พิมพ์หน้านี้ - เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Andreas ที่ 17-02-2007 08:32:02

หัวข้อ: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 17-02-2007 08:32:02
Introduction

เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว

(http://img51.imageshack.us/img51/2343/introduction4pd.jpg)

Story By Andreas
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 17-02-2007 09:12:51
แนะนำตัวละคร

(http://img82.imageshack.us/img82/1292/resizeofresizeofjom56ot.jpg)
***** จอมยุทธ์ พัฒนประสาทศิลป์*****
กรรมการผู้จัดการบริษัทเชียงใหม่บิวเวอรี่จำกัด

(http://img100.imageshack.us/img100/5338/resizeofresizeofsam69ij.jpg)
*****พันตำรวจตรี ยุทธจักร ประภาภูวดล*****
หัวหน้าชุดปฏิบัติการที่หนึ่ง ส่วนบังคับการสนับสนุนอาวุธและยุทธวิธีพิเศษ
สำนักงานกองบัญชาการ(ร่วมพิเศษ)ต่อต้านการก่อการร้ายและอาชญากรรมรุนแรง

(http://img63.imageshack.us/img63/1180/resizeofresizeofshiva4psd3pb.jpg)
*****ดร. ศิวะ รัตนพงศ์คิรี*****
อดีตวิศวกรผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมปฐพี / อาจารย์พิเศษ ภาควิชาธรณีวิทยา

(http://img224.imageshack.us/img224/7361/resizeofresizeofchrist37mm.jpg)
*****ดร. นพ. คริสโตเฟอร์ แอนเดอร์สัน*****
ศัลยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านพันธุวิศวกรรม
หัวข้อ: Re: ตอนที่ 1: เมื่อแรกพบ
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 17-02-2007 10:00:34
.....................

เสียงโทรศัพท์ตั้งโต๊ะกรีดร้องบอกถึงการมีสัญญาณสายเรียกเข้า

เลขานุการสาวสวยหน้าห้องของผู้จัดการโรงเบียร์ชื่อดังในจังหวัดเชียงใหม่ ยกหูโทรศัพท์รับสายและกรอกเสียงลงไปอย่างสุภาพว่า

“สวัสดีค่ะ..... พัชรีวรรณพูดสายค่ะ....... ต้องการเรียนสายกับใครคะ”

“สวัสดีครับ ผมขอเรียนสายคุณจอมยุทธ์ครับ” เสียงทุ้มนุ่มของชายหนุ่มดังมาจากปลายสาย

“ไม่ทราบว่าจะให้ดิฉันเรียนท่านผู้จัดการว่าใครจะเรียนสายด้วยคะ” เลขานุการคนเก่งถาม พลางชื่นชมความอ่อนนุ่มของน้ำเสียงคนปลายสาย....เสียงที่คล้ายกับจะเคยได้ยินมาก่อน

“เรียนคุณจอมยุทธ์ว่า ศิวะโทรมาครับ”

“อุ้ย.......สวัสดีค่ะคุณเสือ....ดิชั้นจำเสียงคุณเสือไม่ได้ค่ะ ต้องขอโทษจริงๆนะคะ”  คุณพัชรีวรรณกล่าวขอโทษ เพราะเพิ่งจำได้ว่าเสียงทุ้มนุ่มติดหูของคนปลายสายคือ คุณเสือ.....คุณพ่อที่แสนใจดีของคุณหนูภูฟ้า....หลานชายสุดที่รัก วัยห้าขวบของเจ้านายตนเองนั่นเอง

ทุกคนในบริษัทต่างตกหลุมรักคุณหนูภูฟ้าผู้น่ารักกันทั้งนั้น เนื่องด้วยเพราะหน้าตาที่น่ารักน่าชัง และนิสัยสุภาพเรียบร้อยที่ถอดแบบมาจากคุณพ่อหนุ่มทุกระเบียดนิ้ว รวมถึงความร่าเริง แจ่มใส และน้ำใจดีที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากคุณอาหนุ่มเช่นกัน จึงทำให้คุณหนูภูฟ้ากลายเป็นขวัญใจของพนักงานทั้งบริษัท ซึ่งรวมตัวหล่อนเข้าไว้ด้วย

“ไม่เป็นไรครับ คุณวรรณ” ศิวะกล่าว

“เดี๋ยวดิชั้นจะโอนสายเข้าไปในห้องคุณจอมยุทธ์เลยนะคะ คุณเสือรอซักครู่ค่ะ”

ภายหลังรายงานว่าศิวะโทรมาขอเรียนสายด้วย คุณพัชรีวรรณจึงทำการโอนสายของศิวะเข้าไปยังเครื่องโทรศัพท์ในห้องทำงานของจอมยุทธ์ทันที

“สวัสดีครับพี่เสือ มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ” จอมยุทธ์กรอกเสียงลงไป

“พี่พยายามโทรเข้ามือถือ แต่เหมือนจะปิดเครื่อง เลยต้องโทรมาที่ทำงาน....ตอนบ่ายสองว่างมั้ยจอม” ประโยคท้ายศิวะถาม

จอมยุทธ์หันไปมองตารางการนัดหมายประจำวัน ก่อนจะตอบคนที่อยู่ปลายสายว่า

“ว่างครับ ผมไม่มีประชุม”

“ถ้าอย่างนั้นพี่รบกวนจอมไปรับตาภูที่โรงเรียนได้มั้ย พอดีพี่ติดประชุมด่วน” ศิวะบอกวัตถุประสงค์ในการโทรศัพท์ครั้งนี้แก่จอมยุทธ์ให้ทราบ

“ได้ซิครับ เดี๋ยวผมจะไปรับตาภูเองครับ แล้วเจอกันที่บ้านตอนเย็นเลยนะครับพี่เสือ” จอมยุทธ์รับปากอย่างรวดเร็วกับคำขอร้องของพี่ชาย.....บิดาของหลานรัก....ที่ใช้เวลาและชีวิตอยู่ร่วมกันในบ้านหลังใหญ่มาเกือบห้าปีแล้ว

“ขอบใจมากจอม....แล้วเจอกันที่บ้านครับ” ศิวะตอบก่อนจะวางสายไป

หัวข้อ: Re: Because True Love Comes Just Once
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 17-02-2007 10:21:04
Number One is Me


เป็นกำลังใจให้ครับจ๋อม


สู้ๆ ครับ :yeb:
หัวข้อ: Re: Because True Love Comes Just Once
เริ่มหัวข้อโดย: jammy ที่ 17-02-2007 12:06:16
ภาคต่อหรือครับจ๋อม อิๆๆ  :like2:
หัวข้อ: Re: Because True Love Comes Just Once
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 17-02-2007 12:52:27
หุหุ สงสัยเป็นภาคต่อจากเรื่องที่แล้ว

รออ่านอยู่นะค่ะ  :yeb:
หัวข้อ: Re: Because True Love Comes Just Once
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 17-02-2007 15:36:30
ดีใจจังเลยคับ...ได้อ่านเรื่องของคุณจ๋อมอีกแล้ว.. :impress:

เป็นภาคต่อรึเปล่า...ทำไมชื่อแต่ละคนมันเหมือนเดิมเลย :try2:
หัวข้อ: Re: Because True Love Comes Just Once
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 17-02-2007 16:33:26
รออ่านอยู่ค่ะ
หัวข้อ: Re: Because True Love Comes Just Once
เริ่มหัวข้อโดย: kYos ที่ 17-02-2007 16:39:43
เย้.. ภาคต่อแหงเลย

รออ่านตอนต่อไปก๊าบบบ  :monkeylaugh2:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 17-02-2007 17:55:10
อิอิ มาแว้ว รอมานาน
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 17-02-2007 19:40:49
ปูเสื่อรออ่านภาคต่อครับ (รึป่าว) :yeb:
หัวข้อ: Re: ทักทาย
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 17-02-2007 23:16:51
สวัสดีครับทุกคน...

ก่อนอื่นผมต้องขอขอบคุณกำลังใจจากตาหนูพูห์ ตาหนูแดน ยัยหนูshell ตาหนูGobGab ยัยหนูBosatlas ตาหนูบลู หนูฟ.ฟัน (ผมไม่ทราบว่าจะเรียกตาหนูหรือยัยหนูดีครับ) และตาหนูหมีมิ้วกิ๊วก๊าว..... ที่มอบให้ขณะลาดพรมแดง....เปิดเรื่องราวให้รับชมกันตอนแรกสุด....

ผมดีใจมากครับ..เพราะว่าอย่างน้อยก็ยังมีคนจำผมได้อยู่....รวมถึงสนใจเรื่องาวในตอนแรกนี้ครับ

จากที่หลายๆ คนส่งคำถามมา (ถือว่าเป็นช่วง press conference) ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องต่อจากภาคที่แล้วหรืออย่างไร....คำตอบคือ "ใช่" ครับ....

เรื่องนี้เกิดหลังจากเรื่องที่แล้วประมาณสี่ปี....หลังจากที่ศิวะและจอมยุทธ์รวมถึง...ภูฟ้า..ยอดดวงใจเดินทางกลับมาสู่มาตุภูมิประเทศไทยครับ... เป็นเรื่องราวของความรัก และความสัมพันธ์ของทั้งสามคน...ศิวะ...จอมยุทธ์....และภูฟ้า.... รวมถึงนายตำรวจหนุ่มรูปงามที่กล้าเสี่ยงมาตามจีบจอมยุทธ์....ให้ตกเป็นของเขา....

ลักษณะการดำเนินเรื่องราวของนิยายเรื่องนี้....แตกต่างจากเรื่องที่แล้วอย่างสิ้นเชิงครับ.... ขอแนะนำให้ตาหนู..และยัยหนูทุกคน....(รวมถึงป้าๆ อย่างป้าพิม ป้าแน๋ว...ป้าเจ้สอง) พยายามอ่านให้ละเอียด เพราะเนื้อเรื่องแต่ละตอนจะซ่อนปริศนาบางอย่างไว้...ให้รับกับเรื่องราวในอนาคต....

หลายท่านพอจะเดาได้กระมังครับ...ว่า....ถ้าตัวเอกเป็นตำรวจเช่นกรณีของพันตำรวจตรียุทธจักร.... เรื่องราวจะมีทิศทางเดินเป็นอย่างไร.... ผมคงบอกไม่ได้มากไปกว่านี้แล้วครับ.... ...(ตาหนูบลู กับตาหนูพูห์....ทราบดี...ใช่มั้ยครับ)

คงจะต้องออกปากอีกครั้งครับว่า....ลักษณะการดำเนินเรื่องแบบนี้....มันไม่ติดตลาดนัก...เพราะเป็นแนวการเขียนใหม่....ถ้าใครไม่ชอบ...หรือไม่ถูกใจ....ผมก็เข้าใจครับ....

ขอบคุณสำหรับกำลังใจอีกครั้งนะครับ....

สวัสดีครับ

Andreas


หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 17-02-2007 23:42:04
  :monkeysad:   แงๆๆๆ มาม่ายทันเปิดเรื่องใหม่ของจ๋อมอ่า  จ๋อมใจร้ายย ม่ายยอมบอกกันล่วงหน้าเยย    :impress3:
หัวข้อ: Re: ตอนที่ 1: เมื่อแรกพบ
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 17-02-2007 23:54:46
ยามปลายฤดูฝนย่างเข้าสู่ฤดูหนาว.........

แสงแดดร้อนแรงทาบทับลงบนพื้นถนนของเชียงใหม่ รถราแทบทุกคันที่วิ่งในเมืองต่างก็ติดฟิล์มกันแสงและเปิดเครื่องปรับอากาศ เพื่อปรับอุณหภูมิภายในรถให้เย็นสบายตัดกับความร้อนแรงของแสงอาทิตย์ด้านนอก ที่ดูเหมือนจะแผดเผาทุกสิ่งทุกอย่างบนพื้นดินให้ราบไป

ภายในรถสปอร์ตหรูสีแดงสด.....อุณหภูมิถูกปรับให้เย็นสบาย ประกอบกับเสียงดนตรีเพราะๆจากเครื่องเล่นแผ่นซีดีทันสมัย ยิ่งทำให้เจ้าของรถใจเย็นลงเพียงพอกับการฝ่าฝันการจราจรที่กำลังจะติดขัดมากขึ้นในไม่ช้า

หลังพวงมาลัย... คือชายหนุ่มรูปงามที่กำลังถูกจับตามองในสังคมนักธุรกิจภาคเหนือในฐานะผู้จัดการหนุ่มแห่งโรงเบียร์ที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัดเชียงใหม่.....บุรุษรุ่นใหม่ไฟแรง ผู้มีนามอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวว่า “นายจอมยุทธ์  พัฒนประสาทศิลป์”

จอมยุทธ์เป็นชายหนุ่มผิวขาว ผมสีดำสนิทค่อนข้างยาวแต่ทว่าตัดทรงทันสมัย ริมฝีปากของชายหนุ่มบางได้รูปทรงสอดรับอย่างลงตัวกับเครื่องหน้าหวาน...ที่เจ้าตัวดูเหมือนจะไม่ค่อยพอใจซักเท่าไหร่ เนื่องจากดูคล้ายกับผู้หญิงในบางที....ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้ว ยังมีคนคุ้นเคยที่หน้าหวานกว่าตนเสียอีก........คนที่ติดอยู่เสมอในความทรงจำ....คนที่เปลี่ยนชีวิตของเขาจากหน้ามือเป็นหลังมือ....คนที่ถึงอย่างไรก็ไม่อาจลืม....คนนั้นก็คือพี่ชายสุดที่รัก........พี่หมอก หรือ นายภูผา ภัทรโภคิน บิดาที่แท้จริงของหลานชายตัวน้อยที่เขากำลังมุ่งหน้าไปรับที่โรงเรียน

ด้วยความเป็นคนมีสุขภาพอารมณ์ที่ดีและแจ่มใส รวมถึงสุขภาพกายที่แข็งแรงเพราะการออกกำลังกายเป็นประจำ ทั้งการเล่นเทนนิส การว่ายน้ำ รวมถึงกิจกรรมพิเศษที่ต้องทำเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอคือ การยิงปืนและการฝึกศิลปะป้องกันตัว สิ่งเหล่านี้ล้วนทำให้จอมยุทธ์มีรูปร่างที่แข็งแรงสมส่วนกับความสูงประมาณเกือบร้อยแปดสิบเชนติเมตร และยังช่วยทำให้หน้าตาดูอ่อนเยาว์กว่าวัยยี่สิบปลายๆของเขา

ด้วยวัยหนุ่มฉกรรจ์......จอมยุทธ์มีเสน่ห์ดึงดูดเพศตรงข้ามและเพศเดียวกันอยู่เสมอ  นอกเหนือจากใบหน้าและรูปร่างแล้ว....สิ่งที่ดึงดูดสายตาคนทั่วไปมากที่สุดก็คงไม่พ้น ดวงตาเรียวสวย นัยน์ตาส่องประกายสะท้อนความร่าเริงซุกซน แต่ก็แฝงไว้ด้วยความเด็ดเดี่ยวมั่นคงอยู่ในที....

ดวงตางามคู่นี้ไม่ต่างอะไรกับดวงตาแห่งผู้ล่า.....ที่แม้เหยื่อจะร้องขอความกรุณา หากแต่ทำให้หัวใจผู้ล่านี้เจ็บปวดแล้วไซร้....เหยื่อนั้นจะไม่มีโอกาสรอดชีวิต.....ไม่ว่ากรณีใดๆ
 
จอมยุทธ์ขับรถสปอร์ตสีแดงสดของตนไปตามถนนอย่างไม่รีบเร่ง.....โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อไปรับหลานชายของเขาที่โรงเรียนนานาชาติเชียงใหม่ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณหลังโรงเรียนมัธยมศึกษาชื่อดังแห่งหนึ่ง

เพื่อหลีกเลี่ยงการจราจรที่หนาแน่นบนถนนสายหลัก จอมยุทธ์เลือกที่จะใช้เส้นทางสายรอง ซึ่งเป็นถนนสายเล็กที่ทอดยาวขนานกับถนนสายหลัก.....ข้อดีของการใช้ถนนสายรอง นอกจากจะรวดเร็วกว่าแล้ว สองข้างทางยังเต็มไปด้วยต้นไม่ใหญ่ ซึ่งช่วยบดบังความร้อนแรงของแสงอาทิตย์ ทำให้บรรยากาศข้างนอกเย็นลง

ขณะที่เลี้ยวเข้าถนนมุ่งตรงไปสู่โรงเรียน จอมยุทธ์พบว่ามีรถหลายคนที่มุ่งหน้าไปทางเดียวกัน เขาจึงขับตามไปเรื่อยๆโดยทิ้งระยะห่างจากรถคันหน้าไม่มากนัก.........

แต่ทว่าอยู่ดีๆ รถขับเคลื่อนสี่ล้อสีน้ำเงินเข้มป้ายแดงคันข้างหน้าก็เบรกกะทันหัน จอมยุทธ์ขับตามมาข้างหลังไม่สามารถหยุดรถได้ทัน เขาจึงชนท้ายรถคันนั้นอย่างช่วยไม่ได้

“อะไรกัน...อยู่ดีๆก็เบรค” จอมยุทธ์สบถอยู่ในใจ ก่อนจะเปิดประตูรถลงมา เพื่อตรวจดูความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อรถยนต์คนโปรด โดยไม่ทันสังเกตว่าเจ้าของรถก็เปิดประตูออกมาอย่างรวดเร็วเช่นกัน เพียงแต่ไม่ได้ลงมาดูความเสียหายด้านหลังรถ แต่กลับเดินไปข้างหน้ารถของตนแทน

ขณะที่สำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้นส่วนด้านหน้ารถของเขาอยู่นั้น จอมยุทธ์ก็ได้ยินเสียงนุ่มสุภาพกล่าวแสดงความขอโทษออกมาจากคนที่คาดว่าจะเป็นเจ้าของรถคันที่เป็นคู่กรณี

“ขอโทษครับ พอดีผมเบรกกะทันหัน” นี่คือประโยคที่หลุดออกจากชายหนุ่มผู้มีดวงหน้าเข้ม....เครื่องหน้าที่มีองค์ประกอบของคิ้วที่ดำสนิท หนวดเคราที่ถูกโกนอย่างเรียบร้อยแต่ก็ยังทิ้งร่องรอยเขียวครึ้ม จมูกเป็นสันตรงรับกับริมฝีปากเป็นกระจับ รวมถึงโครงหน้าที่สมบูรณ์ลงตัว .......ผมสีดำตัดสั้นเรียบร้อยส่งให้ใบหน้าดูเกรงขามแต่ทว่าก็น่าหลงใหลอยู่ในที 

ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของรถขับเคลื่อนสี่ล้อมีรูปร่างสูงประมาณ 185 เซนติเมตร แต่งกายด้วยชุดเสื้อยืดสีฟ้าอ่อน กางเกงยีนส์สีน้ำเงินเข้มคาดทับด้วยเข็มขัดหนังแบรนด์สุดหรูเดียวกันกับรองเท้าหนังทันสมัยที่สวมอยู่......ร่างกายแข็งแรง มีกล้ามเนื้อสวยงามกำลังดีมิได้ใหญ่โตเกินไปนัก แต่ก็พอสังเกตได้ชัดเจนเพราะเสื้อยืดที่สวมอยู่นั้นพอดีตัว จึงแนบสนิทไปกับมัดกล้ามบริเวณแผงอกและช่วงหน้าท้องที่ราบเรียบ...ซึ่งน่าจะได้มาเพราะการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ มิได้เกิดจากการเล่นกล้ามแต่อย่างใด  
หัวข้อ: Re: ตอนที่ 1: เมื่อแรกพบ
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 18-02-2007 00:04:42
“พอดีเจ้าตัวนี้มันวิ่งตัดหน้ารถน่ะครับ...ผมเลยต้องหยุดรถกะทันหัน” ขณะพูด มือทั้งสองข้างของชายหนุ่มก็ยื่นเจ้าหมาตัวน้อยตัวอ้วนกลมมาให้จอมยุทธ์ดู

เจ้าหมาตัวน้อยสบตาจอมยุทธ์ พลางกระพริบตาอ้อนวอนอย่างน่าสงสาร....คงเพราะต้องการให้จอมยุทธ์ให้อภัยคนที่หยุดรถกะทันหัน เพียงเพื่อไม่ต้องการให้มันเป็นอันตราย....

ขนสีขาวของเจ้าหมาน้อยแทบจะกลายเป็นสีน้ำตาลเพราะเปื้อนฝุ่น จอมยุทธ์คาดว่าคงหลงออกมาจากบ้านหรือไม่ก็พลัดจากมารดามาไม่ต่ำกว่าสองสามวันแล้ว

นอกจากจะยื่นลูกหมาตัวน้อยให้จอมยุทธ์ดูแล้ว คนทำผิดที่เบรกรถกะทันหันกลับไม่ได้แสดงท่าทางเดือดเนื้อร้อนใจแต่อย่างใด ดวงหน้าเข้มกลับเปื้อนยิ้มยามจ้องมองลูกหมาน้อยที่อยู่ในมือ สลับกับมองสำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้น 

แม้จะกำลังมองสำรวจความเสียหาย....แต่ดวงตาสีดำสนิทของชายหนุ่มหน้าเข้มร่างสูง ก็ยังพอมีเวลาว่างที่จะหันมาแอบมองดวงหน้าของจอมยุทธ์ ที่ยืนหงุดหงิดอยู่ข้างๆ.....ดวงหน้าที่จะเรียกว่าหวานก็มิใช่...แต่จะเรียกว่าไม่หวานก็ไม่เชิง คงเป็นเพราะไรหนวดที่โกรนออกเรียบร้อยแต่ก็ยังทิ้งร่องรอยสีเขียวครึ้มเห็นได้อย่างชัดเจนดังเช่นตัวของเขานั่นกระมัง ที่ลดความหวานของใบหน้าสวยนี้ให้กลายเป็นกึ่งหวานไปเสียได้

มองไปมองมา....หนุ่มหน้าเข้มผู้เป็นเจ้าของนามอันเป็นเฉพาะตัวว่า “ยุทธจักร” ก็เริ่มตระหนักถึงความจริงในหัวใจที่ว่า.......เขาประทับใจในดวงหน้ากึ่งหวานนี้เข้าให้แล้ว 

ดังนั้นแววตาที่สะท้อนออกมาจึงแทบจะปิดบังความรู้สึกไม่มิด.... รอยยิ้มที่เกิดขึ้นบนใบหน้ารวมถึงลักยิ้มที่ข้างแก้ม ตลอดจนประกายตาสดใสยามจ้องมองมายังจอมยุทธ์จึงคล้ายกับเด็กน้อยยามที่ได้ของเล่นที่ถูกใจ

ตอนแรกจอมยุทธ์ก็โมโหอยู่บ้าง แต่ก็หายไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นชายหนุ่มที่คาดว่าอายุน่าจะประมาณสามสิบต้นๆ ตัวโต อุ้มลูกหมาขึ้นมาแนบอก พูดปลอบขวัญเจ้าลูกหมาตัวน้อย พลางเซ้าซี้ถามถึงชื่อและบ้านของเจ้าลูกหมา ราวกับว่ามันตอบคำถามต่างๆได้กระนั้น....อารมณ์โกรธที่มีอยู่จึงลดหายไปอย่างรวดเร็ว ประกอบกับโชคดีที่อุบัติเหตุครั้งนี้ถือว่าไม่มีอะไรเสียหายมาก เพียงแต่กันชนบุบเท่านั้น จอมยุทธ์จึงไม่อยากติดใจเอาความอะไรมากแค่จัดการแจ้งประกันแค่นั้นก็พอ ที่เหลือคงเป็นหน้าที่ของตัวแทนประกันรถยนต์ที่จะเจรจากันเองและนำรถของเขาไปซ่อมต่อไป

“ผมจะโทรเรียกประกันมาจัดการให้นะครับ” ชายหนุ่มหน้าเข้มเรือนร่างสูงใหญ่หันมาพูดกับจอมยุทธ์

“ครับ..ถ้าอย่างนั้นผมเอารถหลบเข้าข้างทางก่อนนะครับ” จอมยุทธ์กล่าวเพราะสังเกตเห็นว่ารถหลายคันเริ่มทยอยเลี้ยวเข้าซอยมาเรื่อยๆ และอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นก็ดูเหมือนกำลังกีดขวางทางจราจรอยู่

“ครับ เดี๋ยวผมก็จะจัดการเอารถหลบเข้าข้างทางเช่นกันครับ” ชายหนุ่มร่างสูงกล่าวตอบ

หลังจากที่ทั้งคู่จัดการเอารถหลบเข้าข้างทางเพื่อหลีกเลี่ยงการกีดขวางทางจราจรแล้ว จอมยุทธ์จึงเอ่ยกับคู่กรณี

 “ผมจะโทรเรียกประกันผมมารับทราบและจัดการเช่นกันครับ” จอมยุทธ์ยังใช้น้ำเสียงแสดงความสุภาพ

“แต่ขณะรอประกัน...ผมขอตัวเดินไปรับหลานชายก่อนแล้วกันนะครับ เดี๋ยวจะกลับมาครับ”

“เชิญครับ เดี๋ยวผมเฝ้ารถให้เองครับ” ชายหนุ่มเสื้อฟ้าพูดพร้อมรอยยิ้มกว้าง

ดังนั้นจอมยุทธ์จึงเดินมุ่งไปยังโรงเรียนของภูฟ้า ซึ่งอยู่ไม่ไกลออกไปนัก พร้อมทั้งโทรศัพท์เรียกตัวแทนบริษัทประกันรถยนต์ของตนมาจัดการเรื่องอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น   

เมื่อไปถึงโรงเรียน....จอมยุทธ์ทักทายกับอาจารย์ประจำห้องพร้อมทั้งแสดงบัตรประจำตัวประชาชนตามระเบียบปฏิบัติ เพื่อให้ตรวจสอบในฐานข้อมูลว่าเป็นบุคคลที่สามารถรับเด็กชายภูฟ้า ภัทรโภคิน ศรีสิริโชคชัย กลับบ้านตามที่ระบุไว้ได้หรือไม่

แม้ว่าอาจารย์ประจำชั้นจะรู้จักจอมยุทธ์เป็นอย่างดี เพราะจอมยุทธ์เป็นศิษย์เก่าของโรงเรียน แต่ระเบียบย่อมเป็นระเบียบ ต้องปฏิบัติตามเพื่อความปลอดภัย ยิ่งหลังผ่านเหตุการณ์ 9/11 มาแล้ว สถาบันทุกแห่งของประเทศสหรัฐอเมริกาดูเหมือนจะเพิ่มระบบรักษาความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้น และกระบวนการตรวจสอบคุณสมบัติผู้มารับนักเรียนก็เป็นหนึ่งในระบบรักษาความปลอดภัยที่ตั้งขึ้นมาใหม่นั่นเอง

“สวัสดีครับอาจอม” ภูฟ้าวิ่งเข้ามากอดอาหนุ่ม พร้อมทั้งกล่าวคำทักทาย หลังจากอาจารย์ประจำห้องนำมาส่งให้ผู้เป็นอา

“สวัสดีครับ ตาภู.....วันนี้เป็นเด็กดีมั้ยครับ” อาหนุ่มถามพลางอุ้มหลานรักขึ้นจากพื้นดิน ก่อนจะหอมแก้มใสๆของหลานชายทั้งซ้ายและขวา

“ภูเป็นเด็กดีทุกวันครับ” เด็กชายตอบเสียงใส

“ดีแล้วครับ....เป็นเด็กดี......ใครๆก็รัก”จอมยุทธ์กล่าวสอนหลานชาย

“วันนี้ตาภูต้องเดินหน่อยนะครับ รถอาจอมจอดไว้ไกลครับ”

“ครับผม” เด็กน้อยรับคำอย่างไม่อิดเอื้อนใดๆ

“ทำไมอาจอมต้องจอดรถไว้ไกลล่ะครับ” ภูฟ้าถามด้วยความสงสัย....หลังจากตนเองกับอาจอมเดินจูงมือกันเดินออกมาจากโรงเรียนได้ซักพักหนึ่ง

หัวข้อ: Re: ตอนที่ 1: เมื่อแรกพบ
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 18-02-2007 00:09:59
“รถอาชนกับรถของคนอื่นครับ...เลยต้องจอดไว้ รอเรียกให้ตัวแทนประกันมาจัดการ” จอมยุทธ์หันมาบอกหลานชายคนดีของตน

“ภูเหนื่อยมั้ยครับ เดี๋ยวอาอุ้ม จะได้ไม่ต้องเดิน” จอมยุทธ์ยื่นข้อเสนอด้วยความเป็นห่วง

“ไม่เป็นไรครับ ภูไม่เหนื่อย...นั่นไงภูเห็นรถอาจอมแล้ว” เด็กน้อยใช้นิ้วเล็กๆของตนชี้ไปที่รถสปอต์สีแดงสดที่จอดอยู่หลังรถขับเคลื่อนสีล้อ ข้างๆรถทั้งคู่มีชายหนุ่มรูปร่างต่างกันสามคนกำลังเจรจากันอยู่

สองอาหลานเดินเข้าไปหาชายหนุ่มสามคนนั้นอย่างช้าๆ ไม่รีบเร่ง เนื่องจากเวลานี้ถนนค่อนข้างโล่ง เพราะรถของผู้ปกครองที่มารับลูกหลานของตนที่โรงเรียนพากันทยอยกลับเกือบหมดแล้ว

“สวัสดีครับคุณจอมยุทธ์” ตัวแทนจากบริษัทประกันของจอมยุทธ์กล่าวทักทาย

“สวัสดีครับคุณเอกชัย......สรุปว่าตกลงกันได้มั้ยครับ”

“เรียบร้อยครับคุณจอมยุทธ์ เพราะว่าคู่กรณีเป็นบริษัทเดียวกันครับ” เอกชัยรายงานให้จอมยุทธ์ทราบ พร้อมทั้งถือโอกาสแนะนำตัวแทนประกันฯรุ่นน้องจากบริษัทเดียวกันที่ยุทธจักรเรียกมา

“คุณจอมยุทธ์ครับนี่คุณปรีดา ตัวแทนจากบริษัทเดียวกับผมครับ คุณยุทธจักรเป็นคนเรียกตัวมาครับ”

“สวัสดีครับคุณจอมยุทธ์” ปรีดากล่าวทักทาย

“สวัสดีครับ” จอมยุทธ์ทักทายกลับ

ชายหนุ่มเจ้าของรถขับเคลื่อนสี่ล้อที่ยืนฟังสองตัวแทนพูดคุยอยู่ชายหนุ่มหน้ากึ่งหวานที่เริ่มจับจองพื้นที่ว่างของหัวใจตนเองอยู่ จึงต้องรีบแนะนำตัวเองบ้าง เพราะคิดว่าน่าจะเป็นทางเดียวที่จะทำความรู้จักชายหนุ่มที่ชื่อสอดคล้องลงตัวกับเขามากขึ้น

“อย่างนั้นผมคงต้องแนะนำตัวบ้างแล้วครับ...สวัสดีครับคุณจอมยุทธ์......ผมยุทธจักร ประภาภูวดลครับ....คนที่คุณขับรถชนท้ายครับ” ประโยคหลังของผู้พูดออกจะเป็นการหยอกล้อเล่นสนุกๆโดยไม่มีความหมายอื่นแอบแฝงใดๆ

“สวัสดีครับ ผมจอมยุทธ์ พัฒนประสาทศิลป์ครับ คนที่ขับรถชนคุณเพราะคุณหยุดรถกะทันหันครับ” ประโยคหลังจอมยุทธ์สวนกลับไปอย่างสุภาพ และก็ไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆ

“ยินดีที่รู้จักครับ....แม้ว่าจะเป็นการรู้จักกันในสถานการณ์ไม่ค่อยดีซักเท่าไหร่” ยุทธจักรออกตัวด้วยใบหน้าแสดงความเสียใจ แต่ประกายตากลับสะท้อนความดีใจในอะไรบางอย่างออกมาให้จนทำให้จอมยุทธ์สังเกตได้ แต่ไม่ชัดเจนมากนัก เพราะยุทธจักรก็พยายามควบคุมความดีใจนั้นไม่ให้แสดงออกมาอย่างเด่นชัดเกินไปนัก

“ครับ” จอมยุทธ์รับคำอย่างขอไปที พลางหันไปเจรจากับเอกชัยเรื่องประกันต่อ เขาพยายามไม่ใส่ใจกับชายหนุ่มที่เพิ่งแนะนำตัวว่าชื่อ ยุทธจักร เพราะไม่ชอบสายตาแปลกๆที่บุรุษหนุ่มผู้นี้มองตนเองแต่อย่างใด.....เพราะคล้ายเหมือนกับว่าเขาผู้ซึ่งเป็นนักรักและนักล่ามาโดยตลอด กำลังเจอผู้ล่าที่มีฝีไม้ลายมือเท่าเทียมกัน หรืออาจสูงกว่าด้วยซ้ำไป

“คุณเอกชัยครับ สรุปว่าต้องจัดการอย่างไรบ้างครับ” จอมยุทธ์พยายามจะให้เรื่องราวสิ้นสุดอย่างรวดเร็ว เพื่อที่จะพาหลานรักกลับบ้านและพักผ่อน

“เดี๋ยวคุณจอมยุทธ์ขับรถกลับบ้านได้เลยครับ พรุ่งนี้ผมจะให้ช่างไปเอารถมาเข้าอู่ในตอนเช้า ผมคาดว่าสองวันคุณจอมยุทธ์ก็น่าจะได้รถคืนแล้วครับ และพรุ่งนี้ผมจะส่งเอกสารต่างๆไปให้เซ็นต์ที่บริษัทครับ”

ขณะที่จอมยุทธ์กำลังเจรจาอยู่กับตัวแทนบริษัทที่ตนเรียกมา..... ปรีดาก็บอกยุทธจักรให้รับทราบในทำนองเดียวกัน

“คุณยุทธจักร ขับรถกลับบ้านพักได้เลยครับ ในวันพรุ่งนี้ผมจะให้คนเอารถสำรองของบริษัทมาให้ใช้ก่อนครับ ส่วนรถคันนี้จะเอาเข้าอู่เพื่อเปลี่ยนกันชนครับ คงใช้เวลาประมาณสองวัน ก็จะได้รถคืนแล้วครับ ส่วนเอกสารต่างๆ พรุ่งนี้ผมจะเอาไปให้ที่บ้านครับ”

“ครับ” ทั้งสองหนุ่มรับคำพร้อมกัน
 
“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ......ผมจะรีบพาหลานชายกลับบ้านครับ” จอมยุทธ์เอ่ยขอตัว เพราะทุกอย่างตกลงกันเรียบร้อยแล้ว

“ผมคงขอตัวเช่นกันครับ....หวังว่าเราคงได้เจอกันอีกนะครับคุณจอมยุทธ์” ยุทธจักรกล่าวอำลา....ประโยคหลังดูจะมั่นใจเหลือเกินพร้อมกับรอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปาก

“ครับ” จอมยุทธ์รับคำตามมารยาท...แต่ใจกับบอกปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยว่า

“ขออย่าให้เจอกันอีกเลยเป็นดีที่สุดเลยครับ......”

“กลับบ้านกันดีกว่าครับ......ภูหิวมั้ยครับ เดี๋ยวอาจอมซื้อขนมให้ทาน” จอมยุทธ์หันกลับมาคุยกับหลานชายที่นิ่งเงียบยืนฟังผู้ใหญ่ทั้งสี่คนคุยกันมาโดยตลอดอย่างสงบเรียบร้อย

“ไม่หิวครับอาจอม....เรากลับบ้านกันดีกว่าครับ.....ภูจะไปเล่นกับเบนครับ” ชื่อที่หลานชายพูดถึงคือสมาชิกสี่ขาตัวเดียวของบ้านหลังใหญ่ ผู้เป็นเพื่อนเล่นของภูฟ้ามาตั้งแต่เด็ก....เบนคือสุนัขตัวแรกของภูฟ้า ซึ่งได้รับเป็นของขวัญจากบิดาอีกคนหนึ่งที่อยู่อีกฟากหนึ่งของโลกเป็นผู้ซื้อมาให้

“ครับผม.....หลายชายสุดที่รักของอาจอม......หลานชายที่รักเจ้าเบนมากกว่าอาจอม.....” จอมยุทธ์แกล้งทำเป็นงอน ก่อนจะอุ้มหลายชายขึ้นมาอีกครั้ง และเดินไปเปิดประตูฝั่งผู้โดยสาร เขาวางหลานชายลงบนเบาะอย่างทะนุถนอม....ทุกสัมผัสที่จอมยุทธ์มอบให้หลานชายอ่อนโยนเสมอ....ดวงตาก็ฉายแววรักอย่างเต็มเปี่ยมเช่นกัน

“ภูรักทุกคนครับ... ภูรักพ่อเสือ... ภูรักอาจอม....ภูรักพ่อคริส.. ...ภูรัก คุณปู่คุณย่า คุณทวด ภูรักคุณภา....ภูรักศักดิ์... ภูรักป้าสม.... ภูรักลุงหวัง... และสุดท้ายภูรักเบนครับ” เด็กน้อยพูดเสียงเจื้อยแจ้วไล่ลำดับบุคคลแวดล้อมที่ตนเองรักจนหมด ก่อนจะเอาจมูกน้อยๆของตนมาหอมแก้มคุณอาสุดที่รักเป็นการงอนง้อ

”ต้องหอมอีกข้างหนึ่งด้วย........อาถึงจะหายโกรธ” จอมยุทธ์หันแก้มอีกข้างให้หลานชายหอมอีกครั้ง ซึ่งภูฟ้าก็ยอมทำตามแต่โดยดี

“งั้นเรากลับบ้านกันได้แล้วครับ ป่านนี้เบนคงรอแย่แล้ว” จอมยุทธ์เอามือลูบศีรษะหลานชายก่อนจะคาดเข็มขัดนิรภัยให้ หลังจากนั้นจึง ปิดประตู และเดินกลับเข้ามาฝั่งคนขับ เปิดประตูเข้ามาในรถ คาดเข็มขัดนิรภัยเช่นเดียวกัน ก่อนจะสตาร์ทรถ มุ่งหน้ากลับบ้านหลังใหญ่ของครอบครัว

การสนทนาและการแสดงออกซึ่งความรักของอาหลานทั้งคู่ ถูกจับตามองโดยยุทธจักรโดยตลอด.....เวลานี้เขาค่อนข้างจะมั่นใจว่า จอมยุทธ์มิได้เป็นแค่คนหน้าตาดีเท่านั้น แต่ยังมีจิตใจที่อ่อนโยน สังเกตได้จากน้ำเสียงและกระแสแห่งความรักที่เต็มเปี่ยม ที่ถ่ายทอดออกมายามที่พูดคุยกับหลานชายตัวน้อย

“ผมซักอยากรู้จักคุณมากกว่านี้แล้วครับ....คุณจอมยุทธ์......”ยุทธจักรคิดในใจ ก่อนที่จะหันหันหลังเปิดประตูก้าวขึ้นรถ และขับออกไป......มุ่งหน้าสู่บ้านหลังเล็กของตนเพื่อพักผ่อนเช่นกัน


หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 18-02-2007 00:29:22
เมล็ดต้นรักจะได้เจริญเติบโตรึป่าวน๊อ :myeye:

รออ่านตอนต่อไปครับ :yeb:







ปล.พี่เสือหายไปไหนอ่า . . . คิดถึง พี่เสือๆๆๆๆๆๆๆ :serius2:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 18-02-2007 05:30:29
อิอิ มาเพียบเลย ฉลองตรุษจีน พร้อมกับแก้ชื่อเรื่องให้ยาวได้หน่อยแล้วนะครับ ด้วยความช่วยเหลือของเต้ อิอิ
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 18-02-2007 05:47:26
รีบๆมาต่ออีกนะค่ะ เดี๋ยวค่ำๆมาอ่านต่อ :angellaugh2:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 18-02-2007 07:00:17
อ่านเรื่องนี้แล้วจินตนาการถึงบรรยากาศ สถานที่ตามท้องเรื่องได้เลยมั้งนะ   โรงเบียร์นี่หมายถึง โรงเบียร์เยอรมันรึเปล่า  ส่วนโรงเรียนนี่โรงเรียนนานาชาติหลังปริ้นท์ปะ (เดาเอานะ)  ชอบจังได้นึกถึงบรรยากาศด้วย อิอิ

ดีใจจังได้อ่านเรื่องต่อด้วย  มีนายตำรวจหนุ่มเป็นพระเอก  จอมยุทธ์กลายมาเป็นนายเอกแทนเหรอเนี่ย  จะมีบู้ล้างผลาญป่าว มีตำรวจด้วยอะ  แต่ไงขอสไตล์หวาน ๆ ตามแบบฉบับพี่จ๋อมด้วยนะ รออ่านต่อแล้วกันจ้า  :yeb:

ปล  อิฉันยังไม่แก่ไม่ต้องเรียกป้าเน้อ ขอเป็นน้องพิมแทนนะ  :impress:   

หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 18-02-2007 08:02:07
....(รวมถึงป้าๆ อย่างป้าพิม ป้าแน๋ว...ป้าเจ้สอง)

                                                                                                      A
                                                                                                       ll
                                                                                                       ll
                                                                                   :pigangry2: + :3125:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 18-02-2007 09:10:07
หุหุ เจอกันครั้งแรกก็รถชนกัน แถมเขม่นกันนิด ๆ ด้วย  :like2:  :like2:
พระเอกเป็นตำรวจ แสดงว่าอาจจะมีบทบู๊สินะ   :kikkik:  :kikkik:
รออ่านต่อไป  :yeb:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั
เริ่มหัวข้อโดย: jammy ที่ 18-02-2007 09:10:31
เริ่มต้นก็น่าสนุกเเล้วนะครับจ๋อม เป็นกำลังใจให้เขียนต่อไปนะครับ โดยเฉพาะเรื่องดีๆเเปลกใหม่เเบบนี้  อิๆๆ  :yeb:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 18-02-2007 11:44:17
เป็นกำลังใจให้คนเก่งครับ

 :3124:ซินเหลียงก้วยเล่อ :3124:

 :ped149:เฮง เฮง เฮง :ped149:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: wee ที่ 18-02-2007 12:16:44
จอมยุทธ กะ ยุทธจักร  จะคลาสสิก เหมือน ภูผา กะ ฟ้าลั่น หรือเปล่าเนี่ย
ชอบอ่ะ   อยากอ่านเยอะๆ.....
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 18-02-2007 12:58:57
จอมยุทธยังเสน่ห์แรงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงเลย...  :angellaugh2:

จอมยุทธ and the ยุทธจักร.... :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: kYos ที่ 18-02-2007 15:55:00
 :interest:  จอมยุทธ์ ก็ต้องเดินทางท่องยุทธจักร ช่ายป่ะ
55+ แต่ไหง ยุทธจักร หลงใหลจอมยุทธ์  อิอิ..

เป็นกำลังใจให้กับตอนต่อไปก๊าบบบ..
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 19-02-2007 04:11:58
ตามมาอ่านช้ากว่าชาวบ้านเค้า  :impress: เหงจ๋อมเรียกป้าแน๋วแย้วปวดใจ   :pigangry2:   :pigangry2:


************************************************************************************************************

อ้างถึง
“ครับ” จอมยุทธ์รับคำอย่างขอไปที พลางหันไปเจรจากับเอกชัยเรื่องประกันต่อ เขาพยายามไม่ใส่ใจกับชายหนุ่มที่เพิ่งแนะนำตัวว่าชื่อ ยุทธจักร เพราะไม่ชอบสายตาแปลกๆที่บุรุษหนุ่มผู้นี้มองตนเองแต่อย่างใด.....เพราะคล้ายเหมือนกับว่าเขาผู้ซึ่งเป็นนักรักและนักล่ามาโดยตลอด กำลังเจอผู้ล่าที่มีฝีไม้ลายมือเท่าเทียมกัน หรืออาจสูงกว่าด้วยซ้ำไป


ขำตาจอมยุทธอ่ะเคยแต่เปงผู้ล่า ดันจามาถูกล่าซะเอง  :kikkik:

อ่า....รักแรกพบกลายเปงอุบัติเหตุรักซะงั้น  :monkeylove2:
หัวข้อ: Re: บทที่ 1: เมื่อแรกพบ (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 19-02-2007 08:50:39
ยุทธจักร...หรือ แซม......ยอมรับกับตัวเองอย่างรวดเร็วว่า หลงใหลในในดวงหน้ากึ่งหวานของจอมยุทธ์เข้าเสียแล้ว นอกเหนือจากความประทับใจในการแสดงออกถึงความรักที่จอมยุทธ์มีกับหลานชายตัวน้อยอีกด้วย

ตลอดเวลา...แซมปฏิบัติหน้าที่การงานโดยไม่เคยนำเรื่องส่วนตัวไปพัวพัน....แต่ครั้งนี้คงต้องยกเว้น หัวใจของเขาส่งความปรารถนาแรงกล้าเข้าควบคุมความคิดให้ปฏิเสธระเบียบที่ปฏิบัติมาอย่างยาวนาน

เพียงเพราะต้องการค้นหาข้อมูลของจอมยุทธ์ให้ละเอียดที่สุด เพื่อจะวางแผนพาตนเองเข้าใกล้และเรียนรู้ตัวตนของหนุ่มหน้ากึ่งหวานที่เขาสนใจอยู่  ดังนั้นยุทธจักรจึงจำเป็นต้องใช้หน้าที่การงานมาอำนวยความสะดวกอย่างช่วยไม่ได้

หลังจากนั่งคิดและถามใจตนเองอยู่นาน...สุดท้ายยุทธจักรจึงโทรศัพท์ไปสั่งการลูกน้องคนสนิทของตน

“สวัสดีครับ หัวหน้า....ไหนว่าพักร้อนงัยครับ.....มีงานอะไรให้ผมรับใช้ครับ” คนปลายสายทักทายมาอย่างอารมณ์ดี

“.....เฮ้ย...ไม่ได้โทรมาเรื่องงานซักหน่อยไอ้ผู้กอง” ยุทธจักรสวนกลับไป

“อ้าว....แล้วหัวหน้ามีอะไรให้กระผมรับใช้ขอรับ” สำเนียงล้อเลียนยังส่งมาจากปลายสาย

“ไอ้นี่วอนโดนเตะ.....ไม่มีธุระนี่โทรมาไม่ได้หรืองัย....ไอ้ผู้กองต้น”

“โอย....กลัวแล้วครับ....อย่าเตะเลยครับ หัวหน้าแข้งหนัก ผมไม่สู้หรอกครับ..” ผู้กองต้นหรือร้อยตำรวจเอกกิตติศักดิ์อ้อนวอนมาตามสาย

“แล้วตกลงหัวหน้าโทรหาผมมีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ” น้ำเสียงของผู้กองต้นเปลี่ยนเป็นงานเป็นการทันที ภายหลังที่หยอกล้อกันพอสมควร

“อืม....ข้าอยากได้ข้อมูลประวัติบุคคลของนายจอมยุทธ์ พัฒนประสาทศิลป์....อยากได้อย่างละเอียดที่สุด”

“ข้าให้เวลาเอ็งสามวัน....ถ้าสามวันยังไม่ได้ ข้าจะบินไปเตะแกที่กรุงเทพเลยคอยดู” ประโยคหลังยุทธจักรขู่คนปลายสายอย่างไม่จริงจังนัก

“ครับผม.....หัวหน้า...” ผู้กองต้นรับคำอย่างหนักแน่นโดยไม่มีคำถามใดๆ เนื่องจากระเบียบปฏิบัติแล้วผู้ใต้บังคับบัญชาจะรับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้ปฏิบัติหน้าที่โดยไม่จำเป็นต้องรับทราบเหตุผล....

และในกรณีนี้ร้อยตำรวจเอกกิตติศักดิ์ก็เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่ขึ้นตรงต่อยุทธจักร....หรือจริงๆแล้วต้องเรียกอย่างเต็มๆว่า นายพันตำรวจตรียุทธจักร ประภาภูวดล หัวหน้าชุดปฏิบัติการที่หนึ่ง ส่วนบังคับการสนับสนุนอาวุธและยุทธวิธีพิเศษ สังกัดสำนักงานกองบัญชาการ(ร่วมพิเศษ)ต่อต้านการก่อการร้ายและอาชญากรรมรุนแรง

“ถ้าได้ข้อมูลแล้ว ส่งเข้ามาในระบบเครือข่ายของข้าเลยแล้วกัน...เดี๋ยวข้าดึงข้อมูลมาเช็คเอง” ยุทธจักรกำชับเพื่อให้การส่งผ่านข้อมูลเป็นไปด้วยความรวดเร็วและปลอดภัย

“ครับหัวหน้า”

“อืม...ขอบใจมาก งั้นข้าไม่รบกวนแล้ว...ถ้าขาดข้อมูลอะไรเดี๋ยวจะโทรไปใหม่”

“ครับผม....สวัสดีครับ” ผู้กองต้นรับคำพร้อมวางหูโทรศัพท์ในที่สุด

สุดท้ายหลังวางหูโทรศัพท์....ยุทธจักรให้สัญญากับตนเองอย่างหนักแน่นว่า

“แล้วเราจะต้องเจอกันอีกครับ คุณจอมยุทธ์....ผมสัญญา”  
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: jammy ที่ 19-02-2007 09:42:57
ร้ายนะเนี่ยนายยุทธจักร 555  :pigha2:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 19-02-2007 13:16:50
“แล้วเราจะต้องเจอกันอีกครับ คุณจอมยุทธ์....ผมสัญญา”

จอมยุทธ์เจอดีเข้าจนได้.... :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 19-02-2007 15:23:35
แม๋ๆๆได้ทีเลยนะตายุทธจักร  :impress2: อาวเรื่องงานมาใช้ประโยชน์ส่วนตัวเยยนะ  :3063:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 19-02-2007 16:02:20
หน้าที่การงานดี มีชัยไปกว่าครึ่ง :laugh:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 19-02-2007 19:30:30
หุหุ อย่างนี้เขาเรียกว่า "ใช้อำนาจหน้าที่ เพื่อผลประโยชน์ส่วนตน" ใช่ปะ  :kikkik:
หัวข้อ: Re: ตอนที่ 2: รู้เขารู้เรา....รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 20-02-2007 10:24:21
ในที่สุดประวัติและข้อมูลต่างๆของจอมยุทธ์ก็ถูกส่งเข้าระบบเครือข่ายส่วนตัวของยุทธจักรภายหลังผ่านไปเพียงแค่สองวัน ซึ่งทำให้เขาอดชื่นชมความสามารถของลูกน้องคนสนิทเสียไม่ได้ เพราะมิใช่แค่รวดเร็วเท่านั้นแต่ประวัติที่ส่งมานั้นมีรายละเอียดนับสิบแผ่น โดยรวมเรื่องราวส่วนตัวทุกอย่างแบบไม่ขาดตกบกพร่องแม้กระทั่งรสนิยมทางเพศที่ต้องได้รับมาจากสายข่าวคนใกล้ชิดก็สรรหามาได้

รสนิยมทางเพศของจอมยุทธ์ที่ระบุมาในเอกสารว่า “สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ทั้งหญิงและชาย” นั้นถูกอกถูกใจพันตรีหนุ่มยิ่งนัก เพราะถือว่าประสิทธิภาพในการอ่านคนของเขายังไม่เสื่อมถอย

ตอนแรกยุทธจักรก็ไม่แน่ใจนักว่าจอมยุทธ์จะมีรสนิยมทางเพศที่ชอบผู้ชายหรือไม่..แต่เมื่อสังเกตกริยาท่าทาง ความนุ่มนวลและแววตาที่สะท้อนออกมาอย่างละอียด ยุทธจักรเริ่มชักจะแน่ในขึ้นมาบ้างว่าจอมยุทธ์อาจจะเป็นผู้ชายที่สามารถมีความสัมพันธ์กับผู้ชายเหมือนกับตน จนถึงขนาดยอมลงทุนใช้หน้าที่การงานเป็นเครื่องมือเพื่อให้ได้ข้อมูลเบื้องลึกมาจนพิสูจน์ความคิดของเขาจนได้

ยิ่งอ่านประวัติส่วนตัวของจอมยุทธ์...ยุทธจักรก็รู้สึกว่าเขาเริ่มพึงพอใจชายหนุ่มหน้ากึ่งหวานคนนี้เพิ่มมากขึ้นทุกที...และปรารถนาที่จะทำความรู้จักให้มากขึ้น ในแบบที่ไม่เคยเกิดมาก่อนกับผู้หญิงหรือผู้ชายคนไหนที่ผ่านๆมาในชีวิต

ข้อมูลทุกอย่างที่ร้อยตำรวจเอกกิตติศักดิ์จัดหามานั้นละเอียดมากจนแทบจะเห็นจอมยุทธ์ปรากฏขึ้นทั้งตัวอยู่บนหน้ากระดาษเลยทีเดียว

ด้วยประวัติการศึกษาที่ดีเด่น เพราะจบการศึกษาระดับปริญญาตรี เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง สาขาวิชาชีวเคมีและชีวเคมีเทคโนโลยี่ จากคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยในความโอบล้อมของขุนเขาและป่าสักแห่งเชียงใหม่ รวมถึงปริญญาโทสาขาการจัดการระบบอุตสาหกรรมจากมหาวิทยาลัย Oxford แห่งสหราชอาณาจักรอังกฤษ แถมพ่วงท้ายด้วยประกาศนียบัตรชั้นสูงสาขาบริหารธุรกิจ....นั้นทำให้ยุทธจักรไม่แปลกใจเลยว่าทำไมสื่อต่างๆถึงยกย่องจอมยุทธ์ให้เป็นหนึ่งในนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่น่าจับตามองอยู่ในขณะนี้

ส่วนเรื่องครอบครัว ยุทธจักรพบว่าจอมยุทธ์ยังเป็นโสดและไม่มีสัมพันธ์ระยะยาวกับชายและหญิงใด เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาจอมยุทธ์ให้เวลาแทบทั้งหมดให้แก่การเลี้ยงดู เด็กชายภูฟ้า ภัทรโภคิน ศรีสิริโชคชัย ร่วมกับ ดร. ศิวะ รัตนพงศ์คิรี อดีตวิศวกรผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมปฐพีแห่งบริษัทยักษ์ใหญ่ในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งตอนนี้ผันตัวมาเป็นอาจารย์พิเศษอยู่ที่คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเดียวกับที่จอมยุทธ์จบมาในระดับปริญญาตรี โดยข้อมูลระบุว่าทั้งสามอาศัยอยู่บ้านเดียวกันภายหลังเดินทางกลับสู่มาตุภูมิประเทศไทยพร้อมกันเมื่อสี่ปีก่อน แต่ข้อมูลกลับไม่มีรายละเอียดที่กล่าวถึงมารดาของเด็กชายภูฟ้าแต่อย่างใด....

สายตาของยุทธจักรไล่เลียงอ่านประวัติต่างๆลงมาเรื่อยๆ ทั้งเรื่องการศึกษา เรื่องพื้นฐานครอบครัว เรื่องพี่น้อง เรื่องธุรกิจ และความสัมพันธ์กับบุคคลในครอบครัวที่อยู่ร่วมบ้านเดียวกันในปัจจุบัน...สุดท้ายจึงมาหยุดอยู่กับเรื่องงานอดิเรกและการกีฬา

ยุทธจักรทราบว่าจอมยุทธ์ชอบเล่นกีฬาเทนนิสและว่ายน้ำเป็นอย่างมาก โดยมักจะไปออกกำลังกายพร้อม ดร. ศิวะด้วยเป็นประจำ โดยไม่ลืมที่จะเอาหัวใจของครอบครัวคือ ภูฟ้าไปด้วยทุกครั้ง

นอกจากนั้นข้อมูลยังระบุด้วยอีกว่า จอมยุทธ์ยังถนัดการยิงปืนและศิลปะการต่อสู้แบบประชิดตัวที่เรียกว่า คาราเต้โด และสามารถสอบผ่านการจัดลำดับชั้นจนสามารถได้สายดำมาครอบครอง

สิ่งที่น่าแปลกใจยิ่งไปกว่านั้น ตามที่ร้อยตำรวจเอกกิตติศักดิ์ ได้ทำเครื่องหมายเอาไว้ ....ยุทธจักรพบว่า ดร.ศิวะ ก็มีความสามารถในการยิงปืนและการศิลปะการต่อสู้แบบประชิดตัวเช่นเดียวกัน เพียงแต่ ดร. ศิวะเน้นศิลปะการต่อสู้ที่เรียกว่า เทควันโด เนื่องเพราะรูปร่างที่แข็งแรงและความสูงที่มีมากกว่านั่นเอง รวมทั้ง ดร. ศิวะก็สามารถสอบได้สายดำเช่นกัน

ยุทธจักรสันนิษฐานว่า เพราะทั้งคู่หลงใหลในกีฬายิงปืนและศิลปะป้องกันตัวจึงเป็นสาเหตุให้มีการฝึกปฏิบัติสองสิ่งนี้อยู่เป็นประจำ....แต่สิ่งที่เขายังไม่สามารถหาเหตุผลมารองรับได้กลับเป็นเล็กๆน้อย เช่นเรื่องตารางการเดินทางออกนอกประเทศ เพราะพบว่านอกจากจอมยุทธ์จะเดินทางออกนอกประเทศไปยังประเทศคู่ค้าในระบบธุรกิจของตนแล้ว ยังมีตารางการไปเยือนประเทศอื่นๆปีละสองถึงสามครั้ง นอกจากนั้น ดร.ศิวะก็มีกำหนดการเดินทางปีละสองถึงสามครั้งเช่นกัน โดยที่แต่ละครั้งจะมีกำหนดอยู่ไม่เกินสามอาทิตย์ และมีบางครั้งทีทั้งคู่ต้องเดินทางออกนอกประเทศไปพร้อมกัน ซึ่งเกิดในช่วงปีหลังๆที่ผ่านมานั่นเอง

ยุทธจักรไม่ใส่ใจกับข้อสงสัยเพราะคิดว่ามิใช่เรื่องใหญ่อะไร ทั้งคู่อาจชอบการเดินทางไปเยือนประเทศเหล่านั้นเพื่อพักผ่อนก็ได้.....แต่ข้อสงสัยข้อใหญ่เกิดขึ้นภายในใจนี้ต่างหากเล่าที่ต้องรีบหาคำตอบโดยเร็ววัน

“ทำไมจอมยุทธ์ถึงสนิทกับ ดร.ศิวะ และอาศัยอยู่ด้วยกัน ทั้งๆที่ไม่ใช่บุคคลในครอบครัวเดียวกันตั้งแต่ต้น” 

เนื่องจากข้อมูลที่ระบุว่าทั้งจอมยุทธ์และ ดร.ศิวะ มาจากคนละครอบครัวกัน แม้ว่าทั้งสองตระกูลจะเป็นนักธุรกิจที่กว้างขวางด้วยกันทั้งคู่ แต่ไม่น่าจะสนิทกันในระดับที่ให้ลูกหลานมาอาศัยอยู่รวมชายคาเดียวกันอย่างนี้

“หรือว่าจอมยุทธ์กับศิวะเป็นคู่รักกัน” แค่คิด ยุทธจักรก็เกิดความกังวลใจขึ้นมา เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ สนามรักที่เขากำลังจะก้าวลงไปนั้น ดูเหมือนว่าอาจจะแพ้ตั้งแต่ยังมิได้สู้ด้วยซ้ำไป  
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 20-02-2007 10:41:36
สู้เขายุทธจักร... :angellaugh2:

ไล่ล่าจอมยุทธ์หั้ยได้....เสน่ห์แรงดีนัก... :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 20-02-2007 10:58:49
หลายปีที่ผ่านมา ไม่มีเลยซักครั้งที่ยุทธจักรจะหลงใหลใครซักคนเมื่อแรกพบอย่างเช่นกรณีจอมยุทธ์.....ยิ่งไปกว่านั้นตลอดเวลาที่ผ่านมา ด้วยเสน่ห์และรูปร่างที่กำยำของเขา ล้วนนำพาให้ผู้ชายและผู้หญิงเข้ามาพัวพันอยู่อย่างไม่ขาดสาย โดยทุกครั้งคนเหล่านั้นต่างเป็นผู้เริ่มต้นก่อนทั้งสิ้น...

ยุทธจักรไม่ใช่บุคคลที่ไร้การตอบสนองจากการสัมผัส ดังนั้นเมื่อหลายคนเสนอตัวและเข้ามาสัมผัสเรือนร่างของเขา ยุทธจักรก็พร้อมจะสนองอารมณ์และราคะของคนเหล่านั้นให้มอดหมดไป..... แต่ไม่มีเลยซักครั้งที่ยุทธจักรจะเป็นฝ่ายเริ่มก่อน....เพราะหัวใจมันบอกว่า “ยังไม่ใช่คนที่ตามหาอยู่” ...แต่กระนั้นเขาก็มิใช่ลูกไก่ในกำมือใครที่จะยอมอยู่ใต้อำนาจราคะของคนเพียงคนเดียว...สัญชาติการเป็นนักล่าของยุทธจักรไม่เคยบกพร่อง...แต่จะหมดไปก็ต่อเมื่อได้หัวใจคนที่ใช่....มาครอบครอง

ดังนั้นยุทธจักรจึงต้องตามหาคนที่เขาคิดว่า “สำคัญต่อหัวใจของตน” มาตลอด แต่ครั้นเมื่อหัวใจบอกว่า “คนนี้แหละที่ใช่” ถ้ากลับกลายเป็นว่าเขามีเจ้าของแล้ว.....ยุทธจักรก็ยังคิดไม่ตกอยู่เหมือนกันว่าจะทำอย่างไร....

“ผมจะต้องรู้ให้ได้ว่า..คุณยังโสดหรือมีเจ้าของแล้ว...คุณจอมยุทธ์” ยุทธจักรพูดกับตนเองเบาๆ ขณะยกมือประสานกันที่ท้ายทอยและทิ้งน้ำหนักตัวลงไปที่พนักพิงของเก้าอี้อยู่ในท่าสบายๆ.....เขากำลังวางแผนหาความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้

ในเวลานี้ยุทธจักรพร้อมแล้วที่จะหาทางพิสูจน์ความจริงเกี่ยวกับหัวใจของจอมยุทธ์.....ถ้าเขาพบว่าจอมยุทธ์ยังคงเป็นอิสระ.....เขาก็จะฝ่าฝันลงไปในสนามรักเพื่อช่วงชิงหัวใจของจอมยุทธ์มาครอง....แม้ว่ามันอาจจะดูรวดเร็วเกินไปซักนิด......แต่เขาบอกกับตนเองว่า

“สำหรับคำว่า รักแรกพบนั้น ......แค่วินาทีเดียวยังอาจคิดว่าช้าไป”

ยุทธจักรหยุดหัวใจตนเองมานาน....นานพอที่จะรู้ว่าถึงเวลาที่จะเริ่มต้นคำว่ารักอีกครั้ง.....ครั้งนี้ดูเหมือนว่าอาจจะได้มายากลำบาก...แต่เขาก็จะไม่ท้อ เพราะนี่คือรักครั้งสุดท้าย...ที่จะเอาหัวใจเป็นเดิมพัน......ถ้าจอมยุทธ์คือคนที่ “ใช่”.....หัวใจของยุทธจักรจะไม่หยุดนิ่งอีกต่อไป...แต่มันกลับจะพองโต บรรจุด้วยความรัก อยู่อย่างไม่มีวันหมด

ด้วยความรอบคอบของผู้กองต้น....และสอดคล้องกับหลักสูตรการติดตามผู้ต้องสงสัยที่ยุทธจักรถ่ายทอดให้เมื่อหลายปีก่อน...รายงานระบุกิจกรรมประจำวันตลอดเจ็ดวันของจอมยุทธ์และ ดร. ศิวะ จึงแนบท้ายมาในเอกสารประวัติส่วนตัวฉบับนี้ด้วย

ยุทธจักรจึงทราบว่าทุกวันศุกร์ตอนเย็น จอมยุทธ์จะพาหลานชายไปเดินเล่นที่อ่างแก้วภายในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พร้อมกับอยู่รอคอย ดร. ศิวะตามมาสบทบหลังเลิกสอนนักศึกษา....หลังจากนั้นทั้งสามจึงเดินทางกลับไปยังบ้านหลังใหญ่ของตน โดยจะแวะรับประทานอาหารเย็นตามร้านอาหารต่างๆ หรือทำกิจกรรมอื่นๆ เป็นบางครั้ง

“เราต้องได้เจอกันวันศุกร์นี้แน่นอนครับ....คุณจอมยุทธ์ของผม” ยุทธจักรบอกกับตนเองอย่างมาดมั่น

ยุทธจักรนั่งคิดถึงแผนการที่จะเข้าถึงตัวจอมยุทธ์อยู่นาน จนกระทั่งรู้สึกว่าปลายเท้าที่เปลือยเปล่าของเขาถูกรุกล้ำด้วยลิ้นเพื่อประทังความหิวโหยจากเจ้าลูกสุนัขตัวอ้วนกลมที่แซมเอากลับมาบ้านด้วยภายหลังการเกิดอุบัติเหตุครั้งที่แล้ว

ขนของเจ้าลูกหมาน้อยไม่ได้เป็นสีน้ำตาลเปื้อนฝุ่นอีกต่อไป แต่กลับกลายเป็นสีขาวบริสุทธิ์บ่งบอกสายพันธ์ชั้นดีของสุนัขพันธุ์ไทยพันธ์ขนยาวสวยงาม เพราะยุทธจักรอาบน้ำให้อย่างหมดจดรวมถึงซื้อสายกระดิ่งห้อยคอสีแดงสดให้สวมคออีกด้วย

“หิวแล้วเหรอเรา....เจ้าไข่ขาว” ยุทธจักรตั้งชื่อลูกสุนัขเพศผู้นี้ว่าเจ้าไข่ขาว เพราะหลังอาบน้ำแล้วขนของมันกลับขาวราวกับไข่ขาวเลยทีเดียว

ไข่ขาวเงยหน้าขึ้นเอียงคอมองเจ้านายคนแรกของตน พลางใช้ขาหน้ายกขึ้นแสดงความประจบ ก่อนจะส่งสายตาแสดงความหิวโหยให้เจ้านายใหม่ทราบ

“มา....เดี๋ยวจะพาไปกินนม” ยุทธจักรอุ้มเจ้าหมาน้อยขึ้นมาและเดินออกจากห้องทำงานส่วนตัวออกไปยังห้องครัวของบ้าน และจัดการเอานมและขนมปังออกจากตู้เย็นให้เจ้าไข่ขาว และเฝ้ามองดูมันกินอย่างเอร็ดอร่อย

ยุทธจักรไม่เคยคิดจะเลี้ยงสัตว์มาตั้งแต่ไหนแต่ไร.....ไม่ใช่เพราะไม่ชอบ แต่เป็นเพราะหน้าที่การงานที่ต้องเดินทางอยู่เสมอรวมถึงเป็นงานที่เสี่ยงอันตรายแทบทั้งสิ้น จึงไม่อยากจะเลี้ยงเพราะกลัวว่าจะไม่สามารถหาอาหารเลี้ยงสัตว์เหล่านั้นได้เวลาต้องไปปฏิบัติงานต่างจังหวัด แต่ในกรณีเจ้าไข่ขาวคงเป็นข้อยกเว้น เพราะลุงพลผู้ดูแลบ้านหลังนี้ให้กับเขาบ่นเสมอว่า อยากได้สุนัขซักตัวเอาไว้ช่วยเฝ้าบ้านและอยู่เป็นเพื่อนแก้เหงา เนื่องจากนานๆยุทธจักรจะแวะมาพักที่เชียงใหม่ซักที

ดังนั้นเขาจึงต้องจึงพยายามจะหาซื้อลูกสุนัขมาให้ลุงพล แต่สุดท้ายก็ได้เจ้าไข่ขาวมาฟรีๆ.......ยุทธจักรรักและเคารพลุงพลมาก....แม้ตอนนี้ลุงพลจะเป็นเพียงแค่คนดูแลบ้านหลังนี้ มิได้จับงานธุรกิจเหมือนแต่ก่อน....แต่ลุงพลก็ดูแลเขามาตั้งแต่เด็ก

สิบห้าปีก่อน.....ภายหลังบิดามารดาของยุทธจักรเสียชีวิตจากเหตุการณ์ลอบสังหารเนื่องจากปมการขัดแย้งทางธุรกิจ เขาก็ได้ลุงพลเป็นคนพาหนีออกมาจากบ้านหลังใหญ่ เพื่อหลบหนีการฆ่าล้างตระกูล....หลังจากระหกระเหินซ่อนตัวอยู่นาน สุดท้ายจึงมาปลักหลักอยู่ที่บ้านหลังเล็กในอำเภอแม่ริมแห่งนี้

แม้ลุงพลจะเป็นเพียงคนดูแลบ้าน แต่ก็ไม่ใช่คนไร้การศึกษา เพราะก่อนหน้านี้ลุงพลคือคนสนิทของบิดาของยุทธจักร โดยมีหน้าที่ช่วยดูแลธุรกิจต่างๆให้ส่วนหนึ่ง แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์ลอบสังหารนั้น ลุงพลดูเหมือนจะเริ่มวางมือจากธุรกิจเพื่อหันมาดูแลเขาอย่างจริงจัง

เพราะด้วยความที่ยังมีเส้นสายอยู่ในวงการธุรกิจ ความมีฝีมือและความเด็ดเดี่ยวลุงพลทำให้ธุรกิจที่ตอนแรกเกือบจะถูกครอบงำจากฝ่ายตรงข้ามกลับสามารถผงาดขึ้นมาได้เหมือนเดิม หลังจากนั้นลุงพลจึงวางตำแหน่งคนรับผิดชอบงานธุรกิจต่างๆในเครือประภาภูวดลโดยยึดหลักความไว้วางใจและการตรวจสอบคุณสมบัติอย่างครบถ้วน นั่นจึงเป็นสาเหตุให้ทรัพย์สินของยุทธจักรมีเทียบเท่ากับมหาเศรษฐีเลยทีเดียว

นอกจากเรื่องธุรกิจแล้ว ลุงพลยังวางแผนการศึกษาไว้ให้กับยุทธจักรตั้งแต่ต้นอีกด้วย เพราะปีถัดจากที่บิดามารดาของยุทธจักรเสียชีวิต ลุงพลก็ส่งยุทธจักรไปเรียนต่อที่ประเทศสหรัฐอเมริกาทันทีโดยใช้เงินเก็บในธนาคารของครอบครัวประภาภูวดลที่ดูแลอยู่ พร้อมกันนั้นได้ส่งลูกชายคนเดียวไปอยู่เป็นเพื่อนเพื่อคอยช่วยเหลืออีกด้วย

ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ว่ายุทธจักรจึงสนิทสนมกับคมกริช...บุตรชายโทนของลุงพลเป็นอย่างมาก และตอนนี้คมกริชก็กลายเป็นประธานกรรมการผู้จัดการธุรกิจในเครือประภาภูวดลทั้งหมด โดยยุทธจักรเป็นผู้มอบหมายงานให้ด้วยตัวเอง เพราะไม่ชอบงานธุรกิจแต่ชอบการเป็นตำรวจมากกว่า.....

ตลอดสิบปีที่ผ่านมาคมกริชได้พิสูจน์ให้ยุทธจักรและลุงพลผู้เป็นบิดาให้เห็นแล้วว่า เขารักและภักดีต่อตระกูลประภาภูวดลเพียงใดและสามารถพาธรุกิจในเครือฯ ก้าวขึ้นสู่เวทีการค้าได้อย่างเต็มภาคภูมิ

ขณะที่ยุทธจักรกำลังมองดูเจ้าไข่ขาวกินนมอยู่อย่างเอร็ดอร่อยนั้น ความคิดหนึ่งก็แวบเข้ามา....เขาทราบแล้วว่าจะเข้าหาจอมยุทธ์ด้วยวิธีใด

“ไข่ขาว....คงต้องอาศัยเจ้าช่วยซะแล้ว” ยุทธจักรเอื้อมมือไปลูบหัวเจ้าไข่ขาวอย่างเอ็นดู พร้อมทั้งฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่สุนัขที่คาดว่าน่าจะฉลาดแสนรู้ของตน

******************
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 20-02-2007 11:30:22
สงสัยจะให้เจ้าไข่ขาวไปเป็นเพื่อนกับภูฟ้าแน่เลย... :angellaugh2: :angellaugh2:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 20-02-2007 13:20:04
น้องหมาสื่อรัก  :angellaugh2:


ข้อมูลที่ได้มานี่ละเอียดมากๆๆๆๆๆๆๆๆ ร้อยตำรวจเอกกิตติศักดิ์นี่ทำงานดีจัง จ้าง 50 ทำงาน 50,000 :kikkik:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: kYos ที่ 20-02-2007 17:56:40

“สำหรับคำว่า รักแรกพบนั้น ......แค่วินาทีเดียวยังอาจคิดว่าช้าไป”

ชอบคำนี้จัง  :impress2:
เป็นกำลังใจให้เหมือนเดิม  :yeb:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 20-02-2007 18:09:18
เลียนแบบฟ.ฟัน  ชอบประโยคนี้เหมือนกัน  “สำหรับคำว่า รักแรกพบนั้น ......แค่วินาทีเดียวยังอาจคิดว่าช้าไป”
สู้ว้อยยยย ยุทธจักร  ลุยเลยเพ่ ยังไม่ช้ากว่าใครหรอกน่า :laugh:
ปล ภาคแรกศิวะเป็นนายกสโมสรคณะวิทยาศาสตร์  แล้วภาคสองเปลี่ยนมาเป็นวิศวกรแล้วเหรอ  :confuse:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 20-02-2007 18:26:05
“สำหรับคำว่า รักแรกพบนั้น ......แค่วินาทีเดียวยังอาจคิดว่าช้าไป”
ชอบประโยคนี้ด้วยคน  :like2:  :like2:
ข้อมูลละเอียดยิบแบบนี้ จอมยุทธหนีไม่รอดแน่  :like2:  :like2:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 21-02-2007 04:00:14
 :laugh: จ๋งจั๋ยเจ้าไข่ขาวจาได้คู่กะเจ้าเบนจิ :laugh:



“สำหรับคำว่า รักแรกพบนั้น ......แค่วินาทีเดียวยังอาจคิดว่าช้าไป”

อ่า..ชอบประโยคนี้เหมือนกานเรยย  :-[
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 21-02-2007 05:25:50


อ่านมาถึงตอนนี้ตั้งนานแล้วจ้ายัยจ๋อม

แต่ทำไมเรื่องนี้จ๋อมให้พรรณาโวหาร (อิอิ เลียนแบบคำจ๋อม) เยอะจัง  หรือว่ากำลังปูพื้นเคอะ  :kikkik:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 21-02-2007 09:37:29
สวัสดีครับ....

แวะมาคุยด้วยครับ.....เนื่องจากว่าตอนนี้ยังเป็นช่วงเริ่มต้นอยู่ครับ...จึงไม่มีอะไรคุยมากมายนัก....เพียงแต่จะแวะเข้ามาบอกว่า....เรื่องนี้จะเน้นการใช้พรรณาโวหารค่อยข้างเยอะนะครับ...เพราะว่าช่วยแรกๆ ต้องปูพื้นฐานตัวละคร....และพื้นฐานเรื่องให้ผู้อ่านเข้าใจก่อนน่ะครับ....

ตอนแรกๆ นี้คงน่าเบื่อหน่อยนะครับ....เพราะไม่มีอะไรตื่นเต้นเลยครับ....ตัวละครก็จะดำเนินเรื่องราวไปเรื่อยๆ ..... ตามวิสัยที่ควรจะเป็น.....

ชื่อเรื่องบอกไว้แล้วว่า...."เพราะว่ารักแท้....เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว"...... ความรักที่เป็น true love คงมีความหมายและคุณค่ามาก....จนไม่อาจลืมได้ใช่มั้ยครับ....ตัวละครแต่ละตัวในเรื่องนี้...มีมุมมอง...และประสบการณ์ความรักที่แตกต่างกันครับ..... แต่ว่าจะมีรายละเอียดอย่างไร...คงต้องติดตามอ่านเอาเองครับ....

เรื่องนี้ผมใช้เวลาเขียนหนึ่งปีเต็มครับ....และค้นคว้าข้อมูลมาประกอบการเขียนนิยายมากพอสมควรครับ....เนื่องจากว่านิยายนี้ไม่ได้มีส่วนเน้นในเรื่องรักหวานแหววเหมือนเรื่องที่แล้ว....เพราะตัวละครเกือบทุกคนเป็นผู้ใหญ่....มุมมองของความรักจึงเปลี่ยนไปตามอายุ...และประสบการณ์ของตัวละครครับ....

ดังนั้น...ถ้าใครหวังจะได้อ่านฉากหวานๆ โรแมนติก....ผมคงต้องแสดงความเสียใจด้วยครับ...เพราะเรื่องนี้จะไม่มีฉากเหล่านี้แต่อย่างใด.....

โทนของนิยายเรื่องนี้เป็นแนว "อาชญนิยาย" ที่ผสมผสานกับ......นิยามรักที่แตกต่างกัน.... ลักษณะการเขียนจึงผิดแปลกไปจากเรื่องเดิมมากพอสมควรครับ....

ตอนแรกๆ ของนิยายเรื่องนี้อาจจะน่าเบื่อซักหน่อยครับ...เพราะต้องปูพื้นฐานข้อมูลให้คนอ่าน.... นิยายเรื่องนี้ที่ผมแต่งมีกว่า 200 หน้าเอสี่แล้วครับ (ยังไม่รวมตอนอวสาน)... ดังนั้นจึงเหลือเนื้อเรื่องอีกถึงเก้าสิบเปอร์เซนต์ที่ยังไม่ได้โพสต์ครับ....

อย่าเพิ่งทิ้งกันไปไหนนะครับ....ทนอ่าน....ไปซักนิด....รับรองว่า....พอถึงจุดที่เป็นไคลแมกแล้ว....ความคิด...และความรู้สึกที่เกิดขึ้นมันจะไม่ขัด....หรือ..พากันตั้งคำถามว่า "เป็นไปได้อย่างไร" ....

สัญญาได้มั้ยครับ.....ว่าจะไม่ทิ้งกันไปไหน....ให้โอกาสแนวเรื่องแปลกๆ แบบนี้หน่อยเถอะครับ....


**********
นู๋บลู....นู๋พูห์....jammy และ Basatlas.....ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคร๊าบ....

GobGab เดาเก่งจังเลยแฮะ....น่ากลัวแล้วจิ....มีคนอ่านเดาเก่งๆ แบบนี้....

หมีแอ๊บแบ้วครับ....ก็ร้อยตำรวจเอกกิตติศักดิ์น่ะ...เค้าทำงานอยู่ในสำนักงานกองบัญชาการ(ร่วมพิเศษ)ต่อต้านการก่อการร้ายและอาชญกรรมรุนแรง...ดังนั้นเรื่องข้อมูลบุคคลต้องแม่นยำมากครับ.... ฟังค์ชั่นการทำงานของหน่วยนี้เป็นอย่างไร...คงต้องตามอ่านนะครับ...

Shell, แน๋ว, และ ฟ.ฟัน..... คาดว่าบทต่อๆ ไป คงไม่มีประโยคประทับใจแล้วล่ะครับ...เพราะว่าเรื่องนี้เขียนแบบไม่เน้นความสวยงามของภาษาเลยครับ...เน้นการดำเนินเรื่องราวโดยเฉพาะครับ...

เจ้มูมู่.....เรื่องที่แล้วน่ะ...ผมบอกว่าศิวะไปเรียนต่อโท-เอกที่เมกา....แล้วก็มีส่วนขยายว่าศิวะเป็นวิศวกรปฐพี ในตอนอวสานงัยครับ....ที่ศิวะต้องลางานมาอยู่เป็นเพื่อนภูผา....เจ้กลับไปอ่านอีกทีจิ....

เจ้สองครับ.....ผมกำลังปูพื้นครับ....เรื่องนี้เป็นการปูพื้นแบบก่ออิฐถือปูนนะครับ....เพราะมีข้อมูลมากเหลือเกิน....

หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 21-02-2007 10:09:28
เย็นวันศุกร์ที่รอคอย.......

ยุทธจักรขับรถออกมาจากบ้านพักพร้อมด้วยเจ้าไข่ขาว....เขาอยู่ในชุดลำลองสบายๆ กางเกงขาสั้นสีดำและเสื้อยืดสีขาวสด.....เจ้าไข่ขาวมีเครื่องประดับใหม่นอกจากปลอกคอสีแดงสดแล้วยังมีกระดิ่งลูกเล็กๆประดับอยู่ที่ปลอกคออีกด้วย

เขากะเวลาให้มาถึงศาลาธรรม ภายในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หลังจากจอมยุทธ์ประมาณยี่สิบนาที เพื่อจัดฉากให้เหมือนกับว่าไม่ได้ตั้งใจมารอใคร แต่มาพบกับจอมยุทธ์โดยบังเอิญ

ดังนั้นขณะเลี้ยวรถเข้าจอดที่ถนนข้างศาลาธรรม ยุทธจักรจึงพบบุคคลที่เขาเฝ้ารอ ปรากฏตัวอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว.....

จอมยุทธ์อยู่ในชุดลำลอง กางเกงขาสั้นและเสื้อเชิ้ตสีฟ้า ขับสีผิวให้ขาวอยู่แล้วโดดเด่นขึ้นมา.... น่ามองยิ่งนัก

เจ้าหนูภูฟ้า หลานชายในดวงใจ อยู่ในชุดกางเกงขาสั้น เสื้อยืดหลากสีสดใส ในมือของเจ้าหนูถือสายโซ่เล็กๆที่เชื่อมกับปลอกคอของสุนัขพันธ์โกลเดนรีทรีพเวอร์สีทองตัวใหญ่ท่าทางฉลาดแสนรู้และใจดี....ทั้งสามชีวิตเดินเล่นอยู่ในบริเวณลานกว้างสีเขียวสดของศาลาธรรม

ยุทธจักรจอดรถ ก่อนจะก้าวลงจากรถพร้อมด้วยเจ้าไข่ขาว....แต่ยังไม่เข้าไปทักทายทั้งสามชีวิตในทันที....เขากลับพาเจ้าไข่ขาวเดินเล่นไปอีกทางหนึ่งซึ่งตรงข้ามกับบริเวณที่จอมยุทธ์อยู่ .....ยุทธจักรคาดว่าจอมยุทธ์คงสังเกตเห็นแล้ว และน่าจะคิดว่าเป็นเหตุบังเอิญที่เขามาเดินเล่นที่ศาลาธรรมเช่นกัน

หลังจากเดินเล่นกับเจ้าไข่ขาวซักพัก..ยุทธจักรจึงเดินเข้าไปทักทายจอมยุทธ์ โดยทำทีเป็นเพิ่งสังเกตเห็นจอมยุทธ์และภูฟ้าที่เดินเล่นอยู่

“สวัสดีครับคุณจอมยุทธ์.... ขอโทษครับ เผอิญผมเพิ่งเห็นคุณ เลยเข้ามาทักทายช้าครับ.......มาเดินเล่นนานแล้วเหรอครับ....” ยุทธจักรทักทายด้วยคำพูดสุภาพและรอยยิ้ม

“สวัสดีครับ...คุณยุทธจักร.....ผมอยู่ที่นี่ประมาณยี่สิบนาทีแล้วครับ” จอมยุทธ์ตอบ

“คุณจอมยุทธ์ความจำดีจังเลยนะครับ จำชื่อผมได้ด้วยครับ”

“ต้องได้ซิครับ ผมไม่เคยขับรถชนท้ายใคร...กรณีคุณเป็นครั้งแรกนี่ครับ” จอมยุทธ์พูดตามความจริง

“ว้า.....อย่างนั้นก็คงเป็นประสบการณ์ที่ไม่ดีเลยนะครับ....ผมว่าเราน่าจะเจอกันในสถานการณ์ที่ดีกว่านั้นซักหน่อย” สายตาของหนุ่มหน้าเข้มส่งประกายแวววับขึ้นมาทันใด แต่ก็พยายามปรับให้เป็นปกติเพื่อไม่ให้จอมยุทธ์สังเกตเห็น หลังจากนั้นจึงหันมาทักทายเด็กชายวัยห้าขวบครึ่งที่ยืนดูผู้ใหญ่สองคนทักทายกันอยู่ เขาทรุดตัวลงข้างหน้าเด็กน้อยน่ารัก และเอ่ยถามถึงชื่ออย่างอ่อนโยน

“สวัสดีครับ......หนุ่มน้อยชื่ออะไรครับ”

“สวัสดีครับ ผมชื่อภูฟ้าครับ ชื่อเล่นชื่อภูครับ”

“ภูฟ้าอายุกี่ขวบแล้วครับ” ยุทธจักรถามต่อ

“ห้าขวบครึ่งครับ อีกไม่กี่เดือนก็หกขวบแล้วครับ” เด็กน้อยตอบเสียงใส...ปราศจากกิริยาเกรงกลัวต่อบุคคลแปลกหน้าแต่อย่างใด

 “เหรอครับ......อาชื่อแซมนะครับ...และก็นี่เจ้าไข่ขาว” ยุทธจักรแนะนำตนเองและสุนัขสีขาวปลอดที่อุ้มอยู่เนื่องจากยังไม่แน่ใจปฏิกิริยาของสุนัขตัวใหญ่กว่าที่ยืนอยู่ข้างๆเด็กน้อยว่าจะเป็นมิตรกับเจ้าไข่ขาวหรือไม่....

เจ้าไข่ขาวสบตาภูฟ้าด้วยแววตาเป็นมิตรอย่างเต็มที่

“เจ้าไข่ขาวอยากเล่นกับน้องภูและสุนัขน้องภูน่ะครับ....น้องภูอนุญาตให้ไข่ขาวเล่นด้วยได้มั้ยครับ” ยุทธจักรถามเด็กน้อยอย่างสุภาพ

ภูฟ้าหันมามองหน้าคุณอาหนุ่มเป็นเชิงขออนุญาต...หลังจากจอมยุทธ์พยักหน้า รอยยิ้มหวานก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเด็กน้อยทันที....เป็นรอยยิ้มที่ถอดแบบมาจากบิดามาอย่างไม่ผิดเพี้ยน

“ได้ครับ....แต่ต้องแนะนำไข่ขาวให้รู้จักเบนก่อนครับคุณอา.....” ภูฟ้าพูดกับยุทธจักร ก่อนจะหันไปบอกเจ้าเบน สุนัขแสนรู้ของตนให้รู้จักเพื่อนใหม่ต่างวัยตัวใหม่

“เบน..นี่เพื่อนใหม่ภูนะครับ...ชื่อไข่ขาว”

ยุทธจักรวางเจ้าไข่ขาวลงพบพื้นหญ้าอย่างช้าๆ ....ไข่ขาวนั่งนิ่งรอการทักทายจากสุนัขตัวใหญ่กว่า....จนกระทั่งเจ้าเบนเดินมาดมสำรวจตัวลำตัวของไข่ขาวอย่างนุ่มนวล โดยไม่มีการส่งเสียงขู่หรือทำให้เจ้าไข่ขาวตกใจ

หลังจากนั้นซักพัก...สุนัขต่างวัยทั้งคู่ก็ตกลงเป็นมิตร วิ่งเล่นกันพร้อมด้วยเจ้านายตัวน้อยอย่างร่าเริง

แม้ตอนนี้เจ้าไข่ขาวจะสามารถผูกมิตรกับภูฟ้าและเจ้าเบนได้เรียบร้อยแล้ว..แต่พันตรีหนุ่มก็ยังไม่สามารถสร้างความเป็นมิตรกับจอมยุทธ์ได้อย่างที่ตนเองหวัง จอมยุทธ์ยังคงยืนนิ่งเงียบ ดวงตาบนใบหน้ากึ่งหวานที่ยุทธจักรให้คำนิยามไว้ จับจ้องไปที่หลานชายตัวน้อยที่วิ่งเล่นอยู่กับสุนัขต่างวัยและต่างขนาดสองตัวอย่างสนุกสนาน....ริมฝีปากบางมีรอยยิ้มกว้างทุกครั้ง ยามที่หลานชายหันมาสบตา

“เฮ้ย....สงสัยเสน่ห์เราท่าจะฝืดเสียแล้ว.....” ยุทธจักรพึมพำกับตนเองเบาๆ ก่อนจะพยายามชวนจอมยุทธ์สนทนาอีกครั้ง

“คุณจอมยุทธ์ชอบเล่นกีฬาหรือเปล่าครับ.....แต่เห็นหุ่นดีอย่างนี้น่าจะเล่นกีฬาเป็นประจำนะครับ”

“เรียกผมว่าจอมเฉยๆ ก็ได้ครับ” สุดท้ายด้วยมารยาท จอมยุทธ์จึงต้องสนทนาด้วย....
 
ปกติจอมยุทธ์เป็นคนเข้ากับผู้อื่นได้ดี...แต่กรณีชายหนุ่มร่างสูงที่อยู่ตรงหน้านี้......สัญชาติญาณบางอย่างกำลังร้องบอกว่าเขาจะต้องเป็นฝ่ายเสียเปรียบ...ไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่งในอนาคตอันใกล้

ดังนั้นระยะห่างและเกราะกำบังจึงถูกสร้างขึ้นอย่างรวดเร็ว....เพื่อป้องกันตนเองจากการเข้ามาใกล้ชิดเกินไปของชายหนุ่มหน้าเข้ม ร่างสูงคนนี้.....แม้ว่าลักษณะการแสดงออกของเขาโดยรวมจะบ่งบอกความจริงใจโดยผ่านทั้งแววตาและรอยยิ้มของริมฝีปากคู่สวยนั้น....แต่มีบางอย่างที่ดูไม่ชอบมาพากลในสายตาคู่นั้น...โดยเฉพาะยามที่จ้องมองมาที่ตนเอง....บางครั้งมันแปลกๆ... แต่แปลกอย่างไรจอมยุทธ์ก็ยากที่จะคาดเดา

ที่ผ่านมาจอมยุทธ์ค้นเคยกับแววตาของนักธุรกิจที่จ้องจะฉกฉวยหาผลประโยชน์กับธุรกิจของตน...แววตาของชายหนุ่มฝ่ายรับที่ร้องขอให้ตนเองเป็นผู้ปลดเปลื้องอารมณ์ร้อนแรงที่ครุกรุ่นอยู่ในใจให้มอดดับลงบนเตียงนุ่ม รวมถึงแววตาของชายหนุ่มและหญิงสาวที่มาหลงใหลในใบหน้าหล่อเหลาและร่างกายที่สมส่วนแข็งแรงของตน ตลอดจนปรารถนาจะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง ด้วยหวังจะได้รับรสสิเน่หาแห่งกลกามที่จอมยุทธ์จะเป็นฝ่ายมอบให้

แต่ในกรณีของยุทธจักร...แววตาที่เคลือบแฝงอะไรบางอย่างนั้น...เป็นสิ่งที่จอมยุทธ์ไม่คุ้นเคยและไม่เคยมีชายคนใดมองตนด้วยสายตาอย่างนี้มาก่อน.....เพราะมันเป็นแววตาของคนที่ปรารถนาจะเป็นผู้ปกป้องคุ้มครอง....และปรารถนาจะเป็นผู้มอบรสรักลึกซึ้งให้อย่างเต็มหัวใจ...แววตาที่จอมยุทธ์ไม่มีวันเข้าใจ......เพราะไม่เคยได้รับมาก่อนนั่นเอง
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 21-02-2007 10:27:28
“ขอบคุณครับ....งั้นเรียกผมว่าแซมก็ได้นะครับ” ยุทธจักรพยายามสร้างความเป็นกันเองกับจอมยุทธ์ให้มากที่สุด แม้มันจะไม่ค่อยได้รับความสำเร็จก็ตาม

“ครับคุณแซม”

“เอ่อ...คุณจอมยังไม่ได้ตอบคำถามของของผมเลยนะครับ” ยุทธจักรพยายามชวนคุยอีกครั้ง

“ครับ....ผมชอบเล่นเทนนิสและว่ายน้ำครับ”

“คุณแซมล่ะครับ” จอมยุทธ์พยายามพูดให้มากขึ้น เพราะไม่ต้องการให้อีกฝ่ายเข้าใจผิดคิดว่าเขารังเกียจที่จะพูดคุยด้วย

“ผมเล่นเทนนิสเหมือนกันครับ....แต่ไม่รู้ว่าจะมีวาสนาได้เล่นกับคุณจอมหรือเปล่าก็ไม่ทราบครับ” ประโยคสุดท้ายผู้พูดพยายามหาช่องทางและเชิญชวนเป็นนัยๆ

จอมยุทธ์ยังไม่ตอบคำถามนั้นโดยทันที เพียงแต่หันมาสบตายุทธจักร พยายามมองเข้าไปในดวงตาสดใสคู่นั้น เพื่อค้นหาวัตถุประสงค์ของประโยคดังกล่าว.....แม้เป็นเวลาแค่สองสามวินาที....แต่ก็นานพอที่จะทำให้จอมยุทธ์เห็นแต่ความจริงใจที่แสดงออกมา .......สุดท้ายจอมยุทธ์จึงมีคำตอบให้กับหนุ่มร่างสูงใหญ่ตรงหน้าได้แล้ว....

แม้สัญชาติญาณจะคอยเตือนว่าตนเองอาจจะต้องตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ....แต่ด้วยสุภาษิตที่ว่า “รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง” ก็ทำให้จอมยุทธ์ตัดสินใจที่จะเรียนรู้ถึงตัวตนของชายหนุ่มผู้มีดวงตาหวานคนนี้.....เพราะอย่างน้อยเขาจะได้หาวิธีป้องกันความเสียเปรียบที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตได้

อีกอย่างจอมยุทธ์ถือคติที่ว่า....ถ้าเขามาเป็นศัตรู  เราก็ต้องรู้จักเค้าในฐานะศัตรู ถ้าเขามาอย่างมิตร เราก็ต้องรู้จักเขาอย่างมิตร การอยู่ห่างจากศัตรูคือหนทางแห่งความพ่ายแพ้ เพราะเราไม่มีวันรู้เลยว่าศัตรูจะลงมือทำร้ายเราเมื่อไร....ดังนั้นจอมยุทธ์จึงเปิดโอกาสที่จะศึกษาชายหนุ่มคนที่ยืนอยู่ข้างๆคนนี้

“อย่างน้อยผมก็จะได้รู้ว่าคุณจะมาไม้ไหน” จอมยุทธ์คิดในใจ ก่อนจะเอ่ยประโยคต่อมา

“ได้ซิครับ ถ้าคุณแซมมีเวลา เพราะคุณพ่อของหลานผมก็เล่นเทนนิสเหมือนกันครับ”

รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของผู้ฟังทันทีที่จอมยุทธ์พูดจบ....ยุทธจักรดีใจเพราะคิดว่าอย่างน้อยความพยายามขั้นแรกก็ประสบความสำเร็จ

ก่อนที่ยุทธจักรจะชวนจอมยุทธ์คุยถึงเรื่องอื่นๆ....เสียงตะโกนเรียกบิดาที่ดังขึ้นจากหลานชาย ทำให้ทั้งคู่หันไปมองที่ต้นเสียง และเห็นการมาเยือนของชายหนุ่มอีกคนหนึ่ง

“พ่อเสือครับ” เสียงภูฟ้าเรียกชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ ผิวสีแทนสวยงาม ใบหน้าคมคาย อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวสะอาดกับกางเกงแสลกสีดำ ที่กำลังเดินมุ่งมายังสนามหญ้าข้างศาลาธรรมแห่งนี้

ภูฟ้าวิ่งเข้าไปกอดบิดาของตน ก่อนจะโดนบิดาหอมแก้มซ้ายและขวาอย่างรักใคร่

“ตาภูเป็นเด็กดีหรือป่าวครับวันนี้” คุณพ่อหนุ่มทักทายลูกชายตัวน้อย..น้ำเสียงของศิวะอ่อนโยนและนุ่มนวลเสมอยามพูดกับลูกชายของตน

“ภูเป็นเด็กดีครับ” เด็กน้อยตอบ

“พ่อเสือครับ..วันนี้ภูมีเพื่อนเล่นใหม่ ชื่อไข่ขาวครับ....เป็นสุนัขของอาแซมครับ”

“ใครคืออาแซมเหรอครับ” ศิวะตั้งคำถาม

“คนที่คุยกับอาจอมอยู่งัยครับ......เดี๋ยวภูพาพ่อเสือไปรู้จักครับ” ภูฟ้าเดินจูงมือใหญ่ของบิดานำไปหาอาจอมและคุณอาคนใหม่ท่าทางเป็นมิตรคนนั้น

“คุณแซมครับ นี่ ดร.ศิวะ หรือพี่เสือ.....บิดาของตาภูครับ..พี่เสือครับ นี่คุณแซม” จอมยุทธ์แนะนำทั้งสองคนให้รู้จักกัน ภายหลังหลานชายเดินจูงมือพาศิวะเข้ามาหา

“สวัสดีครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ” ยุทธจักรทักทายด้วยประโยคสุภาพ เผยรอยยิ้มและแววตาแสดงความจริงใจให้ศิวะได้รับรู้

“สวัสดีครับ...ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ คุณแซม” ศิวะทักทายกลับ พร้อมกับหันไปมองหน้าจอมยุทธ์คล้ายส่งคำถามกลายๆถึงชายหนุ่มแปลกหน้าคนนี้

“เอ่อ...พี่เสือครับ คุณแซม คือคนที่ผมขับรถชนท้ายเมื่อสามวันก่อนครับ”

“อ๋อ.....รถซ่อมเสร็จแล้วเหรอครับ....” ศิวะถาม เพราะจำได้ถึงอุบัติเหตุที่จอมยุทธ์เล่าให้ฟังเมื่อสามวันก่อน

“ซ่อมเสร็จแล้วครับ.......วันนี้ผมเลยพาเจ้าไข่ขาวมาเดินเล่นที่มอชอนี่....และพบกับคุณจอมยุทธ์โดยบังเอิญครับ” ยุทธจักรจำเป็นต้องโกหกเพราะไม่ต้องการให้ทราบว่า เขาวางแผนมาพบจอมยุทธ์ในครั้งนี้

“ครับ” ศิวะรับทราบ

“ได้ข่าวว่าคุณศิวะชอบเล่นเทนนิสหรือครับ ผมเองก็ชอบเล่นเทนนิสเช่นกัน....ไม่ทราบว่าผมจะมีโอกาสได้เล่นกับคุณศิวะและคุณจอมยุทธ์บ้างหรือไม่ครับ....พอดีช่วงนี้ผมลางานเพื่อพักผ่อน.....และอยากออกกำลังกายเต็มทนครับ” ยุทธจักรรุกต่อทันที ด้วยต้องการหาโอกาสที่จะทำความรู้จักทั้งศิวะและจอมยุทธ์อย่างละเอียดโดยรวดเร็ว เพราะในอีกไม่ช้า การพักร้อนของเขาก็จะสิ้นสุดลง และจะต้องกลับไปทำงานอีกครั้ง

ศิวะหันไปสบตากับจอมยุทธ์เล็กน้อยคล้ายจะขอความเห็น และภายหลังจอมยุทธ์แสดงท่าทีไม่ขัดข้อง...ศิวะจึงรับไมตรีที่ยื่นมา

“ยินดีครับ...วันเสาร์นี้เลยก็ได้ครับ .....ผมกับจอมออกกำลังกายเป็นประจำอยู่แล้วครับ.....อีกอย่างพวกเราจะได้รู้จักกันเพิ่มมากขึ้นด้วยครับ” แม้จะตอบรับตามคำขอ...แต่ศิวะก็อดสงสัยถึงจุดหมายอื่นๆที่อาจซ่อนอยู่ในประโยคดังกล่าวเสียไม่ได้....เขาหวังว่าวันเสาร์นี้ เขาคงจะได้คำตอบว่า การก้าวเข้ามาของชายหนุ่มหน้าตาดีคนนี้มีวัตถุประสงค์อะไร และหวังว่าจะทราบประวัติส่วนตัวของหนุ่มคนนี้ด้วยเช่นกัน

ฟังเผินๆ ประโยคสุดท้ายของศิวะดูเหมือนเป็นประโยคธรรมดา แต่สำหรับยุทธจักรแล้วพบว่ามันเป็นการส่งสัญญาณท้าทายเลยทีเดียว....เพราะหมายความว่าการรู้จักกันในครั้งนี้เขาจะพลาดที่จะสร้างความประทับใจแก่สองหนุ่มนี้ไม่ได้

การที่ศิวะและจอมยุทธ์เปิดโอกาสที่จะเรียนรู้และทำความรู้จักคนแปลกหน้าเช่นตนเอง แทนที่จะปฏิเสธไม่คบค้าสมาคมด้วย....ยุทธจักรจึงพอสรุปได้ว่า ทั้งสองคนเป็นคนที่มีความมั่นใจในตนเองอย่างสูง  และพร้อมเสมอที่จะต้อนรับทั้งมิตรและศัตรูในเวลาเดียวกัน

“ขอบคุณครับผม.....ดีเลยครับ...เพราะเวลาพักร้อนผมใกล้หมดแล้วครับ....หลังจากนั้นคงต้องกลับไปทำงานที่กรุงเทพต่อครับ”

“งั้นเราเจอกันวันเสาร์นี้ตอนสี่โมงเย็นที่สปอร์ตคลับของโรงแรม Royal Chiang Mai Health & Spa นะครับ....คุณแซมรู้จักมั้ยครับ” ศิวะนัดหมายยุทธจักรให้ไปพบกันที่โรงแรมที่เขาเข้าไปช่วยบริหารงานอยู่

“ทราบครับ” ยุทธจักรบอก

“คุณแซมเอาเพื่อนมาด้วยก็ดีนะครับ จะได้เล่นคู่ได้ครับ” จอมยุทธ์ให้ข้อเสนอ เพราะไม่ได้เล่นเทนนิสประเภทคู่มานานแล้ว และเขาก็คันไม่คันมืออยากเล่นเทนนิสประเภทคู่เต็มทน

“ขอบคุณครับ อย่างนั้นผมต้องขออนุญาตชวนเพื่อนรุ่นพี่ผมมาเล่นด้วยดีกว่าครับ น่าจะสนุกดีครับ”

“เชิญตามสบายครับ...แต่ตอนนี้ผมขอตัวคุยกับลูกชายก่อนนะครับ” ศิวะตอบก่อนจะหันไปพูดคุยกับลูกชาย ที่กำลังเล่นกับสุนัขทั้งสองตัวอยู่ข้างๆ

“ภูหิวหรือยังครับลูก”

“หิวแล้วครับ” เด็กน้อยตอบ

“งั้นพ่อเสือว่าเรากลับบ้านกันดีกว่าครับ เอาเบนกลับบ้านก่อน แล้วเราไปกินข้าวเย็นกันดีมั้ยครับ”

“เชิญคุณแซมด้วยนะครับ ถ้าไม่ติดธุระอื่นใด” ประโยคหลังศิวะหันมาถามยุทธจักร

“ผมคงต้องขอตัวครับ” ยุทธจักรจำเป็นต้องปฏิเสธข้อเสนอ เพราะไม่ต้องการให้ศิวะและจอมยุทธ์เห็นว่าตนเองรุกมากจนเกินไป....ยิ่งในกรณีนี้ การปฏิเสธคำเชิญชวนน่าจะส่งผลดีมากกว่าผลเสีย

“ครับผม...อย่างนั้นเราเจอกันวันพรุ่งนี้เลยนะครับ” ศิวะไม่เซ้าซี้เพราะไม่เห็นถึงความจำเป็นใดๆ

“ถ้าอย่างนั้น ผมคงต้องลาก่อนนะครับ.....แล้วเจอกันวันพรุ่งนี้นะครับ สวัสดีครับคุณศิวะ สวัสดีครับคุณจอมยุทธ์” ยุทธจักรกล่าวอำลา ก่อนจะเดินไปหาภูฟ้า ย่อตัวลงนั่งข้างๆ ก่อนจะบอกเด็กน้อยอย่างสุภาพว่า

“อาแซมขออนุญาตเอาเจ้าไข่ขาวกลับบ้านนะครับน้องภู...ไข่ขาวคงหิวแล้ว”

“ครับ” เด็กน้อยรับคำอย่างว่าง่าย ก่อนจะอุ้มลูกสุนัขยื่นให้คุณอาหนุ่มร่างสูงคนตรงหน้า

“เอาไว้อาว่างๆ จะพาไข่ขาวมาเล่นกับภูอีกนะครับ”

“ครับผม ภูจะรอ....ภูชอบไข่ขาวครับ” เด็กน้อยตอบอย่างจริงใจ

“ครับผม....อาแซมต้องไปแล้ว....เป็นเด็กดีนะครับ” ด้วยความน่ารักของภูฟ้า ยุทธจักรจึงยื่นมือไปลูบศีรษะของเด็กน้อยอย่างแผ่วเบา เขาสัมผัสได้กับเส้นผมที่นิ่มนวลของภูฟ้า

การสนทนาระหว่างยุทธจักรและภูฟ้าถูกจับตามองโดยศิวะและจอมยุทธ์โดยตลอด ทั้งคู่ต่างประเมินความจริงใจในการแสดงออกทั้งสีหน้าและแววตาของยุทธจักร และสุดท้ายพบว่าไม่มีความเคลือบแคลงใดๆแฝงอยู่ในแววตาคู่นั้น.....ยุทธจักรแสดงความเป็นมิตรอย่างแท้จริงกับภูฟ้า นั่นจึงเป็นเหตุให้ทั้งศิวะและจอมยุทธ์เริ่มเปิดใจให้กว้างขึ้นอีกนิดกับการก้าวเข้ามาของหนุ่มร่างสูงคนนี้

ภายหลังการล่ำลา...ยุทธจักรขับรถกลับบ้านด้วยหัวใจพองโต เพราะคิดว่าแผนการที่วางไว้อย่างแยบยลนั้นประสบความสำเร็จ

หากแต่ยุทธจักรไม่มีวันทราบได้เลยว่า เพราะศิวะและจอมยุทธ์เปิดโอกาสให้มีการนัดหมายในวันพรุ่งนี้เพื่อวัตถุประสงค์ที่จะเรียนรู้ว่า เขาจะเข้ามาในฐานะศัตรูหรือมิตรแท้ต่างหาก หาใช่ความสำเร็จของแผนการของเขาแต่อย่างใด
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 21-02-2007 10:44:49
มาอ่านต่อแล้วคับ.... :try2:

หนุกคับ.....ร้ายกันทั้ง 2 ฝ่ายเลยนะเนี่ย... :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: jammy ที่ 21-02-2007 15:00:49
200 หน้าเอสี่ โหท่าจะมีให้อ่านกันจุใจเลยนะครับจ๋อม  เป็นกำลังใจให้ทำสำเหร็จเพื่อเป็นเเบบอย่างให้คนเขียนนิยายคนอื่นๆบ้าง  ให้เล้าของเราเป็นที่รวมนิยายดีๆเเปลกๆใหม่ๆไม่เหมือนใครในอนาคตนะครับ วู้!เล้าเป็ดจงเจริญ อิๆๆ  :110011: :110011: :110011:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 21-02-2007 19:47:56
อ่าน ๆ ไป นึกว่าอ่านตำราพิชัยยุทธอยู่นะนี่   :kikkik:
ถ้าเขามาเป็นศัตรู  เราก็ต้องรู้จักเค้าในฐานะศัตรู ถ้าเขามาอย่างมิตร เราก็ต้องรู้จักเขาอย่างมิตร การอยู่ห่างจากศัตรูคือหนทางแห่งความพ่ายแพ้ เพราะเราไม่มีวันรู้เลยว่าศัตรูจะลงมือทำร้ายเราเมื่อไร.
ตอนนี้ถ้าเป็นการรบกัน ยุทธจักรก็อยู่ฝ่ายรุก กำลังวางแผนกลยุทธสารพัดวิธีที่จะตีค่ายให้แตก
ส่วนจอมยุทธก็วางแผนตั้งรับ ไม่ให้เสียเปรียบมากเกินไป รบกันคราวนี้รางวัลจะเป็นอะไรน้อ .... อาจจะเป็นรักแท้ ที่ทั้งสองรอคอยก็เป็นได้  :yeb:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: kYos ที่ 21-02-2007 21:06:10
ชักเห็นใจยุทธจักร เห็นทีจะไม่ได้พิชิตใจจอมยุทธ์แค่คนเดียวแล้วล่ะ ต้องเพิ่มภูฟ้า กับ ศิวะ เข้าไปด้วย
3 ต่อ 1 งี้ จะรับมือไหวมั๊ยเนี่ย? แค่จอมยุทธ์คนเดียวก็ร้ายใช่ย่อย

เป็นกำลังใจ ให้กับตอนต่อไปเหมือนเดิม  :yeb:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 22-02-2007 11:13:58
ตอนที่ 3 เริ่มเกมรัก

หลังรับประทานอาหารเย็นเสร็จ.....ยุทธจักรออกมานั่งรับลมเย็นอยู่ที่ระเบียงหน้าบ้าน โดยมีเจ้าไข่ขาวนอนหลับสบายอยู่บนตักกว้างของเขา

รอบๆบ้านหลังเล็กของเขาแวดล้อมไปด้วยต้นไม้และดอกไม้เมืองเหนือหลากชนิด หน้าระเบียงคือลำธารที่สร้างขึ้นเป็นทางเชื่อมระหว่างน้ำตกจำลองขนาดใหญ่กับสระน้ำที่เป็นแหล่งอาศัยของปลาสวยงามนานาพันธุ์ที่ลุงพลเป็นผู้ลงมือเพาะเลี้ยงเอง โดยส่วนหนึ่งของสระน้ำขนาดใหญ่นั้น กินอาณาบริเวณใต้พื้นบ้านของยุทธจักรไปเกือบครึ่ง

ทางเดินรอบสวนสวยกว้างใหญ่ ถูกปูด้วยหินกรวดสีขาวสลับกับแผ่นหินศิลาแลงขนาดพอเหมาะ สองข้างทางปลูกต้นเทียนทองเป็นแนวรั้วยาวทอดไปตามทางเดิน สู่เรือนต่างๆ ที่มีทั้งหมดสี่หลังด้วยกัน

จริงๆแล้วอาณาบริเวณบ้านของยุทธจักรไม่ได้สมกับคำว่าบ้านหลังเล็กที่เขาชอบเรียกยามอ้างถึงกับคนทั่วไป แต่กลับประกอบด้วยบ้านทั้งหมดสี่หลัง ที่สร้างอยู่บนอาณาเขตส่วนตัวที่เงียบสงบและปลอดภัยที่สุด ในพื้นที่โอบล้อมด้วยขุนเขาในอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่

บ้านทั้งสี่หลัง ถูกออกแบบและสร้างให้เป็นลักษณะบ้านชั้นเดียว มีสถาปัตยกรรมสอดรับกัน บนอาณาบริเวณพื้นที่กว้างของเชิงเขาลูกเตี้ยๆ....

บ้านแต่ละหลังจะมีชื่อเรียกอย่างไพเราะ โดยเริ่มตั้งแต่  “เรือนคำ”.....ซึ่งเป็นเรือนไม้สักโบราณแบบล้านนาแท้ๆ โดยเป็นบ้านที่ลุงพลอาศัยอยู่   

เรือนหลังที่สองคือ “เรือนสัก”...ซึ่งเป็นบ้านไม้สักทองทั้งหลังที่ยุทธจักรสร้างให้เป็นที่พักของคมกริช โดยแยกออกมาจากเรือนคำของลุงพล เพื่อรองรับครอบครัวเล็กๆของคมกริชที่จะมีขึ้นในอนาคต

เรือนหลังที่สาม “เรือนแก้ว”....บ้านของยุทธจักร ที่พื้นบริเวณห้องรับแขกถูกปูด้วยแผ่นกระจกหนา มองลงไปเห็นปลาสวยงามหลากสีว่ายวนอยู่ในบ่อเลี้ยงปลาต่างระดับที่เป็นส่วนหนึ่งของสระน้ำขนาดใหญ่ และสุดท้าย “เรือนใหญ่”.... ซึ่งเป็นที่อาศัยของแม่บ้าน คนสวน และพนักงานรักษาความปลอดภัยรวมทั้งสิ้นสิบกว่าชีวิต ดังนั้นเรือนหลังนี้จึงเป็นเรือนหลังใหญ่ที่สุดในบรรดาเรือนทั้งสี่หลัง นั้นจึงเป็นสาเหตุให้ทั้งลุงพล คมกริชและยุทธจักร เรียกบ้านของตนเองว่าเรือนเล็ก เมื่อยามเปรียบเทียบกับเรือนใหญ่นั่นเอง

บ้านทั้งสี่หลังตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สวยงาม ตามลักษณะและโทนสีของบ้านแต่ละหลัง ไม่เว้นแม้แต่ในเรือนใหญ่ รอบๆบ้านทั้งสี่ตกแต่งด้วยไม้ดอกไม้ประดับตามฤดูกาล ดูสดชื่นและสร้างความสำราญใจแก่ผู้พักอาศัยทั้งหมด ดังนั้นจึงไม่แปลกใจเลยว่าทุกคนที่อาศัยอยู่ในบริเวณอาณาเขตบ้านแห่งนี้จะมีความสุข อารมณ์ดี และรักใคร่สามัคคีปรองดองกันอย่างมาก

ยุทธจักรนั่งรับลมเย็นๆที่พัดผ่านลำธารเล็กๆหน้าบ้าน พลางคิดถึงเพื่อนที่จะชวนไปเล่นเทนนิสด้วยกันในวันพรุ่งนี้กับศิวะและจอมยุทธ์

จริงๆแล้วเขามีเพื่อนฝูงไม่น้อย แต่สำหรับคนที่จะพาไปในวันพรุ่งนี้ จะต้องเป็นคนที่กว้างขวางพอสมควร และต้องสร้างความน่าเชื่อถือแก่ตัวเขาไม่มากก็น้อย และถ้าคนนั้นรู้จักศิวะหรือจอมยุทธ์ด้วยแล้ว แผนการตีสนิทของแซมในครั้งนี้จะง่ายขึ้นไปอีกขั้น อย่างน้อยก็จะมีคนช่วยสร้างความสัมพันธ์ระหว่างเขากับอีกสองหนุ่มได้รวดเร็วมากขึ้น

หลังจากนั่งคิดอยู่นานจนเจ้าไข่ขาวตื่นขึ้นมาสบตาเจ้านายอ้อนวอนบอกความหิวอีกครั้ง ในที่สุดยุทธจักรก็เลือกบุคคลที่จะชวนไปเล่นเทนนิสด้วยในวันพรุ่งนี้ได้สำเร็จ

พันตำรวจโท นครินทร์ รองผู้กำกับการงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 2 สังกัดกองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด จึงถูกใช้เป็นหนึ่งในหมากกระดานนี้....กระดานหมากแห่งหัวใจ

ด้วยนามสกุลที่เก่าแก่ของท่านรองฯ นครินทร์  ยุทธจักรค่อนข้างจะมั่นใจว่า นายตำรวจรุ่นพี่ของเขาจะสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่ศิวะและจอมยุทธ์ได้พอสมควร ประกอบกับท่านรองฯ ก็มีอายุไล่เลี่ยกับศิวะ แซมจึงคิดว่าทั้งคู่น่าจะเข้ากันได้เป็นอย่างดี
 
ไม่รอช้า...ยุทธจักรจึงโทรหาท่านรองฯนครินทร์ หรือพี่เอ..... ในทันที

“สวัสดีครับท่านรอง” ยุทธจักรทักทายภายหลังได้ยินเสียงตอบรับจากปลายสาย

“ว่างัย ไอ้แซม...ร้อยวันวันปีไม่เคยโทรหา.....ได้ข่าวว่ามาพักร้อนที่เชียงใหม่....ทำไมไม่มาคุยกันบ้างว๊ะ” นายตำรวจรุ่นพี่เอ่ยทักทาย พร้อมส่งคำถาม

“ก็กำลังจะไปหาพี่เองัยครับ.....” ยุทธจักรเปลี่ยนสรรพนามเรียกเพื่อนรุ่นพี่ของตน

“ไม่ต้องมาแก้ตัว.... ข้ารู้..........ถ้าเอ็งไม่มีธุระ เอ็งไม่มาหาข้าหรอก” ท่านรองฯพูดดักคอ

“แหมพี่เอก็....ทำเป็นรู้ใจไปได้”

“อ้าว.......แล้วมีธุระอะไรว่ามา....” คนปลายสายถามหลังจากทักทายกันพอหอมปากหอมคอ

“พรุ่งนี้พี่ว่างหรือเปล่าครับ.....”

“นั่นงัยข้านึกแล้วไม่ผิด...มันต้องมีธุระ ไม่งั้นเอ็งไม่โทรหาข้าแน่ๆ”

แซมหัวเราะกับความรู้ทันของท่านรองฯ นครินทร์ แต่เขาก็แกล้งพูดกลบเกลื่อนว่า

“ผมจะชวนพี่ไปเล่นเทนนิสต่างหากครับ...ไม่ใช่ธุระ”

“อะไรว๊ะ ร้อยวันพันปีไม่เคยชวนไปเล่นเทนนิส.....ว่าแต่ไปตีกับสาวหรือหนุ่มว๊ะ” ประโยคหลังนครินทร์ ถามตรงๆเพราะทราบดีถึงรสนิยมของนายตำรวจหนุ่มรุ่นน้องที่สนิทกันมาก นับตั้งแต่ร่วมงานกันเมื่อเกือบสิบปีก่อน ก่อนที่เขาจะได้รับการเลื่อนขั้นให้มาเป็นรองผู้กำกับการงานสืบสวนคดียาเสพติด กองกำกับการ 2 ของกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ที่รับผิดชอบดูแลพื้นที่ภาคห้าทั้งหมด

ด้วยความสนิทสนมเพราะต้องร่วมงานและร่วมรบกับพวกอาชญากรมานาน  ทำให้นครินทร์ทราบว่า นายตำรวจหนุ่มรุ่นน้องที่ชื่อยุทธจักรคนนี้มีรสนิยมทางเพศที่ชอบได้ทั้งชายและหญิง .....

แม้ว่านครินทร์จะเป็นชายแท้ แต่ก็เปิดกว้างกับเรื่องนี้มาก โดยเฉพาะกับรุ่นน้องที่สนิทด้วย  แต่ถึงกระนั้นก็ต้องช่วยปิดเป็นความลับ เพื่อไม่ให้กระทบต่อหน้าที่การงาน.... เขาเป็นหนึ่งในเพื่อนสนิทไม่กี่คนที่ทราบว่ายุทธจักรสามารถมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายได้ และเขาก็รับได้กับพฤติกรรมดังกล่าวโดยไม่เคยแสดงความรังเกียจแต่อย่างใด

“ผู้ชายครับ.....”ยุทธจักรตอบไปตามจริง

“แสดงว่าสำคัญมากหรือ” นครินทร์ถาม เพราะปกติยุทธจักรไม่เคยเป็นฝ่ายเดินหน้ากับความสัมพันธ์แบบนี้มาก่อน เนื่องจากมีคนมาเสนอให้โดยตลอด

“ตามนั้นครับ....ผมว่า......เสน่ห์ผมฝืดกับคนคนนี้ครับ....ดูเหมือนเค้าไม่ค่อยไว้ใจผมซะเท่าไหร่ครับ”

“ก็เลยต้องให้ข้าช่วยว่างั้น” ท่านรองฯ กล่าวออกมาอย่างรู้ทัน

“ครับ”

“แล้วหนุ่มคนนั้นเป็นใครล่ะ”

“ชื่อจอมยุทธ์ พัฒนประสาทศิลป์ครับ”

“ว๊ะ........ไอ้นี่เล่นคนดังซะด้วย....แกนี่เล่นทายาทตระกูลนักธุรกิจดังของเชียงใหม่เลยนะโว้ย....มิน่าล่ะแกจึงต้องเป็นคนตาม....ดีๆ แกจะได้รู้เสียบ้างว่าเป็นคนตามนี่มันลำบากขนาดไหน” นครินทร์หัวเราะเบาๆเพื่อความสะใจ กับความเป็นจริงที่เกิดขึ้น  

หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 22-02-2007 11:17:19
“แหม..พี่เอก็....คงไม่ลำบากขนาดนั้นมั้ง” ยุทธจักรทำใจดีสู้เสือ ทั้งๆที่หวั่นไหวอยู่ไม่น้อย

“แล้วเอ็งไปนัดกับเค้าสองต่อสอง หรือว่า ดร.ศิวะ ไปด้วย” นายตำรวจรุ่นพี่ถามต่อ

“พี่รู้จัก ดร.ศิวะ ด้วยหรือครับ” คนถามมีน้ำเสียงตื่นเต้นด้วยความหวัง

“รู้จักสิ ก็เรียนมาด้วยกัน....ไอ้เสือมันเป็นเพื่อนสนิทข้าโว้ย” ข้อความที่นครินทร์เฉลยออกมา สร้างความยินดีแก่คนฟังอย่างยุทธจักร เพราะแสดงว่าเขาตัดสินใจถูกที่เลือกนายตำรวจผู้รุ่นพี่คนนี้

“ดีใจละซิ ไอ้แซม....” ประโยคล้อเบาๆจากปลายสาย

“ครับ.....แต่สรุปว่าพี่เอว่างหรือเปล่าละครับ......พรุ่งนี้ตอนสี่โมงเย็นที่โรงแรม Royal Chiang Mai Health & Spa”

“ว่างพอดี......อืม......ไอ้เสือมันนัดที่โรงแรมมันเองเลยนี่....” ท่านรองฯพูด

“จะให้ผมไปรับหรือว่าพี่จะขับรถมาเองครับ”

“ข้าขับไปเองดีกว่า มันอยู่ใกล้บ้านพอดี ....เฮ้ยแต่งานนี้ไม่ฟรีนะโว้ย....ขอเป็นรถป้ายแดงซักคันดีกว่า....รับรองขนหน้าแข้งผู้อำนวยการธุรกิจในเครือประภาภูวดลคงไม่ร่วงหรอก” นครินทร์แกล้งทำเป็นเสนอขอของสมนาคุณ

“แน่นอนครับพี่ ถ้างานนี้สำเร็จ ผมจะส่งเบนซ์ป้ายแดงไปให้ บวกกับสาวๆในสังกัดผมอีกซีกสี่ห้าคน...เอาไว้คลายเครียดตลอดทั้งอาทิตย์ดีมั้ยครับ.....” ด้วยความดีใจ ยุทธจักรจึงติดสนบนทันที

“ว๊ะ..ไอ้นี่ท่าทางเอาจริงว่ะ.....รับปากแล้วน๊ะโว้ย.....”

“ขึ้นอยู่กับผลงานครับพี่....”ยุทธจักรดักคอ

“เออ.......ก็ได้ว๊ะ....”

“ว่าแต่ข้าต้องไปนอนแล้ว...ต้องเตรียมเก็บแรงไว้เล่นเทนนิสดีกว่า ถ้าแพ้เค้ามากๆเพราะหมดแรง อายเค้าว่ะ” นครินทร์รีบขอตัว

“ครับ..งั้นผมไม่รบกวนแล้วครับ เจอกันพรุ่งนี้สี่โมงเย็นครับ....สวัสดีครับ”

ยุทธจักรวางสายด้วยอารมณ์ที่ดีเป็นพิเศษ เพราะอย่างน้อยพรุ่งนี้เขาก็จะได้หมากชั้นดีเอาไว้เดินในเกมรัก..ที่เขาคาดหวังว่าจะไม่มีทางแพ้อย่างเด็ดขาด

“ไข่ขาวเอ้ย...ช่วยเป็นกำลังใจกับเจ้านายแกด้วย....ให้เอาหัวใจคนคนนั้นมาให้ได้” แซมลูบหัวเจ้าไข่ขาวเบาๆ

ไข่ขาวคล้ายจะพยักหน้า รับทราบคำขอร้องของเจ้านาย ก่อนจะส่งแววตาหิวโหยอีกครั้งไปที่เจ้านายผู้ใจดีของมัน

“หิวอีกแล้วเหรอ...กินจุจังเรา....งั้นไปกินนมกันดีกว่า.....แล้วจะได้นอน” แซมก้มลงพูดกับไข่ขาว ก่อนจะอุ้มมันขึ้นมาเพื่อพาเข้าไปในห้องครัว เขาจัดการเอานมและขนมปังออกจากตู้เย็น...ทั้งคู่ดื่มนมก่อนนอนจนหมด...เจ้าไข่ขาวได้ของแถมเป็นขนมปังแสนอร่อย.....

ทั้งสองชีวิตเข้านอนหลังจากนั้นไม่นาน และหลับไปอย่างมีความสุข

หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 22-02-2007 11:21:32
มาให้กำลังใจคนเก่งครับ

หายงอนไวไว นะครับ

 :impress: :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 22-02-2007 11:28:26
กระดานหมากแห่งหัวใจจาเริ่มแล้ว.............. :angellaugh2: :angellaugh2:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: kYos ที่ 22-02-2007 14:50:08
กินขนมปังก่อนนอนด้วยเหรอ?
นมอย่างเดียวก็อิ่มแล้วม้าง  อิอิ..
เป็นกำลังใจ รอตอนต่อไปเหมือนเดิมกั๊บ  :yeb:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: jammy ที่ 22-02-2007 16:28:40
หึๆ จะพิชิตใจจอมยุทธได้หรือเปล่าน้า อิๆ :kikkik:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 22-02-2007 17:02:29
งานนี้สงสัยต้องวางหมากหลายชั้นหน่อย ถึงมีลุ้นชนะ  :kikkik:  :kikkik:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 22-02-2007 23:17:53
แซมสู้ๆๆ เผด็จศึกเลย
 :pandalaugh:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 22-02-2007 23:24:05
แซมจะชนะใจจอมได้มั้ยเน้อ  :call:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 23-02-2007 02:11:17


เทนนิส.....กีฬาของไฮโซตัวจริง

เจ้เล่นได้แต่กระโดดหนัง  แต่ว่ากันไม่ได้นะเคอะ  เจ้อะ  แชมป์กระโดดหนังยางแถวบ้านนะเคอะ  :laugh5:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 23-02-2007 10:50:54
เช้าวันเสาร์......

ศิวะมาถึงโรงแรมในตอนสายๆ เพราะมีประชุมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารของโรงแรม เนื่องจากเขามีภารกิจสอนหนังสือในช่วงวันธรรมดา ดังนั้นจึงจำเป็นต้องใช้วันหยุดสุดสัปดาห์เป็นวันทำงานและนัดหมายการประชุมต่างๆ โดยที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารทุกคนก็เข้าใจเป็นอย่างดี

ภารกิจส่วนใหญ่ที่ศิวะกระทำเป็นปกติ นอกจากเข้าร่วมประชุมคือการอนุมัติหรือลงความเห็นในเอกสารต่างๆที่ผู้จัดการโรงแรมส่งเรื่องเข้ามาถึงเขาในฐานะผู้อำนวยการโรงแรม รวมถึงการเข้ามาพูดคุยเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจแก่พนักงานทั่วไปที่ทำงานหนักในช่วงเสาร์อาทิตย์ เพราะมีแขกมาพักมากกว่าวันธรรมดาหลายเท่าตัว ตลอดจนเข้ามาพักผ่อนออกกำลังกายร่วมกับจอมยุทธ์และภูฟ้าทุกๆสัปดาห์

โรงแรม Royal Chiang Mai Health & Spa เป็นหนึ่งในโรงแรมขนาดกลางที่แตกสาขามาจากโรงแรมรอยัลเชียงใหม่ซึ่งเป็นโรงแรมต้นตำรับของตระกูลรัตนพงค์คิรี พี่ชายทั้งสามคนของศิวะได้รับมอบหมายให้บริหารงานในสาขาต่างๆแตกต่างกันไปรวมทั้งสิ้นห้าสาขาทั่วประเทศ ส่วนเขาขอรับผิดชอบบริหารงานแค่โรงแรมเดียวเท่านั้น เพราะสถานภาพบังคับ

แม้ศิวะจะได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบในการบริหารงาน แต่ก็เป็นการบริหารงานแบบไม่เต็มตัวนักเพราะยังมีภาระงานสอนที่มหาวิทยาลัยอยู่ โชคดีที่เขามีผู้จัดการโรงแรมที่เป็นเพื่อนสนิทที่ไว้วางใจได้ รวมถึงพนักงานโรงแรมที่น่ารักและตั้งใจทำงาน เพื่อช่วยกันผลักดันให้โรงแรมขนาดกลางแห่งนี้ติดอันดับโรงแรมยอดนิยมที่มีนักท่องเที่ยวมาพักโดยตลอดทั้งปี ไม่ต่างอะไรกับโรงแรมในเครือของตระกูลที่พี่ชายดูแลอยู่ทั้งหมด

จุดเด่นของโรงแรมนี้อยู่ที่ทำเลพื้นที่ เพราะหลบหนีความสับสนวุ่นวายในตัวเมืองออกมาสู่ชนบทเล็กน้อย โดยก่อสร้างอยู่บนพื้นที่ราบต่างระดับขนาดใหญ่ติดชายเขา พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น สระว่ายน้ำ สปอร์ตคลับที่ทันสมัย สนามขี่ม้า สนามยิงปืน สนามกอล์ฟ รวมถึงสนามเทนนิสทั้งในล่มและกลางแจ้ง

ลักษณะการจัดวางแผนผังของโรงแรมและสิ่งก่อสร้างต่างๆ เน้นให้กลมกลืนไปกับธรรมชาติ ซึ่งก็ช่วยสร้างความสำราญใจให้แขกผู้มาเยือน และเป็นสิ่งกระตุ้นให้ผู้เข้าพักได้ผ่อนคลายความเครียด โดยมีกิจกรรมหลากหลายให้เลือกทำ ทั้งการนวดตัว การนวดบำบัด การเล่นกีฬากลางแจ้งและในร่ม ตลอดจนกิจกรรมอื่นๆที่ทางโรงแรมจัดบริการไว้ให้ 

ดังนั้นภายหลังการดำเนินงานมากว่าสามปี ทีมงานบริหารและพนักงานโรงแรม Royal Chiang Mai Health & Spa ทุกคนภายใต้การดูแลอยู่ห่างๆของศิวะ ก็สามารถสร้างความน่าเชื่อถือและความสำเร็จในสายตาของคณะกรรมการบริหารเครือธุรกิจอันมีบิดาของเขาที่เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ได้ และสามารถทำผลกำไรคืนแก่บริษัทในแต่ละปีมีมูลค่าสูงทีเดียว

สาเหตุสำคัญที่ศิวะต้องหันมาจับงานธุรกิจนั้นมีเพียงประการเดียว ก็เพื่อจะสร้างฐานะที่มั่นคงกับลูกชายคนเดียวของเขานั่นเอง แม้ว่าทางตระกูลของบิดาที่แท้จริงทั้งสองของภูฟ้าจะจัดว่าเป็นมหาเศรษฐีก็ตาม ประกอบกับฐานะของจอมยุทธ์ก็ไม่ด้อยไปกว่าใครทั้งหมด แต่ศิวะไม่ต้องการให้หลายๆคนคิดว่าเขาจะมีส่วนได้ส่วนเสียในสมบัติเหล่านั้น ดังนั้นศิวะจึงต้องพยายามสร้างฐานะเพื่อให้มีความทัดเทียมกันและสุดท้ายเพื่อความสบายใจของเขาเอง........

ทุกสิ่งทุกอย่างที่ศิวะกระทำ...ทุกลมหายใจเข้าออก คือ อนาคตของลูกชายยอดดวงใจของเขา....ภูฟ้า .......ชีวิตล้ำค่าที่กลับคืนมาหลังการสูญเสียหัวใจสองดวงไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ




ล่วงเข้าตอนบ่าย......

จอมยุทธ์จึงพาภูฟ้ามาสมทบกับศิวะที่โรงแรมพร้อมด้วยพี่เลี้ยงคือคุณภาวดี เพื่อให้หลานชายได้ออกกำลังกาย ว่ายน้ำ รวมถึงทำกิจกรรมต่างๆ ที่สร้างความแข็งแรงทางร่างกาย โดยที่เขาเป็นคนดูแลอยู่อย่างใกล้ชิดร่วมกับพี่เลี้ยง

เช่นเดียวกับในบริษัทของจอมยุทธ์ พนักงานโรงแรมทุกคนหลงรักคุณหนูภูฟ้าด้วยกันทั้งสิ้น เพราะภูฟ้าเป็นเด็กดี น่ารัก ร่าเริงแจ่มใส และรู้จักการวางตัวที่ดี แม้ว่าอายุจะเพียงแค่ห้าขวบ แต่การอบรมสั่งสอนของทุกๆคนในครอบครัว หล่อหลอมให้เด็กน้อย มีมารยาทและเป็นดวงใจของทุกๆคน......รอยยิ้มและแววตาหวานซึ้งที่ถอดแบบมาจากบิดาที่จากไปทั้งสอง ล้วนสร้างความประทับใจและความรักให้แก่ผู้ที่พบเห็นภูฟ้าเป็นครั้งแรกอย่างมิมีข้อสงสัย

เนื่องจากวันนี้แสงอาทิตย์ไม่ร้อนแรงมากนัก เพราะมีเมฆบางส่วนมาปกคลุมท้องฟ้าช่วยลดความร้อนแรงของแสงแดดไปได้พอสมควร จอมยุทธ์จึงอนุญาตให้หลานชายตัวน้อย ลงเล่นน้ำในสระสำหรับเด็ก ร่วมกับเด็กอื่นๆ โดยที่เขาก็นั่งมองดูอยู่ที่ริมสระ

สายตาของจอมยุทธ์จับจ้องไปที่ร่างเล็กๆของหลานชายตลอดเวลา....ทุกรอยยิ้มและทุกการกระทำของภูฟ้า จอมยุทธ์จะสังเกตเห็นเสมอ....หัวใจของเขาถูกครอบครองโดยของขวัญล้ำค่าชิ้นนี้...ของขวัญที่แลกมาด้วยชีวิตของคนที่ตนเองรัก....รักมาก....และจะรักตลอดไป...

ก่อนจะถึงเวลานัดหมายประมาณหนึ่งชั่วโมง จอมยุทธ์จึงเรียกภูฟ้าขึ้นมาจากสระ เพื่อพาไปอาบน้ำแต่งตัวเสียใหม่

“ภูครับ....อาจอมว่า ภูไปอาบน้ำดีกว่ามั้งครับ...เพราะใกล้เวลานัดของอาจอมแล้วครับ” จอมยุทธ์ปลูกฝังเรื่องการการตรงต่อเวลาให้หลานชายเสมอ

“ครับ อาจอม” ภูฟ้ายิ้มหวาน ก่อนจะเดินเข้าลุยน้ำเข้ามาหาผู้เป็นอา

“เดี๋ยวอาจอมจะพาไปอาบน้ำ แต่งตัว แล้วก็ให้คุณภา พาไปกินขนมนะครับ” จอมยุทธ์จูงมือเล็กๆของภูฟ้าให้เดินมาที่เก้าอี้ เขาหยิบผ้าขนหนูผืนใหญ่ เช็ดตัวให้หลานชายอย่างทะนุถนอม หลังจากนั้นจึงอุ้มหลานรัก เดินเข้าไปสู่ในตัวโรงแรม เพื่อไปยังห้องพักประจำของครอบครัว

หลังจากอาบน้ำและแต่งตัวให้หลานชายเรียบร้อยแล้ว จอมยุทธ์จึงให้คุณภาวดี.....พี่เลี้ยงทำหน้าที่ดูแลภูฟ้า พาไปรับประทานขนม และอาจจะไปไปนั่งเล่นหรือทำกิจกรรมต่างๆหรือพาไปดูเขาและศิวะเล่นเทนนิสก็ได้ตามแต่ภูฟ้าต้องการ

จากนั้นจอมยุทธ์จึงแยกจากหลานชายชั่วคราวเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดสำหรับเล่นเทนนิส จัดเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ เช่นไม้เทนนิสคู่มือของทั้งตนและศิวะ สุดท้ายจึงเดินไปตามศิวะที่ห้องทำงาน
 
ทั้งคู่จึงเดินออกจากตัวโรงแรม มุ่งหน้าสู่สนามเทนนิส ในเวลาเดียวกันกับยุทธจักรและท่านรองฯ นครินทร์ มาถึงโรงแรมพอดี ทั้งสองหนุ่มหยุดรอแขกรับเชิญทั้งสองคนเพื่อเดินมุ่งหน้าไปสู่สนามเทนนิสด้วยกัน

ท่านรองฯนครินทร์และยุทธจักรสวมชุดสำหรับเล่นเทนนิสเน้นสีโทนขาว ซึ่งประกอบด้วยกางเกงขาสั้น รองเท้าทันสมัย เสื้อยืดที่ทำจากผ้าที่สามารถระบายความร้อนได้ดีเป็นอย่างดี และอุปกรณ์จำเป็นอื่นๆอันได้แก่ ไม้เทนนิสประจำตัว กระบอกน้ำ และกระเป๋าสะพายที่คาดว่าจะบรรจุของใช้ส่วนตัว เช่น ผ้าขนหนู และอุปกรณ์อาบน้ำเป็นต้น

“อ้าว...เฮ้ย...เอ.....นายมาได้งัยนี่” ศิวะทักทายเพื่อนสนิททันทีที่เห็นหน้า....ทั้งคู่ไม่ได้พบหน้ากันเกือบปี เพราะต่างคนต่างมีงานรัดตัวกันทั้งคู่ แต่ก็โทรศัพท์ทักทายกันบ้างในบางครั้ง

“สวัสดีครับ พี่เอ” จอมยุทธ์กล่าวทักทายเพื่อนสนิทของผู้เป็นพี่ชาย...

“สวัสดีครับจอม” นครินทร์ทักทายตอบ ก่อนจะหันกลับไปที่เพื่อนสนิท ตอบคำถามถึงการมาปรากฏตัวในเวลานี้

“ไอ้นี่ มันลากมา.....” ท่านรองฯ ปลายตามาทางยุทธจักร และพบว่าคนที่ถูกเรียกว่า “ไอ้นี่” กำลังจ้องมองไปที่หน้ากึ่งหวานของจอมยุทธ์ที่ยืนข้างศิวะอยู่อย่างเงียบๆ อย่างไม่วางตา

“แสดงว่ารู้จักกันมาก่อน....” ศิวะเลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย หันมองหน้าคนมาใหม่ทั้งสองคน

“ครับ” ยุทธจักรจำเป็นต้องละสายตาออกจากใบหน้าของจอมยุทธ์เพื่อเป็นฝ่ายตอบข้อสงสัยนั้น

“เฮ้ย.....เรื่องมันยาว... เดี๋ยวข้าเล่าให้ฟัง....แต่ว่าเราเดินไปสนามเทนนิสก่อนดีกว่ามั้ย.....จอมว่างัยครับ” ประโยคหลังท่านรองฯหันมาคุยกับจอมยุทธ์ที่ยืนอยู่อย่างเงียบๆ พยายามไม่ใส่ใจกับประกายดวงตาสดใสของหนุ่มร่างสูงที่จับต้องมาที่เขา

“อืม...”ศิวะพยักหน้ารับคำ

“ครับ..”จอมยุทธ์และยุทธจักรรับคำชวนพร้อมกัน  
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 23-02-2007 10:55:58

ทั้งสี่หนุ่มจึงเดินมุ่งหน้าสู่สนามเทนนิสที่จองไว้ หลังจากเอาข้าวของที่ติดตัวมาวางลงบนโต๊ะที่เตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ยุทธจักรจึงขอตัวออกวิ่งรอบสนามเป็นการอุ่นเครื่อง ในขณะที่อีกสามหนุ่มยืนทำกายบริหารอยู่ใกล้ๆกันเพื่อพูดคุยและเตรียมความพร้อมของร่างกายสู่เกมเทนนิสที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้า

“ตาภูไปไหนล่ะ เสือ..” นครินทร์ถาม ขณะยังทำกายบริหาร

“อยู่กับคุณภา...คุณภาคงพาไปกินขนม เดี๋ยวคงพามาที่นี่”

“ดี......จะได้เจอหลานชายซะที ไม่ได้เจอกันเกือบปี ไม่รู้โตเท่าไหนแล้ว”

“ภูฟ้า โตขึ้นมากครับ....พี่เอ” จอมยุทธ์ช่วยตอบคำถามแทนศิวะ
 
“แต่ว่านายมากับคุณแซมได้งัย” ศิวะถามเพราะสงสัยมาตั้งแต่แรกที่พบกัน

“ข้าเคยทำงานร่วมกับแซมมันเมื่อหลายปีก่อน...ก่อนที่ข้าจะย้ายมารับตำแหน่งที่เชียงใหม่” นครินทร์ตอบ

“เคยทำงานด้วยกัน......แสดงว่าคุณแซมเป็นตำรวจเหรอเอ” ศิวะสันนิษฐาน

“....อ้าว....นายไม่รู้เหรอเสือ.....”

“ไม่รู้......ถ้ารู้ข้าคงไม่ถามหรอก” ศิวะตอบอย่างรวดเร็ว

“แสดงว่าไอ้แซมมันไม่ได้บอกล่ะซิว่ามันเป็นตำรวจ...แต่อย่างว่า.....งานของมันเป็นงานลับเสียส่วนใหญ่ มันเลยไม่ค่อยบอกใครว่ามันทำงานอะไร” นครินทร์อธิบาย ก่อนจะกวักมือเรียกยุทธจักรที่กำลังวิ่งเหยาะๆ อยู่รอบสนามให้เข้ามาหา

“เฮ้ย......ไอ้แซมตัวดี มานี่...มาแนะนำตัวใหม่....ขอแบบจริงจังหน่อย” นครินทร์บอกความประสงค์ให้ยุทธจักรทราบ

ยุทธจักรเดินเข้ามาหาทั้งสามคน เขาสบตานายตำรวจรุ่นพี่เป็นเชิงถามถึงความเหมาะสมและความปลอดภัยที่เขาจะต้องแนะนำตัวและหน้าที่การงานให้ศิวะและจอมยุทธ์ได้รับทราบ

งานส่วนใหญ่ของยุทธจักร คืองานที่ต้องใช้ความชำนาญในการวางแผน การใช้อาวุธที่ทันสมัย และจำเป็นต้องมีความคล่องตัวสูง เช่น ตอบโต้จารกรรม การก่อการร้ายภายในประเทศหรือความไม่สงบต่างๆ งานบุกชิงตัวประกัน งานปราบปราบอาชญากรรมรุนแรงที่ใช้อาวุธสงคราม และงานสนับสนุนองค์กรต่อต้านการก่อการร้ายสากล

เกือบทั้งหมดนั้นเป็นการปฏิบัติการนอกเครื่องแบบเสียส่วนใหญ่ ดังนั้นยุทธจักรและลูกน้องในทีมเกือบยี่สิบชีวิตจึงต้องระมัดระวังการแนะนำตัวเอง โดยพยายามจะไม่เปิดเผยหน้าที่การงานของตนแก่บุคคลทั่วไป เพื่อเหตุผลในการปฏิบัติงานที่บางครั้งต้องเป็นความลับ และไม่ต้องการให้ฝ่ายศัตรูรู้ตัว

ภายหลังนครินทร์พยักหน้าเป็นเชิงรับรอง...ยุทธจักรจึงแนะนำตัวอีกครั้ง....

“ผม..... พันตำรวจตรี ยุทธจักร ประภาภูวดล หัวหน้าชุดปฏิบัติการที่หนึ่ง สังกัดกองบังคับการสนับสนุนอาวุธและยุทธวิธีพิเศษ สำนักงานกองบัญชาการ(ร่วมพิเศษ)ต่อต้านการก่อการร้ายและอาชญากรรมรุนแรง.... ครับผม......” แม้จะใช้เสียงที่เป็นปกติ แต่ความองอาจและความหนักแน่นของสุ่มเสียงก็บ่งชี้ความเป็นผู้นำของยุทธจักรได้เป็นอย่างดี

“ต้องขอโทษคุณศิวะและคุณจอมยุทธ์ด้วยครับ ที่ไม่ได้บอกตั้งแต่ตอนแรก... เพราะปกติผมจะใช้ยศตำแหน่งในเวลาราชการที่จำเป็นเท่านั้นครับ....เวลาปกติ ผมจะเป็นแค่นายยุทธจักร ธรรมดาครับ” ยุทธจักรกล่าวขอโทษ และอธิบายเหตุผลสั้นๆ ให้ฟัง

“ไม่เป็นไรครับ....ผมและจอมเข้าใจดีครับ” ศิวะเป็นฝ่ายบอก โดยไม่ได้แสดงอาการแปลกใจหรือไต่ถามถึงชื่อต้นสังกัดของพันตรีหนุ่มที่ไม่คุ้นหูสำหรับคนทั่วไป

“แซม.....มันเป็นตำรวจรุ่นใหม่ไฟแรงและมีคุณภาพ..แถมพ่วงด้วยการเป็นนักเรียนนอก ยศเลยพุ่งเร็วทั้งๆที่เพิ่งจะสามสิบ อีกไม่นานคงสูงว่าข้าแน่นอน” นครินทร์กล่าวชื่นชมอดีตลูกน้องให้ศิวะและจอมยุทธ์ฟัง

“หน้าที่การงานมันดี เสียอย่างเดียว ยังหาแฟนไม่ได้....”ประโยคหลังนายตำรวจรุ่นพี่หันมายักคิ้วให้กับยุทธจักรที่ยืนนิ่งๆอยู่ข้างๆ

“ตอนนี้ได้ข่าวว่าไปชอบเค้า......แต่คิดว่าคนนั้นจะไม่เล่นด้วย....จริงมั้ยแซม” ประโยคหลังหันมาถามยุทธจักรซึ่งๆหน้า ส่งให้คนสูงใหญ่ต้องรีบตัดบทสนทนาเพื่อกลบอาการเขินเป็นการใหญ่

 “เอ่อ......ผมว่าเราแข่งกันเลยดีกว่ามั้ยครับ....ออกกำลังกายมาพอสมควรแล้ว”

“ครับ..ดีเหมือนกัน..ว่างัยจอม” ศิวะหันมาถามจอมยุทธ์

“ครับพี่เสือ...แต่ว่าจะเล่นคู่หรือเล่นเดี่ยวก่อนครับ” จอมยุทธ์หันมาถามทุกๆคน

“เล่นคู่ดีกว่ามั้ยครับ...จะได้เล่นพร้อมกัน...ผมขออนุญาตท้าแข่งกับคุณศิวะและคุณจอมยุทธ์ครับ” ยุทธจักรเสนอ

“จอมว่างัย” ศิวะหันมาถามจอมยุทธ์

“ไม่มีปัญหาครับพี่เสือ”

“อืม..ดี.....ตำรวจแข่งกับนักธุรกิจล่ะว๊ะคราวนี้...ใครแพ้เลี้ยงข้าวแล้วกัน” นครินทร์ตั้งกติกาง่ายๆเพื่อให้เกมส์ในวันนี้สนุกสนานมากขึ้น

เพราะการออกกำลังกายสม่ำเสมอแม้ว่าจะไม่เป็นประจำทุกวันเนื่องจากงานรัดตัว แต่ก็ทำให้นครินทร์ในวัยสามสิบสามปี ยังดูหนุ่มและปราดเปรียวอยู่มาก ประกอบกับความสูงที่ทัดเทียมกับศิวะคือประมาณร้อยแปดสิบเซนติเมตร จึงทำให้สามารถเล่นกีฬาเทนนิสที่ต้องใช้ความคล่องตัวและพละกำลังอย่างมากได้ในระดับดีทีเดียว

สำหรับทั้งสามหนุ่มที่เหลือที่นั้นออกกำลังกายเป็นประจำ จึงมีความสูสีในเชิงของพละกำลัง แต่คู่ของศิวะและจอมยุทธ์ดูจะมีความได้เปรียบมากซักหน่อย เพราะเล่นกีฬาชนิดนี้อยู่เป็นกิจวัตร.....เทนนิสเป็นกีฬาที่เคยเล่นด้วยกันสี่พี่น้อง...เมื่ออดีตที่ผ่านมา....เป็นสิ่งที่เชื่อมโยงความสัมพันธ์ของทั้งสี่ให้หลอมรวมกัน...ภูผา..ฟ้าลั่น..ศิวะ..และจอมยุทธ์น้องเล็ก

ผ่านเกมมาไม่นานนัก.....จอมยุทธ์และศิวะสังเกตได้ถึงความคล้ายคลึงระหว่างยุทธจักรกับคนสองคนที่ตรึงอยู่ในความทรงจำ....ทั้งในเรื่องของความปราดเปรียว ความร่าเริง ตลอดจนเทคนิคที่ใช้....แววตาที่มั่นคงยามเสิร์ฟและตั้งรับ รอยยิ้มที่เปิดกว้างทุกครั้งเมื่อสร้างความลำบากให้คู่ต่อสู้ในเกมรุกของตน......สุดท้ายเรื่องความเด็ดเดี่ยวและกล้าตัดสินใจในสถานการณ์ฉับพลัน

ความคล้ายคลึงดังกล่าวพัดพาเอาความทรงจำในอดีตของศิวะและจอมยุทธ์กลับคืนมาอีกครั้ง.....ความทรงจำที่เกี่ยวข้องกับคนสองคนในอดีต....ผู้ที่กุมดวงใจของทั้งคู่ไว้ตลอดมาและจะตลอดไป....ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดๆ สองหนุ่มก็จะไม่มีวันเอาใครมาแทนที่อย่างเด็ดขาด....รอยยิ้มที่จำได้ติดตา...ความสุขสนุกสนานที่ติดตรึงใจ....และสุดท้ายความเศร้าที่ยากจะทานทน......

ครึ่งหนึ่งของพื้นที่หัวใจของศิวะและจอมยุทธ์ที่ปิดตายนั้น คือที่อยู่ของความทรงจำดีๆ ที่มอบให้แก่......ภูผาและฟ้าลั่น...... ผู้ที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับ....ส่วนอีกครึ่งหนึ่งที่เหลือก็ถูกครอบครองโดยความรักที่มอบให้แด่..ภูฟ้า...ตัวแทนของทั้งคู่นั่นเอง

หลังเวลาผ่านไปตลอดเกือบหนึ่งชั่วโมงเต็ม จอมยุทธ์และศิวะซึ่งมีคะแนนนำมาตลอดจึงเอาชนะคู่ตำรวจผู้ท้าชิงได้สำเร็จสองเซตรวด และเป็นการเอาชนะด้วยชั้นเชิงและลีลาการเล่นเกมส์ล้วนๆ

“เหนื่อยชิบ....” นครินทร์บ่นหลังจากกลับมานั่งพักดื่มน้ำเย็นๆที่พนักงานโรงแรมนำมาเสิร์ฟให้

“ฝีมือยังไม่ตกเลยนะเสือ.....จอมด้วย” นครินทร์ชม

“พี่เอก็ยังใช้ได้อยู่นี่ครับ...ขนาดไม่ได้เล่นเสียนานยังฟิตขนาดนี้” จอมยุทธ์พูด

“พี่มันคนยังไม่มีแฟน ก็ต้องฟิตไว้ครับ......ไปหมดแรงต่อหน้าคนอื่นขายหน้าเค้าแย่เลย” ท่านรองฯยิ้มอารมณ์ดี

“เอาสาวๆจากจอมมาเป็นแฟนซิเอ....ขานั้นเค้ามีเยอะ” ศิวะหยอกเพื่อนสนิทเล่นๆ อย่างไม่จริงจัง

“เอามั้ยครับพี่เอ....เดี๋ยวผมจะส่งไปให้.....”จอมยุทธ์รับลูกส่งจากศิวะอย่างทันทีทันใด

“ขอบคุณล่วงหน้าครับ....แต่จอมพอจะแบ่งปันไปให้เจ้าแซมมันมั่งได้หรือเปล่าครับ.....มันก็โสดเหมือนกัน” ประโยคหลังนครินทร์หันไปส่งยิ้มให้กับยุทธจักรที่นั่งพักเหนื่อยอยู่ใกล้ๆ

ยุทธจักรสั่นหัวเล็กน้อย พลางหัวเราะกับความช่างแหย่ของนายตำรวจรุ่นพี่ที่ตนเองนับถือ 

“ตอนนี้ผมกำลังจะไม่โสดแล้วครับ....ขอบายครับ” ยุทธจักรบอกทั้งสามคน....เขาอดไม่ได้ที่จะส่งสายตาหวานไปให้จอมยุทธ์ที่นั่งอยู่ตรงข้ามอย่างเคยชิน
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 23-02-2007 10:57:28
“คุณจอมเหนื่อยหรือยังครับ...มาต่อเกมเดี่ยวกับผมซักเกมหนึ่งได้มั้ยครับ” ยุทธจักรเปิดเกมรุกอีกครั้ง เพื่อจะได้หาโอกาสเข้าใกล้ชิดและทำความรู้จักกับจอมยุทธ์ให้มากขึ้น รวมถึงเขาต้องการให้ นครินทร์ มีโอกาสอยู่กับศิวะสองต่อสอง เพื่อที่จะได้มีโอกาสซักถามคำถามที่เขาเตรียมไว้ให้ก่อนล่วงหน้าได้อย่างเต็มที่

“ครับผม......ยินดีครับ” ครั้งนี้จอมยุทธ์มิได้รับคำโดยมารยาท แต่รู้สึกสนุกกับลีลาการเล่นของหนุ่มร่างสูงคนนี้ ประกอบกับเกมที่ผ่านมาได้สลายความเยือกเย็นที่เกาะกุมหัวใจบางส่วนของตนให้อบอุ่นขึ้นมาอีกครั้ง.....ส่งผลให้เขากลับมาร่าเริงและเปิดโอกาสที่จะเรียนรู้นิสัยของสหายใหม่อย่างยุทธจักรให้มากขึ้น....และที่สำคัญการปรากฏตัวของท่านรองฯนครินทร์ คนที่จอมยุทธ์นับถือ ก็ช่วยเพิ่มความไว้วางใจในชายหนุ่มร่างสูงที่มีรอยยิ้มและดวงตาสดใสคนนี้ได้ในระดับหนึ่ง
 
นครินทร์ ก็ไม่รอช้า เขาเปิดคำถามใส่ศิวะทันทีที่ทั้งสองหนุ่มเดินเข้าไปในสนามเพื่อเปิดศึกดวลกันอีกครั้ง

“เสือ....นายยังอยู่บ้านเดียวกับกับจอมอยู่หรือเปล่า”

“อืม...อยู่ซิ” ศิวะรับคำอย่างเป็นปกติ แต่สายตาที่คนฟังมองมาอย่างกระหายใคร่รู้อย่างอื่น ทำให้เขาต้องหัวเราะออกมาเบาๆ

“เฮ้ย....ห้ามคิดลามกโว้ย.....ไอ้เอ” ศิวะเรียกเพื่อนสนิทอย่างสนิทสนมเมื่ออยู่กันสองต่อสอง

“เราเป็นพี่น้องกัน...จอมเค้าช่วยข้าดูแลตาภูตั้งแต่อยู่อังกฤษ เค้ารักตาภูมากและตาภูก็รักเค้ามากเช่นกัน......เราสามคนจึงตัดสินใจอยู่บ้านเดียวกันหลังจากนั้นเป็นต้นมา...แกก็รู้นี่นา” ศิวะอธิบายให้ผู้เป็นเพื่อนสนิทเข้าใจอีกครั้ง

ศิวะไม่มีอะไรปิดบังกับนครินทร์ เพราะเป็นเพื่อนที่โตมาด้วยกันตั้งแต่เล็กและไปเรียนไฮสคูลต่อที่อเมริกาด้วยกัน ที่นั่นเองที่ทำให้ศิวะกลายเป็นผู้ชายที่สามารถมีสัมพันธ์กับผู้ชายด้วยกันได้ และนครินทร์ก็เป็นคนแรกที่ศิวะเปิดปากเล่าให้ฟังอย่างไม่ปิดบัง

“เราเคยรักคนคนเดียวกัน...นายก็รู้....ข้ากับจอมเป็นได้แค่เพียงพี่น้องเท่านั้น”

“หัวใจของข้า...มันไม่มีที่ว่างให้ใครแล้วว่ะเอ....มีแต่ตาภูคนเดียวเท่านั้น” ศิวะยังคงพูดต่อ.... ดวงตาอ่อนโยนลงอย่างเห็นได้ชัด ยามพูดถึงลูกชายตัวน้อย.....ลูกชายที่เฝ้าเลี้ยงดูทะนุถนอมมาตลอดห้าปีกว่าๆ ทุกความคิดทุกการกระทำของศิวะ...อยู่บนพื้นฐานของความรักที่มีให้กับภูฟ้าเสมอ

“อืม.....”นครินทร์พยักหน้าแสดงความเข้าใจ....เขาพยายามไม่รื้อฟื้นอดีตที่เจ็บปวดของเพื่อนรัก

“แล้วจอม....เค้ามีแฟนหรือยัง” นครินทร์ถามต่อ

ศิวะหันหน้ากลับมายังเพื่อนสนิทของตนทันที เลิกคิ้วข้างหนึ่งสูงขึ้นแสดงความสงสัยในประโยคนั้น

“เฮ้ย.....ข้ายังชอบผู้หญิงอยู่ว่ะ........อย่ามาทำเป็นสงสัย” นครินทร์อ่านคำถามในแววตาของศิวะออกจึงต้องรีบปฎิเสธอย่างรวดเร็ว

“แล้วอยากรู้ไปทำไม” ศิวะถามเพราะพอจะระแคะระคายความผิดปกติบางอย่างได้บ้าง

“เอ่อ....มีคนเค้าฝากถามมาว่ะ”

“ใครว๊ะ......แซมเหรอ” ศิวะเดา

“ทำไมเดาออกว๊ะ” ท่านรองฯเก็บอาการสงสัยไว้ไม่อยู่เลยต้องถามออกมา

“ไม่เห็นยาก...ก็เพื่อนรุ่นน้องแก เล่นส่งตาหวานให้จอมอยู่บ่อยๆ...ถึงข้าไม่ใช่ตำรวจแต่ก็ช่างสังเกตนะโว้ย”

“แต่ท่าจะยาก....เห็นจอมเค้าหน้าสวยอย่างนั้นน่ะ....รสนิยมเค้าตรงกันข้ามกับหน้าตา.....จอมคงไม่ตกเป็นของใครง่ายๆหรอก”

“ขนาดนั้นเชียว” ท่านรองฯถามอีกครั้ง

“ถึงจอมเค้าจะดูอายุน้อย...แต่เค้าก็ฉลาดมากนะ....อีกอย่างเค้าไม่อยากเป็นฝ่ายเสียเปรียบหรอก...นอกจากเค้าจะรักจริงๆ .....ถ้าแซมทำให้จอมรักได้อย่างคนในอดีตของเค้า.....มันก็ไม่แน่”

“แต่แซม.......เค้าชอบจอมจริงๆหรือเปล่าล่ะเอ.....ในส่วนเรื่องความดี ข้ามั่นใจว่าถ้าแซมไม่ดีจริงแกคงไม่ช่วยเหลือเค้าหรอก..ข้ามั่นใจในวิจารณญาณของแก.....แต่”

“แต่อะไรเสือ” นครินทร์ถาม

“แต่ขอให้จริงจัง.....แล้วถ้ามาทำให้คนที่ข้ารักเจ็บปวดล่ะก็ คงต้องเอาคืนกันบ้างล่ะ....แม้แต่แกเองข้าก็ไม่เว้น” ศิวะพูดหนักแน่นและจริงจัง จนนครินทร์เองก็เริ่มหวั่นใจ เพราะยังไม่มั่นใจนักกับการตัดสินใจของนายตำรวจรุ่นน้อง แม้เขาจะทราบว่ายุทธจักรเป็นคนจริงจังกับการทำงาน...แต่เรื่องของหัวใจเช่นนี้ เขาเองก็ตอบแทนเจ้าตัวไม่ได้

“ข้าต้องถามแซมมัน....เรื่องนี้ข้ายังตอบไม่ได้ตอนนี้”

“ถามเค้าให้ดี....หรือให้เค้าบอกมาตรงๆ ข้าและจอมเป็นคนตรงไปตรงมา” ศิวะเปิดทางเพราะโดยส่วนตัวก็เริ่มพึงพอใจในนิสัยของยุทธจักร.....ยิ่งได้เพื่อนสนิทมารับรองความดีที่มีในตัวชายหนุ่ม เขาก็พึงพอใจมากขึ้น...ที่สำคัญศิวะต้องการเห็นจอมยุทธ์มีความสุขกับความรักอีกครั้งหนึ่ง....อยากให้น้องรักไม่ต้องจมอยู่กับอดีตที่เจ็บปวดเหมือนกับที่เขาเผชิญอยู่ตลอดเวลาและจะตลอดไป

“เดี๋ยวข้าจะไปคุยกับแซมดู....ขอบใจแกมากนะเสือที่เข้าใจ” นครินทร์เอื้อมมือมาตบไหล่ศิวะเบาๆ ก่อนที่ทั้งคู่จะหันไปจับตามองเกมการเล่นระหว่างยุทธจักรและจอมยุทธ์ที่กำลังสูสี ทั้งคู่ได้ยินกรรมการประจำสนามประกาศไทเบรกเกอร์ เนื่องจากทั้งมีคะแนนเซ็ตพอยท์เท่ากัน

ในวันเสาร์-อาทิตย์ ณ. สนามเทนนิสของสปอร์ตคลับแห่งนี้.......ทางโรงแรมจะเตรียมพนักงานไว้เพื่ออำนวยความสะดวกผู้เล่น โดยจะรับผิดชอบทั้งการประกาศคะแนนและช่วยฝึกสอนนักเล่นมือใหม่ทั้งหลายที่เป็นสมาชิกของสปอร์ตคลับหรือผู้มาพักโรงแรม....ไม่เพียงเฉพาะสนามเทนนิสเท่านั้น ทั้งสนามยิงปืน สนามขี่ม้า สระว่ายน้ำ สนามศิลปะป้องกันตัว และกิจกรรมกีฬาอื่นๆ ทางโรงแรมก็จัดสรรบุคคลากรที่มีความรู้เฉพาะทางในกีฬานั้นๆ เพื่อคอยฝึกสอนและอำนวยความสะดวกแก่ทุกๆคนที่เข้ามาเยือน และในบางครั้งศิวะและจอมยุทธ์ก็ต้องรับทำหน้าที่นี้บ้างเพื่อเป็นการผ่อนคลายและในกรณีที่พนักงานป่วยหรือไม่สามารถมาปฏิบัติหน้าที่ได้

“แกว่าใครจะชนะว๊ะ....เสือ” นครินทร์หันมาถามความเห็นเพื่อนสนิท เพราะทราบว่าฝีมือทางกีฬาของยุทธจักรนั้นเก่งกาจพอตัว แต่ก็ทราบว่าฝีมือของจอมยุทธ์ก็ไม่เป็นรองใคร

“ตอบลำบากว่ะ....แต่ขออย่างเดียวอย่าให้แซมแกล้งแพ้แล้วกัน...ถ้าจอมรู้คงโกรธตาย” ศิวะตอบเพราะรู้ใจจอมยุทธ์เป็นอย่างดี

แม้ว่ายุทธจักรจะอยู่กลางสนาม....แต่ดูเหมือนว่าเขาจะทราบเช่นเดียวกับที่ศิวะพูดมา....ตอนแรกเขาตั้งใจจะแกล้งแพ้เพื่อจะได้เป็นข้ออ้างในอนาคตที่จะขอแข่งแก้มือ...แต่หลังจากไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้ว เขาคงต้องแกล้งทำเป็นแพ้โดยตลอด เพราะถ้าอยู่ดีๆฝีมือการเล่นผิดแปลกไป จอมยุทธ์ผู้เล่นกีฬาชนิดนี้เป็นประจำคงจะสังเกตเห็น และทราบว่าเขาอ่อนข้อให้ตั้งแต่แรก จอมยุทธ์คงจะโกรธเขาไม่น้อย......ดังนั้นยุทธจักรจึงตัดสินใจเล่นอย่างเต็มที่ เพราะคิดว่าหนุ่มหน้ากึ่งหวานที่เป็นเจ้าของหัวใจของเขาในตอนนี้น่าจะชอบการเล่นแฟร์ๆแบบนี้

หลังจากไทเบรกเกอร์ ทั้งคู่ต้องเล่นต่อไปอีกอย่างน้อยเจ็ดแต้มจนกว่าจะรู้ผลแพ้ชนะ ดังนั้นช่วงเวลานี้จึงเป็นการพิสูจน์ฝีมือและพละกำลังกันอย่างแท้จริง....ทั้งสองหนุ่มกลับเข้ามาพักดื่มน้ำและเช็ดเหงื่อที่ริมสนามก่อนจะเริ่มดวลเกมกันอีกครั้ง .....

หลังจากเริ่มเกมใหม่มาประมาณกว่ายี่สิบนาที ในที่สุดยุทธจักรก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ได้สำเร็จ ด้วยคะแนน 11 ต่อ 9 ซึ่งถือว่าเป็นการเอาชนะแบบหืดขึ้นคอพอสมควร

และเป็นอย่างที่คาดไว้ไม่มีผิด ชัยชนะที่ยุทธจักรได้รับมาอย่างยากลำบากนี้ส่งผลดีให้กับเขาจริงๆ

เพราะจอมยุทธ์เป็นคนชอบการท้าทาย ยิ่งพบว่าคู่ต่อสู้มีฝีมือที่สูสี ไม่แตกต่างกันมากนัก รวมถึงประเมินแล้วว่ายุทธจักรเล่นอย่างเต็มที่ไม่ได้ออมมือ ดังนั้นจอมยุทธ์จึงรู้สึกสนุกสนานกับเกมนี้เป็นอย่างมากและเริ่มมีความเป็นกันเองกับยุทธจักรมากขึ้น

หลังจบเกม....จอมยุทธ์เดินมาจับมือกับนายตำรวจหนุ่มเข้าของรอยยิ้มหวาน และกล่าวว่า

“เอาไว้คราวหน้ามาเล่นกันใหม่นะครับพี่แซม” สรรพนามเรียกขานที่เปลี่ยนไป ทำให้ยุทธจักรถึงกับตั้งตัวแทบไม่ทันและเผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว

“ได้เลยครับจอม....”ยุทธจักรเรียกจอมยุทธ์อย่างเป็นกันเองมากขึ้นเช่นกัน

เพราะรอยยิ้มและดวงตาของยุทธจักรนั้นช่วยกระตุ้นความทรงจำในอดีตถึงพี่ชายอีกสองคนของจอมยุทธ์ขึ้นมา อีกทั้งการเล่นเทนนิสที่ผ่านมา ยังพัดพาเอาความรู้สึกดีๆ ที่พี่ชายทั้งสองช่วยสอนวิธีการเทนนิสให้กับเขา และระลึกย้อนไปถึงการแข่งขันต่างๆ ที่จอมยุทธ์ไม่เคยเอาชนะพี่หมอกและพี่ฟ้าลั่น....บิดาของหลานรักได้เลยซักครั้ง.....

ความทรงจำดีๆที่ผ่านมา ช่วยทำให้เกราะบางอย่างที่จอมยุทธ์สร้างไว้เพื่อป้องกันยุทธจักรเริ่มคลายลงบ้าง....ดังนั้นสรรพนามคำว่า “พี่แซม” จึงหลุดออกจากริมฝีปากคู่สวยนั้นอย่างไม่ตั้งใจ

ที่สำคัญจอมยุทธ์บอกตนเองตั้งแต่ก่อนแข่งขันแล้วว่า ถ้ายุทธจักรแกล้งแพ้หรือทำทีอ่อนข้อต่อเขา...จอมยุทธ์จะเพิ่มระยะห่างให้มากขึ้น เพราะแสดงว่ายุทธจักรกำลังหวังผลอะไรซักอย่างในการอ่อนข้อนั้นอย่างแน่นอน แต่โชคดีที่ยุทธจักรไม่ได้ทำเช่นนั้น ดังนั้นระยะห่างที่สร้างไว้ จึงหดสั้นเข้ามาอีกนิด

จากเหตุผลดังกล่าว สรรพนาม “พี่แซม” ที่หลุดออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจในตอนแรก....จอมยุทธ์จึงไม่คิดที่จะเปลี่ยนกลับไปเป็นอย่างเดิมที่เรียก “คุณแซม” เพราะอย่างน้อยเกมกีฬาและการทำความรู้จักกันในวันนี้ก็ทำให้จอมยุทธ์ไว้ใจยุทธจักรขึ้นมาในระดับหนึ่ง...แต่ถึงกระนั้น แววตาแปลกๆที่ชายหนุ่มร่างสูงมองมา ก็ยังรบกวนจิตใจของเขาอยู่บ้างในบางครั้ง

หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 23-02-2007 12:12:21
พี่แซม.... ฮิ้ววววววววววววววววววววววว  เปลี่ยนสรรพนามเรียกแย้ววว  :fox2:
เท่ห์มากเลยพี่  จ๋อมบอกว่าเรื่องเป็นแนวสืบสวนสอบสวนเหรอ  จะเกี่ยวอะไรกับตำแหน่งพี่แซมป่าวเนี่ย 

รออ่านต่อค๊าบบบบ  พี่จ๋อม  :like6:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: jammy ที่ 23-02-2007 12:55:24
เริ่มเข้าใกล้ได้อีกนิดเเล้วสินะครับยุทธจักร อิๆ  :give2:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 23-02-2007 13:10:47


จอม.................จ๋อม?


ว้ายๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


พี่แซม?   อืมๆๆๆๆๆๆ   น่าคิดๆ  หลุดมาได้ไงฟะตาจอม  หรือว่ามันจะ...... :3063:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 23-02-2007 14:07:50
พี่แซม............... :like6: :like6: :like6:

พี่แซมจะทำหั้ยความทรงจำดีๆเก่าๆกลับมาหรอ..... :impress3:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั
เริ่มหัวข้อโดย: kYos ที่ 23-02-2007 15:33:52
ความสัมพันธ์คืบหน้าเข้าไปอีกนิดแล้วสิ อิอิ..

เป็นกำลังใจให้เหมือนเดิมจ้า  :yeb:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 23-02-2007 16:11:08
มาเป็นกำลังใจให้อีกคนค่ะ :110011: :110011: :110011:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 23-02-2007 16:35:11
หุหุ ใกล้เข้าไปอีกนิด  :kikkik:
แซมสู้ ๆ  :yeb:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: RoosT ที่ 24-02-2007 15:10:55
มาให้กำลังใจค๊าบบบบบบบบ

มาต่อไวๆค๊าบบบบบ

 :yeb: :yeb: :yeb:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 25-02-2007 08:44:50
“หวดกันมันส์จริงๆ...นั่งพักก่อนซิ” นครินทร์ชมสองหนุ่มที่เพิ่งเดินออกจากสนามกลับเข้ามาที่เขาและศิวะนั่งอยู่

“เสือจะเล่นต่ออีกหรือเปล่า...หรือว่าจะพักซักครู่หนึ่ง แล้วไปอาบน้ำ กินข้าวเย็นกัน” นครินทร์เอ่ยถามเพื่อนสนิท

“เล่นแค่นี้ก่อนดีกว่า.......นี่ก็เย็นมากแล้ว...เดี๋ยวตาภูคงมาชวนไปกินข้าวเย็น” ศิวะตอบ

ยังไม่ทันที่ศิวะจะพูดอะไรต่อ....คุณภาวดี..พี่เลี้ยงก็พาภูฟ้าเดินเข้ามาในสนามเทนนิส

“อ้าว...ตาภูมาพอดีเลยเอ.....ท่าจะหิวข้าวแล้ว”

ศิวะเรียกลูกชายให้เดินเข้ามาหา ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนยิ่งนัก

“ภูมาหาพ่อซิลูก.....”

ภูฟ้าได้ยินดังนั้นจึงเดินเข้ามาหาบิดาของตนอย่างช้าๆ

“ตาภูจำได้มั้ยครับลูก...นี่ใครเอ่ย” ศิวะก้มหน้าลงถามลูกชาย

“จำได้ครับพ่อเสือ......สวัสดีครับ...ลุงเอ” เด็กน้อยกล่าวตอบบิดา ก่อนจะยกมือเล็กๆทั้งสองข้างขึ้นพนมแสดงกริยาไหว้เคารพต่อเพื่อนสนิทของบิดาอย่างนอบน้อม

นครินทร์ย่อตัวคุกเข่าลง เขาพูดตอบภูฟ้าว่า

“สวัสดีครับตาภู....จำลุงเอได้ด้วย....ขอลุงเอ กอดได้มั้ยครับ”

“ได้ครับลุงเอ” ภูฟ้าตอบคำถามพร้อมมอบรอยยิ้มหวานให้
 
นครินทร์กอดภูฟ้าด้วยความรักและเอ็นดู ก่อนจะอ้มภูฟ้าขึ้นแนบอก และยืนขึ้น....อดไม่ได้ที่จะหอมแก้มใสๆของลูกชายเพื่อนสนิทที่น่ารักคนนี้

“ตาภูหล่อมากเลยนะครับ.....โตขึ้นไปสาวๆคงตามกันเป็นพรวน” นครินทร์กล่าวชมหลานชาย

“ภูหิวแล้วเหรอลูก” ศิวะถามลูกชายที่ยังอยู่ในอ้อมกอดของเพื่อนสนิท

“ครับพ่อเสือ”

“งั้นขอพ่อเสือ อาจอม ลุงเอ และอาแซม ไปอาบน้ำก่อนนะครับ....แล้วเดี๋ยวพ่อเสือจะพาไปกินข้าวเย็นครับ”

“ภูรอได้หรือเปล่าครับ” ศิวะถามลูกชาย

“ได้ครับพ่อเสือ....” ภูฟ้าตอบ

“คุณภา...พาตาภูไปรอที่ลอบบี้ก่อนนะครับ...เดี๋ยวพวกผมอาบน้ำเสร็จแล้วจะไปหาครับ”

“ค่ะ คุณเสือ” คุณภาวดีรับคำ ก่อนจะรับภูฟ้าจากอ้อมกอดของนครินทร์

ทั้งสี่หนุ่มใช้เวลาไม่มากในการอาบน้ำชำระล้างร่างกาย หลังจากนั้นทั้งคณะจึงเดินทางออกจากโรงแรมมุ่งหน้าไปยังร้านอาหารเฮือนโบราณบ้านร้อยปี ซึ่งเป็นร้านอาหารบรรยากาศเงียบสงบริมแม่น้ำปิง เหมาะแก่การสังสรรค์ในหมู่คนสนิท

ลักษณะของเฮือนโบราณบ้านร้อยปีเป็นร้านอาหารขนาดไม่ใหญ่มากนัก โดยแบ่งพื้นที่เป็นสองส่วนคือบริเวณลานกลางแจ้ง ซึ่งจัดแต่งเป็นลักษณะส่วนหย่อมอย่างสวยงามประดับประดาด้วยโคมไฟหลากสี สำหรับต้อนรับแขกผู้พิสมัยการรับประทานอาหารท่ามกลางแสงไฟในบรรยากาศกลางแจ้งและรับลมเย็นๆที่พัดผ่านมาจากแม่น้ำปิง...

ส่วนที่สองของร้านอาหารคือบ้านร้อยปี ซึ่งเป็นลักษณะเป็นบ้านเปิดสองชั้น ที่ดัดแปลงเป็นพื้นที่สำหรับรับประทานอาหารเช่นกัน โดยที่ภายในประดับตกแต่งด้วยเครื่องใช้โบราณแบบล้านนาแท้ๆ

นายตำรวจทั้งสองนายผู้เป็นเจ้ามือ ตัดสินใจเลือกที่จะพาสมาชิกทุกคนเข้าไปรับประทานอาหารเย็นภายในบ้านร้อยปี เนื่องจากมีบรรยากาศที่เงียบสงบ ผู้คนไม่พลุกพล่านเหมือนบริเวณพื้นที่กลางแจ้ง

ทั้งสี่หนุ่มรับประทานอาหารและพูดคุยกันอย่างเป็นกันเอง แม้ว่าจะมีเด็กเล็กอย่างภูฟ้าอยู่ด้วยก็ไม่มีปัญหาอะไร....

ภูฟ้าไม่เคยสร้างความรำคาญ ปัญหาหรือแสดงที่ท่าเอาแต่ใจตนเองแต่อย่างใด เนื่องจากภูฟ้าเคยชินที่จะร่วมรับประทานอาหารกับเพื่อนสนิทของบิดาและอาจอมที่รักของตน และด้วยการอบรมสั่งสอนด้วยความรักของบุคคลทั้งสอง ทำให้ภูฟ้ามีมารยาทและเป็นเด็กที่เรียบร้อย แม้ว่าจะอายุยังน้อยอยู่ก็ตาม

ภูฟ้านั่งรับประทานอาหารอย่างเงียบๆกับคุณภาวดีที่มุมหนึ่งของโต๊ะอาหารขนาดใหญ่ โดยที่ผู้ใหญ่ทั้งสี่คนกำลังพูดคุยกันอย่างออกรส

“พรุ่งนี้นายต้องไปทำงานที่โรงแรมหรือเปล่าล่ะเสือ” นครินทร์ตั้งคำถาม

“ไม่ต้องทำงาน...แต่ว่าจะพาตาภูไปขี่ม้าที่โรงแรมในตอนเช้า”

“แล้วจอมล่ะครับ” นครินทร์หันมาถามจอมยุทธ์

“พรุ่งนี้ผมต้องไปแทนครูฝึกที่สนามยิงปืนครับ”

“จอมชอบยิงปืนหรือครับ....” ยุทธจักรถามทั้งๆที่ทราบคำตอบอยู่แล้ว เพราะเป็นความชำนาญที่ถูกระบุในประวัติของจอมยุทธ์ที่ลูกน้องส่งมาให้อ่าน

“ไม่เชิงครับ....เพียงแค่ฝึกมาบ้างครับ” จอมยุทธ์ตอบเลี่ยงๆ พยายามไม่สร้างความน่าสนใจอะไรมากนัก

“จอมถนัดยิงปืนแบบไหนครับ” นครินทร์ถามต่อด้วยความแปลกใจเพราะไม่คิดว่าหนุ่มรุ่นน้องหน้าหวานคนนี้จะชื่นชอบกีฬายิงปืน และถึงขนาดเป็นครูฝึกของสนามยิงปืนในสปอร์ตคลับ

“ได้ทั้งแบบเป้านิ่งและเป้าบินครับ...แต่ชอบเป้าบินมากกว่าครับ...มันท้าทายดีครับ”  จอมยุทธ์ตอบ

“น่าสนใจจังเลยนะครับ...ผมชักอยากทราบแล้วว่าจอมจะยิงปืนเก่งเหมือนเล่นเทนนิสหรือเปล่าครับ” ยุทธจักรพยายามชวนคุยต่อ เพื่อหาทางเข้าถึงตัวของจอมยุทธ์ให้มากขึ้น

“ไม่เก่งหรอกครับ...พี่เสือเก่งกว่าครับ” จอมยุทธ์พยายามเปลี่ยนจุดสนใจของทั้งสองหนุ่มจากตนเองไปสู่ศิวะแทน....และก็ประสบความสำเร็จเนื่องจากนครินทร์หันกลับไปที่ศิวะทันที พร้อมเปิดคำถามต่อมาด้วยความสงสัย

“เสือ..แกยิงปืนด้วยหรือว๊ะ..ทำไมข้าไม่รู้”

ศิวะเตรียมพร้อมกับคำถามที่ตามมาเพราะการเปลี่ยนความสนใจของจอมยุทธ์....เขาเตรียมคำตอบไว้สำหรับคำถามนี้อยู่แล้ว...รวมถึงการโต้กลับน้องชายเจ้าเล่ห์ด้วยเช่นกัน

“ข้ากับจอมเคยฝึกยิงปืนตอนอยู่ที่อังกฤษ....พอดีไม่มีอะไรทำ.....แล้วก็สนามยิงปืนอยู่ใกล้ๆบ้านพักพอดี”

“อืม...แสดงว่าเริ่มมากว่าห้าปีแล้วซิ” นครินทร์คิดทบทวนเรื่องเวลา

“อีกอย่างข้าและจอมเป็นนักธุรกิจ..เราก็ต้องเรียนรู้พวกนี้ไว้ป้องกันตัวบ้าง” ศิวะอธิบายให้เพื่อนสนิทฟัง ก่อนจะหันไปหายุทธจักร แล้วพูดประโยคต่อมาที่ทำให้จอมยุทธ์ผู้นั่งฟังอยู่เพลินๆหันมาทำตาขวางใส่โดยทันที

“ถ้าคุณแซมอยากทราบว่าจอมเค้ามือแม่นขนาดไหน.....พรุ่งนี้ก็เชิญที่สนามซิครับ.....เริ่มตั้งแต่เก้าโมงเช้าถึงเที่ยงครับ”

“ผมยินดีครับ...แต่ไม่ทราบว่าจอมเค้าจะลำบากใจหรือเปล่า”

“เชิญครับพี่แซม..ตามสบายครับ” จอมยุทธ์จำเป็นต้องเล่นไปตามเงื่อนไขของศิวะโดยมารยาท

“ขอบคุณครับจอม”

“อย่างนี้นอกจากยิงปืนแล้วทั้งพี่เสือและจอมฝึกพวกศิลปะป้องกันตัวหรือเปล่าครับ...” ยุทธจักรถามอีกครั้ง...ทั้งๆที่ทราบคำตอบแล้วเช่นกัน...เพียงแต่เขาต้องการตรวจสอบข้อมูลให้แน่ชัดและพยายามหาช่องทางเข้าหาสองหนุ่มนี้ให้มากที่สุด

“อืม....จำได้ว่าตอนไฮสคูลเราเคยเล่นเทควันโด้ด้วยกัน...ตอนนี้แกยังฝึกอยู่หรือเปล่าเสือ” นครินทร์รำลึกถึงอดีตและเอ่ยถาม

“ก็ยังฝึกต่อเรื่อยๆ ไม่มีอะไรมาก.....ก็แค่ไม่อยากให้ลืมเท่านั้น” คำตอบของศิวะสร้างความประหลาดใจให้คนฟังอย่างยุทธจักรเป็นอย่างมาก เพราะคำตอบนั้นดูคล้ายกับว่าศิวะฝึกฝนเพื่อความสนุกสนานและเพื่อให้ร่างกายเกิดความเคยชินเท่านั้น...ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้วชายหนุ่มผมสีน้ำผึ้งตรงหน้าสามารถสอบได้ระดับสายดำเลยทีเดียว

“อย่างที่เอบอกนั่นแหละครับคุณแซม...ผมฝึกเทควันโด้ครับ” ประโยคหลังศิวะหันมาตอบยุทธจักรผู้ตั้งคำถามในตอนแรก

แม้จอมยุทธ์เริ่มที่จะเป็นกันเองกับยุทธจักรมากขึ้น...รวมถึงสรรพนามที่เรียกยุทธจักรจะเปลี่ยนไป..แต่จิตใต้สำนึกยังคอยเตือนให้จอมยุทธ์ระวังชายหนุ่มคนนี้อยู่.....ดังนั้นจอมยุทธ์จึงค่อนข้างที่จะพูดน้อย เน้นการนั่งฟังเสียเป็นส่วนใหญ่ หรือตอบคำถามที่ถามเขาโดยตรงเท่านั้น....ที่เหลือก็มอบใช้ศิวะเป็นผู้ตอบแทน....

“ผมฝึกคาราเต้ครับ....” จอมยุทธ์ได้จังหวะตอบคำถามของยุทธจักร

“จอมเค้าตัวเล็กกว่าผม.....ผมเลยให้ฝึกคาราเต้ดีกว่าครับ...” ศิวะช่วยสร้างความกระจ่างเพราะสังเกตเห็นว่าจอมยุทธ์ค่อนข้างเงียบผิดปกติ

“แต่ว่าข้าสนใจเรื่องยิงปืนว่ะเสือ....ข้าชักอยากเห็นแกกับจอมยิงปืนซะแล้ว....ไม่แน่ข้าอาจได้แก้มือที่แพ้เทนนิสในคราวนี้ว่ะ...แต่ว่าแกกับจอมจะกล้าแข่งหรือเปล่า....ข้าต่อให้ซักยี่สิบห้าแต้มดีกว่า..ไหนๆข้าก็เป็นตำรวจ” นครินทร์เริ่มสนใจความสามารถพิเศษทางด้านนี้ของทั้งศิวะและจอมยุทธ์ขึ้นมา.....และคิดว่ามันจะไม่ยุติธรรมนักถ้าท้าแข่งยิงปืนกับบุคคลธรรมดาโดยไม่ให้แต้มต่อทั้งๆที่เขาเป็นตำรวจที่น่าจะเชี่ยวชาญมากกว่า

ศิวะหันมาถามจอมยุทธ์โดยใช้เพียงการส่งสายตา...ภายหลังจอมยุทธ์พยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วย ศิวะจึงตอบกลับทันที

“เอาซิ.....แต่แกจะต่อให้ยี่สิบห้าแต้มจริงดิ....มากไปหรือเปล่า” ศิวะถามยิ้มๆ

“เฮ้ย..ข้าพูดคำไหนคำนั้นโว้ย...อย่างน้อยข้าก็มีนักแม่นปืนของกรมตำรวจอย่างเจ้าแซมมัน....แข่งเป็นคู่แบบนี้ข้าใจป้ำต่อแต้มให้ยี่สิบห้าแต้มเลย”

“แต่ว่าถ้าพี่เอกับพี่แซมแพ้อีกล่ะครับ....จะทำอย่างไรครับ” คราวนี้จอมยุทธ์เป็นฝ่ายพูดหยอก พร้อมรอยยิ้มกวนๆ

“เอางัยดีว๊ะแซม.....” นครินทร์หันมาถามยุทธจักร ชักเริ่มไม่มั่นใจตนเองขึ้นมาซะแล้ว

“คงแล้วแต่พี่เสือ จอมและตาภูแล้วล่ะครับ...ว่าอยากได้อะไร” ยุทธจักรตอบ

“แต่ว่าถ้าทีมข้าชนะล่ะเสือ....แกจะให้อะไร” นครินทร์หันมาถามศิวะ

“ข้ากับจอมจะเลี้ยงข้าวหนึ่งมื้อ....แค่นี้แหละ...เพราะไหนๆแล้วแกก็เป็นต่ออยู่ดี” ศิวะพูด

“อืม...เอางั้นก็ได้ว๊ะ...ว่างัยแซม” ประโยคหลังนครินทร์หันมาถามยุทธจักร

“ครับ” ยุทธจักรรับคำ
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 25-02-2007 08:47:02
หลังจากทั้งสี่หนุ่มตกลงกันเรื่องกติกา เวลาและสถานที่ที่จะพบกันในวันพรุ่งนี้เช้าเพื่อพิสูจน์ฝีมือยิงปืนกัน ก็ได้เวลาที่ศิวะจะต้องพาภูฟ้ากลับบ้านและอาบน้ำเพื่อเข้านอน  ดังนั้นศิวะ จอมยุทธ์ ภูฟ้า และคุณภาวดีพี่เลี้ยงจึงต้องขอตัวกลับออกมาก่อน โดยปล่อยให้ทั้งสองนายตำรวจนั่งคุยกันต่อ

เมื่ออยู่กันแค่สองคน..ยุทธจักรจึงได้เวลาสอบถามถึงข้อสงสัยที่เขาฝากนครินทร์หาข้อมูล ในขณะเดียวกันนครินทร์เองก็มีเรื่องที่จะคุยกับนายตำรวจรุ่นน้องด้วยเช่นกัน

“พี่เอครับ....สรุปว่าพี่เสือเป็นแฟนกับจอมหรือเปล่าครับ” โดยไม่รอช้ายุทธจักรเปิดคำถามใส่นครินทร์ทันที

“เปล่า...เค้ารักกันแบบพี่น้อง” นครินทร์ตอบสั้นๆ

“แปลกจังนะครับ...แล้วทำไมถึงอยู่บ้านเดียวกัน แล้วก็ท่าทางสนิทสนมกันขนาดนั้น” ยุทธจักรถามต่อด้วยความสงสัย

“เสือกับจอมเคยรักคนคนเดียวกันมาก่อน.....แต่รายละเอียดข้าไม่รู้......รู้แต่ว่าต่างช่วยกันเลี้ยงตาภูมาด้วยกันตั้งแต่เล็ก.....จึงสนิทเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน”

“ครับ...”แม้ยุทธจักรจะรับคำเหมือนเข้าใจ แต่ก็อดสงสัยประเด็นความสัมพันธ์ของทั้งสองคนไม่ได้

“คราวนี้ก็สบายใจได้แล้ว...ไอ้เสือเพื่อนข้ามันเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น...ถ้ามันบอกไม่มีอะไร ก็แสดงว่าไม่มีอะไรจริงๆ”

“แต่ข้ามีคำถามให้แกว่ะแซม” นครินทร์ลดเสียงลง เปลี่ยนน้ำเสียงเป็นงานเป็นการ

“แกคิดว่าแกจะรักจอมเค้าจริงๆ หรือเปล่า....หรือว่าแกจะจีบเค้าเล่นๆ ......ยังไม่ต้องตอบข้าตอนนี้ก็ได้ถ้ายังไม่มั่นใจ...กลับไปคิดมาก่อน..แล้วค่อยมาคุยกัน”

“พี่เอครับ....แม้ว่ามันจะดูเหมือนว่าเร็วไปที่ผมจะบอกว่าผมจริงจังกับความรู้สึกที่ผมมีต่อจอม....แต่มันก็เป็นความจริงครับ....พี่เอก็ทราบ ผมตามหาคนที่ใช่สำหรับผมมานานมาก....คราวนี้ผมมั่นใจว่า จอมคือคนที่ผมรอคอยมาทั้งชีวิตครับ” ยุทธจักรพูดกลับด้วยน้ำเสียงจริงจังเช่นกัน...

ยุทธจักรรับรู้ถึงหัวใจตนเองมาตลอด...เขารู้ว่าเวลานี้ หัวใจที่ว่างเปล่ามานานของเขา กลับเริ่มมีคำว่า “รัก” พอกพูนขึ้นมา เพียงเมื่อได้พบสบตาชายหนุ่มที่ชื่อจอมยุทธ์.....หนุ่มหน้าหวานที่ทำให้หัวใจของเขาสั่นไหว

“ทั้งๆที่แกก็รู้ว่า..แกต้องพยายามมากที่จะทำให้จอมเค้ายอมรับแก...หรือแม้กระทั่งไม่มีโอกาสที่จอมจะรักแกเลยนี่นะ”

“ครับพี่....ผมยอมรับครับ....แม้จอมเค้าจะไม่รักผม...แต่ขอให้ผมได้อยู่ใกล้เค้า...อยู่ในสายตาของเค้าบ้าง...อย่างน้อยก็ให้ผมมีโอกาสที่จะดูแลเค้า...และที่สำคัญขอให้เค้ายอมรับการมีตัวตนของผมบ้างก็พอครับ...”

“แล้วแกจะมีความสุขหรือแซม”

“มีซิครับ...ความสุขที่ได้รักงัยครับ...และความสุขที่ความรักของผมเป็นที่ยอมรับของจอม...แม้ว่าจอมไม่สามารถตอบแทนความรักของผมได้”

“ทำไมแกไม่หาคนใหม่ละแซม...แกเองก็มีพร้อม...คนที่รักแกก็มีให้เลือกหลายคน..” นครินทร์ถาม

“ข้อสำคัญคือผมไม่เคยสนใจคนเหล่านั้นเลยครับพี่เอ...ผมไม่เคยมีความรู้สึกอย่างที่ผมมีกับจอม ให้กับพวกเค้าเลยครับ”

“อืม...” นครินทร์พยักหน้า พยายามสร้างความเข้าใจในคำอธิบายของยุทธจักร

“ไอ้เสือ.....เพื่อนข้าฝากมาบอกว่า ทั้งมันและจอมเป็นคนตรงไปตรงมา...ถ้ารักหรือชอบก็บอกมาตรงๆจะดีกว่า”

“ผมเองก็อยากจะบอกจอมเค้าตรงๆเหมือนกันครับ...แต่กลัวว่าระยะห่างที่เค้าสร้างขึ้นมากันผมไว้มันจะห่างไปยิ่งกว่าเดิมครับ....ผมคงต้องขอเวลาซักหน่อย..อย่างน้อยก็ให้จอมเค้ายอมรับผมมากกว่านี้”

“บางทีแกน่าจะไปคุยกับเสือมันดูนะแซม....บางทีมันอาจช่วยแกได้” นครินทร์ให้คำแนะนำ

“ขอบคุณครับพี่ที่แนะนำ...ผมคงต้องไปคุยกับพี่เสืออย่างที่พี่บอกนั่นแหล่ะครับ...”

“เอาเป็นว่าข้าเอาใจช่วยเต็มที่...แล้วมีอะไรให้ช่วยก็บอกมา...”

“ขอบคุณครับพี่....ตกลงจะเอาเบนซ์อยู่อีกหรือเปล่าครับ” ยุทธจักรยักคิ้วถามพร้อมทั้งยิ้มกว้าง

“เอาดิ....แหม...ข้าเต็มใจช่วยก็จริงๆ แต่ถ้ามีของตอบแทนเล็กน้อยๆแบบนี้...มันก็ดีว่ะ” นครินทร์หยอกกลับ

“ครับผม....” นายตำรวจรุ่นน้องหัวเราะเบาๆ

“แต่ว่าตอนนี้ผมคงต้องขอตัวก่อนนะครับพี่....ต้องรีบกลับไปพักผ่อนก่อนครับ...พรุ่งนี้เกิดไปแพ้เค้าอีก...ผมว่าเราคงขายหน้าน่าดูนะครับ”

“อืม...ข้าเห็นด้วยว่ะ...ประมาทไม่ได้แล้ว...ลืมไปว่าเพื่อนข้ามันยิ่งอัจฉริยะอยู่ ..จอมเองก็ใช่ย่อย...ข้าต้องรีบกลับไปนอนบ้างเหมือนกัน...”

“งั้นเดี๋ยวผมจ่ายเงินแล้วเราก็แยกย้ายกันกลับบ้านเลยดีกว่านะครับ...แล้วเจอกันที่โรงแรมพี่เสือพรุ่งนี้ตอนแปดโมงครึ่งนะครับ”

“อืม..ดีเหมือนกัน”

ทั้งสองหนุ่มแยกย้ายกันกลับบ้านหลังจากจ่ายเงินค่าอาหารเย็นเสร็จ......เพื่อพักผ่อนเตรียมพร้อมสำหรับการยิงปืนในตอนเช้าวันพรุ่งนี้...โดยมีศักดิ์ศรีของนายตำรวจเป็นเดิมพัน....



หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 25-02-2007 08:59:39
สวัสดีครับทุกคน....

ช่วงนี้ผมไม่มีเวลาว่างเลยนะครับ...งานยุ่งมาก....เลยขออนุญาตยังไม่ตอบรีพลายนะครับ....

ขอไว้ว่าถ้าว่างจากงานเมื่อไหร่จะมาทักทายกันนะครับ.... อย่างอนนะครับ...

ช่วงนี้มรสุมงานพัดกระหน่ำเหลือเกินครับ....ต้องรอให้มันลดระดับความรุนแรงลงมาน่ะครับ...

หวังว่าคงจะตามอ่านกันไปเรื่อยๆ นะครับ.... ตอนแรกๆ มันคงเป็นแบบนี้แหละครับ....การดำเนินเรื่องมันมีเงื่อนไขของมันแบบนี้ครับ...

ไปละครับ...หวังว่าคงสบายดีกันนะครับ...

Andreas

ปล. ผมเห็นชื่อไม่คุ้นอยู่สองท่านครับ....คุณ Bosatlas และคุณ Roost ซึ่งผมไม่เคยเห็นชื่อนี้ตั้งแต่กระทู้นิยายเรื่องแรกครับ.... ไม่ทราบว่าเคยเข้าไปอ่านนิยายเรื่องแรกของผมหรือยังครับ... ถ้ายัง....แนะนำให้ไปอ่านนะครับ....เพื่อจะได้อ่านเรื่องนี้ได้อรรถรสมากขึ้นครับ.... แต่ถ้าไม่อยากอ่านเรื่องแรกก็ไม่เป็นไรครับ...เรื่องนี้พยายามแต่งไม่ให้ไปติดกับเรื่องแรกซักเท่าไหร่ครับ...
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: jammy ที่ 25-02-2007 12:41:45
เข้าใจครับจ๋อม ตั้งใจทำงานละ จะได้เสร็จไวๆ จะติดตามอ่านไปเรื่อยๆนะครับ  :yeb:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 25-02-2007 13:27:02

งานยุ่งก็ช่าง  แต่อิฉันอยากอ่านนิยาย

หล่อนจะไม่รีพลายก้ได้ยะยัยจ่อม  แต่กรุณาลงนิยายอย่างต่อเนื่อง

เพราะเจ้ชอบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ  :like6:



นะๆ  ได้โปรดเถอะนะเคอะคุณน้องจ๋อมสุดสวย  :dont2:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 25-02-2007 14:09:17
“แล้วแกจะมีความสุขหรือแซม”

“มีซิครับ...ความสุขที่ได้รักงัยครับ...และความสุขที่ความรักของผมเป็นที่ยอมรับของจอม...แม้ว่าจอมไม่สามารถตอบแทนความรักของผมได้”

ประทับใจ...... :like6: :like6: :like6:.....พูดได้โดนโคตร.....

ป.ล...ไม่ตอบไม่ว่าคับพี่จ๋อม....แต่กรุณาลงนิยาย.... :laugh3: :laugh3:(ลอกเจ๊แกมา)
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 25-02-2007 22:31:43
จอม--------จ๋อม

เรียนวิดยา จบโทเหมือนกัน

และยังเป็นโสด


555555


ตัวละครจากชีวิตจริง

 :kikkik:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 25-02-2007 23:24:56
ความสุขที่ได้รัก  :like6:
ประโยคนี้ชอบมั่ก ๆ   :myeye:

เป็นกำลังใจให้นะคะ  :yeb:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: kYos ที่ 26-02-2007 00:26:17
เฮ้อ.. รู้สึกเข้าใจแซมเลยแฮะ  เรื่องของหัวใจนี่มันห้ามกันไม่ได้จริงๆ

“พี่เอครับ....แม้ว่ามันจะดูเหมือนว่าเร็วไป ที่ผมจะบอกว่าผมจริงจังกับความรู้สึกที่ผมมีต่อจอม....แต่มันก็เป็นความ จริงครับ....พี่เอก็ทราบ ผมตามหาคนที่ใช่สำหรับผมมานานมาก....คราวนี้ผมมั่นใจว่า จอมคือคนที่ผมรอคอยมาทั้งชีวิตครับ

เป็นกำลังใจเหมือนเดิม  :yeb:  ไม่ต้องรีบร้อนหรอก เคลียร์งานให้เรียบร้อยก่อนดีกว่าน้า
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 26-02-2007 03:54:29
คุณ Andreas หนึ่งติดตามผลงานของคุณตั้งแต่ภูผากะฟ้าลั่นแล้วค่ะแต่ตอนนั้นไม่ได้โพส ขอโทษจริงๆค่ะ ต่อไปนี้จะติดตามตลอดเลย :yeb:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 26-02-2007 04:37:02
  ^
  !
  !

ไม่เป็นไรหรอกครับ...คุณBosatlas...ไม่ต้องขอโทษผมหรอกครับ....แค่ตามอ่านเรื่องของผม...ผมก็ดีใจแล้วครับ.... ที่ผมถามเพราะเกรงว่าอาจจะไม่ได้อรรถรสเท่าที่ควรในการอ่านน่ะครับ....

ผมเขียนนิยายเรื่องนี้ มันจะมีมุมมองอยู่สองแบบ....คือแบบที่หนึ่ง คนที่อ่านเรื่องเพราะเราต้องรักกันฯ จะมีมุมมองและความเข้าใจคล้ายๆกับศิวะและจอมยุทธ์ คือเวลาอ้างถึงบิดาของภูฟ้าแล้วจะเข้าใจได้ทันที....

ส่วนอีกมุมมองหนึ่ง...คือมุมมองของยุทธจักร....ที่ไม่เคยรับรู้เรื่องราวต่างๆในอดีต....เขาก็จะมีข้อสงสัยอยู่ตลอดเวลา....และเรื่องราวก็จะเฉลยออกมาจนหมดในตอนสุดท้าย....มุมมองนี้ก็คล้ายกับว่า คนไม่เคยอ่านเรื่องแรกงัยครับ...ก็จะสงสัย...และพยายามอ่านไปเรื่อยๆ เพื่อหาคำตอบ....

ดังนั้นไม่ว่าจะอ่านหรือไม่อ่านเรื่องแรก ก็จะได้รับอรรถรสในการอ่านเหมือนกัน.... ยกเว้นคนที่ใจร้อน...ผมก็จะแนะนำให้ไปอ่านเรื่องแรกเสียก่อนครับ....

วันนี้ตื่นสายครับ....ตื่นมาก็ได้เวลาทานข้าวกลางวันพอดีตอนบ่ายสามครับ...หลังทำกับข้าวเสร็จแล้ว...จึงแวะเข้ามาตอบกระทู้....และนั่งทานข้าวกลางวันไปด้วย....

ขอบคุณกำลังใจของ jammy, shell, gobgab, ฟ.ฟัน, เจ้สอง, และ bosatlas ที่ให้มาครับ....

ส่วนที่หนูพูห์มาจุดประกาย....(จริงๆแล้วอีเจ้สองก็แอบมาจุดคล้ายกัน)...ว่าผู้เขียนกับตัวละครช่างมีคุณลักษณะที่คล้ายคลึงกัน.....ก่อนอื่นคงต้องปฏิเสธหมดครับ...ยกเว้นแนวความคิดเรื่องรัก...อาจจะคล้ายๆกันบ้าง.....

เอาเป็นว่า...นายจอมยุทธ์นี่....เป็นแค่ตัวละครในจินตนาการครับ....ไม่มีลักษณะทางกายภาพที่เหมือนผู้เขียนเช่นผมแต่ประการใดครับ.......

ไปก่อนแล้วครับ...

Andreas
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 26-02-2007 04:47:21
ขอบคุณนะคะคุณ Andreas ที่มาอธิบายตอนนี้เข้าใจแล้วค่ะ ตัวเองเป็นคนใจร้อน คือเหมือนอ่านหนังสือสักเล่มถ้าอ่านไม่จบเล่มก็จะไม่วางเลยจนกว่าจะอ่านจบ เหมือนเข้ามาอ่านที่นี่ก็จะโพสประมาณว่ามาต่อไวไวนะ ถ้าค้างๆคาๆนอนไม่ค่อยหลับเดี๋ยวฝันร้าย :serius2: ยังงัยก็มาต่อไวไวนะคะ :yeb:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 26-02-2007 05:05:42
บทที่ 4: หนทางแห่งรัก

เช้าวันรุ่งขึ้น.......

นครินทร์และยุทธจักรมาถึงโรงแรมด้วยอารมณ์ที่สดชื่นเพราะพักผ่อนมาอย่างเพียงพอ ทั้งคู่เดินตรงไปยังสนามยิงปืนทันที และพบว่าจอมยุทธ์กำลังตรวจสอบดูความเรียบร้อยของสนามและอุปกรณ์ต่างๆ

“จอมมาเช้าจังเลยนะครับ....” นครินทร์ทักทายเพื่อนรุ่นน้อง

“สวัสดีครับพี่เอ..สวัสดีครับพี่แซม” จอมยุทธ์กล่าวคำทักทายแก่ผู้มาใหม่ทั้งสอง

“ผมต้องมาตรวจดูความเรียบร้อยก่อนสนามเปิดครับ...ก็เลยต้องมาแต่เช้าครับ” จอมยุทธ์ตอบคำถาม

“แล้วไอ้เสือไปไหนล่ะจอม...”นครินทร์ถาม

“พี่เสือพาตาภูไปขี่ม้าตั้งแต่เจ็ดโมงกว่าๆครับ...เดี๋ยวก็คงตามมา หรือไม่ก็พาตาภูไปรับประทานข้าวเช้าที่ห้องอาหารครับ”

“พี่เอกับพี่แซม ทานอะไรมาหรือยังครับ...ถ้ายังเราไปทานข้าวเช้ากันที่ห้องอาหารก่อนดีมั้ยครับ...เพราะกว่าสนามจะเปิดก็เก้าโมงครับ...” จอมยุทธ์ชวนเพราะเห็นว่ายังเช้าอยู่ และคาดว่าทั้งสองหนุ่มยังคงไม่ได้รับประทานเช้ามาอย่างแน่นอน

“ดีเหมือนกันครับจอม...ผมยังไม่ได้ทานอะไรเลย...หาอะไรรองท้องซักหน่อยดีกว่า...พี่เอว่างัยครับ” ยุทธจักรตอบคำถามของจอมยุทธ์ ก่อนจะหันมาขอเสียงสนับสนุนจากนายตำรวจรุ่นพี่

“ดีเหมือนกัน..ข้าเริ่มหิวแล้ว” นครินทร์ตอบ ก่อนจะหันมาบอกกับจอมยุทธ์ว่า

“ครับจอม...พี่เริ่มหิวพอดีครับ”

“อย่างนั้น...เชิญที่ห้องอาหารเลยครับ” จอมยุทธ์พูดเสร็จก็เดินนำทั้งสองหนุ่มไปที่ห้องอาหารของโรงแรมที่อยู่ไม่ไกลออกนัก

โรงแรม Royal Chiang Mai Health & Spa มีห้องอาหารทั้งสิ้นสองหลังด้วยกัน หลังแรกอยู่ในบริเวณโรงแรม ซึ่งเอาไว้บริการแขกที่พักอยู่ในตัวตึกตามห้องพักต่างๆ ลักษณะของห้องอาหารเน้นการตกแต่งโดยใช้รูปแบบผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมล้านนาและยุโรป ทำนองเดียวกับรูปแบบตกแต่งหลักของตัวโรงแรม

ห้องอาหารที่สองอยู่ในส่วนที่จัดไว้สำหรับกิจกรรมกีฬากลางแจ้ง เพื่อรองรับสมาชิกของสปอร์ตคลับโดยเฉพาะ  โดยมีลักษณะเป็นเรือนเปิดขนาดใหญ่แบบล้านนาเสาค่อนข้างสูง รอบๆ บริเวณห้อมล้อมด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่ ช่วยสร้างร่มเงาและความเย็นสบาย

การขึ้นเรือนกระทำได้โดยผ่านบันไดทั้งสามด้าน ทอดขึ้นสู่ตัวอาคารที่ภายในมีทั้งห้องที่จัดไว้สำหรับรับประทานอาหารส่วนตัวหรือแบบกลุ่มระหว่างเพื่อนสนิท และห้องโถงขนาดใหญ่ที่มีโต๊ะรับประทานอาหารเรียงรายอยู่ หลายสิบตัว

เนื่องจากห้องอาหารนี้อยู่สูงกว่าระดับพื้นดิน ดังนั้นแขกผู้มาเยือนจึงสามารถชมวิวทิวทัศน์ส่วนที่เป็นสนามกว้างและลานกิจกรรมต่างๆ ตลอดจนภูมิสถาปัตยกรรมที่เลื่องชื่อของโรงแรมแห่งนี้ ขณะรับประทานอาหารหรือขึ้นมานั่งพักผ่อนเพื่อเตรียมทำกิจรรมต่างๆต่อไป

นอกจากการประดับตกแต่งที่เน้นแบบเรียบง่ายแต่คงความหรูหราแล้ว จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของห้องอาหารแห่งนี้คือ การบริการอาหารแบบบุฟเฟต์ ทั้งตอนเช้า กลางวันและเย็น ทั้งนี้เพื่อให้ผู้มาใช้บริการเกิดความความสะดวกรวดเร็ว โดยเฉพาะหลังจากการออกกำลังกาย หลายๆคนคงจะเกิดอาการหิวมาก ดังนั้นการบริการแบบบุฟเฟต์จึงเป็นทางเลือกที่ดีและเหมาะสม

นอกจากจะมีบริการบุฟเฟต์ ทางห้องอาหารก็มีอาหารว่างประเภทแซนวิช ขนมปังแบบฝรั่งเศส และอื่นๆรวมถึงน้ำชา กาแฟและเครื่องดื่มหลากชนิด ไว้สำหรับสมาชิกและผู้มาใช้บริการสปอร์ตคลับแห่งนี้

ขณะที่สามหนุ่มก้าวขึ้นไปยังห้องอาหารเข้าสู่ห้องโถงรวม ก็พบศิวะและภูฟ้ากำลังรับประทานอาหารเช้าอยู่ด้วยกัน โดยมีคุณภาวดีพี่เลี้ยงร่วมโต๊ะอยู่ด้วย

ศิวะหันมาเห็นผู้มาเยือนทั้งสามหนุ่มจึงลุกขึ้นและกล่าวทักทายทันที

“เฮ้ยเอ...มาแต่เช้าเลยนะ...สวัสดีครับคุณแซม” ประโยคหลังศิวะหันมาทักทายยุทธจักร  

“ไม่ได้ว่ะเสือ..คนกำลังฟิต...”นครินทร์กล่าวตอบ

“สวัสดีครับพี่เสือ” ยุทธจักรกล่าวทักทายตอบ

“สวัสดีครับลุงเอ....สวัสดีครับอาแซม” ภูฟ้ากล่าวสวัสดีพร้อมทั้งยกมือไหว้นครินทร์และยุทธจักรที่เดินมาพร้อมคุณอาหนุ่ม

“สวัสดีครับ..ภู” ทั้งสองหนุ่มใหญ่พูดขึ้นพร้อมกันพร้อมมอบรอยยิ้มให้หลานชาย

“เมื่อวาน...ผมยังไม่ได้แนะนำให้รู้จักพี่เลี้ยงของลูกชายผมเลยครับ....คุณแซม....” ศิวะหันมาคุยกับยุทธจักร พร้อมเตรียมแนะนำคุณภาวดีให้เป็นที่รู้จัก

“คุณภาครับ..นี่คือคุณแซม...เพื่อนของท่านรองนครินทร์และ คุณแซมครับนี่คุณภาวดี พี่เลี้ยงของตาภูครับ”

“สวัสดีค่ะคุณแซม” ภาวดียกมือไหว้และกล่าวทักทายอย่างเรียบร้อย

“สวัสดีครับ...คุณภา” ยุทธจักรทักทายตอบ

คุณภาวดีเป็นผู้หญิงชาวเหนือผิวขาว หน้าตาดี สวยสมวัย ผมยาวดำเป็นมันขลับ รูปร่างสมส่วน เพราะการออกกำลังกาย รวมถึงมีมารยาทเรียบร้อย คุณภาวดีทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงของภูฟ้าตั้งแต่ยังไม่ทันจบปริญญาตรีสาขาพยาบาลด้วยซ้ำ จนกระทั่งบัดนี้ที่อายุที่เข้าสู่วัยเบญจเพสพอดี

ศิวะและจอมยุทธ์พบภาวดีโดยบังเอิญ เมื่อตอนพาภูฟ้าซึ่งยังเป็นเด็กอายุเกือบ 2 ขวบไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะสวนบวกหาดในตอนเย็นๆ ในเวลาเดียวกันกับที่ภาวดีกำลังช่วยบิดาและมารดาขายเครื่องดื่มและขนมอยู่ข้างรั้ว

ภูฟ้าซึ่งกำลังอารมณ์ดีมาตลอดนั้น อยู่ๆก็ร้องไห้จ้าขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ ทั้งคุณพ่อมือใหม่และคุณอาหนุ่มต่างก็พยายามปลอบขวัญและหาสาเหตุไม่ชอบมาพากลใรครั้งนี้ แต่จนแล้วจนรอดภูฟ้าก็ไม่ตอบคำถามหรือหยุดร้องแต่อย่างใด

ภาวดีได้ยินเสียงร้องของภูฟ้า จึงเดินมาดูและเสนอตัวเข้าช่วย ภาวดีเดาว่าหนูน้อยคนนี้น่าจะปวดท้อง เนื่องจากลองใช้มือคลำและใช้นิ้วเคาะบริเวณท้องตามหลักสูตรการดูแลเด็กที่เรียนมาในห้องเรียน แล้วพบว่าภายในท้องของเด็กน้อยมีลมค่อนข้างมาก

“คุณสองคนมียาแก้ปวดท้องของเด็กมั้ยคะ”

“ดิฉันเดาว่าแกน่าจะปวดท้องค่ะ”

“มีครับ...”ศิวะตอบก่อนที่จะค้นในตะกร้า หยิบเอาขวดยาขึ้นมาให้

“ดิชั้นว่าน่าจะให้แกทานยานะคะ...” ภาวดีพูดต่อ

“Phu...... your tummy hurts, don’t you?”  จอมยุทธ์ได้ยินดังนั้น จึงถามหลานชายเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นภาษาแรกที่เด็กน้อยเรียนรู้ตั้งแต่เกิด เนื่องจากตอนอยู่ประเทศอังกฤษนั้น คริสมีบทบาทสำคัญในฐานะพ่อทูนหัวคนหนึ่งของภูฟ้า และช่วยเลี้ยงดูภูฟ้ายามที่ทั้งสองคนไม่ว่างและมีภารกิจเร่งด่วนที่ต้องปฏิบัติ ทั้งสามคนจึงตกลงที่จะใช้ภาษาอังกฤษในยามสื่อสารพูดคุยกับภูฟ้า เพื่อป้องกันความสับสนทางภาษาที่อาจจะเกิดขึ้น

อีกเหตุผลประการหนึ่งคือ ศิวะและจอมยุทธ์ต้องการให้ภูฟ้าสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ตั้งแต่อายุยังน้อยเพื่อให้ฝังเข้าไปในระบบความจำส่วนลึก เพราะว่าหลังจากกลับเมืองไทยแล้วภูฟ้าต้องพูดและเรียนภาษาไทย ดังนั้นถ้ามาเริ่มเรียนภาษาอังกฤษตอนเริ่มโตแล้ว ก็จะทำให้เกิดปัญหาการเรียนรู้ได้ และที่สำคัญภูฟ้าอาจไม่สามารถพูดคุยอย่างคล่องแคล่วกับคริส.....พ่อทูนหัวที่อยู่อีกซีกโลกหนึ่งได้ในขณะที่อายุยังน้อยอยู่
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 26-02-2007 05:08:38
ภูฟ้าพยักหน้า ก่อนจะบอกว่า

“yes อาจอม”

“Then you gotta take this medication, OK?” ศิวะเป็นผู้กล่าวประโยคนี้ ก่อนจะรินยาน้ำใส่ช้อนเล็กๆ ป้อนให้ลูกชาย และกล่าวสอนอย่างนุ่มนวลว่า

“Next time, if your tummy hurts....tell พ่อเสือ and อาจอม right away....don’t be quiet...OK?”

“yes, พ่อเสือ” เด็กน้อยกล่าวคำ

หลังจากให้ลูกชายรับประทานยาแล้ว...ซักพักภูฟ้าก็มีอาการดีขึ้น โดยภาวดียังคงยืนดูอยู่เพื่อความแน่ใจว่าหนูน้อยน่ารักคนนี้จะไม่มีอาการปวดตรงไหนอีก

ศิวะเห็นอาการเอาใจใส่ของภาวดีต่อลูกชายของตน จึงรู้สึกชื่นชมและถูกชะตากับหญิงสาวคนนี้มาก จึงตัดสินใจเอ่ยถาม

“คุณเป็นพยาบาลหรือคุณหมอครับ....”

“ดิชั้นกำลังเรียนพยาบาลอยู่ค่ะ...ปีสุดท้ายแล้วค่ะ ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ค่ะ” หญิงสาวตอบ

“จบแล้วจะไปทำงานที่ไหนครับ..” จอมยุทธ์ถามต่อ

“ยังไม่ทราบเลยค่ะ..แต่ดิชั้นต้องหางานให้ได้ค่ะ” ประโยคหลังภาวดีถอนหายใจออกมาเล็กน้อย แม้ดวงตาใสๆจะเปี่ยมไปด้วยความหวัง แต่ก็แฝงไว้ด้วยความกังวลบางอย่าง

ศิวะสังเกตเห็นความกังวลที่แฝงอยู่ในดวงตาคู่นั้น จึงคิดอยากจะสอบถาม เพื่อว่าตนเองจะยื่นมือเข้าช่วยเหลือได้บ้าง

“ผมนี่แย่จังครับ...ยืนคุยกับคุณมานานผมยังไม่ได้แนะนำตัวเลยครับ...ผมชื่อศิวะ และนี่จอมยุทธ์ น้องชายผม แล้วก็ลูกชายของผม....ชื่อ ภูฟ้าครับ”

“สวัสดีค่ะ..ดิชั้นชื่อภาวดีค่ะ...ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” ภาวดีทักทายตอบพร้อมยกมือไหว้ทั้งสองหนุ่มที่คาดว่าจะมีอายุมากกว่าตน


ศิวะและจอมยุทธ์พึงพอใจกับมารยาทและความเรียบร้อยของหญิงสาวตรงหน้า ในขณะเดียวกันด้วยบุคลิกที่ดีของศิวะและจอมยุทธ์ ก็สร้างความมั่นใจในระดับหนึ่งที่ทำให้ภาวดีตัดสินใจอยู่พูดคุยด้วย แทนที่จะรีบขอตัวกลับไปขายของต่อ

“ถ้าคุณภาวดีว่าง....ผมขอคุยด้วยซักห้านาทีได้มั้ยครับ...ตรงนี้แหละครับ...ไม่ได้ไปไหนไกล” ศิวะรีบพูดขึ้นทันทีก่อนที่ผู้ฟังจะเข้าใจผิดเป็นอย่างอื่น

“ค่ะ” หญิงสาวรับคำสั้นๆ แม้จะสงสัยอยู่บ้างถึงวัตถุประสงค์ของขายหนุ่มผิวสีน้ำผึ้ง แต่ก็มิได้หวั่นเกรงแต่อย่างใด เนื่องจากบริเวณที่ทั้งสี่ยืนคุยกันอยู่ นั้นอยู่กลางแจ้งและมีผู้คนหลากหลายคนเดินไปมา ประกอบกับบิดามารดาของตนก็คอยแอบชำเลืองมองดูอยู่อย่างเป็นระยะๆ

ศิวะจึงพยายามซักถามถึงประวัติส่วนตัวคร่าวๆของภาวดีและเรื่องเกี่ยวกับครอบครัวบางส่วน...แม้ว่าศิวะและจอมยุทธ์จะไม่ได้ข้อมูลอะไรมากนัก เนื่องจากภาวดีไม่ต้องการจะเปิดเผยในบางเรื่องบางประเด็น แต่ทั้งคู่ก็พอจะทราบคร่าวๆว่าหญิงสาวเกิดมาในครอบครัวที่ยากจน และยังมีน้องชายสองคนที่กำลังเรียนหนังสือ ภาวดีเป็นความหวังเดียวของครอบครัวที่จะช่วยรับภาระในการส่งเสียน้องชายทั้งคู่แทนบิดามารดา

นอกจากนั้นศิวะและจอมยุทธ์ยังเห็นพ้องต้องกันว่า ภาวดีเป็นหญิงสาวที่มีมารยาทเรียบร้อย มีความเป็นผู้ใหญ่ สังเกตจากกิริยาท่าทางและคำพูด รวมถึงมีสติปัญญาเฉลียวฉลาดอีกด้วย ทั้งสองคนจึงยื่นข้อเสนอที่ทำให้ภาวดีแปลกใจและดีใจในเวลาเดียวกันทันที

“คุณภาสนใจมาเป็นพี่เลี้ยงลูกชายผมมั้ยครับ....ผมให้ค่าตอบแทนสองเท่าของเงินเดือนที่พยาบาลจบใหม่จะได้รับครับ......” ศิวะหยุดหยุดพักเล็กน้อย เขากล่าวต่อว่า

“ยังไม่ต้องตอบผมตอนนี้ก็ได้ครับ เอานามบัตรผมกับน้องชายไปก่อนนะครับ...ลองสืบประวัติพวกเราดูก่อนก็ได้ ว่าน่าไว้ใจขนาดไหนนะครับ...ถ้าตัดสินใจได้อย่างไร ก็โทรศัพท์บอกผมนะครับ....”

“คุณภาวดีอาจสืบข้อมูลของเราทั้งคู่ได้จากอาจารย์คนึงนิจได้อีกทางนะครับ...อาจารย์เค้าเป็นอาจารย์คณะของคุณ และเป็นเพื่อนของเราสองคนครับ...คิดว่าคุณภาวดีคงจะรู้จักท่าน” จอมยุทธ์พูดขึ้นมาบ้าง

“ค่ะ..ดิชั้นรู้จักอาจารย์คนึงนิจค่ะ” ภาวดีตอบ

“ดีเลยครับ...ลองปรึกษาอาจารย์คนึงนิจดูก่อนก็ได้นะครับ...” ศิวะพูด

“งั้นพวกเราไม่รบกวนคุณภาวดีแล้วครับ...ถ้าตัดสินใจอย่างไร รบกวนโทรศัพท์บอกผมหรือจอมยุทธ์...คนใดคนหนึ่งก็ได้ครับ”

“ค่ะ..ดิชั้นขอตัวก่อนนะคะ..... สวัสดีค่ะ” ภาวดีกล่าวคำอำลา และเดินออกมาอย่างงงๆ เนื่องจากทั้งตื่นเต้นและแปลกใจอยู่ในที เพราะไม่คิดว่าจะมีคนเสนองานให้ตั้งแต่ตนเองยังเรียนไม่จบอย่างนี้

และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ภาวดีได้พบกับศิวะและจอมยุทธ์ หลังจากนั้นไม่นานภาวดีก็กลายมาเป็นพี่เลี้ยงของภูฟ้า และอาศัยอยู่เป็นบุคคลในครอบครัวเดียวกัน โดยมีป้าสมคุณแม่บ้านช่วยดูแลความเป็นอยู่ให้อย่างดี และภาวดีมีห้องพักส่วนตัวอยู่ในเรือนเดียวกับป้าสม แต่ก็แยกออกมาจากสมาชิกคนอื่นๆ

ภาวดีรักและเคารพศิวะกับจอมยุทธ์เป็นอย่างมาก เพราะนอกจากเจ้านายทั้งสองจะให้ค่าตอบแทนเป็นจำนวนเงินที่สูงแล้วดูแลเอาใจใส่เธออย่างดี อีกทั้งยังรับเป็นผู้อุปการะส่งเสียน้องชายทั้งสองคนของเธอให้เรียนในโรงเรียนที่ดีอีกด้วย ไม่รวมถึงการยื่นข้อเสนอให้บิดาและมารดาของภาวดี เข้ามาเปิดร้านขายของที่ระลึกในโรงแรมของครอบครัว โดยศิวะเป็นผู้ออกเงินลงทุนให้ทั้งหมดในช่วงแรก และอนุญาตให้ผ่อนส่งได้โดยไม่มีกำหนดสิ้นสุด ตามแต่สะดวกและกำลังทรัพย์ที่มี

ด้วยความเมตตาดังกล่าวที่ศิวะและจอมยุทธ์มอบให้.....ภาวดีจึงให้คำสัญญาอย่างหนักแน่นกับศิวะและจอมยุทธ์ว่าเธอจะอยู่ช่วยดูแลภูฟ้าตลอดไปจนกว่าจะไม่เป็นที่ต้องการแล้ว และสัญญาว่ากับตนเองว่าจะปกป้องภูฟ้าด้วยชีวิตหากมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันใดๆเกิดขึ้น
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 26-02-2007 05:20:01
เอาล่ะซิเพราะภาษาไทยห่วยๆของผม....มันได้สร้างความเข้าใจผิดให้ผมกับคุณBosatlasจนได้...

ผมมิได้มีเจตนาว่าคุณBosatlas เป็นคนใจร้อนหรอกนะครับ... ผมอาจจะเขียนคลุมเคลือไปเอง....

คือพยายามอยากจะบอกว่า ถ้าคนอ่านเป็นคนใจร้อนอยากทราบเรื่องอดีตของภูฟ้า...ก็จะแนะนำให้ไปอ่านเรื่องเพราะเราต้องรักกันฯ น่ะครับ....

ไม่ได้หมายความว่า....คุณBosatlas เป็นคนใจร้อนกับการอ่านนิยายเรื่องนี้.... (เฮ้อ...ผมอธิบายขึ้นมั้ยนี่......)

ไอ้ประโยคที่ว่า..."มาต่อไวๆน๊ะ".... ผมเข้าใจครับ....เพราะถ้าผมตามอ่านนิยายซักเรื่องหนึ่ง...ผมก็จะคิดอย่างนี้เหมือนกันครับ.... อย่างนี้ไม่เรียกใจร้อนหรอกครับ....

ปกติเวลาผมรีพลายจะพยายามคิดแล้วคิดอีก....สรรหาคำที่นำมาใช้ให้ถูกต้อง...เพื่อลดความผิดพลาดที่จะเกิดขึ้น....สงสัยกรณีนี้..ผมคงตรวจสอบไม่ดีเองครับ...

ต้องขออภัยด้วยครับ.... ผมไม่มีเจตนาว่าใครจริงๆ

สวัสดีครับ

Andreas
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 26-02-2007 05:27:39
เข้ามาให้กำลังใจอีกรอบ ทันใจดีค่ะ :yeb:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 26-02-2007 08:32:14
หุหุ หนทางแห่งรักเริ่มขึ้นแล้ว  :monkeylove2:
รออ่านต่อไป  :yeb:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: jammy ที่ 26-02-2007 08:56:03
อย่าคิดมากเลยน่าพี่จ๋อม คนอ่านเค้าคงเข้าใจเเหละครับ  :like6:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 26-02-2007 10:32:12
เอาล่ะซิเพราะภาษาไทยห่วยๆของผม....มันได้สร้างความเข้าใจผิดให้ผมกับคุณBosatlasจนได้...






บอกแล้นให้คุยกะแมว จะได้พูดภาษาไทยเก่งขึ้น

55555

 :pandalaugh:

พูห์
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 26-02-2007 11:02:26
อยากอ่านต่อแล้วคับพี่จ๋อม....ผมใจร้อนเหมือนกัน... :laugh5: :laugh5:

ป.ล....ภาษาไทยพี่จ๋อมไม่ห่วยหรอก...อาจจะดีกว่าหลายๆคนซะด้วยซ้ำ

ผมติดนิยายพี่ก็เพราะภาษาที่พี่ใช้ในนิยายนี่แหละ....นับถือ.. :call: :call:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: kYos ที่ 26-02-2007 13:19:34
ตาภูน่าร๊ากกกจัง   ขอมาเป็นน้องชายได้มั๊ยอ่ะ อิอิ..
กำลังใจเหมือนเดิม  :yeb:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: RoosT ที่ 26-02-2007 14:05:52
ตอบคุณจ๋อมนะคับ

ดีใจคับที่สังเกตเห็นชื่อผมด้วย อิอิ

ติดตามมานานพอควรเหมือนกันครับ (แต่ก็ภาคภูผา ฟ้าลั่นจบไปแล้วหล่ะ)

แต่ไม่มีโอกาสได้รีพลายคับผม

ชอบมากมายเลยครับเรื่องนี้  :yeb:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: tsuyu ที่ 26-02-2007 18:48:50
เข้ามาให้กำลังใจคนเขียนค่ะ

จะรออ่านตอนต่อไปนะค่ะ  :yeb:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 26-02-2007 18:51:11
.....ภาวดีจึงให้คำสัญญาอย่างหนักแน่นกับศิวะและจอมยุทธ์ว่าเธอจะอยู่ช่วยดูแลภูฟ้าตลอดไปจนกว่าจะไม่เป็นที่ต้องการแล้ว และสัญญาว่ากับตนเองว่าจะปกป้องภูฟ้าด้วยชีวิตหากมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันใดๆเกิดขึ้น

อา... เขียนแบบนี้  จามีอะไรป่าวเนี่ย  อย่าน้า  น้องภูฟ้า  มาให้พี่เลี้ยงต้อยก่อน อิอิ
 :loveu:

ปล  จ๋อมก็หาแฟนดิ  แฟนคนไทยอะ  จาได้คุยกันทู๊กวัน  ภาษารักดีเรยยยย :pandalaugh:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 26-02-2007 20:21:30

เอาล่ะซิเพราะภาษาไทยห่วยๆของผม....มันได้สร้างความเข้าใจผิดให้ผมกับคุณBosatlasจนได้
-----------------------------------------------------------------------------------------------

ต้องขอโทษอย่างแรงที่ทำให้คุณจ๋อม(กะคุณAndreas คนเดียวกันปะค่ะ ถ้าไม่ขอโทษอีกที )ที่ต้องโทษตัวเองเรื่องภาษา คุณใช้ภาษาไทยได้ดีกว่า หนึ่งอีกค่ะ ที่ว่าใจร้อนน่ะมันนิสัยส่วนตัวของหนึ่งเอง  :yeb: นี่งัยภาษาหนึ่งยังไม่ดีทำให้คุณเข้าใจผิด ข้าน้อยผิดไปแล้วจริงๆ ยกโทษให้ด้วยนะคะ

เอาเป็นว่าเรื่องนี้ไม่มีใครผิดนะหายกัน( ทั้งที่ตัวเราผิดเอง..อิอิ  :pandalaugh:)

เป็นกำลังใจให้ต่อไปค่ะ มาต่อไวไวนะ  :yeb:

หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 28-02-2007 13:01:54
หลังจากศิวะแนะนำให้ภาวดีรู้จักกับยุทธจักรแล้ว...จึงหันมาชักชวนทั้งสามหนุ่มผู้มาใหม่ ร่วมรับประทานอาหารเช้าด้วยกัน ก่อนที่จะถึงเวลาฝึกซ้อมยิงปืน

“ภูครับ...เดี๋ยวภูไปอาบน้ำและไปพักผ่อนกับคุณภาก่อนนะครับ...พ่อเสือกับอาจอมขออนุญาตไปทำธุระนะครับ...เดี๋ยวตอนกลางวันพ่อเสือจะไปตามมากินข้าวด้วยกันครับ” ศิวะกล่าวบอกลูกชายหลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จสิ้น ก่อนเตรียมตัวเดินไปสู่สนามยิงปืน

“ครับพ่อเสือ...” ภูฟ้ารับคำสั่งของบิดาอย่างรวดเร็ว

จากนั้นทั้งสี่หนุ่มจึงแยกออกมาจากภูฟ้าและภาวดี เดินมุ่งหน้าสู่สนามยิงปืน เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนการแข่งขันจะเริ่มขึ้น

สนามยิงปืนอยู่ในบริเวณด้านหลังสุดโรงแรม เป็นพื้นที่ติดกับเชิงเขา ลักษณะสนามเป็นที่ราบกว้าง ปูพื้นด้วยหญ้าญี่ปุ่นสีเขียวดูสะอาดตา ปลายสนามติดกับเชิงเขาและข้างสนามด้านหนึ่งมีสระน้ำขนาดใหญ่เพื่อกั้นเป็นอาณาเขต ถัดไปเป็นรั้วตาข่ายเหล็กสูงแข็งแรงป้องกันการรุกล้ำอีกชั้นหนึ่ง

สาเหตุที่ต้องมีสระน้ำนั้นก็เพื่อใช้เป็นที่รองรับกระสุนปืนในการยิงเป้าบิน ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 ประเภทด้วยกันคือ สกีท.... แทรป..... ดับเบิลแทรป..... และสปอร์ตดิง ซึ่งทั้งสี่ชนิดนั้นมีความยากง่ายแตกต่างกัน

นอกเหนือจากสนามยิงเป้าบินแล้ว ภายในบริเวณเดียวกันยังมีอาคารสำหรับการฝึกยิงปืนแบบเป้านิ่งอีกด้วย โดยจะใช้รองรับการฝึกยิงปืนต่างๆตามมาตรฐานสากลและการฝึกยิงปืนสำหรับป้องกันตัวที่กำลังเป็นที่นิยมมากในขณะนี้

เนื่องจากทั้งสี่หนุ่มตกลงกันไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะแข่งขันยิงเป้าบินประเภทดับเบิลแทรปก่อน ดังนั้นศิวะจึงจัดแจงเตรียมอุปกรณ์และนัดแนะกับพนักงานผู้คุมสนาม ในขณะที่จอมยุทธ์ใช้เวลาดังกล่าวเดินทักทายสมาชิกของสนามยิงปืนเนื่องจากวันนี้เขาจะทำหน้าที่เป็นโค้ชพิเศษของสนามแห่งนี้

สมาชิกประจำของสนามยิงปืนรู้จักคุ้นเคยกับจอมยุทธ์และศิวะเป็นอย่างดี แม้ว่าทั้งคู่จะรับเป็นโค้ชพิเศษไม่บ่อยครั้งนัก แต่เมื่อใดก็ตามที่หนึ่งในสองหนุ่มมาเป็นโค้ชให้ ก็สามารถสร้างความประทับใจให้กับสมาชิกทุกคนได้ทุกครั้ง เพราะเทคนิคที่สอนตลอดจนฝีมือการยิงปืนนั้นหาตัวจับได้ยากยิ่ง

เนื่องจากเป็นช่วงเช้าอยู่มาก จำนวนคนที่มาฝึกยิงปืนจึงมีจำนวนน้อยอยู่และส่วนใหญ่ก็เป็นสมาชิกขาประจำที่มีฝีมือดีทั้งนั้น จอมยุทธ์จึงเดินทักทายได้อย่างทั่วถึง หลังจากนั้นจึงขอตัวต่อสมาชิกไปทำการแข่งยิงเป้าบินก่อนที่จะรับหน้าที่เป็นโค้ชให้หลังจากการแข่งขันเสร็จเรียบร้อยแล้ว

และย่อมเป็นที่แน่นอนว่าหลายคนที่อยู่ในสนามนั้นสนใจอยากชมฝีมือการประลองของจอมยุทธ์และศิวะกันทั้งนั้น ดังนั้นพวกเขาจึงขออนุญาตร่วมสังเกตการณ์การแข่งขันครั้งนี้กันถึงขอบสนามเลยทีเดียว

“เอ.....แกแน่ใจนะว่าจะต่อให้ยี่สิบห้าแต้ม...”ศิวะหันมาถามเพื่อนสนิทอีกครั้งหลังทำการฝึกซ้อมการยิง ก่อนหน้าที่จะเริ่มทำการแข่งขันจริง

“เฮ้ย.....ข้าพูดคำไหนเป็นคำนั้นโว้ย...ข้าอยากจะรู้จริงๆ ว่าฝีมือแกจะเก่งขนาดไหน” นครินทร์ทำเป็นพูดข่ม เพราะตอนนี้เริ่มสังเกตถึงผู้คนที่ทยอยมาชมการแข่งขันในครั้งนี้ และบ้างก็จับกลุ่มกันพนันขันต่อแบบเล่นๆ โดยส่วนใหญ่ต่างพนันข้างศิวะและจอมยุทธ์กันเกือบทั้งสิ้น

การยิงปืนแบบดับเบิลแทรปที่ทั้งสี่หนุ่มเลือกนั้น จัดเป็นประเภทการยิงเป้าบินที่ค่อนข้างยากและจำเป็นต้องมีทักษะการยิงปืนที่ว่องไวและแม่นยำ เนื่องจากเป็นการยิงเป้าบินประเภทเดียวที่ต้องยิงเป้า 2 เป้าพร้อมกัน ในการยิงแต่ละครั้ง โดยเป้าทั้งสองจะถูกปล่อยออกจากช่องปล่อยเป้าซึ่งตั้งอยู่ด้านหน้าของแท่นยิง โดยมีระยะห่างระหว่างช่องปล่อยเป้าและแท่นยิงประมาณ 16 หลา  แท่นยิงจะมีทั้งหมด 5 แท่นยิง เรียงตามลำดับในแนวเดียวกัน  เป้าที่ปล่อยนั้นจะมีด้วยกัน 3 ทิศทางด้วยกัน จำนวนเป้าที่ต้องยิงจะมี 25 คู่ และต้องแข่งทั้งหมด 3 รอบ โดยมีคะแนนเต็ม 150 คะแนน

“ว่าแต่ใครจะเริ่มก่อนดีล่ะเสือ...จอม” นครินทร์ถาม

“ผมว่าให้พี่เอเริ่มก่อนดีกว่าครับ...ไหนๆท่านรองฯคนดังมาเยือนสนามทั้งที ก็น่าจะรับเกียรติยิงเปิดสนามนะครับ” จอมยุทธ์ตอบแทนศิวะ

“อืม..ก็ได้....แต่ถ้าข้ายิงไม่พลาดเป้าซักอันหนึ่ง...แกอย่าตกใจนะโว้ยเสือ” นครินทร์ยังคงอารมณ์ดี หันมาแซวศิวะ ก่อนจะก้าวไปยืนบนตำแหน่งแท่นยิง ยกปืนขึ้นประทับ ท้ายพานปืนแนบอยู่ที่ร่องไหล่ สายตาจับจ้องไปยังแท่นยิง แล้วจึงพยักหน้าให้สัญญาณผู้ควบคุมเครื่องยิงปล่อยเป้าบินออกมา

ด้วยความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ที่ฝึกมาในกรมตำรวจ นครินทร์สามารถทำคะแนนได้ในรอบแรกไปได้ 36 คะแนน ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี เนื่องจากเพิ่งเริ่มยิงเป็นรอบแรก และยังต้องทำความคุ้นเคยกับปืนและวิถีของเป้าบิน

ศิวะยิงต่อเป็นคนที่สองทันทีที่นครินทร์เดินลงมา สายตาและความมุ่งมั่นที่สะท้อนออกมานั้นทำให้สองนายตำรวจหนุ่มที่ยืนดูอยู่เกิดความประหลาดใจ รวมถึงฝีมือการยิงปืนที่รวดเร็วและแม่นยำนั้น มองเผินๆ แล้วหลายคนคงต้องคิดว่าศิวะน่าทำงานอยู่ในกรมทหารและตำรวจเลยก็ได้   

ศิวะเลือกที่จะไม่สร้างความแตกต่างของคะแนนระหว่างเขากับนครินทร์มากนัก ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะเอาคะแนนเพียงแค่ 38 คะแนนเท่านั้น โดยมีเพียงแค่จอมยุทธ์คนเดียวเท่านั้นที่พอจับสังเกตได้     

นครินทร์เริ่มหน้าซีด และรู้สึกตัวว่าเสียท่าให้เพื่อนเจ้าเล่ห์อย่างศิวะเข้าเสียแล้ว...เขาจึงหันมาสั่งเสียแกมบังคับกับยุทธจักรผู้ที่จะลงมือยิงเป็นคนต่อไป

“เฮ้ย...ไอ้แซม.....ช่วยๆยกคะแนนขึ้นเยอะๆหน่อยนะ......ขอร้องล่ะว่ะ”

“เอาเป็นว่าผมจะทำให้ดีที่สุดแล้วกันครับ” ยุทธจักรตอบ ก่อนจะลุกขึ้นยืน เดินไปยังแท่นยิง ยกปืนขึ้นประทับและให้สัญญาณเริ่มปล่อยเป้าบิน

ด้วยความที่เป็นนักแม่นปืนของกรมตำรวจ และมีการฝึกซ้อมยิงปืนอย่างสม่ำเสมอ จึงไม่เป็นที่น่าแปลกใจว่า ยุทธจักรจะสามารถทำคะแนนในการยิงครั้งแรกถึง 40 คะแนน โดยพลาดเป้าไปแค่สิบนัดเท่านั้น

เสียงฮือฮาจากคนดูข้างสนามมาเป็นระยะๆขณะที่ลูกกระสุนจากปืนของยุทธจักรพุ่งเข้าสู่เป้าหมาย เพราะต่างลุ้นและทึ่งกับความแม่นยำในการยิงของชายหนุ่มแปลกหน้า ผู้เป็นเจ้าของเรือนร่างสูงใหญ่และหน้าตาคมคายคนนี้

จอมยุทธ์เป็นคนสุดท้ายที่ก้าวขึ้นแท่นยิงเพื่อปิดฉากเกมแรก..... ขณะที่จอมยุทธ์กำลังยิงเป้าชุดแรก ทั้งยุทธจักรและนครินทร์ต้องหันมามองหน้ากันอีกครั้ง เพราะลักษณะท่าทางการยิงปืน การจับปืน ความแม่นยำและทักษะอื่นๆนั้น ใกล้เคียงกับศิวะเป็นอย่างมาก คล้ายกับฝึกมาในรูปแบบเดียวกันไม่มีผิดเพี้ยน

จอมยุทธ์ไม่มีเจตนาที่จะเอาชนะในการแข่งขันครั้งนี้ จึงพยายามทำคะแนนเพื่อตีเสมอยุทธจักรเท่านั้น โดยที่เหลือจะมอบให้เป็นหน้าที่ของศิวะเป็นคนจัดการในเกมที่สอง ดังนั้นคะแนนที่เขาทำได้จึงตกอยู่ที่ 40 คะแนนเท่ากับยุทธจักรในตอนแรก

หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 28-02-2007 13:06:33
ศิวะหันมาสบตาและส่งยิ้มให้กับจอมยุทธ์ เพราะทราบแล้วว่าเจ้าน้องชายตัวดี ยกงานมาให้อีกแล้ว... ศิวะนั้นรู้จักนิสัยจอมยุทธ์ดี และทราบอีกด้วยว่าจอมยุทธ์กำลังไม่คิดจะเอาชนะ เพียงแค่ต้องการตีเสมอเท่านั้น เนื่องจากโดยปกติแล้วจอมยุทธ์ผู้ที่ฝึกยิงปืนเป็นประจำ จะสามารถยิงปืนประเภทนี้โดยได้คะแนนไม่ต่ำกว่า 45 คะแนนทุกครั้งไป

“เอ....ไม่ต้องใจร้อนว่ะ....ทำตัวตามสบายๆๆ....คะแนนเราไม่ทิ้งห่างกันเท่าไหร่” ศิวะเริ่มแซว

“แหม ได้ทีล่ะก็ทับถมเพื่อนฝูงเลยนะโว้ย” นครินทร์แกล้งพูดว่ากลับ เพราะทราบดีว่าศิวะเพียงแค่ล้อเล่น และไม่มีเจตนาดูถูกแต่อย่างใด

“รับรองรอบนี้ข้าชนะแกแน่นอน..เสือ” นครินทร์หันหน้ามาหาศิวะ พร้อมยักคิ้วเพื่อล้อเลียน ก่อนจะก้าวไปยังแท่นยิงถัดไป

และเป็นอย่างที่พูดตั้งแต่ตอนแรก นครินทร์สามารถทำคะแนนในรอบนี้ได้มากกว่าคราวที่แล้ว 4 คะแนน เนื่องจากพอจับทิศทางต่างๆ ของเป้าบินได้แล้ว

“เห็นมั้ยเพื่อน....อย่างน้อยงานนี้ข้าก็ไม่ขายหน้าแน่นอน” นครินทร์ยิ้มแย้ม และพูดด้วยความมั่นใจ

“อืม..” ศิวะรับคำสั้นๆ ก่อนจะเดินขึ้นไปยังแท่นยิง เพื่อเตรียมยิง โดยครั้งนี้เขาต้องการบังคับให้จอมยุทธ์แสดงฝีมือที่แท้จริงบ้าง จึงแกล้งทำเป็นยิงได้คะแนนเพียงแค่ 38 คะแนนเท่ากับรอบที่แล้ว หลังจากนั้นจึงเดินกลับมายังที่นั่งพร้อมทั้งส่งยิ้มไปให้จอมยุทธ์ที่นั่งมองอยู่อย่างรู้ทัน

“เฮ้ย...แซม ขอซัก 42 แล้วกัน...ไหนๆ แกก็ยิงปืนแม่นกว่าข้า” นครินทร์หันมากล่าวเชิงบังคับนายตำรวจหนุ่มรุ่นน้องอีกครั้ง

ยุทธจักรเพียงแต่หันมาสบตากับนครินทร์เพียงเล็กน้อย ก่อนจะ ก้าวขึ้นไปเตรียมยิงปืนในแท่นยิง....และด้วยประสบการณ์ที่ฝึกฝนมานาน ดังนั้นในรอบนี้เขาสามารถทำคะแนนได้ถึง 43 คะแนน

ส่วนจอมยุทธยังใช้รูปแบบเดิม คือ ต้องการทำคะแนนเพียงแค่ตีเสมอเท่านั้น เพราะยังต้องการบังคับให้ศิวะโชว์ฝีมือการยิงปืนที่ปิดบังอยู่ออกมา ดังนั้นผลคะแนนของจอมยุทธ์ที่ออกมาคือเท่ากับยุทธจักรที่ยิงได้ก่อนหน้า

ตอนนี้จึงกลายเป็นว่าทีมนายตำรวจและทีมนักธุรกิจมีคะแนนเท่ากัน และจะมีการแข่งขันอีกเพียงแค่รอบเดียว เท่านั้น เนื่องจากทั้งสี่หนุ่มเปลี่ยนกติกาให้เข้ากับระยะเวลาการแข่งขันที่มี ดังนั้นในรอบสุดท้ายจะเป็นการแข่งกันระหว่างสองเพื่อนสนิท คือ นครินทร์กับศิวะ

โดยไม่รอช้า นครินทร์เดินไปยิงรอบปิดเกมที่สถานียิงที่กำหนดไว้ โดยในเกมสุดท้ายนี้ เขายังคงทำคะแนนได้เท่าเดิมคือ 40 คะแนน ซึ่งถือเป็นคะแนนสูงสุดที่เขามำได้ในวันนี้

ศิวะก้าวขึ้นแท่นยิงเดียวกับนครินทร์ก่อนหน้า เพื่อทำการยิงปิดเกมส์ แม้จะทราบว่าเขากำลังโดนบังคับให้แสดงฝีมือ แต่เขาก็เลือกที่จะทำคะแนนให้เท่ากับนครินทร์ เพราะถึงอย่างไรเสีย ทีมของเขาและจอมยุทธ์ก็จะชนะอยู่ดี เนื่องจากนครินทร์ต่อให้ถึง 25 คะแนนล่วงหน้าก่อนแข่ง

ที่สำคัญ ศิวะไม่ต้องการที่จะทำการใดๆอันเป็นการหักหน้านายตำรวจทั้งสองคนอีกด้วย

“ว้า..เสมอกันจนได้ กินกันไม่ลงจริงๆ” นครินทร์พูดอย่างโล่งใจ ภายหลังที่รวมคะแนนออกมาแล้ว

“จริงหรือครับพี่เอ......ไหนว่าต่อให้ผมกับพี่เสือ 25 คะแนนงัยครับ...”จอมยุทธ์แซวเพื่อกระตุ้นความทรงจำของนายตำรวจรุ่นพี่

“เฮ้ย..ลืมไป....งั้นก็แสดงว่าพวกเราก็แพ้อีกแล้วซิ....แซม....”นครินทร์หันมาพูดกับยุทธจักรอย่างปลงๆ

“ฝีมือการยิงปืนของพี่เสือกับจอม หาตัวจับยากจริงๆเลยนะครับ....ใครไม่รู้จักคงพากันคิดว่าเป็นนักกีฬาทีมชาติหรือไม่ก็นักแม่นปืนของกรมตำรวจหรือกรมทหารเลยนะครับ” ยุทธจักรได้โอกาสกล่าวชมทั้งสองหนุ่มอย่างจริงใจ

“อืม...ใช่” นครินทร์พยักหน้าเห็นด้วย

“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ... พวกเราแค่ฝึกซ้อมเป็นประจำ เพราะต้องมาสปอร์ตคลับนี้ทุกอาทิตย์ ทั้งผมและจอมจึงพลัดกันเป็นคู่ซ้อมและเล่นกีฬาประเภทอื่นๆอยู่ตลอดครับ” ศิวะอธิบายอย่างถ่อมตัว

“แต่ข้าขอชมว่ะ ขนาดแกไม่ได้เป็นนักแม่นปืนอย่างแซม และจอมที่เป็นนักธุรกิจเต็มตัว แต่มีฝีมือขนาดนี้ ข้าว่าไม่ธรรมดา” นครินทร์พูดย้ำ

ขณะที่ทั้งสี่หนุ่มกำลังสนทนาหลังจากการแข่งขันเสร็จสิ้น จอมยุทธ์สังเกตเห็นสมาชิกหลายคนเริ่มคันไม้คันมืออยากลองยิงเป้าบินบ้าง เพียงแต่ยังไม่สามารถเข้ามาในสนามได้เนื่องจากพวกเขาทั้งสี่คนยังครอบครองสนามอยู่ ดังนั้นจอมยุทธ์จึงเสนอความเห็นขึ้นทันที

“ตอนนี้ผมว่าเราไปพักผ่อนกันก่อนดีกว่ามั้ยครับ....เผื่อสมาชิกคนอื่นๆ ที่อยากจะฝึกจะได้ใช้สนามต่อได้”

ผู้ฟังทั้งสามคนพยักหน้าแสดงความเห็นด้วย ก่อนจะเก็บอุปกรณ์ยิงปืนและเดินออกไปนอกสนาม มุ่งหน้าไปสู่บริเวณที่จัดไว้ให้สำหรับพักผ่อน
 
เนื่องจากยังเหลือเวลาอีกประมาณเกือบชั่วโมง จอมยุทธ์จึงขอตัวออกมาดูแลสมาชิกนักแม่นปืนคนอื่นๆ รวมถึงสมาชิกใหม่ที่กำลังฝึกฝนวิธีการยิงทั้งประเภทเป้านิ่งและเป้าบินในสนามยิงปืนแห่งนี้
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 28-02-2007 13:09:04
หลังจากจอมยุทธ์ขอตัวออกมาได้ประมาณสิบนาที ยุทธจักรจึงขอตัวตามออกมาบ้าง เพื่อเฝ้ามองดูจอมยุทธ์ทำหน้าที่เป็นโค้ชสอนวิธีการยิงผืนให้สมาชิก

ยุทธจักรสังเกตเห็นวิธีการสอน การพูดจาที่นุ่มนวลและสุภาพ ตลอดจนรอยยิ้มที่ร่าเริงแจ่มใสของจอมยุทธ์ ที่มอบให้คู่สนทนาทุกคน

ยิ่งมอง....เขาก็ยิ่งหลงรักจอมยุทธ์มากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะแววตาที่ร่าเริงแจ่มใสยามพูดคุยด้วยอารมณ์สนุกสนาน แต่ก็จะเปลี่ยนเป็นจริงจังและสุขุมเยือกเย็น ยามจับปืนและมองนิ่งตรงไปที่เป้า ยุทธจักรสังเกตว่าทุกครั้งที่จอมยุทธ์ลั่นไกนั้น ดูมีความมั่นใจและปราศจากความหวั่นไหวเลยแม้แต่น้อย 

ในความคิดของยุทธจักร นอกจอมยุทธ์จะเป็นคนหน้าตาดีมากแล้ว ยังมีบุคลิกที่ดีเยี่ยม จนทำให้สายตาทั้งคู่ของเขาไม่สามารถละไปมองอย่างอื่นได้ซักวินาทีเดียว....เขาตระหนักเป็นอย่างดีว่า จอมยุทธ์มีแรงดึงดูดที่สามารถทำให้ทั้งสายตาและของใจของเขาไปรวมยังที่ที่เดียวได้....และที่แห่งนั้น ก็คือตัวตนของจอมยุทธ์นั่นเอง

“จอมครับ...ขอให้ผมอยู่ในสายตาจอมบ้าง....แม้นานๆครั้ง...ผมก็ดีใจแล้วครับ...”ยุทธจักรคิดในใจ พลางจ้องมองยังจอมยุทธ์ที่อยู่ห่างออกไป

ยุทธจักรทราบดีว่าในขณะนี้สายตาของหนุ่มหน้ากึ่งหวานที่เขาเองให้นิยามเอาไว้ ไม่เคยมองมาที่เขาเลยแม้แต่น้อย... และทราบอีกด้วยว่า เขาคงต้องพยายามอย่างมาก ที่จะทำให้สายตาคู่นั้นจดจ้องมาบ้าง....นายตำรวจหนุ่มหน้าเข้มไม่ทราบว่ามันจะนานซักเท่าไหร่ที่จะทำให้จอมยุทธ์รับรู้และเปิดประตูหัวใจออกมา...แต่อย่างน้อย เขาก็ทราบว่า

“แม้จะนานซักเพียงไหน....ผมก็จะพยายาม.....”

คำสัญญาที่ยุทธจักรให้ไว้กับตนเอง......เขาจะรักษาสัญญานี้ให้ยาวนานเท่าที่เขาจะทำได้ เพราะนี่คือรักแรก และจะเป็นรักสุดท้ายที่จะเกิดขึ้นในดวงใจของเขา....ยุทธจักรพร้อมเสมอสำหรับความสมหวังและความผิดหวังที่จะเกิดขึ้นในสนามรักแห่งนี้

ยุทธจักรเตรียมหัวใจไว้พร้อมสำหรับความผิดหวัง แต่กระนั้นเขาก็ยังไม่ละทิ้งความพยายามที่จะเบนสายตาของจอมยุทธ์ให้หันมาพิจารณาความรู้สึกของเขาสักครั้ง

หลายคนอาจจะคิดว่า ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในใจของเขามันเร็วไปที่จะเรียกว่า “ความรัก” ...... คนพวกนั้นไม่ทราบหรอกว่า ตลอดเวลาเกือบครึ่งชีวิต เขารอคอยที่จะพบที่หมายของหัวใจอย่างจอมยุทธ์มาโดยตลอด....ความรักของเขา ไม่ต้องการเวลา ไม่ต้องการคำอธิบาย.... เขาทราบแต่ว่า....เขารักหนุ่มหน้ากึ่งหวานคนนี้ และพร้อมจะอยู่เคียงข้างในอนาคต..... แม้ว่าคนที่เขาฝากหัวใจไว้ จะสามารถตอบแทนความรักให้เท่าที่เขามอบให้ได้

“ขอแค่จอมทราบว่า....ผมรักจอม....และไม่รังเกียจที่จะมีผมเคียงข้าง.....ผมก็สมปราถนาแล้ว....” นี่ข้อสรุปที่ยุทธจักรตั้งไว้ตั้งแต่ต้น
แต่ก่อนที่เขาจะสารภาพความรักและความต้องการของเขากับจอมยุทธ์ เขาต้องพยายามทำให้จอมยุทธ์หันมารับรู้การมีตัวตนของเขาเสียก่อน...

“ผมจะทำอย่างดีครับจอม....ที่จะให้สายตาของจอมหันมามองผมบ้าง.....ให้ทราบว่า....ผมอยู่ตรงนี้...และพร้อมที่จะบอกว่า....ผมรักคุณ......”

ยุทธจักรเดินกลับมานั่งในบริเวณเดียวกับที่ศิวะและนครินทร์นุ่งคุยกัน.....ใบหน้าที่เคร่งเครียด ความกังวลในบางสิ่งบางอย่างฉายชัดออกมาผ่านดวงตาคู่งามของเขา จนทำให้ทั้งนครินทร์และศิวะสังเกตเห็น

“เป็นอะไรไปวะแซม” นครินทร์เอ่ยทัก

“เปล่าครับ พี่เอ...แค่เหนื่อยนิดหน่อย” ยุทธจักรตอบ

“เหนื่อยใจหรือเหนื่อยกายล่ะ” นครินทร์ถามต่อ

ยุทธจักรไม่ตอบ เขาเพียงแต่ถอนหายใจช้าๆ พยายามเรียกความสดใสกลับมาหาตนเองอีกครั้ง

“แซม....ข้าว่า....เสือก็อยู่ตรงนี้แล้ว....ทำไมแกถึงไม่คุยกับเสือซะตรงนี้เลยล่ะ...เรื่องที่ค้างคาใจมันจะได้หายไปซักที” นครินทร์คาดว่าความเครียดที่เกิดขึ้นกับยุทธจักร คงมีสาเหตุมาจากเรื่องของหัวใจ ดังนั้นเขาจึงเสนอความคิดนี้ขึ้นมา

ศิวะยังคงนั่งนิ่ง สายตาจับจ้องมาที่ผู้พูดทั้งสองคน....เขากำลังรอคำอธิบายจากชายหนุ่มร่างสูง..สหายใหม่คนนี้

ยุทธจักรสูดลมเข้าปอดอย่างช้าๆ และปล่อยออกมาอย่างแผ่วเบา สมองสั่งการให้หาคำพูดที่เหมาะสมเพื่อใช้ประกอบการการสนทนา....แต่จนแล้วจนรอด เขาไม่สามารถหาได้

ในที่สุด...ประโยคตรงไปตรงมาอย่างยิ่งจึงหลุดออกมาจากริมปีปากคู่สวยนั้น...

“พี่เสือครับ...ผมรักจอมครับ” ประโยคสั้นๆ ตรงไปตรงมา ที่ออกมาจากหัวใจของผู้พูดนั้น กลับไม่ได้สร้างความประหลาดใจให้กับผู้ฟังอย่างศิวะแม้แต่นิดเดียว...อาจเป็นเพราะเขาทราบอยู่ก่อนแล้ว

“แซมแน่ใจหรือครับ...ว่าเป็นความรัก...”น้ำเสียงของศิวะยังเป็นปกติ แต่ก็แฝงไว้ด้วยความนุ่มนวล สายตาของศิวะจับจ้องมาที่ดวงหน้าของยุทธจักร และมองลึกเข้าไปในดวงตาสดใสคู่นั้น คล้ายว่ากำลังพยายามหาคำตอบด้วยตนเอง

“ผมแน่ใจครับพี่เสือ....ผมผ่านประสบการณ์มาจนพอที่จะแยกได้ว่า.....อะไรคือรัก.....และอะไรคือหลงครับ”ยุทธจักรตอบอย่างจริงจัง

“แน่ใจก็ดีแล้วครับ...เพราะความรักเท่านั้นที่ซื้อความรักกลับมาได้” ศิวะพูดโดยปราศจากความคลางแคลงใจในคำตอบนั้นของยุทธจักร...และด้วยท่าทางของยุทธจักรที่แสดงออกมาตลอดสามวันที่ผ่านมาก็บ่งชี้ได้ชัดว่า นายตำรวจหนุ่มอนาคตไกลคนนี้กำลังตกหลุมรักน้องชายหน้าหวานของตนเองเข้าให้อย่างถอนตัวไม่ขึ้น

“แต่ความรักที่ผมกำลังจะซื้อมานั้นมันอยู่สูงเหลือเกินครับ...”

รอยยิ้มที่อบอุ่นปรากฏบนใบหน้าของศิวะยามเมื่อได้ยินประโยคนั้น....หลังจากทบทวนอย่างดี ศิวะจึงตัดสินใจให้คำแนะนำบางอย่างแก่ยุทธจักรในที่สุด

“บางทีนะครับแซม....ของที่เราคิดว่าอยู่สูงจนเอื้อมแทบจะไม่ถึง..แต่บางครั้งถ้าเราจับทิศทางการเข้าหาถูก..มันก็อาจจะไม่ยากเกินไปที่จะไขว่คว้า”

“แซมเป็นคนฉลาด.....แซมน่าจะทราบว่าเส้นทางนั้นอยู่ที่ไหน....ถอยหลังมาซักนิด...อย่าเดินเข้าไปใกล้นัก บางครั้งเพราะเรารุกมากเกิน เราอาจมองข้ามประเด็นที่สำคัญไป”

“อีกอย่าง...แซมกำลังเผชิญหน้ากับคนที่ฉลาดเป็นกรด....บางทีถ้าแซมรุกมากไป จอมอาจจะถอยหนี หรือรุกกลับในทางตรงกันข้ามชนิดที่แซมอาจจะตั้งตัวรับแทบไม่ทัน....”

“ขอบคุณครับพี่เสือ..ที่แนะนำ” ยุทธจักรกล่าวขอบคุณจากใจจริง เขาเริ่มมีความหวังขึ้นมานิดหน่อย เพราะอย่างน้อยศิวะก็ไม่ได้มีท่าทางรังเกียจเขา แต่กลับให้คำแนะนำที่มีคุณค่าอีกด้วย

“ผมคิดว่าแซมยังมีโอกาส เพียงแต่ปรับท่าทางและแววตาให้ดีๆ....ผมเชื่อว่า ทั้งผู้ล่าอย่างจอมและแซมเอง คงไม่ชอบให้ดูเหมือนว่าตนเองเป็นเหยื่อของใครคนใดคนหนึ่งหรอก....ใช่มั้ยครับ”

“ครับ” ยุทธจักรเห็นด้วยกับประโยคดังกล่าว

“แต่ผมขอเตือนไว้ก่อนว่า....ผมรักจอมมาก เค้าคือน้องชายของผมคนหนึ่ง...ผมไม่ต้องการให้ใครเห็นเค้าเป็นของเล่น...กรุณาอย่าทำให้เค้าเสียใจ เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น...แซมคงจะต้องเผชิญหน้ากับผมและจอมทั้งสองคนพร้อมกัน” แม้จะพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ แต่แววตาของศิวะนั้นกลับจริงจังและแฝงด้วยอำนาจบางอย่าง จนทำให้นครินทร์ที่นั่งฟังอยู่ถึงกลับร้อนตัว

“ไม่ใช่แกคนเดียวนะโว้ยแซม ที่จะเดือดร้อน...เสือมันคาดโทษข้าไว้ด้วย” นครินทร์หันมาบอกยุทธจักร หลังนั่งฟังอยู่นานหลายนาที

“ครับ...ผมรับรองครับ...ผมจะไม่ทำให้ใครเสียใจ....ผมจริงจังและรับผิดชอบกับการตัดสินใจของผมเสมอครับ” ยุทธจักรตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและจริงจังไม่แพ้ศิวะ

“ผมพอจะมีโอกาสกับจอมบ้างมั้ยครับพี่เสือ....” ยุทธจักรถามกลับ

“ผมตอบไม่ได้หรอกครับแซม...ขึ้นอยู่กับแซมเอง....แต่ผมทราบว่ายังไม่มีใครมาเปิดประตูหัวใจของจอมได้....บางทีแซมอาจจะเป็นคนคนนั้นก็ได้” ศิวะให้กำลังใจ

“ครับ...”ยุทธจักรรับคำสั้นๆอีกครั้ง ก่อนจะคิดวิเคราะห์ข้อแนะนำต่างๆที่ศิวะบอกมาตั้งแต่ต้น

แซมเป็นคนฉลาด...แซมน่าจะทราบว่าเส้นทางนั้นอยู่ที่ไหน....ถอยหลังมาซักนิด...อย่าเดินเข้าไปใกล้นัก บางครั้งเพราะเรารุกมากเกิน เราอาจมองข้ามประเด็นที่สำคัญไป” ประโยคนี้ยังก้องอยู่ในใจของยุทธจักร เขาพยายามคิดว่าหนทางนั้นอยู่ที่ใด....ใครที่อยู่ใกล้จอมยุทธ์มากที่สุดในเวลานี้....ใครที่มีอิทธิพลต่อจอมยุทธ์ที่สุดกันแน่

“ตาภู” คำตอบหลังจากครุ่นคิดหลุดออกมาอย่างแผ่วเบา พร้อมรอยยิ้มกว้างปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าเข้มนั้น

“พี่เสือครับ....ผมเจอเส้นทางที่พี่แนะนำแล้วครับ....ผมขออนุญาตใช้เส้นทางนั้นได้มั้ยครับ...เพราะว่ามันเกี่ยวข้องกับตาภูครับ....”

รอยยิ้มปรากฏบนในหน้าของศิวะเช่นกัน เขาคิดไม่ผิดที่บอกตั้งแต่ต้นว่ายุทธจักรเป็นคนฉลาด และรู้สึกยินดีที่ได้มิตรสหายใหม่อย่างนายตำรวจหนุ่มที่ชื่อยุทธจักรคนนี้

“ครับ...แต่อย่าใช้งานแกหนักมากนักนะครับ....แกยังเด็กอยู่มาก....”

“ไม่หรอกครับพี่เสือ...ตาภูน่ารักมากครับ...ผมจะดูแลตาภูอย่างดีครับ...ด้วยสัญญาของลูกผู้ชายเลยครับ” ยุทธจักรให้คำสัญญา

“ขอบคุณครับแซม....ชีวิตนี้ของผมก็มีเพียงตาภูและจอมเท่านั้นที่ผมเป็นห่วงและคอยดูแลมาตลอด...เราอยู่ด้วยกันมานาน และผ่านเหตุการณ์ร้ายๆมาด้วยกันบ่อยครั้ง....เราสามคนคือบุคคลในครอบครัวเดียวกันครับ” ศิวะพูดด้วยอารมณ์ปกติ แต่ดวงตานั้นแฝงไปด้วยความเศร้าอย่างประหลาด

“ผมรับรองจะไม่ให้คนในครอบครัวของพี่เสือเดือดร้อน...และจะไม่ทำให้ใครเสียใจครับ.....ขอให้พี่เสือไว้ใจผมได้มั้ยครับ...”  แววตาของยุทธจักรนั้นเต็มไปด้วยความจริงจังและเจือปนการร้องขอ ขณะเอ่ยประโยคนี้

“ผมว่า.....ผมก็ค่อนข้างจะไว้ใจแซมในระดับหนึ่งนะ.......ไม่งั้นผมคงไม่ช่วยหรอก...”ศิวะพูดพร้อมกับหัวเราะเบาๆ

เพราะความตรงไปตรงมา และท่าทางความจริงจังที่ยุทธจักรแสดงออกมา ประกอบกับได้รับการการันตีเรื่องความดีจากนครินทร์ และสุดท้ายด้วยการพิจารณาของเขาเอง ศิวะพบว่าเขาค่อนข้างจะเชื่อมั่นในตัวชายหนุ่มคนนี้อยู่ไม่น้อย

แต่อย่างไรก็ตาม หนทางรักนี้ยังต้องเดินทางอีกยาวไกล แม้ตัวเขาจะเป็นคนช่วยเสนอแนวทางในตอนแรก แต่เวลาก็จะเป็นฝ่ายพิสูจน์เองว่ายุทธจักรมีคุณค่าเหมาะแก่การช่วยเหลือต่อไปหรือไม่ และประการสุดท้าย จอมยุทธ์จะเป็นคนตัดสินใจด้วยตนเองทั้งหมด...ศิวะเชื่อมั่นในวิจารณญาณของจอมยุทธ์เสมอ...

“แต่ถือว่าเป็นช่วงทดลองงานดูก่อนแล้วกัน...ถ้าถูกใจผม...ผมจะช่วยมากขึ้นอีกนิดหน่อย...”ศิวะยังคงพูดด้วยอารมณ์สนุกสนานเช่นเคย

“ขอบคุณล่วงหน้าครับ..พี่เสือ”

“อะไรว๊ะ...ทำไมไอ้แซมมันดวงดีอย่างนี้..ใครๆก็รักและไว้ใจมันไปซะหมด...ทีข้ากับคุณภาทำไมแกไม่ช่วยบ้างว๊ะเสือ” นครินทร์บ่นพึมพำ

“ก็แกมันเจ้าชู้นี่นา...ใครจะอยากช่วยว๊ะ...ไว้แกหายเจ้าชู้ก่อนข้าจะช่วย...”ศิวะตอกกลับเพื่อนสนิทที่แกล้งทำเป็นโวยวาย เรียกร้องความสนใจอยู่ข้างๆ

“ให้มันแน่เถอะว๊ะ....พอข้าเลิกเจ้าชู้เดี๋ยวแกก็หาข้ออ้างอีก...ข้ารู้นะว่าคุณภาสำคัญต่อครอบครัวแกขนาดไหน....”นครินทร์กล่าวอย่างรู้ทัน

“เฮ้ย...ถ้าคุณภาเค้าชอบแกข้าจะไม่ขัดเลย...ข้าก็อยากให้คนในครอบครัวของข้ามีความสุขทั้งนั้นแหละ...แต่ข้ากลัวว่าถ้าเค้าแต่งงานกับแก......แล้วเค้าต้องลำบากว่ะ”

“นี่แก...ไม่ไว้ใจข้าเลยหรืองัยว๊ะ....เฮ้อ...ข้าไม่มันดี..ไม่หล่อ และไม่รวยเท่าไอ้แซมมันนี่นา” นครินทร์เริ่มตัดพ้อต่อชะตากรรมของตนเอง

“ไหงพี่เอ..โยนมาหาผมอีกล่ะครับ....ผมอยู่ดีๆของผมนะครับ...แต่ว่าถ้าพี่เอลดความเจ้าชู้ลงซะบ้าง...ไม่แน่อาจจะมีคนพร้อมช่วยเหลือหลายคนนะครับ...” ยุทธจักรได้ทีจึงแกล้งย้อนนายตำรวจรุ่นพี่กลับเสียบ้าง

“เฮ้ย....ข้าบอกกี่ครั้งแล้ว..ข้าไม่ได้เจ้าชู้..เพียงแต่ยังไม่รักใครจริงโว้ย” นครินทร์แก้ตัว

“ข้าก็คิดอย่างนั้น...เลยบอกคุณภาไปซะหมดแล้วว่าให้ระวังแกให้ดี” ศิวะพูด

“เฮ้ย....ไอ้เสือ..บอกไปอย่างนั้นได้งัย...ข้าเสียคนพอดี....อ๋อ..มิน่าล่ะทำไมคุณภาถึงเอาแต่เงียบเวลาอยู่กับข้า....พูดแทบจะนับคำได้...”

“แกนะแก....ไอ้เสือจำไว้.....”นครินทร์คาดโทษศิวะเพื่อนสนิท

“เฮ้ย...แต่ข้าก็บอกว่า ถ้าแกปรับปรุงตัว...แกก็จะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดนะโว้ย...” ศิวะแก้ต่าง

“อืม....ก็ยังดีว่ะ...” นครินทร์หันกลับมา แต่ก็ยังไม่วายแยกเขี้ยวใส่ศิวะอยู่ดี

หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 28-02-2007 13:59:09
เจ้กับจ๋อมผลัดกันเม้นต์ให้เรื่องของแต่ละคนเหรอคะ  :laugh5:

แต่ก็แอบเห็นด้วยกับเจ้เล็ก ๆ นะว่าในส่วนพรรณนาของจ๋อม  บางครั้งใช้คำฟุ่มเฟือยมากเกินไป  แต่โดยรวมชอบมากนะคะ ชอบบทพูดที่แสดงบุคลิกลักษณะของตัวละครอย่างชัดเจน  โทนของเรื่องนี้ไม่หวานมากเหมือนเรื่องแรก  แต่การบรรยายโดยการใช้ภาษาเรียบง่าย นุ่มนวลก็ทำให้ผู้อ่านเข้าไปอยู่ในความคิดของตัวละครได้ไม่ยาก  รักตัวละครแล้วนะเนี่ย  จริง ๆนะ

จอมยุทธ์กับศิวะในภาคนี้ไม่ธรรมดาแฮะ  ไปฝึกมาจากไหนเนี่ย  เก่งถึงขนาดสามารถจะเอาชนะตำรวจแม่นปืนของกรมตำรวจได้  อัจฉริยะเกินละ

รออ่านต่อนะคะ  เป็นกำลังใจจ๋อมแล้วกันคะ  :loveu:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: RoosT ที่ 28-02-2007 15:04:33
เหอๆ no comment เรื่องภาษาละกันคับ เนื่องจากภาษาไทยตัวเองก็ห่วยเช่นกัน
ส่วนรูปประโยคที่ว่าเหมือนของฝรั่ง ก็จิงอะคับ แต่ผมอาจจะชิน เพราะอ่านหนังสือแปลบ่อยๆก็ได้ อิอิ

สรุปโดยรวมแล้วก็ ช๊อบชอบ ค๊าบบบบ เรื่องนี้ อิอิ  :yeb:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 28-02-2007 15:15:30
ตามมาอ่านแล้วคับ..... :like6:

เป็นกำลังใจหั้ยคับพี่จ๋อม... :yeb:

............ว่าแต่เรื่องวิจารย์ไม่ค่อยถนัดอ่ะ... :laugh5: :laugh5:

.......................เป็นแต่ชม...... :110011: :110011:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 28-02-2007 16:15:06
ไม่ได้เข้ามานาน ติดธุระเรื่องเรียน  :really2:

มาเชียร์ พี่แซมครับ :ped149:

พร้อมกับเป็นกำลังใจให้คนแต่งด้วย สู้ๆนะครับ :yeb:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 28-02-2007 17:01:38
เข้ามาให้กำลังใจจ้า ต่อไวไวนะ :yeb:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 28-02-2007 18:57:48
ความรักของเขาไม่ต้องการเวลา ไม่ต้องการคำอธิบาย  :monkeylove2:
เหอ เหอ เห็นเจ้สองเม้นต์แล้ว เจ้อ่านละเอียดจิง ๆ  :laugh5:
เราแค่อ่านสนุก ๆ ถ้าไม่สะดุดจนเกินไป ก็จะไม่ค่อยสังเกตง่ะ  :110011:  :110011:

ยังไงก็เป็นกำลังใจให้จ๋อมละกันจ้า  :yeb:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: kYos ที่ 28-02-2007 21:44:57
 :myeye:  พี่เสือเปิดโอกาสซะขนาดนี้แล้ว  แซม สู้ๆ

เรื่องอื่น ไม่มีความเห็น หุหุ  เป็นกำลังใจดีกว่าเนอะ  :yeb:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 28-02-2007 21:55:38
ขอให้ได้กันไวๆ
 :laugh5:

หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: jammy ที่ 28-02-2007 23:01:19
ค่อยๆปรับไปเดี๋ยวดีเองครับพี่จ๋อม  :3130:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 01-03-2007 00:15:09

It is my pleasure to have your encouragement and comments.

I totally welcome every aspect raise by my beloved readers. I therefore have no offense for J’ Song’s comments, including P’ Moo….

I wish to create a good story. Without the reflection from readers, I will never know that what points need to be improved.

Complements make me feel good. It is like the hard work is paid off. However, the comments also give me an inspiration to do better!!!!!

Never, I have felt bad while I was reading the comments, unless there were non-sense ones.

Anyway, just want to respond to J’ Song, in particularly.

Yes, you are right!!!  I can’t deny that my writing style is more like English than Thai. Personally, I know it is not good. And I have tried to make change. However, it seems to me that it is so hard to improve my Thai writing in an environment which I am no longer using Thai or writing Thai. Only Thai’s media I‘ve read is an internet-news paper.

“Redundant Word Using (การใช้คำฟุ่มเฟือย)” is another obvious problem I have encountered ever since I started writing story. But once I rewrite it more often, I think I will be able to make the redundancy quite disappeared.

By the way, the tone of writing in this story is totally different from the previous one. Due to it is not that kind of “Love Story” and the characters are already mature. The thought, the reaction, including the conversation are subjected to the maturity of the main characters. These also include the style of descriptive paragraph (ส่วนพรรณนา).

One never finishes writing a complete story would never know that every single minute while the authors are coming up with each paragraph, they have to fight so hard to meet their standard, especially those who author the off-market novel. In this sense, Pooh is another one that may realize this fact.

It is my goal to release a good story. And it must be furnished with good writing, plot, style, and realistic information. With the refection of readers, I can improve and release a better one.

In that case, I gave comments and notices to J’ Song, because I was/ still am sure that he has a full capacity to make everything better in his novel.

Gotta go now.

Thank you all indeed for reading my story….

Andreas
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 01-03-2007 04:39:39
เข้ามารอ  :loveu:  :loveu:  :loveu: ต่อไวไวนะ
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 01-03-2007 11:12:00
พี่จ๋อมเข้ามาตอบซะยาวเลย........... :laugh3: :laugh3:

สู้ๆคับ...ลงต่อด้วยนะคับ....รออยู่นะ...ไม่ลงเด๋วคนอ่านไม่ปลื้ม... :laugh5:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 01-03-2007 13:13:03
นครินทร์ที่มัวแยกเขี้ยวใส่ศิวะอยู่จึงไม่ทันสังเกตว่าจอมยุทธ์กำลังเดินตรงมา เพราะใกล้เวลารับประทานอาหารกลางวันแล้ว

“อ้าว...จอมมาตามแล้ว” ศิวะพูดขึ้นหลังจากเห็นจอมยุทธ์เดินมุ่งหน้าเข้ามา

“คงจะชวนไปกินข้าวกลางวัน เพราะเที่ยงพอดี” ศิวะพูดต่อ

“พี่เสือ พี่เอ พี่แซม...ผมว่าไปกินข้าวกลางวันกันดีกว่าครับ...”จอมยุทธ์กล่าวชวนหลังจากเดินมาหยุดอยู่ที่ม้านั่งที่ชายหนุ่มทั้งสามนั่งคุยกันอยู่

“ครับ...พี่กำลังหิวพอดีเลยครับ...”นครินทร์ตอบ

“พี่เสือจะไปตามตาภูหรือว่าจะให้ผมไปครับ...”จอมยุทธ์ถามศิวะ

“เดี๋ยวพี่ไปตามเองดีกว่า...จอมนำคุณแซมกับเอไปที่ห้องอาหารก่อนแล้วกัน..เดี๋ยวพี่จะพาตาภูกับคุณภาตามไปครับ...”

“ครับพี่เสือ...” จอมยุทธ์รับคำ

“อย่างนั้นเชิญพี่เอกับพี่แซมที่ห้องอาหารเลยครับ...” จอมยุทธ์พูดพร้อมทั้งนำนายตำรวจหนุ่มทั้งสองเดินไปยังห้องอาหารที่ใช้รับประทานอาหารเช้าร่วมกันก่อนหน้านี้

ในช่วงเวลาอาหารกลางวัน ห้องอาหารของสปอร์ตคลับจะคลาคล่ำไปด้วยนักกีฬาที่มาพักผ่อนและออกกำลังกาย บ้างก็มากันเป็นครอบครัว บ้างก็มากันเป็นกลุ่มเฉพาะเพื่อนสนิททั้งชายหญิง  โดยส่วนใหญ่ก็จะรู้จักมักคุ้นกันดี เนื่องจากมักจะเห็นหน้าและทักทายกันเป็นประจำ ดังนั้นบรรยากาศการรับประทานอาหารจึงมีความเป็นกันเองอย่างมาก

เนื่องจากโต๊ะอาหารในห้องโถงขนาดใหญ่ถูกจับจองจนหมด จอมยุทธ์จึงเลือกโต๊ะรับประทานอาหารในห้องส่วนตัวขนาดกลางที่มีประตูเปิดทะลุไปยังห้องโถงใหญ่ สามารถมองเห็นสมาชิกที่นั่งทานข้าวอยู่เกือบทุกคน

หลังจากนั่งพักดื่มน้ำผลไม้กันประมาณสิบนาที ศิวะก็เดินมาพร้อมกับภูฟ้าโดยมีคุณภาวดีเดินตามหลังมาเงียบๆ

“โต๊ะด้านนอกเต็มหมดเลยครับพี่เสือ...ผมเลยพาพี่เอกับพี่แซม เข้ามานั่งในห้องนี้” จอมยุทธ์บอกศิวะถึงเหตุผลที่ต้องเข้ามารับประทานอาหารภายในห้อง เนื่องจากศิวะมักจะชอบนั่งรับประทานอาหารในห้องโถง บริเวณเดียวกับแขกคนอื่นๆ ทั้งนี้เพื่อเป็นการประเมินระบบบริการของห้องอาหาร ตลอดจนพูดคุยอย่างเป็นกันเองกับแขกทุกคน เพื่อหาข้อเสนอแนะเพิ่มเติมในปรับปรุงการบริการต่างๆ ให้เกิดประทับใจแก่ผู้มาเยือน

“ไม่เป็นไรครับ...วันนี้นั่งข้างในห้องก็ได้...เอกับคุณแซมคงไม่ขัดข้องนะครับ”

นครินทร์ส่ายหน้า

“ไม่เป็นไรครับ...ผมทานที่ไหนก็ได้ครับ” ยุทธจักรตอบ

“อย่างนั้นเราเดินไปตักอาหารกันเลยดีกว่าครับ...ผมว่าคงหิวกันมากแล้ว” ศิวะเอ่ยชวนหลังมองนาฬิกาซึ่งบอกเวลาเที่ยงครึ่งพอดี

ลักษณะการบริการอาหารกลางวันเป็นแบบบุฟเฟต์ ซึ่งมีอาหารหลากหลายให้เลือก ทั้งอาหารไทยและอาหารฝรั่ง รวมถึงของหวานซึ่งเป็นขนมต่างๆและผลไม้สดตามฤดูกาล แต่ละคนจึงแยกย้ายกันไปเลือกตักอาหารใส่จานที่เตรียมไว้ตามแต่สะดวกและตามความพอใจของตน

ศิวะอุ้มภูฟ้าเดินดูอาหารที่จัดเตรียมไว้บริการตามโต๊ะต่างๆ เพื่อให้ลูกชายได้เลือก โดยศิวะก็จะพยายามอธิบายส่วนประกอบของอาหารเหล่านั้นให้ภูฟ้าฟัง และคุณภาวดีที่เดินตามหลังก็จะคอยตักอาหารตามความต้องการของภูฟ้าใส่ลงในจาน

หลังจากเลือกตักอาหารอย่างละเล็กละน้อยตามความคำบอกของภูฟ้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ศิวะจึงพาภูฟ้ากลับไปที่โต๊ะอาหาร โดยมีจอมยุทธ์คอยรับหน้าที่ดูแลต่อ หลังจากนั้นศิวะและคุณภาวดีจึงเดินกลับมาเลือกอาหารสำหรับตนเอง ก่อนจะกลับไปนั่งรับประทานอาหารร่วมกันทั้งหมด

ภูฟ้านั่งรับประทานอาหารอย่างเงียบๆและเรียบร้อย บนเก้าอี้ตัวสูงระหว่างศิวะและจอมยุทธ์ เด็กน้อยปล่อยให้พวกผู้ใหญ่สนทนากันอย่างสนุกสนาน แม้เรื่องราวที่ผู้ใหญ่คุยกันภูฟ้าจะยังฟังไม่เข้าใจเท่าไหร่ แต่ภูฟ้าก็สามารถที่จะนั่งเงียบๆ อยู่ในสถานการณ์นั้นได้อย่างดี

หลังจากรับประทานอาหารคาวเสร็จแล้ว ก็ถึงเวลาของอาหารหวานปิดท้าย คราวนี้เป็นหน้าที่ของจอมยุทธ์ ที่จะพาหลานชายตัวน้อยไปเลือกของหวานที่จัดไว้

จอมยุทธ์อุ้มภูฟ้าขึ้นแนบอก เพื่อให้ภูฟ้าสามารถมองเห็นขนมหวานนานาชนิดที่จัดเตรียมและตกแต่งอย่างสวยงามบนโต๊ะได้ และเช่นกันเดียวกับศิวะ จอมยุทธ์พยายามอธิบายถึงส่วนผสมของขนมหวานเหล่านั้นให้ภูฟ้าได้รับรู้ โดยถ้าขนมนั้นเป็นขนมของฝรั่งเศส จอมยุทธ์ก็จะเลือกใช้ภาษาฝรั่งเศสอธิบายสลับกับภาษาอังกฤษอย่างง่ายและช้าๆ ให้ภูฟ้าฟัง  ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ว่าสองอาหลานคู่นี้จะสามารถคุยกันได้ถึงสามภาษาในคราวเดียวกัน

หลังจากเดินเลือกของหวานอยู่นาน ในที่สุดภูฟ้าจึงเลือกรับประทาน white chocolate cake ที่ภายในตัวประกอบด้วยชั้นบางๆของชอกโกแลตสลับกับเนื้อเค้กนุ่ม และแทรกด้วยความเปรี้ยวเล็กน้อยของชั้นครีมชีสรสมะนาว

จอมยุทธ์พาภูฟ้ากลับมานั่งที่โต๊ะ เพื่อให้หลานชายได้รับประทานของหวานที่เลือกมา โดยที่ผู้ใหญ่หลายๆคนตัดสินใจรับประทานผลไม้ตามฤดูกาล ยกเว้นยุทธจักรซึ่งเลือกรับประทานของหวานเช่นเดียวกับของภูฟ้า

ยุทธจักรชอบรับประทานของหวานตบท้ายอาหารคาวเสมอ โดยที่ไม่จำเป็นต้องกลัวเรื่องไขมันสะสม เพราะเขาออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและทุกวัน ดังนั้นหน้าท้องของเขาจึงราบเรียบและมีมัดกล้ามเนื้ออย่างสวยงาม ผิดกับนครินทร์ที่ตอนนี้เริ่มจะมีไขมันสะสมอยู่เล็กน้อย

ขณะรับประทานอาหารคาว ทั้งสี่หนุ่มสรุปกันว่าจะให้ภูฟ้าเป็นคนตัดสินใจแทนศิวะและจอมยุทธ์ในการเรียกร้องของรางวัลในจากการเอาชนะนายตำรวจฝีมือดีทั้งสองคนนี้ได้ ดังนั้นหลังจากรับประทานของหวานเสร็จ ยุทธจักรจึงเป็นคนรับอาสาเจรจากับหนูน้อยภูฟ้าทันที

“ภูครับ....อาแซมมีคำถาม ถามภูครับ....”ยุทธจักรเริ่มพูดคุยกับภูฟ้าด้วยน้ำเสียงนุ่มน่าฟัง

“ครับ...อาแซม” ภูฟ้าขานรับ พร้อมมองตรงมายังยุทธจักรซึ่งนั่งอยู่ตรงข้าม

“คือว่าลุงแซมกับลุงเอ แข่งขันยิงปืนแพ้พ่อเสือกับอาจอมของภูน่ะครับ...คราวนี้คนชนะสามารถขออะไรก็ได้จากคนแพ้ครับ......พ่อเสือกับอาจอมจึงมอบให้ภูตัดสินใจครับ...ว่าจะขออะไรจากลุงเอและอาแซม” ยุทธจักรพยายามเลือกใช้คำง่ายๆ อธิบายให้หนูน้อยฟังอย่างใจเย็น โดยน้ำเสียงเต็มไปด้วยความเอ็นดูในตัวของเด็กชายน่ารักที่อยู่ตรงหน้าเป็นอย่างยิ่ง

“ภูอยากได้อะไรครับ...เดี๋ยวลุงเอกับอาแซมจะหามาให้ครับ...ยกเว้นของที่อยู่บนฟ้าและในน้ำลึกๆนะครับ...”ยุทธจักรพูดต่อด้วยรอยยิ้ม

ภูฟ้าหันไปมองพ่อเสือและอาจอม หลังจากเห็นทั้งสองคนพยักหน้าสนับสนุนกับสิ่งที่คุณอาหนุ่มตรงหน้าพูดมา ภูฟ้าจึงหยุดคิดซักพัก ก่อนจะตอบว่า

“ภูไม่อยากได้อะไรครับ...”ภูฟ้าตอบและส่ายศีรษะไปมาอย่างช้าๆ

คำตอบของภูฟ้าทำให้ศิวะและจอมยุทธ์ภูมิใจเป็นอย่างมาก เพราะแสดงว่าภูฟ้าเป็นเด็กที่รู้จักคำว่าเพียงพอ
 
ในทุกๆเทศกาลต่างๆ ภูฟ้าจะได้รับของขวัญมากมายหลายชิ้น จากครอบครัวของบิดาที่แท้จริงทั้งสอง รวมถึงจากศิวะ จอมยุทธ์ และพ่อทูนหัว คริส ซึ่งอยู่ที่ประเทศอังกฤษ แต่ก็ไม่ทำให้ภูฟ้าเป็นเด็กเห็นแก่ได้ หรือเกิดความเคยชินที่จะต้องเรียกร้องขอของขวัญยามที่ต้องการแต่อย่างใด ในทางตรงกันข้ามภูฟ้ากลับอนุญาตให้พ่อเสือและอาจอมนำของขวัญที่เลิกเล่นแล้วไปบริจาคให้กับเด็กอื่นๆอีกด้วย

“อย่างนี้ดีกว่ามั้ยครับ....ถ้าภูไม่ต้องการสิ่งของ...ดังนั้นอาแซมเสนอว่า...อาแซมจะเอาเจ้าไข่ขาวมาเล่นกับภูทุกวันศุกร์ เวลาภูไปเดินเล่นที่ศาลาธรรม...ภูจะตกลงมั้ยครับ....”ยุทธจักรยื่นข้อเสนอให้เข้าทางตนเองอย่างชาญฉลาด

รอยยิ้มหวานปรากฏบนใบหน้าของภูฟ้าทันทีที่ได้ยินข้อเสนอนั้น ก่อนจะตอบกลับอย่างดีใจว่า

“ตกลงครับอาแซม....ภูชอบไข่ขาวครับ...เบนก็ชอบไข่ขาวด้วย....”

ข้อเสนอที่แสนธรรมดาของยุทธจักรไม่ได้ทำให้จอมยุทธ์เอะใจแต่อย่างใด กลับรู้สึกดีใจแทนหลานชายที่จะได้เพื่อนใหม่เป็นสุนัขขนปุยสีขาวสดน่ารัก...จอมยุทธ์สนับสนุนและเห็นด้วยกับกิจกรรมทุกอย่างที่จะทำให้ภูฟ้ามีความสุข และที่สำคัญการเลี้ยงสัตว์จะช่วยทำให้ภูฟ้ามีความรับผิดชอบและมีจิตใจที่อ่อนโยนอีกด้วย

ในทางตรงกันข้าม..ศิวะกลับทราบความนัยในข้อเสนอของยุทธจักรได้เป็นอย่างดี และอดที่จะชื่นชมในความฉลาดและช่างวางแผนของนายตำรวจหนุ่มหน้าเข้มเสียไม่ได้ เพราะถือเป็นการเลือกเส้นทางเข้าหาจอมยุทธ์ได้แนบเนียนที่สุด เพราะแสดงว่าต่อไปนี้ทุกวันศุกร์ ทั้งเขา จอมยุทธ์และภูฟ้า จะต้องพบกับยุทธจักรทุกอาทิตย์ และคงจะมีกิจกรรมต่างๆ ทำร่วมกันเลยไปจนถึงเสาร์-อาทิตย์แน่นอน

นอกจากแผนการพิชิตใจของจอมยุทธ์จะเปลี่ยนแนวทางไป ศิวะยังเห็นว่าลักษณะกิริยาและการแสดงออกต่อจอมยุทธ์ก็เปลี่ยนไปด้วย แม้จะเพิ่งเริ่มปรับมาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา แต่ก็เห็นได้ชัดเจนว่าเจ้าตัวดูจะผ่อนคลายมากกว่าเดิม และไม่พยายามจู่โจมหรือรุกจอมยุทธ์เหมือนเมื่อก่อน แต่กลับกลายเป็นการเข้าหาอย่างสหายสนิทคนหนึ่ง นอกจากนั้นแววตาที่แสดงความสิเนหาในตัวจอมยุทธ์ก็มีการปรับเปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่ายุทธจักรพยายามสกัดกั้นไม่ให้ความรู้สึกต่างๆที่มีอยู่เต็มหัวใจถ่ายทอดออกมาทางดวงตามากนักนั่นเอง

เมื่อยุทธจักรปรับเปลี่ยนท่าทางและแววตา จอมยุทธ์เองก็เริ่มปรับระยะห่างให้สั้นลงเช่นกัน....และเริ่มจะคบหาพูดคุยกับยุทธจักรอย่างสะดวกใจมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อไม่มีสายตาแปลกๆ มากวนใจ รวมถึงเมื่อศิวะแสดงความเป็นมิตรกับนายตำรวจหนุ่มอย่างเปิดเผยและเต็มใจอย่างยิ่ง

หลังจากได้ยินข้อเสนอของยุทธจักร....ศิวะเห็นโอกาสเหมาะจึงยื่นมือเข้าช่วยเพื่อสร้างความมั่นใจให้อีกครั้ง

“เป็นข้อเสนอที่ดีครับ...ตาภูคงชอบมาก...จริงมั้ยครับลูก” ประโยคสุดท้ายศิวะหันไปถามลูกชายที่นั่งอยู่ข้างๆ

“ครับพ่อเสือ..ภูจะได้มีเพื่อนเล่นเยอะๆครับ...” ภูฟ้าตอบคำถามของบิดา

“ผมว่านอกจากจะพาเจ้าไข่ขาวมาเล่นกับตาภูแล้ว...เสาร์-อาทิตย์ เราก็มาพักผ่อนออกกำลังกายกันที่นี่ด้วยเลยครับ..”

“ข้าถือโอกาสชวนแกเลยแล้วกัน เอ...จะได้ลดพุงที่มันยื่นออกมาเสียบ้าง...” ศิวะหันมาล้อเลียนเพื่อนสนิทที่นั่งฟังอยู่เงียบๆ

“อืม...ก็ดีว่ะเสือ...ข้าอยู่ว่างๆ ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว” นครินทร์ตอบ

“ที่สำคัญ ได้ข่าวว่า จอมเค้าจะขอแก้มือกับคุณแซมเรื่องเทนนิสด้วย..ใช่มั้ยจอม” ศิวะหันกลับไปถามจอมยุทธ์

“ใช่ครับ....ครั้งที่แล้วถือเป็นการเรียนรู้ฝีมือกันครับ...ครั้งหน้าผมเอาจริงครับ...”จอมยุทธ์พูดอย่างหมายมั่น พร้อมมอบรอยยิ้มให้กับคู่กรณีอย่างยุทธจักร

“เชิญครับจอม...ผมพร้อมเสมอครับ...”ยุทธจักรยิ้มตอบกลับเช่นกัน...

“ถ้าอย่างนั้นเราก็เจอกันทุกวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์แล้วกันนะครับ...แต่ว่าคุณแซมอยู่กรุงเทพ การเดินทางจะมีปัญหาหรือเปล่าครับ...”ศิวะเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่ายุทธจักรนั้นพำนักอยู่ที่กรุงเทพฯ จึงเอ่ยถาม

“เฮ้ย..เสือไม่ต้องห่วงมันหรอก ไอ้แซมน่ะ...มันขึ้นเครื่องบินมาตอนบ่ายวันศุกร์ได้ทันที แค่นี้ขนหน้าแข้งมันไม่ร่วงหรอก” นครินทร์ตอบแทนผู้ที่ถูกถาม

“ผมคาดว่าไม่มีปัญหาอะไรครับ..ผมนั่งเครื่องมาได้ครับ...แต่อาจจะมีบางอาทิตย์ที่มีงานด่วน ผมคงต้องขอผิดสัญญาที่ให้ไว้กับตาภูครับ...” ยุทธจักรตอบ

“ครับ...ถ้ามีงานด่วนก็ไม่เป็นไรครับ...พวกเราเข้าใจ...”ศิวะตอบ ก่อนจะหันไปถามลูกชาย

“ภูครับ...บางทีถ้าอาแซมติดงานด่วน อาแซมก็พาไข่ขาวมาเล่นกับภูไม่ได้...ภูจะโกรธอาแซมมั้ยครับ...”

“ไม่โกรธครับ...พ่อเสือ”ภูฟ้าส่ายหน้าก่อนจะให้คำตอบ

“แต่อาแซมจะพยายามมาหาภูทุกอาทิตย์นะครับ...” ยุทธจักรให้สัญญาอย่างหนักแน่น

ดังนั้น.....เริ่มตั้งแต่วินาทีนี้ จุดเริ่มต้นดีๆของความสัมพันธ์ที่สวยงามจึงเกิดขึ้นและจะถูกสานต่อไปในอนาคต ทั้งหกชีวิตไม่มีทางทราบเลยว่า วงล้อแห่งโชคชะตาของทุกคนกำลังหมุนมาบรรจบกันเป็นหนึ่งเดียว...และจะเดินก้าวผ่านเหตุการณ์ที่เลวร้ายและบีบคั้นหัวใจที่สุด.....ในอนาคตอันใกล้



หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 01-03-2007 13:29:31
อิอิ แผนการล้ำเลิศ

:ped149:เป็นกำลังใจให้พี่แซมครับ :ped149:



ปล.ผมชอบพี่เสือครับ :give2:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 01-03-2007 13:39:09
เหตุการณ์อันเลวร้าย และ บีบคั้นที่สุด   ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยย   :serius2:  :serius2:  :serius2:
แต่ถ้าเหตุการณ์นั้นมันจะเปิดหัวใจของจอมให้กับแซม  ก็คุ้มอยู่  อิอิ 
แต่อย่าเศร้าละตะเอง  จิตใจบอบบางอะ 

ปล  เมื่อไหร่ตรูจาได้หื่นกับเรื่องนี้ฟระ  :haun4:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 01-03-2007 13:45:12
และแล้วก็ใช้แผนเดิม..... :laugh3: :laugh3:

ป.ล.  มูมู่รอหื่นอย่างเดียวเลยนะ.... :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: jammy ที่ 01-03-2007 14:40:42
เรื่องนี้จะจบเศร้ารึเปล่าเนี่ย  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: kYos ที่ 01-03-2007 16:28:11
อ้าว... มีแววจะเศร้ากันอีกแล้ว
 :call:  อย่าเศร้าเลยน้า  สาธุ
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 01-03-2007 17:04:32
แผนเยอะกันจริงๆ แต่อย่าเป็นขุนแผนแล้วกันนะ :kikkik: :kikkik: :kikkik:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: RoosT ที่ 01-03-2007 18:41:50
 :impress: รอๆๆ ตอนต่อปายย

อย่าจบเศร้าเลยนะค๊าบบบบบ  :myeye:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 01-03-2007 18:50:43
รอ ร้อ รอ  :110011:  :110011:  :เชิป2:  :เชิป2:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: tsuyu ที่ 01-03-2007 19:21:45
เข้ามารอด้วยคนค่ะ  :impress2:

หวังว่าตอนจบคงไม่เสียน้ำตานะค่ะ

กลัวจิงๆ เลย
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 02-03-2007 11:48:29
สวัสดีครับทุกคน....

ก่อนอื่นต้องขอบคุณกำลังกำลังใจ และการเสียสละเวลาเข้ามาอ่านนิยาย แล้วก็ทิ้งรีพลายไว้ให้ชื่นใจนะครับ....

อ่านรีพลายแล้วขำน่ะครับ..... ช่างพร้อมใจกันกังวลว่าตัวละครจะสิ้นชีวิตหรือเปล่า....

ยังตอบไม่ได้น่ะครับ....บังเอิญว่าตอนอวสานยังแต่งไม่เสร็จน่ะครับ....

ลืมบอกไปว่า....สี่บทแรกที่ผ่านมาคือ introduction นะครับ.... ปูพื้นฐานนานไปหน่อย....

บทต่อไปจากนี้....จะเป็นการเข้าสู่นิยายอย่างแท้จริงครับ... ตามอ่าน...ตามหากับดักต่างๆ ที่วางไว้น่ะครับ.....

ผมไปก่อนละครับ....

อากาศที่เมืองไทยเริ่มร้อนแล้วใช่มั้ยครับ.....ใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้นกันเข้าไว้นะครับ....

Andreas

ปล. กระป๋มกับเจ้สองไม่ได้ทะเลาะกันนาครับ....พี่น้อง..... ป๋มกับอีเจ้ต่างมีประสบการณ์การถูกวิจารณ์....แล้วก็โดนสังคยนาหมู่โดยอาจารย์โหดๆ มาเป็นร้อยรอบ....เรื่องวิจารณ์กันแค่นี้สบายครับ..... ต่างคนต่างหวังดีกันทั้งคู่....

ขอบคุณหมูพูห์..... แลวก็เจ้มูมู่....เรื่องข้อแนะนำด้วยนะครับ....

tsuyu, shell, RoosT, ฟ.ฟัน, jammy, ][GobGab][ , Bosatlas, meemewkewkaw, หนูบลู, .......อย่าเสียใจนา..ที่ป๋มไม่ได้เอ่ยชื่อ....(อ้าว...เอ่ยแล้วนี่หว่า)

รักทุกคนนะครับ....
 :impress:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 02-03-2007 11:50:04
บทที่ 5 สายลมแห่งความวุ่นวาย

สายลมหนาว...สายลมแห่งความเหงาและเดียวดายพัดผ่านมายังเชียงใหม่อีกครั้ง....และครั้งนี้ดูเหมือนมันจะพัดพาเอาความยุ่งยากเข้ามาสู่จอมยุทธ์และบุคคลรอบข้างทั้งหมด

ตลอดเดือนกว่าๆที่ผ่านมา....ในทุกๆวันศุกร์หลังเลิกงาน ยุทธจักรจะต้องนั่งเครื่องบินขึ้นมาเชียงใหม่ โดยมีคนขับรถของลุงพลพร้อมด้วยเจ้าไข่ขาวรอรับอยู่ที่สนามบิน หลังจากนั้นจึงใช้เส้นทางของกองบินที่ 41 เป็นทางลัดมุ่งหน้าสู่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อเอาไข่ขาวมาเล่นกับภูฟ้า และเขาก็จะได้มีโอกาสพูดคุยและสร้างความสัมพันธ์กับจอมยุทธ์ โดยมีศิวะคอยช่วยสนับสนุนอยู่ห่างๆ

ความสัมพันธ์ของยุทธจักรกับหนุ่มหน้ากึ่งหวานผู้เป็นเจ้าของหัวใจของเขาจึงดีขึ้นเรื่อยๆ สังเกตได้ว่าจอมยุทธ์เริ่มเป็นกันเองมากขึ้นกว่าแต่ก่อน และกิริยาท่าทางการพูดคุยก็แสดงความสนิทสนมเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะว่า ภูฟ้าเริ่มที่จะติด “อาแซม” .....คุณอาคนใหม่มากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นจอมยุทธ์ที่รักภูฟ้ามาก จึงเริ่มปรับตัวเข้าหาและสังเกตเห็นถึงข้อดีต่างๆของยุทธจักร อาทิเช่นความร่าเริง ความสุภาพ และน้ำเสียงที่นุ่มนวลยามพูดคุยกับภูฟ้า

ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยว่า ยุทธจักรจะกลายเป็นแขกประจำของครอบครัวในทุกวันศุกร์และลากยาวมาจนถึงเสาร์-อาทิตย์ โดยมีกิจกรรมที่ทำเป็นประจำคือการออกกำลังกาย การขี่ม้า การยิงปืน การว่ายน้ำ รวมถึงกิจกรรมอื่นๆ โดยที่เกือบทุกครั้ง นครินทร์ก็จะเข้ามาร่วมเสมอ

วันศุกร์นี้ก็เช่นกัน ยุทธจักรขึ้นมาเชียงใหม่พร้อมเสื้อกันหนาวสีฟ้าน้ำทะเลตัวสวยที่ซื้อมาเพื่อเป็นของขวัญให้กับภูฟ้า เนื่องจากช่วงนี้เชียงใหม่เข้าสู่ฤดูหนาวและอากาศเริ่มเย็นลงอย่างเห็นได้ชัดโดยเฉพาะในตอนเย็น เขาเห็นโอกาสเหมาะที่จะซื้อเสื้อกันหนาวให้ภูฟ้า......เด็กน้อยวัยห้าขวบที่เขาหลงรักไม่แพ้จอมยุทธ์ เพียงแต่เป็นรูปแบบของความรักที่แตกต่างกัน

ยุทธจักรยังซื้อเสื้อผ้าสำหรับสุนัขให้เจ้าไข่ขาวเพื่อช่วยให้ความอบอุ่นอีกด้วย โดยเลือกซื้อสีเดียวกับเสื้อของภูฟ้า ดังนั้นวันนี้ทั้งคู่จึงสวมเสื้อกันหนาวสีเดียวกัน และวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนานอยู่บริเวณลานกว้างของศาลาธรรมภายในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่

หลังจากเดินเล่นพักผ่อนและออกกำลังกายเบาๆประมาณสองชั่วโมง ก็ถึงเวลารับประทานอาหารเย็นพอดี หลายอาทิตย์ที่ผ่านมา การรับประทานอาหารเย็นจะเริ่มต้นหลังจากที่ต่างฝ่ายต่างนำสุนัขกลับบ้านก่อน แล้วจึงเดินทางไปยังร้านอาหารในตัวเมืองจังหวัดเชียงใหม่ตามที่ตกลงกันไว้ล่วงหน้า หลังจากรับประทานอาหารเสร็จจึงแยกย้ายกันกลับบ้านและนัดเจอกันใหม่ในวันถัดมา

แต่สำหรับวันนี้ ศิวะตัดสินใจชวนยุทธจักรมารับประทานอาหารเย็นที่บ้าน เนื่องจากเห็นว่าถึงเวลาอันควรแล้วที่จะเพิ่มความสัมพันธ์ของครอบครัวและยุทธจักรให้เพิ่มขึ้นในอีกระดับหนึ่ง หลังจากสังเกตพฤติกรรม ความสม่ำเสมอของยุทธจักรมาร่วมเดือนกว่าๆ

ก่อนหน้านั้นศิวะปรึกษาจอมยุทธ์ถึงความคิดที่จะชวนยุทธจักรมารับประทานอาหารที่บ้าน ซึ่งจอมยุทธ์ก็ไม่ขัดข้องแต่อย่างใด....ศิวะจึงสั่งคุณแม่บ้านให้จัดการเตรียมประกอบอาหารหลายอย่างไว้ตั้งแต่ตอนเช้า 

“คุณแซมครับ...วันนี้ผมขอเชิญคุณแซมไปรับประทานอาหารที่บ้านของพวกเรานะครับ” ศิวะเอ่ยปากชวน ก่อนถึงเวลานัดหมายเรื่องการรับประทานอาหารเย็น

“ขอบคุณครับ...แต่จะเป็นการรบกวนเกินไปหรือเปล่าครับ” ยุทธจักรกล่าวอย่างเกรงใจ

“ไม่หรอกครับ พี่แซม....ผมกับพี่เสือสั่งให้คุณแม่บ้านเตรียมอาหารไว้แล้ว...ถ้าพี่แซมไม่ไป อาหารก็เป็นหมันพอดีครับ” จอมยุทธ์เป็นคนตอบคำถามดังกล่าว แล้วจึงเดินเอาสายโซ่คล้องคอสุนัขไปให้หลานชายที่ยังคงนั่งเล่นกับสุนัขทั้งสอง

“ครับ ถ้าอย่างนั้นผมไม่ขอปฏิเสธครับ....”ยุทธจักรตอบพร้อมรอยยิ้มกว้างตามเคย

“คุณแซม...ไม่ต้องเอาไข่ขาวกลับบ้านก่อนหรอกครับวันนี้...พาไข่ขาวไปด้วย...เดี๋ยวตาภูแกคงดูแลเองครับ” ศิวะยื่นข้อเสนอและยุทธจักรก็รับปากตกลง ก่อนจะหันไปคุยกับลูกชายที่ยืนอยู่ข้างๆจอมยุทธ์....ทั้งคู่กำลังช่วยกันเอาสายโซ่คล้องคอสุนัขทั้งสองตัว เพื่อเตรียมตัวนำขึ้นรถกลับไปบ้าน

“ภูครับ...วันนี้อาแซมจะไปกินข้าวที่บ้านของเรา...และจะเอาไข่ขาวไปด้วย ภูดูแลให้อาหารไข่ขาวได้มั้ยครับ...”

ภูฟ้าหยุดกิจกรรมที่ทำอยู่ชั่วครู่ หันมาตามเสียงของบิดา ก่อนจะรับปากพร้อมรอยยิ้มหวานทันที

“ได้ครับ..พ่อเสือ...”

 “ไม่ต้องห่วงไข่ขาวนะครับ...เดี๋ยวตาภูเค้าคงจัดการให้เอง...เห็นเค้าตัวเล็กๆ แบบนี้ ตาภูเป็นคนรับผิดชอบให้อาหารสุนัขด้วยตนเองครับ...ผมพยายามสอนให้แกมีความรับผิดชอบครับ...แล้วแกก็ทำได้ดีด้วย” ศิวะหันมาอธิบายให้ยุทธจักรฟัง

“พี่เสือเป็นพ่อที่ดีจังเลยนะครับ...มิน่าตาภูถึงได้น่ารักแบบนี้” ยุทธจักรเอ่ยชม

“ผมไม่ได้สอนคนเดียวหรอกครับ...จอมเค้าก็ช่วยสอนด้วย...เราแบ่งหน้าที่กันสอนตาภูครับ...เรามีกันอยู่แค่สองคนเท่านั้นนับตั้งแต่ตาภูเกิดครับ...” ศิวะพูดต่อ พร้อมทอดสายตาที่แสดงความรัก ความชื่นชมแต่เจือปนความเศร้าบางอย่างไปที่ภูฟ้าและจอมยุทธ์ที่ยืนอยู่ไม่ห่างไปนัก

สายตาที่ศิวะมองไปยังจอมยุทธ์และภูฟ้าสร้างความสงสัยให้กับยุทธจักรไม่น้อย เพียงแต่เขาเลือกที่จะนิ่งเงียบไว้เสียก่อน และคิดว่าในอนาคตก็อาจได้คำตอบของดวงตาเศร้าคู่นั้น

“เรียบร้อยแล้วครับ...เชิญไปรับประทานอาหารเย็นกันดีกว่าครับ...” จอมยุทธ์พูดขึ้น หลังจากช่วยหลานชายเอาโช่คล้องคอสุนัขทั้งสองตัว โดยที่เขาเป็นคนถือสายโซ่เจ้าเบน...สุนัขโกลเด้นรีทีฟเวอร์ตัวใหญ่ ขณะที่หลานชายถือสายโช่คล้องคอเจ้าไข่ขาวอยู่

ภูฟ้าเดินจูงเจ้าไข่ขาวไปส่งให้กับยุทธจักร ก่อนจะเดินกลับมายังที่ที่จอมยุทธ์ยืนรออยู่

“เดี๋ยวคุณแซมขับรถตามผมมาเลยนะครับ...” ศิวะบอก ก่อนที่จะแยกย้ายกันขึ้นรถส่วนตัวของแต่ละคน

ภูฟ้ากับเจ้าเบนเลือกขึ้นรถของจอมยุทธ์เช่นเดียวกับขามา และขอตัวล่วงหน้าไปก่อน ส่วนยุทธจักรก็ขับรถตามศิวะไปเรื่อยๆ จนเข้าสู่อาณาบริเวณบ้านหลังใหญ่......บ้านที่เต็มไปด้วยความรักและความอบอุ่นของศิวะ จอมยุทธ์ และภูฟ้า
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 02-03-2007 11:52:03
ยุทธจักรรับรู้ถึงความกว้างขวางของบ้านที่ตั้งเด่นอยู่เบื้องหลังสนามหญ้าและสวนหย่อมที่ตกแต่งอย่างสวยงาม ด้านซ้ายของสวนสวย คือ โรงรถที่ขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่จอดรถได้ถึงเกือบสิบคัน ด้านขวามือติดกับตัวบ้าน คือสระว่ายน้ำกลางแจ้งขนาดมาตรฐานที่สร้างขึ้นโดยมีรั้วเหล็กเตี้ยๆกันพื้นที่โดยรอบ และมีทางเชื่อมเข้าสู่ตัวบ้านโดยผ่านประตูที่สร้างขึ้นเฉพาะ ต่างจากประตูหน้าบ้าน

บริเวณด้านหลังบ้านใหญ่คือ บ้านหลังเล็กสองหลังที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่อยู่ของคุณแม่บ้านและคุณภาวดีพี่เลี้ยงตลอดจนผู้ช่วยของคุณแม่บ้าน ส่วนอีกหลังหนึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของคนสวนและคนขับรถและสมาชิกในบ้านคนอื่นๆที่เป็นเพศชายทั้งหมด

ลักษณะของบ้านหลังใหญ่นั้นเป็นบ้านต่างระดับ ที่ประกอบด้วยกันถึงสี่ชั้น....ชั้นแรกเป็นชั้นใต้ดินขุดลึกลงไป สำหรับเป็นห้องนั่งเล่นสำหรับดูหนังและฟังเพลง รวมถึงห้องทำงานเฉพาะของศิวะและจอมยุทธ์

ชั้นถัดมา คือ ชั้นที่ประกอบไปด้วยห้องรับแขกทั้งสิ้นสามห้อง เปิดทะลุเข้าหากัน โดยแต่ละห้องจะถูกตกแต่งอย่างสวยงามด้วยเฟอร์นิเจอร์เข้าชุดกัน เน้นที่รูปแบบความผสมผสานของความทันสมัยและลักษณะความหรูหราของศิลปะแบบยุโรป โดยไม่ลืมที่จะสอดแทรกศิลปะแบบไทยๆทั้งแบบล้านนาและไทยภาคกลางลงไปด้วย 

นอกจากห้องรับแขกดังกล่าว ชั้นเดียวกันนี้ยังประกอบด้วยห้องครัว ห้องรับประทานอาหาร ห้องสมุด และห้องออกกำลังกายที่ผนังห้องส่วนที่ติดกับสระว่ายน้ำถูกแทนที่ด้วยกระจกใส สามารถมองเห็นสีฟ้าของน้ำในสระว่ายน้ำและสีเขียวของสวนหย่อมข้างสระว่ายน้ำได้โดยตลอด

ชั้นถัดมาคือชั้นลอย ที่แบ่งพื้นที่ออกเป็นสามห้อง โดยแต่ละห้องมีประตูเปิดเชื่อมทะลุเข้าหากัน ห้องตรงกลางสุดคือห้องนอนของภูฟ้า และขนาบข้างด้วยห้องนอนของศิวะและจอมยุทธ์ทั้งซ้ายและขวา

สองชั้นสุดท้ายด้านบนสุดแบ่งเป็นห้องพักสำหรับสมาชิกครอบครัวคนอื่นๆ ที่ขึ้นมาพักผ่อนที่เชียงใหม่ อันประกอบด้วย คุณศิลป์กวี คุณศิริพิมพ์ และคุณพิมพิมล.... คุณปู่และคุณย่าของภูฟ้า รวมถึงคุณประกายแก้ว....คุณย่าทวดของภูฟ้าที่ยังคงแข็งแรงอยู่ และที่ขาดไม่ได้คือ คริส.... พ่อทูนหัวของภูฟ้า ที่จะมาเชียงใหม่ทุกๆปี

บ้านหลังใหญ่สวยงามนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อรับขวัญภูฟ้าโดยเฉพาะ โดยความร่วมมือของคุณปู่ คุณย่า และคุณย่าทวดของภูฟ้า รวมถึงทางฝั่งครอบครัวของจอมยุทธ์และศิวะร่วมอยู่ด้วย จึงไม่แปลกใจเลยว่า บ้านหลังนี้จะมีความสวยงามและทันสมัย สมชื่อกับที่มัณฑนากรชื่อดังของเมืองไทยคือ คุณศิริพิมพ์ และคุณพิมพิมล ช่วยกันออกแบบและตกแต่งบ้านหลังนี้ เพื่อมอบให้เป็นของขวัญแด่หลานชายตัวน้อย รวมถึงศิวะและจอมยุทธ์ภายหลังการเดินทางกลับจากอังกฤษ

ด้วยความสวยงามของบริเวณบ้านและภายในตัวบ้าน จึงทำให้ยุทธจักรถึงกลับกล่าวชมทันทีที่มีโอกาส

“บ้านสวยจังเลยนะครับ....ขนาดผมเข้ามาเย็นมากแล้วยังสวยขนาดนี้...ถ้าเป็นตอนกลางวันคงสวยกว่านี้มั้งครับ”

“ขอบคุณครับ...คุณย่าของตาภูท่านช่วยกันออกแบบครับ...ทั้งสองท่านเป็นมัณฑนากรฝีมือเยี่ยมกันทั้งคู่ครับ...” ศิวะกล่าวตอบ หลังเดินนำยุทธจักรมานั่งรอรับประทานอาหารเย็น ภายในห้องรับแขกที่ตนเองใช้เป็นประจำ ส่วนจอมยุทธ์ขอตัวพาภูฟ้าไปอาบน้ำแต่งตัว เพื่อเตรียมรับประทานอาหารเย็น
“รบกวนคุณแซมนั่งรอซักครู่นะครับ...คุณแม่บ้านกำลังอุ่นอาหารอยู่ครับ...เสร็จแล้วคงมาตามครับ” ศิวะพูดต่อ

“ครับ...ไม่เป็นไรครับ...ผมยังไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ครับ” ยุทธจักรตอบ พลางเอามือลูบศีรษะเจ้าไข่ขาวที่นั่งสงบเสงี่ยมอยู่บนตัก เนื่องจากคงแปลกที่

“จอมคงพาตาภูไปอาบน้ำครับ...เดี๋ยวคงลงมา แล้วคงจะพาไข่ขาวไปกินข้าวครับ...”

“ครับ...” ยุทธจักรรับคำ พลางใช้สายตาสำรวจบ้านอย่างคร่าวๆ และอดทึ่งกับการจัดตกแต่งที่ลงตัวของบ้านหลังนี้ไม่ได้

ศิวะชวนยุทธจักรคุยฆ่าเวลาเพื่อรออาหารเย็น ไม่นานนักจอมยุทธ์ก็พาภูฟ้าเดินเข้ามา

“อาแซมครับ...ภูขอเอาไข่ขาวไปกินข้าวเย็นได้มั้ยครับ...”เด็กน้อยถาม

“เชิญเลยครับ...ภู...”ยุทธจักรตอบ พลางปล่อยไข่ขาวลงบนพื้นอย่างช้าๆ และมอบปลายสายโซ่ให้ภูฟ้าเป็นผู้ถือ

“ไข่ขาวไปกินข้าวกันดีกว่านะ” ภูฟ้าพูดกับไข่ขาว และเดินนำไข่ขาวไปสมทบกับเจ้าเบนที่นั่งหมอบรออยู่ในบริเวณที่กินข้าวเป็นประจำ ภายในส่วนหลังสุดของห้องครัว

ภูฟ้าจัดการเทอาหารเม็ดใส่จานอาหารให้เจ้าเบน รวมถึงใช้อาหารเม็ดชนิดเดียวกันเทใส่จานใบเล็กให้เจ้าไข่ขาว แต่ที่พิเศษออกไป คือ ภูฟ้าเทนมสดของตนไปในจานใบนั้นด้วย ตามคำแนะนำของอาจอมที่ยืนมองอยู่ข้างๆ

หลังจากเฝ้ามอง สุนัขทั้งสองตัวรับประทานอาหารจนเสร็จ ก็ได้เวลารับประทานอาหารพอดี จอมยุทธ์จึงพาภูฟ้าไปยังห้องรับประทานอาหารเย็นและมอบให้ผู้ช่วยของคุณแม่บ้านจัดการดูแลไข่ขาวและเจ้าเบนช่วงขณะรับประทานอาหาร

หลังจากรับประทานอาหารเย็นเสร็จสิ้น เพียงไม่กี่นาทีก่อนหน้าของหวานที่เตรียมไว้จะนำมาเสิร์ฟ จอมยุทธ์ได้รับโทรศัพท์ด่วนจากหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยของโรงเบียร์ เพื่อแจ้งข่าวถึงเหตุการณ์ผิดปกติที่เกิดขึ้น

“คุณจอมยุทธ์ครับ...ผมมีเรื่องด่วนที่ต้องรายงานให้ทราบครับ...” เสียงของพิทักษ์......หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัย อดีตนายตำรวจตระเวนชายแดนกล่าวออกมาจากปลายสาย

“ครับ......คุณพิทักษ์..ผมฟังอยู่” จอมยุทธ์พูดตอบพร้อมลุกขึ้นจากโต๊ะอาหาร เดินออกมานั่งคุยโทรศัพท์ที่ห้องรับแขก

“รถขนส่งเบียร์สดคว่ำที่หน้าโรงงานครับ...แต่ผมพบอะไรบางอย่างซุกอยู่ในถังเบียร์บางถังครับ...ผมว่าคุณจอมยุทธ์น่าจะมาดูด้วยตนเองครับ”
 
“พอจะบอกได้มั้ยครับคุณพิทักษ์ว่ามันคืออะไร” จอมยุทธ์ถามกลับ เพราะไม่คิดว่าคนอย่างพิทักษ์ที่เป็นอดีตนายตำรวจตระเวนชายแดนฝีมือเยี่ยมจะไม่ทราบว่าอะไรบางอย่างที่ว่านั้นคืออะไร

พิทักษ์นิ่งเงียบไปซักสองสามวินาที ก่อนจะตัดสินใจบอก

“ผมว่ามันคือยาบ้าครับ...และคาดว่าน่าจะเป็นลอตใหญ่เสียด้วยครับ” พิทักษ์รายงาน ด้วยน้ำเสียงที่เป็นกังวล เพราะเกรงว่าทางฝ่ายจอมยุทธ์ที่อายุยังน้อยอยู่ จะเกิดอาการตกอกตกใจและวิตกกังวลกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 02-03-2007 11:59:56
โพสต์ไปโพสต์มา....แล้วรู้สึกว่า..โพสต์มากไปน่ะครับ...ในแต่ละวัน...

เอาไว้วันหลังโพสต์น้อยๆ นานๆ ครั้งดีกว่ามั้ยครับ....

จำนวนวิวเพจมันจะได้สูงๆ.....จะเอาไปอวดเพื่อนน่ะครับ...ว่านิยายข้าน่ะเจ๋ง....มีคนอ่านหลายพันคนนนนนนนน...

ล้อเล่นนะครับ....

ผมจะโพสต์ตามสปีดเดิมนี่แหละครับ....

ไปแล้วครับ....

Andreas
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: RoosT ที่ 02-03-2007 12:06:41
ล้อเล่นได้คับ แต่อย่าทำจิงน้าาาาา :dont2:

มารออ่านตอนต่อไปคับผม  :impress2:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 02-03-2007 12:12:29
เนื้อเรื่องเริ่มเข้มข้นแล้วสิเนี่ย

ต้องติดตามตอนต่อไป :yeb:



ปล.ลงให้เยอะกว่านี้ก็ได้นะครับ  :110011: :เชิป2:

ปล.2ผมรักพี่เสือครับ :give2:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 02-03-2007 12:15:51
 :laugh5:  ยังไงแน๋วก้อยางตามอ่านมะทันอยู่ดี  แต่รับรองว่าพรุ่งนี้อ่านจบแน่  รอกันก่อนเน้อ :yeb:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 02-03-2007 13:50:40
เนื้อเรื่องเริ่มตื่นเต้นแล้วดิ.... :pandalaugh:

.....จะมีโอกาสหั้ยยุทธจักรได้แสดงฝีมือป่าวหว่า.... :impress:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 02-03-2007 14:50:17
อา...  เนื้อเรื่องเริ่มเข้มข้นจริง ๆ จะเป็นแผนอะไรของใครรึเปล่าหว่า  :confuse:
แต่จอมยุทธ์ไม่น่าจะตกใจนะ  ออกจะดูเก่งควบคุมสติเก่งขนาดนั้น  แต่รอพี่แซมแสดงฝีมือดีก่า 
นี่ถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงนี่  เราจาเอาน้องหมาไปเล่นอ่อยหนุ่มหล่อทั้งสี่อยู่หน้าศาลาธรรมทุกวันศุกร์เรยย  ให้ตายสิ  ไฮโซซ้า

รอจ๋อมคร๊าบบบ   เอายาว ๆนะ  สั้นๆ ไม่ชอบ  :loveu:  :loveu:  :loveu:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: kYos ที่ 02-03-2007 15:03:40
 :110011:  เริ่มเข้มข้น เข้าไปทุกทีแล้ว..  ต้องได้เกี่ยวข้องกับยุทธจักรแน่นอนเลยงานนี้  :เชิป2:
เป็นกำลังใจ รอตอนต่อไปเหมือนเดิม  :yeb:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 02-03-2007 16:03:28
มาให้กำลังใจจ้า :yeb:

เหมือนที่คุณ มูมู่น้อย บอกเอายาว ๆนะ  สั้นๆ ไม่ชอบ  ลงถี่ๆด้วยยิ่งดี :pandalaugh:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: jammy ที่ 02-03-2007 16:21:36
โพสเเบบนี้เเหละครับพี่จ๋อมกำลังดีเเล้วละครับ  :โหลๆ:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 02-03-2007 16:39:35
อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

มียาบ้าด้วย!  เอามันไปประหารด่วนค่า

ปล. คงถึงคราวที่อิชั้นต้องออกโรงตบตีกะคุณน้องหมีซะแร่น  ชิส์  มาชอบผู้ชายคนเดียวกะเจ้  อย่างนี้มัเฮนะเคอะน้องหมี

เจ้ไม่ยอมนะ  เจ้ก็รักพี่เสือ  เรื่องโน้นก็ทีหนึงแหละ  มาชอบพี่แว่นดำคนเดียวกะเจ้ 

:เศร้า2: เศร้า  กลัวแพ้เพราะสวยไม่สู้คุณน้อง แงๆ

หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: tsuyu ที่ 02-03-2007 17:32:11
มาเห็นด้วยตามคุณ RoosT ค่ะ

พูดล้อเล่นได้ แต่อย่างทำจิงเลยนะค่ะ

คนอ่านจะขาดใจค่ะ
 :impress:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 02-03-2007 21:23:17
เอาละเริ่มเข้าเรื่องกันซักที  :laugh5:  :laugh5:
หุหุ มียาบ้า มีตำรวจ เริ่มสนุกแล้ว  :laugh3:  :laugh3:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 03-03-2007 13:11:52
แต่ทว่ากลับผิดคาดเพราะจอมยุทธ์มิได้แสดงท่าทางตกใจใดๆผ่านทางน้ำเสียง หากแต่สอบถามกลับไปสั้นๆว่า

“ตอนนี้ที่เกิดเหตุมีใครอยู่บ้างครับ”

“มีแต่ผมกับพนักงานรักษาความปลอดภัยกะกลางคืนอีกสิบคนครับ...รวมถึงคนขับรถ ซึ่งผมกำลังดูแลอยู่ครับ” จอมยุทธ์ทราบดีว่า “การดูแล” ที่พิทักษ์กล่าวมานั้น คงหมายถึงการถูกกักตัวอยู่อย่างไม่อาจขยับเขยื้อนไปไหนได้แน่นอน

“ดีครับคุณพิทักษ์....พยายามทำให้กลายเป็นเรื่องเล็กที่สุดนะครับ....อย่าให้ใครสนใจจนเกินกว่าเหตุ ให้คิดว่าเป็นอุบัติเหตุธรรมดา....ผมจะรีบไปโรงงานเดี๋ยวนี้เลยครับ” จอมยุทธ์ตัดสินใจจะไปดูสถานการณ์ด้วยตนเอง

“ครับ...”พิทักษ์รีบรับปาก

หลังจากคุยโทรศัพท์เสร็จ....สมองของจอมยุทธ์รีบประมวลผลถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมถึงคิดวางแผนการที่จะจัดการเรื่องนี้อย่างรอบคอบและเงียบที่สุด

อย่างไรก็ตามจอมยุทธ์ตระหนักดีว่าการที่จะจัดการเรื่องนี้อย่างเงียบๆนั้นคงทำได้ยาก เนื่องจากใครก็ตามที่มีส่วนผัวพันกับเรื่องนี้ คงต้องมีสายอยู่ในโรงงานของเขา มิเช่นนั้นคงไม่สามารถขนถ่ายยาบ้าจำนวนมหาศาลเข้าสู่โรงเบียร์และบรรจุลงไปในถังเบียร์สดได้อย่างที่ไม่มีใครสังเกตได้มาก่อน เขาคิดว่าพนักงานรักษาความปลอดภัยกะกลางคืนบางคน อาจจะเป็นสายให้กับขบวนการค้ายาผิดกฎหมายนี้ก็ได้ เพราะเวลาขนถ่ายยาบ้าส่วนใหญ่น่าจะใช้เวลากลางคืนเป็นหลัก

จอมยุทธ์ค่อนข้างมั่นใจว่า พิทักษ์ไม่น่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ ดังนั้นเขาจึงเริ่มเป็นห่วงความปลอดภัยของพิทักษ์และพนักงานรักษาความปลอดภัยที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย เพราะว่าถ้ามีคนหนึ่งคนใดในโรงงานเป็นสายให้กับขบวนการค้ายานี้ ป่านนี้เรื่องราวคงถูกรายงานให้แก่บุคคลที่อยู่สูงขึ้นไปให้ทราบ และเป็นไปได้ว่าการชิงของคืนอาจจะกำลังเตรียมการอยู่ก็เป็นได้

ดังนั้นเวลานี้จึงขึ้นอยู่กับว่า ใครจะไปถึงที่โรงเบียร์ได้ก่อนกัน ระหว่างผู้ควบคุมสถานการณ์และผู้ที่ต้องการของคืน

จอมยุทธ์เดินกลับไปยังห้องอาหารอีกครั้ง งานนี้เขาคงต้องขอความร่วมมือ อย่างน้อยก็กับคนที่เขาไว้ใจมากที่สุด...ซึ่งก็หนีพ้นศิวะนั่นเอง

ด้วยความที่ต้องทำงานแข่งกับเวลา จอมยุทธ์ไม่มีเวลาวางแผนให้ยุทธจักรที่เป็นแขกกลับบ้านก่อน ดังนั้นเขาจึงต้องให้ยุทธจักรรับทราบถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะอย่างน้อยการเป็นนายตำรวจของยุทธจักรอาจจะส่งผลดีให้กับแผนการตอบโต้ของเขาย่อมเป็นได้

“ป้าสมครับ.....รบกวนตามคุณภาขึ้นมาดูตาภูด้วยครับ...และช่วยตามศักดิ์และพนักงานผู้ชายขึ้นมาพบผมให้เร็วที่สุดครับ” จอมยุทธ์เริ่มต้นสั่งการ

“ค่ะคุณจอม” ป้าสม.....คุณแม่บ้านรับคำและปลีกตัวไปจัดการเรื่องที่ได้รับมอบหมายโดยทันที

ศิวะรับทราบถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นจากน้ำเสียงและท่าทางการแสดงออกเพียงเล็กน้อยของจอมยุทธ์ แม้ว่าน้องชายของเขาจะพยายามบังคับให้เป็นปกติที่สุด แต่ด้วยความคุ้นเคย เขาย่อมมองออกว่าเกิดเหตุการณ์ผิดปกติแน่นอน

สำหรับยุทธจักร แม้ว่าจะไม่ได้เป็นนายตำรวจฝ่ายสอบสวน แต่เขาก็สามารถสังเกตเห็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นของจอมยุทธ์ที่นั่งอยู่ตรงหน้าได้เช่นกัน

ในเวลาไม่เกินสองนาที คุณภาวดีก็เดินเข้ามาที่ห้องอาหารพร้อมด้วยศักดิ์.....คนสวน พร้อมด้วยคนขับรถและพนักงานผู้ชายอีกสองสามคน

“คุณภาครับ.....รบกวนช่วยดูแลตาภู......และพาขึ้นห้องนอน และอยู่เป็นเพื่อนตาภูจนกว่าผมสองคนจะกลับมานะครับ” จอมยุทธ์สั่งการอีกครั้ง

“ค่ะ” ภาวดีรับคำ

“ภูครับ....ให้คุณภาอยู่เป็นเพื่อน จนกว่าพ่อเสือและอาจอมจะกลับมานะครับ” จอมยุทธ์หันหน้าไปพูดคุยกับหลานชาย

“ครับ....อาจอม” ภูฟ้าตอบ

“ส่วนที่เหลือนะครับ...คืนนี้ผมกับพี่เสืออาจจะไม่กลับมาที่บ้าน ดังนั้นขอให้ช่วยกันดูแลบ้านให้ดีครับ...และอย่าเปิดประตูต้อนรับใคร ถ้าไม่ได้รับโทรศัพท์จากผมหรือไม่ก็จากคุณเสือ.....ถ้ามีอะไรผิดปกติก็ให้ศักดิ์เป็นคนจัดการเหมือนเดิม” จอมยุทธ์จำเป็นต้องเตรียมการเช่นนี้ เพื่อความปลอดภัยของคนที่อยู่ในบ้านทั้งหมด เหนือสิ่งอื่นใด คือความปลอดภัยของภูฟ้า...ยอดดวงใจของทุกคน

“ครับ/ค่ะ” สมาชิกทั้งหมดรับคำพร้อมกัน และแยกย้ายกันกลับไปยังที่พักของตน เพื่อเตรียมตัวปฏิบัติหน้าที่ตามที่จอมยุทธ์กำหนด

ศิวะยังคงนิ่งเงียบ ปล่อยให้จอมยุทธ์จัดการตามแต่สมควร

ในขณะที่ยุทธจักรออกจะแปลกใจไม่น้อยกับการที่พนักงานในบ้านทุกคนรับทราบคำสั่งต่างๆ ราวกับว่ารู้งานเป็นอย่างดี  เขาสังเกตได้จากสีหน้าและแววตาที่ปราศจากคำถามและความข้องใจถึงคำสั่งอันฉับพลันเช่นนี้

หลังจากที่ทุกคนทยอยออกไปจากห้องอาหาร รวมถึงภูฟ้าที่เดินตามคุณภาวดีขึ้นไปบนห้องนอน จอมยุทธ์จึงเอ่ยปากบอกถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นปัจจุบันทันด่วนแก่ทั้งสองหนุ่มที่ยังนั่งอยู่

“หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยที่โรงเบียร์พบยาบ้าอัดอยู่ในถังเบียร์ที่เตรียมส่งกรุงเทพคืนนี้ครับ” ประโยคสั้นๆ ได้ใจความหลุดออกมาจากปากของจอมยุทธ์ เขาไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไรกับทั้งศิวะและยุทธจักร

“ตอนนี้ผมเกรงว่า คุณพิทักษ์จะไม่ปลอดภัย เพราะไม่แน่ว่า ทางฝ่ายโน้นที่มีสายอยู่ อาจส่งคนมาทำร้ายหรือชิงของคืนก็ได้ครับ” จอมยุทธ์อธิบายต่อ

ยุทธจักรสังเกตว่า ศิวะรับฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างเป็นปกติ ไม่มีสีหน้าแสดงความตกใจแต่อย่างใดเช่นเดียวกับผู้รายงานเหตุการณ์อย่างจอมยุทธ์ เขารู้สึกแปลกใจรวมถึงประทับใจกับปฏิกิริยาที่นิ่งสงบของทั้งสองหนุ่มคู่นี้เสียไม่ได้  เพราะถ้าเป็นคนปกติอาจจะตีโพยตีพายหรือสับสนจนทำอะไรไม่ถูก ยุทธจักรคิดว่าอาจเป็นเพราะทั้งคู่เป็นนักกีฬายิงปืน ซึ่งถือเป็นกีฬาที่ผู้เล่นต้องความคุมอารมณ์และสมาธิให้ได้เป็นอย่างดีในทุกสถานการณ์ จึงทำให้สองหนุ่มสามารถควบคุมสติได้อย่างดีเยี่ยมในสถานการณ์เช่นนี้

“อืม...งั้นเราไปโรงงานกันจอม” ศิวะตัดสินใจทันที เพราะทราบว่าจอมยุทธ์ได้วางแผนรับมือในกรณีที่ฝ่ายตรงข้ามเปลี่ยนเป้าหมายจากโรงงาน มาเป็นสร้างความเสียหายหรือข่มขู่คนในครอบครัว เขามั่นใจได้ว่า ภูฟ้าได้รับการปกป้องอย่างเต็มที่

“ผมขอไปดูที่เกิดเหตุด้วยได้มั้ยครับ....เพื่อผมอาจจะช่วยได้บ้าง” ยุทธจักรเสนอตัวเข้าช่วยหลังจากจอมยุทธ์กล่าวจบ เพราะคิดว่าการเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจของเขาน่าจะสามารถช่วยเหลือสองหนุ่มที่อาจจะไม่ประสีประสากับการตอบโต้อาชญากรรมได้เป็นอย่างดี

“จะเป็นการรบกวนคุณแซมมากไปหรือป่าวครับ....” ศิวะเอ่ยถามด้วยความเกรงใจ

“ไม่เลยครับ......อย่างน้อยผมก็เป็นตำรวจ อาจจะช่วยเจรจากับตำรวจท้องที่ได้บ้างครับ” ยุทธจักรอธิบายเพราะต้องการจะไปดูที่เกิดเหตุ และคอยเป็นหูเป็นตาระวังภัยแก่ทั้งศิวะและจอมยุทธ์ รวมถึงอาจจะช่วยอำนวยความสะดวกในเรื่องการติดต่อประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

“ครับ....อย่างนั้นผมเชิญพี่แซมเลยนะครับ...ผมกับพี่เสือขอตัวหนึ่งนาทีครับ......ขอเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วจะรีบลงมาให้เร็วที่สุดครับ” จอมยุทธ์ไม่ขัดข้องกับข้อเสนอของนายตำรวจหนุ่มหน้าเข้ม ก่อนจะหันไปสบตากับศิวะ และพยักหน้าให้แก่กัน เป็นอันทราบถึงสิ่งที่ต้องจัดเตรียม




ทั้งสามหนุ่มมาถึงโรงเบียร์ภายในเวลาครึ่งชั่วโมงนับตั้งแต่ออกมาจากบ้านหลังใหญ่ แม้ว่าต้องขับรถผ่านตัวเมือง ที่มีการจราจรค่อนข้างคับคั่งในตอนกลางคืน

หลังจากได้รับโทรศัพท์บอกการมาถึงล่วงหน้า พิทักษ์และพนักงานรักษาความปลอดภัยอีกสองคนจึงรีบเปิดประตูให้จอมยุทธ์ขับรถเข้ามาในโรงงาน

ลักษณะโรงเบียร์นั้นเป็นโรงงานขนาดกลางในพื้นที่ประมาณเจ็ดไร่เศษๆ  โดยแบ่งเป็นโรงหมัก โรงเก็บวัตถุดิบซึ่งเป็นพวกข้าวมอลต์และข้าวบาร์เลย์ โรงบ่มและบรรจุ และโกดังสำหรับบรรจุถังเบียร์เพื่อส่งตามพื้นที่ต่างๆ รวมถึงเป็นพื้นที่สำนักงานของฝ่ายขนส่งและช่างยนต์อีกด้วย โดยอาคารแต่ละหลังจะสร้างให้แยกจากกัน และมีการจัดวางให้เอื้อต่อการขนย้ายและการเดินทางอย่างสะดวก

ด้านหน้าของโรงงานคือบริเวณอาคารสำนักงานสูงสามชั้นขนาดไม่ใหญ่มาก ซึ่งเป็นที่ทำงานของฝ่ายบริหาร ฝ่ายขาย ฝ่ายบัญชี และฝ่ายอื่นๆ อาคารสองชั้นถัดไปเป็นที่ทำการของห้องแลปและฝ่ายตรวจสอบคุณภาพรวมถึงฝ่ายประเมินผล สุดท้ายเป็นอาคารเปิดชั้นเดียวขนาดกว้างที่ใช้สำหรับเป็นโรงอาหาร และที่ประชุมของพนักงาน โดยมีโต๊ะม้าหินอ่อนสลับกับโต๊ะไม้วางเรียงรายอยู่สายสิบตัว รอบๆของโรงอาหารมีต้นไม้ใหญ่หลายต้น ช่วยสร้างร่มเงาและขับไล่อุณหภูมิความร้อนแรงในตอนกลางวันได้อย่างดี นอกจากนั้น บริเวณด้านในรั้วโดยรอบโรงงาน ยังมีสระขุดขนาดกลางมีน้ำขัง ช่วยสร้างความชุ่มชื่นให้กับบรรยากาศของโรงงานได้อีกด้วย

จอมยุทธ์ขับรถเข้าไปจอดใกล้ที่เกิดเหตุ ซึ่งอยู่บริเวณอยู่เบื้องหลังอาคารสำนักงาน ถัดจากโรงอาหารมาไม่ไกลนัก แล้วจึงลงไปดูหลักฐานต่างๆ โดยมีพิทักษ์คอยให้ข้อมูลอยู่ข้างๆ 

พิทักษ์รายงานถึงสาเหตุของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นว่า เกิดจากรถขนเบียร์ที่มีน้ำหนักมาก ขณะเลี้ยวจากถนนรองออกมาจากโกดังเข้าสู่ถนนหลักของโรงงานซึ่งเป็นทางหักเลี้ยวขวาแบบก้าวสิบองศา ยางรถด้านขวาเกิดระเบิดพอดี จึงทำให้เกิดการเสียหลักและพลิกคว่ำ รวมถึงคนขับรถมีลักษณะท่าทางเมายาอีกด้วย

ยุทธจักรเดินเข้าไปสำรวจถังเบียร์ถังหนึ่งที่ภายในบรรจุด้วยถุงพลาสติกขนาดกลางหลายใบ แต่ละใบมีเม็ดยาจำนวนหลายร้อยเม็ดอยู่ข้างใน เพียงแค่เห็นลักษณะเม็ดกลมแบนขนาดเล็ก เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 6-8 มิลลิเมตร ความหนาประมาณ 3 มิลลิเมตร มีสีต่างๆ กัน เช่น สีส้ม สีน้ำตาล สีม่วง สีชมพู สีเทา สีเหลืองและสีเขียว รวมถึงมีสัญลักษณ์เป็นตัวเลข 99 ประทับลงบนเม็ดยา เขาก็แน่ใจประมาณเก้าสิบเปอร์เซ็นต์แล้วว่าคงจะเป็นยาบ้าแน่นอน แต่ก็ยังต้องทำการพิสูจน์เพื่อการสรุปที่ถูกต้อง

วิธีง่ายๆที่ใช้ตรวจสอบยาบ้าคือ การจุดไฟเผาเพื่อให้เกิดควัน ที่สิงห์รมยาทั้งหลายเรียกว่า “ไอมังกร”

โดยเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ยุทธจักรจึงเอ่ยขออุปกรณ์สำหรับจุดไฟจากพนักงานรักษาความปลอดภัยทันที

หลังจากได้รับไฟแช็คจากพนักงานรักษาความปลอดภัยคนหนึ่ง ยุทธจักรจึงจัดการเผาเม็ดยาเม็ดเล็กๆ โดยใช้เศษกระดาษที่หาได้แถวนั้นเป็นเชื้อไฟ เขาเลือกที่จะสูดกลิ่นอยู่ห่างๆ เพราะรับรู้ถึงความร้ายกาจของสารเสพติดชนิดนี้ได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญกลิ่นของยาบ้าเป็นกลิ่นเฉพาะ สำหรับคนที่คุ้นเคยแม้แตะจมูกเพียงเล็กน้อยก็จะทราบทันที

หลังจากสรุปได้ว่าเป็นยาบ้าแน่นอน ยุทธจักรจึงกระทืบดับไฟเสีย เพื่อไม่ให้เม็ดยามีโอกาสสร้างไอระเหยออกมาอีก เขาจึงเดินไปยังจอมยุทธ์และศิวะที่ยืนดูอยู่ห่างออกไป

“เป็นยาบ้าแน่ครับ...” ยุทธจักรบอกทั้งสองหนุ่ม

“ผมว่าเราน่าจะแจ้งให้ตำรวจพื้นที่ทราบนะครับ.....เพราะถือว่าเป็นลอตใหญ่มาก.....อย่างน้อยก็ให้ตำรวจเข้ามาช่วยดูสถานการณ์ก่อนดีกว่าครับ.....  อีกอย่างยาบ้าขนาดใหญ่อย่างนี้ เจ้าของคงมีสายข่าวรอบตัวไปหมด ป่านนี้คงจะรู้แล้วมั้งครับว่า พวกเราเจอยาบ้าทั้งหมดแล้ว...... ดีไม่ดีอาจจะบุกมาชิงของคืน....ซึ่งผมว่าน่าจะมีโอกาสสูงมากครับ  เพราะของมากเหลือเกินครับ และไม่แน่อาจจะมีบางส่วนซุกอยู่ในโรงงานก็เป็นได้.......” ยุทธจักรให้ข้อแนะนำด้วยน้ำเสียงเป็นงานเป็นการ โดยปราศจากความยิ้มแย้มแจ่มใสเหมือนที่ผ่านๆ มา
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 03-03-2007 13:43:54
ยาบ้าเป็นภัยต่อชีวิต เป็นพิษต่อสังคม

สงสัยคราวนี้จะเป็นโอกาศให้พี่แซมแสดงฝีมือแล้วล่ะ เอาใจช่วยและเชียร์พี่แซมครับ :ped149:

ว่าแต่คงไม่มีการตายเกิดขึ้นนะครับ กลัวพี่แซมตายอ่ะ :monkeysad:

ปล. คงถึงคราวที่อิชั้นต้องออกโรงตบตีกะคุณน้องหมีซะแร่น  ชิส์  มาชอบผู้ชายคนเดียวกะเจ้  อย่างนี้มัเฮนะเคอะน้องหมี

เจ้ไม่ยอมนะ  เจ้ก็รักพี่เสือ  เรื่องโน้นก็ทีหนึงแหละ  มาชอบพี่แว่นดำคนเดียวกะเจ้ 

:เศร้า2: เศร้า  กลัวแพ้เพราะสวยไม่สู้คุณน้อง แงๆ

โห เจ๊ ฮอร์โมนเพศชายในตัวหมีมันสูงเกินเส้นของคำว่าสวยมาไกลมากแล้วล่ะเจ๊ ไม่ต้องกังวลไป

จะมีก็แต่ความจริงใจนี่แหละ ที่หมีจะใช้เข้าสู้  :impress:



ปล.ยังรักพี่เสือเหมือนเดิม :give2:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 03-03-2007 15:54:42
กำลังเข็มข้น ลุ้นต่อไป : 222222: : 222222: : 222222:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: jammy ที่ 03-03-2007 17:08:05
ไม่นานคงจะยิงกันสนั่นเเน่ๆเลยอะเรื่องนี้ เหอๆ  :laugh3:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 03-03-2007 17:40:03
เอาละวุ้ย งานนี้สงสัยยิงกันสนั่นจอแน่  :laugh5:  :laugh5:
เพิ่งเริ่มเรื่องหวังว่าคงยังไม่มีใครเป็นอะไรไปหรอกนะ  :call:  :call:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: RoosT ที่ 04-03-2007 11:36:39
พวกค้ายา ต้องฆ่าให้ตายยยยยยยยยยยย :angry2:

มาต่อไวๆนะค๊าบบบบบ :impress:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 04-03-2007 12:59:56
“พี่เห็นด้วยกับคุณแซมนะจอม...ตอนแรกพี่ไม่คิดว่ามันจะมากขนาดนี้...แต่ตอนนี้โอกาสที่ฝ่ายโน้นจะมาเอาของคืนน่าจะมีสูง” ศิวะกล่าวสนับสนุนตามข้อแนะนำของพันตำรวจตรีหนุ่ม เพราะทราบดีว่าสายข่าวของขบวนการค้ายาเสพติด นั้นทำการอย่างรอบคอบและมีความรวดเร็วในการรายงานข่าวเป็นอย่างมาก

จอมยุทธ์คิดวิเคราะห์ถึงผลได้ผลเสียที่จะเกิดขึ้นหากเขาไม่แจ้งตำรวจท้องที่ให้มาจัดการ โดยเฉพาะหากว่าฝ่ายโน้นเตรียมการชิงของคืน การกระทำการดังกล่าวอาจจะเกิดขึ้นโดยง่ายดาย และฝ่ายเขาที่มีเพียงไม่กี่คนคงจะรับมือไม่ไหวเป็นแน่ 

“ครับ....” ในที่สุดจอมยุทธ์จึงรับคำตามข้อเสนอของยุทธจักร รวมถึงสั่งการผ่านพิทักษ์ให้จัดการเรื่องต่อไป

“คุณพิทักษ์ครับ...โทรศัพท์เรียกรถขนส่งเบียร์ทุกคันให้ตีรถกลับมาที่โรงงานทันที เราต้องตรวจสอบใหม่ทั้งหมดว่า ยังมียาบ้าหลงเหลืออยู่ในรถคันไหนบ้าง ....ผมไม่ยอมให้พวกมันใช้บริษัทของเราเป็นเครื่องมือทำความชั่วอีกต่อไปครับ”

“พี่เสือครับ...เราน่าจะบอกพี่เอมั้ยครับ....พี่เอน่าจะช่วยผมได้มาก ....ผมไม่อยากให้เรื่องราวใหญ่โตและรู้ไปถึงนักข่าวครับ” จอมยุทธ์หันมาปรึกษาศิวะ เพราะว่าถ้ามีข่าวออกไป ภาพพจน์ของบริษัทผลิตเบียร์ยี่ห้อดังชนิดหนึ่งของเมืองไทยก็จะถูกทำลายโดยย่อยยับทันที

“อืม....พี่เห็นด้วย.....คุณแซมว่าอย่างไรครับ...” ประโยคหลังศิวะหันมาถามยุทธจักรที่ยืนฟังการสนทนาอยู่

“ผมเห็นด้วยครับ..พี่เอเป็นนายตำรวจที่ดูแลงานด้านยาเสพติดโดยเฉพาะ ผมคาดว่า พี่เอน่าจะหาทางออกให้ได้อย่างแน่นอนครับ” ยุทธจักรตอบโดยทันที

“เดี๋ยวผมติดต่อให้เองครับ...ผมมีเบอร์สายตรงถึงพี่เอครับ...” ยุทธจักรเสนอตัวเข้าช่วย

“ครับ......ขอบคุณมากครับ” ศิวะและจอมยุทธ์ตอบขึ้นพร้อมกัน

ขณะที่ยุทธจักรโทรศัพท์ตรงถึงนครินทร์นั้น ศิวะและจอมยุทธ์ก็เริ่มดูแลสั่งการให้พนักงานรักษาความปลอดภัยที่อยู่กะกลางคืนทั้งหมด ช่วยกันเปิดไฟทุกหลอดทุกดวงที่อยู่ในโรงงานเพื่อสร้างความสว่างให้มากที่สุด โดยมีวัตถุประสงค์ให้เห็นบริเวณต่างๆภายในโรงงานได้อย่างชัดเจน และสั่งให้มีการตรวจตราตามจุดเข้าออกของโรงงานรวมถึงบริเวณรั้วเตี้ยๆ ที่อาจจะเป็นเส้นทางให้ผู้ไม่ประสงค์ดีลักลอบเข้ามาได้

ในที่สุดสถานการณ์อันตึงเครียดก็คลี่คลายลงในไม่ช้า เพราะนครินทร์นำกำลังตำรวจนอกเครื่องแบบมาพร้อมกันถึงสิบนาย เพื่อมาเคลียร์พื้นที่และเตรียมพร้อมกับสถานการณ์ที่ไม่น่าไว้วางใจที่อาจจะเกิดขึ้นได้

นครินทร์และนายตำรวจอีกสิบนายนั้นมาด้วยรถยนต์ส่วนตัวที่ไม่ปรากฏเครื่องหมายใดๆของทางราชการ และ แสดงตัวว่าเป็นเพื่อนของจอมยุทธ์ พวกเขาพยายามไม่แสดงพฤติกรรมอย่างเจ้าหน้าที่ทั่วๆ ไป เพราะต้องการลดความสนใจของพนักงานรักษาความปลอดภัย และไม่ต้องการให้สายข่าวที่อยู่ในโรงงานรายงานไปว่าตำรวจได้ทำการตรึงพื้นที่ไว้หมดแล้ว

“คาดว่ามียาจำนวนมากขนาดไหนครับจอม”นครินทร์ซักถามถึงสถานการณ์ทันทีที่ลงจากรถ โดยละการทักทายไว้เพียงแค่การสบตาเท่านั้น

“ผมยังไม่ทราบครับ...แต่เท่าที่เห็นก็จะมีที่บรรจุอยู่ในถังเบียร์บางถัง แต่ไม่ทราบว่าในโรงงานจะมีอีกเปล่าครับ” จอมยุทธ์ตอบ

“เห็นอะไรผิดปกติบ้างหรือเปล่าแซม” นครินทร์หันมาถามยุทธจักรภายหลังฟังคำตอบจากจอมยุทธ์

“ยังครับ...แต่คาดว่าทางฝ่ายโน้นน่าจะรู้ตัวในไม่ช้าแน่นอนครับ...ว่าทางเราทราบเรื่องยาบ้าจำนวนนี้แล้ว......เพราะจอมสงสัยว่าพนักงานรักษาความปลอดภัยกะกลางคืนบางคนน่าจะเป็นสายให้กับฝ่ายโน้นครับ” ยุทธจักรรายงาน

“แล้วคนขับรถอยู่นี่ไหนครับ...ขอพี่คุยกับคนขับรถหน่อย” นครินทร์เอ่ยปากถามถึงคนขับรถในทันที

“อยู่กับคุณพิทักษ์ครับ...เดี๋ยวผมจะให้คุณพิทักษ์นำตัวมาให้ครับ...แต่ว่าพี่เอจะคุยที่ตรงนี้ หรือว่าจะเอาเข้าไปคุยในโรงอาหารครับ” จอมยุทธ์เอ่ยถาม

“ที่โรงอาหารก็ดีครับ” นครินทร์ตอบ

หลังจากที่เดินเข้าไปในโรงอาหารเรียบร้อยแล้ว จอมยุทธ์ก็สั่งให้พิทักษ์พาคนขับรถเข้ามาหา

คนขับรถที่ถูกนำตัวเข้ามานั้น มีลักษณะหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด และดวงตาทั้งคู่เป็นสีแดง และมีอาการคล้ายจะเมายาเล็กน้อย แต่ก็ยังสามารถพูดคุยสื่อสารได้

นครินทร์พยายามซักถามถึงตัวการที่อยู่เบื้องหลังการขนส่งยาบ้าในคราวนี้ และดูเหมือนว่าคนขับรถคนนี้ก็ไม่ทราบเช่นกัน เขาทราบเพียงแต่ว่าเขาได้รับยาบ้ามาเป็นจำนวนหนึ่งจากคนขับรถอีกคนของโรงงานที่มอบให้เขากินฟรีๆ เป็นปกติ เพียงแต่ย้ำให้เขาเอาถังเบียร์ที่มีเครื่องหมายบางอย่างไปส่งในพื้นที่นอกจุดขนส่งบางแห่ง และเป็นบางครั้งเท่านั้น

นครินทร์ซักถามอีกซักพัก และสังเกตว่าคงไม่ได้ข้อมูลเพิ่มเติมอะไรมากไปกว่านี้ เขาจึงมอบให้หัวหน้าพนักงานรักษาความปลอดภัยของโรงงานพาคนขับรถไป “ดูแล” ไว้ก่อน เพื่อการสอบสวนหาคนที่เกี่ยวโยงต่อไปในในภายหลัง

ขณะที่การปรึกษาหารือเรื่องจัดการกับยาบ้ามูลค่ามหาศาล รวมถึงขั้นตอนสืบสวนไปถึงต้นตอผู้ที่โยงใยอยู่เบื้องหลังกำลังดำเนินการ เสียงโทรศัพท์มือถือของจอมยุทธ์ก็ส่งเสียงขึ้นขัดจังหวะการสนทนาดังกล่าว

จอมยุทธ์ขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย ขณะก้มมองตัวหมายเลขปลายทางที่เขาไม่คุ้นตานัก ก่อนจะกดรับโทรศัพท์ทันที

“สวัสดีครับ” จอมยุทธ์กรอกเสียงลงไป

“สวัสดีครับ......คุณจอมยุทธ์...ผมจะโทรมาบอกว่า อะไรที่คุณเห็นในวันนี้ขอให้ปิดให้เงียบที่สุด อย่าแจ้งตำรวจโดยเด็ดขาด...หวังว่าคุณคงจะเข้าใจ....” น้ำเสียงเรียบๆที่ปลายเสียงมีความโหดเหี้ยมแฝงอยู่เอ่ยมาตามสายอย่างช้าๆ และชัดเจน

จอมยุทธ์ตั้งสติและให้สัญญาณมือแก่นายตำรวจสองนายที่ยืนอยู่ข้างๆ ถึงสายเรียกเข้าที่ไม่ธรรมดานี้ทันที

“ผมทราบว่า คุณอยู่ที่โรงงานในวันนี้...และอยู่กับเพื่อนๆ ของคุณ.....ผมอยากให้คุณอยู่เฉยๆ และผมจะเข้าไปเอาของคืนในวันพรุ่งนี้” ประโยคช้าๆชัดๆ ที่ดูเหมือนจะเป็นการบอกเล่าธรรมดา แต่ผู้พูดกับมีความจริงจังและเย็นชาจนน่ากลัว ทุกอย่างที่ผู้พูดพูดออกมานั้นดูเหมือนว่าจะรับรู้ความเป็นไปในโรงงานนี้เป็นอย่างดี ซึ่งแสดงว่าพนักงานรักษาความปลอดภัยบางคนเป็นสายให้กับทางโน้นจริงๆ แต่ข้อมูลบางอย่างที่พลาดไปก็คือ คนกลุ่มหนึ่งที่คนปลายสายเข้าใจผิดว่าเป็นเพื่อนๆของเขานั้น ล้วนแล้วแต่เป็นนายตำรวจนอกเครื่องแบบกันทั้งสิ้น จอมยุทธ์รู้สึกขอบคุณนครินทร์เป็นอย่างมากที่วางแผนและปิดบังตนเองและลูกน้องได้เป็นอย่างดี

“ผมกลัวแต่ว่า คุณจะไม่ได้ของคืนน่ะซิครับ...เพราะผมจะทำลายมันทิ้ง” จอมยุทธ์ตอบกลับไปช้าๆ ชัดๆ.....ด้วยน้ำเสียงปราศจากความเกรงกลัวใดๆทั้งสิ้น

“ผมเตือนคุณแล้วนะครับ.....คุณจอมยุทธ์....ถ้าคุณยังดึงดันไม่ทำตามคำขอร้องของผม...เราคงได้เห็นดีกัน...” น้ำเสียงแฝงความอำมหิตยังคงกังวานชัด

“ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร.......ผมจะไม่ยอมให้คุณใช้บริษัทผมเป็นเครื่องมือในการค้ายาแน่นอน” จอมยุทธ์ตอบกลับไป

“ครับ...ผมถือว่าเตือนคุณแล้ว...อย่าหาว่าผมใจร้ายไม่ได้นะครับ...”คนปลายสายพูดประโยคสุดท้ายพร้อมกับวางสายไปในทันที

ทุกสายตาต่างจับจ้องมายังจอมยุทธ์ภายหลังการสนทนาเสร็จสิ้น นครินทร์เอ่ยถามขึ้นโดยไม่รอช้า

“มันว่าอย่างไรจอม”

“เขาบอกว่าให้ผมอยู่เฉยๆ พรุ่งนี้เขาจะเข้ามาเอาของคืน แต่ผมไม่ยอม เขาเลยบอกให้ผมระวังตัวให้ดีครับ” แม้จะรู้สึกรังเกียจบุคคลที่เพิ่งสนทนาด้วยหมาดๆ แต่จอมยุทธ์ยังคงรักษาความสุภาพกับสรรพนามที่เขาใช้เรียกขาน

“อย่างนั้นเราคงต้องระวังตัวกันหน่อย......อย่างน้อยน่าจะต้องให้ผ่านคืนนี้ไปก่อน พรุ่งนี้เช้าพี่จะขอกำลังเสริมเข้ามาสนับสนุน” นครินทร์กล่าว พร้อมทั้งประเมินสถานการณ์ต่างๆ ในเบื้องต้นไม่คิดว่าพวกนั้นจะกล้าหาญบุกมาชิงของคืนในตอนนี้อย่างแน่นอน หรือถ้าเกิดบุกมาจริงๆ นครินทร์มั่นใจว่ากำลังพลของเขาจะสามารถจัดการกับสถานการณ์ได้อย่างแน่นอน

ความกังวลฉายชัดขึ้นมาในความคิดของยุทธจักรในทันที เพราะจากประสบการณ์การทำงานผ่านมา ที่ล้วนต้องเผชิญกับรูปแบบการก่ออาชญากรรมที่หลากหลายประเภทนั้น เขาพบว่าในคดีที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดนั้นจัดการได้ยากที่สุด เนื่องจากผู้ค้ายาในปัจจุบันมักพ่วงการค้าอาวุธสงครามเข้ามาด้วย และรูปแบบการข่มขู่หรือการจู่โจมก็จะมีการวางแผนมาอย่างดีและใช้มืออาชีพทั้งนั้น ดังนั้นการที่จอมยุทธ์ซึ่งอยู่ในที่แจ้ง ถูกข่มขู่โดยคนที่อยู่ในที่มืดและไม่ทราบว่าเป็นใคร การรับมือและการป้องกันตัวเองจึงเป็นไปด้วยความยากลำบาก  ยุทธจักรจึงรู้สึกเป็นห่วงความปลอดภัยของคนที่ตนเองรักจับใจ

ศิวะเองก็เป็นห่วงจอมยุทธ์ไม่ต่างกับยุทธจักร เพราะว่าเขารักจอมยุทธ์เหมือนน้องแท้ๆที่คลานตามกันมา ทั้งคู่สนิทสนมและรักใคร่กันอย่างมาก แม้ว่าต่างคนจะมีธุรกิจและหน้าที่การงานเป็นของตนเอง แต่ก็มีการปรึกษาหารือในเรื่องธุรกิจกันบ่อยครั้ง ทั้งนี้เพื่อสร้างธุรกิจให้เติบโตเพื่อมอบให้กับภูฟ้าในอนาคตนั่นเอง ดังนั้นในเวลานี้ธุรกิจของจอมยุทธ์กำลังมีปัญหา ศิวะจึงเป็นห่วงและพยายามยื่นมือเข้าช่วยเหลืออย่างเต็มที่

“พี่เอมีแผนรับมือฝ่ายตรงข้ามอย่างไรบ้างครับ” ยุทธจักรตัดสินใจถาม แม้ว่าตามระเบียบแล้วถ้าไม่ได้รับหนังสือแจ้งขอความร่วมมืออย่างเป็นลายลักษณ์อักษรผ่านทางผู้บังคับบัญชาระดับสูง เขาไม่สามารถยื่นมือเข้ามาก้าวก่ายหรือสอบถามการทำงานเบื้องต้นของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรองผู้กำกับการ งานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 2 ซึ่งเป็นหนึ่งในหน่วยงานของกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ที่ชื่อพันตำรวจโท นครินทร์ควบคุมมาด้วยตนเองอย่างนี้  แต่เพราะเขาก็กังวลในเรื่องความปลอดภัยของจอมยุทธ์เกินกว่าจะยึดถือระเบียบปฏิบัติต่างๆเป็นสำคัญ

“ข้าว่าเราน่าจะขนย้ายของพวกนี้เข้าไปในโกดังและปิดให้มิดชิด และก็ลาดตระเวนบริเวณพื้นที่รอบๆโรงงานเพื่อเฝ้าระวัง...” นครินทร์ตอบ

“แล้วการสืบสวนหาผู้บงการล่ะครับ” ยุทธจักรเพียงแต่ถามต่อโดยพยายามจะไม่เสนอความคิดเห็นใดๆ

“ถ้าขนย้ายของเสร็จแล้ว ข้าจะนำตัวคนขับรถมาสอบสวนใหม่ เพื่อโยงไปหาสายต่างๆในโรงงาน และถ้าเป็นไปได้ เราจะนำกำลังเข้าจับกุมโดยทันที” นครินทร์เปลี่ยนความคิด

“เรื่องลาดตระเวนผมว่าคงทำได้สะดวกมาขึ้น เพราะโรงงานของผมมีระบบกล้องวงจรปิดสอดส่องทั้งบริเวณริมรั้วและบริเวณจุดสำคัญต่างๆครับ ...ถ้ามีเหตุการณ์ไม่ชอบมาพากล ทางพนักงานรักษาความปลอดภัยจะแจ้งมาทันทีครับ แต่ในกรณีนี้ พี่เอสามารถส่งลูกน้องเข้าไปสังเกตการณ์ที่ห้องควบคุมก็ได้ครับ” จอมยุทธ์กล่าวหลังจากได้รับฟังความเห็นของนครินทร์ในตอนแรก

“อืม...ก็ดีครับจอม...งานจะได้สะดวกยิ่งขึ้น”

“เอ...ข้าว่าแกไปคุยกับลูกน้องแกได้เลย ส่วนเรื่องขนของ ข้ากับจอมและพนักงานรักษาความปลอดภัยที่เหลืออยู่ จะขนไปเก็บไว้เอง..... แบ่งงานกันทำจะได้เร็วยิ่งขึ้น” ศิวะที่ยืนฟังอย่างเงียบๆอยู่นาน กล่าวขึ้นมาในที่สุดหลังจากคิดประมวลสถานการณ์แล้วเช่นกัน

“อืม...เอาเลยเสือ งั้นข้าขอตัวไปคุยกับลูกน้องก่อนแล้วกัน จะได้วางแผนสำหรับคืนนี้ได้ถูก” นครินทร์กล่าวรับความคิดของศิวะทันที

ยุทธจักรอาสาอยู่ช่วยทั้งสองหนุ่มขนย้ายของกลางนี้ด้วย เนื่องจากไม่ต้องการที่จะก้าวก่ายการทำงานของนครินทร์ และที่สำคัญเวลานี้เขาต้องการอยู่ให้ใกล้กับทั้งศิวะและจอมยุทธ์ให้มากที่สุด เพราะถ้าเกิดกรณีฉุกเฉิน เขาจะได้ป้องกันสองคนนี้ได้อย่างเต็มที่
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 04-03-2007 13:23:31
หุหุ มีเจ้าพ่อค้ายามาสมทบแล้ว   :13223:
งานนี้ บู๊กันสนั่นบอร์ดแน่  :laugh3:  :laugh3:  :laugh3:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 04-03-2007 13:34:00
เหตุการณ์เริ่มร้อนแล้วซิเนี่ย

ขอให้พี่แซมพิชิตใจจอมให้ได้ด้วยเถ้อออ :call:

ดูท่าคงมีการใช้อาวุธปะทะกันแล้วล่ะ ขออย่าให้ใครเป็นไรเลยเถิด . . .




ปล.รักพี่เสือครับ :give2:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 04-03-2007 16:13:20
เย้ๆๆๆในที่สุดก้อตามมาทันแย้วววววว  : 222222:



กะลังเข้มข้นได้ทีเยย งานนี้ได้ใช้วิชาป้องกันตัวที่ได้ฝึกกันมาแย้ววว  :13223:เปงห่วงก้อแต่ตาภูจิ หวังว่าคงม่ายโดนลูกหลงปายด้วย   :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 04-03-2007 17:37:39
จะยิงกันบอร์ดพรุนปะจะได้เตรียมตัว :ฮึ่มม: :ฮึ่มม: :ฮึ่มม:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: jammy ที่ 04-03-2007 19:36:45
โอ้วสู้กันเลยๆ  :โป้ก1:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: kYos ที่ 04-03-2007 22:53:07
ลุ้นๆ  ได้อ่านฉากบู๊ มันส์(เลือด)หยดติ๋งแน่เลย  :pigangry2:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 05-03-2007 09:02:46
ทุกๆคนแยกย้ายกันปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายอย่างแข็งขันเพื่อเตรียมการเฝ้าระวังและคุ้มกันของกลางจนกว่ากำลังเสริมจะเข้ามาในตอนเช้าวันรุ่งขึ้น.....

หน่วยรักษาความปลอดภัยบางคนที่พิทักษ์ไว้ใจได้ ถูกเรียกมาเพื่อช่วยศิวะ จอมยุทธ์ และยุทธจักร ขนย้ายยาบ้ามูลค่ามหาศาลเหล่านั้น เข้าสู่โกดังเก็บของหลังหนึ่ง และวางกำลังเฝ้าตรึงอย่างแน่นหนา ในขณะที่นครินทร์กำลังวางแผนงานสำหรับคืนนี้รวมถึงมอบหมายหน้าที่ให้ลูกน้องของเขาปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด

คนขับรถถูกสอบสวนต่อภายหลังการวางกำลังเสร็จสิ้นลง ในเบื้องต้นนครินทร์ทราบชื่อและที่อยู่คร่าวๆของคนขับรถอีกคนหนึ่งที่เคยมอบยาบ้าให้คนขับรถคนนี้

หลังจากตรวจสอบว่าคนขับรถที่ถูกซัดทอดไม่มีตารางการปฏิบัติหน้าที่ขับรถขนของในคืนนี้ นครินทร์คาดว่าน่าจะยังอาศัยอยู่ในบ้านที่ระบุมา

วินาทีนี้นครินทร์เปลี่ยนใจ ไม่รอให้ถึงเช้าอีกต่อไป เขาต้องการจัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด เพราะยิ่งเร็วเท่าไหร่ก็จะทำให้เกิดข้อได้เปรียบมากขึ้น ดังนั้นเขาจึงสั่งการให้ สารวัตรปราบปรามฯ และสารวัตรสืบสวนฯ ที่เตรียมพร้อมรับคำสั่งอยู่ที่กองกำกับการฯ นำกำลังเข้าไปตรวจสอบและจับกุมผู้ต้องสงสัยที่บเนดังกล่าวในทันที 

เนื่องจากคดียาเสพติดเป็นคดีอาญาที่มีโทษร้ายแรงและจัดเป็นคดีที่กระทบต่อความมั่นคงของชาติ ประกอบกับมีหลักฐานเพียงพอจากจำเลยที่หนึ่ง ซึ่งก็คือคนขับรถที่ถูกจับกุมอยู่ในโรงงานให้การซัดทอดถึงบุคคลต้องสงสัยรายอื่นๆ  และที่สำคัญที่สุดในกรณีเร่งด่วนเช่นนี้ เจ้าพนักงานไม่จำเป็นต้องขอหมายค้นและหมายจับจากศาล เพียงแต่การนำกำลังเข้าตรวจค้นและจับกุมต้องเป็นการนำโดยนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่มีอำนาจในท้องที่นั้นๆ นั่นจึงเป็นสาเหตุให้นครินทร์จำเป็นต้องใช้นายตำรวจผู้ใหญ่ระดับสารวัตรทั้งสองคน

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป นครินทร์ได้รับรายงานจากหนึ่งในสองสารวัตรที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ ว่าสามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยไว้ได้แล้ว และพนักงานสอบสวนที่ตามไปด้วยกำลังสอบสวนขยายผล เพื่อหาบุคคลต้องสงสัยที่เหลืออยู่ หลังจากนั้นจึงส่งข้อมูลให้สารวัตรปราบปรามฯ นำกำลังเข้าจู่โจมจับกุม

ดังนั้นในเวลานี้การทำงานจึงแบ่งออกเป็นสองสายอย่างชัดเจนตามการวางแผนเบื้องต้นของนครินทร์ โดยสายที่หนึ่งซึ่งควบคุมโดยเขาเอง ทำหน้าที่ป้องกันและคุ้มครองวัตถุของกลาง และอีกสายหนึ่งนำโดยสารวัตรปราบปรามฯ และ สารวัตรสืบสวนฯ ทำการสืบสวนขยายผลและนำกำลังเข้าจับกุมผู้ต้องสงสัยที่ให้การซัดทอดต่อๆกันมา

การจับกุมผู้ต้องสงสัยต่างๆ เป็นไปด้วยความรวดเร็วและฉับไว เนื่องจากเป็นการใช้กำลังจู่โจมเป็นจำนวนน้อยและกระทำการอย่างรวดเร็ว จึงสามารถหลบหลีกการรับรู้ของผู้บงการระดับสูงที่มีสายข่าวเป็นจำนวนพอๆกับตำรวจได้ นั่นจึงเป็นสาเหตุให้ผู้บงการระดับสูงเหล่านั้นไม่อาจระแคะระคายว่าขณะนี้ตำรวจได้สอดมือเข้ามารองรับสถานการณ์นี้แล้ว   

ด้วยความชะล่าใจเนื่องจากคิดว่าฝ่ายของตนกำลังได้เปรียบ....หรือเพราะความใจร้อนของเจ้าของยาบ้ามูลค่ามหาศาล สัญญาณการจู่โจมเพื่อต้องการของคืนจึงถูกปล่อยออกมาทันที

ภายในเวลาไม่ถึงสองชั่วโมง กองกำลังติดอาวุธที่เตรียมไว้ ก็เดินทางมาถึงหน้าประตูใหญ่ของโรงเบียร์อย่างเงียบเชียบ โดยใช้ความมืดสงัดของเวลากลางคืนเป็นเกราะกำบัง เพื่อเตรียมปฏิบัติการเอายาบ้าทั้งหมดคืน

นครินทร์ได้รับรายงานจากนายตำรวจที่เฝ้าอยู่ที่ห้องควบคุมโทรทัศน์วงจรปิดว่า มีกองกำลังติดอาวุธประมาณสิบนาย ทั้งหมดสวมเสื้อผ้าชุดดำพรางตัวและพกพาอาวุธสงคราม  กำลังแบ่งกำลังออกเป็นสองส่วน ส่วนที่หนึ่งกำลังบุกรุกเข้ามาในโรงงานโดยใช้ประตูหน้า และอีกกองกำลังหนึ่งใช้เส้นทางประตูด้านข้าง

ในตอนแรกนครินทร์ไม่คิดว่าพวกมันจะเลือกจู่โจมอย่างรวดเร็วเช่นนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้เรียกกำลังพลเสริมมาในทันที เพราะคิดว่าการปฏิบัติการในคืนนี้เป็นแค่การเฝ้าระวังเท่านั้น

แต่เนื่องจากการบุกรุกเกิดขึ้นแล้ว นครินทร์จึงต้องรับมือกับสถานการณ์นี้อย่างช่วยไม่ได้.....ดังนั้นเขาจึงสั่งให้ทุกฝ่ายทำการซ่อนตัวและคอยสังเกตการณ์จนกว่า ผู้บุกรุกเหล่านั้นจะเข้ามาในโรงงานให้หมด  หลังจากนั้นจึงปิดล้อมผู้บุกรุกเหล่านั้น

แผนการดังกล่าวเป็นยุทธวิธีตีกระหนาบ เพื่อลดข้อเสียเปรียบเรื่องอาวุธ เพราะทีมของนครินทร์นั้นทุกคนมีเพียงแต่ปืนสั้นอัตโนมัติ เมื่อเทียบกับกลุ่มผู้บุกรุกที่มีกำลังเท่ากัน แต่มีอาวุธปืนสงครามแบบเอ็มสิบหกครบมือ...

เสียงปืนรัวเป็นคำตอบกลับมาทันที ภายหลังนครินทร์สั่งให้วางอาวุธ ในขณะเดียวกันชายชุดดำทุกคนที่เข้ามาโดยไม่ได้รับเชิญ ต่างวิ่งเข้าหาที่กำบังและหมอบราบเพื่อหลบวิถีกระสุนที่กลุ่มตำรวจระดมยิงสวนกลับไป

ยุทธจักรตามประกบทั้งศิวะและจอมยุทธ์อย่างไม่ให้คลาดสายตา มือข้างที่ถนัดของเขาบัดนี้ถือปืนสั้นอัตโนมัติรุ่นใหม่ล่าสุดที่สามารถบรรจุกระสุนขนาด 9 mm ได้ถึง 30 นัด สายตาของเขาจับจ้องไปที่กลุ่มชายชุดดำสลับกับจอมยุทธ์และศิวะ เพื่อคอยดูท่าทีและคอยระวังภัยที่อาจจะเกิดขึ้น

ทั้งสองหนุ่มไม่ได้แสดงท่าทีตกใจกับเสียงปืนที่กำลังรัวกระหน่ำราวกับห่าฝน หากแต่ก็หลบอยู่ที่กำบังบริเวณโรงอาหาร ตามคำสั่งของนครินทร์โดยมียุทธจักรคอยดูแลความปลอดภัย

สถานการณ์ของตำรวจที่เป็นฝ่ายได้เปรียบในตอนแรก กลับกลายเป็นเสียเปรียบเนื่องจากกลุ่มชายชุดดำได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี ประกอบกับอาวุธที่ใช้เป็นอาวุธสงครามที่มีวิถีกระสุนยิงไกลและสามารถยิงรัวกระสุนได้ ในขณะที่ฝ่ายตำรวจสามารถทำได้แค่หลบกระสุนที่ยิงมาเป็นชุดและยิงสวนกลับได้เป็นบางครั้ง

สมองของนครินทร์รวบรวมความคิดและวิเคราะห์สถานการณ์เพื่อคิดหาวิธีโต้กลับอย่างรวดเร็ว สิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดในเวลานี้ คือ อาวุธและกำลังเสริม เนื่องจากกระสุนปืนของฝ่ายตำรวจเริ่มหมดลงทุกที กระสุนทุกนัดที่จะยิงต่อไปต้องยิงแบบหวังผลเท่านั้น

ยุทธจักรสังเกตการณ์อยู่ด้านนอกพื้นที่อันตราย เขามองเห็นจุดอ่อนของทีมชุดดำอย่างชัดเจนในเรื่องของพื้นที่กำบัง เพราะถ้าหากว่าฝ่ายตำรวจสามารถขึ้นไปอยู่บนที่สูง เช่นอาคารสำนักงาน หรือหลังคาโรงงาน ก็จะสามารถยิงสวนมาแบบหวังผล โดยที่ฝ่ายที่หลบอยู่พื้นที่ต่ำกว่าอย่างกลุ่มผู้บุกรุก จะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบทันที

ขณะที่ยุทธจักรคิดประมวลสถานการณ์ด้วยความเคยชินเพียงแค่ไม่กี่อึดใจ เขาหันกลับมาเพื่อตรวจดูความเรียบร้อยของสองหนุ่มที่เคยหลบอยู่ในบริเวณที่ห่างออกไปไม่ไกลนัก แต่ทว่าเขากลับพบแต่ความว่างเปล่า จอมยุทธ์และศิวะหายไปอย่างไร้ร่องรอย

ด้วยความเป็นห่วง ยุทธจักรจึงออกค้นหาสองหนุ่มในทันที แม้ว่าไฟทุกดวงในโรงงานจะเปิดสว่างเพื่อช่วยฝ่ายตำรวจที่โอบล้อมอยู่มองเห็นผู้บุกรุกได้อย่างชัดเจน แต่สมองของเขากลับมืดแปดด้าน เขาไม่ทราบว่าจะไปตามหาสองหนุ่มได้ที่ใด โดยเฉพาะในช่วงเวลาวิกฤติเช่นนี้

ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ยุทธจักรก็รู้สึกเป็นห่วงสองคนนั่นมากขึ้นตามลำดับ ขณะเดียวกันก็พยายามคิดว่าศิวะคงพาจอมยุทธ์หลบออกไปในบริเวณที่ปลอดภัยกว่าพื้นที่โรงอาหารซึ่งเป็นพื้นที่เปิด ง่ายต่อการที่กระสุนปืนจะแทรกเข้ามา

หลังจากผ่านไปแค่ไม่กี่นาที ไฟในโรงงานทุกดวงก็ดับลงอย่างกะทันหัน ส่งผลให้พื้นที่ปะทะกลายเป็นทะเลความมืดในทันที ทั้งฝ่ายตำรวจและฝ่ายผู้บุกรุกต่างหยุดยิงโดยพร้อมกัน เพราะสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป....ต่างฝ่ายจึงต่างซุ่มลองเชิงกันอยู่

ในความมืดมิดนั้น เสียงร้องอย่างแผ่วเบาดังออกมาจากกลุ่มชายชุดดำผู้บุกรุก พร้อมกับร่างที่ทรุดฮวบลงไปกับพื้น บางคนที่ได้ยินเสียงร้องผิดปกติของพรรคพวกของตน แทนที่จะก้มหมอบลงให้แนบลงกับพื้นหน้าวัสดุที่ใช้เป็นเกราะกำบังกระสุน กลับลุกขึ้นยืนและยิงกราดออกมาอย่างไร้ทิศทาง ยิ่งทำให้ตกเป็นเป้านิ่งของกระสุนปืนเก็บเสียงลึกลับที่กำลังโจมตีอยู่โดยที่ไม่ทราบว่าต้นกำเนิดกระสุนนั้นมาจากบริเวณใด

ถ้าพื้นที่ปะทะนั้นสว่างไสวราวกลับกลางวัน นายตำรวจที่ล้อมอยู่รวมถึงผู้เชี่ยวชาญการตอบโต้อาชญากรรมอย่างยุทธจักร คงสังเกตเห็นวิถีการยิงที่เยี่ยมยอดของเจ้าของปืนเก็บเสียงลึกลับนั้น ซึ่งผลลัพธ์ที่ประจักษ์ได้ด้วยอาการบาดเจ็บสาหัสหรือไม่ก็สิ้นชีวิตอย่างกะทันหันของกลุ่มชายชุดดำที่ตกเป็นเป้านิ่งอยู่ตลอดเวลา

และคงไม่เป็นการยากลำบากสำหรับนครินทร์และยุทธจักรที่จะคาดคะเนว่าตำแหน่งที่มาของกระสุนปืนลึกลับนั้น ต้องมาจากที่สูงเป็นแน่

ด้วยวิถีกระสุนที่แม่นยำของมือปืนลึกลับ ทำให้กลุ่มผู้บุกรุกถูกลดกำลังลงกว่าครึ่งอย่างรวดเร็ว ในเวลาผ่านไปแค่ไม่ถึงห้านาที จำนวนชายชุดดำทั้งหมดก็ลดลงเหลือแค่สี่คนเท่านั้น  
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 05-03-2007 10:20:53
 :โหลๆ: ยิงกันสนั่นแล้วค้าบ  :โหลๆ: ใครหลงเข้ามารีบหลบด่วน
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 05-03-2007 11:35:10
ตามมาช่วยลุ้น  : 222222: : 222222: : 222222:

ฆ่ามานนนนนนน  :angry2: :angry2:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 05-03-2007 14:10:21
อ่า.. เจ้าของปืนเก็บเสียงลึกลับ  จอมกับพี่เสือป่าว  ทำตัวหายไป  พระเอกจ๋อมเก่งเสมออะ
แต่ถ้าใช่จริง  ๆนี่เก่งกว่าตำรวจอีกแย้วววว 

รอพี่แซมแสดงฝีมือน้า  ย๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก  ฆ่ามานนนนนนนนนนนนนนนน (เลียนแบบ ๆ)  :angry2:  :angry2:

เข้าไปหลบหลัง shell ดีก่า อิอิ  :give2:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 05-03-2007 14:15:35
สถานะการณ์สร้างวีรบุรุษคับพี่แซม.... :impress: :impress:

.....รีบทำคะแนนเร็ว....อย่างนิ่ง.....เด๋วไม่ได้ใจจอมยุทธนะ... :loveu: :loveu:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: kYos ที่ 05-03-2007 14:43:57
 :13223:  หนุกหนานมากตอนนี้  ชอบๆ  ขอตัวไปหลบกระสุนก่อนละ  แว้บบ!
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 05-03-2007 14:53:04
พี่เสือกับจอมสู้ๆ เล็งม่ายพลาดเป้าขนาดนี้ต้องใช่แน่ๆๆ  :angry2:  :angry2:   :angry2:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 05-03-2007 14:59:32
เข้ามาลุ้นด้วยคน  :13223: :13223: :13223:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: RoosT ที่ 05-03-2007 16:23:37
 :angry2: ฆ่ามานนนนนน พวกบ่อนทำลายชาติบ้านเมืองงงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 06-03-2007 10:09:59
ด้วยวิถีกระสุนที่แม่นยำของมือปืนลึกลับ ทำให้กลุ่มผู้บุกรุกถูกลดกำลังลงกว่าครึ่งอย่างรวดเร็ว ในเวลาผ่านไปแค่ไม่ถึงห้านาที จำนวนชายชุดดำทั้งหมดก็ลดลงเหลือแค่สี่คนเท่านั้น

ความสว่างไสวปรากฏขึ้นมาอีกครั้งเพราะสะพานไฟที่ควบคุมหลอดไฟทุกดวงในโรงงานถูกยกขึ้น ในจังหวะเดียวกับเสียงปืนจากผู้บุกรุกที่เหลืออยู่ก็ระดมยิงสวนกลับมาอย่างไรทิศทาง และเริ่มควบคุมไม่ได้อย่างเช่นตอนแรก เนื่องจากได้เห็นภาพพรรคพวกตนนอนนิ่งอยู่บนพื้นไร้สภาพการต่อสู้

ภาพดังกล่าวถูกโยงไปสู่คำถามที่ว่า เกิดอะไรขึ้นขณะไฟดับ เพราะว่าบัดนี้ผู้บุกรุกหลายคนนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น ไม่สามารถจับอาวุธยิงสวนมาได้ดังเช่นแต่ก่อน

สถานการณ์พลิกผันดังกล่าว ส่งผลให้ฝ่ายตำรวจมีข้อได้ในเรื่องกำลังพล แม้อาวุธยังตกเป็นรอง แต่ก็ดีกว่าตอนแรกปะทะมากนัก นครินทร์จึงสั่งให้ผู้บุกรุกวางอาวุธอีกครั้ง เพียงเพราะต้องการจับเป็น แต่ทว่าคำตอบที่ได้รับกลับกลายมาเป็นกระสุนปืนหลายสิบนัดที่ยิงตอบโต้กลับมาเหมือนครั้งก่อน

ด้วยสถานการณ์ที่เหนือกว่าและกำลังใจที่มีมากขึ้น นายตำรวจที่ซุ่มอยู่จึงยิงสวนออกไปอย่างหวังผลมากขึ้น

ในที่สุดก็สามารถควบคุมสถานการณ์ได้...... ผู้บุกรุกทุกคนล้มลงกลับพื้น บ้างก็สิ้นลมหายใจ บ้างก็บาดเจ็บสาหัสไม่สามารถขยับตัวได้

นครินทร์ให้รหัสมือเจ้าหน้าที่เคลียร์พื้นที่อย่างระมัดระวัง เนื่องจากไม่แน่ใจกว่าอาจมีบางคนออกอุบายล้มลงและรอจังหวะเผลอของตำรวจยิงสวนกลับมา

นายตำรวจชุดแรกเคลื่อนกำลังเข้าประชิดกลุ่มผู้บุกรุกที่นอนแน่นิ่งอยู่ พลางใช้สายตาตรวจสอบความผิดปกติและประเมินสถานการณ์ ภายหลังแน่ใจว่าชายชุดดำทุกคนไม่สามารถลุกขึ้นมาต่อสู้ได้อีก สัญญาณเคลียร์จึงส่งออกมาจากหัวหน้าชุดทันที

หลังได้รับสัญญาณดังกล่าว นครินทร์พร้อมด้วยนายตำรวจที่เหลือจึงเดินตรงไปยังบริเวณนั้น และเริ่มตรวจสอบพื้นที่เพื่อหาหลักฐานที่จะช่วยตอบปัญหาที่ยังคาใจเรื่องกำลังพลที่ลดลงอย่างรวดเร็วของกลุ่มชายชุดดำขณะที่เกิดไฟดับชั่วคราว

หลักฐานที่พบมีเพียงกระสุนปืนขนาดใกล้เคียงกันสองกระสุนที่ถูกส่งต่อมายังนครินทร์ ในขณะที่เขากำลังเดินสำรวจร่างที่สิ้นลมหายใจของกลุ่มผู้บุกรุก พร้อมกับออกคำสั่งให้เรียกรถพยาบาลตลอดจนเจ้าหน้าที่เสริมเพื่อจัดการกับคนที่บาดเจ็บและร่างที่สิ้นลมหายใจที่นอนเรียงรายอยู่

หนึ่งในสองกระสุนนั้น นครินทร์ทราบว่าเป็นกระสุนของปืนไรเฟิลที่ชื่อว่า Colt Autometic Rifle ซึ่งเป็นปืนระบบยิงอัตโนมัติแบบทันสมัยโดยมีระยะหวังผลคือ 600 เมตร ปืนชนิดนี้ราคาแพงมากและอนุญาตให้ใช้ในกองทัพเท่านั้น

ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเคลียร์พื้นที่อยู่นั้น ยุทธจักรก็ยังคงเดินตามหาศิวะกับจอมยุทธ์ จนกระทั่งถึงบริเวณที่พนักงานรักษาความปลอดภัยของโรงงานมาชุมนุมกันตามคำสั่งของนครินทร์ก่อนหน้าที่จะมีการปะทะกันกับกลุ่มผู้บุกรุกดังกล่าว เพราะนครินทร์เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของพนักงาน เนื่องจากหลายคนไม่มีอาวุธปืนป้องกันตัวและไม่มีประสบการณ์การต่อสู้กับกองกำลังติดอาวุธ ยกเว้นพิทักษ์ซึ่งเคยเป็นอดีตตำรวจตระเวนชายแดนมาก่อน

ยุทธจักรรู้สึกโล่งใจทันทีที่เห็นจอมยุทธ์และศิวะยืนอยู่กับพิทักษ์ ล้อมรอบด้วยพนักงานรักษาความปลอดภัยกะดึกทั้งหมดประมาณสิบกว่าคน

“ขอโทษที่ออกมาโดยไม่บอกนะครับคุณแซม...ผมไม่สบายใจที่เห็นคุณแซมตามประกบพวกผมแทนที่จะเข้าไปช่วยนายตำรวจคนอื่นๆครับ...ผมกับจอมเลยตัดสินใจถอยออกมา เผื่อว่าคุณแซมจะคล่องตัวมากขึ้น...” ศิวะรีบอธิบายทันทีที่ยุทธจักรเดินก้าวยาวๆ อย่างรวดเร็วมาหยุดตรงหน้า สีหน้าของนายตำรวจหนุ่มมีความเรียบเฉย แต่ดวงตาทั้งคู่ก็เต็มไปด้วยคำถามที่ศิวะจะต้องรีบตอบและอธิบายให้เข้าใจ

“ครับ” ยุทธจักรต้องพยักหน้ารับคำเบาๆ แม้ว่าจะรู้สึกเป็นห่วงและค่อนข้างหงุดหงิดที่สองหนุ่มออกมาโดยไม่บอกกล่าว แต่เหตุผลที่ศิวะบอกมาก็ทำให้ยุทธจักรเถียงกลับไม่ได้ซักคำ เขาคงทำได้แต่รีบปรับอารมณ์และเอ่ยปากบอกให้เดินไปสมทบกับฝ่ายของนครินทร์ เพราะก่อนที่จะเดินมายังบริเวณนี้ ยุทธจักรเห็นชุดปฏิบัติการของนครินทร์เข้าเคลียร์พื้นที่ ซึ่งก็หมายความว่าการต่อสู้สิ้นสุดลงแล้ว

“ผมว่าน่าจะไปสบทบกับพี่เอได้แล้วครับ...เพราะว่าตำรวจควบคุมสถานการณ์ไว้ได้หมดแล้วครับ”

“ครับ..จอมยุทธ์เป็นฝ่ายรับคำ และกล่าวบอกทุกๆคนให้เดินมุ่งตรงไปยังบริเวณที่นายตำรวจทั้งสิบนายกำลังตรวจสอบความเรียบร้อยของพื้นที่อยู่

นครินทร์เรียกยุทธจักรให้เข้าไปคุยด้วยหลังจากเห็นเขาเดินมาพร้อมกับจอมยุทธ์และศิวะ ในขณะที่สองหนุ่มหยุดอยู่ภายนอกบริเวณที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังปฏิบัติงาน

“แซม...แกเคยเห็นกระสุนปืนอันนี้หรือเปล่าว๊ะ” นครินทร์ถาม พร้อมกับยื่นกระสุนปืนหนึ่งในสองที่เขาไม่สามารถบอกแหล่งที่มาให้นายตำรวจรุ่นน้องดู

ยุทธจักรรับกระสุนไปพิจารณาชั่วครู่ก่อนจะบอกคำตอบออกมา

“น่าจะเป็นกระสุนพิเศษที่ผลิตขึ้นมาเฉพาะกับปืน Colt’s M203 Grenade Launcher ครับ”

“เป็นปืนอัตโนมัติ รุ่นใหม่ครับ......ระยะหวังผล 400 เมตร” ยุทธจักรอธิบายต่อ

“แต่ว่าพี่เอเอากระสุนนี้มาจากไหนครับ.......”ยุทธจักรถาม เพราะเท่าที่สังเกตกลุ่มคนร้ายใช้ปืนเอ็มสิบหก ซึ่งหัวกระสุนจะแตกต่างกับที่นครินทร์ยื่นมาให้ดู

 “ตอนที่ไฟดับ ข้าคิดว่าคงมีคนซุ่มอยู่และคอยยิงช่วยพวกเรา...ผลก็คือไอ้พวกนั้นล้มไปหกคน”

“อืม....แต่ว่าเค้าคงต้องใช้แว่นตาพิเศษสำหรับส่องกลางคืนโดยเฉพาะคู่กับปืนที่เค้าใช้อยู่ครับ...ไม่อย่างนั้นเค้าคงยิงไม่ถูกใคร” ยุทธจักรตั้งข้อสังเกตจากประสบการณ์ตรง

“ข้าก็คิดอย่างนั้น แต่ก็อดแปลกใจไม่ได้ ว่าใครกันแน่ที่มาช่วยเรา ทั้งอาวุธปืนที่ใช้ รวมถึงอุปกรณ์ทันสมัยที่แน่ๆคือแว่นตาส่องกลางคืน ทั้งๆที่ของเหล่านี้ใช้ได้เฉพาะในกองทัพและสำนักงานกองบัญชาการ(ร่วมพิเศษ)ต่อต้านการก่อการร้ายและอาชญากรรมรุนแรง” ประโยคหลังนครินทร์ตั้งคำถาม ก่อนจะหันไปสั่งการให้นายตำรวจทุกคนช่วยกันเคลียร์พื้นที่ เพื่อรอรับชุดเจ้าหน้าที่เสริมที่จะเข้ามาขนย้ายศพและผู้บาดเจ็บ ตลอดจนขนย้ายยาบ้าไปไว้ยังบริเวณสำนักงานตำรวจภาคห้า โดยไม่ลืมที่จะย้ำให้การปรากฏตัวของเจ้าหน้าที่ชุดสนับสนุนเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย  แม้ว่าขณะนี้เจ้าพนักงานท้องที่บางคนอาจจะได้รับรายงานจากชาวบ้านที่อาศัยอยู่รอบๆโรงงานถึงเสียงปืนที่ยิงติดต่อกันมานาน และเจ้าหน้าที่เหล่านั้นคงจะทยอยมาพร้อมกับนักข่าวอย่างแน่นอน

“จอมครับ...สั่งให้พนักงานรักษาความปลอดภัยเข้าประจำตำแหน่งได้เลยครับ...แล้วถ้าเจ้าหน้าที่สายตรวจมา ก็บอกให้รออยู่ที่หน้าประตูนะครับ แล้วให้คนใดคนหนึ่งมาตามพี่.... เดี๋ยวพี่ไปคุยให้เอง” นครินทร์บอกจอมยุทธ์ และไม่ลืมรักษาสัญญาที่จะจัดการเรื่องนี้ให้เงียบที่สุด เพื่อป้องกันภาพพจน์ของโรงเบียร์แห่งนี้

“ส่วนกำลังเสริมที่พี่เรียกมา ขอให้พนักงานที่เฝ้าหน้าประตูฟังคำสั่งของ ผู้กองศตวรรษนะครับ...ผู้กองจะเป็นคนบอกอนุญาตให้เปิดประตูนำกำลังเข้ามาครับ” นครินทร์บอกต่อ

“ครับ” จอมยุทธ์รับคำ ก่อนจะผ่านคำสั่งของนครินทร์ต่อไปยังพิทักษ์ ให้รับผิดชอบกระจายคำสั่งนั้นสู่พนักงานรักษาความปลอดภัยคนอื่นๆ ต่อไป

และเป็นไปอย่างที่คาดหมาย เจ้าหน้าที่สายตรวจหลายนายได้รับแจ้งถึงเสียงปืนที่เกิดขึ้นในโรงงาน และเดินทางมาถึงประตูโรงงานพร้อมด้วยนักข่าวท้องถิ่นและนักข่าวยักษ์ใหญ่สองฉบับ

นครินทร์ถูกตามตัวไปเจรจากับชุดนายตำรวจสายตรวจโดยทันที ด้วยความที่เป็นนายตำรวจชั้นรองผู้กำกับการ ซึ่งสูงกว่าชุดสายตรวจมาก รวมถึงผู้ติดตามของนครินทร์ที่มียศระดับร้อยตำรวจเอก ทำให้การเจรจากับเจ้าหน้าที่ประจำท้องที่เป็นไปด้วยความสะดวก โดยที่เจ้าหน้าที่สายตรวจทั้งหมดตัดสินใจถอนกำลังกลับทันทีที่นครินทร์ชี้แจงว่า นายตำรวจจากกองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 2 ที่รับผิดชอบพื้นที่ภาคห้าได้เข้าควบคุมสถานการณ์ได้อย่างเรียบร้อย และไม่จำเป็นต้องขอกำลังสนับสนุนจากตำรวจท้องที่แต่อย่างใด

แม้ว่าเจ้าหน้าที่สายตรวจจะถอนกำลังกลับ แต่นักข่าวทั้งหลายยังคงปักหลักอยู่ที่หน้าโรงงาน เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการรายงานสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้น

ภายหลังเจ้าหน้าที่สายตรวจกลับไปไม่กี่นาที พนักงานรักษาความปลอดภัยก็ได้รับสัญญาณจากร้อยตำรวจเอกศตวรรษให้เปิดประตูอนุญาตให้ชุดกำลังสนับสนุนที่ประกอบด้วย รถพยาบาลสองคัน รถขนส่งสองคัน และรถตู้สามคัน ทยอยเข้ามาในโรงงานอย่างรวดเร็ว

การทำงานของชุดกำลังเสริมทุกนายเป็นไปด้วยความรวดเร็วและระเอียดรอบคอบ หลักฐานทุกชิ้นถูกเก็บรักษาอย่างดี มีระบบเพื่อรองรับการสืบสวนขยายผล

ขบวนรถชุดเดิมขับออกไปจากโรงงานทันทีที่ปฏิบัติหน้าที่ขนย้ายเสร็จ แม้นักข่าวทั้งหมดจะแสดงทีท่าสนใจกับขบวนรถที่เข้ามาและออกไป แต่สิ่งที่เห็นก็ไม่สามารถให้รายละเอียดได้เท่าที่ควร

การปฏิบัติการทั้งหมดเสร็จสิ้นภายในเวลาอันสั้น.... ก่อนที่จะแยกย้ายกันกลับไปพักผ่อน นครินทร์วางกำลังชุดคุ้มครองไว้ที่โรงงานส่วนหนึ่ง หลังจากนั้นจึงขับรถตามหลังรถของศิวะ จอมยุทธ์ และยุทธจักร ที่โดยสารมาด้วยกันออกมาจากโรงงาน โดยไม่สนใจขบวนนักขาวที่รอทำข่าวอยู่ที่หน้าโรงงานแต่อย่างใด

แม้เหตุการณ์ครั้งนี้ดูเหมือนจะจบลงด้วยดี แต่ทว่าความยุ่งยากและอันตรายกำลังเคลื่อนเข้ามาอย่างช้าๆ และรอจังหวะโหมกระหน่ำอย่างเต็มที่ในอนาคตอันใกล้......สติปัญญาและความกล้าแกร่งของดวงใจเท่านั้นที่จะพาทุกชีวิตหลุดพ้นจากสถานการณ์อันเลวร้ายดังกล่าว....
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 06-03-2007 10:15:55
 :serius2:         นู๋ชักกลัว....นักอ่านบอร์ดนี้แล้วจิ....


วิเคราะห์มาแต่ละที.....นู๋ละกลัว  :monkeycry4:

เอ่อ......นู๋ม่ายบอกดีกว่า.... :-[

ว่าครายเดาถูก..... :เฮ้อ:

เดี๋ยวมันไม่หนุก...... :laugh3:

ไปแล้วคร๊าบบบบบบบบ

Andreas

ปล. เนื้อเรื่องผ่านไปสามสิบเปอร์เซ็นต์แล้วครับ....
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 06-03-2007 10:28:48
 :laugh5:  กลัวรายจ๊ะจ๋อมมมม มีแต่คนน่ารักๆๆทั้งนั้นอ่าบอร์ดเนี๊ยะ  :5555:


อ้างถึง
แม้เหตุการณ์ครั้งนี้ดูเหมือนจะจบลงด้วยดี แต่ทว่าความยุ่งยากและอันตรายกำลังเคลื่อนเข้ามาอย่างช้าๆ และรอจังหวะโหมกระหน่ำอย่างเต็มที่ในอนาคตอันใกล้......สติปัญญาและความกล้าแกร่งของดวงใจเท่านั้นที่จะพาทุกชีวิตหลุดพ้นจากสถานการณ์อันเลวร้ายดังกล่าว....


 :โหลๆ: ทิ้งท้ายไว้น่าติดตามมากๆๆๆ  :โหลๆ:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 06-03-2007 10:35:07
:laugh5:  กลัวรายจ๊ะจ๋อมมมม มีแต่คนน่ารักๆๆทั้งนั้นอ่าบอร์ดเนี๊ยะ  :5555:

พี่แน๋วพูดถูกคับ....น่ารักทั้งบอร์ด... :laugh5: :laugh5:

ป.ล.  ต่อด่วน.....กะลังหนุกเลย... :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: RoosT ที่ 06-03-2007 10:47:31
มาต่ออย่างด่วนๆ เลยค๊าบบบบบบบบบบ

 :yeb: รักคนแต่งมากมาย อิอิ
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 06-03-2007 19:27:01
จามีอารายเลวร้ายอีกเนี่ย  กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด   รอไว้ก่อน  หุหุ

คราวนี้ข้อมูลดีนะ ทำการบ้านมาดีจัง  :give2:

แต่มันเป็นความจริงนา  ที่ว่าคนในเล้ามีแต่น่ารัก ๆ อิอิ  :loveu:  :loveu:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 06-03-2007 19:38:45
แม้เหตุการณ์ครั้งนี้ดูเหมือนจะจบลงด้วยดี แต่ทว่าความยุ่งยากและอันตรายกำลังเคลื่อนเข้ามาอย่างช้าๆ และรอจังหวะโหมกระหน่ำอย่างเต็มที่ในอนาคตอันใกล้......สติปัญญาและความกล้าแกร่งของดวงใจเท่านั้นที่จะพาทุกชีวิตหลุดพ้นจากสถานการณ์อันเลวร้ายดังกล่าว....

อืม อย่าบอกนะว่ายิงกันคราวนี้แค่น้ำจิ้ม ยังมีโหดกว่านี้อีก  :laugh3:
เดี๋ยวไปซื้อเสื้อเกราะกันกระสุนมาก่อนดีกว่า เวลาอ่านเผื่อโดนลูกหลง  :laugh5:  :laugh5:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 06-03-2007 19:41:37
มารออ่านต่อ :yeb: :yeb: :yeb:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 06-03-2007 22:36:34
ปูเสื่อใส่เสื่อเกราะนั่งรออ่านอยู่ในหลุมหลบภัยครับ :yeb:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: kYos ที่ 07-03-2007 00:09:54
ทิ้งท้ายแบบนี้อีกแล้ววว... โอย ไม่อยากคิดไปก่อน เพราะคิดได้แต่เรื่องไม่ดี  :monkeycry2:
รอตอนต่อไปงับ  :เศร้า1:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 07-03-2007 10:27:35
บทที่ 6 สายป่านที่หลุดลอย

ประตูเชื่อมเข้าห้องของภูฟ้าค่อยๆเปิดออกอย่างแผ่วเบาพร้อมกันทั้งสองบาน ศิวะและจอมยุทธ์ก้าวเท้าลงบนพื้นพรมหนาหนุ่มที่ปูตลอดทั้งห้อง ทั้งคู่เดินช้าๆมุ่งตรงมาบรรจบกันที่เตียงนอนของภูฟ้ากลางห้อง

โคมไฟทั้งสองดวงบนหัวเตียงส่องแสงนวลตา ส่งให้เห็นใบหน้าของหนูน้อยยามหลับใหลอย่างเป็นสุข ทุกอย่างที่รวมกันเป็นภูฟ้านั้นงดงามยิ่งนัก สังเกตจากเรือนผมค่อนข้างยาวที่ดำสนิท ตัดกับผิวสีขาวอมชมพูของใบหน้าหวาน สอดรับกับริมฝีปากสวยได้รูปที่ยามคลี่ยิ้มแล้วโลกทั้งใบจะกลายเป็นสีชมพูสดใส และสุดท้ายคิ้วเข้มที่ถอดแบบมาจากหนึ่งในสองบิดาที่จากไป

คงไม่ต้องบอกว่าภูฟ้ามีค่ามากขนาดไหนต่อสองหนุ่มวัยใกล้เคียงกันที่ยืนสงบนิ่ง ทอดสายตาอ่อนโยนมายังร่างที่หลับสนิท...สำหรับศิวะและจอมยุทธ์แล้ว ภูฟ้าคือดวงใจของตน... คือสิ่งมีค่าที่สุดที่พระผู้สร้างโลกประทานมาให้ ภายหลังที่พ่ายแพ้อย่างหมดรูปกับความรักบริสุทธิ์ที่บิดาทั้งสองคนของภูฟ้าเป็นผู้สร้าง...และพิสูจน์ให้เห็นถึงคุณค่าของรักแท้นั้น

ความรักที่ศิวะและจอมยุทธ์มอบให้ภูฟ้านั้นจะไม่มีวันสูญสลายและหมดสิ้นไป ทว่ากลับจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะเดียวกันภูฟ้าก็รักพ่อเสือและอาจอมมากกว่าใครๆ ดังนั้นรอยยิ้มที่ภูฟ้ามอบให้กับคุณพ่อและคุณอาจึงเป็นรอยยิ้มหวาน...ที่หวานที่สุดในโลก

เพราะภูฟ้าคือบุคคลสำคัญยิ่ง ทุกสิ่งทุกอย่างที่สองหนุ่มมอบให้จึงถูกคัดสรรมาอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการศึกษา การกีฬา ของเล่น และอุปกรณ์อื่นๆ แต่ทั้งนี้ทั้งคู่ก็เฝ้าสอนให้ภูฟ้าเป็นเด็กมีเหตุผล ไม่ฟุ้งเฟ้อ และที่สำคัญต้องรู้จักเสียสละและมีความรับผิดชอบ ซึ่งภูฟ้าก็เข้าใจและปฏิบัติตามคำสอนได้เป็นอย่างดีเสมอมา

สายตาที่อ่อนโยนของจอมยุทธ์ที่ทอดมายังร่างเล็กที่หลับสนิทอยู่บนเตียงนั้นเจือปนความวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด จนศิวะต้องเดินอ้อมมายังตำแหน่งที่จอมยุทธ์ยืนอยู่ ก่อนจะโอบบ่าและใช้ฝ่ามือนุ่มของตนตบลงไปเบาๆบนหัวไหล่ที่แข็งแรงนั้น

จอมยุทธ์สัมผัสได้ถึงความห่วงใยและความเข้าใจที่ถูกถ่ายทอดมาจากร่างสูงใหญ่ ทุกสัมผัสที่ได้รับยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปี.....สัมผัสของพี่ชายที่ห่วงน้องชาย.....และพร้อมจะช่วยแบ่งเบาภาระทุกอย่างเท่าที่จะทำได้

แม้เวลาจะผ่านไปเพียงแค่ช่วงไม่ถึงนาที แต่การสื่อสารผ่านการสัมผัสที่อ่อนโยนนั้นกลับดูยาวนานอย่างยิ่งนัก..... กำลังใจที่ถ่ายทอดเข้าหากัน เป็นพลังที่จะดำเนินชีวิตให้ก้าวต่อไป แม้ในช่วงที่พบอุปสรรคที่หนักหนา....ดังเช่นในเวลานี้

สองหนุ่มหมุนร่างกลับ เดินไปสู่ประตู ปล่อยให้ภูฟ้ายอดดวงใจหลับอย่างเป็นสุขในห้วงนิทราแห่งคืนนี้.....แม้สถานการณ์รอบตัวจะเปลี่ยนแปลงไป.....อันตรายอาจย่างกลายเข้ามาโดยไม่รู้ตัว แต่สำหรับศูนย์รวมความรักของครอบครัวอย่างภูฟ้าแล้ว....จะต้องปลอดภัยอย่างที่สุด

**********
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 07-03-2007 10:28:41
สายลมเอื่อยๆพัดผ่านผิวน้ำในสระว่ายน้ำ โคมไฟแสงสีนวลหลายอันที่ตั้งเรียงรายเปล่งแสงไม่สว่างมากนัก แต่ก็เพียงพอที่จะเห็นรายละเอียดเล็กๆน้อยๆของทัศนียภาพยามค่ำคืนของบ้านหลังใหญ่ที่ตั้งเด่นสง่าท่ามกลางสวนสวย

เสียงถอนหายใจเบาๆดังออกมาจากจอมยุทธ์ขณะที่ยืนรับลมเย็นๆอยู่ในบริเวณมุมพักผ่อนข้างสระ..... สีหน้าและแววตาของจอมยุทธ์เต็มไปด้วยความกังวล

แม้มันจะไม่ดังมา แต่ศิวะที่เดินตามออกมาก็ได้ยินเสียงถอนหายใจนั้นอย่างชัดเจน

“ผมห่วงตาภูครับพี่เสือ......ผมกลัวว่าพวกมันจะเล่นไม่ซื่อ.....หันเป้ามาทางตาภู.....เพราะพวกมันน่าจะรู้ดีว่าตาภูสำคัญกับผมมาก.....” จอมยุทธ์เป็นผู้เริ่มบทสนทนา โดยบอกความกังวลที่เกิดขึ้นในใจให้ผู้เป็นเปรียบเสมือนพี่ชายแท้ๆให้รับฟัง

“อืม....เราก็ต้องป้องกันไว้ก่อน....แต่จอมเองก็ต้องระวังตัวด้วย....เรื่องตาภูปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพี่เอง...ไม่ต้องห่วงหรอก” ศิวะรับอาสา ด้วยไม่ต้องการให้จอมยุทธ์มีภาระรับผิดชอบมากจนเกินไป

จอมยุทธ์หันหน้ามาทางศิวะที่กำลังหย่อนตัวนั่งบนเก้าอี้  มือทั้งสองข้างของเขายังคงล้วงอยู่ในกระเป๋ากางเกงขายาวสีน้ำเงินเข้ม......เขาถอนหายใจอีกครั้ง ก่อนที่จะเอ่ยประโยคคำถามที่เจือปนความรู้สึกสับสนออกมา

“ผมไม่มีทางเลือกอื่นแล้วใช่มั้ยครับ....พี่เสือ.....” จอมยุทธ์รู้สึกกังวลในการตัดสินใจของตนเองจะนำพาความเดือดร้อนมาสู่คนใกล้ชิดในครอบครัว

ศิวะส่ายหน้า......

“เราไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว....เราไม่อาจเฉยเมยต่อยาบ้าเหล่านั้น....ที่อาจจะส่งผลกระทบร้ายแรงต่ออีกหลายๆคนในสังคม”

“แต่มันอาจนำอันตรายมาสู่ครอบครัวของเรานะครับ....” จอมยุทธ์ยังถามต่อพร้อมด้วยสายตาแฝงแววกังวลอย่างเห็นได้ชัด

ศิวะพยักหน้า

“อย่าห่วงไปเลยจอม....ถ้าเรารับมือกับสถานการณ์แบบนี้อย่างรอบคอบ....เราทุกคนจะปลอดภัย.....แต่จอมต้องสัญญาว่า...จอมจะไม่ประมาท...และต้องรับกับสถานการณ์นี้อย่างชาญฉลาดอย่างที่จอมเคยทำมาตลอด” คำพูดที่หนักแน่นของศิวะกระตุ้นความมั่นใจในตนเองของจอมยุทธ์ให้กลับคืนมาอีกครั้ง

“ผมสัญญาครับ....พี่เสือ” จอมยุทธ์ให้คำสัญญา

“แต่ว่า.......จอมอย่าลืมนะว่าจอมไม่ได้กำลังสู้อยู่ตัวคนเดียว...อย่างน้อยก็มีพี่.....และอีกหลายๆคนที่พร้อมจะช่วยจอมเสมอ....รวมถึงแซมด้วยถ้าจอมเปิดโอกาสให้เค้า”

แต่ทว่า...เสียงถอนหายใจกลับดังขึ้นอีกครั้งจากจอมยุทธ์

“ผมทราบดีครับเรื่องพี่แซม.....ผมรู้ว่าเค้าชอบผม.....แต่ผมไม่พร้อมครับ....ไม่พร้อมที่จะรักใครในเวลานี้ รวมถึงไม่คิดจะนำเอาความรักที่ใครๆมอบให้ผมมาเป็นเครื่องมือเอื้อประโยชน์ต่อตัวผมเองหรอกครับ”

สายตาที่เหม่อลอยของจอมยุทธ์ยามที่เอ่ยถึงเรื่องความรักนั้นเศร้าสร้อย และกระตุ้นความเจ็บปวดที่ฝังลึกอยู่ในดวงใจของศิวะให้กลับมาอีกครั้ง.....แผลแห่งหัวใจที่ไม่เคยห่างหายไปจากร่างกายที่มีลมหายใจนี้  เขาพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะข่มความรู้สึกเจ็บปวดนั้น ผลักมันลงไปยังก้นลึกของหัวใจอีกครั้ง เพราะตอนนี้มีเรื่องที่สำคัญที่ต้องคิดมากกว่า ความรักที่สิ้นหวังของตนเอง

“พี่อยากให้จอมเปิดโอกาสให้กับตัวเอง.....รวมถึงให้โอกาสแซมเค้าบ้าง....บางทีอะไรที่เราคิดว่ามันจะเป็นไปไม่ได้ มันอาจเป็นไปได้”

ศิวะหยุดชั่วคราว ก่อนจะเอ่ยต่อเมื่อเห็นว่าจอมยุทธ์กำลังตั้งใจรับฟังอยู่

“แซมเค้าเป็นคนดี และที่สำคัญพี่คิดว่าเค้ารักจอม....และพร้อมจะปกป้องจอมเสมอ” 

“พี่เสือคิดว่าผมปกป้องตนเองไม่ได้หรือครับ” จอมยุทธ์ถาม.....ประกายตาของเขากร้าวแกร่งขึ้นมาทันใด

“แต่หลายหัวก็ย่อมดีกว่าหัวเดียว...ใช่มั้ยจอม” ประโยคแย้งที่สั้นๆแต่มีน้ำหนักที่ทำให้ผู้ฟังอย่างจอมยุทธ์ต้องคล้อยตาม ยากที่จะหาประโยคใดๆมาโต้แย้ง

“ที่สำคัญ....ตลอดเวลาเดือนกว่าๆที่ผ่านมา แซมเค้าก็เสมอต้นเสมอปลายและแสดงความจริงใจให้เราเห็นอยู่หลายครั้ง พี่ค่อนข้างมั่นใจว่า ในสถานการณ์ที่เรากำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ แซมจะช่วยจอมได้เป็นอย่างดี”

“ผมอาจจะไม่มีข้อโต้แย้งในเรื่องที่ว่าพี่แซมคือหนึ่งในบุคคลที่เหมาะสมที่จะขอความช่วยเหลือในเวลานี้ แต่พี่เสือจะให้ผมขอความช่วยเหลือจากพี่แซมในลักษณะไหนหรือครับ....ในลักษณะของนายตำรวจกับเจ้าทุกข์ ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้น ผมว่า พี่เอน่าจะเหมาะสมกว่า เพราะเป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่รับผิดชอบพื้นที่โดยตรง .....หรือจะให้ผมขอความช่วยเหลือจากพี่แซมในฐานะคนสนิท” ประโยคที่พูดไปฟังดูคล้ายคำถาม แต่ศิวะกลับรับรู้ว่าเป็นเพียงการระบายความในใจเท่านั้น

“ผมทราบว่าพี่แซมชอบผม...ทราบตั้งแต่ช่วงแรกๆ แต่ผมก็พยายามสร้างระยะห่างเอาไว้ เพราะผมไม่พร้อมที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ให้เป็นอย่างอื่น....... พอในเวลานี้ ในเวลาที่ผมมีปัญหา ผมกลับพยายามลดระยะห่างนั้นโดยไปขอความช่วยเหลือจากเค้า พี่เสือคิดว่า พี่แซมจะคิดว่าผมกำลังเอาเปรียบเค้าอยู่มั้ยครับ....เพราะว่าผมกำลังใช้ความรู้สึกของเค้าที่มีต่อผมมาเป็นเครื่องมือในการหาผลประโยชน์ของตัวผมเอง” จอมยุทธ์ยังคงระบายความในใจออกมา

“ที่พี่เสือพูดมาตั้งแต่ต้นเรื่องการเปิดโอกาสให้พี่แซม......จริงๆแล้ว สถานการณ์แบบนี้ ไม่ใช่ฝ่ายผมหรอกครับที่จะเปิดโอกาสให้ แต่..................” จอมยุทธ์ตัดสินใจไม่พูดประโยคถัดไป โดยเลือกที่จะนิ่งเสีย พร้อมกับหันหน้าไปทางอื่น

ศิวะที่นั่งฟังอยู่ตั้งแต่ต้นนั้นเข้าใจความรู้สึกของจอมยุทธ์ได้เป็นอย่างดี เขาจึงพูดต่อประโยคนั้นออกมาราวกลับจอมยุทธ์เป็นฝ่ายพูดเสียเอง

“แต่ขึ้นอยู่กับแซมจะเปิดโอกาสให้กับตนเองได้หรือไม่ต่างหาก”

ศิวะทราบดีมาตลอดว่า ภายใต้บุคลิกที่ง่ายๆและดูสนุกสนานเป็นกันเองของจอมยุทธ์นั้น กลับปกปิดความเข้มแข็งและความทระนงในศักดิ์ศรีของตนที่มีอย่างล้นเหลือเอาไว้อย่างดี

ตัวของเขาเองก็เช่นกัน ความทระนงในศักดิ์ศรีนั้นมีมากเหลือเกินจนแทบจะเรียกว่าสูสีกับคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า ดังนั้นเขาจึงเข้าใจเป็นอย่างดีว่า จอมยุทธ์จะลำบากใจขนาดไหน ถ้าจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากยุทธจักร เพราะว่าไม่ต้องการจะใช้ความรู้สึกพิเศษที่แซมมอบให้มานั้นเป็นหนึ่งในตัวแปรสำคัญของการร้องขอใดๆ

วิธีเดียวที่จะลดความลำบากใจที่เกิดขึ้นต่อจอมยุทธ์ คือ ยุทธจักรต้องหาโอกาสยื่นมือเข้ามาเอง และจำเป็นต้องสร้างเงื่อนไขชนิดที่จอมยุทธ์ไม่สามารถปฏิเสธได้ มิเช่นนั้นแล้วแค่เอ่ยปากเสนอตัวให้ความช่วยเหลือ จอมยุทธ์คงบอกปฎิเสธไปอย่างรวดเร็ว

“อย่างนี้คงต้องยื่นมือเข้าช่วยอีกซักหน่อยแล้ว...ไม่งั้นแซมมันคงหาทางเจาะประตูใจไม่เจอแน่นอน” ศิวะคิดในใจ

“เอาเป็นว่าตอนนี้เราระมัดระวังและป้องกันตัวเองก่อนดีกว่า เอาไว้ถึงสถานการณ์ขับคันจริงๆ เราคงมีทางออกที่ดีในเรื่องความช่วยเหลือต่างๆ” ศิวะตัดบทเปลี่ยนเรื่องการสนทนา เพราะเขากำลังจะปรึกษากับจอมยุทธ์ในเรื่องที่คิดอยู่ตั้งแต่ก่อนเดินมาที่สระว่ายน้ำ

“พรุ่งนี้พี่จะเปลี่ยนนาฬิกาเรือนใหม่ให้ตาภู พี่อยากให้จอมเตรียมระบบให้พี่ด้วย...จอมมีเวลาหรือเปล่า”

จอมยุทธ์รับทราบในความนัยของคำว่า “เตรียมระบบ” โดยทันที เพราะหมายความว่าศิวะกำลังเริ่มต้นเตรียมพร้อมรับกับสถานการณ์อันไม่ปลอดภัยให้แก่ภูฟ้าอย่างทันทีทันใด

“มีครับ......พรุ่งนี้วันเสาร์ ผมคาดว่าจะไม่ออกไปไหนครับ....ผมคิดว่าถ้าเป็นไปได้เราทุกคนน่าจะเก็บตัวอยู่ที่บ้านก่อนดีกว่าครับ” จอมยุทธ์พูดต่อ เพราะความระมัดระวังเนื่องจากคำขู่จากฝ่ายตรงข้ามยังดังก้องในความทรงจำ

“อืม พี่ก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน.....เราคงต้องระวังตัวให้มาก” ศิวะกล่าวสนับสนุน

“พี่มองดูสถานการณ์แล้ว จอมเองน่าจะตกเป็นเป้าของไอ้พวกค้ายาเหล่านี้โดยตรง ไอ้เรื่องที่ฝ่ายโน้นรู้เบอร์มือถือของจอม พี่มองว่าไม่แปลก เพราะน่าจะหามาได้ไม่ยาก แต่การที่พวกมันสามารถส่งคนไปเอาของคืนอย่างรวดเร็วนั้น พี่มองว่า.....มันน่าจะทำเป็นรูปแบบขบวนการและมีเส้นสายหรือสายข่าวที่มากมาย....ขบวนการนี้อาจเป็นกลุ่มของพวกมีอิทธิพล หรือเผลอๆ เราอาจกำลังเผชิญหน้ากับองค์กรค้ายาข้ามชาติ รวมถึงอาจเชื่อมโยงกับการค้าอาวุธสงครามก็ได้ ดูจากอาวุธที่พวกมันใช้ซิ เป็นอาวุธสงครามที่มีประสิทธิภาพสูงและยังใหม่อยู่มาก”

ศิวะพูดต่อ

“ยิ่งตอนนี้พวกมันคงโกรธจอมมาก เพราะนอกจากจะไม่ได้ของคืนแล้ว พวกลูกน้องที่ส่งมือก็ถูกเก็บหมด พี่ว่ามันคงไม่ลามือง่ายๆ”

จอมยุทธ์ฟังเรื่องราวที่ศิวะวิเคราะห์มาอย่างตั้งใจ และเห็นด้วยกับสิ่งที่ศิวะพูดมาทั้งหมด เพราะเขาก็สังเกตตั้งแต่แรกแล้วเช่นกัน ทั้งในเรื่องของความรวดเร็วในการเตรียมกำลังจากฝั่งตรงข้ามรวมถึงอาวุธปืนที่พวกนั้นนำมาใช้  ส่วนนี้เองที่ทำให้จอมยุทธ์กังวลใจตั้งแต่แรกว่าจะนำครอบครัวไปสู่ความเดือดร้อน

“พี่เสือคิดว่าผมควรทำอย่างไรต่อครับ”

“พี่ว่าเพื่อความปลอดภัยสำหรับตัวจอมเอง พี่จะหาบอดีการ์ดให้กับจอม น่าจะประมาณซัก สี่ห้าคน” ศิวะตอบคำถาม ก่อนจะเห็นสีหน้ากระอักกระอวนของจอมยุทธ์ เพราะปกติจอมยุทธ์เป็นคนง่ายๆสบายๆ ไม่ชอบมีใครคอยติดตามและชอบไปไหนมาไหนเพียงคนเดียวหากไม่ได้ไปกับหลานชายหรือคนในครอบครัว ดังนั้นการที่จะต้องมีบอดีการ์ดติดตาม จึงน่าจะเป็นเรื่องน่ารำคาญที่สุดสำหรับหนุ่มโสดเช่นจอมยุทธ์

“เฮ้ย....อย่าทำหน้าอย่างนั้นซิ....เอาแค่ช่วงนี้ก่อน อยู่ในความคุ้มกันของบอดีการ์ดซักพัก...คงไม่นานหรอก” ศิวะปลอบใจ

“ครับ....” จอมยุทธ์รับปากเสียงอ่อย

“ถ้าพี่เสือเห็นอย่างนั้น ผมก็ไม่ขัดครับ...แต่พี่เสือและตาภูล่ะครับ จะต้องมีบอดีการ์ดด้วยมั้ยครับ”

“พี่ว่ายังไม่จำเป็นเท่าไหร่ในเรื่องของคนคุ้มกัน แต่ก็จะระมัดระวังตัว......พี่อยากดูสถานการณ์ก่อน.....ที่สำคัญพี่กำลังรอดูข้อมูลว่า เรากำลังเผชิญหน้ากับองค์กรค้ายาระดับไหน ก่อนที่จะวางแผนรับมือต่อไป”

“ครับ...” จอมยุทธ์ได้แต่รับปาก ไม่คิดจะโต้แย้งแต่อย่างใด เพราะเชื่อมั่นในการวิเคราะห์และวางแผนต่างๆของศิวะ เนื่องจากตลอดเวลาที่ผ่านมา ศิวะไม่เคยแสดงให้เห็นถึงแผนการที่มีข้อผิดพลาดเลยซักครั้ง

เมื่อการพูดคุยดูเหมือนจะเสร็จสิ้นประกอบกับเวลาที่เลยเที่ยงคืนมากว่าสองชั่วโมง ศิวะจึงลุกขึ้นจากเก้าอี้นั่ง เดินมาโอบไหล่จอมยุทธ์

“พี่ว่า..... เราไปนอนกันก่อนดีกว่า พรุ่งนี้เจ้าเอคงมารายงานว่าการสอบสวนคืบหน้าไปถึงไหน แล้วจอมต้องทำอะไรบ้าง”

“ครับ” จอมยุทธ์พยักหน้ารับคำอีกครั้ง พร้อมกับเดินตามศิวะเข้าไปในบ้าน เพื่อเตรียมตัวพักผ่อน

หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 07-03-2007 10:50:43
วีรบุรุษสุดหล่อยังไม่มีบทบาทซักที :5555: :5555:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: RoosT ที่ 07-03-2007 11:08:50
 :impress: แซมจะเปิดประตูหัวใจที่ถูกล๊อกได้เป่าเนี่ยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั
เริ่มหัวข้อโดย: kYos ที่ 07-03-2007 11:15:35
“แต่ขึ้นอยู่กับแซมจะเปิดโอกาสให้กับตนเองได้หรือไม่ต่างหาก”   มันต้องได้แน่นอน  :fox2: 55+
เชียร์พี่แซม  พี่แซมสู้ๆ  พี่เสือเปิดทาง ช่วยสุดๆแล้ว

ปล. เป็นกำลังใจให้กั๊บ  :5555:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 07-03-2007 13:27:47
พี่เสือก้อเปงตัวเชื่อมต่อความสัมพันธ์ให้แล้ว อยู่ที่พี่แซมแล้วสินะ ที่จะต้องเจาะเข้าไปให้ถึงแกนใจกลางของหัวใจจอม  :give2:  รักระหว่างรบนี่มานมีเสน่ห์จริงๆ  :จ้อบจัง1:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 07-03-2007 14:04:50
 :give2: :give2: :give2: :give2:

" รักระหว่างรบนี่มานมีเสน่ห์จริงๆ  "

เห็นด้วยคับพี่แน๋ว  :fox2: :fox2: :fox2:


หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 07-03-2007 16:08:12
เอาพี่แซมมาเป็นบอดี้การ์ดจิ :interest:

เพราะจะได้ปกป้องทั้งร่างกายและหัวใจ :-[



ปล.รักพี่เสือจัง :give2:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 07-03-2007 19:05:32
หุหุ รักระหว่างรบ  :give2:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 07-03-2007 19:29:04
พี่แซมสู้สู้  โอกาสนะมีแล้ว  รักเค้าต้องใจกล้า ๆ หน่อย  เปิดหัวใจจอมให้ได้เลย  :loveu: :loveu:
รักแท้  รักจริง  ทุ่มสุดตัว  เด๋วจอมคงหันมามองบ้าง

ว่าแต่เรื่องอะไรจะเลวร้ายเหรอเนี่ย  น่ากัว ๆ  :call:  :call:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 08-03-2007 00:14:53
 :เฮ้อ:เฮ้อ ในที่สุดก็อ่านทันสักที
หลังจากใช้เวลาอยู่หลายวันตั้งแต่ภาคแรก

เรื่องนี้นี่ท่าทางจะยิงกันกระจายแน่ๆ เลย
ต้องเตรียมหาเสื้อเกราะมาใส่ พร้อมขุดหลุมหลบ :fox2:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: jammy ที่ 08-03-2007 09:29:31
หวังว่าตาภูคงไม่โดนจับตัวไปหรอกนะ  :haun5:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 08-03-2007 11:11:43

อย่ามายุ่งกะตาภูลูกชายอิฉันนะเคอะ

แต่ยังไงก็ไม่เชียร์แซมหรอกนะเพราะว่าเจ้หวง....จอม...ของเจ้

แล้วก็เคืองพี่เสือ :angry2:    ไมต้องมาพูดหนับหนุนตาแซมด้วยอะ  ไม่นะ  เจ้มะยอม!!  :serius2:


ปล.  เรื่องนี้ยิงกัน "น้ำเจี๊ยวไหล-ไฟดับเลย" อิอิ  :kikkik:

ปลล.  เขียนได้เป็นภาษไทยมากขึ้นแล้วเคอะ นู๋จ๋อม...(...จะให้เจ้เรียกป๋า  แต่สาวแตก ซะงั้น  เจ้เซ็ง!!)
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 08-03-2007 12:49:17

แปดโมงเช้าของวันใหม่.....

ละอองน้ำค้างยังคงติดอยู่ตามยอดไม้ แม้ว่าบางส่วนจะเหือดแห้งไป แต่ที่เหลืออยู่ก็กำลังสะท้อนแสงนวลของดวงอาทิตย์.......เกิดเป็นประกายสีรุ้งสวยงาม....น่ามอง

 ศิวะและจอมยุทธ์เลือกที่จะนั่งสบายๆรับแสงอรุณบนชุดเก้าอี้หวายกลางสวนสวยข้างสระว่ายน้ำ แม้เมื่อคืนที่ผ่านมาจะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่เป็นปกติหลายอย่าง แต่สองหนุ่มยังคงทำตัวตามสบายและชื่นชมไปกับบรรยากาศในตอนเช้าที่สดชื่น ท่ามกลางแสงแดดรำไรที่ส่องผ่านลงมาจากต้นไม้ขนาดใหญ่ที่ยืนต้นแผ่ร่มเงาอยู่

สองหนุ่มกำลังสาระวนอยู่กับการอ่านหนังสือพิมพ์หลายฉบับทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เพื่อติดตามเรื่องราวข่าวสาร การลงทุน และเรื่องราวน่ารู้ทั่วๆไป รวมถึงจิบกาแฟพร้อมกับขนมปังแผ่นเล็กๆพอดีคำที่แม่บ้านเตรียมไว้ให้ 

“อรุณสวัสดิ์ครับ พ่อเสือ...อาจอม” เสียงใสๆของภูฟ้า ทำให้ทั้งคู่ต้องหยุดอ่านหนังสือชั่วคราว หันหน้าไปทางต้นเสียง พร้อมส่งรอยยิ้มและประโยคทักทายไปยังเจ้าของเสียง ที่บัดนี้อาบน้ำแต่งตัวอย่างเรียบร้อย อยู่ในชุดเสื้อสีเหลืองสดมีลายการ์ตูนน่ารักพิมพ์อยู่บนเสื้อ และกางเกงขาสั้นสีขาวสะอาดตา

“อรุณสวัสดิ์ครับ.....ภู” ศิวะทักทายลูกชาย พร้อมรอยยิ้มกว้าง

“Bonjour!!! ” คุณอาหนุ่มเลือกที่จะทักทายหลานรักด้วยคำทักทายเป็นภาษาฝรั่งเศส

“Comment allez vous?” สบายดีมั้ยครับ คือประโยคที่คุณอาหนุ่มถามต่อมา

“Je vais bien” ภูฟ้าตอบกลับด้วยความรวดเร็วเพราะความเคยชินที่ได้พูดภาษานี้กับผู้เป็นอาบ่อยๆ

"Tr?s bien!!! Embrassez-moi"  สิ้นประโยค....หลานชายตัวน้อยก็เดินเข้าสู่อ้อมกอดของจอมยุทธ์ที่ตั้งท่ารอรับอยู่เต็มที่ แก้มทั้งสองข้างของหลานรักถูกหอมอย่างแผ่วเบา ก่อนที่ร่างเล็กๆของภูฟ้าจะถูกอุ้มขึ้นไปนั่งบนตักของคุณอาหนุ่มผู้ใจดี

“Avez-vous faim, mon neveu ?” จอมยุทธ์ถามหลานชายต่อด้วยความเป็นห่วง เพราะได้เวลาอาหารเช้าแล้ว

“Oui, j'ai faim maintenant, mon cher” ภูฟ้าตอบเสียงใส พร้อมกับลูบท้องบอกเป็นสัญญาณมือแสดงความหมายเช่นเดียวกับคำตอบว่าหิวแล้ว

“ภูจะทานอะไรครับ....จะทานข้าวต้มหรือขนมปังไส้กรอกครับ” ผู้เป็นพ่อถามขึ้นมาบ้างหลังจากนั่งฟังสองอา-หลานสนทนากัน.... รอยยิ้มอบอุ่นฉายชัดบนใบหน้าของศิวะเสมอยามเมื่อพูดคุยกับลูกชายตัวน้อย

“ทานข้าวต้มครับพ่อเสือ” ภูฟ้าตอบคำถามของบิดา โดยที่ยังคงอยู่ในอ้อมกอดของคุณอาหนุ่ม ซึ่งไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยหลานชายที่รักลงเป็นอิสระอย่างง่ายๆ

“ทำไมหลานชายอาตัวหอมจังเลยครับ...ใช้แป้งที่อาซื้อมาให้ใหม่หรือเปล่าครับ” จอมยุทธ์ไม่พูดเปล่า แต่กลับหอมแก้มใสๆของภูฟ้าอีกหลายที

จอมยุทธ์เป็นคนที่ใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆน้อยๆโดยเฉพาะสิ่งใดก็ตามที่เกี่ยวข้องกับภูฟ้า ไม่ว่าจะเป็นพวกเครื่องแต่งกายและของใช้ในชีวิตประจำวันต่างๆ เมื่อใดที่มีเวลาว่างจากการทำงาน จอมยุทธ์ก็มักจะไปเดินเลือกซื้อของใช้ต่างๆให้กับภูฟ้าด้วยตัวเอง สิ่งของเครื่องใช้ที่จอมยุทธ์เลือกซื้อนั้นจะเป็นของมีคุณภาพทั้งสิ้น โดยไม่จำเป็นต้องมีราคาแพงหรือเป็นของแบรนด์เนมแต่อย่างใด ขอเพียงแต่เป็นสิ่งของที่ทำให้หลานชายสุดที่รักของเขามอบรอยยิ้มที่หวานที่สุดในโลกมาให้ก็เพียงพอ

 “ครับผม” ภูฟ้าตอบสั้นๆ พร้อมหัวเราะเบาๆ เพราะรู้สึกจักจี้กับไรหนวดบางๆของคุณอาสุดหล่อที่ถูไถอยู่ข้างๆแก้ม เจ้าตัวน้อยเลยพยายามเอามือบางๆของตนปิดหน้าตัวเอง เพื่อไม่ให้ไรหนวดของคุณอาสัมผัสเข้าที่ใบหน้าของตน

“งั้นเดี๋ยวภูอยู่กับอาจอมก่อนนะครับ พ่อเสือไปเอาข้าวต้มมาให้ทาน” ศิวะได้จังหวะเอ่ยบอก หลังจากที่นั่งดูสองอาหลานหยอกล้อกันอย่างเป็นปกติในตอนเช้า

“ขอบคุณครับพ่อเสือ”

ศิวะเดินหายเข้าไปในบ้านราวห้านาที ก็กลับมาพร้อมกับถ้วยข้าวต้มปลาร้อนๆ ที่ส่งกลิ่นหอมน่ารับประทาน.... ภูฟ้ายังคงนั่งอยู่บนตักของจอมยุทธ์ และกำลังอ่านออกเสียงบทความภาษาอังกฤษในหนังสือพิมพ์ โดยที่จอมยุทธ์คอยช่วยอ่านคำศัพท์ยากๆที่เด็กน้อยไม่ทราบให้เป็นตัวอย่างหลังจากนั้นจึงให้ภูฟ้าออกเสียงตามให้ถูกต้อง

“Excuse me my dear, may I interrupt?” เสียงภาษาอังกฤษที่ฟังชัดเจนราวกับเจ้าของภาษาจากบิดา ทำให้ภูฟ้าต้องหยุดอ่านหนังสือชั่วคราว และเงยหน้าขึ้นมามองบิดาที่กำลังถือถ้วยข้าวต้มร้อนๆอยู่ในมือ
 
“พ่อเสือว่าพักก่อนดีกว่ามั้ยครับ.....ภูทานข้าวก่อนดีกว่านะครับ เดี๋ยวจะไม่อร่อย” ศิวะพูดพร้อมวางถ้วยข้าวต้มลงบนโต๊ะ

ภูฟ้าเป็นเด็กว่านอนสอนง่ายเสมอ เมื่อบิดาเสนอให้หยุด เด็กน้อยจึงหยุดตามข้อเสนอโดยไม่ลืมที่จะพับเก็บหนังสือพิมพ์ที่อ่านอยู่ให้เรียบร้อย

“เดี๋ยวอาจอมป้อนให้ดีกว่านะครับ ข้าวต้มร้อน เดี๋ยวจะลวกเอา” โดยปกติแล้วสองหนุ่มจะให้ภูฟ้ารับประทานอาหารด้วยตนเอง โดยจะมีการช่วยเหลือเป็นบางครั้งเช่นในกรณีที่อาหารยังคงร้อนจัดอยู่ หรือในกรณีที่ภูฟ้าไม่สะดวกที่จะรับประทานอาหารด้วยตนเอง

จอมยุทธ์ใช้ช้อนคนเบาๆลงไปในถ้วยข้าวต้ม พยายามพลิกข้าวให้ขึ้นมาสัมผัสกับอากาศเพื่อลดความอุณหภูมิความร้อนลง หลังจากนั้นจึงตักขึ้นมา พ่นลมเบาๆ เพื่อไล่ความร้อน ก่อนที่จะป้อนไปที่ริมฝีปากบางๆของภูฟ้า ที่ตอนนี้สลับที่นั่งไปนั่งบนตักของบิดาชั่วคราวเพื่อให้คุณอาป้อนข้าวได้ถนัด

จอมยุทธ์ค่อยๆป้อนข้าวต้มให้ภูฟ้ารับประทานอย่างช้าๆ....... ทุกๆช้อนที่ตักขึ้นมา จอมยุทธ์ใส่ความรักลงไปด้วยทุกครั้ง ก่อนที่จะป้อนไปสู่ริมฝีปากบางของหลานชาย

ขณะที่ลูกชายกำลังรับประทานอาหาร ศิวะก็เลือกที่หยิบเอาเรื่องราวของธรรมชาติรอบตัวที่น่าสนใจมาเล่าให้ภูฟ้าฟัง  ด้วยน้ำเสียงที่นุ่ม....ทุ้มกังวานของศิวะ จึงตรึงความสนใจของภูฟ้าไว้กับเรื่องราวนั้นๆ ภูฟ้าตั้งใจฟังเรื่องที่บิดาเล่าให้ฟัง และถามปัญหาต่างๆ ที่สนใจใคร่อยากรู้คำตอบ

หลังรับประทานอาหารเสร็จ จอมยุทธ์จึงรินน้ำจากเหยือกแก้วที่ตั้งอยู่บนโต๊ะใส่แก้วใบเล็กๆให้ภูฟ้าดื่ม และตามด้วยของหวานซึ่งเป็นขนมอบชิ้นๆเล็กๆที่แม่บ้านเตรียมไว้ให้ตั้งแต่เช้า

“วันนี้พ่อเสือกับอาจอมจะไปโรงแรมหรือเปล่าครับ” ภูฟ้าเคียงคอ เงยหน้าขึ้นถามบิดาที่นั่งอยู่ด้านหลัง

“วันนี้พ่อเสือกับอาจอมจะอยู่บ้านครับ...เสาร์อาทิตย์นี้ ทั้งอาจอม พ่อเสือ และตัวภูเองคงต้องอยู่แต่ในบ้านชั่วคราวก่อนนะครับ....” ศิวะเป็นฝ่ายตอบลูกชายตัวเล็ก

“ตอนสายๆ หรืออาจจะเป็นตอนบ่ายๆ อาจอมกับพ่อเสือคงต้องต้อนรับแขกหลายคน ภูก็ต้องอยู่ในบ้าน......อย่าเดินออกมานอกบ้านคนเดียวนะครับ” จอมยุทธ์พูดต่อ

“ครับผม....แต่วันนี้อาแซมจะมาที่บ้านเรามั้ยครับ” ภูฟ้าถาม เพราะเริ่มจะติดคุณอาคนใหม่เข้าเสียแล้ว

ศิวะยิ้มน้อยๆกับความช่างถามและความสนใจของภูฟ้าที่มีต่อสหายใหม่ของเขาอย่างนายพันตำรวจตรียุทธจักร....ชายหนุ่มที่ภูฟ้าเรียกว่าอาแซมจนติดปาก ....และเป็นชายหนุ่มที่อาจหาญจะมาเปิดประตูหัวใจของ บุคคลที่นั่งอยู่ตรงหน้าของเขา

“พ่อเสือว่าเดี๋ยวอาแซมคงจะเข้ามาตอนบ่ายๆ พร้อมลุงเอมั้งครับ”

“อืม...ภูครับ วันนี้พ่อเสือกับอาจอมคงจะวุ่นทั้งวันเลยนะครับ.........ภูต้องเป็นเด็กดี เล่นอยู่แต่ในบ้านกับคุณภานะครับ” ศิวะย้ำกับภูฟ้าอีกครั้ง

“ครับพ่อเสือ....ภูจะอยู่แต่ในบ้านครับ” ภูฟ้าให้คำสัญญา

“โอเค.....ลูกพ่อน่ารักจังเลย.... เดี๋ยววันนี้พ่อจะมีของขวัญให้ภูด้วย...รอให้พ่อกับอาจอมเสร็จธุระก่อนนะครับ....ส่วนตอนนี้พ่อของคุยธุระกับอาจอมก่อนซักพักนะครับ...ภูเข้าไปดูการ์ตูนในบ้านก่อนได้มั้ยครับ” ศิวะพูด พร้อมทั้งเอามือทั้งสองข้างจับลำตัวของบุตรชายให้ลงจากตักของตน....

ภูฟ้าปฏิบัติตามคำสั่งของบิดาอย่างว่าง่าย โดยหลังจากกล่าวลาบิดาและคุณอา เด็กน้อยจึงเดินเข้าในบ้าน

“จอมโทรศัพท์คุยเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนกับคุณพ่อหรือยัง” ศิวะถามภายหลังที่ภูฟ้าเดินเข้าบ้านไปได้ไม่นานนัก

บุคคลที่ศิวะเรียกว่า “คุณพ่อ” คือ คุณวิศรุต....บิดาของจอมยุทธ์ ผู้ที่ตอนนี้ผันตัวเองไปทำธุรกิจการแปรรูปผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรเพื่อส่งออกและบริโภคภายในประเทศ ธุรกิจใหม่ของคุณวิศรุตนั้นกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องวางมือจากงานบริหารโรงเบียร์ซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจต้นกำเนิดของครอบครัว โดยมอบหมายให้จอมยุทธ์มาบริหารอย่างเต็มตัว และไม่ลืมที่จะทิ้งลูกน้องคนสำคัญๆไว้บางส่วนเพื่อให้อยู่ช่วย

ในครอบครัวใหญ่ที่มีภูฟ้าเป็น “ศูนย์รวมของดวงใจ” นั้นประกอบด้วยสมาชิกหลายคน แน่นอนจำเป็นต้องมีศิวะและจอมยุทธ์ รวมถึงเหล่าคุณปู่ คุณย่า คุณทวด ซึ่งก็คือ บิดา-มารดาของศิวะ  บิดา-มารดาของจอมยุทธ์  และท้ายสุด บิดา-มารดา-คุณยาย ของบิดาที่แท้จริงทั้งสองของภูฟ้า

ทั้งสี่ครอบครัวสนิทสนมกันเป็นอย่างดี.....บรรดาเหล่าคุณปู่ คุณย่าและคุณทวด ต่างหลงรักและเอ็นดูภูฟ้าด้วยกันทั้งสิ้น ประมุขของแค่ละครอบครัวมีอัธยาศัยไมตรีซึ่งกันและกัน และไปมาหาสู่กันโดยสม่ำเสมอ ถึงขนาดเชื่อมโยงไปสู่การตัดสินใจรวมหุ้นทำธุรกิจร่วมกันทั้งสี่ตระกูล โดยงานนี้ผู้หลักผู้ใหญ่ทั้งหมดต่างเสนอตัวบริหารงานเองทั้งหมด เพราะต่างฝ่ายก็ได้มิตรแท้มาแนบกาย โดยปล่อยให้ธุรกิจดั้งเดิมของครอบครัวให้ลูกๆ ดูแลกันไป

ดังนั้นจึงไม่แปลกว่า ผู้อาวุโสทั้งหมดจะเห็นว่าศิวะและจอมยุทธ์เป็น “ลูกชาย” และภูฟ้าเป็น “หลานชาย” เสมอมา....และนั่นจึงเป็นสาเหตุให้ศิวะและจอมยุทธ์เรียกบิดา-มารดาของทุกคนว่า “คุณพ่อ” และ “คุณแม่” โดยไม่เคยแยกว่าใครเป็นใคร

“ผมคิดว่าจะโทรบอกท่านตอนได้ข้อมูลเพิ่มเติมจากพี่เอครับ” จอมยุทธ์ตอบคำถาม

“ก็ดีเหมือนกัน อย่าเพิ่งทำให้ท่านเป็นกังวลดีกว่า รอเราได้ข้อมูลว่าใครเป็นตัวการแล้ว ค่อยบอกท่านทีเดียวเลย” ศิวะสนับสนุนและกล่าวเพิ่มเติมตามความคิดของตน

“เดี๋ยวอ่านหนังสือเสร็จแล้ว....จะเข้าไปหาข้อมูลที่ห้องทำงานซักพัก และก็โทรสั่งงานที่โรงแรม รวมกับจัดการเรื่องบอดีการ์ดให้” ศิวะบอกงานที่เขาจะต้องทำให้เสร็จภายในเช้านี้ให้จอมยุทธ์ได้รับฟัง

“ครับ....ผมจะเข้าไปเซตระบบเหมือนกันครับ...พี่เสือเตรียมนาฬิกาไว้หรือยังครับ” จอมยุทธ์ถามเพราะต้องใช้นาฬิกาเรือนดังกล่าว

“อยู่ในห้องทำงาน..เดี๋ยวพี่เอาให้”

“ครับ”

ทั้งสองหนุ่มใช้เวลาอีกเพียงเล็กน้อยในการจัดการกับอาหารเช้ารวมถึงกาแฟให้หมด และตามด้วยนมสดอีกคนละแก้วเต็มเพื่อเพิ่มโปรตีนให้กับร่างกาย จากนั้นจึงเดินตรงเข้าไปในบ้านและมุ่งหน้าเข้าสู่ห้องทำงานชั้นใต้ดิน ทั้งศิวะและจอมยุทธ์ต่างเริ่มลงมือทำงานของตนอย่างรวดเร็ว...จนกระทั่งงานส่วนตัวเสร็จสิ้น ทั้งสองหนุ่มจึงมีเวลาทบทวนความรู้และความเข้าใจทั่วไปที่เกี่ยวข้องกับ “ระบบ” ตลอดจนพิจารณางานต่างๆ ที่ได้รับการติดต่อเข้ามา 

ศิวะและจอมยุทธ์ใช้เวลาอยู่ในห้องทำงานจนกระทั่งถึงเวลารับประทานอาหารเที่ยง แล้วจึงเดินขึ้นมาจากห้องทำงานเพื่อไปยังห้องครัวและร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับภูฟ้า หลังจากนั้นจึงอยู่รอนครินทร์ที่โทรศัพท์มาบอกตั้งแต่ตอนสายๆ ว่าจะพานายตำรวจผู้รับผิดชอบคดีเข้ามาพบในตอนบ่าย
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 08-03-2007 13:04:20
มีห้องลับใต้ดินด้วย นาฬิกาที่ว่านี่ คล้ายๆกะของเจมส์ บอนด์007อ๊ะป่าว
ชักจาเริ่มลุ้นระทึกขึ้นเรื่อยๆแย้วสิ
 :angry2:

นู๋ภูของเจ้สองน่ารักจัง เป็นเด็กว่านอนสอนง่าย
 :give2:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 08-03-2007 13:15:59
...............ตานู๋ภูฟ้าน่ารักจังเลย........... :give2: :give2:

........................อ่าแล้วชักอยากจะมีลุกเป็นของตัวเองแล้วดิ.......... :impress3: :impress3:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: jammy ที่ 08-03-2007 13:42:39
อยากให้ตาภูโตเป็นหนุ่มเร็วๆจังอิๆ ดูซิว่าจะหล่อขนาดไหน  :รักจัง11:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 08-03-2007 13:46:33
ภูฟ้าน่ารักจัง . . . แต่อยากรู้ว่าโตขึ้นจะชอบผู้หญิงรึผู้ชายหว่า :confuse:


ปล.รักพี่เสือที่ซู๊ดดดดดด
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 08-03-2007 15:25:02
 :give2: :give2: :give2: :give2:

สู้ๆ นะทุกคน  :loveu: :loveu: :loveu:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: RoosT ที่ 08-03-2007 16:58:25
 :impress: :impress: ภูฟ้า น่ารักจัง อิอิ

ถ้าบอกว่าชอบน้องภู นี่เค้าจะหาว่าเรา โชตะคอนเป่าเนี่ย  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 08-03-2007 18:23:12
รักเดะ ๆ อยากกิงเดะ ๆ กันใหญ่เลยยยยย  รักน้องภูด้วยคน  โตมาเป็นเฟอร์เฟกต์แมน  สงสัยจาชอบผู้ชายนา :give2:

จอมกับพี่เสือเก่งเนอะ  ตั้งระบบเป็นด้วย  ยิงปืนก็เก่ง ทำได้ไงอะ จาเก่งเกินละพระเอกของจ๋อม  :o

ต่ออ่านต่อน้า  หนุกดี ๆ ชอบ  :loveu:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 08-03-2007 20:15:56
หุหุ มีห้องลับใต้ดินด้วย
เรื่องนี้ไม่ธรรมดาจริง ๆ  :laugh3:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: kYos ที่ 08-03-2007 23:34:22
ภูฟ้าน่าร๊ากก
ตอนนี้ลงน้อยไปป่าวอะ  หุหุ.. :fox2:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 08-03-2007 23:40:16
เรื่องนี้นี่ท่าทางจะน้องๆ เจมส์บอนด์แน่ๆ เลย :kikkik:

ลุ้นๆ

น้องหนูภูน้อยก็น่ารักเจรงๆ  :5555:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 09-03-2007 00:30:13
Dear All,

As question about Bhufa has been raise for this sexual preference, though his smart daddy and friendly uncle are gay….. but somehow he will be only one straight in this lovely and warm family.

I dare not to make my little prince Phufa to be gay ….. if so, his father’s families will be ended eventually.  That will be sad for sure!!!!

I have planed to write the special chapter for Phufa and his girlfriend who is a medical doctor, in the near future after I finished the next story where his daddy and uncle will be there…. This mentioned story will reflect the sadly but successfully political movement of Shaikh Ashmal, as his attempt to seize out the extraordinary force that tries to colonize his small country in the Middle East. The story involves international politics, human right, democracy and finally the real bond of love between Shaikh Ashmal and the person he has given all his heart to….Vayu, a Thai pediatrician.

Anyway, let’s see how Phufa manages his love,…… and remember!!! He hates hospital the most!!!!!.....

By the way, this present story will be long way to go…..

Hope you all enjoy reading it….and walking along with the characters until everything reveals……

Regards

Andreas
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 09-03-2007 02:39:20
จะรออ่านนะค้าบบบบ  :impress2: :impress2: :impress2: :impress2:

ปล. คนเขียนสู้ๆ นะค้าบบบ  :loveu: :loveu: :loveu:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 09-03-2007 03:19:05
Phufa and his girlfriend who is a medical doctor
 :give2:
จริงเย๋อออออออ
 :รักจัง11:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 09-03-2007 03:25:24
จะรออ่านนะ :loveu:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: RoosT ที่ 09-03-2007 08:00:07
 :รักจัง11: โอ้ว ภูฟ้า จะมีเมียยยยย อิอิ ดีคับๆ ไม่ว่าเค้าจะเป็นแบบไหน ถ้าได้อยู่ในครอบครัวที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก มันก็ดีทั้งนั้นแหละคับ  :impress:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 09-03-2007 08:08:15
เอิ้กๆ แววแห่งความเจ็บปวดมาแว้ว ตาภูฟ้า
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 09-03-2007 12:46:00
ล่วงเข้าบ่ายกว่าๆ นครินทร์และยุทธจักรจึงเดินทางมาถึงพร้อมด้วยนายตำรวจระดับสารวัตรสองคนคือ พันตำรวจตรีอลงกรณ์ สารวัตรสืบสวนฯ และนายพันตำรวจตรีชาติตะวัน ตำแหน่งสารวัตรปราบปรามฯ ทั้งสองคนเป็นนายตำรวจผู้ควบคุมคดีนี้

หลังกล่าวคำทักทายและแนะนำตัวกันเสร็จสิ้นแล้ว นายตำรวจทั้งสองคนจึงถือโอกาสรายงานความคืบหน้าของคดีในเบื้องต้นให้จอมยุทธ์และศิวะได้รับฟัง

“เมื่อคืนนี้ผมนำกำลังเข้าจับกุมผู้ต้องสงสัยที่เกี่ยวข้องกับคดีได้เกือบทุกคนครับ ส่วนใหญ่เป็นพนักงานโรงงานทั้งสิ้น รวมถึงผู้จัดการฝ่ายขนส่งครับ” พันตำรวจตรีชาติตะวัน......สารวัตรปราบปรามเป็นฝ่ายรายงานให้ฟังเป็นคนแรก

“พนักงานสอบสวนได้รับข้อมูลว่า การขนถ่ายยาบ้าเกิดขึ้นมาแล้วไม่ต่ำกว่าห้าครั้งครับโดยใช้รถขนเบียร์เป็นพาหนะ .....ตัวการคนสำคัญที่จัดการเรื่องนี้คือหัวหน้าฝ่ายขนส่งครับ โดยได้รับสารภาพว่าร่วมกับลูกน้องอีกห้าคนรับจ้างขนส่งยาบ้าจากชายคนหนึ่งซึ่งเป็นหนึ่งในเจ้าหนี้พนันบอลไปส่งอีกที่หนึ่งตามที่ชายคนนั้นต้องการ” พันตำรวจตรีอลงกรณ์....สารวัตรสอบสวนฯรายงานต่อทันที

“เนื่องจากในเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การซัดทอดไปยังบุคคลอื่นที่ไม่ใช่คุณจอมยุทธ์ .......และผมได้ปรึกษากับท่านรองฯ แล้ว ผมขออนุญาตนำคุณจอมยุทธ์เจ้าสู่คดีในฐานะพยานครับ” พันตำรวจตรีอลงกรณ์ยังคงพูดต่อ

“ไม่มีปัญหาครับ” จอมยุทธ์ตอบ

“ทางชุดสอบสวนจะทำสำนวนคดีและส่งเรื่องฟ้องศาลโดยมีผู้ที่ถูกจับกุมเมื่อคืนที่ให้การรับสารภาพแล้ว เป็นจำเลย และมีคุณจอมยุทธ์เป็นพยาน และทางฝ่ายผมเป็นฝ่ายโจทก์ครับ...ขณะที่ดำเนินการฟ้องศาล ทางตำรวจจะทำการสืบสวนขยายผลหาผู้ที่เกี่ยวข้องหลักของยาบ้าชุดนี้ และทำการเพิ่มเข้าไปในสำนวนคดีในตอนหลังครับ.....ไม่ทราบว่าคุณจอมยุทธ์มีคำถามอะไรไหมครับ” สารวัตรสอบสวนฯหยุดพักการรายงานคดีชั่วคราว และทิ้งท้ายประโยคคำถามเอาไว้ 

“ผมพอจะทราบได้มั้ยครับ ว่ายาบ้าพวกนี้ถูกผลิตที่ไหนครับ” จอมยุทธ์ตั้งคำถามสั้นๆตรงไปตรงมา

สารวัตรทั้งสองคนหันหน้ามาสบตานครินทร์ในฐานะผู้บังคับบัญชาในทันที ก่อนจะได้รับสัญญาณอนุญาตให้ตอบคำถามได้ตามแต่เห็นสมควร

ดังนั้นสารวัตรปราบปรามฯจึงเป็นฝ่ายตอบคำถาม

“ดูจากชนิดและรูปแบบสัญลักษณ์ที่ปั้มบนเม็ดยาบ้า.....สามารถระบุได้ว่ายาบ้าชุดนี้ถูกผลิตโดยชนกลุ่มน้อยที่มีฐานที่ตั้งหรือโรงงานผลิตอยู่บริเวณเขตรอยต่อของประเทศไทย จีน และพม่าครับ ......”

“สารวัตรพอจะระบุได้ชัดเจนมั้ยครับว่าชนกลุ่มน้อยที่ผลิตยาบ้าชุดนี้คือกลุ่มไหนกันแน่ครับ” จอมยุทธ์ถามต่อเพราะคำตอบที่ได้รับกว้างมาก เนื่องจากชนกลุ่มน้อยที่อาศัยอยู่ตามชายแดนดังกล่าวมีหลายกลุ่ม โดยแต่ละกลุ่มจะมีศักยภาพต่างกัน

“จากข้อมูลที่มีอยู่ในตอนนี้ ก็น่าจะมุ่งเป้าไปที่กลุ่มกระเหรี่ยงแดง ภายใต้การนำของนายพล “ลู่เซอ” ครับ....ส่วนรายละเอียดการขนถ่ายและค้ายาในเมืองไทยนั้น ทางฝ่ายเรามีข้อมูลน้อยมากครับ เนื่องจากพวกนี้มีการทำงานที่รอบคอบและรัดกุมมาก ทางสายของตำรวจเองยังไม่สามารถเจาะเข้าไปในกลุ่มนี้ได้ครับ....”พันตำรวจตรีชาติตะวันพยายามตอบคำถามของจอมยุทธ์

“ข้อมูลที่เราได้จากตำรวจสากลคือพวกมันมักจะใช้ประเทศไทย ลาว และจีน เป็นแหล่งระบายยาบ้าและฟอกเงินกลับคืนไปสู่ฐานที่ตั้งครับ” สารวัตรสอบสวนให้ข้อมูลเพิ่มเติม

 “ลักษณะของพวกมันเป็นกลุ่มใหญ่มั้ยครับ...และวัตถุประสงค์ในการฟอกเงินกลับไปคืออะไรครับ” ศิวะที่นั่งฟังเงียบๆอยู่ตั้งแต่ต้นถามขึ้นมาบ้าง

“ผมสันนิษฐานว่าเป็นกลุ่มใหญ่พอสมควรครับ...แต่ในเรื่องการฟอกเงินนั้น ข้อมูลที่ผมมีอยู่ในขณะนี้ยังไม่เพียงพอที่จะตอบคำถามนี้ได้ครับ...เราคงต้องรอข้อมูลจากสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเพิ่มเติมครับ” สารวัตรสอบสวนเป็นฝ่ายตอบคำถามของศิวะ

“อืม....ครับ อย่างนั้นก็คงต้องรอกันซักพักมั้งครับ....ผมก็แค่สงสัยว่า กลุ่มกระเหรี่ยงแดงนี้คงจะมีเป้าหมายหลายอย่าง ทั้งการผลิตยาบ้าเพื่อจำหน่าย และการฟอกเงินกลับไปเพื่อเป็นทุนในการค้าและผลิตอาวุธสงคราม....โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ากลุ่มนี้เกี่ยวพันกับพวกกองกำลังแบ่งแยกดินแดนหรือกลุ่มก่อการร้าย.....ถ้าผมเดาไม่ผิด กลุ่มคนที่บุกเค้ามาในโรงงานคงเป็นพวกกระเหรี่ยงแดง.... ที่น่าสนใจก็คือพวกมันใช้อาวุธสงครามที่ยังคงใหม่มากและมีประสิทธิภาพสูง รวมถึงลักษณะการทำงานเป็นมืออาชีพอย่างแท้จริง” ศิวะพูดเปรยๆออกมา โดยประมวลข้อมูลเท่าที่ตนเองจะสังเกตเห็นเมื่อคืน

“ผมอาจคิดมากไปเองก็ได้ครับ....อย่าสนใจความคิดผมเลยครับ” ศิวะต้องรีบพูดต่อ เพราะสังเกตว่านายตำรวจที่นั่งฟังอยู่นั้นเริ่มชักสีหน้าแสดงอาการประหลาดใจ

ข้อสันนิษฐานที่ศิวะเปรยว่าเขาอาจจะคิดมากไปนั้น ฟังดูเผินๆอาจจะเกินจริง แต่กลับเป็นสิ่งที่ได้รับการสันนิษฐานไว้ก่อนหน้า....โดยฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสันนิษฐานในทำนองเดียวกันโดยอ้างอิงจากข้อมูลที่เก็บได้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่สำหรับศิวะซึ่งเป็นพลเรือนสามารถสันนิษฐานได้ละเอียดพอๆกับฝ่ายตำรวจ ทั้งๆที่ไม่ได้รับข้อมูลอะไรมาก่อนหน้านี้ สิ่งที่ศิวะรับรู้มีเพียงแต่ข้อมูลที่สังเกตได้จากเมื่อคืนวานเท่านั้น

ยุทธจักรที่นั่งฟังอยู่เงียบๆนั้นยอมรับว่าเขารู้สึกทึ่งในความสามารถในการวิเคราะห์สถานการณ์ของศิวะเป็นอย่างมาก และรู้สึกติดใจกับความสามารถพิเศษครั้งนี้

นครินทร์มีความรู้สึกเช่นเดียวกับยุทธจักร เขาอดไม่ได้ที่จะชื่นชมเพื่อนสนิทที่คบหามายาวนานต่อหน้านายตำรวจทั้งสาม

“ถ้าข้าไม่รู้จักแกมาก่อนนะเสือ...ข้าคิดว่าแกต้องเป็นนายตำรวจระดับเสธฯ แน่เลยว่ะ....แกวิเคราะห์สถานการณ์อย่างกับมืออาชีพ”

“ขอบใจว่ะ....ข้าแค่คิดเล่นๆ...อย่าชมข้าเลย” ศิวะรับโดยไม่คิดเป็นจริงเป็นจัง

 “จริงๆแล้วที่คุณศิวะกล่าวมาก็นับว่าน่าจะสอดคล้องกับสถานการณ์จริงครับ......แม้ว่าทางข้อมูลที่ผมมีอยู่จะยังฟันธงไม่ได้ว่ากลุ่มกระเหรี่ยงแดงนี้เชื่อมโยงกับขบวนการอะไรบ้าง....แต่ก็ดูเหมือนจะมีเหตุผลที่น่าเชื่อถือว่าพวกมันอาจเชื่อมโยงกับกลุ่มค้าอาวุธสงครามก็ได้ครับ...ยกตัวอย่างเช่น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน และชนิดของอาวุธสงครามที่พวกมันใช้อย่างคุณศิวะกล่าวมาตั้งแต่ตอนแรกครับ” สารวัตรปราบปรามได้โอกาสจึงกล่าวสนับสนุนข้สันนิษฐานดังกล่าว
หลังจากนั้นนายพันตำรวจตรีอลงกรณ์จึงอธิบายเพิ่มเติม

“แต่ในส่วนที่ว่ากองกำลังเมื่อคืนเป็นพวกกระเหรี่ยงแดงหรือไม่ ผมกำลังรอข้อมูลทางพันธุกรรมจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์อยู่ครับ ถ้าพบว่าข้อมูลของรหัสพันธุกรรมตรงกับข้อมูลที่ฝ่ายมั่นคงเก็บรวบรวมไว้..เราก็ฟันธงได้เลยว่ากลุ่มคนเมื่อคืนเป็นกองกำลังของนายพลลู่เซอจริงครับ”

“ถ้าข้อมูลสรุปได้ว่ากองกำลังชุดเมื่อคืนเป็นกลุ่มกระเหรี่ยงแดงจริง.... ก็หมายความว่า จอมยุทธ์.....น้องชายของผมซึ่งเป็นพยานในคดีนี้....กำลังตกเป็นเป้าของพวกกองกำลังต่างสัญชาติ......ที่เราแทบไม่มีข้อมูลอะไรเกี่ยวกับพวกมันเลยหรือครับ” ศิวะตั้งคำถามอีกครั้ง

สารวัตรทั้งสองต่างลอบถอนหายใจพร้อมๆ กัน เพราะตระหนักดีว่าสิ่งที่ศิวะพูดออกมานั้นถูกทุกประการ โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาข้อมูลต่างๆที่ได้รับมาจากหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาบ้าชุดนี้แล้ว พบว่าพยานและผู้เกี่ยวข้องในคดีก่อนๆ มีเหตุต้องหายตัวไปก่อนคดีจะสิ้นสุดทุกครั้งไป แน่นอนว่าทางตำรวจไม่สามารถจับสืบสาวไปถึงตัวการได้ ดังนั้นข้อมูลเกี่ยวกับขบวนการค้ายาบ้านี้จึงยังคลุมเครืออยู่มาก

“ก็อาจเป็นเช่นคุณศิวะสันนิษฐานครับ.....แต่ว่าในตอนนี้ท่านรองนครินทร์ได้ประสานไปยังหน่วยกำลังพลเพื่อขอตัวนายตำรวจติดตาม มาคุ้มครองคุณจอมยุทธ์จนกว่าคดีจะสิ้นสุดครับ...” ในที่สุดสารวัตรปราบปรามก็ต้องเอ่ยยอมรับ

“ในส่วนของคดีความนะครับ....ตั้งแต่นี้ต่อไปพวกผมคงต้องเข้าพบคุณจอมยุทธ์บ่อยมากขึ้นเพื่อสอบถามข้อมูลบางประการในเรื่องของรูปคดี หวังว่าคุณจอมยุทธ์คงไม่ขัดข้องนะครับ”   พันตำรวจตรีอลงกรณ์กล่าวต่อมาเพื่อให้จอมยุท์ได้รับทราบและจัดสรรเวลาได้อย่างเต็มที่

“ครับผม เชิญพบผมตามแต่สะดวกได้เลยครับ”

“ขอบคุณมากครับ” สารวัตรทั้งสองกล่าวขึ้นพร้อมกัน
 
“ถ้าไม่มีข้อสงสัยแล้ว.....ผมสองคนลาก่อนนะครับ...” สารวัตรหันหน้าไปสบตาทุกๆคนที่นั่งอยู่ หลังจากไม่มีปฏิกิริยาตอบรับ ทั้งสองจึงลุกขึ้นยืนและกล่าวลาเจ้าของบ้านอย่างศิวะและจอมยุทธ์ โดยไม่ลืมที่จะหันมาทำความเคารพผู้บังคับบัญชาโดยตรงอย่างนครินทร์เป็นการส่งท้าย
 
จอมยุทธ์รับอาสาเดินไปส่งสารวัตรทั้งสองขึ้นรถส่วนตัวที่หน้าบ้าน เขาปล่อยให้ศิวะนั่งคุยกับนครินทร์และยุทธจักรในห้องรับแขกต่อ
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 09-03-2007 12:48:01
“เสือ....บอกตามตรง....ข้าว่าจอมต้องระวังตัวให้มากว่ะ....อาจรวมถึงคนรอบข้างอย่างแกด้วย....งานนี้ ไอ้พวกฝ่ายโน้นมันมีฝีมือไม่ใช่เล่น ที่สำคัญข้าพอมีข้อมูลว่า พวกมันร้ายกาจพอควร.....” นครินทร์เลือกที่พูดสิ่งที่กังวลอยู่ให้ศิวะทราบตามความจริง เนื่องจากเห็นว่าเป็นการดีที่ศิวะจะรับรู้ไว้และคอยเป็นหูเป็นตาให้จอมยุทธ์ได้

“ผมก็คิดเหมือนพี่เอครับ..... ผมพอรู้มาบ้างเรื่องกองกำลังของนายพลลู่เซอ เพราะกองกำลังนี้กำลังถูกจับตามองอยู่โดยสภาความมั่นคงฯของเราและตำรวจสากลครับ...แต่ว่าข้อมูลที่เราได้มามีน้อยมาก...จนไม่สามารถระบุหรือติดตามความเคลื่อนไหวได้อย่างละเอียดครับ.....ข้อมูลส่วนใหญ่ ผมคิดว่าน่าจะอยู่ที่สำนักงานตำรวจสากลครับ และน่าจะเป็นข้อมูลที่ละเอียดว่าที่เรามีอยู่มาก เนื่องจากเก็บรวบรวมจากหลายประเทศครับ” ยุทธจักรพูดขึ้นมาบ้าง หลังจากเป็นผู้ฟังที่ดีมาตลอด

สาเหตุสำคัญที่ทำให้ยุทธจักรต้องเป็นเพียงแต่ผู้ฟังเพราะเนื่องจากเขาไม่มีขอบเขตหน้าที่ในคดีนี้ และตามระเบียบปฏิบัติแล้วนายตำรวจนอกพื้นที่อย่างเขาไม่สามารถแสดงความคิดเห็นใดๆได้ในคดีท้องถิ่น จนกว่าจะได้รับคำสั่งให้ปฏิบัติหน้าที่ในคดีนั้นๆ

แต่ในกรณีนี้เป็นการพูดคุยเป็นแบบฉันท์มิตรสหาย ยุทธจักรจึงสามารถให้คำแนะนำได้อย่างเต็มที่ เพราะถือว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดีความแต่อย่างใด

“ผมมองว่าเราต้องวิเคราะห์ประเด็นสถานการณ์ออกเป็นส่วนๆให้ละเอียดครับ.....ส่วนแรก....แน่นอนว่ายาเสพติดเหล่านี้คงมาจากกลุ่มนายพลลู่เซอจริง แต่มีคำถามที่น่าสนใจว่าพวกขบวนการค้ายาและสายยาในเมืองไทยนั้นมีความผูกพันลึกซึ้งกับกลุ่มกระเหรี่ยงแดงมากขนาดไหน.....ถ้าลึกซึ้งมากถึงขนาดสามารถขอกำลังคุ้มครองโดยตรงจากนายพลลู่เซอได้.....ก็หมายความว่าเรากำลังเจองานหนัก.....คำตอบของคำถามข้อนี้เราจะรู้ได้ทันทีที่ข้อมูลรหัสทางพันธุกรรมส่งมาถึง.....แล้วถ้าข้อมูลระบุว่ากองกำลังพวกนี้เป็นกองกำลังต่างสัญชาติจริง ก็หมายความว่า เรากำลังเผชิญอยู่กับกลุ่มก่อการร้ายแน่นอน......ซึ่งเราอาจต้องขอความร่วมมือจากตำรวจสากลในการสืบหาข้อมูลรวมถึงการปฏิบัติการอื่นๆ  แต่ถ้าพบว่ากลุ่มที่บุกเข้าไปในโรงงานเมื่อคืนเป็นกลุ่มคนไทย......ก็น่าจะสันนิษฐานได้ว่า พวกขบวนการค้ายาเสพติดในเมืองไทยนั้น ไม่ได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับกลุ่มกระเหรี่ยงแดง...ซึ่งในกรณีนี้เราอาจจะพอรับมือได้ง่ายกว่าเพราะน่าจะสืบหาต้นตอได้ไม่ยากและไม่ต้องพึ่งตำรวจสากลครับ” ยุทธจักรเริ่มพูดประโยคยาวๆ 

“ส่วนที่สอง........ผมคิดว่าคนที่เราจับตัวได้นั้นเป็นแค่พวกสายยาธรรมดาครับ โดยที่ตัวการใหญ่ของขบวนการยังคงไม่ถูกจับกุม..... คนๆนี้ต้องอยู่ระดับสูงพอสมควรที่สามารถสั่งกำลังติดอาวุธเข้าไปในโรงงานเมื่อคืนนี้ครับ........ลักษณะการทำงานของพวกมันคงมีสายคอยตรวจสอบการขนส่งยาอยู่ตลอดเวลา...โดยที่พวกคนที่รับหน้าที่ขนส่งยานั้นไม่ทราบเลยว่ากำลังถูกจับตามองอยู่ด้วย....ในกรณีที่มีข้อผิดพลาดต่างๆเกิดขึ้น คนพวกนี้จะส่งสัญญาณไปยังคนที่อยู่ตำแหน่งสูงกว่าเพื่อแก้ปัญหาต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว....สาเหตุที่ผมคิดเช่นนั้นเพราะพี่เอบอกผมตั้งแต่ตอนเช้าว่า คนที่ถูกจับนั้นไม่ทราบด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นที่โรงงานและไม่มีส่วนรู้เห็นกับกลุ่มคนติดอาวุธที่เข้าไปในโรงงานเลยครับ.........ดังนั้นถ้าเป็นอย่างที่ผมสันนิษฐานจริงๆ......คนที่เกี่ยวข้องจริงๆกับยาชุดนี้ยังคงลอยนวลอยู่พร้อมด้วยลูกสมุนอีกมากครับ.....และจอมน่าจะกำลังตกอยู่ในอันตราย เพราะผมว่าพวกมันคงไม่รามือแค่นี้แน่ๆ เนื่องจากมันไม่ได้เสียแค่ยาบ้าอย่างเดียว” ยุทธจักรพูดจบประโยคห้วนๆ ก่อนจะหันไปสบตากับนายตำรวจรุ่นพี่ ให้จัดการอธิบายต่อในเรื่องที่ทิ้งปมไว้

“อืม....ลุกน้องข้าตรวจดูแล้วว่ะ เสือ..... ว่าของกลางไม่ได้มียาบ้าอย่างเดียว มันมีผงขาวพวงมาด้วย เกือบสิบกิโล.....ตอนแรกข้าก็เพียงแต่คิดว่ามันส่งคนมาเอาของคืนเพราะเป็นยาบ้าลอตใหญ่ พวกมันไม่อยากขาดทุน แต่พอตรวจดูของกลางอย่างละเอียดแล้วพบผงขาว ซึ่งตีราคาแล้วสูงถึงห้าสิบล้าน ถ้ามันนำออกจากเมืองไทยได้  ค่ามันจะสูงกว่านี้อีก”

“แล้วทำไมสารวัตรสอบสวนฯไม่ได้เล่ารายละเอียดเรื่องผงขาวให้ข้ากับจอมฟังวะ” ศิวะติดใจกับประเด็นนี้จึงต้องรีบตั้งคำถาม

“เพราะว่าคดีมันจะซับซ้อนขึ้น และก็พวกฝ่ายสอบสวนเอง คงต้องการข้อมูลให้มากกว่านี้ซักหน่อย แล้วคงจะบอกในตอนหลัง....แต่ข้าคุยกับแซมมันก่อนหน้านี้ แซมมันเสนอให้ข้าบอกแก เพราะว่าจะทำให้แกเข้าใจสถานการณ์ได้ดีมากขึ้นและจะได้ระมัดระวังตัวได้ถูก” นครินทร์เป็นฝ่ายตอบ

 “แกพอจะมีข้อมูลของกองกำลังกระเหรี่ยงแดงนี้มั้ยเอ...เอาเท่าที่แกจะบอกข้าได้น่ะ” ศิวะเข้าใจถึงความอึดอัดของนครินทร์เป็นอย่างดีในเรื่องการให้ข้อมูลที่อาจเป็นความลับทางราชการแก่บุคคลภายนอก ดังนั้นเขาจึงออกตัวให้บอกเฉพาะข้อมูลที่บอกได้

“ข้อมูลส่วนใหญ่มันอยู่ที่กระทรวงกลาโหม และสำนักงานสภาความมั่นคงฯ เพราะมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับกองกำลังติดอาวุธ แต่ทางกรมตำรวจเองก็พอจะมีข้อมูลบ้าง ในส่วนของข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด เพราะกองกำลังนี้จะดูแลการผลิตและขนถ่ายของที่แนวตะเข็บชายแดนมาส่งให้กับคนจ่ายของ....หลังจากนั้นคนจ่ายของจะจ่ายของไปตามแต่ละสายที่มีอยู่ทั่วประเทศ......คนจ่ายของอาจจะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับกลุ่มกระเหรี่ยงแดงโดยตรงหรือไม่ก็ได้....แต่ว่าการจัดลำดับความสำคัญของคนจ่ายของนั้นเป็นขบวนการและเป็นระบบแบบร่างแห.......ที่น่าสนใจก็คือผู้ซื้อของและผู้ส่งของจะไม่มีส่วนรู้เห็นกับคนจ่ายของในระดับสูงๆเลย .....ดังนั้นในคดีที่ผ่านๆมา ตำรวจมักจะจับผู้ซื้อหรือผู้ส่งของได้เป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ไม่สามารถสาวไปถึงผู้จ่ายของได้ซักที รู้เพียงแต่ว่ามันผลิตที่ไหนและใครน่าจะเป็นตัวการสำคัญ ซึ่งข้อมูลพวกนี้เราได้มาจากหลายฝ่าย ทั้งฝ่ายรัฐบาลเพื่อนบ้านและ Interpol ด้วย” นครินทร์อธิบายอย่างชัดเจน 

“คนจ่ายของแหละที่สำคัญ เพราะน่าจะมีทั้งกำลังคุ้มครองและสั่งการทุกอย่างได้เต็มที่ โดยเฉพาะถ้ามันใกล้ชิดกับนายพลลู่เซอโดยตรง” นครินทร์พูดต่อเป็นประโยคสุดท้าย

“อืม...” ศิวะได้แต่พยักหน้าเบาๆ ภายหลังได้รับข้อมูลจากนครินทร์ 
 
“เป็นไปได้มั้ยครับที่คนที่โทรมาหาผมเมื่อคืนคือคนจ่ายของที่น่าจะอยู่ในตำแหน่งที่สูงพอสมควร” เสียงของจอมยุทธ์ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบที่เกิดขึ้นชั่วคราวของการสนทนา

ทั้งสามหนุ่มหันหน้าไปทางต้นเสียง  เห็นจอมยุทธ์เดินเข้ามาในห้อง และทิ้งตัวลงนั่งสบายๆบนเก้าอี้ข้างๆศิวะ .....

สีหน้าของจอมยุทธ์ยังคงเรียบเฉยไร้แววตกใจ แม้ว่าจะเดาได้โดยไม่ยากว่าจอมยุทธ์คงได้ยินรายละเอียดต่างๆของการสนทนาก่อนหน้านี้พอสมควร

“เป็นไปได้เลยทีเดียว...จอม” นครินทร์ตอบคำถาม

“พี่เอสนใจคนจ่ายของคนนี้ขนาดไหนครับ” จอมยุทธ์ถามกลับภายหลังใช้เวลาไม่นานในการครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

“บอกตามตรงจอม...พี่สนใจมาก เพราะคาดว่าคนคนนี้น่าจะเป็นคนสำคัญคนหนึ่งในขบวนการค้ายา และอาจจะช่วยให้เราได้รับข้อมูลเกี่ยวข้องกับกองกำลังกระเหรี่ยงแดงอีกด้วย อีกอย่างไม่ใช่แค่กรมตำรวจอย่างเดียวที่จะได้ประโยชน์ ทางฝ่ายสภาความมั่นคงฯก็น่าจะได้ข้อมูลที่น่าสนใจเนื่องกับการใช้อาวุธสงครามตามแนวชายแดนเช่นกัน” นครินทร์ตอบคำถาม

“แต่ว่าจอมถามทำไมหรือครับ” นครินทร์ย้อนถามกลับมา เพราะค่อนข้างแปลกใจในคำถามนี้

“ผมเพียงแค่อยากเสนอแนะอะไรบางอย่างครับ....ว่าตอนนี้เรามีโอกาสที่จะบังคับให้คนที่อยู่ในมุมมืดที่เรามองไม่เห็นตัว ออกมาอยู่ในที่สว่างๆซักหน่อย ให้เราเห็นตัวได้ง่าย เราจะได้ทำงานกันได้สะดวกมากขึ้น” จอมยุทธ์พูด

“จอมจะใช้ตนเองเป็นเหยื่อล่อหรือครับ” ยุทธจักรที่จับความคิดของจอมยุทธ์ได้เร็วพอๆกับศิวะถามออกมาอย่างรวดเร็ว ตรงกันข้ามกับศิวะที่ยังคงนิ่งเฉยแต่ก็หันไปสบตาจอมยุทธ์  
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 09-03-2007 13:04:37
อันตรายอ่ะ อย่าใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล้อเลย

ถ้าเป็นอะไรไปแล้วพี่แซมจะอยู่ได้ไง :sad4:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 09-03-2007 13:26:21
 :o อย่าทำไรเสี่ยงมากนะจอม

ขอให้ปลอดภัยนะทุกคน  :call: :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 09-03-2007 13:31:41
หั้ยพี่แซมไปคุ้มกันด่วน..... :13223: :13223:

.............จอมจะได้เปิดใจมากกว่านี้..... :5555: :5555:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 09-03-2007 13:54:02
ใช้ตัวเองเปงเหยื่อล่อ วิธีนี้ใช้ได้ผลดีแต่เสี่ยงง่ะ   :serius2:
แต่ไม่แน่วิธิอาจจะทำให้แซมได้กลายเป็นฮีโร่ เผื่อจอมพลาดพลั้ง คิคิ :kikkik:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 09-03-2007 18:29:02
อืม  รออ่านต่อแล้วกัน  แผนการให้จอมเป็นเหยื่อล่อ
ขอให้ปลอดภัย  แต่มันคงมีเหตุการณ์อะไรตามมาอีกละสิ  เผชิญหน้ากับความน่ากลัวซะแล้นน

รออ่านต่อจ้า  :impress:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 09-03-2007 19:07:05
หุหุ ใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อ  :laugh3:
เป็นโอกาสดีของแซมที่จะทำคะแนน ปกป้องจอมด้วยชีวิต  :give2:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 09-03-2007 19:11:58
มารออ่านจ้า :yeb:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: kYos ที่ 09-03-2007 21:15:08
 :เฮ้อ:... เครียด!
สู้ๆนะงับ จอมยุทธ์ พี่แซมด้วย :impress:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 09-03-2007 23:24:51
จอมจะใช้ตัวเข้าล่อ...

เอ่อ....เอาใหม่ๆ

จอมจะใช้ตัวเป็นเหยื่อล่อ...

คราวนี้พี่แซมมีโอกาสทำคะแนนแล้วเว้ย :yeb:

แต่หวังว่าคงไม่เกิดอะไรที่เลวร้ายหรอกนะ :call:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 10-03-2007 15:11:20
“จอมจะใช้ตนเองเป็นเหยื่อล่อหรือครับ” ยุทธจักรที่จับความคิดของจอมยุทธ์ได้เร็วพอๆกับศิวะถามออกมาอย่างรวดเร็ว ตรงกันข้ามกับศิวะที่ยังคงนิ่งเฉยแต่ก็หันไปสบตาจอมยุทธ์

จอมยุทธ์พยักหน้าเบาๆ พร้อมเสียงตอบรับอย่างหนักแน่น

“ครับ”

“มันอันตรายเกินไป...จอม” นครินทร์พูดขึ้นทันทีอย่างรวดเร็ว แม้ใจหนึ่งก็เห็นด้วยกับความคิดของจอมยุทธ์แต่อีกใจหนึ่งก็เกรงว่าจะเป็นการเสี่ยงอันตรายเกินไป ลำพังแค่ตั้งรับเฉยๆก็เสี่ยงพอดูอยู่แล้ว ถ้าต้องทำตัวเป็นเหยื่อล่ออีกความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นทวีคูณ

“แต่มันก็เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดที่ทำให้เรามีโอกาสทราบว่าใครคือคนจ่ายของไม่ใช่เหรอครับ” จอมยุทธ์ตั้งประเด็นสวนกลับอย่างสุภาพ

“มันก็จริงอยู่..จอม...แต่พี่อยากจะหาทางอื่นดีกว่า” นครินทร์พยายามไกล่เกลี่ยให้จอมยุทธ์ล้มเลิกความตั้งใจ และหันมาตั้งคำถามใส่ศิวะ โดยหวังว่าศิวะจะช่วยพูดเข้าข้างตนเองและล้มล้างความคิดเดิมของจอมยุทธ์

“เสือ...แกคิดว่าอย่างไร”

“บอกตามตรงว่ะ....ข้าเห็นด้วยกับจอม เพราะว่าถ้าเราตั้งรับ...เราต้องตั้งรับอยู่ตลอด จะยาวนานขนาดไหนก็ไม่รู้  ...สู้เสี่ยงซักหน่อย บังคับให้มันเปิดเผยตัวเลยดีกว่า มันเร็วดี”

คำพูดของศิวะทำให้นายตำรวจทั้งสองคนแปลกใจอีกครั้ง เพราะคิดไม่ถึงว่าศิวะที่เป็นคนรอบคอบจะเห็นด้วยกับความคิดเสี่ยงอันตรายที่จอมยุทธ์เสนอมา ...นครินทร์ถึงกลับแสดงสีหน้าแปลกใจอย่างเปิดเผย สำหรับยุทธจักรนั้นยังคงนิ่งเงียบอยู่เหมือนเดิม เพียงแต่ก็หันมาสบตาทั้งศิวะและจอมยุทธ์

จอมยุทธ์ใจชื้นขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำสนับสนุน เนื่องจากตอนแรกยังไม่แน่ใจว่าศิวะจะเห็นด้วยประการใด เพราะไม่ได้ปรึกษาหารือกันมาก่อนล่วงหน้า ...แต่ในตอนนี้จอมยุทธ์มั่นใจแล้วว่าศิวะเห็นด้วยกับความคิดของตน เพราะการอยู่ในที่สว่างนั้น จะตกเป็นเป้าสังเกตอย่างง่ายดายของคนที่ซ่อนอยู่ในมุมมืด แม้ว่าคนในที่สว่างจะป้องกันตัวอย่างแน่นหนา แต่โอกาสพลาดก็มีสูงเพราะไม่ทราบว่าคนที่อยู่ในมุมมืดจะมาไม้ไหน หนทางเสมอภาคมีทางเดียว คือ บังคับให้พวกที่อยู่ในความมืดออกมาสู้กันในที่สว่างๆ ให้รู้เล่ห์และทันกัน....

“มันก็อาจจะเสี่ยงก็จริง....แต่ข้ามั่นใจว่า ท่านรองฯผู้กำกับอย่างแก รวมถึงหัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษ จากสำนักงานกองบัญชาการ (ร่วมพิเศษ) ต่อต้านการก่อการร้ายและอาชญากรรมรุนแรง......อย่างแซม ร่วมมือกันแล้ว....น่าจะไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง” คำพูดของศิวะแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมที่มอบให้แก่เพื่อนสนิทและสหายใหม่....นายพันตรีผู้สุขุม และเป็นชายหนุ่มที่กำลังตกหลุมรักน้องชายหน้าหวานของเขาอย่างถอนตัวไม่ขึ้น

สิ่งที่แฝงอยู่ในคำพูดของศิวะนั้นมิได้มีแค่ความมั่นใจอยู่เพียงอย่างเดียว.....แต่กลับมีการวางหมาก...วางทางเดินไว้ให้คนสามคนอย่างแยบยล

การดึงเอายุทธจักรเข้ามาในแผนครั้งนี้นั้น คือการวางหมากครั้งสำคัญที่จะช่วยให้ยุทธจักรได้ใกล้ชิดจอมยุทธ์มากและบ่อยครั้งขึ้น มิใช่แค่เพียงวันหยุดสุดสัปดาห์อย่างเช่นในปัจจุบัน..... ศิวะหวังว่าการที่สองหนุ่มได้ใกล้ชิดกัน จะเป็นหนทางที่จะช่วยให้จอมยุทธ์เปิดใจตัวเองบ้าง และที่สำคัญศิวะมั่นใจว่ายุทธจักรจะปกป้องจอมยุทธ์ ราวกับปกป้องหัวใจของตนเอง.....

หมากตัวที่สองที่ศิวะวางคือ การแทรกความคิดที่จะดึงเอาตัวยุทธจักรเข้ามาในแผนการล่อเสือออกจากถ้ำที่จำเป็นต้องใช้บุคลากรที่มีประสิทธิภาพและมีความชำนาญในเรื่องยุทธวิธีต่างๆตลอดจนมีประสบการณ์เพื่อทำให้แผนประสบความสำเร็จและอุดช่องโหว่ต่างๆที่จะเกิดขึ้น ....

ในการนี้นครินทร์สามารถส่งหนังสือถึงผู้บังคับบัญชาของยุทธจักร เพื่อขอการสนับสนุนในด้านที่จำเป็นต่างๆ โดยอาจจะระบุชื่อยุทธจักรไปโดยตรงหรือไม่ก็ได้......ที่สำคัญนครินทร์สามารถอ้างเหตุผลความจำเป็นหลายอย่างเพื่อให้การอนุมัติเป็นไปอย่างรวดเร็ว  เช่นว่าแผนการนี้อาจก่อให้เกิดประโยชน์ในการตอบโต้ขบวนการก่อการร้ายหรือขบวนการค้าอาวุธสงคราม ซึ่งเป็นเฟืองตัวสำคัญของกลุ่มก่อการร้าย ที่กำลังก่อเหตุวินาศกรรมต่างๆ อยู่ในภูมิภาคเอเชียซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วยในขณะนี้

“ข้ายังไม่รับปากอะไรทั้งนั้น.....ขอข้าปรึกษากับเจ้านายและแซมมันดูก่อนดีกว่า” แม้คำพูดของศิวะจะสร้างความภูมิใจให้กับนครินทร์รวมถึงช่วยให้มองเห็นช่องทางที่เป็นไปได้ แต่ก็ทำให้นครินทร์รู้สึกกดดันอยู่พอสมควรเนื่องจากแผนการครั้งนี้จะเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของคนที่เขาสนิทสนมราวน้องชายเช่นจอมยุทธ์ นครินทร์จึงต้องคิดหนักและวางแผนงานอย่างรอบคอบ

“ผมยังไม่มีความเห็นใดๆในตอนนี้เช่นกันครับ คงต้องรอข้อมูลอีกหลายอย่างทั้งเรื่องรหัสพันธุกรรม ที่สำคัญผมต้องมีข้อมูลสนับสนุนหลายๆด้าน เพื่อไปเสนอเจ้านาย เพื่อประกอบการตัดสินใจในการให้การสนับสนุนต่างๆ
ครับ.....แต่ผมสัญญาว่า ถ้าแผนการนี้ถูกกำหนดขึ้นมาจริง...ผมยินดีปกป้องจอมอย่างเต็มที่ครับ...ไม่ให้เสียทีที่พี่เสือไว้ใจครับ” ยุทธจักรอธิบายในตอนแรกและรับปากหนักแน่นในประโยคสุดท้ายด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความจริงจัง.......แม้ว่าแผนการนี้จะเสี่ยงอันตรายอยู่มาก แต่ถ้ายุทธจักรมีโอกาสเข้ามาอยู่ใกล้หัวใจของตนเองอย่างจอมยุทธ์นั้น ยุทธจักรมั่นใจและพร้อมเสมอที่จะปกป้องคนที่เขารักเสมอ.....

ศิวะและนครินทร์อมยิ้มเล็กน้อย หลังได้ยินหนุ่มหน้าเข้มเจ้าของเรือนร่างสูงใหญ่พูดความในใจของตนออกมาอย่างหนักแน่น ทั้งคู่ตระหนักได้ในทันที่ว่า ยุทธจักรนั้นรักและเป็นห่วงจอมยุทธ์มากเพียงใด...แม้เวลาที่รู้จักกันจะสั้นนัก....แต่ยุทธจักรก็พิสูจน์ให้เห็นความตั้งใจผ่านทั้งน้ำเสียงและแววตา

ฝ่ายจอมยุทธ์ที่ถูกอ้างถึงในประโยคที่สุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะเกิดอาการหน้าแดงเพราะความเขิน แต่เขาก็พยายามข่มมันไว้ไม่ให้ใครเห็น เพราะว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา จอมยุทธ์รับบทบาทเป็นผู้ปกป้องเสมอ ไม่เคยเลยที่จะกลายเป็นผู้ถูกปกป้องเสียเอง....

เพื่อแก้เขินจอมยุทธ์จึงพยายามเปลี่ยนบทสนทนาโดยดึงความสนใจของทุกคนกลับมาที่แผนการอีกครั้ง

“ผมไม่ได้รีบร้อนอะไรครับ....เชิญพี่เอกับพี่แซมปรึกษากันตามสบายครับ...ถ้าได้ข้อสรุปอย่างไรก็รบกวนบอกผมด้วยครับ....อย่างไรเสียผมจะไม่เปลี่ยนใจแน่ครับ” จอมยุทธ์กล่าวทิ้งท้าย

“โอเคครับ...พี่จะรับไว้พิจารณาและจะบอกอีกที.....ตอนนี้คงต้องขอตัวก่อน เพราะต้องไปดูลูกน้องที่ยังอยู่ที่โรงงาน คอยตรวจรถขนเบียร์ที่ตีกลับมาทั้งหมด” นครินทร์กล่าวขอตัวกลับเพราะความจำเป็นดังกล่าว

“ผมต้องไปด้วยมั้ยครับพี่เอ...”จอมยุทธ์ถามเผื่อว่าเขาจะช่วยอะไรได้บ้าง

“ไม่เป็นไรจอม.....ลูกน้องพี่เฝ้าอยู่โรงงานตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว รวมถึงกำลังเสริมก็เข้าไปเปลี่ยนตั้งแต่เมื่อเช้า.....อีกอย่างหัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยก็อำนวยความสะดวกต่างๆได้เป็นอย่างดี....จอมอยู่ที่บ้านก่อนดีกว่าอย่าเพิ่งออกไปไหน ...”

“แซม...แกจะไปโรงงานหรือจะอยู่ที่นี่ล่ะ” นครินทร์ลุกขึ้นยืน ก่อนจะหันหน้ามาถามยุทธจักร

“ผมอยากขออยู่เล่นกับตาภูซักพักครับ...” สายตาและคำตอบของยุทธจักรคือคำขอกลายๆที่ทำให้ศิวะต้องรับลูกส่งอย่างรวดเร็ว

“ตามสบายครับแซม...เมื่อเช้าตาภูก็บ่นถึงแซมเหมือนกัน”

“งั้นข้าไปโรงงานก่อนนะเสือ...ถ้ามีอะไรคืบหน้าจะโทรมาบอก...พี่ไปก่อนนะจอม....” นครินทร์กล่าวคำอำลาและเดินออกจากห้องรับแขกออกไป โดยมีจอมยุทธ์ตามไปส่งอีกเช่นเคย และปล่อยให้ศิวะและยุทธจักรนั่งคุยกันต่อในห้องรับแขก

“พี่เสือครับ....ผมขอพี่เสือช่วยพาผมเดินดูบริเวณรอบๆบ้านหน่อยได้มั้ยครับ....เมื่อวานผมเขามาเสียเย็นเลยไม่ได้เห็นเต็มตาครับ.......แต่คิดว่าต้องสวยมากแน่นอนครับ”

“ได้ครับ.....” ศิวะรับคำอย่างว่าง่าย เพราะไม่คิดว่ายุทธจักรจะคิดแต่เดินชมบ้านเพียงอย่างเดียว แต่จะมีเหตุผลอะไรอีกนั้น เขามั่นใจว่าภายหลังการทัวร์เสร็จสิ้น เขาจะต้องรับรู้อย่างแน่นอน
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 10-03-2007 15:12:31
บ้านของศิวะตั้งอยู่ภายในคลับเฮ้าส์ที่มีชื่อเสียงของเชียงใหม่ ก่อสร้างโดยบริษัทเชียงใหม่คลับเฮ้าส์โปรดักชั่นซึ่งเป็นบริษัทในเครือ “รัตนพงศ์คิรีกรุ๊ป” ที่บริหารงานโดยพี่ชายคนรองของศิวะ

พื้นที่ทั้งหมดของคลับเฮ้าส์ตั้งอยู่กลางพื้นที่ขนาดใหญ่ล้อมรอบด้วยทุ่งนาสีเขียวสด ด้านหลังสุดของพื้นที่คือแม่น้ำขนาดกลางที่กั้นระหว่างทุ่งนาและชายเขาที่เป็นแหล่งกำเนิดของแม่น้ำสายนี้

ลักษณะของคลัปเฮ้าส์นี้จะแบ่งออกเป็นสองโซน โดยโซนแรกเป็นโซนของบ้านสองชั้นขนาดกลางที่ก่อสร้างเรียงรายกันอยู่รอบๆ สระน้ำขุดขนาดใหญ่ตรงกลางหมู่บ้าน รอบๆสระน้ำจัดแต่งเป็นสวนหย่อมไว้สำหรับนั่งเล่นรับลมเย็นๆ และมีการกันพื้นที่ด้านในสุดไว้สำหรับออกกำลังกายกลางแจ้งติดกับรั้วคอนกรีตสูงของโซนที่สอง

อาณาเขตของบ้านแต่ละหลังในโซนแรกจะถูกกำหนดโดยรั้วคอนกรีตฉาบปูนสีขาวสดสูงประมาณหนึ่งเมตรด้านบนต่อเป็นรั้วไม้ซี่ห่างๆ สีน้ำตาลเข้ม ความสูงประมาณห้าสิบเซนติเมตร ทั้งนี้เพื่อให้ผู้ที่อาศัยอยู่ในบ้านสามารถมองเห็นทัศนียภาพนอกบ้านและในขณะเดียวกันก็ยังคงรักษาความเป็นส่วนตัวไว้ได้

ถัดจากโซนแรก หลังผ่านจุดตรวจของพนักงานรักษาความปลอดภัยอีกชั้นหนึ่งจะเป็นโซนของบ้านขนาดใหญ่ จำนวนทั้งสิ้น 5 หลัง โดยบ้านแต่ละหลังจะตั้งอยู่บนพื้นที่ขนาด 2500 ตารางเมตร อาณาบริเวณบ้านถูกกั้นโดยรั้วสูงกว่าสองเมตร ด้านบนของรั้วมีการติดตั้งลวดไฟฟ้าเพื่อรักษาความปลอดภัย.....พื้นที่สาธารณะของโซนนี้ที่มีเหลืออยู่ไม่มากคือที่ตั้งของถนนวงเวียนที่มีน้ำพุขนาดใหญ่ตั้งอยู่เพื่อความสวยงาม

บ้านทั้งห้าหลังที่กล่าวมานี้ก่อสร้างอย่างสวยงามและทันสมัย รอบๆบ้านตกแต่งด้วยไม้ดอกและไม้ใบรวมถึงต้นไม้ขนาดใหญ่อย่างลงตัว องค์ประกอบที่ทำให้คนในบ้านดำรงชีวิตอยู่ด้วยความเป็นสุขถูกบรรจุไว้ในพื้นที่กว้างขวางนี้อย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นสระวายน้ำทั้งของเด็กและผู้ใหญ่ น้ำตกจำลอง สนามหญ้าสีเขียวสด และโรงรถที่บรรจุรถได้หลายคัน รวมถึงสวนหย่อมสวยทั้งหน้าและหลังบ้าน

หนึ่งในห้าของบ้านที่สวยงามเหล่านั้นคือบ้านของศิวะ จอมยุทธ์และภูฟ้า โดยที่เหล่าคุณปู่-คุณย่าของภูฟ้าลงขันกันซื้อบ้านหลังนี้ด้วยเงินสดมูลค่าหลายสิบล้านบาทเพื่อรับขวัญหลานชายหลังจากกลับมาจากอังกฤษ โดยที่ไม่เกี่ยงงอนหรือขอสิทธิพิเศษในการลดราคาจากพี่ชายของศิวะแต่อย่างใด เพราะทุกฝ่ายต่างลงความเห็นกันว่าเรื่องส่วนตัวกับธุรกิจต้องแยกออกจากกันให้ได้

“ด้านหลังบ้านของพี่เสือติดกับอะไรครับ” ยุทธจักรถามขึ้นภายหลังเดินสำรวจความสวยงามของบ้านมาได้พักใหญ่ และสุดท้ายมาหยุดอยู่ที่สวนหลังบ้าน 

“ถัดจากรั้วบ้านก็เป็นทุ่งนาครับ ถัดจากทุ่งนาอีกก็เป็นแม่น้ำขนาดกลางติดชายเขาครับ.....” ศิวะตอบอย่างสบายๆ

“ไกลมั้ยครับกว่าจะถึงชายเขา” ยุทธจักรถามต่อ

“ประมาณห้าร้อยเมตรครับ”

“บ้านพี่เสือนี่ปลอดภัยมากเลยนะครับ....” ยุทธจักรกล่าวชม...จริงๆแล้ววัตถุประสงค์ในการเดินชมบ้านของเขามิใช่เพื่อความบันเทิงเพียงอย่างเดียว แต่เพื่อประเมินความปลอดภัยของคนที่อยู่ในบ้าน ในกรณีที่อาจจะถูกจู่โจมจากผู้ไม่หวังดีต่างๆ ด้วย

ยุทธจักรสามารถสรุปได้ว่า....จุดเด่นของบ้านหลังนี้นอกจากจะสวยงามแล้ว ยังอยู่บนทำเลที่ปลอดภัย เพราะเป็นบ้านหลังตรงกลางขนาบกับบ้านอีกสองหลังทั้งซ้ายและขวา รั้วรอบๆบ้านเป็นรั้วคอนกรีตสูงแข็งแรงและมีระบบสายลวดไฟฟ้าป้องกันไม่ให้คนปีนขึ้นมาได้

ด้านหน้าสุดของบ้านคือสนามสีเขียวกว้างที่สามารถมองเห็นบริเวณรอบๆบ้านได้อย่างชัดเจน นอกจากนั้นการที่จะเข้ามาในบริเวณประตูหน้าบ้านของศิวะได้จะต้องผ่านพนักงานรักษาความปลอดภัยถึงสองชั้นด้วยกัน........จุดที่น่าจะเป็นจุดด้อยที่สุดของบ้านน่าจะเป็นด้านหลังที่ติดกับทุ่งนา แต่เมื่อพิจารณารั้วคอนกรีตสูงแข็งแรงที่ติดตั้งลวดไฟฟ้าไว้ด้านบนแล้วนั้น กลับลดจุดด้อยลงไปได้มากทีเดียว

“อย่างนี้ผมคงสบายใจแล้วว่า พวกที่กำลังจ้องเล่นงานจอม คงหาทางเข้ามาวุ่นวายในบ้านโดยตรงไม่ได้แน่นอน” แซมต้องกล่าวเพิ่มเติม เพราะเห็นใบหน้าที่ปรากฏคำถามของศิวะ

“ขอบคุณครับ....แซมมีข้อแนะนำเพิ่มเติมมั้ยครับ...หลังจากสำรวจมาจนทะลุปรุโปร่งหมดแล้ว” ประโยคแซวเล่นเบาๆ จากศิวะ เรียกรอยยิ้มของยุทธจักรออกมาจนได้....เขาทราบได้ทันทีว่าศิวะคงเดาออกว่าเขากำลังเดินสำรวจความปลอดภัยของบ้านหลังนี้ แทนที่จะชื่นชมความงดงามที่มีอยู่

“ผมคงไม่มีอะไรแนะนำแล้วครับ....คนออกแบบบ้านนี้ตั้งแต่แรกคงคำนึงถึงความปลอดภัยเบื้องต้นไว้อย่างดีเลยครับ....” ยุทธจักรกล่าวชมอีกครั้ง โดยหารู้ไม่ว่าหนึ่งในผู้ออกแบบบ้านหลังนี้คือคนที่เขากำลังพูดคุยอยู่ด้วย

“ประตูหน้าบ้านที่เป็นอัลลอยด์แข็งแรงขนาดไหนครับพี่เสือ” ยุทธจักรถามต่อเพราะเพิ่งนึกได้ว่า ประตูหน้าบ้านอาจเป็นจุดด้อยอีกจุดหนึ่ง

“ทำจากเหล็กแท้ครับ....น่าจะแข็งแรงพอสมควร.....ผมว่าถ้าใครขับรถชน คงต้องชนหลายครั้งหน่อยครับ กว่าจะพังประตูเข้ามาได้” ประโยคคำตอบของศิวะเรียกรอยยิ้มได้จากยุทธจักรอีกครั้ง เพราะดูเหมือนศิวะจะเดาใจเขาได้เป็นครั้งที่สอง

“พี่เสือรู้มั้ยครับ...ถ้าผมไม่ทราบว่าพี่เสือเป็นอาจารย์สอนหนังสือนี่...ผมว่าพี่เสือต้องเป็นทหารหรือตำรวจแน่เลยครับ....ผมนับถือพี่เสือจริงๆครับ” ยุทธจักรอดไม่ได้ที่กล่าวชมออกมา

“ผมชอบอ่านเรื่องราวสืบสวนสอบสวนก็เท่านั้นแหละครับ...ไม่มีอะไรมาก” ศิวะอธิบายความสงสัยของนายพันตรีหนุ่ม

“แต่ว่า.......เดี๋ยวผมจะขึ้นไปหาตาภู....แซมจะขึ้นไปด้วยมั้ยครับ..หรือว่าจะเดินเล่นก่อน” ศิวะเอ่ยขอตัว เพราะทิ้งภูฟ้าให้อยู่กับพี่เลี้ยงเกือบทั้งวัน

“ไปหาตาภูกับพี่เสือดีกว่าครับ”

ศิวะพายุทธจักรเดินเลาะสวน ผ่านสระว่ายน้ำ กำลังจะเข้าไปในบ้านทางประตูข้าง...แต่กลับพบว่าจอมยุทธ์กำลังเดินสวนออกมาพร้อมกับภูฟ้าพอดี
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 10-03-2007 15:26:38
............สำรวจบ้านเอาไว้ลอบเข้าบ้านอ่ะเป่า...... :laugh5: :laugh5: :laugh5:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 10-03-2007 15:32:29
 :laugh5: ขำน้องถุงอ่ะคิ ได้ไง
สำรวจเผื่อจาได้เข้ามาอยู่เองซะมากกั่ว :kikkik:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 10-03-2007 15:45:46
เข้ามาลุ้น และเป็นกำลังใจให้คนแต่งจ้า :yeb:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 10-03-2007 15:50:19
รักพี่เสือจัง :give2:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 10-03-2007 17:51:52
............สำรวจบ้านเอาไว้ลอบเข้าบ้านอ่ะเป่า...... :laugh5: :laugh5: :laugh5:

นั่นสิ  :pandalaugh: :pandalaugh: :pandalaugh:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: jammy ที่ 10-03-2007 18:07:07
พี่เสือกับจอมเนี่ยเก่งซะพวกตำรวจชิดซ้ายไปเลยอาจเข้าขั้นอัจฉริยะด้วยซํา :-[
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 10-03-2007 20:59:06
............สำรวจบ้านเอาไว้ลอบเข้าบ้านอ่ะเป่า...... :laugh5: :laugh5: :laugh5:

นั่นสิ  :pandalaugh: :pandalaugh: :pandalaugh:

เห็นด้วยอย่างแรง  :laugh3: :laugh3: :laugh3:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: kYos ที่ 11-03-2007 21:45:31
 :เฮ้อ:  ค่อยยังชั่ว ตอนนี้ไม่ค่อยเครียดเท่าไร
แต่ตอนหน้านี่สิ  ชักหวั่นๆ
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: wee ที่ 11-03-2007 23:47:31
ตามมาตั้งแต่นายภูผา กะ ฟ้าลั่น เลย 
แต่ไหง ภาคจอมยุทธ์ กะ ยุทธจักร  จึงดุเดือดเลือดพล่านอย่างงี้เนี่ย...
แล้วจะหา เวลาหวาน เหมือนภาคแรกได้หรือป่าวเนี่ย... :รักจัง11: :จ้อบจัง1: :5555:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 12-03-2007 05:20:48


เรื่องนี้นแล้วหนาวๆ ไงไม่รู้  รู้สึกว่ามันต้องตื่นตัวตลอดเวลาเลยอะ  :really2:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 12-03-2007 06:09:46
ศิวะพายุทธจักรเดินเลาะสวน ผ่านสระว่ายน้ำ กำลังจะเข้าไปในบ้านทางประตูข้าง...แต่กลับพบว่าจอมยุทธ์กำลังเดินสวนออกมาพร้อมกับภูฟ้าพอดี

“สวัสดีครับอาแซม” มือเล็กๆของภูฟ้ายกขึ้นพนมไหว้คุณอาคนใหม่อย่างอ่อนน้อม 

ยุทธจักรทรุดตัวลง ตรงหน้าของหนูน้อย ก่อนจะกล่าวทักทายกลับอย่างอารมณ์ดี

“สวัสดีครับภู.....จะไปไหนกันหรือครับ”

“ภูตามอาจอม....มาตามหาพ่อเสือครับ” ภูฟ้าตอบคุณอาตัวใหญ่ที่นั่งอยู่ข้างหน้า

“ตามหาพ่อมีอะไรครับลูก” น้ำเสียงยามที่ศิวะพูดกลับลูกชายนั้นอ่อนโยนจนใครๆก็รับรู้ได้ว่าศิวะรักลูกชายของตนเองมากเพียงไร

“ภูจะชวนพ่อเสือไปว่ายน้ำครับ” ภูฟ้าบอกเหตุผลให้บิดาตนเองฟัง

ศิวะยกข้อมือขึ้นมองนาฬิกาที่สวมอยู่ พบว่าเกือบห้าโมงเย็นแล้ว และตอนนี้แดดก็เริ่มอ่อนแรงลงไปมาก เหมาะที่จะว่ายน้ำออกกำลังกายพอดี

“เลยได้เลยครับ” ศิวะตอบลูกชาย ส่งผลให้ได้รับรอยยิ้มหวานมาเป็นของตอบแทนให้ชื่นใจ

“แซมสนใจมั้ยครับ......ถ้าสนใจก็เชิญว่ายน้ำกับพี่และตาภูได้เลยนะครับ....เสร็จแล้วก็ได้เวลาทานข้าวเย็นพอดี ...ผมชวนอยู่ทานด้วยกันเลยครับ” ศิวะเอ่ยชวน

“ผมคงต้องไปดูที่รถก่อนครับ ว่าเตรียมกางเกงว่ายน้ำมาหรือเปล่าครับ....ถ้าเตรียมมาผมก็ไม่ปฏิเสธครับ...”ยุทธจักรตอบพร้อมรอยยิ้ม

“ครับ....ถ้าไม่ได้เอามา ยืมของพี่ก่อนก็ได้ครับ....เราคงใส่ไซส์เดียวกัน” ศิวะยื่นข้อเสนอ

“ขอบคุณล่วงหน้าครับ ถ้าผมไม่ได้เอามา ผมคงต้องยืมพี่เสือ...แต่ตอนนี้ขอตัวไปค้นในรถก่อนนะครับ...” ยุทธจักรจึงเดินกลับไปที่รถเพื่อตรวจดูว่าในกระเป๋าเสื่อผ้าที่ติดรถอยู่นั้นมีกางเกงว่ายน้ำอยู่หรือไม่

ยุทธจักรจากไปไม่ถึงนาทีก็กลับมาพร้อมกับกางเกงว่ายน้ำและผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ ยุทธจักรนึกขอบคุณแม่บ้านของลุงพลที่มักจะจัดกระเป๋าเสื้อผ้าเตรียมไว้ในรถตั้งแต่วันศุกร์ โดยที่ข้าวของในกระเป๋าจะประกอบด้วยเสื้อผ้าชุดลำลอง ชุดกีฬาในแต่ละประเภท รองเท้า ถุงเท้า และเครื่องใช้อื่นๆครบครัน

“แซมเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องน้ำข้างสระได้เลยนะครับ....เดี๋ยวพี่พาตาภูไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะครับ” ศิวะบอก และผายมือไปยังห้องอาบน้ำที่อยู่ข้างสระว่ายน้ำ

“จอมจะว่ายน้ำหรือเปล่า” ศิวะหันมาถามจอมยุทธ์

“ว่ายครับพี่เสือ....วันนี้มีเรื่องยุ่งเต็มสมองไปหมด...ออกกำลังกายซักหน่อยน่าจะดีครับ” แน่นอนว่าคำตอบของจอมยุทธ์จะสร้างความยินดีแก่คนยุทธจักร เขาซ่อนความยินดีนั้นให้อยู่ภายใต้สีหน้าที่ราบเรียบ

“งั้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากันดีกว่า...ไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากันนะครับภู...เดี๋ยวจะได้มาว่ายน้ำกัน” ศิวะพูดกับจอมยุทธ์และก้มลงบอกลูกชายของตน

“ครับ” ทั้งอาและหลานรับคำพร้อมกัน

หลังจากจอมยุทธ์ ศิวะและภูฟ้าเดินเข้าไปในบริเวณบ้านอีกครั้งเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า ยุทธจักรจึงเดินมุ่งตรงไปสู่ห้องอาบน้ำกึ่งกลางแจ้งข้างสระว่ายน้ำเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเช่นกัน

ห้องอาบน้ำกึ่งกลางแจ้งนี้เป็นห้องอาบน้ำแบบหลังคาเปิด ยกเว้นบริเวณห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเท่านั้นที่มีหลังคาปิดอย่างมิดชิด ลักษณะของผนังห้องอาบน้ำเป็นทรงโค้งเกือบครึ่งวงกลมสองอันซ้อนเหลื่อมกัน ส่วนที่ซ้อนเหลื่อมกันคือบริเวณทางเข้า  บริเวณตรงกลางภายในห้องอาบน้ำขนาดกว้างนี้ถูกจัดตกแต่งด้วยต้นไม้หลากพันธุ์ทั้งไม้ใบและไม้ดอก  พื้นของบริเวณส่วนอาบน้ำถูกปูด้วยแผ่นหินอ่อนออกสีชมพูสลับด้วยกรวดมนก้อนเล็กๆสีขาวเช่นเดียวกับสีของผนังห้องน้ำที่แต่ละด้านมีฝักบัวติดอยู่ด้านละ 3 อัน โดยสามารถเลือกอาบน้ำร้อนหรือน้ำเย็นได้ตามต้องการ

ภายในห้องอาบน้ำบริเวณตรงข้ามกับผนังฝักบัว คือห้องขนาดไม่ใหญ่มากนัก มีหลังคาปิดมิดชิดจำนวนทั้งสิ้น 4 ห้อง....สามห้องแรกคือห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ประตูห้องทำด้วยกระจกฝ้าขนาดใหญ่ ยอมให้แสงเล็ดลอดผ่านเข้าออกได้เล็กน้อย จึงสามารถเห็นรูปร่างของคนที่กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องนี้ได้อย่างลางๆ ส่วนอีกหนึ่งห้องที่เหลือคือห้องสุขาไว้สำหรับทำธุระส่วนตัว

ยุทธจักรเลือกที่จะเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน โดยวางเสื้อผ้าชุดเดิมไว้บนชั้นวางที่มีอยู่ในทุกห้อง หลังจากนั้นจึงเดินไปสู่บริเวณอาบน้ำเพื่อล้างตัวให้สะอาดก่อนลงว่ายน้ำ

หลังจากอาบน้ำเสร็จยุทธจักรก็เดินมานั่งรอที่บริเวณสระว่ายน้ำ......ไม่นานนักศิวะ จอมยุทธและภูฟ้าก็เดินเข้ามาสมทบ ทุกคนสวมกางเกงว่ายน้ำแบบขาสั้นที่แตกต่างกันเฉพาะสีและลวดลายที่พิมพ์บนเนื้อผ้า ส่วนลำตัวช่วงบนของทั้งสามเปลือยเปล่าปล่อยให้ผิวสัมผัสกับแสงแดดยามเย็น เช่นเดียวกับลำตัวที่แข็งแรงมีกล้ามเนื้อสวยงามของยุทธจักร

ทั้งสี่คนเริ่มต้นว่ายน้ำทันทีที่พร้อม โดยจะสลับกันทำหน้าที่ดูแลภูฟ้าที่ว่ายน้ำอยู่สระน้ำตื้นสำหรับเด็กที่กั้นออกจากบริเวณส่วนน้ำลึกของผู้ใหญ่

ขณะว่ายน้ำ......ยุทธจักรต้องพยายามควบคุมสายตาของตนเองเป็นอย่างมากเพื่อไม่ให้แสดงความซุกซนบนร่างกายของจอมยุทธ์มากจนเกินไป เพราะวันนี้เป็นครั้งแรกที่หวานใจของเขาแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าน้อยชิ้นมากที่สุด ซึ่งทำให้ยุทธจักรสามารถมองสำรวจร่างกายของจอมยุทธ์ได้เต็มตา

ร่างกายส่วนบนของจอมยุทธ์สมบูรณ์แข็งแรง มีกล้ามเนื้อพองามอย่างคนออกกำลังกายสม่ำเสมอ สีผิวของหนุ่มหน้ากึ่งหวานเป็นสีขาวอมชมพูตลอดทั่วร่างกายไม่เว้นแม้แต่บริเวณฐานนมก็ยังเป็นสีชมพูสดที่ต้องตายุทธจักรยิ่งนัก ไม่นับรูปหน้าที่ครองใจยุทธจักรไปมากกว่าครึ่ง

ยุทธจักรสังเกตว่าไม่เพียงแต่จอมยุทธ์จะมีกล้ามเนื้อร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรงแล้ว ศิวะก็มีร่างกายที่แข็งแรงเช่นกัน ทั้งสองคนมีร่างกายที่มีสัดส่วนงดงามไม่มีไขมันส่วนเกินพอกพูน สิ่งที่แตกต่างกันระหว่างทั้งสองคนคงเป็นแค่ความสูงและสีผิว เพราะศิวะสูงมากกว่าจอมยุทธ์เล็กน้อย รวมถึงมีสีผิวสีน้ำผึ้งแสนเซ็กซี่ที่แตกต่างจากผิวขาวอมชมพูของจอมยุทธ์

เวลาสนุกสนานในการว่ายน้ำออกกำลังกายผ่านไปอย่างรวดเร็วจนล่วงเข้าเวลารับประทานอาหารเย็น ทั้งสี่จึงขึ้นจากสระว่ายน้ำเพื่อแยกย้ายกันไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า และนัดเจอกันที่ห้องรับประทานอาหาร
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 12-03-2007 06:11:38
อาหารหลากชนิดถูกจัดวางบนโต๊ะอาหารในเวลาหนึ่งทุ่มตรง โดยปกติแล้วในช่วงรับประทานอาหารเย็นจะมีเพียงแค่ศิวะ จอมยุทธ์ และภูฟ้าเท่านั้นที่จะรับประทานอาหารอยู่ร่วมกัน แต่วันนี้มียุทธจักรเขามาร่วมด้วยเป็นวันที่สอง บรรยากาศการรับประทานอาหารจึงแตกต่างไปจากทุกๆวัน ซึ่งภูฟ้าดูเหมือนจะชอบบรรยากาศนี้เป็นอย่างมาก เพราะ “อาแซม” เป็นคนสนุกสนานและสร้างเสียงหัวเราะได้อย่างสม่ำเสมอ

“ภูอยากให้อาแซมมาทานข้าวกับภูทุกวันเลยครับ” ภูฟ้าพูดขึ้นหลังจากรับประทานอาหารเสร็จ

“ภูเบื่อพ่อเสือกับอาจอมแล้วหรือครับ” ศิวะแกล้งทำเป็นงอน

“เปล่าครับพ่อเสือ.....ภูไม่ได้เบื่อพ่อเสือกับอาจอมซักหน่อยครับ” เด็กน้อยส่ายหน้า บอกปฏิเสธอย่างรวดเร็ว พร้อมกับอาการหน้าเสียเล็กน้อย

“โอ๋....ลูก พ่อล้อเล่นครับ......”ศิวะต้องรีบบอกลูกชาย เพราะไม่อยากให้ภูฟ้าเข้าใจผิด

“อาแซมมาได้เฉพาะวันหยุดเท่านั้นเองครับ....ช่วงนี้อายังต้องทำงานที่กรุงเทพ ถ้าอามาอยู่ที่เชียงใหม่...อาจะมาหาภูบ่อยๆ นะครับ” ยุทธจักรบอกภูฟ้า

“ถ้าอาว่างๆ อาจะพาภูไปเล่นที่บ้านอาด้วยนะครับ....บ้านอาสวยด้วยนะ.....มีน้ำตกด้วย” ยุทธจักรพูดต่อพร้อมรอยยิ้ม

“ครับ....” ภูฟ้ารับปาก

ก่อนที่การสนทนาหลังอาหารจะดำเนินต่อไป เสียงโทรศัพท์มือถือของจอมยุทธ์ก็ส่งเสียงดังขึ้น จอมยุทธ์จ้องมองหมายเลขโทรศัพท์ที่ไม่คุ้นตานั้น ก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้นจากโต๊ะอาหารและกดปุ่มรับโทรศัพท์

“สวัสดีครับ” จอมยุทธ์กรอกเสียงลงไป

“สวัสดีครับ คุณจอมยุทธ์” เสียงเย็นๆ จากปลายสายกระตุ้นความทรงจำของจอมยุทธ์ได้ทันทีว่าเป็นเสียงของบุคคลลึกลับคนเดียวกับเมื่อวาน

จอมยุทธ์ตัดสินใจเดินกลับมายังห้องอาหาร ส่งสัญญาณให้ศิวะรับทราบถึงโทรศัพท์ที่ไม่ชอบมาพากลอันนี้ ก่อนจะเดินออกจากห้องอาหารอีกครั้ง กลับมายังห้องรับแขกที่อยู่ติดกัน โดยมีศิวะและยุทธจักรเดินตามเข้ามาอย่างเงียบๆ

 จอมยุทธ์ปรับโทรศัพท์ให้ใช้ลำโพงทันที และกรอกเสียงลงไป

“ต้องการอะไร”

“.ไม่คิดจะทักทายผมเลยเหรอครับ......” เสียงปลายสายแสร้งบ่น

“โอเค....ไม่ทักทายก็ไม่เป็นไรครับ......ผมแค่อยากจะโทรมาบอกว่า...ผมประมาทไปนิดหน่อย....เสียลูกน้องไปหลายคนรวมถึงของของผมด้วย....” เสียงเย็นๆเปล่งออกมาจากลำโพงโทรศัพท์อย่างต่อเนื่อง ทำให้ทั้งสามหนุ่มได้ยินอย่างชัดเจน

“ผมไม่รู้ว่าคุณทำได้อย่างไร ที่จัดการลูกน้องมือดีของผมได้ทั้งหมด....บางทีอาจเป็นโชคดีของคุณกับเพื่อนตำรวจของคุณ....แต่ผมอยากจะบอกคุณว่า คุณจะโชคดีได้เพียงครั้งเดียว” สิ่งที่คนปลายสายพูดออกมา ทำให้ทราบได้ทันทีว่า พวกมันรู้ตัวแล้วว่าตำรวจได้ยื่นมือเข้ามาในสถานการณ์นี้แล้ว

“คุณทำให้ผมเสียเงินไปหลายสิบล้าน.....ผมจะคิดเงินคืนกับคุณให้ครบ.... อย่าเพิ่งตกใจไปล่ะครับ....ผมยังให้เวลาคุณหายใจอีกเล็กน้อย....”แม้ว่าคนปลายสายจะพูดจาไพเราะ แต่ก็เป็นการแสดงการคุกคามอย่างเต็มที่

“คุณต้องการอะไรกันแน่....” จอมยุทธ์ถามอีกครั้ง

“ก็ไม่ต้องการอะไรมากหรอกครับ....แค่จะเอาเงินคืนเท่ากับราคาของที่เสียไปก็เท่านั้นเองครับ.....”

“แล้วถ้าผมไม่ให้ล่ะ” จอมยุทธ์พูดต่อ

“ผมพอเดาออกว่าคุณจะพูดอย่างนี้.....ไม่เป็นไรครับ....ผมมีทางของผมที่จะให้คุณเอาเงินมาให้ผมแน่นอน...คุณกับเพื่อนตำรวจของคุณเตรียมตัวให้ดีๆ แล้วกันครับ.....” คำตอบของคนปลายสายแสดงความมั่นใจอย่างเต็มที่

“แค่นี้แหละครับ...ที่ผมอยากจะบอกครับ.....หวังว่าคงได้คุยกันใหม่นะครับ....สวัสดีครับ”

“เกือบลืมไปเลยครับคุณจอมยุทธ์...เตรียมรับของขวัญจากผมด้วยนะครับ” คนปลายสายบอกประโยคสุดท้ายไว้เป็นปริศนา ก่อนสัญญาณจะขาดหายไป

ศิวะและจอมยุทธ์ยังคงนั่งนิ่งเงียบภายหลังการสนทนาเสร็จสิ้น ทั้งคู่กำลังควบคุมความโกรธที่พุ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว.....

“ผมว่าเราต้องบอกพี่เอนะครับ” ในที่สุดยุทธจักรที่นั่งอยู่ก็ไม่สามารถทนบรรยากาศอันนิ่งสนิทนี้ได้ เขาจึงตัดสินใจกล่าวออกมาในที่สุด เพราะศิวะและจอมยุทธ์นั้นนิ่งเงียบจนน่ากลัว

ศิวะและจอมยุทธ์หันหน้าช้าๆ มาที่ยุทธจักร

“บอกพี่เอแล้วอะไรมันจะเปลี่ยนแปลงมั้ยครับ” จอมยุทธ์ถาม

“เราคาดการณ์ไว้แล้วไม่ใช่หรือครับ...ว่ามันจะออกมาในรูปแบบนี้....ว่าเราก็ยังคงต้องตั้งรับอยู่อย่างนี้อย่างเดียว” จอมยุทธ์พูดต่อ

ยุทธจักรถอนหายใจหลังได้ยินความจริงดังกล่าว..... ทุกอย่างนั้นถูกต้องตามที่จอมยุทธ์พูดมา ว่า ณ. เวลานี้คือการตั้งรับแต่เพียงอย่างเดียว การรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นนี้แก่นครินทร์คงจะไม่ได้ช่วยอะไรมากไปกว่านี้ แต่เขาก็ยังคงคิดว่านครินทร์สมควรที่จะรับทราบว่าเกิดอะไรขึ้นในฐานะนายตำรวจผู้รับผิดชอบคดี

“จอมพูดมามันก็ถูก...แต่พี่ว่ายังงัยก็ต้องบอกพี่เออยู่ดี...บางทีพี่เออาจช่วยคลี่คลายสถานการณ์ได้ดีขึ้นก็ได้ครับ” ยุทธจักรพยายามพูดให้สถานการณ์มันดีขึ้น

“เอาอย่างนี้ดีว่ามั้ยครับ....ถ้าจอมและพี่เสือยังคงไม่สบายใจอยู่.....ผมขออาสาบอกพี่เอเองครับ...และจะช่วยดูแลเรื่องตำรวจติดตามด้วยครับ.... ผมว่าพวกเขาคงต้องเริ่มปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่คืนนี้แล้วกระมังครับ แทนที่จะเป็นพรุ่งนี้เช้า”

“แซมจัดการตามที่เห็นสมควรเถอะครับ....พี่ขอรบกวนด้วยนะครับ....”ศิวะเป็นฝ่ายตอบแทนจอมยุทธ์ที่กำลังนั่งนิ่งใช้ความคิดอยู่

“อย่างนั้นผมขอตัวไปโทรศัพท์ก่อนนะครับ....” ยุทธจักรขอตัวออกมาจากห้องรับแขก เดินออกไปยังบริเวณหน้าบ้าน และต่อสายถึงนครินทร์ทันที
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 12-03-2007 06:13:21
“โกรธหรือจอม” ศิวะถามขึ้นหลังจากยุทธจักรเดินออกไปโทรศัพท์ข้างนอก

“มันคิดว่ามันเป็นใครกันครับพี่เสือ”

“อย่างน้อยมันก็คิดว่ามันถือไพ่เหนือกว่าเรา...” ศิวะพูด

“แต่ว่า....อย่าเพิ่งคิดมากเลยตอนนี้....รอให้ตำรวจจัดการเถอะ....เราสองคนทำใจให้สบายและทำในสิ่งที่เราควรทำดีกว่า” จอมยุทธ์หันมาสบตาศิวะ และเข้าใจในความหมายของสิ่งที่ควรทำเป็นอย่างดี

“ครับ.....ตอนนี้พี่เสือว่างมั้ยครับ” อยู่จอมยุทธ์ก็ถามขึ้นมา

“อืม....ก็กะว่าจะเอานาฬิกาให้ตาภู...หลังจากนั้นก็ว่างแล้ว...ทำมัยล่ะ”

“ผมอยากยึดเส้นยึดสายซักหน่อยครับ...”

ศิวะหัวเราะเบาๆ เพราะเข้าใจความหมายของการยึดเส้นยืดสายนั้น....ซึ่งมิใช่หมายถึงการออกไปสังสรรค์หรือเต้นรำแต่อย่างใด การยืดเส้นยืดสายของจอมยุทธ์คือการฝึกศิลปะป้องกันตัว โดยที่จอมยุทธ์มักจะเลือกที่จะยึดเส้นยืดสายในกรณีที่ต้องสมาธิในการคิดวางแผนเรื่องต่างๆ

“ได้ซิ...แต่พี่เอานาฬิกาให้ตาภูก่อนนะ....จอมไปรอพี่ที่ห้องซ้อมได้เลย....เดี๋ยวพี่จะให้คุณภามาดูแลตาภูเอง” ศิวะตอบ

“ครับ” จอมยุทธ์รับคำและแยกตัวออกไป

ศิวะเดินเข้าไปในห้องอาหารและพบว่าภูฟ้ากำลังรับประทานของหวานเสร็จ โดยมีคุณภาวดีคอยอยู่เป็นเพื่อน

“ภูครับ......พ่อเสือซื้อนาฬิกาให้ใหม่นะครับ...”ศิวะพูดก่อนจะล้วงมือลงไปในกระเป๋ากางเกงหยิบนาฬิกาพลาสติกลายน่ารักออกมาสวมให้กับลูกชาย

“ขอบคุณครับพ่อเสือ” ภูฟ้ายกมือไหว้ขอบคุณบิดา

“ครับ....แต่ภูต้องสัญญากับพ่อเสือนะครับ...ว่าภูจะต้องใส่นาฬิกานี้ตลอดเวลาห้ามถอดนะครับ....ใส่จนกว่าพ่อจะเปลี่ยนเรือนใหม่ให้นะครับ....ภูทำได้หรือเปล่าครับ”

“ได้ครับพ่อเสือ” ภูฟ้ารับคำอย่างหนักแน่น

“ลูกพ่อน่ารักจะเลยครับ” ศิวะกล่าวชม

“แต่ตอนนี้ พ่อเสือกับอาจอมขอตัวไปออกกำลังกายก่อนนะครับ...ภูไปเล่นกับคุณภาก่อนนะครับ....แล้วเดี๋ยวพ่อเสือจะไปเล่านิทานให้ฟังก่อนนอนนะครับ” ศิวะกล่าวขอตัวกับลูกชาย

“ครับพ่อเสือ”

“คุณภาครับ.....ถ้าคุณแซมตามหาผม......ก็รบกวนให้ใครนำไปที่ห้องออกกำลังกายได้เลยนะครับ...ผมกับจอมจะอยู่ที่นั่น”

“ค่ะ.....คุณเสือ”

หลังจากภาวดีรับคำสั่ง.....ศิวะจึงเดินออกจากห้องครัวไปยังห้องออกกำลังกาย เขาพบว่าจอมยุทธ์เปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ในชุดคาราเต้โด พร้อมอุปกรณ์ป้องกันตัวอย่างเรียบร้อย อันได้แก่ ท่อนรัดแขน ช่วงขา และหน้าท้อง

“ขอพี่เปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะจอม” ศิวะเดินเข้าไปในหลังฉาก และจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที

“ผมลืมไปเลยครับพี่เสือ...แล้วพี่แซมล่ะครับ”

“คงคุยกับเออยู่มั้ง....ถ้าได้เรื่องอย่างไรแซมคงมาบอกเราเอง” ศิวะตอบขณะที่จัดการอยู่กับเครื่องแต่งกายของตน

แม้ว่าศิลปะป้องกันตัวที่แต่ละคนถนัดจะแตกต่างกัน แต่เครื่องแต่งกายของทั้งคู่ก็มีความคล้ายคลึงกัน รวมไปถึงสีของสายเข็มขัดผ้าของทั้งสองคนก็เป็นสีเดียวกัน คือ เป็นสีดำทั้งคู่ ต่างเพียงแต่ว่าของศิวะจะเป็นสายดำดั้งสองของเทควันโด ในขณะที่ของจอมยุทธ์จะเป็นสายสีดำดั้งหนึ่งของคาราเต้

ทั้งสองหนุ่มเริ่มทำการอบอุ่นร่างกายตามแบบแผนของการต่อสู้ที่แต่ละคนถนัด เมื่อได้เวลาการฝึกซ้อมจริงทั้งคู่จึงออกมายืนเผชิญหน้ากันและโค้งคำนับเพื่อแสดงความเคารพซึ่งกันและกัน การแสดงความเคารพนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะถือว่าเป็นการแสดงความเคารพคู่ต่อสู้และปรมาจารย์ผู้ประสาทวิชา

การฝึกศิลปะป้องกันตัวของทั้งสองหนุ่มนอกจากจะเป็นการฝึกความแข็งแรงของร่างกายและของกล้ามเนื้อช่วงที่ต้องรับแรงปะทะจากฝ่ายตรงข้ามแล้ว ยังเป็นการฝึกสมาธิและเป็นการชิงไหวชิงพริบกันด้วย เนื่องจากแต่ละคนจะมีรูปแบบการรุกและรับที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับประเภทของการต่อสู้ที่ถนัด ดังนั้นทั้งคู่จึงต้องพยายามอ่านความคิดของอีกฝ่ายหนึ่งให้ได้

ในเรื่องการต่อสู้นี้จอมยุทธ์จะเป็นฝ่ายเสียเปรียบศิวะอยู่บ้างในเรื่องของความสูงที่น้อยกว่า แต่จอมยุทธ์ก็มีความว่องไวเป็นจุดเด่นซึ่งทำให้ศิวะต้องระมัดระวังตัวและพยายามปิดช่องว่างต่างๆ ที่เกิดขึ้น

หลายครั้งที่ความว่องไวของจอมยุทธ์ทำให้ศิวะต้องเกือบจนมุม แต่ด้วยประสบการณ์ที่ฝึกศิลปะป้องกันตัวมาตั้งแต่เป็นวัยรุ่นซึ่งแตกต่างกับจอมยุทธ์ที่เริ่มฝึกเมื่อเจ็ดปีที่แล้ว ก็เป็นตัวช่วยให้ศิวะโต้กลับจอมยุทธ์ได้ทุกครั้ง   

จอมยุทธ์เริ่มฝึกศิลปะป้องกันตัวมาได้ไม่นานนัก เริ่มตั้งแต่หลังจากที่หนึ่งในบิดาที่แท้จริงของภูฟ้าเป็นคนต้นคิดการฝึกศิลปะป้องกันตัวนอกเหนือไปจากฝึกซ้อมกีฬาประเภทอื่นๆ ขณะที่ยังคงเรียนหนังสือกันอยู่ที่ประเทศอังกฤษ

ศิวะและจอมยุทธ์ผลัดการรุกและผลัดกันรับอยู่ในห้องออกกำลังกาย ทั้งคู่มุ่งมั่นนำท่าเด็ดๆออกมาใช้เพื่อโจมตีซึ่งกันและกัน จึงไม่ได้สังเกตว่ายุทธจักรกำลังยืนมองอยู่จากบริเวณข้างสระว่ายน้ำ

ตอนแรกนายพันตรีหนุ่มก็ไม่ได้สนใจ เพราะกำลังโทรศัพท์รายงานนครินทร์เรื่องโทรศัพท์ข่มขู่จากชายลึกลับและปรึกษาเรื่องการคุ้มครองจอมยุทธ์ แต่พอได้ข้อสรุปและวางหูโทรศัพท์ สายตาของเขาบังเอิญมองทะลุกระจกห้องออกกำลังกายใกล้สระว่ายน้ำ ไปบรรจบกับชายหนุ่มสองคนในชุดขาวของศิลปะป้องกันตัวที่กำลังต่อสู้และชิงไหวชิงพริบกัน

ทุกท่วงท่าการบุกและการตั้งรับของศิวะและจอมยุทธ์ดึงดูดสายตาของยุทธจักรได้ตลอดเวลาการฝึกซ้อมที่ดูอย่างไรก็แทบไม่แตกต่างกับการต่อสู้จริง เพียงแต่การต่อสู้จริงๆ นั้นจะไม่มีอุปกรณ์ป้องกันตัวใดๆ

ยุทธจักรรู้สึกชื่นชมและอดที่จะแปลกใจอยู่ไม่ได้ แม้ว่าเขาจะรู้มาตลอดว่าทั้งสองหนุ่มฝึกศิลปะป้องกันตัวมานานและฝึกจนได้ถึงสายดำซึ่งเป็นสีสุดท้ายในการจัดลำดับสาย แต่ก็มีโอกาสเห็นทั้งคู่ต่อสู้กันอย่างที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ตรงหน้าซักที

ตลอดเวลาหนึ่งเดือนกว่าๆ ที่ยุทธจักรเข้ามาผูกพันกับชายหนุ่มสองคนในฐานะมิตรนั้น ยุทธจักรรู้สึกว่าสองหนุ่มมักสร้างความแปลกใจระคนกับความชื่นชมให้กับเขาบ่อยๆ หลายครั้งอาจมองได้ว่าเป็นความบังเอิญแต่หลายครั้งกลับสร้างความสงสัยให้กับเขายิ่งนัก เพราะน้อยครั้งที่เขาจะพบคนที่มีความสามารถ มีสติปัญญา มีความสุขุม สุภาพ และมีหน้าตาที่งดงามคมคาย รวมถึงคุณสมบัติอื่นๆอีกมากมายอย่างชายหนุ่มที่ชื่อว่าศิวะ.....และชายหนุ่มที่เป็นเจ้าของดวงใจของเขาเองที่ชื่อ....จอมยุทธ์  สองหนุ่มนี้มีคุณสมบัติที่เรียกได้ว่าครบสมบูรณ์จริงๆ

นับตั้งแต่ยุทธจักรพบจอมยุทธ์ตั้งแต่วันแรก...และได้เรียนรู้นิสัยตลอดจนความเป็นตัวตนของจอมยุทธ์ จนกระทั่งวันนี้ยุทธจักรมั่นใจว่าหัวใจของตนเองไม่มีที่ว่างเปล่าเสียแล้ว....เพราะมันเต็มไปด้วยความรักที่เขามอบให้ชายหนุ่มหน้าสวยคนที่กำลังฝึกศิลปะป้องกันตัวอยู่ในห้องกระจกนั้น..คนที่เขาจะคว้าหัวใจมาครอบครองให้ได้ ด้วยความพยายามและสติปัญญาทั้งหมดที่มีของเขา...

ยิ่งรักมากเท่าไหร่.....ยุทธจักรก็ยิ่งห่วงจอมยุทธ์มากเท่านั้น แม้จะรู้ว่าจอมยุทธ์นั้นมีสติปัญญาที่หลักแหลมและฝีมืออยู่พอตัวทั้งการยิงปืนและศิลปะป้องกันตัว แต่ในรูปแบบที่ตกเป็นเป้าของคนที่มีทั้งอาวุธและกำลังพลมากมายนั้น ต่อให้เก่งกาจขนาดไหนโอกาสที่จอมยุทธ์จะพลาดก็มีสูง เพราะไม่มีประสบการณ์เพียงพอที่จะรับมือกับสถานการณ์นั้น

ถ้าเป็นไปได้ยุทธจักรต้องการที่จะรับผิดชอบในคดีนี้เสียเอง เพราะมั่นใจว่าจะปกป้องจอมยุทธ์ได้เช่นเดียวกับปกป้องหัวใจของตนเอง แต่ติดอยู่ที่ปัญหาว่าเขาไม่ได้เป็นนายตำรวจผู้รับผิดชอบคดียาเสพติด
ภารกิจหลักของยุทธจักรและลูกน้องในทีมอีกยี่สิบกว่าคนคือการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมที่มีลักษณะรุนแรง อาชญากรที่มีอาวุธสงคราม/ระเบิด หรือมีความชำนาญทางยุทธวิธี รวมถึงการช่วยเหลือตัวประกัน หรือคลี่คลายสถานการณ์วิกฤติต่าง ๆ และสุดท้ายคือการปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายทุกรูปแบบ

หน่วยงานของยุทธจักรเป็นหน่วยงานในระดับเดียวกับสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติและสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ แตกต่างตรงที่ว่าเป็นหน่วยงานอิสระที่ไม่ขึ้นตรงต่อสำนักนายกรัฐมนตรี.....และเป็นองค์กรที่มีขอบเขตอำนาจอย่างเด่นชัด แยกออกเด็ดขาดจากกองบัญชาการตำรวจแห่งชาติ  เพียงแต่มีการทำงานประสานกันเพื่อรองรับสถานการณ์เลวร้ายหรือฉุกเฉินต่างๆ

ผู้บังคับบัญชาสูงสุดของหน่วยงานมีอำนาจสั่งการเต็มที่ โดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติการต่อต้านการก่อการร้ายและอาชญากรรมรุนแรง โดยสามารถขอร่วมมือกับกระทรวงกลาโหม กองบัญชาการตำรวจแห่งชาติ สำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ และสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในกรณีที่มีเหตุจำเป็น อีกทั้งยังทำหน้าเป็นหนึ่งในที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในกรณีเกิดเหตุการณ์ก่อการร้ายที่กระทบกระเทือนอำนาจของรัฐอย่างรุนแรง และต้องมีการตอบโต้โดยรวดเร็วตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรี

ลักษณะโครงสร้างของหน่วยงานเป็นแบบกองบัญชาการขนาดเล็ก มีกำลังพลทั้งสิ้น 400 นาย ซึ่งได้มาจากการสนธิระหว่างตำรวจและทหารทั้งสามเหล่าทัพ โดยมีเจ้าหน้าที่ยศชั้นประทวนประจำการอยู่เพียง 150 นาย ส่วนที่เหลือ 250 นายคือเจ้าหน้าที่ชั้นสัญญาบัตรทั้งหมด นอกจากนั้นยังมีเจ้าหน้าผู้เชี่ยวชาญพิเศษที่ปกปิดชื่ออีกโดยไม่ทราบจำนวน

การบังคับบัญชาเจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรการ ฝ่ายข้อมูล และฝ่ายอื่นๆ นั้น จะเหมือนรูปแบบกองบัญชาการทั่วไปคือมีระบบเจ้านายเป็นขั้นตอนในแต่ละส่วน แต่ทว่าผู้ทำหน้าที่บังคับบัญชานายตำรวจฝ่ายปฏิบัติการเช่นยุทธจักรนั้น คือ ผู้บัญชาการสำนักงานเท่านั้น 

ข้อดีของการมีผู้บัญชาการสำนักงานเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรง คือ ความสะดวกรวดเร็วในการประสานงานเพื่อปฏิบัติการ เพราะถือเป็นคำสั่งจากผู้มีอำนาจสูงสุด ดังนั้นฝ่ายปฏิบัติการทุกคนจะได้รับการอำนวยความสะดวกจากผู้เกี่ยวข้องอย่างเต็มที่ แต่ข้อเสียก็คือบางครั้งต้องอาศัยข้อมูลที่ค่อนข้างมีรายละเอียดมากประกอบการตัดสินใจเคลื่อนกำลังพล หาไม่แล้วจะเป็นการรบกวนการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำท้องที่ต่างๆ

ยุทธจักรละสายตาชั่วคราวออกจากศิวะและจอมยุทธ์ที่ยังคงฝึกซ้อมศิลปะป้องกันตัวอยู่ พลางนึกทบทวนถึงสถานการณ์ที่จอมยุทธ์กำลังเผชิญและพยายามหาช่องทางที่เป็นไปได้ที่จะเข้ามาช่วยในคดีนี้ 

ข้อเสนอของศิวะที่กล่าวมาเมื่อบ่ายในเรื่องการประสานงานของตำรวจในกรณีดำเนินแผนการล่อเสือออกจากถ้ำนั้นพอจะเป็นไปได้ที่สุดที่จะเปิดโอกาสให้เขาเข้ามามีส่วนร่วมในคดีนี้ เพียงแต่ติดปัญหาสำคัญอยู่สองอย่างคือ แผนนี้ค่อนข้างเสี่ยงมาก และข้อสองเขาจำเป็นต้องได้รับข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องเกี่ยวกับกลุ่มคนที่บุกเข้าไปในโรงงานเมื่อคืน ว่าเป็นกองกำลังของนายพลลูเซอหรือไม่ ถ้าใช่ก็สามารถนำไปเสนอผู้บังคับบัญชาเพื่อขออนุญาตเข้าร่วมแผนดังกล่าวเพราะถือว่าเป็นภารกิจหลัก ทั้งนี้กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ซึ่งเป็นต้นสังกัดของนครินทร์จำเป็นต้องส่งหนังสือขอความร่วมมือไปยังผู้บังคับบัญชาของเขาโดยตรงด้วย
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 12-03-2007 11:18:57
.........ของขวัญที่ฝ่ายโน้นส่งมา....อาจจะทำหั้ยยุทธจักรได้เข้ามาดูแลเรื่องนี้แบบเต็มตัวก็ได้นะ... :5555: :5555:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 12-03-2007 12:02:55
ของขวัยที่ว่าใช่ลูกระเบิดป่าวหว่า? ? ?
เหงช่วงนี้ชอบส่งให้กันจัง
 :ped151:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 12-03-2007 13:58:04
นั่นอ่ะดิ่

น่ากลัวว่าของขวัญจะเป็นระเบิดผูกโบว์

หรือว่าจะทำอะไรภูน้อยหรือป่าว :o

เป็นห่วงภูน้อยจัง :serius2:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 12-03-2007 14:25:23
รอของขวัญด้วยคน :pandalaugh:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 12-03-2007 17:19:27

ขณะว่ายน้ำ......ยุทธจักรต้องพยายามควบคุมสายตาของตนเองเป็นอย่างมากเพื่อไม่ให้แสดงความซุกซนบนร่างกายของจอมยุทธ์มากจนเกินไป เพราะวันนี้เป็นครั้งแรกที่หวานใจของเขาแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าน้อยชิ้นมากที่สุด ซึ่งทำให้ยุทธจักรสามารถมองสำรวจร่างกายของจอมยุทธ์ได้เต็มตา

อิอิ  พอนึกภาพออกอยู่ ต้องควบคุมสายตาตัวเอง ยากจัง  :pighaun:  :pighaun:

พี่แซมจะเอาตัวเองเข้ามาพัวพันอย่างเต็มตัวซะแล้วววว  สู้สู้
สงสัยของขวัญจาเป็นระเบิดด้วยคน  แล้วก็เป็นห่วงน้องหนูภูฟ้าซะด้วยสิ  เป็นแก้วตาดวงใจของพ่อเสือกับอาจอมขนาดนั้น
แต่น้องภูมีนาฬิกาอยู่ น่าจะมีประโยชน์อยู่นา

รออ่านต่อจ้า  เป็นกำลังใจให้คนเขียนน้า วันนี้ยาวดี ชอบชอบ  :loveu:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 12-03-2007 18:48:46
เหอ เหอ ของขวัญเหรอ  :laugh3: คงเป็นระเบิดนั่นแหละ  :laugh3:
ยังไงก็อย่าให้หนูภูโดนลูกหลงน้า กำลังน่ารักเลย  :-[
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: kYos ที่ 12-03-2007 20:16:05
 :give2:  วันนี้มาต่อซะเยอะเลย
พี่แซมได้กำไรจริงๆเลยช่วงนี้ เห็นจอมเปลือยท่อนบนด้วย อุอุ
แล้วมีทีท่าว่าจะได้เข้ามามีส่วนร่วมกับคดีนี้แน่นอนเลย  พิชิตใจ จอมยุทธ์ให้ได้น้าา
ปล. เป็นกำลังใจเหมือนเดิม  :yeb:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 13-03-2007 04:02:44
ตาภูนี่เป็นเด็กดีจริงๆ  ชักอยากจะมีลูกกะเค้าบ้างแล้วซิ :impress2:

ว่าแต่ของขวัญที่ว่านี่คืออะไรหว่า หวังว่าคงจะไม่ก่อให้เกิดการสูญเสียขึ้นอีกนะครับ :impress:



ปล.รักพี่เสือจัง :give2:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 13-03-2007 09:22:07

ขณะที่กำลังนั่งคิดถึงความเป็นไปได้ต่างๆอยู่ข้างสระว่ายน้ำเพียงคนเดียว....... ยุทธจักรก็เห็นศิวะเดินตรงเข้ามาโดยที่ยังคงสวมชุดเทควันโด้อยู่

“คิดอะไรอยู่หรือครับแซม.....พี่เห็นนั่งคิดอยู่นานแล้ว” ศิวะเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบสงบของบรรยากาศข้างสระว่ายน้ำ

“นิดหน่อยครับพี่เสือ....เอ่อ......พี่เสือครับ ผมบอกพี่เอแล้วนะครับ ตอนนี้พี่เอกำลังเร่งเรื่องตำรวจอารักขาให้อยู่ครับ คาดว่าน่าจะพร้อมในวันพรุ่งนี้เช้าครับ จริงๆผมอยากให้เป็นวันนี้เลย แต่มันเป็นไปไม่ได้ครับ...พี่เอเลยจะให้สายตรวจมาลาดตระเวนบ่อยๆแทนครับในคืนนี้”

“ขอบใจมากนะครับแซม.....”ศิวะกล่าวขอบคุณ แต่สายตาก็ยังแสดงความสงสัยอย่างชัดเจน

“พี่เสือครับ....ผมขออนุญาตถามพี่เสือหน่อยได้มั้ยครับ.....” เพราะเหตุใดไม่ทราบที่ทำให้เขาตัดสินใจส่งคำถาม แต่เขาคิดว่าเขาพร้อมที่จะเล่าสิ่งที่คิดอยู่ออกมาให้ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ได้รับฟัง

“ได้เลยครับ” ศิวะตอบพร้อมกับนั่งลงบนเก้าอี้ อยู่ในท่าสบายๆ

“ทำไมพี่เสือถึงสนับสนุนแผนล่อเสือออกจากถ้ำล่ะครับ....ทั้งๆที่มันก็อันตรายและเสี่ยงมาก” 

ศิวะเตรียมพร้อมเสมอสำหรับคำถามนี้ ดังนั้นเขาจึงสามารถบอกคำตอบได้ทันที

“ก็เพราะการอยู่ในที่สว่างมันอันตราย เพราะเราไม่รู้ว่าคนที่ซ่อนตัวอยู่จะเล่นงานเราวิธีไหน... วิธีที่ดีที่สุดคือล่อให้มันออกมาในที่สว่างๆ ด้วยกันเลยดีกว่า จะได้เห็นกันชัดๆ ....... อีกอย่างผมคิดว่า จอมจะปลอดภัยมากกว่าถ้าเราวางแผนล่อเสือออกจากถ้ำ”

“ทำไมหรือครับ” ยุทธจักรถามขึ้นมาทันที

“ก็เพราะกำลังพลไงครับ....ถ้าเราวางแผนรุก เราต้องใช้กำลังพลมากกว่าวางแผนรับ ดังนั้นจอมจะปลอดภัยมากกว่าเนื่องจากมีคนคอยคุ้มครองและระแวดระวังภัยที่มากขึ้น” ศิวะอธิบายอย่างใจเย็น

ยุทธจักรอดจะแปลกใจไม่ได้เป็นครั้งที่สองกับคำตอบของศิวะ เพราะเป็นคำตอบแสนสั้น แต่ก็แฝงไปด้วยยุทธวิธีทางทหาร

เป็นจริงอย่างศิวะว่า ถ้านครินทร์ใช้วิธีตั้งรับเฉยๆนั้น กำลังพลทั้งหมดคงจะมาจากกองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 2 ของกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดเท่านั้น และคาดว่าจะเป็นกำลังพลอารักขาทั่วไป แต่ถ้านครินทร์ใช้แผนการรุก นั่นหมายความว่าต้องใช้กำลังพลผู้เชี่ยวชาญทางยุทธวิธีโดยตรงและจำนวนที่ใช้จะต้องมากกว่ากำลังอารักขาธรรมดาหลายเท่า

“พี่เสือไม่คิดว่า...มันยังเร็วไปที่จะตัดสินในวางแผนรุกเหรอครับ...ทั้งๆที่ยังไม่ได้ข้อมูลเพิ่มเติมอะไรเลยครับ” ประโยคคำถามนี้ยุทธจักรตั้งใจอย่างยิ่งจะหยั่งเชิงความคิดของชายหนุ่มคนตรงหน้าที่เยือกเย็นและชาญฉลาด

ศิวะทราบดีว่าเขากำลังถูกหยั่งเชิง แต่กระนั้นก็ยังแต่ตอบคำถามไปตามที่คิด

“ข้อมูลมีตั้งเยอะนี่ครับ.... อย่างเช่น แซมกับเอกำลังรอผลรหัสทางพันธุกรรม เพื่อจะมาระบุให้แน่ชัดว่ากลุ่มคนที่บุกเข้าไปในโรงงานเมื่อคืนเป็นกลุ่มกระเหรี่ยงแดงหรือไม่...ซึ่งคงต้องรอนาน ไม่ต่ำกว่าสามสี่วัน ทั้งๆที่ถ้าเราพิจารณาแค่รูปพรรณสัณฐาน สีผิว ลักษณะของโครงหน้าและลักษณะทางกายภาพต่างๆ ของผู้เสียชีวิต เราก็น่าจะพอสรุปได้แล้วว่าเป็นคนไทยหรือไม่ .....เท่าที่พี่อ่านหนังสือมา ส่วนใหญ่พวกกองกำลังของชนกลุ่มน้อยพวกนี้มักจะสักสัญลักษณ์ไว้ที่ร่างกาย เพื่อประกาศความเป็นตัวตน....เราน่าจะดูตรงนี้ก่อนที่จะไปดูเรื่องรหัสพันธุกรรม”

“พี่อาจจะไม่ใช่นักมานุษยวิทยา.....แต่พี่พอจะคาดคะเนว่ากลุ่มคนเมื่อคืนเป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังนายพลลู่เซอ ซึ่งเป็นมืออาชีพ ดังนั้นพี่จึงต้องการให้จอมได้รับการคุ้มครองที่ดีที่สุดงัยครับ” ศิวะอธิบายต่อ

“แต่ถ้าสมมุติว่า กลุ่มคนเมื่อคืนไม่ใช่กองกำลังของนายพลลู่เซอ...มันก็ยังสมเหตุสมผลอยู่ดีที่จะวางแผนล่อเสือออกจากถ้ำ เพื่อให้ออกมาให้เห็นกันชัดเจน.....พี่ว่าไม่ว่าจะเป็นกลุ่มคนแบบไหน แต่ถ้าพวกมันมีอาวุธสงครามละก็ เราต้องหาทางทันเล่ห์พวกมันให้ได้....”

ยุทธจักรพยักหน้าแสดงความเห็นด้วย

“เมื่อกี้พี่เสือพูดว่า ยกตัวอย่างเช่น แสดงว่ายังมีข้อมูลอื่นๆอีกหรือครับ” ยุทธจักรถามเพราะติดใจในประโยคดังกล่าว

“ไม่บอกแล้ว.....ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าเอมันดีกว่า....พี่ขออยู่เฉยๆ แค่นี้ดีกว่าครับ” ศิวะตอบเลี่ยงๆ

“แหม..ผมนึกว่าพี่เสือจะบอกผมซะอีก...” ยุทธจักรแกล้งบ่น แต่ใบหน้าฉายรอยยิ้มชัดเจน

“อืม...แต่พี่ขอถามอย่างหนึ่งได้มั้ยครับ”

“ได้เลยครับ...ถ้าผมตอบได้ผมจะตอบครับ”

“มีความเป็นไปได้มากน้อยขนาดไหนที่แซมจะเข้ามาช่วยในกรณีที่ตกลงว่าจะใช้แผนการนี้”

ยุทธจักรถอนหายใจเล็กน้อย ก่อนจะบอกศิวะถึงข้อจำกัดที่ตนเองมี

“ต้องขึ้นอยู่กับข้อมูลครับ....ถ้าผมหรือพี่เอได้รับข้อมูลต่างๆที่มีน้ำหนักพอว่า กองกำลังต่างสัญชาติกำลังมาสร้างความไม่สงบเรียบร้อยในเมืองไทย และนำไปเสนอผู้บังคับบัญชาของผม งานนี้คำสั่งอนุมัติช่วยราชการคงออกมาทันทีครับ....แต่ถ้าไม่มีข้อมูลอะไรเลย ก็คงยากครับ”

“แม้ว่าหน่วยงานของผมจะสามารถปฏิบัติการครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศก็จริงครับพี่เสือ.....แต่ว่าเราจะไม่เข้าแทรกแซงงานของนายตำรวจท้องที่ โดยเฉพาะในช่วงแรกๆแบบสถานการณ์ที่เรากำลังเผชิญอยู่ครับ... คำสั่งปฏิบัติการจากหัวหน้าของผมจะขึ้นอยู่กับข้อมูลเป็นหลักครับ และขึ้นอยู่กับความฉุกเฉินของสถานการณ์ด้วยครับ...”

“ครับ” ศิวะพยักหน้า

ยุทธจักรขยับจะอธิบายรายละเอียดต่อ แต่ติดตรงที่เหลือบมองเห็นเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาบอกเวลาเกือบสามทุ่ม ซึ่งเป็นเวลาค่อนข้างดึกแล้ว จึงเห็นว่าไม่เหมาะที่เขาจะยังอยู่ที่นี่ต่อไป เพราะถือว่าเป็นการรบกวนความเป็นส่วนตัวของคนในบ้าน แม้ว่าเขาจะต้องการอยู่เพื่อคุ้มครองสมาชิกภายในบ้านทุกคนก็ตาม

“คุยไปคุยมา.....จนเกือบสามทุ่มแล้วครับ....ผมคงต้องขอตัวก่อนนะครับ”

“ผมรบกวนพี่เสือมามากแล้วครับ” ยุทธจักรลุกขึ้นยืน.....เอ่ยปากขอตัวลากลับไปพักผ่อน

“ตามสบายครับ....อีกอย่างไม่ถือว่าเป็นการรบกวนเลยครับ....บ้านหลังนี้ยินดีต้อนรับแซมเสมอนะครับ...” ศิวะตอบ ก่อนจะลุกขึ้นยืนเช่นกัน

“พรุ่งนี้ถ้าผมว่างไม่ติดอะไร ผมจะแวะเข้ามาตอนสายๆนะครับ เผื่อว่ามีอะไรให้ผมช่วยครับ”

“ขอบคุณล่วงหน้าครับแซม พรุ่งนี้เจอกันนะครับ” ศิวะกล่าวลา และเดินไปส่งยุทธจักรที่รถ พร้อมทั้งเตรียมเปิดประตูบ้านให้ยุทธจักรขับรถออกไป

หลังจากตรวจตราความเรียบร้อยของรอบๆบ้านแล้ว ศิวะจึงขึ้นไปบนห้องนอนส่วนตัว จัดการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอนให้สบายตัว สุดท้ายจึงเปิดประตูเข้าไปในห้องนอนของภูฟ้า

ภูฟ้าอยู่ในชุดนอนลายการ์ตูนตัวโปรด และกำลังนอนเล่นบนเตียงอยู่กับจอมยุทธ์ที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ในชุดนอนเรียบร้อย

“วันนี้ภูอยากฟังนิทานเรื่องอะไรครับ” ศิวะเอ่ยปากถามลูกชาย

“อยากฟังเรื่อง Lion King ครับพ่อเสือ”

หลังจากได้ยินคำตอบ ศิวะจึงเดินไปยังชั้นหนังสือที่มีหนังสือนิทานต่างๆจัดวางอย่างเรียบร้อย พลางค้นไล่ลำดับหมวดหมู่และชื่อเรื่องของนิทาน ก่อนจะหยิบเรื่องที่ภูฟ้าต้องการออกมาจากชั้น

ในขณะเดียวกันจอมยุทธ์ก็เตรียมที่นอน โดยวางหมอนใบนุ่มหนุนศีรษะและลำตัวของภูฟ้าให้อยู่ในระดับที่สามารถเห็นเรื่องราวที่ปรากฏอยู่ในหนังสือนิทานได้ถนัด ทั้งสองคนอาหลานยังคงพูดคุยหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน บ้างก็เป็นภาษาไทย บ้างก็เป็นภาษาอังกฤษสลับกับภาษาฝรั่งเศส

เมื่อได้หนังสือนิทานที่ต้องการแล้ว ศิวะจึงเดินมานั่งบนเตียงข้างๆ ภูฟ้า โดยมีจอมยุทธ์นั่งขนาบอยู่อีกด้านหนึ่ง ทั้งสามคนนั่งชิดกันและโอบกอดกันด้วยความรักความห่วงใยที่เปี่ยมล้นหัวใจ

ศิวะเปิดหนังสือนิทานที่มีภาพประกอบสวยงามและเริ่มต้นเล่านิทานให้ภูฟ้าฟัง.....เสียงนุ่มๆของศิวะที่บอกเล่าเรื่องราวต่างๆในหนังสือ สลับกับเสียงต่างโทนของจอมยุทธ์ที่มีความนุ่มนวลไม่แพ้กัน....สร้างบรรยากาศที่อบอุ่น อบอวนไปด้วยความรักที่มากมายเกินกว่าจะคาดเดา....ความผูกพันของทั้งสามคนนั้นเหนียวแน่นและลึกซึ้งเกินกว่าจะมีสิ่งใดมาทำลายได้.....แน่นอนที่สุดว่า ภูฟ้าคือดวงใจของทั้งศิวะและจอมยุทธ์....คือดวงใจดวงน้อย ที่สดใส สวยงาม บริสุทธิ์ และมีคุณค่า

น้ำเสียงที่อบอุ่นของศิวะและจอมยุทธ์ นำภูฟ้าเข้าสู่เรื่องราวในนิทานได้อย่างง่ายดาย......

นิทานเรื่องนี้เล่าถึงเจ้าชายสิงโตตัวน้อยในทุ่งหญ้าแห่งหนึ่ง ที่ต้องพิสูจน์ตัวเองให้ฝูงสัตว์ต่างๆเห็นว่าเขามีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเป็นราชาปกครองทุ่งหญ้านี้ต่อจากบิดาที่เสียชีวิตไป รวมถึงต้องสร้างความเข้มแข็งและภูมิปัญญาให้กับตนเองเพื่อทำการชิงบัลลังก์ที่น้องชายของบิดาครอบครองอยู่โดยมิชอบ....... เจ้าชายสิงโตตัวน้อย หรือซิมบ้า ต้องผจญภัยไปตามสถานที่ต่างๆ ตามแต่ละสถานการณ์เพื่อเรียนรู้วิถีแห่งการเป็นผู้นำ พร้อมกับเหล่าสหายที่จงรักภักดี เพื่อหล่อหลอมให้มีความแข็งแกร่งและเป็นราชาที่ดีในอนาคตต่อไป

นิทานดำเนินมาจนถึงท้ายเล่ม และเป็นเวลาเดียวกับดวงตาที่หวานซึ้งของภูฟ้าปิดสนิท นำเข้าสู่ห้วงนิทราที่อบอุ่นภายใต้ความรักที่เต็มเปี่ยมของคุณพ่อผู้ใจดีและคุณอาผู้ร่าเริง

เมื่อภูฟ้าหลับแล้ว ศิวะจึงค่อยๆลุกขึ้นจากเตียง และเดินเอาหนังสือไปเก็บไว้บนชั้นให้เรียบร้อย ในขณะที่จอม
ยุทธ์ก็ลุกจากเตียงนอนเช่นกัน เพื่อจัดท่านอนของหลานชายใหม่ ให้มีความสบายตัวมากขึ้น สุดท้ายจึงห่มผ้าให้อย่างเบามือ

ก่อนออกจากห้องนอน ทั้งศิวะและจอมยุทธ์ก็ก้มลงไปหอมแก้มใสๆของภูฟ้า และกล่าวราตรีสวัสดิ์เบาๆ

“ราตรีสวัสดิ์ครับ....ดวงใจของพ่อ”

“หลับฝันดีนะครับ...ดวงใจของอา”

******************************************
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: jammy ที่ 13-03-2007 11:13:11
เอาใจช่วยให้รอดพ้นเงื้อมมือพวกค้ายาบ้า หวังว่าตาภูคงจะไม่เป็นไรนะ  :impress:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: RoosT ที่ 13-03-2007 13:42:30
 :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:

แว๊ปมารีพลายให้ ปู่แอนดี้ ( :kikkik:) ก่อง ช่วงนี้มะค่อยว่างอ่านเรย แง๊ๆๆๆ

การทำ lab ช่างโหดร้ายต่อสุขภาพเสียจิ๊งงงงง (แหะๆ ขอบ่นนิดละกันคับ)

อ่า ภูฟ้า น่าร๊ากกกกกกก :give2:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 13-03-2007 13:50:46
....ตาภูจ๋า....อย่าเป็นอารายเลยนะ...อาเป็นห่วง... :110011: :เชิป2:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 13-03-2007 19:03:51
หลงภูฟ้าเข้าแล้วซิ   :-[  :-[  :-[
เหอ เหอ รักเด็ก ๆ  :laugh3:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 13-03-2007 19:47:07
วันนี้ไม่รู้จะเมนต์อะไร แหะแหะ  แต่มาให้กำลังใจจ๋อมแล้วกันจ้า อิอิ  :loveu:  :loveu:  :loveu:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: kYos ที่ 13-03-2007 23:57:39
น้องภูน่าร๊ากกก  :-[ ชอบไลอ้อน คิงส์ เหมือนกานเลย
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 14-03-2007 00:26:32
ภูน้อยนี่น่ารักจริงๆ เลย  :-[

รักจะแย่อยู่แล้วเนี่ย  :give2: :give2:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 14-03-2007 01:55:33
ตาภูน่ารัก :-[

แต่พี่เสือน่ารักที่สุด :give2:

เกาะติดสถานการณ์ครับ :yeb:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 14-03-2007 03:06:30
มาให้กำลังใจ :yeb:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 14-03-2007 10:50:07

เช้าวันอาทิตย์.................

โดยปกติแล้วกิจกรรมของครอบครัวที่มักจะทำร่วมกันในเช้าวันนี้คือการขี่ม้ารับแสงแดดอ่อนๆ ในบริเวณสนามขี่ม้าของโรงแรม แต่เนื่องจากสถานการณ์ความปลอดภัยที่ยังไม่แน่นอน ศิวะและจอมยุทธ์จึงตัดสินใจอยู่ในบ้าน โดยไม่ได้พาภูฟ้าออกไปขี่ม้าในตอนเช้าเช่นปกติ

ทั้งสามเลือกที่จะรับประทานอาหารเช้าในสวนหย่อมหน้าบ้านดังเช่นเมื่อวาน และใช้เวลาในการรับประทานอาหารเช้าตลอดจนพูดคุยสนทนาตามประสาพ่อ-ลูก-อา ไม่นานนัก จนกระทั่งศิวะและจอมยุทธ์ต้องแยกย้ายกันไปทำงานที่คั่งค้างในห้องทำงานชั้นใต้ดิน ในขณะที่ภูฟ้าก็เข้าไปในบ้านดูการ์ตูนหรือเล่นของเล่นต่างๆโดยมีคุณภาวดีและเจ้าเบนคอยอยู่เป็นเพื่อน

“จอมโทรเรียนคุณพ่อเรียบร้อยแล้วใช่มั้ย” ศิวะถามจอมยุทธ์ที่นั่งทำงานอยู่โต๊ะข้างๆ ขณะที่มือยังคงรัวแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์เพื่อบรรจุคำสั่งบางอย่างลงไป

“เรียนแล้วครับ ตั้งแต่เมื่อวานตอนบ่ายครับ....” จอมยุทธ์ตอบโดยที่เขาก็กำลังสาระวนกับคอมพิวเตอร์ส่วนตัว ไม่แพ้ผู้ถาม

“คุณพ่อว่าอย่างไรบ้าง” ศิวะถามต่อ

“ท่านก็บอกให้ระวังตัวครับ แล้วก็จัดการทุกอย่างตามที่เห็นสมควรครับ...คุณพ่อยังบอกให้ปรึกษาพี่เสือไว้ครับ....ส่วนตัวท่านกับคุณแม่จำเป็นต้องเดินทางไปดูงานและโปรโมทสินค้าที่ยุโรปเป็นเดือนครับ”

“อืม.... ท่านไปอยู่เมืองนอกคงจะปลอดภัยมากกว่าอยู่เมืองไทยในตอนนี้” 

“ผมก็คิดเช่นนั้นเหมือนกันครับ คุณพ่อกับคุณแม่จะออกเดินทางไปพร้อมกับผู้ถือหุ้นบางส่วนในคืนนี้ครับ...แต่ผมก็เรียนท่านไปด้วยว่าให้เอาบอดีการ์ดไปด้วยซักคนสองคน......เพื่อความแน่นอนใจครับ”

“ดีแล้ว...พี่เห็นด้วย” ศิวะกล่าวสนับสนุนความคิดของจอมยุทธ์

“งานที่โรงแรมพี่เสือล่ะครับ....เป็นอย่างไรบ้าง” จอมยุทธ์เปลี่ยนมาตั้งคำถามบ้าง เพราะศิวะไม่ได้ไปทำงานที่โรงแรมตั้งแต่เมื่อวาน

“ไม่มีอะไรเร่งด่วน...ช่วงนี้พี่ให้ผู้จัดการโรงแรมตัดสินใจแทนพี่ได้ทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องสำคัญจริงๆ เค้าจะโทรมาหรืออีเมลล์มา ตอนนี้พี่ลางานอย่างน้อยหนึ่งเดือนครับ....เพราะว่าเรามีเรื่องที่สำคัญกว่านั้นที่จะต้องทำ”

“ครับ.....” จอมยุทธ์ตอบ แต่มือก็ยังคงรัวแป้นพิมพ์เพื่อใส่รหัสบางอย่างลงไปในคอมพิวเตอร์เช่นเดียวกับศิวะ

โดยที่ตลอดเวลาการสนทนานั้นทั้งคู่ยังคงป้อนคำสั่งต่างๆลงในคอมพิวเตอร์อย่างต่อเนื่อง

“งานของจอมเป็นอย่างไรบ้างล่ะ” ศิวะกลับมาถามต่อ

“ก็สบายๆครับ มีแค่การวิเคราะห์สูตรสารเคมีบางอย่างครับ...... แต่ว่าพี่เสือได้อีเมลล์ของ Alex แล้วใช่มั้ยครับ ว่าเค้าจะมาหาเรา.....ผมว่าเขาเลือกมาได้ตรงกับสถานการณ์เหลือเกินครับ”

“ได้เหมือนกัน....พี่คิดว่าเอล็กซ์น่าจะมาถึงวันนี้น๊ะ เพราะได้ข่าวว่าเป็นงานด่วนเหมือนกัน....พี่คิดว่าอเล็กซ์คงโทรหาเราทันที่ที่มาถึงกระมัง” ศิวะคาดการณ์

“น่าจะเป็นอย่างนั้นครับ...เพราะอเล็กซ์ไม่เคยมาบ้านเรามาก่อน”

ทั้งคู่พักการสนทนาชั่วคราวเพราะต้องใช้สมาธิอยู่กับข้อมูลที่ปรากฏขึ้นในจอคอมพิวเตอร์ของแต่ละคน ศิวะและจอมยุทธ์ใช้เวลาทำงานเป็นเวลาค่อนข้างนาน จนกระทั่งได้ยินเสียงอินเตอร์คอมดังขึ้น โดยคุณภาวดีรายงานว่าร้อยตำรวจเอกศตวรรษได้นำเอานายตำรวจอารักมาแนะนำให้ทราบ และกำลังนั่งพักรอที่ห้องรับแขก

ศิวะและจอมยุทธ์พักงานที่ทำไว้ทันที โดยไม่ลืมที่จะเข้ารหัสล็อคคอมพิวเตอร์ก่อนที่จะเดินขึ้นมายังห้องรับแขก

เมื่อได้พบหน้านายตำรวจผู้เป็นแขกทั้งห้า ศิวะและจอมยุทธ์จึงเอ่ยคำทักทายอย่างสุภาพ

“สวัสดีครับ” สองหนุ่มพูดขึ้นพร้อมกัน

ร้อยตำรวจเอกศตวรรษ.....ผู้ที่รู้จักทั้งสองหนุ่มตั้งแต่เมื่อคืนวันศุกร์กล่าวแนะนำนายตำรวจอารักขาทั้งสี่คนทันทีที่ทักทายกันเสร็จสิ้นเรียบร้อย

“คุณศิวะและคุณจอมยุทธ์ครับ...ผมขออนุญาตแนะนำ ร้อยตำรวจตรีสราวุฒิ ร้อยตำรวจตรีกรกฏ จ่าสิบตำรวจเอกปิยะ และจ่าสิบตำรวจเอกมานพครับ.......คุณจอมยุทธ์จะได้รับการดูแลรักษาความปลอดภัยตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงโดยนายตำรวจทั้งสี่คนจะสลับกันมาเป็นคู่ครับ หน้าที่หลักๆของนายตำรวจแต่ละคู่จะคอยดูแลคุณจอมยุทธ์ขณะเดินทางออกจากบ้านไปโรงงานและรวมถึงการเดินทางอื่นๆครับ” 

นายตำรวจทุกนายอยู่ในชุดสุภาพนอกเครื่องแบบ ลักษณะท่าทางของแต่ละคนดูกระฉับกระเฉงเอางานเอาการ  คาดว่าอายุของทั้งหมดจะอยู่ระหว่าง 25-30 ปี ส่วนคุณสมบัติอื่นๆนั้นร้อยตำรวจเอกศษวรรตก็กล่าวบรรยายให้ฟังอย่างละเอียดต่อมา รวมถึงบอกเหตุผลที่ว่าต้องดูแลตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงนั้น เนื่องจากจอมยุทธ์ได้รับการขู่จากฝ่ายตรงข้ามถึงสองครั้งสองครา
 
“ยินดีที่ได้รู้จักอีกครั้งครับ....แต่ผมต้องปฏิบัติตัวอย่างไรบ้างครับ” จอมยุทธ์ถามในตอนท้าย หลังจากฟังข้อมูลของนายตำรวจทั้งสี่เสร็จสิ้น

“ผมต้องขอเรียนคุณจอมยุทธ์โดยตรงครับว่า เนื่องจากเป็นการดูแลตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ดังนั้นเพื่อความสะดวกของนายตำรวจติดตามทั้งหมด ผมขอรบกวนคุณจอมยุทธ์ช่วยลดการเดินทางหรือกิจกรรมที่ไม่จำเป็นชั่วคราวจนกระทั่งเราสามารถจับผู้บงการได้ครับ” ผู้กองศตวรรษตอบคำถาม

“ผมจะพยายามครับ” จอมยุทธ์ตอบเพราะเข้าใจสถานการณ์เป็นอย่างดี

“อีกเรื่องหนึ่งคือเรื่องที่พักครับ ....ผมขอรบกวนคุณจอมยุทธ์และคุณศิวะอำนวยความสะดวกเรื่องที่พักให้นายตำรวจที่ปฏิบัติงานในแต่ละวันครับ....ไม่ทราบว่าจะเป็นการรบกวนเกินไปหรือไม่ครับ” ร้อยตำรวจเอกศตวรรษเอ่ยถามอีกครั้งในประโยคสุดท้าย

“ไม่มีปัญหาครับ....ผมกับจอมจะดูแลรับผิดชอบทั้งเรื่องที่พักรวมเรื่องอาหารและอื่นๆ อย่างเต็มที่ครับ” ศิวะกล่าวในฐานะเจ้าของบ้าน

“ขอบคุณครับ” ผู้กองหนุ่มกล่าวขอบคุณแทนนายตำรวจทั้งหมด และถือโอกาสกล่าวลาเจ้าของบ้านทั้งสองคนเพื่อไปพบกับนครินทร์ที่รออยู่ที่กองบัญชาการ

“ผมคงต้องขอตัวก่อนนะครับ...พอดีผมต้องรีบไปพบท่านรองฯ เรื่องคดีต่อครับ” ผู้กองศตวรรษยกมือไหว้ทำความเคารพศิวะและรับไหว้จอมยุทธ์ โดยปล่อยให้นายตำรวจที่เหลือทั้งสี่ชี้แจงวิธีการปฏิบัติงานอย่างละเอียดให้จอมยุทธ์ฟัง

ศิวะเดินไปส่งผู้กองศตวรรษที่รถและดูแลการปิดประตูบ้านให้เรียบร้อย ก่อนจะเดินกลับเข้ามายังห้องรับแขก โดยไม่ลืมที่จะตามคุณแม่บ้านเข้าไปด้วยเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้นายตำรวจทั้งสี่

จอมยุทธ์รับผิดชอบในการพูดคุยทำความเข้าใจกับนายตำรวจที่มาปฏิบัติหน้าที่รวมถึงแนะนำคนในบ้านทุกให้รู้จัก ต่อด้วยการนำทัวร์รอบบ้านเป็นอย่างสุดท้าย ในขณะที่ศิวะขอตัวไปทำงานที่คั่งค้างอยู่ตั้งแต่เมื่อเช้า
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 14-03-2007 11:00:31
ขณะที่ศิวะกำลังตรวจสอบข้อมูลอยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ส่วนตัว ยุทธจักรก็โทรศัพท์มาบอกว่าไม่สามารถเข้ามาหาได้ในตอนสายวันนี้เพราะอยู่กับนครินทร์ที่กองบัญชาการในตอนนี้ เนื่องจากถูกตามตัวเป็นกรณีเร่งด่วนให้มาช่วยดูหลักฐานที่พบเพิ่มเติม ซึ่งเป็นรอยสักที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายชันสูตรรายงานเข้ามา โดยพบว่าผู้เสียชีวิตทุกคนมีรอยสักลักษณะเดียวกันอยู่บนส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย ซึ่งตรงกับที่ศิวะคาดเดาเอาไว้

ยุทธจักรอธิบายเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายชันสูตรรายงานข้อสังเกตไว้ด้วยว่าผู้เสียชีวิตทั้งหมดน่าจะเป็นคนกลุ่มน้อย แต่เป็นกลุ่มคนที่มีเชื้อสายอะไรนั้นยังไม่สามารถระบุได้ นั่นจึงเป็นสาเหตุให้นครินทร์ต้องการตัวยุทธจักรเพื่อสอบถามความคิดเห็นว่าอาจจะเป็นพวกกลุ่มก่อการร้ายข้ามชาติและขอร้องให้ช่วยประสานงานดึงข้อมูลบางส่วนจากสำนักงานสภาความมั่นคงฯออกมาเพื่อตรวจสอบให้แน่ชัด

สาเหตุสำคัญที่ข้อมูลชันสูตรถูกส่งเข้ามาอย่างรวดเร็วนั้นเพราะว่านครินทร์ซึ่งเป็นนายตำรวจระดับรองผู้กำกับงานปฏิบัติการพิเศษ กองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 2 ซึ่งเป็นหน่วยงานย่อยของกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ที่มีสถานที่ทำการอยู่ในกองบัญชาการตำรวจภูธรภาคห้า ลงมารับผิดชอบคดีด้วยตนเอง พวกเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องต่างๆจึงเร่งทำข้อมูลเพื่อเสนอให้นครินทร์พิจารณาอย่างรวดเร็ว

ศิวะรับทราบข้อมูลอย่างใจเย็นและถือโอกาสถามถึงลักษณะของรอยสักที่พบดังกล่าว ซึ่งยุทธจักรก็ยื่นโทรศัพท์ให้นครินทร์เป็นฝ่ายอธิบายให้ฟังเองอย่างละเอียด

หลังจากพูดคุยกับเสร็จสิ้น....ศิวะจึงวางหูโทรศัพท์ และเริ่มต้นทำงานต่อจนกระทั่งต้องรับประทานกลางวันในห้องทำงาน กว่างานของเขาจะเสร็จก็ราวๆบ่ายสามโมงเย็น หลังจากนั้นจึงได้รับโทรศัพท์จากอเล็กซ์ให้ช่วยมารับที่สนามบินเชียงใหม่ เพราะว่าเดินทางมาถึงเรียบร้อยแล้ว

ระยะห่างระหว่างบ้านของศิวะกับท่าอากาศยานนานาชาติจังหวัดเชียงใหม่นั้นไม่ไกลกันมากนัก ดังนั้นในช่วงไม่ถึงยี่สิบนาทีศิวะจึงสามารถไปปรากฏตัวที่สนามบินได้ และเนื่องด้วยท่าอากาศยานนานาชาติจังหวัดเชียงใหม่นั้นมีขนาดเล็ก ประกอบกับความสูงและรูปร่างที่สะดุดตาของทั้งอเล็กซ์และศิวะ จึงทำให้ทั้งสองคนมองเห็นกันทันทีที่ศิวะก้าวเท้าเข้าไปในอาคารรอรับผู้โดยสาร

เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจไม่น้อยสำหรับผู้โดยสารขาเข้า รวมถึงผู้คนที่อยู่ในบริเวณนั้นจะเห็นชายหนุ่มสองคน คนหนึ่งผิวสีแทนหุ่นสูงหน้าตาหล่อสมาร์ท ยืนกอดทักทายกับชายหนุ่มผิวขาวลูกครึ่งเอเชียยุโรปที่มีความสูงไล่เลี่ยกัน ต่างคนต่างทักทายกันด้วยภาษาอังกฤษชัดถ้อยชัดคำ

“Hi.....what’s up Alex?” ศิวะทักทายพร้อมรั้งตัวคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเข้าไปกอดอย่างรวดเร็ว

“Pretty good.......but kind of tired though.....since it was such a long flight from France.....anyway how are you doing, Tiger?” แม้คนพูดจะบอกว่าค่อนข้างเหนื่อยเพราะเดินทางมาจากประเทศฝรั่งเศสก็ตาม แต่สีหน้าและแววตายังคงสดชื่นยามที่ได้พบเพื่อนอย่างศิวะ

“I am doing OK......by the way, why don’t you drop at Bangkok for a night before flying here?” ประโยคท้ายศิวะถาม

“พอดีมีเรื่องด่วนนิดหน่อยอยากให้คุณกับจอมช่วยน่ะ” ชายหนุ่มลูกครึ่งยังคงใช้ภาษาอังกฤษในการตอบคำถาม

“โอเค...งั้นไปคุยกันที่บ้านดีกว่า....เออ แต่ว่าคุณทานอะไรมาหรือยัง....หิวหรือป่าว” ศิวะยังคงใช้ภาษาอังกฤษในการพูดคุยกับอเล็กซ์ ตลอดเวลาเนื่องจากเพื่อนชายชาวต่างชาติคนนี้ไม่สามารถพูดไทยได้

“ทานมาจากสนามบินแล้ว....เดี๋ยวรอทานข้าวเย็นพร้อมคุณกับจอมดีกว่า” หนุ่มลูกครึ่งตอบ

ดังนั้นศิวะจึงพาอเล็กซ์พร้อมด้วยกระเป๋าสะพายหลังหนึ่งใบ ออกจากสนามบินเพื่อกลับไปที่บ้านพักโดยไม่ให้เสียเวลา

ทันทีที่พบหน้าจอมยุทธ์ อเล็กซ์ก็ไม่รอช้า มุ่งตรงเข้าไปกอดทักทายจอมยุทธ์ทันที โดยไม่ลืมที่จะหอมแก้มจอมยุทธ์อย่างที่ตั้งใจไว้แต่แรก

“เฮ้ย.......นายอเล็กซ์...น้อยๆ หน่อย.....ผมไม่ใช่แฟนคุณนะ.....” จอมยุทธ์แกล้งพูดน้ำเสียงจริงจัง และพยายามผลักคนที่กอดรัดอยู่ออกไป

“โหย......แกล้งนิดเดียวทำเป็นโกรธ...ก็ใครจะอดใจไหวล่ะ...ไม่ได้เจอกันตั้งนาน.....อีกอย่างผมยังไม่มีแฟนซักหน่อย..........FYI......ผมก็เล่นกับจอมคนเดียวเองนะ...ไม่กล้าเล่นกับผู้ชายคนไหน....เดี๋ยวเขาจะหาว่าผมเป็นเกย์....เสียชื่อเสือผู้หญิงอย่างผมหมดพอดี” หนุ่มลูกครึ่งช่างเล่นกล่าวอ้อน

จอมยุทธ์หัวเราะเบาๆกับท่าทางไม่รู้จักโตของหนุ่มลูกครึ่งที่ชื่อว่าอเล็กซ์คนนี้

อเล็กซ์เป็นชายหนุ่มรูปงาม อายุเท่ากับจอมยุทธ์พอดี มีโครงสร้างของร่างกายแบบคนเอเชียแต่ทว่าสูงใหญ่ ความสูงของเขาประมาณ 180 เซนติเมตร มีผิวขาวละเอียดแบบคนเอเชีย โดยเพียงใบหน้าและดวงตาสีเขียวเข้มเท่านั้นที่ออกไปทางยุโรปตามมารดาซึ่งเป็นชาวสเปน

บิดาของเขาเป็นชาวเกาหลีใต้ อเล็กซ์จึงถือสองสัญชาติคือเกาหลีใต้และเสปน และสามารถพูดภาษาของบิดาและมารดาได้อย่างคล่องแคล่ว ไม่รวมกับภาษาฝรั่งเศสและอังกฤษ เพราะต้องทำงานประจำอยู่ที่เมืองลีอง ประเทศฝรั่งเศสมากว่า 5 ปีแล้ว

อเล็กซ์กำลังจะนั่งลงบนโซฟาห้องรับแขกภายหลังที่คลายอ้อมกอดของตนออกจากจอมยุทธ์ พลันสายตั้งคู่ก็ไปพบกับดวงหน้าของเด็กชายตัวน้อยน่ารักที่ศิวะเดินจูงมือเข้ามาในห้อง

รอยยิ้มของอเล็กซ์เปิดออกโดยพลันเพราะพอจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าหนูน้อยน่ารักคนนี้คือใคร...

“ถ้าผมจำไม่ผิด ......นี่คือ....สกาย....ใช่มั้ย เสือ....จอม” อเล็กซ์เรียกภูฟ้าว่า สกาย ซึ่งเป็นชื่อที่คริสเป็นคนตั้งให้เมื่อครั้งอยู่ที่อังกฤษเพื่อให้ง่ายต่อการที่คนต่างชาติจะออกเสียงเรียกได้ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเพื่อนๆต่างชาติของศิวะและจอมยุทธ์จึงเรียกภูฟ้าด้วยชื่อนี้โดยตลอด

ทั้งสองหนุ่มพยักหน้าพร้อมๆ กันเป็นคำตอบ

ดังนั้นแทนที่อเล็กซ์จะนั่งลงบนโซฟา เขาจึงเดินเข้าไปหาภูฟ้า ทรุดตัวนั่งลง ในตอนแรกเขาจะทักทายหนูน้อยเป็นภาษาอังกฤษ แต่ก็เปลี่ยนใจ คิดทดสอบอะไรบางอย่างว่าทั้งศิวะและจอมยุทธ์จะเตรียมความพร้อมของภูฟ้าไว้มากน้อยเพียงใด

"Hola!!! ?C?mo est?s?" อเล็กซ์เลือกที่จะทักทายภูฟ้าเป็นภาษาเสปน ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่ภาษาที่หนูน้อยจำเป็นต้องเรียนรู้ ในฐานะที่ทั้งศิวะและจอมยุทธ์ทำงานในด้านที่จำเป็นต้องใช้ความเชี่ยวชาญของภาษาดังกล่าว

ภูฟ้าหยุดคิดเล็กน้อย ในขณะที่อเล็กซ์เงยหน้าขึ้นมองศิวะและจอมยุทธ์ เพื่อเตรียมเอ่ยคำถาม แต่พอดีกับที่ภูฟ้าตอบคำถามของเขาว่าสบายดี

“Mui bien, y tu” เสียงเล็กๆ น่ารักของภูฟ้าเรียกรอยยิ้มให้กับชายหนุ่มลูกครึ่งตรงหน้าได้เป็นอย่างดี

“Bien, Muchas gracias..... Me llamo Alex” อเล็กซ์ตอบและกล่าวขอบคุณ รวมถึงแนะนำตนเอง ก่อนจะถามคำถามต่อไป

“?Come se llama?....y....?Cuantos a?os tienes?”

ภูฟ้ายังคงหยุดคิดเล็กน้อย... แต่ก็ตอบคำถามของอเล็กซ์ได้อย่างถูกต้อง

“Me llamo Sky.....y......Tengo cinco a?os”

และโดยมารยาทที่บิดาและคุณอาหนุ่มสั่งสอนมา ภูฟ้าจึงเพิ่มประโยคสุดท้ายเข้าไปด้วยในประโยคสนทนา

“Es un placer conocerte” ซึ่งเป็นการกล่าวแสดงความยินดีที่ได้พบกัน

“Es un placer para mi tambi?n conocerte” อเล็กซ์ได้ฟังดังนั้นจึงตอบแสดงความยินดีกลับไปโดยทันที

“You know, I saw you when you were too little in England.....but now you are so grown up.....” อเล็กซ์เปลี่ยนมาเป็นภาษาอังกฤษตามเดิม เพราะการทดสอบได้สำเร็จลง และผลที่ได้เป็นที่น่าพอใจมาก เพราะภูฟ้าสามารถสนทนาภาษาเสปนอย่างง่ายๆ ได้เป็นอย่างดี

“Can I give you a hug?” อเล็กซ์อดใจในความน่ารักของเด็กชายตัวน้อยไม่ได้จึงขอเอ่ยปากขออนุญาต

“Yes, you can” ภูฟ้าตอบพร้อมร้อยยิ้มอีกเช่นเคย และอนุญาตให้ชายหนุ่มตัวโต ผู้มีดวงตาสีเขียวสดกอดอย่างไม่รังเกียจ

หลังจากทักทายกันเรียบร้อยแล้ว ศิวะจึงถือโอกาสแนะนำภูฟ้าให้รู้จักอเล็กซ์และอธิบายว่าอเล็กซ์เคยเจอภูฟ้าเมื่อครั้งที่ยังอยู่อังกฤษด้วยกัน จึงไม่แปลกที่อเล็กซ์จะจดจำภูฟ้าได้  

หมายเหตุ:
Hola!!! ?C?mo est?s? = สวัสดีครับ สบายดีมั้ยครับ
“Mui bien, y tu” = สบายดีครับ แล้วคุณล่ะครับ
“Bien, Muchas gracias......Me llamo Alex” = สบายดีครับ ขอบคุณครับ.....ผมชื่ออเล็กซ์ครับ
“?Come se llama?....y....?Cuantos a?os tienes?” = ชื่ออะไรครับ และ อายุเท่าไหร่แล้วครับ
“Me llamo Sky.....y......Tengo cinco a?os” = ผมชื่อสกายครับ อายุห้าขวบครับ
“Es un placer conocerte” = ยินดีที่พบคุณครับ
“Es un placer para mi tambi?n conocerte” ยินดีที่ได้พบคุณเช่นกันครับ
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 14-03-2007 11:01:45
ทั้งสี่คนนั่งคุยกันซักพัก จอมยุทธ์จึงนำอเล็กซ์ขึ้นไปพักผ่อนที่ห้องพักรับรองแขกบนชั้นสามของบ้าน ส่วนศิวะก็พาภูฟ้าออกไปวิ่งเล่นที่สนามหญ้าหน้าบ้านพร้อมสุนัขตัวโปรดของครอบครัว

ไม่นานนักจอมยุทธ์ก็ตามมาสมทบรวมถึงอเล็กซ์ที่ปรากฏตัวในอีกสิบนาทีต่อมา หลังจากอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย

ภายใต้บุคลิกที่ร่าเริง ช่างเล่นของอเล็กซ์นั้นกลับซ่อนความช่างสังเกตไว้อย่างแนบเนียน ดังนั้นเขาจึงไม่รอช้าที่จะเอ่ยถามถึงชายหนุ่มสองคนที่ดูเผินๆเหมือนจะเป็นสมาชิกในบ้าน แต่เมื่อพิจารณาอย่างละเอียดแล้วกลับคล้ายว่ากำลังคุมเชิงอะไรบางอย่าง

“สองคนนั่นใครน่ะ” อเล็กซ์ถามตรงๆ พลางใช้ดวงตาทั้งสองข้างเหลือบซ้ายขวา เพื่อแสดงทิศทางที่อยู่ของชายหนุ่มสองคนที่เขากล่าวถึง

“ตำรวจอารักขา” จอมยุทธ์ตอบสั้นๆ

“ทำไม” อเล็กซ์ถามขึ้นมาในทันที

“ผมแค่ถูกหมายหัวก็เท่านั้นเอง” จอมยุทธ์ยังตอบแบบสั้นๆ ตามเคย แต่เมื่อหันมาเห็นสายตาคาดคั้นเอาความจริงจากเพื่อนหนุ่มลูกครึ่ง จอมยุทธ์จึงต้องอธิบายให้ฟัง
 
จอมยุทธ์เท้าความเล่าตั้งแต่เหตุการณ์ที่โรงเบียร์..... การปะทะกันระหว่างตำรวจและกลุ่มคนชุดดำ การขู่ที่มีถึงสองครั้งสองครา รวมถึงรายละเอียดต่างๆที่ได้พูดคุยกับตำรวจไทย

อเล็กซ์ยื่นนิ่งตั้งใจฟังอย่างละเอียดและถามคำถามบางอย่างที่เขาสงสัย บุคลิกที่สนุกสนานหายไปทันที มีแต่ความเป็นงานเป็นการและความนิ่งของอารมณ์เข้ามาแทนที่

“อย่างนั้นคุณคงต้องระวังตัวให้มากแล้ว.....จอม” อเล็กซ์กล่าวเตือนหลังจากฟังเรื่องทั้งหมด

ยังไม่ทันที่หนุ่มลูกครึ่งจะกล่าวต่อ.....ศักดิ์.....คนสวนของบ้าน ก็เดินเข้ามาหาจอมยุทธ์และบอกให้ทราบว่ามีเรื่องที่ต้องรายงานให้ทั้งจอมยุทธ์และศิวะทราบ

จอมยุทธ์จึงเดินเข้าไปหาศิวะที่กำลังสอนภูฟ้าโยนจานร่อน และเอ่ยขอตัวศิวะจากภูฟ้าชั่วคราวเพื่อมารับฟังเรื่องที่ศักดิ์จะรายงานให้ทราบ

 “ผมรู้สึกว่าพนักงานรักษาความปลอดภัยที่หน้าหมู่บ้านโซนที่หนึ่งกับโซนที่สองมีหน้าตาแปลกๆ ไปจากที่เคยเห็นนะครับ....ที่แปลกไปกว่านั้นคือ มีพนักงานบางคนมาเดินซุ่มๆมองๆอยู่ในโซนหน้าบ้านด้วยครับ...ที่สำคัญผมได้ยินแต่ไม่ชัดนักครับ แต่พอจะทราบว่าพนักงานเหล่านี้คุยกันด้วยภาษาอื่นที่ไม่ใช่ภาษาไทยครับ” ศักดิ์รายงานให้ฟังทันที่ที่ศิวะกับจอมยุทธ์เดินเข้ามาหา

แม้ว่าอเล็กซ์จะไม่เข้าใจภาษาไทยที่ศักดิ์รายงาน แต่ลักษณะการควบคุมสีหน้าและแววตาของจอมยุทธ์และศิวะ อเล็กซ์จึงพอจะเดาได้ว่าเกิดเหตุไม่ชอบมาพากลขึ้นเสียแล้ว

“เกิดอะไรขึ้น” อเล็กซ์ถามหลังศักดิ์รายงานเสร็จสิ้น

“คาดว่าจะมีพวกมดงานมาก่อกวน” ศิวะเป็นฝ่ายตอบ

“แล้วจะทำอย่างไรต่อ” อเล็กซ์ไม่นอนใจ เพราะเข้าใจความหมายของคำว่ามดงานเป็นอย่างดี

“ก็คงต้องให้ตำรวจจัดการ” ศิวะตอบตามหลักการ

“ก็ดีครับพี่เสือ....ให้ตำรวจออกไปดูดีกว่า เพื่อจะได้ปลอดภัยมากขึ้น” จอมยุทธ์สนับสนุน

“จอมจะให้พี่ไปคุยกับผู้หมวดสราวุฒิหรือว่าจอมจะไปคุยเอง” ศิวะกล่าวถึงนายตำรวจผู้มาประจำการอารักขาจอมยุทธ์ในวันนี้

“เดี๋ยวผมไปคุยเองดีกว่าครับพี่เสือ......ส่วนพี่เสืออยู่เล่นกับตาภูที่นี่ดีกว่าครับ”จอมยุทธ์เป็นคนรับอาสา และแยกตัวออกไปหาผู้หมวดสราวุฒิที่นั่งอยู่บริเวณสวนหย่อมหน้าบ้าน

“อเล็กซ์.....ฝากเล่นกับสกายแป๊บหนึ่งนะ เดี๋ยวผมขอไปโทรศัพท์นิดหนึ่ง” ศิวะกล่าวขอแยกตัวไปโทรศัพท์ โดยปล่อยให้ลูกชายตัวน้อยอยู่ในความดูแลของอเล็กซ์ชั่วคราว

“ตามสบายครับ” อเล็กซ์ตอบ ก่อนจะเดินตรงไปยังหนูน้อยภูฟ้า ที่นั่งเล่นอยู่กับสุนัขตัวใหญ่สีทองท่าทางใจดี

“สกายเล่นอะไรอยู่ครับ.....ขอผมเล่นด้วยคนได้มั้ยครับ” อเล็กซ์ถามหนูน้อยด้วน้ำเสียงนุ่มนวล

“เล่นจานร่อนครับ....” ภูฟ้าตอบ พร้อมทั้งใช้มือน้อยๆ ยื่นจานร่อนให้คุณอาร่างสูงใหญ่ผู้เป็นเจ้าของดวงตาสีเขียวที่ดึงดูดความสนใจไม่แพ้ดวงตาสีฟ้าสดของหนึ่งในบิดาของหนูน้อยที่ยังอยู่อีกซีกโลกหนึ่ง

“ขอบคุณครับ” อเล็กซ์ตอบ

ขณะที่เล่นจานร่อนอยู่กับภูฟ้าและสุนัขตัวโต อเล็กซ์ก็สังเกตว่าจอมยุทธ์กำลังพูดคุยอยู่กับหนึ่งในสองคนที่เป็นตำรวจอารักขา ในขณะที่ศิวะก็กำลังยืนคุยโทรศัพท์อยู่ในบริเวณถัดไปไม่ไกลนัก

ในไม่ช้าทั้งคู่ก็เดินกลับมาหาภูฟ้าและอยู่เล่นด้วยกันจนถึงเกือบได้เวลารับประทานอาหารเย็น

จนแล้วจนรอดหลังรับประทานอาหารเย็น อเล็กซ์ก็ยังไม่เล่าถึงสาเหตุที่เดินทางมายังเมืองไทยให้ทั้งสองหนุ่มฟังซักที บอกเพียงแต่ว่ารอให้ได้ข้อมูลมากกว่านี้เสียก่อนแล้วจะอธิบายให้ฟัง แต่ก็ขออนุญาตทั้งสองหนุ่มเข้าไปทำงานในห้องทำงานใต้ดิน

ดังนั้นหลังจากรับประทานอาหารเย็นเสร็จเรียบร้อย ทั้งศิวะ จอมยุทธ์ และภูฟ้าจึงใช้เวลาอยู่ด้วยกัน....นั่งอ่านหนังสือ ดูรายการโทรทัศน์ที่เป็นประโยชน์ต่างๆ จนกระทั่งถึงเวลาที่ภูฟ้าต้องเข้านอน เพราะพรุ่งนี้วันจันทร์ ภูฟ้าต้องไปเรียนตั้งแต่เช้า

ก่อนที่จะพาภูฟ้าเข้านอน ศิวะได้รับโทรศัพท์จากยุทธจักร เพื่อกล่าวคำขอโทษเนื่องจากติดธุระกับนครินทร์ในตอนบ่าย รวมถึงต้องกลับกรุงเทพด่วน จึงไม่ได้แวะเข้ามาหา รวมถึงยังแสดงความเป็นห่วงเป็นใยถึงจอมยุทธ์และภูฟ้า โดยกล่าวว่าเขากับนครินทร์กำลังปรึกษาหารือกัน และจะพยายามอย่างยิ่งที่จะเข้ามาช่วยเหลือเรื่องความปลอดภัยให้มากกว่านี้

ศิวะไม่ได้ถามถึงเหตุผลของการกลับไปกรุงเทพอย่างกะทันหันเพราะเห็นว่าอาจเป็นเรื่องส่วนตัว หรืออาจจะเกี่ยวข้องกับเรื่องงานก็ได้

สิ่งที่ศิวะคิดนั้นเรียกว่าเข้าทางเลยทีเดียว เพราะยุทธจักรจำเป็นต้องรีบกลับไปกรุงเทพฯ เพื่อเข้าไปพบผู้กองต้น หรือร้อยตำรวจเอกกิตติศักดิ์ที่สำนักงานฯ  เนื่องจากระบบเครือข่ายข้อมูลของฝ่ายปฏิบัติการถูกลุกล้ำโดยแฮคเกอร์นิรนาม

แม้ว่าผู้กองต้นซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญการวางระบบคอมพิวเตอร์ รวมถึงมีความสามารถพิเศษในการติดตามตลอดจนป้องกันอาชญากรคอมพิวเตอร์จะหาทางป้องกันและวางกับดักไว้มากมาย แต่แฮคเกอร์นิรนามก็ยังสามารถถอดกับดักต่างๆอย่างง่ายดาย อีกทั้งยังได้ปล่อยไวรัสแฝงไว้เพื่อรบกวนการติดตาม ทำให้ผู้กองต้นไม่สามารถระบุที่มาของแฮคเกอร์คนนี้ได้

ผู้กองต้นต่อสู้เพื่อป้องกันระบบถึงสองชั่วโมงเต็มในช่วงบ่ายจนคอมพิวเตอร์แทบลุกเป็นไฟ สุดท้ายก็พ่ายแพ้อย่างราบคาบ...... แฮคเกอร์ที่ไม่ทราบว่ามาจากที่ไหนสามารถฝ่าด่านสุดท้ายเข้าไปในระบบฐานข้อมูลส่วนตัวของยุทธจักร และวางโฟลเดอร์ที่มีชื่อว่า “Interpol_Lusor” ไว้เพื่อเป็นการปักธงประกาศชัยชนะ

ผู้กองต้นยังไม่กล้าเปิดโฟลเดอร์อันนี้ เนื่องจากเกรงว่าจะเป็นไวรัสร้ายแรงที่สามารถทำลายระบบฐานข้อมูลทั้งหมดได้ เขาจึงพยายามใช้โปรแกรมตรวจจับไวรัสที่ทันสมัยทั้งหมดที่มีสแกนหาไวรัส ......

แม้ว่าจะไม่พบความผิดปกติใดๆ ผู้กองต้นก็ยังไม่มั่นใจอยู่ดี สุดท้ายจึงต้องโทรศัพท์ปรึกษายุทธจักรซึ่งเป็นหัวหน้าของเขาโดยตรงให้รีบเข้ามาจัดการ

นั่นจึงเป็นสาเหตุให้ยุทธจักรจึงต้องขึ้นเครื่องบินกลับกรุงเทพฯอย่างรีบด่วน และตรงเข้าไปในสำนักงานทันทีที่มาถึง

เมื่อสอบถามรายละเอียดจากผู้กองต้นเรียบร้อยแล้ว ยุทธจักรจึงตัดสินใจเสี่ยงเปิดโฟลเดอร์นี้ออก แต่ก็ไม่ลืมที่จะให้ผู้กองต้นสร้างอาณาเขตป้องกันเอาไว้ ซึ่งจะช่วยป้องกันการแพร่กระจายของไวรัส และป้องกันไม่ให้ลุกลามไปยังฐานข้อมูลอื่นๆได้

สิ่งที่สร้างความแปลกใจให้กับนายตำรวจสองหนุ่ม....นอกจากจะกลายเป็นว่าโฟลเดอร์นี้ปลอดไวรัสแล้ว ยังอัดแน่นไปด้วยข้อมูลของกองกำลังนายพลลู่เซอ ทั้งในแง่กำลังพล รูปถ่าย รายละเอียดต่างๆของกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย รวมถึงประวัติผู้ต้องสงสัยว่าจะเป็นเส้นสายต่างๆในประเทศไทย

ข้อมูลต่างๆถูกเรียงเป็นลำดับเพื่อความสะดวกในการอ่านโดยใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาเขียน ซึ่งก็ไม่เป็นการยากสำหรับนักเรียนนอกอย่างยุทธจักรและผู้กองต้นจะเข้าใจ

สิ่งที่สร้างความแปลกใจให้กับยุทธจักรมากที่สุดเห็นจะเป็น หน้าปกของเอกสารฉบับเต็ม ที่เขียนคำว่า“Confidential” ซึ่งแปลว่าเอกสารลับอยู่ด้านบนสุด และตามด้วย Interpol : Final Report หรือก็คือรายงานฉบับสมบูรณ์ของสำนักงานตำรวจสากล

ยุทธจักรใช้เวลาหลายชั่วโมงตั้งแต่เย็นอ่านรายงานฉบับนี้อย่างละเอียด โดยมีผู้กองศตวรรษเป็นผู้ช่วยในการยืนยันข้อมูลสำคัญๆต่างๆกับข้อมูลที่มีอยู่ในประเทศไทย  หลังจากอ่านรายงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาจึงมีเวลาโทรศัพท์ไปหาศิวะเพื่อกล่าวคำขอโทษนั่นเอง

หลังจากวางหูโทรศัพท์จากยุทธจักร ศิวะก็เดินขึ้นไปบนบ้านเพื่อส่งภูฟ้าเข้านอนพร้อมกับจอมยุทธ์ ก่อนที่จะเดินลงมานั่งดูโทรทัศน์กันต่อในห้องโฮมเธียเตอร์

ผู้หมวดสราวุฒิได้จังหวะหลังจากที่สองหนุ่มเดินลงมายังชั้นล่างของบ้าน จึงเดินเข้ามารายงานว่าได้ไปตรวจสอบพนักงานรักษาความปลอดภัยที่หน้าหมู่บ้านทั้งโซนที่หนึ่งและโซนที่สองแล้ว ผลปรากฏว่าไม่มีสิ่งผิดปกติใดๆ ให้ต้องวิตกกังวล นอกจากนั้นยังถามถึงเวลาที่จอมยุทธ์จะต้องออกไปทำงานในตอนเช้า เพื่อที่เขาและจ่าสิบตำรวจเอกมานพจะได้เตรียมตัวอารักขาได้ถูก ดังนั้นจอมยุทธ์จึงอธิบายถึงตารางการทำงานในวันพรุ่งนี้ให้นายตำรวจหนุ่มได้รับฟังคร่าวๆ

หลังจากอธิบายเสร็จสิ้น ผู้หมวดสราวุฒิก็ขอตัวออกไป โดยสวนทางกับอเล็กซ์ที่เดินเข้ามา

“ตำรวจเค้าว่าอย่างไร” อเล็กซ์ถาม ขณะทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟานุ่ม

“ปกติดี” จอมยุทธ์ตอบ

“โอเค...งั้นก็ไปนอนกันดีกว่า....” อเล็กซ์กล่าวยิ้มๆ พร้อมทั้งหันไปมองทั้งสองหนุ่ม

“ผมนอนกับจอมได้เปล่า” อยู่ดีๆ อเล็กซ์ก็ถามขึ้นมา พร้อมส่งสายตาอ้อนวอนมาที่จอมยุทธ์เต็มที่

“ไม่ได้” คำตอบชัดถ้อยชัดคำดังขึ้นจากจอมยุทธ์อย่างรวดเร็ว

“โห.....ใจร้าย....เมื่อก่อนยังนอนด้วยกันเลย...ตั้งหลายครั้ง.....มัยครั้งนี้จะนอนด้วยกันไม่ได้อ่ะ” อเล็กซ์ทำหน้าสงสัย

จอมยุทธ์ยิ้มเย็นๆ ลุกขึ้นจากที่นั่ง เดินเข้ามาหาและหยุดอยู่ตรงหน้าเจ้าหนุ่มลูกครึ่งช่างเล่น....

“ยืนขึ้นซิ...อเล็กซ์...แล้วจะให้คำตอบ” จอมยุทธ์พูดเบาๆ

เจ้าคนพูดมากยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว..ยังไม่ทันตั้งสติดี ริมฝีปากของเขาก็ถูกประกบด้วยริมฝีปากของจอมยุทธ์  ลำคอถูกโอบด้วยแขนซ้าย และบั้นท้ายถูกขยำด้วยมือขวาของจอมยุทธ์อย่างเต็มที่

อเล็กซ์ยืนนิ่งไปชั่วอึดใจ.....ก่อนจะเริ่มพูดได้

“โอ้ว มายกอดดดดดดดดดดดดด” เสียงของชายหนุ่มลูกครึ่งลากสบถยาว

“ผมแกล้งเล่นนิดเดียวเอง.....ทำไมจอมต้องเอาจริงด้วย....ขนลุกเลย.....โอย....คืนนี้ผมจะนอนหลับมั้ยนี่.....ถูกผู้ชายจูบ......ผมเสียความบริสุทธิ์แล้ว.......” อเล็กซ์บ่นพึมพำ โดยไม่ได้คิดเลยว่าทุกอย่างเป็นเพราะเขาเริ่มต้นเองทั้งนั้น

“จะให้จอมเค้ารับผิดชอบมั้ยล่ะ.....” ศิวะที่นั่งอมยิ้มอยู่ถามขึ้นมา

อเล็กซ์หันขวับมาทันที และส่ายหน้าทำมือทำไม้บอกปฏิเสธอย่างรวดเร็ว....

“โอเค...งั้นก็ขึ้นไปนอน....อย่าลืมล็อคห้องให้ดีด้วยล่ะ.....แต่ว่านะ....อเล็กซ์ นายน่ะ....ก้นนิ่มมากเลย” จอมยุทธ์พูดทิ้งท้ายพร้อมรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม ก่อนจะเดินออกไปจากห้องพร้อมกับศิวะ........... ปล่อยให้อเล็กซ์สบถคำว่า “โอ้ว...มายกอดดดดดดดดดดดดดด” ยาวขึ้นมาอีกครั้ง


หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 14-03-2007 11:34:16
สวัสดีครับทุกคน....

ในที่สุดเรื่องราวก็ดำเนินมาจนกระทั่งจะถึงจุดที่จะพลิกผันเรื่องราวทั้งหมดได้แล้วครับ..... ในวันพรุ่งนี้ทุกคนคงทราบว่าที่เดาๆ กันมา และที่กังวลกันมาโดยตลอดนั้น....โดยแท้จริงแล้วอะไรจะเกิดขึ้นบ้างครับ......

ผมคิดว่านักอ่านที่น่ารักของผมทุกคน...เมื่อถึงเวลานี้แล้ว คงทราบลักษณะและโทนของเนื้อเรื่องได้เป็นอย่างดีแล้วใช่มั้ยครับ....ว่านิยายเรื่องนี้มีแก่นของเรื่องเป็นความรักอีกรูปแบบหนึ่ง ที่มิใช่แบบหนุ่มสาวคล้ายเรื่องทั่วๆไปครับ....

ตัวละครแต่ละตัวในเรื่องนี้จะมีวุฒิภาวะและวุฒิทางอารมณ์ที่แสดงถึงความเป็นผู้ใหญ่.....แสดงความรับผิดชอบ....และความรักให้แก่กัน อย่างเป็นเหตุเป็นผลและแน่นแฟ้น...... โดยมีจุดร่วมของความรักอันเดียวกัน....คือ ภูฟ้า.... ทายาทตัวน้อยจากสองหนุ่มที่เป็นที่รักยิ่งในเรื่องที่แล้ว....

ส่วนความรักของแซมและจอมนั้น....ผมบอกได้เลยครับ...ว่าบทสรุปของทั้งคู่...นั้นคงจะสมเหตุสมผลที่สุดแล้วครับ....

ก่อนเขียนเรื่องนี้.....ผมต้องทำใจอยู่นานพอสมควรครับ.... เพราะมีเหตุผลหลายประการเหลือเกินที่คอยเป็นอุปสรรค....

เรื่องแรก คือลักษณะของแก่นเรื่อง ที่ไม่ใช่แนว "ตลาดรัก" ..... ซึ่งจะทำให้จำกัดกลุ่มผู้อ่านลง.... ไม่มีอะไรที่คนเขียนนิยายจะเศร้าไปกว่า การที่นิยายของเขาไม่มีคนอ่านครับ...(ปล...ไม่รวมตอนตัวละครที่สร้างมากับมือต้องสิ้นชีวิตไปนะครับ).... ผมแอบกังวลใจกับเรื่องนี้มากหน่อยครับ.... คือ อายน่ะครับ.... ถ้าเขียนแล้วไม่มีคนอ่าน....พาลจะเสียกำลังใจไปด้วยนิดหน่อยครับ

เรื่องที่สอง....คือการค้นคว้าข้อมูล.... เรื่องนี้ผมต้องค้นคว้าข้อมูลเป็นอย่างมาก ทั้งเรื่องกฏหมาย ยุทธวิธี องค์กร อาวุธ และอื่นๆ ไม่รวมถึงการแทรกภาษาทั้งสี่ลงไปในเนื้อเรื่อง....ตอนนี้ขาดแต่ภาษาอาราบิกอย่างเดียว...ซึ่งผมบอกตามตรงว่าผมไม่สามารถครับ..... เลยเอาแค่สามภาษาไปก็พอ..... ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมต้องสอดแทรกภาษามากขนาดนั้น....อ่านไปซักพักก็จะทราบเองครับ...

เรื่องที่สาม.....คือ...การเขียนเรื่องราวแบบนี้....ต้องใส่ "ร่องรอย" ไว้มากมายในแต่ละตอน.... โดยต้องหาทางใส่ไปให้มีจุดเด่นน้อยที่สุด แต่ก็เพียงพอจะสะดุดความคิดของผู้อ่านได้บ้างเป็นบางครั้ง.... ซึ่งการสอดแทรก "ร่องรอย" ดังกล่าวจะช่วยให้เนื้อเรื่องตอนจุดสุดยอดมีความคมชัด และมีเหตุมีผลรองรับมากขึ้น..... ผมยอมรับว่าผมยังทำได้ไม่ดีนักครับ..... แต่ก็พยายามอย่างเต็มที่แล้วครับ.....

เรื่องที่สี่....คือการใช้ภาษา..... ปกติผมชอบใช้ภาษาสวยๆ หวานๆ แต่พอเอาเข้ามาใช้กับเรื่องนี้แล้ว....มันไม่ลงตัวอย่างประหลาดเลยครับ.... มันทำให้ตัวละครดูไม่แข็งแกร่งอย่างที่ผมอยากให้เป็น...... แม้ว่าจะไม่สามารถใส่คำหวานๆ ลงไปได้...แต่ผมก็พยายามปรับโทนของเรื่องให้ดูอ่อนหวานในบางครา โดยเฉพาะเมื่อศิวะและจอมยุทธ์ใช้เวลาอยู่กับภูฟ้า....ดวงใจของพวกเขา.....

สืบเนื่องจากประเด็นทั้งสี่....ทำให้ผมใช้เวลาเขียนเรื่องนี้หนึ่งปีเต็มครับ.... จนกระทั่งบัดนี้ก็ยังเขียนไม่เสร็จ.... แต่ก็ขึ้นตอนอวสานแล้วครับ....

ที่ผมเล่าให้ฟัง....ก็เพราะอยากจะบอกว่า....เรื่องนี้ผมตั้งใจเขียนสุดๆ แม้จะอยู่ในระดับเดียวกับเรื่องที่แล้ว...แต่ต้องใช้ความอุตสาหะมากถึงสองสามเท่าครับ....

แต่ก็ภูมิใจครับ....ภูมิใจที่สุด ก็ตรงที่มีแฟนๆ นักอ่าน อยู่กลุ่มหนึ่งติดตามอย่างต่อเนื่อง ทั้งในเวปปาล์ม เวปเด็กดี และเวปนี้ครับ.....

นักอ่านทุกคนทำให้ผมยิ้มได้ทุกครั้ง เวลาทิ้งรีพลายเอาไว้ครับ.... เพราะอ่านกันทะลุปรุโปร่งจริงๆ ครับ..... "ร่องรอย" ที่ผมทิ้งไว้แต่ละช่วง แต่ละตอน ถูกนักอ่านนำมาประติดประต่อเข้าด้วยกัน.... และสรุปออกมาเป็นข้อสังเกตสองสามประโยคที่ผมอ่านแล้วดีใจครับ..... ดีใจที่ว่า "เรื่องนี้มันไม่น่าเบื่อซักเท่าไหร่ครับ"

จริงๆ แล้ว....ผมไม่อยากบอกเลยว่า...ไม่บอกดีกว่าครับ.....เอาไว้พรุ่งนี้ก่อน....แล้วจะมาบอกครับ....บอกไปตอนนี้คงไม่สนุกแน่เลยครับ.....

เอาละครับ....ผมพูดมายาวแล้วครับ....ขอบคุณอีกครั้งครับทุกคน....ขอบคุณที่ทำให้การตัดสินใจเขียนเรื่องนี้ของผม กลายเป็นสิ่งที่ไม่สูญเปล่าครับ....

สวัสดีครับ

Andreas
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 14-03-2007 15:24:19
..................กะลังมันส์เลย.......... :110011: :เชิป2:

.........................อเล็กซ์จะต้องมีบทบาทสำคัญพมควรแน่เลย.......... :yeb:

...................................แล้วเรื่องจาเป็นอย่างที่ผมคิดรึเปล่าก็จะคอยอ่านพรุ่งนี้ละกัน......... :laugh5: :laugh5:

ป.ล.  เป็นกำลังใจหั้ยพี่จ๋อมนะคับ..... :impress3: :impress3:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: RoosT ที่ 14-03-2007 15:34:22
ง่าาาาาาาา

อเล๊กซ์ๆๆๆๆ ไปยั่วจอมทามมายยยยยย

งิส์ๆๆๆๆๆๆ

อ่าน้องภู พูดสเปนได้ด้วย อร๊างงงงงงงง :give2:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 14-03-2007 17:36:21
แฮคเกอร์นิรนาม  จะเป็นใครกันนะ คงเป็นคนแถวๆนี้ จะจอมหรือเสือนะ :give2:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 14-03-2007 17:51:02
เห็นด้วยเลย ว่าแฮกเกอร์ต้องเป็นพี่เสือกับจอมแหง ๆ เลย  ป้อนข้อมูลซะขนาดนั้น
แต่ทำไม พี่เสือกับจอมถึงทำได้ แล้วก็ได้ข้อมูลมาจาไหนนี่สิ  แล้วทำไมน้องภูต้องพูดได้หลายภาษาขนาดนั้น
ตรงนี้แปลกอยู่  สงสัยจามีอะไรซ่อนอยู่ซะแว้วว

จอมนี่ก็น่ารักดีเนอะ   ทำเอาอเล็กซ์เหวอไปเรยย  ที่จริงอเล็กซ์น่าจะลองดูซักที อยากอ่านหื่นๆ  :haun4:

รออ่านอยู่จ้า  หนุกดีๆๆๆ  วันนี้ลงยาวดี ชอบๆๆๆ เป็นกำลังใจให้น้า  :loveu:  :loveu:  :loveu:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: tsuyu ที่ 14-03-2007 19:41:41
รอลุ้นตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อเลยค่ะ
 :impress:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 14-03-2007 19:42:53
เห็นด้วยอีกคนว่าแฮ็กเกอร์นิรนามคงเป็นเสือกับจอมนั่นแหละ  :laugh3:
ว่าแต่ว่าไปเอาข้อมูลมาจากไหนหว่า  :yeb:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 14-03-2007 23:07:44
อืมมมม
แฮกเกอร์อาจจะเป็นเสือกะจอมจริงๆ น่ะแหละ
แต่ไม่แน่อาจเป็นอเล็กซ์ก็ได้เหมือนกันนะ  :yeb:

ว่าแต่ว่า...
ส่วนความรักของแซมและจอมนั้น....ผมบอกได้เลยครับ...ว่าบทสรุปของทั้งคู่...นั้นคงจะสมเหตุสมผลที่สุดแล้วครับ....
^
^
เนี่ย...

หมายความว่าไงอ่า :monkeysad2:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 15-03-2007 08:13:47


********************

เสียงเคาะประตูห้องของศิวะดังกังวานขึ้นในตอนหกโมงเช้าของวันจันทร์  โดยปกติช่วงเวลานี้ศิวะจะตื่นนอนเรียบร้อยแล้ว แต่ยังคงทำธุระส่วนตัวอยู่ในห้องหรือไม่ก็จะใช้เวลาอยู่กับภูฟ้า ซึ่งก็จะมีคุณภาวดีขึ้นมาคอยดูแลภูฟ้าอาบน้ำแต่งตัวให้พร้อมสำหรับไปโรงเรียน

ศักดิ์....ชายหนุ่มอายุยี่สิบกว่าๆที่เป็นคนสวนพิเศษเฉพาะในวันหยุด แต่ตอนนี้แต่งตัวเรียบร้อยอยู่ในชุดเครื่องแบบสีเขียวเข้มของทหารบก เครื่องหมายตราบนบ่าทั้งสองบ่งบอกยศร้อยโท ที่หน้าอกติดตราสังกัดกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 7 จังหวัดเชียงใหม่ กำลังเคาะประตูห้องของศิวะอยู่

“มีอะไรหรือศักดิ์” ศิวะถามหลังเปิดประตูห้องออกมา

“เชิญคุณเสือไปดูเองที่หน้าประตูบ้านดีกว่าครับ” ศักดิ์พูดสั้นพร้อมกับอมยิ้มน้อยๆ

“เดี๋ยวผมจะไปตามคุณจอมด้วยครับ” ศักดิ์พูดต่อ

ศิวะยังคงปฏิบัติตัวตามปกติ ไม่ได้แสดงอาการกังวลในสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้น เพียงแต่เดินกลับเข้าไปในห้อง คว้าเสื้อคลุมสวมทับชุดนอน เขาเดินลงไปชั้นล่างของบ้าน และมุ่งตรงไปยังส่วนหน้าบ้าน

สมาชิกชายในบ้านทั้งหมดยืนรออยู่พร้อมด้วยนายตำรวจอารักขาทั้งสองคนที่บริเวณนอกรั้วบ้าน  เมื่อเห็นดังนั้นศิวะจึงเดินออกจากบ้านโดยใช้ช่องทางประตูด้านหนึ่งที่เปิดออก

ภาพชัดๆที่ปรากฏแก่สายตาของศิวะ คือ พนักงานรักษาความปลอดภัยชายสี่คนถูกกุญแจมือล่ามติดไว้กับรั้วอัลคาลอยด์ด้านที่ยังคงปิดอยู่ ......เท่านั้นยังไม่พอ บริเวณลำตัวของทั้งสี่ถูกมัดไว้ด้วยระเบิด โดยมีนาฬิกาดิจิตอลที่ตั้งเวลานับถอยหลังไว้สิบสองชั่วโมงติดอยู่

จอมยุทธ์เดินตรงมาสมทบกับศิวะภายในไม่กี่นาทีพร้อมด้วยอเล็กซ์ที่ยังคงงัวเงียเพราะเพิ่งตื่นนอนขึ้นมาอย่างกะทันหัน

อเล็กซ์มองสำรวจสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าอย่างละเอียดถี่ถ้วน เขาอดไม่ได้ที่จะพูดออกมาว่า

“แหม.....เล่นกันแรงจังเลยเนอะ....เสือ....จอม”

อเล็กซ์พยายามจะเข้าไปสำรวจชายสี่คนที่ยังคงนอนหมดสติอยู่เพราะยาสลบหรือไม่ก็ถูกซ้อมจนสลบอย่างใกล้ๆ แต่ก็ถูกนายตำรวจทั้งสองคนห้ามไว้ เนื่องจากกลัวจะเป็นอันตราย เพราะนาฬิกาที่ติดตัวคนทั้งสี่ไว้ยังคงทำงานอยู่
 
“ผมรายงานท่านรองฯนครินทร์แล้วครับ....ท่านรองฯกำลังมาพร้อมด้วยหน่วยกู้ระเบิดครับ” หมวดสราวุฒิรายงานทันทีเมื่อเห็นเจ้าของบ้านทั้งสองคนอยู่กันครบ

“ครับผม” ศิวะกล่าวรับด้วยอารมณ์ปกติ

“มีอะไรให้ผมช่วยมั้ยครับ” ศิวะถามต่อ

“ผมคงไม่รบกวนคุณศิวะหรอกครับ....เพียงแต่อยากจะขอความร่วมมือกับสมาชิกในบ้านคนอื่นๆช่วยกันกันพื้นที่ไว้ก่อนนะครับ” หมวดสราวุฒิกล่าว

“ครับ.....เชิญหมวดคุยกับศักดิ์ได้เลยครับ” ศิวะตอบ ก่อนจะพยักหน้าเรียกศักดิ์เข้าไปหา

“ศักดิ์...ฝากดูแลด้วย....ผมจะขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและจะพาตาภูไปโรงเรียน”

“คุณเสือยังจะให้คุณภูไปโรงเรียนอีกหรือครับ” ศักดิ์ถามขึ้นด้วยความแปลกใจ

“คงไม่เป็นไรมั้ง.....ดูสถานการณ์ก่อน.....ผมไม่อยากทำตัวเป็นกระต่ายตื่นตูม” ศิวะตอบ

ศักดิ์ทำท่าจะแย้งแต่ก็เลือกที่จะนิ่งเสีย เพราะทราบดีว่าศิวะได้ตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว

ตลอดเวลาที่ศิวะสั่งงาน จอมยุทธ์ก็ยืนอยู่ใกล้ๆกัน จึงได้ยินทุกอย่างที่ศิวะพูด ดังนั้นเมื่อศิวะขอตัวไปอาบน้ำแต่งตัว เขาจึงเดินออกมาจากบริเวณดังกล่าวพร้อมด้วยอเล็กซ์

ชายหนุ่มลูกครึ่งเลือกที่จะกลับไปนอนต่อเพราะอาการเจ็ทแล็คกำเริบ  ส่วนทั้งสองหนุ่มก็ทำธุระส่วนตัวจนเสร็จเรียบร้อย แล้วจึงเดินลงมายังห้องอาหารของบ้าน สมทบกับภูฟ้าที่นั่งรอรับประทานอาหารเช้าอยู่

ทั้งสามคนรับประทานอาหารเช้าจนเสร็จเรียบร้อย ก็ได้เวลาที่ภูฟ้าจะต้องไปโรงเรียนพอดี ศิวะแยกตัวไปส่งภูฟ้าที่โรงเรียน ส่วนจอมยุทธ์ต้องไปทำงานสาย เพราะต้องอยู่คอยอำนวยความสะดวกในฐานะเจ้าของบ้านให้กับนครินทร์ที่เดินทางมาถึงได้ไม่นาน และในตอนนี้กำลังสั่งการกับเจ้าหน้าที่เพื่อเก็บกู้ระเบิดที่ติดอยู่กับพนักงานรักษาความปลอดภัยทั้งสี่

จอมยุทธ์และคนอื่นๆถูกสั่งให้อยู่ภายในบ้านในขณะที่เจ้าหน้าที่ทำการเก็บกู้ระเบิด...... จนเวลาล่วงมาหลายชั่วโมง จอมยุทธ์จำเป็นต้องออกจากบ้านเพราะติดประชุมสำคัญ แต่ก็มอบหมายให้คุณภาวดีและแม่บ้านช่วยอำนวยความสะดวกนายตำรวจทุกท่านแทนเขาอย่าให้ขาดตกบกพร่อง

หลังจากผ่านไปสามชั่วโมงเต็ม เจ้าหน้าที่เก็บกู้ไม่สามารถทำการเก็บกู้ระเบิดได้เนื่องจากกลไกของระเบิดมีความซับซ้อนมาก จำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญการเก็บกู้วัตถุระเบิดจากกองบังคับการสนับสนุนอาวุธและยุทธวิธีพิเศษ ซึ่งก็คือหน่วยงานในสังกัดของยุทธจักรเข้ามาช่วยเหลือ

นครินทร์ประสานงานไปยังผู้บังคับบัญชาระดับสูง เพื่อติดต่อขอกำลังเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญพิเศษการเก็บกู้ระเบิดและวัตถุอันตรายจากกรุงเทพให้เดินทางมาทำการช่วยเหลือโดยเร่งด่วน เพราะเวลานับถอยหลังเหลือน้อยกว่าสิบชั่วโมง และที่สำคัญ ลักษณะภายนอกของตัวระเบิดนั้นพอจะระบุได้ว่าเป็นระเบิด C-4 ที่มีกำลังทำลายล้างสูง ซึ่งจำเป็นต้องถอดสลักและหยุดเวลาให้ได้ มิเช่นนั้นจะเกิดอันตรายร้ายแรงขึ้นได้

ร้อยโทหญิงนงค์นพรัตน์ หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญการเก็บกู้ระเบิดของกองบังคับการฯ และเป็นหนึ่งในสมาชิกของทีมปฎิบัติการชุดที่ 1 ซึ่งควบคุมโดยยุทธจักร เดินทางมาถึงเชียงใหม่ภายในระยะเวลาไม่ถึงสองชั่วโมง ตลอดเวลาการเดินทางได้มีการประสานงานเรื่องข้อมูล ลักษณะภายนอกและกลไกที่ปรากฏอยู่บนระเบิดอย่างเป็นระยะ ซึ่งก็ช่วยให้ผู้หมวดสาวสามารถประเมินสถานการณ์และเตรียมตัวปฏิบัติงานได้อย่างรวดเร็วทันทีที่มาถึงบริเวณเกิดเหตุ

ขณะที่ระเบิดทำการเก็บกู้อยู่นั้น นครินทร์กับสารวัตรอีกสองคนก็ทำการศึกษารูปถ่ายในซองเอกสารที่พบข้างๆ พนักงานรักษาความปลอดภัยที่ถูกมัดด้วยระเบิดทั้งสี่คน

รูปภาพที่แม้ไม่ค่อยจะชัดนักเพราะเป็นการถ่ายภาพตอนกลางคืนแบบไม่ใช้แฟลช เพียงแต่อาศัยแสงจากเสาไฟฟ้าที่ติดตั้งอยู่ทั่วหมู่บ้านเท่านั้น แต่ก็เพียงพอที่จะเห็นรายละเอียดของการกระทำสิ่งผิดปกติของชายทั้งสี่คน เริ่มตั้งแต่การซุ่มมองอยู่หน้าประตูบ้าน การนำเอาสิ่งที่น่าจะเป็นระเบิดออกมาจากกระเป๋า และเตรียมทำการติดตั้งบริเวณส่วนที่ประตูจะเปิดออก เพื่อหวังให้การเปิดประตูเป็นการจุดชนวนระเบิด....ภาพถ่ายระบุว่าการวางระเบิดนี้กระทำการอย่างมืออาชีพ ทั้งการติดตั้งกลไกและการเฝ้าระวัง

ภาพถ่ายทุกภาพมีการระบุเวลาอยู่ที่มุมขวาด้านล่างด้วย จึงทำให้นครินทร์ทราบว่าปฏิบัติการวางระเบิดนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลาตีสามของวันนี้

สิ่งที่ชวนสงสัยมากสำหรับนครินทร์และสารวัตรทั้งสองคนก็คือ ใครเป็นคนตลบหลังชายสี่คนนี้....โดยที่สามารถจัดการชายฉกรรจ์ทั้งสี่ได้หมอบราบ อีกทั้งติดตั้งฉนวนระเบิดที่ซับซ้อนมากกว่าติดไว้บนตัวของผู้ประสงค์ร้ายทั้งหมด....แถมกลไกที่สร้างขึ้นนั้นก็ซับซ้อนเสียจนเจ้าหน้าที่เทคนิคที่ตามมาไม่สามารถจัดการได้ จนถึงต้องขอคำแนะนำและกำลังเสริมจากกองบังคับการสนับสนุนอาวุธและยุทธวิธีพิเศษ สังกัดสำนักงานกองกำลัง (ร่วมพิเศษ) ปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายและอาชญากรรมรุนแรง

ร้อยโทหญิงนงค์นพรัตน์.....นายทหารหญิงอายุเพียงแค่สี่ยิบปลายๆ ผู้มีรูปร่างและทรวดทรงงดงาม อ่อนหวานแต่แข็งแรง เพราะการฝึกร่างกายมาตลอดเวลา สามารถถอดสลักระเบิดออกได้หลังจากใช้เวลาและสมาธิอยู่ถึงสามชั่วโมงเต็ม 

เสียงถอนหายใจดังขึ้นเบาๆจากนายตำรวจทั้งหมดที่ยืนเฝ้าดูเหตุการณ์อยู่ หลังจากผู้หมวดหญิงคนสวยแห่งกองกองกำลัง (ร่วมพิเศษ)ฯ ถอดกลไกของระเบิดชิ้นสุดท้ายออกมาได้

ภายหลังการวิเคราะห์ตัวระเบิดอย่างละเอียดแล้ว ผู้หมวดนงค์นพรัตน์ก็เกิดความประหลาดใจขึ้นมา เพราะเชื่อว่าระเบิดทั้งหมดถูกทำให้ไร้สมรรถภาพการทำลายล้างตั้งแต่ก่อนใส่กลไกติดชนวนระเบิด  โดยใครก็ตามที่ทำการติดระเบิดนี้แก่ชายทั้งสี่ จำเป็นต้องเป็นผู้มีความชำนาญการเรื่องระเบิดเป็นอย่างดี แถมยังเขียนรายละเอียดวิธีการดังกล่าวใส่ในกระดาษเอสี่ผูกติดไว้กับระเบิดอันหนึ่งด้วย.....โดยที่รายละเอียดทั้งหมดถูกเขียนขึ้นโดยใช้ภาษาฝรั่งเศสที่ถูกต้องและเป็นทางการ

ร้อยโทหญิงนงค์นพรัตน์ รายงานเรื่องที่พบให้นครินทร์ทราบโดยทันที และนครินทร์ก็แปลกใจไม่น้อยกว่าเธอ

นครินทร์ขอเก็บกระดาษแผ่นดังกล่าวไว้ โดยอนุญาตให้ผู้หมวดคนสวยทำการถ่ายสำเนาเพื่อนำไปศึกษาเพิ่มเติมได้เป็นกรณีพิเศษ

หลังจากปฏิบัติการกู้ระเบิดเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว นครินทร์พร้อมด้วยสารวัตรทั้งสองและตำรวจติดตามได้ควบคุมชายทั้งสี่ไปสอบสวนที่สำนักงาน โดยก่อนไปได้อำนวยความสะดวกให้ผู้หมวดสาวคนเก่งเดินทางกลับกรุงเทพโดยรวดเร็ว
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 15-03-2007 08:15:15
เหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นภายในสามสี่วันที่ผ่านมา ทำให้นครินทร์ตระหนักได้ว่าสถานการณ์กำลังทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าการปฏิบัติการทั้งสองครั้งสองคราของฝ่ายตรงข้ามจะล้มเหลวไปเป็นท่า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าฝ่ายตำรวจเช่นเขาเป็นผู้ขัดขวางปฏิบัติการนั้นๆ .......

บุคคลนิรนามที่ยังไม่เปิดเผยตัวต่างหากที่อยู่เบื้องหลังชัยชนะที่ผ่านมา

นครินทร์ไม่ใช่นายตำรวจระดับผู้กำกับที่หลงตัวเองในเรื่องความเก่งกาจและการควบคุมสถานการณ์ แต่กลับเป็นนายตำรวจระดับสูงที่มีสติปัญญาในการประเมินสถานการณ์และไตร่ตรองถึงจุดเด่นจุดด้อยของฝ่ายกำลังพลที่มี ตลอดจนรู้ดีว่าเวลาไหนควรขอความช่วยเหลือ และเวลาไหนควรจะนิ่งเพื่อควบคุมสถานการณ์เอง

เวลานี้นครินทร์ต้องการการสนับสนุนจากหน่วยงานที่มีความพร้อมในเรื่องการตอบโต้อาชญากรรมรุนแรง ซึ่งก็มีเพียงหน่วยงานเดียวในตอนนี้ ที่มีกำลังพลพร้อมด้วยคุณภาพ มีอาวุธและยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัย ตลอดจนมีการปฏิบัติงานที่ดีเยี่ยม.....ซึ่งก็คือสำนักงานกองกำลัง (ร่วมพิเศษ) ปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายและอาชญากรรมรุนแรง ซึ่งเป็นกองกำลังสนธิระหว่างตำรวจและทหารทั้งสามเหล่าทัพ เพื่อรับมือการก่อการร้าย การจารกรรม การข่มขู่โดยอาวุธสงคราม และปฏิบัติการพิเศษอื่นๆ เช่นการอารักขาผู้นำ คนสำคัญต่างๆ รวมถึงการปฏิบัติการร่วมมือกับองค์กรตำรวจและทหารระดับนานาชาติ

นครินทร์ใช้เวลาถึงสองวันเต็มๆในการรวบรวมข้อมูล และปรึกษากับผู้บังคับบัญชาระดับสูงขึ้นไป รวมถึงรวบรวมความคิดเห็นของทีมงานของเขา เรื่องการขอกำลังสนับสนุนจากสำนักงานกองกำลัง (ร่วมพิเศษ)ฯ โดยใช้เหตุผลของการร้องขอดังกล่าวว่า พลเรือนของประเทศกำลังได้รับการคุกคามทางด้านชีวิตและทรัพย์สินจากกองกำลังติดอาวุธต่างชาติ เนื่องจากหลักฐานรหัสพันธุกรรมที่ได้มาจากกองกำลังติดอาวุธที่บุกเข้าไปในโรงเบียร์นั้นตรงกับรหัสพันธุกรรมของตัวอย่างกองกำลังนายพลลู่เซอที่เก็บไว้ที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ รวมถึงรหัสพันธุกรรมของผู้ต้องสงสัยการวางระเบิดทั้งสี่ก็ตรงกันหมด แม้ว่าชายหนุ่มทั้งสี่จะไม่ได้ให้การใดๆที่เป็นประโยชน์ในการสืบหาข้อมูลเพิ่มเติม แต่หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์และพันธุวิทยาก็เพียงพอที่จะทำให้นครินทร์สามารถนำมาซึ่งข้อสรุปอย่างชัดเจน

นอกเหนือจากหลักฐานดังกล่าว สิ่งที่ช่วยให้การตัดสินใจขอกำลังสนับสนุนของนครินทร์นั้นสืบเนื่องมาจากการวางระเบิดเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยที่เจ้าหน้าที่เทคนิคประจำท้องที่ไม่สามารถทำการเก็บกู้ระเบิดได้ จำเป็นต้องขอความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนไปยังสำนักงานกองกำลัง(ร่วมพิเศษ)ฯ โชคดีที่ระเบิดถูกตั้งเวลาไว้ถึงสิบสองชั่วโมง ไม่รวมถึงกรณีที่ว่าระเบิดนั้นถูกทำให้ไร้สมรรถภาพโดยความตั้งใจ

แต่ถ้าโชคไม่ดี.....ถ้าไม่มีใครก็ตามที่คอยเป็นหูเป็นตาระแวดระวังความปลอดภัยให้กับสองหนุ่มและสมาชิกภายในบ้าน .....ถ้าระเบิดถูกติดตั้งสำเร็จโดยกลุ่มผู้ไม่ประสงค์ดีได้สำเร็จ...อะไรจะเกิดขึ้น ...อาจจะมีความเสียหายร้ายแรงถึงชีวิตตามมาก็ได้

นครินทร์เกลียดความประมาทเป็นที่สุด แม้ว่าการระมัดระวังตัวเองที่มากขึ้นจะกลายเป็นเหมือนกระต่ายตื่นตูม....แต่ก็สร้างความมั่นใจและความปลอดภัยแทบทุกครั้ง

เขาคิดทบทวนไปมาหลายรอบสำหรับข้อเสนอที่จอมยุทธ์ให้มา ถึงเรื่องแผนการล่อเสือออกจากถ้ำ .....ตอนแรกนครินทร์พยายามปฏิเสธเพราะคิดว่าเป็นการเสี่ยงมาก แต่พอมาตอนนี้เขากลับเห็นด้วยกับศิวะและจอมยุทธ์เป็นอย่างยิ่ง เพราะสถานการณ์ได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่า การตั้งรับนั้นมีแต่การเสียเปรียบ ยิ่งด้วยสมรรถภาพของกำลังพลที่เขามีอยู่ตอนนี้แล้ว แทบจะเรียกได้ว่าด้อยกว่าฝ่ายตรงข้ามอย่างเห็นได้ชัด

ข้อดีอีกอย่างหนึ่งที่นครินทร์มีคือ เมื่อรู้ว่าเขาเริ่มจะก้าวพลาด เขาจะรีบหยุดทันทีและประเมินสถานการณ์หาทางปรับข้อผิดพลาดให้กลายเป็นประโยชน์ หรือไม่ก็พยายามหาทางออกสำหรับปัญหาอย่างรวดเร็ว ในกรณีนี้แผนการล่อเสือออกจากถ้ำจึงถูกถ่ายทอดออกมาเป็นรูปเป็นร่างทันที

หลักใหญ่ๆของแผนการครั้งนี้คือต้องใช้ชายฉกรรจ์ทั้งสี่ที่จับได้ให้เป็นประโยชน์ในการโยงใยไปถึงที่กบดานของคนจ่ายของคนสำคัญที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมด และต้องอาศัยความช่วยเหลือในเรื่องอุปกรณ์และเทคโนโลยี่ต่างๆรวมถึงกองกำลังที่ชำนาญการจู่โจมและรบด้วยยุทธ์วิธีจากสำนักงานกองกำลัง (ร่วมพิเศษ)ฯ  โดยนครินทร์หวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้บัญชาการสำนักงานซึ่งเป็นนายตำรวจยศพลตำรวจเอก อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะมอบหมายให้ทีมงานของยุทธจักรเข้ามาปฏิบัติงานในแผนงานครั้งนี้

นครินทร์ค่อนข้างมั่นใจว่า ถ้านายตำรวจรุ่นน้องที่มีฝีมือดีอย่างยุทธจักรเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของแผนการนี้.....ทุกอย่างจะดำเนินไปจนบรรลุเป้าหมาย ไม่รวมถึงการป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นกับจอมยุทธ์ในกรณีที่ใช้เป็นตัวล่อ ให้ฝ่ายตรงข้ามเปิดเผยตัว

ในช่วงเวลาเดียวกับที่นครินทร์ใช้เวลาในการดำเนินเรื่องขอการสนับสนุนทางยุทธวิธีและกำลังพล...... ศิวะ จอมยุทธ์รวมถึงสมาชิกทุกคนในบ้านก็ยังปฏิบัติตัวตามปกติ เพียงแต่จะระมัดระวังตัวกันมากขึ้น โดยเฉพาะจอมยุทธ์ที่ต้องอยู่ในความดูแลของนายตำรวจติดตามอยู่ตลอดเวลา

ศิวะทำหน้าที่ไปรับภูฟ้าด้วยตนเองสลับกับภาวดี อเล็กซ์ และศักดิ์ โดยให้จอมยุทธ์กลับบ้านทันทีที่เลิกงานหรือทำธุระข้างนอกเสร็จ ศิวะให้เหตุผลว่าไม่อยากให้ฝ่ายตรงข้ามเห็นว่า จอมยุทธ์ผูกพันกับภูฟ้ามากเพียงใด  เพราะอาจเป็นผลให้ผู้ไม่ประสงค์ดีเบนเข็มการโจมตีมาทางภูฟ้าได้

อเล็กซ์ยังคงอาศัยอยู่ที่บ้านของศิวะ เพื่อทำงานที่ได้รับมอบหมาย แต่ก็ยังไม่บอกเหตุผลของการมาเมืองไทยให้แก่สองหนุ่มทราบอยู่ดี เพราะเกรงว่าจะเป็นการเพิ่มภาระที่กำลังเผชิญอยู่ให้มากขึ้นไปกว่านี้อีก

*******************

กลางดึกคืนวันพฤหัส.......

จอมยุทธ์ถูกปลุกขึ้นมากลางดึกเพราะเสียงโทรศัพท์มือถือที่เปิดไว้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง  พิทักษ์โทรศัพท์มารายงานด้วยน้ำเสียงละล่ำละลักเต็มที่ เพราะต้องคอยควบคุมสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่

“คุณจอมครับ....ที่โรงงานเกิดไฟไหม้ครับ” พิทักษ์รายงานทันทีที่จอมยุทธ์รับโทรศัพท์

“สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง......เสียหายมากมั้ย....” จอมยุทธ์ถามต่อทันที ความง่วงนอนหายไปอย่างสิ้นเชิง

“ผมกับ รปภ.ที่เหลือกำลังช่วยกันดับไฟอยู่ครับ...แต่ว่ามันหลายจุดมากครับ....ตอนนี้ผมโทรแจ้ง 191 แล้วครับ....รถดับเพลิงน่าจะมาถึงในไม่ช้านี้ครับ” พิทักษ์รายงาน

“โอเค....คุณพิทักษ์....ผมจะรีบไปโรงงานเดี๋ยวนี้เลย....ขอให้ช่วยกันดับไฟในจุดสำคัญๆก่อน....แล้วเจอกันครับ” จอมยุทธ์วางหูโทรศัพท์ แล้วจึงรีบเดินออกจากห้องไปเคาะประตูห้องศิวะเพื่อบอกเรื่องที่เกิดขึ้นทันที

ศิวะรับทราบสถานการณ์ด้วยความสงบนิ่ง สมองใช้ความคิดรวบรวมสถานการณ์....สุดท้ายจึงเอ่ยว่า

“จอมคิดว่าจะเป็นแผนล่อให้จอมออกไปหรือเปล่า”

“ผมคิดเหมือนกันครับ....แต่จะไม่ให้ผมออกไปก็ไม่ได้....ผมเป็นห่วงทางคุณพิทักษ์และรปภ.ที่อยู่ในโรงงานครับ”

“โอเค...พี่ขอเวลานิดหนึ่ง....จอมไปปลุก อเล็กซ์ ทีนะ....พี่จะโทรเรียกคุณภากับศักดิ์รวมถึงตำรวจติดตามด้วย....เจอกันที่ห้องข้างล่างแล้วกัน” ศิวะตอบ

จอมยุทธ์รับปากและเดินขึ้นไปยังชั้นสามของบ้านอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ศิวะต่อสายโทรศัพท์ภายในตรงเข้าที่ห้องของภาวดีและศักดิ์ โดยบอกศักดิ์ให้ตามนายตำรวจผู้อยู่เวรคืนนี้มาด้วย

“ผมกับจอมจะไปที่โรงงาน.......เพราะที่นั่นเกิดไฟไหม้” ศิวะบอกธุระทันที่ที่ทั้งหมดมาอยู่พร้อมกัน

นายตำรวจผู้อยู่เวรทั้งสองคนกล่าวท้วงเพราะเห็นว่าน่าจะไม่ปลอดภัยนัก แต่ศักดิ์ก็ช่วยเสนอความคิดว่าจะให้นำรถออกสองคันขับตามกันไป โดยให้รถคันหลังระวังภัยให้คันหน้า ก็น่าจะช่วยลดความเสี่ยงลงไปมาก

แผนการนี้ค่อนข้างเข้าทีและสามารถลดความเสี่ยงลงไปได้จริง นายตำรวจติดตามจึงจำนนด้วยเหตุผลที่จะคัดค้าน

ศิวะบอกให้ภาวดีขึ้นไปอยู่ดูแลภูฟ้าจนกว่าเขาจะกลับมา และมอบหมายให้อล็กซ์ซึ่งรู้หน้าที่อยู่แล้วคอยระมัดระวังและคอยป้องกันเหตุร้ายต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้  เขามั่นใจว่าบ้านของเขานั้นคือที่ปลอดภัยที่สุดในเวลานี้.... และจะมั่นใจขึ้นไปอีกว่าอเล็กซ์จะคุ้มครองภูฟ้า.....หัวใจของเขาได้อย่างดีเยี่ยม
 
หลังจากแบ่งหน้าที่กันเสร็จเรียบร้อย....จึงสรุปได้ว่า จอมยุทธ์จะไปพร้อมกับตำรวจติดตามสองคน โดยใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อขนาดใหญ่ของบ้าน โดยมีศิวะและศักดิ์คอยขับรถอีกคันตามระวังความปลอดภัยให้ด้านหลังอย่างห่างๆ ....

ก่อนสตาร์ทรถออกจากบ้าน.....ศิวะเดินไปหาภาวดีและอเล็กซ์ เขาพูดกับสองคนเบาๆว่า

“คุณภา.....อเล็กซ์.....ผมฝากตาภูด้วย......ถ้าใครมันบุกเข้ามา....ยิงก่อนทันทีแล้วค่อยถาม....คุณสองคนทราบใช่มั้ยว่า .....อะไรอยู่ที่ไหน.....”

หลังทั้งคู่พยักหน้ารับทราบคำฝากฝัง....ศิวะจึงสตาร์ทเครื่องยนต์ออกตามรถของจอมยุทธ์ที่เคลื่อนตัวไปก่อนหน้าแล้วทันที....

หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 15-03-2007 08:16:11

*******************

ข่าวร้ายทยอยออกมาให้ได้รับรู้กันมากขึ้นเรื่อยๆ ...นับตั้งแต่เรื่องไฟไหม้โรงงานกลางดึก ที่แม้จะไม่ก่อให้เกิดความเสียหายรุนแรง แต่ก็สร้างปัญหาให้กับโรงงานไม่น้อย ในเรื่องของวัตถุดิบ เพราะถูกเผาไหม้ไปจนเกือบหมด

เจ้าหน้าที่ดับเพลิงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้อย่างรวดเร็วภายในไม่กี่ชั่วโมง ประกอบกับพิทักษ์สามารถควบคุมสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนแรกได้อย่างดีเยี่ยม  ผลลัพธ์ก็คือความเสียหายที่เกิดขึ้นจึงมีไม่มากเท่าที่ควรจะเป็น

จอมยุทธ์กับศิวะกลับถึงบ้านก่อนรุ่งสางเพียงเล็กน้อย และเข้านอนเพื่อพักผ่อนทันที เนื่องจากยังมีงานที่ต้องทำในเช้าวันศุกร์ต่อ

ข่าวร้ายที่สองทยอยมาในตอนสาย.....เหตุเกิดจากความจริงที่ว่า ชายฉกรรจ์ที่ฝากขังไว้ ณ สถานีตำรวจถูกฆ่าปิดปากหมดทั้งสี่คน ตอนนี้นครินทร์กำลังวิ่งวุ่นเพื่อตามจี้เรื่องที่เกิดขึ้น เนื่องจากชายทั้งสี่มีความสำคัญต่อแผนการที่วางไว้....

ข่าวร้ายที่สามล่วงเข้ามาสมทบในตอนหลังเที่ยงเพียงเล็กน้อยเมื่อยุทธจักรโทรมาบอกนครินทร์ว่า เขาได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้นำทีมปฏิบัติการชุดที่ 1 ที่เขารับผิดชอบอยู่ เข้าร่วมแผนการสกัดกั้นการส่งอาวุธสงครามลอตใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในบริเวณรอยต่อของประเทศไทย ลาว และจีนเร็วๆ นี้....โดยเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องเร่งด่วนและจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากรัฐบาลไทย ที่สำคัญเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสำนักงานตำรวจสากลได้เดินทางมาปฏิบัติการด้วยตนเอง พร้อมด้วยกองกำลังปฏิบัติการพิเศษของสำนักงานตำรวจสากลรวมถึงเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านจากสำนักงานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ

นั่นก็หมายความว่าความหวังที่จะได้ทีมของยุทธจักรเข้ามาช่วยในแผนปฏิบัติการที่นครินทร์คิดขึ้นนั้นเป็นอันสิ้นสุดลง เพราะยุทธจักรติดภาระหน้าที่อื่นเสียแล้ว

ผู้บังคับบัญชาให้เหตุผลถึงการคัดเลือกทีมของยุทธจักรให้เข้าร่วมการปฏิบัติการครั้งใหญ่นี้ว่า เพราะเป็นการปฏิบัติงานที่มีความสำคัญ และเป็นการดีที่นายตำรวจรุ่นใหม่ไฟแรงอย่างเขารวมถึงสมาชิกที่ประกอบด้วยทั้งทหารและตำรวจจะได้ฝึกปรือฝีมือและเทคนิคต่างๆจากผู้เชี่ยวชาญระดับนานาชาติโดยตรง หลังจากนั้นจึงนำเอาความรู้ต่างๆเข้ามาปรับใช้กับบุคคลากรตลอดจนองค์กรที่มีอยู่ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ยังไม่มีข่าวร้ายใดๆ เกิดขึ้นอีก จนเวลาล่วงเข้าสู่บ่ายสองกว่าๆ ......สถานการณ์ดูเหมือนจะกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม

ภาวดีออกจากบ้านพร้อมด้วยอเล็กซ์และแวะไปรับศักดิ์ที่กองพันทหารปืนใหญ่เพื่อเดินทางไปรับภูฟ้าที่โรงเรียน โดยปกติแล้ววันศุกร์จะเป็นหน้าที่ของจอมยุทธ์ที่ต้องไปรับภูฟ้า แต่เนื่องจากความไม่ปลอดภัยในตัวจอมยุทธ์เอง ศิวะจึงมอบหมายให้ภาวดีและศักดิ์เป็นคนดูแลเรื่องนี้แทน ประจวบเหมาะกับอเล็กซ์เดินทางมาถึงเมืองไทยพอดี ศิวะจึงขอร้องให้อเล็กซ์ช่วยดูแลไปรับภูฟ้าด้วยอีกคนหนึ่ง....

ช่วงที่ภาวดีและอีกสองหนุ่มเดินทางไปรับภูฟ้าที่โรงเรียน เป็นเวลาเดียวกับรถยนต์ที่จอมยุทธ์โดยสารมาพร้อมกับนายตำรวจคุ้มกันทั้งสองถูกผู้ไม่ประสงค์ดีจู่โจม หลังจากกลับจากการประชุมกับลูกค้ารายใหญ่เพื่อขอผ่อนผันการส่งผลิตภัณฑ์

คนร้ายไม่ทราบจำนวนและตำแหน่งที่แน่นอนใช้วิธียิงล้อรถด้านหลังทั้งสองข้างให้แตก ทำให้รถเสียการควบคุม แต่โชคดีที่รถแล่นมาด้วยความเร็วระดับปานกลางเพราะเริ่มเข้าสู่ตัวเมือง คนขับรถจึงสามารถบังคับรถให้หยุดโดยที่ไม่มีตลบพลิกคว่ำแต่อย่างใด

หนึ่งในนายตำรวจอารักขาวิทยุเรียกกำลังเสริมทันทีเพื่อป้องกันเหตุร้ายที่อาจจะเกิดขึ้น ในขณะที่รถของบอดีการ์ดที่ศิวะจัดหาไว้ให้คอยตามประกบรถของจอมยุทธ์อย่างตลอดเวลาในระยะห่างๆหยุดรถทันที พวกเขาอารักขาจอมยุทธ์ให้ออกจากพื้นที่เสี่ยงภัยนั้นได้อย่างทันท่วงที

นี่คือส่วนหนึ่งในมาตรการรักษาความปลอดภัยที่ศิวะจัดเตรียมสำรองไว้ในกรณีเกิดเหตุเช่นนี้ เหตุเพราะขาเห็นว่าการมีตำรวจรักษาความปลอดภัยแค่สองคนนั้นน้อยเกินไป ควรจะมีชุดรักษาความปลอดภัยอีกชั้นหนึ่งที่คอยประกบอยู่ห่างๆ เพื่อรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจจะเกิดขึ้น

การเตรียมแผนสำรองในครั้งนี้มีเพียงแค่ศิวะและจอมยุทธ์เท่านั้นที่ทราบดี ดังนั้นในขั้นตอนนำจอมยุทธ์ออกจากที่เกิดเหตุนั้น จอมยุทธ์ต้องอธิบายแก่นายตำรวจติดตามทั้งสองคนว่า บอดีการ์ดที่ติดตามมาในตอนหลังนั้นไว้ใจได้ และจะช่วยนำคนขับรถ นายตำรวจทั้งสอง และตัวของเขาเองไปสู่ที่ปลอดภัยอย่างแน่นอน

จอมยุทธ์จำเป็นต้องเปลี่ยนรถระหว่างทางถึงสองครั้ง โดยเพื่อป้องกันการติดตามจากฝ่ายตรงข้าม..บอดีการ์ดทั้งห้าคน ทำงานประสานกันได้อย่างดีเยี่ยม โดยใช้รถถึงสามคันด้วยกัน จนกว่าจะส่งจอมยุทธ์ให้ถึงบ้านอย่างปลอดภัย 

จอมยุทธ์รายงานให้ศิวะรับทราบอย่างเป็นระยะๆถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยใช้การส่งข้อความผ่านระบบมือถือแบบ Global positioning ซึ่งทำให้ศิวะทราบเหตุการณ์คร่าวๆที่เกิดขึ้น จนกระทั่งเขาถึงที่หมายคือบ้านหลังใหญ่โดยเรียบร้อย

นครินทร์ได้รับแจ้งจากนายตำรวจติดตามหลังจากเกิดเหตุไม่นาน และได้สั่งกำลังคุ้มครองให้ไปดักคอยให้ความช่วยเหลืออยู่ที่บ้านของจอมยุทธ์อย่างรวดเร็วเช่นกัน

ศิวะรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาพยายามติดต่อภาวดีด้วยความเป็นห่วงภูฟ้า เนื่องจากภูฟ้ายังเป็นอีกบุคคลหนึ่งที่ยังไม่ได้รับรายงานว่าถึงบ้านอย่างปลอดภัยแล้ว

อีกอย่างหนึ่ง...ศิวะเห็นว่าผิดเวลามามากแล้ว ตามปกติในเวลานี้ภาวดีต้องโทรมารายงานว่าภูฟ้าถึงบ้านเรียบร้อยแล้ว ยิ่งในสถานการณ์แบบที่เผชิญอยู่มาตลอดอาทิตย์ ภาวดีทราบดีว่าต้องรักษาเวลาให้ดีที่สุด ไม่ควรจะผิดเวลาโดยไม่จำเป็น

ศิวะร้อนใจมากขึ้นเมื่อภาวดีไม่ได้รับสายในตอนแรก เขาพยายามต่อโทรศัพท์อีกถึงสองครั้ง และก็พบว่าหญิงสาวไม่ได้รับสายทั้งสองครั้ง ศิวะจึงเปลี่ยนเป้าหมายเป็นการโทรเข้าเครื่องของศักดิ์แทน แต่ก็พบว่าเขาไม่สามารถติดต่อศักดิ์ได้ด้วยเหตุผลเดียวกัน

ศิวะแทบจะไม่สามารถทนอยู่ในห้องปฏิบัติการเพื่อควบคุมการทำการทดลองของนักศึกษาชั้นปีที่สี่ภาควิชาธรณีวิทยาให้เสร็จสิ้นลงได้ และเป็นครั้งแรกที่เขาภาวนาให้เวลาเดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว หรือไม่ก็ให้ภาวดีหรือศักดิ์โทรกลับมาบอกว่าภูฟ้าถึงบ้านแล้ว

ในที่สุดหลังผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง สัญญาณโทรศัพท์ของศิวะก็ดังขึ้น

“ว่างัยศักดิ์....ตาภูถึงบ้านหรือยัง” ศิวะกรอกเสียงลงไปทันทีภายหลังกดปุ่มรับโทรศัพท์ ศิวะรู้ว่าศักดิ์เป็นคนโทรเข้ามาเพราะเห็นชื่อจากหน้าจอโทรศัพท์

“คุณเสือครับ.......” ศักดิ์หยุดพูดชั่วคราว.....น้ำเสียงของศักดิ์ผิดปกติไปจนศิวะสังเกตได้

“ว่าอย่างไร....ผมฟังอยู่” ศิวะพูด.....เขาพยายามควบคุมอารมณ์สั่นไหวของหัวใจ เนื่องจากกังวลถึงความปลอดภัยของภูฟ้าอยู่ในเวลานี้

“คุณภูถูกลักพาตัวครับ.....” ในที่สุดศักดิ์ก็ตั้งสติและบอกความจริงที่แสนจะโหดร้ายให้กับศิวะได้รับฟัง

*******************************
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 15-03-2007 09:42:12

ดีๆๆๆ  ยะแม่นักสืบสาว  อิอิ

ชั้นคิดว่าชั้นรู้นะว่าใครจัดการกะชายฉกรรจ์สี่คนนั้น  ฮาๆ  แล้วก็ไม่สงสัยเลยว่าใครเขียนข้อความภาษาฝรั่งเศสนั้น(แต่ไม่รู้ว่าเดาถูกไหมนะ...แต่ก็ไม่น่าจะผิดนะ  อิอิ) ก็เล่นไปกินเช้าต่อเฉยเลยซะขนาดนั้น

แล้วชั้นก็นั่งอ่านรอมาตั้งนานว่า  เมื่อไหร่ภูฟ้าจะโดนลักพาตัว?  แล้วเมื่อไหร่โรงงานของนายจอมจะโดนวางเผลิง  :pigha2:  แต่สำหรับศิวะเนี้ย...ยังเดาไม่ออกเพราะว่าจุดอ่อนให้โจมตีมีน้อย

แต่ที่อัศจรรย์ใจคือ  นายศักดิ์.....ยศสูงจัง (ไม่คิดว่าจะเขียนให้"สูง"ชนาดนี้) ยศขนาดนี้มาเป็น "คนในบ้าน" ของศิวะแบบนี้  เฮ้อ!  เดาได้ไปถึงไหนๆ  เศร้าใจเลย :เฮ้อ:

แต่เอาไงก็รออ่านต่อนะ  เพราะว่าอยากรู้ว่าที่เดาไปมันใช่หรือเปล่า อิอิ  สร้างเงื่อนแล้ว....ก็อย่าทิ้งร่องรอยไว้มากสิ 

ดมกลิ่นตามตูดคนเขียนอย่างกะชันชิดเลย  :laugh5:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 15-03-2007 10:17:43
ผมแวะไปเปลี่ยนสีไอริสของดวงตาของอเล็กซ์มาครับ....(ขอเรียกสั้นๆ ว่าสีตาแล้วกันครับ...เพราะไม่ทราบว่า ไอริส นี่ภาษาไทยมันเรียกว่าอย่างไรครับ) จริงๆ แล้วตอนแรกก็เขียนไปว่าสีเขียว เพราะจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าเสริชข้อมูลมาแล้ว...

แต่พอเอาไปเอามา.....ก็ลืมว่าไปเสริชมาจากไหนครับ....ก็มันผ่านมาเกือบแปดเดือนแล้วครับ..ตอนเขียนเรื่องสีตาของอเล็กซ์....

ผมกลัวผิดพลาดครับ....เลยเขียนให้เซฟไปก่อนว่าเป็นสีน้ำตาล.... วันนี้เลยใช้เวลาประมาณค่อนวัน....ค้นคว้าเรื่องยีนสีตาของชาวเกาหลีโดยเฉพาะครับ...

โดยปกติแล้วคนเอเชีย โดยเฉพาะจีน ไทย เกาหลี ญี่ปุ่น ลาว เขมร เวียดนาม จะมีตาสีน้ำตาลเป็นหลัก.... ซึ่งสีน้ำตาลเป็นยีนเด่น......จะไปจับคู่กับอะไรก็จะออกมาเป็นสีน้ำตาลทั้งหมด..... นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเราแต่งงานกันเอง ลูกหลานจึงมีตาสีน้ำตาลกันหมด....(ปล. มีข้อยกเว้น...นานๆ จะมีซักทีครับ....ในคนจีน บางคู่มีตาสีน้ำตาลทั้งคู่....แต่พอแต่งงานกัน ลูกออกมาตาสีเขียวกับสีฟ้าสดซะ.....แปลกซะไม่มี)

คนเราถือยีนสีตาอยู่สองกลุ่มหลักๆ....คือกลุ่ม...."brown color" กับ กลุ่มที่สอง... "non-brown color" ครับ...

แต่บังเอิญเราไม่ได้ถือยีนสีตาเพียงแค่เส้นเดียวครับ....คนเราถือยีนสีตาถึงสองเส้นด้วยกัน..... คือ เส้นหลัก และเส้นรอง....

ดังนั้น กลุ่ม...."brown color" จึง มีเส้นยีนเส้นหลักที่พอจะเป็นไปได้คือ brown-blue, และ brown-green  ส่วนเส้นรองจะเป็นอันไหนก็ได้ ทั้งอยู่ในกลุ่มนี้ หรือ อยู่ในกลุ่มถัดมา

ส่วนคนในกลุ่ม... "non-brown color" ขอเอาเฉพาะกลุ่มตาสีเขียวและตาสีฟ้านะครับ.....ซึ่งจะมียีนเส้นหลักและยีนเส้นรองเป็น green-blue, green-green, blue-blue  ครับ.... เลือกเอามาซักสองอันครับ

งงมั้ยครับ..... เอางี้.....

เข้าประเด็นเลยว่าทำไมอเล็กซ์ถึงมีตาสีเขียวได้....

ก่อนอื่นต้องทราบก่อนว่า....การกำหนดสีตา...นั้นควบคุมโดยยีนจำนวนมากกว่าและเท่ากับสามครับ....

บิดาของอเล็กซ์เป็นคนเกาหลีใต้...ดวงตาสีน้ำตาลแน่นอน.... จะต้องสียีนสองเส้น คือ หนึ่งเส้นในกลุ่ม brown color  และอีกหนึ่งเส้นในกลุ่ม non-brown color  ....... บิดาของอเล็กซ์ไม่สามารถมียีนทั้งสองเส้นมาจากกลุ่ม brown color ได้ เพราะมิเช่นนั้นแล้วอเล็กซ์จะไม่มีวันมีตาสีเขียวเด็ดขาดครับ....

มารดาของอเล็กซ์...ต้องมีตาสีเขียว....อันนี้ข้อบังคับ.... และต้องมียีนสองเส้น จากกลุ่มนี้....คือ green-green, green-blue, blue-blue... .... ผมสมมุติให้มารดาของอเล็กซ์ถือ green-green  และ blue-blue  แล้วกันครับ....

เอาแม่ของอเล็กซ์เป็นตัวตั้ง คือ green-green  และ blue-blue  

บิดาของอเล็กซ์ ต้องมี คือ brown-green  และ green-green  (ถึงจะมี green-green ก็ยังเป็นตาสีน้ำตาลอยู่ดี เพราะอีเส้นหลักมันข่มครับ...)

พอเอาบิดาและมารดาอเล็กซ์มาจับคู่กัน.... ไข้วกันไปไขว้กันมาตามสบายครับ....จับกลุ่มให้ได้สามแล้วกัน....

อเล็กซ์จะมีตาสีเขียวได้ก็ต่อเมื่อ มี green-green, blue-blue  และ green-green  ครับ.... (อย่าลืมบอกไปตั้งแต่ต้นแล้วว่ามันต้องใช้สามเส้น).....

สรุปก็คืออเล็กซ์มีตาสีเขียวได้ครับ....

สงสัยกันมั้ยครับว่า...ตอนเลือกสีตาใช้ยีนตั้งสามเส้น...แต่พอทำไมแบ่ง ไมโอซิส เป็นเซลล์ไข่ หรือ สเปริมแล้วจึงเหลือสอง... ก็เพราะมันซ้ำกันอยู่คู่หนึ่งงัยครับ.... อย่างอเล็กซ์ก็ซ้ำคือ green-green  งัยครับ...ตอนแบ่งเซลล์มันเลยเอามาแค่เส้นเดียวพอครับ....

พอแล้วครับ......ไม่อธิบายต่อแล้วครับ....

ที่อธิบายมาก็เพราะเผื่อคนสงสัยน่ะครับ..... เพราะเห็นนักเขียนนิยายบางเรื่อง.....ไม่ค่อยสนใจประเด็นนี้ซักเท่าไหร่.... นึกอยากให้ตัวละครลูกครึ่งตาเป็นสีอะไรก็ได้ซะงั้น.... (จริงๆ มันก็เป็นไปได้....แต่กลัวคนอ่านจะจำไปผิดๆ น่ะซิครับ...)...

ไปละครับ....

สวัสดีครับ....
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 15-03-2007 10:37:12
อีเจ้....

อีเจ้เดาว่า....ศักดิ์เป็นภรรยาศิวะเหรอะ????????????


ใช่แน่เยยยยยยยยยยยยยย.....

Andreas
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 15-03-2007 11:08:10
จ๋อมอธิบายมาถูกต้องแล้วคะ

เพราะว่า  สีม่านตา(=ไอริส?) ถูกควบคุมด้วยยีนมากว่าสองตัวเคอะ  ประมาณว่าเป็น AAA คะ คือมี อัลลีลถึงสามตัวด้วยกันที่ควบคุมลักษณะนี้ของร่างกายมนุษย์ ซึ่งปกติทั่วๆ ไปแล้ว ลักษณะต่างๆ ของมนุษย์จะมีแค่ 2 อัลลีลคะ

แล้วลักษณะสีม่านตา"สีน้ำตาล(เข้ม)"ก็เป็นลักษณะปรากฏ (phenomenon(?)) เด่นเคอะ

ไม่ว่าผัวของเราจะมีม่านตาสีอะไร  แต่พอมาผสมพันธุ์แลกเปลี่ยนยีนกันกับเราเรียบร้อยแล้ว  ลูกเราก็จะมีสีม่านตาเป็นสีน้ำตาลเคอะ เช่น

                                                   เรา         +       ผัว
เซลล์ร่างกาย             =                AAA                 aaa
                                           (ตาสีน้ำตาล)        (ตาสีเขียว)
เซลล์สืบพันธุ์            =                  AA                  aa

ผสมกันได้ลูก            =                 AAa   หรือ   Aaa  (ตาสีน้ำตาล เพราะ มี อัลลีล A คอยบังคับให้เป็นไปแบบนั้น)

แต่ในกรณีที่คนตาสีน้ำตาลแต่งงานกันแล้วได้ลูกมาตาสีเขียว(เกิดได้น้อยถึงน้อยมากและมักเกิดขึ้นเมื่อแต่งกันในวงศาคณาญาติมาหลายรุ่นแล้ว)  ก็สามารถอธิบายได้ดังนี้

                                                       นาย ก.          +        นาย ข.
เซลล์ร่างกาย                        =              Aaa                      Aaa
                                                    (ตาสีน้ำตาล)             (ตาสีน้ำตาล)
เซลล์สืบพันธุ์(มีสองแบบ)       =             Aa,aa                    Aa,aa

ผสมกันได้ลูก                      =     Aaa (ตาสีน้ำตาล เพราะ "มี" อัลลีล A คอยบังคับให้เป็นไปแบบนั้น)
                                       หรือ   aaa  (ตาสีเขียว เพราะ "ไม่มี" อัลลีล A คอยบังคับและมีแต่อัลลีล a ซึ่งเป็นตัวควบคุมให้ตาเป็นสีเขียว)

อีกอย่างหนึ่งคือ  ลักษณะของสีตาเป็นลักษณะปริมาณเหมือนกันลักษณะสีผิว หมายถึง ยิ่งมีอัลลีล A เท่าไหร่  สีตาก็จะยิ่งเข้มขึ้นเท่านั้น เช่น
AAA จะเข้าจนดำ AAa จะเป็นสีน้ำตาลเข้ม ส่วน Aaa เป็นสีน้ำตาลอ่อน  

ซึ่งลักษณะตาสีน้ำตาลเป็นลักษณะโบราณเคอะ มีมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษของมนุษย์แล้ว (สังเกตได้จากลิงที่เป็นญาติห่างๆ ของเราที่มีสีตาเป็นสีน้ำตาลเหมือนกัน) ส่วนสีตาสีอื่นๆ นั้น เป็นลักษณะที่เพิ่งเกิดขึ้นมาภายหลังในตอนที่มนุษย์เริ่มมีวิวัฒนาการมากขึ้นแล้วเคอะ  ในคนเอเชียส่วนใหญ่ที่มีวิวัฒนาการมาจากมนุษย์ในแอฟริกา  มนุษย์ชวาและมนุษย์ปักกิ่งนั้น  จะมีตาสีน้ำตาลเคอะ เพราะเป็นเผ่าพันธุ์โบราณ ยกเว้นคนเผือกนะครับที่ตาจะมีสีแดงเพราะว่ามีความผิดปกติในพันธุกรรมที่ทำให้เซลล์ไม่สามารถสร้างเม็ดสีได้  ส่วนที่เราเห็นเป็นสีแดงนั้นเกิดจากการที่มันสะท้อนแสงออกมาของอะไรสักอย่าง(จำไม่ได้ อิอิ) ซึ่งเป็นลักษณะของสัตว์กินเนื้อเคอะ  แต่คนเอเชียก็สามารถมีตาสีอื่นๆ ได้เหมือนกันครับ  อย่างเช่น ซายูริในเรื่อง เกอิชา ไงเคอะ  มีตาสีเทา  เจ้เองก็เหมือนกันบางทีก็มีตาสีน้ำตาลลายเสือ  เวลาไปจิกผู้ชายคะ   :laugh5:


ปล.  ที่อธิบายมาทั้งหมดก็ไม่มั่นใจนะว่าถูกต้องร้อยเปอร์เซนต์  รบกวนผู้มีความรู้เข้ามาท้วงติงด้วยนะเคอะ    แบบว่าอิชั้นโง่นะเคอะ  เลยเพิ่มเติมได้แค่นี้เอง



หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 15-03-2007 11:30:29

ลักษณะปรากฏ คือ Phenotype ครับ....

ลักษณะทางพันธุกรรม คือ Genotype ครับ

แหม....เจ้าแม่พันธุศาสตร์มาเองเลย....ผมไม่กล้าหือขอรับ....

อืม.....อ่านอีเจ้เขียนมาแล้ว....ทำไมมันเข้าใจง่ายกว่าที่ผมเขียนมาอีก.....

เฮ้อ....อุตสาห์เขียนซะยืดยาว....อีเจ้มา ครึ่งหน้า....ก้เข้าใจและ.....

ลืมคำว่า "Alleles" = "อัลลีน" ไปเลยครับ..... เอาความรู้ส่งกลับคืนคุณครูหมดแล้วครับ....

กรรม

ปล. ไม่เคยดูเรื่อง เมมัวร์ ออฟ เกอิชา... เลยไม่ทราบว่าซายูริคือใคร..... แต่มีคำอธิบายว่า.... คนเอเชียแท้ๆ ที่มีตาสีเขียว ฟ้า หรือ เทา นั้น..... เป็นไปได้ เพราะเมื่อสืบบรรพบุรุษไปแล้ว....จะต้องเป็นชนชาติมองโกเลียทางเหนือครับ.... คนมองโกเลียทางเหนือสุดๆ ที่ติดกับรัสเซียนั่นนะครับ....จะมีอัลลีสีเขียว ฟ้า เทา แฝงอยู่มากครับ.... ดังนั้นเมื่อจับคู่สาม แล้วรับเอาอีลลันสีมาทั้งหมด....โดยไม่มีสีน้ำตาลโผล่มาเลย....คนเอเชียคนนั้นจึงมีตาสีอื่นๆ ได้ครับ....

คล้ายๆ บิดาของอเล็กซ์ที่ผมบอกงัยครับ....แกมีสองอัลลีน คือ brown-green และ green-green ครับ....

ไปแล้วครับ....เอาเรื่องวิทย์มาคลายเครียดน่ะครับ.....

นิยายผมเครียดเหลือเกิน.... :laugh3:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 15-03-2007 13:00:01
ตาภูโดนลักพาตัวแล้วเหรออออออ  :dont2:
ม่ายน๊า.....





ปล. เปงกำลังใจให้คนแต่งจ้า  :5555:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 15-03-2007 14:08:52
..........น่าสงสารตาภูน้อยของผมจัง.......... :เศร้า1: :เศร้า1:

ป.ล.  ที่เจ็เขียนมาก็แปลกอ่ะ...ถ้าไม่ได้เรียนมาก็คงเข้าใจมั้ง

........ขอแก้นิดหน่อยละกันนะ... :110011: :เชิป2:

....................ส่วนมากแล้วลักษณะทางพันธุกรรมแต่ละลักษณะจะถูกควบคุมโดยอัลลีลแค่ 1 คู่นะคับไม่ใช่ 2คู่
...........แต่ถ้าควบคุมด้วยอัลลีลมากกว่า 1 คู่ เราจะเรียกว่า multiple alleles

...........โดย 1 อัลลีลจะเขียนแทนด้วยสัญลักษณ์ 2 ตัวแต่ 3 รูบแบบคือ

...................AA จะแทนด้วยลักษณะเด่นแท้...(homolozygous dominant)
...................Aa จะแทนด้วยลักษณะเด่นเทียม...(heterozygous dominant )
...................aa  จะแทนด้วยลักษณะด้อย...(recessive..ซึ่งจะเป็น homozygous เท่านั้น)
........แต่จะมีแค่ 2 phenotype คือตาเป็นสีน้ำตาลคือ AA และ Aa และตาเป็นสีเขียว คือ aa

..............ดังนั้นถ้าเป็นอย่างอีเจ๊บอกว่ามี gene ที่ควบคุมสีตา 1 อัลลีล(อธิบาย 3 ยากไปเด๋วอีเจ๊ไม่เข้าใจ :laugh5:)
......................ก็จะได้ตัวอย่างดังต่อไปนี้

                                                    ผัว         +       เมีย
เซลล์ร่างกาย             =                 AA                    aa
                                              (ตาสีน้ำตาล)       (ตาสีเขียว)
เซลล์สืบพันธุ์             =                   A                     a
ผสมกันได้ลูก            =                               Aa     
                                  ซึ่งจะเห็นว่าลูกจะมีโอกาสมีตาสีน้ำตาลเท่านั้นซึ่งไม่ใช่ลักษณะเด่นแท้แต่เป็นเด่นเทียม

...................แต่ถ้าเอาลูก(ผู้ชาย)ที่ได้  ไปผสมพันธ์กับอีเจ๊ซึ่งมี gene ที่วบคุมสีตาเหมือนกัน

                                                ลูกผู้ชาย         +      อีเจ๊
เซลล์ร่างกาย             =                 Aa                     Aa
                                              (ตาสีน้ำตาล)       (ตาสีน้ำตาล)
เซลล์สืบพันธุ์             =                   A , a              A , a
ผสมกันได้ลูก            =                      AA , Aa , aa
..................................ซึ่งจะเห็นว่าลูกมีโอกาสที่จะมีสีตาได้ทุกรูปแบบ(ตามที่อธิบายข้างบน)
...................................อยู่ที่ว่าลูกจะเลือกเอาอะไรมา ถ้าลูกเจ๊ดันเลือกเซลล์สืบพันธ์สามีเจ๊และของเจ๊เป็น a ทั้งคู่
..................................ลูกก็จะออกมามีตาสีเขียวเคอะ..(คงคล้ายแมลงวันหัวเขียวอ่ะ..... :laugh5: :laugh5:)

...............วันนี้ขออธิบายแค่นี้..........เด๋วยากกว่านี้จะทำหั้ยทุกคนงงไปกันใหญ่...ยิ่งในกรณีควบคุมมากกว่า 1 อัลลีล
..........................เด็กๆมัธยมทั้งหลายอ่านไว้แล้วเอาไปสอบได้นะจ้ะ..... :110011: :เชิป2:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: kYos ที่ 15-03-2007 16:04:22
 :o  น้องภู สุดดวงใจ ของทุกคน  อย่าเป็นอะไรไปน้าาา  :monkeysad:
นิยายเริ่มเครียด  เอาวิทยาศาสตร์เข้ามาคุยแล้วเครียดกว่า  55+  ก็พอจะรู้เรื่องบ้าง ดีนะเรียนสายวิทย์มา เฮ้อออ  :เฮ้อ:  แต่ตกชีวะ
เป็นกำลังใจให้คนเขียน 2 เท่าเลย หุหุ เมื่อวานไม่ได้เข้ามาอ่าน  :yeb:  ขอบคุณสำหรับข้อมูลจากเจ้สองกะพี่ถุงด้วยนะ
ปล. FYI คืออาราย??
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: RoosT ที่ 15-03-2007 17:10:43
 :serius2: น่าสงสารภูฟ้าาาาาาา แง๊ววววว

โห เข้ามาอ่านวันนี้ ได้ความรู้ที่ได้คืนปรมาจารย์ไปเกือบหมด กลับมาบ้างนิดหน่อย

บอร์ดนี้มีแต่คนเก่งๆเนอะ คริคริ น่าอิจฉาจัง (เรามันโง่  :monkeycry2:)
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 15-03-2007 18:35:57
โฮะๆๆๆ คาดว่าจะรู้คนจับตัวคนร้ายมัดกับระเบิดด้วย  อยากให้พี่แซมมาช่วยอะดิ
สงสารน้องหนูภูจังเยยย  โดนจับจนได้ แงแง
พี่แซมก็ได้มาช่วยแล้วจิทีนี้  รักระหว่างรบ

เป็นกำลังใจให้จ๋อมจ้า  :yeb:

ปล  อ่านพวกยีนส์อะไรนี่หายเครียดเลย (ประชดๆ)  :laugh5:
      จาบอกว่าจำได้แต่กฎของเมนเดล(ป่าวหว่า) แล้วมันเกี่ยวกันป่าวมะยู้ ลืม คิกคิก
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 15-03-2007 18:58:40
อ่านนิยายว่าเครียดแล้ว เจอเรื่องสีตานี่สิเครียดกว่า  :laugh3:
หุหุ ชีวะนี่ไม่มีผลกับชีวิตของดิฉันตั้งแต่เข้ามหาลัยแล้วค๊าบ  :haun5:
ว่าแต่ หนูภูฟ้าจ๋า คุณพระคุ้มครองนะ อย่าให้คนแต่ง เอ๊ย โจรผู้ร้ายทำอันตรายได้น้า  :yeb:

เป็นกำลังใจให้คนแต่งคร้าบบบบบบบ  :yeb:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 16-03-2007 00:08:41
GobGab ครับ....

ที่เจ้สองอธิบายมานั่นถูกแล้วนะครับ..... คือเจ้แกเลือกจับสามน่ะครับ......

การกำหนดสีไอริสนั้น ควบคุมโดยยีนสองเส้นก็จริง คือ Bey2 (brown eye) และ Gey (green eye)

แต่ยีน Bey2 จะมี สามอัลลีนครับ...คือ brown-brown (AA), brown-blue (Ab) และ blue-blue (bb)

และยีน Gey จะมี สามอัลลีนครับ...คือ green-green (CC), green-blue (Cb), และ blue-blue (bb)
เช่นกันครับ...

Individuals may have two alleles from Bey2..... or two alleles from Gey..... or one allele from Bey2 and one from Gey...... however, it must be eventually ended up having only 2 alleles.

การจับคู่เพื่อทำนายสีไอริสนั้น ต้องยกทั้งวงเล็บมาเข้าคู่กันครับ.......

ยกตัวอย่างเช่น AA Ab จากบิดา กับ CC Cb จากมารดาครับ

ลักษณะการจับคู่กับแบบนี้เรียกว่า A dihybrid Cross

ผลลัพธ์ที่ได้จากการจับคู่ด้านบนจะกลายเป็น

AAAA, AAAb, AACC, AACb
AbAA, AbAb, AbCC, AbCb
CCAA, CCAb, CCCC, CCCb
CbAA,CbAb, CbCC, CbCb

ซึ่งจะคนละแบบที่กอ๊บแก๊บอธิบายมาครับ.....

หลักการที่ก๊อบแก๊บอธิบายมานั้น เราเรียกว่า monohybrid cross ครับ....ซึ่งเกิดขึ้นเป็นส่วนใหญ่ในสิ่งมีชีวิตครับ..... ซึ่งเป็นการเข้าคู่กันของยีนสองเส้น....ไม่ใช่ อัลลีนครับ....

แต่ถ้าเป็นการจับคู่กันเพื่อกำหนดสีไอริส....จะใช้ อัลลีน ครับ.... ใช้ทั้งสี่เส้นเลย ครับ.....

อย่างที่อีเจ้อธิบายมาก่อนหน้า....อีเจ้แกเลือกจับสามครับ....เพราะ ถ้าอัลลีน brown-brown, brown-blue นี่...จะสามารถรวบเป็นแค่ brown ครับ...คือใช้อักษรตัวเดียวได้ครับ... เพราะไม่ว่าอย่างไร สีมันก็ออกมาเป็นสีน้ำตาลอยู่ดีครับ..... อีเจ้เค้าอธิบายตามการกำหนดสีน่ะครับ....

แต่ถ้าจะพิจารณาเส้นอัลลีนไฮบริดกัน ต้องอย่างที่ผมบอกมาน่ะครับ....

คือจะเขียนอย่างไรก็ได้ครับ...แล้วแต่หลักการที่กำหนดเบื้องต้นครับ....

แต่ที่แน่ๆ คือ ไม่ใช้หลักการ monohybrid ครับ.... เพราะถ้าใช้หลักการดังกล่าว บิดาตาสีฟ้า มารดาตาสีฟ้า ต้องให้กำเนิดลูกตาสีฟ้า ทั้งหมด.... ซึ่งเมื่อก่อนเชื่อกันแบบนั้นครับ....แต่ปัจจุบัน เค้าพิสูจน์ออกมาแล้วว่า ลูกของบิดา-มารดาตาสีฟ้า.....นั้นสามารถมีตาสีน้ำตาล ครับ

เหตุผลหลักก็คือ หนึ่งใน บิดา-มารดา ต้องมี เส้นอัลลีน ของตาสีน้ำตาลครับ.... แต่ว่าด้วยเหตุผลบางประการ เส้นอัลลีนนี้ถูกบังคับไม่ให้แสดงออกครับ.... เลยไม่สามารถให้สีน้ำตาลได้ จึงมีสีฟ้าแทน.... เราเรียกว่า Psudo blue คือ ฟ้าเทียมครับ....

น้องก๊อบแก๊บมีข้อแย้ง...ขอเชิญแย้งได้ตามสะดวกนะครับ.....

สวัสดีครับ...

Andreas

ปล. แทบไม่น่าเชื่อเลยครับว่า....เมื่อสืบค้นเวปไซต์ไปเรื่อยๆ แม้กระทั่งผู้ตอบเป็นถึงเดอกเตอร์ทางพันธุศาสตร์ จากมหาวิทยาลัย Standford ยังใช้หลักการ โมโนไฮบริด มาอธิบายให้คนทั่วไปได้อ่านเลยครับ..... ผมเลยชักสงสัยว่า เค้าต้องการยกตัวอย่างง่ายๆ ให้คนทั่วไปเข้าใจหรือเปล่า

เอามาจากเวปนี้ครับ.....http://www.thetech.org/genetics/ask.php?id=2

for the all reference, I used

http://www.thetech.org/genetics/ask.php?id=29
http://www.athro.com/evo/gen/inherit1.html
http://www.athro.com/evo/inherit.html
http://www.athro.com/evo/gen/geframe.html
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 16-03-2007 00:20:28
 :really2: ม่ายยู้เยื่องด้วยอ่ะ ขออ่านแต่นิยายเพื่อความบันเทิงเริญรมย์เจ๋ยๆได้ป่าว อย่าว่ากันเลยน๊า...เอิ๊กๆๆๆ







ปล. แต่ก้อมันส์ดีที่มีคนมีวความรู้งัดอาววิชามาโต้แย้งกัน ทำให้นิยายดูมีสีสันขึ้นเยอะ  :yeb:
      เปงกำลังใจให้ป๋าจ๋อมคนขยันนะจ๊ะ  :5555:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 16-03-2007 00:43:23
เดาไว้ไม่มีผิดว่าภูน้อยต้องโดนทำอะไรสักอย่าง :monkeycry4:

ขอให้ภูน้อยปลอดภัยด้วยเท้ออออ :call:

...

เอ่อ...แบบว่าไม่ได้เรียนสายวิทย์มาอ่ะ
แถมความรู้วิทย์อันน้อยนิดก็คืนอาจารย์ไปหมดแย้ว

ปล. อ่านเนื้อเรื่องว่าเครียดแล้วนะ มาเจอทฤษฎีว่าตาสีนั้นสีนี้มาได้ไงนี่ เล่นเอางงตึ๊บ :really2:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 16-03-2007 01:16:07
ตาภูโดนลักพาตัว :o

เมื่อไหร่พี่แซมจะมาล่ะเนี่ย อุปสรรคเยอะจิงวุ้ย :serius2:

ปล.เรื่องวิทยาศาสตร์นี่ไม่รู้เรื่องแฮะ เคยเรียนตอนมัธยม แต่พอขึ้นมหา'ลัยก็มาเรียนสายศิลป์ อ่านไปก็งงไปเดจาวูไป :really2:

ขออ่านเอามันส์อย่างเดียวก็แล้วกันนะครับ เป็นกำลังใจให้คนเขียนครับ :yeb:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 16-03-2007 06:26:22

โทษทีคะทุกคน  เลยกลายเป็นว่าเจ้แส่ไปอีกแล้ว

ยังไงก็ต้องขอโทษอีกครั้ง 

สัญญาคะว่าจะไม่ทำตัวอย่างงี้อีกแล้ว :monkeysad:


ปล.  แล้วเมื่อไหร่จะมีคนไปช่วยหลานชายอิชั้นเคอะเนี้ย  ตาภูของป้า

ปลล. ยัยจ๋อมยะ  นายศักดิ์นั้นนะ  สามีเก่าอิชั้นเอง...อิชั้นชอบมีปั๋วเป็นพี่ทะหาน :laugh5:

ปลลล. ถูกของมูมู่แล้วคะ......กฏของเมนเดล.....

หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 16-03-2007 09:58:23
สวัสดีครับทุกคน.....

ก่อนเข้าสู่นิยายบทต่อไป.....ผมขออนุญาตถ่ายทอดความในใจอะไรซักอย่างนะครับ..... เรียกว่าเป็นการประกาศเจตนารมณ์ก็ว่าได้ครับ....

สืบเนื่องจากกระทู้ปางบรรพ์ของเจ้สอง....ที่ผมกับเจ้....นำข้อมูลประวัติศาสตร์มาถกเถียงกัน..... จนกระทั่งนำไปสู่การลบข้อมูลที่ผมค้นคว้ามาออกไปด้วยตัวของผมเอง

เหตุผลสำคัญที่ตัดสินใจลบข้อมูลดังกล่าว เพราะอ่านความคิดเห็นรวมๆ ของนักอ่านแล้ว พบว่า นักอ่านส่วนใหญ่ต้องการเพียงแค่ความบันเทิงเท่านั้น มิได้ต้องการรับทราบข้อมูลเบื้องลึก หรือ ข้อเท็จจริงประกอบการเขียนนิยาย ที่ผม พูห์ และเจ้สอง พยายามนำมาถกกัน.....

ตอนนั้นผมคิดว่า.....ผมควรที่จะลบข้อความเหล่านั้นออกเสีย.....เพื่อจะได้ไม่ไปกวนอรรถรสของนิยายของเจ้สองครับ...... การกระทำครั้งนั้น ผมต้องพยายามสู้กับความเชื่อมั่นของตนเองมากพอสมควร....

ที่ผมบอกว่า....ผมต้องสู้กับความเชื่อมั่นของตนเอง.....เพราะผมเชื่อว่าผมทำถูกต้องแล้วที่จะนำข้อมูลเหล่านั้นมาเผยแพร่ให้นักอ่านได้อ่านกันครับ..... แต่ที่ลบเพราะเกรงว่าจะเป็นการเสียมารยาทเพราะไม่ใช่กระทู้ตัวเอง....

แต่พอเหตุการณ์ย้อนรอยเท้ากลับมาอีกครั้ง ในกระทู้ของผมเอง..... เพื่อเป็นการป้องกันการเข้าใจผิด ผมจึงต้องขอประกาศเจตนารมณ์เลยว่า.... ผมต้องการให้มันเกิดขึ้นครับ.... ผมต้องการให้กระทู้นิยายของผมสามารถพูดคุยเรื่องราวที่มีสาระต่างๆ ประกอบนิยายได้ครับ....

ผมเชื่อมั่นมาตลอดว่า..... การให้ความรู้ คือ สิ่งที่ปัญญาชนควรจะต้องกระทำ....และเป็นสิ่งที่กระทำได้โดยปราศจากข้อติฉินนินทาครับ....

หลายคนอาจคิดว่า...นิยาย..ก็คือ...นิยาย....คือเรื่องราวไร้สาระ...คือเรื่องราวที่อ่านเพื่อความบันเทิงอย่างเดียว..... ความคิดเช่นนั้นไม่ผิดครับ..... แต่บังเอิญผมไม่คิดเช่นนั้น....... เพราะผมสามารถหาสาระจากเรื่องราวที่คนคิดว่าไร้สาระได้เสมอ......

ในความคิดของผม.....ในฐานะคนเขียนนิยาย..... ผมพยายามอย่างยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลง...ความไร้สาระ....หรือ ความบันเทิงเริงรมณ์....ให้กลายเป็น..... “สาระบันเทิงครับ” ..... เหมือนอย่างที่ผม ค้นคว้าข้อมูลประกอบการเขียนนิยายตั้งมากมาย รวมถึงตั้งใจที่จะเผยแพร่ความรู้เหล่านั้นให้คนอ่านได้รับทราบครับ....

ผมเกลียดคำประโยคที่ว่า..... “แหม....ก็แค่นิยายในเน็ต...เอาอะไรกับมันมาก....” ......... อยากจะบอกว่า....คุณค่าของสิ่งใดๆ มันไม่ได้ยึดติดกับที่สิ่งของสิ่งนั้นๆไปปรากฏอยู่ นะครับ...... เขียนนิยายในเนต จะให้มีสาระ ไม่ได้เลยหรือ......

ทำไมเราต้องไปตามกระแสสังคมที่เริ่มเสื่อมทรามลงทุกวันด้วยล่ะครับ....ทำไมไม่ลุกขึ้นมาปฏิวัติ....และภูมิใจกับสิ่งเล็กๆ ที่ตนเองทำแล้วเกิดประโยชน์ล่ะครับ..... ทำไมเราจะเอาสาระจากนิยายไม่ได้....หรือ ทำไมเราจะใส่สาระไปในนิยายไม่ได้ครับ...... สุดท้าย.....ทำไมเราถึงไม่สร้างความต่างล่ะครับ.....

เราเลือกได้นี่ครับ...ในฐานะที่เรามีปัญญา....และมีความตั้งใจอันดีที่จะทำ......

เราทุกคน....ที่ภูมิใจนักภูมิใจหนาว่า.... “เป็นคนรุ่นใหม่”..... เป็นผู้เจริญแล้วด้วยปัญญา เพราะร่ำเรียนสูงกว่ารุ่นที่แล้วๆมา.... ทำไมถึงไม่มี “ทัศนคติ” ให้เหมาะสมกับความหมายของบริบทนี้ล่ะครับ......

ทัศนคตินั้นเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ที่จะช่วยให้คนมีพัฒนาการทางด้านความรู้ และจิตใจที่แตกต่างกัน.....

เราไม่จำเป็นต้องปรับทัศนคติไปตามกระแสส่วนใหญ่ของสังคมนี่ครับ....ตราบใดที่เราทราบว่า สิ่งที่เราคิด คือ สิ่งที่ถูกต้อง และไม่ทำให้ใครเดือดร้อน.....

ผมเชื่อมั่นมาตลอดเวลาว่า.... การเผยแพร่ความรู้เป็นสิ่งที่ดี....เป็นการทำบุญอย่างหนึ่งครับ.....การทำบุญด้วยสติปัญญานั้น....มีคุณค่ามากเหลือครับ...... เพราะเป็นการสร้างคุณค่าของคนครับ....

ในกระบวนการเผยแพร่ความรู้นั้น....จะประกอบไปด้วยบุคคลสองกลุ่ม...คือกลุ่มผู้ให้....และกลุ่มผู้รับ.....

กลุ่มผู้ให้พยายามเผยแพร่ความรู้นั้นๆ แก่ผู้รับ โดยไม่จำเป็นต้องคาดหวังว่าจะสำเร็จได้ร้อยเปอร์เซนต์....ขอแค่ทำให้ดีที่สุดก็พอ.....

ในขณะที่กลุ่มผู้รับ....ก็มีสิทธิ์เลือกที่จะรับ...เลือกที่จะทำความเข้าใจ...... บางคนไม่รับความรู้เลยก็ย่อมได้....

แต่คนที่เลือกจะไม่รับรู้อะไรเลย......คงลืม....สุภาษิตแบบไทยๆ ที่มักไม่ค่อยได้ยินแล้ว....ที่ว่า.... . “รู้ไว้ใช่ว่า....ใส่บ่าแบกหาม” ไปกระมังครับ

ความรู้ไม่สร้างความลำบากแก่คนเราเลย....มีแต่จะสร้างประโยชน์ทั้งนั้น......

ความรู้บางอย่าง...อาจจะยากไป....ที่จะเข้าใจในหมู่กว้าง..... แต่ผมว่ามันไม่พ้นความพยายามที่จะเข้าใจหรอกครับ......ทัศนคติเรื่องการขวนขวายหาความรู้เป็นสิ่งที่สำคัญมาก....สำคัญต่ออนาคตของคนเลยแหละครับ.....

หลายคนอาจจะยังร่ำเรียนอยู่....และคิดว่า...ความรู้นอกตำรานั้น....ไม่ใช่สิ่งสำคัญ......

ขอบอกว่าอย่าเชื่อแบบนั้นครับ...... ความรู้รอบตัวเป็นสิ่งสำคัญมาก...... ทำไมเราต้องไปจำกัดว่า...รู้เฉพาะในบทเรียนก็พอ....หรือ ผมเรียนสายศิลป์ ผมไม่จำเป็นต้องทราบเรื่องฟิสิกส์.....หรือ ผมเรียนสายวิทย์ ผมไม่จำเป็นต้องไปทราบประวัติศาสตร์เปรียบเทียบ.....

ทำไมไม่คิดว่า.....รู้ไว้ก็ดี..... แม้มันจะไม่ลึกซึ้งนัก เพราะไม่ได้เรียนมาโดยตรง....แต่มันก็เพิ่มคุณค่าสติปัญญาของความเป็นมนุษย์ปุถุชนเข้าไป.....

ขออนุญาตยกตัวอย่าง...... เพื่อนผมคนหนึ่ง..... เค้าเรียนเก่งมากครับ....จบเกียรตินิยมอันดับหนึ่งเหรียญทอง..... วันหนึ่งเขาไปสำภาษณ์ทุนไปเมืองนอก....กรรมการถามความรู้ทั่วไปที่ไม่เกี่ยวกับวิชาเรียน เขาตอบไม่ได้....เพราะไม่มีทัศนคติที่จะค้นคว้า หรือ ไขว่คว้าหาความรู้เพิ่มเติม.....สรุปก็คือ....เขาพลาดทุนไปอย่างน่าเสียดายครับ....

หรือยกตัวอย่างผมเอง..... ผมเรียนวิทยาศาสตร์มาตลอดชีวิต.... แต่ผมก็มักจะหาเวลาว่าง ไปศึกษาหาความรู้ทางฝั่งสายศิลป์โดยตลอดครับ....ทั้งประวัติศาสตร์ ภาษาศาสตร์ และสังคมศาสตร์ ......

แม้ว่าความรู้ที่ผมเรียนมานอกเหนือจากตำราเรียนมันอาจจะไม่กระจ่างนัก....แต่ผมก็มั่นใจได้ว่าผมใช้ได้ไม่อายใครครับ.... เหมือนกรณีผมเขียนรีพลายตอบเป็นภาษาอังกฤษยาวๆ ...... ผมไม่ได้ใช้คำสวยหรู....หรือ คำชั้นสูงแต่อย่างใดเลย....เพราะผมไม่ทราบคำเหล่านั้นครับ....ผมเลือกใช้คำศัพท์ที่ง่ายๆ และโครงสร้างประโยคที่ไม่ซับซ้อนเท่าไหร่....โดยต้องการจะให้อ่านกันโดยง่าย....และใครก็ตามที่อยากพัฒนาความรู้ทางภาษาอังกฤษ ได้ใช้เป็นแนวทางในการศึกษา และพัฒนาต่อไป.....

พอพูดประเด็นนี้....ก็ต้องพูดปัญหาโลกแตก....”นักศึกษาเรียนภาษาอังกฤษมาสิบกว่าปีกว่าปี....ทำไมเขียนและพูดได้ไม่คล่องล่ะครับ....”...... กรุณาอย่ามาโทษเรื่องโอกาสครับ..... โอกาสมันมีอยู่ทุกที่นั่นแหละ....แต่มันไม่ได้ลอยมาหาเรานี่ครับ....เราต้องหามันเองต่างหาก.....  คำตอบจริงๆคือ เพราะ เราไม่ปรับทัศนคติที่จะเรียนรู้ภาษาอังกฤษต่างหากครับ.....

กรุณาอย่าคิดว่า....เอ้า....คุณแอนเดรียส์พูดได้นี่....เพราะใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศ.....ก็ต้องเก่งภาษาตามปริยาย.....

ผมขอบอกไว้เลยครับว่า..... ผมทำงานเป็นล่าม เป็นนักแปล ตั้งแต่ยังไม่จบปริญญาตรีเคมีด้วยซ้ำไป..... ผมไม่เห็นต้องมาเมืองนอกเลยครับ....

เอ้า....นอกเรื่องอีกแล้ว....คือเขียนแล้วมันติดพันน่ะครับ....

ผมอัดอั้นตันใจมาตลอดว่า.....หลายครั้งที่ “เจตนาดี” ถูกกดดันโดยกระแสความเสื่อมของสังคม...... 

ทำไมเราไม่ยืนขึ้น....และฝ่าความกดดันนั้นล่ะครับ....เพราะสุดท้าย...คนที่ได้ประโยชน์คือเรานั่นเอง.....

ผมอาจจะไม่ใช่คนก่อตั้งเวปนี้....และไม่ทราบว่าเวปนี้.....เน้นแต่เรื่องบันเทิงเริงใจอย่างเดียวหรืออย่างไร.....

ผมทราบอย่างเดียวว่า.....ผมมีความตั้งใจที่จะสร้างมุมมอง....และทัศนคติใหม่ๆ ให้แก่คนอ่านนิยายของผมทุกคนครับ..... และผมมั่นใจว่า มุมมอง และทัศนคติ เรื่องของคำว่า “สาระบันเทิง” นั้น...ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใครแน่นอน....แต่ขอให้เราทุกคน...เข้าใจตรงกันก็เพียงพอ......

การที่ผมยกข้อมูลเรื่องพันธุศาสตร์ของสีตามาเล่าให้ทุกคนฟังนั้น....เพราะผมต้องการที่จะแทรก “สาระ” ลงไปครับ....

ผมไม่ได้หวังว่าคนอ่านทุกคนจะต้องเข้าใจตามผมร้อยเปอร์เซนต์.....แต่ก็อยากให้เริ่มปรับทัศนคติการรับรู้ของตนเองก็พอครับว่า......นิยายในกระทู้นี้.....ไม่เน้นแต่ความบันเทิงอย่างเดียว......


บางคนอาจจะเข้าใจเพียงเล็กน้อย....บางคนอาจจะเข้าใจดีอย่างเจ้สอง กับ น้อง GobGab

ไม่แปลกที่คนเรียนสายศิลป์จะบอกว่า....ไม่เข้าใจ....

ไม่เป็นไรครับ....แค่อ่านผ่านๆ ตา และทราบว่า การเกิดสีของไอริสดวงตา มันควบคุมด้วยยีนหลายเส้นก็พอ....รวมถึงทราบว่า....คนเอเชีย ตาสีเขียวกับตาสีฟ้าก็มีนะ.....พวกนี้ทราบเอาไว้ก็ไม่เสียหายนี่ครับ.....

สำหรับเจ้สอง....แกอาจจะเข้าใจมากกว่าคนปกติ....แกก็เขียนเพิ่มเติมมาบน บรรทัดฐานที่แกรับทราบ..... ซึ่งก็เกิดข้อดีตรงที่ว่า....น้อง GobGab ได้พยายามเสนอข้อมูลมาเพิ่มเติม...... และหักล้าง

เรื่องผิดเรื่องถูก.....ไม่ใช่ประเด็นหลัก......ประเด็นหลักคือ....เกิดการอภิปรายกันต่างหากครับ....หลังจากอภิปรายแล้ว....ข้อสรุปมันก็ตามมาเอง......

แต่ถ้าไม่มีการอภิปราย....ความรู้มันก็ไม่แต่แขนง....ข้อสรุปมันก็แกนๆ.....ผิด หรือ ถูก ก็เท่านั้น..... แล้วเราได้อะไรจากคำว่า “ผิด” หรือ “ถูก” บ้างล่ะครับ.....

ผมอยากให้เจ้สอง....ไม่ต้องกังวลว่า...การกระทำของตัวเองเป็นสิ่งที่ผิด....หรือเป็นการเสนอหน้า..... คนคุณภาพ ที่พร้อมด้วยสติปัญญาอย่างเจ้สอง....ทำไมใช้ให้มันคุ้ม....และช่วยเผยแผ่มาให้คนอื่นด้วยล่ะครับ.....

และอยากให้คนอ่านนิยายของผม...เข้าใจว่า....เราแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้กันได้ตลอดเวลา....นิยายของผมไม่ใช่เพียงแค่บันเทิง....แต่ผมพยายามสร้างให้มันเป็น “สาระบันเทิง” ..... แต่ว่ามันจะมีสาระได้ขนาดไหน...ก็ขึ้นอยู่กับพวกเราทุกคนนั่นแหละครับ....ที่จะช่วยประคับประคอง...ทัศนคติ.....ความเข้าใจ.....และบันเทิง..... ให้เดินไปพร้อมด้วยกัน

บางคนอาจจะไม่ได้เป็นผู้ให้ความรู้...... แต่ขออย่าเป็น “มือไม่พาย เอาเท้าราน้ำ” ก็พอครับ...... (ปล....ไม่ได้ว่าใครนะครับ....นักอ่านที่รักของผมประพฤติตัวดีทุกคนครับ....”

เรื่องสีตาที่ผ่านมา....อาจจะไม่ถนัดสำหรับหลายๆคน....แต่ถ้ามีหัวข้อดีๆไม่ยาก...ก็ขอให้ร่วมด้วยช่วยกันนะครับ.....

เขียนมายาวแล้วครับ....ขอบคุณทุกคนมากนะครับ...ที่เสียสละเวลาอ่าน.....

ผมหวังว่า....เราจะมีความคิดคล้ายๆ กันว่า.... “ถึงเวลาแล้วที่เราควรจะลุกขึ้นมาปฏิวัติความเชื่อเดิมๆ ที่ไม่ก่อให้เกิดการพัฒนาตนเองให้หมดไป....เราควรต้องนำเสนอ รวมถึง สร้างแนวคิดใหม่ๆ ออกมา และปฏิบัติตามเพื่อให้เราเป็นบุคคลที่มีคุณภาพนะครับ”

สุดท้ายแล้ว.....ไม่อยากจะบอกเลยว่า.....เราอาจจะโชคร้ายที่เกิดมาเป็นเกย์.....แต่เราไม่โชคร้ายที่จะเป็นคนมีคุณภาพนะครับ.....

รักแท้ของเกย์อาจจะหายาก...... แต่มันคนละเรื่องกับ..... “คุณภาพของความเป็นคน” ซึ่งเราไม่ต้องหาครับ.....เพราะเราสร้างมันได้

สวัสดีครับ

Andreas

Friday, March 16th, 2007; Andreas has come to underline the particular statement as well as to make some sentences obviously seen.
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 16-03-2007 11:11:19
 :โหลๆ: Yoooooo Hooooooooooooo

หายเครียดกันยังคร๊าบ......  :5555:

หลายคนคงจะเดาไว้แล้วใช่มั้ยครับว่า ตาภู ต้องโดนผลกระทบแน่นอน..... แหม...ก็ผมเล่นปูทางไว้ที่ตาภูตลอดเลยยยยยยยยย   :yeb:

เด็กอารายม่ายยู้....น่ารักซะไม่มี......ยิ้มก็หวาน....นิสัยก็ดี....... พ่อทั้งหลายก็หล่อซะทุกคน.... คุณอาหนุ่มก็ใช่ย่อย.....

วันนี้ขอชมตัวละครตัวเองหน่อยเถอะครับ...... :110011: :110011: :110011: :110011: :110011: :110011:

เห็นคุณ No-Empty ถามไว้ว่า.... FYI คือ อะไร.... มันคือ.....ตัวย่อของ For Your Information ครับ....

คล้ายกับ lol ซึ่งย่อมาจาก Laugh out loud น่ะครับ

ส่วน asap ก็คือ as soon as possible ครับ...

หรือ ftw.... อันนี้มันหยาบคายน่ะครับ..... เพราะมันย่อมาจาก F-ck the world :laugh3:

วันนี้กะจะเล่นตัวซักหน่อย.....ว่าจะไม่โพสต์นิยายต่อ..... แต่เอาเข้าจริง...... โพสต์ต่อดีกว่า.....

จะได้ตามมาลุ้นกันครับ.....ว่าจะเป็นรักระหว่างรบที่เข้าใจกันหรือป่าวครับ...

Andreas
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 16-03-2007 11:22:07
บทที่ 7 ความจริงที่ซ่อนเร้น

ศิวะยืนนิ่งเหมือนถูกสาปทันทีที่ศักดิ์รายงานว่าภูฟ้า..ลูกชายสุดที่รักของเขาถูกลักพาตัว แม้ว่าจะสังหรณ์ใจและเตรียมใจไว้สำหรับเรื่องร้ายแรงต่างๆ แต่เมื่อเรื่องราวมันเกิดขึ้นกับลูกชายที่เปรียบเสมือนดวงใจของเขา....หัวใจของศิวะแทบจะหยุดเต้นในทันใด

ความกังวลต่อความปลอดภัยของภูฟ้า...และความกลัวถาโถมเข้าหาดวงใจของศิวะอย่างรุนแรง.....แต่ก็เพียงแค่ชั่ววินาที.....เขาสงบสติอารมณ์แล้วกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์

“ศักดิ์อยู่ที่ไหน.....แล้วคนอื่นๆล่ะ” ศิวะพยายามบังคับเสียงให้ไร้อาการสั่นพร่า...แม้ว่าหัวใจจะรู้สึกเจ็บปวดและอารมณ์บีบคั้นที่เกิดขึ้นจะนำพาให้ร่างสูงใหญ่ของบุคคลที่แข็งแกร่งสมชายชาตรีเช่นเขาสั่นไหวอย่างเล็กน้อยจนยากที่จะควบคุม

“ผมอยู่กับคุณอเล็กซ์ครับ.....คุณภาวดีถูกจับไปพร้อมกับคุณหนูครับ.....ตอนนี้ผมกับคุณอเล็กซ์กำลังพยายามสะกดรอยตามรถที่น่าสงสัยอยู่ครับ.....ผมยังไม่ได้โทรศัพท์รายงานตำรวจนะครับคุณเสือ....ผมเกรงว่าคุณภูจะไม่ปลอดภัย ถ้าตำรวจพยายามสกัดรถต้องสงสัยครับ....ผมเลยโทรมารายงานคุณเสือก่อนครับ....คุณเสือจะเอาอย่างไรครับ” ศักดิ์ตอบคำถามและรายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้นให้ศิวะฟังอย่างคร่าวๆ

“ศักดิ์....ขอผมคุยกับอเล็กซ์หน่อย” ศิวะกรอกเสียงลงไป หลังจากฟังรายงานจากศักดิ์เรียบร้อยแล้ว

“อเล็กซ์.....ผลการสะกดรอยเป็นอย่างไรบ้าง” น้ำเสียงเข้มของศิวะทำให้ผู้ฟังอยู่รีบรายงานอย่างเป็นการเป็นงานทันที

“ลำบากมาก.....คาดว่าผู้ต้องสงสัยใช้รถหลายคันเพื่อนำสกายและภาวดีไปสู่ที่หมายอย่างรวดเร็ว.....ตอนนี้น่าจะไม่สามารถทำอะไรได้ เนื่องจากไม่พร้อมด้วยทั้งกำลังคนและอาวุธ....ผมขอเสนอให้กลับไปคุยกันที่บ้าน...”
 
“โอเค...ผมเชื่อคุณ........อเล็กซ์.......ถ้าอย่างนั้นรบกวนบอกศักดิ์ให้กลับบ้านทันที...และช่วยรายงานจอมให้ทราบ....ผมจะไปถึงบ้านภายในครึ่งชั่วโมง” ศิวะสั่งการเป็นสิ่งสุดท้าย ก่อนจะวางหูโทรศัพท์และขอตัวออกจากห้องปฏิบัติการอย่างรีบด่วนโดยฝากงานที่เหลือไว้ให้นักศึกษาช่วยสอนช่วยดูแลต่อ

ศิวะขับรถกลับมาบ้านอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทันทีที่ก้าวขาเข้าไปในห้องนั่งเล่นก็พบว่าจอมยุทธ์ ศักดิ์ และ
อเล็กซ์นั่งคอยอยู่แล้วอย่างใจจดใจจ่อ

สีหน้าของจอมยุทธ์ปิดความเสียใจไว้ไม่มิด .....เช่นเดียวกับศักดิ์ที่แสดงความเสียใจทั้งสีหน้าและแววตา

ศิวะนั่งลงข้างๆจอมยุทธ์ และโอบไหล่ให้กำลังใจน้องชายที่คงรู้สึกเสียใจไม่แพ้กันด้วยแขนข้างหนึ่ง  ศิวะถอนหายใจช้าๆ ตั้งสติให้มั่นคงและเอ่ยถามศักดิ์

“ศักดิ์....เล่าเหตุการณ์อย่างละเอียดที่เกิดขึ้นให้ผมกับจอมทราบหน่อยได้มั้ย”

ศักดิ์ถอนหายใจอย่างช้าๆ พยายามรวบรวมความทรงจำ...เก็บรายละเอียดทั้งหมดที่เขาพบเห็น..และรายงานต่อศิวะเป็นภาษาอังกฤษที่เรียบง่าย ตรงประเด็น ทั้งนี้เพื่อให้อเล็กซ์ได้รับทราบเช่นกัน

“พวกเราจอดรถไว้ค่อนข้างไกลจากโรงเรียนครับ...เนื่องจากรถติดมาก....คุณภาเดินนำหน้าไปรับคุณหนู หลังจากจอดรถเสร็จครับ..โดยมีผมและคุณอเล็กซ์เดินตามไปห่างๆ เพื่อคอยระมัดระวัง.....ผมและคุณอเล็กซ์พยายามใช้สายตาค้นหาความผิดปกติต่างๆก็ไม่พบอะไร จนกระทั่งคุณภาเดินออกมาจากรั้วโรงเรียนโดยอุ้มคุณหนูภูฟ้าอยู่......ผมกับคุณอเล็กซ์พยายามจะเดินเข้าไปสมทบ แต่ก็ช้ากว่าชายสองคน...คนหนึ่งรูปร่างหน้าตาเหมือนคนจีน อีกคนหนึ่งเป็นคนชาวต่างประเทศ มีหนวดเครา....ทั้งคู่สวมชุดธรรมดาคล้ายผู้ปกครองนักเรียนทั่วไป .....ชายทั้งคู่เดินเข้าประชิดคุณภาวดีอย่างรวดเร็ว....ผมสังเกตว่าชายคนหนึ่งพูดอะไรบางอย่างให้คุณภาวดีฟัง หลังจากนั้นคุณภาวดีก็เปลี่ยนทิศทางเดิน โดยมีชายทั้งสองตามประกบอยู่ตลอดเวลา.....ผมพยายามจะเดินตามไป แต่คุณอเล็กซ์ซึ่งออกตัวช้ากว่าผมให้สัญญาณว่า มีชายอีกไม่ต่ำกว่าสามคนกำลังเดินมุ่งหน้าไปทางเดียวกันกับที่คุณภาและคุณหนูถูกควบคุมอยู่....พบเลยตัดสินใจเดินไปปรึกษาคุณอเล็กซ์...แต่ก็คอยจับตาพวกนั้นอยู่.... ในที่สุดคุณอเล็กซ์ก็บอกว่าให้ตาม....เราจึงเดินตามไปช้าๆ จนเกือบถึงถนนใหญ่ครับ......สิ่งสุดท้ายที่ผมเห็นก็คือ คุณภากำลังเจรจากับชายทั้งสองคนอยู่หน้ารถตู้สีบรอนซ์ที่ข้างในมีชายอีกสองคนนั่งอยู่ด้วยในตำแหน่งคนขับและผู้โดยสาร.....คุณภากอดคุณหนูไว้แน่น เพื่อไม่ให้พวกมันจับตัวคุณหนูไปเพียงคนเดียว..... ชายสองคนนั้นพยายามจะแย่งตัวคุณหนูไป....แต่เนื่องจากแถวนั้นมีคนอยู่บ้างประปราย พวกมันเลยตัดสินใจเอาคุณภาไปด้วยครับ....” ศักดิ์พักการเล่ารายละเอียดชั่วครู่ ดื่มน้ำที่แม่บ้านเตรียมไว้ให้ และเริ่มเล่าต่อทันที

“ผมกับคุณอเล็กซ์รีบวิ่งกลับไปที่รถที่อยู่ค่อนข้างไกล...และพยายามขับรถวนหารถตู้สีบรอนซ์คันนั้น.....หลังขับรถวนอยู่นาน....จนทะลุออกมาจากตัวเมือง....คุณอเล็กซ์ก็เห็นรถคันดังกล่าวจอดอยู่ที่ปั้มน้ำมันแห่งหนึ่ง....พวกผมทำทีขับรถไปวนดู แต่ก็ไม่พบใครในรถตู้คันนั้นครับ....สุดท้ายผมเลยโทรหาคุณเสือครับ”

“อเล็กซ์....คุณมีอะไรที่จะเพิ่มเติมมั้ย” ศิวะถามต่อมา

อเล็กซ์พยักหน้าช้าๆ และพูดเสริมในรายละเอียดที่ศักดิ์เล่าออกมาตั้งแต่แรก

“ตอนแรก...ผมกับศักดิ์ตัดสินใจจะเข้าชาร์จ....แต่คิดทบทวนว่า ในช่วงจังหวะชุลมุน...พวกมันที่มีคนมากกว่าอาจได้จังหวะฉวยเอาตัวสกายไปเพียงคนเดียว.....ซึ่งอันนั้นจะเป็นผลร้ายมากกว่าที่พวกนั้นเอาตัวภาวดีไปด้วย.....ภาวดีเป็นคนฉลาด....คุณฝึกมากับมือ.....ภาวดีน่าจะผ่อนหนักให้เป็นเบาได้บ้าง....อย่างน้อยสกายก็ยังได้รับการดูแลที่ดีแน่นอน...”

“คุณจะทำอย่างไรต่อไป.....จะจัดการกันเองหรือให้ตำรวจไทยจัดการ” อเล็กซ์ทิ้งคำถามไว้ตอนท้าย

ศิวะนั่งนิ่งใช้ความคิดอย่างหนัก....แม้ว่าเขาจะมีประสบการณ์รับมือกับสถานการณ์ที่รุนแรงกว่านี้หลายเท่า....แต่ก็ไม่เคยรู้สึกว่ายากลำบากและกังวลใจเท่านี้....เหตุเพราะภูฟ้า....ดวงใจของครอบครัว...กำลังตกอยู่ในอันตราย....และรอคอยความช่วยเหลือจากผู้ที่เป็นบิดาและคุณอา...ที่รักภูฟ้ายิ่งกว่าสิ่งใด

ศิวะใช้นิ้วบีบบริเวณระหว่างคิ้วของตน เงยหน้าขึ้นเพื่อไม่ให้น้ำตาลูกผู้ชายที่กั้นไว้ไหลรินออกมา...ยามคิดถึงลูกชายตัวน้อย....ลูกชายที่เฝ้าทะนุถนอมมากับมือ....ว่าป่านนี้จะขวัญหนีดีฝ่อขนาดไหน....พวกมันจะทำร้ายเด็กน้อยไร้เดียงสาอย่างภูฟ้าหรือไม่.....

“ภูลูกพ่อ.....ขอคุณพระคุณเจ้าคุ้มครองนะลูก.....พ่อเสือจะตามลูกกลับมาด้วยมือพ่อเอง.....พ่อสัญญา” ศิวะพร่ำร้องในใจ

จอมยุทธ์ที่นั่งอยู่ข้างๆ รับรู้ความรู้สึกเจ็บปวดของศิวะได้เป็นอย่างดี เพราะไม่แตกต่างอะไรกับที่เขากำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้.....น้ำตาของจอมยุทธ์รื้นขึ้นมาทันใด....ยามที่คิดคล้ายๆกันว่าป่านนี้ภูฟ้าคงหวาดกลัวเป็นอย่างมาก....ดวงใจของเขาจะร้องหาบิดาและอาที่รักหรือไม่.....เมื่อภูฟ้าร้องไห้....ใครจะเป็นคนปลอบ....ไอ้คนพวกนั้นจะทรมานเด็กน้อยหรือไม่.....และภาวดีจะเป็นอย่างไรบ้าง......

เวลาผ่านไปแค่ไม่ถึงนาที.....ศิวะก็ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว....เขาขยับเปลือกตาไล่น้ำตาที่ปริ่มออกมาให้หายไป....ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าอย่างช้าๆ....เรียกสติและปัญญากลับมาหาตัวเองอีกครั้ง...แล้วจึงสั่งการอย่างรวดเร็ว

“จอมพี่ต้องการให้จอมติดต่อบอกคุณพ่อ คุณแม่ และคุณยาย ของฟ้าลั่นและหมอก...เล่าสถานการณ์ให้ท่านฟัง และเรียนท่านว่าขอให้สงบสติอารมณ์และหยุดการเคลื่อนไหวไว้ก่อน....ถ้ามันต้องการเงิน....เราจะเตรียมเงินให้พร้อม...ให้เร็วที่สุด.....หลังจากนั้นโทรบอกคริส.....ให้มาที่เมืองไทยด่วน.....มาพร้อมกับลูกน้องบางส่วนยิ่งดี......เราอาจต้องพึ่งพวกเขา” ศิวะตัดสินใจแล้วหลังจากประมวลสถานการณ์ และคิดว่าจุดประสงค์ของการลักพาตัวภูฟ้าเพื่อเรียกค่าไถ่แน่นอน....และคิดว่าพวกมันคงเตรียมแผนมาอย่างดี...มันคงไม่ยอมเสียท่าอีกแล้วในครั้งนี้

“ศักดิ์...ผมอยากให้คุณทำอย่างไรก็ได้ที่จะให้ท่านรองฯนครินทร์มาปรากฏตัวที่นี่อย่างรวดเร็ว....โดยทีถ้าพวกมันกำลังจับตาดูความเคลื่อนไหวของเราอยู่.....พวกมันต้องไม่รู้ว่าเรากำลังทำอะไรทั้งนั้น.....”

“รับทราบครับ....” ศักดิ์ยืนขึ้นตัวตรง จนเกือบแสดงความเคารพออกมา แต่ก็เผลอตบเท้าเข้าหากันโดยอัตโนมัติ เนื่องจากไม่ได้ยินเสียงการสั่งการที่เด็ดขาด....รวดเร็วและเต็มไปด้วยความเข้มแข็งอย่างนี้มานานมากแล้ว

ศิวะยังคงพูดต่อ

“ผมจะย้อนรอย....ไอ้คนพวกนี้อย่างเจ็บแสบทีเดียว”

ทั้งหมดรับรู้ถึงความโกรธในน้ำเสียงของศิวะ....อารมณ์โกรธที่พุ่งขึ้นสูงสุด และจะแปรเปลี่ยนเป็นความชาญฉลาด และเชาวน์ปัญญาที่น้อยคนนักจะต่อกรได้

ยิ่งเมื่อศิวะพูดออกมาด้วยเขาว่าจะย้อนรอยไอ้พวกคนเหล่านั้น....ความหึกเฮิมของนายทหารอย่างศักดิ์และเพื่อนรักอย่างอเล็กซ์ก็เพิ่มขึ้นทันตาเห็น

ความมั่นใจของจอมยุทธ์ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน....เพราะทราบเป็นอย่างดีว่า....ศิวะนั้นฉลาดและรอบคอบมากเพียงใด.....หากศิวะตัดสินใจจะสู้กับพวกมันแล้ว.....จอมยุทธ์มั่นใจว่าภูฟ้าต้องกลับมาสู่อ้อมอกของเขาและศิวะอย่างปลอดภัยแน่นอน.....

“ภู...อาจอมสัญญา.....แม้ต้องแลกชีวิต....อาจอมจะเอาภูกลับมาให้ได้อย่างปลอดภัย......” จอมยุทธ์ให้สัญญากับตนเองในใจ
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 16-03-2007 11:28:03

“อเล็กซ์...ผมขอคุยกับคุณหน่อยมั้ย” ศิวะถามอเล็กซ์ หลังจากที่ศักดิ์และจอมยุทธ์แยกย้ายไปจัดการงานที่ได้รับมอบหมาย

อเล็กซ์พยักหน้าเป็นคำตอบ

“ผมอาจต้องร้องขอการช่วยเหลือจากคุณเป็นการส่วนตัว” ศิวะเกริ่นทันที

“อย่ากังวลเลยเสือ....ผมก็รักสกายนะ....ผมยินดีช่วยทุกอย่าง....แต่คุณต้องอธิบายให้ผมฟังอย่างละเอียดว่า....เรากำลังเผชิญหน้าอยู่กับใครกันแน่....เพื่อผมจะทราบได้ว่า...ผมจะเข้าช่วยในขั้นตอนไหนได้บ้าง” อเล็กซ์ตอบ

“ขอบคุณนะอเล็กซ์.....ผมมั่นใจว่าพวกที่จับตัวสกายไป คือส่วนหนึ่งของกองกำลังนายพลลู่เซอ....เจ้าพ่อค้ายาเสพติดและอาวุธสงคราม....ผมขอโทษที่ไม่ได้บอกรายละเอียดตั้งแต่ต้น เนื่องจากยังยุ่งๆ อยู่ และคิดว่าคุณคงมีงานอื่นที่ต้องทำ...ผมไม่อยากจะรบกวน” ศิวะอธิบาย

“ผมว่าจอมคงอธิบายให้คุณฟังเมื่อหลายวันก่อนแล้วว่าพวกเราไม่ปลอดภัย เนื่องจากถูกพวกค้ายาเสพติดตามขู่เพราะเราแจ้งตำรวจเรื่องยาบ้าและเฮโรอีนลอตใหญ่ที่พบในรถขนเบียร์....ครั้งล่าสุดคุณก็เห็นว่าพวกมันวางแผนจะเอาระเบิดมาขู่ให้พวกเรากลัว”

อเล็กซ์พยักหน้าอีกครั้งแสดงว่ารับรู้เรื่องราวมาพอสมควร

“ผมเพิ่งแน่ใจว่าพวกเราไปพัวพันกับกองกำลังนายพลลู่เซอ ตอนกลางสัปดาห์นี้เอง เมื่อเพื่อนของผมบอกว่าข้อมูลรหัสพันธุกรรมของกลุ่มผู้ไม่ประสงค์ดีที่เราจับได้ เป็นกระเหรี่ยงแดงทั้งสิ้น.....แต่ผมก็ยังไม่มีเวลาอธิบายให้คุณทราบ....เพราะไม่คิดว่าจะต้องลงมือจัดการด้วยตนเอง....”

อเล็กซ์ฟังคำอธิบายของศิวะอย่างเข้าใจเป็นที่สุด เนื่องจากสถานภาพของศิวะนั้นไม่สามารถทำอะไรได้โดยสะดวกนั่นเอง

“ผมเดาว่าพวกมันคงต้องจับตัวสกายไปไว้ที่ชายแดนเขตฝั่งพม่าแน่นอน พวกมันคงคิดว่าเป็นจุดที่ได้เปรียบที่สุด เนื่องจากกำลังตำรวจและทหารของไทยจะเข้าไปไม่ได้ เพราะจะถือเป็นการลุกล้ำอำนาจอธิปไตย......ด้วยเหตุผลดังกล่าวผมจึงอยากขอร้องคุณเป็นการส่วนตัวให้ช่วยเหลือผมหน่อย....แต่ถ้าคุณไม่ว่างหรือไม่สะดวกก็ไม่เป็นไร....แม้จะมีเพียงผมกับจอม.....ผมก็จะไปเอาตัวลูกชายผมกลับคืนมาให้ได้ .......” ศิวะหยุดคำพูดของเขาเพียงเท่านี้ หลังจากนั้นจึงตั้งใจรอรับฟังสิ่งที่เพื่อนชายต่างชาติจะบอกออกมา

“อย่าเรียกว่าเป็นการขอร้องเลยดีกว่าเสือ....ผมเต็มใจช่วยเหลือคุณทุกอย่าง....ผมบอกไปแล้วว่าผมก็รักสกายมากเหมือนกันนะ..... ที่สำคัญ....ผมกลับรู้สึกโล่งอกและดีใจเสียอีก....เพราะตอนแรกผมนึกว่าผมต้องทำงานที่ได้รับมอบหมายมาคนเดียวซะแล้ว...เพราะเห็นว่าคุณกับจอมกำลังวุ่นๆอยู่.....แต่สุดท้ายเรื่องราวต่างๆก็มาลงเอยในจุดเดียวกันจนได้.....” อเล็กซ์หยุดจังหวะการพูดเล็กน้อย

“ผมก็มาเมืองไทยเพื่อจัดการนายพลลู่เซอเหมือนกัน” ประโยคนี้ของอเล็กซ์สร้างรอยยิ้มให้กับศิวะ เพราะหมายความว่า โอกาสที่จะช่วยภูฟ้าเปิดขึ้นมามากเกินกว่าที่คาดการณ์เอาไว้

“งานที่ผมได้รับมอบหมายคือการสืบข้อมูลเพิ่มเติม และการเตรียมความพร้อมในการใช้กำลังเข้าสลายกลุ่ม.....รวมถึงสืบเรื่องการขนถ่ายอาวุธครั้งต่อไป.......แต่ก็ไม่แปลกที่จะเพิ่มการชิงตัวประกันลงไปด้วย.....ดีเสียอีก....ผมอาจขอกำลังเสริมได้มากกว่าที่มีอยู่....” อเล็กซ์พูดอย่างดีใจ

“แต่ว่าคุณจะออกหน้าหรือให้ผมออกหน้าล่ะเสือ” อเล็กซ์ถาม

“งานหลักๆ.....คุณรับผิดชอบไปเช่นเดิม....ส่วนการชิงตัวสกาย....ใส่ชื่อผมและจอมลงไปในระบบดีกว่า...ผมไม่อยากให้กระทบกับงานของคุณ....ที่สำคัญผมอยากให้เป็นการปฏิบัติการด้วยความสมัครใจ....เพราะมันค่อนข้างจะเป็นเรื่องส่วนตัว” ศิวะนิ่งคิด..... สุดท้ายจึงตอบคำถาม

“ผมกลับคิดตรงกันข้ามนะเสือ....งานนี้ถือว่าเป็นงานที่สำคัญมาก...เพราะสุดท้ายก็จะนำไปสู่การสลายกลุ่มแน่นอน.....ซึ่งจะเป็นผลดีในเรื่องความมั่นคงมากกว่าผลร้าย.....ทางหน่วยเหนือคงชอบมากกว่าจะตำหนิ........อีกอย่างว่านะเสือ....ผมว่าเพื่อนๆเราคงตบเท้ากันมาเมืองไทยโดยพร้อมเพรียงกัน...เผลอๆ...จะเป็นการรวมพลครั้งใหญ่.....เพราะคงไม่มีใครปฏิเสธที่จะร่วมงานกับคนเก่งๆอย่างคุณและจอมหรอก.....” อเล็กซ์พูดไปยิ้มไป

“ขอบคุณอเล็กซ์....ผมไม่เก่งขนาดนั้นหรอก” ศิวะถ่อมตัว

“อย่าถ่อมตัวเลยเสือ....ใครๆก็รู้ว่าคุณเป็นอย่างไร.....แต่ว่าคุณต้องการความรวดเร็วขนาดไหนล่ะ” อเล็กซ์ยังคงถามต่อ

“ขอภายใน 18 ชั่วโมง....ใส่รหัสเป็น ER-01-01-02-VRM” ศิวะบอกรหัสให้กับอเล็กซ์ฟังอย่างช้าๆ เพื่อป้องกันความสับสน

จอมยุทธ์ที่เดินไปเดินมาอยู่ในห้องถัดไปเพราะกำลังกดปุ่มต่อสายโทรศัพท์เรียนคุณปู่ คุณย่า และคุณทวดของภูฟ้า นั้นได้ยินรหัสที่ศิวะพูดออกมาอย่างชัดเจน และเมื่อฟังรหัสดังกล่าว......จอมยุทธ์ทราบทันทีว่าศิวะกำลังรับมือสถานการณ์นี้อย่างไร......

เพราะ ER ย่อมาจากคำว่า Emergency Response ซึ่งเป็นการขอการตอบรับในกรณีฉุกเฉิน....ตัวเลข 01 ที่ตามมา คือ ระดับเวลาที่ใช้ในการรวมพล ระดับสูงสุด คือ ภายใน 18  ชั่วโมง......ตัวเลข 01 อีกคู่หนึ่ง หมายถึง ความพร้อมของร่างกายในระดับสูงสุด ซึ่งแปลได้ว่าภารกิจที่จะต้องปฏิบัตินั้นจะอยู่ในพื้นที่ทุรกันดาร หรือภูมิประเทศเป็นป่าเขา เป็นต้น ....ตัวเลข 02 คู่สุดท้าย หมายถึง ระดับของยุทธวิธีและอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ใช้ในระดับสอง โดยจะมีการใช้อาวุธ ระเบิด ปืนยาว พลร่ม และจรวดขนาดเล็ก รวมถึงยุทธ์วิธีการจู่โจมอื่นๆ ทั้งภาคพื้นดินและอากาศแบบประชิดตัว.......และ VRM ซึ่งเป็นตัวย่อสามตัวหลังสุด หมายถึง การปฏิบัติการแบบอาสาสมัคร ซึ่งย่อมาจาก Voluntarily Requested Mission

คำสั่งเรียกรวมพลที่จอมยุทธ์ได้ยินนั้น นอกจากจะรวบรวมหลักการสำคัญๆของการรับมือกับสถานการณ์แล้วนั้น....ยังหมายความว่าอเล็กซ์ได้เข้ามาในส่วนหนึ่งของแผนการเรียบร้อยแล้ว....มิเช่นนั้นศิวะจะไม่สามารถออกคำสั่งดังกล่าวได้
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: RoosT ที่ 16-03-2007 12:23:58
คุณแอนเดียร์ส เครียดเชียวครับ เรื่องการถกปัญหาวิชาการเนี่ย

ผมเห็นด้วยนะ เพราะอยากได้ทั้งสาระและบันเทิงเช่นกัน

เหมือนกะว่าเราได้อ่านหนังสือเรียนให้สนุกยังไงยังงั้นอะคับ

ไม่เห็นต้องคิดมากเลยคับผม

ปล. เรื่องสีตาอะ ผมชอบนะคับ คุยกันเป็นเหตุผล เรื่องราว ไม่ใช่มาด่ากันในบอร์ด แบบไม่มีสามัญสำนึก อิอิ (ผมพูดแรงไปเป่าเนี่ย แต่ไม่เกี่ยวกะคนในบอร์ดนี้หรอกคับ ในบอร์ดนี้มีแต่น่ารักๆ อิอิ)

____________

 อร๊างงงงงงงง พี่เสือเท๊เท่ เก่ง ฉลาด หล่อ โอ้ววว........... :give2:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 16-03-2007 12:43:33
............. :110011: :เชิป2: :110011: :เชิป2:

......................มาแก้ต่างนิโหน่ยอ่ะ....อิอิ....แต่ไม่ใช่แก้ตัวนะ..... :laugh5: :laugh5:

......ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าที่ผมอธิบายข้างต้นนั้นเป็น monohybrid cross อย่างทีพี่จ๋อมบอกเพื่อหั้ยทุกคนที่อ่านพอเข้าใจ....
และเป็นการควบคุมการแสดงออกแค่ 1 allele...ซึ่งเป็นการอธิบายกฎของเมนเดลที่ง่ายที่สุด

.............แต่ถ้าเป็นกรณีของสีตาเป็นการควบคุมโดย gene มากกว่า 1 alleles

......................ซึ่งในกรณีที่พี่จ๋อมอธิบายเป็น dihybrid cross ถูกแล้วคับซึ่งเป็นการถูกควบคุมโดย 2 alleles

............โดยใน 1 คนมีได้ 2 อัลลีล  แต่ในกรณีสีตามี 2 alleles จริงแต่ดันมี 3 สี

.....................โดย bey2 gene ที่พี่บอกมี gene เด่นเป็น brown (A) และ gene ด้อยเป็น blue (b) ซึ่งจะควบคุม phenotype ของตาสีน้ำตาล   มีโอกาสเป็นไปได้ 3 รูปแบบ alleles คือ AA , Ab , bb

......................ส่วน gey gene มี gene เด่นเป็น green (C) และ gene ด้อยเป็น blue (b) เช่นกัน ซึ่งจะควบคุม phenotype ของตาสีเขียว  มีโอกาสเป็นไปได้ 3 รูปแบบ alleles คือ CC , Cb , bb

.....................แต่การแสดงออกจะขึ้นกับการผสมของ gene ทั้ง 2 gene ซึ่งอาจจะเป็น bey2 ทั้งคู่ หรือ gey gene ทั้งคู่  หรือ อาจะเป็น bey2 และ gey อย่างละ 1 allele ก็ได้  
          
                   ตัวอย่างเช่น
พ่อมี Genotype: bey2: Brown-blue, gey:blue-blue (Abbb)  ดังนั้นพ่อจึงมีสีตาเป็นสีน้ำตาลเพราะ A เป็น gene เด่นข่มไว้ทั้งหมด
แม่มี Genotype: bey2: blue-blue, gey:Green-blue (bbCb)  แม่ก็จะมีตาสีเขียวเพราะ C ข่มหมดเช่นกั

.................นอกจากนั้นสีตายังมีลักษณะไม่เหมือนชาวบ้านเขาอีกตรงที่ว่าถ้า gene 2 ตัวนี้มาเจอกันแล้วเป็น gene เด่นทั้งคู่
...........อย่างเช่น bey2 เป็น Ab ส่วน gey เป้น Cb (AbCb)  คนที่มี genotype แบบนี้ จะมีสีตาเป็นสีน้ำตาล
.....เพราะ gene 2 gene นี้ gene bey2 จะข่มได้มากกว่า


............แล้วถ้าจะหาโอกาสของสีตาลูกก็ต้องดู genotype ของพ่อและแม่โดยวิธี dihybrid cross เพระถูกควบคุมโดย gene ทั้งหมด 2 alleles

ตัวอย่างเช่น  พ่อมีตาสีน้ำตาล Genotype: bey2: Brown-blue, gey:Green-blue (AbCb)
                    แม่มีตาสีน้ำตาล Genotype: bey2: Brown-blue, gey:Green-blue (AbCb)

..........ตามกฎข้อที่ 1 ของเมนเดล (กฎการแยก) ต้องแยก gene แต่ละ alleles ออกจากกันก่อน
แล้วจับคู่กันใหม่ตามกฎความน่าจะเป็น......ซึ่งจะทำหั้ย

               พ่อมีโอกาสสร้างเซลล์สืบพันธ์ได้ 4 แบบ  ..........  AC , Ab , bC , bb
               แม่ก็มีสร้างเซลล์สืบพันธ์ได้ 4 แบบ เช่นเดียวกัน เพราะ มี genotype เหมือนกัน

..........หลังจากนั้นก็จะเป็นหน้าที่ของกฎข้องที่ 2 ของเมนเดล (กฎการรวมตัวอิสระ)

โดยจะเอามาผสมกันตามตาราง Punnett Square (ซึ่งเป็นการอธิบายที่เข้าใจง่ายที่สุด)ก็จะได้ดังนี้

                        AC             Ab              bC            bb

AC              AACC         AACb       AbCC        AbCb

Ab              AACb          AAbb        AbCb        Abbb

bC              AbCC          AbCb        bbCC        bbCb

bb              AbCb          Abbb         bbCb         bbbb

..................จะได้ genotype ลูกทั้งหมด 16 แบบ แต่มี phenotype แค่ 3 แบบคือ

.........ลูกตาสีน้ำตาล 12 แบบ ซึ่งได้แก่อันที่มี A ทั้งหมดถึงแม้ว่าจะมี C อยู่ด้วยก็ตาม (75%)
.........ลูกตาสีเขียว  3  แบบ  ซึ่งได้แก่อันที่มี C แล้วที่เหลือเป็น b แต่ไม่มี A (18.75%)
.........ลูกตาสีฟ้าเพียง 1 แบบ คือ bbbb (6.25%)

เอาเป็นว่าวันนี้พอแค่นี้ก่อนนะจ้ะ....หลายๆคนคงงงไปแล้วแหละ...คงคิดว่าถกปัญหาวิชาการกันอยู่แน่เลย
...........ที่ไม่อธิบายตั้งแต่แรกก็เพาะกลัวชาวบ้านงงอ่ะ... :impress: :impress:
................... ถ้ามีไรเพิ่มเติมจากนี้ก็บ่อค่อยรู้แล้วน้อ..... :yeb: :yeb:....ปัญญามีเท่านี้อ่ะ.... :laugh5: :laugh5:

ป.ล.  ขอบคุงพี่จ๋อมกับเจ๊นะที่ช่วยจุดประกายความคิด ....   :yeb: :yeb:...ไม่ได้ถ่ายทอดความรู้แบบนี้ซะนานเลย

..............ว่าแต่พี่เสือเราเนี่ยทำไรกันแน่นะ....เดายากจิง....เก่งไปหมด.... :impress3:

......................แล้วอเล็กซ์ก็มีบทบาทมากอย่างที่คิดไว้จิงด้วย.... :110011: :เชิป2:

หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 16-03-2007 14:16:32
มาแนวเครียดเลยนะครับ

สำหรับเรื่องสาระในศาสตร์ต่างๆที่แทรกมาในนิยายหรือกระทู้นิยายต่างๆ ผมก็ว่าดีนะครับ

ทำให้หลายๆคน(รวมทั้งตัวผมเอง)ได้รู้และได้ทบทวนในสิ่งที่รู้หรืออาจไม่รู้หรืออาจหลงลืมมันไป

ดังนั้น การที่จะให้มีสาระในเรื่องต่างๆที่แฝงมาในนิยายก็ไม่ใช่เรื่องผิดหรือเป็นเรื่องไม่ดีแต่อย่างใด เพราะนั่นได้แสดงให้เห็นถึงการเตรียมความพร้อมและความตั้งใจจริง

ของคนเขียนและคนอ่านที่ร่วมแสดงความคิดเห็น ข้อเท็จจริงในประเด็นนั้นๆ ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่น่าชื่นชมเป็นอย่างมาก

ชุมชนออนไลน์ ประกอบด้วยคนที่หลากหลาย ต่างคนต่างหน้าที่ ต่างภาระความรับผิดชอบ และมีพื้นเพเบื้องหลังชีวิตที่แตกต่างกัน

ดังนั้น สิ่งที่คนในชุมชนออนไลน์แต่ละคนจะสนใจหรือไฝ่ใจที่จะเปิดรับมันก็ย่อมที่จะไม่เหมือนกัน

บางคนใช้ชุมชนออนไลน์เพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ บางคนใช้ชุมชนออนไลน์เพื่อการเสาะแสวงหาความรู้ต่างๆ

บางคนใช้ชุมชนออนไลน์เพื่อต้องการหามิตรภาพใหม่ๆ ฯลฯ ซึ่งต่างคนก็ต่างมีวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันไป แล้วแต่สถานการณ์และบริบทรอบข้าง ณ จุดๆนั้น

จะให้ทุกคนคิดและทำเหมือนกันหมดก็คงเป็นไปไม่ได้ อย่างกรณีของเด็กศิลป์จะไม่เข้าใจในเรื่องของศาสตร์ทางวิทย์ มันก็เป็นเรื่องปกติ ที่จะไม่เข้าใจ

เด็กศิลป์บางคนเกลียดวิทยาศาสตร์ก็มี เด็กศิลป์บางคนก็รู้สึกเฉยๆกับวิทยาศาสตร์

ดังนั้น การปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นในเรื่องวิทยาศาสตร์ของเด็กศิลป์ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะปฏิเสธที่จะรับรู้และเรียนรู้เนื้อหาในศาสตร์ทางวิทย์นะครับ

การมีข้อมูลความรู้ต่างๆแฝงมา มันเป็นสิ่งที่ดีครับ แต่เราจะคาดหวังให้ทุกคนร่วมรับรู้และเสพมันอย่างดื่มด่ำมันก็เป็นสิ่งที่เป็นไปได้ยากครับ

ผมเชื่อว่าความคิดเห็นในกระทู้นี้หรือกระทู้ปางบรรพ์ของเจ๊สองที่แสดงความคิดเห็นประมาณว่า "อ่านเอาสนุกอย่างเดียว" "อ่านไปงงไป" ฯลฯ

คนที่แสดงความคิดเห็นเหล่านั้นไม่ได้มีเจตนาที่จะต่อต้านหรือปฏิเสธการถ่ายทอดองค์ความรู้ในเรื่องนั้นๆหรอกนะครับ

เพราะถ้าหากว่าเขาเหล่านั้นปฏิเสธหรือต่อต้านองค์ความรู้นั้นๆจริง เขาเหล่านั้นจะมานั่งอ่านข้อความที่โพสต์ไว้ทำไม

หนำซ้ำยังอ่านทุกข้อความที่มีการโพสต์ต่อกันไปเรื่อยๆด้วย ถ้าเขาปฏิเสธที่จะรับสารนั้นจริงแล้วเขาจะอ่านมันเพื่อ . . . ? ? ?

เจตนาคนเรามันไม่เหมือนกันครับ จะมาตีเจตนาหรือความรู้สึกของคนจากข้อความเพียงไม่กี่บรรทัดนั้นมันทำกันได้ยากครับ

เพราะเราไม่มีทางที่จะรู้ถึงเบื้องลึกเบื้องจริงของคนๆนั้นได้ทั้งหมด ซึ่งส่งผลให้เราไม่สามารถเข้าใจในคนๆนั้นได้อย่างเพียงพออีกด้วย

การพัฒนาตนให้เป็นคนที่มีคุณภาพ มันจำเป็นด้วยหรือที่จะต้องมีความรู้แน่นเอี้ยด จำเป็นด้วยหรือที่จะต้องเข้าใจในศาสตร์ต่างๆอย่างมากมาย

ผมคิดว่ามันแล้วแต่คนจะมองและยกย่องเป็นกรณีแต่ละกรณีไปนะครับ

คนคุณภาพในความคิดของผม ผมตัดสินจากจิตใจและการกระทำของเขาครับ ไม่ได้ใช้ความรู้ที่มีมาเป็นตัวตัดสินหลักแต่อย่างใด

ความคิดเห็นของผมอันนี้ ไม่ได้มีเจตนาที่อยากจะต่อความยาวสาวความยืดในทุกกรณีนะครับ เพียงแต่อยากจะบอกให้ จขกท. เข้าใจก็เท่านั้นเอง

ผมชื่นชมนะครับกับการที่หลายๆคนได้แสดงความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ พร้อมกับยกเหตุผลและข้อมูลมาถกกัน และก็ยังอยากที่จะให้มีการถกกันแบบนี้ต่อไปด้วย

ในหลายๆความเห็นที่ไม่ได้ร่วมถกในประเด็นต่างๆ ผมเชื่อนะครับว่าแต่ละคนไม่ได้มีเจตนาที่จะปฏิเสธหรือเอาเท้าราน้ำแต่อย่างใด

ผมเชื่อว่าเขาเหล่านั้นล้วนแล้วแต่ไม่อยากให้เกิดการทะเลาะเบาะแว้ง หรือการเคลือบแคลงใจก็เท่านั้นเอง

ไม่อยากให้คนแต่งนิยายที่พวกเขาชื่นชอบและติดตามอ่านผลงานมาโดยตลอด ต้องเหนื่อยกับการค้นหาข้อมูลเพื่อมาโต้แย้งกัน

สุดท้ายนี้ผมก็ขอเป็นกำลังใจให้คุณ Andreas และคนแต่งนิยายทุกคนในบอร์ดนี้นะครับ

พวกคุณทุกคนเก่งมากครับที่สามารถเอาชนะใจคนอ่านทุกคนให้ติดตามอ่านเรื่องของคุณได้

มีความรักในงานเขียนทั้งยังมีความรับผิดชอบต่อผลงานของตนอย่างสูงส่ง สมควรได้รับความยกย่องและความชื่นชมจากคนอ่านทุกคนครับ

เป็นกำลังใจให้ทุกคนนะครับ :yeb:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: kYos ที่ 16-03-2007 16:48:23
ยังไงก็ต้องขอขอบคุณทุกๆคนที่เพิ่มสาระ ความรู้ ให้กับกระทู้เรื่องนี้ด้วย 
เขียนกันมาเถอะ จะถกกันซักเท่าไหร่ก็ไม่เป็นไร  ยังไงมันก็คือความรู้แต่ว่าแต่ละคนจะรับรู้มากหรือว่ารับรู้น้อย ก็ขึ้นอยู่กับการเปิดรับ และความเข้าใจด้วย  ถ้าเขียนมายังไงก็มีคนอ่านอยู่แล้วล่ะ แค่ความรู้ความเข้าใจที่รับไปอาจอยู่ในปริมาณที่ต่างกัน
มันก็เหมือนกับการสร้างสีสันให้กับกระทู้ไปในตัวด้วย ดีกว่ามารออ่านนิยายอย่างเดียว คุยกันแค่ว่า ต่อไปตัวละครจะมีบทบาทอย่างไร? จะใช่อย่างที่คิดรึเปล่า?  คิดซะว่าเป็นความแปลกใหม่(ที่น่าลอง)ไง อิอิ..

เหอะๆ.. อ่านตอนนี้แล้วไม่ค่อยเครียดเท่าไหร่  เพราะว่าสถานการณ์ต่างๆมันดูเข้าที่ เข้าทาง
โอกาสช่วยน้องภู ก็เป็นไปได้สูง  หายห่วง...(รึเปล่า?) ก็พี่เสือออกตัวซะขนาดนั้น..

ปล.เป็นกำลังใจให้คนเขียนเหมือนเดิมจ้า..  :yeb: สู้ๆ สิ่งไหนที่คิดว่าทำแล้วดี สบายใจ ทำไปเถอะค่ะ คนเรามีความคิดเห็นต่างกันนั้นมัน... เป็นเรื่องธรรมดา...
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 16-03-2007 20:42:59
เรื่องนี้ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในสาระบันเทิงจริงๆ นะ

ได้ทั้งบันเทิงและสาระ

แม้ว่ามันจะเข้าใจยากไปสักหน่อยสำหรับเรา

แต่ก็เรียกว่าได้ความรู้เพิ่มมากขึ้นแหละนะ :yeb:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 16-03-2007 21:39:10
มะเห็นเครียดเลย มะเอาอมยิ้มไปอมคนละอันจาได้มีความสุข :give2:

ดีออกได้ทั้งความรู้และความบันเทิง เหมือนได้ทบทวนสิ่งที่เรียนมา นานนนนนนนนน :laugh3:

เป็นกำลังใจให้คงแต่งต่อไป  :yeb:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 16-03-2007 23:23:08
OH!!!!! MY GODDDDDDD  :monkeycry4:

Once I came back and read my critique…… It really seemed to specifically refer to Nong Naew and Khun <[[Boogie_Bear](>_<)]>

I did not realize that until I read the response from Khun <[[Boogie_Bear](>_<)]>…

Please give me apology…. I did not mean to say something to hurt both of your feelings.

I have thought that I carefully used the words pulled up together….

But finally, I intentionally made some mistakes.

When I said “แต่คนที่เลือกจะไม่รับรู้อะไรเลย......คงลืม....สุภาษิตแบบไทยๆ ที่มักไม่ค่อยได้ยินแล้ว....ที่ว่า.... . “รู้ไว้ใช่ว่า....ใส่บ่าแบกหาม” ไปกระมังครับ”  I swore, I meant nothing for you two. I said it in general.

I completely understand that each individual has his/her own decision, I always respect that fact.

However, as a former teacher, I get used to inserting some ideas that may help changing people's  destiny…. education of course.

Once again, I also understand that “human development” is not only involved the knowledge improvement but also the determination of thought and manners.

Since I am in the academic area, this is my direction…. I then give suggestion according to what I have in mind.

While others who have different background may suggest something different….

Please give me apology again for the mistake I have made…

I really appreciate all of your supports and suggestions.

Thank you all indeed.

Andreas
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 16-03-2007 23:44:54
 :เฮ้อ: จาพูดยังไงดีล่ะนี่ ถึงจะไม่เครียดกันไปใหญ่
การที่เราบอกในกระทู้ว่าเครียดนั้น สาเหตุหนึ่งเป็นเพราะเราพยายามทำความเข้าใจกับสิ่งที่คนเขียน หรือคนอ่านทุกคนโพสต์มา แต่ด้วยมันสมองอันน้อยนิดของเราบวกกับไม่ค่อยได้เรียนมาทางนี้โดยตรง ทำให้ไม่สามารถเข้าใจได้ ก็เลยเครียดง่ะ
บางทีก็ได้แต่ปลอบ ๆ ใจตัวเองว่า เอาน่า อ่านเพื่อความบันเทิงเท่านั้น อย่าไปคิดอะไรมาก
หากประโยคเหล่านี้ที่โพสต์บอกในกระทู้ ทำให้คนแต่งเสียกำลังใจก็ขอโทษด้วยละกันค่ะ  :impress:
เพราะสำหรับเรานิยายไม่ว่าจะแต่งออกมาแนวไหน มีสาระเสมอ บางเรื่องถึงจะไม่มีสาระความรู้โดยตรง แต่ก็สอนอะไรหลาย ๆ สิ่งได้มากมาย   :yeb:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 17-03-2007 00:10:54
ช่ายๆๆเห็นด้วยกับเชลล์ตรงที่ว่า นิยายไม่ว่าจะแต่งออกมาแนวไหน มีสาระเสมอ บางเรื่องถึงจะไม่มีสาระความรู้โดยตรง แต่ก็สอนอะไรหลาย ๆ สิ่งได้มากมาย   
จ๋อมอย่าเครียดไปเลยน๊า....เพียงแต่ความถนัดในการซึมซับบางเรื่องของแต่ละคนม่ายเท่ากัน อาจจะมากบ้าง น้อยบ้าง
ถึงแม้ว่าแน๋วไม่ซึมซับด้านวิชาการ แต่แน๋วเองก้อซึมซับในแง่วิถีการดำรงชีวิต ปรัชญา ความรักผ่านตัวลำครของจ๋อมได้นี่นา

การที่มีคนมาเสนอแนะหลายความคิดเห็น หลายมุมมอง นั่นก้อเป็นเครื่องยืนยันแล้ว ว่านิยายของจ๋อมไม่ได้เป็นเพียงแค่นิยาย แตกต่างก็ใช่จะแตกแยกนิจ๊ะ




 :yeb: เป็นกำลังใจให้คนแต่งจ้า...
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 17-03-2007 00:32:29
Thanks to Neaw khrab, I thought I have made you angry at me..... but now I know you understood me....... Thanks indeed!!!  :เฮ้อ:  :เฮ้อ:  :เฮ้อ:  :เฮ้อ:

Shell.... ja ja ja ja ja...... do not worry na..... you did nothing wrong..... neither made me feel bad.....  :yeb:  :yeb:  :yeb: :yeb:  Do not need to make apology......

I am quite reasonable na kharb..... If someone bring up the "economics".... I would say... it is serious..... as well.....

I am not the one who knows everything..... I am like everybody..... just know something and know nothing in the topic that far away from me.....  :110011: :110011: :110011: :110011: :110011: :110011: :110011: :110011: :110011:

OK...... from now on... let's focus on the story..... is that good?

I will bring up some useful information to the readers again..... hopefully it will be easier....than genetics of eye colors....

Bye for now na khrab.... 

:loveu:

Andreas
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 17-03-2007 04:47:59
เพิ่งมีเวลาได้เข้ามาอ่าน  หวังว่าคงไม่ตอบช้าไปนะคะ   :loveu:
อ่านจากความเห็นของแต่ละคน  จ๋อมคงจะมองออกว่าแต่ละคนต่างก็มีความเห็นที่ชัดเจน แล้วก็มีทัศนคติไปในทิศทางเดียวกันที่ว่า ชื่นชมและพร้อมสนับสนุนที่จะให้เกิด “สาระบันเทิง” ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีคะ  เพียงแต่ว่าการรับรู้มากหรือน้อยนั่นย่อมมาจากพื้นฐานความรู้เดิมที่จะเอามาผสมผสานเกิดเป็นความรู้ใหม่ออกมา 

เรื่องสีตาที่พูดถึงกัน ส่วนตัวเราชอบนะคะ  ไม่อยากจะบอกว่าเราเพิ่งพูดกับเพื่อนเรื่องนี้ไปประมาณสองอาทิตย์ที่ผ่านมา  หลานของเพื่อนร่วมงานที่เกิดมามีตาสีฟ้า ซึ่งต่างจากคนในครอบครัวโดยทั่วไปที่เป็นสีน้ำตาล  เรายังพูดกันถึงเรื่องกฏของเมนเดลว่ามันคงเกิดได้ประมาณนี้มั้ง  อิอิ (มั่วกันไปเรื่อยอะ)  สุดท้ายพอมาอ่านในกระทู้นี้ได้ความรู้มากค่ะ  ทั้งจากจ๋อม เจ้สองแล้วก็น้องก๊อปแก๊บ  โดยเฉพาะน้องก๊อปแก๊บอธิบายครั้งสุดท้ายได้ชัดเจนมากคะ  อ่านแล้วเข้าใจเลย   ที่อ้างถึงมานี่จุดประสงค์เพียงเพื่อต้องการบอกว่าที่จ๋อม เจ้สองและน้องก๊อปแก๊บทำไปก็มีประโยชน์นะ แล้วก็ไม่ได้เพิกเฉย   เพียงแต่ว่าพื้นฐานความรู้ทางด้านนี้ของเราและของนักอ่านท่านอื่นที่ไม่ได้แสดงความคิดเห็นอาจจะมีไม่มากพอที่จะมาร่วมอภิปรายในประเด็นนี้เท่านั้น   ชื่นชมกับความพยายามของทุกคนและขอบคุณสำหรับความรู้ดีดีคะ

นิยายทุกเรื่องที่เราอ่านยอมรับเลยว่าจุดประสงค์หลัก คือ อ่านเพื่อความบันเทิง เพียงแต่ในความบันเทิงนั้น  ถ้าจะแทรกสาระหรือเราผู้อ่านทุกคนได้เข้ามาร่วมอภิปรายถึงที่มาที่ไปในประเด็นที่เกี่ยวเนื่องก็คงจะดีไม่ใช่น้อย   

เราเป็นคนนึงที่สนับสนุนว่าทัศนคติของการเรียนรู้  ค้นคว้าด้วยตนเองและการอภิปรายต่อยอด  มีผลอย่างมากต่อการพัฒนาองค์ความรู้ที่มีอยู่   ถ้าจ๋อมสามารถทำให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นควบคู่ไปกับการดำเนินเรื่องในโลกนิยายของจ๋อม  โดยที่นักอ่านทุกท่านมีความสุขที่ได้อ่านนิยาย  มีความสุขที่ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันและการดำเนินเรื่องที่เข้มข้นไม่ถูกบดบังไปจากการอภิปรายแลกเปลี่ยนความรู้ในประเด็นใหม่  คงจะเรียกได้ว่าประสบความสำเร็จมากเลยละ   แต่จะทำได้รึเปล่าก็ขึ้นกับจ๋อมซึ่งเป็นผู้เขียนว่าจะสามารถควบคุมประเด็นเสริมและการดำเนินเรื่องในนิยายให้สมดุลขนาดไหน   อย่างเช่นช่วงนี้  จะเห็นได้ว่าเนื้อเรื่องค่อนข้างเข้มข้นมากเลยละ  แต่ไม่เห็นมีใครพูดถึงกันเลย  อาจจะเพราะเพิ่งเป็นช่วงเริ่มต้นที่จ๋อมพยายามสร้างทัศนคติให้กับนักอ่าน  ทุกคนก็เลยต้องหันมาให้ความสนใจกับประเด็นนี้แทนรึเปล่า  ฝากไว้ด้วยแล้วกันคะ 

อีกเรื่อง คือ ความสุขในการแลกเปลี่ยนความเห็น  บางคนก็ถนัดในการเป็นผู้ให้ หรือบางคนก็ถนัดในการเป็นผู้รับ  ผู้อ่านจะปฏิบัติอย่างไรก็คงไม่สามารถไปบังคับกันได้   ทำตามที่แต่ละคนถนัดและมีความสุขไปกับการอ่านและการแสดงความเห็นแล้วกันคะ   

สุดท้ายอยากจะบอกว่า เข้าใจสิ่งที่จ๋อมต้องการนำเสนอและคิดว่านักอ่านทุกคนก็เข้าใจเช่นเดียวกัน  ชื่นชมกับความพยายามและสนับสนุนความคิดนี้คะ  เป็นกำลังใจให้เสมอคะ  สู้สู้   :yeb:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 17-03-2007 05:44:16


ตาภูหลานป้า......................ป่านนี้จะเป็นไงบ้างแล้วเคอะ

ป้าเป็นห่วงนะเคอะ  ไม่มีแก่ใจไปหาผู้ชายมาใส่ท้องเลยอะ

ดูดิ  จนระดับน้ำผู้ชายในกระแสเลือดป้าต่ำจนถึงขีดสุดแล้วนะเคอะเนี้ย

ใครก็ได้.........ช่วยหลานอิฉันที คร้า............. :dont2:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 17-03-2007 09:59:15
สวัสดีครับทุกคน....

ก่อนอื่นเลยต้องขอบคุณทุกๆคนสำหรับ กำลังใจ....ความเข้าใจ....ข้อเสนอแนะ.....และอื่นๆมากมายที่มอบให้ผมนะครับ....ผมขอบคุณจริงๆ ครับ.....จาก bottom of my heart เลยน๊ะครับ....

พอดีเมื่อวานผมน๊อตหลุดไปหน่อยครับ.....ตอนแรกผมตั้งใจจะแทรกความรู้ไปเรื่อยๆ แบบเงียบๆ โดยไม่ต้องมาประกาศเจตนารมณ์อย่างโจ่งแจ้งซะสี่หน้ากระดาษเอสี่แบบนี้ครับ.....

ต้องไปโทษอีเจ้ครับ.....อีเจ้สองทำผมเอ๋อไปเลยครับ...... :laugh5: :laugh5: :laugh5: :laugh5:.....  (ล้อเล่นหรอกนะครับ....)

ก็อีเจ้เล่นมารีพลายขอโทษในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ทำผิด.....ผมก็เลย....เอาว๊ะ.....ไหนๆก็ไหนแล้ว.....พูดกันให้มันโจ่งแจ้งไปเลย...

เอ้า...อีเจ้....ทราบยังว่า..... "ครายคือต้นเหตุ".......  :โหลๆ: :โหลๆ: :โหลๆ: :โหลๆ:

อย่าโกรธผมแล้วกันน๊ะคร๊าบบบบบบบอีเจ้...... (ง้อจริงๆ น๊ะ....อย่าคิดมากล่ะครับ)  :เศร้า1: :เศร้า1: :เศร้า1:

เมื่อวานเขียนไป.....ลบไป....ใช้เวลาไปสี่ชั่วโมงเต็มๆ ครับ..... ก็มันเขียนยากจังครับ.......

ช่วงนี้ผมเป็นไรไม่ทราบครับ.....รู้สึกว่าการใช้ภาษาไทยตัวเองมันไม่ลื่นไหลอย่างที่ควรเลยครับ....มันถอยหลังเข้าคลองไปเรื่อยๆ บางทีนึกคำที่เหมาะสมไม่ออก.....

คราวนั้น....ผมเขียนไปว่า..... นิยายแนว "ตลาดรัก"..... ในความหมายของผมคือ market love story คือ นิยายรักที่ขายได้ในตลาด...... ไม่ได้หมายความว่าเป็นนิยายน้ำเน่าแบบร้านตลาด....... คือผมคิดคำภาษาไทยไม่ออกจริงๆครับ....

อย่างที่เขียนไปเมื่อวาน.....ก็ยังสื่อสารไม่สมบูรณ์ เพราะเกิดช่องโหว่ให้เกิดความเข้าใจผิดเสียก็เยอะครับ.....  :เฮ้อ:

 :โหลๆ: เพราะจริงๆ แล้วต้องการชี้ประเด็นเรื่อง "การปรับทัศนคติ" .........มิได้ชี้ประเด็นว่า....ต้องอ่านน๊ะ....ต้องเอาความรู้ไปน๊ะ.....ผมให้คุณแล้วคุณต้องเอาไป......

ไม่ได้มีเจตนาอย่างนั้นจริงๆ แต่ผมเขียนไม่ดีเองนั่นแหละครับ..... ขอโทษจริงๆครับ.....

ปกติผมมักจะเอาใจเขามาใส่ใจเราเสมอครับ....และก็เข้าใจเรื่องความแตกต่างของปัจเจกบุคคลพอสมควรครับ....แต่ผมกลับสื่อสารผิดพลาดซะ.....

ทุกวันนี้.....ผมไม่ได้ใช้ภาษาไทยเลยครับ.....อาทิตย์หนึ่งพูดภาษาไทยนับประโยคได้ครับ..... ใช้เฉพาะตอนที่บอกว่า.....

"ขอข้าวผัดหมูครับ"...... "ขอแตงกวากับมะนาวเพิ่มได้มั้ยครับ...."..... "ขอบคุณครับ...." แล้วก็ต่อท้ายด้วย Have a good weekend ครับ....

พูดแค่นี้จริงๆครับ..... นานๆ จะพูดไทยเยอะๆ ครับ......

ทุกวันนี้นิยายที่แต่งก็ต้องแก้แล้วแก้อีก.....บางทีแก้ไป ก็ไม่ถูกใจซักทีครับ..... แต่ก็ต้องพยายามเขียนต่อไป...เพราะจะได้ไม่ให้ลืมครับ.....ลืมภาษาไทยได้อย่างไรใช่มั้ยครับ....น่าอายตายเลยครับ.....


พอแล้วดีกว่าครับ.....เราข้ามประเด็นนี้ไปคุยกันเรื่องนิยายกันดีกว่ามั้ยครับ... :110011: :เชิป2: :110011: :เชิป2: :110011: :เชิป2: :110011: :เชิป2: :110011: :เชิป2:

ไหนๆ ทุกๆคนก็เข้าใจซึ่งกันและกันนะครับ..... (จริงมั้ยครับ)  :yeb: :yeb: :yeb:

ตอนนี้นิยายก็ได้เดินทางมาถึงจุดที่สำคัญมาก....ถือว่าเป็นจุดไคลแม็กที่หนึ่งเลยนะครับ....

ใครที่เดาๆ อะไรไว้.....ก็เริ่มจะเห็นเค้าลางๆ ขึ้นมาแล้วใช่มั้ยครับ.....

ตอนที่แล้ว.....หลายคนคงสงสัยว่า....ศิวะและจอมยุทธ์....รวมถึงหนุ่มลูกครึ่งคือใครกันแน่.... ทำไมถึงกล้าพูดว่า....

"ผมจะย้อนรอยพวกมันให้สาสมเลยทีเดียว"

ตอนที่ผมกำลังจะโพสต์ต่อไป....ก็คงจะช่วยตอบคำถามในส่วนของอเล็กซ์นะครับ..... แต่สำหรับสองหนุ่มคงต้องรออ่านไปเรื่อยๆ ครับ.....

จริงๆ แล้ว..... ผมไม่อยากบอกเลยว่า....ผมสปอยล์เรื่องไว้ตั้งแต่ตอนแนะนำตัวละครแล้วครับ..... ไม่ทราบมีใครสังเกตกันบ้างหรือป่าวครับ....

ไม่บอกต่อแล้วครับ.... เดี๋ยวมันจะไม่สนุกครับ.......

ไปแล้วครับ....เชิญอ่านตอนใหม่ได้เลยครับ...

Andreas
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 17-03-2007 10:14:14
ศิวะยังคงพูดคุยกับอเล็กซ์ชั่วครู่เพื่อทบทวนรายละเอียดและสิ่งที่ต้องเร่งกระทำโดยด่วนเพื่อแจ้งไปยังหน่วยเหนือ และรอคำสั่งอนุญาตอย่างเป็นทางการของทั้งสองภารกิจหลัก

หลังจากนั้นศิวะจึงเดินลงไปทำงานในห้องใต้ดิน ปล่อยให้จอมยุทธ์ยังคงวุ่นวายอยู่กับการโทรศัพท์คุยกับคุณปู่คุณย่าทั้งหลายของภูฟ้า....ทุกท่านแสดงทีท่าตกอกตกใจเป็นอย่างมาก เพราะกังวลถึงความปลอดภัยของหลานชายสุดที่รัก และพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า...ให้ศิวะหรือจอมยุทธ์โทรมารายงานเป็นระยะๆ แม้ว่าจะดึกดื่นขนาดไหนก็ตาม...ให้บอกว่าพวกที่จับตัวภูฟ้าไปต้องการอะไร...พวกท่านจะเป็นธุระจัดหาให้อย่างรวดเร็วที่สุด

ศักดิ์ขับรถออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็วภายหลังได้รับคำสั่งจากศิวะ โดยโทรนัดนครินทร์ให้ไปพบที่ศูนย์การค้าแห่งหนึ่งที่ผู้คนพลุกพล่าน เขาต้องการใช้คนเหล่านั้นช่วยกำบังการพบปะกับนครินทร์ และสุดท้ายจึงพานครินทร์มาที่บ้านหลังใหญ่ โดยขอร้องให้นครินทร์ช่วยอำพรางตัวขณะที่โดยสารรถเข้ามาจนกระทั่งถึงในบ้าน

นครินทร์ถูกพาเข้าไปในห้องสมุดทันทีที่มาถึง เขาพบว่าบนโต๊ะตัวใหญ่กลางห้องสมุดนั้นมีอุปกรณ์
อีเล็คโทรนิคชุดใหญ่ตั้งอยู่.......ท่านรองผู้กำกับฯอย่างเขาเพียงแค่กวาดสายตาพิจารณาอย่างคร่าวๆ ก็ทราบว่าเป็นอุปกรณ์ดักฟังสัญญาณทางโทรศัพท์ที่มีประสิทธิภาพสูงพอสมควร

อันดับแรก.....นครินทร์เกิดความแปลกใจกับการปรากฏอยู่ของอุปกรณ์ดังกล่าว และสังเกตเห็นสีหน้ากระอักกระอ่วนใจของนายตำรวจติดตามทั้งสองคนที่ดูเหมือนจะยังไม่ทราบเรื่องราวอะไรมากนัก....เพียงแต่รู้ว่าสมาชิกภายในบ้านหลังนี้กำลังติดตั้งเครื่องดักฟังสัญญาณโทรศัพท์ ถึงถือว่าเป็นการทำผิดกฎหมายสื่อสาร...และพวกเขาทั้งคู่ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่กำลังละเว้นการปฏิบัติหน้าที่อยู่ในเวลานี้

ส่วนหนึ่งที่นายตำรวจติดตามทั้งสองคนไม่ทราบว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นนั้น เพราะตลอดเวลา ศิวะ จอมยุทธ์ อเล็กซ์ แม้กระทั่งศักดิ์ ซึ่งต่อมาทราบภายหลังว่าเป็นนายทหารชั้นยศร้อยโทนั้นพูดคุยกันด้วยภาษาอังกฤษตลอดเวลา...มีเพียงจอมยุทธ์ที่คุยกับโทรศัพท์อยู่เป็นภาษาไทย แต่กระนั้นนายตำรวจทั้งสองก็ไม่คิดจะเสียมารยาทแอบฟังการสนทนาโทรศัพท์ดังกล่าว

“เกิดอะไรขึ้นหรือจอม....ได้ข่าวว่าตาภูถูกลักพาตัว” นครินทร์กวาดสายตาไปรอบๆห้องเขาพบเพียงแค่จอมยุทธ์นั่งรออยู่พร้อมด้วยชายหนุ่มชาวต่างชาติ และหนุ่มแปลกหน้าอีกหนึ่งคน โดยไร้วี่แววของเพื่อนสนิทอย่างศิวะ

จอมยุทธ์ยกมือขึ้นไหว้ทักทาย และตอบคำถามอย่างสั้นๆ

“สวัสดีครับพี่เอ....เชิญพบกับอเล็กซ์ก่อนเลยจะดีกว่าครับ.......”

“ยินดีที่ได้พบครับ...Lieutenant Colonel นครินทร์.....ผม Alex Fernando Song, ผู้ประสานงานอาวุโสจากสำนักงานตำรวจสากลครับ....” อเล็กซ์กล่าวแนะนำตัวเองด้วยน้ำเสียงปกติ หลังจากรับหน้าที่จากศิวะให้เป็นผู้รับผิดชอบการทำความเข้าใจกับนครินทร์ในเรื่องที่เกิดขึ้น

คำแนะนำตัวของอเล็กซ์นั้นสะดุดหูยิ่งนัก นครินทร์คิดไม่ถึงว่าชายหนุ่มลูกครึ่งตรงหน้า ที่เคยเห็นเมื่อหลายวันก่อนแต่ไม่ได้ทักทายกันนั้น จะกลายเป็นเจ้าหน้าที่จากสำนักงานตำรวจสากล รวมทั้งสามารถอ้างตำแหน่งได้ถึงในระดับของผู้ประสานงานอาวุโสซึ่งเป็นตำแหน่งที่ค่อนข้างสำคัญในการติดต่อและประสานงานกิจการระหว่างประเทศ

นครินทร์ยังคงสงวนท่าที แม้ว่าจะจับมือแสดงความรู้จักกับอเล็กซ์ แต่ก็ยังงุนงงสงสัยว่าเหตุใดถึงมีตำรวจสากลอยู่ในบ้านเพื่อนสนิทของตนแบบนี้ และช่างประจวบเหมาะกับสถานการณ์เหลือเกิน

เขาต้องการตรวจสอบในสิ่งที่ได้ยินให้แน่ชัดอีกครั้ง

“ผมขออนุญาตดูบัตรประจำตัวได้มั้ยครับ” นครินทร์เอ่ยอย่างสุภาพเพื่อขอดูบัตรประจำตัวของชายหนุ่มลูกครึ่ง ผู้เป็นเขจ้าของบุคลิกง่ายแต่คงความองอาจแบบผู้นำ

อเล็กซ์ยิ้มรับ พร้อมทั้งยื่นบัตรประจำตัวที่ระบุตำแหน่งในสังกัดในสำนักงานตำรวจสากลให้ผู้ถาม รวมถึงแนบด้วยเอกสารสำคัญในการเดินทางเล่มสีฟ้าสด ที่ด้านหน้าเขียนอย่างชัดเจนว่า UN Laissez-Passer หรือพาสปอร์ตของเจ้าหน้าที่จากองค์การสหประชาชาติ ที่จำเป็นต้องมีติดตัวไว้ทุกคน

“Lieutenant Colonel Alex Fernando Song, UN Specialist/Senior Coordinator, Specialized Crime Directorate, International Criminal Police Organization (Interpol)” นครินทร์อ่านสิ่งที่ปรากฏอยู่ในบัตรประจำตัวในใจ จึงทำให้ทราบเพิ่มเติมว่าอเล็กซ์นั้นเป็นนายตำรวจและมียศเทียบเท่ากับเขา คือ นายพันตำรวจโท รวมถึงยังดำรงตำแหน่งเป็นผู้เชี่ยวชาญจากองค์การสหประชาชาติ ซึ่งสอดคล้องกับชื่อ...ยศ...และตำแหน่งที่ระบุในเอกสารเดินทางเล่มสีฟ้าสดที่มอบมาให้ตรวจสอบพร้อมกัน

“ยินดีที่ได้รู้จักอีกครั้งครับ...เอ่อ....Lt. Col. Song” นครินทร์ตัดสินใจกล่าวสวัสดีอีกครั้ง โดยครั้งนี้ไม่ลืมที่จะพ่วงยศของชายหนุ่มตรงหน้าเข้าไปด้วย

“ยินดีครับ....กรุณาเรียกผมอเล็กซ์ดีกว่าครับ....เอ่อ.......ผมขออนุญาตรายงานสถานการณ์ให้ทราบ.....จะเป็นการสะดวกมั้ยครับ” อเล็กซ์ยังคงสุภาพและเป็นกันเอง แต่ลักษณะวิธีการใช้คำพูดที่เป็นการเป็นงาน ทำให้นครินทร์รับรู้ถึงความเป็นผู้นำของนายตำรวจหนุ่มอายุน้อยคนนี้ได้

“เชิญครับ...” นครินทร์ตอบ

“ผมได้รับคำสั่งให้มาปฏิบัติหน้าที่ ณ ประเทศไทย โดยอาศัยอยู่กับศิวะและจอมยุทธ์ที่เชียงใหม่ชั่วคราว... ซึ่งประจวบเหมาะกับสกายถูกลักพาตัวไป....ทางสำนักงานตำรวจสากลมีข้อมูลเพียงพอที่จะสันนิษฐานได้ว่าการลักพาตัวนี้อาจเกี่ยวโยงกับกองกำลังของนายพลลู่เซอที่เป็นกลุ่มอาชญากรอันตราย....ดังนั้นผมจึงขออนุญาตใช้อำนาจตามกฎหมายสากลว่าด้วยเรื่องปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายและอาชญากรรมรุนแรงระหว่างประเทศ  มาตราที่ 32 อ้างถึงการแทรกแซงของเจ้าพนักงานตำรวจสากลต่อการปฏิบัติหน้าที่ของนายตำรวจท้องถิ่น....ผมขอใช้สิทธิ์ในมาตราดังกล่าวเพื่อใช้เครื่องมือติดตามสัญญาณทางโทรศัพท์ครับ.....ข้อมูลที่ผมได้รับจะนำไปใช้สนับสนุนการชิงตัวประกัน...รวมถึงส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ประจำท้องถิ่นผู้รับผิดชอบคดีเพื่อประสานงานจับกุมและบังคับใช้กฎหมายต่อไปครับ........ส่วนของรายละเอียดและข้อมูลสนับสนุนต่างๆ... คุณจะได้รับการอธิบายจากผู้บังคับบัญชาของคุณโดยตรงครับ”

นครินทร์พอจะทราบเรื่องกฎหมายระหว่างประเทศที่ถูกอ้างถึงในขณะนี้อยู่พอสมควร แม้ว่าจะดูแลงานทางด้านการปราบปรามยาเสพติด แต่ในอดีตเมื่อหลายปีก่อน นครินทร์เคยเป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่ของสำนักงานกองบัญชาการ (ร่วมพิเศษ) ต่อต้านการก่อการร้ายและอาชญากรรมรุนแรง เพราะถูกดึงตัวไปช่วยราชการในส่วนการปฏิบัติการสนับสนุนอาวุธและยุทธวิธีพิเศษ เนื่องจากสำนักงานเพิ่งก่อตั้งมาใหม่ๆ และจำเป็นต้องใช้นายตำรวจและนายทหารที่มีฝีมือดีเข้ามาทำงานในช่วงแรกๆ นอกจากจะปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายแล้ว เจ้าหน้าที่ช่วยราชการเหล่านั้นยังทำการฝึกเจ้าหน้าที่ใหม่ๆที่ทางกองบัญชาการทยอยรับเข้ามาโดยตรงอีกด้วย

น้ำเสียงแสดงความมั่นอกมั่นใจของอล็กซ์ยามกล่าวว่า ผู้บังคับบัญชาของเขาจะติดต่อมาเพื่อให้ข้อมูลรายละเอียดนั้น ก็ทำให้นครินทร์เกิดข้อสงสัยขึ้นมาอีกจนได้ เพราะย่อมหมายความว่า นายตำรวจหนุ่มต่างชาติคนนี้มีการติดต่อกับผู้บังคับบัญชาของเขาโดยตรงมาก่อนหน้านี้แล้ว

นครินทร์ยังคงนิ่งเงียบ.......เพราะยังรู้สึกสับสนกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น.....ทั้งเรื่องที่ภูฟ้าถูกลักพาตัว....เรื่องเจ้าหน้าที่ตำรวจสากลที่อยู่ดีๆ ก็เข้ามาอยู่ในสถานการณ์นี้อย่างประจวบเหมาะและดูเหมือนว่ามีการเตรียมความพร้อมที่รวดเร็วเสียยิ่งกว่านายตำรวจท้องที่เช่นเขา.....และสุดท้ายศิวะที่หายตัวไปในเวลาหน้าสิ่งหน้าขวานอย่างนี้

“ครับ....” สุดท้ายนครินทร์จึงต้องตอบรับคำพูดของนายตำรวจหนุ่ม....โดยยังไม่สามารถหาข้อโต้แย้งต่างๆได้  
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 17-03-2007 10:18:09
“จอม...เสือไปไหนล่ะ” แม้จะรู้สึกว่าเป็นการเสียมารยาทแต่นครินทร์ก็อดไม่ได้ที่จะถามถึงศิวะ เพราะอย่างน้อยศิวะน่าจะอยู่คอยช่วยอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นในขณะนี้ให้กระจ่างได้มากพอสมควร

“พี่เสือ....คุยโทรศัพท์อยู่ครับ...เดี๋ยวก็ขึ้นมาครับ” จอมยุทธ์เป็นฝ่ายตอบ

“จอมพี่บอกจอมตามตรงแบบไม่อายเลยว่า...นี่เป็นครั้งแรกที่พี่รู้สึกว่าตนเองจับต้นชนปลายไปถูก....ทั้งเรื่องที่ตาภูถูกลักพาตัว...เรื่องการปรากฏตัวของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสำนักงานตำรวจสากล....รวมถึงไอ้เครื่องดักฟังสัญญาณโทรศัพท์นั่นอีก....จอมกับเสือไปเอาของอย่างนี้มาจากไหน” นครินทร์ไม่อ้อมค้อม เอ่ยปากบอกความในใจของตนออกมาเป็นภาษาไทยเบาๆให้ได้ยินกันเฉพาะสองคนหลังจากที่หย่อนตัวลงนั่งข้างๆจอมยุทธ์บนโซฟาตัวนุ่ม

หลังจากได้ยินดังนั้น จอมยุทธ์จึงเอ่ยบอกนายตำรวจหนุ่มรุ่นพี่ด้วยน้ำเสียงนุ่มว่า

“คุยเป็นเรื่องๆ ดีกว่ามั้ยครับ....เอาเรื่องตาภูถูกลักพาตัวก่อนดีกว่านะครับ....ผมจะให้ศักดิ์อธิบายให้ฟัง”

จอมยุทธ์ยังคงโต้ตอบนครินทร์เป็นภาษาไทย และเรียกศักดิ์ที่ยืนสงบนิ่งอยู่ในมุมห้องมาอธิบายเรื่องราวต่างๆให้กับนครินทร์

ศักดิ์ได้รับสัญญาณบางอย่างจากจอมยุทธ์ เขาจึงเปลี่ยนภาษาของการสนทนากลับเป็นเป็นภาษาอังกฤษอีกครั้ง เขาอธิบายรายละเอียดต่างๆให้นครินทร์เข้าใจเป็นลำดับ ในขณะเดียวกันก็ให้อเล็กซ์ทราบหัวข้อของการสนทนาด้วย

นี่คืออีกสิ่งหนึ่งที่สร้างความประหลาดใจให้กับนครินทร์ เพราะศักดิ์อธิบายรายละเอียดต่างๆได้ชัดเจน...แม้ว่าจะใช้ภาษาอังกฤษแบบง่ายๆ แต่ทว่าก็สามารถสื่อสารได้ในระดับดีมากเลยทีเดียว

นครินทร์สงสัยในประวัติความเป็นมาของศักดิ์เป็นอย่างมาก เนื่องจากเขารู้จักชายหนุ่มคนนี้เพียงผิวเผิน เพราะไม่ได้มาที่บ้านหลังนี้บ่อยมากนัก...แต่ก็พอจะทราบว่าศักดิ์เป็นหนึ่งในสมาชิกของบ้าน...แต่ไม่เคยทราบว่าทำงานอะไรมาก่อน

จอมยุทธ์พอจะสังเกตความสนใจของนครินทร์ที่มีต่อศักดิ์ได้ ดังนั้นหลังจากการอธิบายเสร็จสิ้น จอมยุทธ์จึงแนะนำศักดิ์อย่างเป็นทางการให้นครินทร์ทราบ

“พี่เออย่าแปลกใจเลยครับ....ศักดิ์เค้าเป็นนายทหารน่ะครับ”

“ศักดิ์แนะนำตัวให้ท่านรองฯฟังอีกทีได้มั้ยครับ” จอมยุทธ์หันมาถามศักดิ์

“ต้องขออภัยท่านรองฯด้วยครับ.... ผมไม่มีโอกาสได้แนะนำตัวกับท่านรองฯเลยครับ....ผม..ร้อยโท ศักดิ์ มหรรณพ นายทหารช่วยราชการ หน่วยสรรพาวุธ กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 7 จังหวัดเชียงใหม่ครับ” ศักดิ์แนะนำตัวด้วยน้ำเสียงไม่ดังนัก แต่ทว่าก็คงความเข้มแข็งของนายทหารได้อย่างไม่เสื่อมคลาย

“สรุปว่ายังมีอะไรอีกบ้างมั้ยที่จะสร้างความแปลกใจให้กับพี่อีก” นครินทร์ถึงกับลืมตัวกล่าวออกมา  
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 17-03-2007 11:10:09
วันนี้ผมจะมาให้ข้อมูลเรื่องการเรียกยศตำรวจเป็นภาษาอังกฤษนะครับ....เพราะทุกคนคงทราบแล้วว่า อเล็กซ์คือใคร......ใช่มั้ยครับ....

ทั้งตำรวจและทหารจะแบ่งออกเป็นสองประเภทครับ...คือแบบชั้นประทวน และแบบสัญญาบัตร....ทุกคนคงทราบกันดี

ชั้นประทวน (Non-Commissioned Officer) จะเริ่มจาก

Police Lance Corporal (L/Cpl.) = สิบตำรวจตรี  (แลนซ์ คอพอรอล)
Police Corporal (Cpl.) = สิบตำรวจโท (คอพอรอล)
Police Sergeant (Sgt.) = สิบตำรวจเอก (เซอร์เจน)
Police Sergeant Major (Sgt.Maj.) = จ่าสิบตำรวจ (เซอร์เจน เมเจอร์)
Police Senior Sergeant Major (Snr.Sgt.Maj.) = ดาบตำรวจ (ซีเนียร์ เซอร์เจน เมเจอร์)

ชั้นสัญญาบัตร (Commissioned Officer) จะเริ่มจาก

Police Sub-Lieutenant (Sub-Lt.) หรือ 2nd Lieutenant (2nd Lt.) = ร้อยตำรวจตรี (เซคคั่น ลูเทนเนน)
Police Lieutenant (Lt.) = ร้อยตำรวจโท (ลูเทนเนน)
Police Captian (Capt.) = ร้อยตำรวจเอก (แคปเทน)
Police Major (Maj.) = พันตำรวจตรี (เมเจอร์)
Police Lieutenant Colonel (Lt.Col.) = พันตำรวจโท (ลูเทนเนน เคอนอล)
Police Colonel (Col.) = พันตำรวจเอก (เคอนอล)
Police Major General (Maj.Gen.) = พลตำรวจตรี (เมเจอร์ เจนเนอรัล)
Police Lieutenant General (Lt.Gen.) = พลตำรวจโท (ลูเทนเนน เจนเนอรัล)
Police General (Gen.) = พลตำรวจเอก (เจนเนอรัล)

ในเรื่องผมให้นครินทร์มียศเป็น พันตำรวจโท และมีตำแหน่งเป็น รองผู้กำกับ จากกองบังคับการปราปปรามยาเสพติดที่สอง กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ

ซึ่งเมื่อเขียนเป็นภาษาอังกฤษ ก็จะเขียนว่า

Lt. Col. Nakarintra,
Deputy Superintendent
Division 2nd
Narcotics Suppresion Bureau

........

ผมทราบเรื่องยศตำรวจ-ทหาร และจำเป็นต้องท่องให้ขึ้นใจ เมื่อครั้งต้องไปสัมภาษณ์เป็นล่ามให้กับการฝึกภาคสนามของตำรวจและทหารจากประเทศไทยและประเทศสหรัฐอเมริกาครับ.... เราเรียกการฝึกนี้ว่า....งูเห่าทองคำ... (Cobra Gold).... ซึ่งจะมีการฝึกทุกปีครับ....

ผมก็เตรียมตัวทุกปี....แต่พอจะต้องไปสัมภาษณ์ที่ไร.....ผมก็ต้องมีภาระกิจอื่นทุกที จนไม่ได้ไปทำงานกับเขาครับ...จนครั้งสุดท้าย.... เหลืออีกสองอาทิตย์ก็จะสัมภาษณ์คัดเลือกครับ...แต่ผมก็ต้องข้ามน้ำข้ามทะเลมาอเมริกาเสียครับ....

ถึงไม่ได้ไปทำงานกับเขา....แต่ก็จำได้ขึ้นใจจนกระทั่งทุกวันนี้ครับ.....ส่วนรุ่นน้องที่ผมเทรนไป....ก็สัมภาษณ์ผ่านกันทุกคนครับ.... ได้เงิน...ได้แฟน...กันเป็นกอบเป็นกำ......

ตอนนั้นจำได้ว่าไม่เสียใจเท่าไหร่ที่อดไป....แต่ที่เสียใจจริงๆ ก็คืองานลูกเสือโลกครับ.... ผมได้รับหนังสือเชิญสามครั้ง....ให้มาช่วยดูงานนิทรรศการวิทยาศาสตร์ และไม่ทราบมาก่อนว่า...น้องแดเนียลสุดน่ารักของผมจะไปปรากฏตัวที่นั่นครับ.... ผมเลยปฏิเสธไป....(แหม....ส่งหนังสือเชิญทั้งที....ไม่ยอมให้ค่าเดินทางมาด้วยอ่ะครับ....เค้าบอกว่าให้ไปเบิกต้นสังกัดเอาเอง....)......

ถ้าทราบว่าน้องแดเนียลมานะครับ....กระป๋ม....จะเสนอหน้าไปโดยไม่มีการเล่นตัวเด็ดขาดครับ....

ไปก่อนนะครับ.....

เดี๋ยวพรุ่งนี้จะมาเล่าเรื่อง Interpol ให้ฟัง..... ว่า....ในความเป็นจริงแล้ว....มันเป็นอย่างไร....และผมประยุกต์ใช้ในนิยายผมอย่างไรครับ...

สวัสดีครับ

Andreas
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 17-03-2007 11:54:20
จอมกับเสือก็คงเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงในหน่วยงานตำรวจสากลละสิ  เหมือนพวกสายลับงี้ปะ  ไม่เปิดเผยตัว เท่ห์เจง ๆ  : 222222:
หวังว่าคงช่วยเหลือน้องภูโดยที่ใครไม่เป็นอะไรน้า

ขอบคุณสำหรับเรื่องยศตำรวจคร๊าบบ  อยากบอกว่างงตอนที่เขียนเป็นอังกฤษเหมือนกัน ไม่รู้ว่ายศอะไรเป็นอะไรนะ 
นึกว่ายศที่ใส่คำนำหน้าว่า Major จะใหญ่กว่าซะอีกเนอะ  กลายเป็นพลตรีไปได้ 

รออ่านต่อจ้า  :yeb:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: RoosT ที่ 17-03-2007 14:38:40
เหอๆ ผมอ่านเรื่องสีตา ยังพอรู้บ้างไม่รู้บ้าง

มาเจอ ยศ ทหาร ตำรวจ เข้าไป เป็นภาษาปะกิตอีกตะหาก มึนเลยคับ (ขนาด ยศของไทยผมยังจำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ) แต่จะลองพยายามอ่านแล้วจำดูคับ เป็นความรู้รอบตัวที่ควรรู้ซะด้วย อิอิ

ยิ่งอ่านยิ่งทำให้คิดว่า คุณแอนเดรีย์ส นี่ เก่งมากๆเลยอะ เอาข้อมูล ของ ศาสตร์ หลายๆแขนง มารวมกันได้อย่างดีเยี่ยมดีเดียว

 :yeb: เป็นกำลังใจให้นะคับผม

หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 17-03-2007 14:44:38
.......... :110011: :เชิป2:...ศัพท์เยอะมากเลย..... :really2:.....แต่จาพยายามจำนะจ้ะ...

..........................ว่าแต่พี่เสือกับจอมคงมีตำแหน่งใหญ่ใช่เล่นนะเนี่ย........

...........อยากรู้ว่าตาภูของน้องถุงเป็นไงบ้างเนี่ย...... :give2: :give2: :give2:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 17-03-2007 22:51:28
ขอโทษจากใจจริงนะครับ ที่ทำให้หลายๆคนไม่สบายใจ

ที่พิมพ์ไปทั้งหมดก็ไม่ได้มาจากอารมณ์โกรธหรือไม่พอใจแต่อย่างใด (เพราะไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นเลย)

เพียงแค่อยากอธิบายเหตุผลให้เข้าใจตรงกันก็เท่านั้นเอง

ไม่คิดว่ามันจะทำให้คุณจขกท.ไม่สบายใจไปด้วย ผมขอโทษนะครับ . . .




พี่เสือของผมเท่ห์ที่ซู้ดดดดดดดด :give2:

ว่าแต่พี่แซมหายไปนานแล้วน๊าาาาา :serius2:   กลับมาได้แล้วววววววววววววววววว :impress:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 17-03-2007 23:17:45
แต่ละคนนี่ ไม่ธรรมดาจิง ๆ   :yeb:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 17-03-2007 23:22:06
เนื้อเรื่องเริ่มเข้นข้นขึ้นเรื่อยๆ แล้ว
ขอให้ช่วยภูน้อยได้เร็วๆ ทีเท้ออออ :call:

พี่เสือกับน้องจอมนี่ท่าทางจะยศสูงใช่ย่อยล่ะมั้ง :kikkik:

ตอนนี้ก็ได้ความรู้อีกแล้ว
(แม้ว่าจะแอบงงเล็กน้อย เพราะขนาดยศของไทยเองข้าพเจ้ายังจำไม่ค่อยได้เลย  :monkeycry4:
แต่ก็ถือว่าได้ความรู้เพิ่มเติมแหละนะ  :yeb:)
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: kYos ที่ 17-03-2007 23:24:35
คิดเหมือนพี่เอเลย  “สรุปว่ายังมีอะไรอีกบ้างมั้ยที่จะสร้างความแปลกใจให้กับพี่อีก”
แค่ละคนความลับเยอะเจรงๆ  :เฮ้อ:
ปล. ยศที่บอกมาทั้งหมดนี่เฉพาะของตำรวจใช่ป่ะ? หรือว่าทหารก็แบบนี้เหมือนกัน  เหอะๆ แบบว่าเป็นคน งงง่าย เข้าใจยาก  :monkeycry4:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 18-03-2007 02:53:25

แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยส์

อยากมีปั๋วเป็น สิบตำรวจเอก จนตัวสั่น  :laugh5:


ปล. น้องจ๋อมเคอะ  เก็บ"นอ"หน่อยสิเคอะ  มันแหลมออกมาจนจะทิ่มหน้าเจ้อยู่แล้ว

ร้ายนะเคอะเนี้ย  เห็นของนอกดีกว่าของไทย  :pigha2:

ปลล.  แล้วอีตาเสือกับนายจอม   มันเป็นไปตำมะหรวดกันตั้งแต่ตอนไหนไม่ทราบยะ  อ่านมาตั้งแต่เรืองที่แล้วแระส์ ยังไม่เห็นมีวี่แวว 

หล่อนอย่ามาโมเมบอกชั้นนะว่า  ที่ไปแอบซุ่มซ้อมยิงปืนโป้งๆ กันสองคนที่อังกฤษน่ะ....จะเอามาอธิบายเรื่องการเป็นสายลับของสองคนนี้ 

อิฉันขอบอกว่า  น้ำหนักไม่พอ  ฟังไม่ขึ้น  ศาลไม่รับฟังเคอะ   :โหลๆ:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 18-03-2007 13:40:32
   :โหลๆ:  :โหลๆ: :โหลๆ: 

นี่ๆๆๆ คุณป้ารีพลายข้างบนน่ะ....

เรื่องที่แล้ว....มันไม่เน้นเรื่องราวแบบนี้อ่า.......

นี่ๆ แล้วป้ามั่นจายหรือคร๊าบ....ว่าสองหนุ่มเป็นตำรวจจจจจจจจจ

**********
No-Empty ครับ.... ยศทหารจะคล้ายๆกันครับ ยกเว้นทหารเรือครับ...จะแตกต่างไปนิดหนึ่งครับ...

**********
Krappom ครับ....รออีกนิดส์นะครับ....ต้องวางแผนก่อนจิ....ตาภูจะได้ปลอดภัย

**********
Shell ครับ.... ยังอยากจะบอกว่า ศิวะกับจอมยุทธ์ยังเป็นคนธรรมดาครับ....  :yeb:

**********
อย่าคิดมากครับ....คุณ [Boogie_Bear](>_<)]> อย่างที่คุณบอกเองงัยครับ....การเขียนมันสื่อสารกันยากพอสมควรครับ.... แต่ผมไม่ได้คิดมากนะครับ.... ผมค่อนข้างจะ easy going ครับ.... อย่าคิดมากครับ.... เราคุยกันบ่อยๆ เราก็จะเข้าใจซึ่งกันและกันไปเองมากกว่าเดิมครับ....ทำใจให้สบายครับ.... ตามอ่านดีกว่าครับ...ว่าศิวะจะเก่งกาจขนาดไหนครับ

**********
GobGab ครับ..... ยังอีกนานนะครับ...กว่าจะทราบข่าวน้องภู.... ผมแกล้งถ่วงเวลาไปงั้นเองครับ.... ส่วนเรื่องยศน่ะ....ก็อ่านบ่อยๆ เดี๋ยวก็จำได้ครับ.... ตัวละครของผมยังมีอีกหลายตัวครับ...

**********
คุณ Roost ครับ.... ขอบคุณสำหรับคำชมครับ....ผมไม่เก่งขนาดนั้นหรอกครับ.... เคล็ดลับการแต่งเรื่องนี้...คือค้นคว้าอย่างเดียวเลยครับ.... ทั้งเอกสารและดีวีดีครับ.....

ผมว่าเรื่องของผมยังมีข้อบกพร่องอยู่มากครับ.... แต่สัญญาว่าจะปรับปรุงให้มันดีขึ้นเรื่อยๆ ครับ

**********
เจ้มูมู่..... แปลก...ทำไมถึงสงสัยว่าศิวะกับจอมยุทธ์จะต้องเป็นตำรวจล่ะครับ....เป็นอย่างอื่นมิได้หรือ

*********

ไปก่อนแล้วครับ....

Andreas
 :110011: :เชิป2: :110011: :เชิป2: :110011: :เชิป2: :110011: :เชิป2: :110011: :เชิป2: :110011: :เชิป2:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 18-03-2007 14:03:21
ก่อนที่จะมีการพูดคุยกันต่อไป โทรศัพท์มือถือของนครินทร์ก็ดังขึ้น เขาก้มลงดูชื่อคนโทรเข้าที่หน้าจอ และพบว่าผู้บังคับบัญชากำลังเรียกสายเข้ามา

นครินทร์ขอตัวเดินออกมาจากห้องสมุดแล้วจึงกดปุ่มรับสาย

“สวัสดีครับท่านผู้กำกับ” นครินทร์กรอกเสียงลงไป

“นครินทร์....ผมได้รับโทรศัพท์ด่วนจากท่านผู้บังคับการฯ ท่านฝากผมมาบอกว่า.....ถ้าคุณมีโอกาสได้พบเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสำนักงานตำรวจสากลที่ชื่อ อล็กซ์ เฟอร์นันโด ซอง....ขอให้คุณอำนวยความสะดวกให้เขาอย่างเต็มที่.....เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ท่านรองผู้บัญชาการฯ ย้ำท่านมาอีกทีโดยตรง.....” ท่านรองผู้บัญชาการที่คนปลายสายอ้างถึงคือ รองผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้บังคับบัญชาชั้นสูงสุดของนครินทร์ในสายงาน

“ครับ....”นครินทร์รับคำ

“พรุ่งนี้ตอนสิบโมงเช้า....จะมีเครื่องบินมารับผมและคุณที่กองบิน 41 เพื่อลงไปประชุมด่วนที่กรุงเทพฯ โดยมีท่านผู้บังคับการฯ และท่านรองผู้บัญชาการฯ เข้าร่วมประชุมด้วย....เท่าที่ผมทราบคงจะเป็นที่สำนักงานกองบริการตำรวจสากลภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก  .....ผู้เข้าร่วมประชุมด้วยในครั้งนี้ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่บางส่วนจากสำนักงานตำรวจสากล...และผู้เชี่ยวชาญพิเศษจากสำนักงานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ......ส่วนรายละเอียดการประชุมผมยังไม่ทราบแน่ชัด....แต่ท่านบอกว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับคดียาเสพติดที่คุณทำอยู่.....คุณก็เตรียมข้อมูลให้พร้อมด้วยแล้วกัน” ผู้กำกับฯ เล่ารายละเอียดให้ฟังคร่าวๆ ตามที่ทราบมา

“ครับ...”นครินทร์รับคำอีกครั้ง แม้จะเกิดคำถามมากมายว่าเหตุใดการประชุมสำคัญๆระดับนี้ ถึงจำเป็นต้องให้เขาเป็นผู้เข้าร่วมประชุมด้วย เพราะแม้ว่านครินทร์จะเป็นถึงรองผู้กำกับฯ...แต่ก็ยังถือว่ามีอาวุโสน้อยอยู่มาก เมื่อเทียบกับท่านรองผู้บัญชาการฯที่จะไปปรากฏตัวในที่ประชุมเดียวกัน ซึ่งหมายความว่าการประชุมครั้งนี้ต้องสำคัญมากเลยทีเดียว

“อย่างนั้นผมไม่รบกวนคุณแล้ว....เจอกันที่สนามบินในวันพรุ่งนี้แล้วกัน” ผู้กำกับฯ เอ่ยลาอย่างสั้นๆ

“ครับ...”นครินทร์รับคำในประโยคสุดท้ายก่อนวางหูโทรศัพท์

นครินทร์เดินกลับเข้ามาในห้องสมุดอีกครั้ง และเรียกนายตำรวจติดตามทั้งคู่มาเพื่อชี้แจงว่า การติดตั้งอุปกรณ์ดักฟังสัญญาณทางโทรศัพท์ในครั้งนี้ ไม่ถือว่าเป็นการผิดกฎหมาย เพราะสามารถกระทำได้ในกรณีจำเป็น และกระทำโดยเจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมาย ซึ่งก็คือ อเล็กซ์ เพราะเป็นนายตำรวจสากล

นายตำรวจทั้งคู่ใจชื้นขึ้นมาทันที ภายหลังนครินทร์อธิบายเรื่องการติดตั้งเครื่องดักฟังโทรศัพท์ ดังนั้นจึงไม่ถือว่าพวกเขาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในการอนุญาตให้มีการติดตั้งอุปกรณ์ดังกล่าว

“เกิดอะไรขึ้นหรือครับท่านรองฯ....ผมเห็นคนทั้งบ้านดูผิดปกติไปครับ.... และคุยกันเป็นภาษาอังกฤษอยู่ตลอดเวลา....”แม้ว่าอาจจะต้องถูกตำหนิ แต่ร้อยตำรวจตรีสราวุฒิก็ตัดสินใจถาม เพราะต้องการรับทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้น แม้ว่าขอบเขตหน้าที่จะเป็นเพียงผู้อารักขาความปลอดภัยให้กับจอมยุทธ์ก็ตาม

“ภูฟ้าถูกลักพาตัว” คำตอบสั้นๆของนครินทร์ เล่นเอานายตำรวจทั้งคู่หน้าซีดไปตามๆกัน

“เรื่องใหญ่ขนาดนี้....ทำไมคุณๆเขาถึงดูใจเย็นกันจังเลยนะครับ....” ร้อยตำรวจตรีสราวุฒิให้ข้อสังเกต

นครินทร์พยักหน้าน้อยๆ เป็นเชิงเห็นด้วย แต่ก็เปลี่ยนประเด็นการสนทนาไปถึงเรื่องการโจมตีที่เกิดขึ้นในตอนบ่ายวันนี้

“เหตุการณ์ตอนบ่ายเป็นอย่างไรบ้าง...ผมได้รับรายงานจากผู้กองศตวรรษ ว่าคุณวิทยุของกำลังเสริมเนื่องจากถูกโจมตี”

นายตำรวจทั้งสองคนอธิบายเหตุการณ์ให้นครินทร์ฟังอย่างละเอียด โดยไม่ลืมที่จะกล่าวถึงบอดี้การ์ดที่มีการจัดหาไว้เพื่อให้คอยคุ้มกันจอมยุทธ์อยู่ห่างๆ ว่าสามารถพาพวกเขาออกจากพื้นที่เสี่ยงภัยดังกล่าวได้อย่างรวดเร็ว และทำงานสอดคล้องกันได้อย่างชนิดที่ว่าตำรวจอย่างเขายังต้องแปลกใจ.....

การรักษาความปลอดภัยสองชั้นที่สองหนุ่มสร้างขึ้นมานั้นประสบผลสำเร็จเป็นอย่างมาก เพราะในเหตุการณ์นั้นถ้าพวกคนร้ายตัดสินใจยิงถล่มใส่รถอย่างต่อเนื่องหลังจากรถหยุด....คงต้องมีการบาดเจ็บเกิดขึ้นแน่นอน.....

นครินทร์รับฟังเรื่องที่นายตำรวจติดตามรายงานให้ทราบอย่างตั้งใจ แม้จะรู้สึกเสียหน้าเล็กน้อยที่ว่า เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นครั้งที่สามแล้วที่ฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจของเขาไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้เลย...เขาค่อนข้างเห็นด้วยเกือบร้อยเปอร์เซนต์ว่า ถ้าศิวะและจอมยุทธ์ไม่จัดหาบอดีการ์ดไว้รองรับเหตุการณ์ฉุกเฉิน....ลำพังจะรอแต่กำลังเสริมของตำรวจนั้น จอมยุทธ์คงจะได้รับอันตรายไปก่อนอย่างแน่นอน

นครินทร์ไม่รู้สึกโกรธเคืองในสิ่งที่ศิวะและจอมยุทธ์ตัดสินใจจ้างบอดีการ์ดไว้ทำงานซ้อนกับตำรวจอีกที เพราะตะหนักในความรอบคอบของศิวะ...รวมถึงไม่คิดแปลกใจ ถ้าศิวะและจอมยุทธ์จะขาดเชื่อมั่นต่อประสิทธิภาพของตำรวจในการปฏิบัติการป้องกันความปลอดภัยต่างๆ เพราะผลงานในอดีตได้ตอกย้ำความล้มเหลวถึงสองครั้งสองครา

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะการสนทนาของทุกคนในห้องสมุดอีกครั้ง จอมยุทธ์จึงเดินไปรับโทรศัพท์ที่วางไว้บนโต๊ะ

“สวัสดีครับ” จอมยุทธ์กรอกเสียงลงไป

“สวัสดีครับ......คุณจอมยุทธ์......”ทันทีที่ได้ยินเสียงของคนปลายสาย...จอมยุทธ์จึงให้สัญญาณอเล็กซ์และศักดิ์เพื่อเริ่มทำการดักฟังเพราะบุคคลที่รอคอยกำลังต่อสายเข้ามาแล้ว

ศักดิ์และอเล็กซ์ทำงานอย่างสอดคล้องกันเพื่อเริ่มบันทึกการสนทนาและจัดการจำแนกเสียงต่างๆ ที่ได้ยินเพื่อระบุสภาพแวดล้อมของคนที่อยู่ปลายสาย รวมถึงเริ่มต่อสัญญาณค้นหาที่มาของสัญญาณโทรศัพท์นี้เพื่อให้ทันก่อนที่เป้าหมายจะวางหูโทรศัพท์ลง

“คุณต้องการอะไร.....”จอมยุทธ์ถาม

“แหม......อย่าใจร้อนซิครับ....ผมก็แค่ต้องการจะมาแจ้งข่าวให้ทราบ....แต่ผมว่าคุณคงอาจจะรู้แล้วกระมัง....”ประโยคของผู้พูดมีแววเย้ยหยันอยู่ในที พร้อมเสียงหัวเราะเย็นๆ

“ผมก็อยากบอกว่า....ผมเอาหลานคุณ...กับพี่เลี้ยงของหลานคุณไปเที่ยวชั่วคราว....ก็เท่านั้น”

“คุณต้องการอะไรกันแน่.....คุณเอาตัวหลานชายผมไปทำมัย......” แม้ความโกรธจะพุ่งขึ้นสูง แต่จอมยุทธ์ก็พยายามปรับน้ำเสียงให้คงที่ เพื่อดำเนินการสนทนาต่อให้ยาวนานที่สุดเท่าที่จะทำได้

“อ้าว....ผมก็บอกแล้วงัยว่าจะเอาตัวไปเที่ยวเล่น.....”คนปลายสายยังคงเล่นเกมทางจิตวิทยากลับมา

จอมยุทธ์สูดลมหายใจเข้าปอดเล็กน้อย....เขาตัดสินใจเปลี่ยนวิธีการสนทนาให้คล้อยตามประโยคที่คนปลายสายพูดออกมา

“ผมจะต้องทำอย่างไร...ที่จะเอาตัวตาภูกลับมาจากการท่องเที่ยวล่ะครับ.....”

“อ่า.....อย่างนี้ค่อยคุยกันง่ายหน่อยครับ.....” คนปลายสายกล่าวอย่างอารมณ์ดี...และพูดต่อว่า

“ค่าท่องเที่ยวมันแพงครับ...ผมจ่ายไปแล้ว.....ห้าสิบล้าน.....ถ้าคุณอยากเอาตัวหลานคุณกลับไป...ก็ช่วยจ่ายเงินคืนผมมาก็เท่านั้นครับ......”

จอมยุทธ์เข้าใจความหมายของประโยคนี้โดยไม่ต้องแปลซ้ำ เพราะหมายความว่าพวกมันต้องการเงินจำนวนห้าสิบล้าน เพื่อเป็นค่าไถ่ตัวของภูฟ้านั่นเอง

“คุณต้องการเงินเมื่อไหร่.....”จอมยุทธ์ถามกลับไปทันที

“แหม....ๆๆ อย่าเพิ่งใจร้อนครับ.....ผมกำลังสนุกกับหลานคุณอยู่...ยังไม่อยากให้ไปง่ายๆ หรอกครับ....เอาไว้ผมจะติดต่อไปอีกทีดีกว่าครับ.....สวัสดีครับ......” คนปลายสายวางหูโทรศัพท์ลงอย่างรวดเร็ว โดยจอมยุทธ์ไม่ทันที่จะได้พูดอะไรเพื่อเป็นการถ่วงเวลามากไปกว่านี้

ประโยคที่ว่า “ผมกำลังสนุกกับหลานของคุณอยู่” สร้างแรงกดดันอย่างมหาศาลให้กับจอมยุทธ์....ทั้งๆที่ทราบว่าเป็นแผนทางจิตวิทยาของฝ่ายตรงข้ามที่จะให้ผู้ฟังเกิดความวิตกกังวลและเกิดความบีบคั้นทางจิตใจ จนในที่สุดก็ต้องยอมจำนวนแต่โดยดีแก่ข้อเรียกร้องต่างๆ

หนุ่มหน้ากึ่งหวาน......ยืนกำหมัดแน่น....สงบสติอารมณ์.....หลับตาทั้งสองข้างลงช้าๆ จอมยุทธ์เรียกกำลังใจตนเองให้คืนกลับมา.....เพื่อพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับทุกสิ่งทุกอย่าง  
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 18-03-2007 14:05:39
“ศักดิ์....ถ้าได้ข้อมูลอะไร......รายงานผมทันที” จอมยุทธ์บอกศักดิ์ที่กำลังจัดการจำแนกเสียงที่อัดได้และป้อนคำสั่งลงไปในคอมพิวเตอร์เพื่อเชื่อมโยงกับระบบดาวเทียมเพื่อหาพิกัดของคนปลายสาย

“จอม.....มันว่าอย่างไร....”นครินทร์เดินเข้ามาถาม หลังจากจอมยุทธ์สั่งการเสร็จ

“มันต้องการเงินห้าสิบล้านครับ....”จอมยุทธ์ตอบ

“มันจะเอาเมื่อไหร่....และให้เราเอาไปให้มันที่ไหน” นครินทร์ถามต่อ

“มันบอกว่าจะโทรมาบอกอีกทีครับ....มันคงตั้งใจจะกดดันเราอย่างเต็มที่ครับ.....”จอมยุทธ์คาดการณ์

“พี่ว่าเราน่าจะแจ้งให้ตำรวจท้องที่ทราบด้วยจะดีกว่ามั้ยครับจอม....เพื่อที่จะได้วางแผนรับมือ...หรือช่วยค้นหาตาภูกับคุณภา.....” นครินทร์เสนอความเห็น เพราะงานชิงตัวประกันไม่ได้เป็นงานหลักที่เขารับผิดชอบ

“ผมบอกพี่เอตามตรงครับ...ว่าผมไม่อยากจะให้เอิกเกริก.....ผมกลัวว่ามันจะทำร้ายตาภูครับ....ผมขอคุยกับพี่เสือก่อนดีกว่าครับ....”จอมยุทธ์ตอบ
 
“ข้าแจ้งตำรวจแล้วเอ.....ขอโทษที่ข้ามหน้าข้ามตาไปหน่อย....ข้ารู้ว่าแกไม่ได้เกี่ยวข้องกับงานชิงตัวประกัน....แต่ที่ให้ศักดิ์เชิญแกมาก็เพื่อให้ทราบถึงสถานการณ์และรายงานว่าพวกข้ากำลังทำอะไรกันอยู่.....รวมถึงเชิญแกมาพบเพื่อขอความช่วยเหลือจากแกนิดหน่อย” เสียงของศิวะดังขึ้นจากทางด้านหลังของทั้งสองคน...... ทั้งคู่หันไปมองต้นเสียงก็พบศิวะกำลังยืนอยู่ที่หน้าประตูของห้องสมุด

“ไม่เป็นไรหรอกเสือ...ถ้าแกแจ้งข้า...ข้าก็ต้องแจ้งคนอื่นๆต่อไปอยู่ดี.....แต่ว่าแกต้องการความช่วยเหลืออะไร.....ว่ามา.....ข้ายินดีช่วยเต็มที่” นครินทร์พร้อมรับฟังคำขอดังกล่าวของเพื่อนสนิท

“พรุ่งนี้ข้ากับจอม...ต้องลงไปพบคุณตาคุณยายและคุณทวดของตาภูที่กรุงเทพฯ.... ข้าอยากให้แกช่วยจัดหากำลังมาคุ้มครองคนในบ้านให้ข้าหน่อย.....แค่เผื่อเอาไว้น่ะ....” ศิวะบอกความประสงค์ออกไป
 
“ได้...ไม่มีปัญหา...ข้าจะฝากเรื่องให้ผู้กองศตวรรษดูแล....เพราะข้าติดประชุมด่วนที่กรุงเทพฯ....แต่ไม่ต้องห่วง....คนของข้าไว้ใจได้เสมอ” นครินทร์รับปากอย่างรวดเร็ว

“พี่เอครับ....พรุ่งนี้ผมขออนุญาตไม่ใช้ตำรวจติดตามในวันพรุ่งนี้นะครับ....เพราะมีอเล็กซ์คอยดูแลอยู่ครับ.....”จอมยุทธ์พูดคำขอออกมาบ้าง

นครินทร์หันหน้าไปมองจอมยุทธ์เพื่อเตรียมซักถาม..แต่เมื่อคิดทบทวนว่า เป็นการไร้มารยาทที่จะตั้งคำถามในความปลอดภัยภายใต้การคุ้มครองของนายตำรวจสากล เขาจึงเลือกที่จะพยักหน้าบอกการอนุญาต

“ไม่ต้องห่วงหรอกเอ...ศักดิ์ก็จะไปด้วย.....”ศิวะเข้าใจความกังวลของนครินทร์ เขาจึงช่วยพูดเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้ว่าจอมยุทธ์จะถูกคุ้มครองและอารักขาอย่างเป็นอย่างดี

“ขออนุญาตขัดจังหวะชั่วคราวครับ......”อเล็กซ์กล่าวขัดจังหวะการสนทนาเป็นภาษาอังกฤษอย่างมีมารยาท

ศิวะยักคิ้วส่งสัญญาณเป็นคำถาม

“ศักดิ์พบว่าสัญญาณจากระบบแม่ข่ายระบุได้ค่อนข้างแน่ชัดว่าคนที่โทรศัพท์มายังคงอยู่ในเชียงใหม่........ตอนนี้กำลังเรียกไปยังฐานข้อมูลดาวเทียมสื่อสาร...เพื่อหาพิกัดที่แน่นอน....คาดว่าคงจะใช้เวลาอีกไม่ต่ำกว่าสองชั่วโมง จึงจะทราบได้” อเล็กซ์รายงาน

“พรุ่งนี้เช้า...ผมจะนำเสนอข้อมูลดังกล่าวให้ Lt. Col นครินทร์เพื่อการดำเนินการต่อไป.....” อเล็กซ์ยังคงพูดต่อด้วยน้ำเสียงเป็นการเป็นงาน แต่ก็ยังคงรักษาความสุภาพและท่าทีที่สุขุมไว้ได้เป็นอย่างดี

“เอ่อ...พรุ่งนี้ผมมีประชุมครับ...เกรงว่าจะไม่สะดวกในการรับขอมูลดังกล่าวด้วยตนเองครับ” นครินทร์รีบชี้แจงกลับไป

“ไม่ต้องเป็นห่วงครับ..Lt. Col. เราคงต้องเจอกันอยู่ดีครับ....” คำตอบของอเล็กซ์ทำให้ผู้ฟังอย่างนครินทร์ระลึกถึงคำพูดของผู้กำกับว่าการประชุมในวันพรุ่งนี้เช้า จะมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากสำนักงานตำรวจสากลเข้าร่วมด้วย...นครินทร์จึงสันนิษฐานได้ว่า อเล็กซ์จะต้องไปปรากฏตัวอยู่ที่นั่นแน่นอน

“ครับ...ขอบคุณล่วงหน้าครับ” นครินทร์กล่าว

ศิวะที่ยืนฟังทั้งคู่คุยกันอยู่...เหลือบมองนาฬิกาแขวนผนัง ที่ระบุเวลาเกือบสองทุ่มตรง  ซึ่งเลยเวลาอาหารเย็นมาเกือบหนึ่งชั่วโมงแล้ว...ดังนั้นเขาจึงเอ่ยเชิญชวนทุกคนไปรับประทานอาหารเย็นร่วมกัน

นครินทร์สังเกตเห็นความสุขุม....ความนิ่ง....และการควบคุมอารมณ์ของทั้งศิวะและจอมยุทธ์ได้เป็นอย่างดี....จนอดที่จะแปลกใจไม่ได้ว่าในสถานการณ์เช่นนี้...เหตุใดทั้งคู่จึงสามารถทำตัวเป็นปกติได้ขนาดนี้....สิ่งที่ผิดแปลกไปก็จะมีเพียงเรื่องความสนุกสนานและร่าเริงที่หายไป...มีแต่ความจริงจังทั้งสีหน้าและแววตาขึ้นมาแทนที่

นอกจากปฏิกิริยาดังกล่าวก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด....ทั้งนี้สมาชิกอื่นๆในบ้าน ก็ไม่ได้แสดงท่าทีวิตกกังวลจนเกินไป....หรือไม่ก็อาจไม่กล้าแสดงความรู้สึกใดๆออกมา เนื่องจากทั้งศิวะและจอมยุทธ์นั้นสงบนิ่งจนน่าเกรงใจ 

ศิวะและจอมยุทธ์ยังคงรับประทานอาหารได้ตามปกติ และยังเป็นตัวช่วยให้การสนทนาในโต๊ะอาหารดำเนินไปได้ โดยไม่มีแต่ความเงียบเท่านั้น ยกเว้นบางครั้งที่ทั้งคู่จะเกิดอาการเหม่อลอย.....คงเพราะครุ่นคิดอะไรบางอย่างในใจ

นครินทร์ขอตัวกลับในตอนเวลาใกล้สามทุ่มเศษ เนื่องจากต้องเตรียมตัวและข้อมูลสำหรับการประชุมในวันพรุ่งนี้  โดยที่ก่อนออกจากบ้านพร้อมกับศักดิ์ เขายังคงให้ความมั่นใจว่าจะมีตำรวจนอกเครื่องแบบมาคอยดูแลความสงบเรียบร้อยในบ้านให้ในวันพรุ่งนี้

ภายหลังที่นครินทร์ออกไปเรียบร้อยแล้ว...ทั้งสามหนุ่มจึงแยกย้ายกันลงมือทำงานที่ได้ตกลงกันไว้ล่วงหน้าภายหลังสัญญาณไฟเขียวถูกส่งกลับมาเมื่อก่อนเวลาหนึ่งทุ่มตรงเล็กน้อย เป็นอันทราบว่าภารกิจที่เสนอไปทั้งหมดสามารถเริ่มต้นได้อย่างเป็นทางการ

แม้ว่าจะกังวลและห่วงใยในสวัสดิภาพของภูฟ้าซักเพียงใด แต่ศิวะและจอมยุทธ์ก็มีเหตุผลเพียงพอที่จะตอกย้ำความมั่นใจว่า ภาวดีจะต้องช่วยผ่อนหนักเป็นเบาในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงกับภูฟ้า...ความไว้วางใจต่อภาวดีจึงเป็นสิ่งเดียวในเวลานี้ที่ช่วยผ่อนคลายความกังวลในใจของศิวะและจอมยุทธ์ให้ลดลงไปได้

นอกจากนั้นในสถานการณ์บีบคั้นเช่นนี้ ทั้งคู่ตระหนักถึงความจำเป็นของการพักผ่อน...การทำสมาธิ...ให้สมองปลอดโปร่ง....เพื่อสามารถวางแผนรับมือกับสถานการณ์ได้อย่างไร้ข้อบกพร่อง.........

และสุดท้าย....เพื่อนำพาดวงใจของทั้งคู่กลับมาสู่อ้อมกอดอีกครั้ง..... อ้อมกอดที่จะไม่มีวันคลาย....ฤาหลวมจนภูฟ้าต้องได้รับผลกระทบที่ร้ายแรงเช่นนี้อีก

 ************
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 18-03-2007 14:50:00
ขอให้กลับมาอย่างปลอดภัยนะค้าบบบ ตาภู  :โหลๆ: :โหลๆ:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 18-03-2007 18:20:22
อ้าว  พี่เสือกับจอมไม่เป็นตำรวจเหรอ  งั้นก็เป็นผู้เชี่ยวชาญพิเศษจากสำนักงานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติแทนดีมะ อิอิ  แล้วไอ้ตำแหน่งนี้มันเป็นอะไรอ่า  ทหารเหรอ หรือเป็นผู้เชี่ยวชาญที่เป็นพลเรือน  หวังว่าคราวนี้จาเดาถูกแล้วเน้อ 555

รออ่านต่อ  ขอให้ช่วยน้องภูได้  น่าสงสารเหลือเกิน  :monkeycry4:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 18-03-2007 19:17:19
มารออ่านต่อกำลังมัน :yeb:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: kYos ที่ 18-03-2007 20:28:05
 :call:  ขอให้น้องภูปลอดภัย..
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 18-03-2007 21:19:05
 :call: ขอให้ภูฟ้าปลอดภัย  :call:  :call:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 19-03-2007 00:50:37
เป็นกำลังใจให้คุณภาวดีครับ ดูแลตาภูดีๆนะ :monkeysad:

เป็นกำลังใจให้ทุกคนด้วย โดยเฉพาะพี่เสือ :-[
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 19-03-2007 12:22:57
เช้าวันเสาร์

สถานที่ประชุมถูกเปลี่ยนแปลงโดยกะทันหันจากสำนักงานบริการตำรวจสากลภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกมาเป็นที่สำนักงานกองบัญชาการ (ร่วมพิเศษ) ต่อต้านการก่อการร้ายและอาชญากรรมรุนแรง

ยุทธจักรอยู่ในชุดเครื่องแบบตำรวจเต็มยศได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้มาต้อนรับนครินทร์และผู้บังคับบัญชาตามลำดับขั้นของนครินทร์ ซึ่งได้แก่ รองผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจปราบปรามยาเสพติด.... ผู้บังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 2 ....รวมถึงผู้กำกับการป้องกันและปราบปรามคดียาเสพติด ที่ทยอยเดินทางมาถึงพร้อมๆ กันที่ชั้นล่างของอาคารอำนวยการ

อีกฝากหนึ่งของอาคารอำนวยการ....รองผู้อำนวยการสำนักงานตำรวจสากลประจำประเทศไทย ก็กำลังรอต้อนรับเจ้าพนักงานตำรวจสากลรวมถึงผู้เชี่ยวชาญพิเศษจากสำนักงานองค์การสหประชาชาติที่ทยอยตบเท้ากันมาอย่างไม่ขาดสาย โดยแต่ละคนยังคงปรากฏตัวในชุดลำลองทั่วไป เพียงแต่เตรียมชุดเต็มยศไว้ในกระเป๋าที่ถือมา เพื่อใช้เปลี่ยนในเฉพาะเวลาการประชุมอย่างเป็นทางการเท่านั้น

ก่อนเริ่มการประชุมเพียงเล็กน้อย นครินทร์มีโอกาสได้พบอเล็กซ์อีกครั้ง จึงทำให้ข้อสงสัยต่างๆเกิดขึ้นในคืนวานมีความแจ่มชัดขึ้นมาบ้างเล็กน้อย...แต่ก็ยังมีความคลุมเครือในเรื่องรายละเอียดอยู่ นครินทร์คิดว่าเขาคงจะทราบรายละเอียดในไม่ช้า....และอาจเป็นข่าวดีที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติการชิงตัวภูฟ้าก็ย่อมได้

การประชุมเริ่มขึ้นเมื่อประธานในที่ประชุม....พลตำรวจเอก รุ่งโรจน์ ผู้บัญชาการสำนักงานกองบัญชาการ (ร่วมพิเศษ)ฯ เป็นคนกล่าวแนะนำผู้เข้าร่วมประชุมในรอบแรก ซึ่งได้แก่
   รองผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด   
   ผู้บังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 2     
   ผู้กำกับการป้องกันและปราบปรามคดียาเสพติด
   พันตำรวจโท นครินทร์  ในฐานะรองผู้กำกับการป้องกันและปราบปรามคดียาเสพติด 
   พันตำรวจตรียุทธจักร ในฐานะหัวหน้าชุดปฏิบัติการที่ 1
   ผู้อำนวยการและรองผู้อำนวยการสำนักงานตำรวจสากลประจำประเทศไทย

หลังจากนั้นจึงแนะนำตัวเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากสำนักงานตำรวจสากล ซึ่งได้แก่ Lt. Col. Alex Fernando Song ในฐานะผู้ประสานงานอาวุโส ตามด้วยผู้อำนวยการและผู้ประสานงานทั่วไปจากสำนักงานบริการตำรวจสากลภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกรวมทั้งสิ้น 5 คน   
 
แม้ว่าการประชุมพิเศษนอกรอบนี้จะเกิดขึ้นในนอกเวลาราชการ แต่ผู้เข้าร่วมประชุมทุกคนก็แต่งกายอยู่ในชุดเต็มยศของหน่วยงานต้นสังกัด มีเพียงผู้อำนวยการสำนักงานบริการตำรวจสากลภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกและผู้ประสานงานอีกสองคนเท่านั้นที่อยู่ในชุดสูทเรียบร้อยเพราะเป็นเพียงพลเรือน

พลตำรวจเอกรุ่งโรจน์กล่าวให้เหตุผลสั้นๆถึงการประชุมอย่างเร่งด่วนในครั้งนี้ว่าเป็นผลจากการได้รับเอกสารลับสุดยอดทั้งสิ้นสามฉบับ โดยสองฉบับแรกได้รับเมื่อสองเดือนก่อนและฉบับสุดท้ายได้รับเมื่อคืนวานนี้.... พลตำรวจเอกรุ่งโรจน์ได้สรุปสาระสำคัญของเอกสารดังกล่าวให้ผู้เข้าร่วมประชุมฟังว่า

เอกสารฉบับแรกนั้นมาจากจากสำนักงานเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติผ่านทางกระทรวงการต่างประเทศ แจ้งให้ทราบถึงมติเอกฉันท์เรื่องการนำกำลังเข้าทำลายโรงงานผลิตยาเสพติดและอาวุธสงครามตามรอยต่อของประเทศไทยทางภาคเหนือ

เอกสารฉบับที่สองถูกส่งมาจากสำนักงานใหญ่ตำรวจสากล ประเทศฝรั่งเศส ผ่านทางสำนักงานตำรวจสากลภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก และสำนักงานตำรวจสากลประจำประเทศไทย โดยเป็นเอกสารขอความร่วมมือในการอำนวยความสะดวกและสนับสนุนภารกิจอ้างตามเอกสารฉบับที่หนึ่ง โดยทั้งนี้ผู้ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวคือ หน่วยรบพิเศษแห่งสหประชาชาติ

เอกสารฉบับล่าสุด คือ ฉบับที่สาม ถูกส่งมาจากสำนักงานเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ซึ่งคราวนี้ผ่านมายังสำนักงานตำรวจสากลภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก และสำนักงานตำรวจสากลประจำประเทศไทย โดยไม่ผ่านกระทรวงการต่างประเทศเพราะเป็นเรื่องเร่งด่วนมาก โดยเอกสารฉบับนี้กล่าวถึงการเร่งรัดการปฏิบัติการกวาดล้างและการขยายขอบเขตการจับกุมผู้กระทำความผิดเรื่องยาเสพติดในประเทศไทย

โดยเอกสารฉบับที่สามนั้นระบุอย่างชัดแจ้งถึงความจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในประเทศไทย โดยเฉพาะกองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด ดังนั้นการประชุมอย่างเร่งด่วนนี้จำเป็นต้องเกิดขึ้น

หลังจากให้เหตุผลของการเรียกประชุมอย่างเร่งด่วน พลตำรวจเอกรุ่งโรจน์จึงมอบหมายให้อเล็กซ์เป็นคนอธิบายรายละเอียดต่างๆ เช่นความเป็นมา....ลักษณะคร่าวๆของภารกิจ.....พื้นที่เป้าหมาย.....และอื่นๆ ตามแต่สมควร

อเล็กซ์ลุกขึ้นยืนทำวันทยหัตถ์แสดงความเคารพก่อนจะพยักหน้าให้ผู้ประสานงานทั่วไป แจกเอกสารที่เตรียมมาไว้ให้แก่นายตำรวจระดับสูงทุกท่านในห้องประชุม ก่อนที่ตัวเขาจะก้าวเดินไปยังบริเวณใกล้เคียงกับหน้าจอพาวเวอร์พอยต์ เพื่อเตรียมบรรยายรายละเอียด

เครื่องแต่งกายชุดสีน้ำเงินเข้มของอเล็กซ์ซึ่งแตกต่างจากชุดของนายตำรวจทั่วไปจากประเทศฝรั่งเศสนั้นช่วยสร้างเสริมบุคลิกความเป็นผู้นำและความองอาจที่มีอยู่แล้วให้เพิ่มมากขึ้นไปอีก อีกทั้งเครื่องหมายต่างๆที่ติดอยู่บนหน้าอก ก็ทำให้หลายๆคนรู้สึกทึ่งในคุณสมบัติของนายตำรวจหนุ่มอายุน้อยคนนี้

คิ้วเข้มของยุทธจักรก็ขมวดเข้าหากันในทันทีเพียงแค่เห็นหน้าปกของเอกสารที่แจก เพราะว่าเขาคุ้นเคยกับเอกสารที่หน้าปกเขียนอย่างชัดเจนว่า “Confidential: Final Report: Lusor” เป็นอย่างดี เพราะเคยอ่านมาก่อนหน้านี้แล้วเมื่อเกือบอาทิตย์ที่ผ่านมา

น้ำเสียงคมเข้ม เป็นงานเป็นการของอเล็กซ์บรรยายความเป็นมาคร่าวๆของกลุ่มกำลังนายพลลู่เซอ รวมถึงเส้นทางค้าอาวุธสงครามและยาเสพติดต่างๆ ตลอดจนอาชญากรรมร้ายแรงที่มีส่วนเกี่ยวข้องให้ผู้เข้าร่วมประชุมฟังอย่างสรุปรวบรัด แต่ก็มีความละเอียดเพียงพอแก่ความเข้าใจ 

โดยในตอนท้าย นายพันตำรวจโทหนุ่มลูกครึ่ง ในฐานะผู้ประสานงานจากสำนักงานตำรวจสากลกล่าวอย่างชัดเจนว่า....

“แม้ว่าทุกท่านจะทราบดีกว่าเจ้าพนักงานจากสำนักงานตำรวจสากล มีหน้าที่หลักเพียงสนับสนุนเรื่องข้อมูลและยุทธวิธีให้กับเจ้าพนักงานตำรวจท้องที่ในประเทศที่เป็นจุดเริ่มต้นของอาชญากรรมต่างๆ โดยไม่มีอำนาจจับกุมผู้กระทำความผิดใดๆในประเทศนั้นๆ....แต่ในกรณีนี้เป็นกรณีพิเศษที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ตำรวจสากลเป็นผู้บังคับใช้กฎหมายและประสานงานกับเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยรบพิเศษต่อต้านการก่อการร้ายสากล (Counter-Terrorist Operational Force) ของสำนักงานองค์การสหประชาชาติ ให้นำกำลังเข้าจู่โจมและปราบปรามกลุ่มกำลังพลดังกล่าวในบริเวณรอยต่อของประเทศไทย จีน พม่า ซึ่งถือเป็น political sensitive area”  อเล็กซ์หยุดเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวต่อ

“เนื่องจากประเทศพม่า ในฐานะผู้ให้ที่พักพิงกับกลุ่มผู้กระทำความผิดดังกล่าว ได้เพิกเฉยหรือละเลยการนำกำลังเข้าจับกุม.......รวมถึงภายหลังประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการผลิตและจัดจำหน่ายอาวุธและยาเสพติดของกองกำลังกระเหรี่ยงชุดนี้ ได้รวมตัวกันเพื่อเรียกร้องให้สำนักงานองค์การสหประชาชาติเข้ามาเป็นผู้จัดการกับสถานการณ์นี้แทน.....โดยภารกิจที่สำคัญยิ่งในครั้งนี่จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานตำรวจในประเทศไทย เพื่อวางกำลังป้องกันการหลบหนีผ่านพรมแดน รวมถึงการนำกำลังเข้าจับกุมตัวผู้เกี่ยวข้องระดับสูงกับกลุ่มกำลังดังกล่าวที่ส่วนใหญ่นั้นพำนักอยู่ในภายในประเทศไทย......ดังนั้นเพื่อให้การสลายกำลังในครั้งนี้เป็นไปด้วยความมีประสิทธิภาพปราศจากข้อบกพร่องต่างๆ... ผมในนามของเจ้าหน้าที่ผู้ประสานงานอาวุโสจากสำนักงานตำรวจสากลและองค์การสหประชาชาติจึงร้องขอกำลังสนับสนุนเพื่อให้งานปราบปรามกลุ่มอาชญากรครั้งนี้ประสบความสำเร็จด้วยดีครับ.....” อเล็กซ์กล่าวจบข้อสรุปของเขา รวมถึงเรียกร้องการสนับสนุนจากผู้ที่เกี่ยวข้อง

“ในส่วนของกองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด....ผมสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่นี้อย่างเต็มที่ครับ....” ท่านรองผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดเป็นผู้ให้คำมั่นเป็นคนแรก ภายหลังฟังข้อสรุปทั้งหมด

“สำหรับผมได้แจ้งให้ทีมปฏิบัติการชุดที่ 1 ซึ่งควบคุมโดยพันตำรวจตรียุทธจักร เตรียมพร้อมไว้อยู่แล้ว...และมีทีมปฏิบัติการชุดที่สองเข้า standby เพื่อรองรับการปฏิบัติการนี้เช่นกันอย่างเต็มใจเช่นกันครับ......” ผู้บัญชาการกองบัญชาการ (ร่วมพิเศษ) กล่าวตบท้าย

“ผมมีข้อสงสัยบางประการเกี่ยวกับการประสานงานในการปฏิบัติหน้าที่ในครั้งนี้... ไม่ทราบว่าจะมีการชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อกำหนดว่าทางผมต้องให้การสนับสนุนเพิ่มเติมหรือไม่อย่างไรครับ” ท่านรองผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจปราบปรามยาเสพติดเอ่ยถามต่อมา

 “ในส่วนของการประสานงานการปฏิบัติหน้าที่นั้น....ในอีกไม่กี่นาที...ท่านก็จะได้รับการชี้แจงจาก Detachment Commander ของหน่วยรบพิเศษฯครับ” อเล็กซ์ตอบ

“เนื่องจากว่าในภารกิจนี้เป็นการประสานงานกันหลายฝ่าย โดยเฉพาะหน่วยรบพิเศษจากองค์การสหประชาชาติ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่เรายังไม่คุ้นเคยกันมากนัก..... ผมขออนุญาตอธิบายข้อมูลเบื้องต้นและขอบเขตหน้าที่การทำงานของพวกเขาให้ฟังอย่างคร่าวๆ ก่อนจะดีกว่าครับ.....ซึ่งจะทำให้เรารับทราบสมรรถภาพเบื้องต้นของพวกเขาก่อน.....เพราะว่าหลังจากที่พวกเขาปรากฏตัว ก็คงจะลุยงานกันอย่างเดียวเลยครับ” ประธานที่ประชุมเป็นฝ่ายเสนอ เนื่องจากคาดว่านายตำรวจไทยหลายคนไม่คุ้นเคยกับหน่วยรบพิเศษดังกล่าว รวมถึงการปฏิบัติการโดยหน่วยรบพิเศษในครั้งนี้จะเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกที่ใช้ประเทศไทยเป็นที่ตั้ง

พลตำรวจเอกรุ่งโรจน์ เป็นผู้ที่เข้าใจบทบาทและทราบรายละเอียดของหน่วยรบพิเศษฯนี้เป็นอย่างดี เนื่องจากเป็นหนึ่งในผู้รับคำสั่งจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ในสมัยที่ประเทศไทยได้รับเชิญเป็นกรณีเฉพาะให้เข้าประชุมกับคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติกว่าแปดปีก่อน ให้เป็นผู้เสนอชื่อพลเรือนของประเทศไทยจำนวนทั้งสิ้น 4 คน เพื่อเข้าไปรับการคัดเลือกรวมถึงดำเนินการฝึกพิเศษจนสำเร็จได้เป็นส่วนหนึ่งของหน่วยสนับสนุนการจัดการต่อต้านการก่อการร้ายสากล (The United Nation Counter-Terrorist Supportive Unit) ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นหน่วยรบพิเศษต่อต้านการก่อการร้ายสากล (The United Nation Counter-Terrorist Operational Force) เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ภายหลังการปรับปรุงกฎหมายสากลว่าด้วยการต่อต้านการก่อการร้ายและอาชญากรรมรุนแรงระดับนานาชาติ และตามสถานการณ์การก่อการร้ายที่ทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นทั่วโลก

“ถ้าผมผิดพลาดประการใด.....รบกวนคุณอเล็กซ์เพิ่มเติมข้อมูลด้วยนะครับ.....” ท่านผู้บัญชาการหันไปยังอเล็กซ์ และเริ่มอธิบายอย่างรวบรัด  

หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 19-03-2007 12:25:28
พลตำรวจเอกรุ่งโรจน์เริ่มต้นอธิบายว่า....หน่วยรบพิเศษต่อต้านการก่อการร้าย (Counter-Terrorist Operational Force; CTOF) จะประสานงานผ่านสำนักงานตำรวจสากล เพื่อทำหน้าที่เป็นผู้สนับสนุนยุทธวิธีต่างๆรวมถึงเทคนิคการตอบโต้จารกรรม...อาชญากรรม...แก่กองกำลังตำรวจและทหารท้องถิ่นตามประเทศต่างๆเพื่อจัดการกับปัญหาอาชญากรรมรุนแรงและการก่อการร้ายที่เกี่ยวข้องกับอาวุธสงคราม ซึ่งในกรณีนี้เจ้าหน้าที่ทุกคนจะแสดงตัวในฐานะ “ผู้เชี่ยวชาญจากองค์การสหประชาชาติ” หรือ เรียกว่า “UN Specialist” หรือ “UN/Interpol Coordinator” ก็แล้วแต่กรณี

แต่ทว่า.....หากเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นของบางประเทศไม่สามารถตอบโต้อาชญากรรมรุนแรงดังกล่าวได้ด้วยสมรรถภาพที่มีอยู่ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษเหล่านั้น จะใช้อำนาจกฎหมายสากลในมาตราเฉพาะกิจ เปลี่ยนจากผู้เชี่ยวชาญกลายเป็น “หน่วยรบพิเศษ” เพื่อตอบโต้อาชญากรรมดังกล่าวอย่างทันท่วงที โดยพยายามป้องกันไม่ให้เกิดเหตุร้ายต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้

นอกเหนือจากขอบเขตอำนาจหน้าที่ดังกล่าว หน่วยรบพิเศษนี้จะมีอำนาจเต็มในการเข้าจัดการกับอาชญากร...หรืออาชญากรรมต่างๆ ที่อาศัยอยู่หรือเกิดขึ้นในบริเวณรอยต่อของประเทศต่างๆ...... บริเวณน่านฟ้า/น่านน้ำสากล รวมถึงบริเวณใดก็ตามที่สามารถประกาศใช้กฎหมายสากลควบคุม ทั้งนี้เพื่อลดข้อขัดแย้งในการละเมิดอำนาจอธิปไตยที่อาจใช้เป็นข้ออ้างของประเทศที่สนับสนุนการก่อการร้าย หรือถูกใช้เป็นข้อกล่าวหาเพื่อก่อให้เกิดข้อขัดแย้งทางการเมือง เนื่องจากกองกำลังพิเศษนี้สังกัดสำนักงานองค์การสหประชาชาติ ซึ่งเป็นหน่วยงานเดียวที่สามารถนำกฎหมายสากลเข้าใช้ควบคุมสถานการณ์ใน Sensitive Area ต่างๆได้

หน่วยรบพิเศษนี้มีกำลังพลทั้งสิ้น 65 นายทั่วโลก ประกอบด้วยชายและหญิง.....กว่าสองในสามของกำลังพลถูกบรรจุเข้ารับราชการในกองทัพหรือสำนักงานตำรวจในแต่ละประเทศต้นสังกัด โดยส่วนใหญ่จะติดยศไม่ต่ำกว่าระดับพันตรี หรือ พันตำรวจตรี และจะได้รับมอบหมายให้ควบคุมภาระงานสำคัญๆ แทบทั้งสิ้น....สำหรับส่วนที่เหลือนั้นสมัครใจเป็นพลเรือน แต่ก็จะถูกบรรจุเข้าไว้ในสายงานของผู้เชี่ยวชาญพิเศษของกองทัพหรือสำนักงานตำรวจอย่างเป็นความลับหรือไม่ก็แล้วแต่ความสมัครใจ .......เป็นเรื่องน่าเสียดายว่าสำหรับในประเทศไทยนั้น เจ้าหน้าที่สองในสี่ได้เสียชีวิตไป....ส่วนอีกสองคนนั้นก็ได้ถูกบรรจุเป็นผู้เชี่ยวชาญพิเศษของสำนักงานกองกำลัง(ร่วมพิเศษ)ฯ อย่างเป็นความลับมาโดยตลอด

แม้ว่าการปฏิบัติการส่วนใหญ่ของหน่วยรบพิเศษนั้นจะไม่ถือเป็นเรื่องที่ต้องปกปิด แต่ก็มักจะไม่ค่อยเป็นข่าวใหญ่มากมายนัก เนื่องจากการทำงานนั้นมีความรวดเร็วและเก็บกวาดอย่างเรียบร้อย มีเพียงรายงานสรุปการปฏิบัติการเท่านั้นที่จะถูกแพร่กระจายไปยังหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งศาลโลก สำนักงานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ สำนักงานตำรวจสากล และต้นสังกัดของผู้ที่ปฏิบัติงานนั้นๆ รวมถึงหน่วยงานของกำลังเสริมที่ขอมาใช้ในกรณีที่ต้องรับมือกับอาชญากรรมที่มีระดับความรุนแรงสูง

สำหรับกำลังพลทั้งสิ้น 65 นายนั้นจำเป็นต้องผ่านการฝึกอย่างหนักทั้งในเรื่องการรบ...ยุทธวิธี......การต่อสู้ใต้น้ำและอากาศ....การต่อสู้ด้วยอาวุธและแบบมือเปล่า...จากหน่วยรบพิเศษที่เป็นที่กล่าวขวัญกันทั่วโลก ซึ่งก็คือ US Army Special Force หรือที่เรียกว่า Green Berets.....

ในส่วนของความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านอื่นๆ เช่นการจารกรรมและการตอบโต้จารกรรมนั้นจะได้รับการฝึกอบรมอย่างเข้มงวดจาก United Kingdom Secret Intelligence Service (SIS) เนื่องจากสองประเทศนี้เป็นสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ และมีศักยภาพเพียงพอที่จะสนับสนุนการฝึกต่างๆ ทั้งนี้โดยมีเจตนาเพื่อลดการกล่าวหาเรื่องการแทรกแซงทางการทหารต่อประเทศเล็กๆ ทั่วไป

หน่วยรบพิเศษทุกนายยังจำเป็นต้องได้รับการฝึกอบรมเรื่องกฎหมายระหว่างประเทศ... วัฒนธรรม.... ภาษา และเรื่องราวอื่นๆของแต่ละประเทศทั่วโลกจากหน่วยงานต่างๆ เพื่อให้การปฏิบัติงานในประเทศต่างๆเป็นไปด้วยความมีประสิทธิภาพสูงสุดและเพื่อลดข้อขัดแย้งที่อาจจะเกิดขึ้นได้

นอกจากจะรับผิดชอบเป็นหน่วยงานในการฝึกหน่วยรบชุดนี้แล้ว ทั้ง US Green Berets และ SIS ยังสนับสนุนอาวุธ และกำลังพลอีกด้วย ซึ่งในส่วนของการประสานงานในการปฏิบัติการแต่ละครั้งก็ไม่เกิดปัญหาแต่อย่างใด เนื่องจากส่วนหนึ่งของกำลังพลนี้ก็เป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยรบพิเศษดังกล่าวที่ถูกติดยศเพื่อให้มีความสามารถสั่งการเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของสองหน่วยงานนี้ได้

ท่านรองผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดซึ่งเป็นผู้ตั้งคำถามตั้งแต่ต้น พยักหน้าแสดงความเข้าใจถึงข้อมูลเบื้องต้นของหน่วยรบพิเศษที่ท่านผู้บัญชาการกล่าวให้ทราบ และเข้าใจโดยทันทีว่าหน่วยรบนี้มีประสิทธิภาพสูงทั้งทางบุคลากรและอาวุธยุทโธปกรณ์ ทั้งนี้คงไม่มีความจำเป็นต้องให้ความสนับสนุนในเรื่องกำลังพลในพื้นที่ปฏิบัติการในเขตรอยต่อของประเทศ แต่คงต้องสนับสนุนบุคลากรในการปฏิบัติการปิดพรมแดนและภารกิจภายในประเทศอย่างแน่นอน

“หากไม่มีข้อสงสัยใดๆ แล้ว ผมอนุญาตเชิญพบกับเจ้าหน้าที่หน่วยรบพิเศษจากสำนักงานองค์การสหประชาชาติทุกท่านที่จะเข้าปฏิบัติการสลายกำลังนายพลลู่เซอ...และภารกิจชิงตัวประกันได้เลยครับ....” พลเอกรุ่งโรจน์พูดด้วยเสียงดังฟังชัด และหันไปมองหน้านายตำรวจที่เข้าร่วมประชุมทุกคน ก่อนจะกดปุ่มบนโต๊ะเพื่อควบคุมให้ผนังด้านหนึ่งของห้องประชุมเปิดออก

ภายหลังผนังห้องด้านหนึ่งเคลื่อนออกอย่างช้าๆ....และปรากฏชายหนุ่มและหญิงสาวต่างสัญชาติในชุดเครื่องแบบสีน้ำเงินเข้มของหน่วยรบพิเศษ บริเวณหัวไหล่ด้านซ้ายติดแถบเครื่องหมาย Special Force ด้านขวาติดตราขององค์การสหประชาชาติ บนหน้าอกและปกเสื้อของแต่ละคนเต็มไปด้วยเครื่องหมายต่างๆ ที่แสดงการฝึกพิเศษอย่างโชกโชน ทั้งการกระโดดร่ม พลแม่นปืน การดำน้ำ การต่อสู้ด้วยมือเปล่า รวมถึงระดับยศชั้นต่างๆ....ฯลฯ กำลังยืนเข้าแถวอย่างเป็นระเบียบเป็นแนวระนาบถึงสี่แนว

นครินทร์และยุทธจักรแทบจะไม่เชื่อสายตาตนเองในทันทีที่พิจารณาใบหน้าของเจ้าหน้าที่ในแถวแรกอย่างละเอียด เพราะทั้งคู่มองเห็นหน้าตาของคนที่รู้จักและสนิทสนมเป็นอย่างดี.....สองคนนั้นเป็นชาวไทยที่มีรูปร่างและบุคลิกดูโดดเด่นไม่แพ้ชาวต่างชาติในแถวเดียวกัน  
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 19-03-2007 12:32:32
อ๊า  :serius2: :serius2: :serius2:

มาแล้ว มาแล้ววววว  :haun5: :haun5:

 :loveu: :loveu: :loveu:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 19-03-2007 16:04:11
จอมกับพี่เสือแน่ๆเลย :myeye:

เปิดตัวแล้วๆๆๆๆๆ

พี่เสื่อเท่สุดๆ :give2:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 19-03-2007 16:49:48

.............ที่แท้จอมกับพี่เสือก็เป็นบุคคลพิเศษเยี่ยงนี้เอง.......... :110011: :เชิป2:

..........................ยุทธจักรจะทำอย่างไรต่อไปน้อ...... : 222222: : 222222:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: RoosT ที่ 19-03-2007 16:56:12
 :-[ คุ้นหน้าอยู่สองคน ก็ต้องเป็นพี่เสือ กะพี่จอมอยู่แระ

มะมีทางเป็นตาศักดิ์แน่นอน วะฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ปล. ทำมายป้าๆ แถวนี้เค้าเดาเรื่องเก่งกันจัง ฮิ
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 19-03-2007 19:18:20
เท่ห์.....  :-[  :-[  :-[
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 19-03-2007 22:40:31
หุหุ จะไปออกรบกันเหรอ
รอเดี๋ยวนะ ไปเอาเสื้อกันกระสุนที่ซื้อมาคราวที่แล้วมาใส่ก่อน  :laugh3:
ขอไปด้วยคนน้า  :yeb:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 19-03-2007 22:43:48
พี่เสือกะจอมแน่ๆเยย  :5555:

หายไปสองวัน ตามอ่านกันมึนเลยทีเดียว  :really2:

กะลังหนุกหนานได้ที่  :loveu:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 20-03-2007 00:32:04

..........................ยุทธจักรจะทำอย่างไรต่อไปน้อ...... : 222222: : 222222:


I love this question.... since It has been a hidden agenda for awhile until GobGab brought up....

What do you think? and What should he do?

Andreas
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: kYos ที่ 20-03-2007 00:48:02
 :o  ในที่สุด ความจริงก็ถูกเปิดเผย...
เฮ้อ.. เก่งจริงๆ พี่เสือ กะ จอม
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 20-03-2007 01:10:38
ในที่สุดก็เปิดตัวแล้ว ทำให้คิดไปต่างๆนาๆ พอคุณจ๋อมบอกว่าไม่ใช่ตำรวจยิ่งคิดแล้วสองคนนี้เป็นอะไร  :เฮ้อ: รู้ซะที
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 20-03-2007 09:07:26
“ก่อนที่จะมีการแนะนำตัวและอธิบายถึงแผนปฏิบัติการ.......ผมขอเสนอให้ท่านผู้บัญชาการนำกำลังชุดปฏิบัติการพิเศษชุดที่หนึ่งเข้าร่วมประชุมด้วยเลยครับ....เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา” อเล็กซ์กล่าวขออนุญาตต่อพลตำรวจเอกรุ่งโรจน์ หลังจากเจ้าหน้าที่หน่วยรบพิเศษทุกคนอยู่พร้อมหน้ากันเรียบร้อยแล้ว

ท่านผู้บัญชาการตอบรับเห็นด้วย พร้อมทั้งกดปุ่มให้ผนังห้องประชุมอีกด้านหนึ่งเปิดออก เพื่ออนุญาตให้เจ้าหน้าที่ในชุดปฏิบัติการที่หนึ่งที่ควบคุมโดยยุทธจักร ที่กำลังเข้าแถวอยู่อย่างเป็นระเบียบได้รับทราบข้อประชุมด้วยทั้งหมดโดยพร้อมเพรียงกัน

ในเวลานี้ห้องประชุมที่ดูมีขนาดเล็กกะทัดรัดในตอนแรก ได้ขยายออกเป็นเป็นห้องกว้างที่จุกำลังพลถึงอย่างน้อย เกือบหนึ่งร้อยนาย  อุปกรณ์ประกอบการบรรยายต่างๆถูกติดตั้งไว้อย่างเรียบร้อยเพื่อรอการบรรยายถึงภารกิจต่างๆที่จะต้องปฏิบัติอย่างเร่งด่วนในอีกยี่สิบสี่ชั่วโมงข้างหน้านี้

อเล็กซ์ซึ่งรู้งานเป็นอย่างดี เขาลุกขึ้นยืนและเอ่ยขออนุญาตแนะนำหัวหน้าชุดปฏิบัติการให้ทุกคนได้รับทราบ

“ผมขออนุญาตแนะนำ Executive Officer  ดร. ศิวะ รัตนพงศ์คิรี ในฐานะ Detachment Commander ครับ” คำแนะนำสั้นๆที่สิ้นสุดลง ได้สร้างความแปลกใจอย่างยิ่งให้กับนายตำรวจฝ่ายไทยทุกคน ยกเว้นท่านผู้บัญชาการฯที่ทราบอยู่ล่วงหน้าแล้ว

สาเหตุหลักๆของอาการแปลกใจนั้นมีอยู่สองประการด้วยกัน ประการแรกคือชื่อที่เรียกและชายหนุ่มร่างสูงหน้าเข้มที่ก้าวออกมาทำความเคารพนั้นดูอย่างไรก็เป็นคนเอเชีย และประการที่สองชายหนุ่มผู้ที่ไม่ถูกเอ่ยยศทางการทหารหรือตำรวจคนนี้คือ Detachment Commander ซึ่งเป็นหัวหน้าผู้ควบคุมและสั่งการกองกำลังรบพิเศษชุดนี้

“สวัสดีครับ.....”เสียงภาษาไทยดังฟังชัดกล่าวออกมาจากศิวะเป็นการตอกย้ำความเป็นคนไทยร้อยเปอร์เซ็นต์ของเขา.....

ผู้ควบคุมหน่วยรบพิเศษอย่างศิวะ คงความสง่างามและความเข้มแข็งอยู่ในชุด Service Uniform ของกองกำลังรบพิเศษที่เป็นชุดเสื้อผ้าหนาหลายกระเป๋าแขนยาวพับแขนสีน้ำเงินเข้มปล่อยชาย กางเกงขายาวผ้าเนื้อสีเดียวกัน และรองเท้าบู๊ตสีดำขัดเงาวับ แถบปกเสื้อทั้งสองข้างถ้าสังเกตให้ดีๆ ก็จะพบเครื่องหมายรูปนกอินทรีย์กางปีก ซึ่งถ้าใครทราบระบบยศของนายทหารบกของประเทศสหรัฐอเมริกาแล้วจะทราบได้ทันทีว่าผู้ที่ได้รับอนุญาตให้ติดเครื่องหมายนี้จำเป็นต้องมียศอยู่ในระดับเทียบเท่านายพันเอก หรือที่เรียกว่า Colonel เท่านั้น

บริเวณหน้าอกของศิวะประดับด้วยเครื่องหมายสำคัญๆหลายอย่างอาทิเช่น Combat Infantry Badge, Army Aviation Badge, เครื่องหมายพลร่ม,  First Class Diver Badge, Distinguished Shot Badge ไม่นับรวมถึงเครื่องหมาย Special Force และแถบ Oversea Service Bar ที่ติดอยู่บริเวณหัวไหล่ด้านหนึ่ง

ศิวะไม่รอช้า....เขาก้าวออกมาจากแถวเล็กน้อย....พร้อมทั้งทำความเคารพเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงในที่ประชุมทุกคน ก่อนจะขออนุญาตแนะนำเจ้าหน้าที่หลักๆซึ่งเข้าแถวต่อจากเขา โดยที่ในเวลานี้อเล็กซ์ได้ลุกออกจากที่นั่งและเข้ามายืนในตำแหน่งที่ว่างไว้สำหรับเขาในแถวหน้า เพื่อรอการแนะนำตัวอีกครั้ง

     พันเอก (Col.) Benjamin W. Stutz ตำแหน่ง 2nd  in Command to the Detachment Commander
     พันตำรวจโท (Lt. Col.) Alex Fernando Song ตำแหน่ง 3rd in Command to the Detachment Commander
     พันตำรวจโทหญิง (Lt. Col.) Stephanie Hiro ตำแหน่ง 4th in Command to the Detachment Commander
     พันโท (Lt. Col.) Samuel L. Foster ตำแหน่ง Alpha Team Leader
     พันตำรวจโท (Lt. Col.) Eric V. Chang ตำแหน่ง 2nd  in Command to Alpha Team Leader
     Executive Officer จอมยุทธ์ พัฒนประสาทศิลป์ ตำแหน่ง Bravo Team Leader
     พันโท (Lt. Col.) Alfonzo J. Carlos ตำแหน่ง 2nd  in Command to Bravo Team Leader
     พันเอก (Col.) Kim Dong Wan ตำแหน่ง Airborne Team Leader
     Excusive Officer Dr. Gabriel Ponce-de-Leon ตำแหน่ง 2nd  in Command to Airborne Team Leader

หลังจากนั้นจึงแนะนำเจ้าหน้าที่เทคนิคในแต่ละสาขา ซึ่งแบ่งออกเป็น 8 สาขาหลักดังนี้

     เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญงานข่าวกรอง (Intelligence) จำนวน 6 นาย
     เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญงานต่อต้านข่าวกรอง (Counter-Intelligence) จำนวน 6 นาย
     เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญการสื่อสาร (Operational Communication) จำนวน 5 นาย
     เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธและวัตถุระเบิด (High-density light and heavy weapons) จำนวน 7 นาย
     เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรม (Engineer) จำนวน 5 นาย
     เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญการปฏิบัติการทางอากาศ (Airborne Mission) จำนวน 6 นาย
     เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และพยาบาล  (Medical Operation) จำนวน 6 นาย
     เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการปฏิบัติการสนับสนุนภารกิจ (Mission Important Allies) จำนวน 7 นาย

“เจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติการสลายกลุ่มกำลังนายพลลู่เซอและปฏิบัติการชิงตัวประกันมีจำนวนในขณะนี้ 58 นาย และกำลังทยอยเดินทางมาพร้อมกับเครื่องบินรบและอาวุธจากฐานทัพในเมืองโอกินาว่าประเทศญี่ปุ่นอีกจำนวนทั้งสิ้น 7 นาย....รวมทั้งหมด 65 นาย” ศิวะกล่าวสรุปถึงจำนวนตัวเลขสูงสุดของเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติหน้าที่ในครั้งนี้ให้ทุกคนได้รับทราบ

ทั้งๆที่โดยปกติแล้วในการปฏิบัติการให้การสนับสนุนยุทธวิธีแก่เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นที่เรียกว่า Tactical and Operational Support ในแต่ละครั้งจะใช้เจ้าหน้าที่รวมทุกสาขาประมาณ 10-15 คนเท่านั้น แต่ถ้าเป็นกรณีการปฏิบัติการรบพิเศษ (Special Field Operation) ก็จะใช้เพิ่มขึ้นเพียง 30-35 คน โดยจำเป็นต้องมีหนึ่งใน Detachment commander team ทำหน้าที่เป็น Mission Commander หรือผู้นำภารกิจ รวมถึงจำเป็นต้องมีหัวหน้าชุดปฏิบัติการอย่างน้อยหนึ่งคน เพื่อช่วยจัดรูปแบบทีม และจะใช้กำลังเสริมจาก US Army

แต่สำหรับกรณีนี้เป็นครั้งแรกที่เจ้าหน้าที่ทุกคนยินยอมพร้อมใจกันมาปฏิบัติการ ด้วยเหตุผลที่สำคัญ....สกาย.....ลูกชายสุดที่รักของหัวหน้ากลุ่มผู้ชาญฉลาดอย่างศิวะถูกลักพาตัวไป....
 
เจ้าหน้าที่หน่วยรบพิเศษทุกคนเชื่อมั่นในประสิทธิภาพการบัญชาการของศิวะ ซึ่งสามารถนำพาการปฏิบัติการรบพิเศษที่มีความยากในระดับสูงสุดไปสู่ความสำเร็จโดยไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดได้รับบาดเจ็บจนเสียชีวิตได้ทุกครั้ง ดังนั้นเมื่อใดก็ตามที่ภารกิจถูกระบุให้ศิวะเป็น Mission Commander เพื่อนๆทุกคนที่ร่วมฝึกกันมาหลายๆปีทั้งสามรุ่นที่ได้รับคำสั่งให้ปฏิบัติหน้าที่ก็ยินยอมพร้อมกันกันตบเท้าเข้าร่วมการปฏิบัติโดยทันที เพราะต้องการลองเทคนิคการปฏิบัติการใหม่ๆที่ศิวะมักจะกำหนดขึ้นมาเพื่อรองรองรับในแต่ละสถานการณ์แตกต่างกันไป

แม้ว่าในการปฏิบัติการครั้งนี้จะเป็นการร้องขอแบบสมัครใจ....แต่ก็เป็นการเปิดโอกาสให้หลายคนที่ไม่ได้รับคำสั่งให้มาปฏิบัติงานภายใต้การนำของอเล็กซ์ตั้งแต่แรกให้เดินทางมาสมทบได้โดยพร้อมเพรียงกัน

ภายหลังศิวะแนะนำเจ้าหน้าที่ทุกคนเสร็จเรียบร้อย.......นครินทร์และยุทธจักรกลับหันมาสบตากันเพียงชั่วครู่...... แม้จะปรับอารมณ์ได้แล้วแต่ทั้งคู่ก็ยังอดแปลกใจระคนสับสนมิได้ว่าศิวะและจอมยุทธ์จะกลายเป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยรบพิเศษของสำนักงานองค์การสหประชาชาติ แถมยังพ่วงตำแหน่งที่สำคัญอีกด้วย

ยุทธจักรนั่งหันหลังให้กับลูกน้องในชุดปฏิบัติการ เขาจึงไม่มีโอกาสได้เห็นว่าสมาชิกในทีมของเขาต้องควบคุมการแสดงออกของสีหน้าอย่างยากเย็นขนาดไหนขณะที่ยืนนิ่งรับฟังการแนะนำตัวของเจ้าหน้าที่หน่วยรบพิเศษ เนื่องจากส่วนใหญ่นั้นรู้จักเจ้าหน้าที่หน่วยรบพิเศษในฐานะของอาจารย์ผู้ให้การฝึกอบรมในเนื้อหาวิชาการต่างๆที่สำนักงานตำรวจสากลประเทศฝรั่งเศส รวมถึงสนามฝึกในประเทศต่างๆ

โดยเฉพาะผู้กองต้น หรือร้อยตำรวจเอกกิตติศักดิ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการข่าวกรองและระบบคอมพิวเตอร์นั้น...ทันทีที่ได้ยินเสียงภาษาอังกฤษที่ชัดเจน..รื่นหู....ประกอบน้ำเสียงที่น่าฟังของศิวะนั้น เขาก็จำได้ทันทีว่าศิวะคือกรรมการคุมสอบคนสุดท้ายเมื่อครั้งถูกส่งไปฝึกอบรมด้านการเฝ้าระวังระบบคอมพิวเตอร์ที่สำนักงานตำรวจสากลเมื่อสี่ปีก่อน

ในการสอบครั้งนั้นผู้กองต้นไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าตาของผู้คุมสอบ เพียงแต่ได้ยินและสนทนากันผ่านหูฟังเท่านั้น แต่ผู้กองต้นก็จำได้ไม่เคยลืมว่าตลอดสามชั่วโมงของการสอบที่ต้องนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เพื่อป้องกันไม่ให้กรรมการคุมสอบลักลอบเข้ามาในระบบคอมพิวเตอร์ที่เขาดูแลอยู่นั้นยากลำบากเพียงใด..... ผู้กองต้นได้สู้และป้องกันจนสุดฝีมือ แต่ก็แพ้อย่างราบคาบในทุกขั้นตอน กระนั้นก็ยังได้ยินกำลังใจและคำแนะนำของกรรมการคนนั้นอย่างตลอด แม้ผู้กองต้นจะคิดว่าเขาต้องสอบตกอย่างแน่นอน...แต่ผลกลับกลายเป็นว่าสอบผ่าน เนื่องจากในจำนวนผู้เข้ารับการฝึกทั้ง 15 คน ไม่มีผู้เข้าร่วมฝึกอบรมคนไหนที่สามารถป้องกันการลักลอบเข้าระบบของกรรมการเสียงนุ่มคนนั้นได้นั่นเอง

ศิวะกวาดสายตาไปรอบๆห้องประชุมและไปจบยังผู้บัญชาการกองกำลังร่วมพิเศษที่ให้สัญญาณเริ่มการประชุมต่อในทันที

“ผมขออนุญาตเรียนถึงภารกิจและการประสานงานในการปฏิบัติการครั้งนี้ครับ...” ศิวะยังคงใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาพูดโดยตลอด

“เชิญครับ” ท่านผู้บัญชาการกองกำลัง (ร่วมพิเศษ)ฯ ในฐานะประธานการประชุมกล่าวตอบ

“ขอบคุณครับ.... ภารกิจในครั้งนี้จะแยกออกเป็นสามส่วนดังนี้ครับ..... ภารกิจที่หนึ่งคือการนำกำลังเข้าจับกุมผู้มีส่วนเกี่ยวข้องของกองกำลังนายพลลู่เซอที่พำนักอยู่ในประเทศไทย.....ในกรณีนี้ผมมอบหมายให้ พันตำรวจโทหญิง (Lt. Col.) Maria K. Hertz เป็นหัวหน้าทีม ซึ่งจะปฏิบัติหน้าที่พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ด้านข่าวกรองและงานต่อต้านข่าวกรองอีก 3 นายทำการสนับสนุนข้อมูลให้แก่นายตำรวจปราบปรามยาเสพติดเพื่อการปฏิบัติการภายในประเทศ........ภารกิจที่สองคือการสนับสนุนการเฝ้าระวังและการต่อต้านการหลบหนีเข้าฝั่งประเทศของกองกำลังนายพลลู่เซอ ในภารกิจนี้เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการปฏิบัติการสนับสนุนภารกิจ (Mission Important Allies) ในความควบคุมของนายพันตรี (Maj.) Michael V. Gallegos  จะประสานงานกับพันตำรวจตรียุทธจักรและเจ้าหน้าที่ในทีมปฏิบัติการชุดที่ 1 ในบริเวณพิกัดพื้นที่ปฏิบัติการ.....ภารกิจที่สามคือการสลายที่ตั้งและชิงตัวประกัน ซึ่งจะใช้เจ้าหน้าที่ที่เหลือทั้งหมดรับผิดชอบการโจมตีทั้งทางบกและอากาศแบบจู่โจม” ศิวะอธิบายคร่าวๆ

 “ในส่วนรายละเอียดต่างๆ ขอเชิญทุกท่านซักถามได้ในการประชุมตามกลุ่มภารกิจครับ...”ศิวะกล่าวตบท้าย  

หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: RoosT ที่ 20-03-2007 09:53:13
 :o :o :o

ลูกชาย หัวหน้าถูกลักพาตัว เลยยกขบวนกันมาหมดกองทัพ เหอๆ พี่เสือนี่ ครองใจเด็กๆในสังกัดได้หมดเลยหรอคับ เริดดดดดดดดดด  :laugh5:

แบบนี้ภูฟ้าคงถูกช่วยออกมาได้อย่างปลอดภัย  :myeye:

หึหึ พี่แซม ที่ทำท่าจะเป็นสามีของจอม มาเจอว่าที่ภรรยาแบบเหนือชั้นแบบนี้ ตายๆๆๆๆ กรั๊กๆๆๆๆๆๆ  :laugh3:

หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 20-03-2007 11:07:45
แวะมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมครับ....

เนื่องจากว่าตำแหน่งของศิวะในหน่วยรบพิเศษนี้คือ Detachment Commander ซึ่งผมยังแปลออกมาเป็นภาษาไทยไม่ได้ซักทีครับ...เพราะนึกคำไม่ออกจริงๆ ครับ.... แต่ที่แน่ๆ จะไม่เรียกว่า "ผู้บัญชาการ" เพราะคำว่าผู้บัญชาการนั้นคือผู้ดำรงตำแหน่งเลขานุการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ

ตำแหน่ง Detachement Commander คือตำแหน่งที่สูงที่สุดของบุคคลากรในหน่วยรบพิเศษครับ โดยจะมีผู้ช่วยอยู่สี่คน...คือ

2nd, 3rd, and 4th in command to the detachment commander.... (ซึ่งหน่วยรบพิเศษในประเทศสหรัฐอเมริกาเองก็ใช้คำเหล่านี้เช่นกัน)

ถัดจากกลุ่มดังกล่าว ก็จะเป็น Alpha, Bravo และ Airborne team ซึ่งจะเป็นกลุ่มที่เน้นการจู่โจมโดยเฉพาะครับ....

คำว่า Airborne หมายถึงทางอากาศ....ดังนั้นพวกนี้จึงเป็นนักบินเป็นส่วนใหญ่ครับ...ก็จะทำหน้าที่ขับเฮลิคอปเตอร์แบบติดอาวุธครับ....

ส่วน Alpha กับ Bravo จะเป็นหน่วยที่มีสมรรถนะสูง เข้าจู่โจมในระยะประชิด โดยที่หน่วย Apha จะมีกำลังน้อยกว่า Bravo เกือบเท่าตัวครับ....

รายละเอียดผมจะมาเล่าให้ฟังอีกทีครับ....เมื่อตอนที่ต้องรบกันจริงๆ ครับ....

มาเฉลยอีกทีหลังจากที่พี่มูมู่...ตั้งข้อสงสัยเอาไว้.....

องค์การสหประชาชาติจะระบุภาษาที่เป็นทางการทั้งสิ้นสี่ภาษาคือ อังกฤษ เสปน ฝรั่งเศษ และอาราบิก โดยมีข้อกำหนดว่า เจ้าหน้าที่ในองค์กรทุกคนจำเป็นต้องใช้ภาษาได้ในระดับดีมาก มากกว่าหรือเท่ากับสองที่บังคับเอาไว้ครับ....

เพื่อนผมคนหนึ่งเพิ่งได้รับเข้าทำงานในตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญด้านระบบป้องกันสุขภาพที่องค์การอนามัยโลก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งขององค์การสหประชาชาติ.... เขาต้องผ่านการสัมภาษณ์ทั้งสองภาษา (เค้าเลือก ฝรั่งเศษกับอังกฤษครับ).....

เค้าเล่าให้ฟังว่า....บรรดาลูกๆของเจ้าหน้าที่จะเข้าเรียนในโรงเรียนแบบพิเศษที่สร้างขึ้นมาเฉพาะองค์การครับ.... โดยที่แต่ละวันเด็กจะเรียนวันละหนึ่งภาษา....ถัดไปอีกวันก็จะเรียนอีกหนึ่งภาษา....สลับไปเรื่อยๆ จนครบสี่ภาษาครับ....(อันนี้ผมพูดถึงก่อนวัยเรียนนะครับ) เพื่อให้เด็กมีความคุ้นเคยกับภาษาให้มากที่สุด เพราะครอบครัวต้องย้ายไปตามแต่ละประเทศครับ....

ผมหยิบเอาส่วนนี้เข้ามาใส่ในนิยายครับ.... นั่นจึงเป็นสาเหตุให้ว่าทำไมจอมยุทธ์ต้องฝึกให้ภูฟ้าพูดภาษาฝรั่งเศส... และทำไมอเล็กซ์ถึงต้องทดลองพูดภาษาเสปนกับภูฟ้า..... ผมยังไม่มีเวลาเขียนรายละเอียดว่าภูฟ้าฝึกภาษาเสปนจากไหน เพราะไม่ใช่ประเด็นสำคัญซักเท่าไหร่.... แต่ก็พอที่จะเดากันได้นะครับ.... เพราะว่าศิวะนั้นเรียนอยู่สหรัฐหลายปี....เขาย่อมเรียนรู้ภาษาเสปนได้เป็นเรื่องธรรมดา..... ส่วนที่ว่าทำไมจอมยุทธ์พูดฝรั่งเศสได้....ก็เขาจบโรงเรียนนานาชาติน่ะครับ....พอขึ้นเกรดเก้าเป็นต้นไป เด็กในโรงเรียนนานาชาติต้องเรียนภาษาที่สองแล้วครับ....ดังนั้นจึงไม่แปลกที่จอมยุทธ์จะเรียนภาษาฝรั่งเศส.....

วันนี้ผมเอามาให้อ่านตอนสั้นๆ นะครับ... เพราะว่า.....ชอบแกล้งน่ะครับ.....55555

ป่าวหรอกครับ....ผมยังไม่มีเวลาตรวจทานส่วนที่เหลือน่ะครับ....

เอาไว้พรุ่งนี้มาต่อใหม่นะครับ....แต่ว่าถ้าใครทราบคำแปลของคำว่า Detachment Commander ก็ช่วยบอกผมมาด้วยนะครับ....

จักเป็นพระคุณยิ่งครับ...

ไปละครับ...

Andreas

 :110011: :เชิป2: :110011: :เชิป2: :110011: :เชิป2: :110011: :เชิป2: :110011: :เชิป2: :110011: :เชิป2: :110011: :เชิป2: :110011: :เชิป2: :110011:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: kYos ที่ 20-03-2007 15:58:16
 :give2: พี่เสือนี่เจ๋งจริงๆ  ได้ใจลูกน้องทุกคนเลย

เริ่มรู้รายละเอียดของแต่ละคนกันแล้ว  คิดถึงน้องภูจัง  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 20-03-2007 18:48:08

...........น่าสงสารพี่แซมจิงๆ..... :110011: :เชิป2:

........................จะหาภริยาทั้งที......ภริยาก็ดันเหนือชั้นซะขนาดนี้....... :impress: :impress:

.............สู้เขานะ.... :yeb: :yeb:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 20-03-2007 20:20:06
ยิ่งอ่านก็ยิ่งเท่  เก่งน้อ อยากได้พี่เสือเป็นสะมี คิกคิก  :give2:

อ่านพวกหน่วยรบแล้วนึกถึงตอนที่สหรัฐบุกอิรักเค้าใช้หน่วยรบพิเศษพวกนี้ด้วยนิ  ตอนนั้นชอบมากเลย  เท่ดี ตามพวกหนังสือพิมพ์ก็ลงประวัติของพวกหน่วยรบพิเศษพวกนี้ด้วย ตอนนี้จำไม่ได้ละ  มีหน่วยกรีน แบเรต์ หน่วยซีล (มั่วอะ)แล้วก็อะไรอีกไม่รู้  เหมือนจะมีสี่หน่วยรบพิเศษ  แต่พวกพี่เสือกับจอมนี่สังกัดสหประชาชาติเหรอ (จริง ๆ แล้วมันมีจริงป่าวอ่า  สงสัย)  ส่วนคำที่ใช้เรียก Detachment Commander  บ่ฮู้คร๊าบบ หัวหน้าหน่วยรบพิเศษมั้ง

เป็นลูกหลานพวกนี้  ได้พูดหลายภาษาดีเนอะ ทั้งสเปน(สะกดแบบนี้รึเปล่า)  อังกฤษ เยอะไปหมด แต่มะมีไทยเยยย

รออ่านต่อแล้วกันจ้า สงสารน้องภู เอาใจช่วยพี่แซม  :yeb:

หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 20-03-2007 20:31:44
นอกจากพี่เสือจะได้ใจลูกน้องแล้ว

ยังได้ใจคนอ่าน (โดยเฉพาะผม) ไปเต็มๆอีก :give2:

เห็นทีพี่แซมจะต้องเหนื่อยแล้วล่ะ ก็ยอดพธูมาเหนือเมฆซะขนาดนั้น :yeb:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 20-03-2007 21:06:12
หุหุ จะไปชิงตัวประกันแล้ว  :yeb:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 20-03-2007 21:46:26
แล้วแซมล่ะ จะเป็นยังไงต่อไปน้ออออ  :เฮ้อ: :เฮ้อ:

ปล. เห็นด้วยกะ ][GobGab][  มากมาย
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 20-03-2007 22:50:42
วิ่งไปเตรียมเสื้อเกราะ และขุดหลุมไว้หลบเรียบร้อยแล้ว
หวังว่าคงช่วยภูน้อยได้ในเร็ววัน  :call:

วันนี้ผมเอามาให้อ่านตอนสั้นๆ นะครับ... เพราะว่า.....ชอบแกล้งน่ะครับ.....55555

^
^
ทำร้ายจิตใจจัง  :monkeycry4:

ปล. เอ่อ...ฝรั่งเศส...เขียนอย่างนี้ไม่ใช่หรอ ถ้าไม่ใช่ก็โทษทีน้า (ไม่ได้ว่าเน้อ แค่คิดว่าน่าจะเขียนแบบนี้อ่ะ) :myeye:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 21-03-2007 00:41:28
มีแต่คนมีตำแหน่งปลอมตัวมา เท่ส์จริงๆ  :give2:



พอลงยาวก็ยาว พอจาลงสั้นก็สั้นจริงๆ
 :laugh5:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 21-03-2007 09:41:35
“ในส่วนรายละเอียดต่างๆ ขอเชิญทุกท่านซักถามได้ในการประชุมตามกลุ่มภารกิจครับ...”ศิวะกล่าวตบท้าย

“ก่อนไปถึงวาระการประชุมกลุ่ม...ผมขอเชิญพักรับประทานกาแฟและของว่างชั่วคราวก่อนน่าจะดีกว่าครับ.....” พลตำรวจเอกรุ่งโรจน์ยื่นข้อเสนอให้หยุดชั่วคราวเพื่อผ่อนคลายอิริยาบถ ก่อนที่จะเข้าสู่การประชุมที่เข้มข้นมากขึ้น

ผู้เข้าร่วมประชุมทุกคนไม่ขัดข้องกับข้อเสนอดังกล่าว และแยกย้ายกันไปรับประทานของว่างและดื่มกาแฟที่จัดเตรียมไว้ตรงมุมห้อง รวมถึงคุยกันนอกรอบเพื่อทักทายและแลกเปลี่ยนข้อมูลร่วมกัน.....ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่าเจ้าหน้าที่แต่ละคนในชุดปฏิบัติการที่ 1 ก็กระวีกระวาดไปแสดงความเคารพและทักทายอาจารย์ของตนเกือบทั้งหมดในทันที

“มีอะไรให้ลุงช่วยอีกหรือเปล่า...เสือ....” ท่านผู้บัญชาการกองกำลัง (ร่วมพิเศษ) เดินเข้ามาหาศิวะที่กำลังยืนคุยอยู่กับจอมยุทธ์....พลตำรวจเอกรุ่งโรจน์ยังคงใช้สรรพนามแทนตนว่า “ลุง” เสมอในทุกครั้งที่พุดคุยกับศิวะและจอมยุทธ์ นับตั้งแต่ได้พบกันครั้งแรกในงานเลี้ยงวันเกิดของท่านผู้หญิงประกายแก้ว ภัทรโภคิน ภริยาอดีตอธิบดีกรมตำรวจ ผู้เป็นเจ้านายที่พลตำรวจเอกรุ่งโรจน์เคารพเสมอ

ในตอนนั้นพลตำรวจเอกรุ่งโรจน์ในฐานะรองอธิบดีกรมตำรวจได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศให้รับผิดชอบในการสรรหาพลเรือนจำนวนทั้งสิ้น 4 คน ให้เข้ารับการทดสอบจากสำนักงานองค์การสหประชาชาติเพื่อเข้าเป็นเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญพิเศษสนับสนุนการต่อต้านการก่อการร้ายสากล โดยจำกัดคุณสมบัติเบื้องต้นมาว่าต้องมีพื้นเพทางการศึกษาที่ดี มีสุขภาพแข็งแรง มีความสามารถทางภาษาที่ดีเยี่ยม โดยจำกัดมาว่าต้องพูดได้ไม่ต่ำกว่าสองในสี่ภาษาที่องค์การสหประชาชาติกำหนด คือ อาราบิก ฝรั่งเศส สเปน และอังกฤษ

พลตำรวจเอกรุ่งโรจน์ใช้เวลาเกือบสองเดือนในการเฟ้นหาบุคคลจำนวนดังกล่าว แต่ก็ไม่พบใครที่มีคุณสมบัติครบถ้วนที่ต้องการ จนกระทั่งได้มาพบทั้งสี่หนุ่มที่สนิทสนมกับราวกับพี่น้องท้องเดียวกัน คือ ภูผา ฟ้าลั่น ศิวะ และจอมยุทธ์ ซึ่งรับเป็นผู้ช่วยในงานเลี้ยงพระเนื่องในวันเกิดท่านผู้หญิงประกายแก้ว...ผู้เป็นยายของภูผา ในช่วงเวลาปิดเทอมจากการเรียนในต่างประเทศ

ในตอนนั้นศิวะกำลังอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการศึกษาหลังปริญญาเอก ขณะที่ภูผาและฟ้าลั่นกำลังศึกษาปริญญาเอกในปีสุดท้าย ส่วนจอมยุทธ์นั้นเพิ่งเรียนปริญญาโทมาได้หนึ่งปีพอดี

ภายหลังการทำความรู้จักผ่านทางท่านผู้หญิงประกายแก้ว พลตำรวจเอกรุ่งโรจน์ก็มีโอกาสได้ซักถามถึงคุณสมบัติต่างๆ ของทั้งสี่หนุ่ม และก็ช่างบังเอิญที่แต่ละคนสามารถพูดภาษาได้หลายภาษา รวมถึงมีประวัติการศึกษาที่ดีเด่น โดยได้คะแนนในระดับเกียรตินิยมทุกคน และสุดท้ายทั้งหมดกำลังสนใจและฝึกฝนกีฬายิงปืนตลอดจนศิลปะป้องกันตัว ซึ่งเรียกได้ว่าคุณสมบัติส่วนบุคคลนั้นครบสมบูรณ์ดังที่องค์การสหประชาชาติระบุมา

ในตอนนั้นคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติมีมติให้มีการจัดตั้ง The United Nation Counter-Terrorist Operational Unit (CTOU) ตามกฎหมายระหว่างประเทศที่เพิ่งได้รับการอนุมัติให้ผ่าน โดยเป็นหน่วยงานเฉพาะกิจที่ทำหน้าที่สนับสนุนข้อมูลและวิเคราะห์ข่าวเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายให้แก่สำนักงานตำรวจสากลและองค์การสหประชาชาติ....ซึ่งพลตำรวจเอกรุ่งโรจน์เห็นว่าเป็นงานที่ไม่อันตรายและไม่จำเป็นต้องทำงานเป็นประจำ จึงได้ทาบทามทั้งสี่หนุ่มให้เข้ารับการคัดเลือก จนกระทั่งได้รับการฝึกภาคสนามทั้งสิ้นสามเดือนจนสำเร็จ และได้รับการบรรจุเป็นเจ้าหน้าที่พิเศษขององค์การสหประชาชาตินับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

หลังจากนั้นไม่นาน.....ช่วงเวลาแห่งความโศกเศร้าก็มาเยือน...เพราะการสูญเสียสมาชิกครอบครัวคือภูผาและฟ้าลั่นไปอย่างไม่มีวันกลับ โชคดีที่ขณะนั้นการปฏิบัติหน้าที่ส่วนใหญ่เป็นเพียงแค่การสนับสนุนด้านข้อมูลและการจัดการเรื่องข้อมูลเท่านั้น ไม่นับการฝึกพิเศษที่เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งเพราะหน่วยงานกับกำลังจะมีการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ ทั้งศิวะและจอมยุทธ์จึงต้องพยายามแบ่งงานกันทำ ทั้งเรื่องการดูแลภูฟ้า รวมถึงงานที่ได้รับมอบหมาย หากเหลือบ่ากว่าแรงจริงๆเพราะเรื่องการฝึกภาคสนามที่เข้มงวดมากขึ้นทุกที ทั้งสองหนุ่มจึงจะขอร้องให้คริสเข้ามาดูแลภูฟ้า ซึ่งนั่นจึงเป็นสาเหตุให้คริสก็ผูกพันกับภูฟ้ามากพอกัน

“ขอบคุณครับคุณลุง....แค่นี้ก็ช่วยเหลือผมกับจอมอย่างเต็มที่แล้วครับ....”ศิวะตอบกลับด้วยความสุภาพในขณะที่จอมยุทธ์ก็กล่าวขอบคุณเช่นกัน

“ไม่เป็นไรหรอก...ลุงช่วยเท่าที่ทำได้เพราะอย่างไรเสีย...เสือกับจอมเองคงไม่สะดวกที่จะเริ่มต้นเอง...... อีกอย่างลุงก็เป็นห่วงตาภูด้วย......พวกมันคงคิดว่าเอาตาภูไปไว้ชายแดนคงจะปลอดภัยสำหรับพวกมัน....ชิงลงมือก่อนอย่างนี้แหละดีที่สุด.....ยิ่งลุงเห็นเพื่อนๆของเสือกับจอมตบเท้ามาพร้อมกันทุกคน...ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่นอกเหนือจากการฝึก...ลุงก็ค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อย.....อืม.....แต่ว่าจะใช้ที่ไหนประชุมงานกันละ...เห็นว่าต้องต่อระบบดาวเทียมด้วยนี่” ประโยคท้ายพลตำรวจเอกรุ่งโรจน์ถาม

“ผมขออนุญาตใช้ห้อง OR000 ได้มั้ยครับคุณลุง....” ศิวะเอ่ยถาม เนื่องจากห้องดังกล่าวถูกออกแบบและสร้างมาเพื่อการปฏิบัติการเฉพาะกิจ โดยมีระบบคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ทันสมัยที่ได้รับการสนับสนุนจากองค์การสหประชาชาติอยู่พร้อมสรรพ....ห้องดังกล่าวเป็นห้องพิเศษในชั้นใต้ดินที่มีเพียงท่านผู้บัญชาการ ศิวะ และจอมยุทธ์เท่านั้นที่สามารถเปิดเข้าไปได้ 

“ได้ซิ...ตามสบายเลย.....จอมกับเสือมีบัตรผ่านอยู่แล้วนี่...งั้นลุงขอตัวก่อนนะ...มีอะไรโทรหาลุงได้ทุกเวลา” พลตำรวจเอกรุ่งโรจน์ให้ไฟเขียวอีกครั้ง ก่อนจะขอตัวออกไปคุยกับท่านรองผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจปราบปรามยาเสพติดถึงภารกิจเร่งด่วนในเรื่องการทำหนังสือประสานงานต่อไป

หลังจากที่ได้พูดคุยกับพลตำรวจเอกรุ่งโรจน์จนเสร็จสิ้น ศิวะและจอมยุทธ์จึงเดินเข้าไปหานครินทร์และยุทธจักรที่กำลังยืนนิ่งอยู่ตรงหัวมุมของห้อง

“ข้าขอโทษนะเอ...ที่ทำให้ต้องแปลกใจ...ผมขอโทษแซมด้วยนะครับ....”ศิวะกล่าวขอโทษเพื่อนรักและสหายใหม่เป็นอันดับแรก

“ผมก็ขอโทษเช่นกันครับ....พี่เอ..พี่แซม.....” จอมยุทธ์กล่าวต่อมา

“ข้าไม่ให้อภัยโว้ย.....อะไรวะ.....ปิดบังเพื่อนอยู่ตั้งนาน.....ปล่อยให้ข้ากับไอ้แซม....งงเป็นไก่ตาแตก......อยู่ดีๆ แกจะกลายมาเป็น Detachment Commander.......ส่วนจอมเองก็กลายเป็น Bravo Team Leader ของหน่วยรบพิเศษแบบนี้.....เป็นใครก็โกรธโว้ย”นครินทร์แกล้งทำเป็นโกรธแค้น....ทั้งๆที่ใบหน้าฉายรอยยิ้มเต็มที่

“ไม่ได้หัวล้าน...แต่ทำเป็นใจน้อยไปได้....ถามจริงถ้าข้าบอกแกตั้งแต่แรก....แกจะเชื่อข้าเปล่าว๊ะ.....”ศิวะแกล้งสวนกลับบ้าง

“ไม่เชื่อโว้ย.....” นครินทร์ส่ายหน้าตอบโดยทันที....

“เออ....งั้นก็หายโกรธได้แล้ว....ข้าก็ยังเป็นเสือคนเดิม....จอมก็ยังเป็นจอมคนเดิม....ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงซักหน่อย.....แกก็ยังเป็นเพื่อนที่ข้ารักมากอยู่ดี.....” ศิวะพูด

“เฮ้ย....อย่ามาบอกรักข้าแบบนี้ซิ.....ข้าอายนะโว้ย.......”นครินทร์แกล้งทำเป็นตีหน้าซื่อทำตาปริบๆ ก่อนหันมาถามยุทธจักรที่ยังยืนนิ่งอยู่ข้างๆ

“ของอย่างนี้มันต้องมีข้อแลกเปลี่ยนโว้ย.... เลี้ยงข้าวข้าซักมื้อสองมื้อดีกว่า....จริงมั้ยแซม”

“เป็นไรว๊ะแซม....ไม่พูดไม่จา.....” นครินทร์หันหน้ามาหายุทธจักร
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 21-03-2007 09:44:39
“คือ....ผมกำลังต่อจิกซอว์ชิ้นสำคัญอยู่ครับ......” น้ำเสียงของยุทธจักรมีแววครุ่นคิดบางอย่าง

“ทำไมว๊ะแซม...” นครินทร์ถามต่อ...ในขณะที่ศิวะกับจอมยุทธ์ยังคงนิ่งเงียบ เพียงแต่กำลังรอคอยบทสรุปที่นายตำรวจหนุ่มหน้าเข้มจะเอ่ยออกมา

“ผมขออนุญาตถามคำถามพี่เสือกับจอมได้มั้ยครับ....”

“เชิญครับ” ทั้งศิวะและจอมยุทธ์รับคำพร้อมกัน

“คืนวันที่พวกนั้นบุกโรงงาน....พี่เสือกับจอมคือเจ้าของกระสุนปืนปริศนาสองขนาดนั้นใช่มั้ยครับ....”ยุทธจักรเริ่มกระบวนการต่อจิกซอว์ให้เป็นรูปเป็นร่างทันที

“ครับ” ทั้งสองหนุ่มตอบ

“การส่งไฟล์ข้อมูลกองกำลังนายพลลู่เซอเข้าระบบพิเศษของสำนักงานและการตลบหลังพวกที่มาวางระเบิดหน้าบ้านในอาทิตย์ที่แล้ว..คืออีกผลงานของพี่เสือกับจอมใช่มั้ยครับ........” ยุทธจักรยังคงตั้งคำถามต่อ ส่วนนครินทร์ก็ยืนฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ

“ใช่ครับ” ศิวะและจอมยุทธ์ตอบอีกครั้ง

“ผมคือคนที่ส่งไฟล์ข้อมูลเข้าไปให้เองครับ....ส่วนจอมคือคนที่วางระเบิดติดไว้กับพวกสี่คนนั้น”ศิวะคลายปริศนาให้กระจ่างขึ้น

“อืม....จุดใต้ตำตอนี่เอง.....”นครินทร์พยักหน้ารับทราบ ก่อนจะกล่าวคำขอบคุณต่อมาทันที

“ข้าต้องขอบใจแกมากนะเสือ...จอมด้วย....คืนนั้นที่โรงงงาน..ถ้าไม่ได้รับความช่วยเหลือ...พวกข้าคงหมดท่าแน่”

“แต่ผมสงสัยว่า....ทำไมจอมถึงต้องติดระเบิดกลับคืนไว้ด้วยครับ....”ยุทธจักรยังคงตั้งข้อสงสัย

“ผมกับพี่เสือปรึกษากันแล้วว่า...มันจะเป็นวิธีเดียวที่จะเพิ่มน้ำหนักให้กับพี่เอในการขอกำลังสนับสนุนจากสำนักงานกองกำลัง (ร่วมพิเศษ)ฯ อย่างเร่งด่วน....ซึ่งก็จะทำให้การประสานงานในแผนการต่างๆมีความรวดเร็วมากขึ้นครับ....” จอมยุทธ์เป็นฝ่ายตอบ

“ผมกับจอมไม่ชอบการตั้งรับครับผม....ชอบบุกเลยมากกว่า....ก็เลยไม่อยากรอช้า....ยิ่งรอช้าก็จะเสียเปรียบครับ...”คำพูดของศิวะนั้นเป็นความจริงทีเดียว ก็เพราะการติดต่อประสานงานที่ล่าช้า จึงเป็นสาเหตุให้ศิวะและจอมยุทธ์ต้องลงมือมาจัดการงานต่างๆด้วยตนเองเช่นในขณะนี้ เพราะพวกนั้นได้เปลี่ยนเป้าหมายมาลักพาหัวใจของครอบครัวไป

“ครับ” ยุทธจักรพยักหน้าตอบเห็นด้วย

ก่อนจะมีการสนทนาต่อไป สายตาของยุทธจักรก็มาสะดุดอยู่ที่เข็มกลัดรูปอินทรีย์กางปีกบนปกเสื้อของศิวะ รวมถึงเข็มกลัดรูปใบไม้เจ็ดแฉกสีเงินติดอยู่บนปกเสื้อของจอมยุทธ์ที่ยืนถัดกัน

“เอ่อ.....ผมขอโทษที่เสียมารยาทครับ.....” เสียงของยุทธจักรอ่อนลงพร้อมกับตบเท้าชิดยกมือขึ้นทำวันทยหัตถ์ทันทีที่สมองประมวลว่าเครื่องหมายที่ติดอยู่บนปกเสื้อของทั้งสองคนนั้นหมายถึงอะไร ซึ่งทำให้ศิวะและจอมยุทธ์ต้องรับการเคารพโดยอัตโนมัติด้วยท่าเดียวกัน

“ไม่ต้องเป็นทางการหรอกครับแซม....ผมกับจอมชอบเป็นเพียงแค่ Executive Officer มากกว่าครับ....”ศิวะยิ้มให้เล็กน้อย

“ทำไมว๊ะแซม.....” นครินทร์สังเกตลักษณะน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปรวมถึงเห็นว่ายุทธจักรนั้นชิดเท้าทำความเคารพทั้งศิวะและจอมยุทธ์

“ผมพลาดไปเองครับ....ผมมัวแต่คิดเรื่องอื่นๆ จนไม่ได้สังเกตว่าพี่เสือกับจอมเป็นผู้เชี่ยวชาญของสำนักงานตามที่ท่านผู้บัญชาการกล่าวมาตั้งแต่ต้น.....ซึ่งถ้าเทียบตามสายงานแล้ว...ต้องถือว่าอยู่ในระดับผู้บังคับบัญชาสายสูงกว่าผม......รวมถึงเข็มกลัดบนปกเสื้อพี่เสือก็ระบุยศนายพันเอก ส่วนของจอมก็เป็นยศนายพันโทน่ะครับพี่เอ....” ยุทธจักรตอบนครินทร์ตามที่สังเกตเห็น

“อ๋อ...มิน่า.....แกคุ้นเคยกับทหารสหรัฐมาก่อนนี่เองถึงจำได้” นครินทร์เพิ่งจำได้เช่นกันว่าก่อนหน้าที่ยุทธจักรจะได้รับการบรรจุให้เป็นเจ้าหน้าที่ในสายปฏิบัติการ นายตำรวจหน้าคมรุ่นน้องคนนี้จบการศึกษามาจากโรงเรียนนายร้อย West Point แห่งประเทศสหรัฐอเมริกา

ในขณะนั้นตำแหน่งโควตาทหารของสำนักงานถูกใช้จนหมดสิ้น ดังนั้นยุทธจักรจึงเข้ารับราชการในโควต้าของนายตำรวจแทน ซึ่งถ้าเป็นในสายงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็อาจจะเกิดปัญหาในการปฏิบัติงานบ้าง แต่เนื่องจากในสำนักงานกองกำลัง (ร่วมพิเศษ)ฯ นี้มีลักษณะงานที่แตกต่างกันออกไป เขาจึงสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างไม่มีปัญหา อีกทั้งการเรียนรู้ยุทธวิธีทางการทหารมานั้นก็ช่วยให้ปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยมจนสามารถเลื่อนเป็นหัวหน้าทีมชุดปฏิบัติการที่ 1 ซึ่งเป็นชุดที่มีประสิทธิภาพสูงสุดได้ภายในไม่กี่ปี รวมถึงยศที่กำลังจะก้าวเป็นนายพันตำรวจโทในปีหน้านี้อีกด้วย

“เฮ้ย....งั้นข้าก็ต้องทำด้วยนี่หว่า....” นครินทร์เพิ่งนึกได้ จึงรีบชิดเท้าเตรียมทำวันยหัตถ์..แต่ถูกศิวะและจอมยุทธ์ห้ามอย่างรวดเร็ว

“ไม่ต้องมีพิธีหรอกครับพี่เอ....พี่เสือกับผมไม่ได้ใช้ยศในการปฏิบัติการครั้งนี้ครับ....โดยปกติก็ไม่ใช้ครับ....เพียงแต่เวลาแต่งเครื่องแบบมันต้องติดเข็มกลัดให้ครบเท่านั้นเองครับ.....”จอมยุทธ์เป็นฝ่ายอธิบายบ้างซึ่งนครินทร์ก็เข้าใจ  และพยายามทำตัวเป็นปกติเช่นเดิม

“ผมขอถามพี่เสือกับจอมเป็นคำถามสุดท้าย......ก่อนแยกไปประชุมได้มั้ยครับ....” ยุทธจักรถอนหายใจเบาๆ และตัดสินใจถามเรื่องที่คั่งค้างในใจมาตั้งแต่ทราบว่าศิวะและจอมยุทธ์คือเจ้าหน้าที่จากหน่วยรบพิเศษ

“เชิญครับ....แต่ถ้าจะถามว่าการยอมให้ตาภูถูกลักพาตัวไปนั้นเป็นแผนของผมกับจอมหรือไม่......ผมคงต้องตอบปฏิเสธครับ” ศิวะเป็นฝ่ายชิงตอบเพราะเดาคำถามที่ปรากฏในดวงตาของยุทธจักรได้

“แต่ทำไมถึงดูเหมือนว่าพี่เสือกับจอมเปิดช่องทางให้พวกนั้นถึงตัวตาภูได้ง่ายเหลือเกินครับ....”ยุทธจักรถอนหายใจอีกครั้งและพูดออกมาอย่างที่ใจคิด แม้ว่ามันอาจจะเป็นการเสียมารยาทมากอยู่ก็ตาม

ศิวะและจอมยุทธ์รับทราบความลำบากใจในน้ำเสียงของยุทธจักรเช่นกัน ดังนั้นศิวะจึงไม่ได้ติดใจว่าเป็นการเสียมารยาทแต่อย่างใด

“สถานะอย่างผมกับจอมนั้นไม่สะดวกในการเคลื่อนไหวอะไรได้หลายอย่างหรอกครับ....ยิ่งเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในประเทศนั้นจำเป็นต้องพึ่งเจ้าหน้าที่ประจำท้องถิ่นซึ่งก็คือเอ ให้จัดการตามระเบียบและวิธีปฏิบัติต่างๆ.....ผมกับจอมไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ เพียงแต่อาจเร่งขั้นตอนบางอย่างให้เร็วขึ้นก็เท่านั้น ที่เหลือก็ต้องปฏิบัติตามขั้นตอนที่สรุปออกมา....ในกรณีตาภูนั้นผมกับจอมก็พยายามปกป้องกันด้วยตัวเองมาโดยตลอด ทั้งศักดิ์ซึ่งเป็นนายทหารติดตามของผมรวมถึงภาวดีซึ่งเราทั้งคู่ฝึกมากับมือก็ช่วยเฝ้าระวังทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตาภู....เพียงแต่ว่าทางผมเองจะทำอะไรให้เป็นที่สังเกตมากนักก็จะไม่ดี  เพราะอาจจะถือเป็นการรบกวนการทำงานของเจ้าหน้าที่อย่างเอได้......”

“เราพยายามแบ่งกันทำงานอย่างเป็นระบบเสมอครับ...เกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัยของตาภู.....แต่ก็พลาดจนได้ครับ.....” จอมยุทธ์เป็นฝ่ายต่อประโยคของศิวะให้จนจบ

ทั้งนครินทร์และยุทธจักรรับทราบความสุภาพและความพยายามอย่างยิ่งของศิวะที่จำเป็นต้องเลือกใช้คำพูดให้เหมาะสม เพื่อไม่ให้นครินทร์ในฐานะเจ้าหน้าท้องที่ผู้รับผิดชอบคดีตั้งแต่แรกต้องเกิดความลำบากใจในการฟังความจริงดังกล่าว แม้ว่าศิวะและจอมยุทธ์จะไม่เห็นด้วยกับนครินทร์ตั้งแต่แรก แต่ก็ต้องให้เกียรตินครินทร์ในฐานะที่เป็นผู้ตัดสินใจ ศิวะและจอมยุทธ์ไม่ต้องการรบกวนการทำงานของนครินทร์ ทั้งสองคนทำได้แต่เพียงเฝ้าระวังตัวเองและภูฟ้าอย่างเต็มที่ก็เท่านั้น

 “ข้าขอโทษว่าเสือ....พี่ขอโทษนะครับจอม.....ข้าควรจะตัดสินใจให้รวดเร็วกว่านี้.....ไม่อย่างนั้นตาภูคงไม่ถูกลักพาตัวไปหรอก” นครินทร์กล่าวคำขอโทษออกมาภายหลังการรับฟังความอัดอั้นดังกล่าวของศิวะและจอมยุทธ์ และคิดว่าถ้าเป็นเขานั้น เขาคงจะตัดสินใจทำอะไรบางอย่างที่ทำลายน้ำใจและรบกวนการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในตอนแรกอย่างแน่นอน

“ไม่ใช่ความผิดของแกหรอกเอ.....เราทุกคนทำงานกันอย่างเต็มที่แล้ว.....ตอนนี้คงมีแต่เรื่องเดียวที่จำเป็นต้องทำ...ก็คือร่วมมือกันเพื่อกวาดล้างไอ้คนชั่วเหล่านั้นให้หมดไป....และช่วยตาภูกลับมาให้ได้อย่างปลอดภัยเท่านั้น” ศิวะพูดอย่างหนักแน่น

“ครับพี่เสือ....ผมจะปฏิบัติงานในครั้งนี้อย่างเต็มความสามารถครับ” ยุทธจักรรับคำอย่างแน่วแน่

“ข้าก็เหมือนกันเสือ....บอกข้ามาเลย....ว่าต้องทำอย่างไรบ้าง....ข้าพร้อมจะประสานงานกับแกอย่างเต็มที่” นครินทร์ถือโอกาสตบบ่าศิวะเบาๆ ทั้งเป็นการตอกย้ำคำสัญญาและให้กำลังใจในฐานะเพื่อนสนิท

“ขอบใจมาก....”ศิวะตอบอย่างตื้นตันใจ

*********
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: kYos ที่ 21-03-2007 11:18:00
ความจริงอีกหนึ่งข้อที่คาดไม่ถึง  ภูผา และ ฟ้าลั่น  คือเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญพิเศษอีก 2 คน ที่เสียชีวิตไปแล้ว
 :เฮ้อ: .. ลืมคิดไปเลยนะเนี่ย  เก่งกานจริงๆ
พี่แซมของเราก็เก่งใช่ย่อย.. พี่แซมสู้ๆน้อ.. อย่าเพิ่งท้อ  :yeb:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: RoosT ที่ 21-03-2007 15:56:00
ง่า... ฟ้าลั่นก็เป็นเจ้าหน้าที่พิเศษ แล้วทามมายถึงพลาดโดนรถชนตายได้เนี่ยยยยยย งิส์ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  :monkeycry2:

แซมจะทำไงต่อไปน้าาาาา ว่าที่ภริยาเก่งกาจขนาดนี้ เหอๆ
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 21-03-2007 17:43:31

...........คิดถึงภูผากับฟ้าลั่นจัง........... :impress3: :impress3: :impress3:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 21-03-2007 20:28:44

ภูน้อยรอก่อนนะ พ่อเสือกะอาจอมกะลังจะไปช่วยหนูแล้ว  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 21-03-2007 21:35:47
ขอตามไปช่วยหลานภูด้วยคนค๊าบ  :โหลๆ:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 21-03-2007 21:50:46
ประกาศสงครามมมม  :โหลๆ: :โหลๆ:

สู้ๆ  :110011: :เชิป2: :110011: :เชิป2:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 21-03-2007 23:08:44
มาให้กำลังใจพี่แซม  :yeb:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: KevinKung ที่ 21-03-2007 23:20:54
ตามอ่านไม่ทันซะที  :pigha2: :pigha2:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 21-03-2007 23:40:23
ภูผากะฟ้าลั่นช่วยคุ้มครองตาภูด้วยเถ้อออออ :call:

ขอให้ภารกิจครั้งนี้สำเร็จด้วยดีด้วยนะครับ :impress:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 22-03-2007 09:42:44
การประชุมกลุ่มย่อยเริ่มขึ้นหลังจากพักรับประทานอาหารว่างและดื่มกาแฟไปได้ไม่นานนัก โดยแบ่งออกเป็นสองส่วนอย่างชัดเจน ส่วนแรกคือรายละเอียดการประสานงานของนายตำรวจฝ่ายไทยกับเจ้าหน้าที่หน่วยรบพิเศษ โดยศิวะมอบหมายให้อเล็กซ์พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านข่าวกรองและงานต่อต้านข่าวกรองรวมถึงเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการปฏิบัติการสนับสนุนภารกิจของหน่วยรบพิเศษ เป็นผู้ถ่ายทอดข้อมูลและแผนปฏิบัติการคร่าวๆให้นายตำรวจสายปราบปรามยาเสพติด เจ้าหน้าที่จากสำนักงานตำรวจสากล และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องในสำนักงานกองบัญชาการ (ร่วมพิเศษ)ฯ ตลอดจนพลตำรวจเอกรุ่งโรจน์ในฐานะผู้บัญชาการสำนักงานกองกำลัง
(ร่วมพิเศษ) ได้รับทราบ

ส่วนเจ้าหน้าที่หน่วยรบพิเศษที่เหลือแยกตามศิวะลงไปประชุมในห้องที่จัดเตรียมไว้

“ตามที่ทุกท่านได้รับแจ้งตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วว่า ภารกิจหลักๆมีอยู่สามประการ คือ การสลายกลุ่มและชิงตัวประกันที่ชายแดน...การสกัดกั้นการหลบหนีเข้าสู่พรมแดน.....และการจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องที่มีฐานพำนักอยู่ในประเทศไทย..... หลายท่านอาจจะสงสัยว่าตัวประกันในภารกิจนี้คือใคร.....” อเล็กซ์เริ่มต้นการประชุมอีกครั้งด้วยการทบทวนภารกิจ ก่อนจะเกริ่นนำถึงตัวประกัน

“คำตอบก็คือ เด็กชาย ภูฟ้า ภัทรโภคิน ศรีศิริโชคชัย” อเล็กซ์ใช้นิ้วมือกดลงไปบนแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์แบบพกพาสมรรถนะสูงที่ต่อระบบเข้ากับเครื่องฉายภาพนิ่ง เพื่อนำข้อมูลในคอมพิวเตอร์ส่งขึ้นฉาย

ภาพที่ปรากฏบนหน้าจอคือภาพของหนูน้อยวัยห้าขวบ น่าตาหน้ารักน่าเอ็นดูปรากฏขึ้นมา

ชื่อกลางของหนูน้อยทำให้นายตำรวจระดับสูงเกือบทุกคนสะดุ้งขึ้นมาทีเดียว เพราะทราบดีว่าเป็นนามสกุลของอดีตอธิบดีกรมตำรวจผู้ล่วงชีวิตไปแล้ว และเป็นนามสกุลที่ท่านผู้หญิงประกายแก้ว ผู้เป็นภริยายังใช้ต่อมาจนกระทั่งบัดนี้ ทั้งอดีตอธิบดีกรมตำรวจและท่านผู้หญิงประกายแก้วล้วนเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงและได้รับความเคารพจากบุคคลหลายกลุ่ม.... การที่ทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลถูกลักพาตัวเช่นนี้จึงเป็นเรื่องใหญ่ และเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องรีบจัดการ

“เด็กชาย ภูฟ้า ภัทรโภคิน ศรีสิริโชคชัย  (Sky) มีสัญชาติอังกฤษโดยกำเนิด ในปัจจุบันอยู่ในความคุ้มครองของ ดร. ศิวะ รัตนพงศ์คิรี ในฐานะบิดาบุญธรรม และนายจอมยุทธ์ พัฒนประสาทศิลป์ ในฐานะผู้ให้การอุปการะ” อเล็กซ์อธิบายเพิ่มเติม

คำอธิบายของอเล็กซ์นั้นช่วยตอบข้อสงสัยให้กับผู้เข้าร่วมประชุมส่วนใหญ่ได้เป็นอย่างดีว่า เหตุใดหน่วยรบพิเศษจึงตบเท้าเข้าร่วมปฏิบัติการอย่างพร้อมเพรียงกันทุกนาย และเป็นการรวบรวมกำลังที่อยู่ทั่วทุกมุมโลกได้อย่างรวดเร็วภายในสิบแปดชั่วโมง รวมถึงเพียบพร้อมด้วยอาวุธจากฐานทัพในเมืองโอกินาวา.....เพราะหนูน้อยภูฟ้า...คือดวงใจของหัวหน้าหน่วยรบพิเศษและหัวหน้าชุดปฏิบัติการบราโว่นี่เอง......

“ดร.ศิวะกับคุณจอมยุทธ์ได้เข้าไปพัวพันกับกลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดโดยบังเอิญ และถูกปองร้ายหลายครั้งแต่ก็สามารถป้องกันตัวเองไว้ได้ จนกระทั่งกลุ่มพวกนั้นเปลี่ยนเป้าหมายมาลักพาตัวสกายไปเพื่อเรียกค่าไถ่ตัว เป็นจำนวนเงินเท่ากับมูลค่าของยาเสพติดที่ Lt. Col. นครินทร์อายัดไว้ได้......สกาย ถูกลักพาตัวไปพร้อมกับพี่เลี้ยงชื่อนางสาว ภาวดี รังสิวัทน์ เมื่อวานนี้ ในเวลา 15.00 โดยประมาณ” อเล็กซ์พยายามปูพื้นฐานความเข้าใจให้แก่เจ้าหน้าที่ทุกคน

“โชคดีที่ว่า....เครื่องมือส่งสัญญาณระบุพิกัดระยะไกล  “High sensitivity tracking & positioning device” ได้ถูกติดตั้งไว้กับสกายตั้งแต่ก่อนที่จะถูกลักพาตัว โดยเครื่องมือนี้จะสามารถระบุพิกัดทั้งขณะเคลื่อนไหวและขณะหยุดนิ่งของ สกายได้ด้วยการส่งทั้งคลื่นวิทยุย่านความถี่พิเศษและสัญญาณโทรศัพท์ขึ้นสู่ดาวเทียมสอดแนมของสำนักงานองค์การสหประชาชาติ นอกจากนั้นยังสามารถขโมยและคัดลอกสัญญาณโทรศัพท์และวิทยุของบุคคลในแวดล้อมในระยะไม่เกิน 100 เมตร แล้วจึงส่งเข้าดาวเทียมสื่อสารเพื่อแปลงสัญญาณและบันทึกลงคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมเครือข่ายอยู่  นั่นจึงเป็นวิธีการสำคัญที่นำมาซึ่งข้อมูลของผู้ที่เกี่ยวข้องกับผู้ลักพาตัวในประเทศไทย.....รายละเอียดต่างๆ ผมขออนุญาตให้ พันตำรวจโทหญิง (Lt. Col.) Maria K. Hertz หัวหน้าทีมเจ้าหน้าที่ด้านข่าวกรอง นำเสนอข้อมูลโดยละเอียดครับ” อเล็กซ์อธิบายนำร่องจนเสร็จสิ้น ก่อนจะมอบหมายให้มาเรียเป็นผู้รับช่วงต่อ

พันตำรวจโทหญิงมาเรีย เป็นนายตำรวจหญิงเชื้อสายบราซิล สังเกตได้ชัดเจนจากสีผิวน้ำตาลอ่อนและดวงตาสีฟ้าจัด ผมสีน้ำตาลเข้มถูกรวบไว้อย่างเรียบร้อยและคุมทับด้วยหมวกอย่างแน่นหนา....มาเรียเป็นหญิงสาวอายุประมาณเกือบสามสิบปี ที่มีรูปร่างแข็งแรงสมส่วน รวมถึงความสูงระดับมาตรฐานสาวอเมริกาใต้ และเครื่องหน้าที่งดงาม เป็นที่ต้องตาในหมู่ชายหนุ่มที่นิยมสาวฝรั่งทั้งหลาย

“ดิฉันคงแทบไม่มีรายละเอียดอะไรที่จะกล่าวแล้วค่ะ...เพราะอเล็กซ์กล่าวไปเสียเกือบหมดแล้ว....” มาเรียกล่าว
อย่างติดตลก ส่งผลให้การประชุมที่เริ่มต้นด้วยความเครียด ผ่อนคลายลงทันที...

ด้านอเล็กซ์ที่ถูกพาดพิงก็พยักหน้าและหลิ่วตาให้เล็กน้อย เพื่อฝากไว้เอาคืนในภายหลัง

“ยกเว้นแต่การสนทนาระหว่างผู้ทำการลักพาตัวสกายและผู้ที่เชื่อว่าเป็นคนบงการ.....ซึ่งได้ทำการคัดลอกมาให้ทุกท่านได้รับฟังในขณะนี้” มาเรียส่งสัญญาณให้ศักดิ์เปิดไฟล์และดึงข้อมูลดังกล่าวเข้าสู่โปรแกรมถ่ายทอดเสียงทันที

เสียงที่ได้ยินออกจากลำโพงเป็นเสียงของชายคนหนึ่งกำลังรายงานผลการปฏิบัติภารกิจให้ชายคนหนึ่งที่อยู่ปลายสายโทรศัพท์ให้รับฟัง การสนทนากระทำอย่างกระชับแต่ก็พอจะจับใจความได้เกี่ยวกับเส้นทางและเวลาการส่งตัวสกายไปถึงที่หมาย

การสนทนาทางโทรศัพท์กระทำอย่างเป็นระยะๆ กับหลายบุคคล ซึ่งทำให้ทราบว่าการลักพาตัวนี้กระทำอย่างเป็นระบบและมีการเตรียมการมาอย่างดี สังเกตได้จากการกำหนดจุดเปลี่ยนรถและเวลาที่แม่นยำ
 
“ข้อสังเกตที่ร้อยโทศักดิ์ให้ไว้หลังจากที่วิเคราะห์ข้อมูลที่คัดลอกมาได้ว่า บุคคลปลายสายของทั้งการสนทนาครั้งแรกและครั้งสุดท้ายหลังจากภารกิจเสร็จสิ้นคือคนเดียวกัน และมีสรรพนามเรียกขานว่า...พ่อเลี้ยง....ซึ่งน่าจะเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังภารกิจนี้....ครั้นเมื่อเทียบเสียงกับบุคคลลึกลับที่บันทึกได้ในช่วงที่โทรศัพท์เข้ามาหาคุณจอมยุทธ์เพื่อเรียกค่าไถ่ตัวของสกายนั้น ก็พบว่าเป็นบุคคลเดียวกัน เพียงแต่ใช้หมายเลขโทรศัพท์ต่างกันเท่านั้น”

“การระบุพิกัดของบุคคลเป้าหมายได้เริ่มต้นขึ้นทันที ภายหลังได้รับข้อมูลเบอร์โทรศัพท์ทั้งสองเลขหมาย โดยเชื่อมโยงข้อมูลกับระบบดาวเทียมสื่อสารขององค์การสื่อสารแห่งประเทศไทย จนในที่สุดเราก็พบว่า เป้าหมายอาศัยอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่”  มาเรียหยุดอธิบาย ก่อนจะให้สัญญาณแก่เจ้าหน้าที่ข่าวกรองคนหนึ่งดึงข้อมูลที่กำลังอ้างถึงเข้าสู่หน้าจอ....

ภาพแสดงให้เห็นแผนที่มุมมองด้านบนของจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีจุดสีแดงจุดหนึ่งกระพริบอยู่....และเมื่อเจ้าหน้าที่ซูมเข้าไปในจุดดังกล่าว พร้อมปรับกำลังขยายให้ชัดเจนขึ้นให้เป็นสามมิติ ก็พบว่าเป็นตำแหน่งของคฤหาสน์ที่คุ้นตาเป็นอย่างดีของพ่อเลี้ยงมงคล....หนึ่งในนักธุรกิจคนสำคัญของภาคเหนือ....ที่มีภาพพจน์ขาวสะอาดและรักสันโดษมาตลอดเวลาหลายสิบปี

นครินทร์รู้จักพ่อเลี้ยงมงคลเป็นอย่างดี เพราะพบเจอกันในงานบุญกุศลสำคัญของเชียงใหม่หลายครั้ง และทุกครั้งก็จะพบว่าพ่อเลี้ยงมงคลมักจะเป็นหนึ่งในผู้บริจาคคนสำคัญ

ข้อมูลทุกอย่างที่มาเรียและศักดิ์นำเสนอมานั้นตอกย้ำว่า พ่อเลี้ยงมงคลเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการค้ายาเสพติดและการลักพาตัวภูฟ้าโดยปราศจากข้อสงสัยใดๆทั้งสิ้น

“เจ้าของบ้านหลังนี้คือบุคคลในภาพนี้ค่ะ” มาเรียกล่าวจบก็ปรากฏรูปภาพพ่อเลี้ยงมงคลที่หน้าจอ

“ไม่ทราบว่าจะ overlay สัญญาณจากดาวเทียมสอดแนมทางธรณีวิทยาบริเวณบ้านหลังนี้ได้มั้ยครับ” ยุทธจักรถามขึ้นหลังจากที่การประชุมเงียบลงชั่วครู่

“ได้ค่ะ” มาเรียตอบพร้อมดึงข้อมูลมาซ้อนทับกันทันที

“จากข้อมูลบนหน้าจอ......แสดงว่าบริเวณบ้านหลังนี้มีห้องใต้ดินที่น่าจะเป็นที่เก็บสะสมอะไรซักอย่างหนึ่งด้วย” ยุทธจักรวิเคราะห์

“ถูกต้องแล้วค่ะ” มาเรียสนับสนุน

“คุณมาเรียใช้ thermo scan ได้มั้ยครับ...” ยุทธจักรขอร้องอีกครั้ง เพราะว่าการใช้ thermo scan จะสามารถตรวจจับแหล่งกำเนิดความร้อน โดยที่เมื่อปรับค่าต่างๆให้เหมาะสมก็สามารถใช้ระบุจำนวนสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ได้

“ปรับให้แล้วค่ะ.....และกำหนดให้แสดงทุกๆสามชั่วโมงนับจากเมื่อวานนี้ค่ะ”

ยุทธจักรพยายามนับจุดคร่าวๆ ที่แสดงจำนวนคนในบ้านหลังนั้น และสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงคร่าวๆ ตามเวลาที่แตกต่างกัน

“จำนวนคนในบ้านหลังนี้มีประมาณ 30-35 คนค่ะ” มาเรียสรุปให้นายตำรวจที่ไม่คุ้นเคยกับการอ่านข้อมูลดาวเทียมได้รับทราบ

“ไม่ทราบว่ามีคำถามอะไรอีกหรือไม่คะ” มาเรียกล่าวในตอนท้ายก่อนที่จะหมดหน้าที่ของตน

สายตาเกือบทุกคู่จับจ้องมาที่นครินทร์ เพื่อรอดูปฏิกิริยาว่าเขาจะมีคำถามเพิ่มเติมหรือไม่ หรือจะวางแผนการใช้ข้อมูลเหล่านี้เพื่อดำเนินการจับกุมพ่อเลี้ยงมงคลอย่างไร เพราะดูเหมือนทุกคนจะรับทราบเป็นนัยๆ มาตั้งแต่ต้นแล้วว่า นครินทร์จะเป็นคนรับผิดชอบการจับกุมในครั้งนี้ เพราะเป็นเจ้าของคดีนี้ตั้งแต่เริ่มแรก

“มีความเป็นไปได้มั้ยครับ....ที่จะดักฟังสัญญาณโทรศัพท์ของพ่อเลี้ยงมงคลอีกครั้ง และกระทำตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อที่จะได้ข้อมูลเพิ่มเติมของสายยาที่ยังคงมีอยู่ตามที่ต่างๆ ในประเทศไทย โดยเฉพาะหลังจากฐานที่มั่นของนายพลลู่เซอถูกทำลายลง ผมว่าพ่อเลี้ยงมงคลคงต้องทำการติดต่อสายยาอื่นๆ เพื่อแจ้งข่าว ในช่วงเวลานั้นเราน่าจะได้ข้อมูลอะไรเป็นรูปเป็นร่างมากกว่าการที่บุกจับพ่อเลี้ยงมงคลเพียงคนเดียวในตอนนี้”

นายตำรวจระดับสูงทุกคน เช่น ผู้บัญชาการกองกำลัง (ร่วมพิเศษ)ฯ รองผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด และเจ้าหน้าที่ตำรวจสากลประจำประเทศไทย รู้สึกชื่นชมความคิดที่ฉับไวของนครินทร์เป็นอย่างมาก ไม่รวมถึงความประทับใจในการสื่อสารภาษาอังกฤษที่ชัดเจนและเป็นทางการอย่างไม่มีที่ติ ซึ่งแทบไม่แตกต่างอะไรกับยุทธจักร และ ศิวะเลยทีเดียว

“ผมเข้าใจว่า มันอาจจะมีความเสี่ยงอยู่บ้างว่าพ่อเลี้ยงมงคลจะไหวตัวทันหรือหลบหนี แต่ผมก็ค่อนข้างมั่นใจว่าเราน่าจะได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาก่อน อีกประการหนึ่งทางฝ่ายโน้นคงไม่มีทางทราบได้เลยว่าเรากำลังเตรียมการอะไรอยู่.... ดังนั้นผมจึงคิดว่าน่าจะใช้สถานการณ์นี้ให้เป็นประโยชน์ นอกเหนือจากการส่งเจ้าหน้าที่คอยจับตาดูการเคลื่อนไหว และพร้อมที่จะนำกำลังเข้าจู่โจมและจับกุมทันที่ที่พ่อเลี้ยงมงคลแสดงทีท่าหลบหนีออกนอกประเทศครับ”

“จุดสำคัญอย่างหนึ่งคือ พ่อเลี้ยงมงคลมีเส้นสายอยู่มาก และการที่เขามีภาพพจน์ที่ดีมาตลอดสิบปีนั้น ทำให้ผมต้องมั่นใจว่า ข้อมูลที่ได้รับทุกอย่างต้องมัดตัวเขาให้ดิ้นไม่หลุด และต้องสามารถใช้ข้อมูลนั้น ขยายผลเพื่อการนำจับบุคคลที่สมรู้ร่วมคิดทั้งขบวนการในประเทศไทย” นครินทร์กล่าวอย่างหนักแน่น ทุกอย่างที่กล่าวออกมาอยู่บนพื้นฐานที่ว่า เขาต้องการที่จะถอนรากถอนโคนขบวนการนี้ให้หมด และเพื่อจะป้องกันไม่ให้ครอบครัวของเพื่อนรักอย่างศิวะ ต้องคอยระมัดระวังกับกลุ่มคนที่หวังจะแก้แค้นอีกด้วย

“ผมเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งครับ...Lt. Col. นครินทร์” อเล็กซ์เป็นคนแรกที่กล่าวสนับสนุนความคิดของนครินทร์

“ดิฉันได้รับมอบหมายจากหัวหน้าศิวะให้เข้ามาช่วยงานนี้จนกว่าจะเสร็จสิ้น ดังนั้นทุกอย่างที่ Lt. Col. นครินทร์ขอมา ดิฉันและเจ้าหน้าที่ทุกคนจะสนับสนุนอย่างเต็มความสามารถค่ะ” มาเรียกล่าวแทนเจ้าหน้าที่ที่เหลือ

“ผมขอสนับสนุนอย่างเต็มที่ หากคุณมีปัญหาอะไร โทรศัพท์ตรงเข้าหาผมได้ในทันที” ท่านรองผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดเปิดไฟเขียวอย่างเต็มที่ ซึ่งหมายถึงว่านครินทร์จะสามารถประสานงานได้ทุกระดับชั้นและต้องเป็นไปด้วยความรวดเร็ว และยังเป็นข้อคำสั่งโดยตรงให้กับผู้บังคับการฯ และ ผู้กำกับการฯ ซึ่งเป็นนายตำรวจระดับสูงให้อำนวยความสะดวกต่างๆ อย่างเต็มกำลังความสามารถ

ในตอนท้าย พลตำรวจเอกรุ่งโรจน์ก็เปิดช่องทางให้นครินทร์สามารถขอกำลังสนับสนุนจากชุดปฏิบัติการชุดที่สองที่แสตนด์บายไว้สำหรับคดีนี้ได้ทุกเวลา ในกรณีที่ขาดกำลังพล

ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นดูเหมือนว่าจะลงตัวเป็นอย่างดีทั้งเรื่องการสนับสนุนทั้งเรื่องการประสานงาน ข้อมูล เทคโนโลยีชั้นสูง และกำลังพล คงเหลือแต่แผนปฏิบัติการณ์โดยละเอียดที่นครินทร์จำเป็นต้องถ่ายทอดออกมาให้เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องทราบในไม่ช้า  
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 22-03-2007 09:49:14
“ในขณะที่รอแผนการดำเนินงานอย่างละเอียดจากพันตำรวจโทนครินทร์ ผมว่าเราควรจะคุยต่อในภารกิจที่สองเลยนะครับ” พลตำรวจเอกรุ่งโรจน์ เปลี่ยนวาระการประชุม เพื่อเข้าสู่เรื่องสุดท้ายในทันที

ไม่มีข้อขัดแย้งใดๆ จากทุกคนในห้องประชุม เนื่องจากทราบดีกว่า ขณะนี้เวลากระชั้นชิดขึ้นมาเต็มที่ กองกำลังรบพิเศษจะพร้อมเข้าสลายกลุ่มและชิงตัวประกันในอีก 12 ชั่วโมงข้างหน้า ดังนั้นทุกคนจึงต้องรีบประชุมกำหนดรายละเอียดให้เรียบร้อยโดยเร็วที่สุด เพื่อจะได้สามารถประสานงานกับศิวะได้ทันเวลา

อเล็กซ์เปิดโอกาสให้ นายพันตรี (Maj.) Michael V. Gallegos นายทหารหนุ่มลูกครึ่งเมกซิกัน-อเมริกัน สังกัดกองทัพบกสหรัฐอเมริกา ให้เริ่มชี้แจงแผนการปฏิบัติงานโดยรวม ที่ได้ตกลงกับศิวะมาก่อนหน้านี้แล้วบางส่วน

“สวัสดีครับ” เสียงคำทักทายเป็นภาษาไทยค่อนข้างชัดดังออกมาจากนายทหารหนุ่มรูปร่างดีสมส่วน ก่อนจะเปลี่ยนเป็นภาษาแม่ของตนตามมาทันที

“จากเครื่องระบุพิกัดที่ติดตั้งไว้บนตัวสกาย ทำให้เราทราบว่าในเวลานี้สกายอยู่ที่ใด......จากแผนที่ที่ปรากฏอยู่ จุดที่กำลังกระพริบอยู่สองจุดนั้น หนึ่งคือตำแหน่งของสกาย และอีกจุดหนึ่งคือตำแหน่งของพี่เลี้ยง ซึ่งได้รับการฝัง Microchip ติดตามการเคลื่อนไหวถาวรไว้บนร่างกายเช่นกัน” มิคาเอล อธิบายตามแผนที่ทางอากาศที่ปรากฏอยู่

“ตำแหน่งที่สกายถูกคุมขังอยู่นั้นคือพิกัด Latitude ที่ 180 35’ 57.11 (N) : Longitude ที่ 970 21’ 35.95 (E) หรือ 70 กิโลเมตร ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของอำเภอแม่สะเรียง ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ตำแหน่งดังกล่าวเป็นที่ตั้งของกองกำลังกระเหรี่ยงป้องกันตนเอง ภายใต้การนำของนายพลลู่เซอ ซึ่งถือเป็นค่ายขนาดใหญ่ตั้งอยู่ทางด้านฝั่งซ้ายของแม่น้ำสาละวิน บริเวณรอยต่อของรัฐคะยาและรัฐคะยิ่นของประเทศพม่า” มิคาเอลรายงานต่อ

ด้วยภูมิประเทศและข้อมูลจากแผนที่ทางอากาศที่ปรากฏอยู่บนจอภาพขนาดใหญ่ ทำให้ยุทธจักรทราบโดยไม่ช้าว่า สาเหตุสำคัญที่กองกำลังกระเหรี่ยงเลือกพื้นที่นี้เป็นที่ตั้งค่าย คือเรื่องความสะดวกในการเดินทาง เนื่องจากสามารถใช้เส้นทางล่องแม่น้ำสาละวิน ลงไปยังทะเลอันดามัน ซึ่งสามารถไปต่อได้หลายประเทศ หรือใช้เส้นทางแม่น้ำสาละวินล่องขึ้นไปทางทิศเหนือ ผ่านทางรัฐฉาน เข้าสู่เชียงตุง เรื่อยลงมาจนถึงบ้านท่าขี้เหล็ก ก่อนจะเข้าประเทศไทยตรงด่านแม่สายหรือไม่ก็เข้าบริเวณสามเหลี่ยมทองคำ ส่วนเส้นทางสุดท้ายที่สะดวกไม่แพ้กัน คือ เดินข้ามพรมประเทศเข้าสู่อำเภอแม่สะเรียง แล้วใช้พาหนะต่อไปยังจังหวัดอื่นๆของประเทศไทย

“ตามแผนเบื้องต้นของหัวหน้าศิวะ....การจู่โจมจะกระทำพร้อมกันสามจุดคือ ทางด้านทิศเหนือ ด้านทิศตะวันออก และทิศตะวันตกของค่าย เพื่อกดดันให้พวกที่เหลือถอยร่นลงทางใต้ตามละน้ำสาละวิน โดยบริเวณนั้นเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษจากประเทศไทยและเจ้าหน้าที่ด้านการปฏิบัติการสนับสนุนภารกิจ จะเตรียมยิงสกัด และ/หรือ จับกุมตัวไว้ เพื่อไม่ให้เข้ามาในอาณาเขตของประเทศไทยได้....สำหรับรายละเอียด ผู้การศิวะจะอธิบายให้ทราบอีกครั้งในเวลา 6 โมงเย็นวันนี้ ที่จังหวัดเชียงใหม่” มิคาเอลอธิบายอย่างรวบรัดจนเสร็จสิ้น

“ในเบื้องต้นนี้มีคำถามอะไรมั้ยครับ” มิคาเอลถาม

“ทางเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการสนับสนุนภารกิจจะใช้อาวุธประเภทไหนครับ” ยุทธจักรเป็นคนตั้งคำถาม เพื่อจะได้เตรียมการสนับสนุนได้อย่างถูกต้อง

“การปฏิบัติการในครั้งนี้ พวกเราใช้รหัสอาวุธระดับสอง...คืออาวุธปืนยาวอัตโนมัติ ระเบิดมือ และ shoulder-launched missile weapon” คำตอบของมิคาเอล ทำให้ที่ประชุมที่เงียบสนิทอยู่แล้วกับเงียบสนิทลงไปอีก เพราะคำตอบที่ได้ชี้ชัดลงไปว่าพวกเขาหมายจะทำลายทุกอย่างให้ราบเป็นหน้ากลอง 

“ผมหมดข้อสงสัยครับ..เพียงแต่มีข้อเสนอแนะว่า เราต้องประสานงานไปยังตำรวจตระเวนชายแดน ที่ประจำด่านแม่สะเรียงอย่างรวดเร็ว เพื่อให้อำนวยความสะดวกเปิดทางให้พวกเราเข้าพื้นที่ได้ และเราอาจจำเป็นต้องร้องขอกำลังสนับสนุน เพราะเจ้าหน้าที่เหล่านั้นชำนาญในพื้นที่มากกว่า” ยุทธจักรให้ข้อเสนอแนะ

“ผมจะรับผิดชอบประสานงานให้ก่อนเที่ยงนี้ครับ...และคาดว่าจะได้รับการยืนยันก่อนการแยกย้ายไปเตรียมตัว” พลตำรวจเอกรุ่งโรจน์รับอาสา

“สุดท้ายแล้วครับ... ผมจำเป็นต้องขอพบเจ้าหน้าที่ฝ่ายสื่อสาร เพื่อเตรียมอุปกรณ์และคลื่นความถี่เพื่อใช้ขณะปฏิบัติภารกิจครับ” มิคาเอลกล่าวทิ้งท้ายก่อนที่หน้าที่ของเขาจะสิ้นสุดลง

“ผมจะรับจัดการให้หลังการประชุมทันทีครับ” ยุทธจักรตอบตามข้อเรียกร้อง

ในที่สุดการประชุมที่ดูเหมือนจะยาวนานก็สิ้นสุดลง ทุกคนดูเหมือนจะจมกับความคิดของตนเองในชั่วขณะ แม้กระทั่งนายตำรวจระดับที่สูงกว่านครินทร์ รวมถึงเจ้าหน้าที่จากสำนักงานตำรวจสากลที่แม้ว่าจะไม่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติภารกิจภาคสนาม แต่ก็ต้องดูแลอำนวยความสะดวกต่างๆ ทั้งเรื่องการประสานงานและเอกสารต่างๆ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ต้องเอาใจใส่มากพอสมควร

ท้ายสุด.....อเล็กซ์ได้รับเกียรติให้เป็นผู้ปิดการประชุม....เขากล่าวอย่างสั้นๆ ว่า

“ขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกท่านที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี....ภารกิจที่จะกระทำร่วมกันต่อไปนี้ จำเป็นต้องปราศจากข้อผิดพลาดใดๆ เพื่อป้องกันไม่ให้คนเหล่านั้นผลิตยาบ้า...อาวุธสงคราม...และคุกคามชีวิตของผู้บริสุทธิ์อีกในอนาคต”

“ขอบคุณครับ” อเล็กซ์กล่าวปิดท้าย ก่อนที่เจ้าหน้าที่ทุกคนจะแยกย้ายกันไปปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายต่อไป
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: RoosT ที่ 22-03-2007 10:37:07
 :haun5: วันนี้มาแบบภูมิศาสตร์ศึกษารึคับพี่แอนเดีรย์ส ข้อมูลปึ๊กมากๆอ่า

ว่าแต่เทคโนโลยีที่พี่เขียนนี่ มันมีแล้วจิงๆในโลกปัจจุบันรึคับ  :myeye: ไม่เคยรู้มาก่อนเรยอ่า แหะๆ (โลกแค๊บแคบผม)

ปล. ยกทัพกันมาแบบนี้ น้องภูต้องปลอดภัยแน่ๆเรยยยยย  :myeye:

 :give2: น้องภูจะมีบทบาทสำคัญๆ ออกมาอีกมะน้าาาาาาา
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 22-03-2007 11:27:42

..........วิชาเรียนวันนี้คือ ยุทธวิธีทางทหาร.......... :laugh5: :laugh5:

...................ช่วยตาหนูภูออกมาหั้ยได้นะ.... :110011: :เชิป2:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 22-03-2007 15:29:03

ขอเม้นต์แบบไม่กลัวโดนตบเลยนะเคอะ

"เยิ่นเย้อ"

คำเดียวสั้นๆ คิดว่าคงเข้าใจนะ อิอิ  ถ้าไม่เข้าใจก็มานอนถามตัวต่อตัวได้นะเคอะ  จะรอไม่หนีไปไหนเลย  อิอิ 

ปล. สงสัยเหมือนรีบน  เก่งขนาดนั้นไหงปล่อยตัวให้รถชนตายได้ง่ายๆ  น้ำหนักเบามาก  ศาลไม่รับฟ้องเคอะ อิอิ

จ๋อมขา  ข้อมูลของเรื่องนี้ตีกันกับเรื่องก่อนมากเลย  ขัดกันยังไงชอบกลอะ!

ปลล. บางทีการให้ข้อมูลมากเกินไปจนเกินความจำเป็นก้กลับกลายเป็นการทำลายอรรถรสของเนื้องเรื่องไปได้มาก

ข้อมูลที่ควรนำมาใส่จึงควรแค่เสริมเนื้อเรื้องให้มันดูสมจริงเท่านั้นเอง  อิชั้นคิดว่าควรเป็นแบบนี้อะนะ
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 22-03-2007 18:53:26
ข้อมูลแน่นปึกเยยยย เจ๋งดี อิอิ

เราสงสัยอย่างนึงอะ คิดว่าพวกชนกลุ่มน้อยพวกนี้หรือพวกที่จับตัวไปนี่เค้าเป็นคนกลับกลอกรึปะ(  เค้าต้องการแค่เงินจริง ๆ หรือว่าอย่างอื่นด้วย  คือ เราคิดว่าถ้าเค้าไม่กลับกลอก  ถ้าเราให้เงินไปก่อน  เอาเด็กกับพี่เลี้ยงมาก่อน  แล้วไปถล่มทีหลังนี่มันเป็นไปได้ปะ หรือมันก็เสี่ยงอยู่ดี   เพราะว่าบุกไปแบบนี้กว่าจะถึงตัวประกัน เค้าไม่รู้ตัวไปแล้วเหรอ เด็กก็เสี่ยงอะดิ  อันนี้สงสัยแบบไม่รู้จริง ๆนะ คือ อ่านแล้วมันเกิดความคิดว่าต้องบุกขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย  ไม่มีวิธีอื่นแล้วเหรอ  ถ้าเป็นเด็กคนอื่นที่พ่อไม่เป็นนายทหารหน่วยรบพิเศษ  เด็กมันไม่ตายไปแล้วเหรอ  แล้ววิธีการปกติเค้าทำไงกัน อะไรประมาณนี้อะ  แหะ แหะ

รออ่านต่อน้า สู้สู้  :loveu:  :loveu:  :loveu:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 05-04-2007 10:53:45
กำลังเซ็ง :angry2: :angry2: :angry2: :angry2: :angry2: :angry2:

ทามมายกู้คืนมาวันนี้..... :serius2: :serius2:

ทามมายไม่กู้มาหลังจากที่ผมตอบกระทู้ยาวๆ ไปหา....... เซ็งจริงๆ

ผมไม่เคยเซฟเวลาผมเขียนตอบกระทู้เลย...... พอเวปล่ม....มันหายไปหมด.....เครียดๆๆๆๆ

เฮ้อ.......

นี่ต้องมานั่งโพสต์ใหม่.....ผมล่ะเหนื่อย.....เฮ้อ....

อืม....เอาก็เอาว๊ะ...เพื่อแฟนๆๆๆ

Andreas
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 05-04-2007 10:57:43
บทที่ 8 ตามล่า....ตามหาดวงใจ

ภาวดีคงนั่งกอดภูผาไว้ตลอดขณะอยู่บนรถที่กำลังเดินทางไปสู่จุดหมายสักแห่งหนึ่งที่เธอไม่อาจทราบได้....สองแขนที่โอบล้อมภูฟ้าไว้ คือสายใยเส้นสุดท้าย ที่จะช่วยผ่อนคลายความหวาดกลัวที่มีอยู่ในจิตใจอันขาวสะอาด..บริสุทธิ์...ของชีวิตน้อยๆที่เธอรักยิ่ง

ภูฟ้ารู้สึกตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัดในตอนแรกของการลักพาตัว.....จากความผิดปกติที่เกิดขึ้น....การที่ต้องมาอยู่ท่ามกลางคนแปลกหน้ากับคุณภาวดี....เส้นทางที่ผ่านมานับชั่วโมง ไม่ได้คุ้นตาหนูน้อยเลยซักนิด.....

เด็กน้อยเริ่มเสียขวัญ......น้ำตาของภูฟ้าไหลลงจากดวงตาคู่สวย....ดวงตาที่ถอดแบบมาจากบิดาที่จากไป.....

“คุณภา....เค้าจะพาภูไปไหนครับ.....ภูอยากกลับบ้าน.....ภูคิดถึงพ่อเสือ...ภูคิดถึงอาจอม” เด็กน้อยพูดทั้งน้ำตา...พลางซุกใบหน้าลงไปแนบอกภาวดี ภูฟ้าใช้มือเล็กๆ กอดผู้เป็นพี่เลี้ยงไว้เพื่อหากำลังใจ...และหลีกหนีจากความหวาดกลัวที่เกิดขึ้น

“คุณภูขา.....อย่าร้องไห้เลยนะคะ.... คนดีของภา.....พ่อเสือกับอาจอม....จะต้องมาช่วยคุณภูแน่นอนค่ะ.....ตอนนี้คุณภูต้องเข้มแข็ง....อย่าร้องไห้นะคะ.....” แม้จะกระซิบเป็นภาษาฝรั่งเศสช้าๆ บอกหนูน้อย...ผู้เป็นดวงใจของทุกคน...ว่าอย่าร้องไห้ แต่น้ำตาเจ้ากรรม มันไม่เชื่อฟังเจ้าของเลยซักนิด กลับเอ่อล้นออกมา...จนภาวดีต้องรีบเช็ดออก เพราะไม่ต้องการให้ภูฟ้า เห็นความอ่อนแอของเธอ ซึ่งอาจทำให้ความหวาดกลัวที่มีในใจของภูฟ้าเพิ่มขึ้นมาอีก

“ในเวลานี้....เราต้องเข้มแข็ง.....เราจะต้องปกป้องคุณหนูไว้....และรอ....รอจนกว่า....คุณเสือและคุณจอม...จะมารับกลับบ้าน” ภาวดีบอกตนเองในใจ พร้อมกระชับอ้อมแขน โอบกอดภูฟ้า....ดวงใจของเธอไว้ให้มั่นคง

ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนรถตามเส้นทาง...ภูฟ้าจะหวาดกลัว จนต้องร้องไห้ออกมาทุกครั้ง....แม้ว่าจะไม่กล้าส่งเสียงดังมากนัก เพราะภูฟ้าจำคำสั่งสอนของศิวะ...ผู้เป็นบิดาได้อย่างดี....ว่าต้องเข้มแข็ง...เป็นลูกผู้ชายอย่าร้องไห้ง่ายๆ

ภาวดีไม่ต้องการให้ภูฟ้าต้องเผชิญกับสภาพกดดันอย่างนี้อีกต่อไป รวมถึงเส้นทางที่รถกำลังมุ่งหน้าไปสู่จุดหมายนั้น ก็ไต่สูงขึ้นและมีความคดเคี้ยวตามลำดับ.....เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกะทันหันจนเกินไป จนเธอไม่สามารถหอบเอากระเป๋ายาที่เตรียมไว้ตลอดเวลาติดตัวมาด้วย มิเช่นนั้นเธอจะให้ภูฟ้ารับประทานยานอนหลับ เพื่อให้หลับไป ไม่ต้องรับทราบความโหดร้ายของการเดินทางขณะถูกลักพาตัว

แม้จะถูกควบคุมตัวโดยปราศจากอิสรภาพแต่ก็มิได้โชคร้ายเสียทีเดียว เพราะชายที่นั่งข้างคนขับหันกลับมาส่งภาษารัวตามสัญชาติของตน บอกข้อความบางอย่างแก่คนที่นั่งอยู่ด้านหลัง....

ภาษาถูกเปลี่ยนเป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษโดยคนที่นั่งอยู่เบาะด้านหน้าของเธอ เพื่อบอกให้คนที่เหลือได้รับทราบว่า อีกไม่กี่นาทีข้างหน้า รถหยุดจะจอดพักเพื่อซื้อเสบียงแล้วจึงเดินทางต่อ เนื่องจากเวลาผ่านมาจนเกือบทุ่มตรงแล้ว

ภาวดีเห็นช่องโอกาส จึงเริ่มการสนทนาเป็นครั้งแรกนับจากออกเดินทางจากเชียงใหม่.....การนิ่งเงียบสนิทของภาวดี เป็นไปตามการฝึกฝนพิเศษที่เธอเรียนรู้มาจากศิวะและจอมยุทธ์ แถมไม่นับรวมความรู้อื่นๆ ที่เธอและศักดิ์ได้รับมาจากการฝึกฝนร่วมกันในการฝึกภาคสนามต่างๆ ตามที่เจ้านายทั้งสองส่งเธอไป

“จำไว้นะคุณภา....ถ้าคุณตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน.....โดยเฉพาะเมื่อถูกกักขังหรือลักพาตัว...ขอให้สงบสติอารมณ์ให้ดี อย่าร้องโวยวายตีโพยตีพาย.....ให้นิ่งเงียบ และหาทางปรับสถานการณ์ต่างๆให้เป็นประโยชน์ต่อตัวคุณเอง......เมื่อคุณทำตัวเป็นนักโทษที่ดี.....และเมื่อใดก็ตามที่คุณร้องขออะไรซักอย่าง...คุณก็จะได้ในสิ่งที่คุณต้องการ....แต่ก็ต้องพิจารณาให้ดีว่า...การร้องขอนั้นสมเหตุสมผลหรือไม่” เสียงของศิวะดังก้องอยู่ในความทรงจำของภาวดี

เวลานี้ภาวดีเห็นว่า...เธอสมควรจะปริปากร้องขอในสิ่งที่สมเหตุสมผลทันที

“ดิชั้นอยากได้ยานอนหลับค่ะ.....ถ้าเราต้องเดินทางอีกไกล....ดิชั้นอยากให้คุณภูฟ้าหลับ...จะได้ไม่ส่งเสียงรบกวนพวกคุณ และเพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาสุขภาพตามมา ที่อาจจะเป็นอุปสรรคต่อพวกคุณได้” ภาวดีพูดช้า ด้วยน้ำเสียงและแววตาอ้อนวอนเต็มที่

ชายคนที่ฟังภาษาไทยออก รีบแปลความประสงค์ของภาวดีให้ชายที่นั่งอยู่ข้างคนขับ...ซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการในครั้งนี้ให้ทราบ รวมถึงแปลคำตอบให้ฟังในไม่ช้า หลังจากที่คำร้องได้รับอนุญาต

ภาวดียิ้มออกมาทันทีที่ทราบว่า ความประสงค์ของเธอบรรลุเป้าหมาย อีกไม่นานคุณหนูของเธอก็จะไม่ต้อง
รับทราบความกดดันในการเดินทางอีกต่อไป

ไม่นานนัก รถตู้ก็จอดลงบริเวณตลาดสดแห่งหนึ่ง ภาวดีพยายามอ่านป้ายบอกทางที่มีแสงไฟส่องอยู่ และรับรู้ว่าเธอและภูฟ้ากำลังอยู่ในเขตจังหวัดแม่ฮ่องสอน...และน่าจะกำลังมุ่งหน้าไปสู่จุดหมายแรกคืออำเภอแม่สะเรียง

ชายสามคนเดินลงจากรถเข้าไปจัดการซื้อของตามที่ต้องการ ส่วนที่เหลืออีกสองคน ก็เฝ้าควบคุมตัวภาวดีและภูฟ้าให้อยู่ในรถตลอดเวลา

ภาวดีได้รับข้าวห่อ น้ำเปล่า รวมถึงซองยานอนหลับ หลังจากรถเคลื่อนตัวออกจากตลาดสดแห่งนั้นได้ไม่นาน เธอพยายามอ่านและสำรวจซองยานอนหลับโดยละเอียด เพื่อตรวจสอบว่าเป็นยานอนหลับจริงหรือไม่ หลังจากนั้นจึงป้อนข้าวให้ภูฟ้าที่นั่งนิ่งเงียบอยู่ข้างๆให้รับประทานทีละคำเล็กๆ.....

มือที่บอบบางของภูฟ้ากำชายเสื้อของภาวดีอยู่ตลอดเวลา....เด็กน้อยยึดภาวดีไว้เป็นที่พึ่งสุดท้ายของตนในตอนนี้....

หลังรับประทานอาหารเย็นเสร็จเรียบร้อย ภาวดีจึงให้ภูฟ้ารับประทานยานอนหลับ เพื่อให้หลับไป เธอไม่ต้องการให้ภูฟ้ารับทราบถึงการเดินทางที่กดดันอีกต่อไป....แม้ว่าเธอจะต้องรับภาระในการอุ้มภูฟ้าไว้ตลอด หรืออาจจะต้องอุ้มภูฟ้าเดินเท้าไปสู่จุดหมาย...เธอก็จะกระทำโดยไม่ปริปากบ่นใดๆ ทั้งสิ้น....ขอเพียงอย่างเดียว....ขออย่าให้ความทรงจำอันเลวร้าย ต้องฝังลึกลงไปในหัวใจของคุณหนูของเธออีกเลย...เพียงแค่ความหวาดกลัวโรงพยาบาล ก็หลอกหลอนภูฟ้า...และสร้างความเสียใจให้กับทุกๆคนมาจนกระทั่งบัดนี้

ในที่สุดการเดินทางโดยรถตู้กว่าเจ็ดชั่วโมงก็สิ้นสุดลง... จุดหมายแรกที่ทุกคนกำลังยืนอยู่ คือ หมู่บ้านกระเหรี่ยงแห่งหนึ่ง ที่ตั้งอยู่ชายแดนจังหวัดแม่ฮ่องสอน ห่างจากแม่น้ำสาละวิน ประมาณสามกิโลเมตร

ภาวดีอุ้มภูฟ้าที่นอนหลับสนิท เดินตามชายฉกรรจ์สองคนไปอย่างเงียบๆ โดยอีกสามคนเดินตามระวังทางด้านหลัง....

แสงของดวงจันทร์เต็มดวงส่องสว่าง ทำให้การเดินเท้าผ่านภูเขาหัวโล้นเป็นไปด้วยความไม่ลำบากมากนัก  จนกระทั่งมาหยุดอยู่ที่ชายฝั่งแม่น้ำกว้าง...ซึ่งภาวดีคาดว่าจะเป็นแม่น้ำสาละวิน

เสียงผิวปากเป็นสัญญาณดังขึ้นจากหนึ่งในห้าชายฉกรรจ์ที่ควบคุมตัวภาวดีและภูฟ้ามา หลังจากนั้นไม่นาน ภาวดีจึงได้ยินเสียงเครื่องยนต์ของเรือดังแว่วเข้ามาใกล้เรื่อยๆ จนกระทั่งสามารถเห็นเป็นตัวเรืออย่างชัดเจน

การคมนาคมทางน้ำเริ่มต้นโดยทันทีที่เรือจอดเทียบฝั่ง......เรือลำนี้วิ่งทวนน้ำขึ้นไปทางทิศเหนือตามอัตราเร่งสูงสุด เพื่อให้ถึงที่หมายก่อนเที่ยงคืน

ภูฟ้ายังคงหลับสนิทจนกระทั่งถึงเป้าหมายคือหมู่บ้านทางฝั่งซ้ายของแม่น้ำสาละวิน ที่มีลักษณะเป็นค่ายทหารของกองกำลังกระเหรี่ยงป้องกันตนเอง

ภาวดีพยายามสังเกตและจดจำเส้นทาง ตลอดจนลักษณะการจัดวางกำลังพลคร่าวๆ ของสถานที่แห่งนี้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก่อนที่ตัวเธอและภูฟ้าจะถูกนำไปขังไว้ที่กระท่อมไม้แห่งหนึ่ง.....

ภาวดีหลับไปอย่างรวดเร็ว เพราะความอ่อนเพลียที่เกิดขึ้น....ปืนสั้นขนาดพกพาที่สอดไว้ในกระเป๋าหนังที่ต้นขา รวมถึงมีดเล่มยาวที่สอดไว้ในกระเป๋าชนิดเดียวกันที่สีข้างยังไม่ถูกใช้งานแต่อย่างใด..... เวลานี้เธอจำเป็นต้องพักผ่อน....เพื่อให้สมองปลอดโปร่ง รวมถึงมีกำลังเพียงพอที่จะรับกับสถานการณ์ต่างๆในวันพรุ่งนี้

ก่อนที่ดวงตาทั้งสองข้างจะหลับสนิท ภาวดีกระชับร่างน้อยๆ ของภูฟ้า...เข้าหาตนเอง.....กระซิบบอกอย่างแผ่วเบาด้วยรักและปรารถนาดีอย่างที่สุดว่า

“คุณภู.....อย่ากลัวนะคะ.....พ่อเสือและอาจอมของคุณภู....จะต้องมาช่วยคุณภูได้อย่างแน่นอนค่ะ.....แต่จนกว่าจะถึงเวลานั้น....ภาสัญญาว่าจะปกป้องคุณภู....ด้วยชีวิตของภาค่ะ.....หลับฝันดีนะคะ....คนดีของภา”

พรุ่งนี้จะเกิดอะไรบ้างภาวดีไม่อาจรู้....แต่อย่างหนึ่งที่เธอต้องกระทำคือ....ต้องประคับประคองดวงใจของภูฟ้า...ให้ไร้ซึ่งความหวาดกลัว....ให้ร่าเริงเพียงพอที่จะป้องกันไม่ให้เกิดความทรงจำที่เลวร้ายฝังลงไปในจิตใจที่ยังคงบอบบางและบริสุทธิ์.....และสุดท้ายให้มีความหวังอย่างเต็มเปี่ยมว่า...บุคคลอันเป็นที่รักยิ่งของภูฟ้า....จะมารับตัวออกไปจากสถานที่แห่งนี้อย่างปลอดภัย.....
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 05-04-2007 10:58:59
การประชุมกลุ่มย่อยภายใต้การนำของศิวะเป็นไปด้วยความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

ภาพถ่ายทางอากาศ...แผนที่ภาพสามมิติ...ข้อมูลทางด้านธรณีวิทยาอื่นๆ ถูกวิเคราะห์อย่างละเอียดถี่ถ้วน เพื่อกำหนดพิกัดในการปฏิบัติการของแต่ละทีมในพื้นที่

แผ่นจอภาพขนาดใหญ่ทุกอันในห้องประชุมถูกแสดงด้วยแผนที่แตกต่างกัน ทั้งนี้เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทุกคนได้มีเวลาเรียนรู้ถึงลักษณะของพื้นที่ของค่าย และสุดท้ายบันทึกข้อมูลเหล่านั้นลงในความทรงจำ เพื่อให้มีความคุ้นเคยกับสถานที่เวลาปฏิบัติงานจริง

นี่คือเทคนิคหนึ่งที่สำคัญภายใต้การนำของศิวะ ที่จะทำให้หน่วยรบพิเศษผู้ไม่ชำนาญพื้นที่ในตอนแรก สามารถสร้างความคุ้นเคยจนกระทั่งรับทราบรายละเอียดปลีกย่อยต่างๆในพื้นที่นั้นๆก่อนปฏิบัติภารกิจ

ข้อมูลจากการใช้ thermoscan โดยดาวเทียมสอดแนมภายในระยะเวลา 120 ชั่วโมงย้อนหลัง ทำให้ศิวะและคอมมานเดอร์ทั้งหลายทราบดีว่า ค่ายกองกำลังป้องกันตนเองนั้นมีการจัดเวรยามอย่างไร และมีรัศมีในการลาดตระเวนกว้างขนาดไหนเมื่อวัดจากใจกลางค่าย ข้อมูลนี้มีความสำคัญยิ่ง เพราะการบุกเข้าพื้นที่ของเจ้าหน้าที่จำเป็นต้องกระทำภายนอกรัศมีการลาดตระเวน รวมถึงสามารถชี้พิกัดของป้อมยามต่างๆ ได้ เพื่อสกัดกั้นการส่งข่าวที่อาจจะเกิดขึ้น

และข้อมูลสุดท้ายที่ศิวะ จอมยุทธ์ แม้กระทั่ง อเล็กซ์ เรียกร้องให้มีการวิเคราะห์อย่างเร่งด่วนโดยเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญการแพทย์ คือ ข้อมูลความร้อนในร่างกายและอัตราการเต้นของหัวใจของภูฟ้า ที่ส่งผ่านโดยใช้สัญญาณคลื่นวิทยุเข้าสู่ระบบดาวเทียมสื่อสาร..... โดยหัวหน้าทีมแพทย์รายงานข้อมูลย้อนหลังว่าความร้อนในร่างกายของภูฟ้าแปรผันตรงกับอัตราเต้นของหัวใจ โดยในตอนแรกนั้นภูฟ้าคงตกใจกลัว จึงทำให้หัวใจเต้นแรงผิดปกติ และผ่านไปหลายชั่วโมง จนกระทั่งอัตราหัวใจเต้นช้าลงหลังจากสามทุ่มของเมื่อวาน...ส่วนข้อมูลของวันนี้ระบุได้ชัดเจนว่า ความร้อนในร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงกะทันหัน แต่อัตราการเต้นของหัวใจคงที่ตลอดเวลา

ศิวะและจอมยุทธ์หลับตาลงอย่างช้าๆ ภายหลังฟังการวิเคราะห์ข้อมูลจากเจ้าหน้าที่.... .ถ้าเป็นไปได้....เวลานี้ทั้งคู่ต้องการไปอยู่ใกล้ภูฟ้า เพื่อตรวจสอบด้วยสายตาอย่างแน่ชัดว่า ภูฟ้ายังคงปกติ ไม่แสดงอาการป่วยหรืออาการผิดปกติต่อย่างใด.... หากว่าความจริงแล้ว ทั้งสองอยู่ไกลเหลือเกิน....ไกลเกินกว่าจะรับรู้ความเป็นจริง....ศิวะและจอมยุทธ์จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า....ภูฟ้าจะปลอดภัย...เช่นเดียวกับภาวดี

“รออีกหน่อยนะครับ....ภูฟ้าลูกพ่อ.....พ่อเสือจะไปรับลูกมาสู่อ้อมกอดของพ่อในไม่ช้า.....พ่อสัญญา....” ศิวะคิดในใจ

“ภูครับ.....อาจอมอยากให้ภูรู้ว่า....ไม่ว่าจะยากเย็นขนาดไหน....อาจอมของภูสัญญาว่า....จะนำดวงใจของอา....กลับมาบ้านของเราอย่างปลอดภัย.....รออีกหน่อยนะครับ.....ดวงใจของอา” จอมยุทธ์บอกตนเองคล้ายกับศิวะ

ทั้งคู่ถอนหายใจอย่างช้าๆ พร้อมๆ กัน ก่อนจะหันมาสบตากันเล็กน้อย เพื่อส่งผ่านกำลังใจให้กันและกัน.....

ศิวะและจอมยุทธ์ทราบดีว่าในเวลานี้.....หน้าที่ที่ต้องทำในตอนนี้ คือ เตรียมตัวให้พร้อม.. ทบทวนแผนการต่างๆให้ปราศจากจุดบกพร่อง....เปิดโอกาสให้เจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ซักถามหรือนำเสนอข้อเสนอแนะ  และสุดท้ายต้องแสดงให้เจ้าหน้าที่หน่วยรบพิเศษทุกคนรับทราบว่า พวกเขาทั้งสองจะปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา และตัดความสัมพันธ์ส่วนตัวกับเป้าหมาย เพื่อให้การตัดสินใจต่างๆไปไปด้วยความเป็นกลาง ไม่ถูกครอบงำโดยความรู้สึกแต่อย่างใด

ศิวะตรวจสอบความเรียบร้อยของหมายกำหนดการส่งอาวุธ วัตถุระเบิด และเครื่องอากาศยาน ตลอดจนสภาพร่างกาย ขวัญและกำลังใจของเจ้าหน้าที่หน่วยรบพิเศษทุกคน แม้ว่าบางคนจะเดินทางมาอย่างเร่งด่วนในระยะทางกว่าค่อนโลก เพราะอาสามาปฏิบัติภารกิจนี้ แต่ก็ยังมีสุขภาพที่แข็งแรงสมบูรณ์ดีและไม่ได้รับผลกระทบใดๆ ต่อการเปลี่ยนแปลงเวลาของร่างกายกะทันหัน เนื่องจากบางคนรับประทานยานอนหลับมาตลอดเที่ยวบิน จนกระทั่งมาเช้าที่กรุงเทพมหานคร

เจ้าหน้าที่บางส่วนที่ได้รับมอบหมายให้มาปฏิบัติภารกิจพร้อมอเล็กซ์นั้น ต่างทยอยมาประจำอยู่ในญี่ปุ่น สิงคโปร์ ฮ่องกง ใต้หวัน รวมถึงประเทศไทยด้วยตั้งแต่ต้นสัปดาห์ ดังนั้นจึงสามารถปรับตัวให้เข้าเวลาในเขตเอเชียได้เรียบร้อย

สำหรับภารกิจเร่งด่วนที่มีหมายเลขรหัสในการรวมพลระดับ 01 ซึ่งหมายความว่าใช้เวลาสูงสุดไม่เกินสิบแปดชั่วโมงนั้น เจ้าหน้าที่หน่วยรบพิเศษจะต้องเป็นฝ่ายเลือกว่าจะใช้เครื่องบินของกองทัพหรือใช้เครื่องบินพาณิชย์ในการเดินทาง โดยขึ้นอยู่กับปัจจัยเวลาที่เหลืออยู่

ในกรณีที่ใช้สายการบินพาณิชย์ เพียงแค่ยื่นพาสปอร์ตสีฟ้าสดให้กับเจ้าหน้าประสานงานฝ่ายการบินประจำท่าอากาศยานนานาชาติต่างๆ เจ้าหน้าที่หน่วยรบพิเศษทุกคนจะได้รับอนุญาตเป็นกรณีพิเศษให้โดยสารเครื่องบินเที่ยวต่อไปที่มีเส้นทางการบินตรงสู่จุดหมาย ในกรณีที่ใช้เครื่องบินของกองทัพ ซึงมักจะเกิดในช่วงกลางคืนที่เครื่องบินพาณิชย์งดบริการ โดยเจ้าหน้าที่หน่วยรบพิเศษ จำเป็นต้องอาศัยเครื่องบินเจ็ทของกองทัพของประเทศของตน ในการเดินทางไปสูจุดหมาย หรือไปสู่ท่าอากาศยานนานาชาติที่ใกล้เคียงที่สุด เพื่อให้ถึงภายในระยะเวลาที่กำหนด

ตลอดเวลาการเดินทาง เจ้าหน้าที่แต่ละคนต้องรับผิดชอบในการดูแลตนเอง เพื่อให้ปรับตัวให้เข้ากับเวลาประจำท้องถิ่นของเป้าหมาย รวมถึงติดต่อส่งข้อมูลการเดินทางรวมถึงเวลาที่คาดว่าจะถึงจุดหมาย เพื่อแจ้งผู้ประสานงานที่ประจำอยู่ในพื้นที่นั้นให้ทราบ

ศิวะใช้เวลาการประชุมไม่นานนัก เพียงแค่สองชั่วโมงก็เสร็จสิ้น เขาอนุญาตให้เจ้าหน้าที่ทุกคนเดินทางไปสู่จุดหมายคือจังหวัดเชียงใหม่ โดยเครื่องบินของกองทัพอากาศที่พลตำรวจเอกรุ่งโรจน์ ประสานงานนำมาให้ใช้ในภารกิจนี้ 

ศักดิ์ได้รับมอบหมายให้อำนวยความสะดวกเจ้าหน้าที่ทุกคนให้เข้าพักในโรงแรมของศิวะ รวมถึงเป็นธุระจัดหาสิ่งของที่จำเป็นต่างๆ จนกระทั่งถึงเวลาสรุปแผนปฏิบัติการในเวลา 18 นาฬิกาตรง

เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการที่หนึ่ง ในการควบคุมของยุทธจักร มีหมายกำหนดการเดินทางสู่จังหวัดเชียงใหม่ในตอนเย็น  เพราะจำเป็นต้องเตรียมการทั้งในเรื่องอาวุธยุทโธปกรณ์ การติดต่อประสานงานในเรื่องต่างๆ เช่นการสื่อสาร เอกสารสำคัญทางราชการ รวมถึงเตรียมความพร้อมของสถานพยาบาลในจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อรองรับการรักษาพยาบาลในกรณีฉุกเฉิน
 
ศิวะกับจอมยุทธ์แยกตัวออกมาเมื่อแผนกำหนดการเบื้องต้นบรรลุตามข้อตกลง ทั้งสองหนุ่มมุ่งหน้าไปสู่เรือนไทยริมน้ำกลางเมืองของท่านผู้หญิงประกายแก้ว ผู้เป็นบุคคลสำคัญที่ทั้งคู่ให้การเคารพมาตลอดเวลา และในเวลานี้คุณปู่ คุณย่าตามสายเลือดของภูฟ้า ก็กำลังรออยู่ด้วยความร้อนใจ

สองหนุ่มในชุดลำลองทั่วไป ก้าวเท้าลงจากรถเก๋งคันงามที่ท่านผู้หญิงประกายแก้วส่งไปรับ และเดินตรงเข้าสู่เรือนไทยหลังใหญ่ท่ามกลางสวนดอกไม้สวยรายล้อม

“มาแล้วหรือ...เสือ....จอม.... ยายกำลังคอยอยู่พอดี” ท่านผู้หญิงประกายแก้วเอ่ยทัก ทันทีที่เห็นศิวะและจอมยุทธ์ เดินพ้นช่องประตูห้องรับแขกเข้ามา

สองหนุ่มยกมือไว้ทำความเคารพท่านผู้หญิงประกายแก้ว ที่นั่งสง่าอยู่บนโซฟาสีขาช้างตัวเอกของชุดรับแขก ถัดไปด้านซ้ายมือ บนโซฟาตัวเล็กสีเดียวกันคือ คุณ ศิริพิมพ์ ภัทรโภคิน บุตรสาวของท่านผู้หญิงประกายแก้ว และมีศักดิ์เป็นมารดาของ ภูผา....บิดาที่แท้จริงของภูฟ้า

ส่วนโซฟาด้านขวามือ คือ นายแพทย์ ศิลป์กวี และ คุณพิมพิมล  ศรีสิริโชคชัย ผู้เป็นบิดาและมารดาของ ฟ้าลั่น .....อีกหนึ่งบิดาของภูฟ้า

“สวัสดีครับ....คุณยาย...คุณพ่อ คุณแม่” ศิวะและจอมยุทธ์กล่าวพร้อมกัน

“ตกลงเรื่องมันเป็นมาอย่างไรล่ะจ้ะ...เสือ...จอม...ยายอยากฟังรายละเอียดชัดๆอีกครั้ง” น้ำเสียงของคุณยายประกายแก้ว ยังคงแฝงไว้ด้วยความเมตตาไม่เปลี่ยนแปลง แม้ยามที่กำลังกังวลใจอยู่เช่นนี้

ศิวะรับหน้าที่อธิบายให้ทุกท่านฟังอีกครั้งอย่างละเอียด และในตอนท้ายสุดจึงกล่าวออกมาอย่างรับผิดว่า

“ผมพลาดเองครับ...คุณยาย......คุณพ่อ คุณแม่”

“ผมเองก็เช่นกันครับ” จอมยุทธ์กล่าวขึ้นมาบ้าง

“ขนาดที่ทำให้ Detachment Commander และ Bravo Team Leader ต้องพลาดท่าขนาดนี้ พวกนั้นคงมีฝีมือไม่ใช่น้อย” ยามที่ท่านผู้หญิงประกายแก้วเอ่ยถึงตำแหน่งของศิวะและจอมยุทธ์ ท่านก็ระบุได้ถูกต้องและน้ำเสียงตลอดจนสำเนียงที่ใช้ก็ฟังดูไพเราะ ไม่ทิ้งประสบการณ์การเป็นนักเรียนอังกฤษเมื่อสมัยยังสาว

“ครับคุณยาย.....พวกมันเป็นทหารจากกองกำลังกระเหรี่ยงป้องกันตนเอง ที่ได้รับการฝึกฝนในเรื่องอาวุธและยุทธวิธีมาอย่างดีครับ” จอมยุทธ์เป็นฝ่ายตอบ

“แล้วตกลงว่า เสือกับจอมจะบุกไปเอาตัวตาภูกลับคืนมาใช่มั้ย” นายแพทย์ศิลป์กวี ผู้เป็นปู่ของภูฟ้าเอ่ยถามขึ้นบ้าง

“ครับคุณพ่อ....เรารอไม่ได้ครับ...เพราะไม่ทราบว่ามันจะทำร้ายตาภูหรือไม่.....ตอนนี้เจ้าหน้าที่หน่วยรบพิเศษทุกนายเดินทางมาประจำการ และพร้อมสำหรับภารกิจที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้เช้าแล้วครับ....” ศิวะชี้แจง

“คริสทราบเรื่องนี้แล้วใช่มั้ยลูก....” คุณศิริพิมพ์ที่นั่งฟังอยู่นานเอ่ยขึ้นมาบ้าง เนื่องจากคริสก็จัดเป็นหนึ่งในครอบครัวนี้เหมือนกัน โดยเฉพาะหนุ่มต่างเชื้อชาติคนที่เอ่ยถึงนี้รักและเป็นห่วงภูฟ้ามาก...แม้จะไม่ได้อยู่ดูแลภูฟ้าด้วยตนเอง...แต่คริสก็หาโอกาสแวะมาเยี่ยมเยือนบ่อยๆ และทุกครั้งที่อยู่ด้วยกัน เขาก็ทะนุถนอมภูฟ้าราวกับไข่ในหินเลยทีเดียว

“ผมโทรบอกคริสเองครับ....คาดว่าอาจต้องขอความช่วยเหลือจากเขาด้วยครับ” จอมยุทธ์เป็นฝ่ายตอบ

“ตอนนี้ คริสกำลังบินตรงมาที่เชียงใหม่เลยครับ.....คงใช้เครื่องบินส่วนตัวของคุณตาครับ”ศิวะเสริม

“ต้องให้ยาย กับพ่อและแม่ ช่วยอะไรหรือเปล่าละเสือ...จอม” ท้ายเสียงคุณประกายแก้ว ยังคงเต็มไปด้วยความเอ็นดูเสมอ ยามที่เรียกชื่อจอมยุทธ์.....หลานชายคนเล็ก

“ตอนนี้คงยังไม่มีครับ...”ศิวะตอบสั้นๆ

“ยายว่า.....เสือกับจอมคงต้องเตรียมตัวอีกมาก....นี่ก็เกือบจะสามโมงเย็นแล้ว.....สำหรับยายคงไม่มีอะไรจะถามแล้ว...มีแต่จะขออวยพรให้ภารกิจประสบความสำเร็จ.... สามารถช่วยตาภูออกมาได้...และขอให้ปลอดภัยกันทุกคน” ท่านผู้หญิงประกายแก้วกล่าวเป็นนัยเพื่อยุติการสนทนา เพราะเห็นว่าศิวะกับจอมยุทธ์คงต้องรีบกลับไปเชียงใหม่....ภารกิจที่สำคัญกำลังรออยู่ข้างหน้า....ภารกิจที่จะนำหัวใจของครอบครัว....กลับมาอย่างปลอดภัย

“ขอบคุณครับคุณยาย” ศิวะและจอมยุทธ์ยกมือไหว้พร้อมกัน

“แม่กับพ่อ....เป็นกำลังใจให้เสือกับจอมเสมอนะลูก...แล้วก็อย่าโทษตัวเองเรื่องที่ตาภูถูกลักพาตัวไปเลย....แม่เชื่อว่าลูกแม่ทั้งสองคนทำดีที่สุดแล้ว....และทำดีมาตลอด.....แม่หวังเป็นอย่างยิ่งว่า....พ่อของตาภูทั้งสองคนคงคุ้มครองให้ตาภูปลอดภัย รอจนกว่าเสือกับจอมจะไปรับกลับมาบ้านเรานะลูก” คุณพิมพิมลกล่าวอวยพรแทนผู้เป็นสามี ที่นิ่งเงียบแต่ก็ถอดสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความรักและความหวังดี มาให้ทั้งสองหนุ่ม....ลูกชายคนใหม่ของครอบครัว

“เราเหลือกันอยู่แค่นี้นะลูก....แม่อวยพรให้ลูกทั้งสองประสบความสำเร็จ...และกลับมาบ้านเราได้อย่างปลอดภัยพร้อมตาภูนะจ๊ะ....”คุณศิริพิมพ์กล่าวปิดท้าย ด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย...เพราะเป็นห่วงทุกคน....สำหรับเธอแล้ว....ศิวะและจอมยุทธ์ก็เหมือนลูกชายที่แท้จริงของเธอ.....และภูฟ้าก็คือตัวแทนอันล้ำค่าของภูผา....บุตรชายที่จากไป

ศิวะและจอมยุทธ์ยกมือเคารพและรับพรจากผู้ใหญ่ทั้งหมด แล้วจึงกล่าวลา ขอตัวกลับไปยังเชียงใหม่ เพื่อเตรียมตัว..เตรียมใจ..ให้พร้อมกับภารกิจ....ตามล่า...หาดวงใจ....ที่จะเกิดขึ้นในอีกสิบสองชั่วโมงข้างหน้า

******************
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 05-04-2007 11:01:00

ศิวะและจอมยุทธ์เดินทางโดยเครื่องบินภายในประเทศกลับมายังเชียงใหม่ก่อนเวลาห้าโมงเย็นไม่นานนัก ทั้งสองหนุ่มรีบตรงเข้าบ้านหลังใหญ่ทันที เพราะทราบว่าคริสเดินทางมาถึงแล้วด้วยเครื่องบินโบอิ้งของครอบครัว และกำลังรอพบพวกเขาอยู่

ท่าทางภายนอกของคริสยังคงนิ่งสงบดูเยือกเย็น แต่ทว่าภายในใจกลับร้อนแรงอัดแน่นไปด้วยความกังวล ความโกรธ และความตั้งใจอันแรงกล้าที่จะนำเอาลูกชายของเขากลับมาให้ได้อย่างปลอดภัย....แม้เขาจะไม่ใช่บิดาตามระบบพันธุกรรม แต่เขาก็คิดว่าภูฟ้าคือลูกชายเสมอมา

“จะบุกเมื่อไหร่” คริสถามสั้นๆ เขายังนั่งกอดอกนิ่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก ขณะที่สองหนุ่มเพิ่งนั่งลงบนโซฟาตรงข้ามได้ไม่กี่นาที เรื่องที่ภูฟ้าถูกลักพาตัวไป นั้นเป็นจุดสนใจเกินกว่าที่จะต้องมานั่งเสียเวลาทักทายกันตามมารยาทเหมือนที่ผ่านๆ มา

“หกโมงเช้าพรุ่งนี้” ศิวะตอบสั้นๆ หันไปสบตาสีฟ้าเข้มของผู้ตั้งตำถาม....ผู้ที่เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเสมอมา

“ผมไปด้วย....ผมขอละ....ขอเป็นกรณีพิเศษได้มั้ย” น้ำเสียงและแววตาของคริสอ่อนลง ยามที่ต้องเอ่ยคำขอออกมา เขาไม่สามารถทำใจรอได้อีกต่อไป เพราะต้องการพบเห็นลูกชาย....ผู้เป็นเจ้าของครึ่งหนึ่งของดวงใจของเขาให้เร็วที่สุด

ศริสรับทราบมาตลอดเวลาว่าศิวะและจอมยุทธ์คือเจ้าหน้าที่หน่วยรบพิเศษขององค์การสหประชาชาติ เพราะในช่วงที่ยังอาศัยอยู่ในประเทศอังกฤษ ทุกครั้งที่สองหนุ่มจำเป็นต้องออกฝึกภาคสนาม หรือปฏิบัติงานด้วยกัน เขาต้องรับผิดชอบในการดูแลภูฟ้า ตลอดระยะเวลาในการปฏิบัติหน้าที่นั้นๆ รวมถึงให้ความช่วยเหลือเมื่อศิวะ หรือ จอมยุทธ์ต้องไปปฏิบัติงานแต่เพียงผู้เดียว

ชายหนุ่มต่างชาติเจ้าของเรือนผมสีดำสนิท ผู้มีดวงตาสีฟ้าสดใสคนนี้ รักและผูกพันกับภูฟ้าเป็นอย่างมาก นับตั้งแต่ก่อนภูฟ้าเกิดมาด้วยซ้ำ เพราะเขาคือหนึ่งในสองของคนสำคัญ....คนที่ท้าทายหัตถ์ของพระผู้เป็นเจ้า.....เพื่อสร้างชีวิตหนึ่ง ที่เป็นตัวแทนของความรักที่ยิ่งใหญ่ให้เกิดขึ้นโดยวิธีทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งแม้แต่พระผู้สร้างโลก ยังต้องยอมแพ้...ยอมให้ภูฟ้าถือกำเนิดมา....แต่ก็ดูเหมือนว่าท่านจะไม่ยอมแพ้ง่ายนัก เพราะได้นำเอาชีวิตบิดาทั้งสองคนของภูฟ้าไปเป็นข้อแลกเปลี่ยนด้วย

“ได้” ศิวะบอกคำอนุญาตสั้นๆ เพราะทราบดีว่าคริสรู้สึกอย่างไร และที่สำคัญความรู้ความสามารถของคริสน่าจะช่วยอุดช่องโหว่ของแผนปฏิบัติการนี้ได้

“ผมจะแต่งตั้งคุณให้เป็นเจ้าหน้าที่พิเศษด้านการแพทย์ เหมือนที่คุณเคยทำมาก่อนแล้วในภารกิจอื่นๆ....แต่งานนี้เสี่ยงมากนะคริส.....คุณต้องระมัดระวังตัวเองด้วย” ศิวะกล่าวเตือน

“ขอบคุณมากเสือ....ผมจะระวังตัวให้ดี และจะช่วยงานคุณเท่าที่ผมจะทำได้” คริสรับคำอย่างรวดเร็ว

“คริสนำคนมาด้วยหรือเปล่าครับ” จอมยุทธ์เป็นฝ่ายถามบ้าง

“เอามาด้วยประมาณ 20 คน พร้อมอาวุธครบมือ”

“ดีครับ...ผมเสนอให้มีการโยกย้ายกำลังครับพี่เสือ...ให้คนของคริสดูแลบ้านเราไว้ เลือกคนที่หน่วยก้านดีซักสี่ห้าคนให้เป็นกำลังเสริมคอยคุ้มกันครับ” จอมยุทธ์เสนอความคิดให้ศิวะได้รับทราบ

“อืม...ก็ดี.... คริส....เรามีประชุมกันตอนหกโมงเย็น เชิญนายกับคนที่นายเลือกไปด้วย....เดี๋ยวเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกไปพร้อมกันเลย คนของนายพักอยู่ที่ไหนละ” ประโยคหลังศิวะหันมาถาม

“พักอยู่โรงแรมนาย แต่ว่าอาวุธยังอยู่บนเครื่องบิน”

“อย่างนั้นติดต่อให้ไปพบกันทั้งหมดที่ห้องประชุมในตอนหกโมงเย็น เรื่องอาวุธไม่เป็นไร เดี๋ยวตามไปเอาทีหลังได้” ศิวะบอก

“เราจะไปสรุปยุทธวิธีการปฏิบัติการที่นั่น” หัวหน้าชุดปฏิบัติการกล่าวตบท้าย พร้อมกับลุกขึ้น เตรียมเดินขึ้นไปห้องพักส่วนตัวเพื่ออาบน้ำชำระร่างกายให้สมองปลอดโปร่ง เหมาะที่จะสรุปการประชุมเป็นครั้งสุดท้ายในอีกหนึ่งชั่วโมงข้างหน้า

*********

เจ้าหน้าที่ทุกคนเดินทยอยเข้าห้องประชุมที่เตรียมไว้ก่อนเวลาหกโมงตรง ทุกคนแต่งกายด้วยเสื้อผ้าชุดลำลองหลากสไตล์ ช่วยให้เกิดความกลมกลืนไปกลับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติคนอื่นๆ ที่พักอยู่ในโรงแรม

ชุดปฏิบัติการที่ 1 จำนวนยี่สิบนายพร้อมด้วยยุทธจักร เดินทางมาถึงโรงแรมตั้งแต่ประมาณห้าโมงเย็น โดยทำการเช็คอินเข้าห้องพัก รวมถึงอาบน้ำชำระร่างกายให้เรียบร้อยเพื่อรอการประชุมสรุปแผนที่จะเกิดขึ้น

สาเหตุสำคัญที่ทำให้การประชุมต้องเกิดขึ้นในโรงแรม เพราะศิวะเชื่อว่าทั้งเขาและจอมยุทธ์กำลังถูกจับตามองอยู่โดยสายของบุคคลที่อยู่เบื้องหลังการลักพาตัวภูฟ้า ทั้งคู่จึงหลีกเลี่ยงการเข้าไปในสถานที่ราชการอันเกี่ยวเนื่องกับวงการของตำรวจและทหาร ยกเว้นในการประชุมตอนกลางวันที่ทั้งคู่ต้องใช้วิธีปลอมตัวออกจากสนามบินและมุ่งตรงไปยังสำนักงานกองกำลัง(ร่วมพิเศษ)ฯ นอกจากนั้นภายในโรงแรมของศิวะก็กว้างขวางและสะดวกที่จะใช้จัดการประชุม รวมถึงสามารถกำหนดขอบเขตรักษาความปลอดภัยได้ง่าย รวมถึงการปรากฏตัวของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติกลุ่มใหญ่แบบกรุ๊ปทัวร์ก็ย่อมเป็นเรื่องธรรมดา ที่น้อยคนนักจะใส่ใจ

นครินทร์ถูกเชิญเข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ด้วย เพื่อรับทราบแผนการและกำหนดเวลาต่างๆ เพื่อนำข้อมูลไปประกอบการวางแผนจับกุมของเขาเอง

ก่อนเริ่มการประชุม ศิวะทำการแนะนำคริสและผู้ติดตามซึ่งมีประสบการณ์การต่อสู้โดยใช้อาวุธหลากหลายให้เจ้าหน้าที่ทุกคนได้รู้จัก รวมถึงประกาศการแต่งตั้งให้คริสเป็นเจ้าหน้าที่สนับสนุนทางการแพทย์พิเศษในภารกิจครั้งนี้

เจ้าหน้าที่หลายคนในกองกำลังรบพิเศษมีความคุ้นเคยกับคริสมาก่อนล่วงหน้าแล้วบ้างในฐานะผู้เชี่ยวชาญทางพันธุวิศวกรรมและการแพทย์ โดยในบางภารกิจ คริสจำเป็นต้องถูกร้องขอให้ช่วยในการสนับสนุนและวิเคราะห์ข้อมูลบางส่วนในอันเกี่ยวเนื่องกับกระบวนการนิติวิทยาศาสตร์ทางชีวโมเลกุล แต่ทั้งนี้นายแพทย์หนุ่มหน้าเข้มคนนี้ก็มิเคยปฏิบัติภารกิจในภาคสนามเลยซักครั้ง

“คริสคือ god father ของสกาย” ประโยคอธิบายสั้นๆ ที่ศิวะบอกมาในตอนท้าย ได้ลบล้างความสงสัยทั้งหมดแก่เจ้าหน้าที่ชาวต่างชาติทุกคน ยกเว้นแต่ยุทธจักร....เพราะเขายังไม่สามารถจับต้นชนปลายเรื่องราวของภูฟ้าได้ชัดเจนนัก คำถามหลายข้อผุดขึ้นมาภายในใจ โดยเฉพาะภายหลังรับทราบประวัติคร่าวๆ ของภูฟ้าในตอนประชุมเมื่อตอนเช้า....นั่นเป็นครั้งแรกที่ผู้เชี่ยวชาญข้อมูลอย่างเขาทราบว่า ภูฟ้าถือสัญชาติอังกฤษ และมีนามสกุลที่แปลกไปจากคนไทยปกติ....คือ ภัทรโภคิน ศรีสิริโชคชัย....นามสกุลของสองครอบครัว....เขาแน่ใจ

มีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ในนามสกุลของภูฟ้าแน่นอน แต่ว่าจะเกี่ยวโยงกับดวงตาแสนเศร้าของศิวะ และหัวใจที่ด้านชาของจอมยุทธ์หรือไม่....ยุทธจักรก็ไม่อาจทราบ...เพียงแต่หวังว่า สักวันเขาน่าจะได้รับคำตอบที่กระจ่างแจ้งกว่านี้

การประชุมเป็นไปด้วยความเรียบง่ายแต่ก็เป็นการเป็นงานเต็มที่ ผู้เข้าร่วมประชุมทุกคนดูผ่อนคลายไม่ตึงเครียดดั่งเช่นเมื่อเช้า

การเช็คกำลังอาวุธยุทโธปกรณ์เป็นไปด้วยความรอบคอบ โดยระบุอย่างชัดเจนบนหน้าจอรับภาพฉายผืนใหญ่ รวมถึงแยกย่อยออกเป็นหัวข้อต่างๆดังนี้

1) พาหนะโจมตีและโดยสารทางอากาศ ที่กำลังลำเลียงมาโดยเรือจากฐานปฏิบัติการทางทหารของประเทศสหรัฐอเมริกาที่ประเทศญี่ปุ่นและมลรัฐฮาวาย โดยมีกำหนดส่งมอบ ณ สนามบินกองทัพอากาศเชียงใหม่ (กองบิน 41) ในเวลาตีสามครึ่งประกอบไปด้วย
   AH-64 Apache Attack Helicopter จำนวน 1 ลำ
   OH-58 Kiowa Scout/Light Attack Helicopter จำนวน 1 ลำ
   UH-60 Black Hawk Transport Helicopter จำนวน 2 ลำ
   C-17 Globemaster III / Strategic Airlifter Boeing จำนวน 1 ลำ

2) อาวุธปืนและเครื่องยิงระเบิดระยะไกลพร้อมกระสุน ที่กำลังขนส่งมาพร้อมกับเครื่องบิน C-17 ที่บินตรงมาจากฐานทัพในมลรัฐฮาวาย โดยมีกำหนดส่งมอบในเวลาตีสามครึ่งเช่นกัน โดยแยกเป็นชนิดหลักๆได้แก่
   M16A2/M16A4 Rifle จำนวน 35 กระบอก
   M249 Squad Automatic Weapon จำนวน 30 กระบอก
   M240B Machine Gun จำนวน 10 กระบอก
   M203/M203A1 Grenade Launcher จำนวน 20 กระบอก
   M224 60 mm Mortar จำนวน 10 กระบอก
   M9 Pistol & Bayonet/Beretta 98 จำนวน 70 กระบอก

3) เครื่องแบบ Battle Dress พร้อมอุปกรณ์จำเป็นต่างๆ เช่น เสื้อเกราะกันกระสุน มีดพก แว่นส่องกลางคืน แว่นส่องระยะไกล วิทยุสื่อสาร อุปกรณ์การแพทย์แบบพกพา และอุปกรณ์จำเป็นอื่นๆ
   
รูปแบบการเข้าโจมตีทั้งทางบกและทางอากาศ รวมถึงพิกัดการต่อสู้ ถูกอธิบายอย่างชัดเจนโดยศิวะในฐานะ Detachment Commander แก่เจ้าหน้าทุกคนรวมถึงคริสและผู้ติดตามที่นั่งนิ่งตั้งใจฟัง โดยที่หากผู้เข้าร่วมประชุมคนใดมีข้อสงสัยหรือข้อซักถามก็สามารถยกมือขอคำชี้แจงรายละเอียดได้ตลอดเวลา

นี่เป็นครั้งแรกที่ยุทธจักรได้เห็นประสิทธิภาพทางความคิด ความฉับไว และความเป็นผู้นำของศิวะในการประชุมเพื่อปฏิบัติการทางการทหาร โดยศิวะนั้นสามารถกำหนดแผนการร่วมกับคอมแมนเดอร์คนอื่นๆได้อย่างชัดเจนและไร้ช่องโหว่ รวมถึงมีทักษะในการอธิบาย และมอบหมายงานให้แต่ละทีมได้ปฏิบัติได้อย่างรวดเร็วและกระจ่างชัด

แม้ว่าจอมยุทธ์จะไม่อยู่ในกลุ่มของคอมมานเดอร์ แต่การชี้ประเด็นจุดได้จุดเสียที่แม่นยำของเขา ก็ช่วยให้แผนการมีความสมบูรณ์แบบมากขึ้น

ทั้งนครินทร์ ยุทธจักรและเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยทุกคน....แม้มิได้พูดอะไรออกมา แต่ก็เห็นพร้องต้องกันว่า ศิวะและจอมยุทธ์สมควรที่จะได้รับตำแหน่งหัวหน้าชุดปฏิบัติการและหัวหน้าทีมบราโว่อย่างไร้ข้อกังขา และยินดีที่จะตบเท้าทำวันทยหัตถ์แสดงความเคารพให้ด้วยความเต็มใจ
ภายในเวลาหนึ่งชั่วโมงครึ่งของการประชุมที่ดูสบายๆนี้ ยุทธจักรตระหนักว่า เขาและลูกน้องต่างเข้าใจในบทบาทหน้าที่ของตนรวมถึงมีความมั่นใจเต็มร้อยที่จะประสานงานกับเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้าน Mission Alliance ในพิกัดของการปฏิบัติการอย่างราบรื่นไร้อุปสรรค

ก่อนเลิกประชุมในเวลาหนึ่งทุ่มตรง ศิวะกล่าวย้ำเวลานัดหมายในวันพรุ่งนี้อีกครั้ง และถือโอกาสกล่าวปิดประชุมอย่างสั้นๆ ว่า

“ขอบคุณทุกคนที่เข้าร่วมภารกิจในครั้งนี้ ผมเองมีเป้าหมายอยู่สองประการ คือ หนึ่ง ให้สามารถช่วยเหลือตัวประกันและสลายกองกำลังติดอาวุธนี้ให้หมดไป....สอง ให้การปฏิบัติการนี้ปราศจากการบาดเจ็บของพวกเราทุกคน.....ขอบคุณครับ” สิ้นเสียงของศิวะ....เจ้าหน้าที่ทุกคนก็พยักหน้ารับทราบด้วยความพร้อมเพียงกัน

ก่อนแยกย้ายกันไปพักผ่อน เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ได้ให้ยานอนหลับ โดยคำนวณตามน้ำหนักของเจ้าหน้าที่แต่ละคน ด้วยวิธีนี้จะช่วยให้เจ้าหน้าที่บางคนที่เพิ่งเดินทางมาถึงประเทศไทยสามารถปรับตัวให้เข้ากับเวลาท้องถิ่นได้รวดเร็วยิ่งขึ้น เพื่อความพร้อมสำหรับภารกิจ “Sky 001” จะเริ่มขึ้นในเวลาตีสามตรง

หลังจากนี้จะไม่มีการประชุมนอกรอบใดๆ เกิดขึ้นแล้ว ทุกคนรู้หน้าที่ว่าต้องพักผ่อนเป็นอันดับแรก จึงมุ่งหน้าขึ้นห้องพักโดยทันที

ศิวะและจอมยุทธ์เดินเข้ามาหานครินทร์ ยุทธจักร รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยทุกคน เพื่อกล่าวขอบคุณเป็นภาษาไทยสั้นๆ อีกครั้ง เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา ทั้งสองคนไม่ได้ใช้ภาษาไทยในการสื่อสารเลยซักครั้ง

หลังจากล่ำลากันเสร็จสิ้น ศิวะและจอมยุทธ์จึงแยกมาขึ้นรถส่วนตัวเดินทางกลับบ้านพร้อมกับคริสและศักดิ์ทันที

ในภารกิจครั้งนี้ ศักดิ์ในฐานะนายทหารติดตามของศิวะ ได้รับอนุญาตเป็นกรณีพิเศษให้เข้าร่วมสังเกตการณ์ในการปฏิบัติภารกิจ รวมถึงให้รับผิดชอบในการสื่อสารและการขนส่งทั้งกองกำลังเสริมและเสบียงรวมถึงสิ่งจำเป็นอื่นๆ

*******************
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 05-04-2007 11:03:16
เวลา 5.00 นาฬิกา

เครื่องบินขนส่งกำลังพล C-17 Globemaster III ซึ่งเป็นเครื่องบินประเภทโบอิ้งขนาดกลางได้ทำการบินอยู่ในระดับความสูง 30000 ฟุต เหนือน่านฟ้า ในตำแหน่งพิกัด 10 กิโลเมตร ทางทิศเหนือของฐานกองกำลังป้องกันตนเองของนายพลลู่เซอ

เจ้าหน้าที่ชุดจู่โจมภาคพื้นดินจำนวนทั้งสิ้น 43 นาย อยู่ในชุดเครื่องแต่งกายแบบ Battle Dress เต็มยศพร้อมด้วยชุดเกราะ หน้ากากออกซิเจนและอาวุธครบมือ กำลังเตรียมพร้อมที่จะกระโดดร่มแบบที่เรียกว่า High Altitude Low Opening ซึ่งเป็นการกระโดดร่มในระดับความสูงเหนือสามหมื่นฟุต เพื่อป้องกันมิให้ข้าศึกรู้ตัวจากเสียงเครื่องบิน โดยพลร่มทั้งหมดจะทำการกระตุกร่มให้กางออกเมื่อระยะเวลาผ่านไปพอสมควร ในระดับความสูงพอประมาณที่จะใช้บังคับให้ร่อนลงในตำแหน่งจุดพิกัดการตั้งฐานกำลัง เจ้าหน้าที่ทุกคนจะมีเครื่องมือกำหนดทิศทาง/ความสูง และมักทำการกระโดดร่วมกันเป็นกลุ่มเพื่อให้สะดวกต่อการรวมกันภายหลังร่อนลงสู่พื้นดิน

ศิวะได้กำหนดการเดินทางของเจ้าหน้าที่ไว้สองชุด โดยชุดแรกนั้นจะรับผิดชอบการจู่โจมภาคพื้นดิน ซึ่งประกอบด้วย 3 ทีม ดังนี้คือ....

   1) Operational Detachment Commander Team นำโดยพันตำรวจโท (Lt. Col.) Alex Fernando Song, ในฐานะหัวหน้าชุดปฏิบัติการ มีกำลังพลทั้งสิ้น 10 นาย รับผิดชอบการประสานงาน.....สั่งการโจมตี/เคลื่อนย้ายกำลัง โดยทำการตึงกำลังอยู่ด้านทิศตะวันออกของค่าย

   2) Operational Detachment Alpha Team นำโดยพันโท (Lt. Col.) Samuel L. Foster มีกำลังพลทั้งสิ้น 12 นาย รับผิดชอบการตรึงพื้นที่ทางด้านทิศตะวันตก

   3) Operational Detachment Bravo Team นำโดย Executive Officer จอมยุทธ์ พัฒนประสาทศิลป์ มีกำลังพลทั้งสิ้น 21 นาย รับผิดชอบการโจมตีและบุกยึดพื้นที่ด้านทิศเหนือ ซึ่งเป็นคลังอาวุธหนักของค่าย

ส่วนชุดกำลังที่สองจะเดินทางเข้าประจำตำแหน่งหลังจากทีมภาคพื้นดินได้ทำการตรึงพื้นที่เรียบร้อยแล้ว เนื่องจากว่าการเดินทางของเจ้าหน้าที่ชุดที่สองนั้นจะเป็นการเดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ ซึ่งมีเพดานบินต่ำ เป็นที่สังเกตได้ง่ายสำหรับคนที่อาศัยอยู่บนพื้นดิน ดังนั้นเพื่อป้องกันมิให้ฝ่ายตรงข้ามรู้ตัวและตอบโต้ การตรึงกำลังภาคพื้นดินจึงต้องเร่งกระทำก่อนเพื่ออำนวยความสะดวกให้การเคลื่อนที่ทางอากาศเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ก่อนที่การจู่โจมทางอากาศจะเริ่มต้นขึ้น

โดยชุดกำลังที่สองจะประกอบไปด้วย 3 ทีมดังนี้คือ

   1)  Operational Detachment Airborne Team นำโดย พันเอก (Col.) Kim Dong Wan มีกำลังพลทั้งสิ้น 8 นาย จะจับคู่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนเฮลิคอปเตอร์แบบโจมตีทางอากาศ ทั้งสิ้น 2 ลำ โดยลำที่หนึ่งจะนำกำลังจู่โจมเร็วทางอากาศเข้าชิงตัวประกัน ลำที่เหลือรับผิดชอบการคุ้มกัน เจ้าหน้าที่อีกสี่นายจะรับผิดชอบขับเฮลิคอปเตอร์ขนส่ง Black Hawk เพื่อนำทีมปฏิบัติการผสมเข้าประจำตำแหน่งเป้าหมาย

   2)  Operational Detachment Hostage Rescue Team นำโดย Executive Officer ดร. ศิวะ รัตนพงศ์คิรี มีกำลังพลทั้งสิ้น 6 นาย รับผิดชอบการจู่โจมและช่วยเหลือตัวประกัน โดยใช้เทคนิคการโรยตัวทางอากาศเข้าปฏิบัติการ

   3) Operational Detachment Mission Important Allies Team ซึ่งเป็นทีมผสมระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 1 และเจ้าหน้าที่หน่วยรบพิเศษ นำโดยนายพันตำรวจตรียุทธจักร ประภาภูวดล และ นายพันตรี (Maj.) Michael V. Gallegos มีกำลังพลทั้งสิ้น 28 นาย เข้าประจำพื้นที่ฝั่งซ้ายและขวาของแม่น้ำสาละวินโดยเฮลิบคอปเตอร์ขนส่ง เพื่อกดดัน ป้องกัน และจับกุมตัว ผู้หลบหนีผ่านการจราจรทางน้ำเข้าสู่ชายแดนประเทศไทย โดยชุดกำลังนี้ได้รวมเอาคริสและผู้ติดตามทั้งห้าคนเข้าไว้ด้วย

โดยปกติแล้วด้วยตำแหน่ง Detachment Commander ศิวะจำเป็นต้องอยู่ในทีม Operational Detachment Commander แต่ว่าการปฏิบัติการในครั้งนี้ส่วนหนึ่งถือเป็นความรับผิดชอบโดยตรงของอเล็กซ์ ดังนั้นศิวะจึงเห็นว่าอเล็กซ์สมควรที่จะรับหน้าที่ในการควบคุมการปฏิบัติการ ส่วนเขารับผิดชอบเพียงแค่การนำกำลังเคลื่อนที่เร็วทางอากาศ เข้าประชิดตำแหน่งที่คุมขังของภูฟ้า และทำการช่วยเหลือให้ออกมาสู่บริเวณที่ปลอดภัย

เจ้าหน้าที่หน่วยรบพิเศษทุกคนได้รับการฝึกฝนมาอย่างเข้มข้นในระยะเวลาที่ยาวนาน ดังนั้นไม่ว่าใครจะขึ้นเป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการหรือหัวหน้าทีม ก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด เพราะทุกคนมีความสามารถใกล้เคียงกัน และมีความไว้วางใจซึ่งกันและกัน รวมถึงช่วยเหลือกันอย่างเต็มที่เพื่อให้งานดำเนินไปอย่างสำเร็จตามเป้าหมาย

*********

แสงอาทิตย์ฉาบขอบฟ้าในตอนเช้าตรู่เวลา 6.00 นาฬิกาตรง ช่วยให้ทีมจู่โจมภาคพื้นดินจำนวน 40 นายวางกำลังล้อมค่ายไว้ได้และเริ่มต้นจัดการกับหน่วยลาดตระเวน หลังจากนั้นจึงติดต่อผ่านสัญญาณคลื่นวิทยุความถี่พิเศษเรียกชุดปฏิบัติการที่สองเคลื่อนกำลังจากสถานีตำรวจตะเวนชายแดนประจำด่านแม่สะเรียง ให้เข้าประจำตำแหน่งทันที

เสียงเฮลิคอปเตอร์ติดอาวุธไม่ทราบฝ่ายสองลำดังขึ้นเหนือท้องฟ้าด้านทิศตะวันออก สร้างความประหลาดใจให้กับทหารกระเหรี่ยงผู้อยู่เวรประจำหอคอยทางอากาศภายในค่ายไม่น้อย เพราะสังเกตได้ว่าเฮลิคอปเตอร์สองลำนั้นกำลังมุ่งตรงมายังใจกลางของค่ายอย่างรวดเร็ว

ก่อนที่จะตัดสินใจส่งสัญญาณเตือนและยิงสกัด ยามทั้งสองคนก็ถูกปลิดชีวิตโดยกระสุนปืนเก็บเสียงของเจ้าหน้าที่หน่วยรบพิเศษฯประจำภาคพื้นดิน หลังจากนั้นการโจมตีพร้อมกันทั้งสามทิศทางรอบค่ายก็เปิดฉากขึ้นในทันที พร้อมๆกับการเปิดทางให้ชุดปฏิบัติการชิงตัวประกันลงสู่พื้นที่เป้าหมาย

เสียงอากาศยานสองลำดังกล่าวปลุกให้ทหารที่เหลือให้ตื่นตัวจากอาการง่วงนอน และรับทราบถึงการบุกรุกของกองกำลังติดอาวุธไม่ทราบฝ่ายและจำนวนแบบกระชั้นชิดชนิดตั้งตัวไม่ติด

ความสับสนอลหม่านเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเพราะการโจมตีที่เกิดขึ้นพร้อมๆกันหลายด้าน จนทำให้ทหารกระเหรี่ยงไม่มีเวลาสนใจตัวประกันอย่างภูฟ้าและภาวดี หากแต่คิดถึงการป้องกันตนเองและรักษาค่ายไว้อย่างเต็มที่

ศิวะพร้อมด้วยกำลังพลอีกห้านายโรยตัวลงสู่พื้นดินจากเฮลิคอปเตอร์จู่โจม พวกเขาใช้จังหวะชุลมุนวิ่งเข้าประชิดกระท่อมที่ภูฟ้าและภาวดีถูกคุมขังอยู่ ปืนกลแบบ M249 Squad Automatic Weapon ในมือถูกรัวขึ้นเพื่อเปิดทางและคุ้มกันขณะเข้าวางกำลัง ในขณะที่เฮลิคอปเตอร์อีกลำก็ช่วยยิงสกัดเพื่อกดดันให้ทหารกระเหรี่ยงที่ระเบิดกระสุนอยู่รอบๆถอยห่างออกไปจากรัศมีของกระท่อมดังกล่าว 

ด้วยแผนที่ผ่านการวิเคราะห์มาอย่างดี ทำให้หน่วยรบพิเศษเป็นฝ่ายได้เปรียบเพราะ ในเวลานี้ทหารกระเหรี่ยงยังคงวุ่นวายต่อการตอบโต้เจ้าหน้าที่ภาคพื้นดิน จึงไม่มีเวลาใส่ใจต่อการนำเอาปืนต่อสู้อากาศยานมาใช้ ซึ่งทำให้การตรึงกำลังทางอากาศเกิดขึ้นอย่างง่ายดาย

เสียงเอะอะโวยวายของภาษาท้องถิ่นรวมกับเสียงเฮลิคอปเตอร์และเสียงปืนที่ดังขึ้น ทำให้ภาวดีสะดุ้งตื่นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เธอคว้าตัวของภูฟ้ารวมกับผ้าห่มที่คลุมตัวอยู่ กลิ้งลงสู่พื้นพื้นดินใต้แคร่ไม่ไผ่ทันที และทำการแนบตัวให้ติดพื้นดินมากที่สุด พลางกล่าวปลอบภูฟ้าที่มีอาการตกใจกลัวเพราะเสียงดังกล่าว....

ในวีนาทีนี้เธอมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมว่าศิวะและจอมยุทธ์ต้องกำลังบุกมาช่วยภูฟ้าและตัวเธอออกจากค่ายนี้อย่างแน่นอน

ภาวดีทราบดีว่าหน่วยช่วยเหลือตัวประกันนั้นมีเครื่องมือระบุตำแหน่งของตัวเธอและภูฟ้า และพอทราบว่าในสถานการณ์เช่นนี้ การเข้าประชิดในแนวราบอาจกระทำด้วยความยากลำบาก เพราะตำแหน่งที่เธออยู่นั้นอยู่ใจกลางค่าย แวดล้อมไปด้วยอาคารก่อสร้างด้วยไม้ของหน่วยรบกระเหรี่ยงทั้งหลาย  วิธีเดียวที่จะเข้ามาในบริเวณนี้ได้ต้องใช้เส้นทางทางอากาศเท่านั้น นั้นจึงเป็นสาเหตุให้เธอได้ยินเสียงเฮลิคอปเตอร์นั่นเอง

ในตอนนี้เธอจึงได้แต่ภาวนาว่าขอให้หน่วยช่วยเหลือมาถึงก่อนที่พวกทหารกะเหรี่ยงจะเคลื่อนย้ายตัวภูฟ้าหลบหนีออกไปได้  
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 05-04-2007 11:04:48
ขณะเดียวกันทีมบราโว่ของจอมยุทธ์ก็เข้าชิงพื้นที่ส่วนเหนือของค่ายโดยแปรรูปขบวนแบบหัวลูกศรเพื่อเข้ายึดพื้นที่ส่วนที่เป็นคลังอาวุธให้เร็วที่สุด วิธีดังกล่าวสามารถกดดันให้ทหารกระเหรี่ยงจำเป็นต้องถอยเข้าพื้นที่ทางด้านทิศตะวันตก ทิศตะวันออก ที่มีการวางกำลังของทีมแอลฟ่าและทีมปฏิบัติการควบคุมฯ คอยกระหนาบอยู่ จึงทำให้ตกเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำอย่างเห็นได้ชัด

แม้ว่าสมุนของนายพลลู่เซอจะพยายามยิงสกัดไม่ให้ทีมบราโว่เข้าครอบครองพื้นที่ได้อย่างสะดวก แต่ทว่าก็ไม่สามารถกระทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากนัก เพราะขาดแคลนกำลังอาวุธ เนื่องจากสูญเสียพื้นที่ด้านเหนือของค่ายซึ่งเป็นอาคารเก็บอาวุธหนักเช่น ระเบิด ปืนกลอัตโนมัติ และเครื่องยิงระเบิดอาร์พีจีเสียส่วนใหญ่ 

ประตูกระท่อมถูกพังออก ปรากฏให้เห็นร่างของบุคคลคุ้นตา แม้ว่าใบหน้าของชายหนุ่มดังกล่าวจะเปื้อนไปด้วยสีดำอำพราง แต่แววตาคู่นั้นก็บ่งบอกความเป็นตัวตนของชายหนุ่มที่ชื่อศิวะได้เป็นอย่างดี

หลังจากแน่ใจแล้วว่าเป็นศิวะ ภาวดีจึงค่อยๆ คลานออกมาจากใต้แคร่ ในขณะที่ภูฟ้ายังถูกสั่งให้หลับตาและนอนราบกับพื้นโดยมีผ้าห่มผืนหนาคลุมตัวไว้  เธอทำปฏิบัติตัวตามรหัสสัญญาณที่ได้รับอย่างรวดเร็ว

สัญชาติญาณพร้อมรบตื่นตัวขึ้นมาทันที เพราะเวลานี้เธอได้รับชุดเกราะอ่อนและปืนสั้นอัตโนมัติขนาดเหมาะมือสองกระบอกที่เจ้าหน้าที่ในชุดปฏิบัติการที่ตามเข้ามาเตรียมไว้ให้ 

ศิวะเข้าประชิดตัวภูฟ้า พร้อมด้วยประโยคคำสั่งเป็นภาษาฝรั่งเศสที่เด็กน้อยเรียนรู้มาตั้งแต่เด็ก แม้ว่าภูฟ้าจะดีใจและรับทราบว่าบิดากำลังอยู่ตรงหน้า แต่คำสั่งต้องเป็นคำสั่ง....ภูฟ้าเรียนรู้กฎข้อนี้มาตั้งแต่จำความได้

“ภู.....อย่าส่งเสียงนะลูก...หลับตา....กอดพ่อเสือให้แน่น...พ่อเสือจะพาลูกออกจากที่นี่.....กลับบ้านกันนะครับ”

สองมือที่แข็งแรงของศิวะได้สัมผัสกับร่างของภูฟ้า...ลูกชายที่รักสุดดวงใจเรียบร้อยแล้ว หลังจากที่ต้องห่างจากกันมาสองวันเต็มๆ

“ครับ..พ่อเสือ...” ภูฟ้ากระซิบบอกศิวะเบาๆ

“สกายอยู่ในความคุ้มครองของทีมช่วยเหลือตัวประกันเรียบร้อยแล้ว....ย้ำ...สกายอยู่ในความคุ้มครองของทีมช่วยเหลือตัวประกันเรียบร้อยแล้ว” ศิวะรายงานให้แก่ Detachment Commander Team ได้รับทราบผ่านเครื่องมือสื่อสารประจำตัว ขณะที่อุ้มภูฟ้าไว้และวิ่งออกมาจากกระท่อมดังกล่าวเพื่อเข้าที่กำบังโดยมีภาวดีและเจ้าหน้าที่ที่เหลือให้ความคุ้มกันอย่างแน่นหนา

แม้ว่าทหารกระเหรี่ยงดูเหมือนจะเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำในตอนแรก เพราะการจู่โจมที่รวดเร็วของหน่วยรบพิเศษฯ แต่ทว่าหลังเวลาผ่านไปไม่นาน ก็สามารถปรับแผนการรบเพื่อต่อสู้กับผู้บุกรุกอย่างพอสูสี เพราะเชี่ยวชาญในพื้นที่ประกอบกับได้รับการฝึกฝนอย่างหนัก ขาดเพียงแต่อาวุธหนักบางประเภทที่ทีมบราโว่กำลังควบคุมและทำลายอยู่

โชคไม่ได้เลวร้ายมากนักสำหรับกองทหารของนายพลลู่เซอ เพราะอาวุธหนักบางประเภทเช่นปืนกล และเครื่องยิงจรวดแบบอาร์พีจี ที่สำรองไว้บริเวณใจกลางของค่าย ถูกลำเลียงออกมาใช้ในกรณีฉุกเฉินเช่นนี้  ถึงแม้ว่าจะมีจำนวนไม่มากนัก แต่ก็สามารถกดดันการเคลื่อนตัวของเจ้าหน้าที่หน่วยรบพิเศษได้พอสมควร รวมถึงทำให้การปฏิบัติการทางอากาศของเฮลิคอปเตอร์ทั้งสองลำจำเป็นต้องถอนกำลังออก เนื่องจากจะตกเป็นเป้าของเครื่องยิงกระสุนหนักดังกล่าว

“อเล็กซ์.... ขอช่องทางออกนอกพื้นที่ด้วย” ศิวะร้องขอคำแนะนำ เพราะตอนนี้รอบตัวของพวกเขาทั้งแปดคน กำลังถูกห้อมล้อมไปด้วยทหารกระเหรี่ยงนับสิบคน กระสุนปืนถูกยิงกระหน่ำมาอย่างต่อเนื่อง หวังเพื่อจะพิฆาตผู้บุกรุกที่ไม่ทราบสังกัดเช่นเขาและพวก

“เสือ...ผมต้องการให้คุณตรึงพื้นที่และหาที่กำบังด้านทิศตะวันออก.....ผมได้รับรายงานว่าตอนนี้ฝ่ายโน้นเริ่มใช้อาวุธหนัก เราต้องหยุดการเคลื่อนไหวชั่วคราว....ผมจะส่งทีมบราโว่เข้าไปเคลียร์อาวุธหนักก่อน หลังจากนั้นจึงจะนำเฮลิคอปเตอร์ไปรับ” เสียงอเล็กซ์ตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว เพราะสถานการณ์การรบต่างๆ ถูกรายงานเข้ามาเป็นระยะๆจากทุกๆทีม

ยุทธวิธีการตอบโต้การใช้อาวุธหนักแบบนี้ หน่วยรบพิเศษจำเป็นต้องหยุดการเคลื่อนไหวชั่วคราว เพื่อป้องกันไม่ให้ฝ่ายทหารกระเหรี่ยงผู้ครอบครองอาวุธหนักสามารถระบุตำแหน่งและยิงถล่มได้ หลังจากนั้นจึงส่งหน่วยเคลื่อนที่เร็วเข้าจู่โจมทำลายอาวุธดังกล่าว

“บราโว่ทีม....แบ่งกำลังเข้าจัดการหยุดอาวุธหนัก...” อเล็กซ์สั่งการไปยังทีมบราโว่

“รับทราบ...พร้อมปฏิบัติ” เสียงจอมยุทธ์ในฐานะหัวหน้าทีมดังขึ้นรับคำสั่งทันที พร้อมสัญญาณมือแยกหน่วยเคลื่อนที่เร็วออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มละห้านาย โดยที่เขาประจำอยู่ในกลุ่มที่หนึ่ง ส่วนอีกหนึ่งกลุ่มให้รองหัวหน้าทีมเป็นผู้รับผิดชอบ ทั้งสองกลุ่มแยกพื้นที่กันเพื่อเข้าทำลายฐานยิงอาวุธหนักของทหารกระเหรี่ยงที่กระจัดกระจายอยู่บริเวณใจกลางของค่าย ค่อนไปทางทิศใต้

“แอลฟ่าทีม กำหนดเขตควบคุมรัศมีหนึ่งร้อยเมตรจากพิกัดเดิม....และตรึงกำลัง...รอคำสั่งต่อไป” อเล็กซ์สั่งการอีกครั้ง ก่อนจะปรับแผนและโยกย้ายกำลังพลใหม่ตามพื้นที่ที่จำเป็น

อเล็กซ์และคอมแมนเดอร์อีกหลายคนวิเคราะห์ตำแหน่งของเจ้าหน้าที่ผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์พกพาสมรรถนะสูงที่เชื่อมต่อกับระบบดาวเทียมสอดแนม ทำให้สามารถจัดสรรพื้นที่ปฏิบัติการของแต่ละหน่วยไม่ให้ซ้อนทับกัน เพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่ต้องมาเผชิญหน้ากันเอง

“บราโว่ทีมที่เหลือ กำหนดเขตควบคุมบริเวณทิศเหนือ....และเข้าทำลายคลังอาวุธ” อเล็กซ์โยกย้ายกำลังพล เพื่อให้บราโว่ทีมอีกสิบเอ็ดนายแยกกำลังเข้าติดระเบิดบริเวณคลังอาวุธต่างๆอย่างรวดเร็วมากขึ้น ในขณะที่หน่วยเคลื่อนที่เร็วกำลังบุกตะลุยเข้าไปในบริเวณที่ตั้งฐานอาวุธหนักของทหารกระเหรี่ยง

การเปลี่ยนตำแหน่งการตรึงพื้นที่ส่งผลให้หน่วยรบพิเศษฯ ลดความเพลี่ยงพล้ำลงไปได้มาก แต่ก็ยังติดปัญหาในบางพื้นที่ของค่าย เพราะบริเวณดังกล่าวไม่สามารถโจมตีด้วยเครื่องยิงจรวดขนาดเล็กได้เนื่องจากชุดช่วยเหลือตัวประกันและหน่วยปลดอาวุธหนักกำลังปฏิบัติการอยู่

ด้วยทักษะฝีมือและอาวุธที่เหนือชั้นกว่าของกองกำลังรบพิเศษฯ ทำให้ทหารกระเหรี่ยงที่มีกำลังเริ่มต้นเป็นร้อยคน ถูกลดจำนวนลงเหลือน้อยลงเพียงไม่กี่สิบคนในเวลาไม่นานนัก แต่ก็เป็นไม่กี่สิบคนที่ชำนาญการสู้รบอย่างมาก

ทีมช่วยเหลือของศิวะทำการถอนกำลังจากพื้นที่กำบังอย่างช้าๆ ภายใต้คำแนะนำของเจ้าหน้าที่ใน Detachment Commander Team เพื่อมุ่งตรงไปยังบริเวณจุดนัดหมายกับทีมปฏิบัติการทางอากาศ ในขณะที่ทีมปลดอาวุธหนักทั้งสองทีมคอยหันเหความสนใจของทหารกระเหรี่ยงที่เหลือ โดยเฉพาะทหารกระเหรี่ยงที่มีจรวดอาร์พีจีและปืนกลขนาดใหญ่ในครอบครอง 

ศิวะยังคงอุ้มภูฟ้าไว้ตลอดเวลา.....ส่วนอีกมือหนึ่งก็ยังคงถือปืนกลยาวอัตโนมัติอยู่เพื่อคอยยิงเปิดทางไปยังจุดนัดพบทางทิศตะวันออกอย่างรวดเร็ว 

“อย่าร้องไห้สิลูก.....เป็นลูกผู้ชายต้องเข้มแข็ง.....พ่อเสืออยู่ตรงนี้แล้ว....พร้อมจะปกป้องลูกรักของพ่อเสมอ......ภูคือดวงใจของพ่อ...ตลอดมาและตลอดไป” ศิวะกล่าวบอกลูกชาย ท่ามกลางเสียงกระสุนปืน เขาต้องการสร้างขวัญและกำลังใจให้กับลูกชายตัวน้อย เพราะสังเกตเห็นน้ำตาไหลออกมาจากดวงตาคู่งามของภูฟ้า

ในเวลานี้พื้นที่ของค่ายถูกหน่วยรบพิเศษครอบครองได้เกือบทั้งหมด ยกเว้นบริเวณใจกลางเยื้องไปทางด้านทิศใต้ของค่าย ที่ทหารกระเหรี่ยงถูกบังคับให้ลงไปปักหลักสู้อย่างทรหด โดยมีบางส่วนหลบหนีไปทางแม่น้ำสาละวิน ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นนายพลลู่เซอและทหารคนสนิทเพียงไม่กี่คน

การต่อสู้ชนิดหลังชนฝาของทหารกระเหรี่ยงที่เหลืออยู่ สร้างความลำบากให้ทีมปลดอาวุธหนักทั้งสองทีมไม่น้อย โดยเฉพาะภายหลังสัญญาณการเคลื่อนพลทางอากาศได้ถูกเตรียมพร้อมเพื่อลงรับภูฟ้าออกนอกพื้นที่

แรงกดดันถูกส่งเข้ามาทันที.... จอมยุทธ์จำเป็นต้องรีบปลดอาวุธให้หมดภายในระยะเวลาอันสั้น

ปืนกลใหญ่สองกระบอกถูกทำลายลงเป็นอันดับแรก ด้วยฝีมือการยิงไกลอย่างแม่นยำของเจ้าหน้าที่ในกลุ่มที่สอง แถมซ้ำด้วยระเบิดมืออานุภาพสูง คงเหลือแต่ฐานเครื่องยิงจรวดอาร์พีจี ที่ทหารกระเหรี่ยงกำลังเตรียมนำมาใช้เพื่อการยิงถล่มเฮลิคอปเตอร์โดยเฉพาะ

ทีมของจอมยุทธ์จำเป็นต้องเสี่ยงเข้าประชิดฐานยิงดังกล่าว เพื่อทำลายอาวุธนั้น มิเช่นนั้นแล้วจะเป็นอันตรายต่อเฮลิคอปเตอร์ที่ใช้เป็นพาหนะในการพาภูฟ้าออกนอกพื้นที่ได้

จอมยุทธ์ตัดสินใจใช้ M203A1 Grenade Launcher ที่เตรียมมา ซึ่งเป็นเครื่องยิงจรวดที่มีอานุภาพในการทำลายล้างปานกลาง เหมาะสำหรับใช้ในพื้นที่ไม่กว้างนัก เพื่อป้องกันผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับฝ่ายเดียวกัน แต่ข้อเสียคือต้องทำการยิงในแนวตรงในระยะประมาณ 150 เมตร โดยปราศจากสิ่งกีดขวาง นั่นจึงเป็นสาเหตุให้จอมยุทธ์ต้องออกจากที่กำบัง และเคลื่อนตัวเข้าสู่จุดพร้อมยิง

“คุ้มกันให้ผมด้วย” จอมยุทธ์บอกกับคู่หูข้างๆ พร้อมกับให้สัญญาณมือสื่อความหมายเดียวกันกับเจ้าหน้าที่คนอื่นๆที่อยู่ห่างออกไปหลังจากนั้นจึงวิ่งออกไปในบริเวณจุดที่กำหนด

จอมยุทธ์ยืนตัวตรง เครื่องยิงจรวดวางอยู่บนบ่าในตำแหน่งพร้อมยิง เมื่อล็อคเป้าหมายเรียบร้อยแล้ว เขาจึงยิงออกไปทันที

จรวดขนาดเล็กพุ่งเข้าสู่เป้าหมาย และทำลายเครื่องยิงจรวดอาร์พีจีอันสุดท้าย พร้อมทั้งทหารกระเหรี่ยงบางส่วนที่ควบคุมการใช้เครื่องยิงดังกล่าว

“RPG is disabled” จอมยุทธ์รายงานผลการปฏิบัติการ พร้อมกับท้ายเสียงที่ขาดห้วนลง

หลังจากเสียงสัญญาณวิทยุดังขึ้นจากเจ้าหน้าที่บราโว่อีกสองนายเพื่อตอกย้ำความปลอดภัยในการนำเฮลิคอปเตอร์ลงจอด การเคลื่อนที่ทางอากาศจึงเริ่มต้นทันที เพื่อรับภูฟ้าและทีมรักษาความปลอดภัยบางส่วนออกนอกพื้นที่ รวมถึงเปิดโอกาสให้เฮลิคอปเตอร์อีกหนึ่งลำพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ในทีม Mission Alliance จำนวนห้านาย สามารถไล่ล่านายพลลู่เซอที่กำลังหลบหนีอยู่ตามเส้นทางด้านทิศใต้ได้

ในขณะที่ร่างสูงของจอมยุทธ์นั้นทรุดตัวล้มลงไปบนพื้นดิน
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 05-04-2007 11:06:34
บทที่ 9 ปาฏิหาริย์แห่งรัก

“บราโว่ดาวน์..ย้ำ...บราโว่ดาวน์” เสียงรายงานความเสียหายอย่างรุนแรงของกำลังพลดังขึ้นเป็นครั้งแรก ไม่นับอาการบาดเจ็บเล็กๆน้อยๆ ที่เกิดจากการเฉี่ยวของกระสุนปืนและสะเก็ดระเบิดของเจ้าหน้าที่ในชุดอื่นๆ

“เมดิกด่วน...ย้ำ...ด่วน” เจ้าหน้าที่บราโว่กล่าวต่ออย่างรวดเร็วท่ามกลางเสียงกระสุนปืนของทหารกระเหรี่ยงชุดสุดท้ายที่ยังคงปักหลักสู้อย่างทรหด

“บราโว่ทีมลีดเดอร์ดาวน์....”ลักษณะการรายงานดังกล่าวระบุชัดว่า จอมยุทธ์กำลังได้รับบาดเจ็บค่อนข้างหนัก 

“เมดิก....ย้ำ...เมดิก” เจ้าหน้าที่ฝ่ายสื่อสารยังคงเรียกร้องความช่วยเหลือ ในขณะที่คนอื่นๆจำเป็นต้องประสานกันเพื่อขนย้ายร่างที่บาดเจ็บของจอมยุทธ์ออกจากบริเวณอันตรายเข้าสู่ที่กำบัง รวมถึงยิงตอบโต้ทหารกระเหรี่ยงที่ยังมีชีวิตอยู่ ไม่ให้เคลื่อนกำลังเข้ามาประชิดได้

เพราะการโยกย้ายตำแหน่งกำลังพลเมื่อสิบนาทีที่ผ่านมา รวมถึงระเบิดที่ฝังไว้ตามคลังอาวุธต่างๆ กำลังทำงานพร้อมๆ กัน ทางด้านทิศเหนือและทิศตะวันตก ทำให้อเล็กซ์ไม่สามารถจ่ายกำลังสนับสนุนทางภาคพื้นดินได้รวดเร็วตามคำขอ ในจังหวะเดียวกันกับทีมปลดอาวุธหนักอีกทีมหนึ่งก็ถอนกำลังออกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

วิธีเดียวที่ดูเหมือนจะมีประสิทธิภาพและความรวดเร็วสูงสุดคือการสนับสนุนความช่วยเหลือทางอากาศ แต่ติดปัญหาตรงที่เฮลิคอปเตอร์โจมตีทั้งสองลำกำลังถูกใช้งานอยู่ในขณะนี้ รวมถึงเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ก็กำลังกระจัดกระจายตัวอยู่ในพื้นที่รอบนอกเพื่อดูแลและเริ่มต้นการรักษาเจ้าหน้าที่บางส่วนที่ได้รับบาดเจ็บประเภทไม่รุนแรงนัก

“Permission to intervene” ประโยคขออนุญาตเข้าแทรกแซงสถานการณ์ถูกส่งออกมาจากยุทธจักรทันทีที่ทราบว่าจอมยุทธ์ได้รับบาดเจ็บ และอเล็กซ์กำลังประสบปัญหาการสนับสนุนทางอากาศ

“ผมและเจ้าหน้าที่ ขอเข้าสนับสนุนกำลังทางอากาศเพื่อทำการช่วยเหลือ นายพันโท จอมยุทธ์ พัฒนประสาทศิลป์ เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธและวัตถุระเบิด สำนักงานกองบัญชาการ (ร่วมพิเศษ) ฯ ออกจากพื้นที่เสี่ยงภัยนอกราชอาณาจักรไทย ” คำร้องที่ชัดเจนดังกล่าวจัดเป็นการเปิดช่องทางการเข้าแทรกแซงของเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยได้เป็นอย่างดี เพราะยุทธจักรกำลังอ้างประเด็นการช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ของไทยออกจากพื้นที่นอกอำนาจปฏิบัติการ

ถึงแม้ว่าจอมยุทธ์จะปฏิบัติการในฐานะเจ้าหน้าที่จากสำนักงานองค์การสหประชาชาติในภารกิจครั้งนี้ แต่สถานภาพการเป็นพลเมืองตลอดจนข้าราชการของประเทศไทยยังคงมีผลบังคับใช้อยู่ ยุทธจักรจึงสามารถใช้กลยุทธ์นี้เสนอตัวแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยรบพิเศษได้

“Permission is granted.....Proceed with supreme cautions” ด้วยสถานการณ์บังคับและอเล็กซ์ไม่มีทางเลือกอื่น ประกอบกับคำร้องที่ยุทธจักรเสนอมาก็มีน้ำหนักพอที่จะตัดสินใจอนุญาตให้เข้าดำเนินความช่วยเหลือได้ แต่ก็กล่าวเตือนให้เคลื่อนกำลังด้วยความระมัดระวัง

หลังจากได้รับคำสั่งอนุญาต ยุทธจักรและนายตำรวจในชุดปฏิบัติการที่หนึ่ง จำนวนรวมห้าคนพร้อมอาวุธปืนกลยาวรวมถึงเครื่องยิงระเบิดระยะไกล จึงขึ้นเฮลิคอปเตอร์ขนส่งที่เตรียมไว้สำหรับการช่วยเหลือเพื่อเดินทางเข้าไปรับเจ้าหน้าที่บราโว่ทั้งห้าคนออกจากพื้นที่สีแดง

ปืนทุกกระบอกถูกเตรียมพร้อมสำหรับการโจมตีทางอากาศเพื่อคุ้มกันและสกัดกั้นการโจมตีของทหารกระเหรี่ยงที่เหลือจากพื้นดิน

“ชุดปลดอาวุธที่หนึ่ง.....กรุณาระบุตำแหน่งของคุณ” หลังคำสั่งสั้นๆ ของยุทธจักรในฐานะหัวหน้าทีมช่วยเหลือ พลุสัญญาณระบุตำแหน่งจึงถูกยิงขึ้นท้องฟ้าโดยเจ้าหน้าที่ในทีมของจอมยุทธ์

เมื่อทราบตำแหน่งของผู้บาดเจ็บ เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายไทยบนเฮลิคอปเตอร์จึงต้องทำการระดมยิงกระสุนหนักต่างๆ ลงสู่เบื้องล่าง ภายนอกรัศมีที่มั่นของบราโว่ทีมทั้งห้าคน เพื่อเปิดทางให้เครื่องลงจอดสู่พื้นดินเป็นไปด้วยความรวดเร็ว

เสียงระเบิดของกระสุนหนักที่ยิงออกมาจากเฮลิคอปเตอร์บนฟากฟ้า ดังขึ้นอย่างไม่ขาดสาย โดยแทบไม่เปิดโอกาสให้มีการตอบโต้เกิดขึ้นแต่อย่างใด การระดมยิงดังกล่าวส่งผลให้ทหารกระเหรี่ยงกลุ่มสุดท้ายสูญเสียกำลังและฐานที่มั่นโดยสิ้นเชิง

เพื่อความปลอดภัย ทีมชุดปฏิบัติการของยุทธจักรจึงทำการวางกำลังคุ้มกันรอบๆภายหลังเฮลิคอปเตอร์ลงจอดสนิท เจ้าหน้าที่บราโว่สองคนใช้เปลสนามที่พกติดตัวเคลื่อนย้ายร่างที่บาดเจ็บของจอมยุทธ์ออกจากที่กำบังและวิ่งเข้าหาเฮลิคอปเตอร์ที่จอดอยู่อย่างรีบเร่ง

“เคลียร์.....”

“เคลียร์.....” เสียงรายงานจากเจ้าหน้าที่คุ้มกันประจำตำแหน่งเพอริมิเตอร์ดังขึ้นต่อๆกัน หลังจากเจ้าหน้าที่บราโว่ทุกคนขึ้นไปประจำที่อย่างเรียบร้อยภายในเฮลิคอปเตอร์ สุดท้ายยุทธจักรจึงสั่งการถอนกำลังออกจากพื้นที่ กลับไปยังพิกัดเริ่มต้น

คริสรีบเข้าไปดูอาการของจอมยุทธ์ในทันทีที่เฮลิคอปเตอร์บินกลับมา เขาพบว่าจอมยุทธ์ถูกกระสุนปืนยิงเข้าที่บริเวณต้นขา และบริเวณต้นแขน ทะลุเข้าข้างลำตัว

แม้ว่าจะมีการปฐมพยาบาลในพื้นที่โดยใช้ผ้าพันรอบบาดแผลเพื่อป้องกันไม่ให้เลือดไหลออกมามากเกินความจำเป็น แต่เลือดสีแดงสดก็ยังไหลซึมออกมาเรื่อยๆ

“จอม....จอม” คริสเรียกชื่อของจอมยุทธ์เพื่อสังเกตการตอบสนองทางร่างกายและสติ พร้อมทั้งลงมือตรวจอัตราการเต้นของหัวใจ และสัญญาณการมีชีวิตอื่นๆ

“คริส” จอมยุทธ์ตอบสนองพร้อมรอยยิ้ม แม้เขาจะมีอาการบาดเจ็บหนักแต่ก็ยังเข้มแข็งเสมอ

“โอเค....จอม....ผมคาดว่ากระสุนจะทะลุเข้าปอด....ผมจะตรวจดูว่ามีกระดูกแตกหรือไม่” คริสถามพร้อมกับรับฟังลักษณะการหายใจ

จอมยุทธ์พยักหน้าเป็นการให้คำตอบ พร้อมกับอาการไอออกมาเป็นฟองเลือด

“เจ็บมั้ย” คริสถามขณะใช้นิ้วกดลงไปบริเวณทรวงอกเพื่อทำการตรวจสอบการแตกหักของโครงกระดูกซี่โครง

จอมยุทธ์ส่ายหน้าจนกระทั่งการตรวจเบื้องต้นเสร็จสิ้น เป็นอันว่ากระดูกไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด

“ผมจะล้างแผล...ให้น้ำเกลือและเปิดเส้นไว้นะจอม...คุณจะต้องไปโรงพยาบาลอย่างเร็วที่สุด...ผมจะยังไม่ให้มอร์ฟีนจนกว่าคุณจะร้องขอนะ...” คริสอธิบายเพื่อกระตุ้นสติของจอมยุทธ์

จอมยุทธ์พยักหน้าช้าๆ เป็นการตอบสนองอีกครั้ง

“คริส....หัวหน้าศิวะต้องการสื่อสารด้วย ที่ช่องคลื่นที่สอง” เจ้าหน้าที่ฝ่ายสื่อสารประจำหน่วยรบพิเศษแจ้งข่าวให้
คริสได้ทราบ

“ขอบคุณ...” คริสตอบ ก่อนจะปรับเครื่องรับส่งสัญญาณวิทยุไปในช่องคลื่นดังกล่าวเพื่อพูดคุยกับศิวะ

เวลานี้ศิวะได้รับการมอบหมายหน้าที่เต็มจากอเล็กซ์ให้ดำเนินการประสานงานเรื่องการปฐมพยาบาลและการรักษาแก่จอมยุทธ์ ในขณะที่อเล็กซ์และเจ้าหน้าที่ประจำภาคพื้นดินเข้าเคลียร์พื้นที่และติดตามจับกุมนายพลลู่เซอที่กำลังหลบหนีอยู่

“คริส....รายงานผลการตรวจเบื้องต้นให้ผมทราบด้วย” เสียงของศิวะดังขึ้นจากเครื่องมือสื่อสาร ขณะนี้เขาอยู่บนเฮลิคอปเตอร์ที่กำลังมุ่งหน้าพาภูฟ้าไปพักที่สถานีตำรวจตะเวนชายแดนประจำด่านแม่สะเรียง

“กระสุนถูกยิงเข้าร่างกายสองจุด.... จุดแรกคือต้นขา จุดที่สองคือบริเวณต้นแขนทะลุเข้าปอด เราจำเป็นต้องพาจอมไปโรงพยาบาลเพื่อเขารับการผ่าตัดอย่างเร็วที่สุด” คริสรายงาน โดยปล่อยให้เจ้าหน้าที่การแพทย์อีกสองคนจัดการล้างแผล และเปิดเส้นเพื่อตรียมให้น้ำเกลือ

“โอเค....คริส.....ผมต้องการให้คุณพาจอมไปที่โรงพยาบาลตามที่กำหนดพร้อมด้วยนายพันตรียุทธจักร....ที่นั่นคุณจะพบกับศักดิ์และเจ้าหน้าที่ของสำนักงานกองบัญชาการ (ร่วมพิเศษ) ฯ รออยู่ เพื่ออำนวยความสะดวก.... นายแพทย์ศิลป์กวีจะอยู่ที่นั่นด้วยเพื่อให้คำปรึกษาและเดินเรื่องการรักษา.... มาตรการทุกอย่างยังคงยืนยันรูปแบบเดิมตามที่ประชุมเมื่อคืน” ศิวะมอบหมายงานและย้ำมาตรการจัดการรักษาที่ระบุไว้ตามข้อตกลงของสำนักงานกองบัญชาการ (ร่วมพิเศษ)ฯ กับโรงพยาบาลของรัฐแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ ซึ่งเป็นสถานที่รองรับการรักษาพยาบาลรหัสฉุกเฉินในแผนปฏิบัติการ “สกาย 001” ในขณะที่โรงพยาบาลตำรวจและโรงพยาบาลทหารอากาศจะเป็นสถานรองรับการรักษาพยาบาลรหัสปกติ

รายละเอียดตามมาตรการการรักษาระบุอย่างชัดเจนว่าโรงพยาบาลดังกล่าวจำเป็นต้องป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลการรับเข้ารักษาและการรักษา ตลอดจนอนุญาตให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายการแพทย์ของหน่วยรบพิเศษเข้ารับฟังขั้นตอนการรักษา รวมถึงร่วมดำเนินการรักษา ตามแต่ละด้านความเชี่ยวชาญของเจ้าหน้าที่นั้นๆ โดยทั้งนี้ นายแพทย์ศิลป์กวี ศรีสิริโชคชัย ในฐานะผู้ประสานงาน (ชั่วคราว) กิจการพิเศษระหว่างกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานกองกำลังร่วมพิเศษฯ จะเป็นผู้อำนวยความสะดวกทั้งสองฝ่าย

เรื่องการติดต่อนายแพทย์ศิลป์กวี.....คุณปู่ของภูฟ้าเพื่อเข้ารับภารกิจในครั้งนี้เกิดขึ้นตามเจตจำนงค์ของพลตำรวจเอกรุ่งโรจน์ ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบสูงสุดในการสนับสนุนภารกิจทุกรูปแบบทั้งเรื่องการรักษาพยาบาล การคมนาคม การสื่อสาร เอกสาร และสิ่งจำเป็นอื่นๆ โดยการเตรียมการดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ก่อนประชุมสรุปแผนภารกิจในเวลาสิบแปดนาฬิกาตรงได้ไม่นาน

มาตรการต่างๆถูกถ่ายทอดออกเป็นลายลักษณ์อักษรและทำการแจกจ่ายให้เจ้าหน้าที่ทุกคนในที่ประชุมเพื่อศึกษาและทำความเข้าใจเพื่อให้ภารกิจประสบผลสำเร็จตามเป้าหมาย

“รับทราบ.....แต่....เสือ...ผมกังวลเรื่องเลือดของจอม” ศริสกล่าวทิ้งท้ายเพราะทราบดีว่าจอมยุทธ์นั้นมีกรุ๊ปเลือดที่จัดว่ามีปัญหาที่สุดในการถ่ายเลือด

ยุทธจักรรับฟังประโยคสนทนาทั้งหมดตั้งแต่ต้น เพราะได้รับคำสั่งจากศิวะให้ปรับช่องคลื่นสื่อสารไปช่องเดียวกัน เพื่อรับทราบสถานการณ์และเตรียมพร้อมสำหรับคำสั่งต่างๆ

ในเวลานี้ยุทธ์จักรได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ประสานงานภาคสนาม เนื่องจากเป็นนายตำรวจระดับสูงที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้มาพอสมควร

แม้เขาจะทราบว่าคริสกำลังกังวลเรื่องเลือดของจอมยุทธ์ แต่ด้วยมารยาทยุทธ์จักรจำเป็นต้องนิ่งเสีย จนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสม ที่เขาจะสอบถามข้อมูลต้นเหตุของเรื่องดังกล่าวได้

“ผมคิดว่าไม่น่ามีปัญหาเรื่องเลือดเมื่อเข้ารับการรักษา....แต่ว่าผมกังวลขณะการขนส่งมากกว่า....คริสว่าจอมพอจะไหวมั้ย” ศิวะถามต่อ

“ผมไม่แน่ใจเสือ....จอมเสียเลือดมาก....ต้องได้รับการให้เลือดอย่างเร็วพอสมควร”

 “โอเค.....อย่างนั้นรีบไปเถอะ......เฮลิคอปเตอร์จะใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงจนถึงโรงพยาบาล...คริส...ผมเชื่อมั่นในตัวคุณ...และผมเชื่อมั่นในตัวจอมด้วย....ผมฝากความหวังไว้ที่คุณนะ....ช่วยจอมด้วย” ศิวะกล่าวออกมาในตอนท้าย ก่อนจะเปลี่ยนช่องสัญญาณเพื่อติดต่อประสานงานตามมาตรการต่างๆ ที่ระบุไว้

“ผมจะทำสุดความสามารถเสือ” คริสกล่าวทิ้งท้าย น้ำเสียงของเขามีแววกังวลเจืออยู่อย่างเห็นได้ชัด

 “Medical code 01, proceed to transportation” ยุทธจักรให้สัญญาณการเคลื่อนที่หลังจากที่การสนทนาสิ้นสุดลง

เจ้าหน้าที่หน่วยแพทย์และพยาบาลย้ายร่างของจอมยุทธ์ขึ้นไปบนเฮลิคอปเตอร์อีกครั้ง พร้อมด้วยคริส ยุทธจักร และเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายไทยสองนาย เพื่อนำร่างที่บาดเจ็บของจอมยุทธ์ส่งสถานรักษาพยาบาลในจังหวัดเชียงใหม่

จอมยุทธ์ยังคงมีสติดีอยู่มาก แม้จะบาดเจ็บค่อนข้างหนัก แต่ก็สามารถตอบสนองและสื่อสารผ่านสัญญาณมือกับ
คริสได้โดยตลอด

คริสดูเคร่งเครียดตลอดเวลาเพราะรับทราบข้อจำกัดเรื่องเลือดของจอมยุทธ์ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อลักษณะทางกายภาพบ่งบอกชัดเจนว่าจอมยุทธ์มีอาการเลือดออกภายในปอดและลำตัว (Internal Bleeding) ไม่รวมถึงการเสียเลือดจากบาดแผลภายนอกที่ต้นขา

อัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้นแต่เบาบางและการหายใจอ่อนลง อาการไอเป็นฟองเลือดของจอมยุทธ์ก็มีให้เห็นเป็นระยะๆ  เขามีอาการซีดลงอย่างเห็นได้ชัด

แม้ว่าจะยังไม่เข้าสู่ภาวะช๊อคเนื่องจากร่างกายสูญเสียเลือดในปริมาณมาก (Hypovolumic Shock) แต่การเดินทางยังไม่สิ้นสุดลง คริสไม่อาจนิ่งนอนใจกับสถานการณ์ได้ เขาพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อลดภาวะความเสี่ยงต่างๆให้มากที่สุด  

หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 05-04-2007 11:07:45
ยุทธจักรสังเกตเห็นอาการเคร่งเครียดดังกล่าวตั้งแต่ต้นจนกระทั่งเวลาผ่านไปนานพอสมควร เขาจึงตัดสินใจถามในสิ่งที่สงสัยออกมา

“คริส....ผมขออนุญาตถามคำถามซักข้อหนึ่งได้มั้ยครับ”

“เชิญตามสบาย” คริสตอบ

“เลือดของจอมมีปัญหาอะไรหรือครับ...”

คริสถอนหายใจ แต่ก็ตอบคำถามของยุทธจักร

“กรุ๊ปเลือดของจอมคือ โอเนกกาทีพ...... ผมทราบดีกว่ากรุ๊ปนี้หายากมากในประเทศไทย......โดยปกติเราจะสามารถใช้เลือดกรุ๊ปเดียวกันของเจ้าหน้าที่หน่วยรบพิเศษฯในกรณีฉุกเฉินได้ แต่วันนี้การปฏิบัติการใช้เวลามากกว่าปกติ และเราต้องนำจอมเข้ารับการรักษาอย่างเร็วที่สุด ทำให้เราไม่สามารถหาเลือดสำรองในกรุ๊ปนี้ก่อนการเดินทางได้” คริสหยุดซักพักเพื่อหันหน้ากลับมาดูอาการจอมยุทธ์ก่อนจะกล่าวต่อ

“แม้ผมจะสามารถให้การรักษาชั่วคราว เช่นการให้ยาและสารน้ำรวมถึงออกซิเจน เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเข้าสู่ภาวะช็อคภายหลังการสูญเสียเลือดได้.....แต่การให้เลือดก็เป็นวิธีการรักษาที่ดีที่สุด” คริสหันกลับไปมองร่างบาดเจ็บของจอมยุทธ์ที่นอนราบอยู่อีกครั้ง ความเป็นห่วงฉายชัดขึ้นภายในดวงตาสีฟ้าสด

“ครับ....ขอบคุณสำหรับคำตอบครับ....คุณคริสไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ...ผมมีเลือดกรุ๊ปเดียวกับจอม...ผมยินดีให้ใช้เลือดของผมเพื่อการรักษาเบื้องต้นจนกระทั่งถึงโรงพยาบาลครับ”

คริสหันกลับมาทันทีที่ได้ยินคำพูดของยุทธจักร ดวงตาสีฟ้าสดของเขาเป็นประกายแจ่มใสขึ้นมา รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนในหน้าที่เคร่งเครียด.....

เขามีเลือดสำรองให้กับจอมยุทธ์แล้ว

“ขอบคุณมาก.... แต่ผมต้องขอทำการทดสอบก่อนนะ....ผมขอตัวอย่างเลือดคุณซักนิดหนึ่งได้มั้ย” คริสถามอย่างตื่นเต้น

“ได้ครับ....ผมรับรองด้วยเกียรติว่าเลือดของผมปลอดภัยแน่นอนครับ” ยุทธจักรตอบรับพร้อมกับถลกแขนเสื้อขึ้นเพื่อให้คริสเจาะเลือดไปทดสอบการเข้ากันได้กับเลือดของจอมยุทธ์

เทคนิควิธีง่ายๆ ที่คริสนำมาใช้ คือ การนำเลือดของทั้งสองคนมาผสมกัน ถ้าสามารถผสมกันได้โดยไม่ตกตะกอน ก็หมายความว่าเลือดทั้งสองคนเข้ากันได้ 

และโชคชะตาก็ไม่ได้เลวร้ายจนเกินไปนัก เพราะผลการทดสอบพบว่าเลือดของยุทธจักรและจอมยุทธ์มีลักษณะร่วมเดียวกัน สามารถถ่ายให้กันได้

“คริส...จอมเข้าสภาวะช็อค....เราต้องทำการให้เลือดทันที...”เสียงของเจ้าหน้าที่การแพทย์และพยาบาลคนหนึ่งร้องบอกขึ้น ในขณะที่อีกคนหนึ่งกำลังให้ยาเพื่อให้กระตุ้นการเต้นของหัวใจ

คริสไม่อาจรอช้าได้อีกต่อไป...เขาจัดการถ่ายเลือดจากยุทธจักรผ่านถุงพักเลือดและเข้าสู่ร่างกายของจอมยุทธ์โดยตรง เพื่อยืดชีวิตของจอมยุทธ์จนกว่าจะถึงโรงพยาบาลในอีกสิบห้านาทีข้างหน้าตามคำบอกของนักบิน

จอมยุทธ์เข้าสู่สภาพปกติเมื่อเวลาผ่านไปตามลำดับ เขาพอจะรู้สึกตัวและทราบว่า....เลือดสีแดงเข้ม...ที่ไหลผ่านเข้ามาในร่างกายนั้นสร้างความอบอุ่นให้กับเขาเพียงใด 

นานเหลือเกิน....นับจากพี่ชายที่รักทั้งสองคนจากไป....หัวใจของเขาไม่เคยรู้สึกอบอุ่นเช่นนี้.....เลือดที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกาย.....รอบหัวใจที่ด้านชา....หนาวเย็น.... กลับพัดพาเอาความรักของชายคนหนึ่ง....ที่นอนอยู่ข้างเขา จับมือเขาไว้แน่น... ผ่านสายเลือดนั้น ทำให้เกิดความรู้สึกเป็นสุขอย่างประหลาด

ในห้วงแห่งสติที่ต้องต่อสู้กับความเจ็บปวดนั้น....จอมยุทธ์คล้ายกับว่าจะได้ยินเสียงของยุทธจักรแว่วเข้าสู่โสตประสาทตลอดเวลาว่า

“จอม....ต้องอดทนนะครับ....ผมไม่ยอมให้คุณเป็นอะไรไปเด็ดขาด..... ผมรักคุณมาก.....คนดีของผม....สัญญาซิครับ...ว่าจะสู้....สู้ให้ถึงที่สุด”

ก่อนที่จะหมดสติไป.....จอมยุทธ์รู้สึกว่าตัวเขาเอง....ยิ้มรับคำพูดนั้นโดยไม่มีคำปฏิเสธใดๆ ......

อานุภาพของความรักที่ผ่านมาพร้อมกับเลือดสีเข้มนั้น...มีพลังพอที่จะถอดสลักประตูหัวใจของจอมยุทธ์ให้หลุดออก.... คงเหลือแต่เพียงแค่....การเปิดประตูหัวใจบานนั้นออกมา....ก็เท่านั้น.....

******

เฮลิคอปเตอร์ถูกนำลงจอดที่สนามหญ้าของโรงพยาบาล โดยการอำนวยความสะดวกของศักดิ์และเจ้าหน้าที่ที่พลตำรวจเอกรุ่งโรจน์ส่งมาประจำการไว้

จอมยุทธ์ถูกส่งเข้ารับการตรวจเอกซ์เรย์ร่างกายเพื่อหาตำแหน่งกระสุน และตรวจสอบความเสียหายที่เกิดขึ้นภายในทันที ในขณะที่นายแพทย์ศิลป์กวี คริส  ผู้อำนวยการโรงพยาบาล หัวหน้าแผนกศัลยกรรมและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญต่างแยกออกมาเตรียมตัวในเรื่องทั่วๆไป

นายแพทย์ศิลป์กวี ผู้เป็นคุณปู่ของภูฟ้า....ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานอย่างดีเยี่ยม เนื่องด้วยเพราะเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในระดับประเทศ รวมถึงเป็นเพื่อนร่วมรุ่นสถาบันเดียวกันกับผู้อำนวยการโรงพยาบาลแห่งนี้อีกด้วย

ข้อมูลการวินิจฉัยเบื้องต้นที่คริสและคณะแพทย์ได้รับเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของจอมยุทธ์ก็คือ กระสุนปืนลูกหนึ่งทะลุปอดด้านขวาไปหยุดที่บริเวณเนื้อเยื่อส่วนบนของตับ ส่วนอีกลูกยังคงฝังไว้บริเวณกล้ามเนื้อต้นขา

การผ่าตัดต้องกระทำโดยเร่งด่วนเพื่อห้ามเลือดที่หลั่งอยู่ภายในร่างกาย รวมถึงเอากระสุนทั้งสองลูกออก

คริสไม่รอช้า...เขายื่นเจตจำนงเพื่อเข้าทำการผ่าตัดจอมยุทธ์ด้วยตนเอง โดยจะทำงานด้วยกันกับทีมแพทย์ของโรงพยาบาลที่จัดสรรมาสำหรับการรักษาแบบเร่งด่วนและเป็นความลับสุดยอดในครั้งนี้

ทุกอย่างดูเหมือนดำเนินไปอย่างดีไร้ข้อบกพร่อง....ยกเว้นแต่ว่าเลือดกรุ๊ปโอเนกกาทีพมีสำรองไม่เพียงพอ  นั่นจึงเป็นสาเหตุทำให้คริสต้องเดินมาปรึกษากับยุทธจักรอีกครั้ง

“เรามีเลือดสำรองไม่เพียงพอ....แต่ว่าจอมต้องได้รับการให้เลือดระหว่างการผ่าตัด ดังนั้นผมจึงต้องมาคุยกับคุณเพื่อขอความช่วยเหลือ....แต่ผมต้องเรียนไว้ก่อนว่า วิธีของผมมีความเสี่ยงมาก และคุณมีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือได้....”

“เชิญคุณคริสว่ามาเลยครับ....ผมเต็มใจช่วยจอมเสมอครับ” เสียงของยุทธ์จักรมั่นคง......ตอกย้ำการตัดสินใจที่เด็ดเดี่ยวจนคริสรับรู้ได้

“ผมต้องการเลือดของคุณอีกครั้ง....เพียงแต่ว่าในครั้งนี้อาจจะมากกว่าระดับปกติที่คนทั่วไปจะบริจาคได้... ผมจะใช้วิธีเหนี่ยวนำให้อุณหภูมิภายในร่างกายของคุณลดลง อัตราการเต้นของหัวใจจะลดลงแต่จะเพิ่มระดับออกซิเจนในเลือดด้วยอุปกรณ์ช่วยการหายใจ ....สภาวะดังกล่าวจะทำให้คุณสามารถให้เลือดมากกว่าเกณฑ์ปกติได้เล็กน้อย แต่ก็มีความเสี่ยงต่อระบบการเต้นของหัวใจเป็นอย่างมาก....คุณจะอยู่ในสภาวะไร้สติชั่วคราวจนกว่าการให้เลือดจะเสร็จสิ้น” คริสอธิบาย

“ผมเข้าใจครับ....และผมยินดีจะรับความเสี่ยงนั้น......ผมอยากช่วยคนที่ผมรักครับ”

ยุทธจักรไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าเหตุใดจึงกล้าบอกความจริงดังกล่าวให้บุคคลแปลกหน้าอย่างคริสได้รับรู้ เขาทราบเพียงแต่ว่า มีอะไรบางอย่างในตัวคริส ที่เขาไว้ใจ ที่เขาเชื่อว่าทั้งศิวะและจอมยุทธ์ก็ไว้ใจคริสมากเช่นกัน

คริสยิ้มรับกับความจริงนั้น เขากล่าวขอบคุณอย่างอ่อนโยน

“ขอบคุณครับ.....”

“คุณพยาบาลจะพาคุณไปเตรียมตัว....ผมจะไปพบคุณอีกครั้งนะครับ....เชิญครับ” คริสบอกต่อ และปล่อยให้นางพยาบาลพายุทธจักรไปเตรียมตัว

แม้จะได้ปริมาณเลือดสำรองเพิ่มขึ้นจากเลือดของยุทธจักร แค่คริสก็ยังคงเสนอให้นำเลเซอร์เข้ามาช่วยในการผ่าตัด ตามข้อจำกัดของเรื่องปริมาณเลือดสำรองที่มี เนื่องจากการผ่าตัดแบบใช้แสงเลเซอร์นั้นจะช่วยลดอัตราการเสียเลือดได้มากกว่าการผ่าตัดแบบปกติ

คณะแพทย์ทุกคนเห็นพ้องกับวิธีดังกล่าว และมีความยินดีที่จะได้มีโอกาสสังเกตและเรียนรู้เทคนิคใหม่ๆ จากคริส ซึ่งเป็นศัลยแพทย์ที่นายแพทย์ศิลป์กวีรับรองความสามารถด้วยตนเอง รวมทั้งชื่อของคริสก็ปรากฏอยู่ในวารสารชั้นนำทางการแพทย์ระดับโลกหลายฉบับ

เมื่อทุกอย่างพร้อม....กระบวนการผ่าตัดที่เดิมพันชีวิตของจอมยุทธ์ก็เริ่มต้น รวมถึงยุทธจักรก็อยู่ในสภาพที่จะให้เลือดสำรองได้อีกครั้งหลังจากเลือดที่เตรียมไว้หมดสิ้นลง

คริสซึ่งตอนนี้แต่งกายในชุดสำหรับผ่าตัด สงบสติอารมณ์เพียงแค่ไม่กี่วินาทีก่อนที่มีดเล่มเล็กในมือจะกรีดลงไปบนอกด้านหนึ่งของจอมยุทธ์ พร้อมกับกล่าวความตั้งใจจริงของเขาให้พระผู้กำหนดดวงชะตาชีวิตของมนุษย์ได้รับรู้

“ผมเคยสร้างปาฏิหาริย์มาแล้วหนึ่งครั้ง....ครั้งนั้นท่านนำชีวิตของคนสองคนเป็นข้อแลกเปลี่ยน.....แต่ครั้งนี้...ผมจะไม่ยอมเสียใครไปซักคน....ผมจะสร้างปาฏิหาริย์อีกครั้ง....และจะเป็นครั้งที่แม้แต่ท่านก็ไม่อาจขอสิ่งใดๆแลกเปลี่ยนได้อีกต่อไป”  
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 05-04-2007 11:08:44
ถนนสายหนึ่งทอดยาวไปข้างหน้า...ไกลแสนไกล.....ดูเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุด

บรรยากาศรอบๆดูสดใส.... แสงอ่อนๆ ไล่ระเรื่อไปตามใบเรียวของยอดหญ้าเหนือพื้นดิน ตลอดสองข้างเส้นทางคือต้นไม้ขนาดกลางที่ทั้งต้นถูกประดับประดาไปด้วยกลีบดอกสีชมพูสด บ้างก็ยังตูม บ้างก็เบ่งบาน...บ้างก็โรยลา...พลิ้วร่วงตามสายลมเอื่อยๆ.....แต่อบอุ่น

จอมยุทธ์พบว่าเขากำลังเดินอยู่บนถนนสายนั้น..... โดยไม่รู้ถึงจุดหมายที่จะพานพบ....คงรู้แต่ว่า...ต้องเดิน.....จิตสำนึกสั่งให้เดิน....เดินไปจนกว่าจะพบสิ่งที่รอคอย

ขณะเท้าทั้งสองข้างก้าวเดินอย่างมั่นคง ดวงตาทั้งสองข้างก็ทอดยาวไปไกล....เพียงเพื่อค้นหาบางสิ่ง....บางสิ่งที่เขาเองก็ไม่อาจทราบว่า...มันคืออะไร

จนกระทั่ง.....เขาสังเกตเห็นบุรุษผู้หนึ่ง ยืนอยู่กลางถนน.....แม้ไกลลิบ......เกือบสุดสายตา....แต่กลับรู้สึกอุ่นใจทุกครั้งยามระยะทางหดสั้นลง

เขายังเดินต่อไปเรื่อยๆ จนในที่สุดก็สามารถมองเห็นใบหน้าของบุคคลนั้นอย่างชัดเจน....

หัวใจของเขาเต้นแรง....น้ำตารื้นขึ้นที่ขอบดวงตาเรียวได้รูป....เท้าทั้งสองก้าวยาว จนเกือบวิ่ง เพื่อไปอยู่ตรงหน้าคนคนนั้น.... จอมยุทธ์กำลังจะได้พบคนที่เขาเฝ้ารอ....คนที่จากไปตั้งแต่ความสูญเสียครั้งนั้น....คนที่อย่างไรก็ตามไม่อาจจะสลัดออกจากหัวใจที่หนาวเย็นของตัวเองได้

ภูผา....คือคนที่ยืนรออยู่ปลายทางนั้น.... เขายิ้ม....ยิ้มที่งดงาม...อ่อนหวาน.....เหมือนในอดีต...มิเปลี่ยนแปลง

สองแขนของภูผาสวมกอดเข้าที่ร่างแข็งแรงของจอมยุทธ์ทันที่ที่พบกัน....น้องชายของเขากำลังร้องไห้....น้ำตาที่มีให้เห็นได้ไม่บ่อยครั้งนัก....

ฝ่ามือนุ่มของภูผาลูบเรือนผมสีดำสนิทของผู้เป็นน้องชาย.... พร้อมถ่ายทอดความรัก....ที่มีให้มาตลอด

“จอม” ภูผาเปล่งเสียงนุ่ม

“ครับพี่หมอก....ผมคิดถึงพี่หมอกเหลือเกินครับ....” จอมยุทธ์ยังคงสะอื้นไห้....เขากลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง....เหมือนอดีต....น้องชายคนเล็กของพี่ชายทั้งสามคน

“แต่พี่ไม่คิดถึงจอมหรอกนะ”

สิ้นคำของภูผา จอมยุทธ์ผละออกจากอ้อมกอดอันอบอุ่นนั้นทันที เขามองหน้าผู้เป็นพี่ชาย พยายามค้นหาความหมายของประโยคนั้น....ภายใต้นัยน์ตาคู่งาม

ภูผายังคงยิ้ม....สองมือของเขาจับมือจอมยุทธ์ไว้แน่น

“เพราะพี่อยู่กับจอม กับพี่เสือ และตาภู ตลอดเวลา....พี่อยู่ในหัวใจของจอม.....พี่มองจอมและพี่เสือผ่านดวงตาของลูกชายพี่งัยครับ....ลูกชายที่เติบโตขึ้นมาด้วยความรักของจอม พี่เสือ และคริส....เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วเหตุใดพี่ยังต้องคิดถึงจอม....เพราะพี่ไม่เคยจากจอมมาเลยนี่ครับ....เข้าใจหรือยังครับ....”

จอมยุทธ์พยักหน้าแสดงความเข้าใจ เขายกมือของภูผาขึ้นมาไว้ข้างแก้ม และเลื่อนลงมาตรงหน้า ก่อนจะประทับริมฝีปากลงไป

“ขอบคุณครับพี่....” จอมยุทธ์พูดเสียงนุ่ม

“แต่พี่ฟ้าลั่นจะมาเตะผมหรือเปล่านี่ครับพี่หมอก...ที่ผมแอบจูบพี่หมอกเนี่ย”

“อืม...แล้วพี่ฟ้าลั่นไปไหนล่ะครับ....”จอมยุทธ์ถามต่อพลางหันซ้ายหันขวาเพื่อมองหาคนรักของพี่ชายตรงหน้า....ชายหนุ่มผมยาว...ตัวใหญ่...ที่จอมยุทธ์คาดว่าจะต้องอยู่กับพี่หมอกของเขาในสถานที่แห่งนี้

“ฟ้าลั่นเค้าไปเป็นกามเทพครับ...เดี๋ยวคงมา....แต่ว่า....ตอนนี้พี่มีเรื่องอยากคุยกับจอม....” ภูผาตอบพร้อมรอยิ้มหวานเช่นเคย

“ครับพี่หมอก...เชิญครับ....ผมมีเรื่องอยากคุยกับพี่หมอกเยอะเหมือนกันนะครับ....แต่ผมคงไม่ต้องรีบใช่มั้ยครับพี่.....ผมคงตายไปแล้วใช่มั้ยครับจากโลกใบนั้น.... ผมเลยมีโอกาสมาพบกับพี่หมอกได้” จอมยุทธ์ใจหายวาบทันทีที่พูดประโยคนี้ออกมา เพราะหมายความว่า เขาจะไม่มีโอกาสกลับไปหาภูฟ้า...ยอดดวงใจของเขาอีกแล้ว

ภูผายังคงยิ้ม มิได้พูดอะไร..... หากแต่ ยกมือของเขาขึ้นไปแนบหัวใจของจอมยุทธ์

“อุ่นมั้ย..จอม”

“อุ่นครับพี่หมอก....”

“อุ่นเพราะอะไร....จอมตอบได้มั้ย” ภูผาคลี่ยิ้ม

“เพราะความรักของพี่หมอกถ่ายทอดมาสู่หัวใจของผมครับ....”

“ผิดแล้วจอม....หัวใจของจอมอุ่นเพราะเลือดแห่งรักที่ไหลเวียนอยู่รอบๆต่างหาก....เลือดจากคนคนหนึ่งที่รักจอมมาก....เขายินดีที่จะปกป้องจอมเสมอ...เขาคนนั้นคืออณูแห่งความอบอุ่นที่ถ่ายทอดมายังจอมงัยครับ........”

“พี่แซม.....”จอมยุทธ์ครางชื่อนี้ออกมาเบาๆ จิตสำนึกบอกเขาว่า ภูผากำลังอ้างถึงชายหนุ่มคนนี้

“ทำไมจอมต้องพยายามปฏิเสธเขาล่ะ....”ภูผาแกล้งถาม...แม้จะทราบคำตอบอยู่แล้ว

“ผมกลัวครับพี่หมอก....ผมกลัวที่จะรัก.....ผมกลัวที่จะเสียใจครับ....อีกอย่างผมมีตาภูที่เป็นยอดดวงใจของผมอยู่แล้ว....ผมยังต้องการความรักไปเพื่ออะไรครับ....” จอมยุทธ์ตอบคำถาม แต่ก็เลือกที่จะยื่นประโยคคำถามกลับไป

“พี่ว่าจอมกำลังอ่อนแอมากกว่า....แม้ว่าจอมจะกำลังอยู่ในหุบเหวแห่งความเศร้า....เงียบเหงา...อ้างว้าง....และหนาวเย็น.... แต่ก็มีเส้นเชือกหลากหลายเส้น ที่ทอดยาวลงไปหา...สั้นบ้าง...ยาวบ้าง.....มีขนาดแตกต่างกันไป....หากแต่จอมอ่อนแอเกินกว่าจะตัดสินใจคว้าเส้นเชือกนั้น และปีนป่ายขึ้นมาสู่บริเวณที่อบอุ่น...ที่ดวงอาทิตย์แห่งรักฉายชัดตลอดเวลา.....”

“แล้วจะทราบได้อย่างไรล่ะครับ...ว่าเส้นเชือกเส้นไหน มันจะแข็งแรง...พอที่จะให้ผมปีนขึ้นมาได้สำเร็จ....ผมไม่อยากกลิ้งตกลงไปให้บาดเจ็บหรอกครับ....สู้อยู่เฉยๆ และยอมรับกับสภาพเหวเบื้องล่างไม่ดีกว่าหรือครับ....”จอมยุทธ์ไม่ยอมแพ้

“นั่นงัยครับ...ที่พี่ว่า...จอมกำลังอ่อนแอ.... ในอดีตน้องชายของพี่กล้าสู้....กล้าชน...มากกว่านี่นี่นา....ทำไมเรื่องแค่นี้ถึงกลัวไปได้.....” ภูผาพูดต่อ

“ไม่มีใครทราบหรอกครับว่าเชือกเส้นแต่ละเส้นมันจะแข็งแรงขนาดไหน...ถ้าจอมไม่ลองกระตุก...ไม่ลองเอื้อมหรือเปิดใจไปสัมผัสกับมันดู.......ไม่มีใครกำหนดหรอกว่าจอมจะใช้เวลานานเท่าไหร่จนกว่าจะขึ้นมาจากเหวนั้นได้.... จอมกับเชือกเส้นนั้นคงต้องตกลงกันเอง.... ดึงมากไปก็อาจจะขาด...ผ่อนมากไปก็ใช้เวลานาน....ที่สำคัญมือของจอมต้องผูกติดกับเชือกเส้นนั้นอยู่ตลอดเวลา.....”

“เชือก...ที่พี่ว่าก็คือ สายรัก ที่หลายคนทอดมาให้จอมงัยครับ.... ลองใช้สติปัญญาและความเข้มแข็งเลือกขึ้นมาซิครับ....พี่มั่นใจว่า ณ บัดนี้...มีเพียงเส้นเดียวที่โดดเด่นจริงๆ ..... เขาพยายามทอดมาอย่างมั่นคงที่สุด....รอเพียงแต่ว่า....จอมจะเอื้อมมือไปคว้าเมื่อไหร่” ภูผาพูดยาว

จอมยุทธ์ยืนนิ่งตั้งใจฟัง แต่ทว่าก็ถอนหายใจยาว หลังจากที่พี่ชายเขาพูดจบ...

“นับตั้งแต่พี่ทั้งสองจากมา...หากไม่มีพี่เสือและตาภูแล้ว...ชีวิตของผมคงล่องลอย......เคลื่อนที่ไปอย่างไม่มีวันหยุด......ลอยไปเหมือนเรือลำเล็ก...ผ่านคลื่นลมที่หนาวเย็น....รอ....รอจนกระทั่งมีคนที่แข็งแรงพอที่จะหยุดยั้งการเคลื่อนไปของผม....ผมหยุดตัวเองไม่ได้ครับ....” จอมยุทธ์กล่าวบอกพี่ชายตามความจริง ที่น้อยคนนักจะรับทราบ

“พี่เข้าใจ.....แต่จอมก็ต้องพยายามลดความเร็วให้ช้าลงบ้าง....พยายามทำใจให้เข้มแข็งพอที่จะเปิดโอกาสให้คนคนนั้น เข้าใกล้พอที่จะฉุดรั้งจอมไว้ได้ซิครับ....”

“ผมจะพยายามครับ...พี่หมอก...” จอมยุทธ์ยิ้มเศร้า....

“สัญญากับพี่ได้มั้ย” ภูผาถาม

“ได้ครับ...ผมสัญญา...ผมจะพยายามทำให้ได้...แต่ไม่ทราบว่ามันจะใช้เวลานานเท่าไหร่นะครับ...” จอมยุทธ์ให้สัญญาแต่ก็ยังเจือปนไปด้วยความไม่แน่นอนบางอย่าง

“จอมจำคำที่จอมพูดไว้ได้มั้ย....ที่ว่า....”

“ถ้าผมพบคนที่ผมรักมากกว่าพี่เมื่อไหร่...ผมจะหยุดครับ....” ทั้งสองพี่น้องพูดพร้อมกัน...

“จอมกำลังพบเขาแล้วนะ....แต่จะใช้เวลาเท่าไหร่ที่จอมจะหยุดนิ่งได้....จอมคงต้องพิจารณาเอง....”

“ครับ....” จอมยุทธ์รับปาก เขาก้มหน้าลง พลางทบทวนถึงข้อความต่างๆที่เขาและภูผาสนทนากันมาตั้งแต่ต้น จนกระทั่งได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมาจากด้านหลัง....

“ว่างัย...ไอ้เสือจอม.....”

จอมยุทธ์หมุนตัวไปหาต้นเสียง เขาพบชายหนุ่มผมยาว....หน้าเข้ม....ยืนอยู่พร้อมรอยยิ้มร่าเริง....ดวงตาหวาน...ที่หวานกว่าภูผา....กำลังส่งประกายแจ่มใส....ฟ้าลั่นแต่งกายในชุดขาวบริสุทธิ์เช่นเดียวกับภูผา ดวงหน้าเข้มดูหล่อจัดและปราศจากแว่นสายตามาปิดบัง

“สวัสดีครับพี่ฟ้าลั่น....หายไปไหนมาครับ....ผมเกือบจะลักพาตัวพี่หมอกไปแล้ว....”เจ้าน้องชายตัวดีเริ่มกวนประสาทพี่ชายตัวโตเข้าให้

“ถ้าลักพาไป...พี่จะจับเตะให้หมอบเลย...คอยดู...... พี่ไปทดสอบเชือกมาน่ะ” ฟ้าลั่นตอบคำถามพร้อมอาการอมยิ้มน้อยๆ

“เส้นไหนครับ...พอบอกผมได้มั้ย.....”จอมยุทธ์ถามโดยที่เขาไม่ได้หวังคำตอบจากพี่ชายผมยาว

“มันมีอยู่เส้นเดียวนี่หว่า....สีกากีซะด้วย....”ฟ้าลั่นตอบพร้อมรอยยิ้มกว้างจนคนฟังอย่างจอมยุทธ์เริ่มมีอาการหงุดหงิด และหน้าแดง....จอมยุทธ์พยายามกลบเกลื่อน

“ผมไม่เข้าใจ....ทำไมพี่ๆถึงต้องลุ้นผมกับพี่แซมกันนักนี่....พี่เสือ...พี่หมอก...แล้วก็พี่ฟ้าลั่นอีกคน....”

“ก็เพราะพี่สองคนเป็นห่วงจอมงัย....มันถึงเวลาที่จอมจะต้องเข้มแข็งแล้วนะ....พี่ทราบว่าจอมไม่เคยอ่อนแอในเรื่องอื่นๆ แต่เรื่องหัวใจ...จอมก็ทราบดีไม่ใช่หรือ.....พวกพี่แค่ช่วยกันคนละไม้คนละมือ” น้ำเสียงของฟ้าลั่นอ่อนโยนและเป็นงานเป็นการ ทำให้จอมยุทธ์รับทราบถึงความหวังดีและความจริงจังที่ถ่ายทอดออกมา

“แล้วพี่เสือล่ะครับ...พี่ๆจะช่วยพี่เสือหรือเปล่าครับ...”จอมยุทธ์ยังคงคิดถึงศิวะเสมอ

“ตาภูเค้าคงไม่ยอมให้พ่อเขาต้องทุกข์ทรมานนานหรอกครับ......ในอนาคตจอมคงจะทราบเอง...”ภูผาบอกเป็นนัย....

“สุดท้าย...ขอตอบคำถามที่จอมถามไว้ตั้งแต่ต้นนะครับ.... จอมยังไม่ตายหรอกครับ...เพียงแค่อยู่ในสภาวะที่สามารถติดต่อกับพี่ทั้งสองคนได้......ก็เท่านั้น..... กลับไปเถอะครับ....ได้เวลาแล้ว....” ภูผาพูดด้วยน้ำเสียงนุ่ม รอยยิ้มหวานปรากฏขึ้นบนใบหน้า.....ข้างๆกายของภูผาคือฟ้าลั่น...คนรักที่มิพรากจากกันอีกต่อไป

“อย่าลืมสัญญาที่ให้ไว้กับพี่นะครับ....” ภูผากล่าว

“พี่สองคนอยู่กับจอม...พี่เสือ...และตาภูเสมอนะ....” ประโยคสุดท้ายของฟ้าลั่นดังก้องไปมาอยู่ในจิตสำนึก....
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 05-04-2007 11:10:47
จนกระทั่งจอมยุทธ์รู้สึกได้ว่า......หลังมือของเขากำลังถูกครอบครองด้วยสองมือน้อยๆ และถูกสัมผัสด้วยแก้มนุ่มๆ มีเลือดฝาดของใบหน้าที่คุ้นเคย

จอมยุทธ์ค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ เขาปรับสายตาให้เข้ากับแสงนวลในห้อง ก่อนจะเอียงใบหน้าไปมองร่างเล็กๆของภูฟ้าที่กำลังใช้ฝ่ามือของเขาแทนหมอน แก้มของภูฟ้าแนบอยู่กับมือนุ่มของผู้เป็นอาเช่นเขา

ภูฟ้าเห็นดวงตาที่เปิดขึ้นของผู้เป็นอา....เด็กน้อยยิ้มให้ทันที พร้อมยืดตัวขึ้นตรง ร้องเรียกบิดาที่นั่งอ่านหนังสืออยู่บนโซฟา

“พ่อเสือครับ....อาจอมตื่นแล้วครับ.....” ภูฟ้าหันไปหาศิวะพร้อมรอยยิ้มหวาน ก่อนจะหันหน้ากลับมายังคุณอาของตน

“อาจอมเจ็บตรงไหนมั้ยครับ.....” เด็กน้อยถามเสียงนุ่ม...สีหน้าแสดงกังวลเต็มที่

จอมยุทธ์ได้แต่ยิ้มกับคำถามนั้น....เพราะเขายังไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้

ศิวะผุดลุกขึ้นจากโซฟาที่นั่งทันที เขาเดินเข้ามาหาจอมยุทธ์ที่นอนอยู่.... รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าเข้ม เพราะภูฟ้าพูดความจริง....จอมยุทธ์รู้สึกตัวแล้ว หลังจากหลับไปถึงสี่วันเต็มๆ 

ก่อนจะพูดอะไรทั้งสิ้น ศิวะกดปุ่มสีแดงบนหัวเตียง เพื่อส่งสัญญาณให้คุณหมอและนางพยาบาลทราบว่า จอมยุทธ์รู้สึกตัวแล้ว....

คริสเป็นคนแรกที่เปิดประตูเข้ามาในห้อง เขาเดินตรงไปตรวจอาการของจอมยุทธ์ทันที

“ในที่สุด...ก็ฟื้นนะจอม....ยินดีต้อนรับกลับมา....” สาเหตุที่ทำให้คริสพูดอย่างนี้ เพราะตลอดเวลาสี่วันที่ผ่านมาหัวใจของจอมยุทธ์หยุดเต้นไปแล้วถึงสองครั้ง คือขณะผ่าตัด และหลังการผ่าตัดหนึ่งวัน

สี่วันที่ผ่านมา ทั้งคริส  ศิวะ และสมาชิกในครอบครัวแทบจะไม่ได้หลับได้นอน.... แม้กระทั่งภูฟ้าเองก็เป็นห่วงอาจอม ถึงขนาดแทบไม่ยอมห่างจากร่างของจอมยุทธ์ที่กำลังนอนหลับสนิท ทั้งๆที่ภูฟ้าเกลียดบรรยากาศของโรงพยาบาลเป็นอย่างมาก

“ตอนภูไม่สบาย....อาจอมยังมานอนเฝ้าภู....แต่ตอนนี้อาจอมไม่สบาย...ภูจะทิ้งอาจอมไปได้อย่างไรล่ะครับ....พ่อเสือ...” นี่คือประโยคที่หนูน้อยบอกบิดาของตน ในตอนแรกหลังจากที่ศิวะจะพาภูฟ้ากลับไปรอที่บ้าน

นั่นคือเหตุผลที่ศิวะต้องพาภูฟ้ามาเฝ้าจอมยุทธ์ในตอนกลางวันทุกวัน...โดยภูฟ้าก็ปฏิบัติตัวดีมาตลอด ในตอนที่จอมยุทธ์อยู่ในห้องปลอดเชื้อ ภูฟ้าก็เลือกที่จะนั่งอยู่หน้ากระจกใส...ทอดสายตาเข้าไปในห้องสู่จุดหมายคือร่างที่หลับสนิทของคุณอาหนุ่ม...ภูฟ้าสามารถนั่งนิ่งๆอยู่ได้หลายๆ ชั่วโมงติดกัน

หรือในตอนที่จอมยุทธ์ออกจากห้องปลอดเชื้อและย้ายเข้ามาในห้องพิเศษแล้ว ภูฟ้ามักจะมานั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเล็กที่บิดาเตรียมไว้ให้....สองมือเล็กๆ กุมมือของจอมยุทธ์ไว้ตลอดเวลา....ถ้าภูฟ้าง่วงนอน...ก็จะหลับโดยใช้มือนุ่มของจอมยุทธ์แทนหมอนข้างทุกครั้ง....

 ครั้นเมื่อถึงเวลาที่คุณภาวดีมารับกลับไปบ้านในตอนเย็น ภูฟ้าก็ไม่อิดออด เด็กน้อยกลับบ้านไปพักผ่อนตามคำสั่ง โดยไม่ลืมที่จะห้อมแก้มคุณอาหนุ่ม และกล่าวลาอย่างสั้นๆ ว่า

“อาจอม...ตื่นไวๆ นะครับ....พรุ่งนี้ภูจะมาหาอาจอมใหม่ครับ....ราตรีสวัสดิ์ครับ”

ศิวะต้องวุ่นวายอยู่กับการดีบรีฟภารกิจรวมถึงการดำเนินเรื่องต่างๆภายหลังการปฏิบัติการเสร็จสิ้น รวมถึงได้รับเชิญจากนครินทร์ให้เข้าร่วมการสรุปคดีความ เขาเลยมักจะปล่อยภูฟ้าให้อยู่กับคริส.....พ่อทูนหัว...รวมถึงคุณภาวดีพี่เลี้ยงบ่อยครั้ง

ข่าวสารเรื่องการฟื้นของจอมยุทธ์ถูกกระจายไปในหมู่สมาชิกในครอบครัวใหญ่ รวมถึงเพื่อนๆเจ้าหน้าที่หน่วยรบพิเศษที่คงคงปักหลักอยู่ในประเทศ โดยไม่มีการเคลื่อนย้ายไปไหน จนกว่า Mission Commander จะสั่งสลายตัว ในกรณีนี้ อเล็กซ์และศิวะยังไม่มีคำสั่งใดๆ พวกเขาทั้ง 62 ชีวิตยังคงต้องตามสรุปภารกิจและสนับสนุนข้อมูลต่างๆให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

คุณปู่ คุณย่า และคุณทวดของภูฟ้าพากันขึ้นมารอฟังข่าวกันอย่างพร้อมหน้าที่เชียงใหม่ จึงกลายเป็นการรวมสมาชิกทั้งสี่ครอบครัวเข้าด้วยกันอีกครั้ง แม้จะทราบดีว่าหลังจากจอมยุทธ์ฟื้นแล้ว เขาจะต้องถูกส่งตัวเข้าเซฟเฮ้าส์ทันที พร้อมด้วยแพทย์และพยาบาลติดตาม เพื่อกำหนดเขตรักษาความปลอดภัยได้ดีขึ้น รวมถึงจอมยุทธ์ต้องเริ่มโปรแกรมฟื้นฟูสมรรถภาพทางร่างกายทันทีที่พร้อม 

“จอม....ดื่มน้ำมั้ย” ศิวะถาม เพราะทราบดีว่าในช่วงเวลานี้จอมยุทธ์น่าจะต้องการดื่มน้ำอย่างมาก

จอมยุทธ์พยักหน้าช้าๆ เป็นคำตอบ ศิวะจึงปรับเตียงและยื่นแก้วน้ำพร้อมหลอดเล็กๆ ให้จอมยุทธ์ดูดน้ำดื่มได้ทีละน้อย เพื่อกันการสำลัก ในขณะที่คริสและคุณหมออีกสองสามท่านกำลังปรึกษากันถึงวิธีการดูแลต่อไป

“พี่เสือครับ...ผมหลับไปกี่วันครับ...”จอมยุทธ์ส่งเสียงถามด้วยเสียงแหบแห้ง

“สี่วันเต็ม.....”ศิวะตอบ

“ทุกอย่างโอเคมั้ยครับ....”จอมยุทธ์ยังคงวิตกเรื่องงาน

“ทุกอย่างโอเค....ไม่ต้องเป็นห่วง....ไม่มีใครบาดเจ็บหนักเท่าจอม....เอสามารถจับพวกขบวนการค้ายาได้ครบ....ส่วนตาภูก็สบายดี....และกำลังอยู่ในระหว่างการฟื้นฟูสภาพจิตใจ โดย คริส แม๊ก...และคุณหมอท่านอื่นๆ” ศิวะตอบคำถามอย่างรวบรัด และถอยหลังออกไปเพื่อให้ศริสเข้ามาพูดคุยกับจอมยุทธ์ต่อ

“จอม...ผมกับคุณหมอตกลงกันว่าจะให้จอมพักที่โรงพยาบาลนี้อีกหนึ่งคืน หลังจากนั้นเราจะพาจอมไปที่เซฟเฮ้าส์ตามข้อกำหนดของหน่วยรบ....ช่วงนี้พวกเราจะสังเกตอาการ และจะเตรียมพร้อมสำหรับการขนย้าย”

“ขอบคุณครับคริส....ผมเดาว่าคริสเป็นคนผ่าผมใช่มั้ยครับ...”ประโยคท้าย จอมยุทธ์ถาม

“ผมมั่นใจในตัวจอมเอง...ผมมั่นใจในตัวผมเอง...และสุดท้ายผมยอมไม่ได้ที่จะอยู่เฉยๆหรอกจอม....ถ้าจอมเป็นอะไรไปโดยที่ผมไม่สามารถช่วยได้......ผมจะโทษตัวเองไปตลอดชีวิต” คริสตอบคำถามของจอมยุทธ์

“ขอบคุณอีกครั้งครับ....คริส” จอมยุทธ์มอบรอยยิ้มให้กับคริส...ผู้รักษาชีวิตของเขา

“จริงๆ จอมต้องขอบคุณ คุณหมอและพยาบาลทกท่านที่ช่วยกันอย่างสุดความสามารถ และต้องไม่ลืมคนสำคัญ.....คือพันตำรวจตรียุทธจักร...คนที่ถ่ายเลือดของเขาให้กับจอม....”

“ครับ” จอมยุทธ์รับทราบ เขาแน่ใจแล้วว่าจิตใต้สำนึกที่บอกเขาว่า มีกระแสเลือดอันอบอุ่นไหลวนอยู่ในร่างกายของเขา รวมถึงความทรงจำ ณ ดินแดนอันห่างไกล......ที่ภูผาก็บอกเขาในลักษณะเดียวกัน....เขาได้รับเลือดที่เต็มไปด้วยความรักจากยุทธจักรมาไว้ในร่างกาย

“ผมต้องขอตัวก่อนนะ...เดี๋ยวผมมาใหม่....” คริสต้องแยกตัวพาภูฟ้าไปเข้าโปรแกรมการฟื้นฟูสภาพจิตใจ

“สกาย...มาลาอาจอมก่อนซิ....เดี๋ยวได้เวลาไปเล่นกับแด๊ดดี้แล้ว” คริสบอกภูฟ้าที่ยืนอยู่ข้างๆ ศิวะ

คำว่า “ไปเล่น” ของคริส นั้นหมายถึงการเข้าฟื้นฟูสภาพจิตใจ ที่ต้องกระทำทุกวัน วันละหลายๆครั้ง เพื่อบำบัดความกลัวที่ฝังลึกในจิตใจของภูฟ้า หลังจากเหตุการณ์บุกชิงตัวประกันที่ผ่านมา

“ภู...ไปเล่นกับแด๊ดดี้ก่อนนะครับ....เดี๋ยวภูมาหาอาจอมใหม่ครับ....” เด็กน้อยกล่าวลาผู้เป็นอา และเดินจูงมือพ่อทูนหัว...หนุ่มต่างชาติร่างสูงใหญ่.....ตาสีฟ้าออกไปจากห้อง โดยมีจุดม่งหมายคือสวนหย่อมสวยของโรงพยาบาล

“พี่แซม...อยู่ที่ไหนหรือครับ...พี่เสือ” ศิวะดูเหมือนจะสังเกตเห็นอาการอายเกิดขึ้นเล็กๆ ภายใต้ประโยคคำถามนั้น แต่เขาเลือกที่จะนิ่งเสีย ไม่จับมาเป็นประเด็นล้อเลียนจอมยุทธ์

“แซมมีงานราชการด่วนครับ....”ศิวะเกือบจะหลุดปากบอกจอมยุทธ์ไปว่า ยุทธจักรจำเป็นต้องหยุดพักชั่วคราว กว่าจะสามารถออกปฏิบัติหน้าที่ได้อีกครั้ง หลังจากที่ต้องถ่ายเลือดให้กับจอมยุทธ์มากเกินกว่าระดับปกติที่คนธรรมดาสามารถจะให้ได้ แม้ว่าในขณะนั้นร่างกายของยุทธจักรจะอยู่ในสภาวะจำศีลชั่วคราวตามที่คริสเป็นผู้คิดค้นขึ้น แต่กระนั้นเขาก็อยู่ในสภาพหมดสติ และค่อยคืนฟื้นสติอย่างช้าๆ ตามกำหนดของคณะแพทย์ รวมทั้งสิ้นถึงสองวันทีเดียว
 
แต่ศิวะก็เลือกที่จะนิ่งเสีย เขาตอบคำถามตามความจำเป็น

“ครับ” จอมยุทธ์รับคำสั้นๆ

“พี่ว่าจอมนอนพักผ่อนซักพักนะ...อีกสองชั่วโมงตาภูก็กลับมา...แล้วค่อยตื่นขึ้นมาคุยกันใหม่...เผื่อคุณยาย คุณพ่อและคุณแม่จะเข้ามาเยี่ยมด้วย....” ศิวะให้คำแนะนำ

“ครับ...”จอมยุทธ์รับคำสั้นๆอีกครั้ง และหลับตาลงเข้าสู่การพักผ่อนทันที

จอมยุทธ์หลับไปนานพอสมควร และตื่นขึ้นมาอีกครั้งในตอนเย็น เขาพบว่าสมาชิกทั้งสี่ครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้าในห้องรับแขก ที่แยกส่วนไว้อย่างชัดเจนกับบริเวณเตียงนอนของเขา
ท่านผู้หญิงประกายแก้ว บิดาและมารดาของเขา นายแพทย์ศิลป์กวี คุณพิมพิพล คุณศิริพิมพ์ พี่ชายและพี่สาวของเขา รวมถึงศิวะ คริสและภูฟ้า ต่างพร้อมใจกันปรากฏตัวเพื่อให้กำลังใจ เพราะทราบดีกว่า ถัดจากเวลานี้ไปจอมยุทธ์จำเป็นต้องถูกส่งตัวไปที่เซฟเฮ้าส์เพื่อทำการฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายเป็นระยะเวลาหลายเดือน

“หมดเคราะห์แล้วนะ.....จอม....”คุณประกายแก้วในฐานะผู้อาวุโสที่สุดกล่าวทักทายจอมยุทธ์

“ครับ...คุณยาย...” เสียงจอมยุทธ์เบาและแหบแห้ง

แม้จอมยุทธ์จะไม่สามารถสื่อสารได้อย่างคล่องแคล่วนัก เพราะเสียงที่หายไปเนื่องจากหมดสติไปเป็นเวลานาน แต่การตอบโต้ทางร่างกายที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ก็ทำให้ผู้ใหญ่ทั้งหลายเบาใจได้มาก โดยเฉพาะคุณวิศรุตและคุณ.....ผู้เป็นบิดาและมารดา ที่แทบจะไม่ได้หลับไม่ได้นอนเพราะกังวลในอาการของลูกชายคนเล็ก

การเข้าเยี่ยมผู้ป่วยใช้เวลาไม่นานนัก เพราะเมื่อได้รับการยืนยันจากคริสและคณะแพทย์ว่าจอมยุทธ์ปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว รวมถึงการรับทราบด้วยตาตนเองว่าจอมยุทธ์สามารถขยับร่างกายและสนทนาได้บ้าง ก็ทำให้ทุกคนพอใจและทยอยเดินทางกลับไปพักผ่อน ยกเว้นศิวะ ภูฟ้า และคริส ที่ต้องรับหน้าที่อยู่เฝ้าไข้จอมยุทธ์ในตอนในกลางคืนของวันนี้

ศิวะ คริส อาสาดูแลจอมยุทธ์ด้วยตนเอง ทั้งเรื่องการทำความสะอาดร่างกายและเรื่องอื่นๆ โดยไม่ต้องพึ่งพานางพยาบาลแต่อย่างใด แม้กระทั่งภูฟ้าก็ยังอาสาช่วยคุณพ่อกับแด๊ดดี้ดูแลคุณอาที่รักของเขาด้วย

คืนนี้เป็นคืนพิเศษที่ศิวะอนุญาตให้ภูฟ้านอนอยู่เป็นเพื่อนอาจอมได้ เนื่องจากเขาและจอมยุทธ์ต้องอธิบายให้ภูฟ้าฟังเรื่องการเข้าพักรักษาตัวของจอมยุทธ์ในเซฟเฮ้าส์หลังจากนี้

“ภูโทรหาอาจอมได้หรือป่าวครับ” ภูฟ้าถามขึ้นหลังจากฟังคำอธิบายจนเสร็จสิ้น

“ได้ซิครับ....” จอมยุทธ์ตอบหลานรัก

“แต่ว่า....อาจอมจะโทรหาภูเองนะครับ...จะโทรทุกวันเลย....ดีมั้ยครับ...” คำตอบของจอมยุทธ์สร้างรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าของภูฟ้า

“ดีครับ...อาจอม” หนูน้อยรีบลงจากตักของบิดา เดินไปหอมแก้มคุณอาผู้ใจดีข้างละที

“พ่อเสืออาจจะพาภูไปเยี่ยมอาจอมก็ได้นะครับ....แต่พ่อเสือต้องดูตารางเวลาก่อนนะครับ....” ศิวะลูบผมนุ่มสลวยของลูกชาย หลังจากที่เดินกลับมานั่งบนตักตนเองอีกครั้ง

“ครับพ่อเสือ....” เด็กน้อยรับคำ

“แล้วแด๊ดดี้ล่ะครับ....แด๊ดดี้จะไปอยู่กับอาจอมหรืออยู่กับภูครับ....” ภูฟ้าหันมาถามคุณพ่อชาวต่างชาติที่นั่งอยู่โซฟาถัดไป

“แด๊ดดี้จะไปอยู่กับอาจอมซักพักหนึ่งครับ...แต่แด๊ดดี้ก็จะแวะมาหาภูด้วย....”คริสทอดสายตาอบอุ่นมายังลูกชายตัวน้อย

“ครับ....ภูอยากอยู่ใกล้ๆ พ่อเสือ อาจอม แล้วก็แด๊ดดี้ครับ....แต่ถ้าอาจอมกับแด๊ดดี้ไม่ว่าง.....ภูก็จะรอครับ....”

“ลูกพ่อน่ารักจังเลยครับ....” ศิวะก้มลงหอมแก้มภูฟ้า เพราะความน่ารักของลูกชายที่ปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ต่างๆ ได้ดี แม้ว่าจะไม่ได้เข้าใจเรื่องราวอย่างกระจ่างนัก แต่เด็กน้อยก็เชื่อฟังคำพูดของผู้ใหญ่เสมอ

“มาให้พ่อคริสหอมด้วยซิครับ....” คริสเรียกร้อง...ภูฟ้าจึงลงจากตักของศิวะ เดินไปให้คุณพ่อตัวใหญ่หอมแก้มใสๆของตน 

“ได้เวลานอนแล้วนะครับลูก....เดี๋ยวพ่อเสือจัดเตียงให้นะครับ....”ศิวะกล่าวเตือนลูกชาย ก่อนจะเดินเข้าไปในอีกห้องถัดไป ในส่วนพักผ่อนของญาติผู้ป่วย เพื่อจัดเตรียมที่นอนให้ภูฟ้า

“ไปกูดไนท์อาจอมก่อนซิครับภู....เดี๋ยวพ่อคริสจะพาไปนอน....”

“กูดไนท์ครับอาจอม....”ภูฟ้าเข้าไปกระซิบที่ข้างหูจอมยุทธ์ และหอมแก้มเพื่อกล่าวลา

“กูดไนท์ครับ...หลานรักของอา” จอมยุทธ์ตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนนุ่ม....

“โอเค....งั้นไปนอนกับพ่อคริสนะครับ....อาจอมกับพ่อเสือคงมีเรื่องต้องคุยกันครับ....”คริสก้มลงอุ้มลูกชายขึ้นมาแนบอก แล้วจึงเดินแยกออกไปเข้าสู่ส่วนห้องรับแขก สวนทางกับศิวะที่เดินเข้ามา

ศิวะมอบหน้าที่ให้คริสอยู่ดูแลภูฟ้าให้เข้านอนให้เรียบร้อย ส่วนตัวเขาจะต้องปรึกษาหารือกับจอมยุทธ์ในอีกหลายเรื่อง ทั้งเรื่องงานที่เร่งด่วนและเรื่องการเข้าพักรักษาตัวในวันพรุ่งนี้

ทั้งสองพี่น้องคุยกันจนได้ข้อสรุปที่พึงพอใจทั้งสองฝ่าย ก่อนที่ศิวะจะแยกตัวออกมา ปล่อยให้จอมยุทธ์ได้หลับพักผ่อน....

ความรู้สึกแปลกๆ หวนกลับมาหาจอมยุทธ์อีกครั้ง....ภายหลังดวงตาทั้งสองปิดลง.....ความอบอุ่น....ที่แม้มิคุ้นเคย...แต่ก็ปรับรับได้....กำลังไหลวน...อยู่ทั่วร่างกาย...และหัวใจ....

ความหนาวเย็นในจิตใจ....เริ่มจางหายไปอย่างช้าๆ....จนเขาเองก็สังเกตได้......

ความรักจากบุคคลคนหนึ่ง...มันช่างมีพลังมากเหลือเกิน.... มากจนกระทั่งเขาไม่อาจปฏิเสธที่จะยอมรับการมีตัวตนของมันได้....

การยอมรับ...เป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายสำหรับเขา....หากแต่จะมอบความรักนั้นกลับไป....

“มันคงต้องใช้เวลา....และความเข้มแข็งพอควร.....” จอมยุทธ์ตระหนักดี

“ผมพยายามจะรักษาสัญญานะครับ.....แต่มันจะใช้เวลาเท่าไร.....ผมคงตอบไม่ได้นะครับพี่หมอก.....”จอมยุทธ์บอกตัวเองเป็นประโยคสุดท้าย...ก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทรา.....
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 05-04-2007 11:15:32
จบบทที่ 9 แล้วครับ....

ต่อไปก็ตอนอวสาน.....

เมื่อก่อนเวปจะล่ม....กะว่าจะโพสต์บอกว่า....แต่งตอนอวสานเสร็จแล้วครับ.... และกะจะโพสต์ให้อ่านเลย....

แต่ตอนนี้กำลังเซ็ง.....กะว่าจะเล่นตัวซักหน่อยแล้ว......

ยังหงุดหงิดไม่หายน่ะครับ....อุตสาห์เร่งเขียน.....

เฮ้อ...... :serius2:

ไปล่ะครับ.... ไปทำใจก่อนครับ....

บายครับ

Andreas
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 05-04-2007 11:17:15

...............เอาใขช่วยนะคับพี่จ๋อม.........สู้ๆ........ :give2: :give2:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 05-04-2007 11:51:55
อืม  เสียดายความเห็นต่าง ๆ ด้วยอะ แงแง ขนาดไม่ใช่เจ้าของกระทู้นะเนี่ย  :monkeycry4:  :monkeycry4:

เอาใจช่วยจ๋อมคนเก่งจ้า  สู้สู้  :yeb:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: KevinKung ที่ 05-04-2007 11:59:15
รอเว็ปแก้เสร็จ อย่างใจจดใจจ่อ  :monkeysad:
หวังว่า จะได้อ่านตอนใหม่ ซะอีก  :monkeycry4:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 05-04-2007 12:28:25
จ๋อมสู้สู้จ้า... :yeb:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 05-04-2007 12:36:50
Kevin Kung ครับ....

ไอ้ที่โพสต์ตอนสุดท้ายนี่....มันก็ตอนใหม่นะครับ....

Andreas
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 05-04-2007 13:56:13
มารออ่านต่อ มาให้กำลังใจคนเขียนด้วย  :loveu: :loveu: :loveu:


หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: wee ที่ 05-04-2007 14:52:20
เมื่อก่อนเวปจะล่ม....กะว่าจะโพสต์บอกว่า....แต่งตอนอวสานเสร็จแล้วครับ.... และกะจะโพสต์ให้อ่านเลย....

แต่ตอนนี้กำลังเซ็ง.....กะว่าจะเล่นตัวซักหน่อยแล้ว......

ยังหงุดหงิดไม่หายน่ะครับ....อุตสาห์เร่งเขียน.....

 :seng2ped: :seng2ped: :seng2ped:
เข้ามาเป็นเพื่อนหงุดหงิดด้วยคนครับ ....เฮ้อ 
 แต่ อย่าพึ่งเล่นตัวน่ะครับ  อยากอ่านต่อ ตอนอวสาน ขอแบบหวานเจี๊ยบบบบ.... :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 05-04-2007 23:34:18
มารอด้วยคนคับ  :yeb: :yeb:

สู้ๆ ค้าบบบ  :loveu: :loveu:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: RoosT ที่ 06-04-2007 08:45:00
 :angry2: :angry2: :angry2:
อยากฆ่าพวกโรคจิต มาแฮกเวป

พี่จ๋อมสู้ๆคับผมมมมมมมมมมมมมมมมมมม

 :yeb: :yeb: :yeb: :yeb: :yeb:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 06-04-2007 11:12:35
มานั่งรอตอนอวสานด้วยคน  :dont2:
อย่าว่าแต่คนแต่งเซ็งเลย คนอ่านก็เซ็งเหมือนกันล่ะ  :serius2:  :serius2:
กำลังตามอ่านเพลิน ๆ ก็ต้องมาขาดตอนซะงั้น  :angry2: 

เสียดายความคิดเห็นต่างๆ เนอะ  :dont2:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 06-04-2007 22:25:41
I don't know what's happened…….

But I could not access this page yesterday.... that is why there is no new post....

How am I going to trust if I post and then everything’s gone with the wind again?....

Regards

Andreas  
 :monkeysad: :monkeysad2: :monkeycry2:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: kYos ที่ 06-04-2007 23:17:02
 :monkeysad:  รอ และ ให้กำลังใจคนเขียน  :yeb:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 07-04-2007 02:40:45
รอ ร้อ รอ อย่างใจจดใจจ่อ  :impress:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 07-04-2007 03:35:55
มารอเหมือนกัน  :loveu: :loveu: :loveu:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: RoosT ที่ 07-04-2007 11:06:48
 :loveu: :loveu:

รอ ร๊อ รอ

รอความรักของแซมกะจอมมมมม

แล้วของพ่อเสือจะเจอใครมาเปิดประตูหัวใจที่ปิดตายมะเนี่ยยย

 :myeye: :myeye: :myeye:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 07-04-2007 12:03:23
มารอด้วยคน  :เชิป2: :110011: :เชิป2: :110011:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 08-04-2007 01:20:31
อ้าว...งงๆ
ไม่ได้เข้ามาอ่านหลายวันเพราะไม่มีเวลาว่างเลย
ยังกลัวอยู่เลยว่าสงสัยเรื่องคงจบแล้วแน่ๆ แต่กลายเป็นว่าหายหมดซะงั้น
...
...
แต่ครั้งนี้ก็ยังไม่ได้อ่านอยู่ดี
แค่เข้ามาให้กำลังใจคนแต่งและบอกให้รู้ว่ายังติดตามอยู่เหมือนเดิมนะจ๊า :yeb:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 08-04-2007 11:43:02
บทที่ 10 บทสรุปของรักแท้

ข่าวคราวการจับกุมตัวพ่อเลี้ยงมงคลถูกนำขึ้นหน้าหนึ่งในหนังสือพิมพ์หลายฉบับ ตามมาด้วยการจับกุมผู้โยงใยในขบวนค้ายาเสพติดในระดับประเทศและระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  โดยมีรัฐมนตรี นายตำรวจ
ข้าราชการ และนายทหาร ติดร่างแหไปด้วยหลายคน

คดีดังนี้เริ่มต้นขึ้นอย่างเงียบๆและเน้นการปฏิบัติการที่รวดเร็วประดุจสายฟ้า โดยกำลังเจ้าหน้าที่ปราบปรามยาเสพติดที่ควบคุมโดยนครินทร์ และการสนับสนุนจากทีมชุดปฏิบัติการที่สองของสำนักงานกองกำลัง (ร่วมพิเศษ)ฯ รวมถึงมีพันตำรวจโทหญิง (Lt. Col.) Maria K. Hertz และเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญอีกสามคนเป็นผู้คอยประสานงานเรื่องการข่าว การดักฟังและติดตามสัญญาณทางโทรศัพท์ ตลอดจนการแปลความหมายของสัญญาณภาพถ่ายดาวเทียมต่างๆ 

ด้วยสาเหตุที่พ่อเลี้ยงมงคลสามารถปิดบังฐานะของเขาได้เป็นอย่างดีถึงหลายปี จึงทำให้นครินทร์สันนิษฐานว่า พ่อเลี้ยงมงคลคงมีเส้นสายทางการเมืองและทางตำรวจอย่างแนบแน่น โดยเฉพาะฝ่ายปราบปรามยาเสพติด ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะกระจายข่าวการจู่โจมบุกเข้าจับกุมตัวในวงแคบที่สุด โดยมีการรับทราบกันในระดับสูงสุดขององค์กรเท่านั้น

ในวันเดียวกับการปฏิบัติการบุกชิงตัวประกันและการสลายกลุ่มนายพลลู่เซอ นครินทร์และผู้ใต้บังคับบัญชาที่สนิทและไว้ใจได้ รวมถึงเจ้าหน้าที่ในชุดปฏิบัติการที่สอง ได้ร่วมมือกับมาเรียและเจ้าหน้าที่หน่วยรบพิเศษอีกสามคน ทำการฝังตัวในพื้นที่รอบคฤหาสน์ของพ่อเลี้ยงมงคล พร้อมทั้งดักฟังสัญญาณโทรศัพท์และวิทยุต่างๆ

เป็นไปอย่างที่คาดการณ์ ณ. เวลาประมาณเกือบเจ็ดนาฬิกาตรง ข่าวเรื่องค่ายถูกโจมตีก็ถูกส่งผ่านมายังพ่อเลี้ยงมงคล หลังจากนั้นการติดต่อบุคคลระดับสูงในขบวนการก็เริ่มต้นขึ้น

สัญญาณการสื่อสารทั้งหมดถูกดักฟังและทำการบันทึก ตลอดจนค้นหาเป้าหมายผ่านดาวเทียมสื่อสาร โดยความร่วมมือกันระหว่างเจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าวกรองและเจ้าหน้าที่ฝ่ายสื่อสารจากชุดปฏิบัติการที่สอง ทั้งหมดทำงานประสานกันอย่างรวดเร็วเพื่อค้นหาชื่อและตำแหน่งของบุคคลที่พ่อเลี้ยงมงคลติดต่อทุกคน

จนกระทั่งการส่งข่าวทั้งหมดเสร็จสิ้น นครินทร์ได้รับข้อมูลที่เพียงพอที่จะใช้เป็นหลักฐานมัดตัวพ่อเลี้ยงมงคลได้ในระดับหนึ่ง ดังนั้นเขาจึงสั่งบุกจู่โจมเข้าจับกุมโดยทันที

พ่อเลี้ยงมงคลเดินลงมาจากเรือนไม้สักทองด้วยใบหน้าและกิริยาแสดงอาการเกรี้ยวกราดเต็มที่ เนื่องจากบ้านพักถูกบุกรุกโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งชุดสีกากีและชุดคอมมานโดสีดำสนิท รวมถึงเห็นว่าลูกน้องถูกจับตาไว้หมดทุกคน

“คุณทำอย่างนี้ได้อย่างไร....ผมเป็นนักการเมืองท้องถิ่นนะ....คุณจะมาบุกรุกสถานที่ของผมโดยไม่มีหมายค้นและไม่แจ้งล่วงหน้าแบบนี้....พวกคุณเป็นใคร....แม้แต่ผู้กำกับนิพนธ์ยังต้องเกรงใจผม” พ่อเลี้ยงมงคลโวยวายใส่นครินทร์ โดยอ้างถึงผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่....พันตำรวจเอกนิพนธ์ กันสุระ

“อย่าโวยวายดีกว่าครับ....สงบสติอารมณ์ไว้ดีกว่า.... คุณมีสิทธิ์ที่จะไม่ให้การใดๆทั้งสิ้นจนกว่าจะถึงเวลาสอบสวน” นครินทร์กล่าวน้ำเสียงเย็น ไม่ใส่ใจกับท่าทีเกรี้ยวกราดและการยกตนข่มท่านของชายวัยกลางคนตรงหน้า

“ผมนายพันตำรวจโท นครินทร์ รองผู้กำกับการงานสืบสวนและปราบปรามยาเสพติด ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามคดียาเสพติดแห่งชาติ ให้นำกำลังเข้าตรวจค้นและจับกุมผู้ประพฤติผิดฐานครอบครองและจำหน่ายวัตถุเสพติดร้ายแรง....... ในเวลานี้คุณคือผู้ต้องสงสัย...ส่วนจะเลื่อนขึ้นเป็นผู้ต้องหาหรือไม่....รออีกซักพักคงจะทราบเอง” นครินทร์อธิบายสั้น ไร้อาการนอบน้อมต่อนักการเมืองท้องถิ่นหน้าไหว้หลังหลอกคนนี้

นครินทร์ให้สัญญาณการปูพรมตรวจค้น โดยให้เจ้าหน้าที่สื่อสารขึ้นสืบหาหลักฐานเกี่ยวกับกับยาเสพติดในห้องทำงานของพ่อเลี้ยงมงคล รวมถึงให้เจ้าหน้าที่อีกส่วนหนึ่งหาทางเปิดห้องใต้ดินบริเวณสนามหญ้าหน้าบ้านให้ได้อย่างรวดเร็ว

ส่วนพนักงานรักษาความปลอดภัยทั้งหมดของพ่อเลี้ยงถูกเรียกตัวมารวมกันในบริเวณด้านหนึ่งของสนามหน้าบ้าน แม้ว่านครินทร์จะทราบว่าพวกเขาต้องสมรู้ร่วมคิดกับพ่อเลี้ยงมงคลกระทำความผิดมาโดยตลอด แต่เนื่องจากยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดหรือการสารภาพผิด ดังนั้นเขาจึงยังไม่สามารถสั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจใส่กุญแจมือพนักงานรักษาความปลอดภัยทั้งยี่สิบกว่าคนได้ จนกระทั่งเขาจะพบของกลางและแจ้งข้อหามีความผิดฐานสมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534

พ่อเลี้ยงมงคลยังคงเกรี้ยวกราดเพราะว่าคำขู่ไม่ได้ผล เขาเริ่มแสดงอาการวิตกกังวลมากขึ้น เนื่องจากดูเหมือนว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดนี้จะทราบว่าเขาและพวกได้ซุกซ่อนอะไรไว้ตรงไหนเป็นอย่างดี

“ผมจะโทรศัพท์เรียนผู้กำกับนิพนธ์....ให้ทราบว่ามีตำรวจบุกรุกเข้าบ้านผมโดยไม่มีหมายค้นและทำการดูหมิ่นศักดิศรีผม” พ่อเลี้ยงมงคลตะโกนบอกนครินทร์

“เชิญตามสบายครับ....ฝากเรียนท่านผู้กำกับด้วยว่า....ผมนายพันตำรวจโทนครินทร์เป็นคนนำกำลังมาเองครับ” นครินทร์พักจากการฟังรายงานทางเครื่องรับส่งวิทยุ หันหน้ามาบอกพ่อเลี้ยงพร้อมทั้งพยักหน้าให้นายตำรวจติดตามยื่นโทรศัพท์มือถือให้พ่อเลี้ยงเพื่อทำการติดต่อผู้กำกับนิพนธ์ ผู้ที่นครินทร์ทราบมาก่อนหน้านี้แล้วว่ามีส่วนร่วมกับขบวนการค้ายาเสพติดนี้

นครินทร์เลิกใส่ใจกับพ่อเลี้ยงมงคล... เขามอบหมายให้นายตำรวจสองคนดูแลอย่างใกล้ชิดโดยไม่ให้เคลื่อนที่ไปไหนมาไหน แต่ก็ให้สามารถโทรศัพท์ติดต่อทนายความหรือคนที่ต้องการได้....

ตอนนี้นครินทร์ต้องหันมาให้ความสำคัญกับข้อมูลต่างๆ ที่ส่งผ่านเข้ามาทางวิทยุสื่อสาร ทั้งเรื่องการถอดรหัสคอมพิวเตอร์ส่วนตัวของผู้ต้องสงสัย การค้นพบห้องใต้ดินขนาดใหญ่บริเวณกลางสวน และความพยายามในการเปิดห้องลับดังกล่าว

มาเรียทำงานประสานกับนครินทร์ เธออยู่ข้างตัวนครินทร์ตลอดเวลา โดยรับฟังข้อมูลต่างๆ ที่ถูกถ่ายทอดออกมาเป็นภาษาอังกฤษ หลังจากนั้นเธอจึงให้ข้อแนะนำ เพื่อช่วยการค้นหาและเก็บหลักฐานต่างๆ

ในที่สุดด้วยความพยายามและการร่วมมือกันของหลายๆฝ่าย ห้องลับใต้ดินก็ถูกเปิดออก พร้อมกับอาการกระสับกระส่ายของพ่อเลี้ยงมงคล....รวมถึงกิริยาแปลกๆของพนักงานรักษาความปลอดภัยที่ถูกควบคุมตัวไว้.... มาเรียสังเกตเห็นสัญญาณร่างกายต่างๆ ถูกส่งผ่านถึงกัน

ผู้พันสาวสวยจับตามองดูอยู่โดยตลอด จนกระทั่ง...

“หมอบลง” มาเรียร้องบอกเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ยืนประจำอยู่กลางสนาม พร้อมกับฉุดนครินทร์ให้นอนราบลงกับพื้น ก่อนกระสุนปืนจะถูกยิงตรงมา โดยมีจุดเริ่มต้นคือจากกลุ่มพนักงานรักษาความปลอดภัยที่นั่งรวมกันอยู่บริเวณด้านหนึ่งของสนาม

ลูกน้องของนครินทร์ที่เฝ้าอยู่ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ ในขณะที่ชายฉกรรจ์ทั้งหมดเกือบยี่สิบคนนั้น ในตอนนี้ต่างมีอาวุธปืนสั้นอยู่ในครอบครอง พวกเขาวิ่งเข้าหาที่กำบังและพยายามยิงตอบโต้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อทำการหลบหนีออกจากการจับกุม เนื่องจากพอจะทราบแล้วว่าหลักฐานทั้งหมดถูกเปิดเผยต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดนี้ได้แล้ว... ทางเดียวที่จะพ้นคุกคือต้องพยายามหลบหนีออกไปให้ได้

มาเรียจับตามองพ่อเลี้ยงมงคลที่ยังอยู่ในความคุ้มครองของนายตำรวจอีกสองคน แต่บริเวณดังกล่าวก็ยังเสี่ยงต่อการถูกกระสุนลูกหลง เธอและนครินทร์หันหน้าหากันเพื่อส่งสัญญาณ หลังจากนั้นจึงวิ่งตรงไปยังบริเวณที่พ่อเลี้ยงมงคลหลบอยู่ เพื่อคุ้มกันและพาออกมายังที่ปลอดภัยมากขึ้น

“Lt. Col. ดิฉันมีข้อเสนอ ในการจัดการสถานการณ์นี้ค่ะ.....” มาเรียกรอกเสียงลงไปในเครื่องรับส่งวิทยุติดตามตัวหลังจากพาพ่อเลี้ยงมงคลออกมาจากบริเวณอันตรายได้แล้ว

“เชิญครับ... Lt. Col.”

“ดิฉันเสนอให้หยุดยิงก่อนค่ะ......ดิฉันคิดว่าพวกเขาคงต้องการจะหลบหนีออกไปทางด้านหลังของบ้านซึ่งเป็นทุ่งนากว้าง.....ดิฉันมีแผนรับมือสำหรับสถานการณ์นี้ค่ะ” มาเรียบอกข้อเสนอไปอย่างรวดเร็วเพื่อแข่งกับเวลาที่เหลืออยู่อันน้อยนิด

“ครับ....เชิญ Lt. Col. จัดการได้เลยครับ” นครินทร์ค่อนข้างจะไว้ใจในความคิดของมาเรีย ประกอบกับการที่เธอสามารถก้าวเข้ามาเป็นหนึ่งในหน่วยรบพิเศษขององค์การสหประชาชาติได้นั้น...พันตำรวจโทสาวสวยคนนี้คงมีคุณสมบัติพิเศษมากพอสมควร

“ทุกหน่วย....กรุณาหยุดยิง.....เข้าประจำที่รอคำสั่ง” สิ้นคำสั่งของมาเรีย เจ้าหน้าที่ทุกคนจึงลดอาวุธลงทันที

“Carolina....... Steven และ Xavier เชิญพบดิฉันที่รถด่วนค่ะ....ดิฉันขออาสาสมัครนักแม่นปืนจากชุดปฏิบัติการที่สอง จำนวนสามนาย สแตนบายพร้อมรับคำสั่งค่ะ”

เจ้าหน้าที่ทั้งสามนายพร้อมทั้งมาเรียวิ่งออกจากจุดที่มั่น มุ่งตรงไปยังรถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อที่ศิวะให้ยืมมาใช้ตั้งแต่เมื่อวานทันที

มาเรียเปิดประตูท้ายรถออก พร้อมทั้งปลดล็อกบริเวณพื้นรถ เผยให้เห็นปืนยาวอัตโนมัติยิงไกลจำนวนทั้งสิ้นห้ากระบอกซุกซ่อนไว้อย่างมิดชิด เจ้าหน้าที่ทุกนายจัดการประกอบปืนและบรรจุลูกกระสุนลงไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะรอรับคำสั่งอีกครั้ง

“เราจะเล่นเกมส์ล่าหนูกันเล็กน้อย” มาเรียบอกรหัสภารกิจสั้นๆ เป็นอันที่เข้าใจกัน

“หน่วยเฝ้าระวังกรุณารายงานสถานการณ์ด้วยค่ะ” มาเรียออกคำสั่งอีกครั้ง

“คนร้ายได้หลบหนีออกไปทางด้านหลังบ้านหมดแล้วครับ....” หนึ่งในเจ้าหน้าที่ตอบกลับมา....

“ขอบคุณค่ะ....เอาล่ะ.....เรามีเวลาไม่มาก....เราต้องล้มพวกที่อยู่ในทุ่งนาให้หมด ภายในห้านาที.....โอเคมั้ย” ประโยคหลังมาเรียหันมาพยักหน้ากับเพื่อนๆทั้งสามคน

“เจ้าหน้าที่อาสาสมัครชุดปฏิบัติการที่สอง...กรุณาเคลื่อนประชิดกำแพงบ้านด้านหลัง.....เรามีเวลาไม่เกินห้านาทีในการจัดการหยุดการเคลื่อนที่พวกหลบหนี” พันตำรวจโทหญิงออกคำสั่งอีกครั้ง ก่อนที่เธอและพวกอีกสามคนวิ่งตรงไปยังกำแพงหลังบ้าน เพื่อเข้าประจำตำแหน่งด้วยเช่นกัน

ในเวลาเพียงแค่ไม่ถึงหนึ่งนาที เจ้าหน้าที่ทั้งเจ็ดคน พร้อมด้วยอาวุธปีนยาวอัตโนมัติครบมือ เข้าประจำที่จุดยิง และเริ่มทำการยิงไกลโดยมีเป้าคือชายฉกรรจ์ที่กำลังวิ่งหลบหนี อย่างกระจัดกระจายไปตามทุ่งนากว้าง ด้านหลังบ้าน

ก่อนเริ่มทำการยิง มาเรียกำหนดให้เจ้าหน้าที่ทุกคนยิงเพื่อหยุดการเคลื่อนไหว หรือที่เรียกว่า Immobilization เท่านั้น โดยหลีกเลี่ยงการวิสามัญฆาตกรรมให้น้อยที่สุด

เสียงปืนดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับตัวเลขถูกนับขึ้นทุกครั้งที่กระสุนถูกเป้าหมาย แม้ว่าชายฉกรรจ์เหล่านั้นจะพยายามทิ้งตัวลงนอนราบกับพื้น แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก เนื่องจากระยะห่างของพวกเขากับจุดที่นักแม่นปืนทั้งเจ็ดคนประจำที่อยู่นั้นอยู่ในวิถีกระสุนพอดี รวมถึงความสูงของรั้วกำแพง ก็ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถเห็นคนที่หมอบอยู่ได้ค่อนข้างชัดเจน.... เว้นเสียแต่ว่า มีบางบริเวณที่ต้นหญ้าขึ้นปกคลุมหนาแน่น ซึ่งอาจช่วยให้การกำบังมีประสิทธิภาพมากขึ้น

“สิบสาม” เสียงของมาเรียดังขึ้นหลังจากกระสุนสัมผัสเป้าหมาย

“สิบสี่.....สิบห้า.....” ตัวเลขอื่นๆ ถูกนับดังต่อมา

“เหลืออีกเท่าไหร่” มาเรียถาม

“สี่คนครับ” หนึ่งในเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการที่สองรายงาน

“โอเค....ตาม” มาเรียออกคำสั่งสั้นๆ ก่อนจะกระโดดลงจากกำแพงที่สูงกว่าสามเมตร ลงไปบนพื้นดิน

เจ้าหน้าที่อีกหกคนที่เหลือจึงกระโดดตาม และเข้าประจำตำแหน่งระนาบเพื่อปูพรมค้นหา คนที่ยังหลบหนีอยู่

“Lt. Col. ดิชั้นต้องการแบคอัพ.....ในระยะสองร้อยเมตร เพื่อเตรียมขนย้ายผู้บาดเจ็บค่ะ” มาเรียเรียกไปยังนครินทร์ที่กำลังร่วมมือกับเจ้าหน้าที่บางส่วนในการหาทางเปิดห้องลับใต้ดิน

“ครับ...Lt. Col. ผมจะส่งกำลังเสริมเข้าประจำตามที่ต้องการครับ”

นครินทร์ประสานงานงานต่อไปยังผู้ช่วยของเขาเพื่อจัดหากำลังพลดังกล่าว พร้อมทั้งหน่วยแพทย์และพยายาบาลเคลื่อนที่เพื่อเตรียมทำการเคลื่อนย้ายและปฐมพยาบาลผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเข้าสู่การรักษา ก่อนจะเตรียมทำการแจ้งข้อหาและสอบสวนขยายผลต่อไป

ภารกิจล่าหนูเสร็จสิ้นลงภายในเวลาไม่นาน มาเรียและเจ้าหน้าที่อีกหกคนปล่อยให้เจ้าหน้าที่สนับสนุนจัดการงานที่เหลือ ก่อนจะกลับมาเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในเรื่องการค้นหาหลักฐานอีกครั้ง...

ประตูห้องลับใต้ดินก็ถูกเปิดออกในที่สุดหลังจากที่ต้องใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงในการพยายามดังกล่าว โดยภายในมีสิ่งของผิดกฎหมายซุกซ่อนอยู่หลายรายการ ทั้งยาบ้า เฮโรอีน และอาวุธสงครามต่างๆ ในขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าวก็สามารถดาวน์โหลดข้อมูลเครือข่ายบุคคลที่กระทำความผิดร่วมกับพ่อเลี้ยงมงคลจากคอมพิวเตอร์ที่ถูกซุกซ่อนไว้อย่างดีในห้องทำงาน

เวลานี้ด้วยหลักฐานที่มัดตัวอย่างแน่นหนา นครินทร์จึงแจ้งข้อหาพ่อเลี้ยงมงคลทันที

“คุณถูกจับในข้อหาครอบครองและจำหน่ายยาเสพติด และอาวุธสงคราม....ผมจำเป็นต้องนำตัวคุณเข้าระบบดำเนินการตามกฎหมายต่อไป”

สิ้นเสียงของนครินทร์...พ่อเลี้ยงมงคลจึงถูกใส่กุญแจมือ และถูกควบคุมตัวไว้

การโยกย้ายกำลังพลเกิดขึ้นอีกครั้งหลังจากที่ภาระหลักๆเสร็จสิ้นไป นครินทร์สั่งการให้สารวัตรสืบสวนฯและเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน เริ่มทำการสอบสวนสมาชิกที่เหลือภายในบ้าน และทำงานร่วมกับสารวัตรปราบปรามเพื่อกำหนดเขตพื้นที่เกิดเหตุและเรียกกำลังเสริม โดยไม่อนุญาตให้มีการเข้าออกบ้านหลังนี้จนกว่าจะได้รับคำสั่งเปลี่ยนแปลง

หลังจากได้รับข้อมูลทั้งหมด.....นครินทร์ต้องทำงานแข่งกับเวลาอีกครั้ง เพราะข้อมูลที่ได้มาเป็นรายชื่อของผู้มีตำแหน่งใหญ่โตในบ้านเมืองพอสมควร ทั้งนายทหาร ตำรวจ และข้าราชการการเมืองระดับรัฐมนตรี.... เขาต้องเร่งส่งผ่านข้อมูลดังกล่าวไปยังรองผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เพื่อประสานงานกับหน่วยพิเศษเพื่อติดตามและจับการเคลื่อนไหว เพื่อป้องกันการหลบหนีออกนอกประเทศ หรือทำลายหลักฐานชิ้นสำคัญๆ ต่างๆ

แม้ว่าจะมีหลักฐานเบื้องต้นอย่างแน่ชัด ทั้งพยานวัตถุและพยานบุคคลอย่างพ่อเลี้ยงมงคล แต่นครินทร์ก็ระลึกไว้เสมอว่า คนใหญ่คนโตเหล่านั้นมีเส้นมีสายพอสมควร ที่จะทำให้หลุดออกจากคดีนี้อย่างง่ายดาย ดังนั้นเขาจึงต้องเตรียมหาหลักฐานเพิ่มเติม.....เพื่อไม่ให้คนชั่วเหล่านั้นลอยนวล

ด้วยความช่วยเหลือจากมาเรียในฐานะเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านข่าวกรองและเพื่อนอีกสามคน โดยใช้ระบบฐานข้อมูลของตำรวจสากลเข้าสืบค้นข้อมูลหมายเลขบัญชีและการเปลี่ยนแปลงกระแสเงินในธนาคารต่างประเทศของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องที่มีตำแหน่งใหญ่โตในสังคม รวมถึงขออนุญาตธนาคารต้นสังกัดเป็นการเร่งด่วนนำข้อมูลดังกล่าวเพื่อประกอบการพิจารณาคดีความ ทำให้นครินทร์ได้หลักฐานเพิ่มเติมภายในระยะเวลาไม่ถึงสองวัน พร้อมกันนั้นก็ได้รับข้อมูลการร่ำรวยผิดปกติที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายสื่อสารของสำนักงานกองบัญชาการ(ร่วมพิเศษ)ที่จัดหามาให้อย่างรวดเร็วเช่นกัน

ข้อมูลทุกอย่างตรวจสอบและทำการประติดประต่อเข้าด้วยกัน โดยความช่วยเหลือของศิวะและเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญอีกหลายคนถูกร้องขอมาเป็นการเฉพาะเพื่อช่วยให้หลักฐานที่ได้รับมาทั้งหมด มีความหนักแน่นและนำไปสู่ชัยชนะบนศาล

ตลอดการทำงานวิเคราะห์และเชื่อมโยงหลักฐานทั้งสิ้นสองวันเต็ม นครินทร์รับรู้ถึงความฉลาดรอบคอบ....ความเอาใจใส่ต่อหน้าที่ และระเบียบวินัยของศิวะได้เป็นอย่างดี ไม่รวมถึงการจัดการข้อมูลที่เป็นขั้นเป็นตอน และทำการแจกจ่ายงานให้เจ้าหน้าที่อีกหลายคนที่ถูกคัดเลือกมาเพื่อดำเนินงานนี้โดยเฉพาะ ตลอดจนการให้ข้อสรุปที่ตรงประเด็นและมีน้ำหนัก

นครินทร์รับทราบโดยปราศจากข้อสงสัยเลยว่าเหตุใดศิวะถึงได้ก้าวขึ้นมาเป็นหัวหน้าหน่วยรบพิเศษและสามารถเชื่อมโยงความสามารถของเจ้าหน้าที่ทุกคนให้ปฏิบัติภารกิจได้อย่างสมบูรณ์แบบ

สัญญาณไฟเขียวจากท่านผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดให้ดำเนินหน้าที่ตามที่เห็นชอบและเหมาะสมถูกส่งผ่านมายังนครินทร์โดยตรงและผู้บังคับบัญชาระดับสูงถัดๆขึ้นไป เพื่อให้การจัดการคดีนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและปราศจากการแทรกแซงจากผู้มีอิทธิพลในเครื่องแบบสีเดียวกัน นอกจากนั้นผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดยังเรียกตัวนครินทร์ให้เข้าพบเพื่อรายงานความก้าวหน้าและหลักฐานที่เก็บรวบรวมได้ เป็นระยะเวลาถึงสองชั่วโมงเต็ม

นครินทร์เรียนผู้บัญชาการฯไปตามตรงว่าเขาไม่สามารถจัดการเรื่องข้อมูลต่างๆได้รวดเร็วขนาดนี้ถ้ามิได้รับการช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสากลรวมถึงเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยรบพิเศษจากสำนักงานองค์การสหประชาชาติที่สามารถเข้าถึงฐานข้อมูลระดับนานาชาติได้อย่างง่ายดาย แม้ว่าเขาจะไม่สามารถอ้างถึงชื่อของศิวะได้ แต่เขาคิดว่าท่านผู้บัญชาการฯคงพอจะทราบแล้วว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังแห่งข้อมูลที่หนักแน่นนี้คือใคร

“ผมแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเราจะโชคดีที่ได้รับการช่วยเหลือและการสนับสนุนอย่างเร่งด่วนจากสำนักงานตำรวจสากลรวมถึงหน่วยรบพิเศษจากองค์การสหประชาชาติ.....ผมทราบดีว่าพวกหน่วยรบพิเศษปฏิบัติตัวโลว์โพรไฟล์มาโดยตลอด จนกระทั่งผมไม่กล้าแม้เพียงจะจัดงานเลี้ยงขอบคุณ....เพราะคิดว่าพวกเขาคงตอบปฏิเสธ...... ผมคิดว่าผมคงต้องฝากขอบคุณผ่านคุณไป ไม่นับรวมที่ผมจะทำหนังสือแจ้งอย่างเป็นทางการไปอีกที....ผมฝากเรียนหัวหน้าหน่วยรบพิเศษด้วยว่า....ในฐานะที่เป็นคนไทยด้วยกัน....ผมชื่นชมเขามาก..ชื่นชมจากใจจริง.....และภูมิใจในผลงานของเขาทุกๆด้าน” ท่านผู้บัญชาการกล่าวฝากนครินทร์ก่อนที่การพบปะจะสิ้นสุดลง

หลังจากการเข้าชี้แจงท่านผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด การจับกุมตัวผู้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดจึงถูกเร่งรัดออกมาเป็นรูปธรรมภายในวันเดียวกัน

นครินทร์สิ้นสุดหน้าที่ภายในระยะเวลาไม่นานภายหลังที่หลักฐานและผู้ต้องหาทั้งหมดเข้าสู่กระบวนการตัดสินของศาลสถิตยุติธรรม

การปฏิบัติการครั้งนี้....นครินทร์ไม่ได้หวังว่าคนชั่วเหล่านั้นจะถูกตัดสินตามความผิดที่ก่อขึ้น....แต่เขากลับมั่นใจเต็มร้อยเปอร์เซนต์ว่า.....ทุกอย่างไร้ช่องโหว่ใดๆ..... คนชั่วเหล่านั้นจะถูกดำเนินคดีอย่างแน่นอน
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 08-04-2007 12:40:42
กวาดล้างให้สิ้นซาก  :โหลๆ:
ยาเสพติด คนติดตาย คนขายก็ตายด้วย  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 08-04-2007 13:48:45
เป็นกำลังใจให้เสมอครับ

 :yeb:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: KevinKung ที่ 09-04-2007 10:22:44
ขอบคุณนะค้าบ ที่มาโพสให้อ่าน  :yeb:

(ปูเสื่อ นั่งรอตอนต่อไป)  :laugh3:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 09-04-2007 11:19:20
ฐานทัพเรือสัตหีบ...ชลบุรี

จอมยุทธ์มีอาการดีขึ้นตามลำดับหลังเวลาผ่านไปเพียงแค่หนึ่งสัปดาห์ของการพักฟื้นภายในเซฟเฮ้าส์ที่ตั้งอยู่ภายในพื้นที่ติดชายทะเลของกองทัพเรือ โดยมีลักษณะเป็นบ้านหลังบ้านหลังใหญ่สีขาวสะอาดตา แวดล้อมไปด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่น้อย และแยกออกมาเป็นสัดส่วนจากบ้านพักของทหารเรือ แต่ก็มีการคุ้มกันอย่างแน่นหนาตามข้อตกลงที่ทำร่วมกันระหว่างกองทัพเรือและสำนักงานกองบัญชาการ (ร่วมพิเศษ)ฯ

กิจวัตรประจำวันของจอมยุทธ์ในช่วงแรกๆ คือการนั่งรถเข็นออกรับชมทัศนียภาพในตอนเช้าและตอนเย็น โดยที่คริสเป็นคนจัดตารางและรับผิดชอบการเข็นรถด้วยตนเอง ไม่รวมถึงการทำกายภาพบำบัด.....ทำจิตให้ให้ปลอดโปร่ง และโทรศัพท์หาหลานชายตัวน้อยทุกวัน

แม้ว่าจะมีการรักษาความปลอดภัยโดยทหารเรือ แต่พลตำรวจเอกรุ่งโรจน์ก็ยังคงมอบหมายให้ยุทธจักรและเจ้าหน้าที่อีกสี่คนอยู่ประจำเพื่อดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกต่างๆให้จอมยุทธ์ คริส และเจ้าหน้าที่กายภาพบำบัดและพยาบาลที่ตามมาปฏิบัติหน้าที่

ยุทธจักรดูจะเงียบขรึมลงอย่างเห็นได้ชัด เขากำลังรอเวลาและจังหวะสำคัญที่จะบอกความในใจให้จอมยุทธ์ได้รับรู้

“ผมสมควรจะเดินหน้าต่อไปใช่มั้ยครับ.....เพื่อความรักของผม.....เพื่อคนที่ผมรัก...ใช่มั้ยครับ.......” ยุทธจักรมักถามขึ้นลอยๆ ในใจหลายครั้ง...... และทุกครั้งจิตใต้สำนึกของเขาก็จะถ่ายทอดเสียงนุ่มทุ้มของชายหนุ่มคนหนึ่ง..... ที่คอยย้ำเสมอว่า....

“อย่าท้อนะครับ......ไม่มีอะไรสำคัญไปว่า....ความรักที่คุณมอบให้จอมหรอกครับ......”

ยุทธจักรจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่า....ช่วงขณะที่เขาหลับลึกเพราะการเหนี่ยวนำอุณหภูมิของร่างกายเพื่อให้เลือดได้มากกว่าปกตินั้น เขาได้เดินทางไปอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่ง..... ที่มีสายลมเย็น.....กลิ่นหอมจางๆของดอกไม้นานาพันธ์..... ทัศนียภาพที่งดงาม.....และชายคนหนึ่งที่ดูเหมือนว่ากำลังรอคอยการปรากฏตัวของเขา

ทุกอย่างเหมือนภาพฉายต่อเนื่อง.....เรียบง่าย....แต่ก็ซาบซึ้งไปทั้งหัวใจ.........

“สวัสดีครับ” ชายหนุ่มผมยาว...... เครื่องหน้าคมเข้ม...แต่ถูกตัดด้วยความหวานของดวงตา......ความหวานที่เขาเหมือนจะเคยได้สัมผัสมาก่อนล่วงหน้า..... แต่งกายในชุดสีขาวเอ่ยทัก

“สวัสดีครับ.....ที่นี่ที่ไหนครับ....” ยุทธจักรจำได้ว่าเขาทักกลับไป รวมถึงถามคำถามต่อมา

“อยู่ที่ไหนอาจจะไม่สำคัญเท่ากับว่า....เรากำลังจะคุยกันในเรื่องของหัวใจกระมังครับ.....”หนุ่มผมยาวเลือกที่จะยื่นคำถามกลับไป

ผู้รับฟังเช่นยุทธจักรถอนหายใจ..... เป็นดังเช่นชายหนุ่มคนตรงหน้าพูดมาจริง..... เรื่องของหัวใจเขาสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด....โดยเฉพาะเมื่อความเชื่อมั่นทุกอย่างกำลังถูกสั่นคลอน....ความท้อแท้กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้อย่างช้าๆ.....

“ท้อหรือครับ.....” ชายหนุ่มเอ่ยถามประโยคต่อมาอีกครั้ง......หนุ่มผมยาวที่แม้แปลกหน้า....แต่ความรู้สึกของยุทธจักรบอกว่าคุ้นเคย....เขามั่นใจว่าเขาเคยเห็นดวงตาหวาน...สวยคู่นั้นมาก่อน....

ยุทธจักรแปลกใจในคำถามนั้น.....คำถามที่ตรงกับความเป็นจริงทุกประการ

“ครับ......” ยุทธ์จักรตอบกลับไป.....เขาไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงรู้สึกไว้ใจชายหนุ่มตรงหน้ายิ่งนัก จนกระทั่งนำไปสู่ประโยคสนทนาต่อมา

“ความมั่นใจของผมกำลังถูกสั่นคลอนด้วยความจริงที่ว่า....คนที่ผมรักนั้นอาจอยู่สูงส่งเกินกว่าที่ผมจะเอื้อมถึงครับ.....เขามีทุกอย่างที่เหนือกว่าผม” 

“ผิดแล้วครับ......ทุกอย่างเป็นภาพลวงตาทั้งสิ้น.....ลึกลงไปในหัวใจต่างหากครับ.....คือความเป็นจริง.....” หนุ่มผมยาวแย้ง ก่อนจะพูดประโยคถัดมาที่ทำให้คนฟังอย่างยุทธจักรต้องแปลกใจอีกครั้ง

“จอม......น้องชายของผม......ไม่ได้อยู่สูงเกินไปหรอกครับ....ในทางตรงกันข้าม......เขากลับอยู่ลึกลงไปในหุบเหวแห่งความอ้างว้างและเดียวดาย......มันเป็นโศกนาฏกรรมที่ทุกคนไม่อยากให้เกิดขึ้น....จอมปิดประตูหัวใจมานานเหลือเกินครับ.....นานจนกระทั่ง.....ความเย็นชากำลังจะกลืนกินไปทั้งหมด...... โดยปกติจอมเป็นคนเข้มแข็ง.....แต่ในเรื่องของหัวใจ.....เขาอ่อนแอเหลือเกิน.....” หนุ่มผมยาวทิ้งจังหวะนิดหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยต่อ

“จนกระทั่ง....พวกเราพบคุณ......ดวงอาทิตย์แห่งรัก......คือคำนิยามของความอบอุ่นที่คุณนำมาพร้อมกับหัวใจของคุณ....รวมถึงความแข็งแกร่งของสองมือ....ที่อาจจะช่วยฉุดน้องชายที่ผมรักยิ่ง....ขึ้นมาจากหุบเหวนั้นได้....... ขอเพียงแค่คุณอย่าท้อ.....จอมไม่ได้เก่งไปหมดทุกเรื่องหรอกครับ.....โดยเฉพาะเรื่องของหัวใจ...เขาต้องการคนที่มั่นคง.....คนที่ไม่ว่าอย่างไรก็จะอยู่เคียงข้างเขา....และสร้างความเชื่อมั่นให้เขาทราบอีกครั้งว่า......ดวงอาทิตย์แห่งรักนั้นอบอุ่นเพียงใด......” หนุ่มผมยาวพูดจบประโยค

“ทำไมถึงทราบว่าคนที่ผมรักคือจอมล่ะครับ” ยุทธจักรตั้งคำถาม.....

“เพราะผมทราบว่าคุณคือพันตำรวจตรียุทธจักร ประภาภูวดล.......งัยครับ....” หนุ่มผมยาวตอบไม่ตรงคำถามอีกตามเคย

“ผมยังไม่เข้าใจครับ....ทำไมคุณถึงบอกว่าจอมกำลังอยู่ในหุบเหวแห่งความอ้างว้างล่ะครับ.....อะไรคือโศกนาฏกรรมรักที่เกิดขึ้นครับ.....” ยุทธจักรตั้งคำถามอีกครั้ง

“เมื่อคุณพร้อม.....เมื่อใดก็ตามที่คุณลุกขึ้นสู้กับความสั่นคลอนในหัวใจอีกครั้ง.....ถามคำถามนี้แก่จอมนะครับ.....ผมมั่นใจว่าคุณจะได้คำตอบที่คุณต้องการ...... แต่ถ้าคุณถอยหนีเสียตั้งแต่วันนี้....คุณจะไม่มีวันได้รับคำตอบใดๆ....รวมถึงหนทางรักของคุณกับจอมคงจบสิ้นลงไปพร้อมๆกัน.....

“ทุกอย่างขึ้นอยู่กับคุณทั้งหมดครับ.....อย่าท้อนะครับ....ไม่มีอะไรสำคัญไปว่า....ความรักที่คุณมอบให้จอมหรอกครับ......มันจะเป็นตัวผลักดันให้ชีวิตของคุณก้าวต่อไปอย่างมีความสุข......และมันอาจจะช่วยเปลี่ยนความโศกเศร้าในใจของจอม...ให้กลับมาสดใสอีกครั้ง.....เหมือนในอดีตที่ผ่านมา.....ผมขอร้องนะครับ.....ช่วยจอมด้วย.....” ในชั่วขณะหนึ่งยุทธจักรเห็นแววตาเศร้าคู่นั้น เขารู้สึกเจ็บหัวใจอย่างประหลาด ถ้าความเศร้าที่จอมยุทธ์กำลังเผชิญอยู่นั้น มีความเจ็บปวดเท่ากับที่เขากำลังรับรู้อยู่ในตอนนี้....เขาก็พร้อมที่จะช่วยกำจัดมันให้หมดสิ้นไป.....

“ผมจะพยายามครับ......จอมคือรักแรกของผม...และคิดว่าจะเป็นรักครั้งสุดท้ายครับ..... ขอบคุณครับ.....ขอบคุณที่ช่วยให้ผมระลึกถึงความเป็นจริงข้อนี้..... “หัวใจของยุทธจักรเข้มแข็งขึ้นมาอีกครั้ง.... ความสั่นคลอนในหัวใจที่เกิดขึ้นมันเริ่มจางหายไป....... ความภูมิใจในตนเอง....ความรู้สึกอยากปกป้องคนสำคัญของดวงใจ....ย้อนกลับมาหาเขาอีกครั้ง......

ยุทธจักรสูดลมหายใจเข้ายาวๆ...... เรียกความมั่นใจทั้งหมดกลับคืนมา

“ดวงอาทิตย์แห่งรัก......” นายตำรวจหนุ่มคิดถึงคำนี้ในใจ เขาจะไม่ท้ออีกแล้ว..... เขาต้องสู้....

“หน้าที่ของผมคงหมดลงเพียงเท่านี้แล้วครับ.....ขอบคุณครับ....ขอบคุณที่ช่วยตอกย้ำว่า.....เรามองคุณไม่ผิด......คุณคือคนที่เหมาะสมที่จะเป็นส่วนหนึ่งของหัวใจของน้องชายของผม......”หนุ่มผมยาวพูดเป็นนัยอีกครั้ง..... 

“เหนือสิ่งอื่นใด....ขอบคุณที่ให้ชีวิตของจอมครับ....ถ้าไม่ได้คุณ....จอมคงแย่......” หนุ่มผมยาวกล่าวจบประโยค ในจังหวะที่ทุกอย่างกำลังค่อยๆเลือนหายไป....คงเหลือแต่ประโยคสนทนาที่ตราตรึงลงไปในหัวใจของยุทธจักร.... ความรู้สึกอิ่มเอิบใจถูกส่งผ่านเข้ามาอย่างช้าๆ เป็นละลอกคล้ายกับจะพัดพาเอาความสุขทั้งมวลเข้าสู่หัวใจของเขา.....ยุทธจักรรับรู้ได้โดยจิตใต้สำนึกว่า....นี่คือความรู้สึกของคำว่า...ขอบคุณ....ที่ชายคนนั้นส่งผ่านมา.....



ยุทธจักรเฝ้ามองพัฒนาการทางร่างกายของจอมยุทธ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วภายหลังการทำกายภาพบำบัดเพียงแค่กว่าสัปดาห์ที่ผ่านมา ในตอนนี้จอมยุทธ์สามารถลงไปเดินเล่นบนชายหาดด้วยตนเอง โดยมีเขาและคุณหมอคริสตามประกบอยู่โดยตลอด

จอมยุทธ์ดูจะร่าเริงขึ้นมากกว่าเมื่อก่อน อาจเป็นเพราะว่าหลานชายตัวน้อยปลอดภัยแล้ว รวมถึงความสัมพันธ์ของเขากับยุทธจักรก็ดูเหมือนจะคืบหน้ามากขึ้นเป็นลำดับ....กำแพงที่เขาสร้างไว้ในตอนแรกเริ่มหายไป.....ระยะห่างระหว่างเขากับนายตำรวจหนุ่มหดสั้นลงทุกที....จนกระทั่งยุทธจักรไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับเขาอีกต่อไป....

เพราะอย่างน้อย...จอมยุทธ์ก็ตระหนักดีว่า....เลือดที่กำลังไหลเวียนผ่านหัวใจของเขา....ส่วนหนึ่งมาจากชายหนุ่มหน้าเข้มร่างสูงคนที่กำลังดูแลความปลอดภัยของเขาอยู่

คริสที่รับทราบมาตั้งแต่ต้นว่านายตำรวจหนุ่มหลงรักจอมยุทธ์ ดังนั้นเขาจึงมักเปิดโอกาสให้ทั้งสองหนุ่มอยู่ด้วยกันตามลำพังเสมอๆ เพื่อให้ทั้งสองหนุ่มมีโอกาสเรียนรู้กันให้มากขึ้น

ในช่วงนี้ยุทธจักรต้องคอยอำนวยความสะดวกให้เจ้าหน้าที่หน่วยรบพิเศษที่เดินทางมาเยี่ยมจอมยุทธ์ก่อนจะกลับไปประจำหน้าที่อีกครั้งตามประเทศต้นสังกัด เพราะศิวะและอเล็กซ์สั่งสลายกำลังหลังจากที่ผู้ต้องหาทั้งหมดถูกควบคุมตัว รวมถึงนายพลลูเซอที่ถูกวิสามัญฆาตกรรมขณะหลบหนีไปตามเส้นทางตอนใต้ของแม่น้ำสาละวิน

เจ้าหน้าที่หน่วยรบพิเศษเดินทางมาเป็นกลุ่มๆ เพื่อไม่ให้เกิดความลำบากในการประสานงานมากนัก เจ้าหน้าที่บางคนหากติดภารกิจเร่งด่วนก็จะใช้วิธีเทเลคอนเฟอร์เรนซ์ในการล่ำลาและสอบถามความคืบหน้ากับจอมยุทธ์โดยตรง ซึ่งก็ทำให้เกิดความสะดวกมากยิ่งขึ้น

หลังจากนี้เป็นต้นไป จอมยุทธ์จะมีเวลาฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายทั้งสิ้นสามเดือน หลังจากนั้นต้องเข้ารับการทดสอบจากเจ้าหน้าทีที่ได้รับมอบหมายจากพันเอก (Col.) Benjamin W. Stutz  ผู้รั้งตำแหน่ง 2nd  in Command to the Detachment Commander ก่อนจะกลับเข้าประจำตำแหน่งหัวหน้าชุดปฏิบัติการบราโว่อีกครั้ง ... การทดสอบดังกล่าวถือว่ามีความสำคัญยิ่งและทรหดพอสมควร ดังนั้นจอมยุทธ์จึงต้องเตรียมตัวให้พร้อมที่สุด
 
ศิวะพาภูฟ้ามาเยี่ยมในตอนปลายสัปดาห์ที่สามของการพักฟื้น เนื่องจากโรงเรียนของภูฟ้าหยุดในช่วงคริสมาสจนกระทั่งถึงปีใหม่ คุณพ่อหนุ่มจึงได้จังหวะพาภูฟ้ามาจากเชียงใหม่ได้ 

หลานชายตัวน้อยดูจะดีใจมากเป็นพิเศษที่ได้พบอาจอมที่รัก ภูฟ้าอยู่ติดกับจอมยุทธ์ไม่ห่าง รวมถึงคอยเอาอกเอาใจสารพัด

ยุทธจักรและคนอื่นๆรับรู้ถึงสายสัมพันธ์รักที่แน่นแฟ้นยิ่งของครอบครัวนี้....ครอบครัวที่มีเด็กน้อยน่ารักอย่างภูฟ้าเป็นศูนย์รวมของดวงใจ.... ศิวะ...จอมยุทธ์...และคริส.....ได้แสดงออกถึงความรักที่ไม่มีขีดกำจัดให้กับภูฟ้า.....

ความเป็นจริงทุกอย่างยังคงคลุมเครือสำหรับยุทธจักร ทั้งเรื่องนามสกุลของภูฟ้าที่มาจากสองครอบครัว....เรื่องที่ศิวะเป็นบิดาของภูฟ้าทั้งๆที่คุณปู่และคุณย่าของภูฟ้ายังมีชีวิตอยู่.....ไม่นับความรู้ใหม่ที่ว่าคริสคือ god father ของภูฟ้า...... ทุกสิ่งนั้นดูน่าสนใจสำหรับเขาไม่น้อย.....

การปรากฏตัวของศิวะและภูฟ้าช่วยทำให้บรรยากาศของเซฟเฮ้าส์สดชื่นและแจ่มใสอยู่ตลอดเวลา รวมถึงช่วยสร้างความสัมพันธ์ระหว่างจอมยุทธ์กับยุทธจักรให้ดีขึ้นไปอีกขั้น แต่กระนั้นยุทธจักรก็ยังไม่มีจังหวะที่เอ่ยบอกความในใจของเขาให้จอมยุทธ์ได้รับรู้....  
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 09-04-2007 11:22:50
เวลาผ่านไปหลายวัน.....จนกระทั่งยุทธจักรได้มีโอกาสอยู่ตามลำพังกับจอมยุทธ์ในตอนสาย หลังจากที่ศิวะและ
คริสพาภูฟ้าออกไปชมพิพิธภัณฑ์สัตว์ทะเล

จอมยุทธ์แต่งกายในชุดสบายๆประกอบด้วยกางเกงขาสั้นและเสื้อเชิ้ตแขนสั้น เดินลงจากบ้านพักมุ่งหน้าสู่หาดทรายสวยริมทะเล โดยมียุทธจักรในชุดคล้ายๆกันตามลงไปด้วย

ทั้งสองหนุ่มเดินคู่กันไปเรื่อยๆ ผ่านสายลมเอื่อยๆที่พัดเขาหาฝั่งโดยตลอด

“จอมครับ....ผมมีเรื่องจะบอกกับจอมครับ” ในที่สุดยุทธจักรก็ได้เวลาเอ่ยความในใจของเขา

“ครับ....มีอะไรหรือครับ....” จอมยุทธ์ที่เดินนำหน้าอยู่หันหน้ากลับมา

“ผมรักจอมครับ....” ประโยคสั้นๆ แต่มีความหมายลึกซึ้งหลุดออกไปจากนายตำรวจหน้าเข้มในทันที....แม้จะไม่ดังมาก แต่ก็กระแสเสียงก็มั่นคง.....

แม้จะคาดการณ์ไว้ล่วงหน้า....แต่พอถึงคราวที่ได้ฟังประโยคนี้จริงๆ กลับใจหาย..... จอมยุทธ์ประสานสายตาของเขาเข้ากับสายตาของคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า....คนที่ช่วยชีวิตเขาไว้.....และถอนหายใจเบาๆ

“ขอบคุณครับพี่แซม.....” จอมยุทธ์หยุดพักนาน....หันหน้าออกไปทางทะเลกว้าง.....ก่อนพรั่งพรูประโยคต่อมา

“พี่แซม....เคยมีอดีตที่สวยงาม....แสนหวาน.....แต่จบลงด้วยความเศร้าจนหัวใจแทบสลายมั้ยครับ....” จอมยุทธ์ยังคงหันหน้าออกทะเล....รับสายลมเย็น.....ที่แสนจะเดียวดาย....

“ไม่เคยครับ....”คำตอบดังออกมาจากยุทธจักร

“แต่ผมมีครับพี่แซม.....อดีตของผมงดงาม....แต่ก็เจ็บปวดจนแทบขาดใจ.....มันเป็นความหลังที่ผมไม่สามารถกำจัดมันออกจากหัวใจที่ด้านชาของผมได้.....”

“ครึ่งหนึ่งของหัวใจของผม...ถูกครอบครองโดยอดีตที่เกิดขึ้น....ในขณะที่อีกครึ่งหนึ่งเต็มไปด้วยความรักของครอบครัวและส่วนที่ผมมอบให้ตาภู.....หลานชายของผม.....ผมไม่มีที่ว่างในหัวใจเหลืออีกแล้วครับ.....”ริมฝีปากของจอมยุทธ์กระตุกยิ้มเล็กน้อยยามเอ่ยถึงภูฟ้า

“จอมครับ.....พื้นที่ของหัวใจของเรา....ของความคิดของเรา....มันไม่มีขีดจำกัดหรอกครับ....ตราบใดที่เราเรียนรู้ที่จะจัดการกับมัน.....” ยุทธจักรแย้งอย่างนุ่มนวล

“อาจจะใช่ครับ....แต่หากว่าประตูของหัวใจถูกปิดลงเสียแล้ว.......พื้นที่ที่ไร้ขีดจำกัดก็คงไม่มีประโยชน์อันใด....ใช่มั้ยครับ.....”

ยุทธจักรพยายามหาเหตุผลมาแย้งประโยคของจอมยุทธ์.....แต่ทว่าก็ไม่อาจคิดได้.....เขาจำเป็นต้องยอมรับในความจริงดังกล่าว.....

“สำหรับผม.....ประตูหัวใจบานนั้นมันปิดตายเสียแล้วครับ....และยากที่จะเปิดออกมาอีกครั้ง......” จอมยุทธ์พูดช้า....ชัด....และขมขื่น

“ยากขนาดไหนครับ....”แม้จะดูเป็นคำถามที่ไม่ฉลาดนัก แต่ยุทธจักรก็เลือกที่จะเอ่ยถาม เขาพยายามหาช่องทางที่จะเจาะกำแพงน้ำแข็งของจอมยุทธ์ให้ได้

“ผมไม่ทราบครับ......” จอมยุทธ์ตอบเบาๆ พลางนึกถึงคำพูดที่ผ่านมาของภูผา....ในความฝันอันแสนหวานนั้น....


“ขอผมลองเปิดประตูหัวใจของจอมได้มั้ยครับ.....”

“ทำไมถึงเลือกผมล่ะครับ.....” แทนที่จะตอบคำถาม จอมยุทธ์กลับยื่นคำถามกลับไป

“ผมบอกไปตั้งแต่ต้นแล้วนี่ครับ......เพราะผมรักจอมงัยครับ.....ผมไม่สนว่าจะใช้เวลานานขนาดไหน....ขอเพียงแต่จอมให้โอกาสผม.....ผมจะทำอย่างสุดหัวใจ.....ในเมื่อหัวใจของผมเลือกที่จะรักจอมแล้ว.....มันก็จะรักคนอื่นไม่ได้แล้วครับ......” ความมั่นคงในน้ำเสียงและแววตาเกิดขึ้นอีกครั้ง....ยุทธจักรพยายามอย่างเต็มที่ที่จะแสดงให้จอมยุทธ์ทราบว่าเขาจริงจังในคำพูดมากเพียงใด

ความรู้สึกแปลกๆ ย้อนกลับมาหาจอมยุทธ์อีกครั้ง.....หัวใจที่หนาวเย็นของเขากำลังถูกล้อมรอบด้วยความอบอุ่นครั้นได้ยินประโยคดังกล่าว....ราวกลับว่า....เลือดที่ไหลวนอยู่ในร่างกายของเขากำลังตอบสนองต่อความรู้สึกของเจ้าของเดิมของมัน.....และแปรเปลี่ยนความหมายของประโยคเหล่านั้นออกมาเป็นความรู้สึกที่สัมผัสได้

“พี่แซมเชื่อมั้ยครับ.....ถ้าเป็นเมื่อก่อน.....ผมคงตอบปฏิเสธอย่างรวดเร็ว.....” จอมยุทธ์กระหวัดคิดถึงคำสัญญาที่ให้ไว้กับพี่ชาย......ก่อนจะพูดประโยคถัดมาที่ทำให้หัวใจของคนฟังพองโตด้วยความหวังอีกครั้ง

“แต่ในตอนนี้.....ผมต้องพยายามปฏิบัติตามสัญญา....สัญญาที่ผมให้ไว้กับคนที่ผมรักที่สุด....รักมาก....แทบไม่ต่างไรกับตาภู.....เขาคนนั้นขอคำมั่นสัญญากับผม....ให้ผมลุกขึ้น....อย่าอ่อนแอ....และพยายามเปิดประตูหัวใจออกมาอีกครั้ง..” จอมยุทธ์ผ่อนลมหายใจออกเล็กน้อย.... น้ำเสียงของเขาไม่หนักแน่นเหมือนเมื่อก่อน....คงเพราะความไม่มั่นใจที่เกิดขึ้น....ว่าเขาจะทำตามสัญญานั้นได้หรือไม่

“นอกจากนั้น......ผมกำลังรอคอย....เฝ้ารอบางอย่างที่จะช่วยหยุดยั้งการล่องลอยภายใต้.....” จอมยุทธ์ยังพูดไม่จบประโยค ชายหนุ่มตรงหน้าก็ต่อคำพูดให้

“ภายใต้หุบเหวแห่งความอ้างว้างและเดียวดายใช่มั้ยครับ.....” ประกายตาของจอมยุทธ์ฉายวับขึ้นมาทันที เขารู้สึกแปลกใจกับคำพูดนี้

“พี่แซมทราบได้อย่างไรครับ.....” จอมยุทธ์หันหน้ากลับมาตั้งประโยคคำถามทันที

“เพราะผมเคยคิดว่าจอม....อยู่สูงเกินกว่าที่ผมจะไขว่คว้า.....จนกระทั่งผมพบคนคนหนึ่งในฝัน.....ชายหนุ่มผมยาว....คนนั้นบอกผมว่า.....จอมเลือกที่จะอยู่ในหุบเหวแห่งความอ้างว้างและเดียวดาย.....ปิดประตูหัวใจ.....และปฏิเสธที่จะขึ้นมารับรู้ถึงไออุ่นของดวงอาทิตย์แห่งรักอีกครั้ง” 

จอมยุทธ์ยิ้มเล็กน้อย ภายหลังรับฟังประโยคดังกล่าว.... เขาพอจะประติดประต่อเรื่องราวเข้าด้วยกัน....และพอจะเดาได้ว่าหนุ่มหน้าเข้มคนตรงหน้าพบกับใครมา โดยเฉพาะเมื่อเขาเพิ่งรับรู้ได้มาไม่นานว่า....ยุทธจักรถ่ายเลือดให้เขาจนหมดสติไปถึงหนึ่งวันเต็มๆ 

“ผมไม่ได้เก่งไปซะทุกเรื่องของครับพี่แซม.....พี่ฟ้าลั่นพูดถูกแล้วครับ.....ผมอ่อนแอเกินกว่าที่จะขึ้นมาจากหุบเหวอันนั้น....ประสบการณ์ในอดีตที่แสนหวานแต่เจ็บปวดนั้น.....มันแทบทำให้ผมสิ้นลมหายใจ..... คงมีแต่ตาภูเท่านั้น...ที่ช่วยฉุดรั้งการมีตัวตนของผมไว้ได้......” น้ำเสียงของจอมยุทธ์มีแววขมขื่น

“ที่ผ่านมาผมแทบไม่เคยคิดเลยว่า....ผมจะสามารถมีความสุขได้ในอนาคตเท่ากับความสุขในอดีตที่ผมได้รับมา....นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมปฏิเสธที่จะเปิดหัวใจของผมมาโดยตลอด” จอมยุทธ์พูดต่อ

“โศกนาฏกรรมรักในอดีตใช่มั้ยครับ....ที่ทำให้จอมเปลี่ยนแปลงไปได้ขนาดนี้” ยุทธจักรเลือกที่จะเอ่ยถึง.....แทนที่จะถามว่ามันคืออะไร

“ใช่ครับ.....พวกเราสูญเสียหัวใจพร้อมๆกันถึงสองดวง....ในขณะที่ความรักและความผูกพันยังคงอยู่....ไม่เคยจางหายไปจากใจของผมและพี่เสือ.....มันงดงามมากครับพี่แซมและมีค่ามากเหลือเกิน.....” จอมยุทธ์นิ่งเงียบไป ดวงตาพร่าด้วยน้ำตาที่รื้นขึ้นมา...เขาเงยหน้าขึ้นมาท้องฟ้ากว้าง...... และส่งรอยยิ้มแสนหวานไปให้คนที่อยู่บนฟากฟ้านั้น...พี่ชายทั้งคู่ของเขา.....

“มันคงเป็นเรื่องที่เต็มไปด้วยความสุขและจบด้วยความเศร้ามากใช่มั้ยครับ.....” ยุทธจักรถาม

“ใช่ครับ”

“จอมครับ....ถ้าอดีตมันมีคุณค่ามากขนาดนั้น....ก็สมควรแล้วที่จะเก็บมันไว้ภายในใจ.....แต่อย่าปิดประตูหัวใจอีกต่อไปเลยครับ.....อนุญาตให้ผมพยายามเปิดมันออกอีกครั้งนะครับ..... ผมจะเปิดมันด้วยความรักของผม.....ขอเพียงแค่ไม่รังเกียจที่จะให้มันอยู่รอบๆหัวใจของจอม.....ผมเลือกจะเป็นฝ่ายให้.....ให้โดยปราศจากข้อสงสัย.....ผมจะอยู่ตรงนี้...ตลอดไป.....ไม่ไปไหน....ผมสัญญา” ยุทธจักรพูดเสียงนุ่ม เขาเอ่ยคำขอของเขาอีกครั้ง......และรอเพียงแค่การตัดสินใจของคนตรงหน้า

จอมยุทธ์หยุดคิดนาน.....เขาหันกลับมามองหน้าเข้มของยุทธจักรอีกครั้ง.....มองลึกลงไปในนัยน์ตาคู่งาม.....เขาคงต้องลองเสี่ยงอย่างที่ภูผาบอก

“ขอบคุณครับพี่แซม.....ขอบคุณที่เข้าใจผม.....ผมยังไม่อาจบอกได้ว่า...ผมจะเข้มแข็งขึ้นได้เมื่อไหร่....และหัวใจของผมจะเปิดรับความรักของพี่แซมได้เมื่อไหร่.....แต่ผมจะพยายามครับ.....” จอมยุทธ์ตอบช้าๆ

“เอ่อ.....หมายความว่า....จอมอนุญาตให้ผมรักจอมได้ใช่มั้ยครับ.....ให้ผมอยู่ข้างๆจอมใช่มั้ยครับ.....” รอยยิ้มปรากฏบนหน้าเข้ม....ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจนัก

“ในประวัติผมไม่ได้เขียนบอกหรือครับ.....ว่าถ้าผมปฏิเสธ...ผมมักจะเลือกบอกคำว่า...ขอบคุณ.....แต่ถ้าผมยอมรับ.....ผมจะบอกว่า.....จะพยายาม”

“เอ่อ.....”ยุทธจักรหน้าแดง...เขาพูดอะไรไม่ออก

“จอมทราบด้วยหรือครับ.....”

“ทุกครั้งที่ประวัติของผม...พี่เสือ...และตาภูถูกค้นในระบบฐานข้อมูล....มันจะแจ้งมาที่พี่เสือเสมอครับ.....นั่นจึงเป็นสาเหตุให้เราทราบว่า....เรากำลังถูกติดตาม.....” จอมยุทธ์ตอบ.....

“เฮ้อ.....ผมคงต้องทำใจกระมังครับ....รักคนฉลาดและแสนเก่งแบบนี้......แต่ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ...ที่แอบสืบประวัติของจอม....ตอนนั้นผมสนใจจอมมาก....มากจนกระทั่งต้องใช้หน้าที่การงานมาอำนวยความสะดวก....ผมเพิ่งมาทราบและเข้าใจแจ่มแจ้งเมื่อไม่นานมานี้เองครับว่า....ทุกอย่างที่เกิดขึ้น....มันเกิดจากความสมยอมของจอมและพี่เสือเองทั้งหมด.....”

“แต่....เอ....ผมไม่เข้าใจอยู่ดี.....ในกรณีนี้....จอมบอกทั้งขอบคุณ...และจะพยายาม......จะให้ผมตีความอย่างใรดีครับ” ยุทธจักรตั้งคำถาม เจือด้วยรอยยิ้มกว้าง

“ขึ้นอยู่กับพี่แซม.....ซิครับ....จะเลือกเอาข้อสรุปอันไหน.....”

“ผมเอาข้อสรุปของคำว่า....จะพยายามครับ...... ขอบคุณนะครับจอม....ขอบคุณที่เห็นคุณค่าของความรักของผม....”

จอมยุทธ์เลือกที่จะยิ้มตอบ.....เขาค่อนข้างเขินกับสถานการณ์เช่นนี้อยู่พอสมควร....

“พี่แซมครับ..... ในเวลานี้เราพูดกันเฉพาะเรื่องความรู้สึกใช่มั้ยครับ.....” ประโยคคล้ายคำถาม....แต่ยุทธจักรทราบดีว่ามันคือการตอกย้ำความจริงบางอย่าง

“ใช่ครับจอม......ผมทราบดีว่าจอมมีข้อจำกัดในเรื่องอื่นๆ อีกมากมาย.....ถ้าจอมไว้ใจผม....ให้ผมอยู่เคียงข้างจอมเสมอ.....ให้ผมได้รักจอม.....และสร้างความอบอุ่นให้กับจอมได้บ้าง...... ก็เท่ากับว่า....เรามีเวลาทั้งชีวิตที่จะหาบทสรุปในเรื่องประเด็นอื่นๆ .....ผมไม่คิดจะเร่งรัดหรือเอาเปรียบจอมเด็ดขาดครับ....ผมมั่นใจว่าเราทั้งสองคนน่าจะหาจุดยืนของความสัมพันธ์ของเราได้...... โดยไม่กระทบกับเกียรติและศักดิ์ศรีของเราทั้งสองคน.......” ยุทธจักรพูดยาว เขาเข้าใจความเป็นตัวตนของจอมยุทธ์เสมอ......

“แต่ขอผมกอดกับหอมแก้มจอมได้เป็นบางครั้งก็พอครับ....” ไม่พูดเปล่า...ยุทธจักรเข้าประชิดตัวจอมยุทธ์เขาโอบกอดคนที่เขารักและก้มลงไปหอมแก้มใสๆของจอมยุทธ์ ก่อนจะพละออกมาอย่างรวดเร็วเพื่อตั้งรับการจู่โจม...แต่ก็ไม่ทันปฏิกิริยาตอบสนองอย่างรวดเร็วของคนที่ครอบครองหัวใจของเขาทุกห้อง

เท้าข้างหนึ่งของจอมยุทธ์เหยียบลงบนบนสันเท้าของยุทธจักร หนุ่มหน้ากึ่งหวานพลิกตัวและส่งศอกเข้ากระแทก
ทรวงอกของคนตัวสูงกว่า แม้จะไม่เข้าเป้ามากนักเพราะยุทธจักรก็ระวังตัวอยู่.... แต่ก็ทำให้เกิดอาการจุกพอสมควร

“เฮ้อ.....มีแฟนเก่งแบบนี้.....ผมคงต้องทำใจเสียแล้ว......” ยุทธจักรแกล้งบ่นพึมพำ เขาถอยห่างจากจอมยุทธ์พอสมควร พร้อมกับตั้งการ์ดรอการโจมตีที่อาจจะเกิดขึ้นอีก

“คราวหลังก็ขอดีๆซิครับ.....จะได้ไม่เจ็บตัว” จอมยุทธ์ตอบ

“ขอดีๆ แล้วจะได้มั้ยครับ.....”

จอมยุทธ์ส่ายหน้า......พร้อมรอยยิ้ม..... อาการดังกล่าวเรียกเสียงหัวเราะเบาๆได้จากยุทธจักร

“กลับกันดีกว่าครับ.....แดดแรงแล้วครับ.....จอมต้องมีตารางทำกายภาพบำบัดต่อนะครับ....” ยุทธจักรพูดเป็นการเป็นงานอีกครั้ง....

“ครับ....” จอมยุทธ์ตอบสั้นๆ เขาปรับอารมณ์เข้าสู่ภาวะปกติ ก่อนจะเดินมุ่งหน้ากลับเข้าไปยังเซฟเฮ้าส์เพื่อเตรียมตัวทำกายภาพบำบัดอีกครั้ง





ศิวะและคริสพาภูฟ้ากลับมาก่อนได้เวลาอาหารเที่ยงเล็กน้อย ทั้งสองหนุ่มซื้ออาหารกลางวันกลับมายังเซฟเฮาส์ด้วยกันหลายอย่างเพื่อเตรียมรับประทานอาหารด้วยกัน

ในช่วงบ่าย...คริสรับผิดชอบในการดูแลภูฟ้า....เขาสอนให้ลูกชายตัวน้อยของเขาวาดรูปพร้อมลงสีที่เตรียมมา ในขณะที่ศิวะและจอมยุทธ์ กำลังปรึกษาหารือกันเรื่องการเตรียมสมรรถภาพทางร่างกายเพื่อเข้ารับการทดสอบ
รวมถึงกำหนดการถอนตัวออกจากเซฟเฮ้าส์แห่งนี้

หลังจากที่ตกลงกันเสร็จสิ้น จอมยุทธ์จึงบอกเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนสายให้ศิวะได้รับทราบ รวมถึงเรื่องที่เขาพบภูผากับฟ้าลั่นในความฝันที่งดงามนั้น

“จอมแน่ใจแล้วใช่มั้ยว่า....จะพยายาม” ศิวะถามหลังจากที่รับฟังมาจนจบ

“ผมให้คำสัญญาแก่พี่หมอกไปแล้วครับ......แต่ผมก็ไม่ทราบว่าความพยายามของผมมันจะบรรลุผลเมื่อไหร่นะครับ....มันคงต้องใช้เวลามากพอสมควร......”

“อืม......ถ้าแซมเขาเข้าใจ.....มันก็ไม่น่าจะมีปัญหา.....พี่หวังแค่เพียงว่า....เขาจะมั่นคงอย่างนี้ตลอดไป.....ในขณะเดียวกัน...จอมก็ต้องพยายามรักษาคุณค่าของความรักที่แซมให้มาให้ดี..... พี่ไม่ทราบว่าบทสรุปของความสัมพันธ์จะเป็นในรูปไหน.....เพราะทั้งจอมและแซม....ก็มีรสนิยมในเรื่องนั้นคล้ายกัน.....คงต้องหาข้อสรุปด้วยกันเอง........” ศิวะให้ข้อคิด

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับพี่เสือ..... ผมก็ไม่แน่ใจครับ....ว่าจะลงเอยในแบบใด.....แต่ที่แน่ๆ คงจะไม่เหมือนพี่หมอกกับพี่ฟ้าลั่นแน่นอนครับ...... ผมกับพี่แซมเราน่าจะเรียกว่า.....หุ้นส่วนของชีวิต.....มากกว่าครับ....ถ้าความพยายามของผมประสบผลสำเร็จ”

“อืม...... ถือเป็นข้อสรุปที่ดีนะ....สมเหตุสมผลดี...... แต่ว่า.....ถ้าจอมยอมรับการมีตัวตนของความรักของแซมแล้ว....เราคงต้องบอกความจริงทั้งหมดให้แซมรับรู้.....ทั้งเรื่องอดีตของพวกเรา.....รวมถึงตาภู...... เพราะอย่างน้อย...เขาก็จะเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเราในไม่ช้า.....”

“ผมกำลังจะปรึกษาเรื่องนี้กับพี่เสืออยู่พอดีเลยครับ..... ผมกำลังสองจิตสองใจว่า...เราสมควรจะบอกพี่แซมหรือไม่เกี่ยวกับเรื่องอดีตของเรา.....”จอมยุทธ์เปรย

“ถ้าจอมเปิดใจ....ยอมรับการมีตัวตนของเขาข้างๆจอม......เราคงต้องบอกครับ”

จอมยุทธ์ถอนหายใจช้าๆ...... เพียงแค่การตัดสินที่ว่า....จะพยายามปีนป่ายขึ้นมารับไออุ่นของดวงอาทิตย์แห่งรัก....ทำให้เขาต้องเริ่มต้นกระทำบางสิ่งบางอย่างให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น......เขาจะนิ่งเฉยและเย็นชาต่อไปไม่ได้แล้ว....

“ผมยังไม่ชินน่ะครับ...พี่เสือ....” จอมยุทธ์บอกไปตามตรง

“โอเค..... งั้นพี่จัดการให้...เอามั้ย” ศิวะยื่นข้อเสนอ

“ขอบคุณล่วงหน้าครับ”

ศิวะแยกออกมาจากจอมยุทธ์ เขาเดินไปทักทายภูฟ้าที่กำลังตั้งอกตั้งใจลงสีตามที่คริสสอน....หลังจากนั้นจึงตามหายุทธจักรเพื่อพูดคุยเรื่องที่คิดเอาไว้ เขาพบว่ายุทธจักรกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนเก้าอี้หน้าบ้าน....ข้างต้นไม้ใหญ่....ที่สายลมเย็นๆ พัดพลิ้วอยู่ตลอดเวลา.....

“แซมครับ....ผมมีเรื่องจะคุยกับแซมหน่อยนะครับ...ไม่ทราบว่าตอนนี้จะสะดวกมั้ยครับ” ศิวะเอ่ยถาม

“เชิญครับพี่เสือ” ยุทธจักรลดหนังสือลง ก่อนจะเชื้อเชิญให้ศิวะนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ

“ผมทราบเรื่องเมื่อตอนสายแล้วครับ...จอมเล่าให้ผมฟังเอง.....เราสองคนมักจะไม่มีความลับต่อกันครับ....” ศิวะเกริ่น

“ครับ...พี่เสือ”

“ผมอยากจะถามคำถามแซมบางอย่างครับ....ขอโทษด้วยนะครับ....ที่อาจจะต้องละเมิดความเป็นส่วนตัวบ้าง”

“เชิญตามสบายครับพี่เสือ.....” ยุทธจักรไม่ปฏิเสธคำขอ

“ก่อนอื่น....ผมคงต้องเสียมารยาทถามว่า.....ข้อจำกัดต่างๆที่จอมมีในเรื่องความรัก....ไม่ทำให้แซมเปลี่ยนใจเลิกรักเขาหรือครับ.....”

ยุทธจักรยิ้มเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำถามดังกล่าว.....คำถามที่เขาครอบครองคำตอบอยู่ตลอดเวลา.....

“ไม่ครับ.... ในทางตรงกันข้าม.....ผมอยากจะทำให้จอมมีความสุขครับ.......และตราบใดที่จอมยังเห็นคุณค่าของความรักของผม....ยอมให้ผมอยู่เคียงข้างเขา....ด้วยสถานะอะไรก็ตาม.....ผมก็จะมีความสุขเสมอ....แม้ว่าผมจะต้องใช้เวลานาน....ที่ทำให้จอมหลงรักผมบ้าง.....ผมก็ยินดีครับ.... สิ่งใดก็ตามที่ผมตัดสินใจแล้ว....ผมจะทำอย่างสุดความสามารถครับ......” ยุทธจักรบอกคำตอบออกมาเป็นประโยคง่ายๆ ที่มีความหมายลึกซึ้งเพียงพอที่จะให้ชายหนุ่มตรงหน้าเห็นว่า...เขาจริงจังกับการตัดสินใจของเขาเพียงใด

“เพียงแค่จอมรับรู้การมีตัวตนของความรักของผม.....ให้โอกาสที่จะเรียนรู้มัน.....ผมก็มีความสุขแล้วครับ....เพราะอย่างน้อย....ผมคือคนเดียว.....ที่จอมให้โอกาสอันนั้น.....” ยุทธจักรพูดจนจบประโยค

“แต่ถ้าแซมเปลี่ยนใจไปชอบคนอื่น....ความรักของแซมไม่เพียงจะถูกรับรู้....และยังถูกตอบแทนในเวลาอันสั้น...มันน่าจะมีความสุขมากกว่ามิใช่หรือครับ” ศิวะถามต่อ

“จอมคือคนที่หัวใจผมเลือกที่จะรักครับ.....และหัวใจของผมมันจะรักได้เพียงแค่จอมเท่านั้น....” ยุทธจักรตอบสั้นๆ อีกครั้งแต่ทว่ากินใจ

คำตอบของนายตำรวจหนุ่มทำให้ศิวะนึกถึงตนเอง......เขาเคยเป็นแบบนั้นมาก่อน....แม้กระทั่งในตอนนี้...... เขารักได้เพียงแค่ภูผาและ.....ทายาทของภูผากับฟ้าลั่นเท่านั้น.....

“ผมไม่มีคำถามแล้วครับ......เมื่อจอมตัดสินใจที่จะเรียนรู้ความรักของแซม....แซมก็ถือเป็นหนึ่งในครอบครัวของเรา......มีบางอย่างที่ผมคิดว่า....แซมน่าจะรับรู้.....เพื่อเข้าใจความสัมพันธ์ของครอบครัวของเราให้มากขึ้น.....” ศิวะเริ่มเปลี่ยนประเด็นการสนทนา

“เรื่องโศกนาฏกรรมรักในอดีตใช่มั้ยครับ....”

“ใช่ครับ..... สิบปีที่ผ่านมา.....ผม.....จอม....หมอก...และฟ้าลั่น....เราทั้งสี่คนสนิทสนมกันมาโดยตลอด....”

ก่อนจะบอกประโยคถัดไป....ศิวะหยิบกระเป๋าสตางค์ขึ้นมา หยิบเอารูปถ่ายขนาดเล็กที่เก็บไว้อย่างดี ส่งให้ยุทธจักร

ชายหนุ่มผมยาวในรูปนั้นทำให้ยุทธจักรระลึกถึงบุคคลแปลกหน้าในฝัน....บุคคลที่ช่วยชี้ทางให้กับเขาและขอร้องให้ช่วยฉุดจอมยุทธ์ให้ขึ้นจากหุบเหวแห่งความอ้างว้าง....เดียวดาย

“คนผมสั้น....คือหมอก.....คนที่ผมและจอมรัก.....ชายหนุ่มผมยาว....คือคนที่หมอกรักและเขาก็รักหมอกมากเช่นกัน.....เราทั้งสี่คนใช้เวลาอยู่ด้วยกัน....สร้างมิตรภาพที่ยั่งยืนและงดงามด้วยกันมาหลายปี....จนกระทั่งอุบัติเหตุได้พรากเอาชีวิตของฟ้าลั่นไปจากพวกเราในวันคริสมาสที่ประเทศอังกฤษ...... และหมอกได้ตัดสินใจท้าทายหัตถ์ของพระผู้เป็นเจ้า.....เพื่อสร้างชีวิตน้อยๆให้ลืมตาดูโลก.....ทายาทของเขากับฟ้าลั่น......”

“โดยใช้กระบวนการวิทยาศาสตร์ที่หมอกร่ำเรียนมา และโดยความร่วมมือของคริส....ภูฟ้าได้ถือกำเนิดในวันเดียวกับที่พระผู้สร้างโลกได้นำชีวิตของหมอกไปอีกคนเพื่อเป็นข้อแลกเปลี่ยน.....หัวใจของผมและจอมแทบสลายไปพร้อมกับการจากไปของคนที่เรารัก......หากแต่การกำเนิดขึ้นของภูฟ้า....คือสายใยเส้นเล็กๆ แต่มั่นคง.....ที่ช่วยพันธนาการหัวใจของเราทั้งคู่ให้ยังคงอยู่ต่อไป.......” ศิวะผ่อนลมหายใจออกเล็กน้อย....หัวใจของเขาเริ่มเจ็บปวด...

“หลังจากนั้นเป็นต้นมา....ผมและจอมก็เลี้ยงตาภูมาด้วยกันโดยมีคริสให้ความช่วยเหลืออยู่ด้วย เมื่อครั้งที่เราทั้งสามคนอยู่ที่ประเทศอังกฤษ.....เราสัญญาว่าจะเลี้ยงตาภูให้ดีที่สุด....ให้สมกับที่หมอกมอบความไว้วางใจให้ผมและจอมดูแล...และเฝ้ามองพัฒนาการของตาภู.......ดวงใจดวงน้อยๆของพวกเรา.....”

“ครึ่งหนึ่งของหัวใจผมและจอมคือความรักที่มอบตาภู....อีกครึ่งหนึ่ง...คือที่เก็บมิตรภาพอันงดงามและอดีตที่เจ็บปวดของเราทั้งสี่คน......” ศิวะอธิบายจนจบ

ยุทธจักรนิ่งไปซักพักหลังจากได้รับทราบความจริง.....ความคลุมเครือต่างๆอันตรธานหายไปจนสิ้น.....เขารู้สึกเสียใจกับความจริงดังกล่าว....ความตายดูเหมือนจะไม่ได้นำเอาแค่ชีวิตของบิดาทั้งสองของภูฟ้าไป....หากแต่นำชีวิตบางส่วนของศิวะและจอมยุทธ์ติดไปด้วย.....

ขึ้นชื่อว่าความรัก....มันน่าจดจำทั้งสิ้น....ยิ่งหากเป็นรักแท้ด้วยแล้ว....คงยากที่จะลืมเลือน....

“ผมเสียใจด้วยครับพี่เสือ.....ผมไม่แปลกใจเลยว่า...ทำไมตาภูถึงมีความสำคัญกับพี่เสือและจอมมากขนาดนี้....ภูฟ้าน่ารักมากครับ.....เขากำเนิดมาด้วยความรักที่มั่นคง....และถูกโอบล้อมด้วยความรักที่อบอุ่นของพี่เสือ...
จอม....คริส......และทุกๆคน.....”

“เรื่องการกำเนิดของตาภูนั้นเป็นความลับมาโดยตลอด.....มีเพียงคนในครอบครัวเดียวกันเท่านั้นที่รับทราบ.....คือทางผม จอม คริส และคุณปู่คุณย่า...คุณทวดตามสายเลือดของตาภูครับ...... ข้อมูลที่คุณแซมค้นอย่างไรก็ไม่มีทางพบเจอโดยเด็ดขาด”

ยุทธจักรมีสีหน้าระเรื่ออีกครั้งหลังจากได้ยินประโยคท้ายของศิวะ

“ผมขอโทษครับ....พี่เสือ....จุดใต้ตำตอแท้เชียวครับ....” ยุทธจักรเอ่ย

“ไม่เป็นไรครับ....เพราะผมเป็นคนอนุญาตให้มีการคัดลอกข้อมูลบางส่วนไปเองครับ....มิเช่นนั้นแล้วคงจะแถมไวรัสลงไปด้วยครับ.....พอผมทราบต้นตอว่ามาจากไหน......ผมกับจอมก็แค่ติดตามเฝ้าดูก็นั้นเองครับ....”

“สุดท้ายแล้ว....ผมอยากจะบอกแซมไว้ว่า.....เส้นทางความรักของจอมกับแซม....มันอาจจะไม่เหมือนกับคู่อื่นๆทั่วๆไป..... มันน่าจะเป็นความรักที่เฉพาะตัวมากเลยทีเดียวครับ..... เมื่อพิจารณาปัจจัยทั้งหมดในตอนนี้” ศิวะเผยรอยยิ้มจริงใจ...

“ยินดีต้อนรับ.....เข้าสู่ครอบครัวของเราครับ...” ศิวะกล่าวทิ้งท้ายก่อนจะลุกขึ้นยืนและยื่นมือออกไปสัมผัสกับยุทธจักรที่ลุกขึ้นยืนเช่นกัน ทั้งคู่จับมือเพื่อให้เกียรติซึ่งกันและกัน......

“ขอบคุณครับ....พี่เสือ”

“พอผมทราบเรื่องทั้งหมดแบบนี้....มันกลับช่วยตอกย้ำว่า......หัวใจของผมเลือกรักคนไม่ผิดจริงๆ ครับ.....”

ศิวะยิ้มให้กับสมาชิกใหม่ของครอบครัว ก่อนจะเดินเข้าไปในบ้านเพื่อรับช่วงต่อจากคริสในการดูแลลูกชายตัวน้อย....

ยุทธจักรยังคงนั่งคิดอะไรบางอย่างอยู่บนเก้าอี้ตัวเดิม....ก่อนจะตัดสินใจเดินตามหาจอมยุทธ์เมื่อได้ข้อสรุปเพิ่มเติมของหัวใจ.... เขาพบว่าจอมยุทธ์เพิ่งทำกายภาพบำบัดเสร็จสิ้น....และกำลังอยู่ในห้องส่วนตัว

“จอมครับ....ขอผมเข้าไปหน่อยได้มั้ยครับ” ยุทธจักรเคาะประตูห้อง และเอ่ยขออนุญาต

“เชิญครับ....”

“มีอะไรหรือครับพี่แซม” จอมยุทธ์เอ่ยทักทาย หลังจากที่ยุทธจักรเดินเข้ามาในห้องและปิดประตูลง

“ผมมีเรื่องจะคุยกับจอมนิดหนึ่งครับ.....”

“เชิญครับ.....”

“เอ่อ......ขอผมกอดจอมได้มั้ยครับ....” ใบหน้าของยุทธจักรมีสีเข้มแดงระเรื่อยามเอ่ยคำขอ แม้ว่าเมื่อก่อนเขาจะชำนาญในการเกี้ยวพาราสีขนาดไหน....หากเมื่ออยู่ตรงหน้าคนที่เขารักอย่างจอมยุทธ์แล้ว....ปฏิกิริยาของเขาแทบไม่แตกต่างอะไรกับคนช่างเขินอายคนหนึ่ง

“ทำไมหรือครับ” จอมยุทธ์ยังคงตั้งคำถาม

นายตำรวจหน้าเข้มเลือกที่จะยังไม่ตอบคำถามแต่ก็สืบเท้าเข้ามาใกล้จอมยุทธ์......เขาเปลี่ยนใจ.....เพราะดูเหมือนคำขอของเขามันจะเร็วเกินไปสำหรับความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น..... ตอนนี้ยุทธจักรเลือกที่จะจับมือข้างหนึ่งของคนที่เขารักขึ้นมาแทน..... เขากดริมฝีปากลงบนหลังมือนุ่มนั้น....

“ผมอยากจะบอกจอมว่า.....ผมเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตของจอมและพี่เสือ...... ความผูกพันในอดีตของจอมนั้นมีคุณค่ามากที่ไม่อาจลืมได้.....ผมไม่ขออะไรทั้งนั้น....ไม่ปรารถนาจะแทนที่ใครในหัวใจของจอม.....อดีตของจอมจะอยู่กับจอมเสมอ.....ผมจะเป็นปัจจุบันของจอมเอง.....และจะเป็นอนาคตด้วย..... ผมจะก้าวเดินไปพร้อมๆกับจอม...ตาภู....พี่เสือ.....และทุกคนในครอบครัว...... ” น้ำเสียงของยุทธจักรนุ่มทุ้ม.....ยามกล่าวคำสัญญาที่กลั่นออกมาจากใจ.....

“ขอบคุณครับพี่แซม....ขอบคุณที่เข้าใจครับว่า....อดีตของผม....จะเดินไปพร้อมกับปัจจุบันเสมอ.....ในตอนนี้ภูฟ้าคือครึ่งหนึ่งของหัวใจของผม.... และพี่แซม.....ก็คือหุ้นส่วนชีวิตที่ผมเลือก.....อย่าโกรธผมนะครับ...ที่ท้ายที่สุดแล้ว...ผมก็ยังไม่สามารถรักใครได้มากกว่าภูฟ้า....ยอดดวงใจของผม.....เพราะเขาคือทายาทของมิตรภาพ....ของรักแท้....ที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวในอดีตของผม.....”

“ผมไม่โกรธครับ.....ผมดีใจเสียอีกที่...ผมจะเป็นหุ้นส่วนชีวิตของจอม.....เดินไปพร้อมๆกับความรักที่เกิดขึ้นรอบๆตัวเรา.....ท้ายที่สุดแล้ว.....จอมจะรักผมหรือไม่....นั้นไม่สำคัญ....ขอเพียงให้ผมเป็นคนเดียวที่จอมยอมรับในปัจจุบัน....ก็เพียงพอแล้วครับ.....” ยุทธจักรพูดจบประโยคและโอบกอดคนที่เขารัก

“ครับ” จอมยุทธ์รับคำสั้นๆ หัวใจของเขารู้สึกอบอุ่นขึ้นมาภายใต้อ้อมกอดของคนที่รักเขา.... คนที่เขาเลือกที่จะเดินไปด้วยกัน....เขาไม่ทราบว่าอีกนานเท่าไหร่เขาจะรักบุคคลคนนี้....แต่เขาทราบว่า...เขาจะพยายาม.....

นับจากนี้.....ยุทธจักรและจอมยุทธ์คงต้องเรียนรู้ซึ่งกันและกัน.........เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกัน....เคารพและให้เกียรติซึ่งกันและกัน.....

แม้ความสัมพันธ์ทางร่างกายจะไม่อาจเกิดขึ้นได้ภายในอนาคตอันใกล้.....เพราะข้อจำกัดที่มี....แต่ทั้งคู่ก็ยังมีเวลาเกือบทั้งชีวิตที่จะหาบทสรุปด้วยกัน.....

บทสรุปที่เฉพาะตัว....ของความรักระหว่าง.....จอมยุทธ์.....ผู้มีรักแท้ในอดีตฝังอยู่ในหัวใจ......และยุทธจักร........ผู้ที่รักแท้กำลังเกิดขึ้น....และดำเนินต่อไป.....

เพราะว่ารักแท้....เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว.....

จบบริบูรณ์......
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 09-04-2007 11:37:17
สวัสดีครับ....

ในที่สุดก็จบแล้วครับ....นิยายเรื่องนี้ของผม.....

ผมใช้เวลาเขียนนิยายเรื่องนี้ทั้งสิ้นหนึ่งปีกว่าครับ.....นานมาก....และก็สนุกมากครับ.....

ผมตั้งใจเขียนและค้นคว้าข้อมูลเพื่ออยากให้นิยายเรื่องนี้ประทับใจคนอ่านเหมือนเรื่องแรกครับ.....

ตอนนี้รู้สึกใจหายเล็กน้อยครับ....เพราะหลังจากอวสานแล้ว....ผมคงไม่มีโอกาสคุยกับนักอ่านที่น่ารักของผมทุกคน..... เพราะกว่าที่ผมจะมีเวลามาแต่งเรื่องใหม่ ก็คงกลางๆปีนั่นเลยครับ.....

แต่ถ้าโชคดี....ผมสามารถแบ่งเวลาได้มีประสิทธิภาพ....ผมอาจจะโพสต์เรื่องใหม่โดยเร็วก็ได้ครับ.....

สุดท้ายนี้....ผมขอขอบคุณกำลังใจจากนักอ่านทุกท่านนะครับ....ที่ติดตามกันมาตั้งแต่โพสต์ครั้งแรก....ขอบคุณจากใจจริงครับ.....

นอกจากจะเป็นกำลังใจให้ผมแล้ว......ยังช่วยตอกย้ำความมั่นใจให้กับผมอีกว่า.....สิ่งที่ผมเลือกจะเขียนนั้น....อย่างน้อยก็มีคนอ่านครับ....แม้จะเป็นกลุ่มเล็กๆ ก็ตามครับ.....

ขอบคุณอีกครั้งครับ...

Andreas
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 09-04-2007 13:29:15
จบแล้วววว  :loveu: :loveu:

ประทับใจมากๆ คับ  :impress: :impress: :impress:

ขอบคุณคนแต่งมากนะคับ มีเอาเรื่องดีๆ มาให้อ่านกัน  :myeye: :myeye:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: RoosT ที่ 09-04-2007 13:57:09
อ่าาาาา

อ่านนิยายเรื่องนี้ ได้ครบทุกรสชาติจิงๆ ความสุข ความเศร้า ความหลัง และอนาคต

ครบทั้งสาระ และบันเทิง อย่างที่คุณแอนดี้ต้องการนำเสนอจริงๆคับ

ชอบมากๆ เรย อิอิ

ชอบมากๆเรยตรงที่จอมกะแซมบอกว่า คบกันด้วยใจ และความรู้สึก

ไม่ได้เกี่ยวกะเรื่อง sex (อันนี้อนุมานเอาเอง แหะๆ) ว่าแต่ถ้าเค้าจะมีฉาก

หวานหวาน กันเนี่ย ยัง งง ว่าใครจะ on top วะฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :laugh5:

ปล. สุดท้่ายใครจะมาเปิดประตูหัวใจพ่อเสือได้ละเนี่ยยยย

ขอภาคพิเศษได้มะค๊าบบบบบบบบบบบบบบบ

..............

แล้วจะรออ่านเรื่องต่อไปของคุณแอนดี้อย่างใจจดจ่อคับผม :yeb:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 09-04-2007 17:04:57

................และแล้วนิยายเรื่องนี้ก็จบลง..........

.......................แต่ถ้าเป็นชีวิตจริงชีวิตของทั้งคู่มันก็คงเป็นเพียงแค่การเริ่มต้น........

.................................แต่คงเป็นการเริ่มต้นที่สวยงาม..... :impress3: :impress3:

...............ขอบคุณพี่จ๋อมนะคับ......ที่เขียนนิยายดีๆมาหั้ยอ่าน........ :110011: :เชิป2:

...........................เรื่องหน้าขอเป็นเรื่องของพี่เสือบ้างนะครับ..... :yeb: :yeb:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 09-04-2007 19:01:05
อดีตของผม....จะเดินไปพร้อมกับปัจจุบันเสมอ  :impress3:
จบลงอย่างประทับใจ  :impress3:  :impress3:
ขอบคุณสำหรับนิยายดี ๆ
ขอบคุณคนแต่ง
ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ  :myeye:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 09-04-2007 20:08:23
จบลงอย่างสวยงามจริง ๆ สำหรับความรักที่กำลังจะก่อตัวระหว่างจอมยุทธิ์และยุทธจักร 
บทสรุปสำหรับความรักที่ไม่ต้องเพ้อฝัน  เวลาและความผูกพันจะพาทั้งสองไปสู่จุดที่เรียกว่า หุ้นส่วนของชีวิต

ขอบคุณจ๋อม สำหรับเรื่องราวดีๆ อยากจะบอกว่าชอบเรื่องนี้มากเลย    น่าติดตามมากค่ะ
แล้วก็ชื่นชมสำหรับการเป็นนักเขียนที่พยายามที่จะนำเสนอแต่สิ่งที่ดีสำหรับผู้อ่านตลอดมา  ติดตามผลงานการเขียนทั้งสองเรื่องของจ๋อม  ชอบมากทั้งสองเรื่อง  แต่ละเรื่องผู้เขียนพยายามที่จะนำเสนอแนวทางและโครงเรื่องที่แปลกใหม่และสอดแทรกความรู้ตลอดเวลา  เรื่องแรกติดตามและประทับใจเพราะภาษาที่สวยงาม เนื้อเรื่องอ่อนหวาน กินใจ  มาเรื่องที่สองในแนวสืบสวน ข้อมูลแน่น โครงเรื่องดี ความประทับใจก็ยังคงอยู่และมีมากขึ้นเรื่อย ๆ   ขอเป็นกำลังใจให้จ๋อมสำหรับเรื่องที่สาม (ที่คาดว่าจะเป็นแนวใหม่อีกเช่นเคย อิอิ) จะติดตามและรอคอยผลงานชิ้นต่อไปของจ๋อมเสมอนะ (ขอให้แต่งเสร็จเร็วๆ) ไม่อยากบอกว่าก็ใจหายเหมือนกันนะเนี่ย  แงแง  ก็มาเล่นทู้อื่นจิ อย่าหายไปนา

สุดท้าย ขอบคุณเพื่อน ๆ ทุกคนที่อ่านแล้วก็แสดงความเห็นมาด้วยกันจ้า   :give2:

ปล  อยากอ่านเรื่องพี่เสือเหมือนกันแหละ 
รักทุกคนเยยย   :loveu:  :loveu:  :loveu:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: wee ที่ 09-04-2007 23:53:03
....ความตายดูเหมือนจะไม่ได้นำเอาแค่ชีวิตของ......ไป....หากแต่นำชีวิตบางส่วนของ...ผม......ติดไปด้วย.....
ผมชอบประโยคนี้จัง  ตรงใจ ตรงชีวิต ผมเลย และผมก็เข้าใจความรู้สึกนี้ดี
(เอ่.... หรือว่าประตูหัวใจของผมก็คงถูกปิดตายไปแล้วเช่นกันเนี่ย )
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 10-04-2007 01:08:02
จบได้ประทับใจมากเลยจ๊ะ ขอบคุรคนแต่งมากๆจะติดตามต่อไปนะ  :loveu: :loveu: :loveu:



ปล.อยากให้พี่เสือมาความสุขด้วยอะมะมีตอนพิเศษของพี่เสือเหรอ  :yeb:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: KevinKung ที่ 10-04-2007 11:23:49
จบอย่างสวยงาม  :impress:
ขอบคุณนะครับ ที่มาเขียนเรื่องดี ๆ ให้อ่าน
จะรอติดตาม เรื่องต่อ ๆ ไป ครับ  :รักจัง11:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: kYos ที่ 10-04-2007 15:01:18
 :monkeysad:  จบได้อย่างประทับใจจริงๆ
ไม่รู้สึกผิดหวัง และเสียใจเลย ที่ได้มีโอกาสติดตามผลงานของพี่จ๋อม
ถึงแม้ว่าเรื่องนี้ จะแตกต่างจากแนวตลาดไปบ้าง แต่ก็สนุกมาก ได้ครบทุกรสชาติ หวาน ขม ปมกันไป
ข้อมูลก็แน่นปึ้ก ได้ความรู้เพิ่มเติมอีกต่างหาก คุ้มค่ามากๆ
ยังไงก็แล้วแต่ ขอบคุณสำหรับการสร้างสรรค์ผลงานที่มีคุณภาพนะคะ (หุหุ เวอร์ไปป่าวเนี่ย  แต่คิดงี้จริงๆนะ)
รอแล้วก็เอาใจช่วยสำหรับผลงานชิ้นใหม่ด้วย หวังว่าคงมีโอกาสได้เห็นกระทู้นิยายที่มีการถกปัญหา ทฤษฎีต่างๆกันแบบนี้อีก
สู้ๆก๊าบบ  :yeb:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: jammy ที่ 12-04-2007 12:30:58
ขอเป็นกำลังใจเล็กๆให้พี่จ๋อมพัฒนางานเขียนให้ดีขึ้นไปเรื่อยๆในอนาคตนะครับ  :5555:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 13-04-2007 01:38:32
จบแย้วววว กว่าจาตามอ่านจนจบ นี่ขนาดอ่านเฉยๆนะเนี่ย  ยังตามอ่านกันจนเหนื่อยเยย แล้วคนแต่งจาเหนื่อยขนาดไหนน้อ.. ไหนจะการค้นคว้าหาข้อมูลอีก จ๋อมนี่สุดยอดจริงๆ ข้อมูลแน่นปึ้ก  :yeb:

ให้กำลังใจจ๋อมน๊า...ขอให้คิดเรื่องใหม่ๆออกมาสู่สายตาแฟนๆได้เร็วๆนะจ๊ะ แต่ก็อย่าลืมการดูแลสุขภาพตัวเองด้วยนะจ๊ะพักผ่อนเยอะๆน๊า  : 222222:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 16-04-2007 20:05:08
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

พอมีเวลาเข้ามาอ่านก็อ่านจนจบเลยอะ

ทามจายไม่ได้  ทำไมเขียนได้ดีอย่างงี้ (แม้ว่าจะมีข้อติ เล็กๆ น้อยๆ กระเด็นเข้านัยน์ตาอิชั้นบ้าง)

รักจ๋อมนะเคอะ 

ปล. กลับมาเมื่อไหร่เรามาแต่งงานกันเถอะเคอะ  แบบว่า อยากมีสามีเก่งๆ เริ้ดๆ อย่างงี้เคอะ  แม้ว่าจะต้องตั้งวงมโหรีกับหล่อน  เจ้ก็ย่อมเคอะน้องจ๋อมสุดสวยของเจ้  :kikkik:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 17-04-2007 22:51:28
ดีจายยยยยย
กลับมาก็ได้อ่านเลย
จบได้ซึ้งมากมายอ่ะ :myeye:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 18-04-2007 17:13:53
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆ นะครับ อ่านตอนจบแล้วเศร้าๆ ยังงัยไม่รู้นะครับ

ชีวิตเหมือนเหรียญบาทนะครับ ย่อมมีสองด้าน

เป็นกำลังใจให้เสมอนะครับ

พูห์ครับผม




















ปล.

เรื่องหน้า อย่าลืมไพรัชนิยายที่บอกไว้นะครับ

เป็นกำลังใจให้ครับผม :yeb:




หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: tsuyu ที่ 18-04-2007 20:03:10
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆ ที่มีมาให้อ่านนะค่ะ

เป็นแฟนพันธุ์แท้ค่ะ แต่ไม่ค่อยได้ comment

สนุกไม่แพ้เรื่องที่แล้วเลยค่ะ

แล้วจะรออ่านเรื่องต่อไปนะค่ะ

 :yeb:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 19-04-2007 00:24:25
อิอิ อ่านแล้วซาบซึ้ง
 :impress3:
 กับความรักที่ยากจะอธิบายจริงๆ
มันเป็นอย่างนั้นจริงๆหรือ ที่รักแท้เกิดได้ครั้งเดียว
แล้วเราจะบอกได้อย่างเต็มปากได้อย่างไร ว่านี่คือรักแท้
 :monkeysad:

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆ อ่านไปซึ่งไป
คอยลุ้นอยู่ตลอด ได้หอมแก้มก็ยังดีหวา
 :เศร้า1:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: ^*+KYLE+*^ ที่ 19-04-2007 11:40:39
อ่า กว่าจะตามอ่านทันจนจบ

อยากบอกว่าประทับใจตอนจบของเรื่องมากเลยล่ะคับ

มันดูเป็นความรักและความผูกพันระหว่างคนทั้งคู่ที่น่าเป็นไปได้ที่สุด

ยังไงผมจะเป็นกำลังใจให้พี่จ๋อมในเรื่องต่อๆไปนะคับ ^^

 :yeb:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 22-05-2007 17:17:55
รู้สึกดีใจมากครับที่ได้อ่านเรื่องนี้
แต่งได้สุดยอดมากครับ
เป็นกำลังใจให้ทุก ๆ คนนะครับ
ขอบคุณอีกครั้งนะครับ ขอบคุณจริง ๆ
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 05-06-2007 00:47:59
ประทับใจมากเลยครับ ไม่แพ้ภาคแรกเลย สอดแทรกไปด้วยสาระตลอดเวลาผมชอบมากๆเลย

หวังว่าจะได้อ่านผลงานขอบคุณอีกนะครับ
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: FOAM ที่ 08-06-2007 08:47:50
ชอบากเลยครับ

อ่านรวดเดียวจบ ทั้งสิงภาคเลย

ขอบคุณทั้งคนเขียนและคนโพสต์ครับ o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 08-06-2007 16:41:05
จะเอานิยายเรื่องใหม่จากคนเขียนคนนนี้
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 14-07-2007 05:40:20
 :impress: :impress: :impress:

ก็สนุกดีครับผม ชอบมากเลย

ยังอ่านมะจบครับ แล้วจะมาอ่านต่อครับ

 :impress: :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: ~prince™~ ที่ 27-07-2007 12:23:46
ซึ้งสุดยอดครับเรื่องนี้อ่านไปน้ำตาซึมไป  ซึ้งมากๆครับ

ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆแบบนี้นะครับ

               :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: ninaprake ที่ 28-07-2007 03:54:03
อ่านเรื่องนี้มาได้ 4 หน้าแล้ว สนุกดีคับคุณจ๋อม :) ดูท่าทางเรื่องราวกะลังจะดำเนินไปอย่างเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆนะครับเนี่ย ^_^

Keep up with the good work na krab.

Take care & see you around! ;)

"p" krab
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: kei_kakura ที่ 29-07-2007 02:27:00
เหอๆๆๆ....เพิ่งอ่านจบม่ะกี้ ....ตาลาย  o2

แต่สนุก...ขอบอกว่าชอบตั้งแต่ชื่อเรื่องแล้ว...เพราะว่ารักแท้....เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว.... :o8:

กำลังคิดว่าจะมีภาค 3  ภาคพี่เสืออ่ะป่าวเอ่ย อิอิอิ

แต่เด๋วขอกลับไปอ่านภาค 1 ก่อน...ประทับใจเรื่องนี้มากจริงๆ ค่ะ  +1 นะค่ะ  :m1:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแทŭ
เริ่มหัวข้อโดย: ninaprake ที่ 29-07-2007 02:29:19
จ๋อมอธิบายมาถูกต้องแล้วคะ

เพราะว่า  สีม่านตา(=ไอริส?) ถูกควบคุมด้วยยีนมากว่าสองตัวเคอะ  ประมาณว่าเป็น AAA คะ คือมี อัลลีลถึงสามตัวด้วยกันที่ควบคุมลักษณะนี้ของร่างกายมนุษย์ ซึ่งปกติทั่วๆ ไปแล้ว ลักษณะต่างๆ ของมนุษย์จะมีแค่ 2 อัลลีลคะ

แล้วลักษณะสีม่านตา"สีน้ำตาล(เข้ม)"ก็เป็นลักษณะปรากฏ (phenomenon(?)) เด่นเคอะ

ไม่ว่าผัวของเราจะมีม่านตาสีอะไร  แต่พอมาผสมพันธุ์แลกเปลี่ยนยีนกันกับเราเรียบร้อยแล้ว  ลูกเราก็จะมีสีม่านตาเป็นสีน้ำตาลเคอะ เช่น

                                                   เรา         +       ผัว
เซลล์ร่างกาย             =                AAA                 aaa
                                           (ตาสีน้ำตาล)        (ตาสีเขียว)
เซลล์สืบพันธุ์            =                  AA                  aa

ผสมกันได้ลูก            =                 AAa   หรือ   Aaa  (ตาสีน้ำตาล เพราะ มี อัลลีล A คอยบังคับให้เป็นไปแบบนั้น)

แต่ในกรณีที่คนตาสีน้ำตาลแต่งงานกันแล้วได้ลูกมาตาสีเขียว(เกิดได้น้อยถึงน้อยมากและมักเกิดขึ้นเมื่อแต่งกันในวงศาคณาญาติมาหลายรุ่นแล้ว)  ก็สามารถอธิบายได้ดังนี้

                                                       นาย ก.          +        นาย ข.
เซลล์ร่างกาย                        =              Aaa                      Aaa
                                                    (ตาสีน้ำตาล)             (ตาสีน้ำตาล)
เซลล์สืบพันธุ์(มีสองแบบ)       =             Aa,aa                    Aa,aa

ผสมกันได้ลูก                      =     Aaa (ตาสีน้ำตาล เพราะ "มี" อัลลีล A คอยบังคับให้เป็นไปแบบนั้น)
                                       หรือ   aaa  (ตาสีเขียว เพราะ "ไม่มี" อัลลีล A คอยบังคับและมีแต่อัลลีล a ซึ่งเป็นตัวควบคุมให้ตาเป็นสีเขียว)

อีกอย่างหนึ่งคือ  ลักษณะของสีตาเป็นลักษณะปริมาณเหมือนกันลักษณะสีผิว หมายถึง ยิ่งมีอัลลีล A เท่าไหร่  สีตาก็จะยิ่งเข้มขึ้นเท่านั้น เช่น
AAA จะเข้าจนดำ AAa จะเป็นสีน้ำตาลเข้ม ส่วน Aaa เป็นสีน้ำตาลอ่อน  

ซึ่งลักษณะตาสีน้ำตาลเป็นลักษณะโบราณเคอะ มีมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษของมนุษย์แล้ว (สังเกตได้จากลิงที่เป็นญาติห่างๆ ของเราที่มีสีตาเป็นสีน้ำตาลเหมือนกัน) ส่วนสีตาสีอื่นๆ นั้น เป็นลักษณะที่เพิ่งเกิดขึ้นมาภายหลังในตอนที่มนุษย์เริ่มมีวิวัฒนาการมากขึ้นแล้วเคอะ  ในคนเอเชียส่วนใหญ่ที่มีวิวัฒนาการมาจากมนุษย์ในแอฟริกา  มนุษย์ชวาและมนุษย์ปักกิ่งนั้น  จะมีตาสีน้ำตาลเคอะ เพราะเป็นเผ่าพันธุ์โบราณ ยกเว้นคนเผือกนะครับที่ตาจะมีสีแดงเพราะว่ามีความผิดปกติในพันธุกรรมที่ทำให้เซลล์ไม่สามารถสร้างเม็ดสีได้  ส่วนที่เราเห็นเป็นสีแดงนั้นเกิดจากการที่มันสะท้อนแสงออกมาของอะไรสักอย่าง(จำไม่ได้ อิอิ) ซึ่งเป็นลักษณะของสัตว์กินเนื้อเคอะ  แต่คนเอเชียก็สามารถมีตาสีอื่นๆ ได้เหมือนกันครับ  อย่างเช่น ซายูริในเรื่อง เกอิชา ไงเคอะ  มีตาสีเทา  เจ้เองก็เหมือนกันบางทีก็มีตาสีน้ำตาลลายเสือ  เวลาไปจิกผู้ชายคะ   :laugh5:

ปล.  ที่อธิบายมาทั้งหมดก็ไม่มั่นใจนะว่าถูกต้องร้อยเปอร์เซนต์  รบกวนผู้มีความรู้เข้ามาท้วงติงด้วยนะเคอะ    แบบว่าอิชั้นโง่นะเคอะ  เลยเพิ่มเติมได้แค่นี้เอง


ป.ล.  ที่เจ็เขียนมาก็แปลกอ่ะ...ถ้าไม่ได้เรียนมาก็คงเข้าใจมั้ง

........ขอแก้นิดหน่อยละกันนะ... :110011: :เชิป2:

....................ส่วนมากแล้วลักษณะทางพันธุกรรมแต่ละลักษณะจะถูกควบคุมโดยอัลลีลแค่ 1 คู่นะคับไม่ใช่ 2คู่
...........แต่ถ้าควบคุมด้วยอัลลีลมากกว่า 1 คู่ เราจะเรียกว่า multiple alleles

...........โดย 1 อัลลีลจะเขียนแทนด้วยสัญลักษณ์ 2 ตัวแต่ 3 รูบแบบคือ

...................AA จะแทนด้วยลักษณะเด่นแท้...(homolozygous dominant)
...................Aa จะแทนด้วยลักษณะเด่นเทียม...(heterozygous dominant )
...................aa  จะแทนด้วยลักษณะด้อย...(recessive..ซึ่งจะเป็น homozygous เท่านั้น)
........แต่จะมีแค่ 2 phenotype คือตาเป็นสีน้ำตาลคือ AA และ Aa และตาเป็นสีเขียว คือ aa

..............ดังนั้นถ้าเป็นอย่างอีเจ๊บอกว่ามี gene ที่ควบคุมสีตา 1 อัลลีล(อธิบาย 3 ยากไปเด๋วอีเจ๊ไม่เข้าใจ :laugh5:)
......................ก็จะได้ตัวอย่างดังต่อไปนี้

                                                    ผัว         +       เมีย
เซลล์ร่างกาย             =                 AA                    aa
                                              (ตาสีน้ำตาล)       (ตาสีเขียว)
เซลล์สืบพันธุ์             =                   A                     a
ผสมกันได้ลูก            =                               Aa    
                                  ซึ่งจะเห็นว่าลูกจะมีโอกาสมีตาสีน้ำตาลเท่านั้นซึ่งไม่ใช่ลักษณะเด่นแท้แต่เป็นเด่นเทียม

...................แต่ถ้าเอาลูก(ผู้ชาย)ที่ได้  ไปผสมพันธ์กับอีเจ๊ซึ่งมี gene ที่วบคุมสีตาเหมือนกัน

                                                ลูกผู้ชาย         +      อีเจ๊
เซลล์ร่างกาย             =                 Aa                     Aa
                                              (ตาสีน้ำตาล)       (ตาสีน้ำตาล)
เซลล์สืบพันธุ์             =                   A , a              A , a
ผสมกันได้ลูก            =                      AA , Aa , aa
..................................ซึ่งจะเห็นว่าลูกมีโอกาสที่จะมีสีตาได้ทุกรูปแบบ(ตามที่อธิบายข้างบน)
...................................อยู่ที่ว่าลูกจะเลือกเอาอะไรมา ถ้าลูกเจ๊ดันเลือกเซลล์สืบพันธ์สามีเจ๊และของเจ๊เป็น a ทั้งคู่
..................................ลูกก็จะออกมามีตาสีเขียวเคอะ..(คงคล้ายแมลงวันหัวเขียวอ่ะ..... :laugh5: :laugh5:)

...............วันนี้ขออธิบายแค่นี้..........เด๋วยากกว่านี้จะทำหั้ยทุกคนงงไปกันใหญ่...ยิ่งในกรณีควบคุมมากกว่า 1 อัลลีล
..........................เด็กๆมัธยมทั้งหลายอ่านไว้แล้วเอาไปสอบได้นะจ้ะ..... :110011: :เชิป2:


อุแม่เจ้า ....  :o ใครว่าความแปลกและน่าประหลาดใจว่าทำไมพี่เสือกับจอมถึงได้เก่งและฉลาดถึงเพียงนี้มันจะมีอยู่แค่ภายในเรื่อง ....

แท้จริงแล้วในบอร์ดเราก็มีเหมือนกัน!!!  :o  โห ..... เจ้สองกะคุณถุงเค้าสามารถพูดอธิบายอะไรต่างๆนานาได้อย่างเก่งฉกาจไม่แพ้พี่เสือหรือจอมหรือคุณจ๋อมผู้เขียนเรื่องเลยทีเดียว ... นี่ก็อาจแสดงให้เห็นได้ว่า แท้จริงแล้วเหล่าบรรดาเสือซุ่ม หรือ มังกรซ่อนลาย ต่างก็อยู่รอบๆตัวใกล้ๆพวกเรานี่เอง !!!  o22   :a5:

หึหึหึ อย่าได้เผลอพูด  :m26: หรือคิดดูถูกใครภายในบอร์ดนี้เชียวนะ  :m20: บางคนอาจจะดูเหมือนชอบพูดจาเฮฮาเรื่อยเปื่อย (เออ....อันนี้ไม่ได้ว่าใครนะครับ เปรียบเทียบเฉยๆ) แต่แท้จริงแล้วอาจมีความรู้ระดับดอกเตอร์หรืออัจฉริยะกันก็ได้!!!  :a9:

ขอบคุณสำหรับความรู้เพิ่มเติมเรื่องสีตาและเรื่องอื่นๆที่คุณจ๋อมกับคุณเจ้สอง oaw_eang และคุณถุง GobGabได้กรุณานำมาแบ่งปันให้เราได้รู้กันด้วยครับ  o13
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 29-07-2007 04:43:08
คุณพ่อมดฟ้าครับ...

เจ้ oaw_eang (ภรรยาคนที่สามร้อยกว่าๆ ของผม) นั่นแหละครับ ความรู้ระดับปริญญาเอกเชียวนา.....

Andreas
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแทŭ
เริ่มหัวข้อโดย: ninaprake ที่ 29-07-2007 06:45:24
:โหลๆ: Yoooooo Hooooooooooooo

เห็นคุณ No-Empty ถามไว้ว่า.... FYI คือ อะไร.... มันคือ.....ตัวย่อของ For Your Information ครับ....

คล้ายกับ lol ซึ่งย่อมาจาก Laugh out loud น่ะครับ

ส่วน asap ก็คือ as soon as possible ครับ...

หรือ ftw.... อันนี้มันหยาบคายน่ะครับ..... เพราะมันย่อมาจาก F-ck the world :laugh3:

วันนี้กะจะเล่นตัวซักหน่อย.....ว่าจะไม่โพสต์นิยายต่อ..... แต่เอาเข้าจริง...... โพสต์ต่อดีกว่า.....

จะได้ตามมาลุ้นกันครับ.....ว่าจะเป็นรักระหว่างรบที่เข้าใจกันหรือป่าวครับ...

Andreas

lol นี่ตกลงย่อมาจาก Laugh of loud เหรอคับ? ผมคิดและเชื่อมาตลอดเลยนะเนี่ย (จำไม่ได้ว่าความเชื่อนี้มันมาจากไหน ... ได้ยินมาจากใครซักคนมั๊งครับ) ว่า lol ย่อมาจาก Lots of Laugh ... เช่น  ha ha ha, 5555, ฮา ฮา ฮา อะไรเงี้ย

ผมไม่รู้หลักการหรือที่มาอะไรหรอกนะครับ แค่สงสัย จะได้ไม่ไปถ่ายทอดผิดๆเพราะเคยเผลอไปบอกเพื่อน 2 คนแล้วว่ามันมาจาก Lots of Laugh แหะ แหะ แหะ :p ถ้ามันผิดจะได้ไปบอกแก้

ขอบคุณค้าบ
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแทŭ
เริ่มหัวข้อโดย: ninaprake ที่ 29-07-2007 07:24:00
วันนี้ผมจะมาให้ข้อมูลเรื่องการเรียกยศตำรวจเป็นภาษาอังกฤษนะครับ....เพราะทุกคนคงทราบแล้วว่า อเล็กซ์คือใคร......ใช่มั้ยครับ....

ทั้งตำรวจและทหารจะแบ่งออกเป็นสองประเภทครับ...คือแบบชั้นประทวน และแบบสัญญาบัตร....ทุกคนคงทราบกันดี

ชั้นประทวน (Non-Commissioned Officer) จะเริ่มจาก

Police Lance Corporal (L/Cpl.) = สิบตำรวจตรี  (แลนซ์ คอพอรอล)
Police Corporal (Cpl.) = สิบตำรวจโท (คอพอรอล)
Police Sergeant (Sgt.) = สิบตำรวจเอก (เซอร์เจน)
Police Sergeant Major (Sgt.Maj.) = จ่าสิบตำรวจ (เซอร์เจน เมเจอร์)
Police Senior Sergeant Major (Snr.Sgt.Maj.) = ดาบตำรวจ (ซีเนียร์ เซอร์เจน เมเจอร์)

ชั้นสัญญาบัตร (Commissioned Officer) จะเริ่มจาก

Police Sub-Lieutenant (Sub-Lt.) หรือ 2nd Lieutenant (2nd Lt.) = ร้อยตำรวจตรี (เซคคั่น ลูเทนเนน)
Police Lieutenant (Lt.) = ร้อยตำรวจโท (ลูเทนเนน)
Police Captian (Capt.) = ร้อยตำรวจเอก (แคปเทน)
Police Major (Maj.) = พันตำรวจตรี (เมเจอร์)
Police Lieutenant Colonel (Lt.Col.) = พันตำรวจโท (ลูเทนเนน เคอนอล)
Police Colonel (Col.) = พันตำรวจเอก (เคอนอล)
Police Major General (Maj.Gen.) = พลตำรวจตรี (เมเจอร์ เจนเนอรัล)
Police Lieutenant General (Lt.Gen.) = พลตำรวจโท (ลูเทนเนน เจนเนอรัล)
Police General (Gen.) = พลตำรวจเอก (เจนเนอรัล)

..........

Andreas

ดีจังครับผมอยากทราบมานานแล้วเรื่องยศในภาษาอังกฤษเนี่ย  o13 มีอีกเรื่องที่อยากทราบครับ คือเรื่อง ชั้นประทวน และสัญญาบัตร ว่ามันคืออะไร? แตกต่างกันอย่างไร? ตอนนี้ได้ทราบอย่างนึงคือความแตกต่างในเรื่องของชั้นยศ .... ไม่ทราบว่ามันมีข้อแตกต่างเรื่องอื่นๆอีกมั๊ยครับ? แล้วทำไมในไทยเค้าถึงใช้/เรียกว่า ชั้นประทวน และสัญญาบัตร หล่ะครับ?  แล้วอย่างคำว่า หมวด ดาบ ผู้กอง จ่า ฯลฯ พวกนี้หล่ะครับ?

รบกวนถามผู้รู้ด้วยคร้าบบบ ขอบคุณมากๆเลยครับ  o15   :m5:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: ninaprake ที่ 29-07-2007 10:52:31
โอ้วววว ในที่สุดก็อ่านจบแล้ว  :a2:

จบได้ดี ซาบซึ้ง และอบอุ่นเช่นเคยนะครับคุณจ๋อม เฮ้ออออ ....  :เฮ้อ: เสียดายจังที่จบไป ยังติดลมอยู่เลย ยังไม่มีฉากอัศจรรย์ระหว่างแซมกะจอมเลยนะ อิอิอิ ใครจะอยู่ตำแหน่งไหนกันน้า  :m3:

แต่ตอนจบก็ดีและเนียนมากๆเช่นเคยครับ ชอบทั้งสองเรื่องเลยยยยย  :give2: ก็หว่งว่าจะได้อ่านเรื่องต่อไปเร็วนี้นะครับ

ขอบคุณมากสำหรับทั้งสาระและความบันเทิงที่มามอบให้ ผมเป็นคนชอบๆๆอ่านและหาความรู้ต่างๆโดยไม่จำกัดแขนงอยู่แล้วครับ เพราะฉะนั้นเลยชอบกับความรู้ต่างๆที่ได้รับไม่ว่าจะด้านภาษา วิทยาศาสตร์ ศัพท์และความรู้ทางด้านตำรวจ-ทหาร ฯลฯ ถ้ามีสาระความรู้อะไรในเรื่องหน้าก็โพสเลยนะครับ ชอบอ่าน  :m18:

ขอบคุณอีกรอบครับสำหรับความพยายามและความตั้งใจที่ทำ  o15 ผมรออ่านเรื่องต่อไปอยู่แถวหน้าเลยครับ มีอะไรให้ช่วยก็บอกได้   :a11:    :a9:

คุณพ่อมดฟ้าครับ...

เจ้ oaw_eang (ภรรยาคนที่สามร้อยกว่าๆ ของผม) นั่นแหละครับ ความรู้ระดับปริญญาเอกเชียวนา.....

Andreas

อ้าว เจ้สองบอกว่าจะมาตั้งวงมโหรีกับคุณจ๋อมนิ ตกลงเลือกข้างกันไปแล้วเหรอคับ  :laugh:  แซวเล่นนาคร้าบทั้งสองคน  :m13:
โอ้วว .... บอร์ดนี้ไม่ใช่กะโหลกกะลาจริงๆด้วย  มีคนเก่งๆมีความรู้อยู่มากมาย .... ว่าแต่ ... การต่อเอกฯ ได้เป็น Dr. มีผลทำให้เขียนเรื่องเก่งรึเปล่าครับ ? เก่งกันทั้งคู่เลย อิอิ  o13
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 29-07-2007 11:59:04
ในความคิดของผม....คนที่เรียนถึงระดับปริญญาเอกนั้นไม่จำเป็นจะต้องเก่งเสมอไปครับ หากแต่ต้องเป็นคนที่สามารถต่อสู้และเอาชนะขีดจำกัดของตัวเองได้ครับ

แต่ที่แน่ๆ ผลลัพธ์ที่ได้จากการเรียนนั้นคือ "นิสัยการอ่าน" และ "การประยุกต์ใช้ความรู้ที่เรียนมาเข้ากับศาสตร์อื่นได้อย่างรวดเร็ว" ครับ....

ใครก็ตามครับที่มีนิสัยรักการอ่าน ย่อมจะมีทักษะในการเขียนที่ดีครับ....แต่ก็ไม่จำเป็นไปทุกคนครับ เพราะบางคนเขียนดีหากถ่ายทอดออกมาเป็นอารมณ์ไม่ได้  อันนั้นก็คงขึ้นอยู่กับว่าเขาใช้ "หัวใจ" เขียน หรือใช้เพียงแค่ "ทักษะ" ครับ

สวัสดีครับ

Andreas
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: ninaprake ที่ 29-07-2007 12:28:46
Thank you for your promtly replied krab :)

ผมเป็นคนชอบอ่านแบบนี้ก็แสดงว่ามีสิทธิ์เป็นคนเขียนได้เหมือนกันสักวันสินะ  :a2: ...... แต่ยังไม่เคยมีเรื่องความรักอะไรในชีวิตเพราะฉะนั้นคงยังไม่สามารถเขียนเรื่องมาลงที่นี่ได้มั๊ง 55555  :m28: ถ้าจะมีที่เชี่ยวๆก็เรื่องกินมั๊ง 55555 ลองกินนั่นนี่ไปเรื่อยแต่ผมไม่เคยอ้วนเลยอ่ะ  :เฮ้อ:  อยากได้น้ำหนักเพิ่มซัก 5 โล 10 โล   :m21:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Simply Blue ที่ 29-07-2007 23:49:17
ชอบผลงานของคุณ Andreas มากๆๆๆๆๆๆๆ  :m1:  มาเป็นกำลังใจให้คุณนักเขียนคนเก่ง

จะรอติดตามผลงานของคุณ Andreas ตลอดไปนะ  :m3:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: niph ที่ 03-08-2007 20:37:54
 o7
ในที่สุดก็อ่านจนจบ (ทั้งสองภาคแหละครับ)

ก็เห็นด้วยนะที่บอกว่าใช้ภาษาสวย
เพราะบางประโยคผมอ่านแล้วก็เข้าใจนะ แต่ต้องอ่านซ้ำเพราะไม่แน่ใจว่าอ่านผิดมั๊ย ... แบบว่าฉลาดที่จะเลือกใช้คำที่ดูเผิน ๆ เหมือนจะธรรมดา แต่ว่าให้อารมณ์ที่ดีกว่า

ว่าแต่ข้อมูลแน่นจริง ๆ อ่านซะอดคิดไม่ได้ว่าพวกเค้ามีตัวตนจริง ๆ หรือเปล่า ?

เป็นกำลังใจให้อีกคนครับ ... แต่ดูท่าภาคต่อที่ทิ้งไว้เนี่ยคงอีกนานแน่เลยอ่ะ  :give2:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: BiGGsBoSS ที่ 13-08-2007 02:45:56
ขอบคุงมากคัฟที่แต่งเรื่องดี ๆ ให้อ่าน :a1:

ชอบตรงที่  ยังมีความรู้มาให้บาง  ไม่เล่นกะบทอารมณ์ซะทีเดียว

ข้อมูลแน่นเจง ๆ  o13
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: jomjai ที่ 23-08-2007 16:32:30
 o1 o1 o1ขอบคุณกั๊บ o1 o1 o1
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 27-09-2007 00:43:09
 o6
เพิ่งอ่านจบpageที่ 4 เองงง เที่ยงคืนซะละ ment หน่อยละกัน คนเขียนจะได้มีกะลังจายยยย :a2:
ทุกครั้งที่เอ่ยชื่อภูฟ้า น้ำตาก็เริ่มคลอ ยิ่งถ้าคนเขียนยังย้ำอดีตถึงพ่อทั้งสองของภูฟ้า น้ำตาก็เริ่มล่วงงง
คิดในใจ... ฉันเป็นอะไรเนี่ยยยย อินเกินไป หรือคนเขียนเก่งขนาดทำให้ภูผากับฟ้าลั่นประทับอยู่ในใจคนอ่าน
ภาคแรกต้องบอกตรง ๆ สะเทือนใจมาก  จากความรักที่กำลังไปได้สวยงาม ถูกคนเขียนกระชากใจ  :dont2:
เป็นเหตุให้เกิดภูฟ้าขึ้นมา....เอ่ยถึงทีไรจึงอดไม่ได้ที่จะน้ำตาคลอ...
 :call:
ภาวนาเหลือเกินนนน ภาคนี้อย่าให้เกิดอะไรขึ้นแบบนั้นอีกเลยยยย สงสารตัวละคร... :m15:
หวังว่าในภาคนี้ผู้เขียนจะยังสามารถทำให้ตัวละคร ถูกประทับลงในความทรงจำของผู้อ่านได้ดังเช่นภาคแรก
เห็นว่าเป็นเรื่องยาว เอาใจช่วยนะครับ และก็ส่งกำลังใจ ให้ผลิตผลงานดีๆ ได้ต่อไปเรื่อย ๆ :pigwrite:
...ที่เหลือพรุ่งนี้มาอ่านต่อครับบบบบบ อยากรู้เรื่องต่อไปใจจะขาดดดด....หยุดไม่ได้ขาดใจ...
 :bye2:

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 :pigwrite:
กลับมาอีกครั้งงงง เพื่อบอกว่าอ่านจบแล้วจ้า อดหลับอดนอนอ่านมาครึ่งคืน เช้าไปทำงานก็นั่งอ่านอีกทั้งวัน
จนนี่สี่ทุ่มแล้วววว เป็นอันว่า the end  o19
ขอบคุณนะครับที่สร้างสรรค์ผลงานดีๆ ให้ได้ติดตาม  เหน็ดเหนื่อยมาเป็นปี...น่าภูมิใจครับ
 :teach:
ตั้งแต่เริ่มเข้ามาอ่านเรื่องราวต่าง ๆ ในเวปนี้ ผมไม่ได้อ่านเฉพาะนิยายหรือเรื่องที่อ่านเท่านั้น
แต่ผมอ่าน reply ข้อคิดเห็นของทุกคนด้วย ผมว่ามันให้อะไรมากกว่าจะตั้งหน้าตั้งตาอ่านเนื้อเรื่อง  o16
หรือแม้แต่ในตัวเรื่องที่อ่าน ผู้เขียนที่ดีย่อมต้องสอดแทรกความคิด สาระ บรรจุเอาไว้ในเรื่อง
เพื่อให้ผู้อ่านได้รับความรู้มากขึ้นไปนอกเหนือจากความบันเทิงที่ได้รับ o8
 :m4:
งานเขียนสองภาคนี้ค่อนข้างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ภาคแรกเน้นในเรื่องของความรักประทับใจ
มากซะจนภูผากับฟ้าลั่น แทบจะเป็นคำต้องห้าม เพราะพูดถึงทีไร น้ำตาก็จะคลอ...ทุกที  :impress:
แต่ในภาคสองนี้ความประทับใจตรงนั้นน้อยลง แต่เปลี่ยนเป็นสเน่ห์ในการชวนให้ติดตามเรื่องราว
ซะมากกว่า เพราะอ่านไปแต่ละตอน จะต้องลุ้น คิดไปเรื่อย เอ๊ะใคร? ทำไม? จะเกิดอะไร?  :m29:
เอาเป็นว่าเพลินนนนน สนุกครับไม่ผิดหวังเลยยยย :อิอิ1:
 :call:
ภาคสามผมว่ามีแน่นอนนนน เรื่องราวของพ่อเสือ น้องภูน้อยที่เติบโตขึ้นจนมีแฟนนนน ช่ายมะ
เห็นผู้เขียนเปรย ๆ ยังไงซะต้องติดตามแน่นอนนนนนน ... เอาใจช่วยครับบบ  :a2:
 :bye2:

++++++++++++++++++++++++++++++++++++

Thank you for your reply to me, Andreas   :o8:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 27-09-2007 22:32:01
Dear Khun Nartch

Not only the readers have missed Bhupha and Falan, I myself, as being an author, have missed both of them so much as well.

It is funny that I always cry when I go back to read the love story of them. That may be a reason why the edition is being taken in such a longer time than I expected…

Anyway, this particular story you have been reading has at least 200 A4 pages. So, it will be a long road to go until you reach the climax and further to the end. However, hopefully at every beat of your heart, you will find yourself always entertained while walking through the lines with all characters.

Cheers,

Andreas
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: SodaSaa ที่ 20-12-2007 00:48:31
เพิ่งอ่านจบค่าาาาาาาา...
(วันนี้ขี้เกียจทำงานเลยเปิดมาอ่าน )
จำได้ว่าเคยอ่านภาคแรกแค่ตอนแรก แล้ว ยุ่งๆ เลยไม่ได้อ่านต่อ ..

ไม่อยากบอกว่าภาคแรก..สะเทือนใจอย่างแรง ..ไม่ชอบเรื่องเศร้า....


ภาคนี้เปลี่ยนแนวมาบู๊นิดๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ....
สารภาพตามตรงว่าความอยากรู้ทำให้ข้ามการอ่านข้อมูลบางส่วนไปอย่างรวดเร็วด้วยการแสกน
หาเนื้อเรื่องที่ต้องการ ทันทีมากกว่า

แต่สรุปโดยรวมสนุกค่าาาาาา

จะรอภาคสามนะคะ ..ชอบพี่เสือ ..แต่ที่ชอบสุดๆ คือ ชอบฟ้าลั่น ...
ปล. แต่อ่านตอนนี้แอบชอบจอม ด้วย (หลายใจจริงตู)  :m1:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 20-12-2007 10:41:22

คิดถึงจ๋อม ว่าที่สามีที่รักของสองที่สุดเลย   :m1:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: mango ที่ 30-01-2008 05:53:05
Thank you very much Khun Andreas for another good story I love its lots.
I just finished เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว today hope you see this comment, I have only one hour before go to work so just read then run.
Please write about พี่เสือ and ภูฟ้า, it would be a nice story about young ภูฟ้า and his father พี่เสือ.

Thanks again for hard work for keep us happy.

Take care

mango :pig4:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: FRODO ที่ 23-02-2008 14:27:37
 :oni2:กรี๊ดๆๆๆ   ขอบอกว่าดีใจมาก ๆ เลยค่ะ  พอมาอ่านไตเติ้ลเรื่องนี้แล้วรู้ว่าเป็นเป็นภาคต่อของภูผาและฟ้าลั่น  ตอนแรกก็ เอ๊ะ! ทำไมชื่อตัวละครมั้นคุ้น ๆ หว่า  แต่พอรู้เท่านั้นแหล   :oni2: :oni2: ขอกรี๊ดอีกสองอี 
   :เฮ้อ: เฮ้อ  เหนื่อยเจง ๆ   แฮะแฮ่ม  แต่เรายังไม่ได้อ่านนะ เดี๋ยวขอไปอ่านอ่านจะได้มาเม้นให้นะ   อ้อ แต่ขอบอกไว้ก่อนนะ เรื่องนี้ขอ happy แบบสมบูรณ์ได้ปะ   ตั้งแต่อ่านนิยายมาก็มีภูผากับฟ้าลั่นนี่แหละที่เป็นเรื่องเศร้าที่เรายอมจนจบ  แล้วเราก็พบจุดจบแบบที่คิดไว้จริง ๆ คือ   :m15: :m15:  เสียน้ำตาไปเป็นถัง   :sad2: ตื่นเช้ามาตาบวมแทบลืมไม่ขึ้นแน่ะ   หึ แต่เราจะไม่ยอมเศร้าคนเดียวหรอกนะ  เพราะนี้เรากำลังบังคับให้เพื่อนที่ร่วมอุดมการณ์เดียวกันเราคือจะไม่อ่านเรื่องศร้าเด็ดขาด  เราจะทำให้มันมีจุดจบแบบเราให้ได้ เราสาบาน   :o12: :o12: :o12: 
     o2 ระบายอารมณ์ซะมึนเลย เดี๋ยวขอเวลาไปอ่านก่อนนะ  เดี๋ยวมาเม้นให้  :bye2:

     ปล. ตัวละครแต่ละตัว  ปลื้มมากค่ะ ขอบอก o13
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: __ .iMzii3 ที่ 18-03-2008 17:50:22
ชอบมากเลยครับ
อ่านตอนไหนๆก็ร้องไห้ได้ T^T

น้องภูฟ้าน่ารักมากๆเลย


ขอบคุณมากๆเลยนะฮะ
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: sowhat152us ที่ 23-03-2008 12:06:42
Thanks krub
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: TonG_x_Zhi ที่ 17-04-2008 02:29:33
เรื่องนี้ข้อมูลแน่นจริงๆอ่ะครับ   เพิ่งได้รู้ยศตำรวจของอเมริกาว่าเรียกว่าไงบ้าง

ทบทวนความรู้วิชาชีววิทยา(ซึ่งผมได้ทิ้งไปตั้งแต่ปี1 หุหุ)  พออ่านๆไปก็ค่อยๆฟื้นขึ้นมาบ้าง

ชอบครับที่มีการสอดแทรกเนื้อหาที่มีความรู้มาอ่ะครับ

แต่ในบางตอนบรรยายเยอะ+ละเอียดไปหน่อยอ่ะครับ   ทำให้น่าเบื่อเล็กน้อย เครียดไปนิดนึง o2(แต่ก็อ่านอ่ะครับ)

สรุปคือ ผมชอบนิยายแนวนี้  สนุกดีอ่ะครับ

ชอบพี่เสือ :laugh: :oni1: :oni1: :oni1:

รออ่านนิยายเรื่องต่อไปนะครับ  เป็นกำลังใจให้น๊า o13 :bye2:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: moonoy ที่ 26-04-2008 15:18:33
ขอโทดนะ  คืออยากถามไว้เป็นความรู้นะ  คงไม่ว่ากันนะ
คือ....
จากคนที่เป็นรุกมากก่อนอย่างจอมนะ  จะเปลี่ยนมาเป็ฯรับได้ด้วยเหรอ
ถ้าเราในเรื่องที่ไม่ควรถามก้อขอโทดด้วยนะ
คือ...
อยากรู้จิงๆนะ
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 27-04-2008 10:18:01
เรียนคุณ Moonoy

เชิญถามเถอะครับ ถ้าสงสัย ..... และถ้าผมตอบได้ก็จะตอบครับ

แต่ทำไมถึงคิดว่าจอมจะเป็นฝ่ายรับล่ะครับ.... เพราะผมได้จบเรื่องนี้ไว้ด้วยประโยคที่ว่า "ความสัมพันธ์ของทั้งคู่นั้นคงเป็นรูปแบบเฉพาะตัว ที่ทั้งสองคนต้องตกลงกันเอง" ......

ในฐานะของผู้เขียน "จอม" ยังเป็นจอมเสมอ และ "แซม" ก็คือแซม.... ผมกำหนดชีวิตของทั้งคู่ด้วย "ความรัก" ที่เกิดขึ้น แต่มิได้กำหนดว่าเค้าทั้งคู่จะมีเรื่องราวบนเตียงอย่างไร

คงเป็นเพราะผมเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ว่า "จอมจะยอม" ..... แต่ที่แน่ๆๆ ผมว่า เค้าทั้งคู่รักกันครับ.... และเคารพการเป็นตัวตนของอีกฝ่ายครับ

ข้างบนนี่คือเฉพาะในส่วนนิยายนะครับ.... ย้อนกลับมาที่คำถามอีกที ว่า "คนที่เป็นรุกจะเปลี่ยนมาเป็นรับได้หรือไม่"

คำตอบคือ "ได้" ครับ.....

เพราะการเป็น "รุก" หรือ "รับ" นั้นคือ state of mind (นึกภาษาไทยไม่ออกครับ) ซึ่งมันขึ้นอยู่กับความรู้สึก....ความพึงพอใจ.... การเย้ายวน....และการแสวงหาประสบการณ์

ในสังคมตะวันตก ส่วนใหญ่เกย์จะเป็น "versatile" หรือ ที่เรียกว่า ทั้งรุกทั้งรับ ..... แต่ในเมืองไทยดูเหมือนว่า การเป็นเกย์ จะมีการแยกเพศออกอย่างชัดเจน ว่า "รุก" หรือ "รับ"..... ซึ่งผมมองว่า มันมาจากรากฐานการแบ่งชนชั้นของสังคม และการกำหนดสิทธิ์ของความเป็นชาย

เพื่อนผมคนหนึ่ง (ย้ำว่าเพื่อนผมนะครับ ไม่ใช่ผม) เค้าเป็นรุกกับแฟนเค้ามาตลอด.... แต่ก็แอบมีชู้ ไปเป็นภรรยาหนุ่มในเครื่องแบบครับผม
ซึ่งผมมองว่าเป็นเรื่องธรรมดา.... ถ้าเซกส์คือการเดินทาง การเป็นทั้งรุกและรับ ก็คือ การเดินทางที่มีสีสันที่สุดแล้วครับ

สวัสดีครับ

Andreas
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 27-04-2008 13:51:09
คิดยังไงนะวันนี้คิดถึงภูผา ฟ้าลั่น อาจอมและก็พ่อเสือ...แวะมาเยี่ยมคับ
ได้อ่าน reply และก็คำตอบของ andreas แล้ว...คงต้องบอกว่า...
"เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง"  :a2:

ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าคนส่วนใหญ่ทำไมชอบถามและอยากรู้ว่าใครรุก/รับ
ให้ความสำคัญของ Sex ในแง่ร่างกายเกินกว่าเรื่องของ จิตใจ กันเกินไป
โดยส่วนตัวแล้วแทบไม่เคยสนใจเลย...ปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไป...
สบาย ๆ นั่นละคือ Sex ที่วิเศษสุด และเหนือสิ่งอื่นใด...
Sex ที่มีเพราะ ความรัก มันงดงามและตราตรึงเสมอ  :o8:

โปรดอย่ามองว่า Sex คือ เรื่องของความต้องการ ความสนุกสนาน หรือ
แม้แต่เชิงพาณิชย์...แต่จงมองว่า Sex คือหนทางของการแสดงออกซึ่ง
ความรักของคนสองคน...โลกนี้จะงดงามขึ้นกว่าที่เป็นอยู่...
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: moonoy ที่ 03-05-2008 15:44:57
อืม...
ขอบคุณนะที่ตอบ  ถึงมันจะดูเข้าใจยาก  แต่เราก้อเห็นด้วยในเรื่องของความรักนะ  ไม่ว่าจะยังไงแค่มีรัก  ทุกอย่างมันก้อจะดำเนินไปได้เอง 
แค่งงๆ และไม่ค่อยเข้าใจเฉยๆนะ 
สงสยเราจะยังเป็นประเภททำตัวเหมือนยอมรับเรื่องอย่างนี้ได้  แต่จิงๆก้อคงมีความรู้สึกเหมือนพวกมีถือสากปากถือศีล  555
...สับสนในตัวเอง
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: ladyboy ที่ 15-05-2008 12:53:14
แล้วมะไหร่ หนูจะได้อ่านนน ภาคต่อไปนาาาาา
รอมา 1 ปีเต็มๆๆ

ขอบคุณสำหรับผลงานดีๆๆ นะค่า  อ่านแล้วชอบมากกกก ภาษาสวยย ข้อมูลดี อ่านแล้วได้ความรู้ด้วยย
สรุปสั้นๆเลยนะค่า "ชอบมากกกกกกกกกกกกกกก"

ยังไงช่วยมาบอกหน่อยนะค่าา ว่าภาค 3 จะมามะไหร่  :oni2:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Siri_nan ที่ 31-05-2008 19:34:20
ซึ้งสุดๆ  o7 รอภาคต่อจะมีป่ะจ๊ะ :oni2:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: กิมตี๋หัดขับ ที่ 16-06-2008 22:19:53

ซาบซึ้ง งดงาม ตรึงจิต

(ชอบมากกกกกกกกกกกกกก)

และ ขอบคุณ Andreas
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: ThyRist ที่ 17-06-2008 15:10:24
ตามมาจากบอร์ดปาล์มฮะ ><

เรื่องนี้สนุกจริง ๆ  เคยอ่านที่บอร์ดปาล์มรอบนึง

แต่ก็ยังไม่จบ กระทู้ก็สาบสูญไปก่อน - -*

เลยมาต่อที่นี่

ไม่ผิดหวังจริง ๆ  ฮะ ^^"


รักแท้มันเกิดขึ้นแค่ครั้งเดียวจริง ๆ  แหละ

และก็เป็นสิ่งที่ไม่อาจลืมได้โดยง่ายอ่าฮะ

(พูดเพราะเคยรู้สึกมาแล้ว - -)


ได้ข่าวว่าจะมีนิยายเรื่องใหม่

ยังไงจะคอยติดตามละกันนะครับ ^^"

..
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: phak ที่ 04-09-2008 14:02:12
ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: chalee1983 ที่ 08-09-2008 16:18:12
ขอบคุณนะค่ะ สนุกมากค่ะ   แต่ละเอียดไปนิดนะค่ะ  ถ้าทำเป็นหนัง  น่าจะดูรู้เรื่องมากกว่าการอ่านค่ะ 



สนุกมากจริง ๆ
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: dorgchant ที่ 23-09-2008 00:07:23
ในที่สุด ผมก็อ่านจบสองเรื่อง ภาค1 ภาค2 ในวันเดียว
เหนื่อยครับ แต่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับความรักขึ้นเยอะเลยครับ ไม่คิดเลยว่ามันจะยิ่งใหญ่ขนาดนี้

อยากมีแฟนแบบฟ้าลั่นมากเลยครับ  :m1:
ส่วนพี่เสือ ผมคงขอมาเป็นพี่ชายที่แสนดีละกัน

ไปนอนก่อนละครับ
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: akaipee ที่ 06-10-2008 22:51:30
 :L1: ซึ้งสุดๆๆ ค่ะ  :m15:  ความรักนี่งดงามดีนะค่ะ :L2:

จะมีภาคน้องนู๋ภูฟ้าไหมค่ะ  ภูฟ้าน่ารัก :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: name ที่ 13-10-2008 01:47:51
กว่าจะอ่านจบโดนยิงไปหลายนัดเลย :m19:

แหมๆๆชอบจังเลยครับทั้งภาค 1 และ 2 :pig4: :pig4:

เนื้อเรื่องเนี่ยตรงกับคติของผมเลย o13

อดีตนั้นมีไว้ค้ำจุนปัจจุบันเพื่อที่จะก้าวไปสู่อนาคต  :a2: :a2:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: seacow ที่ 08-01-2009 07:04:35
วันนี้พึ่งอ่านจบละค่ะ ชอบภาษาที่คุณเขียนมากๆเลย  o13 o13 ใครบอกไม่เก่งภาษาไทยไม่เชื่อ :angry2: (ใช้ได้ดีกว่าเราสะอีก  :o12:  ) คุณทำการบ้านมาดีมากๆเลยค่ะ  ทั้งข้อมูลทั้งเนื้อหา ข้อมูลเยอะมากและแน่นด้วย
 :sad4:  ปลื้มคนในนี้มาก มีการแบ่งความรู้กันมากมาย  :impress2: ความรู้เยอะมากๆเลย
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณมากนะค่ะที่เขียนเรื่องราวดีดีแบบนี้ออกมาให้ได้อ่าน :กอด1:
จะติดตามผลงานต่อไปนะค่ะ o13 o13 o13 o13 :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกหมีน้ำแดง ที่ 08-01-2009 16:33:10
ขอบคุณที่สร้างสรรค์นิยายดีๆให้อ่านค่ะ อ่านรวดเดียวจนจบ 2 ภาค  o2 o2 o2 

ภาค 1 กระชากอารมณ์มาก  :monkeysad: ภาค 2 ก็ o13 สนุก ภาษาที่ใช้สละสลวย ชอบมากค่ะ ได้ความรู้แถมท้ายด้วยค่ะ

แล้วเมื่อไหร่จะมีภาคต่อค่ะ เพราะว่าค้างคากับประโยคที่ว่า

“แล้วพี่เสือล่ะครับ...พี่ๆจะช่วยพี่เสือหรือเปล่าครับ...”จอมยุทธ์ยังคงคิดถึงศิวะเสมอ

“ตาภูเค้าคงไม่ยอมให้พ่อเขาต้องทุกข์ทรมานนานหรอกครับ......ในอนาคตจอมคงจะทราบเอง...”ภูผาบอกเป็นนัย....

จะรอและติดตามผลงานของคุณ Andreas ตลอดไปค่ะ  :bye2:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: LOT ที่ 10-01-2009 00:41:58
เริ่มอ่านเรื่องนี้เมื่อปีก่อนแต่ไม่จบ คราวนี้มีเวลาเลยอ่านยาวทีเดียว 2 ภาค

ขอชมเรื่องภาษาและการวางเรื่องให้น่าติดตามค่ะ
เราอ่านแล้วก็แอบมีความรู้สึกจี๊ดๆในหัวใจไปด้วย
คือมันไม่ใช่ว่าทุกข์นะคะ มันมีน้ำตาแต่ก็รู้สึกว่ามีความสุขกับความรักไปด้วย

ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆที่เอามาให้อ่านค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: koihime ที่ 14-03-2009 02:12:00
อาฮะ...

ต้องยอมรับว่าคุณ Andreas ข้อมูลเน่นมากกก  :m4: สุดยอด

เลยต้องใช้เวลาอ่านเรื่องนี้นานเป็นพิเศษ เพื่อเปิดรับข้อมูลใหม่ๆเข้ามา  :m23:

ขอบคุณที่เขียนเรื่องราวดีๆให้ได้อ่านกันอีก

เป็นกำลังใจให้นะ...

ปล1. ภูฟ้าเนี่ย น่าร้ากกกก  :m1:

ปล2. ขออนุญาตเก็บข้อมูลส่วนที่เป็นพวกอาวุธ กองกำลัง ชื่อยศ ไว้ได้ป่าวครับ แบบว่าติดใจ  :m5:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: toeyz12 ที่ 24-03-2009 14:57:57
เพิ่งเข้ามาอ่านอ่ะ อ่านรวดเดียวจบเลย  :m18: อยากจะบอกว่า ข้อมูล สาระ  เยอะมากๆๆ   คนแต่งเก่งมากเลยๆ เตรียมตัวดีมากอ่ะ

ขอชมๆๆ   :teach:  อ่านเรื่องนี้แล้วรู้อะไรเพิ่มขึ้นเยอะมากๆๆๆๆ  รวมถึงการใช้ภาษาด้วย   อ่านไปก็ลุ้นไปตลอดเลย ว่าเรื่องมันจะลงเอย

แบบไหน แล้วในเรื่องมีอะไรให้แปลกใจได้ตลอดอ่ะ อ่านไปอ่านมารู้สึกว่า ตัวเอกทั้งหลายอ่ะ " เท่มากๆๆๆ เท่สุดๆไปเลย" :m1:

โอยยแต่ว่า แอบมึนกะยศนิดหน่อย  :laugh:  เอาเป็นว่า ยกให้เป็นเรื่องหนึ่งที่ ชอบ เลยย    o13

ขอเป็นกำลังใจให้แต่งเรื่องต่อๆไป นะ  +1 ให้จ้า

 :pig4:    :bye2:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: clubza ที่ 02-04-2009 17:16:23
ยังไม่ได้อ่านภาคแรกครับ
แต่เรื่องนี้มาแปลกแหวกแนว
สนุกครับแต่รู้สึกว่าพี่จอมจะเหนือ
กว่าพี่แซมที่เป็นพระเอกไม่ว่าจะ
เป็นความสามารถต่างๆ ฐานะ ยศ
ตำแหน่ง อ่านแล้วรู้สึกว่า พี่แซมจะ
เป็นรองไปซะทุกเรื่อง ถ้าเป็นไปได้อะนะ
อยากให้มันใกล้เคียงกันหน่อย
ไม่ว่าจะ
เป็นความสามารถต่างๆ ฐานะ ยศ
แต่สนุกอะแต่ภาคแรกชื่อเรื่องไรอะ
หาไม่เจอ  หรือเราตาถั่ว
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: mk_restaurant ที่ 22-05-2009 04:30:34
สุดยอดดดดดดด
ความรู้เต็มไปหมด
555555
สนุกดีครับ แหวกแนวจริงๆ
ชอบคร๊าบบบ
อิอิ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: peemai ที่ 05-06-2009 23:28:45
Dear Khun Andreas,

I’ve just finished reading after three consecutive days. Some may argues that I am quite a slow reader but the thing is I spent all the time reading every single word and every single comment. I have to admit that some of the topics raised were intricate and difficult to understand i.e. iris colour but, unquestionably, interesting. Not only enjoyable, but I found that your novel is also well-equipped with all essential information. By merely reading, I perceive well that your novel is based on a strong research background and it is an outcome of the hard work. Though the theme line has deviated from “Falan & Bhupha” story, the connecting point is discernible. Wording has been changed so as to correspond with the scenario but identities of the characters remain. However, I found that your novel is slightly disproportionate namely it is somewhat descriptive and the dialogue is dwindled. I presume that it is a consequence of an earnest information research.

 This novel is a fine example of a harmonious combination of differential matters. The narration is a well mishmash of stamina and tenderness. Moreover, each character apparently holds a harsh and soft nature in one entity. Anyhow, thank goodness this story is happy end, although it is yet vague how Jom & Sam going to settle their love affair. However, in my opinion, I think it is reasonable that Jom defined Sam as a life partner at the moment. Thing may change as time goes by, Jom’s attitude may change likewise. It is comprehensible for Jom that he cannot suddenly change what he has been all his life, though he rather has good feeling towards Sam. At least, he promised a try.

Finally, I would like to thank Khun Andreas for your hard work. May your days fill with serenity, sincerity and prosperity.

Regards,

Peemai










หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: patz ที่ 07-06-2009 13:39:21
เพิ่งอ่านจบครับ เสียน้ำตาไปหลายรอบเหมือนกัน ถึงแม่จะไม่เศร้ากระชากใจ เหมือนภาคแรก แต่ด้วยที่อ่านภาคแรกจบ แล้วมาต่อภาคนี้เลย ความรู้สึกและอารมณ์มันเลยต่อเนื่องอะครับ  :-[


ปล.น้องภูน่ารักมากกกกกก  :L2:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 18-07-2009 04:33:03
Dear All of my beloved readers,

Thank you very much indeed for your replies. I appreciated them all.
Every time when things turned out to be not quite like what I have expected, I found myself very cheerful upon reading all of your replies. They mean a lot to me.

For those who have asked about the next story..... I have the bad news to inform......

I am experiencing a condition called “writer’s block". I hope that it is temporary.

Best,

Andreas 

หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: ||toxic-love|| ที่ 29-09-2009 01:18:14
 :haun4: :haun4:

ชอบบ บ

หนุกมากมายย ย

มีสเปเชี่ยลไหมอ่า

อิอิ
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Turk@holic ที่ 29-09-2009 03:59:35
เซฟไปอ่าน หุหุ
...
ขอบคุณนะคับ
...
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: BABOO ที่ 03-10-2009 00:12:36
ขอบคุณมากค่ะ เป็นนิยายที่ประทับใจมากค่ะ

 o13 o13
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: pu4755 ที่ 24-05-2010 13:10:09
ประทับใจทั้งภาค 1 และ ภาค 2 เลยครับ
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Loidelohm ที่ 27-05-2010 13:51:00
ตอนนี้อ่านอยู่หน้า 11 เค้าพาเข้าห้องประชุมเลยออกมาหายใจนิดนึง
เฮ้อ แต่ผ่านข้อความข้างบนแว๊บๆว่าเสียน้ำตา
เอาไงวะเรา อ่านต่อดีมะ....
ก้อเค้ามะอยากเศร้าอ่ะ
รู้ว่าการเดินเรื่องดี คนแต่งก็สุดยอดเลย แน่นทั้งความรู้ แน่นทั้งตัว แน่นทั้งนั่นเลย....อิอิ
ว่าแต่ว่า...เค้าไม่อยากเศร้า ขอทำใจก่อน
บรรยายว่าเพียบพร้อมทั้งคู่ ก็อยากให้พวกที่เพียบพร้อมทุกอย่างได้กันอ่ะ
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: inuyacha ที่ 27-05-2010 19:49:12
เพิ่งอ่านจบแบบรวมเดียว

คนเขียน เขียน เก่งมากคับ เขียน ได้แบบว่า นิยาย สาระ ด้วย ละคับ

ขอบคุณมากๆ คับ  อ่านสนุก น่าติดตาม มากๆคับ

แต่จริงๆ อยากอ่าน ดีเทล เล็กๆ น้อยๆ ของศิวะ บ้างว่า ต่อไปจะเป็นอย่างไร   คุณภาวดี ด้วย  พี่เอ ด้วยก็ได้คับ
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: vascular ที่ 29-05-2010 00:46:50
อ่านรวดเดียวจบครับ ทั้งภาคแรก และภาคสอง  o13
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 02-11-2010 21:12:08
สนุกมากค่ะ ซึ้งสุดๆ เข้ามาอ่านรอบสอง ก็ยังน้ำตาซึม
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: ต้นสน ที่ 22-11-2010 23:37:30
ไม่มีคำไหนมากกว่าคำว่า"ขอบคุณ" ด้วยใจจริง เป็นนวนิยายที่ดีมาก แต่งงได้ยอดเยี่ยมมากครับ
ยังไงผมก็เป็นกำลังใจให้ผู้แต่ง และ ผู้อ่านทุกท่านครับ

ต้นสน ข้างริมทะเล
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: nakky ที่ 08-12-2010 01:35:34
ตามมาอ่าน หลังจบจากภาคแรกครับ ขอบคุณจริงๆ ครับ
ประทับใจ+ได้อะไรหลายๆ อย่างเลยทีเดียว

ps. ไม่ได้บ่นนะ แค่อยากบอกว่า อ่านแล้วเหนื่อย  :a5:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 09-12-2010 13:41:05
คุณ Andreas เมื่อไหร่จะมาต่อเรื่องของคุณเสือค่ะ

คนอ่านรอจนหน้าเหี่ยวแล้วน้า ... แต่ก็จะรอต่อไป  :L2:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 25-12-2010 01:03:57
รออ่านเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: rainy_naja ที่ 25-12-2010 06:29:57
merry★ 。 • ˚ ˚ ˛ ˚ ˛ •
•。★Christmas★ 。* 。
° 。 ° ˚* _Π_____*。*˚
˚ ˛ •˛•*/______/~\。˚ ˚ ˛
˚ ˛ •˛• | 田田|門| ˚★ 。 • ˚ ˚ ˛ ˚ ˛ •
Jaaaaaaaa \\(^^)//
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: HayaRyuKin ที่ 26-09-2011 13:12:55
สุดยอดมากเลยค่ะ

พลิกตลอดทั้งเรื่อง

ตอนที่รู้ว่าพี่เสือเป็นตำรวจสากลนี่แบบกรี๊ดลั่นบ้านเลย

อยากอ่านตอนพี่เสือต่อแล้วค่ะ
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: ชินจังไม่กินหัวหอม ที่ 04-11-2011 11:54:19
ขอบคุณมากครับ
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 14-01-2012 00:12:02
 :n1: เดินเคียงคู่กันไปแบบความสัมพันธ์เฉพาะตัว

 :pig4: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 27-02-2012 03:38:51
ประทับใจเหมือนเดิม :-[
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Kimhun ที่ 12-06-2012 21:26:25
สนุกและประทับใจมากค่ะ แล้วยังได้รู้ในหลายๆเรื่อง จากหลายๆกระทู้อีก
 เรื่องที่แล้วรัก ภูผากะฟ้าลั่นแล้ว เรื่องนี้ยิ่งรัก เสือกะจอมเข้าไปอีก
และที่สำคัญที่สุด ขอบคุณนะคะที่ทำให้เห็นถึงคำว่า "รักแท้"
หัวข้อ: Re: บทที่ 1: เมื่อแรกพบ (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: koynaruk ที่ 13-07-2012 11:32:57
 :pighaun: :pighaun: :pighaun: :pighaun:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: sasaka8 ที่ 21-08-2014 17:42:10
ขอบคุณนะคะ k.Andreas ตามอ่านเรื่องที่2แล้วค่ะ
เรื่องนี้สนุกตื่นเต้นดีค่ะลุ้นทั้งเรื่องจนจบ ภูฟ้าน่ารักมากเลย
เป็นกำลังใจให้เสมอนะคะ สู้ๆ :bye2:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 30-08-2015 12:29:04
เพิ่งอ่านจบ สนุกมาก แถมข้อมูลความรู้แน่นอีกตะหาก






อ่านภาคแรกจกไป ก็ไม่เคยรู้เลยว่ามีภาค สอง







บังเอิญเจอ ดีใจจนน้ำตาปริ่ม  :hao5:






แล้วก็ไปตามหางานเขียนของคุณนักเขียน







คุณพระ ไม่มี :serius2: ทำไม ไม่มีแล้วละ







คุณนักเขียน แอนดี้ เอิ่ม แอนเดรียส ไม่เขียน นิยายแล้วเหรอ







หรือ ดิฉันโง่งม หาไม่เจอเอง ง่ะ/ เค้าอยากอ่านอีกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: GMT101 ที่ 25-06-2017 00:33:57
 :mew1:
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Goplayz ที่ 24-09-2021 20:22:04
โอ้ยยยยยย



ดีงามจนไม่รู้จะพิมพ์ยังไง

ขอบคุณมากครับที่เขียนนิยายได้โดนใจ...ครบรสจนมึนในบางที

แอบสงสัยพ่อเสือแอบซุ่มจ้องจะงาบใครหว่าาาาาาา

อย่าบอกนะว่าแอบชอบครูที่รร.ภูฟ้า....อันนีแอบมาเดา...รออ่านเรื่องต่อไป

ฟิวกู๊ดดดดดเลยชอบๆ

ขอบคุณ
หัวข้อ: Re: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 19-03-2022 15:22:14
 :pig4: :pig4: