาเข้าสวมกอด
“เป็นอะไร ทอม.. ” จิมถามด้วยความเป็นห่วงแต่ทอมไม่ตอบยังซบศีรษะนิ่งอยู่
จิมเงยหน้าเทพบุตรแสนรักขึ้น ใจหายเมื่อเห็นดวงตาคู่สวยมีน้ำใสหล่อรื้นอีกแล้ว
“โอ! ทอม.. ถ้าไม่สบายใจหรือไม่อยากให้ไปฉันยกเลิกก็ได้ ไว้ค่อยกลับไปตอนเธอใกล้คลอด”
“อย่านะ.. นายต้องไป ฉันไม่ได้ไม่อยากให้นายไปซะหน่อย”
“แล้วบ่นพึมพำอะไรล่ะ หือ..” จิมเดินอ้อมมาทรุดตัวลงนั่งข้างๆ
“ก็.. ฉันนึกว่านายไปแล้ว ไม่บอกลากันสักคำก็ไป” ทอมก้มหน้าลงเพราะรู้สึกละอายกับความอ่อนแอของตัวเอง
“บ้าซิ.. ยังไม่ได้จัดการเรื่องสำคัญเลยจะไปได้ไง ยังไม่ได้จูบลาด้วย”
ทอมเงยหน้าขึ้นทันที ดวงตาคู่งามส่อแววฉงน
“เรื่องสำคัญอะไร”
“ไปคุยในบ้านดีกว่ามั้ย แต่ถ้านายไม่อายก็ไม่เป็นไร”
ทอมหน้าเหรอ “ทำไมล่ะ เป็นเรื่องน่าอายเหรอ”
จิมหัวเราะ
“เรื่องน่ะ..ไม่น่าอายหรอก เป็นเรื่องดีต่างหาก แต่ต้องมีการแสดงประกอบที่นายอาจรู้สึกว่ามันน่าอาย แบบนี้…” จิมกุมมือซ้ายทอมขึ้นมาจูบเบาๆ
ทอมหน้าแดงรีบชักมือกลับและลุกขึ้นยืน
“งั้นคุยในบ้านล่ะกัน”

ทอมเดินจ้ำอ้าวเข้าบ้าน จิมเดินยิ้มกริ่มตามไปติดๆ ออร่าแห่งความสุขแผ่ซ่านกระจายไปทั่วบริเวณที่เขาเดินผ่าน   ทอมไม่พบแม็กกี้ที่ห้องรับแขกจึงเดินเลยไปที่ห้องอาหาร   เด็กชายนั่งรออยู่แล้วแต่ในมือยังอุ้มลูกหมาอยู่ พอเห็นทอมก็รีบวางลงกับพื้นและยิ้มแห้งๆ พร้อมกับให้เหตุผลแก้ตัวก่อนจะถูกเอ็ด

“ให้มันอยู่ตัวเดียวแล้วมันร้องฮะ เลยต้องพามานั่งด้วย”
ทอมแสร้งตีสีหน้าเครียด
“แด๊ดจะคุยธุระกับคุณจิมก่อน ลูกทานเลยนะแม็กกี้.. ไม่ต้องคอย”

แม็กกี้รีบรับคำไม่ยึกยักเหมือนทุกครั้ง แอบถอนใจโล่งอกเมื่อแด๊ดดี้รูปหล่อเดินผละไปทันทีโดยไม่ต่อว่าเรื่องลูกหมาสักคำ แต่ในขณะที่กำลังจะหยิบช้อนซ่อมขึ้นมาจัดการอาหารเช้าตรงหน้า ก็ต้องสะดุ้งกับเสียงไล่หลังของพ่อที่ดังแว่วเข้ามาทั้งๆ ที่ไม่เห็นตัวแล้ว

“ไปล้างมือก่อนนะ แม็กกี้.. แล้วอย่าอุ้มลูกหมาเวลากินข้าวล่ะ”
“คร้าบบ….”

 :m23:

“ว่าเรื่องสำคัญของนายมาได้แล้ว”
ทอมทรุดตัวลงนั่งที่โซฟาภายในห้องพักผ่อนซึ่งเป็นที่พักส่วนตัวของเจ้าของบ้าน ไม่ว่าจะฟังเพลง ดูทีวี สังสรรค์ รวมถึงเป็นที่งีบหลับได้อย่างไม่ประเจิดประเจ้อ
จิมเดินมาหยุดตรงหน้าทอมและคุกเข่าลงกับพื้น
“นั่งข้างบนซี กางเกงยับหมด” ทอมเอามือตบที่นั่งข้างตัว
จิมจับมือซ้ายทอมกุมไว้และเข้าเรื่องสำคัญที่ต้องการจะบอกด้วยสีหน้าและน้ำเสียงจริงจัง

“ฟังนะ โทมัส แม็คกิลล์ เรื่องระหว่างเรา นายคิดยังไงฉันไม่รู้  แต่สำหรับฉัน..  ฉันจริงจังกับความสัมพันธ์ของเรา  ฉันรักนาย.. อยากอยู่เคียงข้าง.. อยากร่วมทุกข์ร่วมสุข.. อยากใช้ชีวิตคู่กับนายตลอดไป ตราบเท่าที่ลมหายใจฉันยังมี.. หรือ… จนกว่านายจะต้องการให้ฉันจากไป และเพื่อเป็นการยืนยันคำพูดของฉัน ฉันมีของอยากให้นายเก็บไว้แทนตัวระหว่างที่ฉันไม่อยู่ ให้เหมือนว่าฉันได้อยู่เคียงข้างนายตลอดเวลา.. ได้มั้ย..”  

ทอมนั่งตะลึง ถ้อยคำของจิมหวานซึ้งและอ่อนโยนเหมือนชายหนุ่มกำลังบอกความในใจกับคนรัก ต่างกันที่คนรักไม่ใช่หญิงสาวอย่างที่ควรจะเป็น ทอมรู้สึกร้อนวูบที่ใบหน้า ถูกจิมบอกรักอย่างจริงจังด้วยสีหน้าและสายตาแทบจะกลืนกินแบบนี้ หัวใจเขาไม่อาจต่อต้านต่อไปได้แล้ว

“แค่จะฝากของให้เก็บไว้แทนตัว ทำไมต้องพูดหวานขนาดนี้ด้วย จะฝากอะไรก็ว่ามาซี”   ทอมแกล้งโวยปิดบังความเขินของตัวเอง
จิมปล่อยมือทอมและขยับขึ้นไปนั่งข้างๆ
“ของที่จะฝากอยู่กับนายแล้วไง”
“อะไรอ่ะ อยู่ตรงไหน”   ทอมก้มลงมองที่ตักก่อนจะเงยหน้าขึ้นกล่าวด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย
“จะบอกว่าของที่ฝากคือหัวใจของนายอีกแล้วเหรอ จิม.. น้ำเน่าชะมัดเลย ”
จิมหัวเราะ ขยับเข้าไปกระซิบเบาๆ
“ของสำคัญของฉันอยู่ที่มือนายแล้วไง”
ทอมก้มลงมองที่มือและเงยหน้าขึ้นทันที คิ้วเรียวเริ่มขมวดมุ่น
“ไหนอ่ะ ของอะไรของนาย หัวใจล่องหนเหรอ..”
จิมส่ายหน้าเมื่อทอมไม่เห็นของที่เขาฝากไว้ทั้งๆที่อยู่ในมือแล้วแท้ๆ   เขาจับมือซ้ายทอมขึ้นมากุมไว้และแกล้งเป่าคาถาเบาๆ
“โอม!..เพี้ยง…”
“เป็นสมบัติตกทอดจากต้นตระกูลฉันเลยนะ ทอม.. ช่วยเก็บไว้แทนตัวเหมือนฉันได้อยู่ใกล้ๆ นายตลอดเวลานะ”
จิมจูบเบาๆที่มือหนึ่งครั้งก่อนปล่อย ครั้งนี้ดวงตาคู่งามของทอมเบิกกว้างขึ้นแสดงว่าเห็นของที่เขาให้แล้ว..
ทอมนั่งจ้องของฝากที่อยู่ในนิ้วนางข้างซ้ายด้วยความรู้สึกยากที่จะบรรยาย ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“เอ่อ.. ว..แหวนต้นตระกูลของนายจริงๆ เหรอ”
จิมพยักหน้ารับด้วยสีหน้าปลาบปลี้มและยินดี
“ให้ฉันเก็บของสำคัญแบบนี้จะดีเหรอ... แค่ของแทนตัว.. เอาของอื่นที่ไม่ใช่แหวนไม่ได้เหรอ”
“ไม่ได้.. ของสำคัญแบบนี้ต้องฝากไว้กับคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของฉัน”
“เอ่อ.. แต่ว่า.. ผู้ชายให้แหวนผู้ชาย มันแปลกๆ นะ จิม..”
“แปลกตรงไหน มีกฎเกณฑ์ที่ไหนห้ามไว้หรือไง พูดแบบนี้แปลว่าจะไม่รับของฝากแทนตัวฉันงั้นเหรอ”
“เอ่อ.. เปล่าซะหน่อย จริงๆ แล้วก็แค่ของฝาก.. พอนายกลับมาฉันก็ต้องถอดคืนให้อยู่แล้วใช่มั้ย..”
จิมกุมมือทอมไว้และกล่าวด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน
“ไม่ใช่.. แหวนวงนี้เป็นของแทนตัวที่ฉันตั้งใจจะฝากไว้กับนายตลอดชีวิตเลยต่างหาก ฉันจะรับคืนก็ต่อเมื่อนายต้องการให้ฉันไปจากชีวิตนาย..”
จิมลุกขึ้นกล่าวตัดบท ไม่อยากให้ทอมซักมากความเรื่องแหวนอีก
“ฉันต้องไปแล้ว ขี้เกียจวิ่งขึ้นเครื่อง”
“อ๊ะ !.. จะไปแล้วเหรอ”
ทอมใจหายลุกตามขึ้นทันที สีหน้าสลดลงดวงตาคู่สวยหมองเศร้า จิมเห็นแล้วไม่อยากจากไปเลย รีบขยับเข้าสวมกอดและกระซิบปลอบ
“ฉันจะกลับมาพร้อมของขวัญที่วิเศษสุดเลย รอฉันนะ”
“ฉันไม่อยากได้ของขวัญ แค่นายกลับมาตรงเวลาที่รับปากไว้ก็เป็นของขวัญที่วิเศษสุดสำหรับฉันแล้ว..”
“ที่แท้ก็เป็นห่วงกลัวว่าฉันจะไม่กลับหรอกเหรอ หือ..”
จิมหัวเราะเมื่อทอมพยักหน้ารับ
“อย่าห่วงเลยทอม.. ครั้งที่แล้วเป็นเพราะฉันจำความไม่ได้ แต่ครั้งนี้จะไม่เป็นแบบนั้นอีกแล้ว ถึงจะมีเหตุการณ์ที่ทำให้ฉันจำอะไรไม่ได้อีก รับรองว่าเที่ยวนี้จะต้องมีคนพาฉันมาส่งคืนให้นายที่บ้านแม็คกิลล์จนได้ สำคัญแต่ว่า...ถ้าฉันอยู่ในสภาพที่จำอะไรไม่ได้แม้กระทั่งนาย นายยินดีจะดูแลฉันอย่างที่ดูแลแม็กกี้หรือเปล่า..หือ..”
ทอมหน้าบึ้งเมื่อจิมเห็นเรื่องร้ายๆ เป็นเรื่องสนุก
“ฉันไม่อยากให้เกิดอะไรขึ้นกับนายทั้งนั้น และฉันก็ไม่ได้ห่วงว่านายจะไม่กลับมาเพราะความจำเสื่อมด้วย”
“อ้าว!.. แล้วห่วงเรื่องอะไรล่ะ ไม่มีเหตุการณ์อะไรที่จะทำให้ฉันผิดสัญญากับนายได้หรอกนะ ทอม.. ยกเว้นฉันป่วยหนักจนกลับมาไม่ไหวเท่านั้น”
“แม้แต่ถ้ามีเหตุการณ์ผิดปกติเกิดขึ้นกับเธอและลูกในท้องยังงั้นเหรอ   นายอาจไม่ห่วงเธอแต่นายก็ต้องห่วงลูก   นายอาจต้องอยู่ยาวจนเธอคลอดด้วยความจำเป็น ถ้านับจากวันนี้มันเป็นเวลาเกือบ 3 เดือนเลยนะ จิม..”

จิมยืนอึ้งกับเรื่องที่เขาไม่เคยนึกถึงมาก่อน   แม้จะเป็นเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้แต่ก็เป็นความวิตกเกินกว่าเหตุของทอม   เขาคงไม่ได้เดินทางอย่างสบายใจแน่ ถ้าทอมกังวลกับการจากไปของเขาแบบนี้

“ไม่เอาน่าทอม.. อย่าคิดมากซี ฉันสัญญาว่าจะกลับมาภายในสองอาทิตย์ หากมีเหตุที่ทำให้ฉันต้องอยู่ยาวอย่างที่นายกังวลไว้ล่ะก็ เตรียมแพ็คกระเป๋าไว้ได้เลยที่รัก ฉันจะกลับมารับนายกับแม็กกี้ไปอยู่ด้วย"
"จริงเหรอ.."
"จริงซี.. ลืมแล้วเหรอ.. ฉันมีภารกิจที่ค้างไว้กับนายต้องรีบมาสานต่อ เพราะฉะนั้นนอนคอยได้เลยที่รัก.. ฉันต้องกลับมาแน่นอน…"
สีหน้ากะลิ้มกะเหลี่ยของคนพูดทำเอาคนฟังหน้าแดงซ่าน ก้มหน้างุดเพราะรู้สึกเขินกับคำพูดและการกระทำที่น่าละอายเมื่อคืนที่ผ่านมา

จิมเงยหน้าเทพบุตรแสนรักขึ้น รอยยิ้มเขินอายบนสีหน้าแดงเรื่อทำให้เขาแทบอยากจะโยนกระเป๋าเดินทางทิ้ง และฉุดทอมขึ้นห้องเพื่อทำภารกิจที่คั่งค้างไว้นาทีนี้เลย หากแต่สิ่งที่ต้องทำคือการตัดใจจากลา

จิมเอ่ยขอในสิ่งที่ไม่คิดว่าจะได้ แต่กลับไม่ถูกปฏิเสธ …    เขาได้จูบลาทอมอย่างดูดดื่มและเนิ่นนาน...นานจนถูกทอมกัดลิ้นอย่างแรงเพื่อเตือนให้ปล่อย เขาจำต้องถอนริมฝีปากออกด้วยความรู้สึกสุดแสนจะเสียดาย

ทอมเดินตามมาส่งจิมที่รถ
“รักษาสุขภาพนะ ทอม..” จิมจูบลาที่นิ้วนางข้างซ้ายของเทพบุตรแสนรักอย่างมีความหมาย
“เอ๊ะ !.. เดี๋ยวก่อน จิม.. นายสวมแหวนให้ฉันตอนไหนอ่ะ”
“ตอนที่ฉัน โอม !.. เพี้ยง.. ไง” จิมยิ้มหวานให้ก่อนจะหันไปถามนายเอ๊ดซึ่งยืนเตรียมพร้อมอยู่ข้างรถ
“ของที่ให้ไปซื้อล่ะ เอ๊ดดี้..”
“เรียบร้อยครับ”

นายเอ๊ดหยิบ “ของ” ในรถเดินมาส่งให้จิมก่อนจะก้าวขึ้นไปประจำที่นั่งคนขับอย่างรู้หน้าที่ว่าไม่ใช่เวลาที่จะมายืนเจ๋อต่อหน้าคนรักที่กำลังร่ำลากัน

จิมส่งช่อดอกลิลลี่สีขาวให้ทอมพร้อมกับจูบลาที่แก้มเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะก้าวขึ้นรถโดยไม่พูดร่ำลาอะไรอีก เขาถือโอกาสจากไปขณะที่ทอมกำลังตะลึงอยู่กับช่อดอกไม้แสนสวย

 :L2:

“แด๊ด.. แด๊ดฮะ.”
ทอมสะดุ้งกับเสียงเรียก หันไปก็พบหนุ่มน้อยยืนเอียงคอมองดูด้วยสีหน้าอมยิ้ม
“คุณจิมไปตั้งนานแล้วทำไมยังไม่เข้าบ้านล่ะฮะ ดอกไม้สวยจัง คุณจิมให้แด๊ดเหรอ..”
ทอมไม่ตอบดึงจดหมายที่เสียบไว้ออก และยื่นช่อดอกไม้ให้เด็กชาย
“เอาไปให้แววใส่แจกันแล้วตั้งไว้ที่ห้องลูก”
“เอ๋?.. ไว้ที่ห้องผมทำไมล่ะฮะ คุณจิมให้แด๊ดนะ”
“ก็แด๊ดให้ลูกต่อไง มีปัญหาเหรอ ถ้าไม่ชอบจะเอาไปทิ้งที่ไหนก็ตามใจ”
ทอมผละจากเด็กชายเดินเข้าบ้านทันที เขาจำเป็นต้องพูดแบบไม่ใส่ใจทั้งๆ ที่รู้ว่าถ้าคนให้ได้ยินคำพูดนี้ต้องเสียใจมากแน่ๆ
“เรื่องอะไรจะทิ้งล่ะ  คุณจิมรู้เสียใจตายเลย   แด๊ดไม่เอาผมเอาเองก็ได้”
เสียงเด็กชายบ่นพึมพำไล่หลัง ทำให้ทอมอดยิ้มไม่ได้กับความแสนรู้ของหนุ่มน้อยที่จงใจพูดเหมือนรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่…

 :3123:
   
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 09-02-2010 10:49:30
ง่ะ...แล้วคุณจิมก็ต้องไปจริงๆด้วย......ยังมะได้ --- เลยอ่ะ :m16:

คู่นี้ลุ้นตัวโก่งแล้วโก่งอีกอ่ะ......เง้อ......รอเจ๊หมวยมาต่อนะคะ.......
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 09-02-2010 11:04:27
แม็คกิลล์ ที่รัก..  

ฉันจริงจังกับความสัมพันธ์ของเรามาก  อยากอยู่เคียงข้าง   อยากร่วมทุกข์ร่วมสุขกับนายไปชั่วชีวิตจนกว่าความตายจะพรากจาก แหวนที่ฝากไว้… เป็นแหวนต้นตระกูลที่มีค่าทางจิตใจมาก  ไว้ให้ลูกชายของตระกูลมอบให้คนที่ตัวเองรักและต้องการอยู่เป็นคู่ชีวิตด้วย จะเรียกว่าเป็นแหวนหมั้นก็ได้ ฉันขอโทษที่สวมให้โดยไม่ขออนุญาตก่อน ฉันไม่อยากถูกปฏิเสธ เพราะนายอาจเห็นเป็นเรื่องตลกไร้สาระ   หรือนายอาจไม่คิดจริงจังกับความสัมพันธ์ของเรา   แต่ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด  ระหว่างที่ฉันไม่อยู่ได้โปรดอย่าถอดแหวนออกจากนิ้ว หากไม่ชอบใจให้ถือว่ามันเป็นแค่ตัวแทนของฉัน ไว้ค่อยถอดคืนให้ตอนฉันกลับมา แต่ถ้านายยินดีรับแหวนวงนี้ไว้  ฉันจะกลับมาพร้อมของขวัญที่วิเศษสุด  อยากรู้มั้ยว่าของขวัญที่ว่าคืออะไร  ถ้าอยากรู้ก็จงรับแหวนหมั้นจากฉันด้วยความเต็มใจซะ

… love u only….
เมเนนเดส การ์เซีย
 

(http://i116.photobucket.com/albums/o7/wannarat/tom4.jpg)


ทอมนอนหลับตาพริ้มสีหน้าเปี่ยมสุข อธิบายความรู้สึกของตัวเองไม่ถูก ถ้อยความในจดหมายที่จิมเขียนฝากไว้ให้เป็นเรื่องที่เขาคาดไม่ถึง ไม่คิดว่าจิมจะจริงจังกับเขาถึงขนาดจะร่วมหอลงโลงด้วย นี่ขนาดอ่านจากจดหมายใบหน้ายังร้อนผ่าวหัวใจเต้นแรง ถ้าจิมเอ่ยขอต่อหน้าเขาคงอายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนีและต้องบอกปฏิเสธไปแน่ๆ จิมรู้จักนิสัยเขาดี จึงใช้วิธีบอกด้วยจดหมาย…

…บ้าที่สุดเลยจิมมี่.. ในเมื่อรู้ใจฉันทุกเรื่อง ทำไมถึงคิดว่าฉันจะไม่จริงจังกับความสัมพันธ์ของเรา ฉันต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายกังวลว่านายอาจเปลี่ยนใจจากฉันไปมีใจให้มาเรีย ถ้าวันนั้นมาถึงฉันต่างหากที่จะถูกนายปฏิเสธ และนายก็จะเป็นฝ่ายกลับมาขอแหวนคืนจากฉันไปให้เธอ…

ทอมสะบัดความคิดฟุ้งซ่านของตัวเองออกและลืมตาขึ้น สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเห็นเจ้าหนูแสนรู้ของเขายืนเอียงคอมองดูอยู่อีกแล้ว ทอมขมวดคิ้วแสร้งตีสีหน้าไม่พอใจ

“ทำไมมายืนเงียบๆแบบนี้ แม็กกี้.. มาจ้องมองคนนอนหลับเสียมารยาทรู้มั้ย..”
“แต่แด๊ดไม่ได้หลับนี่ฮะ   แค่นอนคิดอะไรอยู่ต่างหาก” เด็กชายกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ทำเอาผู้เป็นพ่อร้อนตัวรีบลุกพรวดขึ้นนั่ง
“แด๊ดนอนหลับตาอยู่รู้ได้ยังไงว่าไม่หลับ  เป็นลูกหัดพูดจาอวดรู้กับพ่อแบบนี้ใช้ได้เหรอ..”
เด็กชายหน้าจ๋อยเมื่อถูกทอมดุจริง
“ผมเปล่าอวดรู้ฮะ ผมเห็นแด๊ดขยับนิ้วหมุนแหวนไปมา... แล้วผมก็เห็นแด๊ดยิ้มด้วย... ผมขอโทษที่ยืนอยู่เงียบๆ เห็นแด๊ดกำลังสบายใจผมไม่กล้าเรียกฮะ”
ทอมใจหายเมื่อเด็กชายเริ่มตาแดงและน้ำเสียงสั่นเครือ รีบดึงตัวเข้ามาสวมกอด
“แด๊ดไม่ได้โกรธซะหน่อย เข้ามาหาแปลว่ามีธุระใช่มั้ย มีอะไรคับ หือ..”
ทอมตัดบทถามเรื่องของเด็กชาย ไม่อยากให้เจ้าหนูย้อนมาถามเรื่องแหวนและรื่องที่เขานอนยิ้มอยู่คนเดียว
“คุณครูมินท์มาแล้วฮะ แด๊ดนัดครูมาคุยเรื่องที่จะให้ติวคอร์สพิเศษให้ผมไง ลืมแล้วเหรอฮะ..”
“โอ!..” ทอมทำท่าเหมือนนึกขึ้นได้ เขาลืมสนิทเลยจริงๆ แต่คนเป็นพ่อพูดกะล่อนเพื่อรักษาน้ำใจของลูกคงไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร
“ลืมที่ไหนกัน กำลังจะถามอยู่พอดีว่านัดครูไว้กี่โมง ทำไมป่านนี้ยังไม่มา”
ทอมลุกขึ้นยืน “ครูอยู่ที่ไหน”
“คอยอยู่ที่สนามฮะ กำลังเล่นอยู่กับเจ้าวุ้น ครูชอบลูกหมาเหมือนผมเลยฮะ แด๊ด.. บ้านครูมีลูกหมาตั้ง 4 ตัวแน่ะ”
ทอมส่ายหน้าแต่ก็อดยิ้มไม่ได้ เมื่อเด็กชายพูดถึงลูกหมาแล้วสีหน้าและท่าทางมีความสุข
“ไปเถอะฮะ แด๊ด..” เด็กชายเอ่ยชวนและฉุดมือทอมให้ลุกจากเตียง
“เดี๋ยวก่อน แม็กกี้.. ขอเวลาแด๊ดคุยด้วย 2 นาทีก่อนได้มั้ย”
“คุย?.. กับผมเหรอ..” เด็กชายชี้นิ้วเข้าหาตัว เมื่อทอมพยักหน้าให้ก็รีบทรุดตัวลงนั่งทันที
“ตามสบายฮะแด๊ด.. ผมบอกครูไว้ก่อนแล้วว่าแด๊ดพักผ่อนอยู่ไม่รู้ว่าตื่นหรือยัง ครูบอกว่าไม่เป็นไรถ้ายังไม่ตื่นก็อย่าปลุก ครูไม่มีธุระอะไรคอยได้ฮะ”
ทอมส่ายหน้า หนุ่มน้อยสุดที่รักของเขานับวันจะแสนรู้และลื่นไหลมากขึ้นไม่รู้ว่าติดนิสัยมาจากใคร
“เอ่อ.. แม็กกี้.. แด๊ดมีเรื่องอยากจะปรึกษาและขอความเห็นจากลูก เพราะลูกก็โตพอที่จะเข้าใจเรื่องบางเรื่องของผู้ใหญ่แล้ว แด๊ดขอบใจที่ลูกยอมเข้าใจและไม่รังเกียจเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างแด๊ดกับคุณจิม ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ลูกอาจพอรับได้ แต่ถ้ามากกว่านี้ แด๊ดไม่แน่ใจว่าลูกจะรับได้หรือเปล่า..”
สีหน้าทอมจริงจังและส่อแววกังวลจนเด็กชายรู้สึกไม่ค่อยดี
"เรื่องอะไรเหรอฮะ ทำไมผมต้องรับไม่ได้ด้วย"
ทอมอึกอัก แม็กกี้เป็นคนเดียวที่เขาแคร์มากที่สุด หากเจ้าหนูไม่ยอมรับ..ความปรารถนาของเขาและจิมที่จะได้อยู่เคียงข้างกันในฐานะคู่ชีวิตจริงๆ คงเป็นไปไม่ได้
"คุณจิมเขาจะขอ.. เอ่อ.. ขอมาเป็นคนในครอบครัวของเรา ลูกจะขัดข้องมั้ย แม็กกี้.."
"เอ๋?.. ก็เป็นอยู่แล้วนี่ฮะ คุณจิมเป็นเหมือนคนในครอบครัวของเรา แด๊ดเคยบอกผมแล้ว"
"ก็ใช่.. แต่ว่า.. คุณจิมเขาไม่อยากแค่เหมือนคนในครอบครัว เขาอยากเป็นคนในครอบครัวเราจริงๆเลย .. เอ่อ.. แด๊ดหมายถึงจากนี้ไปสมาชิกในครอบครัวแม็คกิลล์ที่นี่ นอกจากแด๊ดและลูกก็จะมีคุณจิมอยู่ด้วยตลอดไป ลูกจะขัดข้องมั้ย.. เข้าใจที่แด๊ดพูดหรือเปล่า"
เด็กชายพยักหน้าหงึก ทั้งที่สีหน้ายังงงอยู่
"ผมไม่ขัดข้องหรอกครับ แค่ไม่ค่อยเข้าใจว่ามันต่างกับตอนนี้ยังไง"
ทอมถอนใจเบาๆ ถ้าไม่บอกตรงๆ ดูท่าเด็กชายคงไม่สามารถเข้าใจได้อย่างถ่องแท้แน่
"เอ่อ.. ฟังนะ แม็กกี้.. ถ้าแด๊ดบอกว่าจะใช้ชีวิตคู่กับคุณจิมเหมือนคู่รักหนุ่มสาวคนอื่นๆ ลูกจะเข้าใจหรือยัง"
เด็กชายขมวดคิ้วมุ่น ย้ำถามเหมือนไม่แน่ใจ
"ใช้ชีวิตคู่.. หมายถึง อยู่ด้วยกันสองคนแบบคนรักเหรอฮะ"
ทอมพยักหน้า อยากจะยิ้มให้เพราะดีใจที่เด็กชายเข้าใจที่เขาพูด หากแต่สีหน้าเหมือนไม่พอใจของเจ้าหนูทำให้เขายิ้มไม่ออก
"แล้วผมล่ะ ผมได้อยู่ด้วยมั้ย ผมยังได้เป็นลูกแด๊ดเหมือนเดิมหรือเปล่า~"
เด็กชายย้อนคำถามกลับมาด้วยน้ำเสียงสั่น หน้าเสียจนทอมต้องรีบปลอบ
"ทำไมถามแบบนี้ล่ะ แม็กกี้.. ลูกก็ยังต้องเป็นลูกซี.. ไม่อยู่กับแด๊ดแล้วจะไปอยู่กับใคร ที่ไหน หือ.."
หนุ่มน้อยโล่งอกก็ส่งยิ้มให้พ่อ
"ขอให้ผมได้อยู่ด้วยและเป็นลูกแด๊ดเหมือนเดิมก็พอ อะไรที่แด๊ดทำแล้วมีความสุขผมไม่ขัดข้องหรอกฮะ ถึงใครจะว่าแปลกผมก็ไม่แคร์ คนรักกันก็ต้องอยากอยู่ด้วยกัน ผมยังอยากอยู่กับแด๊ดเลย คุณจิมรักแด๊ดก็ต้องอยากอยู่ด้วยแน่นอนอยู่แล้ว แต่ว่า…" ดวงตาสีน้ำทะเลแสนสวยฉายแววฉงน
"แต่อะไร มีปัญหาอะไรเหรอ.."
"คุณจิมจะอยู่ในฐานะอะไรล่ะฮะ ผมจะเรียกคุณจิมว่าอะไร"
ทอมอึ้งไป ไม่คิดว่าแม็กกี้จะมีปัญหากับเรื่องที่เขาเองก็นึกไม่ถึง
"เอ่อ.. ก็อยู่ในฐานะเดิมเหมือนที่อยู่ทุกวันนี้แหล่ะ จะเรียกว่าอะไรไว้ลูกไปตกลงกับคุณจิมเองก็แล้วกัน"
"คุณจิมเคยบอกว่าจะมาเป็นพ่อเลี้ยงของผม" เด็กชายพูดหน้าตาเฉยแต่ ทอมสะดุ้งโหยง
"ว่าไงนะ เจ้าบ้านั่นพูดจาไร้สาระ แล้วลูกว่าไง"
"ผมบอกว่า แม่แอนนาเสียไปแล้วจะมาเป็นพ่อเลี้ยงผมได้ไง"
ทอมลอบยิ้มในใจ "แล้วหมอนั่นว่าไง"
"ไม่ว่าฮะ คุณจิมหัวเราะ บอกว่าสักวันก็รู้เอง… ตอนนี้ผมรู้แล้วล่ะ.."
เด็กชายยิ้มให้แต่ทอมไม่ยิ้มตอบ รีบซักต่อด้วยท่าทีร้อนรน
"รู้อะไร แม็กกี้.. อย่าเข้าใจอะไรมั่วๆ นะ อย่าไปเชื่อที่คุณจิมเป่าหูด้วย"
"ก็รู้ว่าคุณจิมอยากมาเป็นญาติผู้ใหญ่ของผม ในฐานะที่เป็นคนรักของแด๊ดไงฮะ แต่ตำแหน่งที่คุณจิมหวังไว้ผมไม่เอาด้วยหรอก มีคุณทอมเป็นพ่อคนเดียวก็พอแล้ว ถ้าอยากจะมาเป็นครอบครัวของเราจริงๆ ผมมีตำแหน่งอื่นเตรียมไว้ให้แล้วฮะ"
"อะไรเหรอ.. ตำแหน่งอะไร"
"อังเคิลไงฮะ แด๊ดว่าดีมั้ย ก็คุณจิมอายุมากกว่าแด๊ดนี่"

ทอมหัวเราะรีบพยักหน้าเห็นดีด้วย ก่อนจะรั้งเด็กชายเข้ามาสวมกอดและหอมที่แก้มเนียน 1 ฟอดด้วยความรัก เด็กชายวัยเดียวกันที่เติบโตในกรุงหลายคนรู้เรื่องราวต่างๆ มากมายแล้ว แต่เจ้าหนูของเขาเป็นเด็กต่างจังหวัดโดยแท้ ฉลาดแบบซื่อๆ บางครั้งบริสุทธิ์และไร้เดียงสาเหมือนเด็กเล็กๆ การที่เขาไม่เคยเลี้ยงดูเด็กชายมาตั้งแต่เด็ก จึงไม่อยากให้เจ้าหนูโตเป็นหนุ่ม อยากให้อยู่ในวัยไร้เดียงสาแบบนี้นานๆ

"คุณจิมหมั้นแด๊ดไว้ก่อนไปเหรอฮะ"
อีกครั้งที่ทอมต้องสะดุ้ง ถลึงตาใส่ลูกชายที่ทำหน้าเหรออยู่
"ใครบอก หา!.. คุณจิมอีกแล้วล่ะซี.. เจ้าบ้าเอ๊ย.."
"คุณจิมเปล่าบอกฮะ ผมเห็นเอง.."
แม็กกี้รีบปฏิเสธไม่อยากให้พ่ออารมณ์เสียใส่อีกฝ่ายที่ไม่รู้เรื่อง
"ลูกเห็นเหรอ… โอ!.." ทอมรู้สึกอายเด็กชายจนพูดอะไรต่อไม่ออก พาลโกรธไปถึงคนให้แหวนอีกจนได้
"ก็..เมื่อกี้ตอนแด๊ดนอนหลับตาแล้วหมุนแหวนที่นิ้วไปมา ผมจำได้ว่าแหวนวงนี้เป็นของคุณจิม หรือว่า.. คุณจิมทำตกไว้แล้วแด๊ดเก็บไว้ให้ฮะ ก็แหวนอยู่ที่นิ้วนางซ้ายผมก็เลยนึกว่าเป็นแหวนหมั้น"
ทอมโล่งอกที่รู้ว่าแม็กกี้ไม่ได้เห็นตอนสวม แต่คำพูดเหมือนรู้ทันแบบนี้เขาควรจะแก้ตัวยังไงดี
"คุณจิมไม่ได้ทำตก เขาถอดฝากไว้ มีอะไรสงสัยอีกมั้ย ถามให้เคลียร์ๆ ไปซะจะได้ไม่มีเรื่องคาใจ"
ทอมกล่าวประชดหนุ่มน้อย ดวงตาสีน้ำทะเลแสนสวยวันนี้ทำไมเจ้าเล่ห์นักนะ
"ไม่มีฮะ อ้อ!.." เด็กชายทำท่าเหมือนนึกเรื่องขึ้นได้
"อะไรอีก.." ทอมผวาใจเต้นรอฟังปัญหาของเจ้าหนู
"อยากถามว่า..เรื่องที่แด๊ดอยากคุยกับผมจบหรือยัง ป่านนี้เจ้าวุ้นนอนหลับซบอกครูมินท์แล้วมั้งฮะ"
ทอมเอามือขยี้ศีรษะเด็กชายด้วยความหมั่นไส้ ก่อนจะลุกขึ้นพากันออกจากห้อง ระหว่างทางเจ้าหนูก็มีเรื่องสงสัยเปรยขึ้นถามอีก
"ความจริงคนนอกที่จะเข้ามาเป็นคนในครอบครัวเดียวกันกับคนอื่นต้องทำตามกฎหมายก่อนไม่ใช่เหรอฮะ"
ทอมสะดุ้ง จู่ๆ ก็เจอคำถามที่ใกล้ความจริงเข้าไปทุกขณะ จึงแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจ
"กฎหมายอะไร"
"ก็.. เหมือนผมไงฮะ แด๊ดยังต้องจดทะเบียนรับผมเป็นลูกก่อนเลย"
"แล้วไง ลูกจะให้แด๊ดทำอย่างนั้นกับคุณจิมด้วยเหรอ.."
"เปล่าซะหน่อย ทำได้ไง..คุณจิมไม่ใช่เด็กนี่ฮะ ผมอยากให้แด๊ดจดทะเบียนรับคุณจิมเป็นคนรักต่างหาก คุณจิมจะได้ไปรักใครไม่ได้อีก "
ทอมชะงักเท้าและคว้าแขนเด็กชายให้หยุดเดิน
"มีที่ไหนกันล่ะเรื่องแบบนั้น รู้มากใหญ่แล้วนะ แม็กกี้.. พูดจาเกินเด็กแบบนี้แด๊ดไม่ชอบเลย"
เด็กชายหน้าจ๋อยก้มหน้างุด
"ขอโทษครับ ผมแค่อยากให้คุณจิมรักแด๊ดคนเดียว แค่คำพูดก็ยังไม่พอ.."
ทอมซ่อนยิ้มในสีหน้า เขาไม่ได้โกรธหนุ่มน้อยเลยสักนิด กลับสุขใจและดีใจเพราะแสดงว่าแม็กกี้ยอมรับและเข้าใจ ซ้ำยังเป็นห่วงความรู้สึกของเขาด้วย
"ฟังนะ แม็กกี้.. การมีทะเบียนรับรองไม่สามารถหยุดความมักมากในรักของคนได้หรอก แม้แต่แด๊ดเองยังเคยคบหาผู้หญิงมากกว่า 1 คนในเวลาเดียวกันเลย แต่สำหรับคุณจิมเขาไม่ใช่คนแบบนั้น และคำพูดของเขาก็เชื่อถือได้ทุกคำ.. ขอบใจที่ลูกเป็นห่วงความรู้สึกของแด๊ด แค่ลูกเข้าใจและยอมรับเรื่องประหลาดแบบนี้ได้ แด๊ดก็ดีใจมากแล้ว เรื่องอื่นที่อาจจะเป็นปัญหาตามมาแด๊ดจะแก้ไขเอง ลูกไม่ต้องกังวลแทนหรอกนะ รู้มั้ย.."

เด็กชายพยักหน้ารับและสวมกอดทอมแน่น

…ใครจะว่าประหลาดยังไงแม็กไม่สนหรอก ขอแค่ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกของเราเหมือนเดิม ขอแค่แม็กยังได้อยู่ใกล้และมีโอกาสได้กอดแด๊ดแบบนี้ตลอดไปก็พอแล้ว…  
 :กอด1:
…ความรักระหว่างเขาและจิมจะประหลาดยังไงก็ช่าง.. ขอแค่เขาสามารถให้ความรักในฐานะพ่อกับเด็กชายที่อยู่ในอ้อมกอดนี้ได้อย่างสมบูรณ์ อย่างที่พ่อคนอื่นๆ มีต่อลูกที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่แรกเกิดก็พอ…


TBC >>> 7
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 09-02-2010 11:46:38
แม็กกี้เป็นเด็กฉลาดจัง น่ารักด้วย o13..มีแต่แด๊ดทอมนี่แหล่ะที่ กลัวไปเอง....

เป็นกำลังใจให้คุณจิมกับแด๊ดทอม รักกัน รักกัน :L2:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: a_tapha ที่ 09-02-2010 13:46:47
เรื่องนี้สุดยอดมั่กมาก  o13
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 09-02-2010 14:43:40
รอฉากได้กัน คริคริ
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 09-02-2010 16:18:07
รอจิมกลับมาทวงสัญญา   :o8:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 09-02-2010 17:02:08
แม๊กกี้ เด็กอาราย น่ารักที่สุด :กอด1: :กอด1:
ฉลาดแบบนี้ไม่รักไม่ได้แล้ว
จิมมี่แอบหวานก่อนจาก  :-[
รอจิมกลับมาทวงสัญญา :z1:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: kungyung ที่ 09-02-2010 19:09:50
นายจิมรีบกลับมาให้ไวเลย
คนทั้งเล้าเค้ารอนายอยู่คนเดียว
ให้ไว ให้ไว
รีบๆกลับมาทำงานสำคัญซะ :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 10-02-2010 10:55:20

Speaial part 
“ชวนแด๊ดอาบน้ำ”


(http://www.chumpysclipart.com/images/illustrations/thumbnail/4194_picture_of_a_vintage_image_of_a_boy_taking_a_bath.jpg)

แม็กกี้นั่งกอดอกอยู่หน้าทีวีในห้องส่วนตัว  ดวงตาสีน้ำทะเลคู่สวยจ้องเขม็งกับภาพตรงหน้า คิ้วเรียวขมวดมุ่น  สีหน้าครุ่นคิด  อิจฉาเด็กชายตัวเล็กในทีวีที่ได้นั่งอาบน้ำกับพ่อในอ่าง  เสียงหัวเราะกิ๊กกั๊กเพราะถูกพ่อขัดขี้ไคลให้   คงจะมีความสุขน่าดูล่ะซี   ทำไมตอนเด็กๆ เราถึงไม่มีโอกาสแบบนี้บ้างนะ   

 :m17:  แม็กกี้หน้าจ๋อยเมื่อนึกถึงตอนที่ตัวเองยังเล็ก  ตั้งแต่จำความได้ก็อาบน้ำเองมาตั้งแต่เด็กแล้ว  แม่จะอาบให้ก็ตอนแม็กไม่สบายเท่านั้น  และไม่มีโอกาสได้อาบในอ่างแบบนี้หรอกนะ  เพราะนอกจากที่บ้านจะไม่มีอ่างน้ำแล้ว  ประการสำคัญแม่เป็นผู้หญิงจะมาอาบด้วยกันในอ่างตามประสาลูกผู้ชายแบบนี้ได้ไง 

.... :เฮ้อ:  เฮ้อ!! ถ้าเราได้เจอกับแด๊ดตั้งแต่ตอนเด็กๆ ก็ดีซีเนอะ....

ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างขึ้นพร้อมรอยยิ้ม  เมื่อคิดได้ว่าถึงไม่ได้เจอแด๊ดตอนเด็กก็ไม่เห็นเป็นไรนี่นา....ก็ตอนนี้...เวลานี้  เรามีแด๊ดดี้ของเราแล้ว  และบ้านเราก็มีอ่างน้ำด้วย...หุ หุ... :m4:

(http://www.chumpysclipart.com/images/illustrations/thumbnail/4194_picture_of_a_vintage_image_of_a_boy_taking_a_bath.jpg)


“เข้ามา” 

ทอมเอ่ยอนุญาตเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูขณะสายตายังจับจ้องอยู่กับงานตรงหน้า  เขาไม่ได้เขียนแบบเสื้อมาหลายวันเพราะรู้สึกเบื่อๆ แต่วันนี้นอกจากจะอารมณ์ดีแล้วยังสบายใจเป็นพิเศษเพราะอีกไม่กี่วันก็จะได้เห็นหน้าคนรักจอมกะล่อนแล้ว  เลยหยิบปากกามาลองขีดเขียนเล่น  เขียนไปเขียนมาชุดนี้เป็นชุดที่ 5 แล้วทั้งที่เพิ่งนั่งเขียนได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง

“โห !!!  สวยจังเลยฮะแด๊ด..  แต่ชุดนี้โป๊ไปหน่อยนะฮะ”   เสียงใสทักขึ้นทั้งชมทั้งติติง  ร่างเล็กเบียดกระแซะเข้ามาดูงานของพ่อ     
ทอมหันมามองหน้าลูกชายแสนรักที่ยืนเอามือไขว้หลังอยู่
“มีธุระอะไรเจ้าตัวยุ่ง  หืมม์..”
“เปล่ามีธุระฮะ   ผมจะมาอาบน้ำ..” 
“อาบน้ำ  ที่นี่เหรอ? ”  ทอมถามย้ำให้แน่ใจว่าไม่ได้ฟังผิด 
“ฮะ..  วันนี้ผมจะอาบในอ่างน้ำ  ผมเตรียมชุดมาใส่ที่นี่ด้วย”  เด็กชายชูเสื้อผ้าที่ซ่อนไว้ด้านหลังให้เขาดู
“โอ!  งั้นเหรอ..” 
ทอมพยักหน้าหงึกกับเหตุผลของลูก  ห้องน้ำของเด็กชายไม่มีอ่างน้ำ  ถ้าอยากอาบต้องมาขออาบที่นี่ก็ถูกต้องแล้ว  แต่อดแปลกใจไม่ได้เพราะไม่เคยเห็นเจ้าหนูอยากแช่น้ำในอ่างเลยสักครั้ง
“ตามสบายนะครับคุณหนู  แต่ต้องเสียเวลารองน้ำหน่อยนะ  ทำเป็นรึเปล่า  ถ้าไม่เป็นเดี๋ยวผมไปรองให้..”
เด็กชายยิ้มเขินเมื่อถูกแซว  มือเล็กยันหน้าอกพ่อไว้เมื่อเห็นทำท่าจะลุกขึ้นไปจัดการรองน้ำให้
“ไม่ต้องลำบากหรอกฮะแด๊ด  ผมจัดการเองได้ สบายมาก ”
ทอมส่ายหน้าเมื่อเด็กชายวิ่งผลุบเข้าห้องน้ำไป เขาหันมาสนใจกับงานตรงหน้าต่อ  อดขำไม่ได้เมื่อได้ยินเสียงน้ำเปิดแรงมาก   คงอยากจะอาบเร็วๆ ซีท่า  เจ้าตัวยุ่งเอ๊ย!!

“แด๊ดฮะ” 
ทอมสะดุ้งแม้จะเป็นแค่เสียงทักเบาๆ  เพราะกำลังใช้สมาธิกับงาน และนึกไม่ถึงว่าเด็กชายจะโผล่มาอยู่ข้างหลังอีก  ก็ได้ยินเสียงอยู่ในห้องน้ำแหม็บๆ
“แหะ ๆ  ขอโทษฮะที่ทำให้ตกใจ”
“มีอะไร หือ..  อยากจะอาบเร็วๆ ก็ไปยืนคอยซี..”
“แด๊ดฮะ....”  เด็กชายเรียกเสียงอ้อน  ทำให้ทอมต้องวางปากกาในมือลงและหันมาสนทนาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ว่าไง  เรียกเสียงหวานแบบนี้ มีอะไรจะขอใช่มั้ย  หือ..”
“แด๊ดอาบน้ำรึยังฮะ”
ทอมส่ายหน้า  นึกในใจว่าเด็กชายคงอยากจะเล่นน้ำในอ่างนานๆ
“แด๊ดยังไม่อาบเวลานี้  จะอาบตอนเข้านอน  เชิญลูกใช้ห้องน้ำตามสบาย  แต่ไม่ให้แช่นานเกิน 20 นาที  โอเค..”
“โอเคฮะ  แต่ว่า...”
“แต่อะไรอีก ทำไมปัญหาเยอะจัง หือ...”
“เอ่อ.. คือว่า..”
แม็กกี้ยืนบิดไปมาอยู่ชั่วครู่ก็ตัดสินใจเอ่ยขึ้น
“อาบน้ำด้วยกันมั้ยฮะ  แด๊ด..”
ทอมเลิกคิ้วเมื่อได้ยินคำชวน  ลูกชายตัวยุ่งมีสีหน้าเขินอายเล็กน้อยแต่คำพูดที่ออกมากลับตรงกันข้าม
“มาอาบด้วยกันตอนนี้เลยเถอะฮะ แด๊ด.. ไม่ต้องอายหรอก  ลูกผู้ชายเหมือนกัน”
ทอมนั่งอึ้งไม่ตอบตกลงแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ   เด็กชายสลดเมื่อท่าทีของพ่อดูเหมือนไม่ชอบใจกับคำชวน
“แด๊ดยังไม่อยากอาบใช่มั้ยฮะ ไม่เป็นไรผมอาบคนเดียวก็ได้”  เด็กชายเสียงอ่อยรีบปลอบใจตัวเองว่าพ่อยังไม่อยากอาบ  ดีกว่าให้พ่อตอบว่าไม่อยากอาบด้วยกัน

แม็กกี้เห็นพ่อเอาแต่นั่งยิ้มไม่ยอมพูดอะไรสักคำ  ก็หันหลังเดินคอตกกลับไปเข้าห้องน้ำ

...อาบคนเดียวก็ได้ไม่เห็นเป็นไรเลย... :m17: มีแด๊ดนั่งอาบด้วยจะสนุกแค่ไหนเชียว  ก็คงงั้นๆ แหล่ะ ... 
...แด๊ดทำงานอยู่  ยังไม่อยากอาบตอนนี้  นายโตแล้วนะแม็กกี้ อย่าเซ้าซี้เป็นเด็กเล็กๆ หน่อยเลย...

สารพัดคำพูดที่แม็กกี้บ่นพึมพำปลอบใจตัวเองขณะถอดเสื้อผ้าเตรียมจะลงอ่าง   แม็กกี้เทสบู่เหลวลงไปในอ่างและใช้มือตีไปมาจนเกิดฟองก่อนจะก้าวลงไป….

อ่างอาบน้ำของทอมเป็นอ่างน้ำวนทรงกลมที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่และลึกกว่า 60 CM. ผู้ใหญ่สามารถนั่งอาบสองคนได้อย่างสบาย แต่สำหรับแม็กกี้ซึ่งต้องการเอนตัวลงนอนจึงต้องใช้ความพยายามหามุมและท่าเหมาะๆ ที่จะสามารถเอนตัวลงได้โดยไม่ลื่นไถลจมลง แต่ก็ไม่สำเร็จเพราะขาสั้นไปยันขอบอ่างอีกฝั่งไม่ถึง  ในที่สุดก็ต้องอยู่ในท่านั่งพิงขอบอ่าง  เด็กชายถอนใจเฮือกหลับตาเงยศีรษะขึ้น  นึกในใจว่าทำไมแด๊ดไม่ใช่อ่างอย่างที่เห็นในทีวีนะจะได้นั่งสบายกว่านี้   คิดถึงตรงนี้ภาพหนูน้อยอาบน้ำในอ่างกับพ่อก็เริ่มเข้ามากวนใจและความรู้สึกอีก จนต้องยกสองมือขึ้นตีน้ำให้เกิดฟองเพื่อระบายความหงุดหงิดในใจ

…ฮึ่ยย !… :เฮ้อ:

...ถ้าได้อาบกับแด๊ดจะสุขสบายกว่านี้หลายเท่ามั้ยน้าาา... ทำไงถึงจะได้มีโอกาสสักครั้งนึงในชีวิต... แค่ครั้งเดียวก็พอจริงๆ...

แม็กกี้สะดุ้งเมื่อถูกจุ๊บที่หน้าผาก   ลืมตาขึ้นก็เห็นใบหน้างามของแด๊ดดี้แสนรักอยู่ห่างไม่ถึงคืบส่งยิ้มหวานให้
“น้ำร้อนไปหรือไงครับคุณหนู  ถึงนอนหลับตาหน้ามุ่ยแบบนี้อ่ะ”
“แด๊ด!!!!..” 
แม็กกี้กระวีกระวาดขึ้นนั่ง  ดีใจสุดๆ ที่เห็นพ่อนั่งอยู่ขอบอ่างในชุดเสื้อคลุมแสดงว่าเปลี่ยนใจจะมาอาบน้ำด้วยแล้ว  เย้....
“จะอาบน้ำแล้วใช่มั้ยฮะ   งานเสร็จแล้วเหรอ..”
ทอมเลิกคิ้วเมื่อเจ้าหนูถามถึงเรื่องงาน  แสร้งตีสีหน้าเหมือนนึกขึ้นได้และทำท่าจะลุกขึ้น
“จริงซี  ยังไม่ได้ลงสีเสื้อ 2 ตัวหลังเลย”
“หา!!!! ”  เด็กชายอ้าปากค้างเมื่อทอมลุกขึ้นยืนและทำท่าจะผละออกไป  สองมือเล็กคว้าแขนพ่อไว้ร้องเสียงหลงไม่ยอมให้ไป
“ไม่นะฮะ แด๊ด... อ้าาาา....ไม่เอา.. ไม่ให้ไปอ่ะ  อาบน้ำด้วยกันก่อนซีฮะ  เดี๋ยวค่อยไปทำต่อก็ได้  นะฮะแด๊ด.. นะฮะ...น้าาาา…”
ทอมใจหายเมื่อเห็นสีหน้าจะร้องไห้ของลูก น้ำใสปริ่มดวงตาคู่สวย รีบทรุดตัวลงนั่งปลอบเลิกกระเซ้า
“ใครจะไปไหน...  แด๊ดจะลุกขึ้นถอดเสื้อต่างหากล่ะ  ตกลงจะให้อาบด้วยมั้ย หือ..”
“อาบซีฮะ”     สีหน้าระรื่นขึ้นทั้งที่น้ำตายังคลออยู่
“งั้นก็หลับตาก่อน”
“เอ๋??...  หลับทำไมฮะ”
ทอมลุกขึ้นยืนแก้สายคาดเอวออก  เด็กชายจึงเข้าใจความหมายยอมหลับตาด้วยดี  แต่ก็บ่นปอดแปดไปตามเรื่อง
“หลับก็ด้ายยย... เป็นลูกผู้ชายเหมือนกันไม่เห็นต้องอายเลยนี่ฮะแด๊ด  เด็กในทีวียังอาบน้ำกับพ่อ โป๊ด้วยกันทั้งคู่เลย”
“เด็กในทีวีกี่ขวบล่ะ”   ทอมถามขณะหย่อนตัวลงนั่งช้าๆ  ระวังไม่ให้น้ำล้น
“ประมาณ 5 - 6 ขวบมังฮะ”
ทอมส่ายหน้าด้วยความรู้สึกเอ็นดู  ขนาดหลับตายังพูดจ๋อยๆ ได้เป็นเรื่องเป็นราว
“แล้วลูกอายุเท่าไรล่ะ แม็กกี้”
"เดือนหน้าก็ 13 แล้วฮะ”
“หึ!!..ถ้าตอนนี้ลูกอายุ 5 ขวบ  แด๊ดก็ไม่ต้องให้ลูกปิดตาหรอก  เอ้า!  ลืมตาได้แล้ว”
แม็กกี้ลืมตาขึ้นก็เห็นพ่อนั่งอยู่ในอ่างน้ำเดียวกับตัวเองตามที่วาดฝันไว้แล้ว  ดีใจและตื่นเต้นจนห้ามความรู้สึกไม่ได้   ถลาเข้าไปสวมกอดทำให้น้ำที่เกือบจะปริ่มขอบอ่างล้นทะลักไหลนองลงบนพื้น
"โอว !!..  เบาซีลูก..   ทำไมทั้งน้ำทั้งฟองมันเยอะไปหมดเลยล่ะ หือ.."

ทอมสวมกอดเด็กชายไว้ด้วยความรู้สึกไม่ต่างกัน  เพราะเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาได้มีโอกาสอาบน้ำกับใครในอ่าง และใครคนนั้นก็เป็นเจ้าหนูแสนรักของเขาเอง  หัวใจเขาเต้นแรงรู้สึกเป็นสุขอย่างบอกไม่ถูกเมื่อได้ยินคำเอ่ยชวนจากปากแม็กกี้เมื่อครู่  ที่นิ่งเงียบไปเพราะพูดอะไรไม่ออก  แต่เจ้าหนูคงเข้าใจว่าเขาไม่อยากอาบน้ำด้วยเลยเดินคอตกกลับเข้ามาอาบคนเดียว

"ลูกรองน้ำไว้เยอะเกินไป รู้มั้ย"
ทอมเสยผมเปียกชื้นของเด็กชายขึ้นและจูบหนักๆ ที่หน้าผาก  สองแก้มอิ่มของเจ้าหนูแดงเรื่อคงเพราะอุณหภูมิของน้ำสูงเกินไป  เขาต้องปรับให้ลดลงด้วยการปล่อยน้ำออกและเปิดน้ำใหม่เข้า  พร้อมกับปล่อยแรงดันให้เกิดน้ำวน  เด็กชายสะดุ้งหน้าตื่นเมื่อรู้สึกว่าน้ำไหลวนในอ่าง   ไม่รู้ว่าอ่างของพ่อฉีดน้ำได้ด้วย
"มานั่งตรงนี้ซิ แม็กกี้.."   
แม็กกี้ขยับเข้าไปนั่งข้างๆ พ่อ   หัวเราะร่วนเมื่อแผ่นหลังถูกแรงดันน้ำฉีดใส่
"ดีจังเลยฮะแด๊ด   :m4:   ฉีดน้ำได้ด้วย…  แด๊ดฮะ  ถูหลังให้ผมหน่อย"   แม็กกี้ทำตามอย่างเด็กชายในทีวีหมุนตัวหันหลังให้พ่อ
ทอมระบายยิ้ม  สองมือบีบนวดไหล่ของร่างเล็กตรงหน้าก่อน  แต่แค่บีบเบาๆ เด็กชายก็ร้องลั่น
"โอ้ย!  แด๊ดฮะ  อย่าบีบซี  ถูหลังเฉยๆ "
ทอมถูหลังให้ตามที่เจ้าหนูต้องการ  แต่ขยับแค่ 2 ครั้ง ร่างเล็กก็ดิ้นดุ๊กดิ๊กไปมาพร้อมเสียงหัวเราะคิก
"ฮิ ๆ  ฮะ ๆ  จั๊กจี๋อ่ะฮะ แด๊ด..  ฮะ ฮะ"   :m3:
"นั่งนิ่งๆ ซี  จะถูมั้ย" 
ทอมแกล้งดุเด็กชายจึงยอมนั่งนิ่ง  แต่ร่างกายยังสะท้านเหมือนพยายามกลั้นหัวเราะ
"แด๊ดฮะ   สะอาดรึยัง  พอแล้วเถอะฮะ "  แม็กกี้ร้องบอกให้พ่อหยุดเพราะจั๊กจี๋จนทนไม่ไหว   
"สระผมดีกว่าฮะแด๊ด"   พูดจบก็ขยับไปหยิบแชมพูยื่นให้พ่อและนั่งหันหลังให้เหมือนเดิม
ทอมอดหัวเราะไม่ได้  ทั้งหมดที่ให้ทำคงจำมาจากเด็กชายในทีวีแน่ๆ  หนังหรือรายการอะไรนะช่างสรรหาดูจริงๆ

แม็กกี้รู้สึกสบายกับสัมผัสที่ได้รับ   :m1:….ให้พ่อสระผมให้มันสบายแบบนี้นี่เอง  สบายจนอยากจะนอนหลับซบอกเลยอ่ะ…
ขณะคิดร่างเล็กก็ค่อยๆ เอนลงโดยไม่รู้ตัว

"เฮ้! นั่งตรงๆ ซี  นอนลงมาอย่างนี้จะสระได้ยังไง"  ทอมเอ็ดลูกชายจอมยุ่ง  เจ้าหนูก็ขยับขึ้นนั่งตัวตรงทันที
"หลับตาได้แล้ว"
"เอ๋?? หลับทำไมอีกอ่ะฮะ  แด๊ดจะถอดอะไรอีกเหรอ"  เด็กชายย้อนถามเสียงใส  "ถึงถอดผมก็ไม่เห็นหรอก  ผมไม่มีตาหลังนะฮะแด๊ด.."
ทอมเม้มปากด้วยความเหนื่อยใจกับความช่างซักช่างสงสัย  ถ้าไม่ติดว่าเป็นลูกล่ะก็จะเขกหัวให้ 1 โป๊ก!!!
ทอมเปิดน้ำฝักบัวในมือรดที่ท้ายทอยเด็กชายก่อน  เจ้าหนูรีบหลับตาทันทีเพราะรู้จุดประสงค์ของคำสั่งแล้ว
"เอาล่ะ !!  สะอาดแล้ว  ต้องการบริการอะไรอีกมั้ยครับ  คุณหนู.."
"พอแล้วฮะ"  เด็กชายเอนตัวลงซบอกพ่อ  เงยหน้ายิ้มให้
"ผมบริการให้แด๊ดบ้างมั้ยฮะ"
"จะบริการอะไรล่ะ"
"สระผมมั้ยฮะ"
ทอมส่ายหัว  ข้อเสนอใหม่ก็ตามมาอีก
"ขัดหลังให้ล่ะกันฮะ  หรือจะนวดดี"
ทอมส่ายหน้าปฏิเสธอีกเด็กชายก็หน้าจ๋อยรีบผละขึ้นนั่ง   ยังไม่ทันจะเอ่ยตัดพ้อก็ถูกพ่อคว้ามือขึ้นมาดู
"นิ้วเหี่ยวแล้วเห็นมั้ย  ยังจะเล่นอะไรอีก  ลุกขึ้นล้างตัวดีกว่า  ไป!!."
"อย่าเพิ่งฮะ  นอนอีกแป๊บนึง"   

แม็กกี้เอนตัวลงนอนซบอกพ่ออีก    :m1:….สบายและมีความสุขที่สุดในโลก  ในที่สุดก็มีวันนี้…. วันที่แม็กได้มีโอกาสอาบน้ำในอ่างกับพ่อ…

เด็กชายสะดุ้งเล็กน้อยคิ้วเรียวขมวดมุ่น  ดวงตาคู่สวยเหลือบขึ้นมองพ่อด้วยความไม่แน่ใจ  ก่อนเอ่ยถามเสียงสั่น

 :m28:"แด๊ดฮะ..  มีอะไรแข็งๆ ดันข้างหลังผมไม่รู้.."
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 10-02-2010 11:11:06
แล้วอะไรแข็งๆๆดันหลังแม็กกี้อยู่หว่า :m20: :m20:

รอเจ๊หมวยมาเฉลย.....กร๊ากกก
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: 1582 ที่ 10-02-2010 11:31:26
^
^
จิ้มผึ้งทะลุถึงเจ๊หมวย


แม็กกี้น่ารักจัง  คงงงว่าอะไรแข็งๆ น๊า ^^
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 10-02-2010 11:51:39
ทะลึ่ง
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 10-02-2010 12:14:43
"อะไรล่ะ"  ทอมถามเสียงเรียบและขยับตัวเล็กน้อย 
แม็กกี้สะดุ้งโหยงรีบผละออกด้วยความตกใจ  เพราะพอพ่อขยับตัวอะไรแข็งๆ ที่ว่าก็สัมผัสเข้าที่หลังเต็มๆ   
"มีอะไรอยู่ในน้ำฮะ แด๊ด..  ไม่เอานะ  อย่าหลอกซี  ผมกลัว~"
เด็กชายเสียงสั่นขยับออกห่างจากพ่อ   ปากบอกกลัวแต่มือเล็กกลับพยายามเกลี่ยฟองไปข้างๆ เพื่อจะได้ดูว่ามีอะไรอยู่ในน้ำ  ใบหน้าของเด็กชายโน้มเข้าไปใกล้เมื่อเห็นเงาลางๆ ก็พอจะรู้แล้วว่ามันคืออะไร  ดวงตาสีน้ำทะเลเบิกโพลงกำลังจะอ้าปากร้องก็ถูกของแข็งที่ว่าโผล่แต่หัวขึ้นมาพ่นน้ำใส่เข้าที่หน้าอก
"ฟืดดด…  ฟืดดดด…."
"อ๊ะ ! ..อ๊าาาา!!"  แม็กกี้เอามือป้องหน้าไว้ร้องเสียงหลง   
"แด๊ดอ่ะ อย่างแกล้งซี  ทำไมมีอันเดียวล่ะฮะ  ขอผมมั่งเซ่~"    มือหนึ่งปิดหน้าอีกมือยื่นไปขอ ปืนฉีดน้ำของพ่อ

ทอมส่งปืนฉีดน้ำให้ลูกแต่โดยดี  เด็กชายหัวเราะร่ายิงน้ำใส่ที่ตัวพ่อบ้างก็เจอสวนกลับทันที  เจ้าหนูเบิกตาโพลงเมื่อรู้ว่าพ่อมีปืนฉีดน้ำอีกหนึ่งอันซ่อนอยู่  สองพ่อลูกฉีดน้ำใส่กัน  เสียงหัวเราะของพ่อและเสียงโวยเล็กๆ ของลูกดังลั่นห้องน้ำ  ไม่น่าเชื่อเลยว่าเจ้าหนูแม็กกี้เล่นยิงปืนฉีดน้ำสู้แด๊ดดี้ทอมไม่ได้…

ทอมดึงปืนฉีดน้ำออกจากมือเด็กชายเมื่อเห็นว่าเล่นสนุกพอแล้ว
"พอแล้วแม็กกี้  ลุกขึ้นล้างตัวได้แล้ว"

แม็กกี้ปฏิบัติตามที่พ่อสั่งอย่างว่าง่ายลุกพรวดขึ้นยืนทันที  ทอมช้อนสายตาขึ้นมองเรือนร่างของลูกชายวัยเยาว์  แม็กกี้วันนี้ไม่ใช่เด็กชายรูปร่างเล็กและผอมบางเหมือนเมื่อหลายเดือนที่ผ่านมา  อาหารการกินที่ได้รับอย่างถูกสุขอนามัย  ทำให้ร่างกายของเจ้าหนูแข็งแรงได้สัดส่วนสมวัย เติบใหญ่ขึ้นมาก  อืมม์…มาก… มากจริงๆ ด้วย… ดูท่าคงจะเติบโตเข้าสู่วัยหนุ่มน้อยในอีกไม่นานนี้แล้ว…

"แด๊ดฮะ"
ทอมสะดุ้งกับเสียงเรียกเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มหวานให้ลูกชายแสนรัก  สีหน้าของเจ้าหนูแดงเรื่อ
"มองอะไรฮะ แด๊ด..  น่าเกลียดจังเลยอ่ะ"    แม็กกี้ใช้สองมือปิดไอ้หนูของตัวเองไว้ด้วยความเขินอาย  ถึงจะเป็นสายตาของพ่อก็เถอะ  เล่นจ้องไม่กระพริบแบบนี้ใครจะไม่อาย
"เรียกให้ผมลุก ทำไมแด๊ดไม่ยอมลุกล่ะฮะ"
"ลูกหลับตาก่อนซิ  แด๊ดถึงลุกได้"  ทอมอมยิ้ม
"อีกล่ะ   ให้หลับตาเรื่อยเลย  ทีผมยืนขึ้นแด๊ดยังไม่เห็นหลับตาเลยนะฮะ"
ทอมหัวเราะและถามย้ำให้แน่ใจอีกครั้ง 
"พูดแบบนี้หมายความว่าลูกจะไม่หลับตา  และอยากมองแด๊ดตาไม่กระพริบด้วยใช่มั้ย"
แม็กกี้ยิ้มแห้งๆ ให้พ่อ  ไม่กล้าตอบรับแต่ก็ไม่ยอมปฏิเสธ
"โอเค!..  ถ้าลูกไม่กลัวเป็นตากุ้งยิง  ก็เตรียมจ้องไว้ได้เลย"   กล่าวจบร่างสูงโปร่งงดงามสมส่วนของนายแบบ 3 สมัย ทอม แม็คกิลล์  ก็ลุกขึ้นยืนช้าๆ   
แม็กกี้อ้าปากหวอ  จ้องมองตาค้างเมื่อแด๊ดดี้สุดหล่อลุกขึ้นยืนประจัญหน้า

 :m10:

เสียงท้วงดังอยู่ในลำคอเพราะถูกพ่อเอามือปิดปากไว้  และฉุดให้ลงจากอ่างพาไปเข้าตู้อาบน้ำล้างตัว  ภายในตู้น้ำอุ่นพุ่งลงอย่างแรงจนแม็กกี้ไม่มีโอกาสเอ่ยปากพูด 

สองมือของทอมขยี้ศีรษะให้เด็กชายและล้างเนื้อตัวให้อีกครั้ง  ก่อนเปิดประตูดันร่างเล็กออกจากตู้และออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงที่เจ้าหนูไม่กล้างอแงหรือต่อคำด้วย
"ไปเช็ดตัวแล้วก็เช็ดหัวให้แห้งด้วย  แด๊ดออกไปลูกต้องสวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วนะ"

"ขี้โกง.. แด๊ดดี้.. ขี้โกง.."  เสียงบ่นพึมพำในลำคอขณะกำลังสวมเสื้อ
"ว่าใครขี้โกง  ฮึ!.."
ผ้าขนหนูถูกคลุมลงที่หัวเด็กชายด้วยฝีมือของแด๊ดดี้สุดหล่อ  ก่อนที่ร่างเล็กจะถูกจูงไปนั่งที่เตียง
"ว่าแด๊ดขี้โกง.. รู้จักบาปกรรมรึเปล่า ฮึ!"  ทอมเสียงเขียวใส่  แต่มือที่เช็ดผมให้นุ่มนวลและอ่อนโยน
"ผมขอโทษฮะ"  เด็กชายขอโทษเสียงอ่อย  รีบสวมกอดพ่อเอาใจ 
"แด๊ดฮะ"
"หือ"
 :m1:"ผมรักแด๊ดที่สุดในโลกเลยอ่ะ"
"อืมม์.."
"แด๊ดรักผมที่สุดในโลกเปล่าฮะ"
"อืมม์.."
"รักมากกว่าคุณจิมเปล่าฮะ"

เงียบ !!!   เด็กชายใจเสียเล็กน้อยรีบหาทางออกให้เพื่อไม่ให้พ่อลำบากใจ

"ไม่ต้องรักมากกว่าก็ได้ฮะ   แต่ห้ามรักน้อยกว่าน้าา.."
"อืมม์"
"แด๊ดฮะ  จะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ  นอกจากคำว่า อืมม์"

ทอมหัวเราะ  เขกหัวเด็กชายเบาๆ หนึ่งทีก่อนจะเงยหน้าเจ้าหนูขึ้นตอบเสียงอ่อนโยน

"แด๊ดรักลูกมากที่สุดในโลกแล้ว  ยังจะแปลว่าน้อยกว่าใครอีกได้ยังไง หือ.."

ทอมสวมกอดเด็กชายไว้ด้วยความรักสุดหัวใจ  วันนี้เป็นวันที่เขามีความสุขที่สุดในช่วง 10 วันที่ไม่มีคนพิเศษคนนั้นอยู่ข้างกาย  ไม่อยากเชื่อเลยว่าแค่ได้อาบน้ำกับลูกความสุขก็แทบจะล้นทะลักหัวอก

"แด๊ดฮะ"
"หือ"
"ไว้อาบน้ำด้วยกันอีกนะฮะ  สนุกดี.."   
"โอเค"
แม็กกี้เอ่ยชวนเหมือนรู้ว่าพ่อคิดอะไรอยู่  จึงได้รับคำตอบตกลงทันทีอย่างไม่คาดฝัน 
"เย้…  ขอบคุณฮะแด๊ด  ผมรักแด๊ดที่สุดในโลกจริงๆ  ที่สุดของที่สุด"

แม็กกี้สวมกอดและจูบแก้มพ่อด้วยความดีใจที่จะได้อาบน้ำด้วยกันอีก  หากแต่ในใจนึกอย่างมาดมั่นว่า …ครั้งหน้าต้องหาทางให้แด๊ดถอดชั้นในออกให้ได้  ปล่อยให้ลูกโป๊คนเดียวได้ไง  ไม่ยุติธรรมนี่นา  แด๊ดดี้…

 :m4:




เหอะ เหอะ  ตั้งใจแล้วว่ามี คนมา post ครบ 3  แล้วจะต่อให้

บอกตั้งแต่ต้นแล้ว ชีวิตคนเราไม่มีใครต้องร้องไห้ตลอดไป

บทต้องเสียน้ำตา ชอบว่าเจ๊หมวยใจร้ายกันนัก   

แต่บทที่มีความสุข ได้อมยิ้มแก้มปริอย่างเช่นบทนี้  มีบางคนว่าเจ๊หมวยทาลึ่ง~ อ่ะ

หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: 1582 ที่ 10-02-2010 12:51:42
โดนเจ๊หมวยหลอกให้จิ้น  อ่านแล้วอมยิ้มแก้มพอง  อยากไปแช่น้ำกับ 2 หนุ่ม  o4
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 10-02-2010 13:51:03
 :z13:
 :z13:

จิ้มพี่ปูทะลุไปหาเจ๊หมวย.................


กร๊ากกกกจิ้นไปไกลถึงสุไหลโกลก แต่โดนสกัดดาวรุ่งอยู่แถวหมอชิตซะงั้น...แป่ววมีปืนฉีดน้ำในอ่างก็ไม่บอก :m26:

แต่สองพ่อลูกอาบน้ำด้วยกันน่ารักมากๆๆๆๆๆ :o8:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: จุ๊บจิ๊บจ๊ะจ๋า ที่ 10-02-2010 15:00:21
นี่ถ้าจิมมี่อยู่ไม่นั่งเฝ้าหน้าห้องน้ำเป็นหมาหงอยเลยเหรอเนี่ยะ :laugh:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 10-02-2010 17:13:01
แอบ กรีส ส ส

แต่ ถ้าจะให้ กรีส ดังกว่านี้ ต้อง

จิม อาบ กับ ทอม    :impress2:

55
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 10-02-2010 18:53:10
น่ารักไปไหมพ่อลูกคู่นี้ เล่นอะไรกันก็ไม่รู้ :-[

ไอเราก็จิ้นไว้ซะ :z1: ที่ไหนได้เล่นปืนฉีดน้ำกัน :m20:

เดี๊ยวจิมก็กลับมาแล้ว ภาวนาไม่ให้มีเรื่องร้ายๆเกิดขึ้นอีก

( me: สวดมนต์ งึมงำๆๆ)
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: kungyung ที่ 10-02-2010 19:39:07
 :เฮ้อ: ที่แท้ก็ปืนฉีดน้ำ
แต่ไมเราถึงคิดไกลไปถึง...หัววววววววววววววเข่าได้อ่ะ :m17:
แย่จัง แย่ แย่
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: nbee ที่ 10-02-2010 22:03:47
แบลุ้นว่ามัคืออะไร
รู้อยู่ว่าเจ้หมวยคงจะไม่ได้หมายความถึงตรงนั้น
แต่มันก็คิดไม่ออกว่ามันจะเป็นอะไร....ไปไม่ได้นอกจาก... :-[


ที่แท้ก็ปืนฉีดน้ำนี่เอง  o18
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 11-02-2010 00:14:26
LOVE YOU ONLY  7..

จิมกลับมาภายใน 2 อาทิตย์ตามกำหนดจริงๆ

ห้องพักผ่อนของบ้านแม็คกิลล์ในคืนนี้ถูกเนรมิตให้กลายเป็นห้องจัดเลี้ยงเล็กๆ ได้อย่างลงตัว มีการจัดงานเลี้ยงต้อนรับการกลับมาของจิมโดยที่ทอมไม่ได้สั่ง   แม้จะรู้สึกแปลกใจแต่ทอมก็ไม่ได้ทักท้วงเพราะเข้าใจว่าคงเป็นความคิดของแม็กกี้ และเห็นว่าเลี้ยงกันแค่สมาชิกในบ้านเท่านั้น ทว่าคนรับใช้ทุกคนไม่เว้นแม้แต่นายแก้วคนสวนกลับแต่งกายสวยงามเรียบร้อยผิดปกติจนทอมนึกประหลาดใจแต่ก็ไม่เอ่ยถามหรือทักท้วงเพราะไม่อยากให้คนในบ้านเสียน้ำใจ

งานเลี้ยงในคืนนี้ทอมจึงเป็นคนเดียวที่แต่งตัวปอนที่สุด เขาสวมแค่ชุดลำลองที่ใส่อยู่กับบ้านตามปกติ ในขณะที่แม็กกี้กับจิมนัดกันแต่งสูททักซิโดทั้งคู่ ทำเหมือนกับจะไปออกงานเลี้ยงใหญ่ที่ไหน แม้จะเริ่มรู้สึกโกรธและน้อยใจ แต่ทอมก็พยายามปั้นสีหน้ายิ้มแย้มไว้ ไม่อยากให้อารมณ์ตัวเองทำให้งานเลี้ยงคืนนี้กร่อยลง เขาไม่ได้ทำเพราะเห็นแก่จิมมี่จอมแสบหรอก แต่เห็นใจคนรับใช้ทุกคนที่นานๆ จะมีงานเลี้ยงให้รู้สึกเบิกบานซะที

หลังอาหารค่ำจิมทำเรื่องที่ทำให้เขานั่งช็อคไปหลายนาที จู่ๆ ก็เรียกสมาชิกทุกคนในบ้านแม็คกิลล์มานั่งล้อมวง และประกาศว่าจะขอใช้ชีวิตคู่อยู่กับเขาจนวันตาย จิมขอเขาแต่งงานต่อหน้าทุกคนหน้าตาเฉย… จิมถอดแหวนวงที่ฝากไว้ออกจากนิ้วเขาและสวมแหวนวงใหม่ให้แทน มันเป็นแค่แหวนทองเกลี้ยงเรียบๆ ไม่สวยงามเหมือนแหวนตระกูลหากแต่คงมีความหมายทางจิตใจสำหรับจิมมากกว่า   จิมกล่าวขณะสวมแหวนอย่างไม่เคอะเขินในขณะที่ใบหน้าเขาร้อนวูบวาบไปมา

"ฉันรักนาย ทอม.. อยากผูกพันเราไว้ด้วยกัน แม้จะไม่มีผลทางกฎหมาย แต่สำหรับจิตใจแล้ว นับจากวันนี้ไปชีวิตเราจะเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน มีสุขร่วมสุขมีทุกข์ร่วมทุกข์ ความตายเท่านั้นที่จะพรากฉันจากนายได้ ฉันขอฝากชีวิตของฉันไว้กับนายด้วยแหวนวงนี้ ได้โปรดตอบรับฉันและฝากชีวิตของนายให้ฉันดูแลด้วยแหวนอีกวงนี้ด้วย.."  

แม็กกี้ยื่นกล่องแหวนให้จิมด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

ทอมนั่งอึ้งมองแหวนในกล่องกำมะหยี่ที่จิมยื่นให้ มันเป็นแหวนทองเรียบๆ อีกหนึ่งวงที่เหมือนกันแต่สลักอักษร T ไว้ที่ตัวเรือนด้านในของวงแหวนซึ่งคงเป็นตัวย่อของชื่อเขา แสดงว่าวงที่จิมสวมให้เขาคงสลักอักษร J ไว้แน่ๆ …

ภายในห้องเงียบกริบเหมือนกำลังรอฟังการตัดสินใจของเขา ทุกคนคงคิดซีนะว่าเขาต้องไม่ปฏิเสธ…

"ไม่!!.."   ทอมลุกพรวดขึ้นยืน ไม่เฉพาะจิมเท่านั้นที่หน้าเสีย สมาชิกทุกคนที่นั่งล้อมวงอยู่แสดงอาการตกใจและเสียใจอย่างเห็นได้ชัด
"ฉันไม่เล่นสวมแหวนบ้าๆ นี้กับนาย"
ทอมกล่าวชัดถ้อยชัดคำ ยิ้มสะใจเมื่อเห็นดวงตาของจิมฉายแววผิดหวังและเสียใจหลังจากระรื่นมาทั้งคืน.. สมน้ำหน้า.. อยากคิดแผนรวมหัวกับคนในบ้านจัดงานบ้าๆ นี้ขึ้นโดยไม่บอกเขาสักคำ..
"แด๊ดดี้ฮะ.."
แม็กกี้เอ่ยเสียงอ่อย แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อถูกทอมตวาดลั่น
"อย่ายุ่งนะ ไม่ใช่เรื่องของเด็ก ลูกมีความผิดรวมหัวกับคุณจิมจัดงานบ้าๆ นี้ขึ้นมาใช่มั้ย"
แม็กกี้หน้าเสียหันไปมองจิม จิมรีบออกรับแทนด้วยน้ำเสียงขมขื่น
"อย่าว่าลูกทอม.. แม็กกี้ไม่รู้เรื่อง ไม่มีใครรู้เรื่องทั้งนั้น ฉันคิดและตั้งใจทำด้วยตัวเอง แค่ขอความร่วมมือจากทุกคนเพื่อให้มาเป็นสักขีพยานในความรักของเรา ถ้านายเห็นว่ามันเป็นเรื่องที่ไร้สาระ ฉันขอโทษ…"
จิมปิดกล่องแหวนและวางลงบนโต๊ะ ก่อนจะลุกขึ้นยืนคว้ามือทอมกุมไว้
"ไม่อยากสวมแหวนให้ฉันก็ไม่เป็นไร ขอแค่ยอมรับแหวนที่ฉันสวมให้ก็พอ เป็นคำยืนยันว่าฉันจะไม่มีวันปล่อยมือจากนาย.."
ทอมแค่นหัวเราะและดึงมือออกจากการเกาะกุม
"ฉันจะแสดงให้นายเห็นว่าเรื่องวันนี้มันไร้สาระยังไง"   ทอมถอดแหวนที่จิมสวมให้ออก
"ดูซิว่าถ้าฉันไม่รับแหวนที่นายสวมให้แล้ว จะเกิดอะไรขึ้น"
จิมอ้าปากหวอเมื่อเทพบุตรแสนรักขว้างแหวนในมือออกไป
"ดูซิว่าเมื่อไม่มีแหวนแล้ว นายจะปล่อยมือจากฉันได้หรือเปล่า..”

ทอมกล่าวประชดอย่างสะใจ และเดินออกจากห้องไปโดยไม่สนใจความรู้สึกของใคร   พ้นหลังทอมคนรับใช้ทุกคนพากันทรุดตัวลงคลานหาแหวน ในขณะที่จิมทิ้งตัวลงนั่งอย่างหมดแแรง นึกไม่ถึงว่าทอมจะโกรธและอายจนกล้าตัดรอนเขาต่อหน้าทุกๆ คนแบบนี้

"พอเถอะ ไม่ต้องหาแล้ว ช่วยกันเก็บของแล้วก็แยกย้ายไปพักผ่อนเถอะ งานเลี้ยงเลิกเร็วไปหน่อย แต่ก็ขอบใจทุกๆ คนที่อุตส่าห์ร่วมเป็นสักขีพยานให้ความรักของผม"
จิมลุกขึ้นยืนและหันไปทางเด็กชายที่ยังนั่งหน้าจ๋อยอยู่
"ไปนอนเถอะ แม็กกี้.. งานเลี้ยงเลิกแล้ว"
จิมคว้าข้อมือเล็กฉุดให้ลุกขึ้นยืนแต่ถูกเจ้าหนูขืนไว้ไม่ยอมลุกและยังเงยหน้าขึ้นกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
"ผมเสียใจครับ คุณจิม.."
"เสียใจเรื่องอะไร แม็กกี้.."
"เสียใจที่แด๊ดดี้โกรธคุณ เสียใจที่แด๊ดโยนแหวนคุณทิ้ง คุณจิมอย่าโกรธแด๊ดนะฮะ" น้ำใสคลอดวงตาคู่สวย
"เด็กโง่.. เรื่องแค่นี้ทำไมต้องเสียใจด้วย แค่ตกใจก็พอ สงสัยคงจะไม่เคยเห็นแด๊ดดี้โกรธล่ะซีท่า.."

อารมณ์โกรธของทอมเมื่อครู่สำหรับจิมแล้วถือเป็นเรื่องปกติ มากกว่านี้ก็เคยเจอมาแล้วเขาจึงไม่ได้รู้สึกเสียใจ แค่เสียความรู้สึกนิดหน่อยที่ทอมตัดรอนเขาต่อหน้าสมาชิกในบ้านที่นั่งให้กำลังใจอยู่ แต่สำหรับคนอื่นโดยเฉพาะเด็กชายอาจตกใจและเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแทนเขาเพราะไม่เคยเจอกับตัว

"แต่แด๊ดโยนแหวนคุณทิ้ง แปลว่าไม่ยอมรับคุณใช่มั้ยฮะ"
"ใครบอกล่ะ ทอมเขาแค่ไม่ยอมรับแหวนเท่านั้น ไม่ต้องห่วงนะแม็กกี้.. ฉันเคลียร์กับแด๊ดดี้ได้.."
"คุณไม่โกรธแด๊ดเหรอ.."
"โกรธให้โง่เหรอ.. จากไปตั้ง 2 อาทิตย์คิดถึงจะแย่อยู่แล้ว"
เด็กชายยิ้มออก เมื่อรู้ว่าคุณจิมไม่โกรธพ่อแล้วก็ลุกขึ้นยืนและเป็นฝ่ายฉุดจิมเดิน
"ถ้างั้นก็รีบไปเถอะฮะ"
"ไปไหน"
"ไปง้อแด๊ดไง เร็วซีฮะ ถ้าช้าอาจจะโกรธมากกว่านี้อีก คืนนี้คุณคงไม่อยากนอนคนเดียวแน่.."

แม็กกี้พูดหน้าตาเฉยแต่คนฟังกลับหน้าชาวูบ นึกไม่ถึงว่าจะได้ยินคำพูดนี้จากปากเจ้าหนู รีบเดินตามไปแต่โดยดี  กำลังจะก้าวขึ้นบันได ทั้งหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ก็ต้องตกอยู่ในอาการตะลึงกับร่างสง่างามที่กำลังก้าวลงบันไดมาจากชั้นบน นอกจากบนเวทีแคทวอล์คหรือในขณะถ่ายแบบแล้ว น้อยครั้งนักที่ทอมจะยอมสวมสูทชุดใหญ่เวลาออกงาน หากไม่ใช่งานที่มีแขกผู้ใหญ่จริงๆ แล้วเต็มที่ก็แค่สูทลำลอง เหตุผลก็คือทอมเกลียดการผูกไทด์

หากแต่ร่างสง่างามที่เห็นตรงหน้าขณะนี้ งดงามราวเทพบุตรกำลังเยื้องกรายลงจากแดนสวรรค์ ชุดสูทสีขาวสะอาดตา ไทด์สีบรอนซ์เงิน ผมยาวประบ่าสีน้ำตาลทองถูกหวีเสยขึ้นอย่างได้รูปทรง ทอมไม่ได้อยู่ในชุดหรูสุดๆ แบบนี้มานานแล้วตั้งแต่เลิกเดินแบบเลยก็ว่าได้ ความงดงามของเทพบุตรทอมขณะนี้จึงไม่เพียงแต่จะสร้างความตื่นตะลึงใหักับสายตาทุกคู่ที่อยู่เบื้องล่างเท่านั้น หากแต่สร้างความปั่นป่วนในจิตใจให้กับหนุ่มใหญ่จนหัวใจเต้นเป็นกลองรัวเลย ส่วนเจ้าหนูแม็กกี้ถึงกับอ้าปากหวอมองตาค้างตะลึงกับความหล่อสมาร์ทของพ่อ เคยเห็นหล่อมากๆ แบบนี้แต่ในหนังสือเท่านั้น เพิ่งเคยเห็นตัวจริงวันนี้วันแรก

"เอ่อ.. จะไปไหนหรือ ทอม.."    จิมเป็นฝ่ายเอ่ยทักขึ้นก่อน ใจเสียเล็กน้อยกับคำถามของตัวเอง ก็เล่นแต่งองค์ซะงดงามขนาดนี้จะให้เขาเข้าใจว่าอะไร
"งานเลี้ยง"
ทอมตอบเสียงเรียบไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ทั้งทางสีหน้าและน้ำเสียง
"งานเลี้ยง?.. อะไร.. ที่ไหน.. หรือว่า..."    จิมใจหายวาบเมื่อรู้ว่างานเลี้ยงที่ทอมจะไปเป็นงานอะไร

งานเลี้ยงที่ทอมพูดถึง คืองานเลี้ยงตามสถานที่หรูๆ ของกลุ่มไฮโซ ซึ่งทอมสามารถเดินเข้าไปในงานได้อย่างสง่าผ่าเผยทุกงานโดยไม่จำเป็นต้องได้รับเชิญ เจ้าของงานก็รีบถลาเข้ามาต้อนรับ ทอมแอบเล่นสนุกแบบนี้กับเพื่อนนางแบบสาวที่เป็นคู่เดท แต่เฉพาะเวลาที่ดื่มได้ที่เท่านั้น และจะกลับมาเล่าให้เขาฟังอย่างขบขันเพราะบางครั้งได้ซองติดมือกลับมาเฉยเลย

"ไม่ได้นะ ทอม.. ฉันไม่ให้นายไปงานเลี้ยงแบบนั้นอีกแล้วนะ"
จิมคว้าแขนทอมไว้สีหน้าขุ่นเคือง แม็กกี้รีบถอยออกห่างถึงจะนึกเห็นใจจิมแต่ไม่ใช่เรื่องของเด็ก ขืนเข้าไปยุ่งมีหวังถูกโกรธด้วยอีกคนแน่
"ปล่อยนะ!!.." ทอมกระชากแขนกลับอย่างแรงจนรู้สึกเจ็บ อารมณ์ขุ่นมัวขึ้นอีกทั้งๆ ที่รู้สึกดีขึ้นแล้ว
"เกี่ยวอะไรกับนายด้วย ทีนายทำอะไรยังไม่บอกฉันเลย ฉันจะไปไหนก็เรื่องของฉัน"
จิมส่ายหน้า ไม่อยากเชื่อเลยว่าทอมจะหาเรื่องพาลได้ถึงขนาดนี้
"ไม่มีเหตุผลเลยนะ ทอม.. สิ่งที่ฉันทำมันเป็นเรื่องของเราสองคน ไม่ชอบก็ไม่เป็นไร ทำไมต้องโกรธและทำเรื่องประชดแบบนี้ด้วย"
"เรื่องของเราสองคนงั้นเหรอ.. นายคิดและทำของนายคนเดียวมันจะเป็นเรื่องของ เรา..ได้ยังไง "
"โอ! ทอม.. ฉันขอโทษแล้วไง ลงโทษฉันก็ได้ถ้ามันทำให้นายหายโกรธ ฉันยอมทุกอย่าง ขออย่างเดียวคืนนี้อย่าออกไปไหนเลย.. นะทอมนะ.. ได้โปรด.."
จิมสวมกอดทอมไว้ด้วยความรู้สึกหวงจับใจ ไม่อยากให้ใครนอกจากคนในบ้านได้ยลโฉมความงดงามของชายหนุ่มในอ้อมกอดนี้อีกต่อไปแล้ว อยากเก็บไว้เชยชมคนเดียว
"ปล่อยนะ.. ฉันจะไป"
ทอมพยายามดิ้นรนออกจากอ้อมกอดที่แข็งแรง แต่กลับถูกรัดแน่นขึ้นจนรู้สึกเจ็บ
"ฉันไม่ให้ไป!!.."
จิมเสียงแข็งจนเกือบจะกลายเป็นตวาด ตลอดเวลาที่คบกันมาเขาไม่เคยขัดใจหรือเสียงดังใส่เทพบุตรแสนรักเลยสักครั้ง ไม่ใช่เพราะกลัวหรือเกรงใจในฐานะที่เขาเป็นแค่ผู้จัดการส่วนตัว แต่เพราะรัก..จึงยอมให้ทุกเรื่องมาตลอด

ภาพชายหนุ่มสองคนกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันหน้าโถงทางขึ้นบันได ทำเอาคนรับใช้ในบ้านยืนดูกันด้วยสีหน้าตกตะลึง ไม่ใช่เพราะตกใจกับเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทของเจ้านายหนุ่มทั้งสอง แต่เพราะความงามของสองหนุ่มเหมาะเจาะลงตัวกันเกินกว่าที่จะบรรยายได้ ร่างบางกว่าอยู่ในชุดสูทสีขาวสะอาดตาในขณะที่ร่างสูงใหญ่อยู่ในชุดทักซิโดดำทั้งชุด สีขาวและดำช่างเป็นสีที่สวยงามเข้ากันได้ในทุกโอกาสจริงๆ และที่เห็นอยู่ในขณะนี้คือ ร่างในชุดดำแบกร่างในชุดขาวขึ้นพาดไหล่ แม้จะถูกทุบหลังอั๊กๆ อย่างแรงด้วยความโกรธก็ไม่สะท้าน

"ปล่อยนะ จิม.. ไอ้บ้า!!.. เสื้อผ้ายับหมดแล้ว"
"ช่างปะไร ฉันไม่ให้นายออกไปไหนอยู่แล้ว.."
"แต่ฉันจะไป ปล่อยนะ!!  อุตส่าห์ขึ้นไปแต่งตัว เสื้อผ้ายับหมดแล้วจะเข้าพิธีสวมแหวนได้ยังไง จิมมี่.. ไอ้บ้า!!.."
ทอมตะโกนสุดเสียงด้วยความโกรธ จึงถูกจิมตะคอกกลับด้วยความโมโหถึงขีดสุดเช่นกัน
"ก็บอกแล้วไงว่าไม่ให้ไป!!…"

จิมชะงักไปเหมือนกำลังทบทวนคำพูดของอีกฝ่าย ทอมจึงถือโอกาสที่เรี่ยวแรงของจิมคลายลงกระแทกเข่าเข้าที่สีข้างและกระโดดลงมายืน

ทอมตรงมาคว้าแขนลูกชายที่ยืนหลบอยู่ข้างบันไดด้วยสีหน้าตื่นตระหนกพาเดินกลับไปที่ห้องพักผ่อนโดยไม่สนใจกับร่างชุดดำที่ยืนตัวงออยู่

"กลับไปงานเลี้ยงกันต่อเถอะ แม็กกี้.. ช่วยแด๊ดนับ 1-3 หน่อย ถ้าหมอนั่นยังไม่รีบตามมาสวมแหวนให้ ก็อย่าหวังว่าจะมีวันนี้อีกเลย.. 1… 2…"

(http://images.straypic.com/wedding-rings-heart.gif)

ชายหนุ่มในชุดสูทดำและเทพบุตรชุดขาวบรรจงสวมแหวนทองเกลี้ยงสลักชื่ออีกฝ่ายให้กันและกันอยู่หน้าจอทีวีขนาดยักษ์ ที่ปรากฏภาพบาทหลวงกำลังทำพิธีแต่งงานให้กับคู่บ่าวสาวหลายคู่ ฉากประกอบที่งดงามและได้บรรยากาศแบบนี้ เป็นความคิดของนายเอ๊ดดี้คนขับรถคู่ใจของเจ้านายหนุ่มทั้งสองนั่นเอง

เสียงปรบมือดังขึ้นเปาะแปะจากแขกผู้มีเกียรติ 5 คนที่นั่งล้อมวงดูอยู่ด้วยความรู้สึกยินดี เมื่อครู่ทอมแกล้งโยนแหวนทิ้งเท่านั้น ในภาวะที่ทุกคนกำลังตกตะลึงกับเหตุการณ์จึงไม่มีใครสังเกตุเห็นว่าแหวนยังอยู่ในมือเขา

ในที่สุดความรักของเจ้านายหนุ่มและบอดี้การ์ดคู่ใจก็สามารถลงเอยด้วยดี ความงดงามที่เหมาะเจาะและลงตัวกันได้อย่างไม่มีที่ติของชายหนุ่มทั้งสอง ทำให้ทุกคนในบ้านไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องแปลกหรือรับไม่ได้ แม้แต่แม่บ้านทิพย์และนายแก้วคนสวนซึ่งเป็นผู้ใหญ่ที่มีอายุยังยอมรับและไม่เห็นว่าเป็นเรื่องประหลาด จะเป็นชายกับชายหรือหญิงกับหญิง ขอแค่คนสองคนมีความรักที่จริงใจต่อกัน สามารถดูแลและให้ความสุขซึ่งกันและกันได้ก็เพียงพอแล้ว…

(http://www.thaigoodview.com/library/teachershow/samutprakan/onrisa_t/thai_dance/picture/champaign.gif)


TbC >>>  MOrning
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 11-02-2010 00:32:26
 :mc4: :mc4: ทอมยอมรับแหวน ตกลงปลงใจกะคุณจิมซักที... :-[


แต่ทอมหยอกแรงแบบนี้คุณจิมอาจหัวใจวายตายได้นะเนี่ย
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 11-02-2010 00:50:10
ลุ้นคอดๆ

รอตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: kungyung ที่ 11-02-2010 08:21:34
 :เฮ้อ:ตกอกตกใจหมด
อย่างนี้ตอนหน้าก็มีลุ้นอ่ะดิเจ้ :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: nbee ที่ 11-02-2010 12:04:38
อ๊าใจหายใจคว่ำหมด นึกว่าทอมจโกรธจิมจริงๆ ซะอีก

 o18 ที่แท้ก็แค่จะแก้เผ็ดเซอร์ไพรส์กลับจิมนั่นเอง





อ่านแล้วรักเจ้หมวยเรามากขึ้นเลยี่เอานิยายดีๆ อ่านแล้วชื่นใจแบบนี้มาให้อ่านกัน
ถึงแม้ว่าตอนแรกจะทำเอาน้ำตาไหลไปหลายปีบก็ตาม
 +1  + :L2: ให้เลยคับ
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: iiดาวพระสุขლii ที่ 11-02-2010 12:46:16
ในที่สุดก็มีวันนี้   :a1:   


หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 11-02-2010 13:21:51
"จะถอดเสื้อหรือ ทอม.." จิมวางแก้วไวน์ลงเมื่อเทพบุตรแสนรักทำท่าจะถอดชุดสูทออก
"จะอาบน้ำ.. ร้อน.." ทอมถอดสูทออกโยนไปที่เตียง
จิมเดินเข้าไปช่วยถอดองค์ให้ วันนี้เทพบุตรของเขาดื่มทั้งไวน์และเบียร์ ผิวแก้มขาวเนียนขณะนี้แดงซ่านด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ เขาขยับเข้าไปกระซิบแผ่วเบาข้างหูในขณะที่มือค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อให้
"ถอดให้ฉันด้วยซีทอม.. มือฉันไม่ว่าง.."
ทอมทำท่าจะโวยแต่นึกขึ้นได้ว่าคืนนี้เป็นคืนพิเศษ จึงยอมทำตามแต่โดยดี แต่ปากก็บ่นไปด้วยน้ำเสียงลิ้นไก่พันเล็กน้อย
"นายจะรีบถอดทำไม ถ้าจะอาบที่นี่ ต้องอาบทีหลังฉันนะ"
"ฉันยังไม่อาบหรอก มีเรื่องสำคัญต้องทำก่อน"
ทอมรู้สึกเย็นเยือกเมื่อสายตาของจิมที่จ้องมองเขาเหมือนกับเจอขนมหวานก้อนใหญ่อยู่ตรงหน้า สะดุ้งเฮือกเมื่อฝ่ามือใหญ่อ้อมไปสัมผัสแผ่นหลังทันทีที่กระดุมเสื้อเม็ดสุดท้ายหลุดออก
"เอ่อ.. มะ..ไม่นะ จิม.. ฉันจะอาบน้ำก่อน"
ทอมพูดเหมือนรู้ชะตากรรมตัวเองดี รู้สึกร้อนๆ หนาวๆ เมื่อนึกถึงคำมั่นที่อีกฝ่ายให้ไว้ก่อนจากไปว่าจะกลับมาสานต่อภารกิจที่คั่งค้างไว้ เขาไม่ได้คิดจะปฏิเสธแค่บ่ายเบี่ยงและโยกโย้ตามนิสัยเท่านั้นเอง ใครจะยอมให้ง่ายๆ ล่ะ
"อาบตอนนี้เดี๋ยวก็ต้องอาบใหม่อยู่ดี" จิมขบใบหูทอมขณะกระซิบตอบ
ทอมขนลุกซู่เอามือยันหน้าอกกว้างไว้ และร้องขอเสียงสั่น
"อะ.. อาบน้ำก่อนเถอะนะ จิม.. ฉันอยากอาบน้ำ"
จิมชะงักเมื่อร่างในอ้อมแขนสั่นสะท้าน   …อีกแล้วหรือนี่.. เมื่อไรทอมจะชินและเลิกกลัวซะทีนะ…
จิมลอบถอนใจก่อนจะผละออกและกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
"ฉันแค่อยากกอดให้หายคิดถึงน่ะ สองอาทิตย์ที่จากไปฉันคิดถึงนายมากนะทอม.. นายล่ะ คิดถึงฉันหรือเปล่า"
"เอ่อ.. ค..คิดถึงซี…"

ทอมก้มหน้างุด กับหญิงสาวที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกเคอะเขินหรืออายเวลาพูดเรื่องเซ็กซ์เลย แต่ทำไมกับจิมเขาต้องมีอาการแบบนี้ด้วย หรือเป็นเพราะการมีความรักกับจิมทำให้สถานภาพในเกมรักของเขาเปลี่ยนไป เขากลายเป็นฝ่ายรับในขณะที่จิมยังคงเป็นฝ่ายรุกเหมือนเดิม เขากลายเป็นผู้หญิงของจิมไปแล้วจะไม่ให้เขารู้สึกอายได้ไง

"แต่นายเคยสัญญาว่า.. จะไม่บังคับใจฉัน ถ้าฉันไม่พร้อม.. " ทอมกล่าวเสียงแผ่วโดยไม่เงยหน้าขึ้นสบตาด้วย จึงไม่เห็นสีหน้าหมดหวังของอีกฝ่าย
จิมไม่อยากเชื่อเลยว่าจนถึงวันนี้ทอมก็ยังทำใจไม่ได้ ทอมมีความรู้สึกกับเขาฉันท์คนรักจริงๆ อยากอยู่ใกล้ชิดแต่ถ้าถึงขั้นมีเซ็กซ์แล้วกลับทำใจยอมรับไม่ค่อยได้
"ทำไมล่ะทอม.. หรือว่าที่ผ่านมานายไม่มีความสุขเลย.." จิมอยากรู้สาเหตุที่แท้จริงเพื่อเขาจะได้ปรับปรุงแก้ไข
"เปล่า.." ทอมปฏิเสธ
"งั้นเพราะอะไรล่ะ" จิมสวมกอดทอมไว้อีกครั้งและพยายามปลอบถาม
"มีอะไรที่ไม่พร้อมอีก หือ.. ก่อนฉันจะไปนายก็พร้อมแล้วนี่นา…"

คำพูดของจิมแทงใจทอมอย่างจัง ทอมเบี่ยงตัวหนีและผลักจิมออกเต็มแรง อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัวจึงล้มลงบนเตียง

"แต่วันนี้..ไม่ใช่วันนั้น... ฉันไม่ใช่ที่รองรับอารมณ์ของนายนะ จิมมี่.. ถึงจะรู้สึกดีแค่ไหน ถึงจะได้รับการปลดปล่อยทุกครั้งที่นายสัมผัส แต่ถ้าไม่ได้เริ่มขึ้นโดยรอให้ฉันพร้อมมันก็ไม่ต่างจากการบังคับขืนใจเลย ถ้านายต้องการและอยากมีความสุขจากการได้ขืนใจฉัน อยากจะทำอะไรตอนนี้ก็เชิญเลย…”     ทอมถอดเสื้อโยนลงพื้นล้มตัวลงนอนแผ่บนเตียง  ดวงตาคู่สวยหลับพริ้มรอรับชะตากรรมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้  

จิมลอบถอนใจไม่อยากเชื่อว่าจนถึงวันนี้ทอมก็ยังกล้าๆ กลัวๆ  กับการมีเซ็กซ์กับเขา    ร่างสูงโน้มตัวลงเท้าแขนคร่อมร่างคนรัก  
“ฉันขอโทษ.. ฉันจะไม่เอาแต่อารมณ์ตัวเองอีก จะไม่เซ้าซี้.. ไม่แตะต้องถ้านายไม่พร้อม  จะไม่บังคับใจนายอีกต่อไป  ฉันไม่รู้ว่าที่ผ่านมาบังคับขืนใจนายไปกี่ครั้งแล้ว  แต่จากนี้ไปฉันสัญญาว่าจะไม่เกิดขึ้นอีก..”  

เสียงทุ้มขมขื่นจนทอมใจหาย ร่างสูงผละขึ้นถอยห่างไป  ทอมลุกพรวดขึ้นถามน้ำเสียงเครือ
“จะไปไหนอ่ะ”  
“จะอาบน้ำไม่ใช่เหรอ  ฉันจะเตรียมน้ำอุ่นให้  รอเดี๋ยวนะ”     จิมยิ้มอ่อนโยนก่อนหันหลังเดินเข้าห้องน้ำ  

ทอมนั่งตะลึง จิมคงเสียความรู้สึกกับคำพูดของเขา นอกจากจะไม่บังคับใจเขาในคืนนี้แล้ว   ยังคิดจะไม่แตะต้องตลอดไปด้วยงั้นเหรอ..
“ฉันขอโทษ..”  ทอมพึมพำแผ่วเบา  “แค่โยกโย้นิดหน่อยเอง  ทำไมต้องงอนด้วยอ่ะ...”

 :impress:
.........................
.........................
.........................

จิมออกจากห้องน้ำเดินมาที่เตียง  หัวใจเต้นแรงเมื่อเห็นร่างสง่างามของเทพบุตรแสนรักสวมชั้นในเพียงตัวเดียวนอนเหยียดยาวหลับตาพริ้ม  ร่างสูงก้มลงหยิบเสื้อและกางเกงที่ถอดทิ้งอยู่กับพื้นห้องขึ้นมา โน้มตัวลงกระซิบเรียก
“ทอม..  เตรียมน้ำอุ่นให้แล้ว  อาบน้ำก่อนแล้วค่อยนอนนะ”  
คิ้วเข้มเลิกขึ้นเมื่อถูกเทพบุตรแสนรักโน้มศีรษะลงไปกระซิบอ้อน
“จิมมี่~~ ”  
จิมยันกายไว้ไม่ให้ล้มลงไปทาบทับคนรักที่อยู่ในสภาพเกือบเปลือย
“หือ..ว่าไงทอม..”  
“ที่พูดเมื่อกี้แค่ยกตัวอย่างให้ฟังนะ  ฉันไม่เคยถูกนายบังคับใจสักครั้ง  ฉันไม่อยากให้มันเกิดขึ้นโดยเฉพาะในคืนนี้..  อย่าโกรธนะจิม..”  
“ฉันไม่ได้โกรธซะหน่อย  รักมากขนาดนี้จะโกรธได้ยังไง หือ..”
ริมฝีปากบางแย้มยิ้ม  สีหน้าดีใจทั้งที่ยังหลับตาพริ้ม  
“ฉันก็รักนาย จิมมี่..”

จิมซ่อนความปีติยินดีไว้   ...เทพบุตรของเขารู้จักอ้อนสารภาพผิดด้วย หวานน่ารักจนอยากจะกลืนกินทั้งตัว  แต่รับปากไว้แล้วยังไงก็ต้องอดกลั้น  เขาต้องรอให้ทอมเป็นฝ่ายพร้อมก่อน...

“จิม~~”
“ว่าไงที่รัก..”
“ฉันง่วงอ่ะ.. ไม่อาบน้ำได้มั้ย..”      
“ได้ซี.. ง่วงก็นอนเถอะ ไว้ค่อยตื่นขึ้นมาอาบพรุ่งนี้เช้าก็ได้”
“หยิบชุดนอนให้หน่อย จิม..”
“โอเค..”
จิมรับคำและลุกขึ้นเดินไปหยิบชุดนอนให้ นึกขำในใจ.. เดินยั่วอยู่ดี ๆ บทง่วงก็จะนอนเฉยเลย…
“ลุกขึ้นมาสวมเสื้อก่อน ทอม.. เดี๋ยวเป็นหวัดหรอก”
“สวมให้หน่อย..” น้ำเสียงอ้อนอย่างงัวเงียของทอมทำเอาจิมส่ายหน้า มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่าเทพบุตรทอม แม็คกิลล์ ขี้อ้อนเหมือนเด็กๆ

จิมขยับขึ้นไปนั่งบนเตียงในท่าที่ถนัด คืนแรกของการสวมแหวนแต่งงานเขาก็ได้ปรนนิบัติทอมในฐานะคนรักแล้ว …เปลี่ยนชุดนอนให้ ช่างน่าภูมิใจจริงๆ…

จิมสวมเสื้อนอนให้ก่อน ซึ่งได้รับความร่วมมือจากทอมในการขยับตัวไปมาอย่างดี เพราะแค่มึนและง่วงเท่านั้นไม่ถึงกับเมาจนไม่มีสติ จิมยกเท้าขวาทอมขึ้นและสวมเกงเกงให้ แต่ถูกทอมใช้เท้าซ้ายเขี่ยขากางเกงออกพร้อมกับส่งเสียงโวยอย่างขัดใจ

“อื้อ.. อย่าเพิ่งซี ถอดกางเกงในออกก่อน...”
จิมสะดุ้งโหยง หูไม่ได้ฝาดแน่ ถึงน้ำเสียงจะงัวเงียแต่ก็ดังและฟังได้ศัพท์
“เอ่อ.. ให้ฉันถอดให้หรือจะถอดเอง…”
จิมพูดเหมือนอยากจะเลี่ยงการกระทำหากแต่สายตาไม่ได้สอดรับกับคำพูด กลับจ้องเขม็งที่ชั้นในสีขาวด้วยสีหน้าของคนที่กำลังอยู่ในอาการหิวกระหาย และได้มาเจออาหารจานโปรดอยู่ตรงหน้า
“อือ..”

จิมนั่งอึ้ง เป็นคำตอบที่สั้นแต่ไม่ได้ใจความเลย   …อือ..ให้เขาถอดให้หรือจะถอดเองล่ะ…

“ถอดซะทีซี จิมมี่.. ฉันหนาวน้าาาาา..”    o9   ขาเรียวยาวถีบที่นอนไปมาเหมือนเด็กไม่ได้ดังใจจนจิมเผลอเอ็ดด้วยความลืมตัว
“โอเค.. ถอดเดี๋ยวนี้แล้ว อย่างอแงเป็นเด็กๆ ได้มั้ย ทอม..”

จิมตั้งสติขณะที่มือจับขอบกางเกงชั้นในเตรียมจะดึงลง สมองสั่งให้เบือนหน้าหนีแต่ร่างกายไม่ยอมปฏิบัติตาม ทอมยกสะโพกขึ้นเล็กน้อยเหมือนกับจะเร่งให้รีบถอด จิมจึงไม่กล้าอิดออดกลัวเทพบุตรสุดที่รักจะหงุดหงิดอีก ค่อยๆ ดึงชั้นในลงช้าๆ ผ่านเรียวขายาวสมส่วนไปทางปลายเท้า

….ให้ตายเถอะ !.. ไม่อยากเชื่อเลย ไอ้หนูของทอมนอนสงบนิ่งเหมือนเด็กขี้เซาไม่ต่างจากเจ้าของเลย แต่เขาซิ.. แค่เหลือบมองแว่บเดียว ไอ้หนูจอมซ่าส์ของเขาก็แข็งขืนขึ้นมาจนรู้สึกคับแน่นที่เป้ากางเกง

 :m10:   จิมกลืนน้ำลายลงคอ ขยับตัวให้อยู่ในท่าที่ผ่อนคลายขึ้นก่อนจะคว้ากางเกงนอนมาสวมให้อย่างรวดเร็ว เขาลอบถอนใจเมื่อปฏิบัติการสวมชุดนอนให้เทพบุตรสุดที่รักได้สำเร็จโดยที่ยังพอจะควบคุมอารมณ์ตัวเองไว้ได้

“นอนดีๆ ทอม..” จิมขยับทอมให้นอนเข้าที่เข้าทางและห่มผ้าให้
“กู๊ดไนท์ ทอม.. หลับฝันดีนะ” เขาจูบที่เปลือกตาและหน้าผากทอมเบาๆ ก่อนจะผละออก
“จะไปไหนอ่ะ ไม่นอนด้วยกันเหรอ..”
จิมหันกลับไปก็พบเทพบุตรของเขานอนตาปรือรอฟังคำตอบอยู่
“เอ่อ.. นอนซี แต่ขออาบน้ำก่อน นายนอนก่อนนะ ทอม..”

จิมรีบคว้าผ้าเช็ดตัวเดินดิ่งเข้าห้องน้ำ ก่อนจะเจออีกหลายคำถามตามมา เขามีกิจธุระสำคัญที่ต้องทำไม่ใช่เวลามาตอบคำถาม…

 :m29:  
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: -N- ที่ 11-02-2010 13:47:57
เอาอีกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :pighaun:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 11-02-2010 13:57:02
จิมออกจากห้องน้ำก็พบเทพบุตรของเขาหลับปุ๋ยไปแล้ว เสียงกรนเบาๆ บอกให้รู้ว่าทอมหลับสนิทแล้วจริงๆ แสงไฟกลางคืนที่หัวเตียงสว่างพอที่เขาจะเห็นใบหน้างามขณะหลับยังมีเค้าความหงุดหงิดฉายอยู่บนสีหน้า ตอนเด็กๆ ท่านทูตจอห์นคงตามใจน่าดู ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนจึงมีนิสัยเจ้าอารมณ์และเอาแต่ใจแบบนี้   แต่ก็เพราะนิสัยนี้ที่ทำให้เขาได้มีโอกาสใกล้ชิดเพราะต้องปรนนิบัติสารพัด บางครั้งไม่ใช่งานในหน้าที่แต่เขาก็ยินดีทำให้ด้วยความเต็มใจ   เขาไม่รู้จริงๆ ว่าแอบหลงรักทอมตั้งแต่เมื่อไร รู้ตัวว่ารักก็ถอนใจไม่ขึ้นแล้ว  ทอมเป็นรักแรกของเขา  ความรู้สึกที่มีให้ทอมไม่เคยเกิดขึ้นกับหญิงสาวคนไหนมาก่อน เขาไม่เคยนึกเสียดายที่ทอมไม่ใช่ผู้หญิง   จนถึงวันนี้เขาไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองเป็นเกย์หรือเปล่า  เพราะนอกจากทอมแล้ว เขาไม่สามารถมีความรักแบบหนุ่มสาวกับผู้ชายคนไหนได้อีก 

จิมแทรกกายเข้าไปใต้ผ้าห่มอย่างแผ่วเบา  นอนลืมตานิ่งทั้งที่รู้สึกเพลียและเริ่มง่วงแต่ก็ไม่อยากหลับ   ตั้งแต่รู้ตัวว่ารักทอมเขาก็เตรียมใจยอมรับความผิดหวังแล้ว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในค่ำคืนที่ผ่านมานี้ ทำให้จิมไม่อยากหลับกลัวตื่นขึ้นมาแล้วพบว่ามันเป็นเพียงแค่ความฝัน แม้จะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยสำหรับคืนแรกของการสวมแหวนแต่ก็ยินดีและเป็นสุขอย่างยิ่งที่เหตุการณ์วันนี้ผ่านพ้นไปด้วยดี ทอมยอมสวมแหวนต่อหน้าสมาชิกทุกคนในบ้าน แปลว่ายินดีรับเขาเป็นคนในครอบครัวและตัดสินใจใช้ชีวิตคู่ร่วมกับเขาแล้ว

จิมยิ้มกับตัวเองมีความสุขจนไม่สามารถนอนนิ่งเฉยอยู่ได้ ขยับเข้าไปจูบแก้มและกระซิบข้างหูเทพบุตรสุดที่รักเบาๆ
“รักนะ ทอม.. รักนายคนเดียว  รักหมดหัวใจเลย..”  :m1:
“อือ~”

จิมสะดุ้ง เสียงครางในลำคออย่างเด็กๆ ของทอมเหมือนตอบรับคำกระซิบของเขาเลย และไม่ครางเปล่ายังหันมาสวมกอดเขาแทนหมอนข้างด้วย จิมนอนนิ่งยอมให้กอดแต่โดยดี น้อยครั้งนักที่ทอมจะเป็นฝ่ายสวมกอดเขา ส่วนใหญ่จะอยู่ในอ้อมกอดเขามากกว่า

จิมรู้สึกเป็นสุขจนข่มตานอนไม่หลับ และเมื่อนอนไม่หลับโดยถูกเทพบุตรแสนรักสวมกอดอยู่แบบนี้อารมณ์ของเขาก็เริ่มไม่สงบนิ่ง ไหนจะถูกลมหายใจอุ่นๆ ของทอมสัมผัสรดที่ซอกคอเบาๆ

…อา!…ให้ตายเถอะ เขาจำเป็นต้องออกจากอ้อมกอดที่แสนจะมีเสน่ห์ยั่วยวนนี้แล้วก่อนที่อารมณ์จะเตลิดจนควบคุมร่างกายไม่ได้…

จิมยกขาทอมที่พาดต้นขาเขา  แต่เพียงแค่ขยับขึ้นอีกฝ่ายก็รู้สึกตัว และขยับเข้ามาเบียดกระแซะเขาแน่นขึ้นกว่าเดิมเหมือนต้องการความอบอุ่น

…จริงซี.. หรือว่าทอมหนาว เขาต้องปรับแอร์ก่อน…

จิมเอื้อมมือความหารีโมทที่หัวเตียงแต่ไม่พบจึงขยับตัวขึ้นเพื่อมองหา แต่แล้วก็ต้องรีบล้มตัวกลับลงไปนอน เมื่อได้รับสัมผัสบางอย่างที่ต้นขาบริเวณสะโพก เป็นสัมผัสที่ทำให้อารมณ์ที่ไม่สงบนิ่งอยู่แล้วพลุ่งพล่านหนักขึ้น

จิมนอนนิ่งหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ รู้สึกคลางแคลงและไม่แน่ใจกับสัมผัสที่ได้รับว่าเป็นของใครกันแน่ เขาเพิ่งช่วยไอ้หนูของเขาคลายพิษออกในห้องน้ำเมื่อไม่ถึง 20 นาทีที่ผ่านมานี้เอง เขาไม่ปฏิเสธว่ามันพร้อมที่จะซู่ซ่าแข็งขันขึ้นมาได้อีกเพียงแค่ถูกทอมสัมผัส หากแต่ถ้าเป็นอาการแข็งขันของร่างกายตัวเอง ทำไมเขาต้องสะดุ้งและตกใจด้วย และถ้าไม่ใช่ของเขาแปลว่าต้องเป็นของ…

จิมชำเลืองมองเทพบุตรแสนรักที่แนบศีรษะอยู่กับต้นแขนเขา
...ยังหลับปุ๋ยอยู่เลยนี่นา หรือว่า.. ทอมกำลังมีอารมณ์ในความฝัน ถ้าเป็นเช่นนั้นทอมจะต้องมีอาการฝันเปียกในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า โอ! ให้ตายเถอะ.. แค่คิดและคาดการณ์ไปเอง ไอ้หนูของเขาก็ตื่นตัวขึ้นมาในชั่วอึดใจ จะทำยังไงดี เขาจะปล่อยให้ทอมอยู่ในอาการที่ว่า…ทั้งๆ ที่นอนสวมกอดเขาอยู่แบบนี้เหรอ เขาไม่ได้กลัวเลอะหรอกนะ แต่เขาเสียดายอารมณ์และความรู้สึกของทอมที่ถูกปลดปล่อยในความฝันต่างหาก…

จิมผวาเฮือกเมื่อทอมพยายามเบียดกระแซะร่างกายส่วนล่างกับท่อนขาเขาและยังสวมกอดเขาแน่นขึ้นจนขยับตัวแทบไมได้
…ไม่อยากเชื่อเลย.. ทอมนะทอม.. เวลาชวนมีอะไรด้วยก็ปฏิเสธ แต่กลับไปมีอะไรในฝันกับ.. กับใคร.. จริงซี.. นายกำลังกอดใครอยู่ในฝัน ใช่ฉันหรือเปล่า…

…ให้ตายเถอะ!.. แค่แว่บเดียวที่คิดว่าคนที่ทอมกำลังสวมกอดอยู่ในฝันอาจไม่ใช่เขา ก็รู้สึกโกรธและหึงหวงจนไม่อาจนอนนิ่งเฉยอยู่ได้ จะโกรธก็ยอม จะผิดสัญญาก็ไม่สนแล้ว ไม่ว่านายกำลังทำอะไรกับใครอยู่ในฝัน แต่ในความจริงฉันเป็นเจ้าของนายทั้งร่างกายและหัวใจ ฉันคนเดียวเท่านั้นที่มีสิทธิสัมผัสร่างกายนี้…

ด้วยกำลังที่มากกว่าจิมกลับเป็นฝ่ายสวมกอดทอมไว้และขยับให้นอนหงายอย่างนุ่มนวลเพื่อไม่ให้ตกใจตื่น กางเกงนอนของทอมถูกดึงออกอย่างแผ่วเบาที่สุด    :m10:   จิมรู้สึกกระหายและคอแห้งขึ้นมาทันที เหมือนเห็นอาหารจานโปรดอยู่ตรงหน้า แต่ถูกห้ามไม่ให้แตะต้องหรือกินมัน การกระทำขณะนี้จึงไม่ต่างจากแมวขโมย เหมือนแอบกินขนมหวานโดยที่เจ้าของกำลังหลับอยู่ ยังไงยังงั้น...

จิมสัมผัสน้องชายของทอมที่แข็งแรงตื่นตัวอยู่อย่างเบามือ เขาต้องอ่อนโยนที่สุดเพื่อให้ทอมรู้สึกเหมือนอยู่ในความฝันจริงๆ มือใหญ่กอบกุมแม็คกิลล์น้อยไว้อย่างทะนุถนอม

จิมจัดการกับขนมหวานตรงหน้าด้วยริมฝีปากและลิ้นอุ่นของเขา ปลายลิ้นไล้วนที่ส่วนปลายก่อนจะเข้าครอบครองทั้งหมดและขยับขึ้นลงอย่างแผ่วเบา สายตาคอยจับจ้องใบหน้างามขณะปฏิบัติการ เพื่อดูความต้องการทางสีหน้า (จริงๆ แล้วกลัวตื่นเลยต้องคอยจ้องไว้)

จิมเร่งความเร็วและจังหวะในการดูดดื่มให้หนักหน่วงขึ้นเมื่อรับรู้ถึงอาการเกร็งของร่างกายคนรัก คิ้วเรียวขมวดเล็กน้อยทั้งที่ยังหลับสนิท สองมือจิกเกร็งบนที่นอน เพียงอึดใจแม็คกิลล์น้อยก็กระตุกและปลดปล่อยความต้องการออกมาโดยที่อีกฝ่ายรอดื่มด่ำอยู่ด้วยความกระหาย และยังไล้เลียทำความสะอาดให้ต่ออย่างแผ่วเบา..

…ขอโทษนะ ที่รัก.. จะว่าฉันผิดสัญญาไม่ได้ ร่างกายนายต้องการเองนะ..

(http://advisor.anamai.moph.go.th/hph/branch/Banana.gif)

ที่โต๊ะอาหารในเช้าวันรุ่งขึ้นบรรยากาศไม่ค่อยสู้ดีนัก มีเจ้าหนูแม็กกี้พูดคุยอยู่คนเดียว ทอมและจิมคอยพยักหน้ารับและตอบคำถามแบบคำต่อคำ จนเมื่อเด็กชายอิ่มและลุกออกไป บรรยากาศก็เข้าโหมดเงียบทันที

จิมจัดการอาหารเช้าตรงหน้าด้วยสีหน้านิ่งเฉยไม่พูดไม่จา ทอมไม่กล้าซักเพราะรู้ดีว่าจิมอารมณ์ไม่ค่อยจอยด้วยเรื่องอะไร ต่างก้มหน้าจัดการอาหารเช้าของตัวเองไปเงียบๆ จนในที่สุดคนที่อดทนกับความเงียบไม่ได้ก็คือทอม และเพราะเข้าใจว่าตัวเองเป็นคนผิด จึงเป็นฝ่ายยอมเอ่ยขึ้นก่อน

“จิมมี่.. เมื่อคืนฉัน.. เอ่อ.. ฉันหลับไปตอนไหนอ่ะ”
จิมยิ้มเล็กน้อย ยกแก้วกาแฟขึ้นจิมก่อนตอบคำถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“ฉันออกจากห้องน้ำนายก็หลับไปแล้ว”
“ฉัน.. เอ่อ..” ทอมชั่งใจอยู่ชั่วครู่ ก่อนตัดสินใจเอ่ยขอโทษ
“ฉันขอโทษเรื่องเมื่อคืนนะ.. ฉันดื่มมากไปหน่อยก็เลยง่วงอ่ะ”
“ขอโทษทำไม คนง่วงอยากจะนอนไม่ใช่เรื่องผิดซะหน่อย”
“แต่มันทำให้นายอารมณ์ไม่ดีนี่ เมื่อคืนฉันไม่ได้ตั้งใจปฏิเสธนะ แค่โยกโย้นิดหน่อย”   ทอมกล่าวเสียงอ่อย

จิมเลิกคิ้วมองทอมอย่างไม่เชื่อสายตา แสดงว่าทอมไม่ได้คิดจะปฏิเสธเขาจริงๆ แค่ยังไม่รู้สึกชินเลยพยายามโยกโย้และเลี่ยงไปมาเท่านั้น แต่บังเอิญง่วงและหลับไปก่อนจริงๆ
“ใครว่าฉันอารมณ์ไม่ดี หือ..”
จิมกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เช้านี้เขาแสร้งทำเฉยไม่พูดคุยหยอกล้อเหมือนทุกวัน เพราะต้องการดูท่าทีของทอมเรื่องเมื่อคืนต่างหาก
“ก็นายเล่นนั่งเฉยไม่พูดไม่จานี่..”
จิมหัวเราะ บรรยากาศรอบข้างก็สดใสขึ้นทันตาเห็น เขาลุกจากโต๊ะและฉุดทอมลุกขึ้นโอบไหล่พาเดินไปที่ห้องพักผ่อน
“ฉันจะอารมณ์ไม่ดีได้ยังไง นี่เป็นเช้าวันแรกของการใช้ชีวิตคู่ร่วมกันนะ ทอม.. รู้มั้ยว่าวันนี้..เวลานี้..ฉันมีความสุขแค่ไหน..”
“จริงเหรอ..”
“จริงซี.. พิสูจน์ให้ดูก็ได้” จิมพิสูจน์คำพูดตัวเองด้วยการโอบกอดทอมไว้และดันร่างให้นอนลงบนโซฟาร์ตัวนุ่ม
“เฮ้ย!.. จะทำอะไร จิมมี่..”
“ก็.. พิสูจน์ไง” จิมกดจมูกโด่งเป็นสันลงที่แก้มขาวเนียนและสูดดมความหอมกรุ่นเข้าไปเต็มปอด “ ชื่นใจจัง..”
ทอมรู้สึกร้อนวูบที่ใบหน้า จำต้องผลักไสทั้งๆ ที่รู้สึกดี
“ไม่เอา.. อย่านะ ไม่ใช่ตรงนี้ เดี๋ยวลูกมาเห็น.. เจ้าบ้า!.. ” ทอมเผลอด่าออกไปเพราะจิมไม่ยอมผละขึ้น กลับแกล้งซุกหน้าลงไปไซ้ที่ซอกคอ

จิมหยุดชะงักและผละขึ้นทันที ทำหน้าบอกอารมณ์ไม่ถูก เช้าวันแรกของการใช้ชีวิตคู่ก็ถูกเทพบุตรสุดที่รักด่าเข้าให้แล้ว สงสัยต้องตกเป็นเบี้ยล่างของทอมไปตลอดชีวิตแน่นอน

ทอมรีบลุกขึ้นนั่ง อยากจะโวยต่อแต่เห็นสีหน้าของจิมแล้วก็เปลี่ยนใจเป็นบ่นงุบงิบ
“คนบ้า.. กวนแต่เช้าเลยนะ.. มองหน้ามีปัญหาอะไร..”
“ไม่กล้ามีหรอกจ้ะ เบบี๋.. แค่ไม่เข้าใจว่าคนที่ปากกับใจไม่ตรงกัน ความต้องการของร่างกายและจิตใจจะไม่ตรงกันด้วยหรือเปล่า..”
ทอมหน้าหงิกทันที
“พูดถึงใคร นายว่าฉันเหรอ…”
“ ไม่ได้ว่าซะหน่อย บอกให้รับรู้เฉยๆ เมื่อคืนนายนอนกอดฉันทั้งคืนเลยจำได้หรือเปล่า..”
ทอมหน้างอหนักขึ้นเมื่อจิมทำหน้าทะเล้นใส่
“จำได้หรือไม่ได้แล้วไง กอดไม่ได้ก็กลับไปนอนที่ห้องนายซี ทำไมต้องเอามาล้อด้วย ไอ้บ้า.. งี่เง่า..” ทอมคว้าหมอนอิงจะทุบใส่แต่ถูกคว้าข้อมือไว้
“เฮ้ !.. ทำไมต้องโกรธด้วย ฉันไม่ได้ล้อซะหน่อย แค่อยากจะบอกว่าถึงไม่ได้มีอะไรกับนายในคืนแรกของการสวมแหวน แต่ฉันก็มีความสุขมากเพราะได้นอนกอดนายทั้งคืนจนหลับฝันดีเลยนะ รู้มั้ย.. นายล่ะ ฝันดีหรือเปล่า หือ..”

ทอมสะบัดมือออก รู้สึกอายจนต้องก้มหน้างุดลง  :o8:

…    เขารู้สึกตัวตื่นขึ้นในเช้ามืดก็พบตัวเองอยู่ในสภาพที่จิมว่าจริงๆ คือ เป็นฝ่ายสวมกอดและนอนกระแซะเบียดร่างกำยำของจิมไว้ จึงรีบผละออกอย่างแผ่วเบาเพราะไม่อยากให้จิมตื่นขึ้นมาเห็นสภาพนี้   …

ทอมนอนงงอยู่พักใหญ่ พยายามนึกว่าตัวเองอยู่ในสภาพนี้ได้อย่างไร ก็แว่บถึงความฝันที่พอจำได้คลับคล้ายคลับคลา รู้สึกร้อนวูบที่ใบหน้า รีบลุกขึ้นจากเตียงเข้าห้องน้ำสำรวจตัวเองทันที แต่แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อไม่พบคราบหรือร่องรอยใดๆ เลย เขาไม่ค่อยมีอาการฝันแบบนี้บ่อยนัก และทุกครั้งก็ไม่เคยฝันเป็นเรื่องเป็นราวด้วย คงเป็นอย่างที่จิมบอกจริงๆ เพราะปากกับใจไม่ตรงกันทำให้ความต้องการของร่างกายไม่ตรงกับใจด้วย

…เขาพยายามเลี่ยงไม่มีอะไรกับจิม แต่ร่างกายกลับต้องการจนต้องระบายออกในความฝัน แค่ฝันว่ามีอะไรกับจิมก็รู้สึกอายมากแล้ว แต่ที่อายจนไม่กล้ามองหน้าด้วยก็เพราะความฝันเมื่อคืนเหมือนจริงมากเลย …เป็นความฝันที่ลามกที่สุดเท่าที่เคยฝันมา เหมือนถูกลักหลับยังไงก็ไม่รู้...

(http://school.discoveryeducation.com/clipart/images/ani-bani.gif)


TBC >>>> 8   (เตรียมเลือดสำรองไว้ด้วย)
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 11-02-2010 15:42:29
คิกคิก......คุณจิมแอบลักหลับทอมเหรอเนี่ย..แถมเจ้าตัวดันคิดว่าฝันซะอีก.. :m4: :m1:

มาตีตั๋วแถวหน้ารอเสียเลือดจ้า..... :o8: :z1:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 11-02-2010 17:25:44
ว้าวว ววว  ว

รอตอนต่อไป   :impress2:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: จุ๊บจิ๊บจ๊ะจ๋า ที่ 11-02-2010 17:40:44
อยากเสียเลือดจนตัวสั่นแล้วอ่ะเจ๊หมวย :-[

ต่อเลยดีกว่าไหมเอ่ย :serius2:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: nbee ที่ 11-02-2010 21:22:39
เลือด เลือด เลือด อยากให้เลือดทอมออกแล้ว

แต่มะเป็นไรเดี๋ยวมีเตรียมสำรองไว้ให้ เอาตั้งแต่ กรุ๊ป A จนถึงกร๊ป Z เลย

 :jul1:



หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: kungyung ที่ 11-02-2010 21:53:49
 :serius2: :serius2:
ลุ้นอ่ะ ลุ้นอ่ะ เจ้
 :a6: :a6: :a6:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 11-02-2010 22:21:04
Love you Only  8..

From the moment I met you, I want to know you.  



"รักนะ ทอม.. รักสุดหัวใจเลย.."

ริมฝีปากบางถูกประกบจูบครั้งแล้วครั้งเล่าจนเริ่มร่องรอยแดงช้ำ ทอมไม่ใช่ผู้ชายร่างบางอ้อนแอ้น เป็นถึงสุดยอดนายแบบจึงมีเรือนร่างและกล้ามเนื้อที่งดงามสมส่วนอย่างชายชาตรี รูปร่างหน้าตาเป็นอเมริกันเต็มร้อยแต่ผิวพรรณกลับเนียนสวยอย่างชาวเอเชีย สวยกว่าผู้หญิงหลายคนที่จิมเคยพบเห็นและสัมผัส และเมื่อเทียบกับสรีระของจิมซึ่งสูงกว่าเล็กน้อยแต่ใหญ่ล่ำกว่ามาก อีกฝ่ายจึงดูบอบบางไปถนัดตา ผิวสีแทนของเขาช่วยขับผิวขาวอมชมพูของทอมให้ดูผุดผ่องงดงามมากขึ้น ใบหน้าแดงซ่านและสีหน้าเชิญชวนของร่างเปลือยที่งดงามตรงหน้าจึงทำให้จิมแทบคลั่ง อารมณ์ปรารถนาที่คั่งค้างและสุมอัดแน่นไว้นานปีลุกโชนจนแทบจะหลอม 2 ร่างให้รวมเป็นหนึ่งเดียว

ฝ่ามือกร้านไล่สัมผัสไปทั่วร่างงามอย่างช้าๆ ตั้งแต่แผงอกลงไปที่หน้าท้องเรียบ และเลยผ่านส่วนอ่อนไหวไปที่ต้นขาก่อนจะลูบวนไปมาที่สะโพกและใช้ปลายนิ้วสัมผัสร่องสะโพกเบาๆ  ร่างของทอมผวาขึ้นส่งเสียงอู้อี้ประท้วง  ปลายลิ้นอุ่นเหนี่ยวกระหวัดลิ้นของจิมเหมือนกับจะบอกว่าต้องการสัมผัสมากกว่านี้
 
จิมถอนริมฝีปากและขยับลงไปจูบพรมที่แผ่นอก ไล้ลิ้นแผ่วๆและดูดเม้มที่ยอดอกสีชมพูเข้มจนร่างบางข้างใต้สะท้าน จึงผละลงไปไล่จูบผะแผ่วที่หน้าท้องเรียบและซุกไซ้ไรขนรอบส่วนอ่อนไหวที่อยู่ในอาการแข็งขัน แต่หยอกเย้าอยู่รอบๆ โดยไม่ยอมสัมผัสถูก จนร่างบางข้างใต้ส่งเสียงร้องอย่างขัดใจและขยับบั้นท้ายไปมาพยายามจะให้แม็คกิลล์น้อยสัมผัสถูกริมฝีปากเขา

“อื้ออออ...”

จิมระบายยิ้มอย่างมีความสุขที่ได้เห็นความต้องการของคนรัก ฝ่ามือร้อนผ่าวกอบกุมมันไว้อย่างทะนุถนอมและจุมพิตเบาๆ หนึ่งครั้งก่อนจะผละขึ้นมาสบดวงตาคู่สวยที่ส่อแววเร่าร้อน…เซ็กซี่เหลือคณา

"อยากให้ทำอะไรที่รัก.. บอกซิว่าอยากให้ฉันทำยังไงกับไอ้หนูของนาย หือ.. " จิมกระซิบถาม ขบติ่งหูนิ่มเบาๆ และขยับมือที่กอบกุมแม็คกิลล์น้อยเคลื่อนไหวช้าๆ

ใบหน้างามแดงเรื่อกับคำถาม หากแต่ความปรารถนาที่รุมเร้าอยู่ทำให้สองแขนของร่างบางยกขึ้นโอบกอดร่างสูงใหญ่ไว้ และเบียดกายตัวเองเข้าไปแนบชิดก่อนกระซิบสั่งด้วยน้ำเสียงแหบพร่า

"suck me jimmy… , suck me now...."

…โอ! พระเจ้า… หัวใจจิมพองโตจนแทบทะลุออกนอกอก เป็นคำสั่งที่ไพเราะระรื่นหูที่สุด เท่าที่ทอม แม็คกิลล์ เคยออกคำสั่งกับเขา

"yes, sir baby.."

จิมตอบรับคำสั่งด้วยความเต็มใจยิ่ง ก่อนจะซุกไซ้ร่างบางระเรื่อยลงไปหาส่วนอ่อนไหวที่ตื่นตัวเต็มที่อยู่ในอุ้งมือเขา จุมพิตและวนลิ้นอุ่นไล้เลียไปมารอบๆ ในขณะที่มือขยับเคลื่อนไหวเบาๆ เสียงครางในลำคอพร้อมกับบั้นท้ายที่ยกขึ้นเล็กน้อยทำให้เขาต้องรีบครอบครองแม็คกิลล์น้อยไว้ทั้งหมด และขยับดูดดื่มความแข็งแกร่งเป็นจังหวะจากช้าเป็นเร็วขึ้น

"อ๊ะ !!.. อาาา….จิมมี่…"    เสียงครางดังไม่ได้ศัพท์ ร่างบางสั่นระริกแอ่นกายขึ้นปลดปล่อยทุกหยาดหยดของความรู้สึกเข้าสู่ลำคอคนรักที่รอดื่มด่ำอยู่ด้วยความกระหาย

จิมผละขึ้นมาประกบจูบริมฝีปากบางที่หอบหายใจอยู่ด้วยความอ่อนโยน ทอมหน้าร้อนวูบเมื่อรับรู้รสชาดของอารมณ์ตัวเอง  ความต้องการในส่วนลึกถูกกระตุ้นต่อเนื่องด้วยฝ่ามือกร้านที่ไล้สัมผัสไปทั่วร่าง   ก่อนจะหยุดเค้นเบาๆที่ก้อนเนื้อสะโพก

"พร้อมรึยังจ๊ะที่รัก.." น้ำเสียงทุ้มแหบพร่าเหมือนพยายามอดกลั้น

ทอมเข้าใจความหมายของคำถาม ดวงตาคู่งามที่หลับพริ้มอยู่ปรือขึ้นและพยักหน้าให้อย่างกล้าๆ กลัวๆ

"ไม่ต้องกลัว ฉันจะอ่อนโยนที่สุดเลย"   จิมกระซิบปลอบด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยอารมณ์ปรารถนาขณะที่มือเอื้อมไปเปิดลิ้นชักข้างเตียง

ทอมพยักหน้ารับอีกครั้ง เขาเชื่อคำพูดของจิมแต่ทั้งที่เชื่อหัวใจก็ยังเต้นเป็นกลองรัว  จิมป้ายของเหลวเย็นลงที่ช่องทางด้านหลัง ใช้ปลายนิ้ววนและลากผ่านรอยแยกไปมาสร้างความเสียวซ่านให้จนร่างบางบิดตัวไปมาและอ้าขาออกกว้างอย่างไม่รู้ตัว จิมจึงสอดปลายนิ้วเรียวเข้าไปเบิกทางก่อนช้าๆ จากหนึ่งเป็นสองและสาม เสียงหวานครางลั่นขึ้นอย่างสุดกลั้นทำให้จิมเริ่มบังคับอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ถ้ายังขืนอ้อยอิ่งอยู่การ์เซียน้อยของเขาอาจล่มทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ลงอ่าวเลยก็ได้  จิมถอนนิ้วออกเสียงครางก็เปลี่ยนเป็นเสียงท้วงเบาๆในลำคอ เขาขยับตัวขึ้นในท่าเตรียมพร้อมและรั้งต้นขาเรียวของทอมให้สูงขึ้น ก่อนจะโน้มตัวลงกระซิบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

"พร้อมนะ ทอม..."  

 :m25:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: nithiwz ที่ 11-02-2010 22:23:59
 :oo1: :haun4: :jul1: :pighaun: :m25: :z1:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 11-02-2010 22:37:56

From the moment I know you,  I was in love with you.   


ทอมตอบรับด้วยการสวมกอดร่างสูงใหญ่ไว้แน่น และเตรียมตัวเตรียมใจยอมรับทุกความรู้สึกที่จะเกิดขึ้น แต่แล้วก็ต้องสะท้านเฮือกน้ำตาคลอระริกเพราะความรู้สึกที่ได้รับในทันทีคือความเจ็บปวดที่แล่นสวนขึ้นมา แม้ว่าอีกฝ่ายจะพยายามสอดแทรกอย่างแผ่วเบาแล้วก็ตาม ใบหน้างามนิ่วหน้ากัดฟันระงับความเจ็บ มันมากกว่าที่เตรียมใจไว้เหมือนร่างกายกำลังจะฉีกออก

จิมหยุดนิ่งชั่วขณะเมื่อเห็นสีหน้าทรมานของเทพบุตรแสนรัก สงสารจับใจเพราะสัมผัสที่ได้รับจากปลายเล็บที่จิกเกร็งบริเวณแผ่นหลังของเขาทำให้จิมตระหนักดีว่าร่างกายที่สะท้านอยู่ข้างใต้กำลังเจ็บปวดเพียงใด แม้จะหล่อลื่นช่องทางไว้แล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกของทอม และขนาดน้องชายของเขาซึ่งเขาเชื่อว่าเป็นปัญหาหนึ่งที่ทำให้ทอมพยายามเลี่ยงและบ่ายเบี่ยงมาตลอด ทอมชอบบ่นบ่อยๆเวลาจับต้องถูกมันว่า "ถ้านายไม่ทำให้มันเล็กลงกว่านี้ อย่าหวังเลยว่าจะมีเซ็กซ์กับฉันจนถึงขั้นสุดท้ายได้"

…ให้ตายเถอะ !! มาถึงขั้นนี้แล้ว… ทำยังไงดี… อีกแค่ครึ่งทางเขาก็จะได้เป็นหนึ่งเดียวกับร่างกายที่แสนจะงดงามตรงหน้านี้ …

จิมก้มลงจูบซับน้ำตาและปลอบประโลมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน หากแต่สั่นพร่าด้วยอารมณ์ปรารถนา

"อดทนหน่อยนะ คนดี.. อย่าเกร็ง เราจะเป็นของกันและกันแล้วนะ เจ็บอีกนิดเดียวเท่านั้น..."

คำปลอบโยนของจิมทำให้เทพบุตรทอมถึงที่สุดของความอดทน ส่งเสียงร้องครางออกมาอย่างหมดความอดกลั้น น้ำตาไหลพราก สองแขนที่สวมกอดร่างกำยังของอีกฝ่ายไว้เปลี่ยนมาผลักอกกว้างออก

"มะ.. ไม่ไหวอ่ะ.. จิมมี่…. เจ็บกว่านี้อีก…ฉันต้องตายแน่.. ฮึก…ฮือ…"

…โอ! พระเจ้า จิมอยากจะกัดลิ้นตัวเองนัก นี่เขาพูดอะไรโง่ๆ ออกไป…

ทอมเริ่มขยับหนีแต่สู้แรงร่างสูงใหญ่กว่าไม่ได้ อารมณ์ตื่นกลัวเริ่มครอบงำความปรารถนา จิมเห็นท่าไม่ดีเขาต้องพลาดการเป็นหนึ่งเดียวกับทอมแน่ถ้าไม่ทำอะไรสักอย่าง และถ้าพลาดทั้งๆ ที่ไปได้เกือบครึ่งทางแล้วล่ะก็ สาบานได้เลยว่า เขา.. เจมส์ การ์เซีย จะกระโดดลงจากเตียงวิ่งเข้าวัดบวชซะให้รู้แล้วรู้รอดเลย
จิมตระหนักแล้วว่าเขาอ่อนโยนกับเทพบุตรแสนรักมาตลอด ยินยอมที่จะรอคอยจนกว่าอีกฝ่ายจะพร้อม และเมื่อความพร้อมมาถึงแล้วในวันนี้ อย่าหวังเลยว่าเขาจะใจอ่อนยอมให้โอกาสหลุดลอยไปอีก

จิมปิดเสียงสะอื้นของทอมด้วยการบดจูบเรียวปากนุ่มอย่างดูดดื่มและเร่าร้อน มือแกร่งทั้งสองเคล้นคลึงสะโพกมนและขยำเบาๆ สร้างความรู้สึกวาบหวิวให้เกิดขึ้นกับอีกฝ่ายจนเมื่อสองแขนที่ดันร่างเขาไว้อ่อนแรงลง จึงกดสะโพกบางเข้าหาตัวพร้อมกับแทรกกายลึกลงไปแนบสนิทในครั้งเดียว จนร่างกายข้างใต้กระตุกเกร็งและกรีดเสียงร้องออกมาเต็มเสียง หากแต่ดังโหยอยู่แค่ในลำคอเพราะถูกเขาประกบจูบอยู่
ใบหน้างามพยายามสะบัดหนีไปมาแต่ถูกมือใหญ่จับล็อคไว้ ดวงตาคู่สวยเบิกค้างน้ำตาไหลพราก เพราะรู้สึกเจ็บเสียดและทรมานจนแทบจะหยุดหายใจ

จิมถอนริมฝีปากออกเมื่อเสียงโหยหวนในลำคอเปลี่ยนเป็นเสียงครางสะอื้น เขาจูบซับน้ำตาทั่วใบหน้างามและกัดฟันกระซิบปลอบ เพราะช่องทางที่กระชับแน่นและอาการเกร็งของอีกฝ่ายทำให้เขารู้สึกปวดหนึบจนควบคุมอารมณ์แทบจะไม่ไหว

"เราเป็นหนึ่งเดียวกันแล้วนะ ทอม.. อดทนอีกนิดได้มั้ย ที่รัก.. ฉันจะทำให้นายมีความสุขที่สุดเลย"

ฝ่ามือร้อนผ่าวเลื่อนลงไปบีบเคล้นสะโพกมนอีกครั้ง มือข้างหนึ่งวกกลับมาด้านหน้า ลูบคลึงส่วนปลายของแม็คกิลล์น้อยก่อนจะเกาะกุมขยับเคลื่อนไหวเร็วและช้าสลับไปมา

ทอมสะอื้นไห้ แม้จิมจะพยายามปลุกเร้าอารมณ์เขาอยู่ แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้ความเจ็บปวดภายในคลายลง หากแต่สีหน้าของจิมตอนนี้บอกให้รู้ว่าไม่ใช่เขาฝ่ายเดียวที่กำลังรู้สึกทรมาน  ตลอดเวลาที่ผ่านมาจิมต้อง อดกลั้นและฝืนความต้องการของตัวเองถามความรู้สึกและขออนุญาตเขาทุกๆ ครั้ง  แม้ในนาทีนี้จิมก็ยังไม่กล้าหักหาญเขาด้วยการใช้กำลังจนถึงที่สุด ถึงขนาดนี้แล้วยังออกปากถามอีกว่า ได้มั้ย ?

ทอมกัดฟันข่มความเจ็บที่จุกแน่นบริเวณท้องน้อย ปลายนิ้วจิกและข่วนลงกลางแผ่นหลังกว้างเพื่อระบายความเจ็บปวดก่อนจะพยักหน้าให้

"อา~~" จิมส่งเสียงครางด้วยความรู้สึกเป็นสุขเมื่อเทพบุตรแสนรักยินยอมพร้อมใจโดยดี เขาต้องกัดฟันอดทนอย่างมากเช่นกันเพราะร่างกายของทอมตอดและบีบรัดแน่นจนเขาแทบจะขยับไม่ได้

"อย่าเกร็งซีทอม.. หายใจลึกๆ ฉันจะทำเบาๆ นะ" จิมกระซิบเสียงพร่าและเริ่มขยับตัวเบาๆ

ทอมสะอื้นยอมทำตามที่จิมบอกอย่างว่าง่าย เมื่อความเจ็บปวดผ่อนคลายลงเล็กน้อยความรู้สึกแปลกๆ ก็เริ่มรุมเร้า ใบหน้าที่ฉ่ำนองด้วยน้ำตาแดงระเรื่อ

"อ๊ะ~ อา~" จิมเผลอคลางกับช่องทางที่บีบรัดแน่น "เป็นไงบ้างทอม.. รู้สึกดีขึ้นบ้างมั้ย... "

ทอมรู้สึกเสียวแปลบที่ท้องน้อย ความรู้สึกเจ็บเริ่มลดน้อยลงเปลี่ยนเป็นความรู้สึกอื่นเข้ามาแทนที่

"ฮ้า~ จ.. จิมมี่.. ม..มัน..ป..แปลก..อ่ะ"
 
น้ำเสียงที่ตอบกลับมาพร้อมกับใบหน้าที่แดงกล่ำไปด้วยอารมณ์ปรารถนา และร่างกายที่เริ่มเคลื่อนไหวสอดรับการสัมผัสจากมือและร่างกายของเขาทำให้จิมบังคับตัวเองให้อ่อนโยนต่อไปไม่ไหวแล้ว จำต้องเร่งจังหวะการเคลื่อนไหวให้หนักหน่วงและรุนแรงขึ้น แต่ยิ่งเร่งร่างกายของทอมก็ยิ่งตอดรัดเขามากขึ้นเช่นกัน

"โอย~ จ.. จิมมี่..ม..ไม่..ไหว.. ..แล้ว..อ่ะ อ๊าาาา~~" ทอมร้องครางออกมาด้วยอารมณ์ของความสุขผสานกับความเจ็บ มือจิกเกร็งแผ่นหลังของจิมเพื่อรองรับอารมณ์ที่กำลังพลุ่งขึ้นขีดสุด

"ซี๊ดดด~ อีกนิดเดียวคนดี… อ๊ะ~ อาา~"
 
จิมโถมกายครั้งสุดท้ายอย่างแรงจนร่างบางข้างใต้สะท้านเฮือกผวากอดเขาไว้แน่น อารมณ์ปรารถนาถูกปลดปล่อยออกมาพร้อมกันในที่สุด….  


 :pighaun: :m25:


เจ๊หมวย  o6  สลบยกหนึ่ง
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 11-02-2010 22:41:17
:oo1: :haun4: :jul1: :pighaun: :m25: :z1:

สมใจกันละซี!  :try2:!   ไม่มีคำพูดใดๆ หลุดออกมาเลยเหรอ

หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: kunkai ที่ 11-02-2010 22:42:28
  :pighaun:
:haun4:
 :jul1:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: จุ๊บจิ๊บจ๊ะจ๋า ที่ 11-02-2010 22:44:17
ไม่ขอบรรยายใดๆทั้งสิ้นนอกจาก

ในที่สุดทอมน้อยพ่อแม็กกี้ก็เสียสาว :laugh:

 :m25: :m25: :m25: :m25: :m25: :m25: :m25:
 :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1:

คืนนี้คงนอนหลับฝันดีแล้วเรา

รักเจ๊หมวยสุดๆๆอ่ะ o13
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 11-02-2010 22:54:41
จิมถอนกายออกแผ่วเบาและขยับตัวลงสวมกอดเทพบุตรแสนรัก ไม่กล้าเอ่ยถามว่าเจ็บหรือเปล่า เพราะแค่สีหน้าและน้ำตาที่ไหลเป็นทางก็เป็นคำตอบแล้ว ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง... วันที่ทอม แม็คกิลล์ เป็นของเขาทั้งร่างกายและหัวใจ

"รักนะทอม รักสุดหัวใจเลย ฉันมีความสุขมาก... นายล่ะ รู้สึกดีมั้ย มีความสุขหรือเปล่า… หือ..." จิมกระซิบถามขณะจูบซับน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน

ทอมไม่ตอบและยังเบือนหน้าหนีสายตาชวนฝันของจิมด้วย ไม่ว่าจะรู้สึกดียังไงก็จะไม่พูดออกไปหรอก แค่นี้ก็อายจนอยากจะมุดลงไปในที่นอนแล้ว วันนี้เขาเป็นฝ่ายออกปากชวนจิมมีเซ็กซ์ด้วยเพราะอยากแก้ตัวเรื่องเมื่อคืน พูดยังไม่ทันขาดคำจิมก็คว้าแขนเขาพากลับขึ้นมาที่ห้องนอนทันที เหมือนช้างตกมันยังไงยังงั้นเลย บทรักของจิมอ่อนโยนและร้อนแรงในคราวเดียวกัน ถึงจะรู้สึกเจ็บปวดและทรมานแต่กลับไม่อยากให้หยุด และต้องการได้รับสัมผัสที่หนักหน่วงและรุนแรงมากขึ้น ช่างน่าอายจริงๆ ...

"ฉันสัญญานะ ทอม.. ชาตินี้จะไม่ขอรักใครนอกจากนายคนเดียว…จะอยู่เคียงข้างจนแก่เฒ่าถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชรเลย"

คำพูดและสายตาของจิมทำให้ ใบหน้าของทอมแดงซ่านขึ้นอีก
"พอซะที จิมมี่.. พูดอยู่ได้ วันหนึ่งจะบอกรักกี่ร้อยหน"
"จะบอกทุกครั้งที่อยู่ใกล้ ทุกครั้งที่ได้กอด ทุกครั้งที่มีเซ็กซ์ด้วย และเฉพาะกับนายคนเดียวเท่านั้น"
"พูดงี้หมายความว่าไง แปลว่านายอาจมีอะไรกับใครอื่นอีกก็ได้ แต่จะไม่บอกรักเขายังงั้นเหรอ.." ทอมหน้างอจ้องมองจิมด้วยสายตาคาดคั้น
"เอ๋?.." จิมหน้าตื่นนึกทวนคำพูดเมื่อครู่ ไม่แน่ใจว่าเขาพูดผิดหรือทอมเข้าใจผิด หากแต่สีหน้าตกใจของจิมยิ่งทำให้ทอมโกรธและเข้าใจผิดหนักขึ้น

ทอมลุกพรวดขึ้นนั่งก็ต้องนิ่วหน้าเพราะเจ็บ   เมื่อรู้สึกเจ็บก็ยิ่งโมโหแต่กลับนั่งกอดอกนิ่งไม่ร้องบ่น  ร่างสูงลุกตามขึ้นมา
โอบคนรักไว้ในอ้อมแขน
"ค่อยๆ ลุกซิ  เจ็บมากมั้ย หือ.."
"นายพูดเผื่อไว้ เพื่อว่าสักวันนายอาจจะมีอะไรกับมาเรียแม่ของลูกนายใช่มั้ยจิมมี่.. คนบ้า.. คนโกหก.."

จิมตกใจเมื่อทอมเอาจริงเอาจังกับคำพูดของเขา   เขาถูกคนรักจับผิดตั้งแต่วันแรกของการใช้ชีวิตคู่ ต่อไปจะคุยอะไรต้องระวังคำพูดแล้ว...

ทอมเบี่ยงกายออกจากอ้อมแขน  เมื่อจิมนั่งนิ่งเหมือนยอมรับคำกล่าวหา ขยับจะลงจากเตียงก็ถูกลำแขนแกร่งโอบเข้าไปในอ้อมแขน จิมรีบปลอบและอธิบายก่อนจะเข้าใจผิดยกใหญ่

"…………………….."

"นายนี่ขี้หึงสุดๆ เหมือนกันนะ"
จิมกระเซ้าหลังจากปลอบเทพบุตรจนเข้าใจและอารมณ์ดีขึ้นแล้ว
"นายก็เหมือนกันน่ะแหล่ะ ลองฉันพูดถึงบ๊อบบี้หรือผู้หญิงคนอื่นดูบ้างซี"
จิมหน้าเสียแต่ก็ฝืนยิ้มให้
"เราจะไม่พูดถึงคนอื่นอีกต่อไปนะทอม.. ตอนนี้นายกับฉันเป็นคนเดียวกันแล้วถึงทางกฎหมายจะไม่ยอมรับ แต่โดยพฤตินัย..ทั้งร่างกายและหัวใจของเราเป็นของกัน ฉันไม่มีวันยกนายให้ใคร จำเอาไว้.. ตกลงเมื่อกี้นายมีความสุขหรือเปล่า ยังไม่ได้ตอบฉันเลย หือ.."

จิมกระซิบคำถามเดิมข้างหู และพยายามปลุกอารมณ์ทอมเพื่อต่อรอบสองแต่ถูกอีกฝ่ายเลี่ยงด้วยการปัดมือไม้ที่ซุกซนของเขาออก และเปลี่ยนเรื่องพูดโดยไม่ยอมตอบคำถามอีกต่างหาก

"ตอนมาเรียใกล้คลอดนายต้องกลับไปอีกใช่มั้ย คงนานซีนะอาจเป็นเดือนๆ เลยก็ได้.."
จิมเลิกคิ้วไม่ได้นึกแปลกใจที่จู่ๆ ทอมก็ถามเรื่องนี้ แต่แปลกที่ทอมคิดเอาเองว่าเขาจะต้องไปนานเป็นเดือนๆ
"ทำไมคิดว่าฉันต้องไปเป็นเดือนล่ะ"
"ก็.. พอนายเห็นหน้าลูกแล้วอาจจะอยากอยู่นานๆ บางที..เป็นเดือนอาจน้อยไปด้วยซ้ำ นายอาจเปลี่ยนใจไม่อยากกลับมาอีกเลยก็ได้.."

ทอมนึกเทียบกับความรู้สึกของตัวเอง เพราะรู้ซึ้งดีถึงความรักและภาระหน้าที่ของคนเป็นพ่อว่า "ลูก" สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด ขนาดแม็กกี้กำลังจะเข้าวัยหนุ่มน้อยแล้ว เขายังอดแสดงความรักและเอ็นดูอย่างเด็กๆ ไม่ได้ หากมาเรียคลอดลูกชายน่ารักน่าชังออกมา จิมต้องหลงรักหัวปักหัวปำ ถึงเวลานั้นทอม แม็คกิลล์ 10 คนก็ไม่อาจสู้ จิมมี่จูเนียร์เพียงคนเดียวได้ แค่นึกคิดไปเองทอมก็รู้สึกใจโหวง น้ำตาคลอไม่รู้ตัว

จิมใจหายเมื่อเห็นสีหน้ากังวลของทอม
"เหลวไหล.. ฉันมีครอบครัวอยู่ที่นี่แล้ว จะไม่กลับมาได้ยังไง คิดมากเกินไปแล้วทอม.."
"แต่ทางโน้นก็เป็นครอบครัวของนายนะ เป็นสายเลือดเดียวกันด้วย ไม่ว่าจะพ่อแม่หรือลูก.. ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับนายเลย.."
"เฮ้ !.." จิมถลึงตาใส่ "พูดอะไรน่ะ ทอม.. ถึงขนาดนี้แล้วยังบอกว่าไม่ได้เป็นอะไรกับฉันงั้นเหรอ สายเลือดก็อยู่ส่วนสายเลือด จะสำคัญกว่าคนที่กุมหัวใจฉันไว้ได้ยังไง บอกกี่หนแล้วว่าหัวใจฉันอยู่กับนาย ให้ฉันจากไปเป็นเดือนก็ขาดใจตายพอดีซี.."
"แต่ว่า.."
จิมเอามือปิดปากทอมไว้
"ไม่มีแต่… ลูกก็อยู่ส่วนลูก… มนุษย์เราต้องมีความรักและความสุขส่วนตัวด้วยซี ดูอย่างนายซิ ในที่สุดก็ยอมรับฉันเป็นคนรัก ยอมให้ฉันเข้ามาเป็นคนในครอบครัวทั้งๆ ที่นายก็มีลูก เห็นมั้ยว่าลูกก็อยู่ส่วนลูก…"
"แต่แม็กกี้โตแล้ว เขาเข้าใจและยอมรับเรื่องของเรา"
จิมหัวเราะ
"รู้อะไรมั้ย ทอม.. การทำให้เด็กโตแล้วอย่างแม็กกี้ยอมรับเป็นเรื่องยากที่สุดแล้ว เพราะฉะนั้นนายไม่ต้องกังวลว่าจิมมี่จูเนียร์จะไม่ยอมรับนาย ฉันจะให้เขารู้จักนายตั้งแต่ยังเป็นทารกเลย เขาจะโตขึ้นมาโดยรับรู้ว่านายเป็นคู่ชีวิตของพ่อ.. แต่…เอ!.. ฉันจะให้ลูกเรียกนายว่าอะไรดีนะ…ฉันเป็นพ่อ… นายก็ต้องเป็น…"
"หยุดนะ ฉันไม่ยอมเป็นหรอก…" ทอมหน้าแดง
"เป็นอะไร" จิมแสร้งตีหน้าเหรอ " รู้หรือว่าฉันจะให้นายเป็นอะไร"
"ก็.. เป็นอย่างที่นายอยากให้เป็นนั่นแหล่ะ ฉันไม่เป็นด้วยหรอก ถึงจะอยู่ในฐานะคนรักของพ่อ แต่ฉันเป็นผู้ชายนะ"
"อ๊ะ !… แล้วใครว่านายเป็นผู้หญิงล่ะ ผู้ชายที่มีอายุน้อยกว่าพ่อเขาต้องเรียกว่าอะไร นายยังให้แม็กกี้เรียกฉันว่าลุงเลย เพราะฉะนั้นนายก็ต้องเป็นอาทอมของจิมมี่จูเนียร์ หรือว่า นายอยากเป็น…แม่.."

จิมกระซิบเบาๆ ข้างหู ทอมหน้าแดงเงื้อกำปั้นขึ้นตั้งท่าจะชกก็ถูกจับข้อมือไว้ ร่างสูงใหญ่ขยับขึ้นมาทาบทับเขาทั้งตัว ทอมอ้าปากจะโวยก็ถูกริมฝีปากร้อนผ่าวบดจูบอย่างดูดดื่ม ปลายลิ้นอุ่นกวาดไล้เข้ามาสัมผัสความอ่อนหวานภายในอย่างเร้าร้อน เพื่อปลุกอารมณ์ให้กลับคืนมาอีกครั้ง  
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 11-02-2010 23:08:36

From the moment I love you, I wanted to share my life with you

"อึ๊~ อื้อ~" เสียงอืออาในลำคอเหมือนรู้ชะตากรรมของตัวเอง หากแต่สัมผัสที่ได้รับจากปลายนิ้วเรียวที่ไล้วนไปมารอบๆ ส่วนอ่อนไหว ทำให้เสียงท้วงกลายเป็นเสียงคราง
"มะ.. ไม่ไหวแล้วนะจิม.. ฉันยังเจ็บอยู่…" เสียงสั่นเครือร้องขอทันทีที่จิมถอนริมฝีปากออก
"เจ็บเหรอ.." เสียงทุ้มอ่อนโยนของจิมขัดกับสีหน้าและแววตาที่เต็มไปด้วยอารมณ์ปรารถนา "ฉันอยากให้นายมีความสุขด้วยวิธีที่จะไม่ทำให้นายเจ็บ อยากลองมั้ย หือ.."
"วะ…วิธีอะไร" เสียงใส่สั่นพร่า เพราะมือไม้อีกฝ่ายอยู่ไม่สุข สัมผัสลูบไล้ไปทั่วร่างเปลือยของเขาอย่างถือสิทธิ์
"วิธีนี้ไงจ๊ะ" จิมพลิกตัวลงบนที่นอน ชั่วอึดใจเทพบุตรแสนรักก็เป็นฝ่ายคร่อมทับเขาไว้
"ฉันให้นายคุมเอง เจ็บก็หยุด ดีมั้ย"   ทอมหน้าร้อนผ่าวกับวิธีขี้โกงของอีกฝ่าย พยายามจะขืนตัวขึ้นแต่ถูกอ้อมแขนแกร่งรัดแน่น
"ไม่เอาาา  วิธีบ้าๆ ฉันทำไม่เป็น.."
"เอ๋?.. ฉันไม่ได้ให้นายทำซะหน่อย ให้เป็นคนควบต่างหากที่รัก.."
"ห๊ะ !.. มะ.. ไม่เอาน้าาา.."
ทอมปฏิเสธเสียงสั่น ไม่เคยอายอะไรเท่านี้มาก่อนในชีวิต หากแต่สัมผัสและอาการเสียดสีของอวัยวะบริเวณกึ่งกลางร่างกายทั้งสองฝ่าย ทำให้ความรู้สึกภายในเริ่มร้อนระอุ…อารมณ์ปรารถนาก่อตัวขึ้นอีกระลอก แม็คกิลล์น้อยและการ์เซียหนุ่มกอดคอกันแข็งขันขึ้นมาอีกครั้ง
"ฉะ.. ฉัน..ทำไม่เป็น~"
จิมระบายยิ้มอ่อนโยนมองใบหน้างามแดงระเรื่ออย่างแสนรัก อาการปฏิเสธอย่างแข็งขันเริ่มอ่อนลงตามภาวะอารมณ์แล้ว เขาขยับศีรษะขึ้นจูบแผ่วเบาที่หน้าผากก่อนกระซิบปลอบ
"ไม่ต้องกลัวคนดี.. ฉันจะช่วยสอน" ฝ่ามือใหญ่เริ่มลูบไล้ไปทั่วร่างงามอีกครั้ง
"อือ~"
ทอมส่งเสียงครางเบาๆ รู้สึกปั่นป่วนร้อนรุ่มไปทั่วทุกพื้นผิวที่ถูกฝ่ามือใหญ่แตะสัมผัส ดวงตาคู่สวยฉายแววปรารถนาเต็มเปี่ยม ร่างกายพร้อมขนาดนี้หากแต่น้ำเสียงสั่นพร่าที่หลุดออกมาก็ยังเป็นคำถามที่ค้างคาใจ
"ทำเองไม่เจ็บจริงเหรอ~"
"จริงซีจ๊ะ" จิมพยายามข่มอารมณ์ตนเอง ขณะปลอบโยนให้เทพบุตรสุดรักใจอ่อน ฝ่ามือร้อนเลื่อนลงไปเกาะกุมสะโพกและเคล้าคลึงเบาๆ เพื่อเร่งรัดการตัดสินใจ
"โอเคมั้ย ที่รัก.."   เสียงทุ้มแหบพร่าด้วยอารมณ์ปรารถนา ทั้งสีหน้าและสายตาเว้าวอนสุดๆ จนทอมสงสารตัดใจพยักหน้ารับอย่างกล้าๆ กลัวๆ จิมยิ้มหวานให้รีบขยับตัวขึ้นในท่าครึ่งนั่งครึ่งนอนและรั้งทอมให้อยู่ในท่านั่งคร่อมบนตัก
"อ๊ะ!.."
ทอมสะดุ้งเมื่อถูกมือใหญ่กอบกุมส่วนอ่อนไหวที่กำลังแข็งขืนของเขาไว้และขยับเบาๆ
"อือ~ จิมมี่~"

เสียงหวานสั่นพร่า ริมฝีปากบางถูกประกบจูบอย่างดูดดื่มเพื่อปิดเสียงท้วงหรือปัญหาคาใจที่อาจจะมีขึ้นอีก ในขณะที่มือใหญ่เคลื่อนไหวเป็นจังหวะช้า ๆ ทอมหอบหายใจถี่ๆ เมื่อจิมถอนริมฝีปากออก ใบหน้าแดงเรื่อร่างกายสะท้านขึ้นลงด้วยอารมณ์ปรารถนาที่ถูกปลุกเร้าขึ้นอีก ยังไม่ทันตั้งตัวก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อมือใหญ่อีกข้างลูบไล้ผ่านรอยแยกระหว่างสะโพก ปลายนิ้วเรียววนไปมารอบๆ เหมือนแกล้ง ทอมสวมกอดร่างสูงใหญ่ไว้และซบใบหน้าลงกับไหล่กว้างส่งเสียงท้วงในลำคอ

"อื้อ~"

จิมระบายยิ้มเมื่อรับรู้ถึงความต้องการของคนรัก นิ้วเรียวยาวแทรกผ่านช่องทางคับแน่นเข้าไปอย่างเชื่องช้าหากแต่ง่ายดาย เพราะช่องทางภายในยังฉ่ำชื้นด้วยอารมณ์ของเขาที่ปลดปล่อยในร่างบางเมื่อครู่ เสียงครางเครือดังแผ่วเป็นระยะเมื่อเขาสอดปลายนิ้ววนลึกเข้าไปจนสุดและขยับเข้าออกช้าๆ จากหนึ่งเป็นสอง... ทอมผวาเฮือกกับสัมผัสเสียวซ่านที่ได้รับ อารมณ์ปั่นป่วนทรมานจนอยากจะกรีดเสียงร้องออกมาแต่ที่ทำได้กลับเป็นแค่เสียงร้องครางแผ่วๆ รู้สึกอายจนไม่กล้าเงยหน้าขึ้นสบตากับคนเจ้าเล่ห์ สองมือบีบต้นแขนแข็งแรงไว้ ริมฝีปากบางงับไหล่ร่างกำยำเพื่อสะกดอารมณ์ตนเองไม่ให้พลุ่งพล่านมากขึ้นกว่านี้ จิมสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อรู้สึกเจ็บจี๊ดที่หัวไหล่ รับรู้ถึงความพร้อมของร่างกายและอารมณ์ของเทพบุตรสุดรักที่แสนจะขี้อาย จึงหยุดการเคลื่อนไหวที่ปลายนิ้วและค่อยๆ ถอนออก

"โอเคนะ ทอม.. พร้อมนะ.." น้ำเสียงทุ้มแหบพร่า อย่าว่าแต่ทอมเลย อารมณ์ของจิมก็พลุ่งพล่านจนควบคุมแทบจะไม่ไหวแล้ว
"อื้อ.." เสียงครางตอบรับเบาๆ เหมือนไม่พอใจที่จู่ๆ สัมผัสจากปลายนิ้วหายไป

จิมซ่อนยิ้มในสีหน้า มือใหญ่ยึดสะโพกของทอมให้เข้ามาชิดกับร่างกายของเขา ก่อนจะรั้งร่างที่เกาะหนึบเป็นลูกหมีเพราะความอายให้ออกจากตัวเล็กน้อย ..โอ! พระเจ้า.. ใบหน้างามแดงระเรื่อ สีหน้าเต็มไปด้วยอารมณ์ปรารถนาเซ็กซี่และเย้ายวนขนาดนี้.. รอให้จัดการเองทุกขั้นตอนไม่ไหวแล้ว.. จิมยิ้มอ่อนโยนให้ก่อนประกบจูบอย่างดูดดื่มเพื่อเบนความสนใจกับกิจกรรมด้านล่าง มือขวาเคลื่อนจากสะโพกมาเกาะกุมที่เอว มือซ้ายขยับการ์เซียหนุ่มที่มีรูปร่างบึกบึนไม่แพ้ตัวเขาวนไปมาที่ช่องทางเข้าชุ่มชื้นอย่างยั่วเย้า ทอมส่งเสียงในลำคอเพราะถูกประกบจูบอยู่ สองมือบีบต้นแขนใหญ่อย่างแรงเพราะรู้สึกวาบหวิวกับการกระทำ จิมถอนริมฝีปากออกและสวมกอดเทพบุตรแสนรักไว้ด้วยลำแขนขวาเพียงข้างเดียว แต่เพียงแค่ข้างเดียวก็ดิ้นไม่หลุดแล้ว  

 :sad2:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 11-02-2010 23:25:22

And from that moment to this moment, and for all the moments to come,
I will LOVE YOU ONLY with all my heart.


"จัดการซีทอม อยากให้มันหยุดอยู่ตรงไหน จัดการเองเลยที่รัก"

จิมกัดฟันกระซิบเสียงพร่า เพราะเสียวกับการกระทำของตัวเองจนต้องสูดลมหายใจลึกๆ อยู่หลายรอบ ใบหน้างามแดงจัดดวงตาคู่สวยฉ่ำเยิ้ม อารมณ์ปรารถนาถูกปลุกเร้าขึ้นอย่างรุนแรงจนไม่สามารถควบคุมได้แล้ว ตัดสินใจกดตัวเองลงช้าๆ

"อาาา.. ทอม.." จิมแทบสำลักความสุขที่กำลังได้รับเมื่อรู้สึกว่าตัวเองกำลังจมลึกในที่คับแคบและตึงแน่น สองแขนสวมกอดเทพบุตรแสนรักไว้เหมือนกลัวว่าจะถูกใครแย่งหรืออันตรธานหายไปในเวลานี้

"จะ.. จิมมี่…." เสียงเรียกสั่นเครือเมื่อรับการ์เซียหนุ่มเข้าไปได้เพียงครึ่งก็รู้สึกอึดอัดและคับแน่นมากจนต้องหยุดนิ่งไม่กล้าขยับต่อ

"หือ.." จิมส่งเสียงตอบรับในลำคอเพราะมัวแต่สนใจความสุขตรงหน้า ใบหน้าคมจูบไล่ละไปตามแผงอกขาว หากแต่อาการหยุดนิ่งทำให้เขารู้สึกตัวแทบจะในทันที รีบเงยหน้าก็สบดวงตาคู่สวยมีน้ำใสคลอระริกอยู่

"ว่าไงจ๊ะ" มือใหญ่คล้อยลงจากเอวเกาะกุมบั้นท้ายเคล้นคลึงไปมา

"มะ.. ไม่ไหวแล้ว….จะ.. เจ็บบบ.." จิมยิ้มอ่อนโยน สองมือกดร่างบางที่ทำท่าจะถอนตัวออกไว้

"โอ๊ะ ! โอ๋!.. ไม่เป็นไรที่รัก.. หยุดพักก่อน อย่าเพิ่งขยับ"

..อา! ให้ตายเถอะ กำลังจะเห็นสวรรค์อยู่รำไรแล้วแท้ๆ... จิมเลื่อนมือขึ้นมาลูบไล้แผ่นหลังเปลือย ริมฝีปากอิ่มบรรจงจูบที่หน้าผากชื้นเหงื่อ และเลื่อนช้าๆ ลงมาที่ปลายจมูก ก่อนจะประกบลงที่ริมฝีปากบาง ลิ้นอุ่นแทรกซอนเกี่ยวกระหวัดเข้าหากัน ในชีวิตนี้เขาไม่เคยสัมผัสริมฝีปากผู้หญิงคนไหนแล้วให้ความรู้สึกที่ดูดดื่มอ่อนหวานแบบนี้มาก่อน จะว่าไปแล้วเขาไม่เคยจูบผู้หญิงอย่างดูดดื่มขนาดนี้ด้วยซ้ำ จิมสัมผัสถึงอาการผ่อนคลายของร่างในอ้อมแขนขณะจูบ สองมือค่อยๆ กดสะโพกบางลงพร้อมกับแทรกตัวเองขึ้นช้าๆ โดยไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัว ก่อนจะผละจากความอ่อนหวานที่ริมฝีปากมาซุกไซ้ที่ลำคอขาวเนียนและกระซิบถาม

"หายเจ็บยังจ๊ะ" ใบหน้างามพยักหงึก ไม่ยอมตอบเรื่องน่าอายแบบนี้เป็นคำพูด
"งั้นก็ขยับได้แล้วซี" จิมเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าแดงเรื่อของอีกฝ่าย
"อื้อ~ไม่ได้…"
จิมเลิกคิ้ว ฟังไม่ถนัดกับเสียงงุบงิบตอบอยู่ในลำคอ แต่ก็พอจะเดาออกจึงย้อนถามกลับไปด้วยสีหน้าระรื่น
"ทำไมขยับไม่ได้ล่ะ หือ.."
"ก็มันยังเข้าไม่หมดนี่ คนบ้าาา.."  เสียงตอบแผ่วเบาหากแต่ชัดถ้อยชัดคำพร้อมคำอวยพรแถมท้าย ใบหน้างามงอเง้า ฉุนที่ถูกเซ้าซี้ถามเรื่องน่าอายอยู่ได้
จิมแกล้งทำหน้าไม่เข้าใจ ไม่กล้ายิ้มหรือหัวเราะกลัวถูกโกรธ
"อะไรเข้าไม่หมดเหรอ ที่รัก.."

ทอมเอะใจก้มลงมอง ใบหน้าร้อนวูบวาบไปมาเมื่อเห็นกับตาว่าร่างกายตัวเองรับการ์เซียหนุ่มไว้ทั้งลำแล้ว ตั้งแต่เมื่อไรทำไมไม่รู้ตัวเลย เมื่อกี้ยังเจ็บมากจนขยับลงไปแทบจะไม่ได้

ทอมไม่กล้าเงยหน้าขึ้นสบตากับคนรักเจ้าเล่ห์ ซุกหน้ากับไหล่กว้างด้วยความอายสุดชีวิต จิมรู้ใจเทพบุตรแสนรักสองมือลูบหลังและกล่าวปลอบให้หายเขินอาย

"ข้างในอบอุ่นจังเลย ที่รัก.. อยู่นิ่งๆ สักครู่ก่อนนะจ๊ะ"

จิมขยับร่างกายตัวเองวนไปมาในช่องทางแคบสร้างความคุ้นเคยให้และกระตุ้นอารมณ์ของอีกฝ่ายไปในตัว มือขวาผละจะแผ่นหลังมากอบกุมแม็คกิลล์น้อยที่แข็งแรงขึงขังอย่างทะนุถนอม

"หายเจ็บรึยัง.. หือ.." คำถามเดิมของจิมและคำตอบที่ได้ก็เหมือนเดิมคืออาการพยักหน้าหงึก จิมจึงหยุดขยับทุกส่วนของร่างกาย และนั่นทำให้ใบหน้างามผละขึ้นมองเขาด้วยสายตาโกรธๆ

จิมแสร้งไม่เข้าใจ "ขยับซีจ๊ะ จะนั่งเฉยๆ อยู่อย่างนี้เหรอ.."

ริมฝีปากบางเม้มแน่นอย่างไม่พอใจที่ถูกสั่งให้ทำเรื่องน่าอาย หากแต่อารมณ์ที่ถูกปลุกขึ้นจนเลือดในกายฉีดพล่าน ทำให้ความต้องการอยู่เหนือความอายแล้ว สองแขนโอบลำคอร่างสูงใหญ่ไว้และตั้งท่าจะขยับตามที่อีกฝ่ายบอก แต่กลับนั่งนิ่งอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยเรียกเสียงสั่น

"จิมมี่~"
"หือ.." จิมยิ้มอ่อนโยน สีหน้าเหมือนไม่ทุกข์ร้อน ทั้งที่ความรู้สึกภายในกำลังพลุ่งพล่านจนแทบจะระเบิดอยู่แล้ว
"ฉะ.. ฉัน..ทำไม่เป็น สอนหน่อย~"

เสียงอึกอักสั่นเครือด้วยความอายใบหน้างามแดงจัด ….ก็ทำไม่เป็นจริงๆ นี่นา… มันไม่เหมือนทำกับผู้หญิงซะหน่อย จะให้เป็นคนขยับยังไงทั้งที่ร่างกายตัวเองเป็นฝ่ายถูกรุกอยู่… จิมยิ้มปลอบกับความไม่ประสาของเทพบุตรแสนรัก ถึงจะเชี่ยวกับผู้หญิงมามากต่อมาก แต่สถานการณ์ของเกมรักขณะนี้เป็นประสบการณ์ครั้งแรกในชีวิตของทอม

"ทำแบบนี้ไงจ๊ะ" สองแขนโอบกระชับรอบเอวแล้วดึงให้ร่างบางขยับตัวตามช้าๆ
"ไม่ยากเลยเห็นมั้ย ไม่เจ็บด้วยใช่มั้ย หือ.."

ทอมไม่กล้าเอ่ยตอบ ไม่อยากให้จิมรับรู้ถึงอารมณ์และความรู้สึกผ่านทางน้ำเสียงว่าเขากำลังรู้สึกดีมากๆ แต่จะสุขกว่านี้อีกหลายเท่าถ้าอ้อมแขนแกร่งคลายออกหน่อยเพราะมันทำให้เขาขยับเร็วๆ ไม่ได้

จิมกัดฟันกรอดเมื่อรู้สึกว่าจังหวะและความเร็วถูกเร่งขึ้นโดยที่เข้าไม่ได้เป็นฝ่ายชักนำ เพียงครู่เดียวเทพบุตรของเขาก็ควบการ์เซียหนุ่มด้วยตัวเองโดยไม่สนใจคำแนะนำของโค้ช

"โอว!!! ทอม.. ช้าหน่อยที่รัก.. เก่งเกินไปแล้วจ้าา"

ทอมยิ้มหวานให้ ใบหน้างามแดงกร่ำด้วยอารมณ์ปรารถนา เหงื่อผุดซึมไปทั่วร่างทั้งที่แอร์ในห้องเย็นฉ่ำ ความรู้สึกของทอมขณะนี้เหมือนอยู่เหนือกว่าอีกฝ่ายและเป็นผู้คุมเกมจริงๆ สะโพกถูกยกขึ้นช้าๆ และกระแทกกลับลงไปอย่างแรง กลืนกินการ์เซียหนุ่มเข้าไปภายในทั้งลำ

"อ้าาา… ดีรึเปล่า จิมมี่.." เสียงหอบสั่นพร่าถามคนรัก

"ดีจ๊ะที่รักกก.. สุดยอดเลย.. โอ้วว!!!.."   จิมกัดฟันยิ้มหวานตอบหน้าแดงด้วยความอัดอั้น ความสุขใกล้จะล้นทะลักแล้ว น้องชายตัวล่ำของเขาเสียดสีเข้าออกอยู่ในช่องทางที่บีบรัดมากโดยเจ้าตัวไม่ร้องเจ็บ แสดงว่าอารมณ์ของร่างงามตรงหน้าคงใกล้จะถึงขีดสุดแล้วเช่นกัน

"อา!!.... จิมมี่…"   ทอมร้องคราง สีหน้าเหมือนทรมานหากแต่น้ำเสียงและสีผิวที่แดงระเรื่อบ่งบอกถึงความสุขสม ทั้งน้ำเสียงและการกระทำตลอดจนสีหน้าที่แสนจะสุขสมของทอม ทำเอาจิมเกือบจะปลดปล่อยออกมาในนาทีนั้น รีบสวมกอดและซุกไซ้ซอกคอขาวเพื่อตัดกำลังให้อีกฝ่ายลดสปีดลง ต้องการยืดช่วงเวลาแห่งความสุขสมนี้ให้ยาวนานออกไปอีก

"ช่วยขยับที จิม…" เสียงเรียกให้ช่วยในอารมณ์นี้ ทำให้จิมต้องรีบเกาะกุมแม็คกิลล์น้อยไว้และขยับเคลื่อนไหวค่อนข้างเร็ว "อ๊ะ!.. ไม่ใช่ตรงนี้"
"หือ?" จิมเลิกคิ้วถาม เป็นครั้งแรกที่เขาไม่เข้าใจความต้องการของทอม "ตรงไหนล่ะ"
"ช่วยขยับของนายให้ที ฉันไม่ไหวแล้ว" ทอมซบลงกับไหล่กว้างและเคลื่อนไหวช้าลง
"โอ! ได้เลยที่รัก.." จิมยิ้มหวานช่วยบรรเลงเพลงรักต่อทันที หากแต่ดำเนินไปอย่างเชื่องช้าเหมือนเริ่มเกมใหม่ จึงถูกเสียงใสตวาดใส่เพราะอารมณ์ไม่ต่อเนื่อง
"ไม่เอา เร็วกว่านี้!!.."  จิมสะดุ้งเล็กน้อย รีบปฏิบัติตามคำสั่งทันที ขยับกายเข้าออกเร็วขึ้นแต่กลับถูกตวาดอีกเป็นรอบที่สอง
"แรงๆ ด้วยซีจิมมี่.. ฉันจะไม่ไหวแล้ว อือ~" เสียงหวานครางลั่นเหมือนอารมณ์กำลังจะพลุ่งขึ้นขีดสุด

จิมเคลื่อนไหวร่างกายลึกล้ำเข้าไปภายในมากขึ้นและรุนแรงขึ้นจนร่างในอ้อมแขนสั่นระริกและอยู่ในอาการเกร็ง จึงยกสะโพกขึ้นรับพร้อมกับดึงร่างบางกระแทกลงมาอย่างรวดเร็วและรุนแรง

"จะ.. จิมมี่ อ๊าาาาา…"  เสียงหวานกรีดร้องพร้อมกับเสียงครางหนักๆ ของจิม ช่องทางที่คับแน่นตอดรัดเขาอย่างแรง อารมณ์ที่พลุ่งขึ้นขีดสุดถูกปลดปล่อยออกมาพร้อมๆ กัน สองร่างตระคองกอดกันแน่นจนแทบจะรวมเป็นหนึ่งเดียว อารมณ์รักไหลเรื่อยเปรอะตามเรียวขาและหน้าท้องของคนทั้งสอง  

จิมสวมกอดร่างในอ้อมแขนไว้อย่างแสนรัก ใจหายเมื่อสัมผัสถึงอาการสะท้านที่ผิดปกติ รีบรั้งร่างบางออกจากตัวก็พบต้นเหตุของอาการสะท้าน

"ร้องไห้ทำไมทอม เจ็บใช่มั้ย ฉันขอโทษที่ทำรุนแรง" จิมจุมพิตปลอบที่หน้าผากชื้นเหงื่อ
"ฉันรักนายจิม.. รักที่สุดเลย" ทอมสวมกอดและซบลงที่ไหล่กว้างตามเดิม ในขณะที่จิมยังตะลึงเพราะนึกไม่ถึงว่าจะได้ยินคำบอกรักจากปากทอมในเวลาแบบนี้
"นายต้องกลับมาเร็วๆ นะ สัญญานะว่าจะไม่หายไปนานๆ เหมือนครั้งก่อนโน้นอีก"
"โอ! ทอม ฉันสัญญา.. สาบานเลยก็ได้… ไม่มีใครพรากเราจากกันได้แน่ เพราะฉันเปลี่ยนใจจะพานายกลับไปด้วยแล้ว "
ร่างบางผละออกจากไหล่ ดวงตาฉ่ำนองด้วยน้ำใสวาววับด้วยความดีใจ
"จริงเหรอ.. พาฉันกลับไปด้วยจริงเหรอ"
"จริงซี" จิมเสยผมชื้นเหงื่อของทอมขึ้น ก่อนจะเลื่อนมือลงลูบไล้ผิวกายขาวเนียนที่มีร่องรอยความรักของเขาประปรายไปทั่ว แต่ดูเจ้าตัวจะไม่สนใจ
"มาเรียจะรู้สึกไม่ดีรึเปล่า เธอกำลังจะคลอดลูกด้วย ไม่เหมาะมั้ง"
"เธอเป็นคนบอกเองว่าครั้งหน้าให้พานายกลับไปด้วย เพราะฉะนั้นเลิกกังวลได้แล้ว ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาคิดเรื่องอื่นนะ"

ทอมสะดุ้งเมื่อรู้สึกว่าตัวเองยังอยู่ในท่า make love อยู่ หน้าแดงซ่านเมื่อเริ่มรู้สึกถึงความคับแน่นภายในร่างกายตัวเอง ในขณะที่เจ้าตัวยังนั่งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ แต่สายตาส่อแววเจ้าเล่ห์สุดๆ ริมฝีปากบางขบกันแน่นเพราะรู้สึกเขินอายกับท่านี้มากๆ ขยับจะลุกก็ถูกอ้อมแขนแกร่งสวมกอดไว้อย่างรู้ทัน และพลิกตัวให้ลงไปนอนบนเตียง

"มะ.. ไม่เอาแล้วนะจิม.. ไม่ไหวแล้ว อ๊ะ !.. " ทอมอุทานเบาๆ เมื่อร่างสูงใหญ่แกล้งถอนกายออกอย่างรวดเร็วทั้งๆ ที่อยู่ในสภาพตื่นตัวแล้ว
"คนบ้า!.. เจ็บนะ นี่แน่ะ ๆ ๆ " กำปั้นรุ่นๆ ทุบลงที่ต้นแขนล่ำไม่นับครั้ง จนอีกฝ่ายร้องครวญ
"โอ๊ะ!.. โอย!.. ขอโทษจ้ะ.. ขอโทษ.. " จิมคว้ากำปั้นคนรักไว้และแกล้งกระเซ้าต่อ
"ความรู้สึกเมื่อกี้ไม่ได้เรียกว่าเจ็บ.. เขาเรียกว่าเสียวว..จ้ะ เบบี๋..." กล่าวจบก็ก้มลงประกบจูบดูดดื่มจนอีกฝ่ายอ่อนแรงลง
"นอนพักเถอะนะ ไม่ทำอะไรแล้วจ้ะ ไว้คืนนี้ค่อยต่อ "
"บ้า!.. ใครจะให้ต่อไหวอ่ะ…" ดวงตาคมเข้มของจิมที่จ้องมองมาหวานซึ้งจนน้ำเสียงต่อว่างึมงำอยู่แค่ในลำคอ "คนลามก บ้ากาม.."
"ว่าใครบ้ากาม หือ.. ตกลงจะนอนพักหรือจะให้คนบ้ากามขมขื่นต่ออีกสัก 2-3 รอบ ฮึ!.. " ทอมสะดุ้งเฮือก สีหน้าจ๋อยลงแต่ยังมีข้อต่อรองอยู่
"ฉันอยากอาบน้ำก่อน เหนียวตัวอ่ะ"
"โอเค..ที่รัก ฉันจะไปเตรียมน้ำอุ่นให้ นอนเล่นไปก่อนนะ เดี๋ยวจะมาอุ้มไปอาบจ้ะ"

จิมยิ้มอ่อนโยน ก้มลงจุมพิตที่ริมฝีปากบางเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงเดินเปลือยโทงๆ ไปที่ห้องน้ำ ทอมมองตามด้วยสายตาเปี่ยมด้วยความรัก แน่ใจในนาทีนี้แล้วว่าจะไม่มีวันปล่อยมือชายหนุ่มผู้นี้ไปจากชีวิต ไม่ว่าใครก็แย่ง จิม การ์เซีย ไปจากเขาไม่ได้ เทพบุตรทอม แม็คกิลล์ ซะอย่าง ต่อให้มาเรีย 10 คนก็ไม่กลัว รอยยิ้มอย่างผู้มีชัยปรากฏขึ้น แต่เพียงครู่เดียวก็จางหาย ใบหน้างามส่อแววกังวลขึ้นอีก

แต่ถ้าเป็นหนูน้อยการ์เซีย จูเนียร์ ล่ะ ต้องใช้ทอม แม็คกิลล์ กี่คนถึงจะสู้ได้… ...กลัวใจจังเลย.. ถึงวันนั้นนายจะยังรักฉันเหมือนเดิมมั้ย ...  


 :jul1:


สะใจ สมใจ กันแล้วใช่มั้ย  เจ๊หมวยตายก่อน 
คร่อก o6 o6 o6 o6
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 12-02-2010 01:15:57
ตายตามเจ้หมวยไปติดๆ  :m25: :m25: :m25:
สมใจที่สุดเลย ในที่สุดทอมก็มีสามีเป็นตัวเป็นตนแล้ววววว
ครั้งแรก อ่อนหวานนุ่มนวลมาก จิมถนุถนอมทอมสุดๆไปเลย
ครั้งที่ 2 เร้าร้อนเหลือเกิน แม่เจ้า!!! ทอม On top อ่ะถูกใจที่สุดเลย
ตามหาเคะราชินีสุดเซะซี่แบบนี้มานานแล้ว
งานนี้ทอมได้ใจไปเต็มๆเลยยยยยยย
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: -N- ที่ 12-02-2010 03:08:45
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด
กรี๊ดดดดดดดดดดด
กรี๊ดดดดดดดด
กรีีดดดดด
กรี๊ดดด




 :m25:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 12-02-2010 08:22:59
โอยยยย........ตายๆๆ  เลือดหมดตัว ตามเจ๊หมวยด้วย :haun4: :pighaun: :jul1:

พูดไม่ออก..แต่ชอบ.....กร๊ากกกกกก :z1:

ทอมกับคุณจิมร้อนแรงมากมาย :m25:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 12-02-2010 09:31:28
 :m25: :m25: :m25: :m25: :m25: :m25:

 :pighaun: :pighaun: :pighaun: :pighaun: :pighaun:

 :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: aekporamai2 ที่ 12-02-2010 15:15:35
 :L1: :3123: :o8: :L2:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: kungyung ที่ 12-02-2010 19:18:43
ข้าน้อยขอตายตามท่านเจ้ไปด้วยคน
 :pighaun: :pighaun: :pighaun: :pighaun:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: iiดาวพระสุขლii ที่ 12-02-2010 19:49:54
 :pighaun: :pighaun: :pighaun:     สุดยอดมากๆค่ะ แต่งได้สวยงามมากๆๆๆ   
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: nbee ที่ 12-02-2010 21:56:02
 :jul1:

ทอมกับจิมทำเอาเลือดที่เตรียมไว้หมดเลย


เจ้หมวยสุดยอดแต่งได้ดีมากเลย บอกไม่ถูกอ่ะ มันมีทั้งอารมณ์  :m10: + :give2:หลากหลายดี


สรุป ชอบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ  :m1:



+1 แถม:จุ๊บๆ:

หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 12-02-2010 23:51:34

เหอๆ  :z2: เป็นไงค้า~  รอคอยวันนี้มานานแสนนาน  อยากให้ถึงวันนี้กันนักหนา 
ถึงใจพระเดชพระคุณ พ่อยก แม่ยก กันหรือไม่เจ้าคะ

นิยายเรื่องนี้  สอนให้รู้ว่า 

เจ๊หมวยไม่ได้แกล้งเด็กเป็นอย่างเดียว
ไม่ได้แกล้งบีบหัวใจให้คนอ่านเสียน้ำตาเป็นอย่างเดียว 
แต่
เจ๊หมวยทำให้คนอ่านหน้าระรื่น อมยิ้มน้อยๆ จนถึงระบายยิ้มกว้างๆ ก็เป็น
และ
ทำให้คนอ่านเสียเลือดหมดตัว.. :jul1:.  ก้อเป็นค่า~..

ชะเอิงเอย  :z2:ชะเอิงเอย   

หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 12-02-2010 23:58:17
เจมส์ การ์เซีย เดินผิวปากอย่างสบายอารมณ์ เขาตามหาแม็กกี้ทั่วบ้านในที่สุดก็มาพบเจ้าหนูที่โรงรถกำลังง่วนอยู่กับนายเอ๊ดช่วยกันต่อกรงให้กับ เจ้าวุ้น ลูกหมาพันธุ์เกรตเดน (Great Dane) วัย 2 เดือนเศษ กำลังน่ารักน่าชังเหมือนเจ้าของที่กำลังโตวันโตคืนและจะเป็นหนุ่มน้อยในอีกไม่กี่ปีนี้แล้ว จิมอดยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นเด็กชายชี้มือชี้ไม้สั่งการวุ่นวายไปหมด

“ทำอะไรกันน่ะ แม็กกี้..”
แม็กกี้หันมายิ้มให้และหันกลับไปสนใจงานตรงหน้าต่อ “สร้างบ้านให้เจ้าวุ้นฮะ”

...บ้าน!!.. โชคดีจริงๆ ที่เขาไม่เผลอพูดออกไปว่า กรง ไม่งั้นมีหวังโดนเจ้าหนูค้อนขวับแน่...

“เจ้าวุ้นนี่โชคดีจังนะ มีเจ้าของใจดีแบบนี้ จะสร้างบ้านให้อยู่ตั้งแต่ยังเล็กเลยเหรอ.. โตขึ้นก็ต้องสร้างใหม่อีกหลังล่ะซี..”
“ผมสร้างบ้านหลังใหญ่ฮะ กะให้มันอยู่ถึงโตเลย แต่ก็ไม่แน่.. ถ้าออกมาไม่สวยพอโตแล้วค่อยสร้างใหม่ก็ได้ฮะ ”

เด็กชายกล่าวเป็นการเป็นงานไม่ได้คิดอะไรกับคำพูดที่ออกมา หากแต่นายเอ๊ดรู้สึกเหมือนถูกเหน็บจึงแอบค่อนขอดเจ้านายน้อยอยู่ในใจ ... ผมเป็นโชเฟอร์นะคุณหนู.. ไม่ใช่ช่างไม้ จะให้สวยงามดั่งใจได้ยังไงล่ะครับ ...

“เอ่อ.. แม็กกี้.. ขอคุยอะไรด้วยหน่อยซี..”
“ครับ” เด็กชายเงยหน้าขึ้นถามด้วยสายตาว่าเรื่องอะไร    “คุยตรงนี้ได้มั้ยฮะ”

จิมยิ้มหวานให้แต่ส่ายหน้าความหมายว่าไม่เหมาะที่จะคุยตรงนี้ เจ้าหนูที่แสนฉลาดและรู้ใจเขาก็หันไปสั่งช่างไม้จำเป็นทันที
“เดี๋ยวผมมานะ น้าเอ๊ดดี้.. อย่าลืมใส่คิ้วตรงนี้ด้วยนะฮะ..”
“คร้าบบบ... คุณหนู เชิญครับ เชิญตามสบาย”

นายเอ๊ดภาวนาให้คุณจิมชวนเด็กชายไปไหนก็ได้ หรือไม่ก็ใช้เวลาพูดคุยด้วยนานๆ จะได้ไม่ต้องมาคอยนั่งคุมงานก่อสร้างอยู่แบบนี้ มันทำให้เขาทำอะไรไม่ถนัด นึกพาลไปถึงเจ้าวุ้นตัวแสบ หลงไปบ้านไหนไม่หลง.. ดันหลงเข้ามาในบ้านแม็คกิลล์ รู้งี้ให้เจ้าฮาร์เวิร์ดวิ่งไล่หางจุกตูดไปตั้งแต่แรกก็ดี..

“มีอะไรฮะ ลุงจิม.. เรื่องลับเฉพาะในครอบครัวเหรอ.. ถึงให้น้าเอ๊ดดี้รู้ไม่ได้”

จิมอึ้งไปไม่ใช่เพราะคำพูดรู้ทันที่แสดงความเฉลียวฉลาดของเจ้าหนู หากเพราะคำเรียกแทนตัวเขาว่า ‘ลุง’ เพิ่งได้ยินจากปากเด็กชายเป็นครั้งแรก มันทำให้เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นญาติผู้ใหญ่และเป็นครอบครัวเดียวกันกับสองพ่อลูกแม็คกิลล์แล้วจริงๆ

“ตกลงมีธุระอะไรฮะ จะคุยรึเปล่า..” เด็กชายถามย้ำเมื่อเห็นคนรักของพ่อนั่งทำหน้าระรื่นยิ้มกริ่มอยู่ได้
“เอ่อ.. คุยจ้ะ.. คือ.. จะมาบอกว่า.. เย็นนี้นั่งทานข้าวคนเดียวได้รึเปล่า แม็กกี้..”
แม็กกี้ตาปริบๆ ตกลงมันเป็นคำถามหรือคำบอกเล่ากันแน่..
“ทำไมฮะ แด๊ดกับลุงจะไปเลี้ยงฉลองกันสองคนข้างนอกเหรอ..”   จิมใจหายกับคำถาม แม้สีหน้าเด็กชายจะเป็นปกติแต่ความรู้สึกเสียใจแฝงอยู่ในน้ำเสียงจนสัมผัสได้
“โอ!.. เปล่าจ้ะ ไม่ได้ไปไหน คือ.. แด๊ดดี้ไม่ค่อยสบายน่ะ ก็เลยอยากให้นอนพัก อาหารเย็นฉัน เอ่อ.. ลุงจะยกขึ้นไปให้ทานที่ห้องเลย”
เด็กชายตาโตเมื่อได้ยินว่าพ่อไม่สบาย
“แด๊ดเป็นอะไรฮะ เมื้อเช้ายังดีๆ อยู่เลย ทำไมถึงไม่สบายได้”
“เอ่อ.. ปะ..เปล่า แม็กกี้..” จิมฉุนตัวเองที่หลุดคำว่าไม่สบายออกไปให้เด็กชายตกใจ “แด๊ดสบายดี แค่รู้สึกเพลียและปวดเมื่อยตัวนิดหน่อย เลยอยากให้นอนพักยาวๆ น่ะ” จิมพยายามอธิบายให้ดูเหมือนว่าเป็นอาการเริ่มต้นของคนเป็นไข้
“เพลีย? ” เด็กชายทำหน้ายุ่ง “ทำไมถึงเพลียได้ฮะ แด๊ดไปทำอะไรมาเหรอ..”
“เอ่อ..”
หนุ่มใหญ่อึ้ง.. ตอบคำถามไม่ถูก สีหน้าของเขาคงทำให้เด็กฉลาดอย่างแม็กกี้รู้ทัน จึงถูกย้อนด้วยคำถามที่ฟังแล้วถึงกับสะดุ้งโหยง
“ลุงจิมรังแกแด๊ดใช่มั้ยฮะ ลุงต้องกอดแด๊ดแรงๆ แน่เลย แด๊ดถึงปวดเมื่อยตัวอ่ะ ”
จิมกลืนน้ำลายลงคอ ไม่คิดว่าจะได้ยินคำถามนี้ เขาตอบไม่ถูกเพราะไม่รู้ว่าเด็กชายเข้าใจไปถึงไหน หากแต่อาการนิ่งอึ้งและสีหน้าเหมือนยอมรับผิดของเขากลับทำให้เจ้าหนูเข้าใจผิดและออกอาการโกรธทันที
“บ้าที่สุดเลย รู้งี้ผมไม่ยกแด๊ดให้ลุงหรอก แค่วันเดียวก็ทำแด๊ดของผมเจ็บแล้ว ลุงจิมบ้าที่สุด!!..” เด็กชายผลุนผลันวิ่งขึ้นบันไดไป

แม็กกี้เข้าใจตามที่พูดจริงๆ ไม่ได้มีความหมายลึกซึ้งมากกว่านี้ เด็กชายเข้าใจว่าคนรักกันก็ต้องอยากอยู่ใกล้และกอดกันเล่นเป็นธรรมดาอยู่แล้ว เพราะตัวเองยังชอบกอดปล้ำกับพ่อก่อนจะนอนเลย บางครั้งทอมหมั่นเขี้ยวแกล้งกอดแรงๆ จนเจ้าหนูร้องเจ็บ จึงเข้าใจว่าคงเป็นแบบเดียวกัน นึกว่าอาการปวดเมื่อยของพ่อคงเป็นเพราะถูกผู้ชายร่างกายใหญ่โตคนนี้กอดแรงเกินไปแน่ๆ ...

จิมอ้าปากค้างมองตามตาปริบๆ หายจากตกใจก็รีบวิ่งตามขึ้นไป

 :เฮ้อ:

แม็กกี้วิ่งขึ้นมาหาพ่อที่ห้อง เมื่อไม่พบก็รู้ทันทีว่าต้องอยู่ห้องลุงจิมแรงยักษ์แน่ๆ หันหลังวิ่งกลับออกไปก็ชนกับร่างสูงใหญ่ที่ประตู
“จะไปไหน แม็กกี้.. ไม่ไปคุมเอ๊ดดี้สร้างบ้านเจ้าวุ้นต่อเหรอ เดี๋ยวออกมาผิดแบบนะ” จิมยิ้มหวานให้พยายามเอาใจลูกเลี้ยงสุดๆ เพราะไม่อยากให้เจ้าหนูเอาเรื่องเข้าใจผิดนี้ไปเข้าหูทอม
“ผมจะไปหาแด๊ด หลีกทางหน่อยฮะ”
“เอ่อ.. แม็กกี้..” จิมขวางเด็กชายไว้ “แด๊ดนอนหลับอยู่ ฟังลุงอธิบายก่อนได้มั้ย ลุงไม่ได้รังแกแด๊ดนะ ไม่ได้กอดแรงๆ ด้วย กอดเบาๆ เอง..”
“ไม่รู้ล่ะ ผมจะไปถามแด๊ด จะไปดูด้วยว่าแด๊ดเจ็บมากรึเปล่า หลีกทางซีฮะ”
ดวงตาสีน้ำทะเลจ้องมองอย่างเอาเรื่องจนจิมต้องยอมหลีกทางให้ ร่างเล็กวิ่งผลุบออกไปหาพ่อทันที
จิมถอนใจเฮือก ..ถูกทอมโกรธแน่.. จิมมี่เอ๋ย.. และถ้าถูกโกรธก็หมายความว่า.. ความหวังที่จะได้กินขนมหวานต่อในคืนนี้ก็คงอด.. โฮ้ยย!!..

จิมนึกโกรธตัวเองที่เจ้ากี้เจ้าการดีนัก ปล่อยให้ทอมจัดการเองซะก็สิ้นเรื่อง ไม่น่าเลยเรา เป็นเพราะได้ยินเสียงบ่นพึมพำก่อนหลับไปว่า
“ปวดไปหมดทั้งตัวเลย จิมมี่.. ถ้าฉันหลับยาว นายทานมื้อเย็นกับแม็กกี้สองคนเลยนะ ไม่ต้องปลุก..”
เพราะอยากนั่งเฝ้าอยู่ข้างๆ และไม่อยากให้ทอมตื่นขึ้นมานั่งทานข้าวคนเดียวในตอนค่ำ จิมจึงคิดจะมาบอกกล่าวให้แม็กกี้รู้ก่อนเพราะเจ้าหนูเป็นคนที่เข้าใจอะไรง่าย แต่นึกไม่ถึงเลยว่าจะเข้าใจผิดไปยกใหญ่ แถมยังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟด้วย

(ที่จริงแล้วความเข้าใจของแม็กกี้ถูกและตรงประเด็นจนน่าตกใจมากกว่า)

 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 13-02-2010 00:06:52
เด็กชายทรุดตัวลงข้างเตียงนั่งเท้าคางมองดูแด๊ดดี้สุดที่รักนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงนอนของจิม พิศไปมาแล้วดูท่าจะเพลียเหมือนไม่ค่อยสบายจริงๆ แต่ทำไมสีหน้าเหมือนคนกำลังฝันดีเลยอ่ะ…

…นึกแล้วก็โมโห ลุงจิมบ้าที่สุดเลย  คงจะเล่นกอดแรงๆ แน่ แด๊ดถึงปวดตัวได้…

แม็กกี้รู้สึกคันจมูก รีบปิดปากและหันหน้าหนีแต่จามออกมาโดยไม่ได้ออมเสียง ตกใจรีบหันกลับมาก็เห็นแด๊ดดี้นอนตาปริบๆ มองดูอยู่ จึงยิ้มแห้งๆให้และกล่าวขอโทษเสียงอ่อย

"ขอโทษฮะแด๊ด.. ที่ทำให้ตกใจตื่น"
"มานั่งทำอะไรตรงนี้น่ะ แม็กกี้.." ทอมเอ่ยถามพร้อมกับขยับตัวลุกขึ้นนั่ง แต่แล้วก็ต้องนิ่วหน้าเพราะรู้สึกเจ็บแปล๊บที่ก้นกบขึ้นมาถึงแนวสันหลัง เด็กชายหน้าเสียเมื่อเห็นพ่อเจ็บ รีบขยับเข้าไปประคอง
"เจ็บตรงไหนฮะแด๊ด เจ็บมากมั้ย ปวดกระดูกรึเปล่าฮะ "
"เปล่านี่ลูก แด๊ดไม่ได้เป็นอะไร เฮ้!.. ตกใจอะไร หือ.." ทอมตกใจกับอาการตื่นตระหนกของลูกจนลืมเจ็บ
"ลุงจิมบอกว่าแด๊ดไม่ค่อยสบายปวดเมื่อยตัว ลงไปทานอาหารเย็นไม่ได้ ให้ผมนั่งทานคนเดียวฮะ ผมไม่เชื่อหรอกว่าแด๊ดไม่สบาย ก็เมื่อเช้ายังดีๆ อยู่เลย ผมว่าลุงจิมต้องรังแกแด๊ดแน่ๆ ลุงแกล้งกอดแด๊ดแรงๆ ใช่มั้ยฮะ ฮึ่ยย!.. รู้งี้ไม่ยกให้ดีกว่า   อยู่ด้วยกันแค่วันเดียวก็ทำแด๊ดของผมเจ็บแล้ว ลุงจิมบ้า!!! "

แม็กกี้หายใจหอบเพราะพูดโดยไม่หยุดพักเลยในขณะที่ผู้เป็นพ่อนั่งตะลึง ทอมเข้าใจความหมายของคำว่า กอดแรงๆ ที่เด็กชายพูด จึงไม่ได้ตกใจกับคำบอกเล่าของเจ้าหนู แต่ตกใจที่หลับไปแค่แป๊บเดียวก็เกิดเรื่องไม่เข้าใจระหว่างลูกชายกับคนรักซะแล้ว ชีวิตครอบครัว พ่อ ๆ ลูก จะไปรอดมั้นเนี่ยยย.. นี่แค่วันแรกเองนะ..

"เอ่อ.. แด๊ดไม่ได้เมื่อยตัวเพราะลุงจิมรังแกนะ แม็กกี้.. ลูกเข้าใจผิดน่ะ"

ทอมรีบออกรับแทนจิมเมื่อได้ยินคำว่า "รู้งี้ไม่ยกให้ดีกว่า" ฟังแล้วใจหาย ถ้าเจ้าหนูเกิดงอแงไม่ยอมรับขึ้นมาตอนนี้ล่ะก็ ชีวิตครอบครัวคงไม่สงบสุขแน่

"แด๊ดไม่ค่อยสบายจริงๆ เมื่อยตัวเหมือนกับจะเป็นไข้น่ะ ไม่เกี่ยวกับคุณจิมซะหน่อย"
"จริงเหรอฮะ"   

สีหน้าเด็กชายครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนที่มือเล็กจะเอื้อมมาแตะที่หน้าผากของพ่อ หน้าจ๋อยลงทันทีเมื่อรู้สึกว่าตัวพ่ออุ่นๆ เหมือนกับเป็นไข้จริงๆ ทอมพยักหน้าและยิ้มหวานให้ รอยยิ้มของเทพบุตรทอมใครได้เห็นเป็นต้องหลงและเคลิ้มทุกคนไม่เว้นแม้แต่หนุ่มน้อยลูกชายแสนรัก

"ขอโทษฮะ ผมนึกว่าลุงจิมรังแกแด๊ดอ่ะ.." เสียงใสดังแผ่วๆ ไม่เต็มปากเต็มคำเมื่อรู้ว่าตัวเองเข้าใจผิดและทำนิสัยไม่ดีกับคนรักของพ่อไปซะแล้ว แม็กกี้ยิ้มหวานตอบรีบอ้อนเอาใจ
"ไม่ต้องห่วงนะฮะ แด๊ด.. เย็นนี้ผมนั่งทานข้าวคนเดียวได้ สบายมาก.. ให้ลุงจิมมาอยู่เป็นเพื่อนคอยดูแลแด๊ดนะฮะ.. เดี๋ยวผมจะไปบอกให้ลุงเอายาแก้ไข้มาให้แด๊ดทานด้วย"

เด็กชายขยับเข้าไปจุ๊บแก้มพ่อเบาๆ ก่อนจะกระโดดลงจากเตียงวิ่งกลับออกไปคุมงานก่อสร้างบ้านเจ้าวุ้นต่ออย่างสบายใจ ทอมถอนใจเฮือกเหนื่อยใจกับอารมณ์ของลูกชายตัวดี โกรธง่ายหายเร็ว เจ้าอารมณ์แบบนี้เหมือนใครกันนะ..

...โชคดีเหลือเกินที่แม็กกี้เชื่อคำพูดของเขาและไม่ซักมากความต่อ ให้ตายเถอะ ! .. คิดได้ไงว่าจิมรังแกเขา  "ลุงจิม ต้องรังแกแด๊ดแน่ๆ ลุงจิมแกล้งกอดแด๊ดแรงๆ ใช่มั้ยฮะ"..

ทอมหน้าร้อนวูบเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อตอนสาย …ไม่ใช่ความผิดลุงจิมซะหน่อย แม็กกี้.. แด๊ดเป็นคนบอกให้เขากอดแรงๆ เองแหละ… ทอมนอนหลับตานิ่งอยู่พักใหญ่จนเกือบจะเคลิ้มหลับไปอีกรอบก็สะดุ้งเมื่อถูกริมฝีปากอุ่นประทับจูบเบาๆ ลืมตาขึ้นก็สบสายตาหวานซึ้งของคู่กรณีลูกชาย ริมฝีปากบางเผยอขึ้นเพราะต้องการสัมผัสที่ดูดดื่มมากกว่านี้ หากแต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นยาเม็ดส่งผ่านลงลำคอพร้อมกับน้ำ ทอมขมวดคิ้วเมื่อรู้ว่าถูกป้อนยาด้วยวิธีพิสดาร พยายามกลืนลงคออย่างยากลำบากขณะที่สองมือดันร่างสูงใหญ่ให้ผละออก

"ทำอะไรอ่ะ จิมมี่.."
"ป้อนยาไงจ๊ะ ที่รัก.. คำสั่งของคุณหมอแม็กกี้ครับ"
"บ้าเหรอ.. ทำไมต้องให้กินจริงๆ ด้วย ฉันไม่ได้เป็นอะไรซะหน่อย" จิมยิ้มอ่อนโยน เทพบุตรของเขาช่างไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองเริ่มมีอาการไข้เล็กน้อยแล้ว
"ยาลดไข้จ้ะ แม็กกี้บอกว่านายมีไข้"
คิ้วเรียวขมวดมุ่นกับคำตอบที่ได้รับ "อะไรนะ แม็กกี้บอก..นายก็เอายามาให้ฉันกินเลยงั้นเหรอ.."

จิมล้วงกระเป๋าเสื้อหยิบแถบวัดไข้ขึ้นมาแปะที่หน้าผากเทพบุตรสุดรักและบอกให้ช่วยกดไว้ก่อนจะผละไปที่ห้องน้ำ ทอมมองตามตาปริบๆ …นี่เขาไม่สบายจริงหรือเนี่ย.. เขาแค่เหนื่อยกับกิจกรรมบนเตียงเท่านั้นนะ ก็จิมมี่เจ้าเล่ห์น่ะซี... บอกว่าจะพาไปอาบน้ำและช่วยถูหลังให้ ถูไปถูมาก็ทำเรื่องน่าอายกับเขาในอ่างน้ำอีกจนได้ คนบ้า!! น่าไม่อายจริงๆ...

คนบ้าเดินยิ้มกริ่มออกมาพร้อมผ้าขนหนูชุบน้ำในมือ และหยิบแถบวัดไข้ขึ้นดู

"นายมีไข้จริงๆ อย่างที่แม็กกี้บอก" ทอมอ้าปากหวอ "ทำไมเป็นได้อ่ะ ฉันแค่เหนื่อยเท่านั้นนะ จิม.." จิมอมยิ้ม "มันไม่ใช่แค่เหนื่อย ที่รัก.. มีอวัยวะบางส่วนในร่างกายอักเสบและระบมจ้ะ รู้มั้ยว่าตรงไหน หือ.."

ทอมหน้าแดงเขินอายกับสายตาที่จ้องมองมา หันหลังกลับเอาหมอนปิดหน้าไม่พูดไม่จาด้วย แต่แล้วก็ถูกดึงหมอนออก ลมหายใจและเสียงกระซิบแผ่วดังข้างๆ หู

"เข้าใจเหตุผลรึยัง ว่าทำไมฉันถึงไม่อยากมีอะไรด้วยแล้วจากไปทันทีในเช้าวันนั้น" มือใหญ่จับร่างบางหันกลับเผชิญหน้าด้วย
"ฉันไม่ได้ห่วงว่านายจะเจ็บที่ร่างกายอย่างเดียวแต่ห่วงจิตใจด้วย นายจะรู้สึกยังไงถ้าตอนนี้ฉันบินกลับไปบ้านแล้ว ปล่อยให้นายนอนเหงาอยู่บนเตียงคนเดียว หือ…"

ใบหน้างามแดงเรื่อริมฝีปากบางขบกันแน่น เข้าใจอย่างลึกซึ้งในนาทีนี้แล้วว่า เจมส์ การ์เซีย มีความรักและความจริงใจให้กับเขามากมายขนาดไหน เขาตัดสินใจไม่ผิดที่เลือกชายหนุ่มผู้นี้เป็นคู่ชีวิต ทอมสวมกอดร่างสูงใหญ่ไว้รั้งตัวให้นอนลงข้างๆ และกระซิบแผ่วเบาข้างหู

"I love you so much... love you only.. Darling.."  

จิมยิ้มอ่อนโยน กระซิบตอบด้วยประโยคเดียวกัน

" love you only too.. Baby.. "  

ริมฝีปากบางถูกประกบจูบ ความรักถูกส่งมอบและถ่ายทอดให้กันผ่านเรียวปากนุ่มอย่างดูดดื่มและอ่อนหวาน เจมส์ การ์เซีย เฝ้าประคบประหงมเทพบุตรทอม แม็คกกิลล์ อย่างอ่อนโยน คุณพ่อทั้งสองไม่ย่างกรายออกจากห้องอีกเลยตลอดบ่ายเย็นจนถึงค่ำคืนในวันนั้น

…….......................






(http://i116.photobucket.com/albums/o7/wannarat/loveYouOnly.jpg?t=1265994297)


Two dear friends lucky enough to have found each other
May your good fortunes follow you as the years unfold
to fill your cups with all the happiness that they can hold!


Congratulations!
 



หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: nithiwz ที่ 13-02-2010 03:37:57
จิมนี่  ตรงกับที่จิ้นไว้เลย เหอะๆๆๆๆ  :haun4:
แต่แม็กกี้นี่ผิดคาด  จิ้นไว้หน้าตาไม่คมขนาดนี้ เหะๆ

น่ารักอ่ะครับ  แม็กกี้ดูเด็กๆ ซื่อๆ มากมาย  น่ารักดี
แต่แบบว่านะ  ตอนที่เป็นตัวหนังสือขาวๆ ชอบมีอะไรขาวๆ ปิดท้ายอยู่เรื่อยเลย
(หมายถึงแผ่นหลังขาวๆ อ่ะ  .... ไม่ได้หมายถึงอย่างอื่น)
อ่านแล้วเลือดจะหมดตัว  พระเจ้าช่วย  เริ่ดจริงอะไรจริง  :-[
 :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 13-02-2010 08:08:54
จิมคนนี้ไม่เป็กอะ น่าจะเป็นแบบแขกขาวมากกว่า

ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: -N- ที่ 13-02-2010 09:09:09
เลิฟๆๆๆๆน่าร๊ากกกกก :3123:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: kungyung ที่ 13-02-2010 10:55:35
 :-[ :-[
 :m25: :m25: :m25:
 :z1: :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 13-02-2010 12:35:37


(http://1.bp.blogspot.com/_zKSb1KyG5TE/SXw-nOpiVmI/AAAAAAAAEIA/ZDhjGg1zxpY/s320/HappyChineseNewYear012.gif)  (http://thummada.com/php_upload/S2034301-3.gif)

(http://managineering.com/richgod1.gif)
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 13-02-2010 13:24:11
LOVE YOU ONLY
[THE   END]

จิมเดินทาง กลับเม็กซิโกก่อนมาเรียครบกำหนดคลอด 2 สัปดาห์ ครั้งนี้เขาอยู่นานเป็นเดือนอย่างที่ทอมกังวลจริงๆ และอยู่อย่างสุขกายสบายใจที่สุดด้วย ทอมพูดถูกการ์เซียตัวน้อยช่างน่ารักน่าชังจนทำให้เขาลืมทุกสิ่งทุกอย่างไปได้ชั่วขณะ แต่ที่ไม่ลืมและไม่มีมีวันลืมเลยก็คือ ทอม แม็คกิลล์ ซึ่งเขาพามาด้วยและเหน็บไว้ข้างกายตลอดเวลาไม่ยอมให้ห่างเลย จะยอมได้ยังไงในเมื่อรอบกายเขาไม่ว่าหนุ่มหรือสาว ต่างตกตะลึงกับความหล่องดงามปานเทพบุตรของทอม เห็นในนิตยสารว่าหล่อแล้วตัวจริงยิ่งงดงามและมีเสน่ห์มากกว่าหลายเท่า ทั้งบิดาและมารดารวมถึงมาเรียต่างชื่นชมทอมไม่ขาดปากจนเขาหมดความหมายไปเลย ใครจะเข้ามานัวเนียและชื่นชมเทพบุตรของเขา เขาไม่ว่า… แต่คนคนเดียวที่เขาไม่ยอมให้เข้าใกล้เด็ดขาดคือ โดมินิค ซึ่งมีศักดิ์เป็นพี่ชายของมาเรีย หลังจากเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้เขารู้สึกโกรธจนต้องใช้กำลังทำร้ายหมอนี่อย่างช่วยไม่ได้ก็คือ การที่เจ้าโดมินิค พยายามเข้ามาตีสนิทเทพบุตรสุดรักของเขาด้วยการโอบไหล่โอบเอวอย่างเป็นกันเอง ทั้งๆ ที่ก็รู้ว่าทอมมาที่นี่ในฐานะอะไร ผลก็คือถูกเขาแจกหมัดรุ่นๆ ให้หนึ่งหมัด ลงไปนอนกองกับพื้นต่อหน้ามาเรียและมารดาของเขา เขาถูกมารดาต่อว่าว่าใช้กำลังเกินกว่าเหตุ แต่มาเรียกลับหัวเราะสมน้ำหน้าเพราะรู้จักนิสัยเจ้าชู้ของญาติผู้พี่คนนี้ดี

การเดินทางกลับมาพบปะญาติพี่น้องของเขาครั้งนี้ เป็น trip ที่จิมน่าจะแฮปปี้ที่สุดเพราะได้เดินทางมาพร้อมกับคนรัก แต่ที่ทำให้รู้สึกกร่อยเล็กน้อยก็คือ เจ้าหนูแม็กกี้แก้วตาดวงใจของทอม ซึ่งจำเป็นต้องติดตามมาด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ปัญหาของเขาไม่ได้อยู่ที่หนุ่มน้อยที่มีดวงตาสีน้ำทะเลแสนสวยกลายเป็นขวัญใจที่ทุกคนชื่นชมรักใคร่มากที่สุดหรอก แต่มันเลวร้ายกว่านั้นหลายเท่า…

"ให้แม็กกี้นอนกับเรานะ จิม.."
"เอ๋?.. เอ่อ..ฉันให้เขาเตรียมห้องไว้ให้แล้ว รับรองว่าแม็กกี้ต้องชอบ"
"ไม่เอา.. ที่นี่ไม่ใช่บ้านเรา ฉันไม่ให้เขานอนคนเดียว"
"แต่ว่า.. ที่นี่…"
"ไม่มีแต่นะจิม.. แม็กกี้ต้องนอนกับฉัน ถ้านายอึดอัดไม่อยากนอน 3 คนก็เชิญนายนอนคนเดียวตามสบาย ฉันจะนอนกับลูก.."
"โอ๊ะ !.. โอ !.. ไม่เอาน้าาาา… อย่าสรุปแบบนั้นซี ที่รัก.. นอนสามคนก็ด้ายยยยย…. เตียงออกกว้าง อยู่ที่บ้านเราก็นอนด้วยกันสามคนบ่อยๆ…"

จิมจำเป็นต้องรับปากอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไว้ค่อยหาทางเปิดอกคุยกับเจ้าหนูอย่างลูกผู้ชายถึงความจำเป็นในการแยกห้องไปนอนคนเดียว แต่ถ้าเด็กชายเจ้าเล่ห์โยกโย้ล่ะก็...ถึงติดสินบนก็ต้องยอมแล้ว….

 :เฮ้อ:

หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: kungyung ที่ 13-02-2010 13:37:01
ง่ะ ทำไมมาแค่นี้อ่ะเจ้
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 13-02-2010 13:42:29
จิมพาทอมและแม็กกี้เดินทางกลับไปเยี่ยมลูกชายปีละ 2 ครั้ง จนเมื่อการ์เซียน้อยอายุได้ 5 ขวบ มาเรียพบรักกับนักดนตรีหนุ่มออสซี่และต่างมีความรักให้กันอย่างจริงใจ จึงขอแยกทางไปใช้ชีวิตคู่ของตัวเอง มารดาของจิมไม่ขัดข้องแต่ไม่ให้เธอพาลูกไปด้วย มาเรียเข้าใจดีว่าลูกชายตัวน้อยของเธอเป็นความหวังของตระกูลการ์เซีย  และเธอเองก็ไม่อยากพาลูกไปลำบากด้วย    จึงออกปากฝากการ์เซียน้อยไว้กับมารดาของจิมแทนที่จะฝากให้เขาดูแล    เป็นเพราะเธอคิดว่า จิมต้องการมีชีวิตส่วนตัวและความเป็นอิสระซึ่งเธอเข้าใจผิด   เธอไม่รู้หรอกว่าจิมปรารถนาอยากได้เด็กชายมาอยู่ใกล้ชิดด้วย แต่เขาไม่กล้าเอ่ยความในใจนี้กับใครแม้แต่ทอม   เพราะทุกคนต่างเข้าใจเหมือนกันหมดว่าเขาตั้งใจมีลูกชายคนนี้ไว้เพื่อสืบสกุลเท่านั้น

แต่แล้วมารดาของจิมกลับออกปากให้เขาพาลูกชายตัวน้อยกลับมาเลี้ยงดูที่เมืองไทย โดยให้เขาเป็นฝ่ายพาเด็กชายกลับไปเยี่ยมบ้านปีละ 2 ครั้ง ซึ่งคนที่ทำให้มารดาของเขายอมเปลี่ยนใจมอบหลานชายสุดที่รักให้เขาดูแลก็คือ เทพบุตรแสนรักของเขานั่นเอง

ทอมเป็นคนเดียวที่รับรู้ความรู้สึกของจิมในฐานะพ่อ ทุกครั้งที่เดินทางกลับมาจากเยี่ยมลูก จิมจะมีอาการเหม่อลอยและหงอยเหงา ถึงจะไม่เคยบ่นคิดถึงลูกให้เขาได้ยิน แต่ทอมรู้ดีว่าจิมรู้สึกอย่างไร

ดังนั้นเมื่อหนูน้อยไม่มีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดกับแม่ที่คอยให้ความรักและความอบอุ่น คนเดียวที่จะให้สิ่งนี้ทดแทนได้ก็มีแต่พ่อเท่านั้น ทอมอยากเห็นจิมมีความสุขและเขาเองก็รักและอยากเลี้ยงดูหนูน้อยด้วยเช่นกัน จึงแอบเอ่ยปากกับมารดาของจิมขอรับหนูน้อยมาเลี้ยงดู มารดาของจิมตกลงทันทีและบอกว่ารอให้เขาเอ่ยปากอยู่แล้ว

หนูน้อยแอนเดรส การ์เซีย หรือ จิมมี่จูเนียร์ จึงเติบโตขึ้นมาในฐานะคุณหนูคนเล็กของบ้านแม็คกิลล์ที่มีแต่ความซุกซน ความปั่นป่วนที่หนูน้อยมอบให้ทุกคนในบ้านสร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้ด้วย สมาชิกทุกคนต่างมีความสุขกันทั่วหน้าโดยเฉพาะเจมส์ การ์เซีย ผู้เป็นพ่อ

ในขณะที่ทุกคนต่างชื่นชมและมีความสุขกับเด็กชายวัย 5 ขวบที่แสนจะซุกซน สแตนลีย์ แม็คกิลล์ หนุ่มน้อยวัย 18 ปีของเรากลับไม่ค่อยแฮปปี้เท่าไร เนื่องจากถูกเด็กชายตัวน้อยตามติดเป็นตังเม จะไปไหนก็ขอตามไปด้วย และเนื่องจากวัยที่ต่างกันมากกว่า 1 รอบ แม็กกี้จึงดูเหมือนเป็นพี่เลี้ยงเด็กมากกว่าพี่ชาย

“พี่จะไปโรงเรียนแล้ว แอนดี้.. ปล่อยมือเร็ว ” แม็กกี้พูดภาษาอังกฤษกับหนูน้อย
“อื้อ.. ไม่เอา หนูจะไปโรงเรียนด้วย”
“ไปไม่ได้นะ นี่มันโรงเรียนของผู้ใหญ่ แอนดี้ยังเด็กอยู่ต้องเรียนโรงเรียนของเด็ก”
“ไม่เอา”

หนูน้อยคว้าชายเสื้อแม็กกี้ไว้แน่น เงยหน้าขึ้นจ้องมองพี่ชายที่โตกว่าตาปริบๆ หวังจะอ้อนขอให้พาไปด้วย
แม็กกี้มองเด็กชายตัวน้อยอย่างพิเคราะห์ ผิวขาวเหมือนแม่ ผมหยิกเป็นลอนเหมือนแม่ ดวงตาดำขลับกลมโตเหมือนแม่ ปากบางสวยก็เหมือนแม่อีก เป็นลูกลุงจิมจริงๆ รึเปล่าเนี่ย ไม่อยากจะเชื่อเลย..

“ไม่ได้หรอก ยังไงก็ไปไม่ได้ อย่าดื้อนะ แอนดี้.. ถ้าดื้อพี่ไม่รักนะ”
แม็กกี้ใช้ไม้ตายเพราะเคยใช้ได้ผลหลายครั้งแล้ว ครั้งนี้เด็กชายทำหน้าตกใจก็จริง แต่ไม่ยอมปล่อยมือแถมยังกอดหมับเข้าให้
“ไม่เอา.. แอนดี้รักพี่แม็ก พี่แม็กต้องรักแอนดี้ด้วย ฮือๆ…” หนูน้อยร้องไห้โฮ แม็กกี้ทำหน้าเหมือนกับจะร้องไห้ตาม
“โอ๊ะ.. โอ๋.. รู้แล้วๆ รักก็รัก อย่าดื้อซี.. ปล่อยก่อนแล้วจะรัก..”
หนูน้อยยิ้มทั้งน้ำตา รีบปล่อยมือทันที
“แอนดี้ให้พี่แม็กไปโรงเรียนก็ได้ แต่ต้องสัญญาก่อนว่าจะกลับมาเล่นกัน..”

แม็กกี้รีบตกลงทันที หนูน้อยจึงเดินจูงมือไปส่งที่รถโดยไม่เซ้าซี้ขอตามไปอีก บทจะพูดรู้เรื่องก็ว่าง่าย น่ารักเหลือเกิน…
จิมและทอมเดินออกมาตามหนูน้อยเห็นกำลังยืนโบกมือร่ำลาพี่ชายที่นั่งอยู่ในรถ คุณพ่อทรุดตัวลงสวมกอดลูกชายตัวน้อยและหอมแก้ม 1 ฟอด

“ส่งพี่แม็กไปโรงเรียนหรือลูก วันนี้ไม่ร้องตามเหรอ..”
จิมใช้ภาษา Spanish กับลูกเป็นเป็นส่วนใหญ่ เด็กกำลังอยู่ในวัยจดจำถ้าไม่พูดคุยด้วยให้เกิดความเคยชิน กลับไปพูดกับปู่และย่าไม่รู้เรื่อง เขาถูกมารดาเล่นงานแน่
“ไม่ร้องแล้วฮะ เดี๋ยวพี่แม็กไม่รัก ตอนเย็นพี่แม็กจะกลับมาเล่นด้วย”
“โอ!.. จริงเหรอ.. ว่าง่ายจังน้า… ลูกใครเนี่ย.. น่ารักที่สุดเลย”
“ลูกแด๊ดดี้จิม.. กับ แด๊ดดี้ทอม..ไงฮะ” หนูน้อยเรียกทอมว่าแด๊ดดี้ตามที่แม็กกี้เรียก

เด็กชายตอบเป็นภาษาอังกฤษเอาใจทอมซึ่งยืนกอดอกอยู่ข้างๆ ใจจริงอยากจะบอกว่าเป็นลูกของแด๊ดดี้จิมกับมามี้มาเรีย... แต่นึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ที่อยู่ข้างๆ แด๊ดดี้จิมก็เห็นมีแต่แด๊ดดี้ทอมเท่านั้น

“เข้าบ้านเถอะลูก..”
จิมลุกขึ้นยืนฉุดมือเด็กชายจะพาเข้าบ้าน แต่ถูกสะบัดออก
“เดี๋ยวฮะ” มือเล็กป้องปากตะโกนไล่หลังรถ
“กลับมาเร็วๆ นะ พี่แม็ก.. แอนดี้จะรอเล่นแต่งงานน้าาา..”
จิมสะดุ้งโหยงในขณะที่ทอมเองก็ทำสีหน้าอธิบายความรู้สึกไม่ถูก
“เอ่อ.. แอนดี้.. ล้อพี่เขาเล่นใช่มั้ยลูก..”
จิมกล่าวถามขณะเป็นฝ่ายเดินตามเด็กชายที่วิ่งกลับเข้าบ้านด้วยสีหน้าและอารมณ์เบิกบาน
หนูน้อยหยุดชะงักเงยหน้าทำหน้าเหรอใส่พ่อ
“เรื่องไรฮะ”
“ก็เรื่องเล่นแต่งงานน่ะซี..”
“ไม่ได้ล้อ..เล่นจริง รอพี่แม็กกลับมาก่อน... แด๊ดกับแด๊ดดี้ทอมเล่นด้วยกันมั้ยฮะ เป็นแขกมาในงาน..”
จิมทำหน้าแปลกๆ ทอมยิ้มแห้งๆ เอ่ยถามหนูน้อยอย่างรู้สึกเกรงใจ
“พี่แม็กเขารู้หรือเปล่าว่าแอนดี้จะเล่นแต่งงานด้วยน่ะ”
“เมื่อกี้ตะโกนบอกแล้วฮะ เดี๋ยวค่อยบอกใหม่ตอนกลับมาก็ได้”
“เล่นแต่งงานแบบไหนเหรอ แอนดี้.. บอกแด๊ดหน่อยได้มั้ย”
จิมทรุดตัวลงสวมกอดเด็กชายไว้ อยากรู้ว่าเด็กอายุ 5 ขวบรู้จักการแต่งงานแบบไหน
“ก็เล่นแบบในหนังไงฮะ สวมแหวนแล้วก็จุ๊บกัน แบบนี้..” มือเล็กๆ ของหนูน้อยโน้มศีรษะจิมเข้าไปใกล้และจุ๊บที่ริมฝีปากเบาๆ ให้ดูเป็นตัวอย่าง
ทอมยืนอึ้งในขณะที่จิมนั่งตาปริบๆ กลืนน้ำลายลงคอก่อนจะเอ่ยขัดคอหนูน้อยแสนซนของเขา
“เอ่อ.. แด๊ดว่าเล่นอย่างอื่นดีกว่านะลูก.. พี่แม็กเขาคงไม่ชอบเล่นแบบนี้หรอก”
“ไม่เอา จะเล่นแต่งงาน..” เด็กชายทำหน้าจะร้องไห้เมื่อถูกขัดใจ ผละจากจิมหันไปสวมกอดและอ้อนแด๊ดดี้ทอมซึ่งใจดีกว่าเยอะ
“แอนดี้จะเล่นแต่งงานกับพี่แม็กอ่ะฮะ.. แด๊ดดี้..”
“เอ่อ.. ไว้รอพี่แม็กกลับจากโรงเรียนแล้วค่อยถามพี่เขาว่าอยากเล่นมั้ย ถ้าพี่เขาโอเคหนูก็เล่นได้ แต่ถ้าพี่เขาไม่ชอบก็เปลี่ยนไปเล่นแบบอื่นดีมั้ยแอนดี้.. เรื่องแบบนี้ไม่ควรบังคับใจกันนะ..”
ทอมโอ๋ก็จริง แต่พยายามตะล่อมไม่ให้เด็กชายเล่นแปลกๆ แบบนี้
“ไม่บังคับหรอก... พี่แม็กบอกรักแอนดี้ แอนดี้ก็บอกรักพี่แม็กแล้ว..”

ครั้งนี้ทอมสะดุ้งโหยง จิมส่ายหน้ากับลูกชายตัวน้อยที่มีเรื่องทำให้เหนื่อยใจอยู่เรื่อย ทอมโบกมือห้ามเมื่อจิมทำท่าจะต่อความยาวออกไปอีก

…ปล่อยเถอะ จะเอาอะไรกับเด็ก 5 ขวบ ให้แม็กกี้กลับมาแก้ปัญหาเองก็แล้วกัน…

 :teach:

สามวันถัดมาหนูน้อยจอมซุกซนของบ้านล้มป่วย มีไข้สูงและอาเจียน  จิมแทบขาดใจที่จู่ๆ ลูกก็ป่วยหนัก หมอแจ้งว่าเป็นไวรัสลงกระเพาะ คืนแรกที่ป่วยเด็กชายไม่มีสติเพ้อหาแต่แม่จนจิมใจไม่อยู่กับตัวต้องนอนเฝ้าและกอดลูกไว้ทั้งคืน คืนที่สองหนูน้อยมีสติขึ้นมาบ้าง แต่ขณะที่มีไข้จะเพ้อหาแต่พี่แม็กกี้บอกว่าอยากจะแต่งงานด้วย เนื่องจากเมื่อเย็นวันก่อนหนูน้อยไม่ได้เล่นแต่งงานกับพี่แม็ก เพราะจู่ๆ พี่แม็กก็ยื่นคำขาดกลับมาใหม่อีกว่า ถ้าให้เล่นแต่งงานด้วยจะไม่รัก แปลว่าถ้าอยากให้รักก็ห้ามเล่นแบบนี้ หนูน้อยหน้าจ๋อยจำใจต้องล้มเลิกแผนการแต่งงานกับพี่แม็กกี้ตามที่ตั้งใจไว้ แต่ภายในจิตใจของเด็กชายยังคงค้างคาความผิดหวังไว้จนเก็บไปละเมอเพ้อในขณะที่มีไข้

แม็กกี้ซึ่งนั่งเฝ้าไข้อยู่ด้วย ไม่อาจทนเห็นน้องชายตัวน้อยป่วยหนักอยู่ต่อไปได้ จึงกระซิบปลอบเด็กชายให้หายเร็วๆ ด้วยคำพูดที่สร้างความตกใจให้จิมและ ทอม

“หายเร็วๆ นะ แอนดี้.. อยากแต่งงานกับพี่แม็กต้องหายเร็วๆ นะ เด็กดี..”
“แม็กกี้..” จิมรีบปราม ถึงจะป็นแค่การเล่นของเด็กแต่เขาไม่อยากให้ลูกชายตัวน้อยฝังใจกับเรื่องนี้ไปจนโต
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ลุงจิม.. เดี๋ยวโตขึ้นก็ลืม ตอนเด็กๆ ผมยังเคยเล่นแต่งงานกับเพื่อนข้างบ้านเลย..”

จิมอยากจะถามต่อว่า …เพื่อนผู้หญิงหรือผู้ชายล่ะที่เล่นแต่งงานด้วย แต่ช่างเถอะ !.. ขอให้แอนดี้ของแด๊ดหายป่วยเร็วๆ ก็พอ ปัญหาอื่นไว้แก้กันทีหลัง บางทีเขาอาจจะกังวลเกินไป...

แม็กกี้สวมแหวนให้น้องชายตัวน้อยในขณะที่ยังสะลืมสะลือ  และไม่ลืมจุมพิตริมฝีปากเล็กที่ร้อนผ่าวเพราะพิษไข้ด้วย เพราะรู้ว่าพิธีแต่งงานตามความคิดของหนูน้อยคือการสวมแหวนและจูบกันอย่างที่ดูในหนัง

ทันทีที่ผ่านพ้นพิธีแต่งงานแบบแกล้งๆ หนูน้อยแสนซนก็หายจากอาการไข้ในวันรุ่งขึ้น  และกลับมาซุกซนได้ต่อในอีก 2 วันถัดมา
 
 :m18:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: kungyung ที่ 13-02-2010 13:52:28
 :z1: :z1: :z1:แต่เล็กเลยนะเจ้าหนูแอนดี้
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 13-02-2010 14:14:18
วันนี้.. คนที่มีความสุขมากที่สุดคือ ทอม แม็คกิลล์  เพราะนอกจากจะได้เห็นคนรักมีความสุขแล้ว  การได้เลี้ยงดูหนูน้อยแอนเดรสในฐานะลูกชายคนเล็กของครอบครัวสร้างความปลื้มปีติกับทอมอย่างมาก  แม้จะไม่เคยเลี้ยงเด็กเล็กในวัยซนขนาดนี้มาก่อน  แต่ทอมอยู่ในฐานะ พ่อ ของลูกก่อนจิมและมีประสบการณ์ในการเลี้ยงลูกมากกว่า  จึงแอบหมายมั่นกับตัวเองว่าจะให้ความรักความอบอุ่นในฐานะพ่ออีกคนของหนูน้อย  และเลี้ยงดูให้เติบโตขึ้นเป็นคนดีเป็นลูกที่น่ารักเหมือนพี่แม็กกี้

   ทุกวันนี้.. ทอมยังจำคำพูดแสลงใจของตัวเองไม่มีวันลืม เป็นคำพูดที่ผลักไสให้แม็กกี้ต้องหนีจากไปจนประสพกับชะตากรรมที่เลวร้าย ทุกครั้งที่นึกถึงทอมรู้สึกเสียใจมากเหมือนเหตุการณ์เพิ่งผ่านพ้นไปไม่นาน หากแม็กกี้อยู่ใกล้ก็จะเดินเข้าไปสวมกอดแน่นโดยไม่มีเหตุผล ทั้งที่งงแต่หนุ่มน้อยก็กอดตอบ อ้อมกอดของลูกช่วยให้ความปวดร้าวในใจของเขาคลายลงเป็นปลิดทิ้ง...

   การเลี้ยงดูหนูน้อยแอนเดรสจึงเป็นโอกาสที่ทอมจะได้แก้ตัว  เขาจะทำให้ทุกคนเห็นว่า

   .... ขึ้นชื่อว่า ลูก  ไม่จำเป็นต้องเลี้ยงดูกันมาตั้งแต่แรกเกิด  และถึงไม่ใช่ลูกจริงๆ  ก็สามารถมอบความรักในฐานะ พ่อ ให้ได้...

 :กอด1:





…10 ปีต่อมา…   (อยู่ใน Love U andy]

บ้านแม็คกิลล์วันนี้มีเพียงสองหนุ่มสองวัยอาศัยอยู่ สถาปนิกหนุ่มวัย 28 ปี สแตนลีย์ แม็คกิลล์ ซึ่งเป็นทั้งพี่ชายและผู้ปกครองของหนุ่มน้อยแอนเดรส การ์เซีย วัย 15 ปี ในขณะที่สองหนุ่มใหญ่ผู้เป็นพ่อ เจมส์ เมเนนเดส การ์เซีย และ ทอม แม็คกิลล์ ขอปลีกวิเวกไปพักร้อนรอบโลกเป็นเวลานานถึง 6 เดือน เมื่อพ่อและลุงไม่อยู่ แม็คกิลล์หนุ่มจึงต้องรับหน้าที่ดูแลการ์เซียน้อยทุกเรื่อง ทั้งด้านการเรียนและความเป็นอยู่

ดวงตาสีน้ำทะเลคู่สวยวาววับด้วยความขุ่นเคืองกับภาพที่เห็นตรงหน้า หนุ่มน้อยของเขาลงจากรถใครก็ไม่รู้ที่หน้าประตูบ้าน มีเด็กหนุ่มสามคนก้าวตามลงมาล้อมหน้าล้อมหลัง เห็นแล้วรู้สึกขัดตาขัดใจอย่างแรงจนไม่อาจยืนนิ่งเฉยรอให้หนุ่มน้อยเป็นฝ่ายเดินเข้ามาทักเหมือนทุกวันได้

“ทำไมกลับเย็นป่านนี้ ใครมาส่ง ทำไมไม่ให้น้าเอ็ดดี้ไปรับ”

แอนเดรสตาปริบๆ มองพี่ชายสุดหล่อตรงหน้า นับวันก็ยิ่งเท่และมีเสน่ห์มากขึ้น สมกับที่เป็นลูกชายของอดีตสุดยอดนายแบบสามสมัยจริงๆ แต่ทำไมวันนี้ทำหน้าดุจัง ทุกวันเห็นมีแต่รอยยิ้มให้…

“ให้ตอบคำถามไหนก่อนฮะ”
คิ้วเข้มขมวดมุ่นเข้าไปอีกทำเอาหนุ่มน้อยหัวเราะคิก
“อย่าทำหน้าดุแบบนั้นซีฮะ พี่แม็ก.. เดี๋ยวแก่เร็วนะ”
“นายนั่นแหล่ะ อย่ามาทำหน้าทะเล้น ฉันซีเรียสนะ รถที่บ้านมีทำไมต้องให้คนอื่นมาส่งด้วย”
หนุ่มน้อยหน้าจ๋อยลงทันทีเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายโกรธจริง อยู่ด้วยกันมาเป็นสิบปีเพิ่งเคยได้ยินพี่แม็กเรียกแทนตัวว่า “ฉัน” วันนี้เอง
“คนอื่นที่ไหนกันฮะ เป็นรุ่นพี่ที่โรงเรียน สนิทกันฮะ พวกเขาก็เลยมาส่ง โอ๊ยยย!!..”
แม็กคว้าแขนหนุ่มน้อยกระชากเข้าหาตัวด้วยความโกรธทันทีที่ได้ยินคำว่า “สนิทกัน”
"รุ่นพี่บ้าบอที่ไหน สนิทยังไงก็เป็นคนอื่น เขาไม่ใช่ครอบครัวของเรา ได้ยินมั้ย ห้ามไว้ใจนั่งรถไปไหนมาไหนกับคนอื่นอีก..”
“เจ็บ.. ผมเจ็บนะ..ปล่อย~~”
น้ำตาคลอดวงตากลมโตคู่สวย ทำเอาชายหนุ่มใจหายวาบรีบปล่อยมือและคว้าร่างเล็กบางเข้ามาสวมกอดและปลอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ผิดจากเมื่อครู่เป็นคนละคน
“พี่ขอโทษ แอนดี้.. เจ็บมากมั้ย..”

หนุ่มน้อยส่ายหน้า ถึงเจ็บก็ไม่บอกหรอก ทุกคนในบ้านชอบเห็นเราเป็นเด็กเล็กๆ โดยเฉพาะพี่แม็กกี้ตัวดีที่สุด เราอยู่ตั้ง High school แล้ว ยังเห็นเราเป็นแค่เด็กประถมอยู่เลย

แม็กลูบต้นแขนหนุ่มน้อยที่มีรอยนิ้วมือของเขาเป็นจ้ำๆ รู้สึกเสียใจกับการกระทำของตัวเอง ตั้งแต่เป็นพี่น้องกันมาเขาไม่เคยแกล้งหรือทำน้องชายแสนรักคนนี้เจ็บเลย มีแต่เป็นฝ่ายถูกทำให้เจ็บ อารมณ์โกรธเมื่อครู่เป็นเพราะคำพูดของหนุ่มน้อยทำให้เขาแว่บถึงเหตุการณ์ร้ายที่เกิดขึ้นกับตนเองในวัยเด็ก นึกแล้วก็พาลโกรธน้องชายตัวดีที่ยอมนั่งรถมากับเด็กหนุ่มถึง 3 คนที่เป็นแค่รุ่นพี่ที่โรงเรียนเท่านั้น

"ขอโทษนะ แอนดี้.. พี่ขอโทษ.."
ชายหนุ่มจูงมือน้องชายต่างสายเลือดเข้าบ้าน ปากก็พร่ำขอโทษไม่หยุด
“พี่ขอโทษ.. พี่ไม่ชอบใจที่เห็นใครที่พี่ไม่รู้จักมาส่งนายถึงบ้าน เห็นน้าเอ๊ดดี้บอกว่านายจะขอกลับบ้านเองอาทิตย์นึงเพราะต้องซ้อมกีฬา เป็นเหตุผลที่ไม่เข้าท่าเลย..”
“ก็ผมไม่รู้เวลาที่แน่นอนนี่ฮะ ว่าเขาจะซ้อมเสร็จกี่โมง บางวันก็เร็วบางวันก็ช้า ไม่อยากให้น้าเอ๊ดดี้ไปนั่งคอย..”
“เหลวไหล ไม่อยากให้น้าเอ๊ดดี้ไปนั่งคอย แปลว่าถ้าเป็นพี่ไปนั่งคอยได้ใช่มั้ย..”
แอนเดรสอ้าปากหวอ มองพี่ชายสุดหล่ออย่างไม่เชื่อสายตา
“ล้อเล่นเปล่า..”
“ไม่ล้อเล่น… ฟังนะ แอนดี้.. นับจากวันนี้ไปพี่จะเป็นคนไปรับนายกลับบ้าน ตอนเช้ายังให้น้าเอ๊ดดี้ไปส่งเหมือนเดิม..”
“โห!.. เอาจริงเหรอ..”
“จริงซี.. พี่ไม่อนุญาตให้ใครที่พี่ไม่รู้จักมาส่งนายที่บ้านอีกต่อไปแล้ว เข้าใจมั้ย”
“ทำไมไม่ได้ล่ะ เพราะเขาเป็นคนอื่น ไม่ใช่คนในครอบครัวงั้นเหรอ.. พี่แม็กกลัวมีเหตุการณ์ไม่ดีเกิดขึ้นกับผมเหรอฮะ..”

แม็คกิลล์จ้องมองน้องชายแสนรักด้วยสายตาอ่อนโยนแต่จริงจัง เขาใช้นิ้ววนผมที่หยิกเป็นลอนไปมาของหนุ่มน้อยอย่างที่เคยทำบ่อยๆ
“ไม่ใช่แค่นั้น.. เหตุผลมีมากกว่านั้น ไว้นายโตขึ้นกว่านี้อีกหน่อยแล้วพี่จะบอก”
“ทำไมบอกตอนนี้ไม่ได้..”
“เพราะตอนนี้นายยังเด็กอยู่ ไว้รอเข้ามหา’ลัยก่อน ขอแค่ตอนนี้นายอย่าดื้อ พี่บอกพี่สอนอะไรต้องเชื่อฟัง โอเค..”
“ผมก็ฟังทุกทีนี่นา.. ผมเชื่อที่พี่แม็กบอกทุกเรื่องเหมือนทั้ง 2 แด๊ดพูดเองเลยแหล่ะ..”
แอนเดรสพูดประชดพี่ชายสุดหล่อ แต่ดูท่าเจ้าตัวจะไม่รู้ว่าถูกประชด
“ใช่.. นายน่ารัก แอนดี้.. นายเป็นเด็กดีที่พี่รักมากเลย..”

หนุ่มน้อยหัวเราะแก้เขินที่พี่ชายบอกรัก แถมยังไม่บอกเปล่า ถูกดวงตาสีน้ำทะเลแสนสวยจ้องมองแปลกๆ แบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อนด้วย ถึงจะรู้สึกเขินแต่ก็ให้ความรู้สึกดี อยากให้สายตาแบบนี้มองแต่เขาคนเดียว…

“จำไว้นะ แอนดี้.. นายเป็นครอบครัวของพี่ เป็นน้องชายแสนรักเพียงคนเดียวของพี่เลยนะ รู้มั้ย..”

แม็กรั้งศีรษะหนุ่มน้อยเข้ามาจูบที่หน้าผากและเปลือกตา ก่อนจะจบลงที่แก้มเนียนใสเบาๆ พร้อมกับส่งยิ้มหวานร้อยเสน่ห์ให้ ทำเอาหนุ่มน้อยแอนเดรสต้องรีบผละออกเพราะรู้สึกเขินอายอย่างแรง

“ผมไปอาบน้ำก่อนดีกว่า”

แม็คกิลล์มองตามหนุ่มน้อยร่างบางวิ่งขึ้นบันไดจนคล้อยหลังไป จึงถอนใจเฮือกใหญ่ให้กับความรู้สึกของตัวเอง ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าความรู้สึกที่เขามีต่อหนุ่มน้อยแอนเดรสที่เติบโตขึ้นมาด้วยกันในฐานะน้องชายที่อ่อนวัยกว่าถึงหนึ่งรอบผู้นี้ ทำไมจึงแปรเปลี่ยนไปได้ รู้แต่ว่าระยะหลังเขาหวนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อ 10 ปีที่แล้วบ่อยครั้ง โดยเฉพาะเหตุการณ์ตอนสวมแหวนให้กับหนูน้อยที่โรงพยาบาล

…เขาสวมแหวนให้ในขณะที่หนูน้อยรู้สึกตัว แต่ยังอยู่ในอาการสะลืมสะลือเพราะพิษไข้ เขาไม่ลืมจุมพิศริมฝีปากเล็กบางที่ร้อนผ่าวเพราะพิษไข้ด้วย แม้ลุงจิมกับแด๊ดจะห้ามไม่ให้เขาจูบเพราะกลัวจะติดเชื้อแต่เขาก็ไม่สน เพราะรู้ดีว่าพิธีแต่งงานตามความคิดของหนูน้อยคือ การสวมแหวนแล้วก็จูบกันอย่างที่ดูในหนัง และทันทีที่ผ่านพ้นพิธีแต่งงานแบบแกล้งๆ หนูน้อยแสนซนก็หายป่วยในวันรุ่งขึ้นทันที....

…เราไม่ใช่แค่เป็นคนในครอบครัวเดียวกันเท่านั้นนะ แอนดี้.. พี่ไม่ยอมให้นายไปเป็นของคนอื่นหรือไปอยู่กับใครนอกจากพี่ จะหาว่าพี่เห็นแก่ตัวก็ไม่ได้นะ… นายอยากมาชวนพี่แต่งงานก่อนทำไมล่ะ เล่นเบื่อแล้วก็เลิกหรือลืมเลือนไป นายลืมได้เพราะนายยังเด็ก แต่พี่ไม่ลืมและไม่มีวันลืม พี่ไม่ยอมให้นายทิ้งขว้างพี่หรอกนะ แอนดี้.. และพี่ก็จะไม่ยอมให้นายจากไปไหนด้วย ขอแค่ได้อยู่ด้วยกันในฐานะอะไรก็ได้ที่มีเราผูกพันกันแค่ 2 คน พี่รักนายนะ ไอ้ตัวเล็ก.. จะรอจนกว่านายจะพร้อมและโตกว่านี้ ครั้งนี้พี่จะจูงมือนายเข้าโบสถ์สวมแหวนแต่งงานจริงๆ เลย แด็ดกับลุงจิมจะว่าไงพี่ก็ไม่สนหรอก

… ช่วยไม่ได้นี่.. พี่พยายามรักผู้หญิงมาหลายคนแล้ว แต่ทุกครั้งก็จะแว่บถึงภาพตอนสวมแหวนแต่งงานให้นายที่โรงพยาบาล เพราะหลังจากวันนั้นนายหายวันหายคืนเหมือนกับจะบอกว่าชีวิตนายเป็นของพี่แล้ว เหมือนกับจะบอกว่าพี่ต้องรับผิดชอบนายไปตลอดชีวิตด้วย…

 :กอด1:

หนุ่มน้อยวิ่งกลับเข้ามาในห้องนอน หัวใจยังเต้นตึกตักอยู่เลย จำได้ว่าครั้งหลังสุดที่ถูกพี่ชายสุดหล่อจูบตอนนั้นอายุแค่ 10 ขวบเอง ห้าปีแล้วที่พี่แม็กไม่เคยจูบเรา ไม่ว่าจะส่วนไหนของร่างกาย มีแต่กอดและหอมแก้มเท่านั้น วันนี้เกิดอะไรขึ้น จู่ๆ ก็มาพรมจูบทั่วใบหน้าเราแบบนี้ ดีนะเนี่ย.. ที่ไม่จูบตรงนี้…

แอนเดรสเอามือแตะริมฝีปากตัวเองเบาๆ ก็รู้สึกร้อนวูบที่ใบหน้า รีบตรงรี่ไปเปิดลิ้นชักโต๊ะหยิบแหวนทองKวงเล็กๆ ที่แอบเก็บอยู่ในกระป๋องขึ้นมาถือไว้ในมือ เหตุการณ์ในวัยเด็กซ้อนขึ้นในมโนภาพเป็นฉากๆ ทั้งๆ ที่พยายามนึกถึงหลายครั้งแล้วแต่ก็จำได้แค่ลางเลือน ทำไมจู่ๆ วันนี้ก็นึกออก หรือว่า… เพราะถูกจูบ…  :m17:

 

…โอ๊ะ !..โอ๊ะ !.. โอ !..  แย่แล้ว.. เจมส์ การ์เซีย และ ทอม แม็คกิลล์ ไปสวีทกันอยู่ที่ไหนเนี่ย… รีบกลับมาโดยด่วน ลูกชายต่างวัยทั้งสองกำลังจูนความรู้สึกเข้าด้วยกันแล้วนะ…


…เฮ้อ!.. แต่ก็ช่างเถอะ.. ถึงกลับมาหนุ่มใหญ่ผู้พ่อทั้งสองจะแก้ไขอะไรได้ เรื่องของความรักเกิดขึ้นกับใครก็ได้ ไม่แบ่งเพศและวัย ขอแค่เป็นรักแท้… ย่อมงดงามและสามารถอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขได้ เฉกเช่นเดียวกับรักแท้ที่เกิดขึ้นกับหนุ่มสาวทุกคู่ในโลกนี้...





o15

จบแล้วนะคะ  ขอบคุณเพื่อนๆ น้องๆ ที่อุตส่าห์ติดตามอ่านจนจบ
อ่านนิยายเจ๊หมวยต้องเสียทั้งน้ำตา เสียทั้งเลือด แหะๆ  :try2:  
แต่ทุกคนก็ยืนหยัดกันมาจนได้รอยยิ้มกลับไปในที่สุด

ตามที่แจ้งไว้ล่วงหน้าว่าเจ๊หมวยจะโพสแค่ 2 ภาค  
ภาค 3   เป็นเรื่องราวน่ารักๆ ในครอบครัวแม็คกิลล์  เนื้อเรื่องใสๆ  (ไม่มีฉากค่ะ)

เรื่องนี้ทำรวมเล่มขาย  ใครสนใจก็ message ถามเป็นการส่วนตัวนะคะ

 o14  หวัดดีค่ะ  
ซินเจียยู่อี่  ซินนี้ฮวดใช้ค่า
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: kungyung ที่ 13-02-2010 14:54:07
สุดยอดเลยเจ้ o13 o13
ขึ้นชื่อยี่ห้อเจ้หมวย..ไม่เคยทำให้ผิดหวังจริงๆๆ
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวสนุกๆคร้าบเจ้
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: iiดาวพระสุขლii ที่ 13-02-2010 15:32:20
 o13 มากเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: booboos ที่ 13-02-2010 20:41:14
อันนี้ลูกไม้หล่นโคนต้นเลยใช่มั๊ยเนี่ย
อยากรู้ว่า 2 แด๊ดรู้แล้วจะเป็นยังไงน้า  :freeze:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: jjuboy ที่ 14-02-2010 14:49:40
 o13มากๆๆๆ...สมกะที่เป็นเจ้หมวยเลยค่า
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 14-02-2010 15:45:42
 o13 o13 ยอดเยี่ยมที่สุดเลยเจ้หมวย

เป็นตอนจบที่สมบูรณ์แบบ อ่านไปยิ้มไป

ลืมไปเลยว่าเรื่องนี้ทำให้เสียน้ำตาไปมากขนาดไหน

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ  :pig4:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 15-02-2010 00:53:22
อร๊ายยย...มียาวมาถึงรุ่นลูกกันเลยทีเดียว..... :o8:

ถึงเวลาแกะหนังสืออ่านแล้ว...อยากรู้ต่อ...

ขอบคุณเจ๊หมวยนะคะ สำหรับนิยายสนุกๆเรื่องนี้ สนุกมากกกกกกกกกกกกกกกกค่ะ o13
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 15-02-2010 11:10:44
ขอบคุณครับเจ้หมวย

ว่าแต่ไม่มีภาพ แม็กกี้กะแอนดี้มาให้จิ้นบ้างเหรอครับ

ขอบคุณครับ



 :mc4: :mc4: :mc4:




หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: 1582 ที่ 15-02-2010 13:41:22
เจอฉากเรียกเลือดของเจ๊หมวย  ทำเอาเกือบตาย  :pighaun:  สุดยอดมากค่ะเจ๊  o13

ขอบคุณสำหรับเรื่องน่ารักๆ นะคะ  รอติดตามเรื่องต่อไปค่ะ  :L2:

หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: nithiwz ที่ 17-02-2010 23:15:11
จบเสียทีนะครับ  เหอะๆๆๆ
หวานจริงแท้  คุณทอม และ คุณจิม
ส่วนหนูแม็กกี้ของเรา  จะมีกับเค้าบ้างมั้ย  :laugh:

แอบน่ารักหวานๆ ว่าแล้วมีเป็นหนังสือด้วยเหรอครับ
อยากได้จัง สนใจต้องทำไงบ้างอ่ะคับ
(ส่งขวดเบตาดีนชิงโชค ประมาณนั้นรึเปล่า)
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 18-02-2010 21:55:14
ขอบคุณและเป็นกำลังใจให้เสมอครับ
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: amito ที่ 22-02-2010 08:49:11
เรื่องสนุกมากเลยค่ะ ช่วงบีบหัวใจ เจ้หมวยก้อขยี้ซ้าน้ำตาแทบร่วง ส่วนช่วงนั้น (รู้กันน่ะนะคะว่าช่วงไหน) ก้อแทบสำลักเลือดตาย

ไว้จะตามไปอ่านผลงานเรื่องอื่นๆนะคะ ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก-love you only by j-muay
เริ่มหัวข้อโดย: aekporamai2 ที่ 22-02-2010 23:52:43
 :L2: :3123: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Novel] Love U Andy ตอนตัวอย่าง
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 04-03-2010 20:50:31
ตอนนี้รวมเล่มสายใยรัก (3 เล่ม)   พิมพ์เสร็จพร้อมส่งแล้ว  เจ๊หมวยมีตอนตัวอย่างของครอบครัวแม็คกิลล์มาให้ได้อ่านกัน  เตรียมตัวอมยิ้มได้ค่ะ

 :laugh3:



เวลาบ่ายคล้อย.. บนระเบียงห้องนอนของทอม แม็คกิลล์ เด็กชายวัย 9 ขวบ ผิวขาวอมชมพูตัวเล็กบางผมหยิกเป็นลอนยืนหน้ามุ่ยเกาะราวระเบียง  ดวงตากลมจับจ้องที่สนามหน้าบ้านด้วยอารมณ์ที่บูดสุดๆ  เสียงถอนใจฮึดฮัดของเจ้าหนูทำให้ชายหนุ่มซึ่งนั่งเอกเขนกอ่านหนังสืออยู่อดหัวเราะไม่ได้

   “เป็นอะไรแอนดี้..  หงุดหงิดอะไรลูก..”
   ร่างเล็กผละจากราวระเบียงวิ่งมาปะเหลาะคุณพ่อสุดหล่อ 
   “แด๊ดดี้ฮะ.. ทำไมพี่แม็กต้องไปเรียนต่อเมืองนอกด้วยอ่ะ ที่นี่ไม่มีให้เรียนเหรอฮะ”
   ทอมรั้งร่างเล็กเข้ามากอดปลอบ
   “พี่เค้าไปไม่นานหรอก แค่ 2-3 ปีเท่านั้นน่ะ แอนดี้.. ถ้าลูกคิดถึงก็โทรศัพท์ไปคุย  แต่ถ้าคิดถึงมากๆ  แด๊ดจะพาไปเยี่ยมดีมั้ย.. หือ..”
   “ดีฮะ..  แต่ถ้าไม่ไปเลยจะดีกว่า..”

   ทอมรู้ว่าเด็กชายไม่ได้หงุดหงิดเรื่องที่พี่แม็กจะไปเรียนต่อเมืองนอกอย่างเดียว แต่หงุดหงิดที่เห็นกลุ่มเพื่อนๆ ห้อมล้อมพี่ชายสุดที่รักของตัวเอง โดย เฉพาะเพื่อนสาวผมบลอนด์ที่เกาะหนึบอยู่ข้างๆ ไม่ยอมปล่อย อารมณ์ไม่จอย ของเจ้าหนูมาจากเรื่องนี้มากกว่า...

   “แด๊ดดี้ฮะ..  พี่แม็กไปอยู่โน่นจะคิดถึงผมมั้ย..”   เด็กชายซุกหน้ากับอกทอมน้ำเสียงสั่นเครือ 
   “คิดถึงซีครับ… น้องชายสุดที่รักทั้งคน ไม่คิดถึงได้ไง..หือ…”  ทอมจับศีรษะเล็กเงยขึ้นก็ใจหาย  น้ำใสคลอระริกดวงตากลม
   “โอ!.. ไม่เอานะแอนดี้.. อย่าทำหน้าแบบนี้ให้พี่แม็กเห็นรู้มั้ย.. พี่แม็ก ต้องจากไปอยู่ที่ไกลๆ คนเดียว แต่ลูกยังได้อยู่กับแด๊ดและแด๊ดดี้ เพราะฉะนั้นคนที่จะต้องร้องไห้เสียใจคือพี่เค้านะ ไม่ใช่ลูก.. เราต้องช่วยกันให้กำลังใจพี่แม็ก ให้พี่เค้าตั้งใจเรียนจะได้จบเร็วๆ กลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม รู้มั้ยครับ”
   “รู้ฮะ แอนดี้จะไม่ร้องไห้ให้พี่แม็กเห็น แต่ร้องให้แด๊ดดี้เห็นได้ใช่มั้ยฮะ  ฮึก ฮือออๆๆ ”   เจ้าหนูซุกหน้ากับอกทอมสะอื้นโฮ

   ทอมถอนใจเฮือก เข้าใจความรู้สึกของเด็กชายว่าทั้งรักและหวงพี่ชายมากขนาดไหน   กว่า 4 ปีที่อยู่ร่วมชายคาเดียวกันมา ทั้งสองรักใคร่และสนิทสนมกันอย่างมากทั้งที่อายุห่างกันกว่า 1 รอบ  แต่แม็กกี้ก็สามารถเข้ากับเด็กชายได้เป็นอย่างดี หยอกล้อเล่นหัวจนเจ้าหนูติดหนึบไปไหนก็ขอตามไปด้วย นึกแล้วก็โล่งอกที่แอนดี้เป็นเด็กผู้ชาย ถ้าเป็นเด็กผู้หญิงและตามติดพี่ชายต่างสายเลือดถึงขนาดขอเข้าไปนอนด้วย คงเป็นปัญหาที่เขาและจิมต้องพบกับเรื่องปวดหัวแน่ๆ

   ร้องไห้จนสบายใจแล้วร่างเล็กก็ล้มตัวลงนอนหนุนตักแด๊ดดี้  กึ่งถามกึ่งบ่นถึงเรื่องที่ทำให้หงุดหงิดใจ
   “ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครอ่ะฮะ แด๊ดดี้..  เค้ายืนเองไม่เป็นเหรอฮะ  เกาะพี่แม็กอยู่ได้.. น่าเกลียดที่สุด”   
   ทอมหัวเราะกับคำพูดค่อนขอดของเด็กชาย
   “เค้าคงชอบพี่แม็กล่ะมั้ง”
   ร่างเล็กลุกพรวดขึ้นนั่งสีหน้าบอกบุญไม่รับ
   “ไม่เอา.. ผมไม่ชอบผู้หญิงคนนั้น”  เสียงใสแหวใส่เล่นเอาทอมสะดุ้ง  ใบหน้างอเง้าจ๋อยลงทันทีเพราะรู้ตัวว่าทำนิสัยไม่ดีกับแด๊ดดี้สุดที่รัก รีบสวม กอดและอ้อนขอโทษ
   “ขอโทษฮะแด๊ดดี้.. ผู้หญิงคนนั้นไม่เห็นน่ารักเลยอ่ะ แด๊ดอย่าให้พี่แม็ก ไปชอบเค้านะฮะ”
   ทอมซ่อนยิ้มทั้งขำทั้งระอาใจ
   “เรื่องแบบนี้จะห้ามกันได้เหรอ อยู่ที่พี่แม็กต่างหากว่าเขาจะชอบรึเปล่า ทำไมลูกไม่ลงไปสังเกตการณ์ข้างล่างล่ะแอนดี้.. ถ้ามีลูกอยู่ข้างๆ  รับรองว่าพี่แม็กต้องปล่อยให้ผู้หญิงคนนั้นยืนเองแน่”
   ดวงตากลมเบิกโพลงเหมือนนึกขึ้นได้และเห็นจริงด้วย ...ทำไมเราต้องมาแอบอยู่กับแด๊ดดี้บนบ้านด้วยล่ะ ลงไปร่วมปาร์ตี้ให้รู้แล้วรู้รอดเลยดีกว่า... จะได้รู้ว่าระหว่างเรากับผู้หญิงคนนั้น พี่แม็กเห็นใครสำคัญกว่ากัน…


‘สแตนลีย์ แม็คกิลล์’ หรือ แม็กกี้ ในวันนี้เติบโตขึ้นเป็นชายหนุ่มรูปงามร่างสูงกำยำสมส่วนเป็นนักกีฬาเทควันโดสายดำของมหา’ลัย หล่อและสมาร์ทขนาดถูกสาวๆ ทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องแย่งกันหมายปองเป็นอันดับหนึ่ง สมกับเป็นทายาทของอดีตสุดยอดนายแบบสามสมัย  ไม่ว่าสาวหรือหนุ่มแค่ได้สบดวงตาสีน้ำทะเลคู่งามของเขา   หัวใจก็อ่อนยวบหลงใหลได้ปลื้มกันทุกคน
   วันนี้หนุ่มแม็กขออนุญาตจัดปาร์ตี้เล็กๆ ที่บ้าน  เนื่องจากกลุ่มเพื่อนๆ ต้องการเลี้ยงส่งในโอกาสที่เขาจะไปศึกษาต่อที่อังกฤษ
   ชายหนุ่มปล่อยก๊ากขำคำพูดของเพื่อนขี้โม้ที่กำลังเล่าเรื่องโจ๊กให้ฟัง หากแต่เมื่อสายตาเหลือบไปที่เพื่อนอีกกลุ่มก็หยุดหัวเราะโดยพลัน รีบแกะมือเพื่อนสาวออกและขอตัวผละไปทางเพื่อนกลุ่มนั้นด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์
   “เฮ้ย!!.. แม็ก.. มีตุ๊กตาน่ารักอยู่ที่บ้านด้วยก็ไม่บอก  รู้งี้มาขอเล่นด้วยนานแล้ว..”
   แม็คกิลล์แค่นหัวเราะกับคำพูดกวนบาทาของเพื่อน
   “ไปฝึกศิลปะป้องกันตัวมาก่อนโว้ย  แล้วค่อยคิดจะมาเล่น..”
   แม็กคว้าร่างเล็กขึ้นจากตักไอ้เพื่อนจอมแสบ อารมณ์เสียสุดๆ เมื่อเห็นน้องชายแสนรักแสนหวงของเขานั่งอยู่บนตักผู้ชายตัวโต  แถมยังยิ้มหน้าบานเหมือนพอใจอีกต่างหาก  เสียงเฮและเป่าปากดังขึ้นรอบๆ 
   “ Wow !!!  so cute , what’s your name boy ?..”
   “ต๊าย!!.. น่ารักจังเลย.. เด็กผู้ชายแน่หรือแม็ก..  ชื่ออะไรจ๊ะหนู..”
   “ใครวะแม็ก..  หลานนายเหรอ..  น่ารักชะมัดเลยว่ะ..”
   “มีเด็กน่ารักแบบนี้อยู่ที่บ้านนายด้วยหรือเนี่ย..  ไม่เห็นเคยบอกเลย.. เสียดายว่ะ  รู้งี้มาชวนเล่นด้วยนานแล้ว”
   ทุกคำถามไม่มีคำตอบให้  ชายหนุ่มไม่มีอารมณ์จะตอบเพราะมัวแต่ปัดมือไม้ที่น่ารำคาญของเพื่อนผู้ชายที่ยื่นมาพยายามจะจับแก้มและเล่นผมของเด็กชาย ส่วนเจ้าหนูก็ไม่สามารถตอบคำถามได้เพราะถูกมือใหญ่ของพี่ชายจับคางไว้เหมือนกับจะบอกว่าไม่ให้พูด จึงได้แต่ส่งยิ้มแหยๆ ให้
   “น้องชายฉันเอง ขอตัวก่อนนะ”  กล่าวจบก็กึ่งลากกึ่งจูงเด็กชายออกมาจากกลุ่มเพื่อนๆ
   “ออกมาทำอะไรแอนดี้.. ทำไมไม่อยู่เป็นเพื่อนแด๊ดดี้..”
   “แด๊ดดี้อนุญาตให้ผมลงมาจอยกับพี่แม็กได้ฮะ”
   แม็กทำหน้าเซ็งเมื่อได้ยินคำว่า “จอย”  เด็ก 9 ขวบ จะมาจอยอะไรกับผู้ชายอายุ 20 กว่า  นี่ต้องไม่ใช่คำพูดของแด๊ดแน่ๆ
   “แต่แด๊ดดี้เท้าเจ็บอยู่  แด๊ดจิมสั่งเราไว้เมื่อเช้าไม่ใช่เหรอ ว่าให้คอยดูแลอยู่ใกล้ๆ แด๊ดดี้ตลอดเวลาอ่ะ”
   ทอมเกิดอุบัติเหตุเอ็นข้อเท้าขวาฉีกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ต้องเข้าเฝือกไว้และใช้ไม้ค้ำเวลาเดิน  เจมส์ การ์เซีย ต้องเดินทางไปเป็นกรรมการตัดสินการแข่งขันเทควันโดของเยาวชนในกลุ่มอาเซียนที่ประเทศสิงคโปร์ถึง 3 วัน ก่อนออกจากบ้านเมื่อเช้าจึงสั่งให้ลูกชายคอยดูแลทอมอย่างใกล้ชิดที่สุด  ซึ่งเจ้าหนูก็รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ  บอกว่าไม่ต้องห่วง   จะดูแลอย่างดียิ่งกว่าพ่อแท้ๆ ของตัวเองเลย...  คำตอบของเจ้าหนูทำเอาผู้เป็นพ่อยิ้มแก้มแทบปริ  แต่ทั้งที่ยิ้มมือใหญ่ก็หยิกแก้มลูกชายตัวแสบเบาๆ
   “ก็ช่ายยยย.. แต่ว่า..”
   “ไม่มีแต่นะ..  กลับขึ้นไปดูแลแด๊ดดี้เดี๋ยวนี้เลย..”
   “โฮ้ยย!!.. แด๊ดดี้อ่านหนังสืออยู่ ไม่ต้องการใครดูแลหรอก แด๊ดให้ผมลงมาจอยกะพี่แม็กได้ฮะ”
   “ผู้ชายตัวโตๆ ดื่มเหล้าสูบบุหรี่ มีอะไรน่าจอยด้วย ฮึ!..”  แม็กดุน้องชายเสียงเขียว  แต่เมื่อเห็นสีหน้าของเด็กชายจ๋อยลงก็กล่าวปลอบเสียงอ่อน
   “พี่ไม่ได้ไม่อยากให้มาสนุกด้วยนะ แอนดี้..  แต่ถ้าเรามาสนุกกันสองคน ปล่อยให้แด๊ดดี้เหงาอยู่คนเดียวจะดีเหรอ หือ..”
   แม็กซ่อนยิ้มในหน้าเมื่อเหตุผลที่ให้โดนใจเด็กชายเต็มๆ  ดวงตากลมเหลือบมองขึ้นไปที่ระเบียงชั้นบนอย่างรู้สึกผิด
   “แต่ถ้าแอนดี้อยากจะสนุกจริงๆ ล่ะก็  พี่จะขึ้นไปอยู่เป็นเพื่อนแด๊ดดี้แทน  ถ้าแด๊ดจิมโทรมาถามพี่ก็จะบอกว่า…”
   “ผมอยู่กับแด๊ดดี้เอง  พี่แม็กไปสนุกกับเพื่อนเถอะฮะ  มีแต่ผู้ใหญ่ทั้งนั้นใครจะไปซาหนุกด้วย…”
   …นั่นไง!!.. จริงๆ แล้วเจ้าหนูแสนซนของเขาก็ไม่ได้อยากมาร่วมสนุกหรอก  แกล้งมาโชว์ตัวให้ป่วนเล่นมากกว่า…
   “โอเค!!.. ถ้างั้นก็กลับขึ้นไปบนบ้านซะ อ้อ!!.. ฟังนะแอนดี้.. ต่อไปนี้นอกจากแด๊ด แด๊ดดี้ และพี่แล้ว  ห้ามไม่ให้เรานั่งซ้อนตักใครแบบเมื่อครู่นี้อีกนะ เข้าใจมั้ย..”
   “ทำไมฮะ  ผู้ชายคนนั้นเขาเป็นเพื่อนพี่แม็กนี่”
   “เป็นเพื่อนพี่แล้วไง  เรารู้จักเขาเหรอ..”
   แอนเดรสยิ้มหวานให้พี่ชาย  แต่ส่ายหน้าความหมายว่าไม่รู้จัก
   “ถึงรู้จักก็นั่งซ้อนตักแบบนั้นไม่ได้เข้าใจมั้ย อย่าถามว่าทำไม เพราะอะไร รู้แต่ว่าไม่เหมาะสม ไม่สมควร ที่สำคัญถ้าแด๊ดจิมมาเห็น  รู้ใช่มั้ยว่าใครจะเดือดร้อน..”

   เด็กชายพยักหน้าหงึก  ชายตาเจ้าเล่ห์ไปที่เพื่อนของพี่ชาย
   …ใช่!!.  ถ้าเหตุการณ์เมื่อครู่คนที่เห็นคือ เจมส์ การ์เซีย  ผู้เป็นพ่อเจ้าหนูล่ะก็.. คนที่เดือดร้อนต้องเป็นเจ้าเพื่อนจอมซ่าของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย ในฐานะที่เป็นเพื่อนเขาอาจแค่ถูกหักนิ้ว และเขาก็จะพลอยถูกตำหนิไปด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้..

   เพราะวันนี้… หนุ่มน้อยแอนเดรส การ์เซีย  เป็นของรักของหวงที่สุดของสมาชิกทุกคนในบ้านแม็คกิลล์   และไม่ได้มีเพียงจิมเท่านั้นที่ห่วงหวงเด็กชายอย่างออกนอกหน้า  แม็คกิลล์หนุ่มก็ย่อยซะเมื่อไร  มีเพื่อนสนิทเพียงไม่กี่คนที่รู้ว่าเขามีน้องชายตัวเล็กๆ   อาการหวงน้องเมื่อครู่ใครจะล้อหรือเข้าใจยังไงเขาไม่สน เข้าทำนองที่ว่า  มองได้แต่ตา มืออย่าต้อง...

   “ตกลงผมขึ้นไปอยู่เป็นเพื่อนแด๊ดดี้เอง  แต่พี่แม็กต้องสัญญาก่อนว่าคืนนี้จะให้ผมนอนด้วย..”
   “โอเค!!..”
   ชายหนุ่มยกมือเป็นคำมั่นสัญญา   เขาต้องเดินทางไปเรียนต่อที่อังกฤษสัปดาห์หน้า  อีกไม่กี่วันที่เหลือนี้กะจะนอนกอดเจ้าหนูแสนรักของเขาทุกคืนอยู่แล้ว
   การ์เซียน้อยยิ้มแก้มปริเมื่อพี่ชายรับปากว่าจะนอนด้วย ร่างเล็กเขย่งตัวขึ้นจุ๊บแก้มร่างสูงหนึ่งครั้งก่อนวิ่งกลับเข้าบ้านด้วยอารมณ์เบิกบานสุดๆ เพราะ รู้แล้วว่าตัวเองสำคัญกว่าใคร

   ...จริงอย่างที่แด๊ดดี้บอก…  แค่เห็นเราเท่านั้นพี่แม็กก็แกะมือยัยนั่นออกเดินดุ่มมาหาเราเลย ฮิ ฮิ   ยกที่ 1   แอนเดรส ชนะขาดลอย  เย้ๆ… :a2:

หัวข้อ: Re: [Novel] Love U Andy ตอนตัวอย่าง
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 04-03-2010 21:00:36

“ฮะ แด๊ด.. ทราบแล้วฮะ  แด๊ดพูดย้ำ 3 รอบแล้วนะ..”
   “คร้าบ~ ผมอยู่ใกล้ตลอดเวลาเลยแหล่ะ ไม่เชื่อถามแด๊ดดี้ดูก็ด้ายย…”
   “ผมก็รักแด๊ดฮะ  กู๊ดไนท์ฮะ  บ๋ายบาย..”
   “แด๊ดขอคุยด้วยฮะ  แด๊ดดี้…”
   เด็กชายยื่นโทรศัพท์ให้ทอมและวิ่งไปนั่งจุ้มปุ๊กหน้าทีวีต่อ สายตาจับจ้องภาพในจอแต่คิ้วขมวดมุ่นเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่
   …ทำไงดีล่ะ  แด๊ดสั่งให้นอนเป็นเพื่อนแด๊ดดี้  แต่คืนนี้เราสัญญากับพี่แม็กว่าจะนอนด้วยกัน  จะแยกร่างได้ไงเนี่ย…
   “คิดอะไรอยู่เจ้าตัวยุ่ง  หน้านิ่วเชียว..”   ร่างเล็กรีบลุกขึ้นช่วยประคองแด๊ดดี้สุดที่รักเดินมานั่งที่เตียง
   “เปล่าคิดฮะ  แด๊ดวางสายไปแล้วเหรอ..”
   “อะฮะ ”
   “แด๊ดสั่งอะไรรึเปล่าฮะ”
   “สั่งอะไรล่ะ..”
   “แหะ ๆ เปล่าฮะ..”   
   ….เด็กชายนึกในใจว่าถ้าแด๊ดดี้ไม่รู้ว่าแด๊ดสั่งให้นอนด้วยก็ดีซีนะ  แต่จะดีเหรอถ้าสั่งแล้วไม่ทำตาม.. นอกจากจะถูกแด๊ดดุแล้ว  แด๊ดดี้รู้เข้าอาจเสียใจก็ได้ที่เราเห็นพี่แม็กสำคัญกว่า ว้า!!.. ทำไงดีน้า…
   “วันนี้เห็นบอกว่าจะไปนอนกับพี่แม็กใช่มั้ย”
   “เอ่อ.. ฮะ  พี่แม็กสัญญากับผมว่าคืนนี้จะนอนด้วย”
   ทอมซ่อนยิ้มในหน้าเมื่อได้ยินคำตอบงุบงิบไม่ค่อยเต็มเสียง จิมสั่งเด็กชายให้นอนเป็นเพื่อนเขา  แต่เจ้าหนูมีนัดจะนอนกับพี่ชายแล้ว อยากรู้จังว่าจะแก้ปัญหายังไง…   
   “งั้นก็ไปนอนได้แล้วซี..  นั่งทำอะไรอยู่  ป่านนี้พี่แม็กอาบน้ำจะเข้านอนแล้วมั้ง”
   “ฮะ..” ร่างเล็กทำท่าจะลุกแต่แล้วก็ทรุดตัวลงนั่งตามเดิม  "แต่ว่าผมเปลี่ยนใจแล้ว  คืนนี้ผมจะนอนเป็นเพื่อนแด๊ดดี้ฮะ"
   “อ้าว!!.. ทำไมล่ะ”   ทอมไม่อยากเชื่อว่าเจ้าหนูจะตัดใจได้ง่ายขนาดนั้น
   “ก็แด๊ดดี้ขาเจ็บนี่ฮะ ถ้าผมไปนอนกับพี่แม็กสองคน แล้วปล่อยให้แด๊ดดี้นอนคนเดียว  ผมถูกแด๊ดจิมยำเละแน่ๆ ”
   “อ้อ!!..  แปลว่าที่นอนด้วยเพราะกลัวถูกแด๊ดยำเท่านั้นหรอกเหรอ…”
   “เปล่า…ซะหน่อยฮะ   ผมอยากนอนเป็นเพื่อน  อยากอยู่ใกล้ๆ ช่วยดูแลแด๊ดดี้ด้วยฮะ”
   เด็กชายสวมกอดและหอมแก้มทอมเอาใจ  ที่จริงแล้วนอนกับแด๊ดดี้ก็มีความสุขพอๆ กับนอนกะพี่แม็กแหล่ะ  นอนกับใครก็ได้ทั้งนั้น ดีกว่านอนคนเดียว
   “ถ้างั้นเดี๋ยวผมมานะฮะ  ไปบอกพี่แม็กก่อนว่าคืนนี้จะนอนกับแด๊ดดี้”
   ทอมพยักหน้าให้เจ้าหนูก็กระโดดลงจากเตียงวิ่งไปที่ประตู กำลังจะเปิดก็ได้ยินเสียงเคาะ  ร่างเล็กรีบถอยหลังหนีก่อนที่ประตูจะเปิดออก  ร่างสูงก้าวเข้ามาและเดินผ่านไปหาพ่อโดยไม่สนใจเจ้าตัวเล็กที่ยืนมองตาปริบๆ อยู่
   ทอมครึ่งนั่งครึ่งนอนอยู่บนเตียง นายแม็กเดินยิ้มหวานเข้ามาหา ร่างเล็กของน้องชายเดินย่องตามหลัง   
   ชายหนุ่มก้มลงจูบแก้มพ่อเบาๆ  ก่อนทรุดตัวลงนั่งข้างๆ
   “เท้าเป็นยังไงบ้างครับแด๊ด.. ปวดหรือเปล่า..”
   “สบายมากครับคุณแม็ก..  ไม่ต้องห่วงผมดูแลตัวเองได้  จะมาพาน้องไปนอนใช่มั้ย..  ไปกันได้แล้วไป.. แด๊ดจะได้นอนซะที..”
   “เอ่อ.. คือว่าผมจะมาขอ..”
   “พี่แม็กฮะ ขอคุยด้วยหน่อย”  เสียงใสขัดคอขึ้นก่อนที่พี่ชายจะพูดจบ  มือเล็กฉุดข้อมือใหญ่ให้ลุกขึ้นยืน
   “เรื่องอะไร  ให้พี่คุยกับแด๊ดก่อน..”
   “ไม่ได้ฮะ  เราต้องคุยกันก่อน..” 
   “ก็ได้.. พี่ก็มีเรื่องจะคุยกับเรา..” 

   เจ้าหนูต้องการบอกพี่ชายว่าคืนนี้ไม่นอนด้วยแล้วเพราะเปลี่ยนใจจะนอน กับแด๊ดดี้แทน ในขณะที่ชายหนุ่มก็ตั้งใจจะมาบอกพ่อว่าคืนนี้จะมานอนเป็นเพื่อนด้วย และนั่นทำให้เขาต้องเปลี่ยนแผนที่นัดไว้กับเจ้าตัวเล็ก

   ทอมอดหัวเราะไม่ได้เมื่อเห็นพี่น้องต่างวัยและสายเลือดจุ๊กจิ๊กกันอยู่ตรงหน้า  คนตัวโตเดินตามตัวเล็กไปด้วยความจำใจ  ทั้งสองหยุดคุยกระซิบกระซาบกันที่มุมห้อง สักครู่ก็เดินจูงมือกันกลับมาหาด้วยสีหน้ายิ้มระรื่นทั้งคู่  ร่างเล็กกระโดดขึ้นมาบนเตียงล้มตัวลงนอนกระแซะข้างๆ เขา  เสียงโวยของพี่ชายดังขึ้นทันที

   “เฮ้!!.. นายจะนอนกอดพี่ไม่ใช่หรือแอนดี้..  ไปเลย.. กระเถิบไปนอนริม  พี่นอนติดกับแด๊ด  นายนอนติดกับพี่ โอเค..”   มือใหญ่ดึงร่างเล็กกระเถิบออกมาเสียงใสก็หวีดร้องพร้อมอาการดิ้นพราดๆ
   “ไม่เอานะ ไม่เอา แอนดี้จะนอนกลาง  พี่แม็กนอนริมซี.. เป็นผู้ใหญ่แล้วต้องนอนริม  เด็กนอนกลาง..”
   เสียงลูกชายตัวเล็กจัดระเบียบวุ่นวายไปหมด
   “อะไรกันน่ะ  หือ..  วุ่นวายกันจัง  คืนนี้จะได้นอนมั้ย ฮึ!..  เราจะนอนนี่ด้วยหรือแม็กกี้..”
   ทอมดุเสียงเขียว  เสียงงิดงอดของเจ้าตัวเล็กจึงสงบลง
   “ครับแด๊ด.. ผมอยากนอนเป็นเพื่อนด้วยคน” 
   เสียงอ่อยของลูกชายคนโตพร้อมสีหน้าสลดทำให้ทอมใจอ่อน
   “เรานอนริม แม็กกี้..  ให้น้องนอนกลาง”
   “เย้!!~~ ”   เด็กชายส่งเสียงดีใจจึงถูกพี่ชายถลึงตาใส่  แต่เจ้าหนูไม่สนเพราะกำลังมีความสุขสุดๆ
   …ขอบคุณนะฮะแด๊ด..   ที่ให้โอกาสผมได้นอนกอดทั้งแด๊ดดี้และพี่ชายสมใจ …
   ทอมปิดทีวีและดับไฟเพื่อตัดปัญหาการโต้เถียง  ร่างเล็กกระแซะเข้ามาสวมกอดเขาทันที
   “กู๊ดไนท์ฮะ  แด๊ดดี้..”
   ทอมจูบหน้าผากเด็กชายและกล่าวราตรีสวัสดิ์   
   “กู๊ดไนท์ แอนดี้.. หลับฝันดีนะ”
   เด็กชายหันกลับไปสวมกอดพี่ชายตัวโต
   “กู๊ดไนท์ฮะ  พี่แม็ก..”
   “กู๊ดไนท์  เจ้าตัวยุ่ง”   แม็กขยี้ผมน้องชายและหอมที่แก้มหนึ่งฟอด
   “กู๊ดไนท์ฮะแด๊ด..  แอนดี้รักแด๊ดจิม..  รักแด๊ดดี้…  รักพี่แม็ก… รักที่สุดในโลก หลับฝันดีนะฮะ... ทุกๆ คน…... ” 
   เสียงใสแผ่วลงเรื่อยๆ  สิ้นเสียงเด็กชายบรรยากาศในห้องก็เงียบสงัดลง 
   “………………..”
   “………………..”
   “แด๊ดครับ..”
   ทอมสะดุ้งเล็กน้อยกำลังจะเคลิ้มหลับเสียงกระซิบแผ่วก็ดังข้างหู  ไม่ทันได้เอ่ยถามศีรษะของลูกชายคนโตก็ซบลงกับอกเขา
   “ผมไม่อยู่ตั้ง 2 ปีกว่า   แด๊ดจะคิดถึงผมมั้ย...”
   …โอ!  นี่มันวันอะไรกัน..  เมื่อตอนเย็นน้องชายเพิ่งจะบ่นว่ากลัวพี่ชายจะไม่คิดถึง   ตกดึกกลับเจอคำถามเดียวกันจากเจ้าตัว…
   ทอมเอื้อมมือเปิดไฟที่หัวเตียงก่อนขยับขึ้นนั่ง  เจ้าหนูแอนดี้หลับปุ๋ยไปแล้ว เหลือหนุ่มแม็กลูกชายคนโตนั่งหน้าจ๋อยอยู่ข้างเตียง  เห็นแล้วรู้สึกใจหาย
ขึ้นชื่อว่าลูกถึงจะโตเป็นหนุ่มหรือยังตัวเล็กกะเปี๊ยก ความรู้สึกที่พ่อแม่มีให้ก็ไม่ต่างกัน
   ทอมลูบศีรษะลูกชายปลอบประโลม
   “ก่อนที่แด๊ดจะตอบคำถามลูก..   ฟังคำถามของน้องที่เค้าแอบถามแด๊ดเมื่อตอนเย็นก่อนดีมั้ย….. น้องเค้าถามว่า..  พี่แม็กไปอยู่โน่นจะคิดถึงผมมั้ย…”
   “แด๊ดตอบแทนผมรึเปล่า  ตอบว่าไงครับ”
   “แด๊ดไม่รู้ว่าในฐานะพี่ชายควรจะตอบยังไง  แต่แด๊ดตอบในฐานะที่เป็นพ่อว่า  คิดถึงซีครับ… น้องชายสุดที่รักทั้งคน ไม่คิดถึงได้ไง…”
   แม็กยิ้มให้พ่อ  มันคือคำตอบเดียวกับที่เขาจะให้จริงๆ  และรู้แล้วว่ามันคือคำตอบที่พ่อจะให้กับเขาด้วย
   “ถ้างั้น ผมรู้แล้วว่าแด๊ดจะตอบผมว่าอะไร  แต่ผมอยากได้ยินจากปากของแด๊ดครับ”
   ทอมอดหัวเราะไม่ได้เมื่อถูกลูกชายตัวโตอ้อนด้วยการจับมือไปแนบแก้ม และจุ๊บเบาๆ
   “คิดถึงซี.. ลูกชายสุดที่รักทั้งคน แด๊ดจะไม่คิดถึงได้ยังไง แต่เพื่ออนาคตของลูก เราต้องเปลี่ยนความคิดถึงเป็นกำลังใจที่จะมอบให้กันและกัน ถ้าคิดถึงแด๊ดและน้อง  ก็ตั้งใจเรียนจะได้กลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิมเร็วๆ ”
   “ครับแด๊ด รับรองว่าผมตั้งใจเรียนแน่  เพราะผมคงคิดถึงแด๊ดกับน้องทุกวันทุกคืนเลย”   น้ำตาลูกชายคนโตร่วงผล็อย   
“ผมไม่มีวันให้น้องหรือใครเห็นน้ำตาของผมเพราะผมโตแล้ว แต่กับแด๊ด ถึงผมไม่อายผมก็จะขอร้องวันนี้แค่วันเดียวแล้วจะไม่ร้องอีก…”

ทอมสะท้านในอกเมื่อลูกชายซบศีรษะกับตักเขาร่ำไห้อย่างเงียบๆ   

…ร้องเถอะร้องให้พอ ถึงวันที่ต้องจากไปจริงๆ ลูกต้องเข้มแข็ง เพราะคนที่จะหลั่งน้ำตาในวันนั้นไม่ใช่ลูก….



 o15


สนใจรวมเล่ม  ตามไปดูรายละเอียดที่บ้านพ่อหรือ  PM มาคุยกันค่ะ
หัวข้อ: Re: [Novel] Love U Andy ตอนตัวอย่าง
เริ่มหัวข้อโดย: nbee ที่ 04-03-2010 21:46:06
นิยายของเจ้น่าสนใจทุกเรื่องเลยอ่ะแหล่ะ
แต่ช่วงก่อนกระเป๋าแบน แฟนไม่มีอ่ะ เลยได้แต่น้ำลายไหล
ตอนนี้เจ้ยังเอาเรื่องใหม่มาล่ออีก  :z3:  ทนไม่ไหว



หัวข้อ: Re: [Novel] Love U Andy ตอนตัวอย่าง
เริ่มหัวข้อโดย: bakanishi1 ที่ 07-04-2010 21:12:38
โอ๊ะ ... โอ ...

ทำไมยังไม่มาต่ออีกอะ

รออ่านอยู่นะ ..

ภาค 3 นะ ...
หัวข้อ: Re: [Novel] Love U Andy ตอนตัวอย่าง
เริ่มหัวข้อโดย: j-muay ที่ 13-04-2010 16:59:46
o15  หวัดดีค่ะ   คุณ bakanishi1

เนื่องจากเรื่องนี้เจ๊หมวยทำรวมเล่ม ขาย  เลยขออนุญาตไม่โพสต่อ

สนใจอยากซื้อรวมเล่ม ( 3 เล่ม จบ)  message ถามเป็นการส่วนตัวได้ค่ะ

จะอุดหนุนเฉพาะเล่ม  3  love u andy  ก้ได้ค่ะ


 :bye2:


หัวข้อ: Re: [Novel] Love U Andy ตอนตัวอย่าง
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 14-04-2010 22:58:22
น่าร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก น่ารักชะมัดเลยอ่ะ
แล้วพี่ชายตัวโตกลับมาเจอน้องชายตัวน้อยจะเป็นไงน้อ
จะเกิดนิยามความรักแบบเศร้าๆอีกมั้ยอ่าาา
หัวข้อ: Re: [Novel] Love U Andy ตอนตัวอย่าง
เริ่มหัวข้อโดย: Laxxeez ที่ 25-05-2010 15:32:19
กว่าจะอ่านจบ เสียน้ำตาให้แม็กกี้ไปหลายรอบเลยคับ :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: [Novel] Love U Andy ตอนตัวอย่าง
เริ่มหัวข้อโดย: Annetemis ที่ 23-06-2010 10:03:25
แม็กกี้ :monkeysad: แม็กกี้ :monkeysad: แม็กกี้น่าสงสารมาก ๆ เลยค่ะ พบเจอแต่เรื่องเลวร้ายสารพัดกว่าที่จะได้พบเจอกับความสุข...แม็กกี้ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [Novel] Love U Andy ตอนตัวอย่าง
เริ่มหัวข้อโดย: TamuNe ที่ 13-12-2010 02:48:35
แม็กกี้น่าสงสารอ่า ทำน้ำตาร่วงอีกแล้ว เจ้หมวยเรียกน้ำตาทุกรอบเลยอะ :monkeysad: แต่ก้อสนุกทุกเรื่องค่ะ o13
หัวข้อ: Re: [Novel] Love U Andy ตอนตัวอย่าง
เริ่มหัวข้อโดย: nongrak ที่ 09-01-2011 19:52:55
มาอ่านจนจบ เสียน้ำตาไปมากเลยสำหรับแม็กกี้
สงสารมากทำไมถึงโชคร้ายขนาดนี้
อ่านไปร้องไห้ไปเศร้ามาก
สงสารจิมด้วยรักทอมมากแต่โดนตัดรอนตลอด
แต่ในที่สุดก็สมหวัง
แต่ภาค 3 อยากอ่านมาก แอนดี้น่ารักมากกกกก
หัวข้อ: Re: [Novel] Love U Andy ตอนตัวอย่าง
เริ่มหัวข้อโดย: pics ที่ 30-01-2011 19:10:03
จะไปอุดหนุนหนังสือได้ที่ไหนอ่าครับ
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก & Love You Only และตอนตัวอย่างของ Love U Andy
เริ่มหัวข้อโดย: kut ที่ 18-04-2011 18:50:53
สั่งจองหนังสือ
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก & Love You Only และตอนตัวอย่างของ Love U Andy
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 18-04-2011 21:17:09
 :L1:



หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก & Love You Only และตอนตัวอย่างของ Love U Andy
เริ่มหัวข้อโดย: ♥Täsinä→l3€LL♥ ที่ 12-08-2011 02:17:02
 :L1:ประทับใจมากๆๆเลยค่ะ :L1:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก & Love You Only และตอนตัวอย่างของ Love U Andy
เริ่มหัวข้อโดย: NAS ที่ 15-08-2011 20:10:16
ประทับใจความรักในครอบครัว ขอบคุณไร้เตอร์ค่ะ
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก & Love You Only และตอนตัวอย่างของ Love U Andy
เริ่มหัวข้อโดย: 20227ple ที่ 10-09-2011 19:52:11
เศร้ามากค่ะ :o12:
แต่ก็หนุกมาก o13
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก & Love You Only และตอนตัวอย่างของ Love U Andy
เริ่มหัวข้อโดย: omeza ที่ 11-08-2012 22:30:05
อ่านแล้วรู้สึกดีจังเลยครับ ชอบมากครับ เดี๋ยวตามไปอ่าน fatherhood ต่อครับ ^^
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก & Love You Only และตอนตัวอย่างของ Love U Andy
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 07-11-2012 14:27:41
น่ารักอบอุ่นสุด  ๆ เลยสำหรับครอบครัวนี้น่ะ แต่เราขอคารวะนายจิมมาก ๆ นายเยี่ยมมากกกกกก o13 อดทนกับทอมได้สุด ๆ เลยน่ะ เพราะนายทอมเนี่ยบางครั้งน่าเบิร์ดกระโหลกสักทีจริง ๆ  :m16: เอาใจลำบากมากกกกกกกกก เรื่องนี้เด่นที่เด็ก ๆ มาก เดาถูกด้วยว่าสองพี่น้องต้องมารักกันเอง :o8: น่ารักจัง เจ้หมวยแต่งเรื่องครอบครัวได้อบอุ่นจังเลยน่ะ แต่เสียดายนิดตรงที่ทอมเอาแต่ใจมากไปนิดน่ะ  :m31:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก & Love You Only และตอนตัวอย่างของ Love U Andy
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 14-11-2012 18:30:08
 :pig2:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก & Love You Only และตอนตัวอย่างของ Love U Andy
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 29-08-2014 11:04:56
ชอบมากเลยค่ะ
อยากได้หนังสือ แต่ไม่รู้ว่าจะเหลืออยู่ไหม
ขอบคุณเจ้หมวยสำหรับนิยายดีๆ ซึ้งๆ และอบอุ่นเรื่องนี้นะคะ
ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก & Love You Only และตอนตัวอย่างของ Love U Andy
เริ่มหัวข้อโดย: risanana ที่ 26-08-2016 19:36:22
ตอนแรกโครตเกลียดจิมกับทอมอ่ะที่ใจร้ายใจดำกับแม็กกี้ได้ลงคอ แต่พออ่านไปถึงตอนที่ทั้งคู่ดูแลแม็กกี้แล้วโอ๊ยยย อิชั้นนี่น้ำตาไหลแข่งน้ำปะปาที่บ้านเลยค๊าา :hao5:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก & Love You Only และตอนตัวอย่างของ Love U Andy
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 04-07-2020 11:38:26
ยอมพระเอกเรื่องนี้ที่ทนกับนายเอกได้ แต่ก็ดูสมกันดีละว้า คนนึงก็เอาแต่ใจ ทำร้ายจิตใจกันรอบที่ล้านแปด อีกคนก็บอกจะตัดใจๆแต่ก็ไม่เคยทำได้สักที กว่าจะยอมรับใจตัวเองนะ ก็โอเค แม๊กกี้ก็น่าสงสารแต่ดีใจที่กลับมาเป็นคนเดิมได้ มีความสุขกับครอบครัวสักที สนุก หยุดอ่านไม่ได้เลย แม้จะเหนื่อยหน่ายกับจิมมี่ทอมคู่รักประหลาดๆก็ตาม 555  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Novel] สายใยรัก & Love You Only และตอนตัวอย่างของ Love U Andy
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 18-07-2020 20:30:59
 :pig4: :pig4: :pig4: