พิมพ์หน้านี้ - How to bake me สูตรอบรัก l ย้ายกระทู้แล้วจ้า l 07-08-62

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Loammy ที่ 24-07-2018 16:52:43

หัวข้อ: How to bake me สูตรอบรัก l ย้ายกระทู้แล้วจ้า l 07-08-62
เริ่มหัวข้อโดย: Loammy ที่ 24-07-2018 16:52:43
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม







Re-Write

How to bake me สูตรอบรัก
.
.
.
"เร็วสิ ตอนนี้พี่อยากกินเค้กจะแย่แล้ว"
"แต่พี่ไม่ได้จะกินเค้ก นี่พี่กำลังจะกินผม"

ถ้ารู้ว่าผมจะโดนจับแทะจับกินแบบนี้ทุกวัน
วันนั้นผมจะไม่มีทางเขียนใบสมัครงานที่นี่เด็ดขาด
ไม่สิ ผมจะไม่มีทางเข้ามาหลบฝนในร้านนี้เด็ดขาด!!!

#สูตรอบรัก (https://twitter.com/search?q=%23%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81&src=hashtag_click&f=live)
Twitter : @loammyloammie (https://twitter.com/LoammyLoammie)
Facebook : LoammyLoammie (https://www.facebook.com/loammyloammie/)



เนื่องจากกระทู้นี้มีการทำผิดกฏข้อที่ 16 ของเล้าเป็ด เราจึงขอย้ายการรีไรท์ไปที่กระทู้นี้แทนนะคะ
> จิ้มได้เลยยย (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70763.0) <
ไม่รู้อันนี้จะโดนลบรึเปล่า แต่เสียดายคอมเม้นในกระทู้นี้มากเลย แงง




หัวข้อ: Re: How to bake me สูตรอบรัก l บทที่ 10 นมอุ่นๆ บนเตียงนุ่มๆ l 27/07/61
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 28-07-2018 08:28:38
 o22 o22
หัวข้อ: Re: How to bake me สูตรอบรัก l บทที่ 12 หนึ่ง... l 01/08/61
เริ่มหัวข้อโดย: PiSCis ที่ 01-08-2018 21:04:16
 :o8:
หัวข้อ: Re: How to bake me สูตรอบรัก l บทที่ 27 ที่รักของผม 2 l 16/08/61
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 17-08-2018 09:48:47
 :เฮ้อ:

ดีใจที่ดีกันแล้ว

 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: How to bake me สูตรอบรัก l บทที่ 27 ที่รักของผม 2 l 16/08/61
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 17-08-2018 23:00:22
กลับมารักกันหวานๆเหมือนขนมเค้กที่ทำน้าาาขอบคุณนักเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: How to bake me สูตรอบรัก l บทที่ 27 ที่รักของผม 2 l 16/08/61
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 17-08-2018 23:53:15
ดีใจสุดก็ตอนที่ดีกันนี่แหละครับ ส่วนนายวายุก็ ไปไหนได้ก็ไปนะครับ อย่าเข้ามารบกวนสองคนนี้ีอีกเลย
หัวข้อ: Re: [END]How to bake me สูตรอบรัก l บทที่ 32 ของขวัญ...ของคนพิเศษ(END) l 31/08/61
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 01-09-2018 09:50:22
  :L2: :pig4: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: [END]How to bake me สูตรอบรัก l บทที่ 32 ของขวัญ...ของคนพิเศษ(END) l 31/08/61
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 23-09-2018 16:07:40
 :L2: :L1: :pig4:

ขอบคุณมากมาย
หัวข้อ: Re: [END]How to bake me สูตรอบรัก l บทที่ 32 ของขวัญ...ของคนพิเศษ(END) l 31/08/61
เริ่มหัวข้อโดย: it.the.world ที่ 23-09-2018 17:51:37
 :L1:  :pig4:
หัวข้อ: Re: [END]How to bake me สูตรอบรัก l บทที่ 32 ของขวัญ...ของคนพิเศษ(END) l 31/08/61
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 07-10-2018 13:34:35
น่ารักมากๆ..ชอบ...บบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ  o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: [END]How to bake me สูตรอบรัก l บทที่ 32 ของขวัญ...ของคนพิเศษ(END) l 31/08/61
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์บิน ที่ 08-10-2018 20:54:08
 :กอด1:  :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [END]How to bake me สูตรอบรัก l บทที่ 32 ของขวัญ...ของคนพิเศษ(END) l 31/08/61
เริ่มหัวข้อโดย: Yumitun ที่ 23-06-2019 23:46:50
เป็นนิยายที่น่ารักดีจ้า คำผิดน้อยมาก 

ตอนแรกๆมีขัดใจพี่นัทหนักมากเอาเปรียบน้องตลอด แต่ไม่เคยชัดเจนเลยส่วนน้องก็ยอมพี่เค้าตลอด หนูลูก ขัดใจแม่ยกยิ่งนัก แถมยังจงใจแกล้งให้น้องเข้าใจผิดเรื่องพายอีก ตอนนั้นโกรธมาก เลิกอ่านไปวันนึง 55555

และตอนก่อนคืนดี ที่พอรู้แล้วว่าตัวเองเข้าใจผิดน้อง กลับทำเย็นชา แถมพูดลองใจ จนน้องต้องกลับมาง้ออีกรอบ คือนิสัยทุกอย่างหมุนรอบตัวเองมากจ้า ส่วนตองหนึ่งคือลูกไก่ในกำมือชัดๆ แต่ก็ให้อภัยนางเพราะนางก็รักน้องจริงๆ หลังจากนี้ก็ขอให้เป็นทาสน้องตลอดไปเลยนะ  :call:
หัวข้อ: Re: [Re-Write] How to bake me สูตรอบรัก l 0 : ชีวิตใหม่ l 27-07-62
เริ่มหัวข้อโดย: Loammy ที่ 27-07-2019 09:58:02
ตอนที่ 0 ชีวิตใหม่


ผมควรทำอะไรต่อจากนี้... เดินหางานที่ไม่มีวี่แววว่าจะได้ต่อไป หรือกลับไปรอโทรศัพท์จากบริษัทที่ผมไปสมัครไว้แล้วนอนหมดอาลัยตายอยากกับชีวิตบนเตียงนุ่มๆ ดี

เฮ้อ...ลองหาอีกซัก 2-3 ที่ละกัน

ผมเริ่มหางานมาตั้งแต่เดือนที่แล้ว จนตอนนี้ยังไม่มีที่ไหนรับผมเลย เรียนจบมาจะ 2 ปีแล้วแต่ยังหางานทำเป็นชิ้นเป็นอันไม่ได้แบบนี้ก็รู้สึกว่าชีวิตผมมันห่วยจริงๆ  และถ้าถามว่าก่อนหน้านี้ผมเอาเงินที่ไหนกิน ที่ไหนใช้ ขอบอกเลยว่าขอแม่บ้างเป็นบางเดือน เพราะก่อนหน้าหลังเรียนจบ ผมอีโก้สูงไปหน่อย ไม่อยากเป็นพนักงานบริษัท ผมเรียนจบด้านถ่ายภาพมาครับ เลยรับแต่งานฟรีแลนซ์ รับจ้างถ่ายภาพทั่วไป บางครั้งก็มีรุ่นพี่ที่รู้จักแนะนำงานให้ชั่วคราว แต่แค่นั่นมันไม่พอกินไง เลยต้องระเห็จตัวเองมาหางานทำแบบนี้ หิ้วพอร์ทไปสมัครตามบริษัทก็แล้ว พยายามหางานพาร์ทไทม์ก็แล้ว ไม่มีที่ไหนรับผมเลย

เฮ้อ ชีวิต!

ครืน!

เอ้อ ฝนจะมาตกอีก!

ผมเงยหน้ามองท้องฟ้าที่เริ่มมืดครึ้ม ฝนเม็ดเล็กกระทบใบหน้าตอกย้ำว่า ชีวิตผมช่วงนี้มันเข้าขั้นวิกฤตแล้ว เงินก็จะหมด งานก็หาไม่ได้ กินแต่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจนจะขาดสารอาหารละเนี่ย

ฝนเริ่มแรงขึ้น จนผมต้องหาที่หลบฝนก่อน ผมวิ่งไปที่ร้านกาแฟที่อยู่ใกล้ๆ  น่าจะเป็นร้านที่เปิดใหม่ เพราะผมพักแถวนี้นะ แต่เพิ่งจะเคยเห็นร้านนี้

กริ๊ง~

เสียงกระดิ่งที่อยู่บนประตูดัง ผมกวาดสายตาไปทั่วเพื่อสำรวจว่ามีใครอยู่บ้าง และก็พบว้าร้านนี้ตกแต่งได้สวยงามดี มีโต๊ะแค่ 4-5 โต๊ะเอง แถมมีกลิ่นหอมๆ เหมือนขนมอบด้วย

“สวัสดีครับ ยินดีต้อนรับครับ”

ผู้ชายหน้าตาดีตัวสูงใส่แว่นที่ยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์ส่งยิ้มและทักทายผมที่ยืนเก้ๆ  กังๆ  อยู่หน้าประตู ผมเลยยิ้มและผงกหัวกลับไป

“ต้องการรับเครื่องดื่มหรือขนมเค้กครับ?”

ไม่ครับ ผมแค่เข้ามาหลบฝน...

ถ้าตอบไปแบบนั้นผมจะโดนเขาปาแก้วกาแฟใส่หน้ารึเปล่า...  ไม่ดีกว่าถึงปกติผมจะไม่หล่ออยู่แล้วแต่ก็ไม่อยากขี้เหร่ไปมากกว่านี้  ผมกวาดสายตาดูเมนูที่เขียนไว้ตรงกระดานเหนือเคาน์เตอร์ขึ้นไป

ตังค์ก็ไม่ค่อยจะมี เอาเมนูที่ถูกที่สุดก็ได้

“เอ่อ นมร้อนแก้วนึงครับ” ผมเดินไปสั่งหน้าเคาน์เตอร์ และจ่ายเงินไป สายตาเจ้ากรรมก็เหลือบไปเห็นตู้กระจกที่มีเค้กน่าตาน่ากินอยู่มากมาย ทั้งเค้กช็อกโกแลต เค้กครีมสดสตอเบอรรี่ เครปเค้ก พายเค้ก แล้วนั่นทาร์ตผลไม้ที่ผมชอบ แต่ละอย่างช่างน่ากินและยั่วน้ำลายไปหมด

“รับเค้กหรือทาร์ตเพิ่มสักชิ้นมั้ยครับ” คุณแว่นถามแล้วยิ้มละมุนมาให้ผม

“...” อยากรับครับ...แต่ผมไม่มีเงิน กินฟรีได้มั้ย? เดี๋ยวถูพื้นกับล้างจานให้วันนึง แลกกันๆ

ถ้าตอบไปแบบนั้นคงได้โดนด้ามไม่กวาดฟาดหัวแน่ๆ ผมคิดเองแล้วก็ขำกับความคิดตัวเองคนเดียว จนคุณแว่นถามซ้ำอีกครั้ง เพราะผมไม่ยอมตอบซักที

“ว่าไงครับ ทาร์ตผลไม้นั่น ผมเพิ่งอบเสร็จใหม่ๆ จากหลังร้านเลยนะครับ”

ว้าว~ ทาร์ตอุ่นๆ อยากกินแต่ไม่มีเงินอ่ะครับ เลยได้แต่มองทาร์ตผลไม้ด้วยความอาลัยอาวรแและตัดใจปฏิเสธไป

“ไม่ดีกว่าครับ ขอแค่นมร้อนก็พอ”

“....ได้ครับ เชิญนั่งรอสักครู่นะครับ เดี๋ยวไปเสริฟให้ที่โต๊ะเลย”คุณแว่นยิ้มแล้วก็หันไปทำเครื่องดื่มอย่างคล่องแคล่ว ผมหันไปมองรอบร้านๆ  ผมเลือกที่นั่งโซฟาที่ติดกับกระจกจะได้เอนหลังพิงโซฟานุ่ม จิบนมอุ่นๆ  ดูการจราจรที่ติดขัดไปพร้อมมองหยดน้ำที่ไหลลงมาตามกระจก ได้นั่งที่นุ่มๆ หลังจากเดินมาทั้งวันแบบนี้ สบายจริงๆ

อืม ร้านนี้ทำเลดีเหมือนกันนะเนี่ย อยู่ในเมืองใกล้มหาวิทลัยแบบนี้ผู้คนก็เข้าเยอะแน่นอน จัดร้านได้ดูอบอุ่นน่านั่ง คุณแว่นนั่นที่น่าจะเป็นเจ้าของร้านก็น่าตาดีใช่เล่น ไม่นานต้องมีนักศึกษาเต็มร้านแน่นอน เสียอย่างเดียวคือมีที่นั่งไม่ค่อยเยอะเท่าไร

~กริ๊งๆ~

นั่งชมร้านไปสักพักโทรศัพท์ของผมก็มีสายเข้า ผมรีบหยิบขึ้นมารีบหยิบโทรศัพท์ออกมาอย่าตื่นเต้น และกดรับโดยที่ไม่ได้ดูเบอร์ที่โทรเข้าเสียก่อน เพราะคิดไว้เต็มหัวว่าคงเป็นบริษัทที่จะรับผมเข้าทำงานแน่ๆ

“สวัสดีครับ” พูดด้วยน้ำเสียงสุภาพและไพเราะที่สุดในชีวิต หลับตาลงเพื่อซึมซับน้ำเสียงที่กำลังจะเปล่งออกมาว่า ‘คุณเป็นพนักงานบริษัทเราแล้วนะครับ’

(สวัสดีครับคุณตองหนึ่ง เป็นอะไรครับพูดซะเพราะเชียว หางานจนไม่สบายสมองเพี้ยนไปแล้วเหรอครับ)

ผมขมวดคิ้วและถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่ายเมื่อรู้ว่าคนปลายสายเป็นไคร

“ไอ้พี โทรมาทำไม”

ไอ้พีเพื่อนผมเองครับ รู้จักกันมาตั้งแต่เข้าปีหนึ่ง ปากเสียแต่ก็นิสัยดีและตอนนี้มันเป็นช่างถ่ายภาพให้หนังสือท่องเที่ยวอยู่ ผมว่ามันโชคดีนะ ได้งานดี ได้เงินแล้วได้เที่ยวด้วย

(ก็โทรมาถามว่ามึงได้งานรึยังไง เป็นห่วงนะเนี่ย กลัวมึงจะอดตายหรือไม่ก็สิ้นคิดไปเป็นขอทานข้างถนนแล้ว)

ผมส่ายหน้า ถ้ามันนั่งอยู่ใกล้ๆ ก็คงฝาดหัวมันไปซักที ปากหมาไม่เปลี่ยนจริงๆ

“ยังหาไม่ได้อ่ะดิ งานหายากจะตาย นี่กูยอมเปลี่ยนมาหางานประจำหรือพาร์ทไทม์ทำตามร้านก็ไม่มีใครรับ”

(แล้วนี่มึงมีเงินเหลือเยอะแค่ไหน)

“เหลือไม่กี่พันแล้ว” พูดถึงเงินที่เหลือแล้วระเหี่ยใจ เงินก็เหลือน้อย ยังต้องมาจ่ายค่านมที่ราคาเท่าข้าวหนึ่งจานนี่อีก

(แล้วถ้ามึงหางานทำไม่ได้จะทำไง)

“สิ้นเดือนนี้ยังหางานไม่ได้ก็จะคิดสั้นเอากล้องกับเลนส์ไปขายหรือไม่ก็ไปเป็นขอทานละ” พอผมพูดแบบนั้น ไอ้พีก็หัวเราะใหญ่ หลังจากหัวเราะเสร็จมันก็ขอวางไปทำงานมันต่อ

เฮ้อ อยากมีงานทำบ้างจัง

“นมร้อนได้แล้วครับ ขอโทษที่ทำให้คอยนานนะครับ”

คุณแว่นยกนมที่มีควันลอยหอมกรุ่นมาวางบนโต๊ะตรงหน้าผมพร้อมกับจานทาร์ตผลไม้

ผมมองจานขนมนั้นแล้วก็เลิกคิ้วขึ้นเพระาผมไม่ได้สั่งขนมมา ถึงจะอยากกินมากๆ  แต่ก็ไม่ได้สั่งไปแน่นอน หรือเขาจะโมเมว่าผมสั่งแล้วให้ผมจ่ายตังค์ ไม่! เขาจะมาโมเมไม่ได้ได้ ผมไม่จ่ายเพราะผมไม่มีเงิน!

ผมเงยหน้ามองคุณแว่นที่ตอนนี้ยืนยิ้มขำกอดถาดสีดำอยู่ด้านหน้าผม

“ทาร์ตนั้นไม่คิดเงินครับ เป็นโปรโมชั่นจากร้านที่เปิดวันนี้เป็นวันแรก ซื้อน้ำ 1 แก้วแถมฟรีเค้ก 1 ชิ้นครับผม”

เขาพูดและยิ้มกว้าง ในขณะที่ผมขมวดคิ้วกับรอยยิ้มและท่าทางของเขาที่ชวนให้รู้สึกไม่น่าไว้ใจยังไงไม้รู้ นี่ถ้าผมกินหมดแล้วจะมาเก็บตังทีหลังไม่ได้นะ บอกเลยว่าไม่มีจ่าย

“ขอบคุณครับ” ถึงจะบ่นในใจมากขนาดไหน แต่ผมก็ทำได้แค่กล่าวมุบมิบขอบคุณเขาไปเบาๆ

ผมยกแก้วนมอุ่นๆ ขึ้นมา หลับตาแล้วดมกลิ่นนมหอมละมุน เป่าเบาๆ เพื่อไล่ความร้อนและจิบนม เมือ่ได้ลิ้มรสแล้วก็ต้ิงอมยิ้ม เพราะอร่อยมาก หอมหวานกำลังดี เป็นรสชาติแบบที่ผมชอบเลยล่ะ

ผมละเลียดนมหวานอุ่นละมุนลิ้นที่อยู่ในปากนั่นอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็กลืนลงไป แต่ลืมตาขึ้นมาก็พบว่าคุณแว่นยังไม่ไปไหนยืนยิ้มอยู่ที่เดิมท่าเดิม หรือต้องการคำแนะนำเรื่องรสชาตินะ ผมจึงรีบตักทาร์ตเข้าปากเพื่อชิม

“เอ่อ นมอร่อยมากครับ แล้วทาร์ตก็อร่อยเหมือนกัน”

ผมก้มหน้าอ้อมแอ้มตอบไป สิ่งที่ผมไม่ถนัดเลยก็คือเข้าสังคมและการคุยกับคนอื่นที่ไม่สนิทนี่แหละ ถึงในหัวจะมีความคิดจะพูดเป็นล้านคำ แต่ผมกล้าพูดออกไปแค่สิบคำแค่นั้น ผมถึงมีไอ้พีเป็นเพื่อนอยู่แค่คนเดียวไง

“ขออนุญาตนั่งด้วยครู่หนึ่งนะครับ” คุณแว่นขยับมานั่งที่โซฟาตัวตรงข้ามกับผม แล้วก็หยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง เขาคลี่แผ่นกระดาษนั่นออกแล้วยื่นมาให้

มันคือใบสมัครงาน!

“คือผมไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟังนะครับ คือมันได้ยินเอง...คุณกำลังหางานทำใช่มั้ยครับ”

“...” ผมไม่ได้ตอบแต่พยักหน้าให้ไป มือยังกุมแก้วนมอุ่นๆ อยู่ ยกขึ้นจิบเป็นระยะๆ  แต่หัวใจเริ่มเต้นเร็วขึ้นหนึ่งจังหวะ

“แล้วตอนนี้ก็ยังหาไม่ได้ ใช่มั้ยครับ?”

“...” ผมพยักหน้าช้าๆ แต่หัวใจผมเต้นแรงขึ้นรู้สึกตื่นเต้นกับคำพูดที่เขากำลังจะพูดออกมา

“ดีเลย...คือตอนนี้ทางร้านเราเป็นร้านเปิดใหม่ต้องการพนักงานประจำมากๆ  คุณพอจะมาทำงานร้านผมได้มั้ยครับ?”

“ต แต่ผมไม่เคยทำงานร้านกาแฟ พวกชงกาแฟก็...” ผมก็พอรู้มาบ้างว่าจำทำงานร้านแบบนี้ด้ ก็ต้องเรียนบาริสต้ามาบ้าง แต่ผมนั้นชงเป็นแต่กาแฟซองทรีอินวันแค่นั้นเอง

“ไม่เป็นไรครับ ผมจะเป็นคนสอนให้เอง เอ่อ...แต่ถ้าคุณไม่สะดวก...”

“อ๊ะ...สะดวกครับ ผมอยากทำงานนี้” ผมรีบละล่ำละลั่กบอก รีบวางแก้วนมและเด้งตัวขึ้นนั่งหลังตรงเมื่อเขาทำท่าจะเปลี่ยนใจ

“เป็นพนักงานประจำนะครับ ไม่ใช่แค่พาร์ทไทม์”

“ครับ! ทำได้ครับ” ผมรีบตอบเสียงดังฟังชัด ไม่สนว่าจะได้เงินเดือนกี่บาท ถึงอาจจะได้น้อยแต่ก็ได้บ้างล่ะวะ

“ถ้าอย่างงั้น ช่วยกรอกข้อมูลตามใบสมัครนี่ด้วยนะครับ...” คุณแว่นที่กำลังจะเป็นเจ้านายในอนาคตของผมยื่นปากกามาให้ ผมรีบรับมากรอกข้อมูลอย่างบรรจง ระหว่างนั้นเขาก็พูดถึงเงินเดือนและงานที่ผมต้องทำ ซึ่งไม่ค่อยจะเข้าหูผมเลย

ผมได้งานทำแล้ว จะไม่เป็นคนตกงานอีกต่อไปแล้ว ผมกรอกข้อมูลเสร็จแล้วก็ยื่นให้คุณแว่น เขาอ่านข้อมูลของผมครู่นึงแล้วก็เงยหน้าขึ้นมายิ้ม

“ตองหนึ่ง อายุ 24”

“ครับ...เรียกหนึ่งเฉยๆ ก็ได้ครับ” ผมยกมือขึ้นมาเกาแก้มเบาๆ  รู้สึกประหม่าทุกครั้งที่คนอื่นเรียกผมว่าตองหนึ่ง มันไม่ชินเท่าไรเวลาคนเรียกชื่อเต็มๆ ขนาดนั้น

“โอเคครับ งั้น...พี่ชื่อนัทนะ เป็นเจ้าของร้านนี้ แล้วหนึ่งเริ่มงานได้วันไหนครับ”

“วันไหนก็ได้ครับ ผมสะดวกทุกวัน” ความจริงอยากจะบอกว่าให้เริ่มทำตอนนี้เลยก็ได้ แต่ก็คงจะดูประจบประแจงเกินไปหน่อย 

“อืม งั้นพรุ่งนี้มาร้านก่อนแล้วกัน มาวัดชุดทำงานกับเรียนรู้เรื่องชงเครื่องดื่มแล้วก็เรียนรู้การเป็นผู้ช่วยปาติซิเย่กับบาริสต้าเล็กๆ น้อยๆ ละกัน พรุ่งนี้ก็ใส่เสื้อสีขาวหรือสีชมพูมาก่อนนะครับ”

“ครับ” ผมตอบและอมยิ้มกลับไป ถึงภายนอกผมจะดูนิ่งๆ แต่ในใจนี่ตื่นเต้นมากๆ เลยนะครับ เพราะนอกจากจะได้ทำงาน แล้วยังได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ ด้วย ถือเป็นเรื่องโชคดีสำหรับผมจริงๆ

“งั้นพี่ไม่กวนละ ทานให้อร่อยนะครับ” พี่นัทเอื้อมมือมาบีบไหล่ผมเบาๆ  แล้วก็ลุกไปทำงานต่อ ส่วนผมก็นั่งจิบนม กินทาร์ตไป คิดเกี่ยวกับงานที่จะทำในวันพรุ่งนี้ไป

ฮ้า~ ชีวิตใหม่ของผมกำลังเริ่มขึ้นแล้ว



สวัสดีกันอีกครั้งนะคะ ดีใจที่ได้กลับมาพบกันอีกในเรื่องนี้

เราตั้งใจจะรีไรท์เรื่องนี้มาสักพักนึงแล้ว เพราะพอได้มีโอกาสกลับมาอ่าน เราก็รู้สึกว่ามีคำผิด คำฟุ่มเฟือยเยอะมาก บางอย่างไม่ค่อยสมเหตุสมผล บางประเด็นในเรื่องเราก็เข้าใจผิดและอยากแก้ไขให้มันดีขึ้น และประเด็นที่เราเปลี่ยนมุมมองเล็กน้อย เราจะอธิบายไว้ใน talk ของตอนนั้นๆ ค่ะ

#สูตรอบรัก
Twitter : @loammyloammie
Facebook : LoammyLoammie



หัวข้อ: Re: [Re-Write] How to bake me สูตรอบรัก l 1 : ปาติซิเย่ขี้อ่อย l 29-07-62
เริ่มหัวข้อโดย: Loammy ที่ 29-07-2019 21:02:26

ตอนที่ 1 ปาติซิเย่ขี้อ่อย



เช้าที่สดใสที่สุดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ผมก็หวังไว้ว่ามันจะต้องสดใสและดีขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้เป็นเวลาประมาณ 6.30 น. ผมเดินกินขนมปังไปฮัมเพลงไปพลาง เมื่อวานพี่นัทบอกว่าให้ไปถึงประมาณเจ็ดโมงเช้าเพราะไปดูวิธีเปิดร้านและทำความสะอาดต่าง แล้วก็จะสอนวิธีการชงกาแฟง่ายๆ ให้ด้วย เมื่อคืนผมนอนดูคลิปชงกาแฟทั้งคืนเลย ก็คนกำลังเห่องานใหม่อ่ะครับ

โชคดีอีกเรื่องคือที่พักผมกับร้านไม่ไกลกันมากนัก ผมเลยสามารถเดินไปทำงานได้ ใช้เวลาเดินเรื่อยๆ แค่ประมาณ 15 นาทีก็ถึง และตอนนี้ผมยืนอยู่หน้าร้านแล้ว แต่ร้านยังไม่เปิดประตูหน้าก็ล็อคอยู่ พอลองเดินไปดูตรงประตูทางเข้าหลังร้านก็พบว่ามันล็อคอยู่เหมือนกัน ไม่มีทางไหนให้ผมเข้าไปได้เลย แถมเบอร์เจ้าของร้านก็ไม่มี ทำไมเมื่อวานผมถึงลืมขอเบอร์นายจ้างไว้นะ แต่ตอนนี้ก็เกือบจะเจ็ดโมงแล้ว รออีกแปปเดี๋ยวพี่นัทก็คงมาแหละ

“หนึ่ง มารอนานยังครับ”

“อะ...ไม่นานครับ” ผมยืนรอไม่ถึงสิบนาทีพี่นัทก็มาถึงพร้อมกับหอบถุงผลไม้ต่างๆ มาเต็มไปหมด ผมรีบเดินเข้าไปช่วยถือ เขาก็แบ่งบางส่วนมาให้ผมช่วยแล้วล้วงไปหยิบกุญแจขึ้นมาไขประตูหลังเข้าร้าน แต่พวกผลไม้นี่หนักมากๆ เลยนะเนี่ย ขนาดแบ่งกันถือคนละครึ่งแล้วยังหนักเลย

“พี่ถือคนเดียวมาจากตลาดเลยเหรอครับ” ผมถามขณะที่เดินตามพี่นัทเข้ามาในครัว

“ไม่ใช่ๆ พี่มีรถ แต่จอดอยู่ตรงลานจอดรถรวมโน่น”

ผมพยักหน้าแล้ววางของบนเคาน์เตอร์ใหญ่ๆ กลางครัว ครัวที่ร้านนี่ใหญ่มาก ตกแต่งด้วยโทนสีน้ำตาลอ่อนกับขาวดูอบอุ่นและสวยงาม ข้าวของเป็นระเบียบ มีตู้อบเค้กใหญ่ๆ หนึ่งตู้ เตาไฟฟ้า ไมโครเวฟ แล้วก็อุปกรณ์ทำขนมต่างๆ  ถัดมาก็เป็นอ่างล้างจานแล้วก็ตู้เก็บแก้วกับภาชนะต่าง อีกฝั่งเป็นชั้นเก็บวัตถุดิบ มีตู้เย็นสองประตูขนาดใหญ่ แล้วก็มีบันไดขึ้นไปชั้นสองอีก

โห เป็นครัวที่อลังการมากสำหรับผม

“พี่จะอธิบายแล้วนะว่าหนึ่งต้องทำอะไรบ้าง”

“ครับ” ผมหันหน้าไปมองพี่เขา แล้วตั้งใจฟังสิ่งที่เขาจะพูด พี่นัทสบตากับผมและอมยิ้มก่อนจะเริ่มอธิบาย

“ร้านนี้เปิดทุกวันเวลาสิบโมงครึ่ง ปิดสามทุ่มนะ หนึ่งก็มาประมาณเจ็ดหรือแปดโมงก็ได้อย่าให้เกินนั้น มาทำความสะอาดร้าน กับเตรียมของเปิดร้าน ถ้ามาถึงแล้วประตูหลังไม่เปิดก็รอพี่ครู่หนึ่ง บางวันที่พี่ไปตลาดก็จะกลับมาประมาณนี้แหละ”

“ครับ” ผมพยักหน้าตั้งใจฟังที่พี่นัทพูดสุดฤทธิ์

“อืม...แล้วก็พอจัดร้านข้างนอกเสร็จก็เข้ามาช่วยพี่ทำขนมในครัวนะ”

“ครับ” จะได้ช่วยทำขนมด้วย แบบนี้ผมก็แอบขโมยสูตรขนมไปเปิดร้านแข่งเลยดีมั้ยนะ...ล้อเล้นครับ ฮ่าฮ่าฮ่า

“ส่วนพวกเครื่องดื่ม ก็ดูตอนที่พี่ชงเอานะ เดี๋ยวพี่ให้คำแนะนำไปด้วย”

“ครับ” ผมพยักหน้า พี่นัทมองหน้าผมนิ่งๆ อยู่ครู่หนึ่ง จนผมเริ่มรู้สึกประหม่าเลยก้มหน้าลงมองพื้น

“รอตรงนี้นะครับ เดี๋ยวพี่ไปเอาชุดมาให้รองใส่”

พูดจบพี่นัทก็วิ่งขึ้นชั้นสองไป ไม่นานก็ถือถุงผ้าลงมาและยื่นให้ผม ข้างในเป็นเสื้อเชิตสีขาวหนึ่งตัว ตรงอกเสื้อด้านซ้ายปักลายเค้กกับรูปหัวใจเล็กๆ  อยู่แล้วก็ผ้ากันเปื้อนแบบคาดเอวสีดำอยู่หนึ่งผืน

“ลองใส่เสื้อดูเลยก็ได้ ถ้าไม่พอดีเดี๋ยวพี่เอาขึ้นไปเปลี่ยนให้”

“ครับ แล้วห้องน้ำอยู่ไหนครับ” พี่นัทชี้ไปที่ข้างบันไดด้านหน้าครัว ผมเดินไปตามที่เขาชี้ ก็พบกับห้องน้ำเล็กๆ ที่อยู่ตรงทางเชื่อมเล็กระหว่างหน้าร้านกับห้องครัว

ห้องน้ำก็สวย สะอาด ผมรีบเปลี่ยนเสื้อ กับผูกผ้าคาดเอวแล้วออกไปให้พี่นัทดู

“กะแล้วว่าต้องพอดีดับตัวหนึ่ง สายตาพี่นี่เป๊ะจริงๆ” พี่นัทยิ้มแล้วหัวเราะออกมา ผมมองพี่เขายิ้มจนตาหยีแล้วก็อมยิ้มตาม เพิ่งจะสังเกตจริงๆ จังๆ ว่า พี่เขายิ้มสวยดีจัง หล่ออีกตังหาก

“ขอบคุณครับ”

“ไม่เป็นไรๆ เดี๋ยวหลังเลิกงานพี่เอาเพิ่มให้อีก 4-5 ชุดเนอะ จะได้พอใส่ทุกวัน”

“ครับ” ผมตอบไปสั้นๆ คือใจก็อยากจะตอบให้ยาวกว่านี้ อยากยิ้ม อยากคุย อยากตีสนิทกับพี่เขาอีกสักหน่อย แต่ผมมันไม่กล้าอ่ะ กลัวพูดอะไรไม่ถูกหู หรือพูดอะไรเจื่อนๆ ออกไป

“งั้น...ไปทำความสะอาดหน้าร้านกัน”

พี่นัทเดินไปหยิบอุปกรณ์ทำความสะอาด แล้วก็เดินนำผมไปหน้าร้าน ขั้นตอนการทำความสะอาดก็ทั่วไป แค่กวาดพื้น เช็ดกระจก เช็ดโต๊ะ เตรียมแก้ว แล้วก็จัดของ

เราใช้เวลาในการเตรียมหน้าร้านแค่ชั่วโมงเดียวเสร็จ พี่นัทเลยจะสอนผมเตรียมของทำเค้กกับปลอกผลไม้

“หนึ่งล้างผลไม้แล้วพักไว้บนตระแกรงนี่นะ” ผมล้างผลไม้โดยมีพี่นัทยืนดูอยู่ข้างๆ แค่ล้างผลไม่เอง ง่ายๆ ครับ แม่ใช้ผมล้างมาตั้งแต่เด็กๆ ผมน่ะลูกเจ้าของสวนผลไม้นะครับ ไม่อยากจะโม้

“ล้างแบบนั้นไม่ได้นะ ผลไม้จะช้ำ”

อ้าว...เพิ่งจะอวดไปไม่ทันขาดคำ ผมหัวใจกับตัวเองในใจ มองดูพี่นัทเข้ามาล้างและก็อธิบายให้ฟังไปด้วย

“หนึ่งต้องล้างแบบนี้ครับ ถูเบาๆ ขัดแรงแบบเมื่อกี้ไม่ได้นะ ช้ำหมด”

“ข ขอโทษครับ” ผมขอโทษเสียงเบา รู้สึกผิดขึ้นมาเพราะถ้าผมทำผลไม้ช้ำ เค้กเขาก็คงจะเสียรสชาติไปด้วย

“ไม่ต้องทำท่ารู้สึกผิดขนาดนั้น พี่แค่แนะนำเฉยๆ ครับ” พี่นัทหันมาพูดแล้วก็เอามือเปียกๆ มาลูบหัว

“...”

ผมนี่ตัวแข็งไปเลยสิครับ นอกจากพ่อกับแม่แล้วไม่มีใครกล้าลูบหัวผมแบบนี้เลย เพราะภายนอกผมดูเป็นคนที่เข้าถึงยาก ไม่ค่อยพูด ไม่ค่อยยิ้ม แล้วนี่ผมเพิ่งจะรู้จักพี่เขาเมื่อวานนี่เอง ใครจะไม่เกร็งบ้าง

“อ๊ะ พี่ขอโทษ ไม่ชอบให้คนอื่นเล่นหัวใช่มั้ย?” พอเห็นผมนิ่งไปนานๆ  พี่นัทเลยดึงมือออกแล้วนึกว่าผมไม่ชอบซะงั้น

“มะ...ไม่เป็นไรครับ ค คือ...”  ผมพยายามจะพูดออกไป แต่ก็กลัว่าพูดไปแล้วมันจะดูเป็นการตีสนิมเกินไปรึเปล่า การที่ผมอยากสนิทกับเขา มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาอยากสนิทกับผมนะ

“คือ?”  พี่นัทก้มลงมานิดหน่อยจนหน้าอยู่ระดับเดียวกัน ยิ่งทำให้ผมประหม่าเข้าไปใหญ่และก้มหน้าลงจนคางชิดอกเมื่อรู้ว่าพี่เขากำลังพยายามจ้องตาผมอยู่

“พี่ลูบหัวผมได้ครับ เผื่อว่าเราจะได้สนิทกันเร็วขึ้น...”

“หะ? น้องหนึ่งว่าไงนะครับ”

ผมรู้ตัวว่าผมพูดออกไปเบามากๆ  จนพี่นัทต้องขยับมาใกล้ผมอีกแล้วเงี่ยหูฟัง ผมทำท่าจะผละออกแต่ก็ยอมหยุดยืนอยู่ที่เดิมเพราะกลัวว่าพี่เขาจะหาว่าผมไม่ชอบอีก

ไม่เอานะ ผมไม่อยากให้คนอื่นคิดว่าผมดูเข้าถึงยาก ไม่น่าคบอีกแล้ว ผมต้องมาทำงานที่นี่ทุกวันก็ควรที่จะทำความคุ้นเคยกันเอาไว้ ผมจะมัวแต่อายและถือตัวไม่ได้ ผมต้องพูดเสียงดัง ต้องพูด!!

“ผมอยากให้พี่นัทลูบหัวผมครับ!”

คือ...ผมก็ไม่รู้ว่าเสียงที่ผมอุตส่าห์เค้นออกมาจะดังขนาดนี้ พี่นัทรีบยืดตัวขึ้นมองหน้าผมอย่างตกใจ แล้วเอามือจับหูข้างซ้ายของตัวเองไว้ ขอโทษครับที่เสียงผมทำให้ขี้หูพี่เต้นระบำ ผมก็ตกใจเสียงตัวเองเหมือนกันครับ

“หึหึ โอเคๆ  พี่เข้าใจแล้ว เรามาเตรียมผลไม้กันต่อดีกว่าเนอะ” พี่นัทหัวเราะในคอ ยิ้มออกมาอย่างน่ารัก แล้วเอามือมาลูบหัวผมอีก

“ครับ” ผมอมยิ้มตามเมื่อเห็นว่าพี่เขาดูเป็นคนที่ใจดี ดูท่าแล้วผมคงจะมีเพื่อนใหม่เพิ่มมาอีกคนแล้ว

ระหว่างที่เราทำเค้ก บรรยากาศในครัวมันดูผ่อนคลายและสนุกขึ้น อาการเกร็งและประหม่าของผมน้อยลง พี่นัทก็คุยเล่นกับผมเยอะเลย เขาเองก็พยายามที่จะทำความรู้จักกับผม ถึงแม้ว่าผมจะกล้าตอบเขาได้แค่คำว่า ครับ ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณครับและขอโทษครับแค่นั้น

“หนึ่งเอาครีมนี่ไปปั่นนะ ใช่ตระก้อไฟฟ้าตรงนั้น ใช้เป็นใช่มั้ย?”

ผมพยักหน้าถึงแม้จะไม่แน่ใจว่าตัวเองใช้เป็นรึเปล่า แต่เคยเห็นในคลิปไม่น่าจะยากหรอกมั้ง ผมรับอ่างแก้วที่มีครีมเหลวๆ อยู่มาจากพี่นัท วางลงบนอ่างน้ำแข็งแล้วก็จัดการเปิดสวิตซ์ตะกร้อไฟฟ้า

“เหวอ!” นี่เสียงผม

“เฮ้ย!” ส่วนนี่เสียงพี่นัท

ใช่ครับ...ผมยังไม่ได้เอาตะกร้อลงแล้วดันเปิดแรงไป ตะกร้อเลยปั่นหน้าครีมจนกระเด็นเต็มตัวผมเลย  หลังจากเสียงพี่นัทผมก็ไม่กล้าขยับตัว ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองพี่เขาที่อาจจะกำลังโกรธผมอยู่ ได้แต่เม้มปากมองครีมที่กระเด็นไปทั่ว มาทำงานวันแรกก็สร้างปัญหาให้พี่เขาซะแล้ว

“...หนึ่งครับ ไม่เป็นไรใช่มั้ย มาล้างครีมออกก่อนครับ” พี่นัทดึงตะกร้อไปปิดสวิตซ์แล้วพาผมไปล้างหน้าที่อ่างล้างจาน วักน้ำขึ้นลูบตามแขนและเสื้อของผม

“ผมขอโทษครับพี่” พี่นัทไม่ตอบอะไร ผมเลยก้มลงไปล้างหน้า รู้สึกแย่จนไมากล้าพูดอะไรต่อ เพิ่งได้งานทำเอง ขออย่าเพิ่งไล่ผมออกนะครับพี่นัท

“พี่สิต้องขอโทษที่ไม่บอกวิธีใช้ก่อน” ผมเหลือบตามองหน้าพี่นัทนิดนึง แต่พี่เขาก็แค่ยิ้มบางๆ ยิ้มตลอดเลยอ่ะ ผมนี่ยิ่งรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่

“ผมผิดเองครับ ที่ไม่บอกว่าผมไม่เคยใช้”

“มายืนตรงนี้ครับ เดี๋ยวพี่สอนให้นะ” พี่นัทดึงผมไปยืนหน้าอ่างครีมที่เดิม เช็ดทำความสะอาดเล็กน้อย แล้วก็ยื่นตระกร้อไฟฟ้าให้ผมอีกครั้ง

“...” ผมเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ นี่ผมเพิ่งจะทำครีมพี่กระจายไป พี่ยังจะให้ผมทำเองอีกเหรอ?

“ลองทำใหม่ดูครับ พี่อยู่ตรงนี้ไม่เป็นไรหรอก”

ผมรับเครื่องมา มือซ้ายจับปากอ่างครีมไว้ มือขวาเตรียมเปิดสวิตซ์เครื่อง แต่พี่นัทเข้ามายืนซ้อนหลังผมแล้วก็ยื่นมือมาทับที่มือผม ฝ่ามืออุ่นๆ ของเขาทำให้ผมตกใจเล็กน้อย พอเงยหน้ามองคนที่ยืนอยู่ด้านหลังเขาก็ส่งยิ้มให้อีกครั้งและค่อยๆ ใช้นิ้วโป้งเขาดันนิ้วผมให้เปิดสวิตซ์  เครื่องเริ่มสั่นเบาๆ เหมือนหัวใจผมที่เริ่มสั่นขึ้นมาเล็กน้อย…

พี่นัทเปลี่ยนมาจับที่ข้อมือผม บังคับให้ขยับเครื่องวนไปมาทั่วอ่างครีม

“เห็นมั้ยครับ แค่นี้ครีมก็ไม่กระเด็นแล้ว อย่ายกปลายตะกร้อขึ้นและไม่ต้องเปิดแรงจนสุด เปิดแค่ประมาณนี้ก็โอเคแล้ว”

“...”

พี่นัทอธิบายไปเรื่อย แต่ลมหายใจของพี่เขากระทบกับหูผมแผ่วๆ  เพิ่มจังหวะการเต้นของหัวใจผมขึ้นไปอีก

“แล้วเราก็ตีไปเรื่อยๆ จนครีมตั้งยอด”

ผมรู้สึกเหมือนเสียงพี่นัทเบาจนเหมือนเสียงที่กระซิบอยู่ข้างหูผมเพียงแค่นั้น  ความร้อนจากมือพี่นัทที่ข้อมือเริ่มลามมาที่แก้ม ผมรู้สึกประหม่าอีกแล้ว อยากจะชวนพูดอะไรบางอย่างเพื่อหลีกเลี่ยงบรรยากาศแปลกๆ แบบนี้แต่ก็ไม่รู้จะพูดเรื่องอะไร

“เรียบร้อยแล้ว ง่ายๆ แบบนี้หนึ่งทำได้สบายมากใช่มั้ยครับ?”

แล้วอยู่ดีๆ พี่นัทก็เปลี่ยนโทนเสียง ปิดสวิตซ์ลงทันที ปล่อยมือแล้วถอยออกจากตัวผม ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศเข้ามาแทนที่ความอบอุ่นจากร่างกายพี่นัทอย่างรวดเร็วไม่ทันให้ผมตั้งตัวเตรียมใจ พอสติที่หลุดออกไปเริ่มกลับมาเข้าที่ ผมก็หันไปมองพี่นัทที่ยืนยิ้มแฉ่งกอดอกมองผมอยู่

“ครีมตั้งยอดเรียบร้อยแล้วครับ” พี่นัทพูดยิ้มๆ  ผมมองครีมในอ่างก็รู้สึกว่าครีมจับตัวอย่างที่พี่เขาบอกแล้ว

“อะ...ครับ” ผมขานรับเบาๆ  พี่นัทยังยืนอยู่ท่าเดิมเพิ่มเติมคือรอยยิ้มที่กว้างขึ้น พี่เขายิ้มเก่งจัง ถ้าพี่เขาเป็นผู้หญิงนะ ผมคงหลงไปแล้วแน่ๆ เพราะขนาดพี่เขาเป็นผู้ชายแบบนี้ผมยังเกือบจะหลงเขาแล้วเลย…

“สอนง่ายดีจังเลยนะเราอ่ะ พี่นี่อยากสอนอะไรๆ ให้หนึ่งเยอะแยะไปหมดเลย”

ผมเม้มแล้วปากมองคนตัวสูงตรงหน้า คือ...ผมไม่ได้คิดไปเองใช่มั้ยว่ารอยยิ้มของพี่นัททะเล้นขึ้น แล้วสายตาของพี่เขาทำให้ผมรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ยังไงไม่รู้แฮะ

VV
VV

#สูตรอบรัก

Twitter : @loammyloammie
Facebook : LoammyLoammie
หัวข้อ: Re: [Re-Write] How to bake me สูตรอบรัก l 2 : หยอดเด็ก l 30-07-62
เริ่มหัวข้อโดย: Loammy ที่ 30-07-2019 19:55:49
ตอนที่ 2 หยอดเด็ก



หลังจากที่พี่นัททำเค้กเสร็จแล้ว เขาก็สอนผมห่อพลาสติกรอบๆ  เวลาหยิบจะได้หยิบเสิร์ฟได้ง่าย จากนั้นก็ช่วยกันยกมาจัดเรียงที่ตู้เค้กและเปิดร้านในเวลาประมาณสิบโมงเช้า

รอไม่นานก็มีลูกค้าทยอยเข้ามาซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักศึกษา หน้าที่ของผมนั้นไม่ต้องทำอะไรมากแค่นำขนมไปเสิร์ฟให้ลูกค้าแล้วก็คอยเช็ดโต๊ะและเก็บแก้วไปล้าง จนถึงประมาณบ่ายสองกว่าๆ ที่ลูกค้าเริ่มน้อยลง พี่นัทก็เรียกผมให้เข้าไปหลังเคาน์เตอร์

“พี่มีอะไรหรือเปล่าครับ”

พอเห็นพี่นัทยิ้ม ผมก็รู้สึกทำตัวไม่ถูกขึ้นมาอีก ทำไมพี่ยิ้มเก่งจังครับ ถ้าไม่กลัวเหงือกแห้ง ก็ช่วยกลัวว่าผมจะหลงรอยยิ้มของพี่หน่อยได้มั้ยล่ะ

“พี่จะสอนทำช็อคโกแลตกับลาเต้ร้อน สองเมนูนี้คนสั่งกันเยอะ เผื่อพี่ทำไม่ทัน หนึ่งจะได้ช่วยพี่ได้ไงครับ”

พี่นัทดึงผมมายืนข้างๆ  แล้วก็สอนวิธีการใช้ช้อนตวง การบดเมล็ดกาแฟ การเทน้ำร้อน การสตรีมนม ขั้นตอนพวกนั้นผมทำได้สบายมาก แต่ที่มีปัญหาสุดก็คือการเทฟองนมให้เป็นรูปใบไม้  แต่มันไม่เป็นรูปใบไม้ให้ผมนะสิครับ เป็นแค่ฟองนมกลมๆ  อย่างเดียว เทียบกับอีกแก้วที่พี่นัททำให้ดูแล้ว มันต่างกันมาก ผมคิดว่าให้ล้างแก้วเหมือนเดิมอ่ะดีแล้ว อย่าให้ผมมาทำกาแฟของพี่แปดเปื้อนเลยครับ

“หึหึ อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิ ไม่มีใครทำได้ตั้งแต่แรกหรอก พี่เองก็ฝึกตั้งนานกว่าจะทำได้” พี่นัทหัวเราะและขยี้หัวผมไปเล็กน้อย

“...” ถึงผมจะเงียบแต่ก็พอใจอยู่ไม่น้อยเลย ความอัธยาศัยดีของพี่เขาทำให้ผมรู้สึกเราเข้ากันได้ดีแม้จะเพิ่งรู้จักกันจริงๆ เพียงแค่ครึ่งวันเท่านั้น

“เรามาชิมลาเต้ที่เราทำกันดีกว่า อะนี่...หนึ่งชิมของพี่นะ เดี๋ยวพี่จะชิมของหนึ่งเอง”

“อ๊ะ! เดี๋ยวครับ ผมขอถ่ายรูปด้วยได้มั้ยครับ ผลงานแก้วแรกของผม” เมื่อเช้าผมพกกล้องมาด้วย ผมมักจะพกกล้องตัวเล็กของผมไปทุกๆ ที่ เวลาเจออะไรที่ถูกใจก็ถ่ายได้ตลอด

“ได้สิครับ” ผมวิ่งไปเอากล้องที่อยู่ในช่องเก็บกระเป๋าหลังร้าน และเอามาถ่ายลาเต้แก้วแรกของผม ผมถ่าย 2-3 มุมก็พอ เพราะเกรงใจพี่นัทที่ยืนรออยู่

“เสร็จแล้วครับ” ผมดันแก้วกาแฟไปให้ พี่นัทถือขึ้นมาดมกลิ่นหอมของกาแฟอยู่ครู่นึงแล้วก็จิบ ผมเลยถือแก้วขึ้นมาแล้วก็ทำตาม สูดหายใจลึกๆ เอากลิ่นกาแฟและนมหอมๆ เข้าไป แล้วตามด้วยจิบคำเล็กๆ กลั้วกาแฟจนทั่วปาก ให้ลิ้นซึมซับความหวานมันของนม ความขมและกลิ่นหอมของกาแฟ

ผมอมยิ้ม เลียปากตัวเองแล้วก็ยกขึ้นมาดื่มอีก กาแฟแก้วนี้อร่อยมาก ให้ดื่มอีกสิบแก้วก็ยังไหว ยอมนอนตาค้างเลย

“...”

“อะ...อะไรครับ” ผมลืมตามองพี่นัทก็เจอเขามองผมอยู่ก่อนแล้ว พี่เขายิ้มขำก่อนจะส่ายหน้าแล้ววางแก้วกาแฟลง

“เรื่องรสชาติพี่ให้สิบคะแนนเต็มเลย อร่อยนะ หอมมัน กลมกล่อม แต่เรื่องหน้าตานี่...” พี่นัทมองหน้าตาฟองนมขี้เหร่ๆ นั่น แล้วก็ถอนหายใจออกมา ขอโทษครับ ที่มันขี้เหร่จนพี่รับไม่ได้

“ผ...ผมจะฝึกทำเรื่อยๆ นะครับ”

“อื้ม แต่รสชาติดีแล้วนะ อร่อยมาก!” พี่นัทพูดเชียงดังฟังชัด จับไหล่ผมแล้วก็ชูนิ้วโป้งให้พร้อมกันรอยยิ้มกว้างที่เห็นฟันขาวเรียงตัวสวย

“ก็ผมตวงตามพี่เป๊ะๆ เลยนี่ครับ” ไม่ต้องพูดเพื่อรักษาน้ำใจผมก็ได้

“ฮ่าฮ่าฮ่า ฝึกทำทุกวันๆ เดี๋ยวก็สวย พี่จะเทรนด์ให้เอง...ทุกวันเลย”

“แล้วอีกนานแค่ไหนถึงจะทำออกมาดูดีอ่ะครับ วันนี้ผมทำได้ห่วยมาก”

ยิ่งเทียบกับแก้วที่พี่เขาทำ ของผมยิ่งห่วย ดูสิ...ตัวใบไม้สวยเชียว ผมมองฟองนมในแก้วแล้วยกขึ้นมาดื่มอีกครั้ง ยิ่งได้มองภาพสวยๆ และดื่มไปด้วย ก็ยิ่งรู้สึกว่ากาแฟแก้วนี้อร่อยขึ้น

“อืม...ลายอาร์ตในกาแฟแก้วนี้อาจจะห่วย”

“...”

พี่นัทมองมาแล้วหัวเราะจากนั้นก็ค่อยๆ ก้มลงมาจนหน้าเราอยู่ระดับเดียวกัน ผมสบสายตาที่เหมือนจะส่อแววทะเล้นของพี่เขา ผมกลืนน้ำลายเล็กน้อยตั้งใจว่าจะก้มหน้าหนี ที่แต่พี่เขาก็ยกมือขึ้นจับหัวไหล่ผมเอาไว้

“แต่พี่ว่า…คนที่ทำกาแฟแก้วนี้อ่ะ...”

“...” เขาเชยคางผมขึ้นมาจงใจสบตาและส่งรอยยิ้มละมุนมาให้ผมรู้สึกใจสั่นเล่นๆ

“น่ารักดีเนอะ~”

BANG!

ไปแล้วครับ...สติไปแล้ว ความร้อนก่อตัวอยู่พวงแก้มและใบหู ผมอ้าปากหวอกับไอ้คำว่า ‘น่ารักดีเนอะ’ ของพี่เขาอีกทั้งแววตาของพี่นัทก็กำลังทำให้ผมเขิน ยิ่งได้ยินเสียงหัวเราะนุ่มๆ ของเขาและฝ่ามือใหญ่ที่ขยี้หัวผมอยู่ก็ยิ่งรู้สึกเขิน

รู้ว่าเราสนิทกันค่อนข้างเร็ว แต่เราสนิทกันถึงขั้นแกล้งเล่นให้เขินกันแบบนี้ได้แล้วเหรอ

“ฮ่าฮ่าฮ่า ยุงบินเข้าปากแล้วนะเรา” พี่นัทคงเห็นผมตกใจ หายใจพะงาบๆ  อ้าปากค้าง เลยดันคางผมขึ้นให้หุบปาก ดีนะที่ผมเก็บลิ้นทัน ไม่งั้นกัดลิ้นตัวเองแน่ๆ แต่พอเขาดันคางผมแล้วแทนที่จะเอามือออกไป พี่แกดันลูบปลายคางผมเล่นอี๊ก!

“ข...ขอบคุณครับ!” ผมกระดกกาแฟที่เหลือเข้าปากรวดเดียวหมด ไม่มีอารมณ์มาละเมียดละไมรสกาแฟอะไรแล้ว ตัวผมจะระเบิดและพอจะเดินหนีออกจากเคาน์เตอร์นี่แต่ก็โดนพี่นัทดึงแขนเอาไว้

“เอ...ขอบคุณพี่เรื่องอะไรเหรอครับ” พี่แกถามพลางยิ้มทะเล้นแล้วก็โยกหัวผมไปมาอีกครั้ง

ผมมองหน้าเขาแล้วขมวดคิ้วน้อยๆ อยากจะบอกให้เขาพอได้แล้ว อย่าแกล้งผมแบบนี้เลย ถึงผมจะไม่เคยชอบผู้ชายมาก่อน แต่พี่นัทเล่นแกล้งผมแบบนี้ คนใจง่ายแบบผมก็ชักจะหวั่นไหวขึ้นมาเสียแล้ว

“ทะ ที่พี่ชมผมไงครับ” ผมตอบไปเบาๆ  แล้วเหลือบตาขึ้นมองอีกฝ่ายเมื่อเห็นว่าเขาเงียบไปนาน

“ไม่เห็นต้องขอบคุณเลย ก็ตองหนึ่งน่ารักจริงๆ นี่นา”

“...” ผมตัวเกร็งขึ้นมาอีกครั้ง ขืนยังยืนอยู่ตรงนี้คงได้เขินจนเป็นลมแน่ ก็เลยตั้งใจว่าจะหนีไปล้างแก้มที่ด้านหลังร้าน แต่พอจะเดินออกจากเคาน์เตอร์ก็โดนพี่ขาเอาตัวบังเอาไป ผมมองหน้าพี่นัทเล็กน้อยก่อนจะก้มหน้าลงหลบตา แล้วเบี่ยงตัวไปทางด้านขวาแต่พี่แกก็ยังจะขยับตามมาขวางทางไว้อีก สุดท้ายผมเลยได้แต่ยืนก้มหน้า หันซ้านหันขวาหาทางออกอยู่แบบนั้น

“หึหึ” เขายืนกอดอกและหัวเราะเบาๆ เหมือนพี่เขากำลังสนุกที่ได้แกล้วผมอ่ะ

~กริ๊ง~

เสียงกระดิ่งที่ประตูดัง แล้วลูกค้าที่เป็oนักศึกษาผู้หญิงสองสามคนก็เดินเข้ามา พี่นัทเลยยอมหลีกทางเพื่อไปรับลูกค้า

“หนึ่งเอาแก้วไปล้างเถอะ เดี๋ยวพี่เสิร์ฟเองครับ”

“ครับ” ผมเดินออกมาจากเคาน์เตอร์แล้วก็หันไปมองพี่นัท เขากำลังยิ้ม คุยเล่นกับผู้หญิงคนนั้น  แล้วก็หันไปหัวเราะกับผู้หญิงอีกคน

อืม...พี่เขานี่เป็นคนที่อัธยาศัยดีจริงๆ นะ กล้าคุยเล่นกับคนอื่นเขาไปทั่วเลย หากคนหน้าตาแบบผมทำอย่างนั้นบ้างต้องมีโดนด่าว่าหน้าหม้อบ้างล่ะ แต่พี่เขาหน้าตาดีแถมยังดูสุภาพไง เลยดูเป็นคนเฟรนลี่น่ารักไปอีก

พอผมล้างแก้วเสร็จก็เดินไปหยิบกล้องมาดูรูป เพราะยังไม่อยากออกไปหน้าร้าน อีกทั้งเห็นว่ายังไม่มีลูกค้าใหม่เข้ามา ก็เลยจะข้ออู้ซักเล็กน้อย

“ถ่ายภาพสวยดีนี่”

“เฮ้ย!” พี่นัทที่มาตอนไหนก็ไม่รู้ ยื่นหน้าข้ามไหล่ผมมาพูด แก้มผมกับแก้มพี่แกเฉียดกันไปนิดเดียวเอง และเพราะว่าตกใจก็เลยเผลอปล่ยอมือจนกล้องเกือบจะหล่น ดีที่พี่นัทเอื้อมมือมารับไว้ทัน

“แหม~ ตกใจแรงอะไรเบอร์นั้นครับ”

“ข...ขอ...ขอโทษครับ” คนอย่างผมจะไปกล้าพูดอะไรนอกจากขอโทษ ตกใจที่อยู่ดีๆ พี่นัทก็วาร์ปมาอยู่ข้างหลัง แถมใจแทบวายที่เกือบทำกล้องราคาเป็นหมื่นหลุดมือ

“ขอโทษอีกละ พี่ไม่ได้ว่าเราซักหน่อยแต่พี่ขอดูรูปอีกทีชัดๆ ได้มั้ย?”

ผมลูบหน้าอกตัวเองเรียกใจที่ตกไปอยู่ตาตุ่มให้กลับขึ้นมาแล้วก็พยักหน้าส่งกล้องให้พี่นัทดูรูปที่ถ่ายเอาไว้ พี่นัทดูอยู่ครู่นึงก่อนจะพยักหน้า เงยขึ้นมาส่งยิ้มและสบตากับผม

“ถ่ายรูปลงเพจร้านให้พี่ด้วยได้มั้ยครับ พี่อยากมีช่องทางโฆษณาร้านทางโซเชียลเหมือนที่อื่นๆ บ้าง”

“ตอนนี้ที่ร้านนี่มีเพจแล้วเหรอครับ”

“มีสิ แต่ยังไม่ได้อัพรูปอะไรลงไปเลย พี่เลยอยากให้หนึ่งก็ถ่ายรูปเมนูที่นี่ แล้วก็ส่งให้พี่...เดี๋ยวพี่ให้ทิปพิเศษเลย”

“ด...ได้ครับ” ไม่ใช่ว่าเห็นแก่เงินอะไรหรอกนะ ผมก็จะทำให้แต่แรกอยู่แล้ว แต่เขาเสนอมาแบบนั้นก็ไม่อยากไปขัด ถือเป็นรายได้พิเศษละกัน

“ถ้างั้นก็….”

“...” พี่นัทแบมือมาตรงหน้าผมแล้วยิ้ม ไม่พูดอะไร ผมก็เลยวางกล่องลงบนมือเขาอีกครั้ง แต่พี่แกก็หัวเราะออกมา

“...”

“เอามือถือมา พี่จะเอาไอดีของของพี่ให้ หนึ่งก็คอยส่งรูปให้พี่ทาง inbox เดี๋ยวพี่เอาลงเพจเองไงครับ”

“อ๋อ...ครับ” ก็บอกดีๆ สิครับ จู่ๆ มาแบมือแล้วยิ้ม ใครจะไปรู้ว่าพี่แกต้องการอะไร ผมยื่นโทรศัพให้พี่นัท พี่แกก็เอาจิ้มๆ  แล้วผมก็ได้ไอดีเขามา


ผมเปิดดูหน้าโปรไฟล์ของเขาเล็กน้อย คืนนี้ล่ะ...จะส่องดูรูปพี่แกให้ครบทุกรูปเลย หึหึหึ



VV

VV

เอ๊ะ! สงสัยจังว่าใครจะส่องใครกันแน่

#สูตรอบรัก
Twitter : @loammyloammie
Facebook : LoammyLoammie
หัวข้อ: Re: [Re-Write] How to bake me สูตรอบรัก l 3 : ลักเล็ก ขโมยน้อย l 31-07-62
เริ่มหัวข้อโดย: Loammy ที่ 31-07-2019 17:31:21
ตอนที่ 3 ลักเล็ก ขโมยน้อย



ผมมาทำงานที่ร้านพี่นัทเป็นเวลา 1 อาทิตย์แล้ว ได้รับรู้ว่าเขาเป็นผู้ชายที่ชอบชอบหยอกไปเรื่อย ผมโดนพี่แกแกล้งตลอดทุกครั้งที่มีโอกาส แต่เก็ทำให้เราสนิทกันมากขึ้น ตอนกลางวันเจอกันที่ร้านแล้ว ตอนกลางคืนเราก็ยังคุยกันด้วย  แต่ก็ไม่ได้มีอะไรมากหรอกครับ ผมก็แค่ส่งรูปให้พี่เขาตามที่ตกลงกันไว้แค่นั้นเอง

“หนึ่ง เดี๋ยวจัดแก้วเสร็จแล้วเข้ามาในครัวนะครับ จะให้ถ่ายภาพเค้ก” พี่นัทที่ใส่ผ้ากันเปื้อนสีชมพูออกมาเรียกผมที่กำลังทำงานหน้าร้านอยู่

“ครับผม” ผมจัดแก้วเสร็จพอดีเลยเดินตามหลังพี่นัทเข้าไปในครัว

“รอก่อนนะ พี่ขอตกแต่งเพิ่มอีกนิด”

“ครับ”

ระหว่างรอผมก็เอากล้องขึ้นมาเช็ค แล้วก็ถ่ายภาพผลไม้และอื่นๆ ไปเรื่อยเปื่อย แต่อยู่ดีๆ  เลนส์กล้องผมก็เปลี่ยนไปโฟกัสที่พี่นัทแทน เขาดูดีชะมัดจะมุมไหนก็ยังดูดี ผมกดชัตเตอร์เบาๆ  เก็บทุกท่วงท่าของพี่นัทลงกล้องอย่างช้าๆ  ไม่อยากให้เสียงชัตเตอร์ไปรบกวนเขา

ผมหลงเสน่ห์ท่าทางการเป็นปาติซิเย่ของพี่นัทมาก กระฉับกระเฉง คล่องแคล่ว และสีหน้าที่แสดงถึงความความสุข ผ่อนคลายและตั้งใจ ใส่ใจทำทุกๆ ขั้นตอน ยิ่งมองผมก็ยิ่งชอบ ถ้าหากใครมาบอกว่าผู้ชายตัวใหญ่ๆ ไม่เข้ากับการใส่ผ้ากันเปื้อนทำเค้ก ผมจะยกพี่นัทไปเถียงจนขาดใจเลยอ่ะ แล้วยิ่งเป็นผู้ชายที่ใส่ผ้ากันเปื้อนสีชมพูก็น่ารักมากๆ เหมือนกัน

“เรียบร้อยแล้วครับ มาถ่ายได้เลยคุณตากล้อง” พี่นัทเอาฟรุตเค้กมาวางในที่ที่ผมจัดไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ผมเดินเข้าไปหมุนถาดหามุมเล็กน้อย แล้วก็ถ่ายไว้เลือกหลายๆ ภาพ หลายๆ มุม บรรดาเค้กที่อยู่ตรงหน้าผมนี่หน้าตาทรมานใจเหลือเกิน น่ากินจัง เห็นแล้วอยากจะหยิบทั้งก้อนมาเข้าปาก

ตั้งแต่มาทำงานที่นี่ผมไม่เคยได้กินเค้กที่นี่เลย ตั้งใจจะขอซื้อหลังเลิกงานแต่ก็หมดก่อนตลอด จะขอซื้อเก็บไว้ก่อนที่ร้านจะเปิดก็ไม่กล้าขอพี่นัท

“เรียบร้อยแล้วครับ” ผมบอกพี่นัท แต่ตาก็ยังมองอยู่ที่เค้กๆ ทั้งหลาย ทำไมน่ากินอย่างนี้ อยากจะกิน อยากลองชิมอีก รสชาติของทาร์ตที่กินไปวันนั้นยังตึงใจผมไม่หาย ยิ่งเห็นเค้กหน้าตาน่ากินแบบนี้ทุกวันผมยิ่งทรมาน ผมมองเค้กเหล่านั้นที่พี่นัททยอยเอาออกมาเพื่อเตรียมจัดใส่ตู้ที่หน้าร้านแล้วก็กลืนน้ำลาย ก่อนจะพยายามตัดใจจากเค้กแล้วก็เอากล้องไปเก็บ

“หนึ่งช่วยเอานี่ไปวางไว้ที่ตู้เค้กนะ เดี๋ยวพี่ออกไปจัดเอง พี่ขอจัดการอะไรในนี้ก่อน”

“ครับ” ผมรับคำและยกเค้กมาไว้ที่ตู้หน้าร้านอย่างระมัดระวัง แต่ตาก็จ้องเค้กในมือไม่หยุด กลิ่นก็หอมหน้าตาก็น่ากิน ขอซักคำเถอะ หยิบไปซักก้อนพี่นัทจะรู้มั้ยนะ...

ผมคิดเล่นๆ ระหว่างที่วางเค้กไว้ในตู้ แล้วสายตาก็บังเอิญไปเห็นก้อนครีมเล็กๆ อยู่ตรงขอบถาด สงสัยพี่นัทเขาเช็ดออกไม่หมด  ผมใช้นิ้วปาดออกมา กำลังจะเช็ดที่ผ้าคาดเอวแล้ว แต่ผมก็รู้สึกเสียดายครีมที่ปลายนิ้วชี้ผมขึ้นมา ผมมองซ้าย มองขวา แล้วก็มองไปทางครัว พอเห็นว่ายังไม่มีวี่แววที่พี่นัทจะออกมาก็เลย...

จ๊วบ!

เร็วกว่าสติจะคิดทัน ผมส่งนิ้วชี้เข้าปากดูดปลายนิ้วชิมรสครีมหอมหวานละมุน ถึงจะเล็กน้อยแต่เป็นพลังในการใช้ชีวิตมากเลยครับ

“น้องหนึ่งเป็นอะไรรึเปล่า ยืนดูดนิ้วตัวเองทำไมครับ” พี่นัทที่เดินออกมาพร้อมเค้กถาดที่เหลือ ผมสะดุ้งดึงนิ้วออกแทบไม่ทัน หันไปหาอีกฝ่านด้วยสีหน้าเลิ่กลักเพราะความผิดที่ติดตัว

“อ่อ เอ่อ...ผม ทำ…ประตูตู้เค้ก...หนีบนิ้วครับ” บอกออกไปตรงคงต้องโดนดุแน่ๆ ก็แถไป สีข้างนี่แทบถลอกขอโทษนะครับพี่นัท

“เอ้า ไหนเป็นอะไรมากมั้ย ขอพี่ดูหน่อย” พี่นัทรีบวางเค้กแล้วจับนิ้วผมไปเพ่งใกล้ๆ  ใกล้ไจนผมกลัวว่าพี่เขาจะได้กลิ่นน้ำลายที่ปลายนิ้วผมเอาจึงต้องรีบชัดมือกลับ

“ไม่เป็นไรครับ หายเจ็บแล้วครับ เอ่อ…ผมเข้าไปล้างจานในครัวนะครับ” ผมรีบเดินเข้ามาในครัว แต่สายตาก็ยังจะหันกลับไปหน้ามองพี่นัทอีกครั้ง เขายืนยิ้มเหมือนกับว่าแกจับพิรุธผมได้ แต่ไม่หรอกมั้ง...เขาไม่น่าจะเห็นว่าผมปาดครีมมาชิม ถ้าเห็นก็คงโดนพี่เขาดุไปแล้วสิ

พอเข้ามาหลังร้านได้ ผมเก็บอุปกรณ์ที่ใช้แล้วไปไว้ที่อ่าง เตรียมที่จะล้างแต่เจอเค้กชิ้นๆ เล็ก เป็นแค่ครีมและขนมปังแค่นั้น มันเป็นเศษเนื้อเค้กที่พี่นัทตัดออกให้สวยงาม

ผมมองเศษเค้กเหล่านั้นแล้วก็มีความคิดขึ้นมาว่า...ถ้าผมกินจะเป็นไรหรอก ก็พี่นัทจะทิ้งแล้วนี่นา ผมกินไปก็ไม่น่าจะผิดหรอกมั้ง แต่...ถึงพี่นัทจะทิ้งแล้ว เราก็ควรจะขออนุญาตก่อนป่ะ ถ้ากินเลยก็เหมือนขโมยอ่ะดิ

ตอนนี้ฝ่ายดีฝ่ายชั่วของผมตีกันในหัวให้วุ่น และในที่สุดผมก็ตัดสินใจได้...ผมจะไม่กินเค้กนั้น บอกกับตัวเองในใจว่าจะขอชิมแค่คำเดียวก็พอ ผมกลืนน้ำลายอึกใหญ่ หันไปมองประตูแล้วเอื้อมมือไปหยิบส้อมก่อนจะจ้วงลงไปบนเค้กนั่น รีบเอาเข้าปากแล้วเคี้ยวหงับๆ  ตาก็คอยเหลือบมองไปที่ประตูครัวอยู่ตลอด เพราะกลัวพี่นัทจะเดินเข้ามาไม่ให้สุ้มไม่ให้เสียงแบบครั้งก่อน

อื้ม! นี่ขนาดกินแบบสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวยังอร่อยได้ขนาดนี้ ผมจ้วงส้อมตักขึ้นมากินอีกคำแล้วก็อีกคำ ก่อนจะเกิดข้อสงสัยว่าพี่นัทเขาใส่กัญชาหรืออะไรลงในเค้กรึเปล่านะ กินแล้วหยุดไม่ได้แบบนี้เนี่ย ว่าแล้วก็ขออีกคำนึงแล้วกันนะครับ...ผมตักขึ้นมาอีกคำ ใหญ่กว่าก่อนหน้านี่นิดหน่อย แล้วก็ หงับ!...หย่อยมากเลยฮับ

“หนึ่ง พี่จะเปิดร้านแล้วนะครับ” พี่นัทตะโกนบอก พร้อมกับเสียงฝีเท้าที่กำลังเดินเข้ามา ผมกลืนเค้กที่เพิ่งเคี้ยวไปได้ไม่เท่าไรลงไปทั้งก้อน รีบจัดกองเค้กให้ดูไม่แหว่งและดันจานไปไว้ที่เดิม ก่อนจะรีบไปประจำที่อยู่ที่หน้าอ่างล้างจาน ทำทีเป็นว่ากำลังเปิดน้ำล้างจานอยู่

“ล้างจานอยู่เหรอ? ถ้าล้างเสร็จแล้ว เอากล้องไปถ่ายเครื่องดื่มหน้าร้านด้วยนะครับ”

“ค...คะ...ครับ” ผมหันไปมองพี่นัท ก็เห็นพี่แกมองไปที่จานเค้กอยู่ ใจผมมันตุ๊มๆต่อมๆ เพราะกลัวพี่แกจะดูออกว่าผมแอบกินไปหน่อยนึงอ่า แต่ก็ไม่หรอกมั้ง ผมว่าผมเกลี่ยดีแล้ว ดูสิ! เค้กนั่นปกติเหมือนตอนแรกทุกอย่างเลยนะ

ผมมองไปไปที่พี่นัทอีกครั้งนึง ก็เห็นพี่แกดันแว่นขึ้นนิดหน่อย ยิ้มที่มุมปากดูไม่น่าไว้ใจ แล้วก็เดินไปหยิบจานเค้กขึ้นมามองอย่างพินิจพิจารณา ท่าทางแบบนั้นคือพี่เขารู้แล้วใช่มั้ย แต่ก็แค่เศษเค้กเองนี่ครับ พี่นัทคงไม่ว่าอะไรมากหรอกมั้ง ทั้งๆ ที่รู้ว่าขโมยกินแบบนี้มันไม่ดีแต่ก็ขอปลอบใจตัวเองหน่อยเถอะ

“หนึ่งครับ…”

พี่นัทเรียกแล้วเดินมาทางผมพร้อมกับรอยยิ้มเย็น...รอยยิ้มแบบนั้นของเขาทำให้ผมกลัวรู้สึกกลัว อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายที่ยังมีรสเค้กติดอยู่จางๆ ลงไป สมองก็คิดว่าไม่น่าเลย ไม่น่าแอบกินเลย

“...”

แต่แทนที่เขาจะว่าหรือดุอะไรผม พี่นัทดันเดินเลยตัวผมไปที่ถังขยะ...เฮ้ย! อย่าบอกนะว่า…ยังคิดไม่ทันจบ พี่นัทก็เทเค้กลงถังทันทีเลย ไม่นะ ทำไมพี่ทำแบบนั้น ตะเตือนใตผมมากเลย

“พี่ฝากล้างจานนี้ด้วยนะ”

ผมได้แต่เม้มปากและคร่ำครวญในใจมองเค้กที่หล่นอยู่ก้นถังขยะด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์ แล้วก็มองจานว่างเปล่าที่พี่นัทส่งมาให้... ทำไมพี่ทำแบบนี้ล่ะครับ จานเปล่าผมไม่ต้องการ ผมต้องการจานที่มีเค้ก ฮือ

“พี่จะทิ้งเศษเค้กแบบนี้ทุกครั้งเลยเหรอครับ” ผมถามออกไปในขณะที่สายตาก็คงยังมองเค้กในถังขยะอยู่ นี่ถ้าผมรู้ว่าเขาจะทิ้งนะ ผมกินให้หมดไปเลยดีกว่า

“ก็ถ้าไม่ใช่เค้กสูตรใหม่ที่ต้องลองชิม พี่ก็ทิ้งครับ”

ตอบแบบนี้นี่แสดงว่าทิ้งมาหลายครั้งแล้วสินะ น่าเสียดาย

“ทำไมล่ะครับ” ผมต้องการเหตุผลครับ เอาเค้กผมไปทิ้งแบบนั้น ขอเหตุผลดีๆ ด้วยครับ ฮือๆ

“โห ให้กินทุกครั้งก็ไม่ไหวหรอกครับ อ้วนพอดีสิ ทิ้งๆ ไปเถอะครับ เก็บไว้เดี๋ยวก็มีแมวมาขโมยกิน”

แมวที่ไหนมันจะมากินแค้กครับ! ถ้าจะทิ้งแบบนั้นพี่ก็เอามาให้ผมกินสิครับ คิดซะว่าผมเป็นถังก็ขยะก็ได้นะ ผมอยากกิน ผมไม่กลัวอ้วน แต่ก็ได้แต่เถียงในใจ พอได้คำตอบของพี่เขาแล้วก็หันมาล้างจาน และความไม่พอใจที่เขาทิ้งเค้กนั่นยังคุกรุ่นอยู่ แต่จะไปลงที่พี่เขาไม่ได้ก็เลยมาลงที่หม้อ ผมขัดคราบไขมันที่ติดหม้อเสียจนน้ำกระจายไปเลย

“หึหึ ขัดแรงแบบนั้นเดี๋ยวหม้อพี่ก้นทะลุหมดนะ”

พี่นัทหัวเราะพลางขยี้หัวผมเล่น ผมทำหน้าบึ้งบุ้ยปากแล้วขยับหัวออกจากมือเขาเล็กน้อย...ไม่ต้องมาจับเลย ผมงอน!

“พี่ไม่ออกไปเฝ้าหน้าร้านเหรอครับ”

“กำลังจะไปครับ รีบๆ ตามมานะ...พี่เหงา”

ยังไม่วายมาทำหน้ามทะเล้นใส่ แล้วเขาจะไปเหงาอะไรหล่ะ เดี๋ยวก็มีลูกค้าเข้ามาเต็มร้านแล้วพี่ก็จะคุยกับคนอื่นไปทั่ว เฮอะ

ผมขัดอ่างผสมแป้งแรงๆ  รู้สึกหมันไส้พี่นัทและเซ็งที่เขาทิ้งเค้ก ฮึ่ย คิดแล้วเสียดาย เค้กนั่นอร่อยมากเสียด้วย

ผมล้างอุปกรณ์เสร็จช้าไปหน่อยเพราะมัวแต่เสียดายเค้กในถังขยะ  พอออกไปลูกค้าเยอะมาก ยืนรอที่เคาน์เตอร์ 5-6 คน แล้วโต๊ะก็เต็มทุกตัวเลยครับ ผมเห็นพี่นัทมือระวิงไปหมดเลยจึงต้องรีบวิ่งเข้าไปช่วย

“อ้าวหนึ่ง หยิบโรลนมสดกับฟรุตเค้กไปเสริฟโต๊ะสองให้พี่ที แล้วก็สองแก้วนั้นโต๊ะห้านะ”

ผมรีบไปช่วยพี่นัทหยิบเค้กกับเสริฟของ จากนั้นกลับมาช่วยหลังเคาน์เตอร์จนลูกค้าเริ่มน้อยลง พอไม่มีอะไรที่ต้องทำในช่วงนี้พี่นัทก็เดินเข้ามาคุยตอนที่ผมกำลังเช็ดโต๊ะอยู่

“เฮ้อ ชงกาแฟจนมือแทบเป็นตะคริวแหนะ ถ้าไม่ได้หนึ่งช่วยนะพี่แย่กว่านี้อีก”

“ครับ” ผมตอบรับแล้วก็ยกแก้วเดินเข้าครัวไป พี่นัทก็เดินตามเข้ามาอีก ผมมองเขาแล้วเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ทำไมพี่ไม่ไปเฝ้าหน้าร้านล่ะ เดี๋ยวลูกค้าเข้ามาก็ไม่รู้หรอกครับ

“เก็บไว้ล้างทีเดียวตอนที่แก้วหมดก็ได้นะครับ ล้างบ่อยเดี๋ยวมือเปื่อยนะ”

“ครับ” ผมพยักหน้าทำตามที่เขาแนะนำโดยการหันไปปิดน้ำเช็ดมือแล้วเดินไปหน้าร้าน พี่นัทก็เดินตามมาอีก ผมเหล่อตามองเขาอย่างไม่เข้าใจ แล้วหยิบกล้องขึ้นมากะว่าจะถ่ายภาพเล่นซักหน่อย

“จริงสิ! พี่ลืมไปเลยว่าจะให้หนึ่งถ่ายรูปให้ รอแป๊ปนึงนะ”

“ครับ” พี่นัทหันไปชงเครื่องดื่ม หยิบโน่น เทนั้น อย่างคล่องแคล่ว ระหว่างนั้นผมก็ถ่ายภาพไปด้วย ไม่นานน้ำสีสวย ก็วางลงบนเคาน์เตอร์ให้ผมพร้อมถ่าย

“เสร็จแล้วครับ ไอซ์เบอร์รี่มิกซ์ เมนูใหม่ของร้าน” พี่นัทยิ้มแฉ่ง และท่าทางภูมิใจนำเสนอสุดๆ

“ผมถ่ายเลยนะครับ” ผมขยับแก้ว หามุม หาแสง แล้วก็ถ่ายไปหลายๆ ภาพ ไม่นานก็เสร็จเรียบร้อย

“ถ่ายเสร็จแล้วเหรอ ขอพี่ดูภาพหน่อยได้มั้ยครับ” พี่นัทขยับมายืนพิงเคาน์เตอร์ข้างๆ ผม แล้วก็ก้มลงมาคุยด้วย

“ครับ” ผมตอบเพียวแค่นนั้นแล้วส่งกล้องจะให้พี่นัทดูรูปแต่พี่แกไม่รับไปซักที จนผมต้องเลิกคิ้วใส่เป็นเชิงถาม

“ก็พี่กลัวทำกล้องหลุดมือนี่ครับ ถ้าพี่ทำกล้องหนึ่งตกนี่ พี่ไม่มีปัญญาใช้คืนนะ หนึ่งกดให้พี่ดูอ่ะดีแล้ว” ไม่มีปัญญาใช้คืนอะไรล่ะ ผมว่าอย่างพี่น่าจะซื้อใหม่ได้ได้อีกหลายตัวเลยด้วย ดูของที่พี่ใช้ ชุดที่พี่ใส่สิ ของดีๆ ทั้งนั้นอ่ะ

แต่ผมก็ไม่ได้พูดอะไรอกไป แค่ขยับตัวแล้วเอากล้องมากดเปลี่ยนภาพไปเรื่อยๆ ให้เขาดู

“หนึ่งถ่ายรูปสวยจัง พี่ชอบ”

“ขอบคุณครับ”

ผมบอกขอบคุณก่อนจะชะงักและหยุดกดภาพก่อนจะเงยหน้ามองเขา ผมว่าตอนแรกพี่นัทไม่ได้ยืนใกล้ผมขนาดนี้นะ ตอนนี้พี่นัทนั่งใกล้แนบชิดสนิทกับผมสุดๆ อ่ะ แถมมือพี่แกยังพาดอยู่ที่เคาน์เตอร์ข้างตัวผม จึงเหมือนกับว่าเขาโอบเอวผมไว้นิดๆ ด้วย

“มีอะไรครับ หน้าพี่มีอะไรติดเหรอ”

“พี่เขยิบออกไปหน่อยได้มั้ยครับ” ผมใช้ข้อศอกดันพี่นัทออกไปเบาๆ พร้อมกับขยับตัวเองออกมาด้วย

“ก็พี่มองเห็นไม่ชัดนี่ครับ สงสัยสายตาจะแย่ขึ้นอีกแล้วแหละมั้ง” พี่นัทพูดแล้วก็ใช้มือขยับแว่นตัวเองไปมา ผมเลยขยับไปยืนด้านหน้าเขา เอาสายกล้องคล้องคอพี่นัทแล้วก็ยื่นกล้องให้

“ทำแบบนี้กล้องก็ไม่หล่นแน่นอนครับ” พี่นัทรับกล้องไปแล้วมองหน้าผม เขายิ้มอยู่ตลอดนะแต่ซักพักก็ถอนหายใจออกมา จนผมคิดว่าเขากลัวทำกล้องผมพังขนาดนั้นเลยเหรอ

“น้ำนั่นอ่ะ หนึ่งกินได้เลยนะ ปล่อยไว้นานเดี๋ยวจะละลาย”

“ครับ ขอบคุณครับ” ได้ยินแบบนั้นผมก็ตาวาว เดินไปหยิบแก้วมาพิจารณาหน้าตานิดหน่อย น้ำสีชมพูใสไล่ไปจนถึงสีแดงที่อยู่ก้นแก้ว ปากแก้วประดับด้วยลูกบลูเบอร์รี่ สตรอเบอร์รี่และเลมอนฝานบางๆ ผมจัดการหยิบลูกบลูเบอรี่เข้าปาก หรี่ตาลงเล็กน้อยเพราะรสเปรี้ยวของมัน

แชะ!

“อะ...อ้าว กล้องนี่ปิดเสียงได้มั้ยครับ? ฮ่าฮ่าฮ่า” พี่นัทลดกล้องในมือลงแล้วก็หัวเราะออกมา

“อย่าถ่ายเล่นสิครับ” พี่นัทพยักหน้าและยิ้มเหมือนเดิมแล้วก็ส่งกล้องคืนให้ เขายืนยิ้มมองผมนิ่งๆ อยู่ครู่หนึ่งแล้วขยับเข้ามายืนใกล้ๆ

“น้ำเป็นไงบ้าง อร่อยมั้ย เปรี้ยวไปรึเปล่า”

“...” ผมไม่ได้ตอบอะไร ไปเพราะยังไม่ได้ลองชิมน้ำเลยครับ กำลังจะชิมแต่เขาก็มาขัดจังหวะซะก่อน

“ไม่อร่อยเหรอครับ” พี่นัททำหน้าหงอย ไหล่ตกไปทันทีจนผมต้องรีบยกแก้วขึ้นดื่มเพื่อบอกเขาไป

“ก็ดีครับ”

“หืม ก็ดีเองเหรอ เฮ้อ~”

ผมขมวดคิ้วแล้วเอียงคอ รู้สึกว่าวันนี้พี่เขาจะถอนหายใจบ่อยจัง เดี๋ยวก็หน้าแก่หรอกครับ แต่แล้วอยู่ดีๆ พี่นัทก็จ้องผมกลับมาด้วยสายตาจริงจังจนผมรู้สึกอึดอัด เขาหันมองไปรอบร้านแล้วก็กลับมาจ้องผมใหม่ทำแบบนั้นอยู่สองรอบก็เดินออกไปหน้าร้าน

ผมว่าวันนี้พี่เขาแปลกๆ นะ แต่ก็ไม่ได้สนใจมาก เลือกที่จะไปไปเช็ดโต๊ะแทน แต่แล้วอยู่ดีๆ ก็มีดอกไม้สีชมพูยื่นมาตรงหน้าผม

“พี่ให้ครับ” พี่นัทยิ้มกว้างพลางยื่นดอกไม้ให้ผมทั้งสองมือแล้วก็แกว่งดอกไม้ไปมาอยู่ตรงหน้าผม

“พี่ไปเอาดอกไม้มาจากไหนครับ”

“ก็เพิ่งไปเด็ดมาจากหน้าร้านนั่นไง” พี่แกยิ้มแล้วก็ชี้ไปที่กระถางต้นไม้หน้าร้าน ผมอ้าปากและขมวดคิ้ว เพราะไม่เข้าใจว่าเขาจะไปเด็ดมาทำไม

“ให้ผมทำไมครับ ผมไม่ชอบดอกไม้” ผมพูดไปตามตรง ไม่ใช่ว่าไม่ชอบดอกไม้ แค่ไม่ชอบเห็นเวลามันเหี่ยวเลย จะทิ้งก็สงสาร แต่จะเก็บไว้ก็รกอีก

“อ้าว งั้นคงต้องทิ้ง” พี่นัทพูดเสียงเบาๆ ทำไหล่ตก หน้าเศร้า เหมือนคนเสียใจแต่ผมดูก็รู้ว่าไม่ได้รู้สึกจริงๆ ซักหน่อยเพราะแววตายังคงทะเล้นอยู่ พี่เขาเล่นอะไรของเขาเนี่ย...แต่สิ่งที่ทำให้ผมต้องรีบเดินไปดึงดอกไม้จากพี่นัทมาก็เพราะว่าเขาทำท่าจะทิ้งดอกไม้นั้นลงถังขยะจริงๆ

ผมมองคนตรงหน้าที่ยิ้มกว้าง ดีอกดีใจเมื่อผมรับดอกไม้มาก่อนจะเดินออกไปหน้าร้าน ซึ่งพี่แกก็ตามออกมาไม่ห่างเลย

“หนึ่งจะออกไปไหนครับ”

“ผมชอบดอกไม้ที่อยู่ในดินมากกว่าครับ” พูดแล้วก็ปักดอกไม้ลงไปในดินที่เดิม ผมว่ามันคงไม่ขึ้นมาใหม่แล้วล่ะแต่อย่างน้อยเวลาดอกไม้ดอกนี้เฉาตาย ก็จะเป็นปุ๋ยให้ต้นอื่นได้

เขามองผมไปซักพักนึงแล้วก็พยักหน้า พอดีกับที่มีลูกค้าเข้าร้านมาพอดี เราเลยต้องกลับไปทำงาน และหลังจากนั้นก็มีเข้ามาเรื่อยๆ  ไม่ได้หยุด

ตลอดวันนี้ พี่นัทชวนผมคุยมากกว่าปกติแต่ผมก็ไม่ได้ตอบอะไรมากเพราะไม่รู้ว่าจะตอบอะไร จนร้านปิดแล้ว ผมยืนล้างแก้วอยู่พี่นัทก็ยังคงวนเวียนอยู่รอบตัว ชวนผมคุยไม่มีหยุด

“พรุ่งนี้มาเช้าๆ  ได้มั้ย พี่มีเรื่องอยากให้ช่วย”

“ครับ” ผมพูดแต่ไม่ได้มองหน้าพี่นัท เพราะกำลังระมัดระวังกับการคว่ำแก้วอยู่ ถ้าหากทำแก้วตกลงมาหมดนี่ ผมไม่มีปัญญาซื้อคืนจริงๆ

“แล้วก็พรุ่งนี้พี่ว่าจะเปิดร้านช้าหน่อยนะ”

“ครับ” ผมว่าผมก็ตอบตามปกติของผมนะ แต่เหมือนพี่นัทไม่พอใจ เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะดึงผมไปยืนเผชิญหน้า จับไหล่ผมแล้วก็จ้องผมแบบจริงจังมากจนผมเกร็งขึ้นมาอีก

“ผมเกือบทำแก้วหล่นอ่ะพี่...”

“หนึ่งไม่อยากรู้เหรอว่าพี่ไปไหนอ่ะ ทำไมถึงเปิดร้านช้า ไม่คิดจะถามหน่อยเหรอครับ”

“...”

ผมส่ายหน้าช้าๆ เพระาคิดว่าเขาก็มีธุระของเขา ที่ไม่ได้ถามกลับไปก็เพราะผมไม่ได้อยากรู้เป็นพิเศษ แต่ถ้าพี่แกจะมีท่าทางอยากบอกผมขนาดนี้ก็บอกมาเลยก็ได้ ผมคิดว่าวันนี้พี่นัทดูแปลกไปจริงๆ

“เฮ้อ~” พี่นัทคอตก ถอนหายใจมาเฮือกใหญ่

“เอ่อ…” อันนี้สิที่ผมอยากจะถามว่าพี่มีเรื่องอะไรกลุ้มในชีวิตหรือเปล่า ทำไมถอนหายใจทั้งวันเลย

“ถ้าไม่ยอมพูดกันดีๆ พี่ก็จะใช้ไม้เเข็งแล้วนะครับ”

“หะ?” ผมขมวดคิ้วแล้วเอียงคอ มองคนตรงหน้าที่ดูขึงขังขึ้นมา แล้วก็ไม่เข้าใจไม้แข็งที่เขาพูดถึงด้วย

พี่นัทเลื่อนมือมาจับที่ต้นคอผมเบา อีกมือจับบริเวณกกหู สายตาใต้แว่นนั่นบอกว่า จริงจังสุดๆ  เดี๋ยวนะ การจับแบบนี้ นี่มันเหมือนพี่เขาจะ…

จุ๊บ!

“เห้ย พี่!”

สัมผัสหนักๆ ประทับลงมาที่หน้าผาก ผมมองคนตรงหน้าที่ผละออกยิ้มกว้างแต่ยังไม่ปล่อยท้ายทอย ผมตกใจรีบดันพี่นัทออกแล้วก็โวยวายจนเสียงหลง รู้ตัวเลยว่าความร้อนวนเวียนอยู่พวงแก้ม ทั้งไม่พอใจและก็อายด้วย ผมพยายามดันตัวออกแต่พี่เขาจับผมแน่นมาก สิ่งที่ผมทำได้ตอนนี้เลยเป็นแค่การตีแขนและพยายามเบี่ยงหน้าหนีเท่านั้น

“หึหึ” เขาหัวเราะในลำคอ ก่อนจะรั้งคอผมเข้ามาจุ๊บหน้าผากอีกครั้ง

เขาจุ๊บผมอ่ะ มาจุ๊บหน้าผากผมทำไมอ่ะ

“พี่! ปล่อยผมก่อน พี่ปล่อยผม” โวยวายไปก็ตีไป พี่นัทเลยเปลี่ยนมาไพล่มือผมไปไว้ข้างหลังแล้วก็ดึงผมเข้าหาตัวแล้วกอดและรัดลำตัวผมแน่นมาก ผมกำลังจะอ้าปากงับใหล่พี่นัท แต่พี่นัทก็จุ๊บลงมาที่เดิมเป็นครั้งที่สามซะก่อน

จุ๊บ! จุ๊บ!

สี่ครั้งแล้วด้วย! ผมอ้าปากและมองอย่างไม่พอใจเท่าไร ผมว่าเกินไปแล้ว ถึงเนื้อถึงตัวเกินไปแล้ว

“หายโกรธพี่ได้ยังครับ”

“หะ! ผมไปโกรธพี่ตอนไหน” ผมเงยหน้ามองพี่นัทอย่างสงสัย พี่แกก้มหน้าลงมาจนจมูกแทบจะชนกัน ผมนี่เกร็งคอหนีจนขอแทบจะเป็นตะคริว ผมจะเริ่มโกรธเพราะเขามาทำแบบนี้กับผมนี่แหละ!

“ก็...ไม่รู้สิ วันนี้ทั้งวันพี่ถามอะไรไปหนึ่งก็ตอบแค่ครับๆ  จนพี่ไม่รู้ว่าจะเอาใจหรือชวนคุยยังไงเลยเนี่ย” พี่นัทกระชับอ้อมกอด แล้วอุ้มตัวผมขึ้นทำให้ใบหน้าของหน้าของผมขึ้นมาอยู่ระดับเดียวดับพี่นัท ขาผมเลยลอยขึ้นตีอากาศไปมาและตอนนี้ผมไร้ทางหนีโดยสมบูรญ์แล้วครับ

“พี่นัทครับ ผมไม่ได้เป็นอะไรซักหน่อย”

“ไม่เชื่อ แค่ตอบมาก็พอว่าหายโกรธยัง”

“...”

จะให้ตอบอะไรล่ะครับ นอกจากเรื่องเมื่อครู่นี้ผมก็ไม่รู้ว่าตัวเองไปโกรธเขาตอนไหน ก็เลยเงียบใส่ พอเงียบนานเข้า พี่นัทก็จัดไปอีกดอกนึง

ฟอด~

ผมตาค้าง เพราะคราวนี้ไม่ใช่ที่หน้าผากแต่ลามลงมาที่แก้มผมแล้วเนี่ย

“พี่นัท!”

“ถ้าไม่ตอบมาตามตรง พี่จะจูบจริงล่ะนะ”

“แล้วถ้าผมไม่ตอบเลย” เพราไม่พอใจนิดหน่อยและคิดว่าเราค่อนข้างสนิทกันผมก็เลยต่อล้อต่อเถียง พี่นัทเลิกคิ้วขึ้นข้างนึง แล้วก็...

ฟอด~

ไปอีกข้างแล้วครับแก้มผม และก่อนที่จะเปลืองตัวไปมากกว่านี้ก็เลยรีบตะโกนตอบออกไป ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ก็เถอะว่าก่อนหน้านี้ผมไปโกรธเขาเรื่องอะไรกันแน่

“ผมไม่ได้โกรธพี่เลย”

“ไม่โกรธแล้วจริงๆ อ้ะ?” เขาถามซ้ำแถมยังทำน้ำเสียงหน้าตาทะเล้นซะเหลือเกิน แต่ตอนนี้ผมทำได้พยักหน้าหงึกหงักเท่านั้น ผมมองพี่นัทที่ยิ้มกว้างจนตาปิดแต่ก็ยังไม่วาย...

จุ๊บ!

อ๊าก! เขาจุ๊บผมที่ข้างปากอ่า โดนปากผมไปนิดนึงด้วย คราวนี้อารมณ์ผมมันปนเปไปหมด จะว่าไม่พอใจก็ไม่เชิง แต่การกระทำของเขาทำเอาใจผมสั่นอย่างบอกไม่ถูก จะว่าเขินก็เขินอยู่ แต่ไม่ใช่ว่าชอบ แต่ก็ไม่ได้รังเกียจเช่นกัน...

พี่นัทปล่อยผมลงแล้วก็ลูบหัวพลางส่งยิ้มกว้างอวดฟันสวยมาให้แล้วก็พูดด้วยหน้าตาทะเล้นๆ นั่นอีก

“เมื่อกี้มัดจำไว้ก่อน เผื่อครั้งหน้าหนึ่งโกรธพี่อีก”

 ความร้อนที่แก้มลามไปที่ใบหู ผมเม้มปากแล้วได้แต่คิดว่าหากครั้งหน้าผมโกรธพี่เขาขึ้นมาจริงๆ ผมจะไม่มีทางให้พี่แกได้รู้เด็ดขาดเลย!



ช่วงนี้ต๊อแต๊มากเลย ขอกำลังใจหน่อยนะคะ
ขอคนละเม้นเนอะ สติ๊กเกอร์ก็ได้ค่ะ อยากรู้ว่ามีคนรออ่านอยู่บ้างรึเปล่า แหะแหะ

#สูตรอบรัก
Twitter : @loammyloammie
Facebook : LoammyLoammie
หัวข้อ: Re: [Re-Write] How to bake me สูตรอบรัก l 4 : โดนจับ l 04-08-62
เริ่มหัวข้อโดย: Loammy ที่ 04-08-2019 15:56:57
ตอนที่ 4 โดนจับ


หนึ่งเดือนที่ผมได้เข้ามาทำงานร้านพี่นัท เมื่อวานผมเพิ่งได้เงินเดือนไปหมาดๆ งานที่ร้านถือว่าหนักมากเพราะเข้างานเช้าแต่เลิกงานดึก แต่เงินเดือนที่ได้รับก็หนักตาม แถมมีค่าแรงพิเศษค่าถ่ายรูปให้ด้วย และตลอดหนึ่งเดือนนี้ที่อยู่กับพี่นัทแทบจะตลอดเวลาทำให้ผมสนิทกับพี่นัทมากขึ้นไปอีก และทำให้ผมเข้าใจขึ้นมาว่าพี่แกเป็นคนที่ค่อนข้างเล่นถึงเนื้อถึงตัวมาก ทั้งกอด ทั้งโอบ จับโน่น แตะนี่ ซึ่งผมโดนบ่อยมาก และถึงแม้ว่าจะโดนจับโดนกอดอยู่ทุกวันผมก็รู้สึกไม่ชินซักที แต่ไม่ต้องห่วง เพราะผมเก็บค่าปลอบขวัญตัวเองรวมไปถึงค่าเสียหายที่โดนพี่นัทแกล้งโดยแลกกับเค้กชิ้นเล็กๆ ที่เขาจะทิ้ง

ใช่ครับ...ผมยังคงแอบกินเค้กทุกครั้งที่มีโอกาส  ถึงแม้จะกินได้เล็กน้อยแล้วต้องรู้สึกเสียดายทุกครั้งที่เห็นพี่แกเทลงถังขยะก็เถอะ แต่รสชาติหวานละมุนซักคำสองคำก็เป็นเชื้อเพลิงในการทำงานของผมได้แล้ว

ถ้าถามว่าทำไมไม่ขอพี่นัทตรงๆ  ก็ขอบอกเลยครับว่าไม่กล้า...ผมกล้าที่จะแอบกิน แต่ไม่กล้าที่จะขอตรงๆ  ผมรู้ว่ามันแย่ แต่ผมไม่กล้าจริงๆ กลัวโดนเขาดุ กลัวว่าเขาจะหาว่าผมตะกละด้วย

และเช้าวันนี้ผมก็กำลังไปทำงานตามปกติ มือซ้ายถือนม มือขวาถือขนมปัง ปากก็เคี้ยวหงับๆ หูฟังเพลงขาก็เดิน ยิ่งนึกถึงจำนวนเงินเดือนที่เข้าบัญชีอันแห้งแล้งมานานของผมก็ยิ่งสบายใจ

ปรี๊น!

ผมสะดุ้งตกใจเพราะเสียงแตรที่ดังขึ้นจากทางด้านหลัง ผมหันไปมองรถยนต์ห้าประตูสีดำที่ขับชลอตามหลังผมอยู่

ผมมองอย่างไม่เข้าใจเพราะผมก็เดินชิดติดริมถนนเลยนะ ถึงจะเป็นซอยเล็กก็จริง แต่ผมก็มั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ไปขวางทางรถวิ่งแน่นอน

ปรี๊นๆ

แหนะ! อะไรของมันวะ

ผมสะดุ้งอีกรอบและหันไปมองอย่างหัวเสีย ผมว่าตัวเองก็ไม่รู้จักใครที่ขับรถยนต์แบบนี้นะ พอจะเพ่งเข้าไปในรถก็ไม่เห็นอะไรมาก เพราะฟิล์มค่อนข้างดำจึงไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร ผมเลิกสนใจรถนนั้นแล้วรีบเดินออกห่าง จะมาสนใจก็เสียเวลาเดินไปทำงาน แต่รถด้านหลังนั้นก็เร่งเครื่องขับมาจอดเทียบแล้วกระจกก็ค่อยๆ เลื่อนลงให้เห็นคนขับ

“พี่นัท!”

“ครับ ขึ้นมาเร็ว” พี่เขาพูดกลั้วหัวเราะ ส่วนผมพอเห็นว่าเป็นคนรู้กจักก็ยิ้มออก รีบเปิดประตูขึ้นไป นั่งรถไปทำงานสบายๆ ดีจะตาย ผมจะได้ไม่ต้องเดินให้เมื่อยขา

“พี่ไปตลาดมาเหรอครับ” ผมถามเพราะของตรงเบาะหลังเต็มไปหมดเลย

“ใช่ครับ” พี่นัทหักพวงมาลัยรถจอดข้างทาง ผมกำลังจะถามว่าจอดทำไม แต่จู่ๆ พี่แกก็เอี้ยวตัวมาดึงเข็มขัดนิรภัยไปคาดให้ ผมตัวแข็งไม่กล้าขยับเพราะจมูกผมเฉี่ยวแก้มพี่นัทไปนิดเดียวเอง ได้กลิ่นหอมเหมือนขนมปังนมหรือวานิลลาจากตัวพี่นัทด้วย

หลังจากคาดเข็มขัดให้ผมเรียบร้อยแล้วเขาก็ส่งยิ้มและขยี้เส้นผมจนยุ่งไปหมดก่อนที่พี่เขากลับไปประจำที่เตรียมจะออกรถพร้อมฮัมเพลงออกมาเบาๆ จะมีก็แต่ผมที่ผมยังคงนั่งตกใจตัวแข็งอยู่ท่าเดิม

"หนึ่งเป็นอะไรไป ขนมปังเละหมดแล้วนะครับ" ผมก้มมองขวดนมของและขนมปังในมือตัวเอง มันโดนผมบีบแน่นเสียจนไส้ครีมอันน้อยนิดในขนมปังทะลักออกมาเลย ดีนะที่มันมีไส้น้อยเลยทะลักออกมาเปื้อนมือผมนิดเดียว และดีนะที่ผมกินนมขวดแก้ว ถ้าผมกินนมกล่องนี่ ไม่อยากจะคิด…

"ก…ก็พี่ทำผมตกใจนี่ครับ"

"หืม? พี่ไปทำให้หนึ่งตกใจตอนไหนครับ?" พี่นัทเลิกคิ้วขึ้นและถาม ทั้งที่ตายังมองถนนอยู่ มุมปากเขายิ้มนิดๆ เหมือนคนกำลังอารมณ์ดี

ผมเงียบไม่ยอมตอบ จะให้ผมตอบยังไงล่ะ ให้บอกว่าเพราะพี่เกือบทำให้ผมจุ๊บแก้มพี่ และผมได้กลิ่นหอมๆ มาจากตัวพี่ ผมชอบมากแต่ตกใจมากเหมือนกัน ผมเลยเผลอกำขนมปังจนครีมทะลักแบบนี้  ถ้าบอกไปพี่นัทคงขำตายเลย

"งั้นเดี๋ยวพี่รับผิดชอบเองล่ะกัน"

หะ? รับผิดชอบอะไรเหรอ ยังไม่ทันที่ผมจะเข้าใจได้ พี่นัทก็ดึงมือข้างที่ถือขนมปังเข้าหาตัว ผมก็กำลังจะโวยวายเพราะนึกว่าพี่แกจะแย่งขนมปังผมกิน แต่พี่แกดันเลียลงบนครีม...ซึ่งครีมนั่นอยู่บนมือผม!

"อืม ขนมปังร้านไหนครับ ครีมอร่อยดีนะแต่พี่ว่าเค็มไปหน่อย แต่..." พี่นัทพูดพลางวิเคราะห์รสชาติไปด้วย ในขณะที่ผมยังอึ้งอยู่นั้น พี่นัทก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะ...

จ๊วบ!

คราวนี้ไม่ใช่แค่เลีย แต่คราวนี้นัทดูดครีมบนมือเลย ผมรู้สึกถึงแรงดูดเบาๆ กับลิ้นที่เลียลงบนผิว ตวัดเลียสลับกับดูด บางครั้งก็รู้สึกถึงฟันที่ครูดกับผิว ผมตาโตอ้าปากค้างมองริมฝีปากพี่นัท อยากจะดึงแขนกลับแต่เรี่ยวแรงผมถูกดูดไปหมดตั้งแต่รู้สึกได้ถึงลิ้นที่ดุนไปมา โอ๋ย~ ผมรู้สึกเหมือนจะเป็นลม

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน แต่ในความรู้สึกผมนี่เหมือนเวลาหยุดหมุนเลย หัวใจผมแทบหยุดเต้น พี่นัทเลิกดูด แล้วก็เอามือผมมาวางที่เดิม หันมามองหน้าผม ใช้มือขวาดันแว่นขึ้นให้เข้าที่แล้วก็พูดว่า

"พี่ว่ากินไปกินมาครีมมันหวานขึ้น อร่อยจนอยากกินอีกเรื่อยๆ เลย...เนอะ"

เนอะอะไรของพี่อิ๊ก ไม่รู้! ผมมองรอยยิ้มทะเล้นของพี่นัทแล้วก็หันหน้าหนี ยกมือขึ้นกุมตรงหน้าอกเพราะหัวใจก็เต้นกระเด็นกระดอนไปมา

ตลอดทางนั่นผมนั่งตัวแข็งเม้มปาก แก้มเห่อร้อนจนอยากจะยกมือขึ้นไปนาบเอาไว้และรู้สึกทำตัวไม่ถูก ไม่กล้าแม้แต่จะกินนมกับขนมปังต่อ ความหิวผมหายไป เพราะอาการใจสั่นเข้ามาแทน ผมนั่งเหม่อมาตลอดทางจนรู้สึกว่าแก้มข้างขวาผมถูกพี่นัทดึงอยู่

“เป็นอะไรครับนั่งเหม่อมาตลอดทางเลย ลงมาช่วยกันยกของเร็ว” พี่นัทพูดแล้วก็บีบแก้มผมขึ้นลง ผมรีบพยักหน้ารับและตั้งสติก่อนจะลงไปช่วยแกถือของไปที่ร้าน

“อ่ะนี่ หนึ่งเอากุญแจพี่ไปไขประตูให้พี่หน่อย” พี่นัทพูดแล้วก็เอียงตัวให้ผม

“ไหนกุญแจอ่ะครับ” ตอนแรกผมนึกว่าพี่นัทเอากุญแจห้อยไว้ที่หูกางเกง แต่ไม่มี

“ในกระเป๋ากางเกงไง ล้วงเลย”

“หะ! พี่ล้วงเองดีกว่าครับ” จะให้ผมล้วงได้ไงครับพี่ เดี๋ยวผมก็ไปล้วงไปโดนพวงอย่างอื่นของพี่ที่ไม่ใช่พวงกุญแจหรอกครับ ไม่ดีๆ ไม่เอาดีกว่า

“พี่ถือของเต็มสองมือเลยเห็นมั้ย หนึ่งนั่นแหละหยิบให้พี่หน่อย”

“...” ผมเม้มปาก มองพี่นัทที่เอียงตัวให้ ความจริง...พี่ก็วางก่อนก็ได้นี่ครับ คิดแบบนั้นผมก็หันซ้ายขวามองหาที่วางของให้พี่นัท

“เร็วๆ สิ พี่หนักนะเนี่ย แขนล้าไปหมดแล้ว”

พี่นัทเร่ง แขนที่ถือของหนักนั้นเริ่มสั่นจนผมตัดสินใจล้วงหากุญแจเอง ผมเดินเข้าไปใกล้พี่นัทแล้วก็ล้วงมือลงไปในกระเป๋ากางเกงอย่างระมัดระวัง

“ล้วงไปลึกๆ หน่อย มันอยู่ก้นกระเป๋าล่ะมั้ง”

ฮึบ~ ผมล้วงลงไปจนมือผมหายเข้าไปในกระเป๋าทั้งมือ ทำไมกระเป๋าพี่แกมันลึกจังวะ แล้วล้วงไปนี่ ไม่เจอกุญแจเลย เจออะไรก็ไม่รู้แข็งๆ…ต้นขาครับ ต้นขาพี่นัทแข็งดีมีแต่กล้ามเนื้อ อย่าคิดลึกกันสิครับ

“ไม่เห็นเจอเลยครับพี่นัท” ผมควานหาจนทั่วกระเป๋าแล้วแต่ก็ไม่เจอ พี่ไปหนีบไว้ตรงไหนเนี่ย

“อ้อ สงสัยอยู่ข้างนี้มั้ง” ว่าแล้วพี่แกก็หมุนตัว เอาอีกข้างมาให้ผมล้วง

“พี่อ่ะ!” ผมถอนหายใจใส่พี่นัท แต่ก็ยอมล้วงลงไปอีกครั้ง

“ล้วงลงไปตรงๆ นะครับ อย่าแวะข้างทาง เดี๋ยวไปเจออย่างอื่น”

“เฮ้ยพี่!!” ผมรีบดึงมือออกจากกระเป๋า พี่นัทพูดตอนที่ปลายนิ้วผมไปสัมผัสอะไรบางอย่าง เกรงว่ามันจะไม่ใช่กุญแจ

“เร็วๆ  พี่หนัก” ผมเห็นเหงื่อออกเต็มหน้าผากพี่นัท ผมเลยรีบล้วงลงไปตรง พรวดเดียวถึงก้นกระเป๋า เจอกุญแจเจ้าปัญหาแล้วรีบดึงออกมาเลย

ผมเอากุญแจไปไขประตูครัวให้พี่นัท พอประตูเปิดพี่นัทนี่รีบวิ่งไปวางของที่โต๊กลางครัวทันที

“ปวดแขนเลย” พี่นัทสะบัดแขนไปมา ผมได้แต่มองอย่ารู้สึกผิด แต่จะโทษผมก็ไม่ได้นะ ก็พี่เขจาทำให้ผมกลัวน่ะ

พี่นัทผงกหัวขอโทษเล็กน้อย พี่นัทก็หัวเราะแล้วขยี้หัวอีกครั้งก่อนจะเริ่มจัดการกับวัตถุดิบแห้ง ส่วนผมก็จัดการเอาผลไม้ไปล้างและปอกเปลือกออกอย่างรู้หน้าที่ จนมาถึงฟักทองที่ผมปอกไม่เป็น

"พี่นัทครับ ฟักทองนี่ปอกยังไงครับ"

"หั่นออกเป็นชิ้นแบบนี้ก่อนก็ได้แล้วก็ค่อยปอกเปลือกครับ แล้วก็ขูดเม็ดตรงนี้ออกด้วย"

พี่นัททำให้ผมดูอย่างคล่องแคล่ว แล้วก็ส่งให้ผมทำก็ไม่ยากเท่าไร แค่ต้องออกแรงเพราะเปลือกฟักทองนี่หนามาก พอเตรียมทุกอย่างให้พี่นัทเรียบร้อยแล้ว ผมก็ออกไปจัดการทำความสะอาดและเตรียมหน้าร้าน เริ่มจากกวาดพื้นตามด้วยเช็ดโต๊ะ

จนมาถึงขั้นตอนสุดท้ายคือการเช็ดกระจก เป็นขั้นตอนที่ผมเหนื่อยที่สุดเลยครับ เพราะกระจกค่อนข้างสูงและผมเป็นผู้ชายที่ค่อนข้างตัวเล็ก เวลาเช็ดกระจกทีผมต้องกระโดดเหยงๆ จนเหงื่อแตกทุกที และพอเสร็จแล้วผมยืนมองกระจกที่ใสสะอาดอย่างภูมิใจ ถ้าใครมือบอนมาทาบกระจกนี่พ่อจะฟาดให้มือหักเลยเชียว แต่ชื่นชมกระจกได้ไม่นานผมก็ต้องรีบไปจัดแก้วต่อ ผมหันควับแล้วเดินทันทีไม่ได้ระวังมองทำให้ชนกับพี่นัทยืนอยู่ข้างหลังผมตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้

ผลั่ก!!

"โอ๊ย! ฮือ~ จมูกผม" ผมครวญครางเบา พลางยกมือขึ้นกุมจมูกตัวเองเพราะมันดันไปกระแทกกับแผ่นคนของอีกคน ดีนะที่ไม่หงายหลังลงไปนอนแอ้งแม้งเพราะพี่นัทช่วยประคองหลังเอาไว้ไม่ให้ล้ม

"เป็นอะไรมากรึเปล่า ขอพี่ดูหน่อยครับ" พี่นัทดันคางผมขึ้นแล้วก็เอามือผมที่กุมจมูกออก แกจับหน้าผมหันไปมาเพื่อดูจมูก ผมที่ตอนแรกเจ็บอยู่ก็ไม่สนใจอะไร แต่ตอนนี้เริ่มหายเจ็บแล้วและเพิ่งจะตระหนักได้ว่า...พี่นัทใช้มือข้างนึงกอดเอวผมอยู่ ระหว่างลำตัวของผมและพี่นัทนี่แนบสนิทกันชนิดที่ว่าอากาศแทบผ่านไม่ได้

"อ...เอ่อ ผมหายเจ็บแล้วครับ" พี่นัทที่จ้องๆ จมูกผมอยู่เปลี่ยนมาจ้องตาผมแทนจนหลุบตาลงหลบแทบไม่ทัน ผมไม่กล้าสบตากับใครตรงๆ ทั้งนั้น และผมรู้สึกว่าพี่นัทยังจ้องอยู่ผมก็เลยเสมองดินฟ้าอากาศไปเรื่อย ในใจก็คิดขอให้พี่เขาเลิกมองผมได้แล้ว เพราะผมทำหน้าไม่ถูกอ่ะ

"หายเจ็บแล้วแน่นะ? ว่าแต่...เจ็บจมูกแต่ทำไมแก้มแดงด้วยน๊า~"

“ก...ก็หน้าผมชนกับพี่ไงมันเลยแดง แต่ผมไม่เจ็บแล้วครับ” ผมยกมือขึ้นปิดแก้มร้อนๆ ของตัวเองเอาไว้พลางพยายามดิ้นออกจากอ้อมกอดของอีกฝ่าย

“เหรอ...แดงเพราะพี่นี่เอง” แต่พี่นัทดูไม่ค่อยเชื่อกับคำแถข้างๆ คูๆ ของผมเท่าไร  ผมเห็นว่าพี่นัทเลิกคิ้วขึ้นและยิ้มขำเล็กน้อยก่อนจะปล่อยตัวผมออก

จุ๊บ!

ผมอ้าปากค้าง หัวใจในอกเต้นรัวอีกครั้งเมื่อคนที่ปล่อยตัวผมออกนั้นเปลี่ยนใจดึงไหล่ผมไว้ แล้วห้มหน้ามามองสัมผัวเบาๆ ที่ปลายจมูก เท่านั้นยังไม่พอ ยังส่งยิ้มละมุนพร้อมแววตาแพรวพราวมาให้จนผมต้องเม้มปากและหลบตาเขา

"พี่...ทำอะไรอ่ะ" ผมถามกลับด้วยเสียงเบาหวิว อยากจะโวยวายแต่เสียงกลับแหบแห้งไปหมดแล้ว

"จุ๊บปลอบใจไงครับ พี่เป็นคนทำให้หนึ่งเจ็บ พี่ก็ต้องปลอบใจ...เนอะ~"

รอยยิ้มละมุนมาพร้อมกับฝ่ามือใหญ่ที่โยกหัวผมไปมาเบาๆ เท่านั้นยังไม่พอ พี่แกดันใช้ปลายนิ้วลูบปลายจมูกผมอีกตังหาก สิ่งเหล่านั้นทำให้ผมเริ่มหวั่นไหวและตระหนักได้ว่ามันไม่ดีต่อหัวใจของผมเลย จึงรีบก้มหน้าลงหลบสายตาของเขาเดินหนีมาที่เคาน์เตอร์แล้วทำทีเป็นจัดแก้ว แต่พี่นัทก็เดินตามมาเท้าแขนลงบนเคาน์เตอร์แล้วอมยิ้มมองมาจนผมทำงานไม่ได้

"พ..พี่มีอะไรหรือ ป...เปล่าครับ" ผมถามตะกุกตะกักไม่ยอมเงยหน้ามองอีกฝ่าย แต่ก็พอรู้ว่าพี่นัทเอียงคอไปมา แล้วก็ยิ้มอยู่ตลอด ผมเม้มปากแล้วหันกลับมาจัดแก้วต่อ เขาก็ยืนมองเงียบๆ จนผ่านไปซักพักพี่นัทก็เดินเข้ามาในเคาน์เตอร์ ผมกำลังจะหนีแต่ก็โดนเขาดึงแขนเอาไว้ อีกฝ่ายโน้มตัวลงมาใกล้แล้วกระซิบเบาๆ ที่ใบหู

"เสร็จแล้ว เข้าไปในครัวด้วยนะครับ" พี่นัทพูดแล้วก็หัวเราะระรื่นเดินกลับเข้าครัวไป ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ รีบกอบโกยอากาศหายใจเข้าปอด มองแผ่นหลังกว้างที่เดินหายเข้าไปในครัว

ถ้าจะพูดแค่นั้น ก็บอกดีๆ ก็ได้ ทำไมต้องมากระซิบด้วยล่ะ ผมตกใจหมดเลย!

พอจัดแก้วเสร็จ ผมก็เดินไปที่ครัวด้านหลัง พี่นัทส่งยิ้มให้เรียกผมไปใกล้ๆ แต่คราวนี้เขาไม่ได้อะไรหรอกครับ แค่ใช้ให้ผมถ่ายรูปแล้วก็ยกเค้กมาเรียงที่ตู้ด้านหน้าเท่านั้น

 "หนึ่งวันนี้เปิดร้านช้านะ พี่ออกไปทำธุระแปปนึง"

"ครับ"

ตลอดหนึ่งเดือนที่ผมทำงานที่นี่ พี่นัทคิดสูตรเค้กใหม่ไปแล้วสองสูตร และทุกครั้งที่พี่นัทลองทำสูตรใหม่ๆ ออกมา เขามักจะจะเปิดร้านช้ากว่าปกติเพราะจะห่อเค้กใส่กล่องออกไปให้ใครก็ไม่รู้ก่อนเสมอ

"พี่ฝากจัดการที่เหลือด้วยนะครับ พี่ไปก่อนล่ะ"

ผมพยักหน้าให้ มองพี่นัทที่วิ่งถือกล่องเค้กออกไป จากนนั้นผมก็เข้าครัวไปจัดการทำความสะอาดและเก็บของให้เรียบร้อย และเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยก็ถึงเวลาที่ผมรอคอย

เค้กก้อนน้อยๆ ที่พี่นัทตัดทิ้ง แต่ที่น่าแปลกใจคิดทำไมวันนี้มีสองก้อน ปกติแล้วถ้าเป็นเศษเค้กพี่นัทจะตัดรวมกันไว้นี่ สงสัยก้อนนี้พี่นัทลืมห่อเข้าตู้เหรอ ผมเดินออกไปดูที่ตู้หน้าร้าน แต่ก็เห็นว่าเค็กเหล่านั้นถูกเรียงและจัดวางอย่างพอดีแล้ว งั้นเค้กก้อนนี้ก็...เสร็จผมล่ะครับ

ผมยืนน้ำลายสอ มองเค้กที่ทำจากฟักทองสีเหลืองทอง น่ากิน พอลองยอกขึ้นดมกลิ่นแล้วก็รับรู้ได้เลยว่าเค้กที่อบเสร็จใหม่ๆ นี้มีกลิ่นหอมชวนชิมมากๆ เลย

ช้อนไม่ต้องครับ มือผมนี่แหละหยิบเค้กแล้วก็ค่อยๆ เอาเข้าปาก สิ่งแรกที่รับรู้คือความนิ่มของเนื้อเค้ก ตามมาด้วยกลิ่นหอมของฟักทองและรสชาติหวานกลมกล่อมกำลังดี

กินไปก็คิดไปพี่นัทนี่เจ๋งมากเลย เขาทำเค้กได้แจ่มจริงๆ รสชาติถูกปาก สัดส่วนก็พอดิบพอดีไปหมดทั้งสี กลิ่น และรสชาติ กินเท่าไรก็ไม่พอจริงๆ นะครับ ว่าแล้วก็ส่งเค้กเข้าปากอีกคำ

“อืม...อร่อยจังเลย”

ยิ่งเคี้ยวยิ่งนุ่ม ยิ่งกินยิ่งอร่อย ผมกำมือยืนหมุนตัวไปมาด้วยความฟินระดับสุด แต่ก็ต้องตกใจแทบจนแทบช็อคเมื่อเห็นใครบางคนยืนอยู่ตรงประตูครัวมองผมอยู่

“หนึ่ง...กำลังกินอะไรอยู่เหรอครับ”


ฉิบหายแล้วไงผม!



VV

VV

เอาแล่วๆ ตองหนึ่งซวยแล้ว แต่จะซวยขนาดไหน ติดตามตอนหน้านะคะ

บอกเลยว่า ค่อกแค่ก นิดโหน่ย อิอิ



#สูตรอบรัก

Twitter : @loammyloammie


Facebook : LoammyLoammie
หัวข้อ: Re: [Re-Write] How to bake me สูตรอบรัก l 4 : โดนจับ l 04-08-62
เริ่มหัวข้อโดย: OrangeryLemon ที่ 05-08-2019 07:28:41

อ่านรวดเดียว 4 ตอน ชอบมากๆเลยค่ะ เนื้อเรื่องน่ารัก ภาษาก็ดีมาก ไม่รู้สึกถึงคำฟุ่มเฟือยนะคะ ไม่เคยอ่าน version แรกค่ะ

เป็นกำลังใจให้ค่ะ น่าจะย้ายกระทู้ไปห้องนิยายที่ยังไม่จบหรือเปล่าคะ
หัวข้อ: Re: [Re-Write] How to bake me สูตรอบรัก l 4 : โดนจับ l 04-08-62
เริ่มหัวข้อโดย: sugarcane_aoi ที่ 05-08-2019 09:15:38
จบแล้วเหรอค่ะ รู้สึกว่ายังไม่จบเลย เพราะยังไม่เห็นมีไคลแม็กของเรื่อง เหมือนพึ่งเริ่มต้น ถ้าเขียนจนจบก็เป็นอีกเรื่องที่น่าติดตามนะคะ อ่านแล้วรู้สึกมีความน่ารักมุ้งมิ้งของพี่นัทกับน้องตองหนึ่ง ยังไงก็รออ่านตอนต่อไปอยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: [Re-Write] How to bake me สูตรอบรัก l 5 : ทำโทษ l 05-08-62
เริ่มหัวข้อโดย: Loammy ที่ 05-08-2019 17:42:22
ตอนที่ 5 ทำโทษ



พี่นัท’s part

ผมกำลังเดินไปที่จอดรถเพื่อเอาเค้กไปให้คนๆ นึงที่สำคัญกับผมมาก แต่ก็หงุดหงิดตัวเองที่ดันลืมกุญแจรถไว้ที่ร้านเสียได้เลยต้องเดินย้อนกลับไปเอา แดดในช่วงสายแบบนี้ก็ร้อนไม่แพ้แดดตอนเที่ยงวันเลยแม้แต่น้อย รู้แบบนี้ตอนรีโนเวทร้านผมน่าจะสร้างโรงจอดรถไว้ด้านหลังซะก็ดี

ผมเปิดประตูเข้าร้านไป แต่ไม่เห็นตองหนึ่งอยู่แถวหน้าร้าน ก็เลยว่าเดาว่าเขาคงล้างแก้วอยู่ในครัว ผมวางกล่องเค้กไว้ที่เคาน์เตอร์แล้วก็ค่อยๆ เดินเข้าไปในครัว เพราะมีความคิดว่าจะแกล้งเจ้าเตี้ยของผมเสียหน่อย เขาตกใจง่ายมาก แกล้งอะไรนิดหยอกอะไรหน่อยก็หน้าแดง ตัวแข็งค้างไปหมด น่าแกล้งน่าเอ็นดูถูกใจผมไม่น้อยเลย

ผมยิ้มอย่างมีแผนการเมื่อเดินมาหยุดตรงประตูครัวก็เห็นว่าเขายืนหมุนอยู่ตรงโต๊ะใหญ่ แต่พอเดินเข้าไปใกล้อีกนิดก็เห็นว่าเจ้าตองหนึ่งกำลังยัดเค้กฟักทองของผมเข้าปากอย่างเอาเป็นเอาตาย แล้วดูเขาทำหน้าสิ...หลับตาพริ้ม หมุนไปมาอยู่คนเดียว เห็นแล้วน่าแกล้งเข้าไปใหญ่

ผมรู้มาตั้งนานแล้วครับว่าหนึ่งชอบแอบกินเค้กที่เหลือเอาไว้ตลอด แต่ผมก็ทำเป็นไม่รู้เพราะเห็นท่าทางแอบกินแล้วน่ารักดี มองๆ ไปก็เหมือนแมวแอบย่องมากินปลาทูอย่างไรอย่างนั้นเลย

ผมถอยออกมายืนตรงประตูครัวแล้วกอดอก กะว่าจะแกล้งทำเสียงกระแอมไอเสียหน่อย แต่ตองหนึ่งที่ทำหน้าตาน่ารักและยืนหมุนไปมานั้นก็หันมาเห็นผมเสียก่อน

“!!”

เห็นหน้าตาอีกฝ่ายแล้วก็ต้องพยายามกลั้นขำ แก้มกลมๆ สองลูกนั้นเต็มไปด้วยเค้กในมือก็ยังมีถืออยู่ ไหนจะดวงตาที่เบิกกว้างนั่นอีก ตกใจอะไรเบอร์นั้นล่ะ ผมอยากจะหัวเราะออกมาแต่ก็ต้องทำเป็นขรึมเอาไว้อยากจะแกล้งให้ร้องไปเลย อุตส่าห์จับขโมยได้คาตาคาปากแบบนี้

“หนึ่ง...กำลังกินอะไรอยู่เหรอครับ”

“อึก! แค่กๆ...แอ่ก แค่กๆ ” เจ้าเตี้ยกลืนเค้กในปากลงไป แล้วก็ยัดในมือเข้าปากแล้วกลืนไปทั้งก้อนแบบไม่เคี้ยว ก็เลยสำลักอย่างที่เห็น ผมเลยเดินไปรินน้ำให้กินจนอาการสำลักของเขาดีขึ้น พอเห็นแบบนั้นผมก็เลยทำทีเดินไปมารอบๆ โต๊ะก่อนจะหันถามเจ้าตัวที่ยืนหน้าซีดอยู่

“เอ...เค้กที่พี่แบ่งเอาไว้กะว่าจะกลับมาชิมทีหลัง มันหายไปไหนแล้วนะ หนึ่งเห็นมั้ยครับ?”

 

ตองหนึ่ง’s part

“พอจะรู้มั้บครับว่ามันหายไปไหน?”

พี่นัทถามพร้อมกับเดินเข้ามาใกล้ ผมที่ไม่รู้จะทำยังไงก้มหน้าอย่างเดียวเลย ไม่กล้าบอกว่าเค้กที่พี่เขาถามถึงนั้นอยู่ที่ไหน เพราะมันอยู่ในท้องผมเอง

พี่นัทหยุดยืนอยู่ตรงหน้า เขาเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะค่อยๆ จับคางผมให้เงยหน้ามองเขา ผมหน้าเสียมากกว่าเก่าเพียงแค่เห็นหน้าอีกฝ่ายเต็มตาแบบนี้ทำนบน้ำตาผมก็แทบจะแตก เพราะหน้าหน้าพี่แกนิ่งมาก ไม่ยิ้มเลย

...ทำไมไม่ยิ้มหน่อยล่ะครับ ยิ้มเถอะนะ หัวเราะสิ พี่หน้านิ่งแบบนี้ผมกลัว

“อืม…” เขาครางในลำคอแล้วหรี่ตาลง ขยับมือที่จับคางมาลูบเบาๆ ที่ข้างปาก ตอนแรกผมก็ไม่เข้าใจว่าพี่แกจะทำอะไร แต่พอเขาดึงมือออกเท่านั้นล่ะ ผมก็อยากจะโขกหัวตัวเองกับอ่างล้างจาน เพราะมีครีมติดนิ้วพี่นัทออกไป ตายๆ คาหนังคาเขาแถมมีหลักฐานคราบครีมติดปากแบบนี้ ผมโดนไล่ออกแน่ๆ   

“พ...พี่ครับ...” ผมพูดเสียงเบา มองพี่นัทที่เลิกคิ้วขึ้นดูคราบครีมที่ปลายนิ้วของตัวเองสลับกับมองหน้าผมไปมา แล้วขยับตัวออกไปยืนกอดอก ส่งสายตาดุๆ มองมาที่ผม

“แบบนี้ต้องโดนลงโทษนะ...แล้วแอบกินในตู้บ่อยมั้ย?”

“ผ ผมไม่เคยแอบกินในตู้เลยนะครับ ส่วนใหญ่ก็แอบกินแค่เค้กที่อยู่ในครัวนี่เท่านั้น” เพราะกลัวโดนไล่ออกผมก็เลยปากบอนรีบอธิบายความบริสุทธิ์ของตัวเองว่าไม่เคยแตะของของลูกค้าเลยแม้แต่น้อย แต่ลืมไปว่าหากตอบไปแบบนั้นก็เหมือนสารภาพว่า แอบกินเค้กเขาอยู่ดีล่ะวะ ไอ้บ้าตองหนึ่งเอ๊ย มึงตกงานแน่เลยผม! ฮือ

“อ๋อ ถึงว่า...ทำไมพักหลังๆ นี่ ถึงชอบเข้าไปจัดการอะไรในครัวคนเดียว พี่จะเข้าไปช่วยก็ไม่ให้เข้ามา...จะแอบกินเค้กนี่เอง”

ผมได้แต่ก้มหน้าน้อมรับความผิดเพราะถูกอย่างที่พี่เขาว่าทุกอย่าง ที่ผมไม่ให้พี่เข้ามาช่วยก็เพราะจะกินเค้กนั่นแหละ ถึงแม้ว่าการกระทำของผมมันสมควรจะโดนไล่ออก แต่ก็อยากให้เขาไล่นะ หากผมไม่อยู่ใครจะช่วยพี่เขาล่ะ ทำคนเดียวเขาต้องเหนื่อยมากแน่ๆ อ่ะ

“ถ้าทำครั้งแรกก็ยังจะแค่ตักเตือน แต่นี่ดูท่าจะทำมาหลายครั้งแล้ว...อืม ยังไงดีนะ”

ผมก้มหน้าสำนึกผิดอย่างเดียวเลยครับ ไม่กล้าเงยหน้ามองอะไรทั้งนั้น ได้หลับตาปี๋เพราะกลัวว่าถ้าลืมตาขึ้นมาน้ำตาจะแตกน่ะสิครับ ฮึบไว้ๆ

“ไล่…..”

ได้ยินแค่นั้นใจผมก็ตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม รีบขยับเข้าไปแตะแขนเขาเอาไว้แล้วขอร้องออกไป

“พ...พี่นัท ผมจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้วครับ ผมขอโอกาสได้มั้ยครับ”

“...” เขายืนกอดอก มองมาด้วยสายตานิ่งๆ ใจผมสั่นกลัวไปหมด เมื่อรู้ว่าความฉิบหายกำลังมาเยือนจริงๆ

ความทรงจำตอนตกงานมันย้อนขึ้นมาว่าตอนนั้นผมเครียดมากแค่ไหน จะนอนก็หลับไม่สนิทเพราะเรื่องเงินมันเรื่องใหญ่ ไม่มีเงินจะใช้ ค่าห้องค่าข้าวก็ไม่มีจะจ่าย มันรู้สึกแย่เอามากๆ ผมไม่อยากเป็นคนไม่มีงานทำแบบนั้นอีกแล้ว ฮึก

“ผ...ผมยอมทำทุกอย่างเลยครับพี่ ห...ให้ผมทำงานยันเที่ยงคืนก็ได้หรือจะให้มาแต่เช้าก็ไม่มีปัญหา ฮึกๆ  หรือให้ผมปีนไปขัดดาดฟ้าผมก็ทำได้ ฮึก แต่อย่าไล่...ฮึก ย...อย่าไล่ผมออกเลยนะครับ  ฮือ ฮือ”

ผมข้อร้อง และเริ่มร้องไห้ ใครจะว่าขี้แงก็ช่าง ตอนที่ไม่มีงานทำนั้นผมรู้แย่มากๆ บางเดือนไม่มีเงินจนต้องยอมขอให้แม่โอนเงินมาให้ ซึ่งผมอายตัวเองมากๆ

“แต่..เค้กนั่นพี่ลองสูตรใหม่ อยากชิมว่ารสชาติเป็นยังไง ทำไงดีนะ”

“ฮึกๆ  พี่ครับ ผ..ผมชิมให้แล้ว หอมและอร่อยมากเลย ฮือ พี่อย่าไล่ผมออกนะครับ”

ผมยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาตัวเองป้อยๆ น้ำมูกน้ำตามาหมด และพอเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบไปนานก็เงยหน้าดูเสียหน่อย แต่ตรงหน้ากลับทำให้ผมประหลาดใจ เพราะคนที่ทำหน้าดุเมื่อครู่นี้ดันระบายยิ้มกว้างมองมาที่ผมด้วยสายตาเจ้าเล่ห์แพรวพราวแปลกๆ

“งั้นพี่ขอชิมนิดนึงนะครับ”

“หะ?” ยังไม่ทันที่ผมจะเข้าใจอะไร ฝ่ามือใหญ่ก็จับคางผมเอาไว้ใบหน้าของพี่นัทก็ก้มลงมาหาอย่างรวดเร็วโดยที่ผมก็ตั้งตัวไม่ทัน

จุ๊บ!

พี่เขาก้มลงมาจุ๊บที่ปากผมเพียงครู่เดียวก็ผละออกไป เขายืนแลบลิ้นเลียริมฝีปากตัวเองแล้วมองมาด้วยสายตาพึงพอใจ ผมเองก็ได้แต่ยืนกระพริบตาปริบๆ เพราะตามไม่ทัน รู้สึกทั้งตกใจและงงไปหมด น้ำตายังคงไหลออกมาเป็นเม็ดๆ เพราะไม่แน่ใจว่าตัวเองยังได้ทำงานอยู่มั้ย หรือโดนไล่ออกไปแล้ว

“...”

“อืม...หวาน แต่ยังไม่ค่อยรู้รสเท่าไร งั้นขออีกคำนะครับ”

คราวนี้ไม่ใช่แค่จุ๊บเบาๆ แบบครั้งที่แล้ว พี่นัทดูดปากล่างของผมแล้วไล้เลียไปมาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะขยับใบหน้าออก แต่ฝ่ามือของเขายังคงประคองแก้มของผมเอาไว้ เขาหัวเราะเบาๆ ไล้ปลายนิ้วโป้งไปตามแก้มเหมือนเช็ดน้ำตาให้ผม แล้วก็ก้มลงมาจุ๊บใหม่ ทั้งไล้เลีย ขบเม้มด้วยสัมผัสเบาๆ ชวนให้ผ่อนคลายและคล้อยตาม

การที่เขาทำแบบนี้มันทำใจผมสั่นขึ้นมา ใบหน้าร้อนผ่าวไปหมด คราวนี้พูดได้เต็มปากเลยว่าเขิน ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองมามายืนจูบกับคนอื่น แถมเป็นผู้ชายเหมือนกันแบบนี้มันน่าตกใจเอามากๆ แต่แปลกที่ผมไม่ได้มีความรู้สึกอยากจะพลักออกหรือหันหนีเลยแม้แต่น้อย แถมตัวผมก็เริ่มรู้สึกดีกับริมฝีปากนี้อีกด้วย จูบที่ดูช้าๆ ชวนใจหวิวไม่ได้เร่งรีบ บุ่มบ่ามโรมรันเหมือนที่ผมเห็นในหนังบ่อยๆ

ผมไม่เคยจูบกับใคร...เลยไม่สามารถบอกได้ว่าพี่นัททำอยู่นี้เขาเรียกว่าจูบเก่งรึเปล่า แต่ผมบอกได้แค่ว่าจูบนี้มันรู้สึกดีจนอยากจะยื่นปากให้อีกฝ่ายจูบทั้งวันเลย

พี่นัทถอนจูบออกและยังคลอเคลียอยู่ใกล้ ใช้ปลายจมูกโด่งของถูไถไปมากับปลายจมูกของผมพลางหัวเราะในลำคอไปด้วย พี่เขาดูมีความสุขนะแต่ทำแบบนี้ผมรู้สึกเขินๆ ใจสั่นแปลกๆ อ่ะ

“พี่ไม่ไล่เราออกหรอกครับ เจอเค้กรสชาติที่ถูกใจขนาดนี้แล้วจะปล่อยไปได้ยังไงอ่ะเนอะ~”

เขาพูดเสียงนุ่มแต่น้ำเสียงกลับทะเล้น มันชวนให้ผมรู้สึกเกลียกคำว่า เนอะ ของพี่เขาจริงๆ พูดคำว่าเนอะทีไร มีเรื่องต้องทำให้ผมเขินทุกทีเลย 

“…” ผมเม้มปาก ซุกแก้มร้อนๆ ไปกับแผ่นอกของเขา ไม่กล้าเงยหน้ามองอะไรทั้งนั้น อยากจะละลายไปกับอากาศ ยืนมุดจนแทบจะมุดเข้าไปในรักแร้พี่เขาอยู่แล้ว พี่นัทหัวเราะแล้วก็ดันไหล่ผมออกเพื่อสบตาแต่ผมก็ขืนตัวเอาไว้เพราะยังไม่พร้อม ก่อนหน้านี้ก็ร้องไห้โยเยเป็นเด็ก แถมยังยืนนิ่งๆ ให้เขาจูบอีก อายจนไม่กล้ามองหน้าเขาก็เลยผมยกสองมือขึ้นมาปิดหน้าตัวเองเอาไว้

“เราขึ้นข้างบนกันดีกว่า” พี่นัทพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มๆ พลางจูงมือผมขึ้นไปชั้นสอง ผมมองอย่างไม่เข้าใจแล้วก็คิดขึ้นมาได้ว่าก่อนหน้านี้ผมจะขัดดาดฟ้าให้หากเขาไม่ไล่ผมออก

“ขึ้นไปทำอะไรเหรอครับ”

เขาหัวเราะในลำคอแต่ก็ไม่ได้ตอบผม พี่เขาแสดงว่าจะให้ขัดดาดฟ้าจริงๆ เหรอ...ยังไงก็พูดไปแล้ว ผมขัดให้ก็ได้นะ แต่ขอเป็นตอนกลางคืนไม่ได้เหรอ ตอนนี้ร้อนอ่ะ

ผมเดินตามพี่นัทมาจนถึงชั้นสองที่ผมเพิ่งเคยขึ้นมาเป็นครั้งแรก และเพิ่งรู้ว่าข้างบนนี้เป็นที่อยู่ของพี่เขาด้วย เปิดประตูเข้ามาด้านซ้ายมีโซฟา ทีวี ตู้หนังสือ ถัดไปเป็นห้องน้ำ ด้านขวาเป็นห้องนอนและถัดห้องนอนไปทางด้านซ้ายเป็นครัวเล็กๆ ที่ทะลุไปตรงระเบียงได้

ห้องน่าอยู่จัง แสดงว่าพี่เขานอนที่นี่แน่ๆ เลย ก็ว่าทำไมถึงมาร้านเช้าตลอด เขาอยู่ข้างบนแค่นี้เอง

พี่นัทเปิดแอร์ตรงทางเข้าและพาผมไปนั่งตรงโซฟาเขานั่งลงใกล้ๆ กันแล้วดึงผมไปหอมแก้ม แถมจุ๊บไปทั่วหน้าเลย ผมตกใจเล็กน้อยกับการกระทำแบบนั้นของเขาก็เลยเผลอดันอกเขาออก พี่นัทยอมถอยออกไปดีๆ แต่ก็จ้องหน้าผมใหญ่เลย

“รังเกียจพี่รึเปล่า ถ้าไม่ชอบหนึ่งก็บอกพี่มาตรงๆ ก็ได้ครับ พี่ไม่ว่าอะไรหรอก” เขาพูดแล้วยิ้ม ลูบแก้มผมเบาๆไม่ได้มีท่าที่โกรธเคืองที่ผมดันเขาออกเลยแม้แต่น้อย

“...ผ ผมตกใจครับ” ผมเม้มปาก สายตาล่อกแล่กไปมาก่อนจะส่ายหน้า...ก็ผมไม่ได้รังเกียจเขานี่นา ที่เขาทำแบบนี้ ลึกๆในใจผมก็รู้สึกดี แต่แบบ...แค่ตกใจเฉยๆ ผมยังไม่ชินกับการที่มีคนอื่นมาสัมผัสอะไรแบบนี้ พี่นัทยังคงยิ้มและจ้องมองผมอย่างไม่วางตา จะว่าเขินก็เขิน แต่ก็รู้สึกอึดอัดเหมือนกัน ผมไม่เคนโดนใครมองมาด้วยสายตาแบบนั้น รู้สึกมือไม้มันเกะกะไปหมด ไม่รู้จะเอาไปไว้ตรงไหนเลย

“หึหึ พี่แคอยากลองชิมเค้กนิดหน่อย ไม่ต้องตกใจหรอกครับ พี่แค่ชิม...”

“ต...แต่เค้กอยู่ข้างล่างนะครับ” พี่นัทดันผมพิงกับโซฟาแล้วแกก็ทับผมไว้ครึ่งตัว ผมเม้มปากแน่น มองอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกหลากหลาย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าจะโดนทำอะไร ผมพอจะเดาได้แต่แปลกที่ผมกลับไม่คิดที่จะห้ามเขาเลย

“นั่นมันเค้กของลูกค้า เค้กของพี่อยู่ตรงนี้”

“แต่ อื้อ~” คือผมกำลังจะตอบกลับไปว่าตัวผมไม่ใช้เค้กแต่พี่นัทก็จูบมาซะก่อน

อืม...ครับ ไม่พูดแล้วก็ได้ครับ

พี่นัทดูดปากล่าง สลับกับขบและเลียไปมาเบาๆ มันต่างจากจูบก่อนหน้านี้อย่างบอกไม่ถูก อาจเพราะมีน้ำหนักจากตัวเขาด้วยเลยทำให้ผมรู้สึกวูบวาบที่ท้องน้อยขึ้นมา  มือของผมที่ขยับไปมาอย่างเกะกะก็ถูกพี่นัทจับให้ไปคล้องคอของเขาเอาไว้

ผมว่าจูบครั้งนี้มันดีมาก มากจนผมคิดที่จะจูบตอบ เริ่มจากดูดปากพี่นัทกลับไป รู้สึกแปลกใหม่กับสัมผัสของริมฝีปากคนอื่น อืม...ปากคนเรานี่นุ่มได้ขนาดนี้เลยเหรอ

“โอ๊ย...”

“ข...ขอโทษครับ”

ผมเผลอกัดปากพี่นัทจนพี่แกต้องดันผมออก เขาแลบลิ้นออกมาเลียตรงรอบแผลก่อนที่เขาจะก้มลงมาจูบปากผมแรงๆ หนึ่งที จากนั้นก็พรำจูบไปทั่วใบหน้า เรื่อยๆ ลงมาที่ลำคอ ผมผ่อนลมหายใจและเงยหน้ามองเพดานด้านบน ใจมันหวิวไปหมด รู้สึกเหมือนจะเป็นลมให้ได้เลย

“พ...พี่ พี่นัท เอ่อ สิบโมงกว่าๆ แล้วครับ” ผมเหลือบไปเห็นนาฬิกาที่ติดผนัง พอรู้ว่านี่คือเวลาที่ร้านควรจะเปิดได้แล้วก็พยายามที่จะดันคางของพี่นัทออก

“พี่บอกแล้วไงว่าวันนี้เปิดช้า  หรืออาจจะหยุดไปเลยวันนึง ตองหนึ่งว่าแบบไหนดีครับ”

พี่นัทถามไม่รอคำตอบ เขาหัวเราะแล้วก้มลงมาจูบทันที...ถ้าพี่จะทำแบบนี้ไม่ต้องถามผมก็ได้นะครับ ยังไงๆ ผมก็ค้านอะไรพี่ไม่ได้อยู่แล้วนี่

พี่นัทดูดปากผมเบาๆ แล้วก็แรงขึ้นเรื่อยๆ  จนตอนนี้รู้สึกว่าปากล่างผมเจ่อไปแล้ว

“อื้อ! อึก” ผมสะดุ้งเพราะคราวนี้พี่นัทไม่ได้แค่ดูดปาก แต่สอดลิ้นเข้ามาด้านในเลย ผมหลับตาปี๋เกาะไหล่อีกฝ่ายเอาไว้ เพราะมันรู้สึกแปลกๆ พี่เขากดตัวผมลงให้นอนราบ ตอนนี้ผมรู้สึกราวกับว่าตัวเองโดนพี่เขาทับจนจมหายไปกับโซฟาเลย

“ตองหนึ่งครับ…” เขาผละออกแล้วเรียกผมด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เรามองตากันและพี่นัทก็ก้มลงมาจูบอีก ผมครางในลำคออย่างห้ามไม่ไหว ที่ดูดปากกันก็ว่าวูบวาบแล้ว แต่ตอนนี้ผมกลับวูบวาบที่ท้องน้อยมากกว่าเดิมเพราะเรียวลิ้นของอีกฝ่ายที่เกี่ยวกระหวัดไปมา ไล้ไปตามเหงือกกับเพดานปาก เป็นความรู้สึกที่เขาเรียกกันว่า...เอ่อ เสียวครับ

“อือ อึก อะ”

ผมหนีบขาตัวเองไปมา ร่างกายของผมเริ่มตื่นตัวขึ้นมาอย่างง่ายดาย...ตั้งแต่มาทำงานร้านพี่นัทนี่ผมก็ไม่ได้ช่วยตัวเองเลย เพราะต้องตื่นก็เช้ากลับห้องไปหัวถึงหมอนผมก็หลับแล้ว

“รู้สึกยังไงบ้างครับ?”

พี่นัทถามและเปลี่ยนมาเลียที่ช่วงลำคอ มือก็เริ่มวนไปมาที่หน้าอก ปัดผ่านเม็ดเล็กๆ นั่นไปมาจนผมสะดุ้งแล้วสะดุ้งอีก อยากจะบอกเขาว่าจับๆ ไปเถอะครับ ทำแบบนั้นเเล้วผมจักจี้แปลกๆ

“ฮ๊า พี่นัท...ผม อะ” พี่นัทปลดกระดุมผมออกทีละเม็ดๆ  ปากก็ดูดไปตามลำคอลงมาเรื่อยๆ ที่แผ่นอก

“ขาวจังเลยนะเรา” เขาพูดพร้อมกับแยกสาบเสื้อผมออก จากนั้นก้มลงมาจูบที่ยอดอก สัมผัสนั้นทำให้ผมเผลอแอ่นอกขึ้นอย่างห้ามไม่ได้

“พี่ ฮ๊าๆ  อึก อือ” ผมเหมือนคนหายใจไม่เป็น ลิ้นของเขาปัดเลียไปมาที่ยอดอกข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างก็โดนบีบและสะกิดซ้ำๆ ไปมาอย่างไม่น้อยหน้า ผมหลับตาปี๋บีบขาตัวเองแน่นขึ้น รู้สึกอึดอัดสุดๆ

ผมลืมตามองเมื่อเขาผละออก พี่นัทส่งยิ้มแล้วถอดแว่นออกจากนั้นก็กลับมาหาผมใหม่ คราวนี้คนด้านบนยกสะโพกผมขึ้นเล็กน้อย แยกขาผมออกแล้วก็แทรกตัวเข้านั่งที่หว่างขา ผมครางออกมาเพราะเห็นหน้าพี่นัทแล้วรู้สึกวูบวาบ เสียดเสียวไปหมด

พี่นัทถอดผ้าคาดเอวผมออกแล้วโยนไปไว้ข้างหลัง มือก็ลูบไปมาที่หน้าท้องและสีข้างแล้วก็ก้มลงมาเม้มปากดูดแรงๆ ที่ข้างสะดือ เพียงแค่เขาทำแค่นั้นผมก็สั่นไปทั้งตัวเลย หอบสะท้านเมื่อพี่นัทขยับขึ้นมาจูบปากแล้วก็วนลงไปที่หน้าอก ฝ่ามือร้อนของเขาลูบวนไปมาอยู่แค่ลำตัวช่วงบน

เขาดูใจเย็นในขณะที่ผมร้อนไปทั้งตัว และเริ่มรู้สึกว่าตัวเองต้องการอะไรที่มากกว่านี้ อยากให้พี่นัททำมากกว่านี้ ทำอะไรผมก็ได้ ตอนนี้ผมยอมทุกอย่างเลย...

“พี่ครับ ช่วยผมหน่อย อึก ช่วยผมหน่อยนะครับ” ผมตวัดขาตัวเองรอบเอวพี่นัท ตั้งใจเขยิบสะโพกเข้าไปใกล้เขาแล้วยกขึ้นลง ระบายอาการอึดอัดนี้ด้วยตัวเอง

ผมเห็นพี่นัทเสยผมขึ้นแลบลิ้นออกมาเลียปากตัวเองเป็นภาพที่เซ็กซี่ปลุกอารมณ์ผมสุดๆ เขาปลดกระดุมและดึงกางเกงผมลงไปพร้อมกับกางเกงใน ผมเม้มปากอย่างเขินอายเพราะตอนนี้น้องชายของผมชี้หน้าเขาอยู่...

“น่ารักจริงๆ ” พี่นัทพูดแล้วก็แตกส่วนปลายของมันเบาๆ ผมแอบเคืองที่พี่นัทบอกว่ามันน่ารัก คำนั้นมันไม่น่าดีใจซักนิด แต่เพราะผมตัวเล็ก อะไรๆ ของผมมันก็เลยเล็กตามไปหมดเลย

พี่นัทหายใจแรงขึ้นเมื่อผมเผลอยกสะโพกในตอนที่เขาคลึงเบาๆ มาที่ส่วนปลายปริ่มน้ำนั่น มันรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก นี่คือครั้งแรกเลยที่โดนมือคนจับตรงๆ และเมื่อหลุดเสียงครางเมื่อเขาขยับมือรูดขึ้นลงพร้อมกับใช้อีกมือคลึงที่ลูกบอลน้อยๆ ของผมไปด้วย

...สวรรค์อยู่ตรงหน้าชัดๆ

พี่นัทขยับเปลี่ยนให้ผมนั่งค่อมอยู่บนตัก เขาดันตัวผมให้เอนหลังเล็กน้อยแล้วก็ก้มลงมาดูดเลียและขบเม้มที่ยอดอก ผมแอ่นอกขึ้น สอดแขนโอบลำคอของเขาเอาไว้ ฝ่าเท้าก็จิกลงบนโซฟาเมื่อโดนกระตุ้นทั้งด้านบนและด้านล่างพร้อมๆ กันแบบนี้

“พี่ครับ ผมไม่ไหว ฮึก อือ…” ผมแอ่นสะโพกขึ้น เกร็งตัวกอดคอของพี่นัทไว้แน่นจนใบหน้าของเขาซุกกับหน้าอกผมเต็มๆ พี่นัทกำมือให้แน่นกว่าเดิม รูดขึ้นลงเร็วขึ้น ผมกัดปากเกร็งท้องน้อยแรงๆ ก่อนที่ตัวจะกระตุกและปลดปล่อยออกมาใส่ฝ่ามือของพี่นัทที่เริ่มขยับช้าลง

“ฮ๊า! อืม...” ผมผ่อนลงหายใจออกช้าๆ หลังจากเกร็งกระตุกอยู่พักนึง เมื่อหยาดหยดสุดท้ายโดนคนตัวสูงรีดออกมาจนหมดผมก็หมดแรงตาม ผมเลียริมฝีปากที่แห้งผากของตัวเอง ขยับตัวขึ้นมานั่งซบหน้าไปกับซอกคอพี่นัท ตาก็เหลือบมองน้ำขาวข้นของตัวเองในอุ้งมือของพี่นัท แถมบางส่วนยังพุ่งไปโดนเสื้อผ้าของพี่เขาอีกตังหาก

“พี่ ผม...ผมทำพี่เลอะ” ผมยังคงหอบอยู่ ความเสียวเมื่อกี้ยังแผ่ซ่านอยู่ที่ท้องน้อยผมอยู่เลย

พี่นัทยักคิ้วแล้วส่งยิ้มให้ เเขาดันผมนอนราบกับโซฟาอีกครั้ง จากนั้นก็เริ่มจูบ ไล้ลงมาเรื่อยจนถึงยอดอก มือก็เริ่มที่จะปลุกน้องชายผม จนมันตั้งเด่อีกครั้ง

“อะ…เอ่อ พี่นัท ผม...ผม”

“ให้พี่ช่วยอีกครั้งนะครับ”

พอพี่นัทพูดจบก็เริ่มทำทันที ส่วนผมก็ไม่คัดค้านหรือขัดขืนอะไรทั้งนั้น

พี่นัทกำรอบๆ  คลึงและรูดขึ้นลงช้าๆ  แล้วก็เร็วขึ้น ผมกำเสื้อพี่นัทแน่นจนแทบขาดติดมือ สะโพกก็เด้งสวนขึ้นไป ใช้เวลาไม่นานผมก็ปล่อยออกมา คราวนี้เลอะไปทั้งมือพี่นัท และตัวผมด้วย

“อือ! อา…แฮ่กๆ อึก”

ผมนอนแผ่ปล่อยให้พี่นัทเช็ดทำความสะอาดให้ ผมหมดแรงเมื่อปลดปล่อยความอัดอั้นไปถึงสองครั้งติดๆ และถึงแม้ว่าแอร์จะเย็น แต่พี่นัทก็กอดจนผมไม่รู้สึกหนาว อีกทั้งโซฟานี่ก็นุ่มมากทำให้หนังตาผมมันเริ่มหนัก ปรือปรอยจนลืมตาแทบไม่ขึ้น...แต่ไม่ได้ ผมต้องลงไปทำงานต่อ

ผมกระพริบตาถี่ๆ พยายามฝืนลืมตาขึ้นแต่ก็ได้ยินเสียงแผ่วๆ จากอีกฝ่าย


“หลับเถอะครับ ไม่ต้องห่วงเรื่องอื่นเดี๋ยวพี่จัดการเอง” แล้วก็ตามด้วยสัมผัสอุ่นๆ ตรงริมฝีปาก ผมอมยิ้มและหลับตาลง พลิกตัวหนีสัมผัสชื้นๆ ที่แตะแต้มอยู่ตรงริมฝีปากตัวเองเล็กน้อยแล้วก็หลับไป...




เอ๊ะๆ แบบนี้เรียกว่าทำโทษรึเปล่านะ ทำไมตองหนึ่งดูชอบ 5555


#สูตรอบรัก

Twitter : @loammyloammie

Facebook : LoammyLoammie
หัวข้อ: Re: [Re-Write] How to bake me สูตรอบรัก l 5 : ทำโทษ l 05-08-62
เริ่มหัวข้อโดย: noveeo ที่ 05-08-2019 22:25:45
อยากอ่านอ่าาาา  :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: [Re-Write] How to bake me สูตรอบรัก l 5 : ทำโทษ l 05-08-62
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 06-08-2019 02:51:30
แจ้งเตือนครั้งที่ 1 :katai5:

คุณLoammy

การลบเนื้อหาออกจากกระทู้ที่ย้ายเข้าห้องนิยายที่โพสจนจบแล้ว  ผิดกฎข้อที่ 16 นะคะ

หากมีความตั้งใจ โพสต์ฉบับเรียบเรียงแก้ไขใหม่ โดยไม่คิดเก็บโพสต์เดิมไว้

ตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้อง Boy's love story เลย จะดีกว่านะคะ
โดยกำกับหน้าจั่วหัวว่า Re-Write

มิฉะนั้นจะถูกแบนยูสเซอร์ได้นะคะ
หัวข้อ: Re: [Re-Write] How to bake me สูตรอบรัก l 5 : ทำโทษ l 05-08-62
เริ่มหัวข้อโดย: Loammy ที่ 06-08-2019 15:57:55
แจ้งเตือนครั้งที่ 1 :katai5:

คุณLoammy

การลบเนื้อหาออกจากกระทู้ที่ย้ายเข้าห้องนิยายที่โพสจนจบแล้ว  ผิดกฎข้อที่ 16 นะคะ

หากมีความตั้งใจ โพสต์ฉบับเรียบเรียงแก้ไขใหม่ โดยไม่คิดเก็บโพสต์เดิมไว้

ตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้อง Boy's love story เลย จะดีกว่านะคะ
โดยกำกับหน้าจั่วหัวว่า Re-Write

มิฉะนั้นจะถูกแบนยูสเซอร์ได้นะคะ

รับทราบค่ะ ขอโทษที่ไม่ได้อ่านกฏโดยละเอียดและทำผิดกฏนะคะ
หัวข้อ: Re: How to bake me สูตรอบรัก l ย้ายกระทู้แล้วจ้า l 07-08-62
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 28-08-2019 01:28:28
 :z1:

 :L2: :pig4: :L2: