พิมพ์หน้านี้ - ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 36 โชคดีที่ได้พบกัน (จบ) 24/02/2022

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: RingoPle ที่ 15-08-2019 20:36:28

หัวข้อ: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 36 โชคดีที่ได้พบกัน (จบ) 24/02/2022
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 15-08-2019 20:36:28
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


++++++++++++++++++++++

สวัสดีนะค้าาาาา เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต่อ ๆ เอี่ยว ๆ มาจาก

Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท

ปราชญ์ x ตฤน

> จิ้มไปอ่านเลย < (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70187.0)

#วริษฐ์กวิน


I Met You เพราะเราเคยพบกัน
[/b]


เพราะเราเคยเจอกันมาก่อน ถึงพี่จะลืม

แต่ผมลืมไม่ลง รอยยิ้มของพี่

ถ้าผมเจอพี่อีกครั้ง ผมจะไม่ยอมปล่อยพี่ไป

⌒/(・x・)\⌒

คนหนึ่งต้องการความรัก

อีกคนหนึ่งวิ่งหนีความรัก

จะต้องการหรือวิ่งหนี ในสองประโยคนี้ ก็มีคำว่า "รัก"

(https://uppic.cc/d/5MBP) (https://uppic.cc/v/5MBP)

วริษฐ์ : หล่อเนี๊ยบ โปรยเสน่ห์เป็นงานประจำ

"เซ็กซ์กับความรัก มันคนละเรื่องกัน

ที่พี่มีให้ก็มีแค่ความใคร่เท่านั้น"

(https://uppic.cc/d/5MBR) (https://uppic.cc/v/5MBR)

กวิน : หนุ่มหน้าหวาน (พยายาม) ยิ้มสดใสเสมอ ไม่ว่าจะเกิดอะไร

"ถ้าจะให้ผมทำตามใจตัวเอง ก็มีแค่เรื่องเดียวที่ผมอยากจะทำ

ผมจะทำให้พี่รักผมให้ได้"

(https://uppic.cc/d/5MBS) (https://uppic.cc/v/5MBS)

เติ้ล : หนุ่มหล่อที่แสนเอาแต่ใจ ชอบบงการ ชอบสั่ง (ใจร้าย)

"นายเป็นของฉัน ฉันจะไม่ปล่อยนายไป

ถึงไม่ได้รัก แต่ต้องการ...ครอบครองนาย"

++++++++++++++

บทนำ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70806.msg3997492#msg3997492)

บทที่ 1 เป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้หน่อย (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70806.msg3998254#msg3998254)
บทที่ 2 คลาดกัน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70806.msg3999358#msg3999358)
บทที่ 3 คำว่ารักที่ไม่มีความรัก NC (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70806.msg4000326#msg4000326)
บทที่ 4 ยินดี...ด้วยนะ NC (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70806.msg4001569#msg4001569)
บทที่ 5 หนี เพื่อเริ่มต้นใหม่ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70806.msg4003779#msg4003779)
บทที่ 6 พรหมลิขิต? / อยากได้ ต้องได้ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70806.msg4006116#msg4006116)
บทที่ 7 ความท้าทายใหม่และการพบเจอ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70806.msg4008027#msg4008027)
บทที่ 8 ผมจะทำให้พี่รักผม (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70806.msg4010373#msg4010373)
ตอนพิเศษ ควันหลงลอยกระทง (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70806.msg4013094#msg4013094)
บทที่ 9 พี่ไม่ไหว(NC) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70806.msg4014388#msg4014388)
บทที่ 10 พี่ปวดเอว (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70806.msg4015047#msg4015047)
บทที่ 11 เจ้าแมวน้อยตัวขาวเนียน (NC) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70806.msg4015649#msg4015649)
บทที่ 12 ขอโทษทีว่ะ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70806.msg4016292#msg4016292)
บทที่ 13 ความสุขที่น่าหวาดกลัว (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70806.msg4016845#msg4016845)
บทที่ 14 ระยะห่างที่มองไม่เห็น (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70806.msg4017344#msg4017344)
บทที่ 15 รุนแรงเหลือเกิน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70806.msg4017714#msg4017714)
บทที่ 16 ไกลเท่าเดิม (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70806.msg4018142#msg4018142)
บทที่ 17 เดี๋ยวพี่ไปหา (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70806.msg4018613#msg4018613)
บทที่ 18 ประจันหน้า (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70806.msg4019157#msg4019157)
ตอนพิเศษ ซานต้าที่ไม่ยอมใส่กางเกง (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70806.msg4019434#msg4019434)
บทที่ 19 ความสับสน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70806.msg4019926#msg4019926)
บทที่ 20 ช่องทางทำความรู้จักพี่ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70806.msg4020507#msg4020507)
บทที่ 21 โง่นักก็ให้หมามันคาบไป (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70806.msg4021528#msg4021528)
บทที่ 22 น้อยใจ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70806.msg4022297#msg4022297)
บทที่ 23 ผมรักพี่ ผมรู้แค่นี้ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70806.msg4023605#msg4023605)
บทที่ 24 พบคนสำคัญ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70806.msg4025551#msg4025551)
บทที่ 25 ทำให้ชัดเจน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70806.msg4026475#msg4026475)

บทที่ 26 พี่จะบอกว่า... (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70806.msg4027446#msg4027446)

บทที่ 27 อย่ายุ่งกับกวินอีก (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70806.msg4029467#msg4029467)
ภาพเพื่อจินตนาการเท่านั้นนนน

บทที่ 28 พี่จองไว้ก่อน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70806.msg4041393#msg4041393)

หัวข้อ: Re: /(⁎˃ᆺ˂)\ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : เเนะนำ 15/8/62
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 15-08-2019 21:50:55
 :pig2:
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: /(⁎˃ᆺ˂)\ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทนำ 16/8/62
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 17-08-2019 17:44:05
บทนำ



               ผมไม่รู้ว่าจะทำให้เขาพึงพอใจได้ยังไง นอกจากทนฝืนยิ้มเอาไว้ ถ้าผมยิ้ม ถ้าผมมีความสุขคนรอบข้างก็จะมีความสุข ไม่ว่าจริง ๆ ผมจะรู้สึกยังไง ถ้าเพียงผมยิ้มเอาไว้ ทุกอย่างก็ยังดำเนินต่อไปได้ อย่างมีความสุข...



               ยิ่งผมเจ็บปวด คุณก็ยิ่งมีความสุข ใช่มั้ย...





               “อึก อ๊า ซี๊ดดด” เสียงครวญครางอย่างสุขสมจากชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา เขานอนนิ่งให้คนด้านบางเป็นผู้ดำเนินเกมรัก ร่างบางโยกขยับจุดเชื่อมต่อขึ้นลง รุนแรงกระแทกกระทั้น แม้สองข้อมือบางจะถูกมัดไว้ด้านหลังด้วยริบบิ้นสีแดงสด ร่างนวลเนียนที่เต็มไปด้วยร่องรอยขบกัด กำลังพยายามจะพาชายหนุ่มให้ไปถึงจุดหมาย



เพียะ



               มือหนาของคนด้านล่าง ฟาดไปที่บั้นท้ายกลึง ความเจ็บแล่นเป็นริ้ว แต่กลับให้ความรู้สึกซาบซ่าน

               “เติ้ล ... อ่า” ร่างบางพึมพำเรียกชื่ออีกฝ่าย ดวงตาหวานฉ่ำ มองสบดวงตาคม ลิ้นร้อนแลบลิ้นเลียรอบริมฝีปากอย่างยั่วยวน

               มือหนาจับสะโพกอีกฝ่ายเพื่อเร่งจังหวะ ขณะที่สะโพกมนกดลง ร่างหนาก็เด้งเอวสวน ทำให้มันเข้าไปได้ลึกจนร่างบางสะท้านและรู้สึกจุก หน่วง

               “อื้อออออ”

               ทั้งสองร่างขยับเพื่อตอบสนองต่ออารมณ์ที่ถาโถม กระแทกกระทั้นเข้าหากันไม่หยุดหย่อน จนกว่าพายุอารมณ์นี้จะทำลายทุกอย่างให้แตกสลายเหลือแค่ซากปรักหักพัง

               .

               .

               .

               หลังจบเกมรัก ร่างบางนอนพักอย่างเหนื่อยอ่อน ดวงตากลมหลับพริ้ม แก้มเนียนขึ้นสีเรื่อ ใบหน้าชื่นเหงื่อจนเส้นผมแนบลู่ติดไปกับใบหน้า เหมือนคนเพิ่งออกกำลังกายเสร็จ แน่ล่ะ ออกกำลังกายในร่ม

               “กวิน”

               “หืม?”

               ร่างบางขยับริมฝีปาก ขานรับเสียงเบา

               “เรา...กำลังจะแต่งงาน”

               “ฮะ?” กวินได้แต่งุนงงกับคำบอกนั้น แต่งงาน?

               “เติ้ลกำลังจะแต่งงาน”

               “เดี๋ยวก่อน...” ความจริงบางอย่างพุ่งใส่เขาจนเขาคิดอะไรไม่ทัน แต่งงานกับใคร คำพูดนี้ออกมาจากปากของผู้ชายที่เพิ่งจะมีอะไรกับเขาไปเมื่อกี้ เขาไม่เคยรู้ว่าอีกฝ่ายมีใคร

               เติ้ลขยับไปหยิบของบางอย่างที่ข้างเตียง เป็นซองสีเขียวอ่อน ซองนั้นถูกยื่นมาให้กวิน มือบางยื่นไปรับซองนั้นมาเปิดดู ชื่อจริงของเติ้ล กับ ผู้หญิงสักคน มือบางสั่นเทาอย่างคุมไม่อยู่

               “ธะเธอเป็นใคร?”

               “ผู้หญิงที่พ่อกับแม่หามาให้”

               “นายก็ยอม...” ตอนนี้กวินรู้สึกเหมือนกำลังสูญเสียตัวเอง เขาไม่สามารถควบคุมร่างกายได้อย่างใจ คุมไม่ให้มือสั่น ไม่ให้หัวใจเต้นแรง ไม่ให้ริมฝีปากอ้าพะงาบ และไม่ให้น้ำตาเอ่อคลอ เขาบังคับอะไรไม่ได้เลยแม้แต่อย่างเดียว

               “เขาก็น่ารักดี เป็นผู้หญิงที่เพรียบพร้อม”

               ‘เขา ...แล้วเขาล่ะอยู่ตรงไหน’ ในใจตะโกนถามเขาเสียงดัง แต่ริมฝีปากกลับทำแค่เม้มเอาไว้

               “ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะเพื่อน ถ้าว่างก็อยากขอให้ไปเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้ด้วย”

               ริมฝีปากบางเม้มแน่น เขาพยายามสะกดอารมณ์ความรู้สึก และก้อนสะอื้นที่ขึ้นมาจุกอยู่ที่ลำคอ น่าสมเพช ทั้งหมดที่ผ่านมา เป็นแค่... แค่เพื่อน ความสัมพันธ์ทุกอย่างที่เกินเลย...มันก็แค่ของชั่วคราว ที่ไม่สามารถพัฒนาไปได้ และจบลงตรงนี้

               เมื่อเห็นว่าร่างบางไม่ยอมตอบ อีกฝ่ายถึงได้พูดซ้ำ

               “กวิน ไปด้วยนะ”

               “เออ ไปดิ เพื่อนแต่งงานทั้งที ยินดีด้วยนะเว้ย” ถึงจะพูดแบบนั้น แต่ในใจของเขากลับท่วมท้นไปด้วยน้ำตา หยดน้ำที่ไม่ไหลออกจากตา แต่กลับไหลย้อนเข้าข้างในทำให้เขารู้สึกเหมือนจะจมน้ำ อย่างกับจะขาดใจตาย

               “ขอบใจมากที่เข้าใจ”

               กวินขยับแย้มยิ้ม แม้ดวงตาจะเศร้าหมอง แต่เขาก็ทำได้แค่นี้ แค่เพียงยิ้มเอาไว้...

.

.

[เติ้ล คือ คนใจร้าย ให้ไปเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว!!!! มันได้หรอ!!!]
 :katai1:
หัวข้อ: Re: /(⁎˃ᆺ˂)\ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทนำ 17/8/62
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 18-08-2019 09:56:24
 :กอด1:
 :3123:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: /(⁎˃ᆺ˂)\ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทนำ 17/8/62
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 20-08-2019 00:50:31
บทที่ 1 เป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้หน่อย


   กวินนั่งเท้าคางมองปฏิทินตั้งโต๊ะด้วยใบหน้าเรียบเฉย กับดวงตาที่ไม่สดใส บนหน้าปฏิทินนั้นมีปากกาสีแดงวงวันที่วันนี้เอาไว้ พร้อมลายมือบรรจงเขียนว่า ‘ปาร์ตี้’ คำแบบนี้ควรทำให้เจ้าตัวสดชื่น มันน่าจะเป็นเรื่องสนุกสนาน แต่ไม่ใช่ ยิ่งใกล้เวลาเลิกงาน เขาก็ยิ่งรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ แต่จะไม่ไปก็ไม่ได้ ...

   หลังเลิกงานเขาลุกขึ้นเก็บข้าวของลงกระเป๋า ด้วยท่าทางที่ไม่กระฉับกระเฉง เขาพยายามจะประหยัดพลังชีวิตเอาไว้ เพราะเดี๋ยวจะต้องใช้อย่างหนักหน่วง ในการซ่อนความรู้สึกหน่วงหนึบในใจนี่เอาไว้

   “กวิน เย็นนี้ไปไหนหรือเปล่า” รุ่นพี่ผู้หญิงที่เขาสนิทด้วยเอ่ยทัก ใบหน้าสะสวย ตัวเล็กน่ารักแต่นิสัยห้าว ทำให้สาวเจ้าไม่มีแฟนสักที สวย ฉลาด แต่ไม่เป็นที่ต้องการในตลาด แต่เป็นหญิงสาวที่เขาอยู่ด้วยแล้วสบายใจนะ นั่นทำให้บางทีหลังเลิกงานพวกเขาก็เลยมักจะแวะไปหาข้าวเย็นกับจิบเบียร์ทอดอารมณ์ด้วยกันบ้างเป็นครั้งคราว

   “ฮะ อ่ะครับ มีนัดกับเพื่อนครับ” กวินหันมาพูดตอบรุ่นพี่ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ผิดจากเมื่อกี้ลิบลับ

   “อ๋อ น่าเสียดายพี่มีคูปองส่วนลด หมดวันนี้พอดี” รุ่นพี่ใจดีพูดพลางขยับยิ้ม “เดี๋ยวลากไอ้โม่ไปแทน ขอให้มีวันหยุดที่สนุกนะ”

   “เช่นกันนะครับ”

   ความสุข...มันบินหายไปหมดแล้ว



   “เฮ้ ไอ้กวินนนน กว่าจะมาถึงนะมึง”

   เพื่อนชายร่างบึกบึนตะโกนทักเมื่อเขาก้าวเท้าเข้ามาในห้องจัดเลี้ยงคาราโอเกะ เป็นห้องขนาดใหญ่ที่จุคนได้ราว 20 คน

   “หวัดดีเว้ย ไอ้แต้ม” กวินทักกลับสีหน้ายิ้มแย้มสดใส

   เวลามีคนมาถึงใหม่ ๆ เสียงในห้องก็จะยิ่งคึกครื้น ด้วยการตะโกนทักทายกัน กวินกวาดสายตามองเพื่อน ๆ ในห้อง เท่าที่เห็นพวกที่ลงชื่อว่าจะมาวันนี้ ก็มากันเกือบจะครบทุกคนแล้ว ยกเว้นเจ้าของงาน

   เสียงพูดคุยจอแจดังไปทั่ว ไม่มีทีท่าจะหยุด เพราะไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่ นาน ๆ จะได้มารวมตัวกันแบบนี้ การอัพเดทความเป็นไปของเพื่อน รวมถึงการหยอกล้อแบบสมัยเรียน

   กวินเทเหล้าลงแก้ว เทเยอะกว่าทุกทีที่ดื่ม ให้มันขมเข้าไว้...

   “เฮ้ย เดี๋ยวก็เมาแต่หัววันหรอก” เสียงเพื่อนที่นั่งข้าง ๆ เอ่ยทัก

   “ไม่เมาง่าย ๆ หรอกเว้ย” เขาพูดพลางฉีกยิ้มแบบฉบับเขา

   “ไอ้กวิน กูไม่แบกเมิงนะ” เพื่อนที่ชื่อโจ้ที่นั่งตรงข้ามรีบพูดดัก

   “เออ ไม่เมาแค่นี้เอง”

   “อย่าเสียใจที่ไอ้เติ้ลแต่งงานเลย พวกมึงก็ได้กันจนเบื่อแล้วนี่หว่า” แต้มพูดแซว ทำเอากวินสะอึก มันรู้... กวินเหลือบมองคนพูด แล้วก็ได้แต่คิดในใจว่ามันจะไปรู้ได้ยังไง เขากับเติ้ลถูกแซวแบบนี้มาตั้งแต่สมัยเรียน เพราะเป็นเพื่อนที่สนิทสนมกัน เป็นคู่หูที่ติดกันยิ่งกว่าปาท่องโก๋

   “ใครเสียใจ กูนี่ดีใจจะตายห่า มีคนแรกของห้องสักที”

   “อ่ะ แม่งมาล่ะ ตายยาก” แต้มพูดขึ้น ทำให้กวินหันมองตาม

   ร่างสูงที่คุ้นเคยเดินเคียงข้างเข้ามากับหญิงสาวที่ไม่คุ้นหน้า ใบหน้าของทั้งคู่สดใส แต่งแต้มด้วยรอยยิ้มเจิดจ้า มือของทั้งคู่เกาะกุมกันแน่น หญิงสาวตัวเล็กน่ารัก ใบหน้าสวยหวานริมฝีปากอวบอิ่ม ผิวขาวเนียนละเอียดท่าทางน่าทะนุถนอม น่าปกป้อง เหมือนเจ้าชายกับเจ้าหญิงเหมาะสมกันดี...

   ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของงานปาร์ตี้วันนี้ วัตถุประสงค์คือการแจกการ์ดงานแต่ง และสังสรรค์กับเพื่อนที่ห่างหายกันไปนาน เขาทักทายทุกคน จนมาสะดุดกับสายตาของกวิน สายตาที่แว่บนึงมันช่างเศร้าสร้อย แล้วก็กลับสดใส เจิดจ้า ราวกับก่อนหน้านี้เขาตาฝาด

   “มึงทำกวินเสียใจ” แต้มยังคงแซวต่อเสียงดัง

   คำพูดนั้นเป็นเรื่องโกหกล้อเล่นในสายตาของคนอื่น แต่จริงเสียยิ่งกว่าจริงสำหรับเขา เขาเสียใจ ... น้ำคำนั้นกลับตอกย้ำบาดลึก เข้าไปข้างใน

   “เสียใจอะไร กวินก็เป็นเพื่อนรักกูเสมอ ใช่มั้ยเมิง” เติ้ลตอบกลับกลั้วขำ พลางถามย้อนมาที่เขาอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร

   กวินไม่ได้ตอบเพียงแค่พยักหน้า พลางชูแก้วเหล้าขึ้นให้เป็นเชิงว่าเห็นด้วย

   “เอาล่ะมึง ให้ความสนใจกูกับว่าที่เจ้าสาวคนสวยหน่อย”

   กวินมองทั้งคู่ที่ยืนเคียงข้างกันที่กลางห้องอย่างโดดเด่น ถ้ามีสปอร์ตไลท์ส่องอีกสักดวงคงเจิดจ้ายิ่งกว่านี้ สว่างสดใสจนเขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นหลุมดำ... เป็นมุมเล็ก ๆ ที่แสงสว่างไม่มีวันส่องถึง...

   “นี่น้องเอิงเอยว่าที่ภรรยาของกุ พวกเมิงอาจจะไม่เคยเห็นกัน”

   มือหนาโอบรอบเอวบางอย่างหวงแหน สวีทหวานต่อหน้าประจักษ์พยาน

   หญิงสาวยิ้มเขิน พลางยกมือไหว้ทุกคนด้วยท่าทางกริยามารยาทที่งดงาม

   “สวัสดีค่ะ” น้ำเสียงที่เอ่ยทักทายก็ยังน่ารัก

   “ทำไมน้องเอิงเอย มาแต่งกับไอ้คนแบบนี้ล่ะครับ” เพื่อนเอ่ยแซวเสียงดัง

   “ไอ้อาร์!” เติ้ลเรียกชื่อเพื่อนเสียงดังเป็นการปรามแบบทีเล่นทีจริง

   “เพราะพี่เขาเป็นคนดี น่ารักค่ะ” สาวเจ้าตอบแบบเขิน ๆ ท่าทางน่ารักจนไม่มีใครแปลกใจที่ทำไมเติ้ลถึงแต่งงานกับคนนี้อย่างรวดเร็ว คงเป็นเพราะอยากครอบครองและเก็บหญิงสาวคนนี้เอาไว้กับตัวคนเดียว 

   เติ้ลหยิบปึกซองสีเขียวอ่อนมาถือเอาไว้ เขาโบกมันไปมา ก่อนจะพูดต่อ

   “จะใส่มากี่หมื่นก็ตามสบายเลย”

   “กูใส่ 5 บาทพอ” เพื่อนยังคงพูดแซวพูดหยอกเติ้ลไม่เลิก

   เพื่อน ๆ เดินไปรับการ์ดจากมือของว่าที่เจ้าบ่าว ทุกคนรวมทั้งกวิน แม้เขาจะมีอยู่แล้วใบนึงที่ห้องก็ตาม เป็นคนแรกที่ได้การ์ดเอาไว้ด้วยซ้ำ

   ชายหนุ่มยื่นส่งการ์ดให้กวิน แต่ยังไม่ยอมปล่อยมือ

   “ใส่ซองเดียวก็พอนะ” เติ้ลพูดกับอีกฝ่ายเสียงเบา แต่ต่อให้มีใครได้ยินก็คงคิดว่าเป็นคำแซวหยอกล้อเพื่อนสนิท ไม่มีใครนึกหรอกว่ากวินจะได้รับการ์ดมาแล้ว

   กวินไม่ได้ตอบอะไร ทำแค่ยิ้มให้... แม้น้ำตาจะตกในก็ตาม ยิ่งเข้ามาใกล้ เห็นหญิงสาวร่างบางชัด ๆ ก็ยิ่งรู้สึกว่าเขานั้นเหมาะสมกัน

   กวินกลับมานั่งที่ ๆ พลางยกเหล้าขึ้นกระดกต่อ ไม่มีใครทันสังเกตด้วยซ้ำว่า กวินมีน้ำตาคลอหน่วยอยู่ในดวงตา กระพริบไล่กี่ครั้งก็คอยแต่จะเอ่อขึ้นมา ดีที่ในห้องมืดสลัว เพราะปิดไฟห้อง เปิดแต่ไฟเธค ร้องคาราโอเกะ เต้นกันจะได้ไม่เคอะเขิน มีเขาที่ดื่มอยู่ในมุม ยิ้มแย้มบ้างเมื่อเพื่อนหันมามองมาชวนคุย

   “ไปห้องน้ำแปป” เขาบอกกับเพื่อนลอย ๆ เพราะชักจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ไหวอีกแล้ว ...



   เขาเดินออกมาในที่ปลอดคน ไฟบริเวณนั้นค่อนข้างสลัว ก่อนทิ้งตัวลงนั่งบนพื้นต่างระดับ ตัวสั่นสะอึกสะอื้นอย่างคุมไม่อยู่ สองมือยกขึ้นปิดใบหน้า น้ำตาไหลพรั่งพรูไม่หยุด เขากำลังจะกลายเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้กับผู้ชายที่เขารัก ผู้ชายที่ทิ้งเขาไปแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น และตัดขาดความสัมพันธ์ทั้งหมดกับเขา กลับไปเป็นเพื่อน ทุกอย่างที่เกินเลยเป็นแค่เรื่องชั่วครั้งชั่วคราว ไม่มีความรัก เป็นความใคร่ เขาไม่ได้ดีใจที่อีกฝ่ายยอมมีอะไรกับเขา เพราะว่าเรื่องบนเตียงของเขานั้นเผ็ดร้อน หรือแค่แปลกใหม่



   ฟุบ



   มีใครบางคนนั่งลงข้าง ๆ เขา ก่อนที่เสียงจุดไฟแช็กจะดังมาจากคนข้าง ๆ ตามด้วยกลิ่นบุหรี่ลอยมาตามลม

   “ร้องไห้...ทำไมมมม ครับ” เสียงคนข้าง ๆ เอ่ยทัก ติดจะเมา ๆ เล็กน้อย

   “ฮือ” พอมีคนมาถาม ร่างบางก็ยิ่งร้องหนักขึ้น ความลับที่เขาบอกใครไม่ได้เลย พอมีคนถามกลับยิ่งทำให้อยากร้องไห้ออกมา

   มือหนาเอื้อมแตะที่ไหล่อีกฝ่ายเบา ๆ

   “โอ๋นะครับบบบ”

   ร่างบางมองคนที่กำลังปลอบเขา คนแปลกหน้าที่มานั่งสูบบุหรี่อยู่ข้างเขา เสี้ยวหน้าหล่อเหลาดูดี ดวงตาฉ่ำด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ น้ำเสียงนุ่มนวลพาให้เคลิบเคลิ้ม

   “ไม่ร้องงงงง” มือหนาขยับมาลูบหัวอีกฝ่าย

   “พี่...ฮืออออ”

   “พี่ชื่อออ วริษฐ์...ครับ” ชายหนุ่มล้วงหยิบนามบัตรออกมาส่งให้อีกฝ่าย

   “ผมกวินครับ” ร่างบางแนะนำตัว พร้อมกับหยดน้ำตาที่ไหลออกมาไม่ขาดสาย

   “อย่าร้องงงง”

   ชายหนุ่มมองวริษฐ์อย่างงง ๆ เขาคิดว่าอีกฝ่ายคงเมามาก และก็จิตใจดีมาก ถึงได้มานั่งปลอบคนที่ไม่รู้จัก

   “ผมเพิ่งโดนแฟนบอกเลิก...” เขาใช้คำนี้ได้มั้ย มันได้หรือเปล่า แฟน?

   “ฮื่อออ รัก ตัวเองงง ให้มาก” วริษฐ์กระตุกยิ้ม

   รอยยิ้มนั้น ตราตรึงใจของกวิน

   “หาาาา...ใหม่ ให้ อึก ดีกว่าเดิม พี่ เอาใจช่วยยย”

   “วริษฐ์คะ!” หญิงสาวเดินตามมาจากในร้านเมื่อเห็นว่าผู้ชายของเธอหายออกไปนาน ก่อนเจอว่ามานั่งหลบมุมสูบบุหรี่อยู่ข้างนอก

   “ครับบบบ”

   “ไปกันเถอะค่ะ” หญิงสาวเดินมาคว้าแขนชายหนุ่มเอาไว้

   “พี่เขากวนหรือเปล่า ขอโทษนะคะ” ร่างสูงลุกขึ้นตามแรงดึง ก่อนหันมาขยิบตาให้กับกวิน



   คนประหลาดที่มานั่งปลอบคนแปลกหน้า ถึงจะดูแปลกแต่กลับทำให้เขารู้สึกสบายใจขึ้นมาได้ คนที่รับฟังเขา โดยไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรด้วยเลย แต่กลับบอกว่าจะเอาใจช่วยเขา … ใจดีจัง



   หลังจากหยุดร้องไห้ได้ เขาก็นั่งนิ่ง ๆ ถอนหายใจเฮือกใหญ่ พลางเหม่อมองท้องฟ้ามืดมิด อีกพักใหญ่กว่าจะรู้สึกดีขึ้นดีพอที่จะกลับไปอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอึดอัด เขาต้องพยายามทำใจให้เข้มแข็ง สะกดความเจ็บปวดเอาไว้ให้ลึก เพราะพอกลับเข้าไปก็ต้องอดทนให้มากยิ่งขึ้น ชิ่งกลับเลยดีมั้ยนะ

   กวินผลักประตูเข้าไปในห้อง พอเงยหน้าขึ้น ก็เจอภาพบาดตาบาดใจอีกครั้ง ในระยะประชิด เมื่อเติ้ลกำลังจูบกับว่าที่เจ้าสาวอย่างดูดดื่ม เขาได้แต่ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น รู้สึกหมดเรี่ยวหมดแรง แขนขาปวกเปียกไปหมด อยากจะหายไปจากตรงนี้ ...



   เขาได้สติเมื่อเสียงเพื่อนในห้องพากันร้องโหวกเหวกโวยวายเสียงดัง ใส่ความหวานเลี่ยนของทั้งคู่ เขาเดินหลบเลี่ยงกลับไปที่ที่นั่ง แต้มรินเหล้าให้เขาเมื่อเห็นว่าเขากลับมา

   “ไปนานเลย”

   “เออ” เขาตอบรับสั้น ๆ พลางคว้าแก้วเหล้ามากระดกรวดเดียวหมด

   “เอาอีก ๆ “ แต้มยังคงเทให้เขาอย่างต่อเนื่อง น้ำแข็งไม่ทันละลาย น้ำก็หมดแก้ว

   “จะมอมกูหรอไง”

   “เรียกว่าบริการดี มึงดื่ม กูก็ชงให้” แต้มพูดพลางส่งยิ้มให้ มันเป็นเพื่อนที่ดี เสียงดังโหวกเหวก กวนตีนไปบ้างแต่ก็ดูแลเพื่อน ๆ ดี มันไล่ชงเหล้าให้ทุกคนเลย

   “แต่เดี๋ยวกูจะขอกลับก่อนนะ” กวินพูดขึ้นหลังดื่นเหล้าหมดไปอีกแก้ว ใบหน้าเริ่มร้อนวูบวาบ

   “หืม? รีบไปไหนวะ” โจ้หันมาถาม

   “ไม่ค่อยสบายว่ะ”

   “เป็นโรคอะไรอ่ะ” เพื่อนอีกคนหันมาถาม ชิบเอ้ย อยู่ต่อหน้าเภสัชสาวซะด้วย

   “ปวดท้องนิดหน่อย”

   “เอาใบรับรองแพทย์ป่ะ” เภสัชพูดแซว อาการป่วยที่มักถูกเอามาอ้างเป็นอันดับแรกคืออาการปวดท้อง ตามด้วยปวดหัว นึกอะไรไม่ออก บอกปวดท้องไปก่อน ดูท่าเพื่อนคงอยากกลับไปนอนเต็มทน เธอก็ไม่อยากจะเซ้าซี้

   “รอดิกลับกะกูเดี๋ยวกูไปส่ง” แต้มพูดขณะที่ยังไม่หยุดรินเหล้าให้

   “ไม่เป็นไรมึง ขอบใจ หมดแก้วนี้กูไปแล้ว” เขาบอกปฏิเสธ ให้อยู่นานกว่านี้ไม่ไหวแล้ว ภาพติดตา ทำเอาเขาหายใจไม่ออกรู้สึกเหมือนคนกำลังจะจมน้ำตาย ต้องไปที่ปลอดโปร่งกว่านี้ ไปในพื้นที่ส่วนตัวที่จะฟูมฟายแค่ไหนก็ได้ โดยไม่ทำให้ใครต้องมาลำบากใจไปด้วย

   กวินบอกลาเพื่อน ๆ เขาคว้ากระเป๋าพลางเดินออกไปจากร้าน จิตใจไปถึงห้องพักแล้วด้วยซ้ำ เขาอยากจะสนุกสนานกับเพื่อน ๆ ให้มากกว่านี้ เพราะไม่ได้เจอกันนาน แต่ไม่ได้ ...หัวใจของเขามันบอบช้ำเกินกว่าจะปั้นหน้ายิ้มแย้มได้ไหว

   เขาเรียกรถแท็กซี่ บอกที่หมายด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ร่างบางนั่งทิ้งตัวพิงเบาะ พลางถอนใจ ดวงตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ขณะที่รถเคลื่อนที่ น้ำตายังคงพร้อมที่จะไหล แต่เขาจะอดทน รอให้ถึงห้องก่อน เขาไม่อยากให้พี่คนขับตกใจ



   เมื่อเขากลับถึงห้อง เขาก็ทิ้งตัวลงบนเตียง นอนคว่ำหน้า ฝังใบหน้าของตัวเองลงกับหมอนหนานุ่มใบใหญ่ สิ่งที่พยายามกักเก็บเอาไหว พรั่งพรูออกมาเหมือนเขื่อนแตก น้ำตาไหลซึมลงหมอน พร้อมเสียงสะอื้นเจียนขาดใจ

   เขายังเข้มแข็งไม่พอ…

   ‘เป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้หน่อย’

   ทำไมอีกฝ่ายถึงได้ใจร้ายขนาดนี้ ... ให้ไปร่วมงานแต่งไม่พอ ยังมาขอให้เป็นเพื่อนเจ้าบ่าวอีก มันเพราะว่าเขาสำคัญ หรือว่าแค่อยากจะทำให้หัวใจเขามันแหลกสลายคามือกันแน่



   ร่างบางทำได้แค่ร้องไห้กับตัวเอง ปลดปล่อยเสียงสะอื้นให้ดังก้องสะท้อนไปมาในห้องที่อ้างว้าง…ว่างเปล่า


[สงสารกวิน โดนลากให้ต้องมาอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
เติ้ลนี่โคตรจะใจร้ายเลย T^T /ฝากทุกคนติดตามด้วยนะคะ]
 :z3:

หัวข้อ: Re: /(⁎˃ᆺ˂)\ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 2 คลาดกัน 25/8/62
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 25-08-2019 01:51:47
   
บทที่ 2 คลาดกัน

   

   กวินตื่นสาย เขาตื่นขึ้นมาอย่างไม่สดใสนัก ถึงจะไม่เมา แต่เหล้าก็ทำให้เขาไม่สบายตัว หนังตาก็รู้สึกตึง ๆ น่าจะบวมเพราะว่าร้องไห้มากเกินไป เขาลุกขึ้นไปอาบน้ำชำระล้างร่างกายให้สะอาดสดชื่น เอาเสื้อผ้าไปใส่ถังซักผ้า แล้วโทรสั่งอะไรเข้ามากินในห้อง

   เขาเปิดโปรแกรมแชทขึ้นดู เพื่อน ๆ หลายคนที่ร่วมดื่มกับเขาต่างส่งข้อความมาถามไถ่ ว่าถึงห้องปลอดภัยดีมั้ย เป็นยังไงบ้าง แน่นอนว่าเขาเพิ่งจะได้อ่านมัน เพราะเมื่อคืน พาตัวเองกลับถึงห้อง นอนร้องไห้แล้วก็หลับไปแบบไม่รู้ตัว เขาไล่พิมพ์ตอบเพื่อน ๆ บางคนตอบกลับมาทันที

   ‘ไม่ตอบกุปีหน้าเลยล่ะ!!!’

   “ได้หรอวะ งั้นเดี๋ยวกุ Unsend ก่อน แล้วไปตอบเมิงปีหน้า”

   ‘สัส’

   

   ก๊อก ก๊อก ก๊อก

   

   เสียงเคาะประตูหน้าห้อง ทำให้กวินละสายตาจากมือถือ ลุกขึ้นไปที่ประตู เขามองส่องผ่านตาแมว เห็นเครื่องแบบของร้านอาหารที่สั่ง จึงเปิดประตูออกไปจ่ายเงิน พูดทักทายขอบคุณอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มสดใส พร้อมรับของถุงใหญ่เอาไว้

   กวินทำตัวสบาย ๆ ตั้งใจว่าวันนี้จะให้ตัวเองได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ นั่งกินข้าวไปก็ดูการ์ตูนไปด้วย การ์ตูนตลกแอคชั่น ช่วยให้เขาสบายใจขึ้นมาบ้าง ได้หัวเราะกับเรื่องไร้สาระบ้างก็ดี

   

   ติ๊ด ติ๊ด

   

   เสียงแจ้งเตือนจากเครื่องซักผ้า ว่ามันซักเสร็จเรียบร้อย กวินกดหยุดการ์ตูนเอาไว้ก่อน พลางหยิบตะกร้าและไม้แขวนเสื้อเดินตรงไปที่เครื่องซักผ้า ต้องรีบตากผ้าก่อนที่แดดจะหมด

   พอเปิดฝาถังซักผ้า กวินก็ได้แต่ขมวดคิ้วมุ่น เสื้อผ้ามีแต่ขุย ๆ ชิ้นเล็ก ๆ นี่มันอะไร เขาลืมอะไรไว้ในกระเป๋ากางเกงแน่ ๆ

   ร่างบาง หยิบเอาเสื้อผ้าแต่ละตัวมาสะบัดไล่ฝุ่นไล่ขุย มือก็ล้วงหาว่าอะไรเป็นสาเหตุ

   จนมาเจอเศษกระดาษยุ่ย ๆ ที่จับตัวเป็นก้อน แต่ไม่ขาด คงเป็นเพราะใช้กระดาษคุณภาพดี เขาคลี่มันออกและพบว่ามันเคยเป็นอดีตนามบัตร...

   

   ‘อย่าร้อง’

   ‘รักตัวเองให้มาก’

   ‘หาใหม่ให้ดีกว่าเดิม พี่เอาใจช่วย’

   

   ร่างบางผุดยิ้มเมื่อนึกถึงน้ำเสียง และรอยยิ้มของคนแปลกหน้าเมื่อคืน หาใหม่ให้ดีกว่าเดิม ... แล้วคุณล่ะดีกว่าคนอื่นเขามั้ยนะ คุณวริษฐ์

   

   ร่างบางเอานามบัตรไปคลี่วางตากเอาไว้ ดูแทบไม่ออก ข้อความรายละเอียดทั้งหลายหายไปกับน้ำ และผงซักฟอก กระจายติดไปตามเสื้อผ้าทุกชุดของเขา

   

   “เฮ้อออออ”

   กวินพ่นลมหายใจระบายอารมณ์เฮือกใหญ่ ไม่รู้อะไรเลยนอกจากชื่อ กับเศษซากนามบัตรโง่ ๆ นี่ จะเจอกันอีกได้ยังไง อยากเจออีก อยากรู้จัก...

   

   ชื่อถูกนำไปหาในแอฟต่าง ๆ มีคนชื่อนี้เต็มไปหมด แต่ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร หายังไงก็หาไม่เจอ ไม่มีรูปหรืออะไรที่พอให้ลุ้นได้โผล่ขึ้นมาเลย มีภาพดาราบ้าง คุณหมอบ้าง แต่ไม่มีเลย ผู้ชายใจดีคนนั้น

   

   -วริษฐ์-

   ‘ฮืออออออ’ เสียงคนร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างน่าสงสาร ‘กวินอย่าร้อง’ เขาเรียกชื่อใครบางคนออกไป ขณะที่มือหนาขยับไปจะแตะที่หัวไหล่เพื่อปลอบโยน แต่มันกลับทะลุผ่านร่างนั้นไปเฉย ๆ  ...พร้อมกับดวงตาที่ลืมตื่นขึ้นมาในโลกความเป็นจริง

   ...พร้อมกับลืมความฝันนั้นไป

   ‘ปวดหัวเป็นบ้า’ วริษฐ์ลืมตาขึ้นมาในเช้าวันใหม่ เพดานห้องและโคมไฟที่คุ้นเคย ถึงจะคุ้นเคยแต่ที่นี่ไม่ใช่ห้องของเขา เขาขยับตัวขึ้นนั่งมองสำรวจไปรอบ ๆ ห้อง ร่างกายเปลือยเปล่าทำให้เขารู้สึกหนาว ๆ มีผ้าห่มผืนหนาที่คลุมช่วงล่างของเขาไว้อย่างหมิ่นเหม่เต็มที เมื่อคืนเขาก็มาจบที่ห้องนี้อีกแล้วสินะ พอคิดแบบนั้นก็รู้สึกแสบที่หลังนิดหน่อย คงเพราะหญิงสาวจิกเล็บลงไป

   “ตื่นแล้วหรอคะ” หญิงสาวในชุดคลุมอาบน้ำสีขาวเดินเข้ามาหาเขา พลางทักทายเขาเสียงใส

   คู่ควงชั่วคราวของเขาเป็นสาวสวยที่ชื่นชอบในเรื่องอย่างว่า เธอไม่ได้เรียกร้องอะไรจากเขานอกจากเติมเต็มความต้องการซึ่งกันและกัน ซึ่งถือว่าดี แบ่งปันผลประโยชน์ร่วมกัน แต่ไม่เรียกร้องต้องการหัวใจ เพราะเขาก็ยังไม่อยากผูกมัดกับใคร

   “ครับ คุณกาน”

   “เมื่อคืน คุณเมามาก แค่สัญชาตญาณเรื่องอย่างว่าของคุณนี่ เร้าร้อนเหมือนเคยเลยนะคะ” เธอพูดอย่างตรงไปตรงมา เพราะระหว่างพวกเขา ก็มีอะไรกันมาหลายต่อหลายครั้ง เวลาออกไปเที่ยวกัน ก็มักจะมาจบที่ห้องของเธอเสมอ อีกฝ่ายเติมเต็มให้เธอได้อย่างดี แต่มันไม่พอ เธอจะอยู่แบบนี้ตลอดไปไม่ได้ ถ้าเขาไม่คิดพัฒนาความสัมพันธ์ เธอคงต้องพอ

   “คุณก็คงทำผมรุนแรงมากสินะครับ เจ็บหลังไปหมด”

   “ช่วยไม่ได้นี่คะ ก็คุณให้ฉันอยู่ข้างบน” เธอพูดพลางเดินมาหอมแก้มเขาเบา ๆ “ไปทานข้าวกันดีกว่าค่ะ”

   พวกเขาทานอาหารง่าย ๆ ก่อนที่หญิงสาวจะถามบางอย่างออกไป เธอคิดแล้วคิดอีก ติดใจในรสสัมผัส แต่ก็ต้องไปต่อ แค่เซ็กซ์มันไม่พอ เธอต้องการใครสักคนที่จะอยู่เคียงข้างกัน

   “วริษฐ์คะ” เธอกลั้นใจถามออกไป

   “ครับ”

   “คือ คุณชอบฉันบ้างมั้ยคะ” ชายหนุ่มเลิกคิ้ว พลางวางช้อนข้าวที่กำลังเตรียมจะตักเข้าปากลงในจาน ถึงจุดหนึ่งคู่ควงก็อยากจะกลายเป็นตัวจริง...

   “ชอบครับ”

   “ไม่ใช่ชอบแบบทั่วไปที่คุณมีให้กับผู้หญิงทุกคน ฉันแค่ ...เอ่อ พอที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ไปได้หรือเปล่า”

   “ไม่ครับ ผมไม่รักใคร”

   “ถ้าแบบนั้นนี่คงเป็นครั้งสุดท้ายาที่เราจะทำกันแบบนี้ แล้วก็ กลับไปเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันนะคะ” เธอตัดสินใจแล้ว ถ้าไม่รัก ก็ต้องเดินต่อ ทำตัวดี เพื่อจะเจอคนที่ดี

   ชายหนุ่มมองหญิงสาวคนสวยตรงหน้า แม้จะเสียดายนิดหน่อย แต่ก็ไม่เป็นไร ในเมื่อเธอเคารพการตัดสินใจของเขา เขาก็เคารพในตัวเธอเช่นกัน

   “ทำไมคุณถึงไม่รักใครหรอคะ” เธอถามเพราะเธออยากรู้ อีกฝ่ายก็ออกจะดูเป็นคนดี ไม่ได้มีนิสัยประหลาดอะไรหน้าตาก็ดี อัธยาศัยก็ดี การงานก็ไม่ได้แย่ ทำไมถึงไม่ยอมมีใครสักคนไว้ข้างกาย เป็นคู่รัก คู่คิดเหมือนคนทั่วไป

   “ผมแค่ไม่อยากรักครับ”

   “งั้นหรอคะ เสียดายคนดี ๆ อย่างคุณจัง”

   “ผมไม่ได้ดีหรอกครับ”

   “คนที่ไปนั่งปลอบผู้ชายแปลกหน้าที่กำลังร้องไห้น่ะ ก็ถือเป็นคนใจดีค่ะ”

   “เมื่อคืน ผมน่ะหรอครับ”

   “ใช่ค่ะ จำไม่ได้หรอคะ ผู้ชายคนนั้นหน้าตาดีด้วยนะคะ ผิวเนียนจนผู้หญิงอย่างฉันยังต้องอิจฉา”

   “ดีขนาดคุณกานยังอิจฉาเลยหรอครับ ผมอยากจำได้ขึ้นมาเลย” ชายหนุ่มพูดพลางขยับยิ้มละมุน

   “คุณอย่ามาชมฉันอ้อม ๆ นะคะ แล้วก็รอยยิ้มนั่นด้วย เดี๋ยวฉันใจอ่อน เลิกเป็นคู่นอนให้คุณไม่ได้พอดี”

   “ฮ่า ครับ งั้นวันนี้เรามาจัดสั่งลากันดีมั้ยครับ” เขาพูดกลั้วหัวเราะ หญิงสาวตรงหน้าฉลาด สวยงาม และตรงไปตรงมา เป็นเพื่อนที่ดี เขาคิดว่าสักวันอีกฝ่ายคงจะเจอคนที่ดี และพร้อมอยู่ข้างเธอ ซึ่งไม่ใช่คนแบบเขา...

   

   -กวิน-

   อาจจะเพราะช่วงนี้เขาเคว้งคว้าง เขาถึงได้หวั่นไหวได้ง่าย กับคนที่ใจดีกับเขา เพราะวริษฐ์โผล่มาในนาทีที่เขาอ่อนแอที่สุด เขาถึงได้เอาแต่นึกถึงอีกฝ่ายไม่หยุดหย่อน และเพราะเขาอยากเจออีกฝ่าย สิ่งเดียวที่เขาพอจะทำได้ ก็คือกลับไปที่ ๆ เจอกันครั้งแรก แล้วภาวนา ด้วยเหตุนี้กวินจึงมักแวะเวียนไปกินข้าวที่ร้านนั้น ช่วงแรก ไปบ่อย ไปนั่งกินคนเดียว ดวงตาก็คอยสอดส่ายมองหาใครบางคนที่อาจจะกลับมากินข้าวที่ร้านนี้อีก

   

   แต่ไม่เลย...

   

   “ไวน์ครับ จากโต๊ะทางริมหน้าต่าง” พนักงานนำเครื่องดื่มมาส่งให้เขา

   เขาจำใจรับมันเอาไว้ ก่อนขยับยิ้มหวานพลางผงกศีรษะให้คนที่ส่งมันมา ผู้ชายตัวสูงใหญ่ในชุดสูท ชายวัยกลางคนที่น่าจะมีเงินเหลือเฟือ แต่ขาดคนเอาอกเอาใจ เขายกขึ้นจิบพอเป็นมารยาท แค่ให้น้ำสีม่วง ๆ แตะริมฝีปากแต่ไม่อ้าปากให้มันเข้าไป แม้จะอยากลองชิม แต่เสี่ยงเกินไปสำหรับเขาที่มาคนเดียว แล้วต้องรับของซี้ซั้วจากคนแปลกหน้า เพียงเพราะไม่กล้าปฏิเสธ

   เขาก็พอรู้ตัวว่าตัวเองก็หน้าตาดีพอสมควร การมานั่งในร้านแบบนี้คนเดียว ก็ต้องปั้นหน้ายิ้มแย้ม ต้องเตรียมคำพูดปฏิเสธ เพราะจะเจอแต่คนเนียนเข้ามาเต๊าะ เข้ามาจีบ มาหาความสัมพันธ์ช่วงข้ามคืน แต่เขาไม่นึกอยาก เขาพอแล้วกับความสัมพันธ์ชั่วคราวแค่เติ้ลคนเดียวก็เกินพอแล้ว

   

   ...และถ้าเขาจะยอมใครสักคน เขาจะยอมให้ผู้ชายใจดีคนนั้น

   

   เขานั่งจนดึก แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าเขาจะมา แถวนี้มีร้านอาหารร้านนั่งชิล เป็นร้อย ๆ ร้านให้เลือก แล้วถ้าไม่ใช่คนแถวนี้ แค่บังเอิญมาร้านนี้ ยิ่งคิดความหวังของเขาก็ยิ่งดับมืด

   

   ชีวิตของผมช่วงนี้ พออยากเจอใครสักคนที่เฝ้าตามหา ก็มักจะได้ยินชื่อนั้นซ้ำแล้วซ้ำอีก ได้ยินบ่อยครั้ง แต่ไม่ใช่เจ้าของชื่อคนที่เขาอยากเจอเลย แม้กระทั่งตอนที่ต่อแถวรอกินอาหารในร้านบุฟเฟ่ต์

   “คุณวริษฐ์ 2 ที่ครับ”

   ร่างบางสะดุ้งที่ได้ยินชื่อนั้น

   “เป็นอะไรไอ้กวิน” เพื่อนเอ่ยทักเมื่อเขาสะดุ้งตัวอย่างแรงจนเพื่อนตกใจไปด้วย

   “...” เขาไม่ได้ตอบอะไร รีบหันมองหาเจ้าของชื่อ ...

   

   เป็นผู้ชายสองคนที่ยืนอยู่ไม่ไกล ชายร่างท้วมผิวขาวท่าทางกินเก่ง กับเพื่อนอีกคนที่ดูจะกินเก่งเหมือนกัน แต่ไม่ใช่คนที่เขาตามหา

   ร่างบางเค้นยิ้มเจื่อน ผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำอีก ‘วริษฐ์’ ชื่อที่แล่นวนอยู่ในสมองของเขา จนเขาอยากจะเป็นบ้า ไปประกาศตามหาที่ไหนได้บ้างมั้ยเนี้ย

   “คุณแต้ม 4 ที่ค่ะ” ไม่ทันฟุ้งซ่านพวกเขาก็ได้โต๊ะพอดี

   “พวกเมิงไปงานไอ้เติ้ลยังไง” โจ้เอ่ยทักเพื่อน ๆ เขาคิดว่า ไหน ๆ ก็ไปงานเหมือนกัน ถ้าไปด้วยกันน่าจะดีกว่า

   “กุว่าจะไปรถเมิงอ่ะโจ้ ให้เมิงขับ” แต้มพูดขึ้นมาหน้าตาเฉย

   “เออสัสได้ เมิงอ่ะ กวิน ไอ้นุก”

   “กุไปด้วย” นุกพูดตอบ

    “...” กวินนิ่งเงียบ เขายังไม่ได้คิดเรื่องนั้นเลยด้วยซ้ำ อีกตั้งเกือบสองเดือน ใจจริงแล้วเขาตอบว่าไม่อยากไปแทนมากกว่า...ตอบแบบนั้นได้มั้ย

   “กวิน เมิงได้ยินที่กุถามป่ะ” โจ้เอ่ยจี้ เพราะเห็นว่าเพื่อนเงียบ แถมยังดูเหมือนเหม่อ

   “ไปกับเมิงอ่ะ”

   “เค รถกุครบพอดี นั่งไปสบาย ๆ ผลัดกันขับด้วยนะเว้ย”

   “เออได้” แต้มตอบรับ ก่อนหันไปให้ความใส่ใจกับเมนูบุฟเฟ่ต์แทนเพราะเขาเป็นตัวตั้งตัวตี พอเจอเพื่อนแล้วสักครั้ง ก็อยากจะเจออีก เหน็ดเหนื่อยกับงาน ก็อยากจะผ่อนคลายพูดคุยหยอกล้อกับเพื่อน ๆ เหมือนตอนสมัยเรียน

   เขาก็เหมือนกัน สบายใจที่อยู่กับพวกมัน และยิ่งดีที่วันนี้ไม่มีเติ้ล ขอเวลาให้เขาทำใจสักหน่อยเถอะ

   

   เย็นวันพุธ

   ชายหนุ่มร่างสูงใบหน้าหล่อเหลายืนกอดอกมองสำรวจร้านคาเฟ่เปิดใหม่ ขณะรอเพื่อนร่วมงานอีกสองคนที่กำลังเดินตามมา ด้วยมาดและการแต่งตัวเสื้อเชิ้ตกับกางเกงสแลค รวมถึงท่าทางที่กำลังทำอยู่ ทำให้เขาดูราวกับเป็นเจ้าของร้านก็ไม่ปาน

   “วริษฐ์มายืนทำท่า CEO อะไรแบบนั้น” เสียงหญิงสาวข้างหลังเอ่ยถาม หลังจากยืนมองอยู่นาน

   “พี่ใหม่ครับ ผมไม่ได้ทำอะไรเลยครับ มันเหมือนเอง” เขาพูดพลางกลั้วขำ

   วริษฐ์หันไปมองหน้าคนทัก ก็เห็นเพื่อนร่วมงานสองคนที่กำลังรอเดินมาพอดี ตัวเขาเองถูกเพื่อนร่วมงานลากมาร้านคาเฟ่เปิดใหม่ ทั้งที่เขาอยากจะกลับไปนอน แต่เพราะมีโปร 1 แถม 1 แล้วมันไม่ครบคู่ เขาจึงต้องมาด้วย เพราะร้านมีเงื่อนไขว่าต้องการเห็นจำนวนคน เขาจะถ่ายรูปโปรโมทร้าน

   “พี่ใหม่ ลากผมมาแบบนี้คือต้องเลี้ยงผมนะครับ” วริษฐ์พูดแซวหยอดรุ่นพี่สาว

   “วริษฐ์มาเป็นของพี่สิ พี่จะเลี้ยงดูอย่างดีเลย” ใหม่พูดตอบ ทีเล่นทีจริง กับรุ่นน้องหนุ่มที่เพิ่งจะผ่านโปรเบชั่นไปหยก ๆ แต่สาว ๆ เกือบทั้งบริษัท ต่างพูดถึงและแอบหมายปองกันเป็นแถว หล่อ สมาร์ท อัธยาศัยดี

   “เทคโฮม 4 แก้วครับ 1 แถม 1 สองสิทธิ 4 คนนะครับ” วริษฐ์พูดพลางขยับยิ้มบริหารเสน่ห์กับพนักงานสาวหน้าตาจิ้มลิ้ม

   “น้อยหน่อยเถอะ” ใหม่พูดแซะ เป็นคนที่บริหารเสน่ห์เก่งจริง ๆ

   เย็นเลิกงานวันนี้รุ่นพี่สาวชวนไปร้านคาเฟ่เปิดใหม่ตึกข้าง ๆ ที่มีโปรโมชั่น ซื้อ 1 แถม 1 เขาก็เลยไปเป็นเพื่อนด้วย ยังไงก็ว่าง ๆ อยู่แล้ว

   เราใช้เวลาเดินมาไม่กี่นาที ก็เจอร้านคาเฟ่ ร้านตกแต่งด้วยโทนสีชมพู หวาน ๆ มีภาพนกฟลามิงโก้ตกแต่งอยู่ตามจุดต่าง ๆ ให้ถ่ายรูป รวมทั้งตุ๊กตานกฟลามิงโก้ตัวใหญ่เป็นพรอบ

   “ร้านน่ารักจังเลย” หญิงสาวพูดขึ้นมาด้วยดวงตาเป็นประกาย ร้านเหมาะแก่การนั่งเล่น ถ่ายรูปสวย ๆ

   เขาก็ว่ามันสวยดี แต่ตอนนี้รู้สึกมวน ๆ ท้อง

   “พี่สา ผมไปห้องน้ำแปปนึง”

   “โอเคจ้า”

   กวินหมุนตัวเดินหันหลังเดินออกจากร้านคาเฟ่

   “คุณวริษฐ์!” เสียงขานเรียกเจ้าของเครื่องดื่มดังพอให้ ร่างสูงผุดลุกขึ้นเดินไปรับเครื่องดื่มของโปรดของตัวเอง แต่น่าเสียดายที่เสียงเรียกนั้นเบาเกินกว่าที่คนหน้าร้านจะได้ยิน

   “ครับผม”

   พวกเขาทั้งสี่คนยืนเรียงกันที่มุมถ่ายรูปโดยมีพนักงาน มากดถ่ายภาพโพลาลอย เพื่อจะติดที่ไว้ที่ร้าน พวกเขายืนพลางชูแก้วน้ำของตัวเอง ทำท่าราวกับเป็นนางแบบนายแบบมืออาชีพ เว้นอยู่คนนึง

   “แว่น ทำท่าดี ๆ สิ ถ่ายบัตรประชาชนหรอไง” ใหม่พูดแขวะ

   “ได้แค่นี้แหละ ถ่ายกันเถอะเดี๋ยวละลายพอดี” เขาพูดตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจนัก

   “ขออนุญาตนำรูปไปแปะไว้ที่บอร์ดตรงนั้นนะคะ” พนักงานหยิบรูปโพลาลอยส่งให้วริษฐ์ดู ช่วงขณะที่ส่งรูป ปลายนิ้วของทั้งคู่สัมผัสแตะกัน ทำเอาพนักงานสาวแอบอดที่จะเขินไม่ได้

   ส่วนชายหนุ่มทำแค่โปรยยิ้มบาง ๆ ให้ท่าทางสะดุ้งแปลก ๆ ของพนักงานสาว

   วริษฐ์มองภาพในมือมันก็ออกมาดูดีนะ เขาส่งให้คนอื่นดู ก่อนจะส่งคืนให้น้องพนักงาน

   “รูปสวยมากเลยครับ” เขาพูดชมด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

    "ค่ะ ขอบคุณค่ะ” จากนั้นพวกเขาเดินออกจากร้าน ในขณะที่พนักงานสาวเดินเอารูปไปแปะที่บอร์ด

    คล้อยหลังวริษฐ์ไม่กี่อึดใจร่างสูงเดินออกไปไม่นาน กวินก็กลับมา พวกเขาไม่ได้เดินสวนกัน และไม่ได้เจอกันอย่าง...น่าเสียดาย

    กวินเดินกลับเข้ามาในร้าน กวาดสายตามองหาพี่สาคนสวยของเขา เขาเห็นเธอที่มุมหนึ่งติดกับกระจก กำลังพยายามจะถ่ายรูปตุ๊กตาฟลามิงโก้ตัวไม่ใหญ่ที่ถูกวางให้นั่งอยู่บนโต๊ะ เขาเดินเข้าไปหาอีกฝ่าย

    “กินอะไรดีครับ”

    “พี่เอาชาเขียว” สาพูดพลางหยิบเงินออกมาจากกระเป๋า แบงค์สีเทา เธอชอบที่จะเลี้ยงเขาจริง ๆ “พี่เลี้ยง เราจะกินอะไรก็สั่งเลย”

    “อ่ะขอบคุณนะครับพี่”

    กวินลุกขึ้นไปสั่งเครื่องดื่ม เขาชี้ให้พนักงานเห็นว่าเขามาใช้สิทธินี้กับใคร



    เมื่อเครื่องดื่มทำเสร็จและพนักงานเรียกชื่อกวิน พวกเขาถึงได้ลุกไปรับด้วยกัน เพื่อให้พนักงานสาวได้ถ่ายรูปพวกเขาเอาไว้ โพลาลอยค่อย ๆ ปรากฏรูปของพวกเขา ที่ยืนยิ้มแย้มพร้อมเครื่องดื่มในมือ รูปสวยและพวกเขาอนุญาตให้ติดที่บอร์ดได้ โดยไม่อิดออด

    ทั้งคู่กลับไปนั่งที่โต๊ะพูดคุยนั่นนี่กันไปเรื่อย จนพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า พระจันทร์ลอยเด่นขัดเจน พวกเขาจึงรู้ตัวว่าควรจะกลับบ้านได้แล้ว



    พนักงานเอารูปโพลาลอยของกวินไปปักไว้ข้าง ๆ รูปของวริษฐ์ เป็นความบังเอิญอย่างประหลาดที่รูปของทั้งคู่ถูกปักและวางอยู่เคียงข้างกัน ...

    แม้ว่าในชีวิตจริงทั้งคู่จะยังไม่ได้เจอกัน คลาดกันอย่างน่าเจ็บใจ คนหนึ่งจำอีกฝ่ายแทบไม่ได้ เป็นความทรงจำที่อยู่ลึกและลางเลือน ขณะที่อีกคนกลับตราตรึงและดื่มดำอยู่กับทรงจำแสนสั้นนั้น อย่างไม่อยากลืมเลือน และปรารถนาให้ได้พบอีกครั้ง



    โลกนี้มันกว้างใหญ่ คนนับร้อยนับพันที่เดินกวักไกว่อยู่บนท้องถนน หากจะหวังให้หนึ่งในนั้นที่เดินสวนกันกับฉันเป็นคุณ ขอให้คนที่เดินผ่านฉันในเร็ววันนี้เป็นคุณ ฉันจะเอื้อมมือคว้าแขนนั้นเอาไว้ และจะจับยึดไว้แบบนั้นไม่ให้คุณหายไป ท่ามกลางคนนับร้อยนับพัน... แค่ขอให้ได้พบคุณ

.

[รีบมาลงมาก สดมากกกก ไม่ได้แก้คำ ยังไม่ได้ตรวจซ้ำ ฮือ
ใช้มึงกู หรือเมิงกุดี จริง ๆ คือติดพิมพ์เมิงกุมาตลอด...]
 :z10: :z13:
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 2 คลาดกัน 25/8/62
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 27-08-2019 16:59:50
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 3 คำว่ารัก ที่ไม่มีความรัก (NC) 29/8/62
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 29-08-2019 21:26:29
   
บทที่ 3 คำว่ารัก ที่ไม่มีความรัก (NC18)

   วันหยุดสุดสัปดาห์ที่เงียบเหงา เขาไม่อยากกลับบ้าน ไม่อยากออกไปไหน จึงใช้เวลาที่มีไปกับการนอนเล่นกลิ้งเกลือก ทำงานบ้าน ทำงานอดิเรกต่าง ๆ รูปการ์ตูนที่เขาวาดขึ้นเพื่อแทนใครบางคนในความทรงจำภาพของเติ้ลนอนหลับ เขาวาดเสร็จก็นั่งนิ่งจ้องมองมัน ในใจปั่นป่วน เขาอยากจะฉีกมันทิ้ง แต่ก็ทำไม่ลง คงเพราะลายเส้นของเขาน่ารัก เขาฟุบหน้าลงกับโต๊ะ พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ ‘เหนื่อยจังวะ เมื่อไหร่จะหายเจ็บสักที’

   ก่อนที่เขาจะเปลี่ยนมานั่งนึกถึงอีกคนแทน วริษฐ์ ผู้ชายที่เขาพบเจอไม่ถึง 10 นาที แต่กลับยังคงตราตรึงอยู่ในใจของเขา จนกระทั่งตอนนี้ เสี้ยวหน้าหล่อเหลาในความมืด รอยยิ้มอบอุ่น กับคำปลอบโยนที่มีให้กับเขา ให้คนอย่างเขา ...ตั้งแต่โตมา เขาไม่เคยร้องไห้ฟูมฟายให้ใครเห็น เขายิ้มแย้มอยู่เสมอ วริษฐ์เป็นคนแรกในรอบหลายปีจริง ๆ และด้วยเหตุนี้อาจเป็นอีกอย่างที่ทำให้เขาประทับใจ

   

   กิ๊งก่อง

   

   เสียงกริ่งดังในคืนวันเสาร์ที่แสนเงียบเหงา ใครมา?

   ร่างบางผุดลุกขึ้นไปส่องตาแมว เจอใบหน้าที่คุ้นเคย ‘เติ้ล... มาทำไม?’ เขาได้แต่คิดในใจ ก่อนจะเปิดประตูออกไปด้วยใบหน้างุนงง

   “สวัสดี” อีกฝ่ายเอ่ยทักด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม พร้อมยกแขนขึ้นโชว์ถุงขนมในมือ

   “มีอะไร” กวินเอ่ยทัก เมื่ออีกฝ่ายทำตัวเหมือนเดิมจนเขางุนงง เหมือนเดิมที่เป็นมาตลอด เหมือนคนที่ไม่ใช่แค่เพื่อนสนิท...

   “คิดถึงน่ะ” เติ้ลพูดเสียงเบา “ไม่ได้หรอ”

   “ก็ไม่ได้ว่าอะไร” กวินตอบรับ แต่ก็ไม่ได้ขยับหลบ หรือเชื้อเชิญอีกฝ่ายให้เข้าไปในห้อง และยืนนิ่งจนเติ้ลต้องออกปากเอง

   “เอ่อ ขอเข้าไปหน่อยได้มั้ย”

   “อ๋อ เออได้สิ” ร่างบางขยับออกจาประตู พลางหมุนตัวเดินนำเข้าไปในห้อง ร่างบางนิ่วหน้าขมวดคิ้วเมื่ออีกฝ่ายเดินตามเข้ามาในห้อง ประตูปิดเสียงเบา พร้อมกับสัมผัสของคนข้างหลัง ที่กอดเอวเขาเอาไว้

   “คิดถึง” เสียงพร่ำบอกคิดถึงดังอยู่ข้างหู เพิ่งรู้ว่าเพื่อนสนิทเขาทำกันแบบนี้ ร่างสูงวางคางไว้กับลาดไหล่นุ่ม

   “จะแต่งงานอยู่แล้ว มาบอกคิดถึงคนอื่น เจ้าสาวมาได้ยินเสียใจแย่” เขาพูดประโยคทีเล่นทีจริง อีกฝ่ายอาจไม่รู้สึกอะไร แต่เขารู้สึก... มันจุกจริง ๆ

   “นายไม่ใช่คนอื่นนี่นา” ริมฝีปากร้อนบรรจงงับที่ต้นคอขาว

   “อย่า” กวินพูดออกไปแบบนั้น แต่ร่างกายกลับไม่ยอมขัดขืน มันยืนนิ่งเฉย ๆ ทุกทีเขาจะเป็นคนที่สนุกและเร่าร้อนไปกับมันมากกว่าใคร แต่ตอนนี้ เขากลับไม่รู้สึกอยากทำแบบนั้น ไม่อยากเลยแม้แต่นิดเดียว ในใจของเขามันรู้อยู่แก่ใจ ว่าอีกฝ่ายเป็นของใคร และเขาก็เป็นแค่เพื่อน

    “หืม?” เติ้ลมองคนในอ้อมกอด อีกฝ่ายไม่เคยปฏิเสธเขา ไม่เคยห้ามหรือต่อต้านมาก่อน

   “อย่าเลย” กวินพูดซ้ำ เขารู้ดีว่าตัวเองต้องการความรัก ไม่ใช่เซ็กส์ เซ็กส์เป็นแค่องค์ประกอบของความรักเป็นส่วนเติมเต็มเท่านั้น สำหรับเขา... ตอนนี้ เขาไม่ต้องการทำอะไรกับเติ้ลทั้งนั้น อยากให้อีกฝ่ายยอมปล่อยเขาไป เพราะเขาเดินออกไปเองไม่ได้ แค่ปฏิเสธเสียงยังสั่น...

   แต่ก็นั่นแหละคนข้างหลังไม่ยอมง่าย ๆ ซ้ำยังขยับแนบชิดกับเขามากยิ่งขึ้น มือไม้ซุกซนลูบไล้ที่บั้นท้ายกลม ขย้ำบีบบั้นท้ายด้วยความหมั่นเขี้ยว ก่อนที่มือหนาจะขยับมาสัมผัสที่เป้ากางเกงของคนตรงหน้า บางอย่างกำลังแข็งขืนด้วยอารมณ์ กวินอยากจะห้ามแต่ร่างกายกลับตอบสนอง ร่างกายที่ทำไปตามสัญชาตญาณ

   "อยากให้มัดนายเอาไว้ใช่มั้ย"

   มือหนากระตุกกางเกงของกวินออก ปลายนิ้วคว้าจับที่ดุ้นเนื้อสีหวาน นิ้วมือถูไถอยู่ที่ส่วนหัว

   "อึกอื้อ" ร่างบางตัวสั่นสะท้านเมื่อมือหนาหยอกเย้ากับจุดอ่อนไหวก่อนจะบีบกำมันเอาไว้จนเขาเจ็บ

   "เจ็บเติ้ล...เจ็บ"

   ความเจ็บปวดกลับทำให้เขายิ่งแข็ง เจ็บแต่หวาบหวาม

   "นายชอบใช่มั้ยละ" มืออีกข้างสอดเข้าไปใต้เสื้อยืดตัวบางปลายนิ้วขยี้กดบี้ที่ยอดอกอ่อนไหวรุนแรงจนเขารู้สึกเหมือนมันจะหลุดติดมือออกไป

   "ซี้ดดด" กวินส่งเสียงเพื่อระบายความเจ็บปวด

   "แบบนี้แล้วยังจะห้ามอีกหรอ หืม?"

   "อึกอื้อ"

   เติ้ลขบกัดไปที่ลาดไหล่บางเต็มเเรง ยังดีที่เสื้อยืดช่วยซัพแรงเอาไว้

   "ฮึกอื้อออ" ความเจ็บทำให้เขายิ่งมีอารมณ์ร่วมมากขึ้น

   ก่อนที่เขาจะถูกพามาจบที่บนเตียงนอน ร่างหนาจับอีกฝ่ายถอดเสื้อผ้าจนหมดเนื้อตัวเปลือยเปล่าที่มีร่องรอยแดงเป็นจ้ำ ตามจุดที่ถูกขบเม้ม เหมือนผลงานศิลปะที่เขาสร้างขึ้นมา ร่างบางดูสวยงามจนเติ้ล ทนไม่ไหว ผลักอีกฝ่ายให้นอนลง บนที่นอนก่อนทาบทับ เขาคว้าเสื้อมามัดแขนทั้งสองข้างของกวินเอาไว้ ก่อนจับแขนให้ยกขึ้นวางเหนือศีรษะของเจ้าตัว

   เขาไม่เตรียมความพร้อมใด ๆ ไม่ใช้นิ้วเบิกทางให้ ความปราณีอีกฝ่ายมีเพียงอย่างเดียวคือการชโลมเจลให้ทั่วก่อนจะใส่เข้าไปทีเดียวทั้งหมด

   "อื้อออออ" ร่างบางร้องคราง เนื้อตัวเกร็งสั่น ความเจ็บปวดแล่นริ้วราวกับจะฉีกขาด

   “เติ้ล ... เติ้ล อะ” เสียงหวานพึมพำเรียกชื่ออีกฝ่าย ด้านล่างเจ็บหน่วงจนน้ำตาคลอ

   "อยากให้ขยับแล้วล่ะสิ" เติ้ลเอ่ยทักเมื่อด้านในตอดรัดเขาหนัก  จนเขาเองก็พุ่งพล่านจนทนไม่ไหว

   เขาถอนแก่นกายออกเกือบสุดแล้วกระแทกกลับเข้าไปเต็มแรง

   "อ๊าาาา" กวินทั้งจุกทั้งเสียว มันเจ็บมากจริง ๆ

   แก่นกลางของกวินสั่นระริก ราวกับเขากำลังจะเสร็จจากการสอดใส่และขยับอย่างรุนแรงของอีกฝ่าย มือหนากอบกุมส่วนอ่อนไหว เขาบีบตรงส่วนโคนเอาไว้แน่น ขณะขยับเอวไปด้วย จนกวินที่รู้สึกวูบวาบจนใกล้จะไปถึงแต่ไม่สามารถปลดปล่อยได้

   ร่างบางบิดเร้าด้วยความทรมาน ดวงตาฉ่ำพยายามอ้อนวอนริมฝีปากบาง พยายามขยับพูด

   "ฮึก อ๊ะ เติ้ลล ให้กวิ- ให้เสร็จอ๊า"

   "ไม่ เพราะกวินดื้อ"

   "อ๊า ไม่ ไม่ดื้อ ปล่อย"

   สะโพกหนาทำหน้าที่เป็นอย่างดีขยับเข้าออกไม่ยอมหยุด ทำให้ใบหน้าหวานบิดเบี้ยวด้วยความทรมานทั้งจากหน้าและหลัง

   "บอกสิ ว่าจะไม่ดื้อกับเติ้ล"

   "ไม่ดื้ออออ่า"

   สิ้นคำมือหนาก็ยอมปล่อยมือ ร่างบางกระตุกเกร็งอย่างแรง ก่อนจะพ่นของเหลวสีขาวขุ่นออกมา มันออกมาแรงจนพุ่งรดลงมาบนแผงอกของเจ้าตัว ร่างบางตาปรือหมดแรง

   ขณะที่เติ้ลยิ้มให้กับภาพเซ็กซี่ตรงหน้า สะโพกขยับเร็ว เร่งจังหวะเพื่อไปถึงจุดหมาย

   ทั้งรุนแรงกระแทกกระทั้น มือหนาจับขาข้างหนึ่งยกขึ้นวางพาดบนไหล่เพื่อให้สามารถเข้าไปได้ลึกกว่าเดิม

   “อึก” ร่างบางร้องเมื่อสิ่งนั้นเข้าไปลึกมากเกินไป

   "ไม่ไหวแล้ว อ๊า" เติ้ลกดสะโพกเข้าไปจนมิดพร้อมพ่นของเหลวอุ่นร้อนเข้าไปจนหมด กวินรู้สึกร้อนวูบวาบ ตอนนี้เขาชาหนึบไปหมดทั้งช่วงล่าง ร่างหนาถอนดุ้นเนื้อ หยาดหยดที่พ่นเข้าไป ไหลเอ่อล้นตามออกมา

   มือหนาลูบไล้แก้มนิ่มแผ่วเบา

   เขาพึมพำเสียงเบา "ไม่มีกวิน เติ้ลจะอยู่ยังไง"

   ร่างบางขมวดคิ้วมุ่น มันเป็นถ้อยคำที่เขาชอบฟังมาตลอด แต่ไม่ใช่วันนี้...พูดมันออกมาแล้วจะได้อะไร ในเมื่อในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าก็จะไปแต่งงานกับคนอื่นแล้ว...

   ร่างบางมองอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ

   "ต่อให้เติ้ลแต่งงานเราก็ยังทำกันอยู่แบบนี้ได้มั้ย"

   ร่างบางเม้มปากแน่น นี่ไม่ใช่รัก นี่คือความใคร่

   "แต่ว่ามัน..."

   ริมฝีปากร้อนประกบทาบทับทันทีโดยไม่รอให้กวินพูดจนจบประโยค ลิ้นร้อนตวัดตักตวงความหวาน จูบเร้าร้อนยาวนานจนร่างบางหายใจไม่ทัน

   "ไม่แต่อะไรทั้งนั้น" เติ้ลพูดอย่างคนเอาแต่ใจ

   'รั้งเขาไว้ทำไม'

   เขากัดริมฝีปากแน่นจนเลือดซิบ พอมันเป็นแบบนี้ เขาก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อไปดี เป็นที่ระบายความใคร่ลับๆแบบนี้ต่อไปงั้นหรือ

   "เติ้ลแบบนี้มัน..."

   ร่างสูงขยับคุกเข่าคร่อมร่างอีกฝ่ายเอาไว้ พลางเอาดุ้นเนื้อจ่อที่ริมฝีปากของคนด้านล่าง อย่างไม่สนใจฟังเสียงทักท้วงใด ๆ

   "กวินอ้าปาก" เขาเอาแต่ใจ บงการ ชอบสั่ง

   ริมฝีปากบางจำใจเผยอออกตามคำสั่งนั้น มือข้างนึงคว้าเข้าที่ท้ายทอยอีกฝ่าย ส่วนมืออีกข้างจับดุ้นเนื้อดุนดันเข้าไปในปากจนมิดโคน มันเข้าไปลึกจนถึงคอ กวินรู้สึกทรมาน รู้สึกไม่ดีเอาซะเลย การร่วมรักกับเติ้ล ไม่ใช่เรื่องที่เขาชอบอีกแล้ว ไม่อยากร่วม ไม่อยากรัก!

   “ทำให้เติ้ลสิ”

   ร่างบางช้อนตามองจ้องอีกฝ่าย ได้! อยากให้ทำก็จะทำให้

   ในโพรงปากนุ่ม ลิ้นร้อนกำลังขยับไปมามันไล้วนไปทั่ว จะทำดี ๆ เผื่ออีกฝ่ายจะขยับออกไปบ้าง มือบางขยับลูบไล้ส่วนโคน ฟันเล็กงับเบา ๆ เขาห่อปากพลางขยับหน้าเข้าออก ให้ฟันครูดเล็กน้อยกับส่วนนั้น

   “อื้อ ดีกวิน”

   มือหนาจับศีรษะอีกฝ่ายแน่นก่อนจะขยับเอวเข้าออก ลึกสุดคอ

   “อุก อุก” กวินแทบน้ำตาไหลเมื่อมันเข้าไปลึกเกินไป จนหายใจแทบไม่ออก

   “ซี๊ดดดดด ดี” เขากดศีรษะอีกฝ่ายแน่นเมื่ออารมณ์ทะยานถึงขีดสุด น้ำรักถูกพ่นเข้าไปในปาก กวินพยายามกลืนมันลงไปก่อนที่จะหายใจไม่ออก

   ร่างสูงยอมถอนแก่นกายออกจากปากอีกฝ่าย

   “แค่ก ๆ “ กวินสำลักไอหน้าดำหน้าแดง

   มือหนาลูบไล้ริมฝีปากบางแผ่วเบา ก่อนจะก้มลงจุ๊บมันเบา ๆ

   “ขอโทษทีนะ มันรู้สึกดีมากไปหน่อย”

   “อื้อ”

   มือหนาเอื้อมไปปลดพันธนาการที่ข้อมือบางให้ ก่อนจะไล้จากปลายนิ้ว และมาหยุดที่แก้มทั้งสองข้างของกวิน เขาจับดึงมันเล่น

   “ถ้าวันนั้นเติ้ลไม่ลืมเอาอุปกรณ์อาบน้ำไป เราคงไม่ได้สนุกด้วยกันแบบนี้”

   ร่างบางนึกตามถึงเรื่องวันนั้น

   .

   .

   6 เดือนก่อน

   ทั้งคู่แวะไปว่ายน้ำด้วยกันที่อควาติกของมหาวิทยาลัย กวินขึ้นจากสระก่อน ขณะที่เขากำลังอาบน้ำอยู่ดี ๆ ก็เกิดความรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา เขาก็เลยแอบช่วยตัวเองในที่สาธารณะ แต่จริง ๆ มันก็มิดชิดนะ เพราะมีม่านพลาสติกสีเทาปิดซ่อนพฤติกรรมของเขาเอาไว้

   ร่างบางพิงหลังกับผนังห้องน้ำพลางหลับตาพริ้ม คิดว่ากำลังทำอยู่กับใครสักคน เขาเม้มปากแน่นอย่างเก็บเสียง ถ้าเสียงหลุดออกไปความแตกแน่

   

   ม่านเปิดออก พร้อมกับที่เติ้ลยื่นหน้าเข้าไป ดวงตาเบิกโพล่งมองเนื้อตัวเปลีอยเปล่าขาวซีดของอีกฝ่าย หยดน้ำเกาะพราวไปทั่วทั้งตัว หน้าอกกำลังขยับสั่นไหวด้วยอารมณ์พุ่งพล่าน ใบหน้าหวานขึ้นสีเรื่อ ดวงตาหลับพริ้ม ปากเม้มแน่น ขณะที่ฝ่ามือเรียวยังคงรูดรั้งแก่นกลาง เร็วขึ้นเรื่อย ๆ

   ภาพที่เห็นตรงหน้าทำเอาเติ้ลต้องลอบกลืนน้ำลาย เซ็กซี่จนมีอารมณ์ตาม เขาไม่เคยคิดจะเกินเลยกับผู้ชายด้วยกันมาก่อน จนกระทั่งตอนนี้ กับเพื่อนสนิท

   พวกเขาสนิทกันมาตั้งแต่สมัยมัธยมปลายเห็นกันมานาน แต่ไม่เคยรู้จักมุมแบบนี้ของอีกฝ่ายมาก่อน

   “อึก” ร่างบางหลุดเสียงออกมาเบา ๆ ถ้าเขาไม่แอบเปิดม่านดูคงไม่รู้ว่าอีกฝ่ายทำอะไร เพราะเสียงน้ำกลบทุกอย่างไปหมด

   เติ้ลก้าวเท้าเข้าไปในห้องน้ำพลางรูดม่านปิด กวินถึงได้ยินเสียงแปลก ๆ แล้วค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา ดวงตาเบิกโพล่งเมื่อเห็นว่าใครเข้ามา

   มือหนาขยับไปเกาะกุมแท่งเนื้อสีหวาน ก่อนจะช่วยขยับข้อมือ พากวินไปส่งถึงขอบสวรรค์

   เขาขยับแนบชิดอีกฝ่าย บางสิ่งที่อยู่ตรงกางเกงว่ายน้ำกำลังอยากออกมาด้านนอก มันนูนขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด

   “ไม่เอา”

   “กุรักเมิง”

   กวินขมวดคิ้ว รัก?

   ร่างหนาถอดกางเกงว่ายน้ำออก ก่อนจะเข้าจู่โจมอีกฝ่าย เริ่มที่จูบเร้าร้อน ร่างกายโถมทับดันอีกฝ่ายติดกับผนัง ก่อนจะยกเอวร่างบางขึ้นมา นิ้วเรียวถูกสอดเข้าไปเพื่อเบิกทาง

   “อึก อื้อ” ร่างบางเผื่อครางออกมาเมื่อปลายนิ้วนั้นสะกิดถูกจุดที่ไวต่อความรู้สึก

   “ชู่ววว” ร่างสูงเตือนอีกคนเสียงเบา ก่อนจะดึงเอาผ้าขนหนูผืนเล็กให้อีกฝ่ายกัดเอาไว้ ก่อนที่ดุ้นร้อนจะถูกใส่เข้าไปโดยไม่รีรอ

   มือบางจิกลงไปบนลาดไหล่หนา อย่างระบายความเจ็บปวด

   เติ้ลกดกักความรู้สึกที่พุ่งพล่าน ขบกรามแน่นจนขึ้นเป็นสัน มันแน่น มันคับ ไม่คิดเลยว่าจะรู้สึกดีขนาดนี้ เขาขยับช้า ๆ ให้ทั้งคู่ได้ปรับจูนเข้าหากัน จุดที่เชื่อมต่อกันร้อนระอุแทบหลอมละลาย สายน้ำเย็นจากฝักบัวไม่สามารถดับความรู้สึกของเขาได้

   “เฮ้ย กัฟวันนี้จะว่ายกี่รอบวะ”

   “สิบพอ เหนื่อย”

   มีคนเดินเข้ามาในห้องน้ำ ร่างบางกัดผ้าแน่นดวงตาหวานฉ่ำมีแวววิตกกังวล ขณะที่เติ้ลนึกสนุก เขาขยับสะโพกเร็วขึ้น ทำให้ร่างบางเชิดหน้าขึ้นด้วยความเสียวซ่าน เขาพยายามเก็บอารมณ์ไม่ให้ส่งเสียงออกไป

   มีแค่เสียงเนื้อที่กระทบกันเท่านั้นที่ไม่สามารถควบคุมได้ ก็ได้แต่หวังว่าเสียงน้ำจะกลบมันได้มิด

   ร่างบางตัวสั่นสะท้าน แรงกระแทกกระทั้นดุดันของเติ้ล ทำเอาเขาหัวสั่นหัวคลอน มือบางคว้าจับไหล่อีกฝ่ายไว้แน่น กลัวก็กลัวตก เสียวก็เสียว ร่างบางกระตุกเกร็งเมื่อไปถึงจุดหมาย พ่นน้ำขาวขุ่นเปรอะเปื้อนหน้าท้องของอีกฝ่ายใบหน้าเนียนสบอยู่กับลาดไหล่หนา

   “อดทนนิดนะ” เติ้ลกระซิบเสียงเบาก่อนเร่งจังหวะขยับสะโพก เขาบีบบั้นท้ายกลึงแน่นเมื่อไปถึงจุดหมาย น้ำรักถูกฉีดพ่นเข้าไป ก่อนจะค่อย ๆ ไหลออกมาตามแรงโน้มถ่วง

   เติ้ลยอมปล่อยกวินลงจากสภาพหน้าอาย ร่างบางยืนพิงผนังห้องน้ำอย่างอ่อนแรง ตอนแรกแค่จะช่วยตัวเองเฉย ๆ แต่ดันเกินเลยไปถึง...

   .

   .

   ครั้งแรกที่ไม่น่าปล่อยให้เกิดขึ้น เพราะคำว่ารักคำเดียวที่ทำเอาเขาหัวใจสั่นไหว เติ้ลเป็นคนมีเสน่ห์ในแบบที่ผู้หญิงหลายคนจะต้องสนใจ มีหน้าตาหล่อเหลาน่าดึงดูด เขาไม่เคยสนใจมาก่อนเพราะว่าพวกเขาคือเพื่อนกัน ไม่มีใครรู้มาก่อนว่าเขาชอบเพศเดียวกัน เพราะเขาระมัดระวังตัว จะทำอะไรกับใครบ้างก็เป็นคนที่อยู่ห่างไกลจากแวดวงสังคมของเขา เพื่อให้เขาสนุกกับมันได้อย่างไม่ต้องเกรงกลัวหรือกังวลใด ๆ

   แต่วันนั้น... เขาพลาดเลยได้บางอย่างที่ไม่ควรได้มา

   คำว่ารักของเติ้ล ที่เป็นแค่คำพูดลอย ๆ ที่เจ้าตัวไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นคำที่สำคัญจริง ๆ และอีกฝ่ายก็คงใช้มันเพื่อให้เขายอมในวันนั้น ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าคำว่ารักนี้มันไม่มีความหมาย จนได้เห็นการ์ดใบนั้น การ์ดที่อยู่ในซองสีเขียวอ่อน นั่นทำให้เขาได้รู้

   

   คำว่า รัก ที่ไม่มีความรัก...

,

 :serius2:

[กวินลูกกกกก จะเจ็บอีกกี่ครั้งงง น่าสงสาร

พูดคุยเม้นบ่นกันได้นะค้าาาาา]
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 3 คำว่ารัก ที่ไม่มีความรัก (NC) 29/8/62
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 30-08-2019 08:23:41
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 3 คำว่ารัก ที่ไม่มีความรัก (NC) 29/8/62
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 30-08-2019 20:28:52
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 3 ยินดีด้วยนะ (NC) 4/9/62
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 04-09-2019 12:39:52
   
บทที่ 4 ยินดี...ด้วยนะ (NC 18)

   

   ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง วันแต่งงานของเติ้ล...

   กวินยืนจ้องมองตัวเองอยู่หน้ากระจก วันนี้เขาสวมสูทสีเขียวอ่อนที่ถูกจัดเตรียมโดยว่าที่เจ้าบ่าว มันพอดีตัวเป๊ะ เพราะเขายอมตกปากรับคำเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้ ชุดก็ถูกส่งมาก่อนวันงาน 1 อาทิตย์ พอดิบพอดี ใสได้โดยไม่ต้องส่งแก้ เพราะอีกฝ่ายดูจะรู้จักสัดส่วนของเขาเป็นอย่างดี แต่ทำไมต้องเป็นเขาวะแม่ง... พวกไอ้แต้ม โจ้ นุกก็น่าจะพอแล้ว น่าจะปล่อยให้เขานั่งสงบ ๆ ในมุมหนึ่งของงานก็พอ

   ติ้ง ติ้ง

   ‘ไอ้กวิน เสร็จยังวะ

   ลงมาได้แล้ว’ โจ้แชทมาหาเขา เพราะอีกฝ่ายคงขับรถมารอที่ใต้ตึกของเขาแล้ว

   “เออ เดี๋ยวลงไป” เขาพิมพ์ตอบไปพร้อมคว้ากระเป๋าเป้ใบเล็กมาถือไว้ หันหน้ามองกระจกก่อนจะฉีกยิ้มให้มัน วันนี้ก็ต้องยิ้มประมาณนี้ทั้งวัน ตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป

   

   ปิ้น ปิ้น

   เสียงบีบแตรเบาๆ เรียกความสนใจจากเขา ให้หันไปมองที่รถคันนั้น รถที่เขาไม่คุ้น รถเก๋งคันสีดำเงาวับ ป้ายแดงเขาก้าวเท้าเดินไปอย่างเก้ ๆ กัง ๆ ก่อนกระจกรถจะเลื่อนลงพร้อมเสียงตะโกนเรียก

   “ไอ้กวิน มันหล่อจังว้อย” เสียงแต้มตะโกนเรียกออกมาจากภายในรถ

   กวินก้าวฉับตรงไปที่รถคันนั้น เมื่อมั่นใจว่าเป็นรถของเพื่อนตัวเอง เขาเปิดประตูข้างหลังพลางทักทายเพื่อนใน

   “หวัดดีว่ะ”

   ในรถคือเพื่อนแก๊งที่ไปกินบุฟเฟต์ด้วยกัน โจ้คนขับ แต้มนั่งข้างคนขับเป็นคนคอยดูทาง ส่วนนุก และเขานั่งที่ด้านหลัง รวมเป็นสี่คน ธีมงานนี้คือสีเขียว ทั้งสี่คน ก็มาแบบสีเขียวคนละแบบ คิดว่าพอมายืนเรียงกันก็คงไล่เฉดกันได้พอดี

   

   “นี่รถใครวะ” กวินเอ่ยถาม รถใหม่ที่ไม่คุ้นเคย

   “รถกุ พ่อเขาจะเอารถเขาคืน กุก็เลยต้องซื้อใหม่ ก็เลยหารเงินดาวน์กันกับพ่อ” โจ้พูดตอบม้วนเดียวจบ กวินคิดว่าคงถูกถามมาแล้วหลายรอบ อย่างน้อยต้องสองละ จากไอ้สองคนนี้

   “เออดีว่ะ

   “วันนี้เมิงมาแบบเขียวอ่อน ดูผู้ดีชิบหาย” โจ้เปลี่ยนเรื่องพูด เขามองสำรวจอีกฝ่ายจากกระจกมองหลัง

   “เออ เหมือนเจ้าชายเลยว่ะ” นุกพูดเสริม

   “พวกเมิงอย่าอิจฉาที่กุหน้าตาดีเลย” กวินพูดพลางยิ้มกว้าง

   “แม่ง หลงตัวเอง” แต้มพูดตอก เมื่อคนถูกชมยิ่งทำหน้าภาคภูมิใจ ไม่มีถ่อมตัว แม้มันจะหล่อจริง ๆ ก็ตาม แต่ถ้ามองดี ๆ ออกแนวน่ารักมากกว่าหล่อ หน้าหวานออกขนาดนั้น ถ้าหล่อน่ะมันต้องแบบไอ้เติ้ล หน้าหล่อเหลาแบบที่เห็นแล้วสาว ๆ อยากจะพลีกายให้

   “เมิงส่งแก้สูทกี่รอบวะกวิน” โจ้เอ่ยถาม พลางบ่นต่อ “กุแก้ตั้ง 2 ครั้ง กว่าจะพอดี”

   “กุไม่ได้แก้เลยว่ะ พอดีแต่แรก”

   “เออดีว่ะ”

   “นี่ทุกคนต้องส่งแก้กันหมดเลย คนละรอบ”

   “กุหุ่นดีมาตรฐานอ่ะเมิง มาก็ใส่ได้พอดีเลย” ...อีกฝ่ายรู้จักสัดส่วนเขาดี

   “หลงตัวเองสัส ไปคาดเข็มขัด กัปตันจะออกเดินทางแล้ว” โจ้พูดขึ้น

   ก่อนที่รถจะเคลื่อนตัวออกไป เสียงพูดคุยหยอกล้อดังไปตลอดทาง กลุ่มผู้ชายพูดมากขุดเรื่องต่าง ๆ ขึ้นมาพูด ทั้งกีฬา การ์ตูน ไปจนถึงเรื่องนินทาต่าง ๆ พร้อมปล่อยมุกแป๊กกันไปตลอดทาง กวินยิ้มขบขันอย่างไม่ต้องพยายาม พวกนี้เป็นกลุ่มเพื่อนสนิทที่เขามี เขาเล่าหลาย ๆ เรื่องให้พวกมันฟังได้ ยกเว้นเรื่องเติ้ล และความสัมพันธ์ที่เกินเลย รวมถึงรสนิยมของเขาที่ยังไม่มีใครรู้ ไม่รู้ว่าถ้าพวกมันรู้แล้ว จะรับได้หรือเปล่า ... ไว้อนาคตค่อยบอกละกัน ส่วนเรื่องเติ้ล ปล่อยให้มันเป็นความลับไปจนตายดีกว่า

   ในตอนนี้เขายังคงสบายดีจนกว่าจะเจอหน้าต้นเหตุของความเสียใจ

   

   โรงแรมที่จัดงานใหญ่โตหรูหรา ในงานเต็มไปด้วยรูปถ่ายของทั้งคู่ ดูดีเหมาะสมกันจริง ๆ เขายิ้มออกมาแม้จะรู้สึกเศร้าขึ้นมานิดหน่อยก็ตาม

   พวกเขามาถึงก่อนเวลาเริ่มงานหลายชั่วโมง เพราะเป็นเพื่อนสนิทกับเจ้าบ่าว ก็เผื่อว่ามันจะมีอะไรให้ช่วย แต่ละคนถูกกระจายให้ไปช่วยจุดต่าง ๆ กวินถูกตามไปที่ห้องด้านบนโดยพนักงานโรงแรมคนหนึ่ง

   “หืม? ห้องนี้หรอครับ” เขาไม่รู้ว่าถูกตามไปทำอะไร

   ประตูถูกเปิดออกเขาเดินเข้าไปในห้องก่อนที่ประตูจะปิดลง เขาเห็นร่างสูงที่คุ้นเคยในชุดสูทสีขาว นั่งอยู่บนเตียงนุ่ม ชุดเจ้าบ่าวทำให้อีกฝ่ายยิ่งดูหล่อเหลาเป็นพิเศษในวันนี้ ดูดีจนเขาอดที่จะหวั่นไหวไม่ได้

   “มีอะไรให้ช่วยหรอ” เขาเอ่ยทักเมื่ออีกฝ่ายยังไม่หันมาหาเขา จะด้วยเหม่อจนไม่รู้สึกตัว หรือจะเพราะรอให้เขาเรียกก็ไม่รู้

   “มานี่สิกวิน” เติ้ลหันมายิ้มพลางตบพื้นที่ข้างตัวเองเป็นเชิงเรียก

   กวินเดินไปนั่งอย่างว่าง่าย เขาไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการให้เขาทำอะไร แต่ก็ยอมหย่อนตัวนั่งไปบนเตียงนุ่ม

   เติ้ลผุดยิ้ม พลางขยับเข้ามาใกล้ มือหนาวางลงบนเตียง เขาโน้มใบหน้าเข้าไปหา

   “เฮ้ย จะทำอะไร” กวินร้องเสียงหลง เมื่ออีกฝ่ายทำท่าเหมือนจะจูบเขา ในชุดเจ้าบ่าว...

   “จูบไง”

   “ไม่ได้ ไม่ควร”

   เติ้ลไม่เคยฟังคำทัดทาน ริมฝีปากของเขารุกรานเข้าครอบครองริมฝีปากของอีกคนอย่างรวดเร็ว มือบางยกขึ้นดันอีกฝ่ายออก แต่มือหนากลับใช้แค่มือข้างเดียว กำข้อมือทั้งสองข้างของกวินเอาไว้แน่น ก่อนจะยอมถอนจูบ

   ร่างบางพยายามจะขัดขืน แต่แน่ละ เขาสู้แรงอีกฝ่ายไม่ได้ ได้แต่ร้องขอความเห็นใจ

   “เติ้ล...ปล่อย เจ็บ”

   เขายิ้ม ขณะที่มืออีกข้าง กลับทำสิ่งที่ร้ายแรงยิ่งกว่า เมื่อมันขยับไปสัมผัสกับเป้ากางเกงของกวินแทน อีกฝ่ายยังไม่มีอารมณ์ร่วมกับเขามากนัก แต่เขารู้ดีว่าจะปลุกอีกฝ่ายยังไง

   “อย่าทำแบบนี้ วันแต่งงานของนายนะ” กวินปฏิเสธเสียงเบา มันไม่ควร! ไม่ควรที่เขามาอยู่สองต่อสองกับเติ้ล

   “แล้วยังไงล่ะ”

   มือหนาลูบไล้ดุ้นเนื้อแผ่วเบา ก่อนจะคว้าหมับ กำแน่นเต็มฝ่ามือ

   “อึก ขอร้อง ... ไม่ให้เกียรติเรา อ่ะ” มือหนายังคงขยับอยู่ เขาก็อยากรู้ว่าอีกฝ่ายจะทนได้แค่ไหน “อื้อออ ก็ให้เกียรติว่าที่เจ้าสาว ขะ ของนาย” ร่างบางพูดจนจบประโยค แม้ลมหายใจจะขาดห้วงเมื่ออีกฝ่ายแกล้งเขา ปลุกปั่นเขา จนร่างกายสั่นสะท้าน ดวงตาหวานฉ่ำมีประกายดื้อรั้น

   “ก็ได้ ถ้าอย่างนั้น...” เติ้ลแลบลิ้นเลียริมฝีปาก “ทำให้ดู แล้วเติ้ลจะปล่อยกวินไป สำหรับวันนี้”

   ร่างบางเม้มปากแน่น คนถือไพ่เหนือกว่าเห็นอีกฝ่ายนิ่งเฉยก็เร่งขยับฝ่ามือซุกซน เค้นคลึงลูบไล้ ถ้าหากไม่ตกลง กางเกงตัวนี้ได้เลอะแน่ ๆ   

   “ก็ได้” กวินตอบรับเสียงเบา เติ้ลถึงได้ยอมปล่อยมือที่เกาะกุม ทั้งข้อมือบาง และแก่นกลางที่กำลังแข็งตึงในกางเกงสีเขียวอ่อน

   “เร็วสิกวิน รอดูอยู่”

   ร่างบางจำต้องถอดกางเกงออก จนเหลือชั้นใน ร่างสูงล้วงหยิบซองฟอยอันเล็กออกมา ยื่นส่งให้ เขารับมันมาพลางเก็บอาการที่มีต่อสายตาหวาบหวามที่จับจ้องเขาราวกับอยากจะกลืนกินเข้าไปทั้งตัว

   กางเกงชั้นในถูกรูดออกมากองที่ขา แก่นกายแข็งขืนปรากฏชัด ร่างกายทรยศ เขาอยากห้าม แต่ไม่เคยทำได้ มือเรียวฉีกซองฟอยออก ก่อนจะค่อย ๆ บรรจงใส่ถุงยางอนามัยลงไป

   อีกฝ่ายมองจ้องเขาไม่วางตา พาเอาเข้าจริง ก็รู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ สถานการณ์ตอนนี้ มันบ้าบอสิ้นดี ช่วยตัวเองต่อหน้าว่าที่เจ้าบ่าวของคนอื่น!

   ริมฝีปากบางร้องครางเมื่อเขาเริ่มเล่นกับตัวเอง มือบางกำรูดแท่งเนื้อของตัว รีบ ๆ ทำ จะได้จบ ๆ

   “อื้ออออ”

   มือบางขยับรูดรั้งเข้าออก จากช้า ๆ เล่นกับจุดอ่อนไหวที่เขารู้จักดี ตรงไหนที่เขาจะรู้สึกดี โดยเฉพาะ ถุงเล็ก ๆ กับส่วนโคน

   “ซี๊ดดดด”

   กวินเชิดหน้าขึ้นเมื่ออารมณ์ใกล้ไปถึงจุดสุดท้าย มือเรียวขยับเร่ง พร้อมกับสะโพก ที่เด้งสวนกับมือของตัวเอง เหงื่อไหลซึมผุดพรายตามใบหน้า ริมฝีปากเม้มแน่น มันใกล้... ใกล้จบแล้ว

   “ฮึก อึก อื้อออ” ร่างบางกระตุกก่อนพ่นหยาดหยดออกมาจนได้ดีที่มีถุงยาง ทำให้มันไม่เลอะเทอะ เขาหายใจหอบเหนื่อย ทำไมเขาต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วย อีกฝ่ายเห็นเขาเป็นอะไร เป็นแค่ของเล่นหรืออย่างไร

   เติ้ลมองร่างบางตรงหน้าด้วยความพึงพอใจ เซ็กซี่เหลือเกิน ใครจะดูเซ็กซี่ได้เท่านี้อีก ไม่รู้ทำไมชายหนุ่มคนนี้ถึงได้เซ็กซี่ได้มากขนาดนี้ ทั้งที่พวกเขาก็เติบโตมาด้วยกัน แต่อีกฝ่ายกลับทำให้เขาคลั่งไคล้ในเรือนร่างบอบบางที่ก็มีทุกอย่างเหมือนกันกับเขา แต่กลับแตกต่าง ร่างขาวเนียนที่เขาได้สัมผัสมาตลอดช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา ผิวขาวเนียนที่ทำให้เขาอยากจะทำให้มันเป็นรอย และอีกฝ่ายก็ดูจะชื่นชอบที่จะให้เขาทำรุนแรงด้วย

   “พอใจแล้วใช่มั้ย” ร่างบางพูดเสียงเบา ก่อนจะก้มหยิบกางเกง และเดินหนีไปที่ห้องน้ำ มือหนาขยับเอื้อมคว้าข้อมือบางเอาไว้ ก่อนจะมอบจูบเร้าร้อนให้อีกครั้ง

   ครั้งนี้กวินไม่พอใจจริง ๆ เขาใช้แรงที่มีผลักอีกฝ่ายออก ดวงตามีประกายวูบไหว บางครั้งเขาก็รู้สึกเหมือนตัวเองไม่มีศักดิ์ศรี บางทีก็รู้สึกว่าทำไมตัวเองต้องอดทน ต้องยอม ต้องยิ้มทั้งที่ไม่มีความสุข ... เขาสะบัดแขนให้หลุดจากการเกาะกุม

   “ช่วยรักษาสัญญาด้วย”

   เติ้ลมองอีกฝ่ายนิ่ง ก่อนจะยอมปล่อยมือ เมื่อคิดว่าครั้งนี้อีกฝ่ายดูจะโกรธจริง ๆ เขาอาจจะทำเกินไปสักหน่อย แต่ก็ช่วยไม่ได้เมื่ออีกฝ่ายน่ารักมากเกินไป

   ร่างบางชำระล้างทำความสะอาดส่วนล่างของตัวเอง พอก้มหน้าลง ก็เหมือนน้ำตาจะเอ่อขึ้นมาตามแรงโน้มถ่วง กวินเงยหน้าขึ้นพลางกระพริบตาถี่ ๆ เพื่อไล่หยาดน้ำตาที่เอ่อล้น ...เขาจัดการแต่งตัว และตรวจเช็คสำรวจร่างกายของตัวเอง ว่ามีจุดไหนที่ดูโทรม และไม่เข้าที่เข้าทางหรือเปล่า

   เขาสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ก่อนเดินออกไปนอกห้องน้ำ เขาพบว่าร่างสูงนั่งอยู่บนเตียง เหมือนตอนที่เขาเข้ามา ร่างบางละสายตาพลางเดินไปทางประตู เข้าต้องออกไป ก่อนอีกฝ่ายจะมาทำอะไรแบบนั้นอีก

   "กวิน...ขอโทษ” เสียงเรียกและคำขอโทษจากอีกคน ทำเอาร่างบางชะงักเท้าไปชั่วขณะหนึ่งแค่ไม่กี่วิ ที่ทำเอาหัวใจของเขาอ่อนยวบแต่ก็ทนฝืน แบบนี้มันไม่ถูกต้องเลยเรื่องที่กำลังทำกันอยู่แบบนี้ มันไม่ถูกต้อง เขาไม่ได้หันกลับไปหาเจ้าของเสียงเรียก แต่กลับเลือกเดินออกไปจากห้อง ต่อให้เขาจะรู้ดีว่าคงตัดอีกฝ่ายไม่ขาด แต่ก็ขอ แค่วันนี้ ให้เขาได้หลงเหลือความเป็นมนุษย์อยู่บ้าง เพื่อว่าที่เจ้าสาวที่น่าสงสารผู้ที่ไม่ได้รู้เรื่องด้วยเลย ว่า...ว่าที่เจ้าบ่าวของตัวเอง กำลังทำอะไรกับเพื่อนสนิท และตัวเขาที่น่าสงสารยิ่งกว่าที่รู้ทั้งรู้ว่าเขาไม่มีวันจะรัก รู้ทั้งรู้ว่าเขากำลังจะเป็นของใคร รู้ทั้งรู้ว่าเป็นได้แค่ที่ระบายความใคร่ แต่ก็ตัดเขาออกไปไม่ขาด



   “ไอ้กวิน ไปไหนมาวะ” แต้มเอ่ยทักขณะยกเก้าอี้

   “ช่วยงานดิ นั่นจะเอาไปไหน”

   "ไว้ข้างนอกตัวนึง ให้คนที่อยู่ตรงซุ้มถ่ายรูป”

   “อ๋อ โอเค” ร่างบางเดินตามอีกฝ่ายไปพออกมาด้านนอก ก็เจอว่าทั้งสองคนกำลังพันสายไฟดวงเล็ก ๆ กับเสา ตอนกลางคืนคงสว่างไสวสวยงามน่าดู แต้มวางเก้าอี้ในตำแหน่งที่หมาย

   พวกเขาช่วยงานกันเสร็จ ก็มาที่ซุ้มถ่ายรูป พวกเขาถ่ายรูปเล่นกันก่อนปริ้นออกมาเก็บเป็นที่ระลึก



   “สวยหล่อ สมกันดีเนอะ”

   “อิจฉาเจ้าสาวจัง” เสียงคนข้างหลังเขา พูดคุยกัน ทำให้พวกเขาหันหลังไปดู คู่บ่าวสาวในชุดสีขาวบริสุทธิ์ เดินเคียงคู่กัน มือหนาโอบเอวบางเอาไว้อย่างทะนุถนอม ทั้งคู่ยิ้มแย้มรับแขกเหรื่อที่กำลังทยอยมากัน

   “วันนี้กุยอมให้ไอ้เติ้ลหล่อกว่ากุวันนึง” โจ้พูดพลางยกแขนวางพาดที่คอของกวิน

   “เออ เห็นว่าเป็นงานมัน กุเลยยอมนะ” นุกพูดต่อ

   “...” กวินได้แต่มองภาพนั้นนิ่ง ๆ เทพบุตรชุดขาวตรงนั้น เมื่อกี้เพิ่งทำเรื่องร้ายกาจกับเขา...



   เมื่อถึงกำหนดเริ่มงาน พวกเขาก็เดินไปเอาซองใส่กล่องและรับของชำรวยคนดูแลส่วนนี้เป็นแก๊งเพื่อนของเจ้าสาว หน้าตาน่ารักกันทั้งนั้น

   พวกเขาต่างเขียนคำอวยพรให้คู่บ่าวสาว กวินก็เช่นกัน

   

   ‘ยินดีด้วย ขอให้มีความสุข รักกันนาน ๆ

   กวิน’



   “เจ้าสาวว่าสวยแล้ว เพื่อนเจ้าสาวนี่ยิ่งกว่าอีกว่ะ” แต้มพูดกระซิบ หลังจากเดินคล้อยหลังออกมาไม่ไกล

   “เออ แม่มเจริญหูเจริญตา” โจ้เสริมทับ ด้วยดวงตาแพรวพราว

   “คนผมยาวที่มัดหางม้ากุจอง” นุกพูดจองขึ้นมาหน้าตาเฉย ถึงจะเป็นการพูดเล่นในหมู่ชายโสดวัยกลัดมันทั้งสามคน กวินก็อดที่จะเห็นด้วยไม่ได้ ว่าสาว ๆ ตรงนั้นหน้าตาดีกันจริง ๆ

   “คนไหนสเปกเมิงฮะ ไอ้หล่อกวิน” แต้มพูดพลางอ้าแขนกอดคออีกฝ่าย กวินมันหน้าหวาน ผิวพรรณดูสะอาด ไม่เหมือนผู้ชายทั่ว ๆ ไป อย่างเขาเองนี่โคตรจะดูเถื่อน ถ้าจีบสาวแข่งกับมัน ท่าจะแพ้

   “กุได้หมดเลย” เขาพูดยิ้ม ๆ

   “โห ไอ้คาสโนว่า” แต้มพูดด้วยน้ำเสียงหมั่นไส้อีกฝ่าย น่าแปลกใจที่มันก็ยังไม่มีแฟนสักที ทั้งที่ก็หน้าตาดี นิสัยดี ไม่เหมือนกับเขา เถื่อนทั้งนิสัยทั้งหน้าตา แถมปากก็ไวอีกต่างหาก

   พวกเขาเดินไปนั่งประจำที่โต๊ะ พลางส่งเสียงทักทายคนที่นั่งอยู่ก่อน คุ้นหน้าคุ้นตากันดี ไม่ตื่นเต้นมากเพราะเมื่อเดือนก่อนก็เพิ่งเจอกัน

   “ฮายยยย หวัดดี” หญิงสาวผิวขาวในชุดแสกสายเดี่ยวสีเขียวเข้ม ส่งเสียงร้อง พลางโบกมือทักทายพวกเขาอย่างร่าเริง

   “หวัดดีจีจี้”

   “วันนี้แขนล่ำเชียว”

   “ไอ้แต้ม” จีจี้ขมวดคิ้วพลางฟาดมือใส่แต้มที่ทักเธอจนแทบเสียความมั่นใจ

   เพราะแต้มปากไวแบบนี้ ถึงได้ไม่มีแฟนสักที



   “เขาว่าอาหารที่โรงแรมนี้อร่อยมาก”

   “ดูรีวิวมาเหมือนกัน”

   “โรงแรมก็หรูมากเลยนะคะ”

   “นั่นสิ”

   เสียงพูดคุยจอแจจาก โต๊ะจีนสามโต๊ะ ที่เป็นเพื่อนสมัยม.ปลายของเจ้าบ่าว มุมนี้เสียงดังคึกครื้นเป็นพิเศษ กินไปคุยไปสนุกสนานกันมาก

   ก่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวจะเดินมาถ่ายรูปรวมด้วยกัน

   “เพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาว เรียนเชิญบนเวทีด้วย” เสียงไมค์เรียกพวกเขาให้ไปบรีฟเตรียมตัวเป็นคนมอบของที่ระลึก และเป็นแบคกราวให้คู่บ่าวสาว

.

.

   เขาเกลียดตัวเองที่อยู่ตรงนี้ เกลียดตัวเองที่ต้องมายืนเป็นแบคกราวบนเวทีให้เจ้าบ่าวเจ้าสาว ร่างบางลอบมอบแผ่นหลังของเติ้ล และอ้อมแขนแกร่งที่โอบเอวเจ้าสาวเอาไว้ บรรยากาศชื่นมื่นสุขสันต์ ส่วนเขาทั้งเจ็บทั้งชา ใบหน้าของเขาราวกับถูกสตาฟเอาไว้ให้มีใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสตลอดเวลา

   ‘กุไหว กุโอเค กุไม่รู้สึกอะไร’

   เขาพยายามทำใจให้ว่าง ไม่คิดอะไร เดี๋ยวทุกอย่างจะผ่านพ้นไป

   “จูบเลย ๆ”

   เสียงเชียร์ดังสนั่นราวกับเป็นธรรมเนียมที่ในงานแต่งงาน คู่บ่าวสาวจะต้องแสดงความรักกันต่อหน้าธารกำนัล

   กวินมองเลยคู่บ่าวสาวไปจ้องที่แสงสปอร์ตไลท์แทน แสงไฟที่แสบตา ทำให้เขางุนงง กวินกระพริบตาสองสามครั้ง ก่อนจะรู้สึกว่าโลกมันหมุน และดับมืดลง

.

.

[เจ็บซ้ำ เจ็บเเล้วเจ็บอีก  ก็ยอมให้เขาทำ ไม่ตัดใจจากเขาสักที]
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 4 ยินดีด้วยนะ (NC) 4/9/62
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 04-09-2019 17:02:14
 :กอด1:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 5 หนี เพื่อเริ่มต้นใหม่ 19/9/62
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 19-09-2019 21:19:08

บทที่ 5 หนี เพื่อเริ่มต้นใหม่

   

   “เฮ้ยกวิน เป็นไงบ้างวะ”

   “อื้อ” กวินได้ยินเสียงปลุกจากเพื่อนของเขา เขาค่อย ๆ ลืมตาขึ้นและพบว่าตัวเองนั่งอยู่ที่โต๊ะข้างเวที และเขาลืมตาขึ้นมาเห็นหน้าของแต้มเป็นคนแรก

   “กุเป็นไรวะ”

   “เมิงวูบว่ะ เชี่ยเอ้ยกุตกใจหมด ดีนะเมิงฟื้นเร็ว ไม่ไหวก็บอกสิวะ” แต้มพูดโวยวายใส่เขาจนหนวกหูไปหมด

   “งานเป็นไงบ้าง” กวินเอ่ยถาม

   “ก็ไม่เป็นไง นั่นไง คนอื่นก็ไปยืนแทนเมิง” แต้มขมวดคิ้ว มองอีกฝ่ายด้วยความเป็นห่วง “ไม่ต้องไปห่วงงาน เมิงอ่ะห่วงตัวเองเถอะ ไม่มีเมิงเขาก็แต่งกันได้”

   คำพูดนั้นทำเอาเขารู้สึกชา ใช่ ไม่มีเขา ทั้งคู่ก็แต่งกันได้... อย่างมีความสุข คิดแล้วน้ำตาก็พาลจะไหลออกมา แต้มมองอีกฝ่ายที่อยู่ดี ๆ ก็นิ่งไป แถมยังนั่งก้มหน้า

   “เป็นอะไรเปล่า เจ็บตรงไหนหรือไง”

   “ฮะเปล่า ๆ” เขาเงยหน้าพลางขยับยิ้มบาง อย่างน้อยก็ไม่ต้องไปยืนตรงนั้น แค่อดทนรอให้จบงาน

   “ถ้าไม่ไหว เมิงต้องบอกนะ อย่าปล่อยให้ล้ม” แต้มพูดกำชับอีกครั้ง

   “เออ รู้แล้วน่า”

   

   พองานทางการจบลงก็เข้าสู่ช่วง อาฟเตอร์ปาร์ตี้ กวินนั่งหลบมุม จิบเหล้าไปเรื่อย ขณะมองทุกคนเต้นกันอย่างสนุกสนาน เสื้อผ้าหน้าผมที่เซ็ตมาสวยงาม ต่างหลุดรุ่ยเมื่อต่างฝ่ายต่างกระโดดโล้ดเต้นอย่างมีความสุข

   

   ‘เพียง กระซิบบอก บอกฉันสักคำ เธอไม่รัก ไม่อยากจดจำ จำจดความสัมพันธ์’

   

   เสียงเพลงร็อคดังกระหึ่ม เพลงเพียงกระซิบของแบล็คเฮด เพลงประจำที่พวกเขาคุ้นเคยกันดี แต่ในวันนี้ความหมายมันช่างทิ่มแทงใจ

   “กวิน มาหลบอะไรตรงนี้วะ” โจ้เดินมาจิบน้ำ เพราะตะโกนแหกปากจนคอแห้ง เขายกแก้วขึ้นมาถือ พลางถามเพื่อนที่นั่งจมจ่อมอยู่คนเดียว

   “อาการยังไม่ดีหรอ”

   “หายแล้วเว้ย ตอนนั้นก็แค่โลกแม่มหมุน”

   “ถ้างั้นก็มาเต้นด้วยกัน” มือหนาคว้าแขนกวินพลางออกแรงดึง “มาเร็ว”

   ร่างบางจำใจลุกตาม เมื่อเจ้าตัวลากเขาไปหาเพื่อน ๆ

   โจ้อ้าแขนคล้องคอกวินไว้ ก่อนที่แต้มจะมาคล้องทับจากอีกข้างนึง ทั้งคู่เต้นกระโดดทำให้เขาต้องขยับไปด้วย

   

   ‘รักละมุนละไมติดตรึงไว้ในความทรงจำ ทุกทุกการกระทำจดจำไว้

   พิษรักรอยระบมขื่นและขมระทมทรวงใน จดจำไว้จนชีพวาย’

   

   “ไอ้เหี้ย!!!” เสียงร้องตะโกนประสานกันเหมือนเป็นคอรัส แต่ไม่ค่อยสุภาพสักเท่าไหร่ แต่การได้ตะโกนก็ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมาหน่อย

   ‘หาก ความรักชื่น ยั่งยืนแสนนาน ใจดวงนี้คงไม่แหลกราน ช้ำชอกกว่าใคร’

   ช้ำชอกกว่าใคร...

   

   แรงสะกิดด้านล่างทำให้เขาหันไปมอง เติ้ล เจ้าบ่าวที่เต้นสุดเหวี่ยงจนเหงื่อชุ่มโชก ชุดสีขาวเปียกเหงื่อจนแนบเนื้อ หวาบหวาม ไม่เท่าดวงตาที่จดจ้องกวิน

   “หายแล้วหรอ”

   “เออดิ”

   แต้มยกมือที่กอดคอกวินออก เพื่อให้เติ้ลได้แทรกตัวเข้ามาด้วย ร่างสูงอ้าสองแขนโอบรอบคอของทั้งกวินและแต้ม พวกเขาเต้นไปด้วยกัน กวินมีความกระอักกระอ่วนในใจเล็กน้อย เขาพยายามบอกกับตัวเองว่า ก็เป็นเพื่อนกันไง กลับไปเป็นเพื่อนกันเหมือนเมื่อก่อน

   

   พนักงานเดินแจกจ่ายเครื่องดื่ม เติ้ลหยิบแก้วเหล้าส่งให้กวิน กวินรับมาถือเอาไว้

   “ชน” เติ้ลร้องเรียกเพื่อน ๆ

   “ฉลองสละโสดหรอวะ” โจ้พูดแหย่

   “เอออออ มีเมียแล้วว้อย” เติ้ลพูดตอบเสียงดังอย่างฮึกเหิม

   เรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดจากคนรอบ ๆ ได้เป็นอย่างดี

   กวินยกแก้วขึ้นชนก่อนดื่มรวดเดียวหมด แล้วก็หยิบเพิ่มเองเรื่อย ๆ ดื่มเหมือนน้ำเปล่า ดื่มจนนับแก้วไม่ถ้วน ดื่มจนรู้สึกว่าโลกหมุนช้าลง

   พลันสายตาหันไปเห็นร่างสูงยืนอยู่ไกล ๆ คนที่เขาอยากเจอมาตลอดยืนอยู่ตรงประตู นั่นเขาจริง ๆ หรือว่าตอนนี้เขาเมาจนตาฝาด กวินพยายามหรี่ตามอง เขาขยับออกจากแขนของเติ้ล ที่ยังคงวางคล้องคอเขาอยู่ สองขาพยายามก้าวเดินไปหา

   แต่เขาไม่สามารถเดินให้ตรงได้ ทำความเร็วไม่ได้อย่างใจ ร่างบางมาโอนเอียงไปมาจนเกือบจะล้ม มือบางคว้าจับเก้าอี้เอาไว้ เพื่อพยุงตัว

   เขาเพ่งมองไปในทิศทางนั้น ไม่ผิดแน่ วริษฐ์แน่ ๆ ต้องเป็นเขา! ร่างสูงยกมือไหว้ใครบางคนก่อนจะเดินออกจากห้องไป

   “เดี๋ยว ... เดี๋ยวก่อน” น้ำเสียงอ้อแอ้ของกวินดังอยู่ในลำคอ

   เขาเดินออกไปถึงหน้าประตูจนได้ แต่คน ๆ นั้นก็ไม่อยู่แล้ว ไม่มีวี่แววเลย กวินขมวดคิ้วมุ่น อย่างไม่สบอารมณ์อะไร ๆ ก็ไม่เป็นไปตามความต้องการของเขาสักอย่าง

   “ไปไหนวะไอ้กวิน”

   นุกที่เพิ่งเดินกลับจากห้องน้ำเอ่ยทักเมื่อเห็นกวินยืนโงนเงนพิงอยู่ที่กำแพง สภาพดูไม่ค่อยดี ใบหน้าแดงก่ำ ดวงตาฉ่ำ น่าจะเมาได้ที่แล้ว

   “เปล่า...” เขาตอบเสียงเบา

   “เมิงรอตรงนี้ กุไปตามไอ้แต้มกับ ไอ้โจ้”

   นุกเดินฝ่าเข้าไปในงาน หยิบกระเป๋าใบเล็กของกวินมาถือเอาไว้ ก่อนจะเดินไปตามคนขับรถกับคนดูทางออกมา ทั้งคู่ก็โดดกันจนพอใจแล้ว จึงบอกลาเติ้ล

   “คืนนี้ อย่าหนักนักนะเมิง” โจ้เอ่ยแซว พลางทำสีหน้ากะลิ้มกะเลี่ย

   “น่าจะห้ามไม่ได้ ม้าคึกแบบกุ” เติ้ลพูดหยอก “เออเมิง ส่งกวินให้ถึงห้องด้วยนะ กุว่ามันเมาแล้ว”

   เขาเห็นร่างบางเดินโงนเงนออกไปจากห้อง ใบหน้าแดงก่ำของอีกฝ่ายทำให้เขารู้ว่าเจ้าตัวเมาเต็มทน แต่จะให้เขาเดินเข้าไปประคองหรืออุ้มอีกฝ่ายแบบที่อยากทำก็ไม่ได้ โจ่งแจ้งเกินไป...

   

   แต่ก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้เหมือนกัน ...

   

   ร่างบางกลับมาถึงห้องด้วยการแบกของเพื่อน ๆ แอลกอฮอล์ออกฤทธิ์จนกวินแทบไม่รู้สึกตัว ด้วยความเป็นห่วง รวมถึงความเหนื่อยล้า ทำให้ทุกคนถือโอกาสนอนค้างที่ห้องของกวิน ห้องกวินเป็นห้องชายโสดที่เรียบร้อยแปลก ๆ แถมในห้องยังมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ถ้าไม่รู้คงคิดว่าห้องของสาวน้อย

   

   กวินตื่นมาในตอนเช้าเขาค่อย ๆ ปรือตาขึ้นมา ตาพร่ามัวพบกับใบหน้าเนียนที่ไม่มีแม้แต่ ตาหูจมูกหรือปาก จะมีก็แต่ นิ้วทั้งห้า... เชี่ย นี่มันตีน!

   กวินขยับขึ้นนั่งพิงหลังกับหัวเตียง เสื้อผ้าหลุดลุ่ยยับเยิน เมื่อคืนหลับไปทั้งสูทเลย กลับมายังไงก็จำไม่ได้ เขากวาดสายตามองดูเจ้าของฝ่าเท้าเนียน ไอ้นุก!  ถัดจากไออ้นุกก็ไอ้โจ้ ส่วนบนพื้นมีแต้มอีกคน พวกแม่งทำไมมานอนกองอยู่ห้องเขากันหมด

   “พวกเมิงไม่กลับบ้านกลับช่องกันวะ”กวินพูดออกมาด้วยเสียงแหบแห้ง

   โจ้ขมวดคิ้วมุ่นเมื่อถูกปลุก แต่ก็ไม่ยอมตื่น ส่วนนุกพลิกตัว ฝ่าเท้าพาดขึ้นมาบนตัวของกวิน มือบางยกมือขึ้นฟาดลงไปบนขานั้น

   เพียะ

   “เชี่ยเอ้ย เจ็บว้อย” นุกพูดพึมพำไม่พอใจ ทั้งที่ยังไม่ลืมตา

   “พวกเมิงตื่นกันได้แล้ว”

   กวินพูดเสียงดังขึ้น สภาพแต่ละคนเละเทะไปหมด แต้มเหลือแค่บ็อกเซอร์ตัวเดียว โจ้อยู่ในสภาพเสื้อเชิ้ตยับยู่ยี่กับบ็อกเซอร์ ส่วนนุกเหลือบ๊อกเซอร์กับเสื้อเชิ้ตที่ปลดกระดุมออกจนหมด

   “ตื่นสิวะ”

   ทุกคนตื่นขึ้นมาด้วยสภาพงัวเงีย

   “แฮงค์สัส ต้องแดกเตี๋ยวต้มยำ” นุกพูดขึ้นขณะพยายามติดกระดุมเสื้อเชิ้ตให้เข้าที่เข้าทาง

   “ไป ไปแดก” แต้มพูดขึ้น มือหนาเกาแกรก ไปที่หัวไหล่ มีเขาคนเดียวที่ต้องนอนพื้นเพราะเตียงเต็ม เขาตัวใหญ่เกินไป จะไปนอนเบียดคนอื่นก็สงสาร

   หลังจากนั้นพวกเขาเรียงแถวเข้าไปยืนอัดกันในห้องน้ำ ล้างหน้าแปรงฟันพร้อมกันอย่างกับอยู่ค่ายฝึกทหาร

   “ออกไปดิ๊ กุจะฉี่” แต้มออกปากไล่ทุกคนให้ออกไปข้างนอก เขาปวดฉี่จะแย่

   “เมิงก็ฉี่ไปดิ” โจ้พูดตอบ

   “ไม่เอา สัส เดี๋ยวพวกเมิงแอบดูของกุ”

   “ไม่ดู ของกุใหญ่กว่าเยอะจะไปดูของเล็ก ๆ ทำไม” โจ้พูดพลางยักคิ้วกวนประสาท

   “ของกุยาวแปดเมตร” นุกบ้วนปากก่อนจะร่วมวงพูดทะลึ่ง

   กวินได้แต่ส่ายหน้าเอือมละอาให้เพื่อน ๆ ของเขา ที่เอาไอ้นั่นมาพูดเกทับกันไปมา ก่อนจะเดินออกไปจากห้องน้ำคนแรก แต่ก็ยังได้ยินบทสนทนาบ้าบอของเพื่อนชัดเจนเต็มสองหู

   “ถุย ...ของกุมีฉายาว่าราชันมังกร” แต้มทำหน้าพราวมือสองข้างเท้าเอวเอนเล็กน้อยอย่างโอ้อวด

   “เมิงอ่านการ์ตูนเยอะเกินกุว่า” โจ้พูดทิ้งท้ายพลางเดินออกไปจากห้องน้ำ

   “ฉายาที่ยกย่องอะไรแบบนี้มันต้องให้คนอื่นตั้งให้เว้ย ไม่ใช่ตั้งเอง”นุกพูดเหน็บนก่อนจะเดินออกไปอีกคน แต้ม รีบปิดประตู ก่อนจะจัดการธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย

   หลังจากที่ไปหาอะไรกิน พวกเพื่อน ๆ ก็แยกย้ายกันกลับบ้าน

   กวินได้เวลาที่เงียบเหงากลับคืนมา เมื่อวานมันแย่มากจริง ๆ เขาต้องทำยังไงถึงจะสามารถตัดเติ้ลได้ขาดสนิท เขาไม่เคยที่จะขัดขืนอีกฝ่ายได้เลย ฝ่ายที่รักก่อนเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบ...

   ต้องไปให้ไกล...

   เรียนต่อต่างประเทศเป็นไง

   เขาเปิดคอมพิวเตอร์ขึ้นมาเพื่อค้นหาทุนการศึกษาต่อต่างประเทศ ของมหาววิทยาลัย ของรัฐบาลประเทศที่น่าสนใจ ทุนให้เปล่า ที่มีจัดสอบเร็วที่สุด พรุ่งนี้เขากลับไปบ้านดีกว่า

   

   กวินกลับบ้านหลังจากไม่ได้กลับมาครึ่งเดือน

   “สวัสดีครับแม่” ร่างบางยกมือไหว้แม่ เขายิ้มทักทาย ก่อนจะโผเข้ากอดแม่

   “เป็นไงบ้างลูก” ผู้เป็นแม่มองสำรวจลูกชายที่ดูซูบผอม “งานหนักหรือ กินข้าวบ้างหรือเปล่า” ผู้เป็นแม่เอ่ยทักทำให้คนถูกถามได้แต่ยิ้มตอบ

   “ก็ยุ่ง ๆ นิดหน่อยครับ” ไม่มีใครรู้ในรสนิยมของเขา ไม่มีใครรู้เรื่องเติ้ล ตอนนี้เขาก็แค่คนตรอมใจ คนอกหักคนนึง ที่ออกจากวังวนบ้า ๆ นี่ไม่ได้สักที ...

   “พ่อล่ะครับ”

   “ใกล้กลับมาแล้วแหละ ไปตีกอล์ฟกับนาย”

   เขาพยักหน้ารับรู้ พ่อเป็นคนโปรดของนาย นายชอบพาพ่อไปนู้นไปนี่ด้วยเสมอ

   “แล้วนี่กวินกลับมาไม่บอกแม่ก่อน ไม่ได้เตรียมอาหารโปรดไว้ให้เลย

   “ไม่เป็นไรครับ แม่ทำอะไรก็อร่อย เป็นของโปรดผมหมดแหละ”

   “พี่กรันต์ล่ะครับ”

   “รายนั้นบินไปดูงานต่างประเทศแหนะ บริษัทส่งไป พี่เขาไม่ได้บอกเราหรอ”

   ชายหนุ่มนิ่งคิดไปนิดนึง ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่า เจ้าตัวบอกเขาเมื่อนานมาแล้ว

   “บอกครับผมลืม”

   “พี่เขาน่ะเก่งจริง ๆ นะ เหมือนพ่อ ทำงานเก่ง งานก้าวหน้า” แม่พูดด้วยความภาคภูมิใจ รอยยิ้มอ่อนโยนปรากฎชัดบนใบหน้า

   ใช่ พี่ชายของเขาเก่งจริง ๆ เก่งกว่าเขาเยอะ

   “พี่กรันต์ก็เก่งมาแต่ไหนแต่ไร”

   เสียงรถยนต์จอดหน้าบ้านเรียกความสนใจจากทั้งคู่ได้เป็นอย่างดี

   “พ่อกลับมาแล้ว”

   ชายร่างสูงในชุดเสื้อโปโลกางเกงผ้าขายาวสีดำก้าวพ้นประตูบ้านเข้ามา เขายังดูไม่แก่มากนักทั้งที่อายุไม่ใช่น้อย ๆ เส้นผมมีสีขาวแซม บนใบหน้ามีรอยแดงจากการถูกแสงแดดเผา

   “สวัสดีครับพ่อ”

   “อ้าว กวิน เป็นไงบ้างละ ทำงานหนักหรือ ไม่ค่อยได้กลับมาบ้านเลย”

   “อ่าครับ”

   “ได้เวลาข้าวเที่ยงพอดีเลย” ผู้เป็นพ่อพูดพลางมองนาฬิกาข้อมือ

   “เอ่อ ทุกคนครับ ผมว่าจะไปเรียนต่อต่างประเทศ”

   “หืม? ก็ดีสิ คิดว่าจะไม่สนใจแล้ว”

   “เนี้ยลูกน้าปูก็เพิ่งได้ทุนไปต่างประเทศ”

   “ข้างบ้านก็ไปต่อที่ญี่ปุ่น”

   ชีวิตเขาถูกเปรียบเทียบแบบนี้มาตลอดชีวิต เหนื่อยเป็นบ้า แต่ก็ต้องพยายาม พยายามเพื่อรอยยิ้มภาคภูมิใจของทั้งสองคน พยายามเพื่อรักษาเอาไว้ซึ่งความสุขของทุกคน

   เขาเคยเกเรมาแล้ว และได้ผลตอบแทนออกมาเป็นน้ำตา สีหน้าผิดหวัง ที่เขายังจำได้ดี ทั้งที่เรื่องเกเรของเขา ก็แค่เขาอยากจะเรียนวาดภาพ... ก็เท่านั้นเอง แต่พอเขาบอกออกไปตรง ๆ ถึงความต้องการของตัวเอง ...ทั้งหมดทั้งรูปวาดทั้งอุปกรณ์วาดภาพ ทุกอย่างถูกทิ้งไปต่อหน้าต่อตา แถมยังโดนตีซะอีก พวกเขาเข้มงวดกับกวินมากขึ้นกว่าเดิม อึดอัดจนชิน ที่จะต้องซ่อนความรู้สึกเอาไว้ลึก ๆ หลังจากนั้น เขาก็ไม่เคยแสดงความต้องการออกมาอีกเลย ให้ทำอะไรก็ทำ ให้เป็นอะไรก็เป็น เขาซุกซ่อนอะไรหลายอย่างไว้ข้างใน โดยเฉพาะเรื่องของรสนิยม

   “กวินเราวางแผนยังไงบ้างล่ะ”

   “ก็ผม ตั้งใจว่าจะสอบชิงทุน จะกลับมาอ่านหนังสือสอบที่บ้าน”

   แรงกดดันที่บ้านอาจจะมีผลดีให้เขาฮึดสู้ และจะได้หนีจากเติ้ลด้วยขืนอยู่ที่ห้อง เขาก็คงเป็นได้ที่รองรับอารมณ์ความใคร่ ยังไงอีกฝ่ายจะต้องมาอีกแน่ ถ้าเขาย้ายกลับมาบ้านเติ้ลคงไม่กล้าบุกมาที่นี่

   “ก็เอาสิ กลับมาบ้าน แม่จะได้ดูแล ผอมลงไปเยอะ” ผู้เป็นแม่พูดพลางตักกับข้าวลงจานให้กวิน

   “ครับ”

   

   เขากลับมาอยู่บ้านอีกครั้งอย่างคนมีเป้าหมาย เขาไม่อึดอัดนักเมื่อเป้าหมายที่เขามีสอดคล้องดีกับความต้องการของพ่อและแม่ แบบนั้นก็ไม่มีปัญหา แม่ที่พยายามจะขุนเขาให้อ้วน พ่อที่มักจะถามเขาเสมอว่าอยากได้หนังสืออะไรเพิ่มมั้ย เขาจะซื้อให้ แต่แค่อ่านของตัวเองกับของพี่ชาย ที่พอเจ้าตัวกลับมาแล้วรู้ว่าเขาจะสอบชิงทุน ก็แทบจะขุดขนหนังสือมาให้เขาด้วยซ้ำกองสูงท่วมหัว

   ตัวเขาค่อย ๆ หายห่างจากความเศร้า เมื่อมีเรื่องที่จะต้องสนใจและมุ่งมั่น ลืมแม้กระทั่งผู้ชายที่ปลอบโยนเขา ตอนนี้เขามีแค่... จะต้องไปจากที่นี่ ไปเริ่มใหม่ ไปทำให้หัวใจแข็งแรง



[กวินเตรียมจะหนีเพื่อไปเริ่มต้นใหม่ พอมีอะไรทำ ความเศร้าก็ค่อย ๆ จางหายไป

บ้านกวินก็มีส่วนหล่อหลอมให้เขากลายเป็นคนที่มีรอยยิ้มบนใบหน้าเสมอ

รอยยิ้มแม้ในวันที่ไม่อยากจะยิ้ม....]
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 5 หนี เพื่อเริ่มต้นใหม่ 19/9/62
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 20-09-2019 22:16:37
 :กอด1:
 :3123:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 6 พรหมลิขิต / อยากได้ต้องได้ 2/10/62
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 02-10-2019 13:19:18
ตอนที่ 6 พรหมลิขิต? / อยากได้ ต้องได้



   กวินเป็นคนเก่ง เขาสอบชิงทุนได้อย่างง่ายดาย และเตรียมตัวที่จะบินหนีทุกอย่างไปต่างประเทศ อังกฤษคือจุดมุ่งหมาย บินไปโดยไม่บอกเพื่อนสักคน ตั้งใจว่าจะให้ตกใจทีเดียวตอนเขาลงรูปว่าอยู่ที่นู่นแล้ว ไม่ต้องมาส่ง ไม่อยากให้เติ้ลรู้ก่อนจะหนีออกไปได้...

   ยังดีที่ช่วงนี้อีกฝ่ายเงียบหายไปซึ่งก็เป็นเรื่องที่ดี... ดีแล้ว...

   เมื่อกวินไปถึงอังกฤษสิ่งแรกที่เขาทำคือบล็อกเติ้ลทุกช่องทาง ในเมื่ออยากจะเดินหน้า แถมยังหนีมาไกลแสนไกล เขาจะต้องตัดอีกฝ่ายให้ขาด ให้ได้ เริ่มต้นใหม่สักที

   เขาถ่ายรูปตัวเองยิ้มแย้มสดใส พลางลงรูปเช็คอิน และเป็นอย่างที่คิด

   ‘ไปไหนวะ’

   ‘ไม่เห็นรู้เลยยยยย’

   ‘ของฝากด้วยนะเว้ย’

   การกดไลค์และคอมเม้นเด้งขึ้นรัว ๆ  เขาผุดยิ้มบาง เพื่อนคงด่าเขา ที่มาโดยไม่บอกไม่กล่าว ไว้ซื้อของไปง้อพวกมันก็แล้วกัน

   

   มาที่นี่เขาต้องปรับตัวหลายอย่าง ทั้งเวลา และสภาพอากาศ ...เขามีเพื่อนใหม่มากมายหลายเชื้อชาติ ตัวเขาอัธยาศัยดี ยิ้มแย้มแจ่มใส จึงเข้ากับคนอื่นได้ง่าย และสนุกสนานไปกับการได้ลองสิ่งแปลกใหม่

   ปิกนิกในสวน ทำบาร์บีคิวกลางแจ้ง เดินเที่ยวชมสถาปัตยกรรม ทั้งปราสาท หอคอย มหาวิหาร สวยงามและมีกลิ่นไอมนตร์ขลัง ไปดูละครเวที กินอาหารพื้นเมืองและอีกมากมายที่เป็นประสบการณ์ใหม่ แถมยังได้ตามรอยแฮรี่ พอตเตอร์ นิยายเรื่องโปรดของเขา รู้สึกเหมือนหลุดเข้ามาในโลกเวทมนตร์

   อยู่ที่นี่เขารู้สึกว่าได้เป็นตัวเอง อยากทำอะไรก็ทำ อยากจะวาดรูป ระบายสี อยากจะเป็นอะไร ทำตัวแบบไหน ตามที่ยังรับผิดชอบหน้าที่สำคัญได้ เขาก็จะทำสิ่งที่อยากให้เต็มที่ ความห่างไกลไม่ทำให้เขาเหงา แต่กลับให้อิสระกับเขา เขาจะเป็นอะไรก็ได้เท่าที่เขาจะอยาก เขาสามารถปฏิเสธเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เขาไม่อยากทำได้อย่างใจ รู้สึกไม่อึดอัดสักนิดที่ต้องอยู่ท่ามกลางคนแปลกหน้า

   ประสบการณ์กินของนอก นาน ๆ ครั้ง เฉลี่ย เดือนละครั้งสองครั้ง สนุกสนานกับความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืน ที่พอเสร็จก็แยกทางกัน ชายต่างชาติที่มีใบหน้าหล่อเหลา ร่างกายกำยำใหญ่โต สะอาดปลอดภัย เขาก็คัดเลือกเป็นอย่างดี ไม่เอาคนใกล้ตัว เอาแค่บังเอิญพบเจอ ถูกตาต้องใจ ส่วนใหญ่มักจบที่ห้องน้ำในร้านนั้น ๆ หรือไม่ก็จบที่โรงแรมสักที่ ไม่มีใครก้าวล่วงเข้าไปในพื้นที่ของอีกฝ่าย แค่แลกเปลี่ยนกันลงตัว และจบกันตรงนั้น ...

   

   เขาอยู่ที่นี่มานานจนคุ้นชิน แทบไม่อยากกลับประเทศไทย

   “Gawin, Do you have any plans for tonight” เพื่อนใหม่ร่างสูงเอ่ยถาม เมื่อพวกเขากำลังเดินทางกลับที่พัก เขาพักที่พักเดียวกันแต่คนละชั้น เป็นเพื่อนที่ได้ทุนมาจากประเทศตัวเองเหมือนกัน

   “Nothing” ผมตอบเบา ๆ วันนี้เขายังไม่มีแผนว่าจะทำอะไร ว่าจะนอนเพราะเหนื่อยมาทั้งสัปดาห์

   “Oh, It’s Friday!”

   “I know”

   “Time to party!!!” ร่างสูงพูดเสียงดังพลางกอดคอผมเอาไว้

   “Sven. Where to party?  Who else is coming?”

   “I will tell you ...tonight! ”

   เขาพูดพลางยิ้มกว้าง ไม่ยอมบอกก่อนด้วยว่าจะชวนไปไหน มีใครบ้าง

   

   เขาโดนพามาร้านใหม่ที่ไม่เคยมา ไฟนอกร้านสว่างไสว แต่ในร้านกลับมืดสลัว เสียงเพลงดังกระหึ่มพาให้ร่างกายต้องขยับตามจังหวะโยกย้าย ที่นี่ดูเหมือนว่าคนชาติเดียวกับเขาจะมาเที่ยวกันมาก

   “Good!!!” เพื่อนทำสีหน้าท่าทางตื่นเต้น หลังจากกลืนอาหารเมนู Pork Special เข้าปาก ที่ผมมองยังไงมันก็คือข้าวหมูกรอบธรรมดา ๆ  $9.9 แพงเป็นบ้า

   เราขยับไปเต้นโยกย้ายกันเมื่อเริ่มมึนเมา กวินโดนลวนลามบ้างเล็กน้อยแต่ไม่อยากจะถือสาให้เป็นเรื่องราว เพิ่งจะ 4 ทุ่มหลายคนก็เริ่มจะไปซะแล้ว เขาเต้นสักพักก็รู้สึกเมื่อย ถึงได้กลับมานั่งที่โต๊ะ จิบเครื่องดื่มเย็น ๆ ที่มีแอลกอฮอล์ไม่จัดนัก บางเบา แค่พอให้ติดขมที่ปลายลิ้น

   โทรศัพท์สั่นแจ้งเตือนว่ามีคนพิมพ์แชทมาหา

   ‘กวิน เป็นไงบ้าง

   คิดถึงจัง เราไม่อยู่ไม่รู้จะไปจิบเบียร์กับใคร

   ไอ้โม่ก็ไม่ชอบดื่ม

   ลากมันไปก็เอาแต่นั่งดู’

   กวินยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าใครทักมาหา พี่ที่ทำงานทักมาหาเขา พี่สาที่แสนใจดี ตอนนี้ที่นั่นก็เพิ่งจะได้เวลาเลิกงาน เขาส่งรูปบรรยากาศร้านไปให้หญิงสาวอย่างยั่วโมโห

   ‘กวินใจร้าย พี่เหงา กลับมาได้แล้ว’

   ‘อีกไม่กี่เดือนเอง ทนหน่อยสิพี่สา’

   สากดส่งภาพรูปโพลาลอยด์ที่พวกเขาถ่ายด้วยกันที่ร้านคาเฟ่เปิดใหม่มาให้เขาดู กวินมองภาพนั้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ก่อนจะเบิกตากว้าง เมื่ออยู่ดี ๆ คนที่เขาซุกซ่อนไว้ในความทรงจำลึก ๆ ก็โผล่ออกมา

   รูปที่อยู่ข้าง ๆ รูปของเขา ปรากฏภาพของวริษฐ์และเพื่อนร่วมงาน ร่างบางซูมดูภาพนั้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ในใจเต้นตึกตักเหมือนเขาจะมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากลืมเลือนมันไปจนหมด ...คนที่เขาอยากเจอมาตลอด

   กวินยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม ดวงตาจ้องมองคนในภาพไม่วางตา

   โลกกลมขนาดนี้ มันต้องเป็นพรหมลิขิตแล้วล่ะมั้งครับ...

   

   -วริษฐ์-

   อย่า อย่าไป อยู่กับผม

   ร่างสูงกำลังฝันร้าย เขาพลิกตัวไปมา มือเอื้อมคว้า แผ่นหลังหญิงสาวตรงหน้าแต่ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนก็ไม่สามารถแตะได้ แถมยังห่างไกลมากขึ้นเรื่อย ๆ

   “อย่าไป! อย่าทิ้งผม”

   ฝันร้ายที่มักตามหลอกหลอนเขา ใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อ เขาลืมตาขึ้นมาในความมืด พลางถอนใจแรงอย่างระบายความเครียด เขาฝันแบบนี้บ่อยครั้ง เหนื่อยที่ต้องไล่ตามแผ่นหลังของผู้หญิงคนนั้น คนที่ทิ้งผมไป... ผมอยากจะลืมมันไป แต่ก็ทำไม่ได้ ยังคงคิดถึงอยู่เหมือนเดิม รวมทั้งเจ็บแค้นที่เขาเลือกที่จะทิ้งผมไป เพราะผมไม่ดีหรือถึงได้ทิ้งผมไป ทิ้งผมเอาไว้...

   มือหนายกขึ้นเสยผม

   เขานั่งกอดเข่าอยู่บนที่นอนกว้าง หัวใจเต้นระส่ำอย่างกลัวว่ามันจะหลุดออกมาข้างนอก ดวงตาคมวูบไหวในความมืด ...ความเดี่ยวดายเข้าเกาะกุมหัวใจของเขา

   ที่ใจของเขามันไม่สงบคงเพราะใกล้ถึงวันนั้น วันที่เธอทิ้งเขา ...วันเกิดของเขา

   

   เช้าวันใหม่มาเยือน วริษฐ์นั่งเหม่อมองพระอาทิตย์ขึ้น เขาสูบบุหรี่ต้อนรับวันใหม่ หลังจากที่สะดุ้งตื่นกลางดึก เขาก็นอนไม่หลับอีกเลย เขาทำนู้นทำนี่เพื่อดับความว้าวุ่นในใจ จัดกระเป๋าเสื้อผ้าเตรียมจะไปเที่ยวต่างจังหวัดกับที่ทำงาน สุดท้ายเขาก็ออกไปนั่งรับลมที่ระเบียง เหม่อมองดวงจันทร์ รู้ตัวอีกทีก็เช้าซะแล้ว ได้เวลาไปยังที่นัดหมาย

   

   “พี่วริษฐ์สวัสดีครับ”

   “สวัสดีครับ”

   ร่างสูงมองเด็กหนุ่มตรงหน้าที่เอ่ยทักทายเขา ร่างบางส่งยิ้มน้อย ๆ ให้เขา ตฤนชาติเด็กหนุ่มที่เขาถูกชะตาตั้งแต่สัมภาษณ์งาน ผู้ชายหน้าตาน่ารักที่ทำให้เขารู้สึกสนใจ เจ้าตัวมักใช้สายตาซื่อ ๆ จ้องมองเขา เหมือนพิจารณาอะไรอยู่เสมอ อาจเป็นเพราะเขาดูดี หรือหล่อเกินห้ามใจ

   เขาก็ชอบที่จะมองสังเกตอีกฝ่าย ผิวขาวเนียนละเอียดยิ่งกว่าผู้หญิง เขามักจะเข้าไปวุ่นวายกับอีกฝ่าย เพราะว่าเด็กมันน่ารัก ขยันตั้งใจทำงาน แรก ๆ เขาคิดว่าสนใจอีกฝ่ายมากเพราะเขาสัมภาษณ์และรับมาเองกับมือ พอหลัง ๆ ก็น่าสงสัยในตัวเองอยู่เหมือนกัน ที่ดูจะใส่ใจเด็กคนนี้มากเป็นพิเศษ จนสาว ๆ ที่เขาโปรยเสน่ห์ไว้ดูจะไม่พอใจนัก

   คิดว่าเด็กคนนี้คงมีชายหนุ่มตามขายขนมจีบอยู่ แต่เหมือนเจ้าตัวจะไม่สนใจ และคนอย่างเขา ที่ชื่นชอบในการเอาชนะ อีกทั้งถ้าสนใจแล้วล่ะก็ จะต้องได้ ในเมื่ออีกฝ่ายรีรอไม่ลงมือสักที เขาก็จะขอรับไปเองก็แล้วกัน ของใหม่น่าลิ้มลองขนาดนี้ ผู้ชายคนแรกที่เขานึกสนใจ...

   

   เราแวะไหว้พระกันก่อน ตฤนนั่งคุกเข่าอยู่ข้าง ๆ เขา พนมมือทำท่าทางจริงจัง เหมือนกำลังขออะไรอยู่ก็ไม่รู้ที่สำคัญ แก้มเนียนขึ้นสีเรื่อเนื่องจากความร้อนของสภาพอากาศ อยากจะหยิกแก้มนั่นจริง ๆ

   

   เมื่อเรามาถึงที่พัก เขาก็ไม่ผิดหวังเลย ที่พักสวยงามหรูหรา

“เดี๋ยวขึ้นไปเช็คห้องกันก่อน” พี่สายใจผู้อำนวยการฝ่าย หญิงสาวสูงวัยใจดีพูดขึ้นมา พี่สายใจเป็นหุ้นส่วนที่นี่ แกเลยได้ราคาพิเศษมาก จริง ๆ แกรวยเป็นหุ้นส่วนที่นั่นที่นี่ จนไม่ทำงานแล้วก็ยังไง ที่ทำ ๆอยู่นี่ เอาสังคมก็เท่านั้น “ส่วนกระเป๋าเอาแค่ของที่มีค่าออกมา นอกนั้นเดี๋ยวให้พนักงานยกไป”

ตฤนเดินไปรับกุญแจจากพี่สายใจ ผมจึงเดินไปรับกุญแจต่อจากตฤน “ไปกัน จะได้ไปพักให้หายเมื่อย”

   

   พวกเขาขึ้นลิฟท์ไปพร้อมกัน พักอยู่ในชั้นเดียวกันห้องใกล้ๆกันหมด

   “รู้มั้ยทำไมเราถึงแยกมานอนกันสองคน”

   ตฤนส่ายหน้าแทนคำตอบก่อนจะโดดลงไปบนเตียง

   “เพราะว่าพี่สันติกรนนรกแตกมาก ๆ นอนไม่ได้เลย” ผมพูดพลางนั่งลงบนเตียงข้าง ๆ ตฤน เขาเอียงคอมาคุยกับผม ในดวงตาเป็นประกายประหลาดใจ

   “แล้วไม่ให้พี่แว่นมานอนกับพวกเรา สงสารแก”

   “พี่แว่นถ้ามันง่วงน่ะ ต่อให้เปิดลำโพงจ่อหูมัน มันก็หลับได้”

   “จับคู่กันได้ดีเลยแฮะ”

   “ตฤนล่ะกรนมั้ย” วริษฐ์ถามพลางขยับไปใกล้อีกฝ่าย

   “น่าจะไม่ครับ” ตฤนขยับลุกขึ้นเดินไปเสียบชาร์จพาวเวอร์แบงค์

   “ดีแล้ว ถ้ากรนจะไม่ให้นอน...” ผมเผลอพูดด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องออกไป กลัวเด็กมันจะแตกตื่น เขาลอบมองท่าทางของตฤน แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ติดใจสงสัย ซ้ำยังเข้าใจไปอีกทางนึงด้วยซ้ำ

   “อย่าไล่ผมไปนอนกับพี่สันติเลย” ตฤนเข้าใจว่าเขาจะโดนลงโทษให้ไปฟังพี่สันติกรนทั้งคืน

   เสียงแอพเด้งเตือน

   วริษฐ์หยิบมือถือที่ส่งเสียงแจ้งเตือนออกมาจากกระเป๋ากางเกง ก่อนจะอ่านมันออกมา

   “อีก 10 นาทีลงมาเจอกันข้างล่าง”

   ก็อก ก็อก

   ร่างบางผุดลุกไปเปิดประตู ก่อนจะหอบข้าวของเข้ามา

   “กระเป๋าพี่” เขาวางกระเป๋าทั้งสองใบไว้บนโต๊ะ

   ผมพยักหน้า พลางเดินไปหยิบของในกระเป๋า “พี่เข้าห้องน้ำแปปนึงนะ”

   

   ทั้งคู่หยิบชุดว่ายน้ำ ก่อนจะลงไปด้วยกันแล้วเจอคนอื่น ๆ ทยอยลงมานั่งรออยู่ที่ล็อบบี้

   “เล่นน้ำกัน” บุ้งดูสดใสยิ่งกว่าใคร

   พอทุกคนมารวมตัวกันพร้อมหน้าพร้อมตา ทุกคนก็ไปเปลี่ยนชุด ลงเล่นน้ำกันที่กลางสระ พร้อมลูกบอล

   “ใครเป็นลิงดี” พี่แว่นเอ่ยถาม ในมือถือลูกบอลเอาไว้

   “ให้คนอายุงานน้อยสุดเป็น” บุ้งพูดขึ้นก่อนที่ใครจะโยนมาว่าให้คนเด็กสุดเป็นแล้วหวยมันจะมาออกที่เธอ

   ตฤนชาติที่เพิ่งจะมาเป็นส่วนหนึ่งของที่นี่ได้ไม่นานเลยต้องเป็นลิงไปตามระเบียบ

   ทุกคนต่างแกล้งตฤนให้วิ่งจนหัวหมุน ทั้งโยน ทั้งล่อหลอก เขามองร่างบางที่วิ่งวุ่นวายอย่างนึกขำ

   พี่แว่นโยนบอลให้บุ้งน้องเล็กสุดในทีม และเธอทำหลุดมือ

   มือหนาเผลอขยับไปตามความคิด คว้าหมับเข้าที่เอวบาง

    “พี่วริษฐ์โคตรโกง” เสียงโวยวายของตฤนดังขึ้น“พี่มาจับเอวผมเพื่อให้ผมไปรับบอลไม่ทัน มันโกงนะครับ”

   “พี่ไม่ได้ตั้งใจซักหน่อย เจตนาบริสุทธิ์” เขาพูดพลางยิ้มขำ ก่อนจะยอมปล่อยมือ

   “ตฤนส่งมาทางนี้”

   “บุ้งรับ” ตฤนแหย่ลิงคนใหม่ บุ้งเป็นลิงแทนเขา เขาล่อหลอกก่อนจะโยนข้ามไปหาพี่ผู้หญิงอีกคน พวกเขาเล่นกันจนเหนื่อยอ่อน เล่นตั้งแต่ฟ้าสว่างไปจนตอนนี้ฟ้าเริ่มมืด ไฟริมสระเปิดสว่าง พวกเขาหัวเราะขบขันและเล่นกันเป็นเด็ก ๆ

   หลังจากนั้นพวกเขาแยกย้ายกันไปแต่งตัว เตรียมกินข้าวและรอปาร์ตี้ในช่วงดึก

   ร่างสูงตัวติดกับเด็กใหม่หนึบหนับ เขานั่งอยู่ข้างกันจนถึงตอนนี้ วริษฐ์มองคนข้าง ๆ พลางกลั้นยิ้ม

   ตฤนที่ไม่ค่อยดื่ม แก้วเดียวในมือเขา อยู่มาหลายชั่วโมง ปล่อยให้ละลายแล้วละลายอีก พอมันจาง ๆ เขาก็แอบเนียนเติมโค้กลงไป ปริมาณเหล้าในแก้วจางในจาง จางจนไม่รู้จะจางยังไง ไม่ก็ไม่มีแล้วระเหยออกไปหมด

   “ตฤนหมดแก้วนั้น แล้วพี่ขงให้ใหม่” พี่ใหม่ที่นั่งเยื้องกันพูดขึ้น 

   “โดนจับได้ซะแล้วหรอ”

   “ใช่ พี่เห็นอย่ามาทำเนียน”

   ในขณะที่เขาซัดไปแล้วหลายแก้วจนกรึ่ม หญิงสาวที่นั่งข้างเขา เธอชื่อวาเนสซ่าเป็นสาวในสต็อกคนนึงของเขา ที่พยายามจะชงเหล้าเพิ่มให้ ดูแลเอาอกเอาใจใส่เขาเป็นอย่างดี แต่ก่อนหน้านี้เพิ่งจะมีวีรกรรมไปทำให้ผิวขาว ๆ ของตฤนโดนน้ำร้อนลวก ด้วยความริษยา ความอิจฉาของผู้หญิง... เขาบอกเสมอว่า เรื่องระหว่างเขากับเธอ มีแค่ความสัมพันธ์ทางกายเท่านั้น ถ้ามากกว่านี้คงต้องพอ แต่ช่วงนี้เจ้าตัวดูจะพยายามแสดงตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเขาเกินไป จนเขาเริ่มอึดอัดและติดจะรำคาญ เขายกแก้วขึ้นดื่มจนหมด รสขมของเหล้า วาเนสซ่าชงเข้มเหมือนอยากจะมอมเขา เขาคว้าเหล้ามาชงเองก่อนจะหันไปขอชนกับตฤน

   “หมดแก้ว พี่ใหม่จะได้ชงให้เราใหม่”

   พอเด็กดีดื่มหมด ผมก็ขยับยกมือขึ้นกอดคอตฤนไว้ พลางพูดกระซิบชื่นชมอยู่ข้างหู

   “เก่งมาก ตฤน”

   “พี่เนี้ยเริ่มเมาแล้ว”

    “เอ้าชน!” พี่ใหม่เรียกทุกคนชน

   วริษฐ์ยกทีเดียวหมดแก้ว

   “พี่เมาผมไม่แบกนะ”

   “พี่น่ะ เมายาก” วริษฐ์พูดพลางหันจ้องหน้าตฤนเจ้าของใบหน้าเนียนที่แก้มเริ่มแดงนิด ๆ ดวงตาหวานฉ่ำด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ พูดเตือนเขาโดยที่ไม่รู้ถึงสภาพของตัวเอง

   พวกเขานั่งกินดื่มกันไปเรื่อย ๆ พูดคุยเรื่องตลก เอาเรื่องแผนกอื่น หรือพี่คนอื่นในบริษัทมานินทาขำ ๆ วริษฐ์รู้สึกว่าอีกฝ่ายน่ารักมากขึ้นเรื่อย ๆ รอยยิ้มนิด ๆ กับสีหน้าลำบากใจเวลาที่ถูกเติมเหล้า เด็กดี...

   “พี่ ผมไปห้องน้ำแปป”

   ตฤนลุกขึ้นไปห้องน้ำ เขาดื่มน้ำเยอะก็เลยปวดฉี่

   พอตฤนกลับมาก็พบว่ามีหลายคนลุกกลับห้องไปแล้ว ตัวเขาเองก็ง่วง ๆ อยากอาบน้ำพักผ่อน เขากดมือถือเพื่อดูเวลา เกือบจะห้าทุ่ม เขาฮ้าวออกมา เริ่มง่วง

   “พี่วริษฐ์ผมขอไปก่อนนะ”

   “หืม? ไปแล้วหรอ” ผมนึกอาวรณ์อยากจะดื่มอีกสักหน่อย แต่ก็ตัดใจ คืนนี้มีอย่างอื่นที่เขาอยากจะลองทำ “เดี๋ยวพี่ไปด้วยขออีกสองแก้ว”

   “ก็ได้พี่” ตฤนจำใจต้องนั่งรอรูมเมทของเขา พอครบกำหนดเขาก็ลุกขึ้น เขาลาคนอื่น ๆ เมื่อพวกเขาเดินออกไปที่สว่าง

   วริษฐ์ดื่มจนตัวแดง เขาคิดว่าตัวเองดื่มไปพอตัวแต่คงไม่ถึงกับเมา แค่กรึม ๆ มึน ๆ เท่านั้น ความจริงคือดื่มไปเยอะมาก แต่ต้องรออีกนิดให้แอลกอฮอล์ออกฤทธิ์อย่างเต็มที่

   “พี่ไหวมั้ย”

   “สบายมาก” ผมพูดพลางใช้มือแตะลูบไปที่กลางหลังของคนข้าง ๆ 

   

   พวกเขาเข้าไปในห้อง ตฤนรู้สึกเหนื่อยล้าเขาอยากจะเข้าห้องไปอาบน้ำนอน

   ผมเดินตามหลังเข้ามา พลางนั่งบนที่นอน มองดูร่างบางที่ก้ม ๆ เงย ๆ หยิบนั่นหยิบนี่ ร่างเบามือไม้อ่อน ทำเสื้อผ้าที่เตรียมเอาไปเปลี่ยนร่วงเขาจึงก้มลงเก็บ เสี้ยววิที่เสื้อยืดเลิกขึ้นเผยให้เห็นเอวบาง วริษฐ์ลอบกลืนน้ำลาย ทำไมมันถึงดูเซ็กซี่ได้ขนาดนี้ เขาต้องเมามากแน่

   “พี่ ผมขออาบน้ำก่อนนะ”

   “เดี๋ยวก่อน” ผมพูดขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ก่อนขยับเข้าหาตามสัญชาตญาณ

   “พี่จะเข้าหรอ เข้าก่อนเลยก็ได้”

   ผมไม่พูดอะไร แต่ดันตฤนติดกำแพง สองมือจับใบหน้าของคนตัวเล็กกว่า ก่อนจะประทับจูบลงไป จูบรุนแรงเร้าร้อน เขานึกอะไรไม่ออก แค่อยากจะกอดร่างบางตรงหน้าเอาไว้ จูบเร้าทำให้ตฤนนิ่งอึ้งเบลอไปชั่วขณะ ข้าวของทุกอย่างในมือร่วงลงกองกับพื้น

   “ตฤน..” ผมเรียกชื่ออีกฝ่ายเบา ๆ ไม่รู้เลยว่าเสียงที่ออกมาแหบพร่าเต็มไปด้วยอารมณ์ขนาดนี้

   

   ผมรุกต่อโดยมีเป้าหมายที่ซอกคอขาว สองมือลูบไล้ไปตามแผ่นหลังเนียน ก่อนที่จะลูบลงมาที่กางเกง มือเรียวสอดเข้าไปข้างในกางเกงหวังปลุกอารมณเด็กน้อยให้ตื่นขึ้น อยู่ ๆ ร่างบางที่ยืนนิ่งก็กลับขัดขืน เขาผลักผมที่ไม่ทันตั้งหลักกระเด็นลงไปกับพื้น ก่อนจะวิ่งหนีไปทางประตู เจ็บแฮะ ชักจะหงุดหงิดขึ้นมาซะแล้ว ผมขยับลุกขึ้น มือขยับคว้าแขนตฤนได้ข้างนึงก่อนออกแรงดึงให้อีกฝ่ายเสียหลักล้มลง

   “ปล่อยว้อย” ผมพลิกตัวขึ้นคร่อมตฤนเอาไว้ ด้วยสัญชาตญาณดิบที่ถูกปลุกขึ้นมา ร่างด้านล่างสั่นเทาเหมือนกระต่ายตัวน้อย เหมือนเหยื่อให้เขาล่า เขาซุกไซร้ซอกคอขาว

   อึก

   ผมถึงกับจุกเมื่ออีกฝ่ายตีเข่าใส่จุดอ่อนไหวดีที่ไม่โดนจัง ๆ กระแทกถาง ๆ ...

   ผมไม่ดีตรงไหนทำไมถึงไม่ยอม ทำไมถึงคิดจะหันหลังหนีผมไปล่ะ ทำไม เหมือนสติยับยั้งชั่งใจ รู้ผิดชอบชั่วดีจะหายไปจนหมดสิ้น เพราะความโกรธ และ ฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่เป็นตัวผลักดัน ให้อารมณ์อยู่เหนือทุกสิ่งทุกอย่าง เขาเคยได้โดยไม่ต้องพยายามมากนัก ทุกคนล้วนเต็มใจยอมให้เขาทั้งนั้น เว้นคนนี้ ทำไม...

   เขาตั้งตัวได้ เข้าประชิดอีกฝ่าย กดร่างบางแนบกับประตู มือหนากำรวบข้อมือของเขาเอาไว้ที่ด้านหลัง อย่าให้เขาต้องรุนแรงเลยนะ เขาห้ามตัวเองไม่อยู่แล้ว

   ก๊อก ก๊อก

   เสียงเคาะประตูทำเอาเขาชะงัก ก่อนที่ร่างบางจะรวบรวมแรงผลักเขาจนกระเด็นแล้ววิ่งออกไป โธ่เว้ย เขาเปิดประตูตาม

   พลั่ก

   กำปั้นหนักหน่วงฟาดเข้าที่แก้ม รุนแรงจนหน้าหัน มันส่งเขาลงไปกองกับพื้น สติที่ไม่สมประกอบถึงได้กลับเข้าร่าง เลือดไหลซึมจนรู้สึกเค็ม ๆ ในปาก เขามองสถานการณ์ตรงหน้า มองเลยคนตรงหน้าเจ้าของกำปั้น มองไปถึงร่างสั่นเทาที่แอบอยู่ด้านหลัง เสื้อผ้าของตฤนหลุดหลุ่ย เขานั่นแหละเป็นคนทำ...

   

   บ้าเอ้ย วริษฐ์ ทำอะไรลงไปวะ




[พี่วริษฐ์นิสัยไม่ดี แต่จริง ๆ เจ้าตัวก็ไม่ตั้งใจหรอก อารมณ์กำลังแปรปรวน

เป็นคนเอาแต่ใจ อยากได้ต้องได้ โดนต่อยสักที จะได้ตาสว่าง

งื้อ ภาษาอังกฤษเราอ่อนมาก ไม่รู้พิมพ์ถูกมั้ย ทำไมตัวละครเก่ง เราไม่เก่งล่ะ ฮือ]
 :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 6 พรหมลิขิต? / อยากได้ ต้องได้ 2/10/62
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 02-10-2019 18:56:39
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 7 ความท้าทายใหม่และการพบเจอ 14/10/62
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 14-10-2019 15:57:42

บทที่ 7 ความท้าทายใหม่และการพบเจอ


             -  วริษฐ์ -

               ผมได้แต่รู้สึกผิดกับตฤน อารมณ์ชั่ววูบครอบงำ ทำให้ความสัมพันธ์ทั้งหมดที่สร้างมา ดูเหมือนจะขาดสะบั้นลงทันที ผมกลับเข้าห้อง นั่งพิงหัวเตียง ใบหน้าทั้งเจ็บทั้งชา หมัดเดียวเรียกสติเขา อีกฝ่ายใส่เต็มแรง มันคงรอเวลานี้อยู่ คงเกลียดเขา ที่ไปยุ่งกับคนที่มันรัก ทั้ง ๆ ที่มันก็ไม่กล้าพอจะรุกจีบตฤน แต่กลับตามติดอย่างกับเงา

               มือหนายกขึ้นกุมหัว พังหมดแล้ววริษฐ์ เกิดมาก็ไม่เคยจะต้องไปปล้ำใครที่ไหน ดันมาสติหลุดกับเพื่อนร่วมงาน เขานึกถึงภาพที่อีกฝ่ายทรุดนั่งกับพื้น พร้อมร่างกายสั่นเทา เสื้อผ้าหลุดลุ่ย เขาก็ยิ่งรู้สึก... อยากจะวิ่งไปให้ไอ้หมัดหนักนั่นซัดอีกสักรอบ

               ผมรู้สึกผิดจริง ๆ จะทำยังไงให้ตฤนหายโกรธ ทำยังไงดีวะ

               วริษฐ์ลุกขึ้นไปนั่งที่ระเบียง เขาเริ่มสูบบุหรี่ สูบไปก็เหม่อมองฟ้าไปด้วย วันนี้พระจันทร์สวย เหมือนยิ้มเยาะเย้ยไม่มีผิด ความเงียบเหงา ความรู้สึกผิด และความหนาวเย็นทำให้วริษฐ์นั่งกอดเข่าตัวเองแน่น ความรู้สึกมากมายถาโถมเข้ามา เขาคิดอะไรไม่ออก มีแค่บุหรี่ที่ทำให้เขารู้สึกอุ่น เชาติดบุหรี่มาจากอีกคนที่ทอดทิ้งเขา ทอดทิ้งหัวใจของเขา...

               บุหรี่มวนแล้วมวนเล่าถูกจุด ถ้าบุหรี่หนึ่งมวนจะทำให้ชีวิตเขาลดลง 1 ปี วันนี้ชีวิตเขาคงหายไป 10 ปีแล้ว ควันบุหรี่คละคลุ้ง เขาดับบุหรี่มวนสุดท้าย ก่อนจะซุกหน้าลงกับเข่า

               กลัว ... ตฤนก็คงหันหลังหนีไป คงมีระยะห่างที่ยาวเหมือนกำแพงเมืองจีน แล้วมีหลุดลึกกั้นกลางระหว่างพวกเขาเอาไว้ เขาขอโทษ...

               ร่างสูงเผลอหลับไปที่ระเบียง นั่งตากยุงทั้งคืนจนเช้า เขาตื่นเพราะได้ยินเสียงทุบประตูดังลั่น วริษฐ์เดินโซเซไปเปิดให้ ก็เจอกับสีหน้าเกรี้ยวกราดของใครบางคนที่เมื่อคืนซัดเขาจนหน้าหงาย เขารีบดันประตูปิด ขอถอนคำพูด ยังไม่อยากโดนกระทืบว่ะ แต่อีกฝ่ายกลับใช้มือง้างดันประตูออก ก่อนจะแทรกตัวเข้ามาแรงโคตรเยอะ ผมจำต้องปล่อยประตู พลางเดินถอยหลังหนี

               “เมื่อคืนกูเมา กูไม่มีสติยับยั้ง”ผมออกไปพูดออกไป เมื่ออีกฝ่ายย่างเท้าเข้ามา

               “กูไม่ได้มากระทืบมึง เปลืองแรง” น้ำเสียงราบเรียบแต่มีแววคุกรุ่นดวงตาคมกริบตวัดจ้อง จนเขารู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ ขึ้นมา ขยับหนีออกห่างไปนั่งที่มุมห้อง มองอย่างวิตกกังวล ไอ้หมัดหนัก เก็บนั่นเก็บนี่ใส่ลงกระเป๋า

               “มึง” อยู่ ๆ มันก็พูดขึ้นมา ทำเอาผมตกใจสะดุ้งสุดตัว “มีของอะไรที่ไม่ใช่ของมึงอีกมั้ย”

               ผมส่ายหน้าแทนคำตอบ

               มันสะพายกระเป๋าขึ้นพาดบนไหล่ ก่อนเดินย่างสามขุมเข้าไปมาใกล้



               “อย่าแตะต้องตฤนอีก ไม่งั้นอย่าหาว่ากูไม่เตือน” เสียงเย็นพูดใส่ผม ดวงตาคมกริบมีประกายเกรี้ยวกราดซ่อนอยู่ มันน่าเกรงขามจนทำให้ผมต้องรีบพยักหน้า เรื่องต่อยตีไม่ใช่ทางของเขา เขาไม่อยากจะเจ็บตัว และเขาก็รู้สึกผิดมาก จะไม่มีวันทำอะไรแบบนั้นอีกแล้ว

               ไม่ฝืนใจใคร ไม่ปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือความผิดชอบชั่วดี... เขาเข็ดแล้ว ไม่เอาอีกแล้ว เขามีคนอื่นให้กินมากมาย แต่คนที่มีเจ้าของที่หวงยิ่งกว่าจงอางหวงไข่แบบนี้ เขาไม่เอาตัวเข้าไปปะทะแน่

               “บอกคนอื่นด้วย ว่าตฤนกลับกับกู”

               ไอ้หมัดหนักออกคำสั่ง พลางมองหน้าอย่างเอาเรื่อง ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง

               มวลสารแห่งความเกรี้ยวกราดเดินพรวดออกไป ไม่มีปี่ไม่มี่ขลุ่ยเหมือนตอนที่มา บรรยากาศตึงเครียดผ่อนคลายทำให้ผมถอนใจออกมา เขาคงต้องหาจังหวะไปขอโทษตฤน



               ที่เขาทำลงไปส่วนนึงก็เพราะว่าน้องมันน่ารัก น่าลอง อีกส่วนก็เพราะว่าความเมาที่ขาดสติยับยั้ง ขอโทษยังไงถึงจะหาย...



              วันจันทร์มาเยือนอีกครั้ง ผมเจอตฤนในตอนเช้า ผมรีบขอคุยกับอีกฝ่ายทันที พูดพร่ำขอโทษ พูดแล้วพูดอีก อีกฝ่ายรับคำขอโทษ แต่ไม่ยกโทษให้ หน่ำซ้ำยังขอไม่ให้ผมยุ่งวุ่นวายกับเขา ขอให้คุยหรือติดต่อกันแค่เฉพาะเรื่องงานเท่านั้น ผมพยักหน้ารับอย่างจำยอม ผมเตรียมใจไว้แล้วว่ามันจะต้องเป็นแบบนี้ ถือว่าอีกฝ่ายใจกว้างมากพอแล้ว สำหรับการกระทำเลวร้ายของเขา แบบนี้ก็สาสมแล้ว

               วันเวลาที่น่าอึดอัดระหว่างเขากับตฤนดำเนินไปเรื่อย เรื่องก็ผ่านมาหลายเดือนแล้ว พอถึงจุดหนึ่งก็ชิน พวกเขาเป็นแค่พี่น้องร่วมทีมธรรมดาที่เว้นระยะห่าง ไม่เข้าไปวุ่นวายใส่ใจเหมือนเมื่อตอนแรก ๆ ปล่อยให้เป็นแบบนี้แหละ อย่างน้อยก็ยังคุยกันได้บ้าง



               - กวิน -

                ร่างบางเก็บข้าวของใส่กระเป๋า เขาเที่ยวเล่นมานานหลังจากเรียนจบ การเก็บกระเป๋าทำเขาหนักใจ ของฝากของขวัญเยอะจนกลัวว่าจะยัดลงไปไม่หมด สุดท้ายเขาซื้อกระเป๋าเดินทางเพิ่มอีกใบ มาสามใบหลับสี่ใบ โปรโมชั่นใหม่โดยนายกวิน

               แอบใจหายที่ต้องกลับประเทศไทยแล้ว เขารักที่นี่ เพราะที่นี่ทำให้เขาเป็นอิสระ มีไม่กี่อย่างที่ทำให้เขาอยากกลับไป คิดถึงพวกเพื่อน และอยากจะลองสักตั้งในการตามหาวริษฐ์



               กวินกลับมาถึงประเทศไทย เขายังไม่คิดถึงที่บ้านเท่าไหร่เพราะเพิ่งเจอเมื่อตอนรับประกาศนียบัตร แต่ก็ต้องไปหาอยู่ดี พร้อมของฝาก หลังจากเจอหน้าพ่อแม่พี่น้อง เขาก็นอนพักที่บ้าน ที่แม่ทำความสะอาดเตรียมไว้ให้ ให้เขากลับห้องคงไม่ไหว ไม่มีแรงจะทำความสะอาดเลย กลับมาไทย ทั้งเวลา อุณหภูมิสภาพอากาศ ร่างกายต้องปรับอะไรมากมาย เขารู้สึกอย่างกับว่ากำลังป่วย

               ร่างบางหลังจากกินข้าว อาบน้ำ เขาก็เดินสะโหล่สะเหล่ขึ้นห้อง หมดแรงนอนฟุบอยู่บนที่นอน กระเป๋าเดินทางทั้งหมดสองใบใหญ่ และอีกสองใบเล็กวางกองอยู่เต็มพื้นห้องจนทบไม่มีที่เดิน เขาเหนื่อยเกินกว่าจะรื้อจะค้น ไม่มีอะไรสำคัญและเร่งด่วนเท่ากับการนอนของเขา แสงอาทิตย์ยังสว่างไสว แต่เขาน่ะง่วงจนตาจะปิด



ติ้ง



               เสียงมือถือแจ้งเตือน ทำให้เจ้าตัวกลิ้งตัวจากฟากหนึ่งของที่นอน ไปอีกด้านเพื่อหยิบมือถือ

               ‘เมิงกลับมาหรือยังวะ’

               ไอ้แต้มทักมาเหมือนรู้ว่าเขากลับมาแล้ว เขาไม่ได้บอกมันสักหน่อยว่าจะกลับมาวันไหน รู้ดี อย่างกับอะไร มันแอบตามแอบดักฟังเขาหรือไง

               ‘มีคนบ่นว่าคิดถึง’

               “ใครวะ ไอ้นุกไอ้โจ้หรือไง”

               ‘ไอ้เติ้ลก็คิดถึง’

               กวินรู้สึกว่าอยู่ ๆ ลำคอก็แห้งผาก หายใจไม่ค่อยทั่วท้อง

               “แต้มเมิงฟังกุนะ เมิงอย่าเพิ่งบอกใครว่ากุกลับมาแล้ว ตอนนี้กุเหนื่อยมาก อยากพักเงียบ ๆ

               ถ้าเมิงอยากมาหากุ กุไม่ว่า

               แต่ขอแค่เมิงคนเดียวพอ”

               ผมพิมพ์ยืดยาวรัวเร็ว กลัวเหลือเกิน สลัดไม่หลุดสักที ไปอยู่ที่นู่น ปลอดโปร่งจนรู้สึกว่าไม่มีอะไรต้องกังวล แต่พอกลับมาถึงไทย ความแข็งแกร่งกล้าหาญทั้งหลายที่พยายามเพียรหล่อหลอมมา มันก็ลดน้อยลงเรื่อย ๆ

               ‘เมิงเป็นอะไรหรือเปล่า’

               “เปล่า กุนอนก่อนนะ ไว้เจอกัน

               อย่าลืมนะ อย่าบอกใครว่ากุกลับมาแล้ว เมิงรู้คนเดียวพอ”

               แต้มตกปากรับคำ กวินถึงได้โยนมือถือไปบนที่นอนอีกฝั่งของเตียง ส่วนตัวเขาทิ้งตัวนอนแผ่หมดแรง ปล่อยกุไปเถอะไอ้เติ้ล ปล่อยกุไป

               กวินดึงผ้าห่มขึ้นคลุมโปงก่อนจะหลับไป



               เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งตอนหัวค่ำ มือบางควานหามือถือเพื่อจะดูเวลา

3 ทุ่มกว่า

               กวินทักไปบอกพี่สาที่ทำงานเก่า ว่าจะแวะไปหาตอนเลิกงานวันพรุ่งนี้ เพราะก่อนหน้านั้น ที่ ๆ เขาจะไปก็คือร้านคาเฟ่ร้านนั้น เขาคุยกับพี่สาอีกนิดหน่อยก่อนจะนอนหลับต่อ

 

               เขานอนน็อครอบ ไปจนเกือบเที่ยงของอีกวัน อาจจะไม่ตื่นเลยถ้าแม่ไม่มาเคาะเรียกด้วยความเป็นห่วงเพราะว่ากวินเก็บตัวเงียบอยู่ในห้องเป็นวัน ๆ

               “กวิน ป่วยหรือลูก”

               “ผมกำลังพยายามปรับตัวครับ” เขาพูดพลางส่งยิ้ม ก่อนตักข้าวเช้าที่ได้กินตอนบ่ายสองเข้าปาก อร่อยจริง ๆ กับข้าวฝีมือแม่ อร่อยมากขึ้นไปอีกเมื่อตอนนี้เขาหิวจนแทบจะกินช้างได้

               “นี่ ลูกน้ามีนาสอบติดหมอด้วยลูกเก่งจังเลย”

               มาอีกแล้วช่วงอวดลูกคนอื่นที่เหมือนจะทับถมเขาให้จมลงไป เขายิ้มแต่ไม่ได้ตอบอะไร พลางตักข้าวเข้าปากเงียบ ๆ หมอแล้วไง จบมางานหนักจะตาย เวลาพักก็น้อย

               “เดี๋ยววันนี้ผมแวะไปหาที่ทำงานเก่าหน่อยนะครับ” เขาบอกแม่ พลางทำหูทวนลมกับสิ่งที่แม่พูดทำเป็นฟัง แต่ไม่ได้สนใจ ไม่ได้ใส่ใจ เมื่อก่อนคำพูดพวกนี้กดดันเขาจนเขาแทบหายใจไม่ออก ตอนนี้ดีขึ้นเยอะแล้ว อาจจะมีบางครั้งที่เสียดแทงใจไปบ้าง แต่ก็ไม่เป็นไร เขาโตขึ้นมากแล้ว...



               ตอนบ่ายเขาเดินออกจากบ้านฝ่าแดดร้อนเพื่อขึ้นรถไฟฟ้า ดีหน่อยที่คนยังไม่เยอะ เมื่อไปถึงแถวที่ทำงานเขาก็เดินไปที่ ๆ เขาอยากจะไปก่อน ร้านคาเฟ่ร้านนั้น เขาเดินไปสั่งน้ำ ก่อนจะเดินดิ่งไปที่บอร์ด พลางมองหารูปโพลาลอยของตัวเอง พอเจอตัวเองก็เจออีกคน ใบหน้าหล่อเหลาของวริษฐ์อยู่ตรงนั้น ภาพสีจางลงไปหน่อย แต่ความรู้สึกคิดถึงยังอยู่ดี น่าแปลกที่เขายังคงฝังใจกับคน ๆ นี้ เขาเพ่งมองภาพนั้นราวกับจะหาว่าจะสามารถมีอะไรไปเชื่อมโยงกับอีกฝ่ายได้ เพียงแต่ภาพมันจางจนดูไม่ออกว่าเป็นสายคล้องคอของบริษัทอะไร แต่คงจะแถว ๆ นี้แหละ

               อืม... ตึกแถวนี้มีบริษัทอะไรบ้างนะ

               กวินเซิร์ทหาข้อมูลตึกในละแวกนี้ว่ามีบริษัทอะไรบ้าง แล้วเขาก็เอาไปหาต่อในเว็บหางาน บางเว็บมีลงรูปพนักงาน รูปบริษัท อืมมมม... ถือโอกาสหาทั้งงาน หาทั้งคน

               “บริษัททีแอลวี” กวินพึมพำ เมื่อกวาดตาเจอตำแหน่ง Senior Risk Assessment Office และแผนกบุคคลที่ให้ติดต่อ ชื่อว่า...

               ...วริษฐ์... กวินดีใจจนแทบลุกขึ้นเต้น เมื่อเจอชื่อที่ตามหา แม้จะไม่รู้ว่าใช่หรือเปล่าก็ตาม ก็ยังดี ...

               เขารวบรวมสมาธิพลางโทรไปหาวริษฐ์ เสียงสัญญาณดังทำให้เขารู้สึกลุ้น มันดังหลายทีก่อนจะกลายเป็นเสียง ตรู๊ด ๆ ๆ ๆ รัว ๆ  เพราะไม่มีคนรับ

               เขาตั้งใจจะสมัครงานนะทำไมไม่รับละ ไม่มีอะไรแอบแฝงเลยยยยย

               เขากดโทรใหม่อีกครั้ง

               “สวัสดีครับ บริษัท ทีแอลวี แผนกบุคคล ติดต่อเรื่องอะไรครับ” เสียงผู้ชาย แต่ไม่เหมือนเท่าไหร่ น้ำเสียงเรียบนิ่งมาก จะใช่วริษฐ์คนดียวกันหรอ

               “สวัสดีครับ พอดีผมจะสมัครงานครับ คุณวริษฐ์ใช่มั้ยครับ”

               “เอ่อ คุณวริษฐ์ลาครับ ผมชื่อสันติครับ เดี๋ยวเจ้าหน้าที่กลับมาจากประชุมจะให้โทรติดต่อกลับนะครับ ชื่ออะไร สมัครตำแหน่งไหนครับ”

               “กวินครับ Senior Risk Assessment Office ครับ”

               หลังวางสาย กวินถอนหายใจพรืดใหญ่

               มาลาอะไรช่วงนี้นะ เฮ้อออออ ไปลุ้นเอาข้างหน้าแล้วกันนะ พี่วริษฐ์... ทำไมการจะเจอพี่มันถึงได้ยากเย็นแบบนี้นะ มือบางขยับเอาช็อคโกแลตปั่นเข้าปากด้วยความเซง

               เขานั่งมองวิวนอกหน้าต่างด้วยความเบื่อหน่ายอีกพักใหญ่ ๆ กว่าที่จะได้เวลาเลิกงานของพี่สา วันนี้เขานัดกันว่าจะไปจิบเบียร์ กินปิ้งย่างสักหน่อย



               เสียงมือถือดังขึ้นเรียกให้เขาละสายตาจากวิวตึกสูงด้านนอกหน้าต่าง มามองที่หน้าจอมือถือ เบอร์แปลก

               “สวัสดีค่ะ วาเนสซ่าติดต่อจากบริษัท ทีแอลวีนะคะ คุณกวินสนใจในตำแหน่ง Senior Risk Assessment Office ใช่มั้ยคะ”

               เสียงหวานพูดทักทายยืดยาว

               “อ่าครับ”

               จากนั้นเธอก็สอบถามรายละเอียดเบื้องต้นคร่าว ๆ ชวนคุยหลายเรื่อง ก่อนจะจบด้วย

               “เดี๋ยวส่งเรซูเม่มาทางอีเมลนะคะ เดี๋ยวพี่จะติดต่อกลับไปอีกครั้ง”

               เขาคุยกับวาเนสซ่าจนช็อคโกแลตปั่นละลาย น้ำนองจากก้นแก้วเต็มโต๊ะไปหมด มือบางดึงทิชชู่มาเช็ดโต๊ะ ก่อนยกแก้วน้ำขึ้นจิบ สมควรแก่เวลาแล้ว

               กวินเดินไปที่ตึกทำงานเก่าและนั่งรออยู่ตรงนั้น ทันทีที่เจอพี่สา โม่ และคนอื่น ๆ ทุกคนต่างเข้ามากอดเขา ก่อนจะพากันไปร้านอาหารที่นัดแนะกันไว้

               “เป็นไงบ้างล่ะ ไปอยู่ที่นู้น มีแฟนหรือยัง” พี่สาพูดแซว เพราะจนตอนนี้เธอก็ยังโสดอยู่เหมือนเดิม

               “ยังครับโสดเหมือนเดิม เป็นเพื่อนพี่”

               “ดีแล้วล่ะ เป็นเพื่อนกันก่อน พี่เหงา”

               “เว่อน่าพี่” เขาพูดพลางหยิบขนมออกมาแจกให้ทุกคน เป็นของฝากจากเขา ส่วนสาเขาแอบส่งซิกว่าไปเจอกันข้างนอก เขามีของจะให้ เป็นกระเป๋าตังใบเล็ก เขาลุกขึ้นเดินออกไปโดยบอกว่าจะไปเข้าห้องน้ำ ไม่อยากจะให้คนอื่นน้อยใจ แต่เขาก็สนิทกับพี่สามากที่สุดจริง ๆ

               เมื่อเขาเดินกลับมาพร้อมพี่สา เขารู้สึกถึงสายตาแปลก ๆ จากโม่ สายตาอย่างกับว่าไม่พอใจ...

               พวกเขากลับไปนั่งที่กวินนั่งอยู่ริมสุดสานั่งตรงกลางแล้วก็โม่

               โม่ยังไม่กินเบียร์เหมือนเดิม แต่ดูแลบริการพี่สาดีมาก เขาลอบมองดูอยู่เงียบ ๆ

               หรือว่าโม่ จะ...ชอบพี่สา สนุกแล้วสิ

               

               ข้อสันนิษฐานเขาไม่น่าจะผิดเมื่อโม่อาสาไปส่งพี่สาที่บ้าน ส่วนเขาก็กลับบ้านไปนอน เบียร์คงทำให้เขาหลับสบาย เขากลับถึงบ้านทุกคนก็หลับกันหมดแล้ว เขาจึงย่องเงียบ ๆ เข้าห้องไป

               เขาทิ้งตัวลงบนที่นอน และหลับสนิทไปอย่างรวดเร็ว

               ยามเราหลับเวลาเลื่อนไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว เวลาตั้งหลายชั่วโมงผ่านไปโดยไม่รู้ตัว ตื่นอีกครั้งเมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เขาควานหามือถือ ก่อนจะดูว่าเป็นวาเนสซ่าที่เขาเมมเอาไว้ เขาจึงเด้งตัวขึ้นนั่งหลังตรง พร้อมวอร์มเสียง

               “อะแฮ่มมมม”

               ‘สวัสดีค่ะ น้องกวิน พี่วาเนสซ่าจาก ทีแอลวีนะคะ’

               “ครับ สวัสดีครับ”

               “พรุ่งนี้พี่ขอนัดสัมภาษณ์ ไม่ทราบว่าเราสะดวกหรือเปล่า เป็นตอนบ่าย”

               “สะดวกครับ”

               “เอกสารที่ต้องเตรียมพี่ส่งให้ทางอีเมลแล้วนะคะ มีอะไรโทรติดต่อพี่ได้เสมอ พรุ่งนี้เจอกันค่ะ”

               “ครับ ขอบคุณมากนะครับ”

               เขาเปิดอีเมลขึ้นดูและรื้อค้นจัดเตรียมเอกสาร ดีที่เอกสารสำคัญถูกแยกเอาไว้ หาได้โดยง่าย เสื้อเชิ้ตและกางเกงสแลคถูกเอาออกมารีดและแขวนเอาไว้อย่างเตรียมพร้อม เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีฟ้ากับกางเกงสแลคสีดำ พร้อมรองเท้าหนัง เขาอดที่จะตื่นเต้นไม่ได้ ว่าจะพักซะหน่อย ดันไปตบปากรับคำสัมภาษณ์งาน เพราะแค่อยากได้ยินเสียงของผู้ชายคนนั้นแค่นั้นเอง

               กวินเอ้ย แกเป็นเอามากแล้ว



               ทุกอย่างเกิดขึ้นไวจนไม่ทันตั้งตัวทั้งการสัมภาษณ์งาน การผ่านสัมภาษณ์ และการตกลงเริ่มงาน รวมถึงเซนสัญญา เกิดขึ้นเร็วจนกวินรู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย โชคยังดีที่ยังมีเวลาให้เขาพักสักอาทิตย์ เขาเทียวไปเทียวมา ไปทำความสะอาดที่ห้อง จัดการฝุ่นและกลิ่นอับ รู้สึกอย่างกับกำลังย้ายไปบ้านใหม่อีกครั้ง บ้านที่ไม่ได้ไปมานาน



               เมื่อวานแต้มมาหาผมที่ห้อง เขายังเก็บความลับได้ดี ไม่ปริปากบอกใครว่าผมกลับมาแล้ว ด้วยความดีของแต้มที่เก็บความลับอยู่ ผมจึงใช้ให้มันเช็ดพัดลมซะเลย ยังไม่พอยังตกรางวัลให้มันช่วยเช็ดกระจก รวมทั้งตากผ้าให้ผม

               “กุมาทำอะไรที่นี่วะเนี้ย” แต้มบ่นอุบ เมื่อทำงานบ้านที่ถูกมอบหมายเสร็จสิ้น

               “มาช่วยกุทำความสะอาดห้องไง”

               “สัส กุแวะมาเพราะคิดถึงเพื่อนเฉย ๆ ใช้งานกุเป็นทาสเลย”

               “หึ บ่นแต่งานเนี๊ยบ กุยอม พูดไปเลยชั่วโมงนึง”

               “คxย”

               “หยาบว่ะ”

               “ไอ้หน้าหมา ไหนของฝากกุ” แต้มแบมือทวงของฝาก ของฝากที่ผมบอกไว้ ว่าถ้าทำงานดีถึงจะยอมให้

               ผมลุกไปหยิบของฝาก แง้มดูของข้างในถุงมันเป็นของไอ้แต้มจริง ๆ เขามองมือที่แบบค้างรอของ ก่อนจะโยนถุงกระดาษสีน้ำตาลใส่มัน

               “เออ เอาไป”

               แต้มเปิดดูทันทีพลางส่งยิ้มกว้าง สมใจติ่งแฮร์รี่พอตเตอร์ เขาหยิบมันขึ้นมาพลางเอามือถูไปมา ผ้าพันคอสีแดงผืนนิ่มของบ้านกริฟฟินดอร์

               “ถูกใจดิเมิง”

               “เออ เรียกกุว่า แตเมอร์ เซเวอร่า สนิพ”

               “ชื่อเหี้ยอะไรของเมิง”

               แต้มยังคงยิ้มกว้าง หน้าบาน มือหนาล้วงลงไปในถุง เขาเห็นกล่องใบเล็ก ๆ อยู่ในนั้น

               “มีชอคโกแลตกบด้วย”

               “ในนั้นมีการ์ดด้วย แต่แพงกุให้กล่องเดียวพอ”

               “ขอบใจ รักเมิงชิบหาย”

               “เออกลับไปได้แล้ว พรุ่งนี้ทำงานแต่เช้า ไปพักผ่อนไป” ผมออกปากไล่ วันนี้ใช้มันมาทั้งวัน แอบเกรงใจนิดหน่อย แต่ก็คงสาสมกับของที่ให้มันแล้ว ผ้าพันคอผืนนี้ไม่ใช่ถูก!

               “เออไว้เจอกัน”

               พอแต้มกลับไปเขาก็กินข้าวกล่องแช่แข็งในตู้เย็น พลางอาบน้ำเตรียมตัวสำหรับวันพรุ่งนี้ เสื้อผ้าข้าวของต่าง ๆ เขาเตรียมเอาไว้ให้หยิบง่าย ๆ พรุ่งนี้จะได้ไม่ต้องเสียเวลา ตั้งนาฬิกาปลุกสักสามครั้ง พอร่างบางคลานขึ้นเตียงก็หลับไปด้วยเวลาอย่างรวดเร็ว

   

            วันนี้เริ่มงานวันแรกเขาเลือกใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวกับเกงเกงสแลคสีดำ ดู ๆ ไปก็แอบเหมือนนักศึกษาฝึกงานอยู่เหมือนกัน

               “พาน้องมาแนะนำตัวนะคะ น้องกวิน แผนกบริหารความเสี่ยง”

               วาเนสซ่าพาผมแนะนำตัวกับแผนกต่าง ๆ เพราะผมจะต้องทำงานกับทุกหน่วยงาน เพื่อทำแผนประเมินความเสี่ยงขององค์กร ก็ถือเป็นโอกาสดีที่จะทำความรู้จักกันก่อนจะต้องทำงานด้วยกัน

               “สวัสดีครับ ผมชื่อกวินนะครับ ฝากตัวด้วย” ร่างบางยกมือขึ้นไหว้พี่ ๆ ในห้อง พลางยิ้มสดใส

               ร่างบางกวาดสายตามองทุกคนก่อนจะไปสะดุดที่ใครบางคน เมื่อดวงตามองสบกับ... คนที่เขาเฝ้านึกถึงมาตลอดเวลาเกือบสองปี

               วริษฐ์...

   

               วริษฐ์มองสำรวจอีกฝ่าย ชายหนุ่มที่มีรอยยิ้มร่าเริงความมั่นใจเต็มเปี่ยม ผมสีดำขับดวงหน้าขาวให้สว่าง ดวงตาเป็นประกายสดใส เขาสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวกับเกงเกงสแลคสีดำ อย่างกับเด็ก ๆ จบใหม่ ดูแล้วน่าจะรุ่นพี่ตฤน ดูแก่กว่านิดหน่อย อืม...แต่ดูคุ้นอย่างประหลาด...

                “พี่วริษฐ์!!! เจอกันอีกแล้วนะครับ” ก่อนที่ร่างบางจะขยับยิ้มพลางโบกมือให้

               “ครับ” วริษฐ์ได้แต่ตอบรับเสียงเบา สีหน้าตกใจเล็กน้อย รู้ชื่อเขาได้ไง? ใครวะ?

               ร่างบางก้มหัวให้ ก่อนจะคิดได้ว่าอีกฝ่ายอาจจะจำเขาไม่ได้ เรื่องมันก็ผ่านมานานมากแล้ว ... คงมีแต่เขาที่ไม่ลืม

               “รู้จักกันด้วยหรอ”

               “ครับ นานมากแล้ว พี่เขาอาจจะจำไม่ได้” กวินตอบพลางยิ้มกว้าง

               ส่วนเขาได้แต่ส่งยิ้มแห้ง ๆ ให้ เพราะเขาก็จำไม่ได้จริง ๆ พยายามนึกก็นึกไม่ออก ใบหน้าหล่อเหลาติดจะน่ารัก ผิวขาวเนียนใส เขาไม่น่าจะลืมได้...

.

.

[ปาดเหงื่อ ในที่สุดก็เจอกันสักที

เอ้ออออ ดีใจมาก น้ำตาจะไหล]
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 8 ผมจะทำให้พี่รักผม 27/10/62
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 27-10-2019 21:37:03

บทที่ 8 ผมจะทำให้พี่รักผม



[ฟังเพลง นาฬิกา : ปลานิลเต็มบ้าน เพื่อสร้างบรรยากาศค่ะ]



               พอผมทักทายพี่วริษฐ์ เขาก็ส่งยิ้มแปลก ๆ กลับมาให้เขามองผมด้วยสีหน้างุนงง ผมก็ได้แต่ยิ้ม จำไม่ได้ก็ไม่แปลก จำผมไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เพราะผมมาเพื่อจะจีบพี่ มาเพื่อทำความรู้จักกับพี่จริง ๆ

               “พี่วริษฐ์ครับ ไว้คุยกันนะ” เขาส่งยิ้มสดใส

               วริษฐ์ได้แต่ยิ้มตอบรอยยิ้มนั้น ก่อนวาเนสซ่าจะพาน้องเดินไปที่อื่นต่อ เขาได้แต่มองตาม คิ้วเข้มขมวดอย่างใช้ความคิด ทำท่าเหมือนสนิทสนมกับผม แต่ผมกลับจำไม่ได้สักนิด



               ผมนั่งประจำที่โต๊ะ นั่งคิดไตร่ตรองกับตัวเองว่าจะเอายังไงดี จะเริ่มรุกจีบเลยดีมั้ย หรือจะค่อย ๆ ไป ตอนนี้เขาสับสนมากเหมือนมีเทวดากับปีศาจ นั่งอยู่บนไหล่ซ้ายกับขวา

               ‘เอาสิ เอาเลยรอมานานไม่ใช่หรอ’ ปีศาจเอ่ยเชียร์

               ‘อื้อ ต้องรุกจีบแล้วล่ะ ปล่อยเวลามานานแล้ว’ เทวดาที่ควรจะห้ามกลับยุยงส่งเสริม

               เขานึกขำที่ตัวเองทำตัวเป็นเด็ก ๆ เล่นตลกกับตัวเองคนเดียวบ้าบอ แต่ก็นั่นล่ะ ผมจะไม่ปล่อยเวลาให้มันผ่านไปอีกแล้ว ผมจะต้องเริ่มมันเดี๋ยวนี้!!!

               

               วริษฐ์กำลังนั่งพิมพ์ชื่อพนักงานที่จะไปตรวจสุขภาพกับทางโรงพยาบาลที่บริษัทดีลเอาไว้ลงในอีเมล เสียงโทรศัพท์ตั้งโต๊ะก็ดังขึ้นวริษฐ์มองชื่อบนหน้าจอเล็ก ๆ Gawin เขาขมวดคิ้วสงสัยก่อนจะกดรับ

               “สวัสดีครับ”

               ‘พี่วริษฐ์ครับ เย็นนี้ว่างมั้ย’

               เขาขมวดคิ้วหนักขึ้นไปอีก มีธุระอะไรกับเขา

               “กวินมีอะไรหรอครับ”

               ‘ไปกินข้าวกันนะครับ ตอนเลิกงาน ไปกันยังไงดีน้า’

               “เอ่อก็ได้ครับ เจอกันครับ เดี๋ยวไปรถพี่ก็ได้” วริษฐ์รับนัดไปอย่างงง ๆ



               ตฤนลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ เขาเจอกวินเดินมาพอดี นึกถึงเมื่อเช้าที่เด็กหนุ่มคนนี้ทักทายวริษฐ์ด้วยความสดใส ดูสดใสน่ารักน่าทะนุถนอมจนกลัวแทน ก็วริษฐ์น่ะ... ถึงจะมาขอโทษแล้วก็เถอะ คิดแล้วยังกลัวไม่หาย

               “เอ่อ กวิน”

                “ครับ?” กวินขานรับพลางส่งยิ้มให้ เขามองอีกฝ่าย คุ้นหน้าว่าอยู่ในห้อง HR

               “รู้จักกับพี่วริษฐ์มานานแล้วหรอ”

               หืม? มาถามเขาเรื่องที่รู้จักวริษฐ์? เขาหรี่สายตามองสำรวจอีกฝ่ายด้วยความสงสัย ชายหนุ่มหน้าตาดีคนนี้ อยากรู้เรื่องนี้เพราะอะไร

               “ก็นานมั้งครับ”

               “เอ่อคือยังไง ระวังตัวด้วยนะ”

               กวินเลิกคิ้วข้างนึงขึ้นด้วยความสงสัย ตฤนจึงขยับเข้าใกล้อีกฝ่าย พลางกระซิบเสียงเบา “เขาอาจจะอยากง้าบนาย”

               กวินยิ้มทะเล้น ก่อนตอบเบา ๆ “ก็ดีสิครับ”

               “หืม?” ตฤนมองรอยยิ้มทะเล้น ๆ นั่นก่อนคิดในใจว่า เขาอาจจะคิดผิดที่มาเตือนออาจจะไม่ควรมายุ่งจริง ๆ แต่ก็ถือว่าเขาทำในสิ่งที่ค้างคาแล้ว



               ช่วงเย็นที่กวินรอคอยก็มาถึง

               “พี่วริษฐ์ครับ”

               “อ้าวกวินลงมานานหรือยัง”

               “ไม่นานครับ”

               “ไปกินข้าวกันดีกว่า” มือบางแตะสัมผัสที่ต้นแขนเขา

               วริษฐ์ได้แต่งุนงงกับท่าทีของอีกฝ่าย ที่ดูจะสนิทสนมกับเขามาก แม้เขาจะรู้สึกคุ้น ๆ แต่ก็นึกไม่ออก หรือไม่เด็กใหม่ก็อ่อยเขาอยู่

               “กวินอยากไปร้านไหนครับ”

               “อืม ร้าน feeling มั้ยครับ”

               วริษฐ์มองคนข้าง ๆ ร้านอาหารกึ่งผับ ร้านที่เขาเคยไปอยู่สองสามครั้ง ชวนไปที่แบบนี้เลยแฮะ

               “มันเป็นที่ที่มีความหมายนะครับ” ร่างบางพูดดัก เผื่ออีกฝ่ายจะคิดว่าเขาไวไฟ อย่างจะมอมเหล้าเขา แม้ว่าเขาจะอยากทำจริง ๆ ก็ตาม

               ร้านอยู่ไม่ไกลนักจากที่ทำงาน ทำให้ทั้งคู่มาถึงที่หมายอย่างรวดเร็ว



               ทั้งคู่เข้าไปนั่งภายในร้าน ที่ตกแต่งด้วยไฟค่อนข้างสลัว

               “พี่จำผมไม่ได้ใช่มั้ยครับ” กวินถามตรง ๆ เพราะร้านที่จะไปคือร้านที่เขาเจอกับวริษฐ์

               “เอาจริง ๆ ก็รู้สึกคุ้น” คุ้นกับผี วริษฐ์เมิงโกหกน้องเขา เมิงจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเคยรู้จักคนชื่อกวิน

               “เราเคยเจอกันที่นี่ครับ” ร่างบางส่งยิ้มให้

               .”หืม?” ร่างสูงขมวดคิ้วแน่น เคยเจอที่นี่? เขากับกวิน?

               “พี่เมามาก อาจจะจำไม่ได้ถ้าวันนั้นไม่ได้พี่ปลอบผมคงแย่” เขาพูดพลางหยิบกระเป๋าเงินขึ้นมาเปิด ชี้ให้ดูในช่องพลาสติกใส ที่มีเศษซากของนามบัตรถูกใส่อยู่ในนั้น ลางเลือนขาดยุ่ยไม่มีชิ้นดี แต่เจ้าของก็รู้ดีว่าน่าจะเป็นของเขา

               “นามบัตรเละเทะเชียว”

               “ผมพยายามตามหาพี่แล้ว แต่ไม่เคยเจอ จนวันนี้”

               ร่างสูงมองดวงหน้าน่ารักที่พูดกับเขาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น และดวงตาที่เป็นประกาย คนตรงหน้าดีใจมากจริง ๆ ที่ได้เจอเขา ทำเอาเขาเผลอยิ้มตาม น่ารักสดใส ...

               “แล้ว พอเจอพี่แล้ว จะทำยังไงต่อ” วริษฐ์พูดแซวคนตรงหน้า อยากรู้จริง ๆ ว่าอีกฝ่ายคิดจะทำอะไร

               ร่างบางขยับยื่นหน้ามาใกล้ “ทำให้พี่รักผมครับ”

               วริษฐ์อ้าปากค้างกับความตรงไปตรงมาของคนตรงหน้า ดวงตาคมจ้องมองใบหน้ายิ้มแย้มของคนที่พูดออกมาหน้าตาเฉยว่าจะทำให้ผมรักเขา อีกฝ่ายยังคงยิ้มไม่หยุด ในขณะที่เขา จ้องเอง กลับรู้สึกหนาว ๆ ร้อน ๆ ขึ้นมาซะแบบนั้น

               “ทำไมต้องเป็นพี่”

               “ก็พี่เคยบอกผมว่า ให้หาแฟนใหม่ให้ดีกว่าเดิม ผมว่าก็ต้องพี่นี่แหละ”

               “เรารู้ได้ยังไงว่าพี่เป็นคนดี” วริษฐ์นึกถึงชีวิตเสเพของตัวเอง ฟันแล้วทิ้งเป็นเรื่องปกติธรรมดา เน้นบริหารเสน่ห์ไม่เน้นใช้หัวใจรักใคร แถมยังเกือบจะขืนใจเพื่อนร่วมงาน นึกถึงตฤนทีไร ในใจปวดหนึบทุกที

               “ผมมาลองเสี่ยงครับ ผมว่าผมบริหารความเสี่ยงได้ดีพอ” กวินพูดพลางยิ้มทะเล้น

.

               นึกถึงเมื่อสองปีก่อน คนที่ปลอบโยนเขา ในวันที่เขาไม่สามารถพึ่งพาใครได้เลย เพราะเป็นเรื่องที่ยากจะอธิบาย มีแค่คนแปลกหน้าที่ยอมเข้าใจ และปลอบเขา

               “ฮื่อออ รัก ตัวเองงง ให้มาก”

 

           เขาพูดพลางกระตุกยิ้ม รอยยิ้มนั้น ตราตรึงใจของผมตลอดมาอบอุ่นเหมือนพระอาทิตย์ที่ส่องว่างเจิดจ้า เป็นแสงสว่างเดียวที่ส่องมาถึงเขา เขาถึงได้พยายามที่จะไขว้คว้าเอาไว้ ครั้งแรกและครั้งเดียวที่ได้เจอกัน จากนั้นก็ได้แต่ภาวนาให้ได้เจอกันอีกครั้ง

               ...และการมาเจอกันครั้งนี้ จึงเหมือนพรหมลิขิต และเขาจะไม่ยอมปล่อยอีกคนไปแน่ ๆ จะไม่ยอมปล่อยคนตรงหน้าให้หลุดลอยหายไปอีก!!!



               บรรยากาศมืดสลัว เสียงเพลงดังคลอ ผู้ชายแปลกหน้าสองคนกำลังทำความรู้จักกันผ่านความเงียบ และการลอบมองอีกฝ่ายอย่างระมัดระวัง มองสำรวจท่าที การแต่งตัว รูปร่างหน้าตา ผ่านเมนูอาหารที่ยกขึ้นมานั่งดู

               พวกเขาต่างสั่งอาหารและเครื่องดื่ม กวินชินกับร้านนี้เพราะมาหลายครั้ง มารอคนที่นั่งตรงข้ามนั่นแหละ หลังจากสั่งอาหารเสร็จ ทั้งคู่ต่างไม่พูดคุยกัน ไร้บทสนทนาใดใด บรรยากาศที่ค่อนข้างจะเงียบระหว่างทั้งคู่ดำเนินมาได้สักพักใหญ่ ความเป็นจริงที่ไม่เปลี่ยนแปลง พวกเขาคือ คนแปลกหน้าสองคนที่อยู่ดี ๆ ก็มากินข้าวด้วยกัน

               ผมไม่รู้ว่าจะเริ่มคุยกับพี่เขายังไง ทั้ง ๆ ที่รอจะเจอมาตลอด แต่พอมาอยู่ตรงหน้าก็ไม่รู้จะทำยังไง ทำได้แค่ลอบมองเสี้ยวหน้าหล่อเหลาของอีกฝ่ายเท่านั้น เอาล่ะ...

               “พี่วริษฐ์ครับ”

               “ครับ”

               “ผมถามตรง ๆ เลยนะ พี่ชอบผู้ชายหรือเปล่า”

               “เอ่อ...” อีกฝ่ายถามตรงมากจนเขาชักจะเหงื่อตก “พี่...ไม่มีเพศไหนเป็นพิเศษ ส่วนใหญ่พี่มีแต่ผู้หญิง”

               “ส่วนใหญ่หรอครับ?”

               “คือ พี่จะว่ายังไงดีล่ะ เอาเป็นว่าพี่เคยนอนแต่กับผู้หญิง” วริษฐ์ไม่รู้จะตอบอ้อมยังไง ก็เลยตอบตรงยิ่งกว่าคำถามที่ถามมา

               “แต่ไม่ได้รังเกียจผู้ชายใช่มั้ย ถ้าผม...” จะเป็นคนแรกของพี่จะได้มั้ย

               พนักงานเดินมาเสิร์ฟเครื่องดื่ม ขัดจังหวะได้พอดิบพอดี ทั้งคู่ได้แต่อึก ๆ อัก ๆ ไม่รู้จะพูดอะไรยังไงต่อไป ได้แต่จ้องหน้ากัน เพราะบทสนทนาประหลาดนั่นที่ทำให้พวกเขายิ่งประหม่า

               

               เสียงเพลงจากวงดนตรีสดที่อยู่ไม่ไกล เสียงเพลงนุ่ม ๆ ดังคลอ เป็นอะคูสติก กีต้าร์โปร่ง จังหวะพอให้โยกได้ เสียงเพลงนั้นช่วยจัดการความเงียบงันของทั้งคู่ให้ไม่เงียบจนเกินไป

               

            เราอาจเคยใช้เวลา ร่วมกับใครในบางครั้งบางที

           แต่มันก็เป็นแค่เรื่องดี ๆ อย่างเข็มวินาทีผ่านมา

 

           เราอาจเคยเจอกันหรือไม่เคยพบกัน

           หรืออาจเป็นเพราะว่าตอนนั้นเวลาบอกให้เราไม่ใส่ใจ

 

           เริ่มต้นจากความแตกต่างการเดินทางที่ไม่พร้อมกัน

           เราคงวิ่งไล่ตามกันอยู่บนโลกที่วุ่นวาย

           แต่คงจะมีวันนึงที่เธอหยุดพัก

           และฉันหาเธอจนเจอ

               (นาฬิกา ปลานิลเต็มบ้าน)



               เพลงนี้เหมือนสถานการณ์ที่เขากำลังเผชิญ กวินจ้องคนตรงหน้าไม่วางตา เขาอยากพูด แต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไร อยากรู้จักคนตรงหน้าให้มากกว่านี้

               “อะแฮ่ม” วริษฐ์กระแอมแก้เก้อออกมา เมื่อถูกจ้องตลอดเวลา ทำไมเขารู้ว่าถูกจ้อง เพราะเขาก็จ้องอีกฝ่ายอยู่เหมือนกัน

               “ดื่มเหล้ามั้ยครับ”

               “ได้ครับ”

               กวินถามวริษฐ์ ก่อนจะยกมือขึ้นเรียกพนักงานอีกครั้ง พร้อมสั่งเหล้ามาหนึ่งขวด บรรยากาศน่าอึดอัดแบบนี้ ถ้าได้เหล้า อะไร ๆ อาจจะดีขึ้น สนุกขึ้นกล้าพูดมากยิ่งขึ้น

               “พี่วริษฐ์ ครับพี่มีชื่อเล่นหรือเปล่าครับ”

               “หืม?” ไม่ค่อยมีคนถามชื่อเล่นเขา เพราะชื่อเขามันสั้นอยู่แล้ว ชื่อเล่นจริง ๆ ของเขาน่ะหรอ อืม ไม่มีใครเรียกมานานแล้วแฮะ “อาร์ต พี่ชื่ออาร์ต”

               “ไม่เห็นมันจะคล้องกับชื่อจริงเลย พี่ศิลปะ?”

               “ไม่ค่อยมีคนเรียกพี่ด้วยชื่อเล่นอยู่แล้ว”

               “งั้นผมเรียกได้มั้ย” เขาอยากเรียกอีกฝ่ายด้วยชื่อที่ไม่มีใครเรียก มันมีความรู้สึกพิเศษ

               ร่างสูงพยักหน้าหงึกหงัก อยากเรียกก็เอาสิ ไม่มีใครเรียกชื่อนี้มานาน ครั้งสุดท้ายก็ตั้งแต่สมัยเรียนจบป.ตรีใหม่ ๆ มันก็ผ่านมาหลายปีมากแล้ว

               “พี่อาร์ต” ร่างบางพูดพลางฉีกยิ้มกว้างจนตาปิด เรียกชื่อเล่นเขาแค่นี้ มันต้องมีความสุขขนาดนั้นเลยหรอ

               “กวินล่ะ มีชื่อเล่นมั้ย”

               “มีครับ กวิน ไม่ก็วิน” ร่างบางตอบยิ้ม ๆ ชื่อเขาสั้น เขียนง่าย ชื่อเล่นก็เลยออกมาแบบนี้ ไม่รู้ว่าที่บ้านขี้เกียจหรือเปล่า มันถึงได้ออกมาเหมือนกัน

               “ก็มันสั้น ๆ อยู่แล้วอ่ะเนอะ แล้วนี่กวินเรียนอะไรมา จบที่ไหน”

               บรรยากาศที่ไม่ต่างจากการสัมภาษณ์งาน ทั้งคู่ผลัดกันถามคำถาม เพื่อทำความรู้จักกันให้มากยิ่งขึ้น วริษฐ์ที่ทำแผนกสรรหา ถามคำถามรัวเหมือนกำลังทำงานอยู่ ทำไปตามความเคยชิน แต่ไม่รู้ทำไมอีกฝ่ายถึงได้ยิ้มเก่งขนาดนี้ ยิ้มจนเขาแทบจะยิ้มตาม

               คุยไปดื่มไป กวินคอยชงน้ำให้ตลอด ไม่มีปล่อยให้พร่อง

               “พี่อาร์ต เวลาว่าง ๆ พี่ชอบทำอะไรครับ”

               “อืม” สับรางสาว ๆ ในสต็อก... ไปนอนห้องคนนู้นทีคนนี้ที ... “งานอดิเรกพี่มีหลายอย่าง พี่ขี้เบื่อน่ะ ที่บ่อย ๆ พี่ก็ชอบดูหนังอยู่นะ”

               “หนังแบบไหนหรอครับ แบบที่กรอ ๆ แล้วดูไม่ถึง 10 นาทีก็เลอะเทอะหรือเปล่าครับ”

               ร่างบางพูดทะลึ่งพลางทำหน้าทะเล้น

               “กวินดูบ่อยล่ะสิ” วริษฐ์หยอกกลับ

               “ก็ดูบ้างน่ะครับ ผมชอบดูการ์ตูนมากกว่า... เอ่อ อนิเมะนะไม่ใช่หนังโป๊ ผมไม่เหมือนพี่นะครับ”

               “เป็นเด็กเลย”

               “ผมยังเป็นเด็กนี่ครับ” เขาพูดพลางยิ้มกว้างจนตาปิด “ชนครับ”



               กวินกับวริษฐ์ดื่มไปไม่รู้เท่าไหร่ เหล้าหมดไปค่อนขวดแล้ว ยิ่งดื่มก็ยิ่งร้อน ร่างสูงทำแค่พับแขนเสื้อขึ้นสูงกว่าเดิม ขณะที่กวินปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออก โชว์ผิวขาว ที่เปลี่ยนสีเล็กน้อยจากฤทธิ์แอลกอฮอล์

               “พี่ว่าเดี๋ยวเราจะเมานะ แล้วนี่กวินบ้านอยู่ไหน” วริษฐ์มองดูร่างบางตรงหน้าที่ดื่มจนใบหน้าและเนื้อตัวเริ่มแดงนิด ๆ เขาก็ดื่มไปหลายแก้ว แต่ก็ไม่มากเท่าไหร่ เพราะต้องขับรถ

               “ผมอยู่คอนโดครับ ห้องว่างไม่มีใคร พี่ไปได้” คำพูดเชื้อเชิญจากคนตรงหน้า ทำเอาเขานึกขำ ตั้งใจมาอ่อยเขาเต็มที่จริง ๆ

               “พี่ถามที่อยู่จะได้ไปส่งถูก ไม่ได้ถามว่าไปห้องได้มั้ยสักหน่อยครับ”

               “ไปได้นะครับ” ดวงตาหวานฉ่ำช้อนตามองอีกฝ่าย

               “กวินเมาแล้ว”

               “ยังไม่เมาครับ ผมชอบพี่นี่นา”

               “เราเพิ่งเคยเจอกันเองนะ”

               “เราเจอกันมานานมากแล้วครับ”

               วริษฐ์มองร่างบางพลางเกาหัวแก้เก้อจนผมเสียทรง ไม่รู้จะเอายังไงกับร่างบางตรงหน้า ที่มีอาการแปลก ๆ ใบหน้าแดงก่ำ ดวงตาฉ่ำ แต่น้ำเสียงยังคงปกติดี ปกติเขาถนัดรุกคนอื่น พอโดนรุกกลับรุนแรงแบบนี้ ก็มีตั้งหลักไม่ถูกบ้างเหมือนกัน

               “ครับ เจอกันนานแล้วก็นานแล้ว”

               “คอนโดมารี่ ตรง...”

               “พี่นึกออกล่ะ ไม่ไกลนี่นา”

               “ใช่ครับพี่ ไม่ไกลเลย ใกล้นิดเดียว” ร่างบางพูดพลางทำนิ้วประกอบ ทำมือนิ้วโป้งกับนิ้วชี้ใกล้กัน เพื่อบอกว่านิดเดียวจริง ๆ

               “จะกลับหรือยัง หืม?” ร่างสูงถามกวินที่ยังคงดื่มอยู่

               “เหล้ายังไม่หมดเลยนี่ครับ” ร่างบางพูดพลางทำท่าจะเอาเหล้ามาเทเพิ่มในแก้วเขา

               “พอแล้ว เดี๋ยวเอากลับบ้านไปด้วย” วริษฐ์พูดพลางเรียกพนักงานมาเก็บเงิน

               “พี่ครับ เอานี่ครับ” ร่างบางพูดพลางส่งกระเป๋าเงินให้เขาทั้งใบ

               “เดี๋ยวสร่างค่อยมาหารกัน” เขาเซนบัตรเครดิตส่งให้พนักงาน เก็บใบเสร็จลงในกระเป๋าพลางลุกขึ้นยืน

               “ครับ”

               ร่างบางลุกขึ้นเดิน มือบางถือขวดเหล้าเอาไว้ เขารู้สึกเมานิดหน่อยมันกรึ่ม ๆ ทำให้เดินโงนเงนเล็กน้อย วริษฐ์เห็นแบบนั้นจึงจับแขนอีกฝ่ายเอาไว้ อย่างกลัวว่าจะล้ม เขาตัดสินใจดึงเอาขวดเหล้ามาถือเอง กลัวมันจะหลุดมือ เดี๋ยวจะมีคนเจ็บตัวเปล่า ๆ

               “ผมไม่เมาขนาดนั้น แต่อยากให้พี่จับไว้แบบนี้นะครับ”

               ร่างบางที่ตัวเตี้ยกว่า พูดจาออดอ้อนผม พูดไปก็ยิ้มไป ดวงตาหวานเยิ้มที่มองขึ้นสบกับผม มันน่ารัก... จนรู้สึกเขินแปลก ๆ ขึ้นมา

               “ครับ ๆ พี่จับไว้แบบนี้”



               กวินไม่ได้เมาจริง ๆ อย่างที่เจ้าตัวพูด ว่าตัวเองแค่กรึ่ม ยังมีสติแค่คุมร่างกายได้ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ ยังบอกทางยังทำทุกอย่างได้หมด วริษฐ์พาร่างบางไปส่งถึงห้อง ประคองไปวางให้ถึงเตียง เขามองสำรวจห้องที่ค่อนข้างจะเป็นระเบียบของกวิน ในห้องมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ไม่รู้กลิ่นอะไรแต่ทำให้เขาปลอดโปร่ง สายตาสะดุดกับกรอบรูปเล็กบนโต๊ะอ่านหนังสือ รูปสเก๊ตใครสักคนที่คล้ายเขามาก หรือนั่นคือเขา ...เขาเองนั่นแหละ

               กวินมองนาฬิกาแขวน มันบอกว่าตอนนี้เที่ยงคืนแล้ว เขากลับมาถึงห้องเหมือนกับซินเดอเรล่า รีบกลับมาก่อนที่เวทมนต์จะเสื่อม สิ่งของเลอค่าจะจางหาย ได้แต่อดทนเฝ้ารอ ว่าเจ้าชายจะจำตัวเองได้มั้ย จะอยากตามหาเธอมั้ย จะคิดถึงช่วงเวลาที่พบเจอกันในระยะเวลาอันสั้นบ้างหรือเปล่า แล้วก็ทำได้แค่รอ... แต่เขาจะไม่ปล่อยให้เป็นแบบนั้น จะไม่นั่งรอ แต่จะรั้งเอาไว้ ให้เจ้าชายอยู่กับเขา

               เมื่อวริษฐ์โบกมือลา ทำท่าจะกลับ มือบางถึงได้เอื้อมคว้าจับชายเสื้อเขาเอาไว้ เขาลุกยืนพลางขยับเขาชิดอีกฝ่าย

               “พี่วริษฐ์ อย่าเมาแล้วขับเลยนะครับ”

               ร่างสูงขมวดคิ้วมุ่น เมื่อกี้เขาก็ขับมา เขานี่สร่าง ปกติมาก ๆ ไม่ได้มีอาการมึนเมาแม้แต่น้อย

               “ดึกมากแล้วนะครับ”

               “นอนกับผมเถอะนะ”

               ร่างบางยังพูดเชิญชวนเขาไม่หยุด และความอดทนเขาจะหมดลง เนื้อตัวนุ่มนิ่มแนบชิดเขา จนลมหายใจเป่ารดที่ซอกคอของเขา เขาพยายามแล้วที่จะไม่ให้อารมณ์มันมานำ เหมือนเมื่อครั้งตฤน เขาพยายามแล้วจริง ๆ

               “กวิน อีกคำเดียว พี่เอาจริงนะ”

               “ผมอยากกอดพี่”

               วริษฐ์หันมาประจันษ์หน้า พลางดึงอีกฝ่ายเข้ามาจูบ เขาบดขยี้ริมฝีปากบางรุนแรง ราวกับความอดทนอดกลั้นที่มีต่ออีกฝ่ายหมดลง เขาจูบปิดปากปากเล็ก ๆ ที่เอาแต่พูดเชิญชวนเขา รสจูบค่อย ๆ ไต่ระดับขึ้นเหมือนพายุ จากสายลมบางเบา รุนแรงจนกลายเป็นไต้ฝุ่น กลิ่นลมหายใจเจือแอลกอฮอล์ทำให้เคลิบเคลิ้มมึนเมา เมื่อเขาถอนจูบออกพลางมองสบตาอีกฝ่าย ดวงตาฉ่ำวาวมองตอบ แก้มเนียนขึ้นสีแดงระเรื่อยิ่งกว่าเดิม เพราะร่างบางเองก็ถูกกระตุ้นด้วยรสจูบที่วริษฐ์มอบให้มันทำเอาเขาลมหายใจติดขัด และเพราะคนตัวเล็กมีสีหน้าแบบนั้น ก็ทำให้วริษฐ์ไม่สามารถหักห้ามใจจากความมีเสน่ห์ยั่วยวนน่าลิ้มลองของคนตรงหน้าได้อีก

.
[ยัยน้องเรามันอ่อยเเรงมาก
ให้สาสมกับที่รอมานานนนนน
//ช่วงนี้เราอาจจะเชื่องช้าสักหน่อย
พิมพ์อะไรได้ไม่ค่อยเต็มที่ มือขวาโดนแมวกัด
ไปล้างแผลทุกวัน ไม่หายสักที ฮรือออ ปวด]
 :sad4:
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 8 ผมจะทำให้พี่รักผม 27/10/62
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 28-10-2019 20:10:15
ยัยน้องงงง อ่อยเก่งมาก งานนี้ต้องได้แล้วแหละ


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 8 ผมจะทำให้พี่รักผม 27/10/62
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 30-10-2019 11:40:43
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 8 ผมจะทำให้พี่รักผม 27/10/62
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 30-10-2019 19:14:00
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 8 ผมจะทำให้พี่รักผม 27/10/62
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 01-11-2019 23:54:55
น้องอ่อยแรง
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : ตอนพิเศษ ควันหลงลอยกระทง(วริษฐ์กวิน) 14/11/62
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 14-11-2019 23:46:53

ควันหลงลอยกระทง (วริษฐ์ x กวิน)


               กวินเหงื่อตกขณะโดนสั่งให้ลองชุดนั้นชุดนี้ เรื่องของเรื่องคือ วันจันทร์ที่จะถึงนี้ที่บริษัทจัดงานลอยกระทง มีประกวดกระทง ประกวดนางนพมาศและกิจกรรมต่าง ๆ นานา และความซวยก็มาลงที่เขา เมื่อมีคนเปิดประเด็นว่าแผนกเราจะส่งใครดี มีเสียงหนึ่งบอกว่าให้ส่งเขา !!!

               เพราะในทีมเล็ก ๆ 4 คนของเขา ประกอบไปด้วย หัวหน้าผู้มีอำนาจสูงสุด พี่ผู้ชายตัวใหญ่ พี่ผู้หญิงหุ่นอวบ แล้วก็เขา...

               แม้ผมจะปฏิเสธ โดยตอบไปว่าผมเป็นผู้ชายจะได้หรือ ประกวดนางนพมาศนะ ไม่ใช่นายนพมาศ พี่ผู้ชายบอก เรานี่แหละที่สุดแล้ว น่ารักสวยงามแปลกใหม่ หัวหน้าใหญ่เห็นด้วยแถมสปอร์ตใจดี ออกค่าชุดทั้งหมดให้ เขาก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ เย็นวันศุกร์จึงโดนลากไปร้านเช่าชุด ซึ่งก็คือตอนนี้ !!!

               เขาโดนจับใส่ตั้งแต่ชุดยุคอโยธยา ยันชุดแบบสมัยรัชกาลที่ 5 พี่ ๆ ช่วยกันเลือกไปเลือกมา มาใจตรงกันที่ชุดสไบสีแดงสด เขาเย็นแขนวาป ๆ ด้านล่างก็ด้วย มันเย็นเพราะตอนนี้โดนจับใส่ผ้าถุงสีทอง เขามองสภาพตัวเองที่หน้ากระจก แปลกตา เหมือนมัน...ไม่รู้สิเหมือนยังไม่เข้าที่เข้าทาง มันคือนายกวินที่ถูกจับใส่ชุดผู้หญิง

               กวินโผล่หน้าออกจากห้องลองชุด เขาออกไปให้พี่ ๆ ที่รอดูอยู่ด้วยท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ

               “สวย!” เสียงฮือฮาดังขึ้นจากพี่ในแผนก

               “โอยเหมาะมาก เอาวิกผมอันนั้นมาลองดีกว่า เจี๊ยบ” พี่เจ้าของร้านร้องเรียกพนักงานในร้าน ให้หยิบวิกผมมาให้เขา พร้อมสารพัดเครื่องประดับมากมาย เขาโดนจับใส่นั่นใส่นี่ เรียบร้อยก็โดนจับดันหลังให้ไปดูตัวเองในกระจก

               ดูดีขึ้น ดูหวานกว่าเดิมแต่ใบหน้าก็ยังคงติดหล่อหวานอยู่ดี

               “วันจันทร์มาเร็ว ๆ นะ มาแต่งหน้าแต่งตัว พี่จะแต่งให้” พี่ผู้หญิงในทีมเอ่ยขึ้น “จะแต่งให้สวยเลย จนทุกคนต้องตะลึงตาค้าง”

               กวินลอบกลืนน้ำไหล แต่งเป็นผู้หญิงครั้งแรกในชีวิตต่อหน้าทุกคน... กลัวใจจริง ๆ



               ร่างบางทำกิจวัตรประจำวัน เขามาเช้ากว่าปกติ รีบไปแต่งตัว ภายใต้ผ้าถุงสีทองมีบ็อกเซอร์ตัวเล็กลายตารางหมากรุกสีเขียว เขาใส่ชุดเรียบร้อย เดินออกมาให้พี่จับแต่งหน้าทาปาก ใส่เครื่องประดับ เซตผมรวบไปไว้ข้างที่ไม่มีสไบ โชว์ลำคอขาว

               “เสร็จแล้ว ดูกระจกได้”

               เขามองใบหน้าที่เต็มไปด้วยสีสัน แก้มสีแดงระเรื่อดูสุขภาพดี ริมฝีปากสีแดงสดเหมือนสีสไบ ดวงตาดูคมโตขึ้นจากฝีมือการกรีดอายไลเนอร์ของพี่ผู้หญิง เอ้อ มันก็สวยแหละ ไม่ชินเอาซะเลยแฮะ

               “วันนี้ไม่ชื่อกวินเนอะ ชื่อกวิสราแล้วกัน” พี่พูดแซว

               “แบบนั้นเลยหรอครับพี่”

               “ใช่ สวยขนาดนี้ กวิสราของพี่ทุกคนต้องหลง”



               กวินอยู่ในสภาพนั้น ขณะเข้าประชุมประจำสัปดาห์ เขาทำงานแบบเย็น ๆ หวิว ๆ แขน กินข้าวก็กินที่โต๊ะ ขนมต่าง ๆ พี่ ๆ ก็บริการเป็นอย่างดี เขาไม่กล้าไปไหน เพราะเขิน ตั้งใจจะโผล่ไปที่งานตอนเวลาประกวดเลยทีเดียว



               เมื่อได้เวลากวินก็ดินนวยนาดไปที่ห้องประชุม เพื่อเขาประกวด เขาสูดหายใจเข้าเต็มปอด ยืดหลังขึ้น ทำเป็นไม่กลัวเกรง ในใจก็ท่องไว้ตอนนี้ไม่ใช่กวิน ตอนนี้เป็นกวิสรา

               วริษฐ์มองผู้เข้าประกวดคนใหม่ที่ก้าวเท้าเข้ามา ร่างบางที่ไม่คุ้นตา เส้นผมสีดำเป็นลอนยาว คลอเคลียอยูที่ใบหน้าหวาน ชุดไทยสไบสีแดงสด ตัดกับสีผิวขาว ๆ ชุดเข้ากับผ้าถุงลวดลายสวยงามสีทอง ทั้งชุดทั้งเครื่องประดับทำให้ผุดผ่องน่ามอง ร่างสูงมองจ้องอีกฝ่ายนิ่งราวกลับต้องมนต์ สวยเกินไป

               การเดินเข้ามาของกวิน เรียกเสียงฮือฮาได้เป็นอย่างดี เมื่อหนุ่มจิ้มลิ้มน่ารัก กลายเป็นสาวหวานสวยสะพรั่ง ร่างบางสบตากับร่างสูงที่มองจ้องเขา วันนี้พี่อาร์ตแต่งตัวธรรมดา แต่กลับดูดีเส้นผมที่เซตเหมือนไม่เซต ชุดชาวบ้านธรรมดายังหล่อใจสั่นขนาดนี้...

               “เดี๋ยวแนะนำตัวหน่อยน้าคนสวย” พิธีกรในงานเอ่ยขึ้น

               “สวัสดีครับ เอ้ย ค่ะ” เสียงหวานพูดเขิน ๆ “เอ่อ กวิ...สราจากแผนกบริหารความเสี่ยง ฝากตัวด้วยนะคะ”

               วริษฐ์ยิ้มขำให้กับท่าทางเขิน เก้ ๆ กัง ๆ ของอีกฝ่าย โดนบังคับแต่งมาเต็มขนาดนั้น ยอมรับว่าสวยจนตกใจ

               กวินเดินหลบมุมไปหาขนมไทยกินแก้เก้อ ขณะที่วริษฐ์เดินตามไปทักทาย

               “คุณหนูจะไปไหนหรือขอรับ”

               “พี่อาร์ต” ร่างบางเรียกอีกฝ่ายเสียงเบา“ผมจะไปเอาขนมไทยตรงนั้น”

               “เดี๋ยวคุณหนูจะเหนื่อย ให้กระผมไปเอาให้มั้ยขอรับ”

               “พี่อาร์ตอย่ามาแซวผมแบบนี้ ผมเขิน” ร่างบางไม่ได้แค่พูด แต่แก้มเนียนกลับขึ้นสีเรื่อ เขินจริงอย่างปากว่า

               “นั่งเถอะ พี่ไปเอาให้ เจ็บเท้าใช่มั้ยละ แดงหมดแล้ว อยู่ดีไม่ว่าดี ใส่ส้นสูง”

               “ขอบคุณครับ” ... เขารู้สึกวูบไหวในอกเล็กน้อย ที่อีกฝ่ายสักเกตเห็น ว่าเขาน่ะ เจ็บ แล้วก็เดินเซเล็ก ๆ

               “ไม่เป็นไร” เขาส่งยิ้มบาง ๆ ขณะเดินไปหยิบขนมให้

               กวินยิ้มกว้างเขามองร่างสูงที่เดินจากไป ก่อนขยับนั่งบนเก้าอี้ที่มุมห้อง ส้นสูงนี่ไม่พอดี เล็กไปนิด และสูงมาก เขาเจ็บเท้าไปหมดแล้ว

               เมื่อถึงช่วงประกาศผล ร่างบางยืนนิ่ง แม้เท้าจะฟ้องแล้วว่าเจ็บแค่ไหน เขาก็ยังยิ้มแย้ม

               “รางวัลขวัญใจมหาชนจากผลโหวตได้แก่!!! … หนุ่มเอ้ยสาวหน้าหวานกวิสรา แห่งแผนกบริหารความเสี่ยง!!!”

               ร่างบางดีใจอย่างปิดไม่อยู่ เขาฉีกยิ้มกว้างขึ้น มันเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ทำให้เขาภูมิใจแปลก ๆ ขวัญใจมหาชน ทุกคนรักเขาสินะ เขาขยับก้าวเท้าไปข้างหน้า แต่ขากลับสั่นจนทำให้เจ้าตัวเสียหลัก ร่างสูงด้านหลัง ประสาทสัมผัสไว คว้าเอวบางเอาไว้ก่อนที่จะหน้าคว่ำ

               “คุณหนู” เสียงทุ้มเรียกเขาแผ่วเบา

               พี่อาร์ตช่วยเขาเอาไว้ ไม่งั้นคงล้มหน้าฟาดพื้น ขายหน้าแย่

               เสียงฮือฮาดังขึ้น เป็นเสียงร้องแซว เมื่อคนออกโรงคือวริษฐ์ หนุ่มฮอตที่สาว ๆ แอบเทใจให้ เขาทำตัวดูดีอย่างกับพระเอกในนิยาย ทำเอาสาวน้อยสาวใหญ่ใจสั่นอ่อนระทวยจนต้องร้องครางออกมา

               “ใส่รองเท้าแบบนี้ทั้งที่ไม่เคย เดี๋ยวก็เจ็บตัวจนได้” วริษฐ์พูดบ่น เมื่อกวินยืนได้เอง เขายื่นมือไปให้คนตัวเล็กจับเอาไว้ เหมือนตัวเขาเป็นลูกน้อง เป็นบ่าวไพร่คอยดูแลแม่หญิงคนงามยังไงอย่างนั้น

               กวินยื่นมือไปแตะอีกฝ่ายอย่างว่าง่าย เขาก้าวไปยืนด้านหน้า เมื่อเห็นว่ากวินยืนได้เอง เขาก็ขยับถอยหลังหลบฉากไป

               มือบางยื่นไปรับของขวัญ และรางวัลที่ได้ เขาถือทุกอย่างไว้ พลางฝืนยืนให้ทุกคนถ่ายรูปพอเสร็จ เขาก็ขยับเปิดทางให้รางวัลอื่น ๆ ขยับมาโชว์ตัวบ้าง ...เจ็บเท้าโคตร เจ็บเท้าจนน้ำตาจะไหล       

               สุดท้ายรางวัลที่ 1 เป็นของสาวจากมาร์เกตติ้ง สวยแบบลืมหายใจ ใบหน้าสวยคม เกล้าผมสูงโชว์ต้นคอขาว ชุดไทยสีชมพูอ่อน สไบลากยาว เธอดูสวยอ่อนหวาน น่ารัก น่าทะนุถนอม



               เมื่อช่วงงานประกวดนพมาศจบลง เขารู้สึกปวดเท้าหนักมาก มันรู้สึกเจ็บมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาต้องรีบไปเปลี่ยนชุดแล้ว

               “เจ็บก็ถอดรองเท้าสิ” เสียงทุ่มนุ่มพูดอยู่ข้างหลัง

               บอกกับเขาให้ถอดรองเท้าออก ร่างสูงรับเอาของมาถือไว้ กวินก้มลงถอดรองเท้าออกอย่างว่าง่าย มือหนาเห็นแบบนั้น ก็ดึงเอารองเท้าส้นสูงมาถือไว้ ให้ร่างบางจับชายผ้าถุงกับสไบที่ลากพื้น เพราะเจ้าตัวเตี้ยลงกว่าเดิมเยอะ ร่างสูงเดินตามคนตัวเล็กต้อย ๆ ตามประสาบ่าวไพร่

               “พี่อาร์ตช่วยผมถอดชุดได้มั้ยครับ”

               ร่างสูงมองชุดที่ดูจะถอดยากของกวินอย่างใช้ความคิด ดูยุ่งยากเข็มกลัดเพียบ แล้วก็เครื่องประดับอะไรไม่รู้ เขาพยักหน้าตกลงจะช่วย

               ในห้องน้ำแคบ ๆ วริษฐ์ค่อย ๆ แกะเข็มกลัดถอดสไบสีแดงสดออก ปลายนิ้วเรียวแตะ และลากผ่านตามแผ่นหลังของกวิน ทำให้คนตัวเล็กรู้สึกวูบไหว



               คนตัวเล็ก ค่อย ๆ ติดกระดุมเสื้อ แล้วยัดชายเสื้อเชิ้ตลงไปในกางเกง

               “เอ่อ พี่อาร์ตไปลอยกระทงที่ห้องผมมั้ยครับ” กวินพูดชวนทีเล่นทีจริงพลางหันมายิ้มกว้างจนตาปิดเป็นสระอิ ร่างสูงมองใบหน้านั้นเขาอดไม่ได้ที่จะประเคนมะเหงกใส่

               “ไม่ครับ” ร่างสูงเว้นวรรค เพื่อมองสีหน้าที่แอบจ๋อยในเสี้ยววิ “ลอยที่ไหนมันก็เพิ่มขยะ ถ้าแค่เดินเที่ยวงานก็โอเค”

               กวินยิ้มกว้าง แค่นั้นก็พอแล้วครับ ไม่ลอยก็ได้ ไม่นั่นนี่กันก็ได้... เดินเล่นธรรมดาก็พอใจแล้ว

               “พี่อาร์ตขอบคุณนะครับ”

               ร่างบางยื่นหน้าไปหอมแก้มอีกฝ่าย ทิ้งรอยลิปสติกสีแดงเอาไว้ ก่อนจะหอบข้าวของเสื้อผ้าในมือวริษฐ์มาถือไว้เอง ก่อนจะเปิดประตูห้องน้ำเดินหนีออกไป วริษฐ์มองหน้าตัวเองในกระจกที่มีร่องรอยลิปสติกชัดเจน เขาลอบยิ้ม พลางเช็ดลอยลิปสติกออก

               เด็กนี่มันร้ายจริง ๆ

 .

.

[มันก็จะอ่อยนิด ๆ น่ารักพอหวาน ๆ ถึงจะเลยเทศกาลไปหน่อยก็เถอะนะคะ

เราอยากลงจริง ๆ แง้ ๆ เพิ่งกลับมาจากเที่ยวภูกระดึงค่ะ ปวดขามากกกก

มันเลยจะช้า ๆ หน่อย เรื่องหลักจะตามมาเร็ว ๆ นี้ค่า]
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : ตอนพิเศษ ควันหลงลอยกระทง (วริษฐ์กวิน) 14/11/62
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 15-11-2019 14:43:39
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : ตอนพิเศษ ควันหลงลอยกระทง (วริษฐ์กวิน) 14/11/62
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 16-11-2019 00:16:40
 :pig4:
 o13
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : ตอนพิเศษ ควันหลงลอยกระทง (วริษฐ์กวิน) 14/11/62
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 16-11-2019 01:08:16
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 9 พี่ไม่ไหว(์NC) 23/11/62
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 23-11-2019 11:14:15

บทที่ 9 พี่ไม่ไหว(NC)
   
   จากรสจูบที่ยิ่งทำให้ไฟรักลุกโชน กวินเหมือนเปลวไฟร้อนแรงที่ถูกจุดขึ้นมา แล้วโยนใส่วริษฐ์ เขาที่เป็นเหมือนเชื้อเพลิงชั้นดี เปลวไฟถึงได้ลุกลาม และพร้อมที่จะเผาไหม้พวกเขาให้มอดไหม้ สว่างไสวเจิดจ้ายิ่งกว่าดาวฤกษ์ดวงไหนในค่ำคืนนี้
   สองร่างตระกองกอด บดเบียดแนบชิดจนร่างกายแทบหลอมรวมกัน ต่างฝ่ายต่างลูบไล้ไปตามเนื้อตัว มือบางลูบไล้ต้นขาแกร่ง เข้าใกล้เฉียดไปเฉียดมากับเป้ากางเกงของวริษฐ์ ส่วนมือหนาลูบหลังขยำบั้นท้ายกลึงร่างบางแต่สะโพกอวบแน่นเต็มไม้เต็มมือ
   วริษฐ์รู้ว่าคืนนี้คงจบลงบนเตียงแน่นอน เพราะเด็กในอ้อมแขนมันช่างยั่วยวนนัก และไฟรักที่จุดขึ้นมาแล้วนั้นมันยากที่จะดับเพราะมันจะมอดไหม้จนกว่าเชื้อเพลิงจะหมดลง
   ร่างบางผละออกจากอ้อมกอด พลางเดินตรงไปนั่งบนที่นอน ขยับมือตบที่นอนข้างตัวเรียกเขา วริษฐ์เดินตามไปอย่างว่าง่าย
   “พี่อาร์ตครับ ผมอยากทำกับพี่” และเป็นอีกครั้งที่เจ้าตัวพูดออกมาอย่างตรงไปตรงมา
   “ทำให้พี่อยากสิครับ” คนตัวสูงพูดท้า พลางทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงนอน
   ร่างบางขยับมาอ้อนวริษฐ์ วางใบหน้าเนียนกับลาดไหล่หนา ทำปากงุ้มส่งสายตาออดอ้อน ใช้แก้มบางถูกับหัวไหล่ ก่อนจะงับเบา ๆ ที่ต้นแขน
   วริษฐ์มองท่าทางเหมือนลูกแมวนั่นด้วยความเอ็นดู
   “พี่อาร์ตชอบแบบไหนหรอครับ อยากให้กวินเอาใจแบบไหน”
   “แล้วกวินอยากทำยังไงล่ะครับ”
   “งื้อออออ ทำยังไงดีนะ”
   ร่างบางครางเสียงแผ่ว คิ้วขมวดอย่างใช้ความคิด ...
   มือบางดันร่างสูงให้นอนลง ก่อนพลิกตัวขึ้นคร่อมอีกฝ่ายเอาไว้ กวินนั่งทับอยู่กลางลำตัวแกร่ง มือขยับปลดกระดุมเสื้อเชิ้ต เขาถอดมันออกแล้วโยนไว้ข้าง ๆ เตียง เผยให้เห็นเนื้อตัวช่วงบนเปลือยเปล่าที่มีสีแดงขึ้นเป็นริ้ว อันเกิดจากฤทธิ์แอลกฮอล์
   มือบางซุกซนลูบไล้แผงอกแกร่งผ่านเสื้อเชิ้ต ก่อนจะปลดกระดุมออก ริมฝีปากบางพรมจูบทั่วแผงอก ลิ้นร้อนแลบเลียที่ตุ่มไตสีเข้ม การกระทำนั้นทำให้ส่วนล่างของวริษฐ์ แข็งขืนได้ไม่ยาก
   “พี่อาร์ตน่ะ ถูกสะกิดตรงนี้ก็มีอารมณ์แล้วนี่ครับ” กวินขยับสะโพกบดเบียดแนบชิด
   “อึก” วริษฐ์เผลอส่งเสียงออกมา
   ทำให้ร่างบางยิ่งได้ใจ ขยับให้ก้นเบียดกับเป้ากางเกงที่คับแน่นจวนเจียนระเบิด
   “อื้อ กวิน... พี่” ร่างสูงเชิดหน้าขึ้น เมื่อร่างบางขยับเสียดสี ทำไมเด็กนี่มันใจกล้าแบบนี้ เขาปากไวท้าทายไป ก็ไม่คิดว่าจะถูกตอบสนองแบบนี้ เมื่อคนตรงหน้าทำใจกล้าปีนขึ้นมาคร่อมเขา วริษฐ์โว้ย เมิงโดนเด็กกินแน่ เสียศักดิ์ศรีโคตร
   ร่างบางมองคนด้านล่าง พลางยิ้มกว้าง ‘เสร็จผมแน่’
   ผมกระเถิบตัวลงด้านล่าง ริมฝีปากจุ๊บเบา ๆ ตรงเป้ากางเกง ผมรูดซิบและถอดกระดุมออก วริษฐ์จูเนียร์ที่ขนาดไม่จูเนียร์มันถึงได้ออกมาสูดอากาศ ดุ้นเนื้อแข็งเกร็งจนกระตุก กวินมองมัน พลางแลบลิ้นเลียริมฝีปาก
   วริษฐ์มองท่าทางของกวิน ด้วยใจเต้นระทึก คนแปลกหน้าสองคนที่อยู่ ๆ ก็มาทำกันตรงนี้เขาไม่เคยทำกับผู้ชาย แม้จะหน้ามืดกับตฤน แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ทำอะไรลงไป
   ผมแลบลิ้นออกมาก่อนจะลงลิ้นร้อนไล้วนส่วนหัวอ่อนไหว ก่อนจะอ้าปากกว้างอมแก่นกลางเข้าไปในปาก ขยับศีรษะเข้าออก ดวงตาก็เหลือบมองสีหน้าของพี่อาร์ต ใบหน้าที่มีอารมณ์ร่วมไม่แพ้กัน ผมอ้าปากกว้างกว่าเดิม พยายามเอาความเป็นชายของเขาเข้าไปทั้งหมด แล้วดูดมันเหมือนที่ผมดูดไอติม
   “อื้ออออ ซี๊ด” วริษฐ์ครวญคราง มือหนาขยุ้มเส้นผมของกวินไปด้วย ฟันเล็กครูดเบาจนเขาขนลุกเกรียว “อ๊ะ อ๊าพี่เสียว”
   กวินถอนริมฝีปากออกขณะฝ่ามือเนียนทำหน้าที่สาวแทนเขาขยับชักเร็ว วริษฐ์หลับตาพริ้มเมื่อใกล้ไปถึงจุดหมาย  ก่อนจะปลดปล่อยออกมาบนมือของกวิน ใบหน้าชื่นเหงื่อลืมตาขึ้นมองอีกฝ่าย เขาเช็ดมือกับกางเกงของตัวเองก่อนจะส่งยิ้มดีใจเหมือนเด็กเล่นเกมแล้วได้ชัยชนะ
   “ต่อไปตาผมรู้สึกดีนะครับ”
   “กวิน ถุงยางอยู่ในกระเป๋าตังพี่ช่องเล็ก ๆ หลังช่องใส่รูป” ร่างบางเลิกคิ้วเมื่ออีกฝ่ายบอกเขา เขาลุกขึ้นไปหยิบอย่างว่าง่าย ช่องใส่รูปที่ไม่มีรูป... เขาจะต้องเอารูปตัวเองไปใส่ในนั้นให้ได้สักวัน 
   มือบางจัดแจงปลุกปั้นอาร์ตน้อยให้ฟื้นอีกครั้ง เขาใส่ถุงยางให้เรียบร้อย ส่วนตัวเขาเองก็ถอดกางเกงออก ข่มความเขินทำใจกล้า ‘ทำให้พี่อยาก’ เมื่อพี่ท้าผมก็จะตอบสนองให้ถึงใจ
   เนื้อตัวเปลือยเปล่า ผิวขาวเนียนละเอียดปรากฏชัด วริษฐ์มองภาพนั้นพลางลอบกลืนน้ำลาย โคตรเซ็กซี่ ร่างเปลือยเปล่ากลับมาคร่อมเขาอีกครั้ง เจ้าตัวคุกเข่าพลางแยกขาออกกว้าง ดูดนิ้วตัวเองจนชุ่ม ก่อนจะสอดเข้าไปในช่องทางของตัวเอง
   “อื้อ อึก” ปลายนิ้วร้อนสัมผัสย้ำที่จุดอ่อนไหวด้านใน ตัวเกร็งสั่นระริกเมื่อสอดนิ้วเพิ่มจาก 1 เป็น 2 ครวญครางแผ่วเบา พาเอาสติวริษฐ์แทบหลุดลอย เขามองภาพตรงหน้าด้วยลมหายใจที่ติดขัด เมื่อกวินมาช่วยตัวเองต่อหน้าต่อตา สมกับที่เขาพลั้งพูดไปว่าให้อีกฝ่ายทำให้เขาอยาก ตอนนี้เขาโคตรอยาก อยากทำให้อีกฝ่ายครวญครางเพราะถูกกระแทกจากเขา...
   “พี่อาร์ต ใส่มั้ยครับ” เสียงหวานปนหอบเอ่ยเรียกเขา ปลุกเร้าเขา
   “มานี่สิเด็กดี” วริษฐ์จับแก่นกลางให้ตั้งขึ้น รอให้อีกฝ่ายกดสะโพกลงมาเท่านั้น
   “ของพี่ใหญ่นี่นา ต้องเจ็บแน่เลย” กวินพูดพลางหยุดเล่นกับตัวเอง เขาค่อย ๆ กดสะโพกลงไป ส่วนหัวเข้าไปได้นิดหน่อยกวินก็ร้องครางออกมา ความเจ็บและฝืดเคือง ทำให้เจ้าตัวเกิดความลังเล ก่อนที่เจ้าตัวจะตัดสินใจ กดสะโพกลงไปในทีเดียว ใบหน้าเนียนเชิดหน้าขึ้นด้วยความเจ็บระคนเสียวซ่าน เจ็บเหมือนมันจะฉีก กวินนิ่งไปแปปนึง ใบหน้าบิดเบี้ยวเหยเก เจ็บจุก แต่หยุดตรงนี้ไม่ได้
   วริษฐ์รู้สึกถึงการตอดรัด กับผู้ชายก็รู้สึกดีไม่ต่างจากผู้หญิงเลย
   ร่างบางเริ่มขยับสะโพกเมื่อพร้อม ความต้องการมีมากกว่าความเจ็บ กวินจึงขยับส่าย จากช้า ๆ จนกลายเป็นโยกอย่างรุนแรงรวดเร็ว วริษฐ์ก็เด้งแทงสวน เสียงเนื้อกระแทกกันดังสะท้อนในห้อง
พับ พับ พับ
    “อื้ออออ ลึกมาก อะ...” ทั้งเจ็บทั้งจุกแต่ก็เสียวซ่าน นั่นทำให้แก่นกลางเขาขยายเหมือนกัน และมันพร้อมที่จะไปถึงจุดหมาย
   “ไหวมั้ย กวิน” 
   “พี่วริษฐ์ ผมจะเสร็จ ซี๊ดดด พี่ พี่วริษฐ์...”
   เสียงหวานครวญครางพึมพำเรียกชื่อของเขาไม่หยุด ทำให้วริษฐ์กระตุกเกร็งหลายต่อหลายครั้ง เขาก็กำลังจะเสร็จ... ไหนบอกจะเรียกชื่อเล่น ชื่อจริงกลับมาเต็มเหนี่ยว สงสัยจะยังไม่ชิน
   ร่างสูงขยับขึ้นนั่ง พวกเขาขยับถาโถมโจนทะยานเข้าหากัน ขณะมือหนาเกาะกุมแก่นกายของกวิน เขาขยับชักมันทำให้กวินยกขยับสะโพกเข้าหามือหนา วริษฐ์เด้งสะโพกสวนเข้าไปข้างใน มันเข้าไปลึกจน กวินร้องซี๊ดออกมา พลางซุกหน้าลงบนลาดไหล่ และกัดลงไปเต็มแรง มือก็จิกลงไปที่แผ่นหลังอย่างระบายความเสียวปนเจ็บปวด
   “ซี๊ดดด กวินนน” วริษฐ์ครางเสียงดังก่อนกระตุกปลดปล่อย ตามด้วยกวินที่ไปถึงจุดหมาย พ่นน้ำสีขาวขุ่นเปรอะที่หน้าท้องของวริษฐ์
   “แฮ่ก ๆ พี่” ร่างบางนอนซบบนอกแกร่ง ส่วนที่เชื่อมต่อยังไม่ถูกถอดออก เสียงลมหายใจของทั้งคู่สอดประสาน กวินเงยหน้าช้อนตามองอีกฝ่ายพลางส่งยิ้ม เขางับเบา ๆ บนแผงออกแกร่ง ทิ้งร่องรอยเอาไว้

   แต่คืนนี้มันจะไม่จบแค่นี้ กวินรออีกฝ่ายมานาน เขายังต้องการอีก มันยังไม่พอ แก่นกายถูกถอนออก เมื่อมันหดตัวกลับเป็นเจ้านุ่มนิ่ม
   ร่างบางนอนหนุนแผ่นอกกว้าง มือก็ไล้เขี่ยยอดอกของวริษฐ์ไปด้วย
   “อีกรอบได้มั้ย”
   “ให้พี่พักก่อนได้มั้ย” เมื่อกี้เรียกเหงื่อไปเป็นถัง ยิ่งกว่าออกกำลังกายซะอีก
   “ครับ” ถึงจะพูดแบบนั้น แต่มือบางกับขยับลากจะแผงอกผ่านหน้าท้องแบนราบลากลงมาถึงท้องน้อย ไล้วนไปวนมา ทุกจุดที่มือของกวินลากผ่าน มันร้อนขึ้นมา ร่างบางช่างยั่ว...
   มือบางคว้าหมับดุ้นเนื้อที่สลบไสล ก่อนจะจับมันเล่นไปมา เขาเหลือบมองนาฬิกาที่ติดผนังอีกครั้ง ตอนนี้ตีหนึ่งครึ่งแต่เขาก็ยังคงเพลิดเพลิน
   “แบบนี้พี่คงไม่ได้พัก ตัวแสบ”
   ไม่กี่อึดใจดุ้นเนื้อก็กลับแข็งขืนอีกครั้ง สู้กับมือบางที่กำลังจับมันเล่นอย่างสนุกสนาน
   “ผมแสบพี่วริษฐ์ก็ลงโทษผมเลยครับ ทำผมแรง ๆ ได้เลย”
   ร่างสูงขมวดคิ้ว พลางมองอีกฝ่าย ชอบรุนแรง? เป็นรสนิยมงั้นหรือ เขายินดีตอบสนองถ้าอีกฝ่ายจะอยากให้เขาทำรุนแรง เมื่อกี้ตัวแสบขย่มเขาแรงจนของเขาแทบจะหัก ผมคิดว่ามันน่าจะเข้าไปลึกเกินไป เสี้ยววิที่เห็นสีหน้าเจ็บปวดใบหน้าเนียนบิดเบี้ยวแว่บเดียวก็กลับมาปกติ แล้วอีกฝ่ายก็ยังขยับรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม
   กวินขยับขึ้นคร่อมวริษฐ์อีกครั้ง เขาหันหน้าไปที่แก่นกลางและเริ่มละเลงลิ้นโลมเลียมันอีกครั้ง ส่วนบั้นท้ายอวบหันไปหาวริษฐ์ ให้เขาเห็นช่องทางรักชัดเจน
   “พี่จะบีบ จะเคล้น จะตีมันก็ได้ ผมอนุญาต”
   มือหนาขยับขย้ำบั้นท้ายกลึงตามคำอนุญาต บีบเคล้นมันขณะที่กวินใช้ลิ้นไล้วนส่วนหัวอันอ่อนไหวของเขา มือหนาฟาดลงไปที่กดบางดังเพี๊ยะ
   “ซี๊ดดดดด” เรียกเสียงครางจากกวินได้เป็นอย่างดี รอยนิ้วทั้งห้าปรากฏชัดที่บั้นท้ายกลมกลึง เขาลองฟาดอีกครั้งแรงยิ่งกว่าเดิมจนผิวก้นนุ่มเด้งสั่นสะเทือน
   “อ๊า”
   ร่างบางเคยชินกับการถูกทำรุนแรง ไม่ใช่แค่เขาที่ไวต่อการถูกสัมผัสแบบไม่ถนอม เขายังคิดว่าอีกฝ่ายจะชื่นชอบอีกด้วย ชอบที่เห็นเขาเจ็บปวด ใคร ๆ ก็ชอบที่เขาเจ็บปวด...
   “ผมขอเอามันใส่เข้าไป” ร่างบางพูดขออนุญาตเสียงกระเซ้า เขาต้องการ ต้องการอีก
   รอบนี้กวินนั่งคร่อมแบบหันหลังให้ วริษฐ์ขยับลุกขึ้นนั่งมือหนาโอบรอบเอวบางไว้แน่นเหมือนอีกคนกำลังนั่งตักเขาอยู่ เพียงแต่ทั้งคู่กำลังเชื่อมต่อกันกวินค้างแช่เอาไว้ เมื่อวริษฐ์กอดรัดเอวเขาไว้แน่น เขาชอบอยู่ในอ้อมกอด เหมือนถูกรัก ริมฝีปากร้อนพรมจูบไปทั่วแผ่นหลังบาง หมั่นเขี้ยวก็แอบกัดบ้างเป็นบางครั้ง
   “คุกเข่าสิ เดี๋ยวรอบนี้พี่กระแทกให้”
   มือบางค้ำยันกับเตียง ร่างสูงคุกเข่ามือหนาจับยึดสะโพกอีกฝ่ายแน่น ก่อนจะเริ่มขยับกระแทกแบบเน้น ๆ รุนแรงจนคนด้านหลังหัวสั่นหัวคลอน
   “อึก”
   พับ พับ พับ
   ร่างสูงขยับเน้นจังหวะที่รวดเร็ว เขามองบั้นท้ายกลมกลึงมองจุดที่แก่นกลางผลุบเข้าผลุบออกช่องทางรักอย่างเพลิน ๆ หยดเหงื่อพร่างพรายเต็มใบหน้า เขาดันสะโพกกระแทกเข้าไปรุนแรงจนร่างบางสั่นสะท้าน มันเข้าไปได้ลึกจริง ๆ เขาขยับเร่งจังหวะเมื่อรู้สึกว่าเขากำลังจะเสร็จอีกแล้ว
   ร่างสูงหอบเหนื่อย นี่มันเหนื่อยยิ่งกว่าวิ่งบนลู่ในฟิตเนสซะอีก
   “พี่ อ๊า” ร่างบางรู้สึกดีกับการกระแทกกระทั้น มันเสียวมากจนเขาเกร็งไปหมด มือบางเริ่มอ่อนแรง เขาค้ำยันไว้ไม่ไหวแขนพับแขนอ่อน ปล่อยให้ใบหน้าฝังลงไปกับที่นอนนุ่ม มือขย้ำผ้าปูที่นอน เมื่ออารมณ์พลุ่งพล่าน “อื้อ แรง อีก ฟาดผมเลย”
   ฝ่ามือหนาฟาดไปที่บั้นท้ายเนียนอีกครั้ง
   “อื้อ พี่...วริษฐ์”
   “ไหนบอกจะเรียกพี่ว่าอาร์ตไง”
   “ก็ผมยังชินกับชื่อเก่านี่นา เรียกมาเป็นปี ๆ ”
   “เอาพี่ไปช่วยตัวเองหรือเปล่า”
   “มะ มี อ๊ะบ้าง อื้อ พี่ อาร์ต” เสียงพูดอู้อี้ไม่เป็นภาษา เมื่อมือหนาขยับไปเกาะกุมแก่นกลางของอีกคน สาวมือไปพร้อมกับการกระแทก
   เมื่อถูกรุกรานทั้งหน้าและหลัง เสียงครวญครางดังออกมาเรื่อย ๆ จากร่างบางที่อ่อนปวกเปียก วริษฐ์แกล้งบีบเจ้าแท่งเนื้อนั่น
   “จะเสร็จแล้วหรอ”
   “ผมรักพี่”
   “หืม?”
   “ผม อ๊ะ รักพี่” วริษฐ์ยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู ถามอย่างตอบอีกอย่าง แต่คำตอบก็น่าฟัง มือหนาขยับเร็วอย่างให้รางวัล ร่างบางถึงกระตุกเกร็ง ไปถึงจุดหมายสุดท้ายได้โดยง่าย
   วริษฐ์เร่งจังหวะ ใบหน้าหล่อเหลาเชิดขึ้น หลับตาพริ้ม เขาก็ใกล้แล้ว
   “พะ พี่- เสร็จแล้ว” ร่างสูงร้องลั่นพร้อมปลดปล่อย เขาหมดแรง โถมตัวทับร่างบางที่นอนฟุบอยู่ ร่างกายทั้งคู่ชื้นเหนียวเหนอะหนะไปด้วยหยาดเหงื่อ ทั้งคู่ระบายลมหายใจออกมา เหนื่อยเป็นบ้า วริษฐ์ถอนดุ้นเนื้อออก พลางพลิกตัวนอนแผ่ข้าง ๆ มองอีกฝ่ายที่นอนคว่ำอยู่ข้างเขา รอยแดงเป็นรูปห้านิ้วที่ก้นเนียนทำให้วริษฐ์แอบรู้สึกผิด แรงยุทำให้เขาฟาดแรงเกินไปแบบนั้น อีกคนจะเจ็บหรือเปล่า มือหนาขยับลูบก้นกลมกลึงอย่างกับกำลังปลอบโยนมัน ชดเชยที่ทำรุนแรง เขาลูบก้นอีกฝ่ายเพลิน ๆ ก่อนที่ดวงตาคมจะปรือหลับลง เขาหมดแรงแล้วจริง ๆ

   กวินยังนอนนิ่ง ฝังหน้าลงกับที่นอน เขาก็เหนื่อย แต่มันยังไม่พอ... ต้องทำอีก อยากถูกกอดอีก หลาย ๆ ครั้ง ... กอดผมอีก รักผมอีก ทำผมอีก มันเหมือนว่าผมถูกรักเมื่อพี่กอด เขาผ่อนลมหายใจออก


ตีสองยี่สิบห้านาที
   “พี่อาร์ต อีกรอบนะครับ”
   ร่างสูงปรือตาขึ้นมองคนข้าง ๆ ใจคอจะไม่ให้เขาพักเลยจริง ๆ หรอ นี่เขาเสียน้ำไปจนตัวจะแห้งแล้วนะ อีกฝ่ายก็ยังไม่พอ ยังจ้องเขาตาแป๋วอย่างคาดหวัง นี่มันก็ดึกมากแล้ว เขาทั้งเหนื่อยทั้งเพลีย
   “นอนพักเถอะกวิน”
   “อีกครั้งเถอะนะครับ” กวินออดอ้อนพลางเอาใบหน้าถูกับต้นแขนเขาไปมา เส้นผมอ่อนนุ่มคลอเคลียจนขนลุก ...อย่างกับแมวตัวโต “ทำกันนะครับ”
   “งั้น เอาน้ำมาให้พี่หน่อย” เขาต้องเติมน้ำแล้ว ก่อนที่จะหน้ามืด
   ร่างบางลุกไปหยิบน้ำในตู้เย็นมายื่นส่งให้ตรงหน้า วริษฐ์รับขวดน้ำเย็นเฉียบมาถือไว้ ความเย็นทำให้เขาสดชื่น ก่อนจะยกขึ้นดื่มอึกใหญ่ด้วยความกระหาย
   “อ่ะมาก็มา เอาก็เอา” ร่างสูงพูดตอบตรงไปตรงมาทำให้ร่างบางยิ้มกริ่ม เมื่ออีกฝ่ายยอมตามใจเขา
   ร่างสูงนั่งห้อยขาอยู่กับขอบเตียง ขณะกวินคุกเข่าอยู่ตรงกลางระหว่างขา ใช้ริมฝีปากและมือกำรูดเย้าแหย่ปลุกปั้นดุ้นเนื้อของวริษฐ์อีกครั้ง ใช้เวลาไม่นาน ดุ้นเนื้อก็โป่งพองผงาดจนแทบจากฟาดหน้าเขา มันพร้อมสำหรับการสอดใส่ เขาสวมถุงยางชิ้นบางให้ พลางจุมพิตเบา ๆ ที่ส่วนหัว
   “กวิน ลุกขึ้นมาสิ”
   ร่างบางลุกขึ้นอย่างว่าง่าย มือหนาเกี่ยวรั้งเอวบางให้เข้ามาใกล้ ก่อนพลิกตัวดันอีกฝ่ายให้นอนราบลงไปกับเตียงกว้าง มือหนาจับขาเรียวให้อ้าออก เขาแทรกกายเข้าไป จับขาเรียวขึ้นพาดไหล่หนา เผยให้เห็นช่องทางรักชัดเจน เขาดุนดันแก่นกลางเข้าไปจนสุดลำ
   “อื้อ” ร่างบางผวาครางเมื่อจู่ ๆ แก่นกลางก็ผลุบเข้าไป และเริ่มกระแทกกระทั้นรุนแรงทันที ซอยเอวเข้าออกถี่กระชั้น ร่างกายกวินเคลื่อนขยับตามแรงกระแทก ใบหน้าบางเชิดรั้นเจ็บระคนเสียว รอบนี้วริษฐ์เหมือนจะรุนแรงกับเขา ที่เขาก่อกวนเวลานอน คงอยากจะให้เด็กซนคนนี้หมดแรงสักที
   พับ พับ พับ
   เสียงกระแทกดังไปอย่างต่อเนื่อง เขาถอนมันออกมาจนเกือบสุด ก่อนดันเข้าไปลึกกว่าเดิม กวินร้องครางอื้ออึงไม่เป็นภาษา ร่างกายบิดเร้าตอบสนองต่อการขยับเคลื่อนไหว วริษฐ์มองร่างบางที่ดูจะสุขสม มีความสุขกับกิจกรรมเข้าจังหวะนี้เหลือเกิน ส่วนตัวเขา ตอนนี้เขาเริ่มจะปวดสะโพกแล้ว วริษฐ์กัดฟันขยับเร่งจังหวะ มือก็ชักสาวให้แท่งเนื้อสีหวานที่กำลังแข็งเกร็ง
   “พี่ ครับ ผม...” กวินหอบหายใจกระชั้น พูดขาด ๆ หาย ๆ  ร่างกายกระตุกเกร็งเมื่อเขาไปถึงเป้าหมาย เขาได้แต่หวังจะให้เทิร์นนี้จบลงเสียที
   “อื้อออ” วริษฐ์คำรามในลำคอ เขาดันแท่งเนื้อเข้าไปจนสุด ปลดปล่อยเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ ถ้าไม่ใส่ถุงยางอยู่ ป่านนี้ข้างในของกวินคงเอ่อล้น ล้นแล้วล้นอีกด้วยน้ำรักของเขา วริษฐ์นิ่งค้างเอาไว้อย่างนั้น พลางหายใจหอบด้วยความเหนื่อยอ่อน ก่อนจะซวนซบลงทับร่างบางด้านล่างอย่างคนหมดแรง
   ร่างสูงพลิกตัวไปข้าง ๆ ก่อนจะหลับไปอย่างรวดเร็วด้วยความเหนื่อยอ่อน กวินได้ยินเสียงลมหายใจสม่ำเสมอของคนข้าง ๆ ทำให้เขาพลิกตัว ก่อนขยับไปดู มองสำรวจวริษฐ์ ใบหน้าหล่อเหลานอนหลับพริ้ม มือบางลูบสัมผัสใบหน้านั้น เขาหล่อจริง ๆ ร่างบางประทับจูบลงไปบนแผงอกแกร่ง แต่ที่เขารักคือความใจดีต่างหาก


ตีสามครึ่ง
   “พี่อาร์ต”
   เสียงหวานร้องเรียกอีกครั้ง ขณะมือบางซุกซนเริ่มทำงานอีกครั้ง ไม่ได้สนว่าอีกฝ่ายจะหลับอยู่ เพราะเขาต้องการ ต้องการพี่อาร์ต ต้องการถูกสัมผัสและสัมผัสอีกฝ่ายให้สาสมกับที่เฝ้ารอและใฝ่ฝันถึง
   เขากำรูดดุ้นเนื้อที่เริ่มจะพองโตเพราะสิ่งเร้า ต่อให้เจ้าตัวจะหลับ แต่ร่างกายมันยังตื่นอยู่ ยังตอบสนองต่อสัมผัสของเขาเป็นอย่างดี เขาขยับชักเร็วขึ้นเรื่อย ๆ จนคนหลับเริ่มรู้สึกตัว เขาปรือตาขึ้นดูเด็กแสบที่ยังก่อกวนเขาไม่หยุดอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
   “กวิน พี่...” ไม่ไหว...น้ำเสียงแหบพร่าร้องห้ามอีกฝ่ายเสียงเบา
   ผมยังคงขยับมือต่อไป ราวกับเด็กเห่อของเล่นใหม่ ส่วนวริษฐ์ที่ขยับจนปวดสะโพก ก็ตั้งใจจะปล่อยให้เด็กมันทำไป เขาขยับไม่ไหวแล้ว ...เขาแก่ลงไปมาก ในห้วงความคิดของวริษฐ์ มีเพลง ๆ หนึ่งดังขึ้นในหัว ‘มีเมียเด็กต้องหมั่นตรวจเช็คร่างกาย’ เขาเข้าใจเพลงนี้แล้วเมื่อเจอกวิน ตกลงจะไม่หยุดสินะ จะรีดน้ำจนเขาแห้งเหี่ยวตายใช่มั้ย
   มือบางขยับไม่หยุด ลิ้นร้อนเลียที่ส่วนโคน ทำให้ร่างสูงกระตุกเกร็งปลดปล่อยออกมาเลอะใบหน้ากวิน ของเหลวอุ่นร้อนเหนอะหนะไหลออกมาไม่มาก
   “กวินนอนเถอะ” เสียงแหบทักท้วงขอให้อีกฝ่ายหยุดพยายามรีดน้ำออกจากตัวเขา เขาเหนื่อยมากจริง ๆ
   “เหลือถุงยางชิ้นนึง”
   “พอแล้ว รอบหน้ายังมี วันนี้ ปล่อยพี่นอนเถอะนะครับ” วริษฐ์พูดพลางขยับตบที่นอนข้างตัว เพื่อเรียกกวินให้ละความสนใจจากไอ้นั่นของเขา
   “รอบหน้า” กวินพูดทวน ใช่รอบหน้า พวกเราสองคนยังมีรอบหน้า
   ร่างบางขยับไปนอนซุกอ้อมกอดอุ่นของอีกฝ่าย ดวงตาสวยปรือลง มือบางคว้าเอาผ้าห่มขึ้นมาห่มห่อร่างกายเปลือยเปล่าของทั้งคู่เอาไว้ ความอบอุ่นจากคนข้าง ๆ ใต้ผ้าห่มอวบอวลแผ่ซ่านทำให้เขานอนหลับอย่างเป็นสุข นานแล้วที่ไม่ได้นอนหลับในอ้อมกอดอุ่น ๆ ของใครสักคน 
.
.
[น้อลรุนแรงกับพิเหลือเกิ๊นนนน
พิไม่ไหววววว 5555 กวินพาเลยเถิดมาก ]
 :-[ :hao7:
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 9 พี่ไม่ไหว (NC) 23/11/62
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 23-11-2019 14:07:48
น้องคงเก็บความคิดถึงพี่มานาน อดใจไม่ไหวจัดเต็มเลยสินะ.   :hao3:
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 9 พี่ไม่ไหว (NC) 23/11/62
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 23-11-2019 16:26:21
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 9 พี่ไม่ไหว (NC) 23/11/62
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 23-11-2019 16:50:14
แล้วเขาก็ได้เจอกัน
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 9 พี่ไม่ไหว (NC) 23/11/62
เริ่มหัวข้อโดย: JanTi ที่ 24-11-2019 18:43:56
 :haun4: :jul1:
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 9 พี่ไม่ไหว (NC) 23/11/62
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 25-11-2019 08:46:12
 :pig4: :pig4: :pig4:

อะไรจะร้อนแรงขนาดนั้นขุ่นน้อง

เด๋วพี่เขาใช้การไม่ได้  ขุ่นน้องจะลำบากนา
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 10 พี่ปวดเอว 26/11/62
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 26-11-2019 23:16:40
บทที่ 10 พี่ปวดเอว


   นาฬิกาปลุกแผดเสียงเตือน เมื่อถึงเวลาจะต้องตื่น กวินรู้สึกตัวก่อน เขานึกหงุดหงิดใจที่นาฬิกาปลุกเขาขึ้นมาจากการนอนที่แสนสบาย ดวงตากลมปรือขึ้นมา เขาเห็นแผงอกกว้างเป็นอย่างแรก รอยจ้ำแดง ๆ เล็ก ๆ ที่ทำให้เขานึกเขิน ก่อนเหลือบตามองเจ้าของแผงอกนั่นที่ยังคงหลับพริ้ม ไม่สนใจเสียงนาฬิกาแม้แต่น้อย
   ผมรู้สึกอบอุ่นปลอดภัยที่ได้ตื่นมาในอ้อมแขนของเขา นึกขอบคุณนาฬิกาปลุกที่ทำให้เขาได้เห็นใบหน้าหล่อเหลายามหลับใหล เขาน่าหลงใหลจนคิดว่าผมคงถอนตัวถอนใจออกไปจากเขาไม่ได้ ดีใจที่หาเขาจนเจอ ถ้าหากเป็นพรหมลิขิตก็ขอให้มันสมหวัง แต่ถ้าไม่ ผมก็จะพยายามเอง...
   “พี่อาร์ตครับ” เสียงหวานเรียกชื่ออีกฝ่ายแผ่วเบา
   ร่างสูงยังคงนิ่งเฉย ขณะที่นาฬิกายิ่งส่งเสียงดังมากขึ้นจนน่ารำคาญ แต่อ้อมกอดแกร่งทำให้เขาขยับไปปิดเสียงมันไม่ได้ อ้อมกอดที่แน่นหนึบ เขาก็ไม่ได้อยากจะออกไปหรอกนะ แต่ไม่ไหว อย่างน้อยก็ขอปิดนาฬิกา มันหนวกหูมาก
   “ตื่นได้แล้วครับ เดี๋ยวไปทำงานสายนะ” ร่างบางดิ้นขลุกขลัก พยายามจะลุกขึ้นไปปิดเสียงนาฬิกาปลุก เมื่ออีกฝ่ายยังคงนอนกอดเขาแน่น
   “อื้อ ครับ” ร่างสูงค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมองคนในอ้อมแขน ก่อนกระพริบตาปริบ ๆ ไล่ความง่วงงุน เมื่อคืนเขาโดนเด็กง้าบซะแล้ว โดนล่อลวงมาต่อจนไม่ได้กลับห้อง เสร็จเด็กมันจนได้... เมื่อคืนเจ้าเด็กนี่มันร้ายจริง ๆ  ทั้งซนทั้งแสบ ทั้งเผ็ดทั้งร้อน เขายังไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน ก่อกวนจนเขาหมดสภาพ รีดน้ำเขาไปกี่ครั้งก็ไม่อาจนับได้
   วริษฐ์ปล่อยคนในอ้อมแขนให้เป็นอิสระ พลางขยับลุกขึ้นนั่ง เขารู้สึกมึนหัว มันแฮงค์ ๆ หรือไม่ก็เพลียเพราะว่าขาดน้ำ
   “พี่อาร์ตไปอาบน้ำก่อนมั้ยครับ เดี๋ยวผมหาเสื้อผ้าใหม่ให้ใส่ ผมมีเชิ้ตตัวใหญ่ ๆ อยู่” กวินลุกขึ้นไปปิดเสียงนาฬิกาปลุก ก่อนหมุนตัวเดินตรงไปที่ตู้เสื้อผ้า พลางหยิบผ้าขนหนูมายื่นส่งให้
   “ขอบคุณมาก” วริษฐ์เดินโงนเงนไปอาบน้ำ เขาทั้งเหนื่อยทั้งล้า เมื่อคืนเลยเถิดไปด้วยอารมณ์ที่พุ่งพล่าน กวินปลุกเขาทั้งคืน ได้มาจบเอาเลยวันใหม่ไปหลายชั่วโมง...

   กวินพยายามหาเสื้อผ้าที่อีกฝ่ายจะใส่ได้ กางเกงคงต้องใส่ซ้ำแต่เสื้อเนี้ย เขาเตรียมเสื้อผ้าให้อีกฝ่าย หยิบจับกางเกงและชั้นในมาวางไว้ให้ ส่วนเสื้อเชิ้ตตัวเมื่อวานถูกเขาโยนลงตะกร้า ซักแล้วค่อยเอาไปคืน
   สายน้ำเย็นจากฝักบัวปะทะร่างวริษฐ์ เขากลั้นใจขยับไปยืนใต้ฝักบัว น้ำเย็นจนรู้สึกขนลุก แต่ก็ทำให้ตาสว่าง เมื่อคืนทำลงไปแล้ว กับผู้ชายเป็นครั้งแรกในชีวิต ทำแบบสติไม่เต็มร้อย มีแต่สัญชาตญาณที่ตอบสนองต่ออีกฝ่ายเท่านั้น
   “เผลอตัว ให้อารมณ์นำอีกแล้ว” เขาบ่นพึมพำเสียงเบา
   วริษฐ์อาบน้ำเสร็จ เขาปิดน้ำพลางยกมือขึ้นเสยผมที่ลงมาปรกหน้า หยดน้ำเกาะพราวไปทั่วทั้งตัว เขายืนมองตัวเองในกระจก รู้สึกเจ็บไม่น้อยที่หัวไหล่ พอมองเงาสะท้อนก็พบรอยเล็บและรอยฟันหลายจุด เด็กแสบทั้งกัดทั้งจิกเขา แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเมื่อวานคือสุด ๆ ตั้งแต่เคยทำมาเลย เขาพันผ้าขนหนูไว้ที่เอวหลวม ๆ ก่อนจะเดินออกไป
   กวินมองคนที่ออกมาจากห้องน้ำด้วยใจเต้นตึกตัก หยดน้ำบนกล้ามเนื้อมัดสวย เส้นผมลู่แนบใบหน้าหล่อเหลา ร่องรอยสงครามอารมณ์ระหว่างพวกเขายังปรากฏชัด ‘เซ็กซี่เป็นบ้า’
   “อ่ะ เสื้อผ้าอยู่ทางนั้นนะครับ” ร่างบางชี้ไปที่เสื้อผ้าที่เตรียมไว้ให้ พลางเดินสวนเข้าห้องน้ำไป ร่างบางปวดหนึบที่ส่วนล่างไม่น้อย เมื่อคืนรุนแรงแต่ก็สุขสม เขาคิดว่าการปรนนิบัติจากเขา พี่อาร์ตต้องติดใจจนลืมไม่ลงแน่ ๆ
   ร่างสูงจัดแจงแต่งตัวเรียบร้อย เขานั่งเช็ดผมอยู่บนที่นอน ในใจก็แอบงุนงงสับสน ว่าเขาจะวางตัวยังไงกับเด็กคนนี้ดี ทุกทีเขาจะรุก หว่านเสน่ห์ให้ได้มา แต่รอบนี้ เจ้าตัวดันมาล่อหลอกเขาแทน เมื่อคืนก็พูดเน้นหนักว่าจะทำให้เผมรักเขาให้ได้ ซึ่ง...มันเป็นไปได้ยากยิ่ง หัวใจของเขามันไม่เคยเปิดให้ใครแทรกตัวเข้ามา ไม่เคย...
   ร่างบางเดินออกมาจากห้องน้ำในสภาพเดียวกันกลับวริษฐ์ ผิวเนียนเปลือยเปล่า กับหยดน้ำ ยิ่งทำให้เจ้าตัวดูสดชื่นเปล่งปลั่ง
   “พี่ครับ หิวหรือยัง” กวินเอ่ยทัก พาเอาวริษฐ์ลอบกลืนน้ำลาย สภาพของคนตรงหน้ากับคำถาม แอบทำเอาเขาแทบหิวอย่างอื่น แต่ไม่ละสะโพกเขาปวดหนึบจนขยับแทบจะไม่ไหว
   “หิวครับ กวินรีบ ๆ แต่งตัวสิครับ” วริษฐ์พยายามที่จะละสายตา จากร่างนั้น ยั่วยวนเก่ง เดี๋ยวไม่ได้ไปทำงานกันพอดี “เอ่อ เมื่อคืนพี่ขอโทษนะ ก็ไม่คิดว่าเราจะมาถึงจุดนี้กันตั้งแต่วันแรก” เขาอึกอัก รู้สึกกระอักกระอ่วนในใจ เรื่องเมื่อคืนมันเกิดขึ้นเร็วมาก จนตั้งตัวไม่ทัน
   “ฮะครับ สำหรับพี่มันเป็นวันแรก แต่สำหรับผม มันเป็นการรอที่ยาวนานครับ”
   “แต่เราอยากให้พี่รัก แต่เมื่อคืนพี่มีแต่ความใคร่ให้” แถมเป็นความใคร่ที่เขาสะบักสะบอม แต่เจ้าตัวกับคึกไม่ยอมหยุดจนเขาต้องขอร้องอ้อนวอน เพื่อให้ได้นอน
   กวินยิ้มกว้างจนตาแทบปิด “ผมบอกแล้วว่าผมรับผิดชอบเอง” อีกฝ่ายหันมายิ้มให้ รอยยิ้มสดใสเจิดจ้า ยิ้มจนตาปิดเป็นสระอิ น่ารัก...
   วริษฐ์ยกมือขึ้นลูบหัวอีกฝ่ายด้วยความเอ็นดู แม้ในดวงตาของเขาที่มองคนตรงหน้า จะมีประกายวูบไหวประหลาดฉายอยู่
   “พูดตรง ๆ นะ ถ้าเราต้องการความรัก พี่คิดว่าคงไม่มีให้”
   “ทำไมล่ะครับ พี่รักใครไปแล้วหรอ” ร่างบางถามกลับ ดวงตาหม่นแสง แม้รอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้าจะยังไม่จางหาย
   วริษฐ์หรี่ตามองสำรวจดูคนตรงหน้าที่แสดงความรู้สึกดูขัดกันแปลก ๆ ...กวินที่ยังยิ้ม แม้ดวงตาจะไม่สดใส
   “เปล่า... พี่แค่” เหมือนคนไม่มีหัวใจ ความระแวดระวังในใจของเขา มันทำงานทันทีที่ใครก็ตามพยายามจะรุกล้ำเข้ามาในพื้นที่หวงห้าม โดยเฉพาะหัวใจของเขา
   “ผมจะพยายาม” ร่างบางมองใบหน้าวิตกกังวลของคนตรงหน้า ไม่รู้ว่าจะกังวลไปทำไม ในเมื่อความเสี่ยงทั้งหมดที่มี เขาจะขอรับไว้เอง มันเป็นความเสี่ยงที่เขาสามารถรับได้  “วันเดียวที่เรารู้จักกันอย่างเป็นทางการ มันตอบทุกอย่างไม่ได้หรอกครับ พี่อาจจะต้องการผมมากจนไม่อยากปล่อยไปเลยก็ได้”
   วริษฐ์หมั่นเขี้ยวร่างบางที่พูดอวยตัวเองหน้าตาเฉย ฝ่ายมือที่ลูบอย่างเอ็นดูเปลี่ยนมาเป็นแกล้งขยี้หัว จนผมของอีกฝ่ายเสียทรง
   “อย่าแกล้งสิครับ ผมเสียทรงหมดแล้ว”
   “น่าหมั่นไส้”
   ร่างสูงบ่นอุบแต่ก็ยอมแต่โดยดี เขาดึงมือกลับ ปล่อยให้คนน่ารักลูบเซตผมให้เข้าที่เข้าทาง ละสายตาจากร่างบางที่แต่งตัวอยู่ตรงหน้าเขา เหมือนจะใจกล้าไม่อาย แต่ดวงหน้าหวานก็แอบร้อนวูบวาบขึ้นสีเรื่อ
    ร่างบางหยิบเอาน้ำหอมขึ้นมาฉีดตัวเอง ก่อนจะหันไปฉีดวริษฐ์ด้วย
   “มาฉีดพี่ทำไมครับ”
   “จะได้หอม ๆ “ร่างบางพูดพลางแลบลิ้นทะเล้น...เขาฉีดเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ แค่นี้พวกเขาก็มีกลิ่นเดียวกันแล้ว
   
   ทั้งคู่แวะหาอะไรกิน เป็นร้านโจ้กที่อยู่ใกล้ ๆ ที่พัก ร้านริมทางที่มีกลิ่นของยามเช้าวันใหม่ โจ้กร้อน ๆ และปาท่องโก๋
   “พี่อาร์ตเอาอะไรครับ”
   “เอาเหมือนกวินเลย พี่กินได้หมด”
   “โจ้กทุกอย่าง 2 ครับ” กวินสั่งอาหาร เขาเองก็กินง่าย ๆ ได้หมดทุกอย่าง แต่ที่ชอบมาก ๆ คือปาท่องโก๋ “แล้วพี่เอาปาท่องโก๋มั้ย”
   ร่างสูงไม่ตอบทำแค่พยักหน้า ก่อนจะเดินไปนั่งรอที่โต๊ะ มองร่างบางที่เดินไปซื้อหมูปิ้งร้านข้าง ๆ
   “เอาน้ำอะไร” คุณลุงคนนึงเดินมาที่โต๊ะ
   “กาแฟร้อนครับ” เขาสั่งน้ำของตัวเองเรียบร้อย พลางมองร่างบางที่ยิ้มสดใสพูดคุยกับแม่ค้า แล้วอีกคนกินอะไรดี เป็นเด็กเป็นเล็ก... “แล้วก็โอวัลตินเย็นหนึ่ง” ร่างสูงสั่งน้ำให้อีกคนเสร็จสรรพ อิมเมจของคนน่ารักที่วิ่งซื้อของกินตรงนั้นน่าจะเหมาะกับโอวัลตินเย็น
    ไม่นานโจ้กก็มาเสิร์ฟพร้อมกับกวินที่เดินยิ้มแฉ่งกลับมาพร้อมถุงหมูปิ้งในมือ
   “ร้านนี้อร่อยมาก ผมไม่ค่อยได้กินเพราะชอบมีคนตัดหน้าสั่งเยอะ พอถึงคิวทีไรต้องรอปิ้งใหม่ทุกที ขี้เกียจรอ วันนี้ได้กินเพราะแม่ค้าอยากให้พี่ได้ลองแน่ ๆ”
   “โชคดีได้กินเพราะพี่สินะ”
   กวินยื่นส่งถุงหมูปิ้งให้อีกคนพลางทรุดตัวลงนั่งฝั่งตรงข้าม มือบางฉีกปาท่องโก๋เป็นคำ ๆ ใส่ลงในถ้วยของวริษฐ์ ร่างสูงมองท่าทางนั้นด้วยความเอ็นดู
   “กวินก็กินด้วยสิ”
   “ฉีกให้พี่ก่อนไง ผมจะได้มือเปื้อนคนเดียว”
   “พี่ว่ามันล้นถ้วยแล้ว” เขาพูดยิ้ม ๆ เมื่อมือบางยังฉีกไม่หยุด
   “จะดูแลดี ๆ ให้สาสมกับที่เมื่อคืนผมใช้งานพี่หนัก” เขาพูดเขิน ๆ ขณะลอบมองใต้ตาดำคล้ำของอีกฝ่าย
   “รู้ก็ดีแล้ว เราน่ะไม่เบามือกับคนแก่เลยนะ”
   “แก่อะไร พี่อาร์ตยังหนุ่มยังแน่น”
   “หึ”
   “กาแฟร้อน โอวัลตินเย็น” คุณลุงขานชื่อเมนู พลางวางน้ำลงตรงกลางโต๊ะ
   “ผมไม่ได้สั่-“ กวินกำลังจะหันไปบอก เพราะเขาเองถ้าสั่งน้ำก็คงสั่งกาแฟร้อนเหมือนกัน
   “พี่สั่งให้เอง”
   “รู้ได้ไงว่าผมจะดื่มอะไร”
   “พี่เลือกให้”
   “ผมดื่มกาแฟร้อน”
   “เป็นเด็กเป็นเล็กเอาโอวัลตินเย็นไปอ่ะดีแล้ว”
   กวินทำแก้มป่อง แต่ก็รับน้ำไปดื่มแต่โดยดี โอวัลตินเย็นหวาน ๆ ไหลลงคอ หวานสดชื่น โอเค ต่อจากนี้จะให้โอวัลตินเย็นกลายเป็นเครื่องดื่มโปรดแทนกาแฟร้อน
   วริษฐ์กับกวินหยุดต่อปากต่อคำต่างก้มหน้าก้มตาจัดการอาหารและเครื่องดื่มตรงหน้า ขืนยังเล่นกันอยู่แบบนี้ เดี๋ยวจะไปทำงานสายกันทั้งคู่

   ไม่กี่นาทีจากร้านโจ้ก พวกเขาก็มาถึงที่ตึกทำงาน  ทั้งคู่เดินเอื่อย ๆ เพราะเวลายังเหลือ คิดว่าด้วยความเร็วระดับนี้ไปถึงที่สแกนนิ้วคงก่อนเวลาประมาณ 5-6 นาที สบาย ๆ
   “เย็นนี้พี่อาร์ตว่างมั้ย” ร่างบางถามชวนอีกครั้ง ไม่ได้คิดลามกจะชวนไปทำอะไรกัน เพียงแค่จะชวนอีกฝ่ายกินข้าวเย็น แล้วถ้ามันจะเกินเลย ก็ให้เป็นกำไร
   วริษฐ์หรี่ตามองร่างบางที่คิดจะล่อลวงเขาไปทำอะไรอีก เขาเพลียจนไม่มีเรี่ยวแรงจะทำอะไร แต่เหมือนวันนี้เขาจะมีนักอะไรสักอย่างอยู่ เขานิ่งคิดไปพักนึง อืม...อ๋อ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าวันนี้เขามีนัดกับสาวแผนกการตลาด เกือบลืมไปเลยแฮะ
   “มีครับวันนี้พี่มีนัด”
   กวินพยักหน้าเข้าใจ แล้วก็ไม่ได้เซ้าซี้ถามต่อ จะมาอยู่อะไรกันตลอดเวลาล่ะเนอะ
   พวกเขาเดินเข้าลิฟต์ ขณะลิฟต์กำลังจะปิด ก็มีคนพุ่งเข้ามา
   วริษฐ์สะดุ้งนิด ๆ เมื่อมีคนพุ่งเข้ามาตรงหน้าเขาพอดี... คนนั้นคือตฤน เขาร้องทักอีกฝ่ายที่ดูจะรีบมากเป็นพิเศษ
   “ยังทัน”
   เสียงทักทำให้ตฤนเงยหน้ามองคนในลิฟต์ พี่วริษฐ์...แล้วก็กวิน ทั้งคู่ยืนอยู่ด้วยกันในลิฟต์ พอเห็นแบบนั้นตฤนก็ส่งยิ้มแห้ง ๆ พลางก้มหัวทักทายทั้งคู่
   “สวัสดีครับ” กวินพูดทักพลางยิ้มกว้าง
   “สวัสดีครับ” ตฤนทักตอบ
   “สายเหมือนกันเลยนะครับ” กวินพูดพลางยิ้มเขิน เขานี่แหละ แย่มาก เพิ่งเริ่มงานก็สายซะแล้ว
   “ครับ” ตฤนเหลือบตามองทั้งคู่ ขึ้นลิฟต์มาพร้อมกันก็คงไม่แปลกนักล่ะมั้ง ตฤนหันหลังให้ทั้งคู่และไม่พูดอะไรอีก
   กวินรู้สึกแปลก ๆ กับท่าทีของทั้งสองคน ทั้งที่อยู่แผนกเดียวกันแท้ ๆ แต่ดูห่างเหินอย่างประหลาด วริษฐ์ก็ดูเป็นคนอัธยาศัยดี ไม่น่าจะมีท่าทีกันแบบนี้ ...แฟนเก่า? คนเคย ๆ ? กวินมองด้วยความรู้สึกแอบตงิด ๆ อยู่ในใจ เพราะเมื่อวานอีกฝ่ายก็มาเตือนเขา ระวังจะถูกง้าบ หรือเพราะตัวเองก็เคยโดนไปแล้ว งั้นหรอ? ไม่ชอบใจเอาซะเลยแฮะ
   บรรยากาศอึดอัดเล็ก ๆ เกิดขึ้นในลิฟต์ ขณะที่ลิฟต์เคลื่อนตัว ค่อย ๆ เปิดทีละชั้น ๆ มีคนอัดเข้ามามากจนตฤนถอยไปชิดกับทั้งสองคน เขาได้กลิ่นน้ำหอมจาง ๆ จากทั้งคู่ กลิ่นเดียวกัน ... หรือว่าทั้งคู่เมื่อคืน... รวดเร็วไวไฟกันจริง ๆ 
   “ขอโทษนะครับ”ตฤนเอ่ยปากขอทางเมื่อลิฟต์มาถึงชั้นที่ต้องการออกพอดี
   สองคนด้านหลังจึงเดินตามออกมาด้วย ตฤนเดินนำไม่ได้หันไปสนใจอะไรอีก เขาไม่ได้อยากจะตั้งแง่ ไม่ได้อยากรู้สึกอึกอัก อึดอัดแบบนี้แลย แต่ก็ไม่รู้จะจัดการกับมันยังไงดี ความรู้สึกกระอักการะอ่วนนี่
   เขาเลยเลือกที่จะไม่หันไปคุยต่อ เขาไม่รู้ว่าทั้งคู่เดินเลี้ยวไปตอนไหนด้วยซ้ำ แต่เขาก็คิดว่าไม่ควรเข้าไปยุ่งกับเรื่องของสองคนนั้น ถ้ายินยอมตกลงปลงใจกันได้ ก็ดีแล้ว

   วริษฐ์ทั้งเพลียทั้งง่วง ช่วงบ่ายเขาซัดกาแฟดำเข้าไปอีกแก้ว ไม่งั้นเอาไม่อยู่ ใจจริงอยากจะลางานกลับบ้านไปนอนใจจะขาด สะโพกก็ปวด นั่งนาน ๆ ก็รู้สึกร้าวไปหมด เขาตัดสินใจอู้งาน เดินออกไปสูบบุหรี่ ร่างสูงยืนสูบบุหรี่แบบคนไร้วิญญาณ พลางนึกว่ายังเหลืออะไรด่วนที่ต้องทำมั้ย เขาก็นึกออกว่ายังไม่ได้บอกยกเลิกนัดกับสาวแผนกการตลาด
   ร่างสูงหยิบมือถือขึ้นมาพิมพ์แชทไปหาสาวรุ่นเดียวกัน
   “ชะเอมครับ วันนี้นัดเรา ขอยกเลิกก่อนนะครับ”
   เขาถือมือถือค้างรออีกฝ่ายตอบ
   เขายกเลิกนัดเพราะไม่มีอารมณ์จะทำอะไร เมื่อวานเต็มอิ่มจนเกินพอ เขายังไม่อยากทำอะไรกับใคร และด้วยสะโพกกับเอวที่ร้าวระบม สภาพอดหลับอดนอน สิ่งที่เขาต้องการตอนนี้มีแค่นอนแผ่บนที่นอนกว้างที่ห้องของตัวเองเท่านั้น ไม่ต้องการปฏิสัมพันธ์กับใคร
   ติ้ง ติ้ง
   ‘พี่วริษฐ์อ่า ชะเอมรอวันนี้ตั้งนาน
   ทำไมยกเลิกล่ะคะ’
   เขาอ่านแชทที่เหมือนจะได้ยินเสียงแหลมสูงงอแงของอีกฝ่ายดังลอดออกมา แต่เขาไม่ใจอ่อน
   ‘ขอโทษจริง ๆ ผมมีธุระด่วน’ ด่วนมาก...กับเตียงนอน หมอน ผ้าห่ม และหมอนข้าง
   มือหนา ดับบุหรี่ โดยการขยี้กดลงไปบนกำแพงปูน เขาหยิบก้นกรองมาทิ้งที่ถังขยะ ยืนบิดขี้เกียจอย่างเกียจคร้าน อู้มานานเกือบ 20 นาที ก่อนตกลงกับตัวเอง ว่าจะรีบเคลียทุกอย่างให้เสร็จ เขากลับลงไปที่ด้านล่าง อดทนอีกแค่ 2 ชั่วโมงเขาก็จะได้กลับบ้านนอน
   บนโต๊ะมีขวดวิตามินซีพร้อมดื่มวางอยู่ พร้อมโน้ตเล็ก ๆ เขียนว่า
   ‘เพื่อความสดชื่น สำหรับช่วงบ่าย
             กวิน’
   ร่างสูงขยับยิ้มให้ความใส่ใจนั้น คงแอบแว่บมาวางตอนที่เขาขึ้นไปสูบบุหรี่ กวินเอ้ย ทำตัวเป็นเด็กน้อยวัย 14 ไปได้ แอบเอาของมาวางไว้ที่โต๊ะคนอื่นแบบนี้  เขาคิดพลางเอาโพสอิทเก็บใส่ลิ้นชัก
   วิตามินซีพร้อมดื่มนี่ดีมากจริง ๆ เขาสดชื่นพร้อมสู้กับเวลาที่เหลือแล้ว วริษฐ์พิมพ์ตอบอีเมลผู้สมัครงานมือเป็นระวิง ก่อนเสียงโทรศัพท์ตั้งโต๊ะจะดังขึ้น
   ‘Gawin’
   “ว่าไงครับ”
   ‘สดชื่นหรือยังครับ’
   “สดชื่นมากเลย ขอบคุณนะ”
   ‘พี่อาร์ต ผมยังไม่มีเบอร์พี่เลย ขอหน่อยสิครับ’
   เมื่อคืนพวกเราข้ามขั้นไปมาก ทั้งที่เมื่อคืนพวกเขารู้จักกันลึกซึ้ง ใกล้ชิดแนบแน่น แต่กับเรื่องพื้นฐาน กลับยังไม่รู้เลย เบอร์ก็ไม่มี ไลน์ก็ไม่มี
   วริษฐ์บอกเบอร์มือถือของตัวเอง กวินก็วางสายไป พร้อมบอกว่าไม่กวนแล้วครับ ก่อนที่ไลน์จะเด้งมา เพราะเบอร์มือถือของเขาแค่กดเซฟมันก็เด้งในโปรแกรมไลน์ทันที
   ‘อดทนนะครับพี่อาร์ตเดี๋ยวก็เลิกงานแล้ว
   สติ๊กเกอร์แมวถือพู่เชียร์’
   วริษฐ์ส่ายหน้าให้กับคนในมือถือ เขาส่งสติ๊กเกอร์กลับไปแค่ตัวเดียว เป็นรูปหมาที่ทำหน้าง่วง อยากจะหลับเต็มที่ เหมือนเขาตอนนี้
.
.
.
.

[น้องกวินของพี่ เอาจริงเอาจัง พี่ไม่รอดแน่

น้องเรามันร้ายมากนะ ต้องยอมรับบบ 555

ขอบคุณผู้อ่าน และคอมเม้นที่มีอารมณ์(อ๊ะ แอร๊ย อรั้ย !?)ไปด้วยกันนะคะ

พูดคุยกันได้ในแท็ก #เพราะเราเคยพบกัน น้องกวินเราจะร้อนแรงขึ้นอีกกก

เป็นไฟเยอร์ พี่วริษฐ์ต้องเข้าไป เข้าไปเล่นกับไฟเยอร์ คิคิ]
 :-[
(https://uppic.cc/d/5qb3) (https://uppic.cc/v/5qb3)
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 10 พี่ปวดเอว 26/11/62
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 26-11-2019 23:20:24
 :pig4:
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 10 พี่ปวดเอว 26/11/62
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 27-11-2019 00:05:18
น้องกวินคะอดอยากปากแห้งมาจากไหนคะ เห็นใจคนสูงวัยบ้างนะคะ.  :hao3:
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 10 พี่ปวดเอว 26/11/62
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 27-11-2019 01:22:28
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 10 พี่ปวดเอว 26/11/62
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 30-11-2019 03:20:18
โอ๊ยย ตอนแรกสงสารกวิน ตอนนี้ไม่ละ สงสารพี่อาร์ตแทน อิอิอิ น้ำหมดตัวแระมั่งพี่อาร์ต
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 11 เจ้าแมวน้อยตัวขาวเนียน 30/11/62
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 30-11-2019 22:36:00
บทที่ 11 เจ้าแมวน้อยตัวขาวเนียน (NC)

+++ มีของเล่น ./////. โปรดระวังเลือดกำเดา+++

(https://uppic.cc/d/5XPd) (https://uppic.cc/v/5XPd)

   ผมไม่รู้จะทำยังไงดี ทั้ง ๆ ที่ได้เจอกันแล้วแต่หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรคืบหน้า พี่อาร์ตไม่ว่างเลย ชวนวันไหนก็ไม่ว่าง จนวันนี้วันพฤหัสบดีแล้ว เขาถามตั้งแต่เมื่อวานว่าอีกฝ่ายว่างมั้ย เขาก็ตอบว่าไม่ว่างเหมือนเคย อย่างกับพยายามหลบหน้ากันอะไรแบบนั้น เขาก็ทำได้แค่เตรียมข้าวเช้าไปวางไว้ให้ ช่วงกลางวันต่างฝ่ายก็ต่างแยกย้ายไปกินกับคนในแผนกตัวเอง เขาแทบไม่ได้เจออีกคนเลย คิดแล้วก็ไม่สบายใจ

   วันศุกร์เขาก็มาแต่เช้า เพื่อวางกล่องข้าวให้อีกฝ่าย รอบนี้เขาทำเองใส่กล่องเบนโตะน่ารัก แต่กลับเจอคนที่มาเช้ายิ่งกว่าเขา

   ตฤน...

   ผมผลักประตูเข้าไปพลางส่งเสียงทักอีกฝ่ายที่กำลังให้ความสนใจกับอะไรสักอย่างจนไม่ทันรู้ตัวว่าเขาเข้ามา   “สวัสดีครับ”
ตฤนเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจต่อเสียงทัก เขารีบทักทายตอบ พลางมองอีกฝ่ายงง ๆ กวินเดินมายืนอยู่ตรงข้ามเขา ตรงที่นั่งของวริษฐ์ น่าแปลกที่เห็นอีกฝ่ายมาทักทายเขาแต่เช้า
   “สวัสดีครับ”
   “โอวัลตินหอมดีจัง”
   “ครับ กวินกินอะไรมาหรือยัง เอาปาท่องโก๋มั้ย”
   “ไม่เป็นไรขอบคุณครับ”
   มือบางแตะกล่องข้าวใบเล็ก ๆ กวินมาแต่เช้าเพื่อวางข้าวกล่อง กล่องเล็กไว้บนโต๊ะให้วริษฐ์
   “เอ่อ ตฤนครับ คือ...” ผมเรียกชื่อเขาเสียงเบา เบามีบางอย่างที่อยากจะถาม  ต้องก็ลังเลว่าควรหรือเปล่า
   “หืม? ครับ?”
   “ตฤนเป็นอะไรกับพี่กวินหรอครับ” กวินถามตฤนออกไปตรง ๆ  ด้วยน้ำเสียงเบาหวิว เขาคิดว่าไม่ควรถาม แต่ก็อยากจะรู้
   “หือ?”
   “เป็นอะไรกับ...”
   “เพื่อนร่วมงานครับ” ตฤนชิงตอบขึ้นมาก่อนที่อีกฝ่ายจะถามซ้ำอีกครั้งจนจบประโยค
   “แต่... เอ่อ ครับ” ผมตอบรับพร้อมรอยยิ้ม พยักหน้าเข้าใจก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากห้องไป
   ทิ้งให้คนถูกถามได้แต่ขมวดคิ้วมุ่น มองตามร่างบางที่ผลุนผลันเดินออกจากห้องไปสงสัยกวินจะหลงรักวริษฐ์เข้าแล้วจริง ๆ ล่ะมั้ง

   กวินเดินกลับโต๊ะด้วยความรู้สึกที่ไม่ปลอดโปร่งนัก เขาถามตฤนออกไปแบบนั้นมันเหมาะหรือเปล่านะ แต่พออีกฝ่ายทำสีหน้าลำบากใจ พร้อมตอบว่าเป็นเพื่อนร่วมงาน เขาก็ยังไม่ค่อยสบายใจ มันดูไม่ปกตินี่หว่า มันแบบ เฮ้ออออ
เขาจะเคยเป็นอะไรยังไงแบบไหน...
แล้วมันจะเป็นอะไรเล่า ยังไงอีกฝ่ายก็ไม่ได้รักใครอยู่ ไม่ได้มีความคิดจะรักใครด้วยซ้ำ แม้กระทั่งเขา...
...แต่เขาจะพยายาม

   วริษฐ์มาถึงที่ทำงาน ทุกครั้งที่มานั่งที่โต๊ะ เขาก็มักจะมีรอยยิ้มเล็ก ๆ ทุกที อีกฝ่ายเตรียมข้าวเช้าไว้ให้เขาทุกวัน วางกล่องเล็ก ๆ ไว้บนโต๊ะ พร้อมโน้ตแผ่นน้อย แม้จะไม่ค่อยได้เจอกันอีกเลย เพราะเขามีนัดทั้งอาทิตย์นัดล่วงหน้าไว้ตั้งแต่เมื่อสัปดาห์ก่อน จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ นัดกับเพื่อนบ้าง กับสาวบ้าง เขาไม่ได้ไปสานต่อกับกวินหลังเลิกงานอีกเลย
   ร่างสูงคิดพลางดึงกระดาษโพสอิทใบเล็กออกจากกล่อง
   ‘ทานให้อร่อย ♥ ’
   เขาเก็บโน้ตทุกใบไว้ในลิ้นชัก กวินพยายามดูแลเขา ใส่ใจ จริงจัง เหมือนกำลังพยายามทำให้เขารักจริง ๆ อย่างที่เจ้าตัวได้เอ่ยปากพูดเอาไว้ ส่วนเขาทั้งสัปดาห์มันค่อนข้างจะยุ่ง ผมไม่มีเวลาให้อีกฝ่ายเข้ามาทำคะแนนมากนัก วันคืนผ่านไปโดยที่เขาไม่ได้แตะต้องกับใครอีก นัดกับสาวก็แค่กินข้าวแล้วก็กลับ เขารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังกลายเป็นงู ที่กินอาหารแค่อาทิตย์ละครั้ง ...ทำเรื่องอย่างว่า อาทิตย์ละวัน แต่กักตุนเหมือนให้อิ่มไปทั้งสัปดาห์

   ช่วงบ่ายเวลาเดิม ๆ เขาจะออกไปสูบบุหรี่ ผ่อนคลายความเครียด ยืดเส้นยืดสายจากการนั่งพิมพ์งานอยู่กับที่
   “พรุ่งนี้วันหยุดพี่อาร์ตว่างมั้ยครับ” วริษฐ์สะดุ้งโหยง เมื่อใครบางคนมาพูดอยู่ที่ด้านหลังเขา แต่เขาจำเสียงได้ดี แถมมีคนเดียวที่เรียกเขาด้วยชื่อนี้ จึงทักตอบโดยไม่ได้หันกลับไปดู
   “กวินก็สูบบุหรี่หรอ”
   “เปล่าครับ”
   “มาเดินยืดเส้นยืดสายหรอ”
   “เปล่า มาหาพี่ต่างหาก” ร่างบางเดินมาหยุดอยู่ข้าง ๆ ร่างสูง เขาหันไปมองอีกฝ่ายที่คาบบุหรี่อยู่ในปาก
   “หืม?”
   “ก็ที่ผมถามไง พรุ่งนี้พี่ว่างหรือเปล่า”
   “อือ ว่างครับ ทำไมหรอ?”
   “ไปดูหนังเป็นเพื่อนผมหน่อยสิ” อีกฝ่ายเคยบอกว่าชอบดูหนัง จะต้องยอมไปดูกับเขาแน่ ๆ
   “เรื่องอะไร ที่ไหนครับ”
   “เน็ตฟลิกซ์ ที่ห้องผมดีมั้ย”
   ร่างบางพูดขึ้นมา เขาไปที่ไหนก็ได้ ดูหนังมันก็แค่ข้ออ้าง แต่ถ้าไม่เจอกันเลย เขาจะทำคะแนนได้ยังไง แล้วถ้าเขาจะอยากใกล้ชิดอีกฝ่ายก็คงต้องเป็นดูหนังที่ห้องนี่แหละ
   “นี่ไม่ได้ลวงพี่ไปทำมิดีมิร้ายใช่มั้ย”
   “เรียกว่าเชิญชวนจะดีกว่า”
   กวินพูดตอบพลางยิ้มกว้าง มือบางยื่นส่งคีย์การ์ดให้วริษฐ์
   “นี่?”
   “คีย์การ์ดสำรองห้องผม พี่เก็บไว้นะ”
   เด็กแสบเริ่มรุกเขาอีกครั้ง รอบนี้ถึงกับให้คีย์การ์ดสำรองเขามาเลยแฮะ คนข้าง ๆ นี่นะ อาจจะลืมไปว่าเรารู้จักกันมายังไม่ครบอาทิตย์เลยด้วยซ้ำ
   “พรุ่งนี้พี่ซื้อข้าวกลางวันเข้ามาด้วยนะ ผมจะรอกินกับพี่”
   มัดมือชกเขาชัด ๆ ทั้งเวลาและสถานที่ ร่างบางทำท่าจะเดินหนี แต่แล้วก็หันกลับมาถามเขา
   “เอ้อ พี่อาร์ต ชอบหมาหรือว่าแมว”
   วริษฐ์หันมองอีกฝ่ายที่อยู่ ๆ ก็ถามคำถามแปลก ๆ อีกแล้ว
   “ชอบแมว”
   “อ่าฮะ”
   ร่างบางขยับมาจุ๊บเบา ๆ ที่ต้นแขนของเขาก็จะหมุนตัวจากไป ให้เขาได้แต่มองตาม บทจะมาก็มา บทจะไปก็ไป นี่แหละคือคนที่มีลักษณะเหมือนแมว

   
   คืนวันศุกร์ที่วริษฐ์ไปสังสรรค์กับเพื่อน กวินก็กำลังเตรียมการบางอย่างสำหรับวันพรุ่งนี้ เขาได้สิ่งที่ต้องการมาพร้อมครบถ้วน เขาหวังว่าพรุ่งนี้ตอนที่พี่อาร์ตเห็นมัน เขาจะต้องชอบ
   

   ติ้ง
   ‘กวิน พี่จะถึงตึกแล้วนะ’
   เสียงแชทเด้งเตือน วริษฐ์พิมพ์บอกอีกฝ่ายเอาไว้ ว่าเขากำลังจะไปถึงตึกของกวิน คนแก่กว่าที่ถูกเด็กล่อลวงให้มาหาด้วยความเต็มใจ
   “ครับ ถึงแล้วก็ขึ้นมาเองได้เลย”
   มือบางพิมพ์ตอบก่อนจะรีบเตรียมตัวให้พร้อม
   ร่างบางหยิบหูแมวมาใส่ ก่อนจะนั่งคุกเข่าลงกับพื้นเพื่อรอ แอร์ในห้องหนาวจนขนลุก เมื่อเขาอยู่ในสภาพกึ่งเปลือย ท่อนบนสวมเสื้อเชิ้ตตัวบางสีขาวที่ถูกปลดกระดุมจนหมดโชว์แผ่นอกเนียน และใส่กางเกงขาสั้นตัวจิ๋วที่รัดอะไรต่อมิอะไรให้โป่งนูนออกมาชัดเจน มันช่วยไม่ได้ก็มันมาด้วยกันยกเซต อยากเห็นสีหน้าของพี่อาร์ตใจจะขาด
   
   วริษฐ์เคาะประตูเป็นมารยาทก่อนจะแตะแสกนบัตร เปิดประตูห้องเข้าไปเองอย่างถือวิสาสะ แต่พอเปิดประตู เขาก็ได้แต่ทำตาโต หัวใจเต้นแรง เลือดลมสูบฉีด  เขาหันซ้ายหันขวา ก่อนจะรีบเดินเข้าห้องก่อนใครจะมาเห็น หันหลังปิดประตูเสียงดังปัง เขายืนหันหลังให้กวิน พลางก่นด่าตัวเองให้สงบหัวใจเอาไว้ เขาลอบกลืนน้ำลาย พร้อมสูดลมหายใจฟืดใหญ่ ก่อนหันไปประจันหน้ากับคนตรงหน้า
   กวินในสภาพล่อแหลมนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น ครึ่งบนอย่าเรียกว่าใส่เสื้อเลยเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวบางนั่นไม่ติดกระดุมสักเม็ด มันเปลือยเปล่า ขาวนวลเนียน ยอดอกสีชมพูกำลังชูชัน ในขณะที่ข้างล่างเป็นกางเกงขาสั้นสีดำที่รัดแนบเนื้อจนเห็นไปถึงไหนต่อไหน ใบหูนุ่มนิ่มสีดำฟู่ฟ่องน่าลูบ ฝ่ามือบาง ยกมือขึ้น ขยับไปมาทำเหมือนอุ้งเท้าแมว ภาพที่เห็นทำเอาเขาลมหายใจติดขัด
   “เมี้ยวววว” เสียงหวานร้องครางเบาแบบแมวเหมียว
   “อ่ะอะไรกันครับกวิน”
   “ก็พี่ชอบแมว ผมก็เป็นแมว” แมวน้อยยั่วสวาท...
   “ไม่หนาวหรอไงเดี๋ยวเป็นหวัดหรอก”
   “ก็รอไออุ่นจากพี่ไงครับ”
   วริษฐ์ตาโต เขาจะเสียการควบคุมตัวเองแล้ว เมื่อร่างบางตรงหน้ามันรุกไม่หยุด จัดเต็มทั้งชุดเสื้อผ้า คำพูดคำจา เหมือนไม่มียางอาย แต่ใบหน้าคนตรงนั้นมันฟ้อง แดงแปร๊ดไปถึงใบหูแล้วเนี้ย
   มือบางกำลังเล่นหางเรียวสีดำของตัวเอง จับหางม้วนไปม้วนมา

   “พี่รู้มั้ยว่าหางนี่มันเชื่อมต่อกับตรงไหน”
   ร่างบาง ยื่นชูปลายหางให้คนตรงหน้าดู
   “พี่ไม่รู้ครับ กับกางเกงตัวนี้ละมั้ง”
   “ผมจะให้พี่ดู”
   ร่างบางขยับลุกขึ้นหมุนตัวหันหลังให้เขา พลางก้มลงไปเอามือแตะพื้น ความตึงทำให้กางเกงตัวจิ๋วแหวกออกโชว์ช่องเล็ก ๆ ที่ด้านหลัง หางมัน... เชื่อมต่อกับข้างใน... วริษฐ์ใจเต้นตึกตักกับภาพตรงหน้า ก่อนที่จะรู้สึกว่ามีอะไรไหลออกมาจากจมูก มือหนาตะครุบจับจมูกตัวเอง เขาแบมือก็พบว่ามันคือเลือดกำเดา เชี่ยเลือดกำเดาแตก!
   ร่างบางหันมาดูสีหน้าของคนตรงหน้า พร้อมกับที่หัวเราะออกมาเสียงสดใส เมื่อมันได้ผลกว่าที่คิด อีกฝ่ายถึงกับเลือดกำเดาไหล เขาเดินไปหยิบทิชชู่มาส่งให้
   “พี่ต้องชอบแมวมากแน่ ๆ “ ร่างบางพูดแซว พลางเดินจูงอีกฝ่ายให้ไปนั่งที่โซฟา หยิบน้ำแข็งในตู้เย็นมาห่อใส่ผ้าเช็ดหน้าผืนบาง ส่งให้อีกฝ่ายประคบจมูก
   กวินก็ท่าจะแย่เหมือนเกิน เขารู้สึกเสียวทุกย่างก้าวที่เดิน เพราะเจ้าหางนี่มันอยู่ข้างในของเขา แก่นแข็งสีเงินเสียดสีไปมา ทำเอาสยิว
   ร่างบางหอบเบา ๆ เมื่อเขาปีนไปนั่งคุกเข่าบนโซฟาข้าง ๆ วริษฐ์ เขานั่งลงไปเลยไม่ได้ เพราะหาง
   “ฮื่อ” ร่างบางเผลอครางออกมาเมื่อจะขยับเขาไปดูอาการวริษฐ์
   “อื้อ พี่อาร์ต ดึงหางออกให้หน่อยสิครับ” กวินพูดยั่ว พลางลุกขึ้นหันหลังให้วริษฐ์ มือหนาขยับไปจับเตรียมจะดึงออกให้อย่างว่าง่าย
   “อื้ออ๊า” แต่เสียงหวานทำให้วริษฐ์ ดึงแก่นแข็งสีเงิน ที่ชุ่มชื้นออกมาครึ่งนึง ก่อนจะกดยัดเข้าไปใหม่ ทำให้ร่างบางตัวสั่นสะท้าน ร้องครวญครางไม่เป็นภาษา
   “เมี้ยว อ๊า ซี๊ดดดด”
   “แมวจรเด็กดื้อ”
   แมวจรหมุนตัวมานั่งทับบนตักอีกฝ่าย พลางถูไถคลอเคลียออดอ้อนไปทั่ว พรมจูบ สลับกับลิ้นร้อน เลียแผล่บ ขบงับที่ริมฝีปากของเจ้าของ ก่อนเลื่อนไปงับที่ติ่งหู
   “ไหนว่ามาดูหนังไง”
   “พี่อาร์ตอยากดูเรื่องอะไรล่ะ”
   พอโดนย้อนถามเขาก็นึกไม่ออก ตอนนี้ในสมองเขาเหมือนมันไม่ทำงาน มันชะงักตั้งแต่เปิดประตูเข้ามาแล้ว เจอแมวที่มีหางกับหูสีดำ แต่ลำตัวขาวเนียนสะอาดสะอ้าน กับจุกเล็ก ๆ สีชมพูนั่น ทำเอาเขาทำอะไรไม่ถูก   
   มือบางซุกซนขยับมายุ่งกับเป้ากางเกงของวริษฐ์ ลากนิ้วผ่านลากลงลากขึ้นอยู่แบบนั้น
   “กวิน...” ร่างสูงร้องเรียกอีกฝ่ายเบา ๆ ลองมันเป็นแบบนี้แล้วหนังเดี๋ยวค่อยดูแล้วกัน
   ร่างสูงจับแมวน้อยให้นอนคว่ำอยู่บนตักของเขาก้นโก่งขึ้นใบหน้าเนียนซุกอยู่ที่หมอนอิง วริษฐ์อยากเห็นหางให้ชัด ๆ เขาใช้มือหมุนหางเล่นไปมา มือบางถึงกับกำหมอนอิงแน่น ก่อนที่เขาจะแกล้งขยับมันเข้าออก ทำให้ร่างบางสั่นสะท้าน พร้อมเสียงครางอู้อี้ เพราะอีกฝ่ายกำลังกัดหมอนอยู่
บ้อก
   เสียงตอนดึงหางออก
สวบ
   เสียงตอนใส่กลับเข้าไป
อื้อ
   และเสียงครางที่เกิดจากการกระทำนั้น
   เขาดึงลูกแมวตัวหน่อยที่สติเตลิดให้นั่งลงบนตัก มือหนาโอบกอดรอบเอวบางเอาไว้
   “อยากได้หางของพี่มั้ย”
   ใบหน้าเนียนขึ้นสีจัด บรรยากาศของทั้งคู่มันหวาบหวามเกินไป
   “บอกพี่ก่อนว่าแมวน้อยปลอดภัยมั้ย ถ้าพี่จะไม่ใส่ถุงยาง”
   “ปลอดภัยครับ ผมตรวจเลือดเป็นประจำ แล้วก็ไม่ได้ทำกับใครมานานแล้วด้วย”
   “งั้นพี่จะฉีดยาให้แมวน้อย”
   ร่างบางหันมาจุ๊บเบา ๆ ที่ข้างแก้มของเขา ก่อนจะลุกไปหยิบขวดเจลที่ลิ้นชักหัวเตียง เขากลับมาพร้อมจู่โจมหางของวริษฐ์แล้ว กางเกงของร่างสูงถูกถอดออกให้พ้นทางเจลเย็นถูกชโลมลงไปจนทั่ว โดยมีมือบางช่วยถูไถ
   “ขึ้นมาสิเจ้าแมว”
   เขาจับแก่นกายตั้งชัน รอให้อีกคนกดสะโพกลงมา กวินเอาหางของวริษฐ์ใส่เข้าไปผ่านรูของกางเกงตัวจิ๋ว กางเกงแน่นจนแทบจะแตก
   มือบางกางเล็บจิกไปที่แผ่นหลังกว้างด้วยความเสียวซ่าน หางอันนี้ทั้งใหญ่ทั้งอุ่น ร่างสูงขยับเด้งเอวขึ้นลง ทำเอาร่างบางผวากอดแน่น ฟันเล็กงับลงไปที่ลาดไหล่หนา ก่อนเด้งสะโพกสู้
   “อ๊า พี่อาร์ต ลึกจังเลย” ร่างบางพูดอู้อี้อยู่ข้างลำคอ มือหนาจับบั้นท้ายกลึงให้ขยับควงแก่นกลางด้านใน เขาชอบก้นกวิน ที่มันแน่นหนับพอดีมือ
   “เจ้าแมวจะทำพี่แตกแล้ว” เสียงนุ่มแหบพร่าพูดลามกออกมา เขาใกล้จริง ๆ ข้างในรู้สึกดีอย่างกับจะละลาย มันทั้งตอดทั้งบีบรัดเขา
   ร่างบางได้ยินแบบนั้นก็รีบขย่มเขย่า จนเสียงเนื้อชื้นแฉะกระทบกันดังดูหยาบโลน
   “อึก” ร่างสูงใช้มือข้างนึงบดขยี้ที่ยอดอกสีชมพู ร่างบางก็ใกล้จะเสร็จ แต่อึดอัดกางเกงเหลือเกิน มันคับ มันทำให้เขาไม่เสร็จ
   “อื้อ กวิน กวิน” วริษฐ์ร้องเสียงหลง เมื่อร่างบางกระแทกรัวเร็ว เขาก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป หอบสั่น ร่างสูงกระตุกเกร็ง ก่อนฉีดพ่นของเหลวอุ่นร้อนเข้าไปข้างในจนหมด กวินรู้สึกอุ่นร้อนวาบข้างในจนสะท้านไปทั้งตัว รู้สึกดีเกินไปจนเคลิบเคลิ้ม วริษฐ์สังเกตเห็นว่ากางเกงสีดำที่เปียกชื้น มันนูนขึ้นมาจนดูไม่สบาย ข้างในคงอึดอัดเต็มที เขายกร่างบางออกจากตัก
   “ยืนแปปนึงนะครับ”
   เขารีบกระตุกถอดกางเกงตัวจิ๋วของกวินออกของเหลวสีขาวขุ่นไหลหยดลงมาตามเรียวขาเนียน
   “อ๊าาาา” แค่ถอดกางเกงออกให้กวินน้อยได้เป็นอิสระ เจ้าตัวก็ร้องครางเสียงดังพร้อมปลดปล่อยออกมาเลอะที่หน้าท้องของวริษฐ์ทันที ร่างบางแข้งขาอ่อนทิ้งตัวลงบนตัก โถมเข้าสู่อ้อมกอดอุ่นของวริษฐ์
   ลมหายใจหอบเหนื่อยของทั้งสองคนดังประสาน พวกเขากอดกันแน่นแบ่งปันไออุ่นให้แก่กัน
   “พอมั้ย”
   ร่างบางพยักหน้า ความรู้สึกอุ่นร้อนข้างในทำให้เขารู้สึกดีเกินพอ วริษฐ์ลูบแผ่นหลังเนียนแผ่วเบา ร่างกายพวกเขาเหนอะหนะ เพราะเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำสารพัด ทั้งเหงื่อไคล้ น้ำลาย และน้ำรัก

   ร่างสูงอุ้มแมวน้อยในอ้อมแขนเดินตรงไปห้องน้ำ พวกเขายืนใต้ฝักบัวเดียวกัน ผลัดกันถูทำความสะอาดให้อีกฝ่าย คนตัวสูงยืนซ้อนหลังคนตัวเล็ก เอื้อมมือไปที่ข้างหน้าลูบไล้หน้าท้องแบน ก่อนจะขยับลงต่ำ
   “ไหนดูสิหางแมวน้อยยังแข็งอยู่มั้ย” มือหนาตะปบแก่นกลางของร่างบางเอาไว้ เขาตั้งใจจะทำให้กวินเสร็จอีกรอบ จะได้ไม่มีแรงมาคร่อมเขาอีก
   “อื้อ พี่”
   มือบางกางออกไปด้านหน้า ค้ำยันตัวเองกับผนัง ขณะฝ่ามือหนาทำหน้าที่ชักเข้าออกอย่างรวดเร็ว ร่างบางสั่นระริก ส่งเสียงครางในลำคอ ตามจังหวะการขยับ มือหนาอีกข้างกอดเอวบางแน่น อย่างกลัวว่าจะทำอีกฝ่ายแข้งขาอ่อนลื่นในห้องน้ำ
   ชับ ชับ ชับ
   กวินเม้มริมฝีปาก เนื้อตัวบิดเร้า ปรือตาพริ้ม ก่อนจะปลดปล่อยออกมา
   “แมวน้อยเด็กดี”

   เมื่อทั้งคู่อาบน้ำเสร็จกวิน ใส่เสื้อยืด กับกางเกงผ้าขาสั้น ในขณะที่วริษฐ์ก็ต้องเปลี่ยนชุดใหม่ เพราะเสื้อผ้าเขาเลอะเทอะไปหมด ต้องใส่เสื้อยืดตัวโคร่งของกวินกับกางเกงย้วย ๆ ที่เจ้าตัวเก็บซุกเอาไว้ เขาใส่ได้ แอบหลวมนิดหน่อย แต่กวินบอกว่า ถ้าเจ้าตัวใส่จะต้องเอาหนังยางมัดที่ข้างเอว ไม่งั้นมันจะหลุด
   วริษฐ์เดินออกจากห้องน้ำ ก็เห็นว่าร่างบางกำลังเช็ดทำความสะอาดโซฟาพอดี
   “เลอะเยอะมั้ย”
   “ไม่ค่อย มันเข้าไปอยู่ในตัวผมหมดเลย” เจ้าตัวพูดทะลึ่งพลางส่งยิ้มแฉ่ง
   หนังการ์ตูนถูกเปิดขึ้นมา ขณะทั้งคู่นั่งข้างกัน กินข้าวกล่องไปก็ดูไป
   วริษฐ์ไม่เคยดูเรื่องนี้มาก่อนแต่มันก็ตลกดี ไม่จำเป็นต้องดูเรียงตอน เปิดตอนไหนก็มักจะดูได้ เป็นการ์ตูนตลก ที่ตัวเอก ประหลาดติดพนัน ชอบดื่มเหล้า กินของหวานเป็นชีวิตจิตใจ มุกก็สัปดนมาก ๆ
   “เราชอบดูเรื่องแบบนี้นี่เอง”
   “พี่อาร์ตการ์ตูนเรื่องนี้มันดีมากเลยนะ ให้ข้อคิดเยอะแยะเลย”
   “หญ้าถ้ำหลังเขารกทึบเนี้ยนะ” เขาพูดพลางส่ายหน้า
   “อันนี้มันตอนสบาย ๆ ตอนดราม่าก็มีเหมือนกัน” เจ้าตัวเถียงสู้การ์ตูนเรื่องนี้สนุกมากจริง ๆ เวลาที่เครียด หรือรู้สึกแย่เขาก็จะเปิดดู มันช่วยให้เขาผ่านคืนวันเลวร้ายต่าง ๆ มาได้
   “ดูอะไรดี” เจ้าตัวเอ่ยชวน เมื่อกินข้าวเสร็จย่อยไปสักระยะ
   “นั่นสิ”
   “พี่ซื้อป็อปคอร์นมาด้วยนะ เวฟให้หน่อยสิ”
   “ครับผม พี่อาร์ตดูอะไร เลือกเลยนะครับ” ร่างบางลุกขึ้นไปจัดการอย่างว่าง่าย เขาได้ยินเสียงเมล็ดข้าวโพดระเบิดอยู่ในไมโครเวฟ ป็อบ ป็อบ ยืนฟังไปก็เพลินดี
   “เลือกได้หรือยัง”
   “ลังเลระหว่างสองเรื่องนี้ เราอยากดูอะไร”
   “ได้หมดเลย” เจ้าตัวโยนให้อีกฝ่ายเลือก อะไรเขาก็ดูได้ทั้งนั้น พลางวางชามป็อบคอร์นลงบนโต๊ะ
   “พี่จำกัดวงแล้ว เราเลือก”
   มือบางขยับกดเลือกหนัง ก่อนปีนขึ้นโซฟาพลางเนียนสไลด์ตัวนอนหนุนตักอีกฝ่าย เส้นผมอ่อนนุ่มคลอเคลียอยู่กับต้นขาแกร่ง มือหนาอดที่จะขยับมาลูบด้วยความเอ็นดูไม่ได้ ผมสั้นนุ่มคลอเคลียอยู่กับปลายนิ้วของเขา เหมือนขนแมวจริง ๆ เลย
   กวินเอื้อมมือหยิบป็อบคอร์นส่งเข้าปาก เคี้ยวงับ ๆ ด้วยความเพลิดเพลิน ตักอุ่น หนังสนุก ขนมอร่อย กวินวันนี้มีความสุขที่สุดเลย
.
(https://uppic.cc/d/5XQJ) (https://uppic.cc/v/5XQJ)


[เลือดกำเดาไหลมั้ยคะ น้องเราทำไมยั่วเเรงขนาดนี้!!!

เป็นแมวที่ร้อนแรงมาก ไม่รู้เเมวจรตัวนี้จะถูกเขารับเลี้ยงไว้มั้ยนะคะ อิอิ

เราอ่านคอมเม้นเเล้วใจมันฟูววว ทุกคนอิ๊อ๊ะ (?) ไปกับเรา เราชอบมาก
 :mew1:

ขอโวยวาย 1 ที เนื่องจากเรามีน้องเป็นอิมเมจ เราเเต่งตอนนี้ไว้นานเเล้ว

พอเปิดทวิต ก็เจอน้องดูอยู่เหมือนกันจริง ๆ โอย เราฟินเฉย

//สุดท้ายเม้นเป็นกำลังใจ และพูดคุยกันได้ในเเท็ก #เพราะเราเคยพบกัน นะคะ]
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 11 เจ้าแมวน้อยตัวขาวเนียน (NC) 30/11/62
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 01-12-2019 00:26:37
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 11 เจ้าแมวน้อยตัวขาวเนียน (NC) 30/11/62
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 01-12-2019 01:29:40
ไปเรียนยั่วมาจากไหนเนี่ยะ สงสัยตอนไปเรียนต่อเมืองนอก
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 11 เจ้าแมวน้อยตัวขาวเนียน (NC) 30/11/62
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 01-12-2019 20:20:14
น้องคะ ทำไมแก่แดดน่าตีอย่างนี้คะ.  :hao3:
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 12 ขอโทษทีว่ะ 5/12/62
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 05-12-2019 10:03:09
บทที่ 12 ขอโทษทีว่ะ

   วันนี้พวกเขาทำไปแค่พอหอมปากหอมคอ กวินชอบนอนหนุนตักวริษฐ์ดูทีวีมากกว่าขึ้นคร่อมเขา ชอบให้มือหนาลูบไล้ผมของเขา บางทีก็ลูบเลยมาที่แก้ม จับใบหูของเขาเล่น ๆ แค่นี้เขาก็มีความสุข ร่างบางลอบมองเสี้ยวหน้าหล่อเหลา ที่มองจ้องไปที่ทีวี ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะชอบมั้ย จะชอบเวลาเขาออดอ้อน ชอบเวลาเขาเร่าร้อน หรือชอบที่ได้นั่งดูทีวีอยู่ข้างกัน อยากรู้ความคิดของอีกฝ่ายว่าตอนนี้กำลังรู้สึกแบบไหน มีที่สักเศษเสี้ยวในหัวใจของเขาบางมั้ยที่กว้างพอจะให้นายกวินมุดตัวเข้าไป
   เวลาล่วงเลยมาจนตอนเย็น ตอนนี้เปลี่ยนกันแล้ว เป็นเขานั่งแล้วมีวริษฐ์นอนหนุนอยู่บนตักแทน มือบางทำแบบเดียวกับที่อีกคนทำ ลูบไล้เส้นผมของอีกฝ่าย เพลินดีแฮะ
   โครก คราก
   จู่ ๆ ท้องก็ร้องขึ้นมา ทำเอาวริษฐ์หัวเราะเสียงดัง
   “เสียงฟ้าร้องในโทรทัศน์ครับ” กวินละล่ำละลักพูดขึ้นมา น่าอายเป็นบ้า อยู่ดี ๆ ก็หิวจนท้องร้อง ทั้งที่ก็กินขนมไม่หยุดปากแท้ ๆ
   “จุ๊ ๆ มีลูกแมวจรแถวนี้หิวซะแล้ว” เขาพูดกลั้วขำ หมุนพลิกตัวมามองหน้าของกวินที่มองลงมาพอดี ใบหน้าคมยิ้มแย้ม ขณะที่กวินทำแก้มป่อง
   “งื้อ”
   “หิวก็ไปกินข้าวสิ”
   “ผมทำอะไรง่าย ๆ กินดีกว่า พี่อาร์ตกินข้าวเย็นด้วยกันมั้ย”
   “ครับ”
   ร่างบางต้มมาม่า เอาสารพัดเครื่องที่มีในตู้เย็นเทลงไป ทั้งหมู ไส้กรอก ผัก แล้วก็ไข่ เรียกว่าครบ 5 หมู่ มีสารอาหารครบถ้วนแน่นอน
   ทั้งสองคนกินมาม่าจากในหม้อใบเล็ก วริษฐ์ได้แต่แซวอีกคนว่าต้มมาม่าหรือต้มเครื่อง แทบหาเส้นไม่เจอเลย แต่ก็เป็นมื้อที่อร่อย เขาไม่ได้นั่งล้อมวงกินมาม่าแบบนี้มานานมากแล้วตั้งแต่เรียนจบมหาวิทยาลัย ถ้ากินก็จะเป็นมาม่าคัพ เทน้ำปิดฝารอกิน ไม่มีสารพัดเครื่องแบบนี้
   มือบางคีบหมูสับก้อนใหญ่ ยื่นไปตรงหน้าคนที่นั่งอยู่ตรงข้าม
   “อ้ำ” กวินพูดเสียงเบา
   วริษฐ์เลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะอ้าปากงับหมูสับก้อนนั้นเข้าปากไปอย่างว่าง่าย
   ร่างบางยิ้มแก้มปริ ถ้าบนหัวเขามีแถบแสดงอารมณ์ความรู้สึกเหมือนในเกมเดอะซิมส์ ความรู้สึกเขินมันคงขึ้นเต็มหลอดเป็นสีเขียว
   หลังจากกินมาม่าด้วยกันเสร็จเรียบร้อย วริษฐ์ก็อาสาขอล้างจานให้ โดยมีกวินคอยป่วนป้วนเปี้ยนอยู่รอบตัวชะโงกหน้าดูอยู่ข้าง ๆ  มือบางแตะเอวเขาเอาหน้าเกยไหล่บ้างล่ะ เอาหัวถูหลังบ้างล่ะ เป็นแมวที่บางทีนิสัยเหมือนหมา
   วริษฐ์ล้างมือจนสะอาด ก่อนจะหันมาดีดน้ำใส่ตัวแสบ ที่กำลังเอามือบีบไหล่เขาอยู่ เหมือนจานที่มีมันเยอะจนเขาจะล้างจนเมื่อยอย่างนั้นล่ะ
   “พี่อาร์ต!” ร่างบางยกมือขึ้นเช็ดหน้า พร้อมเรียกเขาเสียงดัง อุตส่าห์นวดให้ ดันมาดีดน้ำใส่
   มือหนาขยับไปจับที่เอวบาง จับ ๆ ถูไปถูมาจนคนถูกจับขมวดคิ้ว คิดว่าจะทำอะไร ดันมาหลอกเช็ดมือ!!!
   “มือแห้งพอดี พี่กลับก่อนนะ”
   “กลับแล้วหรอครับ”
   “ใช่ครับ มืดแล้ว กลับบ้านไปนอนพักผ่อนดีกว่า”
   “ว้าาาาา”
   “เสื้อผ้าพี่ล่ะ”
   ร่างบางสั่นหน้าแทนคำตอบ
   “ใส่ชุดนี้แหละ” เสียงหวานหัวเราะคิกคัก ดวงตากลมโตกลายเป็นสระอิ

   หลังจากวริษฐ์กลับไป กวินก็นอนกลิ้งเกลือกไปมาบนที่นอน กดเล่นมือถือดูนั่นดูนี่ไปเรื่อย วันนี้เขาได้ใช้เวลาทั้งวันอยู่กับคนที่ตัวเองรัก เขารู้สึกแจ่มใสเบิกบานมาก พี่อาร์ตใจดีอยู่กินข้าวเย็นกับเขา ใจจริงเขาอยากงอแงให้อีกฝ่ายนอนด้วย แต่เหมือนได้คืบจะเอาศอกมากจนเกินไป ก็เลยปล่อยอีกฝ่ายกลับไปแต่โดยดี
   ให้กลับไปกับเสื้อผ้าย้วย ๆ ของเขา พี่อาร์ตบ่นอุบว่ารอบหน้าคงต้องจัดกระเป๋าเตรียมชุดสำรองมาด้วย เพราะไม่รู้ว่าผมจะทำเลอะเทอะเมื่อไหร่ ส่วนเสื้อผ้าที่เจ้าตัวใส่มาก็ถูกโยนลงไปในตระกร้า เดี๋ยวเขาจะซักให้แล้วค่อยคืน ชุดก่อนที่เลอะ เขาซักรีดเรียบร้อยแล้วแต่ก็ลืมให้ พอคิดถึงอีกฝ่าย เขาก็เขิน ที่ทำ ๆ ไป ที่ปากกล้าใจกล้า ไม่ใช่ไม่อาย สะกดจิตตัวเองแทบตายกว่าจะทำได้ขนาดนั้น เขาก็แค่... อยากให้อีกฝ่ายประทับใจ ติดบ่วงรักเขาจนไปไหนไม่ได้

ติ้ง ติ้ง ติ้ง

   แชทเด้งรัว ทำให้กวิน ต้องเปิดอ่านดู
   ‘เมิงกุขอโทษ
   กุไม่ได้ตั้งใจ
   เป็นไรมั้ยวะ’
   แต้มพิมพ์แชทรัวมาหาเขาด้วยข้อความที่ทำให้เขางุนงง
   “อะไรเมิง
   มีอะไร?” ผมพิมพ์ตอบกลับไป
   ‘เมิงยังไม่เห็นหรอ’
   ว่าแล้วเจ้าตัวก็ส่งรูปมาให้เขาดู ภาพแต้มกับเพื่อนที่ทำงานมันทำท่าบ้า ๆ บอ ๆ แต้มพันผ้าพันคอสีแดงที่เขาซื้อให้เจ้าตัวใส่ไปทำงาน แล้วถ่ายรูปเล่นกับเพื่อนที่ทำงาน มีแต่คนมาถามว่าซื้อจากไหน เจ้าตัวก็เผลอบอกไปว่า กวินเพื่อนสนิทซื้อมาฝาก เท่านั้นแหละ คนมาเม้นเต็มไปหมด มันกลับมาแล้วหรอ ทำไมไม่บอก มันเงียบจังวะ บลาๆ อีกมากมาย รวมทั้งเติ้ล... ที่เม้นว่า กลับมาแล้วงั้นหรอ เห็นเม้นนั้นเขาก็รู้สึกหายใจติดขัดทันที
   เฮ้อ แต่ช่างเถอะ ปิดมาได้จะเดือนอยู่แล้ว เขาไม่โกรธแต้มหรอก โกรธแต่ตัวเองนี่แหละที่กาก ที่ปอดแหก กลัวจะต้องเจอหน้าอดีตคนรักเก่า ...ใช้คำนี้ได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ กลัวว่าจะเป็นเขาคนเดียวที่มองว่าอีกฝ่ายเป็นคนรักเก่า ส่วนอีกคนอาจจะไม่ได้มีความรู้สึกอะไรแบบนั้นเลย เป็น best friend forever
   “ไม่เป็นไรหรอกเมิง
   ไหน ๆ แล้ว เดี๋ยวนัดกินข้าวกับโจ้กับนุกแม่ม”
   ‘เอ่อเมิง คือกุสงสัยอะไรนิดหน่อย
   เมิงกับเติ้ลอ่ะ ทะเลาะกันหรอวะ’
   คำถามนั้นทำเอากวินสะอึก อะไรวะ มันรู้อะไรมาวะ
   ‘เมิงบลอคมันหรอ’
   คำถามจี้ใจดำ ทำเอากวินปวดหัวจี๊ด กุจะตอบเมิงยังไงดีล่ะวะ เขาสูดลมหายใจทำใจดีสู้เสือถามกลับไป เขาก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าคนแบบเติ้ล จะบอกกับพวกเพื่อนยังไง
   “ทำไม มันบอกอะไรหรอ”
   ‘เปล่า แต่มันเคยเอามือถือกุไปส่องเมิง’
   “เมื่อไหร่”
   ‘เป็นปีแล้ว’
   “อ๋อ เออ”
   ‘เมิงยังไม่ตอบกุ’
   “ช่างมันเถอะ เอาเป็นว่ากุไม่อยากเจอมัน มีมันไม่มีกุโอเคมั้ย”
    เขารู้ว่าแต้มลำบากใจในฐานะคนกลาง เมื่อเพื่อนแตกคอกัน เขาก็วางตัวลำบาก แต่จะลำบากกว่านี้อีกทางเมิงได้รู้ความจริง ดังนั้นให้มันคลุมเครือแบบนี้เถอะ
   ‘กวิน เมิงไม่คุยกันดี ๆ’
   “กุไม่อยากคุย ไว้กุพร้อม กุจัดการเอง’ เขาพูดตัดบท ก่อนจะกดปิดแชท เขาไม่อยากคุยกับใครทั้งนั้นแล้วตอนนี้

   ความสุขที่สั่งสมมาทั้งวันแทบสั่นคลอน มีแค่คนเดียวที่เขาอยากได้ยินเสียง มือบางกดโทรออกหาวริษฐ์ ทำทีเป็นว่าเช็คว่าอีกคนกลับถึงห้องหรือยัง จะแชทก็ได้ แต่เขาอยากได้ยินเสียง
   ‘ครับกวิน’
   แค่รับสาย ได้ยินเสียงอีกฝ่ายแค่นี้ เรื่องไม่ดีก็เหมือนถูกปัดเป่า
   “มาเช็คว่าพี่อาร์ตถึงบ้านหรือยัง”
   ‘ถึงแล้วครับ เมื่อกี้เลย’
   “ดีแล้วล่ะ คิดว่าไปเถลไถลที่ไหน”
   ‘พี่ง่วงจะแย่อยู่แล้วล่ะ คืนนี้คงหลับเป็นตาย’
   “ครับ ไว้เจอกันในฝันนะ” ผมพูดหยอดก่อนส่งเสียงหัวเราะคิกคัก
   ‘ไม่เจอดีกว่า กลัวเหนื่อย’ วริษฐ์พูดแซวกลับ
   “พี่อาร์ตอ่ะ วางแล้ว”
   ‘บ๊ายบาย’
   “ครับ บ๊ายบาย”
   ร่างบางนอนกลิ้งบนโซฟา ในใจพองโต มีแต่คำว่าน่ารัก น่ารัก น่ารัก ล่องลอยไปหมด พี่อาร์ตน่ารัก พี่อาร์ตคนดีของเขา ทำไมน่ารักจุ๊กจิ๊กได้ขนาดนี้
   
   ร่างสูงกลับถึงห้องเขานอนแผ่ วันนี้เขาง่วงนอนเร็วแต่หัวค่ำ ช่วงนี้เขานอนหลับโดยไม่ต้องพึ่งพาเหล้า ยานอนหลับ หรืออะไรเลย ไม่ฝันร้ายด้วย ไม่สะดุ้งขึ้นมากลางดึก คงเพราะเหนื่อยล้า... เขาคิดแค่นั้น แม้ว่าความจริงจะเป็นเพราะบางส่วนลึก ๆ ของเขากำลังเปลี่ยนแปลงไป
   นอนกลิ้งได้แปปเดียว กวินก็โทรมาเช็คว่าเขาถึงบ้านหรือยัง เสียงหัวเราะสดใสที่ปลายสายทำเอาเขาอดยิ้มตามไม่ได้ เขาจะไปไหนได้ล่ะ วันนี้โดนแมวขย้ำ เขาเหนื่อยจะตาย
   ร่างสูงนอนลืมตาจ้องมองเพดาน พลางนึกไปถึงร่างบางที่วันนี้ทำตัวเป็นลูกแมวน้อย ออดอ้อนคลอเคลียเขา แล้วอยู่ ๆ ก็ร้อนแรงขึ้นมาจนน่าตกใจ
   ท่าทีที่ดูยั่วยวน แต่ใบหน้าเนียนกลับซ่อนความเขินอายเอาไว้ไม่มิด มันแดงสดยิ่งกว่ามะเขือเทศสุก น่ากัดกินจนเขาแทบคลั่ง ...
   
- กวิน –
   เขาใช้เวลาวันอาทิตย์ไปกับการจัดการงานบ้าน ทำความสะอาดห้องทุกซอกทุกมุม แยกผ้าเตรียมจะซัก เขาหยิบเสื้อเชิ้ตของวริษฐ์ออกมา ตัวนี้ต้องแปรงก่อนเพราะเปื้อน... เขาได้แต่ยิ้มเขิน มานั่งซักเสื้อผ้าให้เขา ทำอาหารให้เขา รู้สึกอย่างกับเป็นคนรักยังไงอย่างนั้น ถ้าได้เป็นจริง ๆ ก็คงจะดี
   พอจัดการงานในห้องเรียบร้อย ร่างบางก็เอาสมุดเล่มเล็กออกมาขีด ๆ เขียน ๆ นั่งคิดเมนูอาหารเช้า ว่าจะซื้ออะไรดี เขาจะได้เตรียมวัตถุดิบถูก จะถามเจ้าตัวดีมั้ยนะ ว่าอยากกินอะไร
   “พี่วริษฐ์ มีอะไรที่อยากกินเป็นอาหารเช้ามั้ยครับ”
   ร่างบางพิมพ์แชทไปหาพลางเฝ้ารอ
   ‘อะไรก็ได้ครับ’
   เขาอ่านคำตอบพลางทำหน้ายู่ ไอ้อะไรก็ได้นี่แหละที่ยากที่สุด สุดท้ายเจ้าตัวก็ต้องคิดเอง เขาจดรายการอาหารก่อนจะออกไปซื้อที่ซุปเปอร์มาร์เกต คิดไปเลือกไปว่าอีกฝ่ายจะกินอะไร จะชอบมั้ย เป็นการเดินซื้อของที่มีความสุข แค่นึกถึงคนที่เขาจะทำให้ เขาก็มีความสุขแล้ว
   กวินเดินวนไปวนมาก็ได้ของมาเต็มรถเข็น ร่างบางเดินถือของออกมาจากซุปเปอร์มาร์เกตสองถุงใหญ่ ๆ หนักใช่ย่อย แต่กวินน่ะ สู้ตายอยู่แล้ว
   พอถึงห้องเขาก็นั่งพัก หมดแรง แขนล้าไปหมด ก่อนฮึดสู้ลุกขึ้นเก็บของกินทั้งหลายให้เข้าที่เข้าทาง เก็บไข่ไก่ไว้ในตู้เย็น  เอาของสดที่จะทำวันหลัง ๆ ใส่ในช่องแช่แข็ง
   ยังไม่ทันทำอะไร รู้ตัวอีกทีฟ้าก็มืด งานบ้านเป็นงานที่จุกจิก รายละเอียดเยอะ แต่เขาก็สนุกกับการทำมัน เขากดฉีดสเปรย์ปรับอากาศ ทำให้ในห้องอากาศหอมสดชื่น ร่างบางอาบน้ำ เขาผ่อนคลายตัวเอง เพราะพรุ่งนี้ต้องไปทำงานแล้ว รู้สึกอย่างกับว่ายังไม่ได้พักด้วยซ้ำ

ปัง ปัง ปัง

   เสียงทุบประตูดังลั่น กวินที่กำลังนั่งทาครีมโลชั่นต้องสะดุ้งสุดตัว ได้แต่งุนงงว่าใครมาหาเขาเวลานี้ เขาเหลือบมองดูนาฬิกา ตอนนี้ทุ่มครึ่งแล้ว ใครมา?
   เขาลุกขึ้นไปดูที่ตาแมว ดวงตากลมเบิกโพล่งเมื่อเห็นว่าใครยืนอยู่หน้าประตู เข้ามาได้ยังไง ดีที่เขาเปลี่ยนคีย์การ์ดใหม่แล้ว ...เขายืนนิ่งอยู่หลังประตู ดวงตามีประกายวูบไหว มือบางสั่นเทาขึ้นมาอย่างคุมไม่อยู่ มาทำไม มาที่นี่อีกทำไม เรื่องมันก็ผ่านมาตั้งนานแล้ว ทำไมไม่ปล่อยให้มันจบไป ให้มันตายไปตั้งแต่ 2 ปีก่อน

ปัง ปัง ปัง

   ร่างบางสะดุ้งอีกครั้งเมื่ออีกฝ่ายทุบประตูเสียงดัง เขาก้าวถอยหลัง พลางทรุดตัวลงนั่งกับพื้น มือบางยกขึ้นตะครุบปิดปากเอาไว้ ดวงตาจ้องที่ประตู ราวกับมันจะถูกเปิดออกมาได้ทุกเมื่อ
   “กวิน นายอยู่มั้ย”
   “...”
   “นายอยู่ใช่มั้ย”
   น้ำตาเอ่อคลอ พลางไหลหยด เขาปิดปากตัวเองแน่น กลัว... ไม่อยากให้อีกฝ่ายเข้ามาในชีวิตเขาอีก ไม่อยากให้ความพยายามทั้งหมดของเขานั้นสูญเปล่า แล้วก็เป็นได้แค่คนไร้ค่า คนที่ถูกเหยียบย่ำศักดิ์ศรีซ้ำแล้วซ้ำอีก
   “เปิดประตูสิกวิน มาคุยกันดี ๆ “ เสียงทุ้มนุ่มที่คุ้นเคยพูดบอกเขา
   เติ้ลยืนมองประตูที่ไม่มีทีท่าว่าจะเปิด ข้างหลังประตูเงียบกริบ เหมือนไม่มีใครอยู่ หรือว่าเจ้าตัวจะไม่อยู่จริง ๆ ไม่ใช่แค่ว่าแอบอยู่ในห้อง
   “ก็ได้”
   เติ้ลพูดพลางระบายลมหายใจด้วยความหงุดหงิด
   “ไว้จะมาหาใหม่”
   ประโยคนั้นทำให้กวินถอนหายใจออกมายาวเหยียด เพราะเมื่อกี้เผลอกลั้นลมหายใจโดยไม่รู้ตัว การโผล่มาของเติ้ลน่ากลัวยิ่งกว่าหนังสยองขวัญเสียอีก ...พี่อาร์ตผมคิดถึงพี่
   เสียงฝนตกกระทบหน้าต่างยิ่งทำให้เขาเหงา อยู่ดี ๆ ฝนก็ตกลงมาราวกับรู้ว่าเขากำลังรู้สึกแย่ ถ้าเพียงพี่อยู่ตรงนี้กับผม ผมคงสบายใจกว่านี้

   กวินตื่นแต่เช้า ทำอาหารง่าย ๆ จัดเรียงใส่กล่อง เมื่อวานกว่าเขาจะสงบสติอารมณ์ได้ เขาไม่รู้ว่าตอนนี้รู้สึกยังไง เขาเกลียด เขากลัวอีกฝ่าย หรือรู้สึกแบบไหน แต่ที่แน่ ๆ คือ ไม่อยากเจอ
   สิ่งที่เขาสนใจตอนนี้ก็คือพี่อาร์ต คุณวริษฐ์คนดีของเขาเท่านั้น
   กวินมีความมุ่งมั่นตั้งใจและสม่ำเสมอเขาเอาอาหารเช้าไปวางให้ทุกวัน และรับกล่องกลับในตอนเย็น วริษฐ์จะล้างกล่องและมักเอาไปคว่ำไว้ในห้องครัว เขาก็จะไปหยิบจากตรงนั้นนั่นแหละ เป็นแบบนี้ทุกวัน
   สัปดาห์นี้เขาได้ไปกินข้าวกับวริษฐ์ในวันพุธ ต่อด้วยการดูหนัง แล้วก็ส่งเขากลับห้อง เขาไม่รู้ว่าพี่วริษฐ์ยุ่งอะไรทุกวันตอนเย็น แต่ก็ไม่กล้าที่จะสอดรู้เรื่องของเขา กลัวว่าเขาจะรำคาญ

   เย็นวันศุกร์ที่สดใส วันนี้ร่างบางไม่ได้ชวนวริษฐ์ไปไหนเพราะคิดว่าอีกฝ่ายก็คงไม่ว่างอีกตามเคย ธุระเยอะไปหมด เขากลับไปนอนกลิ้งเกลือกพักผ่อนให้สบายใจ ดีกว่าฟังคำปฏิเสธว่าไม่ว่างของอีกฝ่าย
   “เย็นนี้กวินว่างมั้ย”
   ร่างบางสะดุ้ง มือที่กำลังเก็บกล่องข้าวชะงักค้าง เมื่อวริษฐ์เดินมาพูดอยู่ข้างหลัง มาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ทำเอาเขาตกใจเลยนะ อายุยืนจริง ๆ เขาเพิ่งนึกถึงเมื่อกี้
   “ฮะครับ ว่าง”
   กวินยิ้มจนแก้มปริ เขาปกปิดอาการดีใจไว้ไม่ได้เลย หัวใจที่กำลังพองโตของเขา มันสั่งให้เขายิ้มไม่หยุด ครั้งแรกที่วริษฐ์เป็นฝ่ายชวนเขา ส่วนตัวเขาว่างอยู่แล้ว
   “ไปกินข้าวกันมั้ย พี่เลี้ยง”
   “ครับ! ไปสิครับ! ทำไมจู่ ๆ จะมาเลี้ยง”
   “เพราะว่า ข้าวผัดกุนเชียงเมื่อเช้าอร่อยมาก” มือหนาขยับลูบหัวคนตัวเล็ก เขาก็ไม่รู้จะขอบคุณกวินยังไงที่ทำข้าวมาให้เขากินทุกวัน
   “งื้อออ ครับ”
   “เลิกงานแล้วผมไปรอข้างล่างนะ” แอบแว่บไปซื้อเจลดีกว่า จะหมดพอดี เขาคิดไปถึงไหนต่อไหน เพราะวันนี้วันศุกร์ พรุ่งนี้วันเสาร์เป็นวันหยุด ไม่แน่คืนนี้ก็อาจจะได้มาราธอนกันอีกก็ได้ แค่คิดใบหน้าก็ร้อนผ่าว

   วริษฐ์พากวินไปกินสเต็ก ร้านตกแต่งสวยบรรยากาศดูอบอุ่น  เหมือนร้านคู่รัก เพราะเขาหันไปทางไหนก็มีแต่คนมาเป็นคู่ ร่างสูงพาเขามาทำอะไรที่นี่ หรือว่า... คู่รัก...
   “พี่แผนกไอที ให้บัตรลดที่นี่มา ทานครบ 800 ลด 300” วริษฐ์พูดพลางส่งยิ้มกว้าง
   รอยยิ้มนั่น ทำเอากวินไม่รู้จะรู้สึกยังไง ได้แต่หน้าแตกอยู่เงียบ ๆ โปรโมชั่นสุดคุ้ม ไม่ใช่ว่าอยากมาสร้างบรรยากาศอะไรสักหน่อย โอย กวิน คิดไปเองละเมอไปเอง !!!
   “กวินเอาอะไร เลือกได้หรือยัง”
   “ผมเอาพอร์คชอป”
   “เอาอะไรอีกมั้ย”
   “พี่ไง เอาพี่ครับ” ร่างบางพูดออกไปหน้าตาเฉย มองจ้องอีกฝ่ายพลางยิ้มแฉ่ง วริษฐ์หันซ้ายหันขวาดูว่ามีพนักงานอยู่ใกล้ในรัศมีได้ยินคำพูดเมื่อกี้มั้ย ก่อนจะขยับนิ้วชี้ไปจิ้มหน้าผากเด็กแสบ
   “กวิน พี่ไม่ทำให้อิ่มท้อง”วริษฐ์พูดเสียงเบา พลางชี้นิ้วลงไปที่เมนูอาหาร “นี่ต่างหากที่ทำให้อิ่มน่ะ”
   “แต่พี่ทำให้อิ่มใจ”
   วริษฐ์ยกมือขึ้นดึงแก้มอีกฝ่ายเบา ๆ ด้วยความหมั่นเขี้ยว  เขาไม่รู้จะทำยังไง อยากจะดึงแก้มอีกฝ่ายให้ย้วยติดมือ เปิดช่องให้ไม่ได้เลย ไอ้ตัวแสบนี่น่ะ
   “เอาหอมทอดครับ” กวินหมุนเมนูชี้ชุดหอมทอดบวกกับขนมปังกระเทียมให้วริษฐ์ดู “แต่ถ้าพี่อยากให้ผมหอมล่ะก็ผมจะ...”
   “กวิน” วริษฐ์เรียกปราม ๆ เมื่อกวินยังปล่อยมุกไม่หยุด
   “ผมจะสระผมให้ครับ จะได้ผมหอม”
   กวินส่งยิ้มกวนประสาท พลางยักคิ้วให้เขา เมื่อมุกของเจ้าตัวหักมุม เป็นการเอาคืนที่ทำให้เขาเผลอนึกไปว่าบรรยากาศร้านดีแบบนี้ จะเป็นเพราะเจ้าตัวตั้งใจ... บัตรลดราคา จำไว้เลย
   วริษฐ์เดาะลิ้น ทำเสียงจิ๊จ๊ะในปาก เมื่ออีกฝ่ายก่อกวน

   อาหารมาเสิร์ฟ กวินก็ถ่ายรูปเก็บเอาไว้ เขาอยากเก็บช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันเอาไว้ แค่เห็นรูปร้านนี้ ของกินพวกนี้ เขาก็จะจำได้ทันทีว่ามากับใคร
   “พี่อาร์ตทำหน้าหล่อ ๆ สิ”
   มือบางยกกล้องขึ้นถ่าย วริษฐ์ที่อมยิ้มเล็ก ๆ เก็กหน้าหล่อให้เขาถ่ายเก็บไว้เป็นที่ระลึก
   “นี่อะไรครับ” มือบางชี้ไปที่หอมทอดวง ๆ ที่ตัวเองสั่งมาเอง
   “หอมไง”
   “ตรงนี้คนเยอะนะครับ” ร่างบางพูดกลั้วขำ ทำเอาวริษฐ์แทบเสียการทรงตัว อีกแล้วโดนหลอก โดนแกล้งซ้ำแล้วซ้ำอีก กวินนี่นิสัยยังไงกันแน่ ทำไมมันหยอกเขาแพรวพราวขนาดนี้
   “ถ้าพี่อาร์ตอยากเอาคืน ก็รวบยอดไปลงโทษผมทีเดียวได้เลย”
   ร่างบางพูดจบ ทำเนียนไม่รู้ไม่ชี้ ปล่อยให้คนถูกยั่ว ได้แต่ก้มหน้างุด ร่างสูงทำท่าทางสนอกสนใจสเต็กเนื้อของตัวเองเหมือนตั้งสมาธิจดจ่อ เขากินไปเงียบ ๆ ไม่กล้าพูดอะไรเพิ่ม กลัวโดนย้อนอีก ไม่เคยโดนไล่ต้อนแบบนี้มาก่อนเลย
   หอมทอดถูกจิ้มมาวางในจานของเขา
   “ผมให้หอม”
   มันยังไม่หยุดเล่นมุกหอมอีกกกกก หยุดได้แล้วกวินนนน เขาโวยวายอยู่ในใจ แต่ยังเก๊กขรึม หันสเต็กเนื้อเข้าปาก ทำเป็นไม่สนใจปล่อยให้กวินเป็นเสียงนกเสียงกาไป
   “หอมดีมั้ย”
   วริษฐ์วางอาวุธตัดอาหารในมือลง พลางจ้องหน้าอีกฝ่าย
   “ถ้ายังเล่นไม่เลิก...” ร่างสูงพูดนิ่ง ๆ พลางหรี่ตามอง “กลับห้องเองนะ”
   คำขู่ของวริษฐ์ได้ผล กวินปิดปากเงียบ กินอาหารไปเงียบ ๆ ไม่พูดแซวอะไรอีก ถ้ากลับห้องเองก็แย่น่ะสิ เขาจะไม่ยอมให้เจลที่ซื้อมาตั้งสองขวดต้องเสียเปล่า!!!
.
.
[เติ้ล is comeback มาเหมือนผี งื้อ ใจน้องเรามันก็แค่นี้
สงสารน้อง ส่วนกวินนี่เวลาอยู่กับวริษฐ์นี่ แพรวพราวมาก
สดใสร่าเริง เรามาเชียร์น้องกันนะคะ]
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 12 ขอโทษทีว่ะ 5/12/62
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 05-12-2019 10:31:44
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 12 ขอโทษทีว่ะ 5/12/62
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 05-12-2019 23:00:01
มันกลับมาแล้วว ไอ้เติ้ล :z6: :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 12 ขอโทษทีว่ะ 5/12/62
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 06-12-2019 11:13:54
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 13 ความสุขที่น่าหวาดกลัว 9/12/62
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 08-12-2019 23:51:21
บทที่ 13 ความสุขที่น่าหวาดกลัว

(https://uppic.cc/d/5AsQ) (https://uppic.cc/v/5AsQ)

   เมื่อรถยนต์แล่นมาจอดที่ตึกของกวิน  กวินก็ขยับไปหอมแก้มอีกฝ่ายทันที หอมไม่พอ ยังงับแก้มของวริษฐ์ด้วยความหมั่นเขี้ยว อดทนไม่แกล้งไม่หยอกมาตั้งเป็นชั่วโมง ๆ ทำเป็นเด็กดีให้ร่างสูงตายใจ
   “อยากหอม”
   “คิดว่าจะเลิกเล่นไปแล้วนะ”
   “ก็อยากให้พี่ยิ้มเยอะ ๆ นี่นา”
   “ยิ้มเยอะแบบกวิน พี่เป็นบ้าพอดี”
   “ผมดูเหมือนคนบ้าหรอไง”
   “เหมือนน่ะสิ ยิ้มอะไรตลอดเวลา” ถึงอีกฝ่ายจะพูดแบบนั้นออกมา กวินก็ไม่หยุดยิ้มอยู่ดี
   “ก็อยู่กับพี่แล้วมีความสุข”
   ร่างบางพูดพลางขยับเข้ามาใกล้ ยื่นหน้าเข้ามาชิด ก่อนจะทาบทับริมฝีปากตัวเองลงไป เขาเป็นฝ่ายรุกจูบ มือไม้ซุกซนลูบไล้ที่ท่อนขาแกร่ง เขาลูบไปจนถึงเป้ากางเกง ร่างบางถอนจูบพลางจ้องมองเขาด้วยดวงตาหวานเชื่อม มือบางกดปลดเข็มขัดนิรภัยของวริษฐ์ออก ก่อนกลับมาให้ความสนใจกับซิบกางเกง เขารูดมันลง
   “กวิน ฟิล์มรถไม่ อึก มองทะลุเข้ามาได้” วริษฐ์ถึงกับกะตุก เมื่อกวินเอนตัวลงมาที่ตักเขา พลางใช้ลิ้นร้อนโลมเลียแก่นกลางที่กำลังแข็งขืนขึ้นมาจากการยั่วยวนของเจ้าตัว
   มือหนากำพวงมาลัยรถแน่น เมื่อกวินขยับศีรษะขึ้นลง โพรงปากอุ่นกำลังทำให้เขารู้สึกดี มันกินข้าวไม่อิ่มหรือไง ถึงต้องรีบมากินเขาแบบนี้ ไม่ให้โอกาสเขาได้หลบหนี
   “อื่อออ”
   ร่างสูงรู้สึกเสียวซ่าน เขาซบหน้าลงกับพวงมาลัย
ปริ๊นนนนนนน
   เสียงแตรยาวเหยียดดังขึ้น เมื่อวริษฐ์กระตุกเกร็งรุนแรงเพราะคนบนตัก ใช้ฟันครูดกับแก่นกลางของเขา เขารีบใช้มือดันตัวเองออกห่างจากพวงมาลัยรถ เดี๋ยวเขาจะทำให้คนอื่นแตกตื่นกันหมดพอดี
   “อื้อ กวินพี่จะเสร็จ”
   ยิ่งพูดเหมือนยิ่งยุ กวินดูดมันแรงขึ้น จนเกิดเสียงดังจ๊วบจ๊าบลั่นรถ
   “ฮะอ๊า” ร่างสูงขยับสะโพกดันแก่นกลางเข้าไปในโพรงปากนุ่ม ปลดปล่อยน้ำรักข้นเหนียวเข้าไปในปากของกวินจนหมด ร่างเล็กดูดกลืนมันทุกหยาดหยดเหมือนหิวโหย
   วริษฐ์ระบายลมหายใจยาวเหยียดด้วยความเหนื่อยอ่อน เมื่อจู่ ๆ ก็ถูกคนข้าง ๆ งัดความเป็นชายของเขาออกมาดูดกลืน นี่เป็นของส่วนตัวแท้ ๆ ไม่ใช่ไอติมที่ซื้อหาได้ตามร้านสะดวกซื้อ
   “พี่อาร์ตไปต่อข้างบนกันนะ”
   คำเชื้อเชิญนั้นได้รับการตอบรับทันที ไฟมันถูกจุดขึ้นมาแล้ว จะดับได้ ก็ต้องใช้น้ำ...นั่นแหละดับ ดับให้หมด จนกว่าจะสลบ

   ทั้งคู่มาถึงห้อง ไม่มีการพูดพร่ำทำเพลง ร่างสูงดันคนตัวเล็กติดกับกำแพง จูบเร่าร้อนที่มอบให้ เขาบดขยี้ริมฝีปากบาง มือหนาทำหน้าที่ปลดกางเกงของตัวเอง กับของกวินอย่างรีบร้อน พลางยกอีกฝ่ายขึ้นจนตัวลอย สะโพกกลมกลึงพอดีมือ เขาบีบเคล้นมัน ก่อนที่ร่างสูงจะจ่อความเป็นชายที่ช่องทางรัก โดยไม่ทันได้เบิกทาง เขาดันมันเข้าไปจนสุด ไหล่ร่างบางกระแทกเข้ากับผนัง ตามมาด้วยเสียงร้องครวญคราง ด้วยความเจ็บและความเสียวที่แล่นไปทั่วร่าง
   มือบางกอดรอบคอร่างสูง ขณะที่ขาเรียวรัดรั้งเอวหนาเอาไว้ วริษฐ์โอบกอดแผ่นหลังของคนตัวเล็กเอาไว้แน่น ก่อนจะเริ่มขยับเอว
   “ซี๊ดดดด” ร่างสูงส่งเสียง เมื่อขยับแก่นกายแข็งเกร็งเข้าออกช่องทางคับแน่น ที่ตอดรัดเขาไม่หยุด เขาแลบลิ้นเลียยอดอกชูชันผ่านเสื้อเชิ้ตตัวบาง หัวนมสีชมพูปรากฏชัด เมื่อเสื้อผ้าเปียกชุ่มไปด้วยน้ำลาย
   เขาอุ้มคนตัวเล็กไปวางไว้บนเตียง ก่อนขยับเร่งจังหวะในทันที
พับ พับ พับ
   เขาควบคุมตัวเองไม่ได้ เขาจะเสร็จอยู่แล้ว แค่ใส่เข้าไปข้างในไม่กี่นาที แต่รู้สึกดีจนเขาก็จะแตกแล้ว ข้างในของกวินนี่มันช่าง ...ทำให้เขาคลั่ง ทำให้เขารู้สึกซาบซ่าน
   “แรง ... แรงอีก”
   เจ้าตัวร้องขอ พลางเด้งสะโพกสวน เขาต้องการวริษฐ์มาหลายวัน ต้องการชนิดที่แทบจะลงแดงตาย ช่วยตัวเองก็ไม่พอ มันไม่รู้สึกอิ่มเอม มันรู้สึกดีไม่ถึงครึ่งของตอนนี้ เขาชอบที่จะได้สัมผัสไออุ่นจากคนข้างบน จะรุนแรงก็ได้ ไม่ทะนุถนอมเขาก็ได้ แต่ได้โปรดโอบกอดเขาเอาไว้ที
   “ปล่อยข้างใน ...ให้หมด อื้อ”
   ร่างสูงขยับกระแทกตามคำขอ เขาหอบหายใจถี่ กดสะโพกเข้าไปจนสุด ก่อนจะปล่อยน้ำรักเข้าไปข้างในจนเอ่อล้นออกมา
   เขาล้มทับลงไปบนร่างบาง ลมหายใจหอบเหนื่อย ร่างทั้งสองชื้นเหงื่อ พอแนบชิดก็ยิ่งเหนียวเหนอะหนะ คนตัวสูงจึงขยับพลิกไปข้าง ๆ พลางนอนแผ่ ส่งเสียงหอบ
   “พี่อาร์ต”
   “ครับ?”
   “กอดผมแน่น ๆ ทีครับ”
   เขาพลิกกลับมากอดอีกฝ่ายอย่างว่าง่าย อ้อมแขนแกร่งกอดรัดกวินแน่น แม้ว่าจะรู้สึกเหนียวไปหมดทั้งตัวก็ตาม แต่น้องมันอยากให้กอด ผมก็จะตามใจมันหน่อยแล้วกัน มันทำให้ผมสุขสมขนาดนั้น
   “พี่อาร์ตค้างที่นี่ได้มั้ย”
   “หืม?”
   “นะครับ”
   “...”
   “นะ ครับนะ” คนในอ้อมแขนส่งเสียงอ้อน พลางเอาหน้าถูไถ มุดไปมาที่อกเขา
   “ก็ได้ครับ”
   “พี่อาร์ตหายเหนื่อยหรือยัง ไปอาบน้ำกัน ผมถูหลังให้”
   กวินเซอร์วิชดีจนเขารู้สึกอย่างกับว่ามาเที่ยวอ่างยังไงอย่างนั้น เจ้าตัวแสบทำงานเอนเตอร์เทรนมาก่อนหรือเปล่า ทำไมมันถึงดูแลดี แถมยังซาบซ่านถึงใจ เขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน เวลาทำกับสาว ๆ ยกสองยก ก็แยกย้าย แต่นี่อะไร เขาจะตัวแห้งตายอยู่แล้ว
   อ่างอาบน้ำเล็ก ๆ ที่ผู้ชายสองคนเบียดกันลงไป กวินถูหลังให้เขาจริง ๆ แต่มันถูให้เขาด้วยท่าทางประหลาด แทนที่จะไปนั่งซ้อนด้านหลังเขา แต่มันกลับเลือกนั่งคร่อมเอวเขาเอาไว้ พาดศีรษะกับไหล่ของผม ก่อนจะเอื้อมมือไปถูหลังให้ ผมไม่รู้ว่ามันจะทำท่ายากแบบนี้ไปทำไม ไม่เข้าใจ แต่ที่ผมกลัวที่สุดคือ ไอ้นั่นของผมมันจะตื่นผงาดขึ้นมาอีก เพราะสะโพกกลมของเจ้าตัวแสบ มันบดเบียดอยู่บนตักเขา
   “นี่กวิน ไม่ขยับไปถูดี ๆ หืม?”
   “ผมต้องถูทั้งหน้าทั้งหลังนี่นา”
   “ยั่วพี่อยู่ถูกมั้ย”
   “พี่ยังจะถามอีกหรอ”
   เจอคำตอบแบบนี้ วริษฐ์ก็ได้แต่บ่นกับตัวเองในใจ ว่าต้องเสียน้ำอีกเท่าไหร่ถึงจะพอ
   “จะถูให้สะอาดครับ”
   
   “กวิน” วริษฐ์เรียกปราม เมื่อมือนุ่มทำหน้าที่ดีเกินไป “มาพี่ถูหลังให้ หันไปสิ”
   วริษฐ์จ้องมองลำคอขาวที่มีเส้นผมเปียกชื้นคลอเคลีย เขาขยับไปงับเบา ๆ ที่ลำคอขาว ๆ นั่น ทิ้งร่องรอยเล็ก ๆ เอาไว้หลายรอย ก่อนจะไล่ลงมาที่แผ่นหลังขาวเนียน แผ่นหลังสั่นน้อย ๆ เมื่อเขางับมัน เป็นการเอาคืนที่ชอบมายั่วเขา ก่อนมือหนาจะวักน้ำใส่แผ่นหลังบาง พลางจะใช้ฟองน้ำถูเบา ๆ จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย ถ้าอยู่ ๆ ร่างเล็กไม่ครางออกมา
   มือบางสาวแก่นกลางตัวเองที่ตื่นขึ้นมาตั้งแต่วริษฐ์ สัมผัสที่ลำคอของเขา ร่างสูงเลยตอบสนองด้วยการยกคนตัวเล็กมานั่งตัก พลางสอดใส่แก่นกลางตัวเองเข้าไปข้างใน ใครว่าเขาไม่หื่น สถานการณ์แบบนี้ทนไหวก็บ้า เขาก็แค่พยายามหักห้ามใจเอาไว้ เพราะว่าเหนื่อย แต่ก็นะ ไฟกับน้ำมัน จะห้ามไม่ให้มันติดไฟก็ยากเหลือเกิน
   มือบางจับยึดขอบอ่างอาบน้ำเอาไว้ เมื่อวริษฐ์เริ่มขยับ การขยับทำให้น้ำไหวกระเพื่อม ยิ่งขยับแรงน้ำในอ่างก็ยิ่งกระฉอกออกไป พร้อมเสียงครวญครางของทั้งคู่
   “คืนนี้ หะ ห้ามยั่วพี่อีก” ร่างสูงพูดพลางขยับซอยถี่  มือหนาจับยึดสะโพกมนแน่น มันเหมือนจะลอยตามน้ำที่กระเพื่อมขึ้นลง
   “อึก ไม่ชอบ หรอครับ”
   “เปล่า อื้อออ” ร่างสูงครางในลำคอ เขาเม้มปาก ขบกรามแน่น มันใกล้แล้ว
   “พี่อาร์ต เร็ว ขยับเร็วอีก”
    กวินแทงสะโพกสวนพร้อมกับมือที่สาวเข้าออกดุ้นเนื้อตัวเองไม่ยอมหยุด ไม่กี่นาที กวินก็เสร็จสมไปก่อน ด้านในขมิบกระตุก จนวริษฐ์รู้สึกได้ เหมือนเขากำลังถูกกลืนกิน เขาจึงดันสะโพกเข้าไปลึกสุดแรง เพื่อเสร็จตามไปติด ๆ
   “พี่เหนื่อย มาก เดี๋ยวจะวูบเอา”
   “ว้าาาาา”
   “ใช่ดิ เรายังเด็ก”
   “ผมก็เหนื่อย แต่...ผมแค่อยากอยู่ใกล้ ๆ พี่” อยากแนบชิด ให้พี่แบ่งปันความอบอุ่นมาให้ผม
   “เด็กบ้าเอ๊ย”
   พวกเขาอาบน้ำแต่งตัว วริษฐ์ได้ใส่เสื้อผ้าย้วย ๆ อีกตัวของกวิน เขาล้มตัวลงนอนด้วยความเหนื่อย ขณะที่คนตัวเล็กก็มุดเข้ามาในอ้อมแขน เหมือนจะบอกเขาด้วยท่าทางอ้อน ๆ นั้น ว่ากอดผมไว้ที
   ร่างสูงกอดร่างบางแน่น ร่างบางที่เป็นเหมือนหมอนข้างนุ่มนิ่มก่อนจะหลับไป หลับสนิทแบบไม่ต้องพึ่งบุหรี่หรือยานอนหลับ แค่ออกกำลังกายกับกวิน แล้วมีคนตัวเล็กในอ้อมแขน แค่นั้นก็หลับสนิทสบายทั้งคืน

   เช้าวันเสาร์สบาย ๆ ของทั้งคู่ พวกเขานอนตื่นสายมากกว่าปกติ 9 โมงแล้ววริษฐ์ก็ยังไม่ตื่น ในขณะที่คนตัวเล็กนอนลืมตาแป๋วมาได้ 15 นาทีแล้ว แต่ก็ไม่อยากจะออกไปจากอ้อมกอดอุ่น เสียงลมหายใจสม่ำเสมอ ทำให้เขาไม่กล้าขยับตัวด้วยซ้ำ
   ร่างบางซุกหน้าลงไปกับแผงอกกว้าง เขาจะนอนหลับอีกครั้งก็ได้ ถ้าได้อยู่แบบนี้ อยู่แบบนี้ทั้งวันก็ได้เขายอม

   
ติ้ง ติ้ง ติ้ง ติ้ง

   
   เสียงแชทของวริษฐ์ดังขึ้นรัว ๆ จนกวินตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เขาขยับตัวเพราะรอบนี้อยู่ ๆ แขนก็ชา วริษฐ์ถึงได้ลืมตาขึ้นมา เจอใบหน้าเนียนทำหน้าแหย ๆ
   “เป็นอะไร”
   “แขนชา”
   ร่างสูงคลายอ้อมกอด เขาคิดว่ากวินเป็นหมอนข้าง ถึงได้นอนกอดแน่นทั้งคืน ปฏิเสธไม่ได้ว่าเจ้าตัวอุ่นนุ่มนี่ ทำให้เขานอนหลับสบายจริง ๆ
   “พี่อาร์ตนอนเยอะไปแล้วนะครับ”   
   “มีคนทำพี่เหนื่อย”
   “ทำด้วยกัน ผมยังตื่นเช้ากว่าเลย”
   “รอบหน้าพี่จะนอนเฉย ๆ “ เขาพูดขณะบิดขี้เกียจเล็ก ๆ “ให้เราจัดการเต็มที่เลย พี่ปวดเอวไปหมดแล้ว”
   “ให้ผมทำตามใจชอบ พี่อาจจะลุกไม่ไหว”
   “เราไปอดอยากจากไหนมาฮะ”
   “ก็พี่ไม่ค่อยว่างนี่นา กว่าจะมีเวลาว่างให้ผม” ร่างบางอมลมจนแก้มป่องอย่างงอน ๆ
   “ฮะ ๆ” เขาหัวเราะแห้ง ๆ พลางลุกขึ้นนั่ง กี่โมงแล้ววะเนี้ย วริษฐ์หันมองนาฬิกาแขวน สิบโมงครึ่ง เวลาวันหยุดว่าง ๆ จะนอนแค่ไหนก็ได้เนอะ
   “ผมหิว สั่งอะไรมากินดีกว่า”
   ร่างบางขยับกลิ้งตัวมาชนวริษฐ์ มือถือมันอยู่ทางนั้นพอดี กลิ้งชนซะเลย เขายิ้มแฉ่งก่อนเอื้อมมือไปคว้ามือถือ มาไลน์สั่งป้าร้านข้าวที่อยู่ไม่ไกล
   “พี่อยากกินอะไร”
   “อืม กะเพราหมูกรอบ ไข่ดาวสองฟอง”
   “โดฟหรอครับ” กวินแซวพลางส่งเสียงหัวเราะคิกคัก จนวริษฐ์หมั่นไส้ ใช้มือตีไปที่หน้าผากเนียนเบา ๆ  ด้วยความแรงระดับของการตบยุง ดังแปะ
   กวินทำหน้าง้อ บึนปาก พลางลูบหน้าผากปรอย ๆ
   “เจ็บ”
   วริษฐ์ยิ้มขำก่อนขยับลุกหนีไปห้องน้ำ ล้างหน้าสดชื่นเพื่อมาเจอตัวแสบนอนไหลเลื้อยคว่ำหน้า ครึ่งตัวอยู่บนที่นอน ส่วนขาอยู่บนพื้น ทำให้กางเกงตัวสั้นรัดก้นกลมแน่นจนเด่นชัด
   เขาเดินไปตีก้นนั่นด้วยความหมั่นเขี้ยว ทำให้ได้ตาเขียวปั้ด และอาการค้อนตอบสนองมาชุดใหญ่
   เขาทำเมินก่อนหยิบมือถือมาเช็ค

   ‘พรุ่งนี้อย่าลืมนัดเรานะคะ
   ห้ามเบี้ยวแล้วนะ
   ไม่งั้นชะเอมจะโกรธแล้ว
   เข้าใจมั้ยคะ’

   วริษฐ์มองข้อความนั่นพลางถอนหายใจยาว สาวแผนกการตลาดทักมาย้ำเขา ในใจนึกอิดออด อยากจะเบี้ยวนัดเพื่อใช้เวลาวันอาทิตย์ไปกับการนอนเอื่อย แต่ก็จำต้องตอบรับคำ เพราะเลื่อนนัดเขามาแล้วครั้งนึง

   “ครับ เจอกันครับ”

   เขาพิมพ์ตอบกลับไปสั้น ๆ ก่อนทิ้งตัวลงนอนแผ่บนที่นอน อยากพักผ่อน งั้นให้วันนี้เป็นวันพักผ่อน ร่างสูงปรือตาลงนอนต่อ พร้อมกับที่แมวตัวโตขยับมานอนเบียดเขาเอาไว้
   “อยากนอนนิ่ง ๆ ” เขาบ่นเสียงเบา ทำไมมันเหนื่อยแบบนี้นะ ไม่ใช่เหนื่อยกายหรอก เหนื่อยใจ เขาไม่เคยรู้สึกเหนื่อยเลย จนกระทั่งได้นอนเต็มอิ่ม ถึงได้รู้ว่ามันเหนื่อย ร่างกายของเขามันทั้งเหนื่อยทั้งล้า
   “ก็นอนสิ วันหยุด” ผมก็จะนอนเหมือนกัน นอนเบียดขอไออุ่นพี่ไปแบบนี้นี่แหละ
   พวกเขาใช้เวลาร่วมกันเหมือนไม่ได้ทำอะไร แต่กลับได้ความสบายใจ นอนกลิ้งไปกลิ้งมา พอข้าวมาส่งก็ลุกขึ้นไปกิน แล้วก็นอน ชีวิตค่อนวันหมดไปกับการนอนกลิ้ง ช่วงบ่ายก็เปิดทีวีให้มีเสียง พวกเขาแค่นอนขลุกอยู่ข้างกันแล้วปล่อยให้เวลาผ่านไป
   วันนี้วริษฐ์รู้สึกเหมือนได้พักผ่อนรู้ตัวอีกทีแดดร่มลมตกแล้ว สมควรแก่เวลาที่เขาจะกลับบ้านสักที ห้องกวินอย่างกับที่พักตากอากาศ
   ร่างสูงขยับไปจูบหน้าผากนวลที่ยังนอนแผ่อยู่ข้าง ๆ เขา เขาจูบเบา ๆ เพื่อขอบคุณ เพื่อลากลับห้องสักที
   ร่างบางทำตาละห้อย แต่รู้ว่ารั้งไม่ได้แล้ว ก็นอนขลุกนอนกลิ้งอยู่ด้วยกันมาทั้งวัน

   -วริษฐ์-

   วริษฐ์ขับรถกลับมาถึงบ้าน เขาตรงดิ่งไปที่เตียงนอนทันที เขาทิ้งตัวลงนอนแผ่หลากางแขนกางขาเต็มที่นอน หลับตาลงด้วยความรู้สึกเหนื่อยอ่อนพลางบ่นอยู่ในใจ ขนาดนอนมาทั้งวันแล้วก็ยังเหมือนว่านอนไม่พอ เพราะกวิน ทำให้เขาเพลียทุกทีที่เจอกัน ร่างสูงลืมตาพลิกตัวดึงเอาหมอนข้างมากอดก่าย ในใจเผลอนึกไปถึงหมอนข้างตัวนุ่ม ระหว่างเขากับกวินคืออะไรก็ไม่รู้ อยู่ดี ๆ เราก็มาเจอกัน แล้วกวินก็มาอยู่รอบ ๆ ตัวเขา เขาไม่รู้ว่าจะจำแนกกวินว่าอะไร คู่นอน? เพื่อนร่วมบริษัท? รุ่นน้อง? หรืออะไรที่เขาไม่ค่อยจะเข้าใจนัก รู้แค่ว่าอีกฝ่ายพยายามดูแลเอาใจใส่เขา เราเจอกัน และจบด้วยการเติมเต็มความต้องการของกันและกัน ปรนเปรอแบ่งปันความสุขสม เขาไม่ได้ติดขัดอะไร และออกจะสบายใจที่ได้อยู่ตรงนั้น ...แต่มีบางอย่างในใจของเขาที่เหมือนกำลังจะร้องเตือนว่าถ้าหากมากไปกว่านี้ ถ้ามันมากเกินไปจนล้ำเส้น จะต้องมีใครสักคนที่ต้องเจ็บปวดในความสัมพันธ์ และนั่นทำให้เขากังวล ประสบการณ์ที่ผ่านมาเฝ้าย้ำเตือนเขา หลอกหลอนตามติดเขาเหมือนกับเงาตามตัว ...อย่าเปิดใจให้ใครเข้ามา ถ้าไม่อยากเสียใจ
 
   วันรุ่งขึ้นชายหนุ่มไปหาหญิงสาวตามนัด หญิงสาวแสนสวยในชุดเดรสกระโปรงสั้นสีแดงสดใส ส่งยิ้มให้เขา เธอชวนเขามาดูหนัง เดินเล่นชอปปิ้งตามประสา จริง ๆ เธอจะได้แค่ข้าวเย็น และอาจเลยเถิดถ้าอารมณ์พาไป แต่ด้วยความที่วันนั้นเขาปวดหลัง รอบนี้เธอเลยได้เวลาจากเขา ตั้งแต่บ่ายสามโมงตามเวลารอบหนังไปจนถึงไม่รู้สิ แล้วแต่สถานการณ์ก็แล้วกัน
   โรงหนังมืด และแอร์เย็นเฉียบ ร่างบางขยับเข้าหาเขา วางศีรษะพิงซบที่ไหล่ของเขา มือหนายกขึ้นลูบแผ่วเบา ทำไมผมยาว... เขาเหลือบตามองคนข้าง ๆ เขามากับชะเอม... เธอผมยาวก็ถูกแล้วนี่หว่า ไม่ได้มากับกวินนี่จะได้ผมสั้น ร่างสูงกระพริบตาปริบ ๆ ในความมืด เมื่อนึกขึ้นได้ว่ากำลังเผลอคิดถึงลูกแมวตัวใหญ่
   เขาไล่ความคิดนั้นออกไป วันนี้เขามากับชะเอมจะเป็นการไร้มารยาทเกินไปถ้าไปนึกถึงคนอื่น
   ฉากโรแมนติกในเรื่องมาถึง คู่พระนางฟัดกันนัวเนีย  คนข้าง ๆ ก็ยิ่งเบียดเข้ามา ช้อนตาขึ้นมอง แม้จะในความมืด เขาก็รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังทำอะไร เขาโน้มหน้าเข้าไปใกล้ ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ
   ‘พี่อาร์ต’ เสียงหวานแว่วมาตามลมร้องเรียกเขา ไม่ใช่สิเสียงในสมองของเขา ทำเอาเขาชะงักไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะแตะสัมผัสกับริมฝีปากบาง รสชาติเฝื่อนหวาน ๆ ของลิปสติก ไม่ค่อยอร่อยเท่าไหร่
   “วริษฐ์” หญิงสาวเรียกเขาเสียงเบาเมื่อเขาถอนจูบ “ดูหนังจบแล้วไปต่อห้องชะเอมนะ”
   “ได้ครับ” ร่างสูงหอมแก้มหญิงสาวเบา ๆ
   พวกเขาข้ามการกินข้าวเย็น แล้วมุ่งไปจบที่ห้องของหญิงสาวทันที วริษฐ์พกถุงยางติดตัวเสมอ เขาจะไม่ยอมพลาด ชายหญิงเข้าหากันด้วยสัญชาตญาณ อารมณ์ร้อนเร่าคุกรุ่น เขาเคล้นคลึงอกอิ่ม ดูดเม้มมันก่อนจะไต่สัมผัสลงไปที่เนินสาว สัมผัสจนสาวเจ้าหอบครางกระเส่า เธอนอนระทวยรอรับสัมผัสจากคนด้านบน
   เสียงครวญครางดังเป็นระลอก ตามจังหวะการกระแทกกระทั้น วริษฐ์เร่งทำให้มันจบ เขาสุขกาย แต่กลับไม่รู้สึกอิ่มใจ น่าแปลก ที่ปกติเขาจะมีความสุขมาก แต่วันนี้ทำไมกลับแปลกไป...
   
   เขาทำให้หญิงสาวมีความสุข สุขสมไปกับรสสัมผัสของเขา ครวญครางเจียนคลั่งเมื่อเขาถาโถม แต่เขากลับไม่รู้สึกอะไรเลย ในใจมันโหวงเหวงว่างเปล่า ...

   ร่างสูงกลับไปถึงบ้านเวลาทุ่มหนึ่ง เขาตรงขึ้นห้องนอน ไม่หิว ไม่อยากกินข้าวเย็น เก็บตัวในห้องส่วนตัว นั่งปล่อยใจที่ระเบียง สูบบุหรี่มวนแล้วมวนเล่า ดวงตาเหม่อลอย ความรู้สึกที่เติมเท่าไหร่ก็ไม่เต็มกลับเข้ามาอีกครั้ง ความรู้สึกที่เหมือนในอกมันกลวง เป็นหลุมลึกที่พร้อมจะกลืนกินตัวตนของเขาเข้าไป
   “ถ้าวันนั้นคุณไม่ทิ้งผมไป ตัวผมในตอนนี้จะเปลี่ยนไปมั้ย” ร่างสูงพูดพึมพำด้วยดวงตาเหม่อลอย เขานั่งชันเข่า กอดตัวเองแน่น
   “ทำไมทุกคนถึงเลือกที่จะทิ้งผมเอาไว้”
   หยาดฝนโปรยปรายราวกับรู้จังหวะ เมื่อเห็นฟ้าแลบ มือหนายกขึ้นปิดหูทั้งสองข้าง เขาหลับตาปี๋ เสียงฟ้าร้องดังสนั่น มีผู้ชายร่างสูงคนหนึ่งกลัวเสียงฟ้าจนน้ำตาไหล เขากลัวจนเริ่มร้องไห้ออกมา พร้อมเสียงพึมพำซ้ำไปซ้ำมา
   “อย่าทิ้งผม อย่าไป อย่าทิ้งผมไว้คนเดียว”

   วริษฐ์ตื่นขึ้นมาแบบไม่สดชื่นนัก เขารู้สึกแย่จนไม่อยากขยับตัว เมื่อคืนหลังฝนหยุดตก ฟ้าเลิกร้องคำราม เขาดึงสติตัวเองกลับมาได้แม้จะใช้เวลายาวนานกว่าจะได้นอน เขาไม่สามารถจะข่มตานอนหลับได้เอง ยานอนหลับถูกนำออกมาใช้ หลังไม่ได้ใช้มาเกือบเดือน เพราะฤทธิ์ยาเขาถึงได้หลับ แต่ผลข้างเคียงของยาก็คือทำให้เขาปวดหัวอยู่ตอนนี้
   เขาไม่รู้ว่าเป็นอะไร รู้แค่ว่าวันนี้ไม่ใช่วันที่ดี


-กวิน-

   ร่างบางตื่นแต่เช้า ทำกิจวัตรเดิม ๆ วันนี้ผมเลือกใส่เสื้อผ้าสีสดใส เสื้อเชิ้ตสีเหลืองกับกางเกงสีขาว ผมเตรียมอาหารเช้าง่าย ๆ ไข่ข้นกับแฮม พร้อมขนมปังกรอบใส่กล่องใบเล็กให้วริษฐ์กล่องหนึ่ง ส่วนผมกินให้อิ่มจากห้อง พร้อมกระดาษโพสอิทใบเล็ก เขียนว่า

   ‘สวัสดีวันจันทร์ ด้วยไข่ข้นสีเหลือง’

   เพราะห้องอยู่ใกล้ ผมถึงเดินทางไปถึงที่ทำงานได้อย่าวรวดเร็ว ไปถึงแต่เช้า ออฟฟิศร้างคนเสมอ แต่ครั้งนี้น่าแปลกที่วันนี้ผมกลับเจอวริษฐ์นั่งอยู่ในห้องแต่เช้า ร่างสูงนั่งเหม่อใจลอยไปไหนไม่รู้ เขาไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำเมื่อผมเดินเข้ามาใกล้ จนได้กลิ่นกาแฟร้อน หอมกรุ่น
   “พี่อาร์ต”
   ผมส่งเสียงทักพลางวางกล่องข้าวลงตรงหน้าเขา ร่างสูงพยักหน้าทักทาย ผมมองสำรวจอีกฝ่าย เขาดูโทรมเหมือนคนไม่ได้นอน
   “ผมมาทันพี่พอดีเลย กินกับกาแฟนะครับ”
   “ขอบคุณนะกวิน...” วริษฐ์มองอีกฝ่ายด้วยสายตาอ่อนล้า ก่อนจะเงียบไปอึดใจ แล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “แต่ต่อจากนี้ไม่ต้องแล้ว”
.
.
[ฮึก เหมือนจะบอกว่าสิ่งที่น้องทำน่ะดีนะ
แต่พี่ไม่ต้องการ พี่วริษฐ์ใจน้องกวินบางนะ
อย่าทำให้น้องเจ็บบบบ]
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 13 ความสุขที่น่าหวาดกลัว 9/12/62
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 09-12-2019 00:53:24
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 13 ความสุขที่น่าหวาดกลัว 9/12/62
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 09-12-2019 01:20:10
เกิดอะไรขึ้นกับพี่ๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 13 ความสุขที่น่าหวาดกลัว 9/12/62
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 09-12-2019 14:32:53
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 13 ความสุขที่น่าหวาดกลัว 9/12/62
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 10-12-2019 01:55:16
เฮ้อออ. สงสารกวิน พี่อาร์ตใจร้าย
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 14 ระยะห่างที่มองไม่เห็น 12/12/62
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 12-12-2019 22:38:32
บทที่ 14 ระยะห่างที่มองไม่เห็น


               คำพูดและน้ำเสียงที่ฟังดูเย็นชาห่างเหินนั่นทำให้ดวงตากลมโตวูบไหว รอยยิ้มสดใสกลายเป็นรอยยิ้มเจื่อน ๆเพราะอะไร ทำไมเขาพูดแบบนั้น ‘แต่ต่อจากนี้ไม่ต้องแล้ว’ ...

               “ทำไมครับ มะ มันไม่อร่อยหรอ” ผมถามออกไปเสียงเบา

               “พี่ว่ามันเสียเวลาเปล่า” ร่างสูงมองจ้องอีกฝ่ายนิ่ง “มันเป็นไปไม่ได้หรอก”

               รอยยิ้มจางห่างไปจากใบหน้าของกวิน การถูกสั่ง ถูกบังคับครั้งนี้ มันเกินไป...

               “จะเสียหรือไม่เสีย พี่ให้ผมตัดสินใจสิ ไม่ใช่พี่คิดเอาเอง” ผมพูดเสียงดังโวยวาย กึ่งตะโกน ทำไมทุกคนคอยห้ามเขาทำนู่นทำนี่ ทำไมต้องคิดตัดสินใจแทนเขาตลอด เขาคิดเองเลือกเองไม่ได้หรือไง กวินต้องเรียนนี่นะ ต้องเก่ง ต้องขยัน ห้ามวาดรูป เป็นหมอสิ หรือจะวิศวะ บริหาร บัญชีก็ดีทั้งนั้น แต่ไม่ใช่วาดรูป เปิดประตูมาคุยกันดี ๆ สิกวิน อย่ารักพี่ มันเสียเวลา ไปรักคนอื่นเสียเถอะ คำพูดมากมายที่คอยแต่จะสั่งเขา บังคับเขาให้เขาต้องทำในสิ่งที่ไม่อยาก ทำไม ทำไมเขาไม่มีสิทธิได้เลือก!

               “กวิน” วริษฐ์เรียกชื่ออีกฝ่ายเพื่อปราม เขาไม่รู้ว่าทำไมกวินถึงดูเหมือนจะฟิวส์ขาดขึ้นมา เขาก็ไม่คิดว่าจะได้เห็นคนตรงหน้าโวยวายแสดงอารมณ์อื่นแบบนี้ นอกจากยิ้มให้เขา

               แต่ที่เขาพูดแบบนั้น เพราะรู้สึกว่ากวินเข้ามาใกล้เขาเกินไป ต้องมีช่องว่างให้มากกว่านี้ ตอนนี้มันใกล้เกินจนเขาเริ่มกังวล เขาอยู่กับชะเอม แต่กลับนึกถึงกวิน เขาต้องระมัดระวัง

               “พี่อาร์ต อย่าไล่ผมเลย” ผมพูดออกไปพยายามควบคุมไม่ให้เสียงสั่น ปกตินายซ่อนใบหน้าเศร้าสร้อยไว้ใต้รอยยิ้มได้เสมอนี่กวิน แต่เวลาที่อยู่กับวริษฐ์มันกลับเป็นเรื่องยาก เหมือนว่าพอเคยร้องไห้เอาแต่ใจสักครั้งหนึ่งแล้ว ก็อยากจะทำแบบนั้นอีก เป็นพื้นที่ที่ต่อให้เขาจะร้องไห้ อีกฝ่ายก็คงรับได้ แต่ครั้งนี้มันไม่ควรสิ เขาควรจะยิ้ม ทำตัวน่ารักเพื่อให้พี่อาร์ตเปลี่ยนใจ ... แต่ขอบตาเจ้ากรรม มันกลับร้อนผ่าว น้ำตาเอ่อคลอ ...ไม่รักผมก็ได้ แต่ให้ผมทำอะไรดี ๆ ให้พี่แบบนี้ต่อไปไม่ได้หรอ ให้ผมอยู่เคียงข้างพี่ดูแลพี่ มันยากตรงไหน

               กวินพยายามฝืนยิ้ม แต่น้ำตากลับไหลหยดลงข้างแก้มเนียน เจ้าตัวใช้มือปาดมันลวก ๆ แค่คำพูดไม่กี่คำของคนตรงหน้า กลับทำให้หัวใจของเขาเหมือนแตกสลาย น้ำตายิ่งปาดยิ่งไหล ไม่ได้อย่างใจเอาซะเลย

               วริษฐ์มองดูร่างบางที่ยืนก้มหน้าก้มตา ใช้มือปาดน้ำตาไปมา ไหล่เล็กสั่นสะท้าน ภาพตรงหน้าทำใจเขาอ่อนยวบ ไปทำเขาร้องไห้ทำไมล่ะวริษฐ์ แกต้องจัดการตัวเอง แต่ไม่ใช่แบบนี้

               “ลืมที่พี่พูดไปเถอะกวิน พี่ขอโทษ” ร่างสูงพูดออกมาแบบนั้น พลางเปิดกล่องข้าวใบเล็กออกมา “น่ากินจัง”

               “ฮือ”

               เขามองอีกฝ่ายที่ดันร้องไห้หนักกว่าเดิม ทำให้วริษฐ์ทำอะไรไม่ถูก เขายกมือขึ้นตบหน้าผากตัวเองเบา ๆ ร่างบางร้องไห้น่าสงสาร จนเขารู้สึกผิด

               “กวิน มานี่มา”

               เขาดึงเก้าอี้โต๊ะข้าง ๆ ออกมา พลางตบเรียกให้ร่างบางนั่งลง ผมมองท่าทางนั้นผ่านม่านน้ำตาที่พร่ามัว แต่ก็ยอมนั่งลงแต่โดยดี มือหนาขยับไปเช็ดน้ำตาให้ มันอ่อนโยน จนเหมือนที่เขาร้องห่มร้องไห้นี่ เป็นความงี่เง่าของเขาเอง

               “ไม่ร้องนะกวิน พี่ขอโทษ” เสียงทุ้มนุ่มทำให้หัวใจที่เกือบแหลกสลายของเขา กลับเชื่อมต่อกันติดเหมือนเดิม คำพูดเมื่อกี้เหมือนไม่เคยเกิดขึ้น เหมือนไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อน

               ร่างสูงดึงอีกฝ่ายมากอดไว้หลวม ๆ มือหนาลูบศีรษะกวินอย่างปลอบโยน เขาโยกตัวเบา ๆ เหมือนกล่อมเด็กเวลาร้องไห้

               ผมฝังใบหน้าลงกับไหล่ของเขา สูดดมกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มจากเสื้อของเขา พลันจิตใจสงบลงอย่างประหลาด

               “กวินอยากทำอะไร เต็มที่เลย พี่ไม่ห้ามเราแล้ว”

               “...”

               “ไม่ร้องไห้แล้วนะ”

               “...”

               “เด็กดี”

               ผมพยักหน้าหงึกหงักอยู่กับไหล่หนา พี่อาร์ตยังคงลูบศีรษะเขาไม่หยุด เขาเหมือน เป็นเด็กน้อยที่อีกคนกำลังพยายามปลอบโยน เขารู้ว่าการที่จะทำให้พี่อาร์ตรักเขามันยาก แต่ก็อยากพยายาม ไม่อยากปล่อยไป สิ่งที่เขาอยากทำก็คือทำให้คนตรงหน้ารักเขาให้ได้

               “พี่อาร์ต” น้ำเสียงสั่นเครือเรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงเบา “อย่าไล่ผมอีกนะ”

               ร่างสูงยิ่งโยกตัวแรงขึ้น เหมือนกำลังเล่นโยกเยก

               “แมวหางงอกอดคอโยกเหยก” วริษฐ์ร้องฮัมเพลงออกมาเบา ๆ

               “ไม่ใช่หมาหางงอหรอ”

               “ก็พี่กอดแมวอยู่”

               เขาคลายอ้อมกอด เมื่ออีกฝ่ายนิ่งสงบ กอดกันแบบนี้ปะเจิดปะเจ้อเกินไปหน่อย เขาผละออก เปลี่ยนเรื่องหันไปชิมไข่ข้น กับแฮมที่ร่างบางเตรียมมาให้

               “อร่อย กวินกินอะไรมายัง”

               “กินมาแล้วครับ”

               “อ่ะพี่ให้เด็กน้อยจิบกาแฟร้อนได้อึกหนึ่ง”

               มือหนายื่นส่งกาแฟร้อนให้กวิน เขารับมาจิบ รสขมแผ่ซ่าน ทำเอาร่างบางแลบลิ้นออกมา กาแฟดำ ขมปี๋ ขมกว่าเรื่องเมื่อกี้ร้อยเท่า

               วริษฐ์มองคนตัวเล็กที่แลบลิ้นออกมาด้วยความเอ็นดู

               พวกเขาเริ่มต้นเช้าวันใหม่อีกครั้ง ด้วยความสดใส ที่ร้องไห้เมื่อกี้ไม่นับ...



               แต่ถึงเจ้าตัวจะพูดว่าให้เขาทำอะไรตามใจได้เต็มที่ แต่วริษฐ์ก็เว้นช่องว่างกับเขา ไม่ว่าจะพยายามเชิญชวนอีกฝ่ายไปห้องยังไงเขาก็ไม่ยอมไป ไปกินข้าวเย็น ดูหนัง เดินเล่นชอปปิ้งบ้าง แล้วก็ส่งกวินลงที่ใต้หอ เขาใจดีเหมือนเคย แต่ไม่เคยเกินเลยกันอีก เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นอะไร เบื่อเขาแล้วหรือยังไง แต่เขายังเหมือนเดิม เตรียมอาหารเช้าไว้ให้เขาทุกวัน

               ทั้งอาทิตย์นี้นอกจากวันจันทร์ วริษฐ์โดนตัวกวินแค่การลูบหัวเท่านั้น ลูบไล้เส้นผมอ่อนนุ่มเวลาเจ้าตัวทำอะไรน่ารัก เช่นกินหมูสามชั้นพร้อมใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส คีบลูกชิ้นที่มีในชามแค่สองลูก แบ่งให้เขาลูกหนึ่ง แค่เขาออกปากบอกว่ามันอร่อย หรือยิ้มให้เขาด้วยดวงตาเป็นประกาย ตอนเห็นชุดอุปกรณ์วาดรูป กวินเป็นเด็กน้อยน่าเอ็นดู ที่มักจะวิ่งวนอยู่รอบ ๆ ตัวเขา

               ช่วงนี้เขาไม่มีนัดกับใคร หรือจะเรียกว่าไม่มีอารมณ์ไปเอาอกเอาใจใครมากกว่า โดยเฉพาะผู้หญิงสาวสวยที่ต้องการการเอาใจเป็นพิเศษ เขาปฏิเสธไปทั้งหมดด้วยการบอกว่าญาติเอาแมวมาฝาก ต้องกลับไปดูแล เพราะแบบนี้เขาจึงไปกินข้าวเย็นเป็นเพื่อนกวินตลอด

               เย็นวันพฤหัสบดีวันนี้เราไปกินอาหารตามสั่งด้วยกัน ร้านที่อยู่ใกล้ที่ทำงาน วริษฐ์กินหมูกระเทียมไข่ดาว กวินกินข้าวผัดรวมมิตร

               “พี่อาร์ตชิมมั้ย”

               “อร่อยหรือเปล่า”

               “อร่อยมาก พี่อาร์ต กินเยอะ ๆ จะได้แข็งแรง”

               ‘อาร์ต กินเยอะ ๆ นะ จะได้แข็งแรง’ ร่างสูงนึกถึงคำพูดเก่า ๆ ที่เคยได้ยิน เสียงของผู้หญิงคนนั้น คนที่เรียกเขาว่าอาร์ตเหมือนกัน มือหนาสั่นเล็กน้อย ขณะตักข้าวเข้าปาก ช่วงนี้นึกถึงเธอบ่อยเป็นพิเศษ...

               “พี่อาร์ต”

               “...”

               “พี่อาร์ตครับ”

               “...”

               “พี่อาร์ตครับ!”

               กวินพยายามเรียก เมื่อร่างสูงอยู่ดี ๆ ก็เหม่อ

               “พรุ่งนี้ว่างมั้ย”

               “พี่มีนัดกับเพื่อน”

               “ครับ”

               กวินพยายามเก็บสายตาหงอยเหงา วันศุกร์นี้เขาก็ไม่ว่างเหมือนเคย เขาเหงา ทั้งที่เขาเองก็มีที่ไป มีเพื่อนฝูง มีบ้านให้กลับ แต่เขากลับไม่อยากเจอใคร นอกจากพี่อาร์ต ขณะที่พี่อาร์ตเหมือนห่างจากเขาไปเรื่อย ๆ เขามากินข้าวแล้วก็กลับมาส่งกวินเหมือนหอนี้เป็นหอใน ที่หอจะปิดตอนสองทุ่มแล้วห้ามใครขึ้นห้อง วันนี้ก็เหมือนกัน



               ร่างบางกลับถึงห้อง พาหัวใจที่แสนห่อเหี่ยวของตัวเองไปซุกอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนา พี่อาร์ตไม่เหงาเหมือนเขาบ้างหรือ... แน่ล่ะคงไม่ เขามีใครต่อใครมากมายให้ไปหา มีแต่เขาที่คิดจะมีพี่เขาคนเดียว คิดไปเองคนเดียวว่าความพยายามจะทำให้อะไร ๆ ดีขึ้นมาบ้าง แต่ก็ไม่เลย...ตั้งแต่วันที่เขาเอ่ยปากมา ว่าต่อจากนี้ไม่ต้องแล้ว อะไร ๆ ที่พยายามก็เหมือนไม่มีความหมาย หรือจะเบื่อ ...พอเขาเบื่อ เขาได้แล้ว เขาก็คงไม่สนใจใยดี แค่คิดแบบนั้นขอบตาก็ร้อนผ่าว ต้องเร่าร้อนแค่ไหน ต้องรสชาติดีขนาดไหนพี่ถึงจะไม่ไป...

               “พี่อาร์ตครับ พี่ไม่มีเยื่อใยให้ผมสักหน่อยหรอครับ” กวินพึมพำเสียงเบาพลางยกมือขึ้นปิดหน้า เมื่อน้ำตาเม็ดโตไหลหยด เขาท้อแท้ ทำไมความรักมันยาก



               ถึงเมื่อคืนจะร้องห่มร้องไห้ ตอนเช้าก็ลุกขึ้นมาทำข้าวเช้าเตรียมให้เขาอยู่ดี กวินตัดสินใจว่าจะสู้จนกว่าจะไม่ไหว สองปีที่เขาเฝ้าตามหา ไม่ได้เปราะบางพังทลายได้ง่ายดายขนาดนั้น

               เขาวางกล่องอาหารกล่องเล็กให้พี่อาร์ตเหมือนทุกวัน แล้วก็รอเอากล่องที่เขาล้างวางไว้ให้ในห้องครัว วันนี้เขาต้องกินข้าวคนเดียว กลับห้องไปนอนหงอย ๆ พี่อาร์ตไปเที่ยวกับเพื่อนตอนเย็น งั้นเขาไปที่นั่นดีกว่า ที่ ๆ เราเจอกันครั้งแรกร้านเดิมร้านนั้น ที่เมื่อก่อนเขาเป็นลูกค้าประจำ เพื่อไปนั่งรอใครบางคน

               ร่างบางเดินเข้ามาในร้าน feeling ไม่ได้มาเกือบเดือน ครั้งก่อนยังมีคนมาด้วย ครั้งนี้มาคนเดียวอีกแล้ว เฮ้อ แต่เขาก็เหงาไม่นานนัก เมื่อมีคนมาเกาะแกะ คอยส่งเครื่องดื่มให้เขาอีกครั้ง รอบนี้จะกินหน่อยก็ได้ เหมือนประชดชีวิตกลาย ๆ เขารับแก้วมาจากพนักงานของเหลวสีแดงสด ดูน่ากลัว หวานต้นขมปลาย เขาหันไปส่งยิ้มหวาน ๆ ให้เป็นการขอบคุณ

               “เฮ้อออ” ร่างบางถอนหายใจเป็นครั้งที่ร้อย ในใจก็มีแต่ความรู้สึกน้อยอกน้อยใจ ไม่รู้ตอนนี้อีกคนจะกินดื่มสนุกสนานขนาดไหน แต่เขาน่ะเหงาจะตายอยู่แล้ว



               วริษฐ์ออกไปสังสรรค์กับเพื่อนเป็นปกติ เมื่อเขามาถึงก็เดินเข้ามาร้านเลยพนักงานที่นี่รู้จักเขาดี เขาเดินลิ่วไปที่โต๊ะประจำ พลางมองแก๊งเพื่อนมหาวิทยาลัย ชายฉกรรจ์ 4 คนนั่งเรียงกันในโต๊ะพิเศษของร้าน โต๊ะโคตร VIP โต๊ะเจ้าของผับ เพราะมีเพื่อนเปิดผับ ที่นี่จึงเป็นแหล่งรวมตัว ไม่รู้จะไปไหน สนุก หรือ เศร้า เขาก็จะมาที่นี่

               “วริษฐ์ เมิงมาเที่ยวหรือมาสัมภาษณ์งาน ใส่สูทผูกไทด์เมิงก็ไปเสิร์ฟได้เลย” เจ้าของผับเอ่ยปากแซว ทำเอาวริษฐ์กลอกตาเหนื่อยหน่าย เพิ่งเลิกงานก็ตรงมานี่ เสื้อเชิ้ตนี่มันก็เรียบร้อยอยู่แล้วเพราะใส่ทำงาน ทักซะเสื้อราคาแพงของเขาของกลายเป็นเครื่องแบบง่อย ๆ ของมันเลย

               “เลิกเอาเสื้อผ้ากุ ไปเทียบกับเครื่องแบบง่อย ๆ ของร้านเมิงสักที”

               “ฟังแล้วจี๊ดใจเลย เดี๋ยวกุสั่งตัดใหม่ทั้งร้านแม่ม”

               “โห ไอ้เต๋า ถ้าเมิงร่ำรวยขนาดนั้น เหล้าขวดนั้น ไม่จ่ายตังแม่ม” เพื่อนอีกคนพูดกัด เต๋าที่เป็นเจ้าของผับ

               “ถ้าวันนี้เมิงไม่เมาแล้วปัดแก้วร้านกุตกแตก กุจะคืนเงินค่าเหล้าให้เลย”

               นภที่พูดแซวเต๋า ตัวมันเอวเวลาเมา ๆ กริ่ม ๆ มือไม้ไม่ค่อยจะนิ่ง ทำแก้วร้านเต๋าแตกประจำ สถิติสูงสุดที่มันทำตอนนี้คือ 10 แก้ว เต๋ามันบ่นนภทุกครั้งเวลามันสร่างเมา แต่บ่นไปก็เท่านั้น

               “กุพนันเลย วันนี้แตก 5 ใบ”

               “ไอ้เชี่ยนัท”

               “อ่ะ กุว่า 7 “

               “เมิงด้วยหรอไอ้วิช”

               “ถ้าเมิงอยากแดกเหล้าฟรี ก็จับแม่มไปมัดไว้กับเก้าอี้” วริษฐ์พูดเสริมขณะนั่งลงกับเพื่อน สาวพนักงานหุ่นอึ๋มรีบเข้ามาชงเครื่องดื่มให้เขา

               “เหล้ากับน้ำเปล่า” วริษฐ์สั่งเบา ๆ

               พอเหล้าเข้าปากบทสนาระหว่างเพื่อนก็หยาบขึ้นเรื่อย ๆ มีหลายเรื่องที่ผู้ชายชอบพูดคุยกัน วงเหล้ามีตั้งแต่เรื่อง กีฬา ผู้หญิง ข่าวสารบ้านเมือง การเลือกตั้ง เศรษฐกิจ ยันปรัชญา แต่พอยิ่งกรึ่มมุกตลกใต้สะดือก็เริ่มผุดออกมามากขึ้น

               เขาหัวเราะขบขันไปกับมุกบ้า ๆ บอ ๆ จนรู้สึกว่ามือถือในกระเป๋ากางเกงมันสั่น เขาถึงได้ล้วงมันออกมาดู

               ‘กวิน’

               ชื่อที่แสดงอยู่บนมือถือทำเอาเขาขมวดคิ้ว ในใจถกเถียงตบตีกันน่าดู รับหรือไม่รับดี สุดท้ายเขาก็ลุกพรวดขึ้น เดินก้าวเท้ายาวออกไปข้างนอกทันที เขากดรับไม่ทัน... ร่างสูงเก็บมือถือลงกระเป๋า ล้วงเอาบุหรี่ออกมาจุดสูบเพื่อรอ สายตัดปุ๊บ อีกฝ่ายก็กดโทรมาใหม่ทันที

               “ครับ” ร่างสูงรับสาย เขารอฟังว่าอีกฝ่ายจะพูดว่าอะไร

               ‘พี่... พี่อาร์ต

               พี่ครับ ช่วย...

               มารับ...ผมหน่อยได้มั้ย’ น้ำเสียงกวินดูแปลก ๆ เหมือนเมามันอ้อแอ้ แต่ก็ติดจะแหบพร่า

               “เป็นอะไร”

               ‘ไม่รู้ ...ครับ ผม อยู่ร้านนั้น ที่เราเจอกัน’ กวินพูดเสียงขาด ๆ หาย ๆ เขาได้ยินเสียงหอบเบาของอีกฝ่าย

               “เมาใช่มั้ย กวินออกไปเรียกแท็กซี่กลับเองเลยครับ”

               ‘พี่...อาร์ต’ เขาเรียกผมเสียงเบา มันเบาจนเขาแทบไม่ได้ยิน

               “กลับดี ๆ” ร่างสูงพูดแค่นั้นก็กดวางสายไป เขาใจร้าย เขารู้ แต่ถ้าเขาใจอ่อน หลายวันที่ผ่านมาเขาต้องเริ่มใหม่ เริ่มที่จะพยายามเอาตัวออกห่าง มีระยะห่างระหว่างกัน

               วริษฐ์ดับบุหรี่ เขาเดินกลับเข้าไปในผับ ยกเหล้าขึ้นกระดึกอึกใหญ่ มันเจือจางมากเพราะน้ำแข็งละลาย เขาว่าเขาออกไปแปปเดียว ตอนนี้เขาไม่สนุกเหมือนเดิมเหมือนก่อนที่มือถือเจ้าปัญหาจะดัง กลายเป็นเขาถือมือถือไว้ในมือตลอดเวลา พอเผลอก็หันไปมองมัน กวินโทรมาหาเขาตอน 3 ทุ่มครึ่ง ตอนนี้จะ 3 ทุ่มสี่สิบห้านาที เพิ่งผ่านมาแค่สิบห้านาที แต่ในใจเขากลับร้อนรนวริษฐ์แทบนั่งไม่ติดเก้าอี้ ทำไมกันวะ น้ำเสียงมันอ้อแอ้ ฟังดูแปลก แทบยังขอให้เขาไปรับอีก มันเป็นอะไรหรือเปล่า

               ร่างสูงผุดยืนอีกครั้ง

               “เป็นเชี่ยอะไรวะวริษฐ์ เมิงไม่นิ่งเลยลุกลี้ลุกลน ตาเมิงก็มองแต่มือถือ”

               “กุ เดี๋ยวกุกลับก่อน”

               “เฮ้ย ยังไม่สี่ทุ่มเลยนะเว้ยรีบไปไหน”

               “เท่าไหร่เมิงแชทมาบอกแล้วกัน”

               เขาไม่ได้ฟังหรือใส่ใจตอบคำถาม แต่เดินออกไปเลย ใจเขาไปถึงร้านนั้นแล้ว ร้าน feeling ร้านที่กวินบอกว่าเจอกับเขาครั้งแรก เขารีบร้อน จากนี่ไปร้านนั้นไม่ไกล เขาแอบกังวลไม่น้อย จะเรียกว่าห่วงก็ได้น้ำเสียงของอีกฝ่ายมันผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด อุตส่าห์โทรมาขอร้องจะไม่ไปก็ใจจืดใจดำ

               

               ร่างสูงไปถึงร้านนั้นใน 15 นาที เขามองสอดส่ายสายตามองหากวินด้วยความร้อนรน ไม่รู้นั่งอยู่ตรงไหน ร้านไฟสลัวจนเขานึกหงุดหงิดอยากจะไล่เปิดไฟให้สว่างหมดทั้งร้าน เขาพยายามมองหาคนที่นั่งคนเดียว แต่ไม่มีเลย แล้วเขาก็พบ... กวินกำลังนั่งอยู่กับใครสักคนทั้งคู่กำลังนัวเนียกันน่าดู มือของคน ๆ นั้นไม่อยู่สุข ลูบไล้แขนกวินไม่หยุด จะตามเขามาทำไม ให้ดูว่าเวลานัวเนียกับคนอื่นเผ็ดร้อนแค่ไหน หรือว่าอยากให้เขาหึงให้เขาใส่ใจ หรือนึกเสียดายล่ะ ไม่ว่าอะไรที่แน่ ๆ ตอนนี้เขามีแต่ความโมโห หยามหน้ากันชัด ๆ เขาเดินเข้าไปใกล้ และก่อนทื่มือของชายแปลกหน้าจะเลื่อนไปลูบไล้ขา มือหนาก็คว้ามือซุกซนของคนแปลกหน้าเอาไว้ก่อน เขามองอีกฝ่ายด้วยสายตาไม่พอใจนัก ดูเด็กกว่าเขา เด็กกว่ากวินด้วยซ้ำ

               “มายุ่งอะไร”

               “อย่าแตะของกุ” วริษฐ์พูดเสียงเข้ม ดวงตาวาวโรจน์ เขาบีบแขนอีกฝ่ายนิ่ง ก่อนจะปล่อยมืออีกฝ่ายเหมือนโยนทิ้ง

               “แฟนพี่หรอ” น้ำเสียงอีกฝ่ายอ่อนลง

               “เออ” เขาตอบรับ เพราะคำพูดนั้นทำให้เด็กหนุ่มยอมถอย

               “ไม่รู้ว่ามีแฟนเห็นมาคนเดียว” ชายแปลกหน้าพูดขณะยอมลุกออกไปแต่โดยดี

               ร่างสูงนั่งลงแทนที่ เขามองกวินที่หมดสภาพ ในใจนึกโกรธที่เจ้าตัวปล่อยเนื้อปล่อยตัวขนาดนี้ เสื้อเชิ้ตตัวบางกับกางเกงสั้นขนาดนี้ ล่อเสือล่อตะเข้ แล้วยังมาคนเดียวอีก เขาเก็บความโมโหเอาไว้ข้างใน ก่อนเอื้อมมือไปจับไหล่กวินเขย่าเบา ๆ 

               “กวิน”

               ร่างบางหันมายิ้มให้เขา เหมือนอีกฝ่ายจะความรู้สึกช้า เพิ่งรู้ว่าเขามา ตอบเขาเชื่องช้า “พี่ ... ”

               “ไปกลับห้อง พี่ไปส่ง” วริษฐ์เอ่ยเสียงดุ ร่างสูงกวักมือเรียกพนักงานให้มาเก็บเงิน เขาจ่ายเงินเรียบร้อย ก็คว้าแขนคนเมาให้ลุกขึ้น ตัวกวินร้อนจี๋เหมือนไฟ เหมือนคนดื่มไปเยอะ แต่ไม่ใช่กวินไม่ใช่คนคออ่อน แถมเช็คบิลเมื่อกี้ก็มีแค่มาร์ตินี่แก้วเดียว เขาเก็บความสงสัยก่อนพาร่างบางอ่อนปวกเปียกออกไปในพื้นที่ที่มีแสงสว่าง

               กวินตัวอ่อนยืนเองแทบไม่ไหว เนื้อตัวแดงก่ำ ดวงตาหวานเชื่อมช้อนตาขึ้นสบตาเขา ริมฝีปากอิ่มอ้าออกเจ้าตัวหอบหายใจเล็ก ๆ

               “พี่ มาหา...ผมแล้ว” เสียงกวินแหบพร่าโคตรแปลก มันฟังดูเซ็กซี่ชวนให้... เดี๋ยวนะ ตอนคิดตังมีแก้วเดียว แต่บนโต๊ะมีแก้วเปล่าอยู่ 3 แก้ว หรือว่าไอ้บ้านั่น!

               วริษฐ์พากวินขึ้นรถ ร่างบางนอนพิงกับเบาะรถ ดวงตาปรือ แต่มือบางกลับพยายามปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตตัวเองออก   

               “กวินจะทำอะไร”

               “ผม ร้อนครับ”

               ชัดเจนโดนยาแน่ ๆ วริษฐ์ขยับไปคาดเข็มขัดนิรภัยให้กวินก่อนรีบออกรถ เขาจะพากวินไปส่งให้ถึงห้องโดยเร็วที่สุด ในใจยิ่งโกรธคนตัวเล็ก ที่ออกมากินเหล้าคนเดียวไม่พอ แต่งตัวไม่เรียบร้อย แล้วยังกล้ารับของจากคนแปลกหน้ามาดื่มอีก ถ้าเขาไม่ไปจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเขาใจจืดใจดำอีกนิด ร่างบางคงโดนเขาพาไปปู้ยี่ปู้ยำพอดีกัน ทำไมไม่รู้จักระมัดระวังตัว

               มือบางยังสาละวนกับการปลดกระดุมเสื้อ แต่ก็ทำได้ลำบากเพราะติดเข็มขัดนิรภัย วริษฐ์คิดว่าน้องคงร้อนมาก ก็กดเร่งแอร์ให้ ลมเย็นจนเขาขนลุก

               “อื้อ พี่...อาร์ต” ร่างบางร้องเรียกเขา เสียงหวานปนแหบทำเอาเขาขนลุกยิ่งกว่า มือบางย้ายจากส่วนบนมาที่ส่วนล่างคว้าหมับของตัวเองผ่านเสื้อผ้า

               “อื้อ อึก” กวินครวญครางเสียงหวานเมื่อฝ่ามือบางถูไถกันแก่นกลางที่แข็งเกร็งขึ้นมา เขาไม่มีเรี่ยวแรง แต่รู้สึกว่าต้องทำอะไรสักอย่าง ในสมองงุนงงสับสน มีแต่ความรู้สึกร้อนเร่าที่ต้องจัดการ

               วริษฐ์พยายามรวบรวมสมาธิ แยกหน้าก็จะถึงแล้ว อย่าเพิ่งให้เจ้าตัวช่วยตัวเองตอนนี้ก็แล้วกัน

               “ช่วย ช่วยผมที” เสียงหวานพูดบอกพร้อมหอบกระเส้า อีกฝ่ายคงอยากเต็มทน และไม่อยากจะบอกว่าภายใต้ความโกรธของวริษฐ์ บางส่วนของเขาก็ตื่นตามเสียงหวานของกวินขึ้นมาแล้ว

               เมื่อมาถึงตึก การประคองกวินไปเป็นเรื่องยาก เมื่อเจ้าตัวมักจะทิ้งตัวลงมาใส่เขาตลอด เขาตัดสินใจ อุ้มช้อนคนตัวเล็กเข้ามาในอ้อมแขน กระชับแน่นก่อนรีบก้าวเท้า เขาเดินทำเวลาเหมือนกำลังแข่งกีฬาซีเกมส์ เพราะกวินจะทำเขาไม่ไหวแล้ว มือบางลูบไล้ไปทั่ว แต่ที่ลูบย้ำบ่อยสุดก็ที่ซอกคอของเขา



               เขาพากวินมาถึงห้องด้วยความทุกลักทุเล ร่างบางพยายามจะกอดรัดเขาไม่ยอมปล่อย วริษฐ์ตั้งใจจะหลบให้กวินจัดการตัวเอง แต่มือบางกลับคว้าจับเขาเอาไว้ มือเหนียวเหมือนตีนตุ๊กแก

               “กวินปล่อยพี่”

               “ช่วยผม”

               เขาเห็นสภาพยั่วยวนของคนตรงหน้าเขาก็ยิ่งหงุดหงิด ไม่ปฏิเสธว่าพลอยมีอารมณ์ไปด้วย แต่ที่มีมากกว่าคือความโกรธ ความโมโห

               “ทำไมออกไปกินเหล้าคนเดียว”

               “...”

               ดวงตาหวานฉ่ำมองจ้องเขาแต่ไม่ได้ตอบ ความโมโหที่กดเก็บเอาไว้ก็ค่อย ๆ ทะลัก

               “เสื้อเชิ้ตตัวบางเฉียบ เห็นไปถึงไหนต่อไหน กางเกงขาสั้นนี่อีกตั้งใจไปยั่วใครหรอไง!”

               วริษฐ์พ่นคำพูดร้ายกาจออกมา เมื่อมือบางไม่ปล่อยเขา ยังทำท่าเชื้อเชิญไม่หยุดหย่อน ริมฝีปากแดงเรื่อหอบหายใจ

               “คันมานักหรอไง”

               “ครับ” ร่างบางพูดขึ้นมา “ผมเชิญ...ชวนพี่ทุกวัน”

               “พอพี่ไม่มา เลยไปหาคนอื่นแก้คันหรือไง”

               วริษฐ์รู้อยู่แก่ใจว่าร่างบางตรงหน้าถูกมอมยา แต่เขาก็หยุดปากไม่ได้ ร่างบางหลับตาพริ้ม ถึงสติจะเตลิดไปไกลจนกู่ไม่กลับ แต่น้ำคำร้ายกาจของพี่อาร์ตก็ซึมเข้าสู่สมองของเขา

               “ผมคัน ...พี่ช่วยสงเคราะห์ผมแรง ๆ หน่อยได้มั้ย” กวินพูดออกมายืดยาว น้ำเสียงแหบพร่าปนหอบกระเซ่า

               “กวิน!!!!”

               พออีกฝ่ายยอมรับว่าคัน ว่าเป็นคนยั่ว เขากลับยิ่งโกรธเดือดดาล มือบางขยับปลดกระดุมเสื้อตัวเองอย่างท้าทาย เมื่อเห็นลำคอขาวชัดเจน เขายิ่งเลือดขึ้นหน้า ร่องรอยสีแดงเป็นจ้ำ ๆ ที่ถูกอีกฝ่ายล่วงเกินปรากฎชัดบนต้นคอขาว

               ได้!!! ถ้าคันนักเขาจะจัดการให้ ร่างสูงเริ่มบทรักบทลงโทษของคนคันแบบไม่ปราณี เขาจูบซ้ำรอยช้ำสีแดง ดูดเม้มจนมันแดงกว่าเดิม กวินนิ่วหน้า เพราะมันเจ็บ

               แต่ตามสบายเลย รุนแรงกับผมได้ ตอนนี้รู้สึกต้องการมากเกินกว่าความรู้สึกไหน ๆ อยากโดนเขาทำ ร่างกายมันรุ่มร้อนไปหมด แต่ในขณะเดียวกันกลับรู้สึกไร้เรี่ยวเเรง

.

.

[เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย

พี่อาร์ตก็รู้อยู่แก่ใจ น้องมันไม่ได้ตั้งใจ

ทำไมต้องว่ากันขนาดนี้]
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 14 ระยะห่างที่มองไม่เห็น 12/12/62
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 12-12-2019 23:26:58
เฮ้ออ ถ้าพี่อาร์ตไปไม่ทันจะทำไงเนียะ
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 14 ระยะห่างที่มองไม่เห็น 12/12/62
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 13-12-2019 00:12:47
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 14 ระยะห่างที่มองไม่เห็น 12/12/62
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 13-12-2019 07:57:53
พี่อาร์ตช่วยน้องหน่อย อย่าดุน้องแรงนะ
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 14 ระยะห่างที่มองไม่เห็น 12/12/62
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 13-12-2019 18:33:24
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 15 รุนแรงเหลือเกิน 15/12/62
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 15-12-2019 12:47:00
บทที่ 15 รุนแรงเหลือเกิน

   วริษฐ์ระบายความโกรธ และความรู้สึกมากมายที่เขาไม่เข้าใจลงบนร่างกายบอบบางของกวิน ทั้งกัดทั้งดูดไปทั่วทั้งลำคอ เหมือนต้องการจะกลบรอยที่คนแปลกหน้าทำเอาไว้
   ครั้งนี้ไม่มีความอ่อนโยนปราณี ถ้าร่างบางต้องการนัก เขาจะทำให้ เขาถาโถมใส่ร่างบางทั้งที่ไม่ได้เตรียมความพร้อมให้ แต่ร่างบางกลับครวญครางอย่างมีความสุข แทนที่จะกรีดร้องเจ็บปวด เพราะฤทธิ์ยาทำให้เขาไม่รู้สึกรู้สากับความเจ็บ ยิ่งถูกกระตุ้นยิ่งสุขสม กวินปล่อยให้สมองหนักอึ้งพร่าเบลอไม่รับรู้อะไร สัมผัสได้แค่จังหวะที่พี่อาร์ตของเขาถาโถมเข้ามา เท่านั้นก็พอ เขาต้องการแค่นี้
   มือบางกำแน่น เมื่อไปถึงขีด เขาไม่ได้กอดหรือจิกแผ่นหลังอีกฝ่ายเพื่อระบายอารมณ์ที่พุ่งพล่าน เขาทำแค่จิกเล็บลงไปบนฝ่ามือตัวเอง ให้เขาเจ็บทั้งกายทั้งใจแค่เพียงคนเดียวพอ
   ร่างสูงถาโถมครั้งแล้วครั้งเล่า ร้องครางต่ำเมื่อใกล้จะถึง  ปลดปล่อยเข้าไปภายในของกวินซ้ำแล้วซ้ำอีก เพื่อปลดเปลื้องความต้องการของเขา และร่างบางที่ยังคงตอดรัดเขารุนแรง เหมือนจะกลืนกินเขาเข้าไป เขาทำซ้ำไปซ้ำมาจนร่างบางหมดแรงหลับไป นั่นเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่เขาจะนอนหลับตามไปเพราะหมดแรงเช่นกัน

   วริษฐ์รู้สึกตัวในตอนเช้า เขามองสำรวจร่างกายเปลือยเปล่าของคนข้าง ๆ ร่องรอยที่เขาทำชัดเจน ตรงลำคอขาวเป็นลอยแดง ๆ ม่วง ๆ วงใหญ่ มันช้ำอย่างน่ากลัว เนื้อตัวร่างบางเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบคาว เขามองร่างนั้นด้วยความสงสาร ความรู้สึกผิดเอ่อล้นขึ้นมา
   เขาลุกไปใส่เสื้อผ้าก่อนกลับมาพร้อมผ้าขนหนูชุบน้ำ พอแตะตัวกวิน ก็พบว่าคนน้องตัวร้อนจี๋ ร้อนยิ่งกว่าเมื่อคืนซะอีก ใบหน้าเนียนก็ดูแดง หรือว่าจะเป็นไข้ เขาถูผ้าขนหนูชุบน้ำไปตามเนื้อตัวและฝ่ามือเนียน พอแบฝ่ามือเนียนออกมาพบว่าที่มือมีห้อเลือด และรอยเล็บ เขาไม่เจ็บหลังเลย ตัวเขาปราศจากรอยขีดข่วน เพราะกวินไม่แบ่งปันความเจ็บปวดมา เจ้าตัวกอดมันไว้กับตัวเองคนเดียว วริษฐ์ยกฝ่ามือบางขึ้นจรดริมฝีปาก เขาจูบมันแผ่วเบาเหมือนจะปลอบโยนมัน ดวงตาคมมีประกายอ่อนโยนยามลอบมองใบหน้าคนหลับใหล น่าเสียดายที่ไม่มีใครได้ล่วงรู้ถึงความอบอุ่นอ่อนโยนของดวงตาคู่นี้ทั้งคนนอนหลับ และเจ้าของดวงตาคม ที่ไม่รู้เลยว่าตอนนี้ดวงตาของตัวเองอ่อนโยนขนาดไหน
   เขาเร่งเช็ดตัวทำความสะอาดให้ร่างบางกลัวอีกฝ่ายจะหนาว ก่อนจะเอาผ้าขนหนูผืนใหญ่มาเช็ดซ้ำ พร้อมเตรียมเสื้อยืดกับกางเกงของเจ้าตัวไว้ข้าง ๆ ตัวแห้งสนิทเขาจะได้ใส่ให้
   “กวิน” เสียงทุ้มนุ่มผิดกับเมื่อคืนลิบลับเอ่ยเรียกปลุกร่างบาง
   “...”
   “กวิน ไหวมั้ย”
   “อือ” ร่างบางครางต่ำ เขาอยากบอกว่าไม่ไหว ... เปลือกตาเคลื่อนไหว ก่อนกวินจะค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา
   “กวินเดี๋ยวใส่เสื้อผ้านะ”
   กวินรู้สึกไม่ดี เขาปวดไปหมดทั้งตัว พอจะขยับตัว ความรู้สึกเจ็บแล่นไปทั่วทั้งร่าง ช่วงล่างปวดหนึบ ฝ่ามือก็เจ็บร้าว ตรงคอก็ปวด เขานิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวด
   “อยู่เฉย ๆ เดี๋ยวพี่ใส่ให้” วริษฐ์จัดแจงใส่เสื้อใส่กางเกงให้กวิน ร่างบางลืมตาขึ้นมองเขาแต่ไม่ได้พูดอะไร ลำคอเขาแห้งผากไปหมด
   วริษฐ์มองร่างบางที่เอาแต่จ้องมองเขา เขาจึงลุกไปเอาน้ำใส่แก้วมาให้คนตัวเล็กได้จิบ
   “กวิน เจ็บมากมั้ย”
   ร่างบางส่ายหน้าปฏิเสธ
   “เจ็บใช่มั้ย”
   มือหนาเอื้อมแตะที่ร่องรอยช้ำรอยใหญ่ที่เขาทำเอาไว้ เขารู้ว่าตัวเองโกรธ โกรธที่เห็นรอยของคนแปลกหน้าบนร่างบาง โกรธจนอยากจะทำยังไงก็ได้ให้ร่องรอยนั้นหายไป หรือกลบทับด้วยรอยที่เขาทำ
   “พี่อาร์ต ขอบคุณครับ” คำขอบคุณเสียงเบาหวิวของร่างบางพุ่งเข้ามากรีดใจของวริษฐ์ให้เป็นแผลเหวอะหวะ
   ความรู้สึกผิดโถมเข้ามาจนเขาแทบหายใจไม่ออก กวินขอบคุณอะไรล่ะ ที่เขาพูดจาว่าร้าย เขารู้ว่าเมื่อคืนเขาพูดจาไม่ดี แต่เขายั้งปากไม่อยู่ เขาเองก็ดื่มเหล้าไปไม่น้อย การควบคุมตัวเองและความมีเหตุผลก็ต่ำลง บางทีก็รู้สึกเหมือนกับเป็นสัตว์ป่า ที่เขากระทำรุนแรง จนคนตัวเล็กเป็นไข้
   “พี่ขอโทษ”
   “ไม่หรอกครับ ผมขอโทษ”
   “เมื่อคืนทำไมโทรตามพี่ทำไมไม่หนีกลับ ถ้าพี่ไม่ไปรู้มั้ยจะเป็นยังไง”
   “ครับ ผมรู้ ถ้าพี่ไม่มาผมคงต้องตัดใจ...” ร่างบางพูดพลางก้มหน้ามองฝ่ามือของตัวเอง ที่มีรอยเล็บปรากฎชัด “คงถูกเขาทำจนไม่มีหน้าไปเจอพี่แล้ว”
   วริษฐ์ได้แต่มองร่างบางที่เอาแต่ก้มหน้าไม่ยอมสบตากับเขา
   “ทำไมเราไม่หนีเขา”
   “เพราะผมรู้ตัวว่าไม่ไหว ถ้าออกไปนอกร้าน จะถูกหิ้วไปไหนก็ไม่รู้” เขาเองก็กลัว เรื่องเมื่อคืน ไม่ใช่ว่าไม่กลัว เป็นครั้งแรกที่เขารับของจากคนแปลกหน้ามาดื่ม ก็ไม่คิดว่าจะเจอแบบนี้ “แต่ถ้าผมอยู่ที่ร้านเขาคงไม่กล้าทำอะไรมาก”
   ก็ถูกของกวิน ถ้าฝืนออกไป ตัวบางแบบนี้คงถูกหิ้วง่าย ๆ แต่... นี่ขนาดไม่กล้าที่ลำคอขาวยังมีรอยขนาดนี้
   “อย่ารับของจากคนแปลกหน้าอีก” วริษฐ์พูดย้ำเหมือนพ่อสอนลูกไม่มีผิดเพี้ยน “นอนพักซะ เดี๋ยวพี่จะไปหาข้าวหายามาให้กิน”
   วริษฐ์คว้ากระเป๋าตังก่อนเดินออกไปจากห้อง กวินมองตามหลังร่างสูงจนประตูปิดลง
   เขานั่งนิ่งทบทวนเรื่องเมื่อคืนความทรงจำขาด ๆ หาย ๆ ไม่ปะติดปะต่อนักตั้งแต่เขาวางสายจากพี่อาร์ต เมื่อวานมันพร่าเบลอ สติสัมปะชัญญะไม่รู้หายไปไหนหมด จำได้ว่าถูกชายแปลกหน้าเข้าหา จำได้ว่าพี่อาร์ตมาหา แต่จำช่วงที่กลับมาห้องไม่ได้เลย แต่ที่จำได้ดีคือคำด่าของพี่อาร์ต อีกฝ่ายคงทั้งโกรธ ทั้งโมโห เขาผิดเองที่พาตัวเองไปเจอสถานการณ์แบบนั้น เขาไม่โกรธพี่อาร์ตเลย เพราะเขาทำตัวเหมือนเป็นภาระของพี่เขา ภาระชิ้นใหญ่ที่เขาจะไม่มาหาก็ได้ จะถูกล่อลวงไปไหนก็ไม่ใช่ธุระโกงกางอะไรของเขาแม้แต่น้อย แต่เขาก็ยอมมา กวินนึกขอบคุณเขา เขาสัญญากับตัวเองว่าจะระมัดระวังตัวกว่านี้
   ไม่นานวริษฐ์ก็กลับมาพร้อมของพะรุงพะรังเต็มไม้เต็มมือ กวินมองของในมือเขา ก่อนทำท่าจะลุกไปช่วย
   “ไม่ต้องกวิน” ร่างสูงรีบห้ามเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายขยับตัว
   “แต่”
   “นั่งเฉย ๆ “ เขาดุขณะมือก็แกะและเทข้าวต้มหมูสับลงถ้วย ก่อนจะเดินไปยื่นให้กวิน
   “กินเองได้หรือเปล่า”
   “ได้ครับ” กวินรับถ้วยข้าวต้มมาถือเอาไว้ ข้าวต้มร้อน ๆ ส่งกลิ่นหอมอบอวล มือบางตักข้าวต้มกินไป สายตาก็จ้องมองร่างสูงไปด้วยที่กำลังจัดเรียงนั่นนี่
   วริษฐ์ซื้อเสบียงตุนไว้สารพัด มีข้าวต้มอีกสองถุงสำหรับมื้อกลางวันและมื้อเย็น อาหารแช่แข็งอีกหลายกล่อง แล้วพวกขนม น้ำผลไม้ เขาจัดเรียงเข้าตู้เย็นเงียบ ๆ พอเขาจัดเสร็จก็หันไปดูกวิน ที่ตอนนี้กำลังจ้องเขาตาแป๋ว ถ้วยข้าวต้มยังอยู่ในมือแต่ไม่มีทีท่าว่าเจ้าตัวจะตักขึ้นมากินอีก
   “อิ่มแล้วหรอ”
   “ครับ”
   ร่างสูงเดินเข้าไปหาพลางมองลงไปในถ้วยข้าวต้ม ยุบไปนิดเดียว
   “กินอีกหน่อย”
   กวินส่ายหน้า กินไม่ลง อิ่มแล้ว
   “กินแต่หมูก็ได้”
   กวินขมวดคิ้ว แต่ก็ยอมตักหมูเข้าปากแต่โดยดี แค่ก้อนเดียวก็ส่ายหน้า
   “ไม่กินแล้วครับ อิ่ม”
   “ก็ได้ งั้นกินยานะ” ร่างสูงแกะยาแก้ไข้ส่งให้คนป่วย 2 เม็ด กวินรับไปกินอย่างว่าง่าย
   “ดูอะไรมั้ย”
   “ครับ”
   ร่างสูงเปิดสุ่มตอนจากการ์ตูนเรื่องที่ดูด้วยกันรอบก่อน
   ร่างบางนั่งดูการ์ตูนพลางหัวเราะคิกคักไปตามเรื่องตามราว การ์ตูนมันตลกมากจริง ๆ จนวริษฐ์ก็พลอยขำไปด้วย ดูไปดูมากวินก็เริ่มตาปรือ ผล็อยหลับไปอีกรอบ
   เขามองดูอีกฝ่าย ก่อนเดินสำรวจห้องกวินอย่างถือวิสาสะ เพื่อฆ่าเวลา รอปลุกกวินกินข้าวเที่ยงอีกที เขามองบนโต๊ะของกวินที่ดูเหมือนเจ้าตัวจะวาดรูปเขาเพิ่มขึ้นมาอีกรูป รูปหลายเส้นแบบการ์ตูนไม่ใช่ภาพเหมือนแต่ก็ดูออกว่าคือเขา รูปเขาที่มีใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส มันดูอ่อนโยนจนดูเหมือนจะไม่ใช่ตัวเขายังไงอย่างนั้น
   เมื่อใกล้เที่ยงร่างสูงก็เดินไปแตะวัดไข้กวิน ตัวไม่ร้อนเหมือนเมื่อเช้าแล้ว เขาก็สบายใจ
   “กวินกินข้าว”
   เขาปรือตาขึ้นมองตามเสียงเรียก เขาบิดขี้เกียจเล็ก ๆ พลางขานรับ
   “ครับ”
   ช่วงบ่ายกวินก็ลุกขึ้นเดินไปเปิดตู้เย็นเพื่อหยิบขวดน้ำผลไม้ ตอนวริษฐ์เข้าห้องน้ำ กวินหายไข้ เขาดีขึ้นมาก วริษฐ์เห็นแบบนั้นก็ตั้งใจจะกลับตั้งแต่บ่าย ต่อพอคิดจะกลับ ร่างบางก็เดินเซ จนต้องใช้มือยันพนัง เขาเลยตั้งใจจะต่อเวลาให้กวินอีกหน่อย
   ร่างสูงเดินไปประคองคนตัวเล็กให้เดินไปนั่งที่โซฟา ทุกย่างก้าวสำหรับกวินนั้นเจ็บเหมือนร่างกายจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ พี่อาร์ตรุนแรงกับเขาจนเหมือนตัวเขาจะฉีกขาด เมื่อคืนเขาไม่รับรู้ถึงความเจ็บปวดเท่าไหร่ แต่พอตอนนี้มันเจ็บจนก้าวขาแทบไม่ออก
   มือบางกำลังจะใช้มือหมุนเปิดขวดน้ำผลไม้ คนข้าง ๆ ดึงไปซะก่อน
   “ผมเปิดเองได้” ร่างบางร้องบอกเขาป่วยนิดหน่อย แต่เขายังดูแลตัวเองได้
   “มือเจ็บไม่ใช่หรอ” เขาพูดลอย ๆ
   แต่กวินกลับกำมือแน่น ... เขารู้
   “มันเจ็บไม่ใช่หรอแบบนี้น่ะ”
   ร่างบางพยักหน้าหงึกหงัก
   “แล้วทำ ทำไม หืม?”
   “ผมไม่อยากให้พี่เจ็บ ผมเจ็บเอง เผื่อพี่จะมีความสุข มันเป็นบทลงโทษของผมนี่ครับ”
   ร่างสูงเลิกคิ้วให้กับคำตอบนั้น
   “ไปเอาความคิดแบบนั้นมาจากไหน ว่าทำตัวเองเจ็บแล้วพี่จะมีความสุขน่ะ”
   “ก็...” ทุกทีเวลาเขาเจ็บปวด ก็เห็นทุกคนมีความสุข...
   “เฮ้อ เราน่ะรักตัวเองสักหน่อยเถอะ”
   มือหนาขยับไปลูบแก้มเนียนแผ่วเบา ทั้งสงสาร ทั้งเห็นใจ คนแบบกวินไม่ควรเลยที่จะมารักเขา
   “รักตัวเองบ้าง อย่าเจ็บเพื่อคนอื่น”
   “แต่ผม ...” ผมเชื่อแบบนั้นมาตลอด ... “พี่ไม่มีความสุขหรอครับ”
   เมื่อคืนยังห่างไกลกับคำว่าความสุขมากนัก มีแต่ความโมโห กับความใคร่ ... ถ้าจะมีอะไรที่ใกล้เคียงความสุข ก็คงเป็นความเสร็จสมทางกาย
   “พี่สุข เท่าที่พี่อยากจะสุข”
   “ครับ?” กวินไม่เข้าใจ เขาขมวดคิ้วมากกว่าเดิม
   เขาพูดดี เพราะเขาคือคนที่รักตัวเองมากกว่าใคร และจะไม่พาตัวเองไปเจอกับความรัก ความคาดหวังที่ต้องฝากไว้ที่คนอื่น เขามีความสุขมากที่สุขในขอบเขตของตัวเอง โดยไม่ปล่อยให้ใครได้เล็ดลอดเข้ามา

   เมื่อวริษฐ์แน่ใจว่าอีกฝ่ายหายไข้ เขาก็คิดว่าได้เวลาต้องกลับเสียที เขาจัดการล้างจานที่ใส่อาหารเย็นให้กวินกิน ส่งยาให้คนป่วยอีกสองเม็ด
   “พี่กลับก่อน มีอาหารแช่แข็งหลายกล่องในตู้ ถ้าหิวก็เอาเข้าไมโครเวพเอานะ”
   ร่างบางมองเขา มองเหมือนจะให้ภาพของเขามันซึมเข้าไปในสมอง ให้ไม่ลืมเลือนแม้กระทั่งตอนเขาไม่อยู่ในห้อง ให้จดจำแม้กระทั่งยามหลับว่าเขาอยู่ข้าง ๆ
   “กลับดี ๆ นะครับ ถึงแล้วบอกผมด้วย” ร่างบางขยับส่งยิ้มให้เขา
   “ครับ” ร่างสูงเดินหยิบข้าวของ ทำท่าจะเดินออกจากห้องก่อนหันกลับมาหากวินอีกครั้ง “วันจันทร์ไม่ต้องทำข้าวเช้าให้พี่”
   “...” กวินหน้าเจื่อนลง
   วริษฐ์เห็นแบบนั้นเขาจึงรีบพูดต่อ
   “วันจันทร์กับอังคารพี่ไม่เข้าออฟฟิศ ไปอบรม มาอีกทีวันพุธ ค่อยทำมาวันนั้นนะ”
   เพราะคำอธิบายของวริษฐ์ ทำให้ใบหน้าเจื่อน ๆ กลับมามีรอยยิ้ม
   “พี่อาร์ตอยากกินอะไร”
   “อืม อะไรก็ได้ครับ”
   “งื้อ” ร่างบางส่งเสียงครางเบา คำตอบเดิม คำตอบนี้ เหมือนจะง่าย ๆ แต่แสนยาก อะไรก็ได้เนี้ย
   “เจอกันวันพุธ” วริษฐ์พูดก่อนจะเดินออกไป เสียงปิดประตูทำให้กวินรู้สึกเหงาขึ้นมา เขากลับไปนอนบนเตียง พลางซุกตัวอยู่ในผ้าห่มผืนหนา อีก 3 วัน เจอกันนะครับพี่

   วริษฐ์เดินออกจากห้องของกวินเขาถอนหายใจยาวเหยียด เสี้ยวนาทีที่เขารู้สึกว่าช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันแบบนี้ก็ไม่เลวร้าย แต่แค่พริบตาเขาก็รู้สึกเหมือนถูกรัดจนหายใจไม่ออก เอาล่ะ เขาคงต้องเริ่มใหม่ ... สร้างระยะห่างอีกครั้ง
   
   กวินนอนพักผ่อนเต็มที่ วันอาทิตย์เขาก็รู้สึกดีขึ้น เขาคิดถึงพี่อาร์ต แต่ก็พยายามทำใจให้ชินที่จะไม่ได้เห็นหน้าเขา 3 วันเต็ม ๆ คิดถึงจนลงแดงตาย

   วันจันทร์วริษฐ์กลับจากอบรม เขามีนัดเหมือนเคย สาวน้อยฝ่ายขายสดใสน่ารัก แต่งตัวเปรี้ยวทุกวัน วันนี้ก็เช่นกัน เดรสยาวสีดำที่เหมือนจะเรียบร้อย แต่กลับแหวกล่างขึ้นสูง จนเห็นเรียวขาเนียนชัดเวลาก้าวมาหาเขา  สวยน่ารักน่าหลงใหล แต่ไม่เคยทำให้ใจเขาสั่น เขาตกปากรับคำมาเจอเพราะอีกฝ่ายเป็นคนนัด
   “พี่วริษฐ์ สวัสดีค่ะ”
   “ดีครับน้ำผึ้ง ชวนพี่มาแบบนี้ อยากกินอะไรหรือครับ” ร่างสูงยกมือขึ้นพลางเอ่ยทักทาย หญิงสาวที่ชื่อหวานหยด แต่นิสัยจริงกลับเปรี้ยวจี๊ด
   “พี่วริษฐ์พูดอะไรให้ตีความได้กำกวมจังค่ะ” ร่างบางพูดพลางส่งยิ้มหวาน ดวงตากลมมีเสน่ห์มองสำรวจเขา “คิดถึงพี่ค่ะ ไม่ได้กินข้าวกันมาหลายอาทิตย์แล้ว คิดถึงหน้าหล่อ ๆ ของพี่จะแย่”
   น้ำผึ้งดูแลฝ่ายขาย เธอไม่ค่อยอยู่ติดบริษัทนัก มักออกตรวจงามตามสาขาต่าง ๆ เราเริ่มความสัมพันธ์แบบนี้ระหว่างกันเพราะว่า เมื่อหลายเดือนก่อนบังเอิญต้องไปสาขาต่างจังหวัดด้วยกัน เขาในฐานะฝ่ายทรัพยากรบุคคลไปเป็นตัวแทนบริษัทมอบพวงหรีดให้พนักงานที่สูญเสียพี่ชายไปจากอุบัติเหตุ ส่วนน้ำผึ้งเธอต้องไปตรวจสาขาแถวนั้น แถมน้องพนักงานยังเป็นพนักงานสาขาส่วนโซนที่เธอดูแลเป็นหลัก เธอจึงต้องไปหาสักหน่อย ไปแสดงความเสียใจกับพนักงานของเธอ
   น้ำผึ้งแสนหวานกับวริษฐ์ถึงได้มีโอกาสที่จะพูดคุยและดีลกันเพื่อผลประโยชน์ที่ลงตัว เรื่องเซ็กซ์ ถ้าทั้งสองฝ่ายต้องการ ทั้งสองฝ่ายตกลงปลงใจกัน ไม่มีใครเสียเปรียบใคร มีแต่สนุกด้วยกันทั้งคู่
   “น้ำผึ้งปากหวาน”
   “ยังจำรสชาติได้หรือคะ” เธอพูดสวนเขาหน้าตาเฉย ก่อนจะขยับเข้าไปให้เขาชิม แต่ทว่าเขากลับชะงัก พร้อมขยับหนี
   หญิงสาวมองอีกฝ่ายด้วยความไม่เข้าใจ
   “พี่ไม่ค่อยสบายครับ กลัวน้ำผึ้งจะติดหวัด แค่ก ๆ” วริษฐ์แกล้งไอ เขาไม่ได้ป่วย แต่เขาไม่นึกอยาก ชั่ววินาทีเขานึกถึงริมฝีปากบางของอีกคน ริมฝีปากที่อวบอิ่มแดงระเรื่อโดยธรรมชาติ ไม่ใช่สีแดงกำมะยีแบบของน้ำผึ้ง ผู้หญิงแต่งตัวแต่งหน้าเก่ง ๆ ที่เขาเคยชื่นชอบ แต่พอวันนี้เขากลับแค่อยากดูเฉย ๆ ของสวย ๆ งาม ๆ แต่ไม่ได้อยากสัมผัส

   วันจันทร์ของกวินไม่ค่อยดีนัก เมื่อเติ้ลโผล่มาอีก เหมือนเขาสุ่มมา โชคดีที่เจ้าตัวถึงห้องก่อนหน้าเขาจะมาประมาณชั่วโมงนึง รอบนี้เขามาเคาะประตู เคาะแล้วเคาะอีก ขณะที่กวินเก็บตัวเงียบ เขาไม่ร้องไห้ฟูมฟายแบบวันนั้น แต่ก็นั่งนิ่งจนเผลอกลั้นลมหายใจบ่อย ๆ พอเห็นว่าเขาเงียบ และเคาะให้ตายยังไงกวินก็ไม่ใจอ่อนเปิดประตูให้เติ้ลก็กลับ ฃ
   น่าเหนื่อยใจเป็นบ้า ถ้าอยากเจอเดี๋ยวติดต่อไปเองว้อย คนที่มีเมียแล้วน่ะ เขาไม่อยากยุ่งด้วยอีกแล้ว ความรักที่เหมือนถูกทำเป็นของเล่นตลอดเวลา เขาไม่เอาด้วยแล้ว

   เย็นวันอังคาร ช่วงใกล้เลิกงานกวินนั่งคิดว่าพรุ่งนี้จะทำเมนูอะไรเป็นอาหารเช้าให้วริษฐ์ดี เขาอยากทำของดีมีประโยชน์ สารอาหารครบ 5 หมู่ และรสชาติอร่อย เขาไล่เปิดดูภาพเมนูอาหารเช้า สารพัดเมนูไข่ ก่อนตกลงปลงใจที่ไข่ยัดไส้
   เลิกงานกวินไปเดินซื้อของที่ซุปเปอร์มาเกต เดินเลือกของอย่างอารมณ์ดี หมูสับ พริกหวาน แครอท มะเขือเทศ หัวหอมใหญ่ เขาเดินไปที่จุดขายผัดก่อน เลือกหยิบวัตถุดิบแต่ละชนิดด้วยความใส่ใจ พริกหวานให้พลิกดูตุ่มที่ด้านท้าย เขาว่าถ้ามีสี่ตุ่มจะหวานกว่าสามตุ่ม ส่วนแครอทเลือกสีส้มสดใส ที่เป็นแท่งตรงผิวเรียบ มะเขือเทศสีแดงสด เลือกผิวเต่ง ๆ ไม่ช้ำ หัวหอมใหญ่ เลือกที่หัวเต่งๆ เปลือกแห้ง ไม่แฉะ ไม่มีรอยบุบหรือจุดดำ เขาได้ผักสวย ๆ มาเต็มไปหมด นอกจากเมนูตอนเช้า เขายังได้หัวไชเท้าสวย ๆ มาด้วย อยากต้มหัวไชเท้ากับกระดูกซี่โครงหมู ร่างบางย้ายไปเลือกซื้อหมูสับแพค มันดูสับเละเกินไปหน่อย ก่อนเปลี่ยนใจไปซื้อหมูเนื้อแดงมาแทน เขาสับเองดีกว่า อยากให้มันหยาบ ๆ หน่อย จะได้เคี้ยวถูกเนื้อหมูเต็มปากเต็มคำ
   กวินได้ของครบเขามุ่งตรงกลับห้องในใจคิดว่าจะเริ่มทำอะไรก่อนหลัง จะเตรียมวัตถุดิบทำไส้ให้เรียบร้อย พรุ่งนี้จะได้ไม่ต้องรีบมาก เขากลับไปถึงห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ล้างทำความสะอาดผัก จัดการมันตามที่ต้องทำ ปอกเปลือกแครอท ลอกเปลือกหัวหอมใหญ่ ฉุนจนน้ำตาคลอ เขาหั่นทั้งหมดเป็นเต๋า ใส่ลงในกล่องถนอมอาหาร ตามด้วยสับหมูหยาบ ๆ เสียงหมูสับดังลั่นห้อง ทำให้ห้องดูมีชีวิตชีวา ร่างบางร้องเพลงฮัมอย่างอารมณ์ดี ขณะจัดเรียงของใส่ตู้เย็น
   เสียงมือถือดังขึ้น ทำให้กวินรีบล้างมือไปรับสาย
   ‘แต้ม’

   “สวัสดี ว่าไง”
   ‘พฤหัสบดีว่างมั้ย แดกข้าวกัน’
   “ว่างเย็น”
   ‘เออรู้แล้ว มีการมีงานทำเหมือนกันเว้ย’
   “แดกไร”
   ‘ไม่รู้คิดก่อน กุชวนไอ้นุกกับไอ้โจ้ล่ะ’
   “แล้ว...” ได้ชวนเติ้ลหรือเปล่า
   ‘ไม่ได้ชวน ไม่รู้แม่มจะสะเทือนใจมั้ย แต่ถ้ากุต้องเลือกเจอใคร กุก็เลือกเมิงก่อนแล้วกัน คนมีเมียแล้วไม่เหงาเท่าไหร่หรอก’
   ใช่ ๆ คนมีเมียแล้วไม่เหงาหรอก จะโผล่หน้ามาอีกทำไม
   “เออ กุขอโทษที่ทำให้อึดอัด”
   ‘ดีกันเร็ว ๆ ล่ะกัน’ ...คงดีถ้ามองหน้ากันติดล่ะนะ
   “นัดก็ดี ไม่เจอนานคิดถึง”
   ‘กุหรอ’
   “ไม่ใช่เมิง นุกกับโจ้ดิ จะได้เอาของฝากไปให้แม่มด้วย”
   ‘หึ ของกุอ่ะ’
   “เมิงเอาไปแล้ว”
   ‘คิดว่าจะมีให้อีก ... เออไว้คุยกันในแชท แค่นี้แหละ’
   โทรมากวนตีนแล้วแต้มก็วางสายไป เขาก็ไปจัดการสิ่งที่ทำค้างไว้ต่อ
      
   วริษฐ์ขับรถไปผับของเพื่อน เพื่อไปสั่งข้าวมากิน เขาไม่ได้มาดื่มเหล้า แค่มาหาเพื่อนคุยเฉย ๆ
   “ไงเมิง” เจ้าของผับตบบ่าเพื่อนเบา ๆ เป็นการทักทาย ก่อนทิ้งตัวลงนั่งที่ฝั่งตรงข้าม ชะโงกหน้าดูเมนูอาหารที่เพื่อนสั่ง ก่อนถามเพื่อเช็คคุณภาพ “อร่อยป่ะ”
   “ก็ดี ร้านเมิงทำข้าวอร่อย”
   “วันนั้นนภทำแก้วแตก 3 ใบ” เต๋าพูดพลางส่ายหน้า “รอบหน้ากุเปลี่ยนเป็นแก้วพลาสติก ไม่ก็สแตนเลสให้หมดดีกว่าจะได้เลิกทำแตก”
   “กุว่าแล้ว” วริษฐ์รับคำพลางหัวเราะเสียงเบา “เออวันนั้นเท่าไหร่” ให้แชทไม่แชทมา
   “โอยช่างมันเถอะ อยู่แค่ 4 ทุ่ม หารห่าอะไรล่ะ” เต๋าพูดพลางหยิบไก่ทอดเข้าปาก
   “อ่าฮะ” วริษฐ์พยักหน้า พวกเพื่อนเขามันสบาย ๆ อะไรหยวน ๆ มันก็หยวน ๆ ทั้งนั้น แค่ไม่มีจิตใจคิดจะเอาเปรียบกันก็พอ พวกมันก็ถือว่าเป็นพวกมีอันจะกิน หน้าที่การเงินดี เลยไม่ค่อยคิดเล็กคิดน้อยอะไรเท่าไหร่ เพื่อนกันทั้งนั้น
   “วันนั้น รีบกลับไปไหนวะ”
   วริษฐ์นิ่งไปอึดใจ เขาต้องตอบว่าอะไรล่ะวะ
   “ถูกโทรตาม”
   “รีบร้อนขนาดนั้น สาวที่ไหนล่ะ” เต๋าเหล่มองเพื่อน ในมือหมุนแก้วที่มีน้ำสีอำพันบรรจุอยู่หมุนไปหมุนมาให้น้ำแข็งกระทบแก้วดังกริ๊ง ๆ
   “ก็...” เขาอึกอักที่จะตอบ ไม่ใช่ทั้งสาว และไม่ใช่ทั้งแฟน แต่เป็นคนที่ชื่อกวิน
   “ว่าที่แฟนหรอไง”
   “เปล่า”
   “มีพิรุธอ่ะเมิงล่ะ ตอบไม่เต็มเสียง”
   “ช่างเรื่องกุเถอะ”
   “พ่อหนุ่มเพลย์บอยกุจะมีหลักแหล่งให้ลงหลักปักฐานแล้วว้อย”
   “ไม่ใช่ว่ะเต๋า รุ่นน้องผู้ชายมีเรื่องน่ะ” เรื่องใหญ่ โดนมอมยาปลุก ตัวอ่อนเปลี้ยจนเขาต้องไปช่วย ต้องไปดูแล... แก้ฤทธิ์ยาให้ทั้งคืน
   “เชี่ย แล้วไม่บอกพวกกุ อยากมีเรื่อง อยากปะทะ” เต๋าพูดพลางตบอกตัวเองเบา ๆ “เมิงเป็นไรเปล่า”
    “โคตรห้าว ไม่เป็นไร เคลียร์ได้สบาย ๆ” วริษฐ์หลบตา พลางยกน้ำขึ้นจิบ
   “เออ วันหลังมีอะไรบอกสิวะ”
   “ก็กุว่ากุจัดการได้”
   “วริษฐ์ เมิงไม่ได้อยู่คนเดียวนะเว้ย เมิงมีพวกกุเสมอ” เต๋าพูดพลางมองหน้าเพื่อน พวกเขาคบกันมานาน เขารู้จักวริษฐ์ดี แล้วก็เป็นห่วงมันด้วย ชีวิตเพื่อนเขาลุ่ม ๆ ดอน ๆ มาตลอด โดยเฉพาะเรื่องของครอบครัว เขาถึงเป็นห่วงมาก และอยากให้มันมีใครสักคนสักที
   “ขอบใจเมิงมาก พูดซึ้งทำไมวะ แดกข้าวแทบไม่ลง”
   “ควาย”
   เต๋าเดินออกไปดูแขก ขณะที่เขาก้มหน้าก้มตากินข้าว ตัวคนเดียวก็ไม่ได้เลวร้ายหรอก เกิดมาตัวคนเดียว ตายไปก็ตัวคนเดียว ... ไม่ต้องคิดถึงใครให้ผูกพันให้เจ็บปวด
   ร่างสูงกลับถึงบ้าน เดินออกระเบียงไปนั่งสูบบุหรี่สักมวนเหม่อมองดูดวงจันทร์ รอบบ้านเงียบกริบ เวลาห้าทุ่มกว่าทุกคนคงเข้านอนหมดแล้ว ส่วนบ้านของเขาเงียบมาตลอด เงียบมานานหลายปี... วริษฐ์จัดธุระส่วนตัวอาบน้ำแปรงฟันเรียบร้อย ก็เตรียมเข้านอน มือหนาหยิบยานอนหลับกับแก้วน้ำมาถือเอาไว้ เขาคงต้องพึ่งมันอีกเพราะอยากจะนอนพักผ่อนให้เต็มอิ่ม
.
.
[พี่อาร์ตรุนแรงกับน้อง รุนแรงแค่ไหน น้องก็รัก
แม้จริง ๆ คนพี่จะแอบมีสายตาอ่อนโยนให้น้องก็ตาม
พวกเราก็จะรอให้พี่เปิดใจให้น้อง
//ขอบคุณนักอ่านที่ติดตามอ่านอยู่นะคะ
ขอบคุณเม้นที่ทำให้เราไม่เหงา]
 :กอด1:
เฮ้ออ ถ้าพี่อาร์ตไปไม่ทันจะทำไงเนียะ
ถ้าไม่ทัน น้องคงต้องหายหน้าไปจากพี่ ดีที่พี่มีสกิลพระเอกอยู่

พี่อาร์ตช่วยน้องหน่อย อย่าดุน้องแรงนะ
ไม่ดุน้องแรง แต่อย่างอื่นแรง...

หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 15 รุนเเรงเหลือเกิน 15/12/62
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 15-12-2019 13:09:48
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 15 รุนเเรงเหลือเกิน 15/12/62
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 15-12-2019 15:37:14
เฮ้อออ ต่างคนต่างมีปม ทั้งกวินทั้งพี่อาร์ต
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 15 รุนเเรงเหลือเกิน 15/12/62
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 15-12-2019 21:54:15
พี่อาร์ตก็มีปัญหาครอบครัวสินะ. ทำให้ไม่เปิดใจรับน้อง ทั้งที่ลึกๆ ก็ดูจะมีใจแล้ว  :hao4:
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 16 ไกลเท่าเดิม 18/12/62
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 18-12-2019 22:07:08
บทที่ 16 ไกลเท่าเดิม

(https://uppic.cc/d/5B2Q) (https://uppic.cc/v/5B2Q)

   วันพุธ
   ร่างบางตื่นแต่เช้า เขาจัดการทำตามลำดับขั้นตอนในใจ ลุกไปหุงข้าวก่อน ตามด้วยผัดไส้ของไข่ยัดไส้ เขาเอาน้ำมันมะกอกใส่กระทะ ตามด้วยกระเทียมกลีบเล็กที่ทุบจนแหลก เทหมูลงไปผัดตามด้วยหัวหอม ผัดจนหมูสุกก็เทสารพัดผักลงไป ปรุงรสด้วยซอสน้ำมันหอย เกลือ ใส่ซอสมะเขือเทศนิดนึง สีสันในกระทะน่ารักน่ากิน แค่เห็นก็อารมณ์ดี เขาปิดเตาพลางเอาไส้ใส่ถ้วยพักไว้ ก่อนจะล้างกระทะ และตั้งกระทะที่เปียกลงบนเตา ให้ความร้อนทำให้กระทะแห้ง ส่วนมือก็ตีไข่ในชามให้เข้ากัน
   เขาเอาสเปรย์น้ำมันมะกอกพ่นจนทั่วกระทะแล้วเทไข่ลงไป กลิ้งจนทั่วรอจนสุกก็ตัดไส้ใส่ลงไป ไส้สีสันสดใสกับไข่สีเหลือง ดูสวยงามน่ากิน เขาพับมันเป็นสีเหลี่ยมก่อนจะเอาขึ้นพัก เขาทำอีกรอบให้ตัวเอง ใส่หมดพอดีของวริษฐ์ไส้เยอะ ของเขาไส้น้อย
   ร่างบางพาตัวเองไปอาบน้ำแต่งตัว พอจัดการตัวเองเรียบร้อย ข้าวก็สุกพอดี เขาหยิบกล่องข้าวสองช่องมา ช่องเล็กใส่ข้าว ช่องใหญ่ใส่ไข่ยัดไส้ เท่านี้เป็นอันเรียบร้อย ก่อนบีบมะเขือเทศเป็นรูปหัวใจดวงเล็ก ๆ บนข้าวห่อไข่ ปิดท้ายด้วยโพสอิทบนกล่อง เขียนด้วยลายมือบรรจง ‘คิดถึงพี่จังครับ เย็นนี้กินข้าวกันนะ’

   ‘ครับ ตอนเย็นเจอกัน’ พี่อาร์ตพิมพ์ตอบผมสั้น ๆ แค่นี้ผมก็ดีใจมากแล้ว

   ร่างบางส่งยิ้มให้วริษฐ์ ร่างสูงผงกหัวให้ เขาเดินเคียงข้างกันไป ไม่มีบทสนทนาเกิดขึ้น ระยะห่างเหมือนจะกว้างกว่าเดิมเสียอีก แต่ช่างเถอะ เขาคิดถึงพี่อาร์ตใจจะขาด เพราะวันจันทร์ วันอังคารพี่อาร์ตไปอบรม วันพุธถึงได้มาเจอหน้ากินข้าวเย็นด้วยกัน

   พวกเขาเลือกร้านใกล้ ๆ ที่ทำงาน จอดรถทิ้งไว้ที่ตึกก่อน กินเสร็จค่อยกลับมาเอา
   กวินพยายามจะชวนคุยเพื่อไม่ให้ระหว่างเขาและพี่อาร์ตเงียบจนเกินไป
   “ไปอบรมเป็นไงเหนื่อยมั้ยครับ”
   “ไม่เหนื่อยครับ”
   ตอบสั้นจัง กวินได้แต่คิดในใจ
   “แล้วอบรมอะไรครับ”
   “เทรนเกี่ยวกับงานทรัพยากรบุคคลในยุค 4.0”
   “ครับ มันเกี่ยวกับอะไร”
   “งาน HR ของพี่นี่แหละ”
   “ครับ”
   อีกฝ่ายไม่กระตือรือร้นจะเล่า เขาก็... ไม่รู้จะชวนคุยยังไงต่อ บรรยากาศชวนอึดอัดเกิดขึ้นมาระหว่างพวกเขา อึดอัดจนกวินหงอย เขาพยายามทำใจดีสู้เสือ แล้วบรรยากาศอึดอัดก็ถูกทำลายลงด้วยข้าวผัดสองจานที่มาเสิร์ฟรวดเร็วทันใจ

   “เอ่อ พี่อาร์ตครับ ตอนเย็นพรุ่งนี้ผมไม่อยู่นะ”
   “ครับ” ผมรับคำสั้น ๆ แต่ไม่ได้ถามต่อ ว่าไปไหน ทำอะไร กับใคร ที่ไหน เขาเลือกจะตอบรับด้วยคำสั้น ๆ แม้อยากจะถามต่อก็ตาม นี่คือการเว้นระยะ
   และดูเหมือนว่าเจ้าตัวคงรู้สึกแปลก ๆ ที่ร่างสูงข้าง ๆ ไม่ถามต่อ อย่างน้อยถามเป็นมารยาทว่าไปไหนก็ไม่ถาม เขาก็ได้แต่แค่นยิ้ม นี่สินะคือการตามใจของพี่ ระยะห่างระหว่างเขากับพี่อาร์ตกลับสู่สภาพไกลเท่าเดิม กวินอยากทำอะไรก็ทำได้เลยเต็มที่ แต่พี่ก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่หรอกถูกมั้ย ...กวินหันไปสบตาอีกฝ่ายพลางฉีกยิ้มกว้าง ทำเสียงสดใส
   “กินอิ่มแล้ว เรากลับกันเถอะ”
   ร่างบางนั่งนิ่งบนรถไม่พูดไม่หือไม่อือ นิ่งเงียบมาตลอดทาง ยิ่งใกล้ถึงห้องก็ยิ่งโหวง อาทิตย์นี้เขาอยู่กับความรู้สึกหลอน ๆ กับเสียงทุบประตูทุกวัน แต่ความจริงก็คือ เป็นเสียงเคาะประตูห้องข้าง ๆ บ้างล่ะ ห้องตรงข้าม หรือเสียงจากในทีวี เขาจะเป็นบ้าอยู่แล้ว
   
   รถติดหนึบหนับ ทั้งที่ที่พักก็อยู่ไม่ไกล เสียงฝนตกเปาะแปะลงบนกระจกรถ จู่ ๆ ฝนก็ตก ไม่มีเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่า มีแค่ฝนที่ตกลงมาโปรยปรายให้รถยิ่งติด ไฟสะท้อนสีแดงจากรถคันข้างหน้า เขาคงต้องใช้เวลาอยู่บนรถคันนี้อีกพักใหญ่ พร้อมเสียงเพลงที่เปิดขึ้นมาเข้ากับบรรยากาศ

   ถามตัวเองประจำว่าทำไมเธอไม่ไปไหน
   คิดจะลืมเธอ แต่เธอไม่เคยจะหายไป
   ลบภาพเก่าเก่าที่เรายังมีให้กันในความหลัง
   สิ่งที่เธอทำ จดจำได้ทุกตอน


   คืนนี้คงเป็นคืนที่ฉันรุ่มร้อน
   และคืนนี้อยากจะทำก็ทำได้เพียงอ้อนวอน
   อยากขอพร ให้คืนนี้ฉันเข้านอนเพื่อลืมที่ผ่านมา
   เฝ้าภาวนาให้ฉันลบภาพเธอทิ้งไป
   ตื่นมาฉันคงอิ่มใจเมื่อพบกับวันนี้
   มีฝนโปรยปรายเพื่อล้างน้ำตาให้หายไป
   (ภาวนา : Ten To Twelve)


   นั่นสิเมื่อไหร่เขาจะลืมสักที  ทำไมเขาถึงยังกังวล ... เมื่อไหร่เขาจะกล้าพอที่จะเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายสักที แล้วเอาชนะอีกฝ่ายด้วยการยืนจ้องหน้ามัน พูดคุยกับมัน โดยที่หัวใจไม่รู้สึกอะไร ไม่รู้สึกเจ็บปวดกับเติ้ลอีกต่อไป...
   ไม่ใช่กวินที่รู้สึกว่าเพลงนี้มันทิ่มแทงใจ วริษฐ์เอง ก็ภาวนาอยู่ทุกวัน ภาวนาให้ตัวเองเลิกยึดติด และนึกถึงเขาสักที เพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า และถูกทิ้งขว้างอยู่ตลอดเวลา เหมือนตอนนี้
   กวินนั่งมองฝนที่โปรยปรายลงมา ไม่อยากกลับห้องเลย
   “พี่วริษฐ์”
   ร่างสูงหันมอง เมื่ออีกฝ่ายไม่ได้เรียกเขาว่ามาอาร์ตเหมือนเคย
   “ผมขอไปบ้านพี่ได้มั้ย”
   ร่างบางเอ่ยปากร้องขอ หลังจากเงียบกริบมานาน
   “ไม่ได้ครับ”
   ร่างบางพยักหน้าหงึกหงัก เขาแค่ลองถามดู รู้อยู่แล้วว่าเขาคงไม่ต้อนรับ
   “ถ้าผมเดือดร้อนมีความจำเป็นต้องไป พี่ก็ไม่ให้ผมไปใช่มั้ยครับ”
   “ใช่” ร่างสูงตอบรับทันที เขาไม่เคยพาใครไปบ้าน ไม่เคยให้ใครเข้าไปในพื้นที่ส่วนตัว ทุกทีเขาจะไปบ้านคนอื่น ห้องของคนอื่น แต่ไม่เคยพาใครกลับไป “มีอะไรหรือเปล่า”
   “เปล่าครับ” ร่างบางส่ายหน้า เขายิ้มเหมือนเคย ไม่มีอะไรทั้งนั้น ไม่ได้รู้สึกเสียใจ...

   รถยนต์เลี้ยวเข้ามาจอดที่ใต้ตึก ร่างบางเดินลงจากรถ เขาโบกมือบ๊ายบายพลางส่งยิ้มให้ ก่อนหมุนตัวเดินกลับเข้าตึกไป ร่างสูงมองอีกฝ่ายจนลับตา

   ติ้ง ติ้ง
   กรุ๊บ 4 คนเฉพาะกิจก็ถูกสร้างขึ้นมา เสียงแจ้งเตือนดังขึ้นตอนเขากลับมาถึงห้องพอดี
   แตเมอร์ เซเวอร่า สนิพ : ‘พรุ่งนี้จะแดกอะไรครับ’
   เพนกวิน : “แดกอะไรล่ะ”
   แตเมอร์ เซเวอร่า สนิพ : ‘ทำไมเมิงมาย้อนถามอ่ะ’
   โจโจ้ โฮ่ : ‘เลือกประเทศมาก่อน จีน ไทย ญี่ปุ่น เกาหลี ฝรั่ง’
   นุกนิกสกอตติส : ‘ฝรั่งไม่ใช่ประเทศ แต่เป็นผลไม้’
   โจโจ้ โฮ่ : ‘เออสัส’
   นุกนิกสกอตติส : ‘เกาหลี อยากแดกผัก’
   แตเมอร์ เซเวอร่า สนิพ : ‘บวก แต่หน้าอย่างเมิงอ่ะนะแดกผัก สามชั้น 10 จานชัวร์’
   เพนกวิน : “+1”
   โจโจ้ โฮ่ : ‘เค แต้มเมิงไปรอที่บ.ไอนุกเหมือนเดิม กวินเมิงอยู่แถวไหนแล้วเผื่อกุใกล้จะไปรับ’
   เพนกวิน : “อยู่ห่างจากตึกเดิมมาหน่อยอ่ะ กุส่งโลให้”
   โจโจ้ โฮ่ : ‘พอนึกออก’
   แตเมอร์ เซเวอร่า สนิพ : ‘กุจำได้แถวนั้นมีร้านเปิดใหม่ เห็นแว่บ ๆ ’
   โจโจ้ โฮ่ : ‘ไปหามา พรุ่งนี้เจอกัน’

   กวินจัดเตรียมของขวัญของฝากของแต่ละคนใส่ถุง ของไอ้แต้มไม่มีมันได้ไปแล้ว เสร็จแล้วก็ลุกไปหุงข้าว หมักไก่ หั่นผักใส่ตู้เย็นเตรียมเอาไว้ ข้าวเช้าพรุ่งนี้ของพี่อาร์ต
   
   ติ้ง ติ้ง ติ้ง
   เสียงโทรศัพท์เด้งรัวอีกครั้ง รอบนี้เป็นพี่สา
   ‘กวินนนนน
   กลางวันว่างมั้ย
   กินข้าวกัน’
   พี่สารู้ว่าเขาทำงานอยู่ไม่ไกลจากตึกเดิม ถึงได้ทักมาชวนกินข้าว
   “กลางวันก็ว่างแหละครับ”
   ‘กินข้าวกันนนน พี่เลี้ยง’
   “พี่สาเลี้ยงผมก็ต้องไปแล้วล่ะ”
   ‘เจอกัน ร้านคิซุ โอเคมั้ย ร้านอยู่ในตึกที่มีคาเฟ่’
   “ครับพอนึกออก”
   ‘เจอกันจ้า’
   กวินคิดว่าพรุ่งนี้คงคึกคักน่าดู เจอใครต่อใครทั้งวัน คงไม่เหงา ไม่มีเวลาให้จ๋อย ได้พักใจจากพี่อาร์ตบ้างก็ดีช่วงนี้ ถึงอยู่ด้วยกันตลอดแต่กลับห่างเหินพิกล เขาต้องสู้อีกสักเท่าไหร่ จะยาวนานแค่ไหนก็ไม่รู้ ขอตั้งหลักวันนึงเดี๋ยวเขาจะกลับมาใหม่

   วริษฐ์ถูกพี่ใหม่ลากไปซื้อชาที่ร้านคาเฟ่ตึกข้าง ๆ  เขาไม่ได้มาที่นี่นานแล้วเหมือนกันนะ แว่บมาซื้อเครื่องดื่มแล้วก็ไป จริง ๆ เขาชอบร้านน้ำที่อยู่ใต้ตึกตัวเองมากกว่า ไม่รู้พี่ใหม่ติดใจอะไรร้านนี้นักหนา มีโปรอะไรก็ไม่พลาด
   วันนี้ 1 แถม 1 คนเต็มไปหมด เขาเลยเดินสำรวจร้านระหว่างรอ เขาหยุดยืนที่บอร์ด มองหารูปโพลารอยของตัวเอง มันสีจางไปเยอะเลย ตั้งใจจะดูตัวเอง แต่เขากลับเจอใครบางคนในรูปข้าง ๆ กัน ...กวิน... นี่มันอยู่ข้างเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ สีซีดจางไม่ต่างกันเลยแม้แต่น้อย
   “คุณใหม่ค่ะ!” เขาหันไปตามเสียงเรียก เครื่องดื่มที่สั่งได้แล้ว เขาเดินกลับไปหาพี่ใหม่
   “กินแต่นมคาราเมล ไม่เบื่อหรือยังไง”
   “ไม่เบื่อ ผมชอบแล้วชอบเลย”
   “เอานิสัยแบบนั้นไปใช้กับผู้หญิงบ้างเถอะ ช้ำใจไปแล้วกี่คน” พี่อี้ที่มาด้วยกันพูดกัดขึ้นมา เอาจริง พี่ใหม่ก็เกือบเป็นหนึ่งในนั้น ดีที่ถอนตัว ถอนใจออกมาได้ทัน
   “ไม่รู้มีดีอะไร สู้พี่สันติก็ไม่ได้ คนซื่อ” ใหม่กัดเข้าให้อีกที ก่อนหันไปส่งชาเขียวเย็นให้พี่สันติ ที่งง ๆ ว่าใหม่ตั้งใจจะกัดวริษฐ์ หรือกัดเขาด้วย
   “พี่ใหม่ เรื่องนี้มันช่วยไม่ได้เลยนะ ที่สาว ๆ จะชอบผม” ร่างสูงพูดพลางขยิบตา
   “เนี้ยมันชอบทำตัวแบบนี้ไง” พี่อี้มองท่าทางคนตรงหน้าพลางส่ายหัวอย่างอ่อนใจ
   “ขอให้พอเจอคนที่รักจริง ๆ แล้วเขาไม่เล่นด้วย” ใหม่พูดแช่ง หนุ่มคาสโนว่า ที่ควงสาวไม่ซ้ำหน้า มีสต็อกกว้างใหญ่ มีนัดเกือบทุกเย็น เข้าห้องนั้นออกห้องนี้ ทำไมถึงรู้น่ะหรอ ก็เพราะเคยสนใจไง!!!
   ร่างสูงจำต้องตกเป็นที่ระบายอารมณ์ขุ่นหมองของสาว ๆ อย่างจำยอม โอเค เขาไม่ดี เขามีสาวเยอะแยะ เขาไม่ได้รักใคร เขาฟันไปเรื่อย ...ก็เขายอมผมอยาก ผลประโยชน์ลงตัว ไม่มีใครเสียสักหน่อย มีความสุขด้วยกันทั้งคู่
   “ไปกินข้าวกัน เนี้ยรีบมาซื้อน้ำหวานก่อนกินข้าว แบบนี้ไม่ดีเลยนะครับ” เขามองพี่สันติอย่างขอความช่วยเหลือ แต่ไม่เคยเลย คนซื่อ!!! ผมไม่เคยได้ความช่วยเหลือจากเขา
   “กินอะไรดีอ่ะ” พี่ใหม่เอ่ยถามขึ้นมา
   “นั่นดิ ร้านต้นกล้ามั้ย” พี่สันติเอ่ยถาม เขานึกถึงร้านข้าวที่อยู่ข้างล่างตึกนี้
   “หรือจะคิซุ”
   “คิซุเวลานี้ไม่ไหวหรอก คนแน่น” พี่ใหม่พูดพลางส่ายหน้า ถ้ารู้ว่าจะกินคิซุ เธอคงดิ่งไปนั่นไม่มัวมาซื้อน้ำ
   พวกเขาตัดสินใจมุ่งตรงไปร้านต้นกล้ามองจากหน้าลิฟต์ก็เห็นว่าร้านคิซุคนเยอะแค่ไหน ส่วนร้านต้นกล้าก็ไม่ใช่น้อย แค่ไม่มีมายืนรอคิวแบบอีกร้านนึง
   ร่างสูงมองผ่านกระจกหน้าร้านเข้าไป คนเยอะจริง ๆ แฮะ ก่อนจะสะดุดตาเข้ากับใครบางคน ที่นั่งหัวเราะอยู่กับผู้ชายคนนึง ผู้ชายผิวขาวหน้าตี๋คนนั้น ไม่ใช่พนักงานบริษัทเรา เขามองร่างบางอีกคน เพ่งดูใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสนั่น... ตลกอะไรกันนักหนา
   “วริษฐ์ เป็นอะไร อยากกินคิซุหรอ” อี้ร้องเรียกเมื่อเห็นว่าวริษฐ์หยุดยืนนิ่งอยู่หน้าร้านนั้นนานสองนาน ไม่ยอมเดินตามมาสักที   
   “เปล่าครับ ก็มองดู เห็นคนเยอะดี”
   ร่างสูงทำเป็นไม่สนใจคนที่นั่งอยู่ในร้านนั้น แม้จะตะขิดตะขวงใจนิดหน่อย อยากรู้ว่านั่งอยู่กับใคร อยากรู้ว่าคุยอะไรกัน ท่าทางสนุกสนาน มีเรื่องอะไรตลกนักหรอ...
   
   กวินนั่งคุยกับโม่ ขณะที่พี่สาลุกไปห้องน้ำ เขาเปิดประเด็นด้วยการไล่ต้อนอีกฝ่าย ถามว่าชอบใครอยู่หรือเปล่า เจ้าตัวก็ทำหน้าตกอกตกใจ ว่าเขารู้อะไรหรือ เขาเลยตัดสินใจถามอย่างตรงไปตรงมาว่าโม่น่ะ ชอบพี่สาหรือเปล่า คำตอบที่ได้คือ ใบหน้าขึ้นสี กับท่าทางประหม่า เฮ้อออ เด็กน้อยมีความรักชัด ๆ เขายิ้มขำให้ท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ ของอีกฝ่าย
   “ชอบทำไมไม่จีบ”
   “กลัวเขาไม่ชอบ” โม่ตอบตามตรง เขาก็อยากจะจีบ อยากจะลองรุกอีกฝ่ายบ้าง แต่พอคิดว่าถ้าพังแล้วจะต้องเสียเขาไป ในสมองก็ร้องเตือนกันใหญ่ว่าอย่าเลย เดี๋ยวมองหน้ากันไม่ติด
   “แล้วถ้าอยู่ ๆ มีหมาคาบไปล่ะ”
   “ไม่มีหรอก นอกจากกวินก็ไม่มีใครเข้าข่ายหมา”
   “เฮ้ย ไอ้โม่ กุไม่ใช่หมา แล้วกุก็ไม่ได้ชอบพี่สา มากไปกว่าพี่สาวด้วย”    
   มีคนที่ชอบแล้วว้อย แต่เขาแค่ยังไม่ชอบกุ เท่านั้นแหละ เฮ้อ ขนาดรุกจีบยังไม่ได้ แล้วไอ้พวกชอบแล้วทำแค่นั่งมอง มันจะไปได้ได้ยังไง
   “คำแนะนำจากกวินคนที่เมิงมองว่ากุเป็นหมา ... เมิงต้องจีบเขา”
   “แต่...”
   “ความรู้สึกดี มันสานต่องอกงามกลายเป็นความรักได้เว้ย”
   “กลัวว่ะ”
   “เชื่อดิ พี่สาเขาต้องชอบอยู่กับเมิงพอสมควร ไม่งั้นไม่ลากไปไหนมาไหนหรอก”
   “ก็เพราะเมิงไม่อยู่ไง”
   “โอย เมิง นั่นไงโอกาสดี”
   “เฮ้ออออ”
   “กล้าหน่อย อยากได้ต้องกล้า”
   “เออไว้กุพร้อมก่อน”
   “พร้อมเร็ว ๆ ไม่งั้นเสร็จ ไม่เชื่อหันไปดูนั่น”
   พี่สากำลังถูกชายหนุ่มชวนคุย จะมาถามทางหรืออะไรก็ช่าง แต่ได้จังหวะพอดิบพอดีเลย เป็นเชื้อไฟที่ดีให้กับโม่ได้ไม่น้อย ว่าถ้าไม่พยายาม ก็ทำได้แค่นั่งดู
   อาหารมาเสิร์ฟก่อนที่สาจะกลับมานั่งพอดิบพอดี ทั้งคู่พับเก็บบทสนทนาเมื่อครู่เอาไว้ แต่ในใจของโม่กำลังตกตะกอน เขารู้ว่าเขาควรจะเริ่มสักที
   วริษฐ์เดินออกจากร้านต้นกล้า เขาสอดส่ายสายตามองเข้าไปในร้านคิซุ ที่ ๆ เมื่อกี้มีใครบางคนนั่งอยู่ แต่พอตอนนี้กลับเปลี่ยนเป็นแก๊งผู้หญิงแทน พวกเขาคงกินเสร็จก่อนแล้ว เขาไม่ได้อยากสนใจอะไรอีกฝ่ายเท่าไหร่หรอก ก็เผื่อเดินกลับตึกพร้อมกันแค่นั้นเอง
   ร่างสูงเดินไปเก็บกล่องข้าวของกวินที่ห้องครัว ตั้งใจจะเดินไปให้ที่โต๊ะถึงมือ ทำไมน่ะหรอ ไม่รู้เหมือนกัน แค่อยากทำแบบนั้น
   พอเดินไปถึง โต๊ะนั่นกลับว่างเปล่า ไม่มีวี่แววของกวิน ...
   “อ้าว วริษฐ์ มีอะไรหรือเปล่า” พี่ผู้ชายที่นั่งตรงข้ามกวินเอ่ยทักเขา เพราะว่าเห็นร่างสูงหยุดยืนมองโต๊ะกวิน
   “กวินล่ะครับ”
   “อ๋อ กวินไปห้องน้ำ”
   “ครับ ผมเอาของมาคืนเขาเฉย ๆ”
   “วางไว้เลย พี่บอกให้”
   “ขอบคุณครับ”
   เขาจำต้องวางกล่องข้าวที่ล้างทำความสะอาดเรียบร้อยแล้วทิ้งเอาไว้บนโต๊ะของกวิน แล้วเดินกลับไปที่โต๊ะทำงานตัวเอง
   วันนี้เขาหงุดหงิดทั้งวัน อยากเจอวันนี้ไม่โผล่มาให้เจอแม้แต่น้อย อยากคุยด้วยก็ไม่ยักทักมา ทั้งที่ทุกวันจะต้องทักมาถามนั่นนี่ตลอดแท้ ๆ
   เขาหงุดหงิดใจจนแทบอยากยกเลิกนัดตอนเย็น แล้วก็ได้แต่บ่นกับตัวเอง ว่าเป็นบ้าอะไร

   พอเลิกงานร่างสูงก็ออกไปพร้อมกับหญิงสาวคนสวยฝ่ายกฎหมาย กว่าเขาจะวนรถออกจากที่จอดได้ เกือบครึ่งชั่วโมง วริษฐ์ก็ยิ่งหงุดหงิด แล้วก็ยังมาติดหนึบหนับตรงทางออกอีก เขาขมวดคิ้วแน่น รถยนต์ของวริษฐ์ค่อยไหลออกไปทีละนิด ๆ แล้วก็จอดติดอยู่หน้าตึก ช่วงที่คนเลิกงาน และพากันแย่งออกจากตึก แย่งกันกลับบ้านรถก็จะติดแบบนี้ ร่างสูงมองนั่นมองนี่ ไม่มีอารมณ์ป้อแซวสาว สาวเจ้ารายนี้ก็ไม่ใช่สาวช่างจ้อ บรรยากาศในรถก็ยิ่งอึดอัดแปลก ๆ
   วริษฐ์ก็เลยเปิดเพลงแก้เครียด เกลียดรถติดจริง ๆ
ขณะขับรถให้เคลื่อนที่ไปทีละนิด ๆ เขาสะดุดตาที่ใครบางคน กวิน... ร่างบางถูกผู้ชายตัวสูงใหญ่กอดคอเอาไว้แน่น เขาจ้องภาพนั้นจนตาแทบถลน กลางวันคนนึง เย็นคนหนึ่ง มิน่าวันนี้ถึงได้เงียบหาย

   ‘ก็ในวันนั้นฉันเอง ที่เป็นที่คนทำร้ายเธอ
   ทำเธอเจ็บช้ำเสมอ
   ไม่เคยจะมองว่าเธอเป็นคนสำคัญ’
   [กรรมตามสนอง : MILD]


   ร่างสูงยิ่งขมวดคิ้วหนัก ก่อนกดเปลี่ยนคลื่นวิทยุ หาเพลงที่มันรื่นเริงหูฟัง

   ‘ว่าฉันไม่เคยจะเหงา ไม่คิดถึงเลย
   เห็นเธอกับเขาทีไร หัวใจยังรู้สึกเฉยๆ
   ไม่คิดถึงเลย ไม่เคย ฉันไม่เคยคิดถึงเธอทุกวัน’
   [ไม่คิดเลย : NAP A LEAN]


   ร่างสูงหงุดหงิดใจไม่น้อย เมื่อเจอแต่เพลงที่...  พาให้อารมณ์ดาวน์ เขากดเปลี่ยนอีกครั้ง และได้แต่คิดว่าถ้ายังเจอเพลงที่ทำให้อารมณ์ดาวน์ก็จะปิดมันซะ

   ‘อยู่ตัวคนเดียวฉันเริ่มจะชิน
   ไม่ค่อยจะอินเรื่องราวความรักเท่าไหร่
   ผู้คนเข้ามาก็ผ่านไป
   อยู่ตัวคนเดียวมานานเท่าไหร่ฉันเองไม่รู้
   ว่าเพราะอะไร ฉันทำอะไรผิดไป’
   [Bad Luck : Lipta and The Toys]


   เขาไม่ใส่ใจในเนื้อเพลง อย่างน้อยจังหวะมันก็ฟังสบาย ...ใช่เขาอยู่คนเดียวจนชิน
   “วริษฐ์เป็นอะไรคะ วันนี้ดูอารมณ์ไม่ดี” หญิงสาวคู่ควงนัดเดทวันนี้เอ่ยถามขึ้นมา หลังจากเธอเฝ้ามองดูพฤติกรรมของวริษฐ์มาตลอด เขาดูหงุดหงิดไม่สบายใจ คิ้วขมวดตลอดทาง
   “ผมปวดหัวนิดหน่อย กินข้าวแล้ว ผมขอกลับไปนอนก่อนนะ”
   วริษฐ์รู้สึกกระวนกระวาย ในใจของเขามันไม่สงบ กินข้าวก็ไม่อร่อย พูดคุยก็ไม่สนุก ไม่รู้ว่าเป็นอะไร... เขาไม่รู้
   หลังกินข้าวเสร็จ วริษฐ์ก็ขับรถตรงดิ่งกลับบ้าน เขาไม่ได้ปวดหัว ไม่เลยสักนิด ก็แค่ไม่มีอารมณ์ ไม่สนุก ไม่อยากสานต่อ ร่างสูงจอดรถที่หน้าบ้าน ดับเครื่อง แล้วก็นั่งแช่อยู่แบบนั้น เขาไม่รู้เลยว่าทำไมมันเป็นแบบนี้ ทุกทีก็ไม่ได้อะไร อยากจะตีตัวออกห่างด้วยซ้ำ แต่วันนี้เขากลับ...เขาอยากเจอ...
.
.
[งอแงคิดถึงเขา แต่ไม่อยากยอมรับ ไล่เขาไปเองก็คิดถึงเอง
อยากเว้นระยะห่างแต่ตัวเองกลับอยากเข้าไปใกล้ ย้อนแย้งเป็นบ้า
//มีปมกันทั้งคู่ ชีวิตนี้มันซับซ้อน
 :katai1:
///ตอนนี้เพลงทิ่มเเทงอารมณ์ก็จะเยอะหน่อย เพลงที่เราฟังนี่แหละฮือ
มาขอเพลงเศร้าที่เราได้มีเป็นล้าน ทำตัวเป็นดีเจ อิอิ
ไปเล่นกันในแท็ก #เพราะเราเคยพบกัน ได้นะคะ]
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 16 ไกลเท่าเดิม 18/12/62
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 18-12-2019 23:01:55
 :pig4: :pig4: :pig4:

มีไม่ขาดเลยไม่เห็นความสำคัญ

ต้องให้ขาดแคลนนั่นแหละถึงจะเห็นค่า
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 16 ไกลเท่าเดิม 18/12/62
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 18-12-2019 23:08:03
อยูคนเดียวจนชิน พอมีคนมาวอแวด้วยบ่อยๆ มันก็กลายเป็นความเคยชินได้เหมือนกันนะ
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 16 ไกลเท่าเดิม 18/12/62
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 19-12-2019 01:23:38
สมน้ำน่าอีพี่อาร์ต กวินไม่ต้องสนใจไปเลย ไล่ดีนัก
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 17 เดี๋ยวพี่ไปหา 22/12/62
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 22-12-2019 10:45:10
บทที่ 17 เดี๋ยวพี่ไปหา
(https://uppic.cc/d/5c6K) (https://uppic.cc/v/5c6K)

   สุดท้ายร่างสูงไม่ได้ลงจากรถ และไม่รู้อะไรดลใจให้วริษฐ์สตาร์ทรถอีกครั้ง แล้วขับไปตามเส้นทางที่คุ้นเคยจุดมุ่งหมายคือห้องของกวิน ไม่บอกอีกฝ่ายก่อนด้วยซ้ำ เขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าอีกฝ่ายกลับมาแล้วหรือยัง ตอนนี้ก็จะห้าทุ่มแล้ว หรือสนุกจนลืมกลับห้องไปแล้วก็ไม่รู้
   ร่างสูงแตะคีย์การ์ดเข้าตึกไป ในใจก็คิดแต่เพียงว่าอีกฝ่ายคงกลับมา เขาอยากรู้ว่าจะหยุดความรู้สึกไม่สงบนี้ได้ยังไง เขาเดินไปหยุดยืนอยู่หน้าห้อง เคาะสองสามครั้ง แล้วรอ...แต่รอยังไงประตูก็ไม่เปิด เงียบสนิท เมื่อเห็นว่าเป็นแบบนั้น วริษฐ์แตะคีย์การ์ดเพื่อเดินเข้าไปในห้อง ไฟในห้องมืดสนิทไม่มีวี่แววของเจ้าของห้อง มีแต่กลิ่นหอมจาง ๆ  ในห้องที่ทำให้เขารู้สึกสบายใจ เขาถือวิสาสะ ทิ้งตัวลงนอนบนโซฟา นอนนิ่ง ๆ และเฝ้ารอเงียบ ๆ ท่ามกลางความมืดนั้น
   ไม่รู้ผ่านไปนานแค่ไหนที่เขาใช้เวลานอนมองเพดานอยู่ในห้องมืด ๆ เพื่อรอ ในห้องเงียบกริบจนได้ยินเสียงก๊อกแก๊ก ๆ ของห้องอื่น ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินผ่านหน้าห้อง แต่ไม่มีเสียงเปิดประตูห้องนี้สักที

ติ้ง

   ‘พี่อาร์ตครับ ผมคิดถึงพี่’
   ร่างสูงมองมือถือในมือนิ่ง ข้อความที่ขึ้นมาบนหน้าจอสกรีน ‘ถ้าคิดถึง ก็กลับมาสักทีสิ’ เขาคิดในใจ แต่ไม่ได้เปิดอ่านมันด้วยซ้ำ

ติ้ง ติ้ง ติ้ง

   ‘ผมรู้ว่าพี่คงรำคาญ
   แต่
   ผมก็ไม่รู้ว่าจะเลิกชอบพี่ยังไง’

   ดวงตาคมจ้องมองข้อความนั้นนิ่ง คำว่า ‘เลิกชอบ’ มันก่อกวนอารมณ์ในใจของเขา ทั้งที่อยากจะถอยหนี ต่อพอคิดว่าอีกฝ่ายกำลังพยายามทบทวนตัวเอง พยายามจะเลิกชอบเขา มันก็ทำให้เขารู้สึกโหวงขึ้นมา

ติ้ง

   ‘ให้ผมชอบพี่แบบนี้ต่อไปนะครับ’

   ร่างสูงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เขากดปิดมือถือพลางวางมันไว้ข้าง ๆ อยู่ ๆ เขาก็รู้สึกเหนื่อยขึ้นมา

   โจ้วนรถมาส่งกวินที่หน้าตึก เขากลับมาถึงก็เกือบเที่ยงคืน ทั้ง ๆ ที่พรุ่งนี้ต้องทำงาน แต่พออยู่กับเพื่อน ๆ นัดมัน เลยเถิด ชวนกันไปนั่งดื่มเหล้าต่ออีกซะอย่างนั้น เขาหมดสิทธิจะกลับก่อนเพราะโจ้ออกปากว่าจะไล่ส่งทุกคน
   ร่างบางเหลือบตาดูมือถือ ไม่มีการตอบกลับ ไม่มีการอ่านด้วยซ้ำ เขาเดินคอตกขึ้นตึกไป อีกฝ่ายไม่ได้ใส่ใจเขา ทุกวันมันไม่ได้มีความหมาย วันนี้ที่ไม่เจอกันเขาก็เฉย ๆ ไม่ได้รู้สึกอะไร ไม่ได้แตกต่างไปจากเดิม ข้อความยังไม่อ่านด้วยซ้ำ คิดแล้วก็น้อยใจ แต่ถามว่าน้อยใจแล้วยังไงล่ะ ก็ทำได้แค่ก้มหน้าก้มตารักเขาต่อไป ฝังใจไปแล้ว ยิ่งถูกลูบหัว ถูกกอดเขาก็ยิ่งอยากอยู่ใกล้อีกฝ่าย เขาทำอะไรไม่ได้นอกจาก... พรุ่งนี้เช้าจะทำอะไรให้เขากินดีนะ

แกร๊ก

   กวินแตะคีย์การ์ดเข้าไปในห้อง มือบางควานหาสวิสต์ไฟเพื่อเปิดมัน ดวงตากลมโตตกใจสุดขีด เมื่อเห็นปลายเท้าของใครบางคนยื่นออกมาจากโซฟา โจร? เติ้ล? ใคร!?
   ร่างบางขยับไปหยิบร่มด้ามยาวมาถือเอาไว้ เขากำมันเอาไว้แน่นพลางรวบรวมความกล้า พยายามเดินย่องไปที่โซฟาเงียบ ๆ ชะโงกหน้าไปดูก่อนพบคนคุ้นเคย ที่ปกติไม่เคยมาเองโดยไม่บอกเขา ไม่สิ ... ไม่มาด้วยซ้ำถ้าเขาไม่พยายามชวน คนที่ช่วงนี้ตีตัวออกห่างจากเขา คนที่เขาเพิ่งจะบ่นน้อยใจไปเมื่อกี้...
   กวินยืนมองวริษฐ์ที่นอนหลับอยู่บนโซฟา นอนทั้งชุดทำงาน ดูไม่น่าจะสบาย แต่ลมหายใจสม่ำเสมอของอีกฝ่ายทำให้เขาไม่กล้าปลุก เขาได้แต่ยืนมองอยู่แบบนั้นหลายนาที ทำไมมาอยู่ที่นี่ ยังไงผมก็ไม่ถอดใจจากพี่หรอกน่า
   ผมยืนมองอีกฝ่ายไม่นาน รีบขยับไปทำธุระส่วนตัวเมื่อเห็นว่าดึกมากแล้ว ผมอาบน้ำ ก่อนจะเดินกลับออกมากดเปิดแอร์ เลื่อนโต๊ะหน้าโซฟาออกไปให้พ้นทาง ผมนั่งลงข้าง ๆ เขา จ้องมองใบหน้าหลับพริ้ม ใช้นิ้วมือเกลี่ยเส้นผมของพี่อาร์ตเบา ๆ ผมขยับไปแตะจูบแผ่วเบาที่ข้างแก้มของเขาด้วยความคิดถึง คิดว่าวันนี้ทั้งวันจะไม่ได้เจอซะแล้ว ก็ดันโผล่มาอยู่ตรงหน้า
   กวินหอบหมอนหอบผ้าห่มมากองบนพื้น ผ้าห่มผืนหนาครึ่งหนึ่งห่มให้วริษฐ์ ส่วนอีกครึ่งเป็นของเขา ร่างบางนอนลงไปบนพื้นเย็นเฉียบ เขาดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มตัว
   “ราตรีสวัสดิ์นะครับ”
   เจ้าตัวหลับไป แม้พื้นจะแข็ง แต่เขากลับอบอุ่นหัวใจ
   ช่วงตีสาม ด้านนอกฝนตกหนัก ฟ้าร้องฟ้าผ่าเสียงดังสนั่น จนคนที่นอนหลับไปแล้วสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก สายฟ้าแลบผ่านหน้าต่างสว่างวาบ พร้อมเสียงดังกึกก้อง วริษฐ์ลุกขึ้นนั่ง เขาไม่รู้ว่าผ้าห่มผืนหนานี่มาจากไหน เขาไม่รู้อะไรนอกจากรู้สึกแย่
   “ฮึก เมื่อไหร่ มันจะจบสักที”
   วริษฐ์พึมพำในความมืด ก่อนจะเริ่มร้องไห้ออกมา ราวกับเขาอยู่ตัวคนเดียวบนโลกใบนี้
   กวินได้ยินเสียงฟ้าร้อง ผสมปนเปกับเสียงร้องไห้ ทำให้เขาลุกขึ้นมานั่ง และมองไปที่ใครอีกคน เขาเห็นเงาตะคุ่มกำลังนั่งกอดเข่าร้องไห้ ร่างบางปีนขึ้นไปนั่งบนโซฟา ใช้สองมือดึงอีกฝ่ายเข้ามาในอ้อมแขน เขากอดอีกฝ่ายไว้แน่น ให้ใบหน้าของวริษฐ์ซุกอยู่ที่อกของเขา มือบางลูบหัวอีกฝ่ายอย่างปลอบโยน
   “พี่ร้องไห้ทำไมครับ ฝันร้ายหรอ”
   ร่างสูงไม่ตอบ มีแค่ไหล่ที่กำลังไหวสั่น
   กวินรู้สึกถึงความชื้นที่อกเสื้อ เมื่ออีกฝ่ายยังคงร้องไห้อยู่
   “อย่า ...ทิ้งผม”
   กวินขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำพูดนั้น
   “ผมอยู่นี่นะ ไม่ทิ้งพี่หรอก” เขากระซิบเสียงเบาที่ข้างหูของวริษฐ์ พลางจูบเน้นย้ำไปที่ขมับของเขา
   วริษฐ์สงบลงกับคำพูดนั้นของกวิน และเมื่อสัมผัสถึงไออุ่น ที่ใบหน้าของเขาแนบอยู่กับแผงอกอุ่นนุ่ม เขาได้ยินเสียงหัวใจเต้นตึกตัก มันบอกว่าเขาไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว เขาหลับตาลง พลางยกสองมือสั่นเทากอดตอบอีกฝ่าย
   “ผมอยู่กับพี่อาร์ต” เขาคลายกอด พลางสบตากันในความมืด มือบางปะคองใบหน้าหล่อเหลา ก่อนจะไล่ประทับจูบแผ่วเบาจากหน้าผาก ปลายจมูก แก้มซ้าย และริมฝีปากเป็นที่สุดท้าย “พี่ไม่ได้อยู่คนเดียวนะครับ”
   ร่างสูงพยักหน้าในความมืด พวกเขานั่งกันนิ่ง ๆ อยู่หลายนาที ไม่มีเสียงพูดคุย มีแต่เสียงลมหายใจ โดยที่กวินกุมมือสั่นเทาของวริษฐ์เอาไว้
   “นอนกันนะครับ” กวินลุกขึ้นยืน เพื่อให้วริษฐ์เอนตัวลงนอนกลับลงไปบนโซฟา มือบางดึงผ้าห่มขึ้นห่มให้ เขานั่งลงข้างโซฟา เท้าคางมองอีกฝ่ายในความมืด
   วริษฐ์มองอีกฝ่ายที่นั่งเฝ้าเขา ก่อนจะค่อย ๆ ปรือตาลง เพื่อนอนหลับอีกครั้ง
   “ฝันดีนะครับ” กวินพูดพึมพำเสียงเบา
   เมื่อเห็นว่าวริษฐ์หลับ เขาถึงทิ้งตัวลงนอนบนพื้น เพื่อจะนอนบ้าง เขาพลิกตัวจัดท่าให้สบาย นอนกอดก่ายหมอนข้างนอนหันหลังให้โซฟา
   แต่ไม่ทันเคลิ้มหลับ เขาก็ถูกเบียดจากด้านหลัง คนตัวสูงไหลลงมาจากโซฟา มือหนาพาดเอวบาง ใบหน้าซุกที่คอของกวิน กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากตัวของกวินทำให้เขารู้สึกสงบ
   “พี่อาร์ต” กวินเรียกอีกคนเสียงเบา
   “ขอพี่กอดหน่อยนะ” น้ำเสียงแผ่วเบาเหนื่อยล้าถูกส่งมาจากผู้ชายตัวสูงข้างหลัง
   “ครับ”
   ทั้งคู่นอนบนพื้นที่ทั้งแข็งทั้งเย็นเฉียบด้วยความสมัครใจ ก่อนต่างฝ่ายจะหลับไปด้วยใจที่เป็นสุขเพราะไออุ่นของกันและกัน ไออุ่นจากคนกอดและคนถูกกอด 

   แสงแดดยามเช้าส่องเข้ามาทำให้ห้องสว่างไสวโดยไม่ต้องเปิดไฟ ร่างสูงรู้สึกตัวก่อน เส้นผมอ่อนนุ่มคลอเคลียใบหน้าเขาจนรู้สึกจักจี้ ยามเช้าที่ตื่นมาโดยกอดใครบางคนเอาไว้ เขารู้สึกว่าต่อไปในคืนวันฝนตกจะไม่น่ากลัวอีกแล้ว
   “ขอบคุณนะ” เขาพูดขณะจูบเบา ๆ ที่ต้นคอขาว
   “อื้ม” กวินครางรับ เขางัวเงียตื่นขึ้นมา เมื่อคนด้านหลังขยับตัว
   “ตื่นแล้วหรอ”
   “ครับ” ร่างบางพูดพลางพลิกตัวกลับมากอดเขา “ผมไม่ทิ้งพี่”
   ดวงตากลมมองสบกับเขา ดวงตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึก ที่ทำให้เขามั่นใจว่าอีกฝ่ายจะทำแบบนั้นจริง ๆ ถ้าเพียงแต่เขาจะรับความรู้สึกนั้นเอาไว้ได้
   วริษฐ์ลุกขึ้นนั่ง พลางเสยผมเขายิ้มเขิน ๆ ที่เมื่อคืนร้องไห้ออกไปแบบนั้น เหมือนเด็ก ๆ แต่เขามักจะเป็นแบบนี้เสมอ ในคืนที่ฝนตกหนัก เขามักรู้สึกแย่ และตื่นมานั่งร้องไห้คนเดียวตลอด เป็นความฝังใจ เป็นความทรงจำในอดีตที่เลวร้าย ที่มันยังคงเฝ้าตอกย้ำเขาอยู่เสมอ มันเติบโตมาพร้อมกับเขา
   กวินนอนมองอีกฝ่าย ดวงตากลมจดจ้องวริษฐ์ เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเจออะไรมา ทำไมเมื่อคืนถึงเป็นแบบนั้น ไม่รู้อะไรเลย เขายังรู้จักผู้ชายคนนี้ไม่มากพอ อยาก...รู้จักให้มากขึ้นอีก เขาจะคอยสักวันที่วริษฐ์จะเล่าเมื่อเจ้าตัวพร้อม แต่เขาจะคอยอยู่เคียงข้างและปลอบอีกฝ่ายไว้แบบนี้
   ร่างบางลุกขึ้นนั่งตาม เขานึกขำเมื่อนึกถึงที่นอนของพวกเขา เตียงนุ่ม ๆ ก็มี โซฟาก็มี แต่ดันมานอนกอดกันอยู่บนพื้นทั้งเย็นทั้งแข็ง ปวดหลังเลย
   “เมื่อคืน พี่มาทำไมน่ะ มีอะไรหรือเปล่า”
   วริษฐ์นิ่งไป เขาไม่รู้จะตอบยังไง รู้ตัวเขาก็ขับรถมานี่แล้ว
   “พี่...” เขาอึกอัก ก่อนจะเลี่ยงไม่ตอบคำถาม “ไปอาบน้ำก่อนนะ”
   กวินขมวดคิ้วสงสัย เมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมตอบคำถามของเขา แต่เขาก็จะไม่ซักไซ้ต่อ พวกเขาลุกขึ้นจัดการตัวเอง กวินเตรียมอาหารง่าย ๆ วันนี้ยังไม่ใช่วันหยุด  พวกเขายังต้องไปทำงาน วันศุกร์ของพวกเขา
   เสื้อผ้าชุดแรกที่วริษฐ์ทิ้งเอาไว้ ถูกนำกลับมาใส่ในวันนี้ ขณะที่เสื้อผ้าวันนี้ เจ้าของห้องก็ฉวยคว้าเอาไว้บอกว่า จะซักให้ เพราะพี่ต้องมานอนอีกแน่ พร้อมกับส่งยิ้มทะเล้นให้เขา
   “ปวดหลังจัง นอนพื้นเนี้ย” กวินบ่นเมื่อนั่งบนรถของวริษฐ์ เป็นอีกวันที่พวกเขาไปทำงานพร้อมกัน
   “เดี๋ยวเย็นนี้พี่ไปส่ง รอกลับพร้อมพี่นะ”
   ร่างบางหันไปมองอีกฝ่ายงง ๆ อะไรของเขา อยู่ดี ๆ เกิดจะอยากมาตัวติดกับเขาหรอ? เขาน่ะชอบซะด้วยสิ

   วันนี้งานค่อนข้างยุ่ง วริษฐ์ทั้งเหนื่อยทั้งล้า เขาเองก็รู้สึกปวดหลังเหมือนกัน นอกจากปวดหลัง ยังปวดหัวอีก ตอนนี้เขากำลังสับสนกับตัวเอง เขาไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไร เขาไม่มีคำตอบให้ตัวเอง หรือไม่ ก็ไม่กล้าจะตอบ
   พอช่วงพัก เขาเลยปลีกตัวไปซื้อข้าวกล่องขึ้นมากินในห้องทำงานและว่าจะแอบงีบสักหน่อย เขาซื้อข้าวแล้วเรียบร้อย วริษฐ์มองยานวดแก้ปวดหลัง กับแผ่นแปะแก้ปวดที่ชั้นในร้านสะดวกซื้อ ก็เลยตัดสินใจซื้อมาสองชุด ตั้งใจว่าจะให้อีกคนด้วย รายนั้นก็น่าจะปวดหลังไม่ต่างกัน

   วาเนสซ่ากลับมาจากกินข้าวก่อนใคร เธอขึ้นมาเตรียมตัว เพราะมีนัดสัมภาษณ์กับผู้สมัครตอนเที่ยงครึ่ง เธอเห็นวริษฐ์นอนฟุบอยู่กับโต๊ะ ในใจลึก ๆ นึกเป็นห่วง... เธอเองก็เป็นสาวคนหนึ่งที่หลงใหลได้ปลื้มไปกับเสน่ห์ของเขา เป็นผู้หญิงที่เต็มใจจะเป็นคู่ควงของเขา แต่พอถึงจุดหนึ่ง เขาก็ตีตัวออกห่าง พูดจาเย็นชา ยิ่งครั้งนั้นที่เธอมีเรื่องกับตฤน น้องในทีมอีกคน เขาก็ยิ่งหมางเมินและใจร้าย สุดท้ายเขาก็ตัดความสัมพันธ์กับเธอ กลายเป็นเพื่อนร่วมงานธรรมดา แม้ไม่ชอบก็ต้องยอมรับ ข้อตกลงกับวริษฐ์คือ อย่าพยายามเป็นเจ้าของเขา ซึ่งเป็นอะไรที่บังคับได้ยาก
   วาเนสซ่าส่ายหน้าเมื่อเธอคิดฟุ้งซ่าน เธอเดินไปหยิบกระเป๋าใส่แปรงสีฟัน ยาสีฟันก่อนจะเดินออกไป
   วริษฐ์ขยับตัว เขาปวดหลังเป็นบ้า มือหนาดึงเปิดเสื้อตัวเองขึ้น ขณะพยายามจะเอาแผ่นแก้ปวดแปะหลัง
   “ทำอะไร” พี่สันติเปิดประตูเข้ามาเห็นวริษฐ์กำลังทำท่าทางแปลก ๆ พอดี
   “แปะแผ่นแก้ปวด พี่ช่วยผมหน่อยครับ”
   สันติมองอีกฝ่ายยิ้ม ๆ วริษฐ์มันแก่ขนาดต้องพึ่งแผ่นแปะแก้ปวดแล้วหรอ  แต่เขาก็เดินไปช่วยแปะให้อย่างว่าง่าย
   “โห มันปวดขนาดนั้นเลยหรอ ทั้งยานวดทั้งแผ่นแปะ ไปทำอะไรมา” สันติมองกองยาบนโต๊ะริษฐ์ มันมีหลายขนานเลย
   “ปวดหลัง เพราะผมตกเตียง” ...ไหลตกลงมาจากโซฟาด้วยความเต็มใจ ยอมนอนพื้นแข็ง ๆ เพราะอยากได้ไออุ่นของอีกคน เพื่อยืนยันว่าเขาไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว
   “คนหล่อ ๆ มันก็ซุ่มซ่ามเหมือนกันเนอะ” สันติพูดแซว
   “คนหล่อก็คนครับพี่” วริษฐ์พูดชมตัวเองแบบไม่ถ่อมตัวแม้แต่น้อย ก็เขาเป็นคนหล่อ
   สันติตบหลังอีกฝ่าย พอให้สะดุ้ง
   วริษฐ์นิ่วหน้าปวดโคตร พี่สันติคงหมั่นไส้คนหล่อแบบเขา เฮ้อ เขาอยากกลับบ้านแล้ว...
   เมื่อเลิกงาน เขากับกวินไปกินก๋วยเตี๋ยวตึกข้าง ๆ แล้วค่อยเดินกลับมาเอารถ จะได้รีบกินรีบกลับไปนอน ปวดหลัง จนอยากจะกินยาแล้วหลับไปให้รู้แล้วรู้รอด พวกเขาไม่ได้พูดเรื่องเมื่อคืน กวินแค่ยิ้มแย้มให้เขา ชวนคุยนั่นนี่เหมือนเดิม พร้อมยกเอ็นแก้วตุ๋นให้เขาชิ้นหนึ่งเพราะเขาบอกว่า มันดี มันละลายในปาก อีกฝ่ายก็ยกให้เขา กวินใส่ใจจนเขารู้สึกเหมือนเอาเปรียบอีกฝ่ายอยู่ เพราะเขาก็ไม่รู้จะตอบแทนคนตัวเล็กตรงหน้าเขายังไง หรือด้วยอะไร
   รถยนต์แล่นจอดที่หน้าตึก
   “พี่อาร์ตค้างอีกมั้ย”
   “ไม่ครับ พี่ปวดหลัง พี่จะกลับไปนอนบ้าน”
   “ก็ได้ครับ” ร่างบางลงจากรถ เขายิ้มให้พร้อมโบกมือลาคนในรถด้วยท่าทางร่าเริงสดใส
   วริษฐ์มองคนตัวเล็กเดินเข้าตึกไปจนลับตา จะตอบแทนยังไง ถึงจะไม่ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของกวินไม่จางหายไป...

   “ลืมว่ะ” วริษฐ์บ่นพึมพำกับตัวเอง
   พูดถึงปวดหลัง เขาก็นึกขึ้นมาได้ว่ายังไม่ได้ให้ยานวดกับแผ่นแปะแก้ปวดกับอีกฝ่ายเลย  วริษฐ์ตัดสินใจจอดรถ พลางตั้งใจจะเดินเอาของขึ้นไปให้ อาจจะใจดีรออีกฝ่ายอาบน้ำเสร็จ แล้วแปะแผ่นแก้ปวดให้ เพราะขนาดเขาเองจะแปะเองก็ทุลักทุเล ต้องให้คนอื่นช่วย กวินก็คงไม่ต่างจากเขา   

   กวินเดินกลับห้อง เขาค่อนข้างอารมณ์ดี แต่อารมณ์สดใสกลับแปรเปลี่ยน เมื่อเห็นว่าใครบางคนยืนอยู่หน้าห้อง มาแบบนี้ เขาจะหนียังไง จะหลบก็ไม่ทันแล้ว
   เมื่อดวงตาสบประสาน คนคุ้นเคยส่งยิ้มมาให้ ก่อนก้าวเดินมาหาด้วยท่าทางสบาย ๆ
   “สบายดีมั้ยกวิน”
   “เติ้ล...” เขาพูดพึมพำชื่ออีกฝ่ายเสียงเบา ขณะเท้าก้าวถอยหนีไปด้านหลัง เขาหมุนตัวหันหลังเพื่อหนีจากสถานการณ์อึดอัดตรงหน้า
   เติ้ลเดินเข้าไปหาก่อนฉวยโอกาสดึงอีกฝ่ายเข้ามากอดหน้าตาเฉย กอดจากทางด้านหลัง เขางับที่ติ่งหูของกวินเบา  ๆ พลางพูดเสียงเบาอยู่ที่ข้างหูกวิน
   “รู้มั้ย ว่ากูคิดถึงเมิงแค่ไหน”
   กวินนิ่งด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าจะมาเจอกันแบบนี้ เขาเตรียมใจไม่ทัน ดวงตากลมมีแววสั่นไหว เขาอยากขยับออกจากการเกาะกุม แต่ร่างกายเหมือนไม่ใช่ของเขา เขาสั่งการมันไม่ได้เลย

   ร่างสูงเดินตามมาที่ห้องในมือถือถุงใส่ยานวดมาด้วย แต่พอใกล้จะถึงห้องกวิน ใจเขาเต้นไม่เป็นส่ำ เขากลับเจอว่า ใครสักคนที่กำลังกอดกวินอยู่ ร่างบางดวงตาเบิกโพล่ง เมื่อเห็นว่าพี่อาร์ตของเขามา มาเห็นเขาตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ความคิดในหัวตีกันสับสน ทั้งดีใจ ตกใจ กังวล คล้อยหลังอีกคนไม่กี่นาที ก็มีผู้ชายอีกคนเข้ามากอดเขาเอาไว้ เขาพูดอะไรไม่ออก ได้แต่มองจ้องอีกฝ่าย ปากอ้าค้าง
   “ขอโทษทีนะ” วริษฐ์พูดทัก ขณะจ้องมองคนทั้งคู่
   “อย่ามายุ่งเรื่องผัวเมีย” เติ้ลพูดตอบโดยไม่ได้เงยหน้าไปมอง เขาต้องเคลียร์กับกวินให้ได้ ที่อยู่ ๆ ก็หนีเขาไปแบบนี้ เขาจะต้องลงโทษ
   ดวงตาคมมองสบดวงตาของอีกฝ่าย ใบหน้านิ่งค้างไม่ตอบไม่หื้อไม่อืออะไร ดวงตากลมสั่นระริกไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ ทำไมไม่ขัดขืนจากอ้อมกอดของเติ้ล ทำไมไม่อธิบายให้วริษฐ์ฟัง ทำไมเขาทำแค่ยืนเฉย ๆ
   ...
   เพราะในใจลึก ๆ เขารู้...ว่าไม่มีใครต้องการเขาจริง ๆ จากใจ พวกเขาต้องการแค่ตอบสนองความใคร่ เติ้ลก็แค่ติดใจในตัวเขา พี่อาร์ตก็คงเหมือนกัน และคงสงสาร เพราะหลายครั้งที่เขามักร้องไห้โวยวายใส่ เพราะแบบนั้น เขาเลยได้แต่ยืนเฉย ๆ ออกตัวไปแล้วมันไม่ใช่ ก็มีแต่ต้องเก็บเศษหน้าเศษใจที่มันแตกละเอียดมานั่งต่อประสานเอง กวินถูกใครก็ไม่รู้กอด พี่อาร์ตอาจจะไม่ได้เป็นเดือดเป็นร้อนอะไร อาจจะสบายใจที่เขาจะออกไปจากชีวิตจริง ๆ สักที พอคิดแบบนั้น น้ำตาก็พาลจะไหล
.
.
[พี่อาร์ตไม่รู้อะไรทั้งนั้นนอกจากอยากเจอน้อง
เติ้ลเลิกเป็นผี โผล่มาเป็น ๆ แล้ว น่ากลัวมาก
 
//ขอบคุณที่ตามอ่านตามว่าพี่อาร์ตค่า 555
หัวอกคนรักน้อง ให้คะแนนในความพยายามของกวิน
ส่วนอิพี่เนี้ยให้รู้ซะบ้าง ว่าเวลาเขาไม่มาวอแว มันเหงาแค่ไหน]
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 17 เดี๋ยวพี่ไปหา 22/12/62
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 22-12-2019 11:28:04
น้องจะทึกทักเอาเองว่าพี่เค้าไม่ใส่ใจไม่ได้นะ เตะอิเติ้ลมันออกไปเดี๋ยวนี้เลย  :m16:
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 17 เดี๋ยวพี่ไปหา 22/12/62
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 22-12-2019 11:51:23
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 17 เดี๋ยวพี่ไปหา 22/12/62
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 23-12-2019 00:39:30
ไม่รู้จะสะใจหรือเห็นใจอีพี่อาร์ตดี
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 18 ประจันหน้า 26/12/62
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 26-12-2019 13:08:08
บทที่ 18 ประจันหน้า

(https://uppic.cc/d/5dLp) (https://uppic.cc/v/5dLp)


   วริษฐ์ยืนกอดอกมองอีกฝ่ายนิ่ง ตาจ้องสบตา เขาพูดแบบไม่มีเสียง ‘ยอมเขาหรอ?’
   ร่างบางสั่นศีรษะเบา ๆ ปฏิเสธ
   เมื่อเห็นว่ากวินไม่ได้ยินยอม ร่างสูงจึงพูดออกไปด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ    “คนไหนเมียนาย นั่นน่ะเมียฉัน”
   กวินตาเบิกกว้างยิ่งกว่าเดิม หัวใจเต้นแรงเมื่อได้ยินคำพูดนั้น เมีย? เมียเลยหรอ เมียเลยหรอ ไม่ใช่แค่คู่นอน ตะแต่เป็นเมีย...
   เติ้ลขมวดคิ้วมุ่น ใครหน้าไหนที่เข้ามายุ่งกับกวิน แบบนี้สินะที่ทำให้อีกฝ่ายไม่ยอมเขา หึ ฉันไม่ปล่อยนายไปหรอกกวิน
   เขาไม่แม้แต่จะหันไปมองผู้มาเยือน เติ้ลขยับหันไปทางประตูพลางดึงมืออีกคนให้เดินตาม มือหนาจับลงไปตรงกลางระหว่างมือของเติ้ลกับกวิน ทำให้เติ้ลหันขวับกลับมามองทันที
   “ก็บอกว่า นั่นเมียฉันไง” ร่างสูงหรี่ตามองสำรวจผู้ชายคนนี้ เขาคุ้น คุ้นมากเหมือนกับญาติของคู่ควงเมื่อนานมาแล้ว
   ...
   ร่างสูงยิ้มเยาะเมื่อคิดว่ายังไงก็กุมความลับอีกฝ่ายเอาไว้
   “มาทีหลังอย่าพูดมาก เขาเป็นเมียฉันมาก่อน ไปกวินเข้าห้อง” เติ้ลพูดตอบกลับเสียงเย็น
   “พี่อาร์ต...” คำแรกที่ออกจากปากของกวิน น้ำเสียงเบาหวิวอย่างคนรู้สึกผิด
   “เมียตัวจริงรออยู่ที่บ้านไม่ใช่หรอครับคุณน่ะ”
   เติ้ลขมวดคิ้วว่าอีกฝ่ายรู้ได้ยังไง เขามองอย่างไม่ไว้วางใจ หรือกวินจะเล่าอะไรให้อีกฝ่ายฟัง
   “ฉันไปงานแต่งนายมาด้วยนะ”
   เติ้ลมองอีกฝ่ายนิ่ง เขาทำใจดีสู้
   “แล้วยังไง”
   “ฉันก็แค่จะบอกคุณผู้หญิงเขา”
   เติ้ลมองจ้องวริษฐ์ราวกับอยากจะกินเลือดกินเนื้อ เขาขบกรามแน่นอย่างข่มอารมณ์ อีกฝ่ายกำลังข่มขู่เขา มือหนาบีบข้อมือของกวินแน่นจนอีกฝ่ายต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ
   “ปล่อย” ร่างสูงพูดเสียงเรียบ เขาก็ชักจะโมโหขึ้นมาแล้วเมื่อเห็นว่ากวินนิ่วหน้า คิดว่าคงจะเจ็บไม่น้อย
   สงครามสายตาเริ่มขึ้นเมื่อทั้งคู่จ้องกันไปมาไม่มีใครยอมใคร ถ้าเผาหรือฆ่าใครทางสายตาได้ คงมีคนตายแน่ ๆ
   “โอย” แต่ก่อนที่สงครามจะยืดยื้อ มันถูกขัดขึ้นก่อนด้วยเสียงร้องของกวิน
   เติ้ลใส่แรงบีบลงไปที่ข้อมือของกวินเต็มแรงโดยไม่รู้ตัว แต่เพราะเสียงนั่นทำให้เติ้ลยอมปล่อยมือ เขาไม่ได้ตั้งใจจะทำให้อีกฝ่ายเจ็บ แต่ก็เผลอทำลงไปแล้ว
   วันนี้เขาจะยอมกลับไปก่อน รอโอกาสครั้งหน้า จะได้คุยดี ๆ กับกวิน วันนี้ถ้าไอ้บ้านั่นไม่มาขัด เขาคงได้ปรับความเข้าใจไปแล้ว
   เติ้ลเดินชนไหล่วริษฐ์ อย่างระบายอารมณ์
   คนถูกชนแทบกระเด็น เดาะลิ้นไม่ชอบใจ ถ้าไม่ติดว่าเขาต้องดูแลกวินและไม่ชอบมีเรื่อง เขาจะถีบให้ แบบนี้เรียกกวนส้นตีนแล้ว
   หลังจากเติ้ลเดินออกไป วริษฐ์กลับมาให้ความใส่ใจกับกวิน มือหนาเอื้อมไปจับข้อมือของกวินมาดูใกล้ ๆ รอยนิ้วมือแดงปรากฎชัดบนข้อมือขาว
   “เจ็บมากมั้ย”
   ร่างบางส่ายหน้าแทนคำตอบ วริษฐ์จึงขยับไปโอบอีกฝ่ายเอาไว้
   “เข้าห้องดีกว่า”
   วริษฐ์พากวินไปนั่งบนโซฟา เขาวางถุงยานวดไว้บนโต๊ะก่อนนั่งลงข้างคนตัวเล็ก ที่เหมือนสติจะยังไม่กลับมาเต็มร้อยนัก
   “จะให้พี่อยู่เป็นเพื่อนมั้ย”
   อยาก ช่วยอยู่เป็นเพื่อนผมเถอะนะ อย่ากลับไปเลย อยู่กับผม กอดผม รักผม อย่าทิ้งผมไว้คนเดียว
   “ไม่เป็นไรครับ” กวินพูดสิ่งที่อยู่ตรงข้ามกับความต้องการของตัวเอง เขาอยากจะเอาแต่ใจแต่ก็ไม่กล้า ในสมองของเขามันสับสนงุนงน เขาไม่พร้อมจะเอาใจพี่อาร์ต จึงกลัวที่จะอ้อนวอนเขา กลัวจะทำให้รำคาญ
   “เข้าใจแล้ว”
   ร่างสูงลุกขึ้นยืน พลางพยักหน้า กวินมองด้วยสายตาอาวรณ์ ใจอยากห้าม แต่ก็นะ เขา...ต้องทน
   วริษฐ์ที่ทำท่าเหมือนจะเดินออกไป กลับหมุนตัวหันกลับมากอดอีกฝ่ายเอาไว้แน่น ทำให้กวินได้แต่ทำหน้าเหวอ ใบหน้าเนียนซุกอยู่บนหน้าท้องของวริษฐ์
   “ถ้าอยากให้พี่อยู่ก็พูดตรง ๆ สิ ตาเรามันฟ้องนะ” น้ำเสียงทุ่มนุ่ม และอ้อมกอดอบอุ่นทำให้กวินรู้สึกดี นั่นทำให้เขาเริ่มร้องไห้ ร่างบางสะอื้นเบา ๆ หยดน้ำตาเปียกชื้นบนเสื้อของวริษฐ์
   “หืม? เจ็บมากหรอ” เขาลูบหัวกวินไปมาอย่างปลอบโยน
   “ครับ”
   “เจ็บตรงไหนบ้าง เขาทำอะไรเราบ้าง” น้ำคำอ่อนโยนทำให้กวินรู้สึกดีขึ้น เขาหยุดร้องไห้ได้โดยง่าย
   “เจ็บใจครับ ...ผมทำอะไรไม่ได้เลย” กวินพูดเสียงอู้อี้เพราะพูดโดยที่หน้ายังฝังอยู่กับหน้าท้องของวริษฐ์ “ผมได้แต่ยืนนิ่งให้เขากอด จะขัดขืนก็ทำไม่ได้ ถ้าพี่ไม่มาผมคง...”
   “แต่พี่ก็มาแล้ว” มือหนาม้วนเล่นเส้นผมอ่อนนุ่ม เขาอยู่นี่แล้ว
   “ครับ พี่อาร์ต” ผมเงยหน้าขึ้นมองเขา อยากรู้ว่าเจ้าของน้ำเสียงทุ่มนุ่ม และการกระทำอ่อนโยนแบบนี้ เขากำลังทำสีหน้า หรือจ้องมองผมด้วยดวงตาแบบไหน พอเห็นดวงตาคมที่จ้องมองมีประกายอ่อนโยน ใจดวงน้อยกลับยิ่งสั่นไหว พี่อ่อนโยนแบบนี้ตลอดมา ไม่ว่าเราจะรู้จักหรือไม่รู้จักกัน พี่ก็ใจดีเสมอ
   วริษฐ์มองดวงตากลมที่เปียกชื้น กับปลายจมูกแดง ทำให้เขารู้สึกสงสารคนในอ้อมกอดไม่น้อย ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร เป็นอะไรกับกวิน ไว้จะถามให้รู้เรื่องหลังจากนี้
   “เรายังปวดหลังอยู่มั้ย พี่ซื้อยามาด้วยนะ”
   “ปวดนิดหน่อยครับ”
   “ไปอาบน้ำไป เดี๋ยวพี่ทายาให้”
   แทนที่กวินจะคลายอ้อมกอด และลุกไปอาบน้ำอย่างว่าง่าย เจ้าตัวกลับกอดเอวหนาแน่นขึ้น พลางซุกหน้าลงไปที่หน้าท้องของวริษฐ์ที่เดิม
   “ดื้อหรอ”
   “ขอกอดอีกนิดนะครับ”
   “ถ้ากวินลุกไปอาบตอนนี้ พี่จะให้รางวัล”
   “รางวัลอะไรครับ” รางวัลอะไรจะคุ้มกว่าอ้อมกอดอุ่นที่เขาได้รับ ไม่มีทาง
   “พี่จะให้จูบฝันดี”
   จูบฝันดีคืออะไร?
   “มันคือ”
   “อยากรู้ต้องไปอาบน้ำก่อน”
   กวินอิดออด แต่ก็ยอมคลายอ้อมกอด มือหนาขยับไปขยุ้มหัวของกวินด้วยความเอ็นดู เขาชอบให้พี่อาร์ตลูบหัวแบบนี้จัง มันรู้สึกสบายดีจัง
   
   ร่างบางหายเข้าไปในห้องน้ำ วริษฐ์นั่งรอเขาขยับดึงเสื้อออกจากกางเกง ปลดกระดุมเสื้อสองเม็ดบนด้วยความอึดอัด พร้อมพับแขนเสื้อ เขาจะทายาให้กวินก่อน แล้วตัวเขาค่อยอาบน้ำ
   กวินเปิดน้ำอุ่นก่อนจะเข้าไปยืนใต้ฝักบัว ให้จิตใจสงบ ขอฝึกจิตในน้ำอุ่นแทนน้ำเย็น เพราะแค่เจอหน้าเติ้ล เขาก็หนาวสั่นไปหมด เติ้ลยังคงมีอิทธิพลกับเขาอยู่ ไม่ใช่ความรักอีกต่อไป เขารู้ดี แต่เป็นความกลัว กลัวว่าตัวเองจะต้องเจ็บปวดอีก จากการพบเจอเขา
   ร่องรอยที่ข้อมือบ่งบอกว่าความคิดของเขาถูก อย่างน้อยก็เจ็บตัวเมื่อเผชิญหน้ากันอีกครั้งในรอบหลายปี
   น้ำอุ่นไหลจากศีรษะลงไปที่ปลายเท้า ความอุ่นของน้ำทำให้เขารู้สึกสบาย กวินใช้เวลาอาบไม่นาน เพราะเขาคิดถึงความอุ่นของอ้อมกอดของคนนอกห้องน้ำมากกว่า
   กวินเดินหัวเปียกออกมาจากห้องน้ำ พร้อมผ้าผืนเล็ก ๆ พาดคอมาด้วย กวินเดินไปนั่งข้าง ๆ คนตัวสูง วริษฐ์ดึงผ้าผืนเล็กมาถือไว้ เดี๋ยววันนี้เขาจะทำหน้าที่เอนเตอร์เทนแทนเอง
   วริษฐ์ใช้ผ้าผืนเล็กนั้นนั่งเช็ดผมให้กวิน ส่วนคนถูกเช็ดนั่งนิ่งหลับตาพริ้มให้เขาดูแล เขาเช็ดให้จนผมหมาด คนตัวเล็กดูจะเพลิดเพลินมากเป็นพิเศษ 
   “เดี๋ยวไปนอนที่เตียงนะ พี่ทายาให้”
   กวินขยับทำตามอย่างว่าง่าย เขานอนคว่ำเพื่อให้พี่วริษฐ์ทายานวดให้เขาได้โดยง่าย มือหนาเลิกเสื้อยืดของคนตัวเล็กขึ้นจนถึงไหล่ แผ่นหลังเปลือยเปล่าขาวนวลปรากฏตรงหน้า ผิวเนียนละเอียดจนวริษฐ์แอบนึกอยากทำนอกเหนือจากทายา
   ร่างบางได้กลิ่นเอกลักษณ์ของยานวดลอยคลุ้ง มันก็แอบจะรู้สึกสดชื่นปลอดโปร่งแปลก ๆ เขารู้สึกขนลุกนิดหน่อย เมื่อปลายนิ้วลากวนไปบนแผ่นหลังของเขา ความรู้สึกร้อนของปลายนิ้ว และตัวยานวด ทำให้กวินแอบเผลอคิดเรื่องลามกนิดหน่อย แต่คงไม่พร้อมทำพวกเขายังปวดหลังกันอยู่เลยตั้งแต่เมื่อคืน
   “เรียบร้อย” วริษฐ์ทายาเสร็จก็ดึงเสื้อลงมาปิดคลุมแผ่นหลังให้
   “ขอบคุณครับ” กวินพูดพลางพลิกตัวกลับมาหา “พี่ก็ไปอาบน้ำสิ เดี๋ยวผมทายาให้”
   วริษฐ์พยักหน้าอย่างว่าง่าย เขาค่อนข้างจะคุ้นชินกับห้องนี้ จะหยิบผ้าขนหนู หรือเสื้อกับกางเกงได้ตรงไหน เขารู้ดีพอ ๆ กับเจ้าของห้อง เพราะต้องใช้บริการห้องน้ำ และเสื้อผ้าที่นี่หลายต่อหลายครั้ง
   ร่างบางนอนคิดนั่นคิดนี่ระหว่างรอ เขาโชคดีที่พี่อาร์ตมาได้ทันเวลาพอดี เขาได้พี่อาร์ตช่วยไว้ทุกครั้ง ว่าแต่เขามาทำไมล่ะ ตอนแรกบอกจะกลับไปนอนที่บ้านแล้วนี่นา เดี๋ยวออกมาจากห้องน้ำเขาจะถาม

   วริษฐ์เดินมาที่เตียงนอนก็พบว่าร่างบางหลับไปแล้ว เขาส่ายหน้าพลางยิ้มขัน ไหนว่าจะทายาให้เขา สุดท้ายเขาก็ต้องทุลักทุเลทาเอง เขาห่มผ้าห่มให้กวิน ก่อนสอดตัวเข้าไปอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนาผืนเดียวกัน มือข้างที่ไม่ได้ใช้ทายา ปัดเส้นผมที่ปรกหน้าผากออก ก่อนจะจรดริมฝีปากลงไปบนหน้าผากนวล และพูดพึมพำเสียงเบา “ขอให้กวินนอนหลับฝันดี”
   วริษฐ์นอนตะแคงข้างมือหนาพาดผ่านเอวบาง หมอนข้างอุ่นนุ่มทำให้เขานอนหลับสนิท ห้องตกอยู่ในความเงียบเมื่อทั้งสองเขาเข้าสู่ห้วงนิทรา กวินฝัน ฝันว่าวริษฐ์กอดเขา... นับเป็นฝันดี ซึ่งความฝันไม่ได้แตกต่างไปจากความจริงแม้แต่น้อย ตอนนี้วริษฐ์ก็ยังคงกอดกวินอยู่ แบ่งปันความอบอุ่นให้แก่กันจวบจนเช้าวันใหม่

   กวินตื่นมาในช่วงสาย เขาชอบใจมากที่ได้อยู่ในอ้อมกอดของพี่อาร์ต ร่างบางพลิกตัวหันหน้าเข้าหาร่างสูง ก่อนจะก่อกวนอีกฝ่ายด้วยการถูหน้าไปมากับแผงอกกว้าง 
   ผมยกสองมือขึ้นแตะทาบบนแผงอกของวริษฐ์มันทั้งอุ่น ทั้งแน่นดีจริง ๆ สัมผัสถึงหัวใจพี่อาร์ตที่เต้นตึกตัก ตึกตัก ผมลูบมันไปมาอย่างเพลิน ๆ บางทีมือก็ไปถูโดนเอาตุ่มไตภายใต้เสื้อยืดตัวบาง ...
หมับ
   มือทั้งสองข้างที่ซุกซนแต่เช้าถูกเบรก เมื่อมือหนาขยับมาคว้าจับเอาไว้ ดวงตาคมลืมขึ้นสบคนก่อกวน กวนจนด้านล่างมันเคารพธงชาติ ทั้งที่ตอนนี้ จะสิบโมงอยู่แล้ว
   “ปลุกพี่ดี ๆ ก็ได้นี่นา” วริษฐ์พูดเสียงแหบ เจ้าตัวแสบขยับเอาคางเกยบนอกพลางช้อนตาขึ้นมองเขา คางเล็กทำเอาเขาจักจี้
   “ผมปลุกพี่ดีที่สุดแล้ว” เขาพูดล้อเลียนเมื่อรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่แข็งแกร่งทิ่มอยู่แถวหน้าท้องของเขา
   “ดีเกินไป” วริษฐ์เปลี่ยนจากมือที่จับข้อมือกวินเอาไว้ไม่ให้ซุกซน มาเป็นโอบเอวบางเอาไว้ พลางพลิกตัวให้กวินมานอนทับบนตัวเขา ร่างบางนุ่มนิ่มที่เขาสัมผัสอยู่ มันทำเอาเขาแทบบ้า
   กวินแกล้งขยับเอว วริษฐ์ถึงกับหลุดเสียงครางออกมา
   “กวิน เดี๋ยวก่อน”
   “หืม? ครับ”
   “เมื่อคืนนั่นใคร” วริษฐ์ถามสิ่งที่คาใจเขาออกไป เขารู้สึกว่านั่นคือสิ่งที่ต้องถาม สิ่งที่เขาอยากจะทำที่สุด คือถามให้รู้ว่ามันเป็นใคร ทำไมมากอดกวิน
   ร่างบางไม่ตอบคำถามแต่กลับหลบตา พลางขยับบั้นท้ายไปมา เขายังไม่อยากพูดถึง คนกำลังอารมณ์ดี ๆ จะไปพูดถึงไอ้บ้านั่นทำไม แค่นึกหน้าขึ้นมาก็แทบอารมณ์บูด
   “กวิน” มือหนาคว้าจับยึดบั้นท้ายบางเอาไว้ ไม่ให้ขยับก่อนที่เขาจะหยุดตัวเองไม่ได้ แล้วก็ไม่รู้เรื่องกันพอดี เรื่องนี้ค้างคาใจเขาที่สุด ... มัน เป็น ใคร!
   “ทำก่อนค่อยเล่า”
   “แน่นะ”
   “ครับ ทำผมก่อน แล้วผมจะเล่า” กวินยื่นขอเสนอพลางหันหน้าหนีเขา กวินเป็นแบบนี้ทุกที พูดเรื่องทะลึ่งทั้งที่ตัวก็อาย แต่ก็ขยันทำ
   “ก็ได้” วริษฐ์ยอมปล่อยมือที่จับยึดบั้นท้ายกลมกลึงเอาไว้ กวินถึงได้ขยับเสียดสี วริษฐ์น้อยผ่านเสื้อผ้า กวินชันกายขึ้นด้วยแขนข้างซ้าย ขณะที่มือขวา จับบี้ไปถึงตุ่มไตของวริษฐ์ที่ชูชันขึ้นมาผ่านเสื้อยืดตัวบาง
   “ซี๊ด” เขาซูดปากเมื่อมือกับก้นของกวินทำงานดีเหลือเกิน ไอ้การล่อลวงให้เขาหลงใหลนี่ทำเก่งจริง ๆ
   ร่างบางไถลตัวลงไปที่ล่างหว่างขาของวริษฐ์ ก่อนจะใช้มือลวงเข้าไปด้านใน จับแก่นกายแข็งแกร่งที่กำลังกระตุกด้วยแรงอารมณ์ มีน้ำไหลซึมชื้น ๆ ที่ส่วนหัว มือบางไล้นิ้ววนรอบส่วนหัวบาน
   “อึกกวิน”
   “ผมรักพี่”
   ร่างบางพูดพลางเอาแก่นกลางของวริษฐ์ออกมาพ้นจากกางเกงเอวยืด ก่อนอ้าปากกว้างครอบครองวริษฐ์น้อยเอาไว้ โพรงปากนุ่มดูดเม้มจนวริษฐ์เผลอเกร็งตัวด้วยความเสียว กวินปรนนิบัติวริษฐ์ได้ดี เขาดูดเม้มมันจนแก้มตอบ
   “อื้อ พี่...” เขาพูดเสียงเบาหวิว เมื่อปากเล็กขยับขึ้น ๆ ลง ๆ รวดเร็วพร้อมกับดูดไปด้วย เขาเกร็งกระตุก ก่อนพ่นน้ำขาวขุ่นเข้าไปด้านในจนหมด
   “กวิน คายออกมา” มือหนาแบมือที่ใต้คางของกวิน ขณะที่กวินแก้มพองเพราะอมน้ำของวริษฐ์เอาไว้ทั้งหมด เจ้าตัวที่กำลังจะกลืนได้แต่ทำหน้างง ก่อนจะยอมคายมันออกมาแต่โดยดีบนฝ่ามือหนา
   ของเหลวขาวขุ่นที่กวินคายออกมาถูกชโลมลงไปบนแท่งเนื้อของวริษฐ์ ปลายนิ้วที่เปียกชื้นด้วยน้ำหล่อลื่นธรรมชาติ กระดิกนิ้วเรียกกวิน “ถอดกางเกงแล้วคร่อมพี่สิ”
   กวินทำตามอย่างว่าง่ายเขาใช้มือจับความแข็งแกร่งของวริษฐ์เอาไว้ ทั้งที่เพิ่งปลดปล่อยไปน้ำหนึ่ง แต่กลับไม่ยอมสลบหัวตก มันกลับแข็งเกร็งอยู่ และรอให้เขาขย่มมันให้สงบ
   เขากดสะโพกลงไปจนสุด ใบหน้าเนียนเชิดขึ้นด้วยความเสียวซ่าน “พี่อาร์ตครับ ดีจังครับ”
   เมื่อกวินรู้สึกว่าตัวเขาเองควบคุมสติได้แล้ว เขาก็เริ่มขยับเอวเริ่มจากร่อนเป็นวงกลมก่อน ใบหน้าติดหวานปรือตา เมื่อแก่นกายของวริษฐ์สั่นกระตุกเสียดสีอยู่ข้างใน
   เมื่อเห็นว่าร่างบางลีลารั้งรอไม่ยอมทำสักทีเขาก็ขยับมือไปกุมแก่นกายสีหวานของกวินเอาไว้ ก่อนขยับมือเร็ว ๆ จนกวินยอมขย่มเขา ก้นนุ่มเด้งขึ้นเด้งลงกระทบต้นขาของวริษฐ์ เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังไปทั่ว

พั่บ พั่บ พั่บ

   “ผมใกล้ ฮื่อ อื่อ” ร่างบางร้อนเมื่อการขยับมือและการเด้งสะโพกของวริษฐ์นั้นรุนแรงรวดเร็ว ดวงตาหวานฉ่ำปรือจนตาแทบปิด เขากัดเม้มริมฝีปากเอาไว้ ลมหายใจหอบกระชิด
   “อื้อ อื้ออออ” กวินเสร็จสม พ่นน้ำสีขาวขุ่นใส่หน้าท้องของวริษฐ์ ที่สงบลงนอกจากตรงนั้น แต่ยังเป็นจิตใจของเขา ตอนนี้เขาอยู่ในอ้อมกอดของพี่อาร์ต เชื่อมต่ออยู่กับเขา มีแค่เขาคนเดียวที่ต้องการจะแนบชิดด้วย มีแค่คนเดียว
   วริษฐ์ยังไม่เสร็จ เขาเห็นกวินปลดปล่อยอออกมาพลางทิ้งตัวซบอกเขา วริษฐ์จึงจับกวินให้พลิกลงไปข้างล่างแทน ก่อนเร่งบรรเลงเพลงรักท่อนสุดท้ายให้จบลงอย่างทำเวลา
   เขาขยับเร็วและแรง ขยับถี่ ๆ จนเห็นประตูสวรรค์อยู่ไม่ไกล เขากระแทกเข้าไปลึกสุด ถึงได้เอื้อมมือไปแตะถึงหน้าบานประตูสวรรค์ ปลดปล่อยน้ำรักออกมาจนล้น
   พี่อาร์ตมอบความอบอุ่นให้เขา อบอุ่นไปทุกซอกทุกมุม กวินคิดขณะกอดร่างสูงที่ทิ้งตัวลงทับเขาเมื่อเสร็จสมอย่างคนหมดแรง
   แก่นกลางอ่อนตัวลง มันหด เด้งออกไปจากช่องทางรักของกวิน เขาระบายลมหายใจออกมาพยายามหายใจให้เป็นปกติ หลังจากออกกำลังกายมาเหนื่อย ๆ วริษฐ์ชันตัวขึ้นกางมือคร่อมร่างบางเอาไว้ พลางถามต่อสิ่งที่ค้างคา
   “กอดผมไว้ก่อนได้มั้ย” กวินมองสบตาวริษฐ์ เขารู้สึกไม่ดีที่ต้องพูดถึง
   วริษฐ์ขยับนอนข้าง ๆ ดึงรั้งเอวบางให้เขาในอ้อมแขนชื้นเหงื่อ ก่อนถามย้ำอีกครั้งที่ข้างหูคนตัวเล็ก “ตกลงคนเมื่อวานคือใคร?”
   “ก็... คนที่ทำให้พี่ต้องมาปลอบผมเมื่อสองปีก่อน” กวินพูดอู้อี้เมื่อยังซบอยู่กับแผงอกอุ่น “ทำให้ผมเจอพี่” ร่างบางพูดพลางกระชับอ้อมแขน เขามุดเข้าหาไออุ่นจนแทบหลอมรวมไปกับร่างกายของวริษฐ์ “ผมไม่อยากจดจำมัน แต่เรื่องเก่า ๆ ก็ไม่ยอมหายไป ผมอยากลืมให้หมด”
   “...” วริษฐ์นิ่งฟังอย่างตั้งใจแม้ว่าเขาจะจำเรื่องสองปีก่อนไม่ได้เลยก็ตาม
   “ผมสรุปให้ว่า มันทิ้งผมไปแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น” น้ำเสียงกวินทั้งอู้อี้ทั้งสั่นเมื่อพูดสรุปออกมา ความเจ็บปวดยังคงอยู่ รู้สึกด้อยค่าเมื่อเป็นคนถูกทิ้ง เป็นคนที่เขาไม่เอา
   “แล้วเมื่อวานมันมาทำไม” วริษฐ์ถามกลับทันควัน น้ำเสียงแฝงความไม่พอใจเอาไว้ พร้อมเรียกอีกฝ่ายว่ามัน
   “ผม...” นอกจากความรู้สึกถูกทิ้งจะหวนกลับมา ความรู้สึกที่เหมือนกับตัวเองกลายเป็นชู้ก็ผุดตามขึ้นมา เป็นเหมือนความรู้สึกผิดในใจของเขา ที่ต้องทำแบบนั้นในวันแต่งงานของเติ้ล ช่วยตัวเองต่อหน้าเจ้าบ่าวที่ไม่ได้ใยดีเขา คนที่เคยได้ชื่อว่าเป็นเพื่อน แต่กลับไม่ปราณีหรือเห็นใจกันแม้แต่น้อย
   วริษฐ์ตั้งใจถามย้ำเมื่ออีกฝ่ายเงียบไปนาน แต่ก็ตัดสินใจจะรอฟัง เพราะตอนนี้บนอกของเขามันเปียกชื้น ไหล่บางสั่นน้อย ๆ เขารู้ว่าคนในอ้อมกอดกำลังร้องไห้ กำลังพยายามกลั้นสะอื้นอย่างสุดกำลัง มือหนาขยับขึ้นลูบเส้นผมนุ่มลื่นของกวินเบา ๆ เพื่อปลอบโยน
   “ผมคิดว่า...มันคงเห็นผมเป็นของเล่น” น้ำเสียงกวินทั้งสั่นทั้งเบา วริษฐ์อดสงสารไม่ได้ พลางหวนนึกถึงตัวเอง เขาทำกับคนอื่นเหมือนของเล่น แต่ตัวเขาเองก็เหมือนเป็นของเล่นเหมือนกัน เขากับเหล่าสาว ๆ ที่ออกเดทกัน ต่างฝ่ายต่างเติมเต็มให้กันแค่เท่านั้น เป็นแค่สิ่งที่ช่วยปรนเปรอความใคร่ ความรู้สึกที่ต้องปลดปล่อยตามสัญชาตญาณ แล้วเขากับกวินล่ะ ก็เป็นเพียงของเล่นชั่วครั้งชั่วคราวไม่ต่างกัน...ใช่มั้ย
   มือหนาหยุดลูบเส้นผมอ่อนนุ่มของกวิน เขากำมือแน่น ในใจหน่วงหนัก บางอย่างกำลังทำให้เขาหายใจไม่ออก...
.
.
[พี่อาร์ต ถ้าพี่เปิดใจตกลงกับตัวเอง
อะไร ๆ มันจะดีกว่านี้นะ ถ้าพี่ยอม...
//ความอบอุ่นที่ไม่รู้ว่าจริงแค่ไหน
ความสงสารอาจทำให้น้องเจ็บหนักในภายหลัง
เรามีตอนพิเศษด้วยแหละ จะลงในเร็ว ๆ นี้
เพราะเป็นควันหลงคริสต์มาสของแซนตี้กวินกับกวางหนุ่มวริษฐ์]
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 18 ประจันหน้า 26/12/62
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 26-12-2019 16:12:08
 :mew2: :mew2: :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 18 ประจันหน้า 26/12/62
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 26-12-2019 21:44:53
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 18 ประจันหน้า 26/12/62
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 27-12-2019 07:49:10
อ้าว...พี่อาร์ต   :hao4:
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : ตอนพิเศษ ซานต้าที่ไม่ยอมใส่กางเกง 28/12/62
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 28-12-2019 18:15:14
ตอนพิเศษ ซานต้าที่ไม่ยอมใส่กางเกง

(https://uppic.cc/d/5eXG) (https://uppic.cc/v/5eXG)

[ไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องหลัก แต่รอสักวันให้หวานแหววได้แบบนี้ โดยไม่มีอารมณ์หน่วง]

   “พี่อาร์ตครับ คริสมาสต์หลอกหรือเลี้ยง”
   “กวิน พี่ว่าผิดเทศกาล”
   “งั้น หลอกหรือรัก”
   “...”
   มือหนาโอบรอบเอวบางพลางดึงเข้ามาใกล้ เขาไม่ตอบ แต่เลือกที่จะจูบปิดปากคนตัวเล็กแทนไม่รงไม่รัก ไม่หลอก ไม่เลี้ยงไม่อะไรทั้งนั้น เอาลิ้นไปแล้วกัน ริมฝีปากหนาบดเบียด ก่อนจะแทรกสอดเข้าไปในโพรงปากหวานเพื่อตักตวงรสหวานฉ่ำของร่างบางในอ้อมแขน ที่วันนี้เชื้อเชิญเขาดีเหมือนทุกครั้ง มีอะไรให้เขาแปลกใจเสมอ
   วันนี้ร่างบางสวมชุดซานต้ามายั่วยวนเขา แล้วถ้าถามว่าซานต้าเซ็กซี่ตรงไหนล่ะก็... จะบอกว่าเซ็กซี่ตรงที่เจ้าตัวไม่ยอมสวมกางเกงยังไงล่ะ เสื้อซานต้าตัวใหญ่ที่ยาวพอจะปิดต้นขาขาวไว้ได้สักคืบ เรียวขาเนียนโผล่พ้นชายเสื้อเชิญชวนให้สัมผัส ข้างบนก็ไม่ใช่ย่อย ไม่มีกระดุมไม่มีซิบ เสื้อตัวโคร่งไหลไปกองที่ลาดไหล่ ชุดแอบแหวกโชว์แผ่นอกเนียน จนเห็นตุ่มไตสีชมพูอ่อนเล็ก ๆ
   มันน่ามั้ยล่ะ...
   เมื่อถอนจูบออก ดวงตาหวานฉ่ำช้อนขึ้นสบตาเขา ริมฝีปากสีแดงระรื่นบวมเจ่อ เขามองใบหน้าเนียนที่ตอนนี้เซ็กซี่เหลือเกิน
   “พี่อาร์ต” กวินเรียกเขาเสียงหวาน “เป็นกวางให้ซานต้าขี่ไปแจกของขวัญหน่อยได้มั้ยครับ”
    ร่างบางพูดจาสองแง่สามง่าม พร้อมใบหน้าขึ้นสีเรื่อ วริษฐ์นึกอยากจะหยิกแก้มแดง ๆ นั่นให้ยืดติดมือ ทำไมมันถึงได้ร้ายแบบนี้ ตัวแสบเอ้ย
   กวินหยิบที่คาดผมเขากวางที่คล้องอยู่ที่คอตัวเองมาถือไว้ เขาฉีกยิ้มก่อนจะเขย่งเท้าเล็กน้อยสวมมันลงไปบนศีรษะของวริษฐ์
   “กวิน ริสวมเขาให้พี่หรอ” วริษฐ์แกล้งพูดถามเสียงเข้ม
   “งื้อ ผมแค่อยากให้พี่เป็นกวาง”
   มือบางขยับไปประคองใบหน้าหล่อเหลา พลางลูบมันแผ่วเบา
   “ผมมีพี่คนเดียว และจะไม่ไปไหนด้วย ไม่มีวันทิ้งพี่” ...ขอแค่พี่อย่าไล่ผมก็พอ กวินต่อประโยคนั้นในใจ ประโยคที่เขากลัวที่สุด
   “อะแฮ่ม” วริษฐ์กระแอมไอเบา ๆ เมื่ออยู่ดี ๆ เจ้าตัวแสบก็เข้าโหมดจริงจัง พูดบอกเขาออกมาแบบนี้เป็นคำพูดที่ชวนให้รู้สึกดี ... “แล้วซานต้าจะทำยังไงกับกวางอย่างพี่”
   “ก็จะ...” ซานต้าใช้มือดันให้วริษฐ์นั่งลงบนโซฟา ก็จะขึ้นไปนั่งคร่อมตักเขาเอาไว้ มือลูบแผงอกแน่น ลูบจากอกไล่ลงมาที่หน้าท้องและเป้ากางเกง มือบางลูบเน้นย้ำเพื่อปลุกเร้าอารมณ์ แต่แค่การลูบไม่กี่ครั้ง มันก็นูนแข็งคับกางเกง เป็นเพราะวริษฐ์มีอารมณ์ตั้งแต่เห็นยอดอกสีชมพู
   มือหนาคว้าหมับที่บั้นท้ายกลมกลึงบีบเคล้นรุนแรง เรียกเสียงร้องครางอื้ออึง วริษฐ์ยกดันก้นร่างบางขึ้นเพื่อให้เขาสามารถฝังริมฝีปากลงไปที่อกนวลได้ จะได้ชิมยอดอกสีหวาน ว่าจะหวานแค่ไหน
   ลิ้นร้อนแกล้งหยอกเย้า เขาไล้วนมันก่อนจะดูดเม้มราวกับหิวกระหาย ร่างบางแอ่นอกรับสัมผัส สองมือยกขึ้นโอบรอบคอของวริษฐ์เอาไว้
   เสียงดังจ๊วบจ๊าบดังขึ้นไม่หยุดหย่อน เมื่อวริษฐ์ยังคงเพลิดเพลินกับอกเล็ก ๆ ของกวิน ลิ้นร้อนทำให้สมองของกวินพร่าเบลอ ล่องลอยมันสุขแต่ต้องการมากกว่านี้
   “พี่... มากกว่าอ๊ะ นี้ ได้มั้ย”
   กวินสติเตลิด เขาต้องการมากกว่านี้ กางเกงในตัวจิ๋วคับแน่นจนอึดอัด อยากให้พี่อาร์ตสัมผัสให้ทั่วร่าง ให้ทั่วทุกจุด ไม่ใช่แค่ตรงอก
   เขาผละออก “ได้ พี่จะทำให้” วริษฐ์ดึงกางเกงตัวจิ๋วของกวินลง แท่งเนื้อสีหวานแข็งเกร็งปรากฏตรงหน้า มือหนาจับแก่นกายพอดีมือเอาไว้ ก่อนตัดสินใจทำบางอย่างให้เป็นของขวัญของซานต้าสิ่งที่วริษฐ์ไม่เคยทำ และไม่เคยคิดทำมาก่อน วริษฐ์ขยับให้คนตัวเล็กนอนลงไปบนโซฟา ขณะที่เขาไถลตัวลงไปตรงหน้าท้องขาวเนียน ก่อนจะแลบลิ้นเลียแท่งเนื้อนั้นพลางเหลือบตามองสีหน้าตระหนกปนเขินอายของคนตัวเล็ก
   กวินตกใจที่อยู่ ๆ พี่อาร์ตก็ใช้ปากให้เขา แต่ไม่ทันเอ่ยทัก ร่างสูงก็เอาแก่นกลางทั้งหมดของกวินเข้าปากไป เขาดูดมันจนกวินเกร็งจิกเท้า เขาสั่นไปหมดทั้งตัว มือบางขยุ้มเส้นผมของวริษฐ์อย่างมีอารมณ์
   “ฮื่อ พี่อาร์ต”
   วริษฐ์ขยับปากเข้าออกรัวเร็ว จนร่างบางเกร็งกระตุก พ่นของเหลวออกมา เขากลั้นใจกลืนน้ำนั่นลงคอไป ร่างบางมองอีกคนด้วยความเขินอาย พี่อาร์ตกลืนน้ำของเขาไปจนหมด   
   วริษฐ์มองสำรวจกวินที่ตอนนี้ยิ่งทวีความเซ็กซี่ กวินตัวสั่นเล็ก ๆ หยาดเหงื่อผุดพรายไปทั่วร่างจนผิวเนียนดูสว่างเปล่งประกาย ริมฝีปากบางหอบครางเหนื่อยอ่อน ร่างบางตัวแดงไปทั้งตัวเพราะสัมผัสที่เขาปรนเปรอให้ ร่องรอยเล็ก ๆ บนอกนุ่ม เขาเห็นมันชัดเต็มตา เพราะเสื้อซานต้า หลุดลุ่ยจนแทบจะหล่นออกจากแขน
   “ซานต้าจะขี่กวางหรือยัง”
   ผมพูดแซวขณะที่เจ้าตัวแสบลุกขึ้นไปหยิบอะไรสักอย่าง ก่อนยิ้มแป้นเมื่อในมือมีเจลกลิ่นสตรอเบอรี่
   “ผมพร้อม”
   ร่างสูงลุกขึ้นถอดเสื้อผ้าให้พ้นทาง ส่วนแข็งแกร่งตั้งชันมันพร้อมแล้วที่จะสอดใส่ ร่างบางชะโลมเจลลงไปจนทั่วก่อนปีนขึ้นนั่งบนตัก ให้ช่องทางรักกลืนกินความเป็นชายของวริษฐ์เข้าไปจนหมด ซานต้าตัวแสบพักรอแค่แปปเดียวก็เริ่มออกควบกวาง รุนแรงรวดเร็วราวกับรีบร้อนไปไหน
   “ฮื้อ กวิน กลัว...ไปแจก ขะ ของขวัญไม่ทันหรือ”
   “ก็กวางแข็ง...แรงขนาดนี้นี่ครับ” เขาพูดทะลึ่งพลางเร่งขยับสะโพก
   กวางหนุ่มกระแทกสวนซานต้า ทั้งคู่กระโจนเข้าหากัน ต่างฝ่ายต่างทำงานกันแข็งขันเพื่อจะมอบของขวัญให้กันและกันในเทศกาลพิเศษ  ซานต้ากอดรัดกวางตัวใหญ่แน่นเมื่อเขากำลังจะไปถึงจุดหมาย ขณะที่ทางฝ่ายกวางเองก็เริ่มจะไม่ไหว เขากอดรัดซานต้าแน่น ขณะกดสะโพกเข้าไปจนสุดเพื่อมอบของขวัญให้กวิน ความอบอุ่นที่เขามีให้
   ซานต้าที่เป็นฝ่ายรับของขวัญเสียเองเอนซบไปกับไหล่กว้าง เสียงกระซิบเบา ๆ ข้างหูทำเอากวินหัวใจเต้นแรง

   ‘ขอบคุณซานต้าที่ให้กวินเป็นของขวัญของพี่’
.
.

   [ตอนหลักมันหน่วง ขอเติมความหวานหน่อยเถิดดด ถึงจะสั้น ๆ ก็เถอะ
เชื่อมั้ยถ้าพี่อาร์ตหยุดสับสนนะ พ่อหนุ่มเจ้าเสน่ห์นั่นน่ะ ลูกล่อลูกชนแพรวพราวยิ่งกว่าใคร]
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : ตอนพิเศษ ซานต้าที่ไม่ยอมใส่กางเกง 28/12/62
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 28-12-2019 20:20:30
 :pig4 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : ตอนพิเศษ ซานต้าที่ไม่ยอมใส่กางเกง 28/12/62
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 28-12-2019 23:16:18
 :haun4:  :haun4:   :haun4:
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : ตอนพิเศษ ซานต้าที่ไม่ยอมใส่กางเกง 28/12/62
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 29-12-2019 00:36:27
 :pighaun: :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 19 ความสับสน 1/1/63
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 01-01-2020 15:57:27
บทที่ 19 ความสับสน

   “วริษฐ์เบาหน่อย”
   นภที่นั่งข้างวริษฐ์เอ่ยเตือน เขานั่งดูมานาน วริษฐ์เอาแต่ยกเหล้าเข้าปากเหมือนดื่มน้ำเปล่า เป็นสิบแก้วแล้ว วันนี้มันดูไม่มีอารมณ์ขันอะไรทั้งนั้น ก้มหน้าก้มตาดื่มเงียบ ๆ
   “เออเมิงค่อย ๆ ก็ได้” เพื่อนอีกคนที่ชื่ออาทิตย์เอ่ยทัก พลางส่ายหน้าเอือม
   “ทิต เมิงห้ามมันดิ๊”
   “เมิงเรียกกุเต็ม ๆ หน่อยเถอะนภ กุรู้สึกเหมือนเพิ่งสึกมาทุกทีเลยว่ะ”
   “ชินเถอะทิต”
   “อาทิตย์ ถ้าลำบาก เรียกชื่อเล่นกุ ซันสั้น ๆ ง่าย ๆ”
   “เออซัน สั้น ๆ ง่าย ๆ เมิงแม่มไม่รู้จักชิน เรียกมาจะสิบปีอยู่แล้ว”
   “กวนตีน”
   วันนี้พวกเขานั่งกันอยู่ 3 คน เพราะเต๋าออกไปดูความเรียบร้อย ด้านบนของร้านมีคนเหมาจัดงานปาร์ตี้วันเกิด เขาเลยต้องไปตรวจงานครั้งสุดท้ายด้วยตัวเอง ส่วนเพื่อนอีกคนยังมาไม่ถึง ปกติพวกเขา 5 คน มักจะมาดื่มเฮฮากันที่นี่ มีเพื่อนเปิดผับ ชายหนุ่มที่ชื่นชอบท่องราตรีจะเอาเงินไปให้ที่อื่นทำไม ที่นี่สะดวก ปลอดภัย ดีที่สุดแล้ว’
   แต่ตอนนี้เพิ่งสองทุ่ม วริษฐ์ดื่มจะหมดขวดอยู่แล้ว เหล้าขนาดหนึ่งลิตรที่เขาดื่มเหมือนน้ำเปล่า
   หลังจากที่กวินบอกว่าตัวเองเป็นของเล่น วริษฐ์ก็ไม่สามารถปลอบได้อย่างเต็มคำนัก กวินยิ่งกอดรัดเขาแน่น เขายิ่งรู้สึกกลัว อ้อมกอดของเขาดูว่างเปล่าไปในทันที เขากินข้าวเช้าในตอนเที่ยงด้วยกัน ก่อนจะขอตัวกลับออกมา พร้อมกำชับว่าถ้าอีกฝ่ายมารังควานอีกก็บอกเขา แล้วก็ไปแจ้งความเอาไว้ พอเขากลับถึงบ้านก็รู้สึกว้าวุ่นไปหมด ก็เลยนั่งแท็กซี่มาถึงผับของเต๋าตั้งแต่ร้านยังไม่เปิด พนักงานต้อนรับเขาอย่างดี ส่วนเขาช่วยพนักงานเปิดร้านจนเต๋าชมเปราะผสมแขวะว่าว่างนักหรอ เขาเลยได้รางวัลมาเป็นเหล้าขวดหนึ่ง ที่เริ่มดื่มตั้งแต่ 6 โมงเย็น แรก ๆ ก็ดื่มไปเรื่อย ๆ หลัง ๆ ก็พบว่ามันหมดแก้วเร็วขึ้น
   เต๋าแวะมาที่โต๊ะ มองวริษฐ์ที่ตัวแดงก่ำ ดื่มอย่างไม่เจียมเนื้อเจียมตัว เขารู้ว่ามันมีเรื่องอะไรรบกวนจิตใจสักอย่างอยู่ ไม่งั้นไม่ดื่มขนาดนี้หรอก แต่เขาก็ไม่อยากจะไปว่าอะไรมัน อยากดื่มให้มันดื่มไป อย่างน้อยก็อยู่ในสายตา ไม่ได้ไปเละเทะที่ไหน นี่ก็ร้านของเขา เดี๋ยวให้เด็ก ๆ มันช่วยดูก็ได้ปลอดภัยกับมัน
   “เมิง มันเมาแน่” อาทิตย์หันไปบ่นกับเต๋าที่ยืนกอดอกดูเพื่อนอยู่
   “ช่างมัน อยากเมาให้มันเมาไป”
   “เฮ้ย หวัดดีเมิง” เสียงทักจากเพื่อนผู้ชายอีกคน ผู้ชายที่ดูเนิร์ด ๆ สวมแว่นกรอบเงิน เดินมาถึงโต๊ะ วันนี้เป็นเขาที่แต่งตัวทางการไม่เข้ากับสถานที่ เพิ่งคุยกับลูกความจบก็รีบมาทันที
   “บอส ไม่มาปีหน้าอ่ะ”
   “เชี่ย กุเพิ่งคุยงานเสร็จ เห็นใจหน่อยคดีใหญ่”
   “ขยันแบบนี้ต้องร่ำรวยแน่ ๆ ไวน์มั้ย” เต๋าขายของ ขณะที่นภย้ายฝั่งไปนั่งฝั่งอาทิตย์ เพื่อให้บอสนั่งข้างวริษฐ์แทน เพราะขยับเข้านั่งง่ายกว่า ทุกคนทักทายกัน มีแค่วริษฐ์ที่นิ่งเงียบไม่หือไม่อือ บอสนั่งก่อนหันไปให้ความสนใจวริษฐ์ที่นิ่งเงียบเหมือนไม่รู้ว่าเขามาถึง ก้มหน้าก้มตาดื่มอย่างเดียว
   “เฮ้ย วริษฐ์ เมิงไม่ทักทายกุหน่อยหรอ” บอสทัก ทำให้วริษฐ์หันมาส่งยิ้มให้
   “มาเมื่อไหร่วะ” น้ำเสียงติดจะยานเล็ก ๆ ทำให้ทุกคนรู้แล้วว่าวริษฐ์เริ่มเมา
   “ทำไมมันเมาตั้งแต่หัวค่ำ มีไรเปล่าวะ” บอสเอ่ยทักอีกครั้ง ทุกคนได้แต่ส่ายหน้า ไม่มีใครรับรู้อะไรทั้งนั้น วริษฐ์ไม่ได้ปริปากบอกอะไรกับใคร
   “มันเมาเอาไง”
   “บ้านกุก็ได้” เต๋าพูดขึ้น เขาชินแล้ว เคยเป็นรูมเมทกันมา จะดูมันสักคืนไม่ใช่ปัญหา
   “เออ ดีฝากหน่อย เมทดีเด่นเมิงต้องได้รางวัลนี้แน่” บอสพูดพลางปรบมือแปะ ๆ
   “เป็นเมทกุบ้างมั้ยละ”
   “ไม่อ่ะ เมิงใจดีกับวริษฐ์ แต่ไม่ใจดีกับกุ กุจำได้ ตอนนั้นกุเมาเมิงปล่อยกุนอนให้ห้องน้ำ”
   “ก็เมิงอ้วกอ่ะ”
   “เนี้ย”
   “สกปรก”
   บอสกับเต๋าต่อปากต่อคำ ถึงความหลังเก่า ๆ เพื่อนผลัดกันมาให้เต๋าดูแล พวกคนเมาทั้งนั้น เขาไม่ค่อยใจดีกับใครเท่าไหร่ มีแค่วริษฐ์ที่เขาสงสารมัน เวลามันเมาหลับมันชอบละเมอออกมา โคตรน่าสงสาร

   วริษฐ์ดื่มไปไม่รู้เท่าไหร่ แล้วก็นอนคอพับคออ่อนอยู่บนโซฟา เพื่อนทยอยกลับกันหมด เขาไม่ห่วงเมื่อเพื่อนเมาอยู่ในร้านของเต๋า มันดูแลเพื่อนอยู่แล้ว เต๋าปล่อยวริษฐ์ให้หลับอยู่ตรงนั้น พอถึงเวลาก็ฝากผู้จัดการปิดร้าน ส่วนตัวเองพาเพื่อนที่เมาไม่ได้สติกลับบ้าน
   ภาระชิ้นใหญ่ ดีที่มันไม่ใช่ประเภทเมาแล้วอ้วก ไม่งั้นคงเหนื่อยน่าดู
   
   เต๋าพาเพื่อนกลับถึงบ้านอย่างทุลักทุเล เขาโยนเพื่อนตัวหนักลงบนที่นอน ดีที่เขาเองก็ตัวใหญ่ร่างกายกำยำ ไม่งั้นคงแบกมันไม่ไหว เขาจะไปอาบน้ำสักหน่อย แล้วค่อยออกมาดูมัน เขาหมุนตัวเตรียมเดินไปห้องน้ำ
   “พี่...”
   เสียงพึมพำตามหลังทำให้เต๋าหันไปมอง บ่นอะไรวะ เขาเดินไปนั่งบนเตียง ขยับไปฟังเสียงใกล้ ๆ
   “พี่  ...ขอโทษ”
   “ขอโทษใครวะ”
   “ขอโทษ”
   ประโยคใหม่? แปลกแฮะ ทุกทีเขาจะได้ยินเรื่องเดิม ๆ อย่าทิ้งผม อย่าจากผมไป ครั้งนี้เป็นพี่ขอโทษ อืม ขอโทษใครวะ มีเรื่องอะไรที่เขาไม่รู้ มีเรื่องอะไรที่วริษฐ์ไม่ยอมเล่าอีก วริษฐ์เป็นคนที่ชอบเก็บอะไรเอาไว้คนเดียว ทำเหมือนโลกนี้มันอยู่ตัวคนเดียว เขาก็เข้าใจทำไมมันถึงเป็นแบบนี้ แต่ก็อยากให้มันแบ่งปันมาบ้าง คนอื่นในกลุ่มอาจไม่เท่าไหร่ แต่เขา เขาที่อยู่กับมันมาตลอด กลัวใจมันมากกว่า กลัวจะเป็นเหมือนมี 6 - 7 ปีก่อน ถ้าเขากลับมาห้องไม่ทัน วริษฐ์อาจไม่ได้มานั่งอยู่ตรงนี้ หรือไม่ได้อยู่ในสภาพนี้

   เขานึกย้อนไปถึงวันนั้น สมัยเรียนตอนที่ยังเป็นเมทกัน วันนั้นเขาต้องไปจัดการธุระ ทำให้กลับห้องช้า เขาเปิดประตูมา ก็เห็นวริษฐ์นั่งเปิดขวดน้ำยาล้างห้องน้ำอยู่ ไม่ทันสังเกตว่าเขากลับเข้าห้องมาด้วยซ้ำ เขาก็คิดว่าอีกฝ่ายคงอยากจะทำความสะอาดห้องน้ำ เลยไม่ได้อะไร เต๋าวางข้าวของลงบนโต๊ะ พอหันไปอีกที วริษฐ์ก็ยกขวดน้ำยาล้างห้องน้ำเตรียมจะดื่มมัน เขาถลาไปดึงออกแทบไม่ทัน น้ำยากระฉอกหกลงพื้น ขณะที่เต๋ากอดเพื่อนเอาไว้แน่น ในใจเต้นโครมคราม กลัว...กลัวจะเสียเพื่อนไป
   วริษฐ์ไม่ร้องไห้ ไม่เป็นอะไรนั่งนิ่ง แต่เต๋ากลัว ไม่รู้ว่าภายใต้สีหน้าเรียบเฉยนั่นคิดอะไร น้ำยาล้างห้องน้ำ ถ้าดื่มเข้าไปไม่รู้จะต้องทรมานแค่ไหน มันจะแผดเผาทุกอย่างที่มันสัมผัส แต่เจ้าตัวกลับไม่กลัวเลย ทั้งที่เมื่อก่อนจะล้างห้องน้ำต้องสวมถุงมือกับรองเท้ายางแท้ ๆ
   เต๋ารีบติดต่อเพื่อนสนิท เขาตามเพื่อนมา คนที่มาได้ในคืนนั้นคือนภ พวกเขาช่วยกันดูแล พลางเก็บของทุกอย่างให้มิดชิด อะไรที่ทำร้ายตัวเอง เก็บทั้งหมด พวกเขาไม่กล้านอน กลัวตื่นมาแล้วเพื่อนจะจากไป พวกเขาเลยต้องสลับพลัดเวรกันเฝ้าเพื่อน วันรุ่งขึ้นมันก็ถึงมือหมอ ได้ยามาขนานใหญ่ พร้อมกับการติดตามอาการอย่างใกล้ชิด
   พวกเขาไม่วางใจให้วริษฐ์อยู่ลำพังอีกเลยจนกระทั่ง จิตแพทย์บอกเล่าอาการให้เต๋าฟัง เต๋าที่เป็นเหมือนผู้ปกครองของวริษฐ์ไปแล้ว จิตแพทย์บอกว่าวริษฐ์ดีขึ้นแล้ว ยาก็ปรับลดลง การติดตามผลก็เว้นระยะมากขึ้น ถ้าไม่มีอะไรไปกระตุ้นก็คงไม่เป็นอะไร
   วริษฐ์ค่อย ๆ กลับมามีรอยยิ้มแต่งแต้มบนใบหน้าบ้าง ประคับประคองกันไปจนเรียนจบ ตอนเรียนจบใหม่ ๆ ช่วงแรก เต๋าให้วริษฐ์มาอยู่ที่บ้านด้วยกันนานเป็นปี จนวริษฐ์เกรงใจ เขาทำใจแข็งกลับไปอยู่บ้านที่เงียบเหงาเพียงลำพัง เต๋าก็ไปหาบ่อย ๆ จนมั่นใจว่ามันอยู่ได้ คำสัญญาระหว่างทั้งคู่คือมีอะไรให้บอก อย่าคิดสั้น รู้สึกไม่ดีโทรมาได้ 24 ชั่วโมง อยู่ด้วยกันมานานไม่มีใครทิ้งวริษฐ์ ทั้งห่วงทั้งสงสาร มิตรภาพที่เพื่อน ๆ มอบให้ ค่อย ๆ เยียวยาวริษฐ์จนอาการดีขึ้นเหมือนในปัจจุบัน

   “เรื่องอะไรก็ช่าง เข้มแข็งไว้นะเมิง”

   วริษฐ์ตื่นมาตอนบ่ายพร้อมอาการปวดหัว และความรู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออกเขาลืมตาขึ้นดูบนอกของเขา ท่อนแขนกำยำของใครบางคนพาดอกเขาอยู่ เขามองไปรอบ ๆ ถึงรู้ว่าห้องของเต๋า เขาเป็นภาระมันอีกแล้ว
   วริษฐ์ขยับท่อนแขนหนัก ๆ นั่น ทำให้เต๋ารู้สึกตัวตื่น
   “อ้าวตื่นแล้วหรอเมิง” เต๋าทักน้ำเสียงงัวเงียก่อนพลิกตัวไปอีกฝั่ง พร้อมหลับต่อ
   “เออ” วริษฐ์ขานรับเมื่อที่อกโล่งไม่รู้สึกหนัก เขาก็นอนหลับต่อเหมือนกัน พวกเขารู้สึกตัวอีกทีเกือบบ่ายสาม
   เต๋าตื่นแบบนี้เป็นปกติ เวลาของเขามันจะไม่ตรงกับชาวบ้านเท่าไหร่ ยิ่งเมื่อคืนกว่าจะได้นอน ฟังวริษฐ์บ่นขอโทษซ้ำไปซ้ำมา ตามด้วยต้องมานั่งเช็ดตัวให้มัน กว่าจะได้นอนเกือบตี 4
   
   พวกเขาลงไปกินข้าวมื้อแรกของวัน เป็นอาหารที่แม่บ้านเตรียมเอาไว้ ข้าวสวยร้อน ๆ ต้มยำกุ้ง กับไข่เจียวหมูสับช่วยให้สองหนุ่มรู้สึกดีขึ้นจากอาการเมาค้าง วริษฐ์ชอบบ้านของเต๋า มีความเป็นส่วนตัว แต่บ้านก็ไม่ได้เงียบเหงามันมีชีวิตชีวา
   ในบ้านหลังนี้เต๋าอยู่กับแม่บ้านอีกสองคนที่มาจากบ้านใหญ่ที่ครอบครัวส่งมาดูแลเขาแค่นั้น เพราะเขาเวลาไม่ตรงกับใคร เลยแยกมาอยู่คนเดียว เกรงใจคนในบ้าน อีกอย่างบ้านหลังนี้ก็เดินทางสะดวก อยู่ไม่ไกลจากผับนัก
   “ช่วงนี้เมิงมีอะไรหรือเปล่า” หลังกินข้าวเสร็จเต๋าก็เริ่มซักสิ่งที่เขาอยากรู้
   “มีอะไรคืออะไร” วริษฐ์ตอบแบบไม่สบตา
   “มีอะไรจะบอกกุมั้ย” เต๋าถามย้ำ
   “ไม่มี”
   เต๋าถอนหายใจพลางมองหน้าเพื่อน หน้าเมิงโคตรจะมีพิรุธ ยังมาบอกว่าไม่มีอีก เออได้ เดี๋ยวเขาจะหาเอง ไม่ยากเกินความสามารถหรอกถ้าเขาอยากจะรู้
   “เมิง...” อยู่ ๆ วริษฐ์ที่เงียบไปก็พูดขึ้นมา
   “อะไร”
   “ทำไมเมิงยังไม่มีแฟน”
   “เอาเวลาที่ไหนไปหา”
   “สาว ๆ สวย ๆ เยอะแยะ”
   “แล้ว”
   “ไม่มีถูกใจ?” วริษฐ์มองหน้าเพื่อน เต๋าไม่ได้ขี้เหล่ หน้าตาดี หล่อเข้มเอาเวลาที่ไหนไปหาไม่ใช่ข้ออ้าง สาว ๆ ที่ไปเที่ยวผับมันแจ่ม ๆ ทั้งนั้น ถ้ามันแค่จะมีแฟน ไม่ใช่เรื่องยากเลย
   เต๋ามองเพื่อนด้วยความไม่เข้าใจ อยู่ดี ๆ มาถามเรื่องนี้เนี้ยนะ ดูจะแปลกผิดปกติ วริษฐ์ไม่เคยถามเกี่ยวกับเรื่องอะไรแบบนี้ อย่างมากก็โอ้อวดว่ามีสาวมากมายเท่านั้น โอ้อวดว่าวันนี้มีนัดกับสาว สวยแค่ไหน น่ารักแค่ไหน หรือว่า... วริษฐ์ เมิงมีความรักหรอ?
   “เรื่องถูกใจมันยากไม่ได้ง่าย”
   “สาวเยอะแยะ ทำไมเรื่องมาก หรือไม่ได้ชอบสาว ๆ” วริษฐ์ยังถามต่อ
   “กุชอบผู้หญิง” เต๋าตอบทันควัน เขายังไม่มีแฟน แต่ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่ได้ชอบผู้หญิง
   “มีเดินเขาออกร้านเมิงเป็นล้านคน”
   “ถ้ากุเจอคนที่ถูกใจ กุจะรีบรวบหัวรวบหางเขาไว้เลย แต่กุยังไม่เจอไง”
   “แล้วถ้า...เออ ไม่มีอะไร” วริษฐ์คิดจะถามอะไรต่อ แต่ก็ตัดสินใจหยุดเอาไว้เท่านี้
   “เมิงกวนตีนกุป่ะเนี้ย” เต๋าพูดพลางขมวดคิ้ว
   “เปล่า ๆ วันนี้เมิงเข้าร้านกี่โมง”
   “ไม่เข้าหยุด วันนี้วันพระใหญ่ ห้ามขายเหล้า”
   วริษฐ์พยักหน้ารับทราบ เขาลืมไปหมดวันเดือนปี วันสำคัญต่าง ๆ ไม่เคยจะจำได้
   “ไปทำบุญมั้ย”
   “วัดปิดหมดแล้วมั้ง”
   “วัดหัวลำโพงเปิด 24 ชั่วโมง เดี๋ยวกุพาไป” เผื่อใจเมิงจะสงบขึ้นมาบ้าง
   “ใจบุญจังวะ”
   “หล่อ รวย และใจบุญ”
   วริษฐ์ฟังถึงกับย่นหน้า โคตรหลงตัวเอง
   สองหนุ่มออกไปทำบุญให้จิตใจสงบ ถึงธุรกิจของเต๋าจะสีเทา แต่เขาก็ดำเนินกิจการอย่างดีที่สุดรับผิดชอบต่อสังคมมากเท่าที่เขาจะทำได้ ตรวจบัตรประชาชนทุกครั้งทุกคนไม่เคยละให้เด็กอายุต่ำกว่าเกณฑ์เข้ามาได้ เข้มงวดกับการตรวจอาวุธ และยา การ์ดพร้อมเข้าจัดการเสมอกับคนเมาและพวกชอบลวนลาม รวมไปถึงเหล้าเบียร์ ที่ไม่มีย้อมแมวขายทั้งนั้นของดีของจริง เขาพยายามอย่างดีที่สุดที่จะดำเนินธุรกิจสีเทาให้ถูกกฎหมาย
   พวกเขาแวะไปบริจาคเงินซื้อโลงศพให้คนไร้ญาติด้วย ทำบุญให้จิตใจขุ่นมัวปลอดโปร่ง จากนั้นเต๋าไปส่งวริษฐ์ที่บ้าน พร้อมกำชับว่าถ้ามีอะไรให้บอก
   วริษฐ์พยักหน้ารับ แต่เขาเองก็ยังเรียบเรียงไม่ถูกว่าจะบอกอะไร ไว้เขาเข้าใจเขาจะบอก

   กวินยังคงเป็นกวินเหมือนเดิม ทุกอย่างกลับสู่สภาพปกติ เขานอนคิดเมนูอาหารเช้า ออกไปซื้อของ พรุ่งนี้ตั้งใจจะทำ Scotch Eggs ให้วริษฐ์กิน มันเป็นอาหารของทางประเทศอังกฤษที่เขาชอบ เขาได้ฝึกทำตอนที่ไปเรียนนั่นแหละ กวินทำไปก็อดนึกถึงตอนอยู่ที่นู้นไม่ได้ อากาศเย็นตลอดเวลา เวลากิน Scotch Eggs ทำให้เขามีความสุขมาก เจ้าตัวขยับยิ้มพลางหยิบจัดเตรียมวัตถุดิบ

   “พรุ่งนี้ อาหารเช้าเป็น Scotch Eggs นะครับ
   พี่ต้องชอบแน่ ๆ “
   กวินพิมพ์ไปหาวริษฐ์ หลังจากเขาเตรียมวัตถุดิบสำหรับอาหารเช้าวันพรุ่งนี้ไว้เรียบร้อยแล้ว เขาก็มานอนเกลือกกลิ้งบนที่นอนพลางคิดว่าอีกฝ่ายจะอ่านหรือตอบเขามั้ย

   ติ้ง ติ้ง

   ‘มันคืออะไร?
   ชื่อแปลก’

   กวินยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าเขาตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว เขาก็หวังให้อีกฝ่ายถามเขากลับมาแบบนี้ถึงได้เลือกที่จะทำเมนูนี้
   “มันเป็นอาหารเช้าของอังกฤษ ไข่ต้มห่อด้วยเนื้อสัตว์บด พาร์สลีย์ และต้นหอมซอย
   เสร็จแล้วชุบแป้ง ชุบไข่ คลุกเกล็ดขนมปังแล้วก็ทอด”
   
   ‘ดูหลายขั้นตอน
   กวินเหนื่อยมั้ย’

   กวินส่ายหน้าใส่โทรศัพท์เมื่ออ่านเจอคำว่าเหนื่อยมั้ย ซึ่งเขาไม่เหนื่อยเลย เขามีความสุขดี เมื่อกี้ตอนเตรียมของ เขายังฮัมเพลงไปด้วยอยู่เลย

   “ไม่ครับ ผมเต็มใจ
    ผมสนุกมาก”
   
   ‘ขอบคุณนะ
   งั้นพี่นอนก่อน เราก็นอนซะนะ’

   “ครับพี่ ฝันดีครับ”
   กวินนอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนที่นอน หัวใจพองโต เขายิ้มหน้าบานเหมือนคนเป็นบ้า พี่อาร์ตไล่เขาไปนอน พี่อาร์ตห่วงเขา ทำไมถึงได้น่ารักขนาดนี้เนี้ย
   
   วริษฐ์มีรอยยิ้มแต่งแต้มบนหน้าโดยไม่รู้ตัว เมื่อกวินทักมาชวนคุย แม้จะเป็นการชวนคุยสั้น ๆ อย่างการแจ้งว่าเมนูอาหารเช้าวันพรุ่งนี้จะเป็นอะไร
   นี่ก็ดึกแล้ว เขาควรพักผ่อนซักที แต่พอเขานึกถึงกวินในใจเหมือนค่อย ๆ เกิดลมพายุมันขัดแย้งสับสน จนร่างสูงลุกไปกินยานอนหลับ ยานอนหลับเป็นผู้ช่วยที่ดีที่สุดของเขา เขาต้องพึ่งมันเรื่อยเพื่อให้สามารถนอนหลับได้สบาย
   ยานอนหลับที่แพทย์สั่งให้ เขาแค่เก็บใบรับรองแพทย์เอาไว้ให้ดี เพราะตัวเขาเองไม่จำเป็นต้องไปพบแพทย์บ่อย ๆ สามเดือนไปที เขาไม่ได้มีอารมณ์ที่รุนแรง หรือเป็นโรคอะไรร้ายแรง ก็แค่เครียดแล้วก็มีอะไรหลายอย่างมาคอยกระตุ้นเตือนถึงความทรงจำที่เขาไม่อยากนึกถึง เขาไม่ได้อยากจะจดจำมันแบบนั้น แต่ความรู้สึกของการถูกทำให้โดดเดี่ยว มันมักกัดกินหัวใจของเขาให้ผุกร่อน การมีคนต้องการเขา จึงช่วยเรียกความมั่นใจของเขาให้กลับมา แต่การที่เขากลายเป็นคนที่ต้องการคนอื่น นั่นทำให้เขากลัว กลัวว่าจะซ้ำรอย ที่สุดท้ายทุกคนก็ทิ้งเขาเอาไว้...
(https://uppic.cc/d/6Jdq) (https://uppic.cc/v/6Jdq)
[สวัสดีปีใหม่นะคะทุกคน ปีนี้ก็ขอฝากเนื้อฝากด้วยนะคะ
ฝากติดตามพี่อาร์ตกับน้องกวินด้วย ขอให้ทุกคนมีความสุขมาก ๆ ค่า
ของขวัญวันปีใหม่คือ นิยายตอนใหม่ตอนนี้ค่า  :L1:]
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 19 ความสับสน 1/1/63
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 01-01-2020 19:53:01
เฮ้อออออ
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 19 ความสับสน 1/1/63
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 01-01-2020 23:12:35
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 19 ความสับสน 1/1/63
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 01-01-2020 23:39:37
สวัสดีปีใหม่ค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 20 ช่องทางทำความรู้จักพี่ 5/1/63
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 05-01-2020 22:26:47
บทที่ 20  ช่องทางทำความรู้จักพี่

   เต๋าให้ลูกน้องที่ร้านคนหนึ่งหยุดงานที่ร้าน เพื่อคอยตามดูวริษฐ์ ถ้ามีอะไรผิดปกติให้บอก ถ้าวริษฐ์ไม่ออกจากห้องไปทำงาน หรือไม่กลับห้องให้รีบแจ้ง ตามให้เงียบ ดูแลให้ดี ลูกน้องตามวริษฐ์มาสามวัน วริษฐ์ไม่มีท่าทีผิดปกติอะไร ตื่นไปทำงาน เลิกงานก็จะแวะไปกินข้าวแล้วก็กลับบ้าน
   เต๋าถือรูปถ่ายของเพื่อนพลางขมวดคิ้ว เพื่อนที่กินข้าวเย็นกับรุ่นน้องผู้ชายคนหนึ่งทุกเย็น และจบที่ไปส่งเขากลับบ้าน รุ่นน้องคนสนิทที่บริษัท หรือยังไง เขามองใบหน้าเนียนใสของบุคคลในภาพ ในสมองคิดเชื่อมโยงอะไรบางอย่าง หรือนี่เป็นสาเหตุความปั่นป่วนใจของวริษฐ์ เขาแอบนึกสงสัยในรสนิยมของเพื่อนขึ้นมาเล็กน้อย หรือวริษฐ์จะมีอะไรเปลี่ยนไป
   รูปถูกเปิดไปเรื่อย ๆ ความคาใจสงสัยก็เริ่มจางหาย รูปที่คนตัวเล็กในภาพแอบหอมแก้มวริษฐ์ กระจกรถของเพื่อนเขามืดไม่พอ มันมองทะลุเข้าไปได้ ลูกน้องเขาถ่ายเก่งซะด้วย
   ...หรือมันจะเครียด กลัวสังคมจะรับไม่ได้ เขายอมรับว่าเขาเองก็ตกใจ และแปลกใจมากกับรสนิยมที่เปลี่ยนแปลงไปของเพื่อน เพื่อนที่มีสาวล้อมหน้าล้อมหลังอยู่เต็มไปหมด แต่กลับมาขลุกอยู่แต่กับผู้ชายคนนี้ น่าสนใจ แต่ไม่ได้รังเกียจอะไร เพื่อนก็คือเพื่อน จะมีความรักออกมาเป็นแบบไหนก็ช่างเถอะ ขอแค่มันมีความสุขก็พอ เต๋ารู้สึกอย่างกับลูกชายสุดรักที่เขาเฝ้าดูแลกำลังเติบโต... และรู้สึกสนุกดี เขายินดีทำอะไรก็ได้ที่จะช่วยสนับสนุนความรักของเพื่อน ถ้าเพื่อนกังวลกับสังคม เขาจะจัดการเรียกความมั่นใจให้เอง

   “วริษฐ์ พรุ่งนี้ว่างมั้ย กินข้าวเย็นกัน” เต๋าต่อสายหาเพื่อนสนิททันทีตั้งแต่หัวค่ำ เขาลองนัดวริษฐ์มาทีร้านดู เผื่อจะจับพิรุธอะไรได้
   ‘พรุ่งนี้หรอวะ’ ปลายสายอึกอักไปพักนึง ‘ไม่ว่างว่ะเมิง’ วริษฐ์จำต้องปฏิเสธ เพราะเขามีนัดกับกวินแล้ว จองตั๋วหนังไว้แล้วด้วย หนังที่กวินอยากดู วันพรุ่งนี้เข้าโรงวันแรก
   “เฮ้ย ไม่ว่างหรอ ติดอะไร”
   ‘...’ วริษฐ์เงียบในสมองคิดว่าจะอ้างอะไรดี ติดสาวเขาก็ยกเลิกได้ถ้าเพื่อนชวน ติดธุระอะไรก็ไม่มี
   “สายหลุดหรอวะ”
   ‘น้าสาวลูกพี่ลูกน้องพ่อเอาแมวมาฝากกุเลี้ยง’
   “หืม? น้ากลับมาจากจีนแล้วหรอ”
   วริษฐ์อยากกัดลิ้นตัวเองให้ขาด ลืมไปว่าเต๋ารู้จักน้าของเขา แล้วเธอไม่ได้กลับมาจากจีนพักใหญ่แล้ว ญาติคนเดียวที่วริษฐ์สนิทด้วย นาน ๆ จะได้เจอกันสักที
   ‘เอ่อ เออเขาฝากให้เพื่อนเขาเอามาให้กุ กุต้องดูแมววันนึง ไปไม่ได้จริง ๆ’
   “อ่าหะก็ได้ งั้นวันศุกร์เจอกันเหมือนเดิมแล้วกัน”
   ‘ได้’
   วริษฐ์วางสายขณะที่เต๋ายิ้มขัน อึกอักมีพิรุธจนรู้สึกได้ พรุ่งนี้ต้องมีอะไรดี ๆ แน่ ๆ เขาโทรสั่งให้ลูกน้องตามวริษฐ์ในตอนเย็น ตามอย่าให้คาดสายตา ไปที่ไหนก็ให้แจ้งเขา เขาจะตามไปดูว่าแมวของน้าลูกพี่ลูกน้องพ่อที่เพื่อนเขาเอามาให้ โคตรยาวถ้าให้มันพูดอีกครั้ง จะจำได้มั้ยวะ แต่อยากรู้จริง ๆ แมวที่เลี้ยงน่ะจะหน้าตาเป็นยังไง

   วริษฐ์กับกวินพอเลิกงานก็รีบดิ่งไปห้าง พวกเขาแวะกินเบอร์เกอร์คนละชิ้นก่อนมุ่งตรงไปที่โรงหนัง พวกเขาจองไว้รอบหนึ่งทุ่ม
   กวินยิ้มกว้างขณะในมือถือกล่องป็อบคอร์นเอาไว้ ส่วนวริษฐ์ถือน้ำอัดลมแก้วใหญ่สองแก้ว กวินมองคนตัวสูง เขามีความสุขมากเลย หนังที่อยากดู กับคนที่อยากได้... เอ๊ะตรงไปมั้ยนะ พูดเองก็เขินเอง พวกเขาหนังดูตัวอย่างหนัง พร้อมพูดกันไปมาว่ารอบหน้ามาดูหนังเรื่องนั้นเรื่องนี้ด้วยกันดีมั้ย
   พอหนังเริ่ม กวินดูจะตื่นเต้นกว่าใคร ตัวหนังค่อนข้างแฟนตาซี แสงไฟสลัว ๆ ทำให้วริษฐ์เห็นกวินยิ้มด้วยดวงตาเป็นประกายคนตัวเล็กดูจะชอบเรื่องนี้มากจริง ๆ  ตั้งใจดูหนัง ไม่มาวอแววุ่นวายกับเขาเลย เขาก็มองหนังบ้าง มองท่าทีคนข้าง ๆ บ้าง น่าเอ็นดู ...
   หนังจบก็เกือบจะสี่ทุ่ม กวินชวนเขาคุยว่าฉากนั้นดีมาก ตัวละครตัวนี้เท่ ตัวนั้นน่ารักดี เขาก็เออออไปด้วย หนังสนุก แต่รีแอคคนข้าง ๆ ตลกยิ่งกว่าเหมือนเด็กไม่มีผิด เขาคิดพลางเอากล่องป็อบคอร์นเปล่าเคาะหัวกวิน
   กวินขมวดคิ้วใส่ ก่อนบ่นขมุบขมิบอะไรไม่รู้คนเดียว
   “อ้าววริษฐ์”
   เสียงเรียกร่าเริงเกินเหตุทำเอาร่างสูงหันตามไปมอง ...เชี่ย เพื่อนเต๋า
   “หวัดดี” วริษฐ์ทักทายพลางส่งยิ้มให้ ทำหน้าปกติเหมือนไม่ได้ทำอะไรมีพิรุธ
   “ไหนว่า...” เต๋าอ้าปากจะพูด วริษฐ์ถลึงตาใส่ จะซักอะไรไม่ใช่ตอนนี้ โดนกวินล้อตาย เขานึกถึงร่างบางในชุดแมวจรตอนนั้น ไม่ก็คงจะไม่พอใจเขาเท่าไหร่ที่โกหกปิดบังคนอื่น เต๋าทำตาเจ้าเล่ห์ ก่อนหันไปคุยกับอีกคน
   “สวัสดีครับ มาดูหนังกับวริษฐ์หรอ”
   “ครับ ใช่ครับ” กวินยิ้มให้พลางก้มหัวทักทายใครก็ไม่รู้ที่น่าจะเป็นเพื่อนของพี่อาร์ต
   “พี่ชื่อเต๋า ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” เต๋ายื่นมือไปตรงหน้ากวิน กวินที่งุนงงนิดหน่อย แต่ก็เคยชินกับวัฒนธรรมการจับมือ เขาจึงยื่นมือไปจับมือตอบ เต๋าขยับมือขึ้นลงเบา ๆ แต่ไม่ยอมปล่อย ซ้ำยังมองกวินด้วยดวงตาพินิจพิเคราะห์ จดจ้องจนคนถูกมองร้อน ๆ หนาว ๆ
   “เอ่อ ผมกวินครับ”
   “ยินดีที่ได้รู้จัก”
   “ครับ พี่เต๋า”
   “ไว้พบกันใหม่นะกวิน”
   “อ่ะแฮ่ม” วริษฐ์กระแอมเบา ๆ เพราะเต๋าจะจ้องกวินมากเกินไปแล้ว มองจนคนตัวเล็กประหม่า
   เต๋าปล่อยมือบางก่อนหันมาหาวริษฐ์ “เพื่อนเอ๋ย พรุ่งนี้เจอกัน”
   “เออเจอกัน” วริษฐ์ยกมือขึ้นโบกบ๊ายบายทันที เป็นการไล่กลาย ๆ ว่าให้อีกฝ่ายไปไหนก็ไป
   เต๋าเดินจากไป ขณะที่วริษฐ์รู้ตัวแล้วว่าพรุ่งนี้โดนซักเละเทะไม่มีเหลือ เขายังไม่ได้เตรียมใจ ไม่รู้ว่าจะโดนอะไรบ้าง โคตรกังวล เขาก็คงถูไถไปว่ารุ่นน้องที่บริษัทนั่นแหละ...
   
   “เพื่อนพี่หรอครับ” พอเต๋าเดินห่างไปไกล กวินก็รีบถามทันที
   “ใช่ ทำไมหรอเพื่อนสมัยเรียน” พอรู้ว่าเป็นเพื่อนของพี่อาร์ต เขาก็อยากรู้จักขึ้นมาทันที เผื่อว่าพี่เต๋าจะสามารถเล่าเรื่องต่าง ๆ เกี่ยวกับพี่อาร์ตให้เขาฟัง เขาจะได้รู้จักอีกคนมากยิ่งขึ้น
   “อยากรู้จักครับ”
   วริษฐ์หันขวับไปมองหน้าคนตัวเล็กทันที อยู่ดี ๆ ก็พูดว่าอยากรู้จักเพื่อนเขาแบบนี้หมายความว่าอะไร “เมื่อกี้ว่าไงนะ” เขาถามซ้ำ เผื่อเมื่อกี้เขาฟังไม่ชัด
   “อยากรู้จักพี่เขาครับ”
   วริษฐ์หรี่ตามอง ก่อนใช้มือตบเบา ๆ ไปที่หน้าผากเนียนด้วยความมันเขี้ยว
   “จะรู้จักไปทำไม”
   “ก็... ไม่มีอะไรครับ” เขาไม่บอกหรอกว่าอยากรู้เรื่องราวต่าง ๆ ที่เเกี่ยวกับพี่อาร์ตให้มากยิ่งขึ้น อยากรู้ทุกอย่าง อยากที่จะเข้าใจ แต่ขืนบอกไปแบบนั้นก็ถูกกีดกันพอดี “ไว้พาผมไปเจอพี่เขาบ้างนะ”
   “...เหอะ” วริษฐ์แค่นหัวเราะ ขณะก้าวเท้านำกวินไป ก้าวเร็วแบบไม่รั้งรอ ขณะร่างบางรีบเดินตาม พลางยื่นมือไปคว้าแขนวริษฐ์เอาไว้ เขากุมมันแน่น พลางก้าวขาให้ยาวกว่าเดิม
   “เดินช้าหน่อยสิครับ รีบไปไหน ห้างยังไม่ปิดสักหน่อย”
   “พี่ง่วงแล้วจะรีบกลับไปนอน”
   กวินทำปากบ่นขมุบขมิบ ‘ทำมาเป็นเด็กอนามัย’ แต่มือบางก็จับมือหนานั่นไม่ปล่อย ทำแค่สาวเท้ากึ่งเดินกึ่งวิ่งตามพี่เขาไป
   พอขึ้นรถกวินก็ชวนวริษฐ์ให้วกกลับไปคุยเรื่องหนังอีก นั่งจ้อตลอดทาง เพราะกวินเคยอ่านหนังสือเรื่องนี้ก่อนที่จะมาทำเป็นหนัง อธิบายเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยให้ฟังไม่รู้จักเหนื่อย วริษฐ์ก็ขับรถไปฟังไปเพลิน ๆ ตอบรับบ้างเล็กน้อย เขาเพิ่งรู้จักเรื่องนี้ก็เพราะกวินมาชวนเขาไปดูนี่แหละ

   ‘พี่อาร์ตครับไปดูเรื่องนี้กัน ผมอยากดูมาก พฤหัสบดีนี้หนังเข้าวันแรก ไปดูกันนะครับ’

   ตอนชวนเขา กวินร่าเริงระริกระรี้จนแว่บหนึ่งเขาเหมือนเห็นหูกับหางโผล่ออกมาจากตัวกวิน กระตือรืนร้นจนเหมือนหมา สลัดคราบแมวจรไปจนหมด
   วริษฐ์ตกลงไปดูหนังเป็นเพื่อนกวิน พฤติกรรมของวริษฐ์แตกต่างไปจากเดิม เขาตามใจกวินมากขึ้น ไม่พยายามจะผลักอีกคนออก จะด้วยความสงสารหรือความเป็นห่วงก็ดี วันที่เขาดื่มเหล้าหนัก เขาเอาแต่ถามตัวเองซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าจะทำยังไงดี จะทำยังไงกับตัวเองดี จะจัดการตัวเองยังไง แต่ไม่ได้คำตอบอะไรนอกจากรสชาติขมของเหล้า จนสิ่งสุดท้ายที่เขานึกถึงและรับรู้คือ ภาพของกวินที่ร้องไห้ ส่วนเขาก็ได้แต่ขอโทษ แล้วก็ได้คำตอบกลับมาหนึ่งอย่าง ถ้าเป็นไปได้ ตัวเขาเองก็ไม่อยากเป็นสาเหตุที่ทำให้กวินร้องไห้ ... เขาไม่ได้ทำเพื่อน้อง แต่ทำเพื่อตัวเอง เพราะเขารู้สึกผิดเหลือเกิน ...แล้วก็แค่ไม่อยากเห็นน้องร้องไห้เท่านั้นเอง
   เมื่อรถเลี้ยวเข้ามาจอดที่ตึก กวินโบกมือลาวริษฐ์ ก่อนยื่นหน้าไปหอมแก้ม แบบที่ทำเป็นประจำ แต่ทว่ารอบนี้กลับไม่ได้สัมผัสถูกแก้มของวริษฐ์แบบที่ตั้งใจ เพราะฝ่ามือหนายกขึ้นมากันเอาไว้
   “ทำไมล่ะครับ”
   “ไม่บอก ขึ้นห้องไปเลย”
   “พี่อาร์ต” คนตัวเล็กเรียกเขาด้วยน้ำเสียงงอแง
   “กู๊ดไนท์”   
   กวินยอมเดินลงจากรถแต่โดยดี
   “พี่อาร์ต รักพี่นะครับ” กวินร้องบอกเสียงสดใสก่อนจะปิดประตูใส่ไม่ให้วริษฐ์ได้โต้ตอบอะไร เขายิ้มระรื่นก่อนเดินกลับห้อง พลางนึกถึงคนตัวสูง ช่วงนี้พี่อาร์ตใจดีกับเขามากขึ้นกว่าเดิมตั้งแต่วันที่เติ้ลโผล่มา อาจจะเป็นข้อดีอย่างเดียวของการโผล่มาของมัน จะด้วยความสงสารหรืออะไรก็ตาม การที่พี่อาร์ตรู้สึกอะไรต่อเขาบ้าง ไม่ว่านั่นจะเป็นความรู้สึกแบบไหน เขาก็ดีใจมากแล้ว
   
   เย็นวันศุกร์หลังเลิกงานวริษฐ์มาส่งกวินที่ตึก แล้วก็กลับไปเพราะว่าเขามีนัดกับเพื่อน น่าจะกับพี่เต๋าคนนั้นนั่นแหละ จะขอไปด้วยก็ดูจะวุ่นวายมากเกินไป จะรั้งเขาไว้ก็ไม่ใช่เรื่อง กวินจึงไม่ได้เซ้าซี้อะไร แม้ว่าวันนี้จะเป็นวันศุกร์ที่เขาอยากจะออดอ้อน ขอนอนกอดเขาสักหน่อยก็ตาม แต่ก็นะ ไม่อยากให้เขารำคาญ
   กวินเดินเข้าไปในตึก อยู่ ๆ มือถือในกระเป๋ากางเกงก็สั่นแรง เพราะมีคนโทรเข้ามา

   ‘พี่อาร์ต’

   “ครับพี่”
   ‘ไปเปลี่ยนขุดแล้วลงมาหาพี่ภายใน 15 นาที’
   ประโยคคำสั่งกลาย ๆ จากวริษฐ์ ทำให้กวินขมวดคิ้ว
   “ทำไมหรอครับ”
   ‘อยากเจอไอ้เต๋าไม่ใช่หรอ มันก็อยากเจอเรา’
   “ฮะ ครับได้ครับ”
   ร่างบางตอบรับอย่างรวดเร็ว ทำให้วริษฐ์ขมวดคิ้วหงุดหงิด พอเขาบอกว่าเต๋าอยากเจอ กวินก็ไม่ถามต่อกลับว่าง่าย แต่พอเขาบอกให้ไปทำอะไร กลับมาทำสงสัยถามนั่นถามนี่ มันน่านัก

   กวินเลือกเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว เขารีบเปลี่ยนมันอย่างทำเวลา เสื้อเชิ้ตทำงานกลายเป็นเสื้อยืดสีเขียว กางเกงสแลคขายาวสีดำสุดเรียบร้อย กลายเป็นกางเกงยีนส์ฟอกขาวที่ขาดเล็ก ๆ ตรงหัวเข่า ทั้งสองข้าง ร่างบางเดินกลับลงมาหารถคันที่คุ้นเคย
   วริษฐ์มองใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสของกวิน ด้วยความรู้สึกมันเขี้ยว มีความสุขจังนะ
   พอขับมาถึงร้าน ก่อนที่พวกเขาจะลงจากรถ วริษฐ์กำชับกวินว่าอย่าดื่มเยอะ ห้ามเมา ห้ามเดินไปไหนคนเดียว ห้ามรับของจากคนแปลกหน้า กวินก็ได้แต่ยิ้มแล้วก็ตอบรับ ครับ ๆ ทำไงได้ ไม่ตอบคงไม่ได้ลงจากรถ
   
   วริษฐ์พากวินมาที่ผับ กวินมองเหล่าพนักงานที่ต่างก้มหัว ยกมือไหว้ทักทายวริษฐ์เหมือนกับคนใหญ่คนโตอะไรแบบนั้น น่าตื่นเต้น เขาเดินตามร่างสูงไปเรื่อยมองนั่นมองนี่ ก่อนที่อยู่ ๆ ร่างสูงก็หยุดเดิน จนหน้าผากกวินชนกับแผ่นหลังกว้าง ร่างบางลูบจมูกเบา ๆ เจ็บ
   “เดินไม่ติดเบรกเลยนะกวิน”
   “อยู่ ๆ พี่อาร์ตหยุดเดินนี่ครับ”
   “ก็มันถึงโต๊ะแล้ว”   กวินขยับชะโงกหน้าจากแผ่นหลังกว้าง ที่โต๊ะไม่มีคนที่เขาคุ้นหน้าอย่างพี่เต๋า
   “หวัดดี” วริษฐ์เอ่ยทักเพื่อน ๆ ก่อนจะคว้าแขนให้กวินมายืนข้างหน้าเขาแทน พลางแนะนำ “นี่กวิน รุ่นน้องที่ทำงาน”
   ไม่มีใครรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับกวินนอกจากเต๋า และเพราะวริษฐ์ไม่เคยพาใครมา ครั้งนี้จึงสร้างความแปลกใจให้ทุกคน ทุกสายตาที่โต๊ะจึงมองจดจ้องผู้มาเยือนใหม่ด้วยความสนใจเป็นอย่างมาก
   “สวัสดีครับ” กวินยกมือไหว้ทุกคนพลางส่งยิ้มสดใส
   “คนใส่แว่นชื่อบอส คนเสื้อดำชื่อนภ คนตัวขาวนั่นชื่อทิต”
   “อาทิตย์ครับ พี่ชื่ออาทิตย์ หรือจะเรียกซันก็ได้” อาทิตย์รีบแก้ก่อนที่จะมีใครติดเรียกไปอีก
   “ครับ ผมกวินครับ”
   วริษฐ์นั่งลงขณะที่กวินยังยืนโค้ง ให้คนอื่น ๆ อยู่ รอยยิ้มสดใส ทำเอาผับมืด ๆ นี่แทบสว่างขึ้นมาเลย เจิดจ้าจนทุกคนรู้สึกได้ น้องมันร่าเริงอะไรขนาดนี้ วริษฐ์รีบดึงแขนบอกให้กวินนั่งลงมาได้แล้ว
   “น้องกวิน เจอกันอีกแล้วนะ” เต๋าพูดพลางส่งยิ้มให้ เขาเดินมาที่โต๊ะเมื่อเห็นจากไกล ๆ ว่าวริษฐ์และน้องกวินมาถึงแล้ว
   “สวัสดีครับพี่เต๋า”
   เต๋ามองกวินวันนี้น่ารักสดใสกว่าเมื่อวานซะอีก กว่าเขาจะบอกให้วริษฐ์พาน้องมาได้  พูดแล้วพูดอีก บอกว่าอยากเจอ ก็บ่ายเบี่ยงว่าไว้โอกาสหน้า ก็เลยบอกไปว่า ทำไม เมิงหวงน้องไว้ทำไม มีอะไรหรอไง มันถึงได้บอกว่าไม่มีอะไร เดี๋ยวกุพามาให้เจอ กวินถึงได้มานั่งยิ้มร่าเริงอยู่ตรงนี้
   “น้องกวินดื่มอะไรดี”
   “อะไรก็ได้ครับที่อร่อย ๆ “
   วริษฐ์ไม่ได้สนใจว่ากวินกับเต๋าคุยอะไรกัน แต่ก็ได้ยินทุกคำหยอกล้อ ‘น้องกวินนี่ผิวเนียนมากเลย ตอนพี่แตะมือรอบก่อน มือนุ่มจนพี่ไม่อยากปล่อย’ ‘เนี้ยดูสิ มือพี่อย่างหยาบ ไม่เชื่อลองจับดู’ วริษฐ์ย่นหน้า อยากจะอมเหล้าไปพ่นใส่หน้ามัน เต๋าน่ะทำมาพูดดีว่าไม่มีเวลาหาแฟน ลีลามันน่ะ ธรรมดาที่ไหน เขารับแก้วเหล้าจากเพื่อนพลางยกแก้วขึ้นกระดก น่ารำคาญจังว้อย
   วริษฐ์ดูจะหงุดหงิดหน่อย ๆ ปนหมั่นไส้ กวินคุยกับเต๋า เพราะเต๋าตลก ชอบหยอดให้เขาขำ คนอื่น ๆ ก็มาชนแก้วกับกวิน มีพี่อาร์ตคนเดียวนั่งนิ่งเป็นรูปปั้น กวินดื่มอย่างสนุกสนาน ชนแก้วยิงมุกกับเพื่อน ๆ ของวริษฐ์ เข้ากับเพื่อน ๆ เขาได้ดีเหลือเชื่อ และเพราะกวินไม่ใช่คนคออ่อนดื่มไปเยอะก็ไม่มีทีท่าจะเมาจะกรึ่ม
   “พี่อาร์ตขอไปเข้าห้องน้ำนะ”
   เต๋าลอบมองกวิน จะไปห้องน้ำก็ต้องขออนุญาตหรอ วริษฐ์เอ๋ยยยยย
   “เมาหรือเปล่า ให้พี่ไป...”
   “โอยไปสิกวิน เนี้ยตรงไปเลี้ยวขวา” เต๋าพูดแทรกพลางบอกทางเสร็จสรรพ “ปวดฉี่ด้วยหรอวริษฐ์ กระเพาะปัสสาวะเมิงอันเดียวกับน้องหรอ”
   คนตัวสูงไม่ตอบ พลางทิ้งตัวลงพิงเก้าอี้เต็มแรง เพื่อบอกว่า ไม่ลุกไปไหนแล้วว้อย กวินเห็นแบบนั้นก็ลุกออกไปเข้าห้องน้ำ
   “ร้านกุไม่ได้มีอะไรอันตราย ไม่ได้น่ากลัว อย่าห่วงนักเลย” เต๋าพูดพลางยกเหล้าขึ้นจิบบ้าง เขาพูดขึ้นมาลอย ๆ เสียงเบาให้วริษฐ์ที่นั่งข้างเขาได้ยินคนเดียว
   “เออ น้องเคยถูกวางยา กุห่วง”
   “อ๋อ” เขาตอบรับพลางพยักหน้า
   “เมิง น้องกวินเนี้ย โสดมั้ย”
   เต๋าถามอย่างตรงไปตรงมา จนวริษฐ์สำลักน้ำ
   “แค่ก อะไรนะ”
   “น้องโสดมั้ย”
   “... ถามน้องเองดิ”
   “เออเมิง แล้วไหงเมิงไปสนิทกับน้องได้” นภที่นั่งตรงข้ามเอ่ยถาม เพราะเขาสัมภาษณ์กวินแล้ว ว่าทำงานตำแหน่งอะไร เกี่ยวกับอะไร สายงานไม่ได้จำเป็นต้องติดต่ออะไรกับวริษฐ์แม้แต่น้อย
   “บังเอิญ จะอยากรู้ไปทำไม”
   “น้องหน้าโคตรหวาน บอกว่าผู้หญิงปลอมตัวมา กุก็แอบเชื่อนะ” บอสพูดพลางขยับดันแว่น เพื่อน ๆ เอาแต่พูดถึงกวินอยู่นั่นล่ะ รำคาญจังว้อย
   “น้องเขาน่ารักจริง ยิ้มที ผับกุสว่างเลย”
   “เต๋าเมิงเว่อว่ะ”
   “จริง น่ารักโคตร” เต๋าพูดพลางทำหน้าเคลิบเคลิ้ม ดูจะชอบใจในตัวกวิน
   “เหอะ ก็ไหนว่าชอบผู้หญิง แล้วมาทำตาเจ้าชู้ใส่รุ่นน้องกุทำไม”
   “ก็ถูกใจ”
   วริษฐ์ชักสีหน้า เต๋านึกขำ อยากเอากระจกให้มันส่องดูหน้าดูตาของตัวเอง ว่าตอนนี้น่ะ ถมึงทึงหน้าบูดหน้าบึ้งแค่ไหน ถ้าจะโมโหขนาดนี้ ก็เลิกเรียกเขาว่ารุ่นน้องที่ทำงานจะดีกว่า
   “พอถูกใจ เพศอะไรกุไม่สนใจหรอก เอาที่กุมีความสุขพอ”
   วริษฐ์ฟังเงียบ ๆ ก่อนยกเหล้าขึ้นจิบ กวินก็เดินกลับมาพอดี เต๋ายิ้มพลางตบที่นั่งข้างตัวเรียกกวินมานั่งใกล้ ๆ กลายเป็นเต๋านั่งแทรกตรงกลางระหว่างวริษฐ์กับกวินแทน แถมเต๋ายังพูดคุยกระซิบกระซาบกับกวิน หัวเราะคิกคักไม่ยอมหยุด วริษฐ์ได้แต่มองก่อนจะลุกออกไปสูบบุหรี่ เต๋ามองเพื่อนที่ฟึดฟัดออกไปเขาก็แทบจะกลั้นขำไม่ไหว ตลกว้อย คิดว่ามีเรื่องอะไรคอขาดบาดตาย ที่ไหนได้ กับอีแค่มีความรัก
   พอคล้อยหลังวริษฐ์ กวินก็ชวนคุยเรื่องที่เขาสนใจทันที เรื่องของพี่อาร์ตเท่านั้นที่เขาสนใจและอยากรู้ เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยอะไรก็ได้ ที่ทำให้รู้จักเขาได้มากขึ้น เขาอยากรู้ทั้งหมด
   “พี่เต๋า เป็นเพื่อนกับพี่วริษฐ์มานานแล้วหรอ”
   “อืม น่าจะ สิบกว่าปีแล้ว”
   “นานมากครับ” กวินตื่นเต้น ถ้าคบมานานต้องมีเรื่องราวดี ๆ ของพี่อาร์ตเล่าให้เขาฟังแน่ ๆ แต่เขาไม่รู้จะเริ่มถามยังไงดี
   “พี่อาร์ตเขาชอบกินอะไรครับ”
   คำถามของกวินทำให้เต๋ายิ่งอยากจะขำ คู่นี้มันอะไรกันนะ ถ้าเป็นเขาคำถามแรกคือ พี่วริษฐ์มีเมียหรือยัง มีแฟน มีครอบครัวหรือยัง ไม่ใช่มาถามว่าเขาชอบกินอะไร
   กวินถามนั่นถามนี่ไปเรื่อย พลางจดสิ่งต่าง ๆ ไว้ในใจ วริษฐ์ชอบกิน กุ้งอบวุ้นเส้น วริษฐ์ไม่ชอบวันที่ฝนตกหนัก วริษฐ์ชอบนอนละเมอ
   แต่คุยได้ไม่นาน พ่อหนุ่มเจ้าเสน่ห์ที่ถึงตัวไม่อยู่ ก็ไม่ทำให้กวินจิตใจวอกแวกไปไหนได้เลย แต่กลับเป็นหัวข้อสนทนาที่เด็กหนุ่มคนนี้สนใจ
   “มันกลับมาล่ะ”
   กวินหันไปมองตามที่เต๋าบอก ในสายตาของกวิน เขาเห็นชายหนุ่มร่างสูงที่โดดเด่นกว่าใคร ดูดีท่ามกลางคนจำนวนมากในผับแห่งนี้ หล่อเหลาจนละสายตาไม่ได้
   เต๋าหยิบมือถือมาส่งให้กวิน ร่างบางมองมือถือนั้นด้วยหน้างง ๆ
   “พี่ขอไลน์เราหน่อย มีอะไรก็ทักมาถามพี่นะ”
   “ครับ ขอบคุณครับ” ร่างบางให้ไลน์อีกฝ่ายไปอย่างไม่คิดอะไร ดีซะอีกจะได้ถามเรื่องเกี่ยวกับพี่อาร์ตเยอะ ๆ ร่างสูงเดินมาถึงโต๊ะ เขาคิดอะไรบางอย่างในใจ ขณะลอบมองท่าทางของสองคนนั้น ตกลงแล้ว แค่ถูกใจ จะเพศอะไรก็ไม่สำคัญหรอวะไอ้เต๋า แต่นั่นน่ะ...กวิน ...รุ่นน้องที่ทำงานของเขานะ

   สี่ทุ่มครึ่ง
   ความอดทนของวริษฐ์ก็หมดลง เขาไม่ได้คุยกับกวินแม้แต่คำเดียว ไอ้เต๋า นั่งแทรกกลางไม่เปิดช่องให้เขาได้คุย เขาก็ได้แต่ดื่มเหล้าไปเงียบ ๆ 
   “กวิน”
   “ครับ”
   ร่างสูงชะโงกหน้าผ่านหลังของเต๋า ไอ้นี่มันเกะกะจริง ๆ
   “ได้เวลากลับแล้ว”
   “หืม? สี่ทุ่มครึ่ง...” เต๋าเอ่ยถามขึ้นมาจนวริษฐ์อยากจะด่าว่าเสือก
   “ไปกวินเดี๋ยวหอปิด”
   หออะไรปิด คิดว่าตัวเองยังนอนอยู่ที่หอในของมหาวิทยาลัยหรอไงวะวริษฐ์ เต๋าคิดในใจ เขาอยากขำ ไม่มีข้ออ้างอะไรจะอ้างแล้วหรือไง
   “วริษฐ์ น้องกวินอยู่หอในหรอ” อาทิตย์เอ่ยทักแทนทุกคน
   “เออ หอนักศึกษา หอแบบถูก เนียนไปนอนก็ต้องทำตามกฎเขาด้วย”
   “จริงหรอวะ นภทำหน้าตื่นเต้นน่าดู”
   “เออดิ” เขายืนขึ้นพลางหันไปชะโงกหน้าข้ามหัวเต๋า “ไปกวินกลับ”
   ไม่เนียนวริษฐ์ เมิงแม่มลื่นไหล แต่ไม่เนียนสำหรับเต๋า เพราะเขารู้ดีกว่าใครว่ากวินนอนอยู่ที่ไหน คอนโดเป็นยังไง เพราะให้ลูกน้องถ่ายรูปมาให้แล้ว มันหวงชัด ๆ  แหมถ้าจะหวงขนาดที่ขอยืมคุยนิดคุยหน่อยไม่ได้ แล้วทำมาพูดว่าเป็นรุ่นน้องที่บริษัทอีก น่าหมั่นไส้ว่ะ ฟอร์มเยอะจังวะ เสือไม่อยากจะสิ้นลายล่ะสิ ถ้าน้องมันไม่รักกับวริษฐ์ คงมีคนรอจีบน้องเป็นร้อย น่ารักขนาดนี้ โดนหมาคาบไปแดกแน่ หึ งั้นเขาจะช่วยเร่งปฏิกิริยาให้ จะได้รู้ไปว่าวริษฐ์จะทนได้แค่ไหน
.
[ขอให้พี่เต่าจัดหนัก ๆ พี่อาร์ตจะได้รู้สักที
เดี๋ยวเพื่อนเอาไปนะเอ้อ น้องยิ่งน่ารัก ๆ อยู่]
(https://uppic.cc/d/65Hk) (https://uppic.cc/v/65Hk)
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 20 ช่องทางทำความรู้จักพี่ 5/1/63
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 06-01-2020 00:29:06
 :pig4: :pig4: :pig4:

เพ่เต๋านี่เป็นเพื่อนที่ดีเลิศประเสริฐศรีจริง ๆ

จัดเลย  จัดให้คนปากแข็งรู้ใจตัวเองสักที  อิอิ
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 20 ช่องทางทำความรู้จักพี่ 5/1/63
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 06-01-2020 02:57:06
ชอบพี่เต๋าอะ ตัวเร่งปฎิกริยา อิอิอิ สมน้ำหน้าพี่อาร์ต
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 21 โง่นักก็ให้หมามันคาบไป 13/1/63
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 13-01-2020 21:16:59

บทที่ 21 โง่นักก็ให้หมามันคาบไป

   กวินอารมณ์ดีมากเมื่อรู้สึกว่าตัวเองได้เข้าใกล้วริษฐ์มากขึ้นอีกก้าว ได้รู้จักสังคมของเขา ได้คุยกับเพื่อน ๆ ของเขา ทำให้ได้รู้อะไรเพิ่มเติมมาอีกเพียบ กวินอารมรณ์ดีชนิดที่ร้องฮัมเพลงตามเสียงดนตรีที่ดังออกมาจากวิทยุ
   อารมณ์ดีจนวริษฐ์ต้องลอบมอง แล้วรีบหันกลับเมื่ออยู่ ๆ เจ้าตัวดีหันก็หันกลับมาหาเขา
   “พี่อาร์ตนอนห้องกวินมั้ย”
   “นอนครับ ดึกแล้วขี้เกียจขับรถ”
   “หอในมันให้คนนอกเข้ามั้ยนะครับ” กวินพูดล้อเลียนวริษฐ์ ร่างสูงเหลือบไปมองใบหน้ายิ้มกริ่มของกวิน
   “พี่ง่วงน่ะก็อ้างไปงั้น”
   กวินหุบยิ้มลงนิดหน่อย แต่เขาจะเนียนคิดเข้าข้างตัวเองแล้วกันว่าพี่อาร์ตน่ะหวงเขา

   กวินถึงห้องเขารีบอาบน้ำให้ตัวหอม ๆ ส่วนวริษฐ์ไปนอนกลิ้งเกลือกอยู่บนที่นอน ฝังหน้าลงกับหมอนนุ่ม
   ติ้ง ติ้ง
   มือถือของกวินวางอยู่ข้างเขาเสียงแจ้งเตือนดังขึ้นทำให้เขาเงยหน้าขึ้นจากหมอน ถือวิสาสะชะโงกหน้าดูมือถืออีกฝ่าย ที่ตอนนี้เจ้าของไม่อยู่ไปอาบน้ำ
   ‘น้องกวิน
   กลับถึงห้องหรือยัง’
   โหไอ้เต๋า มันขอแชทกวินไว้ด้วย ตอนไหนวะ คลาดสายตาแปปเดียว ร้ายว่ะแม่ม แล้วทางนี้ก็ยอมให้เขาด้วย ... วริษฐ์นึกฟึดฟัดอยู่ในใจ
   กวินออกมาจากห้องน้ำเขาก็มานอนข้าง ๆ วริษฐ์ พลางหยิบมือถือมาเช็ค เขาพิมพ์ตอบกลับพี่เต๋า อย่างสุภาพว่ากลับถึงบ้านปลอดภัยเรียบร้อย
   “พี่อาร์ตไปอาบน้ำสิครับ”
   ร่างสูงมองกวินที่ถือมือถืออยู่ในมือ แต่กลับออกปากไล่เขา... จะแอบคุยกันล่ะสิ แต่วริษฐ์ก็ยอมลุกไปอาบน้ำแต่โดยดี ไปทำให้ตัวเย็น จะได้รู้สึกสบายใจ
   แปปเดียวเขากลับออกมาจากห้องน้ำ เห็นตัวแสบนั่งกดมือถือยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ก็ชักจะร้อนอีกครั้ง คุยกันหัวเราะคิดคักไม่หยุด
   วริษฐ์เดินกลับมาที่เตียง ก่อนทิ้งตัวลงข้าง ๆ คนตัวเล็ก นั่งขัดสมาธิมองว่าอีกฝ่ายจะหยุดพิมพ์โต้ตอบกับเต๋าตอนไหน

   ติ้ง
   เสียงแจ้งเตือนแม่มน่ารำคาญจริง ๆ
   ‘พรุ่งนี้กวินว่างมั้ย’
   ร่างบางเหลือบมองคนข้าง ๆ ก่อนจะพิมพ์ตอบไปว่า “ว่างครับ”
   ‘ไปกินข้าวกัน
   เดี๋ยวพี่จะเล่าเรื่องสนุก ๆ เกี่ยวกับวริษฐ์ให้ฟัง’
   ร่างบางอ่านข้อความขณะเหลือบมองคนข้าง ๆ อีกรอบ เหลือบมองไปมองมาจนวริษฐ์ชักจะหงุดหงิดจนต้องถามออกไป
   “มีอะไรหรอกวิน”
   “คือ...พี่เต๋าชวนไปกินข้าว”
   วริษฐ์ได้แต่โวยวายในใจ รุกชิบหาย!
   “จะไปหรอ” วริษฐ์ถามกลับ
   ขณะกวินคิดตกตะกอนในใจ ถ้าไปคงได้รู้จักพี่อาร์ตมากขึ้น เขาอยากสนิทสนมกับพี่เต๋าเอาไว้
   “ไปครับ”
   “งั้นพี่ขอไปด้วย”
   “ไปด้วยกันก็ได้ครับ”
   ร่างบางพิมพ์ตอบว่า ไป เต๋าก็ถามว่าจะให้ไปรับที่หอมั้ย เขาก็บอกว่าไม่เป็นไร ให้ไปเจอกันที่ห้างที่พี่เต๋าอยากไปเลย หลังจากนัดแนะเวลาสถานที่เรียบร้อย เขาก็ขยับไปวางมือถือไว้ที่หัวเตียง ก่อนมานอนซุกอยู่ที่ต้นขาของวริษฐ์
   ‘เมิงก็ได้แค่ในแชทแหละเต๋า!’ วริษฐ์โวยวายอยู่ในใจ
   พวกเขานอนเล่นกลิ้งเกลือกบนเตียง และเพราะทั้งสองคนนอนกอดก่ายกัน เนื้อตัวสัมผัสกันและกัน อารมณ์จึงเกิด ไฟรักร้อนจึงถูกจุดติด พวกเขาขยับเขาหา สัมผัสกันและกันตามสัญชาตญาณ
   
   วริษฐ์มองคนด้านล่างที่ทำให้เขามีอารมณ์แค่เพียงสัมผัสกันไปมาเท่านั้น ใบหน้าเนียนขึ้นสีแดงมันเห่อร้อนเพราะฤทธิ์เหล้าและรสสัมผัส ริมฝีปากเล็กบวมเจ่ออ้าออกเพื่อหายใจ เหงื่อออกเกาะพราวทั่วใบหน้า เส้นผมชื้นเปียกแนบลูบไปกับหน้าผาก แผงอกเปลือยเปล่าที่ขยับขึ้นลงด้วยความเหนื่อย วริษฐ์หยุดขยับเพื่อให้คนตัวเล็กได้พักหายใจ จุดเชื่อมต่อกันแม้ไม่เคลื่อนไหว แต่กลับบีบตอดรัดสั่นกระตุกอยู่ข้างใน ดวงตากลม   ปรือหลับ เพราะคนตัวเล็กเพิ่งไปถึงสวรรค์ ขณะที่วริษฐ์ยังค้างอยู่ วริษฐ์รอคอย แม้เขาจะอยากขยับใจจะขาด
   กวินหอบหายใจ เขาเสร็จไปก่อนพี่อาร์ต ร่างสูงรุกรานเขาทั้งหน้าทั้งหลัง ทั้งยังบดขยี้ริมฝีปากของเขา รุนแรงกว่าทุกทีจนเหมือนจะกลืนกินเขาเข้าไปทั้งตัว ด้านล่างขยับถี่ทั้งเอวและสะโพก ทำให้เขาหายใจแทบไม่ทันแล้วก็พาเขาไปส่งถึงฝั่งได้อย่างง่ายดาย เขาพักเหนื่อยหอบหายใจ ก่อนปรือตาขึ้นสบดวงตาของพี่อาร์ตที่กำลังมองเขาอยู่เหมือนกัน ใบหน้าหล่อเหลาและดวงตาคมที่เปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยน พี่จะรู้บ้างมั้ยว่าพี่ทำให้หัวใจของผม เต้นแรงแล้วแรงอีก แล้วหัวใจของพี่ละครับเต้นแรงเหมือนผมบ้างมั้ยเวลาที่เราสบตากัน
   “ขยับได้เลยครับ กวินโอเค”
   เมื่อได้รับคำอนุญาต วริษฐ์กับทำต่อตามที่มันควรจะเป็น เขาขยับเข้าออกช่องทางรักด้วยความรวดเร็วรุนแรง เสียงต้นขาแกร่งกระทบกับก้นของกวินดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอ
   “จะเสร็จแล้ว” วริษฐ์พูดขณะกดแก่นกลางเข้าไปเขากอดคนตัวเล็กเอาไว้ ใบหน้าซุกอยู่ที่ไหล่เนียน ด้านล่างกระตุกเกร็งปลดปล่อย เขาตามกวินไปทันแล้ว
   เขาถอนแท่งเนื้อออก พวกเขาไม่แม้แต่จะไปอาบน้ำทำความสะอาดหรือใส่เสื้อผ้า เขาแค่เช็ดเสื้อเช็ดคราบน้ำเหนียวเหนอะหนะ และโยนเสื้อตัวนั้นไว้ข้างเตียง ทั้งคู่นอนกอดกันแล้วหลับไป ใช้เวลาค่ำคืนนี้ไปด้วยกัน แนบแน่นเท่าที่ใจต้องการ

   ช่วงเช้าวริษฐ์ตื่นก่อนเขาปล่อยให้คนตัวเล็กใช้อกเขาหนุนแทนหมอน มือก็เกลี่ยเส้นผมอ่อนนุ่มไปมา แผ่นหลังเนียนสะท้อนกับแสงแดดที่ส่องเข้ามาในห้อง เขาไม่อยากคิดอะไรมากไปกว่าการมองหน้ากวินตอนหลับใหลตอนนี้ ไม่อยากคิดว่าตอนนี้ตัวเองรู้สึกยังไง ไม่อยากคิดว่าในอนาคตจะเป็นแบบไหน รสนิยมของเขาเปลี่ยนแปลงไปแล้วหรือ ทำไมถึงมาติดอยู่กับผู้ชาย ที่มีเหมือน ๆ กันกับเขา หน้าอกใหญ่โตพอดีมือที่เขาเคยชอบ กวินก็ไม่มีให้จับ แล้วคนอื่นจะมองเขายังไงก็ไม่รู้ ถ้าเขาเป็นผู้หญิงคู่เดท คงโกรธน่าดู
   ‘พอถูกใจ เพศอะไรกุไม่สนใจหรอก เอาที่กุมีความสุขพอ’
   เขานึกถึงคำพูดของเต๋า แค่ถูกใจก็พอ...แต่เมิงน่ะ จะใครก็ได้ที่ไม่ใช่กวินอ่ะเต๋า
   “นัดเต๋ากี่โมงนะกวิน”
   “เที่ยงครึ่งครับ”
   “โอเค”
   เพราะนี่เพิ่งจะ เก้าโมง พวกเขากินขนมปังทาแยมง่าย ๆ รองท้อง เป็นมื้อเช้าสำหรับคนขี้เกียจ พวกเขาใช้เวลาเรื่อยเปื่อยไปด้วยกัน สถานที่นัดขับรถคงไม่เกินครึ่งชั่วโมง พวกเขาอาบน้ำเตรียมตัว ยังเหลือเวลาอีกมากให้ทำอะไรมากมายเพื่อฆ่าเวลา
   กวินเกิดอยากจะวาดรูปขึ้นมา เขาอารมณ์ดี วริษฐ์นั่งดูคนตัวเล็กวาดรูปเล่น ลายเส้นการ์ตูนเป็นภาพหน้าเขาท่อนบนเปลือยเปล่าจากมุมมองของคนที่อยู่ด้านล่างอย่างกวิน สีหน้าท่าทางของผู้ชายในภาพดูสุขสมจนปิดไม่มิด
   “กวินวาดภาพโป๊”
   “แค่ถอดเสื้อเองครับ” กวินตอบพลางแหย่ต่อ “หรือพี่รู้ครับว่าคนในภาพกำลังทำอะไร”
   วริษฐ์ย่นจมูกพลางใช้มือเคาะไปที่หน้าผากของกวินด้วยความมันเขี้ยว
   “พี่อาร์ต ยิ้มเยอะ ๆ นะ”
   ร่างสูงส่งยิ้มให้คนตัวเล็ก ดวงตาอ่อนโยนจนหัวใจของกวินพองโต เขานึกสงสัยว่าตัวเขาเองน่ะ จะยังรักอีกฝ่ายเพิ่มมากขึ้นได้ขนาดไหน มันไม่มีที่สิ้นสุดสักที ยิ่งเขายิ้มให้ ก็ยิ่งรัก...

   เต๋าไปถึงจุดนัดก่อนเวลานิดหน่อย เขาคิดอยู่ในใจสองอย่างสำหรับวันนี้ คิดว่ากวินคงบอกวริษฐ์แน่ ๆ ว่าจะมาเจอเขา เพราะขนาดเข้าห้องน้ำยังขออนุญาตเลย เรียกว่าอยู่ในโอวาทอย่างดี  ขอทายว่า ถ้าวริษฐ์ไม่มาด้วย มันคงโมโหน่าดู หรือไม่... มันก็โผล่มาด้วยตามประสาหมาหวงรุ่นน้องที่ทำงาน
   ใกล้เวลานัดเขาก็เห็นกวินอยู่ริบ ๆ สว่างสดใสมาแต่ไกล ตัวก็ขาว เสื้อก็ขาว กางเกง 5 ส่วนสีฟ้าอ่อน สดใสเหมาะกับเพื่อนเขา
   “ซื้อหวยไม่ถูกแบบนี้วะ”
   เต๋าบนเสียงเบา พลางยิ้มขัน ร่างเล็กเดินนำ ร่างสูงของเพื่อนเขาเดินตาม
   “สวัสดีน้องกวิน”
   “ดีครับพี่”
   “เมิงมาทำไมอ่ะวริษฐ์”
   “น้องชวน กุว่างกุก็มา”
   กวินขมวดคิ้วนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้พูดขัด เขาเออออไปด้วย อ่ะ เขาชวนก็เขาชวน ทั้งที่ตัวเองขอมาเองแท้ ๆ
   “หิวหรือยังกวิน ไปกินข้าวกัน” เต๋ามองข้ามความท่ามากของวริษฐ์ไปเอ่ยชวนกวินแทน
   “กินอะไรดี”
   พวกเขายังตัดสินใจไม่ได้ก็เลยเดินวนดูร้านต่าง ๆ ร้านไหนที่พวกเขาจะฝากท้อง จนสายตาไปสะดุดกับร้านอาหารจีน คนน้อยด้วย น่ากินด้วย เขาไม่เคยกินเลย
   “ร้านนั้นมั้ย อาหารจีนคนน้อยดี” เต๋าออกปาก ขณะที่ทุกคนก็ให้ความสนใจเพราะไม่เคยกินเลย
   พวกเขาเดินเข้าร้าน กวินเดินนำเลือกโต๊ะ ขณะที่เต๋าตั้งใจจะชิงพื้นที่ข้างกวิน ให้วริษฐ์นั่งตรงข้ามมองดูเขาคุยกับกวินชัด ๆ เต็มสองตา
   วริษฐ์หน้ามุ่ยนิดหน่อย เมื่อเต๋าเลือกนั่งข้างกวิน แล้วเขาต้องมานั่งตรงข้าม ทำไมเขาก้าวไม่ทันมันวะ เลยต้องมานั่งตรงข้ามมองดูไอ้เต๋ามองกวินตาหวานเยิ้ม มือก็เหมือนปลาหมึก กวินชี้ตรงไหน มือของเต๋าก็จะไปชี้ตามใกล้ ๆ จนมือสัมผัสกัน 
   “อันนี้น่ากินนะครับได้หลายอย่างเลย”
   “เอาสิ กวินกินไรกินเลย พี่เลี้ยง”
   “โหย ผมเกรงใจ”
   “ไม่เป็นไร พี่รวย พี่อยากเลี้ยงคนน่ารัก ๆ ส่วนคนที่ติดมา ถือว่าทำบุญแล้วกัน”
   วริษฐ์ตวัดสายตามองเมื่อถูกกล่าวถึง
   “หารกันก็ได้ กุก็ไม่ได้จน” ...ไอ้เต๋าเมิง
   พวกเขาสั่งเซ็ตแนะนำของทางร้าน มีทั้งเป็ดย่าง หมูกรอบ หมูแดง เต้าหู้ทรงเครื่องสไตล์เสฉวน เกี๊ยวน้ำ
   อาหารมาเสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มมากมายหลายชนิด บางอันเค็ม บางอันหวาน บางอันมัน ๆ เผ็ด ๆ  พนักงานมาแนะนำซอสแต่ละชนิดก่อนอาหารจะทยอยมาเสิร์ฟ มีแต่ของน่ากิน กลิ่นก็หอมจนน้ำลายไหล
   กวินเริ่มกินอย่างเพลิดเพลินใจ อร่อยไปหมดทุกอย่าง หมูกรอบนี่อย่างดีเลย กรอบแบบว่าพวกร้านหมูกรอบเหนียว ๆ แข็ง ๆ ร้านอื่นต้องวิ่งมาขอสูตร เนื้อเป็ดก็ฉ่ำ หมูแดงนี่หวานนิด ๆ ทั้งหอมทั้งนุ่น เต้าหู้ทรงเครื่องสไตล์เสฉวน ซอสเค็มหวานเผ็ด ครบรสช่วยตัดเลี่ยน กำลังดี แต่มันนิดนึง ก็เลยขาดไม่ได้ต้องซดน้ำซุปเกี๊ยวน้ำร้อน ๆ ให้คล่องคอ ซุปใส ทำให้กวินฟิน
   วริษฐ์ลอบมองหน้าตามีความสุขของกวิน แต่รำคาญไอ้เต๋าชิบหาย น้องมีมือ เมิงจะคีบอะไรให้เขานักหนาวะ
   “มองไรวริษฐ์ อยากแดกเป็ดที่กุคีบหรอ อ่ะ กุยกให้” เต๋าพูดกวน
   “อ๊ะ” กวินส่งเสียงร้อง เมื่อทำหมูกรอบตกลงไปในถ้วยน้ำจิ้ม น้ำจิ้มกระเด็นเปื้อนเสื้อกวินเป็นดวง ๆ
   เต๋ามือไวรีบเอาทิชชู่ชุบน้ำ ถูไปที่เสื้อของกวิน ถูไปที่แผ่นอกของกวิน
   แกร๊ก!
   วริษฐ์วางตะเกียบลงถ้วยเสียงดัง ทำให้ร่างบางสะดุ้ง
   “ไปล้างในห้องน้ำให้เรียบร้อยไปกวิน” น้ำเสียงราบเรียบดูไม่พอใจถูกส่งออกมา
   กวินลุกไปอย่างว่าง่าย เขาก็ไม่อยากให้เสื้อขาวมันเปื้อนนักหรอก
   เต๋ามองท่าทีของเพื่อน อันนี้นอกแผนแต่โคตรได้ผล ผู้ชายเหมือนกัน ไม่มีอะไรสึกหรอซักหน่อย แตะไม่ได้หรอ... หึ ถ้ามันบอกว่าชอบน้องสักคำ ผมจะเลิกแกล้งเลย
   “ร้านนี้ไม่อร่อยหรอ”
   “อร่อย”
   “น้องน่ารักเนอะ”
   “เออน่ารัก ใสซื่อ เมิงก็อย่าไปยุ่งกับน้องเลย”
   หืม? จะบอกว่าเมิงยุ่งได้คนเดียวงี้ กั๊กนี่หว่า เต๋าคิดพลางมองสำรวจเพื่อน
   “เห็นกุเป็นคนยังไง กุเป็นคนดีจะตายไม่เหมาะกับน้องหรอ”
   “น้องไม่ชอบเมิงหรอก”
   โห จะบอกว่าน้องชอบเมิงคนเดียวงี้  ถึงจะจริง แต่ก็น่าหมั่นไส้ว่ะ เต๋าไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะต้องมานั่งลับฝีปากกับแม่ม เพราะเรื่องหัวใจเนี้ย
   “แล้วน้องชอบใคร”
   “...” วริษฐ์นิ่งไม่ยอมตอบต่อปากต่อคำ
   เงียบสิเมิง เจอคนถามตรงแบบกุ
   “กุอ่ะเหมาะกับน้อง กุคนดี”
   “ไม่อ่ะ กุเป็นห่วงน้อง”
   “ห่วงอะไร น้องโตแล้ว เป็นพ่อหรอไง”
   “ไม่เว้ย”
   น้องชอบกุ น้องไม่มีทางชอบเมิง เลิกเกาะแกะได้แล้ว กุหงุดหงิด เขาไม่คิดเลยว่าจะต้องมาหงุดหงิดงุ่นง่านใจแบบนี้ กับเพื่อนที่สนิทที่สุดของเขาอย่างเต๋า
   “ช่างเมิงเถอะ แค่รุ่นพี่ที่ทำงานอ่ะ กุไม่สนใจหรอก” เต๋าพูดพลางยักคิ้วใส่
   ก่อนมวยจะเริ่ม กวินก็กลับมา เรียกให้ทั้งสองคนพักยก หันมามองคนตัวเล็ก ที่เสื้อขาว ตัวบางเป็นดวงเปียกเพราะน้ำ มันชื้นจนแอบเห็นอะไรบางอย่างที่ซุกซ่อนอยู่ ตุ่มไตเล็ก ๆ สีหวาน
   วริษฐ์อยากจะบ้าตาย กวินทำไมมันทำเสื้อเปียกขนาดนั้น
   เต๋ามองอีกคนไม่วางตา ก่อนที่เขาจะหวั่นไหวเข้าจริง เขาถอดเสื้อกันหนาวตัวบางของตัวเองส่งให้กวิน
   “พี่กลัวเราหนาว เอาไปใส่เถอะ”
   “ขอบคุณครับ” กวินรับมาใส่อย่างว่าง่าย มันปกปิดได้พอสมควร
   วริษฐ์เดาะลิ้น ทำเป็นสุภาพบุรุษ เมื่อกี้จ้องตาแทบถลน
   กวินกลับมานั่งกินต่อไม่ได้สนใจว่าสองคนจะทะเลาะอะไรกัน เอาเป็นว่าเพื่อนพี่อาร์ตเป็นคนดีมาก และถ้าหากว่าพี่เต๋าจะช่วยทำให้เขารู้สึกเหมือนตัวเองถูกพี่อาร์ตหวง เขาก็ว่าสนุกดี...
   มื้อนี้กวินอิ่มจังตังอยู่ครบ เพราะว่าพี่อาร์ตกับพี่เต๋าออกให้เขา หลังจากนั้นพวกเขาก็เดินเล่นเรื่อยเปื่อย
   กวินขอแวะร้านเสื้อยืด ลายแมวน่ารักสะดุดตาจนเขาต้องหยุดมอง เสื้อยืดสีน้ำเงินเข้ม มีกระเป๋าตรงหน้าอก บนกระเป๋ามีลายปักแมวตัวเล็ก ๆ โผล่มาด้วย
   ร่างสูงขยับเข้าใกล้กวินพลางพูดเสียงเบาข้างหู “แมวเหมือนกวิน”
   “พี่อาร์ต์ดูจะชอบวันนั้นมากนะครับ” กวินเอ่ยแซว วันที่เขาแต่งเป็นแมว พี่เขาดูจะชอบอกชอบใจมากเป็นพิเศษ
   วริษฐ์ไม่ตอบทำเป็นไม่สนใจเสียงแซวของกวิน เขาเอื้อมมือไปจับผ้า ผ้านิ่มดูแล้วคงใส่สบาย
   “ตัวละ 200 สองตัวลดให้ 350” แม่ค้าพูดราคา แถมแนะนำโปรโมชั่นโดยไม่รอให้เขาได้ต่อราคา กวินมองเสื้อแมวตัวที่อยากได้
   เต๋าหยิบเสื้อลายนั้นลายนี้ดู มันก็ดูน่ารักดี แม้จะไม่ใช่แนวที่เขาใส่เลยก็ตาม ไม่ใช่แนวของวริษฐ์ด้วยเหมือนกัน
   “พี่...” เต๋าจะร่วมซื้อด้วย ว่าจะลองเพราะผ้าดูใส่สบาย แต่อีกคนกลับพูดแทรกขึ้นมาก่อน
   “ผมเอาตัวนี้ไซส์ M กับตัวนั้นไซส์ L “ วริษฐ์เลือกเสื้อยืดสีน้ำเงินอีกตัวที่ลายปักเหนือกระเป๋าเป็นรูปหมาชิบะ
   วริษฐ์ชี้บอกพร้อมควักตังออกมาจ่าย
   เต๋าเลยมองนิ่ง ๆ มุ๊งมิ๊งเชียวนะว้อย เขาไม่อยากจะซื้อด้วย เผื่อทั้งสองคนนั้นอยากจะใส่ให้เป็นเสื้อคู่ เขาก็ไม่อยากจะเป็นส่วนเกินหรอกนะ
   “พี่ ผมซื้อเอง”
   “พี่ซื้อให้ พี่เอาด้วยตัวนึง ดูจะใส่สบาย”
   ร่างสูงรับถุงเสื้อมาถือไว้ กวินยิ้มกว้าง เหมือนเสื้อคู่ไม่มีผิด
   “ขอบคุณครับ”
   “ไปเปลี่ยนเลย แล้วเอาเสื้อกันหนาวคืนพี่เต๋าไป” วริษฐ์พูดบอกกวิน
   คนตัวเล็กยิ้มกว้าง พี่หวงผมใช่มั้ย เสื้อของคนอื่นก็ไม่อยากให้มาอยู่บนตัวผมใช่มั้ยละ ถ้าหวงถ้าหึง พี่รักผมใช่มั้ย ผมมีโอกาสแล้วใช่มั้ยครับพี่
   
   ร่างบางแว่บไปห้องน้ำอีกครั้ง เพื่อเปลี่ยนเสื้อ แล้วจะได้เอาเสื้อกันหนาวคืนพี่เต๋าไป
   “วริษฐ์ เมิงรู้มั้ย...” เขาพูดเฉลยเลยดีมั้ย หรือให้มันคิดเองดี
   “รู้ว่า?”
   สายตาของเมิง ท่าทางของเมิง ทุกอย่างที่เมิงเป็น เมิงรักเขา ไม่ใช่แค่รุ่นน้องที่ทำงานบ้าบอ เมิงโกรธกุแบบที่ไม่เคยเป็น เราสนิทกันมาตั้งนาน ไม่มีเคยมีปัญหากัน แต่เมิงพร้อมมีปัญหากับกุ แค่เพราะกุใกล้ชิดกับน้อง นั่นก็เป็นข้อพิสูจน์แล้ว ว่าเมิงน่ะรักเขา
   “เมิงน่ะ...”
   หรือบอกไปเลย เพราะมันโง่ ถ้ามันรู้ มันรู้ไปแล้ว
   “เฮ้อ ถ้าเมิงยังไม่รู้ตัวอีกนะเพื่อน คนที่เสียใจก็คือน้อง...หรือไม่ก็เมิงเอง”
   “พูดอะไรของเมิง...”
   “พี่เต๋า ขอบคุณนะครับพี่” คนตัวเล็กกลับมาพอดี ทำให้เต๋าไม่ได้พูดต่อ
   วริษฐ์ขมวดคิ้วกับคำพูดของเต๋า แต่เขาก็ดูจะพอใจที่กวินคืนเสื้อเต๋าไปสักที เขารับเสื้อสีขาวของกวินตัวที่เปื้อนเอามาใส่ถุงเสื้อที่เขาถือไว้
   เต๋ามองท่าทางนั้น เขาคิดว่าวริษฐ์คงคิดอะไรได้บ้างแล้ว คงคิดได้ว่าควรจะทำยังไง เขากลับไปดูร้านดีกว่า ถ้าไอ้โง่นั่นยังไม่รู้ใจตัวเองอีก ก็ช่างแม่งให้หมามันคาบไป โง่นัก
   “วริษฐ์กวินเดินต่อป่ะ พี่จะกลับไปดูร้านก่อน”
   ร่างบางมองสบตาคนตัวสูง วริษฐ์พยักหน้าเบา ๆ เขาจะเดินเล่นอีกหน่อย
   “เดี๋ยวกุเดินเล่นต่อ เมิงกลับก่อนได้เลย”
   “โอเค ไว้เจอกันใหม่นะกวิน ร้านพี่ยินดีต้อนรับเสมอ”
   ก่อนจะไปเต๋าไม่ลืมที่จะยั่วโมโหวริษฐ์ ด้วยกันจับมือเล็กเขย่าเบา ๆ
   “ครับพี่วันนี้ขอบคุณมาก ไว้คุยกันครับ” กวินบอกลาด้วยความกระตือรือร้น
   มันสร้างความคันยิบในใจวริษฐ์ได้ไม่มากก็น้อย พอเพื่อนมารจากไป เขาก็ถามคนตัวเล็กทันทีว่าอยากไปไหนต่อ
   “ขอแวะร้านนั้นนิดนึง”มือบางชี้ไปที่ร้านที่ตกแต่งด้วยโทนสีสดใส อย่างชมพูฟ้า ร้านเครื่องสำอาง...
   กวินพาเขาเดินเข้าร้านเครื่องสำอาง แปลก ๆ นิดหน่อยที่เดินเข้าไปร้านแบบนี้กับผู้ชายสองคน
   “พี่ว่าครีมอันนี้หอมมั้ย” ร่างบางเลือกครีมโลชั่นมาให้วริษฐ์ช่วยเลือก ที่ใช้อยู่จะหมดพอดี
   “ทาครีมด้วยหรอ”
   “ทาสิ ไม่งั้นผิวจะนุ่มหรอพี่”
   มือหนารับขวดครีมมาดม“หอมดีนะ”
   “พี่ไม่ทาหรอ”
   “ไม่ค่อยได้ทา พี่ว่ามันเหนอะหนะ ทาแค่ช่วงหน้าหนาวพอ”
   “อ่อ แต่กวินผิวแห้ง ถ้าไม่ทาสงสัยจะไม่น่าลูบ” เจ้าตัวพูดพลางหัวเราะคิกคัก เขาดมกลิ่นอื่นแล้วส่งให้คนข้าง ๆ ลองดม
   “แล้วกลิ่นนี้กับกลิ่นนี้ล่ะ”
   “หอมคนละแบบแฮะ”
   “พี่ชอบกลิ่นไหน”   
   “พี่ชอบกลิ่นแรก” กลิ่นที่เขาเลือกมันหอม ๆ หวาน ๆ สดชื่นดี ส่วนกลิ่นที่สอง ที่สามมันดูฉุนเกินไป
   “งั้นเอาอันแรก”
   “หืม? เราล่ะชอบกลิ่นไหน”
   “ผมชอบหมดเลย เลยให้พี่ตัดสินไง ยังไงพี่ก็ต้องได้ดม...”
   “เราเนี้ย เอะอะวกมาเรื่องนี้ตลอดเลยนะ พูดเองเขินเองอยู่เนี้ย ไอ้เด็กเอ้ย” เขาพูดพลางใช้มือดันหัวกวิน
   “ฮ่า ๆ”
   กวินเดินไปจ่ายเงิน ขณะที่ร่างสูงยืนรอ ก็มีคนสะกิดเรียกเขา
   “พี่วริษฐ์สวัสดีค่ะ” หญิงสาวร่างเล็ก แต่อกภูเขาไฟ เรียกทักเขา รุ่นน้องที่ทำงานเก่า ไม่เจอหน้ามาสามสี่เดือนได้แล้ว บังเอิญมาเจอกันที่นี่เฉยเลย
   “ดีครับ”
   “พี่มาทำอะไรร้านนี้คะเนี้ย”
   “มาดูโลขั่นน่ะ”
   “เอ๋ พี่วริษฐ์เนี่ยนะคะ ทาหรอ”
   “เปล่าหรอก”
   “งั้นคงมารอ” เธอพูดพลางชะโงกหาใครสักคนที่ดูเหมือนจะมากับวริษฐ์ แต่เธอเดาไม่ออกเลย “พี่มากับใครหรอคะ”
   “รุ่นน้องที่ทำงานน่ะ” เขาพูดพลางภาวนาให้กวินยังไม่เสร็จยังไม่เดินกลับมาทางนี้ เขารู้สึกแปลก ๆ ยังไงไม่รู้
   “พี่วริษฐ์นี่ฮอตเหมือนเคยเลยนะคะ รุ้งล่ะคิดถึงพี่จริง ๆ พี่ออกจากบริษัทไป ยังไม่มีใครหล่อ นิสัยน่ารักแบบพี่เลย”
   “เอ่อ ครับ งั้นไว้เราเจอกันใหม่” เขาพูดออกแนวไล่หน่อย ๆ ไม่บอกคิดถึงกลับ ไม่อะไรทั้งนั้น กวินกำลังเดินกลับมา
   หญิงสาวเขย่งไปหอมแก้มวริษฐ์เบา ๆ  ก่อนผละออก
   แน่นอนว่ากวินเห็นเต็มสองตา เขาก็ทำได้แค่หลบตาจากภาพนั้นเท่านั้นเอง ความสุขเมื่อกี้จางหายไปในพริบตา ความหวังว่าเขาจะรักดูลางเลือน ทั้งที่ไม่กี่นาทีก่อนมันดูชัดเจนจนเหมือนเขาจะเอื้อมคว้ามันมาไว้ได้เลย ความรักน่ะ
   หญิงสาวโบกมือลาวริษฐ์ ร่างสูงยิ้มพลางโบกมือตอบ พอหญิงสาวไป กวินก็เดินมาถึงเขาพอดี ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ทำเหมือนไม่เห็นภาพเมื่อกี้ ทั้งที่ต่างฝ่ายต่างรู้ ต่างมองเห็นกัน แต่เลือกที่จะไม่พูดถึงมัน
   วริษฐ์อยากอธิบาย แต่ไม่รู้จะอธิบายไปทำไม มันก็... เขาไม่มีอะไรจะอธิบายหรือปฏิเสธ ยิ่งกวินไม่ถาม เขาก็ว่าจะปล่อยมันผ่านไป ไม่เป็นไรหรอกมั้ง
.
.
[หมาที่ว่านี่ชื่อเต๋ามั้ยนะ น้องน่ารัก
ถ้าพี่ไม่ทำอะไรสักอย่างโดนแน่ เเล้วเนี้ย
คล้อยหลังเต๋า ทำน้องจ๋อยอีกเเล้ว ผู้หญิงเยอะขนาดนี้!!!]
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 21 โง่นักก็ให้หมามันคาบไป 13/1/63
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 13-01-2020 22:35:53
โอ๊ยย สงสารกวิน
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 21 โง่นักก็ให้หมามันคาบไป 13/1/63
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 13-01-2020 23:55:27
 :pig4: :pig4: :pig4:

เหมือนว่าอิพี่อาร์ตก็ยังไม่รู้ตัวมั้งพี่เต๋า

ต้องจัดอีกสักสองสามยก  อิอิ
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 21 โง่นักก็ให้หมามันคาบไป 13/1/63
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 14-01-2020 08:09:26
พี่เต๋าคงต้องจัดอีกซักยกสองยกแล้วล่ะ เพื่อนพี่ยังสับสนอยู่นะ
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 21 โง่นักก็ให้หมามันคาบไป 13/1/63
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 14-01-2020 13:09:06
มันคงจะเป็นไรเร็วๆนี้ละ
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 22 น้อยใจ 18/1/63
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 18-01-2020 23:01:44
บทที่ 22

   พวกเขาเดินออกจากร้านเครื่องสำอางบรรยากาศนิ่งสงบต่างจากตอนขาเข้าไปในร้านโดยสิ้นเชิง กวินเงียบลงไปอย่างเห็นได้ชัด เขาได้แต่เหลือบมองอีกฝ่าย แต่ไม่รู้จะพูดอะไร เหมือนคนน้ำท่วมปาก
   พวกเขาเดินดูนั่นดูนี่ไปเรื่อย เดินจนหมดชั้น บรรยากาศระหว่างเขากลับไม่สดใส
   “พี่อาร์ต”
   อยู่ ๆ ร่างบางก็เรียกเขา ทำให้เขาสะดุ้ง
   “ฮะ ครับ”
   “พี่เมื่อยหรือยังครับ”
   กวินไม่พูดเรื่องเมื่อกี้ แค่ถามเขาว่าเขาเมื่อยหรือเปล่า ที่พาเดินไปเรื่อย ๆ แบบไร้จุดหมายแบบนี้ แม้เมื่อกี้จะมีใครบางคนโผล่มาทำให้บรรยากาศกร่อย แต่ใบหน้าหวานกลับมีรอยยิ้มอ่อนโยนให้เขา เป็นห่วงเขาแม้ดวงตานั่นจะเศร้าสร้อย ...เขาไม่ชอบเลย
   มือหน้าเอื้อมไปคว้าข้อมือบางเอาไว้โดยอัตโนมัติ
   “ครับพี่?”
   “เมื่อกี้น่ะ..”
   “ครับ?”
   “เขาเป็นรุ่นน้องที่บริษัทเก่าพี่”
   ร่างบางเงียบไปอึดใจก่อนจะยิ้มออกมา รอยยิ้มที่เขาเดาไม่ออกเลยว่าอีกฝ่ายกำลังรู้สึกยังไงกันแน่
   “เหมือนผมเลยนี่ครับ... รุ่นน้องที่บริษัท” เขาไม่ควรน้อยใจเรื่องนี้เลย แต่มันก็อดไม่ได้ เขาเองก็เป็นรุ่นน้องที่บริษัทเหมือนกัน ไม่ได้แตกต่างจากใครเลย ทั้ง ๆ ที่ก็เตรียมใจมาแล้ว ...
   “กวิน--”
   “พี่อาร์ต ถ้าวันหนึ่งผมจะไป พี่จะรั้งผมมั้ย”
   ในใจวริษฐ์กระตุกวูบ กวินอาจจะใกล้ทนไม่ไหวกับเขาแล้ว แล้วเขาต้องทำยังไง... ต้องวางตัวแบบไหน... ’ถ้าเมิงยังไม่รู้ตัวอีกนะเพื่อน คนที่เสียใจก็คือน้อง...หรือไม่ก็เมิงเอง’
   “พี่...คงไม่รั้ง คนจะไปรั้งให้ตายก็ไปอยู่ดี ใช่มั้ย”
   “ครับ” กวินยิ้มเยาะตัวเอง “ช่างเถอะครับ” ร่างบางพูดตัดบทพลางหมุนตัวกลับ ไปด้านหน้าหันหน้าหนีจากเขา อย่าทำให้มันกร่อยกว่านี้เลยกวิน ถ้าพี่อาร์ตเบื่อ ต่อไปไม่มาด้วยจะแย่เอานะ
   วริษฐ์พูดไม่ออก น้ำเสียงที่แสดงถึงความน้อยใจนั่น แล้วจะให้เขาทำยังไงล่ะ ถ้าเขาสามารถรั้งให้ใครไม่ไปได้ ถ้ารั้งแล้วเขาไม่ไป ถ้าเขาทำแบบนั้นได้ล่ะก็ เขาคงทำไปนานแล้ว เพราะเฝ้าอ้อนวอนแค่ไหนก็ไม่มีใครกลับมา
   ร่างสูงหลบตามองต่ำ เขามองมือตัวเองที่ยังจับอีกฝ่ายเอาไว้ หรือเขาจะรั้งเอาไว้ได้กันนะ ... ก่อนอื่นเขาต้องจัดการบรรยากาศแย่ ๆ ตรงหน้านี่ก่อน
   “กินขนมหวานกันมั้ย” เติมน้ำตาลเผื่อว่าจะรู้สึกดีขึ้นกว่าเดิม ของหวานทำให้อารมณ์ดี
   “กินอะไรล่ะครับ”
   “กวินอยากกินอะไร”
   “อะไรก็ได้ครับ”
   “ไม่เอาอะไรก็ได้”
   “อะไรที่พี่อาร์ตอยากกิน”
   “เอาอะไรที่กวินอยากกิน”
   “พี่อาร์ต!” คนตัวเล็กดูจะหงุดหงิดที่เขาถามเซ้าซี้ให้อีกฝ่ายเลือก ทั้งที่คนตัวเล็กไม่อยากจะหันมาคุยกับเขาเท่าไหร่ คงเป็นเพราะความน้อยใจนั่น
   ร่างบางระบายลมหายใจ ไม่โกรธไม่หงุดหงิด ไม่น้อยใจ ไม่เป็นอะไร กวินปกติดี ผมพยายามสะกดจิตตัวเอง พยายามบอกซ้ำ ๆ “ร้านนั้นก็ได้ครับ”
   “ไปสิ” วริษฐ์ก้าวยาวเดินนำ พลางดึงมือให้อีกคนก้าวตาม ร่างบางมองแผ่นหลังที่เดินนำเขาไป เขาไม่ชอบความรู้สึกนี้ของตัวเองเลย เขาจะทนยิ้มไม่ไหว

   พวกเขานั่งตรงข้ามกันกวินยกเมนูของหวานขึ้นปิดบังหน้า
   “กวิน...หน้าพี่ก็ไม่อยากมองหรอ”
   เพราะวริษฐ์พูดทักแบบนั้น มือบางที่ยกเมนูขึ้นดูสูงจนปิดหน้าปิดตา ถึงได้ลดแขนลง วางเมนูราบไปกับโต๊ะ
   “เปล่าครับ”   
   “อืม กินอะไรดี”
   “แพนเค้กครับ เบอร์ 4”
   “เอาไอติมรสอะไร”
   “ให้พี่เลือกเลย”
   “งั้นวนิลา โอเคมั้ย” เขาถามกวิน เมื่ออีกฝ่ายพยักหน้าตกลง เขาจึงยกมือเรียกพนักงาน ก่อนจัดการสั่งให้เสร็จสรรพ เขาสั่งนมร้อนไปด้วย เผื่อว่าจะรู้สึกเย็น ๆ ฝืดคอ หรือหวานคอมากเกินไป
   แพนเค้กจานใหญ่มาเสิร์ฟตรงหน้ากลิ่นหอมมาก แค่นี้ก็รู้สึกดี ในจานใบใหญ่นอกจากแพนเค้กยังมีไอติมวนิลา วิปครีม สตรอเบอรี่ และน้ำผึ้ง
   วริษฐ์ตักเข้าปากไปสองคำ เขาว่าอร่อยเลยนะแพนเค้กที่นี่ เขาลอบมองกวินที่กินขนมหวาน ใบหน้าเนียน ดูจะอารมณ์ดีขึ้น ผ่อนคลายกว่าเดิม เหมือนบรรยากาศกร่อย ๆ เมื่อกี้กำลังถูกซ่อมแซม เพราะขนมหวานอร่อย ๆ
   “อร่อยดีนะร้านนี้”
   “อร่อย ผมเคยกินร้านนี้กับเพื่อน”
   “คนที่สูง ๆ ตัวใหญ่ ๆ หรอ“
   “เอ๋” บอกลักษณะถูกเลย เขาเคยมากินกับไอ้พวกนั้นแหละ คนตัวสูง ๆ ใหญ่ ๆ ก็คงจะแต้ม “ครับใช่ พี่อาร์ตเคยเห็นหรอ”
   “อ๋อ เปล่า” โกหกทำไมวะ เห็นก็เห็นสิวริษฐ์ วันนั้นที่หน้าตึก เห็นด้วยว่าสนิทสนมกันมากแค่ไหน...
   ร่างบางมองจ้องคนที่บอกว่าไม่เห็น แต่พูดลักษณะกายภาพของแต้มถูกหมด คืออะไร?
   เมื่อวริษฐ์ถูกจ้องมาก ๆ เขาจึงตักสินใจตอบไปตามจริง
   “พี่เคยเห็นเรากับเพื่อนที่หน้าตึก”
   “ครับ มันนั่นแหละ”
   “สนิทมากหรอ”
   “ครับ สนิท เพื่อนสมัยเรียน”
   “อื้อ” ร่างสูงพยักหน้า
   ขณะกวินหยิบสมุดเล่มเล็กออกมา ขีด ๆ จด ๆ อะไรสักอย่าง
   “ทำอะไรอ่ะ”
   “พี่อาร์ตอาทิตย์หน้าอยากกินอะไร”
   “พี่กินได้หมดเลย” ร่างบางขมวดคิ้วเมื่อผมตอบแบบนั้น คงไม่ต่างจาก อะไรก็ได้ “กวินทำอะไรก็อร่อย พี่อยากกินหมดเลย”
   คำตอบแบบนั้นทำให้กวินหลุดยิ้มออกมา มายอกันแบบนี้ เขาก็หงุดหงิดไม่ออก เขาจึงชี้แจงอาหารเช้าของอาทิตย์หน้าให้ฟัง ก่อนจะเตรียมจดวัตถุดิบ แต่เขายังไม่ซื้อวันนี้หรอก ค่อยซื้อวันอาทิตย์
   “มีแต่อะไรน่ากิน ทำไมเราทำอาหารเก่ง”
   “ผมน่ะหรอ ก็ฝึกเอาน่ะครับ มีกูเกิ้ลเป็นครู”
    “เก่งจัง พี่ทำเป็นไม่กี่อย่าง นอกนั้นซื้อกินเอา”
   “ซื้อกินต้องป้องกันนะครับ”
   “...” มาอีกแล้วมุกแบบนี้ กวินคงจะหายหงุดหงิดน้อยใจแล้วมั้ง 
   “อารมณ์ดีแล้วสิ” วริษฐ์พูดแซวก่อนจะยกมือเรียกพนักงานเก็บเงิน
   มือบางยื่นเงินส่งให้ “หารกันนะครับ”
   “ได้สิ” ร่างสูงรับเงินมา เขาเก็บเงินสด แล้วส่งบัตรเครดิตให้พนักงาน
   “ไปไหนต่อดี”
   “เดินย่อยแล้วกันนะครับ”
   พวกเขาเดินเล่นย่อยอาหาร บรรยากาศระหว่างทั้งสองคนกลับมาเหมือนตอนแรกแล้ว เหมือนว่าทั้งคู่ไม่ได้เจอผู้หญิงคนนั้น กวินลากวริษฐ์เดินไปนั่นไปนี่จนเมื่อยขาไปหมด เขาได้ตุ๊กตาเซรามิกรูปแมวกับหมามาคู่นึง ตัวขนาดประมาณฝ่ามือ ขอคิดเอาเองว่าหมาเป็นพี่อาร์ตแล้วแมวคือเขา เขาจะเอาไปตั้งที่ห้อง
   “ถ้าแมวเป็นกวิน หมาคือพี่หรือเปล่า” วริษฐ์ถามขณะชี้มือไปที่ถุง
   “รู้อีก”
   “ตัวพี่ชอบกินน้ำเขียว”
   “เดี๋ยวพี่อาร์ต ผมเอาไปแต่งห้องไม่ใช่เอาไปบูชา”
   “อ้าวหรอเหมือนเลย”
   กวินมองถุงตุ๊กตาเซรามิกในมือ เขารู้สึกว่าความน่ารักของมันลดลงไปราว ๆ  20 เปอร์เซ็นต์ เพราะคนข้าง ๆ ทักไม่ค่อยจะดี หาว่าเอาไปบูชาซะงั้น
   พวกเขาเดินด้วยกันจนแดดร่มลมตก หาของคาวเล็ก ๆ น้อย ๆ กินกัน อย่างลูกชิ้นปิ้ง และเมื่อสมควรแก่เวลา ที่เดินขาลากกันมาทั้งวัน วริษฐ์ก็ไปส่งกวินที่ตึก   

    ร่างบางเดินเข้าตึกไป กดลิฟต์ไปห้องด้วยความเคยชิน เดินใจลอย ปล่อยให้สองขาก้าวเดินไปแบบทุก ๆ วัน แต่ที่ต่างออกไปคือมีใครบางคนยืนรออยู่หน้าห้อง มือบางกำมือถือแน่นเขากดโทรออกทันที เบอร์ของวริษฐ์ เขาจะถอยหลังหนีก็ไม่ทันแล้ว มือหนาคว้าจับที่แขนของกวินเอาไว้ ก่อนดึงมือถือในมือไปกดตัดสาย
    “เอามือถือคืนมา”
    “ไม่”
    ความโกรธแล่นริ้วขึ้นหน้า ใบหน้าเนียนขึ้นสีแดงเป็นริ้วมันสั่นนิด ๆ ด้วยความโมโห มายุ่งวุ่นวายอะไรกับเขานักหนา ไปแล้วก็ไปให้ลับสิวะ ไปเริ่มชีวิตใหม่แล้ว ก็ให้กุได้เริ่มใหม่บ้าง
   “กวิน เรามาคุยกันดี ๆ เถอะ” เติ้ลจับแขนกวินเอาไว้แน่น เพื่อไม่ให้อีกคนได้หนีไปไหน
   “ไม่ กุไม่อยากคุย”
   “คุยกันดี ๆ”
   “พอสักทีได้มั้ยวะ!” กวินขึ้นเสียง สะบัดมือให้หลุดจากการเกาะกุม เขาไม่มีอะไรต้องคุย ไม่ได้อยากจะรู้จักสนิทชิดเชื้อกันอีก ไม่อยากแม้กระทั่งมองหน้า เขาไม่เหลืออะไรให้แล้วนอกจากความเกลียดชัง
   “คุยกันก่อน แล้วค่อยว่ากัน”
   “ไม่มีอะไรต้องคุย เรื่องเราจบแล้ว จบสนิท เอามือถือคืนมา แล้วเมิงก็กลับไปซะ”
   เจอหน้ากันมีแต่เพิ่มพูนความเกลียดชัง อย่ามาเจอกันอีกเลยจะดีเสียกว่า...
   “ไม่รักกุแล้วหรอไง”
   “ไม่ กุเกลียดเมิง เข้าใจมั้ย!”
   “เกลียดหรอ” เติ้ลถลาจับไหล่กวินเอาไว้ ก่อนออกแรงเขย่าตัวกวินไปมา แรงบีบที่ไหล่ทำให้อีกร่างบางนิ่วหน้า เติ้ลเริ่มขึ้นเสียงโวยวายเสียงดังเหมือนคำราม “เกลียดกุหรอ!”
   “เออ เกลียด” กวินพูดด้วยใบหน้าชิงชัง  น้ำเสียงแข็งกร้าวกึ่งตะคอก เขาเกลียดคนตรงหน้า ไม่อยากให้ให้มาถูกตัวเขาอีก “ปล่อยกุ ขยะแขยง!!!”
เพียะ
   สิ้นคำพูด เติ้ลเงื้อมมือขึ้นตบใบหน้าเนียนจนหน้าหัน ด้วยความโกรธ แก้มเนียนขึ้นรอยแดงเป็นปื้นชัดเจน เลือดไหลซึมจากมุมปาก ดวงตากลมวาวโรจน์ ทั้งเจ็บทั้งโกรธ มีสิทธิอะไรมาตบเขา
   เติ้ลที่ได้สติ เขามองใบหน้าเนียนด้วยความรู้สึกผิด ...มายั่วโมโหให้เขาโกรธ เขาเลยพลั้งมือ
   “กวิน”
   ใบหน้าข้างขวาชา มันคัน ๆ เจ็บ ๆ  ก่อนรู้สึกถึงความเค็มในปาก ทำไมเขาต้องถูกตบ ถูกทำร้ายร่างกาย ทำร้ายจิตใจซ้ำแล้วซ้ำอีก จากคนเดิม ๆ  ไม่ไปจากชีวิตของเขาสักที มือบางยกขึ้นจับแก้ม  มันยังชาอยู่
พลั่ก
   รอบนี้เป็นเติ้ลที่กระเด็นลงไปกองกับพื้น เมื่อคนมาเยือนใหม่วิ่งเข้ามาถีบเติ้ลจนกระเด็น ก่อนเตะซ้ำชายโครงไปอีกรอบ วริษฐ์มาทันเห็นคนตัวเล็กโดนตบพอดี เขาเองก็เลือดขึ้นหน้าเหมือนกัน ที่เขาย้อนกลับมาเพราะมือถือมันดัง เขารับพอดี แต่ไม่ได้ยินใครพูดอะไร แล้วก็ตัดไป เขาก็สังหรใจแปลก ๆ และนึกแต่ว่า ไอ้เติ้ลอะไรนี่จะมาอีก แล้วก็จริง เขาเห็นเหตุการณ์ตั้งแต่หน้าลิฟต์ เลยวิ่งกระโจนมา ขาก็ยกขึ้นถีบทันที เตะซ้ำด้วยความโกรธ ก่อนที่มือหนาจะเอื้อมกุมข้อมือบางเอาไว้ และดึงแขนให้กวินเดินตามเขามา ไม่ได้ให้ความสนใจกับเติ้ลที่นอนกองอยู่ที่พื้น
   เขาถีบมันเต็มแรง ซัดซ้ำก็แล้ว คงไม่มีปัญญาลุกขึ้นมา

   กวินมองแผ่นหลังคนที่เดินนำ ร่างสูงนิ่งเงียบ ไม่พูดไม่จา ทำแค่จูงมือเขาเอาไว้ จนเราเข้ามาอยู่ในลิฟต์ วริษฐ์ถึงได้หันมาจับคางกวินหันไปทางซ้าย เพื่อดูแก้มข้างขวาให้ขัดเจน มันขึ้นเป็นรอยแดงปื้นใหญ่ 5 นิ้วเลย มือหนาแตะมันเบา ๆ พยายามไม่ให้อีกคนเจ็บไปมากกว่านี้
   “เจ็บมั้ย” เสียงนุ่มเอ่ยถาม ทำให้อาการชาดิกที่แก้มจางหาย ความเจ็บปวดแล่นขึ้นมาชัดเจน น้ำตาหยดขึ้นคลอหน่วย ความเป็นห่วงของคนข้าง ๆ ทำให้เขาร้องไห้ออกมา เป็นอีกครั้งแล้วที่พี่อาร์ตมาช่วยเขาเอาไว้
   วริษฐ์ตกใจตาโต เจ็บมากแน่ ๆ เด็กน้อยของเขาถึงได้ร้องไห้ออกมาแบบนี้ มือหนาประคองใบหน้าด้านซ้ายเอาไว้ ก่อนใช้นิ้วปาดน้ำตาที่ไหลหยดออกมา ไม่กี่อึดใจลิฟต์เปิดออก วริษฐ์จูงมือกวินให้เดินตามมาที่รถ
   กวินหยุดสะอึกสะอื้นแล้ว วริษฐ์ลอบมองอีกฝ่าย พลางหยิบทิชชู่ขึ้นมาซับน้ำตา และหยดเลือดที่มุมปากของกวิน ร่างบางมองท่าทางนั้นด้วยหัวใจที่กำลังถูกฟื้นฟู เสี้ยวใบหน้าหล่อเหลาอยู่ใกล้แค่เอื้อม ทุกการกระทำเต็มไปด้วยความอ่อนโยน ถ้ารู้ว่าจะถูกสัมผัสแบบนี้ เขายอมโดนตบอีกสักกี่ทีก็ได้ ถ้ามันจะทำให้คนตรงหน้าใจดีและอ่อนโยนกับเขาแบบนี้
   ร่างสูงขับรถออกไป มุ่งตรงกลับไปที่บ้าน บ้านทาวเฮาส์หลังเล็กที่เขาไม่เคยพาใครเข้ามา กวินเป็นคนแรกในรอบหลายปีที่เขาพามาบ้าน
   วริษฐ์วิ่งอ้อมมาเปิดประตูรถให้ เขาส่งมือให้คนตัวเล็กจับเอาไว้ เขาพากวินเดินเข้าบ้านด้วยความเคยชิน บ้านทั้งหลังมืดตื้อ เขาเปิดไฟหน้าบ้าน 1 ดวงเท่านั้น ในบ้านเงียบติดจะวังเวง กวินเดินตาม เขามองสำรวจบ้านในความมืด นึกแปลกใจนิดหน่อยที่ว่าทำไมร่างสูงถึงไม่เปิดไฟ ทำไมตรงดิ่งขึ้นชั้น 2 เลย เขาพากวินไปที่ห้องนอนส่วนตัว ห้องนอนที่เป็นพื้นที่ส่วนตัวของเขา
   ไฟในห้องถูกเปิดสว่างไสว จนกวินต้องหยีตา มันดูสว่างไสวมีชีวิตชีวายิ่งกว่าบ้านชั้นล่างลิบลับ ห้องเป็นระเบียบจนเขานึกแปลกใจ เสื้อผ้าที่ราวถูกแขวนเอาไว้ เรียบกริบ แทบจะเรียงสีเรียงไซส์ ชั้นหนังสือที่มีทั้งนิยายและหนังสือเรียน หนังสืออ้างอิงต่าง ๆ ถูกจัดเรียงไว้อย่างเรียบร้อย มีมุมเด็ก ๆ อยู่บ้างที่ตู้โชว์มีตุ๊กตาตัวเล็ก ๆ ตั้งโชว์อยู่
   เขาพากวินที่ตื่นตาตื่นใจกับการเข้าห้องของวริษฐ์ มองสำรวจนั่นนู้นนี่จนเพลิน จนลืมความเจ็บปวดไปหมดสิ้น เขากำลังตื่นเต้น กับการได้รู้จักวริษฐ์ให้มากขึ้น ร่างสูงพากวินไปนั่งรอบนเตียง มือหนาลูบศีรษะอีกฝ่ายด้วยความเอ็นดู
   “นั่งรอนี่แหละ เดี๋ยวพี่มา”
   เขาเดินกลับลงไปด้านล่าง กดเปิดไฟให้สว่างด้วยความจำเป็น เขาเปิดตู้ยาสามัญประจำบ้านที่ไม่ได้แตะมันมานาน ไม่สิไม่ใช่แค่ตู้ยา แต่เป็นทั้งบ้านหลังนี้เลยต่างหาก เขาหายาแก้ฟกช้ำ กับน้ำเกลือ ทั้งคู่นั่นหมดอายุไปแล้ว รวมทั้งยาแก้ปวดก็หมดอายุทั้งหมด เขาไม่แปลกใจมากนัก 6-7 ปี มานี้ ที่บ้านนี่ยังกับสถานที่แปลกหน้า นับตั้งแต่วันที่...ที่นี่เหลือแค่เขาคนเดียว
   เขาปิดตู้ยา เดินไปหยิบชามสแตนเลสในครัว ปิดไฟก่อนเดินกลับขึ้นชั้นบน เขาพยายามค้นผ้าเช็ดหน้ากับผ้าขนหนูผืนเล็ก เขาหยิบผ้าขนหนูมาแช่ในชามแสตนเลส
   กวินมองดูวริษฐ์เดินไปเดินมาหยิบนั่นหยิบนี่เงียบ ๆ ก่อนร่างสูงจะมาหยุดคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเขา วางชามแสตนเลสไว้ข้างตัว มือหนาบิดน้ำออกจากผ้าขนหนูพอมาด เขาเช็ดหน้าให้กวิน เช็ดซับจุดที่มีเลือดไหลซึม
   กวินนิ่วหน้า เมื่อจุดที่แตะถูกมันเจ็บ
   “เจ็บนิดนึง”
   เลือดเกรอะกรังถูกเช็ดออกไปหมด วริษฐ์ก็ลุกเดินไปที่ตู้เย็นเครื่องเล็กในห้องของเขา เสียงน้ำแข็งกระทบกล่องพลาสติกดังก๊องแก๊ง เขากางผ้าเช็ดหน้าบนผ้ามือ หยิบน้ำแข็งมาวาง 4-5 ก้อน ก่อนเดินกลับไปส่งให้กวิน
   “ประคบนี่ มันจะได้ไม่บวม”
   “ขอบคุณครับ”
   กวินเอาผ้าห่อน้ำแข็งประคบแก้ม ความเย็นทำให้เขาขนลุกหน่อย ๆ ความร้อนจากตัวเขาทำให้น้ำแข็งค่อย ๆ ละลาย วริษฐ์นั่งลงข้าง ๆ เขานิ่งเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะถามอีกฝ่ายเสียงเบา
   “ทำไมเขาตบเราล่ะ”
   “ผมบอกเขาว่า เกลียด ขยะแขยง” กวินพูดออกมาด้วยน้ำเสียงชิงชัง ดวงตากลมมีแววตาวูบไหว เขาเกลียดช่วงเวลาทุกข์ระทมของตัวเอง...
   ร่างสูงพยักหน้าเข้าใจ ก่อนดึงคนตัวเล็กเข้ามากอดไว้หลวม ๆ
   เพราะแบบนั้น ร่างบางจึงเริ่มร้องไห้อีกครั้ง น้ำตาไหลออกมาอย่างสุดจะกลั้นได้ ทำไมเขาต้องเจ็บตัว เจ็บใจ เขาทำอะไรผิด ทำไมล่ะ กวินสะอึกสะอื้น ฝ่ามือเริ่มชาเพราะน้ำแข็ง เหมือนกับซีกหน้าด้านขวาที่ถูกตบ เย็นจนชา ถ้าเอาน้ำแข็งไปวางที่หัวใจของเขา มันจะชาเหมือนกันมั้ย มันจะหายเจ็บปวดหรือเปล่า
   กวินสะอึกสะอื้นกว่า 20 นาที เสื้อผ้าของวริษฐ์เปียกชื้นไปด้วยน้ำตา การร้องไห้ยาวนานชนิดที่คนกอดปลอบเริ่มท้อใจ กวินเขาเมื่อยแล้วนะ พลางคิดในใจว่าน้ำในตัวของกวินคงใกล้จะหมดลงแล้ว ถ้าเจ้าตัวยังไม่หยุดร้อง และจำต้องพูดออกมา
   “กวินหยุดร้องไห้ได้แล้ว พี่เมื่อย”
   ร่างบางเงยหน้าขึ้นสบตาของวริษฐ์ ถึงจะพูดแบบนั้น แต่แววตาเป็นห่วงเป็นใยจากเขาฉายชัดออกมา คนตัวเล็กขยับไปจุ๊บที่แก้มของวริษฐ์เบา ๆ เป็นการขอบคุณที่ดูแลและใส่ใจเขา
   “กลับไปอยู่บ้านมั้ย เขาจะได้ตามไม่ได้”
   ร่างบางส่ายหน้าปฏิเสธ กลับไปบ้านก็แอบอึดอัด แล้วก็เจอพี่อาร์ตยากกว่าเดิมด้วย
   “งั้นไว้ค่อยคิด พี่ง่วงแล้ว เรานอนกันเถอะ”
   เขาทิ้งตัวลงบนที่นอน พลางอ้าแขนกว้าง โคตรเมื่อยเลย ร้องไปได้ยังไงตั้งนานสองนาน ...
   พอร่างบางเห็นท่าทางแบบนั้น เห็นการยืดเหยียดแขนเป็นการเชื้อเชิญ ถึงได้นอนซุกลงไปบนแผงอกแกร่ง มือบางวางพาดบนหน้าท้องของวริษฐ์ เขาแหงนหน้ามองวริษฐ์ก่อนจะยิ้มจนตาหยี วริษฐ์ตั้งใจจะบ่นว่า เมื่อกี้เขายังเมื่อยไม่พอหรอ แต่พอเจอใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสที่แม้ว่าดวงตาจะแดงช้ำเพราะร้องไห้ไม่หยุดวริษฐ์ก็บ่นไม่ลง
   พวกเขากอดกันก่อนจะหลับไป อ้อมกอดที่เติมเต็มคนทั้งคู่ คนหนึ่งเศร้าเสียใจ คนหนึ่งเหงาโดดเดี่ยว แต่ค่ำคืนนี้ ทั้งสองต่างเติมเต็มให้กัน ไม่มีคนเศร้า ไม่มีใครต้องเดียวดาย...
.
.
[เติ้ลมันจะเข็ดหรือยังนะ โดนเตะ โดนถีบไปแล้ว
พี่อาร์ตปากแข็งมาก ไม่รู้จะเอาอะไรงัดแล้ว
เต๋าทุ่มเทเล่นละครก็แล้ว น้องน้อยอกน้อยใจก็เเล้ว
แค่บอกว่ารัก บอกว่าน้องสำคัญ มันยากอะไรนักหนา
ตะ แต่อย่าเพิ่งเบื่อความปากแข็งของพี่เขานะ อยู่ด้วยกันก่อนนน]
 :z3: :z3: :z3:


หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 22 น้อยใจ 18/1/63
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 19-01-2020 00:30:07
อีเติ้ลโดนน้อยไปอะ  :z6: :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 22 น้อยใจ 18/1/63
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 19-01-2020 00:42:25
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 23 ผมรักพี่ ผมรู้แค่นั้น 29/1/63
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 29-01-2020 21:49:32
บทที่ 23 ผมรักพี่ ผมรู้แค่นั้น

   วริษฐ์ตื่นขึ้นมาในตอนเช้า คนตัวเล็กหายไป ในห้องมีแค่เขาคนเดียว เขามองรอบห้องก็ไม่มีวี่แววของกวิน ร่างสูงลุกขึ้นนั่งพลางบิดขี้เกียจยืดเส้นยืดสาย ก่อนจะเดินงัวเงียอกจากห้องลงมาตามหาคนตัวเล็ก เขาเดินก้าวลงบันได แต่ลงมา ได้แค่ครึ่งทางก็ได้กินหอมของ...ข้าวผัด? ไฟข้างล่างสว่างไสว เขาหยุดยืนมองอยู่ตรงนี้ บ้านหลังเล็กขนาดที่เขามองจากบันไดก็สามารถที่จะมองเห็นไปถึงในครัว ว่ากวินกำลังทำอะไรสักอย่างอยู่ ผัดข้าวผัดงั้นหรือ ดูคล่องแคล่ว
   เสียงบันไดทำให้กวินรู้ว่าอีกคนตื่นลงมาแล้ว
   “ขอโทษที่ใช้ครัวโดยพละการนะครับ”
   ร่างสูงพยักหน้าพลางถามต่อ “ทำอะไรน่ะ”
   “ข้าวผัดไข่ครับ ในบ้านพี่ไม่มีอะไรเลย ผมเลยเดินไปร้านขายของช่ำ ที่อยู่ไม่ไกล”
   ร่างสูงเดินลงมาจากบันไดพลางมองสำรวจบ้านหลังนี้หลังจากที่ไม่ได้ทำมานาน เขาเหมือนคนแปลกหน้าในบ้านของตัวเอง ไม่ค่อยคุ้นชินนักกับบ้านหลังนี้ ทั้งที่เขาอยู่ที่นี่มาตลอด แต่กลับรู้สึกห่างไกล เหมือนที่นี่ไม่ใช่บ้าน ไม่ใช่ที่ ๆ ทำให้เขาอุ่นใจได้เลย เขามักจะใช้พื้นที่แค่ในห้องของตัวเองเท่านั้น ที่นั่นเขารู้สึกอบอุ่นปลอดภัยมากที่สุด ร่างสูงกวาดตามองบ้านเต็ม ๆ ตา ความทรงจำต่าง ๆ ไหลวนกลับมาอีกครั้ง
   ไม่ว่าจะตรงไหนก็มีกลิ่นอายของเธอ ความทรงจำของเธออบอวลอยู่เต็มบ้านไปหมด ไม่ว่าจะหันมองไปทางไหนก็เจอ ที่ครัวนี้ เขาเห็นภาพเธอซ้อนทับกับกวิน เธอที่มักทำอาหารให้เขาด้วยท่าทางทะมัดทะแมง หันมายิ้มให้พร้อมถามว่า อันนี้อร่อยหรือยังด้วยน้ำเสียงใจดี และเมื่อเขาชมว่าอร่อย เธอก็จะยิ้มให้เขา

   ‘อาร์ตต้องกินเยอะ ๆ นะรู้มั้ย’

   ร่างสูงกอดกวินจากด้านหลัง “รู้สิครับ ผมรู้”
   “พี่อาร์ตว่าอะไรนะครับ ตะแต่กอดแบบนี้ผมผัดข้าวไม่สะดวกนะ”
   วริษฐ์รู้ว่านี่คือกวินไม่ใช่เธอ เขาจึงจูบประทับไปที่ต้นคอขาวเบา ๆ  ก่อนคลายอ้อมกอด พลางสูดดมกลิ่นหอมของข้าวผัด ร่างสูงถอยออกมาให้พื้นที่คนตัวเล็กได้ผัดข้าวผัดต่อ

   เขามองสำรวจบ้าน เพื่อนึกถึงความทรงจำเก่า โซฟาตัวนั้น เขาเคยนอนหนุนตักเธอเพื่อนอนดูทีวี เธอจะลูบผมเขา มันมักทำให้เขาเคลิบเคลิ้มแล้วหลับใหลไปบนตักของเธอ ไม่ว่าเขาจะนอนนานแค่ไหน เธอก็ไม่เคยบ่น แต่จะคอยใส่ใจ ปัดยุงให้เขา
   ความทรงจำเหล่านั้นดูเหมือนผ่านมาเนิ่นนาน และจืดจางไปตามกาลเวลา รอยยิ้มของเธอเขายังจำได้ คำที่เธอบอกรักเขา ยังคงตราตรึง แต่เธอเลือกที่จะทิ้งเขาไป... ความทรงจำแสนสุข จึงไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เขามีความสุขได้อีกต่อไป
   เขาเดินไปนั่งรอกวินที่โต๊ะกินข้าว ที่ตรงนั้นที่เธอเคยป้อนข้าวเขา

   ร่างบางเดินเอาจานข้าวผัดมาวางให้ตรงหน้าเขา กลิ่นหอมของข้าวผัดร้อน ๆ
   วริษฐ์ใช้มือสั่นเทาหยิบช้อนขึ้นมา ก่อนจะตักข้าวเข้าปากขณะน้ำตาไหลหยดลงข้างแก้ม กินข้าวเคล้าน้ำตา
   “พี่อาร์ต เป็นอะไรครับ มันร้อนลวกปากหรอ”
   วริษฐ์ส่ายหน้าปฏิเสธ
   ร่างบางตื่นตระหนกเมื่ออยู่ดี ๆ คนตรงหน้าเริ่มร้องไห้ออกมาเงียบ ๆ ไม่มีเสียงสะอึกสะอื้น มีแค่น้ำตาที่ไหลหยดออกมาไม่ขาดสาย คนตัวเล็กขยับลุกเดินอ้อมไปหาร่างสูงก่อนกอดเขาเอาไว้แน่น
   “ทำไมเธอถึงทิ้งผม...”
   เธอ? ใคร ใครทิ้งพี่อาร์ต ตั้งแต่รอบก่อนที่เขาลุกขึ้นมาร้องไห้กลางดึกแล้ว เธอคือใคร  แฟนเก่า เมียเก่า ใครสักคนที่ยังติดอยู่ในใจของพี่อาร์ตจนไม่มีที่ให้กวินแทรกตัวเข้าไป
   “เธอคือใครหรอครับ”
   “เธอ...คือผู้หญิงที่บอกว่ารักพี่ แต่ทิ้งพี่ไป”
   หัวใจของกวินมันชาไปหมด แต่ก็ยังอยากรู้ เธอรักพี่ พี่ก็ยังรักเธอ แล้วมันเกิดอะไรขึ้นระหว่างพวกเขา เธอคนนั้นเป็นคนแบบไหน ที่ทำให้พี่รักเธอหมดหัวใจขนาดนี้ ผมอยากรู้จริง ๆ ว่าสักวันผมจะเป็นคนที่พี่รัก ได้สักเศษเสี้ยวที่พี่รักเธอ... ผมหวังมากไปหรือเปล่า
   “พี่อาร์ต พี่มีอะไร บอกผมได้ทุกเรื่องเลยนะ”
   
   เมื่อ 20 ปีก่อน
   เสียงดังโวยวายจากบนบ้าน ทำให้เด็กอย่างผมที่นั่งดูรายการการ์ตูนเรื่องโปรดอยู่ ถึงกับต้องหันมองเป็นพัก ๆ ก่อนที่แม่จะเดินลงมาจากบนบ้านพร้อมกับกระเป๋าใบใหญ่ เธอวางกระเป๋าไว้ข้าง ๆ ผม ขณะดึงผมเข้ามากอด
   “อาร์ต แม่รักอาร์ตมากนะลูก”
   “ครับ ผมก็รักแม่” เด็กชายตัวน้อยกอดตอบแม่แน่น “แม่ครับ เอากระเป๋าใบใหญ่ไปไหน”
   “ไม่ได้ไปไหนหรอกลูก เดี๋ยวแม่จะไปซื้อเค้กชอคโกแลตมาให้ลูกกินนะ”
   “ครับ ผมรอนะ”
   “อาร์ต ยังไงแม่ก็รักอาร์ตนะ”
   เธอหอมแก้มลูกชายตัวน้อยฟอดใหญ่ด้วยความรัก และหัวใจสลาย นี่คือครั้งสุดท้ายที่เธอจะได้พบเขา ความรักระหว่างเธอและพ่อของเด็กชายสิ้นสุดลง ไม่สามารถไปต่อกันได้อีก ความเจ็บช้ำน้ำใจที่ถูกละเลยความรู้สึกทำให้เธอรู้สึกไร้ค่า และเมื่อมีใครที่เห็นคุณค่าของเธอ เธอจึงโผเข้าหาเขา ลูกชายสุดรักไม่เคยรู้เรื่องนี้ เธออยากพาเด็กชายไปด้วย แต่พ่อของเขาไม่ยอมให้เธอพาเขาไป  เสียงตะคอกยังดังก้องหู “ถ้าเธอจะไป เธอก็ไป แต่ห้ามเอาลูกไป ลูกผม ผมดูแลเอง”
   ผู้เป็นแม่โบกมือให้เด็กชายเป็นการร่ำลา แต่เด็กน้อยไม่รู้เลย ว่าแม่จะไม่กลับมาเหมือนทุกครั้ง
   เด็กชายนั่งรอแม่ เขาหวังว่าจะได้กินเค้กชอกโกแลตของโปรด ผ่านไปหลายชั่วโมงก็ไม่มีทีท่าว่าแม่จะกลับมา เด็กชายจึงออกไปนั่งรอผู้เป็นแม่ที่หน้าบ้าน ไม่รู้นานแค่ไหน ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้ม แม่ก็ยังไม่มา

   เป๊าะแป๊ะ เป๊าแป๊ะ

   หยาดฝนเม็ดเล็กเริ่มตกลงกระทบหลังคา เด็กชายก็ยังนั่งรออยู่ที่เดิม เขาไม่สนใจเค้กชอกโกแลตอีกต่อไป แต่เขาต้องการเจอแม่
   “อาร์ตเข้าบ้าน”
   “ไม่ครับ ผมจะรอแม่”
   ฝนเริ่มตกหนักจนซัดสาดให้เด็กชายตัวน้อยหนาวสั่น
   ผู้เป็นพ่อร้องเรียกอีกครั้ง แต่เด็กชายก็ยังดื้อดึง ฝนตกหนักแบบไม่ลืมหูลืมตาจนมองอะไรไม่เห็นนอกจากหยดน้ำ
   “อาร์ต เข้าบ้าน!!!” น้ำเสียงของผู้เป็นพ่อเริ่มแปรเปลี่ยน เขาตะโกนเสียงดังแข่งกับสายฝน แต่เด็กชายตัวน้อยกลับนั่งอยู่ที่เดิม ความอดทนของผู้เป็นพ่อจึงหมดลง เขาเดินมากระชากแขนให้เด็กชายลุกขึ้นตามเขาเข้าบ้าน แต่เด็กคนนั้นกลับขืนตัวเอาไว้ ทำให้มือหนาฟาดลงไปบนแขนและก้นของเด็กชายหลายต่อหลายครั้ง เด็กชายร้องไห้เสียงดังแข่งกับสายฝนที่เทกระหน่ำ ความเจ็บปวดและความไม่เข้าใจว่าเหตุใด พ่อต้องโกรธเขา ทั้งที่เขานั่งรอแม่ พ่อไม่รอแม่หรอ พ่อไม่รักแม่หรอ เขาทำผิดอะไร
   เพราะผู้เป็นพ่อยังรัก... เขายังรักแม่ แม้ละเลย แต่ก็ยังรักแค่คนเดียว ความรู้สึกตอนนี้ราวกับโดนหักหลัง ความรักจึงกลายเป็นความโกรธ
   “เขาไม่กลับมาอีกแล้ว!!! ร้องไห้ให้ตาย รอให้ตาย เขาก็ไม่กลับมา แม่ทิ้งเมิงแล้ว”
   “แม่ ฮืออออ” เด็กชายไม่สามารถเข้าใจทุกอย่างได้หมด แต่คำว่าถูกทิ้ง ก็ทำให้เขาเจ็บปวด “แม่ครับบบ”
   เด็กชายถูกพาตัวกลับไปบนห้องนอน ผู้เป็นพ่อนั่งอยู่อีกมุมของห้อง เขาไม่เปิดไฟ ปล่อยให้ทั้งเขาและลูกอยู่ในความมืด ห้องสว่างวาบเป็นพัก ๆ จากสายฟ้าที่แลบลงมาเป็นช่วง พายุฝนด้านนอกรุนแรงน่ากลัว ฟ้าผ่าฟาดเปรี้ยงเสียงดัง เด็กชายนอนขดตัวอยู่บนที่นอน ร้องไห้แข่งกับสายฝน ไม่มีคำปลอบโยน ไม่มีอ้อมกอดอุ่น ไม่มีคำพูดจาสักคำ ไม่มีคำขอโทษส่งมาถึงเขา เขาที่ไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ต้องได้รับผลจากการกระทำของผู้ใหญ่ เหมือนพ่อกับแม่กรีดมีดลงมาที่กลางใจของเขาจนเป็นแผลเหวอะหวะ เด็ก 8 ขวบ ที่โดนทำร้ายร่างกายและจิตใจ เขาทำอะไรไม่ได้ นอกจากร้องไห้ ...เขานอนสะอื้นอยู่บนที่นอนจนหลับไปพร้อมน้ำตา
   
   “พี่อาร์ตครับ พี่อาร์ต“
   ร่างสูงสะดุ้งเมื่อกวินเรียกเขาซ้ำ ๆ พาเขากลับมาจากความทรงจำวัยเยาว์ คนที่เขารักที่สุด และคิดว่าเขาจะไม่มีวันทอดทิ้ง กลับทิ้งเขาให้เคว้งคว้าง ขนาดแม่แท้ ๆ ยังทิ้งเขา คนอื่นก็คงไม่ต่างกัน
   “กวิน...”
   “ครับพี่”
   “เขาทิ้งพี่ไป”
   “ใครหรือครับ”
   กวินถามออกไปตรง ๆ ก่อนนิ่งรอคำตอบ ในใจปั่นป่วนหวั่นไหว อ้อมกอดที่เขามอบให้กับวริษฐ์นั้นแน่นหนา แต่ไม่รู้ว่าจะกักขังหัวใจของอีกฝ่ายเอาไว้ได้มั้ย

   ใครคือคนที่พี่อาร์ตเฝ้านึกถึง
 
   ใครคือคนที่พี่อาร์ตยังคงฝังใจ

   ใครคือคนที่พี่อาร์ตยังคงรัก

   ใคร...?

   เขาเพียงอยากรู้ว่าเป็นคนแบบไหน เขาพอจะมีอะไรไปสู้กับคนในใจของพี่ได้บ้างหรือเปล่า ตอนนี้ในใจของเขาทั้งอยากรู้ ทั้งตื่นกลัว ถ้าหากว่าคุณคนนั้นดีแสนดี แล้วเขาจะสู้ได้ยังไง
   “พี่ไม่ดีตรงไหน”
   พี่อาร์ตพูดเสียงอู้อี้ กวินฟังไม่รู้เรื่อง จึงคลายอ้อมกอดออกเพื่อจะถามซ้ำ
   “พี่อาร์ตว่ายังไงนะครับ”
   “พี่...ไม่ดีตรงไหน”
   กวินคว้ามือหนามากุมเอาไว้ ก่อนยกมันแนบแก้ม
   “สำหรับคนอื่น ผมตอบให้ไม่ได้” มือบางลูบหลังมือของอีกฝ่ายไปมา “พี่อาร์ตสำหรับผม...ไม่มีตรงไหนที่พี่ไม่ดี ไม่มีตรงไหนที่ผมไม่รัก”
   ดวงตาคมมีประกายวูบไหว กวินคิดแบบนั้นจริง ๆ หรือเปล่า รักนั้นของกวินจะยาวนานแค่ไหน เขาดีขนาดนั้นเลยหรือ ดีพอที่จะไม่ถูกทิ้งหรือเปล่า เขาปฏิเสธที่จะรักพร้อม ๆ กับโหยหาความรัก ทุกสิ่งที่เป็นอยู่มันจึงบิดเบี้ยว สนุกสนานไปกับความฉาบฉวยที่ไม่ต้องกลัวว่าใครจะทิ้งใคร เพราะมันจะไม่มีการเริ่มต้น... แต่กวินกลับทำเขากลัว กลัวจะพาตัวเองไปเสียใจ
   “ใครไม่รักพี่ ผมไม่รู้ ผมรู้แค่ว่าผมรักพี่แค่นี้”
   “พี่ไม่ได้ดีขนาดนั้น”
   “พี่ดีพอสำหรับผมแล้ว พี่ช่วยผมทุกครั้งที่ผมต้องการความช่วยเหลือ พี่ทำให้ผมอบอุ่นใจทุกครั้งที่ถูกพี่กอด”
   วริษฐ์หลุบตามองต่ำ เขาในตอนนี้ไม่ได้มีความมั่นใจในตัวเองแม้แต่น้อย ไม่กล้าเพราะกลัวจะเสียใจ
   พอเห็นแบบนั้น กวินก็ดึงอีกคนเข้ามากอดไว้อีกครั้ง
   “ให้ผมแบ่งเบาความเจ็บปวดของพี่นะ”
   “อื้อ”
   ร่างบางกระชับอ้อมกอดหลังได้ยินคำพูดเขานรับเสียงเบา   
   “ไม่เป็นไรนะพี่อาร์ต”
   “เธอ...” วริษฐ์เตรียมจะเล่าถึงคนที่ทิ้งรอยแผลเอาไว้ในใจของเขา
   กวินนิ่งฟัง มือไม้เย็นเฉียบ เหมือนบรรยากาศรอบตัวมันนิ่งสงบ หัวใจของเขาเหมือนกำลังจะหยุดเต้น ขณะลุ้นว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไรต่อ
   “...แม่น่ะ เขาทิ้งพี่ไปตั้งแต่พี่ยังเด็ก”
   กวินรู้สึกเหมือนโล่งใจเมื่ออีกฝ่ายเฉลยออกมาว่าคนที่อยู่ในความทรงจำของเขา คือแม่ แต่ในใจกลับยิ่งสงสาร คนที่เขาพร่ำเพ้อถึงคือแม่ คนที่ควรจะให้ความรักความอบอุ่นกับเขามากที่สุด
   “เพราะไม่มีอะไรดี เขาถึงทิ้งพี่ไว้”
   “พี่อาร์ตอย่าพูดแบบนั้น คนดีของผม เรื่องนี้พี่ไม่ผิด มันไม่ใช่เพราะพี่หรอกครับ” กวินพยายามหาถ้อยคำมาปลอบโยนคนในอ้อมแขน
   “...”
   “ตอนนั้นพี่อาร์ตอายุเท่าไหร่”
   “แปดขวบ”
   โธ่ เด็กน้อยแปดขวบของกวิน...พวกผู้ใหญ่น่ะเขาบอกให้ทำอะไรก็ต้องทำ เขาคิดว่านั่นคือความรัก พอเขาอยากทำอะไรเขาก็ไม่เคยถามเรา เขาตัดสินใจเอาเองเสมอ เราไม่เคยได้มีส่วนในการตัดสินใจ ไม่เลยแม้นั่นจะเป็นชีวิตของเราเองก็ตาม จนกว่าเราจะโตพอ พอที่จะหนีออกไปได้ เหมือนตัวเขาในตอนนี้ ที่หนีออกมา
   “แปดขวบเอง เราเป็นเด็ก ผู้ใหญ่เขาจัดการเองโดยไม่ได้ปรึกษาเรา เราไม่รู้เรื่องอะไรหรอกครับ เจ็บปวดมากใช่มั้ย แต่ขอให้พี่รู้ไว้...ว่าผม รักพี่ที่สุดเลยครับ จะไม่มีวันทิ้งพี่”
   ร่างสูงกลับยิ่งร้องไห้ออกมาเมื่อได้ยินคำปลอบโยน เหมือนเขากลับไปเป็นเด็กชายวัยแปดขวบอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขามีคนกอดปลอบ
   วริษฐ์ได้ยินคำที่เขาอยากฟัง คำที่มีแต่คนที่รักเขา ถึงจะพูดแบบนี้ให้กับเขาได้ รักเทิดทูลเชื่อใจ และเชื่อมั่นในตัวเขามากกว่าใคร ทั้งที่ตัวเขาบางทีก็ยังไม่เชื่อใจตัวเองเลยด้วยซ้ำ
   “ไม่เป็นไรนะครับ ผมอยู่ตรงนี้กับพี่นะ”
   ร่างบางก้มลงประทับจูบบนหน้าผากของวริษฐ์ เพื่อปลอบโยนเขา
   วริษฐ์กอดกวินแน่น เขาเคยเป็นเด็กชายแปดขวบที่โทษตัวเองมาตลอดว่าเพราะเขาไม่ดี แม่ถึงทิ้งเขาไป เพราะเขาไม่ดี ทุกคนถึงจากเขาไป แต่กวินกลับมอบพื้นที่ให้เขา บอกเขาว่าพร้อมจะอยู่เคียงข้างเขา ให้อ้อมกอดที่เด็กแปดขวบคนนั้นไม่ได้สัมผัสจากใคร นอกจากต้องทนฟังเสียงพายุ และร้องไห้จนหลับไปเอง
   
   หลังจากปล่อยให้ความเงียบ และอ้อมกอดปลอบโยนอีกฝ่าย เขารอให้พี่อาร์ตหยุดร้องไห้ไปเอง เหมือนที่อีกฝ่ายรอเวลาที่เขาร้องไห้ เสียงสะอึกสะอื้นเริ่มเบาลงเรื่อย ๆ เว้นระยะห่างมากขึ้นสำหรับการสะอื้นในแต่ละครั้ง จนเมื่อเห็นว่าพี่อาร์ตหยุดร้อง เขาจึงชวนคุย
   “พี่อยู่บ้านคนเดียวหรอ”
   คนตัวสูงพยักหน้าหงึกหงัก แต่ไม่ตอบ
   “ทำความสะอาดบ้านหมดนี่เลยหรอ”
   “พี่จ้างแม่บ้านอาทิตย์ละครั้ง” ข้างล่างไม่มีอะไรเยอะอยู่แล้ว มีแค่ฝุ่น เขาไม่ได้ใช้พื้นที่ตรงนี้เลย มีแค่ห้องนอนข้างบนเท่านั้นที่เป็นพื้นที่ของเขา เขาใช้บ้านทาวเฮาส์ให้เหมือน ห้องพักห้องเล็ก ๆ
   “อ๋อ แล้ว...” กวินทำท่าจะถามต่อ แต่ก็ยั้งปากเอาไว้ เขาอยากถามว่าทำไมพี่อยู่คนเดียว แต่ก็กลัวจะไปทำร้ายจิตใจของเขาให้บอบช้ำยิ่งกว่าเดิม “กินข้าวกันดีกว่า” ถ้าอีกฝ่ายอยากเล่า ตอนไหนเขาก็คงจะได้ฟัง ถึงตอนนั้นเขาก็จะรับฟังมันอย่างตั้งใจ แต่ตอนนี้ถ้าอีกฝ่ายไม่พร้อมก็ไม่เป็นไร เขาจะรอ ตอนนี้แค่พี่อาร์ตยอมให้เขาเข้ามาบ้าน เขาก็ดีใจจนไม่รู้จะยังไงแล้ว ได้รู้จักเขา ได้ปลอบโยนเขา ได้เป็นที่พึ่งให้เขาบ้าง เขาก็พอใจแล้ว...
   ร้องไห้ก็ใช้แรง วริษฐ์หิวจนตาลาย เขามองข้าวผัดไข่สีเหลืองสม่ำเสมอสวยงาม กลิ่นหอม วริษฐ์เริ่มกินมันอีกครั้ง รสชาติอร่อย น้ำตาไม่ไหลหยดลงมาเหมือนตอนแรก อาหารของกวินอบอุ่น
   ผู้ชายสองคนกำลังมีความสุข ความสุขเรียบง่ายที่เกิดจากการได้กินของที่อร่อย เหมือนหัวใจของวริษฐ์ถูกมือบาง ๆ ของกวินโอบกอดเอาไว้ บ้านที่เงียบเหงา คล้ายจะมีชีวิตชีวาขึ้นมา แค่ได้นั่งกินข้าวด้วยกัน
   เขาลอบมองกวิน ‘ผมรู้แค่ว่าผมรักพี่แค่นี้’ คนตัวเล็กพูดถ้อยคำหนักแน่นกับเขา ทำเอาเขาคล้อยตาม... และอยากจะเชื่อกับคำพูดนั้น
   วริษฐ์มองสำรวจใบหน้าของกวิน ความคิดสับสนกลับสะดุด...ซีกหน้าด้านขวาของกวิน มันเป็นรอยช้ำสีม่วง ๆ เขียว ๆ เห็นแล้วกลับมีอารมณ์อื่นแทรกเข้ามา ไม่สบอารมณ์ ยิ่งดวงตานั่นอีก รอยช้ำใต้ตานั่นทำให้เขาอยากปกป้องกวิน เหมือนที่กวินพยายามจะดีกับเขาทุกอย่าง
   
   วริษฐ์ตัดสินใจให้กวินมาอยู่บ้านกับเขา เพราะเขาเป็นห่วง ไม่อยากให้เติ้ลมาระรานกวินอีก เขาจะปกป้องกวินเอง จะดูแลกวินด้วยตัวเขาเอง เขาจึงมาส่งกวินที่ห้อง ให้เจ้าตัวเก็บข้าวของย้ายมาอยู่กับเขาเป็นการชั่วคราว จนกว่าเติ้ลจะเลิกราไปเอง หรือไม่เขาจะไหว้วานให้เต๋าจัดการให้
   กวินหยิบของไปเยอะแยะ เสื้อผ้าของใช้ส่วนตัว อุปกรณ์วาดรูปและอีกหลายอย่าง จนเหมือนจะไม่กลับมาที่นี่อีกแล้ว
   วริษฐ์มองกวินที่พยายามจะยัดข้าวของทั้งหลายลงกระเป๋าใบใหญ่

   เหมือนวันนั้นแม่ของเขาก็เก็บข้าวของลงกระเป๋าใบใหญ่ เดินออกไปหันหลังให้เขา และไม่เคยได้พบเจอกันอีกเลย ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดียังไง ยังมีชีวิตอยู่มั้ย เขาก็ไม่รู้ ... แม้ว่าเขาจะอยากรู้ความเป็นไปของแม่ แต่ก็ไม่กล้าพอ กลัวไปแล้วจะพบว่าแม่ไม่ต้องการเจอเขา มันจะยิ่งซ้ำเติมให้เขาเจ็บปวดยิ่งกว่าเดิม
   
   “พี่อาร์ต เรียบร้อยแล้ว”
   “ครับ”
   เป็นอีกครั้งที่กวินดึงเขากลับมาจากห้วงความคิดแสนเศร้า กวินคอยปัดเป่าความเจ็บปวดของเขา เยียวยาเขาด้วยมือบอบบางนั่น
   
   กวินไปนอนอยู่บ้านพี่อาร์ต เขาขอใช้ครัว ขอทำนั่นทำนี่ ปัดกวาดเช็ดถู ซื้อยาสามัญประจำบ้านมาใส่ตู้ยาใหม่ และดูแลอีกฝ่ายเท่าที่จะทำได้ คอยกล่อมให้หลับ คอยเตือนเวลาสูบบุหรี่จัดเกินไป เขาเป็นห่วงพี่อาร์ตมาก เพิ่งรู้ว่าเขามักจะสูบบุหรี่จัดเมื่อจิตใจฟุ้งซ่าน และต้องพึ่งยานอนหลับเมื่อหัวใจมันปั่นป่วนจนยากจะข่มตาลงนอนได้ อาจจะดูจุ้นจ้านไปบ้าง แต่เขาห่วงอีกฝ่ายด้วยใจจริง ยิ่งรู้ว่าเขาแบกรับบาดแผลอะไรไว้ ก็ยิ่งไม่กล้าเรียกร้องอะไร ให้กวินได้ดูแลแบบนี้เรื่อย ๆ ก็พอ เกือบอาทิตย์แล้วที่เขาอยู่ที่นี่ มันเรียบง่ายที่เราอยู่ด้วยกัน
   กวินมีความสุขที่สุดเพราะช่วงนี้พวกเขาตัวติดกันยิ่งกว่าอะไร วริษฐ์ไม่เห็นจะมีนัดตอนเย็นอะไรอีกแบบที่เคยมี ก็เห็นว่ามีเวลาให้เขาตลอด นี่นับเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับเขาหรือเปล่า ที่อีกฝ่ายยอมให้เวลากับเขาทั้งหมด
   เข้านอนด้วยกัน นอนกอดกันแบ่งปันไออุ่น และตื่นนอนพร้อมกัน วริษฐ์อาบน้ำก่อน ส่วนกวินทำอาหารเช้าไว้รอ ก่อนจะไปอาบน้ำแล้วมากินข้าวเช้าด้วยกัน ไปทำงานพร้อมกัน กลับบ้านพร้อมกัน ใช้เวลาที่เหลือหมดวันไปด้วยกัน เหมือนคู่แต่งงานใหม่ พวกเขาดูแลซึ่งกันและกัน ลบเลือนความรู้สึกอ้างว้างเปล่าเปลี่ยว

...แต่ทว่ายังไม่เคยมีคำว่ารักหลุดออกมาจากปากของวริษฐ์ แม้แต่คำเดียว
.
.
[เป็นซึม สงสารเด็กน้อย
แต่พี่อาร์ตถึงปากแข็ง แต่ใจอ่อน
ยอมให้น้องมาถึงบ้าน เดี๋ยวจะรู้...]
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 22 น้อยใจ 18/1/63
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 29-01-2020 23:13:08
 :pig4: :pig4: :pig4:

ต้องให้เวลาอิพี่มันหน่อย  อิพี่มันมีปม
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 24 พบคนสำคัญ 14/2/63
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 14-02-2020 11:58:55

บทที่ 24 พบคนสำคัญ


ติ้ง

               วริษฐ์ควานมือหาโทรศัพท์ขณะที่มีคนตัวเล็กนอนหลับพริ้มอยู่บนแขนข้างซ้าย เพราะจังหวะรักหนักหน่วงเมื่อหัวค่ำ ทำให้กวินหมดแรงจนหลับไป

               ‘เมิงอาทิตย์หน้า ให้กุไปเป็นเพื่อนมั้ย’ เป็นเต๋าที่พิมพ์แชทมาหาเขา ไปไหนวะ เขานัดอะไรใครไว้หรอ

               อาทิตย์หน้า เขาเปิดปฏิทินดู เพราะอยู่กับกวินเขาแทบลืมวันลืมคืน ไม่รู้วันเลยว่าวันอะไร มันไม่ได้สำคัญอะไรเป็นพิเศษ ตอนทำงานก็จดจำวันเวลาได้ปกติ แต่พอกลับบ้านแทบจะลืมเลือนทุกอย่าง แค่ใช้ชีวิตในบ้านหลังนี้ไปด้วยกันกับกวินเท่านั้น เขาก็ไม่รับรู้อะไรอีก

               แรก ๆ เขาตั้งใจให้กวินมาหลบพักชั่วครั้งชั่วคราว เขาอยากจะดูแลกวินบ้างชดเชยที่อีกฝ่ายทำดีกับเขามาตลอด แต่ไม่รู้ทำไม นับวันกวินกลับทำให้เขารู้สึกว่า ดีเหลือเกินที่มีอีกคนอยู่ที่นี่ด้วย นับวันกวินก็ยิ่งแทรกเข้ามาอยู่ในทุกกิจกรรมของเขา ตั้งแต่ตื่นนอนจนหลับตา บางครั้งโผล่มาแม้กระทั่งในยามหลับฝัน

               เขารู้ว่าเขากำลังจะเคยชิน กับเสียงเรียกให้กินข้าว เสียงเรียกให้นอน เสียงบ่นเวลาเขาสูบบุหรี่ เสียงครวญครางหวานหยดยามเขากลั่นแกล้ง เขากำลังจะเสพติดเสียแล้ว ในใจทั้งกังวลทั้งอยากลิ้มลอง แบ่งปันพื้นที่ส่วนตัวให้ใครบางคนเข้ามา แอบอยากจะลองเปิดรับดูกับการมีใครสักคนข้างกาย คนที่ทำให้เขายิ้ม คนที่กอดเขาเอาไว้ในวันที่เขาไร้เรี่ยวแรง กวินทำหน้าที่นั้นได้ดี หลายต่อหลายครั้งที่เขาได้อ้อมกอดของกวินเยียวยาหัวใจ ลึก ๆ เขาเชื่อว่ากวินคงอยู่เคียงข้างเขา ตราบที่เขาไม่ออกปากไล่ ...

               เขาคงไม่ไล่... เพราะตอนนี้เขาขอสารภาพกับหัวใจตัวเองอย่างซื่อตรง เขารู้สึกมีความสุข...ในทุกวัน ความสุขเรียบง่ายที่ไม่รู้ว่ามาอยู่ในจุดนี้ได้ยังไง เขาแค่อยากมีความสุขแบบนี้ตลอดไป



               มีความสุข...



               จนลืมวันสำคัญ... ลืมนึกถึงไปชั่วขณะ



               ...



               วันที่พ่อ...



               วันสำคัญที่ตอนนี้เขาเกือบจะลืมไปแล้ว วันที่พ่อจากเขาไป อาทิตย์หน้าก็ครบรอบแล้ว ผ่านวนมาอีกปี ปกติเต๋าไปเป็นเพื่อนเขาทุกปี ส่วนคนอื่น ๆ ก็แล้วแต่ถ้าไม่ติดอะไรก็จะไปด้วยกัน เพราะเป็นวันธรรมดา คนที่ว่างสุดก็คงเป็นเต๋า

               “ไปสิ พ่อกุคิดถึงเมิงแย่” วริษฐ์พิมพ์ตอบกลับ พ่อรู้จักเต๋า รู้จักเพื่อนเขาทุกคน วันที่พ่อจากไปเต๋าก็อยู่กับเขา วันนั้นมันเวียนมาอีกครั้ง

               

               ชั่วขณะที่นึกถึงพ่อขึ้นมา ความสัมพันธ์ของผมกับเขาไม่ค่อยดีนัก หลังจากวันนั้นเราก็ห่างเหินกันไปโดยสิ้นเชิง พ่อแทบไม่เป็นผู้เป็นคน จากคนเก่งบ้างาน กลายเป็นคนขี้แพ้ที่เอาแต่กินเหล้าสูบบุหรี่ ใช้เวลาให้มันผ่านไปวัน ๆ ละเลยผม บางวันผมได้กินข้าวแค่มื้อเดียวแต่พ่อก็ไม่เคยตบตีหรือทำร้ายร่างกายกันเหมือนคืนวันนั้น ...

               แต่ผมก็เป็นแค่เด็กชายที่น่าสงสาร พยายามดิ้นรนมีชีวิต ถ้าหิวก็ดื่มน้ำเยอะ ๆ หาอะไรในตู้เย็นที่พอกินได้ออกมากิน ญาติจะแวะซื้อของมาทิ้งเอาไว้เยอะ ๆ หลายถุงใหญ่ มีคนที่สงสารเรา เพราะสนิทสนมกับพ่อ น้องสาวของพ่อ น้าสาวของผม เธอเวทนาแวะมาดูแลเป็นประจำ พาผมไปอยู่ด้วยชั่วครั้งชั่วคราว แต่ก็ได้ไม่นาน เพราะน้ามีธุรกิจอยู่ที่จีน ต้องบินไปที่นั่นบ่อยครั้ง เป็นญาติคนเดียวที่ผมสนิทด้วย เราไม่ยุ่งเกี่ยวกับญาติฝั่งแม่ และญาติฝั่งพ่อก็ดูจะเกลียดผมอยู่พอสมควร ผมเคยได้ยินว่าย่าเรียกแม่ว่าแพศยา ตอนเด็กอาจไม่เข้าใจ แต่พอโตมาก็รับรู้ได้ถึงความหมาย

               หลังจากนั้นไม่นานพ่อก็ค่อย ๆ ฟื้นตัว เขากลับไปบ้างานเหมือนเคย แต่ยังคงนิ่งเฉยใส่ลูกชายคนเดียวของเขา เพราะผมเหมือนแม่ ดวงตาเหมือนกันจนพ่อรู้สึกไม่ดี พ่อดูแลผมทางกาย แต่ไม่ดูแลทางใจ ไม่เคยพูดคุยหยอกล้อเติมเต็ม หรือโอบกอดกัน พวกเรามักเงียบใส่กันเสมอเมื่ออยู่บ้านด้วยกัน สิ่งที่ทำให้รู้ว่าพ่ออยู่บ้าน คือกลิ่นบุหรี่ของเขา ที่โชยมาจากระเบียงบ้าน พอเข้ามัธยม ผมก็ดูแลตัวเอง ไปโรงเรียนเอง พ่อจะวางเงินเอาไว้ให้ที่หน้าทีวี เราคุยกันน้อย หลบเลี่ยงกันให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่มันเป็นแบบนั้นตลอดมา

               ครั้งแรกที่พ่อยิ้มให้เขาคือวันที่ผมสอบติดมหาวิทยาลัย เหมือนอะไร ๆ จะดีขึ้น เราก็ยังคงอยู่ด้วยกันด้วยสายสัมพันธ์พ่อลูก ที่ไม่สนิทกัน แต่เราก็มีกันเท่านี้ ผมไปอยู่หอ นาน ๆ จะเจอกันที เพราะห่างกัน การเจอกันถึงได้ดูเหมือนจะมีความหมายมากขึ้น พ่อแก่ขึ้นทุกวัน ส่วนผมเติบโตขึ้น ... แม้จะบิดเบี้ยวไปบ้าง แต่ผมก็พยายามอย่างดีที่สุดที่จะมีชีวิตที่ดีกว่านี้



               แต่แล้ววันนั้นวันที่ฟ้าเหมือนจะถล่ม ตอนที่อยู่หอกับเต๋า กำลังเล่นเกมกันอยู่ เบอร์ของพ่อโทรมาหาผม แต่พอรับสายคนโทรมากลับไม่ใช่พ่อ พร้อมบอกข่าวร้ายว่าที่พึ่งสุดท้ายของผมได้จากไปแล้ว จากไปจริง ๆ ไม่มีหวนคืน พ่อของผมเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถคว่ำ เพราะขณะนั้นฝนตกหนักทัศนวิสัยไม่ดี

               และเป็นอีกครั้งในวันที่พายุคลั่งได้พาคนสำคัญไปจากผม



               นาทีนั้น

               วริษฐ์ผลุนผลันออกไปจากห้อง โดยมีเต๋าวิ่งตาม วริษฐ์อยากจะไปพบพ่อของเขา เขาวิ่งฝ่าฝนออกไป เต๋าพยายามคว้าอีกคนเอาไว้ เพราะรถมาเร็ว สายฝนเย็นเฉียบทำให้ทั้งคู่เปียกปอน น้ำที่ไหลลงจากใบหน้าของวริษฐ์ไม่ได้มีแค่น้ำฝน แต่ยังเจือไปด้วยน้ำตา

               เขาไม่เหลือใครอีกแล้ว ทุกคนทิ้งเขาไปหมด...

               

               ...



               แต่ตอนนี้ไม่ใช่แบบนั้นซะทีเดียว

               เขาเหลือบตามองคนในอ้อมแขน มองแผ่นอกเนียนที่ขยับขึ้นลงสม่ำเสมอ มีอยู่คนหนึ่ง ... ที่อยู่ดี ๆ กลับพยายามวิ่งเข้าหา วิ่งเข้ามาที่เขาอย่างสุดความสามารถ วิ่งเข้าหาคนอย่างเขา ไม่ว่าเขาจะพยายามไล่ออกไปก็ตาม

               เขาลูบไล้เส้นผมนุ่มของกวินด้วยความเคลิบเคลิ้ม ก่อนขยับไปจุ๊บขมับอีกคนเบา ๆ ด้วยความเอ็นดู มือหนารั้งเอวอีกฝ่ายให้แนบชิด เพื่อแบ่งปันไออุ่น เขาดึงผ้าห่มขึ้นห่มตัวเองกับกวินเอาไว้ ก่อนจะหลับไปโดยมีคนตัวเล็กอยู่ในอ้อมแขนทั้งคืน



               วริษฐ์ที่รับลูกแมวจรมาอยู่ด้วย เขาให้อิสระ และอนุญาตให้กวินทำอะไรก็ได้ที่อยากทำ ทำได้ทุกอย่าง จะทำอะไรในบ้านหลังนี้ก็ได้ เขาไม่ได้ติดอะไร ไม่รู้ทำไมกวินถึงทำให้บ้านหลังน้อยกลับมีชีวิตชีวา ทำให้บ้านกลายเป็นบ้าน ไม่ใช่คอนโดที่อ้างว้าง วริษฐ์สามารถใช้ชีวิตอยู่ในบ้านของตัวเอง โดยไม่รู้สึกว่าเหงา เพราะเขามีกวิน



               “พี่อาร์ต ดูการ์ตูนกัน”

               ร่างสูงพยักหน้าหงึกหงัก กวินติดการ์ตูน ดูหลายเรื่องมาก มีหลายแนว มีทั้งการ์ตูนตลก ๆ การ์ตูนบู๊เลือดสาด สู้รบหุ่นยนตร์ สารพัดอย่าง ทำให้เขาพลอยดูการ์ตูนไปด้วย หลังจากไม่ได้ดูมาเนิ่นนาน มันสนุกดีนะ มิตรภาพ รอยยิ้ม ฟลุกโชน อะไรเถือก ๆ นี้

               กวินเปิดการ์ตูนก่อนจะกลับมานั่งบนโซฟา เขานั่งห่างจากวริษฐ์ไปอีกฝั่งของโซฟา ทำให้วริษฐ์ถึงกับหันไปมองทุกทีนั่งชิดจนแทบจะนั่งบนตักของเขาอยู่แล้ว

               แปะ แปะ

               มือบางตบตักตัวเองเบา ๆ เป็นการเรียก ให้ร่างสูงนอนตัก

               วริษฐ์ไม่ปฏิเสธคำเชิญ เขาเอนตัวลงนอนบนตักอุ่นของกวิน นอนดูการ์ตูนเพลิน ๆ พร้อมปล่อยให้กวินลูบไล้เส้นผมของเขา

               “ผมมีความสุขที่ได้อยู่กับพี่”

               “พี่ก็มีความสุขที่ได้อยู่กับกวิน”

               “เอ๋ ครับ” กวินได้แต่ตกใจ ไม่คิดว่าพี่อาร์ตจะตอบกลับมาแบบนั้น เขาถึงได้แต่เขินหน้าแดง ร่างบางเม้มริมฝีปากแน่น ไม่ให้เผลอร้องตะโกนออกมาด้วยความดีใจ

               วริษฐ์หันมามองกวิน เงยหน้ามองใบหน้าเนียนที่ตอนนี้กำลังข่มอารมณ์ดีใจ แต่ก็ปิดไว้ไม่มิด เพราะดวงตาคู่นั้นดูมีความสุขมากเหลือเกิน เขายกมือขึ้นลูบไปที่แก้มนวล ลูบไล้มาที่สันกราม ลงมาที่ริมฝีปากนุ่ม

               “ขอพี่จูบหน่อยสิ”

               เพราะพี่อาร์ตเอ่ยขอ ผมจึงโน้มหน้าลงไปหาเขา พร้อมแตะประกบริมฝีปากแผ่วเบา

               แต่วริษฐ์กลับไม่ยอมปล่อยคนตัวเล็กไปง่าย ๆ เขาใช้มือรั้งต้นคออีกฝ่ายเอาไว้ พร้อมกับมอบจูบที่ร้อนแรงยิ่งกว่ามาให้ เขาบดริมฝีปากบางอย่างโหยหา ทั้งที่มีไม่เคยขาด ทั้งที่ตัวติดกันขนาดนี้ แต่เขาไม่เคยจะเบื่อกวินเลย กลับยิ่งต้องการมากขึ้นเหมือนกับเสพติด ยาเสพติดที่ทำให้เขารู้สึกดี

               “อื้อ” ร่างเล็กร้องครางประท้วงเมื่อวริษฐ์ไม่ยอมปล่อยมือ

               วริษฐ์ถอนจูบเพื่อมองสำรวจคนตัวเล็ก ใบหน้าแดงก่ำ กับหยดน้ำตาที่เอ่อคลอดวงตา ทำให้ดางตากลมเป็นประกายสวยงาม

               เขามองจ้องลงไปในดวงตาคู่สวย เหมือนว่าดวงตาคู่นั้นมันจะสะท้อนสิ่งทีอยู่ในใจของกวินออกมา มันเต็มไปด้วยความรักที่อีกคนมีให้เขา มันท้วมท้นออกมาให้เขาได้สัมผัสมัน

               มือหนาลูบไล้ใบหน้าบางอย่างหวงแหน แล้วเขาล่ะตกลงนี่ใช่ความรัก ...ใช่มั้ย?

               พวกเขาดูการ์ตูนกันเงียบ ๆ ยิ้มขำให้กับมุกตลกไร้สาระ

               “กวินครับ วันพุธหน้าว่างมั้ย” วริษฐ์เอ่ยถามขึ้นมา หลังจากการ์ตูนจบตอน และกำลังหมุนโหลดตอนต่อไป

               “ฮะ ครับ นอกจากไปทำงานก็ว่าง”

               “ลางานไปกับพี่ได้มั้ย”

               “ไปไหนครับ”

               “พี่จะพาเราไปเจอคนสำคัญของพี่”

               “ผมไปด้วยได้หรอ”

               “พี่อยากให้เราไปด้วยกัน”

               “ผมจะไปครับ”

               ไม่รู้ว่าต้องไปเจอใครแต่ถ้าพี่อาร์ตบอกว่าเป็นคนสำคัญ เขาก็ต้องพยายามวางตัวให้ดี ไม่ให้พี่อาร์ตผิดหวังขายหน้าที่จะพาเขาไปเจอ



               คืนวันอังคารที่คนตัวเล็กกำลังยืนล้างจาน อาหารค่ำที่เพิ่งกินหมดไป แม้วริษฐ์จะบอกว่าเดี๋ยวค่อยล้างก็ได้ นั่งพักให้ข้าวเรียงเม็ดก่อน กวินก็ยืนยันจะล้างเลย ถ้าปล่อยไว้ กลัวจะขี้เกียจ

               คนตัวสูงที่มาหยุดยืนอยู่ข้างหลังมองกวินล้างจาน กวินทั้งทำกับข้าวทั้งล้างจานจนเขาเกรงใจ วันนี้เขาว่าจะทำเอง อีกคนก็รีบเหลือเกิน เดี๋ยวต้องจัดเวรกันแล้ว เขาไม่ได้พากวินมาเป็นคนใช้ ไม่ได้พามาเป็นแม่บ้าน เป็นแขกเสียด้วยซ้ำที่เป็นอยู่จึงดูจะเป็นการเอาเปรียบน้องมากจนเกินไป แต่เดี๋ยวค่อยว่ากัน เขาต้องพูดถึงวันพรุ่งนี้ก่อน

               “กวินพรุ่งนี้เราไปวัดกันนะ”

               “อ่ะ ครับ”

               ร่างเล็กตอบรับพลางขมวดคิ้วเล็กน้อย คนสำคัญของพี่อาร์ตอยู่ที่วัด? พระหรือ ดีที่บอกก่อน เขาจะได้แต่งตัวให้สำรวม

               “ออกจากบ้านสักเจ็ดโมง”

               “ได้ครับ พี่อาร์ตจะใส่ชุดอะไร ผมจะได้หยิบวางเตรียมให้”

               “จะดีเกินไปแล้วนะ หรือพี่จะเลิกจ้างแม่บ้านดีมั้ย ก็เราน่ะทั้งรีดทั้งซักให้ แล้วยังจะวางเตรียมให้อีก เราจะทำพี่แม่บ้านเขาตกงานแล้วนะ” คนตัวสูงพูดแซวยืดยาว เพราะคนตัวเล็กปรนนิบัติเขาดีจนเกินไป

               กวินคว่ำจานใบสุดท้าย สะบัดน้ำที่มือ ก่อนหันมาย่นหน้าใส่คนตัวสูง เขาก็อยากทำเท่าที่อยากทำ ก็แค่อยากดูแลเท่านั้นเอง

               “เดี๋ยวขึ้นไปหยิบมาเตรียมด้วยกันก็ได้” วริษฐ์พูดพลางลูบหัวคนตัวเล็ก

               กวินส่งยิ้มหวานให้ ไม่รู้ทำไมพี่อาร์ตถึงได้อบอุ่นขนาดนี้ เขารู้สึกว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับพี่อาร์ตกำลังดีขึ้นเรื่อย ๆ มันมีแต่ความสุข พี่อาร์ตยิ้มแย้มให้เขาในทุกวัน มักทำให้หัวใจของเขาพองโตอยู่เสมอ

               “พี่อาร์ตไปวัดมีเตรียมอะไรเพิ่มมั้ยครับ”

               “เดี๋ยวเราไปซื้อด้วยกันวันพรุ่งนี้”

               “ครับ ให้ผมช่วยอะไรบอกนะ” ผมยินดีช่วยเหลือพี่เขาเท่าที่ผมจะทำได้ ให้เขาเห็นว่าผมสำคัญ และจำเป็น ควรคู่อยู่เคียงข้างเขา เพราะสำหรับผมแล้ว การที่เราอยู่ด้วยกันทุกวันแบบนี้มันดีจนผมไม่กล้าคิดแล้วว่าวันที่ไม่มีพี่อาร์ตอยู่ด้วย ผมจะเป็นยังไง

               “เราน่ะหรอ...” เขาพูดพลางเว้นวรรคชั่วอึดใจ “ช่วยทำตัวน่ารัก ๆ แบบนี้นั่นแหละ”

               “ฮะครับ” กวินหน้าแดงพลางหลบดวงตาคมที่จับจ้อง คำพูดคำจาพี่อาร์ตหวานหยดขึ้นกว่าแต่ก่อน ขยันหยอดเขาเรื่อย เขาพอจะรู้แล้วว่าทำไมสาว ๆ ถึงติดใจเขากันนัก ทำไมถึงได้มีแต่คนมารายล้อมอยู่รอบตัวเขา นอกจากจะหน้าตาดี ใจดี แล้วยังปากหวานขยันหยอดแบบนี้นี่ไง!

               วริษฐ์มองท่าทางเขินอายของคนตรงหน้าแล้วนึกขำ เขาเดินสาวเท้าเข้าประชิดตัว ก่อนเชยคางคนตัวเล็กให้หันกลับมาสบตา

               “อืม หน้าแดงขนาดนี้แค่เพราะคำพูดพี่...” เขามองก่อนส่งยิ้มล้อเลียน “คนเก่งกล้าของพี่หายไปไหน เจ้าแมวดำ ที่บอกว่าจะทำให้พี่รักน่ะไปไหนแล้ว”คนตัวสูงพูดล้อเลียนยกใหญ่ เมื่อดูเหมือนว่าเดี๋ยวนี้กวินจะค่อย ๆ หน้าบางน่าแกล้งมากขึ้นกว่าแต่ก่อน

               “พี่นั่นแหละ เปลี่ยนไป”

               “พี่เป็นแบบนี้อยู่แล้วนะคะ” คนตัวสูงพูดคะขาได้อย่างน่าหมั่นไส้ ปกติเวลาเขาหว่านเสน่ห์สาว เขาก็เป็นแบบนี้ ทว่ากับกวินที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน ทำให้เขารู้สึกกระดากอยู่ไม่น้อย แถมเจ้าตัวยังขยันยั่วยวนเขา เสนอตัวมาให้เขาสนอง ดูเป็นคนประเภทที่กล้าได้กล้าเสีย ดูก๋ากั่น เขาจึงคิดว่าไม่จำเป็นหรอกที่จะต้องทำแบบนั้น ทั้งที่ความจริง อีกฝ่ายนั้นขี้อายแม้จะทำเหมือนไม่อายแต่ใบหูกลับแดง ใบหน้านั่นกลับร้อนวูบวาบ ยิ่งรู้จักยิ่งรู้สึกว่าคนตรงหน้านั้น... น่ารัก น่าทะนุถนอมแค่ไหน และแพ้ทางเวลาที่เขาหยอกล้อ แก้มเนียนที่ขึ้นสีเรื่อนั้น น่ารัก ... จนแทบจะลืมไปเลยว่าคนตรงหน้าคือผู้ชายอกสามศอกเหมือน ๆ กัน ...

               “ไม่เคยเป็นกับผม ผมไม่ยักรู้ว่าพี่ช่างหยอดขนาดนี้”

               “นั่นสินะ ต่อจากนี้ให้เตรียมใจรับมือได้เลย”

               ไม่พูดเปล่า กลับขยับมาจูบที่ปลายจมูก จนกวินหลับตาหนี ทุกทีเป็นฝ่ายยั่วยวนเขา พอถูกต้อนบ้าง ก็อดจะหวั่นใจไม่ได้ ไม่ใช่ไม่ชอบนะ ชอบมาก... จนกลัวว่าหัวใจจะทำงานหนักจนหัวใจดวงนี้จะวายตายไปซะก่อน

               วริษฐ์ขยับออกพลางยิ้มเผล่ ได้แกล้งสักหน่อย เขาไม่กล้าจูบไปที่ริมฝีปากบาง เพราะกลัวจะหยุดไม่อยู่ พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้า ต้องเตรียมตัวอะไรอีกมาก เขาจะต้องไม่เหนื่อยจนเกินไปในคืนนี้



               วันรุ่งขึ้นทั้งคู่ตื่นแต่เช้าแต่งตัวเซตผมกันยกใหญ่ กวินแต่งตัวให้สอดคล้องกับคนพี่ เสื้อโปโลสีขาวกับกางเกงยีนส์ขายาวเรียบร้อยไร้รอยขาด ทั้งคู่แต่งเหมือนกันเปี๊ยบ แต่กลับให้อารมณ์ต่างกัน คนหนึ่งสูงหล่อเหลา อีกคนหนึ่งไปทางเรียบร้อยน่ารัก

               วริษฐ์ขับรถพากวินไปตลาดเช้า เพื่อทานข้าวและซื้ออาหารกับข้าวร้านโปรดของพ่อ หลังจากนั้นแวะไปร้านสังฆภัณฑ์เพื่อซื้อสังฆทาน และธูปเทียนดอกไม้สด

               พวกเขาไปถึงวัด เป็นวัดเล็ก ๆ ที่ค่อนข้างร่มรื่น วริษฐ์กับกวินเห็นเต๋าผ่านกระจกหน้ารถ

               เต๋ามาถึงก่อน เขาจึงนั่งรออยู่ที่เก้าอี้ไม้ใต้ต้นไม้ต้นใหญ่ พลางเล่นเกมไปด้วย ตัวเต๋าเองวันนี้ก็แต่งตัวเรียบร้อยไม่ต่างกัน เสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยีนส์สีซีด

               เต๋ามองกวินที่ก้าวลงมาจากรถ นึกแปลกใจที่เห็นกวิน ไม่คิดว่าจะพามาด้วย ทุกทีมักมีแค่เขา ไม่ก็เพื่อนคนอื่นถ้ามีใครว่าง ส่วนใหญ่ก็จะติดธุระ แต่รอบนี้มีพาคนใหม่มาด้วย ดูยังไงก็เกินกว่าจะเป็นรุ่นน้องที่บริษัทแล้ว หรือหลังจากวันนั้น มันมีอะไรเกิดขึ้นที่เขาไม่รู้ ช่วงนี้วริษฐ์เบี้ยวนัดพวกเขามาหลายนัดแล้วด้วย

               “พี่เต๋าสวัสดีครับ”

               “สวัสดีครับน้องกวิน” เต๋าทำท่าจะมาสกินชิพเล็ก ๆ น้อย ๆ กับกวิน แต่กลับถูกซองขาวจากมือของวริษฐ์ขวางไว้

               “เอ้า จบสิ”

               เต๋าจำใจรับซองปึกนั้นมาถือไว้ และจบตามที่ร่างสูงสั่ง วริษฐ์เดินกลับไปหยิบถังสังฆทานมาส่งให้เต๋าช่วยถือ ขณะที่ตัวเองหอบข้าวปลาอาหารเอาไว้

               ส่วนกวินถือธูปเทียนดอกไม้สดต่าง ๆ ไว้ ขณะที่คนตัวสูงก้าวนำทุกคนเข้าไปในศาลาวัด พวกเขาถวายสังฆทาน และทำการกรวดน้ำเป็นที่เรียบร้อย

               วริษฐ์เดินนำทุกคนไปที่เจดีย์เล็ก ๆ ที่เก็บอัฐิ กวินมองตามอยู่เงียบ ๆ วริษฐ์พามาไหว้ใครหรือ พอไปถึงตรงนั้น ร่างสูงก็หันมาดันกวินให้เดินนำไปข้างหน้า

               “พ่อครับ นี่กวินนะครับ”

               กวินเลิ่กลั่ก เมื่อรู้ว่าตรงหน้านี้คือพ่อของพี่อาร์ต พี่อาร์ตพาเขามาเจอพ่อ ... เขาทำอะไรไม่ถูก รีบยกมือขึ้นไหว้เจดีย์นั้นทันที

               “สวัสดีครับ”

               “พ่อครับ ผมมาหาแล้ว มากับเต๋าเหมือนเดิม แต่วันนี้พิเศษหน่อย มีหน้าใหม่มาด้วย ผมฝากพ่อดูแลกวินอีกคนนะครับ”

               กวินได้แต่ก้มหัวโค้งให้เจดีย์ด้วยความงุนงง และตื่นตกใจ สรุปแล้วที่พี่อาร์ตอยู่ตัวคนเดียวก็เพราะแบบนี้ ทั้งจากเป็น และจากตาย ทำให้พี่อาร์ตเหลือตัวคนเดียว เพราะเหตุการณ์สูญเสียทำให้เขาเสียใจครั้งแล้วครั้งเล่าจนไม่กล้าเปิดใจให้ใครเข้ามา ... กวินรู้สึกสงสารคนตัวสูงจับใจ เขายกมือขึ้นกุมฝ่ามือหนาที่จับไหล่ของเขาเอาไว้

               วริษฐ์บีบไหล่บางเบา ๆ เพื่อบอกว่า ไม่เป็นอะไร เขาไม่ได้เป็นอะไร ยังคงปลอดโปร่งดี

               พวกเขาช่วยกันจัดการ จัดการทำความสะอาดพื้นที่หน้าเจดีย์ ล้างแจกันดอกไม้ก่อนจะใส่ดอกไม้สดลงไปทำให้ที่ตรงนี้ดูมีชีวิตชีวา พวกเขาวางอาหาร และกับข้าวทั้งหลาย ของกินทั้งคาววางถูกจัดเรียงลงในภาชนะ และวางไว้ที่หน้าเจดีย์

               วริษฐ์จุดธูปสามดอกเขาส่งให้เต๋ากับกวินคนละดอก

               ร่างสูงพนมมือหลับตานิ่ง ‘พ่อครับ สบายดีมั้ย ผมซื้อกับข้าวร้านโปรดพ่อมาด้วยนะ ผมยังคิดถึงพ่อเสมอ กินข้าวให้อร่อยนะ’

               เขาปักธูปลงในกระถางธูป เถ้าและทรายในกระถางค่อนข้างแข็งต้องใช้แรงสักหน่อย แต่ดีที่เทน้ำลงไปไว้ก่อนแล้วไม่งั้นคงปักธูปไม่เข้า พอพวกเขาปักธูปกันเรียบร้อย จึงขยับถอยออกมายืนสงบนิ่งใต้ร่มไม้

               ดวงตาของวริษฐ์ไม่ละไปจากธูปเลย เขาพูดกับเต๋าเหมือนเช่นทุกครั้งที่มาด้วยกัน   

               “เต๋าไปนิมนต์พระให้หน่อยดิ”

               “เออ รอแปป”

               เต๋าที่คุ้นชินกับหน้าที่ของเขา เขาทำแบบนี้เสมอแหละเป็นคนไปนิมนต์พระตลอด เพราะเพื่อนเขามักจะหยุดยืนนิ่ง ๆ มองธูปที่ค่อย ๆ ลดลงไปเรื่อย ๆ แบบนี้ตลอดทุกครั้ง เหมือน ณ ขณะนี้ ธูปคือสิ่งเดียวที่เชื่อมโยงสองพ่อลูกเอาไว้

               กวินขยับมายืนข้าง ๆ พลางจับมือคนตัวสูงเอาไว้

               “คุณพ่อครับ ผมจะดูแลพี่อาร์ตเอง”

               คนตัวสูงหันมองคนตัวเล็กพลางส่งยิ้มให้

               “อื้อ ผมเจอคนที่จะดูแลผมแล้วครับ ไม่ต้องห่วงเลย ดูแลดียิ่งกว่าอะไร” เขาพูดพลางกระชับฝ่ามือนุ่ม

               หลังจากนั้นทั้งคู่ไม่พูดอะไรอีก เพียงแต่ยืนนิ่ง ๆ กุมมือกันเอาไว้ ยืนเหม่อมองธูปที่กำลังลดลงอยู่เคียงข้างกันเท่านั้น



               ธูปหดลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งดับ ฝ่ามือชื้นเหงื่อของคนทั้งคู่ยังจับกันไม่ปล่อย หยดเหงื่อไหลซึมจากหน้าผากลงมาตามแก้ม ร่มไม้ก็สู้แสงแดดตอนนี้ไม่ได้

               ไม่นานเต๋าก็กลับมาพร้อมกับพระท่านทั้งหมด 4 รูป พวกเขาเริ่มทำพิธีสวดบังสุกุลให้กับพ่อผู้ล่วงลับด้วยจิตใจที่สงบ กวินได้แต่พนมมือเอาไว้ ในใจภาวนาถึงคุณพ่อของวริษฐ์ในใจ ‘ขอให้ท่านพักผ่อนอย่างสบายใจ เพราะเขาจะอยู่เคียงข้างพี่อาร์ตแทนเอง’



               หลังจบพิธีกรรม พวกเขารู้สึกสงบนิ่งอย่างประหลาด วริษฐ์เก็บข้าวของใส่ถุงเงียบ ๆ จัดการเคลียร์อะไรต่อมิอะไรโดยมีเต๋าและกวินคอยช่วย

               “ไปก่อนนะพ่อ” เขาพูดลาผู้เป็นพ่อ ทั้งที่ไม่แน่ใจว่าเขาอยู่ตรงนั้นหรือเปล่า หรือจะได้ยินที่พูดหรือไม่ แต่เขาก็อยากจะเชื่อ เชื่อว่าพ่ออยู่ไม่ไกลจากเขา และได้ยินที่เขาพูด

               “สวัสดีครับคุณอา” เต๋าพูดพลางยกมือไหว้ เขามาทุกปี จากนี้ก็คงจะมา ถ้าหากว่าสองคนนั้นไม่ได้อยากมาด้วยกันแค่สองคนละก็นะ เขาพูดพลางชำเลืองมองทั้งสองคนที่ยืนอยู่ข้างกัน

               “เอาล่ะ ไปกันเถอะ” วริษฐ์พูดพลางกลับหลังหันก้าวเท้าเดินนำ แต่เดินไปไม่กี่ก้าวก็ได้ยินคำพูดแว่ว ๆ มาตามลม เสียงของกวินตามหลังมา

               “คุณพ่อครับไว้ผมจะมาใหม่”

               วริษฐ์อมยิ้มให้กับคำพูดนั้น ก็มาสิ อยากมาก็มาด้วยกัน



.

[พี่อาร์ตกำลังเปลี่ยนไป เปลี่ยนไปจนกวินต้องคอยบอกหัวใจให้เต้นช้าลงหน่อย

เขาชินกับการมีกวิน เขามองกวินเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมและตั้งใจว่าจะลอง 'เปิดใจ'

ยินดีกับกวินนนนนน นี่แหละวันวาเลนไทน์!!!]

หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 24 พบคนสำคัญ 14/2/63
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 14-02-2020 14:33:00
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 24 พบคนสำคัญ 14/2/63
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 14-02-2020 22:45:50
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 24 พบคนสำคัญ 14/2/63
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 14-02-2020 23:04:56
พี่อาร์ตกำลังจะเปิดใจ พี่จะไม่เหงาอีกต่อไปแล้วนะ
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 25 ทำให้ชัดเจน 22/2/63
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 22-02-2020 18:57:12

บทที่ 25 ทำให้ชัดเจน

   วริษฐ์รู้สึกเพลีย ๆ  น่าจะเพราะแดดที่ร้อนพอกลับถึงบ้านเขาทิ้งตัวลงนอนเหยียดยาวที่โซฟาทันที ตื่นเช้ามาทำนั่นทำนี่ มันง่วงมากเลย กวินตามมานั่งบนพื้นข้าง ๆ เขา ก่อนขยับไปหอมแก้มคนตัวสูง
   “นอนพักซะนะครับ”
   “นอนด้วยกันมั้ย”
   “ไม่ครับ เดี๋ยวไม่ได้พัก” กวินพูดตอบพลางแลบลิ้นทะเล้น
   วริษฐ์ยกมือขึ้นขยี้หัวอีกคนด้วยความมันเขี้ยว มันทะเล้นทะลึ่งนักนะ
   “พี่อาร์ตอยากตื่นกี่โมงผมจะได้ปลุก”
   “พี่ของีบชั่วโมงสองชั่วโมง”
   “ครับ เดี๋ยวผมมาปลุกนะ”
   กวินปล่อยให้วริษฐ์นอนพัก ส่วนเขาลุกไปเตรียมอาหารกลางวันเอาไว้หน่อย เจ้าชายนิทราตรงนั้นจะต้องตื่นมาหิวแน่ ๆ เพราะนี่ก็ได้เวลาอาหารกลางวันแล้ว แต่ดูเหมือนว่า เขาจะง่วงมากกว่าหิว พอจัดแจงทำอาหารง่าย ๆ เขาที่รู้สึกร้อนรู้สึกเหนียวตัวก็ไปอาบน้ำให้สดชื่นหน่อยดีกว่า
   ร่างบางหลังจากทำทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็มานั่งมองใบหน้ายามหลับของวริษฐ์ มองไม่รู้เบื่อคนอะไรมีใบหน้าที่หน้าหลงใหลขนาดนี้ รู้สึกอย่างกับตัวเองเป็นโรคจิตเลย
   “ปลุกกี่โมงดีนะ”
   ก่อนจะคิดต่อ มือถือของวริษฐ์ก็แผดเสียงดัง ปลุกเจ้าของมือถือให้ตื่นขึ้นมา โดยที่กวินไม่ต้องปลุกวริษฐ์รู้สึกตัว ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมอง มือก็ขยับควานหามือถือ ขณะที่กวินหยิบมือถือใส่มือให้กับวริษฐ์
   “สวัสดีครับ
   “คุณไม่ติดต่อมาตั้งนานแล้วนี่ครับ
   ครับ?   
   พรุ่งนี้?
   อ๋อ ก็ได้ครับ”
   วริษฐ์พูดโทรศัพท์ทั้งที่ยังหลับตาอยู่ เขาพูดด้วยน้ำเสียงติดจะแหบ ๆ กวินถือวิสาสะแอบฟัง แต่ก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่องอะไรเท่าไหร่
   วริษฐ์กดวางสาย เขาลืมตาตื่นขึ้นมา พลางมองกวินที่กำลังจ้องเขาตาแป๋ว ตื่นมาก็เจอหน้าเลย...
   “ทำอะไรกิน หอมจัง” กินหอมของกับข้าวลอยฟุ้งไปทั่วบ้าน
   “ต้มจืด แล้วก็หมูทอดกับน้ำจิ้มมะขาม”
   “น่ากิน”
   “จะกินเลยมั้ยครับ”
   “กินสิ
   กวินจึงลุกจะไปเตรียมกับข้าวให้ ขณะที่มือหนาคว้าข้อมือกวินเอาไว้
   “ครับ”
   “พี่อยากกิน แล้วเราจะไปไหน”
   “ไปอุ่นข้าว”
   พี่จะกินเรา”
   “พี่อาร์ต...” กวินเขินเล็กน้อยกับคำพูดนั้น
   ร่างสูงลุกขึ้นนั่งพลางใช้มืออีกข้างตบตักเรียกอีกคนให้เข้ามาหา
   กวินเดินเข้าไปนั่งตักอย่างว่าง่าย
   มือหนาโอบรอบเอวของกวินแน่น เขาซุกหน้าลงกับลำคอขาว
   “หอมจังเลย เพิ่งอาบน้ำมาหรอ”
   “ครับ”
   วริษฐ์พรมจูบไปที่ต้นคอขาว เขาถอดเสื้อยืดตัวบางออกก่อนจะไล่จูบตั้งแต่ต้นคอ ไหล่บาง แล้วแผ่นหลังเนียน จูบตามแนวกระดูกสันหลัง
   กวินเม้มปากเมื่อมือหนาสอดเข้าไปในกางเกงของเขา และหยอกล้อกับส่วนอ่อนไหวของเขา
   “เก็บเสียงทำไมล่ะกวิน” วริษฐ์พูดหยอกพลางงับที่ใบหูของกวิน ลิ้นร้อนแลบเลีย
   “พี่อาร์ต”
   “อยากให้พี่ดูแลตรงไหนดี”
   “อื้อ”
   มือหนากำรอบก่อนขยับมือขึ้นลงให้คนในอ้อมแขนตัวสั่นสะท้าน
   “กวินตั้งใจจะรักพี่ไปถึงเมื่อไหร่” วริษฐ์ถามขณะที่มือยังคงขยับไม่หยุด
   “รัก...ไปเรื่อย ๆ ครับ อ่ะ อึก พี่”
   “เด็กดี” เขาขยับมือจนร่างบางกระตุกเกร็งปลดปล่อยออกมา
   กวินหอบหายใจพลางทิ้งตัวลงพิงแผงอกกว้าง วริษฐ์สวมกอดอีกฝ่ายแน่น
   “พี่อาร์ต”
   “ครับ”
   “แล้วพี่อาร์ตล่ะ...” รู้สึกรักผมขึ้นมาบ้างหรือยัง
   “พี่ว่าพี่ก็นึกไม่ออกเหมือนกันว่าถ้าไม่มีกวิน พี่จะอยู่ยังไง”
   กวินหันขวับด้วยความตกใจกับประโยคที่ได้ยิน กำลังจะถามต่อ กลับถูกริมฝีปากอุ่นจูบปิดปากเอาไว้แทน จูบที่ราวกลับอยากจะกลืนกินเขาเข้าไปทั้งตัว ดวงตากลมมีน้ำตาเอ่อคลอหน่วย มือบางคว้าจับอกเสื้อของวริษฐ์เอาไว้แน่น จูบที่ได้รับทำให้เขารู้สึกดีมากจนกลัวว่าตัวจะลอยถ้าหากไม่คว้าจับอีกฝ่ายเอาไว้
    จูบที่ลิ้นร้อนไล้วนไปทั่ว จูบที่ทำให้ลิ้นของทั้งสองกี่ยวกะหวัดกันจนแทบจะพันกัน มือหนาบีบเคล้นอยู่ที่ต้นขาอวบ กวินรู้สึกถึงความแข็งแกร่งที่ดุนดันก้นของเขาอยู่
   วริษฐ์ถอนจูบเมื่อรู้สึกราวกับจะหมดลมหายใจ ดวงหน้าสวยหวาน ทำให้เขานึกอยากรังแกให้รุนแรง
   “ฮื่อ” กวินครางขณะพลิกหมุนตัวมาหา เรียวขาเนียนพาดอยู่บนต้นขาแกร่งขณะบดเบียดเสียดสีเข้ากับส่วนแข็งแกร่ง ‘คิดว่าแกล้งเขาได้คนเดียวหรือ’
   “จะเอาคืนพี่หรอไง”
   “ใช่แล้ว” คนตัวเล็กตอบรับพลางใช้มือโอบรอบคอคนตัวสูงเอาไว้ ริมฝีปากบางงับที่สันกรามของวริษฐ์ นิ้วมือเล็กถูไถอยู่ที่ตุ่มไตบนแผงอกกว้าง
   “ซี๊ด” วริษฐ์ครางเมื่อมือบางกับสะโพกกลมเบียดไปถูกจุดอ่อนไหว
   มือบางล้วงเอาแก่นกลางของเขาออกมาสัมผัสอากาศข้างนอก พลางใช้มือรูดรั้งมัน วริษฐ์ปวดหนึบจวนเจียนจะเสร็จให้ได้ มือหนารุกรานที่ช่องทางรัก สอดนิ้วเข้าไปเบิกทาง เพราะเขารู้ว่ามันถึงเวลาที่จะสอดใส่เสียที
   “ยกสะโพกหน่อยสิครับ”
   มือหนากำแก่นกลางให้ตั้งชัน รอให้กวินกดสะโพกลงมากลืนกินมันเข้าไป กลืนกินตัวตนของเขาให้เข้าไปภายในตัวของกวิน
   กวินเชิดหน้าเมื่อแก่นกลางของวริษฐ์ค่อย ๆ ผลุบเข้าไปทีละน้อย ความเสียวแล่นปลาบไปทั่ว เมื่อเขากลืนกินทั้งหมดของวริษฐ์เข้าไปด้านใน  คนตัวเล็กซุกหน้ากับลาดไหล่หนา มือโอบจับรอบคออีกฝ่ายแน่น เขาเสียวมาก จนแก่นกลางของตัวเองพลอยตั้งชันขึ้นอีกรอบ
   “พร้อมให้พี่ขยับหรือยัง”
   “ขะ ขยับเลย”
   วริษฐ์ขยับบั้นท้ายนุ่มที่อวบเต็มไม่เต็มมือ เขาขยับแก่นกายเข้าออกขณะยกสะโพกอีกคนขึ้นลงสอดรับจังหวะกัน กวินขมิบตอดหลายต่อหลายครั้ง เสียงเนื้อกระแทกกันดังลั่น พร้อมเสียงครางต่ำของวริษฐ์ และเสียงครางหวานหยดของกวิน
   “อ๊ะ อ่าพี่อาร์ต แรงอีก” กวินร้องครางพร้อมบอกความต้องการ
   เขาจึงพลิกให้กวินลงไปอยู่ข้างล่างแทน ก่อนจะกระแทกกระทั้นเข้าไปเต็มแรง
   กวินแอ่นเอวรับสัมผัส ครวญครางไม่เป็นภาษาเมื่อใกล้จะไปถึงจุดหมาย
   วริษฐ์เร่งความเร็วเพราะเขาเองก็เห็นขอบสวรรค์อยู่ใกล้แค่เอื้อม เขาปลดปล่อยเข้าไปที่ด้านในของกวิน
   “เฮือกกก อื้อออ” กวินที่เสร็จสมตามไปติด ๆ ปรือตาลง พลางหอบหายใจ จุดเชื่อมต่อเต็มไปด้วยน้ำอะไรต่อมิอะไรที่ไหลซึมเปรอะเปื้อน
   วริษฐ์จูบที่ข้างแก้มนวลก่อนจะถอนแก่นกายออกมาของเหลวสีขุ่น ยืดยาวตามออกมาเป็นเส้นก่อนจะขาดออก เขาอิ่มใจ และหมดแรง
   ร่างเปลือยเปล่านอนหอบหายใจ ช้อนตาขึ้นมองวริษฐ์ ใบหน้าเนียนเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ ผลงานชิ้นเอกของเขา เขาช้อนอุ้มกวินตัวลอยไปห้องน้ำ ได้ข่าวว่าอีกคนเพิ่งอาบน้ำมา และจะต้องอาบน้ำใหม่อีกครั้ง เขาจะชดเชยให้ด้วยการอาบให้เอง
   วริษฐ์ทำความสะอาดอีกฝ่ายทุกซอกทุกมุม สะอาดหมดจด ดูแลกวินราวกับตุ๊กตาตัวน้อย อ่อนโยนจนกวินกระดากเขิน เขาไม่ชินเอาเสียเลย กับวริษฐ์ที่เป็นแบบนี้ แต่ไม่ได้บอกว่าไม่ดี ไม่ได้บอกว่าไม่ชอบ
   พวกเขานั่งแช่อยู่ในอ่าง น้ำอุ่นกำลังดี วริษฐ์จ้องอีกฝ่ายด้วยความสนใจ เส้นผมเปียกชื้นแนบลู่ไปกับกรอบหน้าไหล่บางที่มีร่องรอยขบเม้มที่เขาทำเอาไว้ ทำไมมันช่างเซ็กซี่ขนาดนี้ กวินยังน่ารักได้มากกว่านี้อีกหรือเปล่านะ ทำไมถึงดีกับเขาได้ขนาดนี้ และทำไมถึงได้ทำให้เขารู้สึกดีแบบนี้ รู้สึกสบายใจ
   คนตัวเล็กที่รู้สึกถึงการถูกจ้องมอง มองแล้วมองอีก มองจ้องไม่ยอมหยุด จนเขาตัดสินใจถามออกมา
   “พี่อาร์ตมีอะไรหรือเปล่า”
   “ทำไม...” เขาเงียบไปอึดใจ “ทำไมกวินถึงน่ารักได้ขนาดนี้”
   “ฮะ เอ่อ ครับ” กวินอึกอัก แปลก ประหลาด ไม่คุ้นชิน ทนไม่ไหว... “ผมไปอุ่นข้าวรอนะ”
   “เนี้ย น่ารักขนาดนี้”
   “พี่อาร์ตเพี้ยน” คนตัวเล็กพูดแบบนั้นก่อนจะเผ่นหนี ขณะที่วริษฐ์หัวเราะตามหลังออกไป
   แค่นี้เขาก็อารมณ์ดีแล้ว งั้นนี่ก็คงใช่ คงเป็นความรัก เขาคิดพลางขยับยืดขาแช่น้ำอย่างสบายอารมณ์ จะบอกอีกคนยังไงดีว่าเข้ามาในใจของเขาได้สำเร็จแล้วนะ จะทำหน้ายังไงหากเขาบอกออกไปแบบนั้น เมื่อเป็นรัก เขาก็อยากจะทำให้พิเศษ จะบอกบนดินเนอร์สูงเสียดฟ้า หรือกลางแม่น้ำดี
   คนตัวสูงออกจากห้องน้ำพลางเดินไปหากวินที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหาร ร่างสูงเดินไปใกล้ก่อนจะหอมแก้มคนตัวเล็ก
   “หอมจังเลย”
   กวินได้แต่ทำตัวไม่ถูก พี่อาร์ตร่างนี้ทำเขาประหลาดใจไม่หยุดหย่อน
   “กวินพรุ่งนี้พี่ลาบ่ายนะ”
   “ครับไปไหนหรือ”
   “มีธุระนิดหน่อย อีกฝ่ายบอกว่าด่วน พี่ก็เลยต้องไป”
   “อ่าครับ” เพราะพี่อาร์ตบอกว่าธุระด่วน เขาก็เลยไม่กล้าถามต่อว่าธุระอะไรอีก
   “กลับได้หรือเปล่า”
   “ได้ครับ ผมว่าจะแวะไปเอาหนังสือที่ห้องด้วย ถ้าไม่ขี้เกียจก็อาจจะกลับมาบ้านนะครับ”
   แล้วเติ้ลล่ะ เขาอยากจะถามแบบนั้นออกไป คงไม่โชคร้ายเจอะเจอกันพอดีหรอกมั้ง
   “มีอะไรโทรมาบอกพี่เลยนะ”
   “ครับ”
   
   กวินกลับไปห้องนอนกลิ้งเกลือก ด้วยความรู้สึกขี้เกียจ ห้องที่ไม่ได้กลับมานานคิดถึงเหมือนกันนะ พอนอนกลิ้งไปกลิ้งมาก็เริ่มรู้สึกง่วงขึ้นมา สงสัยจะไม่ได้กลับบ้านแล้วล่ะ
   เหตุผลที่กลับมาคือจะมาเอาหนังสือ จะมาเอาของเล่นที่เอาไว้เล่นกับพี่อาร์ต ./////. พวกหูพวกหางน้องแมวที่อีกฝ่ายดูจะชอบใจนัก
   ติ้ง ติ้ง
   ‘กวิน
   ถึงห้องหรือยัง’
   วริษฐ์ทักมาหา ทำให้กวินยิ้มกว้างก่อนจะพิมพ์ตอบกลับไป
   “ถึงแล้วครับ วันนี้ผมนอนห้องนะ ง่วงมาก”
   ‘ก็ได้ ถึงพี่จะคิดถึงก็เถอะ’
   กวินยกมือขึ้นปิดหน้าด้วยความเขินอาย ในใจอยากจะร้องโวยวายเสียงดัง หรือกระโดดโล้ดเต้นให้รู้แล้วรู้รอด
   “เว่อ แล้วพี่เสร็จธุระแล้วหรอ”
   ‘ครับ กำลังจะกลับ’
   “กลับดี ๆ นะ พรุ่งนี้จะซื้อหมูปิ้งร้านอร่อยไปฝาก”
   ‘ดีครับ พรุ่งนี้เจอกัน’
   “ครับ” กวินวางมือถือไว้ข้างตัว ก่อนจะกลิ้งไปมา พี่อาร์ตทำเขาหัวใจเต้นแรงได้ตลอดเลย แล้วนี่ตัวเขาจะสามารถรักอีกฝ่ายได้มากขึ้น ๆ แบบไม่มีลิมิตเลยหรอเปล่า เขาคิดพลางพลิกนอนคว่ำหน้า ฝังหน้าลงกับหมอนนุ่ม พลางพยายามสงบจิตสงบใจ

   ปัง ปัง

   เสียงเคาะประตูทำเอาสะดุ้ง มือบางขยับลุกไปคว้ามือถือ พลางกำเอาไว้แน่น เตรียมจะโทรหาอีกคนถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ทว่ามีกระดาษปึกหนึ่งสอดเข้ามาที่ใต้ประตู เขาส่องตาแมวดูก็ไม่เห็นใคร เขาจึงหยิบกระดาษปึกบางมาดูด้วยความระมัดระวัง กระดาษปึกบางทำเอามือไม้สั่น ภาพที่เห็นทำเอาสมองของเขาพร่าเบลอ
   วริษฐ์กับหญิงสาวสวยสะพรั่งคนหนึ่ง เสื้อผ้าของวริษฐ์ ชุดวันนี้ไม่ผิดแน่ เขาเป็นคนจับปกเสื้อให้เองกับมือ...
   ธุระด่วนของเขางั้นหรือ...
   ภาพทั้งคู่พูดคุยหัวเราะ วริษฐ์แตะแขนหญิงสาวแผ่วเบา พวกเขาดูสนิทสนม น้ำตาเอ่อท้นที่ขอบตา ก่อนที่จะหยดแปะลงบนปึกกระดาษ ใช่นี่คือธุระสำคัญ...
   เขาแค่หลงละเมอดีอกดีใจไปกับความใจดีของพี่อาร์ต เขาควรจะรู้ว่าตัวเขาเองเป็นใคร ก็แค่คนที่ผ่านมาให้ความสุขเขาชั่วครั้งชั่วคราว คำว่ารักสักคำก็ไม่ได้เคยได้ แต่คิดไปเองว่าเขาจะรักได้บ้างในสักวัน
   ...แต่มันเกิดขึ้นอีกแล้วสินะ ผู้ชายก็ต้องคู่กับผู้หญิงถูกมั้ย... เหมือนเติ้ล ครั้งนี้ก็เช่นกัน  ต่อให้เขาพยายามเข้าหาอีกฝ่ายแค่ไหน วิ่งวนอยู่รอบตัวเขา เพราะรัก แต่ถ้าอีกฝ่ายไม่รู้สึกแบบนั้น ไม่รู้สึกแบบเดียวกัน มันก็ไม่มีความหมาย

   “พี่อาร์ต ถ้าวันหนึ่งผมจะไป พี่จะรั้งผมมั้ย”
   “พี่...คงไม่รั้ง คนจะไปรั้งให้ตายก็ไปอยู่ดี ใช่มั้ย”   

   ยิ่งคนไม่สำคัญแบบเขาด้วยแล้ว... ยิ่งคิดความรักก็เหมือนกลับมารัดคอเขาเองจนหายใจไม่ออก ความสุขเมื่อกี้ไม่มีอยู่จริง ความอ่อนโยนที่ผ่านมาราวกับความฝัน ที่จางหายไปเมื่อเขาตื่น
   เขาทำได้แค่ร้องไห้สะอึกสะอื้นเท่านั้น
 
   ปัง ปัง ปัง ปัง
   เสียงเคาะประตู รัวมาอีกชุด น่ารำคาญ!
   "กวิน เปิดประตูสิ ให้ฉันปลอบนาย" เสียงของเติ้ลดังอยู่หน้าประตู
   "เติ้ล..." ยังไม่ไปจากชีวิตของเขาอีกหรอวะ "ไปให้พ้น!" ให้ตายก็ไม่เปิด คนแบบนายก็แย่พอกัน
   กวินนั่งกอดเข่าหลังพิงประตูร้องไห้อยู่บนพื้น ร้องไห้ไม่หยุดนานหลายชั่วโมง เขาเหนื่อยเกินกว่าจะขยับตัว จึงนอนคุดคู้หลับไปบนพื้นเย็นเฉียบ

   วันนี้กวินไม่มาทำงานหรือ ไหนว่าจะซื้อหมูปิ้งมาฝาก ไม่มีสักไม้บนโต๊ะ ไม่มีวี่แววของอีกฝ่ายเลย
เขาจึงกดโทรหาเบอร์โต๊ะของกวินก็ไม่มีใครรับ ร่างสูงจึงลุกเดินไปที่โต๊ะมองหาคนตัวเล็กที่คุ้นเคย ไม่มีวี่แวว ไปไหนของเขา...
   วริษฐ์เปิดแชทพลางพิมพ์ไปหากวิน
   'วันนี้ไม่มาทำงานหรอ?
   ไปไหน'
   รอเป็นชั่วโมงแชทก็ไม่ถูกอ่าน วริษฐ์มักเผลอมองมือถือตลอด รอว่ามันจะแจ้งเตือนเมื่อไหร่แต่เงียบกริบ
   เขาเปลี่ยนจากแชทเป็นโทรก็ไม่มีใครรับ ร่างสูงขมวดคิ้วมุ่น ด้วยความวิตกกังวล ไปไหนของเขานะกวิน วริษฐ์กดโทรทุกครึ่งชั่วโมง ครั้งละสองสามสาย ยิ่งเวลาผ่านไปเขาก็ยิ่งกังวล ความกลัวเข้าเกาะกุมหัวใจของเขา ...จะหายไปหรอ จะทิ้งเขาใช่มั้ย
   วริษฐ์ไม่มีสมาธิทำงาน เขาแจ้งลาครึ่งวัน บอกว่าปวดหัว ก่อนขับรถตรงดิ่งไปหากวิน ไปดูให้เห็นกับตาว่ายังอยู่
   คีย์การ์ดสำรองถูกรูด ภาพตรงหน้าทำวริษฐ์แทบหยุดหายใจ กวินนอนกองอยู่บนพื้น วริษฐ์ถลาเข้าไปดู ใบหน้าซีดเซียว ดวงตาบวมช้ำริมฝีปากแห้งแตกจนเลือดซิบ ยังหายใจอยู่
   "กวิน!" เขาร้องเรียกเสียงดัง มือหนาประคองคนตรงหน้าเอาไว้ "กวิน"
   ดวงตากลมปรือขึ้นมามองว่าเสียงใครเรียก เขาเห็นใบหน้าวิตกกังวลของวริษฐ์ชัดเจน
   "พี่..." เสียงแหบพร่าเรียกเขาแผ่วเบาจนเหมือนเสียงลมพัดผ่าน
   "เป็นอะไรใครทำอะไรกวิน"
   ร่างสูงช้อนตัวคนตัวเล็กมาไว้ในอ้อมแขน ก่อนวางดี ๆ บนเตียงกว้าง
   มือหนาลูบหน้าผากคนป่วยแผ่วเบา
   "เดี๋ยวพี่เอาน้ำให้ดื่มนะ"
   เขาป้อนน้ำ พลางเอาผ้าขนหนูเช็ดหน้าเช็ดตาให้อีกฝ่ายแผ่วเบา
   ร่างบางมองท่าทางใจดีของคนตรงตรงหน้า ฉับพลัน เขาก็รู้สึกร้อนผ่าวที่ขอบตา เครื่องผลิตน้ำตายี่ห้อกวินกำลังจะดำเนินเครื่อง
   ร่างสูงเห็นหยดน้ำตาเอ่อคลอก็ได้แต่งง
   "เป็นอะไรครับ"
   หยดน้ำเม็ดโตไหลหยดลงข้างแก้ม ร่างบางเม้มปากแน่นเพื่อกักเก็บเสียงสะอื้น
   นิ้วชี้ขยับเช็ดน้ำตาของอีกฝ่ายแผ่วเบา มองร่างบางตรงหน้าด้วยสายตาแห่งความเป็นห่วง
   "เป็นอะไร ไหนเด็กดีบอกพี่สิ เจ็บตรงไหน"
   มือบางยกวางขึ้นที่ตำแหน่งหัวใจ
   "อก? แน่นอกหรอ หายใจไม่ออกหรอ ไป ไปโรงพยาบาล" ร่างสูงเตรียมจะอุ้มคนป่วยไปส่งโรงพยาบาลหน้าตาตื่นตกใจ เขากลัวอีกฝ่ายจะป่วยหนัก
   ร่างบางจึงรีบส่ายหัวปฏิเสธรัวๆ ไม่ใช่อก แต่เป็นหัวใจ
   "ผม...ระ รู้ว่า ฮึก เวลา ของผม เหลือน้อย...เต็มที"
   วริษฐ์ตกใจสุดขีดดวงตาเบิกโพล่งเมื่อได้ยินประโยคนั้น มือไม้อ่อนแรง กวินเป็นอะไร? โรคร้าย? เวลาเหลือน้อย?
   "กวิน เป็นอะไรบอกพี่" น้ำเสียงวริษฐ์ติดจะสั่นเครือ
   "เป็นโรคร้ายแรงอะไร มันก็ต้องมีทางรักษา บอกพี่สิ พี่จะพาไปหาหมอ" หมอที่ไหนเก่งเขาจะพาไป จะหามาจ่ายแน่นอน ไม่ยอมให้คนในอ้อมแขนเป็นอะไรไปแน่
   กวินขมวดคิ้วจ้องอีกฝ่าย โรคร้ายอะไร เขาไม่ได้เป็น เขาก็แค่รู้ว่าเดี๋ยวอีกฝ่ายก็คงไปจากเขา
   น้ำตาพรั่งพรูไม่ขาดสาย ก้อนสะอื้นขึ้นมาจุกอยู่ที่คอ
   "กวิน อย่าร้อง เดี๋ยวเราหาทางออกด้วยกัน" น้ำเสียงทุ้มนุ่ม กับสัมผัสอ่อนโยนทำให้เขายิ่งร้องไห้
   วริษฐ์มองร่างบางด้วยความเป็นห่วง ยิ่งบอกว่าอย่าร้อง อีกฝ่ายยิ่งร้องหนักขึ้น เขาจึงทำแค่จับมือนุ่มของอีกฝ่ายเอาไว้ กุมไว้จนอีกฝ่ายเริ่มนิ่ง
   "ผมรักพี่"
   "กวิน" วริษฐ์เรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงเครียด เขากลัวจนจะบ้าอยู่แล้ว ...
   ร่างบางใช้แขนค้ำ พยายามลุกขึ้นนั่งอย่างไร้เรี่ยวแรง มือบางชี้ไปที่ปึกเอกสารที่วางอยู่ที่หัวเตียง
   วริษฐ์เอื้อมหยิบมาพลิกดู เขาตกใจกับภาพที่เห็น เขากับ... นี่สินะสาเหตุที่กวินร้องห่มร้องไห้ไม่หยุด
   "ตกลงไม่ได้ป่วย"
   ร่างบางสั่นหน้าแทนคำตอบ
   “อ่า ใครมันเล่นงานพี่กันนะ คุณกานน่ะ เดี๋ยวพี่จะเล่าให้ฟังว่าไปคุยอะไรกับเขามา มันไม่มีอะไรเลยคนดีของพี่”
   วริษฐ์กอดอีกฝ่ายแน่น ไม่มีอะไร ก็แค่เรื่องเข้าใจผิด เขาคงต้องทำให้ชัดเจนได้แล้ว
.
.
[อ่ะ บอกออกไปเลย ไม่ต้องรอบรรยากาศเเล้ว
รู้ว่ารักเขาแล้วนี่นา บอกเขาไปสิ]
 :mew1:

หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 25 ทำให้ชัดเจน 22/2/63
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 22-02-2020 22:41:17
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 25 ทำให้ชัดเจน 22/2/63
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 23-02-2020 01:06:31
 :pig4: :pig4: :pig4:

อิเติ้ล  แผนสูงนักนะ
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 25 ทำให้ชัดเจน 22/2/63
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 23-02-2020 08:18:46
รีบบอกเลยว่ารักน้อง เดี๋ยวจะยิ่งคิดไปไกล อิเติ้ลรอเสียบอยู่เนี่ย
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 25 ทำให้ชัดเจน 22/2/63
เริ่มหัวข้อโดย: allmysecret ที่ 23-02-2020 15:18:58
เรื่องกำลังไปได้ดีเชียว แอบอยากให้เคลียร์กับเติ้ลอ่ะ
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 25 ทำให้ชัดเจน 22/2/63
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 24-02-2020 08:22:50
 :m15:
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 25 ทำให้ชัดเจน 22/2/63
เริ่มหัวข้อโดย: allmysecret ที่ 26-02-2020 01:11:02
สงสารน้อง
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 26 พี่จะบอกว่า... 3/3/63
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 03-03-2020 18:14:00

บทที่ 26 พี่จะบอกว่า...

   กวินนอนพิงอยู่บนอกอุ่นของวริษฐ์ คนตัวสูงกอดคนตัวเล็กไว้แน่นไม่ยอมปล่อย เขากลัวนะ ว่าถ้าปล่อยมือคนในอ้อมกอดจะสลายหายไป
   “พี่กลัวมากนะกวิน เราไปโรงพยาบาลกันดีมั้ย”
   “...ผมไม่ได้เป็นอะไร”
   “สภาพเราเกือบทำพี่ช็อคตายแล้ว”
   “แย่มากหรอครับ”
   “แย่มาก ๆ” เขามองสำรวจสภาพของคนในอ้อมแขน ริมฝีปากบางแห้งแตก กวินดูเหมือนจะพร้อมสลายกลายเป็นผุยผงได้ตลอดเวลา ...แค่คืนเดียว เขาทำให้กวินเสียอกเสียใจ ความน่ารักสดใสจางหายไปเกือบหมด เขารู้สึกผิดที่ทำให้ร่างบางต้องเป็นแบบนี้
   “พี่ขอโทษ”
   “อื้อ พี่อาร์ต ขอโทษทำไม”
   “พี่ทำให้เราต้องเป็นแบบนี้”
   “ผมทำตัวเองครับ”
   “ไม่หรอก พี่ผิดเอง”
   “ผมผิดที่รักพี่เองครับ...”
   คำพูดของกวินทำให้เขาสะอึก กวินไม่เคยคิดจะโทษเขา ไม่เคยว่าหรือตำหนิไม่ว่าเขาจะทำอะไร มีแต่ตัดพ้อตัวเอง มีแต่ยอมรับและก้มหน้าก้มตาอดทน ...ใช่ กวินทำตัวเอง ที่มารักคนแบบเขา มารักคนที่ไม่ชัดเจนสักที มารักคนที่ไม่ยอมตัดสินใจว่าจะเอายังไงกันแน่แบบนี้ แต่ครั้งนี้ เขาตัดสินใจแล้วจริง ๆ ...
   มือหนายกขึ้นลูบริมฝีปากแห้งผาก
   “อือ ดื่มน้ำอีกหน่อยสิกวิน” วริษฐ์ขยั้นขยอ
   กวินยอมดื่มน้ำเพิ่ม เขารู้สึกแย่อย่างบอกไม่ถูก เหมือนร่างกายนี้มันขาดน้ำ อ่อนเพลีย เขามองคนตัวสูงนิ่ง ความรู้สึกหลากหลายผสมปนเป เขากับผู้หญิงคนนั้นไม่มีอะไรจริงหรือ จะไม่หักหลังเขาอีกคนใช่มั้ย
   “กวินหิวมั้ย เป็นยังไงบ้าง เอาอะไรอีกมั้ย”
   “ไม่ครับ ผมแค่อยากรู้...”
   ร่างบางส่ายหน้าปฏิเสธ เขาไม่รู้สึกต้องการอะไรนอกจากความจริงจากปากของคนตรงหน้า
   “คือแบบนี้นะกวิน เมื่อวันก่อนน่ะ คุณกานเขาโทรมา... เราก็ยังส่งมือถือให้พี่อยู่เลย”
   วริษฐ์เริ่มเล่ามือหนายกขึ้นเกลี่ยเส้นผมที่มันลงมาปรกหน้าคนตัวเล็ก
   “คุณกานน่ะเขาเป็น...”
   หากบอกไปตามตรงอีกคนจะยิ่งกังวลหรือเปล่า แล้วหากปิดบัง... เขาก็ไม่อยากทำ ไม่อยากจะเริ่มความสัมพันธ์นี้ด้วยการปิดบัง
   กวินมองอีกฝ่ายที่มีท่าทีอึกอัก ความกังวลยิ่งถาโถมเข้าหาตัวเขา
   “กวินสัญญากับพี่ ว่าจะฟังให้จบ พี่จะไม่โกหกแม้แต่คำเดียว”
   “ครับ”
   “เขาเคยเป็นคู่นอนของพี่”
   ลำคอของกวินแห้งผากยิ่งกว่าเดิม ...คู่นอน คำนี้ดังก้องอยู่ในหัวของเขา
   “พี่กับเขาเคยเจอกัน เพราะต้องติดต่องานด้วยกันอยู่พักนึง เธอเป็นคนดี”
   กวินนิ่งฟัง ดวงตากลมมีหยาดน้ำตาเอ่อคลออีกครั้ง
   วริษฐ์พยายามนึกย้อนเรื่องเมื่อวานขณะเล่าถ่ายทอดออกมา เขาเล่าออกมานิ่ง ๆ ตั้งใจว่าจะเล่าละเอียด ไม่ตัดทอนอะไรออกเลย
   “ทีนี้เขาบอกพี่ว่ามีเรื่องด่วน พอพี่ไปถึง คำแรกที่เขาพูดใส่พี่คือเขาท้อง”
   “...” หยดน้ำตาเริ่มร่วงหล่นอีกครั้ง
   “กวิน มันไม่เกี่ยวกับพี่นะเรื่องนี้ พี่ไม่ได้ยุ่งกับเขามานานมากแล้ว เขาแค่แหย่พี่เล่นเฉย ๆ” มือหนายกขึ้นเช็ดน้ำตาของกวินที่ยังคงไหลลงมาเงียบ ๆ หรือเขาควรจะตัดทอนเหตุการณ์ต่าง ๆ ออกไป
   “เขากำลังจะแต่งงาน บังเอิญว่าเจ้าบ่าวที่เขากำลังจะแต่งด้วย เขาเป็นเพื่อนพี่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย เขาเห็นพี่จากรูปถ่าย เขาเลยนึกถึงพี่ขึ้นมา”
   “...”
   “คุณกานเขามีความกังวลในความสัมพันธ์ของระหว่างเขากับพี่ เขาไม่อยากให้เจ้าบ่าวที่แสนดีรู้เรื่องนี้ และก็อยากจะให้พี่รู้ก่อนที่เจ้าบ่าวจะเริ่มแจกการ์ด กลัวพี่พูดอะไรมั้ง”
   พอรู้ความจริง ถึงมันจะเคยมีอะไรมาก่อน แต่ก็เป็นเรื่องในอดีต ที่วริษฐ์เดินจากออกมาไกล เขาเล่าออกไปหมดแล้ว แต่แทนที่กวินจะหยุดร้องไห้ กลับร้องหนักกว่าเดิม...
   กวินปล่อยโฮ ร้องไห้ออกมาซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่เป็นไปด้วยความรู้สึกโล่งใจ
   “พี่เอารูปเราให้คุณกานดู คุณกานบอกว่าคนที่พี่ปลอบวันนั้นคือเรา เขาจำได้ เขาบอกว่าเราผิวเนียนมากจนน่าอิจฉา”
   กวินพยายามมองใบหน้าของพี่อาร์ตผ่านม่านน้ำตา คุณกานอะไรนั่นรู้จักเขาด้วยหรือ
   “วันนั้นพี่อยู่กับคุณกานเป็นครั้งสุดท้าย และไม่เคยติดต่อกันอีกเลย”
   “ครับ”
   “ไม่ต้องร้องแล้วนะ น้ำจะหมดตัวแล้ว”
   กวินพยายามจะกลืนก่อนสะอื้น ขอบคุณที่เป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด ขอบคุณที่เป็นเรื่องที่เขาเติมแต่งมันขึ้นมาเอง เพราะเป็นความกลัว มันเป็นสิ่งที่เคยเกิดขึ้น ถึงได้มีผลต่อจิตใจของเขา เขากลัวว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย
   “ผมกลัว”
   “กลัวอะไร”
   “กลัว...” กวินพูดขณะกอดเอวอีกคนเอาไว้แน่น “ผมกลัวว่าสุดท้ายแล้ว ผู้ชายก็คงต้องคู่กับผู้หญิง สุดท้าย พี่ก็จะทิ้งผมไป”
   วริษฐ์ขยับไปหอมแก้มนวลเบา ๆ สัมผัสได้ถึงรสชาติเค็มของน้ำตา
   “พี่ไม่เคยคิดจะคู่กับใครเลยต่างหาก แต่...” เขาตัดสินใจแล้ว ว่าถ้ากวินต้องทรมานกับความไม่ชัดเจน เขาก็จะไม่รีรออีกแล้ว
   “...”
   “คุณกานถามพี่ว่า ตอนนี้เจอใครที่อยากให้อยู่ข้างกายหรือยัง” วริษฐ์เงียบไปอึดใจ พลางมองสบตาอีกคนอย่างมีความหมาย “พี่บอกเขาไป ว่าพี่เจอแล้ว” เขาพูดก่อนจะขยับส่งยิ้มอบอุ่นออกมา “คนในรูปนั่นไง”
   กวินตกใจ เขาทำตาโตจนแทบถลนออกมา เขาไม่แน่ใจว่าเขาฟังผิดหรือเข้าใจผิดหรือเปล่า ที่ว่าคนที่อยากให้อยู่เคียงข้างคือคนในรูป คนในรูปคือเขา...
   “ตัวคุณกานเอง เขาก็ตกใจทำหน้าแบบนี้เลย แถมบอกว่ารู้สึกพ่ายแพ้นิดหน่อย แล้วกลับหัวเราะเสียงดัง และบอกพี่ว่ามันคงเป็นพรหมลิขิต”
   มือหนาโอบอุ้มคนตัวเล็กไว้แนบอก กระชับอ้อมกอดแน่นอย่างหวงแหน
   “พี่ตั้งใจจะบอกในที่ ๆ ดีกว่านี้”
   “พี่อาร์ต” คนตัวเล็กเรียกอีกฝ่ายเสียงสั่นเครือ
   “พี่รักกวินแล้วรู้มั้ย”
   “ฮือ” กวินร้องไห้สะอึกสะอื้นสลับกับปล่อยโฮออกมาที่อกเสื้อของวริษฐ์เปียกชุ่มโชก น้ำตาของกวินมีเยอะจนน่าประหลาดใจ
   “อย่าร้องสิคะ หยุดร้องไห้ได้แล้ว เดี๋ยวป่วย” เขากอดอีกฝ่ายพลางโยกเบา ๆ เหมือนกอดเด็กน้อยเอาไว้
   “ฮือ ผมก็รักพี่ ผมรักพี่ ผมรักพี่มากเลย” กวินพูดบอกรักเขาไม่หยุดหย่อน ซ้ำแล้วซ้ำอีก ร่างบางซุกเข้าหาไออุ่นอย่างโหยหา เขากำลังยิ้ม ยิ้มออกมาทั้งน้ำตา เมื่อความรักของตัวเองถูกตอบสนอง
   “พี่อยากบอกเราบนตึกสูง อยากบอกเราตอนที่เรากินข้าวอยู่ริมแม่น้ำแต่พี่ยังเลือกไม่ได้เลย กลายเป็นว่าพี่บอกออกไปวันนี้ซะแล้ว”
   “ฮื่ออออ”
   “คนเก่งของพี่เมื่อไหร่จะหยุดร้องไห้กันนะ” เขาพูดพลางลูบหัวปลอบโยน “พี่จะไม่ทำให้เราร้องไห้แล้วนะ”
   มือหนาประคองใบหน้าของกวินเอาไว้ก่อนจะโน้มหน้าเข้าหา ประทับริมฝีปากอุ่น แตะสัมผัสถ่ายทอดความรู้สึกส่วนลึกในใจ แตะเพียงแผ่วเบาไม่ดุดันรุนแรง เพียงแค่สัมผัสนุ่มนวลชวนให้ละลาย รสจูบอ่อนหวานผสมรสเค็มของน้ำตา และหยดเลือด จูบครั้งนี้รสชาติประหลาดสิ้นดี แต่ก็ไม่ทำให้ทั้งคู่ผละออกจากกัน เพราะมันเป็นสัมผัสอบอุ่นที่ต่างฝ่ายต่างโหยหาและเฝ้ารอ

   เมื่อถอนจูบออกความรู้สึกยามจ้องมองกัน กลับทำให้หัวใจยิ่งเต้นแรง กวินยกมือขึ้นทาบอกตัวเอง เขาหัวใจเต้นแรงแบบนี้นับครั้งไม่ทั่วเมื่ออยู่กับพี่อาร์ต มือบางขยับไปแตะที่อกของวริษฐ์ เพื่อสัมผัสว่าอีกฝ่ายก็มีจังหวะหัวใจที่เต้นแรงไม่ต่างกัน
   หยดน้ำอุ่น ๆ ไหลลงมาที่ข้างแก้มของกวิน แต่ครั้งนี้กลับเป็นน้ำตาของวริษฐ์ที่หยดลงบนแก้มของเขา วริษฐ์ไม่เคยรู้สึกอบอุ่นขนาดนี้มาก่อนเลยทั้งชีวิตของเขา
   “พี่อาร์ตร้องไห้ตามผมทำไม”
   วริษฐ์กระพริบตาปริบ ๆ พลางยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาของตัวเอง
   “พี่ก็แค่ ...รู้สึกดีมากเกินไป”
   “โอ๋นะครับ” มือบางยกขึ้นลูบข้างแก้มของเขา
   “พี่ไม่คิดเลยว่าพี่จะรักกวิน ไม่คิดเลยว่าพอมีกวินแล้วพี่จะมีความสุขแบบนี้...”
   “ผมดีใจที่พี่มีความสุข”
   “มันอธิบายไม่ถูกเลย” คนตัวสูงสะอื้นเล็ก ๆ กับอีแค่มีใครสักคนเข้ามาในชีวิต ทำไมเขาถึงต้องรู้สึกดีขนาดนี้ ตั้งใจว่าจะแค่บอก แต่น้ำตามันกลับไหลออกมาเอง เขาควรชินชากับการไม่มีใคร ไม่มีทั้งแม่และพ่อ ไม่มีความรักและอ้อมกอดในวัยเด็ก แต่ถึงอย่างนั้น ตอนนี้เขากลับอุ่นไปถึงหัวใจข้างใน “พี่คิดไม่ออกแล้ว ว่าถ้าไม่มีกวินชีวิตพี่จะเป็นยังไงต่อ พี่คิดไม่ออกแล้วว่าก่อนหน้านี้ใช้ชีวิตอยู่มายังไง”
   คนตัวสูงพูดบอกทั้งที่น้ำตาคลอ อยู่ ๆ เขาก็กลายเป็นเด็กขี้แยขึ้นมา มือบางขยับไปเช็ดน้ำตาให้ พร้อมกับส่งรอยยิ้มอบอุ่น สดใสและเป็นประกาย เหมือนแสงแดดอุ่น ที่สาดส่องมาถึงตัวของเขา
   ทั้งคู่ยิ้มให้กันทั้งที่ปลายจมูกยังแดง และดวงตาเปียกชื้น ต่างฝ่ายต่างโผเข้ากอดกันแน่น เริ่มใหม่ไปด้วยกัน จะไม่มีใครต้องเหงา หรือเสียใจตราบเท่าที่มีอ้อมกอดอุ่นให้กันแบบนี้ จากนี้วริษฐ์ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวอีกแล้ว และกวินสมหวังเสียที

   หลังกอดกันเนิ่นนานจนเสียงท้องร้องของกวินดังขึ้นขัดจังหวะ ทั้งคู่ถึงได้แยกออกจากกัน พร้อมเสียงหัวเราะขบขันของวริษฐ์ ส่วนกวินก้มหน้างุดที่ดันทำลายบรรยากาศแสนหวาน พลางก่นด่าความหิวของตัวเอง
   ร่างสูงจัดแจงไปหาอะไรในตู้เย็นมาทำให้กวินกิน อาหารง่าย ๆ อย่างไข่ดาวกับขนมปัง
   วริษฐ์นั่งเท้าคางดูกวินกินไข่ดาวกับขนมปังที่เขาเตรียมให้ มื้อไหนก็ไม่รู้ล่ะ เขามองเพลิน ๆ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่ามีเรื่องที่อยากจะถาม เรื่องที่เขาสงสัย...
   “ใครเอารูปนั่นมาให้กวิน”
   กวินรีบกลืนข้าวลงคอก่อนจะพูดตอบออกไป
   “เติ้ล...”
   “ไอ้เวรนั่น” วริษฐ์สบถออกมา คิ้วขมวดด้วยความโมโห ... เห็นทีต้องทำให้รู้แล้ว ว่าขืนเข้ามายุ่งอีก ครอบครัวมันจะต้องพังทลายไม่มีชิ้นดี เขาเตือนไปแล้ว แต่อาจจะไม่เชื่อหรือว่าลืมเลือนไป
   “กวิน พี่ขอติดต่อสาวคนเก่าของพี่หน่อยได้มั้ยครับ” วริษฐ์พูดขอขณะเลื่อน ๆ ดูช่องทางติดต่อที่หลงเหลืออยู่ คุณอุ้ม คู่ควงที่ลากเขาไปงานแต่งของลูกพี่ลูกน้องเธอ งานแต่งของเติ้ล... เขาจะไปย้ำเตือนมันอีกครั้ง
   “เอ่อ” มาขออนุญาตแบบนี้แล้วเขาจะต้องตอบยังไงล่ะ
   “ติดต่อไปเพื่อจัดการอะไรสักหน่อย” เขามองพี่อาร์ตที่ส่งยิ้มแปลก ๆ ออกมาทำให้เขาขนลุกพิลึก ไม่ใช่รอยยิ้มที่เขาเคยเห็นเลย...
   “ก็ได้แหละครับ”
   “ไม่มีชู้สาวแล้ว สบายใจได้เลย เห็นมั้ยพี่ขออนุญาตกวินก่อน”
   “ผมยังไม่ได้ว่าอะไรเลย ทำไมต้องร้อนตัวด้วย” กวินเลิกคิ้วสงสัย “ยิ่งร้อนตัวยิ่งน่าสงสัยนะครับ”
   วริษฐ์ขยับไปดึงแก้มกวินด้วยความมันเขี้ยว
   “พี่เลิกหมดแล้วจริง ๆ”
   “หรอครับ”
   “มีคนเดียวก็ปวดเอวจะแย่แล้ว”
   กวินก้มหน้างุด ปวดเอวแน่ละ ก็กวินน่ะมันไม่รู้จักอิ่มนี่นา แต่หลัง ๆ เขาไม่ได้ทรมานคนพี่แบบนั้นแล้วนะ มีแต่เขานั่นแหละที่อยากจะกินกวินคนนี้เอง
   “ปวดหลังแล้วมีคนทายาให้ ก็ยอมปวดหลังแหละ”
   กวินเงยหน้าแลบลิ้นใส่วริษฐ์ เขาไม่อยากต่อล้อต่อเถียงเดี๋ยวจะเข้าตัว
   วริษฐ์นึกอยากจะเอามะเหงกไปเขกหัวคนตรงข้ามจริง ๆ แต่ก็นะ ไม่อยากจะรุนแรงคนเพิ่งฟื้นจากอาการป่วย เขาหยุดนิ้วที่เลื่อนไม่หยุดมาพักใหญ่ ก่อนจะมียิ้มเล็ก ๆ ผุดขึ้นที่มุมปาก เจอช่องทางติดต่อแล้ว แต่เดี๋ยวขอจัดการหาข้อมูลก่อน จะตามไปซัดให้ถึงบ้าน

   เขากดมือถือโทรออกหาเพื่อนสนิท รอสายแค่แปปเดียวเท่านั้น ปลายสายก็รับแล้ว เหมือนเต๋าจะว่างมากจริง ๆ
   “เพื่อนเต๋าเมิงว่างมั้ย กุมีเรื่องขอความช่วยเหลือ”
   ‘อะไรเมิง หายหน้าหายตาไป จะมาเอาอะไรจากกุวะ มีความคิดถึงให้กุบ้างหรือเปล่า’
   “ตัดพ้ออะไรของเมิง”
   ‘หึ’
   “เออ คิดถึงน่า ไว้ไปหา”
   ‘จะเอาอะไรว่ามา’
   “กุอยากให้เมิงไปหาข้อมูลคน ๆ นึงให้หน่อย”
   ‘เอารายละเอียดมาสิ’
   “เดี๋ยวกุส่งรูป ชื่อนามสกุลจริงให้ รบกวนหน่อย กุจะเชือดแม่ม”
   ‘ดุเดือดจัง มันไปทำอะไรเมิง’ ปลายสายถามกลั้วขำ เพื่อนมาดุเดือดจังแฮะ
   “มันมายุ่งกับกวิน” วริษฐ์พูดพลางเหลือบตามองคนในบทสนทนา
   ‘แล้วทำไมเมิงต้องโมโหขนาดนั้น’
   “มันมายุ่งกับคนของกุ กุไม่ยอม”
   ‘โฮ่’ เต๋าส่งเสียงพลางเดาะลิ้นกับคำพูดของวริษฐ์ คนของกุว่ะ มันยอมรับแล้วนี่หว่า
   “เมิงก็ด้วย ถ้าขืนมายุ่งกับกวินอีก เพื่อนก็เพื่อนเถอะว่ะ”
   ‘เฮ้ย ใจเย็นดิ เมิงมาขอความช่วยเหลือจากกุนะเว้ย’
   “งั้นกุจัดการเองก็ได้”
   ‘เอ้า เออ ของ ๆ เพื่อน กุไม่ยุ่งหรอก ส่งรายละเอียดมาล่ะกัน กุจัดการให้’
   “ดีขอบใจ”
   
   วริษฐ์กดวางสาย ละสายตาจากมือถือ เพื่อมาเจอดวงตากลมที่กำลังจ้องมองเขาไม่วางตา จ้องเหมือนมีคำถามอยากถาม เพียงแต่ดวงตานั้นเป็นประกายแปลก ๆ
   “อะไรกวิน”
   “พี่อาร์ตหวงผมหรือ”
   “หวง” วริษฐ์ตอบกลับมาทันควัน
   “ฮื่อ” กวินครางออกมาเสียงเบา มีความสุขจังเลย ทำไมมันมีความสุขขนาดนี้ จะถูกความสุขทับตายแล้วครับ กวินไม่ไหวแล้วครับ
   วริษฐ์มองอีกฝ่ายที่ทำหน้าตาเปี่ยมสุขเสียเต็มประดาน่ามันเขี้ยว มือยกขึ้นดันหน้าผากอีกฝ่ายเบา ๆ เขาสัญญาจากนี้เขาก็จะทำให้กวินมีแต่ความสุข และตัวเขาเองก็จะมีความสุขไปพร้อม ๆ กัน

   หลังจากที่วริษฐ์บอกความในใจออกไป ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่กลับยิ่งแน่นเฟ้น พวกเขาแม้ไม่ได้เปิดเผย แต่ก็ไม่มีใครปิดบังอะไร วริษฐ์ตกลงกับตัวเองแล้ว ว่าถ้ามีใครถามว่ากวินเป็นอะไรกับเขา เขาจะตอบอย่างเต็มปากเต็มคำว่าแฟน ไม่ใช่รุ่นน้องที่ทำงานอะไรอีกต่อไป จะบอกอย่างหนักแน่นว่าผู้ชายคนนั้นคือแฟนของผม คนที่ผมจะรักจะคอยดูแล 
   ส่วนกวินนาทีนี้มีความสุขมากกว่าใคร เขารักได้อย่างไม่มีความกังวล รักได้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องกลัวว่ามันจะเป็นการรักเขาข้างเดียว หรือการพยายามที่ไร้ความหมาย เป็นปลายทางที่ไม่มีอยู่จริง เพราะเขาได้เข้าไปอยู่ในหัวใจของอีกฝ่ายแล้ว ... ส่วนในหัวใจของกวินกำลังซ่อมแซมตัวเอง เหมือนหัวใจที่เคยเจ็บช้ำกำลังจะหายดี แผลเป็นกำลังเจือจางจนแทบไม่เหลือรอย

   หลังจากวันนั้นสองวันที่วริษฐ์ขอให้เต๋าช่วยสืบเกี่ยวกับเติ้ล ลูกน้องของเต๋าก็แวะเอาเอกสารมาให้วริษฐ์ที่ทำงาน ร่างสูงนั่งไขว้ห้างมองปึกเอกสารในมือ เขาอยากได้อะไร รายละเอียดแบบไหน เต๋าก็หามาให้ ส่วนเขาก็จัดการเก็บเอกสารข้อมูลต่าง ๆ เพิ่มเติม จริงจังกว่าทำงานก็เรื่องนี้ เขาทำงานฝ่ายทรัพยากรบุคคล ดูแลเรื่องการคัดสรรพนักงาน บางทีเขาก็ต้องติดต่อ ต้องสืบค้นยิ่งตำแหน่งสำคัญใหญ่ ๆ ก็ยิ่งต้องทำ แต่งานนี้ละเอียดกว่านั้น เขานั่งอ่านข้อมูลของเติ้ล บางอย่างถามกวินได้ แต่เขาไม่คิดถาม ไม่อยากให้คนรักต้องนึกถึงความทรงจำเก่า ๆ แล้วต้องรู้สึกแย่และเสียอกเสียใจอีก ไม่มีพื้นที่ให้คนอย่างมันอีกแล้ว หมดเวลาไปเนิ่นนาน ได้เวลาไล่ออกไปเสียที
   ข้อมูลของเติ้ลมาแล้วไม่มีอะไรน่าสนใจนัก พ่อแม่ทำธุรกิจเกี่ยวกับอะไหล่ยนตร์ เจ้าตัวเองก็เข้ามาสานต่อ เจ้าสาวทำธุรกิจนำเข้า ก็ดูจะเกื้อหนุนกันดี งานอดิเรกเติ้ลมีขายพวกอาหารเสริมเพื่อสุขภาพ เห็นทีเขาคงจะต้องช่วยอุดหนุนซะแล้ว
   ร่างสูงโทรติดต่อคุณอุ้มคู่ควงเก่า ที่เคยเป็นคนโปรดของเขา แต่แล้วก็ค่อย ๆ ห่างกันไป เป็นปกติ ความสัมพันธ์ฉาบฉวยเบื่อก็แยกย้ายกันไป เขาบอกกับคุณอุ้มว่าเขาสนใจจะซื้อของจากเติ้ล เจ้าบ่าวที่เคยพบ พอจะพาเขาไปติดต่อได้มั้ย ฝ่ายสาวเจ้าก็ตอบรับเป็นอย่างดี
   เขานั่งมองซองเอกสารสีน้ำตาลสองซองในมือ ก่อนผุดยิ้มขึ้นมา นี่จะเป็นคำเตือนครั้งสุดท้าย

   อย่าเข้ามายุ่งกับกวินอีก!

   
[หวานมาก หวานจนนนนน เป็นรางวัลของทุกคนที่อดทนรอคอย ทนเก่งมาก ๆ
คำว่ารักที่กว่าจะแงะออกมาจากปากคนปากแข็งได้ รางวัลของกวินที่มีความอดทนเป็นเลิศ
และยังเป็นรางวัลของวริษฐ์ที่กล้าพอจะยอมรับหัวใจตัวเอง ส่วนเติ้ล ตอนหน้าเจอกัน!]

หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 26 พี่จะบอกว่า.. 3/3/63
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 03-03-2020 19:28:41
 :pig4: :pig4: :pig4:


รอติดตามผลว่า เติ้ลจะถูกจัดการสั่งสอนแบบไหน
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 26 พี่จะบอกว่า.. 3/3/63
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 04-03-2020 07:53:02
 :L2: :pig4:

คนแบบนี้ ต้องตีให้ตายไปเลย เพื่อนเลว :fire:
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 26 พี่จะบอกว่า.. 3/3/63
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 04-03-2020 13:47:59
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 26 พี่จะบอกว่า.. 3/3/63
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 05-03-2020 07:59:14
พี่อาร์ตจัดการให้เรียบร้อยเลยนะ กวินจะได้มีความสุขสักที
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 26 พี่จะบอกว่า.. 3/3/63
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 05-03-2020 21:41:08
ติดตามๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 26 พี่จะบอกว่า.. 3/3/63
เริ่มหัวข้อโดย: allmysecret ที่ 06-03-2020 23:04:11
 :haun4:
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 27 อย่ายุ่งกับกวินอีก 22/3/63
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 22-03-2020 23:28:21

บทที่ 27 อย่ายุ่งกับกวินอีก


   วริษฐ์ให้อุ้มช่วยนัดแนะให้ การมาเยี่ยมบ้านของอีกฝ่ายจึงไม่ใช่เรื่องยากเลยแม้แต่น้อย วริษฐ์บุกมาถึงบ้านของเติ้ล เข้ามานั่งคุยกับเอิงเอยภรรยาสาวคนสวยของอีกฝ่าย และคุณอุ้มด้วยมาดของชายหนุ่มที่แสนสุภาพและอัธยาศัยดี วริษฐ์ถนัดอยู่แล้วกับการคุยกับผู้หญิง จะให้หยอดให้ยอให้ชมเขาก็ทำได้ทั้งหมด เรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะจากสาว ๆ ได้เป็นอย่างดี รอให้คนที่เขาตั้งใจมาหากลับมาก่อนเถอะ อยากรู้จริง ๆ ว่าจะทำสีหน้าแบบไหน

   เสร็จธุระเติ้ลรีบกลับมาบ้าน เขารู้ว่าวันนี้จะมีแขกเพราะเอิงเอยบอกว่าเพื่อนของพี่อุ้มสนใจในอาหารเสริมที่เขาขายอยู่ แต่ไม่รู้ทำไม เสียงชายหนุ่มที่ดังลอดมาให้ได้ยินกลับคุ้นเคยเหลือเกิน
   ...
   เติ้ลตาเบิกโพล่งเมื่อเห็นชายหนุ่มคนนั้นเต็มตา เขายืนนิ่งไปพักหนึ่ง ใบหน้าแทบถอดสี มานั่งอยู่ตรงนี้ได้ยังไง แล้วพูดอะไรออกไปบ้าง
   “อ้าวเติ้ล กลับมาแล้วหรอ” เอิงเอยหันมาเห็นเขาก่อนจะร้องทัก
   ชายหนุ่มปั้นหน้ายิ้มแม้ภายในใจจะรู้สึกปั่นป่วน เขาพยายามจะนิ่งให้มากที่สุดไม่แสดงท่าทางร้อนรนออกมา
   วริษฐ์ยืนขึ้นก่อนจะทำหน้ายิ้มแย้ม แม้ดวงตาจะฉายประกายว่าอยากจะฆ่าคนตรงหน้าให้ตายก็ตาม
   “สวัสดีครับคุณเติ้ล” วริษฐ์พูดพลางกระตุกยิ้ม ไม่ยื่นมือให้อีกฝ่ายจับ แต่กลับยืนนิ่งประจันหน้าพร้อมสีหน้ายิ้มแย้มที่น่าระแวง
   “คุณต้องการอะไร”
   “ทำไมถามแปลก ๆ แบบนั้นล่ะครับ” ร่างสูงพูดกลั้วขำ ราวกับคำพูดนั้นตลกเสียเต็มประดา “อืม...แต่ผมคุ้นเคยกับคุณเหมือนเราเจอกันบ่อยเลยนะครับ”
   “ครับ?... หน้าผมโหลล่ะมั้ง”
   วริษฐ์มองอีกฝ่ายนิ่ง พร้อมคลี่ยิ้ม “งั้นหรือครับ? คิดว่าเราอาจจะบังเอิญพบกันก็ได้”
   “ไม่หรอกครับ” เติ้ลรีบปฏิเสธ รู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ เหงื่อไหลซึมจนหลังเปียกชื้นไปหมด ไม่รู้อีกฝ่ายจะทำอะไร จะพูดอะไร แต่สายตาที่จ้องเขา มันมีแต่ความรู้สึกที่ชวนให้หวาดหวั่น
   “อ๋อ เราเคยเจอกันที่...” วริษฐ์แสร้งทำเป็นคิด... ทำเป็นปั่นประสาท เจอกันหลายครั้งแท้ ๆ ที่หอกวิน และเขาเองก็ไม่ต้องการจะพบอีกฝ่ายอีก ถึงได้มาวันนี้
   “ไม่เคยเจอครับ! คุณจำคนผิด” เติ้ลเผลอเสียงดังขึ้นเล็กน้อย มือขยับกำแน่นและสั่นเทา ก่อนจะกลับเป็นปกติ เขานี่แหละมีพิรุธมากเกินไป
   “คงจะไม่เคยเจอจริง ๆ มั้งครับ” วริษฐ์ขมวดคิ้ว ก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงเบา กวนประสาทนิด ๆ หน่อย ๆ ก็หลุดออกมาซะแล้ว ท่าทางมีพิรุธนั่น “ไม่ก็ไม่สิครับ” เขาขยับยิ้มกว้างเหมือนจะเป็นมิตรแต่ก็ไม่
   “ร้อนหรือคะ ฉันไปปรับแอร์ให้ดีมั้ย” ภรรยาสาวที่ยืนข้าง ๆ มองเห็นท่าทางแปลก ๆ ของสามี แถมที่ใบหน้าตอนนี้ก็มีเหงื่อผุดขึ้นเต็มไปหมด เหงื่อไหลลงมาที่ลำคอจนต้องร้องถามว่าตอนนี้ร้อนมากหรือ?
   “อ่าครับ ร้อนนิดหน่อย ปรับแอร์ขึ้นนิดนึง” เติ้ลร้องบอก ทั้งที่ก็ไม่ได้ร้อนเพียงแต่ว่า...
   “ร้อนหรอ ป่วยหรือเปล่า พี่ว่ากำลังเย็นสบาย” อุ้มพูดตอบ อีกนิดคงหนาว...แต่พอมองดูแล้ว อีกฝ่ายคงจะร้อนจริง ๆ  เพราะเหงื่อท่วมตัว
   “ที่ผมมาวันนี้...เพราะผม...” เขาพูดเว้นวรรคพลางเหลือบสายตามองท่าทางของอีกฝ่าย  “ผมอยากจะอุดหนุนอาหารเสริมของคุณเท่านั้นเอง”
   “อ๋อครับ งั้นเชิญทำตัวตามสบายเลยครับ”
   เติ้ลผายมือให้วริษฐ์นั่ง แม้ว่าในใจอยากจะไล่ส่งให้ออกไปพ้น ๆ บ้านของเขาก็ตาม
   “ผมซื้อไม่มาก แต่ก็หวังว่าจะได้ราคาพิเศษ” เขาพูดหยอก “โทษฐานที่รู้จักกันน่ะครับ”
   “อ่าครับ ผมจะให้ราคาพิเศษเลยล่ะครับ”
   “ขอบคุณนะครับ ญาติคุณอุ้มนี่ใจดีจริง ๆ ครับ” วริษฐ์พูดพลางส่งยิ้มที่เป็นมิตรเต็มที่ออกมา
   “เติ้ลก็ใจดีแบบนี้นี่แหละ ขอบคุณที่อุดหนุนกันนะคะ”
   “อ่านี่ครับรายละเอียดที่ผมจะสั่ง”
   วริษฐ์ยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลให้เติ้ล  เขาส่งให้พร้อมรอยยิ้ม เมื่อเปิดออกก็เป็นใบสั่งของจริง เพียงแต่มันมีโพสอิสใบเล็กแปะอยู่ข้างหลัง เติ้ลมองเห็นมันจาง ๆ แต่ยังไม่พลิกดู เขาระแวง
   “รายการพวกนี้ ผมจะรีบจัดส่งให้นะครับ” อีกฝ่ายตั้งใจยิ้มตอบกลับให้พยายามจะเป็นมิตรมากที่สุดเช่นกัน
   “ขอบคุณมาก งั้นผมไม่รบกวนแล้ว ไว้พบกันใหม่ครับ” เขาเน้นประโยคหลัง ทั้งที่ไม่อยากจะพบ แต่ถ้าต้องเจอกันอีก เขาจะจัดการให้หนักเลย
   เติ้ลกับเอิงเอยทำตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดี พวกเขาเดินไปส่งวริษฐ์กับอุ้มที่หน้าบ้าน เอิงเอยนอบน้อมเป็นพิเศษกับคนที่เป็นทั้งเพื่อนของพี่อุ้ม และลูกค้าของสามี พอทั้งคู่ไปแล้ว ภรรยาสาวจึงหันแซวหยอกสามี
   “ดีใจด้วยนะคะ ลูกค้ามาหาถึงบ้านเชียว” เติ้ลหันมาส่งยิ้มให้ภรรยาสาว มือโอบที่เอวบางก่อนพากันเข้าบ้าน ไม่ดีใจสักนิดที่อีกฝ่ายมาถึงบ้าน มาเพื่อประกาศว่าอีกฝ่ายรู้จักเขาดี
   “เอยทานข้าวหรือยังคะ” เติ้ลถามขณะที่ยื่นหน้าไปหอมแก้มภรรยาสาว
   “ยังเลยค่ะ ก็อยู่กับแขกนี่คะ ความจริงเราน่าจะชวนพวกเขาทานข้าวด้วยนะคะ”
   เติ้ลกระอั่กกระอ่วน ถ้าต้องทานข้าวด้วยกันคงกินไม่ลง
   “งั้นเดี๋ยวฉันไปอุ่นกับข้าวให้นะ”
   “ครับขอบคุณครับ ภรรยาคนสวยของผม” เติ้ลพูดหยอดขณะที่หญิงสาวเดินจากไป เขาหยิบเอกสารในซองสีน้ำตาลขึ้นมาดู พลิกมองโพสอิทที่แปะอยู่ด้านหลัง มันเขียนด้วยลายมือ 

   ‘อย่ามายุ่งกับกวินอีก อย่าหาว่าไม่เตือน เอกสารอื่น ๆ
   อยู่บนกระจกรถ ถ้ายังไม่หยุด เรื่องนี้จะไม่จบง่าย ๆ’

   เติ้ลขมวดคิ้วก่อนจะเก็บยัดเอกสารลงไปในซอง และเดินออกไปที่รถของเขา พบว่ามีซองเอกสารวางอยู่ที่หน้ารถจริง ๆ  เจ้าตัวรีบหยิบซ่อนเดินลิ่วขึ้นห้องนอน ก่อนเอาไปเปิดอ่าน ในนั้นประกอบไปด้วยปึกกระดาษรูปของวริษฐ์กับกานที่เจ้าตัวเป็นคนส่งไปให้กวินเอง พร้อมสำเนาใบแจ้งความที่กวินไปแจ้งตำรวจเอาไว้ตามคำบอกของวริษฐ์ และสุดท้ายภาพจากกล้องวงจรปิด ตอนที่อีกฝ่ายพยายามกอดกวิน และทำร้ายร่างกาย
   ปากกาสีแดงเขียนข้อความในหน้าสุดท้าย  ‘อยู่ให้ห่าง ๆ เข้าไว้’
   ความโกรธและกังวลตีอยู่ในอกของเติ้ล เขาสัมผัสได้ถึงความพ่ายแพ้ เขากัดฟันแน่นขบกรามจนใบหน้าสั่น เขาพยายามจัดการอารมณ์โกรธโมโหของตัวเอง พยายามควบคุมลมหายใจ  เขาใส่ทุกอย่างกลับลงไปในซอง เอามันใส่ในลิ้นชักและล็อคกุญแจ มือหนายกขึ้นคลึงขมับ เขาต้องรีบกลับสู่สภาพปกติ เพื่อลงไปทานข้าวมือค่ำกับเอิงเอย เขาไม่อยากให้เธอรู้ว่าเขาอารมณ์ไม่ดี
   เติ้ลถอนหายใจเฮือกใหญ่ พลางเปิดกระเป๋าสตางค์ ดึงเอารูปถ่ายใบเล็กที่ซ่อนอยู่หลังรูปถ่ายของเขากับเอิงเอย ออกมาดู ภาพของเขากับกวินที่โอบคอกัน ยิ้มแย้มให้กล้องราวกับมิตรภาพทที่มีให้กันจะไม่มีวันพังทลาย... แต่ในวันนี้มันพังเละไม่มีชิ้นดี

   ก๊อก ก๊อก ก๊อก

   เสียงเคาะประตูทำให้เติ้ลสะดุ้ง ยัดรูปเก็บกลับไปที่เดิม ก่อนผุดรอยยิ้มที่พยายามให้สดใสที่สุด เดินออกไปหาภรรยาสาว
   “ข้าวเรียบร้อยแล้วนะคะ ง่วงหรือขึ้นมาทำอะไรน่ะ”
   “มา...มาเก็บของน่ะ ไปสิ ไปกินข้าวกัน”
   เติ้ลปรับเปลี่ยนอารมณ์ได้รวดเร็ว เขาโอบเอวภรรยาสาวเพื่อลงไปนั่งกินข้าวด้วยกัน เขานั่งกินพูดคุยกับเอิงเอยด้วยสีหน้าปกติ ทั้งที่ในใจร้อนราวไฟเผา ทรมานเหลือเกิน
   เขามองเอิงเอยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ก้ม ๆ เงย ๆ เก็บโต๊ะอาหารตามหน้าที่ของภรรยาที่ดี เขารักเธอนะแต่ไม่มีวันรักเธอได้มากเท่าที่เขารักกวิน ไม่เลย และเพราะแบบนั้น เขาถึงได้สงสารเธอ ไม่อยากให้เธอต้องรับรู้เรื่องวุ่นวายทั้งหลายนี้ เป็นภรรยาตัวเล็กที่แสนน่ารักอยู่แบบนี้ให้เขาดูแล ขอโทษนะเอิงเอย

   หลังมื้อคำ เติ้ลนั่งดื่มเหล้าเงียบ ๆ คนเดียว พลางนึกถึงความหลัง ในยามที่ยังมีกวิน เขารู้ว่าเขารุนแรงเอาแต่ใจแต่ไม่ใช่ว่าเขาไม่รักกวินเสียหน่อย... รักสิ
   ...
   เพียงแต่ พ่อน่ะ ไม่ปล่อยเขากับกวินไป ...เขาไม่คิดจะปล่อยพวกเราไป

   “เติ้ล เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
   “ครับพ่อ?”
   เขาเดินตามพ่อไปที่ห้องทำงาน
   แต่ทันทีที่ก้าวเข้าไป ปึกกระดาษปึกใหญ่ถูกโยนใส่หน้าของเขามันหลุดกระจายปลิวไปทั่ว  เขาถูกกระดาษบาดเป็นรอยเล็ก ๆ ที่ข้างแก้ม กระดาษพวกนี้เรียกเลือดของเขาให้ไหลซึม
   “อะไรครับพ่อ”
   “...” ผู้เป็นพ่อมองลูกชายคนเดียวด้วยดวงตาคมกริบเหมือนกับมีด ที่พร้อมจะสร้างรอยแผลนับไม่ถ้วนให้กับใจของลูกชายคนเดียวของเขา
   เติ้ลก้มลงหยิบกระดาษขึ้นมา
   เขากับกวิน รูปที่เขาฉวยโอกาสหอมแก้มกวิน...
   “พ่อคิดไว้แล้ว ว่าความสัมพันธ์ของพวกแกมันไม่ปกติ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ก่อนสาวเท้าเข้ามาใกล้ลูกชาย “ไม่คิดว่าจะน่าขยะแขยงแบบนี้”
   “ผมรักกวิน”
   เพี๊ยะ
   สิ้นคำเติ้ลหน้าหันไปตามแรงของฝ่ามือใหญ่ พ่อตบหน้าเขาเต็มแรง
   “รัก! ผู้ชายกับผู้ชาย” เขาแค่นเสียงต่ำ “แกรู้มั้ยว่าฉันรังเกียจแค่ไหน”
   “...”
   “ฉันเตรียมว่าที่ภรรยาให้แกแล้ว และรู้ไว้ซะว่าถ้าแกไม่เลิกกับมัน พ่อจะจัดการเอง”
   เติ้ลหันกลับมามองผู้เป็นพ่อ พลางยกมือขึ้นเช็ดเลือดที่ไหลซึมจากมุมปาก เขาไม่มีทางเลือก ไม่เคยมีทางเลือก พ่อพูดคำไหนคำนั้น พ่อเอาจริงเสมอ
   เขาต้องเลิกกับกวินให้ขาด เขารู้ว่าอีกฝ่ายจะเจ็บปวดแค่ไหน ไม่ต่างจากเขา ที่รู้สึกเหมือนข้างในมันพังทลายอยู่ตลอดเวลา รักแค่ไหนก็พังแค่นั้น ใจหนึ่งอยากจะให้โกรธ อยากจะให้เกลียด และหนีจากไปให้ไกล แต่อีกใจกลับอยากคว้าเอาไว้ อยากกอดเก็บให้กวินเป็นของเขาแค่เพียงคนเดียว แม้มันจะโคตรเห็นแก่ตัว
   สุดท้ายเขากลับทำมันออกมาด้วยความรู้สึกที่ผสมปนเป มันหลากหลายจนน่าขันที่ทำร้ายอีกฝ่ายซ้ำแล้วซ้ำอีกพร้อมรอยยิ้มจอมปลอม ใจร้าย.. ใช่ทั้งต่อกวินและหัวใจของตัวเอง เขาก็หวังว่าตัวเองจะเกลียดตัวเองมากพอ และรู้ว่าตัวเองไร้ค่า ไม่คู่ควรกับกวิน เขาจะได้ตัดใจของตัวเองให้ขาดเสียที
   อยากเลิกรา แต่กลับไล่ตาม อยากเลิกรัก แต่กลับเฝ้ามองหา อยากกอดอีกสักครั้ง แต่กลับเผลอทำร้ายเขาซ้ำลงไปอีก ถึงจุดหนึ่งเขาเข้าใจแต่ไม่อยากจะยอมรับมัน ...ว่าในตอนนี้ เขาทำให้กวินร้องไห้ได้ แต่ไม่อาจทำให้กวินยิ้มได้อีกแล้ว กวินร้องไห้ให้กับการกระทำที่แสนใจร้าย ไม่ได้ร้องไห้เพราะว่าความรักมันบาดลึก เพราะความรักที่กวินเคยมีให้เขามันไม่หลงเหลือมาตั้งนานแล้ว
   พ่ายแพ้โดยสมบูรณ์แบบ วริษฐ์อะไรนั่น ชนะ ... เขาจะไม่เข้าไปยุ่งอีกแล้ว อย่างน้อยเอิงเอยเท่านั้นที่เขาจะไม่ยอมให้ต้องเสียใจ ชดเชยความผิดของเขา ชดเชยความไร้กำลังของเขา
   แม้จะแอบหวังว่าสักวันจะได้คุยกันดี ๆ อีกสักครั้ง ...

   “พี่อาร์ต อยู่ไหนแล้วครับ” เสียงใสกรอกไปตามปลายสาย เขาอยู่ที่ร้านของเต๋าแล้ว เพราะพี่อาร์ตส่งพี่เต๋าไปรับเขาออกจากบ้าน แต่นานแล้วเจ้าตัวก็ยังไม่มา เขาถึงได้หลบออกมาโทรหาคนตัวสูง
   ‘จะถึงแล้วครับกวิน เจอด่านด้วยแหละ เขาถามว่าพี่ดื่มมาหรือเปล่า’
   “แล้วพี่ตอบไปว่า”
   ‘ยังไม่ได้ดื่มครับ กำลังจะขับรถไปดื่ม’
   “หุ้ว ห้าวจัง ตำรวจแอบจดทะเบียนรถพี่ไว้แล้วแน่ ๆ” กวินพูดจบก็ขำกิ๊กให้กับประโยคกวนประสาทของพี่อาร์ต
   ‘ไม่เกิน 15 นาที คิดถึงนะครับ เดี๋ยวเจอกัน’

   ไม่นานร่างสูงมาถึงร้าน ด้วยความอารมณ์ดี เสียงเพลงดังกระหึ่ม เร้าให้เขาเคลื่อนไหว ขยับโยกตัวไปตามจังหวะเสียงเพลง ก่อนเดินไปตามทางที่คุ้นเคย ใครส่งยิ้มให้เขา เขายิ้มตอบไปหมด อารมณ์ดีจนคิดว่าตัวเองเป็นบ้าไปแล้ว
   กวินเฝ้ามองคนที่เพิ่งมาถึงไม่วางตา จากที่เขาอยู่ มองเห็นได้ทั่ว สมที่เป็นโต๊ะของเจ้าของร้าน อีกฝ่ายดูท่าทางอารมณ์ดีแปลก ๆ ดีจนน่าหมั่นไส้ เดินโยกตัวเต้นตามจังหวะเพลงมาตั้งแต่หน้าทางเข้า สาวๆ โยกย้ายเข้าหาเขาเป็นแถบ เต้นกับสาวสวยหูตาแพรวพราว กวินได้แต่ลุกขึ้นยืนมองกอดอกถลึงตาไม่พอใจ พ่อปลาไหลคนนี้นี่!
   วริษฐ์เดินไม่ถึงคนตัวเล็กที่ทำหน้าทมึงตึงใส่ เขาก็แค่สนุกสนาน อารมณ์ดีมากเท่านั้นเอง ยิ่งนึกหน้าวิตกกังวลสุดขีดของเติ้ลเขาก็ยิ่งอารมณ์ดี สมน้ำหน้า หัดกลัวเสียบ้างเถอะ
   เขาขยับส่งยิ้มให้ และไม่รอให้กวินได้บ่นหรือทำหน้าน้อยอกน้อยใจ แต่กลับเชยคางคนตัวเล็ก และประทับจูบทันที ไม่ใส่ใจสายตาใคร หรือจะทักทายใครทั้งนั้น
   คนอื่นที่โต๊ะได้แต่มองอึ้ง ๆ นอกจากเต๋าที่รู้เรื่องแบบชัดเจนแจ่มแจ้ง ส่วนคนอื่นแค่สงสัยระแคะระคายเฉย ๆ แต่พอมาเจอจูบประเจิดประเจ้อแบบนี้ก็ได้แต่ทำหน้าตกใจเหล่อหล่ากันเป็นแถบ อะไรมันจะขนาดนั้นวะวริษฐ์
   วริษฐ์ประทับจูบเนิ่นนานไม่ยอมผละออกเสียที คิดว่าจะแค่จุ๊บทักทายที่ไหนได้ พอได้สัมผัสริมฝีปากนุ่มก็ไม่อยากที่จะขยับออก
   “อื้อ พี่อาร์ต” กวินยกมือขึ้นทุบอกอีกฝ่าย ก่อนดันตัวออก แต่ก็หนีไม่ได้ไกลเพราะมือหนาโอบรอบเอวเขาเอาไว้แน่น “อายมั้ยเนี้ย”
   “พี่ไม่อายนี่”
   เต๋ากระตุกยิ้มกับคำพูดนั้น แหม พอเมิงเปิดตัว ยางอายก็ไม่มีเหลือ
   รอบนี้วริษฐ์โอบไหล่กวินพลางแนะนำใหม่อีกครั้งด้วยสีหน้าสดใส
   “นี่กวิน รุ่นน้อง...” เขาแกล้งพูดแบบเดิม ก่อนจะเว้นวรรค เป็นการหยอกอีกฝ่าย “นี่กวิน แฟนกุเอง”
   เต๋าปรบมือเสียงดัง เป็นกองเชียร์ที่ดี ส่วนคนอื่นได้แต่นิ่งอึ้ง มองวริษฐ์ทีกวินที คนนึงยิ้มร่า อีกคนก้มหน้างุด ดูก็รู้ว่าเขิน คู่นี้มันก็เป็นไปได้เนอะ ผู้ชายเจ้าชู้ มาหยุดที่ผู้ชายตัวเล็กอีกคนหนึ่ง?

   ครั้งนี้วริษฐ์ตัวติดอีกฝ่ายแจให้นั่งด้านในกันเต๋าเต็มที่ นั่งเรียงเป็นกวินวริษฐ์เต๋า เขาไม่เอาแบบครั้งที่แล้วแล้ว เขามีสิทธิจะหวงจะหึงเต็มที่แล้วด้วย มาวุ่นวายเป็นเพื่อนก็จะทุบ ร่างสูงยกแก้วเหล้าในมือขึ้นจิบ พลางหันมองเต๋าที่ชะโงกหน้ามาจะคุยกับกวิน
   “เลิกมองกุแบบนั้นได้แล้วไอ้วริษฐ์”
   “มองแบบไหน”
   “กุไม่ได้จะแย่งแฟนเมิง” เต๋าพูดบ่นตรงประเด็น “แล้วก็ไม่ต้องเอาตัวมาบังน้อง ทำไมกุคุยกับน้องบ้างเมิงจะหวงอะไรนักหนา”
   เพื่อนฝั่งตรงข้ามมองสามคนถกเถียงกันแบบงุนงง เหมือนเต๋าจะมีเอี่ยวอะไรสักอย่าง เต๋าคงรู้เรื่องอยู่แล้วเพราะดูไม่ตกใจเท่าไหร่นัก เพียงแต่ว่า รักสามเส้าหรอวะ?
   “กุไม่ได้พูดอะไรสักคำ”
   “ไอ้บ้าเอ้ย... กุเป็นเพื่อนเมิงมากี่ปี” เต๋ายกเหล้าขึ้นกระดก “กุไม่แตะของเพื่อนหรอก ก็แค่กระตุ้นเมิงเฉย ๆ เพราะเมิงอ่ะมันโง่”
   วริษฐ์ขมวดคิ้ว ขณะมองจ้องอีกฝ่าย
   “เห็นมั้ยโคตรโง่ รักเขายังไม่รู้ตัวเลย”
   กวินตั้งใจฟังอีกฝ่ายพูดด้วยใบหน้าร้อนผ่าว ที่พูดถึงมันเขานี่นะ มันเขาเอง มือบางยกขึ้นปิดหน้าด้วยความเขิน แต่หูก็ยังคงตั้งใจฟัง
   “กุไม่ได้คิดอะไรกับกวิน แค่อยากรู้ว่าเมิงจะเอายังไงก็เท่านั้น”
   วริษฐ์ยิ่งขมวดคิ้ว “แปลว่าทั้งหมดนั่น...”
   “เออดิ แต่ถ้าเมิงไม่รักน้องจริง ๆ กุก็พร้อมดูแล”
   “ไอ้!”
   “อย่าด่า! เมิงรักน้องก็รักไปสิ กุไม่แทรก แต่ถ้าเมิงไม่รัก เมิงก็ไม่มีสิทธิเข้าใจป่าววะ”
   วริษฐ์ถอนหายใจยาวเหยียด แต่ก็สบายใจขึ้นมานิดนึง ที่เต๋าเข้าหากวินเพราะอยากให้เขาคิดได้สักทีว่าคนข้าง ๆ สำคัญกับเขาแค่ไหน
   “กุหายโง่แล้ว”
   มือหนายกขึ้นโอบไหล่อีกฝ่าย  ก่อนหันไปหอมแก้มโชว์
   “เห็นมั้ย เลิกโง่”
   “พี่อาร์ต...” กวินได้แต่หลบสายตาอีกฝ่าย บ้าเอ้ยใจเขา มันเต้นแรงจนจะไม่ไหวอยู่แล้ว พี่อาร์ตชอบทำเขาใจสั่น แต่เขาก็ชอบที่จะใจสั่นแบบนี้
   “แค่ก ๆ” เพื่อนที่นั่งตรงข้ามถึงกับสำลักเหล้ากับความ...หน้าด้านหน้าทน และความอวดหวาน
   “เฮ้ออออ เอาเถอะเมิงมีความสุขก็ดีแล้ว”
   วริษฐ์ยิ้มกว้างก่อนเอาแขนอีกข้างโอบคอเพื่อน เต๋าน่ะมันดีกับเขาจริง ๆ
   “งั้น งั้นดื่มฉลอง” นภตั้งสติได้ก่อนใคร ยกแก้วขึ้นเรียกให้เพื่อนชน
   พวกเขายกแก้วขึ้นชนกันดังแกร๊งด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เป็นการฉลองที่เพื่อนมีแฟนแล้วจะมีความสุขเสียที คนที่เพื่อน ๆ กังวลมากที่สุด ยิ้มได้กว้างขนาดนี้ ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่งกว่าอะไร

   “วันนี้กุกลับไวนะ” วริษฐ์พูดขณะมองนาฬิกาข้อมือ
   “ทำไมวะ” วิชถามขึ้นนาฬิกาตอนนี้เพิ่งจะสี่ทุ่ม “มีนัดอะไร หอกวินปิด?”
   “ป่าวอ่ะ กุอยากกินเด็กแถวนี้” วริษฐ์พูดออกมาหน้านิ่ง
   “เชี่ย!!!” นภถึงกับอุทานออกมาเสียงดังกับคำพูดตรงไปตรงมาของเพื่อน ตรงเกินไปแล้วว้อย
   “พี่ต้องบอกคนอื่นหมดทุกอย่างเลยหรือครับ” กวินบ่นพึมพำ ยกมือขึ้นเกาแก้มมันน่าอายจะตาย ทำไมเป็นแบบนี้วะเนี้ย
   วริษฐ์ยักไหล่ไม่ตอบก่อนยกแก้วเหล้าในมือรวดเดียวหมด พร้อมผุดลุกขึ้นยืน เงินแบงค์พันสองใบถูกยื่นส่งให้เต๋า ไม่รู้ว่าดื่มไปเท่าไหร่ แต่เขาอารมณดีมากตอนนี้
   “ไปกันกวิน” มือหนายื่นส่งให้คนตัวเล็กคว้าจับเอาไว้
   กวินยื่นมือไปจับ พลางขยับยิ้มเขิน แต่ไม่ลืมหันไปร่ำลาเพื่อน ๆ ของพี่อาร์ต “ไปก่อนนะครับ”
   “โชคดี อย่ารุนแรงกันนักนะเว้ย” เสียงบอกลาอวยพรตามท้ายยิ่งทำให้กวินหน้าร้อนผ่าว

   “พี่อาร์ต ทำไมพูดแบบนั้นเนี้ย!” คนตัวเล็กโวยวายเมื่อเดินออกมานอกร้านแล้ว
   “พูดเรื่องจริง แมวเมี้ยวของพี่” เขาพูดพลางขยับยิ้มเจ้าเล่ห์ ชอบจริง ๆ ติดใจแมวเมี้ยวตัวนั้นเหลือเกิน คืนนี้เขาจะรักแมวตัวนั้นให้ขาดใจตายไปเลย

[เติ้ลอ่อนแอเองช่วยไม่ได้ แล้วดันมาทำร้ายคนที่ตัวเองรัก
ส่วนพี่อาร์ต เป็นหนักแล้วววว อิอิ รักษาสุขภาพกันด้วยน้า
พบกันตอนหน้า หวานจนเป็นเบาหวาน]
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 27 อย่ายุ่งกับกวินอีก 22/3/63
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 22-03-2020 23:43:52
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 27 อย่ายุ่งกับกวินอีก 22/3/63
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 23-03-2020 00:27:17
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 27 อย่ายุ่งกับกวินอีก 22/3/63
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 23-03-2020 01:02:33
 :o8: :-[ :impress2:
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 28 พี่จองไว้ก่อน 9/6/63
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 09-06-2020 00:27:56
บทที่ 28 พี่จองไว้ก่อน

   เมื่อกลับมาถึงบ้าน วริษฐ์ก็ไม่รีรออะไรอีก เขาโอบอุ้มแมวเหมียวไปดูแลคลอเคลียทั้งคืนดูแลใส่ใจด้วยความโหยหา ราวกับตายอดตายอยากมาจากไหน ตักตวงแล้วตักตวงอีกเหมือนคนโลภไม่รู้จักพอ ...
   ส่วนเจ้าแมวเหมียวเองก็ปรนนิบัติอีกฝ่ายเป็นอย่างดี ไม่ว่าอีกฝ่ายจะให้ทำอะไร ท่าไหนแบบไหน เขาก็เต็มที่เสมอ อีกฝ่ายทำให้เขาร้องครวญครางจนหมดแรงและต่างกอดก่ายกันจนเช้าวันใหม่มาเยือน
 
   วริษฐ์ปลุกกวินด้วยสัมผัสอบอุ่น ลูบเส้นผมที่ปรกหน้าผากก่อนจะจูบเบา ๆ จากหน้าผาก ปลายจมูกและริมฝีปาก สัมผัสอุ่นขยุกขยิกนั่นปลุกให้กวินตื่นขึ้นมาและจูบตอบอีกฝ่าย เป็นเช้าที่อบอุ่นเกินคาด พวกเขาจูบกันเนิ่นนานอ้อยอิ่ง กว่าจะยอมผละออกจากกันได้
   “พี่อาร์ตปลุกแบบนี้เลยหรอครับ” เจ้าตัวถามแบบนั้นก่อนยิ้มออกมา
   “ปลุกคนพิเศษก็ต้องนุ่มนวลหน่อย” วริษฐ์ยิ้มก่อนยกมือขึ้นลูบหัวอีกฝ่ายเบา ๆ ในขณะที่กวินได้แต่เขินกับคำว่าคนพิเศษ “เย็นวันศุกร์ พรุ่งนี้เราติดธุระอะไรหรือเปล่า”
   “ไม่มีครับ”
   “ดีเลยงั้นพี่นัดเราไว้เลยนะครับ”
   “มีอะไรหรอครับ” กวินได้แต่ถามกลับไปด้วยสีหน้างุนงง
   “วันพิเศษ เย็นวันศุกร์ก็รู้เอง”
   “วันอะไรกันนะครับ”
   “น่า ๆ เดี๋ยวก็รู้”
   “ก็ได้ครับ” กวินไม่ซักต่อ รอรู้วันศุกร์เลยก็ได้
   “เอ้อ เดี๋ยวพี่จะเตรียมชุดไว้ให้ ใส่ด้วยนะ”
   กวินได้แต่คิดในใจ พิเศษมากขนาดนั้นเลยหรือถึงกับเตรียมชุดไว้ให้ มันชวนตื่นเต้นเสียแล้วสิ
   “ไปอาบน้ำกันดีกว่า”
   “พี่อาร์ตอาบเลย ผมจะอุ่นข้าวเช้าให้”
   “ครับ” วริษฐ์ตอบรับเบา ๆ ขยับลุกขึ้นก่อนจะส่งมือให้อีกฝ่ายจับเอาไว้ เขารู้สึกมีความสุขจริง ๆ ที่ได้ตื่นมาเจอกวินแบบนี้ ทั้งที่ปกติก็เจอกัน แต่พอยอมรับหัวใจตัวเองได้แล้ว ความธรรมดาแบบนี้ก็กลายเป็นความธรรมดาที่แสนพิเศษ เขาดึงอีกฝ่ายมากอดเอาไว้แน่น
   “ตกลงพี่อาร์ตจะไม่บอกอะไรผมเพิ่มจริง ๆ หรอเกี่ยวกับนัดน่ะ” กวินพูดเสียงอู้อี้เพราะหน้าของเขายังซุกอยู่กับอกของอีกคนอยู่
   “ฮ่า ๆ ไปเตรียมตัวไปทำงานที่เรารักกันได้แล้ว”
   แน่นอนว่าวริษฐ์บ่ายเบี่ยง เขาจะเก็บให้มันลับจนกว่าจะถึงเวลา

   เย็นวันศุกร์ วริษฐ์ใส่สูทสีน้ำเงินเซตผมเป็นอย่างดี ดูหล่อและมีเสน่ห์ยิ่งกว่าทุกวันเขากำลังยืนรออีกคนที่หน้าลิฟต์บริษัท ส่วนกวินมาด้วยเสื้อเชิ้ตสีฟ้าสดใส กับกางเกงขายาวสีขาว ดูเหมือนคุณชายตัวน้อย ชุดที่วริษฐ์เตรียมไว้ให้ ที่ทั้งคู่แต่งตัวแบบจัดเต็มเพราะเป็นวันพิเศษ วันที่วริษฐ์ตั้งใจเอาไว้ ว่าจะบอกความจริงในใจ แม้มันจะถูกบอกออกไปแล้วก็ตาม
   “เรากำลังจะไปไหนกันหรอครับ”
   “ไปถึงก็รู้เองครับ”
   “บอกสักนิดก็ไม่ได้หรอครับ” กวินพยายามอ้อนถาม จะได้เตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้ แต่งตัวดีขนาดนี้ จะพาไปไหนกันหรือต้องเจอใครหรือเปล่าก็ไม่รู้
   “ไม่บอกครับ” วริษฐ์พูดพร้อมกับยิ้มอย่างอ่อนโยน “ไม่ต้องกังวลหรอก ที่ที่เราจะไปกวินต้องชอบแน่ ๆ “
   วริษฐ์เดินจูงมืออีกฝ่ายพาไปรถ ไม่คิดบอกเล่ารายละเอียดอะไรให้ฟังเลยแม้แต่น้อย เซอร์ไพรซ์ที่เขาหวังไว้ว่าอีกฝ่ายจะประทับใจ
   รถติดเล็กน้อยตามประสาเย็นวันศุกร์ วริษฐ์แอบกังวล แต่ก็อารมณ์ดีเกินกว่าจะหงุดหงิด สถานที่ที่จะไปอยู่อีกไม่ไกลแล้วล่ะ ยังไงก็ไปทัน...
   เสียงเพลง แอร์เย็น ๆ และรถที่ค่อย ๆ เขยื้อนทีละนิดทำให้กวินแอบง่วง จากที่ตื่นเต้นในตอนแรก กลายเป็นว่ากำลังจะเคลิ้มหลับ
   “กวินเคยขึ้นตึกสูงสุดที่ชั้นไหน”
   “ฮะอะไรนะครับ” กวินขมวดคิ้วเล็ก ๆ กับคำถามของวริษฐ์ ที่อยู่ ๆ ก็ถามขึ้นมา เขาที่กำลังฟังเพลงเพลิน ๆ กำลังเคลิ้มได้แต่งงงวย
   “เคยขึ้นไปตึกสูง ๆ  สูงที่สุดชั้นไหน”
   “อืม?” เขากำลังพยายามนึกย้อน จำได้ว่าไปสัมภาษณ์งานที่บริษัทหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว น่าจะที่นี่แหละที่สูงที่แล้ว “น่าจะชั้น 36 นะครับ ทำไมหรอครับ”
   “หรอ แล้วกลัวความสูงหรือเปล่า” วริษฐ์นึกได้ว่าลืมถามอีกฝ่ายไปเลยว่ากลัวความสูงหรือเปล่า ถ้ากลัวก็จะได้รีบเปลี่ยนแผน
   “ไม่ครับ”
   “ดีแล้วล่ะ” วริษฐ์ลอบถอนหายใจเบา ๆ คิดว่าแผนสำรองจะต้องถูกเอามาใช้ซะแล้ว
   กวินได้แต่ทำหน้างง หรือว่า ... “เรากำลังจะไปที่สูง ๆ กันหรอครับ”
   “ใช่ ต้องระวังด้วย ถ้าตกลงไปจะเจ็บ”
   “อันตรายหรอครับ”
   “มาก”
   “ถ้าอันตรายเราไม่ไปกันมั้ยครับ”
   “ไม่ได้ต้องไป”วริษฐ์พูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง และแกล้งเว้นวรรคให้กวินวิตกกังวล “...หลุมรักพี่ หลุมลึกมาก เหมือนตกลงจากที่สูง ลงไปแล้วหมดสิทธิขึ้น”
   กวินนิ่งเงียบไปกับคำตอบนั้น สมองประมวลผล พี่อาร์ตเล่นมุกอะไรก็ไม่รู้หน้าตาเฉย... ก่อนจะขำออกมาเสียงใส มุกเสี่ยวสุด ๆ ไม่น่าเชื่อเลย
   “ไม่ขึ้นครับ! ต่อให้มีบันไดมาให้ก็ไม่ขึ้นไปครับ” กวินตอบกลับก่อนยิ้มกว้าง
   “ดีกวิน พูดได้ดี”
   
   ร่างสูงเลี้ยวรถเข้าไปในพื้นที่ของตึกสูงที่สูงที่สุดของประเทศ ใช่แล้ว สุดท้ายเขาเลือกที่สูง ๆ วิวสวย อากาศปลอดโปร่ง เพื่อที่จะบอกรักอีกฝ่ายอย่างเป็นทางการ
   “พามาที่นี่หรอครับ” กวินถามออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น มิน่าล่ะอีกฝ่ายถึงถามว่ากลัวความสูงมั้ย ก็ที่นี่ตึกสูงที่สุด หรูหราที่สุด เขาเคยอ่านรายละเอียดมาบ้างแล้ว เป็นสถานที่สุดแสนจะโรแมนติก แต่ไม่คิดว่าวันนี้เขาจะได้มา ยิ่งมากับพี่วริษฐ์ ที่นี่ก็น่าจะยิ่งโรแมนติกเกินกว่าที่ใครบอกเล่าเอาไว้
   “ใช่ วิวดีสุด ๆ”
   เมื่อไปถึงจุดหมายวริษฐ์จอดรถเอาไว้ เขาเดินลงจากรถและรีบวิ่งวนไปหาอีกคน พร้อมส่งมือให้จับเอาไว้ ฝ่ามือของกวินเย็นเฉียบด้วยเพราะความตื่นเต้น ตั้งแต่รถเลี้ยวเข้ามาเขาก็ตื่นเต้นไม่หยุด พอคิดว่าอีกฝ่ายตั้งใจพาเขามาสถานที่โรแมนติกแบบนี้ มันจักจี้หัวใจดีจริง ๆ กับความเอาใจใส่ของพี่อาร์ต
   วริษฐ์กระชับมือนุ่มเพื่อแบ่งปันความอบอุ่นให้คนตัวเล็ก
   “หนาวหรอ”
   “ตื่นเต้นครับ” เจ้าตัวพูดพลางฉีกยิ้มกว้าง
   “เรานี่มันน่ามันเขี้ยวจริง ๆ นั่นแหละ”
   กวินบึนปาก พี่อาร์ตนั่นแหละ น่ารัก
   ในตึกดูหรูหราจริง ๆ พนักงานพาเราไปยังลิฟต์ พร้อมแจ้งเราว่าอาจจะหูอื้อเล็กน้อย หลังจากนั้นลิฟต์ก็เคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว พาเราไปสู่ชั้น 78
   กวินหันมองวิว มันมองออกไปได้จนสุดลูกหูลูกตาสูงมากจนตึกอื่น ๆ เล็กนิดเดียว เขาสูดอากาศหายใจเต็มปอดตื่นเต้นจนฝ่ามือเริ่มชื้นเหงื่อ แต่วริษฐ์ก็ไม่มีทีท่าจะปล่อยมือนุ่มนั่นไปแม้แต่นิดเดียว

   เวลานี้ที่ท้องฟ้ากำลังเปลี่ยนสี และลมบนดาดฟ้านั่นก็แรงกำลังดี วริษฐ์จองโต๊ะไว้ฝั่งที่พระอาทิตย์กำลังตกดิน แสงสีส้มแสงสุดท้ายทาบฉาบทุกสิ่งทุกอย่างรวมทั้งเขาและกวิน รอยยิ้มท่ามกลางแสงสีส้มเป็นรางวัลสำหรับเขา ว่าเขาเลือกที่นี่ถูกต้องแล้ว มือข้างขวาแบออกวางบนโต๊ะ เป็นการเชื้อเชิญให้อีกคนวางมือลงบนฝ่ามือของเขา เพื่อเกาะกุมกันไว้ระหว่างจ้องมองพระอาทิตย์ตกดินไปพร้อม ๆ กัน
   “วิวสวยดีมั้ย” วริษฐ์เอ่ยถามออกมาขณะที่ดวงตาเอาแต่จ้องกวิน กวินที่มองพระอาทิตย์อย่างเพลิดเพลิน และรอยยิ้มเปี่ยมสุข เขาละสายตาไม่ได้เลยสักนิดเดียว
   “สวย สวยมากครับพี่อาร์ต ขอบคุณนะครับ” กวินหันมายิ้มให้อีกคนจนตาหยี มีความสุขมากจนคนจัดเตรียมพลอยใจเต้นตึกตัก
   “นั่นสิ สวยมากเลย” วริษฐ์เออออแต่ไม่ใช่วิวหรอกที่สวย แต่เป็นคนที่อยู่ข้าง ๆ เขาต่างหาก ผู้ชายอะไรยิ้มได้สวยขนาดนี้ “สวยก็ดูให้เต็มที่เลยนะ”
   กวินพยักหน้าก่อนหันกลับไปตั้งใจดูวิวอีกครั้ง
   วริษฐ์จึงหยิบของอีกอย่างที่เตรียมเอาไว้ออกมา ของที่จะยิ่งเชื่อมใจเขาเอาไว้ด้วยกัน ยามที่เห็นมัน เขาค่อย ๆ หยิบมันออกมา กล่องกำมะยีที่มีแหวนเงินเกลี้ยงเกลาอยู่สองวงที่ข้างในสลักว่า WG ย่อมาจากวริษฐ์และกวิน เขาหยิบวงที่เขาเตรียมไว้ให้กวินออกมาแล้วสวมลงไปบนนิ้วของคนที่นั่งมองวิวเพลิน ๆ
   กวินไม่ทันรู้สึกตัวว่าสัมผัสเย็นเฉียบถูกสวมลงบนนิ้วนางของกวิน คนตัวเล็กรู้สึกถึงมันเมื่อมือหนาขยับหมุนมันไปมา
   “พอดีหรือหลวมไปกันนะ”
   กวินมองแหวนเงินที่ถูกสวมอยู่ในมือเขาก่อนจะเบะปากเหมือนอยากจะร้องไห้
   “ขี้แยจังเลยครับ”
   “พี่อาร์ต” กวินเรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงสั่น ความรู้สึกตื้นตันแผ่ซ่านไปทั่วอก ใบหน้านั้นพยายามยิ้ม แม้อยากจะร้องไห้ ถ้าร้องออกมาน้ำตานี้เป็นน้ำตาแห่งความสุข
   วริษฐ์มองปฏิกิริยาของกวิน ที่ดูซาบซึ้งมากเกินกว่าที่เขาคิดไว้ซะอีก น้ำตาเอ่อคลอสะท้อนกับแสงสุดท้ายของวัน ทำเอาเขาอยากจะดึงอีกฝ่ายมากอดแน่น ๆ
   “กวิน พี่ฝากตัวด้วยนะ”
   พี่อาร์ตของเขาน่ะ... ทำไมถึงได้น่ารักขนาดนี้
   คนตัวเล็กพยักหน้ารัว ๆ อยากจะบอกรักเขาอีกสักครั้ง แต่ก้อนสะอื้นกลับขึ้นมาจุกอยู่ที่ลำคอ เขาไม่ได้อยากจะร้องไห้สักหน่อย ไม่ได้อยากขี้แย แต่เพราะพี่อาร์ตนั่นแหละ ดีเกินไป ดีต่อใจของเขามากจนเกินไป
   “พี่รักกวิน”
   “ฮื่ออออ”กวินร้องออกมาแม้หยดน้ำตาจะไม่ร่วงหล่น
   “เอ้า จะร้องไห้อีกแล้ว”
   “ผม... ผมก็รักพี่อาร์ต”
   วริษฐ์ยิ้ม เขามีความสุขมาก ๆ เลยในตอนนี้ ทั้งที่ไม่เคยคิด และไม่กล้าวาดฝันว่าตัวเขาเองจะสามารถมีความสุขขนาดนี้ได้ แต่กวินทำให้เขาไม่ฝันร้าย ทำให้เขาไม่โดดเดี่ยว ทำให้เขาไม่รู้สึกว่าตัวคนเดียวไม่ว่าจะยามหลับ ยามตื่น หรือว่ายามฝัน
   “พี่สวมแหวนจองไว้ก่อนเนอะ”
   “ครับ แต่งครับ”
   วริษฐ์ขำออกมายกใหญ่ ถ้าปล่อยกวินไป ถ้าผลักไสกวินไปตั้งแต่ตอนนั้น แล้วเจ้าตัวถอดใจไปจริง ๆ เขาคงไม่ได้ยิ้มอยู่แบบนี้ คงจะเป็นไอ้วริษฐ์คนเดิม ที่ได้แต่ร้องไห้เวลาที่ฝนตกหนัก และไม่กล้าแม้กระทั่งจะรักใคร ไม่กล้าแม้กระทั่งจะมีความสุข
   “นั่นน่ะแหวนคู่นะ เราก็สวมให้พี่บ้างสิ”
   วริษฐ์พูดพลางยื่นมือไปตรงหน้าอีกฝ่าย พร้อมกับดันกล่องแหวนบนโต๊ะไปให้
   มือเล็กหยิบแหวนขึ้นมา ก่อนจะแตะริมฝีปากลงไปสัมผัสบนแหวนเงินนั่นเบา ๆ เขาสวมมันลงไปที่นิ้วของพี่อาร์ต ภาวนาให้สิ่งนี้เป็นสัญลักษณ์ช่วยยึดโยงพวกเขาเข้าไว้ด้วยกัน
   มือทั้งสองเกาะกุมกันแน่น โดยมีแสงสุดท้ายของวันเป็นพยาน
   “กวิน พี่ขอบคุณเรามากนะที่อดทนรอพี่”
   “ผมต่างหาก ผมขอบคุณที่ช่วยผมมาตลอด ขอบคุณที่วันนั้นพี่ใจดีพอที่จะปลอบใจคนแปลกหน้าแบบผม ขอบคุณที่พี่บอกให้ผมหาคนใหม่ คนที่ดีกว่าเดิม” คนตัวเล็กพูดพลางขยิบตาให้เขา
   “แล้วพอคน ๆ นั้นมันเป็นพี่ มันก็... เหมือนคนชมตัวเอง”
   “ก็เป็นเรื่องจริงนี่ครับ”
   ทั้งคู่หัวเราะออกมาเสียงดัง เพราะช่วงเวลานี้คือช่วงเวลาแห่งความสุขที่รอคอย
   
   พวกเขาทานอาหารค่ำใต้แสงเทียน  พูดคุยหยอกล้อกันไปเรื่อย นึกย้อนถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ผ่านมา ทั้งสุขและเศร้า กว่าที่เขาจะมานั่งอยู่ด้วยกันตรงนี้ ได้ส่งยิ้มให้กันแบบนี้ ต้องเสียน้ำตาไปแล้วกี่ลิตร และหากใครคนใดคนหนึ่งตัดสินใจไปอีกทิศทางหนึ่ง พวกเขาอาจจะแยกจากกันไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ
   วิวกลางคืนสวยงาม ดวงไฟเล็ก ๆ จากตึกและรถยนต์ทำให้วิวนี้มีชีวิตชีวา แต่กวินกลับเอาแต่มองคนตรงข้าม ใบหน้าหล่อเหลายามต้องแสงเทียนที่วูบไหว มันชวนให้หัวใจสั่นไหวเหลือเกิน บรรยากาศหวานล้ำ มันโรแมนติกมากชนิดที่กวินไม่เคยวาดฝันไว้ ว่าจะมีโอกาสแบบนี้เกิดขึ้นในชีวิตของเขา ไม่คิดเลยว่าจะได้สวมแหวนคู่กับคนตรงข้าม ไม่คิดว่าเขาจะรับหัวใจของผมเอาไว้ และยอมเอาหัวใจของตัวเองมาฝากไว้ที่ผม
   เราจูบกันบนตึกสูง 78 ชั้น จูบชวนใจสั่นยิ่งกว่ายามมองลงไปข้างล่างใต้ตึกที่ระดับความสูงขนาดนี้เสียอีก

   เราบอกลาสถานที่แสนโรแมนติกที่เราแวะเวียนมาสร้างความทรงจำชั่วครั้งชั่วคราว และกลับไปสู่สถานที่ที่แสนอบอุ่นของเรา ที่ ๆ เราจะใช้ชีวิตที่นั่นเพื่ออยู่เคียงข้างคนที่รัก และดูแลกันไปเนิ่นนาน
   
   เมื่อวริษฐ์พาคนตัวเล็กกลับถึงบ้าน ค่ำคืนแสนหวานนี้จะไม่จบลงโดยง่าย เพราะเขาตั้งใจว่าจะไม่ให้อีกฝ่ายได้นอน ทันทีที่เข้ามาในบ้าน วริษฐ์ก็ช้อนอุ้มคนตัวเล็กลอยวืด เรียกเสียงหวีดเล็ก ๆ จากคนตัวเล็กได้เป็นอย่างดี
   “อุ้มทำไมครับ”
   “กวินเดินช้าไม่ทันใจเลย” เขากระชับแขน พลางเดินก้าวอาด ๆ ไปที่ห้องนอนในทันที เขาวางคนตัวเล็กลงบนที่นอน ก่อนจะคร่อมทับ
   “ไม่อาบน้ำก่อนหรือครับ”
   “แฟนพี่ตัวหอมอยู่แล้ว ไม่ต้องอาบหรอก พี่รอไม่ไหว”
   “พี่อาร์ต!” คนตัวเล็กร้องโวยวายอยู่เมื่ออยู่ ๆ คนตัวสูงก็เข้าบทหื่นขึ้นมาซะอย่างนั้น ทั้งที่เขาก็ไม่เคยปล่อยให้อีกฝ่ายต้องทนหรืออดอยากปากแห้งเลยแม้แต่น้อย คอยดูแลอยู่ตลอดทั้งเรื่องบนเตียง บนโต๊ะ บนโซฟาเป็นอย่างดี ////// แล้วทำไมถึงได้เป็นแบบนี้
   “เราน่ะไม่รู้หรอก ว่าตอนที่เรายิ้มให้พี่ แสงเทียนวูบไหวนั่น มันทำให้พี่อยากจะทำเราตรงนั้นเลยด้วยซ้ำ”
   คำพูดลามกของคนตรงหน้าที่พูดออกมาแต่ไม่รอฟังคำตอบรับหรือคำบ่นโวยวาย กลับประทับริมฝีปากเพื่อลิ้มรสความหวานของคนตรงหน้าอย่างเร็วที่สุด เพื่อตอบสนองความต้องการที่พลุ่งพล่าน
   อารมณ์ร้อนแรงที่ถูกจุดติดอย่างรวดเร็วเพียงพวกเขาสัมผัสกัน ความร้อนแรงแสนหวานยิ่งกว่าวันไหน ๆ เพราะเป็นความรักที่ต่างตอบสนองกันโดยปราศจากความเคลือบแคลงสงสัย เป็นเพียงคนสองคนที่รักกัน และอยากจะเติบเต็มให้กันและกันเท่านั้น
   เสื้อผ้าถูกถอดออกไปให้พ้นตัวอย่างรีบร้อน แต่ริมฝีปากที่สัมผัสกันนั้นแทบไม่ห่างจากกันเลย พวกเขาร่วมแบ่งปันลมหายใจให้กันและกัน
   แต่ถึงจะรีบร้อนแค่ไหน วริษฐ์ก็ยังคงอ่อนโยน ลูบไล้ร่างกายเปลือยเปล่าของคนตัวเล็กอย่างรักใคร่ และอดทนใช้นิ้วค่อย ๆ เบิกทางให้อีกฝ่ายก่อน แม้เขาจะอยากที่จะแทรกตัวเข้าไปใจจะขาดแล้วก็ตาม แต่เซ็กซ์ถ้าไม่มีความสุขด้วยกันทั้งคู่ มันเห็นแก่ตัว
   เขามองใบหน้าที่แสดงอารมณ์ร่วมของกวินเวลาที่เขาขยับนิ้วเข้าออกช่องทางรักนี่มันชวนให้เขาเตลิดจริง ๆ
   “อื้อ พี่อาร์ตครับ”
   “เป็นไงหืม?”
   “ใส่เข้ามาเถอะครับ ผมพร้อมแล้ว” อีกฝ่ายเชิญชวนขนาดนี้ จะด้วยพร้อมจริง หรืออยากให้เขาพ้นความทรมาน แต่อย่างไหนเขาก็จะตอบสนองต่อเสียงเชิญนี้
   เขาขยับแทรกตัวเข้าไป จับให้เรียวขาของอีกฝ่ายแยกออกกว้าง ก่อนจะสอดแก่นกายเข้าไปด้านใน ดุ้นดันเข้าไปทีละนิด เท่าที่จะสามารถใจเย็นได้ ข้างในของกวินทำให้เขาต้องคำรามออกมาเบา ๆ ในลำคอ มันรู้สึกดี
   “อือ...” คนตัวเล็กครางออกมาเบา ๆ คิ้วขมวดเมื่อรู้สึกตึงเล็ก ๆ พี่อาร์ตใจเย็นยอมแช่ค้างเอาไว้ให้เขาได้ปรับตัว
   “พี่รักเรา”
   ร่างสูงพูดแบบนั้นก่อนจะเริ่มขยับเอว จังหวะช้าที่คิดเอาไว้ถูกไต่ระดับไปอย่างรวดเร็ว เพราะวริษฐ์ทนต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว ใบหน้านั้น น้ำเสียงครางเบา ๆ นั่น น่ารักเกินกว่าเขาจะทานทน
   “อื้อ พี่อาร์ต ผมน่ะ...” ร่างเล็กกว่าร้องครวญครางออกมา เมื่ออีกฝ่ายโถมตัวเข้ามาอย่างรวดเร็วรุนแรง เพื่อพาเขาให้ไปถึงยังจุดหมาย เขากอดอีกฝ่ายไว้แน่น แต่ก็อยากจะบอก คำเดิม ๆ ทุกครั้งเมื่อใกล้ชิด “ผมรักพี่”
   วริษฐ์ที่ขยับสะโพกเคลื่อนอย่างบ้าคลั่ง เขาหลงใหลคลั่งไคล้คนตัวเล็กมาจริง ๆ เสียงหวาน ๆ ที่พร่ำบอกรักเขาทำให้เขา อยากจะบ้าตาย เขาก้มลงไปจูบแก้มนุ่มเบา ๆ “พี่ก็รักเรามาก” สิ้นคำเขาก็กดความรักเข้าไปจนสุด กอดก่ายคนตัวเล็กแน่น ปลดปล่อยความรักแสนอุ่นทะลักล้น
   คำรักที่เคยถูกกักเก็บเอาไว้ ถูกพูดซ้ำไปซ้ำมาทั้งคืน อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เหมือนชดเชยเวลาที่ขาดหายไป...

   เมื่อเวลาล่วงเลยทั้งคู่กอดก่ายกันหลับไป ข้างนอกฝนกำลังตกหนัก ฝันเดิม ๆ โผล่เข้ามาหาวริษฐ์ ความรุนแรงของบาดแผลในใจลบเลือนไปมากเพราะในอกถูกเติมเต็มด้วยความรักจากกวิน แต่ก็ไม่สามารถฝังกลบรอยแผลเก่าเอาไว้ได้ ถ้าจะหายก็ต้องรักษาให้ถูกจุด... แม้ไม่ทรมานแต่ยังคงฝังรากลึก

   แม่ที่ทิ้งเขาเอาไว้จากไปและไม่กลับมาอีกเลย... แม่ครับ แม่อยู่ที่ไหน    ผมเติบโตมาแบบนี้แม่ภูมิใจในตัวผมบ้างมั้ยครับ
   ลึก ๆ เขายังมีความหวัง แม่น่ะจากเป็น...ไม่เหมือนกับพ่อ เขาจึงยังเฝ้านึกถึง

.
[แง้หายไปนานมาก ขอโทษจริง ๆ นะคะ

มันมีเหตุการณ์มากมายหลายอย่างวุ่นวายเข้ามา

เลยเหมือนคนหมดไฟไปดื้อ ๆ เลยค่ะ พยายามจุดอยู่น้า

ทุกคนก็รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ ^_^]
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 28 พี่จองไว้ก่อน 9/6/63
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 09-06-2020 10:41:40
 :pig4: :pig4: :pig4:

 :pig2: back
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 28 พี่จองไว้ก่อน 9/6/63
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 09-06-2020 12:36:43
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 28 พี่จองไว้ก่อน 9/6/63
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 09-06-2020 13:48:24
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 28 พี่จองไว้ก่อน 9/6/63
เริ่มหัวข้อโดย: TaddyC ที่ 10-06-2020 09:26:17
เรื่องนี้สนุกดีครับ ขอบคุณมาก  ชอบที่เรื่องราวทั้งหมดฉีกออกจากมหาลัย เพราะหลายๆเรื่องที่อ่านมาเกือบทั้งหมดอยู่ใน มหาลัย หรือไม่ก็ โรงเรียน  พอเรื่องนี้เป็นวัยทำงานเลยชอบมากครับ ถึงจะดูหื่นเกินจริงไปหน่อยแต่ถือว่าโอเคร :hao3: เป็นกำลังใจให้คนเขียนครับ o13
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 28 พี่จองไว้ก่อน 9/6/63
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 10-06-2020 22:30:53
กวินน่าจะสมหวังมีความสุขซักทีนะ.

ขอบคุณไรท์ค่ะ สู้ สู้นะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 28 พี่จองไว้ก่อน 9/6/63
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 13-06-2020 01:28:49
 :o8: อร๊ายยยยเขารักกันดี แอบสงสารอิเติ้ลนะแต่ในเมื่อมีรักแต่ดูแลไม่ได้ก็ต้องปล่อยว่างมั้ย แต่ก็อยากให้มีฉากเปิดใจเครีย์ ๆ ไปจะได้ไม่ต้องมองหน้าไม่ติดครายปมในใจคุณน้องด้วย
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 28 พี่จองไว้ก่อน 9/6/63
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 06-07-2020 10:32:39
รอคอยนะคะ
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 29 วันธรรมดาที่คิดว่าจะยาวนาน4/7/2564
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 04-07-2021 21:12:09
บทที่ 29 วันธรรมดาที่คิดว่าจะยาวนาน



ช่วงสายวันเสาร์แดดร้อนชนิดที่ว่าถ้าไม่มีม่านกั้น และเปิดแอร์เย็นฉ่ำคงทนนอนไม่ไหว แต่ทั้งสองคนบนเตียงยังคงนอนซบกันหลับสนิทเพราะเหนื่อยจากกิจกรรมเข้าจังหวะเมื่อคืนที่ดำเนินต่อเนื่องยาวนาน แอร์ที่เร่งเปิดหลังจากทำกิจกรรมรอบแรกเสร็จ แล้วเกิดร้อนจนไม่ไหว ส่งผลให้ ณ ตอนนี้ ห้องยังเย็นฉ่ำ พวกเขาถึงยังสามารถนอนสบายกันได้อยู่แม้แดดข้างนอกจะร้อนแค่ไหนก็ตาม

“อือออ” คนตัวเล็กรู้สึกตัวก่อน ขยับร่างกาย แต่ประสาทสัมผัสมันช้า รู้สึกล้าแปลก ๆ อยากดื่มน้ำ ขยับพลิกตัว แต่ก็...ทั้งเมื่อยทั้งขี้เกียจ อยากปลุกอีกคนแต่ก็รู้สึกเกรงใจขึ้นมา สุดท้ายก็ตัดสินใจนอนซุกอีกฝ่ายลงไปตามเดิม แหงนหน้ามองอีกฝ่ายที่หลับพริ้มอยู่ ...ดีจังที่จะได้เห็นทุกเช้า เป็นชีวิตประจำวันที่คุ้นเคยไปแล้ว ว่าตื่นมาจะต้องเจอ แล้วเพราะไล่มองแบบนี้ถึงได้เผลอยื่นหน้าไปจูบปากอีกคนเบา ๆ

คนตัวสูงลืมตาขึ้นมาพอดี งับริมฝีปากอีกฝ่ายตอบ ก่อนจะผละออก

“มอร์นิ่งคิสหรอครับ” คนที่เพิ่งตื่นถามกลับเสียงแหบพร่า

คนที่เผลอไปจูบได้แต่หน้าแดงไม่พูดตอบโต้

“พี่อาร์ต ...หิวน้ำครับ”

“เดี๋ยวไปหยิบให้นะครับ”

วริษฐ์ลุกขึ้นยืนโอนเอนไปหยิบน้ำมาให้อีกฝ่าย สภาพเช้านี้อย่างกับคนเมาไม่มีผิดเพี้ยน ไม่ใช่เมาเหล้า... คงจะเป็นเมารัก เจ้าตัวส่ายหน้าให้ตัวเอง เทน้ำลงแก้วดื่มมันอึกใหญ่ เขาเองก็เสียน้ำไปมากเหมือนกัน ก่อนจะเติมน้ำจนเต็มแก้วแล้วเดินกลับไปส่งให้คนที่ยังนอนอยู่บนเตียง

พอเห็นอีกคนเดินกลับมาขยับชันกายขึ้นรับแก้วน้ำจากมืออีกฝ่ายมาถือไว้ ยิ้มขอบคุณ และดื่มทันทีให้หายอยาก

“ขอบคุณครับ”

วริษฐ์รับแก้วคืน ดวงตาจับจ้องไปที่แหวนวงที่เขาสวมให้เมื่อคืน มันอยู่บนฝ่ามือกวินแล้วดูดีเหมาะสมมากจริง ๆ คนตัวสูงวางแก้วน้ำไว้ที่โต๊ะหัวเตียงแล้วกลับไปนอนกอดอีกฝ่ายต่อ คนตัวเล็กกว่าซุกกอดอ้อนอีกคนอย่างเอาใจ

“พี่อาร์ตครับ”

“ครับ?”

“ผมปวดหลัง”

“ก็...” วริษฐ์ขำออกมาเบา ๆ เมื่อนึกถึงท่าทางเมื่อคืน ที่ก็สมควรจะปวดหลัง “เดี๋ยวทายาให้ จะอาบน้ำกันก่อนมั้ยล่ะครับ จะได้ทายาให้ซึมไปเลยทั้งวัน”

“อือ ครับ เหนียวเหนอะหนะไปหมดเลย”

“ลุกไหวมั้ย”

คนตัวเล็กกว่าพยักหน้าตอบรับ ทำทีว่าไหวทั้งที่เอวและสะโพกขยับทีก็ร้าวระบมไปหมด สนุกกันเกินขอบเขตจนร่างกายรับไม่ไหว

กวินทำทีขยับนั่ง ข่มความเจ็บที่แล่นขึ้นมา พยายามเก็บสีหน้า แต่คิ้วทั้งสองข้างกับขมวดมุ่นจนเป็นโบว์

“ปวดมากเลยใช่มั้ย”

วริษฐ์ที่นอนมองอีกฝ่ายถามขึ้นหลังเห็นว่าคิ้วบนหน้าอีกฝ่าย ผูกเป็นโบว์ หน้านิ่วอย่างเก็บสีหน้าไม่อยู่

“อือ” จำยอมพยักหน้ารับ เมื่อขยับที่ก็ร้าวทีนึง

“งั้นเดี๋ยวอุ้มไป”

“ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวค่อย ๆ ลุกไป” กวินตอบออกไปด้วยความเกรงใจ อุ้มอะไรเขาไม่ได้ตัวเล็กขนาดนั้น ผู้ชายตัวใหญ่จะให้มาอุ้มก็ใช่เรื่อง “ไปอาบก่อนเลยก็ได้ครับ เดี๋ยวตามไป”

วริษฐ์ส่ายหน้าเบา ๆ เมื่ออีกคนไม่ยอมขอให้ช่วย เขาลุกขึ้นนั่งก่อนจะช้อนอุ้มอีกคนขึ้นมา

“หนักนะครับ!” อีกคนโวยวายเสียงดังขึ้นมาเมื่อจู่ ๆ ก็ถูกอุ้มตัวลอย

“อุ้มมาตั้งกี่ทีแล้ว ตอนทำยังอุ้มเราไหวเลย ทำไมพาไปอาบน้ำจะไม่ได้”

พอฟังประโยคที่อีกคนบอก คนถูกอุ้มได้แต่หน้าแดงก่ำ อ้าปากพะงาบ ๆ จะโต้ตอบ แต่แล้วต้องกัดปากตัวเองเอาไว้แทน ///// พูดอะไรก็ไม่รู้ กลางวันแสก ๆ ไม่อายบ้างเลย เขารู้สึกว่าตัวเองหน้าบางลงเรื่อย ๆ เมื่ออีกคนใจกล้ามากขึ้น กวินคนที่ยั่วยวนพี่อาร์ตด้วยชุดแมวน่ะหายไปแล้ว



คนตัวเล็กกว่าถูกอุ้มไปจัดการอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายทุกซอกทุกมุม คนทำความสะอาด จัดการให้หมดทุกอย่าง ล้างคราบเหนียวต่าง ๆ ให้ รวมถึงในจุดนั้น... ถึงในใจจะหวั่น ๆ ไปบ้าง ขณะคนตัวเล็กได้แต่ข่มใจและความอายเอาไว้ พอสว่าง ๆ แล้วถูกจับตรงนั้นตรงนี้ ก็ต้องเบนสายตาไปทางอื่นด้วยความเขิน ...แบบนี้มันน่าอายยิ่งกว่าตอนกลางคืนที่ทำกันซะอีก

หลังจากตัวสะอาดแล้ว เช็ดจนแห้ง อีกฝ่ายถึงได้ทายาแก้ปวดเมื่อย นวดคลึงหลังพอให้ยาซึมลงไปให้

“คนเจ็บหิวหรือยัง?”

“หิวมาก!”

วริษฐ์หัวเราะออกมาก่อนจะหยิบมือถือมาหากดสั่งอะไรมากิน ทั้งเขาทั้งกวินตั้งใจจะใช้วันนี้นอนกลิ้งเรื่อยเปื่อยไม่ทำอะไรเลย นอกจากตัวติดกัน

ตอนกินข้าวอาหารอร่อยเป็นพิเศษหรือเพราะว่าหิวก็ไม่รู้ เจ้าตัวเอาแต่มองหน้าวริษฐ์แฟนหนุ่มของตัวเอง มองแล้วมองอีกจนวริษฐ์เอ่ยปากถามอยู่หลายครั้งว่ามีอะไร อะไรติดหน้าเขา แต่กวินก็แค่ส่ายหน้าแล้วก็ก้มหน้าก้มตากิน สักพักก็จะเงยมาจ้องมองอีก

“ขอบคุณมากเลยครับ”

วริษฐ์เลิกคิ้วขึ้นมา งงว่าอีกคนขอบคุณอะไร อาหารมื้อนี้?

“ขอบคุณที่พี่เกิดมานะครับ ขอบคุณคุณพ่อคุณแม่พี่ที่สร้างพี่มาด้วย คราวหน้าไปหาคุณพ่อ ผมจะทำอาหารอร่อย ๆ สุดฝีมือไปเยี่ยม ส่วนคุณแม่...”

กวินเงียบไป เพราะไม่รู้ว่าที่พูดเรื่องคุณแม่ของอีกฝ่ายนี่มัน...ทำบรรยากาศแย่ลงหรือเปล่า

“แม่หรอครับ... ไม่รู้สิครับ” คนตัวสูงตอบกลับเสียงเบาหวิว เรื่องที่เขาไม่เคยมีความมั่นใจ

“ไปเจอท่านกันมั้ยครับ ผมว่าแม่พี่จะต้องภูมิใจที่มีลูกชายหล่อขนาดนี้” กวินพูดหยอดออกไป แต่วริษฐ์เลือกที่จะส่ายหน้าปฏิเสธ 

“อย่าเลย... ไม่เจอกันมาเป็นสิบ ๆ ปีแล้ว ถ้าเจอกันตอนนี้คงเหมือนคนแปลกหน้า ผมไม่อยากเข้าไปเป็นจุดด่างในชีวิตเขา”

“ไม่ด่างสักหน่อย ท่านอาจจะอยาก— “พูดไม่ทันจบประโยคดี วริษฐ์วางช้อนลงแล้วนิ่งไป กวินถึงคิดได้ว่าควรจะพอแค่นี้ก่อน ไม่งั้นอีกคนอาจจะรู้สึกไม่ดีพาลกินข้าวไม่ลง

...แต่ทำไงได้ เขาอยากให้ไปลองเจอกันสักครั้งอาจจะดีกว่าตอนนี้ก็ได้ เขาคิดแบบนั้นแต่ว่าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแม่ของพี่เขาอยู่ที่ไหน หรือควรลองปรึกษาพี่เต๋าดูเพื่อนสนิทที่ห่วงพี่อาร์ตยิ่งกว่าอะไร...

เรากินข้าวต่อไม่มีเสียงพูดคุยระหว่างกัน ทานอาหารที่มีจนหมด พี่อาร์ตไม่พูดอะไร ทำให้กวินก็ได้แต่ลอบมองเงียบ ๆ เขาเองก็ไม่กล้าจะพูดอะไรต่ออีกแล้ว

วริษฐ์เองก็ลอบมองหน้าอีกฝ่ายที่ดูหงอย ๆ ขึ้นมา เขาน่ะไม่ได้โกรธหรอกเพียงแต่ว่าพอพูดถึงเรื่องนี้เขาเหมือนจะขาดอากาศหายใจ เหมือนกำลังจะจมน้ำ หายใจไม่ออก

“ผมน่ะ ไม่ค่อยสนิทกับที่บ้านครับ” กวินพูดออกมาเป็นครั้งแรกเกี่ยวกับที่บ้าน

วริษฐ์หันมองอีกคนแล้วนึกได้ว่าตอนนั้นที่มีปัญหากวินก็ไม่อยากกลับบ้าน แล้วเลือกที่จะมาอยู่กับผมแทน แล้วผมก็ใจดี เพราะผมได้รับผมประโยชน์มาเต็ม ๆ ที่บ้านนี้มันสดใสขึ้นมา

“เวลาอยู่บ้านมันอึดอัดกดดัน ผมไม่เคยได้เป็นตัวเองเลย ผมเลยหนีออกมา”

กวินพูดเล่าสิ่งที่ไม่เคยพูด การถูกเปรียบเทียบ ถูกกดดัน ถูกคาดหวัง ทำให้ผมไม่สามารถใช้ชีวิตในบ้านหลังนั้นได้อย่างมีความสุข ผมยังคิดไม่ออกเลยว่าถ้าที่บ้านรู้ว่าผมชอบผู้ชาย มีแฟนเป็นผู้ชาย รักเพศเดียวกัน ผลลัพธ์จะออกมายังไง

“นี่กวินครับ” วริษฐ์เอื้อมมือไปจับมืออีกคนเอาไว้ “ที่นี่เป็นบ้านของกวินแล้วนะ กวินอยู่ที่นี่ตลอดไปได้เลย อยู่กับพี่นะ”

กวินมองอีกคน พร้อมกระพริบตาปริบ ๆ เมื่อบ่อน้ำตาตื้นกำลังจะทำงาน บ้านหลังนี้มีกันแค่สองคนแต่มันก็อบอุ่น ตอนนี้พี่อาร์ตเขาต้อนรับผมดี ดีมาก ๆ เกินกว่าที่คิดไว้มาก ทำให้ผมรู้สึกไม่เหงา ไม่โดดเดี่ยว แล้วก็ไม่ได้กดดันผมเลยแม้แต่น้อย ผมจะเป็นกวินนอนอืดขี้เกียจที่ดูทีวีทั้งวันก็ได้ จะเป็นมนุษย์เงินเดือนธรรมดา ๆ ไม่พิเศษอะไรแบบไหนก็ได้ ไม่ต้องพยายามฝืนเพื่อแข่งกับใคร แบบนี้สบายใจที่สุดแล้ว

“อื้อ ครับ ขอกวินอยู่ด้วยนะ”

วริษฐ์ใช้มือขยี้ ๆ หัวอีกคนจนยุ่งไม่เป็นทรง ด้วยความเอ็นดู พลางคิดในใจว่าเขาจะไปขออีกคนอย่างจริงจัง ถ้าหากว่าไม่ยอมรับ เขาก็จะพาหนี



พวกเขาเก็บโต๊ะอาหารเสร็จเรียบร้อย ใช้เวลาเรื่อยเปื่อยในวันเสาร์นอนดูการ์ตูน

“ไปล้างจานก่อนนะครับ”

“อือ”

กวินเดินไปครัว เขายังลอบมองอีกคนที่นอนสบายอยู่บนโซฟา ก่อนเปิดหน้าต่างแชทและพิมพ์หาคนที่จะช่วยเหลือได้



“พี่เต๋าครับผมมีเรื่องจะรบกวน”

ผมพิมพ์ส่งไปแบบนั้น ไม่กี่นาที ข้อความก็ตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว

ติ้ง

‘ว่าไงครับ’

ผมทำหน้าเลิ่กลั่กที่ตัวเองลืมปิดเสียง คนจะทำผิดมักจะมีพิรุธและกังวลไปหมด ผมเหลือบมองอีกคนที่ยังนอนเอกเขนกไม่รู้อะไร

“อยากรบกวนให้พี่ตามหาแม่ของพี่อาร์ตให้ทีครับ อยากรู้ว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน”

‘อืม ยังไงพี่รบกวนเราหาเอกสารบางอย่างให้พี่หน่อย พวกเอกสารส่วนตัวที่มีชื่อแม่ของเขา แล้วภาพถ่ายนะแล้วพี่จะจัดการให้’

“ครับพี่ ขอบคุณมาก ๆ”

ผมพิมพ์ตอบไป ในใจแอบตื่นเต้นและวิตก ผมพอจะรู้ว่าเอกสารส่วนตัวของพี่อาร์ตเก็บอยู่ไหน พอจะเห็นอยู่แบบนี้น่าจะสบาย ผมจะพาพี่อาร์ตไปเจอแม่ให้ได้ อาจจะดูจุ้นจ้านแต่ก็หวังว่าพี่เขาจะเลิกละเมอและร้องไห้ตอนกลางคืนสักที ผมล้างจานเสร็จก็ไปกอดอีกคนที่นอนกลิ้งอยู่บนโซฟา

คนตัวสูงขยับนิดหน่อยตอนถูกทับ และพลิกตัวหงายให้อีกคนลงมานอนทับดี ๆ

“มาเอารางวัลที่ล้างจานเสร็จเรียบร้อยหรอครับ”

“ใช่ครับ ไหนรางวัล”

“อืมมมมม ก็กอดพี่นี่ไง”

“ครับรางวัลจริง ๆ ด้วย”

วริษฐ์ยกมือขึ้นลูบหัวกวินเล่น ผมนุ่มลูบเพลินดีจริง ๆ

“กวิน พี่ไปขอเราจากที่บ้านเลยดีมั้ย”

“อ่ะ!อะไรนะครับ!” ทันทีที่พี่อาร์ตพูดแบบนั้นผมก็เงยหน้าขึ้นมาผมตกใจตาโตจนแทบถลนออกมาจากเบ้า แบบนั้นไม่ได้ “อย่าเลยครับ อย่าเลย” ผมยังไม่พร้อมผมกลัวผลที่จะตามมา

“ทำไมล่ะครับ ไปบอกให้เขารู้”

“ไม่เอาผมกลัว”

“ที่บ้านไม่รู้ว่าเราชอบผู้ชายหรอครับ”

“ครับ เขาไม่รู้ว่าผมเป็นเกย์...”

“คงตกใจกันน่าดูถ้ารู้ แต่ว่า สักวันก็ต้องบอก บอกไปเลยดีมั้ย ถ้าพวกเขารับไม่ได้ เราก็กลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม”

“อือ ผมขอเวลาสักหน่อย”

คนตัวสูงอยากจะทำให้ชัดเจน เขาเปิดเผยหมดแล้วก็อยากจะทำให้ถูกต้อง เพราะลักพาตัวลูกเขามาอยู่กินด้วยนานสองนานแล้ว แต่คนตัวเล็กกว่า กลัวที่จะเผชิญหน้า พ่อที่แสนเข้มงวดจะต้องไม่เอาเข้าไว้แน่ เลวร้ายสุด ๆ อาจถูกตบตีก็ได้ เขากลัว

“กวินพร้อมแล้วบอกพี่นะ ใจจริงพี่อยากจะสู่ขอเรามาเลยด้วย”

“ผมไม่ใช่ผู้หญิงนะครับ”

“ก็แล้วทำไมเล่า สู่ขอมาเป็นคนรักของพี่”

“ไม่ขอก็เป็นอยู่แล้ว” คนตัวเล็กพูดหงุบหงิบเสียงเบาแล้วซุกหน้าลงไปกับอกอีกฝ่าย มันน่าเขินอายจะตาย

“จริงด้วย” วริษฐ์เห็นด้วยพร้อมหัวเราะขำออกมาเสียงดังอย่างมีความสุข เขาชอบวันธรรมดาแบบนี้มากจริง ๆ จำไม่ได้แล้วว่าก่อนหน้านี้ทำยังไงแบบไหนบ้าง “วันนี้ไปซื้อเสบียงตุนเข้าบ้านดีมั้ยครับ”

“ดีครับ บ่าย ๆ นะ ตอนนี้ผมขี้เกียจ”

“มิน่าขนฟู” วริษฐ์พูดกัดออกไปหนึ่งที แต่คนถูกกัดกลับทำหน้างงไม่เข้าใจ

“อะไรหรอครับ”

“หึ ขี้เกียจตัวเป็นขน”

กวินที่ได้ฟังก็ทำแก้มพองใส่ อะไรกันล่ะ แค่นอนเล่นโดนกัดซะงั้น ตัวเองนอนไม่ขยับเลยแท้ ๆ

“พี่อาร์ตก็ตัวสูงขึ้นเหมือนกันนั่นแหละ”

มือหนาดึงแก้มอีกฝ่ายยืดด้วยความมันเขี้ยวกับการต่อปากต่อคำ

“หาว่าพี่สันหลังยาวหรอ”

“ครับ” อีกคนยิ้มแฉ่งที่ได้ตอบโต้



ช่วงบ่ายแก่ ๆ แดดร่มลมตกพอสมควร ทั้งคู่เดินจูงมือกันซื้อของ หยิบตุนสเบียงจนเต็มคันรถ ซื้อนั่นซื้อนี่ตุนเข้าบ้าน นอกจากของสดที่เอามาทำอาหารแล้ว ยังมีสารพัดขนม เพราะทั้งคู่ชอบดูหนังก็เลยมีป็อปคอร์นเอาไว้ทำเองที่บ้านติดมาด้วยหลายรสชาติ

กวินหยุดยืนมองของแปลก ๆ

“พี่อาร์ตดูนี่สิ”

“หืม?”

“ยาสีฟันรสไอติมวนิลาพุดดิ้ง”

“ฮะ?” อาร์ตก้มมองของในมือของกวิน คนตัวเล็กกว่ายิ้มแป้นตาเป็นประกายดูก็รู้ว่าอยากลองแค่ไหน อดไม่ได้ที่จะยกมือขยี้หัวอีกคนเบา ๆ “น่าลองดี”

“ใช่มั้ยครับ งั้นเอาไปลองแปรงกัน เผื่อจะเหมือนกินขนมหวาน แต่ฟันไม่ผุ”

“ครับ หยิบใส่รถเข็นมาเลย”

ทั้งคู่เดินเล่นหยิบอะไรก็คุยกันได้ไปหมดทุกอย่าง มันเพลินจนคิดว่า แบบนี้ตลอดไปเลยก็ดี... แต่ยังไม่ทันจ่ายเงินเสร็จ มือถือของกวินก็ดังขึ้น แม่ของเขาเองนี่นา ทุกทีก็ไม่ค่อยโทรมา

‘พรุ่งนี้กลับมาบ้านหน่อยนะ’ เสียงปลายสายดูแปลก ๆ ชอบกล

“มีอะไรหรือเปล่าครับ”

‘กลับมาบ้าน’

“แม่...”

ผมยังไม่เข้าใจเลย แม่พูดแต่ว่าให้กลับบ้าน พูดแค่นี้แล้วตัดสายใส่ผม ผมหันมองหน้าพี่อาร์ต

“อยู่ ๆ แม่ก็บอกให้ผมกลับบ้านพรุ่งนี้ ดูอารมณ์ไม่ดีด้วย”

“อือ อาจจะมีเรื่องอะไรก็ได้”

“ผมไม่ทันถามแม่ก็ตัดสายไปแล้วครับ”

“พรุ่งนี้ก็รู้ ให้พี่ไปเป็นเพื่อนมั้ย”

ผมส่ายหน้ารัว ๆ อันนี้ผมยิ่งไม่พร้อมเข้าไปใหญ่ ถ้าพี่อาร์ตมาจะให้แนะนำว่าอะไร จะอธิบายหรือบอกแบบไหนดี ผมไปเองดีกว่า หรือจะโทรหาพี่กรันต์ พี่ชายของผม เขาอาจจะรู้อะไรก็ได้

ผมกดหาพี่กรันต์ แต่ว่าไม่ติด ... ใกล้กำหนดกลับจากต่างประเทศ หรือพี่กรันต์จะอยู่บนเครื่องบินก็ไม่รู้ เฮ้อ พรุ่งนี้ก็รู้เองนั่นแหละ ช่างเถอะ พรุ่งนี้ก็คงรู้เอง...

เราทั้งคู่จัดการจ่ายเงินผมได้ช่วยพี่อาร์ตออกไปพันนึง ทั้งที่ตอนแรกอีกคนจะจ่ายคนเดียว ของตั้งเกือบสามพัน ผมไม่ยอมหรอก ค่าอะไรที่บ้านของพี่อาร์ต เขาก็ไม่ยอมให้ผมจ่าย แต่นี่มาด้วยกัน ผมไม่ยอมแน่ ๆ เราแบ่งปันกันทุกอย่าง มันควรรวมถึงเรื่องเงินด้วยที่จะแชร์กัน ไม่อยากรู้สึกว่ามาเกาะหรือเป็นภาระ อยากเป็นคนมาแชร์ทุกอย่างในชีวิต แบ่งปันคนละครึ่งมากกว่า คนละครึ่งกับพี่อาร์ต ไม่ใช่โครงการของใคร

อาร์ตเดินเข็น รถเข็นมาถึงที่รถ ขณะยกของเก็บท้ายรถ วูบนึงรู้สึกว่าซื้อมาเยอะเกินไป คิดว่าน่าจะกินไปได้อีกเป็นอาทิตย์สองอาทิตย์ คงจะได้หมกตัวอยู่ในโลกของเรา ขลุกอยู่ในบ้านอันแสนอบอุ่น โดยไม่ออกไปข้างนอกให้วุ่นวาย เพราะบ้านมีความสุข และที่สำคัญกวินทำอาหารอร่อย ตอนนี้เราใช้ชีวิตด้วยกันเหมือนคู่แต่งงานใหม่



เช้าวันอาทิตย์

กวินตื่นแต่เช้า อาบน้ำแต่งตัว แล้วไปปลุกคนขี้เซาให้ตื่นขึ้นมากินข้าว เพราะเขากำลังจะกลับไปบ้านแล้ว อยากจะเติมกำลังใจก่อนไป

“พี่อาร์ต ตื่นเถอะครับบบบบ”

“อือ” คนถูกปลุกไม่ยอมตื่นง่าย ๆ แถมพลิกตัวมาดึงคนปลุกมากอดเอาไว้

“พี่อาร์ตตื่นครับ นี่ เสื้อผมจะยับหมดแล้วนะ”

“อยากนอนกอด”

“กอดมาทั้งคืนแล้ว ลุกมากินข้าวได้แล้ว 9 โมงแล้วนะครับ”

“ก็ได้ครับก็ได้”

คนตัวสูงยอมลุกขึ้นนั่ง ผมเผ้ายุ่งเหยิง มองอีกคนตาปรือ แบบยังไม่ตื่นเต็มที่นัก

“จะไปแล้วหรอครับ”

“ครับ” คนตัวเล็กตอบรับพร้อมพยักหน้า และขยับไปหอมแก้มอีกคน “ผมไปบ้าน ก็อาจจะกลับพรุ่งนี้ เจอกันที่ทำงานเลยนะ”

“อือ ก็ได้ พี่จะคิดถึงกวินทั้งคืนเลย”

“พี่อาร์ตเว่อร์ไปแล้วครับ” ถึงจะพูดแบบนั้น แต่คำพูดของพี่อาร์ตก็ทำให้เขามีรอยยิ้มกว้าง

กวินยิ้มสดใสโบกมือบ๊ายบายคนงัวเงีย ก่อนเดินทางกลับบ้าน บ้านของตัวเองจริง ๆ ไม่รู้ทำไมถึงได้รู้สึกแปลก ๆ ที่บ้านมันมีอะไรเกิดขึ้นกันแน่



กวินนั่งรถกลับถึงบ้าน ยิ่งใกล้ถึงบ้าน เขาก็ยิ่งรู้สึกอึดอัด หลายนาทีที่เขายืนนิ่งอยู่หน้าบ้าน มองจ้องบ้านหลังใหญ่ ที่เขาไม่เคยรู้สึกว่ามันเป็นบ้านเลยแม้แต่น้อย มันไม่เคยอบอุ่น ไม่เคยเป็นที่ ๆ เขาพยายามกลับมาเพื่อเติมพลังหรือพักใจ มันเคยเป็นสถานที่หลบซ่อนเมื่อครั้งหนีจากเติ้ล แต่นอกนั้นที่นี่เหมือนกรงขัง

เขาสูดลมหายใจลึก ๆ ก่อนไขประตูเข้าไปในบ้าน รู้สึกไม่ดียังไงก็ไม่รู้ บ้านมันดูเงียบ เขาเดินเข้าสู่ตัวบ้าน และส่งเสียงเรียก

“แม่ พ่อ”

กวินเดินเข้าไปในบ้านถึงเจอว่าพ่อนั่งอยู่ที่โซฟา กับแม่ ทั้งคู่ดูเงียบ ๆ บรรยากาศอึมครึมจนรู้สึกได้เลยว่านี่มันไม่ปกติ

“สวัสดีครับ”

แม่ลุกขึ้นยืนเดินเข้ามาหากวิน กวินคิดว่าแม่จะกอดแต่ว่า

เพียะ!

กวินโดนตบหน้าอย่างแรงจนหน้าหัน เขาเจ็บแล้วก็ชาแต่ที่มากกว่านั้นคือ เขาไม่เข้าใจทำไมเขาต้องถูกแม่ตบด้วย เขาหันกลับมามองแม่ด้วยความไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่มีคำอธิบายอะไรหลุดออกมา แม่เพียงแต่ส่ายหน้าไปมาก่อนจะฟาดมือลงมาตามตัวอีกครั้ง

“แม่ กวินเจ็บ..” กวินร้องออกมา เขาไม่คิดว่าโตขนาดนี้แล้วจะยังต้องถูกตีอีก และที่เขาไม่เข้าใจเลยก็คือ เขาทำผิดอะไร เขาทำผิดอีกแล้วหรอ

แม่ตีผมอีกหลายครั้ง

“น่าอับอาย!แกมันน่าอับอาย!”

.



[ไม่รู้ว่ายังอัพได้มั้ยนะคะ ไม่ได้อัพมาเกือบปีเต็ม ๆ สารภาพผิดว่าหมดไฟจริง ๆ ทั้งที่ตามพลอต

อีกไม่กี่ตอนก็จะจบแล้ว ฮือออออ ขอโทษจริง ๆ นะคะ จะพยายามเข็นออกมาให้ได้]
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 29 วันธรรมดาที่คิดว่าจะยาวนาน 4/7/64
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 05-07-2021 18:54:56
 :pig4:
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 30 บ้านที่แท้จริง 21/11/64
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 21-11-2021 14:29:09
บทที่ 30 บ้านที่แท้จริง



นอกจากคำพูดร้ายกาจที่ผู้เป็นแม่พูดออกมา กวินยังทั้งถูกตีถูกหยิก ถูกทำร้ายร่างกายและจิตใจแบบนั้นซ้ำแล้วซ้ำอีก ไม่เคยคิดว่าโตขนาดนี้แล้ว ยังต้องถูกลงโทษแบบนี้อีก กวินพยายามร้องขอเหตุผลว่าทำไมต้องถูกทำแบบนี้แต่ไม่ได้คำตอบอะไรกลับมา

เขาพยายามปัดป้อง และไม่ตอบโต้อะไรกับสิ่งที่แม่ทำ ถึงแม้จะไม่เข้าใจอะไรเลยก็ตาม

เขาทำอะไรผิดอีกเหรอ?



ผู้เป็นพ่อไม่พูดอะไรสักคำ ไม่แม้แต่ห้ามปราม เขาลุกขึ้นและเดินตรงมา ดวงตาที่มองจ้องทำให้กวินกลัวยิ่งกว่าเดิม มันว่างเปล่า

กวินตัดสินใจว่าจะหนี ยังไงก็ช่าง ไม่อยู่แล้วบ้านหลังนี้ เขาขยับเตรียมจะไป แต่พอหันหลังกลับพบว่าตัวเองถูกล้อมไปด้วยใครก็ไม่รู้ ชายฉกรรจ์ร่างใหญ่สามคนโผล่มายืนล้อมทางออกเอาไว้ พวกเขาขยับมาใกล้เรื่อย ๆ ราวกับกำลังไล่ต้อน

“แม่ครับ พ่อ ปล่อยกวินไปเถอะนะ ผมจะกลับแล้ว”

พวกนั้นคว้าจับกวินล็อคเอาไว้กับที่ขยับหนีก็ยิ่งจับแน่นขึ้น เจ็บจนนิ่วหน้า สุดท้ายก็สู้แรงไม่ไหวขยับตัวหนีไม่ได้ ฝ่ามือหยาบจับไปตามตัว คนพวกนั้นค้นตัวกวิน หยิบเอามือถือและกระเป๋าเงินของกวินออกมา

“เฮ้ย ทำอะไร อย่าจับ!”

“ชอบใช่มั้ย เวลาผู้ชายถูกตัว”

น้ำเสียงราบเรียบจากผู้เป็นพ่อดังออกมาเป็นประโยคแรก แต่กลับทำให้กวินตกใจสุดขีด หรือว่าพ่อแม่จะรู้แล้วว่าเขาเป็นเกย์

“ไม่ใช่แบบนั้น... ไม่ใช่ฟังผมก่อน”

“เนรคุณ!”

ผู้เป็นแม่ตะโกน น้ำเสียงดังและแหลมสูงจนแทบจะเป็นเสียงกรีดร้อง น้ำเสียงนั้นพุ่งตรงเข้าใส่หน้ากวิน

“ฉันเลี้ยงแกมาไม่ดีตรงไหน!”

“แม่ กวิน...”

“ขายขี้หน้าไปทั่ว เคยคิดมั้ยคนอื่นเขาจะอยู่ยังไง จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”

“กวินไม่ได้ทำอะไรเสียหาย”

เพี๊ยะ

กวินถูกตบจนหน้าหันเป็นครั้งที่สองครั้งนี้จากพ่อบังเกิดเกล้า รอบนี้ถูกตบแรงมากจนนอกจากหน้าจะชาแล้วปากยังปริแตกจนเลือดไหล

แค่เขารักพี่อาร์ต เขาผิดตรงไหน ก็แค่พี่อาร์ตเป็นผู้ชายเหมือนกัน ก็แค่เขาชอบผู้ชายด้วยกัน แค่เขาเป็นเกย์ ทำไม ทำไมต้องถูกทำรุนแรงแบบนี้



ทางกายว่าเจ็บแล้ว ทางใจเจ็บยิ่งกว่า...



“ฉันจะส่งแกออกไปให้ไกลแล้วไม่ต้องกลับมาอีก”

“พ่อกับแม่แค่ ...” เขาตอบออกไปเสียงสั่นด้วยความกลัว “แค่ปล่อยผมไป แล้วผมจะไม่กลับมาอีก”

“ต้องไปให้ไกลกว่าไอ้พวกชอบยุ่งนั่น”

แล้วต้องไปไกลแค่ไหน ผมไปเองก็ได้ แค่ขอให้ปล่อยผมไป พี่อาร์ตครับ พี่อาร์ตช่วยผมที ผมไม่น่ากลับมาเลย ต้องไปหาพี่อาร์ต

“เอาตัวไป”

“พ่อครับ! แม่! อย่าทำแบบนี้เลย! ปล่อยผมไป!”



ไม่ว่าจะพูดอะไร จะขอร้องอ้อนวอนยังไงก็ไม่มีผลกวินถูกลากไปขังไว้ในห้องของตัวเองที่ชั้นบน ประตูถูกล็อคจากด้านนอก ห้องของกวินเละไปหมดจากการถูกรื้อค้น คงจะตามหา แต่เขาไม่ได้ทิ้งร่องรอยอะไรเลยเกี่ยวกับพี่อาร์ต

กวินได้แต่นั่งบนเตียงนอน ผ่านมาหลายชั่วโมงแล้ว เขาคิดหาวิธีเอาตัวรอดจากสถานการณ์นี้ ข้างนอกเงียบกริบ ไม่มีอุปกรณ์ทำแผล อาหาร หรือแม้แต่น้ำ หรือว่าที่บอกจะส่งเขาไปไกล หมายถึงโลกหน้ากัน...

เขาคิดมาเสมอว่าพ่อแม่คงแค่กดดัน คาดหวังให้เขาได้ดี ถึงได้พยายามจะให้เขาเป็นแบบนั้น เพื่อจะเอาไปอวดคนอื่นได้บ้าง เขาคิดว่าอย่างน้อยก็คงเป็นความหวังดี แต่ไม่เคยรู้ว่าพ่อแม่ไม่ได้รักเขาสักนิด ไม่เคยคิดว่าจะเกลียดชังกันขนาดนี้ ไม่รู้ว่าสายตาของคนอื่นมีความสำคัญกว่าเขา ที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขแท้ ๆ ไม่คิดว่าตัวเองจะไร้ความสำคัญมากขนาดนี้มาก่อน

กวินยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่มันไหลออกมาเอง พยายามคิดหาทางออกแต่สมองกลับนึกย้อนไปถึงอดีตที่เจ็บปวดความคาดหวังที่กดทับมาตั้งแต่เด็ก เวลาไม่ได้อย่างใจพ่อแม่ เขาถูกตี ถูกดุ ถูกเปรียบเทียบกับพี่ชายหรือคนอื่นมาตลอด เขาถึงได้พยายามอย่างหนักแต่ก็ยังไม่พอ จนตอนนี้ที่คิดว่าทุกอย่างกำลังไปได้ด้วยดี

“ฮึก...พี่อาร์ต ...กวินอยากกลับบ้าน”

ที่นี่ไม่ใช่บ้านของเขา ยังห่างไกลจากคำนั้นอีกมาก

“พี่อาร์ต...”

อยากให้พี่อาร์ตกอดเอาไว้ อยากให้พี่อาร์ตบอกว่าภูมิใจในตัวเขา

แต่ในเมื่อชีวิตจริงไม่มีพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วย ต้องพยายามหาทางด้วยตัวเอง ต้องออกไปให้ได้ เพื่อกลับไปเจอคนสำคัญที่อยากเจอ เพื่อกลับบ้านที่เป็นบ้านจริง ๆ





กว่าวริษฐ์จะลุกขึ้นมากินอาหารที่กวินเตรียมไว้ให้ก็สายมากแล้ว เขานอนเพลินเพราะคนที่ปลุกออกจากบ้านไปนานแล้ว กวินเหมือนก้อนพลังงานของเขา เขาขับเคลื่อนด้วยเสียงเรียกเสียงปลุกของออกฝ่าย พอไม่อยู่จึงเชื่องช้ากว่าทุกที

กับข้าวที่กวินทำเอาไว้อร่อยมาก มันอร่อยเสมอมา เขารักอาหารของกวิน เพราะอาหารที่คนรักทำมีความพิเศษยิ่งกว่าร้านอาหารห้าดาวร้านไหน ๆ ที่เขาเคยได้กิน อร่อยจนเขาต้องทักไปชม ไปอ้อนสักหน่อยว่าอาหารอร่อย ให้เกินร้อย แต่นั่งเฝ้ามือถือเป็นชั่วโมงแล้ว ไม่มีข้อความตอบกลับมาเลย วริษฐ์คิดว่าอาจจะเพราะได้กลับไปบ้านบ้างอยากใช้เวลากับครอบครัวที่นาน ๆ ทีจะได้เจอหน้าอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา คงจะคุยกันจนไม่ได้จับมือถือ



ครอบครัว เขาเองก็อยากเจอบ้างเหมือนกัน แต่ไม่กล้าพอ

วริษฐ์ลุกไปหยิบอัลบั้มรูปที่ถูกซ่อนเอาไว้ เขาเจอพวกมันซ่อนอยู่ หลังจากพ่อเสียได้สักระยะ แต่ไม่กล้าพอจะไล่ดู เพราะภาพแรกที่เป็นรูปถ่ายพ่อแม่ลูก เขาก็เจ็บปวดแล้ว ...เพราะเหตุการณ์แบบในภาพ ไม่มีวันเกิดขึ้นได้อีก ตอนนี้เหลือเขาแค่คนเดียว

พ่อทิ้งอะไรหลายอย่างที่เกี่ยวกับแม่ไป แต่อัลบั้มพวกนี้ พ่อคงไม่กล้าทิ้งมัน แต่คงทนไม่ได้ที่ต้องเห็น จุดที่มันอยู่จึงเป็นที่เก็บของใต้เตียง ลึกที่สุดเท่าที่จะลึกได้

ถ้าไม่มีกวิน เขาคงไม่กล้านั่งดูรูปพวกนี้ แต่เพราะว่ามีอีกคนเข้ามา อัลบั้มรูปพวกนี้จึงทำให้เขาเหงาน้อยลง เพราะนอกจากรูปถ่าย เขาก็มีใครสักคนให้พักพิงแล้ว



แม่ของเขาเป็นคนสวย และพ่อก็ดูดีมาก รูปสีซีดแต่รอยยิ้มของคนในภาพไม่จางไปเลยแม้แต่น้อย สวนน้ำ สวนสัตว์ ทะเล ที่ ๆ เคยไปด้วยกัน ตอนนั้นคงมีความสุขมาก แต่ไม่รู้ว่าทำไมความสวยมันถึงได้พังทลายลง

เขาไม่รู้หรอก ตอนนั้นเขายังเป็นแค่เด็ก...

วริษฐ์กดมือถือโทรหากวิน แต่กลับเจอระบบฝากข้อความ

“ปิดเครื่องหรือแบตหมด” วริษฐ์บ่นพึมพำก่อนจะเก็บทุกอย่างเข้าที่ให้มันอยู่ที่เดิม

กวินคงกำลังยิ้มสดใส หรือว่าจะมีเรื่องเครียด ๆ กับที่บ้าน เขานึกถึงสีหน้าของกวินตอนที่ที่บ้านโทรมาตามได้

“เฮ้อ ให้ตายสิ”

วริษฐ์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ อยากไปหา แค่เห็นเงา เห็นหลังคาบ้านก็ยังดี แต่น่าเสียดาย ระหว่างเรายังมีเรื่องที่ไม่รู้อีกมาก เขาเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าบ้านกวินอยู่ไหน



เหงา...แต่เขาพยายามทำใจยอมรับว่าเอาลูกเขามากอดนานเกินไปแล้ว คืนครอบครัวเขาไปบ้าง



แต่นี่มันก็เย็นแล้วนะ ไม่คิดดูมือถือบ้างหรือไงกวิน... ปล่อยแบตหมดได้ยังไง



คิดถึงจะตายอยู่แล้ว





กวินหันมองรอบห้อง เขาจำได้ว่าห้องนี้มีหน้าต่าง...แต่มีชั้นหนังสือตั้งบังอยู่ คนอื่นคงจะลืมไปแล้ว แต่เจ้าห้องของอย่างเขา ยังจำมันได้ คงต้องออกทางนั้น กวินค่อย ๆ ขยับของลงจากชั้น แล้วลากชั้นออกมา พยายามออกแรงให้เงียบที่สุดเท่าที่จะเงียบได้ แสงสว่างจากด้านนอกลอดเข้ามา เขามุดเข้าไปดูหน้าต่างมันยังเปิดได้

พวกคนข้างนอกห้องเองก็คงจะไม่ได้สนใจเขาเท่าไหร่ รอฟ้ามืด เขาจะไปจากที่นี่ ไม่กลับมาอีก พอกันที

เขาคิดจะปีนแต่ในห้องไม่มีเชือกให้ยึดใช้ไต่ ถึงจะแค่ชั้นสอง แต่ถ้าโดดลงไปเลยมีหวังหนีไม่พ้น

กวินคิดก่อนขยับเตรียมของ ผ้าห่ม เสื้อกันหนาวตัวหนา และผ้าปูที่นอนถูกเอามามัดรวมกัน ตั้งใจใช้แทนเชือก ยังไงก็ดีกว่าโดดลงไปเลย ถ้าเจ็บก่อนคงไปไม่พ้นบ้านนี้

เสียงก๊อกแก๊กหน้าประตูทำให้กวินยัดของที่เตรียมไว้ลงใต้เตียง ภาวนาให้เป็นใครก็ได้ที่ไม่ใช่คนในบ้าน ฟ้าด้านนอกมืดแล้วคงไม่เห็นว่าตู้มันขยับออกมา กวินลุกขึ้นไปยืนหน้าประตู ยังไงเขาก็จะทำให้อีกฝ่ายเห็นสภาพในห้องน้อยที่สุด

“พี่...” พอเปิดออกเป็นพี่ชายของเขาเอง ที่ยื่นถุงมาให้ ทั้งยาและอาหาร

“กินซะกวิน พรุ่งนี้ต้องเดินทาง”

พี่ชายมองใบหน้าน้องชายที่มันบวมช้ำ ในใจนึกสงสาร เขาไม่เคยมีเรื่องทะเลาะ หรือขุ่นเคืองใจกับน้องชายมาก่อน เราไม่ได้สนิทสนมกัน เพราะเหมือนต้องแข่งกันเองอยู่เสมอ และเขาชนะมาตลอด มันเลยไม่เคยมีความรู้สึกอิจฉาหรือเกลียดชัง ถึงจะไม่ชอบใจที่น้องชายเป็นเกย์ แต่คงไม่ได้รู้สึกแบบที่พ่อแม่รู้สึกล่ะมั้ง

“พี่กรันต์ ปล่อยกวินไปได้มั้ย”

“พรุ่งนี้เราไปพร้อมกัน พรุ่งนี้กวินก็ได้อิสระแล้ว”

“ไปไหน”

“ต่างประเทศ”

“หืม?”

“พ่อแม่อยากให้เราไปให้ไกล ๆ แล้วพี่จะไปส่งนะ”

“พ่อแม่เขารักกวินมั้ยพี่”

“คง...” กรันต์ตอบได้ไม่เต็มปากดีนัก จากสิ่งที่พ่อแม่ทำ แต่ก็อาจจะเป็นเพราะรักมาก “คงจะรักแหละ แต่หน้าตาชื่อเสียง... และเขาคงผิดหวัง”

“ก็น่าจะปล่อย ๆ ผมไป”

“อดทนนะ พรุ่งนี้ แล้วค่อยไปเริ่มต้นใหม่”

“พี่...”

กรันต์ปิดประตูไปในทันที ส่วนกวินกำลังรอให้บ้านเงียบ คิดซะว่าเขาตายไปเลยก็ได้ จัดงานศพประกาศบอกคนทั้งโลกก็ยังได้ แล้วต่อไปไม่มีกวิน ให้เขาเปลี่ยนนามสกุลไปเลย ทำไมต้องมาบังคับให้ไปต่างประเทศ เพื่อให้พ่อแม่รักษาหน้าตาเอาไว้ด้วย

กวินไม่กล้ากินน้ำและอาหารที่ได้มา ถ้ามีอะไรแปลกประหลาดคงลำบาก มาตอนนี้เขาไม่ไว้ใจคนที่บ้านตัวเองเลยแม้แต่น้อย ในสมองขุดคุ้ยเอาประสบการณ์จากหนังมาปรับใช้ ทำให้ยิ่งระแวดระวัง เขายอมทนคอแห้งดีกว่า ต้องหนีให้พ้น เขาคิดขณะนั่งมัดเชือกจากผ้าที่มีกับขาเตียงที่หนัก พอรับน้ำหนักของเขาไหวแหละ



บ้านเงียบไปแล้ว ทุกคนอาจจะนอน คนที่เฝ้าเขาคงจะกลับไปแล้ว เขาไม่ได้อันตราย ไม่ได้ต่อยตีเก่ง จนต้องมีคนร่างใหญ่ตัวบึกมาคอยเฝ้า เขาแอบมองจากทางหน้าต่าง ข้างนอกเงียบกริบ ไม่มีเสียงอะไรเลยจริง ๆ



เขาเปิดหน้าต่าง ก้มมองดู สูงแค่ชั้นเดียวสบาย และค่อย ๆ หย่อนเชือกที่ทำจากผ้าลงไป ใช้แรงดึงเทส จนมั่นใจว่ามันแข็งแรงพอ จะไม่หล่นหรือเขยื้อนจนเกิดเสียงดังกวินจับเชือกผ้า ค่อย ๆ ไต่ เขาได้ยินเสียงเตียงขยับเขยื้อน ไม่ดังมาก



รอบบ้านเงียบกริบ เขาลงมาถึงพื้นจนได้ เขาโยนเก็บชายเชือกผ้าซ่อน แล้วย่องไปที่ข้างบ้าน หามุมเหมาะ ๆ ปีนกำแพงข้ามไป ทันทีที่ถึงโดดถึงพื้นนอกรั้วบ้าน กวินนิ่งเพื่อรอดูสถานการณ์ ไม่มีอะไร เขาไม่ใช่พวกก่อการร้ายสักหน่อย กวินเดินห่างจากบ้าน และออกวิ่งทั้งที่ไม่มีรองเท้าใส่ หาแท็กซี่สักคันพาเขากลับสู่พี่อาร์ต



กวินวิ่งออกไปหาถนนใหญ่ ฝ่าเท้าของเขาเจ็บแต่ไม่หยุดวิ่ง เหมือนจะเหยียบเศษแก้ว จะยังไงก็ช่าง ต้องไปให้ไกล เขายังเร่งฝีเท้าวิ่งผ่านซอยที่เคยผ่านมาตลอดชีวิต แต่ม่เคยกลัวเท่านี้มาก่อน กลัวจะไม่ได้เจอพี่อาร์ต



กวินเรียกรถแท็กซี่ได้เรียบร้อย บอกให้ไปส่งตามที่อยู่บ้านของวริษฐ์ ตลอดเวลาที่อยู่บนรถ กวินคิดแต่ว่ารอดแล้ว รถแท็กซี่จอดที่หน้าบ้าน เขารู้สึกว่าตัวเองหายใจเต็มปอดสักที

“พี่รอแปปนึงนะครับ ผมไปเอาเงินในบ้านก่อน”

ผมเปิดประตูลงจากแท็กซี่ และตะโกนเรียกคนในบ้าน

“พี่อาร์ต พี่อาร์ตครับ” นี่ยังไม่ดึกมาก พี่อาร์ตยังไม่นอนหรอก

“น้องจะโกงค่าโดยสารพี่หรอ”

คนขับรถเปิดกระจกออกมากล่าวหา

“เปล่าครับ แปปนะครับ”

ถึงบ้านจะมืดไปหมด ตอนนี้ก็คงนอนดูหนัง ไม่ก็เล่นเกมอยู่

“พี่อาร์ต!” กวินตะโกนดังขึ้น สักพักไฟที่ชั้นสองก็สว่าง ทำให้เขาใจชื้น ก่อนได้ยินเสียงตึงตังและเสียงเปิดประตู

“ไหนว่าไม่กลับ แล้วกุญแจ”

“พี่อาร์ตจ่ายค่าแท็กซี่ให้ผมทีครับ”

คนตัวสูงรีบกลับเข้าไปในบ้าน หยิบเงินมาส่งให้ พร้อมไขประตู กวินส่งเงินให้พี่คนขับ พอดีกับที่ประตูบ้านเปิดออก เขาโผเข้ากอดอีกคนทันทีจนวริษฐ์เองก็งง

“อะไรครับ คิดถึงพี่จนทนไม่ไหวหรอ”

“อื้อ พี่อาร์ต” ทันทีที่ได้กอด ความเข้มแข็งที่มีก็หายไปหมด กวินกอดอีกคนแน่นแล้วเริ่มร้องไห้ วริษฐ์ไม่เข้าใจเข้าไปใหญ่ว่าเกิดอะไร

“ไปเจออะไรมา เข้าบ้านก่อนดีกว่า”

เขาเพิ่งสังเกตเห็นว่าคนตัวเล็กไม่ได้สวมรองเท้า เขาถึงได้อุ้มอีกคนขึ้นมา แล้วยกคนตัวเล็กเข้าบ้าน

“กวินมันเกิดอะไร”

“ฮึก ผมหนีออกมาจากที่บ้านครับ” กวิณยังกอดอีกคนแน่นไม่ยอมปล่อย พูดเสียงอู้อี้อยู่บนไหล่

“หนี?”

“เขารู้แล้วว่าผมเป็นเกย์”

“อ่า” วริษฐ์กระชับกอดอีกคนแน่น

“พวกเขาจะส่งผมไปไหนไม่รู้ ฮึก ผมถูกขัง ก็เลยพยายามหนีออกมา”

“ทำขนาดนั้นเลยหรอกวิน”

“ผมกลัวครับ”

“ไม่เป็นไรพี่อยู่นี่แล้วนะ” คนตัวสูงกอดลูบแผ่นหลังสั่นเทาของอีกคนเป็นเชิงปลอบ กวินปล่อยโฮออกมาเสียงดังมีแค่อ้อมกอดของพี่อาร์ตเท่านั้นที่ทำให้เขารู้สึกปลอดภัย

“เราอยู่บ้านแล้ว ปลอดภัยแล้วนะครับ”

กวินพยักหน้ารับทั้งที่ยังคงซุกอยู่กับไหล่ ที่พักพิงเดียวของเขา

“ไม่เป็นไรแล้ว เราไม่ต้องไปเหยียบที่นั่นอีก ต่อไปจะมีแค่เรา”

“กวินกลัวพี่อาร์ตไม่ปลอดภัย”

“เขาคงไม่กล้าขนาดนั้นหรอกมั้งครับ”

คนซุกเงยมองสบตาอีกคนทั้งน้ำตานองหน้า “เขาฮึก อาจจะทำ”

“พี่ไม่เป็นไรหรอกครับ แล้วก็จะปกป้องเราเอง”

วริษฐ์โอบกอดกวินเอาไว้แน่น อีกคนถึงได้ก้มหน้าซุกอกอีกคนตามเดิม ให้มือหนาที่อบอุ่นคอยลูบปลอบนานสองนานจนใจสงบลง

“อาบน้ำล้างตัวดีมั้ยครับ แล้วกินอะไรมาหรือยัง”

คนในอ้อมกอดที่สงบนิ่งเพราะกำลังซึมซับไออุ่นกับกลิ่นหอม ๆ จากตัวคนรักจำต้องเงยหน้าขึ้นหา

“พี่อาร์ต อาบด้วยกันได้มั้ยครับ”

“หืม?”

“ผมไม่อยากห่างพี่อาร์ตเลยครับ”

ไม่พูดเปล่ากลับกระชับแขนกอดแน่นเหนึบกว่าเดิม

“ได้สิครับ ไปนะไปอาบน้ำกัน”

วริษฐ์ช้อนอุ้มคนอ้อนขึ้นมาอีกครั้ง และพาตรงไปยังห้องน้ำ เขาเองก็อยากสำรวจร่างกายอีกคนด้วยเหมือนกัน ว่าเจ็บตรงไหนบ้าง เห็นแต่ว่าหน้ามีรอยช้ำ

พอถอดเสื้ออีกคนออกก็โมโหจนเลือดขึ้นหน้า นี่ลูกของเขาเองแท้ ๆ เลือดเนื้อของตัวเอง กลับทำร้ายได้ขนาดนี้ทั้งรอยตีรอยหยิกเต็มตัวไปหมด ทำลงได้ยังไง

วริษฐ์ใช้ปลายนิ้วค่อย ๆ แตะไล้ไปตามรอยพวกนั้น

“เจ็บมากมั้ย”

“ฮึก เจ็บครับ” กวินร้องไห้ออกมาอีกรอบ ที่ร่างกายไม่เจ็บเท่าไหร่ ไม่ได้เจ็บจนอยากร้องไห้ แต่ร่องรอยพวกนั้นเหมือนจะตะโกนใส่หน้าเขาว่าพ่อแม่ของเขาไม่ได้รักเขาสักนิด ไม่ว่าจะตอนไหน

วริษฐ์ลูบหลังปลอบ “เดี๋ยวอาบน้ำก็จะรู้สึกดีขึ้น พี่ทายาให้นะ” วริษฐ์ข่มความโกรธเอาไว้ข้างใน เขาโกรธแค้นแทนกวิน ถ้าหากรู้ว่ากลับไปต้องเจอครอบครัวทำร้ายแบบนี้ ไม่ให้ไปดีกว่า

กวินพยักหน้า แล้วให้อีกคนพาไปอาบน้ำ พอเท้าถูกน้ำถึงกับสะดุ้ง

“เป็นอะไร”

“แสบเท้า”

“คงถูกอะไรบาดแน่เลย เล่นถอดรองเท้าแบบนั้น”

“ผมไปเอามาใส่ไม่ได้นี่นา เดี๋ยวถูกจับได้”

“อืม ดีที่กลับมาได้แล้ว จะไม่ปล่อยให้ไปแล้วนะครับ ครอบครัวอะไรนั่น”

“ไม่กลับไปแล้วครับ”

วริษฐ์พยักหน้าเขาช่วยอาบน้ำให้กวินจนเรียบร้อย เอาผ้าเช็ดตัวห่อตัวอีกคนเอาไว้ พยายามจะดูแลทะนุถนอมชดเชยกับที่อีกคนต้องเจอเรื่องไม่ดีมา กวินถูกอุ้มอีกครั้ง เพราะเท้าเจ็บวริษฐ์ไม่อยากให้เดิน

เขาพากวินไปนั่งที่เก้าอี้ หยิบยาทาแก้ฟกช้ำมาป้ายให้ตามรอยช้ำบนตัว ก่อนนั่งกับพื้นเพื่อดูแผลที่ฝ่าเท้า

“เดี๋ยวตรงนั้นผมทำเอง”

“พี่ทำให้”

วริษฐ์จับเท้าอีกคนให้วางเอียงบนตัก มันมีรอยบาดอยู่หลายรอยดีที่ไม่ลึก เขาใช้น้ำเกลือล้างอีกทีแล้วป้ายเบตาดีนให้ แปะพลาสเตอร์เพื่อกันฝุ่นสิ่งสกปรก

“วันนี้กับพรุ่งนี้ ห้ามเดินนะครับ”

“เดินได้ครับแผลนิดเดียว”

“ไม่เอา ไม่ให้เดิน จะเอาอะไรบอก จะลุกไปไหนจะอุ้ม”

กวินกระพริบตาปริบ ๆ มองคนตรงหน้า น้ำตาจะไหลออกมาอีกรอบ ถึงที่พี่อาร์ตทำให้มันจะดูโอเวอร์เกินไป แต่ก็ห่วงใยเขามากกว่าคนสายเลือดเดียวกัน

“จะร้องไห้อีกแล้ว” วริษฐ์เอ่ยทักเมื่อเห็นอีกคนทำตาแดง ๆ ใส่ “หิวมั้ยครับ”

“หิวครับ” เขายังไม่ได้กินอะไรเลยทั้งน้ำทั้งอาหารพอรู้สึกสบายปลอดภัยก็เริ่มหิวขึ้นมา

“งั้นนั่งรอแปปนึงนะครับ”

คนตัวสูงเดินไปครัวเพื่อทำอาหารง่าย ๆ ต้มบะหมี่สำเร็จรูปใส่ไข่ให้อีกคนกินรองท้องไปก่อน เตรียมทั้งน้ำ อาหารและขนมขนไปให้คนที่รอ

“หอมมั้ย”

“มาก ๆ เลยครับ”

กวินเริ่มกินอาหาร รู้สึกว่ามันอร่อยมากเป็นพิเศษ เขารู้แค่ตอนนี้เขาปลอดภัย มีพี่อาร์ตอยู่ข้าง ๆ เขาไม่กลัวอะไรแล้ว ส่วนเรื่องอื่นเขาคิดอะไรไม่ออก ให้มันเป็นเรื่องของวันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน

.

.
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 30 บ้านที่แท้จริง 21/11/64
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 21-11-2021 18:13:57
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 30 บ้านที่แท้จริง 21/11/64
เริ่มหัวข้อโดย: cakecoco-boom ที่ 24-11-2021 11:13:57
รอตอนต่อไปนะคะ :pig4:
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่31อนาคตของเรา1/12/64(ขอให้สมรสเท่าเทียม)
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 01-12-2021 22:55:36
บทที่ 31 อนาคตของเรา (สนับสนุนสมรสเท่าเทียม)



ยามเช้ามาเยือนอีกครั้ง หลังผ่านคืนที่หนักหน่วง กวินรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาก่อนอีกฝ่าย ขยับผละออกจากอกอุ่นที่นอนกอดซุกมาทั้งคืน แหงนมองใบหน้าหล่อเหลาที่ยังคงหลับสนิท มือลูบไล้ไปตามใบหน้าแผ่วเบา ในสมองมีความคิดตีกันมากมาย การตัดขาดจากที่บ้าน แล้วใช้ชีวิตอยู่กับพี่อาร์ตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข มันควรจะเป็นแบบนั้น ชีวิตของเขาควรจะเรียบง่าย เขาควรจะได้เลือกมันเอง แต่...เขากำลังกังวล กลัวว่าที่บ้านจะทำอะไรอีก เขาไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า ไม่เคยคิดมาก่อนว่าที่บ้านจะน่ากลัวมากขนาดนี้ เขาควรต้องไปตามที่ที่บ้านสั่ง เขาต้องไปให้พ้นหูพ้นตา ไม่อยากพาเรื่องวุ่นวายเขามาในชีวิตพี่อาร์ต

หรือเขาควรจะไปต่างประเทศ รักทางไกลจะไหวหรือเปล่า... แล้วเขาจะต้องจากพี่อาร์ตไปแล้วหรอ เราเพิ่งรักกันได้เอง เพิ่งจะได้มีความสุขด้วยกัน

กวินคิดไม่ตกเลยว่าจะเอายังไงกับชีวิตตัวเองต่อ



เสียงนาฬิกาดังปลุก ทำให้วริษฐ์รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา มือหนาควานปิดเสียงนาฬิกาปลุกทั้งที่ตายังไม่ลืมดี

“อรุณสวัสดิ์ครับ” กวินร้องทักเบา ๆ ทันทีที่เปลือกตาของอีกฝ่ายมีการขยับ

“อือ” เขาเห็นกวินอยู่ในอ้อมกอดนอนมองหน้าเขาอยู่ วริษฐ์ยิ้มเล็ก ๆ ก่อนยื่นหน้าไปจูบที่หน้าผาก กวินซุกหาเหมือนอ้อน อ้อมกอดอุ่นทำให้ทั้งสองคนรู้สึกสบายใจ

“พี่อาร์ตครับ”

“หืม?”

“พี่อาร์ตคิดยังไงกับรักทางไกล”

คนเพิ่งตื่นเจอคำถามแบบนี้ไปถึงกับงุนงงไปชั่วขณะหนึ่ง “ไม่รู้สิครับ” เขาตอบออกไปแค่นั้น เพราะยังสมองตื้อ ๆ วริษฐ์ใช้เวลาประมวลผลคำถามหลายนาที “ไม่ชอบไกล ๆ ใกล้กัน กอดกันก็อุ่นกว่า” วริษฐ์พูดพร้อมกับกระชับวงแขนกอดอีกฝ่ายแน่นมากขึ้น

“งั้นหรอครับ” พอได้ยินคำตอบใบหน้าของกวินแสดงออกชัดถึงความวิตกกังวล แทนที่อาการเขินอายเช่นทุกที

“มีอะไรหรือเปล่า”

“ผมว่าจะไปต่างประเทศครับ”

“อยากไปเที่ยวหรอครับ” วริษฐ์ถามกลับแต่คิดว่าคงไม่ใช่

กวินส่ายหน้าตอบ “ไปอยู่ที่ต่างประเทศ”

“ทำไมล่ะครับ”

“ที่บ้านอยากจะส่งผมไปให้ไกล ๆ ครับ เพราะว่าอับอายที่มีผมอยู่”

“ก็มาอยู่กับพี่”

“ไม่ครับ ผมว่าคงไกลไม่พอ ผมกลัวเขามาวุ่นวายกับพี่” ...เพราะว่าผมอยู่กับพี่มาตลอด ที่บ้านถึงได้รู้ แล้วก็ตามมาแบบนี้...

“พี่ไม่กลัว”

“กวินกลัวครับ ถ้าพี่ต้องเจ็บตัวเพราะผม”

“งั้นไปด้วยกัน” วริษฐ์พูดออกมาสบาย ๆ เหมือนกับว่าที่ ๆ จะไปคือร้านอาหาร คือห้างแถวบ้าน

“อ่ะ!ฮะ อะไรครับ”

“ไปต่างประเทศด้วยกัน”

“ไม่ดีหรอกครับ”

“ทำไมล่ะ กวินไม่อยากให้พี่ไปด้วยหรอ”

คนตัวเล็กกว่าส่ายหน้าปฏิเสธรัวเร็ว “ไม่ใช่ครับ อยากสิ กวินอยากอยู่กับพี่”

“งั้นก็ไปด้วยกัน”

“พี่อาร์ต” กวินเรียกอีกฝ่ายเสียงแผ่ว “พี่อาร์ตต้องทิ้งทุกอย่างเลยนะครับ ทิ้งทุกอย่างเพื่อผม ไม่ดีหรอกครับ”

“สำหรับพี่กวินสำคัญที่สุด” วริษฐ์จับมืออีกฝ่ายข้างที่สวมแหวนขึ้นมากุมเอาไว้ “พี่ทิ้งทุกอย่าง ไม่สิ เราทิ้งทุกอย่างแล้วไปเริ่มใหม่ด้วยกันดีมั้ย” พูดจบวริษฐ์ยกมืออีกฝ่ายขึ้นมาแล้วจุมพิตลงไปที่นิ้วเรียว

“พี่อาร์ต...”

“ที่ไหนก็ได้แค่มีเรา”

กวินสวมกอดอีกฝ่ายแน่น ทำท่าจะร้องไห้อีกแล้ว เขาคิดว่าตัวเองขี้แยเกินไปแล้ว

“พี่มีเราก็พอแล้ว” วริษฐ์พูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล เหมือนกำลังโอ๋เด็กตัวเล็ก ๆ มือหนาลูบหัวปลอบไปด้วย

“อือ ไปด้วยกันครับ”

“วันนี้ลางานแล้วกันนะ”

“อีกแล้วหรอครับ” กวินตอบเสียงอู้อี้เพราะยังซุกอยู่กับอก

“อื้อ เดี๋ยวเราก็ลาออกหนีแล้ว” วริษฐ์หัวเราะเบา ๆ

“อ่า”

“จะได้หาข้อมูลที่ ๆ จะไป จะได้มาจัดการความคิด อะไรหลาย ๆ อย่างที่มันยังวุ่นวายด้วย”

“นั่นสินะครับ”

“ไปทำงานตอนนี้ ทำงานไม่รู้เรื่องหรอกครับ”

กวินพยักหน้ารับคำ ก่อนผละออกจากอ้อมกอดอุ่น ลาก็ดีตอนนี้เจ็บเท้ามากกว่าเมื่อคืนซะอีก



วริษฐ์ขยับหันไปหยิบมือถือ พวกเขาผลัดกันโทรไปหาหัวหน้างานตัวเองเพื่อลางาน ดีที่มีหัวหน้างานคนละคนกัน ไม่งั้นใช้เบอร์เดียวกันโทรไปคงถูกจับได้ว่าลามานอนด้วยกัน

กวินลาป่วยบอกว่าเกิดอุบัติเหตุ เดินไม่ไหว ส่วนวริษฐ์เองก็ป่วยเป็นไข้ พอลาเสร็จเรียบร้อยกลับมานอนกอดกันบนเตียง อ้อมกอดอบอุ่นปลอดภัยทั้งทางกายและทางใจ



“หิวหรือยัง”

“ยังครับ”

“งั้นนอนกันอีกหน่อย”

“จริง ๆ หิว” กวินพูดออกไปแบบนั้น เขาเครียดแล้วอยากหาทางทำอะไรสักอย่างให้สมองมันว่างเปล่า

“หืม?”

วริษฐ์สงสัยได้แค่ไม่นาน จึงได้รู้ว่าอีกคนพูดถึงอะไร มืออีกฝ่ายซุกซนลูบคลึงเป้าของเขา เพราะใส่แค่กางเกงนอน คลึงแปปเดียวมันก็ขึ้นเป็นรูป

“นี่ล่ะครับกินได้หรือเปล่า”

“ฮึ่ม ดูสิครับ ซนแต่เช้า ไหนคนป่วย”

“ผมขาเจ็บนะครับ ไม่ได้เป็นไข้”

“หรอครับบบบ” วริษฐ์ตอบกลับลากเสียงยาว

กวินขมวดคิ้วมองอีกฝ่ายที่ลากเสียงยาวกวน มือบางถึงได้ขยับไปบีบชักดุ้นแข็งเป็นการแกล้ง มือคลึงเคล้าที่ลูกกลมถุงเนื้อแล้วบีบเบา ๆ

“อืออ เอาคืนแบบนี้ก็แย่สิ”

กวินขยับตัวเคลื่อนลงต่ำ ใช้มือดึงกางเกงตัวย้วยของอีกฝ่ายลง ดุ้นเนื้อแข็งตั้งขึ้นมาอย่างชัดเจน คนตัวเล็กเอาแก้มไปแนบถู “มันร้อนจังครับ สงสัยว่าจะป่วยเป็นไข้จริง ๆ” กวินพูดแหย่ก่อนจะขยับใช้ลิ้นโลมเลีย

วริษฐ์มองอีกฝ่ายพร้อมลอบกลืนน้ำลาย เซ็กซี่จนอยากจะทำมากกว่านอนให้อีกฝ่ายกิน

“ซนจริง ๆ”

กวินอ้าปากกว้างครอบครองดุ้นเนื้อของอีกฝ่ายดูดเม้มพร้อมช้อนตาขึ้นมองดูปฏิกิริยาของอีกฝ่าย ขยับเชื่องช้า ดูดสลับกับใช้ลิ้น

“อืออ อืม” มือหน้าลูบขยุ้มเส้นผมนุ่มมองอีกฝ่ายด้วยความพึงใจ เสียงร้องในลำคอบ่งบอกว่าเขาพออกพอใจขนาดไหน “ดีครับ แบบนั้นเลย”

กวินขยับหัวขึ้นลงเป็นจังหวะ เพิ่มความเสียวด้วยการใช้มือคลึงถุงกลมไปด้วย และมันได้ผลดีวริษฐ์ร้องครวญครางหายใจแรงขึ้นดวงตาจับจ้องมองทุกการขยับเคลื่อนไหว ลมหายใจกระชั้นขึ้นเมื่ออีกฝ่ายเร่งจังวะ

“อา จะเสร็จแล้ว พอแล้ว” วริษฐ์ร้องห้ามเพราะเขาไม่อยากเสร็จพุ่งเข้าไปในปากอีกฝ่ายจนสำลัก แต่กวินไม่หยุด เขาจึงทนต่อไม่ไหว กระตุกเกร็งและปลดปล่อยใส่เข้าไปในปากอีกฝ่ายจนหมด

คนที่บอกว่าหิวอยากกิน อีกฝ่ายทำตามที่บอกด้วยการกลืนกินน้ำรักเข้าไปหมดทุกหยาดหยด รสชาติฝาดคาวติดปาก กวินขยับนั่งแลบลิ้นเลียรอบริมฝีปากตัวเอง

“อิ่มแล้วครับ นอนกอดได้”

“ปากบนเราอิ่ม แล้วปากล่างล่ะครับ”

“พี่อาร์ตจะทำแต่เช้าเลยหรอครับ กลางวันแสก ๆ ”

“กวินไม่มีสิทธิพูดนะครับ เราชอบปลุกผมมาทำตอนเช้า นี่ก็ปลุกเร้าผมขนาดนี้แล้ว” คนตัวสูงพูดก่อนเอื้อมมือไปหยิบขวดเจลหล่อลื่น

“ผมไม่ได้ห้ามสักหน่อย ก็เห็นว่าเป็นไข้”

“นี่ยังไม่หยุดแซวเรื่องนี้อีกหรอครับ”

“ไม่แซวแล้วก็--”

พูดไม่จบประโยคดี วริษฐ์ประกบจูบปากกวินแนบ มอบจูบร้อนให้สาสมกับที่อีกฝ่ายทำตัวน่าเอาแต่เช้า มือดึงกอดรั้งเอวอีกคนให้เข้ามาแนบชิด บดจูบขบเม้มริมฝีปากบางอย่างไม่กลัวว่าจะช้ำ

“อืมม”

มือเล็กยกขึ้นคล้องคออีกฝ่ายเอาไว้ อ้าปากให้อีกคนสอดลิ้นเข้ามาในโพรงปาก ลิ้นร้อนเกี่ยวพันดุนดันซึ่งกันและกัน น้ำลายสีใสไหลซึมออกมาที่มุมปาก

ทั้งคู่บดริมฝีปากแลกลิ้นกันจนกระทั่งลมหายใจร้อนแทบขาดห้วง ก่อนจะผละออกให้ได้หายใจ

“ผมติดไข้พี่อาร์ตแล้วครับ ร้อนจังเลย” กวินพูดตอบเสียงปนหอบ

“ยังไม่หยุดอีก”

วริษฐ์จับอีกฝ่ายถอดกางเกงออกจับข้อเท้าของกวินเอาไว้แล้วยกขึ้นมาก่อนจะจรดริมฝีปากลงไปที่หลังเท้า กวินได้แต่มองตาโตที่อีกฝ่ายจูบในส่วนต่ำสุดของร่างกายแบบนั้น

“ทำอะไรแบบนั้นกันครับ”

“พี่แค่ปลอบเท้าเรา ที่เมื่อวานต้องเจ็บขนาดนั้น”

“มันไม่ควร”

“ไม่มีไม่ควร พี่ต้องขอบคุณที่มันพากวินกลับมาหาพี่” ริมฝีปากเคลื่อนไปจูบที่ขาอ่อน และโคนขาด้านใน ก่อนจะไปยังช่องทางสีหวาน ลิ้นไล้วนที่ทางเข้าแล้วสอดเข้าไปในรูจีบ

“อือ พี่อาร์ต” กวินร้องเรียกอีกฝ่ายเบา ๆ เมื่อลิ้นร้อนสอดเข้าไปด้านใน ทำให้อารมณ์ยิ่งร้อนกว่าเดิม กวินเหลือบมองแกนกายของตัวเองที่กระตุกด้วยห้วงอารมณ์

วริษฐ์ขยับผละออกบีบเจลใส่นิ้วแล้วสอดเข้าไปเบิกทางให้ เขารู้ว่าตรงไหนจะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกดี...ดีจนทรมาน เขาจึงกดย้ำเพื่อฟังเสียงหวาน ๆ และสีหน้าที่เต็มไปด้วยความต้องการ

“อ๊า พี่อาร์ตผมอยากได้ของพี่แล้ว”

“ปากล่างกวินตละกละ”

“อื้อ เอาของพี่ใส่เข้ามา” กวินร้องเว้าวอนดวงตาเชื่อมหวานเยิ้ม

“ขี้ยั่ว” วริษฐ์พูดก่อนถอนนิ้วตัวเองออกมา แล้วบีบเจลชโลมลงไปให้ทั่วดุ้นแข็ง ก่อนจะดุนดันยัดเข้าไปข้างใน แต่เหมือนว่ามันช้าเกินไปไม่ทันใจ กวินถึงได้ดันสะโพกสวนมา พร้อมเชิดใบหน้าขึ้นแล้วร้องคราง

“อ๊า ซี้ดดด เข้ามาแล้ว”

“อือ ใจร้อน”

“ผมชอบเวลาที่เราติดกันแบบนี้นี่ครับ”

วริษฐ์รอให้อีกฝ่ายปรับตัว แต่ความอดทนแทบจะหมดเพราะการปลุกเร้า ทั้งข้างในที่รัดแน่น กับสีหน้าและคำพูดที่มันเชิญชวนจนความอดทนแทบจะหมดลงแล้ว เขากัดขบกรามแน่น มันน่ารักจนอยากจะกระแทกเดี๋ยวนี้ และดูเหมือนว่ากวินจะรู้

“ขยับสิครับ ผมพร้อมแล้ว”

เอวหนาถอนออกเกือบหลุดแล้วกระแทกพรวดจนสุด

“อื้อ!”

วริษฐ์จับขาอีกฝ่ายให้ยกขึ้นพาดที่ไหล่ เขาเคลื่อนขยับเอวเข้าออกในช่องทางอุ่นนุ่ม ขยับกระแทกกระทั้นหนักหน่วง ซึ่งคนที่อยู่ด้านล่างก็ร้องครางรับกับการกระแทก เสียงหวาน ๆ ยิ่งปลุกเร้าให้ยิ่งระแทกถี่เร็ว

“อา กวิน ตอดแน่นจังครับ”

“อื้อ พี่อาร์ต ลึก อื้อ เร็วอีกครับ”

วริษฐ์ขยับเร็วตามคำขอ มือลูบแกนกายแข็งแกร่งของกวินที่ขยับโยกไปมาตามการกระแทก

“รูดแบบนั้น- ผมจะเสร็จ ก่อนพี่”

วริษฐ์ยิ้มเป่าลมหายใจร้อน ๆ ออกมาทางปาก เขาเองก็เสียวจะไม่ไหว ตั้งใจจะเสร็จไปพร้อมกัน เขาคิดแบบนั้นก่อนขยับทั้งเอวและฝ่ามือเร็วขึ้นเรื่อย ๆ กวินตัวเกร็งกระตุกตาเหลือกลอยก่อนจะเสร็จออกมาพุ่งเปื้อนหน้าท้องอีกฝ่าย ความรัดแน่นทำให้วริษฐ์เสร็จตามไปด้วย

“อา ร้อนข้างในไปหมดเลย”

วริษฐ์ซบหน้าลงกับต้นคออีกฝ่าย กระชับกอดอีกคนเอาไว้

“อือ เห็นมั้ยครับ”

“อะไรครับ”

“รักทางไกล กอดไม่ได้อุ่นแบบนี้หรอกนะครับ กวินทนไม่ได้หรอก”

“อื้อ”

“เพราะฉะนั้นไปเริ่มใหม่ด้วยกัน”

กวินลูบผมอีกฝ่ายแล้วขยับไปจุ๊บที่ใบหูของอีกฝ่าย และกระซิบตอบรับเบา ๆ

“ครับพี่อาร์ต”

พอหายเหนื่อย วริษฐ์ขยับไปนอนข้าง ๆ แทน กวินเองก็ขยับตามไปกอดนอนซุกอกอีกฝ่าย คนถูกอ้อนยกมือขึ้นลูบหัวอีกฝ่ายคนเบา ๆ แล้วหอมหัว

“ไปประเทศไหนดี”

“นั่นสิครับ ผมก็ไม่รู้”

“ที่ขอวีซ่าไม่ยากมาก” วริษฐ์หยิบมือถือมาเปิดหาข้อมูล “ไปออสเตรเลียดีมั้ย”

“ได้หมดเลยครับแค่มีพี่อาร์ต”

“รู้มั้ยทำไมพี่อยากไปที่นี่”

“วีซ่าง่ายหรอครับ” กวินตอบพร้อมแหงนหน้าขึ้นมอง เขาไม่รู้เลยแฮะ คงต้องหาข้อมูล เคยแต่ไปเที่ยวต่างประเทศกับไปเรียนต่อ แต่นี่จะไปอยู่ยาว ๆ คงต้องหาข้อมูลให้มาก และเตรียมตัวอย่างรัดกุม

“ไม่เชิงครับ”

“เอ๋ แล้วอะไร”

“เราแต่งงานกันได้ด้วย”

“หือ สมรสเท่าเทียมน่ะหรอครับ”

“ใช่ครับ ไหน ๆ อยู่ที่นี่ก็แต่งกันไม่ได้ด้วย ไปต่างประเทศพอเราได้พลเมือง เราก็แต่งงานกัน”

กวินมองอีกฝ่ายที่คิดวางแผนไปไกลแล้ว แถมยังทำให้รู้สึกเขินด้วย อีกฝ่ายจริงจังถึงขนาดจะแต่งงาน

“แต่งงานเลยหรอครับ”

“ไม่อยากแต่งกับพี่หรอ”

“ไม่ใช่สิครับ กวินแค่ไม่เคยคิดเรื่องนั้นมาก่อน”

“อืม พอคิดว่าถ้าจะไปเริ่มที่ใหม่แล้ว พี่อยากได้ที่ ๆ จะดีกับเรามากๆ”

“แต่งไม่แต่ง มันไม่สำคัญสักหน่อย แค่ที่นั่นมีพี่”

วริษฐ์ส่ายหน้าเบา ๆ “สำคัญสิครับ ไม่ใช่แค่ว่าเรื่องหัวใจสักหน่อย ประกันชีวิต ทรัพย์สิน อะไรอีกมากมาย การรักษาพยาบาล ทุกอย่างเราจะได้ดูแลกัน มีส่วนร่วมในชีวิตของกันและกันได้จริง ๆ”

กวินฟังไปตาโตเบิกกว้างกว่าเดิม “ขนาดนั้นเลยหรอครับ”

“พี่จริงจังนะ”

“อึก ครับ” กวินพยักหน้าในความจริงจังนั้น “สมกับที่ทำงานฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ เรื่องสวัสดิการไม่พลาดเลย”

“ทำมาชมพี่ มันคนละส่วนงานดันนะครับ” วริษฐ์ลูบหัวอีกคนเบา ๆ “คิดอนาคตได้แล้วครับ อนาคตของเราน่ะ แล้วนี่...กวินอยากมีลูกหรือเปล่า”

“ผมไม่เคยคิดเลยครับ” กวินมองอีกฝ่าย “พี่อาร์ตอยากมีหรือครับ” ถ้าพี่อาร์ตอยากมีแต่ว่า..เขามีให้ไม่ได้ คนตัวเล็กหน้าเจื่อนลงเล็กน้อย

“ไม่รู้สิ ถ้ามีก็อาจจะคึกครื้นขึ้น กวินจะได้ไม่เหงา”

“แต่ผมมีลูกให้พี่ไม่ได้”

“หืม? รับบุตรบุญธรรมสิครับ”

“จริงหรอครับ” ก็ไม่เชิงว่าอยากมี ถ้ามีแล้วได้ช่วยกันเลี้ยงดูไปกับพี่อาร์ตคงจะดี แต่ว่าเขาจะดูแลเด็ก ๆ ได้ดีหรือเปล่า ตัวเขาเองที่ยังเอาตัวเองแทบไม่รอด “ผมจะเลี้ยงเด็ก ๆ ได้มั้ยครับ”

“ได้สิ เราจะเป็นผู้ปกครองที่ดีให้พวกเขา”

“อื้อ” กวินโถมตัวกอดวริษฐ์แน่น เขาไม่เคยคิดเรื่องพวกนี้มาก่อน ทั้งแต่งงาน ทั้งมีครอบครัวที่อบอุ่น เรื่องพวกนั้นมันเลือนลางและห่างไกลมากสำหรับเขา แต่ว่าเพราะพี่อาร์ต เรื่องพวกนี้ถึงดูใกล้ มันใกล้จนเอื้อมมือคว้าได้เลย



แล้วเขาเองก็อยากจะคว้ามันเอาไว้... จับไว้แน่น ๆ ไม่ให้หลุดมือ







พอช่วงสายพวกเขาทำอาหารง่าย ๆ กินกันวริษฐ์ผัดข้าวผัดไข่มาเสิร์ฟคนเท้าเจ็บ หลังจากนั้นทั้งคู่ก็เริ่มหาข้อมูลเกี่ยวกับประเทศที่ตั้งใจจะไปเริ่มใหม่ด้วยกันเรื่องภาษาพวกเขาไม่ได้ติดขัดอะไร เรื่องเงินเองก็ด้วยวริษฐ์มีเงินเก็บ ทั้งจากการทำงานและมรดก

แต่คนที่กำลังหนักใจในเรื่องนี้ที่สุดคือกวินต่างหาก

ตอนนี้เขามาแต่ตัว ไม่มีอะไรสักอย่าง ทั้งกระเป๋าเงิน พาสปอร์ต บัตรต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งบัตรประชาชน มือถือก็ไม่มี เขาเป็นภาระของพี่อาร์ต

“อืมมมเป็นประเทศที่น่าสนใจจริง ๆ” วริษฐ์พูดพลางยกแขนขึ้นยืดบิดขี้เกียจ

“อือ พี่อาร์ตครับ”

“ครับ?”

“ผมไม่มีอะไรเลยครับพี่อาร์ตตัวเปล่า”

“มีพี่ก็พอ พี่จะเป็นทุกอย่างให้เราเลย ตู้ ATM ก็ยังเป็นได้ ถ้ากดถูกจุด เงินไหลออกมาเพียบแน่”

กวินหัวเราะออกมาเบา ๆ กับคำพูดเชิญชวนคิดลึกแปลก ๆ “พี่อาร์ตเป็นบัตรประชาชนให้ผมไม่ได้นะครับ”

“อันนั้นมันก็ใช่ แต่เดี๋ยวพาไปทำใหม่”

กวินพยักหน้าเบา ๆ เขารู้ว่าอะไรก็ทำใหม่ได้ แต่ว่ามันยุ่งยาก ของของเขาอยู่ที่นั่นก็ไม่มีคุณค่าเป็นขยะ เขาขอขยะคืนไม่ได้หรือไง

“ผมอยากได้ของคืน ผมติดต่อพี่ชายดีมั้ย”

“อย่าเลยผมไม่อยากให้เขามายุ่งกับเรา”

“แต่ว่าอยากได้คืนมานี่ครับ เขาคงไม่ใจร้ายกับผมเหมือนพ่อแม่ เราไม่ได้มีเรื่องหมองใจกันสักหน่อย”

“ถ้าไปเจอแล้วโดนจับอีกล่ะ”

“อืมมม...” กวินทำหน้าครุ่นคิด “โทรคุยแล้วให้เขาเอาของฝากมากับแมสเซนเจอร์สิครับ”

“ถ้าแมสเซนเจอร์บอกที่อยู่เราล่ะครับ”

“อ่า พี่อาร์ตทำผมรู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปในหนัง ผมไม่ใช่โจร ไม่ใช่คนร้ายนะครับ เหมือนทำความผิดแล้วต้องหลบตำรวจ”

“พี่แค่เป็นห่วง” วริษฐ์พูดตอบเสียงเบา เขาว่าคงต้องพึ่งเต๋าอีกตามเคย ลูกน้องเต๋าน่าจะปลอดภัยไว้ใจได้

“งั้นกวินเอามือถือพี่ไปโทรหาพี่ชาย แล้วเดี๋ยวเรื่องแมสพี่จัดการเอง”

“ขอบคุณนะครับ”



กวินรับมือถือของวริษฐ์มาถือเอาไว้ เขาเองก็กลัวที่จะติดต่อไปเหมือนกัน ยิ่งเพิ่งหนีออกมาแบบนั้น เขามองจ้องมือถือพยายามสงบสติอารมณ์เอาไว้ สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ มือที่จับโทรศัพท์เอาไว้เหงื่อออกจนชื้น เขารู้ว่าตัวเองเครียดมากแค่ไหน ปลายนิ้วสั่นเทาพยายามกดเบอร์ของพี่ชาย

“ฟู่”

กวินพ่นลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะกดโทรออกไปแล้วเปิดลำโพงเพื่อรอฟังเสียง

ตรู๊ด

กวินเม้มปากแน่นใจจดจ่อ

ตรู๊ด

ไม่รับก็คงดี...



‘สวัสดีครับ...’



แต่ปลายเสียงดันรับสายซะแล้ว...

.

.

[พวกเขากำลังวางอนาคตร่วมกัน อนาคตที่เขากำหนดกันเอง

และ เราสนับสนุนสมรสเท่าเทียม เพราะว่ามันสำคัญ ไม่ใช่แค่กระดาษใบเดียว

มันเป็นสิทธิ สวัสดิการ และการลดหย่อนอีกมากมายที่พึงได้รับ]
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 31 อนาคตของเรา 1/12/64 (ขอให้สมรสเท่าเทียม)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 03-12-2021 19:56:15
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 32 เผชิญหน้า 6/1/65
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 05-01-2022 23:52:35
บทที่ 32 เผชิญหน้า


เมื่อพี่ชายรับโทรศัพท์ กวินกลับยิ่งลนลานเขาหันมองหน้าวริษฐ์ เป็นเชิงขอกำลังใจ อีกฝ่ายพยักหน้าเบา ๆ เพื่อบอกว่าให้คุยเลยสิ พูดตอบกลับไป

“พี่กรัณต์...”

‘กวิน!’

“ชู่ ขอผมคุยกับพี่เงียบ ๆ สองคนนะ”

‘รู้มั้ยเมื่อเช้าวุ่นวายแค่ไหน เราหนีไปทำไม กลับมาเลย จะต้องบินเย็นนี้แล้ว’

“พี่ พี่ฟังผมนะ ผมไปแน่ แต่ผมขอเวลาจัดการเตรียมตัวหน่อย”

‘พ่อแม่เตรียมทุกอย่างไว้แล้ว’

“ไม่พี่ ผมจะจัดการเอง ผมจะไปให้ไกล ๆ”

‘ท่านโกรธมากนะกวิน’

คนที่ควรจะโกรธ คือผมต่างหาก ...

“เดี๋ยวผมก็จะไปแล้ว ย้ายไปอยู่ต่างประเทศ ไม่ให้ต้องเจออีก แต่ผมขอเวลาแค่นี้เอง”

‘แล้วตอนนี้อยู่ที่ไหน’

กวินเหลือบมองหน้าวริษฐ์ อีกฝ่ายกอดอกแล้วส่ายหน้าปฏิเสธ

“พี่ครับ ตอนนี้ผมอยู่ที่บ้านของผม” กวินตอบเลี่ยงไป ด้วยคำว่าบ้านของผมแล้วไม่ลงรายละเอียด “ผมขอโทษนะ แต่ว่า อยากให้พี่ช่วยหน่อย พี่ช่วยเอาของมาให้ผมทีได้มั้ย”

‘อยู่ที่ไหนล่ะ’

“ผมจะให้คนขับรถไปรับครับ ฝากเตรียมให้ที ทุกอย่างเลย ประเป๋าเงิน มือถือ พาสปอร์ต”

‘แต่พ่อแม่เขา’

“... ผมจะฝากจดหมายไปให้ด้วยแล้วกันนะครับ”

‘อืม จะมาแล้วโทรมาแล้วกัน’

“ขอบคุณพี่มาก ๆ นะครับ ผมวางก่อนนะครับ”



กวินกดวางสายโทรศัพท์มือถือ และถอนหายใจออกมาอีกเฮือกใหญ่ เขาเกร็งไปหมดเลย วริษฐ์ยกมือขึ้นลูบหัวอีกฝ่ายเบา ๆ เป็นเชิงปลอบ แล้วรับเอามือถือคืนมาจากอีกฝ่าย



“พี่อาร์ตครับ ผมขอกระดาษกับปากกาหน่อยสิครับ”

คนพี่ไม่พูดอะไรแต่ลุกขึ้นไปหยิบของให้ กวินรับมาและเริ่มขึ้นจดหมายถึงที่บ้าน

“ผมจะฝากนี่ไปให้ที่บ้านด้วยนะครับ”

วริษฐ์พยักหน้าขณะที่กดโทรหาเพื่อนเพื่อไหว้วานให้ช่วยจัดการให้ที



กวินนอนเขียนจดหมาย เขียนไปพร้อมน้ำตาเอ่อคลอ จดหมายฉบับนี้ ถ้าอ่านคงเหมือนจดหมายลา ใครเห็นคนคิดว่าฆ่าตัวตาย ... แต่ว่า ไม่ใช่กวิน ต้องการจะเริ่มต้นใหม่ต่างหาก



‘ถึงทุกคนที่กวินรัก กวินรักพ่อกับแม่ และรักพี่ชายนะครับ ขอโทษด้วยที่ผมมักเป็นที่น่าอับอายของพ่อแม่เสมอ เรียนก็ไม่ได้เรื่อง แถมยังเรื่องนี้อีก กวินพยายามแล้ว แต่ทำได้แค่นี้ ขอโทษนะครับ’



...หยดน้ำหยดเล็ก ๆ ตกลงบนกระดาษหลังจากเขียนคำขอโทษคำที่สอง เขาไม่รู้ว่าเขาผิดอะไร แต่ว่าเขาอยากจะขอโทษ ที่ทำให้พ่อแม่ภูมิใจในตัวเขาไม่ได้



‘แต่กวินขอ ขอเวลาไม่มากจัดการอะไรให้เรียบร้อย แล้วกวินจะไปให้ไกล ๆ ไม่ให้พ่อแม่ต้องอับอายอีก กวินจะไปต่างประเทศครับ แต่จะพยายามเอง ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะครับ และขอโทษอีกครั้ง ผมหวังว่าจากนี้พ่อ แม่และพี่กรันต์จะมีความสุข รักษาสุขภาพด้วยนะครับ อย่างน้อยก็เครียดน้อยลงเพราะผมไม่อยู่แล้ว

และถ้าใครถามถึง พ่อแม่จะบอกไปเลยก็ได้ครับ ว่ากวินตายไปแล้ว เขาจะได้เลิกถาม เลิกยุ่ง



ขอบคุณที่เลี้ยงดูมาตลอด

กวิน’



กวินพับทบจดหมายเรีอบร้อย เขาจะส่งให้ที่บ้าน ใจความจดหมายแค่อยากขอบคุณและอยากบอกลา

วริษฐ์เดินกลับมานั่งข้าง ๆ ยกแขนขึ้นโอบกอดอีกฝ่ายเอาไว้จากทางด้านหลังคนตัวเล็กถึงได้หันมากอดแล้วซุกหน้าลงกับอกอุ่น ๆ

“กวินขอโทษนะครับ ขอโทษที่ไม่น่าภูมิใจ...” ปลายเสียงอู้อี้สั่นเครือ “ขอโทษครับ ขอโทษที่เป็นกวิน”

วริษฐ์กระชับกอดลูบหลังลูบหัวอีกฝ่ายไม่หยุด เขานึกคำปลอบโยนที่ดีไม่ได้ แต่อยากจะรับฟังเอาไว้ สัมผัสอีกฝ่ายให้รู้ว่าเขาจะอยู่ตรงนี้ และภูมิใจในตัวกวินมากกว่าใคร

“ขอโทษครับ ขอโทษจริง ๆ” กวินกำเสื้อของวริษฐ์แน่นพร้อมกับปล่อยโฮออกมาอีก เอาแต่พูดขอโทษซ้ำไปซ้ำมาไม่หยุด

วริษฐ์ตัดสินใจว่าจะเป็นที่พักพิงของกวิน จะเป็นทุกอย่างของกวิน เหมือนที่กวินเองก็เป็นทุกอย่างของเขา



คนในอ้อมกอดหลังจากปลดปล่อยความรู้สึกอึดอัดที่ท่วมท้นในหัวใจออกมา เขาค่อย ๆ ใจเย็นลง ค่อย ๆ ได้สติ ร้องไห้น้อยลงจนเหลือแค่เสียงสะอื้นแผ่ว

“พี่ขอบคุณกวินนะ ขอบคุณที่พยายามกับพี่”

“พี่อาร์ตครับ”

“ต่อจากนี้กวินเป็นครอบครัวของพี่นะ ให้พี่เป็นครอบครัวของกวินนะครับ”

กวินพยักหน้ากับอกอีกฝ่าย เขาจะมีครอบครัวที่อบอุ่น...



หลังจากแมสเซนเจอร์มารับจดหมายไปส่ง กวินที่ร้องไห้จนตาบวม กลับขยับไปเตรียมทำเรซูเม่เตรียมยื่นสมัครงาน เขาไม่อยากนั่งคิดอะไรฟุ้งซ่าน

ไม่นานมากนักข้าวของส่วนตัวของเขาก็มาถึง มีซองจดหมายแนบมาด้วย เขียนลวก ๆ ว่ากรันต์ ไม่ได้มีจดหมายข้อความอะไรยืดยาว แต่ข้างในเป็นรูปที่ถ่ายด้วยกัน กับเงินปึกนึงพร้อมโน้ตเล็ก ๆ ‘ถ้าขาดอะไรบอกพี่นะ’

กวินขอบตาร้อนผ่าวทำท่าจะร้องไห้อีกรอบ

“ถ้าร้องอีกพี่ว่าเราจะเป็นไข้นะครับ”

“พยายามห้ามอยู่ครับ” กวินสูดลมหายใจแล้วเงยหน้าขึ้น ให้น้ำตาไหลกลับลงไปข้างใน “กลับไปไม่ได้แล้วนะครับ เดินออกมาแบบนี้แล้ว”

“อือ ตอนนี้น่ะครับ ส่วนอนาคต อะไร ๆ คงจะดีขึ้น”

วริษฐ์หอมแก้มอีกฝ่ายเบา ๆ

“ครับ พี่อาร์ตห้ามทิ้งกวินนะครับ”

“ไม่ทิ้ง เราเป็นครอบครัวกันแล้วนะครับ” วริษฐ์กอดอีกฝ่ายเต็มรัก

“ผมเชื่อพี่”

“ถ้าไม่เชื่อก็จะให้รอดู แต่เชื่อแล้วก็จะให้รอดูอีกเหมือนกัน”

กวินหัวเราะเบา ๆ กับคำพูดนั้น มีแต่ต้องเดินหน้าแล้ว



ที่บ้านกวินคงจะเข้าใจเนื้อหาในจดหมายฉบับนั้นดี ถึงได้ไม่มาวุ่นวายอีก วันธรรมดาแสนสงบกลับมาอีกครั้ง แต่ที่ต่างออกไปคือทั้งคู่มีเป้าหมายว่าจะดำเนินชีวิตไปทางไหน กวินและวริษฐ์วางแผนเป็นขั้นตอนเพื่อเตรียมตัว พวกเขาสมัครงานไปหลายที่ ถูกเรียกสัมภาษณ์บ้างเงียบบ้าง แต่ก็ยังพยายาม หาไปเรื่อย ๆ จะอยู่จนกว่าจะได้เงินโบนัสจากที่เก่า



“พี่อาร์ต!!!ผมได้งานแล้ว!!!”

กวินตกใจร้องเสียงดังด้วยความดีใจทันทีที่เห็นอีเมล เขาวิ่งไปโดดกอดอีกคนแน่น วริษฐ์ที่กำลังจะยกน้ำขึ้นจิบเป็นอันว่าทำน้ำหกรดใส่ตัวเอง แต่เขาไม่ได้สนใจ วางแก้วน้ำลงโต๊ะแล้วหันไปกอดอีกฝ่าย

“กวินเก่งมากเลยครับ เก่งที่สุด”

“อืออออ กวินต้องได้รางวัลนะครับ”

“จะเอาอะไร”

“เอาพี่อาร์ต”

คำขอแบบนั้น สัมฤทธิ์ผลเสมอ เพราะวริษฐ์ก็เต็มใจที่จะให้ ร่างเล็กเลยถูกยกลอยไปที่เตียง พวกเขาฉลองที่กวินได้งานไปหลายยก ฉลองจนเต็มอิ่ม



วริษฐ์เองรอลุ้นผลอยู่เหมือนกัน เขาต้องปรับเปลี่ยนสายงานเล็กน้อย น่าจะเริ่มลำบากกว่ากวินพอสมควร แต่ไม่เป็นไรเขาสู้

หลายวันต่อมาวริษฐ์ก็ได้รับข่าวดี ว่าได้งานแล้ว พอดีกับที่ได้รับโบนัส ทั้งคู่จึงไปแจ้งลาออกที่บริษัทด้วยกัน เพราะต้องลาล่วงหน้า 1 เดือน พร้อมกันกับเตรียมตัวที่จะไป ทั้งวีซ่าการทำงานและอื่น ๆ เหลือเวลาอีกเดือนกว่า พอคิดแบบนั้นทั้งสองคนแอบใจหายไม่น้อย



เย็นวันหนึ่งที่ไปกินข้าวร้านอาหารร้านอร่อยด้วยกัน กวินคิดได้ว่าอยากจะใช้โอกาสและช่วงเวลานี้พักดันให้วริษฐ์เดินไปข้างหน้าอย่างเต็มตัว ด้วยการจัดการเรื่องราวที่ติดค้างจนมักทำให้เขาฝันร้ายและต้องตื่นมากลางดึกอยู่เสมอ ทุกครั้งที่ตื่น พี่อาร์ตมักจะกอดเขาเอาไว้แน่น เหมือนกลัวว่าเขาจะหายไปไหน บางคืนเขาจะตื่นมากอดตอบ บางคืนก็แกล้งหลับ แต่ว่าเขาไม่อยากให้พี่อาร์ตต้องเป็นแบบนี้อีกแล้ว อยากให้นอนหลับสนิท อยากให้ฝันดีบ้าง

“พี่อาร์ตมีอะไรที่อยากทำอีกหรือเปล่าครับ ก่อนจะไปที่นู่น”

“ไม่มีแล้วนะครับ บ้านก็ฝากไว้แล้วด้วย”

“ผมว่าพี่มี”

วริษฐ์มองอีกฝ่ายพร้อมกับเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม

“เราไปเจอคุณแม่พี่ด้วยกันเถอะนะครับ”

คนตัวสูงนิ่งไปเล็กน้อย เขาปฏิเสธที่จะพูดถึงเรื่องนี้มาตลอด และกวินก็ไม่มีทีท่าจะพูดถึงมันจนตอนนี้

“ทำไม? ไม่เจอก็ไม่เป็นไรนี่ครับ”

“ผมอยู่กับพี่ทั้งคืน ผมรู้ว่าพี่ยังฝันร้ายอยู่”

“กวินรู้สึกตัวหรอครับ”

คนตัวเล็กพยักหน้ารับ

“พี่ทำให้เรานอนไม่สบายสินะครับ งั้นคืนนี้เราแยก...”

“ไม่ใช่ครับ ผมไม่ได้มีปัญหาอะไรที่พี่จะตื่นมากลางดึกแล้วกอดผม” กวินขยับฝ่ามือไปลูบแก้มอีกฝ่าย “กวินแค่อยากให้พี่นอนสบาย ๆ แค่ลองไปเจอดูดีมั้ย”

“แต่ว่า...”

“นะครับ ยังไงเราก็จะไปจากที่นี่อยู่แล้วแค่ทำทุกอย่างให้มันครบ”

“พี่ว่าแม่คงไม่ได้อยากเจอ”

“อย่าคิดเดาเองเลยครับ”

“พี่ไม่รู้เขาอยู่ที่ไหน”

กวินยิ้มออกมา ตอบแบบนี้แปลว่ายอมเจอ ถ้ารู้ก็จะไปแบบนั้นใช่มั้ย

“ผมรู้ครับ”

วริษฐ์เลิกคิ้วมองคนตัวเล็กที่ทำหน้าดีใจและภาคภูมิใจได้อย่างน่ามันเขี้ยว

“ก็ได้ครับ แบบนั้นก็ได้ ยอมแล้วครับ”

“พรุ่งนี้วันเสาร์ เราขับรถไปกันนะ”

คนตัวสูงพยักหน้าตกลง



กลับถึงบ้านหลังจากอาบน้ำทำอะไรเรียบร้อย กวินขึ้นไปนั่งมองเสื้อผ้าตั้งใจจะเตรียมให้วริษฐ์ในวันพรุ่งนี้ เขาเปิดตารางสีเสื้อมงคลขึ้นมา พรุ่งนี้กาลกินีสีม่วง ผู้ใหญ่เมตตาต้องขาว ครีม เหลือง

“พี่อาร์ตอยากใส่สีอะไรครับ ขาว ครีม เหลือง”

“หืม?”

“ไปเจอแม่พี่พรุ่งนี้ไงครับ”

“ไม่รู้สิครับ” วริษฐ์มองอีกคนด้วยสีหน้างง ๆ ว่าทำไมต้องขาว ครีม เหลือง “ทำไมต้องสามสีนั้นล่ะครับ”

“อืมมม ครีมแล้วกันครับ นุ่มนวลดี เป็นตารางเสื้อมงคลน่ะครับ”

“พนักงานออฟฟิศเขา เชื่ออะไรแบบนี้กันหรอครับ จริง ๆ วันเสาร์ก็ต้องสีม่วงสิครับ”

กวินพองแก้มใส่อีกฝ่าย “ไม่ได้ครับสีม่วงกาลกิณี”

วริษฐ์หัวเราะให้กับคำพูดนั้น เขาเองก็เคยได้ยินตารางสีเสื้อมงคลอะไรนี่เหมือนกัน แต่ว่าก็ไม่ค่อยได้ดูได้สนใจเท่าไหร่ เขาใส่อะไรแล้วหล่อดูดี ก็จะใส่อันนั้น คนตัวสูงเลยเขยิบไปหาอีกคน

“ได้หมดเลยครับที่รัก” วริษฐ์พูดกระซิบข้างหูมือหนาสอดมากอดที่เอวเล็ก ท่าทางแบบนั้นทำเอากวินขนลุกซู่ ใบหน้าขึ้นสี

“แกล้งกันทำไมล่ะครับ”

“พี่แกล้งอะไรเราครับ พี่รักเราต่างหาก”

กวินหันไปงับแก้มอีกฝ่ายแก้มันเขี้ยว “นอนได้แล้วครับ พรุ่งนี้ต้องขับรถไปไกล”

“ไปไหนกวินยังไม่บอกพี่เลย”

“ปราณบุรีครับ”

“ประจวบสินะครับ งั้นก็เตรียมเสื้อผ้าไปนอนค้างสักคืนดีมั้ย”

“ดีสิครับ”

“เที่ยวทะเลกันสักหน่อยไปถึงทั้งที”



พวกเขาตื่นเช้ากว่าปกติ เพื่อจัดการทำธุระส่วนตัว แต่งตัวให้กันและกัน กวินหอมแก้มวริษฐ์ฟอดใหญ่ พร้อมเอ่ยปากชม ว่าอีกฝ่ายหล่อมาก เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้กับวริษฐ์

รถเคลื่อนตัวออกตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างดี การออกเดินทางครั้งนี้ กวินทำหน้าที่ป้อนขนมและชวนคุยตลอดทาง บางทีก็ร้องเพลง เต้นยึกยักไปมา ทำให้วริษฐ์ได้แต่ขำ แต่แบบนี้ก็ดีเขาจะได้ไม่ง่วง

ระหว่างทางเขามีแวะพักเข้าคาเฟ่บ้าง เพราะจากกรุงเทพมหานครวิ่งไปทางปราณบุรี ใช้เวลาหลายชั่วโมง บางทีขับไปนาน ๆ ก็เมื่อยขา แถมพอช่วงสายถนนเริ่มมีรถเยอะ มีการปาด มีการหงุดหงิดรถคันอื่นอยู่พอสมควร ดีที่กวินเลือกที่จะเปิดเพลงแล้วเต้น ทำให้เขาอารมณ์เย็นลงได้

วริษฐ์ขับรถไปตามกูเกิ้ลแมพ จนมันขึ้นว่าอีกประมาณสิบนาทีจะถึงที่หมาย มือของเขาที่จับพวงมาลัยรถยิ่งเย็นเฉียบ แต่เหงื่อบนหน้าและต้นคอกลับแตกซ่กไปหมด กวินก็ได้แต่ใช้ทิชชู่เช็ดซับให้ พร้อมคำพวกปลอบว่าอย่ากลัวไปเลย เขาอยู่ข้าง ๆ เสมอ

วริษฐ์เห็นบ้านที่เป็นที่หมายแล้ว เขาขับเลยออกไป กูเกิ้ลแมพเอาแต่พูดว่าให้เขาไปกลับรถ แต่เขากำลังต่อเวลาเพื่อเตรียมใจ พอมาถึงตรงนี้ เขายิ่งกังวลมากขึ้นกว่าเดิม

“จะดีหรอ” วริษฐ์พึมพำกับตัวเอง เขาขับรถเลยไปไม่ไกลจากบ้านมากนัก ก่อนจอดรถแล้วนั่งแช่อยู่แบบนั้น กวินเองได้แต่หันมองตาปริบ ๆ

“ไปกันเถอะครับ”

“แบบนี้จะดีจริง ๆ หรอครับ ... เรากลับกัน--”

“ไม่ครับมาถึงนี่แล้ว ไปกันครับ”



วริษฐ์จำยอมก้าวลงจากรถ เขารู้สึกกลัว...มือไม้สั่น เหงื่อแตกไม่หยุด สีหน้าวิตกกังวลสุดขีด กวินสังเกตเห็นจึงขยับไปกุมมืออีกฝ่ายไว้เพื่อปลอบ

“จะให้ผมเข้าไปด้วยมั้ยครับ”

มือหนากระชับจับมืออีกฝ่ายแน่นเพื่อบอกว่า เข้าไปด้วยกัน อยู่ด้วยกันห้ามไปไหน กวินเองรับรู้เป็นอย่างดีว่าอีกฝ่ายต้องการกำลังใจจากเขาเป็นอย่างมาก ซึ่งเขาเองก็ยินดีที่จะเป็นกำลังใจให้

ทั้งคู่เดินไปหยุดยืนอยู่หน้าบ้านรีรอไม่กล้าที่จะกดออด ไม่กล้าส่งเสียงเรียก

“ทำอะไรกันหรอ”

เสียงเรียกด้านหลังทำให้พวกเขาทั้งคู่สะดุ้งสุดตัว พวกเขาหันกลับไปมอง เห็นว่าเป็นเด็กสาวคงจะวัยมัธยมปลาย

“อ่ะ คือว่า” กวินทำท่าจะตอบ แต่ก็คิดได้ว่า ให้พี่อาร์ตพูดดีกว่า

“ไม่ได้จะแอบขโมยของใช่มั้ย” เด็กสาวยกมือขึ้นกอดอกมองสองหนุ่มตรงหน้า “ฉันจะร้องให้คนช่วยแล้วนะ”

“พวกพี่ มาหาคุณวารินอยู่หรือเปล่า”

“หื้อ มาหาแม่หรอ อยู่สิ”

เด็กสาวเดินเลยพวกเขาไปเปิดประตูบ้าน

แม่? วริษฐ์มองน้องสาวต่างพ่อที่อายุห่างหลายปี ห่างกันเยอะเลยนะแบบนี้ หน้าตาก็น่ารักดี แต่ดูห้าวไม่เบา วริษฐ์คิดขณะมองสำรวจ หรือเขาควรจะกลับ เข้าไปอาจจะทำลายความสุขคนอื่นเปล่า ๆ

“มาสิคะ ยืนรอกันแบบนี้ไม่ร้อนหรอไง”

กวินดึงกระตุกแขนวริษฐ์ที่ดูเหมือนเข้าภวังค์ไปชั่วขณะ

“เอ่อ” วริษฐ์ลังเลหนักกว่าเดิม ถ้าก้าวพ้นรั้วบ้านนี่เข้าไป คงถอยกลับไม่ได้แล้ว

“ไปครับ” กวินเดินก้าวเข้าไปในบ้านก่อนแล้วดึงอีกคนให้ตามเข้ามา

วริษฐ์หันมองรอบบ้าน บ้านเดี่ยวแบบต่างจังหวัดที่มีพื้นที่ให้จอดรถและเพาะปลูก ดูร่มรื่นน่าอยู่ แม่คงจะมีความสุขดีบ้านที่นี่น่าอยู่

พวกเขาก้าวตามเด็กสาวเข้าไปในตัวบ้าน

“แม่! มีคนมาหาแม่!”

หญิงสาวตะโกนเรียกเสียงดังลั่น ขณะที่วริษฐ์บีบมือกวินแน่น เหงื่อไหลซึมออกที่ฝ่ามือจนชื้นไปหมด

“อะไรวาด เสียงดัง ป้าจอยมาหรอ” เสียงตอบกลับดังมาจากทางหลังบ้าน ก่อนวริษฐ์จะได้เห็นหน้าใครบางคนที่ไม่ได้เจอมาเป็นสิบยี่สิบปี

หญิงสูงวัยที่หน้าตาดูอ่อนกว่าอายุทั้งที่ห้าสิบปลายแล้ว แต่ดูยังไม่แก่สักเท่าไหร่ ยังมีเคล้าโครงความสวยงาม ถึงชุดอยุ่บ้านจะเป็นเสื้อยืดกับกางเกงผ้าก็ตาม

“ใครน่ะวาด”

“อ้าวก็เขามาหาแม่ แม่ไม่รู้จักเขาหรอ”

ผู้เป็นแม่ส่ายหน้า ดวงตามองคนมาเยือนอย่างไม่ไว้ใจนัก ก่อนดึงมือวาดให้เดินมาใกล้ ๆ อย่างระแวดระวัง

“คุณเป็นใคร มาหาฉันมีอะไร”

วริษฐ์ยืนนิ่งจ้องมอง ก่อนที่น้ำตาจะค่อย ๆ ไหลออกมาท่ามกลางความงุนงงของสองแม่ลูก ที่อยู่ ๆ ชายหนุ่มแปลกหน้ากลับเริ่มร้องไห้ขึ้นมา

“เอ่อ คุณ...เป็นอะไรหรือเปล่า” หญิงสูงวัยร้องถามชายแปลกหน้าเสียงเบา

“พี่อาร์ตอย่าเพิ่งร้องไห้สิครับ”

“อาร์ต?” หญิงสูงวัยถามชื่ออีกฝ่ายเสียงเบา หรือว่า... “อาร์ต... ลูกหรือ?”

วริษฐ์พยักหน้าแทนคำตอบ เขายกมือข้างที่ไม่ได้จับกับมือกวินแน่นขึ้นเช็ดน้ำตา ขณะที่ผู้เป็นแม่กลับโผกอดลูกชายเต็มแรง

“อาร์ตหรอลูก อาร์ต” เป็นหญิงสูงวัยที่ร้องไห้สะอื้นขึ้นมาบ้าง พร้อมกอดชายหนุ่มเอาไว้แน่น

สองแม่ลูกกอดกันร้องไห้ วาดเองก็ยังงงกับสถานการณ์ ส่วนกวินคิดว่านี่คงเป็นสัญญาณที่ดี ไม่ใช่ว่าแม่ไม่รักพี่อาร์ตสักหน่อย เธอกอดแน่นขนาดนี้ คงจะคิดถึงไม่ต่างกัน

หญิงสูงวัยผละออกก่อนยกมือขึ้นลูบจับแก้มลูกชายของเธอ แทบไม่เชื่อสายตาว่าจะเติบโตขนาดนี้

“ลูกโตขนาดนี้แล้ว”

“ครับ แม่”

วริษฐ์เรียกอีกฝ่ายเสียงสั่นในใจเต้นโครมคราม เขาไม่ได้เรียกคำนี้มานานมากแล้ว

“มาได้ไงล่ะ”

“เพื่อนช่วยหาน่ะครับ”

“งั้นเหรอ แม่ขอโทษนะลูก ที่ไม่เคยกลับไปเลยสักครั้ง”

“ครับ” วริษฐ์เม้มปากแน่น พยายามจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ แต่ทำไม่ได้ เขาร้องไห้และปล่อยโฮอีกครั้ง เหมือนกลับไปเป็นเด็กแปดขวบในวันนั้น ที่บทสรุปตอนนั้นคือแม่ไม่กลับมา แต่ตอนนี้ ตอนจบมันเปลี่ยนไป เขาได้เจอแม่อีกครั้ง

กวินมองคนรักตัวเอง พร้อมน้ำตาที่เอ่อคลอตาม ส่วนวาดพอจะรู้อะไรอยู่บ้างตอนที่โตมา เพราะมีรูปใบหนึ่งที่แม่ใส่กรอบไว้ในห้องนอน เป็นภาพแม่ที่อุ้มเด็กผู้ชายคนนึงเอาไว้แนบอก แต่เธอก็ไม่คิดไม่ฝันว่าพี่ชายของเธอจะหน้าตาดีได้ขนาดนี้

“ผมยังไม่ได้กินเค้กช็อกโกแลตเลยครับ” วริษฐ์พูดพลางยกมือขึ้นเช็ดปาดน้ำตาตัวเอง

ผู้เป็นแม่พยักหน้ารับคำพูดนั้น เธอจำได้ ว่าวันที่จากมาบอกลูกชายของเธอเอาไว้ยังไง เธอนึกโทษตัวเองที่ทิ้งเขาเอาไว้แต่อดีตสามีของเธอเองก็รักลูกมาก บอกให้เธอออกไปได้ แต่ลูกต้องเป็นของเขา

“พ่อเราล่ะเป็นยังไงบ้าง”

“พ่อ ...เสียไปหลายปีมากแล้วครับ”

หญิงสูงวัยตกใจตาโต เธอไม่คิดว่าอดีตสามีจะจากไปเร็วขนาดนี้

“แม่ไม่รู้เลย” ผู้เป็นแม่ยิ่งรู้สึกเสียใจเข้าไปใหญ่ที่ปล่อยลูกเอาไว้ คงจะลำบากมามาก “แม่ขอโทษนะอาร์ต แม่ขอโทษ” เธอกอดลูกชายเอาไว้แน่น เหมือนจะชดเชยช่วงเวลาที่หายไป

“แค่ผมได้เจอแม่อีกครั้งก็พอแล้วครับ” วริษฐ์ตอบกลับเสียงอู้อี้ เขากอดแม่ของเขาเอาไว้แน่น รู้สึกอบอุ่นยิ่งกว่าอะไร เขาไม่เคยที่จะโกรธแม่เลยสักครั้ง แต่แค่เสียใจตลอดมาที่ถูกทิ้งเอาไว้

“อาร์ต อาร์ตลูกแม่”



สองแม่ลูกไปนั่งคุยถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกันที่โต๊ะรับแขก ผู้เป็นแม่ถามความเป็นไปของลูกชายละเอียดยิบเรียนอะไรที่ไหนยังไง ตอนนี้ทำงานอะไร หญิงสาวสูงวัยมองลูกชายด้วยความรักและความภาคภูมิใจ ลูกชายของเธอเก่งมากที่เติบโตมาได้อย่างดีขนาดนี้

ส่วนวริษฐ์เองก็เหมือนได้เติบเต็มในส่วนที่ขาด ร่องรอยที่ขาดวิ่นในวัยเยาว์ ค่อย ๆ เพิ่มพูนความทรงใจใหม่ ๆ ที่มีต่อแม่ การมาเจอกับแม่ ก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดเอาไว้

นอกจากนั้น เขามีเรื่องสำคัญอีกเรื่องที่อยากจะบอกแม่ของเขาเอาไว้... เรื่องของคนรัก

.

[ทั้งกวินและวริษฐ์ ทั้งคู่เผชิญหน้ากับครอบครัวของเขา

ทั้งพบเจอ และหันหลังให้ แต่ไม่เป็นไรพวกเขามีกันและกัน

และพร้อมที่จะสร้างครอบครัวของตัวเอง]
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 33 คนรัก 20/2/65
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 20-02-2022 20:30:54

บทที่ 33 คนรัก



ผมแอบยืนมองสองแม่ลูกอยู่ไกล ๆ ผมหวังว่าวันนี้จะช่วยเยียวยาจิตใจของพี่อาร์ตได้บ้าง ...พี่อาร์ตที่เตรียมใจมารับความเสียใจ แต่สถานการณ์กลับดีกว่าที่คาดเอาไว้มาก ดีที่ไปได้สวย สายใยระหว่างพวกเขาเหนียวแน่นมากกว่าที่คิดเอาไว้

“พี่... พี่เป็นเพื่อนพี่อาร์ตเหรอ ชื่ออะไรอ่ะ”

“ชื่อกวิน เราล่ะ วาดใช่มั้ย”

“ใช่จ้า อุตส่าห์มาเป็นเพื่อนพี่เขาด้วย” วาดพูดตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม

“อื้อ เขาไม่กล้ามา พี่ก็เลยต้องพามา”

“ดีแล้วล่ะ ที่พี่เขามา มีพี่ชายหล่อแบบนี้ จะเอาไปอวดเพื่อน”

กวินหลุดขำออกมากับท่าทางและคำพูดแบบนั้น “แล้ววาดไม่ตกใจเหรอ”

“นิดหน่อย แต่ก็พอจะรู้มาบ้าง” วาดพูดขณะเทน้ำเย็นลงในแก้วเพื่อเตรียมเอาไปเสิร์ฟ

“แม่เขาเล่าให้เราฟังเหรอ”

“อือ ไม่ค่อย...แต่ว่า รูปที่แม่อุ้มพี่อาร์ตใส่กรอบตั้งอยู่ในห้องนอนแม่ด้วย”

กวินพยักหน้า รู้สึกใจชื้นขึ้นมา เขาดีใจกับพี่อาร์ตมาก ๆ ที่คุณแม่ของพี่เขาเองก็ไม่ได้ลืมพี่อาร์ตเลย ยังคงรักและคิดถึงอยู่เสมอ

“ไม่ไปนั่งคุยกับเขาเหรอพี่”

“ไม่เอา ให้แม่ลูกคุยกันก่อนดีกว่า”

“งั้นเดี๋ยววาดมาคุยกับพี่”



วาดลุกเดินเอาน้ำไปเสิร์ฟให้แม่ และพี่ชายต่างพ่อ พอเธอเสิร์ฟน้ำให้ แล้วถอยออกมาให้แม่ได้คุยกับพี่ชาย แม่กลับจับคว้าแขนเด็กสาวเอาไว้

“อาร์ตนี่วาด ลูกสาวแม่”

วริษฐ์พยักหน้า เขามองสำรวจเด็กสาวตรงหน้าที่หน้าตาดูมีเค้าโครงของคุณแม่ เขายิ้มพร้อมแนะนำตัวอีกครั้ง

“น้องวาด พี่อาร์ตนะครับ เรียนอยู่ม.อะไรแล้วล่ะ”

“ไม่ม.แล้วค่ะ ปี 2 แล้ว”

“หืม? จริงเหรอ”

“ใช่ค่ะ หน้าเด็กใช่มั้ย พี่อาร์ตเองก็หล่อมากนะคะ” วาดพูดตอบเสียงเจื้อยแจ้ว ชมพี่ชายตรงไปตรงมา ทำให้คนเป็นพี่ได้แต่ขำรับคำชม

“ยัยวาด...”

“วาดพูดจริงนี่แม่” น้องสาวยิ้มกว้างพูดต่อ “ตอนเด็ก ๆ พี่ ตัวกลมขนาดนั้น ไม่คิดว่าจะสูงใหญ่แบบนี้เลย”

“ตอนเด็ก?” วริษฐ์ทวนคำ เราไม่น่าจะเคยยรู้จักกันสักหน่อย

“แม่เอารูปพี่ใส่กรอบไว้ในห้องแหนะ ใช่มั้ยแม่”

ผู้เป็นแม่พยักหน้ารับคำ ทำท่าจะร้องไห้อีกรอบ

วริษฐ์ได้ฟังแบบนั้น ในใจยิ่งรู้สึกอบอุ่น เพราะว่า แม่รักเขา...

“แม่ได้แต่ขอโทษลูกกับรูปถ่าย ...ไม่คิดเลยว่าจะได้มาขอโทษต่อหน้า...” วาริยาพูดตอบลูกชายเสียงสั่น

“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ได้โกรธแม่นะครับ” วริษฐ์จับมือของแม่มากุมเอาไว้แล้วแตะหลังมือเบา ๆ เพื่อปลอบ

“อือ อาร์ตแล้วเพื่อนลูกล่ะ เรียกเขามาด้วยสิ”

“แม่ครับ...ก่อนจะเรียกมา ผมมีอะไรจะบอก”

“อะไรเหรอ”

“คนตรงนั้นชื่อกวินครับ” วริษฐ์พูดออกไป ไม่แน่ใจว่าแม่จะตกใจหรือว่ารับได้มั้ย แต่ว่าเขาอยากจะแนะนำคนรักให้แม่ได้รู้

“กวินชื่อน่ารัก หน้าตาก็น่าเอ็นดู”

“ใช่ครับ เขาเป็นแฟนผม”

พอสิ้นคำแนะนำ ทั้งวาริยาและวาดถึงกับอ้าปากค้างไปเล็กน้อย

“แฟน ผู้ชาย?”

วริษฐ์พยักหน้ารับ “อาจจะรับไม่ได้ แต่ไม่เป็นไรครับ ผมแค่อยากบอกไว้” เขารักกวิน และไม่คิดจะปกปิดสถานะของเขากับกวินเอาไว้เลย เพราะกวินเขาถึงได้มาอยู่ตรงนี้

“ลูกแน่ใจแล้วหรอ”

“ครับ กวินช่วยอะไรผมไว้มาก เป็นคนที่ทำให้ผมได้มาเจอกับแม่ด้วย”

วาริยาพยักหน้าเข้าใจ เธอไม่มีสิทธิที่จะคัดค้านอะไร ถึงจะรู้สึกแปลก ๆ แต่ว่าคนที่อยู่เคียงข้างลูกชายของเธอมาตลอด มีสิทธิในตัวลูกชายมากกว่าเธอที่ทิ้งลูกเอาไว้โดยไม่เหลียวแลเสียอีก

“อาร์ตเรียกมาสิลูก”

“กวิน”

คนถูกเรียกสะดุ้งหันมอง กวินเห็นวริษฐ์ยกมือกวักเรียก ทำให้เขาลุกเดินเข้าไปหา วริษฐ์คว้าจับดึงมือให้มานั่งเก้าอี้ข้าง ๆ กัน

“สวัสดีครับ” กวินนั่งหลังตรงตัวเกร็งเล็กน้อยขณะยกมือไหว้แม่ของวริษฐ์ “ผมชื่อกวินครับ เป็นรุ่นน้องที่บริษั--”

“เป็นแฟนครับ” วริษฐ์พูดขัดแก้ขึ้นมาทันทีที่กวินบอกว่าตัวเองเป็นแค่รุ่นน้องที่บริษัท

“พี่อาร์ต”

กวินหันขวับมองอีกฝ่ายทันที เขาไม่คิดว่าอยู่ ๆ ลูกชายที่ไม่ได้เจอหน้ามาเป็นสิบยี่สิบปี พอมาหา ดันพาแฟนผู้ชายเข้ามาบ้าน แบบนี้มันควร ...

วาริยายิ้ม เธอคิดว่ากวินน่ารัก คงกังวลเรื่องที่ว่าเป็นแฟนกับลูกชาย ดูเจียมเนื้อเจียมตัว แต่ลูกชายเธอ คงรักเขามาก มีความสุขกันเธอก็ไม่ขัดอยู่แล้ว

“กวิน ขอบคุณที่ดูแลอาร์ตนะ”

กวินเงยมองทันที ทำไมถึงได้ดูเข้าใจอะไรง่ายดาย

“ครับ”

“จากนี้แม่ก็ฝากดูแลอาร์ตต่อไปด้วยนะ”

“ครับ ผมจะดูแลอย่างดี” กวินรับคำแล้วยิ้มออกไป

“วันนี้ค้างที่นี่มั้ย ขับรถมาเหนื่อย ๆ ”

วริษฐ์ส่ายหน้า เขาไม่อยากรบกวนขนาดนั้น นี่เป็นบ้านใหม่ของแม่ ไม่ใช่พื้นที่ของเขา แค่ได้เข้ามาเจอนี่ก็มากพอแล้ว

“ผมจองที่พักไว้แล้วน่ะครับ”

“งั้นหรอ น่าเสียดาย อยู่ทานข้าวกลางวันด้วยกันก่อนสิ”

“ได้ครับ แล้วนี่ เอ่อ พ่อของวาด จะกลับมาตอนไหนหรือครับ”

“เย็น ๆ เลิกงานนู้นแหละ”

วริษฐ์โล่งใจ อีกสาเหตุสำคัญ เขาไม่นึกอยากเจอหน้าเท่าไหร่ ผู้ชายคนใหม่ของแม่ สำหรับเขาแล้ว ถือเป็นศัตรูของพ่อ เขากลัวตัวเองจะทำหน้าตาไม่ค่อยดีใส่

“แม่งั้นวาดไปเตรียมอุ่นกับข้าวนะ”

“แม่ไปด้วย สองคนตามสบายเลยนะ แม่ไปเตรียมข้าวก่อน”

พอเจ้าของบ้านลุกไปแล้ว กวินหันไปตีหน้าขาของวริษฐ์หนึ่งที

“ตีพี่ทำไม”

“ไม่เห็นต้องบอกแบบนั้นเลย”

วริษฐ์เลิกคิ้วขึ้นมา เขามองหน้าอีกฝ่ายพร้อมรอยยิ้มเล็ก ๆ “บอกอะไรครับ”

“บอกว่าผมเป็นแฟน”

“ก็เราเป็น”

“ผมไม่อยากให้แม่ตกใจนี่ครับ”

“ไม่เป็นไรหรอกน่า” วริษฐ์จับมืออีกฝ่ายมากุมไว้ พร้อมมองลึกเข้าไปในดวงตาของกวิน “แม่เป็นคนสำคัญของพี่คนหนึ่ง เราด้วย เลยอยากบอกเรื่องสำคัญ ๆ ให้รู้เอาไว้”

กวินหันหน้าหนี เขาทนสายตาของพี่อาร์ตไม่ได้ มันทำให้เขาใจเต้นแรง

วริษฐ์ขำเบา ๆ นึกอยากจะหอมแก้มอีกฝ่าย ที่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นสีแดง

“กะ กวินไปดูในครัว เผื่อช่วยยกของดีกว่า”

“ทำหน้าที่ลูกสะใภ้หรือครับ”

“เอ้ย พี่อาร์ตหยุดแกล้งเลยนะ” กวินลุกขึ้นก่อนจะเดินหนีไปทางที่วาดและแม่เดินไป

เขาเข้าไปช่วยสองแม่ลูกทำงานครัว เพราะเห็นทั้งคู่กำลังวุ่นกับการอุ่นกับข้าว และทำอาหารจานใหม่ ที่เป็นของโปรดของวริษฐ์ วาดพูดเก่งชวนคุยไปเรื่อย



ไม่นานกับข้าวก็เต็มโต๊ะอาหาร ทั้งสี่คนเริ่มรับประทานอาหารกลางวันมื้อพิเศษด้วยกัน วริษฐ์ทานอาหารไปพร้อมกับรอยยิ้ม และถ้ามองดี ๆ จะเห็นว่าคนตัวสูงจมูกแดง ไม่ต่างกับแม่ของเขา

เสียงกริ่งดังหน้าบ้าน ทำให้วาดลุกไปเอาของ และเดินกลับมาพร้อมถุงใบใหญ่

“พี่อาร์ต มันอาจจะช้าไปนิด แต่แม่น่ะเขาอยากให้นะ”

“อะไรเหรอวาด”

“เค้กช็อกโกแลต” วาดพูดขณะยื่นถุงเค้กให้ ส่วนวาริยามองยิ้มพร้อมน้ำตาคลอ เธอทำเรื่องที่เคยสัญญาเอาไว้ได้แล้ว

“แม่ครับ ขอบคุณนะครับ” เขากำถุงเค้กไว้แน่นถึงทุกวันนี้ เขาจะไม่ได้ชอบกิน เค้กช็อกโกแลตนี่แล้วก็ตาม

“กินให้อร่อยนะลูก”

“ครับ เราก็ทานด้วยกันเลยสิครับ หลังกินข้าวเสร็จ”

วาริยาตักกับข้าวใส่จานให้ทุกคน อันไหนอร่อยเธอตักให้หมดจนแทบไม่ได้กินเลย เพราะในตอนนี้เธอเหมือนคนกำลังอิ่มอกอิ่มใจ

“กวินตรงนี้อร่อยนะ แก้มปลาน่ะ” วาริยาตักกับข้าวให้กับกวินด้วย คงเพราะเธอไม่ได้มีอคติอะไรแบบนี้ตั้งแต่แรก แถมจากการเฝ้ามองกวินที่หยิบจับของในครัวได้คล่องมือ จนคิดว่าอาร์ตเองคงได้รับการดูแลอย่างดี โดยเฉพาะเรื่องอาหาร



วริษฐ์ตัดเค้กในกล่องออกมาแบ่งให้ทุกคนได้ชิม อร่อยไม่หวานมากติดขมเล็กน้อยที่ปลายลิ้น ร้านนี้ใช้วัตถุดิบเป็นของค่อนข้างดี

“ไว้แวะมาเที่ยวอีกนะ”

“แม่ครับ คือผมกำลังจะย้ายไปอยู่ต่างประเทศ”

“ไปต่างประเทศเลยเหรอพี่” วาดถามตาโต เธอเองก็อยากไปแบบนั้นบ้าง

“ใช่ไว้ตามไปเที่ยวนะ”

“...ใกล้ไปแล้วเหรอลูก”

“ใช่ครับ” วริษฐ์หันไปมองแม่ เห็นสีหน้าที่ดูเหมือนจะห่วง ๆ หรือว่าอาวรณ์เล็กน้อยตามประสา เพิ่งเจอกันกลับต้องแยกย้าย “ไว้ถ้าได้กลับมาจะมาเยี่ยมนะครับ ไว้จะติดต่อมา ส่งของมาเยี่ยม”

ผู้เป็นแม่จับลูบแขนวริษฐ์เบาๆ “ลูกแม่เป็นหนุ่ม อนาคตไกลจริง ๆ ” ดวงตาของวาริยามีน้ำตาเอ่อคลอขึ้นมาอีก เธอทั้งภูมิใจ ทั้งใจหาย ต้องห่างกันไกลอีกแล้ว

“ครับ ผมจะติดต่อมานะ”

“แม่จะรอ ดูแลตัวเองดี ๆ นะลูก”

วริษฐ์พยักหน้าก่อนจะสวมกอดผู้เป็นแม่อีกครั้ง “ผมคิดถึงแม่ครับ ไปอยู่ที่นั่นก็จะคิดถึงแม่”

“แม่ก็ด้วย” วาริยาลูบหลังลูกชายคนดีของเธอ กอดที่ชวนให้นึกถึงสมัยก่อน ที่ตอนนั้นยังตัวเล็กนิดเดียว ตอนนี้ตัวโตมากจริง ๆ เธอยังคงนึกขอโทษลูกชายเป็นร้อยเป็นพันครั้ง ครั้งก่อนเธอเป็นคนเดินออกจากบ้านไป แต่ครั้งนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว คนที่จะเดินกลับออกไปคือลูกชายของเธอ

วาริยาไปส่งลูกชายที่หน้าประตูบ้าน วริษฐ์ยิ้มให้แม่ และลูบหัวของวาดเบา ๆ เขาแลกไลน์กับน้องเอาไว้แล้ว เพราะการจากกันครั้งนี้ ไม่เหมือนกับตอนนั้น เราจากกันด้วยดี เพื่อมาเจอกันใหม่

“ดูแลแม่ดี ๆ แล้วจะส่งรางวัลมาให้”

“ดูแลตัวเองด้วยนะ พี่ชาย...” วาดหันมองกวิน “พี่สะใภ้ด้วย”

“อือ” กวินได้แต่หน้าแดงยกมือเกาหน้าแก้เก้อ เขารู้สึกว่าวาดเหมือนพี่อาร์ต ขี้แกล้งเหมือนกันทั้งพี่ทั้งน้อง...

“ขับรถดี ๆ นะลูก”

“ครับแม่”



ทันทีที่กลับขึ้นรถ กวินยังไม่ทันคาดเข็มขัดนิรภัย วริษฐ์หันไปโถมตัวกอดกวินเต็มรัก

“อะไรครับ!”

“กวิน ขอบคุณนะ”

น้ำเสียงอู้อี้ติดสั่นเล็กน้อยดูเหมือนวันนี้แฟนหนุ่มของเขาจะขี้แยกว่าปกติ มือบางยกขึ้นลูบหลังอีกฝ่ายเบา ๆ อีกคนคงกำลังสับสนงุนงง ความรู้สึกหลาย ๆ อย่างคงกำลังตีกัน

“มันออกมาดีเห็นมั้ยครับ”

“ครับ เพราะกวิน”

“เพราะแม่กับพี่อาร์ตรักกัน”

“เพราะกวิน”

“ผมไม่ได้ทำอะไรเลย”

“เราทำทุกอย่างเลยครับ ถ้าไม่มีเรา ผมคงไม่กล้า วันนี้ผมมีความสุขมาก ๆ เลย”

กวินโอบกอดอีกคนแน่น แล้วก้มลงหอมหัวอีกฝ่ายเบา ๆ เขาดีใจ และภูมิใจในตัวเองมาก ที่ได้ทำให้คนรักมีความสุข ดีใจที่ได้สนับสนุนและเป็นที่พักพิงให้อีกฝ่ายได้บ้าง แบบที่เขาพึ่งพิงพี่อาร์ต

“ผมดีใจที่สุดเลยครับ ที่พี่อาร์ตมีความสุข”

วริษฐ์พยักหน้า เขาปรับอารมณ์ตัวเองแล้วค่อย ๆ ผละออกจากอ้อมกอด เขาหอมแก้มอีกฝ่าย เอื้อมมือไปดึงเข็มขัดนิรภัยมาใส่ให้ แล้วหันกลับมาตั้งสติ เพื่อที่จะได้ขับรถ



รถยนต์เคลื่อนตัวออกไป กวินหันมองอีกฝ่ายที่จัดการอารมณ์ของตัวเองได้เรียบร้อย ดวงตาคมจับจ้องไปที่ถนนกวินเองกดเปิดเพลงคลอเบา ๆ สายตามองวิวข้างทางไม่นานก็ได้เห็นทะเล ใบในมีรอยยิ้มสดใส เมื่อดวงตาสะท้อนภาพวิวทะเล

“ที่พักเราติดทะเลด้วยนะ”

“ดีเลยพี่อาร์ต”

“อือ พี่อยากลองทำกับเราแบบมีทะเลเป็นพื้นหลัง”

“...”

กวินยกมือขึ้นตบหน้าผากตัวเอง

“พี่อาร์ตพูดอะไรแบบนั้น!”

คนตัวสูงหัวเราะเสียงดัง แกล้งกวินน่ะสนุกจะตาย จะตอนเชิญชวนเอง หรือตอนโดนแกล้งแก้มของกวินก็เป็นสีแดงระเรื่อ ขี้อายแต่ชอบทำปากกล้า พอโดนเอาคืนแบบนี้ เห็นไปไม่เป็นทุกที

กวินทำทีหันมองวิวทะเล ไม่พูดต่อ เดี๋ยวจะโดนแกล้งอีก

ภาพวิวทะเลหายไปชั่วขณะ เมื่อวริษฐ์เลี้ยวรถเข้าไปในที่พัก

กวินไม่รู้มาก่อนว่าวริษฐ์จองที่พักที่ไหนเอาไว้ แต่ที่นี่บรรยากาศดี ที่พักโทนสีขาว มีสีเขียวน้ำตาลจากต้นไม้และเฟอร์นิเจอร์ไม้ที่ทำให้ดูร่มรื่นสบายตา กวินลงจากมาสูดอากาศยืดแขนเหยียดขา

วริษฐ์เดินลงมาจากรถแล้วหยิบเอากระเป๋าใส่เสื้อผ้าลงมาถือเอาไว้

“ไปเช็คอินก่อนค่อยมาเดินเล่น”

กวินเดินก้าวเท้าตามหลังคนตัวสูงไป ที่เช็คอิน ตรงเคาเตอร์ยังทำน่ารัก ลายบนเคาเตอร์เป็นพื้นทราย น้ำทะเลแล้วก็เปลือกหอย สมกับที่ที่พักอยู่ชิดติดเทะเลจริง ๆ แถมยังมีของจุกจิกตั้งอยู่ด้วย เป็นเรือใบลำเล็ก

วริษฐ์ติดต่อเรียบร้อยขณะที่กวินหันมองนั่นนี่ไม่หยุด ตกแต่งสวยจนแอบคาดหวังว่าในห้องจะยิ่งสวยกว่านี้ พอรับกุญแจบ้านพัก พนักงานจึงเดินนำไปที่บ้านพักหลังเล็ก ๆ สีขาว ห้องโทนขาวสะอาดตา มีของตกแต่งเล็กน้อยทั้งโมเดลเรือลำเล็ก หรือพวกภาพตกแต่งที่เข้ากับสถานที่ เปิดม่านไปจะได้เห็นวิวชิดติดทะเล แถมมีอ่างน้ำให้แช่ด้วย แช่ไปด้วยมองวิวทะเลได้ด้วย

ทั้งคู่ช่วยกันสำรวจน้ำไฟแอร์เรียบร้อย พนักงานจึงขอตัวกลับออกไปจนเหลือแค่พวกเขาสองคน

วริษฐ์ทิ้งตัวลงนั่งบนที่นอน มันนุ่มสบาย

“กวินอาบน้ำมั้ย ร้อนมาทั้งวัน”

“ครับ” อีกคนหยิบผ้าเช็ดตัวของที่พัก ทำท่าจะเดินเข้าห้องน้ำ แต่วริษฐ์ลุกขึ้นกอดอีกฝ่ายเอาไว้จากด้านหลัง

“อ่างตรงนั้น วิวออกจะดี จะเข้าไปในห้องน้ำทำไม”

“อาบตรงนั้นไม่ไหวมั้งครับ กลางวันแสก ๆ เลย เดี๋ยวก็มีคนมาเห็นหรอก”

“ไม่มีหรอก เขาออกแบบมาแบบนี้แล้ว มันต้องอาบแช่ได้ตลอดสิครับ”

มือหนาซุกซนเริ่มปลดซิบถอดกางเกงอีกฝ่ายออก

“พี่อาร์ต เดี๋ยวสิครับ”

“ถ้าไม่อยากทำพี่จะปล่อยนะครับ ไหนบอกสิครับ”

“อึก...” พูดแบบนี้ ขี้โกง แล้วทำไมเขาจะไม่อยากกอดอีกฝ่ายล่ะ บรรยากาศดีแบบนี้

“ว่าไงครับ” วริษฐ์กอดรั้งอีกคนเอาไว้ ราวกับรู้คำตอบอยู่แล้ว

“...ต้องอยากสิครับ”

สิ้นคำอนุญาต กวินถูกมอมให้หลงมัวเมาไปกับรสจูบ กว่าจะรู้สึกตัวเสื้อผ้าถูกถอดออกจนหมด กองอยู่บนพื้นคนละทิศละทาง จนอยู่ในสภาพเนื้อตัวเปลือยเปล่ากำลังแนบชิดอยู่กับวริษฐ์ที่ยังมีเสื้อผ้าอยู่บนตัวครบทุกชิ้น

“อืมม”

ทั้งคู่ประกบปากจูบกันอย่างดูดดื่ม ริมฝีปากสัมผัสกันจนกวินเผยอปากขึ้นเล็กน้อย ให้วริษฐ์ได้สอดลิ้นเข้าไปเพื่อให้สัมผัสกันแนบแน่นลึกซึ้งกว่าเดิม

จูบนัวเนียยิ่งปลุกเร้าอารมณ์ มือเล็กขยับปลดเสื้อเชิ้ตของวริษฐ์ออก แถมยังลูบไล้ไปตามกล้ามเนื้อลงต่ำไปยังกางเกง มือซุกซนไม่แพ้กันกำลังลูบไล้คลึงส่วนนุ่มที่ยิ่งลูบยิ่งแข็งสู้มือ

ทั้งคู่ผละริมฝีปากออกห่างเล็กน้อยเพื่อหายใจ ลมหายใจร้อน ๆ เป่ารดผสมปนเป ดวงตาของทั้งคู่มองสบกัน มันหวานเยิ้มเต็มไปด้วยห้วงอารมณ์ อีกทั้งต่างฝ่ายต่างเห็นเงาภาพสะท้อนของตัวเองอยู่ในดวงตาของอีกคนอย่างชัดเจน ...จากนี้ก็จะมีแค่เรา

“อืออ”

วริษฐ์ร้องเบา ๆ เมื่อตั้งใจผละออกเพื่อพักหายใจ แต่มือของอีกฝ่ายกลับกำลังขยับเร็ว

“ซนนะครับ”

“พี่อาร์ตซนก่อนนี่ครับ”

กวินเงยหน้ายิ้มกว้างก่อนจะนั่งคุกเข่าลงไป ริมฝีปากเป่าลมหายใจร้อน ๆ รดแก่นกายที่กำลังแข็งจนสั่นกระตุกเบา ๆ อยู่ในอุ้งมือ

“หิวขึ้นมาแล้วหรือไง”

“อื้อ มีคนเอาอาหารมาล่อนี่ครับ” กวินพูดหยอกก่อนจะแลบลิ้นเลียเบา ๆ ที่ส่วนหัว และอ้าปากกว้างเพื่อครอบครองของอีกฝ่ายเข้าไปในปาก

“อา” วริษฐ์มองคนที่กำลังกลืนกินส่วนนั้นของตัวเอง แถมยังช้อนตามองขึ้นมาอีก เขาน่าจะเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในโลกคนหนึ่งเลยในวันนี้ ภาพคนรักที่กำลังปรนเปรอให้ ประกอบกับภาพด้านหลังที่เป็นวิวทะเล

กวินดูดเม้มของอีกฝ่ายจนแก้มตอบ เขาขยับหัวเข้าออกพร้อมมองสีหน้าพึงพอใจของคนรัก ยิ่งรู้ว่าอีกฝ่ายมีความสุข เขายิ่งอยากทำให้ดี

มือหนาลูบหัวอีกฝ่ายเบา ๆ เหมือนชมเชยว่าอีกคนทำได้ดี ก่อนจะขยุ้มเส้นผมอ่อนนุ่มเพื่อระบายความเสียว เพราะกวินเร่งจังหวะขยับไวขึ้นกว่าเดิม

“อาาาา พอแล้ว”

กวินไม่ฟังเสียงห้าม ซ้ำยังดูดเร็วกว่าเดิม เขาตั้งใจให้อีกฝ่ายเสร็จสมจากการใช้ปากทำให้ ไปถึงฝั่งฝันด้วยริมฝีปากของเขาเอง คนทำให้รู้ดีว่าอีกฝ่ายใกล้จะถึงก็เตรียมรับน้ำรักเต็มที่ เพื่อที่จะได้ไม่สำลัก

วริษฐ์เชิดหน้าขึ้น หายใจหอบถี่ เขาเผลอกดหัวอีกฝ่ายดันส่วนแข็งของตัวเองเข้าไปในโพรงปากนุ่ม แล้วปล่อยออกมาอย่างลืมตัว

“อึก” กวินพยายามจะกลืนมันเข้าไป แต่มันก็ยังไหลล้นออกมาจากในปากอยู่ดี

วริษฐ์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วดึงของตัวเองออกมา “บอกให้พอก่อน ไม่เคยฟังเลย”

คนนั่งคุกเข่าเอาหน้าซบกับต้นขาแกร่ง ใช้ดวงตาฉ่ำวาวเงยมองออดอ้อน ทั้งที่คราบน้ำยังเปรอะเปื้อนริมฝีปากและคาง

“พี่อาร์ตชอบนี่ครับ”

“พี่อยากเสร็จในตัวเรานี่ครับ”

“ในปาก ก็คือในตัว...”

“เดี๋ยวเถอะครับ มันไม่อร่อย เราเล่นกลืนลงไปทุกทีเลย”

“ใครบอกไม่อร่อย” กวินแลบลิ้นเลียริมฝีปากให้ดู

“ไม่ต้องพูดเอาใจ พี่ก็รักก็หลงเราจะแย่แล้ว”

วริษฐยื่นมือไปหา “ลุกได้แล้ว” พออีกฝ่ายจับมือเขา เขาจึงดึงอีกคนขึ้นมากอดเอาไว้ พร้อมพูดความรู้สึกวันนี้ออกมา พูดคำดี ๆ ที่อยากพูด “ขอบคุณนะครับ วันนี้พี่มีความสุขมากเลยเพราะกวิน”

“อือ พี่อาร์ตสุขแล้วหรอครับ งั้นกวินไปอาบน้ำดีกว่า”

“กวินต้องสุขด้วยสิ”

“งั้นไปบนเตียงนุ่ม ๆ นะครับ”

วริษฐ์ส่ายหน้า “วิวสวย ๆ แค่เอื้อม”

“อ่างมันใกล้หน้าต่างเกิน ผมอายนี่นา”

“ไม่มีใครเลย ตรงนั้นแหละกำลังดี”

เป้าหมายของกวินคือ ทำให้เสร็จสักรอบ เผื่ออีกฝ่ายจะลืมวิวหน้าต่าง แล้วไปต่อกันบนเตียง...แต่ที่ไหนได้!

.

.

[พี่อาร์ตขับรถมาไกลๆ ไม่เหนื่อยเหรอ?]
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 34 เรื่องของมันไม่เกี่ยวกับเรา
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 22-02-2022 01:09:18
บทที่ 34 เรื่องของมันไม่เกี่ยวกับเรา


สุดท้ายก็ต้องตามใจอีกฝ่ายอยู่ดี สัมผัสประสบการณ์ใหม่ที่ทั้งตื่นเต้นทั้งน่าละอาย

“อ๊ะ พี่อาร์ต อื้อ!”

เสียงร้องครวญครางของกวินดังสลับกับเสียงเอี๊ยดอ๊าดของฝ่ามือและใบหน้าที่แนบถูอยู่กับกระจก แบบนี้ทั้งเขินทั้งอาย เขาเห็นวิวชัดเกินไปแล้ว

วริษฐ์ยังคงซ้อนหลังโยกเอวตอกถี่ ๆ เข้าไปในช่องทางนุ่ม ขณะที่ปริมาณของน้ำในอ่างและฟองนุ่มที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงต้นขา เวลาขยับโยกเอวที น้ำก็กระฉอกหกกระเด็นออกไปนอกอ่างทีหนึ่ง

“อืออ วิวดีจริง ๆ ใช่มั้ยหืม?”

“อื้อ พี่อาร์ต เขินไม่ไหวแล้วครับ” กวินร้องตอบเบา ๆ เขาเห็นเรืออยู่ไกล ๆ ไม่รู้ว่าถ้ามองจากกล้องส่องทางไกลเข้ามาในฝั่งจะเห็นเขาหรือเปล่า

“อา แน่นขึ้นกว่าเดิมอีก”

“อือออ”

“มันดีใช่มั้ย”

“อา ครับ แต่...เร็วอีก--”

เพราะอีกฝ่ายร้องขอ วริษฐ์จึงเอื้อมไปใช้มือชักส่วนแข็งของกวิน พร้อมกับกระแทกไปด้วย ตอนแรกคิดว่าจะทำในอ่างน้ำ แต่พอนึกสนุกให้อีกฝ่ายหันมองวิว แล้วเขาทำแบบนี้ มันกลับยิ่งตื่นเต้น แถมได้เห็นวิวชัดเจนกันทั้งคู่ระหว่างทำรัก เป็นรสชาติใหม่ ๆ ของการมีเซ็กซ์

“ซี้ดดด พี่จะถึงแล้ว” วริษฐ์เร่งจังหวะกระแทกรัว กดย้ำลงถูกจุดเสียวซ่านของกวิน ทำให้คนตัวเล็กกว่าหวีดร้องเสียงหลงแล้วกระตุกเสร็จออกมาก่อน หยดน้ำขาวขุ่นพุ่งกระเด็นติดตามกระจก วริษฐ์รู้สึกถึงการบีบรัดแน่นเขาจึงเร่งโยกเอวเพื่อเสร็จตามไปติด ๆ พ่นหยาดหยดความรักเข้าไปในตัวอีกฝ่ายจนหมด

กวินหมดแรงหน้าแนบถูไปกับกระจก รู้สึกว่าถ้าใครมาเห็นเข้า เขาคงกลายเป็นโรคจิต

คนซ้อนด้านหลังขยับถอนเอวก่อนนั่งลงในอ่างน้ำ แล้วดึงอีกคนให้นั่งลงบนตัก

“วิวสวย แต่กระจกขุ่นหมดแล้ว” วริษฐ์โอบเอวคนบนตักพร้อมพูดหยอกเย้า

“ฮึ่ม เพราะพี่อาร์ตนั่นแหละ”

“พี่ทำอะไร นั่นมันน้ำของเราชัด ๆ “

“แหงสิ!” กวินโวยวายพลางหันหน้าหนีร่องรอยที่ตัวเองทำเอาไว้

“พี่ไม่ได้ทำเปื้อน เพราะน้ำของพี่อยู่ในตัวเราหมดแล้ว”

“มะ ไม่ต้องมาพูด”

“เดี๋ยวพี่เช็ดกระจกเองน่า ถูกระจกให้เราดูด้วย”

กวินทำหน้าเลิ่กลั่กเพราะเขาดันผวนคำพูดของพี่อาร์ต ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายตั้งใจหรือเปล่า แต่เป็นมุกลามกประเภทหนึ่งเลย

“ลามก”

“เราผวนทำไมล่ะ”

“แปลว่าตั้งใจ”

วริษฐ์ไม่ตอบ แต่ขำออกมา ก่อนจะกอดกระชับอีกคนไว้แน่น คนถูกกอดเลยหันไปย่นจมูกใส่ ก่อนจะซบหน้าลงกับไหล่กว้าง นั่งแช่อ่างน้ำด้วยกัน ผ่อนคลายความเหนื่อย

“ฟองพวกนี้หรือตัวกวินนุ่มกว่ากัน”

“ผมว่าตัวผม”

วริษฐ์ขำออกมาอีกรอบ พร้อมกับหอมแก้มอีกฝ่ายฟอดใหญ่ “เรานุ่มกว่าจริงด้วย”

ทั้งสองคนกอดก่ายแช่น้ำด้วยกัน น้ำวนในอ่างทำให้พวกเขายิ่งผ่อนคลาย จากที่หายใจหอบค่อย ๆ กลับสู่สภาวะปกติ แถมยังสบายปลอดโปร่งกว่าเดิม

กวินขยับจากที่ซบหน้ากับไหล่หนามาแหงนมองหน้าเจ้าของตัก

“มองอะไรครับ”

“ผมโชคดีครับที่เจอพี่อาร์ต” กวินยิ้มกว้างจนตาหยี

วริษฐ์ขยับไปจุ๊บปากอีกฝ่ายเบา ๆ “พี่เองก็โชคดีที่เราหาพี่เจอ”

“ครับ ไม่แยกกันแล้วนะ”

“ไม่ให้แยกไปไหนแล้ว จะตามติดเราไม่ห่างเลย”

“ผมด้วย คนอะไรฮอตขนาดนั้น สาวเยอะไปหมด ผมหวงนะบอกไว้ก่อน”

“แล้วเราไม่ฮอตหรอไงครับ ยังตามมารังควาญไม่เลิก”

กวินเบะปากน้อย ๆ “พูดถึงทำไมน่ะครับ ผมกลัวจะตาย”

“เขายังตามอีกหรอ”

“ไม่แล้วครับ ว่าแต่พี่อาร์ตไปทำอะไรถึงได้ไม่ตามมายุ่งแล้ว”

วริษฐ์ยิ้มไม่ตอบคำถาม แต่เปลี่ยนไปพูดเรื่องอื่นแทน “เดี๋ยวอาบน้ำเสร็จไปเดินเล่นริมหาดกันเนอะ แล้วก็กลับมากินบุฟเฟ่ต์อาหารทะเลของทางที่พัก”

“ครับ” กวินพยักหน้ารับก่อนจะซบอกอีกฝ่ายตามเดิม อย่างกับฝัน ต่อไปเขาคงฝันดีทุกวัน

หลังอาบน้ำเสร็จพวกเขาสวมเสื้อผ้าเป็นเสื้อที่เคยซื้อด้วยกันที่ห้างกับกางเกงขาสั้น ดูเผิน ๆ เหมือนเป็นชุดคู่ และสวมรองเท้าแตะสีเหลืองสดใสสำหรับเดินลุยน้ำทะเล ทั้งคู่เดินจับมือกัน เดินเล่นริมทะเลอากาศกำลังดี ไม่ร้อน ลมทะเลก็เย็นสบาย

“ปูลมเต็มเลย”

“มันวิ่งหนีกวินลงรูหมดแล้วครับ”

“มันกลัวคนอยู่แล้วนี่ครับ” กวินเหยียดแขนสูดลมหายใจเต็มปอด “ถอดรองเท้าเดินบนทรายดีมั้ยครับ”

“ถอดมั้ย พี่ถือให้”

“ถือเองก็ได้ครับ โธ่” กวินถอดรองเท้าออกมาถือเอาไว้ ส่วนมืออีกข้างยื่นไปจับกันเอาไว้ พวกเขาเดินทอดน่องไปเรื่อย ตั้งใจว่าจะเดินไปจนสุดตรงต้นมะพร้าวไกล ๆ นั่น แล้วค่อยเดินวนกลับมา น่าจะใช้เวลาพอสมควร

ยังมีคนปูเสื่อนั่งเล่นอยู่ เด็ก ๆ วิ่งเล่นกับเสียงดัง อากาศกำลังดี

“พี่อาร์ตถ่ายรูปกันนะครับ”

กวินสวมรองเท้าตามเดิม แล้วหยิบมือถือออกมาถ่ายเซลฟี่เพื่อเก็บความทรงจำดี ๆ เอาไว้ ก่อนที่แสงจะไม่สวยมือถือบันทึกภาพพวกเขาเอาไว้ใบหน้ายิ้มแย้มของทั้งสองคนและฉากหลังเป็นทะเลยามเย็น กวินพอใจกับรูป เขาถ่ายภาพวิวสลับกับวิดีโอ กดส่งไปหาเพื่อนสมัยเรียนกับเพื่อนที่ทำงานเพื่ออวดว่าได้มาเที่ยว ช่วงนี้เขาไม่ค่อยโพสหรือเช็คอินว่าอยู่ไหน แทบไม่ลงโซลเชียลอย่างเปิดเผย เขายังกังวลอยู่ ไว้หนีไปได้ไกลก่อนค่อยกลับมาเล่น

“สบายสุด ๆ เลยครับ” กวินขยับตัวไปมาเพื่อบิดขี้เกียจ “ผมไม่ได้มาทะเลนานมากเลยครับ ดีใจที่ได้มา”

“พี่เคยมาเมื่อไม่นานเท่าไหร่ แถมตอนนั้นยังทำเรื่องไม่ดีไว้อีก”

“เรื่องอะไรหรอครับ”

“อืมมม จำตฤนได้มั้ย”

“อ๋อครับ”

“พี่เคยเมาจนเกือบ...บังคับใจเขา”

กวินหันมองอีกฝ่ายตาโต คงเป็นแบบนี้ ที่กวินเคยเตือนเขาเอาไว้ตั้งแต่ต้น

“พี่ไม่ได้ตั้งใจ พูดแบบนี้มันเหมือนข้ออ้างนั่นแหละ”

“แต่ไม่ได้ทำอะไรลงไปใช่มั้ยครับ แค่เกือบ”

“ครับ โชคดีที่มีคนมาช่วยเอาไว้” วริษฐ์นึกย้อนไปถึงวันนั้น เขายังรู้สึกผิดอยู่เลยสีหน้าของอีกฝ่ายที่แสดงออกมาว่ากลัวและรังเกียจเขามากแค่ไหน “โดนซัดกระเด็นเลยครับ”

“สมน้ำหน้าแล้วล่ะครับ”

“ก็สมควรจริง” คนตัวสูงกว่าพยักหน้ารับคำ “พี่รู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไปจริง ๆ ”

กวินจับต้นแขนอีกฝ่ายเอาไว้แล้วบีบเบา ๆ เขาเห็นสีหน้าท่าทางที่เจ็บปวดของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน ความรู้สึกผิดต่อเหตุการณ์นั้น

“ผมเชื่อพี่อาร์ตนะครับ ว่าพี่ไม่ได้ตั้งใจและรู้สึกผิดกับมัน”

“พี่จะไม่มีวันขาดสติแบบนั้นอีกแล้ว”

“ผมถามอะไรหน่อยได้มั้ยครับ”

“หืม?”

“พี่ชอบตฤนหรอครับ ทำไมทำแบบนั้น”

วริษฐ์ส่ายหน้าเบา ๆ “จะบอกว่าชอบมันก็ไม่เชิง รู้สึกว่าเขาน่ารักดี พี่แค่อยากเอาชนะมากกว่า อยากชนะจนหน้ามืด” เหตุการณ์วันนั้น เขาขอบคุณที่ตฤนหนีจากเขาได้ ขอบคุณไอ้หมัดหนักคนนั้นที่มาหยุดเขาเอาไว้ ไม่งั้นเขาคงรู้สึกผิดยิ่งกว่านี้ “กับเราก็ด้วย พี่จะไม่มีวันบังคับใจเรา”

กวินพยักหน้า “อือ งั้นเราก็ทิ้งอะไรไม่ดีพวกนั้นเอาไว้ที่นี่แหละครับ เดี๋ยวเราก็ไปเริ่มต้นใหม่กันแล้ว”

“ครับ เริ่มต้นใหม่ด้วยกัน”

พวกเขายืนเคียงข้างกัน ไม่ได้พูดอะไรอีกนอกจากปล่อยตัวเองให้อยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ ปล่อยความทรงจำที่ไม่ดีให้มันถูกคลื่นซัดสาดพัดออกไปจากตัว



กวินเหม่อมองออกไปไกล สายตาทอดไปที่แผ่นน้ำกว้าง กอบโกยช่วงเวลาและจดจำภาพวิวทิวทัศน์เหล่านี้เอาไว้ ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหน ถึงจะได้กลับมาอีก เขากำลังจะต้องเดินทางไกล อนาคตข้างหน้ามันอาจจะลำบากมากก็ได้ อาจจะเหนื่อยที่จะต้องไปในสถานที่ ๆ ไม่คุ้นเคย อีกทั้งต้องพยายามทำสถานที่ใหม่ให้เป็นเหมือนบ้าน กวินสูดลมหายใจเข้าลึกเต็มปอด ...บ้านไม่ใช่แค่สถานที่ แต่คือคนข้าง ๆ ที่จะทำให้มันสมบูรณ์



วริษฐ์หันมองคนข้าง ๆ พลางคิดว่ากวินกับทะเลเป็นสิ่งที่น่ามอง เป็นวิวที่เห็นแล้วไม่ทำให้รู้สึกเบื่อ กวินทำให้วิวที่เห็นสวยงามยิ่งกว่าเดิม เป็นองค์ประกอบที่ลงตัว เขาอยากให้ต่อจากนี้ทุกภาพวิวทิวทัศน์มีคนข้าง ๆ อยู่ในนั้นเสมอ ไม่ว่าทิวทัศน์จะเปลี่ยนไปสักแค่ไหน แค่กวินเท่านั้นที่จะอยู่ข้างเขาไม่เปลี่ยนแปลง เขาไม่รู้ว่าอนาคตข้างหน้าจะเป็นยังไง ไม่รู้ว่าที่ ๆ กำลังไปจะลำบากแค่ไหน แต่ไม่เป็นไร จะอยู่ที่ไหนก็ได้ ขอแค่ที่นั่นมีกวินอยู่ก็พอ



วริษฐ์จับมืออีกฝ่ายเอาไว้ มือของทั้งสองคนกระชับจับกันแน่นขณะจ้องมองไปยังดวงตะวันที่เคลื่อนลงต่ำ แสงสีเหลืองกลายเป็นสีส้ม และเข้มขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่ฟ้าเริ่มมืด น้ำกำลังขึ้นสูง ลมแรงขึ้นพัดจนเส้นผมไม่เป็นทรง แล้วดวงอาทิตย์ก็หล่นลงน้ำไป

“หิวแล้วครับพี่อาร์ต”

“ไปครับ อาหารทะเลรออยู่”



อาหารทะเลมากมายทั้งสดและแบบปรุงสุกเป็นกับข้าว วางละลานเต็มพื้นที่ร้าน ให้พวกเขาเดินเลือกตักกินกันได้อย่างอิสระ กวินแกะกุ้งเผา วริษฐ์แกะปู ผลัดกันป้อนอาหารทะเลสดใหม่เนื้อหวานแน่น กับน้ำจิ้มซีฟู้ดรสแซ่บ ปลากระพงทอดน้ำปลา และสารพัดหอยที่เอาไปนึ่ง เผา ย่างเนย อร่อยสมกับราคา พวกเขากินมันจนอิ่มเต็มคราบ แล้วจึงเดินย่อยออกไปซื้อขนมขบเคี้ยวกับเบียร์คนละกระป๋อง



ที่ชานระเบียงของบ้านเหมาะแก่การนั่งชิลดื่มเบียร์ ตามองดาว ไหล่พิงกันมีเสียงคลื่นดังคลอ ลมทะเลเย็นขึ้นกว่าเดิม เบียร์เย็น ๆ กับฝ่ามืออุ่น ๆ ของคนรัก นี่เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดแล้วที่จะฟื้นฟูเยียวยาร่างกายและจิตใจให้พร้อมกับการแพ็คกระเป๋า แค่คิดว่าต้องเก็บข้าวของก็เหนื่อยจนแทบถอดใจ

“ต้องเตรียมตัวแล้วสิ”

“ใช่ครับ เอาอะไรไปบ้างดีนะ”

“ตัวเรากับตัวพี่ก็พอแล้ว”

“พูดเป็นการ์ตูนเลยครับ”

“อืมมม เดี๋ยวไปทำรายการแล้วเตรียมให้ดี ๆ น่าจะดีกว่า เดี๋ยวของตกหล่น”

กวินพยักหน้า “ตื่นเต้นเหมือนกันนะครับ ต้องเตรียมให้พร้อมเลย”

“แล้วจะไปเอาของที่ห้องเราวันไหนดี”

“ไม่รู้สิครับ แต่ไม่ใช่พรุ่งนี้ พรุ่งนี้เรากลับถึงบ้านอู้นอนพักให้หายเหนื่อยก่อนดีกว่า”

วริษฐ์ยิ้มให้กับคำตอบของอีกฝ่าย แล้วหันไปหอมหัว “เอาแบบนั้นก็ได้ แล้วคืนนี้เอาแบบไหน”

“หื้อ”

“บรรยากาศดีแบบนี้จะไม่ทำหรอ”

“มันก็...”

“ไม่อยากก็ไม่ได้บังคับนะครับ”

“พี่อาร์ตผมอยากสิครับ! อ่ะ!”

กวินถูกยกตัวลอยวืดพากลับเข้าห้อง เพราะวริษฐ์ไม่สนใจธรรมชาติด้านนอกแล้ว ไม่ดูแล้วดาว ผิวขาว ๆ ของกวินน่าดูกว่าเป็นไหน ๆ ไม่ฟังแล้วเสียงคลื่น ฟังเสียงครางดีกว่า

กิจกรรมรักเริ่มขึ้นอีกครั้ง ต่างฝ่ายต่างผลัดกันปรนเปรอซึ่งกันและกันซ้ำแล้วซ้ำเหมือนคลื่นที่ซัดน้ำขึ้นฝั่งซ้ำไปซ้ำมาไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย พวกเขาแนบชิดกันจนสาสมใจถึงได้จบคืนนี้ไปอย่างหมดเรี่ยวแรง นอนเปลือยซบกอดกันใต้ผ้าห่มแบ่งปันความอบอุ่น



พวกเขาตื่นสายกว่าปกติ กวินรู้ว่าตัวเองคิดถูกแล้วที่จะไปเอาของที่คอนโดวันอื่น เขาปวดเมื่อยตัวไปหมด ตอนที่ถูกปลุกให้ลุกมาอาบน้ำ พลางคิดในใจว่าถ้าหากนี้คือการมาฮันนีมูน และเขาท้องได้ วันนี้เขาคงมีเจ้าตัวเล็กมาอยู่ด้วยแล้ว พี่อาร์ตไม่รู้เก็บกดมาจากไหน ทั้งที่ก็ไม่เคยขาดสักหน่อย

ระหว่างทางกลับ กวินเพลียมาก แต่พยายามฝืนตื่นเป็นเพื่อนวริษฐ์ตลอดทาง ไม่ร่าเริงสดใสพูดนั่นนี่เจื้อยแจ้วเหมือนตอนขามา ดูง่วงงุนเพราะโดนชวนทำกิจกรรมเข้าจังหวะทั้งคืน ผิดกับวริษฐ์ที่ดูสดชื่นกว่า ไม่เหมือนตาลุงที่เคยบ่นบอกกับเขาว่าปวดเอว อ๋อ แน่สิ เมื่อคืนเขาขึ้นให้ตั้งหลายรอบ



วริษฐ์ขำทุกครั้งเวลามองอีกฝ่ายที่ตาปรือจะปิด แต่กลับฝืน เขาบอกแล้วว่าให้นอนไปได้เลย เขาขับได้สบาย ๆ ก็ไม่เชื่อ ฝืนตื่นนั่งมองทางตาเชื่อม บางที่หลับสัปหงกก็สะดุ้งตื่นขึ้นมา ทำเขาสะดุ้งไปด้วย

รอบนี้กวินหลับสัปหงกอีกรอบ คงจะเหนื่อยและง่วงมากพอจนหลับไปจนได้ วริษฐ์หรี่เสียงเพลงลงเล็กน้อย เพื่อที่จะได้ไม่กวนการนอนของอีกฝ่าย แล้วคิ้วของเขากลับขมวดแน่นเพราะมือถือของกวินดันแผดเสียงขึ้นมาจนคนข้าง ๆ ตื่นขึ้นมาอีก

กวินสะบัดหน้าเล็กน้อยแล้วหยิบมือถือออกมา เบอร์ใครก็ไม่รู้

“สวัสดีครับ”

‘สวัสดีค่ะ คุณกวินหรือเปล่าคะ’

“อ่ะครับ ใช่ครับ” ปลายสายเป็นผู้หญิง เรียกเขาอย่างสุภาพด้วยน้ำเสียงที่เขาไม่คุ้นเคย ใครหว่า

‘คุณพอจะมีเวลาสักหน่อยมั้ยคะ’

“ประกันหรอครับ ไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่”

‘ไม่ใช่ค่ะ คืออยากรบกวนให้มาเจอกับเติ้ลเขาหน่อย’

“...” กวินเงียบไปชั่วขณะ เขาหันมองหน้าคนข้าง ๆ ที่กำลังจ้องมองเขาอยู่เหมือนกัน

‘นะคะ คือเขาเป็นไข้แล้วละเมอเรียกคุณ ฉันเลยอยากให้คุณมา’

“ผมยังไม่แน่ใจ คุณบอกรายละเอียดมาก่อนก็ได้ ถ้าผมว่างไปคุณจะเห็นผมเอง”

อีกฝ่ายไม่ได้พูดเร้าต่อ เพียงแต่รีบให้รายละเอียด เวลาเยี่ยม ห้องและโรงพยาบาลเอาไว้ กวินรับคำสั้น ๆ แล้วกดตัดสายไป

“มีอะไรหรอ ทำไมหน้าเครียด”

“เติ้ลเข้าโรงพยาบาล แล้วอยากเจอผม”

“มันจะเป็นอะไรก็ไม่เกี่ยวกับเรา”

วริษฐ์ขมวดคิ้วแน่น เพราะเขาเห็นกับตาว่าอีกฝ่ายทำเลวร้ายยังไงกับกวิน ทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจ นึกถึงช่วงเวลานั้น เขายังโมโหไม่หาย ถึงไม่อยากให้ไปเจอ

กวินก้มมองมือถือ ในสมองกำลังขบคิดว่าจริง ๆ เขาก็อยากจะยุติเรื่องทั้งหมดนี้ ถ้าเขาจะสามารถพูดคุยกับอีกฝ่ายแล้วจากกันให้ดี ๆ โดยไม่มีอะไรติดค้างต่อกัน แบบนี้จะดีกว่าหรือเปล่า เพื่อทิ้งทุกอย่างให้หมดจดแล้วก้าวไปต่อ

“พี่อาร์ตครับ คือ...”

“กวินอยากไปเจอมัน?” วริษฐ์ตอบกลับเสียงเคร่ง เขารู้ว่าถ้าเขาบอกว่า ไม่ให้เจอ กวินก็จะไม่ไป เพราะกวินเป็นเด็กดีของเขา แต่เขาก็อยากรู้ว่าทำไมถึงได้อยากเจอคนแบบนั้น

“ผมแค่อยากจะลาครับ เคลียร์ทุกอย่างให้จบ”

“...”

“นะครับพี่อาร์ต ไปเถอะนะ”

อีกฝ่ายอ้อนเสียงเบา เพื่อขอคำอนุญาตจากผม ...ถ้ามันจะจบจริง ๆ เขาก็อยากจะให้มันจบ เราจะได้ไปเริ่มที่ใหม่ โดยทิ้งทุกอย่างเอาไว้ที่นี่

“ก็ได้กวิน” วริษฐ์ถอนหายใจออกมา เขาจะยอมให้ไปเจอก็ได้ อย่างน้อยก็ไม่ไกลหูไกลตา “แต่แบบนั้นภรรยาเขาจะไม่สงสัยเหรอ”

“รบกวนพี่อาร์ตด้วยนะครับ”

วริษฐ์รู้โดยทันทีว่าเขาจะต้องเป็นคนดึงความสนใจภรรยาของมัน ถ้าแบบนั้นก็หมายถึงต้องปล่อยให้กวินคุยกับเติ้ลสองต่อสองหรือ...

“แล้วกวินกับมันจะอยู่กันสองคน”

กวินหันไปพูดเสียงอ้อนเขารู้ว่าอีกฝ่ายกังวล เขาก็กังวลเหมือนกัน แค่คิดว่าจะต้องเจอหน้ากัน เขาก็รู้สึกเกร็ง ๆ แล้วแต่ว่าคงไม่เป็นไรหรอก

“พี่อาร์ตที่นั่นโรงพยาบาลนะครับ อีกฝ่ายก็ป่วยหนักด้วย ไม่มีอะไรหรอกครับ” เพราะอีกฝ่ายป่วยหนักนี่แหละ เขาถึงได้กล้าไปเจอ อีกฝ่ายคงไม่มีเรี่ยวแรงมากนัก แถมยังไงพี่อาร์ตก็ไม่ได้อยู่ไกลจากเขามากด้วย

“ก็ได้ครับ ไปเย็นนี้เลยดีมั้ยครับ”

กวินพยักหน้า “ครับ ไปทำให้มันจบ ๆ”



กว่าจะถึงกรุงเทพมหานครฟ้าก็เริ่มมืด กวินกับวริษฐ์แวะกินข้าวกันก่อนจะไปที่โรงพยาบาล เวลาเยี่ยมยังเหลืออยู่เป็นชั่วโมง

หญิงสาวทักทายเมื่อทั้งสองคนมาถึง เธอมองกวินแล้วรู้สึกคุ้นตา แต่ไม่ได้ซักถามอะไรออกไป เพียงแค่บอกเล่าอาการของเติ้ล ที่ป่วยเป็นไข้เลือดออก ตอนไข้ขึ้นสูง ก็เรียกหาคนชื่อกวิน จนเธอต้องไปถามหาจนได้เบอร์ติดต่อมา กวินได้ยินแบบนั้นก็ได้แต่ยิ้มแห้ง พร้อมภาวนาให้เธอไม่สงสัยติดใจ

หลังจากนั้นวริษฐ์เป็นคนรับหน้าชวนคุยกับหญิงสาวเพราะเคยเจอกันมาก่อน เขาออกปากว่าดูซูบผอมลง เลยจะชวนออกไปหาอะไรกิน แล้วให้กวินเฝ้าไว้แทน ตอนแรกหญิงสาวมีท่าทางอิดออด แต่วริษฐ์ก็ใช้เทคนิคในการพูดของเขาหว่านล้อมจนหญิงสาวยอมออกมาด้วยจนได้

เมื่อเหลือกันแค่สองคนกวินเดินไปหยุดยืนที่ข้างเตียง มองคนป่วยที่หลับสนิท ใบหน้าซีดเซียว ใต้ตาดำคล้ำ แก้มตอบลงไปมาก กวินมองสำรวจอีกคนดวงตาฉายเสี้ยวแห่งความห่วงใย คงจะป่วยหนักจริง ๆ แต่หลับอยู่แบบนี้จะคุยกันยังไง หรือต้องมาวันอื่น



“กวิน...”

.

.

[หลายอย่างต้องอาศัยความกล้าเพื่อเผชิญหน้ากับสิ่งที่กลัว

เมื่อตัดความกังวลในเรื่องทุกอย่างที่รบกวนจิตใจไปได้ เราก็จะค่อย ๆ ไปข้างหน้า]
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 35 ลืมให้หมด 23/02/2022
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 24-02-2022 01:08:14
บทที่ 35 ลืมให้หมด


เสียงเรียกแผ่วเบาในห้องผู้ป่วยที่เงียบสนิท ถึงแบบนั้นมันกลับดังพอให้เจ้าของชื่อสะดุ้งและหันตามทิศทางเสียง กวินเพ่งมองใบหน้าของผู้ป่วยที่เสี้ยวใบหน้ายังจมอยู่กับหมอน

ตื่นแล้วหรือหลับอยู่?

“...กวิน...” เสียงแหบ ๆ พึมพำเรียกชื่อของเขาซ้ำไปซ้ำมา เมื่อขยับเข้าไปใกล้ และเพ่งมองดู อีกฝ่ายยังไม่ตื่นด้วยซ้ำ “กวิน...”

“เติ้ล ตื่นแล้วเหรอ” กวินถามออกไปเสียงเบา

“กวิน”

“เติ้ล” กวินเรียกอีกฝ่ายแล้วจับที่ไหล่เพื่อปลุก เรียกกันแบบนี้ภรรยาคงรำคาญน่าดู

“...”

“เติ้ล!” กวินเรียกเสียงดังกว่าเก่า พร้อมออกแรงเขย่าไหล่แรงขึ้นจนได้ผล ภายใต้เปลือกตาที่ปิดสนิทกำลังเคลื่อนไหว

“อือ” เสียงครางในลำคอเบา ๆ พร้อมเปลือกตาที่ปิดสนิทค่อย ๆ เปิดขึ้นมาทีละนิด ดวงตาพร่าเบลอเห็นภาพใครบางคนที่ไม่น่าจะยืนอยู่ตรงนี้ เพราะไม่ว่าจะเห็นกี่ครั้ง อีกฝ่ายวิ่งหนีไปเสมอ เติ้ลหลับตาลงอีกครั้งเพราะคิดว่าเห็นภาพหลอน ก่อนจะลืมตาขึ้นมาอีก และพบว่าไม่ใช่ความฝัน อีกคนอยู่ตรงนี้จริง ๆ

“กวิน...”

“อือ ว่าไง”

“...ขอโทษนะ” อีกฝ่ายไอออกมาขณะพูดประโยคขอโทษด้วยน้ำเสียงเบาหวิว แทนคำทักทายแรกด้วยการขอโทษ

“อือ”

“ขอโทษนะ” เติ้ลพูดซ้ำก่อนที่หยดน้ำตาจะไหลลงมาข้างแก้ม

“รู้แล้ว”

“ขอโทษ...”

“อือ”

เติ้ลเอาแต่พูดคำว่าขอโทษ ทำให้กวินเองต้องเม้มปากแน่น น้ำตาเอ่อคลอขึ้นมาไม่ต่างกัน มันเกิดความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ จุก หน่วง ว่างเปล่า

“ขอ... “

“ลืมมันไปให้หมดเถอะ กูก็จะลืมให้หมดเหมือนกัน จำแค่เราเป็นเพื่อนกันดีมั้ย” ช่วงเวลาตั้งแต่สระว่ายน้ำ และหลังจากนั้น เขาจะลืมให้หมด

“อือ” เติ้ลพยักหน้ารับคำ



ลืมให้หมด...



จากที่เคยหลงรัก ยิ่งใกล้ชิดก็ยิ่งชอบอีกฝ่าย และยิ่งบังเอิญข้ามเส้นมากเกินกว่าเพื่อนจนไม่สามารถย้อนกลับไปเป็นอย่างเก่าได้ ทำให้ยิ่งถลำตัวชอบมากขึ้นไปอีก ช่วงเวลาที่มีความสุข ก่อนที่ทุกอย่างจะผิดเพี้ยนไป เพราะเขาทั้งอยากรั้งเอาไว้ และอยากปล่อยไป มันถึงได้เกิดการกระทำที่ขัดแย้งกันเอง รักแต่ก็ทำให้คนรักเจ็บปวด ไม่อยากปล่อยมือ แต่ก็จับเอาไว้ไม่ได้

จนตอนนี้

ต้องลืมให้หมด...

ลืมว่าเคยรักมากแค่ไหน ลืมว่าตอนที่รักกัน รักษาเอาไว้ไม่ได้ ลืมว่าตอนที่อยู่ด้วยกัน ทำร้ายเขาเอาไว้มากขนาดไหน ทำให้เขาเจ็บปวดกับความสัมพันธ์ที่ไม่มีทางไปต่อ ช่วงเวลาแห่งความสุขที่ยาวนานไม่กี่เดือน แต่ทุกข์แสนสาหัสมาหลายปี

ไม่มีหนทางแก้ไขชดใช้ มีแต่ทำผิดต่อกันมากยิ่งขึ้น ทั้งหมดมันเพราะว่าเขาอ่อนแอเกินไป ถึงได้เสียความรัก พอคิดว่าตัวเองทำอะไรลงไป คำพูดเดียวที่ควรพูดกับกวิน จึงมีแค่คำว่าขอโทษ และคำที่ไม่ควรพูดออกไปเลย คือคำว่ารัก เพราะว่ามันเป็นคำที่ไร้ค่า ไม่มีความหมายอะไรเมื่อเทียบกับสิ่งที่เขาทำ



ไม่มีสิทธิพูดออกไปแล้ว ว่าตอนนั้น และตลอดเวลาที่ผ่านมา คำว่ารัก เป็นของจริง



กวินกลั้นน้ำตาไม่ได้ เขาเริ่มร้องไห้เมื่อนึกถึงเรื่องที่อยากลืม มันจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ถูกรื้อฟื้นขึ้นมาทบทวนในสมอง ความทรงจำที่มีทั้งสุขและทุกข์ ภาพวันวานที่อยู่ข้างกัน

ที่เคยมีความสุขด้วยกัน ที่เคยทุกข์ระทม ที่เคยรัก

มันเป็นอดีตไปหมดแล้ว และเขาไม่คิดย้อนกลับไป ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม นับจากนี้ เขาจะมีแต่ก้าวต่อไป



“ขอโทษที่ทำให้ยิ้มไม่ได้แล้ว”

“ฮึก” กวินยกมือขึ้นปิดปากตัวเองแน่นพร้อมพยักหน้า

“ชดใช้ยังไงก็ไม่หมดเลยที่ทำแบบนั้น” เติ้ลพูดออกมาด้วยเสียงสั่นเครือ “คนอะไรเหี้ยได้ขนาดนั้น”

“เออ ไอ้เหี้ย” กวินพูดพร้อมปล่อยโฮ ขนาดตอนนี้ก็ยังทำเขาร้องไห้อีก เขาอยากจะพูดคำนี้ออกไปพร้อมหัวเราะ แต่กลับกลายเป็นยิ่งร้องไห้เสียงดังกว่าเดิม

เติ้ลพยักหน้ารับคำว่า พร้อมมองอีกฝ่ายร้องไห้ เขาไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน จะปลอบ จะกอดเอาไว้ หรือจะทำอะไรก็ไม่ได้สักอย่าง เขาได้แต่มอง แต่ถ้าจะให้ขยับไปปลอบ กวินก็คงจะไม่ได้รู้สึกดีขึ้น

“กูขอโทษ”

“ฮึก ไม่ต้องพูดขอโทษแล้ว”

“...”

“ฮึก” กวินพยายามจะหยุดร้องไห้ ไม่งั้นถ้าพี่อาร์ตมาเห็นคงจะซัดคนเจ็บจนสลบแน่ ๆ

“ทุกอย่างกูผิดเอง”

“อือ”

“กูแค่อยากบอกเอาไว้ มึงคงยังยกโทษให้กูวันนี้ไม่ได้ แต่กูหวังว่าสักวัน...”

“มึงอวยพร...อึก...กูหน่อยได้มั้ย” กวินพูดขัดเสียงตะกุกตะกัก

“เรื่องอะไรล่ะ” เติ้ลพูดถามออกมาถึงจะยังงุนงงอยู่บ้าง

“อวยพรกูกับพี่อาร์ต ให้รักกันราบรื่น”

“อ๋อ เออได้สิ” เติ้ลพูดพร้อมลอบกลืนน้ำลาย นี่อาจจะเป็นความรู้สึกเดียวกันกับตอนที่เขายื่นการ์ดแต่งงานให้อีกฝ่าย และได้รับคำอวยพรที่มีความขมขื่นซุกซ่อนอยู่ ต้องทนเห็นคนรักไปกับคนอื่น โดยที่ไม่มีสิทธิคัดค้าน และทำได้แค่ร่วมยินดี

“ขอให้มึงกับพี่อาร์ต...” เติ้ลเว้นวรรคและชะงักไปเล็กน้อย พยายามสูดลมหายใจลึก ๆ เข้าปอด “ขอให้รักกันมาก ๆ มีความสุขด้วยกันนาน ๆ ให้เขาเป็นรอยยิ้มของมึง...”

กวินพยักหน้ารับคำ เขายกมือขึ้นปาดน้ำตา พยายามหยุดร้องไห้ เขาไม่อยากให้พี่อาร์ตเป็นห่วง

“ขอบใจมาก” กวินยิ้มเล็ก ๆ เมื่อนึกถึงพี่อาร์ตของเขา “กูก็ขอให้มึงมีความสุขมาก ๆ เหมือนกัน”

เติ้ลนึกถึงภรรยาของเขา คนที่ดูแลเขาอย่างดีมาตลอด จนตอนนี้ คงเป็นภรรยาของเขาอีกเช่นเคยที่ทำให้เขาได้คุยสะสางกับกวินแบบนี้

“กูไปก่อนนะ ไม่อยากให้เมียมึงเห็นบรรยากาศแปลก ๆ แบบนี้”

“ขอบใจมากกวิน กับทุกอย่าง” เขายังอาวรณ์อยู่เล็กน้อย เพราะเพิ่งได้คุยกันดี ๆ ในรอบหลายปี แต่ถึงอย่างนั้น ระหว่างพวกเขาก็ไม่มีเรื่องอะไรให้คุยกันอีก

“อือ”

กวินหันหลังและเดินออกมาจากห้องผู้ป่วย เขาทั้งโล่งทั้งโปร่งสบายใจ แต่เหมือนน้ำตาจะยังไม่หยุดไหล คงจะมีคนเดียวนั่นแหละที่จะทำให้เขาดีขึ้นได้ คงจะมีแค่อ้อมกอดนั้นที่ปลอบโยนและทำให้รู้สึกปลอดภัย

กวินกดพิมพ์ข้อความหาวริษฐ์ เป็นประโยคสั้น ๆ ว่าจะไปรอตรงที่จอดรถ



วริษฐ์ที่กำลังพยายามชวนภรรยาของเติ้ลคุยเรื่อยเปื่อยหลังจากหญิงสาวทานอาหารเสร็จ แต่พอเห็นข้อความเขาก็รีบขอตัวทันที โดยไม่ได้ไปส่งหญิงสาวกลับไปห้องผู้ป่วย แค่ขอตัวออกมาเพราะมีธุระด่วนเท่านั้น และรีบตรงไปที่จอดรถทันทีด้วยความเป็นห่วง เขาเห็นอีกฝ่ายยืนอยู่เป็นเงาตะคุ่มมืด ๆ พิงกับตัวรถ

“ทำไมมายืนมืด ๆ แบบนี้ล่ะกวิน”

พอได้ยินเสียงเรียกที่คุ้นเคย กวินก็รีบขยับหันไปหาแล้วพุ่งไปกอดทันที “อือ พี่อาร์ต” คนตัวเล็กกว่าร้องไห้กับแผงอกกว้างสะอึกสะอื้นจนวริษฐ์ไม่รู้จะปลอบยังไงนอกจากกอดเอาไว้ ก่อนจะทักถามเสียงเคร่ง

“มันทำอะไรเรา”

“เปล่าครับ”

“แล้วร้องไห้ทำไม”

“ไม่รู้ครับ” กวินกอดอีกฝ่ายแน่นใบหน้าซุกอยู่กับแผงอกอุ่น ส่วนฝ่ามือขยำเสื้อของวริษฐ์จนยับยู่

“ไม่เอาไม่ร้องแล้วครับ” วริษฐ์พูดปลอบพร้อมกับลูบหลังแล้วกระชับกอดแน่น “ไม่รู้ก็ไม่ต้องร้อง”

“ผมพยายามอยู่”

กวินเงยหน้ามองอีกฝ่าย พร้อมพยายามหยุดสะอื้น ปากเบะน้อย ๆ ทำให้คนตัวสูงกว่าได้แต่ส่ายหน้าอ่อนใจ ก่อนจะประกบริมฝีปากจูบ

“อือ...”

จูบนุ่มนวลปลอบโยนกวินให้ไม่ต้องคิดเรื่องอะไรอีก ริมฝีปากของวริษฐ์ขยับเม้มเบา ๆ ก่อนจะผละออก แต่มันได้ผลจริง ๆ เพราะกวินหยุดร้องไห้แล้ว

วริษฐ์ใช้นิ้วโป้งเกลี่ยปาดน้ำตาที่ยังเปรอะเปื้อนที่หางตาและข้างแก้ม “ไม่ร้องแล้ว ดีมากครับคนเก่ง”

“พี่อาร์ต”

“พี่รักเรา” วริษฐ์หอมแก้มอีกฝ่ายจนแก้มยุบยู่ ก่อนจะใช้ปลายจมูกฟัดถูกดแก้มนุ่มด้วยความมันเขี้ยว การกระทำนั้นทำให้กวินหัวเราะออกมาเบา ๆ ด้วยความจั้กจี้

จริงด้วยสิ พี่อาร์ตทำให้เขายิ้มหัวเราะทั้งน้ำตา

“ไปกลับบ้านกัน ยืนตรงนี้ยุงกัด”

กวินพยักหน้าก่อนจะยอมขยับออกจากอ้อมกอดอุ่น

“ทำหน้าเสียดายอะไรแบบนั้น เดี๋ยวกลับไปกอดกันที่บ้าน ให้ทั้งวันทั้งคืนเลย” วริษฐ์เอื้อมมือไปเปิดประตูรถฝั่งข้างคนขับออก “ขึ้นไปได้แล้วครับ กลับบ้านกัน”

“ครับ กลับบ้านของเรา”



เมื่อกลับถึงบ้านวริษฐ์ทำท่าเหมือนอยากจะถามอีกฝ่ายว่าตกลงเป็นยังไงบ้าง เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า แต่ก็ไม่กล้าถาม เพราะกลัวอีกฝ่ายจะร้องไห้อีก เพราะจนตอนนี้ดวงตาของกวินยังติดจะแดง ๆ ปลายจมูกของอีกฝ่ายก็ด้วย เขาจึงได้แต่เก็บความอยากรู้เอาไว้

วริษฐ์เริ่มจัดแจงรื้อกระเป๋าที่พวกเขาไปเที่ยวกัน เตรียมจะเอาเสื้อผ้าไปซัก แล้วจะได้เตรียมพร้อมเก็บข้าวของไปต่างประเทศ ในขณะที่กวินเอาแต่นั่งซ้อนอยู่ข้างหลังเขา มือกอดเอวแน่น หน้าซุกอยู่ที่หลัง กอดหนึบเหมือนหมีโคอาล่า

“พี่อาร์ตจะไม่ถามหรอครับ”



มือที่ดึงแยกผ้าจะซักชะงักไปเล็กน้อย คงเป็นเพราะเขาไม่ยอมถาม อีกฝ่ายถึงได้เปิดปากพูดขึ้นมาก่อน

“ผมรอเราพร้อมจะเล่า”

“อืมมม ก็ไม่มีอะไรครับ” เสียงอีกคนพูดอู้อี้อยู่ที่หลัง “ต่างคนต่างไป อวยพรให้เราโชคดีด้วย”

“แล้ว ร้องไห้ทำไมครับ”

“มันแปลก ๆ นี่ครับ” กวินกอดอีกฝ่ายแน่นขึ้นกว่าเดิม ซุกหน้าลงกับแผ่นหลังกว้าง แต่ยังคงมีหยดน้ำตาเอ่อขึ้นมาอยู่เรื่อย

“มันขอโทษผม ผมคิดว่ามันคงรู้สึกผิดจริง ๆ ถึงผมจะยังรู้สึกว่า ยังไม่สามารถจะยกโทษให้มันได้ก็ตาม แต่ระหว่างผมกับมัน จบลงแล้วจริง ๆ ครับ”

“แบบนั้นก็ดีแล้ว เลิกร้องไห้ได้แล้วครับ”

“มันยังไงไม่รู้นี่ครับ”

“หรือกวินเสียดาย” วริษฐ์แกล้งพูดแหย่ออกไป ทำให้คนฟังสะดุ้ง รีบโผล่หน้าโผล่ตาชะโงกมาหาทันที

“ไม่ใช่ครับ ไม่เลย โธ่” กวินขยับมานั่งตักอีกฝ่ายแทนพร้อมซุกตรงคอเป็นการอ้อน “กวินรักพี่อาร์ตที่สุดในโลกเลย” ไม่พูดเปล่ามือยังกอดรัดวริษฐ์ไว้แน่น “แค่แปลก ๆ เฉย ๆ แต่ว่ารู้สึกเป็นอิสระแล้วครับ”

“อืม ใครบอกเราเป็นอิสระ”

“เป็นแล้วนะครับ”

วริษฐ์จับมืออีกฝ่ายขึ้นมาแล้วจูบลงไปบนนิ้วที่มีแหวนของเขา วงที่เขาจองอีกคนเอาไว้ “พี่เป็นเจ้าของเรา ไม่ให้เราเป็นอิสระครับ”

“อาาา แบบนี้ ยอมทั้งชีวิตนะครับ”

“พูดแล้วนะครับ งั้นคืนนี้สงสัยจะต้อง...”

“งั้นวันนี้ไปอาบน้ำพักผ่อนนอนกันดีกว่า” กวินพูดขัดขึ้นมาทันที เขาเหนื่อยจากการร้องไห้ จนปรนนิบัติอีกฝ่ายไม่ไหวแล้ว

วริษฐ์หัวเราะเสียงดังพลางออกแรงอุ้มอีกคนขึ้นมา พาไปอาบน้ำ เพื่อที่จะพักผ่อนให้สบายตัว



คืนนี้จึงเป็นคืนแรกที่ทั้งคู่นอนหลับสนิทโดยไม่มีเรื่องอะไรมาคอยรบกวนจิตใจ มีแค่พวกเขา และอนาคตที่พวกเขาจะสร้าง



วันนี้พวกเขาตื่นมานั่งแพคของทำความสะอาดบ้าน เตรียมจะซักของที่จะขนไปต่างประเทศให้เรียบร้อย กระเป๋าใบใหญ่โตกำลังถูกบรรจุของ หนังสือ อัลบั้มภาพ ถูกคัดเลือกว่าจะเอาอันไหนไปบ้าง ของที่จำเป็นต้องใช้ ตามรายการที่ทำเอาไว้ แต่ดูเหมือนจะมีของเกินมาอยู่เรื่อย

นอกจากนั้นพวกเขาเตรียมพวกผ้าคลุมเฟอร์นิเจอร์เอาไว้แล้วตั้งใจจะไล่คลุมในสองวันสุดท้ายที่จะต้องไป ตอนนี้จึงวางสุมเป็นกองใหญ่ อยู่ที่มุมหนึ่งของบ้าน

“พี่อาร์ต ตอนเด็กโป๊จังครับ” กวินชูรูปที่วริษฐ์ตอนเป็นทารก เขาถูกจับให้อาบน้ำในอ่าง “อันนิดเดียวเองด้วย”

“จ้องตรงไหน ทะลึ่ง” วริษฐ์พูดกลั้วขำ “เป็นทารกนี่ครับ ถ้าอยากเห็นใหญ่ ๆ ก็มาดูตอนนี้”

“พี่อาร์ตก็ทะลึ่ง”

“เราเริ่มก่อน”

เสียงหยอกล้อดังคลอขณะเก็บข้าวของ เก็บไปไล่ดูของไปด้วยไม่รู้ว่าจะเก็บเสร็จตอนไหน ในเมื่อเล่นกันไปด้วยแบบนี้ จนช่วงบ่ายพวกเขาแวะไปไหว้พ่อของวริษฐ์ที่วัดกัน บอกว่าคงไม่ได้กลับมาไหว้บ่อย ๆ เหมือนเดิมแล้ว จะไหว้มาจากระยะไกลแทน ขอให้อวยพรพวกเราด้วย

ส่วนช่วงเย็นเข้าไปเก็บข้าวของที่ห้องของกวิน นำของที่จำเป็นติดไปด้วย มีรูปใบหนึ่งที่กวินจะพาไปด้วย เป็นความรู้สึกที่ทั้งอุ่นใจ และอึดอัด ภาพครอบครัวของกวิน อย่างน้อยติดไปสักใบ

ถึงจะผ่านอะไรมามากมาย แต่สำหรับเขา ลึก ๆ ก็ยังผูกพัน



พวกเขาค่อย ๆ จัดข้าวของไปเรื่อย ๆ ในทุกวัน จนตอนนี้กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ทั้ง 5 ใบกำลังถูกเติมเต็มลงไปจนแน่น เอกสารถูกตรวจซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าครบถ้วนเรียบร้อย ตั๋วเครื่องบินของพวกเขา โชคดีที่สามารถนำไปเบิกกับทางบริษัทได้ จึงลดภาระค่าใช้จ่ายตรงนี้ไปได้พอสมควร

พวกเขาทบทวนทุกอย่างแผนก่อนที่จะไปจัดการบ้านให้เรียบร้อย กุญแจบ้านหลังนี้ตั้งใจจะฝากชุดหนึ่งเอาไว้ที่เต๋า ให้เป็นคนจัดการดูแลให้

ส่วนแผนการไปต่างประเทศ การเดินทาง ชื่อถนนและยานพาหนะ รวมถึงการแลกเงินไป พวกเขาเตรียมเอาไว้อย่างละเอียด จะพยายามให้ผิดแผนน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ยิ่งนับถอยหลังก็ทั้งรู้สึกวูบโหวงทั้งตื่นเต้นกับการไปผจญภัยที่ใหม่

เอาวะอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด!



“พรุ่งนี้เย็นออกไปกินข้าวนอกบ้านกันนะครับ” วริษฐ์พูดขึ้นขณะที่ทั้งคู่นอนดูหนังด้วยกัน กวินใช้ตักของวริษฐ์แทนหมอน “เอาสิครับ”

“โอเคครับ จะพาไปทานของอร่อย ๆ ” วริษฐ์พูดตอบ “ร้านเขาบอกว่าพรุ่งนี้มีธีมสีร้านเป็นสีขาวด้วยล่ะครับ”

“หืม? ร้านอาหารมีธีมสีด้วยเหรอครับ”

“ใช่ครับ เป็นร้านที่พิเศษมาก”

“งั้นเอาไว้หลังดูหนังจบไปเตรียมชุด”

“ดีครับ”

หลังจากนัดแนะกันเรียบร้อยทั้งคู่จึงหันไปจดจ่อกับหนังที่กำลังดูอยู่ ตอนนี้ดำเนินไปถึงฉากแอคชั่นน่าตื่นเต้นพอดี



-วริษฐ์-

ผมตั้งใจเอาไว้แล้ว ว่าจะเปิดเผยความสัมพันธ์ของเรา ผมอาจจะตัดสินใจแทนกวินมากเกินไป ที่จะพูดเรื่องสิ่งที่เขาเป็น แต่ผมหวังว่า เราจะได้อยู่ท่ามกลางคนที่รักและจริงใจกับเรา

แน่นอนว่าผมมีเต๋า เพื่อนและผู้ช่วยที่ดีที่สุดของผม ในการหาช่องทางติดต่อเพื่อนของกวิน และนัดทางเพื่อนของผมเอาไว้ ผมเตรียมการเอาไว้แล้ว แค่อยากจะฉลองก่อนแต่งงานสักครั้ง เพราะพวกเราต้องไปไกล ไม่รู้ว่าจะได้กลับมาเจอพร้อมหน้าพร้อมตาอีกเมื่อไหร่ เลยอยากใช้ช่วงเวลาที่มีตอนนี้ ทำให้มันคุ้มค่า

ผมไล่โทรติดต่อเพื่อคุยกับเพื่อนสนิทของกวิน สามคนนั้นที่ดูสนิทสนมกันมากที่สุด ผมเล่าถึงความสัมพันธ์ และสิ่งที่ผมร้องขอให้ช่วยสร้างความทรงจำดี ๆ ให้พวกเราทั้งคู่

ทุกคนดูจะเข้าใจได้โดยง่าย ถึงความสัมพันธ์ของผมกับกวิน และถ้าหากจะนิยามว่าผมกับกวินเป็นเกย์ ก็คงจะประมาณนั้น หรือผมเป็นไบ ผมเองก็ไม่แน่ใจ เรื่องพวกนี้เหมือนจะนิยามได้ แต่กลับไม่ได้ แต่ที่แน่ใจคือ ผมรักกวิน

ผมเล่ารายละเอียดให้ฟัง และบอกถึงแผนการ อีกฝ่ายดูตั้งใจฟัง ไม่พูดแทรก หรือพูดอะไรออกมาที่ฟังให้ระคายหู อาจจะมีความคิดอะไรสักอย่าง อาจจะตกใจ แต่ว่าแค่พวกเขาไม่พูดออกมา พวกถ้อยคำที่ไม่น่าฟังก็ถือเป็นมารยาทที่ดีมากแล้ว สมแล้วที่เป็นเพื่อนรักของกวิน



วันพรุ่งนี้ผมหวังว่ากวินจะมีความสุขกับสิ่งที่ผมทำให้

.

.

[ยาวนานมาก ๆ จนมาตอนนี้ ตอนหน้าเป็นตอนสุดท้ายแล้วค่ะ

ฮือออออ เข็นออกมาจนจบได้แล้วววว]
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 36 โชคดีที่ได้พบกัน (จบ) 24/2/2022
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 24-02-2022 01:10:24
บทที่ 36 โชคดีที่ได้พบกัน (จบ)



ช่วงบ่ายแก่ทั้งสองคนมาที่ในร้านอาหารแห่งหนึ่งที่อยู่ในซอยค่อนข้างลึก มันอยู่ลึกจนรู้สึกว่าถ้าไม่ใช่คนรักกันอาจจะคิดว่าถูกลวงมาชิงทรัพย์

แต่พอมาถึงก็รู้สึกว่าคุ้มค่ากับที่ร้านอยู่ในซอยลึกลับ เพราะในสุดทางตันนั้น มีร้านที่มีพื้นที่กว้างขวางรอต้อนรับอยู่ พวกเขาจอดรถและเดินเข้าในพื้นที่ร้าน ตัวร้านด้านในเป็นห้องแอร์ ร้านเล็ก ๆ สองชั้น ตัวอาคารเป็นไม้สีขาวและกระจกโปร่ง ๆ ส่วนในสวนเต็มไปด้วยต้นไม้ ทั้งไม้พุ่ม ไม้ดอก ไม้เลื้อย รวมถึงต้นไม้ต้นใหญ่ มีน้ำตกเล็ก ๆ ให้เสียงที่ดูผ่อนคลาย ในสวนมีโต๊ะสีขาวกับเก้าอี้ ตั้งอยู่ประมาณห้าโต๊ะเล็ก



พวกเขาเลือกนั่งที่ด้านนอกกัน เพราะอากาศดีมีลมเย็นเอื่อย ๆ พัดผ่าน ทั่งคู่นั่งข้างกันแทนที่จะนั่งตรงข้ามเหมือนทุกที หันหลังให้กับทางร้าน หันหน้าออกมาทางสวนนั่งมองน้ำตกเพลิน ๆ เห็นกระรอกตัวเล็กวิ่งไปมา

เสียงดนตรีบรรเลงเพลงหวาน เหมือนทำนองเพลงในงานแต่งขณะที่กวินทำท่าจะหันไปมองตามเสียงดนตรี วริษฐ์กลับคว้าอีกฝ่ายเข้ามาจูบ คนถูกจูบตาปรือลง ที่นี่คนไม่เยอะคงไม่เป็นไร แถมบรรยากาศก็ดีมากขนาดนี้ จูบนุ่มนวลทำเอาตัวแทบหลอมละลาย ก่อนจะรู้สึกถึงผ้าขาวๆ ที่ละใบหน้า

เมื่อเพื่อนตัวสูงใหญ่ของกวินกำลังวางเวลเจ้าสาวสีขาวลงบนศีรษะของเพื่อนรัก

กวินผละออกด้วยความตกใจที่มีผ้าอะไรลงมาปรกหน้า ก่อนหันไปเห็นเพื่อนของตัวเอง เมื่อมองเลยไปเห็นแต่คนรู้จักทั้งนั้น

“นี่มันอะไรกันครับ” กวินพึมพำถามออกมาด้วยความงุนงนปนตกใจ

“กูไม่คิดเลยว่าจะได้เอาของแบบนี้วางบนหัวเพื่อนคนไหน”

“ไอ้แต้ม! ไอ้นุก! ไอ้โจ้!” กวินเรียกชื่อทุกคนที่โผล่มาพร้อมหน้าพร้อมตา ในมือของนุกมีช่อดอกไม้สีแดงช่อใหญ่ ส่วนโจ้มีภาชนะที่ด้านในมีกลีบดอกกุหลาบ

“มีความรักไม่บอกเพื่อนสักคำ” โจ้พูดทักออกมา

“เออแล้วไอ้เติ้ล...” นุกทักหาเพื่อนอีกคนแต่กลับถูกแต้มกระทุ้ง เขาไม่รู้ว่าสองคนนี้มีเรื่องอะไรกัน แต่กวินกับเติ้ลไม่คุยกันมานานมากแล้ว

“เติ้ลมันเป็นไข้เลือดออก หายหรือยังเถอะ” กวินกลับตอบออกไปเสียงเบาพร้อมรอยยิ้ม เหมือนไม่เคยมีเรื่องบาดหมางอะไรเกิดขึ้นมาก่อน แต่คิดว่าถ้านี่เป็นสิ่งที่พี่อาร์ตจัดการเตรียมไว้ให้ อีกฝ่ายไม่มีทางเชิญเติ้ลมาอยู่แล้ว ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ดีแล้ว เขากับเติ้ล จบกันวันนั้น ย้อนกลับเป็นเหมือนแค่คนรู้จักกันด้วยซ้ำ และคงใช้เวลาอีกนานกว่าจะสามารถเป็นเพื่อนกันได้

“ยินดีด้วยเว้ย” เต๋าพูดพร้อมเขย่าเปิดแชมเปญจนมันพุ่งออกมาเป็นการเฉลิมฉลอง เพื่อน ๆ ของพี่อาร์ตก็มากันครบ ทุกคนเลยที่เขาเคยเจอ

“มึงจูบน้องก่อนกูเชียร์ แล้วจะให้พวกกูทำอะไรวะ” บอสพูดพลางกอดอกส่ายหน้า

“มันช่วยไม่ได้นี่หว่า” วริษฐ์พูดตอบก่อนจะหัวเราะเสียงดัง “งั้นเชียร์ให้หอม”

“จูบแล้วจะหอมอะไรอีกวะ” อาทิตย์พูดสวนขึ้นมาอีกคน

“เอ้าก็ ถ้าจะให้ไปขั้นต่อไป มันอนาจารนะเว้— “ก่อนที่วริษฐ์จะพูดจบ นภเพื่อนของเขาก็รู้สึกหมั่นไส้จนล้วงมือหยิบกลีบดอกไม้จากภาชนะในมือของเพื่อนกวินมาปาใส่หน้า

“มึงไม่ต้องพูดแล้ว” นภโวยวายออกมา

กวินขำกับการหยอกล้อนั้น ก่อนจะพูดออกมาพร้อมน้ำตาคลอ “ขอบคุณทุกคนนะครับ” นี่มันเป็นเรื่องเซอร์ไพร์ทมาก ไม่เคยคิดฝันมากก่อน ทำให้เขารู้สึกตื้นตันใจเป็นอย่างมาก พี่อาร์ตทำอะไรให้เขามากมายจริง ๆ

วริษฐ์ยกแขนขึ้นโอบไหล่คนรักของตัวเองเอาไว้ “ถ้ามีความสุข ก็ยิ้มสิครับคนดี”

กวินหันมองคนรักของเขาพร้อมรอยยิ้มที่สดใสแม้ดวงตาจะคลอเคลือบไปด้วยน้ำตา แต่เป็นน้ำตาแห่งความสุข เขายิ้มเพราะตัวเองกำลังมีความสุข ไม่ใช่ยิ้มเพื่อให้ใครมีความสุข





“มาครับผมขอถ่ายรูปให้นะ” เสียงเรียกจากด้านหลังทำให้ทุกคนหันไปมอง ผู้ชายตัวสูงที่ถือกล้องออกมาเหมือนพวกตากล้องมืออาชีพ

ตากล้องที่ว่าเป็นแฟนของเจ้าของร้าน ที่ถูกชวนมาเพราะว่าเจ้าของร้านได้รับจองว่าจะมีคนเหมาพื้นที่ตรงสวนฉลองแต่งงาน เลยอยากจะร่วมบันทึกตุการณ์น่าประทับใจนี้เอาไว้ด้วย



พวกเขาถ่ายรูปร่วมกัน ทำท่ายอดฮิตทั้งกดไลค์ มินิฮาร์ท รูปแนวเผลอ ๆ ทั้งภาพรวมภาพเดี่ยวถูกบรีฟโดยตากล้องที่เป็นบริการพิเศษจากทางร้าน เพื่อเก็บความทรงจำที่มีค่า



“ยินดีด้วย!” ดอกไม้ถูกโปรยออกมา โดยที่ตากล้องรัวกดถ่ายเพื่อเก็บความสวยงาม

“ขอให้มีความสุขมาก ๆ เดี๋ยวรูปผมจะส่งไปให้ทางเมลนะครับ” ตากล้องแจ้งก่อนจะขยับหลบออกไปเพื่อให้ลูกค้าได้มีความเป็นส่วนตัว

“ฝากดูแลเพื่อนผมด้วยนะครับ” แต้มบอกแบบนั้นด้วยความตื้นตัน อยู่ดี ๆ เพื่อนก็แต่งงานแล้ว เขาอดจะรู้สึกดีใจด้วยไม่ได้

“พี่จะดูแลอย่างดีครับ” วริษฐ์พูดพร้อมจับมือของกวินแน่น

“อือ พี่ฝากไอ้วริษฐ์มันด้วย” เต๋าเองก็ขอฝากเพื่อนสนิทของเขาเอาไว้ด้วยเช่นกัน

เสียงพูดคุยถามไถ่ดังจอแจ พร้อมคำอวยพรให้เดินทางราบรื่น และรักกันยืนยาว กวินกระชับมือที่กุมกับวริษฐ์แน่นขึ้นกว่าเดิม เขาดีใจและตื้นตันใจมาก ไม่คิดว่าจะมีโอกาสฉลองแบบนี้ และได้บอกความจริงที่ไม่เคยบอกเพื่อนออกไปด้วย แถมยังได้รับการยอมรับที่เกินคาด



ตัวตนของเขาได้รับการยอมรับ



จะมีอะไรสุขยิ่งกว่าการได้รับการยอมรับจากคนที่เรารัก และให้ความสำคัญ



และอีกคนที่เขาไม่ลืม เขาส่งรูปของเขาไปให้เพื่อนร่วมงานที่ทำงานเก่าทั้งพี่สาและไอ้โม่ มันจะได้สบายใจร้อยเปอร์เซ็นต์ ว่าผมจะไม่จีบพี่สาของมันแน่ ๆ และที่สำคัญ ผมอยากให้มันกล้าสักที หรือกล้าไปแล้วแต่ผมไม่รู้ก็ไม่อาจรู้ได้

พอส่งรูปไป ทั้งคู่ต่างรัวคำพูดอวยพรและสติ๊กเกอร์กลับมา ไม่มีการทำอะไรที่ทำให้ขุ่นใจ มีแต่คำยินดี

และรูปถ่ายที่ทำให้เขาตกใจตาโต ตอนมองของโม่ก็ไม่ตกใจเท่าไหร่ เพราะมันส่งรูปมือตัวเองที่จับกับมือผู้หญิงสักคน แต่ที่ทำให้ตกใจเพราะว่าพี่สาก็ส่งรูปตัวเองจับมืออยู่กับผู้ชาย... รูปมุมเดียวกัน วิวเดียวกัน...

“โอ้โห” กวินอุทานเบา ๆ คู่นั้นก็แอบสานความสัมพันธ์กันแล้วเหมือนกัน

“อะไรครับ” วริษฐ์หันมอง กวินถึงขยับมือถือไปให้ดูแล้วอธิบายเรื่องราวให้ฟัง วริษฐ์พยักหน้าเบา ๆ เขาจำผู้ชายคนนี้ได้ ตอนนั้นเขาก็หึง “ดีแล้วครับที่เขามีแฟน ตอนนั้นเจอเขากินข้าวกับเรา พี่ก็หึง”

“เห ตอนไหนกันครับ”

“นานแล้วครับ เพิ่งมารู้ว่าความรู้สึกนั้นคืออาการหึงก็ตอนนี้แหละครับ” วริษฐ์พูดตอบพร้อมชิงหอมแก้มอีกฝ่าย

กวินได้แต่ยกมือเกาจมูกแก้เก้อ “พอแล้วครับเดี๋ยวคนอื่นก็เลี่ยนตาย”

“ให้มันเลี่ยนตาย” วริษฐ์ไม่พูดเปล่ายังทำท่าจะหอมอีกรอบ

“เห็นใจคนอื่นเขาบ้างมั้ยวะ” ในที่สุดเต๋าก็หมดความอดทนต้องพูดกัดขึ้นมา

วริษฐ์ทำแค่ยักไหล่ตอบ ขณะพนักงานทยอยนำอาหารมาเสิร์ฟให้ พวกเขานั่งคุยไป กินไป เก็บเกี่ยวช่วงเวลาน่ายินดีเอาไว้ให้มากที่สุด จนถึงเวลาแยกย้ายกลับบ้าน

กวินนั่งข้างคนขับโดยมีเวลสีขาววางอยู่บนตัก

“ขอบคุณนะครับ”

“อือ จะครบสูตรงานแต่ง คืนนี้ถือเป็นคืนส่งตัวนะครับ”

“เมื่อวานก็ส่งไปแล้ว”

“อะไรกันครับ เมื่อวานไม่ใช่วันแต่งงานสักหน่อย แค่ออกกำลังกายกันปกติ”

“งั้นพี่อาร์ตทำเองนะครับ กวินไม่ขึ้นให้แล้ว เหนื่อย”

“เอ้า เดี๋ยวนี้เด็กคนที่กินพี่ทั้งคืน รีดน้ำจนตัวแห้ง พี่ร้องขอชีวิตก็ไม่ยอมหยุด เด็กคนนั้นหายไปไหนแล้วล่ะครับ” วริษฐ์พูดแหย่ เขายังจำวันนั้นได้ชัดเจน โดนกวนทั้งคืน

คนโดนแหย่ไม่ยอมแพ้รีบสวนกลับ “แล้วคนที่ร้องขอชีวิตบ่นปวดหลังไม่ไหว เขาหายไปไหนล่ะครับ”

“หึ ทำมาย้อน มันไม่อยู่แล้วครับ ผลของการออกกำลังกาย เดี๋ยวคืนนี้พี่ทำเอง!”

วริษฐ์พูดเสียงหนักแน่น ขณะรถเคลื่อนที่เร็วขึ้นเพราะถนนในช่วงเวลานี้ค่อนข้างโล่งเพื่อพาทั้งคู่กลับบ้านในคืนที่สมมติให้เป็นคืนส่งตัว



เมื่อกลับถึงบ้านทั้งคู่อาบน้ำให้เนื้อตัวสะอาดก่อนจะมาต่อที่บนเตียง โดยไม่ต้องเสียเวลาสวมเสื้อผ้า บนรักเริ่มดำเนินจากการกอดจูบลูบไล้ไปตามเนื้อตัว

ริมฝีปากที่นัวเนียสัมผัสกันและกันแนบแน่น ไม่ว่าจะจูบกันสักกี่ครั้งก็ยังหลงใหล

วริษฐ์เอื้อมมือไปหยิบเจลมาเตรียมพร้อมให้เหมือนเช่นเคย และที่ติดมือมาด้วยคือเวลผ้าคลุมหน้าสำหรับเจ้าสาว เขาวางมันลงบนศีรษะของกวินอีกครั้ง

“ดูแปลก ๆ นะครับที่เปลือยหมดแบบนี้แล้วยังมีเวลบนหัว”

“เร้าอารมณ์ดีครับ” วริษฐ์พูดพลางทำสายตากรุ้มกริ่ม “ไม่เชื่อดูสิครับ” วริษฐ์ชี้มือลงต่ำ

กวินก้มมองตามที่อีกฝ่ายบอก เป็นไปตามที่บอกจริง ๆ ส่วนนั้นแข็งกระตุกไปมา ยิ่งกว่าเมื่อวาน!

“พี่อาร์ตนี่ชอบอะไรแบบนี้จริง ๆ นะครับ”

“ไม่งั้นจะโดนแมวแกล้งหรือครับ”

“อึก ถ้าไปต่างประเทศคงมีของเล่นให้เล่นมากกว่านี้”

“พี่จะตั้งตารอ” วริษฐ์พูดก่อนจะจับขาอีกฝ่ายให้อ้าออกกว้างแล้วใช้นิ้วเบิกทางให้ ก่อนจะตามด้วยส่วนใหญ่โตที่พร้อมเต็มที่แล้ว เขากดมันเข้าไปข้างในเพื่อยิ่งแนบชิดกับคนใต้ร่าง

“ฮ่ะ...อา พี่อาร์ต” เสียงหวาน ๆ ร้องเรียกสลับครางพร้อมยกขาขึ้นกอดเอวอีกคนแน่น

“อือ อุ่นจัง” วริษฐ์พูดพลางดันส่วนแข็งเข้าไปได้จนสุด “ไปที่นู่นคงหนาว เราต้องอุ่นร่างกายกันบ่อยแน่เลย”

“อืมมม ติดฮีทเตอร์ หรือเตาผิงก็ อะ ช่วยได้มากแล้วหรือเปล่าครับ”

“แค่นั้นไม่พอ ในนี้อุ่นกว่า” วริษฐ์ขยับโยกเอวช้า ๆ “อือ”

กวินขยับยกเอวตามจังหวะ “ผมรู้ อา ว่ามันจะอุ่นได้มากกว่านี้”

วริษฐ์ขบกรามแน่น ไหนว่าจะให้เขาทำเอง แปปเดียวกลับขยับสู้ ทำให้จากที่เขาจะนุ่มนวลค่อย ๆ ไป กลับร้อนขึ้นมาอีก จนต้องรีบร้อนเพิ่มจังหวะและแรงกระแทก

“อื้อ!พี่อาร์ต! พี่อาร์ต” กวินส่งเสียงร้องออกมา ยิ่งเรียกชื่อยิ่งทำให้คนพยายามอดทนอดกลั้นสติแตก

วริษฐ์เร่งขยับเอวขณะที่มือข้างหนึ่งบดขยี้ยอดอกของคนใต้ร่างที่ชูขึ้นมาได้อย่างน่ามันเขี้ยว

“ซี้ดด”

“อา กวิน ใกล้แล้ว”

ทั้งคู่โจนทะยานเข้าหากัน เพื่อพาตัวเองไปถึงฝั่งฝัน เสียงกระทบของเนื้อดังรัวเร็วไล่ตามความต้องการที่กำลังจะไปถึงขีดสุดท้าย ร่างกายของทั้งสองคนเกร็งและกระตุกอย่างแรง ความเสียวแล่นพล่านไปทั่ว เมื่อวริษฐ์กดเอวเข้าไปจนสุดเช่นเดียวกันกับกวินที่ยกสะโพกสวนหา เสียงครวญครางอื้ออึงเมื่อทั้งคู่จวนเจียวเสร็จสม

“อ๊า” ของเหลวอุ่นร้อนถูกพ่นออกมาเปรอะเปื้อนหน้าท้องของทั้งคู่เมื่อกวินไปถึงก่อนและรัดวริษฐ์เอาไว้แน่นรีดน้ำอุ่น ๆ เข้าไปในตัวของกวินทุกหยาดหยด

วริษฐ์ระบายลมหายใจร้อน ๆ ออกมา ก่อนซบหน้าลงกับลาดไหล่อีกฝ่าย พูดเสียงแผ่วปนหอบเหนื่อย “คืนส่งตัวสมบูรณ์แล้วล่ะครับ”

“อือออ” กวินตอบรับทั้งที่ร่างกายยังกระตุกสั่นอยู่เล็กน้อยเพราะความเสียวสะท้านที่หลงเหลือ ดวงตาหลับพริ้ม แต่ปากยังคงพูดพึมพำ “มีความสุขที่สุดเลยครับ”

“พี่อยากให้เรามีความสุข”

“พี่อาร์ตครับ พี่ทำให้ผมไม่กล้าใช้คำว่าที่สุดแล้วนะครับ”

“ทำไมล่ะครับ”

“ก็... วันก่อนผมก็เคยพูดว่ามีความสุขที่สุด แต่พอมาวันนี้ ก็ยังมีความสุขที่สุดอีก ผมไม่รู้ว่าพรุ่งนี้ก็จะมีความสุขที่สุดอีกหรือเปล่า พี่ทำให้มันที่สุดทุกวันเลย”

วริษฐ์อมยิ้มมองคนพูดเจื้อยแจ้วทั้งที่ยังหลับตาพริ้ม

“งั้นพี่ขอที่สุดอันเดียวจากเราพอครับ”

ดวงตากลมที่ปิดสนิทปรือขึ้นมอง “อะไรเหรอครับ”

“รักพี่ที่สุดครับ”

“อันนั้นมันก็แน่อยู่แล้ว” กวินขยับไปจุ๊บปากอีกฝ่ายเบา ๆ “จริง ๆ คืนส่งตัวเขาไม่ได้ทำกันหรอกนะครับ เขานั่งนับซองต่างหาก”

“หึ งั้นเราก็สมบูรณ์กว่า” วริษฐ์พูดพร้อมอุ้มอีกฝ่ายไปอาบน้ำล้างตัว จะได้พักผ่อน

วริษฐ์ยังคงสม่ำเสมอ ดูแลใส่ใจทั้งก่อนและหลัง เขาตั้งใจจะทำแบบนี้เพื่อทะนุถนอมอีกคนเอาไว้ ต้องรีบดูแลซะก่อนจะอายุเยอะจนอุ้มอีกฝ่ายไม่ไหว...ถึงตอนนั้นต่างฝ่ายคงต้องขยับเดินโขยกเขยกไปล้างตัวกันเอง ถึงจะยังคงอีกนาน แต่ว่ามันจะมาถึงแน่ ๆ และมั่นใจว่าจนถึงตอนนั้น เราจะยังอยู่ด้วยกัน

.

.

กระเป๋าสัมภาระใบใหญ่ถูกโหลดลงไปใต้เครื่องหมดแล้ว เหลือแต่กระเป๋าเป้กับของจุกจิก และตัวของพวกเขาที่ยังประวิงเวลา อยู่ ๆ วินาทีนี้ เขากลับมีเรื่องราวมากมายอยากจะพูดคุยถามไถ่กับคนที่มาส่ง

ทั้งเพื่อนสมัยเรียน เพื่อนที่ทำงาน น่าแปลกที่ทั้งสองคนไม่มีญาติมาส่ง คนหนึ่งเพราะญาติอยู่ไกล ส่วนอีกคนเพราะว่าญาติอยากให้ไปไกล ๆ ... ดังนั้นในนาทีนี้ พวกเขาจึงให้ความสนใจกับกลุ่มคนที่อยู่ตรงหน้าของพวกเขา เพราะคนเหล่านี้รักเขาแม้ว่าเขาจะไม่ได้สมบูรณ์แบบ

กลุ่มคนที่มาส่งกลายเป็นกระจุกคนกลุ่มใหญ่ ๆ ที่เกะกะและส่งเสียงดังพอสมควร

“กวินจะไปอีกแล้ว ยังไม่ค่อยได้ไปดื่มด้วยกันเลย” พี่สาพูดบ่นงอแง พร้อมยื่นของขวัญให้ เป็นห่อของขวัญเล็ก ๆ พร้อมการ์ดที่คนในฝ่ายช่วยกันรวมเงินซื้อมาให้

“โอ๋พี่สา เดี๋ยวโทรหา ก็ไปดื่มกับโม่ไง” กวินพูดพลางหันไปหาแฟนหนุ่มของพี่สา ที่พยายามจนสำเร็จ

“โม่มันไม่ดื่ม นั่งเฝ้าอย่างเดียว เหงานะ”

“พี่สาก็ชวนหนุ่ม ๆ ไปดื่มแล้วให้โม่เฝ้า”

“เอ้า กวิน ส่งเสริมอะไรแบบนั้น” โม่รีบพูดแย้ง “ส่งเสริมแบบนี้ เข้าเกทไปเลย”

กวินหัวเราะตอบ “อืออ ล้อเล่น ไว้คอลหานะ”

“ดูแลตัวเองดี ๆ”

สากับโม่พูดอวยพรก่อนจะเขยิบให้คนอื่น ๆ ได้มาลาและพูดส่งกวินบ้าง

ทั้งสามคนไม่ได้พูดอะไรแต่กลับโถมกอดกวินเอาไว้แน่น

“รอบก่อนกูไม่ได้มาส่ง แต่แปปเดียวมึงก็กลับมา” นุกพูดก่อนจะรัดเพื่อนแน่น

“เออ แถมกลับมาพร้อมของฝากอีก” แต้มพูดต่อ เพราะเขาได้ของถูกใจมาหลายชิ้น

“ดูแลตัวเองดี ๆ ไม่มึงกลับมา พวกกูก็อาจจะเก็บเงินไปเที่ยว” โจ้พูดเป็นคนสุดท้าย ในฐานะที่ดูจะเก็บเงินสร้างเนื้อสร้างตัวได้ก่อนใครเพราะธุรกิจที่บ้าน

“มึงอย่าลาเยอะ เดี๋ยวก็ได้เจอกัน” กวินพูดด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ เขาตื้นตันกับพวกมันชิบหาย “ไว้กูโทรหานะ”

“เออออไม่ติดต่อมากูโกรธแน่” แต้มพูดสำทับไปอีก กวินยังคงพูดคุยกับเพื่อนและบอกให้พวกมันเลิกกอดรัดแน่น ๆ แบบนี้สักที



“เอ้อมึง กุฝาก...”

“ไปไหว้พ่อ” เต๋ารีบพูด คำที่วริษฐ์ย้ำเขามาหลายรอบแล้ว

“อือ”

“รับรองไม่มีลืม” เต๋าล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อพร้อมส่งกระดาษที่เหมือนนามบัตรไปให้ “ไอ้บอสไม่ว่างมา มันบอกว่า ถ้าต้องการทนายเก่ง ๆ เกี่ยวกับกฎหมายให้ติดต่อ”

“ถุย” วริษฐ์ดูนามบัตรชื่อเพื่อนแล้วส่ายหน้า กวนตีนจริง ๆ

“แม่ม มึงไม่อยู่ดื่มด้วยกัน สาว ๆ ในร้านกูลดแน่เลย” เต๋าแกล้งพูดโอดครวญ

“มึงเอาเวลามาคิดเถอะว่าจะทำยังไงให้ไอ้นภเลิกทำแก้วแตก”

“อ้าววกมาหากูได้ไง” นภโวยวายขึ้นมาทั้งที่เขาก็ไม่ได้ออกตัวอะไร เรื่องก็วนมาหา

“เออไอ้นภ เดี๋ยวจะให้แดกในกระโถน” เต๋าพูดกลั้นขำ

“ดูแลตัวเองดี ๆ นะมึง” อยู่ ๆ อาทิตย์ก็พูดขึ้นมาอย่างจริงจัง ทำให้ทุกคนพลอยรู้สึกว่าต้องจริงจังไปด้วย “หมั่นตัวสุขภาพประจำปี”

“โอเค ไม่ต้องห่วง”

“เพราะว่ามึงน่ะมีเมียเด็กต้องหมั่นตรวจเช็คร่างกาย” อาทิตย์พูดออกมาเป็นทำนอง เรียกเสียงโห่เบา ๆ จากเพื่อนที่คิดว่ามันจะจริงจัง



เมื่อสมควรแก่เวลาทั้งคู่จึงจำต้องโบกมือลาคนที่มาส่งแล้วเข้าไปข้างใน

“เดินทางโดยสวัสดิภาพ”

“โทรกลับมาบ้าง”

“มีอะไรเดือดร้อนก็บอกนะ”

เสียงพูดยังตามไล่หลังมามันเต็มไปด้วยความห่วงใย ในขณะที่มือของทั้งคู่จับกันแน่น ขายังก้าวต่อไปอย่างมั่นคง พวกเขามุ่งไปข้างหน้า ถึงจะยังวิตกกังวล แต่พวกเขามีกันและกัน จึงเชื่อว่าจะผ่านทุกอย่างไปได้ด้วยดี



แค่เขามีกันและกัน



จากความบังเอิญในวันนั้นสู่ความตั้งใจในวันนี้



วริษฐ์กับกวินสูดลมหายใจเข้าปอด พวกเขาหันมองหน้ากัน รู้สึกตื่นเกร็งจนอดขำตัวเองไม่ได้ ไม่ใช่การออกไปนอกประเทศครั้งแรกเสียหน่อย คนอายุน้อยกว่าส่งรอยยิ้มกว้าง อีกคนถึงได้ยิ้มตอบ ไม่เป็นไร ทุกอย่างจะเป็นไปได้ด้วยดี



จากนี้ทั้งคู่จะร่วมกันสร้างบ้านแห่งความรักในสาขาต่างประเทศ และจะป่าวประกาศให้ทุกคนได้รับรู้ว่าพวกเขาโชคดีมากแค่ไหนที่ได้มาเจอกัน.

.

(จบ)
[ขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบค่ะ]
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 36 โชคดีที่ได้พบกัน (จบ) 24/02/2022
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 12-03-2022 11:37:20
อ่านไปน้ำตาแตกไปด้วย สนุกมากค่ะ
ขอบคุณนักเขียนมากนะคะ
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 36 โชคดีที่ได้พบกัน (จบ) 24/02/2022
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 09-07-2022 18:29:17
เรื่องราวครบรสมากค่ะ ยอมรับว่ามีน้ำตาหลายฉากหลายตอนเลยค่ะ แต่ที่เสียน้ำตาหนักสุด คือตอนที่กวินเขียนจดหมายถึงคนที่บ้าน สัมผัสได้เลยว่ากวินแตกสลายขนาดไหน แต่โชคดีมากที่มีพี่อาร์ต และพี่อาร์ตก็โชคดีที่มีกวิน ปมในใจก็หมดไป แผลในใจได้ศัลยกรรมเรียบร้อยสวยงาม
ขอบคุณคนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 36 โชคดีที่ได้พบกัน (จบ) 24/02/2022
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 28-09-2022 23:23:04
สนุกดีค่ะ  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 36 โชคดีที่ได้พบกัน (จบ) 24/02/2022
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 29-09-2022 12:19:03
 :pighaun: :haun4:
หัวข้อ: Re: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 36 โชคดีที่ได้พบกัน (จบ) 24/02/2022
เริ่มหัวข้อโดย: sakura_sung ที่ 28-11-2022 21:01:17
 :sad4: :sad4: เก่งมากเลย