พิมพ์หน้านี้ - ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนจบ) 19/07/2019

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: ninewara ที่ 06-04-2019 19:00:27

หัวข้อ: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนจบ) 19/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ninewara ที่ 06-04-2019 19:00:27
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะ ครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรัก ชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้าม แจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะ ปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของ แต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้าม จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิด เดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การ พูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอม ให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้าม ลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อ ขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ด นิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยาย ที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยาย เรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วน หรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมด ออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้าม แจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใคร จะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17

เวปไซต์ แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่าง ประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม



******************************************
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿
เริ่มหัวข้อโดย: ninewara ที่ 06-04-2019 19:52:09
** นิยายเรื่องนี้เป็นแนวชายรักชาย บุคคล,สถานที่และเหตุการณ์ทั้งหมดไม่มีอยู่จริง เป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียนเท่านั้น **



✿✿✿ He's my love♥เติมเต็มรัก ✿✿✿

ข้อมูลเบื้องต้น

พระเอก"เติมเต็ม"

นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ ชั้นปีที่ 3
ส่วนสูง 188 ซม. น้ำหนัก 78 กก.
"พี่ไม่ได้ชอบผู้ชาย"


(♥‿♥) (♥‿♥) (♥‿♥)


นายเอก"คนเก่ง"

นักศึกษาคณะศิลปศาสตร์ ชั้นปีที่ 1
ส่วนสูง 176 ซม. น้ำหนัก 64 กก.
"ไว้นึกถึงผมในวันที่พี่ไม่มีเพื่อนคุยก็ได้"


(✿‿✿ ‿✿ ‿✿ ‿✿ ‿✿ ‿✿ ‿✿ ‿✿ )

ฝากติดตามด้วยนะคะ



สารบัญ

 ✿เติมเต็มรัก✿  บทนำ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69997.msg3962440#msg3962440)
✿เติมเต็มรัก✿ ครั้งที่ 1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69997.msg3962564#msg3962564)
✿เติมเต็มรัก✿ ครั้งที่ 2 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69997.msg3962770#msg3962770)
✿เติมเต็มรัก✿ ครั้งที่ 3 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69997.msg3963092#msg3963092)
✿เติมเต็มรัก✿ ครั้งที่ 4 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69997.msg3963408#msg3963408)
✿เติมเต็มรัก✿ ครั้งที่ 5 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69997.msg3963672#msg3963672)
✿เติมเต็มรัก✿ ครั้งที่ 6 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69997.msg3963954#msg3963954)
✿เติมเต็มรัก✿ ครั้งที่ 7 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69997.msg3964289#msg3964289)
✿เติมเต็มรัก✿ ครั้งที่ 8 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69997.msg3964730#msg3964730)
✿เติมเต็มรัก✿ ครั้งที่ 9 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69997.msg3965178#msg3965178)
✿เติมเต็มรัก✿ ครั้งที่ 10 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69997.msg3966062#msg3966062)
✿เติมเต็มรัก✿ ครั้งที่ 11 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69997.msg3966958#msg3966958)
✿เติมเต็มรัก✿ ครั้งที่ 12 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69997.msg3967681#msg3967681)
✿เติมเต็มรัก✿ ครั้งที่ 13 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69997.msg3968527#msg3968527)
✿เติมเต็มรัก✿ ครั้งที่ 14 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69997.msg3968945#msg3968945)
✿เติมเต็มรัก✿ ครั้งที่ 15 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69997.msg3969674#msg3969674)
✿เติมเต็มรัก✿ ครั้งที่ 16 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69997.msg3969773#msg3969773)
✿เติมเต็มรัก✿ ครั้งที่ 17  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69997.msg3970994#msg3970994)
✿เติมเต็มรัก✿ ครั้งที่ 18 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69997.msg3971000#msg3971000)
 ธาวิน♥ฟูจิ [1]  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69997.msg3971392#msg3971392)
 ธาวิน♥ฟูจิ [2] (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69997.msg3972491#msg3972491)
✿เติมเต็มรัก✿ ครั้งที่ 19  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69997.msg3972497#msg3972497)
✿เติมเต็มรัก✿ ครั้งที่ 20 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69997.msg3973177#msg3973177)
ธาวิน❤️ฟูจิ [3] (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69997.msg3974840#msg3974840)
ธาวิน❤️ฟูจิ [4] (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69997.msg3974842#msg3974842)
 ธาวิน❤️ฟูจิ [5] ตอนจบ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69997.msg3974843#msg3974843)
✿เติมเต็มรัก✿ ครั้งที่ 21 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69997.msg3975801#msg3975801)
✿เติมเต็มรัก✿ ครั้งที่ 22 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69997.msg3976441#msg3976441)
✿เติมเต็มรัก✿ ครั้งที่ 23 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69997.msg3976627#msg3976627)
✿เติมเต็มรัก✿ ครั้งที่ 24 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69997.msg3977738#msg3977738)
✿เติมเต็มรัก✿ ครั้งที่ 25 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69997.msg3977745#msg3977745)
✿เติมเต็มรัก✿ ครั้งที่ 26 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69997.msg3979778#msg3979778)
✿เติมเต็มรัก✿ ครั้งที่ 27 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69997.msg3979785#msg3979785)
✿เติมเต็มรัก✿ ครั้งที่ 28 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69997.msg3979788#msg3979788)
✿เติมเต็มรัก✿ ครั้งที่ 29 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69997.msg3983195#msg3983195)
✿เติมเต็มรัก✿ ครั้งที่ 30 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69997.msg3983207#msg3983207)
✿เติมเต็มรัก✿ ครั้งที่ 31 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69997.msg3983212#msg3983212)
✿เติมเต็มรัก✿ ครั้งที่ 32 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69997.msg3987380#msg3987380)
✿เติมเต็มรัก✿ ครั้งที่ 33 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69997.msg3987396#msg3987396)
✿เติมเต็มรัก✿ ครั้งที่ 34 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69997.msg3987412#msg3987412)
✿เติมเต็มรัก✿ ครั้งที่ 35 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69997.msg3987618#msg3987618)
✿เติมเต็มรัก✿ ครั้งที่ 36 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69997.msg3987630#msg3987630)
✿เติมเต็มรัก✿ ครั้งที่ 37 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69997.msg3990924#msg3990924)
✿เติมเต็มรัก✿ ครั้งที่ 38 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69997.msg3990933#msg3990933)
✿เติมเต็มรัก✿ ครั้งที่ 39 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69997.msg3990937#msg3990937)
✿เติมเต็มรัก✿ ครั้งสุดท้าย (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69997.msg3990956#msg3990956)





#เติมเต็มรัก
ninewara✿
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 06-04-2019 22:56:05
 :pig2:
ชอบชื่อเรื่องค่ะ
รออ่านน๊าา
 :3123:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ บทนำ ] 06/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ninewara ที่ 06-04-2019 22:58:45
✿ บทนำ ✿


"เดี๋ยวไปกันก่อนเลยนะ เจอกันที่โรงอาหาร"
ผมบอกกับฟูจิและส้มส้ม เพื่อนสนิททั้งสองคนก่อนที่จะเดินไปทำภารกิจสำคัญที่ผมทำเป็นประจำ

"ถามจริงนะ มึงไม่เบื่อเหรอวะทำแบบนี้มากี่ปีแล้วเนี่ย" ก่อนที่จะไปผมก็เจอกับคำถามเดิมๆจากฟูจิ

"เบื่อเรื่องอะไรอ่ะ" ผมถามกลับไปทั้งๆที่ก็รู้อยู่แล้วว่าฟูจิหมายถึงอะไร

"เบื่อที่ต้องคอยเอาของโน่นนี่นั่นไปให้โดยที่พี่เขาสนใจมึงเลยไง" คำถามแทงใจไปอีก

"กูชินแล้วล่ะ แล้วกูก็ไม่เคยถามตัวเองด้วยว่ากูเบื่อหรือเปล่า" ผมตอบกลับไปอย่างที่คิด

"โอเค..มึงไม่เบื่อแต่มึงเคยคิดในมุมของพี่เขาบ้างรึเปล่าวะ ว่าเขาจะเบื่อมึงมั้ย" ฟูจิมันยังคงตอกย้ำผมต่อไปครับ

เอาความจริงเลยนะ คำถามนี้ของฟูจิ มันเป็นคำถามที่ผมถามตัวเองอยู่บ่อยๆเหมือนกัน ว่าพี่เขาจะเบื่อผมมั้ย

พอเห็นผมเงียบไป ฟูจิมันก็ส่งสายตาขอโทษมาให้ผม ผมแค่ยิ้มกลับไปให้มันประมาณว่าไม่เป็นไร

"คนเก่งไม่ต้องไปสนใจฟูจิหรอก รีบไปเถอะ จะได้ไปกินข้าวกัน" ส้มส้มเพื่อนผู้หญิงเพียงหนึ่งเดียวในกลุ่ม พูดขัดขึ้นมา คงกลัวผมจะคิดมาก

ฟูจิมันกำลังจะอ้าปากพูดอะไรออกมาอีก แต่ผมรีบยกมือห้ามมันไว้ก่อน

"พอก่อนมึง กูต้องไปแล้ว เดี๋ยวไม่ทันพี่เขา" พอพูดเสร็จผมก็รีบวิ่งออกมา โดยมีเสียงของส้มส้มที่ตะโกนตามหลังมาว่าจะไปรอที่โรงอาหารและจะสั่งข้าวรอ

.......

เอาล่ะ!!มาทำความรู้จักกับผมกันสักนิดนะครับ

ผมชื่อ "คนเก่ง"  ปัจจุบันผมเรียนอยู่ปี 1 คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยรัฐบาลที่มีชื่อแห่งหนึ่ง จะเรียกว่าผมเป็นคนในพื้นที่ก็ได้เพราะบ้านผมอยู่ในจังหวัดที่ติดกัน

ผมพักอยู่ที่หอพักของมหาวิทยาลัยตั้งแต่เข้ามาเรียนปี 1 ใหม่ๆ (ตอนนี้เข้าเทอมสองแล้วครับ) ที่บ้านผมเราอยู่กันสามคนครับ คือแม่,ป้าและตัวผมเอง ส่วนพ่อผม ท่านป่วยเสียชีวิตไปตั้งแต่ผมเรียนอยู่ม.ต้น แม่ผมทำกับข้าวถุงขายครับ ส่วนป้าผมทำขนมหวานพวกขนมไทยต่างๆขาย แม่กับป้ามีแผงขายด้วยกันอยู่ที่ตลาดใกล้ๆบ้าน

ครอบครัวของผมอาจจะไม่ได้ร่ำรวย แต่พวกเราก็ไม่ได้ลำบากอะไร เพราะหลังจากที่พ่อผมเสีย แม่ก็ได้รับเงินสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันชีวิตมาจำนวนหนึ่ง ซึ่งก็เหมือนกับเป็นเงินทุนการศึกษาของผม ที่ถ้าไม่ใช้ฟุ่มเฟือย ผมก็สามารถเรียนจบปริญญาโทได้สบายๆ รวมทั้งโดยส่วนตัวของแม่ผมเองก็มีเงินเก็บมาตั้งแต่สมัยที่ทำงานประจำ ก่อนที่จะออกมาค้าขาย

และด้วยความที่ผมเป็นลูกชายคนเดียวของแม่ หลานชายคนเดียวของป้า ทำให้ท่านทั้งสองเป็นห่วงผมมาก แต่ท่านทั้งสองก็ไม่เคยเป็นห่วงจนทำให้ผมรู้สึกอึดอัดเลย คือผมชอบในความใส่ใจของพวกท่านด้วยซ้ำ

ผมสามารถคุยและเล่าทุกอย่างให้แม่และป้าฟังได้ทุกเรื่อง  แม้แต่เรื่องที่ผมชอบ..พี่เติมเต็ม

ผมไม่รู้หรอกนะว่าผมเป็นเกย์ไหม เพราะผมไม่เคยมีแฟนไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อน แต่กับพี่เติมเต็มเขาพิเศษสำหรับผม เป็นคนแรกที่ทำให้ผมรู้จักกับความรู้สึกแบบนี้

ถ้าการที่ผมใจเต้นแรงเพราะพี่เขาที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน มันทำให้คำจำกัดความทางเพศของผมคือเกย์ ผมก็คงจะเป็นเกย์นั่นแหละครับ

มาพูดถึงพี่เขากันสักหน่อยดีกว่า

พี่เขาชื่อว่า "เติมเต็ม" ผมรู้จักพี่เติมเต็มครั้งแรก ตอนนั้นผมเข้ามาเรียนม.3 หลังจากที่พ่อผมเสีย ผมก็ย้ายมาเรียนที่นี่ (ก่อนหน้านี้ผมอยู่กับพ่อที่จังหวัดใกล้ๆกัน)

การเจอกันครั้งแรกของผมกับพี่เติมเต็มคือการที่ผมจะต้องไปห้องวิชาการแล้วผมไปไม่ถูก และบังเอิญพี่เติมเต็มอยู่แถวนั้น คุณครูที่ห้องธุรการเลยไหว้วานให้พี่เติมเต็มพาผมไป

การเจอกันครั้งแรกจบลงแค่พี่เขาพาไปที่ห้องวิชาการและพูดกับผมแค่ไม่กี่คำว่า
"ถึงแล้ว ห้องนี้แหละ"
แล้วพี่เขาก็เดินแยกไปอีกทาง โดยที่ผมยังไม่ได้เอ่ยปากขอบคุณพี่เขาเลยสักคำ

หลังจากวันนั้น ผมก็มีโอกาสได้เจอพี่เติมเต็มบ่อยๆ (คือผมเจอพี่เขาฝ่ายเดียวมากกว่า) พี่เติมเต็มเป็นคนที่เรียกว่าทำกิจกรรม ทำประโยชน์ ให้โรงเรียนหลายอย่างเลยครับ

อย่างแรกที่ผมทราบเกี่ยวกับพี่เติมเต็มคือพี่เขาเรียนสายวิทย์-คณิต และเรียนเก่งมากๆ พี่เติมเต็มอยู่ห้อง 5/2 ซึ่งเป็นห้องที่รวมนักเรียนระดับหัวกะทิของสายวิทย์-คณิต เห็นพี่เขาเป็นตัวแทนไปแข่งขันวิชาการบ่อยเหมือนกัน

นอกจากเรื่องเรียนแล้ว พี่เติมเต็มยังเป็นนักกีฬาบาสเกตบอลของโรงเรียน ว่ายน้ำก็ได้ด้วย เป็นประธานนักเรียน เป็นประธานชมรม เป็นมือกลองของวงดนตรีประจำโรงเรียน และอีกหลายอย่าง จนผมนึกสงสัยว่าทำไมคนคนหนึ่งถึงได้ทำอะไรได้เยอะมากขนาดนี้

จุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมรู้สึกสนใจพี่เติมเต็ม อย่างแรกเลยก็คงเป็นเพราะผมเห็นหน้าพี่เขาบ่อยมากๆ อย่างตอนเช้าก็ต้องเห็นพี่เขาที่หน้าเสาธงตอนเข้าแถว พี่เขามักจะได้รับมอบหมายหน้าที่มาแจ้งข่าวสารต่างๆให้กับนักเรียนในโรงเรียนได้ทราบเป็นประจำ

ตอนเย็นเลิกเรียนผมต้องมานั่งรอให้แม่หรือป้ามารับตรงแถวๆสนามบาสเกตบอลบริเวณหน้าโรงเรียน ซึ่งผมก็จะเห็นพี่เติมเต็มมาเล่นบาสเกตบอลกับเพื่อนอยู่เกือบทุกเย็น มันเหมือนกับว่าผมเจอพี่เติมเต็มบ่อย จนรู้สึกคุ้นเคยกับพี่เติมเต็มไปเลยครับ (ผมคุ้นเคยแค่ฝ่ายเดียวนะ)

การที่พี่เติมต็มเพอร์เฟคขนาดนี้ ทำให้ผมที่ตอนแรกๆก็แค่มองพี่เขาแบบปลื้มพี่เขา พี่เขาเป็นเหมือนไอดอลของเรา อยากเป็นให้ได้สักเสี้ยวของพี่เขาก็ยังดี

เพราะอะไรผมถึงอยากเป็นแบบพี่เติมเต็มน่ะเหรอ เหตุผลก็เพราะพี่เติมเต็มเป็นคนที่ตรงข้ามกับผมแทบทุกอย่าง ผมขออธิบายเป็นข้อๆก็แล้วกันนะครับ

ข้อแรกพี่เติมเต็มหล่อมาก ส่วนผมอาจจะหน้าไม่ได้แย่แต่ก็ห่างไกลจากคำว่าหล่อ

ข้อสองพี่เติมเต็มตัวสูง 180 เห็นจะได้ (ขนาดม.5 นะเนี่ย)  ส่วนผม 170 ยังไม่ถึงเลยที่สำคัญอ้วนมากด้วย 

ข้อสามพี่เติมเต็มหน้าใส ผมหน้าสิว

ข้อสี่พี่เติมเต็มเรียนเก่งมาก แต่ผมแค่พอเอาตัวรอดได้

ข้อห้าเรื่องฐานะไม่ต้องพูดถึง

ข้อหกกีฬาผมไม่เล่นครับ คนอ้วนเหนื่อยง่าย (เป็นไงล่ะข้ออ้างของผม) 

อ้อ..แต่มีอย่างหนึ่งที่ผมคิดว่าน่าจะพอสู้พี่เติมเต็มไหวนั่นคือความขาว ผมเป็นคนที่ผิวค่อนข้างขาวครับ

จนในที่สุดก็ไม่รู้ว่าความรู้สึกที่เคยมองพี่เขาเป็นไอดอลมันเปลี่ยนไปตอนไหน

มารู้สึกตัวอีกทีก็คอยมองหาพี่เขา คอยแอบตามบ้างและสุดท้าย..หลังจากที่เลิกสับสน ใช้หัวใจมากกว่าสมอง ผมก็ต้องยอมรับกับใจตัวเองอย่างซื่อสัตย์ว่า .. หลงรักพี่เติมเต็ม .. ไปแบบเต็มๆเลยครับ





TBC.

#เติมเต็มรัก
ninewara✿
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 1] 07/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ninewara ที่ 07-04-2019 09:53:12
✿เติมเต็มรัก✿ ครั้งที่ 1



[เติมเต็ม part]



"อะ ของมึง"

ไอ้ธรณ์วางถุงหิ้วพลาสติกสีขาวใบเล็กที่มีลายดาวสีเทาบนโต๊ะ แค่ผมเห็นถุง ผมก็รู้แล้วว่าได้มาจากใคร เพราะผ่านมานานแค่ไหนคนที่ให้ก็ยังคงใช้ถุงลายนี้มาตลอด

"แล้วน้องมันไปไหนวะ" ไอ้ชินท์เพื่อนอีกคนในกลุ่มถามขึ้น

"เจอน้องมันตรงแถวๆห้องน้ำคณะ กูก็บอกน้องมันแล้วว่าให้เอามาให้เองเลย แต่น้องมันบอกไม่เป็นไร ฝากกูก็ถึงเหมือนกัน" ไอ้ธรณ์ตอบไอ้ชินท์ แล้วหันมายักคิ้วใส่ผม

"ไหนดูวันนี้น้องมันให้อะไรมึง" ไอ้ชินท์เอื้อมมือจะมาหยิบถุงที่วางอยู่ตรงหน้าผมไปดู แต่ผมไวกว่ามัน

"ไม่เผือก"

"เออ! กูยอมรับว่าอยากเผือก เร็วมึงกูอยากรู้ ไอ้ธรณ์ก็อยากรู้" ไอ้ชินท์มันพูดแล้วหันไป เออออกับไอ้ธรณ์

ผมมองมันสองคนด้วยความรู้สึกเบื่อหน่าย มีวันไหนไหมที่พวกมันสองคนจะไม่อยากรู้  จริงๆต้องบอกว่าพวกมันสามคน ขาดไอ้ทัตพลอีกคนมันยังไม่มา

ผมก็ไม่รู้ว่าพวกมันจะอยากรู้อะไรกันมากมายเพราะทุกครั้งที่น้องมันเอาของมาให้ มันก็จะแสดงความอยากรู้อยากเห็นกันออกนอกหน้าทั้งสามตัว ทั้งๆที่ของมันก็ไม่มีอะไรมากนอกจากพวกขนมหรือของกิน

"ที่กูอยากรู้คือกูอยากรู้ว่าวันนี้น้องมันเขียนการ์ดมาว่าไง" ไอ้ชินท์มันบอก

"เร็วมึง" ไอ้ธรณ์เร่ง ผมส่ายหน้าให้พวกมัน ก่อนที่จะเปิดถุงดู .. สิ่งที่อยู่ในถุงมีแค่ยาอมแก้เจ็บคอและการ์ดใบไม่ใหญ่มาก



"To..พี่เติมเต็ม
        เมื่อวานได้ยินพี่เต็มบ่นๆว่าเจ็บคอ หวังว่าจะพอช่วยได้บ้างนะครับ
                                  เทคแคร์ครับ
                                        คนเก่ง
                                  22/xx/20xx"



"คนเก่ง แม่งน่ารักว่ะ กูอยากมีคนมาทำอะไรแบบนี้ให้กูบ้าง" ไอ้ชินท์มันพูดขึ้นเมื่อเห็นข้อความในการ์ด

"กูยกให้" ผมพูด

และในทันทีมือไอ้ธรณ์ก็ตบลงบนหัวผมอย่างแรง

"ปากแข็งสัด" ไอ้ชินท์มันว่า

"เชี่ยมากมึง" ไอ้ธรณ์มันด่าผมเสร็จก็หันไปคุยกับไอ้ชินท์เรื่องงานที่จะทำส่งอาจารย์และพวกมันก็เลิกสนใจเรื่องผม..แค่ชั่วคราวละนะ

"แต่วันนี้กูว่าคนเก่งมันดูแปลกๆ" ไอ้ธรณ์มันพูดขึ้นมาหลังจากคุยกับไอ้ชินท์เสร็จ

"ยังไงว่ะ" เสียงไอ้ชินท์

"ควรเป็นไอ้เต็มถามป่าววะ" ไอ้ธรณ์ถามไอ้ชินท์

"มันไม่ถามหรอก ถึงจะอยากรู้ก็เถอะ กูเลยถามแทน" ไอ้ชินท์ปากดีเหลือเกิน

"ไงมึง อยากรู้มั้ย" ไอ้ธรณ์ถามผม

"......" ผม

พอผมเงียบ มันสองตัวก็เงียบ แต่สายตาคาดคั้นเอาคำตอบ ผมถอนหายใจ

"อยากเล่าก็เล่ามา"

"แสดงว่าอยากรู้" ไอ้ธรณ์พูดยิ้มๆ

"กวนตีน"

"ฮ่าๆ คืองี้มึง เมื่อกี้ที่เจอคนเก่ง กูเห็นน้องมันยืนเอ๋อๆอยู่ กูเลยเดินเข้าไปทักแล้วชวนมาหามึง แต่น้องมันปฏิเสธเว้ย กูก็เลยแซวมันไปไงว่าไม่อยากเจอมึงเหรอ น้องมันบอกอยากเจอสิพี่แต่ผมไม่รู้จะเอาเหตุผลอะไรมาอ้างที่จะมาเจอ เนี่ยน้องมันว่าแบบนี้" ไอ้ธรณ์มันเล่า

"อืมๆกูก็ว่าดูแปลก" ไอ้ชินท์มันเห็นด้วย

"ใช่มั้ยมึง"

"มึงว่ามันแปลกมั้ยล่ะ" ไอ้ชินท์ถามผม

"ก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรแปลก"

เพื่อนผมสองคนมันส่ายหน้าแบบระอาใจใส่ผม ก่อนจะหันไปคุยกันสองคน


ผมตอบออกไปแบบนั้นก็จริงแต่ในใจผมกลับคิดตรงกันข้าม ถ้าเป็นอย่างที่ไอ้ธรณ์พูด คนเก่งมันก็ดูแปลกจริงๆเพราะปกติมันไม่เห็นจะคิดมากเรื่องหาข้ออ้างมาเจอผมเลย บ่อยครั้งที่มันทำหน้ามึนๆแล้วบอกว่า


'วันนี้ไม่มีอะไรมาให้ แค่อยากมาเจอหน้าพี่เต็มครับ'



เพราะงั้น .. วันนี้คนเก่งมันดูแปลกจริงๆ



ผมก้มลงอ่านการ์ดใบล่าสุดที่ได้มาจากคนเก่ง เด็กรุ่นน้องคนหนึ่งที่เจ้าตัวเคยสารภาพกับผมเมื่อหลายปีก่อนว่า..ชอบผม

ผมจำไม่ได้แล้วล่ะว่าการ์ดใบนี้มันเป็นใบที่เท่าไหร่ที่ผมได้รับจากเด็กคนนี้ เพราะทุกครั้งที่คนเก่งมีขนมหรือของมาให้ มันจะมีการ์ดเขียนอะไรเล็กๆน้อยๆแนบมาด้วยทุกครั้ง

.
.



ประมาณ 5 ปีที่แล้ว

ตอนนั้นผมอยู่ม.5 ผมจำได้ว่าตอนนั้นผมกับเพื่อนๆกำลังเดินจากอาคารเรียนหนึ่งไปอีกอาคารเรียนหนึ่งเพื่อเปลี่ยนคาบเรียน ระหว่างที่ผมกำลังเดินใกล้ถึงห้องเรียน ก็มีเด็กนักเรียนรุ่นน้อง ดูจากสัญลักษณ์บนปกเสื้อก็เลยรู้ว่าเป็นเด็กม.3 เข้ามาหาและยื่นจดหมายมาให้ผม

"พี่เติมเต็มครับ เพื่อนผมฝากจดหมายมาให้"

หลังจากมันยัดจดหมายใส่มือผมเสร็จมันก็วิ่งไปเลย ที่ต้องบอกว่ายัดเพราะตอนนั้นผมยังไม่ได้ยื่นมือออกไปรับ แต่มันยัดเยียดจดหมายซองสีแดงใส่มือผม

ผมมองจดหมายอย่างงงๆ จนไอ้ธรณ์ (มันเป็นเพื่อนกับผมมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมฯ) มันแซวว่าไม่ใช่วันวาเลนไทน์แต่ผมได้จดหมายรักในซองสีแดง

ตอนนั้นผมยังไม่ได้คิดว่าสิ่งที่อยู่ในซองจดหมายจะเป็นจดหมายรักหรือว่าอะไรทำนองนั้น เพราะสมัยนี้มันไม่น่าจะมีใครที่เขียนจดหมายรักให้กันแบบนี้แล้ว

ผมเองก็พอจะมีคนมาบอกว่าชอบอยู่บ้าง แต่ไม่เคยมีใครเขียนจดหมายมาให้ ทุกคนคือถ้าไม่มาบอกด้วยตัวเอง ก็จะเป็นการทักแชทมาประมาณว่า 'หล่อจัง' 'ชอบนะ' 'จีบได้มั้ย' .. อะไรประมาณนี้

เพราะงั้นจดหมายนี้ไม่น่าจะเป็นจดหมายรักอย่างที่ไอ้ธรณ์มันคิด


ผมไม่ได้สนใจที่จะอ่านจดหมายฉบับนั้นเลย มันอยู่ในกระเป๋าเป้ผมมาสองวันแล้ว หรือถ้าจะว่ากันตามจริงแล้วคือผมลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่ามีมันอยู่ในกระเป๋า ถ้าไอ้ธรณ์ไม่ถามถึงขึ้นมา

"เออมึง กูว่าจะถามมึงเลยว่าสรุปจดหมายสีแดงคืออะไรยังไง" ไอ้ธรณ์ถามผม ระหว่างที่ผมกับมันกำลังเตรียมตัวกลับบ้าน หลังจากที่เล่นบาสเกตบอลเสร็จ

"ก็ไม่ยังไง กูยังไม่ได้เปิดอ่าน" ผมตอบอย่างไม่ค่อยใส่ใจนัก

"เฮ้ย!ได้มาหลายวันแล้วไม่ใช่เหรอวะ อ่านเลยมึง รอไรวะ"

"กูรอให้มึงถามมั้ง"

"เออ!ดี กูถามมึงแล้ว เพราะงั้น เอามาอ่านให้ไว"

"กูประชด"

"กูไม่ถือ เอามาๆ ถ้ามึงไม่อยากอ่าน เดี๋ยวกูอ่านให้"

ผมส่ายหน้าให้กับความเผือกของไอ้ธรณ์ แต่ก็พยักหน้าชวนมันไปนั่งตรงที่นั่งด้านข้างสนามบาส ผมหยิบซองจดหมายสีแดงออกมาจากในกระเป๋าเป้ ไอ้ธรณ์ทำท่าจะดึงจดหมายไปจากมือผม แต่ผมชักมือกลับ

"กูอ่านเอง"

ไอ้ธรณ์มันพยักหน้าให้ผมเหมือนเร่งให้ผมรีบๆเปิดอ่านซะที

สิ่งที่อยู่ในซองจดหมายสีแดง คือเป็นกระดาษที่เรียกกันว่ากระดาษลดโลกร้อน ลายมือค่อนข้างเป็นระเบียบ ข้อความในจดหมายไม่ได้ยาวมากและไม่ได้เข้าใจยากอะไร





"สวัสดีครับ..พี่เติมเต็ม
    พี่จะต้องงงแน่เลยที่ได้รับจดหมายแบบนี้ ผมหมายถึงการที่ได้รับจดหมายจากคนแปลกหน้าหรือคนที่ไม่รู้จักกันน่ะครับ แต่ว่าผมรู้จักพี่นะ..แบบนี้จะเรียกว่าไม่ใช่คนแปลกหน้าได้มั้ย ^^ 555 ล้อเล่นนะครับ ใครๆก็รู้จักพี่ทั้งนั้นแหละ..เนอะ แนะนำตัวครับ ผมชื่อคนเก่ง เรียนอยู่ม.3/8 ครับ เอาแบบสั้นๆ สรุปง่ายๆ เลยล่ะกัน คือ..ผมชอบพี่เติมเต็มนะครับ .. ถ้าพี่สงสัยว่าคำว่าชอบของผมคือชอบแบบไหน ก็ "ชอบ" แบบที่พี่เข้าใจนั่นแหละครับ
    ต่อไปผมอาจจะต้องรบกวนพี่บ่อยๆ ยังไงก็ต้องขออนุญาตไว้ล่วงหน้านะครับ
                                    เทคแคร์ครับ
                                         คนเก่ง
                                    25/xx/20xx "




ไอ้ธรณ์ดึงจดหมายจากมือผมไปอ่านเองอีกรอบ ก่อนที่มันจะกรี๊ด(?)ออกมา

"กูคิดในใจแล้วไม่มีผิด ว่าจดหมายสารภาพร้ากกกกกก" มันลากเสียงคำว่ารักยาวได้อีก

"ตลกมาก มึงให้ใครเขียนมาแกล้งกู พูดมา" มันคือสิ่งที่ผมคิดจริงๆ คือต้องเป็นไอ้ธรณ์หรือเพื่อนสักคนที่มันแกล้งผม

"มึงนะสิตลก กูจะแกล้งมึงเพื่อ" ไอ้ธรณ์มันปฏิเสธ ผมมองหน้ามันสักพักก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วอ่านข้อความในจดหมายอีกครั้ง

"ชื่อคนเก่ง เด็กม.3 เหรอวะ ... มึงรู้จักป่ะ" ไอ้ธรณ์ถามผม

"ไม่คุ้นว่ะ" ผมตอบตามตรง

"กูก็ไม่คุ้น คงไม่ใช่พวกเด็กกิจกรรมหรือตัวท็อป"

ไอ้ธรณ์มันออกความคิดเห็น ซึ่งผมก็เห็นด้วย ถ้าเป็นเด็กที่ทำกิจกรรมบ่อยๆผมก็น่าจะคุ้นชื่อบ้าง เพราะผมก็เป็นเด็กกิจกรรม และคงไม่ใช่พวกตัวท็อป (พวกหน้าตาเด่น,เรียนเด่น,กีฬาเด่น ประมาณนี้) เพราะชื่อไม่คุ้นหูเลยจริงๆ

"พรุ่งนี้ไปบุกม.3กันมึง" ไอ้ธรณ์ชวนผม แต่ผมกลับมองว่ามันไม่จำเป็นเปล่าวะ

"ไม่ล่ะ" ผมบอกปัด

"แล้วมึงไม่อยากรู้เหรอว่าใครมาชอบมึง"

"ไม่"

"จริงเหรอมึง ผู้ชายมาชอบเลยนะเว้ย ฮ่าๆๆ" มันหัวเราะเหมือนกำลังสนุก ผมใช้เท้าเตะขามันไปทีหนึ่ง

"ฮ่าๆๆ ลองไปเจอดูมึง เผื่อเป็นผู้ชายตัวเล็กๆน่ารักๆ แต่กูว่าแนวโน้มน่าจะเป็นผู้ชายตัวโตๆว่ะ เพราะเขาเขียนจดหมายมาหามึงก่อน แสดงว่า..."

"ว่า..."

"เขาจะเอามึงทำเมียนะสิ ฮ่าๆๆ"

"เมียพ่อง"

"ฮ่าๆ อย่าเกรี้ยวกราดครับเพื่อน"
หลังจากนั้นไอ้ธรณ์มันก็บอกว่ายังไงพรุ่งนี้มันจะต้องไปดูหน้าให้ได้ว่าใครคือเจ้าของจดหมาย






วันต่อมา

ไอ้ธรณ์พาผมมาอาคารเรียนฝั่งม.ต้นครับ ตอนนี้ผมกับไอ้ธรณ์ ยืนอยู่ใกล้ๆกับห้องม.3/8 ห้องที่เด็กที่ชื่อคนเก่งบอกในจดหมายว่าอยู่ห้องนี้

จากใจของผมเลยนะคือผมไม่ได้อยากรู้และไม่อยากจะสนใจเท่าไหร่ เพราะในความคิดผม ยิ่งเราสนใจ มันก็เหมือนเรายิ่งให้ความสำคัญ เพราะงั้นอยู่เฉยๆน่าจะดีกว่า แต่ไอ้เพื่อนจอมเผือกของผมอย่างไอ้ธรณ์มันไม่ยอมไง ผมก็เลยได้แต่บอกมันว่า 'งั้นก็แล้วแต่มึง'



"น้องๆ..คนเก่งอยู่มั้ย" ไอ้ธรณ์มันเรียกเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังจะเดินเข้าห้องม.3/8

"แป๊ปครับพี่"เด็กคนนั้นชะโงกหน้ามองเข้าไปในห้อง ก่อนจะหันมาตอบไอ้ธรณ์

"อยู่ครับพี่ ให้เรียกมั้ย" เด็กคนนั้นถามกลับมา

"เรียกๆ บอกว่ารุ่นพี่มาหา" ไอ้ธรณ์บอกเด็กคนนั้น ก่อนที่เด็กคนนั้นจะเดินเข้าห้องไป


ไม่นานก็มีเด็กผู้ชายอีกคนเดินออกมา มันมองซ้ายมองขวา ก่อนที่จะหันมาเจอพวกผมที่ยืนอยู่มุมระเบียง แล้วมันก็เดินมาหาพวกผม พอเดินมาใกล้ๆผมก็จำได้ทันทีว่าไอ้เด็กคนนี้เป็นคนเดียวกับที่เอาจดหมายมายัดใส่มือผมเมื่อหลายวันก่อน

"หวัดดีครับพี่" มันยกมือไหว้พวกผม

"คนเก่ง?" ไอ้ธรณ์ถามพร้อมกับส่งสายตาเป็นคำถาม

"ฮ่าๆไม่ใช่ครับ ผมชื่อฟูจิเป็นเพื่อนสนิทไอ้คนเก่งมัน" เด็กฟูจิตอบกลับไอ้ธรณ์อย่างอารมณ์ดี

"อะหะ .. แล้วคนเก่ง" ไอ้ธรณ์ถามต่อ

"สรุปคนที่อยากเจอมันคือพี่ หรือพี่เติมเต็มล่ะครับ" ประโยคแรกไอ้เด็กฟูจิมันถามไอ้ธรณ์ แต่ประโยคต่อมามันถามผม

"ไอ้เต็มมันอยากเจอ แต่มันปากแข็งไง"

แข็งพ่อง .. ผมได้แต่ด่ามันในใจ

"ฮ่าๆ โอเคพี่" ไอ้เด็กฟูจิพูดอย่างอารมณ์ดี แล้วมันก็วิ่งกลับไปในห้อง


สักพักมันก็เดินออกมาพร้อมกับเด็กผู้ชายอีกคนที่ตัวเตี้ยกว่า และดูจะเจ้าเนื้อมากกว่าฟูจิพอสมควร หรือเพราะฟูจิมันสูงกว่ากันแน่ เด็กอีกคนเลยดูอ้วน

พอเดินมาใกล้ๆ สิ่งที่เห็นแล้วเด่นชัดที่สุดคือ ตอนนี้หน้ามันแดงมาก มันแดงลามไปถึงหู และไปจนถึงคอ คือเด็กคนนี้มันขาวด้วยไง พอหน้ามันแดง ยิ่งเห็นได้ชัดเจน

"ห..หวัดดีครับ" คนเก่ง (ผมว่าน่าจะใช่) ยกมือไหว้ไอ้ธรณ์ และหันมาไหว้ผม น้องมันสบตาผมแค่แป๊ปเดียวก็เสไปมองทางอื่น

"คนเก่ง?" ไอ้ธรณ์ ถามออกไปเหมือนที่เคยถามฟูจิ

"ค..ครับ" คนเก่งตอบ พร้อมกับเอามือเกาๆลูบๆแถวท้ายทอย ซึ่งเดาได้ไม่ยาก..ว่ากำลังเขิน


ไอ้ธรณ์มันส่งสัญญาณมาให้ผมประมาณว่า
 'มึงคุยกับน้องสิ'  ผมได้แต่ถอนหายใจและคิดในใจว่า  'กูไม่ได้อยากคุยตั้งแต่แรกป่ะวะ'



"เออ..ฟูจิ ปกติชอบเล่นเกมส์ป่ะ" ไอ้ธรณ์หันไปถามฟูจิ ดูก็รู้ว่าต้องการให้ผมคุยกับคนเก่งสองคน และไอ้เด็กฟูจิมันก็รู้งานซะด้วย

"เล่นครับ" พอฟูจิตอบแบบนั้น ไอ้ธรณ์ก็ได้โอกาสที่ชวนฟูจิไปนั่งคุยเรื่องเกมส์กันตรงระเบียง


ผมหันมามองคนเก่ง ที่ตอนนี้มันยืนก้มหน้าอย่างเดียว เพิ่มเติมคือหน้าแดง,คอแดงและหูแดง


"เราเป็นคนเขียนจดหมายให้พี่เหรอ" ผมถามออกไป ทั้งๆที่ก็ไม่ได้อยากถามหรืออะไร แต่ในเมื่อได้มาเจอมันแล้ว ก็ต้องถามซะหน่อย

"ค..ครับ ใช่ครับ"

"มีเพื่อนพี่คนไหนมาบอกหรือมาสั่งให้เราเขียนหรือเปล่า" พอผมถามเสร็จ คนเก่งมันมองหน้าผมด้วยสายตาแปลกใจ เหมือนไม่เข้าใจคำถาม

"พี่หมายถึง พี่กำลังสงสัยว่ามีเพื่อนพี่ มันแกล้งให้ใครเขียนจดหมายรักมาแกล้งพี่หรือเปล่า" คนเก่งมันทำตาโตเหมือนตกใจ หลังจากที่ผมพูดประโยคนั้น

"ผมชอบพี่เต็มจริงๆนะครับ ผมชอบพี่เต็มมากๆ จนรู้สึกว่าผมทนไม่ไหวแล้ว ผมต้องบอกพี่ ผมถึงได้ตัดสินใจเขียนจดหมายให้พี่"


จากตอนแรกที่มันพูดตะกุกตะกักไม่ค่อยมั่นใจก็เปลี่ยนไปทันที คนเก่งมันพูดออกมาแบบรัวและเร็วมาก จนผมต้องหยุดประมวลคำพูดมันก่อนว่า ที่มันพูดเมื่อกี้ มันพูดว่าอะไรบ้าง

ผมกับคนเก่ง ยืนเงียบกันไปสักพัก ก่อนที่ผมจะเป็นคนพูดทำลายความเงียบ

"เรายังเด็ก เรารู้ได้ยังไงว่าสิ่งที่รู้สึกกับพี่ มันเป็นแบบนั้นจริงๆ"

"ความรู้สึกมันเป็นของผม ผมจะไม่รู้ได้ยังไงล่ะครับว่ามันรู้สึกยังไง"

"เคยรู้สึกกับใครมาก่อนมั้ย"

"ไม่ครับ พี่คนแรก"

"แล้วมั่นใจได้ยังไงว่ามันใช่"

มันหน้ามุ่ยแล้วพูดว่า

"แล้วพี่จะมารู้ใจผม มากกว่าตัวผมได้ยังไง"

ผมถอนหายใจยาวๆครั้งหนึ่ง

"แต่พี่ไม่ได้ชอบผู้ชาย"

พอผมพูดแบบนั้น ตอนแรกนึกว่ามันจะสลดแต่เปล่าเลย มันยังคงยิ้ม

"ครับ ผมทราบ ผมก็ไม่ได้ให้พี่ต้องมาชอบผมซะหน่อย ผมแค่อยากบอกให้พี่รู้ เพราะเทอมหน้าพี่ก็ขึ้นม.6 แล้ว โอกาสที่ผมจะได้เจอพี่ก็น้อยลง ผมก็เลยตัดสินใจที่จะบอกดีกว่า ไม่อยากจะเสียใจภายหลัง"


ผมเงียบไปครู่หนึ่ง


"ไม่มีใครหรอกนะ ที่ชอบแล้วไม่อยากครอบครอง" ผมพูดคล้ายๆจะเตือนสติ

"ผมอาจจะยังเด็กเกินไปที่จะเกิดความรู้สึกว่าอยากจะครอบครอง สิ่งที่ผมรู้สึกอยู่ตอนนี้คือผมแค่มีความสุขที่ได้ชอบพี่แค่นั้นเอง"

พอได้ยินคนเก่งมันพูดแบบนี้ ก็ทำให้ผมไปไม่เป็นเหมือนกัน เกิดมาเพิ่งเคยเจอผู้ชายมาจีบเนี่ยแหละ เอ...จะเรียกว่าจีบถูกมั้ยวะ มันบอกมันชอบผม แต่มันไม่ได้พูดว่าจะจีบผมนี่หว่า

"แค่คำพูดใครก็พูดได้ แต่ในความเป็นจริง มันไม่มีหรอกที่จะไม่อยากครอบครอง" ผมพูดอีกครั้ง

คนเก่งไม่ตอบอะไร แค่ยิ้มให้ผมก่อนจะเบือนหน้ามองที่อื่น

"ว่าแต่..ตอนแรกดูเขินๆ ดูขี้อาย ทำไมตอนนี้ไม่เป็นแล้วล่ะ" ผมหาเรื่องชวนคุยเพราะผมไม่รู้จะถามอะไรอีกดี

"คือ..จริงๆมันก็เขินครับ แต่พอพี่เต็มพูดเหมือนไม่เชื่อ คิดว่าตัวเองโดนแกล้ง ผมก็ไม่ได้แล้ว ต้องรีบเคลียร์ให้ชัดเจน ให้พี่รู้ว่าคำว่าชอบของผมมันเป็นของจริง" มันยิ้มกว้างจนตาหยี น้ำเสียงจริงจัง พร้อมกับความแดงที่ใบหน้ายังไม่ลดลง




และเย็นวันนั้น ผมก็ได้รับการ์ดใบแรกจากไอ้เด็กตัวอ้วนห้องม.3/8







"To..พี่เติมเต็ม
      ขอบคุณพี่เติมเต็มมากๆนะครับ ที่มาหาผม ผมอาจจะไม่ได้คาดหวังที่จะให้พี่มีใจให้ผม แต่สิ่งที่ผมคาดหวังคือ .. คาดหวังว่าหลังจากที่พี่ได้อ่านจดหมายของผมแล้ว พี่จะมาหาผม และถึงแม้ว่าพี่จะมาหาผมเพื่อต่อว่า (ซึ่งพี่ก็ไม่ได้ทำแบบนั้น พี่ใจดีจัง) ผมก็โอเคนะครับ เพราะอย่างน้อยพี่ก็จะได้รู้ว่า .. ยังมีผมอีกคนหนึ่งนะที่จะคอยซัพพอร์ตพี่อยู่ห่างๆ อีกอย่างคือ..ผมแค่อยากมีตัวตนในสายตาพี่ไม่ได้หมายความว่าจะให้พี่มาชอบผมตอบนะ อย่าอึดอัดหรือคิดมากนะครับ แค่อยากให้พี่รู้จักผมแค่นั้นเอง

ไว้นึกถึงผมในวันที่พี่ไม่มีเพื่อนคุยก็ได้..เนอะ ^^

                                          เทคแคร์ครับ
                                               คนเก่ง
                                          28/xx/20xx"








TBC.


#เติมเต็มรัก
ninewara✿
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 1] 07/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 07-04-2019 10:13:14
เรื่องน่าอ่าน
ถ้าน้องเริ่มจะไม่อยู่ พี่จะเป็นไงหนอ

 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 1] 07/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Caramel Syrup ที่ 07-04-2019 11:07:45
น้องน่ารักดีนะ
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 1] 07/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 07-04-2019 14:47:15
คนเก่งสู้ๆ
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 2] 08/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ninewara ที่ 07-04-2019 23:55:06
✿เติมเต็มรัก✿ ครั้งที่ 2



ผมวิ่งมาหาพี่เติมเต็มที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ ซึ่งเป็นคณะที่พี่เติมเต็มเรียนอยู่ ตอนแรกที่ผมรู้ว่าพี่เติมเต็มเลือกเรียนวิศวะที่นี่ ผมค่อนข้างแปลกใจเลยแหละ

แต่พี่ธรณ์เพื่อนสนิทของพี่เติมเต็ม เคยบอกผมว่าเพราะพี่ธรณ์เลือกวิศวะของที่นี่ พี่เติมเต็มก็เลยลงด้วย เพราะพี่เติมเต็มติดพี่ธรณ์มาก (อันนี้พี่ธรณ์เป็นคนพูดนะครับ ฮ่าๆๆ) แต่เรื่องติดเพื่อน ผมว่าก็น่าจะจริง เพราะเห็นพี่เติมเต็มอยู่กับกลุ่มเพื่อนตลอด

แต่จริงๆเรื่องที่ผมแปลกใจคือทำไมพี่เติมเต็มเลือกเรียนมหาวิทยาลัยนี้ต่างหาก แต่ก็คงอย่างที่พี่ธรณ์บอก พี่เติมเต็มคงอยากเรียนกับเพื่อน




ผมหยิบมือถือขึ้นมาดูเวลา พวกพี่เติมเต็มน่าจะอยู่ที่โต๊ะประจำที่ใต้ตึกคณะ ผมเดินมาตรงใต้ถุนตึกคณะ มองแว่บเดียวผมก็เห็นพี่เติมเต็มแล้วครับ ผมยืนลังเลอยู่ว่าจะเดินเข้าไปดีไหม ผมยืนคิดอยู่ไม่นานผมก็เดินออกมา และเปลี่ยนใจที่จะเอาของไปห้อยไว้ที่รถของพี่เติมเต็มแทน



"คนเก่ง"
ผมหันไปมองเมื่อได้ยินคนเรียกชื่อ พี่ธรณ์นั่นเอง

"สวัสดีครับพี่ธรณ์" ผมยกมือไหว้พี่ธรณ์

"มาหาไอ้เต็มเหรอ"

"ครับ แล้วพี่ธรณ์มาทำอะไรแถวนี้ครับ"

"คณะกูมั้ย แล้วเนี่ยกูเพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำ ออกมาก็เห็นมึงยืนเอ๋ออยู่เนี่ย"

"ฮ่าๆ จริงด้วย คณะพี่นี่เนอะ ไหนๆก็เจอพี่ธรณ์แล้ว ยังไงผมฝากของให้พี่เต็มด้วยนะครับ"

"ทำไมไม่เอาเข้าไปให้มันเลยล่ะ มันมาแล้ว นั่งอยู่ที่เดิม ไปมึง เดินไปกับกูเนี่ยแหละ"

"ฝากพี่ธรณ์ไปก็ได้ครับ ถึงพี่เต็มเหมือนกัน"

"ไม่อยากไปเจอหน้าเหรอ" พี่ธรณ์ถามและล้อเลียนผมไปด้วย

"โหย..ถามแบบนี้ มันก็ต้องอยากสิครับ แต่ผมไม่รู้จะเอาข้ออ้างอะไรไปเจอหน้าดี"

"เอ้า! ไอ้นี้ ก็เนี่ยไงข้ออ้าง เอาของมาให้"

"มุขนี้มันใช้บ่อยแล้วไงครับ"


อันที่จริงคือ..คำพูดของฟูจิที่พูดก่อนหน้านี้มันดังอยู่ในหัวตั้งแต่ที่ผมเดินมาถึงคณะวิศวะ


 'มึงไม่คิดบ้างเหรอว่าพี่เขาจะเบื่อมึงที่ทำอะไรแบบนี้'


ทำให้ผมไม่กล้าที่จะไปหาพี่เติมเต็มเหมือนทุกที

"เป็นไร ดูแปลกๆนะวันนี้" พี่ธรณ์ถามผม

"ไม่ได้เป็นอะไรครับ เอาเป็นว่าผมรบกวนฝากให้พี่เต็มด้วยนะครับ"


พี่ธรณ์มองหน้าผมด้วยความแปลกใจ แต่ก็ไม่ได้คัดค้านอะไรอีก ก่อนจะยื่นมือมารับถุงจากผม ผมยกมือไหว้ขอบคุณพี่ธรณ์ ผมมองตามพี่ธรณ์ที่เดินเข้าไปที่ใต้ตึกคณะ


ภารกิจผมลุล่วงไปอีกวัน ^^



.....


ผมเดินกลับมาที่โรงอาหารของคณะตัวเอง โชคดีที่คณะวิศวะอยู่ไม่ไกลจากคณะผมมาก แต่ก็เล่นเอาหอบเหมือนกัน


"เราสั่งข้าวผัดไข่ไม่ใส่มะเขือเทศให้คนเก่งเหมือนเดิมนะ" พอเดินมาถึงโต๊ะที่เพื่อนผมนั่งกันอยู่ ส้มส้มก็เลื่อนจานข้าวมาให้

"ขอบคุณนะส้มส้ม ของโปรดๆ" พอเห็นจานข้าวตรงหน้า ผมก็เริ่มรู้สึกหิวขึ้นมา

"ฟูจิล่ะ" ผมถามส้มส้ม พร้อมกับลงมือจัดการกับข้าวผัดไข่ตรงหน้า

"ไปซื้อน้ำ นั่นไงมาแล้ว" ส้มส้มบอก พอดีกับที่ฟูจิ เดินมาถึงโต๊ะพอดี

"ทำไมมาเร็วว่ะ ไม่เจอ?" ฟูจิถามผม พร้อมกับยื่นแก้วชาเย็นมาให้

"เจอดิ แต่ก็แค่เอาของไปให้ จะให้อยู่อะไรนานล่ะ" ผมตอบ

แต่ฟูจิมันส่งสายตาเหมือนเป็นคำถามให้ผม เพราะปกติถ้าได้ไปหาพี่เติมเต็มผมต้องอยู่นานกว่านี้ แต่ผมเลือกที่จะไม่ตอบอะไรมัน พอมันเห็นผมเงียบ ฟูจิมันก็เลือกที่จะเงียบเหมือนกัน

ผมแค่ไม่อยากให้มันรู้สึกแย่ถ้ามันรู้ว่าคำพูดของมันทำให้ผมคิดมาก แต่เพราะผมรู้ดีว่าฟูจิมันเป็นห่วงผมมากแค่ไหน ผมถึงไม่เคยโกรธมันเลย




ตึ๊ง

เสียงไลน์ผมดัง
พอกดเข้าไปดู ผมเกือบทำมือถือหล่น
เฮ้ยยยยย!!!

พี่เติมเต็มทักมา!!
พี่เติมเต็มทักมา!!

เป็นครั้งแรกที่พี่เติมเต็มทักมาหาผมก่อน ผมต้องรีบแคปหน้าจอไว้ซะแล้ว


teimtem : เย็นนี้มาดูซ้อมบาสมั้ย


หืมมม..ผมอ่านไม่ผิดใช่ไหม พี่เติมเต็มทักมาชวนผม ขณะที่ผมกำลังจะตอบกลับไป ข้อความของพี่เติมเต็มขึ้นมาก่อน


teimtem : โทษที ส่งผิดแชท


แอบคิดอยู่แล้วเชียวว่าพี่เติมเต็มส่งให้ถูกคนหรือเปล่า

konkengg : ครับ ไม่เป็นไร

เศร้าเหมือนกันแฮะ ข้อความแรกที่ทักมาจากพี่เติมเต็ม กลายเป็นว่าพี่เขาส่งผิด เฮ้อออออออออ

konkengg : ได้ยาอมแล้วใช่มั้ยครับ

teimtem : อืม ได้แล้ว
 
konkengg : แค่เจ็บคอใช่มั้ยครับ ไม่ได้ป่วยใช่มั้ย

teimtem : แค่เจ็บคอ

konkengg : ครับ ลองอมยาที่ให้ไปดูนะครับ
konkengg : ผมถามเภสัชกรที่ร้านขายยา
konkengg : เขาบอกตัวนี้ดีสุดครับ


ข้อความที่ผมส่งไป ขึ้นว่าอ่านแล้ว แต่พี่เติมเต็มไม่ได้ตอบอะไรกลับมาอีก


อืม .. พี่เติมเต็มถามว่า 'เย็นนี้มาดูซ้อมบาสมั้ย' (ถึงแม้ว่าสุดท้ายจะไม่ได้ถามผมก็เถอะ) งั้นก็แสดงว่าวันนี้พี่เติมเต็มมีซ้อมบาสที่โรงยิมนะสิ


ปกติผมจะรู้ตารางเวลาการซ้อมบาสของพี่เติมเต็มอยู่แล้วครับ ด้วยความเอื้อเฟื้อจากพี่ธรณ์ แต่วันนี้ผมดูในตารางซ้อมแล้วนะครับว่าไม่มีซ้อม อืม...แต่ก็มีบ่อยเหมือนกันครับที่นัดซ้อมนอกตาราง

โอกาสแบบนี้ พลาดไม่ได้แล้วเรา

konkengg : วันนี้พี่เต็มมีซ้อมบาสเหรอครับ

ข้อความของผมที่ส่งไป มันขึ้นว่า 'อ่านแล้ว' อย่างรวดเร็ว

teimtem : อืม
konkengg : ซ้อมนอกตารางเหรอครับ
teimtem : อืม
konkengg : กี่โมงครับ
teimtem : จะมา?
konkengg : ไปสิครับ ก็ไปตลอด ไม่ไปได้ไง


พี่เติมเต็มอ่านข้อความของผมแล้ว .. และเงียบ ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติของพี่เติมเต็ม คือเวลาที่ผมส่งไลน์ไปหา พี่เติมเต็มก็จะอ่านแต่ไม่เคยตอบอะไรผมมามากกว่าคำว่า 'อืม' วันนี้ถือว่าก้าวหน้ามากๆครับ ^^



"วันนี้ไปดูพี่ๆเขาซ้อมบาสกัน" ผมเอามือถือใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกง เมื่อเห็นว่าพี่เติมเต็มไม่ตอบอะไรกลับมา แล้วเอ่ยปากชวนเพื่อนทั้งสองคน

"พวกพี่เติมเต็มเหรอคนเก่ง" ส้มส้มถาม

"ใช่ๆ" ผมตอบ

"กี่โมงล่ะ" ฟูจิถาม

"พี่เติมเต็มไม่ได้บอกว่ะ แต่กูว่าก็น่าจะเวลาเดิม" ผมตอบฟูจิไป ฟูจิมันก็พยักหน้ารับรู้ ก่อนที่พวกเราจะทานข้าวกันต่อ


.....



ผมเลิกเรียนตอนบ่ายสามโมง ฟูจิพาส้มส้มเอาหนังสือไปคืนที่ห้องสมุดแต่ผมไม่ได้ไปด้วย ผมเลือกที่จะมานั่งรอที่โรงยิมมากกว่า

ผมมาถึงโรงยิมตอนเกือบบ่ายสามโมงครึ่ง เห็นมีคนเล่นบาสกันอยู่ประมาณ 4-5 คน แต่ไม่ใช่กลุ่มของพี่เติมเต็ม ผมเดินขึ้นไปนั่งตรงที่นั่งด้านบนแล้วก็หยิบสมุดเลคเชอร์ของวิชาล่าสุดที่เพิ่งเรียนเสร็จขึ้นมาอ่านทบทวน

อย่างที่ผมเคยเล่าไปว่าผมไม่ใช่คนเรียนเก่ง ถ้ามีเวลาก็ต้องรีบอ่านทบทวนครับ การที่ผมสอบเข้าเรียนต่อที่นี่ได้ ผมก็ต้องทุ่มเทกับมันมากเหมือนกัน เพราะผมไม่อยากไปเรียนไกลบ้านมาก ไม่อยากห่างกับแม่และป้ามากเท่าไหร่ แต่อีกเหตุผลที่สำคัญคือ..ผมอยากเรียนที่เดียวกับพี่เติมเต็ม ผมจึงต้องพยายามและทุ่มเทเต็มที่


ตอนที่ผมเรียนมอสี่ ในขณะที่เพื่อนๆในห้องเริ่มคุยกันแล้วว่าอยากเรียนต่อที่ไหนกัน แต่ผมยังไม่มีคำตอบให้ตัวเองเลย

ตอนนั้นพี่เติมเต็มเรียนอยู่มอหก ผมไม่ค่อยได้เจอพี่เติมเต็มที่โรงเรียน เพราะส่วนใหญ่พวกพี่ๆมอหกก็จะยุ่งอยู่กับเรื่องการสอบ การสมัครสอบเพื่อเรียนต่อ ที่เคยเห็นพี่เติมเต็มทำกิจกรรมต่างๆในโรงเรียนก็ไม่ค่อยมีให้เห็น

ช่วงนั้นผมรู้ตัวเองเลยว่าเป็นช่วงที่ผมหงอยมาก ในหัวมันคอยแต่คิดว่าอีกไม่กี่เดือนผมก็จะไม่ได้เจอพี่เติมเต็มที่โรงเรียนอีกแล้ว แล้วก็คอยกังวลว่าในที่สุดแล้วพี่เติมเต็มจะเลือกเรียนที่ไหน ถ้าพี่เขาไปเรียนไกลมากๆ ผมจะทำยังไง


ครั้งหนึ่งผมเคยถามพี่เติมเต็มเรื่องเรียนต่อ

"สรุปแล้วพี่เต็มเรียนต่อที่ไหนครับ"
พี่เติมเต็มมองหน้าผมพร้อมกับยิ้มมุมปากนิดๆ

"ไม่บอก"

"โหย..บอกเถอะครับ ผมอยากรู้"
ผมพยายามเซ้าซี้และอ้อนวอนให้พี่เติมเต็มบอก

พี่ธรณ์ที่นั่งอยู่ใกล้ๆหัวเราะเบาๆแล้วก็พูดขึ้นว่า

"กลัวคนเก่งมันตามไปเรียนด้วยหรือไงวะ"

"เออ"

แล้วพี่เติมเต็มก็ตอบเร็วมาก ตอบแบบไม่คิดอะไรเลย

"ทีแบบนี้ตอบเร็วจัง" ผมก็ได้แต่นั่งบ่น พี่เติมเต็มเองก็ได้ยินที่ผมบ่น แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรผม

"เฮ้อออออ" ผมเผลอถอนหายใจออกมา

"เป็นไรมึง ถอนหายใจซะยาว" พี่ธรณ์ถามผม

ผมมองหน้าพี่เติมเต็มแต่พี่เติมเต็มก็เหมือนเดิมคือไม่ได้สนใจผมเท่าไหร่

"ผมกำลังคิดว่า..." ผมชะงัก เมื่อคิดได้ว่าตัวเองกำลังจะเผลอพูดสิ่งที่คิด

"ว่า" พี่ธรณ์ถาม

"ที่พี่เติมเต็มกลัวว่าผมจะตามไปเรียนด้วยก็ไม่ผิดครับ ผมคิดจริงๆ" ผมพูดออกไปพร้อมกับมองหน้าพี่เติมเต็มไปด้วย ซึ่งพี่เขาเองก็กำลังมองหน้าผมอยู่

"สุดยอด น้องมันรักจริงด้วยนะมึง" พี่ธรณ์พูดแหย่พี่เติมเต็ม แต่มันส่งผลกับผมอย่างมาก

ผมรู้ตัวเลยว่าตัวเองหน้าแดงมากแน่ๆ เพราะผมรู้สึกว่าหน้าผมร้อนไปหมด

พี่เติมเต็มไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่ตบหัวพี่ธรณ์ไปทีนึง

"แต่ผมก็คงได้แค่คิดครับ เพราะผมคงจะไปเรียนต่อที่ไกลๆลำบาก ห่วงแม่กับป้าครับ แม่กับป้าไม่ห้ามผมหรอกครับถ้าจะไปเรียนที่ไกลๆ แต่มันเป็นที่ตัวผมเองที่ไม่อยากห่าง" ผมตอบออกไปตามจริง

"แล้วคิดไว้หรือยังว่าจะเรียนที่ไหน" พี่ธรณ์ถามผม ถึงแม้ตอนนี้จะอยู่มอสี่ แต่ก็ต้องเตรียมตัวครับ

"จริงๆผมคิดไว้ว่าจะรอดูว่าพี่เติมเต็มเรียนต่อที่ไหน ผมก็จะเรียนที่นั่นด้วยครับ" ผมตอบแต่ไม่กล้ามองหน้าพี่เติมเต็ม

"คะแนนจะถึงเหรอ" พี่เติมเต็มถามผม

"ไอ้เชี่ยเต็ม!" เสียงพี่ธรณ์

"นั่นสิ ฮ่าๆ ก็คิดอยู่เหมือนกันครับ" ผมไม่ได้โกรธหรือน้อยใจพี่เติมเต็มเลยครับ เพราะมันคือเรื่องจริง

"แล้วถ้าไม่เกี่ยวกับไอ้เต็ม มึงคิดไว้ว่าจะเรียนไหน" พี่ธรณ์ถามผม

"คิดไว้ว่าจะเรียนที่ม.S ครับเพราะไม่ไกลบ้านมาก แต่คะแนนที่นี่ได้ยินว่าสูงเหมือนกัน ก็ต้องพยายามครับ" ผมตอบ


ม.S เป็นมหาวิทยาลัยรัฐบาลที่มีชื่อเสียงประจำภูมิภาคเลยก็ว่าได้ ม.S ตั้งอยู่ในจังหวัดที่ติดกับจังหวัดที่ผมอาศัยอยู่ในตอนนี้

"เรียนม.S เหมือนน้องมันมั้ยล่ะมึง" คำถามที่พี่ธรณ์ถามพี่เติมเต็ม ทำเอาผมตาโตด้วยความตื่นเต้น แต่มันก็แค่แปปเดียวเท่านั้น เพราะผมคิดว่าหัวสมองระดับพี่เติมเต็ม สามารถเข้ามหาวิทยาลัยรัฐบาลอันดับหนึ่งของประเทศได้แบบสบาย

พี่เติมเต็มไม่ได้ตอบคำถามนั้นของพี่ธรณ์ และผมก็ไม่ได้เซ้าซี้ถามเรื่องเรียนต่อจากพี่เติมเต็มอีก

.
.



กลับมาปัจจุบันครับ


"คนเก่ง" เสียงพี่ธรณ์ครับ

"มาเร็วกว่าพวกพี่อีก" พี่ชินท์ครับ
ผมยกมือไหว้พี่ธรณ์,พี่ชินท์และพี่ทัตพล เพื่อนๆพี่เติมเต็ม

"ผมไม่ทราบว่าซ้อมกันกี่โมง ผมเลยมารอครับ" ผมตอบ

"วันนี้มาคนเดียวเหรอ" พี่ทัตพลถามผม

"เดี๋ยวฟูจิกับส้มส้มตามมาครับ" ผมตอบและมองหาพี่เติมเต็มไปด้วย

"เดี๋ยวมันมา" พี่ธรณ์บอกผม ผมก็ได้แต่ยิ้มเก้อๆนิดหน่อย



พวกพี่ๆเดินลงไปสนามบาสกันแล้ว เหลือผมที่นั่งอยู่คนเดียว ผ่านไปเกือบๆยี่สิบนาที พี่เติมเต็มก็เดินเข้ามาในโรงยิมโดยเปลี่ยนชุดกีฬามาแล้วเรียบร้อย

แต่ผมรู้สึกหายใจไม่ค่อยออกกะทันหันเพราะคนที่เดินมาพร้อมกับพี่เติมเต็ม


.. พี่อิงค์ ..


พี่อิงค์ เป็นรุ่นพี่คณะบริหาร อยู่ปีสามเหมือนพี่เติมเต็ม และเป็นดาวคณะบริหารด้วยครับ

เท่าที่ผมทราบคือช่วงที่พี่เติมเต็มเข้ามาเรียนปีหนึ่ง พี่เติมเต็มได้เป็นเดือนของคณะวิศวะ ได้ทำกิจกรรมต่างๆร่วมกับพวกเดือนและดาวคณะอื่นๆ แต่พี่อิงค์ ดาวคณะบริหาร รู้สึกจะสนิทสนมกับพี่เติมเต็มมากที่สุด สนิมสนมกันจนถึงขั้นที่ผมได้ยินมาว่า พี่อิงค์คือแฟนของพี่เติมเต็ม


ช่วงนั้นผมอยู่มอห้า เป็นช่วงระยะเวลาที่ยากลำบากสำหรับผมมากๆ เพราะข่าวคราวของพี่เติมเต็มและพี่อิงค์เข้าหูผมบ่อย หรือที่จริงแล้วเป็นผมเองที่หาเรื่องใส่ตัว

ฟูจิมันมีรุ่นพี่แถวบ้านที่เรียนวิศวะที่นี่ และปีเดียวกันกับพี่เติมเต็ม มันเลยคอยถามข่าวเรื่องพี่เติมเต็มมาให้ผมเสมอ บางอย่างฟูจิมันก็ไม่ได้อยากให้ผมรู้แต่เป็นเพราะผมเองที่คาดคั้นให้มันบอก

รวมทั้งการเข้าไปส่องเฟสบุ๊คและอินสตาแกรมของพี่เติมเต็มด้วย ในอินสตาแกรมอาจจะไม่ค่อยมีอะไรเพราะพี่เติมเต็มไม่ค่อยได้อัพรูปลงเท่าไหร่ แต่ในเฟสบุ๊คนี่สิ แม้ว่าพี่เติมเต็มจะไม่ค่อยได้โพสอะไรเลย แต่พี่อิงค์ก็เป็นคนที่ลงรูปแล้วแท็กมาหาพี่เติมเต็มบ่อยที่สุด

และเท่าที่ผมสังเกต พี่เติมเต็มก็รับทุกแท็กที่พี่อิงค์แท็กมา และเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ถ่ายรูปคู่กับพี่เติมเต็มเยอะมาก

ถึงผมไม่รู้ว่าพี่เขาสองคนคบกันไหม แต่ความรู้สึกที่ผมมีตอนนั้นคือนอกจากจะเศร้าแล้ว ยังรู้สึกอิจฉาด้วยครับ

ผมรู้สึกอิจฉาพี่อิงค์มากที่มีโอกาสได้ใกล้ชิดจากพี่เติมเต็ม ในขณะที่ผมโอกาสคงเท่ากับศูนย์

ผมเคยคิดตั้งแต่วันที่ตัดสินใจบอกว่าชอบพี่เติมเต็มว่าผมคงไม่เจ็บเท่าไหร่ ถ้าวันหนึ่งที่พี่เขามีแฟน แต่พอมันเป็นแบบนั้นจริงๆ คำพูดที่บอกว่าไม่เจ็บ มันก็แค่คำที่ใช้หลอกตัวเอง

จนกระทั่งตอนที่ขึ้นมอหก เป็นช่วงเวลาที่ผมเลือกที่จะตัดเรื่องของพี่เติมเต็มไปชั่วคราว เพราะถ้ายังมีเรื่องพี่เติมเต็มเข้ามาในหัว ผมรู้เลยว่าผมไม่ไหวแน่ๆ

ผมกลับมาทุ่มเทและตั้งใจกับการเตรียมสอบให้มากขึ้น บอกตัวเองว่าต้องทำเพื่อแม่ เพื่อป้า

แต่ในใจลึกๆของผมรู้ดีว่า ผมต้องเข้าเรียนที่ม.S ให้ได้ เพื่อจะมีโอกาสได้เจอพี่เติมเต็ม

ถึงแม้ว่าสุดท้ายผมอาจจะต้องเจ็บ ถ้าต้องเจอพี่เขามีแฟนแล้วจริงๆ









TBC.
#เติมเต็มรัก
ninewara✿



◕ ขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามาอ่านนะคะ
◕ เรื่องนี้เป็นแนวแอบรัก ใสๆไร้ดราม่า
◕ ฝากให้กำลังใจน้องคนเก่งด้วยน๊าา
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 2] 08/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 08-04-2019 09:47:43
 :sad11: เราก็เศร้ากับน้อง

 :L2: :pig4:

หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 2] 08/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 08-04-2019 11:54:58
อ้าวๆ พี่เติมเต็มมีสับสน หรือสุภาพบุรุษใจดีกับใครๆ เกินไปรึเปล่า
น้องคนเก่งเฟดออกมาห่างๆ เลยครัช
อยากเห็นหมาหัวเน่าดิ้นๆๆๆๆๆ
 :mew1:
+1 ขอบคุณ
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 3] 09/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ninewara ที่ 09-04-2019 05:55:10
✿เติมเต็มรัก✿ ครั้งที่3




[เติมเต็ม part]


ระหว่างที่ผมนั่งอยู่ในห้องเรียน เรื่องที่ไอ้ธรณ์มันเล่าเกี่ยวกับคนเก่ง ผมยอมรับเลยว่ามันทำให้ผมรู้สึกหน่วงๆในใจแปลกๆ

ก่อนที่จะขึ้นมาเรียน ไอ้ธรณ์มันยังพูดอีกว่า
"หรือว่า .. น้องมันจะเลิกชอบมึงแล้ววะไอ้เต็ม"

"ทำไมมึงคิดแบบนั้น" ไอ้ทัตพลที่มาถึงก่อนเวลาเรียนแบบฉิวเฉียด ถามไอ้ธรณ์

"ก็อย่างที่กูเล่าให้ฟัง ปกติน้องมันเคยเหรอวะ ที่จะไม่มาเจอหน้าไอ้เต็ม แล้วไอ้เต็มมันนั่งอยู่แค่นี้ เดินไม่กี่ก้าวน้องมันก็เจอไอ้เต็มแล้ว" ไอ้ธรณ์มันย้ำอีกรอบ


แต่มันเป็นการย้ำที่ทำให้ผมรู้สึกแย่ โดยที่ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงรู้สึกแบบนี้


หรือจะเป็นอย่างที่ไอ้ธรณ์มันพูด
คนเก่งมันเลิกชอบผมแล้ว


ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ
ผมควรรู้สึกโล่งใจไม่ใช่เหรอวะ
แต่ความรู้สึกของผมตอนนี้ มันไม่โอเคเลย




ผมมองดูอาจารย์ที่กำลังบรรยายอยู่หน้าชั้น แต่ใจของผมมันไม่ได้อยู่ที่เนื้อหาที่อาจารย์กำลังสอนเลย

ให้ตายสิ!! ผมไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน

สิบนาทีผ่านไป ยี่สิบนาทีผ่านไป สิ่งที่อาจารย์บรรยายก็ยังไม่เข้ามาในหัวผมเลย อยู่ๆในสมองของผมก็เหมือนจะคิดอะไรดีๆออก

แต่จะดีเหรอวะ?
มันไม่ใช่ตัวผมเลยเว้ย


เอาวะ!!ผมก็แค่อยากจะพิสูจน์อะไรบางอย่างเท่านั้น

ผมหยิบมือถือขึ้นมาก่อนจะกดเข้าไปที่แอพสีเขียว และทักไปหาใครบางคนที่ผมไม่เคยทักมาก่อน



teimtem : เย็นนี้มาดูซ้อมบาสมั้ย



ข้อความของผมถูกอ่านอย่างรวดเร็วจนผมตกใจ แล้วก็มานึกขึ้นได้ว่า   .. 'กูทำไรวะเนี่ย'


teimtem : โทษที ส่งผิดแชท



ผมรีบส่งข้อความไปอีกครั้งเพราะกลัวว่าคนเก่งมันจะตอบอะไรมาซะก่อน



konkengg : ครับ ไม่เป็นไร



พออ่านข้อความที่คนเก่งส่งกลับมา ก็รู้สึกเหมือนเห็นหน้าหงอยๆของมันยังไงก็ไม่รู้สิ

แล้วคนเก่งมันก็ถามผมเรื่องยาอมแก้เจ็บคอที่ฝากไอ้ธรณ์มาให้

แต่ .. มันมีบางอย่างที่ผมรอ ผมบอกแล้วว่าอยากจะพิสูจน์อะไรบางอย่าง ผมกำลังเฝ้ารอข้อความบางข้อความจากคนเก่งอยู่


และแล้ว..

ผมยิ้มออกมาทันทีที่เห็นข้อความที่ผมรอจากคนเก่ง




konkengg : วันนี้พี่เต็มมีซ้อมบาสเหรอครับ
teimtem : อืม
konkengg : ซ้อมนอกตารางเหรอครับ
teimtem : อืม
konkengg : กี่โมงครับ
teimtem : จะมา?
konkengg : ไปสิครับ ก็ไปตลอด ไม่ไปได้ไง




และข้อความล่าสุดยิ่งทำให้ผมยิ้มกว้างมากกว่าเดิม รวมทั้งความรู้สึกหน่วงในใจมันหายไปทันที



เป็นยังไงล่ะไอ้ธรณ์ ไหนมึงบอกว่าน้องมันไม่อยากเจอกู ไม่ชอบกูแล้วไง ผมยิ้มอย่างสะใจและคิดในใจว่าจะต้องไปเย้ยไอ้ธรณ์มันสักหน่อยว่ามันคิดผิด




กึก..



ผมชะงักและรู้สึกตกใจกับความคิดตัวเอง นี่ผมกำลังคิดอะไรอยู่ พอคิดว่าน้องมันจะเลิกชอบ จิตใจมันร้อนรนยังไงก็ไม่รู้

แต่พอรู้ว่าน้องมันยังเหมือนเดิมความร้อนรนในใจมันก็หายไป ทำไมผมถึงรู้สึกแบบนี้




"มีอะไรดีๆวะ เมื่อกี้กูเห็นมึงยิ้ม" ไอ้ธรณ์มันขยับมาใกล้ผม พร้อมกับพูดขึ้นเบาๆ ผมกำลังจะปิดหน้าจอมือถือแต่ไม่ทัน มันไวกว่า มันดึงมือถือจากมือผมไปดู

"อ๋ออออ .. ที่แท้ก็แอบคุยกับคนเก่ง" มันส่งยิ้มแบบกวนตีนขั้นสุดมาให้ผม

"เดี๋ยวนะมึง อะไรคือส่งผิดแชทวะ"  ไอ้ธรณ์ถามขึ้นอย่างสงสัย เป็นจังหวะเดียวกับที่อาจารย์ปล่อยให้พักเบรค

"ก็ส่งผิดแชทไง เข้าใจยากตรงไหน" ผมตอบ

"มึงจะส่งให้คนอื่น แต่ส่งผิดไปหาน้องมัน?" ไอ้ธรณ์ถามย้ำ

"ใช่" ผมตอบ แล้วเอามือถือคืนมาจากไอ้ธรณ์

"มึงนี่เหี้ยเนอะ" ไอ้ชินท์มาร่วมวงอีกคน

"ส่งผิดไม่พอเว้ยไอ้ชินท์ มันเสือกไปบอกน้องมันด้วยว่าส่งผิดแชทวะ" ไอ้ธรณ์มันแม่ง โมโหจริงจังมาก มันคิดอะไรกับคนเก่งหรือเปล่าวะเนี่ย

"เออ!มึงมันเหี้ยจริง" ไอ้ทัตพลมาอีกคน

"น้องมันจะรู้สึกไงวะ"

"กูว่าป่านนี้น้องมันเศร้าแหงๆ"



ผมเลือกที่จะไม่สนใจพวกมัน ปล่อยให้พวกมันรุมด่าผม ไม่อยากจะอธิบายให้พวกมันฟังว่าผมตั้งใจส่งหาคนเก่งจริงๆ ไม่ได้ส่งผิดอย่างที่ผมพิมพ์ไป



"น้องคนเก่งของกู น่าสงสารว่ะ'



หืม..อะไรนะ
คนเก่งของกู
ใครพูดว่ะ!
ไอ้เหี้ยชินท์นั่นเอง คนเก่งเป็นของมึงตั้งแต่เมื่อไหร่วะ




กึก..



เอาอีกแล้ว
ความรู้สึกแบบนี้ ความรู้สึกเหมือนหวงแบบนี้มันคืออะไรวะเนี่ย ผมเนี่ยนะจะหวงคนเก่ง

บ้าไปแล้วผม


....





หลังจากเรียนเสร็จ ผมกับเพื่อนก็จะไปซ้อมบาสกันต่อ อันที่จริงวันนี้ไม่มีซ้อมครับ แต่โค้ชนัดซ้อมกะทันหันเพราะใกล้ช่วงที่ต้องแข่งกีฬาระหว่างคณะแล้ว



เดินลงมาถึงหน้าตึกก็เจออิงค์ นั่งรออยู่

"เติมเต็ม" เสียงของอิงค์เรียกผม

"มารอนานยัง"

"ไม่นานๆ"


ก่อนหมดคาบเรียน อิงค์ทักไลน์มาหาผม บอกว่าคุณแม่ของอิงค์ฝากของมาให้คุณแม่ผม ก็เลยจะแวะเอามาให้ผม


หลังจากที่เพื่อนๆผมทักทายอิงค์เสร็จ ผมก็บอกให้พวกมันล่วงหน้าไปรอที่โรงยิมเลยจะได้ไม่เสียเวลารอกัน หลังจากที่ผมเดินไปเอาของที่รถอิงค์เรียบร้อยแล้ว ผมก็เดินกลับมาที่รถตัวเองโดยที่อิงค์เดินตามมาด้วย

"นี่..กลับบ้านเมื่อไหร่เหรอ" อิงค์ถามผมเมื่อผมเอาของมาเก็บในรถเสร็จเรียบร้อย

"ถ้าไม่พรุ่งนี้ ก็คงเป็นมะรืน"

"แล้วนี่จะไปซ้อมบาสใช่ป่ะ"

"ใช่"

อิงค์ส่งยิ้มแปลกๆมาให้ผม หรือผมคิดไปเอง

"เราไปด้วย" นั่นไง

"จะไปทำไม"

"ไปด้วยไม่ได้เหรอ"

"..... "

"ทีน้องคนเก่งยังไปได้เลย"

"เกี่ยวอะไรกับคนเก่ง"

"เกี่ยวสิ ทีคนเก่งเต็มไม่เห็นว่าอะไรเลย พอเราจะไปบ้างกลับทำเหมือนไม่อยากให้ไป"

"คนเก่งมันไปของมันเอง ผมไม่เคยบอกให้ไป"

"แต่ก็ไม่เคยห้าม"

".... "

"ไม่รู้ล่ะ วันนี้จะไป ไม่ได้ไปดูเต็มซ้อมนานแล้ว"

"อย่าใช้คำว่านาน ควรจะใช้คำว่าไม่เคย"

"ก็เราไม่ได้มีเวลามากขนาดนั้นนี่นา ไม่เหมือนน้องคนเก่ง"

"ตั้งใจอยากจะพูดอะไร" ผมถาม

อิงค์ไม่ตอบ แต่เดินกลับไปที่รถของตัวเอง



"เจอกันโรงยิมนะจ้ะ"

อิงค์ตะโกนบอกก่อนจะขึ้นรถและขับออกไป

"เฮ้อ... " ผมถอนหายใจออกมา ผมไม่อยากให้อิงค์ไปเจอกับคนเก่งเลย.. ให้ตายสิ



.....




ผมขับรถไปถึงโรงยิม พอจอดรถเสร็จเจออิงค์ยืนรออยู่บริเวณทางเข้า นึกว่าเปลี่ยนใจกลับไปแล้วซะอีก เพราะจากที่รู้จักกันมาอิงค์ไม่ชอบมาดูกีฬาอะไรแบบนี้หรอกครับ

"ช้ามากกกกก"

"......"

"ปะ นำทางเลย" อิงค์พูดยิ้มๆ ก่อนจะดึงแขนผมให้เดินเข้าไปข้างใน




พอเดินเข้ามาในโรงยิม ผมเห็นคนเก่งนั่งอยู่แถวที่นั่งด้านบน ซึ่งเป็นที่นั่งประจำเวลาที่คนเก่งมาดูผมซ้อมบาส

ผมเล่นบาสมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมแล้ว แต่คนเก่งเพิ่งตามมาดูผมซ้อมเมื่อช่วงที่เข้ามาเรียนปีหนึ่งที่นี่

เพราะช่วงที่คนเก่งมาสารภาพความรู้สึกกับผม ตอนนั้นผมก็อยู่มอห้าเทอมที่สองแล้ว ตอนนั้นผมลดกีฬาและกิจกรรมทุกอย่างไปเกือบหมด เพื่อเตรียมตัวเข้ามหาวิทยาลัย

พอผมเข้ามหาวิทยาลัย ผมก็เล่นบาสตามปกติตั้งแต่ปีหนึ่ง แต่ตอนนั้นคนเก่งเรียนอยู่มอห้า ด้วยความที่มันอยู่คนละจังหวัดคนเก่งก็เลยไม่ได้ตามมาดูผม

แต่ไม่ใช่ว่าคนเก่งมันไม่อยากมาดูนะ ไอ้ธรณ์มันเคยเล่าให้ฟังว่า ฟูจิเคยมาบ่นกับมันว่า รำคาญคนเก่งที่งอแงอยากมาดูผมแข่งบาสที่มหาวิทยาลัย

พอคนเก่งเข้ามาเรียนที่นี่ได้ เลยไม่เคยพลาดที่จะมาดูผมซ้อมและแข่งทุกครั้ง




อืม..ผมเพิ่งรู้สึกตัวว่าผมก็จำเรื่องราวของคนเก่งมันได้เยอะเหมือนกัน




ปกติผมไม่เดินไปหาคนเก่งหรอกนะครับ แต่วันนี้ผมเลือกที่จะเดินขึ้นไปหาน้องมัน โดยอิงค์ยังเกาะแขนผมไม่ปล่อย

พอเดินเข้าไปใกล้ๆ คนเก่งก็หลบสายตาผมแบบที่ชอบทำบ่อยๆเวลาเขินหรืออาย แต่แววตาที่ผมเห็นเมื่อกี้นี้ มันไม่ได้เป็นประกายสดใสอย่างที่เคยเห็นและถ้าผมมองไม่ผิดผมไม่เห็นความเขินอายในดวงตาคู่นั้น

แต่ผมก็บอกไม่ถูกว่าสิ่งที่ผมเห็นมันคืออะไร รู้แค่ว่ามันทำให้ผมรู้สึกไม่ดีเลยจริงๆ


"มานานยัง" เมื่อผมเห็นคนเก่งมันเงียบไม่ทักทายผมอย่างที่เคยทำ ผมก็เลยตัดสินใจทักมันก่อน

"เพิ่งมาครับ" คนเก่งตอบและยิ้มให้ผม แต่รอยยิ้มของมันดูไม่สดใส และที่สำคัญแววตาของมันไม่ได้ยิ้มไปด้วย


คำพูดของไอ้ธรณ์เหมือนแว่วมาจากที่ไกลๆ

'น้องมันเลิกชอบมึงแล้ว'

หรือว่าจะจริงวะ



แต่ไม่น่าใช่ คนเก่งมันชอบผมมานานครับสี่ห้าปีได้ อยู่ๆมันจะเลิกชอบผมง่ายๆแบบนี้เลยเหรอ หรือว่ามันจะเลิกชอบผมมาสักพักแล้วแต่ไม่ได้แสดงออก

ไม่ๆผมว่าไม่ใช่เพราะเมื่อเช้าคนเก่งมันยังให้การ์ดผมอยู่เลย แถมตอนนี้มันก็มาดูผมซ้อมบาส เพราะฉะนั้นมันต้องไม่ใช่อย่างที่ไอ้ธรณ์มันพูดแน่

ความคิดในสมองของผมมันกำลังตีกันครับ

แต่ว่าผมจะมากังวลเรื่องมันชอบผมอยู่ หรือมันเลิกชอบผมแล้วทำไม


สติเว้ยสติ!




ผมกำลังจะวางกระเป๋าเป้ไว้ข้างคนเก่ง และเพิ่งสังเกตว่ามีกระเป๋าของพวกเพื่อนผมวางอยู่ด้วย ปกติมันต้องวางรวมกันไว้ตรงด้านล่างไม่ใช่เหรอวะ ทำไมวันนี้วางไว้นี้

"กระเป๋าไอ้พวกนั้นทำไมอยู่นี่"

"พวกพี่ๆเขาฝากไว้ครับ"

ผมรู้สึกหงุดหงิดอีกแล้วครับ ผมเอากระเป๋าของพวกมันย้ายไปไว้อีกด้านที่ไม่ไกลมาก แล้วเอากระเป๋าตัวเองวางแทนที่

"ดูกระเป๋าให้ด้วย"

"ครับ"

คนเก่งตอบรับผม แต่มันไม่ได้แสดงท่าทีที่ตื่นเต้นอะไรเลย ปกติถ้าผมพูดแบบนี้คนเก่งมันต้องแสดงความดีใจแบบออกนอกหน้ามาก

อย่าว่าผมหลงตัวเองเลยนะ แต่มันไม่เคยมีวันไหนที่น้องมันจะไม่แสดงออกว่าชอบผม



โอเค..คงไม่รวมวันนี้ล่ะมั้ง



คำพูดของไอ้ธรณ์ดังในหัวผมอีกแล้วครับ

.
.
.

"เต็ม เดี๋ยวอิงค์นั่งรอกับน้องเขานะ"
ผมลืมอิงค์ไปเลย อิงค์พูดเสร็จก็นั่งลงข้างๆคนเก่ง

"ไม่แนะนำหน่อยเหรอ" อิงค์ถามผม
ผมมองหน้าอิงค์ เจอกับรอยยิ้มที่ไม่น่าวางใจ

"คนเก่ง นี่อิงค์" ผมบอกคนเก่ง คนเก่งยกมือไหว้อิงค์ คนเก่งมันเป็นเด็กมีมารยาทที่ดีมากๆครับ

"ไม่ต้องไหว้ก็ได้จ้ะคนเก่ง พี่ชื่ออิงค์นะ เรียนอยู่บริหารปีสาม" อิงค์แนะนำตัวเองอย่างร่าเริง ผิดกับอีกคนที่ปกติมันร่าเริงกว่านี้ แต่วันนี้มันดูหงอยๆมาก





"ไอ้เต็มลงสนามเว้ย"

เสียงไอ้ชินท์ตะโกนเรียกผม ผมหันมามองคนเก่ง ซึ่งคนเก่งมองหน้าผมอยู่ก่อนแล้ว ก่อนที่คนเก่งมันจะหลบสายตาผม


ผมไม่อยากซ้อมบาสแล้วครับ ..


"สู้ๆนะ" เสียงอิงค์ดังขึ้น ดึงสติผมกลับมา
นี่ก็อีกคน ไม่รู้ตามมาด้วยทำไม

"อิงค์จะคุยกับน้องคนเก่ง รับรองอิงค์ไม่เบื่อแน่นอน ไม่ต้องห่วงนะ"
ผมได้แต่ถอนหายใจอย่างเซ็งๆ

ผมเดินลงไปสนามบาส มันเป็นการซ้อมที่ผมไม่มีสมาธิเอาซะเลย

....




หลังจากซ้อมบาสเสร็จ ผมเดินมาเอากระเป๋าที่วางอยู่ข้างๆคนเก่ง คนเก่งยังนั่งอยู่ที่เดิมแต่เพิ่มเติมคือเพื่อนของคนเก่งที่ชื่อฟูจิกับส้มส้มนั่งอยู่ด้วย

ส่วนอิงค์เห็นยืนคุยโทรศัพท์อยู่ห่างออกไป ผมไม่รู้ว่าอิงค์คุยอะไรกับคนเก่ง เพราะพอผมหันมามองทีไรก็เห็นทั้งสองคนคุยกันตลอด หวังว่าอิงค์คงไม่พูดอะไรมากมาย




"กินไรกันดีมึง" ไอ้ชินท์ที่เดินตามมาถามขึ้น

"ขอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน เดี๋ยวค่อยคิด" ทัตพลตอบเสร็จก็เดินถือกระเป๋าออกไป ไอ้ชินท์ก็เลยเดินออกไปด้วย

"ร่างกายกูต้องการหมูกะทะ" ไอ้ธรณ์เดินขึ้นมายืนข้างๆผม

"ไปกันมั้ย" ผมถามโดยไม่ระบุว่าถามใคร ฟูจิกับส้มส้มมองหน้ากันก่อนจะหันไปหาคนเก่ง


"ไปไหนกัน" ยังไม่ทันที่คนเก่งจะตอบ อิงค์ก็เดินมาและพูดแทรกขึ้นมาก่อน

"หมูกะทะ" ไอ้ธรณ์เป็นคนตอบอิงค์

"อ้วนอะ" อิงค์บอก

"ไปด้วยกันมั้ยล่ะ" ไอ้ธรณ์ถาม

"ถ้าเต็มอยากให้ไปด้วย อิงค์ก็จะไป" อิงค์พูดแล้วเดินมาเกาะแขนผม

อีกแล้วครับ คนเก่งมองหน้าผม พร้อมกับส่งสายตาที่ผมรู้สึกว่าผมไม่ชอบสายตาแบบนี้เอาซะเลย



"ไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากันมึง" ไอ้ธรณ์มันเอ่ยชวนผม และผมไม่ได้ตอบคำถามอิงค์ ซึ่งอิงค์ก็ไม่ได้พูดอะไรก่อนจะเดินไปคุยโทรศัพท์


ผมเดินตามไอ้ธรณ์ออกมาแต่ผมก็เดินย้อนกลับมาอีกครั้ง

ผมเดินกลับมายืนอยู่ตรงหน้าคนเก่งที่นั่งอยู่ คนเก่งมันเงยหน้ามามองผม แววตาแสดงถึงความสงสัยชัดเจน ผมโน้มตัวลงไปหาคนเก่ง คนเก่งมันเอนตัวไปด้านหลัง สีหน้าแสดงถึงความตกใจ จนผมนึกขำในใจ

สารภาพเลยครับว่าผมไม่ได้ตั้งใจจะทำอะไรแบบนี้หรอก แค่คิดว่าจะเดินกลับมาย้ำกับน้องมันว่า ให้รอไปด้วยกันแค่นั้น

แต่พอมาเห็นหน้าคนเก่งที่มันเงยหน้ามามองแบบนั้น ผมก็ทำอะไรที่ผมไม่คิดว่าจะทำกับคนเก่ง

ผมไม่ได้ทำอะไรมาก แค่โน้มตัวลงไปและกระซิบข้างหูคนเก่งเท่านั้นเอง

แต่ไม่น่าเชื่อว่า แค่นี้มันก็ทำให้คนเก่งหน้าแดงได้มากขนาดนี้



"ไปด้วยกันนะ" สิ่งที่ผมกระซิบบอกกับคนเก่งครับ



ปกติแล้วหลังจากซ้อมบาสเสร็จพวกผมก็มักจะไปหาอะไรทานกันเป็นประจำ และตั้งแต่ที่คนเก่งเข้ามาเรียนที่นี่ คนเก่งก็มักจะชวนเพื่อนมานั่งดูผมซ้อมเป็นประจำเหมือนกัน

และทุกครั้งก็จะมีกลุ่มของคนเก่งพ่วงไปด้วยเสมอ อาจจะไม่ได้ไปครบทั้งสามคน แต่คนที่ไปกับพวกผมบ่อยๆคือคนเก่ง คือผมไม่ต้องชวน คนเก่งมันก็ขอไปด้วยอยู่แล้ว

ยิ่งไอ้พวกเพื่อนผมอย่างไอ้ชินท์กับไอ้ทัตพล พอมันรู้ว่าคนเก่งชอบผมพวกมันยิ่งถูกใจคนเก่ง ถึงผมไม่ชวนไอ้พวกนี้มันก็ชวนไปอยู่ดี


แต่วันนี้ผมไม่รู้ว่า คนเก่งยังจะไปเหมือนทุกครั้งหรือเปล่า มีอะไรบางอย่างในท่าทีและแววตาของคนเก่งที่มันทำให้ผมไม่มั่นใจ


ผมก็เลยเลือกใช้ประโยชน์จากนิสัยของคนเก่งที่เป็นคนขี้เกรงใจมาใช้ คนเก่งจะได้ไม่ปฏิเสธผมได้



ผมยังไม่รู้หรอกว่าคนเก่งเป็นอะไร

ผมรู้แค่ว่า...

ผมชอบสายตาแบบเดิมของคนเก่งที่มันเคยมองผมมากกว่า

ผมอยากได้สายตาแบบนั้นกลับมา







TBC.
#เติมเต็มรัก
ninewara✿
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 3] 09/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 09-04-2019 09:56:45
เจอมารยาหญิงแบบนี้ พี่เติมเต็มน้องคนเก่งก็แย่อ่ะดิ
 :mew2:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 3] 09/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 09-04-2019 11:06:42
 :L2: :pig4:

ถ้ามองโลกในแง่ดีเราว่า อิงค์ เป็นสาววาย
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 4] 10/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ninewara ที่ 10-04-2019 06:01:04
✿เติมเต็มรัก✿ ครั้งที่4




ผมมองตามแผ่นหลังของพี่เติมเต็มที่กำลังเดินลงไปที่สนามบาส

"คนเก่งมาดูเติมเต็มซ้อมบ่อยเหรอ" เสียงของพี่อิงค์ทำให้ผมละสายตาจากพี่เติมเต็ม

"ก็มาบ่อยครับ" ผมตอบไปตามความจริง

"เห็นว่าตอนมัธยมเรียนโรงเรียนเดียวกันใช่มั้ย"

"ใช่ครับ"

"ตอนสมัยเรียนมัธยมเติมเต็มเป็นยังไง เล่าให้พี่ฟังหน่อยสิ"
ผมรู้สึกอึดอัดกับคำถามของพี่อิงค์เล็กน้อย

"ตอนนั้นผมยังไม่ค่อยสนิทกับพี่เต็มเท่าไหร่ครับ"

"งั้นแสดงว่าตอนนี้สนิทกันมากขึ้นนะสิ"



ผมไม่ได้ตอบครับ ผมไม่รู้จะตอบว่ายังไงดี จะเรียกว่าสนิทก็ไม่เชิง แต่ไม่สนิทก็ไม่ใช่



ผมมองพี่เติมเต็มที่กำลังซ้อมบาสอยู่ พี่เขามองมาทางนี้บ่อยมากๆเลยคงเป็นเพราะวันนี้มีพี่อิงค์มานั่งดูด้วย

ผมรู้สึกเศร้าในใจเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่า คนที่พี่เติมเต็มไลน์ไปชวนให้มาดูซ้อมวันนี้ก็คงจะคือพี่อิงค์แต่ข้อความถูกส่งผิดมาที่ผมแทน

ผมมัวแต่คิดว่าส่งผิดก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยผมก็ได้รู้ว่าพี่เติมเต็มมีซ้อมแต่ผมลืมนึกถึงข้อเท็จที่ว่า พี่เติมเต็มส่งผิดก็จริง แต่ก็ส่งให้คนที่ถูกต้องใหม่ได้

เฮ้อ...ดูสิ พี่เติมเต็มหันมามองบ่อยมากจริงๆ ทุกครั้งที่ผมมาพี่เติมเต็มยังไม่มองมาบ่อยขนาดนี้




ผมไม่โอเคเลย




"แต่พี่นับถือในความพยายามของคนเก่งมากๆเลยนะ" หลังจากที่ต่างคนต่างเงียบไปสักพัก พี่อิงค์ก็พูดขึ้นมา

"ความพยายามอะไรครับ" ผมงง

"ก็ความพยายามในการจีบเต็มไงล่ะ" พี่อิงค์พูด



ความรู้สึกแรกของผมเลยคือทำไมพี่อิงค์รู้ แต่พอคิดอีกทีก็ไม่น่าแปลกใจ พี่เติมเต็มหรือเพื่อนๆพี่เขาคงจะเล่าให้ฟัง



"ก็ไม่ได้จีบอะไรขนาดนั้นครับ" ผมตอบตามความรู้สึกของผม



คือผมคิดว่าสิ่งที่ผมทำมันไม่ใช่การจีบครับ การส่งของให้การส่งการ์ดให้ สำหรับผมมันแค่การแสดงความรู้สึกดีๆที่ผมมีต่อพี่เขา



การจีบมันต้องเป็นประมาณชวนทานข้าว ดูหนัง เดินเล่น หรือโทรคุยอะไรแบบนี้มากกว่า แต่ทุกข้อที่กล่าวมาเมื่อกี้ไม่มีข้อไหนเลยที่ผมกับพี่เติมเต็มทำด้วยกัน



"ไม่ได้จีบเลยเหรอจ้ะ ส่งการ์ดส่งของให้เต็มบ่อยมากเลย พี่ไปบ้านเต็มทีไร เจอของเจอการ์ดเป็นประจำ" พี่อิงค์พูดพร้อมกับหัวเราะออกเล็กน้อย แต่ผมนี่สิ อึ้งจนไม่รู้จะพูดว่าไงดี พี่อิงค์เคยไปบ้านพี่เติมเต็มด้วย


"พี่อิงค์เคยเห็นเหรอครับ" ผมถามเพราะบางทีที่พี่อิงค์รู้อาจจะเป็นเพราะพี่เติมเต็มเป็นคนเล่าให้ฟังก็ได้


"ใช่จ้ะ เคยเห็นบ่อยด้วย จำได้ครั้งหนึ่งเคยนั่งทานข้าวอยู่ด้วยกันกับเต็มแล้วก็ม่าม๊าเต็ม น้านวลแม่บ้านเดินเข้ามาบอกเต็มว่า น้านวลวางของไว้ที่ห้องนั่งเล่น ตอนนั้นมาม๊าหัวเราะออกมาแล้วก็แซวเต็มว่า ของจากแฟนคลับมาอีกแล้ว ... "


ผมไม่รู้ว่าพี่อิงค์พูดอะไรอีก เพราะใจผม สมองผม มันกำลังแย่ครับ เหมือนหูดับไปชั่วคราว  แค่ฟังที่พี่อิงค์พูดก็พอจะรู้ได้ถึงความสนิทสนมของทั้งคู่


พี่อิงค์คงจะไปบ้านพี่เติมเต็มบ่อยจริงๆ


ที่เคยได้ยินว่า พี่อิงค์เป็นแฟนพี่เติมเต็มก็คงจะไม่ผิดสินะ



แล้วแบบนี้ผมจะยังส่งของส่งการ์ดให้พี่เติมเต็มได้อีกเหรอ

มันคงจะไม่เหมาะสมถ้าผมยังทำแบบนี้ต่อไป
ในเมื่อสถานะของพี่เติมเต็มดูท่าไม่โสดแล้ว
ถ้าผมยังทำแบบเดิม พี่อิงค์คงจะไม่สบายใจ..หรือเปล่านะ


"คือผม..ขอโทษนะครับ" ผมกล่าวขอโทษพี่อิงค์ และพี่อิงค์ก็มองผมด้วยความแปลกใจ

"หืม..ขอโทษอะไรจ้ะ"

.
.
.






"คนเก่ง" ผมยังไม่ได้ตอบอะไร เสียงส้มส้มดังแทรกขึ้นมา ผมหันไปมองเห็นเพื่อนทั้งสองคนกำลังเดินมาหา

"โทษทีมาช้า แวะซื้อของกินอยู่" ส้มส้มพูดเสร็จก็วางถุงร้านสะดวกซื้อที่ในถุงเต็มไปด้วยขนมขบเคี้ยว

"กูบอกแล้วว่าไม่ต้องซื้อ เดี๋ยวก็ต้องไปกินข้าวอยู่ดี" ฟูจิมันนั่งลงข้างผมพร้อมกับบ่นให้ส้มส้ม



แล้วพอเพื่อนผมทั้งสองคนเห็นว่าใครที่นั่งอยู่ใกล้ๆผม ทั้งสองคนก็ชะงักทันที



ผมไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับสถานการณ์นี้ เพราะเพื่อนผมทั้งสองคนต่างก็รู้จักพี่อิงค์อยู่แล้วว่าพี่อิงค์คือใคร แต่วันนี้น่าจะเป็นครั้งแรกที่ได้เจอตรงๆ



"เอ่อ..นี่พี่อิงค์ เรียนปีสาม บริหาร .. พี่อิงค์ครับนี่เพื่อนผมครับ ฟูจิกับส้มส้ม" ผมเลือกที่จะแนะนำให้รู้จักกัน ถึงแม้พวกมันจะรู้จักพี่อิงค์อยู่แล้วก็เถอะ

ฟูจิกับส้มส้มยกมือไหว้พี่อิงค์ พี่อิงค์ก็รับไหว้และยิ้มอย่างใจดีให้เพื่อนผมทั้งสองคน



ผมไม่ได้รู้สึกไม่ดีกับพี่อิงค์นะครับ เพราะถ้าตัดเรื่องที่พี่อิงค์ (อาจจะ) เป็นแฟนพี่เติมเต็มออกไป พี่อิงค์หน้าตาน่ารักมากครับ สูงพอๆกับผมเลยแหละ และเท่าที่ได้ยินว่าพี่อิงค์เป็นผู้หญิงที่อัธยาศัยดี นิสัยใจคอโอเคเลยครับ



เฮ้อออ..เอาเป็นว่าเท่าที่ผมทราบมา ผมว่าพี่อิงค์ก็ดูจะเหมาะสมกับพี่เติมเต็มดีครับ



เพราะฉะนั้น..ถ้าพี่อิงค์เป็นแฟนพี่เติมเต็มจริงๆผมก็ควรจะต้องสนับสนุนในความรักของพี่เติมเต็มมากกว่าจริงมั้ย


เพราะความรักของผมคือการปรารถนาดี หวังดี ไม่ใช่การครอบครอง ....


จริงๆผมก็พูดให้มันดูดีไปแบบนั้นแหละครับ ผมเคยบอกพี่เติมเต็มไปเมื่อหลายปีก่อนว่า..ความชอบของผมไม่ใช่การครอบครอง..ใช่ครับตอนนั้นผมคิดแบบนั้นจริงๆ


แต่ตอนนี้ผมอยากครอบครองพี่เขาแล้วล่ะ


หมายถึงถ้าพี่เขาคิดเหมือนผม ผมก็อยากจะเป็นผู้ครอบครองครับ


แต่ในเมื่อพี่เติมเต็มคิดไม่เหมือนผม
ผมก็คงจะไม่มีสิทธิ์..ไม่มีสิทธิ์อะไรทั้งนั้น




แต่...
ถ้าตอนนี้คิดว่าผมรู้สึกแย่แล้วละก็..มันยังแย่ได้อีกครับ


"แล้วคนเก่งเคยคิดมั้ยว่าเติมเต็มอาจจะเบื่อหรือรำคาญหรือไม่โอเคกับสิ่งที่คนเก่งกำลังทำอยู่" ผมไม่คิดว่าพี่อิงค์จะถามคำถามนี้กับผม ผมไม่มีคำตอบอยู่ในหัวเลย

"ทำไมถามแบบนี้ละคะพี่" ส้มส้มถามพี่อิงค์ด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

"ถามเพราะอยากรู้ค่ะ" พี่อิงค์ยังยิ้มอยู่

"ผมว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของคนเก่งและพี่เติมเต็มนะครับ พวกเราเป็นคนนอก เราคงไม่รู้อะไรมากไปกว่าพวกเขาสองคน" ฟูจิพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆแต่ผมรู้ว่ามันกำลังหงุดหงิด

"จริงสินะ มันเป็นเรื่องของคนสองคน คนนอกไม่ควรจะเกี่ยว แต่ถ้าเต็มดึงพี่เข้ามาเกี่ยว พี่คิดว่าพี่ก็คงจะไม่ใช่คนนอก" น้ำเสียงของพี่อิงค์ไม่ได้ร้ายกาจเหมือนตัวอิจฉาในละคร ผมว่าน้ำเสียงพี่อิงค์ค่อนข้างไปทางอารมณ์ดี เหมือนคุยเรื่องสบายๆ

"พี่หมายความว่ายังไงคะ พี่พูดออกมาเลยดีกว่า" ส้มส้มดูพร้อมที่จะมีเรื่องมากครับ

"ส้มพอ" ผมจับแขนเพื่อนไว้ให้ใจเย็น

"หมายความว่ายังไงน่ะเหรอ ก็หมายความว่าเต็มเคยบ่นๆให้ฟังว่าไม่โอเคกับสิ่งที่เพื่อนน้องกำลังทำไงล่ะ" พี่อิงค์พูดกับส้มส้มและยังยิ้มตลอด

"ไม่จริงหรอกครับพี่ ผมไม่รู้ว่าพี่ต้องการอะไร แต่การที่พี่มาพูดกับเพื่อนผมแบบนี้ มันไม่โอเค" ผมต้องจับแขนฟูจิไว้อีกคน นั่นผู้หญิงนะมึง

พี่อิงค์มองพวกผมยิ้มๆซึ่งผมดูไม่ออกว่ายิ้มแบบนี้มันคืออะไร เสียงมือถือของพี่อิงค์ดังขึ้น พี่อิงค์เดินห่างออกไปจากพวกเราเพื่อไปคุยโทรศัพท์




"อะไรยังไงมึง เล่ามา" ฟูจิถามผมทันทีที่พี่อิงค์ห่างออกไป ผมเล่าให้เพื่อนทั้งสองฟังคร่าวๆ

"แบบนี้เหมือนมาหาเรื่องกันชัดๆ" ส้มส้มพูดออกมาด้วยความไม่พอใจ

"ถ้าไม่ใช่ผู้หญิงนะ กูต่อยคว่ำแน่" ฟูจิครับ

"ต่อยผู้หญิงก็เหี้ยแล้วมึง" ผมบอก

"ไม่หรอก ผู้หญิงสมัยนี้ก็สมควรที่จะโดนต่อย" ส้มส้มสนับสนุนฟูจิครับ

"แล้วมึงจะยังไงต่อ" ฟูจิถามผม

"ไม่รู้ แต่พี่เต็มก็อาจจะเบื่อกูจริงๆก็ได้นะมึง เมื่อเช้ามึงก็พูด แล้วตอนนี้พี่อิงค์ก็พูดอีกคน" ผมพูดพลางถอนหายใจยาวๆ ..


เหนื่อยจัง


"เฮ้ย!เมื่อเช้าที่กูพูดกูก็แค่แซวมึงเล่นเว้ย"

"กูไม่ได้โกรธหรือไม่ได้พอใจ ดีซะอีก มันทำให้กูได้คิด"

"ไอ้คนเก่ง กูขอโทษ"

"เฮ้ย บอกแล้วว่าไม่ได้อะไร"

"กูไม่อยากเห็นมึงหงอยแบบนี้นี่หว่า กูรู้สึกผิดเลยเนี่ย"

"บอกหลายครั้งแล้วว่าให้คิดเยอะๆก่อนพูด" ส้มส้มพูดกับฟูจิครับ




ผมมองไปที่สนามบาส เห็นพวกพี่เขาเลิกซ้อมกันเรียบร้อยแล้ว พี่เติมเต็มเดินขึ้นมาก่อน


"ร่างกายกูต้องการหมูกะทะ" เสียงพี่ธรณ์ครับ

"ไปกันมั้ย" พี่เติมเต็มถามขึ้นมาโดยไม่ระบุว่าถามใคร แต่ผมก็พอจะเดาได้ว่าคงจะถามพวกผม

ฟูจิกับส้มส้มมองหน้ากันก่อนจะหันมามองหน้าผมอีกที ผมรู้ว่าพวกมันกลัวผมลำบากใจ ซึ่งมันจริง


ครับ..ผมลำบากใจ


แต่ยังไม่ทันได้ตอบอะไรออกไป


"ไปไหนกัน" พี่อิงค์ครับ

"หมูกะทะ" พี่ธรณ์ตอบ

"อ้วนอะ" พี่อิงค์บอก

"ไปด้วยกันมั้ยล่ะ" พี่ธรณ์ถาม

"ถ้าเต็มอยากให้ไปด้วย อิงค์ก็จะไป" พี่อิงค์ไม่พูดอย่างเดียวครับแต่เดินไปเกาะแขนพี่เติมเต็มด้วย


ผมสบตากับพี่เติมเต็มโดยบังเอิญ หรือพี่เขามองผมอยู่แล้วผมก็ไม่แน่ใจ และผมเป็นคนที่เบือนสายตาออกจากพี่เขาก่อน

พี่เติมเต็มไม่ได้ตอบพี่อิงค์ครับ แต่เห็นส่งสายตาดุๆไปให้พี่อิงค์ พี่อิงค์ยักไหล่และปล่อยมือจากแขนพี่เติมเต็ม แล้วเดินห่างออกไปคุยโทรศัพท์อีกครั้ง


"ไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากันมึง" พี่ธรณ์ชวนพี่เติมเต็ม พี่เขามองหน้าผมก่อนที่จะเดินตามหลังพี่ธรณ์ไป


ผมมองตามพี่เติมเต็มไป ก่อนจะสะดุ้งเพราะอยู่ๆพี่เขาก็เดินย้อนกลับมา แล้วมายืนตรงหน้าผม ผมนั่งอยู่เลยทำให้ต้องเงยหน้ามองพี่เขา ผมกำลังจะถามว่าพี่เขามีอะไร


แต่พี่เติมเต็มโน้มตัวลงมาหาผม ตอนนั้นผมค่อนข้างตกใจ เพราะคิดว่าพี่เติมเต็มจะจูบผม




(มึงคิดได้ไงวะเนี่ยไอ้คนเก่ง พี่เขาจะจูบมึงเพื่อ!!/ผมด่าตัวเองในใจครับ)




แต่ถึงแม้ว่าพี่เติมเต็มจะไม่ได้ทำในสิ่งที่ผมคิด แต่ผมก็สัมผัสได้ถึงลมอุ่นๆที่มันเป่ารดอยู่ที่ข้างแก้ม จนผมรู้สึกว่าหน้าตัวเองแดง



"ไปด้วยกันนะ"




หลังจากที่พี่เติมเต็มกระซิบที่ข้างหูผม พี่เขาก็วิ่งตามพี่ธรณ์ไปทันที ทิ้งให้ผมอยู่กับความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก


ผมหันไปมองเพื่อนทั้งสองคน ผมเห็นส้มส้มเอามือปิดปากไว้แต่ตาโตมาก ส่วนฟูจิมันขยับเข้ามาหาผม และถามผมว่ามีอะไร


"พี่เติมเต็มหอมแก้มคนเก่งเหรอ" เป็นคำถามจากส้มส้มครับ

"บ้า คิดได้ไงว่าพี่เขาจะหอมแก้ม" ผมท้วงส้มส้ม



(แต่เมื่อกี้มึงพี่คิดว่าพี่เขาจะจูบ / ด่าตัวเองอีกรอบครับ)



"ก็มุมมันได้ไง"

"แล้วสรุปคืออะไรยังไง ทำไมต้องกระซิบ" ฟูจิถามอีกครั้ง

"อ้าว .. ฟูจิเห็นว่ากระซิบเหรอ"

"ใครเห็นก็ต้องรู้ว่ากระซิบป่ะ แล้วยังไง กูถามสามรอบแล้ว"

"พี่เต็มบอกว่า..ไปด้วยกันนะ"


พอพูดออกไปแบบนี้ผมก็พลันรู้สึกว่าหน้ามันร้อนๆยังไงก็ไม่รู้สิ

"เขินเหรอวะ แม่ง..หน้าแดง หูแดง" ฟูจิมันแซวผมครับ

"มึงแม่ง ตอนแรกกูว่ากูไม่ค่อยเขินเท่าไหร่ แต่พอมึงแซวกู กูว่ากูโคตรเขินเลยมึง" ผมพูดตามที่รู้สึก

"ที่สำคัญเป็นครั้งแรกเลยที่พี่เขาชวนกู" ผมพูดออกมาอีกครั้ง



เพราะเสียงที่พี่เติมเต็มพูดกับผมเมื่อกี้ มันเป็นน้ำเสียงที่ต้องใช้คำว่าอ่อนโยนมากกว่าทุกครั้งที่พี่เขาเคยพูดกับผม น้ำเสียงของพี่เติมเต็มมันเหมือนพี่เขากำลังขอร้องผม



แต่พอสายตาผมมองไปเจออีกคนที่ยืนคุยโทรศัพท์อยู่ไกลๆ ใจที่พองโตของผมมันก็แฟบลงทันที



เฮ้อออ...








TBC.

#เติมเต็มรัก
ninewara✿
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 4] 10/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 10-04-2019 08:11:17
 :เฮ้อ:เฮ้อออ...
 :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 4] 10/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 10-04-2019 12:56:02
 o13
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 3] 09/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 10-04-2019 15:26:11
:L2: :pig4:

ถ้ามองโลกในแง่ดีเราว่า อิงค์ เป็นสาววาย
ขอให้จริง มองโลกในแง่ดีด้วยคน
 :mew3:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 4] 10/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 10-04-2019 15:30:14
เห้อออ ด้วยคนค่ะ
ลุ้นแทนน้องคนเก่ง พี่เต็มเติมก็มาดเยอะเหลือเกิน หมั่นไส้นิดๆ 555
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 4] 10/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 10-04-2019 16:25:12
เฮ้อ สงสารน้องคนเก่ง
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 5] 11/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ninewara ที่ 11-04-2019 06:06:52
✿เติมเต็มรัก✿ ครั้งที่5



[เติมเต็ม part]



ตอนนี้ผมอยู่ที่บ้านครับ ผมกลับมาถึงบ้านประมาณบ่ายสองโมงกว่าๆ ปกติถ้าไม่ติดอะไร ผมจะกลับมาบ้านในทุกๆสุดสัปดาห์เพราะบ้านผมกับมหาวิทยาลัยอยู่ในจังหวัดที่ติดกันการเดินทางไม่ไกล ขับรถไม่เกินสองชั่วโมงก็ถึงแล้วครับ


แต่ถ้าจะต้องขับรถไปกลับระหว่างบ้านกับมหาวิทยาลัยคงไม่ไหว ผมจึงออกไปอยู่คอนโดตั้งแต่ตอนเข้าเรียนปีหนึ่ง


คอนโดที่ผมอยู่ ก่อนหน้านี้เป็นของพี่ชายผมครับ เมื่อก่อนพี่ชายผมก็เรียนที่ม.S เหมือนกัน ตอนนั้นป๊ากับม๊าผมก็เลยซื้อคอนโดให้พี่ชายเพื่อสะดวกในการเดินทาง พอพี่ชายผมเรียนจบ พี่ผมก็เดินทางไปเรียนต่อต่างประเทศ คอนโดก็เลยว่างอยู่ประมาณสองสามปี จนกระทั่งผมเข้าเรียนที่นี่ ผมถึงได้เข้ามาปรับปรุงและมาอยู่ที่นี่แทนพี่ชาย


ครอบครัวของผมมีสมาชิกอยู่ห้าคนครับ นอกจากป๊ากับม๊าแล้ว ผมมีพี่ชายและน้องชายอย่างละหนึ่ง พี่ต่อภพพี่ชายคนโตตอนนี้ช่วยป๊าดูแลกิจการอยู่ครับ พี่ต่อภพแต่งงานและมีครอบครัวไปเมื่อปีที่แล้ว ก็เลยแยกตัวออกไปสร้างครอบครัวของตัวเอง


ติวเตอร์น้องชายคนเล็ก ตอนนี้ติวเตอร์เรียนอยู่มอสี่ ผมห่างจากพี่ต่อภพและติวเตอร์ประมาณห้าปี


ครอบครัวผมทำธุรกิจหลายอย่างครับแต่ธุรกิจหลักๆเลยคือคุณพ่อทำเกี่ยวกับพวกโลจิสติกส์และพวกธุรกิจรับเหมาต่างๆ ส่วนคุณแม่ทำธุรกิจเกี่ยวกับพวกโรงแรมและท่องเที่ยว


ส่วนผม..ทุกคนคงจะรู้จักผมกันมาบ้างแล้ว แต่อาจจะแค่ผิวเผิน ผมก็เลยอยากจะเล่าเรื่องราวของผมในมุมของผมบ้าง

.
.

ตอนที่ผมเรียนอยู่มอห้า มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งตัวขาวๆอ้วนๆ ชื่อคนเก่ง เขียนจดหมายมาสารภาพกับผมว่าชอบ

ตอนแรกผมก็คิดว่ามันเป็นเรื่องตลกที่เพื่อนผมแกล้ง วันที่ผมไปเจอเด็กคนนั้นวันแรก น้องมันก็ยืนยันเสียงแข็งเลยครับว่ามันชอบผมจริงๆ


หลังจากที่ผมไปเจอน้องมันวันนั้น วันต่อมาและอีกหลายๆวัน ผมก็เจอน้องมันบ่อยขึ้น ทั้งที่เมื่อก่อนผมมั่นใจว่า ผมไม่เคยเห็นมันในโรงเรียนเลย


และก็ไม่ใช่แค่ผมคนเดียวที่สงสัย

"ก่อนหน้านี้ทำไมกูไม่เคยเห็นมึงเลยวะคนเก่ง" ไอ้ธรณ์มันเป็นคนถาม

"มันเพิ่งย้ายมาพี่" ฟูจิที่เป็นเพื่อนของคนเก่งเป็นคนตอบ

"มึงชื่อคนเก่งหรือไง"

"ผมตอบแทนมันไงพี่"

ที่คนเก่งมันยังไม่ตอบเพราะมันกำลังเคี้ยวข้าวอยู่ครับ


"คือผมเพิ่งย้ายมาเมื่อเทอมที่แล้วครับ" คนเก่งตอบ

"ทำไมย้ายมาตอนมอสามวะ มึงเกเรเลยโดยไล่ออกจากโรงเรียนเก่าเปล่าวะ" ไอ้ธรณ์ถามพลางหัวเราะไปด้วย

"เมื่อก่อนผมเรียนที่โรงเรียน xxx ครับ ตอนนั้นผมอยู่กับพ่อ พอพ่อผมเสียผมก็เลยมาอยู่กับแม่ แม่อยู่ที่นี่ก็เลยมาเรียนที่นี่ครับ" คนเก่งตอบ

โรงเรียน xxx อยู่ในจังหวัดที่ใกล้ๆกันนี้แหละครับ

"ขอโทษที่เซ้าซี้ถามว่ะ" ไอ้ธรณ์มันมีสีหน้าและน้ำเสียงที่รู้สึกผิด พอมันรู้เหตุผลที่ต้องย้ายโรงเรียนของคนเก่ง

"ไม่เป็นไรครับ" คนเก่งมันยิ้มและก้มหน้าก้มตาทานข้าวต่อ

"แล้วไม่รีบขึ้นเรียนหรือไง" ผมถาม

"จะเสร็จแล้วครับ" คนเก่งตอบ

"ต่อไปไม่ต้องมารอแบบนี้แล้วนะ" ผมบอก

"ผมบอกพี่แล้วไงว่าต่อไปผมจะรบกวนพี่บ่อยๆ" คนเก่งมันตอบแล้วมันก็รีบดื่มน้ำ คนเก่งมันลุกขึ้นกำลังจะเดินเอาจานกับแก้วน้ำไปเก็บ แต่ผมพูดขัดขึ้นมาก่อน

"รีบไปเถอะ เดี๋ยวพี่เก็บให้เอง" ผมมองดูเวลาที่นาฬิกา มันเลยเวลาเรียนคาบบ่ายของมอต้นมาสักพักแล้ว

คนเก่งมันส่งยิ้มให้ผม พร้อมกับยกมือไหว้ขอบคุณผม แล้วก็รีบวิ่งตามฟูจิที่วิ่งไปก่อน แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้เดินไปซื้อข้าว คนเก่งมันก็วิ่งกลับมา

"ยังไม่ไปอีก" ผมดุมัน

"ผมลืมให้" คนเก่งมันพูดพร้อมยื่นถุงสีขาวลายดาวมาให้

ผมยื่นมือไปรับ ยังไม่ทันได้พูดอะไร คนเก่งมันก็วิ่งกลับไปหาฟูจิ ที่ยืนรอมันอยู่ไกลๆ

"วันนี้ได้อะไรครับเพื่อน" เสียงไอ้ธรณ์

ผมเปิดดู ในถุงมีลูกอมห่อเล็กอยู่หนึ่งห่อ และมีการ์ดอีกหนึ่งใบ




"To..พี่เติมเต็ม

                   ♥
                                เทคแคร์ครับ
                                     คนเก่ง
                                 11/xx/20xx "




ในการ์ดไม่มีข้อความอะไร นอกจากหัวใจสีแดงอันเดียว






หลังจากวันที่ไอ้ธรณ์มันพาผมไปหาคนเก่งที่ห้องเรียนวันนั้น วันต่อมาผมก็ได้ขนมได้ของและการ์ดจากคนเก่ง ผ่านมาประมาณเดือนหนึ่งแล้ว คนเก่งมันก็ยังคงทำแบบนั้นอยู่ มันอาจจะไม่ได้ให้ผมทุกวัน แต่อย่างน้อย 2-3 วันมันต้องมีมาให้


ช่วงแรกๆผมถามมันว่าให้ทำไมให้เพื่อ? คือมันไม่ได้มีวาระหรือโอกาสอะไร

คนเก่งมันก็ตอบว่า

"ก็ให้เนื่องจากไม่มีโอกาสนี่แหละครับ ผมแค่อยากให้พี่จำผมได้"

ตอนนั้นผมก็ย้อนมันกลับไปนะ

"จะจำไม่ได้ได้ไงวะ"

คือคนมันได้รู้จักกันไปแล้ว มันจะลืมกันได้ไง ผมงงกับความคิดของมันมาก มันก็บอกว่าผมไม่เข้าใจมันหรอก



"จำได้กับจดจำมันต่างกันครับ ผมอยากให้พี่จดจำผม" คนเก่งมันบอก



โดยรวมมันก็เป็นเด็กนิสัยใจคอใช้ได้ ไม่ล้ำเส้นผมมาก็ไป

แต่มันก็มีหลายอย่างที่ผมไม่ชอบให้มันทำ ยกตัวอย่างง่ายๆเลย เรื่องพักทานข้าวกลางวันที่โรงเรียน มันเรียนมอต้น ผมเรียนมอปลาย

เวลาพักกลางวันของมอต้นคือ 11.30 - 12.30 ส่วนเวลาพักมอปลายคือ 12.10 - 13.10

คนเก่งมันพักกลางวันตั้งแต่สิบเอ็ดโมงครึ่ง มันไปนั่งจองโต๊ะในโรงอาหารแต่มันไม่ยอมไปหาอะไรมาทาน มันนั่งรอจนผมมา มันถึงจะเดินไปซื้อข้าวมา มันบอกมันอยากรอทานข้าวกับผม และผลที่ตามมาคือมันเข้าเรียนคาบบ่ายแบบฉิวเฉียดตลอด


วันแรกที่ผมเจอคนเก่งนั่งรอที่โต๊ะที่โรงอาหาร ผมก็ยังไม่แปลกใจนะ แต่พอผ่านไปประมาณสามสี่วัน ผมก็เลยรู้ว่าเพื่อนผม ไอ้ธรณ์มันรู้เห็นกับคนเก่ง

"มึงก็อย่าคิดไรมากสิวะ ดีซะอีกน้องมันจองโต๊ะไว้รอ เราไม่ต้องเสียเวลาเดินหาโต๊ะ" ไอ้ธรณ์มันพูดออกมาง่ายๆ

มันบอกว่าวันนั้นที่มันคุยกับฟูจิ มันก็แลกเบอร์แลกไลน์กันเรียบร้อย วันต่อมาฟูจิก็ทักมาหามันตอนเช้าว่าตอนพักกลางวัน คนเก่งจะจองโต๊ะที่โรงอาหารไว้ให้ ไอ้ธรณ์มันก็เห็นว่าไม่ได้เสียหายอะไร

ผมคิดว่ามันคงทำอย่างมากสักอาทิตย์หนึ่ง แต่ผิดคาดมันทำแบบนี้มาเดือนหนึ่งแล้ว จากเฉยๆกลายเป็นไม่โอเคแล้วสำหรับผม



จนวันหนึ่งผมก็เรียกมันมาคุยอย่างจริงจัง

"ต่อไปไม่ต้องจองโต๊ะที่โรงอาหารให้แล้วนะ" ผมบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง

"ทำไมล่ะครับ" คนเก่งมันถามเสียงหงอยๆ

"พี่ไม่รู้นะว่าเรารู้ตัวหรือเปล่าว่ากำลังทำอะไรอยู่ เราอยู่มอสาม และเทอมนี้เราต้องใส่ใจกับเรื่องเรียนต่อมอปลายมากกว่ามาทำเรื่องไร้สาระแบบนี้"

"เรื่องของพี่เต็มไม่ใช่เรื่องไร้สาระเลยนะ" คนเก่งมันโวยเล็กน้อย

"การที่มานั่งรอพี่กินข้าว จนเข้าเรียนคาบบ่ายไม่ทัน เนี่ยเหรอคือเรื่องที่บอกว่าไม่ไร้สาระ"

"......"

"เท่าที่พี่รู้เกรดเราก็ไม่ได้แย่แต่ก็ไม่ถึงกับจะสบายใจได้ และถ้ายังไม่ใส่ใจเรื่องเรียนแบบนี้ ลำบากแน่ ลองไปทบทวนสิ่งตัวเองกำลังทำดู"

ผมพูดเสร็จผมก็เดินออกมา ผมไม่รู้ว่าสิ่งที่ผมพูดมันแรงมั้ยแต่หวังว่าคนเก่งมันจะคิดอะไรได้บ้าง




วันต่อมา

เมื่อผมเดินมาโรงอาหาร ผมยังคงเจอคนเก่งนั่งอยู่ที่โต๊ะประจำที่เคยนั่งจองไว้ให้ตลอดเกือบสองเดือนที่ผ่านมา

ผมมองหน้าคนเก่งด้วยความไม่พอใจ สรุปคือที่ผมพูดไปเมื่อวานมันสูญเปล่า

"นึกว่าวันนี้ไม่มา" ไอ้ธรณ์มันถามคนเก่ง ผมเล่าให้มันฟังแล้วว่าผมพูดกับคนเก่งว่ายังไง

"คือผมแค่นั่งจองที่ไว้ให้ครับ พอพวกพี่มาผมก็จะขึ้นเรียน" คนเก่งมันพูดยิ้มๆแต่สีหน้ามันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ และมันไม่กล้าสบตาผม

ผมมองดูเวลาที่นาฬิกาที่ข้อมือ เหลือประมาณสิบนาทีคาบบ่ายของมอต้นจะเริ่ม

"งั้นผมไปก่อนนะครับ" คนเก่งยกมือไหว้พวกผม ก่อนที่จะวางถุงสีขาวลายดาวไว้บนโต๊ะตรงหน้าผม แล้วคนเก่งมันก็วิ่งไปทางฝั่งมอต้น

ไอ้ธรณ์มันตบบ่าผมก่อนจะเดินไปซื้อข้าว ผมเลยให้มันซื้อมาเผื่อผมด้วย

ผมเปิดดูของในถุง ในถุงมีขวดแก้วขนาดเล็กประมาณนิ้วหัวแม่มือ ผมหยิบขึ้นมาดู ในขวดมีกระดาษที่เขียนด้วยลายมือที่ผมจำได้ว่าเป็นลายมือของคนเก่ง


           "ขอโทษครับ"


นั่นคือข้อความในกระดาษใบเล็กที่อยู่ในขวดแก้ว และแน่นอนมันต้องมีการ์ดแนบมาด้วย ผมหยิบการ์ดขึ้นมาอ่าน




"To..พี่เติมเต็ม
       


                                    เทคแคร์ครับ
                                         คนเก่ง
                                    07/xx/20xx"




เป็นครั้งแรกที่ผมได้การ์ดที่ว่างเปล่าจากคนเก่ง ไม่มีข้อความใดๆ นอกจากคำว่า "เทคแคร์ครับ" ที่คนเก่งจะลงท้ายในการ์ดทุกใบที่เขียน


ความรู้สึกผมในตอนนั้น..บอกตรงๆว่ามันรู้สึกแย่ นึกถึงเมื่อวานที่ผมพูดแล้วคนเก่งมันยืนน้ำตาคลอ ผมยิ่งรู้สึกแย่



มื้อเที่ยงวันนั้นไม่อร่อยเลยจริงๆ



.
.

หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา คนเก่งก็ไม่เคยที่จะทานข้าวกลางวันที่โรงเรียนกับผมอีกเลย สิ่งที่น้องมันทำคือนั่งจองโต๊ะไว้รอ พอผมลงมา น้องมันก็ขึ้นเรียน


และถึงแม้ช่วงที่คนเก่งขึ้นมาเรียนชั้นมอสี่ ส่วนผมอยู่ชั้นมอหก แม้จะได้พักกลางวันพร้อมกัน แต่คนเก่งก็ไม่เคยมานั่งทานข้าวกับผมเลย


v

v

v





เสียงมือถือของผมดังขึ้น ช่วยให้ผมกลับมาอยู่กับปัจจุบัน

"ว่าไง" ผมรับสายไอ้ธรณ์

(อยู่บ้านหรือออกมาข้างนอกวะ)

"อยู่บ้าน มีไรวะ" ผมถาม

(มึงจำพวกไอ้โจ้ ไอ้แน็ค ที่เป็นรุ่นน้องเราที่เคยเล่นบาสด้วยกันบ่อยๆได้มั้ยวะ)

"ก็พอจำได้ ทำไม"

(พอดีกูมาทำธุระให้ที่บ้าน แล้วเจอพวกมัน พวกมันเลยชวนเล่นบาส)

"ตอนนี้?"

(กูนัดพวกมันอีกประมาณชั่วโมงหนึ่ง)

ผมมองดูเวลา

"เอาดิ พอดีแหละ แดดไม่ค่อยแรงแล้ว"

(โอเคมึง เจอกัน)


ไอ้ธรณ์มันก็กลับบ้านมันเหมือนกันครับ มันขับรถของมันมาเอง ไอ้ธรณ์มันมีรถแต่มันติดนิสัยขี้เกียจขับ ถ้าไม่จำเป็นจริงๆมันก็เลือกจะไม่ขับเลย

หลังจากวางสายจากไอ้ธรณ์เสร็จผมก็เดินลงมาข้างล่าง ตั้งใจว่าจะเดินลงมาหาอะไรในครัวทานสักหน่อย

"อ้าว คุณเต็ม น้ากำลังจะโทรขึ้นไปหาเลยค่ะ" น้านวลเป็นแม่บ้านที่บ้านผมครับ

"ครับ น้านวลมีอะไรหรือเปล่าครับ"

"นี่ค่ะ" น้านวลยื่นถุงสีขาวลายดาวมาให้ผม

"แล้วคนให้ล่ะครับ" ผมรับถุงมา และถามน้านวลด้วยความรู้สึกตื่นเต้น

"น้ากลับมาจากตลาดก็เห็นห้อยอยู่ที่ประตูเล็กแล้วค่ะ ไม่รู้ว่าห้อยไว้นานหรือยัง" น้านวลตอบและเดินไปในครัว เมื่อเห็นว่าผมไม่ได้ถามอะไรอีก



จากที่ผมคิดว่าจะเดินไปหาอะไรทาน ผมเลยเปลี่ยนใจเดินกลับขึ้นห้องตัวเอง แสดงว่าวันนี้คนเก่งมันก็กลับมาบ้านเหมือนกันนะสิ

ผมนั่งลงที่โซฟาที่อยู่ในห้องนอน ก่อนจะเปิดถุงออกมาดู ของในถุงวันนี้เป็นขนมคุ้กกี้อยู่ในซองใส มีคุ้กกี้แค่ 4-5 ชิ้นเท่านั้นเอง





"To ... พี่เติมเต็ม
            วันนี้ที่บ้านลองทำขนมพวกเบเกอรี่ ผมเลยลองทำคุ้กกี้มาให้ชิมดู รับรองกินได้ ปลอดภัยครับ

                                        เทคแคร์ครับ
                                            คนเก่ง
                                    15/xx/20xx"





ผมยิ้มเมื่ออ่านข้อความในการ์ด และมันก็โคตรรู้สึกโล่งใจ

.
.
.
ย้อนกลับไปเมื่อวาน


หลังจากที่ซ้อมบาสเสร็จ ปกติคนเก่งและเพื่อน จะต้องไปทานข้าวกับพวกผมตลอดแท้ๆ แต่เมื่อวานนี้เป็นครั้งแรกที่คนเก่งปฏิเสธ ทั้งๆที่ผมขอร้องคนเก่งขนาดนั้น (ไอ้ธรณ์มันบอกว่าผมอ่อยน้องครับ)


เหตุการณ์ก็คือหลังจากที่ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าออกมาเสร็จเรียบร้อย คนเก่งและเพื่อนสนิทก็เก็บของและนั่งรอพวกผมอยู่

ผมชวนคนเก่งขึ้นรถไปกับผม เพราะปกติน้องมันก็ไปกับผมอยู่แล้ว แต่ไม่ได้ไปกับน้องมันสองคนนะครับ มีพวกเพื่อนผมไม่คนใดก็คนหนึ่งไปด้วยตลอด

คนเก่งมันก็เดินตามผมมาเงียบๆ ไม่ได้ชวนคุย จนกระทั่งมาถึงที่รถ

"วันนี้ผมขอตัวนะครับพี่เต็ม" คนเก่งพูดขึ้นมา ไอ้ธรณ์ที่เดินมาถึงรถก่อน ชะงักและมองหน้าผมประมาณว่า .. มีอะไรกัน

"บอกว่าให้ไปด้วยกันไม่ใช่เหรอ" ผมถามด้วยน้ำเสียงที่รู้ตัวเลยว่าไม่พอใจ

ผมเห็นน้องมันหันไปมองฟูจิกับส้มส้มที่ยืนอยู่ห่างออกไป

"คือผมต้องไปคุยเรื่องรายงานกับเพื่อนครับ"

"ต้องคุยตอนนี้เลย?"

"ครับ"

"....." ผมไม่รู้จะพูดอะไร

"....."

ผมไม่พูดอะไร น้องมันก็ไม่พูดอะไร ต่างคนต่างเงียบ จนในที่สุดคนเก่งมันเป็นคนที่ขอตัวไปหาเพื่อนและยกมือไหว้ลาพวกผม

ผมมองตามน้องมันเดินไปหาเพื่อน และขึ้นรถฟอร์จูนเนอร์ของฟูจิไป

ผมหันมามองไอ้ธรณ์ ก่อนที่จะโทรหาไอ้ทัตพล

"มึงอยู่ไหนกัน" ผมถามทัตพล

(หน้ามอ)

"รอตรงนั้นก่อน" ผมบอกไอ้ทัตพล หลังจากที่มันรับปาก ผมวางสายและบอกให้ไอ้ธรณ์มันขึ้นรถ

ผมแม่งโคตรหงุดหงิด ผมรู้ว่าที่คนเก่งบอกว่าจะไปทำรายงานกับเพื่อนมันคือข้ออ้างที่จะไม่ไปกับผม ซึ่งผมไม่รู้ว่าทำไมคนเก่งถึงเป็นแบบนี้

ไอ้ธรณ์มันคงจะพอรู้อารมณ์ผม มันเลยไม่ถามอะไรออกมาเลย

พอมาถึงหน้ามหาวิทยาลัย เห็นรถไอ้ทัตพลมันจอดอยู่ผมเลยไปจอดต่อท้าย

"ฮัลโหลมึง" ผมโทรหาไอ้ทัตพล

(เออ กูเห็นรถมึงแล้ว)

"เอาไอ้ธรณ์ไปด้วย วันนี้กูขอตัวว่ะ" ผมบอกไอ้ทัตพล และวางสายทันที เพราะไม่อยากให้มันถามอะไรผม

ไอ้ธรณ์มองหน้าผม มันคงอยากจะพูดอยากจะถามตามนิสัยชอบเผือกของมัน แต่เพราะรู้จักและสนิทกันมานาน มันรู้ดีว่าผมยังไม่พร้อมคุย

ไอ้ธรณ์ลงจากรถผมไป พร้อมทั้งบอกว่าเดี๋ยวไลน์คุยกัน ผมได้แต่พยักหน้าตอบรับมันไป


เมื่อคืนผมนอนคิดทั้งคืนว่าคนเก่งมันเป็นอะไร หรือที่ไอ้ธรณ์บอกว่าคนเก่งอาจจะเลิกชอบผมมันจะจริง เพราะมันไม่น่าจะมีเหตุผลอื่น


ไม่เคยคิดว่าตัวเองต้องมาคิดเรื่องไร้สาระแบบนี้มาก่อน แต่ถ้ามันไร้สาระทำไมผมยังคิดว่ะเนี่ย!!




ผมตื่นมาตอนเช้าด้วยอาการของคนที่นอนน้อย ผมไม่อยากจะคิดเรื่องคนเก่งเลยให้ตายสิ แต่พอตื่นมาคนแรกที่นึกถึงกลับเป็นมัน

คำถามที่อยู่ในหัวผมตั้งแต่ตื่นนอนก็คือ วันนี้คนเก่งจะเอาของมาให้ผมหรือเปล่า

ผมไม่ได้อยากได้ของหรือว่าอะไร แต่ผมวัดจากการที่คนเก่งให้การ์ดผม ถ้าวันนี้ผมยังได้การ์ดอยู่ก็แสดงว่าคนเก่งยังชอบผมอยู่ แต่ถ้าไม่..ก็อาจเป็นไปได้ว่าคนเก่งเลิกชอบผมแล้วจริงๆ


ผมเรียนเสร็จตอนสิบเอ็ดโมง พวกเพื่อนๆผมยังไม่มีใครถามอะไร แม้แต่ไอ้ธรณ์มันก็ไม่ชวนผมคุยเรื่องคนเก่ง ซึ่งก็ดีเพราะผมยังไม่มีอะไรจะคุย

ประมาณสิบเอ็ดโมงครึ่งผมเดินมาที่รถ สิ่งที่ผมคาดหวังคืออาจจะมีถุงลายคุ้นตาห้อยอยู่ที่กระจกรถ หรือเสียบไว้ตรงที่ปัดน้ำฝน แต่ว่างเปล่าครับ ไม่มีอะไรเลย

ผมขึ้นมานั่งบนรถด้วยความรู้สึกที่มันบอกไม่ถูก ... กูรออะไรวะเนี่ย ระหว่างที่ขับรถกลับบ้าน ผมก็คิดตลอดทางว่าทำไมวันนี้ไม่มีการ์ดอย่างที่เคย

แต่...คิดไปคิดมา
เมื่อวานคนเก่งมันเพิ่งให้การ์ดผมมานี่หว่า วันนี้อาจจะไม่ได้ให้ก็ได้ อย่างที่ผมเล่าให้ฟัง คนเก่งไม่ได้ให้การ์ดผมทุกวัน กำหนดแน่นอนไม่ได้ ช่วงที่ผมเรียนอยู่มอหกผมเคยได้การ์ดเป็นสิบใบในวันเดียวกันก็มี คนเก่งเคยให้เหตุผลว่า


'วันไหนคิดถึงพี่เต็มมากก็จะเขียนถึงเยอะหน่อย'


แต่ทุกวันนี้ที่มันลดลง เป็นเพราะกลัวผมรำคาญ

....




้เรื่องเมื่อวานช่างมันก่อน
รู้แค่ว่าตอนนี้ผมอารมณ์โคตรดี วันนี้เป็นวันแรกเลยที่ผมรู้สึกดีใจที่ได้การ์ดจากคนเก่ง

หรือจริงๆแล้วผมรู้สึกดีแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ผมก็ไม่แน่ใจ


ผมมองการ์ดที่อยู่ในมือ ก่อนที่จะเดินไปเปิดตู้สีขาวที่อยู่ในห้อง ในตู้สีขาวมีลิ้นชักอยู่สามชั้น ผมเปิดลิ้นชักชั้นบนสุดแล้วเอาการ์ดที่ได้มาใส่ลงไป

สิ่งที่ผมเก็บไว้ในตู้ใบนี้คือ การ์ดทุกใบและของทุกอย่างที่สามารถเก็บไว้ได้ (ยกเว้นพวกของกิน) ที่คนเก่งให้มา


ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา ผมได้รับการ์ดจากคนเก่งเยอะครับ ผมเดาเอาเองว่าน่าจะเกือบพันใบได้


ตอนแรกผมไม่ได้มีตู้ไว้ใส่แบบนี้หรอกครับ ใส่กล่องกระดาษไว้แบบไม่ค่อยใส่ใจเท่าไหร่ ตอนนั้นคิดในใจว่าไม่ทิ้งก็ดีเท่าไหร่แล้ว


แต่ม๊าผมเป็นคนที่บอกผมว่า ผมควรจะเก็บรักษาของพวกนี้ไว้ให้ดีหน่อย เพราะการ์ดแต่ละใบของแต่ละชิ้น มันบ่งบอกถึง "ใจและความรู้สึก" ของคนที่ให้

ม๊าบอกว่าถึงเราจะตอบรับความรู้สึกของเขาไม่ได้ แต่ก็อยากให้เก็บไว้ ตอนแรกผมก็ลังเลใจนะ เพราะคิดว่าถ้าเก็บไว้มันก็เหมือนเราให้ความหวังกับเขาหรือเปล่า


แต่ม๊าบอกว่า เขาไม่ได้รู้ว่าเราเก็บไว้ไม่ใช่เหรอ ซึ่งมันก็จริง ผมเลยเลือกที่จะเก็บไว้ พอของมันเริ่มเต็มกล่อง ผมเลยไปซื้อตู้เอามาไว้เก็บแทน เพราะผมเองก็ไม่รู้ว่าคนเก่งมันจะทำแบบนี้ไปจนถึงเมื่อไหร่



อืม...
ทำไมม๊าผมรู้เรื่องคนเก่งน่ะเหรอ


มันเริ่มจากตอนนั้นเป็นช่วงปิดเทอมใหญ่มอห้า เตรียมตัวจะขึ้นมอหกของผม

จำได้ว่าเพิ่งจะปิดเทอมได้แค่สองวัน น้านวลเดินมาหาผม ที่กำลังนอนดูหนังอยู่ในห้องนั่งเล่น พร้อมกับยื่นถุงคุ้นตามาให้ ตอนนั้นผมรีบลุกขึ้นมานั่งทันทีด้วยความตกใจ

"ถุงใบนี้ห้อยอยู่ตรงประตูเล็กค่ะ มีกระดาษแปะอยู่หน้าถุงว่าถึงคุณเต็มค่ะ" น้านวลบอก ผมรีบรับถุงมา ดูลายมือหน้าถุงก็รู้เลยว่าใช่ลายมือคนเก่งจริงๆ


ความรู้สึกผมตอนนั้นคือ...


เฮ้ย!ปิดเทอมก็ไม่เว้น ส่งให้ถึงบ้านอีก รู้จักบ้านได้ไงวะเนี่ย!


ผมเปิดดูของในถุง มันมีตุ๊กตาโมเดลตัวเล็กๆ น่าจะเล็กกว่าฝ่ามือผม ผมหยิบตุ๊กตาออกมาดู ก่อนจะหยิบการ์ดมาอ่าน





"To..พี่เต็มเต็ม
         สุขสันต์วันปิดเทอมครับ เซอร์ไพรส์มั้ยยย?! ปิดเทอมคงไม่ค่อยได้เจอพี่ ยังไงก็ดูแลตัวเองนะครับ

                                     เทคแคร์ครับ
                                         คนเก่ง
                                    24/xx/20xx

ปล : จริงๆอยากบอกว่าคิดถึงผมบ้างนะ แต่ไม่กล้าบอก"





ผมส่ายหน้าให้กับการ์ดของคนเก่ง ไหนบอกว่าไม่กล้าบอกไงวะ เขียนบอกมาเต็มๆ



ผ่านมาอีกประมาณสองสามวัน คนเก่งก็เอาถุงมาห้อยที่ประตูบ้านผมอีกแล้ว แต่คนที่เจอถุงและเอามาให้ผมคือม๊า ก็เลยจำเป็นต้องเล่าให้ม๊าฟัง


ตอนแรกเลยนะ ผมคิดว่าม๊าต้องไม่โอเคแน่ที่อยู่ๆ ลูกชายก็มีผู้ชายมาชอบ แต่ม๊ากลับไม่ต่อว่าอะไรเลย ม๊าบอกว่าคนเก่งมันดูจริงใจดี

"เขาเคยขอหรือเรียกร้องอะไรกับลูกมั้ยล่ะ" ม๊าถามผม

"อยากทานข้าวกลางวันด้วยครับ"

ม๊าหัวเราะและถามผมว่าแค่นี้เหรอ

ผมพยายามนั่งคิด เท่าที่จำได้ก็มีแค่เรื่องเดียวนะ




"To...พี่เติมเต็ม
         ช่วงนี้อากาศร้อนมาก ทานอะไรก็ระวังหน่อยนะครับ ระวังท้องเสีย

                               เทคแคร์ครับ
                                     คนเก่ง
                                27/xx/20xx"



ของที่มาพร้อมกับการ์ดคือเกลือแร่ เป็นของที่มันให้ประหลาดที่สุดเลยครับ


พอม๊าอ่านการ์ดและเห็นของในถุง ม๊าผมชอบใจใหญ่ครับ


และตั้งแต่นั้นมา ม๊าก็บอกให้ผมเก็บของและการ์ดของคนเก่งไว้อย่างดี

ในเมื่อน้องมันไม่รู้ว่าผมเก็บไว้ มันก็คงจะไม่เป็นไร

...



ผมมองดูนาฬิกาใกล้จะถึงเวลาที่ผมนัดกับไอ้ธรณ์เอาไว้ ผมก็เลยลุกไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ถึงแม้ว่าจะออกไปเล่นกีฬา ผมก็ต้องอาบน้ำก่อนครับ มันติดนิสัย

หลังจากแต่งตัวเสร็จผมเดินลงมาข้างล่าง เจอม๊าที่เดินเข้าบ้านมาพอดี

"สวัสดีครับม๊า" ผมยกมือไหว้ม๊า

"มาถึงตั้งแต่ตอนไหนลูก แล้วจะไปไหนจ้ะ"

"มาถึงสักพักครับ ผมจะออกไปหาไอ้ธรณ์ครับม๊า"

"ถ้ากลับดึกก็ขับรถระวังด้วยนะเต็ม"

"ครับม๊า"

ผมเดินมาขึ้นรถ หลังจากติดเครื่องรถ ผมก็ยังไม่ออกรถทันที ผมหยิบมือถือมาไลน์บอกไอ้ธรณ์ว่า กำลังออกไป

ผมเลื่อนดูห้องแชทสักพักก่อนตัดสินทักไลน์ไปหาเด็กบางคน

teimtem : อยู่บ้านมั้ย

konkengg : ถามผมเหรอ

teimtem : กวนว่ะ

konkengg : ก็..กลัวจะบอกว่า
konkengg : ส่งผิดอีกครับ


โอเค...มันเป็นความผิดของผมเอง ที่เมื่อวานผมพิมพ์แบบนั้นไป


teimtem : สรุปอยู่บ้าน?
konkengg : ไม่ครับ
konkengg : ตอนนี้อยู่ตลาด
teimtem : ขายของ?
konkengg : ใช่ครับ
teimtem : อืม


ผมไม่รู้จะคุยอะไรต่อดี ผมไม่ค่อยที่จะได้คุยกับคนเก่งสักเท่าไหร่ เชื่อมั้ยว่าน้องมันเพิ่งจะได้เบอร์มือถือและไลน์ผมตอนที่ผมจบมอปลายแล้ว

วันงานปัจฉิมนิเทศที่โรงเรียน คนเก่งมันบอกว่ามีเรื่องจะขอก่อนที่ผมจะจบออกไป ซึ่งผมก็รับปากมันว่าถ้าไม่ยากเกินไป หรือไม่ทำให้ผมลำบากใจผมก็จะให้

และสิ่งที่คนเก่งขอในวันนั้นคือขอเบอร์มือถือและขอแอดไลน์

ผมงงกับสิ่งที่มันขอมาก เพราะผมคิดว่ามันน่าจะมีเบอร์ผมนานแล้ว อย่างน้อยไอ้ธรณ์ก็ต้องบอก แต่น้องมันให้เหตุผลว่า มันอยากได้จากผมโดยตรงมากกว่า..มันรู้สึกพิเศษ

หลังจากได้เบอร์ผมไป คนเก่งไม่เคยโทรหาผมเลยสักครั้ง มีส่งไลน์มาหาบ้างแต่ไม่บ่อย ส่วนใหญ่จะส่งมาในวันสำคัญ เช่น วันปีใหม่ วันวาเลนไทน์ วันเกิดผม เป็นต้น

จนเคยสงสัยว่า ตกลงมันชอบผมจริงหรือเปล่า ได้ทั้งเบอร์ได้ทั้งไลน์แต่น้องมันไม่ทำอะไรเลย

วันที่ผมให้เบอร์คนเก่งไป ผมกลับมากังวลขนาดที่ว่า ไปนั่งคิดว่าถ้าคนเก่งมันโทรมาคืนนี้ ผมจะพูดตัดบทว่าอะไรดี จะบอกว่าไม่ว่าง กำลังจะนอนหรืออะไรดี

แต่สิ่งที่คิดไว้ก็ไม่มีโอกาสได้ใช้เลยสักครั้ง เพราะน้องมันไม่เคยโทรมา


ตึ้ง
ข้อความไลน์ของคนเก่งเด้งขึ้นมา


konkengg : พี่เต็มมีอะไรหรือเปล่าครับ

นั่นสิ...ผมมีอะไร

teimtem : เปล่า

ผมตอบกลับไปแบบนั้น เพราะผมไม่รู้จริงๆว่าผมมีอะไรหรือเป็นอะไรกันแน่

หรือตอนนี้ "ในใจ" ผมมีอะไรที่มันเปลี่ยนแปลงไปหรือเปล่า








TBC.

#เติมเต็มรัก
ninewara✿


◕ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน และขอบคุณทุกๆคอมเม้นนะคะ ^__^
◕ อีกไม่นานพี่เติมเต็มจะเลิกสับสนแล้วจ้า




หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 5] 11/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 11-04-2019 07:39:37
เอาใจช่วยคนเก่ง แต่ก่อนหน้านั้นแก้เผ็ดพี่เต็มหน่อยค่ะ ลีลามาหลายปี 5555
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 5] 11/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 11-04-2019 10:34:18
 :-[
พี่เติมเต็มเริ่มมี ในใจ บ้างแล้ว
จะรู้สึกตัวจริงๆ เมื่อไหร่แค่นั้น
เชียร์น้องคนเก่งสู้ต่อไป
 :mew3:
ปล.
แอบคิดว่าพี่อิงค์คนสวยคือหน่วยกล้าวาย คอยเป็นสปายให้ขุ่นแม่พี่เต็ม
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 5] 11/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 11-04-2019 10:39:44
 :L2: :pig4:
อะไรที่อยู่ใกล้ไปอาจมองไม่เห็น
น้องเดินออกมาอาจจะคิดออก
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 5] 11/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: FanclubPong ที่ 12-04-2019 02:49:21
อ่านสนุกดี ลุ้นต่อ คิดว่าตอนนี้พี่เติมเต็มติดกับดักน้องคนเก่งแล้ว ขนาดเก็บเอาไปคิดว่าน้องเลิกชอบแล้วเกิดความสับสนไม่ชอบใจ
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 6] 12/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ninewara ที่ 12-04-2019 05:55:45
✿เติมเต็มรัก✿ ครั้งที่ 6





วันนี้เป็นวันศุกร์ครับ ผมกลับมาบ้านเป็นประจำทุกสัปดาห์อยู่แล้ว เมื่อเช้าอาจารย์ยกเลิกคลาสเรียน ผมก็เลยกลับมาถึงบ้านตั้งแต่ช่วงสายๆ

ฟูจิมันขับรถมาส่ง แต่มันไม่ได้แวะเข้ามาที่บ้าน มันบอกแค่ว่ามันรีบ แม่ผมชวนทานข้าวกลางวันด้วยกัน มันก็บอกไว้วันหลัง ช่วงนี้มันทำตัวแปลกๆเหมือนกัน



ตอนนี้เป็นเวลาใกล้ห้าโมงเย็นแล้ว ผมมาช่วยแม่กับป้าขายของครับ วันนี้วันศุกร์ จะมีคนมาเดินซื้อกับข้าวหรือของกินกันเยอะ เพราะตรงพื้นที่ว่างๆด้านข้างตลาดมีตลาดนัดถนนคนเดินด้วยครับ

คนยังไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ ผมก็เลยนั่งดูนั่นดูนี่ในมือถือไปพลางๆ แต่ผมก็ชะงักมือที่กำลังไถหน้าจออยู่ เพราะมีแจ้งเตือนไลน์จาก คนที่ทำให้ผมนอนไม่หลับทั้งคืน


teimtem : อยู่บ้านมั้ย

konkengg : ถามผมเหรอ

teimtem : กวนว่ะ

ผมไม่ได้ตั้งใจจะกวนหรือว่าอะไรนะ แต่ล่าสุดที่พี่เติมเต็มทักมาเมื่อวานคือพี่เขาส่งแชทผิดไง

konkengg : ก็..กลัวพี่จะบอกว่า
konkengg : ส่งผิดอีกครับ

ผมตอบไปตามตรงในสิ่งที่ผมกังวล แต่การที่พี่เขาบอกว่าผมกวนเขา ผมก็จะเข้าใจว่าพี่เติมเต็มทักมาหาผมจริงๆไม่ผิดตัว

teimtem : สรุปอยู่บ้าน?
konkengg : ไม่ครับ
konkengg : ตอนนี้อยู่ตลาด
teimtem : ขายของ?
konkengg : ใช่ครับ
teimtem : อืม

ผมรอว่าพี่เติมเต็มจะพิมพ์อะไรมาอีกมั้ย แต่พี่เขาเงียบไป .. คือผมยังอยากคุยกับพี่เขาต่ออยู่เลย

konkengg : พี่เต็มมีอะไรหรือเปล่าครับ

ผมพยายามชวนคุยแต่คำตอบของพี่เติมเต็ม เหมือนเป็นการจบบทสนทนา

teimtem : เปล่า

เฮ้อออ......ทำเอาผมไม่กล้าคุยต่อเลย

.
.
.


เมื่อวานผมตัดสินใจที่จะไม่ไปทานข้าวกับพวกพี่เติมเต็มอย่างที่เคยทำ เพราะผมไม่มั่นใจในตัวเองว่า ผมจะทำเฉยๆหรือทำตัวปกติต่อหน้าพี่เติมเต็มได้มั้ย


อีกเหตุผลคือ ผมอยากขอเวลาคิด


การที่เจอและได้คุยกับพี่อิงค์ ทำให้ผมรู้ตัวว่า ผมไม่ได้เข้มแข็งอย่างที่ตัวผมเองเคยคิดเลย ผมไม่กล้าพอที่จะนั่งดูพี่เติมเต็มใกล้ชิดกับพี่อิงค์ได้


หลังจากที่ผมแยกกับพี่เติมเต็ม ฟูจิมาส่งผมที่หอพักโดยมีส้มส้มตามมาด้วย เพื่อนสองคนอยากอยู่เป็นเพื่อนผม แต่ผมอยากคิดอะไรคนเดียวมากกว่า

ผมรู้ว่าเพื่อนเป็นห่วงผมมาก ส้มส้มเองถึงแม้ว่าเพิ่งจะมารู้จักกันตอนที่เข้ามาเรียนที่นี่ แต่ส้มส้มก็เข้ากับพวกผมได้ดี ส่วนฟูจิไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันเป็นห่วง


ผมอาบน้ำทันทีที่กลับถึงห้อง เพราะอยากให้ตัวเองสดชื่น เผื่อสมองจะปลอดโปร่งมากขึ้น จะได้คิดออกว่าจะทำยังไงต่อไปดี

ผมนั่งทบทวนถึงอะไรหลายๆอย่าง สิ่งที่พี่อิงค์พูด ที่บอกว่าพี่เติมเต็มไม่ชอบในสิ่งที่ผมทำ ตอนที่ได้ยินผมเสียใจนะ จนคิดว่าถ้าพี่เติมเต็มไม่ชอบใจ ผมก็จะไม่ทำอีกแล้ว ...

แต่หลังจากได้มีเวลาทบทวน ผมกลับคิดว่า สิ่งที่พี่อิงค์พูดมานั้น มันอาจจะไม่ใช่ก็ได้ (ขอคิดเข้าข้างตัวเองไว้ก่อน)

ข้อแรกผมคิดว่าถ้าพี่เติมเต็มไม่โอเคจริงๆ พี่ธรณ์ก็น่าจะบอกผม ซึ่งข้อนี้ตอนที่ฟูจิมันขับรถมาส่งผม มันก็พูดเหมือนกันว่าถ้ามีอะไรพี่ธรณ์ก็ต้องบอก

ข้อสองยังไม่แน่ใจว่าพี่อิงค์เป็นแฟนพี่เติมเต็มจริงมั้ย เหตุผลก็คือตามข้อแรก ถ้ามีอะไรพี่ธรณ์ก็น่าจะบอก ..

เพราะว่าตลอดเวลาที่ผมชอบพี่เติมเต็ม พี่ธรณ์จะคอยส่งข่าวผ่านทางฟูจิมาบ่อยๆ ที่พี่ธรณ์ไม่บอกผมโดยตรงเพราะพี่ธรณ์เคยโดนพี่เติมเต็มจับได้ว่าให้ความช่วยเหลือผมหลายอย่างในเรื่องเกี่ยวกับพี่เติมเต็ม

พี่ธรณ์เลยตัดปัญหาด้วยการบอกฟูจิแทน เพราะอย่างไรซะฟูจิก็ต้องมาบอกผมอยู่แล้ว พี่ธรณ์บอกว่า แบบนี้ถือว่าไม่ผิดสัญญากับเพื่อน

ผมก็งงว่าแบบนี้ก็ได้เหรอ?




เมื่อช่วงบ่ายผมเพิ่งเอาของไปห้อยไว้หน้าบ้านพี่เติมเต็มมาครับ อันที่จริงตั้งใจว่าจะให้วันจันทร์ที่มหาวิทยาลัย แต่ในระหว่างที่นั่งรถกลับบ้าน พี่ธรณ์ไลน์มาบอกว่า วันนี้พี่เติมเต็มก็กลับบ้านเหมือนกัน ผมเลยเขียนการ์ดและส่งให้วันนี้เลย


ความตั้งใจแรกของผมเลยคือ..ผมคิดว่าจะหยุดส่งของส่งการ์ดให้พี่เติมเต็มแล้วครับ แต่มันก็อดไม่ได้ครับเพราะมันเป็นสิ่งที่เราทำมาตลอดห้าปี อยู่ๆจะหยุดทันที ผมก็ทำไม่ได้จริงๆ


ผมก็เลยขอทำแบบนี้ต่อไป ตามวิถีของคนที่แอบรักก็ละกันครับ ไว้วันไหนที่พี่เติมเต็มบอกว่า ผมควรหยุดได้แล้ว

ค่อยว่ากันอีกที ...

ขอเห็นแก่ตัวต่อไปอีกสักนิดนะครับ
.
.
.
.
ตอนนี้เกือบจะทุ่มหนึ่ง มีคนเดินหาซื้อกับข้าวของกินในตลาดเยอะมากครับ กับข้าวของแม่และขนมของป้าก็ขายดีมาก ผมไม่ค่อยได้ช่วยอะไรมากหรอกครับ นอกจากช่วยคิดเงิน และช่วยชิมขนมของป้า (แอบชิม)

"คนเก่ง หนูไปเดินเล่น ดูของก็ได้นะลูก" ป้าบอกผมครับ

"ไม่ดีกว่าครับ หนูว่ามันก็เหมือนเดิมๆ อยู่ช่วยป้ากับแม่ดีกว่า" ผมตอบป้าไปครับ

"แม่กับป้ากลัวเราจะเบื่อนะสิ" แม่พูดขึ้นบ้าง

"เก่งไม่เบื่อหรอกครับแม่" ผมบอกกับแม่


ทุกคนอย่าเพิ่งงงนะครับ เวลาที่คุยกับแม่ผมจะแทนตัวเองว่าเก่งครับ แต่ถ้าคุยกับป้าผมจะแทนตัวเองว่าหนู ตอนแรกผมไม่ได้แทนตัวเองว่าหนูหรอกนะครับ แต่ป้าบอกว่าชอบให้ผมแทนตัวเองแบบนี้ ผมก็ตามใจป้าครับ

"นี่ก็ทุ่มกว่าแล้ว หิวหรือยังลูก จะกินอะไรดี" แม่ถามผมครับ

"ยังไม่หิวเลยครับ เก่งแอบกินขนมป้าไปตั้งเยอะแน่ะ" ผมบอกแม่ แต่ก็หันไปบอกป้าด้วย

"ดีลูก กินเยอะๆ ป้าชอบให้หนูมีเนื้อมีหนังมากกว่านี้ เหมือนเมื่อก่อน"

"โหย..ไม่เอาครับป้า ไม่เห็นดีเลย ถ้าเราอ้วนใครจะมาสนใจเราละครับ" ผมโวยเล็กๆ

"งั้นแสดงว่าตอนนี้เขาสนใจหลานป้าแล้วใช่มั้ย เพราะหลานป้าไม่อ้วนแล้ว" ป้าแซวผมครับ

"หนูไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้นสักหน่อย เปลี่ยนใจไปเดินดูของดีกว่า" ผมตอบ และเลี่ยงเดินออกมาเพราะถ้าอยู่ต่อ ผมต้องโดนป้าซักฟอกเรื่องพี่เติมเต็มแน่ๆ


วันที่ผมบอกแม่กับป้าเรื่องที่ผมชอบพี่เติมเต็ม ณ วันนั้นแม่กับป้ายังไม่ได้คุยอะไรมากมาย ท่านทั้งสองคนบอกแค่ว่า

"เอาเป็นว่าแม่กับป้ารับรู้ แต่เราจะยังไม่คุยเรื่องนี้กัน ส่วนจะคุยตอนไหนแม่กับป้าจะบอกหนูเอง"

ซึ่งผมไม่ได้ถามว่าเหตุผลว่าทำไมถึงยังไม่คุย ผมคิดแค่ว่าท่านต้องมีเหตุผลที่สำคัญ ผมจึงไม่ได้เซ้าซี้ถาม


ช่วงแรกที่แม่รู้ว่าผมส่งของส่งการ์ดให้พี่เติมเต็มเกือบทุกวัน แม่ผมท่านกังวลใจแทนผมมากเลยครับ ว่าจะทำให้พี่เติมเต็มรำคาญหรือเปล่า

ผมก็เล่าให้แม่ฟังว่า การ์ดที่ส่งไปก็ไม่ได้เขียนอะไรที่ทำให้พี่เขาลำบากใจ เพราะผมไม่เคยเขียนไปขอให้ชอบผมตอบ หรือขอให้พี่เขาทำอะไรให้เลย ส่วนของที่ให้ก็มีแต่ของเล็กๆน้อยๆ แม่ผมก็เลยดูสบายใจขึ้น




จนกระทั่งวันหนึ่ง ตอนนั้นผมเรียนชั้นมอหกแล้ว แม่กับป้าก็เรียกผมไปคุยครับ

"คนเก่ง ลูกจำได้มั้ย วันนั้นที่ลูกบอกแม่กับป้าว่า ลูกรู้สึกชอบผู้ชายคนหนึ่ง เป็นรุ่นพี่ที่โรงเรียน" แม่เริ่มพูดขึ้นมาครับ

"ครับจำได้ แต่แม่บอกว่ายังไม่อยากคุยถึงเรื่องนี้"

"แต่ตอนนี้ แม่กับป้าคุยกันแล้วว่า เวลานี้เหมาะสมที่เราจะมาคุยเรื่องนั้นกันได้แล้ว"

"ครับ" พอท่านทั้งสองจะคุยเรื่องนี้ ผมก็อดที่จะตื่นเต้นไม่ได้เลย

"เหตุผลที่ในวันนั้นแม่ยังไม่อยากคุยกับลูกเรื่องนี้ มีแค่เหตุผลเดียวคือตอนนั้นคนเก่งยังเด็กมาก ลูกอายุแค่สิบห้า แม่ไม่รู้ว่าสิ่งที่ลูกกำลังรู้สึกอยู่มันใช่อย่างที่ลูกคิดหรือเปล่า ลูกอาจจะแค่ปลื้ม เห็นพี่เขาเป็นแบบอย่างแค่นั้น แม่ก็เลยคุยกันกับป้าว่าอยากรอเวลา อยากให้โอกาสทั้งตัวคนเก่งเอง และตัวแม่กับป้าด้วย การที่วันหนึ่งลูกชายมาบอกแม่ว่า ชอบผู้ชายเหมือนกัน ไม่มีแม่คนไหนที่ไม่ตกใจ แต่ถามว่าแม่รับได้มั้ย แม่รับได้เพราะคนเก่งคือลูกของแม่ ป้าเองก็ตกใจ แม่กับป้าก็เลยขอเวลาสำหรับทุกๆอย่าง"

แม่เงียบครับ แต่เป็นป้าที่พูดต่อ

"คนเก่ง ยังรู้สึกกับพี่เขาเหมือนเดิมหรือเปล่า"

"ครับ" ผมตอบป้าโดยไม่ต้องคิดเลย ผมรู้สึกเขินยังไงไม่รู้

"ในส่วนของแม่กับป้าก็ไม่มีปัญหานะลูก ขอโทษนะที่ทำให้หนูคิดมากมาตั้งหลายปี"

พอผมได้ยินแบบนั้น ผมก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว ตลอดสามปีกว่าที่ผ่านมา แม่กับป้าไม่เคยถามผมเรื่องพี่เติมเต็มเลย มีหลายครั้งผมอยากปรึกษาอยากเล่าเกี่ยวกับพี่เติมเต็ม แต่ผมไม่กล้า เพราะในวันนั้นแม่กับป้าไม่ได้ต่อว่าผมก็จริง แต่ท่านก็บอกว่ายังไม่อยากคุยเรื่องนี้ ผมก็เลยไม่กล้า

และผมก็คิดมากมาตลอดว่า แม่กับป้าจะรักผมเหมือนเดิมมั้ย จะรังเกียจจะผิดหวังในตัวผมมั้ย

ยิ่งแม่กอดผม ผมก็ยิ่งปล่อยโฮ

"ขอโทษครับแม่ ขอโทษครับป้า"

"ไม่ต้องขอโทษลูก หนูไม่ได้ทำอะไรผิด"


แม่กับป้าผลัดกันกอดผมที่ร้องไห้ไม่ยอมหยุด




หลังจากการร้องไห้อย่างหนักผ่านไป

"ตอนนี้คนเก่งอยู่มอหกแล้ว ผ่านมาเกือบสี่ปีแล้วจากวันนั้น วันนี้ลูกโตแล้ว และเท่าที่แม่กับป้าคอยมองอยู่ ลูกก็ยังเหมือนเดิมกับรุ่นพี่คนนั้น"

ผมนั่งเงียบฟังในสิ่งที่แม่กับป้าพูดกับผม

"ที่ผ่านมาหนูอาจจะแสดงให้พี่เขารู้ว่าหนูชอบเขาแต่มันก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้าไปไหน จริงมั้ย"

" คือหนูไม่ได้หวังอะไรครับป้า หนูแค่อยากให้พี่เขารู้ว่าหนูคิดยังไง"

"หนูบอกว่าจะเข้าม.S เหตุผลหลักเพราะพี่เขาเรียนที่นั่นหรือเปล่า"

"คือ ... "

"แม่ไม่ว่าลูกหรอก พูดมาได้เลย"

ผมลังเลใจแต่ก็พูดออกมาตามความจริง

"เหตุผลหลักจริงๆคือเพราะเก่งไม่อยากไปเรียนไกลบ้านครับแม่ ถึงแม้ว่าพี่เต็มไม่เรียนที่ม.S เก่งก็จะเข้าเรียนที่นี่ให้ได้อยู่ดี แต่พอรู้ว่าพี่เต็มเข้าเรียนที่นี่ มันก็เหมือนเก่งมีแรงผลักดันที่มากขึ้น" พอผมตอบออกไป แม่กับป้าก็มองผมแล้วยิ้มให้กัน

"ขนาดนี้แล้ว หนูจะทำแค่ส่งการ์ดให้พี่เขาแค่นั้นเหรอลูก"

"ถ้าเข้าเรียนที่เดียวกับพี่เขาได้ มันต้องมีอะไรที่ก้าวหน้ามากขึ้นนะคนเก่ง"

ดูแม่กับป้าผมสิครับ คงจะไม่ลืมกันใช่มั้ยว่า คนที่ลูกชายแม่ หลานชายป้าไปชอบคือผู้ชาย

"จะมีอะไรก้าวหน้าได้ยังไงละครับ พี่เต็มไม่ได้คิดอะไรกับผมซะหน่อย"

ผมบอกแม่กับป้าไปแบบนั้น แต่ก็แอบคิดไว้เหมือนกันว่าถ้าผมสามารถที่จะเข้าม.S ได้ ผมอาจจะพยายามให้มันก้าวหน้าบ้างสักนิด






หลังจากผมเดินเล่นสักพักใหญ่ๆ มองดูเวลาแล้วใกล้จะสามทุ่มเต็มที แล้ว ผมเลยเดินกลับมาที่แผงขายของ แม่กับป้าเก็บของใกล้เสร็จแล้วครับ

"ขอโทษครับแม่ เก่งไม่ได้มาช่วยเลย" ผมรีบขอโทษแม่ พลางคิดในใจไม่น่าเดินเล่นเพลินเลย

"ไม่เป็นไรลูก ไม่ได้ลำบากอะไร แม่กับป้าก็ทำเป็นประจำอยู่แล้ว"

"แต่เก่งไม่ได้อยู่ช่วยทุกวันนี่ครับ"

"งั้นช่วยป้าด้วยการขับรถให้ป้ากับแม่เรานั่งละกันลูก" ป้าบอกพร้อมกับยื่นกุญแจรถมาให้

"ได้เลยครับ"




หลังจากนั้นผมก็ช่วยยกของขึ้นรถ โดยให้แม่กับป้าไปนั่งรอบนรถก่อน รถที่บ้านเราใช้อยู่มีสองคันครับ รถคันนี้เป็นรถกระบะแบบสี่ประตู เป็นรถของพ่อ โดยหลังจากพ่อเสียชีวิตไป แม่ก็เลยเอามาใช้ต่อ เคยมีคนแนะนำให้ขายแต่แม่บอกว่ารถคันนี้เป็นสมบัติที่พ่อซื้อมาด้วยน้ำพักน้ำแรง แม่อยากเก็บเอาไว้ อย่างน้อยก็ยังรู้สึกเหมือนพ่ออยู่กับเราตลอดเวลา

ส่วนรถอีกคันเป็นรถของป้าครับ เป็นรถครอบครัวธรรมดาๆแบบสี่ที่นั่ง คันนั้นก็เอาไว้ใช้เวลาที่เดินทางใกล้ๆไม่ต้องขนของหรือบรรทุกหนัก


พอกลับมาถึงบ้าน ผมก็ให้แม่และป้าไปอาบน้ำพักผ่อน ที่เหลือผมจะจัดการให้เอง หลังจากนั้นผมก็มาล้างถาด ล้างภาชนะและจัดเก็บข้าวของต่างๆ

หลังจากเก็บล้างเรียบร้อยจนหมด ผมก็เดินสำรวจประตูหน้าต่างในบ้าน ก่อนที่จะขึ้นห้องมาอาบน้ำ

พออาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ผมก็มานอนเล่นมือถืออยู่บนเตียง เข้าไปส่องเฟสพี่เติมเต็ม เห็นสเตตัสล่าสุดของพี่เติมเต็มเพิ่งโพสเมื่อประมาณหนึ่งชั่วโมงที่แล้ว



Teimtem Paisanworrakit :
                           เหนื่อยมั้ย สิ่งที่เธอทำอยู่
Likes 425 Comments 63


ผมเลื่อนอ่านตรงความคิดเห็น


Thorn Saharit : ......

Touchpol Suppamongkol : คือ .. ?

Techin Prompattana : @Teimtem Paisanworrakit @Thorn Saharit อ่านและตอบไลน์กลุ่มด้วยเว้ย

อิงค์ อิงวาด : อารมณ์ไหน?

Thorn Saharit : @Techin Prompattana แป๊ป

Touchpol Suppamongkol : อยู่ด้วยกันป่ะ @Teimtem Paisanworrakit @Thorn Saharit

Thorn Saharit : แยกกันแล้ว แค่นี้ก่อน ค่อยคุย @Techin Prompattana @Touchpol Suppamongkol





ผมอ่านทุกความคิดเห็นใต้โพสของพี่เติมเต็ม ส่วนใหญ่จะเป็นของเพื่อนในกลุ่มที่ตอบกันไปมา แต่ผมก็ยังเดาไม่ออกว่า พี่เติมเต็มเป็นอะไร


ถ้าผมจำไม่ผิดนะครับ พี่เติมเต็มไม่เคยโพสอะไรแบบนี้เลย แบบที่แสดงความรู้สึก ..


ปกติจะชอบโพสบ่นเพื่อนบ้าง บ่นอาจารย์บ้าง บ่นเรื่องอากาศบ้าง เรื่อยเปื่อย


ผมอยากทักไปถามพี่เขาว่าเป็นอะไรหรือเปล่า ผมเปิดแอพไลน์ และเปิดหน้าห้องแชทของพี่เติมเต็มค้างไว้



ผมกำลังคิดว่าจะพิมพ์ไปถามดีมั้ย แต่แชทฝั่งซ้ายมันมีข้อความปรากฎขึ้นมาก่อน




teimtem : คนเก่ง นอนยัง




ผมอ่านข้อความนั้นด้วยความตกใจ พี่เติมเต็มทักมาหาผม คราวนี้ไม่ผิดแน่นอน เพราะมีชื่อผมด้วย


teimtem : อ่านเร็วแบบนี้
teimtem : แสดงว่ายังไม่นอน


พี่เติมเต็มส่งข้อความมาอีก


จะกล้าบอกได้ไงว่ากำลังจะพิมพ์หา


teimtem : อ่านไม่ตอบว่ะ
konkengg : ตอบครับๆ
teimtem : ช้า
konkengg : ก็มัวแต่ตกใจที่พี่เต็มทักมา
teimtem : แปลกใจมาก?
konkengg : ครับ
teimtem : ....


พี่เติมเต็มเป็นอะไรหรือเปล่านะ
แล้วพิมพ์ .... มานี่คืออะไร


ผมกำลังจะพิมพ์กลับไปแต่พี่เติมเต็มพิมพ์มาก่อน



teimtem : อยู่หน้าบ้านลงมาหน่อย



หา!!
ผมอ่านข้อความนั่นอีกรอบ



konkengg : บ้านผมเหรอ
teimtem : ให้ไว



ผมรีบเดินไปตรงระเบียงห้อง เปิดผ้าม่านดูก็เห็นรถพี่เติมเต็มจอดอยู่จริงๆ

ผมมองดูเวลาบนมือถือตอนนี้ห้าทุ่มแล้ว พี่เติมเต็มไม่เคยมาหาผมที่บ้านมาก่อน พอมาหาก็มาตอนห้าทุ่ม



มันเกิดอะไรขึ้น?!




ผมรีบลงไปหาพี่เติมเต็ม พอเปิดประตูรั้วออกไป ผมเดินไปยืนด้านข้างประตูฝั่งคนขับ พี่เติมเต็มลดกระจกลงมาแล้วก็บอกผมว่า

"ดึกแล้วออกไปข้างนอกได้มั้ย"

ผมคิดทบทวนคำพูดพี่เติมเต็ม หมายถึงให้ผมออกไปข้างนอกกับพี่เขาใช่มั้ย

"ได้ครับ"

"ต้องบอกคนที่บ้านหรือเปล่า"

"แม่กับป้า น่าจะนอนหลับแล้วครับ แต่เดี๋ยวผมไลน์บอกได้"

พี่เติมเต็มพยักหน้าแล้วบอกให้ผมขึ้นรถ ผมเลยขอตัวเข้าไปล็อคบ้านและเอากุญแจบ้านมาก่อน



พอขึ้นรถพี่เติมเต็มมา พี่เขาก็ออกรถทันที ผมเห็นพี่เติมเต็มเงียบผมก็เลยเงียบด้วย ระหว่างนั้นผมก็หยิบมือถือมาส่งข้อความ เข้าที่กลุ่มไลน์ครอบครัว


konkengg : เก่งขออนุญาตออกมาข้างนอกนะครับ


ข้อความของผมขึ้นว่ามีคนอ่านแล้ว แต่ผมไม่ทราบว่าเป็นแม่หรือป้า


rungthiwa : ป้าได้ยินเสียงรถ ใครมาหา


ที่แท้ก็ป้านี่เอง

ผมหันไปมองพี่เติมเต็มนิดหน่อย


konkengg : พี่เต็มครับ


ป้าส่งสติกเกอร์ รูปหมีบราวน์แปลกใจมาให้


rungthiwa : รู้ใช่มั้ยว่ากลับมาต้องเตรียมตอบคำถาม

konkengg : ครับ ทราบครับ

rungthiwa : จะกลับเช้าก็ได้นะ ป้ากับแม่ไม่ว่า

konkengg : กลับเช้าอะไรละครับ

ผมตอบป้ากลับไป แล้วก็รู้สึกเขินกับคำพูดของป้าที่บอกว่าให้กลับเช้า



"บอกที่บ้านแล้วใช่มั้ย" พี่เติมเต็มถาม

"ครับ บอกแล้ว" ผมตอบโดยไม่ได้หันไปมองหน้าพี่เติมเต็ม



ในรถเงียบมากเลยครับ เพลงก็ไม่ได้เปิด แล้วผมก็ไม่กล้าชวนคุยด้วย พอมานั่งคิดๆดูผมไม่เคยอยู่ด้วยกันกับพี่เติมเต็มสองต่อสองแบบนี้มาก่อนเลย

อดตื่นเต้นไม่ได้จริงๆ


"หิวมั้ย" พี่เติมเต็มถาม

"ไม่ครับ ดึกแล้วด้วย ผมไม่กินมื้อดึก" ผมตอบ พี่เติมเต็มหันมามองผมเล็กน้อย

"แต่พี่หิว ไปหาอะไรกินแถวสถานีรถไฟกัน" พี่เติมเต็มบอก ก่อนจะขับรถไปตลาดนัดโต้รุ่งที่อยู่แถวสถานีรถไฟ


พอหาที่จอดรถได้ พี่เติมเต็มก็เดินนำผมมาที่รถเข็นขายบะหมี่เกี๊ยว หลังจากหาที่นั่งกันได้แล้ว พี่เติมเต็มก็ถามผม


"เอาอะไร"

"พี่เต็มสั่งเลยครับ ผมไม่หิว" ผมตอบออกไป แต่จากใจคือตอนแรกผมก็ไม่หิวนะครับ แต่พอมาได้กลิ่นหอมๆของน้ำซุป กลิ่นกระเทียมเจียว ท้องผมมันก็เริ่มไม่รักดี


"สั่ง" พี่เติมเต็มพูดและส่งสายตากดดันมาให้ผม

"เอาบะหมี่เกี๊ยวโฟต้มยำครับ" สุดท้ายผมก็ต้องสั่งเพราะถูกกดดัน? (เหรอ)

"ก็แค่นั้น" พี่เติมเต็มพูดเสร็จก็เดินไปสั่งกับคนขาย


ผมหันไปมองร้านน้ำปั่นที่อยู่ไม่ไกล ก็เลยคิดว่าจะเดินไปสั่งน้ำ พี่เติมเต็มเดินกลับมาที่โต๊ะพอดี

"ผมเดินไปสั่งน้ำนะ พี่เต็มเอาน้ำอะไรครับ"

"สั่งมาเถอะอะไรก็ได้"



พอเดินไปสั่งน้ำเสร็จผมก็เดินกลับมาที่โต๊ะ ระหว่างที่รอบะหมี่และน้ำปั่น พี่เติมเต็มก็ไม่ได้พูดอะไร ผมมองหน้าพี่เติมเต็ม สีหน้าพี่เขาเหมือนมีเรื่องอะไรแน่ๆครับ


สักพักเสียงมือถือของพี่เติมเต็มดังขึ้น


"อืม"

"อยู่ด้วยกัน"

"ยัง"

"กำลังจะคุย"

"อืม"

"กูรู้"

"เออ แค่นี้"



พี่เติมเต็มกดวางมือถือ และเงยหน้าขึ้นมามองหน้าผมกะทันหัน จนผมหลบสายตาไม่ทัน

"เดี๋ยวค่อยคุย ขอกินก่อน"

พี่เติมเต็มบอกผม ผมก็ได้แต่พยักหน้าตอบรับไป


ผมไม่รู้ว่าพี่เติมเต็มคุยกับใคร แต่ผมรู้ว่าที่คุยกันต้องเกี่ยวกับผมแน่เลย


จากบทสนทนา แสดงว่าพี่เติมเต็มมีเรื่องที่จะคุยกับผมนะสิ


ยิ่งรอนานเท่าไหร่ มันก็ยิ่งตื่นเต้น
เพราะผมไม่รู้ว่าเรื่องที่พี่เติมเต็มจะคุยด้วยคือเรื่องอะไร

แต่...ระหว่างผมกับพี่เติมเต็ม มันจะไปมีเรื่องอะไรได้ มันก็คงมีแค่เรื่องเดียวที่เราเกี่ยวข้องกันอยู่


เป็นไปได้มั้ยว่า...จะหมดเวลาของผมแล้ว







TBC.

#เติมเต็มรัก
ninewara✿

◕ เรื่องนี้จะเล่าเรื่องผ่านตัวหลักทั้งพระเอกและนายเอก เพราะอยากให้เห็นความคิดของตัวละครทั้งคู่ คงจะไม่งงกันนะคะ

◕ ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านค่าาาาาา ><





หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 6] 12/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 12-04-2019 07:28:03
 :L2: :pig4:

ลุ้นๆ o22

ขอบคุณมาก มารออ่านทุกเช้าเลย
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 6] 12/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 12-04-2019 07:38:21
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 6] 12/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 12-04-2019 09:57:36
ลุ้นๆ พี่เติมเต็มจะว่าไง
หมดก็ตัดมันไปจากใจครับน้องคนเก่ง
+1 ขอบคุณ
 :mew3:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 6] 12/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 12-04-2019 23:02:52
……


ไม่นะ เราไม่เชื่อว่าพี่เติมเต็มจะมาตัดเวลาน้องคนเก่งออกไปแบบนั้น

เราเป็นกำลังใจให้น้องคนเก่ง ติดตามและหวังดีตลอดไปนะ

พี่เติมเต็มต้องมีใจกับน้องแน่นอน

ตามคำพังเพยนี้เลย…

น้ำหยดลงหิน ทุกวันหินมันยังกร่อน

……


 :ruready  :hao3:  :hao4:  :ruready  :hao3:  :hao4:


……
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 7] 13/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ninewara ที่ 13-04-2019 10:49:10
✿เติมเต็มรัก✿ ครั้งที่ 7


[เติมเต็ม part]





คนเก่งนั่งอยู่ตรงข้ามผมครับ สีหน้าของน้องมันแสดงออกอย่างชัดเจนเลยว่า...กังวลใจ

บะหมี่ที่ผมสั่งและน้ำปั่นที่คนเก่งสั่งมาแล้วครับ

คนเก่งสั่งน้ำสับปะรดปั่นมาให้ผม ไม่รู้ว่ามันจำได้ว่าผมชอบ หรือว่ามันสั่งไปอย่างนั้นเอง


"กินได้แล้ว" คนเก่งนั่งมองชามบะหมี่ โดยยังไม่แตะต้องเลยสักคำ

"ผมกินไม่ลง พี่เต็มคุยเลยก็ได้นะครับ" คนเก่งมันบอกด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยดี

"คิดว่าพี่จะคุยอะไรด้วย ทำไมทำท่าคิดมาก" ผมอยากรู้ว่าคนเก่งมันกำลังคิดอะไร

"ก็....มันก็ต้องสำคัญไม่งั้นพี่เต็มจะมาหาผมเหรอ" คนเก่งตอบและเริ่มปรุงบะหมี่ของตัวเอง

"พี่หิวมาก กินก่อนเถอะ เผื่อคุยกันยาว" ผมบอกเสร็จผมก็ลงมือทานในส่วนของผม

ส่วนคนเก่งก็ลงมือทานบะหมี่ของตัวเองเช่นกัน

ใช้เวลาไม่นานกับมื้อดึกครับ ผมนั่งรอจนคนเก่งมันทานเสร็จ จึงเดินไปจ่ายเงิน


ผมเดินมาที่รถหันไปมองคนเก่งที่ยังนั่งอยู่ที่ร้านบะหมี่ คนเก่งเองก็มองมาทางผมอยู่แล้ว ผมพยักหน้าให้คนเก่งเดินมาหาผม คนเก่งเดินตามผมมาที่รถ สีหน้าแววตามีความไม่สบายใจ




พอขึ้นมาบนรถเรียบร้อย ผมติดเครื่องไว้แต่ยังไม่ได้ออกรถ และเหมือนคนเก่งมันทนไม่ไหว

"พี่เต็มจะคุยอะไรกับผมเหรอครับ" คนเก่งที่นั่งอยู่เบาะข้างคนขับ หันมาหาผมแบบทั้งตัว

"จะคุยที่นี่เหรอ" ผมถาม

"ที่ไหนก็ได้ครับ ที่นี่เลยก็ได้" คนเก่งตอบ

"ใจร้อนว่ะ" ผมบอก

"ผมว่าพูดที่ไหนก็เหมือนกัน" คนเก่งมันพูดออกมาเสียงเบา

คนเก่งมันพูดเหมือนรู้ว่าผมจะคุยเรื่องอะไร

"รู้เหรอว่าพี่จะคุยเรื่องอะไร"

"ไม่ทราบครับ แต่ก็ไม่น่าจะเดายาก"

"ไหนลองเดามาสิ ว่าเรื่องอะไร"

"พี่เต็มพูดมาเถอะครับ" เสียงคนเก่งมันฟังดูเหนื่อยล้ามากๆ




ผมมองดูนาฬิกาตอนนี้เลยเที่ยงคืนมาเล็กน้อย ตอนที่ผมไปรับคนเก่งผมลืมเรื่องเวลาไปเลย ดึกขนาดนี้สถานที่ที่เหมาะที่จะไปนั่งคุยกันมากที่สุดก็น่าจะเป็นที่บ้านผม


ผมบอกให้คนเก่งหันไปนั่งดีๆ ก่อนที่จะขับรถออกไป


ตอนที่ผมขับรถมาถึงหน้าบ้าน คนเก่งมันหันมามองผมด้วยความตกใจ

"บ้านพี่เต็มนี่ครับ" คนเก่งถามผม

"อืม คุยกันที่นี่แหละ"



ผมจอดรถเรียบร้อยและบอกให้คนเก่งลงจากรถ โดยผมเดินลงจากรถมาก่อน คนเก่งก็เดินตามผมมา ผมเปิดประตูบ้านเข้าไปแล้วเดินนำคนเก่งไปที่ห้องสตูดิโอ (เรียกตามพี่ชายครับ)

ห้องนี้เป็นห้องที่พี่ชายผมทำเอาไว้ดูหนัง ฟังเพลง ร้องคาราโอเกะและสังสรรค์เวลาเพื่อนพี่ชายมาที่บ้าน


"นั่งรอตรงนี้ก่อน" หลังจากที่เปิดไฟในห้อง ผมก็บอกคนเก่งนั่งลงตรงโซฟาที่อยู่กลางห้อง คนเก่งมีท่าทีตื่นเต้นอย่างชัดเจน น้องมันมองไปรอบๆห้องด้วยความสนใจ

.
.


เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อประมาณสี่ชั่วโมงที่แล้ว ทำให้คืนนี้ผมต้องคุยกับคนเก่ง


.
.
.




ย้อนกลับไปเมื่อช่วงเย็น

ผมมาเจอไอ้ธรณ์และพวกเด็กรุ่นน้องที่เคยอยู่โีรงเรียนเดียวกัน และเมื่อก่อนเคยเล่นบาสด้วยกันบ่อยๆ  แต่หลังจากผมเข้าเรียนมหาวิทยาลัยก็ไม่ได้เจอน้องๆกลุ่มนี้เลย

หลังจากที่เล่นบาสกันเสร็จ ก็มานั่งพักเหนื่อยและนั่งคุยกันอยู่ที่บ้านของรุ่นน้องที่ชื่อไอ้โจ้ บ้านของไอ้โจ้มันขายพวกของชำแต่หลังหกโมงเย็นร้านมันจะแปรสภาพเป็นร้านขายเบียร์วุ้น และบ้านมันอยู่ติดกับโรงเรียนเก่าที่พวกผมเคยเรียน ก็เลยเป็นสถานที่ที่สะดวกที่จะนั่งคุยกัน (พวกผมมาเล่นบาสกันที่สนามโรงเรียนเก่า)

กลุ่มของไอ้โจ้ ที่ผมเห็นหน้าบ่อยๆมีอยู่ประมาณห้าหกคน พวกมันเคยบอกผมว่ามันยกให้ผมเป็นฮีโร่ของพวกมัน เพราะตอนที่พวกมันอยู่มอสอง พวกมันไปมีเรื่องเข้าใจผิดกันกับนักเรียนโรงเรียนอื่น แล้วผมไปเคลียร์ให้

แต่จะบอกว่าเคลียร์ก็ไม่ถึงขั้นนั้น ด้วยความที่ผมทำกิจกรรมทั้งในและนอกโรงเรียนบ่อย ทำให้ผมมีโอกาสรู้จักนักเรียนโรงเรียนอื่นเยอะ นักเรียนที่พวกไอ้โจ้มีปัญหาด้วย เป็นคนที่ผมรู้จักก็เลยคุยให้เข้าใจกัน เรื่องจบลงด้วยดี


พวกผมนั่งคุยกันเรื่อยเปื่อย ถามไถ่กันเรื่องต่างๆและนั่งดื่มเบียร์กันไปด้วย ตอนนี้เวลายังไม่ดึกมากเพิ่งจะสองทุ่ม ดูท่าอาจจะนั่งยาวครับคืนนี้



ไอ้โจ้กับเพื่อนมันคุยกันหลายเรื่อง จนมาถึงเรื่องนี้

"เออ พวกมึงยังจำไอ้อ้วนที่อยู่ห้องแปดได้เปล่าวะ" ไอ้โจ้ถามพวกเพื่อนๆมัน

"ไอ้เด็กใหม่ที่ย้ายมาแล้วมาตามตื้อเฮียเต็มอะนะ" เสียงเพื่อนของไอ้โจ้คนหนึ่งพูดขึ้น ผมจะไม่สนใจบทสนทนาของพวกมันเลย ถ้ามันไม่เกี่ยวกับผม



ไอ้อ้วนห้องแปด
เด็กใหม่
ตามตื้อผม



พวกมันกำลังหมายถึงคนเก่งหรือเปล่าวะ

ไอ้ธรณ์มันสบตากับผมโดยอัตโนมัติ มันคงกำลังคิดเหมือนผม


"เออ ไอ้นั่นแหละ" ไอ้โจ้ตอบ

"ผ่านไปตั้งหลายปี ยังเสือกจำมันได้อีก" เพื่อนไอ้โจ้อีกคนมันพูดขึ้น

"ที่กูพูดถึงมันเพราะกูจะเอาความดีความชอบจากเฮียเต็มเว้ย" ไอ้โจ้มันพูด

"อะไรยังไงวะไอ้โจ้" ไอ้ธรณ์มันเป็นคนถาม

"คืองี้เฮีย ... " ไอ้โจ้มันขยับมาใกล้ไอ้ธรณ์ ท่าทางมันคืออยากเล่าเต็มที่

"เรื่องมันผ่านมาหลายปีแล้ว ผมไม่แน่ใจว่าเฮียยังจำไอ้อ้วนนั่นได้มั้ย ไอ้อ้วนที่มันชอบเฮียอะ" ไอ้โจ้มันถามผม ผมรู้สึกอยากจะต่อยปากไอ้โจ้ ที่มันมาเรียกคนเก่งแบบนี้ แต่ผมยังอยากรู้ว่าไอ้โจ้มันไปทำอะไรเอาไว้

"อืม จำได้" ผมตอบ

"กูว่าเป็นใครก็ต้องจำได้เปล่าวะ ถือเป็นจุดด่างในชีวิตเลยนะเว้ย" เพื่อนไอ้โจ้พูดเสริมขึ้นมา ผมตวัดสายตาไปมองมันด้วยความไม่พอใจ

ไอ้พวกเวรนี้ มันเห็นคนเก่งเป็นอะไรวะ


ไอ้ธรณ์ส่งสายตามาหาผม เหมือนจะบอกให้ผมใจเย็น แต่แววตามันก็ดูจะไม่พอใจอยู่เหมือนกันกับผม

"เล่าต่อไอ้โจ้" ไอ้ธรณ์มันบอกไอ้โจ้


"คืองี้เฮีย ไอ้อ้วนมันเป็นเด็กใหม่ย้ายมาตอนมอสามอยู่ห้องแปด แล้วพวกผมอยู่ห้องถัดจากมัน พวกผมเคยได้ยินมันพูดถึงเฮียกับไอ้หัวหน้าห้องแปดบ่อยๆ หัวหน้าห้องมันชื่ออะไรวะมึงชื่อเหมือนของกิน"


"ฟูจิ" เพื่อนไอ้โจ้มันตอบ


"เออ ไอ้ฟูจิ ตอนแรกพวกผมก็ยังไม่ได้อะไรกับไอ้อ้วนมันหรอกเฮีย จนมีช่วงหนึ่งที่ผมเห็นมันอยู่กับเฮียบ่อยๆ พวกผมก็เลยคิดว่าจะไปตักเตือนมันสักหน่อย แต่มันยังไม่มีสาเหตุอะไรที่พวกผมจะไปหาเรื่องมันไง พวกผมเลยคิดกันว่า ถ้ามันล้ำเส้นเฮียมากเกินไปเมื่อไหร่ พวกผมก็จะเข้าไปจัดการ" ไอ้โจ้มันหยุดเล่า ยกเบียร์ขึ้นดื่ม ก่อนจะเล่าต่อ


"จนวันนั้นพวกผมได้ยินเฮียคุยกับไอ้อ้วนตรงหลังตึกวิทยาศาสตร์ พวกผมก็เลยจัดการ"

"คุยว่าอะไรวะ" ไอ้ธรณ์ถามแทรกขึ้น


"ผมจำคำพูดทั้งหมดไม่ได้แล้วนะเฮียธรณ์ แต่เฮียเต็มพูดกับไอ้อ้วนประมาณว่า ไม่อยากให้มันมากินข้าวด้วยอีก ไม่ต้องมารอ ใช่มั้ยพวกมึง" ไอ้โจ้หันไปถามเพื่อนมัน ทุกคนก็พยักหน้าเออออเห็นด้วย


"พวกผมรู้เลยว่ามันต้องล้ำเส้นเฮียแน่นอน พวกผมก็เลยต้องสั่งสอนไอ้อ้วนนั่นสักหน่อย"

"สั่งสอนยังไงวะ" ผมกำลังจะถามแต่ไอ้ธรณ์มันไวกว่าผม ในใจผมวิตกขึ้นมาทันที



สั่งสอน คือพวกมันทำร้ายร่างกายคนเก่งหรือเปล่าวะ



"ผมถามเฮียเต็มก่อน หลังจากนั้นไอ้อ้วนมันก็ไม่มายุ่งกับเฮียเลยใช่มั้ย"



ผมคิดตามสิ่งที่ไอ้โจ้มันถาม ซึ่งมันก็จริงหลังจากวันนั้นคนเก่งไม่มารอทานข้าวกลางวันกับผมอีกเลย ไม่ถึงกับเลิกยุ่งเพราะคนเก่งยังส่งการ์ดให้ผมสม่ำเสมอ แต่เข้าหาผมมาเจอผมน้อยลง



คนเก่งเริ่มมาเจอผมมากขึ้น หลังจากที่คนเก่งเข้ามาเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว


"แล้วไงต่อ" ผมไม่ตอบคำถามไอ้โจ้ ผมอยากให้มันเล่าต่อ


"หลังจากเฮียคุยกับมันเสร็จ เฮียเดินแยกไป มันก็เดินไปทางสระว่ายน้ำ พวกผมก็เลยเดินตามมันไป มันหันมาเจอพวกผม มันจำพวกผมได้ว่าเคยเล่นบาสกับพวกเฮียบ่อยๆ ผมก็เลยบอกมันว่า ให้มันเลิกยุ่งกับเฮียซะ ตัวมันอ้วนก็อ้วน เตี้ยก็เตี้ย หน้าก็สิวเขอะ ยังไงเฮียก็ไม่มีทางชอบมันหรอก แต่มันไม่ยอมเฮีย มันบอกว่ามันแค่ชอบเฮียเท่านั้น ไม่ได้อยากให้เฮียมาชอบมันตอบ ผมก็บอกมันไปว่าเฮียโคตรรำคาญมันเลย แต่เฮียเป็นคนดี เห็นว่าเป็นรุ่นน้องในโรงเรียนเดียวกัน เฮียก็เลยไม่พูดทำร้ายจิตใจ มันถามว่าเฮียพูดแบบนั้นจริงเหรอ พวกผมก็ช่วยกันยืนยันว่าเฮียพูดจริง"



ผมไม่รู้ตัวเลยว่าผมนั่งกำหมัดแน่นมาตั้งแต่ตอนที่ไอ้โจ้มันพูดประโยคไหน


"เหี้ยมาก" เสียงไอ้ธรณ์ครับแต่พวกไอ้โจ้ไม่ได้สนใจ

"ยังมีต่ออีกนะเฮีย" เพื่อนไอ้โจ้อีกคนหนึ่งพูดขึ้นมา

"ว่ามา เล่ามาให้หมดวันนี้เลย" ผมพูดเสียงแข็งเลยครับ ผมรู้ตัว แต่พวกไอ้โจ้ไม่ได้สนใจ

"พวกผมยังเห็นมันไปวุ่นวายกับเฮียอยู่ มันไม่ได้หายไป พวกผมก็เลยแกล้งมันเล็กๆน้อยๆ"

"เช่น" ผมถาม


"ยกตัวอย่างนะเฮีย มันไปส่งการบ้านที่โต๊ะครู พอมันเดินออกจากห้องพักครูไป พวกผมก็จะเอาสมุดที่เป็นชื่อมันเอาไปทิ้ง มันโดนครูทำโทษบ่อยมาก มันต้องทำการบ้านส่งใหม่เป็นประจำ ถ้าทำทันมันก็ได้ส่ง ถ้าไม่ทันบางวิชาครูก็ไม่ให้มันเข้าเรียน ตอนมันเข้าห้องน้ำอยู่พวกผมยังเคยปีนไปเทน้ำใส่มันเลยเฮีย มันเปียกตั้งแต่หัวจรดเท้า โคตรฮา" แล้วพวกมันก็นั่งชนแก้วหัวเราะกันทั้งกลุ่ม



ผมพูดไม่ออก ผมอธิบายความรู้สึกของผมออกมาไม่ได้


"พวกมึงก็หัวเราะมีความสุขกันเนอะ ทั้งๆที่พวกมึงทำคนอื่นเขาเดือดร้อน" ไอ้ธรณ์พูดขึ้น


"นี่มันแค่ส่วนหนึ่งนะเฮีย มันไม่ดูตัวเองเลย มันอ้วนมันขี้เหร่ มันเป็นผู้ชาย มันไม่เหมาะกับเฮียเต็มเลย  ฮีโร่ของพวกผมต้องได้แฟนที่ดีกว่านี้ และถ้าเฮียจะมีแฟนเป็นผู้ชาย แฟนเฮียก็ต้องเจ๋งกว่านี้"


"ถ้าพวกผมไม่ไปเรียนต่อที่อื่นนะเฮีย ถ้ายังเรียนต่อที่เดิม รับรองสนุกกว่านี้ มันอยากมายุ่งกับเฮียดีนัก"


ไอ้โจ้กับเพื่อนมัน ช่วยกันเล่าเหมือนเป็นเรื่องตลก

"แต่มันมีอีกเรื่องหนึ่งเฮีย อันนี้เด็ด" ไอ้โจ้เอ่ยขึ้นมา

"เรื่องเหี้ยๆของพวกมึงยังไม่หมดอีกเหรอวะ" ไอ้ธรณ์ถาม

พวกไอ้โจ้มันหัวเราะชอบใจ ก่อนที่จะเล่าต่อ



"ห้องผมเคยเรียนพละต่อจากห้องมันไง พวกผมกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ ไอ้อ้วนมันดันเดินเข้ามาบอกว่าลืมของไว้ พวกผมก็เลยถามมันว่าลืมของหรืออยากมาดูผู้ชายแก้ผ้ากันแน่ มันเดินมาหยิบของมันเสร็จมันก็รีบวิ่งออกไปแต่พวกผมไปดึงแขนมันกลับเข้ามาในห้อง พวกผมก็บอกคนอื่นในห้องว่าไอ้อ้วนเนี่ยมันชอบเฮียเต็ม หลายคนก็เลยมาแกล้งมันด้วย"


"พวกผมจับมันแก้ผ้าอะเฮีย" เพื่อนไอ้โจ้พูดขึ้น


"ไอ้พวกเหี้ย!!" ผมพูดพร้อมกับขว้างแก้วเบียร์ที่ดื่มอยู่ลงพื้น ผมทนฟังต่อไปไม่ไหว




บรรยากาศรอบตัวผมเงียบสนิท พวกไอ้โจ้นั่งหน้าเหวอ และไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมา



"กูกลับล่ะ" ผมเดินออกมาขึ้นรถที่จอดไว้บริเวณหน้าโรงเรียน


ผมนั่งอยู่ในรถ ใบหน้าของคนเก่ง คำพูด รอยยิ้ม สายตาเศร้าๆ มันอยู่ในสมองผมเต็มไปหมด


ผมเอื้อมมือไปเปิดช่องเก็บของหน้ารถ มันมีการ์ดที่คนเก่งให้ผมอยู่จำนวนหนึ่ง ที่ผมยังไม่ได้เอาไปเก็บไว้ในตู้ที่บ้าน ผมหยิบออกมาหลายใบ




"To...พี่เติมเต็ม

         วันนี้ฝนตกอีกแล้ว ไม่รู้ตอนนี้เป็นฤดูอะไรกันแน่ รักษาสุขภาพด้วยนะครับ

                          เทคแคร์ครับ
                               คนเก่ง
                          09/xx/20xx"






"To...พี่เติมเต็ม
          เมื่อวานผมเห็นท่าทางพี่เหนื่อยๆ ดูไม่ค่อยดีเลย ไม่สบายหรือเปล่าครับ ผมเป็นห่วงพี่นะ
                           เทคแคร์ครับ
                                คนเก่ง
                           04/xx/20xx"





"To...พี่เติมเต็ม
            เจอพี่เติมเต็มที่บีทูเอสด้วย แต่เห็นพี่อยู่กับเพื่อนเยอะก็เลยไม่กล้าเข้าไปทัก
                           เทคแคร์ครับ
                                คนเก่ง
                           12/xx/20xx

ปล : ฟูจิบอกว่าขนมอันนี้อร่อยมาก ผมเลยอยากให้พี่ลองทานดู"






"To...พี่เติมเต็ม
         วันนี้ไม่ได้มีขนมอะไรมาให้นะครับ มีแค่ความคิดถึง (เลี่ยนเนอะ)
                              เทคแคร์ครับ
                                  คนเก่ง
                              20/xx/20xx"





ผมนั่งอ่านการ์ดหลายใบที่อยู่ในมือ ด้วยใจที่มันหน่วง ผมไม่รู้และไม่เคยรู้เลยว่า ที่ผ่านมาคนเก่งมันต้องเจอกับอะไรมาบ้าง


นอกจากพวกไอ้โจ้แล้ว ผมก็ไม่รู้ว่าจะมีคนอื่นที่ทำแบบนั้น กลั่นแกล้งมันแบบนั้นอีกมั้ย


คนเก่งไม่เคยเล่าอะไรให้ผมฟัง ยังยิ้มทุกครั้งที่เจอผม ยังมีการ์ดมาให้ผมถึงแม้ไม่ได้เอามาให้เอง


พอมาคิดย้อนถึงเมื่อก่อน มันไม่ใช่คนเก่งหรอกที่ไม่เคยเล่า แต่มันเป็นตัวผมเองที่ไม่เคยเปิดโอกาสให้มันเข้ามา ผมเป็นคนที่ทำให้คนเก่งมันไม่กล้าเข้ามามากเกินไป


ถ้าพวกไอ้โจ้มันเหี้ย ผมก็อาจจะยิ่งกว่าพวกมัน เพราะสาเหตุมันมาจากตัวผม



"แม่งเอ้ย!!" ผมทุบกำปั้นลงไปที่พวงมาลัยรถด้วยความโมโห เมื่อนึกถึงคำพูดของพวกไอ้โจ้ที่บอกว่า



'พวกผมจับมันแก้ผ้า'





เสียงมือถือของผมดังขึ้น ไอ้ธรณ์ครับ

"อืม"

(กูเห็นรถมึงยังจอดอยู่)

"อืม กูอยู่ในรถ"

(โอเคมั้ยมึง)

"......"

(กูออกมาจากไอ้พวกนั้นแล้ว)

"อืม"

(มึง เรื่องที่พวกมันบอกว่าแก้ผ้า...)

"กูไม่อยากฟัง"

(พวกมันยังไม่ได้ทำอะไร)

"อะไรนะ"

(ครูที่สอนพละเข้ามาเจอก่อน มันบอกถอดได้แค่เสื้อ กำลังจะถอดกางเกง....)

"พอเถอะ กูไม่อยากฟังวะ"

(แล้วมึงจะไปไหนต่อ)

"กลับบ้าน"

(โอเคมึง ค่อยคุยกัน)

ผมวางสายจากไอ้ธรณ์ แล้วขับรถตรงกลับบ้านทันที




(มีต่อค่ะ)
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 6] 12/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ninewara ที่ 13-04-2019 10:54:33
(ต่อค่ะ)


ผมเจอป๊ากับม๊านั่งดูโทรทัศน์อยู่ในห้องนังเล่น

"สวัสดีครับป๊า" ผมยกมือไหว้ป๊า

"ไหนม๊าบอกว่ากลับดึก"

"แค่ไปนั่งคุยกับพวกรุ่นน้องครับป๊า"

ผมนั่งคุยกับป๊าม๊าสักพักผมก็ขอตัวขึ้นห้อง แต่พอผมเดินมาถึงบันไดที่จะเดินขึ้นชั้นบน ผมก็เปลี่ยนใจ เดินกลับมาหาป๊ากับม๊าอีกครั้ง

"มีอะไรหรือเปล่า" ม๊าถามผม

"ผมมีเรื่องอยากจะขอคำปรึกษาครับ"

ป๊ามองผมด้วยความแปลกใจเพราะปกติผมไม่มีเรื่องอะไรที่จะต้องมาปรึกษา

"ผมอยากปรึกษาเรื่องคนเก่งครับ" ม๊ารู้เรื่องคนเก่งอยู่แล้วแต่ผมไม่แน่ใจว่าป๊ารู้เรื่องนี้หรือเปล่า

"ทำเอาม๊าแปลกใจเลยนะนี่ ที่มาปรึกษาเรื่องคนเก่ง ทำไมเหรอลูกเกิดอะไรขึ้น" ม๊าถาม

"ผมเพิ่งรู้ว่าเมื่อหลายปีก่อนคนเก่งโดนกลั่นแกล้งเพราะว่ามาชอบผม"

"กลั่นแกล้งยังไง" ป๊าเป็นคนถามครับ ถ้าให้ผมเดา ป๊าน่าจะรู้เรื่องคนเก่งแล้ว

"เอาสมุดการบ้านไปทำลายจนโดนครูทำโทษ โดนเอาน้ำสาดจนเปียกทั้งตัว และ ... อีกหลายอย่างครับ" ผมเว้นไม่พูดเรื่องที่โดนจับแก้ผ้า เพราะพอนึกขึ้นมาผมโคตรรู้สึกแย่

"ตายจริง ทำไมถึงได้ทำกันขนาดนี้" ม๊ามีสีหน้าตกใจมากๆ

"เดี๋ยวผมเล่าให้ฟังทีหลังนะครับ แต่ผมอยากขอคำปรึกษาจากม๊า แล้วก็ป๊าก่อน"

"ว่ามา" ป๊าครับ

"ผมคิดว่าผมจะไปคุยกับคนเก่งครับ แต่ผมไม่รู้ว่าผมควรจะไปดีมั้ย ควรจะเริ่มพูดยังไงดี แล้วก็..."

"เติมเต็ม"

"ครับม๊า"

"ลูกชายคนนี้ของม๊าเป็นคนที่คิดมากแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่"

"...."

"ม๊าคิดว่าเต็มมีคำตอบอยู่แล้วว่าตัวเองอยากจะทำอะไร แต่เต็มเพียงแค่ต้องการความมั่นใจเท่านั้นเองว่าสิ่งที่ตัวเองคิดจะทำมันถูกต้องมั้ย"

"...."

"ม๊าไม่มีคำตอบให้ แต่หัวใจของเต็มจะให้คำตอบได้ดีที่สุด"

"ม๊าพูดเหมือนผมคิดอะไรกับน้องมันเลย" ผมรีบปฏิเสธ

ม๊ายิ้มออกมาแล้วบอกว่า

"เอาเป็นว่าขึ้นห้องไปอาบน้ำ ปล่อยให้หัวใจและสมองมันโล่ง หลังจากนั้นลองให้หัวใจมันคุยกับสมองดูว่าผลสรุปจะออกมาเป็นยังไง"

"อ่านมาจากนิยายเล่มไหนล่ะคุณ" เสียงป๊าครับ

"คุณนี่ ไม่ขัดได้มั้ย"

ผมมองป๊ากับม๊าหยอกล้อกันเหมือนคู่รักวัยรุ่นแล้วก็อดยิ้มไม่ได้


 


ผมอาบน้ำเรียบร้อย หลังจากปล่อยให้สมองและหัวใจมันคุยกันแบบที่ม๊าแนะนำ ผมคงเป็นอย่างที่ม๊าพูดคือผมมีคำตอบอยู่แล้วว่าผมอยากทำอย่างไร แต่แค่ต้องการความมั่นใจ



ผมกำลังคิดว่าพรุ่งนี้ผมจะนัดเจอกับคนเก่ง แต่เพราะเห็นแจ้งเตือนในเฟสบุ๊ค


Konkeng Peimthaworn liked your posted


คนเก่งกดไลค์สเตตัสล่าสุดของผมที่โพสไปเมื่อประมาณช่วงสี่ทุ่ม

ผมเลยตัดสินใจว่าผมคงรอถึงพรุ่งนี้ไม่ได้ ต้องคุยคืนนี้เลย






กลับมาสถานการณ์ปัจจุบัน


ผมนั่งลงข้างๆคนเก่ง หลังจากเปิดแอร์และล็อคประตูห้องให้เรียบร้อย ถึงแม้ดึกมากแล้วแต่ผมก็กลัวว่าจะมีคนเข้ามารบกวน

"พี่เต็มพูดได้เลยครับ ผมพร้อมแล้ว" คนเก่งพูดขึ้นมาโดยไม่ได้หันมามองหน้าผม



"เหนื่อยมั้ยกับการชอบพี่"

ผมถามคำถามที่มันตรงใจกับผมมากที่สุดในตอนนี้

คนเก่งหันมาสบตากับผมและผมเห็นน้ำตาที่คลอของคนเก่ง ก่อนที่จะเบือนหน้าหนีผม

พอเห็นคนเก่งเหมือนจะร้องไห้ผมก็รู้สึกไม่กล้าจะพูดต่อ แต่ไม่ว่าอย่างไรผมก็อยากเคลียร์


"คนเก่ง" ผมเรียกเพื่อให้คนเก่งหันมามองผม แต่คนเก่งมันไม่หันมา

"คนเก่งครับ" ได้ผล คนเก่งมันหันมาทันที

"วันนี้พี่จะถือว่าเป็นวันที่เราจะเปิดใจคุยกัน ตกลงมั้ย" คนเก่งนิ่งคิดสักพักก็ตอบรับ

"โอเค งั้นตอบที่พี่ถามไปเมื่อกี้ก่อน เหนื่อยมั้ยกับการชอบพี่"

"ไม่ครับ ไม่เคยเหนื่อยเลย"

"ไม่เบื่อเหรอที่ทำแบบนี้มาตลอดตั้งหลายปี"

"ไม่ครับ ผมมีความสุขที่ได้ทำ"

"ที่ผ่านมาพี่เคยทำอะไรให้เรารู้สึกว่ามีความหวังหรือเปล่า"

ผมเห็นความหวาดหวั่นด้วยแววตาของคนเก่ง

"พี่อยากให้คิดดูดีว่าพี่เคยทำอะไรที่ทำให้เราคิดว่าพี่มีใจมั้ย"

ผมถามย้ำกับคนเก่ง

"ไม่มีครับ ไม่เคยเลย" คนเก่งตอบออกมาเสียงสั่นไหว

"ถึงแม้พี่ไม่มีท่าทีมีใจแต่เราก็ยังชอบพี่เหรอ"

"ครับ"

ผมมองคนเก่งที่ตอนนี้ดูเหมือนว่าน้ำตากำลังจะไหล

"พี่เต็มครับ ผมขอถามอะไรพี่สักหน่อยได้มั้ย"

"ได้"

"พี่ต้องตอบผมตามความจริงนะ"

"ถามมา"

"พี่รำคาญผมมั้ย"


ผมเงียบเพื่อใช้เวลาคิดว่าผมเคยรู้สึกแบบนั้นมั้ย

"แรกๆมันก็มี แต่ถ้าถาม ณ เวลานี้คือไม่"

"....." คนเก่งเงียบ

"คำถามต่อมาล่ะ" ผมถาม

"ไม่มีแล้วครับ"

"แน่ใจ? ดูหน้าเราสิเครื่องหมายเควสชั่นมาร์กเต็มไปหมด"

"แค่นี้ก็พอครับ" ผมรู้ว่าคนเก่งอยากถามอะไรผมหลายอย่างแต่เหมือนน้องมันจะเลือกถามเป็นบางข้อ

"พี่เต็มมีเรื่องคุยกับผมแค่นี้เหรอครับ" คนเก่งถามผม

"วันนี้คุยแค่นี้"

"วันนี้? หมายถึงมีวันอื่นอีกเหรอครับ" คนเก่งทำหน้าแปลกใจ

"ประมาณนั้น"

"ทำไมไม่คุยวันนี้เลยล่ะครับ ไหนบอกจะเคลียร์ไง"

"ใจร้อนตลอด"

"...."

"ตอนแรกก็ตั้งใจจะคุยวันนี้ให้จบ แต่กลัวจะไม่ได้ความจริง" ผมพูดไปตามตรง

"ความจริงจากผมเหรอ ผมก็ตอบความจริงแล้วนะครับ" คนเก่งรีบพูด

ผมเห็นสีหน้าที่ไม่ดีนักของคนเก่ง ผมเลยเอามือไปลูบหัวมันเบาๆไม่อยากให้มันคิดมาก

"อย่าคิดมาก พี่ไม่ได้บอกว่าเราโกหก พี่ว่าเรายังมีเวลาที่จะคุยกันอีกเยอะ"

คนเก่งมองผมตาโต หน้ามันแดงและดูเขินอาย อืมมม...ผมมันนิ่มมากเลยครับ


และมันก็ดู...น่ารัก




เกือบตีสองที่ผมขับรถไปส่งคนเก่งที่บ้าน คืนนี้ผมยังไม่ได้คุยกับคนเก่งเรื่องพวกไอ้โจ้ เพราะระหว่างที่นั่งคุยกันอยู่นั้น ผมมาคิดได้ว่าคนเก่งไม่มีทางที่จะบอกความจริงกับผมแน่ๆ

ผมก็เลยเปลี่ยนแผนใหม่




ผมหยิบมือถือเข้าไปที่แอพไลน์ ในกลุ่มไลน์มีข้อความแชทค้างอยู่ ผมกดเข้าไปดูก็เห็นว่าไอ้ธรณ์มันเล่าเรื่องที่พวกไอ้โจ้เคยทำกับคนเก่งไว้

พวกเพื่อนๆผมหัวร้อนกันมาก ไอ้ชินท์บอกว่าถ้ามันอยู่ด้วยมันจะต่อยพวกไอ้โจ้เรียงตัว ถึงจะไม่เคยรู้จักพวกไอ้โจ้ก็เถอะ

ผมพิมพ์ลงไปในกลุ่ม

teimtem : ธรณ์
teimtem : มึงบอกพวกไอ้โจ้
teimtem : พรุ่งนี้กูจะเลี้ยงเหล้า
teimtem : เจอกันที่ร้าน xxx
teimtem : ตอนสามทุ่ม


ข้อความของผมขึ้นว่าอ่านแล้วสาม แสดงว่าพวกมันยังไม่มีใครนอน มองดูเวลา ตีสองสี่สิบนาทีไอ้พวกมนุษย์ค้างคาว


chin_ : มันทำกับคนเก่งขนาดนั้น
chin_ : จะไปเลี้ยงเหล้าแม่งมันทำไม
thorn : +1 เห็นด้วยกับไอ้ชินท์
teimtem : ทำตามที่กูบอก
thorn : เต็มมึงคุยกับน้องยัง
teimtem : ยังไม่ได้คุยเรื่องไอ้โจ้
touchpol : รออะไรวะ
chin_ : เออ!!ไปรับน้องมันมาดึกๆดื่นๆแต่เสือกไม่พูดอะไร
thorn : ทำอย่างอื่นกันเปล่าวะ
touchpol : น้องนอนกับมึงป่ะ
chin_ : +1 รอฟัง
teimtem : วันไหนนอนจะบอก
teimtem : แต่วันนี้ยัง
teimtem : กูจะนอนแล้ว อย่าลืมนัดพวกไอ้โจ้


ผมออกจากแอพไลน์ วางมือถือไว้ที่โต๊ะข้างเตียง นอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อยจนหลับไป




ผมตื่นมาตอนเกือบแปดโมงเช้า หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จผมลงมาข้างล่าง เจอป๊าม๊าและติวเตอร์น้องชายคนเล็กของผม นั่งกันอยู่ตรงห้องนั่งเล่นเหมือนกำลังจะออกไปข้างนอกกัน

"จะไปไหนกันเหรอครับ" ผมถาม

"ป๊ากับม๊ามีนัดทานข้าวกับลูกค้า" ม๊าบอก

"แล้วเราล่ะ" ผมถามติวเตอร์

"รอดูว่าวันนี้จะมีเพื่อนชวนไปไหนใครชวนไปไหนไปหมด" ติวเตอร์บอก

"อยู่บ้านบ้างก็ได้มั้ง" ผมบอกติวเตอร์

"ติวไม่ได้อยากไปหรอก แต่ติวเปิดโอกาสให้พี่เต็มได้อยู่กับพี่สะใภ้สองต่อสองไงครับ เผื่อวันนี้พี่สะใภ้จะมาที่บ้านอีก"

หืม?? พี่สะใภ้
ใครวะ
พี่ขวัญ?
แฟนพี่ต่อน่ะเหรอ
แล้วเกี่ยวอะไรกับผม


"พี่สะใภ้ หมายถึงใครน้องติว" ม๊าถาม

"ก็เมื่อคืนติวเห็นพี่เต็มพาพี่สะใภ้มาที่บ้าน" ไอ้ติวมันเล่นผมแล้ว

"เต็มพาใครมาที่บ้าน บ้านเรามีกฎจำได้มั้ย ห้ามพาคู่ควง คู่ขา กิ๊ก มาค้างที่บ้าน" ม๊าดุผมทันที

"ม๊า ติวเตอร์มันก็พูดเกินไป ผมไม่ได้พาผู้หญิงเข้าบ้านครับ เมื่อคืนผมพาคนเก่งมาที่บ้านไม่ใช่ผู้หญิง"

"นั่นไง พี่สะใภ้"

"เมื่อคืนเต็มพาคนเก่งมาที่บ้านเหรอลูก" ม๊าถาม

"ครับ ผมไปรับน้องมาจากที่บ้าน"

"ผมเห็นพี่สะใภ้มาตอนตีหนึ่งครับม๊า มาถึงพี่เต็มก็พาเข้าห้องสตูดิโอเป็นชั่วโมงเลย"

"ไอ้ติว!"

"ม๊า พี่เต็มขึ้นไอ้กับติว" ติวเตอร์หันไปกอดและฟ้องม๊า

"อย่าเพิ่งทะเลาะกัน ไหนเต็มเล่าให้ม๊าฟังสิ"

"ไม่มีอะไรครับม๊า ผมไปหาคนเก่งตั้งใจว่าจะไปคุยเรื่องที่ผมปรึกษาม๊าเมื่อคืน แต่มันดึกมากแล้ว ผมเลยพาน้องมาคุยที่นี่"

"คุยกันเรียบร้อยใช่มั้ย" ป๊าถาม

"ไม่เชิงครับ ผมเห็นมันดึกมากแล้ว ก็เลยไปส่งคนเก่งกลับบ้านก่อน วันนี้จะคุยกันอีกที ผมขออนุญาตป๊ากับม๊าล่วงหน้านะครับ คืนนี้น่าจะกลับดึกหน่อย"

ป๊ากับม๊ารับรู้และอนุญาต

"จะไปไหนกับพี่สะใภ้เหรอครับ"

"ไอ้ติวยังไม่หยุดอีก" ผมว่าให้มัน มันหัวเราะก่อนจะเดินไปข้างบน

ติวเตอร์มันรู้เรื่องคนเก่งจากม๊าครับ เพราะมันเคยเห็นคนเก่งเอาของมาห้อยที่รั้วบ้าน มันก็เลยถามม๊าครับม๊าก็เลยบอกมัน

แต่วันนี้เป็นครั้งแรกเลยที่ผมได้ยินมันเรียกคนเก่งว่าพี่สะใภ้

พี่สะใภ้อะไรล่ะ
แค่ "ว่าที่" เท่านั้นแหละ




เสียงมือถือของผมดังขึ้น

"ครับม๊า" ผมรับสายม๊าด้วยความแปลกใจเพราะม๊าเพิ่งออกจากบ้านไปไม่ถึงสิบนาที

"คนเก่งเพิ่งปั่นจักรยานเข้ามาในซอยบ้านเราเมื่อกี้นะเต็ม" ม๊าพูดเสร็จก็วางสายไป


ผมรีบเดินออกไปตรงรั้วบ้าน เปิดประตูรั้วและชะโงกออกไปมอง ยังไม่เห็นคนเก่ง ถ้าม๊าบอกว่าเห็นเมื่อกี้ อีกสักพักคนเก่งก็น่าจะมาถึงบ้านผม

ผมเดินออกไปดูอีกรอบ ก็ยังไม่เห็น ผมเลยตัดสินใจยืนรอที่หน้าบ้านเลย แต่ผมว่ามันนานเกินไปแล้ว คนเก่งคงไม่ได้มาหาผมล่ะมั้ง

ผมกำลังจะเดินเข้าบ้าน หางตาผมเห็นอะไรแว่บๆ ผมหันไปมอง


คนเก่งครับ


มันยืนอยู่หลังรถตู้ของบ้านที่ถัดไปสองสามหลัง คนเก่งมันยื่นหน้าออกมาจากหลังรถตู้ หน้าตามันดูตกใจ

สักพักมันปั่นจักรยานมาหาผมที่หน้าบ้าน คนเก่งยกมือไหว้ผม มันยิ้มแห้งๆและเอามือเกาที่ท้ายทอย เป็นท่าทางที่มันทำเวลามันอาย


ผมว่า ผมรู้นะว่ามันเป็นอะไร


"ไปหลบหลังรถเขาทำไม" ผมถาม

"ก็พี่เต็มยืนอยู่หน้าบ้าน"

"แล้วไง"

"ก็พี่มายืนทำไมล่ะ" มันทำเสียงดุผม

"อ้าว ความผิดพี่ซะงั้น" ผมหัวเราะให้มัน

มันหน้ามุ่ยแต่ไม่พูดอะไรต่อ มันยื่นถุงสีขาวลายดาวมาให้

"คราวหน้าถ้ามาไม่ต้องไปหลบแบบนั้น" ผมบอก

"ปกติก็ไม่ได้หลบ แต่วันนี้พี่เต็มยืนอยู่หน้าบ้าน" คนเก่งมันบอก

"....."

"ผมอาย"

คนเก่งมันหน้าแดงมากครับ ลามไปถึงคอถึงหู

"งั้นผมกลับแล้วนะ" คนเก่งขึ้นคร่อมรถจักรยาน

"ไม่เข้าบ้านก่อนเหรอ"

"ไม่ดีกว่าครับ ผมจะพาแม่กับป้าไปซื้อของที่ตลาดด้วย" คนเก่งบอก

"อืม โอเค"

"งั้นผมไปนะ" คนเก่งบอก ผมพยักหน้ารับแต่คนเก่งก็ยังไม่ไป

"...."

"พี่เต็มเข้าบ้านไปก่อนสิครับ" ผมหัวเราะคนเก่งก่อนจะเดินเข้าบ้าน

ผมมายืนอยู่ตรงข้างรั้ว พอคนเก่งมันปั่นจักรยานไป ผมเดินออกมาหน้าบ้านอีกรอบ

ผมรู้ตัวเลยว่ากำลังยิ้มและมองตามหลังคนเก่งจนลับสายตา


ผมเดินกลับเข้ามาในบ้าน วันนี้ของในถุงเป็นรถจักรยานคันเล็กๆที่ทำจากลวด สีเดียวกันกับรถจักรยานของคนเก่งเลยครับ มีกระดาษใบเล็กๆห้อยอยู่ที่แฮนด์รถจักรยาน 'ปั่นเพื่อเธอ' ผมหัวเราะออกมาเบาๆกับข้อความนั้น




"To...พี่เติมเต็ม

       ถ้าพี่ยังไม่มีใคร อย่าเพิ่งเบื่อหรือรำคาญผมเลยนะ
                             เทคแคร์ครับ
                                 คนเก่ง
                            16/xx/20xx"
                           



ผมไม่แน่ใจว่าเป็นการ์ดใบแรกหรือเปล่า ที่คนเก่งบอกถึงความรู้สึกของตัวเอง

มันดูอ้อนวอนและร้องขอ

และผมไม่อยากให้คนเก่งต้องผิดหวัง







TBC.

#เติมเต็มรัก
ninewara✿



หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 7] 13/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 13-04-2019 11:49:20
 :-[

งุ้ยๆ

 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 7] 13/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 13-04-2019 22:02:20
เอ็นดูน้องคนเก่ง ทำไมพวกโจ้ใจร้ายจัง พี่เต็มจัดการเลยค่ะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 7] 13/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 14-04-2019 11:45:13
รอดูพี่เต็มจะเอาคืนกลุ่มโจ้ให้น้องยังไง
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 8] 14/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ninewara ที่ 14-04-2019 23:10:52
✿เติมเต็มรัก✿ ครั้งที่ 8



ผมปั่นจักรยานออกมาจากบ้านพี่เติมเต็ม ผมไม่กล้าหันกลับไปมอง ปกติเวลาเอาของมาให้ที่บ้านทีไร ไม่เห็นจะเคยเจอ แต่วันนี้พี่เติมเต็มออกมายืนอยู่หน้าบ้านซะงั้น เหมือนมายืนรอใคร


เมื่อคืนพี่เติมเต็มขับรถมาส่งผมตอนตีสอง ไม่คิดมาก่อนว่าจะมีโอกาสมาที่บ้านพี่เติมเต็มแบบงงๆ


อันที่จริงน่าจะบอกผมตั้งแต่แรกว่าจะคุยกันที่บ้านพี่เขา เพราะบ้านผมกับบ้านพี่เติมเต็ม ห่างกันแค่สี่ห้าซอยเท่านัันเอง


แต่ว่าเมื่อคืนพี่เติมเต็มแวะทานบะหมี่ก่อนนี่เนอะ




เมื่อคืนตอนที่โดนถามว่าเหนื่อยมั้ย ใจผมมันแย่เลยล่ะครับ ในใจผมคิดไปแล้วว่า พี่เติมเต็มอยากจะสื่อว่าถ้าเหนื่อยก็ให้หยุดแบบนี้หรือเปล่า


ยิ่งคำถามต่อมาที่ว่า



'พี่ไม่มีใจแต่ก็ยังจะชอบเหรอ'



ผมยิ่งแบบ..

กลัวทุกคำพูดที่จะออกมาจากปากพี่เติมเต็มเลยครับ


แต่แล้วพี่เติมเต็มก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาที่มันจะสื่อว่าให้ผมหยุด ผมก็จะเข้าใจไปเองว่า .. ผมยังเดินหน้าต่อไปได้


แถมเมื่อคืนยังลูบหัวผมด้วย พี่เติมเต็มอ่อนโยนมากเลยครับ บอกผมว่าอย่าคิดมาก


โอ๊ยยยย..ใจผม


รักจนไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว





หลังจากที่เมื่อช่วงเช้า ผมเอาของไปให้พี่เติมเต็มเสร็จผมก็กลับมาช่วยป้าลงต้นไม้ใหม่ที่บ้านครับ

เมื่อเช้าตอนที่ตื่นลงมาเจอแม่กับป้า ท่านก็ถามถึงเรื่องเมื่อคืน ผมก็เล่าให้ท่านฟังคร่าวๆ ดูท่านจะเป็นกังวลกับผมมาก แต่ป้าก็บอกว่า


'พี่เขายังไม่ได้บอกให้เราหยุด เราต้องลุยต่อ'


ผมอดขำป้าไม่ได้ครับ สมกับเป็นป้าหลานกันเลย..ว่ามั้ย


"คนเก่งจะพาแม่กับป้าไปตลาดใช่มั้ยลูก" แม่เดินมาถามผมที่กำลังเอาต้นไม้ลงดิน

"ครับแม่"

"งั้นไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่ได้แล้วสายมากแล้วลูก"

"เสร็จพอดีครับ เดี๋ยวเก่งรีบอาบน้ำ"

ผมไปล้างมือล้างเท้าหลังบ้าน แล้วรีบวิ่งขึ้นไปอาบน้ำบนห้อง ผมใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวเกือบยี่สิบนาที แล้วรีบลงมาข้างล่าง



"เสร็จแล้วครับ" ผมลงมาถึงข้างล่างก็ต้องชะงัก เพราะแม่กับป้าท่านไม่ได้อยู่กันแค่สองคน แต่มีใครบางคนที่ไม่คิดว่าจะนั่งอยู่ในบ้านผมได้


...พี่เติมเต็ม...


"ลงมาพอดีเลย พี่เขามาหาแน่ะ" ป้าเป็นคนพูดครับ

พี่เติมเต็มยิ้มให้ผม ผมยกมือไหว้พี่เขาอย่างงงๆ

"พี่เต็มมีอะไรหรือเปล่าครับ" ผมนั่งลงที่เก้าอี้เยื้องกับพี่เติมเต็ม

"งั้นคนเก่งนั่งคุยกับพี่เขาไปนะลูก เดี๋ยวแม่กับป้าไปกันเองได้"

"แต่เก่งอยากไปช่วย"

"ไม่ได้ซื้ออะไรเยอะหรอกลูก" ป้าเป็นคนบอก

"จะไปซื้อของที่ตลาดกันใช่มั้ยครับ" พี่เติมเต็มถามแม่กับป้า

"ใช่จ้ะ"

"ถ้าอย่างนั้นผมขอไปด้วยได้มั้ยครับ จะได้ช่วยถือของด้วย"

ผมเบิกตากว้างเลยครับ พี่เติมเต็มขอไปด้วยเหรอ จะไปช่วยถือของเนี่ยนะ

"ไม่ต้องๆ จะให้ลูกชายคุณวรรณฤดีมาเดินถือของให้ได้อย่างไรล่ะ" คุณป้ารีบปฏิเสธ

"ผมไม่ได้เป็นคุณชายขนาดนั้นครับ รับรองม๊าผมไม่ว่าอะไร" พี่เติมเต็มบอก

"ถึงอย่างนั้นก็คงไม่ได้หรอก อากาศร้อน คนเยอะด้วยลูก" แม่ผมแย้งพี่เติมเต็มครับ

"ให้ผมไปด้วยเถอะครับ มีผู้ชายตัวโตๆไปด้วยสักคนอุ่นใจนะครับ" พี่เติมเต็มยังยืนยันจะไปให้ได้

แล้วข้ออ้างแบบนี้ มันคืออะไร ป้าผมยังหลุดขำออกมา

"ยังมีผมนะ" ผมพูดบ้าง

"ตัวแค่เนี้ย" แล้วดูสายตาที่มองผมสิ

"เอาล่ะๆ ถึงแม้เหตุผลมันจะดูแปลกไปสักหน่อยแต่ไปด้วยกันก็ได้" ป้าผมเป็นคนตัดสินใจครับ

"ถ้าอย่างนั้นผมรบกวนขอกุญแจรถด้วยนะครับ"

"พี่เต็มจะขับเหรอ"

"ใช่"

"ผมจะขับเอง"

"อย่าเลยไม่ไว้ใจ"

"ไม่ไว้ใจอะไรล่ะ ผมขับรถเป็นตั้งแต่มอหนึ่งแล้ว"

ป้าดูเหมือนจะไม่สนใจผม ยื่นกุญแจรถกระบะให้พี่เติมเต็ม

"รถคันสีขาวนะลูก" ป้าบอก



ผมให้แม่กับป้าเดินไปขึ้นรถก่อน ส่วนผมรอปิดประตูบ้านและประตูรั้ว

พอไปถึงตลาด แม่กับป้าแยกกันเดินซื้อของครับ แม่บอกว่าวันนี้ซื้อของไม่เยอะเพราะวัตถุดิบยังมีอยู่ แต่มาซื้อของสดเล็กน้อย ปกติแม่จะซื้อของสดวันต่อวันอยู่แล้ว


แต่มีบางคนได้อวตารเป็นลูกเป็นหลานเรียบร้อยแล้วครับ แม่กับป้าตอนแรกก็ดูเหมือนเกรงใจแต่ตอนนี้ในมือพี่เติมเต็มหิ้วของเยอะเลยครับ


"พี่เต็มเอาของไปเก็บที่รถก่อนดีกว่าครับ" ผมบอกพี่เติมเต็ม ซึ่งพี่เขาก็เห็นด้วย


"เอาของไปเก็บแล้วก็ไปหาที่นั่งรอกันเลยนะลูก ไม่ต้องมาช่วยแล้ว แม่เดินไปเอาถุงที่สั่งไว้ก็เสร็จแล้ว"
ผมรับคำแม่แล้วก็พาพี่เติมเต็มเดินไปที่รถ


หลังจากเอาของไปเก็บที่รถเรียบร้อย ผมเห็นพี่เติมเต็มมีเหงื่อออกเยอะเลย คงร้อนน่าดู


"พี่เต็มครับ เดี๋ยวเราไปนั่งรอแม่กับป้าที่ร้านนั้นกันครับ เครื่องดื่มอร่อย ขนมเค้กสุดยอด" ผมพูดและชี้นิ้วไปที่ร้านขายกาแฟเล็กๆที่อยู่ไม่ไกล


ผมเดินนำพี่เติมเต็มเข้าไปในร้าน มีลูกค้านั่งอยู่สองโต๊ะ ผมพาพี่เติมเต็มไปนั่งโต๊ะที่แอร์น่าจะลงเยอะที่สุด


พอพี่เติมเต็มนั่งลง ผมก็หยิบเอาใบเมนูที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาพัดให้พี่เติมเต็ม


"พี่เต็มเหงื่อออกเยอะมากเลย ร้อนมากมั้ยครับ ตรงนี้ผมว่าแอร์น่าจะแรงสุด เดี๋ยวก็คงเย็นแล้วครับ"


ผมพูดและพัดให้พี่เติมเต็มไปด้วย แล้วผมก็หยิบเมนูอีกใบขึ้นมาดู พยายามดูว่ามีอะไรที่พี่เติมเต็มชอบทานบ้าง


ปกติพี่เติมเต็มจะชอบดื่มน้ำผลไม้ครับ ส่วนขนมแทบจะไม่แตะเลย


"พี่เต็มดื่มอะไรดีครับ เอาชามะนาวมั้ย ที่นี่เขาไม่มีน้ำผลไม้" ผมถามพี่เติมเต็มแต่พี่เติมเต็มไม่ตอบ เอาแต่มองหน้าผม จนผมทำหน้าไม่ถูก


"มีอะไรหรือเปล่าครับ" ผมเอามือมาลูบหน้าตัวเอง เผื่อมันมีเศษอะไรติดอยู่


"เปล่า ไม่ต้องพัดแล้วล่ะ ไม่ค่อยร้อนแล้ว" พี่เติมเต็มบอกแต่ยังมองหน้าผมอยู่ สายตาที่พี่เขามอง ทำให้ผมใจสั่น


"เดี๋ยวผมไปสั่งให้ เอาชามะนาวนะครับ" พี่เติมเต็มพยักหน้า


ผมสั่งเครื่องดื่มเสร็จก็กลับมานั่งรอเรียกคิวที่โต๊ะ พี่เติมเต็มนั่งเล่นมือถืออยู่ ผมก็เลยหยิบมือถือขึ้นมาโทรหาแม่


"ฮัลโหลแม่ เก่งนั่งรออยู่ร้านเดิมนะ แม่ดื่มน้ำอะไรมั้ย"

(ไม่เอาจ้ะ)

"แล้วป้าล่ะครับ ป้าอยู่กับแม่มั้ย"

(ป้าก็บอกว่าไม่เอา)

"โอเคครับ"

(ดูแลพี่เขาด้วยล่ะ วันนี้ใช้แรงงานไปเยอะเลย)


ผมเงยหน้ามองพี่เติมเต็ม เห็นพี่เขากำลังมองผมอยู่


"แค่นี้นะครับแม่"


พอผมวางสายจากแม่ไป พนักงานก็เรียกคิวผมพอดี ผมรีบลุกไปเอาเครื่องดื่มเพราะกลัวพี่เติมเต็มจะรอนาน

"มาแล้วครับ" ผมวางแก้วชามะนาวไว้ตรงหน้าพี่เติมเต็ม ส่วนอีกแก้วเป็นชาเย็นของผม

"ชอบชาเย็นเหรอ" พี่เติมเต็มถาม

"จริงๆก็ดื่มได้หมดครับ แต่ไม่ดื่มกาแฟ แต่ชอบสุดๆก็ชาเย็น"

"แค่ตอบสั้นๆว่าชอบก็จบแล้วป่ะ"

ผมคิดทบทวน

เออ มันก็จริง

พี่เติมเต็มหัวเราะผม ผมก็อดที่จะหัวเราะตามไม่ได้



วันนี้ผมรู้สึกโชคดีจัง มีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดพี่เติมเต็ม แล้วก็ได้เห็นในมุมที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน





ตอนนี้ผมกลับมาที่บ้านเรียบร้อยแล้วครับ และพี่เติมเต็มก็ยังไม่กลับบ้านตัวเอง


"คุณแม่ครับ คุณป้าครับ ที่จริงวันนี้ที่ผมมาพบ ก็เพราะผมมีเรื่องอยากขออนุญาตครับ" เสียงพี่เติมเต็มครับ

"จ้ะ"

"คืนนี้ผมขออนุญาตพาคนเก่งไปทานข้าวนะครับ อาจจะกลับดึกมากสักหน่อยครับ"


แม่ ป้า และผม เรามองหน้ากันอัตโนมัติ ต่อมาแม่กับป้าส่งสายตาสงสัยมาให้ผม ผมก็อยากจะบอกว่าผมงงเหมือนกัน


เพราะพี่เติมเต็มไม่ได้บอกหรือไม่ได้นัดอะไรผมเลยครับ


"ไม่มีปัญหาจ้ะ" ป้าตอบรับพี่เติมเต็มครับ ส่วนผมงงมากกำลังจะเอ่ยถาม

"ห้ามปฏิเสธ" พี่เขาก็พูดขึ้นมาก่อน


ผมคิดในใจว่า ก็ไม่ได้คิดจะปฏิเสธอยู่แล้ว


"ไม่ได้จะปฏิเสธครับ แค่สงสัยว่าจะพาผมไปทานข้าวทำไม"

"ก็เลี้ยงตอบแทนค่าชามะนาวไงล่ะ"

จะพาผมไปเลี้ยงข้าวเพราะชามะนาวแก้วละสี่สิบเนี่ยนะ


"เดี๋ยวทุ่มหนึ่งพี่มารับ" พี่เติมเต็มบอกแค่นั้นก่อนที่ขอตัวกลับบ้านไป



"ริน พี่กำลังงงแล้วล่ะ ว่าตอนนี้ใครกำลังจีบใคร" ป้าคุยกับแม่ครับ

"หรือว่าหลานชายพี่รุ้งกำลังจะสมหวัง"

"แม่กับป้าพูดอะไรกันครับเนี่ย" หลังจากนั้นผมก็ทำเป็นไม่สนใจว่าแม่กับป้าพูดแซวอะไรบ้าง


จีบอะไรกันล่ะ ผมว่ามันต้องมีอะไรแน่

แต่ไม่ว่าจะคิดอย่างไร
ผมว่า...
ผมได้ประโยชน์นะ




พี่เติมเต็มมารับผมตอนเกือบหนึ่งทุ่มครับ ผมเดินมาขึ้นรถของพี่เติมเต็มที่จอดรออยู่หน้าบ้าน พอผมเข้าไปนั่งในรถ ผมก็ได้กลิ่นน้ำหอมของพี่เติมเต็มลอยมาเข้าจมูก ปกติไม่ได้ใช้กลิ่นนี้นี่นา

"เปลี่ยนกลิ่นน้ำหอมเหรอครับ"

"เปล่า เวลาไปเที่ยวจะใช้กลิ่นนี้"

"อ๋อ"

"จำกลิ่นได้ด้วย"

"ก็..มันรู้สึกกลิ่นไม่ค่อยคุ้น"

"แล้วชอบกลิ่นไหนมากกว่ากัน"

"พี่เต็มต้องถามตัวเองแล้วล่ะครับว่าชอบกลิ่นไหน"

"ถ้าถามพี่ พี่ก็ต้องชอบทั้งสองกลิ่นสิ ไม่งั้นจะใช้เหรอ ต้องถามคนที่ได้กลิ่นมากกว่า"

"ผมก็ชอบทั้งสองครับ"

แต่ผมว่ากลิ่นที่ใช้วันนี้ทำให้พี่เติมเต็มดูมีเสน่ห์และเซ็กซี่มากครับ

วันนี้พี่เติมเต็มเซ็ทผมมาครับ และใส่ต่างหูมาด้วย เป็นลุคที่ค่อนข้างแปลกตาสำหรับผม



พี่เติมเต็มขับรถไม่นานก็มาถึงร้านอาหาร เป็นร้านสไตล์นั่งชิลครับ มีวงดนตรีมีนักร้อง

พอลงจากรถผมถึงได้เห็นว่าพี่เติมเต็มแต่งตัวอย่างไร

คืนนี้พี่เติมเต็มใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีน้ำเงินเข้ม พับแขนเสื้อขึ้นไปเหนือข้อศอก กระดุมสองสามเม็ดบนไม่ติด เผยให้เห็นช่วงคอและหน้าอก

ส่วนกางเกง พี่เติมเต็มใส่กางเกงยีนส์สีขาวทรงเดฟ ที่มันเข้ากับพี่เติมเต็มมากๆ รู้เลยครับว่าพี่เติมเต็มหุ่นดีมากแค่ไหน

จากที่หล่ออยู่แล้ว คืนนี้ยิ่งหล่อกว่าเดิมอีก พอก้มลงมองตัวเอง ผมใส่เสื้อยืดคอวีสีขาวและกางเกงยีนส์สีน้ำเงินเข้มมีรอยขาดที่หัวเข่า

ผมก็คิดว่าผมไม่ได้แย่นะ แต่พี่มันดูดีเกินไป

"ปะ เข้าไปในร้านกัน" พี่เติมเต็มชวนผม

พอเดินเข้าไป ผมถึงได้รู้ว่าพี่เติมเต็มจองโต๊ะไว้ล่วงหน้าแล้ว ตอนที่พนักงานพาเดินมาที่โต๊ะ ผมก็ยิ่งงงเพราะโต๊ะค่อนข้างใหญ่ ไม่ใช่สำหรับสองคนแน่

โต๊ะที่เรานั่งกันอยู่ เก้าอี้เป็นแบบโซฟาโดยมีโซฟาขนาดใหญ่สองตัวและมีโซฟาเดี่ยวอีกสองตัวครับ

พี่เติมเต็มให้ผมนั่งที่โซฟาตัวใหญ่ที่อยู่ด้านในและให้ผมนั่งข้างในสุด พอผมนั่งลงก็เห็นว่าผมนั่งหันหน้าไปทางวงดนตรีพอดีเลย ถือว่าได้ที่นั่งดีนะเนี่ย

พี่เติมเต็มนั่งลงข้างผมก่อนจะขอเมนูจากพนักงาน

"คนเก่งจะทานอะไร"

"พี่เต็มสั่งเลยครับ ผมทานได้หมด"

ผมได้ยินพี่เติมเต็มสั่งอาหารแต่ไม่ได้ฟังว่าสั่งอะไรบ้างเพราะผมสนใจบรรยากาศในร้านมากกว่า

"ไม่เคยมาใช่มั้ย"

"ครั้งแรกครับ"

"มิน่าล่ะ มองโน่นมองนี่ไม่หยุด"

"จะมีเพื่อนพี่เต็มมาทานด้วยเหรอครับ"

"อืม พวกไอ้ธรณ์น่ะ"

ผมพยักหน้ารับรู้ ใจหนึ่งก็เสียดายนึกว่าจะได้ทานกันสองคน แต่อีกใจหนึ่งก็ดีเหมือนกันเพราะกลัวพี่เติมเต็มเบื่อ ผมก็ไม่ใช่คนที่คุยสนุกอะไรด้วยสิ มีเพื่อนพี่เติมเต็มมาด้วยจะได้ไม่เบื่อ




"เออ กูอยู่ที่ร้านแล้ว"

"พวกมึงมาสักสองทุ่มก็ได้ หรือยังไง"

"เดี๋ยวกูให้น้องกินข้าวก่อน"

"แค่นี้ เจอกัน"



ผมได้ยินพี่เติมเต็มคุยโทรศัพท์ ได้ยินพี่เขาแทนตัวผมว่า 'น้อง' ด้วย

ผมชอบจัง


ผมได้ยินเพลงที่นักร้อง ร้องอยู่บนเวที เพลงนี้ทำให้ผมนึกถึงเมื่อหลายปีก่อน




แม้ว่าเธอจะไม่เชื่อใจ
หน้าตาร้ายๆอย่างฉัน
แม้ว่าเธอไม่คิดมองกัน
ก็โอกาสฉันสักหน่อย
แม้ว่าคนที่มาชอบเธอ
จะเสนอสักกี่มากน้อย
เปิดให้ฉันเข้าไปสักหน่อย
ในหัวใจเธอ

แม้เส้นทางของเราต่างกัน
แม้ว่าฝันของฉันมันติดดิน
แต่ก็พร้อมจะโบยบินไปสู่เธอ
แม้ว่าคนที่มองเข้ามาจะว่าบ้าว่าเพ้อ
ไม่ค่อยเจียมที่หมายปองเธอ
....ก็ไม่เป็นไร

            [เพลงแม้ว่า ของเสก โลโซ]


"ร้องเพลงได้ด้วย" ผมไม่รู้ตัวว่าผมเผลอร้องเพลงออกมา

ผมชั่งใจก่อนที่จะพูดออกมา

"พี่เต็มเคยเป็นมั้ย ที่เรากำลังเจอเรื่องบางอย่างไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี แล้วเพลงๆหนึ่งก็ดังขึ้นมาพอดี แล้วถ้าเมื่อไหร่ที่ได้ยินเพลงนั้นเราก็จะนึกถึงเรื่องที่เราเจอ ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน"

"....." พี่เติมเต็มไม่ได้พูดอะไร ผมก็เลยพูดต่อ

"อย่างเช่นเมื่อหลายปีก่อนฟูจิมันโดนยึดกุญแจรถเพราะมันยังไม่มีใบขับขี่ มันบอกว่าตอนที่พ่อมันยื่นมือขอกุญแจรถจากมัน ในทีวีก็มีเพลงเพลงหนึ่งดังขึ้นมา ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้มันได้ยินเพลงนั้นทีไร มันจะนึกถึงวันที่มันโดนพ่อยึดกุญแจรถ และมันก็เกลียดเพลงนั้นไปเลยครับ"


"กำลังจะบอกว่าเพลงที่ร้องเมื่อกี้ก็เป็นเพลงที่คนเก่งได้ยิน ตอนที่คนเก่งเจอเรื่องบางอย่าง"

"ใช่ครับ"

"ถ้างั้นเรื่องที่เราเจอมันก็ต้องเป็นเรื่องที่มีผลกับความรู้สึกมาก ไม่งั้นเราคงไม่จดจำแม้แต่เพลงที่ได้ยินในตอนนั้น ถูกมั้ย"

พอฟังพี่เติมเต็มพูด มันก็จริงครับ

"ก็น่าจะใช่นะครับ"

"ถ้าไม่มีผลกับเรื่องความรู้สึก พี่ว่าสมองคนเราก็ไม่น่าจะจดจำนะ"

พี่เติมเต็มพูด และถูกขัดจังหวะด้วยพนักงานที่นำอาหารมาเสิร์ฟ น่าทานทั้งนั้นเลย

"แล้วเพลงที่เราร้องเมื่อกี้ มันมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ดีหรือไม่ดี ถึงได้ยังจดจำ"


พี่เติมเต็มมองหน้าผมด้วยสายตาที่เหมือนต้องการคำตอบจริงๆ


"เหตุการณ์ตอนนั้นก็ไม่ค่อยดีครับ ตอนที่ผมกำลังคิดถึงเรื่องนั้นอยู่ เพลงนี้มันก็ดังขึ้นมาพอดี ช่วงนั้นก็แย่หน่อย แต่ใช้เวลาไม่นานผมก็โอเคครับที่ได้ยินเพลงนี้ คือนึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้นได้โดยไม่รู้สึกแย่อีกแล้ว"

ผมตอบด้วยความรู้สึกจริงๆ ผมชะงักเล็กน้อย พี่เติมเต็มใช้มือมาลูบหัวผมไปมา พร้อมส่งสายตาที่ผมว่ามันอ่อนโยนมากๆเลย


มือพี่เติมเต็มอุ่นจัง



"ทานข้าวเถอะ"

"ไม่ต้องรอเพื่อนพี่เต็มเหรอครับ"

"ทานก่อนเลย ไอ้พวกนั้นมันกะจะมาเมาอยู่แล้ว น่าจะมากันดึกๆ"


หลังจากนั้นผมกับพี่เติมเต็มก็นั่งทานข้าวกัน ทั้งๆที่เราไม่เคยมานั่งทานข้าวด้วยกันสองคนเลย แต่กลับไม่รู้สึกอึดอัดอะไร (ไม่รู้ว่าพี่เติมเต็มจะคิดเหมือนผมหรือเปล่านะ)

ผมหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายคลิปนักร้องที่กำลังร้องเพลงอยู่ เป็นคลิปสั้นๆ แล้วโพสลงเฟซบุ๊กครับ



Konkeng Peimthaworn
       อาหารอร่อย นักร้องดี เพลงเพราะมาก



หลังจากโพสคลิปเรียบร้อยผมก็นั่งฟังเพลงไปเรื่อยๆ


สักพักผมก็กดเข้าไปดูเฟซบุ๊กของตัวเอง เห็นมีแจ้งเตือนว่ามีคนมาแสดงความคิดเห็นหลายคน



Callme Fuji : เอ๊ะ! ยังไงวะ
Orange Orange : งื้ออออ เสียงพี่เต็ม
Thorn Saharit : ก็ไม่รู้สินะ
Techin Prompattana : ไม่เแท็กก็เหมือนแท็ก
Touchpol Suppamongkol : @Teimtem Paisanworrakit เกลียดความเนียน


ผมงงว่ามันคืออะไร อ่านความคิดเห็นของส้มส้มอีกครั้ง ส้มส้มบอก  'เสียงพี่เต็ม'  งั้นเหรอ


ผมก็เลยกดคลิปที่ผมโพสว่ามันมีอะไรอย่างนั้นเหรอ


ผลคือ ...
นอกจากเสียงของนักร้องแล้ว มันยังมีอย่างอื่นที่เสียงดังมากกว่าเสียงนักร้องอีก


'เดี๋ยวพี่ออกไปคุยโทรศัพท์ข้างนอก อย่าลุกไปไหนนะ ไม่นาน'


เสียงพี่เติมเต็มพูดกับผมชัดมากครับ

ตอนนั้นที่ผมยกมือถือขึ้นถ่ายนักร้อง พี่เติมเต็มมีสายเข้ามาพอดีและบอกผมตามที่ได้ยินในคลิปเลย แต่ผมไม่ได้คิดอะไรครับ

แต่ถ้าเปิดดูคลิปก่อนผมก็คงจะไม่โพส

ไม่รู้พี่เติมเต็มจะมองว่าผมเจตนาโพสหรือเปล่า

ผมเข้าไปดูเฟซบุ๊กของพี่เติมเต็ม พี่เติมเต็มเองก็โพสสถานะเหมือนกันครับ ดูจากเวลาที่โพสแล้ว ใกล้เคียงกับเวลาที่ผมโพสคลิปเลย




Teimtem Paisanworrakit กำลังมีความสุข อยู่ที่ร้าน xxx

                  มันโอเคมาก





ผมกดไลค์สเตตัสของพี่เติมเต็ม ก่อนที่จะมีแจ้งเตือนที่สเตตัสของผม



Teimtem Paisanworrakit : @Touchpol Suppamongkol อย่าทำรู้มาก



พอผมเงยหน้าขึ้นก็เห็นพี่เติมเต็มกับเพื่อนๆพี่เขาเดินเข้ามาในร้าน ผมเห็นมีผู้หญิงหลายคนมองตามกลุ่มพวกพี่เติมเต็มไม่วางตาเลย

ผมลุกขึ้นและยกมือสวัสดีเพื่อนๆพี่เติมเต็ม

"น้องคนเก่ง แต่งตัวน่ารักจัง" เสียงพี่ชินท์ครับ

"ผมเหรอ ไม่นะครับ" ผมมองดูเสื้อผ้าตัวเองอีกรอบ

"น่ารักสิ พี่ไม่เคยเห็นแต่งตัวแบบนี้มาก่อน น่ารักดี ปกติก็ขาวแต่งแบบนี้ยิ่งขาว" พี่ชินท์ยังชมผมต่อ

อดเขินไม่ได้เลยแหะ

"จะกินอะไรก็สั่ง" เสียงพี่เติมเต็มดังขึ้น

"จะพูดอะไรดูหน้าเพื่อนมึงด้วยไอ้ชินท์" เสียงพี่ทัตพลครับ

"ดูทำไมวะ ยังไม่ได้ชัดเจนกูก็พูดได้" พี่ชินท์พูดกับพี่ทัตพลแต่สายตาพี่ชินท์มองมาที่พี่เติมเต็ม

"อีกสักพักพวกมันมาถึง" พี่ธรณ์ที่ตั้งแต่เข้ามานั่งก็ก้มหน้าเล่นโทรศัพท์เอ่ยขึ้น เข้าใจว่าคงบอกพี่เติมเต็มเพราะพี่เติมเต็มพยักหน้ารับ


"เป็นอะไร" พี่เติมเต็มที่ตอนนี้ขยับมานั่งตัวติดกับผมมากขึ้นเพราะพี่ทัตพลมานั่งข้างพี่เติมเต็ม เอ่ยถามผม

"เปล่านี่ครับ"

"เปล่าอะไร เห็นจ้องเฟซบุ๊กมาสักพักแล้ว"

"อ๋อ ผมกำลังคิดว่าจะลบคลิปดีมั้ย"

"ลบทำไม"

"พี่เต็มไม่ได้เปิดดูเหรอครับ"

"เปล่า ไหนมีอะไร"

"ต้องเอามือถือแนบหูด้วยครับ เดี๋ยวไม่ได้ยิน"

ผมกำลังจะเอามือถือไปแนบหูพี่เติมเต็มแต่กลายเป็นว่าพี่เติมเต็มเอามือมาจับมือผมอีกที แล้วแนบหูตัวเองลงมา ตอนนี้หัวผมกับหัวพี่เติมเต็มก็เลยชนกันครับ

ผมรู้สึกร้อนไปทั้งหน้าครับ ทำตัวไม่ถูก พอคลิปจบพี่เติมเต็มก็ยังนั่งอยู่ท่านั้นอยู่ จนผมต้องสะกิดบอกว่าคลิปจบแล้ว

พี่เติมเต็มปล่อยมือจากผมและบอกว่า

"ไม่เห็นจะมีอะไรเลยลบทำไม"

"พี่เต็มไม่ได้ยินเสียงตัวเองเหรอครับ"

"ได้ยินสิ แล้ว?"

"ผมกลัวพี่เต็มจะว่าผมฉวยโอกาส เอาคลิปที่มีเสียงพี่ลง"

"คิดเยอะวะ ไม่เห็นจะมีอะไรเลย ถ้าพี่ไม่พูดอะไรนั่นคือมันโอเค"


พี่เติมเต็มเอามือมาลูบผมอีกแล้วครับ


ผมชอบเวลาแบบนี้จัง






"หวัดดีครับเฮีย"

ผมเงยหน้ามองผู้ชายสามสี่คนที่มายืนอยู่ที่โต๊ะ ผมจำหน้าสองในสี่คนได้แม่นเลย แต่เหมือนพวกเขาจะจำผมไม่ได้

สองคนนั้นนั่งลงที่โซฟาฝั่งตรงกันข้ามกับผม

"มึง .. มึงคือไอ้อ้วนห้องแปด" คนนี้ชื่อแน็คครับ

ทุกคนบนโต๊ะเงียบกันหมดเลย จนผมรู้สึกเกร็งไปหมด

คนที่ชื่อโจ้ ลุกขึ้นมาแล้วชะโงกหน้าเข้าใกล้ๆผม เหมือนอยากจะดูหน้าผมให้ชัด โจ้ยื่นหน้ามาใกล้จนผมต้องเอนตัวไปจนหลังติดกับพนักโซฟา

"ไอ้โจ้ ไปนั่งดีๆเลยมึง"

พี่เติมเต็มใช้มือผลักหน้าของโจ้ให้ออกห่างจากผม และบอกให้โจ้นั่งลง

"ทำไมมึงมาอยู่ที่นี่วะไอ้อ้วน นี่มึงยังไม่เลิกตามตื้อเฮียเต็มอีกเหรอวะ" น้ำเสียงโจ้ดูจะไม่พอใจผมมากๆครับ

"ไอ้โจ้ มึงเงียบ" เสียงพี่เติมเต็มพูดครับ

"ไอ้โจ้ แต่ตอนนี้มันไม่อ้วนแล้วนี่หว่า" เพื่อนของโจ้ที่ผมจำชื่อไม่ได้พูดขึ้น

"พวกมึงทุกตัวเงียบ!" พี่เติมเต็มเสียงดังมากขึ้น

ผมไม่กล้ามองโจ้และเพื่อนๆของโจ้ ผมไม่รู้ว่าความรู้สึกของผมตอนนี้มันคือความกลัวหรือเปล่า

แต่เหตุการณ์เมื่อหลายปีก่อนทำให้ผมกลัว ถ้าวันนั้นคุณครูไม่มาเจอผมก็ไม่รู้ว่าผมจะเป็นอย่างไร

"โจ้ มึงกับเพื่อนจะกินอะไรสั่งเลย" พี่ธรณ์บอกโจ้ครับ

"เห็นหน้าไอ้เหี้ยนี่แล้วกินไม่ลง" โจ้พูดพร้อมกับมองหน้าผมด้วยความไม่พอใจ

"คนเก่งมากับกู" พอพี่เติมเต็มพูด โจ้ก็เลยไม่พูดอะไรอีก

โจ้กับเพื่อนนั่งดื่มเหล้ากัน หันมามองผมบ้างแต่ผมพยายามไม่สนใจ พี่เติมเต็มก็นั่งดื่มเหล้าและคุยกับเพื่อน ถึงพี่เติมเต็มจะไม่ค่อยได้คุยกับผม แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกแย่หรืออึดอัด



แต่ที่ทำให้ผมอึดอัดคือสายตาของโจ้ที่มองผมมากกว่า มันเต็มไปด้วยความไม่พอใจ


"โอเคหรือเปล่า" พี่เติมเต็มหันมาถามผม

"ครับ"

"อึดอัดมั้ย"

"ไม่เป็นไรครับ"


ผมนั่งฟังเพลงเงียบๆไปสักพัก ผมเลยตัดสินใจที่จะถามเรื่องที่มันคาใจผม


"พี่เต็มครับ ผมอยากคุยอะไรกับพี่หน่อยได้มั้ย"

"ได้สิ"

พี่เติมเต็มหันมาหาผมเต็มตัว แถมเอาแขนมาพาดพนักพิงโซฟาด้านหลังผมอีก จนผมรู้สึกได้ถึงความอุ่นของแขนพี่เติมเต็มที่สัมผัสกับต้นคอ

"ที่นี่เหรอครับ" พี่เติมเต็มพยักหน้า

"พี่เต็มชวนพวกโจ้มาเหรอครับ"

"ใช่ เมื่อวานเจอกันเลยชวนมากินเหล้า"

ผมแอบผิดหวังนิดๆนึกว่าพี่เติมเต็มอาจจะบอกว่า บังเอิญเจอ แต่ที่จริงคือนัดกันตั้งแต่เมื่อวานแล้ว

ที่บอกว่าชวนผมมากินข้าวมันก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษเลยนะสิ เพราะพี่เติมเต็มเล่นชวนทุกคนแบบนี้

"ไม่ได้อยากชวนแต่ที่ชวนพวกไอ้โจ้มาก็เป็นเพราะเรา"


หืม? เพราะเราเหรอ


"พี่เพิ่งรู้ว่าเมื่อก่อนเราเคยโดนไอ้โจ้กับพวกทำอะไรบ้าง"


ผมตกใจที่พี่เติมเต็มพูดเรื่องนี้ขึ้นมา ถ้าผมไม่เจอโจ้ ผมก็แทบจะลืมเรื่องพวกนั้นไปแล้ว


ผมมองไปที่ทุกคน ดูเหมือนตอนนี้ไม่ได้มีใครสนใจผมกับพี่เติมเต็ม หรืออาจจะทำเป็นไม่สนใจรึเปล่า


"พี่ขอโทษที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้พวกมันทำกับเราแบบนั้น เป็นความผิดของพี่เอง"



แต่ก่อนที่ผมจะได้คุยอะไรต่อ โจ้ที่เมื่อกี้ผมเห็นนั่งดื่มกับพวกพี่ธรณ์ก็กลับมานั่งอยู่ตรงหน้าผม


"ไอ้อ้วน!กูเคยบอกมึงแล้วใช่มั้ยว่าให้เลิกยุ่งกับเฮียเต็ม" โจ้พูดเสียงดังครับ

"ไอ้เหี้ยโจ้มึงเสียงดังไปแล้ว" แน็คเพื่อนโจ้มาดึงโจ้ไว้

"เฮียทำไมเฮียต้องมากับมันด้วย ทำไมต้องนัดผมมา แล้วให้มาเจอกับมัน" โจ้ถามด้วยความไม่พอใจ

"ไอ้โจ้มันเมาแล้วครับเฮีย ตั้งแต่มันมามันก็เล่นเพียวหลายแก้วแล้วครับ" เพื่อนโจ้อีกคนพูด

"กูไม่เมา กูจะคุยกับเฮียให้รู้เรื่อง" โจ้หันมามองพี่เติมเต็ม ผมเห็นสายตาของโจ้ดูเศร้ามากเลยครับ

"ที่กูนัดมึงออกมา เพราะกูอยากให้มึงมาขอโทษและปรับความเข้าใจกับคนเก่ง กูพูดตรงๆเลยนะว่ากูรับไม่ได้ในทุกเรื่องที่มึงทำกับคนเก่ง" พี่เติมเต็มพูดกับโจ้ครับ แต่ทุกคนที่โต๊ะได้ยินกันครบ

"กูตั้งใจว่าจะให้มึงคุยกับคนเก่งดีๆแต่แม่งเสือกเมาก่อน" พี่เติมเต็มพูดออกมาอีก

"ทั้งๆที่เรื่องที่ผมทำ ผมทำเพื่อเฮียทั้งนั้น"

"มึงทำในเรื่องที่กูไม่เคยขอให้มึงทำ"

ผมจับแขนพี่เติมเต็มและลูบแขนพี่เขาไปด้วย ไม่รู้ทำไมผมรู้สึกสงสารโจ้ที่โดนพี่เติมเต็มพูดแบบนี้ด้วย ผมอยากให้พี่เติมเต็มใจเย็นลงครับ


"เฮียเข้าข้างมัน"


โจ้พูดก่อนที่จะยกแก้วเหล้าแก้วหนึ่งที่วางอยู่ตรงหน้า ซึ่งน่าจะเป็นแก้วของพี่ธรณ์ขึ้นมาดื่ม

และพูดประโยคต่อมาที่ทำให้ทุกคนอึ้งกันไปทั้งโต๊ะ



"ทั้งๆที่ผมรักเฮียมาก่อนมัน แต่ทำไมเฮียไม่สนใจผมบ้าง ผมทำทุกทางเพื่อให้มันเลิกยุ่งกับเฮีย แต่เฮียบอกว่าเฮียรับในสิ่งที่ผมทำไม่ได้ ทั้งๆที่ผมรักเฮียมากขนาดนี้"



โจ้ทรุดลงที่โซฟาและร้องไห้อย่างหนัก


ผมหันไปมองพี่เติมเต็มที่นั่งเงียบ และมีสีหน้าที่ตกใจมาก


ผมว่าพี่เติมเต็มคงคิดไม่ถึง แต่ในฐานะที่ผมเป็นคนแอบชอบ ผมเคยเห็นสายตาที่โจ้มองพี่เติมเต็ม ผมว่าเราใช้สายตาแบบเดียวกัน แต่ผมไม่คิดว่าจะเป็นอย่างที่ผมสงสัยจริงๆ


ผมกับโจ้เราไม่ต่างกันเลย เพียงแค่ผมมีความกล้ามากกว่าที่จะบอกความรู้สึกของผมให้พี่เติมเต็มรับรู้


แต่โจ้อาจจะเพราะสนิทหรือใกล้ชิดกับพี่เติมเต็ม ก็เลยทำให้ไม่กล้าที่จะบอก


เพราะถ้ามันไม่เป็นไปตามที่คิด ทุกอย่างอาจจะเปลี่ยนไป ไม่สามารถที่จะกลับมาสนิทกันได้เช่นเดิม






TBC.

#เติมเต็มรัก
ninewara✿



หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 8] 14/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 15-04-2019 08:53:26
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 8] 14/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 15-04-2019 09:01:57
คดีพลิกซะงั้น
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 8] 14/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 15-04-2019 10:00:30
 :L2: :pig4:

ไม่ได้คิดจุดนี้เลย
แต่คนเก่งกล้ากว่าคนที่ทำไรลับหลังเยอะ
คนไม่กล้าก็มีวิถีของตัวเอง
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 9] 16/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ninewara ที่ 16-04-2019 14:46:46
✿เติมเต็มรัก✿ ครั้งที่ 9



[เติมเต็ม part]




หลังจากที่ได้ยินสิ่งที่ไอ้โจ้มันพูด คำเดียวที่ดังให้หัวผมคือ 'เหี้ย'

แต่สิ่งที่ผมไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นต่อมาคือการที่คนเก่งลุกขึ้นแล้วเดินไปนั่งลงข้างไอ้โจ้

พร้อมกับกอดไหล่ไอ้โจ้คล้ายจะปลอบใจ

นาทีนั้นผมและเพื่อนอีกสามคนมองหน้ากันอย่างงงๆ อะไรคือการเดินไปปลอบคนที่เคยทำไม่ดีกับตัวเองวะ

ไอ้โจ้มันเงยหน้ามองคนเก่งทั้งน้ำตา

"มึง! ไอ้อ้วน! กูเกลียดมึง!" ไอ้โจ้ผลักคนเก่งออกแล้ววิ่งออกไปนอกร้าน



วุ่นวายชิบหาย



คนเก่งวิ่งตามไอ้โจ้ออกไปครับ

อะไรวะเนี่ย!!



"ไอ้เต็มมึงตามคนเก่งไปเร็ว เดี๋ยวทางนี้กูจัดการเอง" ไอ้ธรณ์มันเห็นว่าเพื่อนไอ้โจ้ก็วิ่งตามหลังคนเก่งไป มันเลยบอกให้ผมตามไปเพราะกลัวมีเรื่องกัน



ผมวิ่งตามคนเก่งมาถึงหน้าร้าน ไอ้โจ้มันยืนอยู่ข้างรถคันหนึ่งที่จอดอยู่ริมฟุตบาธ ผมเดาเอาว่าน่าจะเป็นรถของมันเพราะเห็นมันล้วงกุญแจรถออกมาจากกระเป๋ากางเกง

คนเก่งพยายามเข้าไปประคองไอ้โจ้ที่ยืนแทบจะไม่ไหว

"ไอ้อ้วน กูว่ามึงอย่ามายุ่งกับมันดีกว่า" ไอ้แน็คดึงแขนคนเก่งออกมาจากไอ้โจ้

ผมเดินเข้าไปปัดมือไอ้แน็คที่จับแขนคนเก่งออก

"เฮีย ผมว่าเฮียพาไอ้อ้วนมันไปเถอะ" ไอ้แน็คมันบอกผม


ไอ้โจ้เงยหน้าขึ้นมามองผม สายตาที่มันใช้มองผมเปลี่ยนไป หรือมันอาจจะเปลี่ยนนานแล้วก็ได้แต่ผมไม่เคยสนใจ

"เฮียตามผมออกมาทำไม!" ไอ้โจ้มันตวาดใส่ผม มันมองไปทางคนเก่งที่ยืนอยู่ข้างมัน

"หึ ผมเข้าใจผิดสินะ เฮียตามไอ้เหี้ยนี้มาต่างหาก"

"มีงเมามากแล้วไอ้โจ้ พรุ่งนี้มึงสร่างเมาเราค่อยคุยกัน" ผมบอก

"ผมไม่มีอะไรจะคุยกับเฮีย"

"กูอยากคุยตอนที่มึงมีสติกว่านี้"

"ผมบอกเฮียแล้วไงว่า ผมไม่มีอะไรจะคุยกับเฮีย ไม่ว่าวันนี้หรือพรุ่งนี้ผมก็ไม่คุย"


พูดเสร็จมันก็ยื่นกุญแจรถให้เพื่อนมัน ตัวมันก็เปิดประตูรถด้านข้างคนขับขึ้นไปนั่ง แต่มันยังไม่ได้ปิดประตูรถ ผมถอนหายใจแล้วมองไปที่คนเก่ง ผมชวนคนเก่งเดินเข้าไปในร้าน


แต่ยังไม่ทันได้เดินไปไหน ผมก็ถูกผลักจนตัวผมลงไปนอนอยู่บนถนน


"เฮียแม่ง!!!" ไอ้โจ้มันเป็นคนผลักผมครับ



"พี่เต็ม!!!" สักพักมีเสียงของคนเก่งเรียกผมเสียงดังมาก แค่เสี้ยววินาทีคนเก่งมากอดตัวผมไว้ พร้อมกับเสียงเบรคของรถยนต์ที่ตามมา


ตอนนั้นเหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วมาก ผมยังงงอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้น


"เป็นอะไรรึเปล่าน้อง" เสียงผู้ชายคนหนึ่งเรียกสติผม

"ไม่เป็นไรครับ" เสียงคนเก่งครับ

"ระวังกันหน่อย จะข้ามถนนจะอะไรก็ดูรถด้วย ถ้าโดนชนพี่เป็นคนผิดเลยนะน้อง"

"ครับ ผมขอโทษครับ" ผมเห็นคนเก่งยกมือไหว้ขอโทษ

"แล้วไม่เป็นอะไรใช่มั้ย ต้องไปหาหมอหรือเปล่า" ผู้ชายคนนั้นถามคนเก่ง

"ไม่เป็นอะไรครับ ไม่ได้โดนอะไรครับ"

"ถ้าไม่มีอะไรงั้นพี่ไปนะน้อง"

"ครับ"

คนเก่งตอบผู้ชายคนนั้นก่อนที่ผู้ชายคนนั้นจะให้นามบัตรคนเก่งไว้ เผื่อเราสองคนบาดเจ็บตรงไหนก็ให้ติดต่อไป




"พี่เต็ม ลุกไหวมั้ยครับ" คนเก่งถามผมพร้อมทั้งประคองผมขึ้น แล้วพาผมเดินมานั่งที่เก้าอี้หน้าร้าน

"ไหว พี่ไม่ได้เป็นอะไร" ผมตอบไปตามจริงเพราะไม่รู้สึกเจ็บอะไรเลย

"ตอนนี้มันอาจจะยังไม่รู้สึกเจ็บก็ได้นะครับ" คนเก่งพูดพร้อมทั้งปัดฝุ่นออกจากเสื้อผ้าผม

ระหว่างนั้นผมก็นึกขึ้นมาได้ว่าคนที่ผลักผมคือไอ้โจ้

ผมหันไปมองมันที่ยืนหน้าซีดอยู่ ก่อนจะเดินตรงไปกระชากคอเสื้อมัน

"มึงเป็นเหี้ยอะไรของมึง!"

"ผมขอโทษเฮีย ผมไม่ได้ตั้งใจ" ไอ้โจ้มันยกมือไหว้ขอโทษผมตัวสั่น ดูเหมือนมันจะสร่างเมาแล้วตอนนี้



"เกิดอะไรขึ้นวะ" พวกไอ้ธรณ์มันวิ่งออกมา

ผมพยายามระงับสติอารมณ์ของผม เมื่อกี้ถ้ารถเบรคไม่ทันหรือรถขับมาแรงกว่านี้ คนที่จะเจ็บคนแรกคือคนเก่ง เพราะตอนที่ได้ยินเสียงเบรคผมหันไปมอง กันชนรถคันนั้นกำลังจะชนแผ่นหลังของคนเก่ง


"ถ้ามึงยังคิดว่ากูเป็นเฮียของมึงอยู่ พรุ่งนี้คุยกัน" ผมพูดพร้อมกับปล่อยคอเสื้อมัน

ไอ้โจ้มันไม่ได้พูดอะไรออกมา มันยืนก้มหน้าเงียบ

"เดี๋ยวพวกผมคุยกับมันให้นะเฮีย" ไอ้แน็คพูดกับผม

ผมพยักหน้าให้มัน ก่อนจะหันมาคุยกับเพื่อนผม



"เช็คบิลยังมึง" ผมถาม

"เรียบร้อย แล้วเกิดอะไรขึ้นวะ" ไอ้ชินท์ถาม

ผมหันไปมองทางไอ้โจ้ เห็นเพื่อนมันกำลังพามันขึ้นรถ ไม่นานก็พากันขับออกไป

ผมเล่าเหตุการณ์ให้เพื่อนผมฟัง

"แล้วคนเก่งเป็นอะไรมากหรือเปล่าวะ" ไอ้ชินท์ถาม พอไอ้ชินท์ถามผมเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าไม่เห็นคนเก่งสักพักแล้ว ตั้งแต่ที่ช่วยผมขึ้นมาจากถนน

"คนเก่งไปไหนวะ" ผมพูดขึ้นพร้อมกับมองหา สักพักผมเห็นคนเก่งเดินออกมาจากร้าน


"ไปไหนมา" ผมถาม

"ไปห้องน้ำครับ" คนเก่งบอก ผมพยักหน้ารับรู้

"แล้วโจ้ละครับ" คนเก่งถาม

"มันกลับแล้ว พรุ่งนี้จะนัดคุยกับมันอีกที" ผมบอก

คนเก่งพยักหน้ารับรู้


"แล้วพวกเรายังไง แยกย้ายหรือไปนั่งร้านอื่น" ไอ้ทัตพลถาม ผมมองดูนาฬิกาตอนนี้ประมาณห้าทุ่ม

"กูว่าแยกย้ายดีกว่า เพราะไอ้เต็มควรจะพาคนเก่งไปทำแผล" ไอ้ธรณ์มันพูดขึ้นทำให้ผมรีบหันไปมองคนเก่งทันที

"วันพรุ่งนี้คุยกัน" ไอ้ธรณ์บอกและชวนไอ้ทัตพลไอ้ชินท์ให้เดินไปด้วยกัน



"เจ็บตรงไหน" ผมถามคนเก่งด้วยความร้อนใจ แล้วจับตัวคนเก่งหมุนไปมา

"ทำไมไม่บอก" ผมเห็นแผลถลอกที่แขนข้างขวาลากยาวจากข้อศอกลงมา

"ไม่ได้เป็นอะไรมากครับ เมื่อกี้ผมไปล้างด้วยน้ำสะอาดมาแล้ว"

"แล้วเจ็บตรงไหนอีก"

"ไม่มีแล้วครับ"

ผมมองสำรวจร่างกายของคนเก่งคร่าวๆก็ดูไม่น่าจะมีอะไร

ผมตัดสินใจพาคนเก่งมาทำแผลที่บ้านผม เพราะคนเก่งยืนยันที่จะไม่ไปโรงพยาบาล บอกว่าแผลแค่นี้ทำเองก็ได้ แต่กว่าจะพาตัวมาบ้านได้ก็ยากเหมือนกัน โคตรดื้อ


ผมคิดว่าคืนนี้น่าจะไม่มีใครอยู่บ้าน ติวเตอร์ปกติคืนวันเสาร์มันมักจะไปนอนบ้านเพื่อน ส่วนป๊ากับม๊าก็น่าจะไปงานเลี้ยง

แต่คืนนี้ผมคาดการณ์ผิด ทันทีที่จอดรถ ผมเห็นรถป๊ากับม๊าจอดอยู่ ภาวนาขอให้พวกท่านขึ้นห้องนอนไปแล้วทีเถอะ

แต่พอผมพาคนเก่งเดินเข้าบ้านมาเท่านั้นแหละ


"อ้าว พี่สะใภ้" เจอน้องชายผมด่านแรกเลยครับ

ผมเห็นคนเก่งทำหน้าเหวอๆ

"ลืมหวัดดีเลย หวัดดีครับ" ติวเตอร์มันยกมือไหว้คนเก่ง คนเก่งก็ยกมือรับไหว้

"เฮ้ย! พี่สะใภ้เป็นอะไร" ติวเตอร์มันคงเห็นแผลบนแขนคนเก่ง

"ไอ้ติว มึงเบาๆหน่อยได้มั้ย แล้วพี่สะใภ้อะไรของมึง" ผมว่ามัน ก่อนที่ผมจะจับแขนคนเก่งมาดูแผล

ตอนอยู่ที่หน้าร้านแสงน้อย ค่อนข้างมืดผมเลยยังเห็นแผลไม่ชัด แต่พอมาเจอไฟสว่างแบบนี้ แผลค่อนข้างเยอะเหมือนกันเป็นทางยาว เลือดกำลังซึมเลย น่าจะแสบพอสมควร

ผมกำลังจะบอกให้น้องชายผมอย่าเสียงดังเพราะกลัวป๊ากับม๊าจะได้ยิน แต่มันคงไม่ทัน



"ม๊าครับ พี่สะใภ้เป็นอะไรก็ไม่รู้ครับ" ติวเตอร์มันวิ่งไปที่ห้องสตูดิโอ แสดงว่าป๊ากับม๊าผมยังไม่ขึ้นไปนอน

"เฮ้อออออ..." ผมถอนหายใจยาวออกมาก

"พี่เต็มครับ ผมว่าผมกลับบ้านดีกว่าครับ ผมไม่อยากให้พี่เต็มมีปัญหา"

คนเก่งมันบอก สีหน้ากังวลใจ

"มันไม่ใช่ปัญหาในเรื่องที่เรากำลังคิดอยู่หรอก ไม่ต้องห่วง" ผมบอกก่อนจะพาคนเก่งเดินมาห้องนั่งเล่น



ยังไม่ทันได้นั่งลง เสียงม๊าผมก็ดังตามหลังมา

"เกิดอะไรขึ้นหะ เต็ม" คนเก่งจากที่กำลังจะนั่งลง เลยรีบยืนขึ้น

"สวัสดีครับคุณป้า" คนเก่งยกมือไหว้ม๊า และ..นั่นแหละม๊ามองเห็นแผลของคนเก่ง

"หืม ทำไมหนูมีแผลล่ะลูก ไหนมาให้ม๊าดูสิ" ม๊าผมรีบเดินมาหาคนเก่งและให้คนเก่งนั่งลง

"อุบัติเหตุนิดหน่อยครับไม่ได้เป็นอะไรมาก" คนเก่งบอก และมีสีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่

"นิดหน่อยอะไรลูก มันจะเป็นแผลเป็นหรือเปล่า" ม๊าผมพลิกแขนคนเก่งไปมา

"ม๊า ปล่อยน้องก่อน ผมจะทำแผลให้น้อง" ผมบอกม๊า

"ติวเตอร์ ไปเอากล่องปฐมพยาบาลมาเร็วๆ" ม๊าผมหันไปสั่งติวเตอร์


"ไหนเล่าให้ม๊าฟังว่าเกิดอะไรขึ้น" ม๊าถามผม

"ผมจะโดนรถชนแล้วคนเก่งมาช่วยผม ตัวเองก็เลยเจ็บตัวครับ" ผมเล่าให้ม๊าฟังแค่ส่วนหนึ่ง

"ตายแล้ว แล้วเต็มไปทำยังไงถึงจะได้โดนรถชน แล้วหนูโดนรถชนหรือเปล่า" ม๊าลูบหัว ลูบไหล่คนเก่งด้วยความเป็นห่วงครับ

"ไม่โดนครับ" คนเก่งตอบ


"ได้แล้วครับม๊า" ติวเตอร์ถือกล่องปฐมพยาบาลเดินเข้ามา

ผมเดินไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลมาจากติวเตอร์

"ผมทำเองครับม๊า" ผมรีบบอก เพราะดูท่าทางแล้วม๊าอาจจะเป็นคนที่ทำแผลให้คนเก่งเอง

"ผมทำเองได้ครับ" คนเก่งแย้งขึ้นมา

"ให้พี่เขาทำให้นั่นแหละ เพราะเขาทำให้เราต้องเจ็บตัว อีกอย่างม๊าว่าหนูน่าจะทำไม่ค่อยถนัดด้วยลูก"

"ก็ได้ครับ" พอม๊าบอก คนเก่งก็เลิกดื้อครับ



ผมขยับไปนั่งข้างคนเก่งหลังจากที่ม๊าย้ายไปนั่งเก้าอี้อีกตัวหนึ่ง ผมมองม๊ากับน้องชายผมที่มองคนเก่งอยู่ตลอด คนเก่งมีท่าทางที่ดูจะอึดอัดพอสมควร

"ม๊ากับติวมานั่งจ้องแบบนี้ คนเก่งก็ทำตัวไม่ถูกกันพอดี" ผมบอก

"ไม่ใช่นะครับ" คนเก่งปฏิเสธ

"เห็นมั้ยว่าน้องไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย เอาเถอะเดี๋ยวม๊าจะไปหาอะไรอุ่นๆมาให้ดื่มนะ" ม๊าพูดเสร็จก็เดินออกไป

ผมใช้สายตามองติวเตอร์ประมาณว่า 'ออกไปได้แล้ว'

ติวเตอร์มันยักไหล่ เหมือนไม่สนใจ

"ตั๋วหนังสองใบ" ผมบอกมัน

"ผมไปดูหนังต่อดีกว่า" มันพูดเสร็จก็เดินออกไป


คนเก่งมองผมงงๆแต่ไม่ได้ถามอะไร


"ไหนดูสิ ... เป็นเยอะเหมือนกัน" ผมทำความสะอาดแผลและทายาให้คนเก่ง ผมว่ามันคงจะแสบแผลพอสมควรเพราะมันทำหน้าเหมือนเจ็บแผลตลอด

"เอาละ เรียบร้อย" ผมบอกหลังจากทำแผลเสร็จ คนเก่งยกมือไหว้ผม

"ไม่ต้องไหว้ทุกครั้งก็ได้"

"ต้องไหว้สิครับ ก็พี่เต็มทำแผลให้ผมและพี่เต็มอายุมากกว่าด้วย"

ผมมองดูแผลอีกครั้ง ไม่น่าจะมีอะไรอีก แต่ก็อย่างที่ม๊าบอก สุดท้ายมันจะกลายเป็นแผลเป็นหรือเปล่า

ผมไม่อยากให้มันเป็นแผลเป็นเลย เพราะผิวคนเก่งมันขาวมาก ผิมนุ่มและลื่นมากด้วยครับ


เอาล่ะ!! ไอ้เต็มมึงกำลังจะไม่มีสติ



"ผมขอเข้าห้องน้ำหน่อยนะครับ" คนเก่งพูดขึ้น

ผมให้คนเก่งไปเข้าห้องน้ำที่อยู่ติดกับห้องสตูดิโอเพราะกลัวว่าถ้าเดินไปด้านหลังบ้านจะไปเจอม๊าที่บอกว่าจะไปในครัว



"พี่เต็มๆ" เสียงติวเตอร์ครับ

"เสียงดังอะไรวะ"

"พี่สะใภ้นะสิ เมื่อกี้ผมไปเจอพี่สะใภ้ในห้องน้ำ"

หืม?! เจอในห้องน้ำ

ผมกำลังจะถามต่อแต่มันพูดขึ้นมาอีก

"พี่สะใภ้ไม่ได้ล็อคประตู ผมเปิดประตูเข้าไป เห็นพี่สะใภ้ยืนหันหลังแล้วดึงเสื้อขึ้นมา ผมเห็นมีรอยช้ำที่หลังของพี่สะใภ้ด้วยนะ ถึงจะแค่แว่บเดียวแต่ผมมั่นใจ"



ผมรีบเดินไปที่ห้องน้ำที่คนเก่งอยู่ แต่คนเก่งเดินออกมาจากห้องน้ำก่อน คนเก่งทำหน้าแปลกใจ

"เมื่อกี้ติวเตอร์มันเปิดประตูห้องน้ำเข้าไป พี่ขอโทษแทนมันด้วยนะ"

"ไม่ต้องขอโทษหรอกครับ ผมผิดเองที่ลืมล็อคประตู คือแค่เข้าไปล้างมือเท่านั้นเอง"


ผมพาคนเก่งเดินกลับมาที่ห้องนั่งเล่น เจอม๊านั่งอยู่กับติวเตอร์ เดาว่าติวเตอร์น่าจะพูดกับม๊าแล้ว

"ม๊าชงโกโก้ร้อนมาให้ ดื่มสักหน่อยนะ"

"ขอบคุณครับ"

ม๊าคงรู้ว่าผมอยากคุยแบบส่วนตัวกับคนเก่ง

"งั้นม๊าขอตัวขึ้นไปนอนก่อนนะ"

"ครับ ขอบคุณมากนะครับ" คนเก่งตอบ

"เต็มดูแลน้องดีๆล่ะ"

"ครับม๊า"

"ไปติวเตอร์ขึ้นข้างบน"

"ม๊า แต่ผมยังไม่อยากขึ้น" ติวเตอร์โวยวาย

"พรุ่งนี้ม๊าจะไปกินอาหารญี่ปุ่น"

"จะว่าไปผมก็เริ่มง่วงแล้วล่ะ สวัสดีครับพี่สะ.... พี่คนเก่ง" ผมส่งสายตาให้น้องชายก่อนที่มันจะพูดออกมา

เรียกกันเองที่บ้านก็พอจะเข้าใจได้ เพราะมันเรียกมานานมันคงจะติดปาก แต่เวลาอยู่ต่อหน้าคนเก่งจะมาเรียกแบบนี้มันคงไม่ค่อยดีมั้งผมว่า

คนเก่งยกมือไหว้ม๊า และหันมารับไหว้ติวเตอร์ หลังจากทั้งคู่เดินออกจากห้องนั่งเล่นไป คนเก่งก็หยิบแก้วโกโก้ขึ้นมาดื่ม


"ดื่มเสร็จก็กลับเลยนะ จะได้พักผ่อน ต้องทานยาแก้ปวดด้วย" ผมบอก

"ครับ" คนเก่งตอบรับ

ผมเดินไปหยิบขวดยาพาราเซตามอล และหลอดยาทาแก้ฟกช้ำส่งให้คนเก่ง

"แค่พาราก็พอครับ"

ผมถือวิสาสะดึงชายเสื้อยืดของคนเก่งขึ้น คนเก่งมันไม่ทันได้ตั้งตัวก็เลยห้ามผมไม่ทัน

"พี่เต็มทำอะไรครับ!"คนเก่งโวยเสียงดังแล้วรีบดึงเสื้อลง แต่ผมไม่ยอม หน้ามันแดงแจ๋เลยครับ

"เรานั่นแหละทำอะไร เจ็บตรงไหนทำไมไม่บอก" ผมดุครับ

คนเก่งเงียบไม่ตอบหน้าเสียไปเลย คงตกใจที่ผมดุ

ผมเอามือลูบผมคนเก่งเบาๆอย่างอ่อนโยน อ่อนโยนในแบบที่ผมยังตกใจตัวเอง

"พี่ขอโทษที่เสียงดังแต่เราเจ็บตัวเพราะพี่ มีอะไรก็ต้องพูด"

คนเก่งพยักหน้ารับแต่ยังไม่พูดอะไรออกมา

"ไหนดูสิ" ผมขยับตัวออกห่างเล็กน้อยเพื่อจะมองรอยช้ำให้ชัดเจน

ผมเห็นรอยฟกช้ำบริเวณด้านข้างลำตัวและดูเหมือนรอยช้ำจะลงไปถึงบริเวณสะโพก ผมกำลังจะดึงขอบกางเกงยีนส์คนเก่งลงเพราะอยากรู้ว่ารอยช้ำมันมากแค่ไหน แต่คนเก่งจับข้อมือผมไว้ก่อน

"พี่เต็ม!"

"อะไร พี่ก็จะดูไงว่ามันช้ำมากแค่ไหน"

"ไม่ต้องครับ"

"อายอะไร ผู้ชายเหมือนกัน"

"มันไม่เหมือนกันสักหน่อย" คนเก่งแย้งเสียงเบาๆ



อืม...โอเค ผมพอจะเข้าใจแล้วครับ ผู้ชายเหมือนกันแต่ที่ไม่เหมือนกันคงเพราะคนเก่งมันชอบผม มันก็คงจะอาย


"มาพี่ทายาแก้ฟกช้ำให้" ผมบอก

"ไม่ต้องครับ เดี๋ยวผมกลับไปทาที่บ้าน"

"ก็เดี๋ยวพี่ทาให้ก่อน"

หลังจากยื้อกันไปมา ผมก็ไม่ได้ทายาให้คนเก่งหรอกครับ เพราะดูแล้วมันน่าจะอายมากจริงๆแค่จะแกล้งมันแค่นั้นเอง

แกล้งมันก็สนุกดีเหมือนกันครับ มันหน้าแดง มันเขิน เหมือนอยากจะด่าผมแต่ก็ด่าไม่ได้ เพราะผมเป็นคนที่มันชอบ (คือผมคิดเอาเองอะนะว่ามันไม่กล้าด่าผมเพราะมันชอบผม)


.
.
.




"ม๊าบอกให้นอนที่บ้านก็ไม่ยอม" ผมบ่นให้คนเก่ง ระหว่างที่ขับรถไปส่งคนเก่งที่บ้าน เพราะม๊าเดินลงมาและบอกให้คืนนี้คนเก่งนอนที่บ้านเลยก็ได้เพราะดึกแล้ว

แต่คนเก่งมันดื้อครับ พอผมขู่บอกว่าจะไม่ขับรถมาส่ง มันก็บอกว่ามันเดินกลับเองก็ได้ บ้านอยู่แค่นี้เอง ผมกลัวว่ามันจะทำจริง ก็เลยต้องยอมขับรถมาส่ง


ไม่รู้ว่าบ้านอยู่ใกล้กันมันดีมั้ย


"เกรงใจคนที่บ้านพี่เต็มครับ อีกอย่างบ้านไม่ได้ไกลมากด้วย"

"แต่ถ้าเดินอย่างที่เราว่ามันก็พอสมควร"

"แต่ก็ไม่ได้ไกลถึงขนาดที่เดินไม่ได้"

"โอเคๆ เพิ่งรู้ว่าเถียงเก่ง"

"แค่อธิบายครับ"

"ครับๆ"



ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีก็ถึงบ้านคนเก่งครับ

"พรุ่งนี้ถ้าพี่เต็มนัดคุยกับโจ้ ผมขอไปด้วยได้มั้ยครับ"

"พี่ก็ตั้งใจจะพาไปด้วยอยู่แล้ว"

"ครับ"

"อยากให้ไอ้โจ้กับเพื่อนมันขอโทษเรา"

"ไม่เป็นไรหรอกครับพี่เต็มมันผ่านมานานแล้ว ผมไม่ได้คิดอะไรแล้ว"

"ไม่ได้ เรื่องมันเกิดจากพี่ ถ้าไม่ทำอะไรเลยพี่ไม่สบายใจ"

"ว่าแต่วันจันทร์เราเรียนกี่โมง"

"สิบเอ็ดโมงครับ"

"พรุ่งนี้ที่ฟกช้ำต้องระบมแน่"

"เดี๋ยวอาบน้ำเสร็จจะรีบกินยาและทายาเลยครับ"

"อย่าทำให้เป็นห่วง" ผมบอกและใช้มือลูบผมคนเก่ง ผมเดาว่าคนเก่งน่าจะชอบให้ผมทำแบบนี้ด้วย เพราะแววตามันดูมีความสุข

"เข้าบ้านได้แล้ว" ผมบอก

"เจอกันพรุ่งนี้นะครับ" คนเก่งชะงักหลังจากพูดเสร็จ

"หืม?"

คนเก่งเงียบสักพักก่อนจะพูดออกมา

"คือผมเคยคิดเอาไว้ว่าถ้ามีโอกาสได้พูดกับพี่แบบนี้บ้างก็คงดี แต่ไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้พูดจริงๆ"


ผมยื่นมือไปขยี้ผมคนเก่งเบาๆ

"ต่อไปรับรองจะได้พูดบ่อยๆ"

"......"

"และจะได้ยินบ่อยๆด้วย"

"......"

"เจอกันพรุ่งนี้ครับ"





ผมว่า...
การให้กำลังใจเด็กดีเล็กๆน้อยๆ
มันคงไม่เป็นไร
และมันเป็นเรื่องที่ผมควรทำ...มาตั้งนานแล้ว










TBC.
#เติมเต็มรัก
ninewara✿

หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 9] 16/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 16-04-2019 17:20:50
 :L2: :pig4:

คนเก่งมีน้ำใจจริงๆ
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 9] 16/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 16-04-2019 18:59:56
พี่เต็มเริ่มรักคนเก่งหรือยัง น้องยอมเจ็บตัวแทนเลยนะ
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 10] 19/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ninewara ที่ 19-04-2019 00:56:07
✿เติมเต็มรัก✿ ครั้งที่ 10



[เติมเต็ม part]





เช้าวันต่อมาไอ้โจ้ไลน์มาบอกผมว่าขอนัดเจอผมตอนเที่ยง ผมตอบตกลงกลับไป และบอกมันไปว่าผมจะพาคนเก่งไปด้วย ซึ่งมันก็ตอบรับ หลังจากนั้นผมก็ไลน์บอกคนเก่งเรื่องที่ไอ้โจ้นัด


เหตุการณ์เมื่อคืนที่คนเก่งช่วยผม ผมอาจจะไม่ได้พูดอะไรออกมาแต่ผมรู้สึก ..

ผมไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกอย่างไรดี มันมากกว่าความประทับใจ

วันก่อนที่คนเก่งพาผมเข้าไปนั่งพักเหนื่อยในร้านกาแฟ แล้วคนเก่งก็คอยดูแลผมด้วยการนั่งพัดให้ผม คงเพราะเห็นผมมีเหงื่อออกเยอะ แถมยังคอยเทคแคร์สั่งเครื่องดื่มที่คิดว่าผมน่าจะทานได้

ผมไม่ได้เรื่องมากเรื่องเครื่องดื่ม เพียงแค่ผมชอบดื่มน้ำผลไม้มากกว่าพวกชากาแฟ แต่ไม่ใช่ว่าดื่มไม่ได้

และผมไม่ได้เป็นคุณชายขนาดที่ทนร้อนทนแดดหรือทนเหนื่อยไม่ได้ แต่คนเก่งมันคงคิดไปเองว่าผมไม่โอเค มันคงลืมไปว่าผมน่ะเรียนวิศวะ




ถ้าผมจะมีใจให้คนเก่งละก็

คนเก่งมันคงจะชนะใจผมด้วยความใส่ใจและความสม่ำเสมอนี่แหละครับ


เมื่อเช้าผมตื่นมาด้วยการที่ม๊าเข้าไปปลูกผมที่ห้องตั้งแต่เช้าเพราะอยากคุยเรื่องเมื่อคืน


ถ้าคุณคิดว่าม๊าผมชื่นชอบคนเก่ง คุณคิด.....

ถูกแล้วครับ

จากเดิมที่ม๊าผมชื่นชมคนเก่งอยู่แล้ว ม๊ายิ่งอาการหนักกว่าเดิม

ส่วนสาเหตุที่ทำไมม๊าถึงได้ชมชอบคนเก่งเอาไว้ผมจะเล่าให้ฟังทีหลังนะครับ



ตอนสิบโมงกว่าผมเข้ามารับคนเก่งที่บ้าน เจอคุณแม่และคุณป้าของคนเก่งอยู่ที่ศาลาหลังเล็กที่อยู่บริเวณสนามหญ้าหน้าบ้าน


"สวัสดีครับคุณน้า" ท่านทั้งสองยิ้มทักทายและพูดคุยกับผมอย่างดีเช่นเคย

"เดี๋ยวคนเก่งลงมาจ้ะ ทานอะไรมาหรือยัง" คุณป้าของคนเก่งเอ่ยถามผม

"มื้อเช้าเรียบร้อยแล้วครับ เดี๋ยวมื้อเที่ยงคงต้องอนุญาตพาคนเก่งไปทานข้างนอก"

"จ้ะ ตามสบายเลย แล้วกลับหอกันวันไหน"

"เดี๋ยวผมต้องถามคนเก่งก่อนครับ เพราะตั้งใจว่าจะพาน้องกลับไปด้วยกัน"

ผมไม่แน่ใจว่าคนเก่งได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้คนที่บ้านฟังหรือเปล่า แต่ผมคาดเดาจากความสนิทสนม คนเก่งน่าจะเล่าให้ฟังแล้ว

"ผมต้องขอโทษคุณน้าทั้งสองด้วยนะครับ ที่เมื่อคืนผมทำให้คนเก่งเจ็บตัว" ผมยกมือไหว้ขอโทษพร้อมกับพูดออกมา

"ทั้งคู่ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วลูก"

"ผมเกรงว่าคุณน้าทั้งสองจะมองว่าผมดูแลน้องได้ไม่ดีครับ"

"อย่าคิดมากเลยลูก อุบัติเหตุมันเกิดขึ้นได้ นั่นไงคนเก่งมาพอดี" คุณแม่ของคนเก่งพูดครับ

ยังไม่ทันได้คุยอะไรต่อ คนเก่งก็เดินมาพอดี

"ไปกันเลยมั้ยครับ" คนเก่งดูเหมือนจะรีบร้อน และส่งสัญญาณมาเหมือนให้ผมลุกขึ้น

"เอ่อ ... งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ" ผมยกมือไหว้ลา ก่อนที่จะลุกขึ้นอย่างไม่เข้าใจท่าทางของคนเก่งเท่าไหร่





"มีอะไรหรือเปล่า ทำไมทำท่าทางแปลกๆ" หลังจากขับรถออกมาผมก็ถามทันที

"ก็ผมเดินมาได้ยินพี่เต็มพูดเรื่องเมื่อคืน ผมเลยต้องรีบพาพี่เต็มออกมาก่อน"

"อ้าว พี่นึกว่าที่บ้านรู้แล้ว เมื่อกี้คุณแม่กับคุณป้าเราก็ดูเหมือนจะรู้แล้วนะ"

"ก็ทราบแล้วล่ะครับ เพราะผมเล่าให้ฟังแต่ผมไม่ได้เล่าเรื่องทั้งหมด ผมบอกแค่ว่าเราสองคนโดนรถเฉี่ยวแค่นั้นครับ"

"อ๋อ"

"คือถ้าผมบอกเรื่องโจ้ ท่านก็ต้องถามว่าโจ้คือใคร เพราะพวกท่านไม่เคยรู้เรื่องที่โจ้เคยทำกับผม ผมไม่เคยเล่าครับ"

ผมนิ่งเงียบไปเพราะรู้สึกไม่ดีเลย ไม่รู้ว่าคนเก่งต้องอดทนมากแค่ไหนกว่าจะผ่านมาได้โดยที่ไม่เคยบอกใคร

"เคยเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังบ้างมั้ย"

"ไม่ครับ"

"แม้แต่ฟูจิเหรอ"

"ยิ่งฟูจิ ยิ่งไม่ได้เลยครับ ถ้ารู้คงบุกไปหาโจ้ทันทีแน่ๆ"

"มันก็ควรจะต้องทำแบบนั้น เราจะปล่อยไปทำไม มันเคยคิดที่จะ....จับเราแก้ผ้าเลยนะคนเก่ง แล้วถ้ามันมากกว่านั้นล่ะ"

"เหตุผลแรกที่ผมไม่เล่าให้ฟูจิฟังเพราะผมคิดว่า..." คนเก่งเหลือบมองผม

"พี่เต็มเป็นคนให้พวกโจ้ทำหรือเปล่า เพราะถ้าฟูจิรู้มันต้องให้ผมเลิกชอบพี่เต็มแน่เลยครับ"

ผมเหยียบเบรคกะทันหัน โชคดีมากที่ไม่มีคันหลังตามมา

"หะ! คิดว่าพี่สั่งให้มันทำเราเนี่ยนะ"

"ไม่ใช่ครับ! เอ่อ..ก็ไม่เชิง คือผมหมายถึงตอนแรกที่โจ้บอกว่าให้เลิกยุ่งกับพี่ เพราะพี่รำคาญ"


ผมตัดสินใจจอดรถข้างทางเพราะคิดว่าต้องคุยกันให้รู้เรื่องก่อน


"แล้ว?"


"ต่อมาผมก็ห่างพี่บ้างแต่ไม่ได้หายไปเลย ผมก็โดนโจ้แกล้งมากขึ้น ผมก็เลยคิดว่าพี่อาจจะบอกพวกโจ้ว่าทำยังไงก็ได้ที่จะให้ผมเลิกยุ่งกับพี่"

"สรุปก็คือคิดว่าพี่ให้โจ้มันแกล้งเรา"

"....."

"เสียใจว่ะ" ผมรู้สึกผิดหวังยังไงก็ไม่รู้ที่ได้รู้ว่าคนเก่งคิดแบบนี้ คิดว่าผมเป็นคนแบบนั้นได้ยังไง



คนเก่งปลดเข็มขัดนิรภัยและนั่งหันหน้ามาคุยกับผม

"พี่เต็มครับ ในตอนนั้นผมคิดมากเรื่องพี่นะ ผมไม่รู้ว่าผมต้องทำยังไง  ที่ผมบอกชอบพี่ไปแบบนั้นไม่รู้มันถูกมั้ยแต่..ผมไม่อยากปล่อยเวลาให้มันเสียเปล่า เพราะตอนนั้นพี่อยู่มอห้าแล้ว"

"......"

"พี่เต็มคงไม่เคยแอบชอบใครข้างเดียวมาก่อน พี่คงไม่เข้าใจความรู้สึกของคนที่แอบชอบ มันมีแต่ความกลัว ความไม่สบายใจ วันนั้นพี่บอกผมว่าไม่ต้องมารอกินข้าวด้วยอีกแล้ว ผมเลยรู้ว่าผมทำให้พี่รำคาญ"

"วันนั้น..." ผมพูดแทรกอยากจะอธิบาย

"ฟังผมก่อนครับ ถ้าให้ผมพูดวันหลังผมอาจจะไม่มีความกล้า"

"......."

"แล้วโจ้ก็ยังมาบอกอีกว่าพี่รำคาญผม ใจผมมันเชื่อไปแล้ว ต่อมาไม่ว่าผมจะเจอกับเรื่องอะไร มันก็พาลคิดไปหมดว่าเพราะพี่หรือเปล่า"

"......"

"ตอนนั้นที่ผมคิดคือพี่อาจจะบอกโจ้ว่าให้ทำยังไงก็ได้ที่ให้ผมเลิกยุ่ง หรือพี่อาจจะไปบ่นให้โจ้ฟังว่ารำคาญผม โจ้ก็เลยคิดวางแผนที่จะแกล้งผมเองโดยที่พี่ไม่ทราบ"

"......."

"แต่ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลข้อไหน ผมก็ไม่เคยโกรธพี่ เพราะผมคิดว่าผมคงจะล้ำเส้นพี่มากเกินไป ก็สมควรแล้วที่จะโดน"

"......."

"ก็ประมาณนี้ครับ จบแล้ว"




คนเก่งกลับไปนั่งตามเดิม จากตอนแรกที่ผมรู้สึกผิดหวัง พอได้ฟังสิ่งที่คนเก่งพูดและพอคิดตาม ผมก็พอจะเข้าใจในความรู้สึกของคนเก่ง และด้วยสถานการณ์ต่างๆในตอนนั้นมันก็คงจะทำให้คิดว่าผมรู้เห็นได้ไม่ยาก

"วันนั้นที่พี่บอกว่าไม่ให้รอกินข้าวด้วยเป็นเพราะเราเข้าเรียนคาบบ่ายสายตลอด พี่เป็นห่วงเราเรื่องเรียน ไม่ใช่เพราะรำคาญ และอีกเรื่องที่เราจะต้องรู้ไว้คือพี่ไม่เคยไปเล่าหรือระบายเรื่องของเราให้พวกไอ้โจ้ฟัง เพราะฉะนั้นเลิกคิดเรื่องที่คิดว่าพี่บอกให้ไอ้โจ้ไปแกล้งเราได้เลย"

ผมอธิบาย

"เข้าใจเรื่องนี้แล้วใช่มั้ย" ผมถามเมื่อเห็นคนเก่งเงียบ

"พี่เต็มพูดยาวๆแบบนี้ก็เป็นด้วย" ดูมันครับ

"จริงจังหน่อยมั้ย" ผมพูด

คนเก่งหัวเราะเบาๆก่อนที่จะตอบ

"เข้าใจแล้วครับผม"




ผมขับรถพาคนเก่งมาที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ซึ่งผมนัดไอ้โจ้ให้ออกมาเจอกันที่นี่ด้วย

"สั่งไว้รอเลยก็ได้" ผมยื่นเมนูให้คนเก่ง

"พี่เต็มเลือกเลยครับ อืม...ร้านนี้ร่มรื่นดีจัง ต้นไม้เยอะแล้วเป็นส่วนตัวด้วย" คนเก่งมองไปรอบๆร้านด้วยความสนใจ

โต๊ะที่พวกผมนั่ง อยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ซึ่งร้านนี้จะจัดเป็นลักษณะเป็นซุ้มแต่ละโต๊ะจะห่างกันประมาณหนึ่งช่วยให้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น

"ปกติออกไปไหนบ้างหรือเปล่า เห็นตื่นเต้นไปซะหมด"

"ไม่ค่อยครับ ปกติถ้าอยู่บ้านก็ช่วยแม่กับป้า เรื่องออกมากินข้าวนอกบ้านแทบจะไม่เคยครับเพราะผมชอบกินข้าวฝีมือแม่ แต่พอมาอยู่หอก็กินแถวๆหอ กับแถวมหา'ลัย"

เรื่องนี้เถียงไม่ได้ครับเพราะคุณแม่คนเก่งทำกับข้าวอร่อยจริงๆ

"ว่าจะถามตั้งแต่ขึ้นรถแล้ว ทำไมใส่เสื้อแขนยาวมา แผลมันจะไม่แห้งเอา"

"แห้งแล้วครับ"

"ไหนดู" ผมจับแขนคนเก่งแล้วจัดการพับแขนเสื้อขึ้นมาดู

"ยังไม่ค่อยแห้งเลย" ผมส่ายหัวให้กับความดื้อ เห็นมันดูจะพูดง่ายแต่ที่แท้มันโคตรดื้อ

"เอาไว้แบบนี้แหละ" ผมจัดการพับแขนเสื้อทั้งสองข้างให้ ผมมองหน้าคนเก่ง หน้ามันแดงอีกแล้วครับ ถึงว่าทำไมมันเงียบๆไม่ตอบโต้อะไรเลย

ผมเอามือลูบผมคนเก่งเบาๆ
อืมมมมม ... อยู่ๆก็รู้สึกว่า
ทำแบบนี้มันก็ดีเหมือนกัน


สักพักอาหารที่สั่งก็เริ่มทยอยมา ในจังหวะเดียวกันกับเสียงมือถือผมดังขึ้น

"เออ"

"ถึงแล้วเหรอ เข้ามาเลย เดินเข้ามาโต๊ะอยู่ด้านขวา"

ผมวางสาย

"ไอ้โจ้มันมาแล้ว"

"ครับ"

"ย้ายมานั่งข้างพี่" ผมบอกคนเก่งที่ตอนนี้นั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับผม

คนเก่งก็ย้ายมานั่งโดยดี

ไม่นานไอ้โจ้ก็เดินมาถึงโต๊ะ มันนั่งลงตรงเก้าอี้ที่คนเก่งนั่งเมื่อสักครู่

"หวัดดีครับเฮีย"

"อืม กินข้าวกันก่อน"

"คุยกันเลยดีกว่าเฮีย ผมไม่หิว"

ผมมองดูไอ้โจ้ ดูจากสีหน้าแล้วมันไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่

"แต่กูหิว" ผมหันไปมองพนักงานที่ยืนอยู่ห่างอยู่ไม่ไกล พนักงานเดินมาตักข้าวสวยใส่จานให้แต่ละคน หลังจากนั้นก็เดินออกไป

ไอ้โจ้มันไม่ยอมกิน

"เชื่อกู นั่งกินข้าวกันก่อนค่อยคุย"

"ผมมากับไอ้แน็ค มันรออยู่ในรถไม่อยากให้มันรอนาน"

"โทรไปบอกมันให้เข้ามากินข้าวด้วยกันก่อน"

ไอ้โจ้ดูลังเลใจแต่สุดท้ายมันก็โทรหาเพื่อนมันให้เข้ามาทานข้าวด้วยกัน



หลังจากผ่านการทานข้าวที่น่าจะเงียบที่สุดในชีวิตที่ของผมเสร็จ ผมก็สั่งผลไม้มาทานเพิ่ม ไอ้โจ้มันทำหน้าไม่ค่อยพอใจ ผมว่ามันคงอยากคุยให้จบไวไว


"เรื่องที่มึงพูดกับกูเมื่อคืน กูจะถือว่ากูไม่ได้ยิน" ผมเอ่ยขึ้นมา

"เรื่องที่ผมรักเฮียนะเหรอ"

"ถ้ามึงยังอยากเป็นรุ่นน้องกูต่อไป อย่าพูดเรื่องนี้อีก"

"ทำไมเฮีย ที่มันยังชอบเฮียได้เลย แล้วทำไมผมจะพูดไม่ได้"

ผมยังไม่ได้พูดอะไรต่อ คนเก่งสะกิดที่ข้อมือผมเบาๆ ทำให้ผมต้องหันมาหาคนเก่ง

"ผมว่าให้พี่เต็มคุยกับโจ้สองคนดีกว่าครับ" คนเก่งพูด

"ไม่ต้อง! คุยให้จบๆกันไปเลย" ไอ้โจ้เป็นคนตอบคนเก่ง ผมก็เลยพยักหน้าให้คนเก่งอยู่

"การที่คนเก่งหรือมึง หรือใครก็ตามจะมารู้สึกอะไรกับกู กูไม่ได้มีปัญหา แต่ถ้าใครก็ตามที่บอกว่ารักกูแต่มันไประรานคนอื่นแบบนี้กูไม่โอเคว่ะ"

"ผมทำเพื่อเฮียทั้งนั้น"

"อะไรคือการที่มึงบอกว่าทำเพื่อกูวะ"

"ผมพยายามทำให้มันเลิกยุ่งกับเฮีย เฮียจะได้ใช้ชีวิตอย่างปกติ ไม่ต้องมีมันมาคอยตามสร้างความวุ่นวายให้เฮีย"

ผมถอนหายใจอย่างเบื่อไม่ หันไปมองคนเก่ง มันนั่งก้มหน้าดูหงอยไปเลย

"ไอ้โจ้ มึงตอบคำถามกู"

"......."

"มึงแน่ใจเหรอว่ามึงรักกู"

"แน่ใจสิเฮีย"

"รักกูแต่ไม่ทำเหี้ยอะไรเลยให้กูรู้"

"ผมไม่กล้า เพราะเฮียไม่ได้ชอบผู้ชาย"

"แล้วมึงชอบผู้ชายรึไง"

"....."

"ตอบ"

"ครับ ผมชอบผู้ชาย"

ผมอดที่จะอึ้งกับคำตอบไอ้โจ้ไม่ได้ ไอ้โจ้เนี่ยนะชอบผู้ชาย มันตัวพอๆกับคนเก่ง แต่หนากว่ามีกล้ามเนื้อเยอะกว่า โดยรวมดูแล้วก็ไม่น่าเป็นเกย์

ช่างมันเถอะ เดี๋ยวนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้

"มึงบอกมึงรักกูแต่หลังจากที่กูเข้ามหาลัย มึงก็ไม่ได้ติดต่อกูเลยนะไอ้โจ้ มึงรักกูยังไง"

"......"

"กูว่าไม่ใช่วะ" ผมพูดตามที่คิด

"......"

ผมเห็นไอ้แน็คที่นั่งข้างไอ้โจ้ทำท่าทางแปลกๆ

"มึงมีไรจะพูดไอ้แน็ค" ผมถาม

"เปล่าครับเฮีย ไม่มีครับ"

ไอ้แน็คมันสบตากับไอ้โจ้ ผมว่ามันมีอะไรชัวร์

"มีอะไรก็พูดมา กูให้โอกาสพูด"

"....."

"กูจะถามแค่ครั้งเดียว"

มันสองคนสบตากันอีกครั้งก่อนที่ไอ้โจ้จะเป็นคนพูด

"ช่วงนั้นมีคนเข้ามาคุยพอดี"

"แล้วตอนนี้?"

"ก็....." มันอึกอัก

"เลิกแล้ว?" ผมถาม

"เฮีย ปากไม่เป็นมงคลว่ะ" มันโวยผม

"อะไรของมึงวะไอ้โจ้ กูงงกับมึงไปหมดแล้วเนี่ย"

"มันงอนแฟนมันครับเฮีย เรียกร้องความสนใจอยู่" ไอ้แน็คบอก

"มึงนั่งเฉยๆเถอะไอ้แน็ค"

"กูขอเอาแบบสรุปง่ายๆและเร็วๆ" ผมบอกไอ้โจ้

"ก็....ที่ผมบอกว่าผมรักเฮีย ผมพูดจริงๆนะเฮียเพียงแต่มันเป็นความรู้สึกเมื่อหลายปีก่อน พอจบมอสามผมก็ไปเรียนต่อที่อื่นอย่างที่เฮียรู้ แล้วช่วงที่ไปเรียนที่นั่นก็ไปเจอ...คนนั้นที่นั่น"

"ก็เลยลืมกูไปเลยว่างั้น" ผมแซวมัน

"ไม่เคยลืมเฮียเลยเถอะ" ไอ้โจ้มันพูด

"กูจะฟ้อง" เสียงไอ้แน็คครับ

"กูบอกให้มึงนั่งเฉยๆ"

"ในเมื่อมึงไม่ได้คิดอะไรกับกูแล้วเมื่อคืนมึงพูดมึงทำแบบนั้นทำไมวะ"

ไอ้โจ้ยกมือไหว้ขอโทษผม

"ผมขอโทษครับเฮีย ผม...."

"เมื่อวานมันทะเลาะกับแฟนมันมาครับเฮีย ไม่มีที่ลงเลยมาลงกับเฮีย" ไอ้แน็คบอก

ไอ้โจ้ตบหัวเพื่อนแต่ไม่ได้พูดแก้ตัวอะไร

"เมื่อคืนมึงทำให้คนเก่งต้องเจ็บตัวมึงรู้ตัวมั้ย" ผมยกแขนข้างขวาของคนเก่งให้มันดู

ไอ้โจ้มันมีสีหน้าตกใจ และสายตามันมีแววเสียใจ

"เรื่องเมื่อคืนกูขอโทษนะไอ้อ้วน พอกูเห็นมึงมากับพี่เต็มกูก็รู้สึกหงุดหงิด กูก็แค่อยากพูดอยากทำอะไรก็ได้ที่ทำแล้วสะใจ แต่กูไม่ได้อยากให้มึงกับเฮียเจ็บตัวเลยนะ กูคิดว่ากูผลักเบา ว่าแต่มึงเป็นอะไรมากมั้ย"

"ไม่มากๆ ดีขึ้นแล้ว ไม่ได้เจ็บอะไรมาก" คนเก่งตอบ

"แล้วก็...กูขอโทษที่ทำไม่ดีกับมึงเมื่อหลายปีก่อน แต่ถ้าย้อนเวลากลับไปกูก็ยังจะทำอยู่ดี เพราะมึงมายุ่งกับคนที่กูชอบ"

"ไม่เป็นไร เราไม่ได้โกรธ ตอนที่เกิดเรื่องก็ไม่ได้โกรธ เพราะเราคิดว่าสงสัยเราจะล้ำเส้นมากเกินไป เลยโดนเกลียด" คนเก่งตอบยิ้มๆ

"มึงเนี่ยเป็นคนดีหรือคนโง่วะ โดนทำขนาดนั้นดันไม่โกรธ" ไอ้โจ้พูด

"เป็นคนเก่งอะ" คนเก่งตอบแล้วก็หัวเราะออกมา

"มึงคงรักเฮียมากเลยสินะ ไม่งั้นเมื่อคืนมึงคงไม่เข้าไปช่วยเฮียแบบนั้น" ไอ้โจ้ถาม

ผมมองคนเก่ง คนเก่งเองก็หันมามองผมเหมือนกัน แต่ดูหน้ามันสิแดงอีกแล้ว

"แล้วเฮียคบกับมันนานยัง"

"คบ?"

"เป็นแฟนกันนานยัง"

คนเก่งแทบจะสำลักน้ำที่กำลังดื่ม

"ไม่ได้เป็นๆ" คนเก่งรีบปฏิเสธ

"ไม่ได้เป็น? อ่อนว่ะมึงไอ้อ้วน ทำอะไรอยู่วะตั้งหลายปี"

"ถามเฮียดีกว่า สรุปเฮียกับมันเนี่ยยังไง"

ไอ้โจ้หันมาถามผม

"ก็ไม่ยังไง"

"เฮียไม่ได้คิดอะไรกับมันเลยเหรอ"

"มันเรื่องส่วนตัวกูเปล่าวะ"

หลังจากนั้นก็นั่งคุยกันต่อด้วยบรรยากาศที่ผ่อนคลายขึ้นมาก จนบ่ายโมงกว่าๆไอ้โจ้ก็ขอตัวกลับ เดาจากที่มันรับโทรศัพท์ คนปลายสายน่าจะมารอมันอยู่หน้าร้าน


ผมพาคนเก่งกลับไปส่งที่บ้าน และนัดหมายเรื่องที่จะกลับไปมหาวิทยาลัยด้วยกัน ตอนแรกคนเก่งปฏิเสธบอกว่าจะกลับกับฟูจิ แต่ฟูจิบอกว่าพรุ่งนี้จะลาไปทำธุระให้ครอบครัวก็เลยจะยังไม่ได้กลับ

ถึงจะเป็นแบบนั้นคนเก่งมันก็ยังบอกว่ามันจะนั่งรถตู้โดยสาร แล้วคิดว่าคนที่บ้านมันจะยอมเหรอครับ

ข้อสรุปก็เป็นตามที่คิดคือคนเก่งนั่งรถกลับกับผม

คุณแม่และคุณป้าของคนเก่งทำกับข้าวและขนมใส่กล่องถนอมอาหารมาให้หลายอย่างเลยครับ ได้ยินคุณป้าคนเก่งบอกว่าอยากให้หลานชายอ้วนมากกว่านี้


ตอนนี้เราอยู่บนรถครับ อีกสักพักใหญ่ๆก็น่าจะถึง

"เราก็ผอมลงไปเยอะเหมือนกันนะ ตอนที่มาเจอกันที่มหา'ลัย พี่แปลกใจมากเลย"

"ผมควบคุมน้ำหนักด้วยครับ แต่แม่บอกว่าเป็นช่วงที่ร่างกายมันยืดพอดีก็เลยผอมลง"

"หน้าก็ใส"

"ก็ต้องดูแลตัวเองบ้างมั้ยละครับ"

ผมชวนคนเก่งคุยเรื่องต่างๆ ทั้งเรื่องเรียน เรื่องการทำรายงานและ เรื่องทั่วไป



จนรถมาจอดที่หน้าหอพักของคนเก่ง

ผมหยิบมือถือมาดู ในกลุ่มไลน์ครอบครัวมีข้อความจากม๊าเพียบครับ

"ม๊าบ่นใหญ่ว่าไม่พาเราไปหาม๊า" ผมบอกคนเก่ง

"จริงสิ ผมไม่ได้ไปขอบคุณคุณป้าเลย"

"ขอบคุณเรื่องอะไร"

"ก็ขอบคุณที่ผมไปรบกวนเมื่อคืนไงครับ"

"ถ้าจะขอบคุณต้องขอบคุณพี่ พี่เป็นคนทำแผลให้ แต่ก็เพราะพี่เราถึงได้เจ็บตัว"

"วันนี้พี่เต็มพูดแต่ประโยคยาวๆทั้งนั้นเลย" คนเก่งพูดเสร็จมันก็หัวเราะ เหมือนมันแซวผมมากกว่า เพราะปกติผมไม่ค่อยคุยกับมันยาวแบบนี้

"งั้นถ้าจะพูดแบบยาวๆอีกก็คงไม่เป็นไร"

คนเก่งทำหน้างงหลังจากผมพูดประโยคล่าสุด

ผมคิดมาตลอดทั้งคืนกับสิ่งที่ผมกำลังจะพูด


"คนเก่ง ตั้งแต่วันแรกที่เราเขียนจดหมายมาบอกว่าชอบพี่ เราไม่เคยคุยกันจริงจังสักครั้งเลย ตลอดช่วงระยะที่ผ่านมาหลายปี เราเป็นคนที่สื่อสารกับพี่แค่ฝ่ายเดียว แต่เป็นการสื่อสารที่ไม่ได้ทำให้เรารู้จักกันมากขึ้นเพราะการ์ดที่เราเขียนมาให้พี่ก็ไม่ได้เขียนถึงเรื่องตัวเองมาให้พี่อ่าน"

"....."

"ตอนที่รู้ว่าคนเก่งเข้าเรียนที่นี่ได้ พี่ยังคิดเลยว่าเราจะต้องเข้ามาป่วนพี่แน่เลย แต่เปล่า ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย ทุกอย่างเหมือนเดิม"

"มีนะ ผมไปดูพี่ซ้อมบาสไงครับ" คนเก่งมันเสียงดังขึ้นมาทันที จนผมอดหัวเราะออกมาไม่ได้

"อืมมมมม...เปลี่ยนแปลงมากเลย มานั่งดูแทบไม่คุยกัน ดูเสร็จกินข้าวแยกย้าย"

"ไม่พูดแล้ว" มันทำมุ่ยครับ

"ที่พี่พูดมาทั้งหมดก็แค่จะบอกว่าเราน่าจะมาเริ่มต้นทำความรู้จักกันดีมั้ย"

"เริ่มต้นทำความรู้จักเหรอครับ"

"ใช่ มาเริ่มต้นทำความรู้จักกัน"

"....."

"มาเริ่มต้นเป็นพี่น้องกัน"

"ตกลงครับ" คนเก่งตอบตกลงไวมากจนผมตกใจ แถมยังยิ้มดวงตาเป็นประกายที่รู้เลยว่ามีความสุข

จนผมอยากจะถามว่าดีใจอะไรขนาดนั้น




ช่วงสองสามวันมานี้มีเรื่องคนเก่งเข้ามากวนใจหลายอย่าง จนผมถามตัวเองว่าสรุปผมรู้สึกยังไงกับคนเก่งกันแน่

รำคาญมั้ย? คำตอบคือไม่

เบื่อมั้ย? คำตอบคือไม่

เมื่อความรู้สึกในแง่ลบมันไม่เกิดขึ้น สิ่งที่ผมรู้สึกชัดเจนคือผมรู้สึกดี

แต่ผมไม่รู้ว่าสิ่งที่ผมกำลังรู้สึกกับคนเก่งตอนนี้มันมากกว่าคำว่ารู้สึกดีหรือยัง

หวังว่าน้องมันจะโอเคกับการเริ่มต้นความสัมพันธ์กับสถานะพี่น้องนะครับ







TBC.
#เติมเต็มรัก
ninewara✿


◕ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่แวะเวียนเข้ามาอ่าน♥
◕อัพช้านิดนึงต้องขออภัยด้วยค่าาาา
◕ขอบคุณที่ติดตามความรักของพี่เติมเต็มและน้องคนเก่งนะคะ
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 10] 19/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Kanni ที่ 19-04-2019 06:06:57
คนเก่งเข้าใกล้อีกนิดแล้ว
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 10] 19/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 19-04-2019 07:26:07
 :L2: :pig4:

ขยับความสัมพันธ์กันเข้ามาอีกนิด
จะมีใครเข้ามาเร่งปฏิกริยาไหมนะ
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 11] 21/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ninewara ที่ 21-04-2019 15:33:39
✿เติมเต็มรัก✿ ครั้งที่ 11




ตั้งแต่วันนั้นที่พี่เติมเต็มบอกว่าให้เริ่มต้นทำความรู้จักกันใหม่

เริ่มต้นเป็นพี่น้องกัน

ตอนนี้ก็ผ่านมาเกือบเดือนแล้วครับ ผมชอบช่วงเวลาที่เราแอบรัก แต่ช่วงเวลานี้ผมก็ชอบมากเช่นกัน มันเป็นความรู้สึกที่อุ่นในหัวใจ

พี่เติมเต็มจะมาทานข้าวกับผมเกือบทุกวัน ถ้าผมไม่ไปหาพี่เขาที่คณะ พี่เขาก็จะมาหาผม แต่ไม่ค่อยได้ทานด้วยกันสองคนหรอกครับ เพราะไม่ว่าพี่เติมเต็มหรือผม เวลาไปไหนก็จะชวนเพื่อนไปด้วยตลอด

จริงๆมันก็เป็นความสัมพันธ์แบบพี่น้องปกตินะครับ แต่ใจผมมันไม่ซื่ออยู่แล้วไง พอถูกเลื่อนสถานะจากคนรู้จัก มาเป็นสถานะพี่น้อง ผมก็เลยคิดว่ามันโอเค มันโคตรดี


ส่วนเรื่องระหว่างผมกับโจ้จบลงด้วยดีแบบงงๆครับ คือคืนนั้นโจ้ไม่พอใจผมมาก แต่วันที่มาเคลียร์ก็เหมือนไม่ได้โกรธอะไรผมเลย

ถึงจะงงแต่ก็ดีครับ เพราะผมก็ไม่ได้ติดใจอะไรอยู่แล้ว มันผ่านมาหลายปีและพอมารู้เหตุผลที่โจ้ทำผมก็เข้าใจความรู้สึกของโจ้

และดูเหมือนโจ้ก็น่าจะแฮปปี้กับคนที่คบอยู่ด้วย






ตอนนี้ผมอยู่แถวๆโรงยิมคณะวิศวะครับ
วันนี้ผมมาดูพี่เติมเต็มซ้อมบาส  เห็นว่าอาทิตย์หน้าจะเริ่มแข่งกีฬาระหว่างคณะกันแล้ว ผมอดที่จะตื่นเต้นไม่ได้เพราะเป็นครั้งแรกเลยที่ผมจะได้เห็นพี่เติมเต็มลงแข่งที่ไม่ใช่การซ้อม

ที่ผ่านมาเคยเห็นแต่รูปถ่ายที่ลงตามโซเชี่ยลเท่านั้น จำได้เมื่อปีแรกที่พี่เติมเต็มเข้ามาเรียนที่นี่ หลังจากได้เป็นเดือนคณะ ก็มีรูปพี่เติมเต็มลงในเพจของมหาวิทยาลัยและเพจ NiceGuys ซึ่งเป็นเพจที่รวบรวมหนุ่มหล่อของมหาวิทยาลัย ผมก็เลยได้อานิสงส์ไปด้วย (เซฟเก็บไว้แบบรัวๆ)

พอหลังจากนั้นพี่เติมเต็มได้ลงแข่งบาสเป็นตัวแทนของคณะ จากเดิมที่ลงรูปที่แค่เพจของมหาวิทยาลัย เพจอื่นที่ดังๆ ต่างก็มีรูปของพี่เติเต็มในชุดนักกีฬาบาสและในอิริยาบทอื่นๆแชร์กันเยอะมาก

พอช่วงปีสองเหมือนว่าความดังจะลดลงเล็กน้อยเพราะกิจกรรมที่ต้องทำในฐานะเดือนคณะน้อยลง รูปที่ลงตามเพจต่างๆก็มีน้อยลงแต่ก็ยังไม่ถึงกับหายไป

และพอเข้ามหาวิทยาลัยพี่เติมเต็มไม่ได้ทำกิจกรรมเยอะเหมือนตอนที่เรียนมัธยมสักเท่าไหร่ พี่เติมเต็มเคยให้เหตุผลว่าเพราะเรียนมหาวิทยาลัยมันหนักมากกว่าเรียนมัธยม จะเลือกทำเฉพาะกิจกรรมที่มันจำเป็นจริงๆหรือเลี่ยงไม่ได้ดูเท่านั้น



ระหว่างที่ผมกำลังเดินจะเข้าประตูโรงยิม มือถือผมก็ดังขึ้น

"ครับพี่เต็ม"

(อยู่ไหน)

"ถึงโรงยิมแล้วครับ"

(ถึงแล้วเหรอ)

"ครับ พี่เต็มจะเอาอะไรหรือเปล่า เดี๋ยวผมซื้อไปให้"

(เปล่า แค่นี้นะ)

พี่เติมเต็มวางสายไปแล้วครับ อีกเรื่องหนึ่งที่เกิดการเปลี่ยนแปลงคือผมกับพี่เติมเต็มเราโทรหากันบ่อยขึ้น โดยคนที่เริ่มโทรหาก่อนก็คือพี่เติมเต็มครับ พี่เขาบอกว่าถ้าพี่เขาไม่โทรหาผมก่อน ชาตินี้ก็คงจะไม่ได้คุยกัน เพราะผมคงจะไม่โทรหาพี่เขาก่อนแน่


'ให้เบอร์ไปตั้งแต่เมื่อสามปีที่แล้ว ถ้าจะโทรคงโทรนานแล้วมั้ง'

'พี่รอให้เราโทรหาก็ยังไม่เคยโทร'

สารพัดคำจะบ่นครับ แต่มันเป็นการบ่นที่ผมรู้สึกมีความสุขสุดๆ



ผมเดินเข้ามาในโรงยิม เห็นพวกพี่เติมเต็มกับเพื่อนยืนอยู่ข้างสนาม ผมเห็นพี่ธรณ์มองมาทางผม และเรียกพี่เติมเต็มหันมามองผมด้วย พี่เติมเต็มหันมายิ้มให้ผมเล็กน้อย ก่อนจะหันไปคุยกับพี่ธรณ์ เห็นพี่ธรณ์หัวเราะแล้วพี่เติมเต็มก็ใช้มือตบหัวพี่ธรณ์

ปกติจากเดิมผมจะนั่งที่นั่งที่อยู่ด้านบน แต่ตอนนี้พี่เติมเต็มบอกให้ย้ายมานั่งด้านล่าง

พี่เติมเต็มบอกว่าเวลาที่จะเดินมาหามันจะได้ไม่ไกล


ผมเดินมาถึงตรงที่นั่งวางกระเป๋าลง พี่ธรณ์เดินมาหาผม พี่เติมเต็มก็ดูเหมือนจะรีบเดินตามมาด้วย

"ทำไมวันนี้มาช้าวะ" พี่ธรณ์ถามผม

"อาจารย์ปล่อยช้าครับ"

"ถ้ามึงมาช้ากว่านี้น่าจะมีคนหัวร้อน" พี่ธรณ์พูดพร้อมกับหัวเราะ

"อะ" พี่เติมเต็มยื่นมือถือให้ผม คือช่วงหลังๆมานี่เวลาผมมาดูซ้อมบาสทีไร พี่เติมเต็มมักจะฝากมือถือและกระเป๋าไว้ที่ผมเสมอ

ผมคิดว่าเพราะตอนนี้เราเป็นพี่น้องกันแล้ว ความไว้ใจก็คงจะมีเพิ่มมากขึ้นครับ


"ใครเหรอครับ" ผมถามพี่ธรณ์

"ไม่ต้องไปสนใจมัน" พี่เติมเต็มบอกผม


พอพูดเสร็จพี่เติมเต็มก็ชวนพี่ธรณ์ลงสนาม หลังจากผมนั่งลงและมองพวกพี่เขาซ้อมกันอยู่ ผ่านไปเกือบๆชั่วโมงก็เห็นฟูจิเดินเข้ามาในโรงยิมพร้อมกับรุ่นพี่ผู้ชายที่เรียนคณะวิศวะเหมือนพี่เติมเต็ม


...พี่ธาวิน...


พี่ธาวินเป็นใครนะเหรอครับ?


จำที่ผมเคยเล่าให้ฟังได้มั้ยว่าฟูจิมีคนรู้จักเป็นรุ่นพี่ที่เรียนคณะเดียวกันและปีเดียวกันกับพี่เติมเต็ม ช่วงที่พี่เติมเต็มเข้ามาเรียนที่นี่ ก็ได้พี่ธาวินคนนี่แหละครับคอยส่งข่าวผ่านทางฟูจิมาบอกผม


ฟูจิมองมาทางผม และเหมือนจะชี้มือบอกพี่ธาวินว่าผมอยู่ตรงนี้

"สวัสดีครับพี่วิน" ผมยกมือไหว้ตอนที่พี่ธาวินเดินมาถึง

"ไงเรา มาดูซ้อมบาสทุกวันเลย แบ่งเวลาไปดูฟุตบอลบ้างดีมั้ย" พี่ธรณ์ถาม

"ไม่ถนัดเรื่องฟุตบอลครับ" ผมตอบ

"มึงจะบอกว่าถนัดเรื่องบาสงั้นสิ" ฟูจิมันพูด

"น่าจะถนัดเกี่ยวกับคนเล่นบาสมากกว่ามั้ง" พี่ธาวินพูดพร้อมกับผมเห็นพี่ธาวินมองไปที่พี่เติมเต็มที่อยู่ในสนามบาส และผมเห็นพี่เติมเต็มมองพี่ธาวินเหมือนกัน

"ห้ามแซวครับ" ผมพูด พี่ธาวินหัวเราะก่อนที่จะนั่งลงใกล้ๆผม

"ว่าแต่พี่วินมีธุระอะไรกับผมเหรอ" ผมถาม

"พอดีขับรถผ่านมาเจอฟูจิเดินอยู่หน้าโรงยิมเลยรู้ว่าเราอยู่ที่นี่แน่ คืออาทิตย์หน้าพี่จะแข่ง แวะไปเชียร์พี่บ้างนะ" พี่ธาวินบอก

พี่ธาวินเป็นนักกีฬาฟุตบอลครับ

"ถ้าไม่แข่งตรงกันกับบาสก็ไปได้ครับ"

"พูดแบบนี้นักกีฬาฟุตบอลเสียใจแย่ ทำไมฟุตบอลเป็นรองบาสล่ะ งานกีฬาไม่ได้มีแค่บาสนะคนเก่ง" พี่ธาวินพูดยิ้มๆ

"เท่าที่ทราบกองเชียร์ฟุตบอลวิศวะเยอะเลยนะครับ"

"โห พูดแบบนี้พี่ก็แย่สิ คนที่อยากให้ไปก็พูดเหมือนจะไม่ไป"

"อยากให้ผมไปเหรอครับ"

"อยากให้ไป"

ผมงงๆกับท่าทีของพี่ธาวิน หันไปมองฟูจิที่มันเงียบมาตลอดตั้งแต่มาถึง มันไม่ได้มองผมกับพี่ธาวิน มันนั่งเล่นมือถืออยู่ครับ นี่ก็อีกคนดูแปลกๆ

"ก็...ถ้าสะดวกก็จะไปครับ" ผมตอบไปแบบนั้น พี่ธาวินเหมือนจะพูดอะไรต่อแต่ไม่พูด แค่ยิ้มออกมา



"มึงมาทำอะไรที่นี่วะไอ้วิน" อยู่ๆพี่เติมเต็มก็เดินเข้ามาถาม หันไปมองที่สนามบาส พวกพี่ๆเลิกซ้อมกันแล้ว

"กูก็...มาคุยธุระสำคัญ" พี่ธาวินตอบพี่เติมเต็มแต่สายตามองมาที่ผม

พี่เติมเต็มมองผม ผมก็ได้แต่ยิ้มให้ ผมไม่รู้ว่าคิดไปเองมั้ย เหมือนพี่เติมเต็มไม่ค่อยพอใจพี่ธาวิน


หรือพวกพี่เขามีปัญหากันมาก่อน


"คนเก่ง หยิบน้ำให้พี่หน่อย" พี่เติมเต็มบอก ผมหยิบขวดน้ำที่อยู่ในถังโฟมให้พี่เติมเต็ม พี่เติมเต็มรับขวดน้ำไปพร้อมกับใช้มือขยี้ผมของผมเบาๆ

ผมเงยหน้ามองเห็นพี่เติมเต็มยิ้มให้ผม ผมก็เลยยิ้มตอบ เขินชะมัดเวลาที่พี่เติมเต็มทำอะไรแบบนี้

"บรรยากาศมันชมพู๊ชมพู" เสียงพี่ชินท์ครับ

พี่เติมเต็มเอามือลง ก่อนจะดื่มน้ำจนหมดขวด

"มาทำอะไรวะไอ้วิน ไม่เห็นเคยมาที่นี่" พี่ธรณ์ถาม

"ถ้าไม่มีใครที่สำคัญมากพออยู่ที่นี่กูก็คงไม่มา" พี่ธาวินตอบ และไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทุกคนหันมามองที่ผมกันหมด

พี่เติมเต็มจ้องตากับพี่ธาวินเขม็งเลยครับ ผมเริ่มมั่นใจแล้วว่าพวกพี่เขาต้องมีปัญหากันแน่นอน

"พี่ไปก่อนดีกว่า เอาไว้นัดกันอีกที" พี่ธาวินบอกก่อนจะเดินออกไป ผมหันไปมองฟูจิเห็นฟูจิถอนหายใจหนักๆ ก่อนจะตามพี่ธาวินออกไป


"นัดกันไปไหน" พี่เติมเต็มนั่งลงข้างผม เอ่ยถามผมพลางใช้ผ้าขนหนูเช็ดหน้าและเหงื่อตามตัว

"พี่วินจะลงแข่งฟุตบอลอาทิตย์หน้าก็เลยมาชวนผมให้ไปดูครับ" ผมตอบ

"จะไป?"

"ก็ถ้าไม่แข่งพร้อมบาสก็น่าจะไปนะครับ" ผมตอบตามที่คิด ได้ยินพี่เติมเต็มถอนหายใจ ก่อนที่จะลุกไปเปลี่ยนชุด

"ไปเปลี่ยนชุดก่อน"

ผมตอบรับ ดูเหมือนพี่เติมเต็มจะอารมณ์ไม่ค่อยดี ซึ่งผมไม่รู้ว่าเรื่องอะไร




ตอนนี้ผมนั่งอยู่บนรถพี่เติมเต็มครับ หลังจากที่พี่เติมเต็มเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ จนกระทั่งทานข้าวกันเรียบร้อย พี่เติมเต็มก็ดูจะคุยกับผมน้อยมากๆ เหมือนถามคำตอบคำ ไม่รู้ไม่พอใจอะไรผมหรือเปล่า

"พี่เต็ม ไม่พอใจอะไรผมอยู่หรือเปล่า" ผมตัดสินใจถามไปตรงๆเพราะรู้สึกอึดอัด

"เปล่า"

"ไม่จริงอะ พี่ดูเหมือนไม่พอใจอะไรอยู่ คุยก็ไม่ค่อยคุย"

"แค่มีเรื่องให้ต้องคิด"

ผมไม่กล้าถามว่าเรื่องอะไรเพราะปกติไม่ค่อยเห็นพี่เติมเต็มคิดมากเรื่องอะไร เรื่องเรียนก็ไม่น่าจะใช่ เรื่องที่บ้านก็ไม่น่าจะมี งั้นคิดเรื่องอะไรล่ะ



"รู้จักกับไอ้วินมันได้ยังไง" หลังจากนั่งเงียบไปพักใหญ่ พี่เติมเต็มก็ถามขึ้นมา

จริงๆคำตอบไม่ยากแต่ถ้าจะบอกว่าเคยให้พี่ธาวินส่งข่าวเรื่องพี่เติมเต็มให้ มันจะดูแปลกๆมั้ยนะ

"รู้จักกันเพราะฟูจิครับ คือตอนที่พี่เต็มเข้ามาเรียนที่นี่ ผมก็บ่นกับฟูจิว่าพี่มาเรียนไกล ไม่รู้ว่าพี่เป็นยังไงบ้าง ฟูจิก็เลยบอกว่ามีพี่ชายที่อยู่ใกล้บ้านก็เรียนที่นี่เหมือนกัน แถมเรียนวิศวะปีเดียวกันด้วย ฟูจิก็เลยให้พี่วินช่วยส่งข่าวเรื่องพี่เต็มให้ครับ"

"งั้นก็รู้จักกันมานานแล้วสิ"

"พี่วินเขารู้แค่ว่าฟูจิมีเพื่อนที่ เอ่อ...แอบชอบพี่เต็มอยู่ แต่มารู้จักกันมาเจอกันจริงๆก็ตอนที่ผมเข้ามาเรียนที่นี่แล้วครับ"

"เจอกับมันบ่อยมั้ย"

"พี่วินก็ไปหาฟูจิที่คณะบ่อยนะครับ คือฟูจิกับผมอยู่ด้วยกันเกือบตลอดเวลาอยู่แล้วถ้าอยู่มหาลัย"

"แสดงว่าเจอมันบ่อย"

"ก็น่าจะครับ"

"เคยไปไหนกับมันสองคนมั้ย"

"กับพี่วิน ไม่เคยหรอกครับ"

"อืม"



แล้วผมกับพี่เติมเต็มก็นั่งเงียบกันไปจนมาถึงที่หอผม พอพี่เติมเต็มจอดรถ

"พรุ่งนี้เจอกันนะครับ" ผมหันมาบอกพี่เติมเต็ม หลังจากปลดเข็มขัดนิรภัยออก หันไปจะเปิดรถลงไป แต่ประตูยังล็อคอยู่ ผมหันมามองพี่เติมเต็มที่กำลังมองผมอยู่

"มีอะไรหรือเปล่าครับ" ผมถาม

"พี่ขอโทษที่วันนี้อารมณ์เสียใส่เรา"

"ไม่เป็นไรครับ ไม่ต้องขอโทษ ผมไม่ได้โกรธ"

"แต่เราก็คงรู้สึกแย่"

"ไม่ถึงขนาดนั้นครับ ที่ผมถามเพราะถ้าผมทำอะไรให้พี่ไม่พอใจก็บอกผมได้ แต่พอพี่บอกว่าพี่มีเรื่องให้คิด ผมก็เป็นห่วงมากกว่าว่าพี่มีเรื่องอะไร"

พี่เติมเต็มลูบผมของผมไปมา

"เราเป็นเด็กดีมากนะ"

"อยู่ก็มาชมผมแบบนี้ มีอะไรหรือเปล่าครับ" ผมถาม

พี่เติมเต็มหยุดลูบหัวผม และนั่งเงียบไปสักพักก่อนจะพูดขึ้นมา


"คนเก่ง"

"ครับ"

"ความรู้สึกที่คนเก่งมีให้พี่ยังเหมือนเดิมมั้ย ... ยังชอบพี่อยู่มั้ย"

"......"

"......"

"อยู่ๆทำไมถึงถามเรื่องนี้ล่ะครับ"

"พี่แค่อยากได้ความมั่นใจ"

ผมงงครับ ว่าทำไมพี่เติมเต็มถึงต้องการความมั่นใจ


แต่ผมก็พร้อมที่จะตอบครับ


"พี่เต็มถามว่า ผมยังชอบพี่อยู่มั้ย... ตอนนี้ผมไม่ได้ชอบพี่แล้วครับ"

"......" ผมเห็นพี่เติมเต็มสีหน้าไม่ดีเลย ผมพูดอะไรผิดหรือเปล่า

"....."

"ตอนนี้ไม่ได้ชอบแล้ว" พี่เติมเต็มพูดทวนออกมาเบาๆ

"....."

แล้วพี่เติมเต็มก็นั่งเงียบ

ก่อนที่ผมจะได้ยินเสียงปลดล็อคประตูรถ

"ขึ้นหอเถอะ ดึกแล้ว" พี่เติมเต็มพูดโดยไม่ได้มองหน้าผม



ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ในเมื่อพี่เติมเต็มเป็นคนเปิดทางให้ผมพูด ผมก็จะใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์


เอาล่ะ!!


"พี่เต็มครับ ผมไม่ได้ชอบพี่เต็มนานแล้วจริงๆนะ" ผมพูดย้ำอีกรอบ

"ย้ำบ่อยจังเลยว่ะ!!" พี่เติมเต็มดูจะหงุดหงิดเต็มที่เลยครับ

"ผมย้ำเพราะอยากให้พี่รู้ว่า ตอนนี้ผมไม่ได้ชอบแล้ว ... "

ผมยังพูดไม่จบ พี่เติมเต็มก็พูดแทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดีเลย

"เมื่อเวลาผ่านไป คงไม่มีใครที่จะไม่เปลี่ยนไป"



"ผมไม่ได้ชอบพี่แล้ว เพราะว่าผมเปลี่ยนจากชอบ ไปเป็นรักตั้งนานแล้วครับ"



ผมพูดเสร็จก็รีบเปิดประตูรถแล้ววิ่งเข้าหอให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้


โอ๊ยยยย...ผมเขินจนหน้าจะไหม้ พรุ่งนี้จะกล้าเจอหน้าพี่เติมเต็มหรือเปล่าเนี่ย?

ตอนที่คิดว่าจะพูดมันดูไม่ยาก ตอนพูดออกไปยากนิดๆแต่ก็โอเคแหละ

แต่ผลจากการที่พูดออกไป ผมยังไม่พร้อมจะรับปฏิกิริยาตอบกลับของพี่เติมเต็มในตอนนี้

ผมขอเวลาเตรียมตัวเตรียมใจสักหนึ่งคืนนะครับ




TBC.
#เติมเต็มรัก
ninewara✿


ตอนนี้สั้นนิดนึงนะคะ

หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 11] 21/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: MmBb ที่ 21-04-2019 16:07:30
เราหมั่นไส้คนพี่มากๆเลยเริ่มรู้สึกในใจมากกว่าพี่น้องแล้วสินะถึงได้เก็บเอาเรื่องน้องไปคิดมากน่ะ
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 11] 21/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 21-04-2019 17:02:28
 :-[

พี่ต้องใจเย็นๆ55

 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 11] 21/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 21-04-2019 18:07:24
 :pig4: :pig4: :pig4:

ไอ่ประโยคสุดท้ายอ่ะ  พี่มันได้ยินหรือเปล่าเหอะ

กลัวหวยจะออกมาว่า  พี่มันไม่ได้ยินประโยคนั้นเพราะหูดับไปแล้ว
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 11] 21/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 21-04-2019 20:08:23
เอาใจช่วยคนเก่ง
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 12] 24/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ninewara ที่ 24-04-2019 05:23:45
✿เติมเต็มรัก✿ ครั้งที่ 12



[เติมเต็ม part]




ตอนที่ผมเห็นไอ้ธาวินมันเดินเข้ามาคุยกับคนเก่งผมก็แค่สงสัยว่ารู้จักกันเหรอ แต่เห็นสายตาที่มันมองคนเก่งแล้ว รู้สึกหงุดหงิดชิบหาย

"ตั้งใจซ้อมหน่อยมึง" ไอ้ชินท์มันบอกผม

สมาธิผมแทบไม่มีเพราะมัวแต่คอยมองไปทางคนเก่ง

"วันนี้พอแค่นี้" หลังจากที่โค้ชบอกเลิกซ้อม ผมก็รีบเดินไปหาคนเก่งทันที และอดที่จะถามไอ้ธาวินมันไม่ได้ว่ามันมาทำไม

คำตอบของมันและสายตาที่มันมองคนเก่ง ทำให้ผมรู้สึกร้อนรน

ไอ้เหี้ยนี้ มันต้องคิดอะไรกับคนเก่งแน่

ตอนที่คนเก่งบอกว่า มันอยากให้คนเก่งไปเชียร์มัน วันที่มันมีแข่งฟุตบอลผมยิ่งหงุดหงิด ยังดีที่คนเก่งบอกว่าถ้าผมมีแข่งคนเก่งก็จะไม่ไป

นั่นแสดงว่าผมสำคัญกว่า

แต่...ถ้าผมไม่มีแข่งคนเก่งก็จะไปดูมันนะสิ


ยิ่งคิดยิ่งหงุดหงิด!!



พวกคุณคงจะสงสัยว่าตกลงผมคิดยังไงกับคนเก่งกันแน่

อย่างที่เคยบอกผมรู้สึกดีกับคนเก่งมาก แต่ผมยังไม่รู้ว่ามันมากขนาดที่จะคบในสถานะอื่นได้มั้ย ผมรู้แค่ว่าความรู้สึกของผมมันพัฒนาได้

ผมก็เลยบอกคนเก่งให้เราทำความรู้จักกันในฐานะพี่น้อง เพราะผมคิดว่าถ้าความรู้สึกใดๆก็ตามที่มันจะพัฒนาได้ในอนาคตมันต้องมีจุดเริ่มต้น

เริ่มต้นจากพี่น้องมันก็ดูโอเค ถ้าสมมุติว่าสุดท้ายแล้วผมไม่ได้คิดอะไร หรือพอรู้จักกันมากขึ้นผมไม่ได้เป็นอย่างที่คนเก่งเคยวาดภาพไว้ อย่างน้อยเราก็น่าจะยังเป็นพี่น้องกันต่อไปได้



แต่เหตุการณ์วันนี้ มันทำให้ผมรู้สึกไม่สบายใจ ผมเคยรู้สึกว่าผมยืนหนึ่งมาตลอด และไม่เคยคิดในแง่ที่ว่ามีคนอื่นเข้ามาชอบคนเก่งเลย

ผมไม่ได้หมายความว่าคนเก่งมันไม่น่ารักนะครับ คนเก่งมันน่ารักและแสนดีทั้งภายนอกและภายใน เอ่อ...ผมหมายถึงจิตใจของคนเก่งนะครับ แต่ผมเคยคิดแบบเข้าข้างตัวเองว่าคนเก่งไม่น่าจะชอบคนอื่นได้ โอเค..มันอาจจะไม่ชอบคนอื่นแต่ผมลืมจุดที่อาจจะมีคนอื่นมาชอบมัน


ความมั่นใจตลอดห้าปีที่ผ่านมาของผมในตอนนี้มันโคตรสั่นคลอน


ยิ่งตอนที่ผมถามคนเก่งว่ายังชอบผมอยู่มั้ย คำตอบที่ไม่คาดฝันของคนเก่งทำให้ผมอึ้งและทำตัวไม่ถูก


'ผมไม่ได้ชอบพี่แล้ว'


ประโยคนี้ก้องอยู่ในหูผมซ้ำๆ แม้เป็นเวลาแค่ไม่กี่นาที และคนเก่งก็ยังคงพูดย้ำอีกสองสามครั้ง


ผมที่รู้สึกว่าตัวเองกำลังจะจมน้ำแต่มีมือของใครบางคนดึงผมขึ้นมาจากน้ำ



'ผมไม่ได้ชอบพี่แล้ว เพราะว่าผมเปลี่ยนจากชอบ ไปเป็นรักตั้งนานแล้วครับ'



สภาพผมคือนั่งประมวลคำพูดของคนเก่งอยู่หลังพวงมาลัยรถ ผมไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองอ่อนด้อยขนาดนี้มาก่อน

หลังจากประมวลผลเรียบร้อย สิ่งแรกที่ผมทำไม่ใช่การขับรถออกไป แต่ผมเลือกที่จะโทรหาคนที่วิ่งหนีเข้าหอไปก่อน


ไม่รับสายครับ ครั้งที่ 1
ไม่รับสายครับ ครั้งที่ 2
ตัดสายครับ ครั้งที่ 3

ผมเลือกเข้าแอพสนทนาสีเขียว


teimtem : รับสาย

konkengg : พรุ่งนี้ค่อยคุยกันครับ

ไม่รับสายแต่ตอบไลน์ไวมาก

teimtem : ถ้าไม่รับ
teimtem : จะขึ้นไปหา
teimtem : เลือกเอา

konkengg : พรุ่งนี้คุยกัน
konkengg : นะครับ

ิอย่าอ้อน ไม่สำเร็จหรอก

teimtem : 5
teimtem : 4
teimtem : 3



สายเรียกเข้า
.... คนเก่ง ....



ผมยิ้ม ก็แค่นี้
ผมกดรับสาย


"วิ่งหนีไปทำไม"

(ก็มันกลัว)

"กลัวอะไร'

(.......)

"กวนว่ะ"

(กวนอะไร)

"ก็ตอบคำถามกวน"

(คำถามไหนครับ)

"ที่ถามว่ายังชอบพี่อยู่มั้ย"


คนเก่งเงียบไม่พูดอะไร ซึ่งผมไม่ชอบแบบนี้เลย ไม่ใช่ไม่ชอบที่คนเก่งเงียบนะ แต่ไม่ชอบที่เวลาคุยกันแล้วไม่ได้เห็นว่าอีกฝ่ายมีท่าทางเป็นยังไง


"อย่าเพิ่งวางนะ"

(ครับ)

ผมขับรถเข้าไปจอดที่ลานจอดรถของหอพัก หลังจากจอดรถเรียบร้อย ผมก็เดินมาบริเวณประตูทางเข้าหอพัก ตอนนี้ประมาณสามทุ่ม คนเดินเข้าออกหอมีบ้างประปราย

"แล้วทำอะไรอยู่" ผมถามคนเก่งเพราะได้ยินเสียงของอีกฝ่ายเหมือนกำลังทำอะไร

(กำลังเตรียมตัวจะอาบน้ำครับ)

"วางแป๊ป"

ผมบอกคนเก่งเพราะสายตามองไปเห็นผู้ชายคนหนึ่งหน้าตาคุ้นๆว่าจะเป็นรุ่นน้องปีหนึ่งวิศวะ

และโชคดีเป็นของผมที่น้องคนนั้นหันมาเจอผมพอดี

"หวัดดีครับพี่เต็ม มาทำไรครับพี่"

"มาหาเพื่อน มันให้กุญแจห้องมาบอกให้ขึ้นไปรอ แต่พี่เข้าหอไม่ได้ไม่มีคีย์การ์ด ก็เลยต้องยืนรอมัน"

"งั้นเข้าไปพร้อมผมก็ได้ครับ ผมอยู่หอนี้เหมือนกัน"

นี่คือเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีนะครับ และไอ้รุ่นน้องคนนี้ก็ประมาทเกินไป หอนี้มันมีแต่เด็กปีหนึ่งที่อนุญาตให้พักได้ แล้วผมจะมาหาเพื่อนที่อยู่หอนี้ได้ยังไง

แต่ผมก็ต้องขอบคุณรุ่นน้องมันครับ ไม่งั้นผมก็คงเข้ามาไม่ได้

คนเก่งอยู่ชั้นห้าครับ ห้อง 504 โชคดีมากที่ยังมีลิฟต์ หอพักที่คนเก่งอยู่เป็นหอในครับ หอพักจะตั้งอยู่ในบริเวณของรั้วมหาวิทยาลัยแต่จะแบ่งโซนพื้นที่อย่างชัดเจน ค่อนข้างกว้างขวาง ในความคิดของผม เป็นหอในที่ดูดีมากกว่าหอในของหลายๆมหาวิทยาลัยที่ผมเคยรู้มา

ผมเคยมาส่งคนเก่งหลายครั้งแต่ผมยังไม่เคยมาที่ห้องของคนเก่งเลยสักครั้ง

พอออกจากลิฟต์มา ผมก็กดมือถือออกหาคนเก่งอีกครั้ง คนเก่งไม่รับสาย เดาว่าน่าจะกำลังอาบน้ำ เดินออกจากลิฟต์มาไม่ไกล จะมีพื้นที่ที่ก่อนหน้านี้ผมว่ามันน่าจะเคยเป็นระเบียงมาก่อน แล้วมาจัดเป็นสวนหย่อม ผมก็เลยคิดว่านั่งรอคนเก่งอยู่ตรงนี้ก็น่าจะดีกว่าไปยืนรอหน้าห้อง


teimtem : อาบน้ำ?
teimtem : อาบเสร็จแล้วโทรกลับด้วย


ผมนั่งรอประมาณสิบนาทีคนเก่งก็โทรมา

"อาบน้ำเหรอ"

(ครับ)

"เรียบร้อยยัง"

(ครับ)

"แต่งตัวแล้ว?"

(ใช่ครับ)

ผมเดินมาถึงหน้าห้องคนเก่งเรียบร้อย

"พี่อยู่หน้าห้องเปิดประตูเร็ว"

(หะ!?)

"เร็ว"

ผมได้ยินเสียงเคลื่อนไหวอยู่บริเวณอีกฝั่งหนึ่งของประตู ผมเดาว่าคนเก่งคงกำลังส่องตาแมวตรงประตู

(พี่ขึ้นมาได้ไง!) น้ำเสียงตกใจมากเลยครับ

"เปิดประตู"

สักพักประตูห้องคนเก่งก็เปิดออก

"วางสายได้แล้ว" ผมบอกคนเก่งที่ยังถือโทรศัพท์แนบหูอยู่


ห้องคนเก่งก็เป็นห้องธรรมดาเหมือนหอพักทั่วๆไป มีเตียง ตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเขียนหนังสือ แต่ตรงข้างเตียงนอนมีชุดโซฟาเพิ่มมา ผมเดาเอาว่าอันนี้คนเก่งน่าจะซื้อมาเองเพราะสีมันไม่ค่อยเข้ากับเฟอร์นิเจอร์ชิ้นอื่นในห้อง

ผมเลือกนั่งลงตรงโซฟา

"พี่เต็มขึ้นมาได้ไงครับ"

ผมมองดูคนเก่งที่ตอนนี้ใส่ชุดที่คาดว่าน่าจะเป็นชุดนอนของเจ้าตัว เป็นเสื้อกล้ามสีดำ และกางเกงบ็อกเซอร์สีเดียวกัน พอเห็นแบบนี้แล้วคนเก่งมันดูตัวเล็กมากและมันขาวมากครับ ขามันแทบจะไม่มีขนเลย

"พี่เต็มมองอะไรเนี่ย" คนเก่งมันโวยขึ้นมา ซึ่งก็พอจะดูออกว่ามันเขินมาก ก่อนจะเดินไปหยิบหมอนและมานั่งข้างผมที่โซฟาตัวเดียวกัน และเอาหมอนมาวางไว้บนตัก

อดจะหัวเราะออกมาไม่ได้

"หัวเราะอะไรเล่า" คนเก่งมันเขินครับ ตัวมันเริ่มแดงแล้วตอนนี้

"ที่มองเพราะไม่เคยเจอแต่งตัวแบบนี้ ที่หัวเราะเพราะขำเรานั่นแหละ"

"ยังไม่ตอบผมเลยว่าขึ้นมาได้ไง"


ผมก็เล่าให้ฟังตามจริง


"พี่เต็มจริงหรือเปล่าเนี่ย ทำไมร้ายกาจ"

อย่าว่าแต่คนเก่งแปลกใจเลย ขนาดตัวเองผมยังแปลกใจ



"ผมยังชื้นอยู่เลย" ผมจับผมของคนเก่งก็เห็นว่ายังเปียกอยู่เล็กน้อย

"ก็พี่เต็มมาตอนกำลังเช็ดผมอยู่"

คนเก่งเดินไปหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กแล้วกลับมานั่งที่เดิม

ผมนั่งมองคนเก่งที่นั่งเช็ดผมตัวเองอยู่

"แล้วพี่เต็มมีอะไรเหรอครับ" คนเก่งดูจะเขินผมมาก แดงไปทั้งตัวแล้วมั้ง

"พูดอะไรเอาไว้ก่อนที่จะวิ่งขึ้นหอมา" ผมถาม และดูเหมือนคนเก่งจะลืมไปแล้ว ดูจากการที่ชะงักมือที่กำลังเช็ดผมอยู่

"ก็......ผมว่าพี่เต็มก็ได้ยินแล้ว" คนเก่งตอบ ก่อนจะเริ่มเอาผ้าขนหนูที่เช็ดผมอยู่มาคลุมหัวตัวเองมากขึ้น คล้ายๆจะหลบภัย

"นั่งหันหลังมาดีๆสิ" ผมบอกคนเก่ง ก่อนที่คนเก่งจะนั่งหันหลังให้ผม บนโซฟาตัวเดียวกัน ผมเอื้อมมือไปจับผ้าขนหนูที่อยู่บนหัวของคนเก่ง ก่อนจะเริ่มเป็นคนเช็ดผมให้คนเก่งแทนเจ้าตัวที่ดูเหมือนว่ามือไม้ดูเกะกะไปหมดและดูเกร็งๆ

ผมอดยิ้มอย่างเอ็นดูไม่ได้


"พี่เต็มครับ"

"หืม?"

"พี่น้องกัน...เขานั่งเช็ดผมให้กันแบบนี้ด้วยเหรอครับ" ผมชะงักเล็กน้อยกับคำถามของคนเก่ง ก่อนจะเช็ดผมต่อ เส้นผมของคนเก่งนิ่มมากและเส้นเล็กด้วยครับ


"ไม่รู้เหมือนกันแต่พี่ก็ไม่เคยเช็ดผมให้ไอ้ติวนะ และไม่คิดจะทำด้วย" ผมตอบไปตามที่คิด แค่นึกภาพว่าต้องมานั่งทำอะไรแบบนี้ให้น้องชายตัวเองก็รู้สึกแปลกๆแล้ว แต่ในขณะเดียวกัน กับคนเก่งผมกลับรู้สึกดี

คนเก่งมักจะมีกลิ่นประจำตัว ผมอธิบายไม่ถูกว่าเป็นกลิ่นแบบไหน เป็นกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ผมเคยได้กลิ่นแบบนี้ทุกครั้งที่คนเก่งอยู่ใกล้ๆแต่ผมไม่เคยสังเกต ผมเพิ่งมาสังเกตเมื่อเร็วๆนี้ว่ากลิ่นนี้คือกลิ่นของคนเก่ง

และตอนนี้ผมรู้สึกได้ถึงกลิ่นที่ชัดเจนมากขึ้นเมื่อมาอยู่ในห้องของเจ้าตัวแบบนี้

"ผมว่า ผมน่าจะแห้งแล้วล่ะครับ" คนเก่งพูดขึ้น

ผมจับผมคนเก่งดู ใกล้แห้งแล้วครับผมก็เลยเอาผ้าขนหนูออก ผมจับตัวคนเก่งให้หันหน้ามาหาผม

"ถามว่ายังชอบมั้ย ทำไมต้องตอบว่าไม่ ในเมื่อยังเหมือนเดิม" ผมถามและคนเก่งทำตาโต คงตกใจที่อยู่ๆผมก็พูดขึ้นมา

"ก็..พี่เต็มถามว่ายังชอบมั้ย ผมก็ตอบไปตามตรง ก็..ไม่ได้ชอบตั้งนานแล้วอะ" คนเก่งตอบ

"ไม่ได้ชอบ ... แล้วรู้สึกยังไง" ผมอยากได้ยินอีกครั้ง

ที่คิดว่าหน้าแดงมากอยู่แล้ว ผมเพิ่งรู้ว่ามันยังสามารถที่จะแดงได้อีก

"พี่ก็ได้ยินแล้ว"

"ไม่ได้ยิน พูดเร็วมากใครจะฟังทัน"

"ขี้โกงแล้วเนี่ย" คนเก่งโวยวาย

"พูดเถอะ อยากได้ยิน"


"นั่งมองแบบนี้ใครจะกล้าพูด"

ผมยิ้มก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นนั่งหันหลังให้คนเก่งแทน

"พูดได้แล้ว" ผมเร่ง




"ผม ... รักพี่เต็มครับ"



พอได้ยินคนเก่งพูดแบบนี้ออกมา ใจผมมันเต้นรัวเลยทันที ผมหันกลับมามองคนเก่ง คนเก่งนั่งเอาหน้าซุกกับหมอน มองเห็นแค่ใบหูที่ตอนนี้แดงมาก

ผมกลับมานั่งตามปกติแล้วใช้มือลูบผมของคนเก่งไปมา ผมชอบนะที่ได้ทำแบบนี้


ผมไม่รู้จะพูดอะไรออกไปดี แต่คำๆนี้มันตรงกับใจผมมากที่สุด


"ขอบคุณนะ"


ผมไม่ได้พูดอะไรต่ออีก นั่งเงียบไป รอจนคนเก่ง เงยหน้าขึ้นมาจากหมอน คนเก่งเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผมที่มองอยู่ก่อนแล้ว คนเก่งยังหน้าแดงอยู่เลยครับ

"แล้วจะนอนหรือยัง" ผมถามเรื่องอื่น เพราะอยากให้คนเก่งผ่อนคลาย

"ยังครับ จะหาข้อมูลทำรายงานก่อน" คนเก่งตอบ

"ทำเลยสิ" ผมบอก

"รอพี่เต็มกลับก่อนก็ได้ครับ"

"ทำเลยไม่ต้องรอ เผื่อพี่จะนอนที่นี่"

ึคนเก่งหันมามองผม ทำตาโต ต่อมาเปลี่ยนเป็นหน้ามุ่ย และผมรู้สึกเหมือนจะโดนมองค้อนๆยังไงก็ไม่รู้

"จะนอนได้ไงล่ะครับ เสื้อผ้าก็ไม่มีให้เปลี่ยน"

"ถ้ามีก็นอนได้ใช่มั้ย"

"คอนโดพี่เต็มอยู่แค่หน้ามอเองนะ"

"นั่นสิ กลับไปเอาเสื้อผ้าแป๊ปเดียว"

"ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น"

ได้แกล้งมันก็สนุกดีครับ ผมไม่ได้คิดที่จะนอนกับคนเก่งจริงๆหรอก แต่ชอบเวลาเห็นคนเก่งทำหน้าไม่ค่อยถูก

มันน่ารักดี



"งั้นพี่กลับแล้วนะ" ผมบอกพร้อมกับยืนขึ้น เห็นคนเก่งมันมีสีหน้าโล่งใจแล้วก็อดไม่ได้

"ครับ"

"กลับไปเอาเสื้อผ้ามานอนค้าง"

"ไม่ต้องเลย"

"ถามหน่อย ฟูจิไม่เคยมานอนค้างหรือไง"

"เคยครับ"

"ก็เคยมีคนมาค้างนี่ แล้วทำไมพอพี่จะค้างบ้าง ดูเราทำหน้า"

"ก็...มันเหมือนกันซะทีไหนล่ะครับ"

"ความเป็นพี่น้องก็น่าจะได้สิทธิ์มากกว่าเพื่อนมั้ย"

"ไม่อยากคุยกับพี่แล้ว กลับได้แล้วครับ"

ผมเดินมาที่ประตูห้อง เห็นคนเก่งเดินไปหยิบพวงกุญแจ

"จะไปไหน"

"เดี๋ยวผมลงไปส่ง"

"ชุดนี้?"

"ครับ"

"ถ้าจะลงไปส่ง หากางเกงและเสื้อแขนยาวมาใส่ทับก่อนค่อยลงไป อืมมม...แต่ไม่ต้องดีกว่า ไม่ต้องลงไป"

คนเก่งมันทำหน้าไม่เข้าใจ

"ปกติเคยลงไปข้างล่างด้วยชุดนี้มั้ย"

"ไม่ครับ ปกติขึ้นหอมาแล้วจะไม่ออกไปไหน"

"งั้นวันนี้ก็ไม่ต้องลง"

ผมคงปล่อยให้มันที่แต่งตัวแบบนี้ออกจากห้องไม่ได้หรอกครับ บอกตามตรงว่าผมรู้สึกหวงมัน

ก็น่าจะอารมณ์ประมาณเหมือนหวงน้องชายล่ะมั้ง แต่กับติวเตอร์ผมก็ยังไม่เคยหวงมันมาก่อน

อย่าเพิ่งหมั่นไส้ผมครับ เอาเป็นว่าผมรู้ว่าผมหวงคนเก่งแบบไหน แต่แค่ขอมั่นใจอีกสักนิด





"ส่งแค่นี้ก็พอ กลับห้องได้แล้ว"

หลังจากเถียงกันไปมาเลยได้ข้อสรุปคือผมอนุญาตให้คนเก่งมาส่งได้แค่หน้าลิฟท์เท่านั้น แต่ต้องสวมเสื้อคลุมออกมาด้วย

"ครับ พี่เต็มขับรถดีๆนะครับ"

"ไปได้แล้ว"

"เดี๋ยวรอพี่เข้าลิฟท์ก่อน"


ไม่นานลิฟท์ก็ลงมา ผมเดินเข้าไปในลิฟท์ ช่วงระหว่างที่รอประตูลิฟท์ปิด ผมกับคนเก่งมองหน้ากัน มันเป็นความรู้สึกที่ผมอธิบายไม่ถูก แว่บหนึ่งผมรู้สึกเหมือนไม่อยากกลับ และอีกแว่บหนึ่งคือรู้สึกมันจะมุ้งมิ้งไปหรือเปล่าว่ะ ที่คนเก่งยืนรอให้ผมเข้าลิฟท์ก่อนถึงจะกลับห้อง

แต่ถึงจะมุ้งมิ้งผมก็ว่า...มันดีนะ




ผมเดินมาถึงรถ ตอนที่กำลังจะสตาร์ทรถ ไลน์ของผมก็แจ้งเตือนขึ้นมา


konkengg : ถึงห้องแล้ว
konkengg : ไลน์บอกด้วยนะครับ


ผมอ่านแต่ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ซึ่งคนเก่งก็ไม่เซ้าซี้ ข้อดีอีกเรื่องของคนเก่งคือคนเก่งไม่เคยถาม ไม่เคยเซ้าซี้เวลาที่ผมอ่านไลน์แล้วไม่ตอบ หรือตอบช้า หรือแม้กระทั่งไม่อ่านเลย

คนเก่งไม่เคยถามว่า...ทำไม?

ไม่เคยแม้แต่จะส่งสติกเกอร์มากดดัน ผมเห็นเพื่อนบางคนเคยมาบ่นให้ฟังว่าเวลาที่อ่านไม่ตอบหรือตอบช้า แฟนจะส่งสติกเกอร์มาให้แบบเยอะมาก บางทีเป็นสิบๆอันก็มี เหมือนเป็นการกดดันว่าต้องตอบๆ ซึ่งคนเก่งยังไม่เคยทำ


เอ๊ะ! ทำไมผมถึงเปรียบเทียบคนเก่งกับแฟนเพื่อนล่ะ


เอาน่า มันก็คงจะคล้ายๆกัน




ผมใช้เวลาขับรถไม่นานก็ถึงคอนโด หลังจากส่งข้อความไปบอกคนเก่งว่าถึงคอนโดแล้ว คนเก่งก็ตอบมาแค่

'โอเคครับ'

กลายเป็นผมที่คอยลุ้นว่าคนเก่งจะส่งข้อความอะไรมาอีกมั้ย แต่ว่างเปล่า

เมื่อรออยู่หลายนาที ไม่เห็นมีข้อความใดๆจากคนเก่ง ผมตัดสินใจรีบอาบน้ำเพราะตั้งใจว่าจะอ่านหนังสือสักสองสามชั่วโมง


konkengg : นอนแล้วน๊า
konkengg : ฝันดีนะครับ


คนเก่งส่งข้อความมาตอนเกือบตีสอง

teimtem : ห่มผ้าด้วยล่ะ

ผมเก็บหนังสือและเข้านอน คืนนั้นผมนอนฝันว่าคนเก่งมาพูดกับผมว่า 'ผมรักพี่เต็ม' ทั้งคืนเลยครับ





สองสามวันหลังจากนั้น หลังจากที่ผมขับรถไปส่งคนเก่งที่คณะเรียบร้อย ผมก็ขับรถมาจอดที่ลานจอดรถของคณะตัวเอง ผมยังจอดรถไม่เรียบร้อยดี เพื่อนๆผมก็กระหน่ำโทรหาผมกันใหญ่


"ว่าไงวะ" ผมรับสายไอ้ธรณ์ หลังจากที่มันโทรติดๆกันสี่สาย พอรับสายไอ้ธรณ์ ก็มีเสียงสายซ้อนดังขึ้นมา มองดูหน้าจอเป็นไอ้ทัตพลที่โทรเข้ามา

(มึงอยู่ไหน)

"เพิ่งจอดรถ กำลังเดิน"

(เออ รีบมา)

ได้ยินเสียงไอ้ชินท์ดังแทรกมาว่า 'ให้มันวิ่งมาเลย' ก่อนที่ไอ้ธรณ์จะวางสาย


มีเรื่องอะไรกันวะ


ประโยคแรกที่ไอ้ธรณ์มันพูดขึ้นทันทีที่ผมมาถึงโต๊ะ

"งานเข้ามึงแล้วไอ้เต็ม"

"อะไรวะ ส่งงานไม่ผ่านเหรอ" ในหัวผมคิดแค่ว่าน่าจะเป็นเรื่องงานชิ้นล่าสุดที่ส่งอาจารย์ไป

"มึงได้ตามเพจของมอเราเปล่าวะ NiceGuys อะ" ไอ้ทัตพลถาม

"ไม่ได้ตาม ทำไมวะ"

"เชิญมึงทัศนาเลยครับเพื่อน" ไอ้ชินท์บอก ก่อนจะยื่นมือถือมันมาให้ผม มีอะไรวะ เพจนี้ผมไม่เคยตามครับแต่ก็ทราบว่าเคยลงรูปผมบ่อยๆ


สิ่งที่ผมเห็นจากมือถือของไอ้ชินท์ ทำเอาผมพูดอะไรไม่ออก



อะไรคือมีรูปคู่คนเก่งกับไอ้ธาวินลงเพจ NiceGuys แล้วแคปชั่นนี่คืออะไร!!





NiceGuys

         พี่ธาวิน ปี 3 วิศวะเครื่องกล ไม่รู้งานนี้สาวๆหนุ่มๆจะอกหักกันหรือเปล่า เพราะพี่ธาวินบอกแอดว่ากำลังตามจีบคนในรูปนี้อยู่ แถมยังบอกให้แอดช่วยเชียร์ด้วย เพิ่งเคยเห็นพี่ธาวินออกตัวแรงขนาดนี้ แฟนคลับว่ายังไงกันคร่าาาาา




"คนกดไลค์เป็นหมื่น คนแชร์อีกเพียบ ลงทั้งเฟซบุ๊ก ทั้งไอจีเลยมึง"

"พวกมึงอ่านเม้นกันยัง คนเชียร์ไอ้วินโคตรเยอะ"

ผมไม่รู้ว่าจะโมโหหรือจะหงุดหงิด หรือจะรู้สึกทุกๆอย่างรวมกันดี

"พวกมึงๆอ่านคอมเม้นท์เร็ว" ไอ้ชินท์บอก



comment 1 : งื้อออ ดีต่อใจค่ะ
comment 6 : ขอวาร์ปหน่อยค่ะแอด น้องน่ารักจัง
thawin_s : แอดมินน่ารักครับ ^^
comment 124 : กรี๊ดๆๆๆ ขอให้จีบสำเร็จนะคะพี่วิน @thawin_s
justjo : ถ้าจะจีบผมว่ายากครับเพราะหัวใจเขาให้คนอื่นไปแล้ว @thawin_s
thawin_s : ตราบใดที่ยังไม่เป็นแฟน ผมก็มีสิทธิ์ครับ @justjo
justjo : ถามเขาด้วยครับว่าเขาให้สิทธิ์คุณมั้ย
justjo : คุณใช้คำว่า 'ยังไม่เป็น' แสดงว่าคุณรู้อยู่แล้วว่าเขามีคนในใจแต่ก็จะจีบเขา แบบนี้เรียกว่าอะไรเหรอครับ



"เหี้ยยย ไอ้โจ้แม่งแรงชิบหาย" ไอ้ธรณ์พูด

"เออ! สุดอะ" ไอ้ชินท์เห็นด้วย

ผมสัญญาเลย เจอไอ้โจ้คราวหน้า ผมจะเลี้ยงเหล้ามันชุดใหญ่เลย

"แล้วมึงจะยังไงต่อครับเพื่อน คู่แข่งออกตัวแล้วนะเว้ย" ไอ้ชินท์ถามผม



หลังจากวันนั้นที่เจอไอ้ธาวินมันไปหาคนเก่งที่สนามบาส พวกผมก็คุยกันเรื่องไอ้ธาวินมันเหมือนกันครับ คนที่เริ่มคุยคือพวกเพื่อนผม เพราะสงสัยพฤติกรรมไอ้ธาวินตั้งแต่วันนั้น

อันที่จริงแล้ว พวกผมกับไอ้ธาวินไม่เคยมีปัญหาหรืออะไรกันมาก่อนเลยนะครับ ไม่น่าเชื่อว่าวันหนึ่งผมจะมาเคืองใจกับมันเพราะเรื่องผู้ชาย

แม่ง! ไม่ใช่เรื่องผู้หญิงด้วยนะ

แล้วผู้ชายหล่อๆน่ารักๆ มีตั้งเยอะแยะ มันจะมาอะไรกับคนเก่งวะ


"ก่อนอื่น พวกมึงอ่านเม้นล่าสุดของไอ้วินก่อน"



thawin_s : ไม่รู้ว่าคุณเป็นใครแต่น่าจะรู้จักกับ 'เขา' คนนั้นที่ 'ยังไม่เป็น' ฝากบอกให้เขาเคลียร์คนของเขาก่อนดีกว่ามั้ย @justjo




"อะไรคือเคลียร์คนของเขาวะ" ไอ้ชินท์ถาม

"มึงคบใครอยู่ไอ้เต็ม" ไอ้ทัตพลถาม

"กูจะคบใครวะ วันๆก็มีแต่น้องมัน" ผมพูด

"แน่ะ ยังไงวะ เลื่อนสถานะกันไม่บอกพวกกูเหรอวะ" ไอ้ชินท์มันแซว

"ก็ยังพี่น้องกันอยู่" ผมตอบ

"แล้วมึงจะรออะไรวะ จะรอให้ไอ้วินมันได้ไปหรือไง!" ไอ้ธรณ์เสียงดังครับ

"กูแค่รอเวลาให้มั่นใจ"

"ให้ใครมั่นใจ มึงหรือน้องมัน" ไอ้ทัตพลถาม

"ก็ทั้งคู่"

"มึงจะมาอยากได้ความมั่นใจอะไรตอนนี้วะ ห้าปีแล้วนะเว้ย" ไอ้ธรณ์ครับ

"เออกูรู้ แต่กูกับคนเก่งเพิ่งจะมาทำความรู้จักกันแบบจริงจังเมื่อไม่นานนี่เองนะเว้ย กูกลัวสุดท้ายแล้วถ้ากูไม่ใช่สำหรับน้องมัน .... "

"หยุด" ไอ้ธรณ์พูดขัดผม

"ถ้ามึงไม่ใช่ กูว่าน้องมันเลิกสนใจมึงแล้ว ก็หล่อ ก็เพอร์เฟค แต่ขี้เก๊ก ฟอร์มเยอะชิบหาย ถ้าเป็นกู กูไม่เสียเวลากับมึงแล้ว"

"เออ!จริง กว่าจะเปิดใจยอมทำความรู้จักด้วยก็ผ่านมาตั้งห้าปี"

"ไปรับไปส่ง ไปไหนมาไหนด้วยแต่ไม่ชัดเจนอะไรสักอย่าง"


ทำไมกลายเป็นผมโดนรุมวะ


"แล้วทำไมพวกมึงหันมารุมกูวะ"

"กูเกลียดความฟอร์มจัดของมึง จะปล่อยให้น้องมันรออีกแค่ไหนวะ ถ้าไม่ใช่เพื่อนนะ กูจะจีบเองนานแล้ว ไม่มาถึงไอ้วินมันออกตัวหรอก" ไอ้ชินท์มันพูด

ผมรู้สึกมือเท้ามันกระตุก ใจเย็นๆ

"สรุปมึงชอบคนเก่งจริงๆเหรอไอ้ชินท์" ผมถาม

"ก็กูเคยบอกมึงแล้วว่ากูอยากได้การ์ดอะไรแบบที่คนเก่งส่งให้มึงบ้าง ถ้าคนเก่งชอบกูนะ กูไม่ให้รอถึงห้าปีหรอก" ไอ้ชินท์ตอบ

"ว่าแต่ไหนการ์ดของวันนี้ มีมั้ย?"

"ไอ้ชินท์ มึงไม่คิดบ้างเหรอว่าไอ้เต็มมันก็อยากอ่านคนเดียว"

"ไม่คิด เพราะมันอยากให้พวกเราอิจฉามัน"



ผมหยิบการ์ดที่คนเก่งให้ผมก่อนที่จะลงจากรถออกจากกระเป๋าเสื้อช็อปออกมา




"To...พี่เติมเต็ม

       ช่วงนี้นอนดึกทุกคืนเลย ต้องดูแลสุขภาพเยอะๆนะครับ พี่เต็มไม่ชอบของหวานๆ แต่ช็อคโกแลตอันนี้ไม่หวานมากก็น่าจะพอทานได้นะครับ

                         เทคแคร์ & ซียูครับ
                                   คนเก่ง
                               14/xx/20xx"




ช่วงหลังมาคนเก่งจะลงท้ายการ์ดว่า 'เทคแคร์ & ซียูครับ' เสมอ คนเก่งบอกเพิ่มซียูมา ก็เพราะมันมีความหมายว่า 'ไว้เจอกัน' คนเก่งบอกมันคล้ายๆกับคำว่า 'พรุ่งนี้เจอกัน' ที่เราสองคนพูดบ่อยๆ


เมื่อเช้าคนเก่งให้ช็อคโกแลตแท่งเล็กๆผมมาแท่งหนึ่ง ผมเลยหักแบ่งให้คนเก่งครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่งเป็นของผม ผมทานเข้าไปทันที ส่วนเจ้าตัวไม่ยอมทาน พอผมถามคนเก่งบอกว่า


'ผมอยากเก็บไว้มากกว่าเพราะมันเป็นของที่พี่เต็มให้'


ผมอดที่จะลูบผมคนเก่งด้วยความเอ็นดูไม่ได้ มันเป็นเด็กที่มีมุมน่ารักเยอะครับ

อย่างประโยคนี้ คนเก่งก็หมายความตามนั้นจริงๆ ไม่เคยคิดซับซ้อนหรือเรียกร้องอะไรจากผม และพูดโดยไม่มีอาการน้อยใจหรือเสียใจ





"กูว่ากูพอจะเดาได้ว่าที่ไอ้วินมันพูดมันหมายถึงใคร" ไอ้ทัตพลที่นั่งเงียบไปนานพูดขึ้น ดึงให้ผมกลับมา

"คนของไอ้เต็มอะนะ" ไอ้ชินท์ถาม

"ใช่"

"ใครวะ"

"เมื่อหลายวันก่อนเราคุยกันเรื่องที่ไอ้วินมันเคยส่งข่าวเรื่องไอ้เต็มให้คนเก่งใช่มั้ย" ไอ้ทัตพลเริ่มเล่า

"ใช่"

"แล้วพวกมึงคิดว่าไอ้วินมันจะไม่เล่าเรื่องนี้เหรอวะ"



ไอ้ทัตพลยกมือถือขึ้นมาให้พวกผมดูรูปที่ปรากฎอยู่ที่หน้าจอ เป็นรูปคู่ของผมกับอิงค์ช่วงที่หลังจบจากการประกวดดาวเดือน





NiceGuys

       การประกวดจบแล้วแต่ยังเห็นเดือนและดาวต่างคณะสองคนนี้ เจอะเจอกันบ๊อยบ่อย เอ...ไม่รู้ว่ามีซัมติงอะไรกันหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆลงรูปคู่ด้วยกันบ่อยมากค่ะคู๊ณณณณ!!!




"อิงค์นะเหรอ" ผมถาม

"เออ!"

"ที่นั่งเงียบนี่คือนั่งขุดรูปเหรอวะไอ้ทัต" ไอ้ชินท์ถาม

"ใช่นะสิ"

"ความพยายามสูงสุดๆ รูปตั้งแต่สองปีที่แล้ว มึงยังขุดเจอ"

ผมเห็นด้วยกับไอ้ชินท์

"ก็กูนั่งคิดไงว่า กูก็ไม่เห็นไอ้เต็มมันจะมีใครเข้ามานอกจากคนเก่ง พอนึกไปนึกมาเลยจำได้ว่ามีอิงค์อีกคน คนอื่นก็เข้ามาแบบผิวเผินไม่ได้แสดงตัวอะไร ก็เข้าประเด็นแค่อิงค์คนเดียว"

"พวกมึงก็รู้ว่ากูกับอิงค์มันยังไง"

"ใช่ กูรู้ แต่ไอ้วินอาจจะไม่รู้"

"และที่สำคัญ คนเก่งก็ไม่รู้"

"ไม่รู้ว่ามึงกับอิงค์เป็นอะไรกัน"

"กูว่าน้องมันก็ต้องตามเพจนี้ เพราะน้องชอบมึง เพจนี้ช่วงนั้นลงรูปมึงบ่อยจะตาย น้องมันก็ต้องเคยเห็นรูปคู่มึงกับอิงค์ รวมทั้งในเฟซบุ๊กด้วย อิงค์แท็กหามึงบ่อย"

ผมอดทึ่งพวกเพื่อนๆผมไม่ได้ มันวิเคราะห์ออกมาได้เป็นเรื่องเป็นราว พวกมึงควรไปเป็นตำรวจสืบสวนสอบสวน

"กูขอสนับสนุนความคิดเห็นไอ้ทัต ไอ้เต็มมึงจำได้มั้ยที่มีวันหนึ่ง คนเก่งไม่ยอมไปกินข้าวกับพวกเราหลังจากเลิกซ้อมบาส" ไอ้ธรณ์

"จำได้"

"วันนั้นอิงค์มาโรงยิมพร้อมกับมึง และบอกว่าจะไปกินข้าวกับพวกเรา"

"ต่อมาคนเก่งขอตัวไม่ไปด้วย"

"กูว่ามันต้องเกี่ยวกับอิงค์แน่"

พอฟังเพื่อนๆมันวิเคราะห์กัน ผมว่าความเป็นไปได้มันก็มีอยู่ค่อนข้างเยอะ เพราะผมจำได้ว่าวันนั้นคนเก่งหน้าเศร้ามาก ไม่ค่อยร่าเริง แววตาที่มองผมในวันนั้นก็ไม่สดใสเหมือนเคย

"สิ่งแรกที่มึงต้องทำคือทำแบบที่ไอ้วินมันพูด 'เคลียร์คนของเขา' ก่อน"

"เคลียร์กับอิงค์?"

"ถูก"

"และเคลียร์กับน้องมันด้วย"

"น้องมันต้องอยากรู้ แต่น้องมันไม่ถาม ถ้าให้กูเดาจากนิสัย น้องมันคงเกรงใจที่จะถามและกลัวจะก้าวก่ายเรื่องของมึง"



เพื่อนผมแต่ละคนรู้สึกจะรู้จักคนเก่งดีกันเหลือเกิน



คงอย่างที่เพื่อนๆผมเสนอมาคือผมต้องเคลียร์กับคนเก่งเรื่องของอิงค์ก่อน

หวังว่าคนเก่งจะไม่คิดไปไกลอย่างที่พวกเพื่อนๆมันไซโคผม

และหวังว่าอิงค์จะให้ความร่วมมือกับผมไม่เล่นหรือคิดอะไรแผลงๆออกมาให้ผมกลุ้มใจมากกว่าเดิม

"มึงๆ ไอ้วินมันโพสถึงมึงแน่ะ" ไอ้ธรณ์บอกผม ผมเข้าไปที่หน้าเฟซบุ๊กของไอ้ธาวินทันที


Thawin Sukitwat
        ถ้าไม่กล้าทำให้มันชัดเจน ก็ปล่อยให้คนที่เขากล้ากว่า ทำเถอะ!!



ไอ้เหี้ยธาวิน!! ประกาศสงครามชัดๆ



รอก่อนเถอะ
แล้วมึงจะรู้ว่ายิ่งกว่าระบบ HD ก็กูเนี่ยแหละ !!!!









TBC.
#เติมเติมรัก
ninewara✿















หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 12] 24/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 24-04-2019 08:04:39
 :pig4: :pig4: :pig4:

หรือธาวินกับอิงค์ จะวางแผนกันมาเป็นตัวกระตุ้นอย่างดีเวอร์ให้พวกเขาพัฒนาความสัมพันธ์เร็วขึ้น

แล้วสองคนนั้นก็ไปคบกันเอง
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 12] 24/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 24-04-2019 14:18:42
 :-[ กรี๊ดดดดพี่วิน กร้าาาวใจจริงๆ

 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 12] 24/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Kanni ที่ 24-04-2019 20:52:17
พี่เต็มต้องไม่ยอมแพ้
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 12] 24/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 24-04-2019 22:32:31
ธาวิน - โจ้ ????


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 12] 24/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 25-04-2019 03:52:15
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 13] 27/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ninewara ที่ 27-04-2019 06:49:57
✿เติมเต็มรัก✿ ครั้งที่ 13



"คนเก่งๆเห็นนี่หรือยัง" ส้มส้มวิ่งหาผมทันทีที่เห็นผมเดินเข้ามาในตึกคณะ

"มีอะไรเหรอส้มส้ม" ผมถาม

"นี่ไงดูสิ" ส้มส้มยื่นมือถือให้ผมดู

"เฮ้ย!"

ผมตกใจมากที่เห็นรูปผมกับพี่ธาวินอยู่ในเพจ NiceGuys เพจซึ่งรวบรวมคนหล่อของมหาวิทยาลัย ถ้าแค่พี่ธาวินคนเดียวมันไม่แปลกหรอกครับ แต่มีผมอยู่ด้วยเนี่ยสิ แล้วแคปชั่นอะไรกันเนี่ย

"พี่วินจีบคนเก่งเหรอ" ส้มส้มถามผม

"บ้าแล้ว จีบที่ไหนล่ะ" ผมก็ตอบตามจริง พี่ธาวินไม่ได้จีบจริงๆ

"พี่เขาจีบแต่คนเก่งไม่รู้ว่าจีบหรือเปล่า หรือฟูจิคิดว่าไง ฟูจิสนิทกับพี่วินนี่" ส้มส้มหันไปถามความคิดเห็นจากฟูจิที่นั่งเงียบตั้งแต่ผมมาถึง

"ไม่รู้สิ คงใช่มั้ง เราเดินไปซื้อกาแฟนะเอาอะไรมั้ย" ฟูจิตอบและถามส้มส้มกลับมา

"ไม่เอาจ้ะ"

"แล้วมึงล่ะ เอาอะไรมั้ย" ฟูจิมันหันมาถามผม

"เดี๋ยวกูไปด้วย" ผมพูด ตอนแรกเหมือนฟูจิมันจะปฏิเสธแต่สุดท้ายมันก็พยักหน้า

"เดี๋ยวพวกเรามา" ผมหันไปบอกส้มส้ม

ฟูจิกับผมเดินมาที่ร้านกาแฟที่อยู่ไม่ไกลจากคณะของผมมากนัก หลังจากสั่งเครื่องดื่มเสร็จพวกผมก็นั่งรอ

"มึงเป็นอะไรรึเปล่า" ผมถามฟูจิเพราะช่วงนี้มีหลายอย่างที่มันดูแปลกไป มันดูเงียบๆ

"เป็นอะไรของมึงคืออะไร" ฟูจิถามผมกลับ พร้อมเล่นมือถือ ผมมองตามหน้าจอเห็นเป็นหน้าไอจีของ NiceGuys ที่มีรูปคู่ผมกับพี่ธาวิน ผมเห็นฟูจิมันเลื่อนอ่านความคิดเห็น

"กูว่าช่วงนี้มึงดูเงียบๆเหมือนมึงไม่ค่อยอยากคุยกับกูเลย" ผมตอบไปตามที่คิด

"มึงคิดมากเกินไปแล้วไอ้คนเก่ง กูไม่ได้เป็นอะไร แต่ถ้าเป็นกูจะบอกมึงคนแรกเลย" ฟูจิพูดพร้อมกับส่งยิ้มให้ผม เป็นรอยยิ้มที่ผมไม่ค่อยได้เห็นเท่าไหร่ในช่วงนี้ ฟูจิมันเป็นอะไรกันแน่ ผมอยากรู้

"ถ้ามีอะไรมึงต้องบอกกูนะ หรือถ้ากูทำอะไรให้มึงไม่พอใจ มึงต้องบอกกู กูเป็นห่วงมึงมากนะฟูจิ" ผมบอกมัน

"มึงดูไอ้เหี้ยโจ้มันมาคอมเม้นท์" ฟูจิยื่นมือถือมาให้ผมอ่าน

"โห โจ้เม้นท์แบบนี้เลยเหรอ" ผมอึ้งไปเหมือนกัน

"ถ้ามึงไม่เล่าให้ฟังว่ามันเคยชอบพี่เต็ม กูก็จะเข้าใจว่ามันชอบมึง" ฟูจิพูด




หลังจากเหตุการณ์ที่ผมกระโดดไปช่วยพี่เติมเต็มจนมีบาดแผลเล็กน้อยที่แขน ตอนแรกคิดว่าจะไม่เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟูจิฟังแต่มันมาเห็นแผลผม มันถามที่มาของแผล ผมเลยจำเป็นต้องเล่าให้มันฟัง ตั้งแต่เรื่องที่ผมเคยโดนโจ้และเพื่อนกลั่นแกล้ง

ตอนที่ฟูจิรู้ ฟูจิโกรธมากเลย แต่ไม่ได้โกรธโจ้นะครับ คนที่ฟูจิโกรธก็คือผม ที่มีอะไรไม่เคยบอก จนมันผ่านมาถึงห้าปีแล้ว เพิ่งจะเล่าให้ฟังและที่เล่าเพราะฟูจิมาเห็นแผล ถ้ามันไม่เห็นผมก็คงจะไม่เล่าอีก

ฟูจิมันบอกว่ามันทั้งโกรธทั้งน้อยใจที่มีอะไรไม่บอกมัน ทั้งๆที่มันเป็นเพื่อนผม เป็นเพื่อนคนเดียวที่ผมมีแต่ผมกลับไม่เคยเล่าให้มันฟัง มันบอกมันรู้สึกเหมือนมันเป็นคนที่พึ่งพาไม่ได้ ผมถึงไม่บอกมัน

คบกับมันมาหลายปีผมก็เพิ่งรู้ว่าฟูจิมันก็เป็นคนที่คิดมากเหมือนกัน ผมง้อมันตั้งหลายวันกว่ามันจะหายโกรธ


ผมหยิบมือถือของตัวเองเข้าไอจีไปดูเพจ NiceGuys เห็นพี่ธาวินมาตอบคอมเม้นท์ของโจ้แล้วก็อดแปลกใจไม่ได้

"พี่วินทำไมถึงตอบโจ้ไปแบบนั้น"

ผมไม่รู้หรอกว่าพี่ธาวินที่บอกว่าจะจีบผมจริงมั้ย แต่ผมว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ ไม่รู้สิ ผมก็ไม่ได้หล่อน่ารักขนาดที่ผู้ชายอย่างพี่ธาวินจะมาชอบ และไม่เห็นมีท่าทีพิเศษกับผมเลย ผมว่าแอดมินเข้าใจผิด

"ไปกันเถอะ ได้แล้ว" ฟูจิเรียกผมตอนที่พนักงานเรียกคิวให้ไปรับเครื่องดื่ม



ตอนเดินมาถึงที่คณะเห็นพี่ธาวินนั่งอยู่กับส้มส้มที่โต๊ะ ผมยกมือไหว้พี่เขา

"เห็นรูปในเพจหรือยัง" พี่ธาวินถามผม

"เห็นแล้วครับ ทำไมเขาลงรูปแบบนั้นละครับพี่วิน" ผมถาม

"ก็ไม่มีอะไร พี่แค่สนิทกับแอดมินเพจน่ะ เลยขอให้เขาลงรูปให้" พี่ธาวินตอบยิ้มๆ

"ทำไมต้องขอให้เขาลงล่ะครับ"

"ไม่ได้อ่านแคปชั่นเหรอ ก็บอกแล้วว่าจะจีบ"

"พี่วิน อย่าล้อเล่นสิครับ"

"จะล้อเล่นได้ยังไง ประกาศออกไปขนาดนั้น"

"พี่วินชอบผมเหรอ"

"ถามตรงดี คิดว่าไงล่ะ ถ้าไม่ชอบจะจีบเหรอ"

"แต่ผมชอบคนอื่นอยู่แล้ว ซึ่งพี่วินก็รู้"

"ไม่ใช่ปัญหา"

ผมมองพี่ธาวินอย่างไม่ค่อยเข้าใจ จะจีบผมเนี่ยนะ

"ได้เวลาเรียนแล้ว กูขอขึ้นไปก่อนล่ะกัน" ฟูจิพูดขึ้นมาหลังจากที่ไม่พูดอะไรออกมาเลย

"ไปกันเถอะส้มส้ม" ฟูจิลุกขึ้นและชวนส้มส้มไปด้วย

"กูไปด้วย พวกผมไปเรียนก่อนนะครับพี่วิน" ผมบอกฟูจิ ก่อนจะหันไปบอกพี่ธาวิน พี่เขาไม่ได้พูดอะไรแค่พยักหน้ารับ





หลังจากหมดคาบเรียน พวกผมเดินลงมานั่งที่โต๊ะประจำบริเวณหน้าตึกของคณะ ผมหยิบมือถือมาดู เห็นมีข้อความไลน์ค้างอยู่หลายคน

rungthiwa : สุดสัปดาห์นี้กลับบ้านมั้ยคนเก่ง

อันนี้เป็นของกลุ่มไลน์ครอบครัวครับ ขอตอบอันนี้ก่อน

konkengg : ยังไม่แน่ใจครับ
konkengg : อาทิตย์นี้กิจกรรมเยอะมาก
konkengg : เดี๋ยวหนูบอกอีกทีนะครับ
rungthiwa : เอาที่หนูสะดวก ถ้ามาจะได้ทำของโปรดไว้ให้
konkengg : ครับป้า


ต่อมาของพี่เติมเต็ม

teimtem : เรียนเสร็จทักมาด้วย

ดูจากเวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงที่แล้ว

konkengg : เรียนเสร็จแล้วครับ
teimtem : กินข้าวไหน

วันนี้พี่เติมเต็มตอบเร็วมาก เหมือนกำลังรอให้ผมตอบข้อความ

konkengg : ยังไม่ทราบเลยครับ
teimtem : เดี๋ยวออกไปกินข้างนอก
teimtem : อยู่ไหนกัน เดี๋ยวไปรับ
konkengg : หน้าคณะครับ
teimtem : รอตรงนั้น

"เดี๋ยวพี่เต็มจะมารับ ไปกินข้าวด้วยกันนะ" ผมบอกเพื่อนทั้งสองคน

"ส้มขอตัวนะ นัดกับเพื่อนที่หอว่าจะไปเดินดูเสื้อผ้ากัน"

"แล้วมึงอะ ไปด้วยกันมั้ย" ผมถามฟูจิ

"มึงไปกับพี่เขาเถอะ กูเบื่ออยากกลับห้องมากกว่า"

ผมมองมันด้วยความเป็นห่วง

"กูไม่ได้เป็นอะไรไม่ต้องมองกูแบบนั้น"

พวกเราสามคนนั่งคุยกันอยู่สักพัก ส้มส้มก็ขอแยกตัวออกไปก่อนเพราะเพื่อนที่นัดไว้โทรมาพอดี



"ฟูจิ ถ้ามึงมีอะไรมึงคุยกับกูได้ตลอด มึงรู้ใช่มั้ยว่ากูเป็นห่วงมึง" ผมบอกฟูจิตอนที่เหลือเรานั่งกันอยู่สองคน ถึงเมื่อเช้าผมจะคุยกับมันไปแล้วก็เถอะแต่ผมก็อยากคุยกับมันอีก

"กูรู้ แต่กูไม่ได้เป็นอะไร"

"เราไม่ได้เป็นเพื่อนกันมาแค่วันสองวันนะมึง มึงแปลกๆไปกูจะดูไม่ออกเลยเหรอ"

"กู ... " ฟูจิดูอึกอัก

"ไม่ต้องพูดตอนนี้ก็ได้ถ้ามึงยังไม่อยากเล่า กูแค่อยากให้มึงรู้แค่ว่ากูพร้อมจะรับฟังมึงเสมอ"

"มึงนี่เป็นคนอบอุ่นดีเนอะ ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่กับแม่ดี"

"ไอ้ฟูจิ!"

"ฮ่าๆ แบบนี้เป็นแม่ที่ดีของลูกพี่เติมเต็มได้แน่นอน" มันหัวเราะไปพูดไป

"ยังไม่หยุดอีก" ไม่น่าเป็นห่วงมันเลย




"แม่ของลูกพี่เหรอ?" เสียงพี่เติมเต็มดังมาจากด้านหลัง

"พี่เต็ม!" ผมเรียกด้วยความตกใจ

"ทำไมมาทางนี้ล่ะครับ" ปกติพี่เติมเต็มจะไม่เดินมาทางนี้ผมเลยแปลกใจ

"จอดรถอีกฝั่งหนึ่งน่ะ แล้วอะไรคือแม่ที่ดีของลูกพี่"

"ไม่มีอะไรครับ" ผมตอบ

"มีครับ" ฟูจิแย้ง

"งานนี้ขอเชื่อฟูจิละกัน" พี่เติมเต็มบอก ฟูจิหันมายักคิ้วใส่ผมอย่างกวนๆ

"ผมบอกว่าไอ้คนเก่งมันเหมาะที่จะเป็นแม่ที่ดีของลูกพี่เต็มได้" ฟูจิบอกพี่เติมเต็ม

"งั้นเหรอ" พี่เติมเต็มพูดยิ้มๆ

"พี่เต็มอย่าไปฟังฟูจิครับ พูดไปเรื่อย" ผมบอก

"งั้นกูไปก่อนนะ สวัสดีครับพี่เต็ม" ฟูจิบอกผมก่อนจะหันไปสวัสดีพี่เติมเต็ม

"ไม่ไปกินข้าวด้วยกันเหรอฟูจิ" พี่เติมเต็มถาม

"ไว้คราวหน้าละกันครับ วันนี้เพลียๆอยากกลับไปนอนมากกว่า" ฟูจิตอบ

"กูไปล่ะ" ฟูจิหันมาบอกผมอีกครั้งก่อนจะเดินไปทางลานจอดรถ

"เราก็ไปกันเถอะ" พี่เติมเต็มหันมาชวนผม พอเดินใกล้จะถึงรถพี่เติมเต็มก็เห็นคนที่ผมลืมนึกถึงไปเลยในช่วงที่ผ่านมา



...พี่อิงค์...


(มีต่อนะคะ)
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 12] 24/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ninewara ที่ 27-04-2019 06:56:51
(ต่อค่ะ)

พี่อิงค์ยืนอยู่ข้างรถพี่เติมเต็มครับ ถ้าให้ผมเดา พี่เขาน่าจะมาด้วยกัน


ผมยกมือไหว้พี่อิงค์ตอนที่เดินมาถึงรถ

"หวัดดีจ้ะ น้องคนเก่ง ไม่เจอกันนานเลย" พี่อิงค์ทักทายผม

"ครับ" ผมไม่รู้ว่าจะตอบอะไรดี

"ขึ้นรถเถอะ" พี่เติมเต็มบอก

พี่อิงค์เดินไปเปิดประตูตรงฝั่งที่นั่งด้านข้างคนขับ ผมมองไปเห็นกระเป๋าถือของผู้หญิงอยู่ที่เบาะ ซึ่งน่าจะเป็นของพี่อิงค์ อย่างที่คิดไว้พี่เขามาด้วยกันจริงๆ

"อิงค์ ย้ายไปนั่งหลัง" เสียงพี่เติมเต็มบอกพี่อิงค์

"ขี้เกียจย้าย คนเก่งนั่งเบาะหลังได้ใช่มั้ย"

"ได้ครับ" ผมคงตอบอย่างอื่นไม่ได้

"อิงค์" พี่เติมเต็มเรียกพี่อิงค์ด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจ

"ผมนั่งหลังได้ครับพี่เต็ม" ผมบอกพี่เติมเต็มก่อนจะเปิดประตูด้านหลังแล้วเข้าไปนั่ง




บรรยากาศในรถเงียบมากถึงมากที่สุด พี่เติมเต็มไม่พูดอะไรเลยจนถึงห้างที่จะมาทานข้าวกัน ส่วนพี่อิงค์ก็ชวนพี่เติมเต็มคุยตลอดแต่พี่เติมเต็มไม่ตอบหรือคุยอะไรด้วยเลย

พอลงจากรถมา เดินเข้ามาภายในห้าง พี่อิงค์ก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ แล้วบอกว่าจะตามไปที่ร้านเลย แสดงว่าพี่เขานัดกันแล้วว่าจะมาทานอะไรกัน

เฮ้อออ ... รู้สึกห่อเหี่ยวจัง

ช่วงที่ผ่านมาผมคงมีความสุขมากจนเกินไป จนลืมนึกถึงพี่อิงค์ ถึงแม้สถานะของพี่เติมเต็มกับพี่อิงค์ยังไม่ชัดเจน แต่มันก็มีความน่าจะเป็นไปได้

ตอนนี้ผมเป็นน้องพี่เติมเต็ม ผมมีสิทธิ์ที่จะถามได้หรือเปล่านะ ว่าพี่สองคนเป็นอะไรกัน


ทั้งอยากรู้ทั้งกลัวคำตอบ



พี่เติมเต็มพาผมมาที่ร้านสุกี้ชาบูชื่อดัง พี่เติมเต็มแจ้งกับพนักงานว่ามากันสามคน แสดงว่าพวกเพื่อนพี่เติมเต็มไม่ได้มาด้วย

พอเดินมาถึงที่โต๊ะ พี่เติมเต็มก็ให้ผมเข้าไปนั่งด้านใน ส่วนพี่เติมเติมก็นั่งฝั่งเดียวกับผม

พี่เติมเต็มเป็นคนสั่งอาหารเองครับ เพราะถ้าถามผม ผมก็ให้พี่เขาสั่งตลอด พี่เติมเต็มเลยตัดปัญหาสั่งเองไปเลย

"เอาอะไรเพิ่มมั้ย" และถึงแม้พี่เติมเต็มจะเป็นคนสั่งเอง แต่ก็จะถามผมทุกครั้งว่าจะเอาอะไรเพิ่มจากที่สั่งมั้ย

"ไม่ครับ"

หลังจากพนักงานเดินออกไปจากโต๊ะ ผมก็ถามพี่เติมเต็มไปตรงๆ

"พี่เต็มนัดพี่อิงค์ไว้เหรอครับ"

"ใช่"

คำตอบของพี่เติมเต็มทำให้ใจผมเหี่ยวยิ่งกว่าเดิม

"จริงๆแล้ว ถ้าพี่เต็มมีนัดกับพี่อิงค์ไว้แล้ว บอกผมก็ได้นะครับ เราไม่ต้องกินข้าวด้วยกันทุกวันก็ได้" ผมบอกเพราะผมไม่อยากให้พี่เติมเต็มลำบาก

"ไม่ได้นัดล่วงหน้า นัดกะทันหัน"


หลังจากนั้นเราก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีก เพราะพี่เติมเต็มดูใจจดจ่อกับมือถือ ผมก็เลยไม่กล้าจะชวนคุยอะไรมาก

พี่อิงค์ยังไม่มาเลยครับ  อาหารที่สั่งก็มาเรียบร้อยแล้ว

"เรากินกันก่อนก็ได้" พี่เติมเต็มบอกผม แต่มือก็คอยกดมือถือตลอด ผมมองเห็นชื่อที่หน้าจอเป็นชื่อของอีกคนที่นั่งรถมาด้วยกัน



"อิงค์อยู่ไหน" หลังจากที่เห็นพี่เติมเต็มกดมือถือหลายครั้ง พี่อิงค์ก็รับสายซะที


"อะไรนะ!"

"ให้เวลาไม่เกินสิบนาที"

"ไม่"

"อิงค์!"

"ไม่"

"ไม่"


ไม่รู้ว่าคุยอะไรกันแต่พี่เติมเต็มหันมามองผมอย่างน้อยก็สองครั้งแล้ว

ผมได้ยินเสียงถอนหายใจยาวๆของพี่เติมเต็ม


"มาเร็วๆนะครับที่รัก"



เคร้ง!!

ช้อนในมือผม ตอนนี้มันหล่นไปอยู่ที่พื้นเรียบร้อย

ผมไม่กล้าหันไปมองพี่เติมเต็มแต่รู้ว่าพี่เขาวางสายแล้ว ก่อนที่จะได้ยินเหมือนพี่เขาขอช้อนคันใหม่ให้ผม

"ขอโทษครับ" ผมได้ยินเสียงตัวเองที่มันเบามากๆ

"คนเก่ง" เสียงพี่เติมเต็มเรียกผม แต่ผมรู้สึกผมยังไม่อยากจะคุยอะไรกับพี่เขาเลย

ที่พาผมมาด้วยวันนี้เพราะจะพามาแนะนำให้รู้จักอย่างเป็นทางการหรือเปล่า


"มาแล้วๆ" พี่อิงค์นั่งลงที่เก้าอี่ฝั่งตรงกันข้าม

"ของโปรดของอิงค์ทั้งนั้น เต็มรู้ใจอิงค์ที่สุด" พี่อิงค์พูดครับ แต่ผมไม่กล้ามองหน้าพี่อิงค์เลย

"ลงมือๆเลยจ้ะคนเก่ง" พี่อิงค์บอกผม

จากที่ตอนแรกผมหิวมากแต่ตอนนี้ความหิวของผมมันหายไปพร้อมกับคำที่พี่เติมเต็มเรียกพี่อิงค์


'ที่รัก'


พี่เติมเต็มตักอาหารให้ผมหลายอย่างแต่ผมทานไม่ลงจริงๆครับ ทำยังไงดี ผมจะทำเหมือนไม่รู้สึกอะไรเลยได้อย่างไร


"อิงค์" เสียงพี่เติมเต็มครับ

"ว่าไงคะ ที่รัก"

"ไม่เอาแล้วว่ะ ขอยกเลิก ไม่ช่วยก็ไม่เป็นไร"

ผมได้ยินเสียงพี่อิงค์หัวเราะ

"ยกเลิกได้ไง"

"ทำแล้วไม่สบายใจก็ไม่อยากทำแล้ว"


ผมไม่รู้ว่าพี่ทั้งสองคนคุยอะไรกัน เรียกว่าผมไม่สนใจเลยก็ได้ ในหัวผมกำลังคิดว่าผมควรจะปฏิบัติตัวต่อพี่เติมเต็มยังไงต่อไปดี ถ้ายังไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆจะดีมั้ย เพราะพี่อิงค์ก็รู้ว่าผมชอบพี่เติมเต็ม คงไม่มีใครอยากให้แฟนตัวเองไปกับคนที่มาบอกว่ารักว่าชอบเท่าไหร่หรอก



"คนเก่ง" เสียงพี่อิงค์เรียกผมครับ

"โอเคหรือเปล่า" พี่เติมเต็มถามผม

"ครับ?" หัวสมองผมยังประมวลผลไม่ถูกครับ

"พี่เรียกคนเก่งตั้งหลายรอบ" พี่อิงค์บอก

"ขอโทษครับ ผมคิดอะไรเพลินไปหน่อย"

"ไม่เห็นกินอะไรเลย" พี่อิงค์ถามผม

"ผมไม่ค่อยหิวครับ"

"เรากลับกันดีกว่ามั้ย" เสียงพี่เติมเต็มถามผม นั่นสิผมกลับก่อนน่าจะดี

"ครับ ถ้างั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ" ผมบอก พร้อมกับหยิบเอากระเป๋า

"เดี๋ยวจะไปไหน" พี่เติมเต็มถามผมน้ำเสียงตกใจ

"ก็พี่เต็มถามผมว่าผมกลับก่อนดีกว่ามั้ย ผมก็เลยจะกลับ"

"พี่พูดว่า 'เรากลับกันดีกว่ามั้ย' เราหมายถึงเราสองคน"

ผมได้แต่ร้องอ๋อ...ในใจ ผมได้ยินว่า 'เรากลับก่อนดีกว่ามั้ย' ซึ่งเราหมายถึงผม


"อย่าเพิ่งกลับๆ พี่มีเรื่องอยากคุยด้วย" พี่อิงค์บอก

ผมก็เลยนั่งเงียบ รอว่าพี่อิงค์จะคุยอะไร

"คนเก่งคิดว่าพี่กับเต็มเป็นอะไรกัน" คำถามแรกจากพี่อิงค์ก็ทำผมแย่แล้วครับ

"อิงค์ พอแล้ว ผมขอตัวก่อนนะ" พี่เติมเต็มบอกพี่อิงค์ ก่อนที่จะมาจับข้อมือผมและดึงผมลุกขึ้น

"เฮ้อออ ไม่สนุกเลย เลิกก็ได้" พี่อิงค์พูด ส่วนพี่เติมเต็มก็นั่งลงเหมือนเดิม แต่ยังจับข้อมือผมอยู่

"แค่เห็นท่าทางคนเก่ง ผมก็ไม่สนุกแล้ว" พี่เติมเต็มพูด

"สมกับที่เรียนวิศวะ แวว 'เกียร์มัว' มาตั้งแต่เริ่ม" ได้ยินพี่อิงค์บ่นเบาๆ



"เอาล่ะ คนเก่ง!" พี่อิงค์เรียกผมเสียงดังขึ้นมากกว่าเดิมเล็กน้อยและดูจริงจัง

"ครับ"

"พี่กับอดีตเดือนวิศวะคนนี้ ไม่ได้เป็นแฟนกัน กิ๊กกัน หรือชอบพอหรือคบหากันอย่างที่ คนส่วนใหญ่รวมถึงคนเก่งเข้าใจ" พี่อิงค์พูดพร้อมกับชี้นิ้วมาที่พี่เติมเต็ม

"และพี่ต้องขอโทษคนเก่งเรื่องที่พี่พูดกับคนเก่งวันนั้น คงทำให้คนเก่งไม่สบายใจมากแน่ๆ"

"เรื่องอะไร" พี่เติมเต็มถาม และพี่อิงค์ก็เป็นคนที่เล่าให้พี่เติมเต็มฟัง เรื่องวันที่พี่อิงค์พูดกับผมวันที่เจอกันที่สนามบาส

 พี่เติมเต็มมองหน้าผมเหมือนจะพูดแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา

"มีอีกมั้ย" พี่เติมเต็มถามพี่อิงค์

"แค่นี้แหละ"

พี่เติมเต็มมองผม

"เดี๋ยวเราค่อยไปเคลียร์กันทีหลัง" พี่เติมเต็มบอกผม



ผมยังงงกับเรื่องที่พี่อิงค์พูดครับ ไม่ได้เป็นอะไรกันแต่ผมได้ยินชัดเจนนะครับว่าเรียกกันว่า 'ที่รัก'


"แล้วก็......"  พี่อิงค์ก็เล่าให้ฟังว่า

พี่เติมเต็มกลัวผมจะเข้าใจผิดเรื่องพี่เติมเต็มกับพี่อิงค์ก็เลยอยากให้พี่อิงค์มาช่วยคุยกับผมให้หน่อย พี่อิงค์บอกว่าครอบครัวพี่ทั้งสองคนสนิทกันและพวกพี่ก็รู้จักกันมาก่อนที่จะมาเข้าเรียนที่นี่ ช่วงที่เข้ามาเรียนพี่เติมเต็มก็มีคนมาชอบเยอะ และพี่อิงค์ก็ไม่ต่างกัน พี่อิงค์ก็เลยแสดงตัวว่าสนิทสนมกับพี่เติมเต็มเป็นพิเศษ เพื่อให้คนอื่นเข้าใจไปในทางนั้น ซึ่งพี่เติมเต็มก็ไม่ได้พูดหรือขัดอะไรในสิ่งที่พี่อิงค์ทำ เพราะถือว่าช่วยกัน ไม่ให้คนอื่นเข้ามาวุ่นวายมาก


"จนช่วงที่จะขึ้นปีสาม อยู่ๆก็บอกว่าไม่อยากให้ทำแบบนี้แล้ว พี่ก็เลยถามว่ามีคนที่ชอบแล้วเหรอ เต็มก็บอกว่าเปล่า พี่ก็สงสัยงั้นทำไมให้เลิกทำ คืองี้นะ ถ้าเต็มมีคนที่ชอบจริง พี่ก็เลิกทำนะ แต่เต็มบอกว่าไม่มีพี่ก็เลยสงสัยว่าทำไมให้เลิก"



พี่อิงค์เว้นช่วงนิดหน่อย



"จนวันที่พี่รู้ว่าคนเก่งเข้ามาเรียนที่นี่ พี่ถึงได้เข้าใจว่าทำไมอยากให้เลิกทำ"


พี่อิงค์ยิ้มและมองพี่เติมเต็มแบบร้ายๆ ซึ่งพี่เติมเต็มก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ส่วนผมก็รอลุ้นว่ามันเกี่ยวกับผมตรงไหน


"เรื่องของคนเก่งที่พี่รู้เพราะมีครั้งหนึ่งที่พี่กับคุณแม่ไปที่บ้านเต็ม แล้วม่าม๊าเล่าเรื่องที่มีผู้ชายมาชอบเต็ม และผู้ชายคนนี้ก็ส่งการ์ดมาให้เต็มตลอดสองสามปี พี่ก็เลยอยากรู้ว่าผู้ชายคนนั้นคือใคร ก็เลยแอบไปเจอครั้งสองครั้งที่ร้านคุณแม่ของคนเก่ง"

"หา!" ไม่ใช่เสียงผมนะครับเสียงพี่เติมเต็ม

"เสียงดังทำไม"

"แอบไปหาน้องทำไม"

"ก็อยากเห็นว่าหน้าตาเป็นยังไง นึกว่าต้องใส่แว่นตาหนาๆแน่เลยถึงได้สายตาไม่ดีมาชอบเต็ม"

"ผมไม่ได้สายตาไม่ดีนะครับ" ผมรีบแย้งก่อนจะคิดขึ้นได้ว่าพี่อิงค์คงจะแค่แซวเล่น

"จนต่อมาได้มาเจอคนเก่งอีกทีที่มหาลัยก็เลยเข้าใจได้ทันทีว่าทำไมเต็มบอกให้พี่เลิกทำตัวเหมือนแฟนกันได้แล้ว"

พี่อิงค์หยุดพูดและมองหน้าพี่เติมเต็ม

"คนเก่งคือเหตุผล ถูกมั้ย?" พี่อิงค์ถามพี่เติมเต็ม

พี่เติมเต็มไม่ได้ตอบ

"ขอโทษนะครับ เกี่ยวกับผมตรงไหน"

"ก็...เต็มไม่อยากให้คนเก่งเข้าใจผิดน่ะสิ" พี่อิงค์ตอบ

หืม? ไม่อยากให้ผมเข้าใจผิดงั้นเหรอ

"หลังจากนั้นพี่ก็ไม่ได้มาวุ่นวายอะไรกับเต็มมากนักเพราะก็เป็นช่วงที่พี่เริ่มมีคนคุยด้วย จนเวลาผ่านไปก็ยังไม่เห็นความคืบหน้าอะไรเกิดขึ้นเลย ไม่รู้มัวทำอะไรกันอยู่ทั้งสองคนเลย!"

อยู่ๆพี่อิงค์ก็เกรี้ยวกราดขึ้นมาครับ

"คนเก่ง!"

"ครับ!" ผมตอบรับด้วยความตกใจ

"จีบเรื่อยเฉื่อยแบบนี้เมื่อไหร่จะสำเร็จ"

"......"

"ส่วนเต็มก็มัวแต่ท่ามากอยู่นั่นแหละ ทั้งๆที่...."

"พอ" พี่เติมเต็มบอกให้พี่อิงค์หยุดพูด

"อะไรที่คนเก่งควรจะรู้จากปากผม เดี๋ยวผมพูดเอง ไม่ต้องพูดแทน" พี่เติมเต็มพูดเสริมขึ้นมา

"ตั้งใจจะแกล้งมากกว่านี้แต่สงสัยเต็มจะไม่อยากเห็นหน้าเศร้าๆของคนเก่งล่ะมั้ง ทั้งๆที่ตอนแรกตกลงกันอย่างดี"

"พูดเยอะไปแล้ว" พี่เติมเต็มบอก

"ก็มันตลกดี บอกให้ทำอะไรก็ทำ ทั้งๆที่ไม่ต้องทำก็ได้ ยังไงอิงค์ก็ต้องมาคุยให้อยู่แล้วว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน"

พี่เติมเต็มไม่ได้พูดอะไรออกมา

"ถ้าจะร้อนใจมากขนาดนี้ ก็น่าจะมั่นใจได้แล้วล่ะมั้งว่ารู้สึกยังไง" พี่อิงค์พูดออกมาอีก


ผมไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองเลยว่าพี่เติมเต็มร้อนใจเรื่องที่กลัวว่าผมจะเข้าใจผิดความสัมพันธ์ของพี่เติมเต็มกับพี่อิงค์

แต่มันก็อดคิดไม่ได้จริงๆ


"เอาเป็นว่าเคลียร์กันแล้วนะเรื่องพี่กับเต็มเป็นอะไรกัน ต่อไปก็ไปเคลียร์กันเองนะว่าตกลงจะคบกันได้หรือยัง" ประโยคแรกพี่อิงค์พูดกับผม ส่วนประโยคต่อมาพี่อิงค์น่าจะบอกพี่เติมเต็มเพราะพี่อิงค์มองพี่เติมเต็ม

หลังจากนั้น พี่เติมเต็มก็เรียกเช็คบิล พี่อิงค์ขอตัวกลับเองเพราะบอกว่าจะไปเดินเล่นกับเพื่อนต่อ



ขากลับความเงียบในรถก็ไม่ต่างจากขามา แต่คราวนี้ผมว่ามันเป็นความเงียบที่ไม่ได้น่าอึดอัดใจอะไร

พี่เติมเต็มไม่ได้ขับรถเข้าไปในมหาวิทยาลัยเพื่อไปส่งผมที่หอ ผมคิดว่าพี่เติมเต็มคงจะขับรถไปที่ถนนอีกเส้นที่อยู่อีกฝั่งของมหาวิทยาลัย แต่พี่เติมเต็มขับเลยเส้นนั้นมาก่อนจะมายูเทิร์น ผมว่าผมเดาได้ว่าพี่เติมเต็มจะไปไหน


คอนโดของพี่เติมเต็มครับ


"ทำไมไม่ส่งผมที่หอล่ะครับ"

"บอกแล้วไงว่าเดี๋ยวเราต้องเคลียร์กัน คุยที่นี่แหละ"


พี่เติมเต็มจอดรถในที่จอดรถที่ระบุเลขที่ห้อง ก่อนจะเดินนำผมไปที่ลิฟท์ อดตื่นเต้นไม่ได้ครับเพราะผมยังไม่เคยมาที่คอนโดพี่เติมเต็มเลยสักครั้ง


พี่เติมเต็มกดเลข 18
ผมมองตัวเลขในลิฟท์แล้วแปลกใจ เพราะตัวเลขที่แสดงเห็นมีเลข 2,4,6....22 คือเป็นเลขคู่ทั้งหมดเลย

"พี่เต็มครับทำไมที่นี่มีแต่ชั้นเลขคู่ล่ะครับ"

"ที่นี่มีลิฟท์สี่ตัว แบ่งเป็นลิฟท์ชั้นที่เป็นเลขคู่สองตัว และลิฟท์ที่เป็นเลขคี่อีกสองตัว ที่นี่มีทั้งหมด 22 ชั้น พี่อยู่ชั้น 18" พี่เติมเต็มอธิบาย

ผมพยักหน้าด้วยความเข้าใจ ไม่นานก็ถึงชั้นสิบแปด พอออกจากลิฟท์มา ผมก็มองรอบๆด้วยความสนใจ ผมไม่รู้ว่าทุกชั้นเหมือนกันมั้ยแต่ชั้นนี้ผมเห็นมีห้องอยู่แค่หกห้องเท่านั้นเอง


พี่เติมเต็มพาผมมาหยุดหน้าห้อง 18B ผมมองพี่เติมเต็มสอดคีย์การ์ดเข้าไปที่เครื่องที่อยู่หน้าห้อง พร้อมกับเห็นพี่เติมเต็มกดตัวเลขบนเครื่องนั้น คงจะเป็นรหัสในการเข้าห้อง ระบบรักษาความปลอดภัยสุดยอดเลยครับ


ผมรู้ตัวเลยครับว่าผมตาโตมากแค่ไหนที่ได้มาเห็นห้องพี่เติมเต็ม ห้องใหญ่มากจนไม่น่าเชื่อว่าจะอยู่คนเดียว พอเปิดประตูเข้ามาจะเจอชุดรับแขก เป็นโซฟาตัวใหญ่สองตัววางต่อกันเป็นรูปตัวแอล มีทีวีที่จอใหญ่มากอยู่ตรงข้ามกับโซฟา ตรงกลางคั่นด้วยโต๊ะกระจกสีควันบุหรี่

ด้านขวามือจะเป็นห้องครัวครับ จะมีชั้นวางคล้ายเคาน์เตอร์บาร์ แบ่งสัดส่วนของห้องครัวและห้องรับแขก ภายในห้องครัวมีตู้เย็นขนาดใหญ่สองตู้ มีเคาน์เตอร์ครัวที่มีอุปกรณ์พร้อม และมีโต๊ะทานข้าวขนาดสี่ที่นั่งอยู่ด้วย

ห้องของพี่เติมเต็มแต่งด้วยโทนสีน้ำเงิน,เทาและขาวครับ และเพดานสูงมาก ทั้งสองห้องขนาดใหญ่กว่าห้องรับแขกและห้องครัวที่บ้านผมอีก

"ไปดูห้องนอนด้วยมั้ย" พี่เติมเต็มถามพร้อมกับหัวเราะผม คงเห็นผมเดินสำรวจเกือบทั่วห้อง

"ก็ห้องพี่เต็มสวยนี่ครับ"

"ชอบเหรอ"

"ครับ ชอบมากเลย"

พี่เติมเต็มเอามือมาขยี้หัวผมเบาๆ

"เดี๋ยวพี่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า นั่งดูทีวีรอก่อน" พี่เติมเต็มเปิดทีวีและยื่นรีโมทให้ผม ก่อนจะเดินไปที่ห้องที่อยู่ถัดจากห้องรับแขกไป ผมมองตามเห็นมีอยู่สองห้อง แต่ผมไม่ได้มองว่าพี่เติมเต็มเดินเข้าห้องไหน


ผมนั่งดูทีวีอยู่เกือบๆครึ่งชั่วโมง พี่เติมเต็มก็เดินมานั่งข้างๆผมที่โซฟาตัวเดียวกัน ดูแล้วพี่เติมเต็มคงจะอาบน้ำมาเรียบร้อยแล้วเพราะกลิ่นแชมพู กลิ่นครีมอาบน้ำ หอมฟุ้งไปทั่วห้อง พี่เติมเต็มใส่เสื้อกล้ามและกางเกงขาสามส่วน ผมชอบลุคนี้ของพี่เติมเต็มจังเลยครับ


พี่เติมเต็มกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ครับ เท่าที่ฟังดูน่าจะกำลังคุยกับคุณป้า (ม๊าของพี่เติมเต็ม) ไม่นานพี่เติมเต็มก็วางสาย


"เอาล่ะ มาคุยกัน" พี่เติมเต็มหันหน้ามาคุยกับผมแบบจริงจัง

"ครับ"

"รูปคู่กับไอ้วินนี่มันยังไง สรุปมันจีบ?"

"รูปนี้ถ่ายนานแล้วครับ แต่ไม่รู้ทำไมพี่วินถึงเอาไปให้ทางเพจลง"

"มันเอาไปให้เพจลง?"

"ครับ พี่วินบอกว่าเป็นคนเอาไปให้เพจลงเอง เพราะสนิทกับแอดมิน"

"แม่งกวนตีน ... หมายถึงไอ้วิน"

"......."

"แล้วเรื่องจีบล่ะ"

"ผมถามแล้ว พี่วินเขาก็บอกว่า ... จีบจริงๆครับ"

"......" พี่เติมเต็มมีสีหน้าไม่ค่อยพอใจ

"แต่ผมว่าพี่วินน่าจะแค่พูดเล่นมากกว่าเพราะไม่เคยเห็นทำท่าจะจีบผมมาก่อน"

"แล้วถ้ามันพูดจริง"

"ผมยังเชื่อว่าไม่น่าจะใช่นะครับ พี่วินไม่น่าจะมาชอบผมได้ คืออย่างผมใครจะมาชอบแค่คิดก็แปลกๆแล้ว" ผมพูดอย่างที่คิด

"ทำไมจะชอบไม่ได้ขนาดพี่ยัง..."

"ยัง....อะไรครับ"

"ขนาดพี่ยังชอบเราเลย"

"อ๋อ...ห๊ะ! ชอบ พี่เต็มบอกว่าชอบผมเหรอ"


หัวใจผมเต้นระรัว รู้สึกว่าตัวเองมือสั่น ผมไม่ได้ยินอะไรผิดไปใช่มั้ย


"ใช่ พี่บอกว่าชอบ พี่ชอบคนเก่งนะ" พี่เติมเต็มพูดและลูบหัวผมไปมา

"เอ่อ...ไม่ได้หมายถึงชอบแบบพี่น้องใช่มั้ยครับ" ผมถามเพื่อความแน่ใจ

"เมื่อห้าปีก่อนพี่ได้รับจดหมายจากเด็กคนหนึ่ง ในจดหมายเด็กคนนั้นบอกว่าชอบพี่ คำว่าชอบของพี่มีความหมายเหมือนคำว่าชอบของเด็กคนนั้น" พี่เติมเต็มจับมือของผมพร้อมกับลูบไปมา

"ขอบคุณนะครับ" ขอบคุณที่พี่ชอบผม

"วันนี้ตอนที่อยู่ร้านสุกี้พี่ขอโทษนะ"

"เรื่องอะไรเหรอครับ"

"ก็เรื่องที่เรียกอิงค์ว่าที่รักไง โดนบังคับ"

"อ๋อ"

"เห็นหน้าเราพี่ก็ไม่อยากจะทำแล้ว"

พี่เติมเต็มน่ารักจังเลยครับ

"คนเก่ง พี่ถามจริงๆนะ คิดมากเรื่องอิงค์มั้ย"

"ก็...คิดครับ เพราะตอนนั้นพี่วินก็เคยบอกผ่านฟูจิมาว่า พี่สองคนน่าจะคุยๆคบๆกันอยู่ ผมก็ไปส่องเพจบ้าง ไอจีบ้าง ผมก็คิดว่าพวกพี่ก็ดูเหมาะสมกันดีครับ"

"ไม่หวงพี่เลยหรือไง"

"อืม ..คิดว่าไม่หวงนะครับ คือ .. ผมคิดว่า .." ผมไม่รู้พูดออกไปมันจะดีมั้ย ก็เลยลังเลใจ

"พูดมาเลย"

"คือถ้าตอนนั้นเป็นอย่างตอนนี้ผมก็คงจะหวงพี่ครับ ตอนนั้นพี่รู้แค่ผมมาชอบพี่ ซึ่งมันก็แค่นั้น เราไม่ได้รู้จักกันอย่างตอนนี้"

"ตอนที่พี่ไปหาเราที่ห้องเรียนครั้งแรก จำได้มั้ย"

"ไม่เคยลืมครับ"

"งั้นก็ต้องจำได้ว่า คนเก่งเคยบอกพี่ว่าไม่อยากครอบครอง ขอแค่ได้ชอบ"

"ครับ จำได้"

"แล้วตอนนี้คนเก่งยังคิดแบบนั้นอยู่มั้ย ยังไม่อยากครอบครองอยู่มั้ย"

"........"

"ว่าไง"

"ผม ... ผมพูดได้อย่างที่คิดเหรอครับ"

"ได้สิ"

"ยิ่งได้รู้จัก ยิ่งได้ใกล้ชิด ผมก็ยิ่งอยากครอบครอง ผมคิดว่าตัวเองทำตัวไม่น่ารักเลย"

"คนเก่ง"

"ครับ"

"พี่ก็ไม่คิดว่าวันหนึ่งพี่จะมีโมเม้นท์ที่ต้องมาพูดอะไรแบบนี้มาก่อน แต่...ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา คนเก่งน่ารักเสมอสำหรับพี่"

"......"

"ไม่รู้ว่าสำหรับคนเก่งระยะเวลาห้าปีมันนานมั้ย แต่สำหรับพี่มันนานมาก"

"......"

"พี่ก็เลยคิดว่า เรามาลองคบกันดูดีมั้ย ลองมาคุยกันให้มากกว่าคำว่าพี่น้อง พี่อยากให้ความสัมพันธ์ของเราค่อยเป็นค่อยไป จนถึงวันที่เรามั่นใจจริงๆค่อยขยับสถานะกันอีกที"

ผมอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก ลองคบ ลองคุยให้มากกว่าคำว่าพี่น้อง แล้วค่อยขยับสถานะ ผมจะพูดอะไรออกไปดีนะ สมองผมคิดไม่ทัน


"มันเหมือนทดลองงานมั้ยครับ"

"ห๊ะ!คำถามอะไรของเรา"

"ก็เวลาที่เราจะเข้าทำงาน เขาจะมีทดลองงานเราก่อน ถ้าผ่านเราก็ได้เป็นพนักงานประจำบริษัทนั้นๆ"

"คิดได้นะ"

"....."

"ก็เข้าท่าดี แบบนี้ถ้าทดลองคบผ่าน เราก็จะเป็นแฟนกันจริงๆ"

พอได้ยินคำว่าแฟนออกมาจากปากพี่เติมเต็มผมก็รู้สึกหน้าเห่อร้อนขึ้นมาทันที

"แต่ทดลองงานบริษัท เจ้าของบริษัทเป็นคนประเมินว่าจะให้ผ่านทดลองงานมั้ย แล้วพวกเราล่ะใครจะประเมิน" พี่เติมเต็มพูดต่อ

ผมคิดในใจว่า ผมคงให้พี่เติมเต็มผ่านการทดลองตั้งแต่วันแรก

"พี่ว่าใช้ความรู้สึกเป็นตัวประเมินดีที่สุด แล้วเราจะรู้เองว่ามันใช่มั้ย"

"ครับ"

"ถ้างั้นก็..." พี่เติมเต็มลุกขึ้นยืนเต็มความสูง และดึงแขนผมให้ลุกขึ้นมาด้วย ตอนนี้เราสองคนยืนหันหน้าเข้าหากัน

"ผมมาทดลองคบเป็นวันแรก ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ" พี่เติมเต็มยื่นมือมาเพื่อจะเช็คแฮนด์กับผม ผมยื่นมือไปเช็คแฮนด์ตอบ และบอกกับพี่เติมเต็มว่า

"ขอฝากใจด้วยนะครับ"

เรายืนจับมือเช็คแฮนด์กันสักพัก ก็รู้สึกเขินกันขึ้นมา พี่เติมเต็มก็ดูจะหูแดงหน่อยๆด้วย พวกเราก็เลยนั่งลงที่โซฟาตามเดิม และพี่เติมเต็มก็เปิดดูหนังจากช่องเคเบิ้ล เห็นบอกว่าต้องดูเป็นประจำ

ผมไม่รู้ว่าต้องทำตัวแบบไหน ผมรู้สึกเกร็งไปหมด เพราะผมไม่เคยคิดถึงจุดนี้มาก่อน พอมาเจอจริงๆผมก็เลยนึกไม่ออกว่าต้องทำตัวยังไงดี

"คนเก่ง"

"ครับ"

"ทำตัวตามปกติ สบายๆ อย่าทำหน้าเครียดขนาดนั้น เป็นแบบที่เราเคยเป็นได้เลย"


หลังจากนั่งเล่น นอนเล่นอยู่ในห้องพี่เติมเต็มหลายชั่วโมง มองดูเวลาก็เกือบจะสี่ทุ่มแล้ว ได้เวลาที่ต้องกลับหอแล้วครับ

"เดี๋ยวผมจะกลับหอแล้วนะครับ พี่เต็มไม่ต้องไปส่งก็ได้"

"ค้างที่นี่เลยสิ"

"ไม่เอาครับ!" ผมพูดด้วยความตกใจ

พี่เติมเต็มหัวเราะครับ

"เสียงดังทำไมเนี่ย ไม่อยากใช้สิทธิ์ของแฟนฝึกงานเหรอ"

'แฟนฝึกงาน' ... คิดได้ไงเนี่ย เคยได้ยินแต่นักศึกษาฝึกงาน



สุดท้าย พี่เติมเต็มก็ขับรถมาส่งผมที่หอจนได้ พี่เติมเต็มจอดรถใกล้ๆกับหน้าหอ พอผมปลดเข็มขัดนิรภัยออก ผมก็ตัดสินใจหันมาพูด สิ่งที่ผมคิดมาตลอดตั้งแต่อยู่ที่คอนโดพี่เติมเต็ม

"พี่เต็มครับ เรื่องพี่กับพี่อิงค์ อันที่จริงพี่ไม่ต้องให้พี่อิงค์มาอธิบายก็ได้นะครับ แค่พี่เต็มบอกผมว่าไม่มีอะไร ผมก็พร้อมที่จะเชื่อพี่เต็มอยู่แล้ว คนอื่นพูดเป็นร้อย ไม่สำคัญสำหรับผมเท่าคำพูดพี่คนเดียวหรอกนะครับ"

พี่เติมเต็มใช้มือมาเกลี่ยผมที่มันตกลงมาปรกหน้าผากผม ผมเคยเห็นในละครที่พระเอกชอบทำแบบนี้กับนางเอกบ่อยๆ ผมไม่กล้าจะสบตากับพี่เติมเต็มเลยครับ

"ขอบคุณนะครับ"

โอ้ยยย...ใจผม
ใจมันแพ้พี่เติมเต็มไปหมดแล้ว
พอพูดมีคำว่าครับทีไร ผมรู้เลยว่าผมแพ้
ไปต่อไปถูกเลย

พี่เติมเต็มไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก แต่จากที่ลูบผมของผม ก็เปลี่ยนเป็นมาจับมือแทน

"มือนิ่มจัง"

พี่เติมเต็มพูดพร้อมกับลูบมือผมไปมา ผมเขินจนทำตัวไม่ถูกแล้ว ผมว่าผมควรจะขึ้นห้องตัวเองได้แล้วก่อนที่หัวใจผมจะวาย

"คืนนี้อย่านอนดึกนะครับ พรุ่งนี้มีแข่ง"

พี่เติมเต็มหัวเราะผม เหมือนรู้ว่าผมกำลังคิดอะไร

"เราก็เหมือนกัน นอนให้ไว" พี่เติมเต็มปล่อยมือผมเปลี่ยนมาลูบผมเบาๆ

"ครับ เจอกันพรุ่งนี้นะครับ"

ผมกำลังจะเปิดประตูรถลงไป แต่พี่เติมเต็มจับแขนผมไว้ก่อน

"นั่นไอ้วินนี่ มันมาทำอะไรหอเรา มันเคยมาหาที่นี่หรือเปล่า"

ผมมองตามสายตาพี่เติมเต็ม เห็นพี่ธาวินยืนพิงรถยนต์คนหนึ่งที่จอดอยู่มุมหนึ่งของหอพัก

"ไม่เคยครับ" ผมตอบตามจริงคือพี่ธาวินไม่เคยมาหาผมที่หอเลย

"อย่าเพิ่งลงนะ" พี่เติมเต็มกำชับผมอีก ซึ่งผมก็ไม่คิดจะลงอยู่แล้ว

ไม่ถึงห้านาที ผมเห็นฟูจิเดินมาหาพี่ธาวินที่รถ ที่แท้ก็มาหาฟูจิ ฟูจิอยู่หอเดียวกับผมครับ

"นั่นไงครับมาหาฟูจิ"

ผมนั่งมองพี่ธาวินกับฟูจิยืนคุยกัน ซึ่งก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าจะรอดูอะไร ลงจากรถเลยก็ได้แต่ผมเดาว่าพี่เติมเต็มคงไม่อยากให้ผมลงไปเจอกับพี่ธาวิน ผมก็เลยคิดว่านั่งรออีกสักนิดก็คงไม่เป็นไร


และอีกไม่กี่นาทีต่อมาภาพตรงหน้าทำให้ผมตกใจมากถึงมากที่สุด



พี่ธาวินกำลังจูบกับฟูจิครับ



"เฮ้ย!!"

เสียงผม


และตามด้วยเสียงหัวเราะเบาๆจากพี่เติมเต็ม


มันเกิดอะไรขึ้น!!

ฟูจิกับพี่ธาวิน!!






TBC.
#เติมเต็มรัก
ninewara✿



◕ ธาวิน ♥ ฟูจิ มาเฉยเลย ^__^
   
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 13] 27/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 27-04-2019 08:09:56
 :pig4: :pig4: :pig4:

เห็นอาการของฟูจิ  ก็พอเดาได้แหละ

ส่วนที่พี่วินมาออกตัวจีบคนเก่งนั้น  คิดว่าคงอยากกระตุ้นให้เติมเต็มเข้าใจความรู้สึกของตัวเองได้เร็วขึ้นหล่ะนะ
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 13] 27/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 27-04-2019 15:44:23
 :L2: :pig4:

น่ารักทั้งคู่
คู่รองก็น่าลุ้น
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 13] 27/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 27-04-2019 18:35:43
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 13] 27/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 28-04-2019 13:51:43
ตัวเร่งปฏิกิริยาสินะ


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 14] 28/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ninewara ที่ 28-04-2019 15:25:42
✿เติมเต็มรัก✿ ครั้งที่ 14




ภาพเมื่อคืนที่พี่ธาวินจูบกับฟูจิยังติดอยู่ในหัวผมอยู่เลยครับ ผมไม่รู้ว่าทั้งสองคนจูบกันนานมั้ย เพราะผมไม่กล้ามองมากนัก จนพี่เติมเต็มบอกว่า


'เงยหน้าได้แล้ว เขาไปกันแล้ว'


แล้วพี่เติมเต็มก็มาแซวผมใหญ่ว่าผมหน้าแดงมากๆ เป็นใครก็ต้องเขินหรืออายนะผมว่า ถ้ามีคนมาจูบให้เราเห็น แต่ในใจผมก็ไม่มั่นใจนักหรอกว่าที่ผมเขินเพราะเห็นฉากจูบของเพื่อนหรือว่าเขินเพราะร่วมเห็นฉากจูบนั้นกับพี่เติมเต็มกันแน่



เมื่อเช้าฟูจิมันก็มาเรียนตามปกติครับ ผมอยากจะถามมันเรื่องพี่ธาวินมากเลย แต่ผมก็ไม่อยากให้เพื่อนรู้ว่าเมื่อคืนผมเห็นอะไร

เฮ้อออ...ทำยังไงดี




พอมาเจอเรื่องของฟูจิ ทำให้ผมแทบจะลืมเรื่องระหว่างผมกับพี่เติมเต็มไปเลยครับว่าเมื่อคืนมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น

เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี



ผมยังไม่ได้เล่าให้เพื่อนทั้งสองคนฟังเลย แปลกดีตอนที่แอบชอบข้างเดียว เล่าให้เพื่อนฟังได้ง่าย แต่พอสถานะมันเป็นแบบนี้ผมกลับไม่กล้าที่เล่าให้เพื่อนฟัง



ตอนนี้ผมอยู่ที่หอสมุดกลางครับ หลังจากเรียนเสร็จผมแล้วผมก็เลยมานั่งรอเวลาที่พี่เติมเต็มจะลงแข่งบาสในช่วงเย็น วันนี้ช่วงกลางวันเราไม่ได้ทานข้าวด้วยกันเพราะพี่เติมเต็มมีเรียนตั้งแต่สิบโมงถึงบ่ายสอง ส่วนผมเรียนเสร็จตอนบ่ายโมง


ผมมองดูเวลาในมือถือใกล้จะบ่ายสองแล้ว ผมมาคนเดียวครับ วันนี้ส้มส้มไม่ได้มาเรียนเห็นว่าท้องเสีย ส่วนฟูจิบอกผมว่าจะไปสนามฟุตบอล


ครับ...วันนี้พี่ธาวินก็มีแข่งฟุตบอลเหมือนกัน ฟูจิคงจะไปเชียร์


มาคิดๆดูแล้ว ผมเป็นเพื่อนที่แย่เหมือนกันที่ไม่รู้และไม่สังเกตท่าทางของเพื่อนเลย

เมื่อวานตอนที่คุยกันเรื่องพี่ธาวินบอกว่าจะจีบผม ฟูจิมันก็ดูเงียบไปเลย พอคิดย้อนไปแล้ว ทุกอย่างมันดูจะไปในทิศทางเดียวกัน ที่ฟูจิมันคุยกับผมน้อยลงและดูเหมือนมีเรื่องในใจตลอดเวลา เป็นเพราะพี่ธาวินหรือเปล่า พี่ธาวินเพิ่งพูดเมื่อวานว่าจะจีบผม แต่ฟูจิไม่ค่อยคุยกับผมมาก่อนหน้านั้นแล้ว มันจะเกี่ยวกันมั้ยนะ?



ผมอยากคุยกับฟูจิจังเลยครับ ผมกลัวว่าตอนนี้เพื่อนอาจจะกำลังทุกข์ใจเพราะผมอยู่ก็ได้


konkengg : มึงอยู่ไหน


ผมทักไลน์หาฟูจิ รอไม่นานฟูจิก็ตอบกลับมา


Fujiz : ร้านกาแฟใกล้ๆสนามบอล


ฟูจิตอบกลับมาพร้อมแนบรูปมาด้วย เป็นรูปแก้วเครื่องดื่มที่วางอยู่บนโต๊ะ


Fujiz : มึงอะ หอสมุดกลาง?
konkengg : ใช่


หวังว่าผมจะตัดสินใจถูก


konkengg : เมื่อคืนกูเห็นมึงกับพี่วินที่หน้าหอ


ผมตัดสินใจพิมพ์ลงไปแบบนั้น ผมไม่รู้ว่าผลจะเป็นยังไงแต่ผมอึดอัดจนทนไม่ไหว ผมขอใช้สิทธิ์ในความเป็นเพื่อนสนิทหน่อยก็ล่ะกัน


Fujiz : พี่มันมาเอาของ
konkengg : กูเห็นมึงกับพี่วินจูบกัน



ข้อความขึ้นว่าอ่านแล้ว แต่ไม่มีข้อความใดๆจากฟูจิตอบกลับมา ผ่านมาหลายนาทีแล้วฟูจิก็ยังไม่ตอบ

มันจะโกรธผมหรือเปล่านะ


Fujiz : มึงลงมารอหน้าหอสมุด
Fujiz : กูกำลังไป


ผ่านมาเกือบสิบนาที ฟูจิก็ตอบมาครับ โอเคถึงแม้จะรอนานไปหน่อยแต่มันก็เป็นคำตอบที่ผมพอใจ อย่างน้อยมันก็มาหาผม แบบนี้ดีกว่าคุยกันผ่านข้อความเยอะเลย


ผมลงมายืนรอที่หน้าหอสมุดไม่นาน ผมก็เห็นรถของฟูจิขับเข้ามาจอดใกล้ๆผม ผมเดินไปหาและเปิดประตูขึ้นรถของฟูจิไป ผมกับฟูจิสบตากันเล็กน้อย แต่เหมือนเราทั้งคู่ยังไม่พร้อมที่จะเริ่มคุย ฟูจิขับรถออกมาไปตามถนนที่มุ่งหน้าไปยังคณะเกษตรฯตรงนั้นจะมีสวนอยู่ผมไม่รู้ว่าเด็กคณะเกษตรฯเรียกสวนตรงนั้นว่าอะไร ส่วนใหญ่สวนนั้นจะปลูกพวกพืชสมุนไพร ผมกับฟูจิเลยเรียกกันเองว่าสวนสมุนไพร

ผมกับฟูจิรู้จักสวนนี้กันโดยบังเอิญ ตอนนั้นเป็นช่วงที่ต้องมาดูหอพักกัน อาจารย์ที่ดูแลเรื่องหอพักบอกว่าหอที่พวกผมจะต้องมาอยู่ อยู่ใกล้กับคณะเกษตรฯ ตอนนั้นพวกผมก็ลองนั่งรถรางในมหาวิทยาลัยดู พอถึงคณะเกษตรฯพวกผมก็ลง ตอนนั้นคิดกันเอาเองว่าในเมื่ออาจารย์บอกอยู่ใกล้คณะเกษตรฯก็น่าจะเดินหาได้ไม่ยาก

แต่เราคิดผิดครับ เราใช้ความคิดที่ว่าตอนอยู่โรงเรียนเราเดินจากตึกเรียนวิทยาศาสตร์ไปตึกเรียนภาษาอังกฤษได้แค่ไม่นาน แต่เราลืมจุดนี้ไปว่าที่นี่คือมหาวิทยาลัยที่กว้างใหญ่ไม่ใช่โรงเรียนมัธยม

เราเดินไปเรื่อยๆจนไปเจอกับสวนสมุนไพร มันมีลักษณะเป็นสวนหย่อมเล็กๆมีหนองน้ำขนาดใหญ่อยู่ด้วย ยิ่งเห็นก็ยิ่งรู้ว่าคณะเกษตรฯมีพื้นที่ที่กว้างกว่าที่คิด ก่อนจะเดินมาถึงสวนสมุนไพร ผมเดินผ่านฟาร์มเลี้ยงวัวมาแล้วด้วย

พวกผมนั่งกันอยู่ที่สวนสมุนไพรสักพักก็เห็นรุ่นพี่คณะเกษตรฯที่อยู่ใกล้ๆบริเวณนั้น ฟูจิก็เลยเข้าไปถามทางไปหอพัก รุ่นพี่คนนั้นหัวเราะพวกผมและเท่าที่ฟังดูพวกผมน่าจะเดินไปกันไม่ไหว

และนั่นเป็นครั้งแรกที่ผมได้เจอพี่ธาวิน เพราะฟูจิโทรหาพี่ธาวิน พอพี่ธาวินมาถึงก็หัวเราะขำพวกผมใหญ่ที่พวกผมคิดเองเออเองว่ามันเดินจากคณะเกษตรฯไปถึงหอพักได้ และเป็นพี่ธาวินที่ขับรถพาพวกผมไปดูหอ


ตั้งแต่วันนั้น ผมกับฟูจิก็มักจะมานั่งเล่นที่สวนสมุนไพรกันบ่อย โดยเฉพาะเวลาที่มีเรื่องไม่สบายใจ

พอผมเห็นฟูจิขับมาทางนี้ผมก็เลยพอจะเดาความคิดของฟูจิได้ แสดงว่าตอนนี้จิตใจมันคงจะไม่โอเค


เสียงแจ้งเตือนไลน์ของผมดังขึ้น


teimtem : พี่เรียนเสร็จแล้ว
teimtem : กำลังจะไปสนาม
teimtem : ยังอยู่หอสมุด?


ตอนที่เรียนเสร็จผมไลน์ไปบอกพี่เติมเต็มว่าผมจะไปนั่งอ่านหนังสือรอเวลาที่หอสมุดกลาง


konkengg : ไม่ได้อยู่ที่หอสมุดแล้วครับ
konkengg : ออกมากับฟูจิ
konkengg : ผมบอกฟูจิเรื่องเมื่อคืนแล้ว
teimtem : เรื่องของเรา?


เรื่องของเราอะไรล่ะ ไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้ยินคำว่า 'เรื่องของเรา' มันให้ความรู้สึกเขินนิดๆเหมือนกัน


ไม่ใช่สิ! ตอนนี้ผมควรใส่ใจกับเรื่องของเพื่อนก่อน


konkengg : หมายถึงเรื่องที่เจอฟูจิกับพี่วินต่างหากครับ
teimtem : นึกว่าเรื่องของเรา
teimtem : เสียใจ


ใช่พี่เติมเต็มตัวจริงหรือเปล่าเนี่ย?


konkengg : พี่เต็มตัวจริงอยู่ไหนครับ


พอผมพิมพ์ไปไม่นาน พี่เติมเต็มก็โทรเข้ามา


"ครับ"

(ที่พิมพ์มาคืออะไร)

"ก็ผมคิดว่าพี่เต็มตัวปลอมกำลังคุยกับผมอยู่"

(ตลกแล้ว)

"ก็พี่พูดแปลกๆ"

(ตรงไหนที่แปลก)

ผมมองไปที่ฟูจิเล็กน้อยมันไม่ได้มองผมแต่มันก็ต้องได้ยินอยู่แล้ว ไม่เป็นไรหรอก ยังไงผมก็ต้องบอกมันอยู่แล้ว


"ก็อย่างเช่นคำว่า....เรื่องของเรา" ผมพูดไม่เต็มเสียงมากนัก พอพูดออกมามันก็รู้สึกเก้อเขินพอสมควรเลยครับ


(แล้วพี่พูดผิดเหรอ)


"มันก็ไม่ใช่ว่าผิดหรือถูกครับ เพียงแค่เมื่อก่อนไม่เคยพูดแบบนี้"

(เป็นปลาทองเหรอเรา สถานะเพิ่งเปลี่ยนเมื่อคืนเองนะ)


ผมอยากจะถามเหลือเกินว่าไม่รู้สึกเขินอายอะไรเลยหรือไงนะ พูดเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา ผมนี่สิเห็นนิ่งๆแต่ถ้าอยู่ห้องผมนอนม้วนอยู่ในผ้าห่มแล้วครับ


"......."

(เงียบเลย ฮ่าๆไม่แกล้งแล้วครับ)


มาอีกแล้ว คำว่า "ครับ" ของพี่เติมเต็มมีพลังทำลายล้างผมสูงมากจริงๆ

"........"

(แล้วอยู่ไหน เหมือนอยู่บนรถ)

"อยู่บนรถฟูจิครับ เดี๋ยวไปหาที่นั่งคุยกันในมหาลัยนี่แหละครับ"

(จะคุยนานมั้ย พี่กลัวมาไม่ทันแข่ง)


ผมมองฟูจิ


"คงไม่นาน...มั้งครับ"


ถ้าพี่เติมเต็มรู้ว่า ผมเป็นคนที่เริ่มจนทำให้ฟูจิมันต้องคุยวันนี้ตอนนี้ พี่เติมเต็มจะว่ายังไงก็ไม่รู้

ยังไม่ได้คุยอะไรต่อ รถของฟูจิก็จอดลงใกล้ๆกับสวนสมุนไพร


"เดี๋ยววางก่อนนะครับ ถึงแล้ว"

(ครับ รีบคุยรีบมา)

ผมตอบรับยิ้มๆ ก่อนจะวางสาย รู้สึกดีเหมือนกันนะเนี่ย




"ดูมึงมีความสุขนะ" เสียงฟูจิครับ

ผมชะงักก่อนจะหันไปมอง

"ลงรถกันเถอะ" ฟูจิพูดก่อนจะลงจากรถ ผมก็เดินตามลงไป


ฟูจิเดินนำผมไปนั่งอยู่ตรงม้านั่งใต้ต้นไม้ต้นใหญ่ที่พวกเราเคยมานั่งกันประจำ มองไปรอบๆเห็นนักศึกษาคณะเกษตรฯกำลังทำงานกันอยู่ไกลออกไป


"กูให้มึงเล่าก่อน" ฟูจิเป็นคนเอ่ยขึ้นมาก่อน ซึ่งผมรู้ดีว่าฟูจิมันอยากให้ผมเล่าเรื่องอะไร

"คือเมื่อคืนพี่เต็มถามกูว่าลองคบกันดูมั้ย ถ้าลองแล้วมันใช่ก็ค่อยขยับสถานะกันอีกที" ผมบอกฟูจิ ฟูจิมันหันมามองผมแล้วก็ยิ้มให้


"ดีใจด้วยนะมึง ความพยายามห้าปีของมึงไม่เสียเปล่า ถึงแม้กูจะขัดใจนิดหน่อยก็เถอะ ทำไมไม่เป็นแฟนกันเลยวะ จะลองคบทำไมในเมื่อกูว่าลงท้ายยังไงก็ได้เป็นแฟนกันอยู่ดี"


"กูว่าพี่เต็มเขาก็คงยังไม่แน่ใจ คือพี่เขาบอกว่าเขา เอ่อ ชอบกู พอพี่เขาบอกว่าลองคุยลองคบกันดู กูก็เลยคิดว่าพี่เขาอาจจะอยากให้แน่ใจว่าชอบกูจริงหรือเปล่า"


"กูว่าไม่ ยังไงก็ต้องเป็นแฟนอยู่ดี และพี่เต็มเองก็รู้ตัวเอง แต่ด้วยนิสัยของพี่เต็มเท่าที่กูสังเกต ถึงแม้จะมั่นใจถึงผลลัพธ์แต่ก็ต้องใช้เวลามาอ้างอิง อย่างตอนที่บอกขอคบมึงแบบพี่น้อง พี่มันก็รู้อยู่แล้วว่าสถานะอื่นมันต้องตามมาแต่ถ้าจะมาบอกว่ามาคบกันเลยมั้ย พี่มันก็คงไม่พูด"


ผมไม่รู้ว่าจะเป็นแบบที่ฟูจิพูดมั้ย แต่ผมรู้เลยว่าฟูจิมันใส่ใจเรื่องของผมมากจริงๆ มันถึงได้คอยสังเกตท่าทีของพี่เติมเต็มที่มีให้ผม


"ขอบคุณนะมึง" ผมบอก

"ขอบคุณเรื่องอะไรวะ" ฟูจิถาม

"ทุกอย่างตลอดห้าปีที่ผ่านมา ตั้งแต่วันที่กูเข้าไปเป็นเด็กใหม่ที่โรงเรียน"

"อย่ามาดราม่าไอ้คนเก่ง"


ผมหัวเราะมัน


"ไม่ได้จะดราม่ากูแค่อยากบอกสิ่งที่กูกำลังคิด"

"เอาไว้พี่เขาขอมึงเป็นแฟนเมื่อไหร่ค่อยมาขอบคุณ"

"ถ้าพี่เขาไม่ขอล่ะ กูต้องเป็นคนขอเองมั้ย"

"ก็ดี ฮ่าๆ แต่เชื่อกูพี่มันไม่ยอมให้มึงแย่งหน้าที่หรอก"


ผมหัวเราะในสิ่งที่ฟูจิมันพูด



ต่อจากนั้นเราสองคนต่างก็เงียบ ผมไม่รู้ว่าผมควรเอ่ยถามหรือรอให้ฟูจิเป็นคนพูดขึ้นมาเอง


"กูกับพี่วินรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก เพราะบ้านอยู่ใกล้กัน มึงเห็นร้านวัสดุก่อสร้างใหญ่ๆที่อยู่ปากซอยบ้านกูใช่มั้ย นั่นแหละบ้านพี่วิน ตอนมอต้นพี่วินเรียนที่โรงเรียนเดียวกันกับพวกเรานี่แหละ แต่พอมอปลายพี่วินก็ไปเรียนต่อที่โรงเรียนสาธิตของม.S ก็คือโรงเรียนสาธิตของที่นี่ ที่จริงพี่วินจะเรียนต่อมอปลายที่เดิมก็ได้ แต่พี่มันก็เลือกที่จะไปเรียนที่อื่นเพราะอยากจะห่างจากกู"


ฟูจิหยุดพูดก่อนจะมองไปบนท้องฟ้าด้วยสายตาเหม่อลอย ผมเพิ่งสังเกตเห็นว่าแววตาของเพื่อนผมมันเศร้ามาก ไม่รู้ว่ามันเศร้าแบบนี้มานานแค่ไหนแล้ว


"ตอนที่กูเรียนมอหนึ่ง ตอนนั้นพี่วินเรียนอยู่มอสาม กูไปหาพี่วินที่บ้านตามปกติอย่างที่เคยทำเป็นประจำ พอกูไปถึงกูก็เห็นพี่วินยืนคุยกับผู้หญิงคนหนึ่งอยู่น่าจะเป็นรุ่นพี่เพราะกูเห็นใส่ชุดนักเรียนมอปลาย อยู่ๆกูก็เห็นผู้หญิงคนนั้นจูบพี่วิน และกูที่ถึงแม้จะอยู่แค่มอหนึ่งแต่กูก็รู้ว่ากูไม่ได้คิดกับพี่วินแบบพี่น้องแน่ๆ และกูก็เสือกคิดเข้าข้างตัวเองว่าพี่มันก็คิดกับกูเหมือนกัน กูก็เลยวิ่งเข้าไปผลักผู้หญิงคนนั้นออก ผู้หญิงคนนั้นล้มลง ไม่ได้เจ็บอะไรมากแต่ก็มารู้ที่หลังว่าข้อมืออักเสบ แล้วกูก็ตะโกนออกไปว่า 'มาจูบแฟนผมทำไม' ผู้หญิงคนนั้นพอลุกขึ้นได้ก็เดินมาตบหน้าพี่วิน แล้วก็วิ่งออกไป ตอนนั้นกูรู้เลยว่ากูคิดผิดเพราะตั้งแต่รู้จักกันมากูไม่เคยเห็นพี่วินมองกูด้วยสายตาแบบนั้นมาก่อน"


ผมอึ้งไปกับสิ่งที่ได้ยิน ผมไม่เคยคิดว่าเรื่องระหว่างฟูจิกับพี่ธาวินจะเป็นแบบนี้


"แล้วพี่วินก็พูดกับกูว่า 'ถ้ามึงกำลังคิดอะไรกับกูอยู่ก็ขอให้มึงเลิกคิดซะ กูให้มึงได้แค่คำว่าพี่น้อง ถ้าเกินกว่านั้นกูคงให้ไม่ได้ เพราะกูไม่ได้ชอบผู้ชายและกูไม่ได้ชอบมึง กูจะเห็นแก่ความสัมพันธ์ที่ผ่านมา กูจะถือว่าเรื่องวันนี้ไม่เคยเกิดขึ้น' นั่นเป็นครั้งแรกที่พี่วินขึ้นกูขึ้นมึง และหลังจากวันนั้นกูก็ออกห่างจากพี่วิน หรือจริงๆแล้วอาจจะเป็นพี่วินเองที่ออกห่างจากกู เพราะกูแทบไม่เจอพี่มันเลย จนกูได้ยินจากพี่สาวของพี่วินว่าพี่วินจะไปเรียนต่อมอปลายที่สาธิตของม.S กูก็เข้าใจได้ทันทีว่าพี่วินอยากจะห่างจากกูจริงๆ เพราะก่อนหน้านี้พี่วินยังคุยกับกูเรื่องที่จะเรียนต่อมอปลายที่โรงเรียนเดิมอยู่เลย"

"แล้วมึงกับพี่เขากลับมาคุยกันตอนไหน เพราะตอนที่พวกเราเรียนมอปลายมึงยังให้พี่วินช่วยกูเรื่องพี่เต็มอยู่เลย" ผมถามแทรกขึ้น

"ก็ตั้งแต่ที่พี่วินไม่อยู่ก็ไม่ได้คุยกันจริงๆมึง แต่กูก็แอบไปหาพี่มันบ่อยเวลาที่พี่มันกลับมาที่บ้าน กูหมายถึงกูแอบไปมองพี่มันข้างเดียว พี่มันไม่รู้หรอก จนตอนนั้นที่ผลการคัดเลือกเข้ามหาลัยออก พี่วินติดม.S อย่างที่คาดไว้ พี่วินก็กลับบ้านไปกินเลี้ยงฉลองกับที่บ้านพี่มันนั่นแหละ แล้วบังเอิญไปเจอกูที่ไปทำงานพาร์ทไทม์เสิร์ฟอาหารอยู่ร้านนั้นพอดี"



พอฟูจิพูดก็ทำให้ผมจำเรื่องราวในตอนนั้นขึ้นมาได้ พ่อกับแม่ของฟูจิประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียชีวิตพร้อมกันทั้งคู่ ตอนนั้นฟูจิมันเคว้งมากครับมันเป็นลูกชายคนเดียว และญาติที่มีอยู่ก็เหลือแค่ปู่กับย่าที่มันบอกว่าก็ไม่ได้สนิทกันมากและอยู่กันคนละจังหวัด แต่พ่อกับแม่ของฟูจิมีเงินฝากก้อนหนึ่งที่ฝากไว้ให้ฟูจิ ซึ่งผมไม่ทราบจำนวนและไม่คิดจะก้าวก่ายเรื่องเพื่อน

ผมไม่รู้เลยจริงๆว่าฟูจิมันลำบากมั้ยเพราะฟูจิไม่เคยพูดให้ฟัง ช่วงมอปลายผมหิ้วปิ่นโตไปทานข้าวกับฟูจิทุกวันครับ เสาร์อาทิตย์บางทีฟูจิก็มาทานข้าวกับผมที่บ้าน


ผมเคยคุยกับแม่และป้า ท่านบอกว่าฟูจิอาจจะไม่ได้ลำบากมากแต่ก็คงจะไม่ได้สบายเพราะฟูจิต้องหางานพิเศษทำเพิ่มช่วงหลังเลิกเรียน


"กูขอถามนอกเรื่องหน่อยได้มั้ย" ผมถาม

"ถามอะไร"

"ช่วงนั้นมึงลำบากมากมั้ยว่ะ"

ฟูจิเงียบไป ก่อนจะพูดออกมา

"ที่กูไม่เคยบอกมึงเพราะกูไม่อยากให้ใครมาสงสารกู กูว่าชีวิตกูมันก็ไม่ได้ลำบากขนาดนั้น มีคนลำบากกว่ากูอีกเยอะ กูยังมีบ้านอยู่ กูยังมีเงินที่พ่อแม่ฝากเอาไว้ให้ แต่กูก็ต้องทำงานเสริม กูจะรอแค่ใช้เงินฝากของพ่อแม่อย่างเดียวไม่ได้ และกูยังมีเงินประกันชีวิตของพ่อแม่ที่กูต้องรอจนอายุสิบแปดกูถึงจะมีสิทธิ์ใช้ได้ ซึ่งกูก็ได้รับสิทธิ์นั้นไปแล้วเมื่อปีก่อน ถึงมันไม่ได้เยอะเท่าคนอื่นแต่กูก็ไม่เคยคิดว่ามันมากหรือน้อยเพราะชีวิตพ่อแม่กูมันมีค่ามากกว่านั้น"

ความทรงจำคงจะสร้างความเจ็บปวดให้ฟูจิมากครับ ชีวิตผมที่ไม่มีพ่อมันแย่มากแต่ผมก็ยังมีแม่ยังมีป้า แต่ฟูจิไม่มีใครเลย มันจะโดดเดี่ยวสักแค่ไหน ผมไม่อยากคิดเลย

เราสองคนจมอยู่ในความคิดของตัวเอง ก่อนที่ฟูจิจะเล่าต่อ


"พอพี่วินเจอกู พี่มันตกใจว่ากูมาทำอะไรที่นี่ เป็นการคุยกันครั้งแรกในรอบสามปี ตอนแรกกูก็บ่ายเบี่ยงไม่คุยด้วยเพราะกูต้องทำงาน แต่ใครจะไปคิดว่าพี่มันจะรอกูอยู่หน้าร้านตอนกูจะกลับบ้าน กูก็เลยเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง ตั้งแต่นั้นมาก็เลยได้กลับมาคุยกันอีก"


ฟูจิหยุดพูดและเหมือนจะไม่พูดอะไรอีก


"จบแล้วเหรอวะ" ผมถาม มันยังไม่ถึงเรื่องที่ผมอยากรู้เลย

"มึงจะถามเรื่องเมื่อคืนเหรอ" ฟูจิถามผม

"ก็ ... ถ้ามึงอยากพูดถึงอะนะ"

"ที่กูไม่พูดถึงเพราะกูไม่มีอะไรจะบอกเกี่ยวกับสิ่งที่มึงเห็น และถ้ามึงอยากรู้มากกว่านั้นคือกูกับพี่วิน ไม่ได้เป็นแฟนกันหรือคบกัน"

"แต่มึงจูบกับพี่เขานะ"

"คนจูบกันไม่ได้แปลว่าเขาจะต้องเป็นแฟนกันเสมอไป"

"กูไม่เห็นเข้าใจ"

"มันเป็นโลกของผู้ใหญ่มึงคงไม่เข้าใจหรอก"

"ผู้ใหญ่บ้านมึงสิ ได้ข่าวมึงกับกูก็อายุเท่ากัน ที่กูบอกว่าไม่เข้าใจคือกูไม่เข้าใจมึงนั่นแหละ ไม่ได้เป็นอะไรกันแต่จูบกันเนี่ยนะ"


ฟูจิเงียบครับ สายตามันเหม่อมองไปข้างหน้า

"นั่นสินะ กูก็ไม่ค่อยเข้าใจตัวเองเหมือนกัน"


ผมไม่ได้ซักถามอะไรต่อเพราะคิดว่าฟูจิเองมันอาจจะยังไม่พร้อมเล่าอะไรให้ฟังเพิ่มอีกก็ได้


ฟูจิมองดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือ

"กูว่าไปกันเถอะ เดี๋ยวไปไม่ทันพี่เต็มลงแข่ง" ฟูจิบอกผมพร้อมกับลุกขึ้นยืน

"มึงก็จะไม่ทันพี่วินแข่งเหมือนกันนั่นแหละ" ผมบอก

"ทันไม่ทันก็ไม่เป็นไรหรอก คือพี่วินไม่ได้ชวนกูแต่กูเสือกจะไปเองแหละ แต่พี่วินเขาอยากให้มึงไปเชียร์เขานี่" พอฟูจิมันพูดเรื่องนี้ขึ้นมาผมก็เลยนึกขึ้นมาได้

"ที่พี่วินบอกว่าจะจีบกูมึงโอเคเหรอวะฟูจิ"

"ไม่โอเคก็ต้องโอเคเปล่าวะ ที่จริงพี่วินพูดกับกูมาสักพักแล้วล่ะว่ามึงน่ารักดี ถ้าพี่เต็มยังไม่สนใจมึงเขาก็จะจีบมึงแย่งมาจากพี่เต็มซะเลย ช่วงหลังมากูก็เลยไม่ค่อยอยากคุยกับมึงเท่าไหร่ ทั้งๆที่ไม่ใช่ความผิดของมึงเลย แต่กูไม่ได้เกลียดอะไรมึงนะ อย่าเข้าใจผิด"

"กูไม่ได้โกรธมึง และกูก็ไม่คิดว่ามึงจะเกลียดกูด้วย กูแค่เป็นห่วงที่เห็นมึงเงียบไป ยิ่งพอมารู้แบบนี้กูก็เข้าใจมึง"


ฟูจิใช้มือตบไหล่ผมเบาๆ


"แต่ว่านะมึง" ผมพูด

"แต่อะไรวะ" ฟูจิถามผม

"ไม่เข้าใจ ยังไงกูก็ไม่เข้าใจ บอกว่าจะจีบกู แต่ก็ไปจูบกับมึงได้ อะไรวะ"


ผมไม่เข้าใจจริงๆ






ระหว่างที่นั่งอยู่บนรถ พี่เติมเต็มก็โทรมาอีกหลายครั้งเลย โทรมาเร่งผมเพราะพี่เติมเต็มอยู่ที่สนามแล้วและที่สำคัญที่นั่งฝั่งของทีมวิศวะใกล้จะเต็มแล้วด้วย




ที่สนามบาสเกตบอล

ฟูจิมาส่งผมจากนั้นฟูจิก็ขับรถไปทางสนามฟุตบอล

ผมมองดูเวลาในมือถือใกล้เวลาแข่งแล้วครับ พอเดินเข้ามาในโรงยิมผมพยายามมองหาที่นั่งแต่ที่นั่งที่ดีๆก็มีคนจับจองไปจนหมดแล้ว อย่างที่พี่เติมเต็มบอกเลย การมาดูพี่เติมเต็มแข่งบาสครั้งแรกของผมดูจะไม่ค่อยดีเลยครับ


ระหว่างที่ยืนมองหาที่นั่งอยู่ ผมมองไปเห็นที่นั่งที่เป็นของทีมฝั่งตรงข้ามว่างอยู่ ผมก็เลยคิดว่าจะไปนั่งฝั่งนั้นหรือจะยืนดูอยู่ตรงนี้ดี ว่าแต่ตรงนี้เขาอนุญาตให้ยืนได้มั้ย เพราะตรงนี้ก็พอจะมองเห็น


มือถือในกระเป๋ากางเกงผมสั่นครับ พอเห็นเป็นชื่อพี่เติมเต็ม ผมก็เลยรีบกดรับทันที

(ช้ามาก)

ยังไม่ทันได้พูดอะไร พี่เติมเต็มก็พูดขึ้นมาก่อน

"ขอโทษครับ ไม่คิดว่าคนจะเยอะขนาดนี้ เอ๊ะ!รู้ได้ไงครับว่าผมมาถึงแล้ว"

(ยืนอยู่ตรงนั้น เดี๋ยวไอ้ชินท์มันเดินไปรับ)

พอผมวางสายก็เห็นพี่ชินท์เดินมาทางผม ก่อนจะเดินนำผมไปทางที่นั่งของฝั่งวิศวะ


"มัวไปเถลไถลที่ไหนมาน้องคนเก่ง ไอ้เต็มมันบ่นใหญ่ว่าเราช้า"

"ขอโทษครับ ไม่คิดว่าคนจะเยอะขนาดนี้"

"นี้ยังน้อยนะ ถ้าทะลุไปถึงรอบลึกๆคนจะเยอะกว่านี้อีก"

"แล้วพี่ชินท์ไม่ได้ลงแข่งเหรอครับ" ผมถามเพราะพี่ชินท์ใส่เสื้อช็อป ไม่ได้แต่งชุดกีฬา

"ไม่ได้ลง จริงๆในกลุ่มมีแค่ไอ้เต็มกับไอ้ธรณ์ที่เล่นจริงจัง พี่กับไอ้ทัตแค่มาช่วยมันซ้อม"

พี่ชินท์พาผมมานั่งตรงริมสนามที่ผมมองดู ผมก็พอจะรู้ว่ามันเป็นที่นั่งสำหรับพวกโค้ชและพวกนักกีฬา แล้วพี่ชินท์ให้ผมมานั่งตรงนี้มันจะดีเหรอ



"ช้า" พี่เติมเต็มเดินมานั่งลงข้างผม มองไปเห็นพี่ๆในทีมหันมามองผมหมดทุกคน ผมก็เลยยกมือไหว้พวกพี่ๆ ไม่รู้จะโดนว่าหรือเปล่า

"ขอโทษครับ" ผมขอโทษอีกครั้ง

"กูหมายถึงมึงน่ะไอ้ชินท์" พี่เติมเต็มพูด

"กูผิดอะไรวะ" ผมก็งงเหมือนที่พี่ชินท์งงครับ

"กูให้มึงเดินไปรับคนเก่งแค่ตรงนี้ กว่าจะเดินมาถึง แล้วคุยอะไรกันมากมายว่ะ"

"มึงอย่าให้มันเกินไปนักไอ้เต็ม ไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำ" พี่ชินท์พูดก่อนจะเดินไปนั่งอยู่กับพวกพี่ๆทีมบาส


"คุยกับฟูจิเรียบร้อยแล้วเหรอ"

"ครับ"

"อยากเล่ามั้ย ไม่อยากก็ไม่ต้องเล่า"

"ผมขอถามฟูจิก่อนนะครับ มันเป็นเรื่องส่วนตัวเพื่อนผมก็ไม่รู้จะเล่าได้มั้ย"

"ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้น พี่ยังไม่ว่าอะไรเลย" พี่เติมเต็มใช้มือขยี้ผมของผมเบาๆ


"พี่เต็มครับ ผมมานั่งตรงนี้จะไม่โดนว่าเหรอครับ"

"ใครจะว่า"

"ก็...คือตรงนี้มันเป็นที่นั่งของนักกีฬากับคนที่เกี่ยวข้องไม่ใช่เหรอครับ"

"ก็ใช่ แต่คนเก่งไม่โดนว่าหรอกเพราะเราเป็นคนที่เกี่ยวข้อง"

"เกี่ยวข้องยังไงเหรอครับ ไม่เกี่ยวเลย วิศวะก็ไม่ได้เรียน"

พี่เติมเต็มยิ้มนิดๆ

"เกี่ยวข้องยังไง ก็เกี่ยวข้องกับใจพี่นี่แหละ และถึงไม่ได้เรียนวิศวะแต่อนาคตอาจจะได้มีแฟนเรียนวิศวะก็ได้ จริงมั้ย"

"......."



พี่เติมเต็มตัวจริง จริงๆใช่มั้ยเนี่ย!?


"พี่ลงแข่งแล้วนะ ไหนกำลังใจ"


ห๊ะ!! อะไรนะ กำลังใจเหรอ เพิ่งจะแอทแทคผมด้วยประโยคเมื่อกี้ ผมยังอึ้งอยู่เลย


"เอ่อ สู้ๆนะครับ"


ผมว่ามันเป็นคำพูดที่สิ้นคิดมาก แต่ผมคิดอะไรไม่ออก ก็เลยพูดสิ่งแรกที่คิดไว้ในหัว


"จะเต็มที่ที่สุดให้สมกับที่เป็นแมตแรกที่คนเก่งมาดูเลย"


พูดเสร็จแล้วก็ขยี้ผมของผมแรงๆ และลงท้ายด้วยจัดทรงผมให้ผมกลับมาเหมือนเดิม เห็นหัวผมเป็นอะไรเนี่ย


ได้ยินเสียงเรียกลงสนามแข่งแล้วครับ


พี่เติมเต็มลุกขึ้นยืนแล้วบิดตัวเล็กน้อย ก่อนจะหันมาใช้มือบีบแก้มผมเบาๆ แล้วยิ้มให้ก่อนลงสนาม



สถานะเพิ่งเปลี่ยนเมื่อคืน
แต่ทำไมพฤติกรรมของพี่เติมเต็มถึงได้เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วแบบนี้ อย่างกับคนละคน



ไม่ไหวจริงๆครับ
ใจผมเนี่ยแหละที่มันจะไม่ไหว






TBC.
#เติมเต็มรัก
ninewara✿



◕ ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันนะคะ

◕ ตอนนี้เรามาทำความรู้จักกับฟูจิให้มากขึ้นอีกนิดนึงนะคะ
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 14] 28/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 28-04-2019 16:44:42
 :pig4: :pig4: :pig4:

แหม่...น้องมาช้าแต่กลายเป็นเพื่อนผิดซะงั้น
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 14] 28/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: MmBb ที่ 28-04-2019 17:21:47
เยอะไปแล้วค่ะพี่เต็มเป็นแค่แฟนฝึกหัดกันเองนะ
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 14] 28/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 29-04-2019 18:10:34
พี่เต็มเทิร์นโปร

 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 14] 28/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 29-04-2019 20:52:30
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 14] 28/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 29-04-2019 21:45:41
 :o8: :o8: :o8:  โอ๊ยย พี่เต็มตัวปลอมชัวร์ๆ อิอิอิ
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 14] 28/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 29-04-2019 21:49:26
ดียยย์


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 14] 28/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 30-04-2019 12:52:08
อ๋ายยยยยย
พี่เติมเต็มจัดโปรแบบนี้ แอทแทคไปเลยจ้า
อยากรู้เรื่องฟูจิมากๆๆๆๆๆๆ ท่าจะหลากรสน่าดู
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 14] 28/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 30-04-2019 16:28:27
นี่ขั้นทดลองนะคุณเติมเต็มมมมมมมมมม
ไม่อยากจะคิดถึงขั้นคบจริง  :heaven
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 15] 30/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ninewara ที่ 30-04-2019 21:58:24
✿ เติมเต็มรัก ✿ ครั้งที่ 15





การแข่งบาสจบลงด้วยดีครับ คณะวิศวะชนะทีมคู่แข่งไปแบบสบายๆเพราะคะแนนห่างกันพอสมควรเลย


"ดีนะที่ชนะ เดี๋ยวเราไม่ประทับใจถ้ามาดูแมตซ์แรกแล้วพี่แพ้" พี่เติมเต็มพูดหลังจากที่มานั่งพักเหนื่อยข้างผมได้สักพัก


"ถึงไม่ชนะก็ไม่เป็นไรครับแค่ได้เห็นพี่แข่งก็ดีใจแล้ว" ผมบอกตามที่คิดไว้


"กูเกลียดไอ้เต็มว่ะ" เสียงพี่ธรณ์ครับ


"เกลียดมันเรื่องอะไรวะ" พี่ทัตพลเป็นคนถาม แต่ผมดูจากสีหน้าพวกพี่ๆแล้ว ดูเหมือนจะรู้กันว่ากำลังคุยเรื่องอะไร


"เกลียดที่มันพูดว่าดีนะที่ชนะ พูดเหมือนมันเจอทีมที่แข็งมาก รู้แต่แรกอยู่แล้วว่ายังไงก็ต้องชนะ" พี่ธรณ์ตอบ


"และกูเกลียดมันที่มันบอกว่า กลัวคนเก่งไม่ประทับใจถ้าแพ้ เหตุผลเหมือนมึง คือมันรู้อยู่แล้วว่าจะชนะ ยังเสือกจะมาพูดแบบนี้อีก" พี่ชินท์พูดเสริมอีกคน


"เรื่องของกูมั้ย" พี่เติมเต็มพูด และพวกเพื่อนๆพี่เขาก็โห่แซวกันใหญ่ ผมก็ไม่รู้จะพูดอะไรได้แต่หัวเราะไปกับพวกเพื่อนๆพี่เติมเต็ม



"หิวยัง" พี่เติมเต็มถามผม

"กูเกลียดความเสียงสอง" พี่ชินท์ครับ

"อะไรของพวกมึงวะ กูก็พูดปกติ"

"เหรอ มึงลองถามคนเก่งดูมั้ย"

พี่เติมเต็มมองผม

"เอ่อ ก็ปกตินะครับ" ผมอึกอักตอบ

"แม่งส่งสายตากดดันน้อง"

พี่ธรณ์เดินมาโอบไหล่ผมและพูดว่า

"มันเริ่มเผยธาตุแท้ของมันแล้ว ถ้ารับไม่ได้ เปลี่ยนใจก็ยังทันนะคนเก่ง"

พี่เติมเต็มผลักตัวพี่ธรณ์ให้ออกจากผม

"ตัวมึงมีแต่เหงื่อ สกปรกว่ะ แล้วยังจะมาโดนตัวคนเก่งอีก"

พี่ธรณ์ไม่ได้พูดอะไร แค่หัวเราะขำพี่เติมเต็ม



สักพักผมก็ได้ยินพวกพี่ๆในทีมบาสชวนกันไปทานข้าวและเห็นว่าจะไปดื่มกันต่อด้วย

"ไปร้านพี่เอกกันมึง คืนนี้วันศุกร์ด้วยไปชิลล์กัน" พี่ชินท์เดินมาถามพี่เติมเต็มหลังจากที่นัดกับเพื่อนๆแล้ว

"เออ เอาดิ" พี่เติมเต็มตอบตกลง

"เจอกันสักสองสามทุ่ม ใครถึงก่อนก็ไลน์บอกกัน"


ตอนนี้พวกเพื่อนๆของพี่เติมเต็มแยกย้ายกันไปหมดแล้วครับ พี่เติมเต็มเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าภายในโรงยิม ตอนแรกผมท้วงพี่เติมเต็มว่าให้กลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่คอนโดเลย แต่พี่เติมเต็มบอกว่าไม่ชอบใส่เสื้อเปียกเหงื่อขึ้นรถ

พอเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ พี่เติมเต็มก็ขับรถออกจากมหาวิทยาลัย

"พี่เต็มไม่ส่งผมที่หอก่อนเหรอครับ"

"เดี๋ยวค่อยมาที่หอ ไปคอนโดพี่ก่อน อยากอาบน้ำ"


ผมพยักหน้าด้วยความเข้าใจ พอมาถึงที่ห้อง พี่เติมเต็มก็เข้าไปอาบน้ำทันทีครับ ผมก็เลยถือโอกาสเดินดูรอบๆห้อง เมื่อคืนตอนที่มาถึงไม่ได้ลุกไปไหนเลยนอกจากนั่งอยู่ห้องรับแขก


ผมเดินมาในส่วนของห้องครัว เห็นตู้เย็นใบใหญ่สองตู้ ผมก็เลยถือวิสาสะเปิดดูด้วยความสงสัยว่าทำไมต้องมีตู้เย็นถึงสองตู้ ทั้งที่อยู่คนเดียว พอเปิดดูก็ได้คำตอบครับ ตู้หนึ่งใส่เครื่องดื่มซึ่งมีทั้งน้ำเปล่า,น้ำอัดลม,น้ำผลไม้,นมกล่องและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จำพวกเบียร์ ส่วนอีกตู้ผมเห็นมีพวกของสดเช่นผัก,ผลไม้และไข่ไก่ ซึ่งผมมองว่าตู้นี้ไม่จำเป็นต้องมีเลยครับ เพราะพี่เติมเต็มไม่น่าจะได้ทำกับข้าวทานเองที่ห้องอยู่แล้ว ของสดทิ้งไว้ไม่ได้ทำเสียของแย่


ผมเดินผ่านห้องครัวออกมาก็มาเจออีกห้อง ห้องนี้ดูแล้วน่าจะเป็นห้องซักรีด เพราะมีเครื่องซักผ้า มีเครื่องอบผ้า และพวกอุปกรณ์รีดผ้า คอนโดพี่เติมเต็มมีครบทุกอย่างจริงๆ ห้องนี้มีระเบียงด้วยครับ ผมเดินออกมาดู เท่าที่ดูระเบียงตรงนี้ก็คงจะเอาไว้ตากเสื้อผ้า


พอเดินออกมาจากห้องซักรีด พอมองมาด้านขวามือผมก็เห็นว่ายังมีระเบียงอยู่ตรงนี้อีก ซึ่งระเบียงตรงนี้กว้างกว่าระเบียงตรงห้องซักรีดเยอะเลยครับ ผมเดินออกมาเห็นมีเก้าอี้วางอยู่ตัวหนึ่ง และตรงมุมระเบียงมีต้นปาล์มขนาดไม่ใหญ่มากวางอยู่


ผมเดินมายืนตรงระเบียง ราวระเบียงค่อนข้างสูงนะผมว่า สูงประมาณหน้าอกผมเห็นจะได้ ผมมองลงไปข้างล่าง เห็นแสงไฟสว่างระยิบระยับอยู่ไกลๆ พอมองท้องฟ้าผมอดยิ้มออกมาไม่ได้ นี่คงเป็นข้อดีของการที่อยู่ชั้นที่สูงขนาดนี้


เพราะมันทำให้เรามองเห็นดวงดาวบนฟ้าได้ชัดเจนมากขึ้น


ผมมักจะเปรียบพี่เติมเต็มเป็นดวงดาวเสมอ ฟูจิเคยถามถึงเหตุผลแต่ผมก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไงดี คือเมื่อก่อนช่วงที่ผมเข้ามาเรียนมอสามใหม่ๆ เวลาเจอพี่เติมเต็มทีไร ผมจะนึกถึงคำว่า star ตลอด รู้สึกว่าพี่เขาโดดเด่น เปล่งประกายประมาณนี้ล่ะมั้งนะ


พูดถึงฟูจิ ไม่รู้ป่านนี้มันเป็นยังไงบ้าง


ผมไม่รู้ว่าผมยืนอยู่ที่ระเบียงนานแค่ไหนแล้ว จนกระทั่งได้กลิ่นน้ำหอมอยู่ใกล้ๆ แต่ยังไม่ทันได้หันหน้ากลับไปมอง ก็มีความรู้สึกว่าเหมือนมีคนมายืนซ้อนหลังผมอยู่ พร้อมทั้งมือสองข้างก็มาจับราวคร่อมตัวผมไว้ ผมสะดุ้งครับและพี่เติมเต็มก็น่าจะรับรู้ได้

"นึกว่าแอบหนีกลับหอไปแล้ว" น้ำเสียงของพี่เติมเต็มเป็นเหมือนแซวเล่นมากกว่า

"......"


ใจผมมันเต้นระรัวและผมว่าตัวผมสั่นนิดๆด้วย แผ่นหลังของผมแนบชิดกับหน้าอกของพี่เติมเต็มอย่างชัดเจนโดยที่ผมไม่ต้องหันไปมอง เพราะความร้อนของร่างกายของอีกคนกระจายไปทั่วแผ่นหลังของผม


เมื่อผมไม่พูดอะไร ก็เหมือนพี่เติมเต็มจะเงียบเหมือนกัน มันก็ไม่เชิงว่าอึดอัดแต่เพียงแค่ ผมทำตัวไม่ถูกกับการใกล้ชิดแบบนี้ ลมหายใจของพี่เติมเต็มมันสัมผัสได้ที่ข้างแก้มและใบหูของผมตลอดเวลา


"อึดอัดมั้ย" พี่เติมเต็มถามครับ เสียงพี่เติมเต็มได้ยินชัดมากๆ

"อึดอัดเรื่องอะไรครับ" ผมว่าเสียงผมมันสั่นครับ

"ก็อึดอัดที่พี่ทำอะไรแบบนี้" พี่เติมเต็มพูดด้วยเสียงที่ไม่ดังมากนัก

"ไม่ครับ"

"พี่แค่อยากรู้ว่า ถ้าพี่ทำแบบนี้" พี่เติมเต็มเปลี่ยนจากที่เอามือคร่อมตัวผมอยู่เป็นมากอดเอวผมแทน

"แบบนี้" พี่เติมเต็มเอาคางมาวางที่ไหล่ของผมจนแก้มผมกับแก้มพี่เขาสัมผัสกัน

"พี่จะรู้สึกยังไง"

"......"

"พี่ว่า...มันก็โอเคดี ไม่ได้รู้สึกแย่"

"......"

"แล้วคนเก่งล่ะ รู้สึกยังไงที่พี่ทำแบบนี้"

"ก็ ... "

"ก็อะไร"

"ไม่ตอบได้มั้ยครับ"

"งั้นตอบแค่สั้นๆก็พอ"

"......"

"รู้สึกดีใช่มั้ย"


'โคตรดี' อยากจะตอบแบบนี้จัง


"ครับ รู้สึกดีมากๆเลย"


"ไม่อึดอัดและไม่รู้สึกแย่ใช่มั้ยที่พี่ เอ่อ เหมือนถึงเนื้อถึงตัวเรามากไป" พี่เติมเต็มพูดน้ำเสียงเหมือนไม่มั่นใจ พอผมมองผมก็เห็นว่าพี่เติมเต็มหน้าแดงนิดหน่อย ผมยิ้มทันทีเลย เพิ่งรู้ว่าพี่เติมเต็มเองก็เขินเหมือนกัน


"ไม่รู้สึกแย่เลยครับ" ผมตอบด้วยความมั่นใจ


"ดีจัง" พี่เติมเต็มจับตัวผมให้หันมาทางพี่เขา และใช้มือลูบหัวผมแทน

"เผื่อต่อไปถ้าพี่ทำอะไรที่มากกว่านี้ พี่จะได้มั่นใจว่าทำได้"

"ทำอะไรครับ!" ผมเผลอเสียงดัง

"เสียงดังทำไม" พี่เติมเต็มหัวเราะผม

"เราเป็นแค่ ... แค่แฟนระยะทดลองเท่านั้นนะครับ" ผมบอก

"ก็เพราะเป็นช่วงทดลองไง พี่ถึงต้องลองทำอะไรหลายๆอย่างเพื่อจะได้รู้ว่ามันดีมั้ยไง" พี่เติมเต็มพูดยิ้มๆ

"พี่เติมเต็มไปได้แล้วครับ เดี๋ยวเพื่อนรอ" ผมรีบดันตัวพี่เติมเต็มให้เดินเข้าไปในห้อง เพื่อไม่ให้พี่เติมเต็มพูดอะไรมากกว่านี้

"ครับๆ" ผมได้ยินเสียงพี่เติมเต็มหัวเราะผมไม่หยุด

เป็นครั้งแรกเลยที่ผมรู้สึกหมั่นไส้พี่เติมเต็ม



ระหว่างที่พี่เติมเต็มขับรถมาส่งผมที่หอพัก มีสายเรียกเข้าจากคุณป้า (ม๊าของพี่เติมเต็ม) มาที่มือถือพี่เติมเต็ม แต่พี่เติมเต็มบอกให้ผมรับสายแทนได้เลย ตอนแรกผมก็ลังเลใจ แต่พี่เติมเต็มย้ำว่าให้รับสายได้เลย


"สวัสดีครับ"

(เอ๊ะ คนเก่งเหรอลูก)

"ใช่ครับ"

(พี่เขาล่ะ)

"พี่เต็มขับรถอยู่ครับ"

(ดีเลย ม๊าอยากคุยกับหนูอยู่เหมือนกัน)


ผมรู้สึกเขินๆครับที่คุณป้าเรียกแทนตัวผมว่าหนู ซึ่งคุณป้าชอบเรียกผมแบบนี้ประจำ


"ครับ คุณป้า"

(เมื่อคืนพี่เขาบอกกับม๊าว่าจะลองคบกับหนูดู จริงหรือเปล่า)


ผมรีบหันไปมองพี่เติมเต็มทันที อะไรกัน? ไปเล่าให้คุณป้าฟังแล้วงั้นเหรอ ขนาดผมเองยังไม่เล่าให้ที่บ้านฟังเลย เพราะกลัวสุดท้ายลองคบแล้วมันไม่ใช่ขึ้นมา ก็ไม่รู้ว่าจะไปอธิบายให้ที่บ้านฟังยังไง


"พี่เต็มบอกคุณป้าเหรอครับ"


พี่เติมเต็มหันมามองผมเล็กน้อยและผมว่าผมเห็นพี่เติมเต็มยิ้มที่มุมปากด้วย


(ใช่จ้ะ พี่เขาบอกม๊า คนเก่งตอบตกลงใช่มั้ย)


"ก็...ใช่ครับ" ผมเขินมากจนไม่รู้จะเอามือไม้ไว้ที่ไหนดี และเหมือนคนที่นั่งข้างๆผมเหมือนจะรู้ พี่เติมเต็มจับมือขวาของผมไปกุมไว้และวางไว้บนตักพี่เขา


ตอนนี้ผมเขินทั้งม๊าพี่เติมเต็ม และเขินสิ่งที่พี่เติมเต็มกำลังทำ


(ม๊าแค่อยากถามเพื่อความมั่นใจว่าลูกชายม๊าทำจริงอย่างที่พูดใช่มั้ย)

"......." ผมไม่รู้จะพูดอะไรดี

(กลับบ้านคราวหน้า ให้พี่เขาพามาหาม๊าที่บ้านด้วยนะ)

"ครับ เดี๋ยวผมจะบอกพี่เต็มให้ครับ"

(ว่าแต่กำลังจะไปไหนกันจ้ะ)

"พี่เต็มกำลังจะไปส่งผมที่หอครับ"

(ถ้าพี่เขาดูแลไม่ดี หนูต้องบอกม๊านะ)

".....ครับ"

หลังจากนั้นม๊าของพี่เติมเต็มก็วางสายไป



และผมก็ถามพี่เติมเต็มทันที

"พี่เต็มครับ"

"ว่าไง"

"ทำไมพี่เต็มถึงบอกคุณป้าเรื่องที่เรา ... "

"คบกันน่ะเหรอ"

"ลองคบครับ" ผมแก้

"ไม่อยากให้พี่บอกเหรอ"

"ก็...เรายังไม่รู้เลยว่า อนาคตมันจะใช่หรือเปล่า ถ้าในที่สุดมันไม่ใช่ เราต้องมาอธิบายให้ผู้ใหญ่เข้าใจอีกนะครับ มันจะยุ่งยากหรือเปล่า"

"พี่ใช่สำหรับคนเก่งมั้ย"

"มันก็ต้องใช่สิครับ ถามแปลกจัง"

"สำหรับพี่ ถ้าพี่เลือกที่จะบอกคนอื่น โดยเฉพาะคนในครอบครัว นั่นก็คือพี่มั่นใจ ว่าในอนาคตมันต้องใช่"

"......."

"อย่ากังวลไปเลย" พี่เติมเต็มบีบมือผมแน่นขึ้น




ไม่ถึงห้านาที พี่เติมเต็มก็มาจอดรถที่หน้าหอผม

"ขอบคุณนะครับ อย่ากลับดึกมากนะ"

"เดี๋ยว! จะไม่ไปกับพี่เหรอ"

"ก็พวกพี่ๆจะไปดื่มกันไม่ใช่เหรอครับ"

"มันก็ใช่ แต่เรายังไม่กินอะไรเลยนะ"

"เรื่องแค่นี้เอง เดี๋ยวผมหาอะไรกินแถวนี้ก็ได้ครับ"


พี่เติมเต็มถอยรถเข้าไปจอดที่จอดรถบริเวณหน้าหอ ปลดล็อครถและดับเครื่อง ก่อนจะเปิดประตูรถแล้วเดินลงไปก่อนผม ผมก็เลยรีบหยิบกระเป๋าและรีบเปิดประตูรถลงไป และพี่เติมเต็มก็บอกกับผมว่า

"ขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวครับ"


เอาอีกแล้ว   'ครับ'   มาอีกแล้ว

แล้วผมก็ยอมตามเคย



ระหว่างที่ผมอาบน้ำอยู่ พี่เติมเต็มก็นั่งรอผมอยู่ในห้อง ผมใช้เวลาอาบน้ำและแต่งตัวไม่นาน ตอนแรกพี่เติมเต็มไม่ยอมให้ผมเอาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนในห้องน้ำ แต่จะให้ผมนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวเดินออกมาจากห้องน้ำ ผมก็คงไม่สามารถครับ


พอเดินออกมาจากห้องน้ำเท่านั้นแหละ ผมรีบวิ่งมาที่โต๊ะเขียนหนังสือของผมทันที เพราะพี่เติมเต็มกำลังเปิดดูโน๊ตบุ๊คของผม ซึ่งมันมีความลับเยอะมากครับ


แต่...คงไม่ทันแล้วล่ะครับ แงๆ



ตอนนี้สิ่งที่พี่เติมเต็มกำลังดูอยู่คือหน้าเฟซบุ๊คของผมเองครับ ผมอยากจะร้องไห้ ไม่อยากให้พี่เติมเต็มมารู้เลย



Konkeng Peimthaworn :
            คิดถึงพี่เต็มมากนะครับ



Konkeng Peimthaworn :
                ผมรักพี่นะครับ



Konkeng Peimthaworn :
        วันนี้เรียนไม่ค่อยหนัก  แต่รักพี่หนักมาก



Konkeng Peimthaworn :
          คิดถึงพี่เต็มจะแย่แล้วเนี่ย



Konkeng Peimthaworn :
        เคยได้ยินมีคนพูดว่าความคิดถึงฆ่าคนได้ ตอนนี้กูกำลังจะตายแล้ว!!!! คิดถึงโว้ยยยย





พี่เติมเต็มกำลังเลื่อนดูสเตตัสบนเฟซบุ๊คที่ผมเคยโพสไว้ แต่มันเป็นโพสที่ผมตั้งค่าไว้ให้ตัวผมเห็นคนเดียว


"ถ้าพี่ต้องเลื่อนอ่านจนหมดคืนนี้คงจะไม่ได้ออกไปไหนแน่เลย" พี่เติมเต็มบอกก่อนจะหันมามองผมด้วยสายตาที่ทำเอาผมขาสั่น


"เอาไว้ค่อยมานั่งดูทีหลังดีกว่า"


พี่เติมเต็มใช้มือจัดทรงผมให้ผม ก่อนจะตามมาด้วยการบีบแก้มผมเบาๆ


"ไปกันได้แล้ว"


พี่เติมเต็มจัดการปิดโน๊ตบุ๊ค และหยิบมือถือกับกระเป๋าสตางค์ของผมให้ด้วย เหมือนพี่เติมเต็มรู้ว่าสติผมไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว


"ไม่อยากให้เห็นเหรอ" พี่เติมเต็มถามตอนที่ขับรถออกมาจากหอพักแล้ว

"ครับ มันเขิน"

พี่เติมเต็มไม่พูดอะไรแค่ยิ้มและดึงมือผมไปจับและวางบนตักตัวเองอีกแล้ว




เรามาถึงร้านที่พวกพี่ๆเขานัดกันไว้ช้ากว่าคนอื่นเล็กน้อยครับ

"มัวทำไรอยู่วะช้าสุด"

พี่ธรณ์ถามทันทีที่เราสองคนเดินมาถึงโต๊ะ ผมเห็นมีเก้าอี้แบบโซฟาว่างอยู่ ซึ่งน่าจะนั่งได้สองคนพอดี เดาว่าน่าจะเป็นของผมกับพี่เติมเต็ม พี่เติมเต็มให้ผมเข้าไปนั่งก่อน และพี่เติมเติมก็ตามมานั่งข้างๆ

"ทำอะไรกันดีล่ะ" พี่เติมเต็มหันมาถามผม

"สั่งอาหารหรือยังครับพี่ชินท์" ผมเลี่ยงด้วยการหันไปถามพี่ชินท์ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับผมแทน

"สั่งแล้ว แต่อยากกินอะไรสั่งได้เลย" พี่ชินท์บอกผม

"เอาตัวรอดเก่งนะ" พี่เติมเต็มกระซิบข้างหูผม ผมแค่ยิ้มตอบเพราะไม่อยากพูดอะไรที่มันอาจจะเข้าตัว"


"คนเก่ง เอาอะไร เหล้าหรือเบียร์" พี่ทัตพลถามผม

"อย่าเพิ่งมึง ให้น้องกินข้าวก่อน เดี๋ยวเมา" พี่เติมเต็มห้ามพี่ทัตพลที่กำลังหยิบแก้วใบใหม่ออกมา


"กลัวอะไรวะ มากับมึง น้องเมามึงก็ดูแลแค่นั้น" พี่ทัตพลแย้งขึ้นมา

"เมาไม่เมากูก็ดูแลอยู่แล้ว แต่กูแค่อยากให้น้องกินข้าวก่อน"

พี่ทัตพลพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะหันไปชนแก้วกับเพื่อนๆ


รอไม่นานอาหารที่สั่งก็มาเสิร์ฟ กลายเป็นว่าทั้งโต๊ะมีผมคนเดียวที่นั่งทานข้าวในขณะที่พี่ๆคนอื่น ทานกับข้าวเป็นกับแกล้ม


ผมดูเด็กชะมัดเลย


"พี่เต็มไม่กินข้าวเหรอครับ"

"กินข้าวเดี๋ยวกินเหล้าได้น้อย"

"ไม่เห็นจะเกี่ยว"

"อยากให้กินเหรอ"

"ครับ"

"ถ้าป้อนจะกิน"

"งั้นก็ไม่ต้องกินเลยครับ" พี่เติมเต็มหัวเราะ ใครจะมานั่งป้อนล่ะ คนเยอะขนาดนี้



"มึงๆเห็นเพจ NiceGuys ยังวะ" พี่ธรณ์ชะโงกหน้ามาถามพี่เติมเต็ม

"มีอะไรอีกว่ะ" พี่เติมเต็มถาม

"เข้าไปดูจะไอจี จะเฟซบุ๊คก็ได้"


พี่เติมเต็มหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง ผมเห็นพี่เติมเต็มเข้าไปที่ไอจี พี่เติมเติมขยับเข้ามานั่งใกล้ผมมากขึ้นเพื่อให้ผมได้อ่านด้วย



NiceGuys

        วันนี้แอดแว่บไปส่องบรรดาหนุ่มๆที่สนามบาส เห็นมั้ยคะว่าใคร? อดีตสามีของแอดเองค่ะ พี่เติมเต็ม ปี 3 เป็นตัวจริงของนักกีฬาบาสเกตบอลคณะวิศวะมาหลายปี แต่ตัวจริงของใจยังไม่รู้ว่ายังไง เอ?! แล้วบรรยากาศหวานในรูปนี่คืออะไรยังไงคะ เพิ่งเคยเห็นพี่เติมเต็มอ่อนโยนขนาดนี้ ตอนเป็นสามีแอดไม่เคยอ่อนโยนเลยสักครั้ง


                (แนบรูป)




รูปที่ทางเพจเอามาลงคือเป็นรูปที่ถ่ายได้ตอนที่พี่เติมเต็มบีบแก้มผมก่อนที่จะลงสนามแข่ง


ผมค่อนข้างตกใจเพราะไม่คิดว่าจะมีคนถ่ายรูปมาลง ผมลืมไปได้ยังไงว่าพี่เติมเต็มมีคนคอยตามพี่เขาอยู่เยอะเหมือนกัน เวลาปกติอาจจะไม่มีใครตามถ่ายรูปพี่เขาก็จริง แต่เวลามีแข่งกีฬาแบบนี้มันต้องมีคนตามถ่ายรูปพี่เติมเต็มอยู่แล้ว

ผมหยิบมือถือตัวเองขึ้นมา กดเข้าไปที่ไอจีเพื่อดูรูปนั้น รูปถ่ายออกมาสวยมากเลยครับ ในรูปพี่เติมเต็มกับผมเราสบตากัน ไม่น่าเชื่อว่าคนที่ถ่ายจะกดถ่ายได้ทันเพราะผมว่าช่วงเวลาที่ผมสบตาพี่เติมเต็มมันสั้นมาก เสี้ยววินาทีเลยก็ว่าได้


แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาที่ผมจะต้องคิด สิ่งที่ผมต้องคิดคือผลที่จะตามมาหลังจากที่มีคนเห็นภาพนี้ ตัวผมไม่เท่าไหร่หรอก แต่พี่เติมเต็มเนี่ยสิ

ผมเลื่อนมาดูตรงความคิดเห็น


comment 1 : หืม!?อะไรยังไง
comment 7 : พี่เต็มหล่อจัง
comment 23 : ใครที่พี่เต็มจับแก้มคะแอด
comment 31 : หน้าคล้ายๆกับคนที่พี่วิน วิศวะบอกจะจีบเลย
comment 32 : ใช่เหรอ รูปนี้เห็นด้านข้างไม่แน่ใจ
comment 44 : คอนเฟิร์มว่าคนเดียวกันเพราะวันนี้เราก็ไปที่สนาม
comment 57 : ไม่มีวาร์ปเหรอคะแอด


มีคนให้ความสนใจขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย ผมหันไปมองพี่เติมเต็ม เห็นพี่เติมเต็มก็กำลังเลื่อนอ่านคอมเม้นท์อยู่เหมือนกัน ผมไม่รู้ว่าพี่เติมเต็มรู้สึกยังไงเพราะหน้าพี่เขาเฉยมากๆ แต่ไม่นานผมก็เห็นพี่เติมเต็มพิมพ์ข้อความลงไป



teimtemp : รูปสวยครับ ช่วยส่งให้ส่วนตัวได้มั้ย @NiceGuys
NiceGuys : ถึงขั้นแท็กมาขอรูป ต้องแถลงข่าวหน่อยมั้ยคะ @teimtemp
teimtemp : ขอเก็บเป็นความลับให้ลุ้นกันก่อนน่าจะดีกว่า


หลังจากนั้นก็มีคนเข้ามาแสดงความเห็นอีกหลายคน


"พี่เต็มครับ คอมเม้นท์ไปแบบนั้นมันจะดีเหรอครับ" ผมถาม

"แล้วมันไม่ดียังไง" พี่เติมเต็มใช้แขนข้างหนึ่งมาโอบไหล่ผมไว้ แล้วใช้มือข้างที่โอบยกขึ้นมาลูบผมของผมเบาๆ

"มันจะไม่ดีกับพี่เต็มนะสิ มีข่าวแบบนี้กับผู้ชาย" ผมบอก

"ใช่ มีข่าวเรื่องรักๆแบบนี้กับผู้ชายมันไม่ดี แต่ถ้ามีกับเราพี่โอเคนะ ไม่ต้องคิดมาก พี่ไม่ใช่คนที่ทำอะไรฝืนใจตัวเอง เพียงแค่ให้คนอื่นรู้สึกดี เรื่องนี้ก็ด้วย" พี่เติมเต็มบอกผมด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง


หลังจากนั้นทางแอดมินของ NiceGuys ก็ส่งรูปมาให้พี่เติมเต็มทางอินบ็อกซ์ของไอจีหลายรูปเลยครับ มีทั้งรูปตอนที่พี่เติมเต็มกำลังแข่ง และรูปที่มีผมติดมาด้วย พี่เติมเต็มเอาให้ผมดูรูปสวยจริงๆด้วย


พวกพี่ๆนั่งดื่มกันและฟังเพลงกันไปเรื่อยๆครับ ส่วนผมไม่ได้ดื่มด้วยครับเพราะผมกลัวตัวเองจะเมา แล้วจะเป็นภาระของพี่เติมเต็ม อยากให้พี่เติมเต็มดื่มกับเพื่อนๆให้เต็มที่ดีกว่า เผื่อถ้าพี่เติมเต็มเมาผมก็จะได้ขับรถไปส่งพี่เติมเต็มที่คอนโดได้ และเผื่อเจอด่านจะได้ไม่เสี่ยงโดนเป่าแอลกอฮอล์ตอนกลับด้วย

"คนเก่ง" พี่เติมเต็มกระซิบที่ข้างหูผมเพราะตอนนี้เสียงในร้านค่อนข้างดัง ยิ่งดึกคนยิ่งเยอะ

"ครับ"

"ขอบคุณนะครับ" พี่เติมเต็มพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน และไม่ใช่แค่น้ำเสียงเท่านั้น สายตาที่มองผมมันก็อ่อนโยนมากๆเช่นกัน ที่สำคัญมีต่อท้ายด้วยคำว่า 'ครับ' ที่ผมแพ้อีกต่างหาก

"ขอบคุณเรื่องอะไรเหรอครับ"

"ตอนที่พี่เปิดโน๊ตบุ๊คแล้วเห็นสเตตัสพวกนั้นของคนเก่ง พี่รู้สึกดีมากเลย เหมือนตัวมันจะลอยได้ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนสำคัญ" พี่เติมเต็มใช้มือลูบแก้มผมไปมา

"พี่เต็มก็เป็นคนสำคัญมาตลอดอยู่แล้วนี่ครับ"

"มันก็ใช่ แต่ไม่รู้สิ เพิ่งรู้สีกตัววันนี้ว่าตัวเองสำคัญล่ะมั้ง"

"ผมว่าพี่เติมเต็มเมาแล้วแน่เลย"

"แค่นี้พี่ไม่เมาหรอก" พี่เติมเต็มบีบแก้มผมเบาๆ ก่อนจะหันไปดื่มกับเพื่อนๆต่อ

เวลาประมาณตีหนึ่ง พวกพี่ๆก็เริ่มทยอยกลับเพราะมีหลายคนเมามากแล้ว พี่เติมเต็มก็เลยชวนผมกลับเหมือนกัน

พอเดินมาถึงรถ ผมก็กุญแจรถจากพี่เติมเต็ม

"ขอกุญแจรถครับ ผมขับเอง"

"พี่ขับได้ ไม่เมาเลย"

พี่เติมเต็มปลดล็อครถ ก่อนจะเปิดประตูฝั่งที่นั่งข้างคนขับ

"เชิญครับ" พี่เติมเต็มบอกผม

"แบบนี้นี่แหละเมา" ผมพูด พี่เติมเต็มหัวเราะเบาๆก่อนจะเดินไปเปิดประตูฝั่งที่นั่งคนขับ และขึ้นไปนั่ง ผมก็เลยต้องขึ้นไปนั่งเหมือนกัน

"ถ้าเจอด่านจะทำยังไงครับ" ผมถาม

"รับรองไม่เจอ เดี๋ยวไปทางลัด"

"ดูเหมือนไม่ใช่พี่เต็มเลยนะเนี่ย ผมว่าพรุ่งนี้ตื่นมาจะจำไม่ได้ว่าพูดหรือทำอะไรบ้าง"

"บอกแล้วไงว่าแค่นี้พี่ไม่เมาหรอก รับรองว่าจำได้ทุกอย่าง"

ผมไม่ได้พูดอะไรอีก เพราะพี่เติมเต็มก็ไม่ได้มีท่าทางเมาหรือว่าอะไรเลย เพียงแค่พูดอะไรแปลกๆที่ดูไม่ใช่พี่เติมเต็มเลย


ใช้เวลาไม่นานรถของพี่เติมเต็มก็มาจอดที่หน้าหอพักของผม

"ขับรถกลับดีๆนะครับ" ผมบอกพี่เติมเต็ม ก่อนที่จะปลดเข็มขัดนิรภัย ผมเห็นพี่เติมเต็มเองก็ปลดเข็มขัดนิรภัยเหมือนกัน

"ครับ?" ผมเดาว่าพี่เติมเต็มคงมีเรื่องจะพูดกับผม

พี่เติมเต็มโน้มตัวมาใกล้ผม จนผมมองหน้าพี่เติมเต็มไม่ชัดเพราะมันใกล้มาก

ผมขยับตัวหนีพี่เติมเต็มแต่ในรถมันมีพื้นที่ให้หนีได้แค่นี้จริงๆ

"จูบนะ"

พี่เติมเต็มพูดแต่ดูเหมือนจะไม่ต้องการคำตอบเพราะริมฝีปากพี่เติมเต็มแตะลงมาสัมผัสที่ริมฝีปากของผม ตอนแรกพี่เติมเต็มสัมผัสแค่เบาๆครับเหมือนจะหยอกล้อ แต่ต่อมาสัมผัสของพี่เติมเต็มมันรุกล้ำมากขึ้น

ผมไม่เคยจูบมาก่อน ผมรู้เลยว่าผมเงอะงะมากๆ และเหมือนพี่เติมเต็มจะรู้เพราะดูเหมือนพี่เขาจะพยายามช่วยผมเหมือนกัน

ผมไม่รู้ว่าเราจูบกันนานแค่ไหน แต่ในความรู้สึกของผมมันนานมากๆ

พี่เติมเต็มละริมฝีปากออกจากริมฝีปากผม ก่อนจะจูบเบาๆ ย้ำๆ สองครั้ง

"พี่ยืนยันว่าพี่ไม่ได้เมา พี่แค่ดื่มย้อมใจ" พี่เติมเต็มใช้มือลูบที่ริมฝีปากผมเบาๆ

"ย้อมใจ?"

"พูดแล้วอายชะมัด อยากจะจูบตั้งแต่ที่คอนโดแล้ว แต่ใจไม่กล้าเท่าไหร่ ก็เลยต้องใช้ตัวช่วย เผื่อมันจะกล้า และมันก็ได้ผล" พี่เติมเต็มพูดด้วยน้ำเสียงเขินๆ

พี่เติมเต็มน่ารักจังเลยครับ จริงๆถ้าขอผมก็ให้อยู่แล้ว ไม่เห็นต้องดื่มเหล้าเลย แต่เรื่องนี้ผมไม่บอกหรอกครับ

"ไม่ใช่พรุ่งนี้ตื่นมาแล้วลืมนะ" ผมพูดเบาๆกับตัวเอง แต่ในรถเงียบๆแบบนี้พี่เติมเต็มก็ต้องได้ยิน


"งั้นจูบอีกนะ จะได้มั่นใจว่าพรุ่งนี้ไม่ลืม"

พี่เติมเต็มพูดก่อนจะดึงตัวผมเข้าไปอยู่ในอ้อมกอด

แล้วเราก็จูบกันอีกครั้ง

และ

อีกหลายครั้ง

พรุ่งนี้ปากผมต้องบวมแน่เลย
โชคดีที่พรุ่งนี้เป็นวันเสาร์







TBC.

#เติมเต็มรัก
ninewara✿

หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 15] 30/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 30-04-2019 22:46:42
 :-[

เขิล
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 15] 30/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 30-04-2019 22:58:32
 :o8: :-[ :o8:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 15] 30/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 30-04-2019 23:06:10
 :pig4: :pig4: :pig4:


หวัย ๆ จูบกันแล้ว  อิอิ
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 16] 01/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ninewara ที่ 01-05-2019 04:44:00
✿ เติมเต็มรัก ✿ ครั้งที่ 16




[เติมเต็ม part]




ผ่านมาเกือบสองอาทิตย์แล้วครับ
หลังจากคืนนั้นที่ผมจูบคนเก่งไป ตอนแรกผมคิดว่าถ้ามาเจอหน้ากันวันต่อมาจะมองหน้ากันติดมั้ย แต่ไม่มีอะไรแบบนั้นที่ผมกลัว ผมว่าที่เราสองคนรู้สึกคงจะมีแค่รู้สึกเขินๆกันมากกว่า เห็นผมเป็นแบบนี้ผมก็เขินนะ ก็คนเก่งเป็นผู้ชายคนแรกเลยที่ผมจูบ และคงจะเป็นแค่ผู้ชายคนเดียวเท่านั้นที่ผมจะจูบได้


รู้สึกดีชะมัดเลย




วันนี้ผมมีแข่งบาสกับคณะที่หินน่าดูเลย เป็นทีมที่ชนะจากสายเอ มาเจอพวกผมที่ชนะสายบี ถ้าใครชนะวันนี้ก็คือรอชิงชนะเลิศครับ

และตั้งแต่ผมแข่งมาสามปี วิศวะยังไม่เคยที่จะไม่เข้ารอบชิง และเราก็เป็นแชมป์มาตลอดสามปี ปีที่แล้วจำได้เลยว่ารอบก่อนชิง ผมก็เจอทีมคู่แข่งที่หินสุดๆเหมือนกัน แข่งเสร็จกลับไปผมสลบเลย หลับยาวเลยครับ



"พี่ว่ากลับพรุ่งนี้ก็ได้มั้ง" ผมบอกคนเก่ง เพราะเจ้าตัวบอกว่าหลังจากที่ดูผมแข่งเสร็จก็จะกลับบ้านเลย

"คือพรุ่งนี้ต้องไปทำบุญกับที่บ้านแต่เช้าครับ ก็เลยต้องกลับวันนี้เลย" คนเก่งให้เหตุผล

"พี่ไม่อยากขับรถกลับวันนี้ไง แข่งเสร็จก็ห้าหกโมงเย็นแล้ว"

"งั้นให้ผมขับรถให้นะครับ พี่เติมเต็มนั่งให้สบายๆก็พอ"

"ขับได้เหรอ เคยขับทางไกลมั้ย" ผมรู้ว่าคนเก่งขับรถได้และคล่อง แต่ก็ยังไม่รู้ว่าน้องเคยขับได้ไกลมากแค่ไหน

"สบายมากครับ เคยขับเข้ากรุงเทพฯออกจะบ่อย แค่ขับกลับบ้านแค่นี้สบายมาก" เมื่อผมเห็นท่าทางมั่นใจผมก็เลยตอบตกลง



ผลการแข่งขันเป็นไปตามที่พวกเราตั้งความหวังไว้ ถึงแม้ว่าเราจะชนะด้วยคะแนนที่ไม่ห่างมาก แต่เราก็ชนะเข้าสู่รอบชิง คู่แข่งเก่งสมคำร่ำลือครับกว่าจะชนะมาได้เล่นเอาหืดขึ้นคอเหมือนกัน


หลังจากที่กลับคอนโดมาอาบน้ำและเตรียมของอีกนิดหน่อยเพื่อจะกลับบ้าน คนเก่งที่เตรียมของเอาไว้ตั้งแต่ที่ออกจากหอมาเมื่อเช้าก็เป็นสารถีขับรถให้ผมนั่ง

การที่ไม่ได้ขับรถเองมันก็แปลกๆเหมือนกันครับเพราะปกติผมไม่ค่อยให้ใครขับรถให้นั่งสักเท่าไหร่ คนเก่งขับรถค่อนข้างดีเลย


หลังจากแวะทานข้าวกันระหว่างทาง คนเก่งใช้เวลาขับรถเกือบๆสองชั่วโมงก็ถึงบ้าน ซึ่งปกติถ้าผมขับไม่เกินชั่วโมงครึ่งก็ถึงแล้ว

คนเก่งจอดรถที่หน้าบ้านตัวเอง ก่อนที่จะลงจากรถและผมก็เปลี่ยนไปนั่งประจำที่นั่งคนขับแทน

ผมลดกระจกลง ตอนที่เห็นคนเก่งเดินมาด้านข้างประตูฝั่งคนขับ

"ขับรถกลับดีๆนะครับ" คนเก่งบอกผม

"ครับ ฝันดีนะ" ผมบอกคนเก่ง

"พรุ่งนี้เจอกันนะครับ" คนเก่งบอกผมอย่างที่เคยบอกเป็นประจำ

"แต่ขอดูเวลาก่อนนะว่าจะเจอกันได้ตอนไหน พี่ว่าพี่สลบยาวแน่" ผมบอกตามความจริง รู้สภาพร่างกายตัวเองดีครับ ช่วงนี้อ่านหนังสือเกือบเช้ามีซ้อมบาสทุกเย็น แถมวันนี้มีแข่งอีก

"งั้นพี่เติมเต็มรีบกลับไปพักผ่อนนะครับ"

"พี่ไปนะ" ผมบอกคนเก่ง ก่อนจะบอกให้คนเก่งเดินเข้าบ้านไปได้เลย ไม่ต้องรอยืนส่งผมอย่างที่เคยทำเพราะมันดึกแล้ว ซึ่งคนเก่งก็เชื่อฟังผมเป็นอย่างดี โบกมือบ๊ายบายให้ผมก่อนที่จะเปิดประตูรั้วและเข้าบ้านไป




เช้าวันต่อมา
ผมรู้สึกตัวตื่นมาตอนเกือบสิบโมง ผมว่ามันยังเช้าอยู่มากและผมว่าร่างกายผมมันยังพักผ่อนไม่พอ ผมโหมร่างกายมาตลอดทั้งอาทิตย์มันก็คงไม่แปลกที่ร่างกายมันจะเริ่มประท้วง

ผมไม่ได้นอนหลับต่อ แต่ก็ยังไม่อยากจะลุกจากที่นอน ผมเอื้อมมือไปหยิบมือถือที่อยู่ใต้หมอนอีกใบที่อยู่บนเตียง เห็นมีมิสคอลจากคนเก่งสองสาย ดูเวลาเป็นช่วงประมาณเก้าโมงเช้า

ผมกดเข้าไปดูที่แอพพลิเคชั่นไลน์ ผมเลือกกดเข้าไปดูที่ไลน์ของคนเก่งก่อนใคร

konkengg : พี่เต็มตื่นยังครับ

konkengg : โทรหาไม่รับเลย

konkengg : สงสัยยังไม่ตื่น

konkengg : ถ้าตื่นแล้วตอบไลน์ด้วยนะครับ

ข้อความที่คนเก่งส่งหาผม ระยะเวลาห่างกันประมาณครึ่งชั่วโมง

teimtem : ตื่นแล้ว
teimtem : แต่ยังไม่อยากลุกเลย

ข้อความขึ้นว่าอ่านแล้วเร็วมากเลยครับ เหมือนว่าคนเก่งรอให้ผมตอบอยู่อย่างนั้นแหละ

konkengg : โทรได้มั้ยครับ
teimtem : ได้


ไม่นานคนเก่งก็โทรเข้ามา


(วันนี้พี่เต็มมีโปรแกรมจะไปทำอะไรมั้ยครับ) คนเก่งถามทันทีที่ผมรับสาย

"คิดว่าคงไม่ อยากนอนมากกว่า"

(ตอนเย็นออกไปทานข้าวกันมั้ยครับ)

"ตอนเย็นเหรอ...อืมมม...วันนี้พี่เหนื่อยมากจริงๆ ไม่อยากออกไปไหนเลย อ่านหนังสือเตรียมสอบเกือบเช้าทั้งอาทิตย์เลย ไหนจะแข่งบาสอีกวันนี้เลยตั้งใจว่าจะพักผ่อน" ผมตอบตามความจริง

(ไม่ทานข้าวก็ได้ ถ้างั้นผมขอไปหาพี่เติมเต็มที่บ้านได้มั้ยครับ) คนเก่งขอขึ้นมาอีก

ผมว่าวันนี้คนเก่งแปลกๆนะ ปกติจะไม่มาเซ้าซี้อะไรแบบนี้กับผมมาก่อน ผมไม่รู้ว่าเพราะเราสนิทกันมากขึ้นหรือเปล่าที่ทำให้คนเก่งแสดงความเป็นตัวเองมากขึ้น แต่ผมว่าก็ไม่น่าจะใช่นะ

"คนเก่งมีอะไรหรือเปล่า ทำไมวันนี้ดูงอแง"

(ก็แค่อยากเจอหน้าพี่น่ะครับ) คนเก่งบอกผมเสียงเบาๆ

"แค่อยากเจอ แค่นั้นเหรอ"

(ก็ ... จริงๆก็อยากทานข้าวด้วยครับ แต่ถ้าพี่เต็มไม่ค่อยสะดวก ผมก็อยากจะขอแค่ไปเจอหน้าแป๊ปเดียวก็กลับ)

ผมรู้ว่าคนเก่งก็คงอยากจะเจอผมเหมือนที่เคยเจอทุกวัน คงเป็นความเคยชิน ผมเองก็ใช่ว่าไม่อยากเจอน้องนะ แต่ผมก็ไม่ใช่คนที่จะฝืนใจตัวเองทำอะไรที่มันไม่โอเคสำหรับตัวเอง วันนี้ผมอยากพักผ่อนอยู่บนห้องไม่อยากเจอใครเลยจริงๆไม่ใช่แค่คนเก่งหรอก

"ไว้เจอกันพรุ่งนี้ดีกว่า วันนี้พี่เหนื่อยมากจริงๆ"

(นิดเดียวเอง นะครับ นะ นะ นะ)

คนเก่งยังคงต่อรองที่จะเจอผมให้ได้

"คนเก่ง" ผมเรียกชื่อคนเก่งด้วยน้ำเสียงที่ดุ ผมไม่ค่อยใช้น้ำเสียงแบบนี้หรอกครับ เพราะปกติคนเก่งไม่เป็นแบบนี้ (ผมเคยใช้น้ำเสียงแบบนี้นานแล้วครับตั้งแต่ช่วงแรกๆที่คนเก่งมาบอกชอบผม) และถ้าผมดุ คนเก่งจะรู้แล้วครับว่ากำลังทำอะไรที่มันเกินไป

(ขอโทษครับ) พอเสียงเศร้าแบบนี้ผมก็มักจะอดใจอ่อนไม่ได้ แต่ต้องไม่ใช่ครั้งนี้

"มีอะไรสำคัญหรือเปล่า" ผมลองถามดูเผื่อคนเก่งมีเรื่องที่สำคัญมากที่ต้องเจอผมให้ได้

(.......) คนเก่งเงียบไปครับ

"ว่าไง" ผมถามอีกรอบ

(ไม่มีครับ ไม่มีอะไรสำคัญ)

"ถ้าไม่มีอะไรสำคัญ วันนี้พี่ขอตัวจริงๆนะ พรุ่งนี้ค่อยเจอกัน เดี๋ยวพี่ชดเชยให้" ผมได้ยินเสียงหงอยๆของคนเก่งแล้วก็อดที่จะสงสารไม่ได้ แต่เอาเถอะ พรุ่งนี้ผมจะชดเชยของวันนี้ให้ก็ล่ะกัน

(ครับ ถ้างั้นพี่เต็มพักผ่อนเถอะครับ)

แล้วคนเก่งก็วางสายไป ผมชอบคนเก่งที่ตรงนี้ครับคือเข้าใจง่าย ไม่ค่อยเซ้าซี้ให้ผมรู้สึกว่ามากเกินไป ถึงแม้ว่าวันนี้จะงอแงกว่าทุกวันก็เถอะ



หลังจากวางสายคนเก่ง ผมก็ลุกขึ้นมาเปิดตู้เย็นใบเล็กที่อยู่ในห้องนอนผม ผมหยิบเอานมจืดขวดใหญ่มาดื่มจนหมดขวด พอดื่มเสร็จตั้งใจว่าจะมานอนดูหนังแต่ไม่รู้ว่าพอกลับขึ้นเตียงมาแล้วตัวเองหลับไปตอนไหน รู้สึกตัวตื่นมาอีกทีตอนเกือบๆทุ่มหนึ่ง ตกใจตัวเองเหมือนกันที่นอนนานขนาดนี้

ผมลุกจากเตียงและเข้าไปอาบน้ำ ผมใช้เวลาในการอาบน้ำนานมากครับ แค่นอนแช่ในอ่างก็เป็นชั่วโมงแล้ว แบบนี้ค่อยรู้สึกดีและสดชื่นขึ้นมาหน่อย

หลังจากแต่งตัวเสร็จผมก็หยิบมือถือขึ้นมาดู มีมิสคอลจากไอ้ธรณ์และของม๊า ผมค่อนข้างแปลกใจที่ไม่มีมิสคอลของคนเก่ง แต่ผมก็ไม่ได้คิดอะไรมาก

พอเข้ามาดูที่ไลน์ก็เห็นว่ามีข้อความไลน์ของคนเก่งที่ไลน์มาตอนประมาณเที่ยง

konkengg : ขอโทษที่วันนี้ทำตัวไม่ค่อยน่ารักนะครับ

teimtem : ตื่นแล้ว

ผมทักไลน์ไปบอกคนเก่ง และคนเก่งก็ตอบกลับมาเร็วมากๆ

konkengg : โห นอนยาว
teimtem : เหนื่อยสะสมน่ะ
teimtem : แล้วทำอะไรอยู่
konkengg : ไม่ได้ทำอะไรเป็นพิเศษครับ
teimtem : เดี๋ยวคุยกับไอ้ธรณ์แป๊ปนึงนะ
konkengg : ครับ



ผมทักไปหาไอ้ธรณ์


teimtem : ว่าไงมึงเห็นโทรมา
thorn : ไอ้โจ้มันชวนไปกินเหล้าวันเกิดมัน
teimtem : ที่ไหนวะ
thorn : ที่ xxx
teimtem : มีใครไปบ้าง
thorn : ไอ้โจ้กับแฟนมัน
thorn : แล้วก็เพื่อนๆมันไม่กี่คน
thorn : ถ้ามึงไปก็มีกูกับมึง
teimtem : เออๆไป อีกสักชั่วโมงเจอกัน


หลังจากคุยกับไอ้ธรณ์เสร็จผมก็มาคุยกับคนเก่งต่อ


teimtem : ไอ้ธรณ์มันชวนไปกินเหล้า
teimtem : เห็นว่าไอ้โจ้ชวนไปกินเลี้ยงวันเกิดมัน
konkengg : แล้วพี่เต็มจะออกไปเหรอครับ
teimtem : อืม
konkengg : ครับ อย่าดื่มเยอะนะ


ผมคุยกับคนเก่งอีกสักพัก ก่อนที่จะลุกไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ลงมาข้างล่างเห็นติวเตอร์เดินสวนเข้ามาในบ้าน

"อ้าว นึกว่าไม่อยู่บ้าน" ติวเตอร์ทักผม

"นอนเพิ่งตื่น" ผมบอก

"มิน่าเห็นรถอยู่"

"ไปล่ะ"

"เดี๋ยวๆพี่"

ติวเตอร์ยื่นถุงสีขาวลายดาวให้ผม เป็นของจากคนเก่งแน่นอน

"ผมเข้าบ้านมาตอนเที่ยงเห็นมันห้อยอยู่ที่รั้วผมเลยเอามาให้ พี่สะใภ้น่ารักเนอะ จะเจอกันอยู่แล้วแต่ก็ยังเอาของมาให้ โรแมนติกดี" ติวเตอร์ให้ของผมเสร็จมันก็เดินขึ้นบ้านไป

ผมเปิดดูของในถุง ไม่มีขนมหรือสิ่งของครับ มีแค่การ์ดหนึ่งใบ





To...พี่เติมเต็ม
        ขอให้วันนี้ของพี่เป็นวันที่ดีๆ เหมือนกับผมนะครับ

                        เทคแคร์&ซียูครับ
                                คนเก่ง
                           02/xx/20xx
         




ผมอ่านการ์ดแล้ว ผมรู้สึกว่าผมคุ้นกับข้อความแบบนี้มากๆ เหมือนผมเคยได้รับการ์ดที่มีข้อความทำนองนี้มาก่อน

ผมเอาการ์ดใส่ไว้ในถุงเหมือนเดิมและเอาไปที่รถด้วย ก่อนจะเอาเก็บไว้ที่ช่องเก็บของที่อยู่ในรถ ผมมาถึงร้านพร้อมกับไอ้ธรณ์ เพราะเห็นมันเพิ่งลงจากรถมา

"เป็นไงมึง หน้าตาดูสดชื่น" ไอ้ธรณ์ถามผม

"ไม่สดชื่นได้ไงวะ กูนอนตั้งแต่เมื่อคืนเพิ่งตื่นจริงจังตอนทุ่มหนึ่ง" ผมบอก

"นอนหรือซ้อมตายว่ะ" ไอ้ธรณ์หัวเราะผม

"เออ กูโคตรเหนื่อย อาทิตย์นี้เพิ่งได้นอนเต็มที่นี่แหละ"

"ไม่ชวนคนเก่งมาด้วย" ไอ้ธรณ์ถาม

"กูไม่รู้ว่าไอ้โจ้มันโอเคกับคนเก่งหรืยัง กูก็เลยไม่กล้าชวนมา กลัวมาแล้วงานมันกร่อย วันเกิดมันด้วย" ผมบอกไปตามที่ผมคิด คนเก่งไม่มีปัญหาหรอกถ้ามา แต่ไอ้โจ้น่ะไม่แน่

"กูว่าไม่น่ามีเพราะไอ้โจ้มันมีแฟนแล้วนี่หว่า"

"กูก็ต้องระวังไว้ก่อน"

พวกผมเดินเข้ามาในร้าน ไอ้โจ้กับเพื่อนๆมันมากันแล้วครับ เห็นมีผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ข้างไอ้โจ้ คงจะเป็นแฟนมัน ว่าแต่ผมรู้สึกคุ้นหน้าผู้ชายคนนี้มากเลย

"หวัดดีเต็ม" ผู้ชายคนนั้นทักทายผมก่อน พอเห็นหน้าใกล้ๆทำให้ผมจำได้ทันที

"เฮ้ย!บุ๊ค" ผมเรียกชื่อไอ้บุ๊คด้วยความตกใจ

"เป็นไง" บุ๊คถามผม

"สบายดี แล้วนี่คือ" ผมมองไปที่ไอ้โจ้ ก่อนจะหันมามองที่ไอ้บุ๊คอีกที

"แฟนผม ที่เคยเล่าให้เฮียฟังไง" ผมเพิ่งเคยไอ้โจ้มันเขินก็คราวนี้ครับ

"กูถามไอ้บุ๊ค" ผมพูด

"ก็ตามที่โจ้พูด กูคบกับโจ้อยู่" บุ๊คมันตอบ

ทุกคนยังจำที่ผมเคยเล่าให้ฟังได้มั้ยว่า ไอ้โจ้มันเคยมีปัญหากับเด็กโรงเรียนอื่น แล้วผมเป็นคนไปเคลียร์ให้เพราะผมรู้จักเด็กโรงเรียนนั้น เด็กคนนั้นก็คือไอ้บุ๊คนี่แหละครับ มันไปคบกันได้ยังไงวะเนี่ย ผมจำได้ไอ้โจ้มันเกลียดไอ้บุ๊คมากๆเลยครับ

"เฮียไม่ต้องทำหน้างงหรอก เดี๋ยวไว้จะเล่าให้ฟัง" ไอ้โจ้มันบอกผม

"ว่าแต่ทำไมเฮียไม่พาไอ้อ้วนมาด้วยล่ะ ตอนแรกยังนึกว่ามันนอกใจเฮียแล้วซะอีกเห็นมีรูปคู่กับผู้ชายอื่น แต่พอมาเห็นรูปที่อยู่สนามบาสกับเฮียก็เลยรู้ว่ามันยังรักเฮียอยู่"

"กูกลัวพามาแล้ว มึงจะหงุดหงิด เดี๋ยวงานมึงกร่อย"

"อะไรกันเฮียผมเคลียร์กันกับไอ้อ้วนตั้งแต่วันนั้นแล้วไง ถ้ารู้ว่าเฮียไม่พามันมานะ ผมทักไปชวนมันเองแล้ว"

"หืม? อะไรมีไลน์กันด้วยเหรอ"

"มีตั้งนานแล้ว ตอนนั้นไลน์ไปด่ามันบ่อยๆเรื่องเฮีย"

"อะแฮ่ม ไอ้โจ้ดูหน้าผัวมึงด้วย" ไอ้ธรณ์พูดแทรกขึ้นมา

"โจ้แค่พูดให้เฮียฟัง ไม่มีอะไรเลยพี่บุ๊ค" อดขำมันไม่ได้พออยู่กับแฟนแล้วดูจะไม่มีฤทธิ์ ไอ้บุ๊คก็มองมันด้วยสายตาที่แสดงให้เห็นเลยว่ารักไอ้โจ้

เวลาผมมองคนเก่ง ผมมองด้วยสายตาแบบนี้หรือเปล่านะ

จริงสิ ยังไม่ได้ไลน์บอกคนเก่งเลย

teimtem : ถึงแล้วนะ
konkengg : ครับ
teimtem : กลับตอนไหน เดี๋ยวบอกอีกที
konkengg : ครับผม
konkengg : อย่าดื่มจนเมานะครับ


ผมส่งสติกเกอร์โอเคกลับไป ก่อนจะหันมาชนแก้วกันกับไอ้บุ๊ค

"ไม่รู้ว่าวันเกิดไอ้โจ้" ผมพูดกับไอ้บุ๊ค

"จริงๆวันเกิดผ่านมาเป็นอาทิตย์แล้ว แต่พอรู้ว่ามึงกลับมาบ้านก็เลยอยากเลี้ยงวันเกิดย้อนหลังซะงั้น" ในน้ำเสียงของไอ้บุ๊คมีความหงุดหงิด

"เฮ้ย! กูไม่ได้อะไรกับมันเลยนะเว้ย"

"กูรู้ กูงี่เง่าเองแหละ ทำไงได้กูมาทีหลังนี่หว่า"

"เดี๋ยวนะ อย่าใช้คำว่ามาก่อนมาหลังเพราะกูไม่ได้คิดอะไรกับมัน"

"เฮ้อออ...มึงไม่ได้รักใครข้างเดียวนี่หว่า มึงไม่รู้หรอกว่าคนที่อยู่ในสถานะรักข้างเดียวมันมีแต่ความไม่มั่นใจ ขนาดมันบอกว่ามันรักกู มันไม่ได้คิดอะไรกับมึงแล้ว กูยังไม่มั่นใจเลย"

"ไม่มั่นใจในตัวมันเหรอ"

"เปล่า กูไม่มั่นใจว่า กูทำให้มันรักกูได้จริงๆหรือเปล่า คนอย่างกูเนี่ยเหรอที่มันรัก"


คำพูดของไอ้บุ๊คทำให้ผมนึกถึงคนเก่งขึ้นมา คนเก่งจะคิดแบบนี้เหมือนไอ้บุ๊คหรือเปล่า


"ขนาดวันนี้มันยังอ้างเรื่องจัดวันเกิดเพราะอยากเจอมึงเลย" บางทีผมก็ว่าไอ้บุ๊คมันคิดมากเกินไป


"พี่บุ๊ค!" เสียงไอ้โจ้มันดังขึ้นใกล้ๆพวกผม

"ครับๆ"

"บอกแล้วว่าไม่ได้รักได้ชอบเฮียแล้วไง" ไอ้โจ้มันโวยวายแข่งกับเสียงเพลง

"ครับ รู้แล้ว"

"เลิกรักเฮียตั้งแต่ได้พี่บุ๊คเป็นผัวแล้ว" โอเค มึงชัดเจนมากไอ้โจ้

"ฮ่าๆๆ คร้าบบบบ" ไอ้บุ๊คเข้าไปกอดไอ้โจ้ก่อนผมจะเห็นมันนัวเนียกัน

ไอ้พวกนี้ทำให้ผมคิดถึงคนเก่งขึ้นมาเลยครับ วันนี้ไม่ได้เจอหน้าคนเก่งเลยครับ จู่ๆผมก็รู้สึกคิดถึงน้องขึ้นมา

มือถือผมมีแจ้งเตือนในเฟซบุ๊คว่ามีคนแท็กรูปมา พอกดเข้าไปดูเห็นว่าคนที่แท็กมาคือไอ้โจ้ มันโพสต์รูปที่พวกเราถ่ายรวมกันตอนที่เพิ่งเข้ามาในร้าน ไอ้โจ้มันแท็กทุกคนที่มาและคนที่ไม่มาด้วย...คนเก่งครับ



Joseph Coolboy :
        ขอบคุณเฮียเต็มที่พอรู้ว่าเป็นวันเกิดก็รีบมาทันทีเลย แฮปปี้ที่สุดเลย



ดูแคปชั่นมันครับ ผมว่าไอ้โจ้มันโรคจิตครับเหมือนจะทำอะไรก็ได้ที่จะให้ไอ้บุ๊คหึงมัน มันดูมีความสุขเวลาไอ้บุ๊คหงุดหงิด

ผมเห็นคนเก่งกดไลค์โพสต์และคอมเม้นท์ใต้ภาพนี้ด้วย


Konkengg Peimthaworn : มีความสุขมากๆนะโจ้ HBD


ผมดูเวลาตอนนี้สี่ทุ่มกว่าๆ

teimtem : จะนอนตอนไหน
konkengg : รอพี่เต็มกลับก่อน
teimtem : ไม่เห็นต้องรอเลย
teimtem : ถ้าง่วงก็นอน
teimtem : ไม่ต้องรอ
konkengg : อยากรอให้แน่ใจว่าพี่ถึงบ้านแล้ว
konkengg : ผมเป็นห่วง
teimtem : ไม่ต้องห่วง ถ้าง่วงก็นอน
teimtem : เข้าใจมั้ย
konkengg : ครับ ถ้างั้นผมจะนอนแล้ว
teimtem : ถ้าถึงบ้านจะไลน์บอก
teimtem : กู๊ดไนท์ครับ
konkengg : ครับ


ผมไม่ชอบนิสัยอย่างหนึ่งของคนเก่งคือชอบฝืนทำอะไรที่มันทำร้ายตัวเอง อย่างเรื่องนี้เป็นต้น ยอมนอนดึกเพราะอยากรอให้ผมกลับถึงบ้านก่อน ถ้าผมถึงบ้านตีสามตีสี่ก็จะทรมานตัวเองรอผมอย่างนั้นเหรอ ผมรู้ว่าน้องเป็นห่วง แต่ผมไม่ชอบในการที่น้องไม่เป็นห่วงตัวเอง

แต่งานเลี้ยงคืนนี้เลิกเร็วกว่าที่คิดครับ ผมมองดูนาฬิกา ห้าทุ่มพอดีเจ้าภาพคือไอ้โจ้เมาหนักหลับไม่รู้เรื่องไปแล้ว ไอ้ธรณ์ช่วยไอ้บุ๊คพาไอ้โจ้ขึ้นรถ ก่อนที่ผมกับพวกมันจะแยกย้ายกัน




ผมกลับมาถึงบ้านก็เจอม๊านั่งอยู่ตรงห้องรับแขก ดูจากเสื้อผ้าแล้วม๊าคงจะไปงานเลี้ยงหรืองานแต่งงานที่ไหนมา

"ม๊าเพิ่งกลับเหรอครับ"

"ว่าไงจ้ะลูกชาย กลับมาบ้านไม่เห็นหน้าเลย เห็นน้องติวบอกนอนทั้งวันเลยเหรอตั้งแต่เมื่อคืน"

"ครับม๊า เพิ่งได้นอนเต็มอิ่มวันนี้นี่แหละครับ"

"แล้ววันเกิดเป็นไงบ้าง วันนี้ม๊าโทรหาจะถามว่าซื้ออะไรให้น้อง แล้วพาน้องไปดินเนอร์ที่ไหน"

ทำไมม๊าต้องดูตื่นเต้นกับวันเกิดไอ้โจ้ แล้วอะไรคือของขวัญ อะไรคือดินเนอร์วะ

"วันเกิดไอ้โจ้ไม่เห็นต้องซื้ออะไรให้มันเลยม๊า"

"วันเกิดโจ้?"

"ใช่ครับ รุ่นน้องสมัยเรียนมัธยม"

"สรุปเต็มไปงานวันเกิดรุ่นน้องที่ชื่อโจ้มา?"

"ครับ" ผมตอบและม๊ามีสีหน้าไม่ค่อยดี

"เต็มวันนี้ลูกได้เจอกับคนเก่งหรือเปล่า"

"ไม่ได้เจอครับ แต่ก็โทรคุยนะครับ ก่อนจะกลับมาผมยังเพิ่งไลน์คุยกัน"

ผมได้ยินเสียงม๊าถอนหายใจ เหมือนหนักใจอะไรสักอย่าง

"เมื่อวานม๊าไปโลตัสมาแล้วบังเอิญไปเจอคุณแม่กับคุณป้าของคนเก่ง ม๊าก็ถามว่าไม่ได้ขายของเหรอ คุณแม่ของคนเก่งบอกว่าพรุ่งนี้ซึ่งก็หมายถึงวันนี้เป็นวันเกิดของคนเก่ง ก็เลยหยุดกันสักวันจะพาคนเก่งไปทำบุญ และถ้าคนเก่งไม่ไปไหนก็คงจะทำอะไรทานกันที่บ้าน"


สิ่งที่ผมได้ยินจากม๊าทำให้ผมอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก มันทำให้ผมรู้เหตุผลที่ทำไมวันนี้คนเก่งงอแงมากกว่าทุกวัน

ในหัวผมนึกถึงแต่คำพูดที่คนเก่งพูดกับผม


/ตอนเย็นออกไปทานข้าวกันมั้ยครับ/


/ไม่ทานข้าวก็ได้ ถ้างั้นผมขอไปหาพี่เติมเต็มที่บ้านได้มั้ยครับ/


/ถ้าพี่เต็มไม่ค่อยสะดวก ผมก็อยากจะขอแค่ไปเจอหน้าแป๊ปเดียวก็กลับ/


/ไม่มีครับ ไม่มีอะไรสำคัญ/


/ขอโทษที่วันนี้ทำตัวไม่ค่อยน่ารักนะครับ/




"ม๊าผมไม่รู้จริงๆ คนเก่งไม่ได้บอกผม หรือน้องอาจจะพยายามที่จะบอกผมแต่ผมอาจจะไม่ใส่ใจมากพอ ม๊ารู้มั้ยครับ วันนี้ผมพูดไม่ค่อยดีกับคนเก่งเยอะมากเลย ผมไม่รู้น้องน้อยใจมั้ยเพราะน้องไม่ได้แสดงออก แถมผมยังไปงานวันเกิดคนอื่นในคืนวันเกิดน้องอีก"


"ตอนนี้ยังไม่เที่ยงคืนนะเต็ม"



ผมมองดูเวลาบนนาฬิกาข้อมืออีกประมาณยี่สิบนาทีจะเที่ยงคืน จากที่นี่ไปบ้านคนเก่งใช้เวลาไม่นาน แต่ผมจะได้เจอคนเก่งก่อนเที่ยงคืนหรือเปล่า

ผมรีบวิ่งมาขึ้นรถและรีบขับออกมา หวังว่าคนเก่งจะยังไม่นอน อย่างที่คนเก่งพูดว่าจะรอจนกว่าผมจะกลับบ้านถึงจะนอน

อย่างน้อยถึงจะไม่ได้เป็นคนแรกที่อวยพรวันเกิดให้ แต่ก็ขอให้ได้เป็นคนสุดท้ายก็ยังดี







TBC.
#เติมเติมรัก
ninewara✿


◕ เขียนตอนนี้แล้วเกลียดพระเอกมากเลย
◕ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านกันนะคะ
◕ ดีใจจัง
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 16] 01/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 01-05-2019 06:30:12
พี่เต็มยังมีช่องว่างกะน้องอยู่เลย ใจร้ายจัง
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 16] 01/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: MmBb ที่ 01-05-2019 07:40:00
ไม่แปลกหรอกที่คนพี่จะรู้เรื่องของคนน้องน้อยกว่าเพราะที่ผ่านมาคนเก่งเป็นคนใส่ใจมาตลอดใช่มั้ยล่ะจริงๆน้องจะบอกพี่ไปเลยก็ได้นี่นาว่าวันนี้ก็วันเกิดตัวเองเหมือนกันแต่เป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกันคนะี่จะได้หัดใส่ใจน้องให้มากขึ้นกว่าเดิม
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 16] 01/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 01-05-2019 08:31:08
 :pig4: :pig4: :pig4:

เติมเต็มเริ่มเผยนิสัยที่แย่เอามาก ๆ ออกมา

นั่นคือเอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่

ไม่คิดจะฟังเหตุผลของคนที่ได้ชื่อว่ากำลังคบหาดูใจกันเลย 

ในขณะที่ฟังคนอื่น ๆ ได้   

มันน่า...นัก
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 16] 01/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 01-05-2019 10:11:28
บางทีถ้าน้องบอกไปว่าวันนี้วันเกิด อะไรก็อาจจะแตกต่าง
เต็มก็ถามตั้งหลายรอบว่ามีอะไรไหม ไม่ใช่ว่าไม่ถามนะ

 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 16] 01/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 01-05-2019 22:03:40
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 16] 01/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: q.tr ที่ 02-05-2019 01:05:41
ความใส่ใจของพี่เต็มกับคนเก่งต่างกัน พี่เต็มเหมือนเพิ่งเริ่มต้นแต่คนเก่งไปไกลมากแล้ว คนนึงน้อยไป คนนึงมากไป ความรู้สึกมันไม่เท่ากัน
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 16] 01/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 02-05-2019 02:10:19
สงสารน้อง วันเกิดทั้งทีโดนดุอีก พีีเต็มใจร้าย นี่งอนแทนน้องกันทั้งบางแล้ว
คนเก่ง สสวก นะลูกนะ ถ้าม๊าไม่ชี้ทางสว่างคืนนี้คงผ่านไปอย่างเงียบเหงา
#ทีมน้องคนเก่ง

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 16] 01/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Mamieweiei ที่ 02-05-2019 11:56:28
 :mew6:
น้อยใจแทนน้อง
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 16] 01/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 02-05-2019 12:03:10
คู่รองเค้ามาแล้ว สงสัยคู่รองจะก้าวหน้าไปเร็วกว่าคู่หลัก
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 16] 01/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 02-05-2019 13:10:27
สงสารน้อง //เป็นเราคงร้องไห้ไปแล้ว T^T
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 16] 01/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Beampun ที่ 04-05-2019 22:38:33
ตามมาจากในทวิตเตอร์แล้วอ่านถึงตอนนี้ สงสารคนเก่งมากอยากจะตีมือพี่เต็ม
ปล.รออ่านคู่รองอยู่นะคะhttps://thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/ling1.gif
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 17] 05/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ninewara ที่ 04-05-2019 23:57:15
✿ เติมเต็มรัก ✿ ครั้งที่ 17


[เติมเต็ม part]



ตอนนี้ผมอยู่ที่หน้าบ้านของคนเก่ง มองดูเวลาเหลือไม่ถึงสิบนาทีก็จะเที่ยงคืน ผมกำลังกดมือถือหาคนเก่งครับ ที่จริงผมกดมือถือหาคนเก่งตั้งแต่ที่ผมขับรถออกจากบ้านแล้ว แต่คนเก่งไม่รับสายผมเลย บางทีคนเก่งอาจจะนอนหลับไปแล้วก็ได้


เฮ้อออออ...ไอ้เต็มเอ๊ย!!


ก๊อก ก๊อก


ผมหันไปมอง มันเป็นเสียงเคาะกระจกรถครับ และคนที่เคาะคือคนที่ผมโทรหาตลอดสิบนาทีที่ผ่านมา ผมรีบเปิดประตูรถลงมา


"พี่เต็มมาทำอะไรเหรอครับ ผมได้ยินเหมือนเสียงรถมาจอดหน้าบ้านเลยออกมาดู"

"พี่โทรหา ทำไมไม่รับสาย"

"ผมลงมาดื่มน้ำข้างล่างครับมือถืออยู่บนห้อง" คนเก่งมองผมด้วยความแปลกใจ


ผมมองดูเวลาที่นาฬิกาก่อนที่ผมจะดึงคนเก่งเข้ามากอด คนเก่งชะงักและขืนตัวเล็กน้อยก่อนที่จะผ่อนคลาย แต่ก็ยังไม่กอดตอบผม


"สุขสันต์วันเกิดครับ"

หลังจากที่ผมพูดผมรู้สึกได้เลยว่าคนเก่งตัวเกร็งขึ้นมา และยอมที่จะยกแขนขึ้นมากอดผมตอบ น้องกอดผมแน่นมาก ใบหน้าน้องซุกอยู่ที่หน้าอกผม ก่อนที่ต่อมาผมจะรู้สึกถึงความเปียกชื้นที่บริเวณหน้าอกของตัวเอง


ตายล่ะ!! คนเก่งร้องไห้เหรอวะ


ผมพยายามดึงตัวน้องออกจากผม แต่น้องไม่ยอมปล่อย น้องยังคงกอดผมแน่น ผมก็เลยเปลี่ยนจากการที่ดึงตัวน้องออก กลับมากอดน้องเหมือนเดิม และลูบหัวลูบหลังปลอบน้องไปด้วย และปล่อยให้คนเก่งร้องไห้จนพอใจ

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนกว่าคนเก่งจะหยุดร้อง สิ่งที่ผมรับรู้คือเสื้อผมเต็มไปด้วยน้ำตาของคนเก่ง

"ขอโทษครับ" คำพูดแรกที่พูดออกมาหลังจากที่หยุดร้อง แล้วน้องก็ขยับตัวออกจากอ้อมกอดผม

"หน้าตาดูไม่ได้เลย" ผมเอ่ยแซวคนเก่งที่หน้าตาตอนนี้เต็มไปด้วยคราบน้ำตา

"ดูไม่ได้ก็ไม่ต้องดูเลย" คนเก่งพูดงอนๆพร้อมกับเอามือมาปิดหน้าตัวเอง

"ดูไม่ได้แต่อยากดู" ผมพูดและดึงมือที่คนเก่งปิดหน้าออก ผมใช้มือเช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าให้ ก่อนที่จะก้มลงจูบที่แก้มไปเบาๆ

"พี่เต็ม!"

"หืม?"

"มันหน้าบ้าน"

ผมอดที่จะหัวเราะไม่ได้

"แล้วเมื่อกี้ใครปล่อยโฮหน้าบ้าน" ผมแซว

"ก็เพราะใครล่ะ" งอนผมอีกแล้วครับ แต่ผมชอบนะ ชอบให้งอนมากกว่าทำเหมือนไม่รู้สึกอะไรเลย


"คืนนี้ไปค้างที่บ้านพี่ได้มั้ย" ผมถาม ึและคนเก่งก็ตาโตเลยครับ

"เอ่อ ... "

"อย่าคิดเยอะสิ ก็คิดซะว่าไปนอนค้างบ้านเพื่อน"

"ก็มันไม่ใช่จะคิดได้ยังไงล่ะครับ"

"คิดเถอะ เพราะพี่ก็พยายามที่จะคิดแบบนั้นเหมือนกัน"

"ต้องขอแม่กับป้าก่อนครับ"

"ท่านยังไม่นอนเหรอ"

ตอนนี้เลยเที่ยงคืนมาแล้ว มันดึกมากแล้ว ผมก็ลืมคิดไปว่ามาชวนลูกหลานเขาไปค้างด้วยตอนเที่ยงคืนนี้มันก็ดูจะไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่ ถึงคนเก่งจะเป็นผู้ชายก็เถอะ แต่สถานะเราสองคนมันไม่ใช่แค่เพื่อนหรือรุ่นพี่รุ่นน้องธรรมดา

"ป้ายังไม่นอนครับ ถ้าไม่ได้ขายของป้าจะนอนดึกครับ"

"ถ้างั้นพี่จะเข้าไปขออนุญาตคุณป้าเอง"

"เดี๋ยวเข้าไปดูก่อนก็ได้ครับว่าป้าเข้านอนหรือยัง"


คนเก่งพูดพร้อมกับพาผมเดินเข้าไปในบ้าน เจอคุณป้าคนเก่งนั่งดูทีวีอยู่

"สวัสดีครับคุณป้า" ผมยกมือไหว้คุณป้าของคนเก่ง

"คุณป้านอนดึกจังเลยครับ" ผมถาม

"ติดดูซีรีย์นะจ้ะ แล้วทำไมมาซะดึก"

"คือคืนนี้ผมอยากจะขออนุญาตพาคนเก่งไปนอนค้างที่บ้านครับ" ผมเอ่ยขออนุญาตคุณป้า

"ป้าไม่ขัดข้องอะไรหรอกนะ เพราะคนเก่งก็โตมากพอที่จะตัดสินใจเองได้ว่าอยากไปไหนหรืออยากทำอะไร แค่บอกให้ป้ากับแม่รู้ก็พอ" คุณป้าเอ่ยออกมาอย่างใจดี

"คุณป้าอนุญาตใช่มั้ยครับ" ผมถามย้ำเพื่อความแน่ใจ

"ถามเจ้าตัวเขาดูว่าเขาจะไปมั้ย" คุณป้าหันมามองที่คนเก่ง คนเก่งพยักหน้าพร้อมกับหน้าที่แดงแจ๋

"ผมขอตัวขึ้นไปเก็บของก่อนนะครับ" คนเก่งเดินขึ้นไปข้างบน


"เต็มจะขึ้นไปก็ได้นะ เดินขึ้นไปอยู่ห้องแรกซ้ายมือ" คุณป้าบอกผม

"ขออนุญาตนะครับ" ผมขออนุญาตแต่ก่อนที่ผมจะเดินขึ้นไปคุณป้าก็พูดบางอย่างขึ้นมาก่อน

"แล้วก็นะเต็ม ป้าไม่รู้ว่าป้าขอมากไปหรือก้าวก่ายเรื่องของทั้งคู่มั้ย แต่ป้าไม่อยากเห็นน้ำตาของหลานชายตัวเองหรอกนะ"

"ครับ คุณป้า ผมต้องขอโทษจริงๆครับ" ผมยกมือไหว้ขอโทษคุณป้าของคนเก่ง

"หลานชายป้าเขาเป็นคนที่เข้าใจอะไรง่าย ขอแค่อธิบาย เขาเป็นเด็กที่พร้อมจะฟังคนอื่นเสมอ" คุณป้าพูดเสริมขึ้นมาอีก

"คนเก่งเป็นเด็กดีมากๆครับ"

คุณป้ายิ้มรับก่อนจะบอกให้ผมขึ้นไปได้แล้ว



ผมเดินขึ้นมาชั้นบนและเดินไปที่ห้องตามที่คุณป้าบอก ผมไม่เคาะประตูครับถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปเลย ผมเห็นคนเก่งยืนหันหลังให้ผม กำลังเลือกเสื้อผ้าในตู้เสื้อผ้า ผมเข้าไปยืนดูอยู่เงียบๆ เห็นคนเก่งหยิบเสื้อมาเลือกหลายตัว แต่สุดท้ายก็เอากลับไปแขวนไว้เหมือนเดิม ได้ยินเสียงบ่นกับตัวเองว่า 'ไม่โอเคสักตัวเลย'

ผมเดินเข้าไปกอดคนเก่งจากด้านหลังพร้อมทั้งจูบเบาๆที่แก้มข้างซ้าย

"พี่เต็ม!!" คนเก่งหันมามองผมด้วยความตกใจ

"ครับ!!" ผมก็เลยแกล้งพูดเสียงดังกลับไป

"เข้ามาได้ไงเนี่ย"

"ก็เปิดประตูเข้ามา"

"ผมหมายถึงใครอนุญาตให้พี่เข้ามา ผมยังไม่อนุญาตเลย"

"คุณป้าบอกว่าขึ้นมาได้ พี่ก็เลยขึ้นมา"

ได้ยินคนเก่งบ่นเบาๆว่า 'ป้าให้ขึ้นมาได้ไงเนี่ย'

"แล้วกำลังทำอะไร" ผมถามเพราะเห็นคนเก่งทำหน้ายุ่งอยู่ตรงตู้เสื้อผ้า

"พรุ่งนี้เราต้องไปไหนกันหรือเปล่าครับ ผมจะได้เลือกเสื้อผ้าถูก"

ผมไม่ตอบแต่เดินมายืนข้างๆคนเก่ง ก่อนผมจะเลือกหยิบเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีชมพูออกมาหนึ่งตัว และสายตาก็มองไปเห็นกางเกงยีนส์เข้ารูปสีขาวผมก็บอกให้คนเก่งหยิบออกมาจากตู้

"เอาชุดนี้เหรอครับ" คนเก่งถามผม

"อืม ชุดนี้แหละ" ผมเอาเสื้อผ้ามาเทียบกับตัวคนเก่ง

"แต่เสื้อมันสีชมพูเลยนะครับ"

"สีชมพูอ่อนแบบนี้พี่ว่าเหมาะกับเรานะ ถ้าไม่ชอบทำไมมีติดตู้ไว้ล่ะ"

"ป้าซื้อให้ครับ มองว่าเห็นในรูปที่นายแบบใส่แล้วน่ารักเหมาะกับผม"

"มีคนเห็นว่าเหมาะกับคนเก่งตั้งสองเสียง แสดงว่ามันโอเค"

"ก็ได้ครับ"


หลังจากเตรียมเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวของคนเก่งเรียบร้อยแล้ว ผมกับคนเก่งลงมาข้างล่าง คนเก่งลาคุณป้าและกำชับคนเก่งว่าไม่ให้ดื้อให้ซน



"อย่างเรานี่ ดื้อซนด้วยเหรอ คุณป้าถึงพูดแบบนั้น" ผมถามตอนที่ขับรถออกมาจากบ้านคนเก่ง

"ตอนนี้โตแล้วไม่ดื้อไม่ซนแล้วครับ"

"เรื่องซนพี่ยังไม่เห็นแต่เรื่องดื้อพี่ว่ายังมี เยอะด้วย" ผมพูด คุยเก่งไม่ได้พูดอะไรออกมาแต่ผมเห็นนะว่ากำลังทำปากขมุบขมิบ แอบบ่นครับ



พอผมกลับมาถึงบ้าน ตอนนี้บ้านค่อนข้างเงียบแล้วครับ ทุกคนน่าจะขึ้นห้องนอนหมดแล้ว

ผมพาคนเก่งเดินขึ้นมาบนห้อง ผมเปิดประตูเดินนำคนเก่งเข้ามา คนเก่งก็ยังเป็นคนเก่งครับ ให้ความสนใจกับทุกอย่าง มองดูรอบๆห้องอย่างสนใจ

"ที่นี่ไม่มีอะไรน่าสนใจเหมือนที่คอนโดหรอก" ผมบอกคนเก่ง

"พี่เต็มจะให้ผมนอนที่นี่เหรอครับ"

"ใช่สิ ไม่นอนกับพี่แล้วจะไปนอนไหน"

"ผมว่ายังไงก็ต้องมีห้องว่าง"

"ใช่มี แต่ไม่ให้ไปนอน โอเค จบ" ผมพูด

คนเก่งไม่พูดอะไร หน้างอนิดหน่อยแต่ก็รู้ว่าทำอะไรไม่ได้

"คนเก่งเอาเสื้อผ้าไว้ในตู้ได้เลยนะ พรุ่งนี้เดี๋ยวให้เด็กรีดให้"

"ครับ"

"พี่อาบน้ำก่อน เก็บของอะไรเสร็จแล้วก็อย่าเพิ่งนอน เรามีเรื่องต้องคุยกัน" ผมบอกคนเก่ง

"ครับ"

ผมยิ้มในความว่าง่ายของคนเก่ง ผมเดินไปเปิดทีวีไว้ให้คนเก่ง เผื่อเจ้าตัวอยากดูอะไร ผมอาจจะอาบนํ้านานเพื่อถ่วงเวลา ... เอาจริงนะตอนนี้ผมว่าผมตื่นเต้น ตอนที่ชวนคนเก่งมาค้างด้วยคือไม่ได้คิดเยอะอะไรเลย แต่พอเห็นคนเก่งอยู่ในห้องด้วยผมรู้สึกตื่นเต้นชะมัด



ผมไม่ได้อาบน้ำนานอย่างที่คิดเอาไว้ครับกลัวคนเก่งจะหลับซะก่อนเพราะนี้เวลาก็ล่วงเลยเกินตีหนึ่งมาพอสมควร ตอนผมเปิดประตูห้องน้ำออกมา คนเก่งหันมามองผมแว่บหนึ่งก่อนที่จะรีบหันกลับไปมองจอทีวี ผมอดขำไม่ได้คงเพราะผมนุ่งแค่ผ้าเช็ดตัวออกมา ผมไม่ได้อ่อยหรืออะไรแบบนั้นเลยนะ ปกติผมก็ทำแบบนี้อยู่แล้ว เพียงแค่ตอนเดินไปหยิบเสื้อผ้ามาใส่ผมใช้เวลานานนิดหน่อย ผมลอบมองคนเก่งบ่อยๆแต่เชื่อมั้ยว่าไม่มีหันมามองผมเลย นิดนึงก็ไม่มี อะไรกันไม่สนใจตอนผมไม่ใส่เสื้อผ้าสักนิดเลยเหรอ

พอแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย ผมก็เดินมานั่งบนเตียงใกล้ๆกับที่คนเก่งนั่งอยู่ ผมเห็นคนเก่งเหลือบมองผมเล็กน้อยก่อนที่ผมจะได้ยินเสียงถอนหายใจออกมาชัดเจน

"ถอนหายใจทำไม"

"ก็...ทำไมไม่เอาเสื้อผ้าไปใส่ห้องน้ำล่ะครับ"

"อ๋อ เรื่องนี้นี่เอง"

" ......"

"เขินเหรอครับ"

"......" ไม่ตอบแต่หน้าแดงลามไปจนถึงคอ

"ถ้างั้นผมขออาบน้ำก่อนนะครับ" คนเก่งบอกผม ผมมองคนเก่งด้วยความสงสัย ดูจากการแต่งตัวแล้วน้องต้องอาบน้ำมาแล้วอย่างแน่นอน

"คนเก่งยังไม่อาบน้ำเหรอ"

"อาบแล้วครับ แต่ผมติดนิสัยคือถ้าออกไปไหนหลังจากอาบน้ำ ถ้าจะนอนก็ต้องอาบอีก ถึงแม้จะแค่แป๊ปเดียว"

"ต้องอาบน้ำเลยเหรอ เปลี่ยนเสื้อผ้าก็พอมั้ง เราไม่ได้ไปทำอะไรที่สกปรกนี่"

"คือ...ผมเป็นคนขี้กังวลว่าตัวเองจะสกปรกหรือตัวจะเหม็นมั้ย"

"งั้น...ก็ต้องลองพิสูจน์ดู" ผมขยับเข้าไปใกล้คนเก่งและใช้จมูกดมตรงแถวๆซอกคอของคนเก่ง คนเก่งรีบหดคอและพยายามขยับตัวนี้ผม แต่ผมเร็วกว่าผมกอดเอวคนเก่งไว้และดึงเข้ามาหาตัวเอง ผมยึดเอวคนเก่งไว้จนแน่น

"ไม่เห็นจะเหม็นเลย" ผมบอก

จากตอนแรกที่ผมแค่ใช้จมูกดมๆที่ซอกคอ ผมก็เริ่มใช้จมูกคลอเคลียและหอมที่ซอกคอ และเพราะกลิ่นหอมบนผิวของคนเก่งทำให้ผมรู้สึกอดใจไม่ไหว จากที่แค่ใช้จมูกผมก็เริ่มใช้ริมฝีปากกดจูบลงไปที่ซอกคอแทน ผมรู้เลยว่าตอนนี้คนเก่งตัวสั่นมากแค่ไหน

"หอม" ผมบอกออกมาอีกตามที่รู้สึก

ผมค่อยๆใช้ริมฝีปากของผมคลอเคลียซอกคอของคนเก่งทั้งซ้ายและขวา และเลื่อนริมฝีปากไล่จูบบนใบหน้าคนเก่ง และในตอนที่ผมกำลังจะประกบจูบที่ริมฝีปากของคนเก่ง คนเก่งก็เรียกชื่อผมขึ้นมา

"พ..พี่เต็มครับ"

"ครับ"

"พอก่อนครับ"

แต่ผมยังไม่ครับ ผมยังคลอเคลียน้องไม่หยุด

"พี่เต็มครับ!" คนเก่งออกแรงผลักผมออก ตอนแรกผมงงกับน้องครับเพราะคือมันกำลังดีแล้วเมื่อกี้ทำไมน้องให้หยุด

แต่พอผมมองดูสภาพเราสองคนตอนนี้คือผมกำลังนอนคร่อมตัวคนเก่งอยู่บนเตียง และมือผมข้างหนึ่งก็ล้วงเข้าไปในเสื้อของน้อง เสื้อของน้องถลกขึ้นมาจนเกือบจะเห็นหน้าอก ส่วนผมพอก้มมองดูที่กางเกงตัวเอง ผมพูดได้คำเดียวเลยว่า...ชิบหายแล้ว

ผมไม่รู้ตัวเลยว่า ผมไปคร่อมตัวน้องแบบนั้นตั้งแต่ตอนไหน ถ้าคนเก่งไม่เรียกสติผม ผมเลยเถิดแน่

ผมลุกออกจากตัวของคนเก่งและดึงเสื้อของคนเก่งให้เรียบร้อย ผมมองหน้าคนเก่ง .. ตายแน่ผม คนเก่งหน้าตาตอนนี้โคตรยั่ว ผมก็เลยนั่งหันหลังให้คนเก่งแทน

"เอ่อ พี่เต็มครับ" คนเก่งเรียกผม

"พี่ขอโทษ" ผมขอโทษคนเก่งแต่ไม่ได้หันไปมองน้อง ได้ยินเสียงขยับตัว คนเก่งน่าจะลุกขึ้นมานั่งแล้ว

"พี่เต็ม เอ่อ จะไปห้องน้ำมั้ยครับ" คนเก่งถามผมด้วยน้ำเสียงเขินอาย

ผมทำอะไรไม่ถูกเลยจริงๆ ไอ้เต็มเอ๊ย! อ่อนมาก แค่จูบนิดเดียวก็มีอารมณ์แล้ว ที่สำคัญดันมาเกิดอารมณ์กับผู้ชาย คนเก่งมันจะหัวเราะผมมั้ยวะเนี่ย

ผมหันไปมองคนเก่ง คนเก่งมองมาทางผมอยู่ก่อนแล้ว สายตาน้องมีแต่ความเป็นห่วง ไม่ได้มีท่าทีล้อเลียนผมเลยสักนิด

"ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็โอเค" ผมตอบตามจริง เป็นผู้ชายเหมือนกันเรื่องแบบนี้ก็คงไม่น่าอายเท่าไหร่เพราะกับพวกไอ้ธรณ์ยังพูดกันมากกว่านี้เลย

แต่นี้คือผู้ชายคนแรกที่ผมรู้สึกดีด้วยไง แล้วก็เป็นผู้ชายที่ทำให้ผมเกิดอารมณ์ แล้วผู้ชายคนนั้นก็ยังถามผมด้วยว่าผมจะอยากเข้าห้องน้ำมั้ย พอพูดไปก็เขินชิบ

"แล้วเราล่ะ เข้าห้องน้ำมั้ย" ผมถามบ้าง คนเก่งตาโตมากถึงมากที่สุดก่อนจะส่ายหัวไปมาจนผมปลิว

"ไม่..ไม่ต้องครับ" ปฏิเสธเสียงสั่นเลยครับ



เราสองคนเงียบไม่พูดอะไรกันต่ออีก ต่างคนต่างนั่งดูทีวีเงียบๆ ผ่านไปสักพัก ผมจึงเป็นคนพูดขึ้นมาก่อน

"โอเครึยัง" ผมถาม

"ครับ" คนเก่งตอบใบหน้าขึ้นสีเล็กน้อย


ผมยิ้มก่อนที่จะดึงคนเก่งให้ลุกขึ้นจากเตียงไปนั่งที่โซฟาแทน ผมคิดว่ามันน่าจะปลอดภัยมากกว่าอยู่บนเตียง

"ทำไมเราถึงไม่บอกพี่ว่าเป็นวันเกิด หืม?" ผมถาม

"คือ..ผมตั้งใจจะบอกตอนที่เราไปทานข้าวเย็นกันครับ" คนเก่งตอบ

"มีเวลาตลอดวันเลยนะที่จะบอกหรือจะบอกล่วงหน้าก็ได้แต่ก็ไม่พูด"

ึคนเก่งทำหน้าเสียที่ผมพูดแบบนั้นออกไป

"ที่ผมไม่ได้บอกล่วงหน้าเพราะผมเกรงใจพี่ด้วย ถ้าบอกพี่ก็อาจจะซื้อของให้แต่ผมไม่อยากได้ของอะไร ผมแค่อยากใช้เวลาอยู่กับพี่ในวันสำคัญแบบนี้ของผม และที่ตลอดวันผมไม่บอกก็เพราะผมอยากให้พี่พักผ่อนเพราะพี่ดูเหนื่อยมาก ถ้าเกิดผมบอกพี่ไป พี่ก็ต้องออกมาทานข้าวกับผม ซึ่งผมไม่อยากเห็นแก่ตัว ทั้งๆที่พี่เหนื่อยแต่ผมก็ยังอยากให้พี่ออกมาเจอ ผมว่ามันคงไม่ดีหรอกครับ"

คนเก่งก็ยังคือคนเก่ง ที่จะทำอะไรก็เกรงใจผมไปหมดทุกอย่าง กลัวผมไม่โอเค กลัวผมไม่ชอบ กลัวผมลำบากนึกถึงคำพูดของไอ้บุ๊คที่มันพูดว่า คนที่รักข้างเดียวจะทำอะไรก็ไม่มั่นใจ ทำอะไรก็กลัวไปหมด คนเก่งก็คงจะคิดแบบนั้น

"แต่พี่ถามเราแล้วนะว่ามีอะไรสำคัญมั้ย เราก็ตอบว่าไม่มี"

"ก็..ผมไม่รู้ว่าวันเกิดของผมมันสำคัญมั้ย มันสำคัญมากพอที่ผมจะบอกพี่มั้ย มันสำคัญมากพอที่จะทำให้พี่ออกมาทานข้าวกับผมหรือเปล่า แต่ไม่ว่ายังไงมันก็ย้อนกลับไปที่เหตุผลเมื่อกี้คือผมไม่อยากเห็นแก่ตัว"

ผมดึงคนเก่งเข้ามากอด ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่เคยมั่นใจเลยสินะว่าตัวเองสำคัญ อาจจะเป็นเพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมไม่เคยทำให้คนเก่งรู้สึกว่าตัวเองสำคัญ

"พี่อาจจะไม่เคยบอกหรือแสดงออกให้รู้แต่คนเก่งรู้ไว้เลยนะว่าทุกๆเรื่องของคนเก่งสำคัญสำหรับพี่ ถ้าคนเก่งบอกพี่ว่าเป็นวันเกิด ถึงพี่จะบอกว่าเหนื่อยพี่ก็จะออกไปหา มันไม่ใช่เรื่องอะไรที่พี่ต้องฝืนใจทำ ถึงร่างกายมันเหนื่อยแต่ใจพี่มีความสุข แต่ตอนที่พี่รู้ว่าวันนี้คือวันเกิดของเรา ใจพี่โคตรแน่เลย ถ้าพี่รู้เร็วกว่านี้สักนิด วันเกิดปีนี้ของคนเก่งมันต้องดีกว่านี้"

คนเก่งกอดผมแน่นกว่าเดิม

"ไม่เป็นไรครับ แค่นี้ก็ดีแล้ว ตอนนี้ผมก็ได้อยู่กับพี่แล้ว" คนเก่งบอก

"มักน้อยจังเรา" ผมแซวด้วยความเอ็นดู

"แค่นี้ก็พอครับ"

"แต่พี่ยังจำได้นะว่าพี่รับปากอะไรกับเราไว้"

"เรื่องอะไรครับ" คนเก่งขยับตัวออกจากอ้อมกอดผม

"ที่พี่บอกว่าพรุ่งนี้จะชดเชยให้ไง"

"ไม่ต้องหรอกครับ"

"ต้องสิ ถ้าไม่ทำอะไรเลยคือพี่นี่โคตรแย่ อีกอย่างถ้าพี่ไม่ชดเชยให้เรา พี่โดนม๊าเล่นงานแย่"

"ทำไมล่ะครับ"

"ก็คนที่บอกพี่ว่าวันนี้เป็นวันเกิดคนเก่งก็คือม๊านี่แหละ บอกว่ารู้มาจากคุณแม่กับคุณป้า"

"อ๋อ คุณป้านี่เองที่บอก นึกว่าพี่เต็มรู้เอง"

"พี่ขอโทษนะ พี่ไม่ใส่ใจเลยจริงๆ"

"ไม่ต้องขอโทษแล้วครับ ผมไม่ได้โกรธอะไรเลย"

"คนเก่ง"

"ครับ"

"ตอนที่พี่บอกจะออกไปวันเกิดไอ้โจ้ เราเสียใจมั้ย" ผมถามอีกเรื่องที่ผมยังไม่สบายใจ

"ไม่ครับ ก็โจ้ก็รู้จักกับพี่เต็มมาตั้งนานก่อนผมอีก"

"พี่หมายถึงทั้งๆที่พี่บอกเราว่าจะไม่ออกไปไหนแต่ก็ออกไปกินเหล้ากับไอ้โจ้มัน"

"ไม่ครับ เพราะในมุมกลับกันถ้าผมบอกพี่เต็มว่าวันเกิดผม พี่เต็มก็ต้องมาหาผมเหมือนกัน ในเมื่อโจ้บอกโจ้ก็ต้องได้รับสิทธิ์นั้น ในขณะที่ผมไม่ได้บอก"


แววตาของน้องมันบอกว่าน้องคิดแบบนั้นจริงๆ



หลังจากนั้นผมก็ถามคนเก่งว่าวันเกิดไปทำอะไรมาบ้าง น้องก็บอกว่าไม่ได้มีอะไรพิเศษก็ทำเหมือนทุกๆปีคือตื่นเช้าใส่บาตร ไปถวายสังฆทานที่วัด ไปไหว้ที่เก็บอัฐิคุณพ่อ เอาการ์ดมาให้ผม และทานข้าวกับที่บ้าน ซึ่งคนเก่งบอกว่าถ้าได้ทานข้าวกับผมก็จะเป็นสิ่งที่แตกต่างจากทุกปีที่เคยทำ คนเก่งพูดด้วยน้ำเสียงธรรมดาครับ แต่ผมรู้สึกผิดมากเลย



เอ๊ะ! เดี๋ยวนะ เมื่อกี้คนเก่งพูดว่านี่คือสิ่งที่ต้องทำในวันเกิดทุกๆปี ถ้างั้น ....


"เดี๋ยวพี่มานะ"


ผมหยิบกุญแจรถแล้วรีบวิ่งลงมาที่รถเพื่อหยิบการ์ดใบล่าสุดจากคนเก่งที่ผมเพิ่งได้รับมาวันนี้ แล้วผมเอาใส่ไว้ในช่องเก็บของหน้ารถ หลังจากได้มาผมก็วิ่งกลับขึ้นมาบนห้องนอนอีกครั้ง คนเก่งดูแปลกใจกับท่าทางของผม แต่คนเก่งยังไม่ถามอะไร แต่มองตามผมเท่านั้น


ผมเดินไปเปิดตู้สีขาวที่ผมเก็บบรรดาข้าวของและการ์ดที่คนเก่งให้ผมมา ตอนแรกคนเก่งนั่งมองผมอยู่บนเตียงแต่พอผมหยิบกล่องที่ใส่การ์ดไว้จำนวนหนึ่งออกมาวางไว้ข้างนอก คนเก่งก็เดินเข้ามาหาผมก่อนจะนั่งลงที่พื้นห้อง พร้อมกับหยิบการ์ดที่อยู่ในกล่องมาดู

"พี่เต็มเก็บเอาไว้เหรอครับ" คนเก่งถามเสียงสั่นเครือ

"เก็บสิ เก็บตั้งแต่วันแรกที่เราให้" ผมตอบ

"เก็บอย่างดีขนาดนี้เลยเหรอครับ"


ผมมองคนเก่งแล้วยิ้มออกมา นึกขอบคุณม๊าที่แนะนำให้ผมเก็บของที่คนเก่งให้ไว้ดีๆ ถึงผมไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งคนเก่งจะได้มาเจอ แต่พอมาเห็นหน้าคนเก่งตอนนี้แล้วผมอยากจะขอบคุณม๊าจริงๆครับ สีหน้าและแววตาของน้องมีความสุขมากจริงๆ


หลังจากที่ผมหากล่องที่ผมต้องการเจอสี่กล่อง ผมก็เอาออกมาหาการ์ดที่ผมต้องการสี่ใบ ที่มันอยู่ในกล่องทั้งสี่อย่างละใบ

ถ้าผมไม่แยกกล่องไว้ตั้งแต่แรกคงไม่หาง่ายแบบนี้ อันนี้ม๊าก็เป็นแนะนำผมเหมือนกันคือพอม๊าเห็นว่าคนเก่งให้การ์ดผมเยอะ ม๊าเลยบอกว่าให้แยกเป็นกล่องละเดือนไปเลย ซึ่งตอนแรกผมยังแย้งกับม๊าเลยครับว่ามันจะเว่อร์ไปหรือเปล่า ถ้าเดือนหนึ่งมีไม่ถึงสิบใบล่ะ แต่ในความเป็นจริงมันไม่ใช่เลย อย่างน้อยๆเดือนๆหนึ่งผมต้องได้การ์ดไม่ต่ำกว่าสามสิบใบ


เอาล่ะ ผมได้การ์ดที่ผมต้องการมาแล้ว




To...พี่เติมเต็ม

        ขอให้วันนี้ของพี่เป็นวันที่ดีๆ เหมือนกับผมนะครับ ♥

                           เทคแคร์ครับ
                                คนเก่ง
                           02/xx/20xx
         



To...พี่เติมเต็ม

        ขอให้วันนี้ของพี่เป็นวันที่ดีๆ เหมือนกับผมนะครับ

                           เทคแคร์ครับ
                                คนเก่ง
                           02/xx/20xx
         



To...พี่เติมเต็ม

        ขอให้วันนี้ของพี่เป็นวันที่ดีๆ เหมือนกับผมนะครับ

                           เทคแคร์ครับ
                                คนเก่ง
                           02/xx/20xx
         


To...พี่เติมเต็ม ♥

        ขอให้วันนี้ของพี่เป็นวันที่ดีๆ เหมือนกับผมนะครับ

                          เทคแคร์ครับ
                                คนเก่ง
                           02/xx/20xx
         


To...พี่เติมเต็ม
        ขอให้วันนี้ของพี่เป็นวันที่ดีๆ เหมือนกับผมนะครับ

                        เทคแคร์&ซียูครับ
                                คนเก่ง
                           02/xx/20xx
         



การ์ดทั้งห้าใบมีข้อความที่เหมือนกัน และวันเดือนในการ์ดคือตัวเลขเดียวกัน ต่างกันแค่ปีคศ.ที่ตัวเลขเพิ่มขึ้นทุกปี


การ์ดที่ข้อความเหมือนกันเหล่านี้ เป็นการ์ดที่คนเก่งให้ผมทุกปีในวันคล้ายวันเกิดตัวเอง ตลอดห้าปีที่ผ่านมา ผมไม่เคยสังเกตหรือใส่ใจอะไรมาก่อนหน้านี้เลย พอปีนี้ผมได้รับการ์ดแบบนี้มาอีก ทำให้ผมรู้ถึงความใส่ใจ ความสนใจ ความเอาใจใส่ และความเสมอต้นเสมอปลายของคนเก่งมากจริงๆ

ผมมองคนเก่งที่กำลังนั่งดูการ์ดในกล่องด้วยน้ำตาคลอไป

"ไม่ให้ดูแล้ว" ผมบอก

"อ้าว ทำไมล่ะครับ"

"ตัวเองเขียนเอง ยังจะมานั่งดูอีก อีกอย่างตอนนี้มันเป็นของพี่แล้ว"

"ก็มันดีใจนี่ครับ ไม่คิดจริงๆว่าพี่จะเก็บไว้ดีขนาดนี้ ดูสิใส่กล่องแยกเดือนกับปีด้วย ผม...ผมนึกว่าหลังจากอ่านเสร็จแล้วพี่จะทิ้งซะอีก" คนเก่งน้ำตาไหลออกมาจนได้

"ไม่เอา ไม่ร้องแล้ว" ผมดึงคนเก่งเข้ามากอด

"ขอบคุณนะครับพี่เต็ม เป็นของขวัญวันเกิดที่ดีที่สุดของผมเลยครับ"

"การ์ดเนี่ยนะ มันจะเป็นของขวัญได้ไงมันเป็นการ์ดที่เราเขียนเอง"

"ผมหมายถึงความใส่ใจครับ พี่ใส่ใจในสิ่งที่ผมทำให้พี่ ไม่ทิ้งขวางและพี่ก็ดูแลมันเป็นอย่างดีด้วย พี่เป็นแบบนี้ยิ่งทำให้ผมหยุดรักพี่ไม่ได้เลย"

คนเก่งที่ปกติคงจะไม่พูดคำว่ารักออกมาโดยที่ไม่เขินอายได้ แต่ครั้งนี้ต่างกัน น้ำเสียงไม่มีความเขินอาย มีแต่ความมั่นคง หนักแน่น


หลังจากที่ผ่านการร้องไห้จนตาบวม คนเก่งก็เข้าไปล้างหน้าล้างตาก่อนจะเดินกลับมาที่เตียง ผมมองดูเวลาตีสามกว่าแล้วครับ คนเก่งน่าจะง่วงมากแล้ว

"คนเก่งนอนได้แล้ว" ผมบอกก่อนจะใช้มือตบลงบนที่นอนเพื่อให้น้องนอนลง

คนเก่งลงมานอนบนเตียงอย่างว่าง่าย ผมเดาว่าคงจะง่วงเต็มที่แล้ว ผมห่มผ้าให้

"พี่เต็ม ฝันดีนะครับ" คนเก่งบอกก่อนที่เจ้าตัวจะหลับไปทันที

"ฝันดีครับ"

ผมก้มลงไปหอมแก้มคนเก่งเบาๆสองสามครั้ง



ผมมองคนเก่งที่นอนหลับสนิท ก่อนที่จะหยิบมือถือมากดถ่ายรูปคนเก่งสามสี่รูป ก่อนที่จะเลือกรูปที่ผมชอบที่สุดมารูปหนึ่ง และตัดสินใจโพสต์ลงในเฟซบุ๊คและไอจีด้วยรูปและแคปชั่นเดียวกัน




ขอบคุณที่ทำให้ทุกๆวันเป็นวันที่ดีนะครับ  #TtwKk



หลังจากโพสต์รูปเรียบร้อย ผมก็เดินไปปิดไฟและขึ้นมานอนบนเตียง การมีใครอีกคนมานอนด้วยบนเตียงเดียวกัน มันก็ให้ความรู้สึกที่แปลกๆเหมือนกัน แต่ไม่ใช่ว่ามันไม่ดีนะ

มันดีมากเลย
ดีมากจริงๆ






TBC.
#เติมเต็มรัก
ninewara ✿



◕สำหรับใครที่รู้สึกหงุดหงิดกับคนเก่งเรื่องที่ทำไมไม่บอกพี่เติมเต็มเรื่องวันเกิด อ่านตอนนี้ก็คงจะพอเข้าใจคนเก่งได้บ้างนะคะว่าทำไมถึงไม่พูด (จนเรารู้สึกอึดอัดแทน)

หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 18] 05/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ninewara ที่ 05-05-2019 00:09:49
✿ เติมเต็มรัก ✿ ครั้งที่ 18


[เติมเต็ม part]





เช้าวันต่อมา

ผมตื่นมาตอนประมาณแปดโมงเช้า ผมหันมามองคนเก่งที่ยังนอนหลับสนิทอยู่ คงจะเพลียมากเพราะเมื่อวานก็ตื่นตั้งเช้าแถมเมื่อคืนก็นอนเกือบเช้า ผมก้มลงหอมแก้มคนเก่งทีหนึ่ง คนเก่งยังคงนอนนิ่งเลยครับ ผมก็เลยตัดสินใจที่จะไม่ปลุก ปล่อยให้น้องนอนต่อให้เต็มอิ่ม


ผมลุกไปล้างหน้าแปรงฟัน ก่อนที่จะเดินลงมาข้างล่าง พอเดินเข้าไปในครัวก็เจอน้องชายคนเดียวของผมกำลังนั่งทานข้าวต้มอยู่

"พี่เต็มมากินข้าวต้ม" ติวเตอร์ชวนผม

"กินเลย แล้วป๊ากับม๊าลงมาหรือยัง" ผมเดินไปหยิบนมกล่องในตู้เย็นมาดื่ม ก่อนจะถามถึงป๊ากับม๊า

"ป๊ากับม๊าทานเรียบร้อยแล้ว ขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวกันแล้ว" ติวเตอร์บอกผม

"แล้วพี่เต็มจะออกไปไหนหรือเปล่า"

"ไปแต่สายหน่อยต้องรอคนเก่งตื่นก่อน" ผมตอบ

ติวเตอร์ที่ทานข้าวต้มไปด้วยและเล่นมือถือไปด้วย กำลังจะถามผมต่อแต่ผมเห็นน้องชายผมชะงัก ก่อนจะเห็นมันทำตาโตแล้วมองผม

ผมว่าคงจะเป็นอย่างที่ผมคิด น้องชายผมคงจะเห็นรูปที่ผมโพสต์ลงในไอจีและเฟซบุ๊คเมื่อช่วงเช้ามืดแล้ว


"เฮ้ย!!!" ติวเตอร์วางช้อนที่กำลังตักข้าวต้มก่อนที่จะวิ่งออกจากห้องครัวไป

"ม๊าครับ ป๊าครับ" แล้วดูมันตะโกนเรียกหาป๊ากับม๊าตั้งแต่ข้างล่าง ผมเดินตามติวเตอร์ออกไปเพื่อไปนั่งรอม๊าที่ห้องนั่งเล่นไม่นานม๊าก็น่าจะลงมา



และจริงดังที่คิด
ม๊าเดินตรงมาหาผมด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยสบายใจนัก

"เต็มจริงหรือเปล่าที่ติวบอกว่าลูกพาคนเก่งมานอนค้างที่นี่"

"จริงครับ"

"ตายจริง แล้วที่บ้านน้องเขารู้หรือเปล่า ไม่ใช่เขามาถอนหงอกม๊าทีหลังนะ"

"ม๊าครับ คิดอะไรอยู่ครับ คนเก่งแค่มานอนค้างเฉยๆ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างที่ม๊ากลัว"

"แน่ใจนะว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น"

"แค่...เกือบเท่านั้นครับ"

"ไม่ได้เลยนะเติมเต็ม ม๊าขอสั่งห้ามและต้องปฏิบัติตาม ลูกจะมาทำรุ่มร่าม เกินเลยกับน้องแบบนั้นไม่ได้นะ"

"......." ฟังดูเหมือนผมเป็นพวกผู้ชายบ้ากามเลยครับ

"ตราบใดที่สถานะยังไม่ใช่แฟนก็ห้ามทำอะไรทั้งนั้น"

"งั้น ถ้าเป็นแฟนก็คงจะไม่มีปัญหาใช่มั้ยครับ"

"หืม?"

"ผมตั้งใจจะมาปรึกษาม๊าเรื่องนี้พอดีครับ ถ้าผมจะเป็นแฟนกับคนเก่งม๊าจะโอเคหรือเปล่าครับ"

"เรื่องนี้เต็มไม่ต้องปรึกษาม๊าก็ได้นี่ลูก เต็มก็น่าจะรู้ว่าม๊าค่อนข้างจะเอ็นดูคนเก่งมากเป็นพิเศษ"

"ใช่ครับม๊า แต่ผมมองว่าเรื่องที่เอ็นดูมันก็เรื่องหนึ่ง แต่เรื่องที่จะมาเป็นแฟนกับผมมันก็อีกเรื่องหนึ่ง เพราะไม่ว่ายังไงคนเก่งก็เป็นผู้ชาย"

"แล้วเต็มคิดยังไงถึงจะขอคนเก่งที่เป็นผู้ชายเหมือนกันเป็นแฟนล่ะ"

"..........." ผมพยายามที่จะเรียบเรียงคำพูดของตัวเองเพื่อบอกกับม๊า

"ค่อยๆคิด"

"ผมเคยได้ยินมีคนพูดว่า ถ้าเรารู้สึกดีหรือรักใครซักคน เราจะมองข้ามไปเลยว่าเขาเป็นเพศอะไรหรือเป็นใคร ตอนนั้นผมยังคิดเลยว่าเป็นการพูดให้มันดูดี ให้ตัวเองดูเจ๋ง แต่พอมาเจอกับตัว วันที่ผมรู้ตัวว่าชอบน้อง ผมไม่ได้คิดอะไรเลย ไม่ได้คิดเรื่องเพศด้วยซ้ำ คิดแค่ว่าคนนี้คือคนที่ผมชอบ"

"ม๊าก็ไม่ได้ยินดีหรือปลื้มใจหรอกนะถ้าลูกชายจะมีแฟนเป็นผู้ชาย แต่ถ้าเป็นคนเก่งม๊าโอเค"

"ขอบคุณครับม๊า แล้วป๊าล่ะครับ"

"ป๊าเขาก็รับรู้เรื่องคนเก่งมาตลอด แต่ม๊าไม่รู้ว่าถ้าในที่สุดแล้วคนเก่งจะมาคบกับลูกจริงๆ ป๊าจะโอเคหรือเปล่า แต่เรื่องป๊าเอาไว้ก่อนดีกว่า  เต็มรู้มั้ยว่าการเป็นคนรักกันคือการแชร์ความรู้สึกกัน ช่วยกันเติมส่วนที่ขาด และลดความเป็นตัวตนบางอย่างของตัวเองเพื่อให้พอดีกับอีกคน"

"ครับม๊า" ผมเข้าใจในสิ่งที่ม๊าสอนผม

"แล้วเรื่องวันเกิดของน้องล่ะ"

ผมเล่าเรื่องราวคร่าวๆให้ม๊าฟังเรื่องที่คนเก่งไม่ยอมบอกเรื่องวันเกิด

"ม๊าว่าม๊าคงจะมองคนไม่ผิด คนเก่งนึกถึงคนอื่นก่อนตัวเอง ทุกๆอย่างทุกๆความคิด จะคิดถึงลูกก่อนเสมอ แบบนี้ลูกจะปล่อยน้องไปไม่ได้เลยนะ มันไม่ง่ายเลยที่จะเจอคนที่รักเรามากขนาดนี้"

"ก็เพราะจะไม่ปล่อยนี่แหละครับ วันนี้ผมตั้งใจจะขอน้องเป็นแฟน และจะชดเชยเรื่องเมื่อวานให้น้องด้วย"

"แล้วน้องยังไม่ตื่นเหรอ"

"ยังครับ น้องนอนเกือบสว่าง"

"รังแกน้องหรือเปล่า!!"

"ม๊าาาา ผมก็บอกตั้งแต่ตอนแรกแล้วไงครับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย เราแค่ปรับความเข้าใจกันแล้วน้องก็เลยร้องไห้...หลายรอบ"

ม๊าดุผมอีกรอบ ไม่รู้ถ้าคนเก่งคบกับผมจริงๆ ผมจะกลายเป็นหมาหัวเน่าหรือเปล่า



หลังจากคุยกับม๊าเสร็จผมก็จะเดินขึ้นห้องไปดูว่าคนเก่งตื่นหรือยัง มาเจอติวเตอร์ยืนอยู่ตรงมุมบันไดตรงทางขึ้นชั้นบน อ๋อ...นึกว่าหายไปไหนที่แท้ก็มายืนแอบฟัง

"ในที่สุดผมจะได้เรียกพี่สะใภ้อย่างเต็มปากได้ซะที"

ติวเตอร์พูดเสร็จก็เดินกลับเข้าไปในครัว ผมยิ้มตามหลังน้องชายไป



ผมเดินขึ้นมาบนห้อง ไม่เจอคนเก่งอยู่บนเตียงแล้วครับ ผมยิ้มเมื่อเห็นสภาพเตียงนอนของตัวเอง ผ้าห่มถูกพับเรียบร้อย ผ้าปูที่นอนถูกดึงจนเรียบตึงทุกมุม ไม่เคยรู้สึกว่าเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องจำเป็น แต่พอเห็นแบบนี้ผมก็มองข้ามไม่ได้จริงๆ


คนเก่ง...แม่งน่ารักว่ะ


ผมได้ยินเสียงน้ำที่ดังมาจากในห้องน้ำ คนเก่งกำลังอาบน้ำอยู่อย่างไม่ต้องสงสัย ผมก็เลยรีบเอาเสื้อผ้าของคนเก่งที่เตรียมมาเมื่อคืนลงไปให้เด็กรีดให้ ที่บ้านผมนอกจากน้านวลแล้วก็มีลูกสาวของน้านวลอีกคนหนึ่งที่ช่วยทำงานบ้าน

ผมยืนรอให้พี่นิด (ลูกสาวน้านวล) รีดเสื้อผ้าของคนเก่งเรียบร้อยผมถึงเอาขึ้นมาให้น้อง พอเปิดประตูห้องเข้าไปปรากฏว่าน้องอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว และน้องกำลังนุ่งผ้าเช็ดตัวแต่อย่าเพิ่งคิดว่าน้องจะโชว์ท่อนบนนะครับ เพราะน้องใช้ผ้าเช็ดตัวสองผืนใหญ่คลุมร่างกายตัวเองไว้ เห็นแล้วอดขำไม่ได้ น้องมองเสื้อผ้าในมือผม

"ผมกำลังคิดอยู่เลยว่าเมื่อคืนแขวนเสื้อผ้าไว้ตรงไหน"

"พี่เอาลงไปให้เด็กในบ้านรีดให้"

"แล้วพี่เต็มตื่นนานแล้วเหรอครับ น่าจะปลุกผมด้วย"

"นานแล้ว พี่เห็นเราหลับสนิทเลยไม่กวน"

"น่าจะปลุกสักหน่อยนะครับ มานอนบ้านคนอื่นแต่ตื่นสายกว่าเจ้าของบ้าน ขายหน้าแย่เลย"

"คิดมากทำไมไม่ใช่คนอื่นสักหน่อย อีกอย่างเราหลับสนิทจริงๆ พี่ฟัดแก้มตั้งนานยังไม่รู้สึกตัวเลย"

คนเก่งตาโตและลูบแก้มตัวเองไปมา ผมแขวนเสื้อผ้าของคนเก่งไว้ที่หน้าตู้เสื้อผ้าก่อนที่จะเดินมาบีบแก้มคนเก่งเบาๆ

"แต่งตัวได้แล้ว เดี๋ยวพี่ขออาบน้ำก่อน"

ผมใช้เวลาอาบน้ำประมาณครึ่งชั่วโมง ออกมาในสภาพที่นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวที่ท่อนล่างตามเคย คนเก่งแต่งตัวเรียบร้อยแล้วครับ ใส่สีชมพูอ่อนๆแบบนี้แล้วเข้ากับคนเก่งมากจริงๆ ปกติขาวอยู่แล้วยิ่งขับผิวให้ขาวขึ้น ผมเห็นน้องนั่งเล่นมือถืออยู่ และผมเห็นน้องมองผมด้วยหางตา พอเห็นว่าผมยังแต่งตัวไม่เรียบร้อยก็รีบหันกลับไปเล่นมือถือตามเดิม ผมว่าน้องต้องเห็นรูปตัวเองที่ผมโพสต์แล้ว ถึงผมไม่แท็กน้อง น้องก็ต้องเห็นเพราะปกติน้องต้องเข้าไปส่องเฟซบุ๊ค ส่องไอจีผมอยู่แล้ว

ผมยอมรับเลยว่าระหว่างที่แต่งตัวไปคือรอนะครับ รอว่าเมื่อไหร่น้องจะเอ่ยถามผมเรื่องรูปแต่น้องก็ยังไม่ถาม หรือน้องอาจจะรอให้ผมแต่งตัวเสร็จก่อนก็ได้ พอผมแต่งตัวเรียบร้อย ทั้งหน้าทั้งผมพร้อมในการออกข้างนอก ผมก็เดินมานั่งข้างๆน้องที่โซฟา น้องหันมามองผม จ้องผมอยู่สักพักก่อนที่จะมองเสื้อผ้าตัวเอง

ครับ ที่ผมเลือกให้น้องแต่งตัวแบบนี้เพราะจะได้คล้ายกับผม ผมมีเสื้อเชิ้ตทรงเดียวกับน้องแต่ของผมเป็นสีฟ้า และกางเกงยีนส์สีขาวเข้ารูปเหมือนกัน พอมาเห็นแบบนี้ ผมก็เริ่มพอที่จะเข้าใจพวกคู่รักที่ชอบใส่เสื้อคู่กัน มันให้ความรู้สึกดีแบบนี้นี่เอง

คนเก่งไม่พูดอะไรเลยครับ แต่หน้าแดงมาก

"หิวมั้ย" ผมถามคนเก่งก่อน

"ครับ"

"อยากกินอะไร" ผมถามพร้อมกับมองนาฬิกาไปด้วย ตอนนี้สิบโมงกว่า ห้างเปิดแล้ว

"ตามใจพี่เต็มเลยครับ"

"วันนี้พี่จะตามใจทุกอย่างเลย พี่รู้ว่าพี่ย้อนเวลากลับไปเมื่อวานไม่ได้ แต่พี่ก็อยากจะสมมุติว่าวันนี้คือวันเกิดเรานะ" ผมบอกพร้อมกับใช้มือลูบผมคนเก่งไปมา คนเก่งไม่ได้เซ็ทผมแค่หวีธรรมดา ซึ่งผมชอบมากเพราะผมอยากจับผมนิ่มๆของคนเก่งมากกว่าผมที่ผ่านการเซ็ท

"ผมบอกแล้วว่าไม่เป็นไร"

"ห้ามขัด เพราะพี่วางแพลนไว้แล้ว"

"เมื่อกี้ยังบอกจะตามใจทุกอย่างอยู่เลย"

"ตามใจทุกอย่างแต่ไม่รวมกับที่จะทำลายแผนของพี่ โอเค๊?"

ผมพูดสรุปจบไปแบบนี้เลยทันที ผมลุกขึ้นเดินไปหยิบกระเป๋าเงิน,กุญแจรถและโทรศัพท์มือถือ คนเก่งก็ลุกตามแล้วเก็บของใส่กระเป๋าสะพาย ก่อนที่เราทั้งคู่จะเดินลงมาข้างล่าง เจอติวเตอร์กำลังล้างรถอยู่ที่หน้าบ้าน

"พี่สะใภ้ สวัสดีครับ" ติวเตอร์ทักทายและยกมือไหว้คนเก่ง ด้วยคำทักทายที่ทำให้คนเก่งทำตัวไม่ถูก หน้าขึ้นสีเรียบร้อย ก่อนจะหันมามองผม ผมก็ตอบกลับไปแบบไม่มีเสียงว่า 'ไม่รู้เรื่อง'

"สวัสดีครับน้องติวเตอร์" คนเก่งทักทายติวเตอร์ตอบ

"ป๊ากับม๊าออกไปแล้วเหรอ" ผมถามเพราะผมไม่เห็นรถตู้คันที่ป๊ากับม๊าใช้เป็นประจำ

"เพิ่งออกไปก่อนพวกพี่จะลงมาแป๊ปเดียวเอง"

ผมพยักหน้ารับรู้ก่อนจะพาคนเก่งเดินมาที่รถ

"งานเสื้อผ้าคู่ก็มาครับผม!" ติวเตอร์มันตะโกนตามหลังผมมาก่อนที่ผมจะเปิดประตูรถ พอเปิดประตูรถได้คนเก่งรีบขึ้นไปนั่งบนรถเลยทันที

พอขึ้นรถไปคนเก่งก็ไม่ได้พูดอะไรกับผม ดูเหมือนจะเขินๆหรือเปล่า

"ทำตัวตามสบายสิ จะเกร็งทำไมครับ" ผมพูด

"พี่เต็ม ถ่ายรูปผมไปลงไอจีกับเฟซบุ๊คเหรอครับ" ในที่สุดคนเก่งก็ถามเรื่องนี้สักที

"โกรธหรือเปล่า" ผมลืมคิดไปว่า ปกติคนเก่งก็ไม่ลงรูปตัวเองในโซเชี่ยล แล้วรูปที่ผมลงก็ค่อนข้างส่วนตัวเพราะน้องกำลังนอนหลับ

"ไม่โกรธครับ แค่รู้สึกทำตัวไม่ถูก"

"แล้วฟีดแบ็กเป็นยังไงบ้าง" ผมยังไม่ได้เข้าไปดูว่าเป็นยังไง

"ก็มีคนสงสัยกันเยอะว่าผมคือใคร และพวกเพื่อนๆพี่ก็พูดว่าจำได้ว่าเป็นผ้าห่มที่อยู่ที่บ้านของพี่ พวกพี่เขาก็แซวกันว่า...พี่พาผมมาเปิดตัวที่บ้านหรือเปล่า"

ผมรับฟังเงียบๆยังไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไร




(มีต่อนะคะ)
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 18] 05/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ninewara ที่ 05-05-2019 00:14:38
(ต่อค่ะ)



จนขับรถมาถึงที่ห้าง ผมพาคนเก่งไปดูรอบหนังก่อน หลังจากเลือกเรื่องและเวลาได้แล้ว ผมก็พาน้องลงมาหาอะไรทานกัน และเป็นครั้งแรกเลยที่คนเก่งเลือกร้านที่จะทานเอง

ึคนเก่งเลือกทานร้านอาหารอิตาเลียนครับ มันค่อนข้างเซอร์ไพรส์สำหรับผมมาก ผมไม่เคยคิดว่าน้องจะชอบทานอาหารประเภทนี้

"ผมชอบทานอาหารจำพวกเส้นครับ ทานได้หมดทุกเมนู แต่วันนี้อยากทานสปาเก็ตตี้แล้วก็พาสต้าด้วย" คนเก่งบอกตอนที่ผมถาม ถือว่าเป็นความรู้ใหม่สำหรับผมในเรื่องของคนเก่งเลยก็ว่าได้

หลังจากมื้อกลางวันผ่านไป ผมเห็นว่าเวลาใกล้ที่จะถึงเวลาหนังจะฉายแล้ว ผมกับคนเก่งเลยขึ้นมานั่งรอที่ชั้นโรงหนัง คนเก่งขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ผมจะไปด้วยแต่น้องบอกไม่เป็นไร ผมก็ไม่อยากเซ้าซี้กลัวน้องรำคาญ



"เฮียเต็ม" ผมหันไปตามเสียงเรียก เห็นไอ้โจ้กับไอ้บุ๊คที่นั่งอยู่ใกล้ๆ

"มาดูหนังเหรอ" ผมถาม

"อืม" ไอ้บุ๊คเป็นคนตอบและมันทำเสียงเซ็งๆใส่ผมอีกแล้วครับ

"เฮียมากับใคร คนเดียว?" ไอ้โจ้ถาม

"มากับ ...." ผมกำลังจะตอบแต่เสียงไอ้โจ้แทรกออกมาก่อน

"ไอ้อ้วน!"

ไอ้โจ้เห็นคนเก่งเดินกลับมาพอดี

"เดี๋ยวนี้ก้าวหน้าว่ะ มาดูหนงดูหนัง ใส่เสื้อผ้าเหมือนกันด้วย ไม่ธรรมดา" ไอ้โจ้มันแซว

"หวัดดีโจ้" คนเก่งทักทายไอ้โจ้อย่างเขินๆ ผมมายืนข้างคนเก่งและจับมือน้องไว้

"นี่เพื่อนพี่ชื่อบุ๊ค แล้วก็เป็นแฟนไอ้โจ้ด้วย ส่วนนี่คนเก่ง" ผมแนะนำไอ้บุ๊คให้รู้จัก คนเก่งยกมือไหว้ ผมเห็นสายตาของไอ้บุ๊คมองคนเก่งแปลกๆ อะไรว่ะ เมียมึงก็ยืนอยู่กับมึงเนี่ย

"อะไรไอ้บุ๊ค" ผมถาม

"คนเก่ง?" ไอ้บุ๊คมันหันไปถามไอ้โจ้และมองหน้าผม

"ไหนบอกตัวอ้วนๆขี้เหร่ๆ ตัวจริงก็น่ารักดี หุ่นก็ดี" ไอ้บุ๊คพูดขึ้นมา แล้วมันมองคนเก่งแบบ...แม่ง ผมขยับตัวมาบังคนเก่งไว้

"ก็เมื่อก่อนมันอ้วนมันขี้เหร่หน้ามันมีแต่สิว" ไอ้โจ้มันพูดพร้อมหน้าบึ้ง

"หน้าบึ้งทำไม" ไอ้บุ๊คถามเมียมัน

"ก็พี่บุ๊คชมว่ามันน่ารัก"

"ก็เขาน่ารักพี่ก็พูดตามที่เห็น"

"......"

"พี่ชมคนอื่นก็ใช่ว่าจะชอบเขามั้ย เราซะอีก พูดถึงไอ้เต็มวันละร้อยรอบ"

ผมว่าคดีเริ่มจะพลิก

"เรื่องของพวกมึงกูไม่ยุ่ง กูไปล่ะ" ผมพูดเสร็จก็จูงมือคนเก่งให้เดินไปจุดที่พนักงานตรวจตั๋ว เพราะเขาให้เข้าโรงหนังได้แล้ว


"พี่เต็มรู้จักแฟนโจ้ด้วยเหรอครับ" คนเก่งถามระหว่างที่กำลังเดินไปที่โรงหนังตามหมายเลขบนตั๋ว

"เป็นเพื่อนต่างโรงเรียนสมัยมัธยมน่ะ เคยเจอกันตอนทำกิจกรรมนอกโรงเรียน"

"ตัวจริงพี่เขาหล่อกว่าในรูปเยอะเลย" คนเก่งพูดด้วยน้ำเสียงปกติแต่ผมนี่สิ ไม่ชอบใจเอาซะเลย

"เคยเห็นรูปมันเหรอ" ผมถามน้ำเสียงหงุดหงิดเลยแหละ

"เคยเห็นในไอจีของโจ้ครับ" คนเก่งตอบ

"พูดถึงไอจี ไอจีอันไหนคือของเรา"

ผมต้องถามเพราะผมไม่เคยรู้เลยว่าอันไหนคือของคนเก่ง มีคนฟอลโล่ผมค่อนข้างเยอะ หลักแสนจะให้ผมไล่ดูทีละชื่อก็คงไม่ไหว เคยลองไล่ดูตามชื่อเวลามีคนมากดถูกใจ มันก็หลักหลายหมื่น ผมบอกเลยว่าความพยายามผมไม่มากพอ

"ผมไม่ได้เปิดสาธารณะไว้ครับ" คนเก่งตอบเหมือนไม่ค่อยอยากให้รู้  ไม่อยากให้รู้ก็ไม่เป็นไร ผมมีวิธีง่ายๆที่จะรู้ก็ล่ะกัน เมื่อคิดได้ดังนั้นผมก็เลยไม่ถามอะไรต่ออีก


"นี่ไงที่นั่งเรา" ผมบอกคนเก่งเมื่อเดินมาถึงโซฟาที่นั่ง ผมเลือกที่นั่งแบบฮันนีมูนซีท ตอนแรกคนเก่งไม่ยอมแต่สุดท้ายก็ต้องยอมเพราะผมซื้อตั๋วไปแล้ว

พอได้ที่นั่งเรียบร้อย หนังตัวอย่างยังไม่มาครับ ผมก็เลยหยิบมือถือขึ้นมาเพื่อกดเข้าไปดูรูปที่ผมลงโซเชี่ยลไปเมื่อช่วงเช้ามืด ผมเข้าไปที่เฟซบุ๊คก่อน



Thorn Saharit : ลงรูปตอนตีสี่ และเป็นรูปที่น้องนอนอยู่บนเตียงมึงคืออะไร
Touchpol Suppamongkol : เออ!!ห้องนอนมัน
Techin Prompattana : ไม่ใช่ห้องนอนมันธรรมดาเว้ย ห้องนอนที่บ้านมัน
Thorn Saharit : ไปเปิดตัวเหรอวะ
อิงค์ อิงวาด : กรี๊ดดดดดดดดดดด!!! อัพเดทด่วน



ผมเลือกอ่านเฉพาะที่เป็นของเพื่อนๆที่ผมรู้จัก มีคนในทีมบาสหลายคนมาคอมเม้นท์ว่าจำคนเก่งได้ว่าเห็นไปนั่งดูผมซ้อมบาสทุกครั้ง


พอเข้ามาที่ไอจีส่วนใหญ่จะเป็นคนที่รู้จักบ้างไม่รู้จักบ้าง


Comment 1 : งื้ออออออ ... อะไรยังไงคะพี่เต็ม
Comment 17 : แคปชั่นแบบนี้คือ?
Comment 23 : ใช่คนที่มีรูปออกมาวันแข่งบาสมั้ย
Comment 24 : พี่เต็มเป็นเหรอ? คือดีย์อะ
NiceGuys : แอดขอกรี๊ดแป๊ปค่ะ สรุปมีซัมธิงกันจริงๆ
Comment 77 : หูยยยย..แคปชั่นหวานมาก
justjo : เมื่อคืนนอนด้วยกันนี่เอง มิน่าเจอมาดูหนังด้วยกัน
Comment 149 : @justjo จริงหรือเปล่าคะ กรี๊ดดดๆๆๆ


ผมเห็นคอมเม้นท์ของไอ้โจ้ว่าเพิ่งมาคอมเม้นท์เมื่อประมาณห้านาทีที่ผ่านมา คอมเม้นท์ของมันปลุกกระแสน่าดู

จริงสิ...เรื่องที่ผมจะทำวันนี้ให้ไอ้โจ้มันช่วยก็น่าจะดี ตอนแรกว่าจะให้ไอ้ธรณ์มันช่วยแต่อาทิตย์นี้ไอ้ธรณ์มันไม่ได้กลับมาที่บ้าน จะให้มันขับรถมาหาก็คงจะรบกวนมันมากไป

หนังตัวอย่างเริ่มฉายแล้วครับ คนเก่งที่ตอนแรกที่นั่งเล่นมือถือเหมือนกันก็เก็บมือถือเรียบร้อยแล้ว ผมก็เลยรีบทักไลน์ไปหาไอ้โจ้

teimtem : ไอ้โจ้
teimtem : ดูหนังเสร็จแล้ว
teimtem : ไปไหนต่อ

ข้อความขึ้นว่าอ่านแล้วสักพักใหญ่เลย กว่ามันจะตอบ

justjo : มีอะไร

คำพูดนี้คงจะไม่ใช่ไอ้โจ้ตอบแน่นอน

teimtem : ไอ้บุ๊ค?
justjo : เออ!มีอะไรกับมัน
teimtem : ขี้หึงว่ะ
teimtem : กูมีเรื่องอยากขอความช่วยเหลือ
teimtem : จากมึงทั้งคู่
teimtem : ดูหนังเสร็จ กูโทรหา


ผมพูดแค่นั้นก่อนจะเก็บมือถือเพราะคนเก่งหันมามองผมหลายรอบแล้ว



หลังจากที่ดูหนังเสร็จ มองดูเวลาแล้วมันคงจะเร็วเกินไปถ้าหากว่าจะเริ่มทานมื้อเย็น ผมก็เลยชวนคนเก่งเดินเล่นกันก่อนและบังเอิญว่าน้องบอกว่าอยากไปดูหนังสือกับพวกเครื่องเขียน ผมก็เลยพาน้องเดินมาที่ร้านหนังสือ ผมปล่อยให้น้องยืนดูหนังสือ ก่อนที่ผมจะเดินมาคุยโทรศัพท์ที่บริเวณหน้าร้าน ผมกดไปที่เบอร์ของไอ้โจ้


(ว่าไงครับเฮีย ไลน์ไปไม่อ่าน)

"กูอยู่กับคนเก่งมั้ยล่ะ กูไม่สะดวก"

(แหนะๆ ทำอย่างกับแอบคุยกับชู้ โอ๊ย!พี่บุ๊ค ... ฮัลโหล)

เสียงฮัลโหลคือเสียงของไอ้บุ๊คครับ ขี้หึงจริ๊ง

"เออ"

(มึงมีอะไร พูดกับกูเนี่ยแหละ)

ผมก็อธิบายสิ่งที่ผมจะทำและสิ่งที่ผมอยากขอให้มันช่วย

(ก็ช่วยได้ แต่มึงก็ทำเองได้นี่หว่า)

"แล้วสรุปจะช่วยกูมั้ย"

(เออๆ กูช่วยเพราะกูสงสารน้องเขาที่ดันมารักคนอย่างมึงตั้งห้าปีแต่แค่วันเกิดเขามึงก็ไม่รู้)

"ไอ้เหี้ยบุ๊ค มึงจะย้ำทำไมวะ"

(อย่างน้อยตอนที่โจ้มันยังไม่มีใจให้กู มันก็รู้วันเกิดกูอะ)

"พอๆยิ่งฟังมึงพูด กูยิ่งรู้สึกว่ากูโคตรแย่"

(เออ จะให้เจอกี่โมงที่ไหนก็ทักมา)


หลังจากตกลงเรียบร้อยแล้ว ผมก็เดินกลับเข้าไปในร้าน คนเก่งไม่ได้อยู่ที่ตรงชั้นหนังสือที่เดิม แต่เดินมาตรงมุมเครื่องเขียน ผมเห็นคนเก่งกำลังยืนลองปากกาอยู่ ผมเดินเข้าไปยืนข้างๆ ในมือคนเก่งมีปากกาอยู่หลายด้าม

"อันนี้คือจะซื้อ?"

"ครับ"

"พี่ถือให้"

คนเก่งลังเลใจแต่ผมจับมือคนเก่งและดึงปากกาออกจากมือมาถือไว้เอง ต่อจากนั้นคนเก่งก็เลือกปากกาต่อ ตอนนี้ปากกาเต็มสองมือผมแล้วครับ

"จะเอาหมดจริงอะ" ผมถาม คนเก่งหันมามองแล้วทำตาโต ได้ยินเสียงบ่นออกมาว่า 'เยอะจัง'

"เลือกเพลินไปหน่อยครับ"

คนเก่งทำท่าว่าจะเลือกปากกาที่อยู่ในมือผมอีกรอบ

"เอาหมดเลยเนี่ยแหละ"

"ถ้าพี่เต็มเบื่อที่จะรอ พี่เต็มไปนั่งร้านเครื่องดื่มรอมั้ยครับ อืม...ถ้างั้นไว้ค่อยผมกลับไปซื้อที่โน่นดีกว่า พี่จะได้ไม่ต้องรอนาน ... คือผมเลือกของนาน"

"พี่ยังไม่ได้บ่นอะไรเลย ที่บอกให้เอาหมดไม่ใช่เพราะไม่อยากให้เราเสียเวลาเลือก แต่เป็นเพราะเราเลือกมาแล้วและเราชอบก็เอาเลย บอกแล้ววันนี้จะตามใจ"

"งั้นห้ามบ่นนะครับ"

"ไม่บ่นครับ รับรอง"



หลังจากนั้นผมก็ถือตะกร้าเดินตามคนเก่งอย่างเดียวเลยครับ น้องน่าจะชอบปากกามากๆ น้องซื้อทั้งแบบลูกลื่นธรรมดา แบบเจล แบบหมึก เลือกมาหลากหลายสีด้วย จบจากมุมปากกาก็ไปต่อที่มุมกระดาษและสมุด น้องใช้เวลาเลือกนานพอสมควร จนเวลาผ่านไปน้องน่าจะเลือกจนพอใจแล้ว


จนตอนที่จะเดินไปชำระเงิน น้องก็เรียกผมไว้ก่อนที่ผมจะถือตะกร้าถึงตรงที่เคาน์เตอร์แคชเชียร์

"พี่เต็มเดี๋ยวก่อนครับ"

"จะเอาอะไรอีกหรือเปล่า"

"เปล่าครับแต่ว่า..."

คนเก่งไม่ได้พูดต่อแต่ดึงตะกร้าที่ผมถืออยู่เดินไปตรงมุมที่ไม่ค่อยมีคนเดินผ่าน แล้วคนเก่งก็เลือกของในตะกร้าออกจำนวนหนึ่งเกินครึ่งของที่เลือกมา

"เอาออกทำไม"

"เดี๋ยวมันเกินงบครับ คือปกติผมจะเลือกของที่อยากได้มาก่อนแล้วตอนจะจ่ายเงินค่อยมาเลือกออกอีกที"

"หลายขั้นตอนไปอีก"

"ถึงได้บอกไงครับว่าผมเลือกของนาน กลัวพี่จะเบื่อ"

"ไม่เบื่อหรอก แล้วก็เอาทั้งหมดนี่แหละ พี่จ่ายเอง"

"เฮ้ย!ไม่ได้นะครับ ของผมใช้เองจะให้พี่จ่ายได้ไง"

"ปากกาพวกนี้ที่ซื้อมาจะมีโอกาสที่จะใช้เขียนการ์ดถึงพี่มั้ย"

"ก็ต้องมีสิครับ"

"งั้นพี่จ่ายก็ถูกแล้ว"



ผมพูดเสร็จก็ดึงตะกร้ากลับมาถือเองและไปจ่ายเงิน คนเก่งหน้ามุ่ยเลยครับ เดินออกไปรอผมหน้าร้าน พอผมจ่ายเงินเสร็จเรียบร้อยก็เดินออกมาหาคนเก่ง

"เป็นไรครับ" ผมคิดว่าคนเก่งดูจะมีปฏิกิริยาบางอย่างเวลาที่ผมพูด 'ครับ' เท่าที่สังเกตมาหลายครั้ง

"ก็ไม่ชอบให้พี่ทำแบบนี้ มาจ่ายเงินให้"

"คิดมากทำไมพี่เต็มใจ" ผมลูบหัวคนเก่งเบาๆ เห็นคนเก่งหันมองไปมารอบตัว คงกลัวมีคนมอง

"แต่มันไม่ใช่เรื่องที่พี่ต้องมาจ่ายให้เลยนะครับ มันของๆผมอะ"

"ถ้างั้นมาแลกเปลี่ยนกันดีกว่า ดีมั้ย"

"แลกกับอะไรครับ"

"ตอนนี้พี่ยังคิดไม่ออก ขอติดไว้ก่อน"



หลังจากที่ผมพาคนเก่งเดินเล่นจนเวลาล่วงเลยมาช่วงหัวค่ำ ผมพาคนเก่งขับรถออกจากห้าง มาที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งซึ่งผมได้นัดหมายไอ้บุ๊คกับไอ้โจ้ไว้เรียบร้อยแล้ว ตอนแรกผมตั้งใจจะไปอีกร้านหนึ่งแต่ไอ้บุ๊คมันเสนอมาว่าที่นี่เหมาะที่สุด ทำอะไรสะดวก เหตุผลเพราะเป็นร้านของครอบครัวมัน เหตุผลมันเชี่ยมากครับ แต่พอขับรถมาถึงที่ร้าน โอเคครับร้านมันสวยจริง บรรยากาศโคตรดี


"ร้านน่ารักจัง" คนเก่งเอ่ยปากทันทีที่รถมาจอดหน้าร้าน

"พี่เพิ่งเคยมาเหมือนกัน เพื่อนแนะนำ" ผมบอก

พอผมเดินลงมาจากรถก็มีพนักงานเดินเข้ามาสอบถามทันที


"คุณเติมเต็มหรือเปล่าครับ" พนักงานถามผม

"ใช่ครับ"

"ผมจะพาไปโต๊ะที่จองไว้นะครับ"

ผมงงเล็กน้อยครับ แต่ก็นั่นหมายความว่าไอ้คู่รักสองคนนั่นคงจะเตรียมสถานที่ให้ผมแล้ว

ผมจับมือคนเก่งให้เดินไปพร้อมกัน คนเก่งมือเย็นเล็กน้อย

"ทำไมมือเย็นจัง"

"พี่เต็มจองโต๊ะไว้ด้วยเหรอครับ รู้สึกตื่นเต้นจัง"

"เซอร์ไพรส์มั้ยล่ะ"

พูดออกไปก็นึกด่าตัวเองในใจ แค่จองโต๊ะอาหารแค่นี้เซอร์ไพรส์ตรงไหนวะกู พูดออกไปได้

"ครับ" แต่คนเก่งก็คือคนเก่ง ดีใจกับเรื่องเล็กๆน้อยๆเสมอ



โต๊ะที่ผมเดาว่าไอ้บุ๊คมันน่าจะเป็นคนเลือกให้ หรือมันอาจจะจัดให้ผมใหม่เลยก็ไม่แน่ใจ เพราะผมว่ามุมมันดีมาก ดูเป็นส่วนตัวมากกว่าที่ทางร้านจะจัดวางโต๊ะแบบนี้ในวันปกติทั่วไป


หลังจากที่ผ่านช่วงเวลาในการทานอาหารเย็นผ่านไป ก็เป็นช่วงที่ผมรอคอยมาตลอดทั้งวัน พอถึงเวลาจริงๆแล้วผมค่อนข้างตื่นเต้นมากครับ


"ผมไปเข้าห้องน้ำนะครับ" คนเก่งบอกผมก่อนจะลุกออกจากโต๊ะไป


นี่แหละครับช่วงเวลาที่ผมรอ

ไอ้บุ๊คเดินมาหาผมทันที

"กูตั้งกล้องไว้ตรงนั้นนะ มีสองจุด กูลองทดสอบกับโจ้แล้ว ภาพชัดเสียงก็โอเค เดี๋ยวกูจะกดถ่ายวิดีโอไว้เลย" ผมมองตามจุดที่ไอ้บุ๊คบอก มันซ่อนกล้องได้ดีมากครับ ถ้ามันไม่บอกคือผมไม่รู้เลย ไอ้บุ๊คเดินไปกดปุ่มที่กล้องแล้วส่งสัญญาณบอกผมว่าเรียบร้อย

"โจ้บอกคนเก่งกำลังล้างมือ มึงเตรียมตัวได้แล้ว" ไอ้บุ๊คบอกผมก่อนจะรีบเดินออกไป


ส่วนตัวผมเองก็หยิบมือถือออกมาก่อนที่จะเลือกเข้าไปที่ไอจี ช่องทางโซเชียลมีเดียของผมที่มีคนติดตามเยอะมากกว่าเฟซบุ๊คและผมเลือกเข้าไปที่ไลฟ์สดครับ

ผมสูดลมหายใจเข้าแรงๆหนึ่งครั้ง ตื่นเต้นชะมัด


"สวัสดีครับ นี่เป็นการไลฟ์ครั้งแรกของผม อยากให้ติดตามชมไลฟ์ครั้งแรกของผมจนจบนะครับ"

จากตอนแรกที่ผมพูดกับกล้องหน้าในมือถือของตัวเอง ผมก็เปลี่ยนเป็นกล้องหลังและวางในตำแหน่งที่เห็นคนเก่งชัดเจน โดยที่น้องจะไม่สังเกตเห็น (ผมลองวางดูก่อนแล้วตอนที่น้องขอไปเข้าห้องน้ำตอนที่มาถึงที่ร้าน)

"อิ่มหรือยัง" ผมถาม

"อิ่มครับ อาหารที่นี่อร่อยมากเลย" คนเก่งตอบยิ้มๆ

"วันนี้เหนื่อยมั้ย"

"ไม่เหนื่อยเลยครับ"

อยู่ๆผมก็รู้สึกเขินขึ้นมาจนเหมือนจะพูดอะไรไม่ออก

"พี่เต็มมีอะไรหรือเปล่าครับ"

น้องมันคงเห็นท่าทางแปลกๆของผม

"พี่มีของขวัญวันเกิดจะให้"

"ของขวัญ? เมื่อคืนก็ให้แล้วไงครับ"

ให้อะไรว่ะ?

"จูบน่ะเหรอ"

"พี่เต็ม!มันใช่ที่ไหนเล่า"

คนเก่งโวยขึ้นมา หน้าแดงเลยครับ ไม่ใช่จูบเหรอ ก็ผมนึกออกแค่เรื่องเดียว

ผมบีบแก้มคนเก่งเบาๆ

"ครับๆไม่ใช่ก็ไม่ใช่ งั้นมาพูดเรื่องของขวัญวันเกิดกันต่อ"

"ผมบอกแล้วว่าไม่อยากได้อะไร แค่เมื่อคืนที่....มีพี่อยู่ด้วยผมก็มีความสุขมากๆแล้วครับ"

คนเก่งพูดพร้อมกับเอามือลูบๆตรงท้ายทอยไปด้วย รู้เลยว่าเขินมาก



"คนเก่ง ... เป็นแฟนกับพี่นะ"


ผมตัดสินใจพูดออกไปตรงๆเลยเพราะกลัวรอนานกว่านี้ตัวเองจะไม่กล้าพูด

คนเก่งเงียบครับ เงียบแบบ เงียบมากๆ มองผมตาค้างเลย


"คนเก่ง" ผมเรียกชื่อน้อง น้องยังนิ่งอยู่ ผมเอื้อมมือไปบีบแก้มน้องแรงกว่าปกตินิดหน่อย คนเก่งสะดุ้งเลยครับ

"ทำไมเงียบ"

"พี่เต็มพูดว่า...." คนเก่งกำลังจะพูดแต่ผมพูดแทรกขึ้นมาก่อน

"เป็นแฟนกับพี่นะ"

ตอนนี้หน้าของคนเก่งแดงกล่ำเลยครับ

"พี่เต็มแน่ใจแล้วเหรอครับ เป็นผมมันจะดีจริงเหรอ" คนเก่งมีน้ำเสียงไม่ค่อยมั่นใจ

"ไม่เคยแน่ใจอะไรขนาดนี้มาก่อนเลย"

"......."

ผมขยับเก้าอี้มานั่งข้างๆคนเก่งจากตอนแรกที่นั่งตรงกันข้ามกัน

"ขอโทษนะที่พี่ปล่อยให้รอมาตั้งหลายปี ขอโทษที่พี่ไม่ค่อยได้ใส่ใจกับเรื่องต่างๆของเรา ขอโทษที่ไม่ค่อยสนใจ ขอโทษที่ทำให้เหนื่อยมาตั้งนาน และขอโทษที่เคยทำให้ร้องไห้ นับจากวันนี้เป็นต้นไป พี่จะทำให้ทุกๆวันของเราดีขึ้น จะไม่ทำให้เรารู้สึกเสียเวลาที่รอพี่มาตั้งหลายปี"

ผมพูดออกมาจากสิ่งที่ผมรู้สึกจริงๆ
ผมจับมือของคนเก่งเอาไว้ข้างหนึ่งและอีกข้างหนึ่งก็ลูบผมคนเก่งไปด้วย คนเก่งน้ำตาคลอครับแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา


"เป็นแฟนกันนะ เป็นแฟนกับพี่นะครับ" ผมพูดอีกครั้ง


คนเก่งมองหน้าผมและถาม

"นี่คือของขวัญวันเกิดที่พี่บอกจะให้เหรอครับ"

"ส่วนหนึ่ง ไม่ใช่ทั้งหมด ขึ้นอยู่กับคำตอบของคนเก่ง"


ผมตอบตามจริง


"เป็นแฟนกันนะ นะ นะ นะ"


้เกิดมาไม่เคยอ้อนใครเลยผม

คนเก่งหลุดขำออกมา ก่อนจะพูดว่า


"ตกลงครับ"


ผมไม่คิดว่าแค่คำว่าตกลงที่ได้ยินจากปากของน้องจะทำให้ผมมีความสุขและดีใจขนาดนี้ ทั้งๆที่ผมมั่นใจว่าน้องจะต้องไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว

ผมดึงคนเก่งเข้ามาก่อนทันที พร้อมกับจูบที่แก้มน้องสองสามครั้ง น้องผลักผมออกพร้อมกับบอกว่า

"พี่เต็มมันร้านอาหารนะ" 

ผมยิ้มให้คนเก่งก่อนจะก้มลงไปจูบที่ริมฝีปากของคนเก่งย้ำๆสองที

"พี่เต็ม!"

เอาล่ะครับพอก่อน น้องเริ่มจะเสียงเข้มขึ้นแล้ว


ผมใช้มือลูบที่หัวของคนเก่งไปมาพร้อมกับพูดไปด้วยว่า

"พี่ไม่รู้ว่าคนเก่งเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับเกียร์ของคณะวิศวะหรือเปล่า ที่ว่าถ้าเราให้เกียร์ใครก็คือเราให้ใจกับคนนั้น"

"เคยครับ"

"พี่เคยถามรุ่นพี่ ส่วนหนึ่งเขาก็บอกว่าไม่เสมอไปที่ต้องให้เกียร์และบางคนก็ไม่ได้มีเกียร์เดียวด้วย สั่งทำไว้แจกหญิงก็มี"

"......"

"พี่ก็เป็นคนหนึ่งนะ ที่คิดว่าไม่จำเป็นที่ต้องให้เกียร์กับคนที่เราให้ใจ ทุกๆอย่างมันอยู่ที่การกระทำ เพราะต่อให้เราให้เกียร์ใครเขาไปแต่ถ้าใจเราไม่มั่นคงกับความสัมพันธ์ เกียร์มันก็คงไม่มีประโยชน์อะไรมาก็พอที่จะมายึดเหนี่ยว"

"ครับ"

ผมหยิบของอย่างหนึ่งออกมาจากกระเป๋ากางเกง มันคือเกียร์ที่ผมได้รับมาตั้งแต่ตอนที่มาเข้าเรียนปีหนึ่งที่นี่ ผมจับมือของคนเก่งและผมวางเกียร์ลงบนฝ่ามือ คนเก่งน้ำตาคลอมากขึ้นจนอีกไม่นานผมกลัวว่าน้ำตามันจะไหลลงมา

"แต่พี่ก็อยากจะให้เกียร์อันนี้กับเรา กว่าพี่จะได้เกียร์อันนี้มา พี่ก็ต้องผ่านบททดสอบหลายๆอย่างตลอดหลายเดือนที่เข้ามาเป็นเด็กวิศวะ แต่ความยากลำบากของพี่แค่ไม่กี่เดือนคงเทียบกันไม่ได้กับความอดทนของคนเก่งมาตลอดห้าปี"

"......."

"พี่ฝากรักษาเกียร์อันนี้ให้พี่ด้วย พี่รู้ว่าคนเก่งรักษามันได้ดีกว่าพี่แน่นอน และฝากดูแลหัวใจของเจ้าของเกียร์ต่อไปด้วยนะครับ"

ผมดึงตัวคนเก่งเข้ามากอดอีกครั้งเพราะตอนนี้น้องเริ่มร้องไห้แล้ว คนเก่งเองก็กอดผมแน่นขึ้นเหมือนกัน

"หยุดร้องเร็ว ในร้านอาหารนะ" ผมบอกน้องเพราะไม่อยากให้น้องร้องไห้มากจนเกินไป น้องรีบผลักตัวผมออก ก่อนจะโวยวาย

"แล้วทำไมต้องมาขอเป็นแฟนตอนอยู่ในร้านด้วยล่ะ"

ผมอดจะหัวเราะคนเก่งไม่ได้ หน้าแดง จมูกแดง น่ารักชิบ


"สุขสันต์วันเกิดอีกครั้งนะครับ"


ผมบอกคนเก่งอีกครั้ง และบอกอีกเรื่องที่ใจคิด


"อยากจูบชะมัด แต่สถานที่ไม่อำนวย"

"พี่เต็มพูดอะไรเนี่ย" คนเก่งโวยอีกแล้วครับ


เอาไว้กลับบ้านก่อนค่อยว่ากันเรื่องจูบครับ

แต่ที่แน่ๆตอนนี้
ผมไม่โสดแล้วนะครับ







TBC.
#เติมเต็มรัก
ninewara ✿




◕ เย้ๆๆในที่สุดเขาก็เป็นแฟนกันซะที
◕ ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านนะคะ
◕ คู่รองจะมาหลังจากที่คู่หลักเขาเป็นแฟนกันแล้วนะคะ
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 18] 05/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 05-05-2019 01:18:12
 :pig4: :pig4: :pig4:

แหม่...ทำเป็นอายว่าอยู่ในร้านอาหาร

ืลืมไปแล้วเหรอว่ากำลังไลฟ์สดอยู่อ่ะ
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 18] 05/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Caramel Syrup ที่ 05-05-2019 02:08:21
พี่เต็มทำดีมากค่ะ  o13   :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 18] 05/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 05-05-2019 08:07:45
ดีใจกะคนเก่งด้วยนะ พี่เต็มต้องรักน้องให้เยอะๆเหมือนที่น้องรักนะ
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 18] 05/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: MmBb ที่ 05-05-2019 09:18:02
เป็นของขวัญวันเกิดที่ดีและเหมาะสมกับน้องแล้วดีใจกับน้องด้วยที่ความรักที่ผ่านไม่เสียเปล่าหลังจากนี้ก็คงต้องค่อยๆปรับตัวกันไปเรื่องคู่รองเราอยากให้มาช้ากว่านี้อีกหน่อยค่ะให้เค้าเป็นแฟนกันลงตัวก่อนดีกว่า
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 18] 05/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 05-05-2019 09:51:36
ดีใจเขาเป็นแฟนกันแล้ว

 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 18] 05/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 05-05-2019 21:00:34
 :o8: :o8: :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ตอนที่ 18] 05/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 06-05-2019 02:45:00
คนเก่งเด็กดี TT
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ธาวิน & ฟูจิ] 06/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ninewara ที่ 06-05-2019 13:54:10
ธาวิน ♥ ฟูจิ [1]



[ฟูจิ part]



ผมกำลังนั่งดูไลฟ์สดของพี่เติมเต็มอยู่ ไม่คิดว่าพี่มันจะหวานได้ขนาดนี้ หวานตั้งแต่ที่ผมเห็นพี่มันโพสต์รูปคนเก่งลงพร้อมแคปชั่นน้ำตาลเกาะ แถมยังขอเป็นแฟนโดยมีคนในโซเชียลเป็นพยาน ยอมใจเลยครับ ไม่รู้ว่าถ้าไอ้คนเก่งมันมารู้ทีหลังว่าพี่เติมเต็มเล่นไลฟ์สดไปด้วย มันจะพูดว่ายังไงบ้าง ดีใจกับมันด้วยจริงๆครับ ที่ความพยายามของมันไม่สูญเปล่า

ต่างจากผมที่ต่อให้พยายามมากแค่ไหนก็คงไม่มีทาง ก็เลยไม่อยากจะพยายามมันเท่าไหร่

ไม่รู้ว่าพี่ธาวินได้ดูไลฟ์ของพี่เติมเต็มมั้ย ถ้าผมเดา ผมว่าพี่เขาน่าจะดูอยู่แน่นอน ไม่รู้จะเสียใจมากหรือเปล่า

fujiz : พี่

ผมลองทักไปหาพี่ธาวินมันดู

wintha : ว่า

fujiz : ทำไร
fujiz : กินไรยัง

wintha : กินแล้ว
wintha : มึงอะ
wintha : อย่าบอกว่ายัง

ผมอมยิ้มออกมานิดๆ ผมชอบเวลาที่พี่มันดุผม เพราะมันดูเหมือนพี่มันเป็นห่วงผม

ผมกำลังพิมพ์ตอบแต่พี่มันโทรเข้ามาก่อน

(ถามไม่ตอบ)

พอผมกดรับสายประโยคแรกก็มาเลยครับ

"กำลังจะพิมพ์"

(แล้วยังไง กินหรือยังไม่กิน)

"กำลังจะลงไปกินข้าวเนี่ย" ผมบอกตามจริง ผมปิดประตูห้องแล้วก็มายืนรอลิฟท์

(กินดึกว่ะ)

ผมกำลังจะพูดว่ามัวแต่ดูไลฟ์ของพี่เติมเต็มอยู่ แต่กลัวพี่มันไม่โอเคผมเลยไม่พูดออกไป

(กินข้าวไหน) พี่ธาวินมันถามผม

"ร้านลุงข้างหอ"

(อืม เดี๋ยวไปหา)

พอพูดเสร็จ พี่มันก็วางสายไปเลย




ผมสั่งข้าวรอไม่นานพี่ธาวินก็เดินเข้ามาที่ร้าน

"สั่งยัง"

"สั่งแล้วครับ"

พี่มันแค่พยักหน้าแล้วก็หยิบมือถือขึ้นมาเล่น ผมอยากจะถามพี่มันเรื่องไลฟ์ของพี่เติมเต็มแต่ผมไม่กล้า

"ไอ้เต็ม แม่งกล้าชิบหาย ไม่เคยคิดมาก่อนว่าคนอย่างมันจะทำอะไรแบบนี้"

แต่แล้วพี่ธาวินมันก็เป็นคนพูดขึ้นมาก่อน

"พี่ก็ดูพี่เต็มไลฟ์เหรอ"

"ดูกันทั้งคณะวิศวะ แม่งคิดได้ไงวะ คนเก่งหน้าบานไปแล้วป่านนี้" พี่มันพูดขำๆ และมันก็ทำให้ผมงง พี่มันบอกว่าจะจีบไม่ใช่เหรอทำไมดูไม่เสียใจ

"แล้วพี่ไม่เสียใจเหรอ ที่เขาเป็นแฟนกัน พี่ชอบคนเก่งมันไม่ใช่เหรอ"

ผมเห็นพี่ธาวินมันชะงักมือที่กำลังสไลด์หน้าจอมือถืออยู่

"ก็เสียใจบ้าง แต่ไม่ว่ายังไงคนเก่งก็คงไม่สนใจกูอยู่แล้ว"

พี่ธาวินตอบมาแบบนี้ แต่เอาจริงเลยนะตั้งแต่วันที่พี่มันบอกว่าจะจีบคนเก่ง ผมยังไม่เห็นพี่มันทำอะไรเลย

"พี่ไม่กินอะไรหน่อยเหรอ" ผมถามพี่มันตอนที่ข้าวที่ผมสั่งมาเสิร์ฟเรียบร้อยแล้ว

"ไม่ล่ะ กูอิ่มแล้ว"

พี่ธาวินก็เป็นแบบนี้แหละ ชอบมานั่งอยู่เป็นเพื่อนผมเวลาที่ผมมานั่งทานข้าวคนเดียว ผมเคยบอกแล้วว่าไม่ต้องมา ถึงแม้ว่าคอนโดของพี่เขาจะไม่ไกลมาก (อยู่ละแวกเดียวกันกับคอนโดของพี่เติมเต็ม)

"กูกลัวมึงเหงา"

เป็นเหตุผลที่พี่ธาวินมันเคยบอกผม บางทียิ่งมีพี่มันมานั่งอยู่ด้วยผมก็อาจจะยิ่งเหงาก็ได้



"ผมถามอะไรพี่หน่อยสิ"

พี่มันเงยหน้าจากมือถือมาแล้วมองหน้าผมเหมือนบอกให้ถามได้

"พี่เคยบอกว่าพี่ไม่ได้ชอบผู้ชายแล้วทำไมพี่ถึงจะจีบคนเก่งมันล่ะ"

ผมอยากถามคำถามนี้มาตั้งแต่วันที่พี่ธาวินบอกจะจีบคนเก่งแล้ว

"ก็ไม่ได้ชอบผู้ชายแต่กับบางคนมันก็อาจจะเป็นข้อยกเว้น อีกอย่างกูเคยบอกมึงแล้วนี่ว่าคนเก่งมันก็น่ารักดี"


ผมแค่พยักหน้ารับรู้แล้วนั่งทานข้าวต่อ แต่รู้สึกมันอิ่มๆยังไงก็ไม่รู้สิ ผมไม่น่าถามคำถามที่ทำให้ตัวเองรู้สึกแย่เลยจริงๆ...ให้ตายเถอะ


"อย่าบอกว่าอิ่มแล้ว" พี่มันถามตอนเห็นผมรวบช้อนและดื่มน้ำ

"ครับ"

"กินอย่างกับมดดม เดี๋ยวก็ปวดท้องอีก"

"อิ่มแล้วจริงๆพี่"

พี่มันมองหน้าผมด้วยสายตาที่ไม่ค่อยพอใจ


"ถ้ากูรู้ว่าคำตอบของกูทำให้มึงกินข้าวไม่ลง กูจะไม่ตอบและต่อไปมึงเองก็อย่ามาเสือกถามอะไรแบบนี้อีก"


คำพูดของพี่ธาวินทำให้ผมพูดอะไรไม่ออกเลย พี่มันไม่ผิดหรอก เป็นความผิดของผมเองเพราะตอนที่เรากลับมาคุยกันอีกครั้งเมื่อสองสามปีที่แล้ว พี่มันบอกว่ามันจะลืมเรื่องที่ผมเคยพูด และขอให้เราสองคนไม่พูดถึงเรื่องอะไรทำนองนั้นอีก และเป็นพี่น้องกันเหมือนเดิม

ผมเองก็ไม่อยากให้พี่มันอารมณ์เสียมากไปกว่านี้ ผมก็เลยนั่งทานข้าวต่อโดยที่พี่มันนั่งมองผมไปเงียบๆ



"ฟูจิ" ผมมองตามเสียงที่เรียกชื่อ พอหันไปมองก็เห็นเป็นรุ่นพี่ปีสาม คณะสถาปัตย์

"อ้าว สวัสดีครับพี่เอิร์ธ" ผมเอ่ยทักทาย

"กินข้าวซะดึก"

"ครับ แล้วพี่เอิร์ธมาทำอะไรแถวนี้"

"เอาชีทมาให้รุ่นน้อง"

"อ๋อ ครับ"

"งั้นพี่ไปล่ะ ไว้เจอกัน"

พี่เอิร์ธพูดเสร็จก็เอามือมาขยี้ผมของผมเบาๆ


พอพี่เอิร์ธเดินห่างออกจากโต๊ะไปแค่แป๊ปเดียวเท่านั้น


"ทำไมต้องให้มันลูบหัวว่ะ"


ผมไม่แน่ใจว่าพี่เอิร์ธจะได้ยินที่พี่ธาวินพูดมั้ย เพราะพี่มันก็พูดเสียงดังและพี่เอิร์ธก็เพิ่งเดินออกไป ผมหันไปมองตามหลังพี่เอิร์ธ แต่พี่เขาไม่ได้มองกลับมา หวังว่าจะไม่ได้ยิน


"พี่เสียงดังทำมั้ยเนี่ย"

"มึงยังไม่ตอบกูเลยว่าให้มันลูบหัวทำไม"

"พี่เขาก็ทำแบบนี้ประจำ"

"อะไรนะ!ทำเป็นประจำ"

"........"

"มึงแน่ใจนะว่าเขาเป็นแค่รุ่นพี่"

"พี่ถามแปลกจัง"

"อย่าให้กูรู้ทีหลังล่ะกัน"


พี่มันบ่นๆออกมาตามประสามัน เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ผมกับมันทะเลาะกันบ่อย แต่อย่าใช้คำว่าทะเลาะดีกว่าเพราะมีแค่พี่มันที่หงุดหงิดอยู่ฝ่ายเดียว มันบอกว่าผมเป็นผู้ชายไม่ควรที่จะมีผู้ชายมาทำอะไรแบบนี้ มาแตะเนื้อตัวแบบนี้


และพี่มันเคยบอกว่าจะให้ผมเป็นผู้ชายเต็มตัวให้ได้ และผมก็เคยบอกมันไปแล้วว่า ผมก็เป็นผู้ชายเต็มตัวแค่ผมชอบพี่มันเท่านั้น ไม่ใช่ชอบใครก็ได้ที่เป็นผู้ชาย แต่พี่มันบอกเกย์ก็คือเกย์ ผิดหวังจากผู้ชายอีกคนก็อาจจะไปรักกับผู้ชายอีกคนก็ได้ ผมก็เลยขี้เกียจอธิบายอะไรอีก แล้วแต่พี่มันจะคิดแล้วกัน


มักจะมีรุ่นพี่บางคนมาทำแบบนี้กับผมแบบที่พี่เอิร์ธทำก็จริง แต่ผมว่าสมัยนี้การทำแบบนี้กับผู้ชายด้วยกันมันคงจะไม่ได้หมายถึงเขามาชอบเราแบบชู้สาวหรอก รุ่นพี่บางคนก็ทำคงเพราะความเอ็นดูมากกว่า

ผมตัวสูงพอๆกับคนเก่ง แต่ถ้าเทียบหน้าตาแล้วคนเก่งมันหน้าตาน่าเอ็นดูกว่าผมเยอะ และถ้าเทียบกันจริงๆ พวกรุ่นพี่ชอบถึงเนื้อตัวคนเก่งมากกว่าผมอีก


"ไอ้นี่มันเรียนวาดรูปไม่ใช่เหรอ คนละคณะ รู้จักมันได้ไง"

"พี่เขาเรียนสถาปัตย์ ไม่ใช่วาดรูป"

"มันก็วาดรูปนั่นแหละ แล้วยังไง รู้จักมันได้ไง"

"รูมเมทของส้มส้มเป็นน้องสาวพี่เอิร์ธ ส้มส้มมันพารูมเมทมากินข้าวด้วยบ้างเลยได้เจอพี่เอิร์ธด้วย"

พี่ธาวินถอนหายใจแรงและนั่งกอดอกมองผมอย่างไม่สบอารมณ์

"พี่หงุดหงิดอะไร"

"หงุดหงิดมึงนั่นแหละ"


ผมถอนหายใจออกมาบ้าง เป็นแบบนี้ประจำครับเวลาที่มีผู้ชายมาทำแบบนี้กับผม ไม่รู้ทำไมพี่มันถึงได้รังเกียจเกย์มากมาย แต่จะว่ามันรังเกียจเกย์ก็ไม่ใช่เพราะพี่มันก็บอกว่าชอบคนเก่ง


ผมไม่เข้าใจพี่มันเลย



ผมนั่งทานข้าวจนเสร็จและเดินไปจ่ายเงิน เดินกลับมาเห็นพี่มันยืนรออยู่หน้าร้านข้าว

"พี่กลับเลยมั้ย" ผมถาม

พี่มันไม่ได้ตอบอะไรแต่พี่มันเดินไปทางเดินที่จะไปหอพักผม ผมก็เลยเดินตามไป พอถึงหน้าหอผมก็มองเห็นรถพี่ธาวินจอดอยู่

"เอากุญแจรถลงมาหรือเปล่า" พี่ธาวินถาม

"เปล่าครับ พี่จะใช้รถเหรอ"

"ว่าจะเอารถไปตรวจสภาพ มันถึงกำหนดแล้ว"

รถคันที่ผมใช้อยู่เป็นรถของพี่ธาวินไม่ใช่รถของผมหรอกครับ พี่มันให้ผมเอารถคันนี้มาใช้หลังจากที่เข้ามาเรียนที่นี่ได้ประมาณสองอาทิตย์ ตอนแรกผมก็ปฏิเสธแต่ก็มีปากเสียงกันไปหลายครั้ง ผมก็เลยตัดความรำคาญ

"แล้วพี่จะขับกลับยังไงสองคัน ให้ผมขับไปส่งมั้ย"

"ใครจะขับสองคันกลับว่ะ ก็เดี๋ยวกูขับฟอร์จูนเนอร์กลับ ส่วนบีเอ็มก็จอดไว้นี้ให้มึงใช้"

"ไม่เอาหรอก รถแพง เผื่อขับไปชนอะไรขึ้นมา เดี๋ยวผมขับไปส่งดีกว่า"

"ที่ผ่านมาเคยชนรึไง เอาตามนี่ ขึ้นไปเอากุญแจรถมา"


พี่ธาวินเดินไปเปิดประตูและนั่งรอบนรถบีเอ็มของตัวเอง ผมก็เลยต้องเดินกลับขึ้นไปเอากุญแจรถบนห้อง

ใช้เวลาไม่นานผมก็เอากุญแจรถมาให้พี่ธาวิน พี่มันก็เดินลงจากรถบีเอ็มและปิดล็อครถเรียบร้อยก่อนยื่นกุญแจให้ผม

"พรุ่งนี้อย่าให้เห็นว่าไปเรียนด้วยวิธีอื่นๆที่ไม่ใช่ขับรถคันนี้ไป"

"รู้แล้วๆ"

พี่ธาวินปลดล็อครถฟอร์จูนเนอร์ และเปิดประตูไปนั่งฝั่งคนขับ แต่ผมเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่ามีหนังสือเรียนอยู่บนรถ ผมเลยรีบเดินไปเคาะกระจกรถก่อนพี่ธาวินจะขับออกไป

ก๊อก ก๊อก

พี่ธาวินลดกระจกลงมา

"อะไร"

"มีหนังสืออยู่เบาะหลัง"

พี่ธาวินเอื้อมมือไปหยิบหนังสือที่วางอยู่ที่เบาะรถด้านหลังมาให้

"ทำไมเอาไว้บนรถว่ะแทนที่จะเอาไว้อ่าน"

"บ่นๆ ทำอย่างกับพี่ไม่เคยทำ"

ผมรับหนังสือมาจากพี่ธาวินแต่พี่มันไม่ยื่นให้ธรรมดา พี่มันยื่นมาพร้อมกับผลักหัวผมเบาๆทีหนึ่ง

"ย้อนๆ ขึ้นห้องได้แล้ว"

ผมเบะปากให้พี่มัน แล้วก็เดินหันหลังมาเพื่อจะขึ้นหอ พอหันหน้ากลับไปมองอีกทีก็เห็นพี่มันจะไม่ขับรถออกไป ผมเลิกคิ้วมองด้วยความแปลกใจ พี่มันก็ชี้นิ้วส่งสัญญาณประมาณว่าให้ขึ้นห้อง ผมก็แค่พยักหน้าแล้วก็เดินขึ้นหอ ไม่ได้หันไปมองพี่มันอีก




หลังจากวันที่คนเก่งมันมีแฟนเป็นตัวเป็นตน ผ่านมาก็เกือบสองอาทิตย์แล้วครับ ผมว่าเป็นช่วงเวลาที่คนเก่งมันจะต้องมีความสุขมากแน่ๆ พี่เติมเต็มแสดงออกชัดเจนสุดๆว่าโคตรจะรักมัน ถึงคนเก่งมันจะบอกว่าพี่เติมเต็มไม่เคยพูดว่ารักมันก็เถอะ แต่ถ้าคนนอกอย่างผมมอง มองมาจากดาวอังคารยังรู้เลยว่าพี่เติมเต็มโคตรรักมันเลย


เฮ้อ.....อดอิจฉามันนิดๆไม่ได้


วันนี้ผมขับรถกลับมาที่บ้านครับ เพราะพรุ่งนี้เป็นวันครบรอบวันตายของพ่อกับแม่ผม ผมก็เลยจะมาทำบุญถวายสังฆทานให้พ่อกับแม่ และจะไปทำความสะอาดที่เก็บอัฐิของท่านด้วย


ถ้าไม่จำเป็นผมไม่ค่อยอยากกลับมาที่บ้านสักเท่าไหร่เพราะที่นี่ไม่มีใครรอผมอยู่ ไม่มีกับข้าวอร่อยๆไว้รอผม ไม่มีใครที่อยู่รอชื่นชมความสำเร็จของผม และยิ่งกลับมาที่นี่ผมก็ยิ่งคิดถึงพ่อกับแม่


แต่ที่นี่ก็เป็นที่เดียวที่ผมปล่อยโฮได้ไม่ต้องกลัวว่าใครจะเห็น


ถึงผมไม่ได้กลับมาบ้านบ่อยนัก แต่บ้านผมก็ยังสะอาดไม่มีฝุ่นอยู่เสมอ นั่นก็เพราะพี่ธาวินมันให้คนมาคอยทำความสะอาดที่บ้านผมประมาณอาทิตย์ละสองครั้ง ตั้งแต่ช่วงที่ผมเข้าเรียนมหาวิทยาลัย ซึ่งผมเคยบอกพี่มันแล้วว่าไม่ต้อง แต่พี่มันก็พูดว่าแม่ผมคงจะไม่ชอบที่เห็นบ้านสกปรก

ผมก็เลยพูดอะไรไม่ออกเพราะก็จริงอย่างที่พี่มันพูด แม่ผมเป็นคนที่รักความสะอาดมากๆ



ผมขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวบนห้องก่อนที่จะเดินลงมาข้างล่าง ผมกำลังจะคิดว่าจะออกไปหาอะไรทานข้างนอก แต่ก็ต้องชะงักเพราะเจอใครบางคนนั่งอยู่ที่ห้องรับแขก

"พี่วิน มาได้ไงเนี่ย"

"ขับรถมา"

"ไม่ หมายถึงพี่เข้ามาได้ไง" พอถามเสร็จก็นึกขึ้นมาได้ว่าพี่มันมีกุญแจบ้าน และท่าทางชะงักของผมก็ทำให้พี่มันพยักหน้าว่าผมเข้าใจถูกแล้ว

"พี่รู้ได้ไงว่าผมอยู่บ้าน"

"กูรู้ว่ามึงต้องกลับมาที่นี่ช่วงนี้ทุกปีอยู่แล้ว"

คำพูดของพี่ธาวินทำให้ผมรู้สึกมีก้อนสะอื้นมาจุกอยู่ที่คอ พี่มันจำได้

"กินอะไรหรือยัง"

"กำลังจะออกไปหาอะไรกินครับ"

"งั้นไปกัน"

พี่ธาวินลุกขึ้นเดินนำผมออกไปจากบ้าน ผมก็เลยเดินตามออกไปก่อนจะปิดประตูบ้านไว้ พี่ธาวินไปนั่งรอผมอยู่บนรถเรียบร้อย หลังจากปิดประตูรั้วเสร็จผมก็เดินไปขึ้นรถ แล้วพี่ธาวินก็ขับออกไป

พี่ธาวินพาผมมาทานข้าวที่ร้านอาหารที่อยู่ในตัวเมือง ช่วงหัวค่ำแบบนี้คนกำลังเยอะ หลังจากที่พี่ธาวินสั่งอาหารเรียบร้อย พี่มันก็หยิบมือถือขึ้นมาเล่น ผมกำลังจะหยิบมือถือขึ้นมาบ้าง แต่ปรากฏว่าไม่เจออยู่ในกระเป๋ากางเกง

"เป็นไร"

"สงสัยผมจะลืมมือถือไว้ที่บ้าน"

ในเมื่อไม่มีมือถือผมก็เลยเลือกมองไปรอบๆร้านแทนเพื่อรอเวลาที่อาหารจะมาเสิร์ฟ


"ไอ้เต็มแม่ง ดูมันไลฟ์อีกแล้ว แล้วแฟนมันไม่รู้ว่ามันไลฟ์ พอรู้เท่านั้นแหละโดนงอนเลย แล้วคราวนี้มันต้องง้อแฟนผ่านไลฟ์"

พี่ธาวินพูดขำๆ

"ดูป่ะ"

พี่ธาวินถามผมแต่ผมยังไม่ได้ตอบ พี่มันก็ขยับเก้าอี้มานั่งข้างผมและยื่นมือถือให้ดูด้วยกัน ไหล่ของผมแนบชิดกับไหล่ของพี่ธาวิน ใจผมมันเต้นแรงขึ้นทันที ผมนั่งดูไลฟ์ของพี่เติมเต็มแต่ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าในไลฟ์พูดอะไรหรือเกิดอะไรขึ้นบ้าง เพราะใจผมมันมัวแต่นึกถึงความใกล้ชิดที่คนข้างๆมีให้




"พี่วิน" มีเสียงผู้หญิงเรียกพี่มัน

"อ้าว มิ้นต์" พี่ธาวินหันไปทักผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆโต๊ะที่เรานั่งกันอยู่

"กลับมาไม่เห็นบอกมิ้นต์เลย"

"พี่เพิ่งมาถึง"

"แล้วคืนนี้ พี่วินว่างหรือเปล่าคะ" ผู้หญิงที่ชื่อมิ้นต์ส่งสายตาที่ลึกซึ้งให้พี่มันตอนที่พูดว่า...คืนนี้

"ไว้พี่โทรหาอีกทีดีกว่าตอนนี้เพิ่งจะหัวค่ำเอง" พี่ธาวินตอบไปแบบนั้น ผู้หญิงคนนัันก็เดินกลับไปที่โต๊ะของตัวเอง


อาหารที่เราสั่งมาเสิร์ฟพอดี พี่มันก็เลยกลับไปนั่งตามเดิม ผมรู้สึกอึดอัดและหงุดหงิดมากครับ ไม่น่าออกมาทานข้าวกับพี่มันเลย น่าจะบอกว่าไม่หิวหรือบอกว่าทานแล้ว เพราะทุกครั้งที่ออกมาทานข้าวด้วยกันหรือไปไหนด้วยกันมักจะมีผู้หญิงมาทักพี่มันแบบนี้บ่อย และพี่มันก็ออกไปกับเขาเป็นประจำ

"พี่จะไปกับเขาเลยก็ได้นะ ผมกลับเองได้"

พี่มันชะงักช้อนที่กำลังตักข้าวอยู่

"กูบอกเหรอว่ากูจะไป อย่ามาทำรู้เยอะ"

"เดี๋ยวพี่ก็ต้องไป"

"ไอ้ฟูจิ!"

พอพี่มันเรียกผมแบบนี้ทีไร ผมรู้แล้วว่าผมต้องหยุด

เราต่างคนก็ต่างนั่งทานข้าวกันไปเงียบๆ จนทานเสร็จเรียบร้อย พอพี่ธาวินจ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว เราก็เดินมาที่รถกัน พอมาถึงที่รถผมก็หันไปบอกพี่ธาวิน


"พี่วิน ผมขอไปเดินเล่นที่สวนตรงใกล้ๆนี่นะ พี่กลับเลย เดี๋ยวผมกลับเอง"

"จะไปทำไมวะ มันเริ่มมืดแล้ว ถ้าไม่กลับกับกูมึงจะกลับยังไง สองแถวก็หมดแล้ว"

"กลับวินมอไซค์ไง"

"จะไปให้ได้ว่างั้น"

ผมพยักหน้า

"ดื้อชิบ"

พี่มันเปิดประตูรถ และผมคิดว่าพี่มันคงจะขึ้นรถแล้วขับออกไป

"ขึ้นรถ"

ผมยืนงงอยู่สักพัก แล้วพี่มันก็เรียกผมซ้ำให้ขึ้นรถ

"กูบอกให้ขึ้นรถ"

ผมก็เลยจำต้องขึ้นรถเพราะพอพี่มันเสียงดังก็เริ่มมีคนมอง ผมคงไม่ได้ไปเดินเล่นที่ไหนแล้วล่ะ เพราะพี่ธาวินมันพาผมขับรถมาจนถึงปากซอยทางเข้าบ้านผมแล้ว

ขับเข้าซอยมาแค่ไม่นานพี่ธาวินมันก็จอดรถ

"รอในรถ ไปเอาของแป๊ป"

ผมมองออกไปเห็นว่าพี่ธาวินจอดรถอยู่ที่หน้าบ้านของตัวเอง ตรงทางเข้าจะเป็นร้านวัสดุก่อสร้างขนาดใหญ่ซึ่งเป็นกิจการของที่บ้านพี่มันครับ ส่วนบริเวณด้านหลังถัดจากร้านมาก็จะเป็นบ้านสามหลังที่สร้างอยู่ในบริเวณพื้นที่เดียวกัน

ผ่านไปประมาณสิบนาทีพี่ธาวินก็เดินกลับมาที่รถ พี่ธาวินเปิดประตูด้านหลังและผมเห็นพี่มันวางกระเป๋าเสื้อผ้าไว้บนเบาะ

"พี่จะไปไหน"

เพราะเห็นกระเป๋าเสื้อผ้า ผมเลยถามทันทีที่พี่ธาวินขึ้นมานั่งประจำที่คนขับ

"ไปส่งมึงที่บ้านไง"

ผมไม่ถามอะไรต่อเพราะผมเดาเอาว่าหลังจากไปส่งผมพี่ธาวินคงจะไปหาผู้หญิงสักคน อาจจะเป็นผู้หญิงที่เจอที่ร้านอาหารเมื่อกี้นี้ก็ได้

แต่ปกติถึงพี่มันจะไปหาผู้หญิงแต่พี่มันก็ไม่เคยหอบเสื้อผ้าไปด้วย...หรือเปล่าว่ะ

ไม่ถึงสิบนาทีรถของพี่ธาวินก็มาจอดที่หน้าบ้านผม ผมกำลังจะหันไปบอกขอบคุณ แต่พี่มันพูดขึ้นมาก่อน

"ลงไปเปิดประตูรั้วสิ"

ผมยังงงๆอยู่ครับ แต่ก็ลงจากรถไปเปิดประตูรั้วให้

หลังจากเปิดประตูรั้วเสร็จผมวิ่งกลับมาหาพี่ธาวินที่รถ

"พี่วินจะเอารถมาจอดในบ้านเหรอ" ผมถาม

"ใช่ ทำไม"

"รอแป๊บหนึ่งนะ ผมขอเลื่อนรถก่อน" ผมบอกพี่ธาวินเพราะรถฟอร์จูนเนอร์ที่ผมขับมาจอดในบ้านก่อนหน้านี้มันขวางอยู่ ผมรีบวิ่งเข้าไปไขกุญแจประตูบ้านและวิ่งไปหยิบกุญแจรถออกมา ก่อนจะขึ้นไปขับและเคลื่อนรถออกเพื่อให้รถของพี่ธาวินเข้ามาจอดได้

ผมลงจากรถหลังจากดับเครื่องยนต์และล็อครถเรียบร้อยมายืนมองดูพี่วินที่จอดรถเสร็จแล้ว เปิดประตูด้านหลังแล้วถือกระเป๋าเสื้อผ้าลงมา

"พี่จะนอนนี่เหรอ"

"ใช่ ไปปิดประตูรั้วไป" พูดเสร็จพี่ธาวินก็เดินเข้าไปในบ้าน ผมก็เลยรีบวิ่งไปปิดประตูรั้ว ก่อนจะวิ่งตามพี่ธาวินเข้าไปในบ้าน

"ทำไมพี่จะนอนนี่ล่ะ"

"ถามอะไรเยอะแยะวะ"

"ก็คนมันสงสัยนี่หว่า"

"พรุ่งนี้ก็จะพามึงไปทำบุญแต่เช้าไง"


ผมพยักหน้ารับรู้ อย่างน้อยผมก็โล่งใจที่พี่มันไม่ได้จะหอบเสื้อผ้าไปนอนกับผู้หญิงคนไหน


"อีกอย่างกูรู้ว่ามึงไม่อยากอยู่คนเดียว....ในช่วงเวลาแบบนี้ กูก็เลยคิดว่ากูอยู่เป็นเพื่อนมึงดีกว่า ดีกว่าให้มึงไปเดินเรื่อยเปื่อยอยู่ข้างนอก"


พี่มันพูดเสร็จก็เดินขึ้นไปข้างบน และได้ยินเสียงตะโกนลงมาว่า

"กูนอนห้องมึงนะ"




ผมใช้มือจับลงที่หน้าอกด้านซ้ายมือของตัวเอง มันเต้นแรงจนจะทะลุออกมา ผมไม่รู้ว่าพี่มันรู้ได้ยังไงว่าผมคิดอะไรอยู่ พี่มันรู้ได้ยังไงว่าผมกลัว ผมอ้างว้าง ในการที่ต้องอยู่คนเดียวในช่วงเวลาแบบนี้


แต่เรื่องที่พี่มันยังไม่รู้ก็คือ พี่มันไม่เคยรู้ว่าผมไม่เคยตัดใจจากพี่มันได้เลย

และยิ่งพี่มันใจดีกับผมแบบนี้

ผมยิ่งตัดใจไม่ลง







TBC.



เอาคู่รองมาเปิดตัวแบบสั้นๆนะคะ



หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ธาวิน & ฟูจิ] 06/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 06-05-2019 14:24:50
ต้องจับพี่วินมาเขย่าๆ ป่ะ ความคิดสติจะได้เข้าร่องเข้ารอย หึงน้องซะงั้นแต่ยังลีลาเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ธาวิน & ฟูจิ] 06/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 06-05-2019 14:25:43
 :pig4: :pig4: :pig4:

ปากกับการกระทำมันสวนทางกันมากมายเลยนะ อิพี่วิน
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ธาวิน & ฟูจิ] 06/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 06-05-2019 17:52:18
สงสารฟูจิจัง
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ธาวิน & ฟูจิ] 06/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 06-05-2019 20:58:20
พี่วินนี่กำลังอยู่ช่วงทดสอบตัวเองหรืออะไร มาดีด้วยแบบนี้คนเขาก็รักดิ
แล้วก็หวงๆ อีก สงสารฟูจิ คนแอบรัก

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ธาวิน & ฟูจิ] 06/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 06-05-2019 21:04:22
สงสารฟูจิอ่ะ อีพี่แม่งทำเหมือนหวงน้องแต่ก็ทำร้ายจิตใจน้อง
ถ้าไม่รักน้องก็อย่ากลายร่างเป็นหมาหวงก้าง  :m16: :m16:

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ธาวิน & ฟูจิ] 06/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 06-05-2019 22:23:26
อยากจะจับนังพี่มาตี
ไปนั่งคุยกับตัวเองก่อนมั้ยที่ทำอยู่ตอนนี้คืออะไร
 :z3:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ธาวิน & ฟูจิ] 06/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 07-05-2019 00:06:04
สงสารรร


Sent from my iPad using Tapatalk
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ธาวิน & ฟูจิ] 06/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Caramel Syrup ที่ 07-05-2019 01:33:50
สงสารฟูจิบ้างพี่วิน ไม่รักไม่ต้อง....(ไปหาเพลงของนิวจิ๋วฟังซะ)   :angry2:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ธาวิน & ฟูจิ] 06/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 07-05-2019 09:40:30
ขออีกๆๆๆๆๆ
ขอพี่วินกะฟูจิอีกกกกกกกกกกกกกก
+1 รอๆๆๆ
 :mew3:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ธาวิน & ฟูจิ] 06/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 08-05-2019 22:05:23
สงสารน้องฟูจิมีคนปากแข็ง
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ธาวิน & ฟูจิ] 06/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 08-05-2019 22:40:18
ชอบคู่รองค่ะ
หน่วงๆแบบมีลุ้น
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ธาวิน & ฟูจิ] 10/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ninewara ที่ 10-05-2019 00:06:20
ธาวิน ❤️ ฟูจิ [2]



[ธาวิน part]



ผมหันไปมองคนที่กำลังนอนหลับสบายอยู่ข้างๆผม

...ฟูจิ...

ฟูจิเป็นเด็กรุ่นน้องที่อยู่แถวบ้าน รู้จักกันตั้งแต่เรียนอนุบาล เรียนโรงเรียนเดียวกันมาตลอดเป็นเด็กผู้ชายที่ผมสนิทสนมที่สุดในบรรดารุ่นน้องทุกคนเลยก็ว่าได้ แต่ความสัมพันธ์ที่มันเคยดีมากมาตั้งแต่แรกมันก็เปลี่ยนไป

เมื่อวันหนึ่งในตอนที่ผมอยู่มอสาม ขณะที่ผมยืนคุยกับเพื่อนพี่สาวอยู่ตรงบริเวณหลังบ้าน อยู่ๆเพื่อนพี่สาวก็จูบผม (ที่จริงมันแค่ปากแตะปากเท่านั้น) ผมเองก็ตกใจถึงแม้จะพอรู้ว่าเพื่อนพี่สาวน่าจะคิดอะไรกับผม แต่ผมไม่ได้สนใจ

ที่ทำให้ผมตกใจยิ่งกว่าก็คือการที่ฟูจิมันมาเห็นฉากจูบนี้พอดี และมันเข้ามาผลักเพื่อนของพี่สาวจนเขาล้มลง และมันยังไปพูดให้เขาเข้าใจผิดว่า ... ผมเป็นแฟนมัน

ความรู้สึกแรกของผมคือผมโมโหมันมากที่มันพูดแบบนั้นออกไป อารมณ์ของผมคือมึงปรึกษากูหรือยังว่ากูคิดเหมือนมึงมั้ย


'ถ้ามึงกำลังคิดอะไรกับกูอยู่ก็ขอให้มึงเลิกคิดซะ กูให้มึงได้แค่คำว่าพี่น้อง ถ้าเกินกว่านั้นกูคงให้ไม่ได้ เพราะกูไม่ได้ชอบผู้ชายและกูไม่ได้ชอบมึง กูจะเห็นแก่ความสัมพันธ์ที่ผ่านมา กูจะถือว่าเรื่องวันนี้ไม่เคยเกิดขึ้น'

ผมตะคอกใส่มันอย่างแรงด้วยคำพูดข้างต้น ตั้งแต่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กจนโตผมไม่เคยพูดหยาบคายกับมันแบบนี้มาก่อน ซึ่งถ้าผมพูดหยาบกับมันมาตั้งแต่แรกก็อาจจะดีกว่านี้ มันจะได้ไม่คิดว่าผมคิดอะไรกับมัน

และความรู้สึกที่ถัดมาจากความโมโห คือการที่ผมเสียความรู้สึก ผมไม่คิดว่าความใกล้ชิดสนิทสนมที่ผมมีให้มันมาตลอด กลับถูกมันมองไปในแบบชู้สาว แต่ถ้าถามว่าในใจลึกๆผมยังเป็นห่วงมันมั้ย ผมก็ยังคงเป็นห่วงเพราะมันก็เหมือนน้องชาย แต่ถ้าจะให้กลับไปสนิทหรือคลุกคลีกันเหมือนเมื่อก่อนมันคงจะไม่ได้แล้ว

ในตอนนั้นผมก็เลยเปลี่ยนแผนสำหรับชีวิตตัวเองในเรื่องเรียนใหม่ จากเดิมที่ผมได้โควต้าในการเรียนต่อมอปลายที่โรงเรียนเดิมได้อยู่แล้ว ผมก็เปลี่ยนเป็นลงสมัครสอบเข้ามอปลายที่โรงเรียนสาธิตของม.S แทน เหตุผลเพราะไหนๆผมก็ตั้งใจจะเรียนต่อที่ม.S อยู่แล้ว ผมก็น่าจะไปเรียนมอปลายที่โรงเรียนสาธิตของม.S ซะเลย

ที่พูดมาทั้งหมดนั้นล้วนเป็นของอ้าง


ที่จริงแล้วตอนนั้นผมอยากจะห่างจากฟูจิ ตอนนั้นฟูจิมันเพิ่งจะอยู่มอหนึ่ง มันคงจะแค่หวั่นไหวไปตามประสาเด็กผู้ชายที่กำลังเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นเหมือนผม ที่ผมเองก็เป็น ถ้าห่างกันไม่เจอกันผมว่ามันน่าจะดีกับเราทั้งคู่

พอผมไปเรียนที่โรงเรียนสาธิตของม.S ผมก็ย้ายไปอยู่คอนโดที่โน่นเลย ไม่ได้กลับมาบ้านบ่อยนักถึงแม้ว่าจะเป็นจังหวัดที่อยู่ติดกัน เพราะคนที่บ้านผมไปหาผมบ่อย แต่ทุกครั้งที่ผมกลับมาผมก็จะมีโอกาสได้เจอฟูจิมันบ้าง เจอในที่นี้หมายถึงเจอมันมาแอบดูผม

จนช่วงที่ผมเรียนมอหก ผมไม่ได้กลับมาที่บ้านเลยเพราะผมวุ่นวายทั้งเรื่องเรียน เรื่องหาที่เรียน เรื่องคะแนนสอบ วุ่นวายไปหมด จนพอผลที่ม.S ออกว่าผมผ่านการคัดเลือกเข้าเรียนต่อได้ ที่บ้านผมพวกญาติๆก็อยากจะเลี้ยงฉลองกัน นั่นทำให้ผมได้เจอกับฟูจิในรอบสองปีกว่าๆเห็นจะได้ ที่เจอกันไม่ใช่เพราะฟูจิมันมางานเลี้ยงด้วยหรอกนะ แต่ผมบังเอิญเจอมันตอนที่ผมเดินออกมาจากห้องน้ำ แล้วเดินสวนกับผู้ชายคนหนึ่งที่ใส่เครื่องแบบของพนักงานในร้าน และผู้ชายคนนั้นก็คือฟูจิ

ผมยอมรับเลยว่าผมตกใจที่เจอฟูจิในสภาพนี้ ทำไมมันต้องมาทำงานตอนนั้นมันเพิ่งจะอายุแค่สิบหกเท่านั้น พอผมเจอมันผมก็พยายามถามทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมต้องมาทำงาน แต่มันไม่ยอมบอก คุยกันได้ไม่นานมันก็ขอตัวไปทำงานต่อเพราะลูกค้าค่อนข้างเยอะ

หลังจากที่ทานข้าวกับญาติๆเสร็จแล้ว พอทุกคนแยกย้ายไปกันหมด ผมก็เลือกที่จะนั่งรอฟูจิมันอยู่ในรถที่ผมจอดไว้ที่แถวๆหน้าร้าน ไม่รู้ว่ามันจะเลิกงานตอนไหนแต่ไม่ว่ายังไงผมก็ต้องรู้ให้ได้ในคืนนี้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น

ผมนั่งรอฟูจินานมากตั้งแต่สามทุ่มกว่าๆ จนตอนนี้นาฬิกามันเลยเลขสิบสองมาแล้ว ผมถึงได้เห็นฟูจิมันเดินออกมา ฟูจิเดินมาตามทางเดินและกำลังจะเดินผ่านรถผมไป

"ฟูจิ" ผมเปิดประตูรถและเรียกฟูจิ ฟูจิชะงักและมองผมด้วยความตกใจ มันคงไม่คิดว่าผมจะรอ

"ขึ้นรถ" ผมบอก

"ขับรถเนี่ยมีใบขับขี่หรือยังเหอะ"

"แล้วอายุสิบหกเนี่ยทำงานร้านแบบนี้ได้แล้วเหรอ"

"ก็ร้านอาหารธรรมดาอะ"

"อายุสิบแปดทำใบขับขี่ได้แล้ว"

ผมก็ไม่รู้ว่าผมกับมันเรากำลังทำอะไรกันอยู่กันแน่ว่ะ

"ขึ้นรถ จะไปส่ง" ผมพูดอีกครั้งก่อนที่ในที่สุดฟูจิตัดสินใจเปิดประตูด้านข้างคนขับขึ้นมานั่ง

ผมขับรถมาส่งฟูจิถึงบ้านโดยที่เราสองคนไม่ได้พูดอะไรกันเลย ผมจอดรถที่หน้าบ้านฟูจิ ตั้งใจว่าจะคุยกับมันในรถ

"มึงยังไม่ตอบกูเลยนะว่าทำไมมาทำงานที่ร้านอาหาร" ผมถาม

"ก็ไม่ทำไม ก็อยากได้ตังค์อะ"

"จะเก็บเงินไปซื้ออะไร แล้วอายุสิบหกเนี่ยเขาก็รับเหรอ"

"มันก็เป็นแค่ร้านอาหารธรรมดาๆ"

ผมกำลังจะถามต่อ แต่ฟูจิมันพูดขัดขึ้นมาก่อน

"พี่วินจะคุยอีกยาวหรือเปล่า เข้าไปคุยในบ้านก็ได้ ผมอยากอาบน้ำ"

"แล้วจะไม่กวนพ่อกับแม่เหรอ มันดึกมากแล้ว" ผมถามเพราะผมจำได้ว่าพ่อแม่ของฟูจินอนเร็วและค่อนข้างเจ้าระเบียบ กลัวเสียงดังแล้วท่านจะตื่น

ผมเห็นฟูจิชะงักเล็กน้อย

"ไม่กวนหรอก" ฟูจิบอก ก่อนที่จะเปิดประตูรถและเดินลงไป ตัวผมก็จัดการดับเครื่องรถและเปิดประตูเดินตามฟูจิเข้าไปในบ้าน

"ไม่เห็นรถ แสดงว่าพ่อกับแม่ไม่อยู่" ผมพูดขึ้น เพราะที่บ้านของฟูจิจะมีรถยนต์อยู่คันหนึ่งเป็นของพ่อและแม่ฟูจิใช้ด้วยกัน

"ครับ ไม่อยู่"

ฟูจิตอบแค่นั้นแล้วก็ไขกุญแจบ้าน แล้วเดินไปเปิดไฟจนทั่วบ้าน

"ผมขึ้นไปอาบน้ำแป๊ปหนึ่งนะ พี่นั่งดูทีวีรอไปก่อน"

ฟูจิเปิดทีวีก่อนที่จะยื่นรีโมทมาให้ผม ผมก็พยักหน้ารับรู้ หลังจากที่ฟูจิเดินขึ้นไปข้างบนแล้ว ผมก็มานั่งพิจารณามองดูรอบๆบ้าน ตั้งแต่ที่ผมไม่ได้คุยกับฟูจิเมื่อหลายปีก่อนผมก็ไม่เคยมาที่บ้านนี้เลย แต่ถึงมันจะผ่านมาหลายปี ในความทรงจำของผม ผมว่าบ้านหลังนี้มันเคยสดชื่นกว่านี้ ตอนที่เดินเข้ามาในบริเวณบ้านถ้าสายตาผมมองไม่ผิด ผมว่าผมเห็นเศษใบไม้เกลื่อนไปหมด ซึ่งไม่น่าเป็นไปได้ที่พ่อของฟูจิจะปล่อยไว้แบบนั้น เท่าที่ผมจำได้ท่านเป็นคนที่รักต้นไม้และชอบดูแลต้นไม้มากๆ

ผมถือวิสาสะเดินไปที่ห้องครัว ผมเปิดตู้เย็นดูก็ต้องประหลาดใจเพราะในตู้เย็นมีแค่น้ำเปล่าสองขวดเท่านั้น ซึ่งต่างจากเดิมที่ผมเคยมาเมื่อหลายปีก่อน ที่ปกติตู้เย็นที่นี่จะต้องอัดแน่นไปด้วยของสดและของกินต่างไป

มือผมไปจับโต๊ะทานข้าวก็สัมผัสได้เลยว่าบนโต๊ะทานข้าวเต็มไปด้วยฝุ่น และเมื่อผมมองดีๆข้าวของต่างๆก็มีฝุ่นเกาะเหมือนกัน มันอาจจะไม่ใช่ฝุ่นที่หนาเตอะอะไร แต่ถ้าคุณได้รู้จักแม่ของฟูจิ คุณจะรู้ว่าแม่ของฟูจิจะไม่ปล่อยให้ของในบ้านมีฝุ่นเกาะแบบนี้แน่นอน

ผมกลับมานั่งที่เก้าอี้ในห้องรับแขกตามเดิม ไม่นานมากฟูจิก็เดินลงมา และเดินเข้าไปในครัว ผมก็เลยลุกเดินตามไป

"ผมลืมถามพี่เลยว่าพี่จะกินอะไรมั้ย ถ้าพี่จะกินผมมีแต่มาม่านะ"

ฟูจิเปิดตู้ที่อยู่บนเคาน์เตอร์ครัว และหยิบบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปออกมาสองซอง มันแกะบะหมี่ใส่ชามและเติมน้ำก่อนจะเอาไปเข้าไมโครเวฟ และมานั่งรอที่โต๊ะทานข้าว ผมเองก็นั่งลงตรงข้ามกับมัน

"ดีใจด้วยนะพี่ ที่พี่ได้เรียนม.S อย่างที่พี่ตั้งใจ" ฟูจิมันพูดขึ้นมา

"อืม ขอบใจ แล้วมึงเป็นไง เอาคำตอบแบบดีๆซิ ว่าทำไมต้องไปทำงาน"

"ก็อยากเก็บตังค์ อยากได้ตังค์ อย่างที่บอก"

"ออกไปทำงานแบบนี้พ่อกับแม่ไม่ว่าเหรอวะ กลับก็ดึก"

"ไม่ได้ทำทุกวันหรอก ทำแค่อาทิตย์ละสี่วัน"

เสียงไมโครเวฟดังขึ้น ฟูจิลุกไปหยิบชามที่ใส่บะหมี่ออกมา แล้วมาวางไว้บนโต๊ะทานข้าว

"พี่วิน กินมั้ย" ฟูจิถามผม

ผมชอบเวลาที่มันเรียกผมว่า 'พี่วิน' มากกว่าที่มันจะเรียกผมว่า 'พี่' เฉยๆ

"ไม่อะ แล้วไม่มีอะไรที่มันดีมากกว่ามาม่าแล้วหรือไงวะ"

"ปกติก็จะเดินไปกินก๋วยเตี๋ยวตรงหน้าเซเว่นปากซอย แต่พอนั่งรถมากับพี่ ผมก็เลยไม่ได้แวะ"

"ทำไมไม่บอกว่ะ คราวหน้าต้องบอกล่ะ"

"ยังจะมีคราวหน้าอีกเหรอ" ฟูจิมันถามผม

พอเวลาผ่านไปผมก็เริ่มจะลืมๆไปบ้างแล้วว่าฟูจิมันเคยพูดอะไรไว้เมื่อหลายปีก่อน อันที่จริง มันก็แค่บอกเพื่อนพี่สาวผมว่า 'มาจูบแฟนผมทำไม' แต่หลังจากนั้นผมก็ไม่เคยถามอะไรจริงจังว่ามันคิดกับผมมากกว่าพี่ชายจริงมั้ย แต่การที่ผมพูดชัดเจนออกไปในวันนั้น และฟูจิมันก็ไม่ได้โต้แย้ง ผมก็ถือว่าเป็นการยอมรับโดยปริยาย

ผมเลือกที่จะเงียบและไม่ตอบสิ่งที่ฟูจิมันถาม ฟูจิมันก็ไม่ได้ถามอะไรผมอีกนอกจากก้มหน้าก้มตาทานบะหมี่

ทานไปได้สักพักฟูจิก็ลุกขึ้นไปเปิดเอาน้ำในตู้เย็นมาดื่ม

"แล้วนี่ในตู้เย็นไม่เห็นมีอะไรเลยมีน้ำเปล่าแค่สองขวด"

ผมถามและเห็นมือของฟูจิที่กำลังจับแก้วน้ำสั่นเล็กน้อย

"ผมไม่ค่อยได้กลับบ้าน ไม่รู้จะซื้อของแช่ไว้ทำไม"

ผมว่ามันต้องมีอะไรแปลกๆแล้วล่ะ เพราะถึงฟูจิมันไม่ค่อยอยู่แต่พ่อและแม่ก็ต้องอยู่บ้าน จะบอกว่าเป็นเพราะมันไม่ค่อยกลับบ้านคงไม่ใช่เหตุผล

"ตกลงเกิดอะไรขึ้นกันแน่ฟูจิ มึงจะพูดได้หรือยัง" ผมถามและเริ่มจะหงุดหงิดขึ้นมาแล้ว

ฟูจิมันไม่พูดอะไร มันนั่งทานบะหมี่ของมันต่อจนเสร็จ ผมก็นั่งมองมันไปแบบนั้น พอมันทานเรียบร้อยมันก็เอาชามไปล้างหลังจากที่มันล้างชามเสร็จ มันก็ยืนหันหลังให้ผมนิ่งๆสักพักหนึ่ง ก่อนจะหันมาหาผม

"ไปคุยกันที่ห้องรับแขกดีกว่าครับ"

ผมพยักหน้าและเดินนำมันออกไปก่อน พอไปถึงผมก็นั่งลงตรงโซฟา ฟูจิเดินตามมานั่งลงบนโซฟาอีกตัว ตอนนี้มีแค่เสียงของทีวีที่ฟูจิเปิดไว้ตั้งแต่ก่อนที่จะขึ้นไปอาบน้ำ ช่วยให้บ้านไม่เงียบจนเกินไป

"พ่อกับแม่ผมเสียไปได้หลายเดือนแล้วครับ อุบัติเหตุรถคว่ำ"

ฟูจิพูดขึ้นมา เสียงไม่ได้ดังมากนักแต่ผมก็ได้ยินชัดเจน จนไม่จำเป็นต้องให้มันพูดซ้ำ ใจผมหล่นไปอยู่ที่พื้น ผมไม่เคยรู้เลย

"ตั้งแต่เมื่อไหร่"

"ประมาณสามสี่เดือนครับ"

"แล้วที่ต้องทำงานเพราะไม่มีเงินเหรอ"

"........"

"เลิกทำไปเลย กูช่วยมึงได้"

"ไม่ต้องช่วยผมหรอก ผมไม่ได้ลำบากขนาดนั้น ผมมีเงินในบัญชีที่พ่อแม่ฝากไว้ให้ไม่ได้เยอะมากแต่ก็ไม่ได้ทำให้ผมลำบาก ที่ผมทำงานเพราะผมอยากได้เงินเพิ่มกว่าเดิมอีกสักนิด"

"ทำไมไม่บอกกู ทำไมไม่โทรหา" ผมโคตรโมโหมันเลยตอนนี้

"พี่แน่ใจเหรอว่าถ้าเห็นเบอร์ผมแล้วพี่จะรับ" คำถามนี้ทำให้ผมนิ่งไป ผมเองก็ตอบไม่ถูกว่าถ้ามันโทรหาผมจริงๆผมจะรับสายมันมั้ย เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องวันนั้นมันก็ไม่เคยโทรหาผมอีกเลย

"ยังไงกูก็เห็นมึงเป็นเหมือนน้องชายกู" ผมตอบในสิ่งที่ตรงกับใจผมมากที่สุด

"แต่พี่ก็รู้ว่าผมไม่เคยคิดกับพี่แบบพี่ชาย" ฟูจิมันพูดออกมา

"ฟูจิ" ผมเรียกชื่อมันอย่างอ่อนใจ

"พี่วิน ถ้าพี่จะมาดีกับผมเพราะพี่สงสารชีวิตผมตอนนี้พี่ไม่ต้องนะ ผมบอกแล้วว่าผมไม่ได้ลำบากและผมก็ไม่ได้อยากให้ใครมาสงสาร" ฟูจิมันพูดและถ้ามองไม่ผิด น้ำตามันกำลังคลอ

ผมไม่อยากเห็นน้ำตาของมัน ผมก็เลยลุกขึ้นยืนแล้วหันหลังให้มัน

"กูยังอยากเป็นพี่น้องกับมึงนะฟูจิ ถ้ามึงคิดเหมือนกันกับกู ยังอยากเป็นน้องชายกูอยู่ กูขอแค่คำตอบสั้นๆว่าโอเค แล้วกูจะลืมว่ามึงรู้สึกยังไงกับกู แล้วเราจะไม่พูดเรื่องนี้กันอีก แต่ถ้าไม่ กูจะถือว่าความเงียบของมึงคือคำตอบ"

อาจจะดูเหมือนผมใจร้ายที่พูดแบบนี้กับมัน แต่ผมก็อยากให้มันตัดสินใจ ผมเองก็ไม่อยากเสียน้องอย่างมันไปแต่ถ้าจะให้คิดเกินกว่านี้มันก็ไม่ได้


"ดึกมากแล้วพี่กลับเถอะ" ฟูจิเงียบอยู่นานก่อนที่จะพูดออกมา ผมถอนหายใจหนักๆ แสดงว่ามันเลือกแล้วสินะ

ผมไม่พูดอะไร ผมเดินมาที่หน้าประตูรั้วและฟูจิมันก็เดินตามผมมา ผมกำลังจะก้าวขึ้นรถฟูจิมันก็เรียกผมไว้

"พี่วิน"

ผมมองหน้ามัน

"ผมไม่ค่อยเก่งภาษาอังกฤษ ขอพูดเป็นภาษาไทยแทนก็ล่ะกัน ... ตกลง "

กว่าผมจะเข้าใจในสิ่งที่ฟูจิมันสื่อมา ฟูจิมันก็เดินเข้าไปในบ้านหลายนาทีแล้วครับ แล้วผมก็มานั่งหัวเราะขำฟูจิในรถ ไม่เก่งภาษาอังกฤษอะไรล่ะ มันได้เกรดสี่ภาษาอังกฤษตลอด



ที่ผมเล่ามาทั้งหมดข้างต้นคือเหตุการณ์เมื่อประมาณสามปีที่แล้ว แต่เหตุการณ์ปัจจุบันคือผมมานอนที่บ้านของฟูจิเพราะพรุ่งนี้ผมจะพามันไปทำบุญให้พ่อกับแม่ของฟูจิที่วัด ฟูจิมันชอบทำตัวเข้มแข็งแต่มันชอบแอบร้องไห้คนเดียวบ่อย และมันก็ชอบคิดว่าผมจำเรื่องอะไรต่างๆของมันไม่ได้

คุณเคยเป็นมั้ย? เรื่องบางอย่างเราก็ไม่ได้ตั้งใจจะจำแต่เรากลับนึกมันได้ทันทีที่เห็นหรือเจอ

เรื่องของฟูจิ สำหรับผมก็เป็นแบบนั้นแหละ ผมจำเรื่องของฟูจิได้ดีจนตัวเองยังแปลกใจ


เช้าวันต่อมา

หลังจากที่ผมพาฟูจิมันไปทำบุญให้พ่อกับแม่เรียบร้อย ผมก็ปล่อยให้มันนั่งอยู่ตรงศาลาริมน้ำที่อยู่ภายในวัด ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เอาไว้ปล่อยปลาและให้อาหารปลา ฟูจิมันจะเป็นแบบนี้เสมอทุกครั้งที่มาทำบุญ หลังจากทำเสร็จมันจะมานั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยของมันที่นี่ ผมเคยนั่งรอมันถึงสองชั่วโมงกว่า ซึ่งมันก็เก่งดีที่มันนั่งอยู่เฉยๆได้ตั้งสองชั่วโมง

เวลาที่ฟูจิมันไปนั่งที่ศาลาริมน้ำผมก็จะนั่งรอมันอยู่ใกล้ๆ ผมก็นั่งเล่นมือถืออะไรของผมไปฆ่าเวลารอมัน แต่วันนี้ไม่ถึงสามสิบนาทีฟูจิมันก็เดินมาหาผม

"ทำไมวันนี้เร็ว" ผมถามด้วยความแปลกใจ

"ผมมาคิดได้ว่า พ่อกับแม่คงไม่อยากให้ผมเศร้านานและจมอยู่แบบนี้แน่ๆ ถ้าท่านรู้ก็คงไม่สบายใจ"

"คิดได้แบบนี้ก็ดีแล้ว"

ผมเห็นด้วยกับมัน

"แล้วก็....รวมถึงเรื่องพี่ด้วย"

ฟูจิพูดต่อ

"เรื่องกู?"

"ครับ ผมคิดว่าผมจะเลิกเศร้าเรื่องพี่ แล้วก็เปิดรับคนใหม่เข้ามาบ้างดีกว่า เศร้ามาหลายปีแล้ว อยากยิ้มได้เหมือนกับคนอื่นเขาบ้าง" ฟูจิพูดพร้อมกับยิ้มให้ผม แล้วก็เดินนำผมไป


แต่ในใจผมนี่สิ

เชี่ยยยยแล้ว


ผมรีบเดินตามฟูจิมาถึงที่รถที่จอดอยู่ริมถนนหน้าวัด ผมปลดล็อครถและฟูจิก็ขึ้นไปนั่ง ผมเดินตามขึ้นไปนั่งที่นั่งคนขับ ผมสตาร์ทรถเอาไว้แต่ยังไม่ขับออกไป

"พี่วินกินไรอะ" ฟูจิถามผมด้วยคำถามปกติอย่างที่มันเคยถาม แต่ผมกลับรู้สึกว่ามันไม่ใช่เวลาที่จะมาพูดเรื่องกินหรือเปล่าวะ

"เดี๋ยว ที่มึงพูดเมื่อกี้หมายความว่าไง"

"อะไร ก็ถามว่าพี่จะกินอะไรไง"

"กูหมายถึงที่มึงบอกจะเปิดรับคนใหม่อะไรของมึงนั่นไง"

"อ๋อ ก็ตามนั้น" ฟูจิมันตอบและมองผมอย่างงงๆ

"มึงจะหาผู้ชายใหม่ว่างั้น"

"อาจจะเป็นผู้หญิงก็ได้" ฟูจิมันตอบสบายๆจนผมหงุดหงิด

"มึงนี่ยังไงวะ เกย์ที่ไหนจะชอบผู้หญิง"

"ผมเคยบอกพี่แล้วไงว่าผมไม่ได้เป็นเกย์ ผมแค่ชอบพี่อะ ผู้ชายคนเดียวที่ผมชอบคือพี่" ฟูจิมันหันมาพูดกับผมด้วยแววตาจริงจัง

"ถ้ากูเป็นผู้ชายคนเดียวที่มึงชอบ แล้วมึงจะหาคนใหม่ทำไมวะ"

"พี่เป็นอะไรหรือเปล่าเนี่ย" ฟูจิมันมองผมด้วยความไม่เข้าใจ

อย่าว่าแต่มันเลยที่ไม่เข้าใจ
ตัวผมยังไม่เข้าใจตัวเองเลยตอนนี้




ผมขับรถออกมาในเมืองและวนขับหาร้านอาหาร ในใจผมมันก็ยังค้างคาใจกับสิ่งที่ฟูจิมันพูดก่อนหน้านี้

"แล้วมึงอยู่แบบโสดๆไม่มีแฟนไม่มีใครไม่ได้หรือไงวะ" ผมเริ่มถาม

"มันก็ได้ แต่บางทีเห็นคนเก่งกับพี่เต็ม มันก็รู้สึกอิจฉานิดๆ"

"มีหน้าที่เรียนก็เรียนไปเถอะ ไม่ต้องคิดเรื่องมีแฟนหรอก"

"ทีพี่ยังควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าเลย" ฟูจิมันพูดแล้วเบือนหน้าหนีผม

"นั่นควงไง ไม่ใช่แฟน"

"ไม่ใช่แฟนแต่ก็ฟีทเจอริ่งกันได้อ่ะนะ" ฟูจิมันพูดตอนนี้น้ำเสียงมันดูจะหงุดหงิดขึ้นมาแล้ว

"กูว่าพอเถอะ เหมือนยิ่งพูดยิ่งทะเลาะกัน อย่ามาทะเลาะกันในวันแบบนี้เลย" ผมพูดเพราะนึกขึ้นมาได้ว่าวันนี้ผมอยากให้มันรู้สึกแย่


ทั้งผมทั้งฟูจิต่างก็เงียบ ก่อนที่ฟูจิจะพูดขึ้นมาว่า

"ผมไม่มีแฟนก็ได้แค่หาคนมาฟีทเจอริ่งเหมือนที่พี่ทำก็พอ"

ผมเบรครถกะทันหันเลยครับ

"พี่วิน!ทำอะไรเนี่ย" ฟูจิมันโวยวายผม ก่อนมันจะหันไปมองข้างหลังว่ามีรถตามหลังมามั้ย

"ดีนะ ไม่มีรถขับตามมา" ฟูจิมันพูด

แต่ผมไม่มีอารมณ์อยากจะคุยหรืออะไรด้วยเลย

"พี่เป็นอะไร" ฟูจิถามผม และผมไม่มีคำตอบให้

แค่คิดภาพว่ามันจะไปมีอะไรกับคนอื่นผมก็รู้สึกเหมือนใจมันหวิวๆแล้ว

"พี่วิน" ฟูจิเรียกผมด้วยน้ำเสียงที่รู้เลยว่ามันเป็นห่วงผม

ผมแค่มองหน้ามันและขับรถออกมา ขับมาไม่ไกลนักผมก็จอดรถที่หน้าร้านอาหารร้านหนึ่ง แต่ก่อนที่จะลงจากรถ ผมก็พูดออกมาว่า

"ฟูจิ มึงอย่าเพิ่งมีแฟนได้มั้ยวะ"

"......."

"อยู่เป็นน้องชายของกูก่อนไม่ได้เหรอว่ะ"





TBC.

หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 19) 10/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ninewara ที่ 10-05-2019 00:15:19
✿ เติมเต็มรัก ✿ ครั้งที่ 19


[เติมเต็ม part[




จากวันนั้นที่ไลฟ์สดขอคนเก่งเป็นแฟนก็มาผ่านมาสี่วันแล้วครับ ซึ่งผลตอบรับส่วนใหญ่เป็นในทางที่ดี ผมได้รับเสียงชื่นชมว่าใจกล้าและมีคนเข้ามาบอกว่าอิจฉาคนเก่งเยอะพอสมควร

แต่มีอยู่คนหนึ่งครับที่ไม่ค่อยโอเคกับสิ่งที่ผมทำ

คนที่คุณกำลังคิดนั่นแหละครับ



ขอย้อนกลับไปเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาสักเล็กน้อยครับ

คนเก่งมารู้ว่าผมไลฟ์สดก็วันต่อมาที่มามหาวิทยาลัยแล้ว เพราะเพื่อนสนิทเป็นคนบอก คนเก่งรู้ตั้งแต่เช้าที่มาถึงแต่น้องไม่ทักมาถามผมและน้องก็ไม่ตอบไลน์ ไม่อ่านไลน์ผมเลย โทรหาก็ไม่รับ จนผมต้องมาหาถึงที่คณะ ซึ่งตอนนั้นผมยังไม่รู้ว่าคนเก่งรู้เรื่องไลฟ์แล้ว และไม่รู้ด้วยว่าน้องงอนผมเรื่องนี้

และพอมาถึงที่คณะของคนเก่ง น้องก็นั่งอยู่โต๊ะประจำของน้องตอนที่ผมเดินมาหาน้อง มีคนมองมาที่พวกเรากันพอสมควร ก็...นะ ผมเล่นไลฟ์สดขนาดนั้น พวกเพื่อนผมมันอัดไลฟ์ไว้ให้ผมด้วย มันบอกคนเข้ามาดูเยอะมาก

"ทำไมไม่ตอบไลน์พี่เลย" ผมถามคนเก่งทันทีที่นั่งลงข้างน้อง

"......." น้องไม่ตอบครับ

ผมเงยหน้ามองเพื่อนของคนเก่งทั้งสองคน แต่ทั้งสองคนส่ายหน้าประมาณว่าไม่รู้เหมือนกัน แล้วฟูจิกับส้มส้มก็ลุกขึ้นไปนั่งโต๊ะอีกตัวถัดไป พวกเพื่อนผมที่เดินมาด้วยกันก็เลยย้ายไปนั่งด้วย

"เป็นอะไร" ผมถาม และเหมือนเดิมครับน้องเงียบ เงียบเหมือนผมไม่มีตัวตนไม่หันมามองผมเลย

"คนเก่ง เป็นอะไรครับ" ผมจับมือน้องที่วางอยู่บนโต๊ะ น้องไม่ได้ผลักไสหรือดึงมือออก ผมใช้มืออีกข้างจัดผมให้น้อง

"โกรธอะไรพี่หรือเปล่า"

"......"

"เพิ่งเป็นแฟนกันเมื่อวานเองนะ" ผมพยายามทำเสียงอ้อนที่สุดเท่าที่จะทำได้ จนรู้สึกอายตัวเองเหมือนกัน

คนเก่งหันมามองผมตรงๆและถามออกมา

"ผมเพิ่งรู้ว่าเมื่อวานตอนที่อยู่ร้านอาหารพี่ไลฟ์สดด้วย"

น้ำเสียงคนเก่งไม่แสดงอารมณ์อะไรเลยครับ ค่อนข้างเรียบเฉย


งานเข้าผมเฉยเลย


"ไม่อยากให้ไลฟ์เหรอ"

"ครับ"

"ทำไมล่ะ"

"พี่เต็มไม่อายคนอื่นเขาเหรอที่อยู่ๆมาขอผู้ชายเป็นแฟนอะ"

"อายทำไม จูบโชว์ยังได้เลยเนี่ย"

"พี่เต็ม...เป็นคนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย ผมจริงจังอยู่นะ"

ผมลูบหัวลูบหลังคนเก่งเพื่อปลอบให้น้องใจเย็นๆ

"พี่ก็แค่อยากให้คนเก่งรู้ว่าพี่ชัดเจนนะ พี่อยากให้เรารู้ว่าพี่ไม่ได้รู้สึกแย่หรืออายใครที่เราเป็นแฟนพี่ พี่ก็เลยคิดว่าวิธีนี้มันน่าจะดีที่สุด ถ้าใครที่กำลังคิดจะเข้ามาจีบเรา มันจะได้เลิกคิดด้วย"

"ใครจะมาจีบผมล่ะครับ"

"ไม่รู้ล่ะ อย่างน้อยก็มีไอ้วินนั่นคนหนึ่ง"

"......"

"หายโกรธนะ ไม่รู้ว่าไม่ชอบ ขอโทษครับ"

"ไม่ได้โกรธครับ ผมแค่...คือ ... ผมไม่ได้น่ารักขนาดที่จะมาถ่ายอะไรแบบนี้ แล้วฟูจิบอกว่าไลฟ์นานมาก หน้าตาแย่ๆของผมมีคนดูตั้งเยอะ แถมเมื่อวานก็ร้องไห้ด้วย ต้องมีคนว่าพี่แน่ว่าเลือกใครมาเป็นแฟนไม่เห็นจะเหมาะเลย"

"มีคนพูดให้ได้ยินเหรอ"

"เปล่าครับ แต่ต้องมีคนพูดอยู่แล้ว"

"ใครๆก็บอกว่าเราน่ารักทั้งนั้นแหละ"

คนเก่งถอนหายใจออกมา

"เพิ่งรู้ว่าร้ายแบบนี้ เนี่ยตั้งแต่ที่โพสต์รูปตอนนอนหลับแล้วนะ"

พอได้พูดน้องพูดยาวเลยครับ ข้อหาเพิ่มขึ้นมาอีกอย่าง

"รู้ว่าร้ายตอนนี้ ก็เปลี่ยนใจไม่ได้แล้วนะ"

ผมรีบพูดเพราะกลัวคนเก่งบอกไม่เป็นแฟนแล้ว

ผมได้ยินเพื่อนผมมันซุบซิบกันและหัวเราะผมประมาณว่าผมเปลี่ยนไปเยอะเลยพอมีแฟน แต่ผมไม่ได้สนใจ

ได้ยินเสียงคนเก่งถอนหายใจอีกครั้ง

"ไม่ทำแบบนี้แล้วนะ ผมอาย"

คนเก่งบอกผมด้วยเสียงไม่ดังมากนัก

"ครับๆไม่ทำแล้ว" ผมใช้มือลูบผมน้องเบาๆ

"ไม่งอนแล้วเนอะ" ผมพูดกับน้องอีกครั้ง และน้องก็พยักหน้าผมอดไม่ได้ก็เลยจูบลงบนผมน้องไปครั้งหนึ่ง น้องมองผมด้วยความตกใจก่อนจะรีบหันไปมองว่าเพื่อนตัวเองมองอยู่หรือเปล่า ทุกคนก็เหมือนจะรู้งาน พร้อมใจกันหันไปมองทางอื่นกันหมด แต่น้องก็รู้แหละว่าทุกคนเห็นหมด




ว้าปกลับมาที่ปัจจุบัน

วันนี้ผมมีแข่งบาสรอบชิงชนะเลิศครับ ผมไปรับคนเก่งมาตั้งแต่ที่เรียนเสร็จไม่งั้นคนเก่งก็อาจจะเถลไถลไม่มาสักทีถ้าไม่ถึงเวลาแข่ง ใครจะว่าผมโอเว่อร์ก็ช่าง แต่มันผิดเหรอถ้าผมอยากให้แฟนมาอยู่รอผมแข่ง

"ทำไมพี่เต็มให้ผมมาเร็วจัง อีกนานกว่าจะแข่ง"

"ก็ไม่ได้ทำอะไรไม่ใช่เหรอมาก่อนเวลาก็ไม่เห็นเป็นไร"

"ก็มันแปลกๆนี่ครับ ดูสิ ให้ผมมานั่งรอในห้องพักนักกีฬาแบบนี้"

"ไม่มีใครว่าหรอก"

ตอนนี้ในห้องพักนักกีฬาของทีมวิศวะ เริ่มมีพวกนักกีฬามากันแล้ว และทุกคนก็ดูจะมีปฏิกิริยาคล้ายๆกันที่เจอคนเก่งที่นี่



"โอ้ยยยย อิจฉาว่ะ อยากมีแฟนมานั่งเฝ้าแบบนี้บ้างจัง"

"ถ้าเป็นพี่ น่ารักขนาดนี้ไม่ต้องรอถึงห้าปีบอกเลย"




สารพัดคำแซวที่พอจะนึกได้ พวกในทีมสรรหามาแซวเต็มไปหมด ผมก็ได้แต่น้อมรับคำแซวนั้นแต่คนเก่งเอาตั้งแต่เขินอย่างเดียว

จนพอมองดูเวลาแล้วได้เวลาที่จะต้องไปเตรียมตัวข้างสนาม พวกเพื่อนในทีมก็พากันเดินออกไป


"ปะ ได้เวลาแล้ว" ผมชวนคนเก่ง

"พี่เต็มเดินออกไปก่อนเลยครับ"

"ไปพร้อมกับพี่ กลัวอะไร"

"พี่เต็มมมมม..." เสียงน้องโอดครวญ

"มีพี่อยู่กลัวอะไร ปะ ลุก"

คนเก่งทำหน้ามุ่ย ก่อนจะหยิบกระเป๋าสะพายที่ใส่มือถือและกระเป๋าสตางค์ของผมไว้ พอคนเก่งลุกขึ้นยืนผมก็ไปจับมือน้องไว้

"ไม่จับมือครับ"

"ครับๆไม่จับก็ไม่จับ"

ผมยอมตามใจเพราะดูน้องจะทำตัวไม่ถูกจริงๆ วันนี้เท่าที่ผมทราบและที่พวกเพื่อนๆผมบอกมาคือคนมาดูเยอะเพราะเป็นรอบชิง และมีคนที่จำนวนไม่น้อยที่อยากมาเจอผมและคนเก่งแบบตัวเป็นๆ สำหรับผมคนส่วนใหญ่ก็จะรู้จักก็จะเคยเจอผมอยู่แล้ว แต่กับคนเก่งไม่เคยมีใครรู้จักน้องมาก่อน จนวันที่ผมไลฟ์สดลงไอจี ถึงได้มีคนรู้จักน้อง

และคนเก่งเองก็ได้ยินพวกเพื่อนๆผมพูดให้ฟังแล้วเหมือนกันว่ามีคนจะมารอดูคนเก่งตัวจริงกันเยอะ น้องเลยดูกังวลใจมาก

"พี่เต็ม" น้องเรียกผมอีกครั้ง

"หืม?"

"ผมรออยู่ในนี้ได้มั้ย"

"เฮ้ย!! ไม่ได้ครับ จะมารออยู่ในนี้ได้ไง ไม่อยากดูพี่แข่งเหรอ"

"อยากสิครับ แต่ว่าผมกลัว...กลัวมีคนว่าพี่อะ ว่ามีแฟนเป็นผู้ชายไม่พอ แถมยังขี้เหร่อีก ไม่เหมาะสมกับพี่เลย"

ผมดึงคนเก่งมากอด

"เหมาะสมหรือไม่ พี่เป็นคนตัดสินใจเองไม่ใช่คนอื่น ถ้ามีคนมาว่าพี่ตรงๆก็ดีสิจะได้จัดการไปเลย ดีกว่าพวกที่แอบว่าลับหลัง สูดลมหายใจลึกๆนะ และขอย้ำคำเดิม มีพี่อยู่ไม่ต้องกลัว"


ผมปล่อยคนเก่งออกจากอ้อมกอด เห็นน้องสูดหายใจเข้าลึกๆ ผมยื่นมือไปให้น้องจับและน้องก็ยื่นมือจับมือผมไว้ ผมยิ้มด้วยความพอใจ


ผมจับมือกับคนเก่งและพาคนเก่งเดินออกมาที่สนาม ผมหันไปมองคนเก่งเห็นน้องเดินก้มหน้าไม่มองใครเลย ผมมองไปรอบๆสนาม คนเยอะกว่าที่คิดเอาไว้ครับ แต่ไม่ใช่เพราะพวกเขาจะมาดูผมหรือคนเก่งหรอกนะ วันนี้ทีมที่แข่งกับผมก็เป็นทีมที่มีกองเชียร์อยู่เยอะไม่ต่างจากวิศวะสักเท่าไหร่ คนดูก็เลยจะเยอะเป็นพิเศษ




"นั่นไงๆ มาแล้ว โอ้ย!!เขาเดินจับมือกันมาด้วย"

"เห็นน้องชัดมั้ย ถ่ายได้มั้ย"

"พี่เต็ม!มองทางนี้หน่อยค่ะ"

"โอ๊ยยยย...ตัวจริงน้องขาวมาก"



ระหว่างที่ผมพาน้องเดินผ่านที่นั่งของกองเชียร์ ผมจะได้ยินเสียงพูดถึงผมกับน้องตลอดทาง ตะโกนเรียกชื่อก็มี จนผมพาน้องเดินมาถึงที่นั่ง ผมให้น้องนั่งลงก่อนและผมก็นั่งลงข้างๆ

"มือเย็นจัง"

"ก็มันตื่นเต้นนี่"

"เดี๋ยวพี่ไปวอร์มร่างกายก่อน"

ผมลุกขึ้นยืน ก่อนที่จะใช้มือไปขยี้ผมน้องเบาๆ ผมว่าผมได้ยินเสียงกรี๊ดดังมาแว่วๆด้วย


หลังจากที่วอร์มร่างกายเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมก็เดินกลับมายืนอยู่ตรงหน้าคนเก่งที่นั่งอยู่ ไอ้ธรณ์มันก็เดินมายืนอยู่ใกล้ๆ

"แฟนคลับมึงเยอะชิบ"

"เขาก็ไม่ได้มาดูกูคนเดียวรึเปล่าวะ"

"ไงมึง เพื่อนสะใภ้ เงียบจังวันนี้" ไอ้ธรณ์มันถามคนเก่ง

"เพื่อนสะใภ้อะไรล่ะครับ" คนเก่งตอบ

"แฟนเพื่อนกูก็เป็นเพื่อนสะใภ้กูอะ หรือกูลำดับผิด" ไอ้ธรณ์มันแซว

"น้องมันทำตัวไม่ถูกคนเยอะ" ผมบอก

"ความผิดใครล่ะ อยากไลฟ์ดีนัก" ไอ้ธรณ์มันว่าผม

"ถึงย้อนเวลากลับไปได้ กูก็จะยังทำเหมือนเดิม"
ผมมองคนเก่งและคนเก่งก็ส่งยิ้มให้ผม

"เลี่ยนชิบหาย ได้เวลาแล้วมึง" ไอ้ธรณ์บอก

"พี่ลงแข่งแล้วนะ"

"ครับ สู้ๆนะ"

การแข่งขันผ่านไปควอเตอร์แรกผมก็รู้เลยว่าการแข่งรอบนี้ไม่ได้ง่ายเลย รอบก่อนก็ว่าหินแล้ว รอบนี้หนักยิ่งกว่า ทีมคู่แข่งเก่งมาก จนถึงเวลาพักครึ่งตอนนี้ทีมวิศวะคะแนนตามอยู่

ผมเดินมาทิ้งตัวลงที่พื้นสนามใกล้ๆกับเก้าอี้ที่คนเก่งนั่งอยู่ น้องยื่นขวดน้ำเปล่ากับผ้าขนหนูให้ ผมนั่งดื่มน้ำและใช้ผ้าขนหนูเช็ดเหงื่อไปด้วย พวกเพื่อนในทีมก็เดินมานั่งที่พื้นใกล้ๆกัน

"เก่งชิบหาย" เพื่อนคนหนึ่งในทีมบ่น

"เออ ไอ้เบอร์สาม แม่งตามประกบไอ้เต็มตลอดเลย"

"ธรรมดามึงรอบชิงแบบนี้ใครก็อยากเป็นแชมป์ คณะนี้เพิ่งเคยเข้าชิงด้วย"

"แต่เราจะแพ้ไม่ได้" ผมพูดขึ้นมา

"ใช่ เพราะวิศวะเราต้องรักษาสถิติชนะห้าปีซ้อนให้ได้"

ไม่นานโค้ชก็เรียกพวกเราไปคุยเรื่องที่จะลงแข่งกันในควอเตอร์ที่เหลือ ใช้เวลาคุยไม่นานครับ ผมก็เลยเดินกลับมาหาคนเก่งอีกรอบหนึ่ง ผมยืนอยู่ตรงหน้าคนเก่ง น้องเงยหน้ามองหน้าผมด้วยความแปลกใจ

"คนเก่งได้ยินใช่มั้ยที่ในทีมเขาพูดว่าพี่โดนทีมคู่แข่งประกบอยู่" ผมถามน้อง

"ได้ยินครับ" คนเก่งตอบผมอย่างงงๆ

"ถ้าพี่ไม่ได้กำลังใจดีๆพี่ต้องแพ้แน่เลย" ผมพูดออกมา คนเก่งทำตาโตและหันมองซ้ายมองขวาเหมือนกลัวว่าจะมีคนเห็น ผมอยากจะบอกจังว่าให้น้องลองหันไปด้านหลังและมองไปบนที่นั่งคนดู ตอนนี้คนมองพวกเราอยู่เยอะมาก

คนเก่งเม้มปาก หลบตาผมเล็กน้อย

"พี่เต็มอยากได้อะไรล่ะครับ" คนเก่งถามผม

"พี่ตามใจเราเลย" ผมบอกน้อง เพราะถ้าตามใจผมน้องไม่น่าจะกล้าทำ

ผมคิดเอาไว้ว่าคนเก่งก็น่าจะพูดให้กำลังใจผม ให้ผมสู้ให้เต็มที่

แต่สิ่งที่คนเก่งทำเหนือความคาดหมายของผมไปเลย น้องลุกขึ้นยืนเต็มความสูงของตัวเอง และขยับตัวมาข้างหน้าเล็กน้อยก่อนที่น้องจะสวมกอดผม คนเก่งใช้แขนทั้งสองข้างกอดเข้าที่เอวของผม ผมเองก็กอดน้องตอบกลับไปเช่นเดียวกัน น้องยืดตัวขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อพูดที่ข้างหูผม



"เอาชนะมาให้ได้นะครับ"



คนเก่งพูดเสร็จน้องก็กลับไปนั่งที่เดิม ด้วยอาการที่หน้าแดงลามไปถึงใบหูและคอ และน้องก็ไม่ยอมเงยหน้ามามองหน้าผมอีก

ผมรู้สึกเขินในสิ่งที่น้องพูดเหมือนกันครับ และผมว่าผมก็หน้าร้อนไม่ต่างจากน้องเท่าไหร่

รู้สึกว่าหัวใจมันสูบฉีดยังไงก็ไม่รู้ ผมขยี้ผมน้องแรงๆก่อนจะไปเตรียมตัวลงแข่ง ก่อนจะหันกลับมามองน้องอีกครั้ง ครัังนี้น้องยอมเงยหน้ามาสบตากับผม และน้องยิ้มและยกมือชูสองนิ้วให้ผมด้วย

ผมรู้แล้วครับว่าทำไมคนเราต้องโหยหาความรัก ทำไมใครๆก็อยากมีแฟน

เพราะการที่มีใครสักคนคอยให้กำลังใจเรามันให้ความรู้สึกที่ดีแบบนี้นี่เอง


(มีต่อนะคะ)
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ [ธาวิน & ฟูจิ] 06/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ninewara ที่ 10-05-2019 00:20:19
(ต่อค่ะ)




"ไปฉลองแชมป์ที่ไหนกันดีพวกเรา" ตอนนี้ในทีมกำลังคุยกันเรื่องที่จะฉลองชัยชนะของพวกเรา

แน่นอนครับคณะวิศวะได้แชมป์กีฬาบาสเกตบอลเป็นปีที่ห้าติดต่อกัน พวกเราชนะด้วยคะแนนที่ไม่ห่างกันมาก เป็นการแข่งขันที่ดุเดือดมากจริงๆ

หลังจากมอบถ้วยมอบเหรียญอะไรกันเรียบร้อย ผมก็มานั่งลงข้างๆคนเก่ง ในขณะที่ทุกคนกำลังคุยว่าจะไปเลี้ยงที่ไหนกันดี

"พี่เต็มเก่งจัง" คนเก่งพูดและมองผมด้วยสายตาชื่นชม จากที่ปกติผมก็ตัวโตอยู่แล้ว ผมรู้สึกว่าตอนนี้ผมตัวใหญ่กว่าเดิมอีก

ผมแค่ยิ้มให้คนเก่งเพราะผมไม่รู้ว่าควรตอบว่าอะไรดี จะบอกว่า 'แน่นอนอยู่แล้ว' ก็ดูจะหลงตัวเองมากไป

คนเก่งไม่ได้พูดอะไรต่อแต่น้องหยิบผ้าขนหนูขึ้นมาเช็ดบนใบหน้าให้ผม น้องเช็ดเบามากเหมือนกลัวผมจะเจ็บ

"ทำแรงกว่านี้ก็ได้" ผมบอกคนเก่ง คนเก่งก็เหมือนจะเช็ดแรงขึ้นเล็กน้อย ผมมองไปที่เพื่อนในทีม เห็นหลายคนถอดเสื้อนักกีฬาออก ผมก็เลยคิดจะถอดบ้าง ไม่ใช่จะถอดตามพวกนั้นนะครับเพราะปกติผมจะเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องพักนักกีฬาอยู่แล้ว แต่วันนี้ผมแค่อยากจะแกล้งแฟนตัวเอง

ผมยกชายเสื้อนักกีฬาขึ้นมาจนเห็นซิคแพ็ค คนเก่งรีบถามผมทันที

"พี่เต็มจะทำอะไรครับ!"

"จะถอดเสื้อ ดูสิเสื้อเปียกเหงื่อหมดแล้ว"

พอผมพูดเสร็จน้องก็ใช้มือดึงชายเสื้อผมลง

"ไปถอดในห้องพักแบบที่เคยทำสิครับ"

"ถอดตรงนี้ก็ได้ ดูสิใครๆก็ทำ" ผมบอกคนเก่งพร้อมกับให้น้องมองไปที่นักกีฬาคนอื่นที่เขาถอดเสื้อ

คนเก่งมองไปรอบๆก่อนจะปล่อยชายเสื้อผม

อ้าว! น้องปล่อยง่ายจังว่ะ

"ไม่อยากให้ถอดตรงนี้เหรอ" ผมลองยิงคำถามไปก่อน

น้องส่ายหน้าหลายครั้ง

ผมยิ้มอย่างเอ็นดู

"ทำไมล่ะ"

"......."

"ผมหวง"

"หืม?"

"ไม่อยากให้ให้พี่โชว์อะ ดูสิครับคนยังเยอะอยู่เลย"


ใจผมมันจะไม่ไหวอยากจับคนเก่งฟัดมากเลย น้องมันไม่ได้ทำอะไรเลยครับ แค่ส่งสายตาอ้อนๆให้ผมนิดๆ ผมก็ยอมแล้ว

"งั้นเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าข้างในดีกว่า" น้องยิ้มทันทีที่ผมพูด

"เดี๋ยวผมนั่งรอตรงนี้ก็ได้ครับ"

ผมก็ตั้งใจที่จะให้คนเก่งนั่งรอข้างนอกอยู่แล้วเพราะไม่อยากให้น้องไปเจอพวกในทีมที่ถอดเสื้อถอดกางเกงเปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำกัน

"งั้นนั่งอยู่ตรงนี้อย่าไปไหนนะ" ผมกำชับคนเก่ง น้องก็พยักหน้ารับทราบ



ผมใช้เวลาประมาณสิบห้านาทีในการอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้า ตอนแรกจะกลับไปอาบน้ำที่คอนโด แต่พวกในทีมบอกว่าอยากจะไปฉลองกันเลย ผมก็เลยตัดสินใจอาบน้ำที่นี่เลย พอเดินออกมาหาคนเก่งก็เจอฟูจิและส้มส้มเพื่อนของน้องนั่งอยู่ด้วย เด็กทั้งสองคนยกมือไหว้ผม

"พี่เต็มเก่งมากเลยค่ะ" ส้มส้มเป็นคนพูด

"มาดูด้วยเหรอ ทำไมไม่เห็น" ผมถาม

"มาค่ะ แต่นั่งอยู่ตรงโน้นกัน เห็นคนเก่งนั่งอยู่ตรงนี้พวกเราก็เลยไม่กล้ามาหาค่ะ"

"น่าจะเดินมานั่งกับคนเก่ง พี่ก็ไม่รู้ พี่ต้องขอโทษด้วยครับ"

"อุ้ย!พี่เต็มไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะ นั่งตรงโน้นก็เห็นชัดค่ะ อีกอย่างจะได้ยินคนอื่นด้วยว่าเขาเม้าว่ายังไงกันบ้าง"

"หมายถึง?"

"หมายถึงเรื่องพี่เต็มกับคนเก่งไงคะ"

"แล้วได้ยินว่าไงบ้างครับ"

"เขาก็บอกว่าไม่น่าเชื่อว่าพี่เต็มจะเป็นเกย์"

"ไอ้ส้ม" เสียงฟูจิดังขัดขึ้นมา แล้วส้มส้มก็ทำหน้าจ๋อย

"แล้วไงต่อครับ" ผมยิ้มให้ส้มส้ม และให้เล่าต่อ

"แล้วก็ได้ยินว่าแฟนพี่เต็มก็ดูน่ารักดี ยิ้มน่ารักขนาดเห็นไกลๆ และตัวจริงน้องขาวมากเลย ... เขาก็พูดประมาณนี้กันค่ะ"

"เดี๋ยวพวกพี่จะไปฉลองแชมป์กันไปด้วยกันมั้ย ไปได้นะ" ผมชวนเพื่อนๆของคนเก่ง

"พวกเราขอตัวดีกว่าครับ พอดีมีงานกลุ่มที่ต้องทำส่งด้วยครับ ต้องส่งพรุ่งนี้ด้วย" พอฟูจิบอก ผมรีบหันมามองคนเก่งทันที น้องมีงานที่ต้องทำส่งเหรอ

"คือตรวจความถูกต้องครั้งสุดท้ายก่อนส่งครับ" คนเก่งบอก

"งั้นคืนนี้ก็ไปกับพี่ไม่ได้นะสิ ใช่มั้ย" ผมถาม แต่คนเก่งยังไม่ทันตอบ ฟูจิก็พูดขึ้นมาก่อน

"ไปได้ครับ แค่ตรวจความถูกต้องเท่านั้นเอง ผมกับส้มส้มก็พอครับ"

"เฮ้ย!ไม่ได้สิ งานกลุ่มอะ ต้องช่วยกัน" คนเก่งแย้งขึ้นมา

"มึงก็ทำมาตั้งแต่แรกแล้วไง แค่ตรวจนิดเดียวเดี๋ยวพวกกูทำเอง แฟนมึงเป็นแชมป์มึงไม่อยากไปฉลองกับแฟนเหรอวะ" ฟูจิพูด อืมมมม...พอได้ยินคนอื่นระบุถึงสถานะของผมกับน้องแล้วผมโคตรจะรู้สึกดี

"มันจะดีเหรอวะ" คนเก่งลังเลใจ ถ้าน้องเลือกที่จะช่วยเพื่อนผมก็เข้าใจน้องนะเพราะนั่นก็คือเรื่องงาน แต่ถ้าถามผม ผมก็อยากให้น้องไปกับผมเหมือนกัน

ผมใช้มือลูบผมคนเก่ง

"จะไปทำงานกับเพื่อนก็ได้นะ พี่ไม่ว่าอะไร แต่ถ้ามากับพี่ได้พี่ก็จะดีใจมาก"

"แบบนี้เหมือนบังคับให้เลือกเลย" น้องพูดออกมา น้ำเสียงงอนๆ

"กูสรุปเลย มึงไปกับพี่เต็ม จบ" ฟูจิสรุปสั้นๆ โดยมีส้มส้มนั่งพยักหน้าอยู่ข้างๆ

"งั้นก็ตามนี้ ขอบคุณฟูจิกับส้มส้มมากนะครับ" ผมขอบคุณน้องทั้งสองคน

"งื้ออออ ดูสิพี่เต็มน่ารักจังเลย เนอะฟูจิ" ส้มส้มพูดขึ้นมาพร้อมยิ้มหวานให้ผม ผมก็ได้แต่ยิ้มขำกลับไป

"เยอะๆ นั่นแฟนเพื่อน" ฟูจิบอกกับส้มส้ม

"รู้แล้วน่า ก็เพราะเป็นแฟนเพื่อนน่ะสิถึงยอม" พูดเสร็จส้มส้มก็หัวเราะขำ ก่อนที่เพื่อนของคนเก่งทั้งสองคนจะขอตัวกลับ


ผมเดินไปถามเพื่อนๆในทีมว่าสรุปจะไปที่ไหนกัน พวกนั้นบอกเป็นร้านพี่เอกเหมือนเดิม เหตุผลเพราะอายุต่ำกว่ายี่สิบก็เข้าได้ และพี่แกก็เคยเป็นเด็กวิศวะที่นี่มาก่อนด้วย จะเมาจะอะไรก็น่าจะสะดวกใจมากกว่า


ผมขับรถพาคนเก่งมาถึงที่ร้าน พร้อมกับเพื่อนผมอีกสามคน ผมสั่งอาหารให้น้องและกับแกล้มมาสามสี่อย่าง

"คนเก่งทานข้าวก่อน" พออาหารมาเสิร์ฟผมก็ให้น้องทานข้าวก่อนเลย

"ครับ" คนเก่งตอบรับอย่างว่าง่าย

"พี่เต็มครับ น้องชินท์ก็หิวเหมือนกันครับ" เสียงไอ้ชินท์พูด รู้เลยว่ากำลังแซวผมกับน้องอยู่

"น้องชินท์อยากกินอะไรครับ" ไอ้ทัตพลเข้ามาร่วมวงด้วยอีกคน

"น้องชินท์อยากกินพี่เต็มได้มั้ยครับ"

"คงไม่ได้หรอกครับ เพราะพี่เต็มมีคนที่อยากให้กินแล้ว" ไอ้ธรณ์มันพูด ก่อนที่ผมจะเห็นว่าคนเก่งสำลักข้าว ผมรีบยกแก้วน้ำให้คนเก่งดื่มพร้อมลูบหลังน้องไปด้วย

"เสื่อมจริงๆพวกมึง เหล้าสั่งมาแล้วก็กินกันเข้าไปสิ"

ตอนนี้คนเก่งหน้าแดงมาก ขนาดว่าไฟในร้านไม่ได้สว่างมาก ผมยังมองเห็นชัดเลยว่าหน้าน้องแดง ไม่รู้ว่าแดงเพราะสำลักเมื่อกี้หรือแดงเพราะคำพูดของเพื่อนๆผม

"ไม่ต้องไปสนใจไอ้พวกนี้หรอกเข้าใจมั้ย" ผมบอกน้อง

"ครับ ไม่เป็นไรครับ" คนเก่งทานข้าวต่อและผมต้องคอยใช้มือปิดหูน้องไว้เวลาพวกเพื่อนผมพูดเรื่องที่น้องไม่ควรจะได้ยิน


พอคนเก่งทานข้าวเสร็จ ทุกๆคนในทีมก็เหมือนจะมากันครบ ทั้งตัวจริงตัวสำรองและเพื่อนๆ ตอนแรกผมยังไม่ได้ให้น้องดื่มครับ แต่พอดีพี่เอกที่เป็นเจ้าของร้านให้เหล้าปั่นมาฟรีๆสองเหยือก แล้วไม่มีใครแตะสักคน คนเก่งเห็นน้องเลยถามว่าน้องดื่มได้มั้ย ตอนแรกผมยังไม่ให้ดื่ม ซึ่งน้องก็ไม่ได้งอแงอะไร แต่เพื่อนๆผมมันก็บ่นให้ผมว่าให้น้องมาด้วยทั้งที่จะให้น้องดื่มแค่น้ำอัดลมหรือไง ถ้าน้องเมาผมก็อยู่จะกลัวอะไร ที่ผมเป็นห่วงไม่ใช่อะไรคือพรุ่งนี้น้องมีเรียนไง ผมกลัวน้องจะลุกไม่ไหว แต่สุดท้ายผมก็ยอมให้น้องดื่มครับ แต่ถึงจะเป็นแค่เหล้าปั่นผมก็ต้องหันมาคอยมองน้องตลอดกลัวน้องจะเมาเหมือนกัน เพราะผมยังไม่เคยเห็นน้องดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ผมก็เลยยังไม่สามารถคาดเดาลิมิตของน้องได้

ในระหว่างที่ดื่มกันอยู่ก็มีคนเดินมาชนแก้วมาทักทายผมและเพื่อนๆบ่อยเหมือนกัน

"คนเก่ง" ผมหันไปมองตามเสียงเรียกที่เรียกชื่อคนเก่ง ไอ้เอิร์ธอดีตเดือนสถาปัตย์ รุ่นเดียวกับผมนี่เอง

คนเก่งยกมือไหว้มัน มันยิ้มให้คนเก่งก่อนจะหันมาทักทายผม

"ไงมึง"

"ก็ดี"

"คนเก่งเมารึยังเนี่ย" ไอ้เอิร์ธมันหันไปถามคนเก่ง และเหมือนมันจะขยับเข้ามาใกล้ๆคนเก่ง แขนผมที่โอบเอวคนเก่งอยู่แล้ว ผมก็กระชับให้แน่นขึ้นจนน้องเงยหน้ามามองผมด้วยความสงสัย พอสบตากับน้อง ร่างกายผมมันก็เป็นไปโดยอัตโนมัติ ผมก้มลงจูบที่หน้าผากน้องไปทีหนึ่ง น้องชะงักและดูเกร็งๆไปเลย คงไม่คิดว่าผมจะทำท่ามกลางคนเยอะแบบนี้

"ขี้หวงว่ะมึง" ไอ้เอิร์ธมันพูดพร้อมกับหัวเราะผมไปด้วย

ผมไม่ได้ตอบโต้อะไรกลับ แล้วไอ้เอิร์ธมันก็เดินไป

"รู้จักมันเหรอ" ผมถามน้อง

"พี่เขาเป็นพี่ชายของรูมเมทส้มส้มครับก็เลยเคยเจอกันบ้าง"

"ไม่ใช่มาชอบเราอีกคนนะ"

คนเก่งหัวเราะขำออกมา

"ไม่ตลกนะหัวเราะทำไม" ผมถามเสียงเข้ม

"ตลกตรงที่บอกว่าพี่เขามาชอบผมเนี่ยแหละ"

ผมได้แต่ถอนหายใจ ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกว่าคนเก่งมันน่ารักขึ้นกว่าเมื่อก่อนเยอะเลย




หลังจากเวลาผ่านไปอีกสักระยะ

"พี่เต็มครับ" ตอนนี้คนเก่งนั่งซบลงซอกคอผม ผมยังคงกอดเอวน้องเอาไว้ ตอนแรกผมก็ให้น้องนั่งดื่มสบายๆแต่พอหันมามองอีกที เห็นคนเก่งนั่งพิงพนักโซฟาแล้ว ผมไม่แน่ใจว่าน้องเมามั้ย หรือแค่มึนๆ เพราะเสียงน้องก็ไม่ได้อ้อแอ้

"หืม?" ผมหันมาตอบน้อง

"พี่เต็มไม่รู้สึกแย่เหรอครับที่มีคนพูดว่าพี่เป็นเกย์ ผมว่าต้องมีหลายคนที่ผิดหวังที่พี่เป็นแบบนี้"

"ใครล่ะที่ผิดหวัง ถ้าเขาไม่ใช่คนในครอบครัวพี่ ก็ไม่จำเป็นที่พี่จะต้องรู้สึกอะไร ส่วนที่มีคนพูดว่าพี่เป็นเกย์ ตอนแรกๆที่คิดไว้นะ พี่เคยคิดว่าพี่ต้องรู้สึกแย่กับคำๆนี้ แต่พอถึงเวลาจริงๆมีคนมาพูด ในใจมันก็ไม่ได้รู้แย่หรือเลวร้ายอะไร ไม่รู้ว่าเพราะคนที่พี่เป็นเกย์ด้วยคือคนเก่งหรือเปล่านะ" ผมตอบตามสิ่งที่ผมคิดและรู้สึก

"ผมขอโทษนะ ที่ทำให้คนมองพี่เต็มไม่ดี" คนเก่งพูด จากเดิมที่น้องแค่ซบตรงซอกคอผมตอนนี้น้องใช้แขนทั้งสองข้างมากอดคล้องคอผมไว้

"มองพี่ไม่ดี? มองว่าเป็นเกย์น่ะเหรอ" ผมถาม และคนเก่งก็พยักหน้า

ผมลูบไปตามตัวน้อง

"คิดอะไรเยอะเนี่ย พอๆ" ผมเดาว่าคนเก่งน่าจะกำลังมึนๆคงไม่ถึงกับเมา

"พี่เต็ม...ตัวหอมจัง" คนเก่งไม่พูดเปล่าครับ น้องใช้จมูกสูดดมและไซร้ซอกคอผมไปด้วย

เชี่ยยยย ... ผมขนลุกตั้งแต่หัวจรดเท้าเลย

โอเค ... คนเก่งอาจจะไม่ใช่แค่มึน
อาจจะถึงขั้นเมาแล้วครับตอนนี้

"คนเก่ง เมาแล้วใช่มั้ย" ผมถามน้องและพยายามให้น้องออกห่างจากซอกคอผม

ไม่ได้รังเกียจหรือไม่ชอบนะครับ โคตรชอบแต่ ... ผมเนี่ยจะไม่ไหวเอา

"ครับ สงสัยจะเมา" คนเก่งตอบ ผมอดหัวเราะไม่ได้ เป็นคนเมาที่ยอมรับตัวเองว่าเมา

"งั้นกลับกันดีกว่านะ" ผมก้มหน้าบอกคนเก่ง น้องก็แค่พยักหน้ารับรู้

"เฮ้ย กูกลับก่อนนะ น้องเมาแล้วว่ะ" ผมหันไปบอกเพื่อนๆที่ยังสนุกกันอยู่

"น้องดื่มเยอะเหรอวะ" ไอ้ชินท์ถาม

"เหล้าปั่นหมดไปสองเหยือก เยอะมั้ยล่ะ" ผมบอก

"อยู่ต่ออีกนิดสิว่ะ กำลังสนุกเลย ให้น้องมันนอนตรงโซฟานี้ก็ได้" เพื่อนในทีมบาสคนหนึ่งพูด

"สงสารน้องว่ะ" ผมพูด เพราะถ้าให้คนเก่งนอนตรงนี้ผมก็สงสารน้อง น้องนอนไม่สบายแน่

"ให้ไอ้เต็มมันกลับเถอะ ข้าวใหม่ปลามันอย่าไปขัดความสุขมันเลย" ไอ้ธรณ์มันพูดขึ้นมา

"ทำตอนน้องเมา เนี่ยไม่ดีนะเว้ย" ไอ้ทัตพลมันพูดแซวขึ้นมาอีกคน

"ไอ้พวกเสื่อม กูไปล่ะ" ผมพูดก่อนจะหันไปเรียกน้อง

"คนเก่งครับ"

"ครับ" น้องตอบและลืมตามองผม

"กลับกันเถอะ" คนเก่งพยักหน้าสองสามครั้ง

ผมพยุงน้องเดินออกมา ตอนแรกพวกไอ้ธรณ์มันจะช่วยแต่ผมคิดว่าผมไหวเพราะคนเก่งยังเดินได้อยู่

พอผมพาน้องขึ้นมานั่งบนรถและคาดเข็มขัดนิรภัยให้น้องเรียบร้อย ผมก็รีบมานั่งที่นั่งฝั่งคนขับ ผมตัดสินใจพาคนเก่งไปที่คอนโดผมเพราะน่าจะสะดวกกว่าที่จะพาน้องกลับหอตัวเอง ผมว่ามันคงจะดูไม่ดีเท่าไหร่ที่ผมพาน้องกลับหอใน ในขณะที่น้องเมาแบบนี้

ใช้เวลาไม่นานผมก็ขับรถมาถึงที่คอนโด ผมพาคนเก่งขึ้นมาบนห้องไม่ลำบากมากนักเพราะน้องให้ความร่วมมืออย่างดี คือน้องยังคุยกับผมได้อยู่เพียงแค่ยืนไม่ค่อยไหวแค่นั้น

ผมพาคนเก่งเข้ามาที่ห้องนอน และวางคนเก่งลงบนเตียง ตัวไม่หนักแต่ก็เล่นเอาผมเหนื่อยเหมือนกัน ขณะที่ผมกำลังคิดว่าจะทำยังไงกับน้องต่อดี ... เอ่อ ... หมายถึงจะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ดีหรือจะปล่อยให้นอนไปแบบนี้เลย คนเก่งก็เรียกผม

"พี่เต็มครับ" คนเก่งนอนลืมตามองผมอยู่ ผมก็เลยลงไปนั่งข้างน้องบนเตียง

"ว่าไง" ผมลูบไปที่ผมและที่ใบหน้าของคนเก่งเบาๆ

"ไม่ใช่ที่หอผมนี่นา"

"ที่คอนโดพี่ นอนที่นี่แหละ" ผมบอกน้องก็พยักหน้ารับรู้

"อยากอาบน้ำ" คนเก่งบอก ผมเลิกคิ้วมองน้อง

"อาบไหวเหรอ" ผมถามเพราะกลัวน้องยืนไม่ไหว

"ไม่ไหวพี่เต็มจะอาบให้เหรอครับ" คนเก่งถาม ผมมองหน้าน้อง มันก็ไม่ได้มีแววล้อเล่น แต่คนเมาก็คือคนเมาครับพูดอะไรออกมาไม่รู้ตัวหรอก

"ถ้าพี่อาบให้คนที่จะลำบากก็คือเรา " ผมบอกน้อง

"ลุกขึ้นอาบไหวมั้ย" ผมถามคนเก่งเพราะคิดไปคิดมา ให้น้องอาบน้ำเลยก็ดีเพราะน้องจะได้สบายตัว

"คิดว่าไหวครับ" น้องลุกขึ้นมานั่งแล้วเอียงคอมองผม ก่อนที่น้องจะเข้ามากอดเอวและเอาหน้าซุกซอกคอผม

"ผมชอบกลิ่นพี่เต็มจัง พี่เต็มตัวหอม" แล้วแค่พูดไม่พอคนเก่งทั้งสูดทั้งดมที่ซอกคอแล้วเริ่มไปที่ส่วนอื่นๆ ตอนแรกผมก็ปล่อยให้น้องทำครับ แต่ผมกลัวว่ามันจะเตลิดมากไปกว่านี้ ผมไม่อยากจะมีครั้งแรกกับคนเก่งตอนที่น้องกำลังเมาหรอกนะครับ ในเมื่อผมเป็นคนที่มีสติครบผมก็ต้องเป็นคนที่ควบคุมสถานการณ์ไว้ให้ได้

"คนเก่งพอก่อน" พอผมบอกน้องก็หยุดทันทีและเงยหน้ามาสบตากับผม สายตาคนเก่งที่มองผม โคตรยั่วแต่ผมจะใจอ่อนไปกับน้องไม่ได้

"ถ้าตื่นมาไม่อยากเสียใจก็ไปอาบน้ำดีกว่าเนอะ" ผมบอกคนเก่งแล้วน้องก็แค่พยักหน้ารับทราบ

"ครับ ไปอาบน้ำ" คราวนี้น้องลุกขึ้นยืนและผมก็ช่วยพยุงน้องเข้าไปในห้องน้ำ ตอนแรกผมจะช่วยน้องถอดเสื้อผ้าแต่น้องบอกว่าทำเองได้ ผมก็โอเค ปล่อยให้น้องจัดการตัวเอง และหยิบแปรงสีฟันอันใหม่ที่ตู้ในห้องน้ำให้น้องถือเอาไว้

คนเก่งใช้เวลาอาบน้ำน่าจะประมาณสิบนาที น้องก็เปิดประตูห้องน้ำออกมา นุ่งแค่ผ้าเช็ดตัวที่ท่อนล่าง

เอ่อ...คนเก่งแม่งขาวมาก เห็นแค่ภายนอกว่าขาวแล้วในร่มผ้าขาวกว่าอีก

ผมมองดูแล้ว คนเก่งน่าจะดีขึ้นแล้วแต่ก็ยังดูมึนๆ ผมเอาเสื้อกล้ามและกางเกงบ็อกเซอร์ของผมให้น้องใส่ ส่วนชั้นในผมไม่มีตัวใหม่ที่ยังไม่ได้ใช้เลย ไม่กล้าให้น้องใช้ของตัวเอง กลัวน้องรังเกียจ แต่แค่บ็อกเซอร์ก็น่าจะพอได้ หลังจากยื่นเสื้อผ้าให้คนเก่งเสร็จผมก็ปล่อยให้น้องแต่งตัว ส่วนตัวผมเดินเข้าไปหยิบชุดนักศึกษาที่คนเก่งถอดเอาไว้ในห้องน้ำออกมาแล้วไปลงเครื่องซักและปั่นให้น้อง พรุ่งนี้น้องจะได้มีใส่ไปเรียนเลยไม่ต้องแวะกลับหอ

พอเอาเสื้อผ้าลงเครื่องเสร็จผมเดินกลับมาที่ห้องนอน ตอนนี้คนเก่งแต่งตัวเรียบร้อยและนั่งห่มผ้าอยู่บนเตียง ผมเดินไปนั่งข้างๆน้องบนเตียง จัดเสื้อให้น้องดีๆเพราะเสื้อกล้ามมันคอลึกมาจนจะเห็นหน้าอกน้องอยู่แล้ว จากนั้นผมก็ลูบผมน้องสองสามครั้ง

"เดี๋ยวพี่อาบน้ำก่อน คนเก่งนอนเลยนะไม่ต้องรอพี่" คนเก่งพยักหน้าให้ผมแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา น้องเอนตัวลงนอนแล้วก็หลับตาลง

หลังจากผมอาบน้ำเสร็จผมก็เดินออกไปดูว่าเสื้อผ้าที่ซักไว้เรียบร้อยหรือยัง ที่เครื่องปั่นผ้าบอกเวลาว่าอีกประมาณห้านาที ผมก็เลยเดินกลับเข้ามาคนเก่งในห้องนอนอีกครั้ง ผมมองน้องที่นอนอยู่บนเตียง คนเก่งน่าจะหลับสนิทแล้วครับ

ผมนั่งมองคนเก่งอยู่สักพัก ก่อนที่ผมจะก้มลงและใช้ริมฝีปากจูบที่ริมฝีปากน้องเบาๆ ไม่ได้รุกล้ำอะไรมากนัก แต่ผมก็ต้องชะงักเพราะเสียงคนเก่งที่เรียกผม

"พี่เต็มครับ"

ผมมองคนเก่งและคนเก่งเองก็ลืมตาอยู่ ผมกลืนน้ำลายลงคอ ในใจผมคิดคือ 'ชิบหายแล้วน้องมันจะว่ากูหื่นมั้ยเนี่ย'

"ครับ"

"ผมรักพี่นะ"

พอคนเก่งพูดเสร็จ น้องก็หลับตาลงและลมหายใจก็กลับมาสม่ำเสมออีกครั้ง

ผมยิ้มให้กับคำบอกรักของคนเก่ง ถึงผมจะยังไม่เคยพูดคำว่ารักกับเจ้าตัว แต่ผมก็จะทำให้น้องรู้ว่า ผมเองก็รักน้องไม่แพ้กัน

คำว่ารักอาจจะมาช้ากว่าคนเก่งสักหน่อย แต่ก็ไม่ได้แปลว่าผมไม่ได้รักน้อง




TBC.
#เติมเต็มรัก
ninewara✿
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 19) 10/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 10-05-2019 03:01:24
 :o8: :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 19) 10/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 10-05-2019 07:31:56
น้องเมาแล้วยั่ววววว


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 19) 10/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 10-05-2019 11:16:00
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 19) 10/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 10-05-2019 16:34:37
 :hao6: ตามมาทันแล้ว มีคนเมาแล้วชอบยั่วโดยไม่รู้ตัว พี่มันจะอดใจไหวรึเปล่าเนี่ย

 :เฮ้อ: ส่วนทางฟูจิ ก็มีคนหวงก้าง เริ่มรักน้องแต่ทำเป็นซึน เดี๋ยวจะน้ำตาเช็ดหัวเข่า
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 19) 10/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: MmBb ที่ 10-05-2019 17:50:18
พี่วินดูเห็นแก่ตัวไปหน่อยนะตอนแรกบอกให้ฟูจิคิดกับตัวเองแค่พี่พอน้องจะไปจริงๆดันมาบอกว่าอย่าเพิ่งเลิกชอบกันมันดูไม่โอเคนะ ส่วนคนเก่งได้คบกับพีาเต็มแล้วก็มั่นใจในตัวเองหน่อยไม่ใช่กลัวคนอื่นจะมองไม่ดีคนที่ควรแคร์น่าจะเป็นพี่เต็มรึเปล่าถ้าตกลงเป็นแฟนกับพี่เค้าแล้วมาทำตัวแบบนี่ก็น่าจะอยู่แบบเดิมไปดีกว่านะ
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 19) 10/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 10-05-2019 17:57:32
 :pig4: :pig4: :pig4:

นุ้งคนเก่ง  เมาจริงจังหรือแอบยั่วยวน?  อิอิ
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 19) 10/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 10-05-2019 22:23:50
อันตรายมากน้องงงงงงงงง
แต่พี่วินเนี่ยจะเอายังไง ลองนั่งคุยกับตัวเองก่อน
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 19) 10/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 11-05-2019 17:30:18
คู่หลักน่ารัก :-[
คู่รอง คนพี่ยังงงกับใจตัวเอง

 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 19) 10/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Mynun ที่ 11-05-2019 20:38:23
แปลก ทั้งๆที่เรื่องนี้ควรอ่านแล้วฟินมนี่อ่านแล้วไม่ฟิน สงสารคนเก่งที่ต้องมารักคนแบบเติมเต็ม
ตอนแรกคิดว่าจะไร้ดราม่า ทำไมเราดันดราม่าก็ไม่รู้ แต่คือไม่ฟิน สงสารคนที่ต้องคอยตาม ส่วนนี้ งง ตรรกะเติมเต็มมาก
ต้องการอะไร จะชัดเจนไหมก็ไม่ คอยรั้งอยู่แบบนั้น พอมีคนมาชอบคนเก่งก็หมาหวงก้าง แต่ก็ไม่ทำอะไร เห็นแก่ตัว เติมเต็มรักตามชื่อเรื่องจริง เพราะมีแต่เติมเต็มที่ได้ความรักจากคนเก่ง
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 19) 10/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 12-05-2019 07:19:19
ตั้งแต่เป็รแฟนก็ละมุนตึชุ้นกันตลอด ชอบที่พี่เต็ทอยากเปิดเผยเรื่องน้อง ประสาคนขี้หึงด้วยแหละ
เป็นน้องเองที่เป็นห่วงอยากปิด น่ารักดี

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 19) 10/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 12-05-2019 10:11:51
น่ารักมาก ยิ่งเป็นแฟนกันแล้วยิ่งน่ารัก //รอคู่น้องฟูจินะครับ หวังว่าน้องจะไม่ต้องร้องไห้นะครับ เป็นห่วงน้อง
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 20) 12/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ninewara ที่ 12-05-2019 12:02:32
✿ เติมเต็มรัก ✿ ครั้งที่ 20




ผมรู้สึกตัวตื่นและลืมตาขึ้นมานอนมองเพดานห้องอย่างไม่คุ้นตา ผมหลับตาลงและลืมตาขึ้นมาใหม่อีกครั้ง และพยายามลำดับความคิดตัวเอง พอนึกเรื่องเมื่อคืนได้เท่านั้นแหละ ผมรีบหันไปมองข้างๆทันที พี่เติมเต็มนอนหันหน้ามาทางผม แขนของพี่เขาพาดมาที่เอวผมหลวมๆ พอตื่นมาเห็นพี่เติมเต็มนอนอยู่ข้างๆแบบนี้ มันก็อดที่จะหน้าร้อนขึ้นมาไม่ได้

ผมจำเรื่องเมื่อคืนได้ครับ อาจจะไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์มันก้ำกึ่งว่าฝันหรือเรื่องจริง แต่พอได้ลำดับเรื่องราวต่างๆก็ค่อนข้างมั่นใจว่ามันไม่ใช่ฝัน


โอ๊ยยยย ... ถ้าพี่เติมเต็มตื่นขึ้นมาผมจะทำยังไงดี ไม่รู้พี่เขาจะคิดว่าผมให้ท่าพี่เขาหรือเปล่า เมื่อคืนที่มันมึนๆมันเมาๆ มันก็รู้สึกดีอยู่หรอกที่ได้ลองทำอะไรแบบนั้นแต่ตอนนี้จะมองหน้าพี่เขายังไงดี

เป็นแฟนกันยังไม่ถึงอาทิตย์ ผมก็ยั่วพี่เติมเต็มแล้วอะ ไม่เคยรู้มาก่อนว่าตัวเองเป็นคนแบบนี้เวลาเมา

ผมขยับตัวลุกขึ้นมานั่งโดยพยายามทำทุกอย่างให้เบาที่สุดเพราะกลัวพี่เติมเต็มจะตื่น ผมพยายามมองหามือถือของผมแต่ไม่เจอ ไม่แน่ใจว่าพี่เติมเต็มเก็บไว้ที่ไหน หรือว่าหล่นอยู่ในรถ ผมก็เลยพยายามมองหานาฬิกาในห้องเพื่อจะดูเวลา เพราะผมเริ่มเห็นแสงสว่างที่ส่องผ่านม่านเข้ามาเล็กน้อย สายตามองไปเจอนาฬิกาดิจิตอลที่หัวเตียงฝั่งที่พี่เติมเต็มนอนพอดี หกโมงเช้าแล้ว

ผมตัดสินลุกลงจากเตียงของพี่เติมเต็มโดยพยายามขยับตัวและยกแขนของพี่เติมเต็มที่พาดอยู่บนตัวผมออกมาอย่างเบามือที่สุด พอลงมายืนข้างเตียงได้โดยที่พี่เติมเต็มยังคงนอนหลับสนิทอยู่ ผมก็ยิ้มด้วยความโล่งใจ

ผมเข้าไปล้างหน้าแปรงฟันก่อนที่จะเดินออกไปที่ห้องครัว และเดินไปเปิดตู้เย็นดูว่ามีวัตถุดิบอะไรบ้างที่พอจะทำมื้อเช้าได้

วัตถุดิบเหลือเฟือเลยครับ ผมตั้งใจว่าจะต้องคุยกับพี่เติมเต็มเรื่องของสดในตู้เย็นเพราะพี่เติมเต็มไม่ได้ทำกับข้าวทานเองอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องมีของเยอะขนาดนี้

อืมมมมม...มันคงไม่ดูก้าวก่ายมากเกินไปใช่มั้ย

คงไม่หรอก จะได้ช่วยพี่เขาประหยัดไง

ผมใช้เวลาทำอาหารไม่นานมากมื้อเช้าก็เสร็จเรียบร้อย มีผัดผักรวม ไข่เจียว ต้มจืดสาหร่ายวุ้นเส้น และน้ำปลาพริก และข้าวสวยที่ต้องผ่านการเวฟก่อน ที่นี่มีหม้อหุงข้าวแต่ผมหาข้าวสารไม่เจอ ผมก็เลยเดาเอาว่าน่าจะไม่มี

ทุกคนอาจจะมองว่าทำไมมื้อเช้าจัดเต็มขนาดนี้ ก็เอาตามตรงเลยนะครับที่บ้านผมมื้อเช้าก็จะทำอาหารไว้ประมาณนี้เลยสามสี่อย่างและจะทานข้าวสวยกันไม่ทานข้าวต้มหรือโจ๊ก ผมก็เลยทำกับข้าวแบบนี้ไว้ให้พี่เติมเต็มทานเลย ผมคิดว่าพี่เขาน่าจะทานได้เพราะพี่เติมเต็มเป็นคนทานง่ายมากๆ

หลังจากจัดวางอาหารบนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว ผมก็หันกลับมาเก็บพวกภาชนะที่ผมใช้ทำอาหารเมื่อสักครู่นี้มาล้างทำความสะอาด ในขณะที่กำลังล้างน้ำสะอาดอยู่นั้นผมก็ต้องสะดุ้งเพราะมีคนมากอดเอวผมจากด้านหลัง

"ตื่นมาทำไมไม่ปลุก" พี่เติมเต็มพูดแล้วก็หอมแก้มผมไปด้วย

"พี่เต็มปล่อยก่อนครับ มันสกปรก" ผมกลัวน้ำในอ่างล้างจานมันจะกระเด็นโดนพี่เติมเต็มไปด้วย เพราะถึงไม่หันไปมองก็เดาได้ว่าพี่เขาน่าจะอาบน้ำแต่งตัวมาแล้ว กลิ่นหอมมาเชียว และอีกอย่างคือชุดที่ผมใส่ผมว่ามันค่อนข้างจะหวิวๆอยู่สักหน่อย บ็อกเซอร์ที่ไม่มีชั้นในยิ่งรู้สึกแนบชิดกันมากยิ่งขึ้นยังไงก็ไม่รู้

พี่เติมเต็มหอมแก้มผมอีกครั้งหนึ่งก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะทานข้าว

"โอ้โห....ท้องพี่ร้องแล้วเนี่ย"

"ทานได้เลยนะครับ"

"มาทานด้วยกันเร็ว"

"เดี๋ยวล้างพวกนี้ก่อนครับใกล้เสร็จแล้ว"

"เอาไว้ให้แม่บ้านมาทำก็ได้ ไม่เห็นต้องทำเองเลย"

"ไม่ได้ครับ จานชามเราทำเสร็จทานเสร็จต้องล้างเลย เอ่อ...แม่กับป้าเคยสอนน่ะครับ" ผมรีบบอกเพราะเห็นพี่เติมเต็มมองมายิ้มๆเหมือนจะล้อเลียน

"พี่ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย"

"ก็พี่มองเหมือนจะหัวเราะอะ"

"พี่ก็แค่คิดเท่านั้นเอง ว่าพี่โชคดีจังที่มีแฟนเป็นแม่ศรีเรือน"

ผมทำหน้ามุ่ยใส่พี่เติมเต็มเล็กน้อย ทำไมฟังดูเหมือนผู้หญิงจัง ผมล้าง ทำความสะอาดอีกเล็กน้อย ก่อนจะมานั่งทานข้าวด้วยกัน

หลังจากนั่งทานข้าวไปสักพักหนึ่งผมก็ถามเรื่องที่ผมสงสัย

"พี่เต็มครับ ผมว่าจะพูดกับพี่เรื่องหนึ่งไม่รู้ว่าพี่จะคิดว่าผมก้าวก่ายมั้ย"

"พูดได้ทุกเรื่องเลย"

"คือทำไมต้องมีตู้เย็นที่แช่พวกของสดด้วยล่ะครับ ปกติพี่เต็มไม่ได้ทำกับข้าวเองไม่ใช่เหรอ"

"อ๋อ ตอนช่วงที่เข้ามาเรียนปีหนึ่งใหม่ๆตอนนั้นม๊ากลัวลูกชายอดไงก็เลยซื้อของสดมาใส่ตู้เย็นเอาไว้เผื่ออยากทำอะไรกินเอง และช่วงนั้นพี่ต่อกับพี่ขวัญ พี่สะใภ้น่ะ แวะเวียนมาหาบ้างและพี่ต่อก็ทำกับข้าวเอาไว้ให้พี่ทานบ่อย หลังๆมาก็เป็นพวกไอ้ธรณ์ที่มาบ่อย มันก็มาทำกับข้าว กับแกล้มกินกันตามประสา เลยต้องมีของติดตู้เย็นตลอด ม๊าเคยพูดว่าเหลือดีกว่าขาด"

"อ๋อ เข้าใจแล้วครับ"

"ถามทำไม มีอะไรหรือเปล่า"

"ผมกำลังคิดว่าถ้าพี่เต็มไม่ได้ทำกับข้าวทานเองก็ไม่ต้องซื้อของมาติดตู้เอาไว้ก็ได้ครับมันสิ้นเปลืองเปล่าๆ"

"งั้นคนเก่งก็มาทำกับข้าวให้พี่ทำบ่อยๆสิ"

"ผมเหรอ อย่าเลยครับ ผมแค่พอทำให้ทานได้แต่ก็ไม่ได้ถือว่าอร่อยอะไรเลย"

"ขนาดไม่อร่อย ดูสิกับข้าวหมดแล้วเนี่ย"

ผมมองอาหารบนโต๊ะ ใกล้หมดแล้วจริงๆด้วยครับ อดยิ้มด้วยความภูมิใจในฝีมือตัวเองไม่ได้

ขอบคุณนะครับแม่ ที่สอนผมทำอาหารตั้งแต่เด็ก

"คนเก่งไปอาบน้ำได้แล้วล่ะ ต้องไปเรียนนี่เรา"

"เดี๋ยวล้างจานก่อนครับ'

"เดี๋ยวพี่ทำเอง"

"พี่เต็มจะล้างจานเหรอ"

"ใช่"

"ล้างได้เหรอครับ"

พี่เติมเต็มใช้มือมาเขกหน้าผากผมเบาๆทีหนึ่ง

"คิดว่าพี่เป็นคนยังไงถึงคิดว่าพี่ล้างจานไม่ได้"

"ก็...พี่เต็มมีแม่บ้านคอยทำให้ตลอดนี่ครับ"

"แค่ล้างจานใครๆก็ทำได้"

พี่เติมเต็มเก็บจานบนโต๊ะทานข้าวไปวางไว้ในอ่างล้างจานและกำลังจะเริ่มต้นล้างจาน ผมยืนมองเพราะอยากเห็นว่าพี่เขาทำได้จริงๆ

"ไปอาบน้ำ"

พี่เติมเต็มหันมาบอกผมอีกรอบด้วยเสียงที่ดุขึ้น

"ครับๆไปแล้ว"


ผมเดินเข้ามาในห้องนอนและจัดการพับผ้าห่มและเก็บที่นอนจัดหมอนจัดเตียงให้เรียบร้อย ก่อนจะมองสำรวจรอบๆห้อง เพราะเมื่อคืนไม่มีโอกาสได้สำรวจเลย เมื่อคืนเป็นครั้งแรกที่ผมเข้ามาในห้องนอนที่คอนโดของพี่เติมเต็ม ห้องนอนของพี่เขาไม่ได้ใหญ่มากสักเท่าไหร่ครับ อืมมม..แต่จริงๆแล้วผมก็ไม่แน่ใจว่าห้องนอนเล็กหรือที่จริงเพราะเตียงมันใหญ่กันแน่ ในห้องนอนมีเตียงขนาดใหญ่มากๆ คือแค่เตียงนอนก็เต็มห้องแล้วครับ ผมว่าผู้ชายตัวโตๆแบบพี่เติมเต็มนอนได้สี่ห้าคนเลย นอกจากเตียงนอนแล้ว เฟอร์นิเจอร์ในห้องก็มีโต๊ะวางของเล็กๆที่หัวเตียงและมีแค่ทีวีติดผนังแค่นั้นเอง แต่ถึงเตียงจะใหญ่เต็มห้องขนาดนี้แต่ก็ไม่ได้ดูอึดอัดเลยเพราะผนังเป็นกระจกทั้งหมดเลย ช่วยให้ห้องดูโล่งและมองเห็นวิวข้างนอกชัดเจนมากๆ

และประตูที่อยู่ติดกับทีวีติดผนังก็คือประตูที่จะไปห้องน้ำ ห้องพี่เติมเต็มดูจะซับซ้อนนิดหน่อย (สำหรับผมนะ) พอเปิดประตูบานนี้ออกนึกว่าจะเจอห้องน้ำเลยแต่ไม่ใช่ครับ ต้องเดินไปอีกนิดหนึ่งจะเจอประตูห้องน้ำที่อยู่ทางซ้ายมือ ส่วนพื้นที่ที่เหลือทั้งหมดในบริเวณห้องนี้จะเป็นเหมือนห้องแต่งตัวครับ มีตู้เสื้อผ้าแบบบิวด์อินที่มีเสื้อผ้าอยู่เต็มทุกตู้ และมีกระจกเงาอยู่เกือบทุกจุดในห้อง มีโต๊ะเครื่องแป้งอยู่ในพื้นที่เดียวกัน

ผมก็คิดว่าพี่เติมเต็มเป็นคุณชายอยู่แล้ว แบบนี้ยิ่งคุณชายเข้าไปอีก



"คนเก่ง"
ผมหันไปมองพี่เติมเต็มที่ตอนนี้ยืนอยู่ตรงประตู

"ครับ"

"ยังไม่อาบน้ำอีก"

"ขอโทษครับ พอดีเดินสำรวจห้องพี่เต็มอยู่เลย พี่เต็มเนี่ยคุณชายอย่างที่คิดเลย ดูสิจัดเสื้อผ้าแบ่งเซตแบ่งสีด้วย สุดยอดเลย"

"มันก็ไม่ขนาดนั้น ตอนแรกคอนโดนี้เป็นของพี่ต่อ แล้วพี่ต่อก็เคยคิดว่าหลังจากแต่งงานจะพาแฟนมาอยู่ที่นี่พี่ต่อเลยทำห้องนี้ไว้ให้แฟน แต่พอจะแต่งงานกันจริงๆ ม๊าก็บอกว่าจะมาอยู่คอนโดคงไม่ได้หรอก พี่ต่อก็เลยไปสร้างเรือนหอ โดยใช้เงินของม๊าแทน ตอนที่พี่เข้ามาอยู่ก็ปรับปรุงนิดหน่อยคือทาสีใหม่แค่นั้นเพราะตอนแรกมันเป็นสีชมพูไง"

ผมพยักหน้าเข้าใจ

"แล้วเตียงทำไมต้องใหญ่ขนาดนั้นด้วยล่ะครับ"

"ก็ในเมื่อห้องแต่งตัวมันแยกออกมาต่างหากแล้ว พื้นที่ในห้องนอนมันก็เหลือเยอะ พี่ก็เลยสั่งทำเตียงขนาดใหญ่พิเศษซะเลย เขาก็ยกมาประกอบที่นี่แหละ"

"เตียงกว้างขนาดนี้ พี่เต็มนอนคนเดียวมันไม่ดูโหวงเหวงเหรอครับ"

"เมื่อก่อนไม่เคยรู้สึก แต่ตอนนี้เริ่มรู้สึกแล้วล่ะ" พี่เติมเต็มพูดและยิ้มแปลกๆ

"เห็นมั้ย ผมว่าแล้วก็เตียงมันกว้างซะขนาดนั้น"

"ไว้คนเก่งมานอนด้วยเตียงมันก็คงไม่กว้างเกินไปแล้วล่ะ"

นั่นไง ...

"เอ่อ...ผมไปอาบน้ำดีกว่า"

ผมพูดเสร็จก็รีบเดินเร็วๆเข้าห้องน้ำไปทันที ได้ยินเสียงหัวเราะของพี่เติมเต็มตามมาทีหลัง

ตั้งแต่เป็นแฟนกัน พี่เติมเต็มเจ้าเล่ห์ขึ้นเยอะเลย แต่นั่นก็ทำให้ผมรู้สึกเขินได้ทุกครั้ง



นึกถึงวันที่พี่เติมเต็มขอเป็นแฟน ผมยังไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่เลย คืนนั้นหลังจากที่พี่เติมเต็มขอผมเป็นแฟน เราก็รีบกลับมามหาวิทยาลัยกันคืนนั้นเลย เพราะผมลืมไปว่าวันต่อมามีสอบตั้งแต่เช้า มานึกได้ก็ตอนที่พี่เติมเต็มกำลังจะขับรถมาส่งที่บ้าน แล้วคุยกันเรื่องวันสอบก็เลยนึกได้ขึ้นมา

แล้ววันต่อมา ตอนที่ตื่นมาผมยังงงๆกับตัวเองอยู่เลยว่า เรื่องเมื่อคืนที่พี่เติมเต็มขอผมเป็นแฟนมันจริงใช่มั้ย

จนกระทั่ง ผมได้รับข้อความแรกจากพี่เติมเต็มผมถึงได้มั่นใจว่ามันเป็นเรื่องจริง


teimtem : ตื่นยังครับ
teimtem : คุณแฟน


ตอนเห็นข้อความทางไลน์จากพี่เติมเต็ม ผมทำอะไรไม่ถูกเลย ผมจำได้ว่าผมม้วนตัวเองอยู่ในผ้าห่มและกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่เป็นนานสองนาน


ตอนที่ลงมาเจอหน้าพี่เติมเต็มครั้งแรก หลังจากที่ได้รับข้อความแบบนั้นผมยิ่งไม่รู้จะทำหน้าแบบไหน ก็พยายามทำหน้านิ่งเฉยเข้าไว้ เหมือนไม่ได้รู้สึกอะไร ชิลล์ๆ แต่ในใจมันไม่ได้ชิลล์เลย

"ทำไมหน้าแดงจัง ไม่สบายมีไขัอะไรหรือเปล่า" พี่เติมเต็มทักผมเป็นประโยคแรกหลังจากที่ผมขึ้นมานั่งบนรถ

"เปล่าครับ"

พี่เติมเต็มใช้มือมาแตะที่หน้าผากและบนใบหน้าผม ผมขยับตัวหนีเล็กน้อยเพราะตกใจ

"อ๋อ..." พี่เขาพูดแค่นั้นแล้วก็ยิ้มออกมา ตามด้วยใช้มือมาวางที่หัวของผมและโคลงหัวผมเบาๆ

"พี่เองก็เขินไม่ต่างจากเราหรอกนะ ก็ทำไงได้ แฟนคนแรกนี่เนอะ" พี่เติมเต็มพูดและผมเห็นพี่เขาใช้มือเขี่ยที่ปลายจมูกตัวเองสองสามครั้ง ผมอดยิ้มออกมาไม่ได้ แสดงว่าพี่เขาก็เขินเหมือนกัน

"ทำตัวตามสบาย อย่าเกร็ง เห็นเราเกร็งพี่ก็ทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน"

"ครับ"


วันนั้นพอพี่เติมเต็มขับรถมาส่งผมที่หน้าคณะ ผมก็ยื่นการ์ดใบใหม่ให้พี่เติมเต็ม



"To...พี่เติมเต็ม

       ขอบคุณมากนะครับที่ให้โอกาสผมเป็นคนดูแลหัวใจ

                      จะรักให้ดีที่สุด ❤️
                             คนเก่ง
                        04/xx/20xx "



พอผมยื่นให้พี่เติมเต็มก็เปิดอ่านเลยทันที อ่านออกเสียงด้วยนะ ผมบอกแล้วว่าให้อ่านทีหลังแต่พี่เขาไม่ยอม ผมยังไม่เคยเจอพี่เขาอ่านการ์ดต่อหน้าผมแบบนี้ เล่นเอาผมทำตัวไม่ถูกไปเลยครับ

"ขอบคุณเช่นกันนะครับ คุณแฟน" พี่เติมเต็มตอบผมมาทันทีที่อ่านการ์ดเสร็จ แล้วยังเพิ่มเติมด้วยการหอมแก้มผมตั้งหลายครั้ง เป็นแฟนยังไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมง ผมก็เสียเปรียบไปหลายอย่างแล้วเนี่ย


แต่ก็ไม่ใช่ว่าผมจะไม่ชอบหรอกนะ



พอผมเดินลงมาจากรถพี่เติมเต็ม ผมเดินมาที่โต๊ะประจำเจอฟูจิและส้มส้มที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว และผมรู้สึกว่าเหมือนโต๊ะที่อยู่ใกล้ๆก็มองผมด้วยเหมือนกัน

ไม่ใช่สิ ไม่ใช่แค่โต๊ะใกล้ๆ โต๊ะที่อยู่ตรงโน้นก็มองผมเหมือนกัน


"มาแล้วๆ" เสียงของส้มส้มพูดขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นตอนที่เห็นผมนั่งลงที่โต๊ะ

ผมกำลังจะบอกเพื่อนสนิททั้งสองของผมเรื่องสถานะของผมกับพี่เติมเต็มที่เปลี่ยนไป ตั้งใจตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วว่าถ้าเจอเพื่อนทั้งสองคนจะเล่าให้ฟังเลย

แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไรออกมา ฟูจิก็พูดขึ้นมาก่อน

"แฟนมาส่งเหรอ"

ฟูจิมันพูดเน้นคำว่าแฟนเป็นพิเศษ

"คนเก่งน่าอิจฉาจัง รู้มั้ยมีคนอิจฉาทั้งมหาลัยแล้วเนี่ย" ส้มส้มพูดต่อ

"ทำหน้างงแบบนี้แสดงว่าไม่รู้เรื่องจริงๆนะสิ" ฟูจิถามผมด้วยใบหน้าที่มีแต่รอยยิ้ม

"รู้เรื่องอะไรวะ" ผมถาม

"ก็เมื่อคืนที่พี่เต็มไลฟ์สดขอคนเก่งเป็นแฟนไง" ส้มส้มเป็นคนบอกผมด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นและยิ้มกว้างเหมือนเป็นเรื่องของตัวเอง


เดี๋ยวนะ!
ไลฟ์สด
เมื่อคืน
ขอเป็นแฟน


พี่เต็ม!


"เฮ้ย!!!ไม่จริงอะ" ผมร้องออกมา

"มึงจะดูย้อนหลังมั้ย" ฟูจิถาม

"หรือจะดูที่ส้มอัดไว้ก็ได้นะ"


ผมไม่ได้ไปดูย้อนหลังหรือดูที่อัดไว้อะไรทั้งนั้น แค่เพื่อนเล่าให้ฟังก็พอแล้วครับ

ผมไม่เคยคิดเลยว่าพี่เติมเต็มจะเล่นใหญ่ขนาดนี้

ทำอะไรไม่ปรึกษาผมเลย ไม่ใช่แค่เรื่องของตัวเองสักหน่อย มันเป็นเรื่องของเราแล้วแบบนี้


(มีต่อค่ะ)
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 19) 10/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ninewara ที่ 12-05-2019 12:09:26
(ต่อค่ะ)




ก๊อก ก๊อก

"คนเก่ง"

เสียงของพี่เติมเต็มที่เรียกผมอยู่หน้าห้องน้ำช่วยดึงความคิดผมกลับมาที่ปัจจุบัน

"ครับ"

"พี่แขวนชุดนักศึกษาไว้ที่ราวในห้องแต่งตัวนะ"

"ครับ"

ผมอาบน้ำต่ออีกสักพัก ก็เช็ดตัวจนแห้งแล้วหยิบเสื้อคลุมอาบน้ำมาใส่ (ผมเพิ่งสังเกตว่ามีพับไว้ที่ตู้ในห้องน้ำ) ผมเดินมาที่ห้องแต่งตัวเห็นชุดนักศึกษาที่รีดเรียบร้อยแขวนอยู่ที่ราวในห้องแต่งตัว แต่ที่ทำให้ผมหน้าแดงจนเป็นลูกตำลึงก็เพราะมันมีกางเกงชั้นในของผมที่แขวนอยู่ที่ไม้แขวนเสื้อด้วยนะสิ

มานอนค้างคอนโดพี่เขาคืนแรก
ผมเมาแล้วนัวเนียพี่เขาก่อน
และมิหนำซ้ำ
ี่พี่เขายังซักกางเกงในให้ด้วย

อ๊ากกกกกกกกกกก
หมดกัน



หลังจากแต่งตัวด้วยชุดนักศึกษาเรียบร้อยแล้ว ผมก็เดินเข้ามาที่ห้องนอน ผมไม่เจอพี่เต็มเต็ม แสดงว่าพี่เขาน่าจะอยู่ที่ห้องรับแขกข้างนอก พอเดินออกมาเห็นพี่เติมเต็มนั่งคุยโทรศัพท์มือถืออยู่ที่โซฟา ผมก็เลยนึกขึ้นมาได้ว่าลืมถามเรื่องมือถือกับพี่เติมเต็มไปเลย

เท่าที่ฟังดูเหมือนพี่เติมเต็มจะคุยเรื่องไปทำกิจกรรมอะไรสักอย่างที่ต่างจังหวัดกับทางคณะวิศวะ แต่ผมไม่ค่อยได้ฟังอะไรมากมายนัก จนพอเห็นพี่เติมเต็มวางโทรศัพท์ ผมถึงได้ถามเรื่องมือถือของผม

"พี่เต็มเห็นมือถือผมมั้ยครับ"

ผมถาม และเห็นพี่เติมเต็มล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของตัวเอง แล้วก็ยื่นมือถือมาให้ผม

"นี่ไง"

"นึกว่าหล่นอยู่บนรถซะอีก"

"พี่เอามาชาร์จแบตให้ตั้งแต่เมื่อคืนน่ะ"

"ขอบคุณนะครับ"

"แล้วก็...ไม่ใส่รหัสล็อคหน้าจอมือถือไว้จะดีเหรอ" พี่เติมเต็มถามผมยิ้มได้

"มือถือผมไม่มีความลับอะไรหรอกครับ อีกอย่างใครจะอยากมาดูอะไรในมือถือผมล่ะ" ผมพูด ก่อนจะมานึกได้ว่า แล้วพี่เติมเต็มรู้ได้ไงว่าผมไม่ได้ใส่รหัสล็อคหน้าจอ แสดงว่าพี่เขาต้องเข้ามาดูมือถือของผมน่ะสิ!

"พี่กดฟอลโล่ไอจีไปแล้วนะ กดรับด้วยล่ะ"

ผมตาโตอีกรอบ งั้นพี่เติมเต็มก็รู้แล้วสิว่าไอจีผมคืออันไหน

"พี่เต็มขี้โกงอะ"

"ถ้าไม่ทำแบบนี้เราจะบอกเหรอว่าอันไหนไอจีเรา"

"พี่เต็มก็น่าจะเห็นรูปที่ผมโพสในไอจีแล้วไม่ใช่เหรอครับ มันเปิดเผยได้ที่ไหนกันล่ะ"

ไอจีของผมไม่ได้เปิดเป็นสาธารณะครับ และจำนวนผู้ติดตามคือศูนย์

รูปทั้งหมดที่ผมโพสลงในไอจีคือจะเป็นรูปของและการ์ดที่ผมส่งให้พี่เขา ผมจะถ่ายเก็บไว้ก่อนที่จะให้พี่เติมเต็มเสมอ เหมือนเป็นการเก็บความทรงจำของผมเอง

เพราะฉะนั้นจะเปิดให้ใครฟอลได้ยังไงล่ะ

"ไม่กดรับหรอก" ผมบอก

"จะกดเองหรือจะให้พี่กด"

"ไม่เอาอะ"

"ถ้าพี่กดเอง จะไม่ใช่แค่กดปุ่มตอบรับแน่" แล้วอะไรคือการขยับหน้าเข้ามาใกล้ผมแบบนี้

"ครับๆ รับแล้วๆ" ผมรีบยกมือถือขึ้นมาเข้าไอจีและกดยอมรับคำขอทันที

"ก็แค่นี้"

พี่เติมเต็มเข้าไปที่ไอจีบ้าง และเข้าไปส่องที่ไอจีของผม

"ถ่ายครบทุกอันมั้ย"

"ครบครับ ยกเว้นจดหมายที่ผมเขียนหาพี่ฉบับแรก"

"เหรอ เสียดายจัง ... พี่ก็ไม่ได้เก็บจดหมายฉบับนั้นไว้ด้วยสิ ถ้ารู้ว่าสุดท้ายจะได้เรามาเป็นแฟนนะ จะเก็บไว้อย่างดีเลย"

"ไม่เป็นไรหรอกครับ" ผมบอกพี่เติมเต็ม ไม่ได้รู้สึกน้อยใจอะไรเลย เพราะแค่ผมไปเห็นว่าพี่เขาเก็บการ์ดที่ผมให้ไว้อย่างดีแค่นี้ผมก็มีความสุขมากที่สุดแล้ว

"เดี๋ยวพี่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแป๊ปเดียว" พี่เติมเต็มบอกก่อนจะเดินเข้าไปในห้องนอน

ผมนั่งเล่นมือถือไปสักพักก็มีแจ้งเตือนในเฟซบุ๊คว่ามีคนแท็กวิดีโอมา ผมกดเข้าไปดูที่แจ้งเตือนเฟซบุ๊ค


Jirayu Siripaiboon


ถ้าจำไม่ผิดเป็นชื่อเฟซบุ๊คของโจ้นี่นา แท็กทั้งชื่อผมและชื่อพี่เติมเต็ม



แล้วแคปชั่นนี่คือ?



บังเอิญว่าอยู่ในจุดเกิดเหตุ #แอบถ่าย #มีคลิปเต็ม #ยิ่งกว่าในไลฟ์



ผมไม่รู้ว่ามันคือคลิปอะไรเพราะมันเป็นสีดำ แต่ตามแคปชั่นที่บอกว่ายิ่งกว่าในไลฟ์ อย่าบอกนะว่า ...

ผมกดเข้าไปดู มันเป็นคลิปวันนั้นจริงๆด้วย แต่ต่างจากในไลฟ์เพราะในคลิปเห็นทั้งพี่เติมเต็มและผม แต่ในไลฟ์ที่ผมได้ดูแบบผ่านๆที่ส้มส้มอัดไว้ส่วนใหญ่จะเห็นแค่ผม

คลิปไม่ได้ยาวมาก ตัดมาเฉพาะช่วงที่พี่เติมเต็มขอผมเป็นแฟน และผมตอบตกลงแค่นั้น ภาพในคลิปชัดเจนมากเลย และเสียงที่คุยกันก็ชัดด้วย

แต่ว่า...ในวันนั้นไม่มีใครอยู่ใกล้โต๊ะที่พวกเรานั่งอยู่เลย แล้วโจ้แอบถ่ายมาได้ไง

"ปะ เดี๋ยวพี่ไปส่งที่มหาลัย" พี่เติมเต็มเดินออกมาพอดี

"พี่เต็มครับ โจ้แท็กคลิปมาให้เราสองคน โจ้บอกว่าแอบถ่ายด้วย แต่วันนั้นไม่มีใครนั่งใกล้เราเลยนะ และผมจำได้ว่าไม่ได้เจอโจ้ด้วย" ผมรีบบอกพี่เติมเต็ม

"ใจเย็นครับ" พี่เติมเต็มนั่งลงข้างผม พร้อมทั้งเอามือลูบหัวผมไปด้วย

"ไหนดูสิ" พี่เติมเต็มหยิบมือถือตัวเองมาดูบ้าง

"ถ่ายออกมาสวยมาก" พี่เติมเต็มเอ่ยปากชม ผมมองหน้าพี่เติมเต็มดูเหมือนจะพอใจมากๆ

"พี่เต็มครับ" ผมเรียกพี่เติมเต็มแบบเน้นเสียง

"พี่เป็นคนให้โจ้กับแฟนถ่ายไว้ให้เอง" คำตอบของพี่เติมเต็มเล่นเอาผมอึ้งไปเลย เพราะแค่ไลฟ์ผมว่ามันก็เยอะมากเกินไปแล้ว แต่นี่เล่นถ่ายคลิปเก็บไว้เลยเหรอ

"ยังไงครับ" ผมถาม และพี่เติมเต็มก็เล่าให้ฟังทั้งหมด

หลังจากฟังเรื่องราวทั้งหมด

"ผมว่ามันเกินไปหรือเปล่าครับ"

"คนอื่นคิดยังไงไม่รู้นะ แต่สำหรับพี่มันไม่มากเกินไปหรอก บางทีมันอาจจะน้อยไปด้วยซ้ำ เพราะพี่ใช้ความรักความทุ่มเทความมั่นคงของเราที่มีให้พี่มาตลอดห้าปีเป็นตัววัด ตอนนั้นคิดแค่ว่าจะทำแบบไหนดีถึงจะเหมาะสมกับความรักที่เรามีให้พี่ แต่มันก็คิดได้แค่นี้แหละ แล้วก็พี่อยากมีคลิปวิดีโอเก็บไว้ดูด้วย เกิดมาไม่เคยขอใครเป็นแฟนสักที ครั้งแรกก็อยากเก็บไว้ มันเป็นความทรงจำที่ดีนะ"

ผมขยับเข้าไปใกล้พี่เติมเต็มและกอดพี่เขาไว้ พี่เขาก็กอดตอบกลับผมมา

"พี่เต็ม ก็หวานเหมือนกันนะเนี่ย" ผมพูดเบาๆ

พี่เติมเต็มหอมที่หัวผมทีหนึ่ง

"นั่นสิ พี่ยังงงตัวเอง มันก็เลยยิ่งทำให้รู้ว่าเราพิเศษนะ คนเก่ง"

ใจผมเต้นแรงจนจะทะลุออกมาอยู่แล้ว ผมขยับตัวออกมาจากพี่เติมเต็มนิดหน่อยก็เห็นชัดเลยว่าพี่เขาหูแดง ผมอดยิ้มออกมาไม่ได้ พี่เติมเต็มก็เขินเหมือนกัน

ผมรักพี่เติมเต็มจัง

"พี่ว่าไปเรียนดีกว่า ไม่งั้นพี่อาจจะเปลี่ยนใจให้เราโดดแทน" พี่เติมเต็มปล่อยผม และหอมแก้มผมทีหนึ่ง พี่เติมเต็มลุกขึ้นยืนเต็มตัวและดึงผมขึ้นมายืนด้วย

"ไหนดู เสื้อผ้ายับหมดแล้วมั้งเนี่ย"
พี่เติมเต็มจัดเสื้อผ้าให้ผม และยกมือขึ้นมาจัดทรงผมให้ด้วย



พี่เติมเต็มขับรถมาส่งผมที่หน้าคณะตามปกติครับ ตอนที่ผมกำลังจะลงจากรถพี่เติมเต็มก็บอกว่าจะนั่งอ่านหนังสือรอที่ร้านกาแฟใกล้ๆคณะ เพราะวันนี้พี่เติมเต็มไม่มีเรียน ส่วนผมก็มีเรียนแค่วิชาเดียว หลังจากที่นัดแนะกันเรียบร้อย พอผมจะเปิดประตูรถลงไป พี่เติมเต็มก็จับมือผมไว้ก่อน

"ครับ?" ผมหันมาถาม

"อยากจูบ" พี่เติมเต็มพูดพร้อมทั้งปลดเข็มขัดนิรภัยและขยับเข้ามาใกล้ผม

ผมรีบมองข้างนอกรถทันที โอเค...ไม่มีใครเลย เพราะจุดที่พี่เติมเต็มมาจอดวันนี้จะหลบมุมหน่อย เอ๊ะ!พี่เติมเต็มตั้งใจว่าจอดตรงนี้งั้นสิ

"นะ รถติดฟิล์ม ข้างนอกไม่มีใครด้วย"

"ทำไมไม่ทำตั้งแต่อยู่บนห้องล่ะครับ เดี๋ยวปากมัน...เจ่ออะ กลัวมีคนถาม" ผมพูดเขินๆ และมันก็จริงนะ พอพี่เติมเต็มจูบทีไรปากผมมันเจ๋อตลอด เมื่อวันก่อนฟูจิมันยังถามผมว่าโดนแมลงอะไรกัดมาหรือเปล่า พอผมไม่ตอบมันก็แซวผมเรื่องที่ว่า   'อ๋อแมลงตัวโตที่ชื่อเติมเต็ม'

พี่เติมเต็มโอบรอบเอวผมและดึงผมเข้าไปใกล้ หน้าพี่เติมเต็มใกล้ผมเข้ามาเรื่อยๆจนผมต้องรีบหลับตาปี๋เลย สัมผัสของพี่เติมเต็มคลอเคลียอยู่ที่บริเวณแก้มและใบหูของผม

"ถ้าทำบนห้อง พี่ว่ามันน่าจะเลยเถิดมากกว่าจูบนะ"

เสียงพี่เติมเต็มพูดอยู่ที่ข้างหูของผม ก่อนที่ริมฝีปากของพี่เติมเต็มจะแตะลงที่ริมฝีปากของผมอย่างแผ่วเบา

"เปิดปากหน่อยครับ"

โอ๊ยยยย ผมเขินจนตัวจะแตกออกอยู่แล้ว เวลาที่พี่เติมเต็มพูดอะไรแบบนี้

ผมเผยอริมฝีปากออกเล็กน้อย และพี่เติมเต็มก็จูบผมและใช้ลิ้นเข้าไปในโพรงปากของผม ผมรู้สึกได้ถึงลิ้นของพี่เติมเต็มกำลังไล่ต้อนลิ้นของผม แต่แล้วพี่เติมเต็มก็หยุดและถอนริมฝีปากออก และกอดผมไว้นิ่งๆ

ผมได้ยินเสียงพี่เติมเต็มหายใจค่อนข้างแรงมาก

"ไม่น่าจูบบนรถจริงๆนั่นแหละ"

"......."

"เพราะอีกนิดเดียวพี่ว่าพี่จะคุมตัวเองไม่อยู่แล้ว"

"......"

"เป็นความผิดของเราเลยนะคนเก่ง"

"ผมผิดอะไรล่ะครับ พี่เป็นคนอยากจูบเองนะ" ผมพูดขึ้นมาด้วยความเขินอาย

"ผิดสิ ยั่วพี่ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วนะ เมาแล้วยั่วเก่งว่ะ"

ตอนนี้ถ้าหน้าผมระเบิดได้มันก็คงจะระเบิดไปแล้ว ผมคิดว่าพี่เติมเต็มคงจะไม่พูดถึงเรื่องเมื่อคืน เพราะตั้งแต่ตื่นมาก็ไม่เห็นพูดอะไร

"......."

ผมไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี

"มาบอกว่าเราตัวหอม แล้วก็มาไซร้ที่คอเรา แล้วไม่รับผิดชอบสิ่งที่ตัวเองทำเลย"

"ไม่รับผิดชอบอะไรล่ะครับ" ผมถามด้วยความไม่เข้าใจจริงๆ

"เพราะเราทำให้เมื่อคืนพี่ต้องอาบน้ำนานมากกว่าปกติ"

พี่เติมเต็มพูด ผมขยับตัวออกจากอ้อมกอดพี่เติมเต็ม

"พี่เต็มอาบน้ำนานแล้วมันจะเกี่ยวกับผมตรงไหนล่ะครับ ผมไปเรียนดีกว่า นึกว่ามาถึงก่อนเวลาแล้วนะเนี่ย"

ผมพูดเสร็จก็เปิดประตูรถ หันมามองพี่เติมเต็มเห็นพี่เขาทำหน้าเหวอๆเล็กน้อย ผมก็เลยโน้มตัวไปหอมแก้มพี่เขาทีหนึ่ง

"ผมไปเรียนแล้วนะครับ เรียนเสร็จผมจะโทรหา"

ผมรีบลงจากรถและปิดประตูรถทันที ไม่กล้าหันกลับไปมองพี่เติมเต็มอีก



"เพราะเราทำให้เมื่อคืนพี่ต้องอาบน้ำนานมากกว่าปกติ"

"เพราะเราทำให้เมื่อคืนพี่ต้องอาบน้ำนานมากกว่าปกติ"



ประโยคนี้มันยังก้องอยู่ในหัวผมอยู่เลย


โอ้ยยย...พี่เติมเต็มเล่นพูดออกมาแบบนี้ จะให้ผมอยู่เผชิญหน้าต่อไปได้ยังไงกันล่ะ




ผ่านมาอีกประมาณสองอาทิตย์ก็เข้าสู่ช่วงสอบแบบจริงจัง ถ้าคิดว่าการสอบของผมหนักแล้วของพี่เติมเต็มยิ่งหนักกว่า เพราะผมเห็นพี่เติมเต็มอ่านหนังสือจนเกือบเช้า นอนประมาณสองชั่วโมงก็ตื่นมาเพื่อเตรียมตัวไปสอบ

และช่วงนี้ผมก็มานอนค้างที่คอนโดของพี่เติมเต็มยาวเลยครับ เหตุผลเพราะถ้าผมไม่มาพี่เขาก็จะอ่านแต่หนังสือไม่ยอมทานอะไรนอกจากน้ำเปล่าหรือนมเพราะมันทานง่าย เปิดตู้เย็นดื่มได้เลย

วันนี้เป็นวันเสาร์ พี่เติมเต็มบอกว่าพวกเพื่อนๆจะมาทำโครงงานหรืออะไรประมาณนี้แหละครับที่ห้อง ผมก็เลยถามว่าจะให้ทำกับข้าวอะไรพิเศษหรือเปล่า แต่พี่เติมเต็มบอกว่า

'ไม่ต้องทำให้มันทำกันเอง เราทำให้พี่คนเดียวพอ'

ผมอดขำพี่เติมเต็มไม่ได้ จะเป็นแบบนั้นได้ยังไงล่ะครับ จะทำก็ต้องทำให้ทานเหมือนกันหมด แต่ผมรู้ว่าพี่เติมเต็มพูดไปแบบนั้นเอง เพราะพี่เติมเต็มเป็นคนที่รักเพื่อนมากนะครับ

จริงสิ...วันนี้ฟูจิมันบอกว่ามันจะกลับไปทำบุญให้พ่อกับแม่ที่บ้าน ไม่รู้มันเป็นยังไงบ้าง ผมมองดูเวลาใกล้เที่ยงแล้ว ไม่รู้ว่ามันทำบุญเสร็จหรือยัง


konkengg : ฟูจิ
konkengg : ทำบุญเสร็จยัง

ผมเลือกที่จะทักไลน์ไปหาแทน เอาไว้มันสะดวกตอนไหนก็ค่อยตอบกลับมา

แต่มันตอบมาเร็วมาก

fujiz : เสร็จแล้ว
fujiz : กำลังจะทำบาป

อะไรของมัน

konkengg : อะไรว่ะ

แล้วจากหน้าจอไลน์ก็เปลี่ยนเป็นมีสายของฟูจิโทรเข้ามาแทน

"เออ อะไรยังไงวะ"

(ก็พี่วิน...มัน...แม่งกวนตีนกู)

ก่อนที่จะคุยอะไรต่อ ผมได้ยินเสียงดังมาจากปลายสาย คล้ายๆจะเป็นเสียงของพี่วิน

(แป๊ปนะมึง .... ผมคุยกับไอ้คนเก่งมันเนี่ย)

ผมได้ยินเสียงกุกกักๆดังมาจากอีกฝั่ง

(ฮัลโหล) คราวนี้เสียงที่พูดมาไม่ใช่เสียงของฟูจิครับ

"ครับ"

แล้วเสียงฝั่งโน้นก็เงียบไป

(ฮัลโหลมึง) คราวนี้เป็นเสียงฟูจิครับ อะไรวะ ผมงง

"เกิดอะไรขึ้นว่ะ"

(พี่วินมันกวนตีน มันงี่เง่า มัน...ไม่รู้เว้ย)

"พี่วินกลับบ้านกับมึงเหรอ"

(ไม่ได้กลับพร้อมกัน แต่พี่มันมาอยู่เป็นเพื่อนกูตั้งแต่เมื่อคืน แล้ววันนี้ก็พามาทำบุญ)

ผมยิ้มตอนที่ฟูจิเล่า พี่ธาวินเองก็ดูจะใส่ใจฟูจิมันดีนี่นา

"แล้วตอนนี้ก็อยู่ด้วยกัน"

(อยู่ร้านอาหาร ... กู ... ไม่เข้าใจพี่วินเลยว่ะคนเก่ง)

"เกิดอะไรขึ้น สะดวกเล่ามั้ย พี่วินอยู่กับมึงหรือเปล่า"

(กูอยู่บนรถ แต่พี่มันเดินไปรอในร้าน)

"......"

(วันนี้กูบอกพี่มันไปว่ากูจะปล่อยวางเรื่องของพี่มันแล้ว และกูก็อาจจะหารักครั้งใหม่)

"......"

(แล้วพี่มันก็โวยวายกูเว้ย บอกว่าจะรีบหาแฟนไปทำไม ควรจะตั้งใจเรียนมากกว่า แล้วยังพูดอีกว่าไหนกูบอกว่าชอบพี่มันไง แล้วทำไมกูถึงจะไปหาคนใหม่)

ผมตั้งใจฟังที่ฟูจิมันพูด

"กูว่าพี่วินหวงมึง" ผมออกความคิดเห็นตามสิ่งที่ได้ยิน

(หวงกู? ไม่ได้คิดอะไรกับกูแต่หวงกูเนี่ยนะ)

"เออ แต่กูว่าอาจจะถึงขั้นหึงก็ได้นะ"

(ตั้งแต่มีผัวเนี่ย มโนเก่งนะมึงน่ะ)

"ผัวอะไรล่ะ"

(หรือมึงจะให้พี่เต็มเป็นเมียมึงล่ะ)

"อย่านอกเรื่องมึง กูพูดเรื่องมึงอยู่"

(......)

"......"

(มึงอย่าพูดให้ความหวังกูได้มั้ยวะ)

"กูพูดตามสิ่งที่กูได้ยิน เมื่อกี้พี่วินไม่พอใจมึงเพราะคิดว่ามึงคุยโทรศัพท์กับคนอื่น แล้วพี่เขาก็ถามมึงแต่ก็ไม่ชัวร์ พี่เขาก็เอามือถือมาคุยเอง พอรู้ว่าเป็นกูพี่เขาก็เลิกโวยวาย ถูกมั้ย"

(อืม)

"ก็เนี่ยแหละที่กูบอกว่าพี่เขาหึงมึง"

(.......)

"มึงไม่ลองถามหรือลองคุยกับพี่วินอีกสักครั้งดู"

(กูไม่กล้าว่ะ คำพูดของพี่มันเมื่อหลายปีก่อนมันยังฝังอยู่ในใจกูอยู่เลย ถ้ากูเจอคำพูดนั้นอีกครั้งกูต้องแย่แน่ และคงกลับมาเป็นพี่น้องกันแบบนี้อีกไม่ได้)

"ไม่ว่ายังไงมึงก็เป็นพี่น้องกับพี่วินไม่ได้หรอกเพราะมึงรู้สึกกับพี่เขาไปแล้ว ถ้าเป็นกู กูจะยอมเสี่ยงอีกครั้ง"


ฟูจิยังไม่ได้พูดอะไรต่อ ผมก็ได้ยินเสียงพี่ธาวินดังขึ้นมาแต่จับใจความไม่ได้

(ฮัลโหล คนเก่ง)

เป็นเสียงพี่ธาวินครับ

"สวัสดีครับพี่วิน"

(คุยอะไรกันนานจังเลยครับ)

"พอดีฟูจิปรึกษาเรื่องหัวใจนิดหนึ่งน่ะครับ"

(หืม?)

"พี่วินครับ ฟูจิเป็นเพื่อนรักของผมนะ และตลอดเวลาที่คบกันมาฟูจิมันดีกับผมมากๆ ผมเองก็ไม่อยากให้เพื่อนผมเสียใจ"

(......)

"ถ้าพี่วินไม่ได้คิดอะไรกับฟูจิมันเกินกว่าพี่ชายน้องชาย พี่วินจะปล่อยฟูจิมันได้มั้ยครับ"

(หมายถึง?)

"คือผมพูดตรงๆเลยนะครับ มีรุ่นพี่ต่างคณะเขาเข้ามาจีบๆฟูจิอยู่เหมือนกัน แต่ติดอยู่ที่ฟูจิมีใครบางคนอยู่ในใจอยู่แล้ว ก็เลยยังไม่ได้ตอบรับรุ่นพี่คนนั้น"

ขอโทษนะฟูจิ กูแค่อยากกระตุ้นพี่ธาวิน

(รุ่นพี่? ผู้ชาย?)

"ครับ"

(ถ้ามันอยากไปก็ไปสิ เกี่ยวอะไรกับที่พี่ปล่อยหรือไม่ปล่อย)

ผมถอนหายใจออกมา

"ผมว่าพี่วินก็รู้ดีว่ามันเกี่ยวหรือไม่เกี่ยว"

(......)

"ผมจะวางแล้วนะครับ บอกฟูจิด้วยว่า เจอกันวันจันทร์ครับ"


ผมกดวางสาย
หวังว่าเรื่องของพี่ธาวินและฟูจิจะจบลงด้วยดีนะครับ





TBC.
#เติมเต็มรัก
ninewara✿


◕ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่าน อาจจะสนุกบ้างไม่สนุกบ้างต้องขออภัยด้วยนะคะ
◕เรื่องนี้เป็นเรื่องรักใสใสไร้ดราม่านะคะ
◕ตอนหน้าเราจะมาดูความคืบหน้าของคู่พี่วินกับฟูจิกันบ้างเนอะ


หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 20) 12/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 12-05-2019 12:20:45
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 20) 12/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 12-05-2019 12:56:38
 :pig4: :pig4: :pig4:

อิพี่วินแม่งยังไม่รู้จักหัวใจตัวเองสินะ
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 20) 12/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 12-05-2019 18:32:50
 :L2: :pig4: :L1:

พี่เต็มจะอดไม่ไหว 55 ค่อยๆรักน้องไป
พี่วิน อาการออกชัดเจน แต่หัวพี่ยังไม่จูน แหม่ต้องให้มีผู้ช่วยกระตุ้น
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 20) 12/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 12-05-2019 23:29:16
เก่งจ้าพี่วินเก่งงงงง  :hao3:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 20) 12/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 13-05-2019 00:16:53
น้องคนเก่งจะผันตัวไปเป็นกามเทพซะแล้ว ^^
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 20) 12/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 13-05-2019 00:48:34
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 20) 12/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 13-05-2019 02:13:31
 :mew1: รอดูพี่วินอกแตกตาย หาหนุ่มมาจีบฟูจิซักคนเลยคนเก่ง
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 20) 12/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 13-05-2019 09:55:16
เอาอีก กระตุ้นพี่วินเข้าไปอีกเยอะ จะได้รู้ใจตัวเองซะทีว่าคิดกับฟูจิแบบไหน

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 20) 12/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: kungverrycool ที่ 13-05-2019 23:01:48
ฟูจิจ๋า เล่นตัวให้อีพี่วินอกแตกตายไปเลยนะ ถ้ามันรู้ใจตัวเองเมื่อไร 5555
 :z6:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 20) 12/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 14-05-2019 16:08:54
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 20) 12/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 14-05-2019 23:13:00
ดีๆ เร่งเชื้อไฟหน่อยพี่วินชักช้า
พี่เต็มนี่เขาก็หวานนะ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ธาวิน&ฟูจิ) 18/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ninewara ที่ 18-05-2019 09:34:11
ธาวิน ❤️ ฟูจิ [3]



[ธาวิน part]


"เป็นไรว่ะ ช่วงนี้มึงดูหงุดหงิด" ไอ้ไปป์เพื่อนสนิทของผมถามผมตอนที่เรากำลังนั่งติวหนังสือกันอยู่ที่ใต้ตึกคณะวิศวะ

ผมไม่ตอบอะไร แต่ก็นั่งถอนหายใจให้มันได้ยินอีกหลายครั้ง

"เกี่ยวกับฟูจิหรือเปล่าวะ" ไอ้ไปป์มันถาม

ไอ้ไปป์มันเป็นเพื่อนผมมาตั้งแต่เรียนมอต้นและมันก็มาเรียนต่อมอปลายที่สาธิตม.S พร้อมผม และมันก็รู้เรื่องระหว่างผมกับฟูจิดี

ผมยอมรับตรงๆเลยนะว่าตั้งแต่วันที่คุยกับคนเก่งวันนั้น ผมไม่สบายใจเลย และตั้งแต่วันนั้นผมก็ถามตัวเองมาตลอดว่า

ผมชอบฟูจิหรือเปล่าว่ะ

มันไม่ใช่ว่าผมไม่รู้ใจตัวเองนะ

แต่ผมก็คิดว่าผมรู้สึกกับมันแค่น้องชาย

"เอาความรู้สึกของกูเลยนะไอ้วิน กูว่ามึงเห็นแก่ตัว ปากบอกไม่คิดอะไรแต่พอน้องมันจะไปมีคนอื่นก็เสือกดิ้นจะเป็นจะตาย" ไอ้ไปป์มันว่าผม

"......."

"มึงน่ะหลงรักน้องมันไปแล้ว ยังไม่รู้ตัวเองอีกเหรอว่ะ"

"ก็อย่างที่กูบอกมึง กูไม่แน่ใจว่ะ"

"เฮ้อ...งั้นมึงก็ปล่อยให้คนอื่น ใครนะ ผู้ชายที่น้องคนเก่งเล่าให้มึงฟัง"

"กูก็ไม่รู้ว่าใคร แต่เท่าที่กูเห็น กูก็เห็นแต่ไอ้เอิร์ธเดือนสถาปัตย์แค่นั้น"

หลังจากวันที่คนเก่งบอกผม ผมก็คอยสังเกตดูผู้ชายที่เข้าใกล้ฟูจิบ่อยที่สุด ที่เห็นก็มีแค่ไอ้เอิร์ธ แต่ก่อนหน้านี้ผมเคยถามฟูจิแล้ว ฟูจิบอกก็แค่รุ่นพี่

แต่วันนั้นมันก็เล่นหัวฟูจินี่หว่า

จะว่าไปไอ้เอิร์ธมันก็หล่อ สไตล์คุณชายๆ พูดจาก็ดี สุภาพ ถ้าฟูจิจะชอบมันก็เป็นไปได้ ฟูจิมันน่าจะชอบคนที่พูดกับมันเพราะๆ

เพราะเมื่อก่อนตอนที่ผมยังไม่รู้ว่าฟูจิมันคิดเกินเลยกับผม ผมก็พูดกับฟูจิดี พูดเพราะกับมันมาก ผมก็เลยคิดว่าที่มันมาคิดอะไรกับผมเพราะผมพูดกับมันดีกว่าคนอื่นหรือเปล่า เพราะกับเพื่อนหรือรุ่นน้องคนอื่น ผมก็กูมึงตลอด มีฟูจิคนเดียวที่ผมแทนตัวเองว่าพี่ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน

"แล้วช่วงนี้ฟูจิ มันดูจะต่อต้านกูแปลกๆ"

"ยังไง"

"ก็ต่อต้านกู ขัดใจกูทุกเรื่อง"
พูดแล้วก็หงุดหงิด ช่วงนี้มันดื้อกับผมค่อนข้างเยอะ อะไรที่ผมบอกว่าไม่มันก็ทำ อะไรที่บอกให้ทำมันก็ไม่

"สงสัยน้องมันจะตัดเรื่องมึงอย่างจริงจังแล้วล่ะมั้ง" ไอ้ไปป์มันพูดขึ้นมาอีก

ผมถอนหายใจออกมาอีก

เฮ้อ เอายังไงดีวะกู



วันต่อมา ผมมาหาฟูจิที่คณะศิลปศาสตร์ พอมาถึงที่โต๊ะประจำของกลุ่มมันเจอแค่คนเก่งที่พ่วงแฟนมานั่งเฝ้าด้วย

"ไงมึง ย้ายมาเรียนคณะนี้เลยมั้ย" ผมนั่งลงข้างๆไอ้เติมเต็ม

"มึงจะย้ายมาพร้อมกูเลยมั้ยล่ะ" ไอ้เติมเต็มมันตอบผม

"พี่วินสวัสดีครับ" คนเก่งยกมือไหว้ผม มันก็ยังเป็นเด็กมารยาทดีเหมือนเดิม

"เพื่อนไปไหนกันหมด" ผมถามคนเก่ง แต่ได้ยินเสียงไอ้เติมเต็มที่มันนั่งข้างผมหัวเราะในลำคอ

"หัวเราะอะไรมึง" ผมถาม

"กูหัวเราะกับแฟนกู" มันบอกแต่ผมรู้ว่าไม่ใช่

"ส้มส้มไปส่งงานครับ ส่วนฟูจิเมื่อกี้ไลน์มาบอกแล้วว่าแวะร้านกาแฟอยู่" คนเก่งบอกผม ผมก็พยักหน้ารับและนั่งรอ

"คนเก่ง ย้ายมานั่งข้างพี่เร็ว ส่วนมึงไปนั่งฝั่งโน้น" ไอ้เติมเต็มมันพูดเสียงสองกับคนเก่ง แต่มันพูดเสียงติดลบกับผม ไอ้คนสองมาตรฐาน

ผมนั่งดูไอ้คู่รักนั่งหยอกล้อ แกล้งกันไปมา ด้วยความหมั่นไส้

"คนเก่ง น่ารักขนาดนี้ ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนโง่บางคนมันเพิ่งฉลาดตอนที่ผ่านมาตั้งห้าปี" ผมอดจะพูดแขวะไอ้เติมเต็มไม่ได้

"กูอารมณ์ดีเพราะกูกำลังมีความสุข กูจะไม่ถือสาสิ่งที่มึงพูด เพราะถึงแม้ว่ากูจะเคยโง่แต่ตอนนี้กูฉลาดแล้ว แต่...มึงยังโง่อยู่เลย" ไอ้เติมเต็มมันย้อนผม

"พี่เต็มครับ พูดแรงจัง" คนเก่งกอดแขนไอ้เติมเต็มเอาไว้เหมือนกลัวแฟนมันจะกระโดดชกหน้าผม ท่าทางแบบนั้น ... น่ารักชิบหาย

"แต่กูจะต่อยหน้ามึงเพราะสายตาที่มึงมองแฟนกูเนี่ยแหละ"

ผมอดจะขำมันไม่ได้ ขี้หึงเหมือนกันนี่หว่า



ผมได้ยินเหมือนเสียงคนคุยกัน และเหมือนจะเป็นเสียงของฟูจิ ผมก็เลยหันไปมอง

ใช่ฟูจิจริงๆ และคนที่เดินคุยมากับฟูจิคือไอ้อดีตเดือนคณะสถาปัตย์

ฟูจิเดินมานั่งที่โต๊ะโดยที่มันไปนั่งข้างคนเก่ง ไม่รู้มันจะไปนั่งเบียดกันทำไม

"สวัสดีครับพี่เอิร์ธ" คนเก่งยกมือไหว้ไอ้เอิร์ธและยิ้มให้ ผมอยากจะหัวเราะออกมาบ้างตอนเห็นสีหน้าของไอ้เติมเต็ม

"หวัดดีครับ คนเก่ง" ไอ้เอิร์ธมันยิ้มทักทายคนเก่งตอบ ก่อนที่มันจะหันไปทักทายกับไอ้เติมเต็ม และก่อนที่จะมาถึงผม

"ไม่แนะนำให้รู้จักหน่อยเหรอ" ไอ้เอิร์ธมันพูดขึ้นมา แล้วมันก็ส่งสายตาไปที่ฟูจิ

"เอ่อ ... นี่พี่วิน เรียนวิศวะปีสามเหมือนพี่เต็มครับ ส่วนนี่พี่เอิร์ธ เรียนสถาปัตย์ปีสามเหมือนกัน" ฟูจิมันแนะนำสั้นๆ


อยากจะบอกเหลือเกินว่า กูไม่อยากรู้จักมึง


"ยินดีที่ได้รู้จัก" ไอ้เอิร์ธมันพูดกับผมด้วยน้ำเสียงที่โคตรจะกวนเบื้องล่าง

ส่วนผมไม่ได้ตอบอะไรมันไป
และมันก็แค่ส่งยิ้มแบบกวนๆให้ผม

แม่งเอ๊ย!!

"ฟูจิ งั้นพี่ไปเรียนก่อนนะ" ไอ้เอิร์ธมันหันไปคุยกับฟูจิ พร้อมกับใช้มือไปลูบหัวฟูจิ

ใจผมมันร้อนเป็นไฟเลยตอนนี้ และมันร้อนเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมตอนที่ไอ้เอิร์ธก้มลงไปกระซิบข้างหูของฟูจิ แล้วฟูจิมันก็ทำตาโตแล้วหน้ามันก็แดง

ผมทนเห็นอะไรแบบนี้ไม่ไหวแล้ว

ผมลุกขึ้น พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์

"กูไปล่ะ"

ผมพูดเสร็จก็เดินกลับมาที่รถตัวเอง นั่งระงับสติอารมณ์ตัวเองอยู่ในรถ

ผมว่าผมพอจะรู้ว่าตัวเองเป็นอะไร
แต่มันต้องไม่ใช่สิ ผมจะมารู้สึกอะไรแบบนี้กับฟูจิมันได้ไงว่ะ


เป็นไบโพล่าร์อยู่หรือเปล่าว่ะผมเนี่ย!!



ตึ๊ง

เวลาผ่านไปเกือบๆสิบนาทีเสียงแจ้งเตือนไลน์ก็ดังขึ้น

fujiz : พี่

เป็นฟูจิที่ทักมา ผมยังไม่กดเข้าไปอ่าน

fujiz : เป็นไรรึเปล่า
fujiz : ดูอารมณ์ไม่ดี


fujiz : พี่วิน
fujiz : มาหาผมมีอะไรมั้ย


ตอนแรกผมตั้งใจว่า ... กูจะใจแข็ง กูจะไม่กดเข้าไปอ่านข้อความของมึง ...


แต่สุดท้ายผมก็ทำตามที่คิดไม่ได้

wintha : เปล่า ไปหาเฉยๆ

fujiz : แล้วอารมณ์ไม่ค่อยดี
fujiz : เป็นอะไร

ผมยิ้มออกมาได้
ฟูจิมันก็ยังคงเป็นห่วงผมเหมือนเดิม

wintha : ไม่เป็นไร
wintha : สงสัยนอนไม่พอ

ผมจะถือว่าเรื่องไอ้เอิร์ธก็เป็นแค่อากาศที่ลอยผ่านไปมาเท่านั้น

wintha : ตอนเย็นจะกินไร

ผมถามเป็นปกติที่เคยถาม เพราะถ้าสะดวกตรงกันผมก็จะไปทานข้าวกับฟูจิ หรือไม่งั้นก็ไปนั่งเป็นเพื่อนมัน

มันเคยถามว่าทำไมต้องมานั่งเป็นเพื่อนเวลามันทานข้าว ผมก็ตอบไปแค่ว่า ... กลัวมันเหงา ... แต่ผมรู้ว่ามันน่าจะมีเหตุผลที่มากกว่านั้นเพียงแค่ผมยังไม่แน่ใจ

fujiz : ตอนเย็นมีนัดแล้ว
wintha : กับเพื่อน?
fujiz : พี่เอิร์ธชวนไปทานข้าว


พอฟูจิมันพิมพ์ประโยคนี้มา ผมกดมือถือหาฟูจิทันที แต่มันตัดสายผม


fujiz : เข้าเรียนแล้ว

มันตอบมาแบบนี้

fujiz : เรียนก่อนนะ



"โว้ยยยยย!!" ผมร้องแหกปากอยู่บนรถ

ไอ้เอิร์ธ
สรุปคือมึงจริงๆใช่มั้ยที่มาจีบฟูจิ




หลายวันมานี้ ผมได้ทำในสิ่งที่ผมไม่คิดว่าจะทำมาก่อน นั่นคือมานั่งคอยฟูจิที่ใต้หอพักของมันทุกวัน ผมรู้แค่ว่ามันออกไปทานข้าวกับไอ้เอิร์ธทุกเย็น เพราะผมทักชวนมันทานข้าวทีไรมันก็จะบอกว่าไอ้เอิร์ธนัดไว้แล้ว

แต่ผมก็บอกฟูจิว่าจะนั่งรอ ถ้าเป็นเมื่อก่อนมันไม่มีทางหรอกจะปล่อยให้ผมนั่งรอมันหลายชั่วโมงแบบนี้

ไอ้เอิร์ธมันจะขับรถมาส่งฟูจิที่หอประมาณสองทุ่มของทุกวัน โดยไอ้เอิร์ธมันจะจอดรถบริเวณหน้าหอ แต่มันจะไม่เดินลงมาจากรถ

ผมมองดูเวลาใกล้จะสองทุ่มแล้ว และก็เหมือนหลายวันที่ผ่านมาที่รถไอ้เอิร์ธจะขับเข้ามาจอดที่บริเวณหน้าหอ ผมเห็นรถไอ้เอิร์ธจอดอยู่หลายนาทีแล้ว แต่ฟูจิมันก็ยังไม่ลงจากรถ ปกติแล้วพอไอ้เอิร์ธขับรถมาจอดฟูจิมันก็จะลงมาจากรถเลยแต่วันนี้มันจอดรถตั้งนานแล้ว ฟูจิก็ยังไม่ลงมา จากที่ผมยืนมองอยู่ไกลๆผมก็อดที่จะเดินเข้าไปดูใกล้ๆไม่ได้

พอผมเดินเข้าไปใกล้รถของไอ้เอิร์ธ แสงไฟจากเสาไฟฟ้าที่อยู่ใกล้ๆทำให้ผมมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในรถได้อย่างชัดเจน


ไอ้เอิร์ธกับฟูจิ
กำลังจูบกัน


ผมยืนนิ่งมองอยู่แบบนั้น จนคนทั้งคู่ผละออกจากกัน ฟูจิเดินลงจากรถมา และแน่นอนมันต้องเห็นผมเพราะผมยืนอยู่ไม่ไกลจากรถไอ้เอิร์ธเลย

ผมไม่รู้ว่าฟูจิมีสีหน้าแบบไหนที่เห็นผมยืนอยู่ตรงนี้

"พี่วิน" ผมได้ยินเสียงฟูจิเรียกชื่อผม

"กลับมาแล้วก็ขึ้นห้องเถอะ กูกลับล่ะ" ผมพูดกับฟูจิแค่นั้น แล้วผมก็เดินกลับมาขึ้นรถของผม และขับออกมา




ผมกลับมาที่คอนโด ทิ้งตัวลงที่โซฟา และนั่งนิ่งๆด้วยความรู้สึกที่ผมอธิบายไม่ถูก ผมว่าผมช็อกกับภาพที่เห็น มันเหมือนเห็นแฟนเราจูบกับคนอื่น ... ล่ะมั้ง


ผมกับฟูจิเคยจูบกันครับ


ครั้งแรกตอนนั้นผมไปดื่มเหล้ากับพวกเพื่อนๆในคณะ ไอ้ไปป์มันกลัวผมขับรถกลับไม่ได้ มันก็โทรหาฟูจิให้มารับผม ตอนนั้นผมจำได้ว่าผมถามฟูจิว่า

'อยากจูบกับกูมั้ย'

และพอผมถามเสร็จฟูจิมันก็จูบผมจริงๆ เป็นจูบที่ไม่ได้เรื่องแต่ผมโคตรรู้สึกดี

หลังจากนั้นมา ผมก็หาเรื่องจูบกับมันเรื่อย ทุกครั้งที่ผมขอจูบมันไม่เคยปฏิเสธ และผมก็มักจะย้ำกับมันตลอดว่าแค่จูบไม่ได้มีความหมายอะไรพิเศษ

แต่มีเรื่องหนึ่งที่ผมไม่เคยบอกมันก็คือ หลังจากที่ผมจูบมันตั้งแต่ครั้งแรก ผมก็ไม่ได้จูบใครอีกเลย

และมันไม่ใช่แค่จูบ ผมไม่ไปมีอะไรกับผู้หญิงอีกเลย ตอนนั้นผมไม่รู้เหตุผลเหมือนกัน แค่พอจะไปมีอะไรกับใคร หน้าฟูจิตอนที่ผมกำลังจูบมัน ก็ลอยมาในหัว

แต่ตอนนี้ผมว่า ผมพอจะเข้าใจแล้วว่ามันเป็นเพราะอะไร



ฟูจิมันไม่ใช่คนที่จะปล่อยเนื้อปล่อยตัวกับใครง่ายๆแบบนี้ ถ้าฟูจิมันยอมให้ไอ้เอิร์ธจูบมันก็แสดงว่าฟูจิมันเต็มใจ

ความรู้สึกในหัวตอนแรกผมคิดว่าผมจะเดินไปดึงตัวฟูจิลงมาจากรถไอ้เอิร์ธ แต่ถ้าผมทำ ผมว่ายิ่งจะสร้างความลำบากใจให้ฟูจิมัน

ไอ้เอิร์ธมันน่าจะดูแลฟูจิได้ดี

ผมควรจะปล่อยฟูจิมันไป
เหมือนที่คนเก่งพูด
ใช่มั้ย?


.
.
.




"แล้วมึงก็จะอยู่เฉยๆเนี่ยนะ" ผมเล่าเรื่องเมื่อคืนให้ไอ้ไปป์ฟัง และรวมถึงความรู้สึกผมด้วย

"......"

"กูเพิ่งรู้ว่ากูมีเพื่อนที่แม่งโคตรอ่อน"

"....."

"จูบกันแล้วไงว่ะ ก็แค่จูบ ถ้ามึงคิดกับฟูจิเหมือนกัน มึงจะกลัวอะไร คะแนนมึงนำอยู่แล้ว เพราะฟูจิรักมึง"

"ไอ้ไปป์ มึงลืมไปหรือเปล่า เมื่อหลายวันก่อนฟูจิมันบอกว่ามันจะปล่อยวางเรื่องกู จะหาคนใหม่"

"แล้วมึงลืมไปหรือเปล่าว่าที่น้องมันพูดแบบนั้นก็เพราะมึงไม่ได้สนใจหรือคิดเหมือนกันกับน้องมัน แต่ถ้าตอนนี้มึงรู้ใจตัวเองแล้วมึงก็ลุยเลย"

"กูสองจิตสองใจว่ะ"

"กูรำคาญมึงชิบ เสือกจะทำตัวเป็นพระเอกแสนดี"

"มึงฟังสิ่งที่กูคิดก่อนได้มั้ยว่ะ กูทำให้ฟูจิมันเสียใจมาตั้งหลายปี แล้วพอวันหนึ่งมีคนดีๆเข้ามาหามันถ้ากูกั๊กมันไว้ ก็จะกลายเป็นกูหวงก้างอย่างที่มึงพูด กูก็แค่คิดว่าไอ้เอิร์ธมันก็ดี น่าจะดูแลฟูจิมันได้ดีกว่ากู"

"มึงเป็นห่วงฟูจิใช่มั้ย"

"อืม กูเคยบอกแล้วไงว่ากูรักมันเหมือนน้องชาย"

"เหรอ แต่กูไม่จูบกับน้องชายว่ะ"

"......."

"ในเมื่อมึงเป็นห่วงและอยากให้มีคนดีๆที่คอยดูแลน้องมัน ทำไมมึงไม่เป็นคนดูแลเองว่ะ"

"......."

"ไปเคลียร์กับน้องมันให้เข้าใจไป กูรำคาญ"

และไอ้ไปป์มันก็ยังคงนั่งบ่นผมอีกหลายอย่างแต่ผมก็ฟังบ้างไม่ฟังบ้าง เพราะใจคิดถึงแต่เรื่องของฟูจิ





สองวันแล้วที่ผมไม่ได้ไปหาฟูจิ และมันก็ไม่ได้ไลน์หรือติดต่ออะไรมาหาผมทั้งสิ้น

ส่วนผมเอง ปกติก็ไม่ค่อยไลน์หามันก่อนอยู่แล้ว พอฟูจิไม่ไลน์มาหาผม ผมก็ไม่รู้จะทักไปหามันเรื่องอะไรดี

เมื่อช่วงกลางวันผมก็แอบไปแถวคณะศิลปศาสตร์ และผมก็เห็นไอ้เอิร์ธนั่งอยู่ข้างฟูจิ และเห็นไอ้เติมเต็มนั่งข้างคนเก่ง

สองคู่ชู้ชื่น

ดูฟูจิมันก็ยิ้มแย้มดี และดูมันมีความสุขมากด้วย


มันคงจะมีความสุขกับไอ้เอิร์ธ
และคงจะตัดเรื่องของผมไปได้แล้ว

แปลกดีเหมือนกัน
ถ้าผมรู้สึกกับฟูจิแค่น้องชาย
ผมต้องยินดีที่จะอวยพรให้กับความรักของน้องชายจริงมั้ย และอาจจะต้องเดินเข้าไปตบไหล่ไอ้เอิร์ธว่าให้มันดูแลน้องชายผมดีๆ แต่ในความรู้สึกจริงๆของผมตอนนี้

ผมไม่สามารถทำแบบนั้นได้ โดยไม่ฝืนใจ


TBC.

หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ธาวิน&ฟูจิ) 18/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ninewara ที่ 18-05-2019 09:43:13
ธาวิน ❤️ ฟูจิ [4]



[ฟูจิ part]


ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพี่ธาวิน พี่มันเงียบและเหมือนกับหายไปจากชีวิตผมเลย ตั้งแต่คืนที่พี่มันเห็นว่าผมกับพี่เอิร์ธ 'เหมือนจะ' จูบกัน

ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเป็นไอเดียของคนเก่งครับ มันเริ่มจากตอนแรกที่คนเก่งมันไปบอกพี่ธาวินว่ามีรุ่นพี่ผู้ชายมาชอบผม ซึ่งจริงๆแล้วมันไม่มีไง แล้วคนเก่งบังเอิญเจอพี่เอิร์ธ มันก็เลยบอกพี่เอิร์ธว่าอยากขอความช่วยเหลือให้พี่เอิร์ธมาจีบผมหน่อย

ตอนนั้นพี่เอิร์ธงงหนักมาก และยังไม่ได้ตอบรับว่าจะแกล้งมาจีบผมมั้ย เพราะพี่เอิร์ธก็มีแฟนอยู่แล้ว ถ้าแฟนรู้ไม่แน่ใจว่าต้องเคลียร์กันยาวแค่ไหน แต่เมื่ออาทิตย์ก่อนที่ผมกับพี่เอิร์ธบังเอิญเจอกันที่ร้านกาแฟ พี่เอิร์ธตั้งใจจะมาหารุ่นน้องที่คณะผมอยู่แล้ว เราเลยเดินมาพร้อมกัน พอเดินมาถึงที่คณะก็เจอพี่ธาวินนั่งอยู่กับคนเก่งและพี่เติมเต็ม หลังจากที่ทักทายกันสักพักพี่เอิร์ธก็กระซิบกับผมว่า

'พี่ว่าท่าทางเขาก็ดูจะหึงฟูจินะ งั้นพี่จะช่วยล่ะกัน'

หลังจากที่พี่ธาวินขอตัวกลับ พี่เอิร์ธก็นั่งลงและเริ่มคุยอย่างจริงจัง

"คนเก่ง พี่ตกลงที่จะช่วยนะ" พี่เอิร์ธพูดขึ้นมา

"ช่วย?" พี่เติมเต็มมองคนเก่งอย่างสงสัย แสดงว่ามันไม่ได้บอกแฟนมันก่อน

"คืออย่างนี้ครับ ผมขอให้พี่เอิร์ธช่วยทำเป็นว่าเข้ามาจีบฟูจิให้หน่อยน่ะครับ เผื่อพี่วินจะได้รู้ใจตัวเองซะทีไง" คนเก่งอธิบายให้แฟนมันฟัง

"แล้วเรารู้ได้ไงว่าไอ้วินมันก็มีใจกับฟูจิ" พี่เติมเต็มถาม

"วันนั้นก็เล่าให้พี่เต็มฟังแล้วไงครับว่าพี่วินหึงยังไง ตอนที่คิดว่าฟูจิคุยกับผู้ชายคนอื่น"

"แล้วแน่ใจนะว่าทำแบบนี้แล้วมันจะโอเค"

"ทำไมพี่เต็มพูดแบบนี้ล่ะครับ เหมือนผมทำอะไรไม่เข้าท่าเลย" คนเก่งมันทำหน้าหงอยๆ และพี่เติมเต็มก็เอามือลูบผมมันเบาๆ

"พี่ไม่ได้ว่าครับ พี่แค่ไม่ค่อยชอบอะไรแบบนี้เท่าไหร่ มันเหมือนเราเล่นกับความรู้สึกคนอื่น แต่พี่ก็ไม่ได้รู้จักไอ้วินเท่ากับที่ฟูจิรู้จัก บางทีมันอาจจะช่วยกระตุ้นให้ไอ้วินรู้ใจตัวเองอย่างที่คนเก่งว่าก็ได้" พี่เติมเต็มอธิบายให้คนเก่งฟัง

หลังจากนั้นก็...นั่นแหละครับ
ลองดูก็คงจะไม่เป็นไร ไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว

ตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมบอกพี่ธาวินว่าผมออกมาทานข้าวกับพี่เอิร์ธ และไม่น่าเชื่อเหมือนกันที่พี่ธาวินบอกว่าจะมานั่งรอผมที่ใต้หอทุกวัน และพี่มันก็ทำจริงครับ พอพี่เอิร์ธขับรถมาส่งผมที่หอ ก็จะเห็นรถพี่ธาวินจอดอยู่ ส่วนตัวเองก็จะนั่งอยู่แถวนั้นแหละ

อันที่จริงแล้วผมไม่ได้ไปทานข้าวกับพี่ธาวินหรอกนะครับ เพียงแต่พอใกล้จะถึงเวลาสักทุ่มครึ่งเราถึงจะนัดเจอกัน แล้วพี่เอิร์ธก็ขับรถมาส่งหน้าหอ

"วันนี้พี่จะจูบฟูจินะ" ตอนที่ผมขึ้นรถพี่เอิร์ธที่หน้ามหาวิทยาลัย พี่เอิร์ธก็พูดขึ้น

"ห๊า!! จูบเลยเหรอครับ" ผมร้องด้วยความตกใจ

พี่เอิร์ธหัวเราะก่อนจะพูดขึ้นมาว่า

"แค่แกล้งทำเหมือนจูบกันน่ะ"

"จำเป็นต้องทำเหรอครับ" ผมถาม

"ฟูจิเคยจูบกับเขามั้ย" พี่เอิร์ธถามผม

"ก็....เคยครับ" ผมตอบตามความจริง

"เราเนี่ยน่ารักเนอะถามแค่นี้ก็หน้าแดงแล้ว" พี่เอิร์ธแซวผม

"....."

"พี่ว่าถ้าเราทำแบบนี้มันต้องมีอะไรเปลี่ยนแปลงแน่ๆ ยิ่งถ้าเขาเคยจูบเรา พี่ว่ามีหึงแน่ๆ อีกอย่างพี่เห็นว่าหลายวันที่ผ่านมาไม่มีอะไรคืบหน้าเลย นอกจากเขามานั่งรอฟูจิแค่นั้น" มันก็จริงอย่างที่พี่เอิร์ธพูดครับ ตั้งแต่ที่ผมบอกกับพี่ธาวินว่าไปทานข้าวกับพี่เอิร์ธ พี่ธาวินยังไม่เคยถามผมเลยสักครั้งว่าตกลงพี่เอิร์ธกับผมสถานะคือยังไง ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นเคยถามผมตั้งหลายครั้ง

"ผมว่าบางทีพวกเราอาจจะคิดกันไปเองก็ได้นะครับว่าพี่วินเขาจะหึงผม" ผมพูดอย่างที่คิด

"มั่นใจหน่อย เชื่อพี่ แค่ดูสายตาที่เขามองพี่ก็รู้แล้ว แทบจะฆ่าพี่ได้"

ผมนั่งคิดไปเรื่อยๆจนพี่เอิร์ธขับรถมาจอดที่บริเวณหน้าหอ มองออกไปเห็นพี่ธาวินนั่งอยู่ห่างออกไปพอสมควร

"ตกลงมั้ย ที่จะจูบ" พี่เอิร์ธถามผม

เอาว่ะ!! ถ้าไม่ได้ผลก็พอแค่นี้แหละ

"ไม่ได้จูบจริงๆใช่มั้ย"
ผมถามและพี่เอิร์ธก็พยักหน้า

"ครับ เอาก็เอา" ผมพูด

พี่เอิร์ธปลดเข็มขัดนิรภัยและโน้มตัวเข้ามาใกล้ผม

"เขายังนั่งอยู่มั้ย" พี่เอิร์ธถามผม ผมก็เลยชะโงกหน้าไปมองเพราะตัวของพี่เอิร์ธบังสายตาผมมิดเลย

"พี่วินกำลังเดินมาทางนี้ครับ" ผมตอบ

"โอเค เราก็ใช้มุมกล้องนิดหน่อย" พี่เอิร์ธขยับเข้าใกล้ผมมากขึ้น จนลมหายใจพี่เอิร์ธรดอยู่บนใบหน้าผม

ผมไม่ชอบแบบนี้เลย มันรู้สึกอึดอัดและไม่โอเคกับการที่ต้องใกล้ชิดกับผู้ชายอื่นแบบนี้

จนเวลาผ่านไปสักพัก พี่เอิร์ธก็กลับไปนั่งที่นั่งคนขับตามเดิม

"พี่น่ารังเกียจขนาดนั้นเลยเหรอ" พี่เอิร์ธถามผมพร้อมกับหัวเราะ

"ผมแสดงออกชัดขนาดนั้นเลยเหรอครับ"

"มาก ฮ่าๆๆๆ ลงไปได้แล้ว ดูสิพี่วินของเรายืนตัวแข็งเลย ผลเป็นไงรายงานด้วยล่ะ"

ผมเปิดประตูรถของพี่เอิร์ธลงมา และเดินตรงมาหาพี่ธาวินที่ยืนอยู่ไม่ไกล

"พี่วิน" ผมเรียกพี่มัน เพราะเห็นพี่ธาวินยืนนิ่งมากๆ แต่พี่มันตอบมาแค่บอกให้ผมขึ้นห้องได้แล้ว

.
.


หลายวันผ่านไป

วันนี้เป็นวันที่สี่แล้วครับที่ผมกับพี่ธาวินไม่ได้ติดต่อกันเลย สำหรับพี่ธาวินอาจจะไม่แปลกแต่สำหรับผมคือไม่ใช่เพราะปกติผมต้องทักหาพี่ธาวินก่อนอยู่แล้ว แต่เพราะผมอยากรู้ว่าหลังจากพี่ธาวินคิดว่าผมจูบกับพี่เอิร์ธแล้ว พี่มันจะว่าไงบ้างมั้ย จะทักมาถามผมก่อนหรือเปล่า ผมก็เลยเลือกที่จะรอการติดต่อจากพี่ธาวินมากกว่า

คุณเคยเป็นมั้ยที่เราลองไม่คุยกับเพื่อนสักวันสองวัน พอจะกลับมาคุยอีกทีก็เหมือนจะไม่กล้าทักเพื่อน ผมก็อยู่ในสถานการณ์นี้ พอผ่านไปสามวันพี่มันก็ยังเงียบอยู่ ผมก็ไม่กล้าจะทักไป ผมคิดว่าพี่มันอาจจะป่วยหรือเปล่า ผมก็แอบไปดูที่คณะวิศวะก็ยังเห็นรถพี่มันอยู่แสดงว่าพี่มันยังมาเรียนตามปกติ

จนวันนี้เป็นวันที่สี่ ผมเริ่มคิดจริงจังแล้วว่าพี่ธาวินคงจะเป็นเหมือนเมื่อหลายปีก่อนที่ต่างคนต่างอยู่ เพราะนอกจากที่พี่มันไม่ติดต่อใดๆผมเลย พี่มันก็ไม่ได้มานั่งรอผมที่หออีกเลย

ผมนั่งคิดไปคิดมาแล้วก็รู้สึกทั้งน้อยใจ ทั้งโมโหพี่มันที่พี่มันทำแบบนี้กับผม คิดจะทำดีจะใส่ใจก็มา คิดจะไปก็ไป เมื่อหลายอาทิตย์ก่อนยังบอกไม่อยากให้มีแฟนอยู่เลย

อะไรว่ะ!!!



ผมมองดูเวลาเกือบจะห้าโมงเย็นพี่ธาวินน่าจะเลิกเรียนแล้ว ผมขับรถออกมาจากมหาวิทยาลัย ผมคิดว่าบางทีผมอาจจะต้องคุยกับพี่มันให้รู้เรื่อง

ผมกดมือถือโทรหาพี่ธาวิน ครั้งแรกพี่มันไม่ยอมรับสาย จนครั้งที่สองที่สัญญาณดังจนผมเกือบจะกดวางอีกรอบ

(ฮัลโหล)

"พี่อยู่ไหน" ผมถาม

(ทำโครงงานอยู่ มีไร)

พี่ธาวินแม่ง ไม่ได้คุยกันตั้งหลายวัน คำถามแรกของพี่มันคือ...มีอะไร

"ใกล้เสร็จหรือยัง"

(เหลือเยอะ อีกนาน)

"อยากคุยด้วย ออกมาเจอหน่อยได้มั้ย"

ผมพูดออกไปตรงๆ

(ด่วนเหรอ ต้องตอนนี้เลย?)

"พี่วิน อย่าเพิ่งวางนะ"


ผมให้พี่ธาวินถือสายรอผมก่อน เพราะมีรถยนต์คันหนึ่ง ขับมาข้างรถผมแล้วเปิดกระจกโบกมือออกมาเหมือนจะบอกให้ผมจอดรถ แล้วรถยนต์คันนั้นก็ขับแซงขึ้นไปและจอดที่ด้านหน้ารถผม ทำให้ผมจำเป็นต้องชะลอและจอดรถตาม

ผมเห็นมีผู้หญิงเดินลงมาจากฝั่งที่นั่งด้านข้างคนขับ ผมเลื่อนกระจกรถลง

"มีอะไรหรือเปล่าครับ" ผมถามตอนที่ผู้หญิงคนนั้นเดินมาถึงที่รถผม

"น้อง พี่ขับรถตามน้องมาเพราะจะบอกน้องว่าน้องขับรถเฉี่ยวรถคันอื่น" ผู้หญิงคนนั้นบอกผม

"ผมเหรอครับ รถผมเหรอครับ" ผมถามด้วยความตกใจ

(ฟูจิ เกิดอะไรขึ้น!) ผมได้ยินเสียงพี่ธาวินถามผม

แต่ผมยังไม่ได้ตอบพี่ธาวิน ผู้หญิงคนนั้นก็พูดต่อ

"ก็รถน้องเนี่ยแหละ รู้มั้ยว่าพี่ตามมาตั้งหลายกิโล นั่นไง รถคันที่น้องเฉี่ยวเขาขับมาแล้ว"

ผมยังไม่ได้ลงจากรถแต่แค่มองกระจกส่องหลังเท่านั้น เห็นมีรถยนต์อีกคันมาจอดต่อท้าย แล้วเห็นมีผู้ชายเดินลงจากรถมาสองคน และเขาก็เดินมาที่รถผม

"น้อง ลงมาเคลียร์กันก่อน" ผู้ชายหนึ่งในสองคนพูดกับผม

(ฟูจิห้ามลงจากรถนะ! กูจะออกไปเดี๋ยวนี้!)

ผมได้ยินเสียงพี่ธาวินพูดแบบนั้น แต่ผมก็อยากลงไปดูรอยที่เขาบอกว่าผมเฉี่ยวรถเขา ผมยังไม่ได้วางสายพี่ธาวิน ผมยังเสียบบลูทูธอยู่และดูเหมือนพี่ธาวินก็ยังไม้ได้วางเหมือนกัน

ผมเดินลงจากรถมา และเดินมาดูร่องรอยที่เขาบอกว่าผมขับรถเฉี่ยว

"ผมว่าไม่น่าจะเกิดจากรถของผมนะครับ ถ้ารถผมเฉี่ยวจริงมันน่าจะมีสีรถของผมไปติดบ้าง" ผมพูดตามที่เห็น

"อ้าว หน้าตาก็ดี ขับรถก็แพง จะไม่รับผิดชอบหรือไงน้อง" ผู้ชายหนึ่งในสองคนพูดเสียงดังขึ้นมา

"ถ้าผมผิดจริง ผมต้องรับผิดชอบอยู่แล้วครับพี่ แต่ผมมั่นใจว่าผมไม่ได้ขับรถเฉี่ยวรถของพี่แน่ๆ" ผมยืนยัน

"แต่พี่เป็นพยานได้นะว่ารถของน้องขับไปเฉี่ยวรถพี่เขาจริงๆ" ผู้หญิงที่บอกให้ผมจอดรถ พูดแทรกขึ้นมา

ผมยืนโต้เถียงกับคู่กรณีไปมา ผมไม่ได้เฉี่ยวแน่ๆ เพราะรถผมไม่มีร่องรอยอะไรเลย ที่สำคัญรถมันก็ไม่ใช่ของผมไง ถ้าพี่ธาวินมา ไม่รู้มันจะบ่นเรื่องนี้หรือเปล่า

"น้อง พี่ว่ามันเสียเวลามากเกินไปแล้ว" คู่กรณีก็ยังไม่ยอมอ่อนลง


(ใกล้ถึงแล้ว!) ผมได้ยินเสียงพี่ธาวินพูด และเหมือนจะมากับคนอื่นด้วยเพราะได้ยินเสียงคนคุยกันหลายคน

"ถ้างั้นผมขอโทรตามประกันก่อนนะครับ พวกพี่ก็โทรหาตำรวจก็ได้ครับจะได้เคลียร์ๆกันไปเลย" ผมพูด และกำลังจะกดวางสายพี่ธาวินเพื่อจะโทรหาประกัน แต่ยังไม่ทันจะได้กดวางสาย ผู้ชายหนึ่งในสองคนนั้นก็ตรงเข้ามากระชากคอเสื้อนักศึกษาผม

"มึงอย่ามาหัวหมอกับกูดีกว่า กูไม่ได้มีเวลามารอประกัน เวลากูมันมีค่า จ่ายค่าเสียหายกับค่าเสียเวลามาเลยดีกว่า จะได้จบๆกันไป"

"ผมเป็นแค่นักศึกษา ผมไม่มีเงินหรอกครับ" ผมพยายามที่จะพูดดีๆมากที่สุด เพราะถ้ามีเรื่องกันผมเสียเปรียบแน่อยู่แล้ว

"กูก็เห็นแต่พวกนักศึกษาอย่างมึงนี่แหละที่มีเงิน" ผู้ชายคนนั้นพูดออกมาอีก

(ถึงแล้ว!) ผมได้ยินเสียงพี่ธาวินพูด ผมรีบหันไปมองทางด้านขวามือของตัวเองก็เห็นมีรถยนต์เข้ามาจอดสองสามคัน หนึ่งในนั้นคือรถของพี่ธาวิน

"เฮ้ย!!มึงทำอะไรวะ!" ทั้งตัวและเสียงของพี่ธาวินดังอยู่ใกล้ๆผม หลังจากนั้นพี่ธาวินก็กระชากผู้ชายคนนั้นออกจากผม และยืนบังผมไว้

ตอนแรกผู้ชายคนนั้นเงื้อกำปั้นขึ้นเหมือนจะต่อยพี่ธาวิน แต่ผู้ชายอีกคนที่มาด้วยกันดึงแขนไว้และชี้ไม้ชื้มือไปทางด้านหลังที่มีเพื่อนๆของพี่ธาวินที่ใส่เสื้อช็อปยืนอยู่หลายคน

"เออ! กูไม่เอาก็ได้ว่ะ" แล้วผู้ชายทั้งสองคนก็รีบขึ้นรถแล้วขับออกไป ผมมองตามไปปรากฏว่ารถคันแรกที่มีผู้หญิงเดินมาก่อนหายไปแล้วครับ ไม่รู้ว่าขับออกไปตั้งแต่ตอนไหน

"เป็นอะไรหรือเปล่า" พี่ธาวินหันกลับมาถามผม พร้อมทั้งลูบตามเนื้อตามตัว

"แม่ง ดูสิ คอแดงหมดแล้วเนี่ย" พี่ธาวินเอามือมาลูบๆที่คอผม

"เจ็บมั้ย" ไม่รู้ผมคิดไปเองมั้ยแต่สีหน้าของพี่ธาวินมันดูจะเป็นห่วงผมมาก

"ไม่ครับ"

ผมตอบ พี่มันมองผมอย่างพิจารณาแล้วพยักหน้า ก่อนจะเดินกลับไปหาเพื่อน ผมเห็นพี่ธาวินคุยกับเพื่อนไม่นาน เพื่อนไปพี่มันก็ขับรถออกไป

พี่ธาวินเดินกลับมาหาผม ก่อนจะบอกให้ผมขึ้นรถ แล้วบอกผมว่าให้ผมขับตามพี่มันไป

ผมมองด้วยความไม่เข้าใจ พี่ธาวินเดินกลับไปขึ้นรถตัวเอง แล้วพี่มันก็บีบแตรใส่ผมครั้งหนึ่ง คงเพราะผมยังไม่ยอมขึ้นรถ

ผมขึ้นรถและขับตามรถพี่ธาวินออกไป ขับมาไม่นานพี่ธาวินก็เลี้ยวเข้าไปที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ผมขับรถไปจอดข้างๆรถของพี่ธาวิน ผมลงจากรถและเดินมาหาพี่ธาวินที่ลงมายืนอยู่ข้างรถ

"พี่ไม่สบายเหรอ หรือมาเยี่ยมใคร" ผมถาม

"มึงนั่นแหละ กูพามึงมาให้หมอตรวจ"

"มาตรวจทำไม ผมไม่ได้เป็นอะไรเลยนะ"

"คอมึงยังแดงอยู่เลย" พี่ธาวินเชยคางผมขึ้นและมองดูที่คอ

"แต่มันไม่เจ็บเลย คงแค่แดงเท่านั้น" ผมบอก พี่ธาวินมองผมอยู่สักพักก็ยอมตามใจผม

"มึงบอกมีเรื่องจะคุย" พี่ธาวินถามผม ซึ่งผมลืมไปแล้วด้วยซ้ำ

"ก็.....ครับ"

"งั้นไปนั่งร้านนี้ก็ได้ ติดกับโรงพยาบาล" พี่ธาวินพูดและเดินนำผมไป

มันเป็นร้านอาหารอิตาลีแต่มีขายพวกขนมเค้กและเบเกอรี่

"ไม่เคยมาร้านนี้เลย ต้องบอกคนเก่งมันซะแล้วมันต้องชอบแน่" ผมพูดขึ้นมาตอนที่ได้ที่นั่งกันแล้ว

"สั่งเลย" พี่ธาวินยื่นเมนูให้ผม

หลังจากสั่งอาหารกันเรียบร้อยแล้ว อยู่ๆมันก็เกิดเดธแอร์ขึ้นระหว่างเรา

"พี่วินมาหาผมถูกได้ไง" ผมถาม

"รถกูติดจีพีเอส"

"......"

"......."

"ขอบคุณนะครับที่มาช่วยผม"

"พอดีเพื่อนที่คณะ มันบอกว่าคนที่บ้านมันก็เคยเหตุการณ์แบบนี้เหมือนกัน มันบอกตอนนั้นโดนซ้อมด้วย"

"โห น่ากลัวจัง" ยิ่งคิดยิ่งกลัวย้อนหลัง ถ้าพี่มันไม่มาผมแย่แน่

"รู้แบบนี้ก็อย่าไปไหนมาไหนคนเดียวให้มันบ่อยนัก"

"ครับ ผมจะระวังตัว"

"แล้วอีกอย่างกูบอกว่าไง บอกว่าอย่าลงจากรถ"

"ก็ผมกลัวว่าผมจะไปเฉี่ยวเขาจริงๆแล้วก็กลัวรถพี่เป็นรอยด้วย"

"แทนที่จะห่วงตัวเอง เสือกห่วงรถ"

"ก็มันเป็นรถของพี่อะ"

"ใช่รถกู แต่กูห่วงมึง"

"....."

หลังจากนั้นเราก็เงียบกันไปอีกสักพัก และผมเห็นว่าพี่ธาวินมองหน้าผมบ่อยมาก

"มีอะไรหรือเปล่าครับ"

"คือ...กูแค่สงสัยว่าวันนี้ไม่ไปกินข้าวกับไอ้เอิร์ธมันหรือไง"

"ไม่ครับ"

"เป็นแฟนกันมันก็ต้องหาเวลาอยู่ด้วยกันนะมึง"

เป็นแฟนกัน?
อะไรของพี่มันว่ะ

หมายถึงผมกับพี่เอิร์ธเหรอ?

"แฟนนี่ .. หมายถึงผมกับพี่เอิร์ธเหรอ"

"ก็....อืม" พี่ธาวินตอบแต่ไม่มองหน้าผม

ผมไม่ได้พูดอะไรออกไป ต่างคนต่างเงียบ ระหว่างนั้นอาหารมาเสิร์ฟที่โต๊ะพอดี เราสองคนก็เลยลงมือทานอาหารกัน ผมสังเกตดูเหมือนว่าพี่ธาวินจะไม่ค่อยทานเท่าไหร่

"เส้นสปาเก็ตตี้เละหมดแล้วมั้ง" ผมพูดเพราะเห็นพี่มันเขี่ยไปมามากกว่าทาน

"มีอะไรจะคุย คุยเลย คุยไปกินไปก็ได้" พี่ธาวินพูด

ผมมองพี่ธาวินที่ยังคงนั่งเขี่ยสปาเก็ตตี้บนจานไปมา

จนผ่านมาสักระยะ

ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆ

แต่....



"กูคิดว่า กูชอบมึง"

ยังไม่ทันที่ผมจะเอ่ยปากพูดอะไรออกมา พี่ธาวินก็พูดขึ้นมาก่อน

พี่มันพูดว่า .. ชอบผมใช่มั้ย?

"ถ้ากูไม่พูดกูก็คงจะอึดอัดไปตลอด วันนี้ตอนที่กูรู้ว่ามึงกำลังอยู่ในอันตราย กูเป็นห่วงมึงมาก กูกลัวไปหมดว่ามึงจะเป็นอะไรมั้ย กูจะไปทันหรือเปล่า กูไม่อยากให้มึงเป็นอะไร" ผมยอมรับว่าอึ้งมากกับสิ่งที่พี่ธาวินพูด

"ทำไมพี่ถึงคิดว่ามันเป็นความชอบพี่อาจจะเป็นห่วงผมในแบบน้องชาย"

"กูคิดว่า กูคงไม่หึงเวลาที่เห็นน้องชายจูบกับคนอื่น แต่กูรู้สึกหึงมึง โคตรหึงเลย"

ผมพูดอะไรไม่ออก แต่ในใจผมมันเต้นรัวเหมือนมีคนมาตีกลองอยู่ข้างใน

"แต่กูรู้ว่ามาพูดตอนนี้อะไรๆมันก็คงจะไม่ทันแล้ว"

ไม่ทันอะไรว่ะ?

"เท่าที่กูรู้มาไอ้เอิร์ธมันค่อนข้างโอเคเลย มันอ่อนโยน พูดเพราะ มันต้องดูแลมึงได้ดีแน่ๆ"

"อะไรของพี่เนี่ย เกี่ยวอะไรกับพี่เอิร์ธ"

"ก็มึงกับมันเป็นแฟนกันไม่ใช่หรือไง"

"ใครบอกพี่"

"เรื่องแบบนี้แค่เห็นก็รู้แล้วป่ะ ไม่ต้องมีใครบอก"

"พี่น่ะ ชอบคิดอะไรเองตลอดนั่นแหละ ไม่เคยถาม"

พี่ธาวินถอนหายใจออกมา

"ฟูจิ กูไม่ได้รู้จักมึงมาแค่วันสองวันนะ ถ้ามึงไม่มีใจให้ไอ้เอิร์ธมึงจะยอมให้มันจูบทำไม"

สิ่งที่พี่ธาวินพูดทำให้ผมอึ้งไปสักพัก

พี่ธาวินมองผมนิ่งอยู่แบบนั้น จนผมเริ่มทำตัวไม่ถูก

"พี่วิน ผมกับพี่เอิร์ธไม่ได้เป็นแฟนกันนะ"

"แต่มึงจูบกับมันเนี่ยนะ!" ผมรีบหันไปมองรอบตัวเพราะพี่ธาวินมันเสียงดังมากเลย

"พี่เสียงดังทำไมเนี่ย" ผมพูดออกมาเสียงไม่ดังมากนัก

"มึงอิ่มแล้วใช่มั้ย" อยู่ๆพี่มันก็เปลี่ยนเรื่องซะงั้น

ผมพยักหน้า แล้วพี่ธาวินมันก็เรียกให้พนักงานมาเก็บเงิน พอจ่ายเงินเรียบร้อย พี่ธาวินก็ลุกเดินออกจากร้าน ผมก็รีบเดินตามไป จนพอมาถึงที่รถ พี่ธาวินก็หันกลับมาหาผม

"หาที่คุยกันดีกว่า" พี่ธาวินบอกผม

"ที่ไหน"

พี่ธาวินยืนคิดอยู่สักพัก

"ที่หอมึง สะดวกมั้ย"

"สะดวกครับ"

หลังจากที่ตกลงกันได้แล้ว เราก็ต่างคนก็ต่างขึ้นรถและขับกลับมาที่หอผม ห้องของผมอยู่ชั้นสามปกติผมมักจะเดินขึ้นบันไดมากกว่าใช้ลิฟท์ แต่วันนี้พี่ธาวินมาด้วยผมก็เลยเลือกที่จะพาพี่มันขึ้นลิฟท์

พอเปิดประตูเข้ามาในห้อง พี่ธาวินก็เดินไปนั่งลงที่เตียงและหยิบรีโมทมาเปิดแอร์ พี่มันเคยมาห้องผมหลายครั้งแล้วครับ

"ที่จริงไปคุยกันที่คอนโดพี่ก็ได้นะ ที่นี่ห้องมันเล็ก กลัวพี่อึดอัด"

"คุยที่นี่ดีแล้ว ถ้าคุยที่ห้องกูมึงก็ต้องขับรถกลับมาคนเดียว กูก็อดห่วงมึงไม่ได้อีก" พี่ธาวินพูดออกมาด้วยใบหน้าที่ดูเรียบเฉยแต่แววตามันดูอ่อนโยนมากๆ

"หรือมึงลำบากใจที่กูมาที่นี่" พี่ธาวินถามผมต่อ

"ผมจะลำบากใจเรื่องอะไรล่ะ ถามแปลกๆ" ผมถาม

"ก็มึงอาจจะเกรงใจไอ้เอิร์ธมันไง"

ผมถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ

"ผมบอกแล้วไงว่าผมไม่ได้เป็นแฟนกับพี่เอิร์ธ" ผมเริ่มจะหงุดหงิดแล้วเนี่ย

"งั้นมึงลองอธิบายเหตุผลที่มึงจูบกับมันให้กูฟังหน่อยได้มั้ย"

จะบอกความจริงดีมั้ยว่ะ แล้วดูพี่มันทำเสียงดุอะไรขนาดนี้ว่ะ

"ก่อนที่ผมจะตอบ ผมขอถามอะไรก่อนได้มั้ย" ผมถาม

"ถามมาสิ"

ผมเม้มปากเล็กน้อย

"ที่พี่วินพูดในร้านอาหาร ... ที่พี่บอกว่าพี่ ... ชอบผม ... คือ ..."

ผมไม่รู้จะพูดอะไรยังไงต่อไปดี

"ใช่ กูชอบมึง" พี่ธาวินพูดออกมาและผมสังเกตเห็นว่าหูพี่ธาวินมันแดงขึ้นมาเล็กน้อย

"แต่อย่าเพิ่งถามว่าทำไมกูชอบ กูชอบตอนไหน เพราะกูยังไม่มีคำตอบให้ กูรู้แค่ว่ากูเป็นห่วงมึงมากตอนที่คิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับมึงกูโคตรวุ่นวายใจ และกูก็โคตรหึงมึงเลยตอนมึงไปไหนมาไหนกับไอ้เอิร์ธ กูแทบอยากจะเข้าไปต่อยมันตอนที่มันจูบมึง"

ผมอดไม่ได้ที่จะใช้มือกุมที่หน้าอกข้างซ้ายของตัวเอง มันเหมือนกำลังจะทะลุออกมาจริงๆ

"แต่ที่กูไม่ทำแบบนั้นเพราะกูเห็นแก่มึง ในเมื่อมึงสองคนคบกัน กูก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าไปยุ่ง"

"ถึงแม้ว่ากูจะชอบมึงก็ตาม"

"......."

"จะถามอะไรอีกมั้ย" พี่ธาวินถาม

"มันก็มี แต่พี่บอกว่าอย่าเพิ่งถาม ผมก็จะไม่ถาม"

"งั้นก็ตอบกูมาได้แล้ว ไม่ใช่แฟนแล้วไปจูบกับมันนี่คือยังไง"

"....…."

"ฟูจิ"


เอาว่ะ!


"ผมกับพี่เอิร์ธเราไม่ได้จูบกันจริงๆหรอกครับ คือพี่เขาแค่เอาหน้าเข้ามาใกล้ผมเท่านั้นเอง" ผมพูดตามความจริง

"เพื่อ?" พี่ธาวินถามผมด้วยความไม่เข้าใจ

ผมลังเลอยู่พักหนึ่งเพราะไม่รู้ว่าถ้าบอกความจริงไปพี่ธาวินจะโกรธผมมั้ย แต่ผมก็ไม่อยากที่จะโกหก ผมก็เลยตัดสินใจบอกความจริงเรื่องแผนของคนเก่ง

ผมเล่าไปก็ลุ้นไปด้วยว่าพี่ธาวินจะทำหน้ายังไง จะไม่พอใจหรือเปล่า

"มีแค่นี้?" พี่ธาวินถามผม หลังจากที่ผมพูดจบ

"ครับ"

แล้วอยู่ๆพี่ธาวินก็ดึงผมเข้าไปกอด

"พี่!" ผมร้องด้วยความตกใจ

พี่ธาวินไม่พูดอะไรแต่สักพักก็ได้ยินเสียงพี่มันหัวเราะออกมา

"พี่วิน" ผมเรียกชื่อพี่ธาวินอีกครั้ง

"หืม?" พี่มันขานรับแต่ยังกอดผมอยู่

"พี่หัวเราะทำไม"

"กูแค่หัวเราะให้กับความงี่เง่าของตัวเอง" พี่ธาวินพูดและหัวเราะออกมาอีก ผมไม่ได้ถามว่าเรื่องงี่เง่าที่พี่เขาพูดคืออะไร

"พี่ไม่โกรธผมเหรอ ที่ผมหลอกพี่"

พี่ธาวินปล่อยผมออกจากอ้อมกอด

"ไม่โกรธ" พี่ธาวินพูดแล้วก็ยิ้มออกมา

"คนเก่งนี้ก็ร้ายเหมือนกันนะ" พี่ธาวินพูดต่อแล้วก็หัวเราะออกมาอีก

"......"

"แต่ก็ต้องขอบคุณคนเก่งที่วางแผน"

"......"

"ไม่งั้นกูก็คงไม่รู้ ว่ากูคิดยังไงกับมึงกันแน่"

"......"

"ว่าแต่ไม่ได้จูบกับมันจริงๆใช่มั้ย!"

"เสียงดังอีกแล้วนะก็ตอบไปแล้วไงหรือจะให้ตอบว่าจูบจริงๆล่ะ" ผมเริ่มจะหงุดหงิด แล้วพี่ธาวินมันก็ใช้มือมันมาบีบปากผมเบาๆ

"ปากดี" พี่ธาวินพูด แล้วโน้มหน้าเข้ามาใกล้ผมเหมือนจะจูบผม ผมรีบเอามือมาปิดปากตัวเอง

"เอามือออก"

ผมส่ายหน้าและขยับออกห่างจากพี่ธาวิน

"เล่นตัวว่ะ ทำอย่างกับไม่เคยจูบกัน" พี่ธาวินบ่นแต่ดูแล้วไม่ได้จริงจังอะไรมากนัก

"ต่อไปไม่ให้จูบแล้ว" ผมพูด

"ถึงเป็นแฟนก็จูบไม่ได้เหรอ" พี่ธาวินถาม

"เป็นก่อนถึงจะให้จูบได้" ผมพูดออกไปพร้อมกับหน้าที่ร้อนจัด

พี่ธาวินดึงผมไปกอดอีกครั้ง

"ก็ได้ๆครับ"

อยู่ๆก็มาพูดเพราะๆกับผมซะงั้น

เรากอดกันอยู่อีกสักพัก ที่จริงต้องบอกว่าเป็นพี่ธาวินที่กอดผมอยู่ฝ่ายเดียวมากกว่า

"กูกลับดีกว่า" พี่มันผละออกจากตัวผม ก่อนที่จะลุกขึ้นยืน แล้วเดินไปที่ประตูห้อง ผมเองก็ลุกเดินตามไป พี่ธาวินหันกลับมาหาผม

"เหตุผลอีกข้อที่กูเลือกมาคุยกับมึงที่นี่เพราะถ้าคุยกันที่คอนโดกู กูคงไม่ปล่อยให้มึงกลับมานอนที่หอแน่" พี่ธาวินพูดและยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะเอื้อมมือมาขยี้ที่หัวผมเบาๆ


เชี่ย โคตรเขิน


"ไม่ต้องลงไปส่ง ไปอาบน้ำนอนได้แล้ว พรุ่งนี้จะพาไปทำธุระ"

ผมไม่ได้พูดอะไร แค่ยิ้มตอบกลับไป พอพี่ธาวินเปิดประตูห้องออกไป ผมก็เดินตามออกไปด้วย พี่ธาวินหันหน้ากลับมา

"บอกว่าไม่ต้องมาส่งไง" เสียงดุมาอีกแล้ว

"ส่งตรงนี้ได้มั้ยล่ะ" ผมพูด

พี่ธาวินถอนหายใจ ก่อนจะเดินกลับมายืนตรงหน้าผม

"ดื้อว่ะ" พี่มันบ่น ก่อนจะก้มลงจูบที่แก้มผมเบาๆ

ผมยืนนิ่งอยู่ที่หน้าห้อง

"จะเข้าห้องได้ยัง ถ้ายังจะโดนมากกว่าจูบแก้ม" พี่ธาวินพูด หลังจากนั้นผมก็รีบเข้าห้องและปิดประตูห้องทันที


ตึ๊ง

เสียงแจ้งเตือนไลน์ผมดังขึ้น ผมหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง


wintha : อย่านอนดึก
wintha : พรุ่งนี้จะมารับแต่เช้า


ผมอดยิ้มออกมาไม่ได้
มันคือเรื่องจริงใช่มั้ย?
ที่พี่ธาวินบอกว่าชอบผม




TBC.


หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ธาวิน&ฟูจิ) ตอนจบ 18/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ninewara ที่ 18-05-2019 10:13:01
ธาวิน ❤️ ฟูจิ [5] ตอนจบ




[ธาวิน part]


ผมมองหน้าจอมือถือที่ผมเปิดแอพฯไลน์ค้างเอาไว้

fujiz : ครับ
fujiz : ถึงห้องแล้ว
fujiz : บอกด้วยนะ

ผมยิ้มออกมาเมื่อเห็นข้อความของฟูจิในไลน์ พอได้ฟังเรื่องราวที่แท้จริงระหว่างฟูจิกับไอ้เอิร์ธแล้ว ผมก็รู้สึกอายตัวเองแปลกๆเหมือนกัน

ตอนที่ผมคิดว่าสองคนนั้นเป็นแฟนกัน ผมก็ตั้งใจไม่ติดต่อฟูจิและถอยออกมาเพราะถึงผมจะมารู้ตัวว่าชอบฟูจิ แต่ถ้าฟูจิมันตัดสินใจคบกับไอ้เอิร์ธแล้ว ผมก็ไม่อยากเข้าไปแทรกหรือไปบอกความรู้สึกของตัวเองให้ฟูจิมันลำบากใจ

วันนี้ตอนที่ผมเห็นชื่อของฟูจิโทรเข้ามา ผมใจเต้นแรงมากๆเพราะเป็นการติดต่อครั้งแรกในรอบสามถึงสี่วันที่ผ่านมา ตอนแรกผมตั้งใจว่าจะไม่รับสาย

ผมยอมรับแบบแมนๆ(?) เลยว่า ผมกลัวว่าฟูจิจะโทรมาบอกผมว่าตอนนี้มันคบกับไอ้เอิร์ธแล้ว แต่ไอ้ไปป์มันก็บอกว่าผมควรที่จะคุยกับฟูจิให้รู้เรื่องดีกว่า ผมก็เลยตัดสินใจรับสายของฟูจิ

พอฟูจิบอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วย ผมก็มั่นใจไปมากกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์แล้วว่าต้องเป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างมันกับไอ้เอิร์ธ แต่ระหว่างนั้นฟูจิมันก็เกิดเรื่องขึ้นซะก่อน

ผมไม่เคยรู้มาก่อน ว่าผมเป็นห่วงมันมากขนาดนี้ ผมใจคอไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ผมกลัวจะเกิดอะไรที่ไม่ดีกับมัน

ผมว่าความรู้สึกผมอาจจะเกินคำว่าชอบไปไกลแล้วก็ได้


.
.
.


เช้าวันต่อมา

วันนี้เป็นวันเสาร์ วันนี้ที่บ้านมีนัดรวมญาติกันเพราะเป็นวันเกิดของอาม่า ผมก็เลยจะพาฟูจิไปด้วย ตอนแรกผมก็ตั้งใจที่จะไปคนเดียวแต่พอสถานการณ์ระหว่างผมกับฟูจิมันเป็นแบบนี้ ผมก็เลยคิดได้เมื่อคืนนี้แหละว่าจะต้องพาฟูจิไปด้วย


wintha : จะไปรับตอน 9 โมงนะ


ตอนนี้เป็นเวลาเจ็ดโมง ผมเดาว่าฟูจิน่าจะตื่นแล้ว เพราะปกติฟูจิมันเป็นคนตื่นเช้า ผมไลน์หาฟูจิเสร็จผมก็อาบน้ำแต่งตัว และจัดกระเป๋าเสื้อผ้าเล็กน้อย ที่จริงอยู่ที่บ้านก็มีเสื้อผ้าเยอะ แต่ผมก็ติดนิสัยต้องเก็บกระเป๋าทุกที

หลังจากทำโน่นทำนี่เสร็จมองดูเวลาอีกทีจะแปดโมงแล้ว ผมหยิบมือถือขึ้นมาดู ฟูจิไม่ได้ตอบกลับมา พอกดเข้าไปดู ปรากฏว่ายังไม่ได้อ่านข้อความ

แปลก ยังไม่ตื่นเหรอ

ผมก็เลยตัดสินใจโทรไปหา เสียงรอสายดังอยู่หลายครั้ง

(ฮัลโหล)

ชัดเลย ยังไม่ตื่น

"ยังไม่ตื่นอีก สายแล้ว"

(ยังง่วงอยู่เลย)

น้ำเสียงของมันพร้อมหลับมาก

"เดี๋ยวค่อยมานอนต่อในรถ กำลังจะออกไปรับ"

(.…...) ปลายสายเงียบ

"ฟูจิ"

(ครับ)

"ลุกขึ้นไปอาบน้ำ ตอนนี้เลย"

(ครับๆ ลุกแล้ว)



ผมมาถึงห้องของฟูจิตอนที่ฟูจิแต่งตัวใกล้เสร็จแล้ว

"พี่จะพาไปไหน แต่งตัวแบบนี้ได้มั้ย" ผมมองฟูจิที่ใส่กางเกงขาเดฟสีครีมและเสื้อยืดคอวีแขนยาวลายขวางสีน้ำเงิน

"ได้" ผมบอก ฟูจิก็พยักหน้ารับรู้ ก่อนที่ฟูจิจะหันหน้ากลับไปส่องกระจกต่อ

"เอาเสื้อผ้าไปเผื่อด้วยนะ" ผมบอก

"ไปค้างเหรอ" ฟูจิหันมาถามผม

"เอาไปเผื่อก่อนไง ถ้าต้องค้างจะได้ไม่มีปัญหา" ผมบอกก่อนที่จะถือวิสาสะเปิดตู้เสื้อผ้าและเลือกเสื้อผ้าให้ฟูจิสองสามชุด ฟูจิหันมามองแต่ไม่ได้พูดอะไร ก่อนที่จะเดินไปหยิบกระเป๋าเป้มาใส่เสื้อผ้าที่ผมเลือกมาวางไว้บนเตียง

"ชั้นในเอาตัวไหนก็ได้ใช่มั้ย" ผมพูดพร้อมกับหยิบกางเกงชั้นในของฟูจิที่อยู่ในตู้เสื้อผ้าออกมา

"พี่วิน!!" ฟูจิมันเรียกผมเสียงดังมาก และรีบเข้ามาดึงกางเกงชั้นในออกจากมือผมหน้ามันแดงมากๆ

"อายอะไรว่ะ ผู้ชายเหมือนกัน" ผมถามและหัวเราะมันไปด้วย ฟูจิมันยืนหันหลังให้ผมพร้อมกับเลือกกางเกงชั้นในของตัวเอง และเหมือนมันพยายามคอยมองว่าผมมองมันมั้ย ผมก็เลยผลักหัวมันไปเบาๆ

"เอามาใส่กระเป๋าได้แล้วจะได้ไปกัน" ผมบอก

"แล้วตกลงจะพาผมไปไหน" ฟูจิถาม

"กูจะกลับบ้าน วันเกิดอาม่า" ผมบอก ฟูจิก็พยักหน้ารับรู้

หลังจากที่ฟูจิเตรียมของทุกอย่างเรียบร้อยเราก็ลงมาขึ้นรถกัน ผมขับรถออกมาจากหอพักของฟูจิ ยังไม่ทันพ้นรั้วของมหาวิทยาลัย ฟูจิก็หาวไปหลายครั้งแล้ว

"เมื่อคืนบอกให้นอนเร็วๆใช่มั้ย"

"ก็มันนอนไม่หลับอะ" ฟูจิตอบพร้อมกับหาวอีกครั้ง

"เป็นอะไรทำไมนอนไม่หลับ" ผมถาม

"มีผู้ชายมาบอกว่าชอบ มาบอกว่าหึง มาบอกว่าเป็นห่วง ก็เลยตื่นเต้นจนนอนไม่หลับไง" ฟูจิมันพูดด้วยน้ำเสียงที่เหมือนจะหงุดหงิดแต่ผมรู้ว่ามันกำลังเขินเพราะหูมันแดงมาก มันนั่งหันหลังให้ผมเหมือนเตรียมตัวจะนอน

"เพี้ยนว่ะ" ผมเอื้อมมือไปขยี้ผมของฟูจิแรงๆ

"ผมยุ่งหมดแล้ว" มันโวยวายทั้งๆที่กำลังหลับตาอยู่

ผมจอดรถที่ข้างทาง ก่อนจะบอกให้ฟูจินั่งดีๆ

"มึงจะนอนใช่มั้ย"

"ก็พี่บอกให้มานอนต่อบนรถ"

"ขยับนั่งดีๆสิ รัดเข็มขัดด้วย"

ฟูจิมันขยับมานั่งตรงๆแต่ก็เอียงหน้าออกไปทางหน้่าต่างและยังหลับตาอยู่ ผมก็เลยจัดการดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดให้พร้อมกับปรับเบาะให้เพื่อจะได้นอนสบาย

"ไม่หิวหรือไง" ผมถาม

"ง่วงมากกว่า" ฟูจิตอบ

จากที่คิดเอาไว้ว่าจะแวะหาอะไรทานก่อนก็เลยต้องยกเลิกไป เพราะดูท่าฟูจิมันคงจะง่วงมากจริงๆ คงต้องหิ้วท้องไปทานที่บ้าน หรือไม่งั้นคงต้องรอให้ฟูจิตื่นก่อน


เกือบสองชั่วโมงผมก็ขับรถเข้ามาถึงในตัวจังหวัดบ้านเกิด หันไปมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆยังคงหลับสนิทอยู่ผมก็เลยยังไม่ขับรถไปที่บ้าน ตัดสินใจขับเข้าไปในบริเวณสวนสาธารณะที่อยู่ในตัวเมือง ผมเลื่อนกระจกลงทั้งสี่ด้านและดับเครื่องยนต์ พร้อมทั้งหันไปปลดเข็มขัดนิรภัยบนตัวฟูจิออก ผมจอดรถอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่และลมก็พัดเย็นสบายจริงๆ

ผมนั่งมองดูฟูจิสักพักก็หยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปตอนที่มันกำลังนอนหลับ ผมนั่งแต่งรูปจนพอใจ ก่อนที่จะโพสลงไอจี



thawin_s :

เธอไม่ใช่คนที่คิด เธอไม่ใช่คนที่ฝัน แต่เธอเป็นมากกว่านั้น



NiceGuys : กรี๊ดดดดดดดดดด!! ยังไงคร่าาาา @thawin_s
Pipezza : ขออนุญาตน้องยัง แอบถ่ายเหรอวะ @thawin_s
Comments 11 : งื้ออออ น้องเขาคือใคร
Comments 17 : ผู้ชายวิศวะลดลงไปอีก 1 อัตรา แต่ไม่เป็นไรเพราะเราฟิน
Comments 22 : พี่วิน?! คือ?! @thawin_s
thawin_s : @NiceGuys ตามแคปชั่นเลยครับ
thawin_s : @Pipezza มันหลับตั้งแต่ขึ้นรถแล้ว เมื่อคืนมันนอนเกือบเช้า
Comments 104 : นอนเกือบเช้า!! นอนเกือบเช้า!!
Comments 106 : จากเม้นบน คิดดีไม่ได้เลยจริงๆ




ผมโพสรูปไม่นานก็มีคนเข้ามาแสดงความเห็นกันค่อนข้างเยอะ ผมอ่านคอมเม้นต่างๆแล้วก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้

ผมเพิ่งเข้าใจความรู้สึกของไอ้เติมเต็มว่ามันรู้สึกยังไง ทำไมพอมีแฟนแล้วมันเปลี่ยนไป เมื่อก่อนไม่ค่อยอัพรูปสักเท่าไหร่นอกจากลงรูปอวยพรวันเกิดเพื่อนบ้าง รูปตัวเองแทบไม่มี แต่ตอนนี้เดี๋ยวก็อัพรูป เดี๋ยวลงสตอรี่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องมีแฟนมันเข้ามาเอี่ยว ผมเคยเห็นหลายครั้งที่มันอัพสตอรี่เป็นคลิปสั้นๆ แอบถ่ายแฟนเช่น เวลาแฟนมันทำกับข้าว เวลาแฟนมันอ่านหนังสือ

แล้วมีครั้งหนึ่งที่มันแอบไลฟ์โดยที่คนเก่งไม่รู้ และนั่นผมว่ามันก็คงคิดได้ว่ามันพลาด เพราะตอนแรกคนเก่งนั่งหันหลังให้มัน รู้สึกคนเก่งนั่งอ่านหนังสืออยู่ สักพักคนเก่งลุกขึ้นยืนแล้วผมไม่ได้สังเกตว่าคนเก่งทำอะไร แต่พอเห็นอีกทีคือเสื้อด้านหลังของคนเก่งมันเลิกขึ้นมาสูงพอสมควรทำให้เห็นแผ่นหลัง แล้วก็มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างรวดเร็วมาก ส่วนใหญ่ก็จะพูดถึงเรื่องความขาวของคนเก่ง ตอนนั้นไอ้เติมเต็มมันโมโหมาก มันจบการไลฟ์ทันทีเลย และตั้งแต่วันนั้นผมก็ยังไม่เห็นมันไลฟ์อีกเลย

ไอ้ขี้หวงเอ๊ย!!!





(มีต่อนะคะ)
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ธาวิน&ฟูจิ) 18/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ninewara ที่ 18-05-2019 10:17:24
(ต่อค่ะ)


เวลาผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมง ฟูจิเริ่มขยับตัวไปมาหลายครั้ง ผมหันไปมองเห็นเจ้าตัวลืมตาขึ้นมาพร้อมกับมองไปรอบๆ สักพักฟูจิก็ลุกขึ้นมานั่ง

"เราอยู่ที่ไหนครับ"

"ที่สวนสาธารณะ"

ฟูจิดูนาฬิกาที่ข้อมือตัวเอง

"จะเที่ยงแล้วนี่ พี่ไม่ปลุก"

"นอนหลับสนิทขนาดนั้นใครจะกล้าปลุก แล้วหิวหรือยัง"

ฟูจิพยักหน้า

"หิวครับ หิวมากกกกก"

"ก็ควรจะหิวตั้งแต่ตื่นมายังไม่ได้กินอะไรเลย"

"พี่อะ กินไรยัง"

"กูก็รอมึงตื่นเนี่ย"

"พี่ยังไม่กินอะไรตั้งแต่เช้าเลยเหรอ!"

"อืม"

"แล้วทำไมพี่ไม่กินก่อนล่ะ มาหิ้วท้องรอผมทำไม งั้นก็รีบหาอะไรกินเลย"

ฟูจิมันพูดพร้อมกับบ่นผมไปอีกเรื่อยเปื่อย แต่ผมก็อดยิ้มให้กับเรื่องที่มันบ่นไม่ได้ เพราะมันแสดงออกชัดเจนว่าเป็นห่วงผม

"ยังจะมายิ้มอีก" มันหันมาว่าผม ก่อนจะไล่เรียงชื่อร้านที่อยากไป อารมณ์คนหิวครับ อยากทานมันไปทุกอย่าง

ผมขับรถออกมาจากสวนสาธารณะประมาณสิบห้านาทีก็มาจอดที่ร้านอาหารไทยเจ้าประจำของที่บ้านผม เพราะระหว่างทางที่ขับรถมา ฟูจิมันเลือกไม่ได้ว่าจะไปร้านไหนดี มันเลยบอกให้ผมตัดสินใจดีกว่า

"แล้วพี่ไม่กลับไปกินข้าวที่บ้าน" ฟูจิถามผมหลังจากที่เราสั่งอาหารเรียบร้อยแล้ว

"เดี๋ยวค่อยไปกินตอนเย็นดีกว่า" ผมบอก

"แล้วพี่ให้ผมมาด้วยทำไม"

"จะพาไปงานวันเกิดอาม่าด้วยกันไง"

"ไม่ไปได้มั้ยอะ บ้านพี่คนเยอะ ปกติก็คนเต็มบ้านอยู่แล้ว วันเกิดอาม่าคนยิ่งเยอะชัวร์"

"ไม่ได้ ก็พามาแล้ว" ผมบอก

พอผมบอกแบบนั้นฟูจิก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก ฟูจิเองมันก็ไปบ้านผมบ่อยครับตั้งแต่เด็กแล้ว มีห่างไปช่วงที่ผมไม่คุยกับมัน แต่พอกลับมาคุยกันอีกครั้ง ผมก็พามันมาที่บ้านบ่อยๆ

อย่างที่ฟูจิบอก บ้านผมคนค่อนข้างเยอะเพราะเป็นครอบครัวคนจีนด้วย ฟูจิเวลาที่ไปบ้านผมทีไรมันก็เลยเหมือนทำตัวไม่ถูก อาจจะเป็นเพราะฟูจิเองอยู่ในครอบครัวที่มีแค่พ่อและแม่เท่านั้น พอมาเจอครอบครัวใหญ่แบบผมเลยไม่ชิน

หลังจากที่ทานข้าวเสร็จผมก็ขับรถมาส่งฟูจิที่บ้าน

"อยู่บ้านก่อนนะ เดี๋ยวเย็นๆมารับ" ผมบอกฟูจิ

"ไม่ต้องมาก็ได้ เดี๋ยวเดินไป แค่นี้เอง" ฟูจิหันไปหยิบกระเป๋าเป้ตัวเองที่เบาะด้านหลัง และหันมาบอกผม

"บอกว่าจะมารับ ก็คือจะมารับ" ผมเน้นเสียง

ฟูจิมันทำหน้าเซ็งๆใส่ผมนิดหน่อยแต่ก็ยอมตามใจผม

"ตามใจ ถ้าไม่กลัวเปลืองน้ำมันรถ อ้อ! ลืมไปว่ารวย" ดูมัน

"เดี๋ยวเถอะ" ผมพูดพร้อมกับใช้มือผลักหัวฟูจิมันเบาๆ


ฟูจิลงจากรถผม ผมมองจนมันเดินเข้าบ้านไป ผมถึงได้กลับรถและขับตรงไปที่บ้านของตัวเอง

ผมกลับมาถึงบ้านแค่ไม่นาน ฟูจิก็ทักไลน์มาหาผม

fujiz : (แนบรูป)
fujiz : อะไรเนี่ย

ผมกดเข้าไปดู ฟูจิแคปรูปที่หน้าไอจีของผม ที่ผมโพสรูปของฟูจิลง

wintha : ก็ไม่อะไร
fujiz : นิสัยอะ ถ่ายรูปคนอื่นไปลง
fujiz : แล้วแคปชั่น เธอๆ นี่คืออะไร
fujiz : แล้วดูดิ น่าเกลียดจะตาย
wintha : ไม่นิ ก็น่ารักดี

ฟูจิมันเงียบไปสักพักหนึ่ง

fujiz : นิสัยๆๆ
fujiz : ไม่อยากคุยแล้ว
wintha : เดี๋ยวดิ

ฟูจิเงียบครับ ไม่อ่านข้อความด้วย ผมก็ไม่ได้ส่งข้อความอะไรกลับไปอีก



"มาถึงเร็วจัง" พี่สาวผมทักผมทันทีที่ผมเดินเข้ามาในบ้าน

"มีเรื่องอยากจะคุยกับป๊าม๊าแล้วก็อาม่า" ผมบอก

"ต้องสำคัญมากใช่มั้ยเนี่ย ถึงรอตอนเย็นไม่ได้" พี่สาวผมถาม

"ก็สำคัญ ... ค่อนข้างมาก" ผมตอบ

"เกี่ยวกับฟูจิ?"

"ทำไมคิดงั้น"

"เจ๊เห็นรูปที่แกโพสลงไอจี"

"... ก็ประมาณนั้น"

"ป๊าอยู่ในห้องทำงาน ม๊าอยู่หน้าร้าน อาม่าดูทีวีอยู่ที่ห้องนั่งเล่น" พี่สาวผมบอก

อยู่กันคนละส่วนของบ้านเลย

"งั้นผมขอตัวก่อนเจ๊" ผมบอกพี่สาว ก่อนจะได้แยกออกมา


หวังว่าทุกอย่างคงจะราบรื่น


.
.
.

ผมจอดรถอยู่ที่หน้าบ้านของฟูจิ เวลาตอนนี้ประมาณห้าโมงครึ่ง ผมไลน์บอกฟูจิล่วงหน้าแล้วว่าจะมารับ


wintha : อยู่หน้าบ้านแล้ว


ผมไลน์บอกฟูจิอีกครั้ง ไม่ถึงห้านาทีฟูจิก็เดินออกมา ฟูจิใส่กางเกงขาเดฟสีน้ำตาลอ่อน และใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวลายกราฟฟิกเล็กๆ ผมมองดูฟูจิยิ้มๆ

มันดูน่ารักดี

"ยิ้มอะไร" ประโยคแรกที่มันทักทายผมหลังจากขึ้นรถ

"แต่งตัวแบบนี้น่ารักดี" ผมพูดไปตรงๆ ฟูจิมันนั่งเม้มปากและหน้ามันเห่อแดงขึ้นมา

"ไปได้แล้ว" ฟูจิมันพูดขึ้นมาน้ำเสียงหงุดหงิดเล็กน้อย แต่ผมรู้แล้วครับว่าเวลาที่มันใช้น้ำเสียงแบบนี้คือมันกำลังเขิน

ผมขับรถออกมาจากบ้านฟูจิ ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีก็ถึงบ้านผม ในบริเวณรั้วบ้านเดียวกันจะมีบ้านปลูกอยู่อีกหลายหลังครับ ผมเป็นลูกคนที่สี่ในบรรดาพี่น้องห้าคน ผมมีพี่ชายสองคน พี่สาวหนึ่งคนและน้องสาวอีกหนึ่งคน ผมและพี่ชายอีกสองคนเราจะมีบ้านที่แยกออกมาจากบ้านใหญ่คนละหลัง ส่วนพี่สาวและน้องสาวจะอยู่ที่บ้านใหญ่กับป๊าม๊าและอาม่า

ผมพาฟูจิเข้ามานั่งอยู่ที่บ้านผมก่อน

"กินไรมั้ย" ผมถาม

"ยังไม่หิวครับ ว่าแต่พี่พาผมมาแบบนี้มันจะดีเหรอ" สีหน้าฟูจิดูกังวล

"ไม่ดียังไง"

"ก็มันเป็นวันเกิดอาม่าของพี่ คนที่มาร่วมอวยพรก็ควรจะมีแต่ญาติๆ ผมว่ามีผมมาด้วยมันดูไม่ค่อยเหมาะ"

"มึงนี่คิดเยอะว่ะ ถ้าไม่ควรมา กูไม่พามึงมาตั้งแต่แรกหรอก เชื่อกู ไม่มีอะไรที่ไม่เหมาะ" ผมพูดเพื่อให้ฟูจิมันรู้สึกดีขึ้น



จนเวลาประมาณหกโมงกว่าๆ ผมก็พาฟูจิเดินไปที่บ้านใหญ่ พอเห็นคนเยอะๆฟูจิมันยืนตัวเกร็งเลยครับ ผมพาฟูจิไปสวัสดีญาติๆของผมที่มากันครบ ฟูจิมันก็ดูจะงงๆกับสิ่งที่ผมให้มันทำ แต่มันก็ยอมทำตามที่ผมบอก

ผมพาฟูจิเดินมาถึงโต๊ะที่เป็นโต๊ะของครอบครัวผมโดยเฉพาะ มีพี่ชายคนโตมาพร้อมแฟน พี่สาว พี่ชายคนที่สาม และน้องสาวคนเล็ก

ฟูจิยกมือไหว้พี่ทั้งสามคนของผม ซึ่งปกติพี่น้องของผมทุกคนเคยเจอฟูจิอยู่บ้างแล้ว

"ฟูจิก็มาเหรอ" พี่สาวผมถามฟูจิ

ฟูจิหันมามองผม

"ครับ พี่วินชวนมา" ฟูจิตอบ และพี่สาวผมก็ส่งสายตาเหมือนรู้ทันมาให้ผม

ผมขยับเก้าอี้ให้ฟูจินั่งและผมก็นั่งลงข้างๆ

"พี่ฟูจิ" น้องสาวของผม ที่นั่งอยู่เยื้องกับฟูจิเรียกฟูจิ

"ครับ"

"วันนี้หนูเห็นรูปพี่ฟูจิในไอจีของเฮียด้วย" น้องสาวผมพูด เสียงไม่ได้ดังมากนักแต่ก็อยู่ในระดับที่ทุกคนบนโต๊ะได้ยิน

ฟูจินั่งตัวเกร็งโดยทันที ผมเอื้อมมือจะไปจับมือฟูจิที่ใต้โต๊ะ แต่ฟูจิไม่ยอมให้ผมจับ

"ไม่ใช่แค่หนูนะ ทุกคนก็เห็น" น้องสาวผมพูดพร้อมทั้งกวาดสายตาไปรอบโต๊ะเพื่อจะบอกว่าทุกคนบนโต๊ะก็เห็น

ฟูจิขอตัวเดินไปเข้าห้องน้ำ และผมคิดว่าสงสัยงานจะเข้าผม น้องสาวผมเหมือนจะรับรู้บรรยากาศแปลกๆระหว่างผมกับฟูจิ น้องสาวผมก็ยกมือไหว้ขอโทษผม

"หนูขอโทษ สงสัยหนูพูดเยอะไป"

"ไม่ใช่ความผิดของวันใหม่หรอก ฟูจิมันงอนเฮียตั้งแต่ที่มันรู้ว่าเฮียลงรูปมันแล้ว" ผมบอก

"ไม่ไปง้อเหรอว่ะ" พี่ชายคนที่สามถามผมแบบแซวๆ

"กำลังจะไปเนี่ย" ผมลุกขึ้นเดินออกมาจากโต๊ะ ได้ยินเสียงพี่ชายผมสองคนแซวตามหลังมาว่า 'กลัวเ มีย'

กลัวอะไรล่ะ เดี๋ยวจะจับมันฟาดก้นคอยดู

ผมเดินมาตามหาฟูจิจนไปเจอว่ามันนั่งอยู่ที่ชิงช้าบริเวณหน้าบ้านของพี่ชายคนโต

"ไหนบอกไปเข้าห้องน้ำ" ผมถาม ถึงแม้จะรู้ว่าเป็นแค่ข้ออ้างของมันก็ตาม

"เพราะพี่เลย ทุกคนเขาเห็นรูปนั้นกันหมด เขาจะคิดยังไงบ้าง พี่ไม่กลัวหรือไง"

"กลัวอะไร"

"ก็กลัวเขาจะว่าพี่ไง พี่โพสรูปผู้ชาย แคปชั่นแบบนั้น แล้วตอบคอมเม้นท์อะไรแบบนั้นอีก" น้ำเสียงฟูจิฟังดูก็รู้ว่าไม่สบายใจ

"มึงฟังกูนะ" ผมขยับมายืนตรงหน้าฟูจิ และใช้มือทั้งสองข้างจับเชือกทั้งสองข้างของชิงช้าไว้เพื่อให้มันหยุด ฟูจิที่ยังนั่งอยู่ที่ชิงช้าเงยหน้ามองผม

"พี่น้องกูทุกคนเขาเห็นรูปที่กูโพสตั้งแต่เที่ยงแล้ว และกูก็คุยกับทุกคน ทุกคนไม่ได้มีปัญหาอะไร ถ้ากูจะคบกับผู้ชาย"

ฟูจิมันตาโตขึ้น สายตาที่มองผมมันตีความได้หลายอย่างทั้งตกใจ ทั้งลังเลใจ และทั้งดีใจ

"เอาเป็นว่าไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องคิดมาก"

ผมใช้มือข้างหนึ่งลูบผมฟูจิไปมา ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นขยี้ผมมันแรงๆด้วยความหมั่นเขี้ยว

"ผมยุ่งหมดแล้ว!" บางทีผมก็อาจจะเป็นโรคจิต ผมชอบเห็นเวลามันหงุดหงิดแบบนี้

หลังจากนั้นผมใช้เวลาตั้งนานกว่าเกลี้ยกล่อมให้ฟูจิเดินกลับไปที่โต๊ะ พอเดินกลับมาที่โต๊ะผมก็จัดการให้ฟูจิมันทานข้าวก่อนเป็นอันดับแรก และดูเหมือนพี่ๆน้องๆของผมจะรู้งาน ไม่มีใครพูดแซวหรือถามอะไรที่ทำให้ฟูจิทำตัวไม่ถูกอีก

จนเวลาล่วงเลยมาสักพักใหญ่ๆเลย พวกญาติๆเริ่มทยอยพากันกลับ หลังจากที่อวยพรให้อาม่ากันแล้ว

ผมรอจนเห็นว่าญาติคนสุดท้ายเดินออกจากบ้านไป ผมก็พาฟูจิเดินมาหาอาม่าที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น โดยที่ป๊าและม๊าก็นั่งอยู่ในห้องนั้นด้วย

"เข้ามาๆ" อาม่ากวักมือเรียกผม ผมจับมือฟูจิแล้วก็พาเดินเข้ามา ตอนแรกฟูจิมันดึงมือมันออกแต่ผมไม่ยอม

ผมกำลังจะพาฟูจิไปนั่งที่โซฟาแต่ ...

"สวัสดีครับ" ฟูจินั่งลงที่พื้นและยกมือไหว้อาม่าและป๊าม๊าของผม

"มานั่งข้างบน" ผมบอก

"นั่งตรงนี้แหละครับ" ฟูจิตอบ

"มึงนี่ดื้อจริงๆ"

"วิน! ทำไมพูดกับน้องไม่เพราะแบบนั้น" ม๊าผมครับ

"ชื่อฟูจิใช่มั้ย" อาม่าผมถามฟูจิ

"ใช่ครับ"

"แล้วทำไมเพิ่งพาน้องเข้ามาหาอาม่าล่ะวิน ไปรับน้องมาตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ" ม๊าผมถาม

"มานานแล้วครับแต่อยากรอให้ญาติๆกลับกันไปก่อนครับ" ผมบอก

ผมเห็นสายตาที่ฟูจิมันมองผมด้วยความไม่เข้าใจกับสถานการณ์ตอนนี้ ในส่วนของอาม่าและป๊ากับม๊าก็มองหน้าผม ... ผมรู้สึกกดดันขึ้นมาแล้วสิ

"มีอะไรจะพูดก็พูดมา" ป๊าผมพูด

"อาม่าครับ ป๊าครับ ม๊าครับ ผมขอแนะนำให้รู้จักอย่างเป็นทางการนะครับ นี่ฟูจิ เป็นแฟนผม" ผมบอก และในห้องนี้ก็มีแค่คนเดียวที่ตกใจ

"ห๊ะ! เป็นตั้งแต่เมื่อไหร่" ฟูจิถามผมเสียงดัง สีหน้ามันคือตกใจมาก

"หืม? ยังไงกันแน่วิน" ป๊าถามผม

"สรุปคิดไปเองคนเดียวหรือเปล่า" นี่คือเสียงม๊า

"ผมขอโทษที่เสียงดังครับ" ฟูจิยกมือไหว้ขอโทษทุกคน

"ตกลงเราได้เป็นแฟนกับอาวินมั้ย" อาม่าถามฟูจิ

"เอ่อ ... คือ ไม่ได้เป็นครับ" ฟูจิมันมองหน้าผมก่อนจะตอบ

"จะไม่เป็นได้ไงว่ะ ... ขอโทษครับอาม่า" ผมโวยวายใส่ฟูจิด้วยความลืมตัว ก่อนจะนึกได้ว่าอาม่านั่งอยู่ด้วย

ฟูจิมันมองผู้ใหญ่ที่อยู่ในห้อง ก่อนจะหันมาพูดกับผมเสียงไม่ดังมากนักแต่ก็น่าจะได้ยินกันทั้งห้อง

"ผมไปเป็นแฟนพี่ตอนไหน" ฟูจิถามผม

"เมื่อคืนไง" ผมพูด ฟูจิมันทำหน้างง ผมก็เลยขยับตัวเข้าไปใกล้ๆและก้มลงไปกระซิบ

"ก็เมื่อคืนกูบอกมึง ว่ากูชอบมึงใช่มั้ย ในเมื่อใจตรงกันก็ต้องเป็นแฟนกันสิว่ะ"

ฟูจิมันนิ่งไปเลยกับสิ่งที่ผมพูดก่อนมันจะหัวเราะออกมาเบาๆ

"ตกลงว่ายังไงกัน" ป๊าผมถาม ผมส่งสายตาไปหาฟูจิเพื่อจะให้มันตอบ

"พี่วินยังไม่ได้ขอผมเป็นแฟนเลยครับ แล้วผมจะเป็นแฟนพี่วินได้ยังไง" นี่คือสิ่งที่ฟูจิมันตอบ


"อ้าว วินยังไม่ได้ขอน้องเป็นแฟน แต่มาบอกม๊าว่าน้องเป็นแฟน คือยังไง"

"ม๊า ก็ในเมื่อผมกับฟูจิใจตรงกัน มันก็ต้องเป็นแฟนกันอยู่แล้ว มันจำเป็นต้องขอด้วยเหรอม๊า ผมว่ามันเหมือนต่างคนต่างรู้สถานะ" ผมบอก

ม๊าถอนหายใจและหันไปคุยกับฟูจิ

"ฟูจิ ลูกชายม๊าไม่ค่อยละเอียดอ่อนแบบนี้ ฟูจิก็อาจจะต้องลำบากหน่อยนะ"

"เอาเป็นว่าป๊าม๊าและอาม่า พวกเรารับรู้แล้ว แต่แกไอ้ลูกชาย ไปทำในสิ่งที่แกควรจะทำก่อน ค่อยเข้ามาคุยกับอาม่าอีกที" ป๊าผมพูดเสร็จก็พาอาม่าและม๊าเดินขึ้นข้างบนไป

ผมหันมามองฟูจิที่มันยังนั่งอยู่ที่พื้น ผมลุกขึ้นยืนก่อน และยื่นมือไปหาฟูจิ

"ลุกขึ้น ไปคุยต่อที่บ้านกู" ผมบอก ฟูจิลุกขึ้นมายืนเองไม่ได้จับมือผม และฟูจิก็เป็นคนเดินนำผมออกไป

ฟูจิเดินเข้ามาในบ้านของผม และนั่งลงที่โซฟาในห้องรับแขก ผมนั่งลงข้างๆฟูจิ

"พี่วิน" ฟูจิเป็นคนเริ่มบทสนทนาก่อน

"หืม?"

"พี่อยากจะเป็นแฟนกับผมจริงเหรอ"

"ถ้าไม่จริง กูจะไปบอกคนที่บ้านทำไมวะ"

"พี่แน่ใจแล้วเหรอ"

"กูขอตอบเหมือนเมื่อกี้ ไม่แน่ใจกูจะบอกทุกคนทำไม"

"........."

"มึงอาจจะไม่มั่นใจในตัวกูเพราะหลายๆอย่างที่ผ่านมา กูก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำแบบไหนมึงถึงจะมั่นใจ กูก็เลยเลือกที่จะมาบอกเรื่องของมึงกับครอบครัวกู วันนี้ก่อนที่กูจะออกไปรับมึง กูก็เล่าเรื่องระหว่างมึงกับกูให้อาม่าและป๊ากับม๊าฟังแล้ว ท่านก็บอกแค่ว่าให้พามึงมาคุยกัน"

ฟูจิไม่ได้พูดอะไรออกมา เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่




"ตกลงครับ"

ฟูจิพูดออกมา ... ตกลงอะไรว่ะ
พอผมทำหน้าไม่เข้าใจ ฟูจิมันก็ถอนหายใจเหมือนเบื่อหน่าย

"สรุปพี่จะขอผมเป็นแฟนหรือเปล่าเนี่ย แต่..ไม่ว่าพี่จะขอหรือไม่ขอผมก็ตอบตกลงไปแล้วนะ พี่เปลี่ยนใจไม่ได้แล้วด้วย" ฟูจิบอกผม ผมอดจะหัวเราะมันด้วยความเอ็นดูไม่ได้ มันพูดเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไร แต่หน้ามันแดงลามไปหมดแล้ว

ผมดึงฟูจิเข้ามากอดและฟูจิก็กอดผมตอบเช่นกัน ใบหน้าของฟูจิซุกอยู่ที่แถวๆซอกคอผม

"คืนนี้มานอนที่นี่เอามั้ย" ผมถาม

"ไม่ดีกว่า เสื้อผ้าก็ไม่ได้เอามา"

ผมหัวเราะขำออกมา

"บ้านไกลมากเลยเนอะ"

"ก็เพราะไม่ไกลไงก็เลยคิดว่ากลับไปนอนบ้านดีกว่า"

"ดื้อมันทุกเรื่อง" ผมบ่นให้มัน กอดจะผละออกจากอ้อมกอด

"ปะ จะพาไปเอาเสื้อผ้าที่บ้าน" ผมบอก

"เดินไปนะ" ฟูจิบอก และผมก็ยอมตามใจ



อากาศข้างนอกเย็นสบายมากๆ ได้เดินเล่นในบรรยากาศแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ผมหันไปมองฟูจิที่เดินอยู่ข้างๆผม ใบหน้าของฟูจิมีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้า ดูมันผ่อนคลาย และมันคงจะกำลังมีความสุข

"ฟูจิ" ผมเรียกชื่อฟูจิ ฟูจิมันละสายตาจากท้องฟ้าที่มันกำลังเงยหน้ามองอยู่

"ครับ?"

"เป็นแฟนกันนะ" ผมหยุดเดินและพูดออกมา

ฟูจิเองก็หยุดเดินเหมือนกัน

"นึกว่าพี่จะไม่ขอแล้วเนี่ย!" มันดูเหมือนจะโวยวายแต่หน้ามันแดงมาก และถ้าตามความจริงนะคือผมเองก็เขินเหมือนกัน

พอมองไปรอบข้างแล้วก็นึกขำตัวเอง ผมมาขอมันเป็นแฟนอยู่กลางถนน มีบ้านคนอยู่รายรอบ มองไปด้านหลังมีถังขยะของเทศบาลอยู่สองถัง โดยรวมไม่ได้โรแมนติกอะไรเลย

"กูไม่รู้ว่ามึงอยากให้กูขอมึงเป็นแฟนด้วยบรรยากาศที่มันดีกว่านี้หรือเปล่า กูแค่...." ผมยังพูดไม่จบ ฟูจิมันก็เข้ามากอดเอวและซบหน้าลงที่บริเวณหน้าอกของผม

"แค่นี้ก็พอแล้ว" ฟูจิมันพูด

"กูนึกว่ามึงอยากให้กูเล่นใหญ่เหมือนตอนที่ไอ้เต็มขอคนเก่งเป็นแฟนซะอีก"

ฟูจิส่ายหน้า และพูดว่า

"ขอบคุณนะพี่วิน"

ผมกอดฟูจิแน่นขึ้น

"ขอบคุณเหมือนกันที่ยังรอ"

เรายืนกอดกันอยู่แบบนั้นสักพักก็ได้ยินเสียงสุนัขเห่า พอหันไปมองก็เห็นสุนัขสองตัวที่อยู่แถวนั้นยืนมองพวกเราอยู่ ฟูจิปล่อยแขนออกจากเอวผมและหัวเราะออกมา

"ที่จริงสถานที่ก็น่าจะดีกว่าเนอะ" ฟูจิพูด

ผมรู้ว่าฟูจิมันไม่ได้คิดอะไรหรอก แต่ผมก็อดคิดไม่ได้ จะกลับไปแก้ตัวก็ไม่ได้แล้วสิ

"อย่างน้อยก็มีไอ้สองตัวนี้เป็นพยาน" ผมพูด

"ก็จริง" ฟูจิมันหัวเราะออกมาอีก



เราสองคนเดินมาจนถึงบ้านของฟูจิ ตอนแรกฟูจิมันบอกจะอาบน้ำก่อนแต่ผมบอกให้กลับไปอาบที่บ้านผมเลยดีกว่า หลังจากที่กลับมาถึงที่บ้านผมฟูจิก็ขึ้นไปอาบน้ำบนห้องผม ส่วนผมเดินออกไปคุยกับพวกพี่ๆที่บ้านใหญ่ พอเดินกลับมาเห็นฟูจินั่งดูทีวีอยู่ที่ห้องรับแขก ผมนั่งลงข้างๆฟูจิที่กำลังนั่งกอดเข่าอยู่บนโซฟา มันใส่กางเกงขาสั้นพอนั่งแบบนี้ก็ทำให้เห็นต้นขาขาวๆของมัน ฟูจิไม่ได้ขาวเท่าคนเก่ง เพราะอย่างคนเก่งคือมันแบบขาวเว่อร์ ไม่รู้มีตรงไหนที่มันดำบ้าง คือผมไม่ได้ทะลึ่งหรืออะไรแต่คนเก่งมันขาวแบบนั้น ส่วนฟูจิอาจจะไม่ขนาดคนเก่งแต่มันก็ขาวเกินกว่าผู้ชายปกติทั่วไป

"ฟูจิ" ผมเรียกฟูจิและมันก็หันมามองผม

"ครับ?"

"เป็นแฟนกันแล้วนะ" ผมพูด

ฟูจิมันหน้าแดงแต่มันก็ทำหน้าสงสัยไปด้วยว่าผมจะพูดอะไร ผมขยับเข้าไปใกล้มากขึ้น

"เพราะฉะนั้นก็จูบได้แล้ว" ผมพูดต่อและก้มลงจูบฟูจิทันทีโดยไม่เปิดโอกาสให้มันปฏิเสธ ฟูจิดูตกใจเล็กน้อยตอนที่ริมฝีปากของผมแตะลงไป แต่แค่ไม่นานฟูจิก็ให้ความร่วมมือกับผมเป็นอย่างดี ผมอาจจะเคยจูบกับฟูจิหลายครั้งแต่ไม่มีครั้งไหนตื่นเต้นเท่าครั้งนี้เลย ใจผมเต้นแรงไปหมด ฟูจิมันจูบไม่เก่งแต่มันก็ดูจะพยายามที่จะโต้ตอบกลับมา จนผมรู้สึกว่ามันน่าเอ็นดู ความแตกต่างระหว่างจูบกับคนอื่น และจูบกับคนที่เรารู้สึกมันเป็นแบบนี้นี่เอง

ผมจับมือข้างขวาของฟูจิให้มาวางทาบลงบนหน้าอกด้านซ้ายของผม ผมอยากให้ฟูจิรู้ว่าหัวใจของผมมันเต้นแรงมากแค่ไหน

ผมเปิดโอกาสให้ฟูจิหายใจบ้างแต่ผมยังไม่หยุดที่จะจูบฟูจิต่อ ตอนนี้ฟูจิเอนตัวลงนอนราบลงบนโซฟา ส่วนผมก็คร่อมตัวของฟูจิอยู่ด้านบน อย่างที่ผมบอกฟูจิจูบไม่เก่ง แต่มันก็พยายามที่จะตอบสนองผมกลับมา ผมรู้สึกดีมากจริงๆ

และเพราะร่างกายเราแนบชิดกัน ผมถึงรับรู้ปฏิกิริยาทางร่างกายของอีกฝ่ายได้ไม่ยาก ตรงส่วนนั้นของฟูจิมีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน

ผมหยุดการกระทำและซุกหน้าลงที่ซอกคอของฟูจิแทน

"พี่" เสียงของฟูจิค่อนข้างสั่น

ร่างกายผมก็รู้สึกพอๆกันกับฟูจิ แต่ผมสามารถควบคุมตัวเองได้มากกว่าฟูจิ

"กูจะลุกขึ้น และจะไม่มอง มึงก็เดินไปเข้าห้องน้ำบนห้อง ตกลงมั้ย" ผมบอกฟูจิ มันนอนนิ่งก่อนจะพยักหน้า ผมหอมแก้มฟูจิย้ำๆสองครั้งก่อนที่ผมจะลุกออกจากตัวของมัน

พอผมลุกขึ้นมานั่งผมก็มองไปทางอื่นทันทีเพราะกลัวสายตาจะมองมาที่ฟูจิไม่ได้ ถึงผมจะควบคุมตัวเองได้มากกว่าแต่ถ้าผมเห็นอะไรบางอย่างของฟูจิ ผมก็ไม่แน่ใจว่าจะคุมมันได้มั้ย

ฟูจิมันลุกขึ้นมานั่งอยู่นานเหมือนกัน พอผมหันมามองก็เห็นว่ามันนั่งหันหลังให้ผม

"ไม่ไปห้องน้ำล่ะ" ผมถาม

"ผมว่าเดี๋ยวมันก็...ดีขึ้น" มันตอบ

"จะปล่อยให้ทรมานทำไมว่ะ หรือว่า....ช่วยตัวเองไม่เป็น" ผมพูดอย่างที่คิด

"ไอ้พี่วิน!พูดไรเนี่ย!" มันหันหน้ามาโวยวายกับผม ไม่รู้หน้ามันแดงเพราะโมโหหรือว่าอาย

"แล้วตกลงเคยช่วยตัวเองมั้ย" ผมถามด้วยความอยากรู้ เพราะก็นึกภาพมันไม่ออกจริงๆว่าเวลามันช่วยตัวเองมันจะเป็นยังไง

"หันหน้าไปเลย จะขึ้นข้างบนแล้ว" ผมยอมหันหน้ากลับมา และมองด้วยหางตาก็เห็นว่ามันกำลังวิ่งขึ้นไปข้างบน

ผมอดขำมันไม่ได้ ก่อนจะกลับมามองที่ร่างกายของตัวเองบ้าง ตอนแรกผมว่าผมควบคุมตัวเองได้นะ แต่เมื่อกี้พอนึกภาพที่ฟูจิมันช่วยตัวเอง ผมก็ .....


ผมเองก็คงต้องเข้าห้องน้ำเหมือนกันครับ

แต่ผมจะเข้าห้องน้ำข้างล่าง หรือจะขึ้นไปข้างบนดี


ช่วยผมคิดทีนะครับ





The End.



◕จบในส่วนของคู่รองค่ะ รอติดตามคู่นี้ในตอนพิเศษอีกทีนะคะ
◕ตอนหน้าจะมาต่อกับคู่หลักของเรากันค่ะ
◕ขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามาอ่านและติดตามนะคะ

หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ธาวิน&ฟูจิ) 18/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 18-05-2019 10:57:31
 :L2: :pig4: :L1:

ยกความดีความชอบให้ฟูจิ คนที่รอ และน้องตนเก่ง
ตั้งแต่เป็นแฟนกันมา พี่เต็มโป๊ะตลอด 55
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ธาวิน&ฟูจิ) 18/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Caramel Syrup ที่ 18-05-2019 12:00:54
ต้องชัดเจนแบบนี้แหละพี่วิน  o13
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ธาวิน&ฟูจิ) 18/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 18-05-2019 12:04:12
เป็นแฟนกันแล้ว ต้องขอบคุณกามเทพที่มีชื่อว่าน้องคนเก่งนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ธาวิน&ฟูจิ) 18/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 18-05-2019 19:38:30
 :pig4: :pig4: :pig4:

เป็นแผนของคนเก่งซะงั้น
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ธาวิน&ฟูจิ) 18/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 18-05-2019 20:11:52
เข้าใจกันๆปอีกคู่  :mew1:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ธาวิน&ฟูจิ) 18/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 20-05-2019 12:28:45
สนุกมากเลย น้องคนเก่งน่ารัก  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 21) 21/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ninewara ที่ 21-05-2019 02:57:39
✿ เติมเต็มรัก ✿ ครั้งที่ 21




[เติมเต็ม part]



วันนี้เพื่อนๆในกลุ่มมันมาติวหนังสือกันที่ห้องผม พวกผมนั่งรวมตัวกันอยู่ที่ห้องรับแขก ส่วนคนเก่งกำลังจะเตรียมมื้อเย็นให้กับผมและเพื่อนๆ

"ถ้ามึงจะคอยมองบ่อยขนาดนั้น มึงไม่ไปช่วยน้องมันทำเลยล่ะ" ไอ้ชินท์มันพูด

"ก็ดีนะมึง" ผมบอก

"กูประชด" ไอ้ชินท์บอก

"แล้วพวกมึงไม่ไปหาอะไรกินกันข้างนอกว่ะ" ผมบ่นให้พวกมัน

"ก็คนเก่งมันทำกับข้าวอร่อยนี่หว่า" ไอ้ธรณ์พูดเสริมขึ้นมา

พวกเพื่อนผมมารวมตัวกันทำงานและติวหนังสือที่นี่กันบ่อยๆตั้งแต่เรียนอยู่ปีหนึ่งแล้วครับ ปกติก็ทำของง่ายๆทานกัน แต่พอมีคนเก่งเท่านั้นแหละ พวกมันเลยสบายกัน บางทีอยากทานอะไรก็บอกให้คนเก่งทำให้ ผมก็ค่อนข้างหงุดหงิดนะ ก็พวกมันเล่นมาใช้แฟนผมแบบนี้


ผมลุกขึ้นและเดินเข้าไปหาคนเก่งในครัว ห้องรับแขกกับห้องครัวติดกันก็จริงครับ แต่พื้นที่ใช้ในการปรุงอาหารหรือทำอาหารจะถัดออกมาอีกนิดหน่อย กลิ่นอาหารจะได้ไม่ตลบอบอวลไปถึงห้องรับแขก

"ทำอะไร" ผมถามคนเก่ง ที่ตอนนี้กำลังหั่นผักนานาชนิดอยู่

"พี่เต็มจะเอาอะไรหรือเปล่าครับ"

"แค่เข้ามาดู" ผมบอกและคนเก่งยิ้มให้ผมเล็กน้อย

"หิวแล้วเหรอครับ ใกล้เสร็จแล้ว เหลือแค่ยำหมูยออย่างเดียว"

"ให้พี่ยกไปวางบนโต๊ะเลยมั้ย"

"ไม่ต้องครับ เดี๋ยวผมจัดการเอง พี่เต็มไปติวกับเพื่อนต่อเถอะครับ" คนเก่งบอกผม

"ให้พี่ตักข้าวใส่จานให้ก็ได้นะ" ผมหันไปเจอหม้อหุงข้าว ที่คนเก่งเป็นคนซื้อมาไว้

"พี่เต็มครับ" คนเก่งเอ่ยชื่อผมเสียงเข้มขึ้น เดี๋ยวนี้ชอบทำเสียงแบบนี้กับผมบ่อยมากไป

"ครับๆออกไปก็ได้" ผมหอมแก้มน้องทีหนึ่งก่อนจะเดินออกไป




ผมเดินออกมานั่งติวกับเพื่อนอยู่สักพัก คนเก่งก็เดินเข้ามาที่ห้องรับแขกที่พวกผมนั่งติวกันอยู่

"กับข้าวเสร็จแล้วครับ ถ้าหิวก็ไปทานได้เลยนะครับ" คนเก่งบอก

พวกเพื่อนๆผมก็พร้อมใจกันวางทุกอย่างลงและเดินไปที่โต๊ะอาหารกันหมด ผมเดินตามพวกมันไป บนโต๊ะอาหารมีกับข้าวอยู่หลายอย่าง มีปีกไก่ทอดจานใหญ่ ต้มยำกุ้งที่เน้นเห็ดเพราะผมชอบทาน ไข่ลูกเขยเมนูที่ไอ้ชินท์มันขอ แกงจืดสาหร่ายเต้าหู้หมูสับ ยำหมูยอ และน้ำพริกกะปิพร้อมผักสด

"ไอ้เต็มมึงมีเมียที่โคตรเจ๋ง" ไอ้ชินท์ที่กำลังตักข้าวสวยแจกจ่ายทุกคนพูดขึ้น

ผมหันไปมองคนเก่งที่ยืนอยู่ข้างๆผม

"ของมันแน่อยู่แล้ว" ผมบอกพร้อมทั้งลูบผมของคนเก่งแต่น้องขยับตัวออกห่างผม ผมเลิกคิ้วมองน้องด้วยความแปลกใจ

"ผมมันเหม็นอะ ไม่อยากให้จับ" คนเก่งบอก ผมก็เลยขยับเข้าไปใกล้และก้มลงดมที่ผมของน้อง

"ไม่เหม็นสักหน่อย"

ผมตอบตามจริง ไม่มีกลิ่นอะไรเลยด้วยซ้ำ น้องทำหน้าไม่เชื่อ ผมก็ดมอีกสองสามครั้ง

"จริงๆ" ผมยืนยัน

"เอ่อ มึงจะเข้าห้องนอนกันก่อนก็ได้นะ" ไอ้ทัตพลมันพูด ผมหันไปมองพวกมันสามตัวนั่งมองผมกับคนเก่งด้วยความพร้อมเพรียง คนเก่งขยับออกห่างผมไปไกลเลย

ผมส่ายหน้าให้พวกมัน ก่อนจะพาคนเก่งมานั่งทานข้าว

"ไม่ต้องไปสนใจพวกมัน" ผมบอกคนเก่ง


ตั้งแต่ที่เปลี่ยนสถานะมาเป็นแฟน ผมว่าคนเก่งดูไม่ค่อยผ่อนคลายเวลาที่อยู่กับกลุ่มเพื่อนๆผม ไม่เหมือนเมื่อก่อนตอนที่ยังไม่เป็นแฟน น้องมันดูโอเคกว่านี้ ผมสังเกตมาหลายครั้งแล้ว ไม่รู้ว่าน้องมันเป็นอะไร

"แล้วมึงนอนนี่หรือกลับหอ" ไอ้ธรณ์ถามคนเก่ง

"กลับหอครับ" คนเก่งตอบ

"นอนที่นี่แหละ" ผมบอกด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ทุกครั้งที่เพื่อนๆผมมาที่ห้องแล้วต้องอยู่ดึกหรืออาจต้องค้าง คนเก่งจะเป็นแบบนี้เสมอไม่ยอมนอนที่นี่ ทั้งๆที่ตอนอยู่กับผมสองคนไม่เคยมีปัญหา

เพื่อนผมเงียบกันทั้งโต๊ะ คงเพราะน้ำเสียงของผม หลังจากนั้นพวกมันก็คุยเรื่องอื่น เหมือนพยายามไม่สนใจพวกผมสองคน

คนเก่งมันก็นั่งทานข้าวต่อไปเงียบๆ ส่วนผมเริ่มจะทานไม่ลง ไอ้ธรณ์ที่มันนั่งอยู่ข้างผม สะกิดที่ขาผมและมันพูดโดยไม่ออกเสียงว่าให้ผม 'กินข้าว' ตอนแรกผมก็ยังไม่ทานต่อ แต่ไอ้ธรณ์มันขยับมาใกล้กว่าเดิม

"ถ้ามึงไม่อยากให้น้องมันใจเสีย มึงกินข้าวซะ มีอะไรค่อยไปคุยกัน"

ผมถอนหายใจเบาๆและลงมือทานข้าวต่อ


พอนั่งทานข้าวไปได้อีกสักพัก คนเก่งก็ลุกขึ้นและเอาจานของตัวเองไปวางไว้ที่อ่างล้างจาน

"ผมขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะครับ พวกพี่ทานเสร็จก็วางไว้บนโต๊ะเลยนะครับ เดี๋ยวผมออกมาล้างเอง"

ผมมองตามคนเก่งที่เดินเข้าห้องไป

"มึงจะว่ากูเสือกก็ได้นะ แต่กูอยากรู้ว่ามีปัญหาอะไรกันว่ะ" ไอ้ชินท์ถามขึ้น

"กูขอคุยกับน้องก่อนดีกว่าเพราะกูก็ยังไม่รู้ว่าปัญหามันคืออะไร" ผมบอก

พวกผมนั่งทานข้าวกันไปอีกสักพักใหญ่ๆ พวกมันก็ช่วยกันเก็บล้างจานชาม และมานั่งติวหนังสือกันต่อ



ผ่านไปเกือบชั่วโมงเห็นจะได้ คนเก่งก็ไม่ได้ออกมาจากห้อง

"กูขอไปอาบน้ำก่อน" ผมบอกเพื่อน

"แค่อาบน้ำแน่นะมึง" ไอ้ธรณ์ครับ

"เสื่อมจริงๆพวกมึง" ผมพูด

"อะๆ ถ้าไม่คิดเหมือนกัน จะรู้ได้ไงว่ากูคิดอะไรอยู่"


พวกมันยังคงแซวผม แต่ผมไม่อยากสนใจพวกมัน ผมเปิดประตูเข้ามาในห้องนอนแต่คนเก่งไม่ได้อยู่ในห้องนอน ผมเดินมาที่ห้องแต่งตัว ได้ยินเสียงน้ำฝักบัวดังมาจากห้องน้ำ

เข้ามาตั้งนานแล้วทำไมเพิ่งอาบน้ำ หรือว่าที่จริงอาบนานแล้วว่ะ



ก๊อก ก๊อก ก๊อก

"คนเก่ง" ผมเรียกแต่ไม่มีเสียงตอบกลับมา


ก๊อก ก๊อก ก๊อก

"คนเก่ง" ผมเรียกเสียงดังขึ้น เสียงน้ำจากฝักบัวหายไป

"ครับ" คนเก่งขานรับผม

"ทำไมอาบน้ำนานจัง" ผมถาม

"เพิ่งเข้ามาอาบครับ"

"โอเค พี่นึกว่าเข้ามาอาบนานแล้ว เห็นเข้ามานานก็เลยมาดู" ผมบอก

"ไม่ได้เป็นอะไรครับ"

"อาบน้ำต่อเถอะ"


ผมเดินออกมานั่งรอคนเก่งอยู่บนเตียง มองไปเห็นมือถือของคนเก่งที่วางอยู่ ผมถือวิสาสะหยิบมือถือของคนเก่งขึ้นมาดู เห็นมีข้อความไลน์ของฟูจิค้างอยู่บนหน้าจอที่คนเก่งยังไม่ได้อ่าน



'กูว่ามึงคิดเยอะมากเกินไป'



คิดเยอะงั้นเหรอ เรื่องอะไรว่ะ?

สักพักก็มีข้อความใหม่จากฟูจิส่งเข้ามาอีก



'มึงต้องคุยกับพี่เต็ม เชื่อกู'



แสดงว่าเรื่องที่คุยกันกับฟูจิคือเรื่องของผม ผมวางมือถือไว้ที่เดิมโดยไม่ได้กดเข้าไปอ่านว่าคนเก่งคุยอะไรกับเพื่อน

ไม่รู้ว่าเรื่องที่คนเก่งคุยกับฟูจิจะเป็นเรื่องเดียวกันกับที่ผมอยากจะคุยกับคนเก่งหรือเปล่า



ผมนั่งรอเกือบสิบห้านาที คนเก่งก็เดินออกมา คนเก่งใส่เสื้อกล้ามและบ็อกเซอร์อย่างที่ชอบใส่

"อ้าว ผมนึกว่าพี่เต็มอ่านหนังสืออยู่กับเพื่อน"

"ว่าจะอาบน้ำก่อนค่อยออกไป" ผมบอก

ผมมองคนเก่งที่เดินกลับเข้าไปที่ห้องแต่งตัว คนเก่งหายไปสักพักก็เดินออกมาพร้อมขวดโลชั่นที่อยู่ในมือ

"ผมเตรียมชุดไว้ให้แล้วนะครับอยู่ที่ราวแขวน" ผมยิ้มให้กับความใส่ใจของคนเก่งที่มีให้ผม ทุกครั้งที่คนเก่งมาค้างที่นี่ น้องมันจะเตรียมเสื้อผ้าให้ ไม่ว่าจะเป็นชุดนักศึกษา เสื้อช็อป ชุดนอนหรือไปเที่ยว

คนเก่งขึ้นมานั่งบนเตียง น้องมันนั่งทาโลชั่นอยู่สักพักก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาดู คนเก่งคงจะเห็นข้อความของฟูจิแล้ว ผมกำลังคิดว่าผมควรไปอาบน้ำก่อนหรือจะคุยก่อนดี


"พี่เต็มครับ" ในระหว่างที่ผมกำลังตัดสินใจ คนเก่งก็เป็นคนที่พูดขึ้นมาก่อน


ผมขยับเข้าไปนั่งที่ขอบเตียงใกล้ๆคนเก่งที่นั่งพิงหมอนอยู่ ผมนั่งหันหน้าไปหาคนเก่ง ก่อนจะใช้มือสางผมของคนเก่งเบาๆ

"ผมยังไม่แห้งเลย ทำไมไม่เป่าผมให้แห้ง"

"เดี๋ยวมันก็แห้งครับ ไม่ชอบเป่า"

"แล้วเมื่อกี้เรียกทำไม" ผมถาม ผมเห็นคนเก่งเม้มปากและขยับตัวมาซบลงที่ไหล่ผม

"เป็นอะไร หืม?" ผมถามพร้อมกับกอดคนเก่งเอาไว้

"ผมแค่งี่เง่า"

"เรื่อง?"

"ผม ... ทำตัวไม่ค่อยถูกเวลาอยู่กับพวกเพื่อนๆพี่ครับ"

"ยังไง"

คนเก่งถอนหายใจออกมาเบาๆ

"ก็พอมาเป็นแฟนกันมันก็รู้สึกเขินๆเวลาเพื่อนๆพี่แซว อีกอย่างคือ ... ผมไม่รู้ว่าเพื่อนๆพี่เต็มจะโอเคกับผมมากแค่ไหนที่ผมเป็นแฟนพี่ ... ที่ผมเป็นผู้ชาย แล้วก็ ... "

คนเก่งหยุดพูด ดูลังเลใจ

"พูดต่อสิ" ผมว่าไอ้คำว่า 'แล้วก็' นี่แหละที่จะเป็นประเด็นสำคัญ

"ผมเคยได้ยินเพื่อนๆพี่เต็มพูดว่า พี่เต็มไม่เหมือนเดิม ติดแฟนมากกว่าเพื่อน เห็นแฟนดีมากกว่าเพื่อน ผมก็เลยกังวล ไม่อยากให้พี่เต็มกับเพื่อนมีปัญหากัน"

"เราเนี่ยมันคิดเยอะเหมือนที่ฟูจิพูดจริงๆ"

"พี่เต็มคุยกับฟูจิมาเหรอครับ" คนเก่งถามผมด้วยความแปลกใจ

"เปล่าๆไม่ได้คุย แต่พี่คิดว่าถ้าฟูจิรู้เพื่อนเราต้องพูดแบบนี้"

เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ

"ครับ ฟูจิพูดแบบนั้นจริงๆ บอกว่าผมคิดเยอะมากเกินไป ก็ ... ผมไม่เคยมีแฟนมาก่อน ผมไม่รู้ว่าเวลาที่คนเราเป็นแฟนกันมันจะต้องเป็นยังไง ผมก็กลัวมันไปซะทุกเรื่อง"

"พี่จะบอกอะไรให้ ไม่ใช่พูดเพื่อให้เราสบายใจหรือรู้สึกดี แต่มันคือเรื่องจริง เพื่อนพี่ไม่มีปัญหาอะไรที่พี่มีแฟนเป็นผู้ชาย โดยเฉพาะผู้ชายคนนั้นคือเรา และที่พวกมันบอกว่าพี่ติดแฟน พี่ก็ยอมรับว่ามันพูดกันจริง แต่มันเป็นการที่พูดแซวๆกันเท่านั้น เพราะก็ต้องยอมรับว่าพี่ติดเราจริงๆนั่นแหละ"

"ผมถึงได้บอกว่าผมงี่เง่าไง"

"ไม่งี่เง่าหรอก มีเรื่องอะไรที่ไม่สบายใจอีกมั้ย"

"ไม่มีแล้วครับ"

"รู้มั้ย ไอ้พวกที่อยู่ข้างนอกมันเป็นห่วงเรามากนะ เพราะฉะนั้นเลิกคิดเรื่องที่คิดว่าพวกมันไม่โอเคได้แล้ว"

"ครับ"

"แล้วก็นะ พี่เองก็ไม่เคยมีแฟนเหมือนกันเพราะฉะนั้นเราก็ต้องเรียนรู้และเริ่มต้นไปด้วยกัน"

"ครับ ขอโทษที่คิดมากนะครับ"

ผมหอมแก้มคนเก่งเหมือนเป็นการปลอบใจ

"แล้วเวลาที่ไอ้พวกนี้มาที่นี่ทำไมต้องกลับไปนอนหอทุกที" ผมถาม

"แค่คิดว่าพวกพี่อาจจะอยากมีเวลาส่วนตัวอยู่ด้วยกันแค่กลุ่มเพื่อน"

"เลิกคิดแบบนี้ได้แล้ว ไม่ว่าเราจะอยู่หรือไม่อยู่มันก็ไม่ต่างกันหรอก เพราะฉะนั้นอยู่เถอะ"

"ครับ" คนเก่งกอดผมแน่นๆก่อนจะปล่อย

"พี่ไปอาบน้ำก่อนดีกว่า"

ผมจูบที่แก้มคนเก่งและใช้มือบีบที่แก้มของคนเก่งเบาๆ

"อ๋อ อีกเรื่อง ถ้าจะออกไปข้างนอกต้องรอพี่ก่อน ห้ามออกไปคนเดียว"

"ครับ" คนเก่งพยักหน้ารับรู้





(มีต่อนะคะ)
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ธาวิน&ฟูจิ) 18/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ninewara ที่ 21-05-2019 03:00:46
(ต่อค่ะ)





ผมอาบน้ำเรียบร้อย และแต่งตัวจนเสร็จ เดินออกมาเจอคนเก่งกำลังนอนเล่นมือถืออยู่บนเตียง

"จะออกไปข้างนอกมั้ย" ผมอยากให้คนเก่งไปนั่งอยู่กับผมข้างนอกแต่ผมก็ไม่อยากบังคับน้อง

"ไปครับ ผมจะออกไปล้างจานกับเก็บครัว" คนเก่งลุกขึ้นมานั่ง

"ไอ้พวกนั้นมันทำความสะอาดเรียบร้อยแล้วล่ะ" ผมบอก

"ถ้างั้นผมออกไปดูความเรียบร้อยอีกทีดีกว่า" คนเก่งบอกและลุกขึ้นยืน

"ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนค่อยออกไป" ผมบอก เจ้าตัวยืนนิ่งและก้มมองเสื้อผ้าของตัวเอง

"เปลี่ยนทำไมครับ"

"ก็เราใส่เสื้อกล้ามกับบ็อกเซอร์ พี่ว่ามันเปิดเผยเนื้อตัวมากไปหน่อย พี่ไม่อยากให้พวกนั้นมันมองเรา" ผมพูด

คนเก่งมันหัวเราะออกมา

"พี่เต็มครับ ผมเป็นผู้ชายเหมือนพี่ๆเขานะ ไม่มีใครมามองผมในแง่แบบนั้นหรอก แล้วเสื้อกล้ามที่ใส่วันนี้คอก็ไม่ลึก ด้านในบ็อกเซอร์ก็ใส่ชั้นในอยู่" คนเก่งอธิบาย

มันก็จริงอย่างที่คนเก่งพูด แต่ก็ใช่ว่าผมจะยอม

ผมเดินเข้าไปที่ห้องแต่งตัว เปิดตู้เสื้อผ้าและเลือกเสื้อยืดเนื้อผ้าไม่หนามากมาให้คนเก่งใส่ทับเสื้อกล้าม และเลือกกางเกงวอร์มมาให้ใส่ทับบ็อกเซอร์อีกที ตอนแรกคนเก่งไม่ยอมครับ

"ถ้ามีผู้หญิงนั่งอยู่ข้างนอกแล้วพี่เดินถอดเสื้อออกไปนั่งคุยกับเขา เราจะยอมมั้ย" ผมถาม

"......" คนเก่งไม่ตอบ แต่ยอมใส่เสื้อผ้าที่ผมยื่นให้ คนเก่งนั่งพับขากางเกงวอร์มอยู่สักพัก

"แบบนี้โอเคหรือยังครับ" คนเก่งยืนขึ้นและถามผม

"โอเคแล้วครับ" ผมบอกก่อนจะใช้ริมฝีปากจูบย้ำๆที่ริมฝีปากคนเก่งหลายครั้ง

"พอแล้ว" คนเก่งดันตัวผมออก ผมถอนหายใจออกมานิดหน่อย ผมเพิ่งรู้ว่าตัวเองเป็นคนติดสัมผัสตอนที่มีแฟนนี่แหละ




ผมกับคนเก่งเดินออกมาจากห้องนอน ผมเดินกลับมานั่งที่โซฟาเพื่อจะติวต่อ ส่วนคนเก่งเดินเข้าไปในครัว

"มึงอาบน้ำอะไรว่ะ โคตรนาน" ไอ้ธรณ์ถาม

"กูว่ามันไม่ได้อาบน้ำนานหรอก แต่มันเพิ่งอาบมากกว่า ดูผมมันสิยังไม่แห้งเลย" ไอ้ชินท์มึงนี่ก็ช่างสังเกตซะจริง

"เข้าไปตั้งนานแต่เพิ่งอาบน้ำ เข้าไปทำ ... อะไรกับน้องมาหรือเปล่าวะ" ไอ้ทัตพลก็อีกคน

"กูเห็นสีหน้าน้องเมื่อกี้นะ สีหน้ามันดีขึ้นกว่าตอนที่เข้าไปเยอะเลย ยังไงๆเพื่อนอยู่ด้วยก็ไม่เว้นเลยนะมึง"


พวกเพื่อนผมแต่ละคน


"กูแค่คุยปรับความเข้าใจกันแค่นั้นแหละ ... เดี๋ยวค่อยคุยกัน" ผมเห็นคนเก่งที่เดินออกมาจากห้องครัว ผมก็เลยไม่ได้พูดอะไรต่อ ผมพยักหน้าให้น้องมานั่งข้างผม

"พี่เต็มทานผลไม้มั้ยครับ ผมล้างเอาไว้ให้แล้ว วางอยู่บนโต๊ะทานข้าว ถ้าจะทานเดี๋ยวผมไปหยิบมาให้" น้องถามผม และหันไปถามเพื่อนๆผมด้วย

"ถ้าพวกมันอยากกิน เดี๋ยวมันก็ไปจัดการกันเอง ไม่ต้องไปดูแลพวกมันมาก มันจะเคยตัว เดี๋ยวก็มากวนเราไม่เลิก" ผมอดที่จะแขวะมันไม่ได้ ผมเห็นพวกมันเบะปากใส่ผม

"นั่งอยู่นี้แหละ" ผมบอกคนเก่งตอนที่น้องเหมือนจะเดินกลับเข้าห้อง พอผมบอกน้องก็กลับมานั่งลงที่โซฟาตามเดิม น้องหยิบมือถือขึ้นมาเล่น ผมเห็นน้องเข้าไปที่แอพฯดูหนัง และน้องก็กำลังเลือกนั่งอยู่

"พี่เต็มครับ หูฟังพี่อยู่ไหน" คนเก่งถามผม

"อยู่ในกระเป๋า วางอยู่ในห้อง" คนเก่งลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปในห้อง แล้วน้องก็เดินออกมาพร้อมมีหมอนมาด้วย คนเก่งวางหมอนลงตรงที่โซฟาก่อนจะนั่งลงและเอนตัวไปนั่งพิงหมอน และน้องก็เสียบหูฟังข้างหนึ่ง ผมอดที่จะชะโงกดูไม่ได้ว่าน้องดูเรื่องอะไร

"เรื่องนี้มาใหม่ใช่มั้ย พี่ยังไม่ได้ดูเลย" ผมเห็นหนังที่น้องกดเข้าไปดู

"งั้นเอาไว้ผมรอดูพร้อมพี่เต็มก็ได้" คนเก่งบอกผมและน้องก็เลื่อนไปเลือกหนังเรื่องอื่น และสุดท้ายน้องก็เลือกดูโคนัน เดอะซีรี่ส์

"น่ารักมาก" ผมพูดและใช้มือทั้งสองข้างบีบแก้มคนเก่ง ผมกำลังจะหอมแก้มน้องด้วย แต่นึกขึ้นมาได้ว่ามีตัวมารนั่งอยู่ในห้องอีกสามตัว

"มุ้งมิ้งชิบหายเพื่อนกู" ผมได้ยินพวกมันพูดกันเบาๆ คงเพราะมันกลัวว่าคนเก่งจะได้ยิน



หลังจากที่ผมนั่งติวกับเพื่อนผ่านไปเกือบสองชั่วโมง หันมาอีกทีคนเก่งก็หลับแล้ว น้องเอนตัวนอนลงบนหมอนใบใหญ่ที่หนุนอยู่ตอนแรก ผมเห็นอย่างนั้น ผมก็เลยลุกขึ้นและหยิบมือถือออกจากมือน้องพร้อมทั้งถอดหูฟังที่หูน้องออก ขยับตัวให้นอนบนโซฟาดีๆ โซฟาของผมเป็นโซฟาขนาดใหญ่ครับ เพราะฉะนั้นน้องก็สามารถนอนได้อย่างสบายๆ ผมเดินเข้าไปหยิบผ้าห่มผืนไม่หนามากมาห่มให้ คนเก่งเป็นคนที่ติดผ้าห่มค่อนข้างมาก

"มึงไม่พาน้องเข้าไปนอนในห้องว่ะ" ไอ้ทัตพลถาม

"มันอยากให้น้องอยู่ใกล้ๆมันไง" ไอ้ธรณ์พูด

ผมไม่ได้ปฏิเสธเพราะมันเป็นเรื่องจริง ผมอยากให้คนเก่งอยู่ใกล้ๆผม ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน



ไอ้ชินท์มันเดินไปยกถาดที่ใส่ผลไม้ที่คนเก่งเตรียมไว้ให้มาทาน

"พักก่อนมึง แล้วก็เล่าให้พวกกูฟังว่ามึงกับคนเก่งมีปัญหาอะไรกัน" ไอ้ชินท์ถาม

ผมที่นั่งพิงโซฟาตัวที่คนเก่งนอนอยู่ หันไปมองน้องที่นอนหลับสนิท

"เสือกทุกเรื่อง" ผมว่าให้ไอ้ชินท์ แต่ผมก็เล่าให้พวกมันฟัง เพราะพวกมันก็มีส่วนด้วย

"แล้วคุยกันเข้าใจแล้วใช่มั้ยว่ะ" ไอ้ธรณ์ถามผม

"เข้าใจแล้ว จริงๆมันไม่มีอะไรแต่คนเก่งมันเป็นคนคิดเยอะไปเอง" ผมบอก แล้วพวกเราก็นั่งคุยกันเรื่องอื่นไปสักพัก



"มาอ่านต่อกันดีกว่า" ผมชวนหลังจากเห็นว่าพวกเราพักกันมาพอสมควรแล้ว

"เดี๋ยวมึง กูยังมีอีกเรื่องที่จะถาม" ไอ้ชินท์พูดขึ้นมา

"เรื่องอะไรว่ะ" ผมถาม

"มึงกับคนเก่ง ป้าบ ป้าบ กันยังว่ะ"

พอมันถามผม ผมรีบหันไปมองคนเก่งที่นอนอยู่เพราะกลัวน้องมันจะได้ยิน แต่คนเก่งเป็นคนที่นอนหลับสนิทครับ จะตื่นอีกทีก็เมื่อถึงเวลาตื่น

"เรื่องส่วนตัวมั้ย" ผมถาม

"ทีเมื่อก่อนยังบอกได้เลย"

"มันไม่เหมือนกันเว้ย นี่คือแฟน ทำไมกูต้องมาเล่าให้พวกมึงฟังด้วยว่ากูมีหรือไม่มีอะไรกับแฟน"

"อ๋อ เมื่อก่อนนอนกับผู้หญิงที่ไม่ใช่แฟนเลยบอกได้"

"มึงจะเสียงดังทำไมว่ะ เดี๋ยวคนเก่งก็ตื่นมาได้ยินที่มึงพูดเนี่ย อีกอย่างพูดอะไรให้เกียรติผู้หญิงหน่อยมึง" ผมหันไปว่าไอ้ชินท์

"กูว่ามันยังไม่มี" ไอ้ธรณ์มันพูด

"ไรว่ะ เดี๋ยวนี้อ่อนเหรอจ้ะ" ไอ้ชินท์มันแซวผม

ผมมองคนเก่งที่นอนอยู่ ก่อนจะตัดสินใจพาน้องเข้าไปนอนในห้อง เพราะไม่อยากให้น้องได้ยิน เผื่อน้องบังเอิญรู้สึกตัวตื่นมาได้ยินคงไม่ดีแน่

"มึงเปิดประตูห้องให้กูหน่อย" ผมบอกไอ้ทัตพลที่มันนั่งอยู่ใกล้ประตูห้องนอนที่สุด ผมอุ้มคนเก่งขึ้นมาและพาน้องเข้ามานอนในห้อง หลังจากจัดการเปิดแอร์ในห้องและห่มผ้าให้คนเก่งเรียบร้อย ผมหอมแก้มน้องครั้งหนึ่ง แล้วก็เดินออกมา

ผมนั่งลงที่เดิม มองเพื่อนแต่ละคน ก่อนจะพูดออกมา

"เรื่องจริงเลยนะ มันก็มีหลายครั้งที่เกือบ แต่กูไม่ทำ ... ผู้ชายมันไม่เหมือนผู้หญิง กูอยากศึกษาข้อมูลให้ชัวร์ก่อน คนที่ต้องเจ็บตัวมันไม่ใช่กูไง"

"มึงอย่าลืมว่าน้องมันเป็นผู้ชาย ผู้ชายมีความต้องการทุกคน ถ้ามึงบอกว่าเกือบจะมีอะไรกันหลายครั้งแต่มึงไม่ยอมทำ น้องมันอาจจะคิดก็ได้ว่ามึงรังเกียจมันหรือเปล่า มันยิ่งเป็นคนคิดมาก" ไอ้ธรณ์มันพูด

"ไอ้เต็ม เรื่องแบบนี้มึงจะมัวแต่หาข้อมูลจากกูเกิ้ลอย่างเดียวไม่ได้" ไอ้ทัตพลเสริมขึ้นมา

"มึงเคยเข้าไปดูเว็บโป๊เกย์มั้ยว่ะ"

"กูเคยกดเข้าไปดูครั้งเดียว เอาจากใจกูเลยน่ะ กูทนดูไม่ไหวว่ะ"

"แข็งเหรอมึง" ไอ้ชินท์มันถามด้วยความตื่นเต้น

"แข็งเขี่ยไรล่ะ  ... แต่มันก็แปลกดีเหมือนกันว่ะ ตอนที่กูเห็นคลิปแบบนั้นกูไม่โอเค แต่พอกูคิดว่ากูจะได้ทำแบบนั้นกับคนเก่ง ... แค่คิดกูก็มีความสุข" ผมคิดแบบนี้จริงๆ

"เขี่ยเต็ม หน้ามึงหื่นมาก" ไอ้ชินท์มันว่า และทุกคนก็เห็นด้วย


เพื่อนผมแต่ละคน


"มึงต้องปรึกษาคนที่เขามีประสบการณ์จริง เขาจะได้แนะนำมึงได้ถูก" ไอ้ธรณ์มันเสนอแนะผมขึ้นมา

"ใครว่ะ" ผมถาม

"ไอ้โจ้กับไอ้บุ๊คเพื่อนมึงไง"

ผมนั่งคิดในสิ่งที่ไอ้ธรณ์มันแนะนำ ผมก็เห็นด้วยกับมันส่วนหนึ่งแต่อีกส่วนหนึ่งผมจะดูหมกหมุ่นมากเกินไปหรือเปล่า ถึงขนาดต้องไปปรึกษาพวกนั้น


ผมว่า ...


เอาไว้ผ่านช่วงสอบไปก่อน ผมค่อยมาคิดเรื่องนี้อีกทีดีกว่า

.
.
.



เมื่อวานนี้ผมสอบตัวสุดท้ายเสร็จเรียบร้อย ส่วนคนเก่งสอบวันนี้เป็นวันสุดท้าย แต่ถึงจะบอกว่าสอบเสร็จแต่ผมยังมีโปรเจคที่ต้องทำส่ง ได้พักสมองแค่สองสามวันเท่านั้นแหละ

ตอนนี้ผมนั่งอยู่ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งที่อยู่ห่างจากมหาวิทยาลัยพอสมควร และบรรยากาศค่อนข้างเป็นส่วนตัว เพราะผมมีนัดที่สำคัญมาก และผมอยากให้มันเป็นความลับ


ใช่ครับ อย่างที่พวกคุณคิดเลย ผมนัดไอ้บุ๊คกับไอ้โจ้ไว้ ...

ด้วยความไม่ตั้งใจสักเท่าไหร่





ย้อนไปสองสามวันก่อน

อยู่ๆไอ้ธรณ์มันก็มาบอกผมว่ามันนัดไอ้โจ้ให้แล้ว ที่จริงผมตั้งใจไว้ว่าหลังจากสอบเสร็จผมจะนัดเจอไอ้บุ๊คไอ้โจ้อีกทีตอนที่กล้บบ้าน พอรู้ว่าไอ้ธรณ์มันนัดให้ ผมก็เลยทักไลน์ไปหาไอ้โจ้ และคนที่ตอบมาก็คือไอ้บุ๊คเหมือนเดิม

ไอ้บุ๊คมันบอกว่ามันจะอยู่ที่นี่อีกหลายวัน เพราะมาติดต่อเรื่องงานให้ที่บ้าน พอผมบอกมันว่าผมสอบเสร็จวันไหน มันก็นัดวันผมเลยทันที วันนั้นผมก็เลยเปลี่ยนจากคุยทางไลน์แล้วโทรหามันแทน


(แล้วมึงมีเรื่องอะไรที่ต้องปรึกษากูว่ะ)


หลังจากที่ทักทายกันเสร็จ มันก็ถามผมทันที ตอนนั้นผมอยู่ที่คอนโดคนเดียว ส่วนคนเก่งไปอ่านหนังสือกับเพื่อน ทำให้ผมคุยได้สะดวก


ผมเองก็ไม่รู้จะเริ่มต้นพูดยังไงดี ในใจแว่บหนึ่งก็อดคิดไม่ได้ว่า

'กูบ้าหรือเปล่าว่ะเนี่ยจะมาปรึกษาเรื่องเซ็กส์กับมัน'


แต่คิดอีกที ก็ดีกว่าไปหาข้อมูลเอง


"มึงกับโจ้ เคยมีอะไรกันแล้วใช่มั้ย" ผมถามไปตรงๆ ได้ยินเสียงโวยวายมาจากทางนั้น เป็นเสียงของไอ้โจ้ แสดงว่าไอ้บุ๊คมันเปิดลำโพงอยู่

(เฮียถามอะไรเนี่ย ... ถามทำไมว่ะ) ไอ้บุ๊คถามผมกลับมา

"กูพูดตรงๆกับมึงเลยล่ะกัน กูอยากปรึกษามึงเรื่องนั้น เพราะกูก็ไม่เคยมีแฟนเป็นผู้ชายมาก่อน"

ผมพูดออกไป ตอนแรกผมคิดว่าไอ้บุ๊คมันจะหัวเราะผม แต่มันไม่ได้ทำแบบนั้น

(อํอ ได้สิ เจอกันหลังวันที่มึงสอบเสร็จ จะเจอที่ไหนค่อยว่ากัน)



นั่นแหละครับ
ตอนนี้ผมนั่งอยู่กับพวกมันสองคนแล้ว

"เฮีย แล้วไอ้อ้วนมันสอบเสร็จกี่โมง" ไอ้โจ้มันถามผม

"น่าจะสี่โมงเย็น" ผมบอก ไอ้โจ้มันไม่ได้ถามอะไรต่อ

พวกผมสั่งแค่เครื่องดื่ม และของทานเล่นมาทาน ส่วนไอ้โจ้มันก็นั่งทานข้าวอยู่ข้างๆ

"มึงจะถามกูว่า ทำยังไงเหรอ" ไอ้บุ๊คมันเริ่มต้นถามผม และเน้นเสียงตรง 'ทำยังไง' เป็นพิเศษ

"เรื่องแบบนั้นกูไม่ต้องถามมึงก็ได้มั้ง แต่ที่กูจะถามคือตอนที่มีพวกมึงมีอะไรกันครั้งแรกมันเจ็บมากขนาดไหน" ผมถามออกไปตรงๆทันที ไอ้โจ้มันชะงักช้อนที่กำลังตักข้าว และหน้ามันแดงขึ้นมาทันที

"มึงหมายถึงคนที่เป็นรับจะเจ็บมากแค่ไหนใช่มั้ย" ไอ้บุ๊คถามผม

"ใช่" ผมตอบ ไอ้บุ๊คมันหันไปบอกกับไอ้โจ้ว่าให้มันย้ายไปนั่งทานข้าวที่โต๊ะตัวอื่น ไอ้โจ้ก็รีบย้ายที่นั่งไปทันที


"เรื่องเจ็บมันเจ็บอยู่แล้ว แต่จะมากจะน้อยขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นด้วย เช่น ขนาดของมึง การเตรียมตัว ..... "

ผมนั่งฟังไอ้บุ๊คมันพูด มันอธิบายค่อนข้างยาว ติดเรทซะเยอะ และมันดูเชี่ยวชาญมากเลยครับ


"มึงดูชำนาญจังว่ะ" ผมถาม


ไอ้บุ๊คมันหันไปมองไอ้โจ้ที่นั่งทานข้าวอยู่ที่โต๊ะที่ห่างออกไป


"โจ้ไม่ใช่แฟนผู้ชายคนแรกของกู"


ผมอดอึ้งไม่ได้ แสดงว่ามันเป็นเกย์อยู่แล้วนะสิ


"มึงรู้มั้ยว่าพอกูมาคบกับโจ้ สิ่งที่กูเสียใจก็คือ ... โจ้ไม่ใช่ผู้ชายคนแรกของกู ถ้ารู้ว่าจะได้มาเจอกันกูจะไม่ไปมีอะไรกับคนอื่นเลย เพราะฉะนั้นบางทีกูก็อิจฉามึงนะเว้ยที่มึงกับแฟนมึงจะได้เป็นคนแรกของกันและกัน" ไอ้บุ๊คมันพูด

"มึงมีประสบการณ์มาก่อนแบบนี้ ตอนที่มีอะไรกันกับไอ้โจ้ครั้งแรก ไอ้โจ้ก็ไม่น่าจะเจ็บมากน่ะสิ" ผมถาม

"ไม่ว่ะ มันนอนซมเป็นไข้สามสี่วันได้ และกว่าที่กูจะมีอะไรกับมันอีกก็เป็นเดือน"

"ขนาดนั้นเลยเหรอว่ะ" ผมนึกถึงคนเก่ง ถ้าต้องมาเป็นแบบนี้ผมก็ว่ามันไม่โอเคเลย

ไอ้บุ๊คมันหันไปมองไอ้โจ้ และไอ้โจ้มันก็มองกลับมาเหมือนกัน ไอ้โจ้แค่ยิ้มกลับมา

"ครั้งแรกโจ้ไม่ได้เต็มใจ กูบังคับ" เป็นอีกครั้งที่ผมอึ้ง

"ตอนนั้นพอทำอะไรเสร็จ กูโคตรรู้สึกผิด กูเสียใจที่ครั้งแรกของกูกับโจ้มันเป็นแบบนั้น แต่โจ้ก็ไม่ต่อว่าอะไรกู พูดแค่ว่า 'ต้องดูแลหาข้าวหายาให้กินด้วย' .... "

"แล้วหลังจากนั้นล่ะ"

"ก็อย่างที่บอก กว่าจะมีอะไรกันอีกก็ประมาณเดือนหนึ่ง"

"แล้วมันเจ็บทุกครั้งที่ทำมั้ยวะ"

"ทุกครั้ง แต่ถ้าทำบ่อยๆ ความเจ็บมันก็เบาบางลง ... มึงคงจะรักแฟนมึงมากสินะ"

ผมทำหน้าไม่เข้าใจสิ่งที่มันพูด

"ถ้ามึงไม่รักเขามาก มึงจะกังวลเรื่องเจ็บไม่เจ็บทำไม"

ผมไม่ได้ตอบมัน

"อีกเรื่องที่กูจะบอกมึง อันนี้เป็นความรู้สึกของกูเองนะ ...ความสุขจริงๆแล้วมันไม่ใช่แค่เรามีเซ็กซ์กับเขา แต่มันทำให้เรารู้สึกรักเขามากขึ้น ไม่มีผู้ชายคนไหนอยากจะเป็นเมียผู้ชายด้วยกันหรอก ถ้าผู้ชายคนไหนที่เขายอมนั่นคือเขาต้องรักเรามาก เขายอมเป็นคนที่เจ็บตัวเพื่อให้เรามีความสุข เพราะเขารักเราเขาถึงยอมอดทนต่อความเจ็บปวด  มึงเชื่อมั้ยว่าแฟนคนแรกของกู เขาไม่เคยเสร็จเลยเว้ย เขาบอกว่าไม่เป็นไรแค่เห็นกูมีความสุขก็พอ"

มันส่งสายตาไปมองไอ้โจ้

"แต่กับคนนี้ ไม่มีครั้งไหนที่ไม่เสร็จ"

มันพูดพร้อมกับทำหน้าเหมือนตัวเองเหนือกว่าผม

"เชี่ย ที่พูดมาทั้งหมดก็เพื่อจะอวดว่ามึงเจ๋งว่างั้น"

ผมพูดออกมา ไอ้บุ๊คมันหัวเราะออกมาและหันไปเรียกแฟนมันให้กลับมานั่งด้วยกัน

"แต่ที่กูพูดมามันคือเรื่องจริงนะเว้ย" ไอ้บุ๊คมันพูดย้ำอีกที



หลังจากนั้นก็นั่งคุยเรื่องทั่วๆไปอีกสักพัก ก่อนที่จะแยกย้าย

แต่ตอนที่ผมกำลังจะเดินมาขึ้นรถ ไอ้บุ๊คมันก็บอกผมว่ามันมีของจะให้ผม ผมเดินตามมันไปที่รถซึ่งจอดอยู่ไม่ห่างกันมาก ไอ้โจ้มันขึ้นไปนั่งรออยู่บนรถเรียบร้อยแล้ว ส่วนไอ้บุ๊คมันเปิดประตูรถด้านหลัง และหยิบถุงขนาดไม่ใหญ่มากส่งให้ผม ผมเปิดและหยิบของข้างในออกมาดู

มันเป็นเหมือนหลอดยาหรือโฟมล้างหน้าขนาดกลางๆ ผมอ่านดูที่หลอดเป็นภาษาญี่ปุ่นเป็นส่วนใหญ่ แต่มีภาษาอังกฤษขนาดไม่ใหญ่มากอยู่ใต้ภาษาญี่ปุ่น


ผมรู้แล้วว่ามันคืออะไร


"ยี่ห้อนี้ใช้ดี ล้างออกง่าย ผิวแพ้ง่ายก็ใช้ได้ กูสั่งมาจากญี่ปุ่น หลอดนี้กูให้ ถ้ามึงอยากสั่งเพิ่มก็บอกกูได้ หรือสั่งทางออนไลน์ก็มีหลายเว็บที่ขาย ส่วนถุงยางมึงก็ซื้อได้ตามร้านสะดวกซื้อ"

มันอธิบายจนผมเห็นภาพเลย ไอ้บุ๊คนี่มันผู้เชี่ยวชาญจริงๆ

"มึงนี่พูดเหมือนกูเป็นเด็ก ไอ้เรื่องถุงยางมึงไม่ต้องบอกกูก็รู้อยู่แล้วมั้ย" ผมบ่นให้มัน

มันหัวเราะในลำคอ ก่อนจะขึ้นรถและขับออกไป

ผมเดินกลับมาที่รถของตัวเอง พอขึ้นรถมาสตาร์ทเครื่องได้สักพัก ผมยังไม่ได้ขับรถออกไป แต่ผมหยิบของที่ไอ้บุ๊คมันเพิ่งให้มามาดู

ถ้าคนเก่งรู้ว่าผมมีของแบบนี้ น้องมันจะมองว่าผมหื่นมั้ยวะ


แต่ผมเป็นคนที่ชอบแพลนทุกอย่างไว้ล่วงหน้าอยู่แล้ว


เรื่องนี้ก็สำคัญในการที่ต้องเตรียมตัวเหมือนกัน

แต่ ...
ก่อนที่ผมจะไปรับคนเก่งที่มหาวิทยาลัย
ผมคงต้องแวะร้านขายยาก่อนครับ







TBC.
#เติมเต็มรัก
ninewara✿


◕ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านนะคะ
◕ขอบคุณพี่บุ๊คที่ให้คำปรึกษากับพี่เติมเต็ม
◕ตอนหน้าเขาจะ ... กันมั้ยน๊าาาา ^^


หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 21) 21/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 21-05-2019 03:46:17
พี่เต็มถึงกับอัญเชิญกูรูกันเลยทีเดียว จะรอดได้อีกนานแค่ไหนล่ะคนน้องน่ะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 21) 21/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 21-05-2019 04:04:30
 :ruready สายหื่นเตรียมพร้อม
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 21) 21/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 21-05-2019 06:54:52
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 21) 21/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 21-05-2019 09:03:46
 :L2: :pig4:

คุณพี่มีแพลน 55 รอบครอบทุกเรื่องอ่ออออ
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 21) 21/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 21-05-2019 09:10:17
อะไรคือเพิ่งขอคำปรึกษาเสร็จปุ๊บจะเข้าร้านขายยาปั๊บ
 :impress2: :impress2: :impress2: :impress2:


 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 21) 21/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 21-05-2019 13:04:03
 :z1: :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 21) 21/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Caramel Syrup ที่ 21-05-2019 20:11:11
พี่เต็มเตรียมความพร้อมแล้ว   :-[
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 21) 21/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 21-05-2019 23:09:06
นว้องงงง คืนไหนเนี่ย พี่จะไปแอบใต้เตียง
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 21) 21/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 21-05-2019 23:39:02
ในที่สุดพี่วินกับฟูจิก็คบกันนนนนน  :katai2-1:
แต่พี่เต็มจะหลบน้องพ้นมั้ย 555555555555
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 21) 21/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 22-05-2019 16:41:03
เตรียมพร้อมไว้ก็ดี เพราะคนเจ็บคือน้อง รอดูตอนคนเก่งโดนกิน o18
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 22) 23/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ninewara ที่ 23-05-2019 15:48:14
✿ เติมเต็มรัก ✿ ครั้งที่ 22



หลังจากที่ผมกับพี่เติมเต็มเป็นแฟนกัน นอกจากที่ผมจะมาค้างที่คอนโดของพี่เติมเต็มค่อนข้างบ่อย ผมก็ยังมาช่วยพี่เติมเต็มทำความสะอาดและเก็บกวาดห้องด้วย ช่วงแรกๆพี่เติมเต็มก็บ่นให้ผมเหมือนกันเพราะพี่เขามีแม่บ้านมาทำให้ประจำอยู่แล้ว แถมพี่เติมเต็มยังบอกผมว่าถ้าผมทำงานบ้านเองแม่บ้านก็ต้องตกงาน ผมไม่ได้อยากให้แม่บ้านตกงานนะครับ ก็เลยมีข้อตกลงใหม่ จากเมื่อก่อนแม่บ้านจะมาทำความสะอาดวันเว้นวัน ก็เปลี่ยนเป็นมาแค่อาทิตย์ละสองวัน โดยแม่บ้านจะเข้ามาดูแลเรื่องซักรีดเสื้อผ้าเป็นส่วนใหญ่ เพราะที่ห้องพี่เติมเต็มแทบจะไม่มีฝุ่นเลยผมก็เลยคิดว่าให้แม่บ้านมาอาทิตย์ละสองครั้งก็น่าจะพอ และยังได้ค่าจ้างเท่าเดิม แต่ผมก็มารู้ภายหลังจากแม่บ้านว่าที่จริงแล้ว แม่บ้านเป็นแม่บ้านอยู่ที่บ้านของพี่ชายพี่เติมเต็ม  พี่เติมเต็มทำให้ผมเข้าใจผิดคิดว่าเป็นสาเหตุที่จะทำให้แม่บ้านตกงาน เจ้าเล่ห์มากจริงๆครับ

ที่ผมเกริ่นมาทั้งหมดก็เพียงแค่จะบอกว่า หลายวันก่อนผมก็เข้ามาทำความสะอาดห้องตามปกติ ผมบังเอิญไปเจอถุงหิ้วที่มันมีชื่อร้านขายยาร้านหนึ่งอยู่ในตู้ใบเล็กที่หัวเตียงฝั่งที่พี่เติมเต็มนอน

ตอนที่ผมยังไม่รู้ว่าอะไรอยู่ในถุงผมก็คิดกังวลว่าพี่เติมเต็มไม่สบายเป็นอะไรหรือเปล่า ถึงต้องซื้อยามาทาน แต่พอผมได้เห็นสิ่งที่อยู่ในถุง มันทำให้ผมหน้าเห่อร้อนไปหมด ผมอาจจะไม่ได้ฉลาดมากแต่ก็ไม่ใช่ไม่รู้เลยว่าของในถุงมันสื่อถึงอะไร

สิ่งที่ผมเจอในถุงคือ กล่องใส่ถุงยางอนามัยที่ยังไม่ได้แกะสามสี่กล่อง และมียาอีกจำนวนหนึ่ง ผมไล่อ่านตามฉลากยา มียาแก้อักเสบ ยาแก้ปวด ยาแก้ไข ยาแก้ปวดกล้ามเนื้อ ยาเหน็บและยาทา และมีหลอดสีขาวอีกหลอดหนึ่ง มันระบุเป็นภาษาอังกฤษที่อ่านแล้วพอจะแปลได้ว่ามันคือเจลหล่อลื่นแบบซิลิโคน เป็นสินค้าจากประเทศญี่ปุ่น

และเพราะของชิ้นสุดท้ายที่ผมเจอ ยิ่งทำให้ผมคิดเตลิดไปไกลว่าพี่เติมเต็มถึงขั้นสั่ง เอ่อ ... นั่นแหละมาจากประเทศญี่ปุ่นเลยเหรอ

หมายความว่า
พี่เติมเต็มอยากจะมี .... กับผมใช่มั้ย? พี่เขาถึงได้ซื้อของแบบนี้เตรียมไว้ เพราะก่อนหน้านี้มันไม่เคยมี


แค่คิดว่า "ความสัมพันธ์" มันกำลังจะก้าวหน้ามากขึ้น ผมก็อดตื่นเต้นไม่ได้ เราสองคนไม่เคยทำอะไรที่มันมากไปกว่าจูบกันเลย มีมากที่สุดคือพี่เติมเต็มจูบผมและผมมารู้ตัวอีกทีคือหน้าอกของผมสัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นจากลิ้นของพี่เติมเต็ม ผมไม่รู้สึกตัวเลยว่าพี่เติมเต็มถอดเสื้อผมออกตอนไหน และในตอนนั้นผมก็คิดว่า ... มันอาจจะเกิดขึ้นแน่ๆ

แต่ก็เปล่าเลย เพราะพี่เติมเต็มก็หยุดทุกอย่างทันทีที่ร่างกายผมสะดุ้งจากการที่ลิ้นของพี่เติมเต็มมาสัมผัสที่หน้าอก



และหลังจากเหตุการณ์วันนั้น พี่เติมเต็มก็ไม่ทำอะไรที่มันมากไปกว่าจูบ จริงไปแล้วผมก็โอเคน่ะ เพราะผมก็ไม่ได้คาดหวังว่าพี่เติมเต็มจะต้องมีอะไรกับผม ผมคิดเองว่าพี่เขาอาจจะกระอักกระอ่วนใจก็ได้ถ้าต้องมีอะไรกับผมที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน เพราะถึงพี่เติมเต็มจะไม่เคยมีแฟน แต่ผมก็ไม่ใช่ไม่รู้ว่าพี่เขาก็เคยมีอะไรกับผู้หญิงมาก่อน ถ้าจะมามีอะไรกับผมอาจจะรู้สึกทำไม่ลงขึ้นมาก็ได้ ... ล่ะมั้ง


แต่ ... เพราะสิ่งที่ผมเจอ ทำให้จากที่ไม่คาดหวัง ผมก็เปลี่ยนมาเป็นเริ่มคาดหวัง เพราะของในถุงถ้าพี่เติมเต็มไม่ใช้กับผมแล้วพี่เขาจะเอาไปใช้กับใครได้ล่ะ จริงมั้ยครับ?


เมื่อสองวันก่อนผมยังไม่เห็นถุงนี้เลย แสดงว่าพี่เติมเต็มต้องเพิ่งซื้อมาอย่างแน่นอน ผมเก็บถุงเอาไว้ในตู้อย่างเดิม โดยไม่ได้บอกกับพี่เติมเต็มว่าผมเจออะไร


และเพราะของที่อยู่ในถุงในตู้หัวเตียงนี่แหละที่ทำให้ผมต้องลุ้นว่า ... มันจะเกิดขึ้นวันไหน



ใช้คำว่าใจจดใจจ่อเลยก็ได้ครับ


แต่ ...

หนึ่งวันผ่านไป
สองวันผ่านไป
สามวันผ่านไป


มันผ่านไปโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น นอกจากแค่จูบกันนัวเนียกันเหมือนเดิม

จากที่วันแรกที่ผมเจอ ผมตื่นเต้นมาก

แต่ยิ่งผ่านไปหลายวัน ความตื่นเต้นของผมมันก็ลดลงมาเรื่อยไป

จนวันนี้คือวันที่สิบ ความตื่นเต้นของผมเหลือแค่ศูนย์

จากที่คิดเองเออเองว่ามันต้องมีขยับความสัมพันธ์ขึ้นไปแน่ๆ แต่พอผ่านมาจนถึงวันนี้ ผมก็มาคิดได้เองอีกว่า ... ถุงนั้นอาจจะไม่ใช่ของพี่เติมเต็มก็ได้ หรือไม่งั้นอาจจะซื้อมาเผื่อไว้ก่อน อาจจะได้ใช้สักวัน เผื่อฉุกเฉินจริงๆ แต่คงจะไม่ใช่ตั้งใจจะมีเรื่องแบบนั้นกับผม


เฮ้อออออ ... ถ้าพี่เติมเต็มรู้ว่าช่วงหลายวันที่ผ่านมา ผมคิดอะไร ผมทำอะไร พี่เขาอาจจะมองว่าผมบ้าก็ได้


ผมมันบ้าจริงๆนั่นแหละ
เตรียมตัวทุกวันเลยด้วย

แต่คิดไปคิดมาก็ตลกตัวเองครับ ไม่รู้แบบนี้จะเรียกว่าคิดเยอะได้มั้ย
ก็คงใช่นะผมว่า

โอเค .. เลิกคิดเรื่องของนั้นดีกว่า




ผมหยิบมือถือมาดูเวลา ตอนนี้ประมาณบ่ายสามโมง พี่เติมเต็มออกไปคุยเรื่องโปรเจคกับเพื่อนๆที่คณะ ส่วนผมก็ไม่ต่างจากพี่เติมเต็มมากนัก ที่ถึงแม้จะสอบเสร็จแต่ก็ยังมีทำรายงาน

เมื่อเช้าตอนที่ออกไปมหาวิทยาลัยพร้อมกันพี่เติมเต็มบอกว่าจะกลับค่ำ แต่ผมไม่ได้ถามว่าจะทานข้าวมาจากข้างนอกหรือเปล่า


konkengg : พี่เต็มครับ
konkengg : กลับมาทานข้าวมั้ย
konkengg : หรือจะทานข้างนอก


ผมทักไลน์ไปถามพี่เติมเต็ม สักพักพี่เติมเต็มก็โทรกลับมา

"ครับ พี่เต็ม" ผมกดรับสาย

(กลับเองทำไม ทำไมไมรอพี่) เสียงดุมาเลยครับ

"ก็พี่เต็มคุยงานกับเพื่อนอยู่ ถ้าพี่เต็มขับรถมาส่งผมก็ต้องกลับคณะเหมือนเดิม มันจะเสียเวลาพี่เต็ม ผมเลยคิดว่ากลับมาเองดีกว่า" ผมอธิบาย

(มันก็ไม่ได้เสียเวลาขนาดนั้น บอกหลายครั้งแล้วนะ)

พี่เติมเต็มยังคงบ่นผม เรื่องของเรื่องก็คือหลังจากที่เราเป็นแฟนกัน มันก็มีข้อตกลงหลายๆอย่างที่พี่เติมเต็มเป็นคนตั้งขึ้นมา อย่างเช่นเรื่องนี้คือถ้าผมเลิกเรียนก่อนก็ต้องรอเพื่อกลับพร้อมกัน แต่ถ้าพี่เขาต้องกลับค่ำมาก พี่เติมเต็มก็จะขับรถมาส่งผมที่หอพักหรือที่คอนโดพี่เติมเต็มก่อน

ต่อมาพี่เติมเต็มให้คีย์การ์ดและรหัสเข้าห้องกับผม ผมก็เลยไม่อยากให้พี่เติมเต็มเสียเวลามาส่ง และผมก็จะโดนบ่นเรื่องนี้ทุกครั้ง

"ไม่หงุดหงิด นะ นะ นะ" ผมพยายามที่จะอ้อนพี่เติมเต็ม และผมรู้ว่ามันต้องได้ผล เพราะดูเหมือนพี่เติมเต็มจะชอบให้ผมอ้อน

(พอรู้ว่าอ้อนแล้วได้ผล ทำบ่อยนะ) พี่เติมเต็มพูด

ผมอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้

"แล้วกลับมาทานข้าวมั้ยครับ ผมจะได้ทำกับข้าว"

ผมถาม

(กลับสิ เดี๋ยวเราเหงาที่ไม่มีพี่ไปทานข้าวด้วย)

พี่เติมเต็มบอก อืมมม...มาคิดๆดูตั้งแต่เป็นแฟนกัน แทบจะไม่มีวันไหนเลยมั้งที่เราจะไม่ทานข้าวด้วยกัน

"พี่เต็มอยากทานอะไรเป็นพิเศษมั้ยครับ"

(คนเก่ง)

"ครับ?" ผมขานรับตอนที่พี่เติมเต็มเรียก

( ...... ) เงียบ

"ฮัลโหล พี่เต็ม"

(ฟังอยู่)

"สรุปอยากทานอะไรเป็นพิเศษมั้ย" ผมถามอีกครั้ง

ได้ยินเสียงถอนหายใจ

(บอกไปแล้ว)

บอกตอนไหนอะ ผมพยายามทบทวนแต่ไม่มีนะ

(ช่างเถอะ เราทำอะไรมาพี่ก็ทานหมดนั่นแหละ แล้วก็วันนี้พวกไอ้ธรณ์มันจะไปกินเหล้าที่ห้องนะ) พี่เติมเต็มบอกผม

"งั้นเดี๋ยวผมทำกับแกล้มไว้ให้ มากันกี่โมงครับ"

ปกติเพื่อนๆพี่เติมเต็มดื่มกันบ่อยอยู่แล้วครับ เขาบอกเด็กวิศวะจะสังสรรค์บ่อย ก็คงจะจริง เพราะพวกพี่ๆมาดื่มที่นี่อย่างน้อยก็ต้องมีอาทิตย์ละครั้ง ผมเคยถามพี่ธรณ์ว่าเมื่อก่อนพวกพี่ๆเขามาดื่มที่คอนโดพี่เติมเต็มบ่อยแค่ไหน

พี่ธรณ์บอกว่าเมื่อก่อนจะไปนั่งดื่มกันที่ร้านมากกว่ามีอาหารตามีดนตรีฟัง คอนโดพี่เติมเต็มมักจะเอาไว้ติวหนังสือหรือทำงานส่ง แต่พอผมกับพี่เติมเต็มเป็นแฟนกัน พี่เติมเต็มก็ไม่อยากไปนั่งดื่มที่ร้าน บอกให้มาดื่มที่คอนโดแทน พี่ธรณ์บอกว่า

'มันติดเมียไง ไม่อยากออกไปไหน'

ตอนที่พี่ธรณ์พูด พี่เติมเต็มก็นั่งอยู่ใกล้ๆและได้ยินเหมือนกัน ผมมองพี่เติมเต็มและพี่เขาก็ไม่ได้แก้ตัวหรือปฏิเสธในสิ่งที่พี่ธรณ์พูด

ตอนนั้นจำได้ว่าผมอารมณ์ดีไปเป็นอาทิตย์เลย

(ไม่แน่ใจเวลา น่าจะช่วงหัวค่ำหน่อย)

"โอเคครับ"

(ขอโทษนะ ลำบากเราทุกที)

"ขอโทษทำไมครับ แค่ทำกับแกล้มง่ายๆไม่กี่อย่าง สบายมาก"

ผมบอก

(อยากกอด)

อยู่ๆพี่เติมเต็มก็พูดออกมาแบบนี้ อารมณ์ไหนเนี่ย ปกติไม่ค่อยพูดอะไรแบบนี้สักเท่าไหร่

"งั้นก็รีบกลับมากอดนะครับ" ผมตอบกลับไปพร้อมขำพี่เติมเต็มเล็กน้อย

เราคุยอะไรกันอีกนิดหน่อยก่อนที่จะวางสาย ผมมองดูเวลาเกือบจะสี่โมงเย็นแล้ว ผมเดินเข้าไปในห้องครัว ก่อนจะลงมือทำกับข้าวสองสามอย่าง หลังจากนั้นก็ลงมือทำพวกกับแกล้มและของทานเล่นมีเฟรนช์ฟราย ปีกไก่ทอด เอ็นข้อไก่ทอด ยำหมูยอ หมูมะนาว และต้มแซ่บกระดูกอ่อน

ผมมองดูกับแกล้มที่ผมทำเตรียมไว้ คือมันดูเหมือนเยอะก็จริง แต่พอถึงเวลาไม่เคยจะพอครับ แต่พี่เติมเต็มเคยบอกว่าผมทำมาเท่าไหร่ไม่ว่าจะมากหรือน้อยมันก็หมดอยู่ดี เพราะฉะนั้นไม่ต้องทำเยอะมากหรอกกลัวผมเหนื่อย

ผมทำความสะอาดอุปกรณ์ต่างๆในครัวพร้อมทั้งทำความสะอาดครัวอีกนิดหน่อย ผมมองดูเวลาเกือบจะทุ่มหนึ่งแล้วครับ


ผมเดินเข้ามาในห้องนอนเพื่อที่จะอาบน้ำ ตอนแรกผมหยิบเสื้อกล้ามกับกางเกงบ็อกเซอร์มาเตรียมไว้ แต่พอนึกขึ้นมาได้ว่าถ้าเพื่อนพี่เติมเต็มมาผมก็ใส่ชุดแบบนี้ไม่ได้ ผมก็เลยยืนลังเลอยู่ที่หน้าตู้เสื้อผ้าว่าจะใส่อะไรดี

ขณะที่ผมกำลังยืนคิดอยู่ว่าจะใส่อะไร ก็มีสัมผัสอุ่นๆเข้ามาทางด้านหลัง

"พี่เต็ม"

พี่เติมเต็มกอดเอวผมจากด้านหลังและจูบแก้มผมเบาๆก่อนจะเริ่มคลอเคลียไปตามซอกคอ

"พอก่อนครับ ผมตัวเหม็น มีแต่กลิ่นกับข้าว" ผมบอกแต่พี่เติมเต็มก็ยังไม่หยุด

"พี่เต็มครับ ... แล้วเพื่อนๆพี่ล่ะ" พอผมถามพี่เติมเต็มก็หยุด ก่อนที่ผมจะรู้สึกเจ็บนิดๆตรงแถวๆคอ พี่เติมเต็มจับให้ผมหันหน้ามา ก่อนจะจูบผมที่ริมฝีปากย้ำๆสองครั้ง

"ไอ้พวกนั้นมันอยู่ข้างนอก ออกไปสงสัยกินเรียบหมดแล้ว แล้วเราทำอะไรพี่เห็นยืนอยู่ตั้งนาน"

"ผมกำลังจะอาบน้ำครับ ก็เลยยืนคิดว่าจะใส่ตัวไหนดี"

"แล้วที่ห้อยอยู่นี่ล่ะ" พี่เติมเต็มชี้ไปที่ราวที่ผมแขวนเสื้อกล้ามกับกางเกงบ็อกเซอร์ไว้

"ก็พี่เต็มบอกว่าถ้าเพื่อนมาห้ามใส่"

ผมเห็นพี่เติมเต็มยิ้ม

"วันนี้อนุญาตให้ใส่ได้"

ผมมองพี่เติมเต็มด้วยความสงสัยแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรเพราะผมก็ชอบที่แต่งตัวแบบนี้นอนมากกว่า

ผมหยิบเสื้อผ้าและเดินเข้ามาในห้องน้ำ ส่วนพี่เติมเต็มบอกว่าจะออกไปดูเพื่อนๆ

ในห้องน้ำพอเปิดประตูเข้ามาจะมีกระจกเงาบานใหญ่อยู่ทางซ้ายมือสูงตั้งแต่พื้นจรดเพดาน ถัดไปจะเป็นโซนอาบน้ำที่เป็นฝักบัว ด้านขวามือจะเป็นอ่างล้างหน้าและมีตู้เก็บของ ถัดไปจะเป็นชักโครก และที่อยู่ลึกเข้าไปที่กินพื้นที่ให้ห้องน้ำเกือบครึ่งจะเป็นอ่างอาบน้ำที่ผนังห้องน้ำตรงนั้นจะเป็นกระจกใสมองเห็นวิวข้างนอกได้อย่างชัดเจน

ผมยืนส่องกระจกบานใหญ่อยู่สักพัก ผมก็ถอดชุดนักศึกษาออก พอผมจะเดินไปตรงฝักบัว สายตาผมก็ไปสะดุดอะไรบางอย่างบนร่างกาย มีรอยแดงๆอยู่ที่คอผม

โอเค ... ผมรู้แล้วว่าเมื่อกี้ทำไมตอนที่พี่เติมเต็มกำลังนัวเนียผมทำไมผมถึงรู้สึกเจ็บที่คอ

ผมลูบรอยแดงบนลำคอไปมา ด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก มันรู้สึกดีแปลกๆ ไม่รู้สิ ... เหมือนเขาแสดงความเป็นเจ้าของเรา อย่างที่ผมเคยได้ยินมาใช่มั้ย

... คิสมาร์ก ....


ผมใช้เวลาอาบน้ำนานพอสมควรเลย เพราะไอ้รอยบนคอผมเนี่ยแหละทำให้ผมคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย คิดๆไปแล้วก็ไม่น่าเชื่อว่าคนแบบพี่เติมเต็มจะทำอะไรแบบนี้ก็เป็น

หลังจากแต่งตัวและจัดการตัวเองเรียบร้อยผมก็เดินเข้ามาในห้องนอน พี่เติมเต็มเปิดประตูเข้ามาพอดี

"พี่เดินเข้ามารอบหนึ่งแล้ว ทำไมอาบน้ำนานจัง" พี่เติมเต็มพูดก่อนจะเข้ามากอดและหอมแก้มผม

"คิดอะไรเพลินไปหน่อยครับ"

"คิดอะไร แล้วเนี่ยไม่เช็ดผมอีกแล้ว" พี่เติมเต็มพูดและดึงผ้าขนหนูผืนเล็กจากมือผม มาเช็ดผมให้แทน

ผมมองดูหน้าพี่เติมเต็มที่กำลังเช็ดผมให้ มือพี่เขาเบามากๆ มีจังหวะหนึ่งที่พี่เติมเต็มละสายตาจากผมของผม และเราสบตากัน

และเป็นครั้งแรกที่ผมเป็นคนเริ่มจูบพี่เติมเต็มก่อน ตอนแรกพี่เติมเต็มยืนเฉยๆแต่ก็โน้มตัวลงมาเพื่อให้ผมจูบได้ถนัด ผมจูบที่ริมฝีปากพี่เติมเติมสองสามครั้งซึ่งพี่เติมเต็มก็ยังไม่ได้จูบผมตอบกลับมา แต่พอผมถอนริมฝีปากออกพี่เติมเต็มกลับเป็นคนที่ดึงเอวผมเข้าไปกอดและจูบผม

"แบบเมื่อกี้เขาไม่เรียกว่าจูบหรอกนะ ต้องแบบนี้" ผมคิดในใจว่าใครจะไปเก่งเหมือนพี่ล่ะ

พี่เติมเต็มจูบกับผมสักพักใหญ่พี่เขาก็หยุดและมาคลอเคลียแถวๆคอและผมก็รู้สึกเจ็บที่เดิม ต้องแดงมากกว่าเดิมแน่ๆ

สายตาของพี่เติมเต็มมองมาที่คอของผมด้วยด้วยความพอใจ ผมเอามือลูบที่คอตัวเอง

"เจ็บมั้ย?"

"ไม่ครับ" ผมก้มหน้าตอบเพราะไม่รู้จะทำหน้ายังไงดี

"ทำแค่นี้ยังแดงง่ายขนาดนี้เลย" พี่เติมเต็มพูดพร้อมทั้งใช้มือมาลูบที่รอยนั้นไปมา ทำเอาผมขนลุกไปทั้งตัว


หลังจากนั้นผมก็นั่งรอพี่เติมเต็มอาบน้ำ จะออกไปก่อนก็ไม่ยอมให้ออกไป


สิบห้านาทีหลังจากนั้น ผมกับพี่เติมเต็มก็ออกมานั่งอยู่ที่กลางห้องรับแขกที่พวกเพื่อนๆพี่เติมเต็มจัดเป็นพื้นที่ปาร์ตี้เล็กๆ นอกจากเพื่อนในกลุ่มของพี่เติมเต็มแล้ว ยังมีเพื่อนของพี่เติมเต็มอีกสามคนที่ผมคุ้นหน้าแต่ไม่ค่อยได้คุยกัน พี่เติมเต็มบอกว่าเป็นเพื่อนกลุ่มทำโปรเจคด้วยกัน

ตอนที่ผมเดินออกมาทุกคนหันมามองที่ผมเป็นตาเดียวกันเลย

"เพราะแบบนี้แหละถึงไม่อยากให้แต่งตัวแบบนี้เวลาที่คนอื่นอยู่ด้วย" พี่เติมเต็มพูดออกมาแบบนี้

"ก็พี่เต็มบอกว่าวันนี้ใส่แบบนี้ได้" ผมบอก และเหมือนพี่เติมเต็มจะหงุดหงิดกับคำพูดอนุญาตของตัวเอง

"จะขาว จะตัวเล็ก จะน่ารักทำไมก็ไม่รู้" พี่เติมเต็มยังบ่นผมไม่หยุดแต่เป็นการบ่นที่ทำให้ผมทั้งเขินและทั้งขำไปพร้อมๆกัน พวกพี่ๆนั่งอยู่ที่พื้นห้องกันครับ บอกว่านั่งพื้นสบายกว่านั่งโซฟา ผมนั่งลงข้างพี่เติมเต็มและพี่เติมเต็มก็หยิบหมอนใบใหญ่มาวางไว้บนตักผมและให้ผมนั่งพิงโซฟาไว้

"จะได้ไม่โป๊ เดี๋ยวไอ้พวกนี้มันมอง" พี่เติมเต็มพูดแบบนี้ ผมอดยิ้มกว้างๆออกมาไม่ได้เลยล่ะ



"คนเก่งน่าจะเคยเจอไอ้พวกนี้อยู่บ้าง ไอ้คิว ไอ้นุ ไอ้กอล์ฟ" พี่เติมเต็มแนะนำให้ผมรู้จัก ผมก็ยกมือไหว้สวัสดีพี่ๆเขา

"ส่วนพวกมึงก็น่าจะรู้จักน้องอยู่แล้ว" พี่เติมเต็มพูด พวกพี่ๆเขาก็ทักทายผม ก่อนจะหันกลับไปนั่งดื่มกันต่อ

"คนเก่ง" ผมหันไปมองพี่ธรณ์ที่เรียกผม

"ครับ" ผมตอบ และพี่ธรณ์ก็เอามือของตัวเองลูบที่คอตัวเองไปมา ตอนแรกผมยังไม่เข้าใจ เห็นพี่เติมเต็มขว้างน้ำแข็งก้อนเล็กๆใส่พี่ธรณ์ และพี่ชินท์ที่นั่งข้างผมพูดขึ้นมาว่า

"ยุงบินสูงถึงชั้นสิบแปดเลยเว้ย ตัวมันต้องใหญ่มากไม่งั้นรอยไม่แดงขนาดนี้"

ผมรู้ได้ทันทีว่าพวกพี่ๆกำลังพูดเรื่องอะไร

"พวกมึงหยุดมองแฟนกูได้แล้ว" พี่เติมเต็มพูด

ตอนนี้หน้าผมต้องแดงมากๆเลย พอโดนทักแบบนี้ผมเริ่มจะทำตัวไม่ถูก พี่เติมเต็มกอดเอวผมและดึงตัวผมเข้าไปใกล้และหอมแก้ม

ผมตกใจที่พี่เติมเต็มทำแบบนี้ ปกติพี่เขาเป็นคนไม่ค่อยทำอะไรแบบนี้ต่อหน้าคนอื่นมากสักเท่าไหร่ เสียงโห่แซวของเพื่อนๆพี่เติมเต็มดังลั่นห้อง


"แล้วที่จะไปค่ายมึงจะไปด้วยกันใช่มั้ย" หลังจากนั่งดื่มกันไปสักพัก พี่คิวก็ถามพี่เติมเต็ม

"กูยังไม่ให้คำตอบ" พี่เติมเต็มบอก

"ติดอะไรว่ะ ที่ผ่านมาไม่เห็นเคยปฏิเสธ" พี่กอล์ฟเป็นคนถาม

"ติดเมียไงมึง ที่ผ่านมามันไปได้เพราะมันไม่มีเมีย" พี่ธรณ์ตอบ

"กูก็นึกว่าเรื่องอะไร เอาน้องไปด้วยก็ได้" เสียงพี่คิวครับ

"ใช่มึง ถึงจะคนละคณะก็ไม่ใช่ปัญหา" พี่นุพูดบ้าง

พี่เติมเต็มหันมามองผม หอมหัวผมทีหนึ่ง

"อยากไปมั้ย"

"ค่ายอะไรเหรอครับ" ผมถาม

"เป็นค่ายของคณะวิศวะจัด ก็จะไปโรงเรียนต่างอำเภอที่เขาลำบากหน่อย สร้างห้องสมุด ซ่อมแซมอาคารเรียนหรืออะไรประมาณนี้แหละ ขึ้นอยู่ว่าแต่ละโรงเรียนมีปัญหาเรื่องอะไร" พี่เติมเต็มอธิบาย

"ไม่ได้เรียนวิศวะก็ไปได้เหรอครับ" ผมอยากไปนะน่าสนใจมากเลย

"อันที่จริงมันก็ไม่ได้ แต่นั่นมันก็ไม่ใช่ปัญหา" พี่กอล์ฟบอก

"อยากไปเหรอ" พี่เติมเต็มถามผม

"อยากไปครับ" ผมตอบ

"ลำบากนะ" พี่เติมเต็มบอกผม

"ไม่กลัวครับ" ผมรีบบอก

"ไปก็ไป" พอพี่เติมเต็มบอก ผมเห็นพี่คิวกับพี่กอล์ฟจับมือกันด้วยความดีใจ

ผมมองด้วยความไม่เข้าใจ อะไรจะดีใจขนาดนั้น

"ไม่มีอะไรหรอก คือทุกครั้งที่บ้านไอ้เต็มก็จะช่วยเรื่องงบด้วยส่วนหนึ่งไง ไอ้คิวมันกลัวว่าถ้าไอ้เต็มไม่ไป งบก็จะไม่ได้แต่ถึงมันไม่ไปที่บ้านมันก็ช่วยอยู่ดี"

ผมพยักหน้าด้วยความเข้าใจ เพราะเท่าที่ทราบคุณลุงคุณป้าพ่อแม่ของพี่เติมเต็มใจบุญมากๆครับ



เวลาผ่านล่วงเลยมาพอสมควร พวกเพื่อนๆพี่เติมเต็มดื่มกันเก่งมากครับ ผมมองพี่เติมเต็มที่นั่งข้างผม เท่าที่คอยมองพี่เติมเต็มดื่มน้อยกว่าเพื่อนๆมาก

"ปกติเวลาไปดื่มที่ร้าน ดื่มกันเยอะแบบนี้มั้ยครับ" ผมถามพี่เติมเต็ม

"ก็ประมาณนี้แหละ" พี่เติมเต็มตอบและหันมานัวเนียผม วันนี้พี่เติมเต็มแปลกมาก ปกติไม่ทำแบบนี้ต่อหน้าเพื่อน หรือไม่ถึงเนื้อถึงตัวบ่อยขนาดนี้

"แบบนี้ไม่ดีเลยครับ ถ้าเมามากจะทำยังไง ขับรถกลับกันไหวเหรอ" ผมนึกเป็นห่วงขึ้นมาไม่ได้ ที่ผ่านมากลับจากไปดื่มกันมายังไงเนี่ย

"เมื่อก่อนไอ้เต็มมันมีคนขับรถพากลับไงน้องคนเก่ง" พี่ชินท์ที่นั่งข้างผมและดูพี่เขาก็เริ่มจะเมามากแล้ว

"ไอ้ชินท์" ได้ยินพี่เติมเต็มเรียกพี่ชินท์เสียงเข้มเลย

"มีเพื่อนขับรถมาส่งเหรอครับ" ผมเดาเอาว่าคงจะเป็นเพื่อนในกลุ่มที่เวลาไปเที่ยวจะผลัดกันไปส่ง

"เพื่อนนอนนะสิ" พี่ชินท์พูดเสร็จ พี่ทัตพลก็ตบหัวพี่ชินท์อย่างแรงเลยครับ

พอได้ยินแบบนั้นผมก็เข้าใจได้ทันทีโดยไม่ต้องอธิบาย ผมหันมามองพี่เติมเต็มและยิ้มให้ แล้วผมก็ยกแก้วเหล้าจางๆที่ผสมน้ำอัดลมขึ้นมาดื่ม ไม่รู้เหมือนกันว่าผมรู้สึกยังไงพอได้ยินแบบนั้น มันก็ไม่ถึงกับหน่วง แต่มันก็ไม่ได้รู้สึกดี

"พวกมึงกูจะไปนอนแล้วนะ ถ้าจะกินต่อก็ตามสบาย ถ้าจะนอนที่นี่มีผ้าห่มกับหมอนอยู่ในตู้ตรงนั้น" พี่เติมเต็มพูดพร้อมทั้งจับแขนผมให้ลุกขึ้นยืนและดึงผมเข้ามาในห้องนอน

พอปิดประตูห้องนอน พี่เติมเต็มก็จู่โจมจูบผมทันที มันไม่ได้รุนแรงแต่ก็ไม่ได้อ่อนโยนเหมือนทุกครั้ง เหมือนพี่เติมเต็มมีเรื่องอะไรในใจ เรายืนจูบกันอยู่ที่ประตูหลายนาที

"เป็นอะไรครับ" ผมถามพี่เติมเต็มหลังจากที่ริมฝีปากของผมเป็นอิสระ

พี่เติมเติมจูงมือผมเดินมาที่เตียงก่อนจะนั่งลงและดึงผมลงมานั่งตัก ผมตกใจและพยายามจะลุกขึ้นเพราะผมไม่เคยนั่งตักพี่เติมเต็มมาก่อน อีกอย่างตัวผมก็ไม่ใช่จะตัวเล็กไปด้วย แต่พี่เติมเต็มกลับกอดเอวผมแน่นไปอีก

"นั่งตรงนี้แหละ อยากรู้เหมือนกันว่ามันรู้สึกยังไง"

" ..... "

"เมื่อก่อนเคยคิดนะเวลาที่เห็นผู้ชายกับผู้ชายนั่งตักกัน มันไม่ดูแปลกๆเหรอว่ะ ... แต่พอได้ทำเองก็ทำให้เข้าใจ มันรู้สึกดีมากๆ"

พี่เติมเต็มซบหน้าลงที่แผ่นหลังของผมและกอดเอวผมแน่น ผมปล่อยให้พี่เติมเต็มกอดผมไว้โดยไม่ได้พูดอะไรออกมา

"เรื่องที่ไอ้ชินท์มันพูดเมื่อกี้ .... "

"ไม่ต้องพูดก็ได้ครับ"

"ถ้าไม่พูด พี่ว่าเราต่างคนก็น่าจะต่างไม่สบายใจ"

" ..... "

"เมื่อก่อนเวลาออกไปดื่ม เหตุการณ์แบบที่ไอ้ชินท์มันพูดเมื่อกี้เคยเกิดขึ้นจริงๆ พูดไปมันก็ดูไม่ค่อยดีกับผู้หญิงเขาเท่าไหร่ แต่ทุกครั้งก็ไปรถเขาและไปห้องเขา คนเก่งยังเด็กอาจจะไม่เข้าใจความสัมพันธ์ในรูปแบบนี้เท่าไหร่ แต่มันก็จบแค่นั้น เราไม่ได้สานต่อกัน ไม่เคยขอแลกเบอร์กัน"

" ..... "

"จนมีเด็กคนหนึ่งเข้ามาเรียนปีหนึ่งที่นี่ ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่เคยออกไปทำอะไรแบบนั้นอีกเลย ไปดื่มแล้วก็กลับห้อง ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมพอจะออกไปกับใคร ภาพเด็กคนนั้นก็ลอยมา เพิ่งมารู้ตัวตอนหลังว่าเด็กคนนี้มีอิทธิพลมากแค่ไหน"

" ...... "

"ถ้าจะมีอะไรกับใครสักคนคงต้องเป็นเด็กคนนี้เท่านั้น"

พี่เติมเต็มพูดเสร็จก็ใช้ริมฝีปากจูบตามท้ายทอยและคลอเคลียอยู่แถวๆซอกคอไม่หยุด ส่วนมือของพี่เติมเต็มก็ล้วงเข้ามาในเสื้อและปัดป่ายไปทั่วตัวของผม

"พี่เต็มครับ ผม ... ขอถามอะไรหน่อยได้มั้ย?" ผมพยายามรวบรวมสติไม่ให้เคลิ้มไปกับสัมผัสของพี่เติมเต็ม

"ถามว่า .. "

พี่เติมเต็มยังไม่หยุดที่จะนัวเนียผม

"พี่เต็มไม่เคยมีอะไรกับผู้ชายมาก่อน แล้ว ... แล้วพี่จะทำได้เหรอครับ"

"หืม?" ได้ผลครับ พี่เติมเต็มหยุดชะงักทันที

"ผมหมายถึง ... พี่จะทำลงเหรอ พี่จะไม่รังเกียจเหรอ ผมเป็นผู้ชายที่มีอะไรเหมือนๆพี่"

พอผมพูดเสร็จพี่เติมเต็มก็พลิกตัวจับผมลงไปนอนบนเตียงและคร่อมตัวผมไว้


"งั้นก็ต้องลองดูว่าจะทำลงมั้ย" พี่เติมเต็มจูบผมที่ริมฝีปากอย่างอ่อนโยน


"แล้วก็ถามว่ารังเกียจมั้ย ก็ตอบเลยว่าไม่ เพราะคนเก่งเป็นผู้ชายที่พี่ ... รัก"



คนเก่งเป็นผู้ชายที่พี่รัก
เป็นผู้ชายที่พี่รัก
ผู้ชายที่พี่รัก
พี่รัก
รัก



เดี๋ยวนะ!!

พี่เติมเต็มบอกว่ารักผมเหรอ คำบอกรักครั้งแรกผมยังไม่ทันได้ซาบซึ้งเลย พี่เติมเต็มก็จูบผมรุนแรงมากขึ้น ตอนนี้หัวใจผมเต้นแรงมากและหัวใจของพี่เติมเต็มก็เต้นแรงไม่ต่างกันเพราะมือข้างขวาของผมกำลังวางทาบอยู่ที่หน้าอกด้านซ้ายที่เป็นตำแหน่งหัวใจของพี่เติมเต็ม


พี่เติมเต็มเปลี่ยนมาไซร้ที่ซอกคอแทนเหมือนอยากให้ผมหายใจหายคอบ้าง


"แล้วก็ .. ที่บอกว่าเราเป็นผู้ชายที่มีอะไรเหมือนๆกับพี่ พี่ว่าบางอย่างก็ไม่ได้เหมือนนะ โดยเฉพาะ .... "


ผมสะดุ้งทั้งตัว และมันคงไม่ใช่แค่หน้าผมที่ร้อน ผมว่ามันร้อนไปทั้งตัวแล้วตอนนี้


ก็เพราะมือขวาของพี่เติมเต็มตอนนี้มันสัมผัสอยู่ที่ร่างกายส่วนล่างของผม ถึงแม้ว่าจะสัมผัสผ่านกางเกงบ็อกเซอร์ก็เถอะ แต่ผมก็รับรู้ได้ถึงความร้อนที่ฝ่ามือของพี่เติมเต็ม


"ขนาด .. "


" ..... "


"พี่ว่าเราต่างกันเยอะ"


แล้วพี่เติมเต็มก็มากระซิบที่ข้างหูผมแบบนี้ ทำไมพี่เติมเต็มต้องทำเสียงเซ็กซี่ขนาดนี้ด้วยนะ


แล้วแค่สัมผัสไม่พอใช่มั้ย?


ทำไมต้องใช้มือกดแบบนั้นด้วย!!





TBC.
#เติมเต็มรัก
ninewara✿

◕ตัดจบเฉยเลย >__<
◕ขอบคุณทุกคอมเม้นนะคะ เป็นกำลังใจดีๆสำหรับผู้เขียนมากๆเลยค่ะ
◕ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่ติดตามนะคะ


หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 22) 23/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Pin_12442 ที่ 23-05-2019 16:44:22
อย่าเพิ่งตัดค่ะ มันไม่ควรตัดตรงนี้นะคะ :katai5:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 22) 23/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 23-05-2019 16:52:14
 :ling1:

แงงงงงงงงง้
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 22) 23/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: kkiikk5016 ที่ 23-05-2019 19:22:22
เอ้า ตัดฉับ ค้างเลย


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 22) 23/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 23-05-2019 21:35:04
 :o8: :-[ :impress2:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 22) 23/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 23-05-2019 21:47:04
 :katai1: คนแต่งจ๋ารีบมาน้า 
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 23) 24/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ninewara ที่ 24-05-2019 08:55:32
✿ เติมเต็มรัก ✿ ครั้งที่ 23



[เติมเต็ม part]



คนเก่งหลับตาปี๋เลยครับตอนที่ใช้มือไปสัมผัสที่ส่วนนั้นของเจ้าตัว เกิดมาไม่เคยคิดเลยว่าจะมาแตะต้องของผู้ชายคนอื่นนอกจากตัวเอง ถึงแม้จะแค่สัมผัสผ่านกางเกงบ็อกเซอร์แต่ทุกคนรู้มั้ยว่าผมใจเต้นแรงและตื่นเต้นมากๆ

สิ่งที่ผมรู้สึกตอนนี้คืออยากสัมผัสทุกส่วน ทุกตารางนิ้วบนร่างกายของคนเก่ง ผมไม่รู้ว่าน้องรับรู้ได้ถึงความสั่นของผมมั้ย ผมว่าผมมือสั่นมากๆเลยครับ

ตื่นเต้นยิ่งกว่าตอนมีเซ็กซ์ครั้งแรกอีก ผมปล่อยมือออกจากส่วนนั้นของคนเก่งและขึ้นคร่อมตัวน้องอีกครั้ง ผมโน้มตัวลงจูบที่ริมฝีปากของน้องอย่างแผ่วเบาและอ่อนโยนในตอนแรก

คนเก่งหัวใจเต้นแรงมาก จนผมคิดว่าผมได้ยินเสียงหัวใจของน้อง ผมใช้มือซ้ายประคองใบหน้าของคนเก่งให้รับจูบของผม ผมวางมือขวาของผมทาบลงที่หัวใจของน้อง สัมผัสของหัวใจที่เต้นแรงเหมือนเร่งให้ร่างกายของผมตื่นตัวมากยิ่งขึ้น

ผมผละออกจากริมฝีปากของคนเก่ง น้องปรือตามองผมเล็กน้อย ผมก้มลงไปจูบคนเก่งอีกครั้ง คราวนี้มันรุนแรงขึ้นกว่าเดิม ผมเลื่อนริมฝีปากมาซุกไซร้ที่ซอกคอของน้อง ผมขยับตัวออกมาเพื่อถอดเสื้อของตัวเองออก ผมไล่จูบจากลำคอลงมาที่หน้าอกโดยจูบผ่านเสื้อกล้าม คนเก่งเกร็งตัวขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด

ผมจับชายเสื้อกล้ามของคนเก่งก่อนจะถอดออกอย่างรวดเร็ว คนเก่งขาวมาก ยอดอกเป็นสีชมพู ผมเคยสัมผัสครั้งหนึ่งเป็นครั้งที่ทำให้ผมเกือบจะอดทนไม่ไหว แต่เพราะตอนนั้นผมยังไม่พร้อม ยังไม่ได้ศึกษามามากพอ ผมถึงไม่ทำต่อ

แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน ผมพร้อมและผมคิดว่าผมศึกษาหาข้อมูลมามากพอสมควรแล้ว


ตอนที่ผมสัมผัสที่ยอดอกของคนเก่ง ผมได้ยินเสียงน้องครางออกมา สติผมเกือบจะหลุด ต้องบอกตัวเองว่าให้ใจเย็นๆ อย่าทำรุนแรงกับน้อง

"พี่เต็มครับ" คนเก่งเรียกผมเสียงแผ่วๆ

"ครับ" ผมตอบรับโดยที่ผมยังวุ่นวายอยู่ที่หน้าอกของน้อง

"เพื่อนพี่ .. อึก ... อ่า .. อยู่ข้างนอก" คนเก่งพยายามที่จะกลั้นเสียงร้องของตัวเอง

"ห้องนี้เก็บเสียงไม่ต้องห่วง" ผมบอกน้อง พร้อมทั้งใช้มือลูบไล้ไปทั่วตัวน้อง

"เพราะฉะนั้นจะร้องดังแค่ไหนก็ได้" ผมบอกคนเก่ง และมาจัดการกับหน้าอกน้องอีกครั้ง ระหว่างนั้นผมก็ค่อยๆถอดกางเกงนอนของผมออก และจัดการถอดกางเกงบ็อกเซอร์ของน้องออกเช่นกัน

ตอนนี้เราสองคนเหลือแค่กางเกงชั้นในติดตัว ผมมองคนเก่งที่นอนระทวยอยู่บนเตียง น้องตัวแดงมากๆ ผมมองน้องด้วยความเอ็นดู


ผมทาบทับตัวผมลงไปบนตัวน้องอีกครั้งโดยที่ผมจงใจกดส่วนล่างของผมลงไปที่ส่วนล่างของคนเก่ง

"อื้ออออ ... "

ใจผมเต้นรัวมากยิ่งขึ้น พอได้ยินเสียงคนเก่งคราง

"พี่เต็ม ... ปิด .. ไฟก่อน"

คนเก่งปรือตามองผมและพูดด้วยน้ำเสียงขอร้อง

"อายเหรอ" ผมถามและน้องพยักหน้า

"แต่พี่อยากเห็น ทุกอย่างของคนเก่ง อยากเห็นชัดๆ" ผมบอกพร้อมกับเล้าโลมน้องมากขึ้นเรื่อยๆ

เสียงน้องร้องครวญครางไม่ดังมาก แต่สร้างความพอใจให้ผมได้จริงๆ

"พี่เต็ม .. อ่า ครับ"

"ครับ"

"เราจะทำจริงๆเหรอ"

"คนเก่งไม่อยากเหรอ"

" ..... "

"ไม่อยากมีอะไรกับพี่เหรอ"

"อยากครับ"

"กลัวใช่มั้ย"

คนเก่งพยักหน้า ผมจูบปลอบใจน้อง

"พี่ก็กลัว กลัวจะทำให้เราเจ็บมาก แต่พี่จะพยายามให้เจ็บน้อยที่สุด"

" ..... "

"เชื่อใจพี่มั้ย"


คนเก่งพยักหน้าอีกครั้ง ผมจูบไล่ลงมาจนถึงขอบกางเกงชั้นในของน้องและอดที่จะใช้ริมฝีปากจูบลงไปตรงส่วนที่มันนูนเด่นออกมาผ่านกางเกงชั้นในไม่ได้ แปลกใจตัวเองมากที่มันไม่มีคำว่ารังเกียจอยู่ในความคิดตัวเองเลย มีแต่คำว่าอยากสัมผัสให้มากขึ้น มากขึ้น

คนเก่งสะดุ้งและร้องครางออกมาเสียงดังตอนที่ผมใช้ริมฝีปากงับผ่านกางเกงชั้นในสองสามครั้ง


ผมลุกขึ้นไปยืนที่ปลายเตียงก่อนที่จะถอดกางเกงชั้นในของตัวเองออก ผมเห็นคนเก่งลืมตามามองก่อนจะหยิบหมอนมาปิดหน้าตัวเอง ผมขยับขึ้นมาบนเตียงและจัดการถอดกางเกงชั้นในของน้อง ผมสังเกตเห็นเลยว่าน้องขนลุกขึ้นมาทันที

ผมทาบทับตัวลงไปบนตัวคนเก่งอีกครั้ง โดยจับขาของน้องแยกออกและให้ส่วนนั้นของผมและน้องได้ทักทายกัน และผมดึงหมอนออกไปจากใบหน้าของน้อง

คนเก่งร้องครางออกมา ยิ่งน้องร้องครางผมก็ยิ่งสัมผัสมากยิ่งขึ้น ผมขยับตัวไปมาบนตัวน้องอยู่สักพัก ก่อนที่จะไปหยิบของที่ตู้หัวเตียงที่ผมเตรียมไว้หลายวันแล้ว ผมเห็นสายตาน้องเหลือบมองผม แต่น้องไม่ได้เอ่ยถามอะไรออกมา

ผมหยิบของสองอย่างมาวางไว้ใกล้ๆตัว ก่อนที่จะจูบคนเก่งอีกครั้ง  ผมพยายามที่จะช่วยคนเก่งก่อน แต่พอผมจับน้องกลับไม่ยอม

"อยากเสร็จพร้อมพี่เต็ม"

คุณรู้มั้ยว่าคำพูดนี้ของคนเก่งทำให้ผมเกือบอดกลั้นไว้ไม่อยู่ จนต้องบอกตัวเองในใจว่าให้ใจเย็นๆ นับหนึ่งถึงสิบในใจว่าให้ใจเย็นให้มากที่สุด ผมใช้เวลาเล้าโลมน้องอยู่สักพักจนคิดว่าน้องน่าจะพร้อมแล้ว

และที่สำคัญผมว่าผมเนี่ยแหละที่จะไม่ไหว


ผมลองใช้นิ้วเข้าไปก่อน แค่นิ้วเดียวสีหน้าของน้องก็แย่มากแล้ว ผมลองนิ้วที่สองเข้าไป คราวนี้น้องมีสีหน้าเจ็บปวดมากกว่าเดิม ผมว่าผมเห็นหยดน้ำตาที่หางตาของน้อง

ผมยังลองพยายามต่อและผมก็รู้ว่าคนเก่งเองก็กำลังพยายามเหมือนกัน

"พี่เต็มครับ .. ผม ... โอเค"

คนเก่งบอกผมโดยที่ผมยังไม่ได้ถามอะไร ผมโน้มตัวไปจูบน้องพร้อมทั้งใช้นิ้วที่สามเข้าไป ผมใช้เวลาอยู่สักพักใหญ่

"พี่เต็มครับ .. ทำเลยก็ได้"

อยู่ๆผมก็รู้สึกเขินขึ้นมากับคำพูดของคนเก่ง ที่จริงน้องอาจจะอยากบอกผมว่า

'ทำซะทีเถอะ!" ก็ได้

ผมเอานิ้วมือออก ตอนแรกผมลังเลใจว่าควรจะใส่ถุงยางดีมั้ย เพราะผมอยากสัมผัสน้องโดยที่ไม่มีอะไรมาขวางกั้น แต่อีกใจผมก็กลัวน้องไม่สบายตัว (ตามที่ไอ้บุ๊คมันบอก) และในตอนที่ผมกำลังหยิบกล่องถุงยางขึ้นมา

"ไม่ใส่ถุงยางได้มั้ยครับ"

ไม่รู้ว่าเพราะอะไรน้องถึงพูดแบบนั้น แต่พอได้ยินคนเก่งพูดแบบนี้ ผมยิ่งไม่ต้องคิดอะไรอีกเลย



ถึงแม้ว่าจะใช้นิ้วเข้าไปช่วยขยายก่อนแต่พอถึงเวลาจริงๆมันก็ไม่ง่ายเลยครับ และผมเองก็รู้สึกอยากขอบคุณผู้ที่คิดค้นเจลหล่อลื่นขึ้นมาเป็นตัวช่วยที่ดีของผมจริงๆไม่คิดว่ามันจะมีประโยชน์ขนาดนี้

กว่าคนเก่งจะรับร่างกายผมได้ทั้งหมด ผมว่าน้องก็แย่เหมือนกันผมเห็นน้ำตาคนเก่งไหลออกมา แต่น้องก็บอกว่าน้องโอเค น้องไหว น้องไม่เป็นไร

ยิ่งทำให้ผมรักคนเก่งมากยิ่งขึ้น นึกถึงคำพูดที่ไอ้บุ๊คมันพูดกับผมวันนั้น

'เพราะเขารักเรามากเขาถึงยอมเจ็บเพื่อให้เรามีความสุข'



ผมโน้มตัวลงไปจูบคนเก่งอย่างอ่อนโยน ก่อนที่จะขยับตัวบนตัวของน้อง โดยเริ่มจากขยับตัวช้าๆก่อน ผมกังวลอยู่ในใจตลอดเลยว่าน้องจะรับผมไหวมั้ย ถ้าผมทำเร็วมากกว่านี้

"พี่เต็มครับ .. อึก เร็วกว่านี้ก็ได้ ผมไหว"

นั่นแหละครับคือฟางเส้นสุดท้ายในหัวผม

ผมไม่รู้ว่าตอนนี้เสียงของผมกับคนเก่งใครดังกว่ากัน แต่ผมชอบเสียงคราง ชอบเสียงร้องของน้องมาก ผมจะไม่ไหวทุกครั้งที่ได้ยินเสียงของน้อง

"ใกล้แล้ว พี่ใกล้แล้ว อ่า .. อีกนิดๆ" ผมเร่งจังหวะทั้งของตัวเองและจับส่วนนั้นของน้องไปด้วย จนเหมือนว่าน้องใกล้จะเสร็จ น้องก็ใช้มือของตัวเองทำเอง ผมก็เลยปล่อยมือออก

คนเก่งขยับข้อมืออยู่ไม่กี่ครั้ง น้องก็ปลดปล่อยออกมา และการที่เห็นภาพตรงหน้ายิ่งช่วยกระตุ้นอารมณ์ผมได้ดี

ผมขยับสะโพกเร็วๆและรัวๆไม่นานผมก็ปลดปล่อยออกมา ตัวผมยังกระตุกอยู่ในตัวของคนเก่งอยู่เลย

เป็นครั้งแรกที่ผมมีเซ็กซ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย ซึ่งมันดีมากผมชอบความรู้สึกแบบนี้จัง

ผมเอื้อมมือไปหยิบกระดาษทิชชู่ที่วางอยู่ตู้หัวเตียง มาเช็ดร่องรอยที่อยู่บนตัวน้องออกจนสะอาด

ผมนอนซบลงที่หน้าอกของคนเก่ง และน้องก็กอดตอบผมโดยที่ตัวผมยังอยู่ในตัวของน้อง

ไม่รู้สิ ผมไม่อยากเอาออกเลย มันรู้สึกดี รู้สึกรัก รู้สึกทุกอย่างที่มันเป็นบวก

ผมจูบคนเก่งอีกหลายครั้ง ไล่จูบไปจนทั่วใบหน้า


"ขอบคุณนะครับ พี่มีความสุขมากเลย" ผมบอกคนเก่งจากสิ่งที่ผมกำลังรู้สึกในตอนนี้

คนเก่งหน้าแดงจัดและไม่ได้พูดอะไรกับผม

"แล้วคนเก่งล่ะ มีความสุขมั้ย" ผมถาม คนเก่งไม่ตอบแต่พยักหน้า

"ทำไมพูดน้อยจัง เมื่อกี้ยังบอกให้พี่ทำโน่นทำนี่อยู่เลย" ผมอดจะแซวคนเก่งไม่ได้

แต่คนเก่งไม่ตอบโต้ผมครับ น้องคงจะอาย ผมนอนกอดน้องอยู่สักพักก่อนที่จะถอนตัวออกจากน้อง ตอนที่ผมขยับตัวออกมา น้องมีสีหน้าไม่ค่อยดี แต่น้องบอกว่าไม่เป็นไรแค่เจ็บนิดหน่อย

ผมเดินเข้าไปในห้องน้ำและนุ่งผ้าเช็ดตัวออกมา พร้อมทั้งหยิบมาเผื่อน้องด้วย

คนเก่งขยับตัวลุกขึ้นมานั่ง และผมเห็นสีหน้าของน้องที่แปลกๆและแก้มน้องแดงมากๆ

"เป็นอะไร" ผมเดินมานั่งข้างๆคนเก่งบนเตียง

ผมคิดว่าน้องคงจะเจ็บมากแต่อาจจะไม่กล้าบอกผม ผมขอดูก็ไม่ยอมให้ดู ผมเลยจัดการดึงผ้าห่มออก สิ่งที่ผมเห็นคือมีของเหลวขาวขุ่นไหลออกมาจากตรงนั้นของน้อง

ของเหลวที่ว่าคือของผมเอง

ผมก้มลงไปหอมหัวของน้อง และจูบเบาๆที่ปากครั้งหนึ่ง

"เดี๋ยวพี่พาไปอาบน้ำ" ผมบอกคนเก่ง ก่อนที่จะอุ้มคนเก่งขึ้นมา น้องตกใจร้องออกมา คงไม่คิดว่าผมจะอุ้มล่ะมั้ง จะให้เดินได้ยังไงล่ะครับ ขนาดผมยังไม่ได้ดูอะไรมากยังรู้เลยว่ามันค่อนข้างบวม

ออกมาจากห้องน้ำคงต้องให้ทานยากันเอาไว้เลย ตามที่ไอ้บุ๊คมันแนะนำ

.
.
.

เช้าวันต่อมา

ผมตื่นมาตั้งแต่เช้า ด้วยจิตใจที่มันสดใสและพองโต คุณเคยเป็นมั้ยที่ตื่นมาเราก็ยิ้มได้เลย นี่คือสิ่งที่ผมกำลังเป็น

ผมหันไปมองคนที่นอนอยู่ข้างๆผม คนเก่งนอนคว่ำหน้าโดยที่ไม่ได้ใส่เสื้อผ้า มีผ้าห่มห่มถึงแค่ช่วงเอวลงมา ผมมองรอยที่ผมทำไว้เมื่อคืนบนร่างกายของน้องแล้วก็รู้สึกอยากกอดน้องอีกสักรอบ

ผมขยับผ้าห่มห่มให้คนเก่งทั้งตัว จับดูที่หน้าผากและตามตัว ชัดเลยน้องมีไข้และตัวร้อน

อาจจะมีคนสงสัยว่า ผมไปทำร่องรอยบนตัวน้องตอนไหน เอ่อ ... ตอนทำครั้งแรกมันไม่มีหรอกครับ แต่ตอนที่อาบน้ำให้น้องเสร็จ ผมก็กลับมาเปลี่ยนผ้าปูที่นอน พอพาน้องขึ้นมานอนบนเตียง ตอนแรกตั้งใจจะแค่จูบน้องแค่นั้น แต่จูบไปจูบมา มันก็เลยเถิดและคนเก่งก็ตามใจผม


ปกติสำหรับผู้ชายทั่วไป (อย่างผม) ครั้งเดียวก็เพลียและถ้าจะมีครั้งที่สองในคืนเดียวกัน ผมว่าอาจจะยากหน่อยเพราะเราปลดปล่อยไปแล้วไง

แต่กับกรณีนี้คือไม่ใช่เลย แค่ผมจูบกับคนเก่งนิดเดียวก็เลยเถิด และยอมรับแบบแมนๆเลยครับว่า ครั้งแรกผมอาจจะอ่อนโยนกับน้องค่อนข้างมาก แต่ไม่ใช่ในครั้งที่สองและที่สาม

ยิ่งน้องบอกว่า น้องไหว น้องโอเค น้องรับได้ ผมยิ่งแทบจะไม่ยั้งมือ คนเก่งเลยนอนหมดสภาพอยู่แบบนี้ เมื่อคืนก่อนนอนผมให้น้องทานยาแก้ไข้และยาแก้อักเสบไว้ล่วงหน้าแล้ว แต่ตอนนั้นคนเก่งยังไม่มีไข้


ผมลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว หลังจากแต่งตัวเสร็จเดินมาจับตัวน้องดูอีกครั้ง ก่อนที่จะเดินออกมานอกห้อง

ปาร์ตี้เมื่อคืนยังมีซากอารยธรรมอยู่ เพื่อนผมสามคนนอนอยู่บนพื้นห้อง ผมมองดูเวลามันยังคงเช้าเกินไปที่พวกนี้จะตื่น ผมตัดสินใจลงไปซื้อของกินข้างล่าง เพราะอยากซื้อของกินหลายๆอย่างมาให้คนเก่งได้เลือกว่าจะทานอะไร


สักพักใหญ่ผมกลับขึ้นมาบนห้อง ปรากฏว่าไอ้สามตัวมันตื่นแล้ว


"ไงพวกมึง เลิกกันกี่โมงล่ะ" ผมถาม เพราะเมื่อคืนตอนที่ผมออกมาเอาน้ำเปล่าให้คนเก่งทานยาพวกมันยังดื่มกันอยู่

ไอ้ชินท์มันหาวนอน ก่อนจะตอบ

"พวกไอ้คิวมันกลับไปตอนเกือบตีสาม"

มันพูดเสร็จ มันก็เดินเข้าไปในห้องน้ำ


"ซื้ออะไรมาเผื่อมั้ยว่ะ" ไอ้ทัตพลถาม

"มีข้าวมันไก่ ข้าวหมูแดง มาเลือกเอา"

ผมบอกก่อนที่จะเดินเอาของกินที่ซื้อมาไปวางไว้ในครัว และแยกของกินที่จะเอาไว้ให้คนเก่งทานแยกไว้ต่างหาก

"คนเก่งล่ะ" ไอ้ธรณ์ที่ตอนแรกมันนั่งคุยโทรศัพท์อยู่เดินเข้าในครัว

"ยังไม่ตื่น" ผมบอก

"กูว่า ... น้องมันตื่นไม่ไหวมากกว่า" คำพูดของไอ้ธรณ์ทำให้ผมยืนนิ่งไปสักพักเลย มันรู้ได้ยังไงว่ะ มันเป็นไปไม่ได้ที่มันจะได้ยิน เพราะห้องนอนผมเก็บเสียง

"ไม่ต้องทำหน้าตกใจขนาดนั้น กูไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้นแหละ แค่เห็นร่องรอยบนตัวมึง" ไอ้ธรณ์มันพูดและชี้นิ้วมาที่คอของผมและที่หัวไหล่ เพราะผมใส่เสื้อแขนกุดมันเลยมองเห็น

ที่คอเป็นรอยเล็บของน้องครับ ส่วนที่ไหล่เป็นรอยฟัน

"ไอ้เชี้ยเต็ม เพื่อนมาเต็มห้องมึงก็ยังไม่เว้นอีก" ไอ้ชินท์ที่เดินออกมาจากห้องน้ำและมาได้ยินที่ไอ้ธรณ์มันพูด

"พวกมึงอย่าเสียงดังกันได้มั้ยว่า กูกลัวคนเก่งมาได้ยิน และอีกอย่างนะ ที่นี่ห้องกู กูจะทำอะไรก็ได้" ผมบอก

"แต่ไม่ใช่ทำตอนเพื่อนมาเยอะขนาดนี้เปล่าว่ะ มึงไม่กลัวน้องอายเหรอ" ไอ้ทัตพลถามผม

"ที่จริงเมื่อคืนคนเก่งมันก็กังวลเรื่องที่มีพวกมึงอยู่ในห้องเหมือนกัน" ผมพูด

"แล้วไงต่อว่ะ กูอยากรู้" ไอ้ชินท์เสนอหน้ามาเชียว

"เรื่องส่วนตัว" ผมบอก

"ไอ้เต็มมึงตั้งใจที่จะมีอะไรกับน้องเมื่อคืนนี้ใช่มั้ย" ไอ้ธรณ์มันพูด

เป็นความผิดของผมเองที่ผมเคยเปรยกับไอ้ธรณ์ว่าจะเลือกวันดีๆที่จะมีอะไรกับน้อง และวันดีของผมก็คือวันที่น้องมีวันหยุดยาวไงล่ะ

"หลังจากที่กูดูตารางเวลาต่างๆของคนเก่งแล้ว เมื่อคืนดีที่สุดเพราะคนเก่งไม่ต้องเข้ามหาวิทยาลัยยาวไปจนถึงวันจันทร์" ผมบอกตามตรงตามที่วางแผนเอาไว้ สามสี่วันนี้น้องจะได้พักผ่อนให้เต็มที่

"เจ้าเล่ห์ชิบหาย" ไอ้ทัตพลมันพูด

"กูเข้าไปดูคนเก่งก่อน กินอะไรเสร็จก็เก็บให้ด้วยล่ะ อย่าให้เมียกูลำบากมาเก็บให้" ผมบอก

"โอ้ย กูเกลียดคนเห่อสถานะใหม่โว้ย" ไอ้ชินท์มันพูดขึ้นมา

ผมไม่ได้สนใจพวกเพื่อนๆผมอีก



ผมซื้อข้าวหมูกรอบ กับก๋วยเตี๋ยวหมูมาให้คนเก่ง ผมจัดใส่จานและชามเรียบร้อย พร้อมทั้งขวดใส่น้ำเปล่า ก่อนจะเดินถือเข้าในห้อง

คนเก่งยังนอนอยู่ท่าเดิม ผมวางถาดลงที่ตู้หัวเตียง ก่อนจะตัดสินใจไปปลุกคนเก่งให้น้องได้ทานข้าวจะได้ทานยา

"คนเก่งลุกมาทานข้าวก่อนจะได้ทานยา" ผมไปนั่งข้างน้องบนเตียง ลูบหัวน้องเบาๆ คนเก่งลืมตาขึ้นมาและมองผม ก่อนที่น้องจะหันหน้าไปอีกทาง ผมงงกับท่าทางของคนเก่ง

"เป็นอะไร" ผมถาม สักพักคนเก่งก็หันหน้ากลับมาหาผมเหมือนเดิม น้องค่อยๆขยับตัวนอนหงายและน้องพยายามที่จะลุกขึ้นมานั่ง ผมขยับหมอนเพื่อให้น้องได้นั่งพิงหมอนดีๆ กว่าน้องจะขยับตัว จะนั่งได้ ผมใจแทบขาด

คนเก่งก้มลงมองตัวเอง พอเห็นว่าตัวเองโป๊อยู่ก็รีบดึงผ้าห่มขึ้นมาปิด

"ทำไมไม่ใส่เสื้อ" คนเก่งถามด้วยเสียงที่แหบแห้งมาก ผมรีบเอาน้ำเปล่าให้น้องดื่ม

"เราตัวร้อนพี่ก็เลยเช็ดตัวให้ ก็เลยไม่ได้ใส่เสื้อ" ผมไม่กล้าบอกความจริงกับน้องว่าพอน้องหลับไปแล้ว ผมก็ยังสร้างรอยบนตัวน้องไม่เลิก ก็เลยไม่ได้ใส่เสื้อให้ ผมพูดก่อนจะเดินไปเอาเสื้อมาใส่ให้น้อง

"กางเกงยังไม่ต้องใส่หรอกเนอะ" ผมบอกและน้องก็พยักหน้าไม่ได้พูดอะไรแต่หน้าแดงแจ๋

"ทานข้าวดีกว่านะ จะได้ทานยา แล้วก็นอน" ผมบอก

"ยังไม่ได้แปรงฟันเลย" คนเก่งบอกด้วยน้ำเสียงเขินอาย

"ไม่เป็นไรครับ ทานเลยนะ พี่ซื้อข้าวหมูกรอบกับก๋วยเตี๋ยวมา อยากทานอะไร" ผมถาม

"ทานทั้งสองอย่างเลยได้มั้ยครับ" คนเก่งเอ่ยถามออกมาอย่างน่ารัก

"ได้อยู่แล้ว" ผมบอก

"แล้วพี่เต็มทานหรือยัง" ตอนที่ผมกำลังจะป้อนน้อง น้องก็ถามผมขึ้นมา

"เดี๋ยวพี่ป้อนคนเก่งเสร็จค่อยทาน"

"มาทานด้วยกัน" คนเก่งพูดและส่งสายตาอ้อนผม

"ครับๆ งั้นเดี๋ยวพี่เอาเข้ามาทานด้วย" ผมออกมาที่ห้องครัว เจอไอ้เพื่อนสามตัวยังนั่งทานข้าวกันอยู่ มันส่งสายตาเป็นคำถามมาแต่ผมไม่ได้พูดอะไร ผมเอาข้าวมันไก่ใส่จานและเดินกลับเข้ามาในห้องนอนอีกครั้ง


หลังจากที่จัดการมื้อเช้าจนเรียบร้อย ผมก็เช็ดตัวให้คนเก่งอีกครั้งแต่น้องไม่ยอมให้ผมเช็ดด้านล่างให้ซึ่งผมก็โอเคเข้าใจน้อง

ผมให้คนเก่งทานยาอีกรอบ และให้น้องนั่งย่อยก่อนยังไม่ให้นอนทันที แต่แล้วผมก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

"คนเก่ง พี่ขอดูตรงนั้นหน่อยได้มั้ย พี่จะทายาให้ด้วย" ผมบอกและคนเก่งดูเหมือนจะสตั๊นท์ไปเลย

"ไม่เอา" คนเก่งบอกผม

"ไม่เอาแล้ว แค่จะทายาให้" ผมพูดพร้อมเล่นมุขที่คิดว่าน้องน่าจะขำแต่น่าจะไม่ได้ผล

"ไม่ต้องทาหรอกครับ ไม่ได้เป็นอะไรมาก" คนเก่งบอก

"เป็นสิ" ผมแย้ง

"พี่เต็มจะมารู้ดีไปกว่าตัวผมได้ไง" คนเก่งแย้งขึ้นมา

"พี่เป็นคนทำก็ต้องรู้สิ"

คนเก่งเม้มปากแน่นเหมือนอยากจะเถียงแต่ไม่รู้จะพูดอะไรดี ผมนั่งลงข้างๆคนเก่ง และดึงน้องเข้ามากอด

"พี่แค่เป็นห่วงเท่านั้นเอง พี่เป็นคนที่ทำให้เราเจ็บตัวนะ"

"แต่ผมอาย"

"จะมาอายอะไร มีตรงไหนที่พี่ไม่เห็น"

" ..... "

คนเก่งนั่งเงียบเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่

"ก็ได้ครับ"

ผมยิ้มออกมาเมื่อคนเก่งยอมที่จะให้ผมทายาให้ ผมช่วยประคองน้องให้น้องนอนคว่ำหน้า คนเก่งใช้ผ้าห่มคลุมตัวเองทั้งตัวเลยครับ ผมยิ้มขำน้องนิดหน่อย ก่อนจะดึงผ้าห่มที่คลุมช่วงล่างของน้องไว้ออก ผมเปิดดูตรงส่วนนั้นของน้องมันยังบวมช้ำอยู่เลย ผมดูจนแน่ใจว่าไม่ได้มีบาดแผลหรือฉีกขาด ผมลงมือทายาให้คนเก่งจนเรียบร้อย

ผมเดินเข้าไปล้างมือในห้องน้ำออกมาเห็นคนเก่งเปลี่ยนมานอนหงายเป็นที่เรียบร้อย ผมเปิดทีวีและเลือกช่องที่เป็นหนังให้น้องดู

"พี่เต็มออกไปไหนมั้ยครับ"

"น่าจะไม่นะ มีอะไรหรือเปล่า"

"ผมแค่... อยากให้พี่เต็มอยู่กับผม" คนเก่งพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนๆ ผมยิ้มให้น้องด้วยความเอ็นดู

"ครับ จะอยู่ด้วยจนกว่าจะหายเลย" ผมบอกคนเก่ง น้องไม่ได้พูดอะไรต่อแค่ยิ้มออกมา

"เดี๋ยวพี่ออกไปดูไอ้สามตัวนั่นก่อนว่ามันกลับหรือยัง"

ผมนึกถึงเพื่อนผมสามคนขึ้นมาได้ เลยเดินออกมาดูว่าพวกมันกลับกันหรือยัง พอออกมาผมไม่เจอพวกมันแล้ว พวกมันเก็บหัองรับแขกและห้องครัวเรียบร้อย

ผมเดินกลับเข้ามาในห้องนอนอีกครั้ง คนเก่งนอนหลับไปแล้วครับ ผมขึ้นมานั่งพิงหัวเตียงและมองดูคนเก่งที่นอนอยู่ข้างๆ ผมใช้มือเกลี่ยเส้นผมของน้อง หน้าคนเก่งใสมากไม่มีสิวสักเม็ด ปากเป็นสีแดง เมื่อก่อนผมว่าคนเก่งมันไม่ได้หน้าตาน่ารักขนาดนี้ คือหน้าตามันไม่ได้แย่นะแต่ผมไม่เคยมองว่ามันน่ารักไง ไม่รู้เหมือนกันว่าเริ่มมองว่าคนเก่งมันน่ารักตอนไหน

ตอนที่ผมขอคนเก่งเป็นแฟน ไอ้ธรณ์มันบอกว่าผมเสียเวลาอะไรอยู่ตั้งหลายปี แทนที่จะเป็นแฟนกับคนเก่งนานแล้ว ผมก็ถามมันว่าตอนนั้นยังไม่ได้คิดอะไรจะมาเป็นแฟนกันได้ยังไงล่ะ

ไอ้ธรณ์มันหัวเราะผม แล้วมันก็บอกว่า

'มึงน่ะชอบน้องมันมาตั้งนานแล้ว แต่มึงไม่ยอมรับเอง ตอนแรกมึงตั้งใจจะเข้าม.A ไม่ใช่หรือไง กูไม่เคยได้ยินมึงพูดถึงม.S เลยสักครั้ง แต่พอมึงได้ยินคนเก่งพูดว่าน้องมันจะเข้าม.S มึงถึงได้เปลี่ยน  อย่าๆ อย่าบอกว่ามึงมาเรียนที่นี่เพราะกู กูบอกมึงตั้งแต่แรกแล้วว่ากูจะเรียนม.S มึงยังไม่เคยพูดเลยสักครั้งว่าจะเรียนต่อที่นี่ แต่พอน้องมันพูดขึ้นวันนั้นว่าจะเข้าม.S มึงก็เปลี่ยน'

ผมตั้งใจตั้งแต่ตอนเรียนมัธยมต้นเลยว่าผมจะต้องเข้าม.A มหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของประเทศให้ได้ และคะแนนผมก็มากพอที่จะสามารถเข้าได้ มันก็ไม่แปลกถ้าไอ้ธรณ์มันจะสงสัยที่อยู่ๆผมบอกมันว่า ผมจะเปลี่ยนมาเข้าม.S เหมือนมัน แม้แต่คนเก่งตอนที่รู้ว่าผมเข้าม.S คนเก่งยังงงเลยว่าทำไมถึงเข้าที่นี่

ณ เวลานั้น ผมยังไม่ได้คิดอะไร แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่า คนเก่งมีอิทธิพลกับผม ผมเลือกมาเรียนที่นี่เพราะคนเก่งบอกจะเข้าเรียนที่นี่ ตอนประกาศผลคัดเลือกเข้าปีหนึ่ง ผมก็คอยลุ้นว่าคนเก่งจะติดมั้ย ตอนนั้นผมเคยเขียนการ์ดแบบที่คนเก่งเขียนให้ผม ตั้งใจว่าจะให้เพื่อเป็นกำลังใจ แต่ผมก็เปลี่ยนใจไม่ได้ให้ เพราะกลัวจะเป็นการให้ความหวังคนเก่งมากเกินไป


"จะรออยู่ที่ม.S"


นี่คือข้อความที่ผมเคยเขียน


ผมไม่แน่ใจในความรู้สึกของตัวเองว่าผมรู้สึกยังไงกับคนเก่งกันแน่ มันต้องรู้สึกมากกว่าชอบอยู่แล้วไม่งั้นผมคงไม่ขอน้องเป็นแฟน


แต่มากกว่านั้นมั้ย? ไม่แน่ใจ


ผมรู้ตัวเองอย่างชัดเจนก็คือเมื่อคืนนี้ ตอนที่คนเก่งถามผมว่า ไม่รังเกียจเหรอถ้าจะมีอะไรกับเขา ในความคิดของผมมันพูดขึ้นมาในหัวทันทีว่า ผมรักเขาผมจะรังเกียจเขาได้ยังไง

เมื่อคืนผมไม่ได้คิดเลยด้วยซ้ำว่าคนเก่งเป็นผู้ชาย ผมคิดแค่ว่าเขาคือคนที่ผมรัก ผมคิดแค่ว่าเรารักกัน

และเมื่อคืนก็ทำให้ผมได้รู้ว่า คนเก่งรักผมมากจริงๆ เมื่อคืนผมมีอะไรกับคนเก่งถึงสามครั้ง ซึ่งไอ้บุ๊คมันเคยบอกผมว่าครั้งแรกทำแค่ครั้งเดียวก็พอ ถ้ามากกว่านั้นคนเก่งอาจจะแย่

แต่เมื่อคืนคนเก่งไม่ปฏิเสธผมเลยสักครั้ง ไม่เคยพูดออกมาว่าเจ็บ คนเก่งอดทนมาก ขนาดตื่นมาขยับตัวก็ลำบากแต่ก็ไม่พูดไม่บ่นออกมาให้ผมได้ยิน

เมื่อคืนผมรู้นะว่าน้องเจ็บแต่ผมก็เห็นแก่ตัวด้วย ยิ่งน้องบอกว่าน้องไหวๆผมยิ่งหยุดไม่ได้

สุดท้ายคนเก่งก็ต้องมานอนซมแบบนี้

ผมหยิบมือถือขึ้นมาดู เห็นในกลุ่มไลน์พวกเพื่อนๆมันพูดถึงประเด็นที่ผมมีอะไรกับคนเก่ง ผมก็เลยกดออกจากไลน์มา ไม่ใช่อะไร ขี้เกียจตอบครับ

ผมกดเข้าไปดูรูปที่เคยถ่ายไว้ในเครื่อง รูปผมกับคนเก่งที่เราถ่ายด้วยกันมีเยอะพอสมควรเลย แต่ผมไม่เคยโพสรูปคู่ลงเลยสักครั้ง ยิ่งคนเก่ง ยิ่งไม่เคยไม่รู้ทำไม

ผมเลือกรูปคู่มารูปหนึ่ง เป็นรูปเซลฟี่ในวันที่ผมขอคนเก่งเป็นแฟน ผมโพสลงสื่อโซเชียลส่วนตัวของผมคือไอจีและเฟซบุ๊ค โดยใช้แคปชั่นเดียวกัน




Teimtem Paisanworrakit :

He's My Boy ❤️
He's My Guy ❤️
He's My Love ❤️

#TtwKk #ความรักของผม




หวังว่าคนเก่งตื่นมาเห็นแล้วจะหายป่วยเร็วขึ้นนะครับ





TBC.
#เติมเต็มรัก
ninewara✿
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 23) 24/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 24-05-2019 09:37:56
 :L2: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 23) 24/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 24-05-2019 09:51:57
โหง่ยยยยยย
ละลายยยยยย
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 23) 24/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 24-05-2019 10:12:51
ซมเลยน้อง
แต่พี่ก็ไม่ยั้งเล้ยยยย  :hao7:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 23) 24/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Aimlovelove ที่ 24-05-2019 10:58:15
แง๊ ตัดจบแบบนี้เลยยยย มาต่อเร็วๆน๊า
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 23) 24/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 24-05-2019 14:09:06
 :haun4: :haun4: :haun4:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 23) 24/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: เดือนธันวา ที่ 24-05-2019 14:35:59
 :pighaun: :pighaun: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 23) 24/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 24-05-2019 17:07:12
น้องคนเก่งน่ารัก เห็นโพสของพี่แล้วต้องมีความสุขมากๆแน่ He's my love :-[
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 23) 24/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 24-05-2019 23:55:36
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 23) 24/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 25-05-2019 05:16:04
 :pig4: :pig4: :pig4:

ไม่ทำตามครูบุ๊คสอนเลยนะพี่เต็ม  ครูสอนว่าครั้งแรกแค่รอบเดียว  นี่จัดไปซะหลายรอบเลย  หุหุ
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 23) 24/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Philosophy ที่ 26-05-2019 01:56:35
ชอบพี่เต็มมีการวางแผนด้วย ว่าควรจัดการวันไหนดี o13
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 23) 24/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 26-05-2019 10:44:36
หวานไปอีกนะคุณเต็ม หวังว่าน้องคนเก่งจะหายเร็ว ๆ นะครับ
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 23) 24/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: memozy ที่ 28-05-2019 16:31:40
งื้ออออน้องคนเก่งกับน้องฟูจิ น่ารักมากๆเลย
ตอนสุดท้ายนี่พี่เติมเต็มจัดหนักไปแล้ว
รอตอนหน้าพี่วินบ้าง!!!  o13 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 24) 28/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ninewara ที่ 28-05-2019 20:25:44
✿ เติมเต็มรัก ✿ ครั้งที่ 24


ผมตื่นขึ้นมาอีกทีตอนประมาณบ่ายสองโมง มองไปรอบตัวไม่เจอพี่เติมเต็มแต่ที่ตู้หัวเตียงมีกระเป๋าสตางค์กับกุญแจรถและคีย์การ์ดวางอยู่แสดงว่าพี่เติมเต็มน่าจะอยู่ไม่ได้ออกไปไหน

ผมลองขยับตัวดู พบว่าผมพอที่จะขยับตัวได้บ้างแล้ว ดีกว่าเมื่อเช้าเยอะเลย ในห้องนอนพี่เติมเต็มเปิดแอร์ไว้เย็นฉ่ำเลยครับ แต่ผมรู้สึกอยากจะอาบน้ำมากๆ ไม่เคยปล่อยให้ตัวเองนอนอยู่บนเตียงนานขนาดนี้มาก่อน ผมลองค่อยๆก้าวขาลงจากเตียง มันยังมีอาการเจ็บและแสบๆอยู่แต่ผมพอไหว ผมนั่งห้อยขาลงข้างเตียงอยู่สักพัก ก็จะลองลุกขึ้นดู แต่พอจะเอาผ้าห่มออกจากตัวก็นึกขึ้นมาได้ว่าผมไม่ได้ใส่กางเกง มองไปตรงปลายเตียงเห็นมีผ้าขนหนูพับวางอยู่ ผมก็เลยลองยื่นแขนเพื่อจะไปหยิบผ้าขนหนู แต่มันอยู่ไกลมากเกินไป ผมฝืนขยับตัวให้เข้าไปใกล้มากยิ่งขึ้น แต่เหมือนมันจะค่อนข้างลำบาก


"คนเก่ง!" พี่เติมเต็มเดินเข้ามาในห้องนอนและเรียกผมเสียงดัง

"จะลุกไปไหน" พี่เติมเต็มถามและรีบเดินมาหาผม

"ผมอยากเข้าห้องน้ำ" ผมบอก

"แล้วจะเดินไปเอง?"

"ครับ"

"เดินไหวแล้วเหรอ" น้ำเสียงของพี่เต็มเต็มเต็มไปด้วยความเป็นห่วง

"คิดว่าไหวครับ แต่ ... ผมโป๊อยู่" อดที่จะเขินไม่ได้

"งั้นเดี๋ยวพี่พาไปเอง"

"ไม่เป็นไรครับ พี่เต็มหยิบผ้าขนหนูตรงนั้นให้ผมหน่อย"

พี่เติมเต็มหยิบผ้าขนหนูมาส่งให้ผม

"พี่เต็มหันไปทางอื่นก่อน" ผมบอกเพราะผมจะพันผ้าขนหนูที่ช่วงล่างของตัวเอง พี่เติมเต็มยอมยืนหันหลังให้ผม ผมใช้เวลาพอสมควรกว่าจะลุกขึ้นมาแล้วพันผ้าขนหนูได้

"เสร็จแล้วครับ" พี่เติมเต็มหันกลับมามองผมที่นั่งอยู่บนเตียง

"ไหนดูสิเป็นไงบ้าง ... ตัวไม่ร้อนแล้ว" พี่เติมเต็มจับที่หน้าผากและตามตัว

"ดีขึ้นมากแล้วครับ" ผมบอก

"แล้วยังเจ็บอยู่มั้ย" พี่เติมเต็มถามผมด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนพร้อมทั้งลูบหัวผมไปมา

"ไม่ถามอะไรแบบนี้ได้มั้ย ... ผมอาย"

"ที่ถามเพราะพี่เป็นห่วงนะ"

"ก็ไม่ค่อยเจ็บแล้วครับ" ผมตอบด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยมั่นใจ และพี่เติมเต็มทำหน้าเหมือนไม่เชื่อผม

"สงสัยพี่คงต้องขอดูเองแล้วล่ะ" พี่เติมเต็มพูดพร้อมทั้งเอามือมาจับตรงปมผ้าขนหนูที่ผมสวมอยู่

"ยังเจ็บอยู่ครับ" ผมรีบบอกเพราะกลัวพี่เขาจะมาดูเองจริงๆ เมื่อเช้าแค่ตอนที่พี่เติมเต็มทายาให้ผมก็อาจไม่รู้จะอายยังไงแล้ว ผมรู้สึกอายยิ่งกว่าตอนที่โป๊ต่อหน้าพี่เติมเต็มอีก คิดถึงเรื่องเมื่อคืนแล้วมันหน้าร้อนขึ้นมาเลยทันที

"แล้วจะเดินไหวเหรอ พี่อุ้มไปดีกว่า"

"เดินไหวครับ พี่เต็มอย่าทำเหมือนผมเป็นคนป่วยสิ"

"ก็แค่อยากดูแล"

พี่เติมเต็มพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังจนผมอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้

"ถ้างั้นแค่ประคองนะครับ"

ผมพยายามต่อรอง พี่เติมเต็มก็ตกลง พี่เขาประคองผมมาถึงห้องน้ำ

"ผมอาบน้ำนะ" ผมขอ

"ไข้เพิ่งหายเองนะ"

"ตัวเน่าแล้วเนี่ย"

พี่เติมเต็มใช้จมูกคลอเคลียที่หน้าและที่คอ

"ยังหอมอยู่เลย"

"มั่วแล้ว .. นะ ให้ผมอาบนะ"

"งั้นพี่ว่านอนแช่น้ำอุ่นก็ดีเหมือนกันนะ เอามั้ย เราน่าจะสบายตัวขึ้น"

ผมคิดว่าก็ดีเหมือนกัน ผมพยักหน้า

"แต่พี่กลัวไข้จะกลับมาเนี่ยสิ" พี่เติมเต็มก็ยังคงกังวลอยู่

"เดี๋ยวแช่น้ำเสร็จทานยาอีกก็ได้ครับ .. ดีมั้ย"

"เอาอย่างนั้นก็ได้ เดี๋ยวพี่ไปเตรียมน้ำให้"

พี่เติมเต็มบอกก่อนที่จะเดินไปเตรียมน้ำในอ่างให้ผม หลังจากนั้นพี่เติมเต็มก็ประคองผมเดินไปที่อ่างอาบน้ำ

"พี่เต็มออกไปได้แล้วครับ"

"รีบไล่เลยเหรอ เดี๋ยวพี่พาเราลงอ่างก่อน"

"ไม่เอาครับ ผมลงเองได้ เดี๋ยวพี่เห็น .... เอ่อ ... ผมโป๊อะ" ผมรีบพูด

พี่เติมเต็มหัวเราะผม

"ไม่รู้อายอะไร เห็นจนถึงไหนต่อไหนแล้ว"

มันก็จริง แต่ว่ามันไม่เหมือนกันนี่นา

"นะๆๆ ออกไปก่อนนะ" ต้องอ้อนเท่านั้นครับ

"เอางี้ เพื่อความสบายใจของพี่ เดี๋ยวพี่ยืนหันหลังให้ พี่จะรอจนคนเก่งลงไปแช่อยู่ในอ่างด้วยความปลอดภัยพี่ถึงจะออกไป ถ้าเกิดพี่ออกไปก่อนแล้วเราล้มขึ้นมาจะทำไง"

เพราะน้ำเสียงที่มีแต่ความห่วงใย ทำให้ผมต้องยอมแพ้ พี่เติมเต็มยืนหันหลังให้ผมและผมก็ถอดผ้าขนหนูออกก่อนแล้วก้าวลงไปในอ่างอาบน้ำ ต่อจากนั้นจึงถอดเสื้อออก

"เรียบร้อยแล้วครับ" ผมบอก พี่เติมเต็มหันมามองผมและกวาดสายตามองมาที่ร่างกายท่อนบนของผมที่โผล่พ้นน้ำมาเล็กน้อย

"พี่เต็มออกไปได้แล้ว" ผมรู้สึกว่าสายตาของพี่เติมเต็มดูไม่ค่อยน่าไว้ใจ

"ครับๆ จะออกไปแล้ว พี่ไม่ล็อคประตูห้องน้ำนะ เดี๋ยวสักพักพี่จะเข้ามาดู อย่าแช่นานนักล่ะ"

ผมพยักหน้ารับทราบ พี่เติมเต็มหอมที่หัวผมครั้งหนึ่งแล้วเดินออกจากห้องน้ำไป


ผมนอนแช่น้ำอุ่น สายตาก็มองวิวจากผนังกระจกใสที่อยู่ติดกับอ่างอาบน้ำ ดีนะที่ที่นี่เป็นตึกที่สูงกว่าทุกตึกที่อยู่ละแวกนี้ และห้องพี่เติมเต็มก็อยู่ถึงชั้นสิบแปดไม่ต้องกลัวเรื่องที่จะมีคนมาแอบมอง

พอร่างกายได้สัมผัสน้ำอุ่นแบบนี้มันดีมากเลยครับ เหมือนมันช่วยผ่อนคลายและตรงนั้นดูจะคลายความเจ็บด้วย


นึกถึงเรื่องเมื่อคืนแล้วมันทั้งอายและทั้งเหนือความคาดหวัง อย่างที่ผมเคยเล่า ผมตั้งตารอตั้งแต่วันที่เห็นของที่พี่เติมเต็มเตรียมไว้ รอจนผมเลิกรอและเลิกคาดหวัง

ผมจำได้ว่าผมพูดอะไรบ้างเมื่อคืน ผมเป็นคนเร่งให้พี่เขาทำเพราะผมรู้ว่าพี่เติมเต็มต้องการมากแค่ไหน เห็นสีหน้าที่ทรมานของพี่เติมเต็มแล้วผมไม่โอเคเลย ผมอยากให้พี่เขามีความสุขกับตัวผม กับร่างกายของผม แรกๆมันก็เจ็บครับ ผมไม่สามารถอธิบายถึงความเจ็บให้รับรู้ได้ แล้วก็ตอนที่ผม .. เห็นขนาดของพี่เติมเต็มผมก็ตกใจเหมือนกัน ตอนนั้นคิดในใจเลยว่ามันจะเข้าไปได้ยังไงมันดูเป็นไปได้ยาก และยอมรับเลยว่าผมก็กลัวเจ็บเหมือนกัน

แต่ตอนที่พี่เติมเต็มถามผมว่า ... เชื่อใจพี่มั้ย ... ตอนนั้นความกลัวทุกอย่างมันเบาบางลง ผมเชื่อว่าพี่เติมเต็มจะต้องอ่อนโยนกับผม และมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ

ผมชอบความรู้สึกตอนนั้นมากเลย มันเหมือนเราสองคนต่างก็เรียนรู้และลองไปพร้อมๆกัน พี่เติมเต็มอาจจะมีประสบการณ์กับผู้หญิงมาก่อน แต่พอมาเป็นผมพี่เขาก็ดูเคอะเขินทำอะไรถูก ดูน่ารักดี

แต่ ... ความอ่อนโยนก็มีในครั้งแรกเท่านั้นครับ อีกสองครั้งต่อมาอาจจะไม่ถึงกับรุนแรงแต่ลืมความอ่อนโยนในครั้งแรกไปได้เลย จะโทษพี่เติมเต็มทั้งหมดก็ไม่ได้ เพราะเป็นผมที่ยอมเองทุกอย่าง

เมื่อคืนตอนที่ผมได้ยินพี่เติมเต็มบอกรักผมครั้งแรก ผมอาจจะยังไม่ทันได้ซึ้งกับมันก็จริง แต่หลังจากนั้นพี่เติมเต็มก็บอกรักผม จนผมจำไม่ได้ว่าพูดกี่ครั้ง



ผมแช่น้ำอุ่นอยู่อีกสักพักก็หยิบผ้าเช็ดตัวที่พี่เติมเต็มเตรียมไว้ให้และลุกขึ้นจากอ่างอาบน้ำ พอเจอน้ำอุ่นแบบนี้แทบจะหายเจ็บเลยครับ แต่เวลาเดินยังไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ แต่มันเป็นการเจ็บที่ทำให้ผมมีความสุข


ผมเดินไปล็อคประตูห้องน้ำและมายืนแปรงฟันอยู่ที่อ่างล้างหน้า ตอนที่แปรงฟันเสร็จได้ยินเสียงลูกบิดประตูห้องน้ำ

"คนเก่ง" เสียงพี่เติมเต็มเรียกพร้อมทั้งเคาะประตูไปด้วย

"ครับ" ผมขานรับแต่ไม่ได้เปิดประตูออกไป

"ล็อคประตูห้องน้ำทำไมเนี่ย แล้วอาบน้ำเรียบร้อยหรือยัง"

"กำลังอาบครับ ใกล้เสร็จแล้ว"

จากนั้นพี่เติมเต็มก็บอกแค่ว่าอย่าอาบนานมากเกินไป ผมยืนมองตัวเองในกระจกแล้วก็รู้สึกหน้าร้อนผ่าว รอยจูบของพี่เติมเต็มมีอยู่ทั่วแผ่นอกพอหันหลังที่แผ่นหลังก็มีอีก เขินชะมัดเลย


หลังจากอาบน้ำเรียบร้อยผมเปิดประตูออกมา เจอพี่เติมเต็มนั่งรออยู่ในห้องแต่งตัว และพี่เติมเต็มก็เตรียมเสื้อผ้าให้ผมเรียบร้อย รวมทั้งช่วยผมแต่งตัวด้วย


"แล้วตอนนี้เป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นมั้ย"


ผมรู้ว่าพี่เขาหมายถึงอะไรที่ 'ดีขึ้น' ผมไม่รู้จะใช้คำพูดว่าอะไรดี

"เอาความจริง" พอผมไม่ตอบพี่เติมเต็มก็พูดออกมาอีก

"ไม่ค่อยเจ็บแล้วครับ แค่มันรู้สึกเคืองๆเวลาเดิน" ผมบอกตามจริง

"แล้วเดินได้มั้ย"

"ได้ครับ" ผมบอก

"แต่พี่ไม่ให้เดิน" พูดเสร็จพี่เติมเต็มก็อุ้มผมทันที จนผมร้องด้วยความตกใจ พี่เติมเต็มหัวเราะผมใหญ่

พี่เติมเต็มอุ้มผมออกมาจนถึงห้องรับแขกและวางผมลงที่โซฟาอย่างเบามือ

"หิวแล้วใช่มั้ย" พี่เติมเต็มถามพร้อมกับเปิดทีวีให้ผมดู

"ครับ" อยากจะบอกว่าหิวมากจริงๆตอนนี้

"เดี๋ยวพี่อุ่นกับข้าวมาให้ รอไม่นาน" พี่เติมเต็มเดินเข้าไปในห้องครัว ผมกำลังจะถามว่าพี่เติมเต็มทำกับข้าวเองหรือว่าไปซื้อมาแต่ยังไม่ได้ถาม

ผมกดรีโมทเลื่อนดูไปเรื่อยๆจนมาเจอช่องการ์ตูนที่ฉายโคนันพอดี จริงๆผมก็ดูจนถึงปีปัจจุบันแล้วครับแต่ว่าถ้าเปิดมาเจอก็ต้องดูอีกเหมือนเดิม

ไม่นานพี่เติมเต็มก็เดินถือถาดใส่กับข้าวเข้ามา ผมจะลุกขึ้นไปช่วยแต่พี่เขาบอกให้นั่งเฉยๆ ผมก็เลยได้แต่นั่งมองพี่เติมเต็มเดินเข้าออกห้องครัวห้องรับแขกอยู่สองสามรอบก่อนที่จะนั่งลงข้างๆผม

ผมมองกับข้าวที่วางอยู่บนโต๊ะกระจกด้วยความแปลกใจ จะว่าพี่เติมเต็มทำก็ดูไม่น่าใช่ จะว่าไปซื้อมามันก็ดูน่าทานเกินไป ยังไม่ทันที่ผมจะถามพี่เติมเต็มก็บอกผมซะก่อน

"พี่ให้พี่ต่อ พี่ชายพี่ทำกับข้าวมาเผื่อน่ะ แม่บ้านเพิ่งเอามาให้ก่อนคนเก่งตื่นสักพัก"

แล้วพี่เติมเต็มก็เล่าว่าหลังจากที่ผมนอนหลับไปเมื่อช่วงเช้า พี่เติมเต็มโทรศัพท์หาพี่ชายเพื่อจะรบกวนให้แม่บ้านที่บ้านพี่ชายทำกับข้าวมาให้ ผมไม่แน่ใจว่าผมเคยบอกไปหรือยังว่าพี่ชายของพี่เติมเต็มมาดูแลกิจการของครอบครัวที่อยู่ในจังหวัดนี้ และแต่งงานมีครอบครัวอยู่ที่นี่เมื่อประมาณปีสองปีที่แล้ว

พี่เติมเต็มบอกว่า พี่ชายพี่เติมเต็มซักถามหลายอย่างก็เลยรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พี่ชายของพี่เติมเต็มเป็นคนที่ชอบทำกับข้าวอยู่แล้ว พี่เขาเลยเป็นคนทำมาให้เอง


"พี่ต่อดุพี่ใหญ่เลยว่าทำเราเจ็บตัว" พี่เติมเต็มเล่าไปพร้อมกับหัวเราะไปด้วย

"พี่ชายพี่เต็มก็รู้เรื่องของเราเหรอครับ" ผมถามด้วยความสงสัย พี่เติมเต็มมองผมด้วยความแปลกใจ

"รู้สิ จะไม่รู้ได้ไง พี่ต่อก็ตามไอจีพี่ และเป็นเพื่อนในเฟซบุ๊กด้วย"

"แล้ว ... พี่เขาไม่ว่าอะไรเหรอครับ" ผมถามด้วยความกังวล ผมเคยเจอพี่ชายพี่เติมเต็มแค่ครั้งเดียวแต่มันก็นานหลายปีมากๆแล้วครับ

"ว่าอะไรมั้ย ก็ไม่นะ แค่ถามว่าคิดดีแล้วใช่มั้ยที่จะเดินทางนี้"


เพราะมีความสุขมากเกินไปจนลืมคิดไปเลยว่าผมกำลังทำให้พี่เติมเต็มหลงเดินทางผิดหรือเปล่า

"แล้วพี่เต็มตอบว่ายังไงครับ"

"พี่ก็ตอบว่าไม่รู้ว่าคิดดีมั้ย เพราะตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่า ชอบใครคนหนึ่งมากและอยากอยู่กับเขาอยากเจอเขาทุกวันก็เลยขอเป็นแฟน"

"พี่ชายของพี่เต็ม ไม่โอเคที่พี่เต็มมาคบกับผมหรือเปล่าครับ พี่เขาไม่ชอบผมหรือเปล่า" ผมถามด้วยความกังวลใจ

พี่เติมเต็มโอบไหล่ผมและดึงผมเข้ามากอด

"ถ้าพี่ต่อไม่โอเคกับเรื่องของเรา พี่ต่อคงจะพูดกับพี่แล้ว แล้วก็นะกับข้าวพวกนี้พี่ต่อก็เป็นคนลงมือทำเองเลย บอกว่าทำพิเศษให้น้องสะใภ้ เพราะฉะนั้นเรื่องที่ไม่ชอบก็ตัดออกไปได้เลย" ผมค่อนข้างโล่งใจที่ได้ยินแบบนั้น

"แต่ ... พี่มีเรื่องอื่นที่ต้องกังวล" พี่เติมเต็มพูดออกมาเบาๆ ผมถามแต่พี่เติมเต็มบอกว่าอย่าเพิ่งสนใจให้ทานข้าวก่อน


หลังจากที่ทานข้าวเสร็จ พี่เติมเต็มก็เก็บจานชามทั้งหมดไปล้าง และเดินเข้าไปหยิบยาในห้องนอนมาให้ผมทาน พร้อมกับโทรศัพท์มือถือของผม

หลังจากผมทานยาเสร็จผมก็หยิบมือถือมาเปิดดู ผมกดเข้าไปที่แอพฯไลน์ก่อน มีไลน์ของที่บ้านกับของฟูจิที่ผมกดเข้าไปอ่านก่อน

ของที่บ้านก็เป็นข้อความที่เราคุยกันปกติทุกวันครับ ผมไม่ได้กลับบ้านมาหลายอาทิตย์แล้วเพราะติดช่วงสอบและทำรายงานกลุ่มส่ง แม่กับป้าทราบเรื่องที่ผมเป็นแฟนกับพี่เติมเต็มแล้ว เพราะผมโทรเล่าให้ฟังตั้งแต่วันที่พี่เขาขอเป็นแฟน วันนั้นตั้งใจจะบอกแม่กับป้าต่อหน้าแต่เพราะรีบกลับมหาวิทยาลัยกะทันหันเลยต้องโทรบอกตอนที่อยู่บนรถโดยมีพี่เติมเต็มนั่งฟังไปด้วย ระหว่างนั้นพี่เติมเต็มก็ขอคุยกับแม่และป้าด้วย พี่เติมเต็มก็ขอโทษที่ไม่ได้เข้ามาคุยด้วยตัวเอง แต่จะเข้าไปคุยด้วยอย่างเป็นทางการอีกครั้ง

พอผมกดเข้าไปอ่านไลน์ของฟูจิ ผมก็หันไปมองพี่เติมเต็มที่นั่งอยู่ข้างๆผม พี่เติมเต็มส่งสายตามีคำถามมาให้แต่เสียงมือถือของพี่เติมเต็มดังขึ้นมาซะก่อน

"นั่นไง ว่าแล้ว" ผมได้ยินพี่เติมเต็มพูดแบบนี้แล้วพี่เขาก็เดินเข้าไปในห้องนอน

ผมกลับมาสนใจไลน์ของฟูจิต่อ รูปที่ฟูจิส่งมาทำให้ผมรีบกดเข้าไปดูที่ไอจีและเฟซบุ๊กของพี่เติมเต็มทันที

พี่เติมเต็มโพสรูปคู่ของเราสองคนที่ถ่ายไว้นานแล้ว ตั้งแต่หลังวันเกิดผมหนึ่งวัน วันที่พี่เติมเต็มขอผมเป็นแฟน พี่เติมเต็มโพสรูปพร้อมแคปชั่นที่โคตรหวาน

#ความรักของผม

โอ๊ยยยย ... ผมอยากลงไปนอนดิ้นอยู่ที่พื้นแต่มันทำไม่ได้เพราะผมเจ็บอยู่

มีคนมาคอมเม้นเยอะมาก จนผมอ่านไม่ไหว ตั้งแต่เป็นแฟนกันมาพี่เติมเต็มชัดเจนกับผมทุกอย่าง ชอบแอบถ่ายผมทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวไปลงสื่อโซเชียลของตัวเอง แสดงให้ทุกคนรู้ว่าผมคือใครและเป็นอะไรกัน ถึงแม้พี่เติมเต็มจะไม่เคยแท็กมาหาผม แต่แค่นี้ทุกคนก็รู้ว่าผมเป็นอะไรกับพี่เขา

แต่ต่างจากผมที่ผมไม่เคยลงรูปหรืออะไรที่ระบุถึงความสัมพันธ์ระหว่างเราเลย ผมไม่รู้ว่าถ้าโพสรูปมันจะดีมั้ย กลัวคนมองว่าเยอะหรือขี้อวด ผมเคยปรึกษาฟูจิ ฟูจิมันบอกว่า


'มีผัวน่าอวดก็ต้องอวดมั้ยว่ะ ขนาดมึงไม่เห็นมีอะไรให้น่าอวดพี่เขายังอวดมึงเลย'


ผมนั่งคิดไปคิดมา ก็เข้าไปที่แกลลอรี่ในมือถือ เลื่อนไปดูรูปคู่ที่เคยถ่ายด้วยกัน กว่าจะเลือกรูปที่ผมดูแย่น้อยที่สุดได้ก็ใช้เวลาพอสมควรเลย ผมโพสรูปลงเฟซบุ๊กด้วยแคปชั่นเดียวกันกับพี่เติมเต็ม



Konkengg Peimthaworn :

He's My Boy ❤️
He's My Guy ❤️
He's My Love ❤️

#TtwKk #ความรักของผม



หลังจากโพสเสร็จผมปิดหน้าจอมือถือทันทีเพราะไม่กล้าดูผลตอบรับที่จะตามมากับการโพสรูปคู่ครั้งแรก และการบอกถึงความสัมพันธ์ของเราครั้งแรกในเฟซบุ๊กผม



ติ๊ง ต่อง

มีเสียงสัญญาณดังที่หน้าประตู เป็นจังหวะเดียวกับที่พี่เติมเต็มเดินออกมาจากห้องนอน พี่เติมเต็มเดินไปเปิดประตู และคนที่เดินเข้ามาทำให้ผมตกใจจนทำอะไรไม่ถูก


... ม๊าของพี่เติมเต็ม ...


ผมรีบลุกขึ้นยืนเพื่อจะสวัสดี แต่เพราะยังเจ็บอยู่ผมเลยเซเล็กน้อย พี่เติมเต็มรีบเข้ามาประคองผม

"สวัสดีครับคุณป้า" ผมยกมือสวัสดีม๊าของพี่เติมเต็ม

"สวัสดีจ้ะ คนเก่ง นั่งลงลูก นั่งลง" ม๊าของพี่เติมเต็มนั่งลงที่โซฟาที่เยื้องๆกับตัวที่ผมนั่ง

ผมมองตามพี่เติมเต็มที่เดินเข้าไปในห้องครัว ดูเหมือนพี่เติมเต็มจะไม่แปลกใจที่คุณป้ามา

"ม๊าไม่ได้เจอคนเก่งนานเลย หนูสบายดีมั้ย" ม๊าของพี่เติมเต็มถามผม

"สบายดีครับ แล้วคุณป้าล่ะครับ สบายดีหรือเปล่า"

พี่เติมเต็มเดินออกมาจากห้องครัวพร้อมแก้วน้ำเปล่า แล้ววางลงบนโต๊ะกระจกเบื้องหน้าของม๊าของพี่เติมเต็ม ผมเห็นท่านมองหน้าพี่เติมเต็มพร้อมกับพูดว่า

"ตอนแรกม๊าก็สบายกายสบายใจดีอยู่หรอก แต่ตอนนี้ใจม๊ามันไม่ค่อยสบายสักเท่าไหร่ เพราะเจ้าลูกชายตัวดีมันไปสร้างเรื่องมา"

ผมมองไปที่พี่เติมเต็ม คุณป้าหมายถึงพี่เติมเต็มหรือเปล่านะ พี่เติมเต็มนั่งข้างผมแล้วเอามือมาประสานกับมือของผม

"หมายถึงพี่เต็มเหรอครับ" ผมถามไปตรงๆ

"ใช่จ้ะ ไปก่อเรื่องมา ถ้าม๊าไม่โทรมาถามก็คงจะไม่ยอมบอก"

"ม๊าครับ ผมบอกม๊าแล้วนะว่าผมตั้งใจจะบอกอยู่แล้วแต่ม๊าโทรมาก่อน"

ผมมองทั้งสองคนสลับไปมา ผมคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องที่พี่เติมเต็มกับม๊าควรจะคุยกันสองคน ผมเป็นคนนอกจะมานั่งฟังด้วยมันคงไม่ค่อยดี และผมคิดว่าเรื่องที่จะคุยกันน่าจะเป็นเรื่องที่ด่วนหรือสำคัญมาก ไม่เช่นนั้นม๊าของพี่เติมเต็มไม่น่าจะมาหาพี่เขาถึงที่นี่

"ถ้ายังไงผมขอตัวดีกว่านะครับ คุณป้าจะได้คุยกับพี่เต็มสะดวกๆ"

"ไม่ต้อง" พี่เติมเต็มประสานมือผมแน่นขึ้นและบอกผม

"ใช่จ้ะ ไม่ต้องไป คนเก่งต้องนั่งฟังด้วย" ม๊าของพี่เติมเต็มบอก ผมก็เลยได้แต่นั่งฟังนิ่งๆ

"วันที่เต็มบอกม๊าว่าเต็มขอน้องเป็นแฟนแล้ว ม๊าให้เต็มรับปากกับม๊าเรื่องหนึ่ง เต็มยังจำได้มั้ย"


หืม?? คืออะไรยังไง


"จำได้ครับ" พี่เติมเต็มตอบ

"แล้วทำไมทำไม่ได้คะลูกชาย" ม๊าของพี่เติมเต็มเสียงดุมากเลยครับจนผมกลัว

"ก็ ... " พี่เติมเต็มมองหน้าผมและยกมือมาขยี้ผมของผมเบาๆ

"ก็มันน่ารักอะม๊า ใครจะไปอดใจไหว" พี่เติมเต็มตอบไปแบบนี้ และบีบแก้มผมไปด้วย


น่ารัก? หมายถึงผมเหรอ
แล้วใครจะไปอดใจไหวเนี่ยคืออะไร?


"มันเป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น" ม๊าของพี่เติมเต็มพูดและถอนหายใจออกมาเสียงดังเลย

"ม๊าครับ คนเก่งโตแล้วนะครับแล้วผมก็ไม่ได้บังคับน้องด้วย" พี่เติมเต็มบอก

ผมว่า ผมพอจะรู้แล้วครับว่ากำลังคุยเรื่องอะไรกัน

ผมมองหน้าพี่เติมเต็มและพี่เติมเต็มก็ทำให้ผมหายข้องใจว่าที่ผมกำลังคิดมันถูกต้อง

"ม๊ามาเพราะเรื่องเมื่อคืนน่ะ"

เท่านั้นแหละ ผมรู้สึกว่าร่างกายผมมันทั้งร้อนทั้งหนาวในเวลาเดียวกัน

"ผมขอโทษครับคุณป้า" ผมรีบยกมือไหว้ขอโทษ

ม๊าของพี่เติมเต็มรีบลุกเดินมานั่งข้างผม

"ตายจริง ขอโทษทำไมไม่ต้องขอโทษ ม๊าไม่ได้ว่าอะไรหนูเลย" ม๊าพี่เติมเต็มลูบหัวลูบหลังปลอบใจผม

"ที่ม๊ามาเพราะม๊าจะมาจัดการลูกชายม๊า รับปากกับม๊าไว้ซะดิบดีว่าจะไม่รังแกน้องจนกว่าน้องจะยี่สิบปี ที่ไหนได้ไว้ใจไม่ได้จริงๆ" คำพูดของม๊าพี่เติมเต็มยิ่งทำให้ผมอายมากยิ่งขึ้น

"ม๊าลองมาเป็นผมสิ เป็นแฟนกัน อยู่ด้วยกันทุกวันแล้วน้องมันก็น่ารักขนาดนี้ ผมอดทนมาได้ขนาดนี้ผมก็เก่งแล้ว" พี่เติมเต็มพูดกับม๊าของตัวเอง ลืมกันไปหรือเปล่าว่าผมยังนั่งอยู่ตรงนี้นะ

"ถ้าพี่ต่อไม่โทรไปบอกว่าให้ม๊ามารับขวัญลูกสะใภ้ ม๊าจะไม่รู้เลย"

"บอกแล้วไงครับ ว่าผมตั้งใจจะบอกม๊าอยู่แล้ว"

ผมนั่งฟังคุณป้ากับพี่เติมเต็มพูดกันไปมา ก่อนที่คุณป้าจะหันมาคุยกับผม

"คนเก่งจ้ะ"

"ครับ คุณป้า"

"ไหนบอกม๊ามาตามตรงสิว่าพี่เขาบังคับหนูใช่มั้ย"

"ม๊าครับ" เสียงพี่เติมเต็มครับ

"หยุด ม๊าจะคุยกับลูกสะใภ้ม๊า" เสียงคุณป้าดุมาก

"ว่าไง พี่เต็มเขาบังคับหนูใช่มั้ย ไม่ต้องกลัว เดี๋ยวม๊าจัดการให้" ท่านถามผมอีกครั้ง


"เปล่าครับ พี่เต็มไม่ได้บังคับ ผม ... ผม ... เต็มใจครับ"

โอ๊ยยยย ทำไมต้องได้มานั่งพูดอะไรแบบนี้ด้วยเนี่ย


จากนั้นม๊าของพี่เติมเต็มก็นั่งคุยกับพี่เติมเต็มอีกสักพักใหญ่ ส่วนใหญ่ก็จะเน้นย้ำเรื่องดูแลผม และบอกให้พี่เติมเต็มพาผมไปที่บ้านเพื่อเข้าไปคุยกับป๊าด้วย พี่เติมเต็มก็รับปากว่าขอเวลาสักอาทิตย์สองอาทิตย์จะพาไปของานน้อยลงกว่านี้สักหน่อย

หลังจากนั้นม๊าของพี่เติมเต็มก็ขอตัวกลับเพราะมีงานต้องกลับไปทำ ม๊าพี่เติมเต็มบอกว่าร้อนใจเลยรีบมาทิ้งลูกค้าให้รอ ผมอึ้งเลยครับทิ้งให้ลูกค้ารอเพราะเรื่องของพวกเรา

อืมมมมม ... แต่ก็เป็นเรื่องของลูกชายคงจะว่าไม่ได้แหละ


พี่เติมเต็มลงไปส่งม๊าที่ด้านล่าง ประมาณสิบนาทีพี่เติมเต็มก็กลับขึ้นมา พี่เติมเต็มเดินมานั่งข้างผมเหมือนเดิม


"โดนคุณนายเล่นงานเละเลยพี่ สรุปเราใช่มั้ยที่เป็นลูกม๊า คิดอยู่แล้วล่ะว่าพี่ต่อต้องบอกม๊าแน่ แต่ไม่คิดว่าจะถึงขั้นมาหาเองแบบนี้" พี่เติมเต็มบอกทันทีที่นั่งลง

"แล้วคุณป้าท่านไม่พอใจอะไรผมมั้ยครับ" ผมไม่รู้จะใช้คำพูดแบบไหนดี

"ไม่พอใจพี่ต่างหาก ที่พี่ผิดสัญญาที่เคยรับปาก"

"แล้วที่คุณป้าพูดจริงเหรอครับที่บอกว่าพี่รับปากว่า ... จะรอจนผมยี่สิบ"

"จริง ตอนนั้นที่รับปากเพราะคิดว่ายังไงก็ทำได้ แต่ก็อย่างที่บอกม๊าไป น่ารักขนาดนี้จะอดใจได้ไง" พี่เติมเต็มพูดพร้อมกับเริ่มใช้ริมฝีปากมาคลอเคลียที่แก้มและใบหน้า


"อยากจูบ แต่กลัวเลยเถิด"

พี่เติมเต็มพูดอยู่ข้างหูผม และผมก็เป็นคนที่จับหน้าของพี่เติมเต็มไว้และใช้ริมฝีปากของตัวเองไปประกบที่ริมฝีปากของพี่เติมเต็ม พี่เติมเต็มจับตัวผมให้เอนนอนลงที่โซฟาก่อนที่ตัวเองจะขึ้นมาคร่อมที่ตัวผม เราจูบกันอยู่สักพักจนพี่เติมเต็มเป็นคนที่ผละออกจากตัวผมก่อน และพี่เติมเต็มก็ขยับตัวลงไปนั่งที่พื้นและนั่งพิงโซฟาพร้อมทั้งคว้ามือของผมไปจับไว้ด้วย ส่วนผมยังนอนอยู่เหมือนเดิม

"ห้ามทำแบบนี้อีกนะ" พี่เติมเต็มพูดออกมา

ผมใจเสียเลยครับที่ได้ยินแบบนั้น ผมทำอะไรที่มันไม่ดีหรือเปล่า

พี่เติมเต็มหันมามองผมและเปลื่ยนจากจับมือมาจับแก้ม

"ห้ามจู่โจมพี่แบบนี้อีก ร่างกายเรายังไม่โอเคเลย พี่ไม่อยากรังแกเรา"

"จู่โจมอะไรล่ะ ก็ ... ใครกันบอกอยากจูบ"

"ก็นั่นแหละ ต้องขัดขืนสิ ไม่ใช่ตามใจพี่แบบนี้"

"ก็ ... ผมก็อยากจูบพี่เหมือนกันนี่นา"

พอผมพูดแบบนั้นออกไป คนที่บอกว่า ... 'ห้ามทำแบบนี้อีก' ... ก็กลับขึ้นมาคร่อมผมที่นอนอยู่บนโซฟาและเริ่มต้นจูบผมอีกครั้ง






TBC.
#เติมเติมรัก
ninewara✿
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 25) 28/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ninewara ที่ 28-05-2019 20:33:15
✿ เติมเต็มรัก ✿ ครั้งที่ 25




ผ่านมาอาทิตย์กว่าๆแล้วครับที่ผมกับพี่เติมเต็มเรา ... มีอะไรกัน ช่วงสองสามวันแรกที่ร่างกายผมยังไม่ค่อยดีพี่เติมเต็มดูแลผมดีมากๆ ผมแทบจะไม่ได้ทำอะไรเลย วันที่สี่เป็นวันที่พี่เติมเต็มต้องมามหาวิทยาลัยก็เล่นโทรหาผมทั้งวัน จนผมอดที่จะบ่นในความเป็นห่วงที่มากเกินไปไม่ได้แต่ผมไม่ได้รำคาญพี่เขาหรอกนะ รู้สึกดีมากต่างหากแต่แค่ไม่อยากให้พี่เขากังวลมากจนเกินไป



ตอนนี้ผมมานั่งรอพี่เติมเต็มอยู่ที่ห้องๆหนึ่งในคณะวิศวะ ที่เขาจัดสถานที่เพื่อการถ่ายแบบ มีอุปกรณ์พวกจัดแสง อุปกรณ์ไฟ และช่างภาพ

วันนี้พวกพี่ๆที่คณะวิศวะจะถ่ายภาพเพื่อใช้โปรโมทกิจกรรมที่จะไปออกค่าย และเพื่อขอสมทบทุนจากนักศึกษาในมหาวิทยาลัยด้วย เห็นว่าพี่ดาวรุ่นพี่ปีสี่ของคณะวิศวะ จะออกสไตล์ทอมบอยหน่อย เป็นแม่งานที่คอยเกณฑ์หนุ่มหล่อของคณะวิศวะมาช่วยกันทำมาหากิน



"ไงมึง มานานยังว่ะ" ผมหันไปมองฟูจิที่เดินมานั่งลงข้างๆ

"สักพัก ทำไมมาช้า พี่วินไปรับมึงมาตั้งนานแล้วนี่" ผมถามเพราะพี่ธาวินเองก็ถูกคัดให้อยู่ในกลุ่มหนุ่มหล่อวิศวะ แล้ววันนี้ก็เห็นพี่ธาวินไปรับฟูจิที่คณะตั้งแต่เที่ยง

"พี่วินไม่อยากมาน่ะสิ บ่นว่า 'กูไม่ใช่ไอ้เต็มนะที่จะชินกับหน้ากล้องและคนเยอะๆ' พูดแบบเนี่ย"

"นินทาเหรอ" พี่ธาวินเดินมาได้ยินประโยคสุดท้ายที่ฟูจิมันพูดพอดี พี่ธาวินขยี้ผมฟูจิแรงๆจนยุ่งไปหมด ผมหัวเราะออกมาดูก็รู้ว่ามันมีความสุข



"อุ้ยๆ ยังไงกันดีคะ พี่วินเคยมีรูปคู่กับน้องคนนี้แล้วบอกว่าจะจีบ แต่ไปๆมาพี่วินกลับแสดงตัวว่าน้องคนนี้เป็นแฟน ยังไงคะพี่วิน"

ตอนนั้นมีรุ่นพี่คนหนึ่งที่เป็นทีมงานและดูจะสนิทสนมกับพวกพี่ๆเดินเข้ามาแซวพี่ธาวินโดยที่พี่คนนั้นถือมือถือเอาไว้ด้วย ผมเดาเอาว่าน่าจะกำลังถ่ายคลิปอยู่


"เฮ้ย!อย่าพูดดังเดี๋ยวไอ้เต็มมันมาได้ยินวงแตกกันพอดี ว่าแต่...กำลังถ่ายคลิปอยู่หรือเปล่า"

พี่ธาวินถามพี่คนที่ถือมือถืออยู่ พอพี่คนนั้นพยักหน้า พี่ธาวินก็ยิ้มด้วยความพอใจ มองกล้องมือถือและพูดต่อ

"ดีเลยจะได้ถือโอกาสเคลียร์ น้องคนนี้กับน้องคนนี้ เป็นเพื่อนสนิทกัน" พี่ธาวินชี้มาที่ผมกับฟูจิและกล้องมือถือก็ถ่ายมาที่ผมสองคน

"ที่จริงผมตั้งใจจะจีบคนนี้" พี่ธาวินเอานิ้วจิ้มที่ไหล่ของฟูจิ ฟูจิหน้าเหวอมากครับ

"แต่ตอนนั้นมันไม่กล้า ก็เลยแกล้งพูดไปว่าจะจีบคนนั้น" พี่ธาวินชี้มาที่ผม

"แต่พอผมทำแบบนั้นก็เหมือนน้องคนนี้จะถอยห่างจากผมเพื่อให้ผมจีบเพื่อนเขา" พี่ธาวินลูบผมฟูจิ

"ผมก็เลยเปลี่ยนวิธีใหม่ด้วยการขอน้องคนนี้เป็นแฟนเลย"

ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นหัวเราะพี่ธาวินกันใหญ่

"ไม่จีบน้องเลยเหรอคะ" พี่ทีมงานคนนั้นถามพี่ธาวินต่อ

"ไม่ครับ เป็นแฟนกันก่อนค่อยจีบก็ได้ จะได้ไม่เสียเวลา" พี่ธาวินพูดแบบนี้ ผมได้ยินฟูจิพูดเบาๆว่าก็เสียเวลามาตั้งหลายปีแล้วไง

หลังจากนั้นก็ได้ยินพี่ดาวเรียกทีมงานทุกคนและตะโกนบอกพี่ธาวินให้ไปแต่งหน้า พี่เติมเต็มกับคนอื่นๆที่เข้าไปแต่งหน้าก่อนเดินสวนออกมา


"มึงๆ พี่เต็มโคตรหล่อ" ฟูจิบอกผม และมันก็จริงครับ วันนี้พี่เติมเต็มใส่กางเกงยีนส์สีเข้มและใส่เสื้อช็อปของคณะอย่างที่เคยใส่ แต่ที่ทำให้แปลกไปคือหน้าที่มีการแต่งและทรงผมที่ถูกเซ็ทมาอย่างดี ช่วยเสริมให้พี่เติมเต็มจากที่หล่ออยู่แล้ว หล่อมากยิ่งขึ้น


ไม่น่าเชื่อว่าผมจะได้ผู้ชายที่หล่อขนาดนี้เป็นแฟน


"เคลิ้มเลยนะมึง" ฟูจิมันแซวผม


พี่เติมเต็มเดินมายืนตรงหน้าผม


"นี่ เล่นจ้องพี่ขนาดนี้ จากที่มั่นใจเริ่มไม่ค่อยมั่นใจแล้วนะ" พี่เติมเต็มพูดออกมายิ้มๆ

"พี่เต็มหล่อจัง"

ผมพูดออกไปอย่างที่คิด และไม่ใช่แค่พี่เติมเต็มที่ได้ยิน คนอื่นที่ยืนอยู่ใกล้ๆก็ได้ยินด้วย มีเสียงแซวตามมาเล็กน้อย

"เขินเลยเนี่ย"

พี่เติมเต็มพูดและใช้มือขยี้หัวผมเบาๆ สักพักทีมงานก็เรียกทุกคนให้ไปเตรียมตัวที่จะถ่ายภาพ

พี่เติมเต็มก้มลงมาจูบแก้มผมเบาๆหนึ่งที

"รักนะ"

พูดเสร็จก็เดินไปรวมกลุ่มกับคนอื่น

อะไรเนี่ย!! อยู่ๆก็มาบอกรักไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยมาก่อน




"หวานเนอะ มดกัดกูแล้วเนี่ย" ฟูจิมันแซวผม

"อ๋อ รอยที่หลังคอมึงที่แท้ก็รอยมดหรอกเหรอ กูนึกว่ารอยอย่างอื่น" ผมไม่ยอมให้ฟูจิมันแซวผมข้างเดียวหรอก ผมเหลือบเห็นรอยแดงที่ด้านหลังคอมันตั้งแต่มันมานั่งข้างผมแล้ว ตั้งใจว่าจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นสักหน่อย แต่มันแซวผมก่อน

มันรีบเอามือจับไปแถวๆหลังคอมัน หน้ามันแดงมากๆครับตอนนี้ ได้ยินมันบ่นเบาๆว่า 'บอกแล้วว่าอย่าทำรอย'

พอได้ยินแบบนั้นผมก็อดเขินขึ้นมาไม่ได้เพราะมันดันนึกไปถึงภาพที่พี่ธาวินทำรอยบนตัวฟูจิ และผมก็ร้อนหน้ามากขึ้นกว่าเดิมเมื่อนึกถึงภาพตอนที่พี่เติมเต็มกำลังจรดริมฝีปากทำรอยบนตัวผม ที่มันเป็นภาพที่ยังติดในความทรงจำของผม


"มึงกับพี่วินมีความสุขกันดีใช่มั้ย แต่เท่าที่กูมอง พี่เขาก็ดูดีกับมึงมากๆ" ผมถามฟูจิ

"อืม พี่มันดีกับกูมากเลยล่ะ และถามว่ามีความสุขมั้ย มากอ่ะ"

"กูดีใจที่เห็นมึงมีความสุข" ผมพูด

"กูก็เหมือนกัน กูก็ดีใจที่เห็นมึงมีความสุข" ฟูจิมันพูด ก่อนที่เราจะหันไปสนใจพวกพี่ๆที่กำลังถ่ายแบบกัน



การถ่ายแบบเพื่อโปรโมทกิจกรรมออกค่ายของคณะวิศวะผ่านไปได้ด้วยดี เห็นว่าเหลือถ่ายอีกแค่เซ็ทเดียวก็เสร็จแล้ว พี่เติมเต็มนั่งดื่มน้ำอยู่ข้างผม ส่วนพี่ธาวินเองก็นั่งอยู่กับฟูจิ 

"พี่เต็มมีอะไรหรือเปล่าครับ" ผมสังเกตดูเหมือนพี่เติมเต็มมีอะไรจะคุยกับผม เพราะพี่เขามองผมอยู่หลายครั้ง

"คือภาพเซ็ทสุดท้ายที่จะถ่ายมันต้องถอดเสื้อ พี่ไม่รู้ว่าคนเก่งจะโอเคมั้ย"

ผมนิ่งไปกับสิ่งที่พี่เติมเต็มพูด ผมจำได้ว่าปีที่พี่เติมเต็มเข้าประกวดเดือน ตอนที่ผมยังไม่เข้ามาเรียนที่นี่ พี่เติมเต็มก็มีถ่ายในลักษณะที่ไม่ใส่เสื้อเหมือนกัน ตอนนั้นผมก็ไม่ค่อยชอบเลย ยอมรับว่าหวงที่เห็นรูปแบบนั้นออกมา แต่ในตอนนั้นผมก็ไม่ได้มีสิทธิ์อะไรที่จะไปหวงอยู่แล้ว


"โตแล้ว คิดเอาเองล่ะกันว่าควรทำดีมั้ย" ไม่ใช่เสียงผมนะครับ แต่เป็นเสียงของฟูจิที่ดังขึ้นมา ฟูจิมันพูดเสียงนิ่งๆครับแต่ติดดุนิดหน่อย ผมเดาเอาว่าน่าจะกำลังคุยประเด็นเดียวกัน โชคดีที่ตรงแถวนี้ไม่มีใครนั่งอยู่เลยนอกจากพวกเรา


ผมหันมาตอบในสิ่งที่พี่เติมเต็มถาม

"ถ้าจะให้ตอบตรงๆผมก็ไม่อยากให้ถ่ายครับ ผม ... หวง แต่ถ้ามันเป็นงานที่จำเป็นต้องถ่าย ผมก็เข้าใจครับ"

ผมไม่อยากให้ถ่ายหรอกครับ เป็นแฟนใคร แฟนใครก็ต้องหวง แต่ถ้ามันเป็นงานผมก็ไม่อยากจะขัดหรือก้าวก่าย

"แปลว่า ให้ถ่ายได้" พี่เติมเต็มถามผม

"ครับ" ผมตอบรับ


พี่เติมเต็มลูบหัวผมเบาๆ และไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก

ไม่นานพี่เติมเต็มก็กลับไปถ่ายงานจนเสร็จ แต่ผมก็ยังไม่เห็นช็อตไหนที่ถอดเสื้อ


ผมกับฟูจิแยกกันที่ลานจอดรถของคุณะวิศวะ ผมขึ้นมานั่งบนรถพี่เติมเต็ม ผมก็ถามในสิ่งที่สงสัยทันที

"มีนัดถ่ายต่อวันไหนอีกหรือเปล่าครับ ไหนบอกว่ามีถ่ายตอนไม่ใส่เสื้อด้วยไงครับ"

"ไม่มีแล้วล่ะ บอกพี่ดาวไปแล้วว่ากลัวแฟนไม่สบายใจ แถมไอ้วินมันยังบอกอีกว่ามันโดนแฟนด่า พี่ดาวก็เห็นว่าไม่จำเป็นก็เลยตัดออกไป"

พี่เติมเต็มพูดขำๆตอนพูดถึงพี่ธาวิน

"สบายใจหรือยัง" พี่เติมเต็มถามผม

"ครับ" ผมยอมรับเลยว่าสบายใจมาก ถึงแม้มันจะฟังดูไม่ค่อยมีเหตุผลสักเท่าไหร่ แต่ผมก็หวงพี่เติมเต็มมากนี่ครับ



"พรุ่งนี้เรากลับบ้านกันนะ" ระหว่างที่ขับรถกลับไปที่คอนโดของพี่เติมเต็ม พี่เขาก็พูดขึ้น

"ติดอะไรหรือเปล่า" พี่เติมเต็มถามผมอีกครั้ง

"ไม่ครับ คิดถึงแม่กับป้าเหมือนกัน ไม่ได้กลับบ้านเป็นเดือนแล้ว" ผมบอก

"ถ้างั้นพรุ่งนี้เรากลับกันตั้งแต่เช้าเลยดีมั้ย คนเก่งจะได้มีเวลาอยู่กับที่บ้านนานขึ้นอีกหน่อย"

"ตกลงครับ"


.
.
.


วันต่อมา พี่เติมเต็มพาผมออกจากคอนโดตั้งแต่เช้าประมาณเจ็ดโมงและพี่เติมเต็มขับรถมาส่งผมที่หน้าบ้านตอนประมาณเกือบเก้าโมง ผมชวนพี่เติมเต็มให้ลงมาทานข้าวเช้าด้วยกันก่อนเพราะตอนที่นั่งรถมาพวกเราทานแค่ขนมปังและนมเท่านั้น แต่พี่เติมเต็มบอกว่ามีธุระที่ต้องรีบไปทำก่อน แล้วจะเข้ามาหาผมใหม่ ซึ่งผมก็ไม่ได้ซักถามอะไร


ผมเปิดประตูเดินเข้ามาในบ้าน เจอกับป้าที่กำลังเดินออกมา

"สวัสดีครับป้า" ผมยกมือไหว้ป้าและป้าก็เดินมากอดผม

"ป้าได้ยินเสียงรถก็เลยเดินออกมาดูว่าใช่หนูหรือเปล่า"

"คิดถึงป้าจังเลยครับ" ผมอ่อนป้า

"คิดถึงแต่ไม่กลับมาหาป้าเลย ตั้งแต่มีแฟนติดแฟนเลยใช่มั้ย"

"ไม่ใช่นะครับ หนูมีรายงานเยอะแล้วก็มีสอบด้วย อย่าพูดแบบนี้สิครับเหมือนหนูเป็นเด็กไม่ดีเลย"

"ป้าแค่แซวเล่น ป้ารู้ว่าหนูเป็นเด็กดี"


ผมกับป้าเดินเข้ามาในบ้าน แม่ผมเดินลงมาจากชั้นบนพอดี


"แม่ครับ คิดถึงๆ" ผมเข้าไปกอดแม่ด้วยความคิดถึง

"แม่ก็คิดถึง ไหนดูสิ ตั้งแต่มีแฟนเนี่ยหน้าตาสดใสมากเลยนะเรา" แม่พูดและจับหน้าผมหันซ้ายทีขวาที

"ไม่แซวสิครับแม่" ผมบอก

"แล้วกินอะไรมาหรือยัง" แม่ถามผม

"ยังเลยครับ หิวมากเลย"

"เอากระเป๋าขึ้นไปเก็บบนห้องก่อนค่อยลงมาหาข้าวกิน หรือว่าจะไปค้างที่บ้านโน้น" ป้าบอกผม แต่ก็แซวผมไปด้วย

"ป้าครับ หลานกลับมาบ้านทั้งทีจะไล่ให้หลานไปนอนที่ไหนอีกล่ะครับ หนูเอากระเป๋าไปเก็บดีกว่า" ผมรีบเลี่ยงเอากระเป๋าขึ้นไปเก็บ


หลังจากเอากระเป๋าขึ้นไปเก็บ ผมก็ลงมาทานข้าว หลังจากทานข้าวเสร็จแล้วผมก็มานั่งดูทีวีและพูดคุยกับแม่และป้า

"คนเก่ง มีความสุขกับพี่เขาดีใช่มั้ยลูก" แม่ถามผมด้วยรอยยิ้ม

"ครับแม่ พี่เขาดีกับเก่งมากๆ คอยดูแลและคอยเป็นห่วงตลอด" ผมบอกตามความจริง

"แค่เห็นหน้าแม่ก็รู้แล้วว่าเก่งมีความสุข ดูสดใสมากๆ จริงมั้ยพี่"


ป้าพยักหน้าเห็นด้วยกับแม่ ผมนั่งคุยเรื่องโน้นเรื่องนี้กับแม่และป้า จนเวลาล่วงเลยมาช่วงบ่าย ซึ่งวันนี้แม่กับป้าไม่ได้ไปขายของครับ แม่บอกว่าหยุดอยู่กับผมสักวันสองวันคงไม่เป็นไร


ตอนที่เรากำลังคุยกันว่าตอนเย็นทำหมูกะทะทานกันดีมั้ย เสียงมือถือผมก็ดังขึ้น เป็นพี่เติมเต็มครับที่โทรมา


"ครับ พี่เต็ม"

(แม่กับป้าอยู่บ้านมั้ย)

"อยู่ครับ"

(โอเค พี่จอดรถอยู่หน้าบ้าน)


เมื่อกี้ผมนึกว่าผมหูฝาดตอนที่ได้ยินเสียงรถที่หน้าบ้าน แต่เป็นรถพี่เติมเต็มจริงๆด้วย

"พี่เต็มบอกว่าอยู่หน้าบ้านครับ" ผมบอกแม่กับป้า ก่อนจะเดินมาที่ประตูรั้ว ผมเปิดประตูรั้วออกมาก็เจอพี่เติมเต็มยืนยิ้มรออยู่


"แม่กับป้าอยู่ใช่มั้ย" ไม่รู้ทำไมผมรู้สึกเหมือนพี่เติมเต็มดูตื่นเต้น แล้วคำถามนี้เมื่อกี้ก็เพิ่งถามผมไปเองนะ

"ครับ"

"พาพี่เข้าไปสวัสดีแม่ยายหน่อยเร็ว"


พี่เติมเต็มพูดยิ้มๆ ผมก็ไม่พูดอะไรกลัวจะเข้าตัว ผมพาพี่เติมเต็มเดินเข้ามาในบ้าน แม่กับป้านั่งอยู่ที่โซฟาตัวเดียวกันในห้องรับแขก



(มีต่อค่ะ)
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 24) 28/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ninewara ที่ 28-05-2019 20:36:54

(ต่อค่ะ)




"สวัสดีครับคุณน้า" พี่เติมเต็มยกมือไหว้แม่และป้า ก่อนที่แม่จะบอกให้พี่เติมเต็มนั่งลงตรงโซฟาเดี่ยวที่เยื้องกับแม่และป้า ส่วนผมนั่งลงตรงโซฟาอีกตัวที่ถัดจากพี่เติมเต็ม

"เป็นยังไงบ้างจ้ะเต็ม ไม่เจอกันนาน เรียนหนักมั้ย"

"ก็หนักเอาการเลยครับ เพราะปีสามแล้ว ถ้าช่วงสอบแทบไม่ได้นอนเลยครับ"

"ใช่ครับแม่ ช่วงสอบพี่เต็มอ่านหนังสือจนเช้าแล้วก็ไปสอบ กลับมานอนสองสามชั่วโมงแล้วก็ตื่นมาอ่านหนังสืออีกครับ" ผมพูดเสริมขึ้นมาก่อนที่จะคิดได้ว่าไม่ควรพูดแทรก

"ขอโทษครับ" ผมรีบพูดขอโทษออกมา


แม่กับป้าหัวเราะผม ส่วนพี่เติมเต็มถึงไม่ได้หัวเราะออกมาแต่ผมก็รู้ว่าต้องแอบขำผมอยู่ในใจ

แต่แล้วก็มีสิ่งที่ทำให้ผมประหลาดใจ


"วันนี้ผมมีเรื่องที่อยากจะเรียนคุณน้าทั้งสองสักสองสามเรื่องนะครับ"

น้ำเสียงของพี่เติมเต็มเป็นทางการขึ้นมาทันที แม่กับป้าผมมองหน้ากัน ก่อนจะหันมามองผมซึ่งผมก็ส่ายหน้าเพราะผมไม่ทราบจริงๆว่าพี่เติมเต็มจะพูดอะไร


"คุณน้าทั้งสองคงจะทราบเรื่องที่ผมกับคนเก่งคบกันเป็นแฟนแล้ว แต่ผมยังไม่เคยมีโอกาสมาขออนุญาตอย่างเป็นกิจจะลักษณะสักที วันนี้ผมก็เลยอยากขออนุญาตคุณน้าทั้งสอง ผมขออนุญาตคบกับน้องนะครับ"


คำพูดของพี่เติมเต็มทำให้ผมน้ำตาคลอขึ้นมาเพราะไม่คิดว่าพี่เติมเต็มจะมาพูดเรื่องนี้


"อย่างที่เคยบอก คนเก่งรักใครชอบใคร น้าสองคนไม่มีปัญหา ขอแค่คอยดูแลกันไปก็พอ" ป้าผมเป็นคนพูด


พี่เติมเต็มหันมามองผมนิดนึง ก่อนจะพูดประโยคถัดมา


"เรื่องต่อมาที่ผมอยากขออนุญาตก็คือหอพักในมหาลัย เขาจะสงวนสิทธิ์ไว้ให้เฉพาะนักศึกษาปีหนึ่งเท่านั้น อีกไม่กี่เดือนข้างหน้าคนเก่งก็ต้องหาหอพักใหม่ ผมก็เลยอยากขออนุญาตให้น้องมาอยู่กับผมที่คอนโดครับ เพราะผมจะได้ดูแลน้องด้วย"


เป็นอีกเรื่องที่ผมอึ้งไปเลย ถึงแม้ตอนนี้ผมแทบจะไม่ได้กลับไปนอนหอพักเลยแต่ก็ไม่เคยนึกถึงเรื่องที่จะต้องย้ายไปอยู่กับพี่เติมเต็ม


"มันจะดีเหรอลูก คือแม่ไม่ได้รังเกียจอะไรนะ แต่แม่ว่าแบบนี้น้องจะไปรบกวนเรามากไปหรือเปล่า แล้วทางบ้านเราจะไม่ว่าเอาเหรอ"


น้ำเสียงของแม่เต็มไปด้วยความกังวลใจ


"เรื่องนี้ผมได้เรียนปรึกษากับม๊าเรียบร้อยแล้วครับ ม๊าเองก็เห็นด้วยที่น้องจะไปอยู่กับผม เพราะยังไงน้องก็ต้องย้ายหออยู่แล้วครับ"


ผมเห็นแม่กับป้ามองหน้ากัน เหมือนกำลังส่งสายตาคุยกัน


"แล้วหนูอยากไปอยู่กับพี่เขามั้ย" ป้าหันมาถามผม และทุกคนก็มองผมเป็นตาเดียว

"ก็ ... อยากครับ" ผมตอบไม่เต็มเสียงนักเพราะอายด้วย และกลัวทุกคนจะคิดว่าผมอยากไปอยู่กับพี่เติมเต็ม ถึงแม้มันจะจริงก็เถอะ


"ถ้างั้นเรื่องนี้น้าสองคนก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะต้องตามใจคนที่จะไปอยู่ แค่กลัวว่าจะไปรบกวน"

"ถึงรบกวนก็ไม่เป็นไรครับ ผมเต็มใจ" พี่เติมเต็มบอก

ผมอดที่จะเบะปากใส่พี่เติมเต็มไม่ได้


"แล้วก็เรื่องสุดท้าย ... "

ทั้งผมและแม่กับป้าต่างตกใจตอนที่เห็นพี่เติมเต็มลงมานั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้นตรงหน้าแม่กับป้า ผมรีบลงมานั่งใกล้ๆพี่เติมเต็มและถามทันที

"พี่เต็มทำอะไรครับ" ผมถาม

"นั่งดูอยู่เฉยๆก็พอ" พี่เติมเต็มบอกผมแบบนี้

ก่อนที่พี่เขาจะล้วงเข้าไปในถุงกระดาษสีน้ำตาลที่ผมเห็นพี่เติมเต็มถือมาด้วย


สิ่งที่อยู่ข้างในคือ ... พวงมาลัยพวงใหญ่หนึ่งพวง


ซึ่งตอนนั้นผมก็ยังไม่เข้าใจว่าพี่เติมเต็มเอามาทำไม


"ผมเอาพวงมาลัยมาเพื่อจะมากราบขอโทษและกราบขอขมาคุณน้าทั้งสอง ..."


พี่เติมเต็มหยุดชะงักนิดนึงและหันมามองผมที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ... ผมนึกไม่ออกว่าพี่เติมเต็มจะขอโทษเรื่องอะไร


"ที่ผมได้ล่วงเกินน้อง แต่ที่ผมทำลงไปก็เพราะผมรักน้องมากจริงๆและผมก็ยินดีที่จะรับผิดชอบทุกๆอย่างกับเรื่องที่เกิดขึ้น"


เกิดสภาวะเดธแอร์เกิดขึ้นทันที ผมว่าแม่กับป้าผมช็อคไปแล้ว


"พี่เต็ม พูดอะไรเนี่ย"

พอตั้งสติได้ผมก็รีบพูดกับพี่เติมเต็มทันที ผมไม่กล้ามองหน้าแม่กับป้าผมเลยครับ พี่เติมเต็มนะ! คิดจะทำอะไรไม่บอกกันบ้างเลย


"เรื่องนี้ทางบ้านผม ป๊ากับม๊าท่านก็รับทราบ อันที่จริงท่านอยากมาเรียนกับคุณน้าทั้งสองด้วยตัวเอง แต่ผมบอกท่านว่าผมอยากขอเข้ามาคุยก่อน ซึ่งป๊ากับม๊าผมก็เห็นสมควรที่ผมต้องรับผิดชอบน้องครับ"


ผมจับแขนพี่เติมเต็มมาเขย่าพยายามบอกให้หยุดพูดแต่ก็ไม่ยอม


"เอ่อ เรื่องนี้ ... " แม่ผมเอ่ยขึ้นมาแล้วก็เงียบไป ผมว่าแม่ผมคงจะตกใจจนพูดอะไรไม่ถูก


"คนเก่ง" ป้าเรียกผม

"ครับ"

"เรื่องที่พี่เขาพูดเมื่อกี้ ที่พี่เขาบอกว่า ... ล่วงเกินหนู หนูยินยอมพี่เขาหรือเปล่า พี่เขาได้ฝืนใจมั้ย"


ป้าผมถามด้วยน้ำเสียงเหมือนกล้าๆกลัวๆที่จะถาม ผมมองพี่เติมเต็มที่นั่งทำหน้านิ่งอยู่ข้างๆ


"พี่เขาไม่ได้ฝืนใจครับ หนู .. หนูเต็มใจ" อายก็อายแต่ก็ต้องมาตอบเรื่องแบบนี้ต่อหน้าแม่ต่อหน้าป้า พี่เติมเต็มนะ!

"ก็ .. ถ้าลูกชายน้าเต็มใจ น้าก็ไม่ได้ถือโทษโกรธอะไรหรอกนะ" ผมว่าแม่ผมพูดออกมาแบบนี้เพราะไม่รู้จะพูดอะไรมากกว่าดูก็รู้ว่ายังงงๆอยู่

"ผมขอบคุณและขอโทษคุณน้าทั้งสองอีกครั้งนะครับ" พี่เติมเต็มยื่นพวงมาลัยให้แม่ผม พอแม่ผมรับไปพี่เติมเต็มก็ยกมือขึ้นมาไหว้แม่ผมกับป้าผมอีกครั้ง


"ถ้ายังไงแล้ว เดี๋ยวทางป๊ากับม๊าผมจะนัดเข้ามาคุยอีกครั้งนะครับ"


เท่าที่เห็นแม่กับป้าผมตอนนี้ ผมว่าท่านน่าจะยังอึ้งกับสิ่งที่ได้ยินอยู่ แม่ผมบอกให้พี่เติมเต็มขึ้นมานั่งที่โซฟาเหมือนเดิม ก่อนจะบอกว่าจะเอาพวงมาลัยขึ้นไปไว้ในห้องพระ แล้วป้าผมก็เดินตามขึ้นไป


พอท่านทั้งสองขึ้นไปได้สักพัก ผมก็หันมาเล่นงานคนที่นั่งอยู่ข้างๆ

"พี่เต็มทำอะไรเนี่ย ไม่ปรึกษาก่อนเลย"

"ก็แสดงความจริงใจไง ได้ลูกได้หลานเขามาเป็นเมียแล้ว เราก็ต้องรับผิดชอบ"

"เมียอะไรเล่าห้ามพูดนะ"

พี่เติมเต็มหัวเราะผมและดึงผมไปกอด

"พี่แค่อยากให้รู้ว่าพี่จริงจังเรื่องของเรานะ"

"แล้วเรื่องที่พี่เต็มบอกว่าป๊ากับม๊าพี่จะมาคุยล่ะ"

"เมื่อเช้าพอพี่ส่งเราเสร็จพี่ก็เข้าไปคุยกับป๊าม๊าเลย อันที่จริงตอนแรกท่านจะมาพร้อมกับพี่แต่พี่บอกว่าวันนี้พี่ขอเป็นคนที่คุยก่อน"


ผมว่าดีแล้วล่ะที่ป๊ากับม๊าพี่เติมเต็มไม่มาด้วย ถ้ามาพร้อมกันหมดผมต่องแย่แน่ๆ


"ขอบคุณนะครับ" ผมกอดพี่เติมเต็มแน่นขึ้นด้วยความรู้สึกขอบคุณที่พี่เขารักผมและจริงจังกับผมมากขนาดนี้


"พรุ่งนี้ไปเจอป๊าด้วยกันนะ ป๊าอยากเจออยากจะคุยด้วย"


ผมรู้สึกเกร็งขึ้นมาตอนที่พี่เติมเต็มบอกว่าป๊าพี่เติมเต็มอยากเจอผม ผมยังไม่เคยคุยกับป๊าพี่เติมเต็มเลยสักครั้ง เคยแค่เจอผ่านๆและยกมือไหว้แต่ยังไม่เคยมีโอกาสได้คุยกัน


เท่าที่ฟังจากพี่เติมเต็มก็เหมือนว่าป๊าพี่เขาก็น่าจะโอเคแต่ผมก็ไม่รู้ว่าในความเป็นจริงจะเป็นยังไง
พี่เติมเต็มบอกผมว่าไม่ต้องกังวล แต่ผมก็อดที่จะกังวลใจไม่ได้อยู่ดี


.
.
.



เมื่อวานนี้หลังจากที่พี่เติมเต็มเข้าไปสร้างความเซอร์ไพรส์ให้กับทุกคนที่บ้านผม พี่เติมเต็มก็พาผมไปไหว้ที่เก็บกระดูกของพ่อผม พี่เติมเต็มบอกว่าต้องมาขออนุญาตและกราบขอโทษพ่อผมด้วยเช่นกัน เมื่อวานผมอดกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่จนต้องร้องไห้ออกมา ไม่คิดว่าพี่เติมเต็มจะทำให้ผมถึงขนาดนี้


ตอนนี้ผมอยู่ที่บ้านของพี่เติมเต็มครับ ผมกับพี่เติมเต็มนั่งรอป๊ากับม๊าพี่เติมเต็มอยู่ที่ห้องนั่งเล่น

ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆและค่อยๆผ่อนออกมาเพื่อระงับความตื่นเต้นของตัวเอง พี่เติมเต็มหัวเราะกับท่าทางของผม

นั่งรอไม่นานป๊ากับม๊าของพี่เติมเต็มก็ลงมา ผมลุกขึ้นยืนและยกมือไหว้ท่านทั้งสองทันทีที่เดินเข้ามา ป๊าของพี่เติมเต็มเท่าที่ผมทราบมาท่านค่อนข้างใจดีครับ วันนี้ท่านก็ยิ้มแย้มให้ผมเป็นอย่างดีเลย

"ได้เจอ ได้คุยกันสักทีนะ หลังจากที่เคยเจอกันแบบผ่านๆ" ป๊าของพี่เติมเต็มเอ่ยขึ้น

"ครับ"

"ป๊าครับ ม๊าครับ ผมอาจจะเคยคุยกับป๊าม๊าเรื่องของน้องไปบ้างแล้ว แต่ผมขอแนะนำน้องอย่างเป็นทางการอีกครั้ง คนเก่งแฟนผมครับ" พี่เติมเต็มพูด

เอาอีกแล้วนะพี่เติมเต็ม ไม่ปรึกษาอีกแล้ว

"ป๊าก็ได้ยิน ได้เห็นเรื่องราวของเรามาตลอดนะคนเก่ง ป๊าเองก็ไม่ใช่พวกหัวโบราณอะไร อีกอย่างบ้านนี้ก็เลี้ยงลูกแบบให้อิสระในการคิดและตัดสินใจอยู่แล้ว" ป๊าของพี่เติมเต็มพูดทำให้ผมโล่งใจมาก

"ป๊าไม่รู้ว่าเขาเรียกกันแบบไหน งั้นป๊าขอถามแบบที่ป๊าเข้าใจ เราเป็นเมียใช่มั้ย" ป๊าของพี่เติมเต็มพูดและถามผม

ผมรีบหันไปมองพี่เติมเต็มเพราะไม่รู้ควรจะตอบไปว่ายังไง

"โธ่ ป๊า ผมก็บอกป๊าไปแล้วว่าหาลูกสะใภ้มาให้" พี่เติมเต็มบอกและหัวเราะไปด้วย

"ได้เมียก็ดีกว่าไปเป็นเมียล่ะนะ" ป๊าพี่เติมเต็มพูดเสริมออกมาอีก ผมอดที่จะหน้าร้อนขึ้นมาไม่ได้

"ป๊าดูตัวผมด้วย" พี่เติมเต็มพูด พวกเราทุกคนก็เลยหัวเราะออกมา

หลังจากนั้นป๊าและม๊าของพี่เติมเต็มก็ถามผมเรื่องเรียน เรื่องที่บ้าน และกำชับผมเรื่องที่ให้ย้ายไปอยู่ที่คอนโดของพี่เติมเต็ม


จนเวลาผ่านไปสักพักผมก็เจอคำถามที่ผมเองก็คาดเดาไว้เหมือนกันว่าอาจจะเจอ


"แล้วมองเรื่องอนาคตไว้ว่ายังไง หลังจากเรียนจบไป เราก็ต้องออกไปเจอสังคมภายนอกที่มันกว้างกว่าบ้าน กว้างกว่ามหาวิทยาลัย ได้คิดเอาไว้บ้างมั้ย" ป๊าพี่เติมเต็มถามผม น้ำเสียงของท่านไม่ได้ดุหรือจริงจังอะไร แต่น้ำเสียงของท่านมีแต่ความอ่อนโยนพร้อมแฝงไปด้วยความห่วงใย


ผมนิ่งคิดไปสักพักก่อนจะหันไปมองพี่เติมเต็มที่นั่งอยู่ข้างๆ พี่เติมเต็มยิ้มให้ผม

"ผมพูดในสิ่งที่ผมคิดได้เลยใช่มั้ยครับ" ผมถาม

"พูดได้เลยจ้ะ" ม๊าพี่เติมเต็มพูดด้วยน้ำเสียงที่ใจดี

"ผมขอตอบตามตรงเลยว่า ผมไม่เคยคิดถึงเรื่องในอนาคตกับพี่เต็มเลยครับ เพราะผมคิดว่ายังไงซะ
วันหนึ่งพี่เต็มก็ต้องแต่งงานมีครอบครัวที่อบอุ่น มีลูกที่น่ารัก มีภรรยาที่ดี และผมก็คิดแค่ว่า ผมขอแค่ใช้ช่วงเวลาสั้นๆ มีความสุขอยู่ด้วยกันกับพี่เติมเต็มก็พอแล้วครับ แค่นี้มันก็เกินที่ผมคาดหวังไปเยอะมากแล้วครับ"


สภาวะเดธแอร์เกิดขึ้นเหมือนเมื่อวานที่บ้านผม ตอนนี้ถ้ามีกระดาษสักแผ่นหล่นที่พื้นผมว่าทุกคนคงจะได้ยิน ซึ่งผมยังไม่เข้าใจว่าทำไมมันถึงเป็นแบบนั้น


"ที่เราพูดแบบนี้ หมายความว่าถ้าเต็มเกิดคบกับผู้หญิงแล้วจะแต่งงานกัน เราก็ไม่ว่าอะไรอย่างนั้นเหรอ" ป๊าพี่เติมเต็มถามขึ้นมา แต่ผมยังไม่ได้ตอบอะไร พี่เติมเต็มที่นั่งอยู่ข้างผมก็จับที่ข้อมือของผมแน่นเลยครับ

"ผมขอโทษป๊ากับม๊านะครับ แต่ผมขอคุยกับคนเก่งเป็นการส่วนตัวก่อน"


พอพูดเสร็จพี่เติมเต็มก็ลุกขึ้นและฉุดแขนผมให้เดินตามไปที่ห้องสตูดิโอ ที่เป็นห้องดูหนังฟังเพลงของที่บ้านพี่เติมเต็ม

พี่เติมเต็มปิดล็อคประตูห้อง ก่อนที่จะเปิดไฟและแอร์ในห้องและจับผมนั่งลงที่โซฟาในห้อง


"ที่พูดเมื่อกี้หมายความว่ายังไง" เสียงพี่เติมเต็มดุมากเลยครับ ผมไม่เคยได้ยินพี่เขาพูดด้วยน้ำเสียงแบบนี้มาก่อน

"ก็คุณลุงบอกว่าให้พูดสิ่งที่ผมคิดได้"

"และเราก็คิดแบบที่พูดออกมา! คิดมาแบบนี้มาตลอดเลยเหรอ!"

พี่เติมเต็มเสียงดังมากครับ จนเกือบจะเป็นตะโกน

"สรุป ... ที่ผ่านมาไม่เคยคิดจริงจังเรื่องที่เราคบกันเลยใช่มั้ย! ไม่เคยคิดที่จะมีอนาคตด้วยกันเลยเหรอ!"

"พี่เต็มฟังผมอธิบายก่อน"
ผมพยายามอ้อนวอนและเข้าไปกอดพี่เติมเต็มเอาไว้ พี่เติมเต็มตัวสั่นมากเลยครับ ถ้าให้เดาพี่เขาคงจะโมโหมาก


"อธิบายมา" พี่เติมเต็มพูดกับผมด้วยน้ำเสียงที่เหมือนกำลังพยายามระงับอารมณ์โกรธอยู่


"การที่ผมแอบชอบพี่มาตลอด ผมไม่เคยคิดถึงวันที่พี่จะมาชอบผม ไม่เคยคิดถึงวันที่เราได้มารักกัน พอวันที่ผมได้เป็นแฟนพี่จริงๆ ผมก็คิดว่าผมขอมีความสุขกับพี่ไปแบบนี้จนกว่าวันที่พี่จะต้องแต่งงานจริงๆ"

"แล้วทำไมต้องคิดแบบนั้นว่ะ ก็ในเมื่อเราคบกัน ทำไมต้องคิดว่าพี่จะต้องไปแต่งงานกับคนอื่น ในเมื่อมันไม่ใช่ความรักข้างเดียวแล้ว ถ้าไม่จริงจังพี่จะมาคุยเรื่องของเรากับป๊าม๊าทำไม พี่จะเข้าไปคุยกับที่บ้านเราทำไม พี่ไม่ชัดเจนพอเหรอ"

"แต่สักวันพี่เต็มก็ต้องแต่งงาน ก็ต้องมีครอบครัว ผม .... " แต่ผมยังพูดไม่ทันจบพี่เติมเต็มก็พูดสวนขึ้นมา

"พอ!"

พี่เติมเต็มมองหน้าผมที่กำลังยืนกอดพี่เขาอยู่

" ...... "

เป็นครั้งแรกที่สายตาพี่เติมเต็มน่ากลัวขนาดนี้

"ทำไมชอบคิดเองเออเอง เคยถามเคยคุยบ้างมั้ยว่าสิ่งที่เรากำลังคิดมันถูกหรือเปล่า" เสียงพี่เติมเต็มไม่ดุเหมือนตอนแรกแต่มันกลับดูเยือกเย็นจนผมใจคอไม่ดี

" ....... "

"และถ้าไม่รู้ก็จะบอกให้รู้ไว้ ว่าพี่เสียใจมากกับสิ่งที่คนเก่งพูดวันนี้ คนเราคบกันรักกันมันก็ต้องคิดถึงอนาคตร่วมกัน มันต้องมองไปถึงวันข้างหน้าว่าเรากับเขาจะเป็นยังไง พี่มองอนาคตของพี่คือมีคนเก่งอยู่ด้วย แต่อนาคตของคนเก่งดูเหมือนจะไม่มีพี่อยู่ด้วยเลย"

เสียงพี่เติมเต็มดูเศร้ามากเลยครับพี่เติมเติมแกะมือของผมที่กอดพี่เติมเต็มเอาไว้ออก น้ำเสียงของพี่เขาเศร้ามาก แต่ผมไม่ได้คิดอย่างที่พี่เติมเต็มพูดเลย

"พี่เต็มครับ ... " ผมอยากจะอธิบายให้พี่เขาฟัง แต่พี่เติมเต็มยกมือขึ้นเหมือนห้ามไม่ให้ผมพูด

"พี่ว่า ... คนเก่งลองกลับไปทบทวนตัวเองให้ดีก่อนดีกว่า ที่เราพูดว่ารักพี่จริงๆมันอาจจะไม่ใช่ก็ได้"

"มันจะไม่ใช่รักได้ไงล่ะครับ พี่เต็มก็รู้ว่าผมรักพี่" ผมใกล้จะร้องไห้เต็มทีแล้วครับ

"ใช่ เมื่อก่อนรู้ แต่ตอนนี้ไม่แน่ใจ ...  รัก ... แต่พยายามผลักไสให้คนอื่นเนี่ยนะ"

"มันไม่ใช่แบบนั้นครับ" ผมพยายามที่จะพูดไม่ให้เสียงมันสั่น

พี่เติมเต็มกำลังจะเดินออกไปจากห้อง ผมรีบวิ่งไปกอดพี่เขาเอาไว้

"พี่เต็มฟังผมก่อนนะ ฟังผมก่อน" ผมพูดขอร้อง

"วันนี้แยกย้ายกันดีกว่า พี่ไม่มีอารมณ์อยากจะฟังหรืออยากจะคุยอีกแล้ว"

ผมส่ายหน้าไปมาอยู่บนอกของพี่เติมเต็ม ผมรู้สึกใจหายเพราะพี่เขาไม่กอดผมกลับมาเลย

"อย่าเซ้าซี้"

พี่เติมเต็มพูดเสียงแข็งขึ้นมา เหมือนเป็นสัญญาณให้ผมหยุดได้แล้ว

"แล้วเมื่อไหร่พี่เต็มจะอยากคุยกับผม" ผมอดที่จะถามออกมาไม่ได้

"เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น" พี่เติมเต็มพูดโดยไม่มองหน้าผมเลย

" ...... "

"เอาเวลาหลังจากนี้ไปคิดทบทวนความรู้สึกของตัวเองให้มันดีดีกว่า"



พี่เติมเต็มจับมือผมให้ปล่อยอีกครั้งและพี่เขาก็เดินออกจากห้องไป ผมทรุดนั่งลงที่พื้นห้องและผมก็กอดเข่าตัวเองร้องไห้ออกมาทันที ผมปล่อยโฮออกมาอย่างที่ไม่รู้ผมจะต้องทำยังไง ตอนนี้ผมคิดอะไรไม่ออก หลังจากที่เป็นแฟนกัน ผมไม่เคยคิดว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ไม่เคยคิดถึงวันที่พี่เติมเต็มจะโกรธผมขนาดนี้มาก่อน ไม่เคยนึกถึงวันที่เราต้องมาทะเลาะกันแบบนี้



ผมจะทำยังไงดี ...



TBC.
#เติมเต็มรัก
ninewara✿


หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 24) 28/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 28-05-2019 20:41:08
ขออนุญาตหมั่นไส้ ชิชิ  :ruready
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 25) 28/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 28-05-2019 21:03:03
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 25) 28/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 28-05-2019 21:23:41
สงสารใครดีครับเนี่ย :monkeysad: :sad11:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 25) 28/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 28-05-2019 22:24:09
อ้าวววว แรกๆก็หวานมดขึ้นตอนหลังเกมส์พลิกซะงั้น รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 25) 28/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 28-05-2019 22:57:43
 :pig4: :pig4: :pig4:

เอิ่ม.....อิพี่เต็มไม่ยอมฟังให้จบ

อิที่น้องมันพูดหน่ะแค่อินโทรเว้ย 
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 25) 28/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 28-05-2019 23:18:01
 :L2: :pig4:

เศร้าเลย
ถ้าเราเป็นพี่ก็คงเศร้า น้องรักเราเหมือนเป็นไอดอล รักแต่จับต้องไม่ได้ การที่เขาไม่คิดจะมีเราในอนาคตมันเศร้ามากนะ แม้มันจะมาจากความปารถนาดี
ความเป็นน้อง ความไม่มั่นใจ ก็กระทบกับความสัมพันธ์อย่างแรง ถมเท่าไรก็ไม่เต็ม
รอการคลีคลาย
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 25) 28/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 29-05-2019 04:27:48
ไหงเป็นงั้นหล่ะคนเก่ง พี่เต็มโกรธเลย
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 25) 28/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 29-05-2019 11:11:07
ทำไมไม่ฟังน้องก่อน!!!!
ก่อนจะมาคบกันน้องก็เป็นคนคิดมากแล้วก็ไม่ค่อยหวังอะไรอยู่แล้วอ่ะ
ที่น้องพูดมันอาจจะดูใจร้ายแต่ฟังให้จบก่อนได้มั้ย  :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 25) 28/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 29-05-2019 17:53:46
แกล้งน้องป่ะเนี่ยย


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 25) 28/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: sripaerrr ที่ 01-06-2019 08:47:14
ทีมพี่นะตอนนี้​ ที่คนเก่งพูดดูใจร้ายและดูถูกความรู้สึกคนพี่ไปหน่อย​ จริงอยู่​ว่า​เมื่อก่อรมันคือแอบรักแต่ตอนนี้ได้รักนั้นมาแล้วอะ​ ไม่คิดจะถนอมดูแลกันไปเรื่อยๆหรอ เราว่าคนพี่พยายามแสดงออกถึงความจริงใจเต็มที่​แล้วนะ​ คนน้องควรจะมั่นใจในตัวเองได้แล้ว​
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 26) 04/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ninewara ที่ 04-06-2019 16:44:51
✿ เติมเต็มรัก ✿ ครั้งที่ 26


ผมนั่งร้องไห้อยู่สักพัก ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าที่นี่ไม่ใช่บ้านของผม ผมลุกขึ้นมานั่งบนโซฟาภายในห้องและพยายามตั้งสติตัวเองให้หยุดร้องไห้ ผมหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง ผมลังเลใจว่าจะโทรหาพี่เติมเต็มหรือจะไลน์ไปก่อนดี ...

ผมตัดสินใจกดมือถือโทรหาพี่เติมเต็ม สัญญาณดังอยู่นานจนสายตัดไป ผมลองกดโทรออกอีกครั้ง คราวนี้สัญญาณดังแค่สองครั้งก็เงียบไป พี่เติมเต็มคงจะกดตัดสายแน่ๆ ผมเปลี่ยนจากโทรเป็นส่งข้อความไปทางไลน์แทน


konkengg : พี่เต็มครับ
konkengg : ผมขอโทษ
konkengg : ผมอยากคุยกับพี่เต็มนะ
konkengg : เราไม่เป็นแบบนี้ได้มั้ย


พี่เติมเต็มไม่อ่านไลน์เลยครับ ผมนั่งคิดไปคิดมาสักพัก ก็มีคนเปิดประตูเข้ามา ตอนแรกผมยิ้มออกมาด้วยความดีใจเพราะนึกว่าเป็นพี่เติมเต็มแต่ปรากฏว่าคนที่เข้ามาคือม๊าของพี่เติมเต็ม

"โถ ลูก ร้องไห้เลยเหรอเนี่ย ไหนม๊าดูสิ ตาช้ำหมดแล้ว" ม๊าของพี่เติมเต็มนั่งลงข้างผมพร้อมทั้งพิจารณาใบหน้าผมไปด้วย ผมไม่ได้พูดอะไรออกไปเพราะรู้สึกว่าถ้าพูดผมอาจจะร้องไห้ออกมาอีก

ม๊าของพี่เติมเต็มใช้มือมาลูบหัวของผมอย่างอ่อนโยน พร้อมทั้งพูดว่า

"เอาไว้ให้พี่เขาใจเย็นลงกว่านี้ก่อนค่อยคุยกันดีกว่านะคนเก่ง คุยกันตอนนี้ม๊าว่ามันจะมีแต่ทะเลาะกัน เชื่อม๊านะ"

ผมนิ่งคิดสิ่งที่ม๊าของพี่เติมเต็มพูด จากที่คิดว่าจะนั่งรอพี่เติมเต็ม ผมก็เลยเปลี่ยนใจคิดว่ากลับบ้านตัวเองก่อนดีกว่า ผมไม่อยากให้ผู้ใหญ่ต้องมาลำบากใจไปกับผมด้วย

"ถ้าอย่างนั้น ผมขอตัวกลับก่อนนะครับคุณป้า ผมขอโทษนะครับที่ทำให้บรรยากาศดีๆมันแย่แบบนี้" ผมเอ่ยปากขอตัวกลับและขอโทษม๊าของพี่เติมเต็มด้วย

"ไม่ต้องขอโทษ หนูไม่ได้ทำอะไรผิดเลย ถ้าหนูจะกลับเดี๋ยวม๊าให้คนขับรถไปส่ง"

"ไม่เป็นไรครับคุณป้า ผมกลับเองดีกว่าครับ ผมอยากเดินเล่นด้วย"

"แต่ช่วงบ่ายแบบนี้แดดมันร้อนมากนะลูก"

"ผมเดินได้ครับ ... ถ้าอย่างนั้นผมขอลากลับเลยนะครับ" ผมยกมือไหว้ลาม๊าของพี่เติมเต็มอีกครั้ง เมื่อท่านเห็นว่าขัดผมไม่ได้แล้ว ท่านก็เลยเดินออกมาจากห้องพร้อมผม ตอนที่เดินออกจากห้องมาแล้วผมนึกขึ้นมาได้ว่าผมยังไม่ได้ลาป๊าของพี่เติมเต็มเลย

"ผมยังไม่ได้สวัสดีคุณลุงเลยครับ" ผมบอกกับม๊าพี่เติมเต็ม

"ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ ป๊าคุยกับพี่เขาอยู่ข้างบนน่ะ"


... กำลังคุยเรื่องผมกันอยู่หรือเปล่านะ


ผมกล่าวลาม๊าของพี่เติมเต็มอีกครั้ง ก่อนจะเดินออกมาจากบ้านพี่เติมเต็ม ผมใช้เวลาประมาณยี่สิบนาทีในการเดินกว่าจะถึงบ้าน ผมเจอแม่กับป้านั่งอยู่ที่ศาลาเล็กตรงสนามหน้าบ้าน

"อ้าว คนเก่ง ทำไมแม่ไม่ได้ยินเสียงรถเลยล่ะ"

"นั่นสิ ไหนว่าจะอยู่ทานข้าวเย็นที่บ้านโน้น"

พอได้ยินแม่กับป้าถาม ผมก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ผมเข้าไปกอดแม่และปล่อยให้น้ำตามันไหลออกมา

"แม่ครับ เก่ง ฮือ ... ฮึก ... เก่งว่า เก่งคงทำมันพังหมดแล้ว"


.
.
.


หลังจากที่ผมเล่าทุกอย่างให้แม่และป้าฟัง สิ่งที่แม่ผมพูดกับผมก็คือ

"เรื่องนี้แม่ไม่เข้าข้างคนเก่งหรอกนะ เพราะถ้าแม่เป็นพี่เต็ม แม่ก็ต้องเสียใจที่แฟนเราพูดกับเราแบบนี้ มันเหมือนเขาไม่ได้รักเรา แม่รู้ว่าคนเก่งรู้สึกยังไงแต่คนที่ต้องเป็นคนเลือกว่าจะให้ชีวิตเป็นแบบไหนคือพี่เขาไม่ใช่เรา เราจะไปกำหนดหรือวางแผนไม่ได้หรอกว่าพี่เขาจะรักจะใช้ชีวิตอยู่กับใคร และตอนนี้คนที่พี่เขาเลือกที่จะอยู่ด้วยก็คือลูกของแม่ ถึงแม้ว่าแม่อาจจะไม่ได้ใกล้ชิดหรือรู้จักกับพี่เต็มเขา แต่ถ้าพี่เขาไม่คิดจะจริงจังเรื่องของลูก เมื่อวานพี่เขาคงไม่เข้ามาคุยเรื่องของลูกกับแม่ เพราะลูกก็บอกเองว่าลูกไม่รู้ว่าพี่เขาจะทำแบบนี้ นั่นแสดงว่าพี่เขาคิดและตัดสินใจด้วยตัวเองว่าพี่เขาควรทำยังไง"

ยิ่งฟังแม่พูดผมก็ยิ่งรู้สึกแย่ ตลอดเวลาที่ผ่านมาที่คบกันผมยอมรับว่าผมคิดมาก เพราะพี่เติมเต็มเป็นผู้ชายที่มีภาพลักษณ์ดีมาตลอด พี่เขาไม่เคยมีเรื่องเสื่อมเสียเลย แต่พอพี่เขาออกตัวชัดเจนว่าเป็นแฟนกับผม มีหลายคนที่บอกว่าเสียดายที่พี่เขาเป็นเกย์ บางคนก็บอกว่าไม่เคยรู้มาก่อนเลยนึกว่าแมนเต็มร้อย ผมไม่อยากให้ใครมองว่าพี่เขาไม่ดี ในตอนนั้นผมก็เลยคิดแค่ว่าขอแค่มีเวลาช่วงนี้ก็ได้ที่ผมจะมีความสุขกับพี่เขา

ผมเคยคุยกับพี่เติมเต็มนะ กับเรื่องที่ได้ยินมา พี่เขาเองก็ได้ยินไม่ต่างกัน แต่พี่เขาบอกว่าไม่เห็นต้องสนใจเพราะเป็นเรื่องส่วนตัวของเราและคนอื่นไม่ได้รู้จักเราดี และพี่เติมเต็มก็บอกว่าคนอื่นก็คือคนอื่น ถ้าคนใกล้ตัวคนในครอบครัวเข้าใจก็พอแล้วสำหรับพี่เขา

พี่เติมเต็มดูไม่สนใจอะไรจริงๆครับพี่เขาค่อนข้างเฉยๆกับสิ่งที่ได้ยิน และพูดกับผมอยู่เสมอว่าไม่ต้องไปสนใจ

เฮ้อออออ ... แต่ผมมันก็เลิกคิดมากไม่ได้จริงๆ


ผมมองดูเวลาบนหน้าจอมือถือ ตอนนี้เกือบห้าทุ่มแล้ว ตั้งแต่ผมกลับมาหลังจากคุยกับแม่และป้าเสร็จ ผมก็พยายามโทรหาพี่เติมเต็มตลอดเลยแต่ไม่มีสักครั้งที่พี่เขาจะรับสาย ผมส่งข้อความไปหาทางไลน์เยอะมากแต่พี่เขาไม่แม้แต่จะอ่าน ผมใจคอไม่ดีเลยครับ ตั้งแต่เป็นแฟนกันมาไม่เคยเลยที่พี่เขาจะปล่อยให้ผมรอนานขนาดนี้ อย่างมากก็ไม่ครึ่งชั่วโมงพี่เขาจะต้องอ่านไลน์ผม แต่ตอนนี้ผ่านมาเกินครึ่งวันแล้วไลน์ผมยังไม่ได้เปิดอ่านเลย

ผมลองเข้าไปดูในไอจีและเฟซบุ๊กของพี่เติมเต็มแต่มันไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรเลย

ผมเปิดดูรูปภาพในโทรศัพท์มือถือดูรูปคู่ที่ถ่ายด้วยกัน ยิ่งทำให้ผมคิดถึงพี่เขามากขึ้น เปิดดูคลิปที่ผมเคยแอบถ่ายพี่เขาเก็บไว้ ยิ่งทำให้ผมอยากจะร้องไห้


konkengg : ผมคิดถึงพี่เต็มมากนะครับ

ข้อความสุดท้ายในคืนนั้นที่ผมส่งไปถึงทางไลน์ของพี่เติมเต็ม ผมไม่รู้หรอกว่าพี่เขาจะเปิดอ่านตอนไหนแต่ก็อยากให้พี่เขารู้ว่าผมคิดถึงมากๆ

คืนนั้นผมนอนหลับไปพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาด้วยความคิดถึง ไม่รู้พี่เติมเต็มจะยังคิดถึงผมอยู่เหมือนเดิมมั้ย




วันต่อมา
ผมตื่นมาช่วงสายๆ เพราะเมื่อคืนกว่าผมจะหลับได้ก็เกือบสว่าง สิ่งแรกที่ผมทำคือผมรีบควานหาโทรศัพท์มือถือเพราะผมอยากรู้ว่าพี่เติมเต็มอ่านและตอบไลน์ผมบ้างหรือยัง แต่ผมก็ต้องพบกับความผิดหวังเพราะทุกอย่างยังว่างเปล่า พี่เติมเต็มยังไม่เปิดอ่านข้อความของผมเลย

วันนี้ตามที่นัดกันตอนแรกคือช่วงบ่ายเราจะต้องกลับมหาวิทยาลัย ผมไม่แน่ใจว่าพี่เติมเต็มจะมารับผมเหมือนทุกทีมั้ย บางทีผมอาจจะต้องนั่งรถตู้กลับเองก็ได้

หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จผมก็เดินลงมาข้างล่าง เจอแม่กับป้าคุยกันอยู่ที่ห้องรับแขก

"ตื่นสายเลยนะลูก" แม่ผมทักผม

"ทำไมแม่ไม่ปลุกเก่งล่ะครับ เก่งเลยตื่นสายเลย"

"แม่รู้ว่าเมื่อคืนกว่าลูกจะนอนหลับก็คงดึกมาก"

"แล้วหิวมั้ย วันนี้แม่เขาทำขนมจีนน้ำยาไว้แหนะ" ป้าบอกผม

"ของโปรดเลย" ผมยิ้มด้วยความดีใจ

"แล้วคิดไว้หรือยังว่าจะไปง้อพี่เขายังไง" ป้าถามผม

เมื่อคืนนี้แม่กับป้าก็สรุปใจความสำคัญออกมากันเลยครับว่า ผมต้องเป็นคนง้อพี่เติมเต็ม ซึ่งผมเองก็คิดแบบนั้นอยู่แต่ผมก็ยังไม่รู้ว่าผมต้องง้อยังไงดี

ตอนที่ผมนั่งทานขนมจีนอยู่ในครัว ผมเห็นแม่เดินเข้ามาและเห็นแม่เปิดตู้เก็บของที่อยู่ข้างตู้เย็น ผมเห็นแม่หยิบกล่องพลาสติกที่เอาไว้ใส่อาหารออกมาหลายใบ และเห็นแม่ใช้ที่คีบขนมจีนคีบขนมจีนใส่ในกล่องอาหารจนเต็มกล่อง ต่อมาก็แม่ก็ตักน้ำยาขนมจีนใส่ในกล่องอีกกล่องหนึ่ง และกล่องสุดท้ายแม่ก็ใส่ผักต้มผักสดที่เป็นเครื่องเคียงใส่ลงไป

"แม่จะเอาไปฝากใครเหรอครับ"

"ไม่ใช่แม่จ้ะ แต่เป็นลูก เอาไปฝากบ้านพี่เต็มเขานะจ้ะ"

ผมที่ทานขนมจีนเสร็จพอดี ชะงักไปเล็กน้อยตอนที่แม่บอก

"พี่เต็มยังไม่รับสาย ยังไม่อ่านไลน์เก่งเลยนะแม่"

หลังจากตื่นมาผมก็ส่งไลน์ไปหา แม้ว่าข้อความที่ส่งไปก่อนหน้านั้นพี่เขาจะยังไม่เปิดอ่านก็ตาม

"ก็นี่ไง เป็นโอกาสดีที่เราจะไปง้อพี่เขา"

ผมนั่งคิดตามที่แม่แนะนำ และเห็นด้วยกับแม่ครับ หลังจากล้างจานเรียบร้อยผมก็ขึ้นไปบนห้องเพื่อเขียนการ์ดให้พี่เติมเต็มอย่างที่เคยทำเป็นประจำ ถึงแม้ว่าผมจะเป็นแฟนกับพี่เติมเต็มแล้วแต่ผมก็ยังคงเขียนการ์ดให้พี่เขาอยู่เหมือนเดิมครับ


To ... พี่เติมเต็ม


         หายโกรธน๊า ^__^

                                รัก ❤️
                              คนเก่ง
                        12/xx/20xx


หลังจากเขียนการ์ดเสร็จ ผมก็เอาใส่กระเป๋าเป้พร้อมทั้งโทรศัพท์มือถือและกระเป๋าเงินและเดินลงไปข้างล่าง

"จะปั่นจักรยานไปเหรอ" ป้าถามผมตอนที่เห็นผมใส่หมวกและเดินไปจูงจักรยานออกมา

"ใช่ครับ ทำไมเหรอครับป้า"

"ขับรถยนต์ไปก็ได้ ใกล้เที่ยงแบบนี้แดดมันร้อน"

"ใส่เสื้อแขนยาว ใส่หมวกแล้วครับ" ผมบอก

"ไปเถอะลูก ปั่นดีๆล่ะ" แม่ผมบอก

ผมปั่นจักรยานออกมาจากบ้านก่อนที่จะแวะซื้อลูกอมห่อเล็กๆหนึ่งห่อที่ร้านสะดวกซื้อหน้าปากซอย ก่อนจะปั่นมาอีกสักพักก็ถึงซอยทางเข้าบ้านพี่เติมเต็ม ยิ่งปั่นใกล้จะถึงบ้านพี่เติมเต็มมากเท่าไหร่ผมก็ยิ่งตื่นเต้น ใจผมเต้นระรัวจนผมรู้สึกเจ็บหน้าอก

ผมจอดรถจักรยานชิดกับกำแพงบ้านของพี่เติมเต็มก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ




(มีต่อนะคะ)
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 25) 28/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ninewara ที่ 04-06-2019 16:48:19
(ต่อค่ะ)



ติ๊งต่อง

ผมกดกริ่งที่หน้าบ้านพี่เติมเต็มหนึ่งครั้ง รอไม่นานก็มีคนมาเปิดประตู

"สวัสดีครับ" ผมยกมือไหว้น้าพงษ์คนขับรถของคุณลุงคุณป้าที่เป็นคนเปิดประตูให้ผม น้าพงษ์อยู่บ้านแสดงว่าป๊ากับม๊าพี่เติมเต็มก็น่าจะอยู่บ้าน

"อ้าว คนเก่ง"

"คุณป้าอยู่มั้ยครับน้าพงษ์" ผมถาม

"อยู่ครับ เข้ามาก่อนๆ" น้าพงษ์เปิดประตูกว้างขึ้นเพื่อให้ผมเข้าไปในบ้าน

"แล้ว ... พี่เต็มอยู่มั้ยครับ"

"คุณเต็มไม่อยู่ครับ ออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้าแล้ว" น้าพงษ์บอก ผมอดใจแป้วไม่ได้ พี่เติมเต็มออกไปไหนก็ไม่รู้ นึกว่าจะเจอซะอีก

ผมเดินตามน้าพงษ์เข้ามาในบ้าน น้าพงษ์พาผมเดินมาถึงทางเข้าบ้านก็เจอกับน้านวลที่เดินสวนออกมา

"สวัสดีครับน้านวล" ผมยกมือไหว้น้านวล

"สวัสดีจ้ะ ถืออะไรมาเยอะแยะเลย"

"แม่ทำขนมจีนน้ำยาครับ แม่ก็เลยให้เอามาให้ทุกคนทานกันด้วย"

"งั้นเดี๋ยวน้าเอาไว้ในครัวให้นะ" น้านวลรับถุงผ้าที่ใส่กล่องอาหารจากผมไป ผมเดินตามน้านวลเข้ามาในบ้าน ผมนั่งรอที่ห้องรับแขก สักพักน้านวลก็เดินเข้ามาและบอกว่าจะไปเรียนคุณป้าว่าผมมา

ตอนแรกผมก็ลังเลใจว่าจะกลับเลยดีมั้ยเพราะพี่เติมเต็มไม่อยู่ แต่ว่าคิดอีกทีก็ควรจะอยู่เจอคุณป้าสักหน่อยก็น่าจะเหมาะกว่า

นั่งรอไม่นานคุณป้าก็เดินลงมาพร้อมกับติวเตอร์ น้องชายของพี่เติมเต็ม

"สวัสดีครับคุณป้า" ผมยกมือไหว้

"พี่สะใภ้ สวัสดีครับ" เสียงของติวเตอร์กล่าวทักทายผม ผมรู้สึกเขินนิดๆเหมือนกันที่ถูกเรียกแบบนี้

"เห็นนวลบอกว่าคุณแม่ทำขนมจีนน้ำยามาให้ทานเหรอจ้ะ" ม๊าของพี่เติมเต็มถามผม

"ใช่ครับ ไม่ทราบว่าคุณป้าจะชอบทานหรือเปล่า"

"ชอบสิลูก บ้านนี้ชอบกันทุกคนแหละ"

ผมไม่รู้จะพูดหรือคุยอะไรต่อดี

"พี่สะใภ้ไม่ได้กลับมหาลัยพร้อมพี่เต็มเหรอครับ เหมือนว่าพี่เต็มเขากลับไปตั้งแต่เช้าแล้วนะครับ" ติวเตอร์ถามผมขึ้นมา

ผมตกใจที่ได้ยินติวเตอร์พูดแบบนั้น หมายความว่าพี่เติมเต็มกลับไปแล้วเหรอ

"ติวเตอร์" เสียงม๊าของพี่เติมเต็มเรียกชื่อติวเตอร์เสียงเข้มเลยครับ

"เอ่อ .. งั้นผมไปทานขนมจีนดีกว่าเนอะ" ติวเตอร์พูดเสร็จก็ลุกเดินออกไปจากห้องรับแขก

"มาหาพี่เขาด้วยใช่มั้ย" ม๊าของพี่เติมเต็มถามผมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

"... ครับ แต่เหมือนพี่เต็มจะไม่อยู่"

"พี่เขาออกไปรับเพื่อนน่ะ เห็นว่าจะกลับมหาลัยเหมือนกัน"

"อ๋อ ครับ" ผมค่อยโล่งใจหน่อยที่รู้ว่าพี่เติมเต็มยังไม่กลับ

"แล้วได้คุยกันหรือยัง หลังจากเมื่อวาน"

ผมเงียบไปเพราะไม่รู้ว่าควรจะพูดไปตามความจริงดีมั้ย

"ยังไม่ได้คุยเลยครับ ดูเหมือนพี่เต็มจะไม่อยากคุยกับผมสักเท่าไหร่" ผมเลือกที่จะพูดตามความจริง

ม๊าของพี่เติมเต็มมองผมด้วยความเห็นใจ

ยังไม่ทันได้คุยอะไรกันต่อ ผมก็ได้ยินเสียงรถยนต์ขับเข้ามาในบ้านและผมจำได้ว่าเป็นเสียงรถของพี่เติมเต็ม

"นั่นไง พี่เขามาพอดี" ม๊าของพี่เติมเต็มบอกผม

ไม่นานพี่เติมเต็มก็เดินเข้ามาในบ้านแต่พี่เขาไม่ได้มาคนเดียว

"สวัสดีค่ะคุณป้า อ้าว คนเก่งก็อยู่นี่เหรอ"

... พี่อิงค์มากับพี่เติมเต็มครับ

ผมยกมือไหว้พี่อิงค์และมองเลยไปที่พี่เติมเต็มแต่พี่เขาไม่ได้มองมาที่ผมเลย

"ที่บอกว่าออกไปรับเพื่อนนี่คือหมายถึงอิงค์เหรอ" ม๊าของพี่เติมเต็มถาม

"ใช่ครับ อิงค์มาทำธุระให้ที่บ้านแต่ตอนมาไม่ได้ขับรถมาเอง ตอนกลับเลยเดือดร้อนคนอื่น โทรมารบกวนคนอื่น" พี่เติมเต็มพูดขึ้นมา พร้อมกับนั่งลงที่โซฟาฝั่งตรงข้ามกับผม ผมมองหน้าพี่เติมเต็มและพี่เขาก็เป็นเหมือนเดิมคือไม่มองหน้าผมเลย

"แหม นานๆทีให้รบกวนบ้างเถอะ เมื่อก่อนยังรบกวนประจำ" พี่อิงค์ตอบกลับไป ก่อนจะหันมาหาผม

"คนเก่งก็กลับมหาลัยด้วยกันใช่มั้ย ดีเลยจะได้มีเพื่อนคุยระหว่างทาง" พี่อิงค์พูด ผมมองหน้าพี่เติมเต็มอีกครั้งเพราะตอนนี้ผมเองก็ชักไม่แน่ใจว่าพี่เติมเต็มจะให้ผมกลับด้วยหรือเปล่า

"จริงสิ อิงค์ ป้ามีอะไรจะให้หนูดูสักหน่อย ตามป้ามาเร็ว" ม๊าของพี่เติมเต็มเอ่ยชวนพี่อิงค์ให้เดินออกไปจากห้องรับแขก ถ้าผมเดาไม่ผิดม๊าของพี่เติมเต็มคงอยากให้ผมได้คุยกับพี่เติมเต็ม

"พี่เต็มครับ" ผมเรียกพี่เติมเต็มที่ทำท่าทางเหมือนจะเดินออกจากห้องรับแขกไป

พี่เติมเต็มไม่ตอบรับผมแต่ก็ยอมนั่งลงที่เดิม

"ผมไลน์หา โทรหาตั้งหลายครั้ง แต่พี่เต็มไม่รับสาย ไม่อ่านไลน์ผมเลย"

ผมรู้ครับว่าพี่เติมเต็มตั้งใจที่จะไม่รับสายผม เพราะเมื่อกี้พี่เติมเต็มบอกว่าพี่อิงค์โทรหาให้ออกไปรับ แสดงว่าพี่เขาเลือกไม่รับแต่บางสายซึ่งนั่นก็คือสายของผม

"บอกแล้วไงว่ายังไม่อยากคุย" เสียงพี่เติมเต็มตอบกลับมาเรียบนิ่งไม่บ่งบอกถึงอารมณ์ใดๆ

"แล้วเมื่อไหร่เราจะได้คุยกันครับ ผมอยากคุยกับพี่นะ" ผมถามแบะพี่เติมเต็มก็เงียบไม่พูดอะไรออกมา

"แล้ววันนี้พี่เต็มจะกลับมหาลัยกี่โมงครับ" ผมลองเปลี่ยนเรื่องคุย

พี่เติมเต็มมองดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือก่อนจะตอบออกมา

"ประมาณบ่ายสาม"

ผมก็ไม่รู้จะคุยอะไรกับพี่เติมเต็มต่อดี มันดูเกร็งไปหมด ผมนึกได้ว่าผมมีการ์ดมาให้พี่เติมเต็ม ผมเปิดกระเป๋าเป้และหยิบถุงที่ใส่การ์ดกับลูกอมที่ผมแวะซื้อก่อนเข้ามาบ้านพี่เติมเต็ม

"พี่เต็มครับ" ผมยื่นถุงสีขาวลายดาวให้พี่เติมเต็ม ตอนแรกเหมือนพี่เขาจะยื่นมือมารับและแว่บหนึ่งเหมือนผมเห็นแววตาที่แสดงความดีใจ แต่ผมว่าผมคงคิดไปเอง

"พี่ไม่แน่ใจว่าควรจะรับของแบบนี้ต่อไปอีกมั้ย เพราะคนให้ดูเหมือนจะทำไปงั้นๆแหละไม่ได้จริงจังอะไร"

ผมรู้สึกชาไปทั้งตัวตอนได้ยินพี่เติมเต็มพูดแบบนี้

"ผมไม่เคยสักครั้งที่จะไม่จริงจังเรื่องของพี่เต็ม"

ผมพูดและผมกำลังจะเอาถุงเก็บใส่กระเป๋าเหมือนเดิม แต่พี่เติมเต็มจับข้อมือของผมไว้และดีงถุงไปจากมือผม พี่เขาเปิดดูของในถุงและหยิบการ์ดออกมาอ่าน พี่เติมเต็มไม่ได้อ่านออกเสียงออกมา หลังจากอ่านเสร็จพี่เขาก็เก็บการ์ดไว้ในถุงตามเดิม

ทั้งผมทั้งพี่เติมเต็มต่างก็นั่งเงียบทั้งคู่ ผมคิดว่ายังไงพี่เติมเต็มก็ดูจะยังไม่อยากคุยกับผม และผมคิดว่าวันนี้พี่เขาคงจะไม่อยากให้ผมนั่งรถกลับด้วยแน่ๆ ผมก็เลยคิดว่าผมน่าจะกลับบ้านดีกว่าเพราะต้องออกมารอรถตู้อีก ผมไม่อยากกลับถึงหอพักมืดมากเกินไป

"ถ้างั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ" ผมบอกพี่เติมเต็ม พี่เติมเต็มไม่ได้ตอบอะไรกลับมา แต่ผมนึกอะไรบางอย่างได้ผมก็เลยพูดกับพี่เติมเต็ม

"พี่เต็มครับ ถึงแม้ตอนนี้พี่ยังไม่อยากคุยกับผม แต่พี่ตอบไลน์ผมบ้างได้มั้ย จะไม่รับสายผมก็ได้แต่ตอบไลน์ผมหน่อยนะ"

พี่เติมเต็มยังคงไม่ตอบอะไรผม ผมยกมือไหว้พี่เติมเต็มและเดินออกมาจากบ้านพี่เติมเต็ม ก่อนจะปั่นจักรยานกลับมาที่บ้าน


"ไม่สำเร็จเหรอลูก" แม่ถามผมทันทีที่ผมเดินเข้ามาในบ้าน คงจะเดาได้จากสีหน้าของผม

"ประมาณนั้นครับ" ผมรู้สึกเหนื่อยเกินกว่าจะเล่าให้แม่กับป้าฟังว่าผมกับพี่เติมเต็มคุยอะไรกันบ้าง

แม่กับป้ากอดปลอบใจผม

"แต่ผมไม่ท้อหรอกครับเพราะผมยังไม่ได้เริ่มต้นง้อเลย" ผมบอกแม่กับป้า

ก่อนที่ผมจะขอตัวขึ้นมาเก็บของบนห้อง ผมอาบน้ำแต่งตัวอีกรอบก่อนที่จะลงมาข้างล่าง

"แม่ครับ ป้าครับ รบกวนขับรถไปส่งเก่งที่ท่ารถตู้หน่อยนะครับ" ผมบอกแม่กับป้าทันทีที่ลงมาข้างล่าง

"จะกลับเองเหรอลูก" แม่ถามผม

"ครับ"

ทั้งแม่และป้าไม่ได้ซักไซร้ถามอะไรผมอีก ป้าเป็นคนขับรถมาส่งผมที่ท่ารถตู้

"เดินทางปลอดภัยนะลูก" ป้าบอกผม

"ถ้าถึงแล้วหนูจะโทรหานะครับ" ผมร่ำลาป้าเล็กน้อยก่อนที่ป้าจะขับรถออกไป

ผมเดินไปซื้อตั๋วคนขายตั๋วบอกว่าอีกครึ่งชั่วโมงรถจะออก

ผมเดินมานั่งรอที่นั่งของคนที่รอขึ้นรถ ผมหยิบมือถือขึ้นมาและกดเข้าไปที่ห้องแชทของผมกับพี่เติมเต็ม ผมยิ้มออกมาทันทีที่เห็นว่าพี่เติมเต็มอ่านข้อความของผมแล้ว

แค่นี้ก็ดีมากแล้ว

ผมนั่งเล่นมือถือไปสักพัก เหลือเวลาอีกสิบนาทีจะได้เวลารถออก คนขายตั๋วก็ตะโกนบอกให้ขึ้นรถตู้ได้แล้ว แต่ในขณะที่ผมกำลังจะเดินไปขึ้นรถตู้ก็มีคนมาดึงแขนผมให้เดินตามเขาไป ผมหันไปมองด้วยความตกใจ

"พี่เต็ม!!"

ผมเรียกชื่อพี่เขาด้วยความตกใจ คนแถวนั้นก็มองมาที่ผมด้วยความสนใจ พี่เติมเต็มดึงแขนผมมาจนถึงที่รถของพี่เติมเต็มที่จอดอยู่ไม่ไกลจากท่ารถตู้เท่าไหร่นัก และพี่เขาก็เปิดประตูทางด้านหลังและจับผมเข้าไปนั่ง พี่อิงค์ที่นั่งอยู่เบาะหน้าข้างคนขับหันมามองผมด้วยสายตาที่เป็นห่วง

พี่เติมเต็มขึ้นมานั่งประจำที่นั่งคนขับและขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว

"เบาๆ เต็ม" พี่อิงค์พูดขึ้นมา พี่เติมเต็มไม่ได้พูดตอบโต้อะไรกลับมา


ขับมาได้สักพักใหญ่รถก็มาติดไฟแดงตรงเส้นรอบเมือง

"ใครเป็นคนบอกให้กลับเอง" อยู่ๆพี่เติมเต็มก็พูดออกมา และผมก็รู้ว่าพี่เขาพูดกับผม

"ก็ ... ผมคิดว่าพี่เต็มอาจจะไม่อยากให้ผมกลับด้วย"

"คิดว่า คิดว่า คิดว่าตลอด ทำไมชอบคิดเองเออเอง"

" ...... "

"คิดได้ไง!"

" ... ก็พี่เต็มโกรธผมอยู่"

"เราถามว่าจะกลับกี่โมง พี่ก็บอกว่าบ่ายสาม แต่พอไปรับ แม่บอกว่าออกมาขึ้นรถตู้ มันคืออะไรคนเก่ง"

ผมไม่รู้จะพูดหรือตอบอะไรออกไปดี ผมผิดอีกแล้วครับ คิดเองเออเองอย่างที่พี่เติมเต็มบอก ผมคิดไปเองว่าพี่เขาคงไม่อยากให้ผมนั่งรถมาด้วย โดยที่ผมไม่ได้ถาม

"ใจเย็นๆ" พี่อิงค์พูดขึ้นมาหลังจากที่นั่งเงียบ

"อย่าว่าเรายุ่งเลยนะ สรุปคือกำลังทะเลาะกับน้องเหรอ" พี่อิงค์ถามพี่เติมเต็มแต่พี่เติมเต็มไม่ตอบ พี่เติมเต็มขับรถออกไปเมื่อสัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียว

"โอเค ชัวร์ ทะเลาะชัวร์" พี่อิงค์พูดออกมา

หลังจากนั้นตลอดระยะเวลาชั่วโมงกว่าๆที่อยู่บนรถก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก พี่เติมเต็มขับรถมาส่งพี่อิงค์ที่คอนโดของพี่อิงค์ที่อยู่ในซอยข้างมหาวิทยาลัย

"คนเก่ง ย้ายมานั่งหน้า"

พี่เติมเต็มบอกผมหลังจากที่ส่งพี่อิงค์เรียบร้อยแล้ว ผมรีบย้ายไปนั่งตรงที่นั่งข้างคนขับทันทีเพราะกลัวพี่เติมเต็มจะยิ่งโกรธมากกว่าเดิม

พี่เติมเต็มขับรถมาส่งผมที่หอพัก เป็นครั้งแรกเลยที่ผมอยากจะให้พี่เติมเต็มพาผมไปที่คอนโดพี่เติมเต็มมากกว่า

"พี่เต็มครับ .... " ผมกำลังจะถามพี่เติมเต็มว่าจะให้ผมนอนที่หอใช่มั้ย แต่พี่เติมเต็มพูดแทรกขึ้นมาก่อน

"รู้ตัวใช่มั้ยว่าทำให้พี่โกรธ เมื่อวานพี่อาจจะเสียใจและน้อยใจในสิ่งที่เราพูดแต่พี่ไม่ได้โกรธแต่สิ่งที่เราทำวันนี้มันทำให้พี่โกรธ มีอะไรทำไมไม่ถามคิดเองเออเองตลอด คิดทุกอย่างแทนพี่ แม้แต่เรื่องในอนาคตยังคิดแทนพี่เลย"

"ผมขอโทษครับ" ผมไม่มีคำแก้ตัวใดๆนอกจากคำว่าขอโทษ

"บางที ... เราอาจจะต้องคิดทบทวนอย่างจริงจังแล้วล่ะมั้งว่าเราจะยังคบกันต่อไปดีมั้ย"

"พี่เต็ม ... หมายถึงจะเลิกกับผมเหรอ" ผมห้ามเสียงตัวเองไม่ให้สั่นไม่ได้เลย

"พี่ว่าคนเก่งถามตัวเองดีกว่าว่าคนเก่งอยากเลิกกับพี่มั้ย ถ้าคนเก่งยังคิดว่าจะคบกับพี่แค่ช่วงสั้นๆ รอเวลาให้พี่มีผู้หญิงดีๆเข้ามาอย่างที่เราพูด เราก็ไม่ต้องคบกันต่อไปแล้วก็ได้เพราะไม่ว่ายังไงคนเก่งก็จะเลิกกับพี่อยู่ดี"

"ผมไม่ได้อยากเลิกนะ ผมไม่เลิก" ผมรีบบอกออกไปทันที

"ไปคิดดูให้ดีก่อนพูดออกมา"

"เรื่องแบบนี้ไม่ต้องใข้เวลาคิดผมก็รู้ .... ว่าผมไม่อยากเลิก"

"ขึ้นห้องได้แล้ว"

พี่เติมเต็มปลดล็อคประตูรถและบอกให้ผมขึ้นหอพัก ผมมองพี่เติมเต็มแต่พี่เติมเต็มเบือนหน้าหนีผม ผมเปิดประตูรถและลงมายืนที่ข้างรถ แล้วพี่เติมเต็มก็ขับรถออกไปทันที

ผมขึ้นมาถึงห้อง พอประตูห้องปิดลงผมก็ทรุดตัวนั่งลงร้องไห้ในทันที

ผมเพิ่งรู้ว่าคำว่า ... เลิก ... มันสร้างความเจ็บปวดได้มากขนาดนี้
.

.
.

วันต่อมา

สถานการณ์ระหว่างผมกับพี่เติมเต็มยังอึมครึมเหมือนเดิม ตอนเช้าพี่เติมเต็มมารับผมที่หอพักเพื่อไปมหาวิทยาลัยพร้อมกันตามปกติ แต่พี่เติมเต็มก็ยังไม่คุยกับผมเหมือนเดิม อันที่จริงก็ไม่ถึงขนาดว่าไม่คุย ... คุยเท่าที่จำเป็นน่ะครับ

ช่วงเช้าหลังจากที่ผมเรียนเสร็จ ผมก็ไลน์หาพี่เติมเต็มเหมือนที่เคยทำ ผมพยายามที่จะทำทุกอย่างให้เหมือนที่เคยทำตอนที่เรายังไม่ทะเลาะกัน


konkengg : วันนี้ทานข้าวที่ไหนดีครับ


ผมทักไปถามเหมือนที่เคยถามทุกวัน ข้อความขึ้นมาว่า 'อ่านแล้ว' ผมก็นั่งรอลุ้นว่าพี่เติมเต็มจะตอบมาว่ายังไงแต่พี่เติมเต็มก็ยังไม่ตอบกลับมา


"เป็นไรว่ะมึง" ฟูจิถามผม ตอนนี้เรานั่งอยู่ที่โต๊ะที่หน้าคณะครับ

"นั่นสิ วันนี้คนเก่งดูไม่สดชื่นเลย" ส้มส้มถามผมอีกคน

"เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับอะ" ผมตอบ ผมยังไม่ได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟูจิฟัง แต่ผมคิดว่ามันก็น่าจะพอรู้ว่าผมมีปัญหาเพียงแต่มันยังไม่ถามผม

"แล้ววันนี้ทานข้าวที่ไหนกัน" ส้มส้มถามทั้งผมและฟูจิ

"เดี๋ยวพี่วินมารับ" ฟูจิบอก แล้วส้มส้มก็ส่งสายตามาถามผมประมาณว่า 'แล้วผมล่ะ'

"เดี๋ยวพี่เต็มมารับเหมือนกัน" ผมพูดออกไปแบบนั้นเพราะไม่อยากให้เพื่อนถามอะไรอีก

"อิจฉาจังเพื่อนมีหนุ่มหล่อวิศวะเป็นแฟนทั้งสองคนเลย" ส้มส้มพูดแซวพวกผม

"แต่เราได้ยินมาว่าหนุ่มคณะบริหารก็หล่อไม่แพ้หนุ่มวิศวะนะ" ฟูจิพูดแซวส้มส้มขึ้นมาบ้าง เพราะช่วงนี้ดูเหมือนเพื่อนสนิทผู้หญิงหนึ่งเดียวของผมกำลังอินเลิฟกับรุ่นพี่คณะบริหารอยู่

"นั่นไง พูดถึงก็มาเลย" ฟูจิพูดออกมาอีกตอนที่เห็นรุ่นพี่คณะบริหารเดินเข้ามาใกล้

ตอนนี้ส้มส้มหน้าแดงมากๆเลยครับ ผมอดที่ยิ้มไม่ได้ รุ่นพี่คนนั้นทักทายกับพวกผมเล็กน้อยก่อนจะพาส้มส้มไปทานข้าว


"มีเรื่องอะไร" ฟูจิถามผมทันทีที่อยู่กันสองคน

"ไว้ค่อยคุยก็ได้ .. พี่วินมาโน่นแล้ว" ผมบอกฟูจิเพราะเห็นพี่ธาวินกำลังเดินเข้ามาทางด้านหลังฟูจิ

ผมยกมือไหว้พี่ธาวินทันทีที่พี่เขาเดินมาถึงที่โต๊ะ

"พี่นึกว่าคนเก่งออกไปทานข้าวข้างนอกกับไอ้เต็มซะอีก" พี่ธาวินพูดขึ้น

"ทานข้าวข้างนอกเหรอครับ" ผมถามพี่ธาวินกลับไป

"ใช่ เมื่อกี้ก่อนตอนเดินออกมาจากคณะ เจอกลุ่มเพื่อนมันแต่ไม่เห็นไอ้เต็มพี่ก็เลยถามหามัน เพื่อนมันบอกว่ามันออกไปทานข้าวข้างนอก" ผมนั่งเงียบหลังจากที่ได้ยิน ผมหยิบมือถือขึ้นมาดู เผื่อพี่เติมเต็มจะตอบอะไรมาหาผมบ้างแต่ก็ไม่มีเลย

ผมเห็นฟูจิจับแขนพี่ธาวินเอาไว้

"พี่วินไปทานข้าวกับเพื่อนก่อนได้มั้ย ผมมีเรื่องจะคุยกับคนเก่งมัน" ฟูจิบอกพี่ธาวิน

พี่ธาวินไม่ยอมครับ ฟูจิมันก็ไม่ยอมเหมือนกันแต่ผมก็ไม่อยากให้เพื่อนมีปัญหากับแฟน

"ไม่เป็นไรมึง เดี๋ยวค่อยคุยดีกว่า"

"แต่กูจะคุยตอนนี้เพราะกูไม่แน่ใจว่ามึงจะเล่าให้กูฟังมั้ย"

ฟูจิมันเสียงแข็งใส่ผม ก่อนที่มันจะหันไปบอกพี่ธาวินอีกรอบว่าให้กลับไปก่อน ผมเห็นหน้าหงอยๆของพี่ธาวินแล้วก็อดรู้สึกแย่ไม่ได้ เหมือนทำให้เพื่อนมีปัญหา

"ถ้างั้นไปทานข้าวแล้วก็นั่งคุยกันก็ได้ พี่วินจะได้ไปด้วยกันไง" ผมบอกและสีหน้าของพี่ธาวินก็ดูเหมือนจะดีขึ้น

"มึงแน่ใจนะ" ฟูจิถามผม

"ถ้ากูเล่าให้มึงฟัง มึงจะไปเล่าให้พี่วินฟังมั้ย" ผมถามกลับไป ฟูจิเงียบไปก่อนจะตอบออกมา

"ก็คงเล่า"

"เพราะฉะนั้นไปด้วยกันเนี่ยแหละยังไงพี่วินก็ต้องรู้อยู่ดี" ผมบอก

หลังจากที่ตกลงกันได้ผมก็เดินตามพี่ธาวินและฟูจิไปขึ้นรถ ตอนที่อยู่บนรถผมก็ไลน์หาพี่เติมเต็ม


konkengg : มาทานข้าวกับผมมั้ยครับ


ผ่านไปสองสามนาทีแต่พี่เติมเต็มก็ยังไม่อ่านข้อความ ผมตัดสินใจโทรหาแต่ผมติดต่อไม่ได้ ไม่แน่ใจว่าปิดเครื่องหรือแบตหมด

ผมอยากจะทักไปถามพี่ธรณ์แต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะทักไปถามดีมั้ย

"มึงไม่ถามพี่ธรณ์ดูล่ะ" ฟูจิที่นั่งหน้าคู่กับพี่ธาวินพูดขึ้น หลังจากที่มันรู้ว่าผมติดต่อพี่เติมเต็มไม่ได้

"กูก็คิดอยู่"

"ไม่ต้องคิดแล้ว ถามเลย ถ้ามึงไม่ถามเดี๋ยวกูถามเอง" ฟูจิมันบอก

"เออๆจะถามตอนนี้แหละ" ผมบอก


konkengg : สวัสดีครับพี่ธรณ์


ไม่นานพี่ธรณ์ก็ตอบกลับมา


thorn_ : ว่าไงเพื่อนสะใภ้

konkengg : ผมติดต่อพี่เต็มไม่ได้เลยครับ
konkengg : พี่เต็มอยู่กับพี่มั้ย

ข้อความขึ้นมาว่าอ่านแล้วแต่พี่ธรณ์ไม่ตอบผมมาในทันที ผ่านไปสักพักใหญ่ๆเลยกว่าพี่ธรณ์จะพิมพ์ตอบกลับมา

thorn_ : มันบอกแค่ว่าจะออกไปข้างนอก
thorn_ : พวกกูก็เลยเข้าใจว่า
thorn_ : มันพามึงออกไปทานข้าวข้างนอก
thorn_ : พยายามติดต่อมันอยู่
thorn_ : แต่ยังติดต่อไม่ได้
thorn_ : โทรไม่ติด

konkengg : ครับ


ผมคุยต่ออีกสักพัก พี่ธรณ์บอกว่าถ้าติดต่อได้จะรีบบอกและพี่ธรณ์ก็บอกว่ายังไงช่วงบ่ายพี่เติมเต็มก็ต้องเข้ามาทำโปรเจคกับเพื่อนอยู่แล้ว

"ยังไงมึง" ฟูจิถามผมทันทีที่เห็นว่าผมวางโทรศัพท์ลง ผมก็เล่าตามที่พี่ธรณ์บอก

"อย่าเพิ่งคิดมากมึง แบตพี่เต็มอาจจะหมด" ฟูจิพูด ถ้าไม่ใช่เพราะมีเรื่องทะเลาะกันผมก็จะคิดว่าแค่แบตหมดแต่เพราะเรื่องที่ไม่เข้าใจกันทำให้ความคิดผมมันตีกันมั่วไปหมด

พี่ธาวินขับรถมาจอดที่ลานจอดรถในห้างสรรพสินค้าที่อยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยมากเท่าไหร่ ฟูจิมันบอกพี่ธาวินว่ามันอยากทานสุกี้ พี่ธาวินก็ตามใจมัน ส่วนผมไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว

หลังจากที่ฟูจิกับพี่ธาวินจัดการเรื่องสั่งอาหารเรียบร้อยแล้ว ฟูจิก็พูดกับผมทันที

"เล่ามาได้แล้ว"

ผมตัดสินใจเล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นตั้งแต่ที่ผมไปคุยกับป๊าพี่เติมเต็มจนถึงเหตุการณ์เมื่อเช้า รวมทั้งที่ไลน์ไปแล้วพี่เติมเต็มไม่อ่าน

"พี่วิน คิดยังไง" ฟูจิถามพี่ธาวินหลังจากที่ผมเล่าจบ

"พี่ไม่ได้เข้าข้างไอ้เต็มนะแต่พี่เข้าใจความรู้สึกมัน เพราะถ้าฟูจิพูดกับพี่แบบนี้ พี่ก็คงเสียใจ" พี่ธาวินไม่ได้ตอบฟูจิ แต่หันมาคุยกับผม

"ครับ" ผมตอบรับ

"แล้วมึงจะทำยังไงต่อ" ฟูจิถามผม

"กูก็จะพยายามง้อแหละ แต่กูก็ไม่รู้ว่าต้องยังไง และอีกอย่างกูก็กลัวว่าพี่เต็มเขาอาจจะไม่เหมือนเดิมกับกู เขาอาจจะเลิกรักกูแล้วก็ได้เพราะกูทำตัวน่ารำคาญ"

"คิดไปใหญ่แล้วคนเก่ง คนเราไม่ได้เลิกรักกันได้ง่ายขนาดนั้นหรอกนะ ตอนนี้ไอ้เต็มมันแค่น้อยใจเท่านั้นแหละ" พี่ธาวินพูด

"ใช่มึง พี่เต็มรักมึงจะตาย ใครๆก็ดูออกแต่เพราะเขารักมึงมากเนี่ยแหละ เขาถึงเสียใจมาก"



หลังจากนั้นของสดที่สั่งก็มาเสิร์ฟพอดี พี่ธาวินกับฟูจิช่วยกันเอาของสดลงหม้อสุกี้ ผมเองก็หยิบมือถือขึ้นมากดหาพี่เติมเต็มอีกครั้งแต่ทุกอย่างมันก็เหมือนเดิมติดต่อไม่ได้ ส่งไลน์ไปก็ไม่อ่านเหมือนเดิม



เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมง มื้อกลางวันก็จบลงในขณะที่กำลังนั่งรอพนักงานมาคิดเงิน ผมก็สังเกตเห็นฟูจิมันทำท่ายุกยิกๆอยู่กับพี่ธาวิน และสายตาของทั้งคู่ก็มองออกไปด้านนอกร้านที่เป็นกระจก โต๊ะที่ผมนั่งอยู่ติดกระจกครับ ผมมองตามสายตาของฟูจิและพี่ธาวิน


... พี่เติมเต็มครับ


ผมเห็นพี่เติมเต็มกำลังลงบันไดเลื่อนโดยข้างๆพี่เติมเต็มมีผู้หญิงหน้าตาสวยยืนอยู่ด้วย เท่าที่ผมเห็นทั้งสองคนดูจะพูดคุยด้วยความสนิทสนม


ผมไม่คุ้นหน้าผู้หญิงคนนี้มาก่อน คิดว่าน่าจะไม่ใช่นักศึกษาในมหาวิทยาลัยของเราเพราะผู้หญิงคนนั้นไม่ได้แต่งชุดนักศึกษา

พี่เติมเต็มคงจะออกมาทานข้าวกับผู้หญิงคนนี้สินะ ถึงได้ไม่ตอบไลน์และปิดเครื่อง ผมไม่อยากคิดไปเองแบบนี้หรอกครับ แต่พอมาเจอแบบนี้มันก็อดที่จะหวั่นไหวไม่ได้


'มีอะไรทำไมไม่ถาม คิดเองเออเองตลอด'


แต่คำพูดของพี่เติมเต็มที่พูดกับผมเมื่อวานนี้ดังก้องมาในหัวผม

ใช่ ... ผมต้องถามพี่เติมเต็มก่อน



"คนเก่ง" ฟูจิมันเรียกผม ตอนที่ผมกำลังนั่งเหม่ออยู่ ผมหันไปมองมัน

"มึง ... โอเคมั้ยวะ" ฟูจิถามผม

"โอเคๆ คิดเงินแล้วใช่มั้ยจะได้กลับไปเรียน ใกล้เวลาแล้วด้วย" ผมตอบกลับฟูจิมันไป ก่อนจะเป็นคนที่เดินนำออกมาจากร้าน

"มึงไม่ตามพี่เต็มไปเหรอวะ" ฟูจิถามผมตอนที่เดินออกจากร้านมาแล้วผมเดินนำไปทางลานจอดรถซึ่งมันเป็นคนละฝั่งจากบันไดเลื่อนที่เจอพี่เติมเต็ม

"ไม่อะ เดี๋ยวค่อยไปหาพี่เต็มที่คณะก็ได้ เราก็กลับไปเรียนกันดีกว่า" ผมบอกกับฟูจิ ผมเห็นฟูจิสบตากับพี่ธาวินและเห็นพี่ธาวินพยักหน้าให้กับฟูจิ

ถามว่าในใจผมหวั่นไหวมั้ย
แน่นอนคำตอบคือใช่
สมองผมมันคิดไปไกลมาก

แต่ผมจะต้องถามพี่เติมเต็มก่อน ผมไม่อยากให้เรื่องมันแย่ไปกว่านี้

หวังว่ามันจะยังทันเวลาอยู่นะ





TBC.
#เติมเต็มรัก
ninewara✿


◕ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านนะคะ
◕ อาจจะสนุกบ้างไม่สนุกบ้างก็ต้องขออภัยด้วยนะคะ
◕ ❤️


หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 27) 04/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ninewara ที่ 04-06-2019 16:59:38
✿ เติมเต็มรัก ✿ ครั้งที่ 27


[เติมเต็ม part]



จากเหตุการณ์เมื่อวันก่อน


ตอนที่คนเก่งกอดผมและขอให้ผมอยู่คุยกับน้องก่อน ผมเกือบจะใจอ่อนแล้วแต่ความรู้สึกน้อยใจ เสียใจมันมีมากกว่า

ความรู้สึกแรกของผมตอนที่ได้ยินคนเก่งพูดกับป๊า คือผมอึ้งเพราะไม่คิดว่าน้องจะพูดแบบนี้ออกมา และความรู้สึกหลากหลายต่างๆก็ประเดประดังเข้ามา ทั้งเสียใจ ทั้งน้อยใจ ทั้งไม่เข้าใจ

ตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างเราสองคนมันกำลังดีมากๆ แต่ทำไมคนเก่งคิดแบบนั้น หลายเดือนที่ผ่านมาที่เราคบกันสำหรับผม ผมว่าน้องคือคนที่ใช่มากสำหรับผม ยิ่งคบกันมันก็ยิ่งใช่ ... และยิ่งคบกันผมก็ยิ่งรักคนเก่ง

สิ่งที่คนเก่งพูดมันกลับทำให้ผมไม่มั่นใจว่าตอนนี้น้องคิดเหมือนผมมั้ย จากคำพูดของน้อง มันเหมือนน้องคิดไว้แล้วว่าอนาคตของน้องจะไม่มีผม

ผมรู้ว่าคนเก่งรักผม รักผมมากจนไม่อยากเห็นแก่ตัวเอง มีหลายครั้งที่เราเดินไปไหนด้วยกันในมหาวิทยาลัย ผมซึ่งมีคนรู้จักอยู่ประมาณหนึ่ง จากปกติเดินคนเดียวก็มีคนมองอยู่แล้ว ยิ่งมากับคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนแถมยังเป็นผู้ชายด้วยอีก แน่นอนต้องมีคนมองมากขึ้นอยู่แล้ว

ทุกครั้งคนเก่งก็มักจะกังวลและมักจะพูดเรื่องที่มีคนพูดว่าผมเป็นเกย์บ่อยๆ ว่าเป็นเพราะตัวเองที่ทำให้คนอื่นนินทาผม ทำให้ผมดูแย่ และผมก็พูดตลอดว่าไม่ต้องคิดมากเพราะผมไม่ได้คิดอะไร ผมมีความสุขดีและไม่ได้คิดมากกับสิ่งที่ใครๆพูดกัน ผมพยายามที่จะพูดให้คนเก่งรู้สึกดีรู้สึกมั่นใจแต่น้องก็ยังคงเป็นแบบนี้

พอมาเจอเหตุการณ์วันนี้มันยิ่งรู้สึกแย่ เหมือนคนเก่งไม่เคยมั่นใจในความรักของผมเลยเพราะถ้ามั่นใจคงไม่คิดที่จะให้ผมไปแต่งงานมีครอบครัวกับคนอื่น ที่ผ่านมาคือแค่คบกันไปวันๆรอวันเลิกอย่างนั้นเหรอ

ทำไมถึงได้คิดแบบนี้ ผมรู้ว่าอะไรก็ตามที่เกี่ยวกับผม คนเก่งดูจะคิดมากไปซะทุกอย่าง

ถ้ามีเรื่องอะไรที่ผมอยากจะขอ ผมอยากขอให้น้องมีความมั่นใจมากกว่านี้จะได้มั้ย มั่นใจในตัวเองและมั่นใจในตัวผม



ตอนที่ผมเดินขึ้นมาบนห้อง ป๊าเดินตามขึ้นมาคุยกับผม

"ตอนแรกป๊าก็ลังเลไม่แน่ใจว่าผู้ชายกับผู้ชายมันจะไปกันรอดเหรอ ถึงป๊าไม่ขัดขวางแต่จะให้ยอมรับร้อยเปอร์เซ็นต์มันก็คงไม่ถึงขนาดนั้น แต่เพราะม๊าเราก็การันตีว่าคนเก่งเป็นเด็กดีและรักแกมากป๊าก็เลยอยากเจอคนเก่งดูสักครั้งและสิ่งที่ป๊าได้ยินคนเก่งพูดทำให้ป๊ารู้ว่าเด็กคนนี้รักแกมากนะเต็ม รักแกมากกว่าตัวเอง ยอมทิ้งความสุขของตัวเองเพื่อให้แกมีอนาคตที่ดี อืม...ถ้าอนาคตที่ดีหมายถึงการมีลูกมีเมียตามปกติอะนะ ป๊าคงจะไม่พูดอะไรมากเพราะแกต้องรู้จักคนเก่งดีกว่าป๊าอยู่แล้ว"

ผมเข้าใจสิ่งที่ป๊าบอกผม แต่ผมไม่เข้าใจคนเก่งทำไมต้องทิ้งความสุขของตัวเองทั้งๆที่ความสุขมันอยู่ในมืออยู่แล้ว

ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด!!


ผ่านไปเกือบชั่วโมง ผมเริ่มรู้สึกหิวเพราะยังไม่ได้ทานอะไรเลย ตั้งใจว่าพาคนเก่งมาคุยกับป๊าม๊าเสร็จจะออกไปหาอะไรทานกันข้างนอกแต่ที่วางแผนไว้มันพังไม่เป็นท่า

ผมมองดูหน้าจอมือถือ ผมเห็นข้อความที่คนเก่งส่งมาหาผมทางไลน์แต่ผมเลือกที่จะไม่กดเข้าไปอ่าน คนเก่งโทรมาผมก็เลือกที่จะไม่รับ อย่าเพิ่งว่าผมใจร้ายเลย อารมณ์ผมตอนนี้ทั้งโกรธทั้งเสียใจ


ผมเดินลงมาข้างล่าง คิดในใจอยู่ว่าถ้าเจอคนเก่งผมก็จะยังไม่คุย ผมเดินลงมาเจอติวเตอร์ น้องชายของผมนั่งเล่นเกมส์มือถืออยู่ที่ห้องรับแขก

"ไม่ออกไปไหนเหรอ" ผมถามน้องชาย สายตาผมมองไปรอบๆบริเวณนั้นไม่เจอใครอื่นอีก นอกจากติวเตอร์

"เพิ่งกลับมาสักพักเอง แล้ววันนี้ไม่ออกไปไหนกับพี่สะใภ้เหรอ ตอนจะเข้าบ้านผมเห็นพี่สะใภ้เดินอยู่แถวปากซอย แต่ไม่ได้ทักเพราะผมมารถเพื่อน" ติวเตอร์มันพูดโดยที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาจากหน้าจอมือถือ

งั้นแสดงว่าคนเก่งกลับไปแล้ว แต่ ... เดินกลับงั้นเหรอ


"ว่าไง เจ้าลูกชายตัวดี" ผมยังไม่ได้ตอบอะไรน้องชายผม เสียงผู้หญิงที่ทรงอิทธิพลที่สุดในบ้านผมก็ดังขึ้นด้านหลัง

"ป๊ากับม๊าจะไปไหนเหรอครับ" ผมถามเพราะเห็นป๊ากับม๊าแต่งตัวค่อนข้างจะเป็นทางการ

แต่สิ่งที่ม๊าตอบผมมาก็คือ ...

"รู้มั้ยว่าคนเก่งร้องไห้จนตาบวมตาช้ำไปหมด แล้วน้องก็เดินกลับบ้านไม่ยอมให้ไปส่ง"

ผมไม่ได้พูดหรือตอบอะไรออกไป ผมแค่ตอบรับและเลี่ยงเดินเข้าไปในครัวแทน ตอนแรกม๊าทำท่าเหมือนจะเดินตามผมเข้ามาแต่ป๊าเรียกม๊าเอาไว้

ผมนึกขอบคุณป๊าในใจเพราะผมไม่มีอะไรจะพูดหรืออธิบายกับม๊าตอนนี้


คืนนั้นผมเห็นทุกข้อความทางไลน์ของคนเก่งที่ส่งเข้ามาแต่ผมไม่กดเข้าไปอ่าน และไม่รับสายด้วยเช่นกัน


ข้อความสุดท้ายที่คนเก่งส่งมาผมในคืนนั้นคือ คิดถึง ...


ตอนที่เห็นข้อความนั้น ในหัวผมมันตีกันไปหมด มันไม่ใช่แค่คนเก่งคนเดียวที่คิดถึงผมแต่ผมเองก็คิดถึงน้องเหมือนกัน แต่ความน้อยใจและความเสียใจของผมมันมีมากกว่าทำให้ผมเลือกที่จะไม่กดเข้าไปอ่านข้อความของน้องเหมือนเดิม


คืนนั้นเป็นคืนแรกในรอบหลายเดือนที่ผมนอนไม่หลับเลย

.
.
.

เช้าวันต่อมา
อิงค์โทรมาหาผมเพราะรู้ว่าผมกลับมาที่บ้าน อิงค์อยากจะขอติดรถกลับไปมหาวิทยาลัยด้วยเพราะมาธุระกับที่บ้านกระทันหันแล้วไม่ได้ขับรถมาเอง

ช่วงสายๆผมก็เลยออกไปรับอิงค์ ตอนที่ขับรถกลับมาถึงหน้าบ้านตัวเองผมเห็นรถจักรยานของคนเก่งจอดอยู่ ผมรู้เลยว่าน้องมาหาผม ในใจตอนนั้นผมรู้สึกดีใจนะที่น้องมา แต่ผมก็ต้องบอกตัวเองว่าอย่าแสดงท่าทางอะไรออกไป

ตอนที่ผมเดินเข้ามาในบ้านเห็นคนเก่งนั่งอยู่ที่ห้องรับแขกกับม๊า ผมรู้ว่าสายตาของน้องพยายามที่จะมองผมแต่ผมก็เลือกที่จะไม่มองกลับไป

ตอนที่คนเก่งส่งถุงสีขาวลายดาวมาให้ผม ผมดีใจนะที่ถึงแม้ว่าเราจะมีปัญหากันแต่น้องก็ยังเขียนการ์ดมาให้ผม อันที่จริงแล้วตั้งแต่เป็นแฟนกันน้องก็ยังทำเหมือนเดิมครับยังเขียนการ์ดให้ผมสม่ำเสมอตลอด ตอนแรกผมคิดว่าพอเป็นแฟนกันผมคงไม่ได้การ์ดแล้วล่ะแต่ผมคิดผิด ทุกอย่างยังเหมือนเดิม

แล้วตอนที่น้องบอกว่าขอร้องให้ผมอ่านไลน์น้องบ้างได้ไหม ตอนนั้นน้ำเสียงของคนเก่งน่าสงสารมากเลยครับ ผมเกือบจะใจอ่อนแล้ว ผมก็เลยเลือกที่จะไม่พูดอะไรออกไปเพราะถ้าพูดผมต้องใจอ่อนกับน้องแน่

จนกระทั่งตอนเกือบบ่ายสามโมง ผมขับรถไปรับคนเก่งที่บ้าน แต่ผมไม่เจอน้อง ผมเจอแค่แม่ของน้องและแม่ของน้องก็บอกผมว่าน้องไปขึ้นรถตู้เพื่อจะกลับหอ แล้วพอผมรู้ว่าคนเก่งเพิ่งออกไปได้สักพักผมก็รีบตามออกไป ความรู้สึกของผมตอนนั้นจากที่เสียใจจากที่น้อยใจมันเพิ่มความโมโหเข้ามา เพราะตอนที่เจอกันที่บ้านผม น้องก็ถามผมเองว่าจะกลับกี่โมง ผมก็บอกน้องไปแล้วว่าบ่ายสามโมง ผมก็เข้าใจว่าน้องก็ต้องไปรอผมที่บ้านเพราะทุกครั้งมันก็เป็นแบบนั้น แต่ทำไมครั้งนี้คนเก่งถึงได้เลือกที่จะกลับเอง

ตอนที่ไปเจอคนเก่ง น้องกำลังจะขึ้นรถตู้พอดีครับ ผมรีบเดินไปดึงแขนน้องมาที่รถและจับน้องไปนั่งที่เบาะด้านหลังคนขับ เพราะด้านหน้าอิงค์นั่งอยู่ แล้วพอถามถึงเหตุผลที่จะกลับเอง คนเก่งก็ให้เหตุผลที่ทำให้ผมโกรธมาก

คนเก่งคิดว่าเพราะเรากำลังทะเลาะกันอยู่ แล้วผมก็คงไม่อยากให้กลับด้วยกัน ทั้งๆที่ผมบอกไปแล้วว่าจะกลับกี่โมงแต่คนเก่งก็ยังคิดแบบนี้ ผมโกรธที่เวลามีอะไรแล้วไม่ถามคิดไปเองคนเดียวว่ามันต้องเป็นอย่างนั้นต้องเป็นอย่างนี้

เมื่อวานตอนมาส่งคนเก่งที่หอพัก ผมรู้ว่าผมพูดแรงเพราะมันผสมกับความเสียใจและความโกรธแต่ผมก็อยากให้คนเก่งเอาไปคิดและคิดตามสิ่งที่ผมพูดออกไปด้วย


เมื่อเช้าผมมารับคนเก่งที่หอพักตามปกติที่เคยทำ ตอนที่ตื่นมาตอนเช้าผมก็คิดนะว่าคนเก่งจะไปเรียนเองหรือจะรอผม จนตอนที่ผมขับรถออกมาจากคอนโด คนเก่งก็ไลน์มาบอกผมว่ารออยู่ข้างล่างหอพักแล้ว ทำให้ผมยิ้มออกมาที่คนเก่งรู้ว่ายังไงผมก็ต้องมารับ

ตอนที่คนเก่งขึ้นรถมา ผมไม่ได้คุยอะไรกับน้องเลย แต่น้องก็พยายามที่จะชวนผมคุย ผมสังเกตดูตาของคนเก่งมีรอยช้ำอย่างเห็นได้ชัด แสดงว่าเมื่อคืนอาจจะนอนร้องไห้ ผมอดที่จะเอื้อมมือไปลูบหัวน้องไม่ได้ตอนที่ผมทำแบบนั้นคนเก่งชะงักนิดหนึ่งแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา

ตอนกลางวันผมเรียนเสร็จก่อนคนเก่งประมาณครึ่งชั่วโมง ตั้งใจว่าจะพาคนเก่งออกไปทานข้าวข้างนอก ทุกคนอาจจะงงว่าผมโกรธ ผมไม่คุยด้วยแต่ทำไมผมยังไปทานข้าวไปรับไปส่งคนเก่งเหมือนเดิม เรื่องโกรธมันก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่ผมก็อยากเจอหน้าแฟนอยู่ดี มันดูย้อนแย้งคุณว่ามั้ย แล้วที่สำคัญผมก็อยากให้คนเก่งง้อผมด้วย เวลาเห็นคนเก่งพยายามที่จะง้อผม ผมว่ามันน่ารักดี

หลังจากที่ผมเรียนเสร็จผมก็บอกเพื่อนๆว่าวันนี้จะออกไปทานข้าวข้างนอก จะเข้ามาช่วงบ่ายๆตอนนัดทำโปรเจคกัน ตอนที่เดินมาใกล้ถึงลานจอดรถ ผมหยิบมือถือขึ้นมาเพื่อจะดูว่าคนเก่งไลน์หาผมบ้างมั้ย ตอนแรกยังไม่มีครับ แต่ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น ข้อความของคนเก่งก็เข้ามาถามผมว่าวันนี้จะทานข้าวที่ไหน ผมกดเข้าไปอ่านแต่ไม่ได้ตอบครับเพราะจะขับรถไปรับคนเก่งที่คณะเลย ตอนนี้คนเก่งน่าจะนั่งอยู่ที่โต๊ะประจำเพื่อรอผม

แต่ตอนที่ผมกำลังจะเดินข้ามถนนเพื่อไปยังลานจอดรถ มีนักศึกษาผู้หญิงสองสามคนวิ่งหยอกล้อกันมาแล้วมาชนผม มือถือที่อยู่ในมือผมก็เลยหลุดออกจากมือไป และกระเด็นไปหล่นอยู่ที่กลางถนนและมันไม่พอแค่นั้นมีรถยนต์ขับมาและล้อก็เหยียบมือถือผมไปแบบเต็มๆ

สถานการณ์ตอนนั้นผมหูอื้อไปหมดเลยครับ ผมได้ยินเหมือนเสียงนักศึกษาผู้หญิงที่ชนผมกล่าวขอโทษผมอยู่ไกลๆ ผมรีบวิ่งไปหยิบซากมือถือของผมขึ้นมา และคนขับรถยนต์คันที่เหยียบมือถือของผมที่เขาจอดอยู่ไม่ไกลมากก็วิ่งมาดู พร้อมทั้งกล่าวขอโทษผมพร้อมทั้งบอกว่าเบรคไม่ทันจริงๆเพราะมันกระชั้นชิดมาก

ตอนนั้นผมไม่มีอารมณ์จะทำอะไรเลยครับ ผมรู้แค่ผมต้องเอามือถือไปที่ศูนย์ซ่อมด่วนที่สุด

พอขับรถออกมาจนใกล้จะถึงห้างสรรพสินค้า ผมก็มานึกได้ว่าคนเก่งต้องนั่งรอผมแน่นอนเลย แต่ตอนนี้ผมก็ติดต่อใครไม่ได้

เฮ้อ ... เดี๋ยวค่อยไปอธิบายก็แล้วกัน



(มีต่อนะคะ)
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 26) 04/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ninewara ที่ 04-06-2019 17:05:03
(ต่อค่ะ)




ตอนที่ผมจอดรถที่ลานจอดรถของห้างสรรพสินค้าที่อยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัย ก็มีรถยนต์คันหนึ่งมาจอดข้างผมซึ่งผมคุ้นตามาก พอผมลงมาจากรถผมก็ยิ่งมั่นใจว่าใช่จริงๆ

"พี่ต่อ" รถของพี่ชายผมเองครับ

"อ้าว เต็ม" พี่ต่อภพทักผม ก่อนจะเห็นพี่ขวัญ พี่สะใภ้ผมเดินลงมาจากรถ ผมยกมือไหว้พี่สะใภ้

"สวัสดีจ้ะน้องเต็ม มาทำอะไร"

"เอามือถือมาซ่อมน่ะครับ โดนรถเหยียบ" ผมบอก พี่ชายผมหัวเราะผมว่าไปทำยังไงให้รถเหยียบมือถือ ผมก็เล่าเหตุการณ์ให้ฟัง ก่อนที่พี่ชายและพี่สะใภ้ของผมจะเดินไปที่ศูนย์ซ่อมมือถือพร้อมกับผม

แต่ผมคิดว่ามือถือผมน่าจะต้องได้ซื้อใหม่อย่างแน่นอนเพราะสภาพมันแย่มากแต่สิ่งที่ผมอยากให้ศูนย์ซ่อมช่วยดูให้ผมคือเมมโมรี่การ์ดยังใช้ได้อยู่มั้ย ถ้าเสียหายกู้ข้อมูลให้ผมได้มั้ยเพราะในเมมโมรี่การ์ดมีรูปมีคลิปที่ผมถ่ายกับคนเก่งไว้เยอะมาก

หลังจากเอามือถือไปให้ที่ศูนย์ดูเรียบร้อยแล้วทางศูนย์บอกว่าอีกสักประมาณหนึ่งชั่วโมงให้กลับมาอีกที พี่ชายและพี่สะใภ้ผมก็เลยชวนผมทานข้าวด้วยกัน

พอทานข้าวเสร็จ ผมก็เดินกลับมาที่ศูนย์ซ่อมพร้อมกับพี่ขวัญพี่สะใภ้เพราะพี่ชายผมนัดเอาเอกสารมาให้ลูกค้าที่ร้านกาแฟชื่อดังที่อยู่ชั้นหนึ่ง

ผลก็อย่างที่คิดครับผมต้องซื้อมือถือเครื่องใหม่ แต่โชคดีที่เมมโมรี่การ์ดและซิมไม่ได้รับความเสียหาย จากตอนแรกที่ผมจะซื้อมือถือเครื่องใหม่เอง แต่พี่ชายผมเป็นคนจัดการให้ครับ นับว่าในความโชคร้ายยังมีความโชคดี

ก่อนจะแยกย้ายกันกลับพี่ชายผมถามถึงคนเก่ง พอผมเล่าคร่าวๆว่ามีปัญหากันนิดหน่อย พี่ชายผมบอกจะเอามือถือคืนเพราะผมทำให้คนเก่งเสียใจ

"พี่ต่อ ใครกันแน่ที่ทำให้เสียใจ น้องมันพูดเหมือนไม่รักผมเลยนะ จะไล่ให้ผมไปแต่งงานกับคนอื่น"

"ก็เพราะว่าเขารักเขาถึงได้พูดแบบนั้นยอมทิ้งความสุขของตัวเอง" พี่ชายผมพูด

"เพียงแต่เขาลืมคิดไปว่าความสุขของเราต้องมีเขาอยู่ด้วย ... จริงมั้ย" พี่สะใภ้ผมพูดเสริมขึ้นมา

"ไปเถอะขวัญ ที่จริงมันไม่มีอะไรมากหรอก มันแค่งอนเมียเท่านั้นแหละ ท่ามากอยากให้เมียง้อไง แต่พอเขาง้อก็เล่นตัว ถ้าเขาไม่ง้อจะรู้สึก" พี่ชายผมพูด

ผมได้แต่เถียงพี่ชายในใจว่า ไม่มีทางที่คนเก่งจะไม่ง้อผม เพราะคนเก่งรักผมมาก

"เอาไว้พามาเจอมาทานข้าวด้วยกันบ้างนะ เคยได้ยินแต่ม๊าเล่าให้ฟังแต่ยังไม่เคยเจอตัวจริงสักที" พี่สะใภ้ผมพูดก่อนที่จะขึ้นรถ และผมก็รับปากไป

หลังจากนั้นผมกับพี่ชายและพี่สะใภ้ก็แยกย้ายกันกลับ



ผมกลับมาที่คณะและเดินตรงไปที่นัดหมายกันทำโปรเจค ระหว่างทางที่เดินไปผมเจอกับไอ้ธาวินที่เดินสวนมา ตอนแรกผมก็แค่ทักทายมันธรรมดา แต่เพราะประโยคที่มันพูดขึ้นมาทำให้ผมต้องหยุดคุยกับมัน

"ตอนกลางวันกูพาแฟนมึงออกไปกินข้าวที่ห้าง xxx มา น่าสงสารคนเก่งนะที่โดนแฟนทิ้ง"

"มึงพูดเหี้ยอะไรของมึง กูไม่เคยทิ้งแฟนกู" ผมย้อนมัน

"เหรอ แล้วที่กูเห็นมึงเดินอยู่กับผู้หญิงสวยๆที่ห้างนี่คืออะไรวะ ไม่ใช่แค่กูนะที่เห็นคนเก่งก็เห็น"

ผมชะงักไปกับสิ่งที่ได้ยิน ถ้าเป็นอย่างที่ไอ้ธาวินมันพูด คนเก่งก็ต้องเห็นผมอยู่กับพี่ขวัญ น่าจะเป็นตอนที่ผมเดินกลับไปที่ศูนย์ซ่อมมือถือกับพี่ขวัญแค่สองคน คนเก่งเองก็ยังไม่เคยเจอพี่ขวัญ ยิ่งเป็นคนที่คิดมากอยู่แล้ว ผมไม่อยากจะคิดเลยว่าตอนนี้คนเก่งคิดไปถึงไหนต่อไหนแล้ว

เรื่องเก่าก็ยังไม่ได้เคลียร์ มีเรื่องใหม่มาอีกแล้ว

"ไม่ใช่เรื่องที่กูต้องมาอธิบายให้มึงฟัง กูจะคุยกับแฟนกูเอง" ผมบอกมันและเดินออกมาไม่คุยกับมันต่อ

ผมรู้สึกหงุดหงิดไม่น้อยที่รู้ว่าคนเก่งไปทานข้าวกับมันแต่ผมรู้ว่าต้องมีฟูจิไปด้วยอยู่แล้ว แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้ผมรู้สึกดีขึ้นมากนัก อาจจะเป็นเพราะมันเคยบอกว่าจะจีบคนเก่งแล้วช่วงนั้นมันก็มักจะกวนประสาทผมบ่อยๆเรื่องคนเก่ง


ผมเดินมาถึงตรงที่นัดหมายกับเพื่อนที่ทำโปรเจคกัน

"ไอ้เต็มมึงไปไหนมาวะ ติดต่อก็ไม่ได้" เสียงของไอ้ธรณ์มันโวยวายใส่ผมทันทีที่เจอหน้า

"เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยวะ มือถือกูพัง เพิ่งซื้อเครื่องใหม่มาเนี่ย" ผมบอกก่อนจะหยิบกล่องใส่มือถือออกมา จัดการเปิดเครื่องและหาปลั๊กไฟเพื่อเสียบชาร์จแบต

ผมเห็นพวกเพื่อนสนิทผมสามคนมองหน้ากันไปมา ก่อนที่ไอ้ธรณ์จะเป็นคนเดินมานั่งข้างผมที่กำลังจัดการมือถือเครื่องใหม่อยู่

"อีเมล์ที่เคยลงทะเบียนไลน์ไว้คืออะไรวะ" ผมบ่นกับตัวเอง และพยายามนึกว่าผมเคยใช้เมล์อะไรลงทะเบียนไว้เพราะผมอยากได้ข้อมูลทุกอย่างในไลน์ผมกลับมา ผมไม่อยากต้องลงทะเบียนใหม่

"คนเก่ง ไลน์มาถามกูว่ามึงอยู่ที่ไหน น้องมันติดต่อมึงไม่ได้" ผมนิ่งไปตอนที่ไอ้ธรณ์มันพูด

"ถามมึงตอนไหน" ผมถาม ไอ้ธรณ์มันหยิบมือถือมันขึ้นมาและเปิดไลน์ของคนเก่งให้ดู ผมดูจากเวลาที่คนเก่งส่งข้อความหาไอ้ธรณ์เป็นเวลาที่คนเก่งเลิกเรียนไม่นาน

"กูนึกว่ามึงออกไปกับน้องมันกูเลยพูดไปแบบนั้น"

ไอ้ธรณ์มันคงเห็นที่ผมอ่านข้อความที่มันคุยกับคนเก่ง

"มีปัญหาอะไรกันหรือเปล่าวะ"
ไอ้ธรณ์มันถามผมด้วยน้ำเสียงจริงจัง

ผมถอนหายใจ ก่อนจะเล่าให้มันฟัง

"กูจะสงสารใครดีวะ แต่กูว่าตอนนี้มึงติดต่อหาน้องมันก่อนดีมั้ย ป่านนี้คิดมากแล้ว"

"กูโทรหาแล้วแต่ไม่ติดว่ะ แบตน่าจะหมด" ผมลองโทรหาคนเก่งแล้วครับแต่ติดต่อไม่ได้

ผมพยายามนึกอีเมล์ก็นึกไม่ออก คงต้องเดินย้อนกลับไปที่รถเพราะผมจะมีสมุดโน๊ตที่จดบันทึกอะไรที่สำคัญไว้ในนั้น ปกติผมพกติดกระเป๋าเป้เป็นประจำครับแต่เมื่อเช้าหลังจากที่ส่งคนเก่งที่คณะ ผมหยิบออกมาดูกำหนดการส่งโปรเจค หลังจากดูเสร็จผมก็วางไว้ที่เบาะที่นั่งข้างคนขับ แล้วก็ลืมที่จะเอามาใส่กระเป๋าเป้ไว้เหมือนเดิม

"ไอ้เต็มมาทำงานก่อนมึง" ไอ้ทัตพลเรียกผม ดูเหมือนทุกคนจะรอผมอยู่ ผมเลยต้องตัดใจมานั่งทำงานก่อน

"เป็นไรมึง หน้าตาไม่ค่อยดี" ไอ้คิวถามผม

"กูว่าเมียไม่ให้เอา" ไอ้ชินท์มันพูดขึ้นมา แล้วพวกมันก็หัวเราะกัน

"เดี๋ยวกูถีบเลย ห้ามเอาแฟนกูมาล้อทำงานๆ" ผมบอกพวกมัน


เวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมง งานก็ก้าวหน้าไปเยอะแล้วครับ จนไอ้กอล์ฟมันบอกให้พวกเรานั่งพักกันก่อน ก่อนที่พวกมันเริ่มคิดหาของมาทานกันเพราะใช้พลังงานกันไปพอสมควร


"มึงๆ เมียมึงมา" ไอ้ชินท์เดินมาสะกิดผม ที่กำลังนั่งวุ่นวายกับมือถือเครื่องใหม่อยู่ ผมรีบหันไปมองเห็นคนเก่งกำลังเดินเข้ามาใกล้ๆพวกผม ผมรีบลุกเดินเข้าไปหาเพราะเห็นคนเก่งถือถุงอะไรมาเยอะแยะไปหมด

พอผมเดินเข้ามาใกล้ถึงเห็นว่าในมือน้องมีถุงของกินและเครื่องดื่มทั้งน้ำเปล่าและน้ำอัดลม

"ผมซื้อของกินกับน้ำมาให้ครับ" คนเก่งบอก และไอ้ชินท์ที่เดินตามผมมามันก็บอกว่า

"คนเก่งเป็นนางฟ้ามาโปรดพวกพี่เลย พวกพี่กำลังหิวมาก"

ผมรับถุงในมือคนเก่งและส่งต่อให้ไอ้ชินท์ ผมเห็นมือน้องแดงไปหมดเพราะหิ้วถุงมาเยอะและน่าจะหนักด้วย แถมหน้าก็มีแต่เหงื่อเต็มไปหมด ผมอดไม่ได้ที่จะหยิบผ้าเช็ดหน้าที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงมาเช็ดหน้าให้

คนเก่งหน้าแดงมากขึ้นและทำตาโตมองผมด้วยความตกใจ แต่ผมไม่ได้พูดอะไรออกมา แค่เช็ดหน้าให้เท่านั้น ตอนที่ผมเช็ดเสร็จกำลังจะเก็บผ้าเช็ดหน้าไว้เหมือนเดิม คนเก่งกลับจับมือผมไว้แล้วบอกว่า

"เดี๋ยวผมเอาไปซักให้ครับ มันสกปรกแล้ว"

ผมอยากจะแย้งไปว่าไม่เห็นสกปรกตรงไหน แต่ผมก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาและปล่อยให้น้องดึงผ้าเช็ดหน้าออกจากมือผม ผมเดินนำคนเก่งเข้ามานั่งข้างใน ผมเดินเข้าไปหากลุ่มเพื่อน ส่วนคนเก่งก็นั่งที่เก้าอี้ที่ห่างออกไปเล็กน้อย

"เดี๋ยวกูไปซื้อน้ำแข็งก่อน" ผมได้ยินไอ้คิวมันพูด

"ผมขอโทษครับ ผมลืมซื้อมา" คนเก่งเอ่ยขึ้น

"ไปขอโทษมันทำไม" ผมพูดขึ้นมา

"ไม่ต้องขอโทษครับน้องคนเก่ง หิ้วมาได้ขนาดนี้ก็เก่งมาแล้ว ทั้งน้ำอัดลมทั้งน้ำเปล่าตั้งหลายขวด" ไอ้คิวมันบอก

ผมเหลือบมองดูที่มือของคนเก่งอีกครั้ง

หลังจากนั้นไอ้คิวก็เดินออกไปซื้อน้ำแข็งตรงซุ้มน้ำข้างตึกคณะ ส่วนพวกที่เหลือก็ลงมือหาของกินเข้าปาก ผมมองดูเห็นมีลูกชิ้นทอด หมูปิ้งพร้อมข้าวเหนียว หมูสะเต๊ะ พวกผมมีกันเจ็ดคนแต่เห็นปริมาณของกินแล้ว ผมว่าเหลือเฟือเลยครับ เพราะดูแต่ละอย่างแล้วอย่างน้อยๆก็ไม่ต่ำกว่าห้าสิบไม้

"พี่เต็มไม่ทานเหรอครับ" คนเก่งขยับมานั่งใกล้ผมและถามผมขึ้นมา

"ไม่ล่ะ" ผมตอบและคนเก่งก็หน้าหงอยลงทันทีจนรู้สึกได้

"เดี๋ยวทานมื้อเย็นไม่ได้" ผมเว้นคำพูดที่ว่า 'เดี๋ยวไปทานมื้อเย็นกับเราไม่ได้' ไว้



ไม่นานไอ้คิวมันก็เดินกลับมาพร้อมกับน้ำแข็งและแก้วพลาสติกที่คงจะเอามาจากซุ้มขายน้ำ มันเทน้ำอัดลมมาให้คนเก่งและผมคนละแก้ว ก่อนจะไปร่วมวงของกินกับคนอื่น

สักพักไอ้คิวมันก็เดินมาถามคนเก่งเรื่องค่าของกินที่ซื้อมา พวกมันจะเอาเงินให้น้อง แต่คนเก่งบอกว่าไม่เอา

"ไม่เอาได้ไงซื้อมาขนาดนี้หมดอย่างน้อยๆก็เจ็ดแปดร้อย" ผมพูดก่อนจะควักเงินตัวเองให้น้องไปพันหนึ่ง

"ก็ผมบอกไม่เอา พี่เต็มก็เลี้ยงข้าวผมตลอดอยู่แล้ว"

"ที่เลี้ยงเพราะเป็นแฟน แต่ไอ้พวกเนี่ยมันไม่ได้เป็นอะไรด้วยไม่ต้องไปเลี้ยงมัน เอาเงินพี่ไป ส่วนพวกมึงหารกันมาคืนกู"  ผมพูดพร้อมกับเอาเงินใส่มือคนเก่ง น้องหน้ามุ่ยเล็กน้อยแต่ก็ยอมรับเงินจากผมและเก็บใส่กระเป๋าตัวเองไว้

ผมนั่งเก็บรายละเอียดงานอีกเล็กน้อย ส่วนคนเก่งก็กลับไปนั่งที่เก้าอี้ตัวเดิมและเห็นหยิบสมุดที่น่าจะเป็นสมุดเล็คเชอร์ขึ้นมาดู สักพักผมเห็นคนเก่งหยิบมือถือขึ้นมา และมองซ้ายมองขวารอบๆห้อง สักพักเห็นเดินไปเสียบที่ชาร์จแบตมือถือที่ปลั๊กที่อยู่ตรงมุมห้อง แสดงว่าตอนที่ผมโทรหาแล้วไม่ติดแบตมือถือคงจะหมดจริงๆ ผมเห็นคนเก่งกดเปิดมือถือและกดโทรออกหาใครสักคน

"ฮัลโหล ฟูจิ"

"กูเพิ่งเปิดสมุดดูเมื่อกี้นี้เอง กูลืมจริงๆว่ะ"

"ทันๆกูหาข้อมูลไว้เกือบครบแล้ว เหลือแค่พิมพ์"

"ไม่ต้องๆเอาไว้ไม่ทันจริงๆค่อยว่ากัน"

"แต้งกิ้วนะมึง"

คนเก่งวางสายก่อนจะสไลด์หน้าจอมือถือไปมา พร้อมทั้งนั่งเขียนอะไรบางอย่างลงในสมุดจดที่วางอยู่บนตัก

ผมสังเกตดูสักพักก็เห็นว่าเหมือนกำลังหาข้อมูลอะไรสักอย่างอยู่

"เดี๋ยวกูมานะ ไปเอาของที่รถ" ผมบอกพวกเพื่อนผมที่ยังนั่งกินกันอยู่ พวกมันแค่พยักหน้าเออออรับรู้ ส่วนคนเก่งก็เงยหน้ามองผม

"รออยู่นี่แหละ" ผมบอก

"ครับ"



ประมาณสิบนาทีผมก็เดินกลับมาพร้อมกับสมุดบันทึกและแล็ปท็อปที่ผมเอาไว้ในรถ

ตอนผมเดินกลับมาเห็นไอ้ธรณ์กำลังนั่งคุยกับคนเก่ง แต่พอผมเดินมาใกล้ไอ้ธรณ์มันก็ลุกเดินหนีไป ผมเดินไปหยิบมือถือเครื่องใหม่ของผมที่แบตน่าจะเต็มแล้ว และกลับมานั่งที่เดิม ก่อนจะเรียกคนเก่งที่นั่งอยู่มุมห้องให้มานั่งใกล้ๆผม

"คนเก่งมานั่งนี่ ไม่ต้องเอามือถือมา มาใช้แล็ปท็อปแทน" ผมบอก

คนเก่งวางมือถือลงและเดินถือสมุดจดพร้อมกระเป๋าเป้มานั่งใกล้ๆผมที่มีโต๊ะและเก้าอี้พร้อม คนเก่งไม่ได้พูดอะไรออกมาแค่นั่งทำงานของตัวเองไปเงียบๆ พวกเพื่อนผมก็กลับมาสนใจทำโปรเจคกันต่อ จนฟ้าเริ่มมืดลง ผมมองดูเวลาตอนนี้หกโมงเย็นแล้ว เพื่อนผมมันก็เลยสรุปกันว่ากลับไปอาบน้ำและทานข้าวกันก่อนค่อยมาทำต่อดีกว่า ซึ่งผมก็เห็นด้วย หลังจากนัดหมายเวลากันเสร็จก็แยกย้ายกัน

คนเก่งเซฟงานที่พิมพ์เอาไว้ในเครื่องก่อนจะปิดแล็ปท็อปและเดินไปหยิบมือถือพร้อมสายชาร์จ พอผมเห็นว่าคนเก่งเก็บของเรียบร้อยแล้ว ผมก็ออกเดินนำไปก่อน


"พี่เต็มจะทานอะไรครับ ไปร้าน xxx มั้ย" คนเก่งถามผมทันทีที่ขึ้นรถ

ผมไม่ได้พูดอะไรแต่ขับรถกลับมาที่คอนโด คนเก่งมองผมด้วยความแปลกใจตอนที่ผมจอดรถตรงที่จอดรถในคอนโด

"ไปดูว่าของในตู้เย็นพอจะทำอะไรได้บ้าง" ผมพูดแค่นั้นก็เห็นรอยยิ้มของคนเก่งที่ปรากฏขึ้น เด็กโง่เอ๋ย ไม่ใช่กำลังคิดว่าผมไม่อยากทานฝีมือของตัวเองแล้วหรอกนะ


พอขึ้นมาบนห้อง หลังจากที่คนเก่งวางข้าวของของตัวเองไว้ที่โซฟาในห้องรับแขกเรียบร้อยแล้ว คนเก่งก็เดินเข้าไปในห้องครัวทันที ผมมองตามไปสักพักก็เดินเข้ามาอาบน้ำ ตอนที่เห็นคนเก่งอยู่ในห้องเดินไปเดินมาแบบนี้มันโคตรรู้สึกดี ผมรู้สึกมันอุ่นๆในหัวใจ เหมือนมันมีอะไรมาเติมเต็ม หลังจากที่มันขาดหายไปในช่วงสองสามวันนี้

หลังจากอาบน้ำเสร็จ ผมหยิบมือถือเครื่องใหม่ที่ผมจัดการดึงข้อมูลจากไลน์เดิมมาเรียบร้อยแล้ว ผมกดเข้าไปดูเห็นข้อความของคนเก่งที่ส่งมาหาผมค้างอยู่เยอะเลย ระหว่างนั้นก็มีข้อความของไอ้ธรณ์มันแจ้งเตือนขึ้นมา

thorn_ : อย่าเล่นตัวมาก
thorn_ : คุยกับน้องมันได้แล้ว
thorn_ : สงสารมัน
thorn_ : รอมึงมาตั้งห้าปี

ผมอ่านแต่ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป
ผมเดินออกมาที่ห้องครัว มีกับข้าวสองอย่างที่วางอยู่บนโต๊ะอาหาร และคนเก่งเดินถือชามต้มจืดสาหร่ายเต้าหู้มาวางเพิ่ม

"พี่เต็มทานเลยมั้ยครับ" คนเก่งถามผม ผมไม่ได้ตอบแต่นั่งลงที่เก้าอี้ที่โต๊ะอาหาร คนเก่งก็เลยเดินไปตักข้าวสวยในหม้อหุงข้าวมาให้ผม และตักในส่วนของตัวเองมานั่งทานด้วย

เราสองคนนั่งทานกันไปเงียบๆ โดยไม่ได้คุยอะไรกันเลย ผมสังเกตท่าทางของคนเก่งเหมือนอยากจะคุยกับผมเพราะเห็นมองมาที่ผมบ่อยครั้งแต่น้องก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

หลังจากทานมื้อเย็นเสร็จคนเก่งก็จัดการเก็บล้างทำความสะอาดในครัว ส่วนผมเดินออกไปนั่งที่โซฟาในห้องรับแขกและเปิดหนังดูรอเวลาที่จะออกไปทำโปรเจคต่อ

ผ่านไปสักพักคนเก่งเดินเข้ามานั่งลงที่โซฟาตัวเดียวกันกับผมแต่นั่งค่อนข้างห่าง

"พี่เต็มครับ ผมยืมแล็ปท็อปก่อนได้มั้ยครับพอดีผมเซฟงานที่พิมพ์ไว้ในนี้"

ผมแค่พยักหน้ารับแต่ไม่ได้พูดอะไร ตอนนี้ผมกำลังนั่งลุ้นว่าคนเก่งจะถามผมในเรื่องที่ตัวเองสงสัยหรือเปล่า


"วันนี้เห็นพี่ธรณ์บอกว่ามือถือของพี่เต็มหล่นแล้วโดนรถยนต์ขับมาเหยียบเหรอครับ" คนเก่งถามผม และผมก็นึกหงุดหงิดไอ้ธรณ์ขึ้นมาที่มันเป็นคนบอกน้องก่อนผม

"ใช่ เลยต้องซื้อเครื่องใหม่เลย" ผมบอก

"แล้วเบอร์ ... "

"ใช้เบอร์เดิม ไลน์เดิม" ผมบอกและเห็นคนเก่งรีบหยิบมือถือตัวเองขึ้นมาและเห็นกดๆจิ้มๆอะไรอยู่สักพัก มือถือเครื่องใหม่ของผมที่วางอยู่ที่โต๊ะกระจกมันก็สั่นขึ้นมองดูหน้าจอเห็นเป็นชื่อของคนเก่งที่ผมบันทึกไว้

คนเก่งกดวางและยิ้มด้วยความดีใจ

"วันนี้ที่พี่เต็มออกไปข้างนอกก็เพราะไปจัดการเรื่องมือถือเหรอครับ"

"ใช่ เละ พัง แตกกระจายจนซ่อมไม่ได้"

"แล้ว ... วันนี้พี่เต็มไปกับใครเหรอครับ"

นี่แหละคำถามนี้ที่ผมรอ

"ไปคนเดียว" ผมตอบและคนเก่งก็ทำหน้าหงอยๆ

ถามต่อสิคนเก่ง ... ถามเร็วเข้า



ติ๊งต่อง


แต่ก่อนที่จะได้คุยอะไรกันต่อ เสียงกริ่งที่หน้าห้องผมก็ดังขึ้น ผมมองดูเวลาไม่น่าจะมีใครมาหาผมในช่วงเวลานี้นะ


ผมเดินไปส่องที่ตาแมวหน้าประตู ผมขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจเพราะผมเห็นพี่ขวัญพี่สะใภ้ผมยืนอยู่หน้าประตูห้อง ผมหันไปมองคนเก่งนิดหนึ่งก่อนจะเปิดประตูให้พี่สะใภ้ พอเปิดประตูเสร็จพี่สะใภ้ผมก็เดินเข้ามาในห้องและบอกว่าขอใช้ห้องน้ำหน่อยนะ แล้วก็เดินไปเข้าห้องน้ำเลย ซึ่งผมก็ยืนงงอยู่แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร


ผมปิดประตูห้องและหันกลับมาเห็นคนเก่งกำลังเก็บของและหยิบกระเป๋าเป้ขึ้นมาสะพายและกอดแล็ปท็อปไว้ที่หน้าอก

"พี่เต็มมีแขก งั้นผมกลับก่อนนะครับ" คนเก่งพูดโดยไม่สบตาผม

"ไม่นอนนี่ล่ะ" ผมถามทันทีเพราะผมตั้งใจที่จะให้น้องนอนที่นี่อยู่แล้ว เมื่อคืนไม่มีคนเก่งนอนด้วยผมนอนไม่หลับเลย


คนเก่งเม้มปากเหมือนกำลังตัดสินใจที่จะพูดอะไรบางอย่าง


"พี่เต็มบอกผมว่าวันนี้พี่เต็มไปห้าง xxx คนเดียว แต่ผมเห็นพี่เต็มเดินอยู่กับพี่ผู้หญิง ... คนเมื่อกี้ ทำไมต้องโกหกผมด้วย"


พอคนเก่งพูดว่าผมโกหก ผมก็รู้สึกว่าผมหัวร้อนขึ้นมาทันที และทำให้ผมพูดในสิ่งที่ยิ่งทำให้เรื่องมันแย่กว่าเดิม


"ก็ใครล่ะที่เป็นคนบอกว่าอยากให้พี่แต่งงานกับผู้หญิงดีๆและมีครอบครัวที่อบอุ่น พี่ก็กำลังทำอยู่นี่ไง"


คนเก่งยืนเงียบและนิ่งไปหลังจากที่ผมพูดจบ แววตาแสดงถึงความเสียใจ ผมหันหลังให้คนเก่งเพราะไม่อยากมองหน้าน้องตอนนี้


"ผมกลับก่อนนะครับ" คนเก่งพูดแค่นั้นและรีบเดินออกจากห้องผมไป


หลังจากบานประตูถูกปิดลง สิ่งที่ผมคิดในหัวตอนนี้คือ


ชิบหายแล้วกู



TBC.
#เติมเต็มรัก
ninewara✿
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 28) 04/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ninewara ที่ 04-06-2019 17:19:12
✿ เติมเต็มรัก ✿ ครั้งที่ 28

[เติมเต็ม part]




ผมยืนนิ่งอยู่สักพักก่อนที่จะเปิดประตูห้องและคิดว่าจะตามไปคุยกับคนเก่ง แต่พอเปิดประตูห้องออกไป ผมกลับเจอพี่ต่อภพพี่ชายผมที่กำลังเดินมา

"เมื่อกี้ตอนออกจากลิฟท์มาเห็นเด็กคนหนึ่งเดินสวนเข้าไป ใช่คนเก่งหรือเปล่า เห็นหน้าไม่ชัดเพราะน้องมันเดินก้มหน้า"

ผมถอนหายใจออกมา

"ถ้ามองไม่ผิดเหมือนน้องมันร้องไห้" พี่ชายผมพูดต่อ ผมไม่ตอบอะไร

"เดี๋ยวผมตามไปดูคนเก่งก่อน" ผมบอกแต่พี่ชายผมกลับบอกว่า

"มาคุยกับพี่ก่อน ดูหน้าก็รู้ว่าแกกำลังอารมณ์ไม่ดี ไปคุยกันตอนนี้จะทะเลาะกันมากขึ้นเปล่าๆ"

"ไม่ทันแล้วล่ะพี่ต่อ" ผมพูดแต่ก็ยอมเดินตามพี่ชายผมเข้ามาในห้อง

"ไม่ทันอะไรว่ะ" พี่ชายผมย้อนถามผม

"จากที่มันแย่อยู่แล้วมันก็แย่ยิ่งกว่าเดิมนะสิ" ผมบอก

พี่ต่อภพนั่งลงที่โซฟาในห้องรับแขก ส่วนผมก็นั่งลงที่โซฟาอีกตัวหนึ่ง ยังไม่ทันได้คุยอะไรกันต่อ พี่สะใภ้ผมก็เดินออกมาจากห้องน้ำ

"ขอโทษนะเต็มที่พี่มารบกวนกะทันหัน พอดีพี่ชายเรานะสิทำน้ำหกใส่ชุดพี่ ดีนะมีชุดใหม่ติดรถเอาไว้" พี่สะใภ้ผมบอกพร้อมกับนั่งลงข้างพี่ชายผม

พี่ต่อภพบอกว่ากำลังจะไปสังสรรค์กับเพื่อนสมัยเรียน ช่วงที่ขับรถใกล้จะถึงคอนโดผมซึ่งเป็นทางผ่าน ตอนนั้นรถติดไฟแดงอยู่พี่ต่อภพหยิบขวดน้ำขึ้นมาดื่มแล้วตอนที่ดื่มเสร็จไฟเขียวพอดี เลยยื่นขวดน้ำให้พี่ขวัญเพื่อให้พี่ขวัญปิดฝาขวดให้ แต่พี่ขวัญยังจับขวดน้ำไม่แน่นพี่ชายผมก็ปล่อยขวดน้ำออกจากมือตัวเองก่อน ผลคือพี่ขวัญน้ำในขวดหกรดพี่ขวัญจนเปียกไปหมด จะกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านก็ไม่อยากย้อนกลับไป ก็เลยตัดสินใจแวะที่คอนโดผมเพราะมีเสื้อผ้าติดรถไว้อยู่แล้ว

"พี่ต่อไม่โทรมาหาผมก่อน ถ้าผมยังไม่กลับหรือไม่อยู่จะทำไงครับ" ผมถามพี่ชาย

"พี่ถามพนักงานที่เคาน์เตอร์ข้างล่างแล้วนะสิ เขาบอกแกกลับมาแล้ว"  พี่ชายผมบอกพร้อมมองดูเวลาบนนาฬิกาข้อมือไปด้วย

"ยังพอมีเวลาอยู่ มาคุยเรื่องแกกับแฟนแกดีกว่า" พี่ชายผมพูดขึ้น


ผมถอนหายใจ และมองหน้าพี่ขวัญนิดๆก่อนจะยกมือไหว้ขอโทษพี่ขวัญและเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่ที่คนเก่งเห็นผมเดินกับพี่ขวัญ รวมทั้งที่ผมพูดประชดคนเก่งก่อนที่น้องจะเดินออกจากห้องไป

"ตายแล้ว ทำไมเต็มทำแบบนี้ล่ะ พี่น่ะไม่อะไรหรอกนะแต่แฟนเต็มล่ะ แฟนเต็มเขาไม่รู้ มันก็ไม่ผิดที่เขาอาจจะเข้าใจผิดหรือคิดไปไกล" พี่สะใภ้ผมพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง ส่วนพี่ชายผมมองผมด้วยสายตาที่เหมือนผมทำอะไรผิดมากๆ

"ทำไมแกไม่บอกน้องไปว่า ใช่ แกไปห้างคนเดียวแต่แกบังเอิญไปเจอกับพี่ชายพี่สะใภ้วะ แกจะรอให้น้องมันถามทำไม" พี่ชายผมพูดขึ้น

"คือผมคิดว่าในเมื่อคนเก่งก็เห็นว่าผมเดินกับผู้หญิง ผมก็อยากให้น้องเป็นคนถามผมเองว่าผมไปเดินกับใคร ผมก็ไม่รู้ว่าน้องจะถามหรือไม่ถามเพราะตอนที่กำลังคุยกัน พี่ขวัญก็มาพอดี" ผมบอก

"แต่แกก็ไม่พูด ไม่อธิบายอีก" พี่ชายผมพูด

"พอได้ยินน้องพูดว่าผมโกหก ผมก็เลยหัวร้อน ก็เลยพูดประชดออกไปแบบนั้น" ผมตอบได้ไม่เต็มเสียงนักเพราะผมผิดจริงๆที่พูดประชดน้องออกไป

"เต็มรู้มั้ยว่าเวลาที่ทะเลาะกันแล้วพูดประชดใส่กันมันมีแต่จะทำให้เรื่องมันแย่ลง พี่กับพี่ต่อก็เคยเป็น พี่ชอบประชด ทะเลาะกันทีไรพี่จะประชดตลอด จนเราเกือบจะไปกันไม่รอด อาจจะเป็นช่วงปรับตัวเข้าหากันด้วยมั้ง ตอนนั้นพี่ต่อแทบจะทนพี่ไม่ไหว เคยจะเลิกกันตั้งหลายครั้งเพราะนิสัยชอบประชดของพี่ ด้วยนิสัยที่ใจร้อนเหมือนกันด้วยล่ะมั้ง กว่าจะปรับให้เข้ากันได้ เต็มกับแฟนก็เหมือนกันคบกันมาหลายเดือนแล้วก็จริงแต่มันก็ต้องมีการปรับตัวเพราะมันก็ยังถือว่าเป็นช่วงแรกที่คบกัน"

"ผมไม่ชอบเลยครับเวลาที่ทะเลาะกัน ตั้งแต่คบกันมาเรายังไม่เคยทะเลาะกันเลย" ผมพูด

"แต่พี่ว่าเป็นแฟนกันแล้วทะเลาะกันบ้างมันดีนะ เพราะเวลาที่ทะเลาะกันเราก็จะได้เรียนรู้นิสัย ความคิด ของอีกฝ่ายหนึ่งด้วย หลายครั้งที่คนเราจะแสดงนิสัยแย่ๆของตัวเองออกมาตอนที่ทะเลาะกัน ที่นี้มันก็จะเป็นโอกาสของเราที่จะต้องถามตัวเองว่าเรารับนิสัยแย่ๆแบบนั้นของเขาได้มั้ย ถ้าเรารับได้ก็ไปต่อแต่ถ้าเรารับไม่ได้ เราก็มาดูกันอีกทีว่าความสัมพันธ์มันจะเป็นยังไงต่อไป"

"เป็นไงล่ะ พี่สะใภ้แก นึกว่าพี่อ้อยพี่ฉอดมาเอง" พี่ชายผมแซวพี่สะใภ้ครับ

"แต่ก่อนอื่นต้องไปง้อและอธิบายให้แฟนเต็มเข้าใจก่อนนะ เต็มบอกว่าเต็มเสียใจตอนที่แฟนพูดว่าอนาคตอยากให้เต็มแต่งงานกับผู้หญิงดีๆสักคน แต่นั้นคือเรื่องที่มันยังไม่เกิดเป็นแค่เรื่องที่แฟนเต็มคิดเอาไว้แค่นั้น ในขณะที่เต็มบอกกับแฟนว่าผู้หญิงที่เดินด้วยกันวันนี้ ผู้หญิงที่ขึ้นมาหาเต็มที่ห้องอาจจะเป็นผู้หญิงดีๆสักคนที่เต็มจะแต่งงานด้วย เต็มคิดว่าคนที่เป็นแฟนกับเราอยู่ แล้วเขาได้ยินได้เห็นภาพที่อยู่ตรงหน้าเขาจะเสียใจมากแค่ไหน ขนาดเต็มยังเสียใจมากกับเรื่องที่มันยังไม่เห็นภาพเลย"

ผมว่าพี่สะใภ้ผมไม่ต้องบิ้วให้ผมรู้สึกผิดมากไปกว่านี้ก็ได้แค่นี้ผมก็รู้สึกโคตรแย่แล้ว


สักพักพี่ชายและพี่สะใภ้ผมก็ขอตัวเพราะเพื่อนเริ่มโทรมาตามแล้ว หลังจากที่ทั้งสองคนกลับไป ผมก็กดมือถือหาคนเก่ง แต่คนเก่งไม่ยอมรับสายผมเลย ไลน์ไปน้องก็ไม่อ่าน ส่วนพวกเพื่อนผมก็ไลน์มาตามผมให้ออกมาทำงานต่อ ผมตัดสินใจโทรหาไอ้ธรณ์เพราะอยากจะขอตัวที่จะไม่ไป


(ว่าไงมึง เมื่อไหร่จะมา) ประโยคแรกของไอ้ธรณ์

"กำลังจะไป กูแค่จะโทรมาถามว่าจะเอาอะไร จะกินอะไรกันมั้ย"

จากตอนแรกที่คิดว่าจะไม่ไปเพราะอยากจะไปคุยกับคนเก่งให้รู้เรื่องก่อน แต่พอคิดอีกทีมันเป็นโปรเจคสำคัญและเป็นงานกลุ่ม ผมก็ไม่อยากเห็นแก่ตัวเอาเรื่องส่วนตัวมาเอาเปรียบเพื่อน ผมรู้ถ้าผมบอกพวกเพื่อนผมมันก็ต้องให้ผมไปหาน้อง แต่ผมก็ไม่อยากเอาเปรียบพวกมัน

(เอาน้ำเปล่ามาก็ได้มึง) ไอ้ธรณ์มันถามทุกคนก่อนจะได้ข้อสรุป ผมวางสายไอ้ธรณ์ก่อนจะเดินไปหยิบน้ำเปล่าหลายขวดในตู้เย็น


ตลอดคืนที่นั่งทำงานผมกดมือถือหาคนเก่งแทบจะทุกๆสิบนาที แต่ไม่มีการตอบรับใดๆจากคนเก่ง ไลน์ไปหาน้องก็ไม่อ่าน ซึ่งถือว่าผิดวิสัยของคนเก่งมาก แต่ผมก็พยายามที่จะทำใจให้เย็นมากที่สุด พรุ่งนี้ผมจะต้องได้คุยกับน้อง พรุ่งนี้เราจะได้เคลียร์กัน ผมบอกตัวเองอยู่แบบนี้

.
.
.



เข้าวันต่อมา
ผมขับรถมารอรับคนเก่งที่หน้าหอพักตามปกติแต่ที่มันไม่ปกติคือคนเก่งยังไม่รับสายผมสักครั้ง ผมนั่งรออยู่ในรถ มองนักศึกษาที่เดินลงมาก็ไม่มีคนเก่งที่เดินลงมา ผมนั่งรอจนใกล้เวลาที่จะต้องเข้าเรียน ผมก็เลยจำเป็นต้องมาเรียนก่อน บางทีคนเก่งอาจจะออกไปเรียนก่อนที่ผมจะมารับล่ะมั้ง


ตลอดเวลาที่ผมเข้าเรียนผมก็กดมือถือหาคนเก่งตลอด แต่ทุกอย่างมันยังเหมือนเดิมไม่มีการตอบรับจากคนเก่ง น้องไม่รับสายผม ผมทั้งส่งไลน์ไปเป็นร้อยๆข้อความแต่ไม่มีการเปิดอ่าน ผมส่งแม้กระทั่งเอสเอ็มเอสไป ทั้งแชทในเฟซบุ๊ก ทั้งดีเอ็มในไอจี ส่งไปทุกช่องทางเพื่อจะติดต่อแต่ไม่มีการตอบรับใดๆเลย

หลังจากที่เรียนเสร็จผมรีบบึ่งไปที่คณะศิลปศาสตร์ทันที เจอฟูจิและส้มส้มนั่งอยู่ที่โต๊ะประจำกันสองคน

"ฟูจิ คนเก่งล่ะ" ผมถามหาคนเก่งพร้อมกับมองไปบริเวณรอบๆเผื่อจะเจอน้อง

"วันนี้ยังไม่เจอกันเลยครับ ผมคิดว่าคนเก่งทำรายงานอยู่ที่ห้องพี่ซะอีกเพราะวันนี้อาจารย์งดคลาส" ฟูจิบอก

"มีอะไรหรือเปล่าครับ ทำไมสีหน้าพี่ดูไม่ดีเลย" ฟูจิถามผมต่อ

"เมื่อคืนมีเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อยน่ะ คนเก่งกลับไปที่หอแล้วพี่ก็โทรติดต่อไม่ได้เลย ไม่ยอมรับสาย ไลน์ไปก็ไม่อ่าน" ผมบอก

"งั้นเดี๋ยวส้มลองโทรหาคนเก่งดูนะคะ" ส้มส้มบอกและกดมือถือหาคนเก่งหลายครั้ง

"ไม่รับสายเลยค่ะ เดี๋ยวลองไลน์หาดูนะคะ"

เวลาผ่านไปสักพักทั้งฟูจิและส้มส้มพยายามช่วยกันโทรติดต่อคนเก่ง แต่เหมือนเดิมไม่มีการตอบรับใดๆ

"ผมว่ามันไม่ค่อยดีแล้วล่ะ ปกติมันไม่เคยจะไม่รับสายหรือไม่อ่านไลน์" ฟูจิพูดออกมาในสิ่งที่ผมคิดแต่ผมไม่อยากพูดออกไป

"พี่จะไปดูที่หอ" ผมพูดและเดินออกมาก่อนที่ฟูจิและส้มส้มจะวิ่งตามผมมาและขอไปด้วย


ตอนที่รถจอดที่หน้าหอพักคนเก่ง ผมก็เปิดช่องเก็บของหน้ารถ หยิบถุงผ้าหูรูดใบเล็กๆออกมา ข้างในมีคีย์การ์ดสำรองที่น้องให้ผมไว้เพราะปกติจะได้ห้องละสองอันและกุญแจห้องของคนเก่งที่ผมให้น้องทำให้ผมชุดหนึ่ง

ผมกับฟูจิขึ้นมาหาคนเก่งแค่สองคนเพราะเป็นหอพักชายทำให้ส้มส้มขึ้นมาด้วยไม่ได้ พอมาถึงหน้าห้องผมเลือกที่จะเคาะประตูก่อนยังไม่ไขกุญแจเข้าไปทันที ที่ประตูน้องไม่ได้ใส่กุญแจตัวใหญ่ไว้ แสดงว่าน้องน่าจะอยู่ในห้อง

หลังจากใช้เวลาเคาะและเรียกอยู่ไม่นานมาก ผมเลยตัดสินใจที่จะไขประตูเข้าไป แต่ตอนที่เสียบลูกกุญแจเข้าไปก็ทำให้รู้ว่าห้องไม่ได้ล็อค

"ห้องไม่ได้ล็อค" ผมหันไปบอกฟูจิ ก่อนที่จะเปิดประตูเข้าไป

ในห้องว่างเปล่าครับไม่เจอคนเก่ง ฟูจิเดินไปดูที่ห้องน้ำที่ระเบียงก็ไม่มี ไฟในห้องถูกเปิดทิ้งเอาไว้และที่สำคัญบนเตียงของคนเก่งมีแล็ปท็อปของผมและโทรศัพท์มือถือของคนเก่งวางอยู่ ผมหยิบมือถือขึ้นมาดูเพื่อความแน่ใจ เป็นมือถือของคนเก่งจริงๆมีสายที่ไม่ได้รับจากผมเป็นร้อยๆสาย

ผมนั่งลงบนเตียงและพยายามคิดว่าน้องไปไหน

"ฟูจิพอจะรู้มั้ยว่าคนเก่งจะไปที่ไหนได้บ้าง" ผมถามฟูจิที่ตอนนี้สีหน้ามีแววกังวลมากขึ้น

"ปกติเมื่อก่อนเวลาที่พวกผมมีเรื่องไม่สบายใจจะชอบไปนั่งที่สวนสมุนไพรตรงคณะเกษตรครับ" พอฟูจิบอกผมเลยชวนฟูจิให้ไปที่สวนสมุนไพรที่ว่า โดยผมหยิบมือถือของคนเก่งและเอาแล็ปท็อปลงมาด้วย ก่อนที่จะจัดการปิดไฟและล็อคห้องให้เรียบร้อย

"เป็นไงๆ" ส้มส้มถามฟูจิทันทีที่ลงมาถึงข้างล่าง

"ไม่เจอ เดี๋ยวไปดูที่สวนสมุนไพรก่อน" ฟูจิบอก หลังจากนั้นผมก็ขับรถไปที่สวนที่ฟูจิบอก ผมและน้องๆเดินหาในสวนจนทั่วก็ไม่เจอ ผมเดินกลับมาที่รถ ระหว่างนั้นผมเห็นรถไอ้ธาวินมาจอดต่อท้ายรถผม ฟูจิเดินไปหาไอ้ธาวินก่อนที่ไอ้ธาวินจะเดินมาหาผม

"ไงมึง ติดต่อน้องมันไม่ได้ตั้งแต่ตอนไหน" ไอ้ธาวินมันถามผม

"เมื่อคืนกูกับน้องกินข้าวอยู่ที่คอนโดด้วยกัน แล้วน้องก็ออกจากห้องกูประมาณเกือบสองทุ่ม หลังจากนั้นกูก็ติดต่อน้องไม่ได้ น้องไม่รับสาย" ผมบอกพร้อมกับพยายามคิดว่าน้องไปไหน

"มีปัญหาอะไรกันหรือเปล่าว่ะ" ไอ้ธาวินมันถาม

"มีเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อย" ผมบอก

"เรื่องผู้หญิงที่มึงเดินด้วยน่ะเหรอ"

ผมถอนหายใจยาวๆออกมา

"ผู้หญิงคนนั้นคือพี่สะใภ้กู และกูไม่ได้มากับเขาแค่สองคน พี่ชายกูก็มาด้วย ... แต่กูยังไม่ได้บอกคนเก่งเขาเลยยังเข้าใจกูผิดอยู่" ผมเว้นเรื่องที่ผมพูดประชดคนเก่งเอาไว้

ทุกคนเงียบหลังจากที่ผมพูดจบ

"แล้วเราจะไปตามหาคนเก่งที่ไหนดีคะ" ส้มส้มถามขึ้นมาทำลายความเงียบ ก่อนที่จะได้ยินเสียงมือถือของส้มส้มดังขึ้น ส้มส้มเลยแยกตัวออกไปรับสาย

"กูคิดว่าคนเก่งน่าจะออกจากห้องไปตั้งแต่เมื่อคืนนะเพราะเมื่อกี้ที่เข้าไปในห้องคือไฟในห้องเปิดอยู่ กูจะลองขับรถวนๆดูรอบๆมหาลัยและในตัวเมืองดูดีกว่า" ผมบอกก่อนจะเดินมาขึ้นรถ แต่ผมยังไม่ทันได้ขับรถออกไป




(มีต่อค่ะ)
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 27) 04/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ninewara ที่ 04-06-2019 17:24:22
(ต่อนะคะ)





ก๊อกๆๆๆๆๆๆ

เสียงเคาะกระจกรถหลายครั้งติดกันทำให้ผมต้องรีบเลื่อนกระจกลงมา

"พี่เต็มคะ คนเก่งน่าจะกลับบ้านนะคะ มีรุ่นพี่คนหนึ่งเขาบอกว่าเมื่อคืนนี้ประมาณสามทุ่ม พี่เขาเจอคนเก่งแถวๆวินรถตู้ค่ะ" ส้มส้มเป็นคนที่มาบอกผม

พอได้ยินแบบนั้นผมก็รีบที่จะขับรถไปหาคนเก่งที่บ้านแต่ไอ้ธาวินมันเดินมาเคาะกระจกผมอีกคน

"อะไรว่ะ" ผมถาม

"กูขับให้ดีกว่า ดูใจมึงแล้วกูกลัวจะไปไม่ถึงน้องมันว่ะ ไม่ใช่ขับไปชนเขาดะนะมึง" ไอ้ธาวินมันพูด ผมลังเลใจเล็กน้อย แต่ก็ยอมให้มันขับให้เพราะใจหนึ่งผมก็กลัวอย่างที่มันพูดเหมือนกัน

"ไปเจอกันหน้าคอนโดกู กูขอเอารถไปจอดที่คอนโดก่อน ขากลับเดี๋ยวกูให้ที่บ้านมาส่งได้" ไอ้ธาวินมันบอก

ก่อนที่ผมจะขับรถมารอไอ้ธาวินที่หน้าคอนโด มันแวะไปส่งส้มส้มที่หอก่อน มันเลยมาช้ากว่าผม ระหว่างที่นั่งรอไอ้ธาวิน ผมหยิบมือถือของคนเก่งขึ้นมาดูและกดเข้าไปดูที่ประวัติการโทรเข้าและออก ประวัติการโทรออกล่าสุดเป็นหมายเลขของผม ส่วนประวัติการโทรเข้าและมีการรับสายล่าสุดเป็นหมายเลขที่บันทึกไว้ว่า  'แม่'  แสดงว่าคนเก่งต้องคุยกับแม่ก่อนที่จะออกจากห้องไป

ไม่นานไอ้ธาวินก็มาถึง ผมก็เปลี่ยนมานั่งข้างคนขับแทนและไอ้ธาวินก็มานั่งประจำที่นั่งคนขับแทนผม แล้วฟูจิก็ขึ้นไปนั่งที่เบาะด้านหลังคนขับ หลังจากนั้นเราก็ออกเดินทางกันทันที

ระหว่างทางผมตัดสินใจโทรศัพท์หาม๊า ยอมให้โดนดุดีกว่าที่จะไม่สบายใจอยู่แบบนี้ และเป็นไปตามที่คาดพอผมบอกม๊าว่าคนเก่งหายไป ผมโดนม๊าต่อว่าเยอะมาก

"ผมทราบครับม๊าว่าผมผิดจริงๆแต่ผมอยากจะรบกวนให้ติวเตอร์ไปดูที่บ้านคนเก่งให้ผมหน่อยได้มั้ยว่าน้องอยู่หรือเปล่า ผมร้อนใจอยู่นะครับม๊า" ผมดูเวลาตอนนี้ติวเตอร์น่าจะเลิกเรียนและกลับถึงบ้านแล้ว หลังจากม๊าบ่นอยู่สักพัก ม๊าก็บอกว่าให้ติวเตอร์ออกไปดูให้แล้ว

เวลาผ่านไปเกือบๆยี่สิบนาที ติวเตอร์ก็โทรมาบอกผมว่าไม่มีใครอยู่บ้านและน้านวลก็ยังบอกอีกว่าวันนี้ไปตลาดไม่เจอแม่และป้าของคนเก่งมาขายของ

หายไปไหนกันนะ




ประมาณชั่วโมงกว่าๆ ไอ้ธาวินก็ขับรถมาจอดที่บริเวณหน้าบ้านของมันและเปลี่ยนให้ผมขับต่อไปที่บ้านของคนเก่ง

"ถ้าเจอคนเก่งแล้วบอกให้มันโทรหาผมด้วยนะครับ" ฟูจิบอกผมก่อนที่ผมจะรับปากและขับรถออกมา



ผมขับรถมาจอดที่หน้าบ้านคนเก่ง ตอนนี้ประมาณหนึ่งทุ่ม บ้านปิดไฟมืดสนิทเลยครับ ปกติแล้วที่บ้านคนเก่งมักจะเปิดไฟตรงรั้วและสวนไว้ตลอดแต่วันนี้กลับมืดสนิท ผมดับเครื่องรถและเปิดลดกระจกลง ผมลังเลใจอยู่สักพักก่อนที่จะกดมือถือไปที่หมายเลขที่เป็นของแม่คนเก่ง

แต่ผมก็ต้องผิดหวังเพราะติดต่อไม่ได้ ไม่รู้ปิดเครื่องหรือแบตหมด ผมเลื่อนหาหมายเลขของป้าคนเก่งแทน พอเจอผมก็ลองโทรหาดู คราวนี้ติดครับ เสียงสัญญาณรอสายดังอยู่สักพัก ก็มีคนกดรับสาย

(สวัสดีค่ะ)
เป็นเสียงป้าของคนเก่งครับ

"สวัสดีครับคุณน้า ผมเต็มนะครับ"

(อ้าว เต็มว่าไงจ้ะ)

"ผมมาหาคนเก่งที่บ้านแต่ไม่เจอครับ ก็เลยลองโทรหาคุณน้าดู"

(ตอนนี้น้าอยู่ที่โรงพยาบาล คนเก่งก็อยู่กับน้านี่แหละแต่ตอนนี้ลงไปทานข้าว ต้องบังคับไม่งั้นไม่ยอมไป)

"คุณน้าเป็นอะไรเหรอครับ ทำไมถึงต้องเข้าโรงพยาบาล" ผมถามด้วยความตกใจ

(เมื่อคืนเกิดอุบัติเหตุนะจ้ะ น้าไม่เป็นอะไรมากหรอก แต่แม่ของคนเก่งอาการยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่)


หลังจากนั้นผมก็สอบถามถึงโรงพยาบาลและห้องที่นอนพักรักษาตัวอยู่ พอผมรู้ผมก็รีบขับรถออกไปทันที พอผมไปถึงโรงพยาบาล ผมก็รีบขึ้นไปที่ห้องที่ป้าของคนเก่งบอกทันที ผมเคาะประตูห้องก่อนจะเดินเข้าไป เห็นป้าของคนเก่งอยู่แค่คนเดียวในห้อง

"สวัสดีครับคุณน้า เป็นยังไงบ้างครับ" ผมยกมือไหว้ และถามถึงอาการ เท่าที่เห็นภายนอกคือขาและแขนซ้ายใส่เฝือกอย่างอ่อนไว้

"ก็อย่างที่เห็นจ้ะ มีปวดเมื่อยฟกช้ำตามตัวบ้าง"

"แล้วเกิดอะไรขึ้นเหรอครับ" ผมถาม ก็เลยทราบว่ามีรถกระบะขับมาอย่างเร็วพุ่งชนที่ด้านหลังรถ แล้วรถของคุณน้าก็ไปชนเข้ากับรถยนต์อีกคันหนึ่ง

"แต่แม่คนเก่ง ยังไม่ฟื้นเลยตั้งแต่มาถึงโรงพยาบาล"

ผมคิดถึงคนเก่งขึ้นมาทันที ไม่รู้ว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน

"แล้วคนเก่งยังไม่ขึ้นมาจากทานข้าวเหรอครับ"

"หายไปนานแบบนี้ น้าคิดว่าน่าจะนั่งอยู่ตรงสวนที่อยู่ชั้นหกนะ เพราะเมื่อเช้าก็บอกน้าว่าไปนั่งเล่นตรงนั้นมา"

"ถ้างั้นผมขออนุญาตไปหาน้องนะครับ"

"จ้ะ ไปเถอะ"


ผมเดินลงบันไดมาสองชั้นก็มาถึงชั้นหก ก่อนจะมองเห็นลูกศรที่ชี้นำทางไป 'สวนพักใจ' ผมเดินตามลูกศรมาสักพักจนมาถึงสวนที่ว่า แต่ผมยังไม่ทันที่จะได้เดินเข้าไป ผมก็เห็นคนที่ตามหาเดินออกมา


คนเก่งยืนนิ่งอยู่กับที่ คงจะตกใจที่เจอผม ผมกางแขนออกมาทั้งสองข้าง พร้อมกับพยักหน้าให้น้อง คนเก่งเดินมาข้างหน้าสองสามก้าวก่อนที่จะวิ่งเข้ามาสู่อ้อมกอดของผม คนเก่งกอดผมแน่นมากและผมก็กอดผมแน่นมากเช่นกัน


"ไม่เป็นไรนะ ไม่ร้องนะครับ พี่อยู่นี่แล้ว" ตอนนี้คนเก่งร้องไห้อย่างหนักในอ้อมกอดของผม

"ชู่ว์ ไม่ร้องนะ" ผมกอดน้องพร้อมโยกตัวปลอบโยนน้องไปมา

ผ่านไปหลายนาทีที่คนเก่งเสียงเริ่มเงียบและอาการสะอื้นก็หายไป ผมดึงตัวคนเก่งออกมาดู ยังมีคราบน้ำตาอยู่ผมใช้มือผมค่อยๆเช็ดน้ำตาให้

"วันนี้พี่ไม่ได้พกผ้าเช็ดหน้า พี่ต้องขอโทษนะที่ใช้มือ" ผมบอกคนเก่งพร้อมกับลูบผมและจัดทรงผมให้น้องไปด้วย

"ผมขอโทษครับ" คนเก่งพูด ซึ่งผมไม่รู้ว่าน้องขอโทษผมเรื่องอะไรและปล่อยมือที่กอดผมไว้แต่ผมไม่ยอมผมจับมือน้องให้กอดผมไว้เหมือนเดิม ผมมองรอบข้างตอนนี้ไม่มีใครเลย ผมก็เลยหอมแก้มน้องทั้งสองข้างแบบเร็วๆ คนเก่งทำหน้าตกใจและมองซ้ายมองขวา

"พี่มองดูแล้วว่าไม่มีใคร" ผมขยี้ผมคนเก่งเบาๆ

"ไปหาที่นั่งคุยกันหน่อยดีมั้ย" ผมบอกคนเก่ง น้องชะงักนิดหนึ่งก่อนจะพาผมมานั่งในสวน

"พี่ขึ้นไปเจอป้าของคนเก่งมาแล้วนะ ท่านเล่าเหตุการณ์ให้ฟังแล้ว แล้วตอนนี้แม่อาการเป็นยังไงบ้าง" ผมเอ่ยถามคนเก่งทันทีที่นั่งลงที่ม้านั่งในบริเวณสวนพักใจ โดยที่ผมจับมือของคนเก่งอยู่ตลอด

"แม่ยังอยู่ห้องไอซียูครับ หมอบอกว่าอาการโดยรวมไม่มีอะไรมากครับเพียงแต่แม่ยังไม่ฟื้นเท่านั้นเอง" คนเก่งไม่ได้ร้องไห้ครับแต่น้ำเสียงน้องเศร้ามาก

"แล้วคนที่ขับชนล่ะ"

"ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ ได้ยินว่าบาดเจ็บแต่ไม่ได้เป็นอะไรมาก"

"คนเก่งมาตั้งแต่เมื่อคืนเหรอ"

"ครับ ตอนที่กลับไปถึงห้องมีสายเรียกเข้ามาเห็นเป็นเบอร์ของแม่ก็เลยกดรับสาย แต่คนที่โทรมาเป็นเจ้าหน้าที่กู้ภัยครับ ผมก็เลยรีบมาเลย พอมาถึงถึงได้รู้ว่าลืมมือถือไว้ที่ห้อง"

"ทำไมไม่โทรหาพี่ พี่จะได้พามาและจะได้อยู่เป็นเพื่อน"

"ผม ... เกรงใจน่ะครับ" คนเก่งมีน้ำเสียงที่อึกอัก

"ทำไมต้องเกรงใจ เราเป็นแฟนกันนะ"

คนเก่งเงียบไปนานหลังจากที่ผมพูดจบ

"ไว้เราคุยกันเรื่องนี้อีกทีดีกว่านะครับ ผมขึ้นไปดูป้าก่อนนะ" คนเก่งพูดและเดินออกไป ผมเองก็รีบเดินตามคนเก่งไป ระหว่างทางจนถึงห้องพักฟื้นของป้าคนเก่ง เราสองคนไม่ได้คุยอะไรกันเลย จนกระทั่งเข้ามาในห้อง



"ป้าทำไมยังไม่นอนล่ะครับ ต้องพักผ่อนเยอะๆนะรู้มั้ย" คนเก่งพูดขึ้นทันทีที่เข้ามาในห้อง

"ป้าเพิ่งรู้นะเนี่ยว่ามีหลานชายขี้บ่น"

"ก็หนูเป็นห่วงป้านี่นา อยากให้ป้าหายไวไว"

ผมชอบเวลาที่คนเก่งแทนตัวเองว่าหนูมากเลยครับ มันน่ารักดี

"แล้วทางคู่กรณีเขาได้มาแสดงความรับผิดชอบอะไรมั้ยครับคุณน้า" ผมถาม

"ยังเลยจ้ะ รถอีกคันที่รถน้าไปชนกับเขา เขาก็เจ็บเหมือนกัน นอนรักษาตัวอยู่อีกโรงพยาบาล"

ผมชั่งใจอยู่สักพักก่อนจะเอ่ยขออนุญาตขึ้นมา

"คุณน้าครับ ผมขออนุญาตพาคนเก่งไปนอนค้างที่บ้านคืนนี้นะครับ ผมแจ้งทางป๊ากับม๊าผมไว้แล้วด้วยว่าจะพาน้องไป" ผมเอ่ยขออนุญาต และผมรู้ว่าคนเก่งเป็นเด็กที่ไม่พูดแทรกขึ้นมาอยู่แล้ว

ผมเห็นป้าของคนเก่งหันไปมองหลานชายตัวเองอยู่สักพัก ส่วนคนเก่งเองก็ส่งสายตาบอกป้าของตัวเองประมาณว่าไม่อยากไป

"ได้สิจ้ะ เมื่อคืนก็ไม่กลับไปนอนบ้าน คืนนี้ไปนอนสบายๆที่บ้านเต็มก็ดีจ้ะ แต่เล่นบอกว่าแจ้งป๊าม๊าไว้แล้ว แบบนี้น้าก็ปฏิเสธไม่ได้นะสิน่ะ" ป้าของคนเก่งพูดออกมายิ้มๆ

ผมได้แต่ยิ้มรับไป ส่วนคนเก่งมีสีหน้าที่ไม่สบายใจอย่างเห็นได้ชัด

"แต่หนูอยากอยู่ดูแลป้า" คนเก่งพูดขึ้นมา

"ป้าไม่ได้เป็นอะไรมากแล้วนะคนเก่ง อีกอย่างพยาบาลก็มี ส่วนแม่เราก็เยี่ยมยังไม่ได้ เพราะฉะนั้นไปค้างกับพี่เขาเถอะ มีเรื่องต้องคุยกันใช่มั้ย" ประโยคสุดท้ายป้าของคนเก่งหันมาคุยกับผม

"ใช่ครับ" ผมตอบรับ

"ไม่ต้องทำหน้างง แค่ป้าเห็นหนูกลับมาคนเดียวป้าก็รู้แล้วว่าต้องทะเลาะอะไรกันมาแน่ๆ" ป้าของคนเก่งหันไปคุยกับเจ้าตัวที่ทำหน้างงๆอยู่

"ถ้างั้นผมขออนุญาตพาน้องไปเลยนะครับ แล้วพรุ่งนี้ผมจะพาน้องมาแต่เช้าครับ" ผมเอ่ยขออนุญาตอีกครั้งและยกมือไหว้ลาป้าของคนเก่ง ท่านเพียงแค่พยักหน้าให้ผมเท่านั้น

ผมเดินไปจูงมือคนเก่งที่ยืนอยู่ข้างเตียงอีกด้านหนึ่ง น้องดูแล้วอยากจะขัดขืนครับแต่อาจจะเป็นเพราะอยู่ต่อหน้าป้าของตัวเองเลยไม่ทำ



ผมจับมือคนเก่งเดินจนมาถึงที่รถ พอคนเก่งขึ้นมานั่งบนรถเรียบร้อย ผมก็ยื่นโทรศัพท์มือถือของเจ้าตัวให้ ก่อนที่จะขับรถออกมาจากโรงพยาบาล

"เอ๊ะ มือถือของผมนี่ ทำไมมาอยู่กับพี่เต็มล่ะครับ"

"ก็พี่ติดต่อคนเก่งไม่ได้ โทรหาเท่าไหร่ก็ไม่รับ พี่เลยตัดสินใจไปหาเราที่หอนะสิ พอไปก็เลยเห็นว่าห้องก็ไม่ได้ล็อค ไฟก็เปิดทิ้งไว้ มือถือก็วางทิ้งไว้บนเตียงอีก ตอนนั้นพี่ใจคอไม่ดีเลยรู้มั้ย" ผมเล่าให้ฟัง

ผมหันไปมองคนเก่งที่กำลังกดหน้าจอมือถือ

"พี่เต็มพยายามติดต่อผมขนาดนี้เลยเหรอ จนแบตจะหมดเลยอะ" คนเก่งพูดออกมาเสียงไม่ดังมากนัก

"พูดเหมือนแปลกใจที่พี่พยายามติดต่อเราอย่างนั้นแหละ ทำไมคิดว่าพี่จะไม่พยายามติดต่อล่ะ" ผมถามแต่คนเก่งไม่ตอบอะไรผม ผมเอื้อมมือไปจับมือของคนเก่งขึ้นมาและจูบเบาๆที่ฝ่ามือ คนเก่งดูจะตกใจที่ผมทำแบบนั้น ผมยิ้มด้วยความเอ็นดู

"จริงสิ ฟูจิบอกว่าให้คนเก่งโทรหาด้วยนะ" ผมบอกน้อง และคนเก่งก็กดมือถือโทรหาฟูจิทันที คนเก่งใช้เวลาพูดคุยไม่นานมากนัก แต่เท่าที่จับใจความได้คือพรุ่งนี้ฟูจิจะมาเยี่ยมแม่และป้าของคนเก่งที่โรงพยาบาล

สักพักมีสายของม๊าผมโทรเข้ามา

"ครับม๊า"

(พาน้องกลับมาหรือยัง)

"กำลังขับรถกลับแล้วครับ"

แล้วม๊าผมก็วางสายไป ตอนที่ผมรู้ว่าคนเก่งอยู่ที่โรงพยาบาล ผมก็รีบโทรไปบอกที่บ้านทันทีว่าผมเจอน้องแล้ว ม๊าก็เลยบอกผมว่าให้พาน้องมาที่บ้านด้วย ม๊าบอกไม่ได้บังคับครับแต่เป็นคำสั่ง

"ม๊าโทรมาเร่งน่ะ สงสัยเป็นห่วงคนเก่งมาก ตอนที่รู้ว่าติดต่อเราไม่ได้พี่โดนม๊าจัดชุดใหญ่เลยแหละ" ผมพูดแต่น้องไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไร

"เดี๋ยวแวะเอาเสื้อผ้าที่บ้านผมก่อนได้มั้ยครับ" คนเก่งเอ่ยขึ้นมาตอนที่ขับรถใกล้จะถึงทางแยกเข้าบ้าน

"ได้อยู่แล้วครับ"



หลังจากพาคนเก่งไปเอาเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวที่บ้านมาเรียบร้อยแล้ว ผมก็ขับรถพาคนเก่งตรงกลับมาที่บ้านผมเลย หลังจากลงจากรถมาผมก็คว้ากระเป๋าใส่เสื้อผ้าที่คนเก่งกอดอยู่มาถือให้ และจับมือน้องเดินเข้ามาในบ้าน

ตอนนี้ที่ห้องรับแขกอยู่กันพร้อมหน้าครับ ทั้งป๊า ม๊า พี่ต่อภพ และติวเตอร์ พอคนเก่งเห็นทุกคนนั่งอยู่กันครบดูออกเลยว่าน้องค่อนข้างเกร็ง ผมพาน้องนั่งลงตรงโซฟาที่ว่างอยู่ ก่อนที่น้องจะยกมือไหว้สวัสดีทุกคน

"เป็นยังไงบ้างคนเก่ง คุณแม่กับคุณป้าเป็นยังไงบ้าง ตอนที่พี่เต็มเล่าให้ม๊าฟัง ม๊าตกใจมากเลย" ม๊าลุกจากที่นั่งตัวเองมานั่งข้างคนเก่งและกอดปลอบใจน้อง

"ป้าอาการดีขึ้นแล้วครับไม่เป็นอะไรมาก แต่แม่ยังไม่ฟื้นเลยครับ หมอบอกว่าโดยรวมไม่น่าจะมีอะไร รอแค่ฟื้นเท่านั้น" คนเก่งตอบและม๊าผมก็กอดคนเก่งไม่ปล่อย

"ม๊าครับ ผมว่าพอได้แล้วล่ะมั้งครับ" ผมบอกม๊า

"พออะไรลูก" ม๊าถามผม

"ก็ที่กอดแฟนผมอยู่เนี่ย พอได้แล้วล่ะมั้งครับ" ผมบอกเพราะเริ่มรู้สึกหวงคนเก่งขึ้นมาจริงๆ

"อย่าเพิ่งมาทำพูดดีจ้ะลูกชาย มีเรื่องที่ต้องสะสางกันอยู่นะ" ม๊าผมพูดและกลับไปนั่งที่เดิม ส่วนผมก็ขยับเข้าไปนั่งใกล้น้องและโอบเอวน้องเอาไว้ ผมรู้ว่าต่อหน้าผู้ใหญ่น้องคงไม่ขยับตัวออกจากผมแน่

"ขวัญล่ะต่อ" ม๊าผมหันไปถามพี่ชายผม

"อาบน้ำอยู่ครับเดี๋ยวก็ลงมา" พี่ชายผมพูด

"คนเก่งเคยเจอพี่ต่อแล้วใช่มั้ย" ผมถามคนเก่ง

"ครับ แต่เคยเจอหลายปีแล้ว" คนเก่งตอบและยิ้มบางๆให้พี่ชายผม

"ไม่เจอกันหลายปี หน้าตาหล่อขึ้นนะเรา หรือจะบอกว่าน่ารักขึ้นดี" พี่ชายผมพูด

"หน้าที่ชมเป็นหน้าที่ผม พี่ไม่ต้องชมแทนได้มั้ย" ผมรู้สึกไม่ค่อยชอบใจสักเท่าไหร่ที่ได้ยินพี่ชายผมชมคนเก่ง พี่ชายผมไม่พูดอะไรแต่ส่ายหน้าเหมือนระอาใจผมมาก


"อ้าว ขวัญมาพอดี" พี่ชายผมเอ่ยขึ้นเมื่อมองเห็นพี่ขวัญพี่สะใภ้ที่เดินเข้ามาที่ห้องรับแขก

ผมรู้สึกว่าร่างกายของคนเก่งมันเกร็งขึ้นและสั่นด้วยพอน้องเห็นพี่ขวัญเดินเข้ามา คนเก่งเงยหน้ามามองผมแว่บหนึ่ง สายตาที่ส่งมามีความเจ็บปวด

"ใจเย็นและฟังก่อนนะ" ผมพูดเบาๆที่ข้างหูน้องและลูบเอวน้องไปมาเบาๆ

"เดี๋ยวม๊าจะแนะนำให้รู้จักกันนะ คนเก่ง นี่พี่ขวัญเป็นภรรยาของพี่ต่อ ส่วนนี่คนเก่งเป็นว่าที่ภรรยาของเต็ม"

"ภรรยาเลยก็ได้ม๊า ทำไมต้องว่าที่" ผมถามม๊า

"หลังแต่งงานก่อนจ้ะ ม๊าถึงจะให้เป็นภรรยา" ม๊าผมพูด

"ยินดีที่ได้รู้จักนะคนเก่ง พี่ได้ยินชื่อมานานแล้ว ได้เจอตัวจริงสักที" พี่สะใภ้ผมเอ่ยทักทายด้วยความเป็นกันเอง แต่คนเก่งน่ะสินั่งนิ่งไปเลย

"ภรรยาพี่ต่อ ... แต่พี่เต็มบอกว่า ... อาจจะแต่งงานกับพี่คนนี้" คนเก่งพูดออกมาเหมือนรำพึงกับตัวเอง แต่ทุกคนในห้องคือได้ยินกันหมด

ตอนนี้ทุกคนในห้องมองมาที่ผมกันหมด ผมได้แต่ยิ้มแห้งๆกลับไป ถึงแม้ทุกคนจะทราบกันแล้วว่าผมพูดอะไรกับคนเก่งไปบ้างแต่พอน้องมาพูดเองแบบนี้ ผมก็ทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน

"ว่าไงเจ้าเต็ม นี่แกคิดจะตีท้ายครัวพี่ชายแกเหรอ" ป๊าผมเป็นคนที่พูดขึ้นมา เหมือนอยากให้ผมเป็นคนอธิบายให้คนเก่งฟัง

ผมจับตัวคนเก่งให้หันหน้ามาหาผม คนเก่งมองผมและทุกคนด้วยสายตาที่สับสน

"เมื่อวานนี้พี่ตั้งใจว่าจะพาคนเก่งออกมาทานข้าวข้างนอกตอนที่คนเก่งไลน์มาหาพี่ว่าจะทานข้าวที่ไหน พี่กำลังจะตอบคนเก่ง แต่มีผู้หญิงสองคนเขาวิ่งหยอกกันมาแล้วมาชนพี่ที่กำลังจะข้ามถนนไปที่ลานจอดรถ มือถือก็เลยหล่นแล้วมีรถยนต์ขับมาเหยียบจนมันพัง พี่ก็เลยต้องรีบเอาไปให้ศูนย์เขาซ่อมให้ แล้ว .... "

"โอ๊ย ลูกชายฉัน เมื่อไหร่จะเข้าเรื่องจ้ะ" ม๊าผมพูดขัดขึ้นมา ผมเลยต้องหยุดชะงักไปชั่วครู่

"เอาไปศูนย์ซ่อม แล้วยังไงต่อครับ" คนเก่งเป็นคนพูดขึ้นมาเพื่อให้ผมเล่าต่อ

"พอไปถึงที่ห้างก็ไปเจอพี่ต่อกับพี่ขวัญที่จอดรถอยู่ติดกันพอดี ก็เลยเดินไปที่ศูนย์ซ่อมด้วยกัน ที่ศูนย์บอกว่าให้รอประมาณหนึ่งชั่วโมง พวกพี่ก็เลยไปทานข้าวกันก่อน ตอนที่ทานข้าวเสร็จระหว่างที่เดินกลับไปที่ศูนย์มือถือ ลูกค้าที่พี่ต่อนัดไว้โทรมา บอกว่ามาถึงแล้วนั่งรออยู่ที่สตาร์บัคส์ชั้นหนึ่ง พี่ต่อก็เลยแยกไปพบลูกค้าแค่คนเดียว ส่วนพี่กับพี่ขวัญก็เดินไปที่ศูนย์มือถือด้วยกัน ประมาณครึ่งชั่วโมงพี่ต่อก็ตามมาและจัดการเรื่องซื้อมือถือเครื่องใหม่ให้ จากนั้นก็แยกย้ายกันกลับ"

"ครับ" คนเก่งตอบรับเบาๆ

หลังจากนั้นผมก็เล่าเหตุผลที่ทำไมพี่ขวัญถึงมาที่ห้องผมกะทันหันให้คนเก่งฟัง

"เมื่อคืนพี่ขอโทษนะที่พี่พูดไปแบบนั้นเพราะพี่ไม่ชอบที่คนเก่งบอกว่าพี่โกหก มันก็เลยทำให้พี่โมโห มันบวกกับที่พี่น้อยใจเรื่องที่เราทะเลาะกันก่อนหน้านี้ด้วย พี่ก็เลยพูดประชดออกไป"

"ครับ เข้าใจแล้วครับ" คนเก่งตอบด้วยเสียงนิ่งๆ

"เต็ม แต่การที่น้องพูดว่าลูกโกหกมันก็เข้าใจได้นะ เพราะเต็มก็ไม่ได้บอกความจริงให้น้องรับรู้ตั้งแต่แรก การที่น้องจะเข้าใจว่าลูกโกหกน้องก็ไม่ผิดนะ" ม๊าผมพูดขึ้นมา

"ครับม๊า ผมเป็นคนผิดเอง" ผมยอมรับผิดครับ

"คนเก่งมีอะไรค้างคาใจอีกมั้ยจ้ะ" ม๊าหันมาถามคนเก่ง

"ไม่มีแล้วครับ" คนเก่งเอ่ยออกมา ก่อนที่จะยกมือขึ้นมาไหว้ขอโทษทุกคน ซึ่งตอนแรกนั้นทุกคนทำสีหน้าประหลาดใจกันหมดที่คนเก่งเอ่ยขอโทษ

"ผมขอโทษด้วยนะครับที่เหมือนเรื่องของผมทำให้ทุกคนวุ่นวายกันไปหมด จริงๆเรื่องนี้ผมเองก็มีส่วนผิดเหมือนกันครับเพราะผมเองก็ไม่ถามพี่เต็มไปตรงๆทั้งๆที่ผมเห็นว่าพี่เต็มเดินกับผู้หญิงที่ห้าง ถ้าผมถามออกไปเลยว่าผู้หญิงที่เดินกับพี่เต็มคือใคร เรื่องมันอาจจะไม่วุ่นวายขนาดนี้ก็ได้ ผมขอโทษทุกคนอีกครั้งนะครับ"

ผมว่าตอนนี้ความรู้สึกของผมมันจุกล้นอยู่ในอก ทั้งๆที่ผมเป็นคนผิดเต็มๆและน้องจะโยนความผิดทุกอย่างให้ผมเลยก็ได้ แต่น้องกับเลือกที่จะแบ่งความผิดนั้นกับผม

อะไรก็ตามที่ผ่านมาผมจะไม่เก็บเอามาคิดมาใส่ใจอีก ถึงน้องจะบอกว่าอนาคตอยากให้ผมแต่งงานมีลูกสร้างครอบครัวกับผู้หญิง ผมก็จะไม่สนใจเพราะผมเป็นคนเลือกที่จะสร้างอนาคตของผมเองและอนาคตของผมจะต้องมีคนเก่งเป็นคู่ชีวิตผมเท่านั้น

"คนเก่ง น่ารักจังเลยค่ะ เสียดายที่ไม่เจอน้องก่อนหน้านี้" พี่สะใภ้ผมพูดขึ้นมาด้วยความชื่นชมจนพี่ชายผมส่งสายตาดุๆไปให้

"เสียดายคนเก่งนะม๊า มาหลงรักเจ้าลูกชายเราได้ยังไงก็ไม่รู้" ป๊าผมพูดขึ้นมาครับ

"คนเก่งตาถึงไงครับป๊า" ผมพูดยิ้มๆด้วยความภูมิใจ

"พี่สะใภ้รองครับ พี่ไม่คิดจะชอบเด็กมอปลายบ้างเหรอครับ" ติวเตอร์ที่มันนั่งเงียบตลอดการสนทนาพูดขึ้นมาบ้าง

"ลามปามๆติวเตอร์" ผมพูดหยอกน้องชาย


ผมเห็นคนเก่งยิ้มออกมาผมก็ค่อยโล่งใจและสบายใจขึ้นมาพอสมควร ผมใช้มือที่ตอนแรกโอบเอวน้องมาขยี้ผมน้องที่บริเวณท้ายทอยเบาๆ น้องหันมายิ้มให้ผมเล็กน้อย


หลังจากนั้น ทุกคนในบ้านผมก็ถามถึงเรื่องที่แม่และป้าของคนเก่งถูกรถชน พอทุกคนทราบว่าทางคู่กรณียังเงียบอยู่ ป๊าผมเลยบอกว่าพรุ่งนี้ป๊าจะเข้าไปสอบถามความคืบหน้าของคดีที่สถานีตำรวจ และหลังจากที่ทุกคนพูดคุยและนัดแนะเรื่องที่พรุ่งนี้จะเข้าไปเยี่ยมแม่และป้าของคนเก่งที่โรงพยาบาลเรียบร้อย พวกเราก็แยกย้ายขึ้นห้องนอนกัน


ผมเดินถือกระเป๋าของคนเก่งพร้อมทั้งเดินจับมือของคนเก่งเดินขึ้นมาบนห้อง

"คนเก่ง อาบน้ำก่อนเลยมั้ย" ผมถามน้องเมื่อเดินเข้ามาในห้อง

"ครับ" น้องเดินมาเปิดกระเป๋าที่ใส่เสื้อผ้าและของใช้ที่ผมวางไว้ที่โซฟาในห้องนอน

"พี่เต็มมองอะไรครับ" ผมสะดุ้งเล็กน้อยตอนที่น้องพูดเพราะคนเก่งไม่ได้เงยหน้ามามองผมด้วยซ้ำ แต่ทำไมรู้ว่าผมมอง

"รู้ได้ไงว่าพี่กำลังมอง" ผมถามคนเก่งที่ตอนนี้ถือเสื้อผ้าเอาไว้ในมือเตรียมจะไปอาบน้ำ

"เวลามีคนมองเราก็ต้องรู้เป็นธรรมดานะครับ" คนเก่งบอกก่อนที่น้องจะเดินไปที่หน้าห้องน้ำ ผมรีบเดินมากอดน้องที่ด้านหลัง และใช้จมูกซุกไซร้สูดดมที่แถวๆท้ายทอยและซอกคอของคนเก่ง


"หอมจัง" ผมชอบกลิ่นของคนเก่งครับ น้องมักจะมีกลิ่นที่เหมือนผิวเด็กอยู่ตลอดเวลา

"พี่เต็ม ปล่อยก่อนครับ ผมจะอาบน้ำ" คนเก่งพยายามดิ้นออกจากอ้อมกอดผมแต่ผมกลับยิ่งกอดรัดน้องมากยิ่งขึ้น

"อาบด้วยกันนะ" ผมบอกคนเก่ง ผมบอกตามตรงเลยว่าตอนนี้ผมอยาก 'กอด' น้องมาก ยิ่งได้กลิ่นหอมจากตัวคนเก่งผมยิ่งระงับอารมณ์ตัวเองไม่ไหว

"ไม่เอา ต่างคนต่างอาบดีแล้ว" คนเก่งแย้งผมเสียงแผ่วเบา แต่ ณ นาทีนั้นผมไม่ได้สนใจอะไรทั้งสิ้น ผมดันตัวน้องจนเข้ามาในห้องน้ำด้วยกันก่อนที่จะจัดการล็อคประตูห้องน้ำ ผมดึงเสื้อผ้าที่อยู่ในมือน้องไปวางไว้บนตู้ที่วางพวกผ้าเช็ดตัวเพื่อไม่ให้มันเปียก ก่อนที่ผมจะจับคนเก่งให้หันหน้ามาหาผม และดันตัวน้องไปยืนพิงผนังห้องน้ำ และเริ่มระดมจูบไปทั่วใบหน้าของน้อง

ส่วนมือผมก็ถอดเสื้อช็อปของตัวเองที่ใส่มาพร้อมกับเสื้อยืดที่ใส่อยู่ด้านใน หลังจากจัดการตัวเองเสร็จผมก็มาจัดการถอดเสื้อให้คนเก่งบ้าง ผมถอดเสื้อยืดแขนสั้นคอวีออกจากตัวของคนเก่งได้อย่างรวดเร็วก่อนที่ผมจะก้มหน้าลงไปจัดการที่ตุ่มไตสีชมพูที่อยู่ตรงหน้า

" ... พี่เต็ม .. ครับ เดี๋ยวคนที่ ... บ้าน ... "

ผมรู้ว่าน้องกังวลอะไร

"แต่ละห้องอยู่ห่างกันและห้องพี่ที่นี่ก็ไม่ต่างจากคอนโด เก็บเสียงได้ดีเหมือนกัน" ผมบอกให้คนเก่งสบายใจ

"แต่ว่า ... " ผมอดที่จะขำคนเก่งไม่ได้ เปลือยเกือบจะทั้งตัวอยู่แล้ว แต่น้องก็ยังพยายามที่จะผลักไสผมออกจากตัว

"ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เก็บเสียงไว้ครางให้พี่ฟังก็พอ" ผมพูดก่อนที่ปิดปากน้องด้วยริมฝีปากของผม


คืนนั้นถ้าห้องผมไม่เก็บเสียง ผมว่าทุกคนในบ้านผมคงแตกตื่นและไม่ได้นอน




TBC
#เติมเต็มรัก
ninewara✿

◕ เติมเต็มรักใกล้จะจบแล้ว
◕ ตอนแรกตั้งใจจะให้น้องเจอดราม่าอีกแบบหนึ่งที่หนักกว่านี้และให้พี่ใจร้ายกว่านี้แต่คนเขียนมาเปลี่ยนใจภายหลังเพราะอ่านไปแล้วรู้สึกสงสารน้องค่ะ
◕ ขอบคุณทุกๆคอมเม้นท์นะคะ
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 28) 04/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Sutharat ที่ 04-06-2019 18:29:28
แค่นี้ก็สงสารน้องเยอะแล้ว :sad11:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 28) 04/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 04-06-2019 21:10:11
 :L2: :pig4:

สวสารเราด้วยยย :sad11:
อีพี่ไม่ได้เลว พี่แค่กาก อย่าแกล้งน้องงงงงง

 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 28) 04/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 04-06-2019 21:51:35
 :pig4: :pig4: :pig4:

คิดเองเออเองกันทั้งคู่ 

ส่วนเติมเต็มก็เอาอารมณ์ตัวเองเป็นใหญ่  เฮ้อ
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 28) 04/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Tonson777 ที่ 04-06-2019 22:10:15
น้ำตาคลอแทนคนเก่งเลยตอนที่ทะเลาะกับพี่เต็ม  ดีแล้วที่ทะเลาะกันไม่นานแล้วยังปรับความเข้าใจกันได้เร็ว
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 28) 04/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 04-06-2019 23:19:14
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 28) 04/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 05-06-2019 00:34:47
กลัวน้องแอบไปคิดมากต่อ  :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 28) 04/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: sripaerrr ที่ 05-06-2019 10:00:48
โล่งใจซะที  รู้​อย่างคือทั้งคู่​รักกันมากอยากให้อีกคนพบเจอแต่สิ่งดีๆ​ ​โชคดีที่ทั้งสองครอบครัว​เป็นหลักให้ยึดในวันที่ต่างพากันอ่อนไหว​ จากนี้​คงได้เรียน​รู้​กันมากขึ้น​ เอาใจช่วย​นะ​
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 28) 04/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 05-06-2019 10:41:24
สงสารน้องคนเก่ง ไปหลงรักคนกาก 5555
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 28) 04/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 05-06-2019 11:32:01
สงสารน้องคนเก่งนะครับ ส่วนพี่เติมเต็มก็ตามนั้นแหละ ใช้อารมณ์ไปนิด
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 28) 04/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 05-06-2019 12:02:43
 :m16: :m16: :m16: คนนึงก็คิดไปเอง อีกคนก็ชอบประชดจั๊ง
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 28) 04/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 06-06-2019 09:53:33
ดีที่ดราม่าแค่นี้สงสารน้องค่ะ ยังต้องปรับเข้าหากันอีกเยอะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 28) 04/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 07-06-2019 01:07:56
สนุกมากเลยครับ,,,
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 28) 04/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: memozy ที่ 10-06-2019 17:15:57
ขอ NC พลีส!!!!!
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

รอติดตามอยู่นะ  o13
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 29) 17/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ninewara ที่ 17-06-2019 00:42:58
✿ เติมเต็มรัก ✿ ครั้งที่ 29



ผมนอนลืมตาอยู่บนเตียงในห้องนอนที่บ้านของพี่เติมเต็ม ผมมองดูเวลาที่นาฬิกาที่แขวนอยู่ที่ผนังห้อง เพิ่งจะตีห้านิดๆครับ ผมหันไปมองผู้ชายคนที่นอนอยู่ข้างๆผม ผู้ชายที่เมื่อคืนเอาแต่ใจอย่างที่สุด แต่ผมก็ตามใจเขาอย่างเต็มที่เหมือนกัน

เมื่อคืนหลังจากที่ ... เอ่อ ... นั่นแหละครับ ผมกับพี่เติมเต็มเราก็มานอนคุยกันและเคลียร์กันในทุกๆเรื่องที่เราไม่เข้าใจกัน สิ่งที่พี่เติมเต็มขอจากผมคือขอให้ผมมั่นใจในตัวเองว่าผมทำให้พี่เขารักได้และขอให้มั่นใจในความรักที่พี่เขามีให้ผม ไม่ต้องไปสนใจคำพูดใคร ถ้าพี่เขาไม่โอเคก็คงไม่คบและไม่เปิดเผยกับใครต่อใครแบบนี้

เมื่อคืนมีข้อตกลงหลายๆอย่างระหว่างเราทั้งคู่เยอะเหมือนกัน และมันก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกแย่อะไรเลย เพราะเราคิดแค่ว่ามันจะช่วยให้เราดูแลความรักของเราให้ดีขึ้น

ผมนอนมองพี่เติมเต็มที่ตอนนี้นอนคว่ำหน้าแต่หันหน้ามาทางผมและแขนข้างหนึ่งที่กำลังพาดที่ตัวของผมเอาไว้หลวมๆ ผมใช้มือไปเกลี่ยเส้นผมที่ปรกที่หน้าผาก ไม่น่าเชื่อว่าผู้ชายที่หล่อขนาดนี้จะมารักมาชอบผมได้ พี่เติมเต็มมีผู้หญิงที่ผ่านมาในชีวิตมากมายทั้งในอดีต และผมเชื่อว่ารวมทั้งในอนาคตด้วย แต่ไม่ว่ายังไงก็แล้วแต่ ในที่สุดพี่เติมเต็มก็เป็นแฟนกับผม เมื่อก่อนผมอาจจะรักพี่เติมเต็มแค่ข้างเดียวแต่ตอนนี้คือ ... เรารักกัน

ขณะที่ผมกำลังใช้มือไปแตะที่แก้มของพี่เติมเต็ม พี่เติมเต็มก็คว้ามือของผมไปจับและจูบลงไปที่ฝ่ามือ

"ตื่นเช้าจัง" พี่เติมเต็มพูดกับผมแต่ยังไม่ลืมตาขึ้นมา

"มันตื่นเองครับ อีกอย่างนอนไม่ค่อยหลับด้วย" พอผมพูดแบบนั้นออกไปพี่เติมเต็มลืมตาขึ้นมาทันทีครับ

"เจ็บจนนอนไม่ได้หรือเปล่า" พี่เติมเต็มถามผมด้วยน้ำเสียงที่จริงจังและแววตาที่เป็นห่วงผมมาก เอาจริงนะ ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่ครั้งแรกที่เรามีอะไรกันแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะไม่เขินไม่อาย แต่เพราะคำถามของพี่เติมเต็มมันดูจริงจังและเป็นห่วงผมมาก จนผมแทบจะลืมความอายไปเลย

"เจ็บครับ แต่ไม่ใช่เหตุผลที่นอนไม่ค่อยหลับ ผมแค่ ... รู้สึก อืมมมม .. จะใช้คำว่าอะไรดี มันเหมือนตื่นเต้นตลอด หัวใจเต้นแรง ผมรู้สึกเหมือนเรา ... รักกันมากขึ้นหลังจากเรื่องเมื่อคืน" ผมตอบตามที่คิดและรู้สึก

"หลังจากที่เรามีเซ็กซ์น่ะเหรอ" พี่เติมเต็มพูดออกมายิ้มๆ และหัวเราะตอนที่ผมทำหน้ามุ่ย ก่อนที่พี่เติมเต็มจะเปลี่ยนมานอนหงายและดึงผมเข้าไปกอด

"พี่ขอโทษนะที่เมื่อคืนพี่เอาแต่ใจมากเลยอ่ะ คนเก่งต้องเจ็บมากแน่ๆเพราะไม่มีอุปกรณ์ตัวช่วยอะไรมาเลย ไม่ได้ตั้งใจไว้ว่าจะต้องมาทำอะไรแบบนี้ไงก็เลยไม่ได้เอาติดกระเป๋ามา พี่ว่า .. ต่อไปพี่ต้องเตรียมของไว้ในกระเป๋าหรือในรถเอาไว้ตลอดแล้วล่ะ ดีมั้ย"

"ก็ตามใจพี่เต็มสิครับ" ผมตอบออกไป พี่เติมเต็มกอดผมแน่นขึ้นก่อนจะพูดออกมาว่า

"พูดแล้วนะ ถ้าพี่อยากกอดตอนไหนก็ต้องให้พี่กอด"

ผมไม่รู้ว่าพี่เติมเต็มพูดจริงหรือพูดเล่น ผมเม้มปากนิดๆก่อนจะพูดออกไป

"ครับ ผมอยากทำให้พี่มีความสุข"

หลังจากที่ผมพูดจบประโยคนั้น มือที่พี่เติมเต็มกำลังลูบหัวของผมอยู่ก็ชะงักทันที

"รู้ตัวใช่มั้ยเนี่ยว่าพูดอะไรออกมา หาเรื่องให้ตัวเองเจ็บตัวนะ" พี่เติมเต็มพูดออกมา ผมรู้สึกว่าหัวใจของพี่เติมเต็มที่หัวของผมกำลังซุกอยู่มันเต้นแรงมากขึ้น

"เจ็บตัวก็ไม่เป็นไรครับ ผมอยากให้พี่เต็มมีความสุขกับร่างกายของผม ... ผมรักพี่เต็มนะครับ"

ผมได้ยินเสียงเหมือนพี่เติมเต็มกำลังสูดหายใจเข้าลึกๆอยู่หลายครั้ง ผมกำลังจะถามว่าพี่เติมเต็มเป็นอะไร แต่พี่เติมเต็มพลิกตัวผมให้นอนหงายลงบนเตียง และพี่เติมเต็มก็มาคร่อมทับบนตัวผม แค่นั้นยังไม่พอ มือขวาของพี่เติมเต็มตอนนี้ล้วงเข้าไปในกางเกงบ็อกเซอร์ของผม และกำลังลูบคลำส่วนนั้นของผมอยู่

" ... พี่เต็ม "

"ต่อรอบเช้ากันอีกสักรอบก็แล้วกันนะ ... ที่รัก"

เมื่อคืนพี่เติมเต็มก็เรียกผมแบบนี้ เรียกผมว่าที่รัก และบอกรักผมตลอดทั้งคืน

ว่าแต่ ... ผมยังไม่หายเจ็บและยังไม่หายเมื่อยตัวเลยนะเนี่ย


.
.
.


"คนเก่ง ตื่นได้แล้วครับ" ผมได้ยินเสียงพี่เติมเต็มเรียกผม ผมลืมตาขึ้นมาเห็นพี่เติมเต็มนั่งอยู่ที่ขอบเตียงข้างๆผม พี่เติมเต็มลูบหัวเบาๆ ดูเหมือนพี่เติมเต็มจะอาบน้ำและแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมพยายามที่จะลุกขึ้นมานั่ง พี่เติมเต็มรีบช่วยพยุงให้ผมนั่ง

"ตื่นสายเลยอ่ะ" ผมบ่นออกมา พี่เติมเต็มยิ้มให้ผมพร้อมใช้มือจัดผมให้ผมไปด้วย

"โอเคมั้ย ลุกไปอาบน้ำไหวหรือเปล่า"

"ไหวครับ" ผมบอก แต่พี่เติมเต็มก็ไม่ปล่อยให้ผมต้องเดินเอง พี่เติมเต็มอุ้มผมและพาผมมาส่งถึงในห้องน้ำ

"อาบไหวมั้ย" ผมอดขำพี่เติมเต็มไม่ได้ เพราะพี่เขาพูดอยู่แค่ไม่กี่คำ

"อาบได้ครับ พี่เต็มออกไปเถอะ" ผมบอก พี่เติมเต็มก็พยักหน้าและเดินออกไป

ผมใช้เวลาอาบน้ำไม่นานมากเพราะตอนนี้สายมากแล้ว อีกอย่างคือเมื่อคืนนี้นัดหมายกับทุกคนเอาไว้แล้วว่าจะไปเยี่ยมแม่และป้าที่โรงพยาบาล หลังจากที่ออกมาแต่งตัวอะไรเสร็จเรียบร้อย พี่เติมเต็มก็พาผมเดินลงมาข้างล่าง แต่ไม่เจอใครเลยครับ

"ไม่ต้องมองหาหรอก ไม่มีใครอยู่ ทุกคนไปโรงพยาบาลกันหมดแล้ว" พี่เติมเต็มบอกผม แย่เลยแบบนี้ทุกคนจะตำหนิผมหรือเปล่าที่นอนตื่นสาย

"คิดอะไรอยู่ ป๊ากับม๊าเป็นคนบอกพี่เองว่าจะออกไปก่อนเพราะจะไปสถานีตำรวจด้วยจะไปคุยกับร้อยเวรที่ทำคดีน่ะ ที่สำคัญ ... พี่รู้สึกว่าทุกคนจะรู้นะว่าทำไมคนเก่งตื่นสาย เพราะพี่ต่อเป็นคนบอกว่าปล่อยให้คนเก่งนอนให้เต็มที่เถอะ เพราะคนเก่งน่าจะตื่นไม่ไหว"

ความร้อนมารวมกันที่หน้าของผมทันทีที่พี่เติมเต็มพูดแบบนั้นออกมา ผมมองไปรอบๆบ้าน ก่อนจะพูดออกมาเบาๆว่า

"ไหนพี่เต็มบอกห้องเก็บเสียงไง"

พี่เติมเต็มลูบหัวผมเบาๆไปมา และยิ้มมุมปากเล็กน้อย

"ที่พี่ต่อรู้ไม่ใช่เพราะเสียงมันดังออกมาอะไรหรอกนะ แต่ความเป็นพี่น้องกันมันเลยทำให้พี่ต่อรู้ว่าพี่คงไม่ปล่อยให้แฟนตัวเองนอนเฉยๆอยู่ในห้องหรอก"

ผมยกมือขึ้นมาปิดหน้าตัวเองเพราะนึกไม่ออกว่าต้องทำหน้าแบบไหน ได้ยินเสียงพี่เติมเต็มหัวเราะก่อนจะกอดผมเอาไว้

"ไปทานข้าวกันดีกว่า เช้านี้น้านวลทำข้าวต้มกุ้งเอาไว้ ทานเสร็จจะได้รีบไปโรงพยาบาลกัน"

พี่เติมเต็มพาผมเดินไปที่โต๊ะทานข้าวแต่ก่อนที่ผมจะนั่งลงที่เก้าอี้พี่เติมเต็มก็บอกให้ผมรออย่าเพิ่งนั่ง สักพักพี่เติมเต็มก็เอาเบาะรองนั่งที่ค่อนข้างจะหนามากๆมาวางรองที่เก้าอี้

"นั่งได้แล้วครับผม" ผมรู้สึกเขินๆยังไงก็ไม่รู้ที่พี่เติมเต็มทำแบบนี้ ถึงแม้พี่เขาจะไม่ได้พูดออกมาว่าทำไมต้องเอาเบาะมารองให้ผมนั่ง แต่ผมก็รู้เหตุผลดีว่าเพราะอะไร

"โอเคมั้ย" หลังจากนั่งทานข้าวต้มกุ้งไปสักพักพี่เติมเต็มก็ถามผมขึ้นมา

"โอเคครับ อร่อยมากเลย" ผมตอบเพราะคิดว่าพี่เติมเต็มถามถึงข้าวต้มกุ้ง

พี่เติมเต็มหัวเราะออกมาเบาๆ

"พี่หมายถึงนั่งสบายมั้ย โอเคหรือเปล่า เบาะช่วยให้ไม่เจ็บมากใช่มั้ย"

มือที่กำลังตักข้าวต้มกุ้งคำสุดท้ายเข้าปากชะงักไปทันทีครับเพราะไม่คิดว่าพี่เติมเต็มจะถามออกมา แต่ผมเลือกที่จะไม่ตอบครับ พี่เติมเต็มทานเสร็จพอดีผมกำลังจะลุกเอาชามไปล้างแต่พี่เติมเต็มดึงชามไปจากมือผม

"เดี๋ยวพี่ล้างเอง นั่งรออยู่เฉยๆ" ผมก็แค่ยิ้มรับแค่นั้น พี่เติมเต็มใช้เวลาล้างชามแค่แป๊บเดียวเท่านั้นครับ

ตอนที่เดินมาขึ้นรถผมเห็นพี่เติมเต็มเอาเบาะรองนั่งที่ค่อนข้างหนาพอๆกับอันที่ผมเพิ่งใช้รองนั่งที่เก้าอี้ในครัวไปวางไว้ที่เบาะด้านข้างคนขับ

"พี่เต็มครับ ... ไม่ต้องขนาดนี้ก็ได้มั้งครับ" ผมพูดเสียงอ้อมแอ้มเพราะรู้สึกอายนิดๆ

"ต้องสิ คนเก่งเจ็บตัวเพราะพี่ พี่ก็ต้องดูแล..จริงมั้ย"

"แต่นั่งแบบไม่มีเบาะรองก็ได้นี่ครับ"

"เอาน่า เพื่อความสบายใจของพี่" พอพี่เติมเต็มพูดแบบนั้นผมก็เลยต้องยอมตามใจ

.
.
.

หลังจากนั้นพี่เติมเต็มก็ขับรถพาผมไปที่โรงพยาบาล ตอนที่มาถึงโรงพยาบาล พอเปิดประตูเข้าไปในห้องพักฟื้นที่ป้าผมอยู่ ผมเจอป๊าม๊า พี่ชายและพี่สะใภ้ของพี่เติมเต็มยังนั่งอยู่ภายในห้องครับ

"นั่นไงมากันแล้ว กำลังบ่นถึงอยู่เลย" ม๊าของพี่เติมเต็มพูดขึ้น พี่เติมเต็มที่ยืนข้างผมยกมือไหว้สวัสดีป้าผม ส่วนผมก็รู้สึกทำตัวไม่ถูกขึ้นมาก็เลยยกมือไหว้และขอโทษทุกคนแทน

"ขอโทษนะครับที่มาช้า"

"ไม่ต้องขอโทษๆ พี่รู้ว่าคงจะปรับความเข้าใจกันดึก" พี่ชายของพี่เติมเต็มพูดครับ ตอนนี้หน้าผมร้อนไปหมดแล้วครับ เพราะดูเหมือนทุกสายตาจะมองมาที่ผม

"พี่ต่อ ไม่แซวน้องสิ" พี่สะใภ้ของพี่เติมเต็มพูดขึ้นมาและเห็นพี่เขาหยิกที่แขนแฟนของตัวเองด้วย

"ป้าเป็นยังไงบ้างครับ" ผมก็เลยเลี่ยงเดินมาหาป้าที่เตียงแทน ป้าใช้มือข้างที่ไม่ได้เข้าเฝือกมาลูบหัวผมเบาๆ

"ป้ามีข่าวดีจะบอกหนูด้วยนะ" ป้าบอกผมด้วยรอยยิ้ม

"อะไรเหรอครับ"

"แม่ของหนูฟื้นแล้วนะลูก"

"จริงเหรอครับ! แล้วตอนนี้แม่อยู่ไหนครับ!" ผมพูดออกมาเสียงดังด้วยความดีใจ ผมสัมผัสได้ว่ามีมือมาแตะที่ไหล่ผมพอเงยหน้าขึ้นมองเห็นเป็นพี่เติมเต็มครับ

"ใจเย็น หมอกำลังตรวจร่างกายอยู่ หลังจากเสร็จแล้ว เดี๋ยวจะย้ายคุณน้าไปพักฟื้นที่ห้องเดียวกัน"

"พี่เต็มรู้แล้วเหรอครับว่าแม่ผมฟื้นแล้ว"

"รู้ตั้งแต่เช้าแล้ว"

"แล้วทำไมไม่บอกผมล่ะ ฮีก ... ฮือ" ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมน้ำตามันไหลออกมา มันเหมือนมันโล่งและรู้สึกน้อยใจไปพร้อมๆกัน

พี่เติมเติมที่ยืนอยู่ดึงผมที่นั่งอยู่เข้าไปกอด ตอนนี้หน้าผมก็เลยซบอยู่ที่ท้องของพี่เติมเต็ม

"ไม่ร้องนะ ไม่ร้อง พี่ขอโทษ" พี่เติมเต็มพูดพลางลูบหัวลูบหลังผมไปด้วย

"โธ่เอ๊ย คนเก่ง ป้าเป็นคนบอกพี่เขาเองว่าอย่าเพิ่งบอกหนู ป้าจะเป็นคนบอกเอง" พอได้ยินป้าพูดแบบนั้นผมก็เลยนิ่งไป และหันมามองป้า

"ถ้าหนูรู้หนูก็ต้องรีบมาใช่มั้ย คือป้าได้ยินว่าเมื่อคืนหนู ... นอนดึกป้าก็เลยยังไม่ให้บอกหนู อยากให้หนูพักผ่อนก่อน" ป้าผมพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยมั่นใจว่าจะพูดดีมั้ย แต่ผมเริ่มหน้าร้อนขึ้นมาอีกแล้ว ผมเงยหน้ามองพี่เติมเต็มที่ยืนอยู่ข้างๆผม

"คือเมื่อเช้าตอนป๊ากับม๊ามาถึงไม่นาน พยาบาลก็เข้ามาแจ้งว่าแม่ของคนเก่งฟื้นแล้ว ม๊าก็เลยโทรบอกพี่"

"ป้าก็เลยฝากบอกเต็มไปว่าอย่าเพิ่งบอกหนู ให้หนูมาถึงโรงพยาบาลก่อนเดี๋ยวป้าจะบอกหนูเอง" ป้าพูดเสริมออกมาอีกหลังจากพี่เติมเต็มพูดจบ



หลังจากนั้นพี่เติมเต็มก็พาผมลงมาหาแม่ที่ชั้นสี่ซึ่งตอนที่ลงมาถึงหมอตรวจร่างกายของแม่ผมเสร็จพอดี หลังจากที่จัดการเรื่องห้องพักฟื้นให้แม่ผมเรียบร้อยแล้ว พี่เติมเต็มก็ไปแจ้งเรื่องที่ขอย้ายป้าผมให้มาพักฟื้นอยู่ห้องเดียวกันกับแม่

"คนเก่งอยู่กับแม่นะ เดี๋ยวพี่ขึ้นไปจัดการข้างบนก่อน" ผมพยักหน้ารับก่อนจะเปิดประตูเข้าไปหาแม่ในห้อง ผมเห็นพยาบาลกำลังเปลี่ยนถุงน้ำเกลือให้แม่อยู่ ผมก็เลยเดินไปนั่งรอที่โซฟา ผมนั่งรอไม่นานพยาบาลก็เดินออกไป ผมรีบเดินไปหาแม่ที่เตียง

"แม่ครับ .. " พอเห็นแม่แล้วผมอดที่จะสะเทือนใจไม่ได้ แม่มีรอยฟกช้ำตามตัว ที่หัวของแม่มีผ้าพันแผลพันไว้

"คนเก่ง" แม่เรียกผม

"แม่ ... แม่ไม่เป็นอะไรแล้วนะ .." ผมรู้สึกว่าผมกำลังจะร้องไห้ ผมอยากจะกอดแม่ แต่ผมก็กลัวว่าแม่จะเจ็บ

"ไม่เป็นอะไรแล้วลูก" แม่ผมยิ้มให้ผม ผมจับมือแม่ข้างหนึ่งไว้

"แม่รู้มั้ยว่าเก่งกลัว ... กลัวว่า .. แม่ .. จะไม่อยู่ ... กับเก่งแล้ว" ผมพูดด้วยเสียงอันสั่นเครือเพราะน้ำตาที่ไหลออกมา

"แม่ไม่เป็นอะไรแล้ว ไม่ต้องร้องแล้วลูก" ยิ่งแม่ห้ามไม่ให้ผมร้องผมกลับยิ่งร้องไห้หนักขึ้น ผมรู้สึกกลัวมากจริงๆครับ กลัวว่าจะต้องสูญเสียแม่ไปอีกคน ตอนที่พ่อเสียช่วงนั้นชีวิตผมเคว้งมาก ตอนนั้นผมรู้สึกเหมือนชีวิตไร้ที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ต้องย้ายโรงเรียนกะทันหัน โชคดีที่ตอนที่ย้ายมาเรียนที่นี่ได้เจอกับฟูจิที่คอยดูแลผม รวมทั้งการได้รู้จักกับพี่เติมเต็มรุ่นพี่สุดหล่อในโรงเรียนทำให้ชีวิตในโรงเรียนใหม่ของผมไม่ได้แย่เลยสักนิด

หลังจากนั้นไม่นานก็มีเจ้าหน้าที่ของทางโรงพยาบาลก็พาป้ามาอยู่ที่เตียงข้างๆ ห้องนี้เป็นห้องพิเศษที่มีเตียงสองเตียงครับ ครอบครัวของพี่เติมเต็มก็เดินตามลงมาด้วย พี่เติมเต็มเดินมาข้างเตียงแม่ผมและยกมือไหว้ พอพี่เติมเต็มมองหน้าผมก็ยกมือมาลูบหัวผมไปมา

"ร้องไห้อีกแล้ว" พี่เติมเต็มพูดกับผมด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน

"ไม่ร้องแล้วครับ" ผมตอบ ผมเห็นแม่ยิ้มออกมาเล็กน้อยและแม่ก็บอกว่า

"แม่บอกให้หยุดร้องไม่ยอมหยุด แต่พอแฟนบอก ทำไมหยุดเร็วจัง" ผมรู้สึกอายนิดๆเพราะโดนแม่ล้อ แต่การที่แม่พูดหยอกล้อผมแบบนี้ก็ทำให้ผมรู้สึกดีว่าแม่อาการดีขึ้นแล้ว

หลังจากนั้นทางผู้ใหญ่ก็คุยกันเรื่องคดีความซึ่งผมก็ได้แต่นั่งฟังเงียบๆ จนถึงช่วงใกล้เที่ยงพยาบาลก็เอาอาหารกลางวันมาให้แม่กับป้าผม ตอนนั้นทางบ้านของพี่เติมเต็มก็ขอตัวกลับ พี่เติมเต็มก็เลยเดินลงไปส่งป๊าม๊าพี่ชายและพี่สะใภ้ข้างล่าง

"หนูไปป้อนข้าวแม่เขาเลยลูก ป้าทานเองได้" ป้าบอกผมตอนที่ผมกำลังลังเลใจว่าจะป้อนข้าวใครก่อนดี ผมทราบครับว่าป้าทานข้าวเองได้แต่ผมก็กลัวป้าจะน้อยใจ

ระหว่างที่ผมนั่งป้อนข้าวแม่ไปได้สักพัก แม่ก็ถามผมขึ้นมาว่า

"เข้าใจกับพี่เขาแล้วใช่มั้ย"

ผมยิ้มให้แม่ก่อนที่จะตอบรับไป

"ครับแม่ เมื่อคืนผมกับพี่เต็มเคลียร์กันทุกเรื่องที่เราไม่เข้าใจกันแล้วครับ" พอพูดออกไปก็อดที่จะเขินไม่ได้

"พูดแค่นี้ก็ต้องหน้าแดงด้วย ดูหลานชายพี่สิพี่รุ้ง หน้าแดงใหญ่เลย" แม่ผมพูดครับ

"ที่หน้าแดงเพราะมันมีเหตุให้หน้าแดงนะสิ" ป้าผมพูดพร้อมทั้งหัวเราะขำผมไปด้วย

"้เดี๋ยวเปิดทีวีดูข่าวกันดีกว่านะครับ" ผมพูดพร้อมกับเดินไปหยิบรีโมทมากดเพื่อจะเลี่ยงที่จะพูดเรื่องที่มันเข้าตัวผม แม่กับป้าผมก็ไม่พูดอะไรได้แต่หัวเราะผมเท่านั้น

จนผมป้อนข้าวแม่เสร็จและป้าทานข้าวเรียบร้อย ผมก็ดูแลให้ท่านทั้งสองทานยาหลังอาหารตามที่พยาบาลได้เตรียมไว้ให้

ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะประตูหน้าห้องดังขึ้นก่อนจะมีเสียงเปิดประตูเข้ามา เป็นพี่เติมเติมครับ และมีฟูจิกับพี่ธาวินเดินตามมาด้วย

"สวัสดีครับแม่ สวัสดีครับป้า" ฟูจิยกมือไหว้สวัสดีแม่กับป้าผม และแนะนำพี่ธาวินให้รู้จัก ส่วนพี่เติมเต็มเดินมานั่งข้างผมที่โซฟา

"พี่วิน นี่คือแม่กับป้าของคนเก่งครับ แล้วก็นี่พี่วินครับ" ฟูจิพูดออกมาแต่ไม่ได้ระบุสถานะของพี่ธาวิน พี่ธาวินเองก็ยกมือไหว้แม่กับป้าของผม

"ไหว้พระเถอะลูก  เป็นยังไงบ้างฟูจิไม่เจอนานเลย" ป้าผมเป็นคนเอ่ยขึ้นมาก่อน

"สบายดีครับ แล้วแม่กับป้าเป็นยังไงกันบ้างครับ ตอนคนเก่งโทรหาผม ผมตกใจมากเลย"

"ไม่เป็นอะไรแล้วจ้ะ แล้ว.. ชื่ออะไรนะ วินใช่มั้ย" แม่ผมพูดขึ้นมาบ้าง

"ใช่ครับ ผมมีผลไม้มาเยี่ยมด้วยนะครับ" พี่ธาวินวางกระเช้าผลไม้ไว้บนโต๊ะข้างตู้เย็น

"แค่มาเยี่ยมก็พอจ้ะ จริงๆไม่ต้องมีของมาก็ได้นะลูก แต่แม่ก็ขอบใจนะ" แม่ผมบอกอย่างใจดี

"วินนี่ใช่ลูกชายร้านกรภพวัสดุภัณฑ์ที่อยู่ตรงวงเวียนหรือเปล่า" ป้าถามขึ้นมาหลังจากที่เหมือนพิจารณาพี่ธาวินอยู่สักพัก

"ใช่ครับ" พี่ธาวินตอบรับพร้อมรอยยิ้ม

"ถึงว่าหน้าคุ้นๆ ลูกชายคนดังในจังหวัดเรานี่เอง" ป้าผมเอ่ยแซวพี่ธาวิน พี่ธาวินก็ยิ้มรับกลับไปก่อนจะพูดขึ้นมา

"ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ ยังเทียบลูกชายเจ้าของธุรกิจอสังหาและโรงแรมไม่ได้หรอกครับ" พี่ธาวินหันมาแซวพี่เติมเต็ม

"เอาล่ะๆ ป้าก็แค่แซวเล่นเท่านั้นเอง เต็มพาคนเก่งไปทานข้าวด้วยนะ จะบ่ายโมงแล้ว" ป้าหันมาบอกกับพี่เติมเต็ม

"นั่นสิ คนเก่งให้พี่เขาพาไปทานข้าวนะลูก แม่กับป้าก็จะนอนพักสักหน่อย" แม่ผมเอ่ยขึ้นมาอีกคน

"ครับ ผมตั้งใจจะมาพาน้องไปทานข้าวอยู่พอดีครับ" พี่เติมเต็มบอกพร้อมทั้งหันไปชวนพี่ธาวินกับฟูจิด้วย



หลังจากนั้นพวกเราสี่คนก็ออกมาหาอะไรทานกันข้างนอก โดยพี่ธาวินเป็นคนเลือกร้าน

"แบบนี้มึงก็ต้องอยู่ดูแลแม่กับป้าก่อนใช่มั้ย" ฟูจิถามผมหลังจากที่นั่งทานข้าวกันไปสักพัก

"อืม ก็ต้องเป็นอย่างนั้นแหละ" ผมบอก

"แล้วรายงานมึงทำใกล้เสร็จหรือยัง เดี๋ยวกูช่วย"

"ใกล้แล้วเหลือแค่พิมพ์อีกนิดหน่อยแล้วก็เอาไปปริ้นท์เข้าเล่ม" ผมพูด ก่อนจะนึกขึ้นมาได้ว่าผมพิมพ์รายงานไว้ในแล็ปท็อปของพี่เติมเต็ม

"แต่ว่า ... " ผมหันไปมองพี่เติมเต็มที่นั่งอยู่ข้างๆผม

"ครับ?" พี่เติมเต็มมองผมด้วยความสงสัย

"ผมพิมพ์รายงานไว้ในแล็ปท็อปของพี่เต็ม แล้วมันอยู่ที่หออ่ะครับ" ผมพูด

"พี่เอามาให้แล้ว เอาออกมาพร้อมกับมือถือนั่นแหละ อยู่ในรถน่ะ" ผมยิ้มออกมาทันทีที่พี่เติมเต็มบอก

"รักพี่เต็มจัง"

พอหลุดปากพูดออกไปก็ตกใจตัวเองเลยครับ เพราะอันที่จริงผมคิดคำพูดนี้อยู่ในใจแต่ไม่คิดว่าตัวเองจะพูดมันออกมา พี่เติมเต็มก็น่าจะเขินเหมือนกันนะผมว่าเพราะตอนนี้พี่เขาหูแดงมากเลย พี่เติมเต็มใช้มือมาขยี้ที่ผมของผมเบาๆพร้อมกับยิ้มให้ผมและพูดว่า

"รักเหมือนกันครับ"

"เมื่อคืนปรับความเข้าใจกันยังไงอ่ะ วันนี้หวานใส่กันขนาดนี้" พี่ธาวินถามครับ พี่เติมเต็มยักไหล่ให้พี่ธาวินแล้วก็ทานข้าวต่อ

"ฟูจิ เอาแบบคนเก่งบ้างดิ" พี่ธาวินพูดขึ้นมาอีก ดูหน้าพี่ธาวินก็รู้ว่าอยากแกล้งฟูจิ

"ผมรักพี่วินนะครับ" และเกินความคาดหมายเพราะฟูจิมันบอกรักพี่ธาวินจริงๆ กลายเป็นพี่ธาวินทำหน้าเหวอแทน ดูแล้วพี่ธาวินก็คงจะเขินไม่แพ้พี่เติมเต็มเพราะหูแดงพอๆกันเลย ส่วนฟูจิถึงมันพูดเหมือนไม่มีอะไรแต่หน้ามันก็แดงมากเลยครับ

"มึงนี่นะ" พี่ธาวินใช้มือไปขยี้ผมของฟูจิแรงๆสองสามครั้ง แต่สายตาของพี่ธาวินที่มองฟูจิมีแต่ความอ่อนโยน

"ก็พี่บอกให้ผมพูดอ่ะ" ฟูจิท้วงเบาๆ

"ก็ใช่ แต่กูไม่คิดว่ามึงจะพูดจริงๆ มึงมาบอกรักกูตอนนี้ กูจับมึงฟัดไม่ได้เข้าใจมั้ย" พี่ธาวินพูดเสียงไม่ดังมากแต่เพราะเรานั่งอยู่ใกล้กันทุกคนบนโต๊ะก็ต้องได้ยินอยู่แล้ว


เเคว้ง!

ช้อนในมือผมมันหลุดมือหล่นลงที่พื้นครับ

"ขอโทษครับ" ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เสียบรรยากาศนะครับ ผมคงจะตกใจมากไปหน่อย พี่เติมเต็มมองหาพนักงานและขอช้อนคันใหม่ให้ผม

"ไอ้วินมึงนี่พูดอะไรดูรอบข้างด้วย แฟนกูตกใจหมด" พี่เติมเต็มพูดครับ ผมมองไปที่ฟูจิ ฟูจิเองก็หน้าแดงมากกว่าเดิมอีก

พี่ธาวินหัวเราะในลำคอเบาๆก่อนจะพูดออกมา

"ว่าแต่กู มึงดูสิ่งที่มึงทำกับแฟนมึงก่อนเหอะ"

พี่ธาวินพูดพร้อมกับชี้นิ้วมาแถวๆหน้าอกผม ผมกำลังจะก้มลงมองแต่พี่เติมเต็มจับผมหันหน้าไปหาพี่่เติมเต็มและพี่เติมเต็มก็ติดกระดุมเสื้อให้ผมจนครบทุกเม็ด

"ห้ามมอง" พี่เติมเต็มดูไม่ค่อยจะพอใจสักเท่าไหร่ แต่ก่อนที่พี่เติมเต็มจะพูดอะไรต่อ เสียงมือถือของพี่เติมเต็มก็ดังขึ้นมาก่อน

"ว่าไง" พี่เติมเต็มกดรับสาย

"ฟื้นแล้ว หมอบอกรอดูอาการสักสี่ห้าวัน" ผมหันไปมองพี่เติมเต็ม คงจะคุยเรื่องอาการของแม่ผมอยู่ พี่เติมเต็มหันมาสบตากับผม

"เดี๋ยวกูบอกอีกที  ... อืม ... ได้ ... เออๆแค่นี้" พี่เติมเต็มกดวางสายก่อนจะหันมาบอกผม

"ไอ้ธรณ์น่ะ มันโทรมาถามอาการของคุณน้า" ผมพยักหน้ารับรู้เพราะเมื่อคืนตอนที่กลับจากโรงพยาบาลระหว่างที่พี่เติมเต็มขับรถกลับบ้านพี่ธรณ์ก็โทรมาหาพี่เติมเต็ม พี่เติมเต็มก็เลยเล่าให้พี่ธรณ์ฟัง


หลังจากที่ทานข้าวเสร็จ พี่ธาวินกับฟูจิก็ขอตัวกลับ โดยฟูจิบอกว่าจะกลับมหาวิทยาลัยเลย ผมยืนคุยกับฟูจิสักพักก็ร่ำลากัน

"ไว้โทรหา" ฟูจิบอกผมก่อนที่จะขึ้นรถไป


(มีต่อนะคะ)
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 28) 04/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ninewara ที่ 17-06-2019 00:51:04
(ต่อค่ะ)


"เราก็ไปกันเถอะ" พี่เติมเต็มชวนผมพร้อมกับจับมือผมด้วย พอขึ้นมานั่งบนรถพี่เติมเต็มก็สตาร์ทรถและเปิดแอร์เย็นฉ่ำแต่ยังไม่ขับออกไป พี่เติมเต็มเอื้อมไปที่เบาะด้านหลังหยิบกระเป๋าที่ดูก็รู้ว่าใส่แล็ปท็อปอยู่ พี่เติมเต็มส่งให้ผม

"ขอบคุณนะครับ แล้วก็ขอโทษที่ผมยืมมาแล้วแต่ไม่รักษาของทิ้งไว้ในห้อง แถมยังไม่ล็อคห้องอีก ดีนะที่ไม่หาย"


"ตอนแรกพี่ไม่ได้คิดอะไรเลยนะ แต่พอคนเก่งพูดแบบนี้ พี่ก็เลยคิดว่างั้นพี่ควรจะลงโทษคนเก่งดีมั้ย"

"ลงโทษเหรอครับ" ผมถามกลับ พี่เติมเต็มยิ้มให้ผมและบอกว่า

"ไว้รอให้คนเก่งหายก่อนเนอะแล้วค่อยว่ากัน"

ตอนแรกผมไม่เข้าใจคำว่าหายของพี่เติมเต็ม แต่เพราะสายตาที่มองมามันแสดงออกชัดเจนเลยว่าหายที่ว่าหมายถึงอะไร ผมก็เลยเงียบไม่พูดอะไรที่มันเข้าตัว พี่เติมเต็มก็แค่หัวเราะแต่ไม่ได้พูดอะไร

"เราจะนั่งอยู่ในรถแบบนี้เหรอครับ" ผมถามเพราะพี่เติมเต็มไม่ขับรถออกไปสักที พี่เติมเต็มดึงมือผมไปจับไว้และจูบเบาๆที่นิ้วมือของผม ก่อนจะถอนหายใจออกมา

"มีอะไรเหรอครับ" ผมถามด้วยความเป็นห่วง

"คนเก่งต้องอยู่ดูแลแม่กับป้าใช่มั้ยล่ะ พี่ก็ต้องกลับไปทำโปรเจ็คเหมือนกัน ไม่ดีเลย ... เรายังไม่เคยห่างกันเลยนะ" น้ำเสียงพี่เติมเต็มดูหงอยลงมากๆเลย

"เมื่อสองสามวันก่อนเรายังห่างกันเลย" ผมพูดแซวขึ้นมา

"อันนั้นไม่นับสิ เพราะตอนนั้นเราไม่ได้ห่างตัว เรายังเจอกันอยู่ถึงแม้พี่จะฟอร์มจัดไม่คุยกับคนเก่งก็เถอะ" ผมอดหัวเราะพี่เติมเต็มไม่ได้ ยอมรับด้วยแฮะว่าตัวเองฟอร์มจัด

"แค่ไม่กี่วันเองครับ เมื่อก่อนผมไม่เจอพี่เต็มเป็นปีๆผมยังอดทนและผ่านมันมาได้เลย" ผมบอก

"ใช่สิ ได้พี่มาเป็นแฟนแล้วนี่ จะทิ้งจะขว้างยังไงก็ได้ แค่ไม่กี่วันเองเหรอ ... หึ!"

ผมโน้มตัวไปมองพี่เติมเต็มใกล้ๆ ผมต้องกลั้นยิ้มไว้เพราะพี่เติมเต็มทำหน้าเหมือนงอนผมเลย

"พี่เต็มครับ"

"....." เงียบครับ หันหน้าออกไปข้างนอกด้วย

"พี่เต็ม" ผมเรียกซ้ำและใช้มือเขย่าที่แขนพี่เติมเต็ม พี่เติมเต็มก็เลยหันมาทางผม

จุ๊บ!

ผมจูบที่ริมฝีปากของพี่เติมเต็มแบบเร็วๆครั้งหนึ่งก่อนจะกลับมานั่งตามปกติ สีหน้าพี่เติมเต็มดูตกใจมากเลยครับ

"ขอยืมคำพูดไอ้วินหน่อยนะ คนเก่งมาทำแบบนี้ตอนนี้พี่ก็แย่สิ จะจับฟัดก็ไม่ได้" พี่เติมเต็มพูดพร้อมกับโน้มตัวมาใกล้ผม

"ฟัดอะไรเล่า" ผมพูดออกมาเบาๆแต่รู้ว่าตัวเองหน้าแดงมาก พี่เติมเต็มใช้มือมาเกลี่ยที่แก้มของผมเบาๆ

"อยากลองบนรถดูมั้ย" ผมหดคอเล็กน้อยตอนที่พี่เติมเต็มกระซิบที่ข้างหู ผมเงียบไม่ตอบอะไร แต่ในใจก็แอบคิดตามที่พี่เติมเต็มพูด ... บนรถเหรอ

"ชอบทำหน้ายั่วอีกแล้ว"

"ไม่ได้ทำสักหน่อย" ผมรีบบอกเพราะผมมั่นใจว่าไม่ได้ทำหน้าแบบนั้นแน่ พี่เติมเต็มลูบหัวผมไปมาเบาๆก่อนที่จะถอนหายใจออกมา

"เฮ้ออออ ... ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะเราต่างคนก็ต่างมีหน้าที่ จะคิดถึงยังไงก็ต้องอดทน"

ผมยิ้มให้กับคำพูดพี่เติมเต็ม

"พี่เต็มกลับเลยก็ได้นะครับ" ผมหยิบมือถือมาดูเวลาตอนนี้บ่ายสองโมงกว่าแล้ว

"ทำไมให้กลับเร็วจัง พี่ยังไม่อยากกลับเลย"

"ผมไม่อยากให้พี่เต็มถึงค่ำมากเกินไป" ผมบอกพี่เติมเต็มเพราะไม่อยากให้พี่เขาขับรถเวลากลางคืน

"เพิ่งจะบ่ายสองเอง"

"กลับตอนนี้แหละครับ ถ้าค่ำกว่านี้ผมเป็นห่วงนะ"

"เล่นพูดอ้อนแบบนี้พี่ก็ต้องยอมนะสิ"

"ดีมากครับ"

"แล้วรายงานที่ต้องส่งอีกเยอะมั้ย เดี๋ยวพี่จัดการไปปริ้นท์แล้วก็เอาไปเข้าเล่มให้เลย จะได้ส่ง"

"อีกนิดหน่อยครับ ถ้าผมทำเสร็จเดี๋ยวผมบอกพี่เต็มอีกทีนะครับ"

"ตกลงครับ"

"จริงสิ ผมต้องกลับไปเอากระเป๋าที่ใส่เสื้อผ้ามาเมื่อคืนที่บ้านพี่เต็มด้วย"

"ถ้างั้นไปเลยมั้ย เดี๋ยวพี่ขับรถกลับมาส่งที่โรงพยาบาลอีกที"

"ครับ ไปเลยดีกว่า"



หลังจากนั้นพี่เติมเต็มก็ขับรถพาผมไปเอากระเป๋าและพวกของใช้ส่วนตัวที่บ้านพี่เติมเต็ม ก่อนที่พี่เติมเต็มจะขับรถกลับมาส่งผมที่โรงพยาบาลอีกครั้งหนึ่ง

"ไม่อยากกลับเลย แต่ก็ต้องกลับ เฮ้อออ" ตอนที่รถมาจอดหน้าโรงพยาบาลพี่เติมเต็มก็ดูเหมือนจะงอแงขึ้นมาอีกรอบ ผมก็ได้แต่ยิ้มให้

"ยิ้มอะไร ดูคนเก่งเฉยๆยังไงก็ไม่รู้ที่เราจะไม่ได้เจอกัน ไม่คิดถึงกันเลยรึไง"

"ต้องคิดถึงอยู่แล้วครับ เมื่อก่อนผมเคยไม่เจอพี่เต็มตั้งสองปีเพราะพี่เต็มเข้าเรียนมหาลัย ตอนนั้นผมคิดถึงพี่เต็มมากเลยนะ อยากเจอ อยากไปหา แต่ตอนนั้นด้วยระยะทาง แล้วก็ผมต้องเตรียมตัวเข้ามหาลัยด้วย อีกอย่างเห็นใครๆก็พูดกันว่าพี่เต็มคบกันกับพี่อิงค์ ผมยิ่งไม่กล้าไปเจอพี่เต็มใหญ่เลย ขนาดพี่เต็มกลับมาบ้านผมยังไม่กล้ามาหาเลย กลัวพี่รำคาญ"

พี่เติมเต็มใช้มือมาเกลี่ยแก้มผมเบาๆไปมา พร้อมกับสายตาที่อ่อนโยนมากไป

"ผมแค่จะบอกพี่เต็มว่าให้อดทนหน่อยนะครับ แค่ไม่กี่วันเอง ผมยังอดทนคิดถึงพี่เต็มมาตั้งหลายปี"

"คนเก่ง"

"ครับ"

"จูบอีกได้มั้ย"

"เมื่อกี้ตอนอยู่ที่ห้องนอนพี่เต็มก็ .. จูบ .. ไปแล้วไง"

"ก็อยากจูบอีกอะ"

ผมเม้มปากอยู่สักพักก่อนจะมองออกไปนอกรถว่ามีคนเดินผ่านไปมามั้ย ผมก็เลยพยักหน้า พี่เติมเต็มก็รีบดึงผมเข้าไปใกล้และจูบผม

"ไม่ดีเลย" หลังจากที่พี่เติมเต็มปล่อยให้ริมฝีปากผมเป็นอิสระ พี่เติมเต็มก็บ่นขึ้นมา ผมสวมกอดพี่เติมเต็ม

"เอาไว้โทรคุยกันนะครับ"

"เฮ้อออ ครับๆๆ"

"ผมไปแล้วนะ ขับรถดีๆนะครับ ถึงแล้วค่อยโทรมานะ อย่าโทรมาระหว่างที่ขับรถ ผมเป็นห่วง"

พี่เติมเต็มพยักหน้าและใช้มือมาบีบที่แก้มผมเบาๆ ผมมองหน้าพี่เติมเต็มนิดหนึ่งก่อนจะโน้มตัวเข้าไปใกล้และหอมแก้มพี่เติมเต็มแรงๆ

ฟอด!

หลังจากนั้นผมก็รีบลงจากรถมา พี่เติมเต็มลดกระจกรถลงมา พร้อมชี้นิ้วเหมือนคาดโทษผม ผมยืนหัวเราะแฟนตัวเองก่อนจะโบกมือให้ ไม่นานพี่เติมเต็มก็ขับรถออกไป


ผมขึ้นมาที่ห้องพักฟื้นของแม่และป้า พบว่าท่านทั้งสองกำลังนอนดูโทรทัศน์กันอยู่

"ตื่นแล้วเหรอครับ"

"หอบอะไรมาเยอะแยะลูก" ป้าผมถาม

"กระเป๋าเสื้อผ้ากับแล็ปท็อปครับป้า หนูจะเอามาทำงานส่งอาจารย์ด้วย"  ผมเอาของไปวางไว้ที่โซฟาก่อนจะเดินไปนั่งตรงเก้าอี้ที่อยู่ตรงกลางระหว่างเตียงของแม่และป้า

"แม่ครับ ป้าครับ พี่เต็มฝากขอโทษที่ไม่ได้ขึ้นมานะครับ พอดีพี่เขาจะต้องกลับไปทำงานกลุ่มกับเพื่อนน่ะครับ ผมเลยให้พี่เต็มเขากลับเลย จะได้ไม่ค่ำ"

"ขอโทษอะไรกัน ให้พี่เขากลับไปดีแล้วจ้ะ เสียงานเสียการเรียนหมด" แม่ผมบอก

หลังจากนั้นผมก็สอบถามถึงอาการของแม่กับป้าอยู่สักพัก ผมก็ย้ายไปนั่งที่โซฟาเพื่อที่จะรีบพิมพ์รายงานให้เสร็จ โชคดีมากที่เมื่อวานผมเอาสมุดโน๊ตที่จดเนื้อหาคร่าวๆใส่ไว้ในกระเป๋าที่ใส่แล็ปท็อป ทำให้ผมไม่ต้องเสียเวลามากนัก


ผ่านไปเกือบสองชั่วโมงก็มีข้อความทางไลน์เข้ามา

teimtem : วีดีโอคอลได้มั้ย

ผมกดเข้าไปอ่านก่อนจะมองไปที่แม่กับป้าที่เพิ่งทานข้าวเสร็จไปสักพักกำลังดูข่าวกันอยู่

ผมลังเลใจนิดหน่อยเพราะผมกับพี่เติมเต็มไม่เคยวีดีโอคอลคุยกันเลย ขนาดแค่โทรปกติยังน้อยเลยครับ เพราะพอเราเป็นแฟนกันเราก็เจอกันตลอด


teimtem : ตอบช้า

konkengg : อีกสิบนาทีนะครับ


ผมตอบพี่เติมเต็มก่อนที่จะขออนุญาตแม่กับป้าว่าจะออกไปคุยโทรศัพท์ข้างนอก แต่แค่ก้าวพ้นประตูเท่านั้น ยังไม่ถึงสิบนาทีตามที่ผมบอกเลย พี่เติมเต็มก็โทรมาแล้ว วิดีโอคอลมาเลยครับ

ผมเสียบหูฟังและกดรับสายแต่ยังไม่ได้เปิดกล้องฝั่งผม ฝั่งทางพี่เติมเต็มน่าจะอยู่ที่คอนโดครับ หน้าพี่เติมเต็มออกจะบึ้งๆนิดหน่อย ผมอดขำออกมาไม่ได้

(เปิดกล้องเดี๋ยวนี้)

"เพิ่งเดินออกมาจากห้องครับ กำลังจะเดินไปที่สวน เดี๋ยวถึงสวนก่อนนะครับ" ผมตอบออกไป

(เปิดกล้องครับ) น้ำเสียงดุขึ้นมาทันที ผมก็เลยต้องตามใจ ผมเปิดกล้องทางฝั่งผม

"เดี๋ยวถึงสวนค่อยคุยนะครับ ... นะ" ผมบอกเพราะไม่อยากเดินไปคุยไป พี่เติมเต็มแค่พยักหน้าตอบกลับมา และได้ยินเสียงคนคุยกันดังมาจากทางฝั่งของพี่เติมเต็ม คงจะเป็นเพื่อนๆของพี่เติมเต็ม


"โอเค ถึงแล้วครับ" ผมบอกทันทีที่หาที่นั่งได้ โชคดีหน่อยที่ตอนนี้คนไม่มานั่งเล่นที่นี่น้อยมาก

(กินไรหรือยัง) พี่เติมเต็มถามผม

"ยังเลยครับ เพิ่งจะห้าโมงเย็นเอง" ผมบอก

"แล้วถึงนานแล้วเหรอครับ" ผมถามต่อ

(ถึงเกือบยี่สิบนาทีแล้ว ว่าจะโทรหาตั้งแต่มาถึงแต่ไอ้พวกนี่มันพากันมาซะก่อน) พี่เติมเต็มบอกพร้อมกับได้ยินเสียงของเพื่อนๆพี่เขาดังลั่นห้อง ดูเหมือนกำลังคุยกันเรื่องของกิน สักพักเสียงก็ค่อยๆเบาและเงียบลง

(เข้ามาคุยในห้องดีกว่า ข้างนอกเสียงดัง)

"ครับ"

อยู่ๆมันก็เกิดเดธแอร์ขึ้นมา พี่เติมเต็มเองก็ไม่พูดอะไร เอาแต่จ้องหน้าผมผ่านหน้าจอมือถือ ผมเองพอเจอแบบนี้มันก็อดเขินไม่ได้

"พี่เต็ม .... " เมื่อเห็นว่าเงียบไปนานผมก็เลยจะเป็นคนที่เริ่มบทสนทนาแต่พี่เติมเต็มก็พูดแทรกขึ้นมาซะก่อน

(คิดถึง)

ตอนนี้ผมไม่กล้ามองที่หน้าจอมือถือตัวเองเลยครับ ไม่กล้ามองหน้าของพี่เติมเต็ม มันรู้สึกเขินไปหมด มือไม้ก็เหมือนจะเกะกะไม่รู้จะวางไว้ตรงไหน

(เงียบเลย ไม่มองหน้าด้วย)

"ก็มันเขินนี่"

(พี่ก็เขิน ไม่เคยคุยกันแบบนี้เลย ... มันก็รู้สึกดีเนอะ ใจเต้นแรงเลยเนี่ย) พี่เติมเต็มพูดพร้อมกับใช้มือจับที่หน้าอกตัวเองไปด้วย

"ผมก็คิดถึงพี่เต็มนะ"

(โอ๊ยยยย อยากกอด) เสียงพี่เติมเต็มดังมากจนผมแทบจะถอดหูฟังออก เหมือนพี่เติมเต็มตะโกนมากกว่าพูดปกติ

" .... เหมือนกันครับ" ผมพูดออกไปอย่างที่ตัวเองคิด

หลังจากนั้นเราก็คุยกันอยู่จนแบตผมแจ้งเตือนเหลืออีกแค่นิดเดียวแบตมือถือผมจะหมดแล้ว ผมมองดูเวลาไม่น่าเชื่อว่าผ่านมาเกือบสองชั่วโมงแล้วที่เราคุยกัน ไม่คิดว่าเราจะมีเรื่องคุยกันเยอะขนาดนี้

"พี่เต็มครับ แบตผมจะหมดแล้ว" ผมบอกพี่เติมเต็มที่ตอนนี้ออกมานั่งทำงานที่ห้องรับแขกกับเพื่อนๆแล้ว แต่ดูเหมือนพี่เขาไม่ค่อยได้ช่วยเพื่อนสักเท่าไหร่เพราะส่วนใหญ่จะคุยกับผมมากกว่า

(อ้าว หมดไวจัง)

"ไม่ไวครับ คุยกันตั้งสองชั่วโมงเลยนะ"

(เหรอ ไม่เห็นรู้สึกเลย .... ถ้างั้นเดินกลับไปที่ห้องได้แล้ว ไม่ต้องวางสายนะ ให้พี่เห็นว่าถึงแล้ว)

"ที่นี่โรงพยาบาลนะครับ ไม่มีอะไรน่ากลัวหรอก เจ้าหน้าที่เดินตลอดเลย"

(ความเป็นห่วงมันไม่เลือกสถานที่ ... โอเคมั้ย)

"โอเคครับ" ผมตอบรับ หลังจากนั้นก็เดินขึ้นมาที่ห้องพักฟื้นของแม่และป้า ผมยิ้มให้ท่านทั้งสองเล็กน้อย

"หายไปนานเลยลูก" แม่ผมถาม ผมได้แต่ยิ้มขอโทษแม่ไป

"ผมถึงห้องแล้วนะ" ผมนั่งลงที่โซฟาและบอกพี่เติมเต็ม

(โอเค ชาร์จแบตไว้ด้วยนะ เดี๋ยวพี่โทรหาตอนดึกๆนะ)

"ครับ"

(จุ๊บหน่อย) ผมตาโตเลยครับที่ได้ยินพี่เติมเต็มพูดแบบนี้

"แม่กับป้าก็อยู่" ผมพยายามพูดเสียงให้เบาที่สุด แล้วพี่เติมเต็มก็หัวเราะผม

(พูดเล่นครับ แต่อยากให้ทำจริงนะ)

" ... ไว้คราวหน้าล่ะกันครับ"

กว่าจะวางสายได้ พี่เติมเต็มก็ยื้อเวลาจนแบตผมมันร้องเตือนและปิดตัวเองโดยอัตโนมัติ ผมควานหาสายชาร์จแบตมือถือในกระเป๋า และเสียบชาร์จไว้ตรงปลั๊กที่อยู่ตรงโซฟา หลังจากนั้นผมก็เดินไปนั่งคุยกับแม่และป้า โดนแซวนิดหน่อยครับประมาณว่านึกว่าผมนั่งรถตู้ตามพี่เติมเต็มกลับไปแล้ว

.
.
.

แม่กับป้าผมท่านนอนหลับไปช่วงสามทุ่มนิดๆครับ ผมปิดไฟที่อยู่กลางห้อง แต่เปิดไฟที่ระเบียงไว้แทนเพราะโซฟาอยู่ติดกับระเบียง ผมอาบน้ำและมานั่งพิมพ์รายงานต่อ ผมมองดูเวลาที่หน้าจอมือถือ ตอนนี้ประมาณห้าทุ่มกว่าๆ ผมไม่แน่ใจว่าพี่เติมเต็มจะโทรมาตอนไหนและจะโทรมามั้ย พี่เติมเต็มยังไม่ได้ทักไลน์มาหาผมแสดงว่าพี่เขาน่าจะยังทำงานอยู่เพราะปกติแล้วพี่เติมเต็มจะไม่จับมือถือเลยถ้าต้องทำงานหรือเรียนอยู่ ผมลังเลใจนิดหน่อยแต่ก็ตัดสินใจส่งข้อความไปหาทางไลน์


konkengg : ดึกแล้ว ไม่ต้องโทรมาก็ได้นะครับ
konkengg : พรุ่งนี้ค่อยคุยกัน
konkengg : คิดถึงนะครับ


ผมส่งเสร็จผมก็รออยู่สักพักแต่ข้อความยังไม่ถูกอ่าน ผมก็เลยวางมือถือไว้ที่โซฟาและเก็บแล็ปท็อปให้เรียบร้อยก่อนที่จะเดินไปเข้าห้องน้ำและแปรงฟันอีกรอบ เพราะเมื่อสักพักผมเพิ่งจะดื่มนมเข้าไป

ผมเปิดไฟที่หน้าห้องน้ำเอาไว้ และเดินมานั่งที่โซฟาก่อนจะจัดหมอนและผ้าห่มที่ติวเตอร์น้องชายของพี่เติมเต็มแวะเอาให้ผมเมื่อตอนหัวค่ำ ติวเตอร์บอกว่าพี่เติมเต็มโทรไปสั่งติวเตอร์ให้เอามาให้ผมเพราะกลัวผมนอนไม่สบาย ผมนั่งกอดผ้าห่มอยู่สักพัก ติวเตอร์บอกว่าเป็นผ้าห่มของพี่เติมเต็มแต่เป็นผืนใหม่ที่เพิ่งซัก ผมดมกลิ่นดู ... ไม่รู้สิ มันเพิ่งซักแต่ผมรู้สึกผมได้กลิ่นของพี่เติมเต็มอยู่เต็มไปหมด

ผมลุกเดินไปดูแม่กับป้า ก่อนที่จะเดินไปปิดไฟที่ระเบียงก่อนจะมาล้มตัวลงนอน พอดึกมาแอร์ค่อนข้างเย็นเลยครับ หลังจากจัดแจงท่านอนและห่มผ้าเรียบร้อย ผมก็หยิบมือถือขึ้นมา ผมก็ต้องแปลกใจเพราะมีสายที่ผมไม่ได้รับหลายสิบสายทั้งโทรปกติและโทรไลน์ ผมกดเข้าไปดูเป็นพี่เติมเต็มครับ

teimtem : ไม่รับสาย
teimtem : อยู่ไหน
teimtem : จะโมโหแล้วนะ

และอีกหลายข้อความที่เหมือนจะโกรธจะงอนหรือจะตัดพ้อ ผมยิ้มออกมาทันที

teimtem : อ่านไม่ตอบ

ผมยิ้มให้กับมุมเด็กๆของพี่เติมเต็ม

konkengg : ครับ
teimtem : ไปไหนมา
konkengg : ไปแปรงฟันมาครับ
konkengg : ไม่ได้เปิดเสียงมือถือ
teimtem : จะนอนแล้วเหรอ
konkengg : ใช่ครับ
teimtem : ยังไม่ได้เห็นหน้าก่อนนอนเลย

ผมอ่านข้อความล่าสุดแล้วใจเต้นแรงเลยครับ ไม่คิดว่าพี่เติมเต็มจะมีโมเม้นท์อะไรแบบนี้ด้วย

konkengg : แม่กับป้านอนแล้วครับ
konkengg : ปิดไฟในห้องแล้วด้วย

teimtem : หงุดหงิดเลย

konkengg : แล้วทำงานเสร็จหรือยังครับ
teimtem : ยังเลย แต่จะเร่งให้เสร็จคืนนี้
teimtem : อีกนิดเดียว

หลังจากนั้นผมกับพี่เติมเต็มก็พิมพ์คุยกันอยู่อีกสักพัก พี่เติมเต็มก็ขอตัวไปทำงานต่อ

teimtem : ฝันดีนะ ห่มผ้าด้วย
konkengg : ครับ ฝันดีครับ

ผมยิ้มให้กับหน้าจอมือถืออยู่สักพัก ก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ แต่ดูเหมือนผมจะช้ากว่าอีกคนไปแค่นิดเดียว พี่เติมเต็มโพสเฟซบุ๊กและแท็กมาหาผมด้วย และเป็นข้อความที่ผมตั้งใจจะโพสคล้ายๆแบบนี้เหมือนกัน



Teimtem Paisanworrakit อยู่กับ Konkengg Peimthaworn

   อนึ่ง . .  คิดถึงเป็นอย่างมาก ❤️



มีคนเข้าไปกดไลค์อย่างรวดเร็ว แค่ไม่กี่นาทีก็เป็นร้อยแล้ว มีคอมเม้นเข้ามาอีกพอสมควร พี่เติมเต็มชอบโพสและแท็กหาผมเป็นประจำครับ จากตอนแรกที่มีหลายคนพยายามหาช่องทางที่จะติดตามหรือรู้จักผมก็รู้จากพี่เติมเต็มเนี่ยแหละ มีคนขอเป็นเพื่อนในเฟซบุ๊กผมมาเยอะมากจนช่วงแรกเฟซบุ๊กผมค้างไปเลย แต่พี่เติมเต็มไม่ได้ให้ผมรับทุกคนเป็นเพื่อนหรอกนะครับ พี่เติมเต็มจะเป็นคนมาดูและจะเลือกให้ว่าคนไหนกดรับได้

ผมเลื่อนอ่านคอมเม้นท์ไปเรื่อยๆ พวกเพื่อนๆพี่เขาก็เข้ามาแซวกันเยอะมาก

Thorn Saharit : ติดเมียชิบหาย
Touchpol Suppamongkol : ไม่ค่อยสนใจทำงาน คุยแต่มือถือ
Techin Prompattana : @Konkengg Peimthaworn เพื่อนพี่อาการหนักมาก



เชื่อมั้ยครับว่า ถึงแม้พี่เติมเต็มจะแท็กอะไรหาผมก็ตาม ผมก็ไม่เคยที่จะเข้าไปคอมเม้นท์เลย มีแค่กดหัวใจให้แค่นั้น ผมยอมรับว่าผมค่อนข้างกลัวและเกรงใจแฟนคลับและคนที่ติดตามพี่เติมเต็มอยู่ ผมกลัวว่าแฟนคลับพี่เติมเต็มจะไม่ชอบผมแล้วจะพาลเกลียดพี่เติมเต็มไปด้วย ผมก็เลยพยายามเลี่ยงทุกอย่าง โพสถึงพี่เติมเต็มหรือเคยลงรูปคู่ก็ไม่เคยแท็กพี่เขาเลย รวมทั้งคอมเม้นท์ผมก็ไม่เคย แต่วันนี้ผมอยากลองเปลี่ยนแปลงดู ผมคิดว่าพี่เติมเต็มคงจะชอบ และผมก็อยากทำ ผมตัดสินคอมเม้นท์ไปที่ใต้โพสต์ล่าสุดของพี่เติมเต็ม


Konkengg Peimthaworn : @Teimtem Paisanworrakit ❤️ อนึ่ง ... คิดถึงมากเหมือนกันครับ




TBC.
#เติมเต็มรัก
ninewara✿

◕ ขออภัยที่ผู้แต่งหายไปนานเลย เนื่องด้วยติดภารกิจหลายอย่างทางบ้านค่ะ
◕ หวังว่าผู้อ่านจะยังไม่ลืม #พี่เติมเต็มน้องคนเก่งนะคะ
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 29) 17/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 17-06-2019 01:20:15
 :-[ หูยยยยย หวานมาก หลงน้อง รักน้อง ให้ได้ตลอดนะพี่เต็ม
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 30) 17/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ninewara ที่ 17-06-2019 01:33:24
✿ เติมเต็มรัก ✿ ครั้งที่ 30



ผมดีใจที่ผมคิดถูกเรื่องที่ผมคอมเม้นท์ใต้โพสต์ของพี่เติมเต็ม เพราะหลังจากที่ผมคอมเม้นท์ไปไม่นาน พี่เติมเต็มก็แคปหน้าจอข้อความที่ผมคอมเม้นท์และส่งเข้ามาที่ไลน์ พร้อมบอกว่า


teimtem : เม้นท์แรก
teimtem : นึกว่าจะไม่มีโอกาสได้เห็น
teimtem : ต้องฉลอง
teimtem : รู้มั้ยพี่โคตรดีใจ
teimtem : อยากทะลุมือถือไปกอด


ผมยิ้มขำกับคำพูดพี่เติมเต็มก่อนจะไล่ให้ไปทำงานต่อ ผมกดเข้าไปดูที่เฟซบุ๊กอีกครั้ง หลังจากที่ผมคอมเม้นท์ไป ขบวนการแซวก็ยิ่งมีมากขึ้นจากตอนแรกมีแค่เพื่อนพี่เติมเต็มแต่ตอนนี้มีเพื่อนผมมาร่วมด้วย และไม่น่าเชื่อว่ามีกลุ่มคนที่เป็นแฟนคลับของพี่เติมเต็มเข้ามาคอมเม้นท์ประมาณว่าดีใจและปลื้มปริ่มที่เห็นคอมเม้นท์จากผมซะที ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีคนคอยสังเกตเรื่องแบบนี้ด้วย และมีแฟนคลับพี่เติมเต็มบางคนแซวพี่เติมเต็มว่าถ้าผมไม่มาคอมเม้นท์ อีกสักพักจะเริ่มคิดกันแล้วว่าพี่เติมเต็มแอบรักผมข้างเดียว ผมหัวเราะกับคอมเม้นท์เหล่านั้น คิดกันได้ยังไงว่าพี่เติมเต็มแอบรักผมข้างเดียว

.
.
.

สามวันต่อมา
วันนี้ป๊าม๊าของพี่เติมเต็มเข้ามาเยี่ยมแม่และป้าของผมตอนช่วงประมาณสิบโมงเช้า และได้ยินว่าคู่กรณีที่เป็นคนชนจะเข้ามาเยี่ยมตอนบ่าย วันนี้คุณหมอบอกว่าอีกสองวันป้าผมก็น่าจะกลับบ้านได้แล้ว ส่วนแม่ผมคุณหมอบอกว่าจะรอดูอาการอีกสักสามสี่วันก่อน ถ้าไม่มีอาการอะไรก็น่าจะกลับไปรักษาตัวที่บ้านได้

หลังจากที่ป๊าม๊าของพี่เติมเต็มคุยกับคุณหมอเรียบร้อยท่านก็ขอตัวไปทำธุระก่อน แล้วจะเข้ามาอีกทีช่วงบ่าย ผมรู้สึกเกรงใจป๊าม๊าของพี่เติมเต็มมากเลยครับเพราะพวกท่านมาดูอาการของแม่กับป้าทุกวัน และยังคอยติดต่อเรื่องต่างๆให้ด้วยแต่ท่านก็บอกว่าไม่อยากให้ผมคิดมากเพราะเป็นคนกันเอง และถ้าเอาความจริงจากใจผมเลย ผมดีใจนะที่มีป๊าม๊าของพี่เติมเต็มอยู่ด้วย เพราะท่านเป็นผู้ใหญ่การมีผู้ใหญ่อยู่ด้วยมันก็ทำให้ผมอุ่นใจมากขึ้น เพราะบางเรื่องผมก็ยังไม่รู้ต้องทำหรือตัดสินใจยังไง

ผมหยิบมือถือขึ้นมาดู หลังจากที่แม่กับป้านอนพัก เมื่อเช้าพี่เติมเต็มไลน์มาหาผมตั้งแต่หกโมงบอกว่าวันนี้อาจจะยุ่งมากจนไม่ได้คุยกัน ถ้าว่างพี่เขาจะโทรหา ผมก็รับทราบและเข้าใจครับ ผมนั่งทำรายงานต่อเพราะใกล้จะเสร็จแล้ว วันนี้น่าจะได้ส่งให้ฟูจิปริ้นท์และเข้าเล่มเพื่อจะได้ส่งงานซะที ใกล้จะถึงวันเดดไลน์แล้วด้วย ก่อนหน้านี้ผมเครียดเรื่องที่ทะเลาะกันกับพี่เติมเต็มด้วยครับ ไม่ดีเลยที่แยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวไม่ได้

จนเวลาผ่านล่วงเลยมาถึงประมาณบ่ายสอง พี่เติมเต็มก็ยังไม่โทรหาผมเลยครับแต่ผมไม่ได้น้อยใจหรือว่างอนอะไรนะครับ เป็นห่วงมากกว่า



ก็อก ก็อก ก็อก

เสียงเคาะประตูห้องดังก่อนที่จะมีคนเปิดเข้ามา ม๊าของพี่เติมเต็มครับ มาพร้อมกับผู้ชายสองคน คนหนึ่งดูแล้วน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับแม่ผม ส่วนอีกคนดูแล้วยังวัยรุ่นอยู่ที่และผมรู้สึกคุ้นหน้ามากเลย

"สวัสดีครับ" ผมยกมือไหว้ม๊าและผู้ชายอีกคนที่เขาเป็นผู้ใหญ่กว่า

หลังจากนั้นม๊าของพี่เติมเต็มก็แนะนำว่าผู้ชายคนนี้คือคนที่ขับรถมาชนรถของแม่ จนทำให้แม่และป้าต้องบาดเจ็บ ซึ่งจากสายตาที่ผมมองคู่กรณีของแม่และป้าผม ก็มีบาดแผลเหมือนกัน

ผมนั่งฟังผู้ใหญ่เจรจาและตกลงกัน คุณน้าทวี (คู่กรณีของแม่ให้ผมเรียกแบบนี้) ตกลงที่จะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลให้ทั้งหมดถึงแม้ว่าทางเราจะมีประกันอยู่แล้วก็ตาม รวมทั้งรับผิดชอบชดเชยค่าสูญเสียรายได้ด้วย ตอนแรกทั้งแม่และป้าผมไม่ยอมรับในส่วนของเรื่องค่าสูญเสียรายได้แต่ม๊าพี่เติมเต็มบอกว่าเราสมควรที่จะได้รับชดเชยในส่วนนี้ แม่กับป้าผมก็เลยตอบตกลง


"นี่นาย" ผู้ชายที่มาพร้อมกับคุณน้าทวีที่ตอนนี้นั่งลงที่โซฟาตัวเดียวกันกับผมเอ่ยขึ้น ซึ่งก็คงจะหมายถึงผม

"ครับ" ผมไม่รู้ว่าเขาอายุเท่าไหร่เลยตอบรับแบบสุภาพไปก่อน

"นายชื่อคนเก่ง ที่เคยเรียนที่โรงเรียน xxx ใช่มั้ย" ผมมองเขาด้วยความแปลกใจเพราะเขารู้จักชื่อผมรวมทั้งโรงเรียนเก่าที่ผมเคยเรียนก่อนที่พ่อผมจะเสียด้วย

"ใช่ครับ เรารู้จักกันมั้ย ขอโทษนะถ้าจำไม่ได้" ผมก็คิดอยู่ว่าเขาหน้าคุ้นๆ

"ไม่ต้องพูดเพราะก็ได้ รุ่นเดียวกันเราชื่อกวี ตอนนั้นเราเรียนห้องสาม เราเจอนายบ่อยๆตอนที่มีแข่งอ่านออกเสียงไง" พอเขาพูดถึงเรื่องในอดีตผมก็พอจะเริ่มจะคลับคล้ายคลับคลาว่าผมเคยเจอเขาบ่อยจริงๆ

"อ๋อ นึกออกแล้ว เป็นไงบ้างสบายดีมั้ย" ผมถาม

"ก็ดี ทำไมตอนนั้นย้ายโรงเรียนกะทันหันล่ะ รู้อีกทีนายก็ย้ายไปแล้ว" กวีถามผม

"ตอนนั้นพ่อเราเสีย เราก็เลยต้องย้ายมาอยู่กับแม่น่ะ"

"ขอโทษๆ ไม่รู้จริงๆก็เลยถาม" กวีมีสีหน้าที่รู้สึกผิดมากครับ

"ไม่เป็นไรๆ" ผมตอบและยิ้มให้กับกวี ผมเห็นกวีชะงักนิดหนึ่งซึ่งผมไม่รู้ว่าทำไม

"เอ่อ ... ถ้าจำไม่ผิดเมื่อก่อนนายตัวอ้วนกว่านี้ใช่มั้ย" กวีถามผม

"ใช่แล้ว ลูกหมูตัวหย่อมๆเลยล่ะ" ผมหัวเราะออกมาเมื่อนึกถึงตัวเองเมื่อก่อน

"แต่ตอนนี้ดูจะผอมไปหน่อยนะ" กวีมองผมก่อนที่จะพูด

"ไม่ผอมนะ หุ่นดีๆ" ผมพูดและยิ้มให้กวี เป็นอีกครั้งที่ผมเห็นกวีชะงักและผมเห็นกวีหูแดงแจ๋เลยครับ ผมอดที่จะมองด้วยความสงสัยไม่ได้

สักพักผู้ใหญ่คุยกันเสร็จ ม๊าพี่เติมเต็มและคุณน้าทวีก็ขอตัวกลับครับ (กวีเป็นลูกชายของคุณน้าทวีครับ)

"ขอเบอร์โทรนายหน่อยสิ เผื่อมีอะไรไว้ติดต่อกัน" หลังจากที่ผมไหว้ลาผู้ใหญ่ทั้งสองท่าน กวีก็พูดขึ้นมา

"อ๋อ ได้เลย" ผมบอกเบอร์ของตัวเองไป และกวีก็โทรเข้ามาทันที ผมหยิบมือถือตัวเองขึ้นมาดู

"อย่าลืมเมมเบอร์เราไว้นะ" กวีพูดก่อนจะหันไปไหว้แม่และป้าของผม

"ไปล่ะ" กวีหันมาโบกมือลาผมอีกครั้งก่อนจะเดินออกจากห้องไป


ผมเดินมานั่งที่เก้าอี้ที่อยู่ระหว่างเตียงของแม่และป้า

"แม่ครับ ป้าครับ หนูไม่อยากให้แม่กับป้าขายของแล้วอะ" ผมพูดในสิ่งที่คิด ผมไม่อยากให้ท่านทั้งสองเหนื่อย ยิ่งต้องมาเจ็บตัวแบบนี้ถึงแม้ไม่ใช่เพราะขายของก็เถอะ

"ถ้าไม่ขายจะเอาเงินที่ไหนส่งคนเก่งเรียนล่ะลูก" แม่ผมพูดยิ้มๆ ในใจผมคิดว่าเงินสินไหมทดแทนตอนที่พ่อผมเสียชีวิตก็เพียงพอที่จะให้ผมเรียนจนจบ แต่ผมคิดว่าไม่พูดออกมาดีกว่า กลัวพูดไปแล้วแม่จะคิดถึงพ่อ

"ก็เก่งอยากให้แม่กับป้าพักผ่อนอยู่บ้านเฉยๆ" ผมบอกอีก

"นี่คนเก่งกำลังคิดว่าป้ากับแม่อายุหกสิบหรือไงจ้ะ เพิ่งจะสี่สิบนิดๆเองนะลูก" ป้าพูดพร้อมกับหัวเราะผม

"ไม่รู้ล่ะ อายุเท่าไหร่ก็อยากให้พัก" ผมพูด

"เอาไว้ออกจากโรงพยาบาลค่อยว่ากันอีกทีดีกว่านะ" แม่ผมบอก ซึ่งทำให้ผมยิ้มออกมาได้เพราะถ้าแม่พูดแบบนี้แสดงว่าแม่จะเก็บเรื่องนี้ไปคิด

ผมนั่งคุยกับแม่และป้าสักพักใหญ่ๆผมก็ปล่อยให้ท่านได้นอนพัก ส่วนผมหยิบมือถือขึ้นมาดูเกือบสี่โมงเย็น ยังไร้การติดต่อจากพี่เติมเต็ม จากที่ไม่ได้คิดอะไรตอนนี้เริ่มกังวลแล้วครับ พี่เติมเต็มไม่เคยหายไปนานขนาดนี้มันหลายชั่วโมงแล้วครับที่แม้แต่ไลน์ก็ไม่ส่งมา


ก็อก ก็อก

เสียงเคาะประตูดังเบาๆพร้อมกับประตูที่ค่อยๆเปิดเข้ามา ผมตาโตทันทีที่เห็นคนที่เดินเข้ามา

"พี่เต็ม!" ผมเผลอพูดเสียงดังแต่เหมือนแม่กับป้าผมคงจะหลับสนิทมากๆ พี่เติมเต็มเดินยิ้มเข้ามาหาผมและนั่งลงข้างๆ

"รีบบึ่งรถมาเลยนะเนี่ย" พี่เติมเต็มพูด

"ทำไมมาล่ะครับ แล้วต้องขับรถกลับไปอีกหรือเปล่า" ผมถามด้วยความกังวล

"รอกลับพร้อมคนเก่งทีเดียวเลย เมื่อคืนกับวันนี้พี่เคลียร์ทุกอย่างหมดแล้ว โปรเจคก็เสร็จเรียบร้อย งานอย่างอื่นส่งครบ อยู่ยาวได้เลย" พี่เติมเต็มพูดพร้อมกับจับมือผมขึ้นมาคลึงเล่นเบาๆ

"พี่เต็มมาแบบนี้แล้วใครจะเป็นคนส่งรายงานให้ผมล่ะครับ" ผมถามขึ้นเพราะอยากแกล้งพี่เติมเต็ม รายงานของผมผมส่งไฟล์ไปให้ฟูจิจัดการให้แล้วครับ

"เฮ้ย! จริงด้วยสิ เดี๋ยวพี่กลับไปจัดการให้เลย ถึงกำหนดส่งแล้วใช่มั้ย" พี่เติมเต็มถามผมด้วยน้ำเสียงจริงจัง

"พรุ่งนี้วันสุดท้ายครับ" ผมตอบตามจริง

พี่เติมเต็มมีสีหน้าครุ่นคิดอยู่สักพัก ก่อนจะพูดออกมา

"ถ้างั้นเดี๋ยวพี่กลับไปจัดการให้เลยดีกว่า เผื่อพรุ่งนี้ฉุกละหุก" พี่เติมเต็มมองดูเวลา

"จะขับรถกลับตอนนี้เลยเหรอครับ" ผมถาม

"ใช่ครับ เฮ้อออ คิดถึงจะแย่แล้วเนี่ย" พี่เติมเต็มพูดออกมา

"ถ้างั้นเดี๋ยวผมลงไปส่งนะครับ" ผมบอกและแอบยิ้มไม่ให้พี่เติมเต็มเห็น ผมหยิบมือถือและกระเป๋าเงินก่อนจะเดินลงมาที่รถพี่เติมเต็ม พอเดินมาถึงที่รถพี่เติมเต็มก็หยุดและยืนพิงรถตัวเองก่อนที่จะหันมามองผม

"เฮ้อออ เพิ่งรู้ตัวว่าเป็นคนติดแฟนเนี่ยแหละ" พี่เติมเต็มยื่นมือมาจับมือผม ผมก็เลยเดินเข้าไปยืนใกล้ๆ

"ที่เร่งทำงานเพราะอยากมาหาผมเหรอครับ" ผมถาม พี่เติมเต็มพนักหน้าสองสามครั้ง

"เพิ่งรู้ว่าเวลาที่คนที่เขามีแฟนแล้วต้องห่างจากแฟนมันรู้สึกแบบนี้นี่เอง"

"เดี๋ยวพอพี่เต็มเรียนจบเราก็ต้องห่างกัน" ผมบอกเรื่องจริงที่มันจะต้องเกิดขึ้นแน่นอน

"ไม่พูดเรื่องนี้ดีกว่า" พี่เติมเต็มลูบหัวผมเบาๆ และตามมาด้วยการบีบที่แก้มของผมทั้งสองข้าง

"เจอกันพรุ่งนี้นะ คนเก่งจะส่งไฟล์ให้พี่ทางไหนเมล์หรือจะยังไง" พอเห็นสีหน้าของแฟนตัวเองผมก็ไม่อยากแกล้งพี่เขาแล้วล่ะครับ

"ที่จริงผมส่งไฟล์ไปให้ฟูจิจัดการให้แล้วล่ะครับ" ผมพูดไม่ค่อยเต็มเสียงเท่าไหร่เพราะกลัวพี่เติมเต็มจะโกรธ

พี่เติมเต็มเงียบและมองผมนิ่งๆอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะยิ้มกว้างออกมาและเข้ามากอดที่เอวผมหลวมๆ

"หมายความว่าพี่ไม่ต้องกลับไปมหาลัยแล้วใช่มั้ย"

"ครับ ผมแค่แกล้งพี่เต็มเฉยๆ" ผมบอกยิ้มๆเพราะดูเหมือนพี่เติมเต็มไม่ได้โกรธหรือไม่พอใจ

"เดี๋ยวนี้ร้ายนะ แกล้งพี่เหรอ" พี่เติมเต็มพูดพร้อมกับบีบแก้มผมไปด้วย ผมหัวเราะไปกับท่าทีของพี่เติมเต็ม

"พี่เต็มหิวหรือยังครับ ไปหาอะไรทานกันมั้ย ผมหิวมากเลย" ผมเอ่ยปากชวน

"ทำไมหิวเร็วจัง" พี่เติมเต็มมองดูนาฬิกาก่อนจะพูดออกมา

"วันนี้ตอนเที่ยงทานแค่ขนมปังน่ะครับเพราะเร่งพิมพ์รายงานให้เสร็จ" ผมบอก พี่เติมเต็มส่ายหน้าไปมาอย่างไม่เห็นด้วย

"ต่อไปไม่ได้นะ ถึงเวลาก็ต้องทานไม่ใช่เลือกทานอะไรที่มันง่ายๆแต่สุดท้ายมาหิวโซแบบนี้"

"ครับ รับทราบครับผม"



หลังจากนั้นพี่เติมเต็มก็พาผมไปทานข้าวที่ร้านอาหารไม่ไกลจากโรงพยาบาลมากนัก ระหว่างทานมื้อเย็นผมก็เล่าเรื่องที่คนที่เขาขับรถชนแม่กับป้า เข้ามาแสดงตัวและรับผิดชอบค่าใช้จ่ายต่างๆให้ ซึ่งพี่เติมเต็มบอกว่าทางพี่ชายของพี่เติมเต็มได้โทรไปเล่าให้ฟังแล้ว

พอทานมื้อเย็นเรียบร้อย พี่เติมเต็มก็แวะซื้อพวกขนมของทานเล่นที่ร้านสะดวกซื้อหน้าโรงพยาบาล พี่เติมเต็มบอกเอาไว้เผื่อผมหิวอีก พี่เติมเต็มขึ้นมาที่ห้องพักฟื้นพร้อมผม และนั่งพูดคุยกับแม่และป้าของผมอยู่พักใหญ่ พี่เติมเต็มก็ขอตัวกลับเพราะอยากให้แม่และป้าพักผ่อน

ผมเดินลงมาส่งพี่เติมเต็มที่ลานจอดรถ

"ไม่ต้องรอส่งพี่หรอก ขึ้นไปข้างบนเถอะ พรุ่งนี้พี่จะมาหาแต่เช้านะ" พี่เติมเต็มบอกผมตอนที่ถึงที่รถแล้ว

"ครับ"

"จะทานมื้อเช้าด้วยกันมั้ย พี่จะมาทานด้วย"

"ทานครับ"

"อยากทานอะไรไปนึกมานะ เดี๋ยวพี่โทรมาหา" พี่เติมเต็มลูบที่หัวผมเบาๆหลายครั้งแบบที่ชอบทำบ่อยๆ

"ครับ" ผมรับปาก พี่เติมเต็มเดินไปขึ้นรถและสตาร์ทรถก่อนจะลดกระจกรถฝั่งคนขับลงมา

"ไปนะ"

ผมยิ้มและโบกมือให้พี่เติมเต็มก่อนจะเดินกลับขึ้นไปบนห้องพักฟื้น

.
.
.

เช้าวันต่อมา
พี่เติมเต็มมาถึงโรงพยาบาลตอนประมาณเจ็ดโมงเช้า แม่กับป้ากำลังนั่งทานมื้อเช้าที่ทางโรงพยาบาลจัดมาให้

"สวัสดีครับคุณน้า" พี่เติมเต็มยกมือไหว้แม่กับน้าของผม

"ทำไมมาแต่เช้าเลย" ป้าผมถาม

"ขอโทษที่มารบกวนแต่เช้านะครับ แต่กลัวมีคนรอทานมื้อเช้าครับเลยรีบมา" พี่เติมเต็มบอกพร้อมทั้งหันมายิ้มให้ผม

"อ๋อ มิน่าแม่บอกว่าให้ลงไปหาอะไรกินถึงได้นั่งเฉยไม่ลงไป" แม่ผมหันมาคุยกับผม

"เดี๋ยวผมเอาไปใส่ชามให้นะครับ" ผมรู้สึกเขินกับสายตาของทั้งสามคนในห้องที่มองมาก็เลยเลี่ยงเดินมาคว้าถุงที่อยู่ในมือพี่เติมเต็ม

เมื่อคืนพี่เติมเต็มโทรมาหาผมช่วงดึกและถามว่าอยากทานอะไรตอนเช้า อันที่จริงผมอยากทานกับข้าวหลายๆอย่างเลยแต่ที่บ้านพี่เติมเต็มจะทานมื้อเช้าต่างจากบ้านผมอย่างที่เคยเล่าให้ฟัง ถ้าจะบอกพี่เติมเต็มพี่เขาก็คงจะให้น้านวลแม่บ้านที่บ้านทำมาให้ทาน แต่ผมก็ไม่อยากจะรบกวนเพราะอันที่จริงผมทานอะไรก็ได้อยู่แล้ว ผมก็เลยไม่ได้ระบุเมนูอะไรไปให้พี่เติมเต็มเป็นคนจัดการ

และพอเปิดกล่องถนอมอาหารออกมาดูเป็นข้าวต้มทะเลครับ มีกุ้งมีปลาและมีปลาหมึกด้วย หอมและน่าทานสุดๆจากตอนแรกไม่ค่อยหิวก็เริ่มจะหิวแล้วครับ ผมตักแบ่งใส่ชามมาให้พี่เติมเต็มกับผมคนละชาม โดยผมกับพี่เติมเต็มนั่งทานกันอยู่ตรงใกล้ประตูที่จะมีโต๊ะทานข้าวตั้งอยู่

"เหนื่อยมั้ยครับ ทำงานจนไม่ได้นอนหลายคืนติดเลย เมื่อคืนกว่าจะคุยกันเสร็จก็ดึกมากวันนี้ยังมาแต่เช้าอีก" ผมมองสำรวจใบหน้าของพี่เติมเต็มไปด้วยระหว่างที่นั่งทานข้าวต้ม พี่เติมเต็มก็ยังดูดี ดูหล่อเสมอในสายตาผม อาจจะดูล้าๆบ้างแต่ความดูดีไม่เคยลดน้อยลง

"แค่ได้เจอคนเก่งพี่ก็หายเหนื่อยแล้ว" พี่เติมเต็มพูดเสียงไม่ดังมากแต่ถ้าแม่กับป้าตั้งใจฟังอยู่อาจจะได้ยิน ผมรีบหันไปมองแต่ท่านทั้งสองดูเหมือนจะสนใจดูข่าวทางโทรทัศน์มากกว่า

"ได้เจอผมไม่หายเหนื่อยหรอกครับ ต้องนอนพักถึงจะหาย วันนี้ต้องนอนให้ไวนะครับ" ผมบอกด้วยความเป็นห่วง

"ที่จริง .. พี่ก็นอนไม่หลับมาหลายคืนแล้วล่ะ นอนเกือบเช้า"

ผมขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยิน พี่เติมเต็มมีเรื่องไม่สบายใจอะไรหรือเปล่า

"มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ ทำไมถึงนอนไม่หลับ" ผมถามด้วยความเป็นห่วง

"ก็ ... มีนิดหน่อย" พี่เติมเต็มพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง จากที่กำลังทานข้าวต้มอร่อยๆผมก็รู้สึกอิ่มขึ้นมา จากน้ำเสียงของพี่เติมเต็มอาจจะไม่ใช่แค่นิดหน่อยล่ะมั้ง

"เล่าให้ผมฟังได้มั้ย ผมอาจจะช่วยอะไรไม่ได้แต่พี่เต็มระบายกับผมได้นะ" ผมบอกและพี่เติมเต็มก็มองหน้าผมนิ่งๆ

"เดี๋ยวทานข้าวเสร็จก่อนดีกว่า ... " พี่เติมเต็มบอกและถ้าอ่านจากสายตาของพี่เติมเต็ม พี่เขาคงอยากจะคุยกับผมตามลำพังมากกว่า


พอทานมื้อเช้าเสร็จระหว่างที่ผมกำลังล้างชามและกล่องใส่อาหารที่พี่เติมเต็มถือมา พี่เติมเต็มก็เข้าไปนั่งคุยกับแม่และป้าของผม ซึ่งคุณหมอก็เดินเข้ามาตรวจอาการพอดี ผมก็เลยรีบล้างชามให้เสร็จจะได้เดินไปฟังอาการของแม่และป้าด้วย


"สบายใจขึ้นแล้วใช่มั้ย" พี่เติมเต็มถามผมหลังจากที่คุณหมอเดินออกจากห้องไปแล้ว คุณหมอบอกว่าพรุ่งนี้ป้าสามารถกลับไปพักรักษาตัวที่บ้านได้เลย  ส่วนแม่อีกสักสองสามวันน่าจะกลับบ้านได้

"ครับ สบายใจมากเลย" ผมยิ้มให้พี่เติมเต็มและหันไปยิ้มให้แม่กับป้า

"เต็มจะพาคนเก่งออกไปข้างนอกใช่มั้ยลูก ไปกันเลยก็ได้" แม่ผมพูดขึ้นมา ผมหันมามองพี่เติมเต็มด้วยความแปลกใจว่าพี่เขาไปคุยกับแม่ตอนไหน

"ก่อนที่คุณหมอจะเข้ามา พี่ขออนุญาตคุณน้าว่าจะพาคนเก่งออกไปขับรถเล่นน่ะ" พี่เติมเต็มบอกผม ผมพยักหน้ารับทราบ


หลังจากนั้นไม่นานพี่เติมเต็มก็ขับรถพาผมออกมาข้างนอก พี่เติมเต็มขับรถพาผมมาที่สวนสาธารณะใกล้ๆตัวเมือง ช่วงสายๆแบบนี้คนเริ่มน้อยแล้ว พี่เติมเต็มจอดรถอยู่ใต้ต้นก้ามปูต้นใหญ่ที่กิ่งก้านของมันแผ่ขยายออกมาจนเป็นร่มเงาได้ดี

พี่เติมเต็มลดกระจกลงทั้งสี่ด้านและดับเครื่อง ลมเย็นๆพัดเข้ามาในรถ ผมปลดเข็มขัดนิรภัยออกก่อนจะนั่งหันหน้าไปหาพี่เติมเต็ม

"ผมรอฟังอยู่นะ" ผมบอกเพราะเห็นพี่เติมเต็มยังคงเงียบอยู่ พี่เติมเต็มปลดเข็มขัดนิรภัยของตัวเองบ้าง

"พี่จะพูดสั้นๆนะ" พี่เติมเต็มบอกและผมก็พยักหน้ารับรู้

"ที่พี่นอนไม่ค่อยหลับมาหลายคืนก็เพราะไม่ได้นอนกอดเมีย" พี่เติมเต็มมองหน้าผมและพูดประโยคนั่นออกมาด้วยสีหน้าที่จริงจัง ตอนแรกผมเลิกคิ้วใจด้วยความแปลกใจ แต่มานึกทบทวนสิ่งที่พี่เติมเต็มพูด

นอนไม่หลับมาหลายคืน
เพราะไม่ได้นอนกอดเมีย
นอนกอดเมีย
เมีย!!!!

ผมตาโตทันทีพร้อมๆกับความร้อนที่มันไหลมารวมกันบริเวณใบหน้าของผม พี่เติมเต็มดึงผมเข้าไปกอดผมได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆของพี่เติมเต็ม

"พี่พูดจริงนะ พี่คิดถึงคนเก่งมากเลยเพิ่งรู้สึกว่าเตียงมันโคตรกว้างก็ตอนที่ต้องนอนคนเดียว" พี่เติมเต็มพูดและใช้มือลูบหัวลูบหลังผมไปด้วย ผมเองก็กอดพี่เติมเต็มแน่นขึ้น

"คงเหมือนที่พวกไอ้ธรณ์มันพูด" พี่เติมเต็มพูดออกมาอีก

"พูดว่าอะไรเหรอครับ" ผมถาม

"พวกมันบอกว่าพี่ติดเมีย" ผมเม้มปากและยิ้มเขินไปกับคำพูดของพี่เติมเต็ม พี่เติมเต็มยังคงใช้มือลูบหลังผมไปมา

"คนเก่ง" พี่เติมเต็มเรียกผม

"ครับ"

"อย่าลืมที่พูดกับพี่เมื่อเช้านะ"

"เรื่องอะไรครับ" ผมถามเพราะเมื่อเช้าเราคุยกันตั้งหลายอย่าง

"ที่คนเก่งบอกว่า .. ถึงจะช่วยอะไรไม่ได้แต่ให้พี่ระบายกับคนเก่งได้"

อ๋อ ... ประโยคนี้นี่เอง

"ไม่ลืมหรอกครับ" ผมยิ้มกับตัวเอง พี่เติมเต็มก็มีมุมที่เป็นเด็กเหมือนกันนะเนี่ย

"งั้น ... " พี่เติมเต็มพูดแค่นั้นก่อนที่ปลายจมูกของพี่เติมเต็มจะกดลงที่ขมับผม และตามด้วยริมฝีปากที่ค่อยๆไล่จูบมาตั้งแต่หน้าผากมาถึงข้างแก้ม และขณะที่ริมฝีปากของพี่เติมเต็มจะแตะลงที่ริมฝีปากผม ผมก็รีบผละออกจากพี่เติมเต็มก่อน

"หืม?" พี่เติมเต็มมองผมด้วยสายตาที่แปลกใจ

"พี่เต็ม ... ที่นี่สวนสาธารณะนะ" ผมบอกพร้อมทั้งมองซ้ายมองขวาไปรอบๆรถ ปลอดภัยครับไม่มีใคร

"ก็เมื่อกี้คนเก่งบอกว่าไม่ลืมเรื่องที่ให้พี่ ... ระบายกับคนเก่งได้ไงล่ะครับ" พี่เติมเต็มพูดออกมาซึ่งผมยังไม่เข้าใจว่าเรื่องที่จะ .. เอ่อ ... ลวนลามผมเนี่ยมันเกี่ยวกับให้พี่เติมเต็มระบายกับผมได้ตรงไหน

"ก็ใช่ครับ ถ้าพี่เต็มมีอะไรก็ระบายกับผมได้ แต่มันไม่เห็นจะเกี่ยว ..... !!" ผมชะงักกับประโยคที่ตัวเองกำลังพูด

.... ผมว่าผมเข้าใจคำว่า ...
ระบาย ... ของพี่เติมเต็มแล้วล่ะครับ

"เข้าใจแล้วใช่มั้ยว่าเกี่ยวยังไง"

ยังจะพูดเหมือนเป็นเรื่องปกติธรรมดาอยู่ได้


"พี่เต็ม! พี่เต็มครับ!" ผมเอามือดันตัวพี่เติมเต็มออกจากการนัวเนียผม

"นี่มันบนรถนะ!" ถึงแม้ว่าตั้งแต่มาจอดรถจะยังไม่เจอใครเดินอยู่แถวนี้ แต่ก็ไม่ใช่สถานที่ที่จะมาทำอะไรแบบนี้

"ครับ ลองบนรถบ้างก็ .. น่าจะตื่นเต้นดี"

พี่เติมเต็มพูดออกมาพร้อมรอยยิ้มที่ดูร้ายกาจมากสำหรับผม

"พร้อมให้พี่ระบายหรือยัง ... อยากระบายแล้วเนี่ย"

หลังจากประโยคนี้ของพี่เติมเต็มไม่รู้ทำไมมันเป็นปฏิกิริยาโดยอัตโนมัติของร่างกายที่ทำให้สายตาของผมมองไปที่ตรงนั้นของพี่เติมเต็มทันที


โอ๊ยยยย!!!!
ผมจะทำยังไงดี
ดูท่าทางมันจะอึดอัดจนอยากจะระบายจริงๆด้วยครับ


พี่เติมเต็มนะ!!
จะเลือกสถานที่บ้างไม่ได้หรือไงเนี่ย!!



TBC.
#เติมเต็มรัก
ninewara✿
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 31) 17/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ninewara ที่ 17-06-2019 02:16:37
✿ เติมเต็มรัก ✿ ครั้งที่ 31



[เติมเต็ม part ]



อะ อะ เดี๋ยวก่อนนะครับ มีคนกำลังคิดว่าผมใจกล้าหน้าทน ไม่สงสารแฟน ไม่เลือกสถานที่ที่มันเหมาะสมกันอยู่ใช่มั้ย ผมไม่ใช่คนแบบนั้นนะครับ แต่ถ้าเป็นตอนกลางคืน .. ก็ไม่แน่นะครับ บนรถก็น่าสนใจดี

พอก่อนครับ เดี๋ยวภาพลักษณ์ของผมมันจะดูแย่มากไปกว่านี้


ความจริงก็คือ ..
ผมขับรถพาคนเก่งมาที่บ้านครับ เพราะที่บ้านช่วงกลางวันนอกจากแม่บ้านก็ไม่มีใครอยู่ และถึงมีใครอยู่ก็ไม่เป็นไรครับ ผมนับถือในความอดทนของตัวเองมากที่ขับรถมาได้จนถึงบ้าน ถ้ารู้แบบนี้ผมจะพาน้องกลับมาบ้านตั้งแต่แรกเลย ไม่ไปเสียเวลานั่งอยู่ที่สวนสาธารณะตั้งนานหรอกครับ

ตอนนั้นคิดแค่อยากนั่งคุยกับคนเก่ง อยากให้น้องรู้ว่าเวลาไม่เจอกันผมคิดถึงเขานะ ไม่มีน้องมานอนข้างๆผมโคตรเหงา ผมรักคนเก่ง และยิ่งพอไม่ได้เจอ ไม่ได้เห็นหน้าผมยิ่งรู้เลยว่าผมรักน้องมาก เพื่อนผมบอกว่าไม่ใช่แค่รักแต่ผมกำลังหลงน้อง .. อย่างหนัก

จากที่คิดแค่จะนั่งคุยกันแต่พอได้กอดน้อง กลิ่นของคนเก่งทำให้ผมอยากทำอะไรมากกว่านั้น ผมว่าผมไม่ใช่คนที่มีความต้องการในเรื่องนั้นสูงหรืออะไรนะแต่พอได้อยู่ใกล้คนเก่งแล้วผมรู้สึกทุกที บ่อยครั้งที่แค่น้องอยู่ใกล้ผม ผมก็รู้สึกได้ง่ายๆ

คนเก่งทำหน้าตกใจและมองไปรอบตัวด้วยสายตาที่ตื่นตระหนกตอนที่ผมบอกว่าจะทำบนรถ ตอนนั้นผมอดขำไม่ได้เพราะหน้าตาคนเก่งน่าเอ็นดูมากๆ ยิ่งตอนที่ผมบอกว่าถ้างั้นไปบ้านผมกัน คนเก่งยิ่งหน้าแดงและถามผมออกมาว่า

' ... มัน ... รู้สึกแล้วเหรอครับ'

ผมอยากจะถึงบ้านภายในห้านาทีเลยตอนนั้น คนเก่งคงไม่รู้หรอกว่าผมเริ่มรู้สึกตั้งแต่ที่กอดน้องแล้ว ตอนที่ขับรถมาถึงที่บ้าน เจอน้านวลแม่บ้านและลูกสาวของน้านวลอยู่บริเวณหน้าบ้านกำลังจะออกไปซื้อของกัน คนเก่งยกมือไหว้น้านวลและยืนคุยกับน้านวลสักพักเพราะน้านวลสอบถามเรื่องอาการของแม่และป้า ตลอดเวลาที่คนเก่งยืนคุยอยู่นั้นถ้าสังเกตดีๆจะรู้เลยว่าคนเก่งดูแปลกๆ ผมอมยิ้มขำกับท่าทางของน้อง

"ทำหน้าแบบนี้เดี๋ยวคนอื่นก็รู้หรอกว่ามาทำอะไร" ตอนที่น้านวลออกไปซื้อของแล้ว ผมก็พูดแซวน้องตอนที่พาน้องเดินขึ้นบันไดมา น้องใช้มือจับแก้มตัวเอง

เหมือนคนเก่งทำตัวไม่ถูกเพราะถึงแม้ว่าจะเคยมีอะไรกันมาหลายครั้งแล้วแต่ไม่เคยมีครั้งไหนเหมือนครั้งนี้ที่น้องรู้ตัวล่วงหน้าว่ากำลังจะมีอะไรเกิดขึ้น ทุกทีอารมณ์มันพาไปแล้วก็ ... มีอะไรกันเลยเพราะสถานที่มันโอเค แต่คราวนี้ต้องย้ายสถานที่ทำให้น้องรู้ตัวล่วงหน้า แต่ถึงจะฉุกละหุกไปหน่อยแต่อุปกรณ์ผมพร้อมนะ เพราะจากครั้งล่าสุดที่ผมไม่มีอุปกรณ์อะไรเลย คนเก่งเจ็บตัวมากพอดูเลยครับ

คนเก่งไม่ได้เชี่ยวชาญหรือเก่งในเรื่องอย่างว่า แต่สิ่งที่น้องเป็น ความไม่ประสีประสาของน้องทำให้ผมคลั่งได้เลยครับ ทุกครั้งที่มีอะไรกันคนเก่งไม่เคยปฏิเสธผม ไม่ว่าในคืนนั้นผมจะขอกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง น้องก็ยอมผมตลอด และไม่ว่าขอให้ทำอะไรน้องก็ทำให้ คนเก่งเรียนรู้ไวและพยายามให้ผมมีความสุขในทุกครั้งที่มีอะไรกัน อย่างที่คนเก่งเคยพูดอยากให้ผมมีความสุขบนร่างกายของน้อง ผมก็พูดได้อย่างไม่อายเลยว่าน้องทำให้ผมมีความสุขกับร่างกายของน้องมากจริงๆ



ผมมองข้างกายผมที่มีแฟนของผมนอนหลับอยู่ข้างๆ คนเก่งหมดแรงไปเยอะเพราะความเอาแต่ใจของผม น้องหลับไปตั้งแต่ที่โดนผมรังแกเสร็จแต่ผมถึงจะใช้พลังงานไปเยอะก็จริงแต่ผมไม่ได้รู้สึกเพลียหรือง่วง ผมก็เลยนั่งพิงหัวเตียงมองน้องอยู่แบบนั้นมาเป็นชั่วโมงแล้ว ผมก้มลงไปจูบเบาๆที่หัวไหล่ที่เปลือยเปล่าของน้อง เอาไว้อีกสักพักค่อยปลุกน้องก็ล่ะกันให้น้องได้นอนพักไปก่อน เพราะมันไม่ใช่แค่รอบเดียวที่ผมเอาแต่ใจ

ผมลุกขึ้นจากเตียงและเก็บเสื้อผ้าของผมกับคนเก่งที่กระจายอยู่ทั่วห้องด้วยฝีมือของผมเอง หลังจากนั้นผมก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนจะเดินมานั่งข้างเตียงและก้มลงจูบที่หน้าผากและที่ผมน้องเบาๆ ตั้งใจว่าจะเดินลงไปข้างล่าง แต่ก่อนที่ผมจะออกจากห้องไป ผมเหลือบไปเห็นหน้าจอมือถือของคนเก่งที่ผมเอาออกมาจากกระเป๋ากางเกงของน้องก่อนที่ผมจะไปอาบน้ำ แล้วเอามาวางไว้ที่โต๊ะหัวเตียง


kawee : โทรหาได้มั้ย


ผมขมวดคิ้วทันทีที่เห็นข้อความทางไลน์ในมือถือของคนเก่งแบบนั้น

กวีหรือคาวีว่ะ ชื่อนี้ไม่คุ้นเลย ผมแน่ใจว่าผมไม่เคยได้ยินชื่อประมาณนี้จากคนเก่งหรือในกลุ่มเพื่อนของน้อง ผมวางมือถือคนเก่งไว้ที่เดิม ถึงแม้ว่าผมจะกดเข้าไปอ่านก็ได้เพราะมือถือน้องไม่เคยล็อครหัสหน้าจออยู่แล้ว และถึงผมเข้าไปอ่านคนเก่งก็ไม่โกรธอะไรผมแน่นอน แต่ผมก็เลือกที่จะไม่ทำรอให้น้องตื่นมาค่อยคุยกันดีกว่าครับ


ผมเดินลงมาข้างล่างเจอทุกคนอยู่กันอย่างพร้อมหน้า ดูเหมือนจะเพิ่งเข้ามากัน

"ลงมาซะทีลูกชายตัวดีของคุณ" ม๊าผมพูดกับป๊า และม๊าก็มองผมด้วยสายตาที่เหมือนจะไม่พอใจนิดๆ

"มีอะไรหรือเปล่าครับม๊า ทำไมมองผมแบบนั้น" ผมนั่งลงข้างพี่ต่อภพพี่ชายของผมที่กำลังนั่งดูเอกสารต่างๆอยู่ ม๊าไม่ตอบผมครับแถมยังเบือนหน้าหนีผมอีก

"ตอนบ่ายม๊ากับขวัญเข้าไปที่โรงพยาบาลก็เลยรู้ว่าแกพาคนเก่งออกมาตั้งแต่เช้า ม๊าออกจากโรงพยาบาลมาตอนเกือบบ่ายสามแกก็ไม่พาคนเก่งกลับไปส่ง พอม๊ากลับบ้านมาเห็นรถแกจอดอยู่ก็เลยรู้ทันทีว่าแกพาคนเก่งไปไหน" พี่ชายผมเป็นคนพูด ผมหันไปมองทุกคนที่กำลังมองผมอยู่ ทุกคนยิ้มและขำผมมีคนเดียวคือม๊าที่หน้าบึ้งมาก

"ม๊าครับ" ผมย้ายไปนั่งที่ข้างม๊า

"โกรธอะไรผมล่ะครับ" ผมถามม๊า

"แน่ใจนะ ว่าที่ถามคือไม่รู้จริงๆ" ม๊าถามผมเสียงเย็นเลยครับ

"ผมก็แค่อยากอยู่กับแฟนผมอ่ะ" ผมบอก

ม๊าผมถอนหายใจและส่ายหน้าให้กับผม

"ถ้าแค่อยากอยู่ใช้เวลาด้วยกันดูหนังทานข้าว ม๊าจะไม่บ่นเลยแต่แค่เห็นเต็มเดินลงมาคนเดียวม๊าก็รู้แล้วว่าทำไมน้องไม่ลงมา"

"ม๊าคะ ใจเย็นค่ะ" พี่ขวัญพี่สะใภ้ผมพูดขึ้นมา

"ม๊าไม่อยากให้ผมล่วงเกินน้องเหรอครับ" ผมถามม๊าด้วยน้ำเสียงที่จริงจังเพราะเห็นจากท่าทางของม๊าดูเหมือนม๊าจะซีเรียสมากจริงๆ

"ก็ม๊าได้ยินมาว่า ... ม๊าไม่กล้าพูด" อยู่ๆม๊าผมก็ดูเหมือนจะอึกอักขึ้นมา

"ถามติวเตอร์ดูสิเพราะน้องชายเรามันเป็นคนบอกม๊า" ป๊าผมที่นั่งดูเอกสารอยู่นานเอ่ยขึ้นมา ผมหันไปมองติวเตอร์ทันที

"เรื่องอะไร?" ผมถามติวเตอร์

น้องชายผมยิ้มแห้งๆให้ผมก่อนจะบอกว่าคุยกับม๊าเรื่องอะไร พอผมฟังจบผมแทบอยากจะตบหัวน้องชายตัวเอง รู้ดีจริงๆ รู้เกินจริงด้วยซ้ำ แต่ก็ทำให้ผมรู้ว่าม๊าเป็นห่วงคนเก่งมากแค่ไหน ผมมองรอบๆตัวปกติที่บ้านผมก็ไม่เคยมีความลับกันอยู่แล้ว แต่เรื่องนี้ผมก็คงจะไม่พูดทั้งหมดหรอกครับ

"คนเก่งคงจะดีใจแน่ๆที่รู้ว่าม๊าห่วงน้องมากขนาดนี้ แต่ม๊าไม่ต้องห่วงหรอกนะครับ น้องโอเคครับ บางอย่างติวเตอร์มันก็พูดเกินจริงไปนิดหนึ่ง และผมก็รู้ว่าจะต้องดูแลน้องยังไง" ผมบอกด้วยน้ำเสียงจริงจังให้ม๊าสบายใจ

"ก็ติวเตอร์พูดซะน่ากลัว บางคนเลือดตกยางออก ต้องไปเย็บที่โรงพยาบาลก็มี ม๊าก็อดเป็นห่วงและกังวลไม่ได้" ม๊าผมพูดออกมาบ้าง

"ม๊าครับ ม๊าเห็นลูกชายม๊าโหดร้ายขนาดนั้นเลยเหรอครับ ผมออกจะถนอมน้อง" ผมบอกก่อนจะหันไปคาดโทษความรู้ดีของน้องชายผม

ไม่คิดมาก่อนว่าครอบครัวเราจะมาถึงจุดที่สามารถนั่งพูดคุยเรื่องบนเตียงกันได้แล้ว ...


"แต่การที่เติมไปพาน้องมาแบบนี้ทั้งที่ก็รู้ว่าน้องต้องดูแลแม่กับป้า ม๊าว่ามันไม่ดีเลยนะ" ม๊าพูดครับ

"แล้วพาลูกเขาหายมาทั้งวันไม่คิดว่าแม่เขาจะเป็นห่วงบ้างหรือไง" ป๊าเองก็พูดเสริมขึ้นมา

"คือ .. ตอนแรกแค่จะพาน้องออกมานั่งคุยกันแค่แป๊บเดียวนะครับ" ผมบอก

"ดีนะ ม๊าออกตัวไปให้แล้วว่าเต็มพาคนเก่งไปทานข้าวและนั่งรถเล่นจะพาคนเก่งกลับไปส่งที่โรงพยาบาลอาจจะค่ำหน่อย" พอพี่ขวัญบอกผมรีบกอดม๊าทันทีเลย

"ม๊าน่ารักที่สุดเลยครับ" ผมพูด

"ถ้าม๊ารู้ว่าเต็มพาน้องมาทำอะไรแบบนี้ ม๊าจะไม่ออกหน้ารับให้หรอก" ม๊าดุผมแต่เสียงของม๊าก็อ่อนลงเยอะ

"ขอโทษครับ" ผมอ้อนม๊านิดหน่อย

"ม๊ารู้นะว่าเต็มต้องพูดจาหลอกล่อน้องให้น้องยอมเรา" ดูม๊าผมพูดสิครับ

"ม๊าครับ ผมไม่ได้เพิ่งจะมีอะไรกับน้องครั้งแรกสักหน่อย"

"พอเถอะคุณ ลูกมันก็โตแล้วมันรู้น่าว่ามันต้องทำยังไง ไม่ต้องคิดไรมากหรอกม๊าแกแค่กลัวว่า ว่าที่ลูกสะใภ้จะเจ็บตัวเท่านั้นแหละ ฟังน้องชายแกมาเยอะไง" ประโยคแรกป๊าผมพูดกับม๊า แต่ประโยคหลังป๊าพูดกับผม ผมกอดม๊าอีกครั้งอย่างเอาใจ

ผมนั่งคุยกับทุกคนอยู่สักพักก็ขอตัวขึ้นมาดูคนเก่งเพราะเริ่มจะเย็นมากแล้ว พอเดินขึ้นมาถึงบนห้องผม คนเก่งไม่ได้นอนอยู่บนเตียงแล้วครับ ตอนนี้น้องอาบน้ำอยู่เพราะได้ยินเสียงฝักบัว ผ้าปูที่นอนผ้าห่ม รวมทั้งปลอกหมอน คนเก่งถอดออกมาวางไว้ในข้างตะกร้าผ้าที่เตรียมเอาไว้ซัก ผมยิ้มให้กับสิ่งที่เห็น คนเก่งมักจะเป็นแบบนี้ทุกทีหลังจากที่ตื่นขึ้นมาหลังจากเรามีอะไรกัน

ผมนั่งรอคนเก่งอยู่ที่โซฟาในห้องไม่นานคนเก่งก็ออกมาจากห้องน้ำ ผมนึกว่าคนเก่งจะนุ่งแค่ผ้าเช็ดตัวออกมาซะอีก ที่ไหนได้น้องแต่งตัวออกมาเรียบร้อยแล้วครับ พอคนเก่งเห็นผมที่นั่งมองอยู่ น้องดูตกใจและมีท่าทีขัดเขิน

"ตื่นนานหรือยัง" ผมถามพลางยื่นมือไปหาเพื่อส่งสัญญาณให้น้องเดินมาหาผม คนเก่งเดินมาผมและผมดึงน้องให้นั่งลงบนตักโดยที่น้องนั่งหันข้างให้ผม

"หอม" ผมหอมแก้มคนเก่งไปสองสามครั้ง

"ก็เพิ่งอาบน้ำ" คนเก่งตอบผมเบาๆ

"ยังเจ็บอยู่มั้ย" ผมถาม คนเก่งเม้มปากนิดๆก่อนจะพยักหน้าและพูดเสริมออกมา

"แต่ไม่เป็นอะไรมากครับ"

สายตาของคนเก่งมองไปที่เตียงก่อนจะหันกลับมาถามผม

"ผมไม่รู้ว่าผ้าปูที่นอนชุดใหม่อยู่ตรงไหน"

"เดี๋ยวให้น้านวลมาจัดการ" ผมบอกเพราะผมไม่รู้หรอกว่าน้านวลเก็บของพวกนั้นไว้ที่ห้องไหน

"พี่เต็มถามน้านวลไม่ได้เหรอครับ เดี๋ยวผมทำเอง" คนเก่งถามผม

"ไม่ต้องทำ ให้น้านวลเขาจัดการเถอะ" ผมบอก คนเก่งนิ่งไปนิดก่อนจะพยักหน้า ก่อนน้องจะมองไปที่กองผ้าปูที่นอนที่อยู่ที่พื้น ผมรู้ความคิดคนเก่งทันที

"ไม่ต้องมองครับ เดี๋ยวให้น้านวลเอาไปลงเครื่องซักให้ ไม่ต้องเขินหรอกครับ นะ" ผมบอกคนเก่งที่มีสีหน้าลำบากใจ แต่ก็ยอมตกลง

"กลับคอนโดคราวนี้จะต้องบอกน้านวลให้เตรียมชุดผ้าปูที่นอนที่โน่นไปเพิ่มไว้อีกดีกว่า เพราะแฟนพี่เปลี่ยนผ้าปูที่นอนบ่อย" ผมหัวเราะให้กับแก้มแดงๆของแฟนผม

"ก็ใครล่ะ ที่ทำให้ต้องเปลี่ยนบ่อยๆ" คนเก่งพูดก่อนจะขอตัวลุกขึ้นไปหยิบโทรศัพท์มือถือและเดินกลับมานั่งข้างๆผม

"ไม่รู้แม่กับป้าจะว่ายังไงหายมาทั้งวันเลย" คนเก่งมีน้ำเสียงกังวลใจ

"เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงเพราะม๊าจัดการให้แล้ว" แล้วผมก็เล่าเรื่องที่ม๊าและพี่สะใภ้ผมไปที่โรงพยาบาลมา คนเก่งหันมามองผมตาโตและถามผม

"หมายความว่าม๊าพี่เต็มรู้ว่าเรา ..."

ใช่ .. นั่นคือคำตอบในใจผมแต่ผมไม่ได้พูดแบบนั้นออกไปหรอกนะครับ

"ม๊าคิดว่าพี่พาคนเก่งออกมาก็คงจะพาไปทานข้าวนั่งรถเล่นอะไรประมาณนี้แหละ ก็เลยบอกแม่กับป้าเราไว้ว่าจะกลับค่ำหน่อย" ผมตอบคนเก่งไปแบบนั้น

"ค่อยโล่งใจหน่อย" คนเก่งพูดก่อนจะสไลด์หน้าจอมือถือไปมา ผมเห็นคนเก่งกดเข้าไปที่แอพลิเคชั่นไลน์ และเห็นน้องกดเข้าไปที่ไลน์ของคนที่ชื่อ kawee ตอนแรกผมลืมเรื่องนี้ไปแล้ว แต่พอเห็นคนเก่งกดเข้าไปเลื่อนอ่านข้อความผมก็เลยนึกขึ้นมาได้

ผมมองดูคนเก่งพิมพ์ตอบข้อความของคนที่ชื่อ kawee และทางโน้นก็พิมพ์โต้ตอบกันไปมาอยู่สักพักจนผมรู้สึกหงุดหงิดเพราะตอนนี้คนเก่งไม่สนใจผมเลย

"คุยกับใครอยู่" ผมตัดสินใจถาม

"คุยกับกวีน่ะครับ" อ๋อ ชื่อกวี คนเก่งตอบโดยที่ไม่ให้หันมามองผม

"พี่ไม่เคยได้ยินชื่อนี้เลย เพื่อนเหรอ" ผมถามต่อ

"ไหนเอามาดูสิ คุยอะไรกัน" ผมยอมรับว่ารู้สึกหวงไม่อยากให้น้องคุยกับใครที่ผมไม่รู้จัก พอผมพูดแบบนั้นคนเก่งก็ยื่นมือถือมาให้ผมดู พร้อมกับเล่าให้ฟังว่ากวีคือใคร ผมเลื่อนอ่านข้อความในไลน์ทั้งหมด บางข้อความทำให้ผมต้องขมวดคิ้วแน่น


kawee : เล่นเฟซหรือเปล่า
konkengg : เล่นบ้าง
kawee : ขอแอดเฟรนด์นะ
konkengg : ได้ๆ

ผมหันไปมองคนเก่งที่นั่งข้างๆและกำลังมองผมอยู่ ข้อความที่บอกขอแอดเฟซบุ๊กเป็นบทสนทนาของเมื่อคืน ส่วนข้อความของวันนี้

kawee : เราจะแวะไปทำธุระแถวรพ.
kawee : ก็เลยว่าจะเข้าไปหาด้วย
kawee : เอาไรเปล่า


kawee : รำคาญเราเปล่าเนี่ย
kawee : เงียบเลย


kawee : สะดวกคุยเปล่า
kawee : เราขอ
kawee : โทรหาได้มั้ย

ดูจากเวลาที่ส่งคือเป็นช่วงเวลาที่คนเก่งอยู่กับผม น้องก็เลยไม่ได้สนใจมือถือ ผมอ่านข้อความที่คนเก่งเพิ่งพิมพ์ตอบกลับไปเมื่อสักครู่นี้

konkengg : โทษทีๆ
konkengg : มาหาเหรอ
konkengg : ไม่ได้อยู่ที่รพ.น่ะ

ผมเลื่อนอ่านอีกหลายข้อความที่ทางนั้นคุยกับน้อง ผมมองหน้าคนเก่งและคนเก่งก็ดูเหมือนจะสงสัยว่าผมกำลังทำอะไรหรือเป็นอะไร ผมกดเข้าไปดูที่เฟซบุ๊กของคนเก่ง เข้าไปดูที่บันทึกกิจกรรมว่าเมื่อวานหรือวันนี้น้องรับคนไหนเป็นเพื่อนบ้าง พอเห็นชื่อเฟซบุ๊กก็รู้เลยทันทีว่าใช่มันแน่ ... ไอ้กวี

"มีอะไรหรือเปล่าครับ" คนเก่งถามผมตอนที่เห็นผมเข้าไปส่องเฟซบุ๊กของเพื่อนในเฟซบุ๊กคนล่าสุดของตัวเอง

ผมส่องดูรูปโปรไฟล์ของมัน ก่อนจะเลื่อนมาดูที่หน้าไทม์ไลน์


Kawee SB.
        อยากไปเจอหน้าแต่ไม่รู้จะอ้างอะไรดี #KK


คิ้วผมกระตุกทันทีกับสเตตัสล่าสุดของมันที่เพิ่งโพสต์เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน

ผมเลื่อนไปอ่านสเตตัสก่อนหน้า


Kawee SB.
        ยิ้มโคตรน่ารัก #ใจบางเลยกรู #KK


เป็นสเตตัสที่มันโพสต์เมื่อวานนี้ ผมเลื่อนดูไปอีกแต่ไม่มีสเตตัสไหนที่เหมือนสองสเตตัสด้านบน และไม่มีสเตตัสไหนที่มี #KK แล้วจะเป็นใครได้ถ้าไม่ใช่แฟนผม เพราะคนเก่งบอกเพิ่งเจอกันเมื่อวานเพราะมันมากับพ่อที่เป็นคนขับรถชนคุณน้าทั้งสอง พอมาเจอกันก็เลยรู้ว่าเคยเรียนที่เดียวกัน

มันต้องคิดไม่ซื่อกับคนเก่งอย่างแน่นอน และผมเชื่อว่ามันเองก็ต้องมาส่องเฟซบุ๊กของแฟนผมเรียบร้อยแล้ว และมันก็ต้องรู้ว่าคนเก่งมีแฟนแต่มันก็ยังขึ้นสเตตัสแบบนั้น เจตนามันไม่บริสุทธิ์


"คนเก่งถ่ายรูปกัน" คนเก่งทำหน้างงที่อยู่ๆผมพูดขึ้นมาแบบนั้น ผมดึงน้องมานั่งที่ด้านหน้าตรงกลางระหว่างขาผม ผมโอบเอวน้องไว้ให้แนบชิดกับตัวผม ใช้คางเกยตรงไหล่น้องก่อนจะกดมือถือถ่ายไปหลายรูป คนเก่งดูอายมากเมื่อต้องอยู่ในท่าทางแบบนี้ พอถ่ายเสร็จผมก็ยังให้ไม่ปล่อยให้น้องลุกขึ้นยังให้น้องนั่งอยู่แบบนั้น ผมเลือกรูปอยู่สักพัก จนได้รูปที่ถูกใจ

"พี่เต็มจะโพสต์รูปเหรอครับ" คนเก่งถามผมทันทีที่เห็นว่าผมกำลังทำอะไร ผมโพสต์รูปพร้อมแคปชั่น



Konkengg Peimthaworn อยู่กับ Teimtem Paisanworrakit

     ขอบคุณที่อยู่ข้างๆในวันที่ไม่สบายใจนะครับ

     รักมากนะ ... รู้ยัง ❤️  #TtwKk


คนเก่งแย่งมือถือของตัวเองไปจากมือผม

"พี่เต็มโพสต์ที่เฟซบุ๊กผมนะ"

"ใช่ ตั้งใจโพสต์" ผมไม่ได้แย่งมือถือจากคนเก่งกลับมา ผมยังคงกอดเอวคนเก่งแน่นๆ ผมมองดูหน้าน้องเพราะอยากจะรู้ว่าคนเก่งไม่โอเคหรือไม่พอใจหรือเปล่า แต่น้องแค่หน้าแดงและยิ้มเขินตอนที่ดูรูปและเลื่อนอ่านคอมเม้นท์

"แฟนคลับพี่เต็มเนี่ยไวกันจังเลยนะครับ แป๊บเดียวเข้ามากดไลค์และคอมเม้นท์กันแล้ว" คนเก่งบอกยิ้มๆ

ผมหยิบมือถือตัวเองขึ้นมาก่อนจะตั้งเป็นโหมดถ่ายวิดีโอ และเลือกมุมที่น่าจะเห็นชัดเจนที่สุด ระหว่างที่คนเก่งยังคงสนใจอ่านคอมเม้นท์ผมก็จัดวางมือถือเพื่อถ่ายคลิปเรียบร้อย


"แฟนคลับพี่เหรอ เขาว่ายังไงบ้าง" ผมถามคนเก่งที่ยังสนใจอ่านคอมเม้นท์อยู่

"เขาก็บอกน่ารักดี แต่ส่วนใหญ่เขาก็จะชมว่าพี่เต็มหล่อมาก"

"แล้ว .. คนเก่งว่าพี่หล่อมั้ย"

"ถามอะไรเนี่ย ก็เคยบอกแล้วไง"

"เคยบอกตั้งนานแล้ว พอได้เราแล้วไม่เห็นจะเคยชมว่าหล่อ"

"พูดอะไรเนี่ย!!" คนเก่งโวยวายโคตรน่ารัก

"สรุปว่าไงครับ หล่อไม่หล่อ" ผมถามอีก

และไม่คาดคิดครับคนเก่งหันมาเอาแขนทั้งสองข้างมากอดที่คอของผมไว้

"พี่เต็มของผมหล่อที่สุดเลย"

คนเก่งพูด แต่แค่นั้นยังไม่พอ คนเก่งยังจุ๊บที่ริมฝีปากผมเบาๆด้วยอีกหนึ่งครั้ง

"พอใจหรือยังครับคุณแฟน"

โอ๊ยยยย ... แฟนผมโคตรน่ารัก

ผมคิดในใจว่าคนเก่งเล่นแบบนี้กับผมเลยเหรอมาแบบตั้งตัวไม่ทันและไม่คาดหมายว่าน้องจะทำแบบนี้ แต่พอน้องทำแบบนั้นเสร็จคนเก่งเขินหนักมากครับ ผมปล่อยให้คนเก่งลุกไปนั่งข้างๆแทน น้องถึงขั้นนั่งหันหลังให้ผม รู้เลยว่าน้องเขินมากเพราะหน้าแดงคอแดงไปหมด

หลังจากนั้นผมก็กดหยุดคลิปที่ถ่ายและหาหูฟังมาเสียบที่มือถือและกดเข้าไปดู ผมตัดตอนท้ายคลิปที่คนเก่งลุกไปนั่งคนเดียวออก และกดดูอีกรอบด้วยความพอใจ ผมอัพโหลดคลิปลงในเฟซบุ๊กของผมทันที



Teimtem Paisanworrakit อยู่กับ Konkengg Peimthaworn

ตอนแรกตั้งใจแอบถ่ายเพราะอยากแกล้งแฟน แต่ไม่คิดว่าจะเจอแฟนทำแบบนี้ สตั้นไปสิบวิเลยครับ

PS : ถ้าเห็นคลิปนี้อย่างอนนะครับ

วันที่แอบถ่าย : 19/xx/20xx
เวลาแอบถ่าย : 17:36 น.




ผมมองดูคลิปที่อัพโหลดและโพสต์ลงเฟซบุ๊กเรียบร้อยด้วยความพอใจ


ไอ้กวี ...
หวังว่าคงจะไม่ต้องถึงขึ้นต้องดื่มน้ำใบบัวบกแก้ช้ำในหรอกนะ




TBC.
#เติมเต็มรัก
ninewara✿


◕ เพิ่งรู้ว่าพี่เติมเต็มเป็นคนนิสัยแบบนี้นะเนี่ย
◕ ขอบคุณที่ติดตามและขอบคุณทุกคอมเม้นนะคะ
       

หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 31) 17/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: sripaerrr ที่ 17-06-2019 06:43:14
ขี้หวงมากเว่อร์ ขี้อวดอีกต่างหาก ขี้หึงสุดๆ ทั้งรักทั้งหลง ผ่านช่วงโกรธ​ๆงอนๆกันไปแล้วพี่เต็มก็จัดหนักจัด​เต็ม​เรื่องความหวาน  แอบสงสัย พี่เต็มนี่ลูกม๊าจริงๆใช่ไหมคะ 555555
ขอบคุณ​นะคะ  เรื่องน่ารักฟีลกู๊ด ชูใจเรามากกกก เป็นกำลัง​ใจ​ให้​นะคะ​
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 31) 17/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 17-06-2019 10:20:22
อย่าดราม่ากับนายกวีอีกนะครับ ^^"
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 31) 17/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: memozy ที่ 17-06-2019 12:39:06
ขี้หวง ขี้ห่วง จริงๆ

รอติดตามอยู่นะ  o22 o13
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 31) 17/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 17-06-2019 14:32:16
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 31) 17/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Aimlovelove ที่ 17-06-2019 20:30:28
อิพี่ร้ายนะคะ ขี้หวงขั้นสุด แต่น้องก็น่ารักไง
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 31) 17/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 17-06-2019 20:35:49
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 31) 17/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Sutharat ที่ 17-06-2019 22:17:54
พี่เต็มนี่ขี้หวงเว่อร์มากขนาดคนเก่งรักมากไม่เคยมองใครเลยนะ
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 31) 17/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Tonson777 ที่ 18-06-2019 00:25:35
 :hao3: :hao3: :hao3: คุณเติมเต็มครับคุณนี่มันวร้ายๆๆๆจริงๆ  ทั้งขี้อวด ขี้หวง แถมยังเจ้าแผนการอีกต่างหาก ระวังเถอะคนเก่งเห็นคลิปละจะโดนงอล  โดนทิ้งให้นอนคนเดียวละก็จะสมน้ำหน้าให้  :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 31) 17/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 18-06-2019 11:40:46
 :katai2-1: ทำดีมากพี่เต็ม เราต้องเเสดงความเป็นเจ้าของ
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 31) 17/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 18-06-2019 16:21:46
เป็นวิธีสะกัดแบบเนียนๆ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 31) 17/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 19-06-2019 00:20:58
ร้ายกาจมากนะเติมเต็ม,,,
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 31) 17/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 19-06-2019 12:32:30
อิพี่มันร้ายยย แสดงความเป็นเจ้าของสุด น้องก็ไม่รู้เรื่องเลยเดี๋ยวโดนงอนแน่5555
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 31) 17/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 21-06-2019 02:03:05
นอกจากจะขี้หวงแล้ว ยังขี้อวดอีก คนเรา
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 32) 04/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ninewara ที่ 04-07-2019 22:41:41
✿ เติมเต็มรัก ✿ ครั้งที่ 32



พี่เติมเต็มขับรถพาผมกลับมาส่งที่โรงพยาบาลประมาณเกือบๆหนึ่งทุ่ม พี่เติมเต็มเดินขึ้นมาส่งผมที่ห้องพักฟื้นที่แม่และป้าผมนอนรักษาตัวอยู่ ตอนที่เปิดประตูห้องเข้าไปผมก็ต้องแปลกใจเพราะมีพยาบาลนั่งอยู่ในห้องด้วยคนหนึ่ง ซึ่งแม่ผมบอกว่าเป็นพยาบาลที่ม๊าของพี่เติมเต็มจ้างมาให้อยู่ดูแลแม่และป้าของผม

"แม่ครับ ป้าครับ เก่งขอโทษนะครับที่หายไปทั้งวัน ทำให้ต้องจ้างพยาบาลมาดูแลแทนเลย" ผมเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ตรงกลางระหว่างเตียงของแม่และป้าหลังจากที่พยาบาลคนนั้นเดินออกจากห้องไป ผมเอ่ยขอโทษออกมาด้วยความรู้สึกแย่จริงๆ พี่เติมเต็มที่นั่งอยู่ที่โซฟาก็แค่มองผมยิ้มๆ เหมือนไม่รู้สึกผิดอะไรเลย

"ไม่ต้องขอโทษหรอกลูก แม่กับป้าอยากให้ลูกออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกบ้างเพราะดูแลแม่กับป้ามาหลายวันแล้วไม่ได้ไปไหนเลย" แม่ผมเอื้อมมือมาลูบหัวของผมเบาๆ

"อีกอย่างนะคือเรื่องพยาบาล คุณฤดีวรรณ ม๊าของพี่เต็มก็เป็นคนจัดการให้ แล้วป้ากับแม่เราก็มาคิดดู มีพยาบาลมาคอยดูแลก็ดีเหมือนกันเพราะถึงแม้ว่าหนูจะดูแลป้ากับแม่ได้แต่เดี๋ยวหนูก็ต้องกลับไปเรียน" ผมนั่งคิดตามสิ่งที่ป้าผมพูด ก็จริงนะมีพยาบาลมาคอยดูแลก็ดีครับเพราะผมก็กังวลน้อยลง และอีกอย่างด้วยความที่ผมเป็นผู้ชาย บางทีเรื่องส่วนตัวอะไรของผู้หญิงก็ทำให้ผมเขิน ทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน

"สบายใจแล้วใช่มั้ย" พี่เติมเต็มถามผมยิ้มๆ ดูท่าทางแล้วพี่เติมเต็มคงจะรู้เรื่องนี้อยู่แล้วแน่เลย

"พี่เต็มรู้เรื่องนี้อยู่แล้วใช่มั้ยครับ" ผมถาม

"เพิ่งรู้ตอนที่นั่งทานข้าวเมื่อกี้นี่แหละว่ามาถึงแล้วจะเจอพยาบาล แต่เรื่องที่ว่าอยากจ้างพยาบาล ม๊าคุยตั้งแต่วันแรกที่มาแล้วล่ะ" พี่เติมเต็มบอก ตอนที่นั่งทานข้าวอยู่ที่ร้านอาหารก่อนจะมาโรงพยาบาล ม๊าของพี่เติมเต็มโทรเข้ามาคุยกับพี่เติมเต็ม สงสัยจะโทรมาคุยเรื่องพยาบาลเพราะพี่เติมเต็มไม่ได้บอกและผมเองก็ไม่ได้ถาม

ไม่นานพี่เติมเต็มก็ขอตัวกลับ และบอกว่าพรุ่งนี้จะมาใหม่ ผมเดินลงมาส่งพี่เติมเต็มที่หน้าลิฟท์ พี่เติมเต็มไม่ยอมให้ผมเดินไปส่งที่รถเหตุผลเพราะไม่อยากให้ผมเดินขึ้นมาคนเดียว และอีกเหตุผลคือ ...

"พี่รู้ว่าคนเก่งเดินไม่สะดวกเท่าไหร่  ยังเจ็บอยู่แน่ๆ"

ผมเขินทุกทีที่พี่เติมเต็มพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังและเป็นห่วงแบบนี้

"แล้วค่าจ้างพยาบาลพิเศษแบบนี้วันละเท่าไหร่เหรอครับ " ผมถามตอนที่เดินมาถึงหน้าลิฟท์ ผมถามเพราะไม่ทราบจริงๆ

"ชั่วโมงละสองร้อยบาท ถ้าเหมาทั้งวันก็สองพันห้า" พี่เติมเต็มบอกผมกำลังคิดคำนวณตัวเลขในใจ ราคานี้น่าจะต่อคนใช่มั้ย

"คิดอะไรอยู่"พี่เติมเต็มถามผม

"กำลังคิดคำนวณค่าใช้จ่ายดูน่ะครับ"

"คิดทำไมไม่ได้ให้ที่บ้านคนเก่งจ่ายสักหน่อย" พี่เติมเต็มบอกผม ผมมองด้วยความสงสัย คู่กรณีเขาไม่น่าจะมาจ่ายให้นะสำหรับค่าจ้างพยาบาลพิเศษ

"พี่จะเป็นคนจัดการเอง" ผมตาโตกับคำพูดของพี่เติมเต็ม

"ไม่ได้นะครับ พี่เต็มจะมาจ่ายให้ได้ยังไง" ผมเอื้อมมือไปจับแขนพี่เติมเต็มและพูดออกมาแบบไม่ยอม

"ทำไมจะจ่ายไม่ได้ครับ นั่นแม่ยายพี่เลยนะ" พี่เติมเต็มพูดพร้อมกับหัวเราะออกมาด้วย

"แม่ยายอะไรล่ะ" คำพูดของพี่เติมเต็มทำให้ผมเขินอีกแล้ว พี่เติมเต็มดึงมือของผมที่เกาะแขนอยู่ไปจับ

"นอกจากเรื่องที่อยากให้มีพยาบาลที่เก่งๆมาดูแลแล้ว ก็ยังมีอีกอย่างคือพี่อยากมีเวลาอยู่กับคนเก่งและอยากให้คนเก่งได้พักผ่อนด้วย ถือว่าเป็นการซื้อเวลาที่คุ้มค่ามากเลย" พี่เติมเต็มพูดกับผมด้วยครับจริงจัง พอทราบเหตุผล ผมก็พอที่จะเข้าใจได้นะ แต่มันก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี

"ไม่ต้องคิดมาก รับรองพี่เอาคืนจากเราคุ้มแน่" พี่เติมเต็มพูดออกมาอีก ก่อนจะจูบที่ริมฝีปากผมเบาๆหนึ่งครั้ง ลิฟท์มาพอดีเลยครับ

"ไปนะ ถึงบ้านแล้วพี่จะโทรหา" พี่เติมเต็มบอกก่อนที่จะเดินเข้าลิฟท์ไป

ผมเดินกลับเข้ามาที่ห้องพักฟื้น แม่กับป้ากำลังดูละครทางโทรทัศน์กันอยู่ ผมมานั่งเล่นมือถืออยู่สักพักก็ตัดสินใจเข้าไปอาบน้ำ ระหว่างที่อาบน้ำผมก็คิดถึงเรื่องที่พี่เติมเต็มทำเมื่อช่วงเย็น

พี่เติมเต็มใช้เฟซบุ๊กของผม โพสต์รูปคู่ของเราพร้อมกับแคปชั่นซึ่งผมจำได้ว่าผมเคยเขียนข้อความแบบนี้ในการ์ดให้พี่เติมเต็มแต่มันผ่านมาหลายปีมากแล้ว ตอนนั้นเป็นช่วงที่ผมโดนโจ้แกล้งแบบหนักมากๆ จนผมท้อมากแอบร้องไห้บ่อย

วันนั้นหลังจากที่ผมไปแอบร้องไห้มาจนพอใจแล้ว ผมกำลังจะกลับบ้าน ผมเดินผ่านสนามบาสเกตบอลเห็นพี่เติมเต็มกำลังเล่นบาสเกตบอลกับเพื่อนๆอยู่ ตอนนั้นเองที่พี่เติมเต็มหันหน้ามามองผม และเดินออกจากสนามมาหาผม อันที่จริงในตอนนั้นผมไม่รู้ว่าพี่เติมเต็มเดินออกมาหาผมหรือเปล่า แต่ตอนนั้นไม่มีใครอยู่ตรงนั้นเลย ผมก็เลยคิดว่าพี่เติมเต็มคงเดินมาหาผม

ตอนนั้นทั้งผมและพี่เติมเต็มไม่มีใครพูดอะไรออกมา ผมตื่นเต้นด้วยเพราะไม่คิดว่าพี่เติมเต็มจะเดินมาหา พี่เติมเต็มเดินมายืนตรงหน้าและมองหน้าผมอยู่สักพัก พี่เติมเต็มก็วิ่งกลับไปที่ข้างสนามที่วางพวกกระเป๋าเป้ไว้ พี่เติมเต็มไม่ได้พูดหรือส่งสัญญาณอะไรที่บอกให้ผมรอ แต่ผมเข้าใจไปเองว่าพี่เติมเต็มอยากให้ผมรอ

พี่เติมเต็มเดินกลับมาพร้อมกับในมือกำอะไรบางอย่างไว้

"แบมือ" พี่เติมเต็มบอกแบบนั้นตอนที่กลับมายืนตรงหน้าผมอีกครั้ง ผมแบมือออกไปทั้งสองข้าง สิ่งที่พี่เติมเต็มวางบนฝ่ามือของผมคือลูกอมประมาณสี่ห้าเม็ด ซึ่งผมจำได้ว่าเป็นลูกอมที่ผมเพิ่งให้พี่เขาไปเมื่อเช้านี้นีเอง

"กินซะ จะได้อารมณ์ดี" พี่เติมเต็มบอกแค่นั้นก่อนจะวิ่งกลับไปเล่นบาสเกตบอลกับเพื่อนต่อ

ผมยังจำความรู้สึกวันนั้นได้อยู่เลยว่าหัวใจผมเต้นแรงแค่ไหน ข้อความที่ผมเขียนในการ์ดวันนั้นที่ส่งให้พร้อมลูกอม ผมเขียนไปว่า



To ... พี่เติมเต็ม

      ลูกอมหวานๆ ช่วยให้อารมณ์ดีได้นะครับ
                             เทคแคร์ครับ
                                   คนเก่ง
                             25/xx/20xx




พอพี่เติมเต็มเอาลูกอมมาให้ (ถึงมันจะเป็นลูกอมของผมเองที่ซื้อมาก็เถอะ) พร้อมกับพูดแบบนั้นทำให้ผมใจเต้นแรงมากๆ สิ่งที่คิดในตอนนั้นคือพี่เติมเต็มใจดีมากเลย ถึงบ่อยครั้งจะไม่ค่อยคุยกับผมแต่พี่เขาก็ยังใจดี

วันต่อมาผมก็เลยเขียนการ์ดไปให้พี่เติมเต็มโดยข้อความในการ์ดก็คือ



To ... พี่เติมเต็ม

       ขอบคุณที่อยู่ข้างๆในวันที่ไม่สบายใจนะครับ

                          เทคแคร์ครับ
                             คนเก่ง
                         26/xx/20xx



มันเป็นข้อความเดียวกันกับที่พี่เติมเต็มโพสต์ในเฟซบุ๊กของผมในวันนี้เลย ไม่รู้เพราะพี่เติมเต็มจำได้หรือเพราะคิดว่าถ้าเป็นผม ผมอาจจะโพสต์ประมาณนี้หรือเปล่า ตอนที่พี่เติมเต็มขับรถมาส่งที่โรงพยาบาล ผมก็ถามนะว่าทำไมต้องใช้เฟซบุ๊กผมโพสต์อะไรแบบนั้น ไม่ใช่อะไรหรอกนะครับ ถ้าอยากได้แบบนี้เดี๋ยวผมโพสต์ให้ก็ได้แต่พี่เติมเต็มก็ไม่ได้พูดถึงเหตุผล

แต่ที่ร้ายมากกว่านั้นคือการที่พี่เติมเต็มแอบถ่ายคลิป ผมไม่รู้ว่าเพราะผมไม่คิดอะไรหรือเพราะพี่เติมเต็มมีทักษะในการแอบถ่ายก็ไม่รู้ เพราะพี่เติมเต็มจะเป็นคนที่เนียนมากครับ ผมไม่เคยจับได้เลยถ้าแอบถ่าย เพราะพี่เติมเต็มจะชวนผมคุยหรือดึงความสนใจผมไม่ให้สนใจว่าพี่เขาทำอะไรอยู่

ส่วนเรื่องที่ชอบแอบไลฟ์สด พี่เติมเต็มไม่ทำนานแล้วครับตั้งแต่ที่ไลฟ์ครั้งล่าสุดที่แอบถ่ายผม แล้วบังเอิญว่าในไลฟ์มันเห็นช่วงหน้าอกและหน้าท้องของผมโดยที่ผมไม่ตั้งใจเพราะไม่รู้ว่าพี่เติมเต็มกำลังไลฟ์อยู่ ตั้งแต่นั้นมาพี่เติมเต็มก็ไม่ไลฟ์อีกเลย บอกว่าการไลฟ์มันควบคุมเหตุการณ์ไม่ได้



(มีต่อนะคะ)
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 32) 04/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ninewara ที่ 04-07-2019 22:47:24
.
.

วันต่อมา
พี่เติมเต็มมาหาผมแต่เช้าและมาพร้อมกับมื้อเช้าครับ ช่วงเช้าคุณหมอมาตรวจดูอาการของป้าอีกครั้งก่อนที่จะอนุญาตให้ป้าผมกลับบ้านได้ เราก็เลยต้องวุ่นวายย้ายห้องกันอีกครั้ง การย้ายห้องไม่ได้ยุ่งยากหรือวุ่นวายหรอกครับ เพราะทางโรงพยาบาลเขาเตรียมห้องไว้ให้แล้ว แต่ที่วุ่นวายเพราะของใช้ต่างๆที่อยู่ในห้องมากกว่าครับ

หลังจากที่ย้ายห้องเรียบร้อยแล้ว ป้าผมก็ไม่ได้กลับบ้านไปพักผ่อนนะครับ ป้าบอกจะอยู่ดูแลแม่ ทั้งที่ผมอยากให้ป้าไปนอนสบายๆอยู่บ้าน แต่ป้าไม่ยอมครับ ดูก็รู้ว่าป้าเป็นห่วงแม่มากเพราะอยู่ด้วยกันสองคนพี่น้องมาตลอด

"แล้ววันนี้จะพาคนเก่งไปไหนหรือเปล่า ถ้าจะไปไหนกันแม่ไม่ว่านะ ตามสบายเลย" แม่ผมพูดกับพี่เติมเต็มหลังจากที่ผมกับพี่เติมเต็มช่วยกันถือของมาวางในห้อง พี่เติมเต็มหันมามองหน้าผม

"ไปไหนดี" แล้วดูสิมาโยนให้ผมตอบ

"ไม่ไปครับ จะอยู่ที่นี่" ผมตอบแบบตั้งใจแกล้งพี่เติมเต็ม

"ตามใจเลย" พี่เติมเต็มตอบพร้อมกับส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้ ผิดคาดเลยตอนแรกนึกว่าจะดื้อชวนผมไปไหนซะอีก

"จะอยู่ทำไมคนเก่ง ป้าก็อยู่ หนูจะให้พี่เขานั่งอยู่กับหนูแบบนี้ทั้งวันพี่เขาก็เบื่อแย่สิ" ป้าผมพูดขึ้นมา ผมมองพี่เติมเต็มและพี่เติมเต็มก็แค่ส่งยิ้มกลับมา

"ก็ ... ค่อยออกไปก็ได้นี่ครับ" ผมตอบและเห็นพี่เติมเต็มยิ้มกว้างออกมา

จนประมาณสิบโมงกว่าๆผมก็ตัดสินใจชวนพี่เติมเต็มออกมาข้างนอก อย่างที่แม่กับป้าบอกนั่นแหละครับ ผมกลัวพี่เติมเต็มจะเบื่อถึงแม้ว่าพี่เขาจะไม่ได้พูดบ่นอะไร แต่การที่ให้พี่เติมเต็มมานั่งอยู่เฉยๆหรือมานั่งเล่นมือถืออยู่แบบนี้ จากที่ไม่เบื่อก็อาจจะเบื่อขึ้นมาก็ได้

"อยากไปไหน" พี่เติมเต็มถามหลังจากที่ขึ้นรถเรียบร้อยแล้ว ... นั่นสิไปไหนดี ตอนที่ชวนออกมายังไม่ได้คิดเลยว่าจะไปไหน

"พี่เต็มอยากดูหนังมั้ยครับ" ผมถามเพราะผมคิดไม่ออกจริงๆว่าจะไปไหนดี

"เอาสิ ไม่ได้ดูหนังนานแล้วด้วย ล่าสุดที่ไปดูก็ตั้งแต่วันที่พี่ขอคนเก่งเป็นแฟน" พี่เติมเต็มจับมือผมไว้และพูดออกมาด้วยน้ำเสียงปกติใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่ผมใจเต้นระรัวขึ้นมาเลย ไม่คิดว่าพี่เติมเต็มจะจำได้และพูดขึ้นมา

"เขินอะไร หน้าแดงเลย" อยู่ๆเติมเต็มก็ทักขึ้นมา

"ก็ ... มัน ... ไม่รู้สิ ผมแค่ดีใจที่พี่เต็มจำได้ด้วย" ผมพูดออกมา พี่เติมเต็มจับมือผมขึ้นมาและจูบที่นิ้วมือของผมแผ่วเบา

"พี่ใส่ใจทุกอย่างที่เกี่ยวกับคนเก่งนะ ... ถ้าเราไม่รู้ ก็รู้ไว้เลย" พี่เติมเต็มบอกผมด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง ผมไม่รู้ตัวเลยครับว่าตัวเองยิ้มกว้างมากแค่ไหน มองไปที่พี่เติมเต็มพี่เขาก็ยิ้มกว้างไม่แพ้กัน

.
.
.

ประมาณยี่สิบนาทีพี่เติมเต็มก็ขับรถมาถึงที่ห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองที่มีโรงภาพยนตร์อยู่ชั้นบนสุด ระหว่างที่ผมกับพี่เติมเต็มกำลังยืนเลือกว่าจะดูหนังเรื่องอะไรกันดี ก็ได้ยินเสียงคนเรียกชื่อผมอยู่ใกล้ๆ

"คนเก่ง"

พอหันไปมองคนที่เรียกผมคือกวีนั่นเอง

"อ้าว กวี มาดูหนังเหรอ" ผมถาม และอยู่ๆมือของพี่เติมเต็มที่ตอนแรกแค่โอบเอวผมไว้หลวมๆ แต่ตอนนี้กลับกอดเอวผมแน่นมาก ผมหันไปมองพี่เติมเต็มเห็นพี่เติมเต็มกำลังมองกวีอยู่ด้วยสายตาที่ไม่ค่อยชอบใจเท่าไรนัก

"จริงสิ เดี๋ยวแนะนำให้รู้จักนะ กวี .. นี่พี่เต็ม ... พี่เต็มครับ นี่กวีที่ผมเล่าให้ฟังเมื่อวานไงครับ" ผมแนะนำให้ทั้งคู่รู้จักกัน

"ที่บอกว่าเป็นเพื่อนที่โรงเรียนเก่าใช่มั้ย" พี่เติมเต็มถามผม

"ใช่ครับ" ผมตอบ

"แล้วพี่เต็มเป็นใครเหรอครับ" กวีถามพี่เติมเต็ม ผมรู้สึกถึงมือของพี่เติมเต็มที่บีบแน่นที่เอวของผม

"พี่เต็มเป็นรุ่นพี่ที่โรงเรียนใหม่ที่เราย้ายมาน่ะ" ผมเป็นคนตอบ

"แค่นั้นเหรอ" กวีถามออกมาอีก

"แล้วก็เป็นรุ่นพี่ที่มหาลัยที่เราเรียนอยู่ด้วย" ผมบอกเพิ่มเติมออกมา ผมเห็นเหมือนกวียิ้มที่มุมปาก

"อ๋อ รุ่นพี่นี่เอง" กวีพูดออกมา ผมรีบคว้ามือของพี่เติมเต็มมาจับเอาไว้ตอนที่พี่เติมเต็มปล่อยมือจากเอวของผม ผมสอดนิ้วมือประสานกับนิ้วมือของพี่เติมเต็ม ผมจับมือพี่เขาแน่นแต่พี่เติมเต็มไม่จับมือผมตอบกลับมาเลย

"แล้วก็เป็นแฟนเราด้วย" ผมตัดสินใจพูดออกไปตรงๆ ปฏิกิริยาของทั้งคู่คือมีอาการชะงักไปนิดหน่อย กวีดูตกใจ แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมาเพื่อนของกวีก็เดินมาตามซะก่อน

"ไว้โทรหานะคนเก่ง" กวีพูดแค่นั้นก่อนจะเดินไปกับเพื่อน

ส่วนพี่เติมเต็มเองก็ดูเหมือนจะยืนนิ่งอยู่ จนผมต้องบีบมือแรงๆ พี่เติมเติมหันมามองผม ผมเห็นพี่เติมเต็มเม้มปากและหันซ้ายหันขวา เหมือนกำลังหาใครอยู่

"พี่เต็มมองหาใครเหรอครับ" ผมถามด้วยความสงสัย แต่พี่เติมเต็มปฏิเสธว่าไม่ได้มองหาใครและจูงมือผมไปซื้อตั๋วหนัง

หนังที่พี่เติมเต็มเลือกเป็นหนังแนวแฟนตาซี อันที่จริงจะพูดว่าพี่เติมเต็มเป็นคนเลือกหนังก็ไม่ถูกต้องซะทีเดียว ตอนที่อยู่หน้าเคาน์เตอร์ขายตั๋ว พี่เติมเต็มบอกพนักงานที่ขายตั๋วว่า

"เอาเรื่องอะไรก็ได้ที่เร็วที่สุดและขอที่นั่งแบบฮันนีมูนครับ"

ตอนนั้นผมเห็นพนักงานมองผมกับพี่เติมเต็มสลับกันไปมา และยิ้มให้ ตอนที่พนักงานยื่นตั๋วหนังมาให้ เขาพูดว่า


'รักกันนานๆนะคะ'


ผมเขินมากเลยครับ พี่เติมเต็มรีบจูงมือผมเดินเข้าไปในโรงหนัง หลังจากหาที่นั่งกันได้แล้ว ไฟในโรงหนังก็ค่อยๆหรี่ลง เก้าอี้ที่ผมกับพี่เติมเต็มนั่งอยู่แถวบนสุด มีเก้าอี้ในแถวเดียวกันถัดไปอีกสองตัวซึ่งไม่มีคนนั่ง ผมมองไปด้านล่างมีคนดูอยู่ไม่ถึงสิบคน อาจจะเป็นเพราะวันนี้เป็นวันธรรมดาและหนังเรื่องนี้ก็เข้าฉายมานานแล้ว คนที่ชอบดูหนังก็น่าจะมาดูเรื่องนี้ก่อนหน้านี้แล้ว

ที่จอหนังเบื้องหน้ากำลังฉายหนังตัวอย่างอยู่ ผมรู้สึกเหมือนพี่เติมเต็มกำลังมองผมอยู่ ผมหันไปมองพี่เติมเติมที่ตั้งแต่เดินเข้ามายังไม่ยอมปล่อยมือจากผม

"ครับ?" ผมถาม

"ตั้งแต่เป็นแฟนกันมา วันนี้เป็นวันแรกเลยมั้งที่เรียกว่าเดท" พี่เติมเต็มพูดเบาๆที่ข้างหูผม ซึ่งมันก็จริงตามที่พี่เติมเต็มพูด

ตั้งแต่ที่เป็นแฟนกันมา ผมกับพี่เติมเต็มไม่เคยออกมาดูหนังทานข้าวกันเลยครับ ชีวิตปกติของเราก็คือไปเรียน มาทานข้าวด้วยกันช่วงกลางวันบ้าง และมื้อเย็นส่วนใหญ่ก็จะทำอะไรทานกันที่คอนโดของพี่เติมเต็ม มีออกไปสังสรรค์กลางคืนกับเพื่อนพี่เติมเต็มบ้าง

พอพี่เติมเต็มพูดแบบนี้ผมก็อดที่จะรู้สึกใจเต้นแรงไม่ได้ เพราะผมเองยอมรับเลยว่าก่อนที่จะเป็นแฟนกัน ผมเคยคิดภาพในหัวว่าถ้าได้เป็นแฟนกับพี่เติมเต็มผมจะทำอะไร จะไปไหนด้วยกันบ้าง แต่พอเป็นแฟนกันจริงๆแล้วสิ่งที่คิดเอาไว้แทบจะไม่เกิดขึ้นเลย แต่ถึงไม่ได้ทำอะไรแบบที่เคยคิดเอาไว้ผมก็ไม่ได้รู้สึกว่าเราขาดอะไรไป

"เราเดทกันช้าเกินไปมั้ยครับ" ผมถามเบาๆและหัวเราะออกมาตอนท้าย แต่ผมก็ต้องขนลุกขึ้นมาทันทีตอนที่รู้สึกถึงลมหายใจของพี่เติมเต็มที่รดอยู่ที่ข้างแก้ม

"รู้มั้ยว่า .. อยากจูบมากเลย" เสียงที่ดังแผ่วๆของพี่เติมเต็มทำให้ผมใจสั่นระรัวมากยิ่งขึ้น

"ไม่ได้ครับ เราอยู่ในที่สาธารณะนะ" ผมรีบบอกเพราะกลัวพี่เติมเต็มจะจูบผมขึ้นมาจริงๆ และถ้าพี่เขาทำผมก็ต้องยอม ไม่ใช่เพราะพี่เติมเต็มบังคับแต่มันเป็นเพราะผมยอมให้พี่เติมเต็มเองครับ

พี่เติมเต็มโอบไหล่ผมและใช้มือข้างที่กำลังโอบไหล่ผมอยู่ลูบหัวผมไปมาเบาๆ

"จริงๆตั้งใจว่าจะรีบเข้าโรงหนังมาแล้วจะได้จูบนะเนี่ย" พอพี่เติมเต็มพูดแบบนั้นออกมา ผมรีบมองหน้าพี่เติมเต็มทันที

"พี่เต็มต้องเลือกสถานที่บ้างนะ" ผมโวยออกมาเบาๆด้วยความอาย

"ก็คนเก่งทำตัวน่ารักทำไมล่ะ พี่ก็อยากแสดงความรัก" แล้วฟังดูพูดเข้าสิ .. ทำตัวน่ารักอะไรล่ะ แล้วพี่เติมเต็มก็พูดต่อว่า

"ทำตัวน่ารักที่บอกคนอื่นว่าพี่เป็นแฟน" ผมยิ้มออกมาทันทีที่ได้ยิน นึกว่าน่ารักเรื่องอะไร

"ถ้าใครได้พี่เติมเต็มเป็นแฟนก็อยากจะอวดทั้งนั้นแหละครับ" ผมบอกตามที่คิด

"จริงอ่ะ แล้วทำไมกว่าจะบอกว่าพี่เป็นแฟนได้ เราก็บอกว่าเป็นรุ่นพี่อยู่นั่นแหละ" พี่เติมเต็มมีน้ำเสียงเหมือนจะงอนผม

"หนังจะฉายแล้ว เดี๋ยวดูหนังจบค่อยคุยกันนะครับ" ผมบอกเพราะกลัวว่าถ้าคุยจะยาวไปกว่านี้คงไม่ได้ดูหนังแน่ ผมได้ยินเสียงพี่เติมเต็มถอนหายใจออกมา ผมก็เลยรีบเอนตัวไปซบไหล่ของพี่เติมเต็ม

"นะครับ เดี๋ยวค่อยคุย ผมเคยคิดเอาไว้ว่าอยากจะนั่งซบไหล่พี่เติมเต็มแล้วดูหนังไปด้วยแบบนี้มานานแล้วนะ" สิ่งที่ผมพูดเป็นเรื่องจริงครับ พี่เติมเต็มโอบไหล่ผมแน่นขึ้นและผมสัมผัสได้ว่าพี่เติมเต็มจูบลงที่ผมของผม

"ครับๆ พูดแบบนี้ใครจะไม่ยอมล่ะ" พี่เติมเต็มพูดออกมาอย่างอ่อนโยน หลังจากนั้นเราก็นั่งดูหนังกันไปเงียบๆไม่ได้คุยอะไรกันอีก

เวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมง หลังจากที่ดูหนังจบพี่เติมเต็มก็พาผมมาทานมื้อกลางวันที่ร้านอาหารปิ้งย่างสไตล์เกาหลี ซึ่งเมื่อหลายวันก่อนผมเคยบ่นๆว่าอยากทานไม่คิดว่าพี่เติมเต็มจะจำได้ด้วย

ระหว่างที่นั่งรออาหารที่สั่งไป ผมที่กำลังนั่งมองหน้าพี่เติมเต็มอย่างลังเลใจว่าจะเริ่มพูดเรื่องนี้ยังไงดี

"พูดมาครับ" อยู่ๆพี่เติมเต็มก็พูดขึ้นมาแบบนี้ ผมหยิบมือถือขึ้นมากดอยู่สักพักก่อนจะเปิดที่หน้าแชทไลน์ที่ผมคุยกับใครบางคนล่าสุดเมื่อคืนนี้ แล้วยื่นให้พี่เติมเต็มดู  ตอนแรกพี่เติมเต็มก็ทำหน้างงครับแต่พอพี่เติมเต็มได้อ่านข้อความบนหน้าจอสีหน้าก็เปลี่ยนไป .. ดูจะไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่

ข้อความที่ผมให้พี่เติมเต็มดูคือเป็นข้อความแชทไลน์ระหว่างผมกับกวีที่คุยกันเมื่อคืนนี้


kawee : นี่
kawee : คนนี้ใคร
kawee : แฟน?


และกวีก็ส่งรูปที่เป็นการแคปหน้าจอเฟซบุ๊กของผมที่เป็นรูปคู่ที่พี่เติมเต็มเป็นคนโพสต์แนบมาด้วย


konkengg : ใช่
konkengg : แฟน


kawee : มีแฟนแล้ว
kawee : ก็จีบไม่ได้แล้วสิ


ตอนนั้นผมงงกับข้อความของกวีมาก .. จีบ? หมายถึงผมเหรอ


konkengg : จีบ .. เราเหรอ


ผมถามกลับไปทันทีในตอนนั้น


kawee : ถ้าใช่ จีบได้มั้ยล่ะ
konkengg : จีบไม่ได้


ผมตอบกลับไปทันที


kawee : เพราะมีแฟนเหรอ
kawee : เรารอได้นะ
konkengg : จะรอทำไม
konkengg : ถึงเราไม่มีแฟน
konkengg : เราก็ไม่ได้ชอบกวี
kawee : ปิดโอกาสตัวเองจังเลยนะ
konkengg : แล้วทำไมเราต้องเปิดโอกาส
konkengg : ในเมื่อเรามีแฟนแล้ว
konkengg : และเราก็รักกันกับแฟนเราดี


ข้อความขึ้นมาว่าอ่านแล้วแต่กวีไม่ได้โต้ตอบอะไรกลับมาอีก และผมก็ไม่คิดว่าจะได้เจอกันกับกวีวันนี้ที่หน้าโรงหนัง แต่ผมก็คิดว่าเรื่องที่กวีบอกว่าจะจีบผมเป็นเรื่องที่กวีล้อเล่นมากกว่าเพราะไม่น่าเป็นไปได้


ผมเห็นพี่เติมเต็มสไลด์หน้าจอมือถือของผมไปมาสักพัก ก่อนที่จะเงยหน้ามามองหน้าผม อาหารมาเสิร์ฟพอดีแต่พี่เติมเต็มยังไม่เงียบอยู่


"พี่เต็มครับ" ผมลองเรียกพี่เติมเต็มที่ดูจะวุ่นวายกับการนำอาหารลงไปปิ้งย่างที่เตาไฟฟ้าที่อยู่ตรงหน้า

"เดี๋ยวค่อยคุย" พี่เติมเต็มตอบกลับมาสั้นๆน้ำเสียงไม่ได้โมโหหรือไม่พอใจใดๆ

หลังจากพี่เติมเต็มย่างของที่อยู่บนเตาไปสักพักพออาหารเริ่มสุกพี่เติมเต็มก็คีบมาวางไว้บนจานของผม


"มันก็รู้ว่าพี่เป็นแฟนกับเรา แต่เมื่อเช้าที่เจอมัน แสดงว่ามันตั้งใจที่จะกวนประสาท" พี่เติมเต็มเอ่ยขึ้นมาหลังจากที่นั่งทานไปเงียบๆอยู่สักพัก ซึ่งผมก็เห็นด้วยในสิ่งที่พี่เติมเต็มพูด

"แต่คนเก่งก็พอๆกันแทนที่จะพูดขึ้นมาเลยว่าพี่เป็นแฟน ทำไมต้องบอกว่าเป็นรุ่นพี่ในเมื่อมันก็รู้อยู่แล้ว ยิ่งมาเห็นแชทแบบนี้ยิ่งอารมณ์เสีย" น้ำเสียงพี่เติมเต็มหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อย

"คือ ... มันเป็นครั้งแรกที่มีคนอื่นมาถามผมว่าพี่เต็มเป็นใคร ผมก็ไม่แน่ใจว่าอยู่ต่อหน้าคนอื่นแบบนี้ ถ้าผมแนะนำว่าพี่เต็มเป็นแฟน พี่เต็มจะโอเคมั้ย ... แต่เพราะผมมองว่ากวีดูตั้งใจจะกวน และผมก็ขอเข้าข้างตัวเองนิดหน่อยว่าพี่เต็มน่าจะอยากให้แนะนำว่าเป็นแฟนมากกว่าด้วย" ผมอธิบายให้ฟังและดูเหมือนสีหน้าพี่เติมเต็มจะดูมีรอยยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย

"แล้วตอนอยู่ในโรงหนังใครพูดว่าถ้าใครได้พี่เป็นแฟนก็อยากจะอวดทั้งนั้น"

"ก็มันจริงนี่ครับ ผมอยากจะอวดจริงๆแต่ก็ต้องดูด้วยว่าพี่เต็มโอเคมั้ย"

"แล้วคิดว่าพี่โอเคมั้ยล่ะ"

"ก็ ... น่าจะโอเค ... มั้ง" ผมตอบด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจ ถึงแม้จะมั่นใจเกินครึ่งแล้วก็เถอะ

"ไม่ต้องมั้งแล้ว อยากอวดแค่ไหนก็เต็มที่เลย" ตอนนี้พี่เติมเต็มยิ้มให้ผมมากขึ้นแล้วครับ

หลังจากนั้นเราก็นั่งทานมื้อกลางวันที่แสนอร่อยและพูดคุยเรื่องต่างๆกันไปจนผ่านไปเกือบสองชั่วโมงมื้อกลางวันก็จบลง ผมกับพี่เติมเต็มก็เดินเล่นที่ห้างกันต่อ พี่เติมเต็มบอกว่าอยากจะได้กางเกงยืนส์ใหม่ พอไปถึงร้านกางเกงยีนส์แบรนด์ดัง ผมเข้าไปในร้านด้วยก็จริงแต่ไม่ได้ช่วยพี่เติมเต็มเลือกหรอกครับ เพราะผมไม่ใช่คนที่รู้เรื่องพวกเสื้อผ้าหรือแฟชั่นสักเท่าไหร่ แต่ในความเป็นจริงแล้ว พี่เติมเต็มเป็นผู้ชายที่รูปร่างดี หุ่นดีอยู่แล้ว ผมว่าใส่แบบไหนสีไหนทรงไหนก็รอดทั้งนั้นแหละ

หลังจากใช้เวลาไปหลายชั่วโมงในการเดินเข้าออกร้านนั้นร้านนี้ นอกจากกางเกงยีนส์แล้ว ยังได้อย่างอื่นมาอีกหลายอย่างเลย จนเริ่มรู้สึกเมื่อยขาพี่เติมเต็มเลยชวนผมมานั่งที่ร้านไอศครีมชื่อดังที่ผมไม่เคยมานั่งทานเลยเพราะราคามันค่อนข้างแพง

"เพิ่งรู้ว่าทำไมคนที่เป็นแฟนกันเขาต้องมานั่งทานไอศครีมด้วยกัน .. มันรู้สึกแบบนี้นี่เอง" พี่เติมเต็มพูดขึ้นมาหลังจากที่สั่งไอศครีมไปแล้ว

"รู้สึกยังไงเหรอครับ" ผมถาม พี่เติมเต็มนั่งมองหน้าผมนิ่งๆแต่สายตาที่มองมามันทำให้ผมรู้สึกใจสั่น

"รู้สึก ... อุ่นๆหวานๆ อะไรประมาณนี้ล่ะมั้ง" พี่เติมเต็มบอก ผมเขินกับสิ่งที่พี่เติมเต็มพูด และมือไม้เริ่มเกะกะเพราะสายตาที่ส่งมา

"วันนี้จะเป็นเดทแรกของเราที่มันจะดีมากๆเลยถ้าเมื่อเช้าไม่เจอไอ้กวีนั่น" อยู่ๆพี่เติมเต็มก็ทำน้ำเสียงเบื่อหน่ายขึ้นมาซะงั้น

"พูดถึงเขาทำไมล่ะครับ" ผมถาม

"ไม่อยากพูดถึงมันหรอก แต่ยิ่งคิดยิ่งหงุดหงิด" ผมเอื้อมมือไปจับมือพี่เติมเต็มที่วางอยู่บนโต๊ะ

"ไม่หงุดหงิดนะครับ .. ไอศครีมมาแล้ว มาทานกันดีกว่า" ผมบอกเมื่อพนักงานเดินมาเสิร์ฟพอดี

"ป้อนด้วย" พี่เติมเต็มพูดขึ้นมา ผมชะงักเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองรอบๆร้าน มีลูกค้านั่งอยู่สี่ห้าโต๊ะ และบางโต๊ะก็นั่งหันหน้ามาทางโต๊ะผมด้วย

ผมตักไอศครีมใส่ปากของพี่เติมเต็ม ผมรู้ว่าต้องมีคนมองแน่แต่ก็ไม่เป็นไรเพราะผมอยากให้พี่เติมเต็มรู้สึกดี

"อย่ามัวแต่ป้อนพี่ล่ะ เราก็ต้องทานด้วย" พี่เติมเต็มบอก หลังจากที่ผมป้อนไอศครีมพี่เติมเต็มไปสองสามคำ ผมพยักหน้าและหยิบช้อนคันใหม่ขึ้นมากำลังจะตักไอศครีมมาทาน

"เดี๋ยว ทำไมต้องเปลี่ยนช้อน" พี่เติมเต็มถาม

"ก็คันนี้ของพี่เติมเต็ม ส่วนคันนี้ของผม" ผมบอก

"แล้วทำไมทานช้อนเดียวกันไม่ได้ รังเกียจเหรอ" แล้วน้ำเสียงหาเรื่องผมได้อีก

"รังเกียจอะไรล่ะครับ ไม่เคยรังเกียจเลย แต่ผมกลัวพี่เติมเต็มไม่ชอบหรือรังเกียจผมมากกว่า"

"พี่จะรังเกียจคนเก่งทำไม แค่ทานช้อนเดียวกัน ทำมากกว่านี้ยังไม่เคยรังเกียจเลย แล้วแค่นี้จะรังเกียจทำไม" พี่เติมเต็มบอกผม และไม่รู้ทำไมจะต้องเน้นตรงประโยคที่บอกว่า ... ทำมากกว่านี้ยังไม่เคยรังเกียจเลย ... ด้วยก็ไม่รู้

"ครับๆๆ ทานช้อนเดียวกันเนอะ" ผมรีบป้อนไอศครีมให้พี่เติมเต็มต่อ เพราะอยากให้พี่เขาเลิกมองผมด้วยสายตาที่เหมือนจะลวนลามผมซะทีเถอะ

"ว่าแต่คนเก่งรู้ตั้งแต่แรกหรือเปล่าว่าไอ้กวีนั่นมันชอบเรา" หลังจากที่นั่งป้อนไอศครีมกันไปมาจนเกือบจะหมดถ้วยแล้ว พี่เติมเต็มก็เอ่ยถามผมขึ้นมา

"ไม่ทราบหรอกครับ ผมแค่รู้สึกว่าพี่เต็มดูหงุดหงิด เมื่อวานตอนที่พี่เต็มอ่านไลน์แล้วก็ไปส่องเฟซบุ๊กของกวีผมก็คิดว่ามันต้องมีอะไรแน่เลย" ผมบอก

"เห็นแค่นี้พี่ก็รู้แล้วว่ามันคิดอะไรกับเราแน่ๆ"

"แต่พี่เต็มรู้ใช่มั้ยว่าผมไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นกับกวี .. หรือกับคนอื่นเลย" ถึงแม้ว่ามันจะเขินมากๆที่ต้องพูดอะไรแบบนี้ แต่ผมก็อยากให้พี่เติมเต็มมั่นใจในตัวผม

"พี่ต้องรู้สิ ว่าคนเก่งไม่มีทางรักคนอื่นนอกจากพี่หรอก แต่เรื่องหึงหวงมันเป็นเรื่องที่มันห้ามกันไม่ได้" พี่เติมเต็มบอกพร้อมกับขยี้ผมของผมเล่นเบาๆ

"หนูรักพี่เต็มมากนะ"

พี่เติมเต็มชะงักมือที่กำลังขยี้ผมของผม ผมเห็นพี่เติมเต็มเม้มปากและพูดเสียงเหมือนขู่ผมออกมาเบาๆ

"มันใช่เวลาที่จะมาพูดอะไรแบบนี้มั้ย"

ผมหัวเราะขำพี่เติมเต็มออกมา

"อยากเจ็บตัวใช่มั้ย ถึงได้แทนตัวเองว่าหนูเนี่ย" พี่เติมเต็มพูดออกมาอีก

"ก็หนูอยากให้พี่เต็มรู้ ว่าหนูรัก" ผมพูดออกมาอีก

"พอครับ พอ" พี่เติมเต็มพูดห้ามผมออกมา

ผมขำพี่เติมเต็มที่เหมือนจะทำตัวไม่ถูก

ความลับอย่างหนึ่งระหว่างผมกับพี่เติมเต็มคือ ... เวลาที่เรามีอะไรกัน พี่เติมเต็มจะให้ผมแทนตัวเองว่า .. หนู ..

พี่เติมเต็มบอกว่าชอบที่ผมพูดแทนตัวเองแบบนี้เวลาที่ผมคุยกับป้า ตอนแรกพี่เติมเต็มบอกว่าอยากให้ผมแทนตัวเองว่าหนูแทนคำว่าผม แต่มันไม่ชินเท่าไหร่ ก็เลยมีการต่อรองกันเกิดขึ้น

บทสรุปก็เลยได้ออกมาเป็นแบบนี้คือ .. ให้ผมเรียกแทนตัวเองว่า  .. หนู .. เวลาที่เรามีอะไรกัน


"คืนนี้ไปค้างบ้านพี่นะ" ผมเป็นฝ่ายที่ชะงักบ้าง

"เพิ่งไปเมื่อวานเอง ... ไม่ดีกว่าครับ เกรงใจคุณลุงคุณป้าด้วย" ผมบอก ถึงเมื่อวานจะไม่ได้นอนค้างแต่แค่เมื่อวานที่เดินลงมาข้างล่างแล้วเจอทุกคนในบ้านพี่เติมเต็ม ผมก็อายจะแย่เพราะสายตาที่ทุกคนมองมาเหมือนรู้เลยว่า ... ผมทำอะไรมา และผมยิ่งอายมากขึ้นตอนที่คุณป้า ม๊าของพี่เติมเต็มพูดขึ้นมาว่า


'ทำไมไม่อุ้มน้องเดินลงมา น้องเดินไหวเหรอ'

ผมทำหน้าไม่ถูกเลยครับ



"ก็ได้ยินว่าแทนตัวเองว่าหนู ก็เลยคิดว่าคงอยาก .... จะเจ็บตัว" ดูแฟนผมพูดสิ แล้วจะเว้นตรงคำว่าอยาก ... ด้วย

แค่แซวเล่นเองไม่คิดว่าจะเข้าตัว


ผมเห็นพี่เติมเต็มเงียบไปและหยิบมือถือขึ้นมากดและสไลด์ไปมาอยู่สักพัก


"โอเค ไม่อยากไปค้างที่บ้านก็ไม่ไป" พี่เติมเต็มพูดออกมา ผมยิ้มทันที


มันก็ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากจะมีอะไรกับพี่เติมเต็มนะ แต่ผมไม่อยากไปมีอะไรที่บ้านพี่เติมเต็มแล้วเพราะรู้สึกอายมากจริงๆ ถึงแม้จะไม่มีใครพูดหรือว่าอะไรก็เถอะ


"ไปที่โรงแรม xxx กัน"

ผมตาโตเลยครับตอนที่พี่เติมเต็มเอ่ยชื่อโรงแรม นั่นมันโรงแรมของที่บ้านพี่เติมเต็มนี่นา

"คงไม่ลืมใช่มั้ยครับว่า ที่บ้านพี่ทำกิจการโรงแรม" พี่เติมเต็มพูดเสริมออกมาอีก

"และคนเก่งก็น่าจะรู้ว่าพี่เองก็มีห้องพักส่วนตัวที่โรงแรมเหมือนกัน" ผมเห็นว่าพี่เติมเต็มกำลังเหมือนกลั้นหัวเราะ

"ตอนแรกก็ว่าจะปล่อยกลับโรงพยาบาลโดยสวัสดิภาพ แต่ดูเหมือนหนูจะอยากโดนจับกิน"

ผมจะพูดอะไรออกไปมันก็พูดได้ไม่เต็มปาก อย่างที่บอกยังไงผมก็ตามใจพี่เติมเต็มอยู่แล้ว เพียงแต่ ... เมื่อวานก็เพิ่งมีอะไรกันไปเอง แบบนี้ต้องได้ค้างคืนแน่เลย


จะบอกแม่กับป้าว่ายังไงดีเนี่ย!?






TBC.
#เติมเต็มรัก
ninewara✿


มาอัพแล้วนะคะ ^^ หายไปนานเลย
ขอบคุณทุกการติดตามนะคะ


   

     
     
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 33) 04/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ninewara ที่ 04-07-2019 23:15:13
✿ เติมเต็มรัก ✿ ครั้งที่ 33




[เติมเต็ม part]


ผ่านมาอีกประมาณอาทิตย์กว่าๆ ผมกับคนเก่งกลับมามหาวิทยาลัยแล้วครับ แม่ของคนเก่งกลับไปรักษาตัวที่บ้านได้ประมาณสามสี่วันแล้ว โดยรวมไม่มีอะไรที่ให้ต้องเป็นกังวล พยาบาลพิเศษที่จ้างมาก็ดูแลดีและไว้ใจได้ ทำให้คนเก่งที่ตอนแรกน้องไม่สบายใจมากๆที่ต้องให้แม่กับป้าอยู่กันแค่สองคน แต่เพราะที่บ้านผมก็ไม่ได้ห่างกับบ้านน้องมากนัก ติวเตอร์มันก็แวะเวียนไปดูให้ด้วยอีกแรงหนึ่ง คนเก่งดูสบายใจมากขึ้นถึงแม้จะยังเกรงใจผมและคนที่บ้านผมอยู่ก็ตาม



"คนเก่งไม่ต้องไปก็ได้นะ แดดมันร้อนด้วย" ผมบอกคนเก่งระหว่างที่ขับรถมากับน้อง

"พี่เต็มไม่อยากให้ผมไปเหรอครับ" คนเก่งถามผม

วันนี้พวกผมและรุ่นน้องรุ่นพี่ในคณะวิศวกรรมศาสตร์ จะไปเดินและยืนขอรับเงินบริจาคที่จะไปออกค่ายกันครับ โดยจะมีจุดที่จะไปยืนขอรับบริจาคก็จะมีที่แถวๆสโมสรนักศึกษา หอสมุดกลาง โรงอาหารคณะต่างๆ และช่วงเย็นจะไปที่ตลาดนัดถนนคนเดินที่อยู่ด้านหลังมหาวิทยาลัย อันที่จริงเท่าที่ผมทราบมาเงินที่มีคนช่วยบริจาคมาก่อนหน้านี้ก็เป็นจำนวนที่เยอะพอประมาณ แต่เพราะมีนักศึกษาจากคณะอื่นๆ ทักไปถามรุ่นพี่ที่รับผิดชอบโครงการนี้ว่าไม่มีให้บริจาคเหรอ รุ่นพี่ก็เลยคุยกันว่าขอรับบริจาคอีกสักหน่อยก็น่าจะดี เงินบริจาคเยอะขึ้น จะได้ซื้อของไปให้เด็กๆที่โรงเรียนที่พวกเราจะไปเพิ่มขึ้นด้วย

"ที่ไม่อยากให้ไปเพราะอากาศมันร้อน เหนื่อยนะ ปีที่แล้วพี่ยืนยิ้มจนเหนื่อย"

"ก็ปีนี้ผมจะเหนื่อยเป็นเพื่อนไง .. นะครับ" คนเก่งเอ่ยขอ

"อยากให้เก็บแรงไว้เหนื่อยตอนกลางคืนดีกว่า"

"นอกเรื่องอีกแล้วนะ" คนเก่งโวยออกมา ผมใช้มือไปจับที่หัวของคนเก่งและโยกไปมาเบาๆ แต่ไม่ได้พูดอะไรอีก

ผมขับรถไปจอดที่ลานจอดรถของคณะวิศวกรรมศาสตร์ ก่อนจะดับเครื่องยนต์ผมก็ยื่นมือถือและกระเป๋าสตางค์ของตัวเองไปให้คนเก่ง

"ฝากไว้ที่กระเป๋าคนเก่งนะ พี่จะไม่เอากระเป๋าสะพายลงไป" ผมบอกก่อนที่น้องจะรับกระเป๋าสตางค์และโทรศัพท์มือถือมาเก็บไว้ที่กระเป๋าของตัวเอง

ผมพาคนเก่งเดินมาที่จุดรวมตัว 'หนุ่มหล่อวิศวะ' ที่ต้องเสียสละแรงกายในการขอรับบริจาค คนเก่งมองเห็นฟูจิก็เลยขอตัวไปหาเพื่อน ส่วนผมก็เดินเข้าไปคุยกับกลุ่มเพื่อนที่กำลังแบ่งจุดไปเดินกัน

"ไงมึง หล่อมาแต่ไกล" ไอ้ธาวินมันเดินมาตบที่บ่าผมเบาๆและพูดขึ้นมา

"อย่างกับมึงไม่หล่อ" ผมพูดแย้งมันกลับไป ไอ้ธาวินมันถอนหายใจและมองไปตรงที่คนเก่งนั่งคุยอยู่กับฟูจิ

"ถ้ากูหล่อแฟนกูต้องชมกูบ้างเว้ย ไม่เหมือนแฟนมึง เมื่อกี้ยังพูดกับแฟนกูอยู่เลยว่า ... พี่เต็มหล่อเนอะฟูจิ ... " พอได้ยินไอ้ธาวินมันเล่าผมก็มองไปที่คนเก่งที่น้องมองมาทางผมพอดี ผมก็เลยส่งยิ้มไปให้ ส่วนน้องก็แค่โบกมือกลับมา

เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ผมชอบที่คนเก่งเป็นแบบนี้ คนเก่งมักจะพูดจาชื่นชมผมและมีสายตาที่ผมมองดูแล้วเหมือนน้องจะหลงใหลผมอยู่ตลอดเวลา การพูดจาชื่นชมของคนเก่งที่มีให้ผม มันไม่ใช่การยกยอที่เกินจริง แต่มันเป็นคำพูดที่ออกมาจากใจที่ทำให้ผมรู้สึกได้


ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงบรรดา 'หนุ่มหล่อวิศวะ' ก็มากันครบ เพื่อนในกลุ่มผมก็มาช่วยเหมือนกันแต่พวกมันจะเป็นฝ่ายเอ็นเตอร์เทนให้ความบันเทิงมากกว่า หลังจากที่แบ่งพื้นที่และสรุปจุดที่จะไปกันได้เรียบร้อยแล้ว ผมก็เดินกลับมาหาคนเก่งที่นั่งรออยู่ ผมมีกล่องพลาสติกสีน้ำเงินที่ไม่ทึบมากอยู่ในมือ และไอ้ธาวินก็เดินตามผมมาด้วย

"พร้อมยัง" ผมถามคนเก่งล้อๆเพราะดูเหมือนเจ้าตัวจะตื่นเต้นมากกว่าผมซะอีก

"พร้อมแล้วครับ" คนเก่งตอบกลับมาโดยไม่ได้คิดว่ากำลังโดนผมแซวอยู่

คนเก่งเดินตามมากับฟูจิ โดยผมและเพื่อนๆรวมทั้งไอ้ธาวินและเพื่อนของมันเดินนำหน้ามาก่อน ไอ้ธาวินกับผมตกลงกันว่าเราจะอยู่จุดเดียวกันตลอดทั้งวันนี้ เหตุผลก็เพราะผมอยากให้คนเก่งมีเพื่อนคุย และไอ้ธาวินมันก็คิดเหมือนกันมันก็กลัวฟูจิจะเบื่อ

จุดแรกที่พวกผมเลือกมาคือบริเวณลานเกียร์ที่คณะวิศวะ เป็นความคิดของไอ้ธาวินครับ มันบอกว่าตรงนี้มีนักศึกษาผู้หญิงเดินผ่านเยอะ ผมคิดในใจทันทีว่ามันรู้ดีจริงๆเพราะเมื่อก่อนมันก็เคยมานั่งมองผู้หญิงแถวลานเกียร์อยู่เหมือนกัน ผมเห็นสายตาที่ฟูจิมองไอ้ธาวิน ผมก็รู้สึกหวาดๆแทนมันเลย และมันก็เห็นสายตานั้นเหมือนกันมันก็เลยรีบเข้าไปง้อฟูจิทันที ดีนะที่คนเก่งไม่เคยส่งสายตาแบบนี้กับผมสักครั้ง หรืออาจจะเป็นเพราะผมทำตัวดีก็เป็นได้

คนเก่งและฟูจินั่งอยู่ที่โต๊ะม้าหินอ่อนที่อยู่เยื้องด้านหลังของพวกผมที่ยืนกันอยู่เล็กน้อย มีครั้งหนึ่งผมหันไปมองไม่เจอทั้งคนเก่งและฟูจิ ผมสอดส่ายสายตามองว่าน้องไปอยู่ที่ไหน แต่ไม่นานผมก็เห็นน้องเดินกลับมาพร้อมหิ้วถุงใส่เครื่องดื่มและของกินอีกหลายอย่าง พอคนเก่งวางของไว้ที่โต๊ะเรียบร้อย ผมก็เดินเข้าไปหาน้อง

"ถ้ารู้ว่าจะไปซื้อนะ จะไม่ให้ไป" ผมพูดเสียงแข็ง

"ทำไมล่ะครับ" คนเก่งถาม

"ก็ไอ้พวกนั้นมันเคยตัวกันน่ะสิ มันรู้ว่าคนเก่งต้องไปซื้อมา" ผมบ่น เพราะมันเป็นแบบนั้นจริงๆ พอคนเก่งซื้อโน่นซื้อนี่มาให้ทานกันบ่อยๆพวกมันก็เคยตัว ไม่ยอมออกไปหาอะไรทานกันเอง มันไม่ใช่เพราะพวกมันไม่จ่ายเงินนะครับ พวกมันก็จ่ายกันทุกครั้ง จ่ายเกินด้วยซ้ำ บอกว่าให้ทิปน้องเป็นค่าเหนื่อย ผมคิดในใจตอนนั้นว่า .. พวกมันยังรู้อีกเนอะว่าคนเก่งเหนื่อยแค่ไหนที่ถือมาให้ สบายกันจริง!!

"เคยตัวก็ไม่เป็นไรหรอกครับพวกพี่เขาเป็นเพื่อนพี่เต็มนะ .. . อีกอย่างถ้าไม่ใช่เพราะซื้อมาเผื่อพี่เต็มด้วย ผมก็คงไม่ซื้อมา" คนเก่งบอกพร้อมกับยิ้มน่ารักๆส่งกลับมาให้ผม ไอ้ธาวินมันตะโกนเรียกผมให้กลับไปทำหน้าที่ของตัวเอง ผมกลับไปยืนที่เดิม จนมาถึงช่วงบ่ายหลังจากที่ทานข้าวกันเสร็จเรียบร้อย ผมและเพื่อนๆก็มายืนทำหน้าที่กันต่อ พวกเพื่อนๆผมดูจะสนุกสนานในการร้องเพลงแซวนักศึกษาผู้หญิงที่เดินผ่านไปมา

ผมหันไปมองด้านข้างของตัวเองเพราะสัมผัสได้ถึงลมเย็นๆที่ข้างแก้ม คนเก่งนั่นเองที่ยืนอยู่และกำลังใช้พัดอันเล็กๆพัดให้ผมอยู่

"พี่ไม่ร้อนหรอก" ผมบอกคนเก่งเพราะมันยังไม่ร้อนมากมายอะไร

"เหงื่อเริ่มเยอะแล้วครับ" คนเก่งบอกพร้อมทั้งก้มควานหาอะไรบางอย่างในกระเป๋า สักพักคนเก่งก็หยิบกระดาษเช็ดหน้าอย่างดีออกมา

"เดี๋ยวผมเช็ดเหงื่อให้นะครับ" คนเก่งบอกผม ผมก็เลยก้มหน้าลงมาให้น้องเล็กน้อยเพื่อน้องจะได้เช็ดได้สะดวก

" โอเคแล้ว หน้าใสเหมือนเดิม" คนเก่งบอกและยิ้มให้ผมแบบที่ทำให้ผมรู้สึกใจมันกระตุกเลย คนเก่งยังคงยืนพัดให้ผมอยู่ไม่ห่าง


"พี่เติมเต็มคะ"

ในตอนนั้นมีกลุ่มนักศึกษาผู้หญิงมายืนอยู่ตรงหน้าและหนึ่งในนั้นก็เรียกชื่อผม ดูจากการแต่งตัวแล้วน่าจะเป็นรุ่นน้องปีหนึ่ง

"ปกติต้องบริจาคเท่าไหร่เหรอคะ"

"เท่าไหร่ก็ได้ครับ แล้วแต่ความสะดวกเลยครับ จะหนึ่งบาท ห้าบาท สิบบาทไปจนถึงหลักร้อยก็ยินดีนะครับ" ผมตอบออกไป ผมเห็นพวกเธอหันกลับไปคุยกันเหมือนกำลังตกลงอะไรกันบางอย่าง

"พวกหนูจะบริจาคคนละห้าร้อยบาท แต่พวกหนูของแลกกับการถ่ายรูปคู่กับพี่เติมเต็มได้มั้ยคะ" พอได้ยินข้อเสนอแบบนั้น ผมไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน

"ได้เลยครับน้อง" เสียงไอ้ธรณ์ดังขึ้นไม่รู้มันมายืนอยู่ตรงนี้ตั้งแต่ตอนไหน

"แล้วก็พวกหนูจะให้เพิ่มอีกคนละพันถ้าได้ถ่ายรูปคู่กับพี่เติมเต็มกับคนเก่ง" ผมรีบหันไปมองคนเก่งที่ยืนทำหน้างงอยู่

"แค่รูปพี่คนเดียวก็พอแล้วล่ะครับ" ผมบอกด้วยน้ำเสียงนิ่งๆแต่ก็พยายามที่จะยังยิ้มให้อยู่ ผมไม่อยากให้ใครมาวุ่นวายกับคนเก่ง และเท่าที่รู้จักน้องมาน้องไม่ใช่คนที่ชอบอะไรวุ่นวายแบบนี้ ผมเองก็ไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายนะ แต่เพราะผมเจอเหตุการณ์ประมาณที่มีคนมาขอถ่ายรูปตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมแล้ว ผมเลยค่อนข้างชินแต่กับคนเก่งมันต่างกัน

"พี่เติมเต็มหวงคนเก่งเหรอคะ" หนึ่งในกลุ่มนั้นถามผม ด้วยน้ำเสียงที่เหมือนจะตื่นเต้น

"ครับ" ผมตอบไปแบบนั้น และตามมาด้วยเสียงกรีดร้องเบาๆจากกลุ่มนั้น


"โอ๊ยยยย .. แกได้ยินมั้ย โมเม้นๆ"

"มีใครถ่ายคลิปไว้มั้ย"

"ถ่ายๆ กูถ่ายทัน"

"ไหนดู"


ผมได้ยินเสียงคนในกลุ่มนั้นคุยกันประมาณนี้ คนเก่งขยับมายืนใกล้ผมและถามผมเบาๆ

"ถ้าให้เขาถ่ายรูปกับเรา เขาจะบริจาคหนึ่งพันเลยเหรอครับ"

"ใช่" ผมตอบคนเก่ง

สมัยตอนทำกิจกรรมนี้ตอนปีหนึ่ง รุ่นพี่เคยให้คนที่จะบริจาคถ่ายรูปกับหนุ่มคนไหนก็ได้ในคณะวิศวะที่ยืนอยู่ แลกกับเงินบริจาคโดยตอนนั้นค่าตัวผมไม่แพงครับแค่หนึ่งร้อยบาทเท่านั้น


"ถ้างั้นเราให้เขามาถ่ายรูปกับเราสิครับ คณะพี่เต็มก็จะได้เงินบริจาคเยอะๆไง" คนเก่งพูดออกมาเหมือนเป็นเรื่องสนุกแต่มันสนุกแค่ช่วงแรกๆเท่านั้นแหละครับ

"ถ้าอยากได้เงินทำบุญเพิ่ม เดี๋ยวให้ป๊าจัดการให้ก็ได้" ผมบอกเพราะผมไม่เห็นเหตุผลอะไรที่คนเก่งจะต้องไปเหนื่อย


"ถ้าทำแบบนั้นจะเรียกว่าทำบุญได้ไงล่ะครับ" คนเก่งบอก พร้อมส่งสายตาที่เหมือนอ้อนวอนมาให้ผม


"เฮ้อออ ..  ก็ได้ แต่พี่เตือนแล้วนะ ห้ามบ่นล่ะว่าเหนื่อย" ผมบอกน้อง คนเก่งยิ้มแฉ่งออกมาทันทีที่ผมอนุญาต


หลังจากนั้นความวุ่นวายเล็กๆก็เกิดขึ้นเมื่อมีคนมาขอถ่ายรูปกับเราสองคนเพิ่มมากขึ้น จากกลุ่มแรกที่มีอยู่สี่คน ก็เริ่มมีมายืนๆมองและเข้ามารอถ่ายรูปด้วย และหนึ่งในคนที่วุ่นวายก็มีแฟนผมอยู่ด้วย เพราะคนเก่งจะขอดูรูปทุกรูปที่ถ่าย (ผมจำกัดให้ถ่ายได้ไม่เกินคนละสองรูปครับไม่งั้นไม่ไหว)

"น่ารักทุกรูปนั่นแหละครับ" ผมบอกคนเก่งเพราะคนเก่งบอกว่ากลัวรูปที่ออกไปตัวเองจะน่าเกลียด

"ผมลืมคิดไปเลยว่า ถ้าถ่ายรูป เขาก็จะมีรูปเราในมือถือเขา แล้วถ้ารูปมันดูไม่ดี เราก็แก้ไขอะไรไม่ได้"

"รับรองว่าน่ารักทุกรูปเพราะพี่เป็นคนถ่ายนะ" ผมบอกให้คนเก่งสบายใจเพราะทุกรูปที่ได้เซลฟี่ไปผมเป็นคนกดถ่ายเอง ผมมองดูคนเก่งทุกรูปอยู่แล้ว



(มีต่อนะคะ)
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 33) 04/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ninewara ที่ 04-07-2019 23:20:50
(ต่อค่ะ)


จนเวลาล่วงเลยมาจนถึงช่วงเย็น จากตอนแรกมีแค่คู่ผมกับคนเก่งที่ถ่ายรูปคู่แลกกับเงินบริจาค แต่ตอนนี้คู่ของไอ้ธาวินกับฟูจิก็เหมือนกัน แต่ฟูจิไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่ ได้ยินฟูจิพูดว่าตัวเองไม่ได้น่ารักเหมือนคนเก่ง กลัวถ่ายออกมาแล้วตลกมันจะอายคนอื่น ผมก็เห็นด้วยกับฟูจินะที่บอกว่าไม่น่ารักเท่าคนเก่งเพราะฟูจิหน้าตาหล่อครับ ถ้าไม่ใช่เพราะผมรู้ว่าคนเก่งชอบผม ตอนนั้นผมก็อาจจะคิดว่าสองคนนี้เป็นแฟนกันก็ได้


ตอนนี้พวกเราย้ายมารวมตัวกันที่ตลาดนัดถนนคนเดินที่อยู่หลังมหาวิทยาลัยครับ  แถวนั้นจะมีหน่วยงานราชการรวมตัวกันอยู่ ไม่ว่าจะเป็นศาลากลางจังหวัด สำนักงานเทศบาลหรือศาลจังหวัด พวกผมเดินไปตามถนนที่บริเวณด้านข้างพ่อค้าแม่ค้าวางของขายกันเต็มไปหมดทั้งสองข้างทาง หลังจากเดินเสร็จก็มารวมตัวกันตรงลานกิจกรรมที่ทางตลาดนัดถนนคนเดินจะจัดเอาไว้เผื่อมีใครอยากจะเล่นดนตรีหรือทำกิจกรรมแบบที่พวกผมกำลังทำก็ได้เช่นกันครับ

ตอนที่มายืนรวมตัวกันที่ลานกิจกรรม ช่วงนี้ค่อนข้างคึกคักครับ คนเดินกันเยอะ และพวกเพื่อนๆผมก็เล่นดนตรีกันจัดเต็มมากๆจนนึกว่าพวกมันเป็นนักร้องตัวจริงมาเอง คนเก่งกับฟูจิผมไม่ให้มายืนกับพวกผมครับ ผมให้น้องไปนั่งรอที่ซุ้มขายน้ำที่อยู่ไม่ไกล มองมาก็เห็นพวกผมที่ยืนอยู่

เวลาล่วงเลยจนถึงสองทุ่ม รุ่นพี่และพวกผมก็เห็นว่าสมควรที่เราน่าจะกลับกันได้แล้ว คนเก่งยื่นขวดน้ำเปล่าเย็นๆมาให้ผมดื่ม

"เหนื่อยมั้ยครับ" คนเก่งถามผม

"หายแล้ว" ผมตอบไปแบบนั้นเพราะมันหายเหนื่อยแล้วจริงๆแค่ได้เห็นรอยยิ้มของคนเก่ง

หลังจากนั้นพวกเราทุกคนก็กลับมาที่มหาวิทยาลัยอีกครั้งเพราะจะต้องมานับเงินที่ทุกคนช่วยกันบริจาค และจะได้จัดทำบัญชีรายรับในครั้งนี้ด้วย แต่ไอ้ธาวินมันขอตัวกลับไปก่อนพร้อมกับฟูจิเพราะดูเหมือนฟูจิจะปวดขามาก


"มีคู่รักมันก็ดีแบบนี้นะมึง" ไอ้ธรณ์มันพูดขึ้นมาตอนที่มันกับไอ้ทัตพลช่วยกันสรุปยอดเงินที่ได้จากการที่มีคนมาขอถ่ายรูปคู่ของผมและคู่ของไอ้ธาวิน มันสองคนทำบัญชีละเอียดมากเลยครับ มันลงเวลาที่ถ่าย ชื่อและคณะของคนที่มาขอถ่าย

"กูเห็นด้วย แค่เงินที่เขาให้มาถ่ายรูปพวกมันก็เกินครึ่งแสนแล้ว ปีนี้โรงเรียนที่พวกเราจะไปสบายเลย" รุ่นพี่ปีสี่พูดออกมาอย่างอารมณ์ดี

"แล้วไม่มีค่าตัวให้เพื่อนผมกับแฟนมันหน่อยเหรอพี่ มันเอาตัวเข้าแลกเลยนะ" ไอ้ชินท์มันพูดขึ้นมา ผมหันไปมองคนเก่ง น้องรับส่ายหน้าไปมาและรีบปฏิเสธทันที

"เอ่อ .. ไม่ต้องหรอกครับ แค่มีส่วนช่วยให้ยอดเงินเยอะขึ้นก็ดีใจมากแล้วครับ จะได้มีเงินซื้อพวกอุปกรณ์กีฬาให้น้องๆเพิ่มด้วย"

"ไอ้เต็ม หาแบบนี้ที่ไหนว่ะ บอกกูบ้าง" รุ่นพี่อีกคนเอ่ยแซว

"เออ!! น่ารักชิบ" รุ่นพี่อีกคนพูดขึ้นมาอีก

"เลิกแซวแฟนผมได้แล้วครับ" ผมบอกเพราะคนเก่งดูเหมือนจะหน้าแดงมากขึ้นกว่าเดิม

"เออๆ เอาไว้นัดรวมตัวกันฉลองกันสักมื้อล่ะกัน" รุ่นพี่ผมพูดและมองมาที่คนเก่ง คนเก่งก็ยิ้มรับตอบกลับไป

หลังจากที่ตรวจสอบยอดเงินต่างๆเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็แยกย้ายกันกลับ พอขับรถกลับมาถึงคอนโดผมเพิ่งจะรู้ตัวเนี่ยแหละว่าเหนื่อยมาก ระหว่างที่คนเก่งกำลังจัดอาหารใส่จานซึ่งเราแวะซื้อมาก่อนที่จะถึงคอนโด ผมก็ขอตัวเข้าไปอาบน้ำก่อนเพราะไม่ไหวจริงๆ ตัวเหนียวมาก

ใช้เวลาอาบน้ำอยู่นานพอสมควร พออาบน้ำแต่งตัวเสร็จผมก็เดินออกมาที่ห้องครัว

"บอกแล้วว่าให้ทานก่อนเลย" ผมบอกเมื่อเห็นคนเก่งยังไม่ลงมือทาน

"ก็อยากรอทานพร้อมกันนี่ครับ" คนเก่งตอบกลับมา หลังจากนั้นเราสองคนก็นั่งทานข้าวมื้อดึกกันไปแบบเงียบๆคงเพราะเหนื่อยและหิวเกินกว่าจะคุยกัน

"คนเก่งไปอาบน้ำเลยครับ เดี๋ยวพี่ล้างให้เอง" ผมเอื้อมมือไปคว้าจานของคนเก่งที่ทานเสร็จเรียบร้อยแล้วมาก่อนที่เจ้าตัวจะเดินไปล้างเอง

"ก็ได้ครับ งั้นผมไปอาบน้ำก่อนนะ" คนเก่งบอกผมก่อนที่จะเดินเข้าห้องนอนไป

หลังจากผมล้างจานและเก็บในครัวจนเรียบร้อย ผมยังไม่เดินเข้าไปในห้องนอนครับ แต่เปิดทีวีและหาซีรีย์ดีๆดูฆ่าเวลาให้อาหารย่อย จนเวลาผ่านไปน่าจะสักเกือบๆชั่วโมงเห็นจะได้ ผมก็เลยลองเดินเข้าไปในห้องนอนเพราะคิดว่าคนเก่งอาจจะอาบน้ำเสร็จออกมาแล้วคงจะขึ้นเตียงแล้วหลับเลย

แต่บนเตียงไม่มีใครอยู่ครับ ผมไปยืนอยู่หน้าห้องน้ำไม่ได้ยินเสียงฝักบัวหรือว่าเสียงน้ำอะไรเลย ผมเอาหูแนบที่ประตูห้องน้ำ เงียบสนิทเลยครับ

"คนเก่ง" ผมเรียกน้องพร้อมกับเคาะประตูไปด้วย

"ครับ" ผมโล่งใจที่ได้ยินเสียงคนเก่งตอบกลับมา

"อาบน้ำเสร็จหรือยัง ทำไมอาบนาน" ผมถามเพราะปกติคนเก่งไม่อาบน้ำนานแบบนี้ ... ถ้าน้องอาบคนเดียวอ่ะนะ

ไม่มีเสียงตอบใดๆจากน้องกลับมา แต่ในตอนที่ผมกำลังจะเคาะประตูเรียกคนเก่งอีกครั้ง ประตูห้องน้ำก็เปิดออก

"อาบเสร็จแล้วครับ"

ตอนนี้คนเก่งอยู่ในชุดเสื้อคลุมอาบน้ำ ผมมองน้องด้วยความแปลกใจ ผมคนเก่งที่ดูเหมือนใกล้จะแห้งแล้วแสดงว่าน้องน่าจะอาบน้ำเสร็จสักพักแล้ว และพอผมมองเลื่อนลงมาที่บริเวณท้ายทอยเรื่อยลงมาจนถึงลำคอของคนเก่ง ผมก็เห็นสิ่งที่มันผิดปกติ

ผมรีบเปิดเสื้อคลุมออกทันที สิ่งที่ผมเห็นคือมีผื่นแดงขึ้นเต็มไปหมดที่บริเวณร่างกายช่วงบนทั้งหน้าอกไล่ลงมาจนถึงหน้าท้อง ผมเดินไปดูที่แผ่นหลังของคนเก่งก็เต็มไปด้วยผื่นแดงไม่ต่างกัน

"คนเก่งเป็นอะไร ทำไมเป็นแบบนี้" ผมถามน้องด้วยความเป็นห่วง

"เป็นผื่น .. แพ้เหงื่อตัวเองครับ" คนเก่งพูดออกมาเสียงไม่ดังมากนัก เจ้าตัวยกมือข้างขวาขึ้นมาเกาแถวๆคอ พอคนเก่งยกแขนขึ้นทำให้ผมได้เห็นว่าที่แขนก็มีผื่นขึ้น

ผมจูงแขนคนเก่งออกมาที่ห้องแต่งตัวและบอกให้น้องแต่งตัว ผมเดินออกมาด้านนอกเพื่อกดโทรศัพท์มือถือหาพี่ชาย เพราะพี่ชายผมมีเพื่อนที่เป็นหมออยู่ที่โรงพยาบาลเอกชนที่อยู่ไม่ไกลแต่ผมไม่รู้ว่าเพื่อนพี่ต่อภพเป็นหมอเฉพาะทางด้านไหน

คนเก่งเดินออกมาในขณะที่ผมกำลังจะวางสายจากพี่ชาย ผมหันไปมองคนเก่งที่ใส่เสื้อกล้ามและกางเกงขาสั้น

"ทำไมแต่งตัวแบบนี้" ผมถามด้วยความไม่พอใจที่เห็นคนเก่งแต่งตัวแบบนี้ออกไปข้างนอก

"เวลาหมอเขาขอดูผื่นจะได้สะดวกครับ" คนเก่งบอกผม ดูแล้วคนเก่งน่าจะเคยเป็นแบบนี้มาก่อนแน่ๆ ผมเดินกลับเข้าไปในห้องนอนและหยิบเสื้อแขนยาวเนื้อผ้าบางๆมาให้คนเก่งสวมทับ

"ตอนหมอตรวจค่อยถอดเสื้อออก" ผมบอก และแย่งกระเป๋าที่อยู่ในมือน้องมาถือไว้เอง


ไม่ถึงสิบห้านาทีผมก็ขับรถพาคนเก่งมาถึงโรงพยาบาล แต่ผมไม่ได้เจอเพื่อนพี่ชายที่เป็นหมอเพราะออกเวรไปแล้ว แต่เพื่อนพี่ชายผมบอกว่าหมอเวรที่อยู่ตอนนี้เป็นหมอเฉพาะทางผิวหนังโดยเฉพาะซึ่งผมค่อยโล่งใจขึ้นมาหน่อย

ผมไปทำประวัติต่างๆให้คนเก่งและนั่งรอไม่นานหมอก็เรียกคนเก่งเข้าห้องตรวจโดยผมเดินเข้าไปพร้อมกับน้อง

คนเก่งยกมือไหว้หมอ หมอรับไหว้และมองมาทางผม

"เติมเต็มใช่มั้ย น้องของไอ้ต่อ" ผมมองหมอ และงงๆนิดหน่อยที่หมอรู้จักพี่ชายผมด้วย สรุปคนไหนเป็นเพื่อนพี่ชายผมกันแน่ แต่ผมไม่ได้ถามออกไป ผมอยากให้หมอดูอาการของแฟนผมมากกว่า

"ใช่ครับ" ผมตอบหมอไปแค่นั้น และหมอก็ไม่ได้พูดอะไรอีก

"ไหนหมอขอดูหน่อยครับว่าผื่นขึ้นตรงไหนบ้าง" พอหมอพูดขึ้นมาคนเก่งก็ถอดเสื้อแขนยาวที่ใส่คลุมอยู่ออก หมอมองดูที่แขนของคนเก่งและจับแขนขึ้นมาดูทีละแขน ก่อนจะมองหน้าคนเก่งและใชัมือจับใบหน้าของคนเก่งให้หันซ้ายขวาไปมา ก่อนจะจับคางของคนเก่งให้เชิดขึ้นเพื่อจะดูบริเวณลำคอ

"คันมากมั้ย"

"ก็พอสมควรครับ"

"เป็นมากี่วันแล้ว"

"เพิ่งเป็นวันนี้ครับ รู้สึกคันตามตัวมาตั้งแต่กลางวันแล้วครับ แต่มาเห็นว่ามีผื่นขึ้นตอนที่อาบน้ำสักพักนี่เองครับ"

"ผื่นน่าจะขึ้นตั้งแต่ที่คนไข้รู้สึกคันแล้วล่ะครับ"

ผมมองคนเก่งที่รู้ว่าน้องคงจะคันมากเพราะน้องพยายามเอามือลูบตามแขนตัวเองไปมา

"หมอขอดูตามตัวหน่อยได้มั้ยครับ"

คนเก่งกำลังทำท่าเหมือนจะถอดเสื้อออก

"เดี๋ยว!" ผมรีบร้องห้ามไว้ เรื่องอะไรผมจะให้แฟนผมมาถอดเสื้อให้คนอื่นดู ถึงจะเป็นหมอก็เถอะ ที่สำคัญไอ้หมอคนนี้ก็ดูหน้าตาไม่น่าไว้ใจ ผมรู้สึกว่าแววตาที่มันมองแฟนผมมันดูกรุ้มกริ่มผิดปกติ

"ผมไม่ให้แฟนผมถอดได้มั้ยครับหมอ ผื่นที่ขึ้นก็เหมือนที่ขึ้นที่แขนครับ ขึ้นทั้งตัว" ผมพูดออกไปตรงๆและเน้นตรงคำว่าแฟน และอธิบายลักษณะของผื่นที่ขึ้นให้ฟัง หมอแค่ยิ้มออกมาก่อนจะบอกว่า

"ไม่ถอดก็ได้ครับ ถ้างั้นหมอขอสอบถามอาการอื่นๆเพิ่มเติมนะ"

หมอใช้เวลาสักถามอาการอยู่สักพักใหญ่ๆ หมอฉีดยาแก้แพ้ให้คนเก่งหนึ่งเข็ม และให้ยาไปทานที่บ้านจำนวนหนึ่ง

สรุปอาการของคนเก่งก็คือน้องมีอาการแพ้เหงื่อของตัวเอง คนเก่งบอกว่าน้องเคยเป็นมาก่อนแล้วแต่ครั้งนี้เหมือนมันขึ้นเยอะมาก มีแค่ที่ใบหน้าของคนเก่งเท่านั้นที่ไม่มีผื่นขึ้น


หลังจากกลับมาถึงคอนโด คนเก่งก็นั่งลงที่โซฟา และผมก็นั่งลงข้างๆพร้อมกับหยิบยามาดูว่าต้องทานเวลาไหนบ้าง

"คนเก่งบอกว่าเคยเป็นมาก่อน สาเหตุของมันคืออะไร .. แพ้เหงื่อตัวเองเหรอ เคยได้ยินแต่ยังไม่เคยเจอคนที่เป็น" ผมถามด้วยความเป็นห่วง ผมไม่รู้ว่ามันร้ายแรงจนถึงขนาดที่เรียกว่าโรคประจำตัวหรือเปล่า เพราะถ้าใช่ผมก็ต้องดูแลน้องให้มากขึ้น เมื่อกี้ตอนที่คุยกับหมอ หมอก็บอกว่าไม่ใช่โรคติดต่อ อาหารก็ทานได้ปกติแต่หลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่น สวมเสื้อผ้าที่ระบายอากาศ อยู่ในสถานที่ที่ไม่ร้อนไม่แออัด

"สาเหตุก็ตามชื่อโรคเลยครับ แพ้เหงื่อตัวเอง ถ้าเหงื่อออกมากแล้วบวกกับอากาศร้อน แล้วถ้าคนเยอะยิ่งเป็นการกระตุ้นอาการแพ้ได้ดีครับ"

ปกติคนเก่งเป็นคนที่เหงื่อน้องออกน้อยมากจนแทบจะไม่มีเลย ถ้าอากาศร้อนอย่างมากก็มีเหงื่อซึมที่ปลายจมูกและที่ไรผมบ้างแค่นั้น วันนี้คนเก่งเจอแดดและอากาศร้อนจัด อยู่กับผมทั้งวัน ผมไม่ได้สังเกตด้วยว่าคนเก่งมีอาการหรืออะไรมั้ย ผมเองก็พลาดที่ไม่คอยดูแลน้องให้ดี

"พี่ถึงบอกไงว่าไม่ต้องไปช่วย แล้วกลับมาป่วยแบบนี้อีก ดีนะไม่มีไข้แต่หมอก็บอกว่าต้องให้สังเกตตัวเองด้วยว่ามีไข้หรือเปล่า" ผมอดที่จะบ่นออกมาไม่ได้

"ไม่กี่วันก็หายแล้วครับ แค่ต้องดูแลตัวเองเพิ่มนิดหน่อย ... อย่าทำหน้าแบบนั้นนะครับ นะ นะ" ก็เล่นมาอ้อนผมแบบนี้ผมจะไปโกรธลงได้ยังไงกันล่ะ

"เข้าไปนอนได้แล้วล่ะ มียาที่ต้องทานก่อนนอนด้วยนะ" ผมบอก คนเก่งก็พยักหน้ารับทราบ ผมให้คนเก่งเดินเข้าไปในห้องนอนก่อน ผมเดินมาหยิบน้ำเปล่าและนมให้คนเก่งด้วยกล่องหนึ่งเพราะปกติคนเก่งจะต้องดื่มก่อนนอน

พอผมเดินเข้ามาในห้องนอน ผมเกือบทำถาดที่ถือมาหล่นเพราะภาพที่ผมเห็นตรงหน้า และคนเก่งก็ตกใจผมเหมือนกัน คนเก่งกำลังถอดเสื้ออยู่ครับ

"พี่เต็ม ... หันไปก่อนครับแป๊บเดียว" คนเก่งบอกผม ผมก็ยอมหันหลังให้น้องแต่โดยดี จนเวลาผ่านไปสักพัก

"เสร็จแล้วครับ" คนเก่งบอกผม พอผมหันกลับไปมองพบว่าคนเก่งนั่งห่มผ้าอยู่บนโซฟาในห้องนอน และแค่มองแว่บเดียวก็รู้เลยว่า น้องกำลังโป๊อยู่

"ใจร้ายนะเนี่ย" ผมอดแซวไม่ได้

"ผมเหรอ .. ใจร้ายเรื่องอะไรครับ"

"ก็เรื่องที่นุั่งไม่ใส่เสื้อผ้าอยู่ในห้องเดียวกันนี่ไง" ผมบอกก่อนจะเดินไปนั่งข้างคนเก่งและยื่นนมกล่องให้

"ถ้าทานนมจะมีผลกับยาหรือเปล่า ... ไม่ต้องดื่มนมหรอก อะ ทานยาเลยดีกว่าจะได้นอน คนเก่งรับยาและน้ำเปล่าที่ผมส่งให้

"ผมนอนตรงนี้นะ" หลังจากที่ทานยาเรียบร้อยคนเก่งก็พูดออกมาแบบนี้

"จะนอนตรงนี้ได้ยังไง นอนบนเตียงนั่นแหละ"

"แต่ผมเป็นผื่นเต็มตัวเลยนะ ดูสิ .. มันน่ารังเกียจจะตาย" คนเก่งยื่นแขนทั้งสองข้างมาให้ผมดู ผมก็เลยดึงผ้าห่มลงมาเพื่อดูตามตัวน้องไปด้วย ผื่นแดงขึ้นเต็มตัวเลยครับ

"แล้วข้างล่างมีผื่นขึ้นมั้ย" ผมถาม

"ขึ้นครับแต่ไม่เยอะ มีตามตัวที่เยอะแล้วก็มีที่หัวด้วยนิดหน่อย" พอได้ยินคนเก่งบอกแบบนั้นผมก็เลยขยับเข้าไปใกล้น้องและใช้มือสางผมน้องดู บริเวณหนังศีรษะมีผื่นขึ้นจริงๆ

"ถ้าเคยเป็นแบบนี้มาก่อนก็ควรจะบอกพี่รู้มั้ย พี่จะได้รู้ว่าเราเป็นอะไร ตอนที่เห็นตัวเราเต็มไปด้วยผื่นพี่ตกใจมาก" ผมบอกและใช้มือจัดทรงผมน้องไปด้วย

"มันเคยเป็นหลายปีแล้วครับ ล่าสุดเป็นช่วงมอสี่ แล้วก็ไม่ได้เป็นอีกเลยเพราะปกติก็ไม่ได้ทำอะไรที่ทำให้เหงื่อออกเยอะๆหรืออยู่กลางแดดนานๆน่ะครับ"

"คนเก่งถึงได้ไม่ชอบเล่นกีฬา?"

"ก็ ... ประมาณนั้นครับ"

"วันนี้ก็เลยแย่" ผมบ่นออกมาอีกเพราะไม่ชอบเลยที่ผิวใสๆแบบคนเก่งต้องมาเป็นแบบนี้

"ก็คิดว่ามันคงไม่เป็นอะไร แต่แค่สองสามวันก็หายแล้วครับ"

"แล้วข้างล่างใส่อะไรมั้ยเนี่ย" ผมถามตรงๆก่อนที่น้องจะส่ายหน้าพร้อมใบหน้าที่แดงจัด

"ก็ ... เวลาเสื้อผ้ามันโดนตัวมันจะคันมากๆเลยครับ .. ถึงได้บอกไงจะนอนที่โซฟา"

"ไปนอนบนเตียงนั่นแหละ เตียงกว้างขนาดนี้ รับรองคืนนี้จะให้นอนสบายๆพี่จะไม่กวนเลย ... ถึงแม้ว่าแฟนจะมานอนแก้ผ้าอยู่ข้างๆก็เถอะ" ผมพูดออกมา

คนเก่งมองผม เม้มปากแน่นและพูดออกมา

"ถ้า .. พี่เต็มไม่รังเกียจที่ผมเป็นแบบนี้ ก็ ... ได้นะครับ"

พอได้ยินแบบนั้นผมก็อดที่จะดึงน้องเข้ามากอดไม่ได้ เพราะคนเก่งเป็นแบบนี้ไง ผมถึงได้รักและหวงน้องมากไป ตามใจผมตลอด

"เรื่องรังเกียจน่ะ ตัดทิ้งไปได้เลย แต่พี่ก็ไม่อยากรังแกคนป่วย พี่ว่ารอคนเก่งหายก่อนดีกว่ามันจะได้เต็มที่ .. ทำรอยตอนนี้ก็เห็นไม่ชัดน่ะสิ" ผมบอกออกไปและตามด้วยหน้ามุ่ยๆของคนเก่ง ผมยิ้มขำก่อนที่จะบอกให้น้องขึ้นไปนอนบนเตียง ผมเดินไปเปิดไฟที่หน้าห้องน้ำที่เป็นทางเดินไปห้องแต่งตัวเอาไว้ ก่อนจะเดินไปปิดไฟดวงใหญ่ที่อยู่กลางห้อง

ผมลงไปนอนและห่มผ้าผืนเดียวกับน้อง คนเก่งดูตกใจตอนที่ตัวของผมไปสัมผัสโดนตัวของน้องที่ปราศจากเสื้อผ้า

"ไหนบอกจะให้นอนสบายๆไงครับ"

"ไม่ได้ทำอะไรเลยครับ แค่ขอนอนใกล้ๆแค่นั้นเอง" ผมพูดพร้อมกับหัวเราะขำคนเก่ง

ผมนอนตะแคงหันหน้าไปหาคนเก่งที่ตอนนี้น้องนอนหงายอยู่ ผมกอดไปที่เอวของน้องหลวมๆ

"พี่ขอถามอะไรหน่อยนะ" ผมเกริ่นขึ้นมาเพราะเห็นว่าน้องยังไม่หลับและเป็นเรื่องที่ผมอยากรู้มาสักพักแล้ว

"ครับ" คนเก่งตอบรับ และเปลี่ยนจากนอนหงายมานอนตะแคงและหันหน้ามามองผม

"เวลาที่พี่มีอะไรด้วย ทำไมถึงได้ไม่เคยปฏิเสธพี่เลย ไม่ว่าพี่จะขอต่ออีกกี่ครั้งคนเก่งก็ตามใจพี่เสมอ ถึงพี่ไม่รู้ว่ามันเจ็บมากแค่ไหน แต่พี่ก็รู้ว่ามันต้องเจ็บมาก แค่เดินลำบากพี่ก็รู้ว่ามันทรมาน"

ผมมีคำถามคำพูดอีกหลายอย่างนะที่อยากพูดแต่พอเห็นสายตาของคนเก่งที่มองมา มันก็ทำให้พูดไม่ออก สายตาที่มองผมเต็มไปด้วยความรัก

"คำตอบง่ายมากเลยครับ ก็เพราะผมรักพี่เต็มไงครับ มัน ... เจ็บมากก็จริง แต่เวลาที่ผมเห็นพี่เต็มมีความสุข ผมก็รู้สึกเจ็บน้อยลง หัวใจมันพองโตขึ้น ตอนที่เห็นว่าพี่เต็มมีความสุขมากแค่ไหน"

ผมรู้สึกเขินกับคำพูดของคนเก่งมากครับ เพราะคำที่น้องพูดว่า ... เห็นผมมีความสุข ... มันหมายถึงช่วงเวลาที่เรามีอะไรกัน ไม่รู้ว่าตอนนั้นหน้าของตัวเองเป็นยังไง มันเลยอดเขินไม่ได้

ผมดึงน้องมาซุกที่บริเวณหน้าอกและกอดน้องไว้แบบนั้น ผมก็นึกอีกหนึ่งคำถามขึ้นมาได้

"มีอีกเรื่องที่พี่แปลกใจ ทำไมตอนที่เรามีอะไรกันคนเก่งไม่มีผื่นขึ้นทั้งๆที่เหงื่อก็ออก ถึงจะไม่ออกมาก อืม .. แต่เรื่องนี้พี่คิดว่าพี่หาคำตอบให้ตัวเองได้นะ อาจจะเป็นเพราะทุกครั้งที่เราทำ เราอยู่ในห้องแอร์ เปิดแอร์ตลอดทำให้คนเก่งไม่เป็นอะไร คนเก่งว่าใช่มั้ย"

ผมถามแต่ไม่มีเสียงตอบใดๆกลับมา พอก้มลงมองก็พบว่าคนเก่งหลับไปแล้ว ผมก้มลงไปหอมที่หัวคนเก่งย้ำๆสองสามครั้ง ก่อนจะขยับตัวไปหยิบมือถือของตัวเองและเปิดไฟที่หัวเตียงฝั่งที่คนเก่งนอน มันจะได้สว่างขึ้นพอที่จะถ่ายรูปได้

ผมห่มผ้าให้คนเก่งทั้งตัวจนถึงที่คอเพราะไม่อยากให้ใครเห็นแขนของน้อง คนเก่งยังนอนซุกที่บริเวณหน้าอกของผมอยู่ ผมปรับกล้องให้เป็นกล้องหน้าก่อนจะตั้งเวลา เอาสักสามวินาทีก็พอ ผมกดถ่ายก่อนที่ตัวเองจะจูบลงไปที่หน้าผากคนเก่ง และหอมที่หัวของน้อง ผมถ่ายแบบนั้นอยู่ไม่ต่ำกว่าสิบรูป พอถ่ายเรียบร้อยก็มานั่งเลือกรูป เลือกมาได้สองรูปครับ รูปที่จูบหน้าผากผมโพสต์ลงที่เฟซบุ๊ก ส่วนรูปที่หอมหัวโพสต์ลงที่อินสตาแกรม โดยใช้แคปชั่นเดียวกัน


Teimtem Paisanworrakit อยู่กับ Konkengg Peimthaworn

    วันนี้เดินทั้งวัน กลับมาป่วยเลย หายไวไวนะครับ



หลังจากโพสต์รูปเสร็จผมก็เดินไปเข้าห้องน้ำอีกรอบ ตอนที่เดินกลับมาบนเตียงเห็นแสงจากมือถือของคนเก่งสว่างขึ้น ผมก็เลยเดินไปหยิบมาดู


kawee : เป็นห่วง


เป็นข้อความทางไลน์ของไอ้กวีครับ สำหรับผมไอ้กวีมันเหมือนยุงที่น่ารำคาญตัวหนึ่งครับ มันจะชอบมาบินวนเวียนอยู่ใกล้ให้เราหงุดหงิดรำคาญ แต่มันก็ไม่ทำอันตรายเราจนเราต้องตีมัน จะกัดก็ไม่กัดได้แต่บินวนเวียนไปมาให้ได้ยินเสียงอยู่ข้างหู

ตั้งแต่เหตุการณ์วันนั้นที่เจอไอ้กวีที่หน้าโรงหนังครั้งแรก ผมก็มีโอกาสได้เจอมันอีกครั้งวันที่แม่ของคนเก่งออกจากโรงพยาบาล ไอ้กวีมันมาพร้อมพ่อที่เป็นคู่กรณีขับรถชนแม่และป้าของคนเก่ง สายตาที่มันมองคนเก่งมีสายตาชื่นชอบอย่างชัดเจนแต่มันก็ไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้น มันไลน์มาหาคนเก่งบ้าง ส่วนใหญ่จะคุยเรื่องของมันมากกว่า มีครั้งหนึ่งที่มันบอกคนเก่งว่า

... ถ้าเลิกกับผมเมื่อไหร่ให้นึกถึงมันคนแรก ...

คนเก่งก็ตอบกลับไปว่า ...

... ถัาเลิกกับผมจะโสดตลอดชีวิต ...

ตอนที่เห็นข้อความนั้นของคนเก่งผมก็เลยพูดกับน้องว่า .. ใครจะปล่อยให้โสดตลอดชีวิต ไม่มีทางเลิกหรอกบอกมันด้วย

คนเก่งไม่ได้ตอบไอ้กวีตามที่ผมพูดหรอกครับ น้องแค่กอดผมและหัวเราะผมเบาๆแค่นั้น

คือบางทีผมก็อยากให้ไอ้กวีมันมาพูดกับผมชัดๆไปเลยว่ามันชอบคนเก่ง เพราะผมจะได้หาเรื่องชกหน้ามันได้ มันทำตัวเป็นยุงแบบนี้ ถ้าผมหาเรื่องมันก่อนผมก็จะกลายเป็นเลวทันที

ผมไม่อยากเป็นคนที่ดูโหดร้ายหรือชอบลงไม้ลงมือในสายตาของคนเก่ง เอาเป็นว่าถ้ามันยังเป็นแบบนี้อยู่ผมก็จะอยู่เฉยๆเพราะถือว่ามันยังไม่ได้ล้ำเส้นมาก และมันก็ยังไม่ได้ใช้คำพูดอะไรที่ล่วงเกินแฟนผมมากเกิน ผมก็จะปล่อยมันไป

แต่ในใจโคตรจะหงุดหงิดเลย!!





TBC.
#เติมเต็มรัก
ninewara✿
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 33) 04/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 04-07-2019 23:24:44
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 34) 05/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ninewara ที่ 05-07-2019 00:06:55
✿ เติมเต็มรัก ✿ ครั้งที่ 34




วันต่อมา
ผมตื่นมาตอนเกือบสิบโมง ตอนที่ผมลืมตาตื่นขึ้นมายังรู้สึกงงอยู่ว่าทำไมตัวเองนอนไม่ใส่เสื้อผ้า พอนึกถึงสาเหตุได้ก็เลยรีบสำรวจตามเนื้อตัว พบว่าผื่นเริ่มลดลงไปเยอะแล้วครับแม้ว่าจะยังไม่หายไปทั้งหมด ผมมองไปทั่วห้องพี่เติมเต็มไม่ได้อยู่ในห้องนอน ผมก็เลยรีบลุกและรีบวิ่งไปเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำก่อน ปกติถ้าตื่นแล้วผมจะเก็บที่นอนพับผ้าห่มจัดเตียงให้เรียบร้อยแต่เพราะกลัวพี่เติมเต็มจะเข้ามาตอนที่กำลังจัดเก็บที่นอนอยู่ผมก็เลยเปลี่ยนใจของอาบน้ำก่อนดีกว่า (เพราะผมโป๊อยู่)


หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ พี่เติมเต็มก็ยังไม่ได้เข้ามาในห้องนอนครับ ผมก็เลยจัดการกับเตียงนอนให้เรียบร้อย เปิดผ้าม่านในห้องออกจนหมดเพื่อให้แสงแดดส่องเข้ามาถึงในห้องนอน ผมหอบผ้าห่มออกมาเพราะจะเอาไปผึ่งที่ราวตากผ้าห่มที่อยู่ตรงระเบียงที่ห้องซักรีด


พอเดินออกมาจากห้องนอน ผมก็ต้องแปลกใจเพราะพี่เติมเต็มไม่ได้อยู่คนเดียวแต่มีพี่ธาวินและเพื่อนสนิทผมคือฟูจินั่งอยู่ด้วย

"ตื่นเร็วจัง พี่ตั้งใจว่าจะเข้าไปปลุกสักสิบเอ็ดโมง" พี่เติมเต็มบอกและเดินมารับผ้าห่มไปจากผมที่ยืนทำหน้างงอยู่

"ผมจะเอาไปผึ่งแดดครับ" ผมบอกพี่เติมเต็ม

"เดี๋ยวพี่เอาไปทำให้ คนเก่งนั่งคุยกับเพื่อนเถอะ" พี่เติมเต็มบอกผมก่อนที่จะเดินไปทางห้องครัว

"สวัสดีครับพี่วิน" ผมยกมือไหว้พี่ธาวิน และนั่งลงตรงโซฟาที่พี่เติมเต็มเพิ่งลุกออกไป

"เป็นไงเรา ตัวแดงเลย" พี่ธาวินมองมาที่แขนและขาของผม ผมใส่เสื้อกล้ามและกางเกงขาสั้นเพราะไม่คิดว่าจะมีใครมาหา ไม่รู้จะโดนพี่เติมเต็มดุมั้ยแต่คิดว่าน่าจะไม่โดนนะครับ เพราะเมื่อกี้พี่เติมเต็มแค่มองเท่านั้น

"เมื่อคืนตอนกูกลับไป กูยังคิดเลยว่าอาการมึงจะกำเริบหรือเปล่า" ฟูจิเป็นคนพูดครับ เพราะฟูจิเคยเห็นผมมีอาการแพ้เหงื่อตัวเองแบบนี้มาสองสามครั้ง ตอนที่เรียนวิชาพลศึกษา จนตอนหลังมาอาจารย์วิชาพลศึกษาต้องให้ผมทำงานส่งเพิ่มเติมแทน ที่จริงผมก็พอจะเล่นกีฬาหรือออกกำลังกายได้นะครับ แต่แค่อย่าปล่อยให้เหงื่อออกนานต้องรีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าทันทีผื่นก็จะไม่ขึ้นครับ

"กูก็ไม่คิดว่าจะเป็นเพราะมันนานแล้วไง อีกอย่างกูไม่ได้เล่นกีฬามันแค่เดินแค่ยืนเอง" ผมพูด

"แต่มันหลายชั่วโมงไงมึง อยู่กลางแดดอย่างน้อยสี่ห้าชั่วโมง" ก็จริงอย่างที่ฟูจิมันพูดครับ

"แล้วที่มึงปวดขาเป็นไงบ้าง" เมื่อคืนพี่ธาวินขอตัวพาฟูจิกลับไปก่อนครับเพราะฟูจิมันเริ่มเดินกะเผลกตอนขากลับมามหาวิทยาลัย

"หายแล้ว พี่วินพาไปโรงพยาบาลมาเมื่อคืน อายเขาจะแย่ เป็นแค่นี้ถึงขั้นพาไปโรงพยาบาล" ฟูจิบ่นพร้ อมกับมองไปที่พี่ธาวินไปด้วย

"ก็คนเป็นห่วงนี่หว่า ปกติก็แข็งแรงดี แล้วอยู่ๆก็ปวดขาขึ้นมา ใครจะไม่เป็นห่วง" พี่ธาวินผลักหัวของฟูจิเบาๆอย่างหยอกล้อ ฟูจิทำหน้างอกลับไปเล็กน้อยแต่ริมฝีปากก็มีรอยยิ้มออกมา

"ว่าแต่รู้ได้ไงว่ากูไม่สบาย" ผมถามฟูจิเพราะเมื่อคืนนอกจากพี่เติมเต็มแล้ว ผมก็ยังไม่ได้คุยได้บอกใครเลย

"ไอ้นู่นไง" พี่ธาวินพูดพร้อมกับส่งสายตาไปทางด้านหลังผม พี่เติมเต็มเดินมาพอดีครับ

"คนเก่ง อยากทานอะไร พี่ดูในตู้เย็นแล้วของสดเยอะเลย .... มีอะไรหรือเปล่า" พี่เติมเต็มพูดพร้อมกับที่เดินมานั่งข้างผม ก่อนจะถามด้วยความสงสัยเพราะทุกคนหันไปมองพี่เติมเต็มกันหมด

"เปล่าครับ แล้วพูดถึงกับข้าวพี่เต็มอยากทานอะไร บอกมาได้เลยครับ เดี๋ยวผมทำให้" ผมบอก

"เดี๋ยวพี่จะเป็นคนทำเอง ... ถ้าถามคนเก่งสงสัยจะไม่ได้คำตอบ ถ้างั้นเดี๋ยวพี่นึกเมนูเองดีกว่า .... แล้วมึงจะอยู่ทานด้วยกันมั้ย" พี่เติมเต็มพูดกับผมก่อนที่ประโยคหลังจะพูดกับพี่ธาวิน พี่ธาวินหันไปมองหน้าฟูจิ แล้วเหมือนใช้สายตาคุยกันแค่ไม่นานพี่ธาวินก็บอกว่าจะอยู่ทานด้วย

"อยู่สิ ตั้งใจจะมาทานด้วยอยู่แล้ว งั้นเดี๋ยวกูไปช่วยมึงดีกว่า เผื่อเพื่อนเขามีอะไรจะคุยกัน" พี่ธาวินพูดก่อนจะลุกเดินตามพี่เติมเต็มไป พอทั้งสองคนเดินเข้าไปในครัว ผมก็ย้ายมานั่งข้างฟูจิเพราะประโยคสุดท้ายที่พี่ธาวินพูดเหมือนเป็นการสื่อว่าฟูจิมีเรื่องที่อยากคุยกับผม


"มีเรื่องอะไร" ผมถามทันทีที่นั่งลง

"กูมีเรื่องที่ลังเลใจ ตัดสินใจไม่ได้ กูก็เลยอยากคุยกับมึง เพราะมึงกับกูสถานะก็ไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่" ฟูจิเปิดประเด็นมาด้วยน้ำเสียงที่ดูไม่ค่อยมั่นใจจริงๆ

"ลังเลใจเรื่องอะไรว่ะ แล้วที่บอกกูสถานะไม่ต่างจากมึงคืออะไร" ผมถามด้วยความสงสัย

"อีกไม่เกินสองเดือนพวกเราก็ต้องย้ายออกไปอยู่หอนอกไงล่ะ"

"อ๋อ เรื่องนี้นี่เอง แล้วยังไงว่ะ"

"ของมึง ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าพี่เต็มชวนมึงมาอยู่ด้วยที่นี่ใช่มั้ย"

ผมพยักหน้ารับ ทุกวันนี้ก็แทบจะเรียกว่ามาอยู่แล้วได้เลยแหละ

"ของกูก็ไม่ต่างกัน พี่วินก็ชวนกู"

"แล้วที่มึงบอกลังเลใจคืออะไร" ตอนแรกผมเข้าใจว่าพี่ธาวินไม่ชวนหรือไม่ยอมให้ไปอยู่ที่คอนโดด้วยซะอีก

ฟูจิมันถอนหายใจออกมายาวๆก่อนที่จะพูดออกมา

"กูลังเลใจว่า ถ้าไปอยู่ด้วยกันจริงๆมันจะดีมั้ยน่ะสิ"

"ทำไมคิดแบบนั้น"

"กูเคยได้ยินว่า เวลาที่เรามีแฟน โลกมันจะต้องแบ่งเป็นสามโลกเว้ย คือโลกของเรา โลกของเขา และโลกของแฟน อะไรประมาณนี้แหละกูก็จำไม่ค่อยได้ เขาบอกถ้าเป็นแบบนี้ความรักมันก็จะตลอดรอดฝั่ง แต่กูว่าถ้าไปอยู่ด้วยกันโลกของเรากับเขามันก็หายไปจะมีแค่โลกของแฟน แรกๆมันก็ดีแต่พอเวลาผ่านไปความเบื่อความเคยชินมันก็จะเกิดขึ้น อีกอย่างที่กูเคยอ่านเจอคือเราควรจะมีพื้นที่ส่วนตัวให้เราและให้เขาบ้าง กูก็เลยมาคิดอีกว่าถ้ากูมีห้องของตัวเอง ถ้าวันไหนที่กูกับพี่มันทะเลาะกัน กูก็ยังมีที่หลบภัย ..... "

"เดี๋ยวนะ ... " ผมพูดขัดขึ้นมาก่อนที่ฟูจิจะพูดจบ

" ......... "

"ที่มึงกำลังเครียดอยู่ก็เพราะมึงไปอ่านบทความ อ่านหนังสือมาเนี่ยนะ" ผมถาม

"อืม"

"มึงเคยบอกว่ากูเป็นคนคิดมาก และกูก็รู้ตัวว่าเป็นคนคิดมากจริงๆ แต่เรื่องนี้สำหรับกู กูคิดน้อยมากเลยนะฟูจิ ... แทบจะไม่คิดเลยดีกว่า แต่มึงกลับมาเป็นคนคิดมากซะเอง" ผมบอก

"แล้วทำไมมึงไม่คิดว่ะ" มันถาม

"แล้วทำไมมึงถึงคิด" และผมก็ถามมันกลับไปทันที

"เอาตรงๆคือกูกลัวพี่วินเบื่อกูว่ะ กูไม่ได้ทำกับข้าวเก่ง ดูแลงานบ้านได้ดีเหมือนมึงนะ ไม่ได้อ่อนโยนเท่ามึงด้วย ถ้ามาอยู่ด้วยกันทุกวันกูกลัวพี่มันเห็นมุมที่แย่มุมที่ไม่ดีของกูแล้วพี่มันจะเบื่อ ... และสุดท้ายกูก็ต้องเสียพี่มันไป"

พอได้ฟังฟูจิพูดผมก็เข้าใจสิ่งที่ฟูจิกังวลได้ทันที เพราะผมก็เคยรู้สึกแบบนั้นเหมือนกันแต่เป็นแค่ช่วงระยะเวลาแค่ไม่นาน

"กูก็เคยรู้สึกเหมือนมึงนะฟูจิ แต่กูกลัวไม่ได้อยู่กับพี่เต็มมากกว่า กูอยากตื่นมาแล้วเจอพี่เขาทุกวัน อยากให้พี่เขานอนข้างๆกู มันรู้สึกอบอุ่นมากๆเวลาที่เรารู้สึกว่ามีเขานอนอยู่ข้างๆเราแม้ว่าเราในบางคืนเราจะไม่ได้นอนกอดกันก็ตาม มันไม่ใช่แค่อุ่นกายแต่มันอุ่นใจ เมื่อมาคิดดูแล้วกูก็เลยขอเลือกปัจจุบันดีกว่าเพราะอนาคตกูมองไม่เห็นและมันยังไม่เกิด แต่เพราะปัจจุบันมันจะส่งผลไปถึงอนาคตเพราะฉะนั้นก็แค่ทำปัจจุบันให้มันดีที่สุดก็พอ ส่วนที่มึงกังวลเรื่องที่ว่ามึงทำกับข้าวไม่เก่งหรืออะไรก็ตามที่มึงกังวล กูว่าที่พี่วินเขารักมึงมันคงไม่เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้หรอก แต่กูก็ตอบแทนพี่วินไม่ได้ว่าทำไม มึงต้องคุยกับพี่วินเอง แต่กูว่าพี่เขาไม่เบื่อมึงแค่เพราะมึงทำกับข้าวไม่เก่งหรอก แต่ถ้ามึงทำการบ้านไม่เก่งพี่เขาอาจจะเบื่อมึงก็ได้" ผมพูดประโยคสุดท้ายและหัวเราะออกมา

"ไอ้คนเก่ง!!" ฟูจิมันร้องเรียกชื่อผมเสียงดังก่อนที่จะเอาหมอนใบเล็กๆที่อยู่บนโซฟามาตีผมไม่ยั้งเลยครับ

"หยุดๆ ทะเลาะอะไรกัน" พี่เติมเต็มวิ่งเข้ามาแล้วดึงผมให้ลุกออกมาจากโซฟา ส่วนพี่ธาวินก็ไปกอดฟูจิเอาไว้

"ฟูจิ ทำเพื่อนทำไม" พี่ธาวินถามฟูจิเสียงเครียดเลยครับ

"ไม่มีอะไรครับ เราแค่เล่นกัน ... พี่เต็มครับ ไม่มีอะไรครับเราไม่ได้ทะเลาะกัน" ผมรีบบอกเพราะเห็นสีหน้าพี่เติมเต็มแล้วเหมือนพี่เขาจะต่อยฟูจิเลย

ผมกับฟูจิมองหน้ากันก่อนที่เราสองคนจะหัวเราะออกมา

"เพราะมึงเลย ถ้าเมื่อกี้กูโดนพี่เต็มต่อยนะ เป็นความผิดของมึง" ฟูจิพูดหลังจากที่เราหยุดหัวเราะกัน

"กูไม่ขอโทษเพราะเรื่องที่กูพูดมันเรื่องจริง" ผมพูดก่อนที่จะบอกให้พี่เติมเต็มกับพี่ธาวินกลับเข้าไปในครัว ทั้งสองคนยังยืนลังเลอยู่แต่พอเห็นว่าพวกเราไม่ได้ทะเลาะกันจริงๆก็เลยเดินไป

"มึงนะ ... พูดมาซะยาวจนกูเคลิ้ม สุดท้ายมาหักมุม" ฟูจิพูดออกมาเบาๆ ผมหัวเราะฟูจิออกมาอีก

"แล้วการบงการบ้านอะไรของมึง รู้สึกจะรู้ดีเหลือเกินเรื่องพวกนี้น่ะ" ฟูจิมันพูดพร้อมกับหน้าที่แดงมากขึ้น

พอนึกถึงสิ่งที่ตัวเองพูดไปมันก็อดที่รู้สึกเขินขึ้นมาไม่ได้เหมือนกัน แต่ตอนนั้นแค่อยากให้ฟูจิมันอารมณ์ดีขึ้นและเลิกเครียด

"กูแค่อยากให้มึงอารมณ์ดีขึ้นและไม่อยากให้เครียด แต่เรื่องนั้นมันก็สำคัญจริงๆนะมึง โดยเฉพาะพี่วินเมื่อก่อนเป็นเสือผู้หญิงขนาดไหนเราก็พอรู้ๆกันอยู่ แต่พี่เต็มเคยบอกกูว่าเรื่องเซ็กส์มันก็แค่ส่วนหนึ่งแต่ไม่ใช่ทั้งหมดที่ทำให้เรารัก"

ที่ผมพูดแบบนี้เพราะผมเคยดูรายการสัมภาษณ์รายการหนึ่งรายการหนึ่งพร้อมกับพี่เติมเต็ม มีผู้หญิงคนหนึ่งเคยให้สัมภาษณ์ในรายการว่าเธอเป็นคนที่มั่นใจในเรื่องบนเตียงมากๆว่าผู้ชายทุกคนต้องหลงเธอ รวมทั้งความคิดที่ว่าเรื่องบนเตียงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้รักยืนยาว เธอบอกว่าผู้ชายทุกคนหลงใหลเธอแต่ก็แค่เรื่องบนเตียงจริงๆ ไม่มีใครรักเธอทั้งๆที่เธอก็หน้าตาสวยและพร้อมทุกด้าน วันนั้นผมก็เลยถามพี่เติมเต็มถึงเรื่องนี้ พี่เติมเต็มก็บอกว่าเรื่องเซ็กส์ไม่ใช่ทั้งหมดแต่ส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่สำหรับผมผมก็ยังมองว่าเรื่องเซ็กส์สำคัญนะครับ เพราะทั้งผมและพี่เติมเต็มเป็นผู้ชายทั้งคู่มันต้องมีความรู้สึกอยู่แล้ว ผมรู้ว่าพี่เติมเต็มไม่นอกใจนอกกายผมหรอกแต่ผมก็ไม่อยากให้แฟนผมรู้สึกขาด ... ไม่งั้นจะมีแฟนทำไมล่ะครับ

หลังจากนั้นไม่นานพี่เติมเต็มก็เดินมาเรียกผมไปทานมื้อแรกของวันสำหรับผม ผมก็เลยถามพี่เติมเต็มไปว่าเมื่อเช้าได้ทานอะไรหรือยัง พี่เติมเต็มบอกว่าดื่มแค่นมกล่องไปแค่นั้น พี่เติมเต็มกับพี่ธาวินทำเมนูง่ายๆอย่างสปาเก็ตตี้ และมีผัดบล็อกโคลี่มาด้วยหนึ่งจาน เพราะผมชอบทานครับ

"เอาไว้ตอนเย็นพี่จะพาไปทานอะไรอร่อยๆกว่านี้นะ" พี่เติมเต็มเอามือมาลูบหัวผมและพูดออกมา ผมตักสปาเก็ตตี้ทานไปหนึ่งคำพร้อมกับผัดบล็อกโคลี่

"ไม่ต้องถึงตอนเย็น ตอนนี้ก็อร่อยครับ" ผมไม่ได้พูดเอาใจนะครับแต่ว่ามันอร่อยถูกปากผมจริงๆ

หลังจากที่เราสี่คนนั่งทานมื้อกลางวันกันไป พี่เติมเต็มกับพี่ธาวินพูดเรื่องออกค่ายกันไปด้วย เห็นว่าพี่เติมเต็มกับพี่ธาวินอาจจะขอไม่เดินทางไปด้วย เพราะต้องเดินทางอีกสองสามวันข้างหน้า แล้วผมก็ยังไม่หายจากผื่น ซึ่งผมก็พูดแย้งไปว่าไม่ต้องเป็นห่วงผม อยากให้พวกพี่ๆไปเพราะเดี๋ยวคนอื่นจะมองว่าผมเป็นภาระเป็นตัวปัญหา พี่เติมเต็มบอกว่าไม่มีปัญหาอะไรหรอกถ้าไม่ไปแต่เดี๋ยวค่อยคุยกันอีกที


"คุยกับคนเก่งแล้วใช่มั้ย" พี่ธาวินหันมาถามฟูจิที่นั่งทานสปาเก็ตตี้อยู่ข้างๆ ผมมองพี่เติมเต็มสีหน้าดูไม่แปลกใจแสดงว่าต้องรู้แล้วว่าฟูจิคุยกับผมเรื่องอะไร

"คุยแล้ว" ฟูจิตอบพี่ธาวิน

"สรุปว่า?" พี่ธาวินถามฟูจิทันที พร้อมกับสายตาที่รู้เลยว่าลุ้นมาก แต่ก่อนที่ฟูจิจะตอบออกมา ผมก็ชิงพูดขึ้นมาซะก่อน

"ผมกับฟูจิคุยกันว่า เราจะย้ายหอไปอยู่ด้วยกันแค่สองคนครับ"

เกิดสภาวะเดธแอร์และผมได้ยินเสียงส้อมหล่นบนจานของใครสักคนหนึ่ง

"เดี๋ยวๆๆๆ" พี่เติมเต็มพูดขึ้นมาคนแรก ส่วนพี่ธาวินมองหน้าฟูจิเหมือนต้องการคำอธิบาย ฟูจิได้แต่ส่ายหน้าไปมา และมองผมอย่างไม่เข้าใจ

"เราสองคนคิดว่าถ้าเราสองคนมีที่อยู่ของเราเอง ถ้าเกิดวันไหนที่ทะเลาะกันกับพวกพี่ หรือเลิกกันพวกเราก็จะยังมีที่อยู่ ไม่ต้องลำบากในการหาห้องแบบกะทันหัน" ผมพูดต่อ

"พี่ไม่ยอม!!"

"เฮ้ย!!"

"กูจะอยู่กับพี่วิน!!"

ทั้งสามเสียงพูดขึ้นมาเกือบจะพร้อมกัน ผมยิ้มขึ้นมาทันทีที่ได้ยินเสียงของเพื่อนรัก

"โอเค งั้นมึงก็น่าจะตัดสินใจได้แล้วว่าจะย้ายของไปคอนโดพี่วินวันไหนดี"

ทุกคนดูจะงงกับการกระทำของผม

"ยังไงๆ" พี่เติมเต็มลูบหัวผมเบาๆก่อนจะขยี้ผมให้แรงขึ้น

"ผมแค่แกล้งฟูจิเท่านั้นเอง อยากให้มันพูดให้ตรงกับใจ" ผมบอก

"ไอ้คนเก่ง วันนี้มึงหลายรอบแล้วนะ" ฟูจิมันว่าผมออกมาเบาๆ

"ตอนแรกกูคิดว่ามึงมีแฟนน่ารักใสๆอ่อนต่อโลกนะเนี่ย ที่แท้ร้ายว่ะ" พี่ธาวินพูดแซวผมขึ้นมา

"โห พี่วิน ผมช่วยพี่แท้ๆนะ" ผมโวยนิดๆ

"คร้าบบบ ขอบคุณมากนะคนเก่ง ถ้าไม่ใช่เมียเพื่อนนะจะกอดแล้วเนี่ย"

"พอได้แล้วมึง แล้วเลิกมองเมียกูซะที ถ้าไม่จำเป็นกูไม่ยอมให้แต่งตัวแบบนี้หรอกนะ"

ผมรู้สึกเขินที่ถูกเรียกว่าเมีย พี่เติมเต็มไม่ค่อยเรียกผมแบบนี้หรอกครับ นอกว่าเวลาอยู่กับเพื่อนแล้วเพื่อนแซวมา พี่เติมเต็มก็เล่นกลับไป


(มีต่อนะคะ)
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 34) 05/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ninewara ที่ 05-07-2019 00:11:46
(ต่อค่ะ)


หลังจากทานมื้อกลางวันเรียบร้อย พี่เติมเต็มเอายาหลังอาหารมาให้ผมทาน พี่ธาวินกับฟูจิอยู่คุยด้วยอีกเล็กน้อยแล้วก็กลับไป ผมลืมถามเลยว่าสรุปรู้ได้ยังไงว่าผมไม่สบาย ไลน์ไปถามฟูจิดีกว่า

"พี่เต็มครับ เห็นมือถือผมมั้ย" ผมมองหาโทรศัพท์มือถือของตัวเองไม่เจอ เลยคิดว่าพี่เติมเต็มน่าจะเก็บไว้ให้ผมตั้งแต่เมื่อคืนที่ไปโรงพยาบาล

"เดี๋ยวพี่ดูให้" พี่เติมเต็มบอกก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้องนอน สักพักพี่เติมเต็มก็เดินออกมาพร้อมชูมือถือของผมให้ดู

"แบตหมด เดี๋ยวพี่ชาร์จให้ อะ เอามือถือของพี่ไปเล่นก่อน" พี่เติมเต็มบอกพร้อมกับยื่นมือถือของตัวเองมาให้ผม ส่วนมือถือของผมพี่เติมเต็มเอาไปชาร์จแบตให้

ผมรับมือถือของพี่เติมเต็มมา ก่อนจะกดรหัสปลดล็อคหน้าจอ พี่เติมเต็มบอกรหัสทุกๆอย่างของพี่เติมเต็มให้ผมทราบ แต่ผมก็ไม่เคยละลาบละล้วงยุ่งวุ่นวายอะไรกับมือถือของพี่เติมเต็มเลยครับ ผมกำลังคิดที่จะล็อคอินเฟซบุ๊กของตัวเองผ่านเบราว์เซอร์เพราะถ้าเข้าผ่านแอพฯของเฟซบุ๊กก็ต้องล็อคเอ้าท์ของพี่เติมเต็ม แต่ในระหว่างที่ผมกำลังจะล็อคอินเข้าเฟซบุ๊กของตัวเอง มันมีข้อความแชทที่เข้ามาทางเฟซบุ๊กของพี่เติมเต็มที่แจ้งเตือนขึ้นมา

"พี่เต็มครับ พี่ธรณ์ทักแชทในเฟซมาครับ" ผมบอกพี่เติมเต็มที่กำลังนั่งดูหนังอยู่ข้างๆ

"มันว่าไง" พี่เติมเต็มถามแต่ไม่ได้ขอดูมือถือ

"แชทมันเด้งเตือนมาแค่ว่า ... ตอบๆๆ" ผมบอกตามที่เห็น

"กดเข้าไปอ่านเลยครับ" พี่เติมเต็มบอกผมแบบนั้น ก่อนที่จะเปลี่ยนจากนั่งดูสบายๆ มาเป็นนอนบนตักผมแทน พี่เติมเต็มขยับตัวอยู่สักพัก

"หนักมั้ย" พี่เติมเต็มถามผม ผมสบตากับพี่เขาที่นอนมองผมอยู่

"ไม่หนักครับ แต่กลัวพี่เต็มนอนไม่สบาย"

"สบาย ... แล้วไอ้ธรณ์มันว่าไง" พี่เติมเต็มถาม ผมก็เลยรีบกดเข้าไปอ่านที่แชทของพี่ธรณ์

"พี่ธรณ์บอกว่า หัดอ่านไลน์บ้างนะมึง ...  ให้เวลาดูแล ... เมีย แค่วันนี้เท่านั้น พรุ่งนี้ต้องมาสรุปเรื่องออกค่าย ... มีแค่นี้ครับ" ผมอ่านตามที่พี่ธรณ์ส่งข้อความมา อยู่กับเพื่อนคงจะเรียกแทนตัวผมว่าเมียกันจนติดปากสินะ

"พิมพ์ตอบมันไปเลยว่า ดูแลเมียอยู่ไม่มีเวลาอ่านไลน์อ่านแชทหรอก"

"ใครจะไปพิมพ์แบบนั้นล่ะครับ" ผมบอกพี่เติมเต็มก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ผมไม่รู้ว่าปกติพวกพี่เขาเวลาคุยกันมีแบบที่อ่านแล้วไม่ตอบมั้ย แต่ผมว่ามันดูยังไงก็ไม่รู้ครับ อย่างน้อยเราก็ควรจะตอบ

"คนเก่งนะครับพี่ธรณ์ พอดีพี่เต็มให้ผมตอบแทนน่ะครับ พี่เต็มรับทราบเรื่องวันพรุ่งนี้แล้วครับ"

ผมพิมพ์ตอบพี่ธรณ์ไปแบบนั้น ไม่นานพี่ธรณ์ก็พิมพ์กลับมาสอบถามเรื่องอาการป่วย ผมก็เลยถามในเรื่องที่ผมสงสัยว่าทุกคนรู้กันได้ยังไง พอพี่ธรณ์บอก ผมยอมเสียมารยาทรีบกดดูที่หน้าไทม์ไลน์ของเฟซบุ๊กพี่เติมเต็มเลยครับ


ผมรู้สึกหน้ามันร้อนผ่าวขึ้นมาทันทีที่เห็นรูปที่พี่เติมเต็มโพสต์เมื่อคืน เป็นรูปที่ผมนอนหลับแล้วหน้าซุกอยู่ที่หน้าอกของพี่เติมเต็ม และพี่เติมเต็มก็จูบที่หน้าผากของผม พี่เติมเต็มไม่ได้มองที่กล้องครับ รูปมันดูสวยและมันดูหวานมากเลย ผมกำลังจะถามพี่เติมเต็มเกี่ยวกับรูปที่โพสต์ แต่พอมองดูคนที่นอนอยู่ที่ตักของผม ตอนนี้หลับไปแล้วครับ ถ้างั้นเอาไว้ตื่นมาค่อยคุยกันก็ได้ ผมเลื่อนอ่านคอมเม้นท์ มีคนมาคอมเม้นท์ใต้โพสต์เป็นร้อยข้อความเลยครับ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเพื่อนๆของพี่เติมเต็มและเพื่อนๆของผม รวมทั้งแฟนคลับของพี่เติมเต็ม มีบางคอมเม้นท์ผมอ่านแล้วผมก็รู้สึกเขินเหมือนกัน


comments 22 : เนี่ยเคยสงสัยว่าน้องอยู่คอนโดกับพี่เติมเต็มหรือเปล่า วันนี้ชัดเลยจ้า
comments 29 : จริงๆคนน้องอยู่หอในค่ะ แต่คนพี่ไม่ยอมให้คนน้องกลับหอเลย
Thorn Saharit : เพื่อนผมมันร้ายครับ
comments 37 : น้องไม่สบายพี่ไม่อยากให้อยู่คนเดียว พี่ดูแลน่ะถูกแล้ว
comments 48 : เป็นรูปที่ดีต่อใจมากเลยค่ะพี่เติมเต็ม
comments 62 : ดูพี่รักน้องมากเลยอ่ะ งื้ออออ ><
comments 78 : โอ๊ยยยย!!ในเฟซจุ๊บเหม่ง ในไอจีหอมหัว ไปอี๊กกก



พออ่านคอมเม้นท์นี้ผมขมวดคิ้วทันทีเลยครับ อะไรคือหอมหัว ผมเสียมารยาทอีกทีในการกดเข้าไปที่แอพฯอินสตาแกรม ชัดเลยในอินสตาแกรมของพี่เติมเต็มเป็นรูปที่ถ่ายเมื่อคืนเหมือนกันแต่เปลี่ยนเป็นหอมที่หัวผมแทน ผมเม้มปากเพราะรู้สึกทำตัวไม่ถูก ผมเลื่อนอ่านคอมเม้นท์ ข้อความก็คล้ายๆกับในเฟซบุ๊ก แต่ที่ทำให้ผมเกือบทำมือถือหล่นใส่หน้าของพี่เติมเต็มที่นอนอยู่บนตักผมก็เพราะมีคอมเม้นท์จากม๊าของพี่เติมเต็ม และติวเตอร์น้องชายของพี่เติมเต็มด้วย


tiiwterr : ทำพี่สะใภ้ป่วยเหรอ จะฟ้องม๊า @deewaan9
deewaan9 : คนเก่งเป็นอะไร? น้องป่วยเหรอ? เดี๋ยวม๊าโทรหา


แล้วแฟนคลับพี่เติมเต็มก็เข้ามาคอมเม้นท์กันใหญ่เลยว่าที่บ้านพี่เติมเต็มรับรู้เรื่องของพวกเรา และไม่รังเกียจยอมรับได้ ทั้งๆที่ทราบมาว่าทางบ้านพี่เติมเต็มมีธุรกิจใหญ่โตและเป็นที่รู้จัก ผมอดยิ้มและนึกขอบคุณครอบครัวของผมและครอบครัวของพี่เติมเต็มไม่ได้ที่ยอมรับเรา

และคนที่สำคัญมากที่สุดที่ผมอยากขอบคุณคือคนที่นอนอยู่บนตักของผม ที่เขายอมให้ผมรักและยอมรับคำว่ารักของผมในที่สุด

ผมตั้งใจว่าจะออกจากอินสตาแกรมของพี่เติมเต็มแต่มือผมมันกดเลื่อนมาตรงที่เป็นไดเร็คแมสเสจของอินสตราแกรม มีข้อความที่ไม่ได้อ่านเยอะมากเลยครับ ผมเลื่อนดูมีแต่ส่งมาจากผู้หญิงทั้งนั้น บางข้อความเพิ่งส่งมาก็มีแต่บางข้อความก็นานหลายเดือนแล้ว ข้อความที่ส่งมาเท่าที่ผมเห็นมากกว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์ที่ลักษณะการทักมาไม่ค่อยโอเคต่อใจของผมเลย คือผมอ่านแค่ข้อความที่ค้างอยู่นะ ผมไม่ได้กดเข้าไปอ่านหรอกเพราะกลัวพี่เติมเต็มจะรู้ และถ้ากดเข้าไปอ่านคนที่เขาส่งมาก็ต้องคิดว่าพี่เติมเต็มเป็นคนเปิดอ่าน เดี๋ยวมีปัญหาตามมาอีกผมก็เลยไม่เข้าไปอ่านดีกว่า อีกอย่างคือการที่พี่เติมเต็มไม่กดเข้าไปอ่านและเลือกข้ามที่จะไม่เข้าไปตอบก็แสดงว่าพี่เติมเต็มไม่ได้สนใจ

แต่ถึงจะคิดแบบนั้น แต่ผมก็เลื่อนลงมาเจอข้อความที่พี่เติมเต็มกดเข้าไปอ่านและตอบ ผมดูวันที่ล่าสุดที่มีการคุยกันในแชทคือประมาณหกเดือนที่แล้ว ผมเลื่อนดูข้อความด้านบนๆดูจะคุยกันบ่อยเป็นแนวถามทั่วไป ทานข้าวยัง ทำอะไรอยู่ ต่อมาเริ่มมีออกไปเจอกัน น่าจะค่อนข้างบ่อย


และวันสุดท้ายที่คุยกันคือผู้หญิงคนนั้นถามว่า
... คืนนี้จะออกมาหามั้ย ไม่เจอกันนาน


และพี่เติมเต็มก็ตอบไปว่า ... ขอโทษนะ จะไม่ออกไปเจออีกแล้ว


ผู้หญิงก็ถามกลับมาว่า ... มีแฟนเหรอ


พี่เติมเต็มก็ตอบกลับไปว่า ... ใช่ กำลังจะมี


ผู้หญิงคนนั้นก็ตอบกลับมาแค่ ... โอเค


ผมคำนวณระยะเวลาอีกครั้ง มันประมาณหกเดือนที่แล้ว ตอนนี้ผมกับพี่เติมเต็มคบกันเป็นแฟนมาได้ประมาณห้าเดือน ผมกำลังคิดว่ามันคาบเกี่ยวกับช่วงเวลาที่พี่เติมเต็มบอกว่าลองคุยกันดูก่อนมั้ยหรือเปล่า

ผมนั่งคิดไปคิดมาก็เปลี่ยนใจไม่คิดดีกว่าเพราะยิ่งคิดยิ่งรู้สึกไม่ดีเลย ถึงในแชทมันไม่ได้มีข้อความอะไรที่ชัดเจนแต่ผมก็ไม่ใช่เด็กที่จะไม่รู้เลยว่าเขาออกไปเจอเขาทำอะไรกัน

เคยเป็นมั้ยครับที่เรารู้ว่าก่อนที่เขาจะมาเป็นแฟนเรา เขาก็ต้องเคยมีอะไรกับคนอื่นมาบ้าง ปากเราก็บอกว่าไม่เป็นไรเป็นเรื่องอดีตที่ผ่านมา แต่นั่นมันเป็นตอนที่เราแค่เคยได้ยินคนอื่นเล่ามา ไม่ใช่ที่เราเห็นด้วยตาตัวเองแบบนี้

เฮ้อออออ ... ผู้หญิงหน้าตาน่ารัก สวยมากด้วยครับ

เฮ้ออออ ... ไม่รู้จะคิดให้บั่นทอนความรู้สึกตัวเองทำไม แต่มันก็อดคิดไม่ได้

ตอนนั้นมันยังนึกภาพไม่ออกว่าเวลาพี่เติมเต็มไปมีอะไรกับใครมันเป็นยังไง เมื่อก่อนผมเคยนึกนะแต่ภาพในหัวคือมันมืดๆมันเป็นเงา แต่ตอนนี้ภาพมันกลับชัดเจน

หยุดๆๆๆ หยุดคิดเลย!! คนเก่ง



ผมสะดุ้งเล็กน้อยเพราะพี่เติมเต็มพลิกตัวนอนหันหน้าเข้ามาที่หน้าท้องของผม ก่อนที่จะสัมผัสความรู้สึกอุ่นๆที่บริเวณหน้าท้อง

พี่เติมเต็มจูบเบาๆผ่านเสื้อลงที่หน้าท้องของผม

"ตื่นแล้วเหรอครับ" ผมถามเพราะพี่เติมเต็มกอดเอวผมแน่นแถมเล่นจูบแบบนี้ แสดงว่าตื่นแล้ว พี่เติมเต็มพยักหน้าแต่ยังไม่ลืมตา

"ตื่นเร็วจังครับ หลับไปแค่ชั่วโมงเดียวได้มั้ง"

"ไม่ได้ง่วงเลยแต่พอหนุนตักแฟนแล้วมันก็เผลอหลับไป ตักแฟนนิ่มนอนสบาย"

"อยู่ๆดีก็ปากหวาน" ผมพูดและพี่เติมเต็มก็ลุกขึ้นมานั่งอย่างรวดเร็วและประกบริมฝีปากของตัวเองที่ริมฝีปากของผมทันที พี่เติมเต็มจูบผมอ้อยอิ่งอยู่แบบนั้นสักพัก ก่อนจะพูดออกมาแบบนี้

"ไม่นะ ปกติก็หวานอยู่แล้ว"

ผมเลือกที่จะเงียบดีกว่าเพราะรู้สึกว่าถ้าตอบอะไรไปผมน่าจะแพ้พี่เติมเต็มอย่างแน่นอน

สายตาของพี่เติมเต็มมองมาที่มือถือของตัวเองที่อยู่ในมือผม ก่อนจะทำหน้าแปลกใจที่เห็นว่าผมเปิดอะไรค้างไว้ พี่เติมเต็มยื่นมือมาขอมือถือของตัวเองจากผม ผมก็ส่งให้แต่โดยดี คิดในใจว่าอาจจะโดนพี่เติมเต็มต่อว่าก็ได้ที่เปิดอ่านข้อความส่วนตัวโดยพละการ

พี่เติมเต็มเลื่อนอ่านข้อความเก่าๆอยู่สักพักก่อนจะวางมือถือเอาไว้ข้างตัวและดึงผมเข้าไปกอด

"อยากถามอะไรครับ" พี่เติมเต็มพูดขึ้นมาพร้อมกับใช้มือลูบผมไปมาอย่างอ่อนโยน

"ผมขอโทษนะครับที่เข้าไปอ่าน ตอนแรกผมไม่ได้ตั้งใจที่จะอ่านนะ พี่ธรณ์บอกว่าพี่เต็มโพสต์รูปเมื่อคืนนี้ พอเข้าไปอ่านคอมเม้นท์ก็มีแฟนคลับพี่เต็มบอกว่าในไอจีก็ลง ผมก็เลยเข้าไปดู พอจะออกมือมันไปเลื่อนหน้าจอเลยไปเจอ ... ก็เลยอ่าน แต่ผมไม่ได้อ่านของคนอื่นเลยนะ .... อ่านของคนนี้คนเดียว" ผมรีบอธิบายยาวเหยียดให้พี่เติมเต็มฟังเพราะกลัวพี่เขาไม่พอใจ

"ไม่ต้องอธิบายก็ได้ พี่ไม่โกรธครับ คนเก่งรู้รหัสเข้ามือถือของพี่ นั่นก็หมายความว่าพี่ไม่มีความลับกับคนเก่ง และถึงมีพี่ก็ยินดีให้คนเก่งรู้ความลับของพี่ได้ .... อยากถามอะไรหรือเปล่า" พี่เติมเต็มถามผมอีกครั้ง

"ผม ... ไม่รู้จะเริ่มถามยังไงดี"

"ผู้หญิงคนนี้พี่รู้จักกับเขาตอนที่ไปเที่ยวผับ แล้วเขาก็เข้ามาทักว่าพี่ใช่คนนี้มั้ย เขาบอกตามไอจีอยู่ หลังจากนั้นก็ทักไอจีมาหาบ้างอย่างที่เห็น แต่ไม่บ่อยเพราะปกติก็จะเจอกันตอนที่ไปเที่ยวที่ผับอยู่แล้ว พี่ไม่เคยขอเบอร์ติดต่อเขาและเขาก็ไม่เคยขอเบอร์ติดต่อพี่ .... พี่ไม่รู้ว่าคนเก่งเข้าใจในเรื่องแบบนี้มากแค่ไหนนะ เพราะถ้าเทียบกันแล้ว ตอนที่พี่อายุเท่าคนเก่ง คนเก่งเป็นเด็กดีกว่าพี่เยอะเลย ... หลังจากนั้นพี่กับเขาก็มีอะไรกันโดยที่ไม่มีคำว่ารักเข้ามาเกี่ยวข้อง ตอนนั้นมันเหมือนเราแค่ต้องการปลดปล่อยความต้องการทางกาย พอมีอะไรกันเรียบร้อยเราก็ต่างแยกย้าย ไม่เคยมีนอนค้างด้วยกัน .... พี่เริ่มไปเที่ยวที่ผับน้อยลงตั้งแต่ช่วงที่คนเก่งเข้ามาเรียนที่นี่ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมไม่อยากไปเที่ยวแล้ว จนผ่านไปสักพักพี่ก็เริ่มรู้สึกผิดกับคนเก่งถ้าพี่ยังจะไปทำอะไรแบบนั้นอยู่ พี่ก็เลยตัดสินใจที่จะไม่ไปเที่ยวอีกแต่อย่างที่เล่าไป พี่กับผู้หญิงคนนั้นเราไม่ได้คบกัน พี่ก็ไม่ได้ติดต่อหรืออะไรไป จนเมื่อหลายเดือนก่อนที่เขาทักมาเพราะไม่เจอพี่นานแล้ว พี่ก็เลยบอกเขาไปว่าพี่กำลังจะมีแฟน ... ซึ่งในเวลานั้นพี่ก็เพิ่งตัดสินใจที่จะลองคุยกับคนเก่งดู ... ทั้งหมดก็มีเท่านี้ ระหว่างพี่กับเขาก็คุยกันแค่เท่าที่คนเก่งเห็นไม่มีอะไรนอกเหนือจากนี้"

ผมฟังพี่เติมเต็มอธิบายโดยที่ผมไม่ต้องถาม มีบางช่วงที่พี่เติมเต็มหยุดชะงักเหมือนกลัวว่าถ้าพูดออกมาผมอาจจะเสียใจ ซึ่งผมยอมรับว่าผมเสียใจตอนที่พี่เติมเต็มเล่าถึงตอนที่บอกว่ามีอะไรกันน้ำตาผมจะร่วงและรู้ตัวเลยว่ากอดพี่เติมเต็มแน่นขึ้น และพี่เติมเต็มก็กอดผมแน่นๆกลับมาเช่นเดียวกัน

"เราสามารถลืมคนที่เป็นคนแรกของเราได้เหรอครับ" ผมถามด้วยความสงสัย พี่เติมเต็มชะงักไปนิดหน่อยแต่ยังไม่ตอบออกมาทันที

" .... ผู้หญิงคนนั้นเขาไม่ใช่คนแรกของพี่หรอกนะ" ผมอึ้งไปเลยตอนที่ได้ยิน ผมดันตัวเองออกจากอ้อมกอดพี่เติมเต็ม

"อะไรนะ! แล้วพี่เต็มมี ... เอ่อ .. คนแรกตอนไหน"

พี่เติมเต็มยกมือขึ้นเกาที่ท้ายทอยไปมา

"ก็ ... ตั้งแต่มอปลายแล้ว รู้แค่นี้พอ"

ผมไม่รู้ว่าตอนนี้ผมหงุดหงิดอะไรกันแน่ระหว่างผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่คนแรกของพี่เติมเต็ม หรือพี่เติมเต็มเสียความบริสุทธิ์ตั้งแต่สมัยหัวเกรียน หรือที่ผมเพิ่งจะเสียความบริสุทธิ์ตอนอายุสิบเก้า

"ถ้ารู้ว่าพี่เต็มมีเซ็กซ์ตั้งแต่มอปลายนะ ผมจะไม่รอจนถึงมหาลัยหรอก มีเซ็กซ์กับคนอื่นไปตั้งแต่มอปลายแล้ว" ผมพูดเสร็จผมก็เดินเข้าห้องนอนไป ได้ยินเสียงพี่เติมเต็มเดินตามมาข้างหลังพร้อมกับพูดว่า

"เดี๋ยวๆ หมายถึงใครที่จะมีด้วยตั้งแต่มอปลาย พี่ไม่ยอมนะ"


ผมก็พูดไปอย่างนั้นแหละ จะไปมีอะไรกับใครได้ไงล่ะ ก็รักก็ชอบอยู่คนเดียว แต่ที่พูดออกไปเพราะมันรู้สึกหงุดหงิดยังไงก็ไม่รู้

ฮอร์โมนพลุ่งพล่านเหลือเกินนะพี่เติมเต็ม ถนัดเรื่องบนเตียงมาตั้งแต่มอปลายเลยเหรอเนี่ย!!!





TBC.
#เติมเต็มรัก
ninewara✿



หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 34) 05/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Tonson777 ที่ 05-07-2019 00:37:03
พี่เต็มนี่สมาชิคสมาคมคนหวงเมียแห่งชาติแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 34) 05/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 05-07-2019 01:20:53
 :katai2-1: :katai2-1: จัดมาชุดใหญ่ ไฟกระพริบ ขอบคุณมากๆเลยค่า
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 34) 05/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 05-07-2019 12:39:06
 :o8: แป่ววววว  พี่เต็มโดนเต็มๆ   เปรี้ยวแต่เด็ก

 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 35) 05/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ninewara ที่ 05-07-2019 23:47:05
✿ เติมเต็มรัก ✿ ครั้งที่ 35


ถัดมาอีกสี่วัน ตอนนี้พี่เติมเต็มและเพื่อนๆพร้อมทั้งรุ่นพี่ในคณะวิศวกรรมศาสตร์ (รวมถึงผมและฟูจิ) มารวมตัวกันที่บริเวณลานจอดรถของคณะวิศวะเพื่อรวมพลเตรียมตัวที่จะเดินทางไปออกค่ายเพื่อช่วยเหลือโรงเรียนที่อยู่ห่างไกล โรงเรียนที่พวกเรากำลังจะเดินทางไปอยู่ในอำเภอที่อยู่ถัดจากนี้ไปประมาณสี่ชั่วโมงตามที่ผมได้ยินรุ่นพี่ในคณะวิศวะฯเขาคุยกัน


ส่วนเรื่องที่ผมรู้สึกแย่หลังจากที่เห็นข้อความแชทของพี่เติมเต็มกับคู่นอนเก่า (ฟูจิมันเรียกแบบนี้) หลังจากที่พี่เติมเต็มอธิบายทุกอย่างให้ผมฟัง ถ้าถามว่าผมเข้าใจมั้ย ก็คงเข้าใจล่ะมั้ง ...  และมีอีกเรื่องที่พี่เติมเต็มมาเฉลยทีหลังคือวันนั้นแบตโทรศัพท์มือถือผมไม่ได้หมดหรอกครับ แต่พี่เติมเต็มปิดเครื่องเอาไว้เพราะกวีไลน์มาและโทรมาหาผมหลายสายพี่เติมเต็มไม่อยากให้คุยครับ ก็เลยเอามือถือของตัวเองมาให้ผมเล่นแทน ผมได้ทีเลยแซวว่าเป็นไงล่ะ แกล้งกวี ผมก็เลยรู้ความลับ แต่พี่เติมเต็มก็บอกว่ายังไงสักวันก็ต้องเล่าให้ผมฟังอยู่ดี


วันต่อมา ที่พี่เติมเต็มไปประชุมเรื่องออกค่าย ผมก็เลยมาปรึกษาเรื่องนี้กับฟูจิและส้มส้ม ตอนแรกก็คิดว่าจะเก็บเรื่องนี้ไว้ในใจเพราะผมมองว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของพี่เติมเต็ม แต่ผมเองก็รู้สึกว่าถ้าไม่ได้ระบายให้ใครฟัง ผมต้องอึดอัดแน่ๆ และที่สำคัญผมอยากรู้ด้วยว่าเพื่อนผมรู้สึกยังไงกับเรื่องนี้ และคำตอบที่ผมได้จากส้มส้มเพื่อนสนิทที่เป็นผู้หญิงของผมก็คือ


"เราว่ามันเป็นเรื่องธรรมดานะ ก็ตอนนั้นพี่เต็มยังไม่มีใคร การจะไปมีอะไรกับใครมันก็ไม่แปลก แล้วพอพี่เต็มเริ่มคุยกับคนเก่งแบบจริงจัง พี่เขาก็ไม่ทำเรื่องแบบนั้นแล้ว เราว่าพี่เต็มโคตรโอเคอ่ะ"

"ส้มเป็นผู้หญิง ก็คิดว่าเรื่องแบบนี้มันธรรมดาเหรอ" ผมถาม

"ก็ .. ธรรมดานะ เฮ้ย! แต่เราไม่ได้ทำแบบนั้นน่ะ เราก็แค่มองว่ามันก็เป็นเรื่องปกติของความสัมพันธ์สมัยนี้ไง"

"เปล่าๆเราก็ไม่ได้มองว่าส้มเป็นแบบนั้น" ผมรีบบอกเพราะกลัวเพื่อนคิดว่าผมคิดไม่ดีกับตัวเอง

"ที่มึงคิดมากอยู่เนี่ย เพราะมึงกำลังคิดว่าในขณะที่มึงตามจีบพี่เขาอยู่ แต่พี่เขาก็ไปนอนกับคนอื่นหรือเปล่า" ฟูจิที่นั่งฟังเงียบๆอยู่สักพักก็พูดขึ้น


ผมนิ่งคิดสิ่งที่ฟูจิถาม มันก็ไม่ใช่แบบนั้นนะเพราะถึงผมจะชอบและส่งการ์ดให้พี่เติมเต็มอยู่ตลอด แต่ระยะเวลาสองปีที่พี่เติมเต็มมาเรียนที่นี่ผมก็ไม่ได้เจอพี่เขาเลย การที่พี่เขาจะไปมีอะไรกับใครในช่วงเวลาสองปีนั้นพอมาคิดดู มันก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกแย่

"มึงว่า คนเราสามารถมีอะไรกับคนที่ตัวเองไม่รักได้ด้วยเหรอวะ" ผมถามสิ่งหนึ่งที่ค้างในใจผม

"กับผู้หญิงกูไม่รู้ แต่กับผู้ชายถึงไม่รักก็มีอะไรได้อยู่แล้ว มึงก็เป็นผู้ชาย ผู้ชายมันก็เกิดอารมณ์ได้ง่ายกว่าผู้หญิงอยู่แล้ว แค่โดนตัวนิดหน่อย ผู้ชายก็ของขึ้นแล้วเปล่าว่ะ เมื่อวานมึงยังบอกให้กูขยันทำการบ้านอยู่เลย ลืมหรือไง" ฟูจิมันพูดออกมา ผมมองส้มส้มเพราะกลัวเพื่อนจะเขินอายหรือทำหน้าไม่ถูกที่พูดเรื่องแบบนี้ แต่ส้มส้มกลับนั่งฟังด้วยสีหน้าปกติ

"ยังไงไหนเล่าสิ คนเก่งสอนให้ฟูจิทำการบ้านมัดใจพี่วินเหรอ" ส้มส้มพูดขึ้นมาทันทีที่ฟูจิพูดจบ น้ำเสียงตื่นเต้นมากครับ

"อย่าเพิ่งนอกเรื่องสิส้ม เรายังคุยเรื่องนี้ไม่จบเลยนะ" ผมรีบพูดเพราะยังไม่อยากเล่าที่ไปที่มาให้ส้มส้มฟัง

"เราเห็นด้วยกับที่ฟูจิพูดนะ ขอเสริมนิดหนึ่งตรงที่ผู้หญิงส่วนใหญ่จะไม่มีอะไรกับผู้ชายง่ายๆหรอกถัาไม่มีใจให้ผู้ชายคนนั้น แต่ก็มีผู้หญิงจำนวนหนึ่งที่ไม่ได้คิดอะไร เห็นเป็นเรื่องสนุก ยิ่งบางคนก็เก็บแต้มแข่งกับเพื่อนก็มีนะ แล้วเอามาอวดกันอ่ะ ว่าเคยมีอะไรกับผู้ชายคนนี้แล้ว ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นผู้ชายที่โปรไฟล์เจ๋งๆหน่อย เช่น หล่อ รวย เด่น หรือดังๆ"

"ทำไมน่ากลัวจัง"

พอผมฟังส้มส้มพูด ผมก็รู้สึกเลยว่าผมคงจะอ่อนต่อโลกอย่างที่พี่ธาวินพูดจริงๆ เรื่องพวกนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ใหม่สำหรับผมมาก ผมเคยได้ยินแต่ผมคิดว่ามันเป็นแค่เรื่องเล่าเท่านั้น


"ผู้หญิงคนนั้นเขาก็ไม่ได้ติดต่อพี่เต็มมาอีกไม่ใช่เหรอ ตามที่มึงเล่า" ฟูจิถามผม

"อืม พอพี่เต็มบอกเขาไปว่ากำลังจะมีแฟน ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ทักมาอีก"

"ก็แสดงว่าเขาก็โอเคนี่หว่า" ฟูจิพูด และพอผมคิดตามสิ่งที่พวกเราคุยกัน มันก็ไม่มีอะไรที่ผมต้องคิดมาก เพราะที่ผ่านมาตั้งแต่ที่พี่เติมเต็มเลือกที่จะคุยกับผม พี่เขาก็ไม่เคยทำอะไรให้ผมต้องกังวลใจเรื่องแบบนี้เลย




"ไปขึ้นรถกันได้แล้ว" เสียงของพี่ธาวินที่ดังขึ้นใกล้ๆทำให้ความคิดของผมที่กำลังนึกถึงเรื่องเมื่อหลายวันก่อนหยุดลง และกลับมาที่สถานการณ์ปัจจุบัน

"ปะ มึง" ฟูจิหันมาชวนผมให้เดินไปขึ้นรถด้วยกัน

"เป็นอะไรหรือเปล่า" พี่เติมเต็มเดินเข้ามาหาและถามผมด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วงพร้อมกับลูบผมของผมเล่นเบาๆ

"เปล่าครับ" ผมตอบพลางยิ้มให้พี่เติมเต็ม พี่เติมเต็มยิ้มกลับมาก่อนจะจับมือผมและพาเดินไปที่รถ

พี่ธาวินกับพี่เติมเต็มคุยกันว่าจะเอารถส่วนตัวไปเอง มีรุ่นพี่จำนวนหนึ่งขับรถส่วนตัวไปเหมือนกัน พี่ธาวินก็เลยตกลงเอารถฟอร์จูนเนอร์คันที่ให้ฟูจิใช้อยู่มาขับ

"เราไม่นั่งรถไปกับคนอื่นจะไม่โดนว่าเหรอครับ" ผมถามเพราะกังวลด้วยกลัวคนอื่นมองไม่ดี

"ไม่มีใครว่าหรอก เพราะเดี๋ยวคนที่ขับรถไปกันเองต้องแบ่งงานกันแวะซื้อของด้วย ตอนแรกอุตส่าห์เล่นตัวว่าจะไม่มาแล้ว" พี่ธาวินเป็นคนพูดครับ

"มาดีแล้วครับ ผมยังไม่เคยไปออกค่ายแบบนี้เลย อยากไป" ผมบอกเพราะตอนแรกพี่เติมเต็มปฏิเสธที่จะไม่ไปเพราะผมป่วยมีผื่นขึ้น แต่ผมไม่อยากให้คนอื่นมองพี่เติมเต็มไม่ดีเพราะที่ผ่านมาพี่เติมเต็มก็ไปตลอด ผมก็เลยขอร้องพี่เติมเต็มให้เปลี่ยนใจเพราะผมเองก็อยากมาด้วย


ผมกับพี่เติมเต็มนั่งอยู่ที่เบาะหลังด้วยกันครับ ฟูจินั่งหน้าคู่กับพี่ธาวินที่เป็นคนขับ ตอนนี้เวลาประมาณหกโมงเช้า รถบัสของคณะวิศวะขับออกไปแล้ว ส่วนรถของพวกผมเพิ่งจะขับออกมาได้สักพัก พี่เติมเต็มบอกว่าเดี๋ยวรถเราจะต้องแวะซื้อพวกเครื่องเขียนอุปกรณ์การเรียนด้วยจำนวนหนึ่งเพราะรุ่นพี่ไปซื้อมาก่อนหน้านี้แล้วแต่มาดูจำนวนแล้วคาดว่าน่าจะไม่พอ


"เดี๋ยวแวะทานข้าวแล้วก็ทานยาด้วยนะ" พี่เติมเต็มที่นั่งจับมือผมเอาไว้ตั้งแต่ขึ้นรถ พูดขึ้นมา

"ยังต้องทานยาอีกเหรอครับ หายแล้วนะ" ตอนนี้ผื่นผมหายสนิทแล้วครับ และหมอก็บอกว่าให้ทานยาเฉพาะตอนมีอาการเท่านั้น

"กันไว้ก่อนไง" พี่เติมเต็มบอก

"แต่ยาต้องทานตอนมีอาการเท่านั้นนะครับ ทานตอนไม่ได้เป็นอะไรก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น" ผมแย้ง

"โอเคๆ แต่ถ้ามีอาการขึ้นมา แค่รู้สึกคันหรือแค่เป็นผื่นขึ้นมาแค่นิดเดียวก็ต้องทานยานะ ตกลงมั้ย" พี่เติมเต็มย้ำ

"ครับ" ผมตอบตกลงไป ก่อนที่พี่เติมเต็มจะก้มลงมาจูบที่ริมฝีปากผมเบาๆ

"เกรงใจกันหน่อยมึง" เสียงพี่ธาวินพูดแซวขึ้นมา ผมรู้สึกอายมากๆเลยเพราะพี่เติมเต็มไม่ค่อยทำแบบนี้เวลาที่มีคนอื่นอยู่ด้วยสักเท่าไหร่ พี่เติมเต็มแค่ยักไหล่ให้พี่ธาวินและไม่ได้พูดอะไรออกมา


ผมนั่งมองไปนอกหน้าต่าง ต่างจังหวัดอากาศตอนเช้ามันดีมากเลยครับ ผมมองกลับมาในรถเห็นพี่ธาวินเอื้อมมือมาจับมือของฟูจิ และเหมือนฟูจิจะขืนมือตัวเองไว้ แต่พี่ธาวินเองก็ไม่ยอมเหมือนกัน สุดท้ายพี่ธาวินก็เป็นฝ่ายชนะ พี่ธาวินสอดนิ้วมือของตัวเองประสานกับนิ้วมือของฟูจิ และกุมมือฟูจิไว้ ตอนแรกฟูจิไม่ยอมกุมมือตอบแต่สักพักก็ยอม ผมเห็นรอยยิ้มที่มุมปากของพี่ธาวิน ดูท่าทางสงสัยจะมีเรื่องงอนกันและพี่ธาวินก็พยายามง้ออยู่ มิน่าล่ะตั้งแต่เจอฟูจิเมื่อเช้าดูฟูจิเงียบผิดปกติ และตอนแรกที่ขึ้นรถมาฟูจิอยากจะขอนั่งเบาะหลังกับผมด้วย แต่พี่ธาวินพูดขึ้นมาว่าแฟนกันเขาก็ต้องอยากนั่งด้วยกัน ฟูจิก็เลยนั่งเบาะหน้าตามเดิม ผมเองก็มัวแต่คิดเรื่องของตัวเองจนไม่ได้สังเกตุเพื่อนเลย



(มีต่อนะคะ)
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 35) 05/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ninewara ที่ 05-07-2019 23:51:32
(ต่อค่ะ)


หลังจากแวะทานมื้อเช้ากันเรียบร้อย พี่ธาวินขับรถมาอีกไม่ไกลก็มาถึงห้างสรรพสินค้าขายส่งขนาดใหญ่ที่อยู่ถนนเส้นรอบเมือง ผมมองดูเวลาที่มือถือเพราะมันยังเช้าเกินกว่าที่ห้างจะเปิด แล้วผมก็นึกได้ว่าห้างนี้จะเปิดเช้ากว่าห้างทั่วไป

ตอนที่เดินลงมาจากรถพี่เติมเต็มกับพี่ธาวินถือรายการของที่จะซื้อคนละใบ เพื่อความรวดเร็วในการซื้อของ ตอนแรกฟูจิเดินมาเกาะแขนจะไปกับผม แต่พี่ธาวินเดินเข้ามาจับมือของฟูจิและดึงตัวของฟูจิออกไปเลย ดูแล้วพี่ธาวินก็ไม่ได้ออกแรงดึงอะไรมาก ผมว่าฟูจิก็อยากไปกับพี่ธาวินอยู่แล้วล่ะ



ในระหว่างที่ผมกับพี่เติมเต็มเดินเลือกซื้อของเสร็จแล้วและกำลังเดินมาเพื่อจ่ายเงินก็มีเสียงผู้หญิงเรียกชื่อพี่เติมเต็ม

"เต็ม!"

ผมและพี่เติมเต็มหันไปมองเห็นผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ห่างจากเราพอสมควรและกำลังเดินเข้ามา ผู้หญิงคนนี้หน้าตาสวยเลยครับ ผิวขาว จัดว่าเป็นผู้หญิงที่สูงเพราะดูเหมือนเขาจะเตี้ยกว่าผมนิดเดียว หุ่นดีเลย ที่ผมรู้ว่าเขาหุ่นดีเพราะเขาใส่เสื้อกล้ามแบบรัดรูปและกางเกงขาสั้น และหางตาผมเห็นว่าพี่เติมเต็มหันมามองผม


ผมรู้สึกคุ้นหน้าผู้หญิงคนนี้จัง


"มองเห็นนานแล้วล่ะ แต่ไม่แน่ใจว่าใช่หรือเปล่า" ผู้หญิงคนนี้เขาพูดขึ้นมา

"เป็นไงบ้าง" พี่เติมเต็มถาม

"ก็ดี เรื่อยๆ  .. แล้วมาซื้อของอะไรเยอะแยะเลย"

"มาซื้อของจะไปออกค่ายน่ะ แล้วกอหญ้ามาซื้ออะไร" พอพี่เติมเต็มเอ่ยชื่อผู้หญิงคนนี้ออกมา ผมก็รู้ทันทีว่าผมเคยเจอผู้หญิงคนนี้ที่ไหน ในอินสตาแกรมของพี่เติมเต็ม


เขาคือผู้หญิงคนที่พี่เติมเต็มเคยมีสัมพันธ์ด้วย


"พี่เต็มคุยกับเพื่อนไปก่อนก็ได้นะครับ ผมจะเดินไปดูขนมตรงนั้นแป๊บนึง" ผมรู้สึกว่าผมไม่อยากยืนอยู่ตรงนี้เลย มันรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก แต่พี่เติมเต็มไม่ยอมให้ผมทำแบบนั้น พี่เติมเต็มจับมือผมเอาไว้แน่น

"เดี๋ยวค่อยเดินไปด้วยกัน คุยไม่นานหรอก" พี่เติมเต็มพูดกับผมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน และสายตาที่มองผมก็เหมือนกำลังอ้อนวอนผมอยู่ ผมก็เลยต้องยืนอยู่ที่เดิม

"พรุ่งนี้วันเกิดว่าที่แฟนกอหญ้าน่ะ ก็เลยว่าจะไปทำบุญที่บ้านเด็กกำพร้ากัน เขาก็เลยพามาซื้อของ โน่นยืนอยู่ตรงโน้น" ผู้หญิงคนนี้ชี้นิ้วไปทางด้านหลังของตัวเองและโบกมือ มองเห็นผู้ชายที่ใส่เสื้อสีดำยืนโบกมือตอบกลับมา

"มาแต่เช้าเลย" พี่เติมเต็มพูดออกมา

"วันนี้ต้องไปทำธุระหลายที่ ก็เลยต้องมาซื้อของกันแต่เช้า ... ว่าแต่น้องคนนี้ใช่มั้ย ที่บอกเป็นแฟน เคยเห็นรูปในไอจี" อยู่ๆผู้หญิงคนนี้ก็หันมาหาผม

"อืม คนนี้แหละ ก็มีอยู่คนเดียว" พี่เติมเต็มพูดพร้อมกับเอามือมาขยี้ผมของผมเล็กน้อย ผมรู้สึกทำตัวไม่ถูก แต่ก็ยกมือขึ้นมาไหว้ผู้หญิงคนนี้

"สวัสดีครับ"

"จริงๆก็แปลกใจนะที่เต็มมีแฟนเป็นผู้ชาย แต่ก็ดูเหมาะกับเต็มดี" ผู้หญิงคนนี้มองผมและยิ้มให้ผม ผมก็ไม่เก่งเรื่องดูคนสักเท่าไหร่หรอกนะ แต่ผมรู้สึกว่ารอยยิ้มของเธอที่ส่งให้ผมมันดูเป็นรอยยิ้มที่จริงใจ

"ถ้างั้นไว้มีโอกาสค่อยเจอกันใหม่นะ แค่แวะมาทักน่ะ กอหญ้าไปล่ะ" ผู้หญิงคนนี้บอกพี่เติมเต็มและหันหลังวิ่งกลับไป


"เราก็ไปกันเถอะ" พี่เติมเต็มพูดกับผม ก่อนที่จะเข็นรถเข็นไปที่เคาน์เตอร์จ่ายเงิน พี่ธาวินกับฟูจิยืนรออยู่ไม่ไกลมาก

"ผมไปรอข้างนอกกับฟูจินะครับ" ผมบอกพี่เติมเต็มที่กำลังยืนรอให้แคชเชียร์คิดเงินอยู่

ผมเดินออกมาหาฟูจิที่ยืนรอพี่ธาวินอยู่ก่อนแล้ว ก่อนที่จะชวนฟูจิออกมารอข้างนอก

"เป็นไรว่ะ" ฟูจิถามผม อาจจะเป็นเพราะเห็นสีหน้าของผมก็ได้ แต่ผมก็ไม่รู้หรอกว่าสีหน้าของผมตอนนี้เป็นยังไง

"แล้วมึงล่ะ เป็นไร ทะเลาะกับพี่วินเหรอ" ผมถามฟูจิกลับบ้าง

"ไม่รู้เรียกทะเลาะกันหรือเปล่า กูแค่เบื่อๆเซ็งๆ"

"มึงอย่าบอกนะ ว่ามึงเบื่อพี่วิน เฮ้ย! ถ้ามึงรู้สึกแบบนี้ กูว่าอันตรายแล้วนะ" ผมตกใจที่ได้ยินฟูจิพูดแบบนี้

"มันไม่ใช่กูเบื่อพี่วินเว้ย กูเบื่อเรื่องที่ต้องเจอ และกูก็เบื่อตัวเอง"

"เกิดอะไรขึ้น" ผมถามฟูจิด้วยความเป็นห่วง

"มึงรู้สึกแย่ที่เห็นแชทเก่าๆของพี่เต็มกับคนที่พี่เขาเคยมีอะไรด้วย แต่นั้นคือเขาเลิกติดต่อไปแล้วไง ... แต่กับพี่วิน ทุกวันนี้อดีตคู่นอนพี่วินยังทักมาหาอยู่เลย บางคนไม่ได้มีอะไรกันเป็นปีแล้วก็ยังทักมา ทั้งๆที่ก็รู้ว่าพี่วินมีกูแล้ว บางทีพี่วินนั่งทานข้าวอยู่กับกู ก็มีมาชวนไปรำลึกเรื่องเก่าๆ พี่วินไม่ได้อะไรกับอดีตพวกนั้นหรอก ไม่เคยอ่านหรือตอบแชท ไม่เคยทำอะไรให้กูระแวง เคลียร์ทุกอย่างชัดเจน แต่มันเป็นที่ตัวกู ที่มันไม่อดทนรับเรื่องพวกนี้ได้ กูไม่ยึดติดกับเรื่องในอดีตของพี่วินมันหรอกนะ แต่กูก็ไม่โอเคที่คนในอดีตของพี่มันบางคนยังชอบมาก่อกวน" ฟูจิมันพูดออกมาเหมือนมันอดกลั้นมานาน พอฟังเรื่องของฟูจิ ผมว่าเรื่องของผมเบาไปเลย เพราะอย่างน้อยผมก็เจอแค่คนเดียว และก็เลิกติดต่อกันไปแล้ว และจากที่เจอวันนี้ก็ดูเหมือนจะไม่มีอะไรแล้ว


"มึงเห็นผู้หญิงที่ยืนคุยกับพี่เต็มเมื่อกี้ใช่มั้ย" ผมถามและฟูจิก็พยักหน้า

"เขาเป็นเจ้าของแชทในไอจีของพี่เต็มที่กูเล่าให้มึงฟัง" ผมบอกและฟูจิมันก็ชะงักไป


"เรียบร้อยแล้ว"

ยังไม่ทันที่จะได้คุยอะไรกันต่อ พี่เติมเต็มก็เดินเข้ามาหาพวกผมที่นั่งอยู่ที่ม้านั่งบริเวณประตูทางออก ผมหันไปชวนฟูจิและเดินไปตรงที่จอดรถด้วยกัน พี่เติมเต็มเดินตามมาด้านหลัง พอมาถึงที่รถก็เห็นพี่ธาวินกำลังจัดของใส่รถใกล้จะเสร็จแล้ว

"เปลี่ยนกันขับมั้ยมึง" พี่เติมเต็มถามพี่ธาวิน พี่ธาวินลังเลใจอยู่สักพักก่อนที่จะตอบตกลง พี่ธาวินยื่นกุญแจรถให้พี่เติมเต็ม พี่เติมเต็มเดินไปขึ้นรถฝั่งคนขับ และผมก็รู้ตำแหน่งตัวเองว่าต้องนั่งเบาะหน้าคู่กับพี่เติมเต็มเพราะพี่ธาวินคงจะไม่มานั่งเบาะหน้ากับพี่เติมเต็มหรอก


หลังจากพี่เติมเต็มขับรถออกจากห้างมา ในรถถือว่าเงียบกริบมากเลยครับ ผมสังเกตเห็นว่าพี่เติมเต็มหันมามองผมบ่อยๆ พี่เขาคงอยากจะพูดกับผมเรื่องของผู้หญิงคนเมื่อกี้ที่เราเจอ แต่เพราะไม่ได้อยู่กันสองคนพี่เติมเต็มก็เลยยังไม่พูด แต่ผมก็ยอมรับอย่างหนึ่งคือตั้งแต่ที่แยกจากผู้หญิงคนนั้นมา ผมยังไม่มองหน้าพี่เติมเต็มตรงๆเลยครับ


"อ้าว ไอ้วินหลับเหรอ" พี่เติมเต็มเป็นคนที่พูดทำลายความเงียบขึ้นมา

"ครับ เมื่อคืนพี่วินนอนดึกน่ะครับ เกือบเช้า" ฟูจิตอบ ผมหันไปมองที่เบาะหลัง เห็นฟูจิกำลังจัดท่าทางให้พี่ธาวินนอนพิงไหล่ตัวเองดีๆ พี่ธาวินขยับตัวนิดหน่อยเพื่อให้ตัวเองนอนสบายก่อนที่จะได้ที่พร้อมกับยกแขนข้างหนึ่งมากอดเอวฟูจิเอาไว้


"ง่วงมั้ย" พี่เติมเต็มถามผม

"ถ้าง่วงก็หลับไปก่อนได้นะ อีกนานกว่าจะถึง" พี่เติมเต็มพูดออกมาอีก

"ไม่ง่วงครับ ผมจะนั่งเป็นเพื่อน" ผมตอบ พี่เติมเต็มยิ้มให้ผมและยกมือขึ้นมาขยี้ผมของผมไม่เบานัก

"ยอมมองหน้าพี่ซะที" พี่เติมเต็มพูดออกมา ผมมองหน้าพี่เติมเต็มก่อนจะจับมือของพี่เติมเต็มที่ยังคงขยี้ผมของผมเล่นอยู่ มาจับเอาไว้

"คนเก่ง"

"ครับ"

"อย่านอยด์ อย่าคิดมาก อย่าคิดเยอะ ตกลงมั้ย"

"ทำไมหย่าเยอะจัง ยังไม่ทันแต่งเลย" ผมแอบเล่นมุขแต่เหมือนจะไม่ขำ

" ..... "

"จะคุยตอนนี้เลยเหรอครับ" ผมถาม

"พี่อยากเคลียร์เลย" พี่เติมเต็มพูดขึ้นมา

ผมถอนหายใจออกมาเบาๆ

"ตอนแรกผมจำเขาไม่ได้แค่รู้สึกหน้าคุ้นๆ แต่ตอนที่พี่เต็มพูดชื่อเขาก็เลยจำได้ครับ ... ความรู้สึกแรกเลยก็นอยด์แหละ คงไม่มีใครโอเคหรอกครับมาเจอแบบนี้ ... เขาสวยน่ารักหุ่นดี เขาเป็นผู้หญิง ... และเขาเคยมีอะไรกับพี่เต็มด้วย" ผมไม่ได้ตั้งใจที่จะให้มันดราม่าหรืออะไร แต่พอนึกถึงว่าพี่เติมเต็มมีอะไรกับเขา มันก็อดที่จะรู้สึกแย่ขึ้นมาอีกไม่ได้

"ผมไม่ได้อยากดราม่านะ แต่มันอดไม่ได้" ผมพูดออกมาอีก

"เราจะต้องทะเลาะกันทุกครั้งที่พูดถึงหรือนึกถึงเรื่องนี้หรือเปล่า" พี่เติมเต็มถามผมด้วยน้ำเสียงที่ปกติครับ ไม่ได้มีอารมณ์ที่ไม่พอใจในน้ำเสียง

"ผมก็ไม่ได้อยากทะเลาะซะหน่อย"

"พี่ไม่เคยคิดที่จะบอกเรื่องนี้เลยนะแต่ถ้ามันจะทำให้คนเก่งสบายใจหรือรู้สึกดีขึ้น พี่ก็คงจะต้องบอก" พี่เติมเต็มพูดขึ้นมา ทำให้ผมอยากรู้ทันที

"อะไรเหรอครับ"

"คนเก่งเป็นคนแรกที่พี่มีอะไรด้วยแล้วไม่เคยใช้ถุงยางอนามัย พี่มีอะไรกับคนเก่งนับเป็นจำนวนครั้งมากกว่าที่พี่เคยมีอะไรกับกอหญ้าหลายเท่า เวลาเจอกันพี่มีอะไรกับกอหญ้าแค่ครั้งเดียวแต่กับคนเก่งอย่างน้อยก็ต้องสามครั้ง"


พี่เติมเต็มเงียบไปสักครู่ ก่อนจะพูดต่อ


"และสิ่งที่พี่เคยบอกไปแล้ว ... พี่มีเซ็กซ์กับคนเก่งเพราะความรัก ซึ่งกับคนอื่นไม่เคยมีคำว่ารักเข้ามาเกี่ยวข้อง มีแค่คำว่าอยากปลดปล่อยล้วนๆ"

ผมอึ้งไปสักพักใหญ่เลยครับ

"พี่เต็ม! พูดออกมาได้ไงเนี่ย พูดเรื่องแบบนั้นอ่ะ ไม่ได้อยู่กันสองคนน่ะ แถมยังขับรถอยู่ด้วย"

ผมโวยออกมา ผมหันไปมองเบาะหลัง เห็นฟูจิมันนั่งหน้าแดงแจ๋ ส่วนพี่ธาวินยังหลับตาอยู่แต่ผมรู้ว่าพี่เขาคงไม่ได้หลับหรืออาจจะตื่นแล้ว เพราะผมเห็นรอยยิ้มพี่ธาวิน

"ก็พี่อยากเคลียร์ให้เราเข้าใจกัน ไม่ว่าในอดีตมันจะเป็นยังไงพี่ก็จะไม่แก้ตัวเพราะมันเป็นสิ่งที่พี่ทำจริงๆ ... แต่มันก็ทำให้พี่นึกถึงคำพูดของไอ้บุ๊คที่มันบอกว่า ... ถ้ามันรู้ว่าอนาคตจะได้เจอกับไอ้โจ้มันจะไม่นอนกับคนอื่นมาก่อนเลย ... พี่ก็เหมือนกันถ้าพี่รู้ว่าสุดท้ายแล้วพี่จะมารักคนเก่ง พี่ก็อาจจะไม่มีอะไรกับคนอื่นมาก่อนก็ได้"

ผมฟังสิ่งที่พี่เติมเต็มพูด ถึงแม้ว่ามันจะดูชวนฝันเกินจริงไปหน่อยที่บอกว่าถ้ารู้ว่าจะได้รักผมแล้วพี่เขาจะไม่ไปมีอะไรกับคนอื่น แต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกดี

"อย่างน้อยพี่ก็ดีกว่าไอ้วินมันนะ ไอ้วินมันมีครั้งแรกตั้งแต่ยังเป็นเด็กชายอยู่เลย" พี่เติมเต็มพูดออกมา ผมตาโตทันทีที่ได้ยิน

"ไอ้เชี้ยเต็ม!! กูอยู่ดีๆเสือกมาวางเพลิงบ้านกู" พี่ธาวินไม่ได้นอนจริงๆด้วยครับ พี่ธาวินใช้เท้าถีบที่เบาะหน้าที่เป็นที่นั่งคนขับที่พี่เติมเต็มเป็นคนนั่ง

"ไม่ต้องไปฟังมันพูด" พี่ธาวินหันไปบอกฟูจิ

"เด็กชายเนี่ยปอไหนครับ" ฟูจิถามพี่ธาวิน

"ปออะไรล่ะ มอสองมอสามแล้ว" พี่ธาวินพูดออกมาเบาๆ

"ความต้องการมาเร็วเนอะ" ฟูจิพูดออกมา ก่อนที่พี่ธาวินจะเข้าไปกอดฟูจิ ผมก็เลยรีบหันกลับมามองถนนเพราะไม่อยากมองภาพที่ทำให้รู้สึกเขิน ได้ยินเสียงพี่ธาวินกับฟูจิพูดคุยกันเบาๆ และผมก็รู้สึกหน้าร้อนๆขึ้นมาตอนที่ได้ยินเสียง .. จุ๊บๆ .. ดังมาจากเบาะหลัง

เขินแทนฟูจิขึ้นมาเลยครับ

ผมมองพี่เติมเต็มแว่บหนึ่งก่อนที่ ...

"คนเก่ง!" พี่เติมเต็มส่งเสียงดุผมไม่ดังนัก

ผมยิ้มขำออกมาเบาๆที่เห็นสีหน้าของพี่เติมเต็ม ผมก็แค่จูบที่นิ้วของพี่เติมเต็มเท่านั้นเอง ไม่เห็นต้องดุผมเลย

"ไม่ทำแล้วครับ" แต่เพื่อสวัสดิภาพในการเดินทางของทุกคนผมก็เลยเลิกทำ ก่อนที่จะเปลี่ยนมากุมมือของพี่เติมเต็มเอาไว้แทน

"หนูรักพี่เต็มนะ"

พี่เติมเต็มหันมามองผมอย่างคาดโทษ และคงกำลังนึกเสียใจที่เป็นคนขับรถ


เรื่องอดีตก็ปล่อยให้เป็นอดีตไปดีกว่า ถ้าเอาเรื่องในอดีตมาคิดในปัจจุบันและส่งผลไม่ดีกับอนาคต ผมว่ามันก็มีแต่จะทำให้ทุกอย่างแย่ลง

ผมว่าทำปัจจุบันให้ดี เพื่ออนาคตจะได้ดีมากกว่าเดิมจะดีกว่า จริงมั้ยครับ


.
.
.


"ขอบคุณครับพี่วิน" ผมยกมือไหว้ขอบคุณพี่ธาวิน และโบกมือลาฟูจิที่ขับรถมาส่งที่คอนโดของพี่เติมเต็มในตอนเย็น หลังจากที่กลับมาจากไปออกค่ายของคณะวิศวะกันมา ตลอดห้าวันของการได้ไปออกค่ายทำกิจกรรมต่างๆเป็นสิ่งที่แปลกใหม่สำหรับผม และผมก็ชอบมันมากด้วย ผมเรียนโรงเรียนในตัวจังหวัดที่มีพร้อมทุกอย่าง ไม่เคยได้ไปสัมผัสโรงเรียนที่เขาขาดแคลนมากขนาดนี้ เด็กๆที่นั่นก็น่ารักและมีจิตใจที่บริสุทธิ์ มีความคิดแบบเด็กจริงๆ ซึ่งค่อนข้างแตกต่างจากเด็กในตัวจังหวัด

"เป็นอะไร" พี่เติมเต็มถามผมที่ยืนยิ้มอยู่ที่หน้าลิฟท์

"มีความสุขครับ" ผมบอกพี่เติมเต็ม และตลอดทางที่กลับมาผมก็พูดแต่เรื่องดีๆที่ไปเจอมา

"อยากเป็นคุณครูขึ้นมาเลยหรือเปล่า" พี่เติมเต็มถามผม เพราะช่วงที่อยู่ที่โน่น ผมมีไปช่วยสอนหนังสือเด็กๆบ้าง มันก็มีแว่บเข้ามาในความคิดบ้างเหมือนกันครับ แต่ผมว่าผมคงจะไม่เก่งพอที่จะเป็นคุณครูได้ อีกอย่างที่สำคัญเลยคือผมมีความรักแบบนี้ ถ้าเลือกที่จะเป็นพ่อพิมพ์ของชาติโอกาสที่จะได้รับการยอมรับคงจะเป็นเรื่องที่ยาก จะกลายเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีกับเด็กไปซะมากกว่า

"ไม่ครับ" ผมตอบ

"ดีแล้ว เพราะพี่อยากให้คนเก่งทำอย่างอื่นมากกว่าเป็นครู" พี่เติมเต็มบอกตอนที่เดินเข้ามาในลิฟท์

"ทำอะไรเหรอครับ" ผมถาม

"เป็นแม่บ้านให้พี่ก็พอ" พี่เติมเต็มพูดยิ้มๆ

"แม่บ้านอะไรล่ะครับ" ผมทำหน้ามุ่ยใส่พี่เติมเต็มที่ชอบพูดเหมือนผมเป็นผู้หญิง

"งั้นพ่อบ้านก็ได้" ยังไม่หยุดอีก

"ไม่ได้ต่างกันเลย" ผมโวยออกมา

"งั้นเป็นเมียพี่ก็พอ ..... จบ"

ผมอ้าปากจะพูดต่อแต่พี่เติมเต็มก็บอกว่าจบ ผมก็เลยต้องเงียบไป ... เผด็จการจัง


พอถึงหน้าห้องของพี่เติมเต็ม พี่เติมเต็มยืนอยู่สักพักและไม่แตะคีย์การ์ดที่อยู่ในมือ

"ทำไมไม่เข้าห้องล่ะครับ" ผมถามด้วยความแปลกใจ

"รอฤกษ์ดีแป๊บ" พี่เติมเต็มพูดจาแปลกๆแต่ก็เห็นพี่เติมเต็มมองเวลาบนนาฬิกาข้อมือที่ใส่อยู่ ผมก็ยืนมองและรอเวลาที่พี่เติมเติมบอกว่าเป็นฤกษ์ดี ถึงจะไม่เข้าใจก็เถอะ ผ่านไปหลายนาที พี่เติมเต็มก็แตะคีย์การ์ดและกดรหัสผ่าน เสียงปลดล็อคที่ประตูดังขึ้น และพี่เติมเต็มเป็นคนให้ผมเดินเข้าห้องไปก่อน

ผมเดินเข้ามาในห้องของพี่เติมเต็มด้วยความงงๆและพอเข้าห้องมาก็ยิ่งต้องแปลกใจ พอมองไปที่มุมห้องทางด้านซ้ายมือที่ปกติจะว่างแต่ตอนนี้มีตุ๊กตาหมีตัวใหญ่มากวางอยู่ ตัวสูงมากกว่าผมด้วยซ้ำ ผมหันไปมองพี่เติมเต็มอย่างงงๆ แต่พี่เติมเต็มแค่ยิ้มกลับมา ผมเดินเข้าไปดูตุ๊กตาหมีตัวนั้นใกล้ๆ ที่มือของตุ๊กตาหมีมีการ์ดขนาดครึ่งเอสี่มีข้อความว่า

"welcome"

ยินดีต้อนรับเหรอ? แค่กลับมาจากค่ายแค่นี้ต้องมีตุ๊กตาอะไรแบบนี้ด้วย ผมยิ้มให้กับพี่เติมเต็ม

และที่ถัดจากตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ก็คือห้องที่พี่เติมเต็มเอาไว้ใช้นั่งทำงาน และเก็บพวกหนังสือเรียน แต่ปกติพี่เติมเต็มจะชอบมานั่งที่ห้องรับแขกมากกว่า และผมก็ยิ่งแปลกใจเพิ่มเข้าไปอีกก็เพราะที่ประตูหน้าห้องนี้ปกติจะว่างเปล่าไม่มีข้อความไม่มีป้ายอะไรทั้งสิ้น แต่ตอนนี้กลับมีป้ายแขวนที่ประตูห้อง


      คนเก่ง ❤️


นี่คือป้ายข้อความที่หน้าประตูห้อง


ผมสะดุ้งเล็กน้อยตอนที่กำลังยืนงงอยู่ พี่เติมเต็มเข้าสวมกอดผมที่ด้านหลังและหอมแก้มผม

"คืออะไรเหรอครับ" ผมถามพร้อมกับชี้นิ้วไปที่ตัวอักษรที่ป้ายหน้าประตู

"เปิดประตูเข้าไปดู" พี่เติมเต็มบอก แต่ผมรู้สึกไม่กล้าที่จะเปิดประตูห้องนี้เข้าไป มันรู้สึกกลัว รู้สึกระแวง จนไม่กล้า

"เร็ว" พี่เติมเต็มจับมือผมให้ไปจับที่ลูกบิดประตู ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆก่อนจะหมุนลูกบิดประตูห้องเข้าไป

สิ่งที่ผมเห็นทำให้ผมงงมาก เพราะนอกจากที่มีการเปลี่ยนวอลเปเปอร์ในห้องใหม่แล้วยังมีเฟอร์นิเจอร์แบบบิ้วอินอีกหลายชิ้น รวมทั้งมีโซฟาตัวหนึ่งที่คล้ายกับโซฟาที่หอพักของผมที่ผมซื้อตอนที่ย้ายมาอยู่หอ ผมเดินไปดูใกล้ๆ มันไม่ใช่แค่คล้ายแต่มันคือโซฟาที่อยู่ที่หอพัก ในห้องมีเตียงนอนที่บนเตียงก็มีผ้าห่มผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนที่สีและลวดลายเหมือนของที่ผมใช้ประจำ เพื่อความแน่ใจผมเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า และเป็นอย่างที่ผมคิดจริงๆ

ผมกำลังจะหันไปถามพี่เติมเต็มที่ยืนอยู่ตรงประตูแต่พอผมหันกลับไปก็ถูกพี่เติมเต็มที่เดินเข้ามาใกล้ผมตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้สวมกอดผมเอาไว้ ตอนนี้ใบหน้าของผมซุกอยู่ที่หน้าอกของพี่เติมเต็ม


"มาอยู่ด้วยกันนะ"


พี่เติมเต็มเอ่ยขึ้นมาพร้อมกับกอดผมแน่นมากขึ้น

"เก็บของมาให้ขนาดนี้จะปฏิเสธได้เหรอครับ" ผมถามขึ้นมาแบบไม่จริงจังนัก

"ก็ไม่คิดที่จะให้ปฏิเสธอยู่แล้ว" พี่เติมเต็มบอกก่อนจะพาผมไปนั่งทั่โซฟาที่อยู่ภายในห้อง

"ไปจัดการตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ ไม่เห็นบอกผมก่อนเลย" ผมถาม

"พี่ก็บอกคนเก่งตั้งนานแล้วนะ เรื่องที่จะให้มาอยู่ด้วยกัน วันที่พี่ไปขออนุญาตแม่กับป้าคนเก่งไง"

"พี่เต็มขี้โกงอ่ะ ตั้งนานแล้ว แล้วก็ไม่เคยพูดเรื่องนี้อีกเลย" ผมอดที่จะโวยออกมาไม่ได้

"แล้วเนี่ยคือยังไงครับ ไปขนของมาแบบนี้คนที่เขาดูแลหอเขาไม่ว่าเหรอครับ แล้วยังไม่ถึงกำหนดต้องย้ายออกด้วย เสียค่าหอที่เหลือฟรีเลย" เพราะค่าหอพักที่นี่คือจ่ายครั้งเดียวตลอดปีการศึกษา

"พี่ไปแจ้งเขาล่วงหน้าก่อนแล้วว่าจะย้าย พี่ไปเก็บของของคนเก่งแพ็คเรียบร้อยตั้งแต่ก่อนไปออกค่ายแล้ว ที่เหลือก็แค่ใช้บริการบริษัทขนส่งของพี่ต่อแค่นั้นเอง ให้เขาขนของมาให้ แต่ ... ของในห้องพี่เป็นรื้อออกมาจัดให้เองนะ"

ผมคิดตามสิ่งที่พี่เติมเต็มพูด ช่วงสี่วันก่อนที่จะไปออกค่ายกัน ผมก็สังเกตอยู่เหมือนกันว่าพี่เติมเต็มดูจะยุ่งๆแต่ผมเข้าใจว่าพี่เขายุ่งเรื่องจะไปออกค่าย แต่ถ้าผมช่างจับผิดสักนิดก็อาจจะจับได้ เพราะช่วงนั้นพี่เติมเต็มไม่ให้ผมอยู่คอนโดเลยถ้าพี่เติมเต็มไม่อยู่ด้วย ส่วนเรื่องกลับหอปกติผมจะกลับไปอาทิตย์ละครั้งหรือสองครั้ง และผมก็เพิ่งไปมาเพราะฉะนั้นก็หมดกังวลเรื่องที่ผมจะกลับหอได้เลย

"แล้วตุ๊กตาหมีมายังไงครับ วันที่เราไปออกค่ายผมจำได้นะว่าไม่มี" ผมถามด้วยความสงสัย

"ก็รบกวนให้พี่ขวัญจัดการให้ พร้อมทั้งป้ายหน้าห้อง" พอพี่เติมเต็มพูดถึงป้ายหน้าห้องทำให้ผมนึกขึ้นมาได้

"ป้ายหน้าห้องเป็นชื่อคนเก่ง แสดงว่าต่อไปผมนอนห้องนี้เหรอครับ" ผมถามด้วยความสงสัย และแอบหวั่นในใจนิดหน่อยว่าพี่เติมเต็มอาจจะอยากให้แยกห้องนอน

พี่เติมเต็มจับผมนั่งหันหน้ามาตรงๆ ก่อนที่จะพูดขึ้น

"วันนั้นที่คนเก่งเล่าให้พี่ฟังเรื่องที่ฟูจิบอกว่าไม่สบายใจถ้าหากย้ายไปอยู่กับไอ้วินแล้วเกิดทะเลาะกัน งอนกันขึ้นมา แล้วฟูจิจะไปอยู่ที่ไหน พี่ก็เก็บเอาสิ่งที่ฟูจิพูดมาคิดดู พี่ว่าก็ดูมีเหตุผลดี เพราะฉะนั้นนี่คือข้อตกลงอีกข้อหนึ่งของเรา ... ถ้ามีเหตุุการณ์ที่ทำให้คนเก่งน้อยใจหรือโกรธหรืองอนพี่ หรือมีความรู้สึกแย่เรื่องอะไรก็ตาม ห้องนี้จะเป็นพื้นที่ส่วนตัวของคนเก่งในเวลาแบบนั้น คนเก่งต้องรับปากว่าจะไม่ไปไหน จะต้องมาอยู่ในห้องนี้เท่านั้น พี่ไม่อนุญาตให้ไปที่อื่นหรือข้างนอก"

"ข้อตกลงหรือข้อบังคับกันแน่ครับเนี่ย" ผมอดที่จะหัวเราะกับข้อตกลงของพี่เติมเต็มไม่ได้

"ก็เป็นข้อตกลงที่พี่บังคับ"

พี่เติมเต็มพูดออกมาพร้อมกับยิ้มมุมปาก

"ตกลงนะครับ" พี่เติมเต็มถามผม

"ครับ ตกลง" ผมตอบรับ

ผมยิ้มให้พี่เติมเต็ม ก่อนที่พี่เติมเต็มจะดึงผมเข้าไปจูบ พี่เติมเต็มจับแขนของผมให้โอบรอบคอพี่เติมเต็มเอาไว้ พี่เติมเต็มจูบผมช้าๆและอ้อยอิ่งอยู่นานพอสมควร จนผมรู้สึกเหมือนปากผมน่าจะแดงช้ำ

"ถ้างั้นเรามาฉลองห้องใหม่กันดีกว่านะครับ" พี่เติมเต็มที่ตอนนี้ถอดเสื้อของตัวเองออกแล้วพูดออกมา ผมกลืนน้ำลายลงคอทันทีที่เห็นร่างกายของพี่เติมเต็ม

"อาบน้ำก่อนได้มั้ยครับ" ผมต่อรองเพราะถึงผมจะมั่นใจว่าตัวผมสะอาดและตัวไม่เหม็นแต่ผมก็อยากให้ร่างกายสะอาดกว่านี้

"เดี๋ยวค่อยอาบทีเดียว ไม่ได้ทำตั้งหลายวันแล้วนะ ... ไม่อยากรอแล้ว" พี่เติมเต็มพูดพร้อมกับถอดเสื้อของผมและเริ่มโถมตัวมาซุกไซร้ที่ซอกคอและบริเวณหน้าอก

ผมกับพี่เติมเต็มไม่ได้มีอะไรกันหลายวันอย่างที่พี่เติมเต็มบอก เพราะปกติอย่างน้อยก็ต้องอาทิตย์ละสองถึงสามวัน แต่ตั้งแต่ที่ผมเป็นผื่นจนไปออกค่ายกลับมาวันนี้ก็ประมาณสิบวันเห็นจะได้ แล้วดูท่าทางพี่เติมเต็มเหมือนจะกินผมลงไปทั้งตัวอย่างนั้นแหละ

ผมว่าคืนนี้ผมต้องเจอศึกหนักแน่เลยครับ ปกติพี่เติมเต็มก็ทำแต่ละรอบนานอยู่แล้ว แล้วยิ่งมาพูดว่าไม่ได้ทำหลายวันแบบนี้ ผมไม่รู้ว่าคืนนี้จะนานแค่ไหน

แต่ไม่ว่าจะยังไงผมก็สู้เต็มที่อยู่แล้ว

บอกแล้วไงว่าผมอยากให้พี่เติมเต็มมีความสุขกับร่างกายของผม

แต่ยังไงก็เอาใจช่วยผมให้ผ่านคืนนี้ไปด้วยดีด้วยนะครับ



TBC.
#เติมเต็มรัก
ninewara✿





หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 36) 06/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ninewara ที่ 06-07-2019 00:30:11
✿ เติมเต็มรัก ✿ ครั้งที่ 36



[เติมเต็ม part]


"วิศวะเนี่ยเป็นอย่างที่เคยได้ยินเลยนะครับ ดื่มเก่ง สังสรรค์เก่ง" คนเก่งพูดขึ้นมาพร้อมกับมองไปรอบร้าน

ตอนนี้ผมกับคนเก่งอยู่ที่ร้านอาหารกึ่งผับที่เป็นร้านประจำของนักศึกษาคณะวิศวะฯ เพราะเจ้าของร้านเป็นรุ่นพี่ที่เป็นศิษย์เก่า ที่พวกเราชอบมากันก็เพราะอายุไม่ถึงก็สามารถเข้ามาดื่มได้ แต่ต้องเป็นเด็กวิศวะเท่านั้น ตอนแรกที่ผมเคยพาคนเก่งมา ผมบอกพี่เจ้าของร้านว่าคนเก่งเป็นน้องใหม่คณะวิศวะฯ พี่เจ้าของร้านบอกว่าเห็นหน้าก็รู้แล้วว่าเมียผม ก็เลยได้สิทธิพิเศษอายุไม่ถึงยี่สิบก็เข้าได้

คืนนี้ที่ต้องออกมานั่งดื่มกันอยู่แบบนี้แทนที่จะได้พักผ่อนและนอนกอดแฟนสบายๆอยู่บนเตียงก็เป็นเพราะช่วงบ่ายในกรุ๊ปไลน์ที่ไปออกค่ายกันมาบอกว่า มีรุ่นพี่คนหนึ่งที่แจ้งเข้ามาในกรุ๊ปไลน์ว่าวันนี้เป็นวันเกิด และการออกค่ายก็ผ่านไปได้ด้วยดีก็เลยอยากนัดรวมตัวกันคืนนี้เลย และอย่างที่คนเก่งพูดเมื่อตอนต้น เด็กวิศวะทุกคนมากันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา เรื่องเหล้า เรื่องเฮฮาปาร์ตี้ไม่มีขาด

เนื่องจากรุ่นพี่เจ้าของงานจองพื้นที่ไว้ค่อนข้างใหญ่ มีทั้งแบบโต๊ะกลมทรงสูงที่ยืนดื่มพร้อมเต้นไปได้ด้วย และโชคดีที่รุ่นพี่ยังจองในส่วนที่เป็นโซฟาไว้ด้วยเพราะคนเก่งคงจะไปยืนหรือไปนั่งเก้าอี้ที่ไม่มีเบาะไม่ไหว แต่ถึงรุ่นพี่ไม่จองไว้ผมก็ตั้งใจที่จะเปิดอีกโต๊ะที่เป็นโซฟาให้น้องนั่งอยู่แล้ว

เมื่อคืนผมฉลองห้องใหม่กับคนเก่งยาวนานมากครับ ผมจำไม่ได้ว่ากี่รอบแต่รู้ว่าตัวเองใจร้ายกับคนเก่งไปพอสมควรเลย รอบสุดท้ายถ้าคนเก่งไม่หลับไปก่อน ผมต้องขอต่ออีก เมื่อคืนเป็นครั้งแรกที่คนเก่งหมดแรงและหลับไปทั้งๆที่ตัวผมยังอยู่ในตัวน้องอยู่เลย ทำไงได้ล่ะครับผมไม่ได้มีอะไรกับน้องเลยเกือบสองอาทิตย์

"ไม่ต้องมามองแบบนี้เลยนะ คืนนี้ไม่ใจอ่อนแล้ว" ผมไม่รู้ว่าผมใช้สายตาแบบไหนมองคนเก่ง น้องถึงได้พูดแบบนั้นออกมา ผมได้แต่ยิ้มและโยกหัวน้องไปมาเบาๆ

ช่วงสายที่คนเก่งตื่นมาน้องงอแงนิดหน่อยครับคงจะเพราะความเจ็บและความหิวด้วย เพราะน้องไม่ได้ทานอะไรเลยตั้งแต่กลับถึงคอนโดเมื่อวานจนกระทั่งตื่น

"คืนนี้พี่ให้พักผ่อนครับ นอนเต็มที่เลย" ผมรีบพูดอย่างเอาใจ ก่อนจะหันไปคุยกับเพื่อนๆพี่ๆน้องๆร่วมคณะวิศวะที่เข้ามาทัก

"พี่เต็มไปสนุกกับเพื่อนๆเถอะครับ เดี๋ยวฟูจิก็มาแล้ว" ผมลังเลใจเพราะไม่อยากให้น้องนั่งอยู่คนเดียวแบบนี้ และกลัวน้องคิดว่าผมพามาแล้วก็มาทิ้งน้องเอาไว้ ถึงแม้ว่ามันไม่ได้ห่างกันมากก็เถอะ

"พี่เป็นห่วงน่ะ ร่างกายยิ่งยังไม่ค่อยโอเคอยู่ด้วย" ผมพูดด้วยความกังวล

"ไม่ต้องห่วงหรอกครับ นั่นไงฟูจิมาแล้ว" ผมมองตามนิ้วของคนเก่ง ไอ้ธาวินเดินจับมือฟูจิเดินเข้ามาในโซนที่รุ่นพี่จองเอาไว้ ฟูจิยกมือไหว้รุ่นพี่แทบจะรอบร้านก่อนไอ้ธาวินจะพาเดินมาหาคนเก่ง

"ดื่มได้แต่อย่าให้เมามากนะ" ไอ้ธาวินบอกฟูจิที่นั่งลงที่โซฟาตรงกันข้ามกับคนเก่ง

"แล้วผมดื่มได้มั้ย" คนเก่งถามผม ปกติน้องจะไม่ค่อยดื่มครับแต่ถ้ามีเพื่อนมาด้วยก็จะดื่มบ้าง

"ได้ครับ แต่อย่าดื่มจนเมา ดูแลกันด้วยล่ะ" ผมบอกน้อง พร้อมทั้งบอกฟูจิไปด้วย

"อย่าเว่อร์ไอ้เต็ม โต๊ะอยู่ห่างกันแค่ฟุตเดียวมึงทำเหมือนไกลกันมาก" ไอ้ธาวินมันพูดขึ้นมา

"หึ งั้นมึงก็ไม่ต้องหันมาสนใจแฟนมึงล่ะเพราะอยู่แค่นี้เอง" ผมบอกมัน

"ไม่สนได้ไง กูรักของกู" ไอ้ธาวินพูดเสร็จก็ก้มลงไปจูบปากแฟนมันอย่างหมั่นเขี้ยวครั้งหนึ่ง ผลคือมันโดนแฟนมันต่อยที่ท้องไปหนึ่งที ดูก็รู้ว่ามันไม่เจ็บแต่แกล้งสำออยอ้อนแฟน 

ผมมองคนเก่งที่ทำตาโตกับฉากเลิฟซีนเล็กๆของเพื่อนตัวเอง จนอดที่จะลูบหัวน้องไปมาไม่ได้ สักพักผมกับไอ้ธาวินก็ไปรวมกลุ่มกับชาววิศวะที่มากันพร้อมหน้า ผมดื่มและพูดคุยกับทุกคนในขณะที่ก็คอยมองคนเก่งไปด้วย

ประมาณสี่ทุ่มรุ่นพี่ที่เป็นเจ้าของวันเกิดก็มาถึง รุ่นพี่บอกว่าวันนี้เตรียมโชว์สุดพิเศษมาให้พวกเราชาววิศวะและลูกค้าในร้านด้วย หลังจากพูดเสร็จเสียงดนตรีในร้านก็เงียบไป ก่อนจะมีเสียงดนตรีดังขึ้นมาอีกรอบพร้อมกับแสงไฟต่างๆในร้านที่จัดเต็มมาก และตามมาด้วยผู้ชายน่าจะเกือบสิบคนได้ที่เดินเข้ามาภายในร้าน ผมถึงบางอ้อทันทีเพราะตอนแรกที่มาถึงร้านผมคิดว่าทางร้านจัดพื้นที่ในร้านใหม่ เพราะลักษณะคือมีการปูพรมแดงตั้งแต่ประตูร้านจนเข้ามาด้านใน และแยกเป็นทางเดินซ้ายขวา

ผู้ชายกลุ่มนี้เดินเข้ามาตามจังหวะดนตรีและหยุดยืนประจำที่ของตัวเอง เดาว่าคงจะโชว์อะไรสักอย่าง พอทุกคนยืนเรียบร้อยแล้วดนตรีก็หยุดลงก่อนจะเปลี่ยนเป็นเพลงที่มีจังหวะสนุก

"พี่เอกจัดเต็มไปมั้ยมึง" เพื่อนผมพวกไอ้ชินท์ไอ้ธรณ์ พูดถึงความเล่นใหญ่ของรุ่นพี่ เพราะพอท่อนแรกของเพลงที่เปิดอยู่ขึ้นมา พี่เอกรุ่นพี่ที่เป็นเจ้าของวันเกิดก็ลงไปยืนอยู่จุดตรงกลางของร้านและเต้นแบบจัดเต็มมาก

"ก็ธรรมดานิสัยพี่แก อีกอย่างแกคงกลัวว่าพวกเราจะลืมว่าแกเคยอยู่ทีมโคฟเวอร์มาก่อน"

อย่างที่ไอ้ทัตพลพูด พี่เอกที่เป็นเจ้าของงานแกเคยเต้นโคฟเวอร์มาก่อนแต่เท่าที่รู้แกก็เลิกเต้นมาประมาณสองปีเพราะเรียนหนัก ตอนนี้แกอยู่ปีสี่แล้วแกก็คงจะอยากจะเต้นส่งท้าย

ตอนนี้สาวๆในร้านส่งเสียงร้องออกมาด้วยความถูกใจ ผมหันไปมองคนเก่งที่ตอนนี้สีหน้าน้องที่ผมเห็นดูน้องจะชอบการแสดงมากเพราะน้องนั่งร้องเพลงและปรบมือตามจังหวะเพลงไปด้วย และหันมาคุยกับฟูจิเป็นระยะ

"มึง" ไอ้ธาวินเดินมาประชิดตัวผมก่อนจะสะกิดที่หัวไหล่ ผมส่งสายตาเป็นคำถามไปให้มัน

"มึงเห็นผู้ชายที่เต้นอยู่ตรงนั้นมั้ย ที่ใส่เสื้อกล้ามดำกางเกงส้ม" ผมมองตามที่ไอ้ธาวินมันบอก ผู้ชายคนนี้เป็นหนึ่งในทีมเต้นและอยู่ไม่ไกลจากพวกผมมากนัก

"ทำไมว่ะ" ผมถาม

"มึงว่ามันมองใคร ... แฟนมึงหรือแฟนกู" พอไอ้ธาวินมันพูด ผมขมวดคิ้วทันทีและพอมองที่ผู้ชายคนนั้น สายตาและรอยยิ้มมันส่งไปตรงจุดที่คนเก่งและฟูจินั่งอยู่บ่อยมาก

"แฟนกู" ผมบอกไอ้ธาวินด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจ และมันก็หัวเราะออกมา

"กูก็ว่างั้น"พอไอ้ธาวินพูดเสร็จมันก็เดินไปหาฟูจิและกระซิบข้างหู ก่อนที่ฟูจิจะลุกเดินออกไปกับไอ้ธาวิน ผมเดาว่ามันคงชวนฟูจิไปห้องน้ำ และพอคนเก่งนั่งอยู่คนเดียว ทุกอย่างก็ยิ่งชัดขึ้น ผู้ชายคนนั้นมันมองคนเก่งจริงๆ

ผมก็เลยรีบเดินไปนั่งข้างคนเก่งพร้อมทั้งโอบไหล่น้องไว้แต่แค่นั้นมันยังไม่พอ ผมเพิ่มเติมด้วยการหอมแก้มน้องด้วย ผมไม่ได้มองไปทางผู้ชายคนนั้นก็เลยไม่รู้ว่ามันทำหน้ายังไง แต่แฟนผมตอนนี้ทั้งตกใจทั้งหน้าแดงจนผมอยากพากลับคอนโด

"ชอบเหรอ" ผมถามกลางๆไม่ได้สื่อว่าหมายถึงเรื่องอะไร

"ครับ ผมชอบดูอะไรแบบนี้พวกเต้นน่ะครับ คนที่เต้นได้เขาเก่งดี เพราะผมเต้นไม่เป็น" คนเก่งบอกน้ำเสียงเต็มไปด้วยความชื่นชม จนผมรู้สึกหงุดหงิด

"พี่เต็มก็เต้นเก่งเหมือนกันนี่ครับ ไม่ได้เห็นพี่เต็มเต้นนานแล้วเหมือนกันเนอะ" คนเก่งพูดขึ้นมาอีก และตอนนี้ดูเหมือนน้องจะหันมาสนใจที่จะคุยกับผมมากกว่าดูเต้นโคฟเวอร์แล้วครับ

เรื่องที่น้องบอกว่าผมเต้นเก่งมันเป็นเรื่องตั้งแต่สมัยที่เรียนมอปลายครับ อย่างที่รู้กันคือผมชอบทำกิจกรรม เวลามีร้องมีเต้นให้ผมทำผมก็ทำหมด แต่พอเข้าเรียนมหาวิทยาลัยผมก็ลดกิจกรรมทุกอย่างเพราะอยากจะเรียนมากกว่า และอีกอย่างกิจกรรมในมหาวิทยาลัยมันมีเยอะกว่าสมัยเรียนมัธยมมากจนเลือกไม่ถูกว่าจะทำอะไรดี

"แก่แล้วไม่มีแรงเต้นแล้วครับ" ผมบอกคนเก่ง น้องหัวเราะขำผมออกมาอย่างน่ารัก

"ยี่สิบเอ็ดเนี่ยแก่เหรอ ไม่ใช่แล้วครับ" น้องบอก

"ก็แก่สำหรับการเต้น แต่แรงยังมีอีกเยอะสำหรับบางเรื่อง" ผมบอกคนเก่งที่ข้างหูพร้อมกับจูบคลอเคลียน้องไปมาที่ข้างแก้มและใบหู คนเก่งไม่ได้เบี่ยงตัวหนีหรือหลบผม น้องยินยอมให้ผมนัวเนียแต่โดยดี

"ถ้าไม่ห้ามจะเลยเถิดแล้วนะ" ผมบอกคนเก่งเสียงพร่า มือผมเริ่มจะลวนลามน้องมากขึ้นแล้วครับ

"พี่เต็มไม่ทำหรอกครับ เพราะพี่เต็มรับปากแล้วว่าคืนนี้จะให้ผมนอนสบายๆ" ผมชะงักไปนิดหน่อยตอนที่ได้ยินน้องพูด ผมกอดคนเก่งไว้นิ่งๆก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ  แต่ยังไม่ได้พูดอะไรกันต่อ ก็มีเสียงกรี๊ดดังลั่นร้าน พอผมหันไปมองก็รู้ที่มาของเสียงกรี๊ดเพราะเหล่านักเต้นทั้งหลายตอนนี้ถอดเสื้อที่ใส่กันมาจนเปลือยช่วงบน เผยให้เห็นซิกแพคของแต่ละคนอย่างชัดเจน

พอหันมามองแฟนตัวเอง คนเก่งมองตาค้างเลยครับ จนผมยกมือขึ้นมาปิดตาน้องไว้

"ห้ามมอง" ผมบอก

"ทำไมล่ะครับ" คนเก่งถามผมแต่น้องก็ไม่ได้จับมือผมที่ปิดตาน้องอยู่ออก

"ก็เรามองผู้ชายคนอื่นแล้วตาโตแบบนี้ใครจะชอบล่ะ" ผมบอกก่อนจะสะดุ้งเพราะสัมผัสเย็นๆที่บริเวณหน้าท้อง ผมก้มลงมองก่อนจะเห็นว่าเป็นมือของคนเก่งที่ล้วงเข้ามาภายในเสื้อเชิ้ตของผม ผมรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องทันที

"มันอยู่ตรงหน้าถึงไม่อยากมองเราก็ต้องมองครับ แต่แค่พี่เต็มคนเดียวที่ผมอยากมอง ... และอยากสัมผัสนะครับ"

คนเก่งพูดด้วยน้ำเสียงปกติพร้อมกับยิ้มไปด้วย เสียงน้องมันไม่ได้ยั่วยวนแต่พอผมได้ยินผมแทบจะทนไม่ไหว

"ยั่วเก่งนะ" น้องตาโตตอนที่ผมพูด

"ร้านกูไม่มีห้องนะเว้ย จะทำอะไรกันก็กลับบ้าน" เสียงรุ่นพี่ที่เป็นเจ้าของร้านดังขึ้นมาผมกันไปมองพี่เขายืนอยู่ที่บริเวณหน้าโต๊ะ

"ทำอะไรล่ะพี่ แค่แสดงความรักกันนิดหน่อย" ผมบอก

"กูมองสักพักแล้ว อีกนิดเดียวกูว่า .... " พี่เขาพูดแค่นั้นพร้อมกับส่ายหน้าไปมา

"เขามาสังสรรค์กัน เสือกมาสร้างโลกส่วนตัว"

"ผมขอโทษนะครับ" คนเก่งหน้าเสียขึ้นมาทันที

"เฮ้ย!ไม่ต้องขอโทษๆ กูแค่หมั่นไส้ก็เลยเข้ามาแซวมันเท่านั้นแหละ" พี่มันรีบพูดด้วยความตกใจคงเพราะเห็นสีหน้าของคนเก่ง

หลังจากนั้นคนเก่งก็ได้รับเหล้าปั่นปลอบใจหนึ่งโถใหญ่พร้อมกับแกล้มชุดใหญ่ หลังจากการแสดงเล่นใหญ่ของเจ้าของงานผ่านไปภายในร้านก็กลับมาสู่ความสงบอีกครั้ง วงดนตรีและนักร้องขึ้นร้องเพลงบนเวทีด้วยเพลงที่คึกคัก บรรดาเพื่อนผมไม่รู้เมากันจริงมั้ย แต่ลักษณะการเต้นเหมือนมันจะเมากันพอสมควรครับ

"เพื่อนพี่เต็มตลกเนอะ" คนเก่งมองกลุ่มเพื่อนผมที่กำลังจับกลุ่มเต้นกันด้วยท่าเต้นที่สามารถเรียกอวัยวะเบื้องล่างได้ ถ้าไปเต้นที่อื่นไม่ใช่ที่นี่ผมว่าคงโดนกันยกกลุ่ม แต่ปกติพวกมันก็เต้นกวนๆแบบนี้เฉพาะที่นี่เท่านั้นแหละครับ

"กวนตีนน่ะสิ ถ้าไม่ใช่ที่นี่มันโดนรุมกันแล้ว" ผมบอกพลางนั่งดื่มเหล้าที่ไอ้ชินท์มันคอยชงมาให้ ส่วนคนเก่งน้องก็นั่งดื่มเหล้าปั่นอยู่ข้างๆผม โดยมีฟูจิและไอ้ธาวินนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม

"ไอ้เต็ม จะว่ากูเสือกก็ได้นะ มึงหัดถนอมแฟนหน่อยไม่ได้หรือไง" ไอ้ธาวินมันพูดพร้อมกับใช้นิ้วตัวเองจิ้มไปที่คอของตัวเองหลายจุด สายตามันพยักเพยิดให้มองคนข้างตัวผม พอผมมองตามก็เลยเข้าใจสิ่งที่มันพูด

"ในเมื่อแฟนกูไม่บ่น ก็หมายความว่าแฟนกูโอเค" ดูเหมือนคนเก่งจะไม่ได้ยินว่าผมกับไอ้ธาวินพูดอะไรกัน น้องแค่หันมามองผมและยิ้มให้อย่างงงๆ ที่คอของคนเก่งมีรอยแดงนิดหน่อยครับ ไม่ได้น่าเกลียดหรือเยอะอย่างที่ไอ้ธาวินมันพูด

"พอดีเมื่อคืนกูฉลองที่คนเก่งย้ายมาอยู่กับกูอย่างเป็นทางการ" ผมบอกไอ้ธาวินด้วยน้ำเสียงอวดๆ

"ย้ายออกจากหอแล้วเหรอ" ไอ้ธาวินถามและผมก็ยักคิ้วให้มัน

"ฟูจิ ไหนบอกว่าต้องอยู่จนครบกำหนดถึงย้ายหอได้ไง ทำไมคนเก่งย้ายออกมาอยู่ที่คอนโดไอ้เต็มได้แล้วล่ะ" ไอ้ธาวินหันไปเล่นงานฟูจิ ฟูจิทำหน้าแปลกใจมองผมทีมองคนเก่งที ผมรู้สึกว่าผมกำลังจะมีงานเข้านะครับ

"มึงย้ายของมาอยู่กับพี่เต็มแล้วเหรอ" ฟูจิถามคนเก่ง

"ใช่ พี่เต็มจัดการให้อ่ะ เมื่อวานกลับจากค่ายมา ขึ้นห้องพี่เต็มไป ของก็ขนมาหมดแล้ว" คนเก่งบอกฟูจิ

"กูเคยไปถามคนดูแลเขาบอกต้องออกตอนที่ครบกำหนดอ่ะ ไม่งั้นเงินค่ามัดจำก็ไม่ได้ ต้องเสียค่าปรับด้วย" ฟูจิอธิบาย ... เงื่อนไขที่แท้จริงออกมา

"ไอ้เต็มมันก็ต้องจ่ายให้คนเก่งเหมือนกัน บอกแล้วว่าจะจ่ายให้ทั้งค่ามัดจำทั้งค่าปรับก็ไม่เอา" ไอ้ธาวินบ่นให้แฟนมัน

"ผมไม่อยากให้พี่มาเสียตังค์ไง ค่ามัดจำมันเป็นเงินของผมที่จะต้องได้อยู่แล้วแค่รอสักหน่อย และถ้าเรารอค่าปรับก็ไม่ต้องเสีย เห็นมั้ยเรามีแต่ได้" ฟูจิอธิบาย

ผมมองคนเก่งตลอดเพราะลุ้นว่าน้องจะพูดอะไรออกมาหรือเปล่า เพราะผมไม่ได้บอกน้องถึงเรื่องรายละเอียดพวกนี้ แต่คนเก่งแค่นั่งเงียบๆและนั่งดื่มเหล้าปั่นไปเรื่อยๆ โดยไม่ได้ถามผมเรื่องที่ผมพูดความจริงไม่หมดเรื่องย้ายหอ



(มีต่อนะคะ)
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 36) 06/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ninewara ที่ 06-07-2019 00:37:54
(ต่อค่ะ)


เวลาผ่านไปจนเกือบตีสอง ตอนนี้ร้านปิดแล้วครับแต่กลุ่มที่มางานวันเกิดยังคงนั่งดื่มกันอยู่ภายในร้าน เริ่มดื่มกันเงียบๆและนั่งคุยปรับทุกข์และอัพเดตชีวิตกันมากกว่า เพราะช่วงเที่ยงคืน พวกรุ่นพี่วิศวะที่เป็นศิษย์เก่าก็เข้ามาสมทบกันหลายคน คืนนี้ยาวแน่นอนครับ

ผมหันไปมองคนเก่งที่ตอนนี้นั่งหลับตาเอนตัวอยู่บนโซฟาพร้อมกับฟูจิที่นั่งอยู่ข้างๆในท่าเดียวกัน

"พวกมึงพาเมียกลับกันได้แล้วไป สงสารมัน คิดผิดจริงๆที่มาเอาผัววิศวะ ต้องมานอนเฝ้าผัวกินเหล้า" รุ่นพี่ที่นั่งดื่มอยู่หันมามองผมกับไอ้ธาวิน ผมกับไอ้ธาวินก็เลยขอตัวกลับเลยเพราะตั้งใจว่าจะขอตัวกลับอยู่เหมือนกัน

ไอ้ธาวินมันไม่ปลุกฟูจิครับแต่มันเข้าไปช้อนตัวอุ้มขึ้นมาเลย จนโดนพวกรุ่นพี่โห่แซว ผมเองก็อยากจะทำแบบนั้นหรอกนะแต่ว่าเพราะเสียงโห่แซวที่ดังขึ้นทำให้คนเก่งลืมตาขึ้นมา ผมขยับไปจัดทรงผมให้น้องนิดหนึ่งก่อนจะชวนน้องกลับ น้องดูจะยังงงอยู่ แต่ก็พยักหน้ารับ

"พี่เต็มครับ" ตอนที่ผมลุกขึ้นยืนคนเก่งดึงเสื้อผมไว้

"ว่าไง" ผมถาม

"หนูเดินไม่ไหว หนูขี่หลังพี่เต็มได้มั้ย" ผมมองน้องด้วยความใจระทีกเพราะคนเก่งอ้อนผมเบอร์แรงมาก ทั้งน้ำเสียงทั้งสายตา ทั้งใช้คำว่าหนู .... ปกติน้องจะใช้คำว่าหนูแทนตัวเองเฉพาะเวลาที่มีอะไรกันกับผม เพราะผมขอให้น้องพูด แล้วประโยคเมื่อกี้ที่พูด ปกติถ้าอยู่บนเตียงคนเก่งจะต้องพูดว่า

... หนูไม่ไหวแล้ว พี่เต็ม xxx ให้หนูได้มั้ย

หรือ

... หนูไม่ไหวแล้ว หนูขอ xxx ให้พี่เต็มได้มั้ย

ผมว่าผมเริ่มจะหน้ามืดแล้วล่ะครับ


ผมนั่งลงหันหลังให้น้อง ก่อนที่น้องจะขึ้นมาขี่หลังผม ผมจับขาน้องและขยับตัวให้น้องขี่หลังดีๆ ก่อนจะหันไปดูที่โซฟาว่าลืมอะไรหรือทำอะไรหล่นไว้หรือเปล่า ผมหันมากล่าวลาพวกรุ่นพี่ ส่วนคนเก่งเองที่ถ้าไม่เมาหรือมึนมากก็คงจะยกมือไหว้ลาพวกพี่ๆ แต่สิ่งที่น้องทำคือยกมือขึ้นมาโบกและพูดว่าบ๊ายบายทั้งที่ยังขี่หลังผมอยู่

ผมพาคนเก่งเดินมาจนถึงรถ เอาน้องลงและจัดให้น้องนั่งดีๆพร้อมคาดเข็มขัดนิรภัยให้ ผมเดินมานั่งประจำที่ฝั่งคนขับ หลังจากที่สตาร์ทรถแต่ยังไม่ทันได้ขับรถออกไป ผมหันไปมองน้องที่กำลังลืมตามองผมอยู่ ผมเอื้อมมือไปเล่นผมนิ่มๆของน้อง

"ไปขับรถเล่นก่อนได้มั้ยครับ" คนเก่งถามผมซึ่งผมไม่ขัดใจน้องอยู่แล้ว

"ได้ครับ อยากไปไหนหรือเปล่า หรือแค่อยากให้พี่ขับรถเล่นรอบๆเมืองเฉยๆ" ผมถามคนเก่งอย่างเอาใจ

"ตามใจพี่เต็มเลยครับ" คนเก่งบอกแค่นั้นแล้วน้องก็หลับตาลง ผมปิดแอร์ในรถและลดกระจกลงเพื่อให้อากาศเย็นๆภายนอกได้พัดเข้ามา ผมขับรถออกมาสักพักหันไปมองน้องก็เห็นว่าน้องลืมตาขึ้นมาและมองออกไปนอกหน้าต่าง

ผมขับรถรอบเมืองไปหนึ่งรอบ ก่อนจะขับรถมาที่หนองน้ำขนาดใหญ่ที่อยู่ชานเมือง ถ้าเป็นช่วงเย็นแถวนี้คนจะพลุกพล่านพอสมควรเพราะมีคนมาออกกำลังกายรอบๆหนองน้ำ

ผมจอดรถตรงริมหนองน้ำที่มองดูแล้วไม่เปลี่ยวมากเกินไป มีแสงไฟส่องสว่างอยู่รอบบริเวณ ผมลดกระจกฝั่งคนเก่งลงจนหมดและดับเครื่องยนต์

"ดีขึ้นมั้ย เมามากหรือเปล่า" ผมปลดเข็มขัดนิรภัยตัวเองและหันไปถามคนเก่ง

"ไม่เมาครับ แค่มึน" คนเก่งตอบและเราสองคนก็ต่างคนต่างเงียบ แต่มันไม่ใช่ความเงียบที่อึดอัด

"คนเก่ง" ผมเรียกน้องและน้องก็ขยับตัวหันมามองผมทั้งตัวพร้อมทั้งปลดเข็มขัดนิรภัย

"ครับ"

"ทำไมตอนที่คนเก่งรู้เรื่องย้ายหอ ... เรื่องที่พี่ไม่บอกความจริงเรื่องค่าปรับค่ามัดจำ ทำไมคนเก่งไม่ถามหรือไม่โกรธพี่เลยล่ะ" ผมถามด้วยความสงสัยเพราะตอนแรกคิดว่าคนเก่งจะต้องงอนผมแน่

"ที่พี่เต็มทำแบบนั้นเพราะพี่เต็มอยากจะอยู่กับผมใช่มั้ยครับ" คนเก่งไม่ตอบแต่ถามผมกลับ

"อยากสิ .. อยากมากด้วย ถึงแม้ทุกวันนี้คนเก่งจะอยู่กับพี่อยู่แล้ว แต่ตราบใดที่คนเก่งยังไม่ย้ายของออกมา ยังไม่แจ้งย้ายพี่ก็ไม่แน่ใจอะไรทั้งนั้น พี่ก็เลยใช้วิธีลัด อย่างน้อยก็ทำให้พี่มั่นใจว่าสุดท้ายยังไงคนเก่งก็ต้องมาอยู่กับพี่" ผมตอบตามความจริงที่ในใจมันรู้สึก

"ที่ผมไม่โกรธที่พี่เต็มไม่บอกผมเรื่องย้ายหอ ก็เพราะผมเองก็อยากอยู่กับพี่เต็มเหมือนกันครับ" คำตอบของคนเก่งทำให้ผมใจพองโต ผมดึงน้องเข้ามากอดและหอมที่แก้มที่ผมน้องหลายต่อหลายครั้ง

"พี่เต็มครับ" เสียงของคนเก่งเรียกผมในขณะที่น้องอยู่ในอ้อมกอดผม

"หืม" ผมขานรับ

"ทำกันมั้ย"

ห๊ะ?! ผมได้ยินสิ่งที่คนเก่งพูดนะแต่แค่แปลกใจที่น้องเป็นคนพูด

"ทำกันนะ นะครับ" คนเก่งเงยหน้ามามองผมพร้อมส่งสายตาที่อ้อนมากๆมาให้ผม แค่ตอนที่อยู่ในร้านผมก็อดทนตั้งนาน แล้วอยู่คนเก่งก็มาชวนผมแบบนี้

"ตอนนี้?" ผมถามเหมือนยื้อเวลาให้คนเก่งเปลี่ยนใจ

"ครับ"

"บนรถ"

"ครับ"

"หายเจ็บแล้วเหรอ" ผมไม่ใช่แค่ถามธรรมดานะครับ ผมใช้มือบีบลงไปที่สะโพกน้องเบาๆด้วย จะได้เข้าใจว่าผมหมายถึงตรงไหน

"ยังครับ แต่ทนได้" คนเก่งตอบเสียงแผ่วๆพร้อมกับเริ่มปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตผมออก ปลดไปได้สามสี่เม็ดคนเก่งก็เริ่มใช้ริมฝีปากจูบลงที่แผ่นอกของผม และก่อนที่เจ้าตัวจะทำให้ผมร้องครางออกมา เพราะคนเก่งกำลังใช้ลิ้นเล็กๆของตัวเองเลียที่จุดสีน้ำตาลอ่อนบนตัวของผมไปมาหลายครั้ง โดยไม่ยอมให้ข้างใดข้างหนึ่งต้องน้อยใจ

"จะมาบอกให้พี่หยุด ก็ไม่ได้แล้วนะ" ผมพูดออกมาเสียงพร่า คนเก่งละสายตาออกจากหน้าอกผมและน้องก็ปีนขึ้นมานั่งบนตักผม

"อย่าหยุดนะครับ" คนเก่งพูดออกมาและเริ่มจูบที่ริมฝีปากผมก่อน ผมก็จูบตอบน้องกลับไป ตอนนี้ผมรู้สึกตื่นเต้นและตื่นตัวไปหมดแล้วครับ พื้นที่คับแคบบนรถแต่สร้างความตื่นเต้นให้ผมเป็นอย่างมาก

ตอนนี้ผมนั่งอยู่ที่เบาะฝั่งคนขับและน้องก็นั่งคร่อมอยู่บนตัวผม เราจูบกันโต้ตอบไปมาอย่างไม่มีใครยอมใคร ผมสัมผัสบางอย่างจากร่างกายของคนเก่งที่บ่งบอกถึงความต้องการที่มันดันอยู่ตรงบริเวณหน้าท้องของผม ผมปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตที่คนเก่งใส่มาจนหมด ก่อนจะเปลี่ยนไปจัดการกับจุดสีชมพูเข้มทั้งสองข้างที่อยู่เบื้องหน้า เสียงครางของคนเก่งทำให้ผมตื่นตัวขึ้นมาเรื่อยๆ

"รู้มั้ยว่าหนูกำลังจะทำให้พี่คลั่งตาย" ผมพูดออกมาด้วยน้ำเสียงพยายามสกัดอารมณ์ความต้องการของตัวเอง และผมก็ต้องสะดุ้งและร้องครางออกมาอีกครั้ง เพราะคนเก่งใช้มือล้วงเข้าไปในกางเกงยีนส์ของผมและจับเข้าตรงส่วนนั้นของผมอย่างเต็มมือ

คนเก่งรั้งคอของผมเข้ามาจูบอีกครั้งโดนที่มืออีกข้างยังคงจับส่วนนั้นของผมอยู่ เหมือนน้องจะพยายามที่จะถอดกางเกงผมแต่ด้วยพื้นที่ในรถที่มันไม่ได้กว้างมากทำให้ค่อนข้างลำบาก

"พี่เต็มครับ เลื่อนเบาะหน่อย"

คนเก่งบอกผมเสียงเบาๆ กลายเป็นว่าน้องเป็นคนที่รู้ว่าผมควรจะเลื่อนเบาะไปด้านหลัง อันที่จริงผมก็ควรจะนึกได้แต่อาจจะเป็นเพราะตื่นเต้นมากจนเกินไปก็ได้

หลังจากเลื่อนเบาะออกไปจนสุด ทำให้ตอนนี้บริเวณเบาะที่ผมนั่งอยู่มีพื้นที่มากขึ้น ผมมองน้องที่อยู่บนตัวผมกำลังปลดกระดุมบนกางเกงยีนส์ของผมออก ตอนนี้คนเก่งตัวแดงไปทั้งตัวผมว่าน้องเองก็คงจะต้องอายมากแน่ๆ ผมดึงตัวน้องขึ้นมารับจูบจากผมอีกครั้งเมื่อน้องปลดกระดุมกางเกงยีนส์ของผมเรียบร้อย ผมขยับสะโพกและใช้มือข้างหนึ่งถอดกางเกงของตัวเองออกจนตอนนี้กางเกงยีนส์ไปกองอยู่ที่ข้อเท้าของผม

คนเก่งใช้มือของตัวเองจับส่วนนั้นของผมอีกครั้ง พร้อมทั้งขยับไปมาขึ้นลง ผมหลุดครางออกมาอีกครั้งทำให้จากที่เราจูบกันอยู่ ริมฝีปากต้องผละออกไป คนเก่งค่อยจูบไล้บนตัวผมลงไปเรื่อยไปจนกระทั่งถึงขอบกางเกงบ็อกเซอร์ คนเก่งปล่อยมือจากส่วนนั้นของผมแต่ก้มลงจูบที่ส่วนนั้นของผมที่มันกำลังแสดงความใหญ่โตอยู่ภายใต้กางเกงบ็อกเซอร์

คนเก่งที่ตอนนี้น้องกำลังนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้นที่เล็กๆระหว่างพวงมาลัยกับเบาะที่ผมนั่งที่ตอนนี้เลื่อนจนสุด คนเก่งดึงกางเกงบ็อกเซอร์พร้อมด้วยกางเกงในของผมลงไปพร้อมกัน คนเก่งนั่งจ้องที่ส่วนนั้นของผมอยู่หลายวินาทีพร้อมกับผมเห็นน้องกลืนน้ำลาย จนทำให้ผมรู้สึกเขิน หลังจากผ่านไปหลายวินาทีคนเก่งก็ใช้มือจับที่ส่วนนั้นของผม ขยับขึ้นลงไปมาก่อนที่น้องจะค่อยบรรจงจูบลงไปที่ส่วนนั้นของผมอย่างแผ่วเบา จนใจผมหวิวๆ การกระทำแบบนี้ของคนเก่งทำให้ผมใจเต้นแรง

".... หนู" ผมครางเรียกคนเก่งออกมาตอนที่ส่วนนั้นของผมสัมผัสกับลิ้นและหายเข้าไปในโพรงปากของคนเก่ง ผมมองภาพตรงหน้าด้วยใจเต้นระรัวมากขึ้น

"อึก!" ผมรีบหยิบกระดาษทิชชู่เพื่อจะส่งให้น้อง เพราะผมปลดปล่อยออกมาโดยที่ทั้งผมและน้องไม่ทันตั้งตัว

"อย่ากลืน คายออกมา" ผมบอกน้องที่ตอนนี้น้องนั่งทำหน้าแปลกๆอยู่ และเอากระดาษทิชชู่ไปรองที่ตรงปากน้องเพื่อจะให้น้องคายออกมา แต่สุดท้ายคนเก่งกลับกลืนมันเข้าไปแทน

"รสชาติมันแปลกๆ" คนเก่งพูดออกมาจนผมอดยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดูไม่ได้ ไม่ใช่ครั้งแรกที่น้องใช้ปากทำให้ผม แต่ทุกครั้งผมจะไม่ยอมปลดปล่อยออกมาก่อนแบบนี้

"บอกแล้วว่าอย่ากลืน" ผมบอก

"ก็ .... อยากรู้ว่ารสชาติของพี่เต็ม ... เป็นยังไง ... แปลกแต่โอเคครับ" คนเก่งพูดต่อก่อนที่น้องจะใช้มือขยับที่ส่วนนั้นของผมอีกครั้ง ผมดึงตัวน้องขึ้นมาบนตัวผม คลอเคลียและจูบน้อง รสชาติของผมที่อยู่ในปากของน้องมันแปลกอย่างที่คนเก่งบอกจริงๆ

ผมว่ารสชาติของคนเก่งมันดีกว่าของผมเยอะครับ

ระหว่างที่ผมกำลังนัวเนียและเล้าโลมน้องอยู่ คนเก่งก็จัดการตัวเองด้วยการถอดกางเกงของตัวเองออก พอผมเห็นน้องทำแบบนั้น ผมรีบควานหาเจลหล่อลื่นรวมทั้งถุงยางอนามัยที่ผมจะมีติดรถติดกระเป๋าเอาไว้เสมอเผื่อฉุกเฉิน ... แบบนี้

หลังจากหาเจอเรียบร้อย ผมรีบช่วยเตรียมความพร้อมให้น้อง หลังจากนั้นผมก็แกะกล่องถุงยางอนามัยไปด้วย

"พี่เต็มจะใช้ถุงยางเหรอครับ" คนเก่งถามผมด้วยน้ำเสียงเขินอาย ผมจูบคลอเคลียกับน้อง

"ต้องใส่ครับ อยู่ข้างนอกแบบนี้ เดี๋ยวหนูจะลำบากกว่าจะกลับถึงคอนโด" คนเก่งพยักหน้ารับรู้

หลังจากที่ผมจัดการใส่ถุงยางอนามัยให้ตัวเองแล้วเรียบร้อย

"เดี๋ยวหนูทำเองครับ"

ผมเลิกคิ้วขึ้นมาด้วยความแปลกใจ คนเก่งโถมตัวเข้าจูบผม ก่อนที่น้องจะขยับตัวเองให้ตรงนั้นตรงกับส่วนนั้นของผม

"ฮึก .. " คนเก่งพยายามจับส่วนนั้นของผมให้เข้าไปที่ส่วนนั้นของตัวเอง ผมกอดเอวน้องไว้โดยพยายามที่จะระงับอารมณ์ของตัวเอง การได้มองน้องทำอะไรแบบนี้มันทำให้อารมณ์ผมขึ้นชะมัด

"พี่เต็ม .. ไม่ต้อง .. หนูจะทำเอง"

คนเก่งบอกผมตอนที่ส่วนนั้นของผมมันเข้าไปได้ครึ่งหนึ่งแล้ว ผมก็เลยดันกระแทกเข้าไปเพราะผมเองใกล้จะไม่ไหวแล้ว ผมโอบกอดน้องและดึงเข้ามากอด พยายามดึงความสนใจให้น้องสนใจที่การเล้าโลมของผมเพื่อผมจะได้ช่วยให้น้องกลืนกินผมได้จนหมด ผมช่วยคนเก่งด้วยการดันสะโพกตัวเองขึ้นไปหาร่างกายของน้องที่อยู่ด้านบน จนในที่สุดส่วนนั้นของผมก็เข้าไปที่ร่างกายน้องจนหมด

ผมกอดคนเก่งอยู่นิ่งๆจูบซับเหงื่อของน้องที่เริ่มซึมออกมาบริเวณหน้าอกและลำคอ

"พี่ขยับนะ"

ผมบอกเพื่อให้น้องได้เตรียมตัว คนเก่งที่ซบหน้าอยู่ที่บ่าของผมพยักหน้าออกมาสองสามครั้ง ผมขยับเบาๆก่อนจะเริ่มกระแทกแรงขึ้นตามแรงอารมณ์และความต้องการ คนเก่งเองก็เหมือนจะไม่ยอมผมเหมือนกัน น้องขย่มผมบนร่างกายของผมจนผมแทบจะปลดปล่อยอีกรอบ

"อ๊ะ!"

ผมจับตรงส่วนนั้นของน้องขยับไปมารูดรั้งเพื่อช่วยให้น้องได้ปลดปล่อยพร้อมๆกับผม ปกติถ้าเรามีอะไรกันในห้องคนเก่งไม่เคยกลั้นเสียงตัวเองแบบนี้เลย แต่ตอนนี้ผมรู้เลยว่าน้องกำลังห้ามเสียงร้องของตัวเอง


"พี่เต็ม .. หนูจุก .. อึก"


ผมเบาจังหวะของสะโพกลงพอได้ยินน้องพูดแบบนี้ ก่อนจะค่อยๆเริ่มขยับใหม่จนเริ่มแรงขึ้น ผมเริ่มได้ยินเสียงคนเก่งร้องครางออกมาเบาๆ ผมคลอเคลียจูบไปทั่วใบหน้าและแผ่นอกของน้อง มือของผมก็ยังรูดรั้งส่วนนั้นของน้องไปตามจังหวะของสะโพก

ไม่นานคนเก่งก็แหงนหน้าและแอ่นอกไปด้านหลัง หลังของน้องติดอยู่ที่พวงมาลัยรถ น้องร้องครางออกมาถี่ๆทำให้ผมรู้ว่าน้องใกล้จะถึงที่หมายแล้ว ทำให้ผมยิ่งต้องเร่งจังหวะทั้งมือตัวเองที่กำลังทำให้น้อง และสะโพกตัวเองที่กำลังรัวอยู่

ไม่กี่วินาทีคนเก่งก็ปลดปล่อยออกมาเต็มบริเวณหน้าท้องของผม และไม่กี่วินาทีต่อมาผมเองก็ปลดปล่อยตามน้องไปเช่นกัน คนเก่งยังคงนั่งพิงที่พวงมาลัยรถอยู่ น้องหายใจหอบด้วยความเหนื่อย ผมยิ้มกับภาพตรงหน้า ตอนนี้คนเก่งเซ็กซี่และยั่วยวนมากๆ น้องอยู่ในสภาพที่ท่อนบนมีเสื้อเชิ้ตที่ปลดกระดุมจนหมด เผยให้เห็นหน้าอกที่แดงจัดและมีเหงื่อไหลลงมา ส่วนท่อนล่างที่เปลือยเปล่ามีชายเสื้อเชิ้ตปิดบังตรงส่วนนั้นของน้องให้เห็นพอวับๆแวมๆ และผมยังไม่เอาส่วนนั้นออกมาจากร่างกายของน้อง

ผมลุกขึ้นนั่งและดึงตัวน้องมากอดและจูบอย่างปลอบขวัญ

"วันนี้หนูเก่งมากครับ" ผมเอ่ยปากชมคนเก่ง และหน้าน้องก็แดงมากกว่าเดิม

"เอาออกได้แล้วครับ .. " คนเก่งพูดออกมาเสียงแผ่วเบา ผมพยักหน้าและน้องเองก็ขยับตัวค่อยๆลุกออกจากตัวผม เห็นสีหน้าคนเก่งตอนที่ลุกออกจากตัวผม ผมรู้สึกสงสารน้องมากเลยครับ ทุกครั้งที่มีอะไรกันผมรู้สึกรักคนเก่งมากขึ้นเรื่อยๆ คนๆหนึ่งเขาต้องรักเรามากขนาดไหนกัน เขาถึงได้ยอมเจ็บตัวแบบนี้

ผมช่วยให้คนเก่งขยับไปนั่งที่เบาะข้างคนขับ น้องหยิบกางเกงที่วางอยู่ที่เบาะมาค่อยๆใส่ หลังจากนั้นผมก็กลับมาจัดการตัวเอง ผมหยิบกระดาษทิชชู่มาเช็ดร่องรอยความรักของคนเก่งที่อยู่บริเวณหน้าท้องของผม และจัดการถอดถุงยางอนามัยออก ผมเอากระดาษทิชชู่ห่อถุงยางอนามัยก่อนจะวางไว้ที่บริเวณเท้า ผมดึงกางเกงของผมที่ร่นอยู่ที่ข้อเท้าขึ้นมาใส่ และติดกระดุมเสื้อเชิ้ตของตัวเอง ผมหยิบกระดาษทิชชู่ที่ผมเตรียมจะทิ้ง และเปิดประตูรถลงมาก่อนจะเดินไปทิ้งที่ถังขยะที่อยู่ไม่ไกล

ผมเดินกลับมาที่รถและเดินไปเปิดประตูฝั่งด้านข้างคนขับที่คนเก่งนั่งอยู่ ตอนนี้น้องแต่งตัวเรียบร้อยแล้วและกำลังนวดที่ปลายเท้าข้างขวาของตัวเองอยู่

"พี่นวดให้"

"ไม่ต้องครับ .. มันเป็นเท้านะ'

"พี่ไม่รังเกียจคนเก่งอยู่แล้ว"

ผมนั่งคุกเข่าชันขาข้างหนึ่งอยู่ตรงข้างรถฝั่งที่คนเก่งนั่ง คนเก่งนั่งหันข้างโดยหันหน้ามาหาผม ผมจับเท้าข้างขวาของน้องมานวดเบาๆ ที่ต้องทำแบบนี้เพราะคนเก่งจะมีอาการชาที่ปลายเท้าทุกครั้งที่ถึงจุดสุดยอด คนเก่งเคยชาจนถึงขั้นเป็นตะคริวตอนที่ถึงจุดสุดยอดหลายครั้งติดกัน

ผมว่ามันเป็นอาการที่น่ารักดี มันเหมือนเป็นหลักฐานว่าผมเจ๋งที่ทำให้น้องมีความสุขกับเรื่องบนเตียง

"ผมรักพี่เต็มนะ"

อยู่ๆคนเก่งพูดขึ้นมา ผมยืดตัวไปหอมที่แก้มของน้อง

"วันนี้ทำไมอ้อนจังเลย หืม .... พี่ก็รักคนเก่งนะ ... รักมากด้วย" ผมบอกรักน้องออกมาบ้าง

"จริงอ่ะ" คนเก่งมองผมและพูดด้วยน้ำเสียงล้อเลียนผม

"หลงจะตายอยู่แล้วเนี่ย หลงมากขึ้นทุกวัน" ผมพูดพร้อมกับเอื้อมมือไปบีบที่สะโพกน้องเบาๆ คนเก่งตีที่มือของผมเบาๆ

"ลามก" ผมหัวเราะกับคำพูดของคนเก่ง .. นี่คือด่าใช่มั้ย



"คนเก่ง .... ถ้าเรียนจบแล้วเราแต่งงานกันนะ"

ผมเอ่ยขึ้นมาหลังจากที่เราทั้งสองคนเงียบเพราะกำลังดื่มด่ำกับบรรยากาศรอบข้าง มันเป็นสิ่งที่ผมคิดมาสักพักแล้วว่าจะต้องบอกคนเก่ง ซึ่งถึงแม้ว่าน้องจะรักผมแต่ผมก็ไม่ได้มั่นใจว่าน้องจะเห็นด้วย หรืออยากแต่งงานกับผมหรือเปล่า

คนเก่งมองหน้าผมด้วยสายตาที่ตกใจ จนผมไม่แน่ใจว่าน้องคิดเหมือนกับผมหรือเปล่า

คงต้องมาลุ้นกับคำตอบของคนเก่งอีกทีครับ






TBC.
#เติมเต็มรัก
ninewara✿

จะจบแล้วนะคะ
ขอบคุณทุกๆคอมเม้นนะคะ
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 36) 06/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 06-07-2019 01:30:08
 :hao7: พี่เค้าหลงหนูขนาดนี้ ตอบตกลงไปเถอะ
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 36) 06/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 06-07-2019 02:08:15
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 36) 06/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 06-07-2019 10:03:23
หูย ... จะจบแล้วอ่ะครับ
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 36) 06/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 06-07-2019 12:43:06
พี่เต็มรักและหวงคนเก่งมาก o18
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 36) 06/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 06-07-2019 21:02:39
เริ่มหมั่นไส้พี่เต็มแล้วจ้า 5555

เยอะตลอดละช่วงนี้
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 36) 06/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Tonson777 ที่ 06-07-2019 23:46:45
ใกล้จะจบแล้วรู้สึกเศร้าจัง หลงความน่ารักของคนเก่งตามพี่เต็มถอนตัวไม่ขึ้นแล้ว
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 36) 06/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 08-07-2019 08:21:03
 :L2: :pig4: :L1:

น่ารักทั้งคู่
น้องโคตรแฟนเลย เซ็กซี่ด้วย
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 36) 06/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 18-07-2019 23:21:38
ขี้อ้อน,,,
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 37) 19/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ninewara ที่ 19-07-2019 20:13:28
✿ เติมเต็มรัก ✿ ครั้งที่ 37


สามปีต่อมา

ตอนนี้ผมเรียนอยู่ปีสี่แล้วครับ ส่วนพี่เติมเต็มก็เพิ่งจะเปิดบริษัทเป็นของตัวเองเมื่อประมาณครึ่งปีที่ผ่านมา โดยเป็นบริษัทที่ต่อยอดมาจากกิจการของพี่ต่อภพพี่ชายของพี่เติมเต็มอีกที ถ้าจะว่าไปมันก็เป็นธุรกิจในเครือของครอบครัว เพราะครอบครัวพี่เติมเต็มมีธุรกิจที่ทำอยู่หลายอย่าง ป๊าของพี่เติมเต็มไม่ได้เข้ามาข้องเกี่ยวในการตัดสินใจและรวมถึงกำไรขาดทุนต่างๆของบริษัทพี่เติมเต็ม ป๊าของพี่เติมเต็มให้เงินทุนมาก้อนหนึ่งเพื่อมาใช้ลงทุนทำธุรกิจ ซึ่งป๊าของพี่เติมเต็มบอกว่าให้แค่ก้อนเดียวเท่านั้น ถ้าขาดทุนก็ต้องยอมรับและให้แก้ไขปัญหา


พูดถึงระยะเวลาสามปีที่ผ่านมาก็มีเรื่องราวเกิดขึ้นหลายอย่างครับ ช่วงที่พี่เติมเต็มเรียนปีสี่พี่เติมเต็มไปฝึกงานกับบริษัทของพี่ต่อภพ ที่ทำเกี่ยวกับรับเหมาเดินสายระบบสื่อสารวางระบบต่างๆ ซึ่งบริษัทนี้แรกเริ่มคือป๊าของพี่เติมเต็มเป็นคนดูแลมาก่อน ก่อนจะให้พี่ต่อภพดูแลต่อ ช่วงที่ฝึกงานทุกเย็นที่กลับมาถึงคอนโดหรือไปรับผมที่มหาวิทยาลัย พี่เติมเต็มจะบ่นให้พี่ชายตัวเองตลอดว่าใช้งานหนัก พี่เติมเต็มบอกว่าแทบจะไม่ได้อยู่ที่ออฟฟิศเลย และเพิ่งรู้ว่างานในบริษัทเยอะขนาดนี้ แต่พี่เติมเต็มก็ไม่ได้บ่นจริงจังอะไรหรอกครับ เพราะพอผ่านไปสักพักก็ดูเหมือนจะมีความสุขกับการฝึกงาน ผมเคยไปหาพี่เติมเต็มที่บริษัทของพี่ต่อภพ พอผมไปถึงแผนกช่าง ผมเจอรุ่นพี่สองสามคนที่เคยเจอเมื่อวันที่ไปงานวันเกิดรุ่นพี่ในคณะของพี่เติมเต็ม เพิ่งรู้ว่ามีรุ่นพี่ของพี่เติมเต็มทำงานที่นี่ พี่เติมเต็มก็เลยเลิกบ่นเพราะมีเพื่อน (ผมคิดว่านะ)


พี่เติมเต็มเรียนจบปริญญาตรีด้วยคะแนนเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง พี่เติมเต็มต้องดีใจมากอยู่แล้ว แต่คนที่ดีใจจนเว่อร์ก็คือตัวผมเอง เจอใครก็ต้องพูดอวดว่าพี่เติมเต็มได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง ดีใจเหมือนได้เองเลยครับ


หลังจากเรียนจบได้ไม่นาน ผมคิดว่าพี่เติมเต็มจะเลือกเรียนต่อปริญญาโททันทีเพราะผมจำได้ว่าพี่เติมเต็มเคยแพลนไว้แบบนั้น แต่ตอนที่พี่เติมเต็มพาผมไปที่บ้าน อยู่ๆพี่เติมเต็มก็พูดกับทุกคนว่าพี่เติมเต็มจะบวชก่อน ผมเห็นสีหน้าของป๊าและม๊าของพี่เติมเต็มดูแปลกใจ แสดงว่าท่านไม่เคยทราบมาก่อนว่าพี่เติมเต็มจะบวชหลังเรียนจบ วันนั้นม๊าของพี่เติมเต็มก็บอกว่าจะไปคุยรายละเอียดกับหลวงพ่อที่วัดใกล้บ้านและจะไปดูวันเวลาที่ดีที่เหมาะสม


"ไม่เคยได้ยินพี่เต็มพูดเรื่องจะบวชมาก่อนเลยครับ หมายถึงบวชหลังเรียนจบน่ะครับ เท่าที่จำได้พี่เต็มบอกวางแผนไว้อีกสักสี่ห้าปี" คืนนั้นผมถามพี่เติมเต็มหลังจากที่เราอยู่กันเป็นส่วนตัว

"เมื่อก่อนพี่ตั้งใจว่าพอเรียนจบ พี่ก็จะเรียนต่อโททันที พอจบโทก็ทำงานสักปีสองปีค่อยบวช" ผมเงียบฟังพี่เติมเต็มพูด พี่เติมเต็มเคยพูดประมาณนี้จริงๆครับ

"แต่แผนมันก็สามารถที่จะเปลี่ยนได้ ตามความเหมาะสมของสถานการณ์" พี่เติมเต็มพูดมาแบบนี้ ผมก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ


ตอนแรกม๊าพี่เติมเต็มบอกว่ากลัวถึงเวลาจริงๆแล้วพี่เติมเต็มจะเปลี่ยนใจเพราะพี่เติมเต็มค่อนข้างจะติดผมมาก ตอนนั้นผมก็เผลอคิดเหมือนกันว่ามันจะเป็นอย่างไรเพราะเราจะได้เจอคนรักของเราในสถานะที่เราไม่สามารถแสดงความรักออกไปได้ และผมก็ไม่รู้ว่าแบบไหนที่มันเกินงาม


พี่เติมเต็มใช้เวลาบวชศึกษาพระธรรมอยู่นานถึงสามเดือน ซึ่งหลวงตาที่วัดท่านบอกว่าถ้าไม่ติดขัดอะไรก็อยากให้บวชสักหนึ่งพรรษาเป็นอย่างน้อย ซึ่งทุกคนก็เห็นดีด้วยรวมทั้งผม ช่วงระยะเวลาที่พี่เติมเต็มบวชเป็นช่วงที่ผมกำลังเรียนชั้นปีที่สามเพิ่งเปิดเรียนได้แค่อาทิตย์เดียวเท่านั้น ทำให้หลังจากพี่เติมเต็มบวชผมมีโอกาสได้ไปใส่บาตรเพียงแค่อาทิตย์ละครั้ง เพราะวัดที่บวชเป็นวัดที่อยู่แถวบ้านของพี่เติมเต็ม ทำให้ผมที่เรียนอยู่อีกที่คนละจังหวัดไม่สะดวก แต่ทุกครั้งที่ไปใส่บาตร พี่เติมเต็ม (ในตอนนั้นคือหลวงพี่) มักจะทักผมว่า


'โยมผอมลงหรือเปล่า'

'พักผ่อนบ้างนะโยม'

'มาเดือนละครั้งก็ได้โยม'



ซึ่งผมรู้ดีว่าตอนนั้นพี่เติมเต็มคงจะเป็นห่วงผมมาก ผมก็ได้แค่บอกว่า...ผมจะดูแลตัวเองให้ดี


หลังจากที่สึกออกมาพี่เติมเต็มก็เข้าไปช่วยงานธุรกิจของที่บ้าน ช่วงแรกๆก็เข้าไปดูงานทุกบริษัทในเครือของครอบครัว แต่สุดท้ายดูเหมือนจะชอบงานในบริษัทของพี่ต่อภพมากที่สุด พี่เติมเต็มทำงานอยู่กับพี่ชายประมาณหนึ่งปี ก็ตัดสินใจที่จะเปิดบริษัทของตัวเอง  ถ้าในความคิดผมผมก็มองว่าพี่เติมเต็มเริ่มธุรกิจตัวเองเร็วเกินไปเพราะเพิ่งจะยี่สิบต้นๆ แต่พี่เติมเต็มบอกว่าเริ่มต้นทำธุรกิจตั้งแต่ตอนนี้เหมาะสมที่สุดเพราะอายุยังน้อยมีโอกาสลองผิดลองถูกได้ พี่เติมเต็มบอกพี่ชายของพี่เติมเต็มเองเข้าไปจับธุรกิจตั้งแต่ที่ยังเรียนไม่จบด้วยซ้ำ


"พี่เต็มไม่เรียนต่อโทเหรอครับ" ผมถาม

"พี่คิดว่าพี่จะรอเรียนพร้อมคนเก่งดีกว่า"


นี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่แผนของพี่เติมเต็มเปลี่ยนไป พี่เติมเต็มบอกว่าช่วงที่ผมเรียนปีสุดท้าย พี่เติมเต็มก็จะเอาเวลาไปเรียนรู้เรื่องบริษัทใหม่ที่เปิดด้วย พอผมเรียนจบมาค่อยมาเรียนปริญญาโทด้วยกัน ถึงจะคนละสาขาก็เถอะ


ผมตัดสินใจเข้าฝึกงานที่โรงแรมของครอบครัวพี่เติมเต็ม ที่มีสาขาอยู่ที่จังหวัดที่มหาวิทยาลัยที่ผมเรียนตั้งอยู่ ซึ่งสาขาที่นี่ใหญ่กว่า สาขาแรกที่เปิดที่จังหวัดที่บ้านผม  เหตุผลที่ผมเลือกฝึกงานที่นี่ เหตุผลหลักๆผมยอมรับว่าเป็นเพราะครอบครัวของพี่เติมเต็มเพราะม๊าของพี่เติมเต็มอยากให้ผมเข้ามาช่วยดูแลและทำงานที่นี่ ใจผมเองก็ชอบงานด้านนี้อยู่แล้วเพราะเรียนทางด้านภาษามาแต่ถ้าจะให้ผมเข้าไปถึงขั้นช่วยดูแลผมก็มองว่ามันมากเกินไปหรือเปล่าเพราะไม่ว่ายังไงผมก็คือคนนอก ผมเคยพูดเรื่องนี้กับพี่เติมเต็ม พี่เติมเต็มก็บอกว่าอย่าเพิ่งไปคิดอะไรมาก รอเรียนจบก่อนค่อยคุยกันอีกที ฟูจิและส้มส้มเองก็มาฝึกงานที่โรงแรมของครอบครัวพี่เติมเต็มเหมือนกัน


ช่วงที่ผมเข้าไปฝึกงาน ทุกครั้งที่มีงานสังสรรค์ งานสัมมนา งานแต่งงาน หรืออะไรก็ตามที่มีลูกค้ามาใช้บริการที่โรงแรมพี่เติมเต็มจะเข้ามาช่วยดูแลด้วย รวมทั้งผมที่ก็ต้องเข้าไปมีส่วนร่วมในการดูแล ดูเหมือนครอบครัวของพี่เติมเต็มอยากให้ผมมีส่วนร่วมแทบทุกอย่างในโรงแรมเลยครับ มีหลายครั้งที่ม๊าของพี่เติมเต็มจัดประชุมผู้บริหารหรือผู้จัดการแผนกต่างๆ ม๊าของพี่เติมเต็มก็จะให้ผมเข้าประชุมด้วย คือให้เข้าไปฟังว่าประชุมเรื่องอะไร

เพิ่มเติมคือคนในครอบครัวของพี่เติมเต็มเริ่มพาผมออกงานด้วย ไม่ว่าจะเป็นงานเล็กหรืองานใหญ่ หรือออกไปทานข้าวกับลูกค้ารายใหญ่ๆ มีหลายคนที่สงสัยว่าผมคือใคร ป๊ากับม๊าของพี่เติมเต็มก็จะแนะนำให้รู้จักผมในฐานะแฟนของลูกชายคนกลาง ซึ่งตอนแรกผมก็ไม่สบายใจเท่าไหร่เพราะกลัวมีผลกระทบกับครอบครัวของพี่เติมเต็มแต่ทุกคนบอกว่ามันเป็นเรื่องจริงที่สักวันก็ต้องมีคนรู้ แนะนำให้เขารู้ไปเลยดีกว่า และทุกคนรู้ว่าผลกระทบอาจจะมีบ้าง แต่เชื่อว่ามันไม่ได้แย่อย่างแน่นอน


เล่ามาซะยาวเลย ต้องมีหลายคนที่อยากจะรู้ว่าคืนนั้นที่พี่เติมเต็มพูดเรื่องแต่งงานผมตอบพี่เติมเต็มไปว่ายังไง



"ผมดีใจนะที่พี่เต็มอยากแต่งงานกับผม เพราะการแต่งงานมันหมายถึงการที่คนสองคนอยากจะใช้ชีวิตร่วมกัน แชร์ทุกอย่างในชีวิตร่วมกันไปตลอดชีวิต ... พี่เต็มขอผมแต่งงานก็แสดงว่าพี่เต็มอยากจะใช้ชีวิตร่วมกันกับผม"

"ใช่ พี่คิดแบบนั้น"

"ผมจะไม่ถามหรอกนะว่าพี่เต็มแน่ใจแล้วเหรอเพราะถ้าไม่แน่ใจพี่เต็มคงไม่พูด"

"ใช่"

"แต่ถ้าถามความคิดของผม ผมคิดว่าเรารักกันแต่ไม่จำเป็นต้องแต่งงานกันก็ได้นะครับ ความรักแบบเราจะเปิดเผย จะแสดงออกมากไปมันก็จะดูไม่ดี ไม่ใช่ตัวผมนะครับ แต่เป็นครอบครัวและตัวของพี่เต็มเองที่อาจจะเสียชื่อเสียง ครอบครัวของพี่เต็มไม่ใช่ครอบครัวที่ไม่มีใครรู้จักนะครับ"

พี่เติมเต็มเงียบไปพักใหญ่เลยครับ จนผมใจเสียว่าตัวเองคงจะพูดอะไรผิด

"ไม่อยากแต่งงานกับพี่เหรอ"

"มันก็ไม่เชิงว่าไม่อยากแต่งนะครับ แต่ว่าความรักแบบของเรามัน ... เราแค่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันก็ได้นี่ครับ"

ผมตอบไปแบบนั้น ทั้งที่ในใจผมอยากแต่งงานกับพี่เติมเต็มอยู่แล้วล่ะครับ ถ้าผมเป็นผู้หญิงผมคงจะไม่คิดมากแบบนี้ แต่ผมก็ไม่ได้อยากเป็นผู้หญิงหรอกนะครับ

"ตามใจครับ"

พี่เติมเต็มจบการสนทนาของเราด้วยคำพูดนี้ หลังจากนั้นพี่เติมเต็มก็ไม่เคยพูดเรื่องแต่งงานอีกเลย แม้จะผ่านมาถึงสามปีแล้วก็ยังไม่เคยได้ยินพี่เติมเต็มพูดถึงเลยสักครั้ง


"เลิกแล้วใช่มั้ย พี่กำลังจะไปรับ" วันนี้เป็นวันที่ผมฝึกงานวันสุดท้ายและพี่เติมเต็มก็โทรมาว่าจะมารับแล้วจะพาผมกลับบ้าน เพราะช่วงที่ฝึกงานอยู่ผมแทบจะไม่ได้กลับบ้านเลยครับ


อ้อ! จริงสิ มีสิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับแม่และป้าของผมคือหลังจากที่อาการดีขึ้นจากอุบัติเหตุครั้งนั้น ก็คือแม่กับป้าเลิกขายของที่ตลาดตามที่ผมเคยขอ แต่ท่านทั้งสองเปลี่ยนเป็นรับทำกับข้าวและทำขนมพวกงานเลี้ยง งานขึ้นบ้านใหม่ งานบุญต่างๆ รวมทั้งข้าวกล่องหรืองานประชุมสัมมนาแทนครับ ท่านบอกว่าถ้าให้อยู่บ้านเฉยๆคงไม่ได้เพราะท่านทั้งสองอายุก็ยังไม่เยอะ ยังมีแรงทำอะไรได้อีกหลายอย่าง แต่แค่เปลี่ยนวิธีการเท่านั้น และแค่สร้างแฟนเพจในเฟซบุ๊กได้ไม่นานก็มีลูกค้ามาใช้บริการกันเยอะเลยครับ ด้วยเพราะร้านของท่านตอนที่ขายอยู่ตลาดก็มีลูกค้าประจำหลากหลายอาชีพ ช่วงแรกๆท่านก็ยังทำกันแค่สองคนครับ แต่เริ่มทำไม่ไหวเพราะลูกค้าเริ่มหลากหลายขึ้น แต่แม่กับป้าผมก็ขอรับออเดอร์ได้เต็มที่ไม่เกินสองหรือสามเจ้าต่อวันเท่านั้นครับ ได้ยินว่าคิวจองยาวเป็นเดือนเลยครับ

และม๊าของพี่เติมเต็มก็ใจดีมากเลยครับ ให้คนงานที่บ้านมาช่วยโดยบอกว่าไม่ต้องจ่ายค่าแรง แต่แม่กับป้าผมท่านไม่ยอมครับ เพราะถ้าจะให้มาช่วยจริงๆก็ต้องได้รับค่าเหนื่อยค่าแรง แต่ม๊าพี่เติมเต็มก็บอกว่าคนงานที่บ้านได้เงินเดือนจากม๊าอยู่แล้ว แค่ให้เปลี่ยนหน้าที่จากทำงานบ้านมาช่วยเป็นลูกมือทำกับข้าวทำขนมแทน แต่ยิ่งเป็นแบบนี้แม่กับป้าผมยิ่งไม่ยอมครับเพราะมันเป็นการเอาเปรียบม๊าของพี่เติมเต็มมากเกินไป สุดท้ายก็เลยสรุปกันว่าถ้าวันไหนที่มาช่วยก็จะได้ค่าแรงเป็นรายวันไปเพื่อความสบายใจของท่านทั้งสอง



"หิวหรือเปล่า" พี่เติมเต็มถามผมขณะที่เรากำลังอยู่บนรถใกล้จะถึงบ้านของผม

"หิวครับ พี่เต็มแวะทานข้าวที่บ้านก่อนนะครับ" ผมเอ่ยชวนพี่เติมเต็ม

"พี่ขอตัวดีกว่า เพราะนัดกับป๊าม๊าเอาไว้" พี่เติมเต็มบอก

"ครับ" ผมตอบรับด้วยเสียงแผ่วเบา


ผมลอบถอนหายใจออกมาเพราะครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่พี่เติมเต็มปฏิเสธผม ช่วงสองสามเดือนมานี้เหมือนพี่เติมเต็มจะยุ่งตลอดเลยครับ ยุ่งทั้งเรื่องบริษัทของตัวเองและของครอบครัว แต่พอผมเห็นว่าพี่เติมเต็มน่าจะมีเวลาว่าง พี่เติมเต็มก็บอกว่านัดลูกค้าไว้บ้าง นัดเพื่อนไว้บ้าง หรืออยากพักผ่อนบ้าง แต่ไม่มีเวลาให้ผมเลย


ยิ่งช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมาเราเจอหน้ากันน้อยมาก ผมอยู่ที่คอนโด ส่วนพี่เติมเต็มก็กลับมาช่วยงานที่บ้านทำให้พี่เติมเต็มต้องนอนที่บ้าน นึกถึงเมื่อก่อนที่พี่เติมเต็มสามารถขับรถมาหาผมได้เพราะความคิดถึงแม้จะต้องขับรถเกือบสองชั่วโมง แต่โมเมนต์แบบนั้นมันหายไปแล้วล่ะครับ เป็นแฟนกันมาสามปีแล้ว โปรคงจะหมดแล้วล่ะมั้ง ... จริงๆมันก็เพิ่งหมดเมื่อช่วงนี้แหละครับ

ผมไม่อยากคิดมากหรอกนะ แต่ช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ผมกับพี่เติมเต็มเราไม่ได้มีอะไรกันเลยครับ พี่เติมเต็มแสดงออกค่อนข้างชัดว่าเลี่ยงที่จะใกล้ชิดกับผม ปกติถ้าผมเข้าใกล้ไปคลอเคลีย ไม่นานพี่เติมเต็มก็ต้องรู้สึก พี่เติมเต็มไม่สามารถที่จะควบคุมตัวเองได้ถ้าผมเริ่มเข้าใกล้ แต่มันไม่ใช่ช่วงหนึ่งเดือนนี้


มันเหมือนพี่เติมเต็มเลือกกลับไปนอนที่บ้านก็เพราะ... ไม่อยากมีอะไรกับผม



(มีต่อนะคะ)
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 37) 19/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ninewara ที่ 19-07-2019 20:23:36
(ต่อค่ะ)



"พี่เต็มครับ บ้านใกล้เสร็จแล้วนี่ครับ" ผมพยายามไม่คิดอะไรมากเรื่องที่พี่เติมเต็มปฏิเสธไม่ไปทานข้าวที่บ้านผม และพอดีกับที่พี่เติมเต็มขับรถผ่านบ้านหลังหนึ่งที่สร้างใกล้จะเสร็จ

เป็นบ้านของพี่เติมเต็มครับ

ที่ตรงนี้ตอนแรกเป็นแค่ที่ดินที่มีหญ้าขึ้นสูงครับ เป็นที่ดินผืนใหญ่ที่ตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างบ้านผมและบ้านพี่เติมเต็ม ซึ่งเมื่อตอนที่พี่เติมเต็มเรียนจบเคยพาผมมาดูที่ดินผืนนี้แล้วถามผมว่าผมชอบมั้ย ผมไม่เข้าใจในสิ่งที่พี่เติมเต็มถามว่าทำไมต้องถามเรื่องความชอบจากผม พี่เติมเต็มเลยบอกว่าจะขอให้ป๊ากับม๊าซื้อที่ดินผืนนี้ให้เป็นของขวัญเรียนจบ ยอมรับว่าตอนนั้นผมตาโตเลยครับ คนมีตังค์เขาให้ของขวัญกันราคาหลักล้านกันเลย

พี่เติมเต็มพาผมมาที่นี่อีกครั้งหลังจากวันที่พี่เติมเต็มรับปริญญา มาคราวนี้ไม่มีต้นหญ้ารกๆให้เห็นแล้วครับ พื้นดินมีการกลบอย่างดีเหมือนเตรียมที่จะก่อสร้าง ตอนแรกผมคิดว่าพี่เติมเต็มจะก่อสร้างบริษัทที่นี่แต่ไม่ใช่ครับ เพราะบริษัทของพี่เติมเต็มอยู่อีกที่หนึ่งที่เป็นอาคารสำนักงานเก่าของครอบครัวซึ่งปรับปรุงใหม่

"พี่จะสร้างบ้านตรงนี้" พี่เติมเต็มบอกผมในวันนั้น

"สร้างบ้านของพี่เติมเต็มเหรอครับ"

"ใช่ เรียนจบแล้วต้องแยกออกมามีบ้านของตัวเอง"

ด้วยความที่ครอบครัวผมเป็นครอบครัวเล็กที่มีแต่แม่ป้าและผม ผมถึงไม่เคยคิดเรื่องที่จะมีบ้านเป็นของตัวเองเลยเพราะอยู่กับแม่และป้าก็มีความสุขดี แต่กับครอบครัวของพี่เติมเต็มเป็นครอบครัวใหญ่ ที่เมื่อถึงเวลาลูกชายก็ต้องออกมามีครอบครัวของตัวเอง จำได้ว่าตอนที่พี่ต่อภพจะแต่งงาน พี่เติมเต็มเคยเล่าให้ฟังว่าพี่ต่อภพเองก็สร้างบ้านใหม่เหมือนกัน


ตอนนั้นผมอดตื่นเต้นไม่ได้ว่าพี่เติมเต็มคงจะเอ่ยปากชวนผมมาอยู่ด้วยกัน แต่พี่เติมเต็มก็ยังไม่เคยเอ่ยเลยสักครั้ง ... เหมือนกับเรื่องแต่งงาน ... ที่พี่เติมเต็มก็ไม่เคยพูดอีกเลย มันก็คงเป็นเพราะผมเองที่พูดปฏิเสธไปแบบนั้น


แต่มันก็ไม่ใช่ว่ามันจะเปลี่ยนความคิดไม่ได้ สิ่งหนึ่งที่พี่เติมเต็มไม่รู้ก็คือหลังจากที่เติมเต็มเรียนจบ ผมก็รอว่าพี่เติมเต็มจะพูดเรื่องแต่งงานอีกครั้งหรือเปล่า แต่ตอนนี้พี่เติมเต็มเรียนจบมาสองปีแล้วครับ ก็ยังไม่ได้พูดเรื่องแต่งงาน ผมก็เลยคิดว่าพี่เติมเต็มคงจะไม่พูดเรื่องนี้แล้วล่ะครับ


"ใช่ เหลือตกแต่งอีกนิดหน่อย" พี่เติมเต็มบอก ผมอยากเข้าไปดูข้างในบ้านจัง แต่ตั้งแต่เริ่มมีการตกแต่งภายในผมก็ไม่มีโอกาสได้มาดู เพราะอย่างที่บอกไปว่าตั้งแต่ฝึกงานผมก็ไม่ได้กลับมาบ้านเลย


พี่เติมเต็มจอดรถส่งผมที่หน้าบ้าน เราจูบลากันนิดหน่อย ผมก็ลงมาจากรถและพี่เติมเต็มก็ขับรถออกไป ผมยืนมองตามหลังรถของพี่เติมเต็มไปด้วยความรู้สึกหน่วงในใจ





"เป็นอะไรหรือเปล่าลูก" แม่ผมถามผมในขณะที่เรากำลังนั่งทานข้าวกันอยู่

"กับข้าวไม่ถูกปากหรือเปล่า" ป้าผมถามขึ้นมาอีกคน

"เปล่าครับ พอดีมีเรื่องให้คิดนิดหน่อยครับ" ผมตอบ

"ไม่นิดล่ะมั้งแม่ว่า กับข้าวมีแต่ของโปรดทั้งนั้นเลยนะ แต่ลูกทานน้อยมากเหมือนไม่อร่อย" แม่ผมพูดขึ้นมาอีก

"อยากเล่าให้ป้ากับแม่ฟังมั้ย" ป้าผมถามผมขึ้นมา ผมยอมรับว่าลังเลใจไม่อยากเล่าเท่าไหร่ กลัวโดนมองว่าคิดมาก แต่คนที่อยู่ด้วยกันทุกวันตลอดสามปีที่ผ่านมา ถ้ามีคนหนึ่งเปลี่ยนไปเราก็ต้องรู้

"เก่งไม่รู้ว่าระหว่างเก่งกับพี่เต็มเรายังเหมือนเดิมหรือเปล่า" ผมพูดออกมาในที่สุด

"คนเก่งไม่เหมือนเดิมเหรอลูก" แม่ถามผมด้วยน้ำเสียงที่ดูตกใจเล็กน้อย

"ไม่ใช่ครับ เก่งจะไม่เหมือนเดิมได้ยังไงครับ เก่งหมายถึงพี่เต็มต่างหากที่ไม่เหมือนเดิม" ผมตอบ และผมเห็นแม่กับป้าสบตากัน

"พี่เขาไม่เหมือนเดิมยังไง" ป้าถามผม

"ก็ช่วงสองสามเดือนมานี่ พี่เต็มไม่มีเวลาให้หนูเลยครับ เราไม่เคยได้ไปทานข้าวหรือใช้เวลาอยู่ด้วยกันเหมือนเมื่อก่อน ตอนแรกหนูก็เข้าใจว่าพี่เต็มยุ่งกับเรื่องงานที่บริษัทเปิดใหม่ แต่พอหนูเห็นว่าพี่เต็มเริ่มมีเวลาว่างพอหนูชวนทานข้าวหรือดูหนังพี่เต็มต้องติดธุระตลอด อย่างเมื่อก่อนตอนหนูเข้าไปฝึกงานช่วงแรกพี่เต็มเรียกได้ว่าไปเฝ้าหนูเลยดีกว่า พอมีออกงานอะไรที่ตัวเองต้องไปก็จะพาหนูไปด้วยทุกครั้ง แต่ช่วงหลังมากลายเป็นหนูที่ต้องไปออกงานกับครอบครัวของพี่เต็มคนเดียว แต่พี่เต็มไม่เคยไปด้วยเลยครับ" พอได้โอกาสผมก็เลยเล่ายาวเลยครับ แม่กับป้ายิ้มให้กัน ก่อนที่แม่จะถามผม

"แล้วคนเก่งคิดว่าทำไมพี่เขาถึงเป็นแบบนี้"

"เก่งคิดว่าพี่เต็มกำลัง .... เบื่อเก่งครับแม่ พี่เต็มอาจจะยังไม่ได้นอกใจหรือมีใคร แต่พี่เขาต้องเบื่อเก่งแล้วแน่ๆ" ผมพูดออกมาพร้อมกับหัวใจที่มันรู้สึกเจ็บปวด ตอนนี้ผมคิดได้อย่างเดียวว่าพี่เติมเต็มกำลังเบื่อผม

"เคยถามพี่เขามั้ย" ป้าผมถาม

"เคยถามครับ ผมถามว่าเรายังเหมือนเดิมหรือเปล่า ตอนนั้นพี่เต็มเขาบอกว่าเรายังเหมือนเดิม ... พอมันบ่อยขึ้นผมเลยไม่แน่ใจแล้วครับว่าเรายังเหมือนเดิมหรือเปล่า" ผมพูดอย่างตัดพ้อ

"ลูกเชื่อใจพี่เขามั้ย" แม่ถามผม

"ครับ เก่งเชื่อใจพี่เต็ม แต่เก่งก็ไม่มั่นใจกับสถานการณ์ในตอนนี้"

"ไม่มีอะไรหรอกลูกอย่าคิดมาก เต็มก็ยังรักลูกเหมือนเดิมนั่นแหละ"

"พี่เขาคงจะแค่ทุ่มเทให้กับงานมากเกินไปมากกว่า อีกสักพักพอทุกอย่างลงตัวพี่เขาก็จะกลับมาสนใจหนูเหมือนเดิม" ป้าผมพูดเสริมแม่ขึ้นมา

ก่อนหน้านี้ผมก็เคยไปปรึกษาเรื่องนี้กับฟูจิและส้มส้ม และไม่น่าเชื่อว่าส้มส้มที่เป็นผู้หญิงจะแนะนำผมมาแบบนี้

"ส้มคิดว่าคนเก่งควรจะหาท่าทางลีลาใหม่ๆมาใช้เวลาที่มีเซ็กส์กับพี่เต็มนะ"

แต่นั่นก็ไม่เท่ากับที่ผมทำตามที่ส้มส้มพูด เพราะผมไปอ่านในอินเตอร์เน็ตมาบอกว่าคู่รักสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เบื่อหน่ายกันก็คือเรื่องบนเตียง บางคนก็มีลีลาเดิมๆจนคู่นอนรู้แล้วว่าต่อไปจะทำอะไร

แต่เรื่องเซ็กส์ระหว่างผมกับพี่เติมเต็มผมก็ว่ามันปกติน่ะ พี่เติมเต็มที่เคยหลงใหลในร่างกายของผมก็ยังเหมือนเดิม พี่เขายังสม่ำเสมอในเรื่องนี้ นั่นทำให้ผมตัดเรื่องที่พี่เขามีคนอื่นออกไป


ยกเว้น ... หนึ่งเดือนที่ผ่านมา เราไม่มีอะไรกันเลย ... หรือพี่เติมเต็มจะไปปลดปล่อยกับคนอื่นไปแล้ว


เก่งเรื่องคิดบั่นทอนความรู้สึกของตัวเองจริงๆครับ .. ผมเนี่ย


เรื่องเขียนการ์ดผมก็ยังคงเขียนให้พี่เติมเต็มครับ แต่เพราะไม่ได้เจอกันทำให้พี่เติมเต็มไม่ได้รับการ์ดจากมือผมเลย พี่เติมเต็มจะเข้าไปส่องที่ไอจีของผมว่าการ์ดในแต่ละครั้งเขียนว่าอะไร เพราะผมจะถ่ายรูปการ์ดทุกใบของทุกชิ้นที่ให้พี่เติมเต็ม แล้วผมจะมาอัพลงไอจีส่วนตัวของตัวเอง ส่วนการ์ดตัวจริงพี่เติมเต็มให้ผมเอาเก็บไว้ที่โต๊ะทำงานของพี่เติมเต็มที่คอนโด

เฮ้อออออ ... ไม่อยากคิดแล้วครับ ยิ่งคิดยิ่งเครียด



วันนี้เป็นวันที่สี่ที่ผมหยุดอยู่ที่บ้านกับแม่และป้า เพราะหลังจากฝึกงานเสร็จผมจะมีเวลาหยุดเกือบสองอาทิตย์จึงจะได้กลับไปส่งงานในบางวิชา



(ลงมาหาพี่หน่อย)

ขณะที่ผมนอนเล่นอยู่บนห้องนอน พี่เติมเต็มก็โทรมาหาและพอพูดเสร็จก็วางสายไปเลย ผมรีบวิ่งลงมาข้างล่างตั้งแต่วันนั้นที่พี่เติมเต็มมาส่งผมเราก็ไม่ได้เจอหน้ากันเลยครับ เพราะพี่เติมเต็มบอกงานยุ่ง

เฮ้อออออ ... ความรักหวานแหววในช่วงชีวิตมหาวิทยาลัยกำลังจะหมดไปแล้วครับ ถ้าเราสองคนต่างทำงานผมไม่รู้เลยว่าเราจะห่างกันมากขึ้นแค่ไหน

ผมลงมาข้างล่างและเดินไปเปิดประตูรั้วหน้าบ้านเพราะตอนนี้ผมอยู่บ้านคนเดียว พอเปิดประตูออกไปก็เจอพี่เติมเต็ม แต่พี่เติมเต็มไม่ได้มาคนเดียวครับ มีพี่ขวัญพี่สะใภ้ของพี่เติมเต็มมาด้วย ผมยกมือไหว้พี่ขวัญ และพี่เติมเต็ม


อยากกอดพี่เติมเต็มจัง


นี่คือความรู้สึกของผมที่ได้เจอหน้าแฟนตัวเอง


"อยู่บ้านคนเดียวเหรอจ้ะ" พี่ขวัญถามผม

"ครับ แม่กับป้าออกพบลูกค้าที่จะจ้างทำกับข้าวครับ" ผมตอบพร้อมกับเชิญทุกคนเข้ามานั่งในบ้าน

ผมเดินไปในครัวเพื่อหาน้ำเย็นๆมาให้ทุกคนดื่ม หลังจากที่ให้ทุกคนนั่งรอที่โซฟาในห้องรับแขก

"จะไปไหนกันเหรอครับ" ผมถามเมื่อนั่งลงที่โซฟาเรียบร้อยแล้ว

"คือวันศุกร์นี้พี่จะทำบุญขึ้นบ้านใหม่น่ะ ... บ้านหลังใหม่" พี่เติมเต็มบอก ผมทำหน้างงเล็กน้อยเพราะไม่รู้มาก่อนว่าพี่เติมเต็มจะทำบุญขึ้นบ้านใหม่ .. แต่ถ้าจะพูดให้ถูกคือพี่เติมเต็มแทบจะไม่พูดถึงเลยด้วยซ้ำ อีกแค่สามวันเท่านั้นแต่พี่เติมเต็มเพิ่งมาบอกทั้งๆที่พี่เติมเต็มต้องรู้ล่วงหน้านานกว่านี้อยู่แล้ว แต่พี่เติมเต็มกลับไม่บอกผม

ไม่รู้สิมันอาจจะฟังดูงี่เง่าที่ผมคิดแบบนี้

ผมรู้สึกน้อยใจครับ


"อ๋อ ครับ" ผมไม่รู้ว่าจะตอบว่าอะไรดี เพราะในใจผมกำลังรู้สึกแย่

"เป็นอะไรหรือเปล่า" พี่เติมเต็มจับมือผมและถามผมด้วยน้ำเสียงที่ห่วงใย

"เปล่าครับ แล้วมีอะไรให้ผมช่วยมั้ยครับ" ผมถามกลับไป เพราะงานทำบุญขึ้นบ้านใหม่ของพี่เติมเต็มผมเดาว่าแขกน่าจะมากันเยอะเหมือนกัน เพราะป๊าม๊าของพี่เติมเต็มเป็นที่รู้จักนับหน้าถือตา อาจจะเชิญผู้ใหญ่คนสำคัญในจังหวัดมาด้วย ผมอาจจะต้องไปช่วยดูแลแขกที่มา

"เดี๋ยววันนี้พี่ขวัญจะพาไปลองชุด" พี่เติมเต็มเอ่ยขึ้นมา ผมทำหน้างงอีกรอบ

"ชุดอะไรเหรอครับ" ผมถาม

"ชุดที่จะใส่วันงานไงล่ะ" พี่เติมเต็มบอกออกมาอีก

"ต้องไปลองชุดใหม่เลยเหรอครับ" ผมถามด้วยความแปลกใจเพราะถึงผมจะไม่มีชุดที่ดูหรูหราราคาแพง แต่ผมก็มั่นใจว่าตัวเองมีชุดที่เหมาะสมกับงานทำบุญขึ้นบ้านใหม่

แต่ว่า ... ผมเคยไปร่วมงานทำบุญบ้านเพื่อนนะ แต่เป็นการทำบุญประจำปี แต่คราวนี้เป็นการทำบุญบ้านหลังใหม่ที่ยังไม่เคยเข้าไปอยู่เลย มันไม่เหมือนกันหรือเปล่านะ

"ใช่จ้ะ เดี๋ยวพอไปลองชุดเสร็จเราจะได้ไปทำธุระอย่างอื่นกันต่อด้วย" พี่ขวัญพูดเสริมขึ้นมา

ผมขอตัวขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและหยิบกระเป๋าสตางค์พร้อมทั้งโทรศัพท์มือถือ ตอนที่ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จผมก็โทรหาแม่เพื่อจะบอกท่านว่าผมจะออกไปกับพี่เติมเต็ม



(ว่าไงคนเก่ง)

"แม่ครับ พอดีพี่เต็มมาที่บ้าน พี่เต็มบอกว่าวันศุกร์นี้จะทำบุญขึ้นบ้านใหม่ พี่เต็มก็เลยจะพาผมไปลองชุดครับ" ผมบอกแม่ไปรวดเดียวเพื่อให้แม่รับทราบ

(จ้ะ แม่รู้แล้วล่ะ พอดีตอนนี้แม่อยู่กับคุณฤดีวรรณ กำลังคุยกันอยู่)

"งั้นเหรอครับ"

(คนเก่งก็ออกไปลองชุดกับพี่เขาให้เรียบร้อยนะ เอากุญแจบ้านไปด้วยเลยนะ แม่มีอีกชุดหนึ่ง)

"ครับแม่"

(แค่นี้นะลูก)

แล้วแม่ผมก็วางสายไป ตอนแรกผมคิดว่าแม่อาจจะแปลกใจที่ผมจะต้องไปลองชุดแต่แม่กลับบอกให้ผมไปลองชุดให้เรียบร้อย ทั้งที่ผมมั่นใจว่าชุดที่ผมมีไม่ทำให้ครอบครัวพี่เติมเต็มขายหน้าแน่นอน

หรือบางทีพี่เติมเต็มอาจจะไม่มั่นใจในรสนิยมเสื้อผ้าของผมก็ได้


เฮ้ออออออออ...


เอาจริงนะ ... ผมว่าที่ผมรู้สึกไม่โอเคตอนนี้จนพาลไปถึงเรื่องชุด อาจจะเป็นเพราะผมไม่เจอหน้าแฟนหลายวันทั้งที่บ้านอยู่ห่างกันแค่ไม่กี่ซอย รวมทั้งเรื่องที่ผมเพิ่งทราบว่าพี่เติมเต็มจะทำบุญขึ้นบ้านใหม่

งี่เง่าเกินไปหรือเปล่านะ

หลังจากที่ผมจัดการล็อคกุญแจบ้านเรียบร้อยผมก็เดินตามไปที่รถของพี่เติมเต็มที่จอดรออยู่หน้าบ้าน พอผมเดินไปถึงตอนแรกผมเปิดประตูรถที่ด้านหลัง แต่พี่ขวัญนั่งอยู่ที่เบาะหลัง ผมก็เลยต้องมานั่งที่เบาะหน้าคู่กับพี่เติมเต็ม

พี่เติมเต็มขับรถไม่นานก็มาจอดรถที่บริเวณหน้าร้านที่เป็นร้านรับตัดสูทและเสื้อผ้าขนาดใหญ่ที่อยู่ใจกลางเมือง พอจอดรถเรียบร้อยพี่ขวัญเดินเข้าไปในร้านก่อน ผมปลดเข็มขัดนิรภัยและกำลังจะเปิดประตูรถลงไป แต่พี่เติมเต็มเรียกผมพร้อมทั้งจับมือของผมเอาไว้


"เป็นอะไร งอนอะไรพี่หรือเปล่า" พี่เติมเต็มถามผมพร้อมกับมองผมด้วยสายตาที่มันยังคงแสดงความรักอย่างชัดเจน

"น้อยใจนิดหน่อยครับ" ผมพูดไปตามตรง และพี่เติมเต็มก็หันมาคุยกับผมทั้งตัว

"น้อยใจเรื่องที่พี่ไม่มีเวลาให้ใช่มั้ย" พี่เติมเต็มใช้มือจัดทรงผมของผมไปมาและลูบอย่างอ่อนโยน พยักหน้ารับเพราะเป็นเรื่องที่ทำให้ผมคิดมากและน้อยใจจริงๆ

"ผมน้อยใจเรื่องที่พี่เต็มจะทำบุญขึ้นบ้านใหม่ด้วย ทำไมเพิ่งมาบอกผมล่ะครับ เหมือนผมไม่สำคัญเลย" พอพูดออกไปแล้วก็รู้สึกว่าตัวเองงี่เง่ายังไงก็ไม่รู้ พี่เติมเต็มดึงผมเข้าไปกอดและลูบหลังผมไปด้วย

"ถ้าพี่ทำให้คนเก่งคิดมาก พี่ต้องขอโทษนะ แต่คนเก่งไม่ต้องกังวลใจอะไรทั้งนั้นรู้มั้ย คนเก่งสำคัญสำหรับพี่เสมอ หลังจากงานวันศุกร์ผ่านไปพี่ก็จะมีเวลาให้คนเก่งเหมือนเดิมแล้ว" พี่เติมเต็มบอกผม ผมกอดพี่เติมเต็มแน่นขึ้น

"เรายังเหมือนเดิมใช่มั้ยครับ" ผมถามคำถามที่เคยถามพี่เติมเต็มไปแล้วครั้งหนึ่ง

"ไม่มีอะไรที่จะมาทำให้พี่เปลี่ยนไป แต่ถ้ามันจะมีอะไรเปลี่ยนระหว่างเรา มันต้องเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น"

ผมเงียบฟังพี่เต็มเต็มพูด

"เลิกคิดมากนะครับ ... ลงไปลองชุดกันเถอะ" พี่เติมเต็มพูดอีกครั้ง ผมได้แต่พยักหน้ารับ พี่เติมเต็มหอมแก้มผมทั้งสองข้างหนักๆก่อนจะปล่อยผมออกจากอ้อมกอด



ผมมองชุดที่ทางร้านเตรียมไว้ให้ผมลองในห้องลองชุดด้วยความแปลกใจ จนผมต้องเดินกลับออกมาถามทางร้านว่าหยิบชุดให้ผมถูกหรือไม่ ซึ่งคนที่ตอบผมคือพี่ขวัญ

"ถูกแล้วจ้ะ รีบไปลองเร็ว ถ้าไม่พอดีตรงไหนจะได้แก้"

ผมเดินกลับเข้าไปในห้องลองชุด ถ้าชุดนี้คือชุดที่ผมต้องใส่ในวันงานจริง ผมก็ไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมต้องตัดชุดใหม่ ไม่ให้ผมใส่ชุดที่ผมมีอยู่เพราะผมไม่มีทางที่จะมีชุดที่ดูหรูและดูดีเป็นทางการขนาดนี้

ชุดที่ผมต้องลองคือเป็นชุดสูทสีครีมครับ เป็นชุดสูทสไตล์ทันสมัย


ก๊อก ก๊อก

"ใส่ได้มั้ย คนเก่ง" ผ่านไปประมาณสิบนาทีเสียงของพี่เติมเต็มก็ดังขึ้นที่หน้าห้องลองชุด ในขณะที่ผมสวมใส่ชุดสูทเรียบร้อยและกำลังยืนส่องกระจกอยู่

"ครับ" ผมตอบออกไป

"พี่ขอดูหน่อย" พี่เติมเต็มพูดขึ้นมาอีกก่อนที่ผมจะเปิดประตูให้พี่เติมเต็มเข้ามา พี่เติมเต็มเข้ามาพร้อมกับปิดประตูห้องลองชุด

พี่เติมเต็มยืนมองผมแบบสำรวจอยู่นิ่งๆสักพัก ก่อนจะยิ้มออกมาด้วยความพอใจ

"พอดีตัวเกินไปมั้ย อึดอัดหรือเปล่า" พี่เติมเต็มถามผม ผมก็ลองเดินและขยับตัวไปมา

"ไม่อึดอัดครับ ... ชุดนี้ตัดใหม่เหรอครับ" ผมถาม

"ใช่ มีอะไรหรือเปล่า" พี่เติมเต็มถาม

"แค่สงสัยน่ะครับว่ารู้ไซส์ผมได้ไง" ผมถามเรื่องที่สงสัยเพราะชุดมันพอดีกับตัวผมมาก ไม่น่าจะใช้การคาดเดาจากรูปร่าง

พี่เติมเต็มยิ้มออกมาและเอามือมาลูบหัวของผม

"เดือนที่แล้วที่คนเก่งยังฝึกงานอยู่ที่โรงแรม ตอนนั้นที่ฝ่ายบุคคลเขามีวัดตัวที่บอกว่าจะตัดชุดพนักงาน จำได้มั้ย" พี่เติมเต็มบอก ทำให้ผมนึกย้อนไป เมื่อเดือนก่อนมีคนมาวัดตัวผมจริงๆครับบอกว่าต้องตัดชุดพนักงานแบบใหม่ ตอนแรกผมก็งงนิดหน่อยเพราะเป็นแค่นักศึกษาฝึกงานคงไม่จำเป็นต้องวัดตัว แต่พี่ที่ฝ่ายบุคคลบอกว่าให้วัดตัวไปด้วยเลย ไหนๆทางร้านก็มาแล้ว

แต่พอมาคิดดูแล้ว ....

"เป็นแผนของพี่เต็มหรือเปล่าครับเนี่ย" ผมถามแต่พี่เติมเต็มแค่ยิ้มและไม่พูดอะไร เอาแต่มองผมในชุดนี้ด้วยสายตาที่ทำเอาผมใจสั่น

แต่ว่า ... ถ้าการวัดตัวเป็นแผนของพี่เติมเต็มเพื่อจะได้ขนาดตัวผมมาตัดชุดสูทชุดนี้ งั้นก็แสดงว่าพี่เติมเต็มมีแพลนล่วงหน้าเรื่องวันทำบุญขึ้นบ้านใหม่เอาไว้แล้ว แต่เพิ่งจะมาบอกผมวันนี้

"เป็นอะไรครับ" พี่เติมเต็มถามผมด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน ผมได้แต่ส่ายหน้าเพราะรู้สึกเหมือนถ้าผมพูดอะไรออกมาน้ำตาผมอาจจะไหล

น้อยใจ งี่เง่าอีกแล้วผม

ในขณะเดียวกันผมได้ยินเสียงสั่นของมือถือพี่เติมเต็มที่มันดังออกมาจากกระเป๋ากางเกง ผมมองพี่เติมเต็มที่หยิบมือถือออกมาดูพร้อมกับยิ้มให้กับหน้าจอมือถือที่เห็นชื่อคนโทรมา

... คุณบัว ...

ถ้าผมมองไม่ผิด ชื่อที่หน้าจอมือถือของพี่เติมเต็มปรากฏชื่อนี้ครับ ผมไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน ไม่น่าจะเป็นเพื่อนเพราะพี่เติมเต็มเมมชื่อเอาไว้ว่าคุณ อาจจะเป็นลูกค้า

"เดี๋ยวผมโทรกลับนะครับ" พี่เติมเต็มกดรับสายก่อนจะตอบไปแบบนั้น ผมรู้สึกว่าดวงตาของพี่เติมเต็มมันมีประกายที่มากกว่าปกติ

"ไหนให้พี่ดูอีกที" พี่เติมเต็มจับผมหมุนไปมา และถามผมอีกครั้งว่าใส่โอเคใช่มั้ย เมื่อผมบอกว่าผมใส่ได้ไม่อึดอัดหรือพอดีตัวมากเกินไป พี่เติมเต็มก็พาผมเดินออกมาจากห้องมีพนักงานในร้านยืนรออยู่สองคน ทั้งคู่ช่วยผมดูชุดสูทที่ผมใส่ เพื่อจะดูว่าต้องแก้อะไรมั้ย ผมมองไปที่พี่เติมเต็มพี่เขาเดินออกไปจากบริเวณนั้นและผมเห็นพี่เติมเต็มหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทรออก ผ่านไปสักพักทางร้านก็ให้ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าได้

หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ผมเดินออกมาจากห้องลองชุด ผมเดินมานั่งตรงส่วนที่รับรองลูกค้า พี่ขวัญกำลังนั่งคุยกับพนักงานในร้านอยู่ ส่วนพี่เติมเต็มกำลังนั่งคุยโทรศัพท์มือถืออยู่ครับ แต่พอพี่เติมเต็มเห็นผม พี่เติมเต็มก็ลุกและเดินออกไปคุยโทรศัพท์ด้านนอก

ผมรู้สึกแย่มากเลยครับ พี่เติมเต็มไม่เคยที่จะไม่คุยโทรศัพท์ต่อหน้าผม ไม่เลยสักครั้งแต่มันมีครั้งนี้ที่พี่เขาทำ และหน้าตาพี่เติมเต็มก็ดูมีความสุขมากครับ

"ใส่ได้พอดีใช่มั้ย" พี่ขวัญถามผมตอนที่ผมเดินเข้ามานั่ง

"ครับ" ผมตอบไปสั้นๆ

"เป็นอะไรหรือเปล่า" พี่ขวัญถามผม

"สงสัยเมื่อคืนนอนดึกครับก็เลยเพลียๆ" ผมตอบเพราะไม่รู้จะตอบว่าอะไรดี

หลังจากนั้นทางพนักงานในร้านที่ผมเดาว่าน่าจะเป็นเจ้าของร้าน ก็เดินเข้ามาคุยกับพี่ขวัญว่า

"ทางร้านจะเอาชุดไปส่งให้ที่บ้านคุณนายในวันพรุ่งนี้นะคะน้องขวัญ"

หลังจากที่ตกลงเรื่องเวลาเรียบร้อย เราสองคนก็เดินออกจากร้านเป็นจังหวะเดียวกับที่พี่เติมเต็มกำลังจะเดินเข้ามาในร้าน

"เรียบร้อยแล้วเหรอ" พี่เติมเต็มถามผม ผมก็ได้แต่พยักหน้ากลับไป

หลังจากนั้นพี่เติมเต็มก็ขับรถมาที่ร้านดอกไม้ พี่เติมเต็มและพี่ขวัญลงไปด้วยกัน ส่วนผมพี่เติมเต็มให้นั่งรออยู่บนรถ

ไม่นานพี่เติมเต็มกับพี่ขวัญก็กลับขึ้นรถมา

"ไปดูร้านตรงแถวๆวงเวียนดีกว่ามั้ย" พี่ขวัญถามพี่เติมเต็ม พี่เติมเต็มปลายตามามองผม ผมรู้สึกเหมือนพี่เติมเต็มไม่อยากให้ผมรู้ ตอนแรกผมก็ตั้งใจจะถามนะ แต่พอเห็นปฏิกิริยาแบบนี้ของพี่เติมเต็มผมก็รู้สึกไม่อยากจะรู้แล้วล่ะครับ

"เดี๋ยวผมออกมาดูอีกทีดีกว่าครับ" พี่เติมเต็มบอก หลังจากนั้นพี่เติมเต็มก็พาผมและพี่ขวัญไปทานข้าวที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในตัวเมือง หลังจากทานเสร็จพี่ต่อภพ พี่ชายของพี่เติมเต็มก็มารับพี่ขวัญและบอกว่าจะพาพี่ขวัญไปทำธุระต่อเอง

"อยากไปที่ไหนหรือเปล่า" ระหว่างที่พี่เติมเต็มขับรถมาใกล้จะถึงบ้านของผมพี่เติมเต็มก็ถามขึ้นมา

"พี่เต็มว่างเหรอครับ" ผมถามด้วยความแปลกใจและระคนดีใจ

"อืมมมมม ... ก็ ... จริงๆก็ไม่ว่างนะ เอาไว้รอขึ้นบ้านใหม่เสร็จก่อน คนเก่งอยากไปที่ไหนพี่จะพาไป โอเคมั้ย ช่วงนี้พี่ยุ่งมากจริงๆ"

และคำตอบของพี่เติมเต็มก็ทำให้ผมอดที่จะเสียใจไม่ได้

หลังจากที่พี่เติมเต็มมาส่งผมที่บ้าน พี่เติมเต็มก็บอกว่าถ้าเสร็จธุระแล้วจะรีบโทรหา ซึ่งผมก็รับทราบเพราะเรื่องการโทร พี่เติมเต็มก็ยังเหมือนเดิม ยังสม่ำเสมอครับ เพียงแค่ ... ผมอยากเจอหน้า อยากอยู่ด้วยกันเหมือนก่อน มากกว่าการที่โทรคุยกัน

ผมไม่รู้ว่าธุระของพี่เติมเต็มจะเสร็จกี่โมงเพราะตอนที่พี่เติมเติมลงไปที่ร้านดอกไม้ พี่เติมเต็มไม่ได้เอามือถือลงไปด้วย ตอนนั้นมีข้อความทางไลน์เข้ามาพอดี


คุณบัว : รอที่ร้านนะคะ
คุณบัว : 4 โมงเย็น


ผมไม่กล้าถามกับสิ่งที่เห็น และผมก็ไม่กล้าหยิบมือถือพี่เติมเต็มขึ้นมา ผมไม่รู้ว่ารหัสหน้าจอมือถือของพี่เติมเต็มยังเป็นรหัสเดิมมั้ย ผมกลัวว่ามันจะเป็นรหัสที่ผมเข้าไม่ได้อีกแล้ว

ผมยอมรับว่าผมคิดมาก แต่เพราะเหตุการณ์และสถานการณ์หลายๆอย่างในตอนนี้มันทำให้ผมคิดมาก


ระหว่างที่ผมกำลังนั่งคิดมากอยู่ที่ห้องรับแขกที่บ้าน มือถือผมที่วางเอาไว้ข้างตัวก็สั่น ผมหยิบมือถือขึ้นมาดู พอเห็นชื่อที่หน้าจอมือถือก็แปลกใจเพราะเป็นพี่เติมเต็มโทรมา ผมมองดูเวลาตอนนี้ประมาณสี่โมงครึ่ง พี่เติมเต็มที่น่าจะทำธุระอยู่กับคุณบัวอะไรนั่น กลับโทรมาหาผม งั้นพี่เติมเต็มก็อาจจะทำธุระเสร็จแล้ว



"ครับ พี่เต็ม" ผมกดรับสาย

(เมื่อกี้ตอนที่เจอกัน พี่มีเรื่องจะบอกคนเก่งแต่พี่ลืม) พี่เติมเต็มเอ่ยขึ้นมา

"ครับ เรื่องอะไรเหรอครับ"

(ตั้งแต่ที่คนเก่งเขียนการ์ดให้พี่เมื่อสามสี่วันก่อน คนเก่งได้เขียนเพิ่มอีกหรือเปล่า) ผมงงกับสิ่งที่พี่เติมเต็มถาม

"ยังไม่เขียนครับ" ผมตอบ อันที่จริงผมมีการ์ดที่เขียนไว้ครับ แต่ยังไม่ได้ส่งให้ เพราะอย่างที่ผมบอกไปว่าช่วงนี้เราแทบจะไม่ได้เจอกันเลยม

(เหรอ .... ) พี่เติมเต็มพูดออกมาและเงียบไป

"มีอะไรเหรอครับ"

(พี่อยากให้คนเก่งงดส่งการ์ดให้พี่ไปก่อนสักระยะ)

ผมเงียบไปกับสิ่งที่พี่เติมเต็มเอ่ยขอ

"งดส่งเหรอครับ" ผมทวนสิ่งที่พี่เติมเต็มพูด

(ใช่ อย่างน้อยก็แค่ช่วงสองสามวันนี้นะ อย่าเพิ่งเขียนให้พี่)

"มีอะไรหรือเปล่าครับ" ผมถามด้วยความสงสัย พร้อมกับหัวใจที่มันหน่วง

(ก็ช่วงสองสามวันนี้พี่ยุ่งเรื่องเตรียมงาน ถ้าคนเก่งให้การ์ดมา พี่คงจะไม่มีเวลาอ่าน)

ถึงแม้ว่ามันจะฟังดูไม่ค่อยมีเหตุผล แต่ผมก็รับปากพี่เติมเต็มไป

"แล้วพี่เติมเต็ม ทำธุระเสร็จแล้วเหรอครับ ถึงได้โทรมา" ผมถาม แต่ได้ยินเสียงผู้หญิงพูดขึ้นมา ซึ่งผมไม่แน่ใจในตอนแรกว่าเขาคุยกับใคร

'เรียบร้อยมั้ยคะ'

แต่เพราะพี่เติมเต็มตอบกลับไปว่า

'เรียบร้อยครับ'

ทำให้ผมรู้ว่าพี่เติมเต็มอยู่กับผู้หญิงอีกคนหนึ่ง คงจะเป็นคุณบัว

(ยังทำธุระไม่เสร็จเลย เพิ่งมาถึงแต่พี่นึกได้ว่ายังไม่ได้คุยกับคนเก่งเรื่องการ์ด พี่เลยรีบโทรมาก่อน)

พี่เติมเต็มบอก เราคุยกันอีกสองสามประโยค พี่เติมเต็มก็ขอวางสายไปก่อน



ให้งดส่งการ์ดไปก่อนงั้นเหรอ?



ผมอาจจะไม่ค่อยฉลาดแต่ผมก็รับรู้ได้ว่าระหว่างเรามันเปลี่ยนไป




TBC.
#เติมเต็มรัก
ninewara✿

◕ เด็กน้อยคิดเยอะจริงๆ


หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 38) 19/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ninewara ที่ 19-07-2019 20:33:22
✿ เติมเต็มรัก ✿ ครั้งที่ 38


วันต่อมา
ผมตื่นมาตั้งแต่เช้ามืดเพราะนอนไม่ค่อยหลับ เมื่อคืนพี่เติมเต็มโทรมาหาผมตอนประมาณสองทุ่ม ท่าทีของพี่เติมเต็มก็ดูปกติครับ ผมคุยกับพี่เติมเต็มเกือบหนึ่งชั่วโมง ก็ได้ยินเสียงม๊าของพี่เติมเต็มเข้ามาเรียกพี่เติมเต็มให้ออกไปคุยกับป๊า ผมก็เลยวางสายและไม่ได้รอให้พี่เติมเต็มโทรกลับมาเพราะปกติถ้าพี่เติมเต็มคุยกับที่บ้านจะใช้เวลาค่อนข้างนาน

ผมเดินลงมาข้างล่างตอนประมาณหกโมงเช้า เจอป้ากำลังกับข้าวอยู่ในครัว

"อ้าว หิวหรือยัง" ป้าถามผม

"นิดหน่อยครับ ป้าทำอะไรครับ หนูช่วยมั้ย" ผมถามป้า

"ไม่ต้องช่วยจ้ะ ป้าทำข้าวผัดกับต้มจืดจะได้ทานง่ายๆ ... แม่หนูลงมาพอดี" ป้าบอกผมก่อนจะมองไปทางด้านหลังของผม แม่ผมเดินเข้ามาในครัวและไปหยิบน้ำในตู้เย็นมาดื่ม

"วันนี้แม่กับป้าไม่มีงานเหรอครับ" ผมถามเพราะถ้าเป็นปกติท่านต้องเตรียมของหรือกำลังทำของที่จะส่งให้ลูกค้า

"หยุดยาวสักสี่ห้าวันจ้ะ ถามแบบนี้แสดงว่าไม่ได้เข้าไปดูในเพจเลยใช่มั้ย" แม่ผมพูดขึ้นมาและยิ้มให้ผม

"ไม่ได้เข้าโซเชียลเลยครับ ทำไมหยุดล่ะครับ แต่หยุดก็ดีครับเก่งอยากให้แม่กับป้าพักผ่อน" ผมบอก แม่เดินมาลูบหัวผมเบาๆ

"แม่กับป้าเคลียร์คิวไว้รองานที่บ้านของพี่เต็มวันศุกร์นี้ไงล่ะ เพราะแม่กับป้าทำกับข้าวและขนมให้ในวันงานจ้ะ" แม่ผมพูดออกมาเพิ่มเติม ผมได้แต่พยักหน้ารับทราบเพราะก็แอบคิดเอาไว้อยู่ว่าพี่เติมเต็มน่าจะให้แม่กับป้าดูแลเรื่องนี้

"เดี๋ยวเก่งช่วยนะครับ" ผมบอกพร้อมทั้งเห็นแม่กับป้าสบตากันนิ่งๆ

"ไม่ต้องช่วยทางนี้หรอกลูก เดี๋ยวทางบ้านพี่เต็มเขาจะส่งคนมาช่วย แต่คนเก่งต้องไปช่วยทางบ้านพี่เต็มแทนนะ" แม่บอก ผมมองแม่อย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก

"เมื่อวานนี้แม่คุยกับคุณฤดีวรรณ เขาอยากให้ลูกไปช่วยงานทางโน้นจ้ะ เดี๋ยวช่วงสายๆลูกก็ไปที่บ้านโน้นนะ"

"ไปวันนี้เลยเหรอครับ งานมีวันมะรืนนี่ครับ"

"ไปวันนี้เลยจ้ะ เอาเสื้อผ้าไปเผื่อนอนด้วยนะลูก อยู่จนถึงวันงานเลย"

"ครับ" ผมรับปากแม่อย่างงงๆ

หลังจากทานข้าวเสร็จผมก็ขึ้นมาบนห้องเพื่ออาบน้ำแต่งตัว แต่ก่อนที่จะเข้าไปอาบน้ำ ผมทักไลน์ไปหาพี่เติมเต็ม และบอกเรื่องที่จะเข้าไปที่บ้านพี่เติมเต็ม พออาบน้ำแต่งตัวเสร็จหยิบมือถือขึ้นมาดูก็เห็นว่าพี่เติมเต็มตอบข้อความไลน์แล้ว


teimtem : เพิ่งตื่น
teimtem : คนเก่งจะมากี่โมง
teimtem : ให้ไปรับมั้ย


konkengg : ผมไปเองก็ได้ครับ

ผมคิดไปมาก็เลยตัดสินใจไปเองดีกว่า

konkengg : แล้วพี่เต็มอยู่บ้านมั้ยครับ

ผมถามเพราะไม่แน่ใจว่าพี่เติมเต็มจะออกไปข้างนอกหรือเปล่า

teimtem : (แนบรูป)

พี่เติมเต็มส่งรูปตัวเองมาให้ดู เป็นรูปเซลฟี่ที่ถ่ายครึ่งตัวบนแบบที่ไม่ใส่เสื้อ


teimtem : กำลังแต่งตัว
teimtem : จะออกไปทำธุระกับป๊าม๊า


ผมมองภาพของพี่เติมเต็มแล้วอดใจสั่นระรัวไม่ได้ ดูเหมือนหุ่นพี่เติมเต็มจะดูดีขึ้นจากเดิมที่ดีอยู่แล้ว ไม่รู้ว่าพี่เติมเต็มออกกำลังกายฟิตหุ่นตัวเองมากขึ้นหรือเปล่า ยิ่งเห็นแบบนี้ยิ่งคิดถึง


ก็ ... ไม่รู้สิ อาจจะเพราะผมห่างเหินกับเรื่องอย่างว่ากับพี่เติมเต็มมานานแล้วก็ได้มั้ง เลยทำให้ผมหัวใจเต้นแรงกับภาพที่หน้าจอมือถือ

konkengg : ผมคงจะไปช่วงสิบโมงน่ะครับ
teimtem : ติวเตอร์น่าจะอยู่บ้าน
teimtem : มาถึงแล้ว
teimtem : ขึ้นมาบนห้องพี่เลยก็ได้

ผมคุยไลน์กับพี่เติมเต็มอีกสักพัก จนพี่เติมเต็มบอกว่าจะต้องออกไปแล้ว

ผมเก็บเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวเล็กน้อยลงในกระเป๋าเป้ ตอนที่เดินลงมาข้างล่าง ก็ต้องแปลกใจเล็กน้อยเพราะเจอติวเตอร์อยู่ข้างล่าง

"ลงมาพอดี น้องมารับคนเก่งน่ะลูก" แม่ผมเป็นคนบอก

ติวเตอร์ยกมือไหว้ผม

"ผมมารับพี่สะใภ้ไปที่บ้านครับ"

ผมยิ้มออกมาตอนนี้ติวเตอร์สูงพอๆกับพี่เติมเต็มแล้วครับ และติวเตอร์ก็เข้าเรียนที่คณะวิศวกรรมศาสตร์เหมือนพี่ชายทั้งสองคน

"พี่ไปเองก็ได้ ไม่เห็นต้องมารับเลย" ผมบอก

"ด้วยความเต็มใจครับ อีกอย่างถ้าไม่มารับเดี๋ยวผมโดนพี่เต็มบ่นแน่เลย" ผมยิ้มกว้างออกมาที่ได้ยินแบบนี้มันเหมือนพี่เติมเต็มยังคงเป็นห่วงผมอยู่


"ติวเตอร์พาพี่แวะดูบ้านหลังใหม่ของพี่เต็มได้มั้ย พี่ยังไม่เคยเข้าไปดูเลย" ผมถามติวเตอร์ตอนที่ติวเตอร์ขับรถพาผมออกมาจากบ้านได้สักพัก เพราะผมนึกขึ้นมาได้ว่าต้องขับรถผ่านบ้านหลังใหม่ของพี่เติมเต็มอยู่แล้ว

"พี่สะใภ้ให้ห้พี่เต็มพามาดูดีกว่านะครับ ผมกลัวโดนดุ" พอติวเตอร์พูดมาแบบนี้ ผมก็ไม่รู้จะขัดยังไง

ตอนที่ขับรถผ่านบ้านหลังใหม่ของพี่เติมเต็มรั้วบ้านเปิดไว้เล็กน้อย มองไปเห็นคนงานเดินกันไปมาพอสมควร ผมมองดูแล้ว พื้นที่ค่อนข้างเยอะมากเลย อยากเห็นข้างในจัง คงต้องรอวันงานล่ะมั้งถึงจะได้เห็น




ตอนนี้ผมนั่งอยู่บนเตียงนอนในห้องของพี่เติมเต็มครับ หลังจากที่ติวเตอร์มาส่งผม ติวเตอร์ก็ขอตัวออกไปข้างนอกเลย ที่บ้านดูเหมือนจะมีคนทำงานในบ้านอยู่สองสามคน

"มื้อกลางวัน น้าจะตั้งโต๊ะตอนสิบเอ็ดโมงสี่สิบห้า ลงมาทานได้เลยนะคะ"

ตอนที่มาถึงผมเจอน้านวลที่เป็นแม่บ้านและน้านวลก็บอกผมเรื่องอาหารมื้อเที่ยง

"น้านวลทำอะไรทานเหรอครับ เดี๋ยวผมลงมาช่วยดีกว่า" ผมถามเพราะถ้าจะให้มาอยู่เฉยๆมันก็จะดูไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ อีกอย่างจะได้ถามน้านวลด้วยว่ามีอะไรให้ผมช่วยเรื่องงานทำบุญขึ้นบ้านใหม่พี่เติมเต็มบ้างมั้ย

"น้าว่าจะทำราดหน้า ทำผัดซีอิ๊วน่ะค่ะ" พอน้านวลบอกผมก็รู้สึกนึกอยากทานราดหน้าขึ้นมาเหมือนกัน

"ถ้างั้นเดี๋ยวผมเอาของขึ้นไปเก็บก่อนนะครับ เดี๋ยวผมลงมาช่วย"

หลังจากที่ลงไปช่วยน้านวลและจัดการกับมื้อเที่ยงเรียบร้อยก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรให้ผมทำแล้วผมก็เลยกลับขึ้นมานั่งแกร่วบนเตียงในห้องนอนพี่เติมเต็มแบบนี้ ผมหยิบมือถือขึ้นมาดู ผมไลน์บอกพี่เติมเต็มตั้งแต่ที่ผมมาถึงที่บ้านพี่เติมเต็มแล้วครับ พี่เติมเต็มตอบมาแค่ทำธุระกับป๊าม๊าเสร็จแล้วจะรีบกลับ

ผมเปิดโทรทัศน์ที่อยู่ในห้องนอนของพี่เติมเต็ม แล้วมานั่งดูรายการเกมส์โชว์อยู่สักพัก สายตาผมก็มองไปเห็นตู้สีขาวใบใหญ่ที่ผมจำได้ดีว่าเป็นตู้ที่พี่เติมเต็มใช้เก็บการ์ดและของที่ผมเคยให้ ผมลังเลใจอยู่นานพอสมควรว่าควรจะไปเปิดดูดีมั้ย เพราะเจ้าของห้องไม่อยู่แต่เพราะมีความรู้สึกบางอย่างรบกวนในใจทำให้ผมตัดสินใจไปเปิดดู


... ว่างเปล่า ...


นั่นคือสิ่งที่ผมเจอ ในตู้สีขาวใบนั้นที่มันเคยเต็มไปด้วยการ์ดของผมแต่ในตอนนี้ไม่มีเหลืออยู่เลยสักใบ ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นและผมก็ไม่ทราบว่าสิ่งของทุกอย่างในตู้ใบนี้มันหายไปไหน ผมนึกย้อนไปเมื่อช่วงก่อนที่ผมจะฝึกงานผมมานอนค้างที่นี่และยังเคยเห็นพี่เติมเต็มเอาการ์ดของผมใส่ไว้ในตู้ใบนี้ นั่นหมายความว่าของในตู้มันต้องหายไปหลังจากนั้น เพียงแต่ว่าผมไม่ทราบว่าเมื่อไหร่แค่นั้นเอง

ผมปิดตู้และกลับมานั่งอยู่บนเตียงอีกครั้ง ผมไม่รู้ว่าตอนนี้ผมควรจะรู้สึกอะไรดี มันปะปนกันไปหมด

คำพูดของพี่เติมเต็มที่เมื่อวานบอกผมว่า อย่าเพิ่งให้การ์ดพี่เติมเต็มในช่วงนี้ ผมไม่รู้ว่ามันเกี่ยวกับเรื่องที่การ์ดในตู้หายไปหรือเปล่าหรือว่าพี่เติมเต็มจะเอาการ์ดของผมไปทิ้งหมดแล้ว แต่มันก็ดูจะไม่มีเหตุผลถ้าพี่เติมเต็มจะทำแบบนั้น แต่ว่า ... ช่วงหลังมาผมก็มองว่าความสัมพันธ์ของเรามันเปลี่ยนไป

เฮ้ออออออ ....พอคิดแบบนี้แล้ว ทุกๆอย่างมันก็รู้สึกแย่ไปหมด



ผมนอนคิดเอาเรื่องโน้นมาโยงใส่เรื่องนี้จนเผลอหลับไป รู้สึกตัวตื่นมาอีกทีตอนที่รู้สึกสัมผัสอุ่นๆที่แก้มของตัวเอง ผมลืมตาขึ้นมาด้วยความตกใจ

"ตกใจอะไร หืม?" เป็นพี่เติมเต็มครับที่หอมแก้มผม พอรู้ว่าเป็นพี่เติมเต็มที่กำลังนอนอยู่ข้างๆผม ผมก็โผเข้าไปนอนกอดพี่เติมเต็มทันที พี่เติมเต็มชะงักไปเลยตอนที่ผมกอดเข้าไปเต็มตัว

"เป็นอะไร" น้ำเสียงพี่เติมเต็มยังคงอ่อนโยน มือของพี่เติมเต็มลูบไปมาอยู่ที่แผ่นหลังของผม

"ผมคิดถึง" ผมตอบเสียงอู้อี้อยู่ที่แผ่นอกของพี่เติมเต็ม พี่เติมเต็มหอมที่หัวของผม ก่อนจะบอกว่า

"คิดถึงเหมือนกันครับ"

เรานอนกอดกันอยู่บนเตียงสักพัก ปฏิกิริยาบางอย่างทางร่างกายของผมมันก็เกิดขึ้น อาจจะเป็นเพราะผมไม่ได้มีอะไรกับพี่เติมเต็มนานแล้ว รวมทั้งคนที่ผมกอดอยู่คือคนที่ผมรัก และผมอยากให้เรื่องอย่างว่ามันเกิดขึ้น และถ้าความรู้สึกของผมไม่หลอกตัวเอง ตอนนี้พี่เติมเต็มเองก็รู้สึกไม่ต่างจากผม

แต่ ...

"ไปทานข้าวกันดีกว่าป๊ากับม๊ารออยู่"

ขณะที่ผมกำลังจะจูบพี่เติมเต็ม พี่เติมเต็มก็พลันลุกขึ้นจากเตียง และนั่งอยู่ปลายเตียงโดยที่ผมยังนอนอยู่บนเตียง ปฏิกิริยาแบบนี้ของพี่เติมเต็มทำให้ผมรู้สึกเจ็บจี๊ดในใจ มันเหมือนพี่เขาปฏิเสธผมและไม่อยากมีอะไรกับผม

ผมลุกขึ้นนั่งเม้มปากพร้อมทั้งมองแผ่นหลังของพี่เติมเต็มที่นั่งหันหลังอยู่ที่ปลายเตียงด้วยความน้อยใจเสียใจ

"เดี๋ยวผมขอไปล้างหน้าก่อนนะครับ" ผมบอกและรีบลงจากเตียงเดินเข้าห้องน้ำไป

ผมว่าผมน่าจะมั่นใจได้แล้วล่ะ ว่าพี่เติมเต็มไม่อยากจะมีอะไรกับผม บางทีพี่เติมเต็มอาจจะคิดได้แล้วว่าไม่ชอบในความสัมพันธ์ในรูปแบบนี้ เวลาสามปีที่คบกันมาพี่เติมเต็มคงจะรู้แล้วว่าตัวเองต้องการอะไร

ห้าปีที่ผมรักข้างเดียว
สามปีที่เป็นแฟนกัน

มันอาจจะหมดเวลาแค่นี้ก็ได้ล่ะมั้ง



ตอนที่ผมเดินออกมาจากห้องน้ำ พี่เติมเต็มมองมาทางผมพอดี ผมก็เลยยิ้มให้ และชวนพี่เติมเต็มลงไปข้างล่างเพื่อทานข้าว สีหน้าของพี่เติมเต็มไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ อาจจะกำลังคิดมากเรื่องผมหรือเปล่า

ผมอยากจะพูดออกไปนะ ว่าอย่าคิดมากเรื่องผม ถ้าอะไรๆมันจะไม่เหมือนเดิม ผมโอเค

แต่นั่นมันคือสิ่งที่คิดได้แค่ในใจครับ ผมก็ไม่ได้เข้มแข็งอะไรแบบนั้นหรอกครับ เพียงแค่ผมอยากให้พี่เติมเต็มคนที่ผมรักมีความสุข และไม่อยากให้ลำบากใจเรื่องผม


พอเดินลงมาก็เจอทุกคนในครอบครัวของพี่เติมเต็มครับ ตอนนี้ทุกคนนั่งอยู่ในห้องรับแขก ผมยกมือไหว้ทุกคนในบ้านของพี่เติมเต็ม

"สวัสดีครับ คุณลุงคุณป้า สวัสดีครับพี่ต่อพี่ขวัญ"

"มาตั้งแต่เช้าเลยใช่มั้ยจ้ะคนเก่ง" ม๊าของพี่เติมเต็มถามผม

"ใช่ครับ"  ผมตอบ

ป๊าของพี่เติมเต็มพูดคุยกับผมเล็กน้อยก่อนจะขอตัวขึ้นไปพักผ่อนข้างบน ส่วนพี่ต่อภพพี่ชายของพี่เติมเต็มก็ขอตัวไปนั่งดูหนังในห้องสตูดิโอรออาหารมื้อเย็น

"แล้วคนเก่งหิวหรือยัง" พี่ขวัญถามผม ผมมองดูเวลาที่นาฬิกาที่แขวนอยู่ผนังห้องรับแขก เกือบจะห้าโมงเย็น มันดูจะเร็วเกินไปถ้าจะทานมื้อเย็น

"ยังไม่หิวเลยครับ แต่ถ้าทุกคนหิวแล้ว ผมทานเลยก็ได้ครับ" ผมบอกด้วยความเกรงใจ

"ที่ถามเพราะพี่กลัวคนเก่งจะหิว คงต้องรออีกสักพักใหญ่เลยกว่ากับข้าวจะเสร็จ" พี่ขวัญพูดต่อ

"อ๋อ ผมยังไม่หิวหรอกครับ" ผมตอบออกไป ก่อนจะมองไปที่พี่เติมเต็มที่นั่งมองผมอยู่สักพักใหญ่ พี่เติมเต็มใช้มือขยี้ที่ผมของผมเบาๆ

"อยากทานอะไรเป็นพิเศษมั้ย" พี่เติมเต็มถามผม

"ไม่ครับ" ผมตอบพี่เติมเต็มกลับไปยิ้มๆ สายตาของพี่เติมเต็มมีความไม่สบายใจแฝงอยู่ คงจะด้วยเรื่องที่อยู่บนห้องเมื่อสักครู่นี้ ผมยิ้มให้พี่เติมเต็มเพราะไม่อยากให้พี่เขากังวลใจเรื่องของผม

"จริงสิ นวลบอกว่าชุดที่คนเก่งจะใส่วันงานเอามาส่งแล้วนะ เดี๋ยวม๊าให้เด็กเอาขึ้นไปไว้บนห้องให้" ม๊าของพี่เติมเต็มเอ่ยขึ้นมา ผมยกมือไหว้ขอบคุณม๊าของพี่เติมเต็มอีกครั้งก่อนที่จะถามเรื่องที่จะให้ผมช่วยงาน

"เห็นแม่บอกว่าคุณป้าอยากให้ผมมาช่วยงาน ไม่ทราบว่ามีอะไรให้ผมช่วยบ้างครับ บอกได้เลยนะครับคุณป้า"

ที่ผมต้องถามเพราะว่าตั้งแต่มาถึงบ้านพี่เติมเต็มก็ดูเหมือนไม่มีอะไรให้ผมทำสักเท่าไหร่ พอผมถามออกไปดูเหมือนทั้งสามคนที่นั่งอยู่กับผมจะสบตากันโดยอัตโนมัติ จนผมรู้สึกแปลกใจ

"เอาไว้พรุ่งนี้นะ พี่มีเรื่องที่จะให้คนเก่งช่วยทั้งวันเลยจ้ะ" พี่ขวัญบอกผม

"ครับ มีอะไรก็บอกได้เลยนะครับ" ผมบอก

หลังจากนั้น ม๊าของพี่เติมเต็มก็ชวนผมคุยเรื่องเกี่ยวกับโรงแรม และเรื่องทั่วไป จนกระทั่งมื้อเย็นที่ทุกคนมาทานข้าวพร้อมกันยกเว้นติวเตอร์ที่ได้ยินว่าจะกลับดึก และหลังจากที่ทานมื้อเย็นเรียบร้อยจากที่ผมคิดกังวลว่าคืนนี้ผมควรจะคุยกับพี่เติมเต็มแบบจริงจังเรื่องความสัมพันธ์ของเราดีมั้ยหรือควรจะรอก่อนดี แต่ดูเหมือนพี่เติมเต็มจะเป็นคนที่ตัดสินใจแทนผมแล้วในเรื่องนี้

เพราะพี่เติมเต็มบอกผมว่าจะนอนที่บ้านหลังใหม่จนกว่าจะถึงวันงานเพราะบ้านยังไม่เรียบร้อย ผมลอบถอนหายใจออกมาส่วนหนึ่งเป็นเพราะผมก็ยังไม่แน่ใจตัวเองว่าพร้อมที่จะรับความจริงได้มากแค่ไหน แต่ก็ยอมรับว่าผมเศร้าใจที่พี่เติมเต็มไม่นอนค้างด้วยกันกับผมที่นี่

มันเหมือนพี่เติมเต็มตัดสินใจเรื่องความสัมพันธ์ของเราไปเรียบร้อยแล้ว

"พรุ่งนี้พี่จะมาหาแต่เช้านะ" พี่เติมเต็มพูดกับผมตอนที่ผมเดินมาส่งพี่เติมเต็มที่รถ

"ครับ" ผมไม่รู้จะตอบว่าอะไรดี

"แล้วก็ ... พี่รู้นะว่าตอนนี้คนเก่งมีเรื่องกังวลในใจ เอาไว้หลังจากวันงานมีอะไรเราค่อยคุยกัน ... นะครับ" พี่เติมเต็มพูดออกมาพร้อมทั้งลูบผมและแก้มผมไปมา ผมนิ่งมองหน้าพี่เติมเต็มด้วยความรักทั้งหมดที่ผมมี

ไม่รู้ว่าผมจะยังมองพี่เติมเต็มด้วยสายตาแบบนี้ได้อีกนานแค่ไหน

"ครับ เอาไว้หลังวันงานเราค่อยคุยกันนะครับ" ผมตอบกลับไป พี่เติมเต็มดึงผมเข้าไปกอดและหอมแก้มผมย้ำๆหลายครั้ง

"พี่รักคนเก่งนะ รักมาก"

ผมกอดพี่เติมเต็มแน่นตอนที่พี่เติมเต็มพูดออกมา

"ทำไมเงียบ ไม่บอกรักพี่เหรอ" พี่เติมเต็มถามผมหลังจากที่พี่เติมเต็มพูดแล้วผมกอดพี่เติมเต็มแน่นๆโดยไม่ได้พูดอะไรออกมา

"ผม ... ผมรักพี่เต็มครับ ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน ผมก็รักพี่เต็มครับ" ผมพูดออกไปพร้อมกับรู้สึกถึงก้อนสะอื้นที่มันมาจุกอยู่ที่คอ รวมทั้งรู้สึกถึงน้ำตาที่มันเริ่มจะคลอที่ดวงตา

"ขี้แย" พี่เติมเต็มพูดพร้อมกับโยกตัวผมไปมา คงเพราะได้ยินน้ำเสียงที่สั่นเครือของผม ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไปแค่กอดให้แน่นยิ่งกว่าเดิมเท่านั้น




วันต่อมา
จากที่พี่เติมเต็มบอกว่าจะเข้ามาหาผมแต่เช้า พี่เติมเต็มมาหาผมจริงครับ แต่ผมไม่ได้อยู่ที่บ้านเพราะพี่ขวัญพาผมออกมาข้างนอกตั้งแต่เช้า พี่ขวัญบอกว่าวันนี้จะให้ผมช่วยเตรียมงานที่จะมีในวันพรุ่งนี้ ผมก็ขึ้นรถออกมากับพี่ขวัญ และสถานที่ที่พี่ขวัญพาผมมาดูเหมือนว่าจะเป็นสปาที่มีชื่อเสียงในจังหวัดพอสมควร

ตอนแรกที่มาถึงผมคิดว่าพี่ขวัญจะเป็นคนที่มาทำสปา แต่ตอนที่นั่งรอเรียกคิวตามนัด ชื่อที่จองเอาไว้เป็นชื่อของผม ผมมองพี่ขวัญอย่างงงๆ พี่ขวัญบอกว่าพรุ่งนี้เป็นวันสำคัญ เพราะฉะนั้นวันนี้ผมต้องเตรียมตัว ผมรู้ว่าพรุ่งนี้เป็นวันสำคัญแต่มันก็เป็นวันสำคัญสำหรับพี่เติมเต็ม ผมไม่เคยทำสปาหรือทำอะไรแบบนี้มาก่อน ผมไม่รู้ว่าทำแล้วมันจะเป็นยังไง


"ต้องทำจ้ะ พี่จองคิวนานเป็นเดือนเลยนะ จ่ายเงินเรียบร้อยแล้วด้วย"

ตอนที่ผมยืนยันว่าผมจะไม่ทำ พี่ขวัญก็พูดแบบนี้ขึ้นมา ทำให้ผมที่ปฏิเสธคนไม่ค่อยเก่งอยู่แล้ว ยิ่งไม่รู้จะปฏิเสธอะไรออกไปได้อีก

สิ่งที่ผมเจอตลอดทั้งวันคือช่วงเช้าหมดเวลาไปกับการทำสปาผิวทรีทเม้นท์ผิว ตอนแรกผมตกใจกับการที่ต้องถอดเสื้อผ้าจนหมดเพราะนอกจากพี่เติมเต็มแล้วผมก็ไม่เคยต้องโป๊ต่อหน้าใครมาก่อน และดูเหมือนพี่ขวัญจะทราบสิ่งที่ผมกังวล พี่ขวัญบอกว่าพนักงานที่นี่มีความเป็นมืออาชีพมาก แต่เพื่อความสบายใจและสะดวกใจของผม พี่ขวัญเลือกคนที่มาทำสปาให้เป็นผู้ชายที่อายุค่อนข้างเยอะและมีประสบการณ์สูง ถึงแม้จะลดความกังวลลงไปได้บ้าง แต่มันก็ไม่เต็มร้อยหรอกครับ

หลังจากการทำสปาผิวสปาตัวผ่านไป ก็มีทำสปาผมและสปาหน้าทรีทเม้นท์หน้า ซึ่งเวลาทั้งวันของผมหมดไปกับการเสริมหล่อตามที่พี่ขวัญบอก และตามความรู้สึกผมคือผมยังมองไม่เห็นประโยชน์ของการทำอะไรแบบนี้เลย แต่ก็ต้องยอมรับครับว่าพอทำออกมาแล้วดูเหมือนผิวผมจะดูใสและดูสว่างขึ้น

"ขนาดโปรแกรมเร่งรัดนะเนี่ย ออร่ามากเลยคนเก่ง พร้อมสำหรับพรุ่งนี้แล้วล่ะ คุ้มค่ากับเงินที่เสียไป" พี่ขวัญพูดออกมาด้วยความพอใจ ตอนที่เห็นผมเดินออกมา

"พรุ่งนี้ยังไงผมก็ต้องใส่เสื้อสูทอยู่ดี ใครจะมองเห็นล่ะครับพี่ขวัญ จริงๆแล้วไม่จำเป็นต้องทำเลย สิ้นเปลืองเปล่าๆ" ผมพูดอย่างที่ใจคิดเพราะพรุ่งนี้วันงานผมต้องใส่ชุดสูทอยู่แล้ว พี่ขวัญหัวเราะออกมาเบาๆอย่างชอบใจ ก่อนจะบอกว่า

"อยากให้บางคนเห็นหลังจากงานเสร็จแล้วมากกว่า"

ผมไม่เข้าใจที่พี่ขวัญพูดแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก หลังจากนั้นพี่ขวัญก็ขับรถกลับมาที่บ้าน ผมกลับมาถึงบ้านพี่เติมเต็มเกือบหนึ่งทุ่ม ระหว่างที่นั่งรถกลับมาผมก็ตอบไลน์พี่เติมเต็มไปด้วย เพราะตอนที่ทำสปาอยู่ผมไม่ได้ดูโทรศัพท์มือถือเลย ช่วงแรกๆพี่เติมเต็มก็โทรเข้ามาหลายสาย และพอผมไม่รับสายก็ไลน์เข้ามา พอเห็นผมไม่ตอบก็คงจะถามพี่ขวัญว่าพาผมมาทำอะไร เพราะข้อความหลังๆมาบอกแค่ว่าถ้าเสร็จแล้วให้โทรหาด้วย


konkengg : กำลังกลับบ้านแล้วครับ
konkengg : เพิ่งเสร็จ


ผมไลน์บอกพี่เติมเต็มไปแบบนี้ และพี่เติมเต็มก็ตอบกลับมาทันที

teimtem : กลับบ้านพี่ใช่มั้ย

konkengg : ใช่ครับ

teimtem : ถึงบ้านแล้วโทรหาพี่ด้วยนะ

konkengg : ครับ

หลังจากนั้นประมาณสิบนาที พี่ขวัญก็ขับรถมาถึงที่บ้านพี่เติมเต็ม พอเดินเข้ามาในบ้านก็เจอป๊าม๊าพี่ชายน้องชายของพี่เติมเต็มนั่งคุยกันอยู่ และเหมือนพอผมเดินเข้ามาทุกคนดูจะเงียบกันไปทันที

"เป็นไงคะทุกคน" พี่ขวัญพูดพร้อมกับผายมือมาทางผม จนผมรู้สึกเขินที่ทุกคนมองผม

"ไหนคนเก่งมานั่งข้างๆม๊าสิลูก" ม๊าของพี่เติมเต็มลุกขึ้นมาจับแขนผมและดึงผมไปนั่งที่โซฟาตัวเดียวกัน

"ปกติคนเก่งผิวก็ดีอยู่แล้ว พอแบบนี้ดูสิผิวขาวขึ้นใสขึ้นเลยลูก แล้วดูสิจับแล้วเนียนนุ่มด้วย หน้าก็ใสปิ๊งเลย" ผมรู้สึกเขินกับคำพูดของม๊า

"แล้วทานอะไรกันมาหรือยัง ไปหาอะไรทานกันก่อนไป ทางนี้ทานเรียบร้อยกันแล้ว" ป๊าของพี่เติมเต็มพูดขึ้นมา

"ยังเลยครับ" ผมตอบ ก่อนที่ติวเตอร์จะเป็นคนชวนผมไปนั่งทานข้าวด้วยกันเพราะติวเตอร์เองก็ยังไม่ทาน ส่วนพี่ขวัญบอกว่าขอตัวเพราะกลัวพรุ่งนี้ใส่เสื้อผ้าไม่สวย ของดมื้อเย็นวันนี้ดีกว่า

"เดี๋ยวพี่ขอโทรหาพี่เต็มก่อนนะ" ผมบอกติวเตอร์ที่เดินนำผมมาที่โต๊ะทานข้าว


ผมเดินเลี่ยงมาตรงประตูเล็กข้างห้องทานข้าวที่เปิดออกไปแล้วจะมีบ่อเลี้ยงปลาคาร์ฟเล็กๆอยู่


(ถึงบ้านแล้วใช่มั้ย) พี่เติมเต็มถามผมทันทีที่รับสาย

"ถึงสักพักแล้วครับ พอดีนั่งคุยกับป๊าม๊าพี่เต็มอยู่" ผมตอบ

(พี่ขวัญแย่งคนเก่งไปจากพี่ทั้งวันเลยนะ วันนี้พี่ตั้งใจจะอยู่กับคนเก่งทั้งวันแท้ๆ) ได้ยินพี่เติมเต็มพูดแบบนี้แล้ว ผมรู้สึกเหมือนผมได้พี่เติมเต็มคนเดิมกลับมา

"ผม .. คิดถึงพี่เต็มนะครับ" ผมบอกในสิ่งที่ผมคิดอยู่ในตอนนี้

(พี่ก็คิดถึง) พี่เติมเต็มตอบผมกลับมา หลังจากนั้นเราทั้งสองคนก็ต่างคนต่างเงียบ

(ตื่นเต้นอ่ะ) อยู่พี่เติมเต็มก็พูดขึ้นมา

"ตื่นเต้นอะไรครับ"

(ก็ .... ตื่นเต้นเรื่องพรุ่งนี้อ่ะ ไม่รู้คืนนี้จะนอนหลับมั้ย)

น้ำเสียงของพี่เติมเต็มดูจะตื่นเต้นมากจริงๆครับ

"อย่านอนดึกนะครับพี่เต็ม พรุ่งนี้เป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่งของพี่เต็มเลยนะครับ ถ้านอนน้อยเดี๋ยวพรุ่งนี้จะเพลียนะครับ" ผมบอกพี่เติมเต็มด้วยความเป็นห่วง

(คนเก่งก็อย่านอนดึกนะรู้มั้ย พรุ่งนี้คนเก่งก็น่าจะเหนื่อยไม่ต่างไปจากพี่)

"ครับ คืนนี้ตั้งใจว่าจะนอนเร็วเพราะพี่ขวัญบอกกำหนดการมา พรุ่งนี้คงต้องตื่นเร็ว" ผมบอกพี่เติมเต็ม

พี่ขวัญบอกผมตอนที่นั่งรถกลับมาจากสปาว่าพรุ่งนี้ต้องไปถึงที่บ้านใหม่ของพี่เติมเต็มตอนตีห้า และพี่ขวัญนัดช่างแต่งหน้าทำผมมาตอนตี่สี่ซึ่งตอนแรกผมเข้าใจว่าพี่ขวัญนัดช่างมาแต่งหน้าทำผมให้ตัวเอง แต่พี่ขวัญบอกว่านัดมาให้ผมต่างหาก

ผมคุยกับพี่เติมเต็มอีกสักพักก่อนจะวางสาย ผมเดินกลับเข้ามาที่โต๊ะทานข้าว พอเห็นว่าติวเตอร์นั่งรอทานข้าวพร้อมผมอยู่ก็ทำให้ผมตกใจเล็กน้อยเพราะลืมไปจริงๆว่าติวเตอร์รออยู่

"โทษทีติวเตอร์" ผมรีบเอ่ยขอโทษติวเตอร์

"ไม่เป็นไรครับ คุยกับแฟนก็แบบนี้แหละ" ติวเตอร์พูดออกมายิ้มได้ ผมก็ยิ้มตอบกลับไปแต่ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป

หลังจากที่ทานมื้อเย็นเรียบร้อย ผมก็ขึ้นไปที่ห้องนอนของพี่เติมเต็ม ผมโทรคุยกับแม่และป้าเล็กน้อย ก่อนที่จะนัดเวลาที่จะเจอกัน หลังจากวางสายผมก็เข้าไปอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อจะเตรียมตัวนอน

พอเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จผมก็มายืนมองดูชุดสูทที่ผมจะต้องใส่ในวันพรุ่งนี้ หลังจากนั้นผมก็ชาร์จแบตฯโทรศัพท์มือถือ ปิดไฟและขึ้นไปนอนบนเตียง


konkengg : ฝันดีนะครับ
konkengg : ❤️


ก่อนนอนผมหยิบโทรศัพท์มือถือและส่งไลน์หาพี่เติมเต็ม ก่อนที่จะล้มตัวลงนอน

และถ้าผมรออีกสักประมาณห้านาที ผมจะเห็นสเตตัสในเฟซบุ๊กของพี่เติมเต็ม



Teimtem Paisanworrakit

     วันสุดท้ายกับสถานะแฟน



ซึ่งดีแล้วที่ผมไม่เห็นสเตตัสนี้เพราะมันคงทำให้ผมนอนไม่หลับทั้งคืน





TBC.
#เติมเต็มรัก
ninewara✿

◕ พรุ่งนี้จะมีอะไรเกิดขึ้นน๊าา
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 39) 19/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ninewara ที่ 19-07-2019 20:51:56
✿ เติมเต็มรัก ✿ ครั้งที่ 39


[เติมเต็ม part]


เมื่อสามปีก่อนที่ผมถามคนเก่งเรื่องแต่งงาน คำตอบที่ผมได้รับจากน้องก็ไม่ได้ต่างจากที่ผมคิดสักเท่าไหร่ ผมเป็นแฟนกับคนเก่งมาสามปีทำไมผมจะไม่รู้ว่าคนเก่งคิดอะไรอยู่ มันไม่ใช่ว่าน้องไม่อยากแต่งงานกับผม แต่สิ่งที่คนเก่งกำลังแคร์นั่นคือครอบครัวผมและสถานะทางสังคมของครอบครัวผม ผมเคยปรึกษาป๊ากับม๊าเรื่องที่ผมอยากแต่งงานกับคนเก่ง ซึ่งป๊ากับม๊าให้ผมเป็นคนที่ตัดสินใจเองเพราะในที่สุดแล้วมันก็คือชีวิตของผม

ตอนที่ผมเรียนปีสุดท้าย ผมตัดสินใจอย่างจริงจังและคุยกับป๊าม๊าอีกครั้งเรื่องที่ผมจะแต่งงานกับคนเก่ง ผมรู้ดีว่าการแต่งงานมันหมายถึงเราต้องพร้อมที่จะดูแลใครอีกคนไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ต้องพร้อมที่จะแชร์ทุกอย่าง ทั้งความสุขและความทุกข์ ถึงแม้คนเก่งจะไม่ใช่ผู้หญิง แต่ผมก็อยากให้เกียรติเขาในฐานะคนรักของผม

และสิ่งที่สำคัญที่สุดในใจผมคือผมอยากมีคนเก่งอยู่ในชีวิตของผมตลอดไป


หลังจากที่ตัดสินใจเรื่องแต่งงาน แพลนหลายอย่างในชีวิตผมเปลี่ยนไป สิ่งแรกที่ผมทำเลยคือผมพาคนเก่งไปดูที่ดินที่อยู่แถวบ้านผมมันเป็นที่ดินเปล่าขนาดใหญ่ ผมตั้งใจว่าจะซื้อที่ตรงนี้เพื่อจะสร้างเป็นเรือนหอของผมกับคนเก่ง ผมชอบที่ดินตรงนี้นะและผมคิดว่าคนเก่งเองก็น่าจะชอบ เพราะครอบครัวคนเก่งมีแค่แม่กับป้า และคนเก่งเองก็เป็นห่วงแม่กับป้ามาก ถ้าสร้างบ้านตรงนี้ก็ไม่ไกลจากบ้านของแม่กับป้าคนเก่ง เพราะมันอยู่ตรงกลางระหว่างบ้านของเราทั้งคู่ ... เพียงแค่คนเก่งยังไม่ทราบเท่านั้นเองว่าผมสร้างเรือนหอ


เรื่องต่อมาที่ผมต้องทำคือผมตัดสินใจบวชเพื่อทดแทนบุญคุณป๊าม๊าทันทีที่เรียนจบ ตอนนั้นป๊ากับม๊าแซวผมใหญ่ว่าท่าทางจะอยากเบียดมากเลยต้องรีบบวช คนเก่งเองก็แปลกใจที่อยู่ๆผมบอกน้องว่าผมจะบวช เพราะผมเคยคุยกับคนเก่งว่าอีกสักสี่ห้าปีถึงจะบวช

หลังจากที่สึกออกมา สิ่งที่ผมต้องทำต่อมาคือเรื่องงาน ป๊ากับม๊าลงทุนทำธุรกิจให้ผมก้อนหนึ่ง โดยเป็นการต่อยอดขยายธุรกิจเดิมของครอบครัวออกมาอีกโซนหนึ่งเพื่อให้ได้ลูกค้าเพิ่ม

ช่วงที่คนเก่งมาฝึกงานที่โรงแรมในเครือของครอบครัว ป๊าและม๊าผมท่านก็พาคนเก่งไปออกงานพบปะลูกค้าด้วยบ้าง โดยม๊าจะเริ่มแนะนำให้ลูกค้าที่สนิทสนมให้รู้จักคนเก่งในฐานะแฟนของผม เพราะม๊าเองก็อยากจะทราบว่าลูกค้าที่เป็นลูกค้าประจำหรือใช้บริการกับทางโรงแรมเราบ่อยๆจะมีฟีดแบ็กกลับมายังไง ซึ่งเท่าที่ม๊าบอกมายังไม่เจอฟีดแบ็กอะไรที่มันไม่ดี ม๊าบอกม๊าได้รับคำชมด้วยซ้ำว่าใจกว้างและไม่ปิดกั้นในเรื่องเพศ

ช่วงที่คนเก่งเข้าไปฝึกงานที่โรงแรมเป็นช่วงเวลาที่คนเก่งกับผมค่อนข้างที่จะยุ่งมากเพราะน้องฝึกงานตลอดวันจันทร์ถึงเสาร์ ส่วนผมไม่มีเวลายิ่งกว่าเพราะทั้งเรื่องบริษัทที่เปิดใหม่ ทั้งเรื่องสร้างเรือนหอเพราะผมเป็นคนที่คิดและพยายามออกแบบในสิ่งที่คิดว่าน้องจะชอบ

หลังจากนั้นผมก็ให้ป๊าม๊าพาผมเข้าไปพูดคุยกับแม่และป้าของคนเก่งเพื่อให้ป๊าม๊าทาบทามและสู่ขอคนเก่งให้ผม ... พอนึกถึงตอนนั้นแล้วเขินชะมัด วันนั้นแม่และป้าของคนเก่งตกใจมากครับเพราะไม่คิดว่าผมจะมาขอน้องแต่งงาน ท่านทั้งสองบอกว่าไม่ได้คิดว่าผมจะไม่จริงจังกับคนเก่งนะ เพียงแค่ไม่คิดว่าผมจะจริงจังถึงขนาดต้องแต่งงาน วันนั้นม๊าผมถามถึงเรื่องสินสอดว่าทางแม่กับป้าคนเก่งคิดว่าเท่าไหร่จึงจะเหมาะสม ซึ่งท่านก็ตอบม๊าผมว่าขอแค่รักและดูแลคนเก่งให้ดี สินสอดในรูปแบบของเงินทองท่านไม่ต้องการ แต่ป๊าม๊าก็บอกว่าจะจัดสินสอดให้ตามความเหมาะสม

ผมยอมรับว่าช่วงสองสามเดือนมานี้ผมทำให้คนเก่งน้อยใจผมค่อนข้างมาก แต่เพราะมันเป็นช่วงที่ผมต้องเร่งงานในทุกๆอย่างเพื่อให้ทันกับฤกษ์วันแต่งงานที่ม๊าไปขอฤกษ์มาจากหลวงพ่อวัดที่ผมไปบวช ซึ่งท่านบอกว่าถ้าเลยฤกษ์นี้ไป ก็ต้องรอไปอีกประมาณหนึ่งปี ซึ่งผมไม่อยากจะรอนานขนาดนั้น

ยิ่งในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา เป็นช่วงที่ทรมานกายและใจสำหรับผมมาก เพราะม๊าบอกว่าม๊าไปดูดวงมาให้ผม เขาบอกว่าถ้าอยากอยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่าห้ามผมมีเซ็กส์กับแฟนจนกว่าจะถึงคืนแต่งงานตามฤกษ์ ตอนที่ผมได้ยินผมได้แต่ค้านหัวชนฝา เพราะผมว่ามันยากเกินไปสำหรับผม แค่น้องแตะตัวผมนิดๆหน่อยๆผมก็ไปหมดแล้วครับ แต่พี่ขวัญพี่สะใภ้ผมก็บอกว่าหมอดูคนนี้เป็นหมอดูที่ม๊านับถือมาก ลองเชื่อดูก็ไม่น่าจะเป็นอะไร ดีกว่าเสี่ยงที่ต้องเลิกกัน

ผมเป็นคนไม่ค่อยเชื่อเรื่องหมอดูอะไรพวกนี้เท่าไหร่ แต่ผมก็ไม่อยากที่จะลบหลู่ ผมก็เลยยอมเนียนๆทำตามที่ม๊าบอก ตอนแรกม๊าไม่ทราบหรอกครับว่าผมทำตาม แต่พอผมกลับมานอนที่บ้านบ่อยรวมทั้งไปนอนที่บ้านพี่ต่อภพพี่ชายเป็นประจำ ม๊าก็ทราบ และในที่สุดทั้งบ้านก็ทราบกันหมดว่าผมทำตามที่หมอดูแนะนำ ป๊าเจอผมป๊ายังหัวเราะเลยครับ บอกว่าผมโดนม๊าแกล้งแต่ม๊าก็แย้งกลับมาว่าให้ไปถามหมอดูเลย

ช่วงสองเดือนแรกผมไม่มีเวลาให้น้อง แต่เรื่องเซ็กส์เราก็ไม่เคยขาด ช่วงนั้นเราเจอกันบ้างไม่เจอบ้าง คนเก่งมีท่าทีน้อยใจบ้างแต่ดูเหมือนไม่ได้น้อยใจใหญ่โตอะไร แต่ช่วงเดือนหนึ่งที่ผ่านมาค่อนข้างหนักเลยน่ะผมว่า เพราะเป็นตัวผมเองที่จะเลี่ยงไม่เจอ ไม่อยากอยู่กับน้องสองต่อสอง เพราะถ้าผมอยู่กับน้องเรื่องเซ็กส์มันจะไม่เกิดขึ้นได้ยังไงล่ะครับ ยิ่งช่วงหลังมาผมไม่รู้คนเก่งไปสรรหาศึกษาวิธีทำให้ผมมีความสุขมาจากไหน จนผมยอมรับว่าบ่อยครั้งที่ผมรอคอยการมีเซ็กส์ครั้งต่อไปกับคนเก่งตลอด

แต่หนึ่งเดือนที่ผ่านมาผมได้เห็นแววตาที่น้อยใจของคนเก่งนับครั้งไม่ถ้วนทุกครั้งที่ผมแสดงท่าทีออกมาว่าไม่อยากมีเซ็กส์กับน้อง จนอย่างที่บอกสุดท้ายเลือกที่จะไม่ค้างที่คอนโดเพราะผมไม่อยากเห็นแววตาตัดพ้อของคนเก่งบ่อยๆ และเมื่อวันก่อนที่ผมกับน้องนอนกอดกันอยู่บนเตียง ผมรู้ว่าเราทั้งคู่ต่างก็รู้สึก แต่ผมยังทำแบบนั้นไม่ได้ ตอนที่คนเก่งกำลังจะจูบผม ผมก็เลยต้องรีบตัดใจและลุกออกมาให้ห่างจากตัวน้อง และพยายามที่จะไม่มองสายตาที่เสียใจของน้อง แต่คนเก่งก็คือคนเก่งที่น้องยังคงยิ้มให้ผมเสมอแม้ว่าตัวเองกำลังน้อยใจ

ม๊าและแม่กับป้าของคนเก่งเป็นคนที่จัดการเรื่องฤกษ์ในการแต่งงานของผมกับคนเก่ง เพราะพอเรือนหอตกแต่งใกล้จะเสร็จเรียบร้อย ผมก็เรียนให้ม๊าและแม่กับป้าของคนเก่งไปหาฤกษ์ดีๆในผมหน่อย โดยผมขอให้ทุกคนไม่ต้องบอกคนเก่งเพราะผมอยากจะเซอร์ไพรส์น้อง ผมก็เลยคิดมุขเรื่องทำบุญขึ้นบ้านใหม่มาอ้าง คนเก่งขอมาดูที่เรือนหอบ่อยครับแต่ผมก็เลี่ยงมาตลอดเพราะถ้าคนเก่งมามันก็ไม่เซอร์ไพร์สน่ะสิครับ

พิธีแต่งงานที่ผมคุยกับทางผู้ใหญ่ไว้ก็ไม่ได้มีอะไรมากครับแค่มีพิธีสงฆ์ในช่วงเช้าเท่านั้นเพื่อเป็นสิริมงคลกับชีวิตคู่ของเรา และเพื่อไม่ให้คนเก่งแปลกใจด้วย แต่อันที่จริงสำหรับคนอื่นอาจจะแปลกใจตั้งแต่ที่ให้ไปลองชุดสูทแล้ว แต่คนเก่งเป็นคนแบบนี้ล่ะครับ ไม่ค่อยสงสัยหรือถามอะไรเท่าไหร่ ให้ทำอะไรก็ทำ

เมื่อวานนี้ ผมตั้งใจเอาไว้ว่าจะขอใช้เวลาพาคนเก่งไปทานข้าวหรือดูหนังเดินเล่นกันสองคนก่อนที่จะถึงวันสำคัญ แต่พอผมตื่นมาผมเจอข้อความไลน์จากพี่ขวัญบอกว่าวันนี้ขอยืมตัวคนเก่งหนึ่งวันจะพาไปเสริมความหล่อ ตอนแรกผมยังไม่เข้าใจจนคนเก่งบอกว่าพี่ขวัญพาไปทำสปา ผมไม่ทราบรายละเอียดในการทำรู้แค่ว่าเมื่อวานนี้คนเก่งหายไปทั้งวัน ช่วงบ่ายผมแวะเข้าไปที่ร้านสปาที่พี่ขวัญบอก แต่เจอแค่พี่ขวัญที่นั่งดื่มชาเย็นและขนมเค้กรออยู่ตรงร้านที่ติดกันกับร้านสปา ผมหงุดหงิดนิดหน่อยที่ไม่เจอคนเก่ง และอยากจะรอเจอน้องแต่พี่ขวัญบอกว่าให้รอเจอน้องพรุ่งนี้เลย ผมมองดูเวลา ผมต้องเข้ามาดูความเรียบร้อยที่เรือนหออีกรอบ ผมก็เลยต้องตัดใจไม่เจอคนเก่งในวันนี้ พอผมขับรถออกมาได้ไม่นานพี่ขวัญก็ส่งข้อความทางไลน์มาหาผมว่า


porkwan : ถือว่าเป็นของขวัญแต่งงานจากพี่ต่อและพี่นะ


ผมอ่านด้วยความไม่เข้าใจในตอนแรก แต่ก็คงจะหมายถึงเรื่องที่พาคนเก่งมาทำสปา เพราะเท่าที่ทราบราคาก็หลักหมื่นครับ แต่พอได้มาเจอคนเก่งเช้านี้ ผมเข้าใจคำว่าของขวัญแต่งงานของพี่ชายและพี่สะใภ้ผมแล้วครับ

คนเก่งมาถึงที่เรือนหอตอนตีห้า ตอนที่ผมเห็นน้องเดินเข้ามาในบ้านผมยอมรับว่าผมมองน้องไม่วางตาเลยครับ คนเก่งอยู่ในชุดสูทสีครีมผมถูกเซ็ทอย่างดีเผยให้เห็นใบหน้าของคนเก่งชัดเจน พอผมเดินเข้ามาใกล้ๆน้อง ทำให้ผมเห็นว่าคนเก่งแต่งหน้าอ่อนๆมาด้วย แต่ผมว่าน้องไม่ได้ดูเด่นหรือดูดีขึ้นเพราะการแต่งหน้าหรือทำผม แต่มันมีอะไรบางอย่างที่น้องดูเปลี่ยนไป ผมหมายถึงคนเก่งดูดีขึ้น ดูมีเสน่ห์มากขึ้น

คนเก่งเองก็มองดูผมด้วยสายตาที่ชื่นชมจนปิดไม่มิด ผมเคยบอกแล้วใช่มั้ยครับว่าผมชอบสายตาของคนเก่งที่มองผมด้วยสายตาที่หลงใหล ผมใส่ชุดสูทสีเดียวกับคนเก่งครับ แตกต่างกันที่ดีไซน์นิดหน่อยแต่ถ้าดูก็รู้ว่าเป็นชุดสูทที่ใส่คู่กัน

ผมเห็นสายตาของคนเก่งที่มองไปทั่วบ้านด้วยความตื่นเต้นผมก็อดที่จะรู้สึกว่าหัวใจมันพองโตขึ้นมาไม่ได้ อยากพาน้องเดินชมบ้านจริงๆครับ

คนที่มาร่วมงานพิธีสงฆ์ในตอนเช้า นอกจากครอบครัวผมและครอบครัวของคนเก่งแล้ว ก็มีเพื่อนในกลุ่มผม ไอ้ธาวิน ฟูจิ และส้มส้มกับแฟน นอกนั้นก็จะเป็นพนักงานของบริษัทออแกไนซ์ซึ่งเป็นบริษัทเพื่อนของพี่ขวัญที่ช่วยดูแลงานให้

"เพิ่งรู้ว่าพี่เต็มชวนฟูจิกับส้มส้มมาด้วย สองคนนั้นไม่เห็นบอกอะไรผมเลย รวมทั้งพี่เต็มด้วยไม่เห็นบอกผมเลย" คนเก่งถามผม หลังจากที่คนเก่งเดินไปทักทายเพื่อนเสร็จ ผมชอบน้ำเสียงงอนๆแบบนี้ของน้องจัง

"อย่างอนนะครับ พี่แค่อยากเซอร์ไพรส์คนเก่งเท่านั้น" ผมบอกและตามมาด้วยสีหน้าที่งงๆของน้องที่คงจะสงสัยว่าทำไมจะต้องเซอร์ไพรส์เจ้าตัวด้วย

"ทำไมต้องเซอร์ไพร์สล่ะครับ แต่ว่าทำไมแขกน้อยจังเลยครับ ตอนแรกผมคิดว่าต้องมีผู้ใหญ่มากันเยอะแน่เลย" คนเก่งถาม

"พี่เชิญแค่คนที่สนิทน่ะ พี่อยากให้เป็นส่วนตัวหน่อย" ผมบอกน้องซึ่งคนเก่งก็แค่พยักหน้ารับรู้ไม่ได้ถามอะไรอีก

เพื่อนสนิทผมและเพื่อนสนิทคนเก่งทุกคนรู้เรื่องที่ผมจะจัดงานวันนี้รวมถึงเซอร์ไพร์สคนเก่งด้วย ซึ่งผมต้องขอบคุณทุกคนมากจริงๆที่ทุกคนปิดเงียบไม่บอกอะไรคนเก่งเลย แม้แต่ฟูจิและส้มส้มที่คนเก่งเคยไปปรึกษาเรื่องที่ผมดูแปลกไป ทั้งสองคนก็ใจแข็งไม่บอกคนเก่งถึงแม้ว่าจะสงสารเพื่อนก็ตาม


"กว่าจะมาได้นะมึง" ผมทักไอ้บุ๊คกับไอ้โจ้ที่เดินเข้ามาในบ้านผมมองดูเวลาตอนนี้ตีห้าครึ่ง คนเก่งมองทั้งสองคนด้วยความแปลกใจก่อนจะยกมือไหว้ไอ้บุ๊ค

"ทันเวลาน่า คนเก่งดูน่ารักขึ้นหรือเปล่าเนี่ย" พอพูดกับผมเสร็จไอ้บุ๊ค มันก็พูดกับคนเก่งทันที

"แฟนกู เดี๋ยวกูชมเอง พูดอะไรดูหน้าเมียมึงด้วย" ผมบอกเพราะเห็นไอ้โจ้ยืนหน้างออยู่

"ไอ้อ้วนพากูไปหาอะไรกินหน่อย" ไอ้โจ้จับแขนคนเก่งและกำลังจะดึงแขนคนเก่งเดินออกไป

"เดี๋ยว!" ผมพูดพร้อมกับแกะมือของไอ้โจ้ที่จับแขนคนเก่งไว้

"ไม่ต้องจับ เดินไปด้วยกันเฉยๆก็พอ" ผมบอกไอ้โจ้ ก่อนที่มันจะส่งยิ้มกวนประสาทให้ผม

"ก็ได้ครับเฮีย ไปกันเถอะไอ้อ้วน กูมีความลับบางอย่างจะบอก" ดูมันครับ

"เออๆจะจับก็จับ แต่แค่นี้พอนะ" ผมบอกกลับไปในขณะที่คนเก่งมองผมกับไอ้โจ้สลับไปมาอย่างไม่เข้าใจ ไอ้โจ้ส่งยิ้มเหมือนเอาชนะผมได้ก่อนจะจับแขนคนเก่งอีกครั้ง

"โจ้ก็รู้ใช่มั้ยว่าพี่ไม่ชอบให้แตะตัวผู้ชายคนอื่น" เสียงไอ้บุ๊คพูดขึ้นมาทำให้ไอ้โจ้ชะงักก่อนจะปล่อยแขนคนเก่ง

"นี่ไอ้อ้วนน่ะ คนอื่นที่ไหน" ไอ้โจ้มันแย้งขึ้นมา

"ผู้ชายมั้ย?" ไอ้บุ๊คถามกลับ

"ผัวมันก็ยืนอยู่นี่" ไอ้โจ้บอกพร้อมกับชี้มาที่ผม

"ผัวโจ้ก็ยืนอยู่นี่เหมือนกันครับ" ไอ้บุ๊คบอกเสียงเย็นๆ

"ไปดีกว่า ปะ ไอ้อ้วน" ไอ้โจ้พูดก่อนจะหันไปชวนคนเก่งเหมือนตัดบทสนทนา

"ขี้หวงน่ะมึงน่ะ" ผมแซวไอ้บุ๊ค

"แน่ใจนะว่าหมายถึงกูคนเดียว" ไอ้บุ๊คมันย้อนผม


ผมจ้างให้ไอ้บุ๊คมาเป็นช่างภาพในงานครับเพราะไอ้บุ๊คมันรับถ่ายภาพแบบเต็มตัวช่วงสองปีที่ผ่านมา มันเปิดเพจและมีผลงานดีๆออกมาพอสมควรทำให้ลูกค้ามันค่อนข้างเยอะเหมือนกัน ผมเลยตัดสินใจจ้างคนกันเองดีกว่าอย่างน้อยถึงมันจะเป็นเพื่อนผมแต่มันก็มืออาชีพ และผมก็ยังคงประทับใจกับผลงานที่มันถ่ายให้ผมเมื่อวันที่ผมขอคนเก่งเป็นแฟนได้อยู่

"แล้วมึงมากี่คนว่ะ" ผมถามเพราะผมรู้ว่ามันจะมีทีมงานมาด้วย

"มีผู้ช่วยมาอีกสองคน กำลังเตรียมอุปกรณ์ เดี๋ยวกูเดินไปดูก่อน" ไอ้บุ๊คบอกก่อนที่ผมจะเห็นมันเริ่มถ่ายภาพเก็บบรรยากาศในงาน

จนเวลาผ่านไปสักพัก พระเก้ารูปที่นิมนต์มาจากวัดใกล้บ้านก็มาถึงหลังจากนั้นก็เข้าสู่พิธีสงฆ์อย่างจริงจัง

ตอนที่กำลังจะเริ่มพิธี น้องมีสีหน้าแปลกใจจนเห็นได้ชัดตอนที่ผมกับน้องเริ่มจุดธูปเทียน ผมว่าน้องคงจะต้องเริ่มคิดบ้างแล้วล่ะว่าทำไมมีแต่ผมกับน้องที่ทำพิธีตามที่ออแกไนซ์บอก

ใช้เวลาผ่านไปพอสมควร ต่อมาผมกับคนเก่งก็มาถึงช่วงตักบาตรร่วมกัน เป็นอีกช่วงเวลาที่คนเก่งมองไปรอบตัวด้วยความสงสัยที่ไม่มีใครมาร่วมตักบาตรด้วยเลย

หลังจากผ่านขั้นตอนต่างๆจนถึงขั้นตอนรับพรจากพระสงฆ์เรียบร้อยโดยรวมถือว่าเสร็จพิธีสงฆ์ครับ

"พี่เต็มครับ ผมว่าพิธีมันดูแปลกๆนะครับ" คนเก่งถามผม

"แปลกยังไงครับ" ผมถาม คนเก่งขมวดคิ้วเหมือนกำลังคิดว่ามันแปลกยังไง

"ก็ทุกอย่างเลยครับ ดูสิทำไมมีเราสองคนที่นั่งเก้าอี้ด้านหน้าสุด มันเหมือน ... คือมันไม่เหมือนทำบุญขึ้นบ้านใหม่เลยครับ" คนเก่งพูดออกมา และถ้าผมไม่พูดความจริงกับคนเก่งตอนนี้ บางทีพอถึงเวลาที่จะสวมแหวน งานผมอาจจะล่มก็ได้
ผมมองดูเวลาซึ่งโดยรวมผมถือว่ายังพอมีเวลาเหลือที่จะอธิบายกับคนเก่ง

ผมหันไปมองผู้ใหญ่และทุกคนที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ด้านหลัง ผมเดินไปบอกทุกคนว่าขอเวลาคุยกับคนเก่งสักครู่ แต่ให้ทุกคนเตรียมงานขั้นตอนต่อไปได้เลย ผมเดินกลับมาหาคนเก่งและจูงมือน้องไปคุยกันอีกห้องหนึ่ง ซึ่งห้องนี้ผมทำเป็นห้องหนังสือและห้องทำงาน


"ห้องสวยจังครับ"

คนเก่งเอ่ยชมทันทีที่เข้ามาในห้อง และน้องก็หันมามองผมพร้อมกับทำตาโต เพราะน้องมองเห็นกรอบรูปบานใหญ่ที่ติดอยู่ที่ผนังห้อง มันเป็นรูปคู่ของผมกับคนเก่งครับ เป็นรูปที่เราถ่ายเซลฟี่กัน รูปมันอาจจะไม่ได้สวยอะไรมากแต่ผมชอบทุกรูปที่มีคนเก่งอยู่ด้วยและทุกห้องในบ้านหลังนี้ รวมถึงหลายๆพื้นที่ในบ้านก็จะมีกรอบรูปแบบนี้ติดอยู่


"พี่เต็ม .. นี่คือ" คนเก่งถามผมออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่แน่ใจ

ผมหยิบมือถือของผมขึ้นมา และกดเข้าไปที่แอพฯเฟซบุ๊ก ก่อนจะยื่นหน้าจอที่แสดงสเตตัสล่าสุดของผมที่โพสต์เมื่อคืนให้คนเก่งดู สเตตัสนี้ของผมสร้างความแปลกใจ ตกใจ และประหลาดใจให้กับหลายคนมากจริงๆครับ ส่วนใหญ่คิดว่าผมกับคนเก่งเลิกกันแล้ว มีแฟนคลับของผมหลายคนที่ยังคงติดตามผมอยู่แม้ผมจะเรียนจบแล้ว คอมเม้นท์บอกว่าไม่น่าเชื่อว่าผมจะเลิกกับคนเก่ง และมีอีกหลายคนถึงกับบอกว่าจะเลิกติดตามผมถ้าผมเลิกกับน้อง

ผมมองดูสีหน้าของคนเก่งหลังจากที่น้องเห็นสเตตัสของผม รู้เลยว่าน้องยังไม่ได้เห็นสเตตัสนี้ ผมรู้สึกว่าน้องมือสั่นอย่างเห็นได้ชัด

"คนเก่งยังไม่เห็นใช่มั้ย" ผมถาม

" ... ยังครับ ตั้งแต่ตื่นมา ยังไม่ได้จับมือถือเลย" ผมเห็นน้องใช้มือจับไปตามกระเป๋ากางเกง ดูเหมือนว่าน้องอาจจะลืมเอามือถือมาหรืออาจจะเก็บไว้ในกระเป๋าเป้ที่พกเป็นประจำ

"แล้วรู้มั้ยว่า ... สเตตัสของพี่หมายความว่ายังไง" ผมถาม

คนเก่งเงียบสักพักก่อนจะพูดออกมา

"พี่เต็มจะเลิกกับผม .. ใช่มั้ยครับ"

เอาจริงเลยนะตอนคนเก่งพูดคำว่าเลิก ใจผมโคตรแกว่ง ไม่ชอบคำๆนี้เลยจริงๆ

คนเก่งเสียงสั่นเครือจนผมรู้สึกสงสารที่ทำให้น้องเป็นแบบนี้

"เราใช้สถานะแฟนเมื่อวานเป็นวันสุดท้าย ... แต่ ... ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปสถานะของเราคือคู่ชีวิต คือสามีภรรยา คือคนสองคนที่จะใช้ชีวิตร่วมกันจนแก่เฒ่า ... " ผมหยุดนิดหน่อยเพื่อดูปฏิกิริยาของคนเก่ง ที่น้องดูจะอึ้งไปเลย

"......"

"แต่งงานกับพี่นะ"

"......"

"ไม่สิ จะพูดว่าอะไรดีล่ะ เพราะเราทำพิธีสงฆ์เสร็จแล้ว ก็น่าจะถือว่าแต่งงานกันแล้วเนอะ"

"......"

"เงียบเลย .. ตกใจเหรอครับ" ผมดึงคนเก่งเข้ากอดพร้อมกับลูบหลังคนเก่งไปมา

"......"

"พี่ใจเสียนะเนี่ย" พอคนเก่งเงียบแบบนี้ผมก็เริ่มจะใจคอไม่ดี

"ผม .. ผมแค่ตกใจ" คนเก่งพูดอึกอักออกมา

"เราแต่งงานกันแล้วนะ" ผมบอก

"สรุปคือเมื่อกี้เรา ... คือไม่ใช่ทำบุญขึ้นบ้านใหม่เหรอครับ"

"ไม่ใช่ครับ"

"แล้ว ... "

"เอาไว้หลังเสร็จพิธีทุกอย่างแล้วพี่จะอธิบายให้ฟังนะ แต่ตอนนี้เราต้องออกไปทำพิธีต่อก่อน ไม่งั้นเราอาจจะไม่ทันฤกษ์ที่เตรียมไว้ก็ได้" ผมบอกน้องเพราะมองดูเวลามันจะถึงฤกษ์สวมแหวนแล้ว

"พี่เต็มเล่นมัดมือชกแบบนี้ ผมก็ปฏิเสธไม่ได้น่ะสิครับ" คนเก่งพูดขึ้นมายิ้มๆ

"ถึงจะปฏิเสธพี่ก็ไม่ยอมหรอก งานนี้ลงทุนไปเยอะใครจะยอม หลังจากนี้ต้องทำงานใช้หนี้ป๊าม๊ายาวเลย" ผมบอกยิ้มๆพร้อมทั้งจูงมือคนเก่งเดินออกมาข้างนอก ไปที่ห้องที่เตรียมพิธีสวมแหวน

ตอนที่คนเก่งเดินเข้ามาในห้องรอบนี้คนเก่งมีท่าทีเขินอายและหน้าแดงตลอดเวลา นั่นคงเป็นเพราะน้องรู้แล้วว่ากำลังอยู่ในพิธีอะไร

"คุยกันเรียบร้อยใช่มั้ย" ม๊าผมถามทันทีที่ผมพาน้องเดินกลับมา

"ครับม๊า" ผมบอกก่อนจะหันไปทางพี่ขวัญเพื่อจะเริ่มพิธีต่อ

แต่อยู่ๆในหัวของผมก็นึกภาพบางอย่างขึ้นมาซึ่งเป็นสิ่งที่ผมเคยนึกภาพไว้ว่าอยากจะทำแบบนี้ ผมจูงมือคนเก่งให้ไปยืนที่กลางห้อง

"คนเก่ง" ผมจับมือน้องไว้แล้วคุกเข่าลงตรงหน้าน้องคนเก่งตกใจมากที่ผมทำแบบนี้

"พี่เต็มทำอะไรครับ!ลุกขึ้นครับ!" คนเก่งร้องห้ามผมเสียงดัง

"แต่งงานกับพี่นะ" ผมพูดแทรกคนเก่งขึ้นมาและน้องก็หยุดการกระทำทั้งหมด

"ห๊ะ"

"ขอโอกาสให้พี่ดูแลคนเก่งนับจากวันนี้เป็นต้นไป แต่งงานกับพี่นะครับ"

"ก็ ... ไหนบอกทำพิธีแต่งเสร็จแล้วไงครับ"

"ก็เสร็จแต่งแล้ว แต่พี่ยังไม่ได้พูดขอแต่งงานอย่างเป็นทางการเลยนะ ... ตอบเร็ว อายแล้วเนี่ย"

คนเก่งหลุดขำผมออกมาเล็กน้อย

"ครับ ตกลงครับ"

สิ้นคำตอบตกลงของคนเก่งทุกคนที่อยู่ในห้องปรบมือและโห่ร้องขึ้นมา ผมลุกขึ้นสวมกอดน้อง จากนั้นพี่ขวัญก็ให้ผมพาน้องกลับไปนั่งที่พื้นต่อหน้าผู้ใหญ่

(มีต่อนะคะ)
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 39) 19/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ninewara ที่ 19-07-2019 20:57:17
(ต่อค่ะ)


ผมมองดูเวลาใกล้จะถึงฤกษ์ในการสวมแหวนแล้วครับ ผมกับคนเก่งนั่งหันหน้าออกมาด้านนอก ที่มีบรรดาเพื่อนๆของเราสองคนนั่งมองมาด้วยรอยยิ้ม ผมเพิ่งเคยเห็นคนเก่งเขินมากๆก็วันนี้แหละครับ

พี่ขวัญนำพานที่มีกล่องใส่แหวนสองวงมาวางไว้ตรงหน้าเราสองคน ก่อนที่จะเป็นคนบอกขั้นตอนที่เราต้องทำ คนเก่งกราบผมหนึ่งครั้ง โดยผมรับมือที่กราบของคนเก่งเอาไว้ก่อนที่จะสวมแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายของคนเก่ง ผมรู้สึกว่าตัวเองมือสั่นนิดๆตื่นเต้นหน่อยๆ ผมว่าตอนนี้ผมมือเย็นไม่ต่างจากคนเก่งเลยครับ ผมมองคนเก่งกราบขอบคุณผมอีกครั้ง หลังจากนั้นคนเก่งก็สวมแหวนให้ผมที่นิ้วนางข้างซ้ายเช่นเดียวกัน

หลังจากนั้นผมและคนเก่งก็ก้มลงกราบที่ญาติผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายของเรา และพวกท่านก็อวยพรให้กับพวกเราสองคน

"วันนี้ป๊าถือว่าเป็นวันที่ดีวันหนึ่งเลยในการที่เราสองคนจะเริ่มต้นชีวิตคู่อย่างเป็นทางการ หนักนิดเบาหน่อยก็ต้องให้อภัยกัน พูดคุยกันด้วยความเข้าใจ ให้นึกถึงวันแรกที่รักกัน สำหรับเต็มแกมีครอบครัวแล้วมีอีกคนที่ต้องดูแล แกก็ต้องเป็นผู้นำและเป็นผู้ใหญ่คอยดูแลน้อง สำหรับคนเก่งต่อไปนี้มาเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของป๊าแล้ว เรื่องความเหมาะสมเรื่องทางสังคมอะไรต่างๆก็เลิกคิดนะ ป๊าฝากดูแลลูกชายป๊าด้วย แล้วก็ต่อไปให้เรียกป๊า อย่าเรียกคุณลุง" นี่คือคำอวยพรจากป๊าของผม ป๊าที่ไม่ค่อยได้พูดอะไรยาวๆสักเท่าไหร่ก็พูดออกมาจนผมรู้สึกตื้นตัน

"ขอบคุณครับคุณลุง เอ่อ ... ขอบคุณครับป๊า" คนเก่งยกมือไหว้ขอบคุณป๊า

"ม๊าดีใจมากนะที่วันนี้ม๊าได้คนเก่งมาเป็นสะใภ้ของม๊าอย่างเป็นทางการจริงๆซะที ม๊าขอบคุณคนเก่งนะที่ดีกับลูกชายม๊าและรักลูกชายที่ไม่ค่อยเอาไหนของม๊ามาตลอดแปดปี ถ้าต่อไปโดนรังแกมาบอกม๊านะลูกม๊าจะจัดการพี่เขาให้" ดูม๊าผมสิครับ เข้าข้างคนเก่งตลอดแต่ถึงม๊าจะพูดแบบนี้มันก็ทำให้ผมยิ้มไม่หุบอยู่ดี

"แม่ดีใจกับคนเก่งด้วยนะลูก ต่อไปนี้ลูกมีครอบครัวเป็นของตัวเอง มีใครอีกคนที่ลูกต้องแชร์ทุกๆอย่างในชีวิตด้วย ทำอะไรต้องมีสติ วันไหนที่ทะเลาะกัน ให้นึกถึงความรู้สึกดีๆในวันนี้เอาไว้นะลูก ... แม่ฝากเต็มดูแลน้องด้วยนะ ถึงแม้คนเก่งจะเป็นผู้ชายแต่ก็เป็นลูกชายคนเดียวของแม่ ทำให้แม่อดที่จะเป็นห่วงน้องไม่ได้" แม่ของคนเก่งครับ

"ผมจะรักและดูแลน้อง ให้เท่ากับชีวิตของผมเลยครับ" ผมจับมือน้องเอาไว้พร้อมกับบอกกับแม่ของคนเก่งด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง

"รักและดูแลกันและกันตลอดไปเลยนะ ทำทุกวันให้เหมือนวันแรกๆที่คบกัน เข้าใจกันให้มากและเชื่อใจกันด้วย ... ป้าดีใจกับหนูด้วยนะคนเก่ง และเต็ม ป้าฝากดูแลหัวใจของป้าด้วยนะลูก" ป้าคนเก่งพูดออกมา พอป้าพูดเสร็จคนเก่งก็ร้องไห้และเข้าไปกอดแม่กับป้า

"ผมขอขอบคุณแม่และป้านะครับที่ไว้ใจให้ผมดูแลคนเก่ง ผมจะไม่มีวันทำให้น้องเสียใจ ผมจะรักน้องและดูแลน้องเป็นอย่างดี ด้วยชีวิตของผม" ผมกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจังและหนักแน่น

"ผม ... หนู .." คนเก่งพูดออกมาด้วยเสียงสั่นเครือ เหมือนน้องกำลังเรียบเรียงคำพูด ผมบีบมือน้องเป็นการให้กำลังใจ

"ผมขอบคุณป๊าม๊าพี่ต่อพี่ขวัญติวเตอร์ที่ต้อนรับผมให้เป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวนะครับ ... และหนูขอบคุณแม่และป้าที่เข้าใจหนูในทุกๆเรื่อง ขอบคุณครับ" คนเก่งก้มลงกราบที่ตักของแม่และป้า



หลังจากผ่านพิธีการสวมแหวนเรียบร้อยยังมีอีกขั้นตอนหนึ่งที่ผมข้ามไปให้มาอยู่หลังพิธีสวมแหวน เหตุผลเพราะผมกลัวคนเก่งไม่เห็นด้วย แล้วมันจะพาลให้พิธีสวมแหวนจะไม่เกิดขึ้น

นั่นคือเรื่องสินสอด ซึ่งจะมีแค่คนในครอบครัวผมและคนเก่ง รวมทั้งทนายความของครอบครัวผมที่มาร่วมรับทราบ

ซึ่งเพื่อนๆผมและเพื่อนๆของคนเก่งทราบกำหนดการนี้กันทุกคน หลังจากที่พิธีสวมแหวนเรียบร้อยทุกคนก็ออกจากห้องไป

"ยังไม่เสร็จเหรอครับ" คนเก่งถามผมเมื่อผมจับมือน้องและฉุดน้องที่นั่งอยู่ที่พื้นให้ขึ้นมานั่งที่เก้าอี้ที่ทางออแกไนซ์จัดวางให้ใหม่

"ยังครับ อีกขั้นตอนเดียวก็เสร็จแล้ว" ผมบอกคนเก่งที่ใบหน้ายังมีคราบน้ำตาอยู่เล็กน้อย ผมเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตาให้น้อง

"โอเคแล้ว ไม่ค่อยมอมแมมเท่าไหร่" ผมเอ่ยปากแซวคนเก่ง ผลคือน้องทำหน้ามุ่ยปากยื่นออกมา จนผมอดจะหัวเราะไม่ได้

"ผมขอแนะนำก่อนนะครับ ท่านนี้คือทนายณรงค์เป็นทนายประจำของป๊ากับม๊า รวมทั้งดูแลครอบครัวผมด้วยครับ" ผมเริ่มเกริ่นขึ้นมา ดูเหมือนแม่กับป้าคนเก่งน่าจะพอเข้าใจว่าผมกำลังจะพูดเรื่องอะไร แต่คนเก่งยังทำหน้างงอยู่

"สิ่งที่ผมจะกล่าวต่อไปนี้คือรายการของสินสอดที่ผมมอบให้กับแม่และป้าเพื่อเป็นการตอบแทนที่ท่านทั้งสองได้เลี้ยงดูคนเก่งมาเป็นอย่างดี จนทำให้ผมได้เจอกับน้องและได้รักกัน" คนเก่งมองผมตาโต

"พี่เต็มครับ" คนเก่งเรียกชื่อผมพร้อมกับจับที่แขนของผมไว้

"ฟังพี่เขาก่อนนะคนเก่ง" ม๊าผมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ใจดี

"ครับ ขอโทษครับ" คนเก่งยกมือไหว้ขอโทษม๊าผม น้องหน้าเสียเล็กน้อยจนผมอดที่จะใช้มือลูบหัวน้องไปมาไม่ได้ ผมยิ้มให้คนเก่งก่อนจะกลับเข้าเรื่องอีกครั้ง

"ผมขอมอบเงินสดจำนวนห้าสิบล้านบาทให้กับแม่และป้าของคนเก่งโดยแบ่งให้คนละยี่สิบห้าล้านบาท นอกจากนี้ผมขอมอบทองคำมูลค่าสองล้านบาทโดยแบ่งให้คนละหนึ่งล้านบาทนะครับ .... ผมทราบว่ามันคงไม่เพียงพอกับความรักของแม่กับป้าที่มีให้น้อง ผมไม่เคยแต่งงานมาก่อน ผมพยายามคิดในแง่ของความเหมาะสม หวังว่ามันคงไม่น้อยมากเกินไปนะครับ" ผมกล่าวออกมา

"แม่ว่ามันมากเกินไปนะเต็ม อันที่จริงตามที่แม่เคยคุยกับเต็มไว้ สินสอดเงินทองอะไรแม่ไม่ได้ต้องการเลยนะลูก แค่เต็มดูแลน้องรักน้องก็พอ" แม่ของคนเก่งพูดขึ้นมา ผมสบตากับม๊าเพื่อให้ม๊าเป็นคนพูดต่อ

"ไม่มากเกินไปหรอกค่ะถ้าเทียบกับความเหนื่อยยากลำบากในการเลี้ยงลูกขึ้นมาให้เป็นเด็กดี และคนเก่งก็เป็นเด็กดีมากๆ ใครได้ไปเป็นลูกชายก็โชคดี เพราะฉะนั้นดิฉันดีใจมากค่ะที่ได้คนเก่งมาเป็นลูกชายอีกคน" ม๊าผมพูดเสร็จ แม่กับป้าของคนเก่งก็หันไปปรึกษากัน

"ก็ถือว่าเก็บเอาไว้ให้คนเก่งก็ได้ครับ เพราะคุณแม่กับคุณป้าจะโอนทรัพย์สินให้คนเก่งก็ได้นะครับ ทางเราไม่ได้มีเงื่อนไขอะไร" ป๊าผมพูดเสริมขึ้นมา ซึ่งพอได้ยินแบบนี้แม่กับป้าของคนเก่งก็ดูเหมือนจะไม่ปฏิเสธอีก

"คนเก่ง" ผมเรียกน้อง ตอนที่น้องกำลังทำหน้าไม่สบายใจอยู่

"ครับ" น้องขานรับและหันมาสนใจผม

"พี่รู้ว่าความรักของคนเก่งที่มีให้พี่มันเทียบเป็นเงินทองไม่ได้ รวมทั้งความรักที่พี่มีให้คนเก่งมันก็ไม่สามารถวัดเป็นมูลค่าได้เช่นเดียวกัน แต่เพราะพี่อยากให้คนเก่งรู้ว่าพี่รักและจริงจังอยากใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันไปอีกสามสิบสี่สิบปี พี่ไม่อยากให้คนเก่งคิดว่าพี่ตีค่าความรักของเราด้วยเงินทอง แต่เพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่พี่จะสามารถแสดงออกมาว่าพี่รักคนเก่งมากแค่ไหน เพราะพี่ไม่รู้จริงๆว่าต้องใช้อะไรมาแสดงให้เห็นถึงความรักที่พี่มีให้" ผมหยุดพูดชั่วครู่ เพราะเห็นน้ำตาที่คลอขึ้นมาที่ดวงตาของน้อง ผมส่งให้ทนายณรงค์เป็นคนจัดการต่อจากผม ผมโอบเอวคนเก่งและดึงน้องให้เข้ามานั่งชิดกับตัวผม

"รายการต่อไปนี้จะเป็นสิ่งที่คุณเติมเต็มมอบให้กับคุณคนเก่งนะครับ โดยมีดังนี้ .... " คนเก่งฟังสิ่งที่ทนายณรงค์พูดพร้อมกับนั่งตัวเกร็งไปด้วย น้องเงยหน้ามามองผมเป็นระยะกับสิ่งที่ตัวเองได้ยิน

สิ่งที่ผมให้น้องคืออย่างแรกบ้านหลังนี้ที่เป็นเรือนหอของเรา ซึ่งน้องเพิ่งมาทราบว่าบ้านหลังนี้ผมสร้างเพื่อเป็นเรือนหอไม่ใช่สร้างเพื่อให้ผมอยู่คนเดียว อย่างที่สองคือเงินสดจำนวนห้าสิบล้านบาทซึ่งไม่รวมกับเงินรายเดือนที่ผมจะมอบให้น้องอีกเป็นประจำทุกเดือน อย่างที่สามคือรถยนต์ยุโรปคันใหม่ป้ายแดงที่ผมเพิ่งให้ทางโชว์รูมเอามาส่ง ป่านนี้พวกเพื่อนๆด้านนอกคงกำลังยลโฉมกันอยู่ และอย่างที่สี่คือที่ดินส่วนตัวของผมจำนวนห้าสิบไร่

ผมไม่รู้ว่าสิ่งที่ผมให้กับคนเก่งมันมากหรือน้อย แต่นี่คือสิ่งที่ผมจะให้น้องเบื้องต้นเพื่อแทนคำว่ารักจากผม แทนคำขอบคุณจากผมสำหรับความรักที่ดีๆของคนเก่งที่มีให้ผมตลอดมา

และเพราะความรักในรูปแบบนี้ของเราทำให้ผมไม่สามารถที่จะจดทะเบียนสมรสกับคนเก่งได้ในตอนนี้ ทำให้เหมือนน้องเองก็ไม่มีหลักประกันอะไรเลยในชีวิตคู่ของเรา และเพราะอนาคตมันไม่แน่นอนผมไม่รู้ว่าผมจะตายก่อนคนเก่งหรือเปล่า ถ้าผมเกิดเป็นอะไรขึ้นมาก่อน สิ่งที่ผมคิดคือน้องจะอยู่ยังไง จะใช้ชีวิตยังไง ถ้าเป็นผู้ชายผู้หญิงแต่งงานจดทะเบียนสมรสกัน หากสามีเป็นอะไรไปก่อน ภรรยาก็ยังได้รับสิทธิทุกอย่างทั้งทรัพย์สินเงินทอง แต่เพราะเราทำแบบนั้นไม่ได้ ผมจึงตัดสินใจที่จะให้กับคนเก่งแบบนี้ อย่างน้อยถ้าผมเป็นอะไรไปก่อนน้อง ผมก็มั่นใจว่าถึงไม่มีผม คนเก่งก็ไม่ลำบากอย่างแน่นอน

หลังจากที่คนเก่งรับรู้ในสิ่งที่ผมมอบให้น้องก็เอาแต่กอดผมร้องไห้ไม่หยุด จนม๊าชวนทุกคนให้ออกไปจากห้องเพราะเห็นว่าไม่มีอะไรแล้ว

"หยุดร้องได้แล้ว" ผมลูบหลังน้องไปมาอย่างปลอบใจ อยากลูบผมน้องนะแต่เพราะผมของน้องถูกเซ็ทไว้จนแข็งไปหมด ผมไม่ชอบเลยจริงๆ

"มัน ... มัน มากเกินไป ผม ผมไม่อยากได้ ผมแค่รักพี่เต็ม .. เท่านั้นเอง ผม .. ไม่อยากได้  อะไร  .." คนเก่งสะอื้นพร้อมพูดออกมาอย่างน่าสงสาร

"ชู่ว์ พอแล้วครับ เลิกร้อง ก็ถือซะว่าคนเก่งช่วยพี่ดูแลทรัพย์สินก็ล่ะกันนะ แต่ถ้าคนเก่งไม่อยากได้จริงๆมันก็มีอยู่วิธีหนึ่งนะ" ผมบอก

"วิธีอะไรครับ"

"คนเก่งนอกใจพี่สิ ถ้าคนเก่งนอกใจพี่นะ พี่จะขอทุกอย่างคืนหมดเลย" ผมพูดออกมาขำแต่คนเก่งอาจจะไม่ขำไปกับผมเพราะน้องต่อยเข้าที่ท้องผมแรงประมาณหนึ่งเลย

"ใครจะไปนอกใจล่ะ! รักจะตายอยู่แล้วเนี่ย! ฮือๆๆๆๆ"

คนเก่งโวยวายออกมาอย่างน่ารักและร้องไห้ออกมาอีก

"อย่าคิดว่าสิ่งที่พี่ให้มันมากเกินไปเลยนะ ถ้ามองในแง่ความรักความซื่อสัตย์ความเอาใจใส่ที่คนเก่งมีให้พี่ตลอดมามันยังน้อยไปด้วยซ้ำ และตั้งแต่เราเป็นแฟนกันมาพี่ยังไม่เคยให้อะไรคนเก่งเป็นชิ้นเป็นอันเลยนะ ... นึกแล้วก็ตลกตัวเองที่เคยเอาลูกอมของคนเก่งมาให้คนเก่ง" ผมพูดแล้วก็นึกขำตัวเอง เมื่อก่อนสมัยเรียนมอปลายมีหลายครั้งที่ผมเคยเห็นเหมือนคนเก่งไม่สบายใจ ผมก็หาลูกอมหรือของกินในกระเป๋าให้คนเก่ง แต่ในกระเป๋าผมก็มีแต่ของที่น้องให้ครับ

คนเก่งหัวเราะออกมาก่อนจะพูดว่า

"ไม่จริงซะหน่อย วันเกิดผม วันครบรอบพี่เต็มก็ให้ตลอด" คนเก่งแย้งผมขึ้นมา ซึ่งมันไม่จริงเลยครับ คำว่าให้ตลอดของคนเก่งคือการที่เราไปนั่งทานข้าวสวีทกันเล็กๆครับ เพราะคนเก่งเป็นคนไม่ชอบสิ่งของ อย่างเช่นคนอื่นอาจจะชอบนาฬิกา แต่คนเก่งเป็นคนไม่ใส่นาฬิกา ถ้าสิ่งที่คนเก่งจะชอบจริงๆเลยนะก็คือพวกสมุดบันทึก ไดอารี่ หรือหนังสือมากกว่า

ผมกอดปลอบคนเก่งไปอีกสักพักน้องก็คลายจากอาการสะอื้น

"ออกไปข้างนอกกันนะ" ผมบอกคนเก่งที่ตอนนี้หน้าตาค่อนข้างมอมแมมเลย อดที่จะยิ้มด้วยความเอ็นดูไม่ได้

"แล้วเรื่องทำบุญขึ้นบ้านใหม่ล่ะครับ" คนเก่งถามผม

"กำหนดการทางการจริงๆคืออีกสองอาทิตย์ แต่ก่อนหน้านี้เมื่ออาทิตย์ที่แล้วมีทำพิธีไปแล้วล่ะ" ผมบอกคนเก่ง

"ทุกคนรู้กันหมดเลยใช่มั้ยครับ" คนเก่งถาม น้องคงหมายถึงเรื่องงานวันนี้

"ใช่ครับ แต่เพราะทุกคนเขาอยากให้เราสองคนมีความสุขนะ เพราะถ้าพี่ไม่ทำแบบนี้ คนเก่งก็คงจะปฏิเสธแน่ มัดมือชกแบบนี้แหละดีแล้วคนเก่งจะได้ไม่มีข้ออ้างกับพี่" ผมบอก


ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นก่อนที่ประตูจะค่อยๆเปิดแง้มเข้ามา

"ครับ พี่ขวัญ" ผมพูดเมื่อเห็นหน้าคนที่โผล่เข้ามา

"พี่กลัวจะเจอภาพยี่สิบบวกเลยค่อยๆแง้มประตูดู" พี่ขวัญพูดเสร็จพร้อมกับหัวเราะ

"พี่ขวัญมีอะไรเหรอครับ" ผมถามยิ้มๆ ตอนนี้คนเก่งไม่ได้กอดผมแล้วครับ เราแค่นั่งจับมือกันแค่นั้น

"ออกไปถ่ายรูปรวมกันเถอะ เสร็จจากนี้จะได้ไปทานข้าวกันด้วย ... ตายจริงคนเก่ง" พี่ขวัญพูดเสียงดังขึ้นมาเล็กน้อยตอนที่เห็นหน้าคนเก่ง

"เดี๋ยวคนเก่งล้างหน้าล้างตาแล้วแต่งหน้าใหม่นะ หน้าช้ำหมดแล้วเนี่ย" พี่ขวัญบอก

"ไม่ต้องแต่งก็ได้มั้งครับ แค่ล้างหน้าก็พอ" คนเก่งบอก

"ไม่ได้ๆ วันนี้เป็นวันสำคัญของเรานะ เชื่อพี่ ดีนะที่วันนี้จ้างช่างแต่งหน้าทำผมไว้ทั้งวัน เต็มออกไปข้างนอกก่อนนะ เดี๋ยวให้คนเก่งแต่งหน้าก่อน" พี่ขวัญพูดเสร็จก็โทรตามช่างแต่งหน้าที่นั่งอยู่ด้านนอกเข้ามา ตอนแรกผมจะนั่งอยู่กับน้องแต่พี่ขวัญก็ดันตัวผมให้ออกมาข้างนอก คนเก่งส่งยิ้มให้ผมเหมือนจะบอกว่าไม่เป็นไร ผมก็ส่งยิ้มกลับไปให้น้องก่อนจะเดินออกมา

ป๊าม๊าและแม่กับป้าของคนเก่งนั่งคุยกันอยู่ตรงห้องรับแขกบริเวณทางเข้าบ้าน

"เรียบร้อยใช่มั้ยลูก" ม๊าถามผม

"เรียบร้อยครับ แต่พี่ขวัญกำลังจับน้องแต่งหน้าใหม่อยู่ครับ เมื่อกี้ร้องไห้หน้ามอมแมมเลย" ผมพูด ออกมาด้วยความเอ็นดู ก่อนที่ผมจะขอตัวเดินออกมาดูรถที่ลานจอดรถ

ผมเดินออกมาหาพี่ต่อภพและติวเตอร์ที่ยืนอยู่ที่รถคันใหม่ที่ผมซื้อให้คนเก่ง

"ผู้จัดการจะเอาเอกสารมาให้คนเก่งเซ็นพรุ่งนี้นะ"

พี่ต่อภพบอกผม

"พี่เต็มโคตรเล่นใหญ่" ติวเตอร์มันแซวผม ทั้งๆที่มีหลายอย่างที่มันเป็นคนเสนอผม

"ขอบคุณพี่ต่อมากนะครับที่ช่วยผมทุกอย่าง ติวเตอร์ด้วย" ผมเอ่ยขอบคุณพี่ชายและน้องชายผม

"เห็นแกมีความสุข พี่ก็ดีใจ" พี่ชายผมตบไหล่ผมเบาๆ ส่วนติวเตอร์มันแค่ยกไหล่แบบกวนๆ

ผมเดินแยกจากพี่ชายและน้องชายผมมาหากลุ่มเพื่อนที่นั่งอยู่และกำลังสนุกกับการถ่ายรูป

"บ้านโคตรสวย" ไอ้ธรณ์มันบอก

"เออ มุมถ่ายรูปโคตรเยอะ" ไอ้ชินท์พูด

"สระว่ายน้ำลงได้เลยมั้ย" ไอ้ทัตพลถามผม

"ลงได้ดิ" ผมบอก

"ไว้พรุ่งนี้ค่อยมากันดีกว่ามึง วันนี้ให้มีเวลาส่วนตัวกับเมียมันก่อนเถอะ กูว่าคืนนี้คนเก่งเจอศึกหนัก" ไอ้ธรณ์มันพูดขึ้นมา พวกมันรู้เรื่องที่ผมถูกห้ามไม่ให้มีเซ็กส์กับคนเก่งครับ

"เออ! กูว่าจะทักมึงอยู่ไอ้เต็ม สายตามึงมองคนเก่งอย่างกับจะกินน้องมัน" ไอ้ชินท์พูดออกมาบ้าง

"เหรอว่ะ" ผมไม่รู้หรอกว่าผมใช้สายตาแบบไหนมองคนเก่ง แต่มันก็เป็นไปได้ที่ผมจะมองน้องแบบที่พวกมันพูด

"มึงแม่งโคตรทุ่มอะ บ้านสวยมาก" ไอ้ธาวินที่นั่งอยู่ใกล้ๆพูดขึ้นมา

ผมสร้างบ้านหลังนี้ด้วยไอเดียทั้งของผมและของน้อง เพราะผมเองก็คอยถามน้องบ่อยๆเรื่องบ้านแบบที่น้องชอบหรือสิ่งที่น้องอยากให้มีในบ้าน คนเก่งหลอกถามข้อมูลไม่ยากครับ

บริเวณบ้านผมค่อนข้างมีพื้นที่เยอะ ผมมีแปลงปลูกพืชผักสวนครัวให้คนเก่งเพราะน้องเคยบอกว่าอยากให้ที่บ้านมีพื้นที่ปลูก มีซุ้มปลูกดอกกล้วยไม้และมีแปลงปลูกดอกมะลิ รวมทั้งมีสระว่ายน้ำในร่มที่บริเวณหลังบ้าน และพื้นที่ข้างบ้านผมทำเป็นห้องห้องหนึ่งแยกออกมาเป็นลักษณะของห้องเรียนเพราะคนเก่งเคยพูดว่าอยากจะรับสอนพิเศษภาษาอังกฤษให้กับเด็กระดับประถมหรือมัธยมต้น คนเก่งค่อนข้างโดดเด่นในเรื่องวิชาที่เกี่ยวกับภาษาครับ ไม่ว่าจะเป็นภาษาไทย ภาษาอังกฤษและภาษาฝรั่งเศส ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วเรื่องที่จะรับสอนพิเศษน้องจะทำจริงมั้ย แต่ผมก็ตัดสินใจทำห้องเผื่อเอาไว้ก่อนครับ

ผมรู้นะว่าผมรักคนเก่ง แต่ยิ่งพอมาสร้างบ้านหลังนี้ผมยิ่งรู้ว่าผมรักน้องมากแค่ไหน เพราะไม่ว่าจะทำตรงไหนผมก็จะนึกตลอดว่าน้องจะชอบมั้ย งานนี้บอกเลยว่าผมต้องทำงานใช้หนี้ป๊ากับม๊าระยะยาวเลยครับ แต่ถือว่าคุ้มค่ากับสิ่งที่ผมได้มา

"แต่มึงเล่นแบบนี้ ทำเอากูแย่เลย" ไอ้ธาวินมันพูดขึ้นมาอีก

"เรื่องไรวะ" ผมถาม ไอ้ธาวินมันมองไปทางฟูจิที่กำลังนั่งทานขนมอยู่กับส้มส้มอยู่ห่างออกไป

"ก็ถ้ากูเกิดอยากเซอร์ไพรส์ฟูจิบ้างคงไม่ใหญ่เท่ามึง ไม่รู้น้องมันจะน้อยใจกูหรือเปล่า" ไอ้ธาวินมันพูด

"พวกพี่เนี่ยแปลกเนอะ ทำไมชอบคิดมากเปรียบเทียบอะไรกันก็ไม่รู้ ต่อให้พวกพี่จะทำไม่ทำ จะเซอร์ไพรส์ไม่เซอร์ไพรส์ มันก็ไม่ได้ทำให้พวกผมรักพวกพี่น้อยลงป่ะ ตราบใดที่พวกผมรักพวกพี่อยู่ต่อให้พวกพี่ไม่ทำอะไร พวกผมก็รักอยู่ดี" ไอ้โจ้มันมานั่งลงข้างๆผม ตามมาด้วยไอ้บุ๊ค ผมมองไอ้โจ้ที่พูดออกมาอย่างงงๆ พอมันพูดเสร็จไอ้บุ๊คก็ลูบหัวไอ้โจ้ไปมา สงสัยไอ้โจ้จะงอนไอ้บุ๊คมาแน่

"เดี๋ยวไปคุยกับไอ้หัวหน้าห้องดีกว่า" ไอ้หัวหน้าห้องที่ไอ้โจ้พูดถึงหมายถึงฟูจิครับ

"โจ้ครับ" ไอ้บุ๊คจับมือไอ้โจ้ไว้พร้อมกับเรียกไอ้โจ้เสียงนุ่ม ... ขนลุกเลยผม

ไอ้ธาวินรีบลุกไปหาฟูจิทันที โอเค สงสัยพวกมันอาจมีเรื่องที่ต้องเคลียร์กัน

สักพักพี่ขวัญก็พาคนเก่งเดินออกมา

"โอเค หน้าตาดูดีแล้ว" ผมบอกน้องที่ยิ้มให้ผมหลังจากนั้นพวกเราก็ถ่ายรูปร่วมกัน

หลังจากนั้นม๊าก็นัดหมายเวลาและสถานที่ที่จะไปทานอาหารร่วมกันในตอนเย็น ซึ่งรวมทั้งบรรดาเพื่อนๆของผมและคนเก่งด้วย

ผมเดินมาส่งเพื่อนๆผมขึ้นรถ ก่อนจะนัดเจอกันช่วงค่ำเรียบร้อย ผมเดินกลับเข้ามาในบ้าน ป๊าม๊าและแม่กับป้าของคนเก่งยืนรอผมอยู่

"พอดีม๊าคุยกับแม่ของคนเก่ง เรายังเหลืออีกขั้นตอนหนึ่ง" ม๊าบอกผม

"อะไรเหรอครับ" ผมถาม

"พาม๊าขึ้นไปห้องนอนหน่อย" ม๊าบอกผม

"ห้องนอนผมเหรอครับ ผมถามด้วยความตกใจ

"จ้ะ ถ้าจะพูดให้ถูกคือห้องหอนะจ้ะลูกชาย" ม๊าบอกผม

"จะไปทำไมเหรอครับ" ผมถาม ม๊าหรี่ตามองผมอย่างจับผิด

"มีอะไรหรือเปล่า" ม๊าถามผม ผมมองไปที่คนเก่งที่ยืนอยู่ข้างผม

"แล้วม๊าจะไปขึ้นไปทำอะไรเหรอครับ" ผมถามม๊า

"ก็ถึงแม้ว่าเราอาจจะไม่ได้เคร่งครัดกับพิธีมากนักแต่ม๊าคิดว่าเราก็ควรจะส่งตัวบ่าวสาวเข้าหอนะ" ม๊าผมพูดออกมายิ้มๆ ผมมองคนเก่งที่ยืนหน้าแดงอยู่

"แต่ม๊าครับ คือ ... " ผมอึกอักเล็กน้อยก่อนจะตัดสินใจพาพวกผู้ใหญ่ขึ้นไปข้างบน แต่ผมให้คนเก่งรออยู่ข้างล่าง

และสิ่งที่ทุกคนเจอเมื่อเปิดประตูห้องนอนเข้ามาก็คือภายในห้องเต็มไปด้วยดอกไม้นานาชนิดทั้งดอกทิวลิป ดอกคาร์เนชั่น ดอกลิลลี่ ดอกกุหลาบ ที่ผมสั่งซื้อมาจากร้านดอกไม้ทั่วจังหวัดเพื่อจะเอามาเซอร์ไพรส์คนเก่งตอนที่น้องเข้ามาในห้องนอน บนเตียงนอนก็มีกลีบกุหลาบที่ผมบรรจงทำไว้ตั้งแต่เช้ามืด ในห้องเปิดแอร์ไว้เย็นฉ่ำเพื่อให้ดอกไม้คงความสด

"เล่นใหญ่จริงๆลูกชายฉัน" ม๊าผมพูด แม่กับป้าของคนเก่งได้แต่หัวเราะขำผม

"เดี๋ยวตอนเย็นกลับมาจากทานข้าวค่อยว่ากันอีกทีละกัน" ป๊าผมบอกก่อนที่พวกเราจะเดินลงมาข้างล่าง

"เรากลับบ้านป๊าม๊ากันก่อนนะ" ผมบอกคนเก่งทันทีที่เดินลงมา ซึ่งน้องก็พยักหน้ารับ ผมให้คนเก่งกลับไปพร้อมป๊ากับม๊าก่อนเพราะผมอยากจะอยู่เคลียร์บ้าน และพวกค่าใช้จ่ายต่างๆก่อน โดยพี่ต่อภพกับพี่ขวัญอยู่ด้วย

"ขอบคุณสำหรับของขวัญแต่งานนะครับพี่ต่อพี่ขวัญ" ผมเอ่ยขอบคุณพี่ชายและพี่สะใภ้ พี่ต่อภพทำหน้างงๆ พี่ขวัญเข้าไปกระซิบที่ข้างหูพี่ต่อภพ ก่อนที่พี่ต่อภพจะหัวเราะออกมา

"เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยขอบคุณ เพราะของขวัญจริงๆแกจะได้เห็นคืนนี้" พี่ต่อภพกับพี่ขวัญส่งยิ้มให้กัน ผมมองด้วยความไม่เข้าใจแต่ไม่ได้ถามอะไรอีก

ผมขับรถกลับมาที่บ้านของป๊าม๊า ผมเจอม๊าที่เหมือนจะกำลังนั่งรอผมอยู่

"อีกเรื่องที่ม๊าต้องเตือน" ม๊าผมเอ่ยขึ้นมา

"จำที่ม๊าบอกเรื่องหมอดูได้ใช่มั้ย"

"จำได้ครับ"

"ต้องหลังสามทุ่มเก้านาทีนะถึงจะพ้น"

สิ่งที่ม๊าบอกทำเอาผมนิ่งจนพูดอะไรไม่ออกเพราะผมขอพูดแบบลูกผู้ชายแมนๆเลยว่า ผมตั้งใจที่จะมาทำเรื่องอย่างว่ากับคนเก่งทันทีที่กลับมาบ้าน แต่คำพูดของม๊าก็แทบจะดับอารมณ์ผมจนหมด

ผมเดินขึ้นมาบนห้องนอนของตัวเอง ผมเห็นคนเก่งนอนหลับอยู่บนเตียงซึ่งมันดีแล้วที่น้องนอนหลับเพราะคืนนี้ผมคงจะไม่ปล่อยให้น้องนอนหลับง่ายๆหรอก ผมอดทนมาเป็นเดือนจนผมจะไม่ไหวอยู่แล้วครับ แล้วดูสิมีคนที่เรารักมานอนอยู่บนเตียงเดียวกันแบบนี้อีก

ผมหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูเพราะรู้สึกถึงแรงสั่น

"เออ ว่าไง" ไอ้บุ๊คมันโทรมาครับ

(รูปที่มึงบอกให้ทำให้ก่อน กูทำแล้วนะ เดี๋ยวส่งให้ทางไลน์) ไอ้บุ๊คพูดเสร็จก็วางสายไป

สักพักมีแจ้งเตือนทางไลน์เข้ามา ผมกดเข้าไปดูรูปด้วยความพอใจ ผมขอดูรูปจากในกล้องของไอ้บุ๊คแล้วผมชอบรูปที่ผมกับน้องกำลังสวมแหวนให้กันมากๆ เลยขอให้ไอ้บุ๊คแต่งรูปนี้ให้ผมก่อน มันเป็นรูปที่เห็นแค่มือของเราทั้งคู่ครับ แต่มันให้ความรู้สึกที่อบอุ่นมากๆ

ผมโพสต์รูปสามรูปลงในเฟซบุ๊ก โดยสามรูปที่ว่าก็คือรูปแรกเป็นรูปที่ผมสวมแหวนให้น้อง รูปที่สองเป็นรูปที่น้องสวมแหวนให้ผม และรูปที่สามเป็นรูปที่มือที่สวมแหวนของเราทั้งคู่จับมือกัน



Teimtem Paisanworrakit อยู่กับ Konkengg Peimthaworn

                แต่งแล้วนะ ❤️
        #TtKkHappyDay 24/xx/20xx






TBC.
#เติมเต็มรัก
ninewara✿


◕ ตอนหน้าจบแล้วนะคะ
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนที่ 39) 19/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 19-07-2019 21:35:16
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนจบ) 19/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ninewara ที่ 19-07-2019 22:01:58
✿ เติมเต็มรัก ✿ ครั้งสุดท้าย



"พี่เต็มครับ พอแล้ว ..."

ผมสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่มันอยู่แถวๆสะโพกของผม

"พี่ยังอยากอยู่เลย ... " พี่เติมเต็มพูดพร้อมทั้งคลอเคลียผมไปมาที่แถวท้ายทอยและใบหู

"แต่หนูเหนื่อย ไม่ไหวแล้ว" ผมบอกเพราะรู้สึกแบบนี้จริงๆ

"หนูนอนเฉยๆก็พอ ..." พี่เติมเต็มพูดเหมือนมันง่ายแต่มันไม่ง่ายแบบนั้นหรอกครับ นอนนิ่งๆให้อีกฝ่ายทำมันเป็นไปได้ยากที่เราจะไม่มีความรู้สึกร่วมด้วย

"หนูต้องโทษตัวเองนะที่ทำให้พี่คลั่ง" พี่เติมเต็มที่กำลังไล่จูบที่แผ่นหลังของผมพูดขึ้นมาด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความต้องการ

"หนูไม่ได้ทำอะไรเลยนะ" ผมพูดออกมาเพราะผมไม่รู้ว่าผมไปทำอะไรให้พี่เติมเต็มมีความต้องการมากขนาดนี้ แต่พอคิดอีกทีมันก็คงไม่แปลกเพราะผมกับพี่เติมเต็มห่างหายเรื่องบนเตียงกันไปเป็นเดือน

"หยุดพูดได้แล้ว ใช้ปากมาทำอย่างอื่นดีกว่าเนอะ" พี่เติมเต็มพูดแค่นั้นก่อนที่ผมจะตามใจพี่เติมเต็มอย่างที่พี่เขาร้องขอ

.
.
.



ผมมองดูนาฬิกา มันเป็นช่วงเวลาเกือบจะตีสี่ของเช้าวันใหม่ ผมยกมือข้างซ้ายของตัวเองขึ้นมาดูพร้อมกับยิ้มให้กับแหวนที่อยู่บนนิ้วนางข้างซ้ายของตัวเอง ไม่คาดคิดจริงๆว่าพี่เติมเต็มจะทำแบบนี้ให้ผม และทุกคนก็รู้เห็นเป็นใจกันหมด แต่การที่พี่เติมเต็มทำแบบนี้เหมือนมัดมือชกผมแบบนี้มันก็อาจจะเป็นสิ่งที่โอเคสำหรับผมก็ได้ เพราะถ้าพี่เติมเต็มขอแต่งงานโดยที่ไม่มีสถานการณ์เหล่านี้มากดดัน ผมก็ไม่รู้ว่าผมจะยอมรับคำขอแต่งงานมั้ย

เมื่อคืนนี้หลังจากที่เราหยุดพักจากการเรื่องบนเตียง พี่เติมเต็มก็เล่าทุกอย่างให้ผมฟัง แผนการต่างๆ รวมทั้งบอกว่ามีหมอดูบอกม๊าว่าให้พี่เติมเต็มกับผมห้ามมีอะไรกันจนกว่าจะถึงวันแต่งงาน ไม่งั้นอาจจะต้องเลิกกัน พอผมฟังเหตุผลของพี่เติมเต็มมันก็ทำให้ผมยิ้มอย่างมีความสุขเพราะที่พี่เติมเต็มฝืนตัวเองไม่ยอมมีอะไรกันกับผม นั่นก็เพราะพี่เติมเต็มไม่อยากเลิกกับผม แต่ถ้าพี่เติมเต็มบอกผมสักหน่อยมันน่าจะดีกว่านี้เพราะอย่างน้อยผมก็ไม่ต้องคิดมากอยู่ตั้งนาน

"ยิ้มอะไรครับ" ผมหันไปมองพี่เติมเต็มที่นอนตะแคงลืมตามองผมอยู่

"มีความสุขครับ" ผมตอบ พี่เติมเติมขยับเข้ามากอดผมและหอมที่แก้มผมเบาๆย้ำๆหลายครั้ง

"พอแล้วนะครับ" ผมรีบบอกเพราะกลัวจะเลยเถิด ตอนที่ป๊าม๊าและแม่กับป้าบอกว่าจะมาส่งตัวเข้าหอ ผมอดที่จะเขินอายไม่ได้เลยครับ และพอเปิดประตูห้องนอนเข้ามายิ่งทำให้ผมรู้สึกเหมือนแก้มมันจะระเบิด เพราะในห้องนอนเต็มไปด้วยดอกไม้ กลิ่นหอมฟุ้งกระจายไปทั่วทั้งห้อง บนเตียงเต็มไปด้วยกลีบกุหลาบสีแดงที่ทำเป็นรูปหัวใจ ไม่เคยรู้มาก่อนว่าพี่เติมเต็มมีมุมแบบนี้ด้วย

แต่สภาพของห้องนอนตอนนี้ มันไม่ได้ดูดีเท่าไหร่นัก

"ครับๆ ไม่ทำแล้ว ถึงจะอยากทำก็เถอะ พี่เจ็บน้องชายไปหมดแล้ว สงสัยมันจะระบมใช้งานหนัก" ดูสิ่งที่พี่เติมเต็มพูดครับ

"พูดอะไรเนี่ย" หน้าผมร้อนขึ้นมาทันที

"ก็พูดเรื่องจริง .... รู้มั้ยพี่ขวัญบอกว่าการที่พาคนเก่งไปทำสปาถือว่าเป็นของขวัญวันแต่งงาน ตอนแรกพี่ยังไม่เข้าใจนะว่าหมายความว่ายังไง แต่พอพี่มาเห็นคนเก่งเต็มตามันทำให้รู้ว่าสื่งที่พี่ขวัญพูดมันเป็นแบบนั้นจริง เป็นของขวัญที่เหมาะกับคืนวันแต่งงานจริงๆ เพราะจับไปตรงไหน ลูบไปตรงไหนก็ลื่นก็นุ่มไปหมด แถมผิวจากที่ขาวใสอยู่แล้วก็ยิ่งขาวมากกว่าเดิม ... ทุกจุดเลย"

"พูดเฉยๆก็ได้ครับ มือไม่ต้องเลย .. ปากด้วย" ผมบอกพี่เติมเต็มที่ตอนนี้เริ่มจะกวนผมอีกแล้ว ไหนบอกว่าระบมไปหมดแล้วไง

"พี่เต็มชอบเหรอครับ แต่ผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่" ผมพูดออกมา

"หืม? ทำไมล่ะมันเจ็บเหรอ"

"เปล่าครับ ไม่เจ็บแต่มันอายที่ต้องโป๊ต่อหน้าคนอื่น"

"ห๊ะ! โป๊" เสียงพี่เติมเต็มดังลั่นห้องเลยครับ

"ครับ ต้องถอดเสื้อผ้าหมดเลยเพื่อให้เขาขัดผิว ลงทรีทเม้นท์อะไรก็ไม่รู้เยอะแยะเลย แล้วต้องนอนให้เขาทำอยู่แบบนั้นตั้งสองสามชั่วโมง"

"โว้ย! แล้วพี่ขวัญพาไปทำทำไมเนี่ย" พี่เติมเต็มโวยวายออกมาอีก

"แต่พี่เต็มก็บอกว่าชอบนี่ครับ แล้วยังอยากให้ผมไปทำอีกหรือเปล่า"

"ไม่เอาแล้ว ถ้าต้องเปลืองเนื้อตัวขนาดนั้น" น้ำเสียงของพี่เติมเต็มหงุดหงิดมากจริงๆครับ ผมกอดพี่เติมเต็มอย่างเอาใจ

"อย่าโมโหเลยนะครับ" ผมบอก พี่เติมเต็มถอนหายใจออกมาแรงๆ

"แค่คิดว่ามีคนอื่นเห็นคนเก่งโป๊พี่ก็จะแย่แล้วเนี่ย"

"เขาไม่ได้คิดอะไรหรอกครับ มันเป็นงานเป็นหน้าที่ของเขา เลิกโมโหนะ นะครับ"

"ถ้างั้นหนูคงต้องทำอะไรที่มันมากกว่าแค่กอดแล้วล่ะ" พี่เติมเต็มพูดเสียงพร่าพร้อมทั้งเอามือมาจับตรงส่วนนั้นของผม

"ยังไม่พออีกเหรอครับ" ผมถาม พี่เติมเต็มจูบผมย้ำๆหลายที ก่อนที่พี่เติมเต็มจะแสดงให้ผมรู้ว่าพี่เติมเต็มยังไม่พอจริงๆ




เช้าวันต่อมา
ผมตื่นขึ้นมาด้วยความงงเล็กน้อยเพราะยังตั้งสติไม่ได้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน ผมลุกขึ้นมานั่งและมองไปรอบห้องนอน พี่เติมเต็มไม่ได้อยู่ในห้อง ผมเห็นสภาพของห้องนอนแล้วรู้สึกร้อนที่หน้ามากเลยครับ ต้องรุนแรงขนาดไหนน่ะห้องถึงได้เละขนาดนี้ ผมลองขยับตัวดู ค่อนข้างเจ็บพอสมควรเลยครับแต่ผมก็ทนเห็นห้องอยู่ในสภาพนี้ไม่ได้

ดอกไม้บางส่วนกระจัดกระจายทั่วห้อง แต่ส่วนใหญ่ยังอยู่ในสภาพที่ดีครับ ผมเก็บดอกไม้จัดใส่แจกันให้เข้าที่ ดึงผ้าปูที่นอนและผ้าห่มมาวางไว้เพื่อจะได้เอาไปซัก ผมยังไม่ได้เดินสำรวจบ้านเลยครับว่าห้องอะไรอยู่ตรงไหนบ้าง

หลังจากที่ผมฝืนพาร่างกายตัวเองไปอาบน้ำจนเรียบร้อยผมก็เดินออกมานอกห้องนอน เพื่อจะลงไปสำรวจว่าเครื่องซักผ้าอยู่ตรงไหน ผมมองดูกรอบรูปที่แขวนอยู่ตามผนัง ในบ้านจะมีรูปของผมและพี่เติมเต็มแขวนไว้ตามจุดต่างๆทั่วบ้านเลยครับ ในห้องนอนผนังฝั่งหนึ่งเป็นวอลเปเปอร์รูปคู่ของเราเลยครับ ผมรู้สึกหัวใจมันพองขึ้นจนแน่นในอกข้างซ้าย มันเหมือนเราเป็นคนสำคัญสำหรับในชีวิตของใครอีกคนมากจริงๆ

"คนเก่ง!" พี่เติมเต็มที่เดินขึ้นบันไดมาเจอผมพอดีที่กำลังจะก้าวขาเดินลงบันได

"พี่กำลังจะไปปลุกเลย เดินไหวเหรอ" พี่เติมเต็มรีบเดินมาประคองผมทันที

"ผมเดินได้ครับ .. แค่ช้าหน่อย" ผมรีบบอกพี่เติมเต็มเพราะพี่เติมเต็มทำท่าจะเข้ามาอุ้มผม

"แต่พี่อยากดูแล" พี่เติมเต็มพูดแค่นั้นก่อนจะอุ้มผมเดินลงบันไดมา พี่เติมเต็มอุ้มผมมานั่งตรงที่โซฟาที่ห้องนั่งเล่นที่อยู่ติดกับสระว่ายน้ำ และพี่เติมเต็มก็นั่งลงข้างผม

"เดี๋ยวจะมีพนักงานของทางศูนย์รถเขาเอาเอกสารเข้ามาให้คนเก่งเซ็นนะ" พี่เติมเต็มบอกผม

"พี่เต็มครับ ... " ผมกำลังจะพูดบางอย่างและเหมือนว่าพี่เติมเต็มจะทราบว่าผมจะพูดอะไร เพราะพี่เติมเต็มพูดแทรกขึ้นมา

"ไม่มีคำว่าแต่นะครับ"

ผมรู้ตัวเลยว่าตอนนี้ตัวเองหน้างอมากแน่ๆ เพราะผมมองไม่เห็นความจำเป็นที่ผมจะต้องมีรถใช้ หรือถ้าพี่เติมเต็มจะให้ก็ไม่ควรจะเป็นรถยุโรปที่ราคาแพงขนาดนี้ไง

พี่เติมเต็มลูบแก้มผมไปมาเบาๆ

"อย่าทำหน้าแบบนี้ พี่แค่อยากให้คนเก่งเดินทางสะดวก ถ้าวันไหนที่พี่ไม่ว่างติดงานหรือเวลาฉุกเฉินจริงๆคนเก่งจะได้มีรถใช้ และรถยี่ห้อนี้ก็มั่นใจได้ในเรื่องความปลอดภัย รองรับแรงกระแทกได้ดี ทนทานด้วย"

ผมอดที่จะหัวเราะพี่เติมเต็มไม่ได้ที่พูดคุณสมบัติของรถเหมือนตัวเองเป็นพนักงานขายรถ

"พูดเหมือนเป็นเซลล์เลย" ผมพูดแซวออกมา

"ตอนนี้พี่ก็ไม่ต่างจากเซลล์เท่าไหร่หรอก พยายามพูดจาโน้มน้าวใจลูกค้าที่ดื้อมากๆอย่างคนเก่งอยู่เนี่ย" ผมยิ้มอ่อนๆให้พี่เติมเต็มก่อนจะขยับตัวไปกอดพี่เติมเต็ม

"ขอบคุณนะครับป๋า" ผมอดที่จะพูดล้อเล่นกับพี่เติมเต็มไม่ได้ พี่เติมเต็มชะงักนิดหน่อยก่อนจะหอมแก้มผมแรงๆ

"หนูก็ต้องตอบแทนป๋าให้เต็มที่หน่อยนะ รู้มั้ย" ผมไม่ได้ตอบแค่พยักหน้ายิ้มๆ

"สิบโมงกว่าแล้ว หิวมั้ย" พี่เติมเต็มถามผม

"หิวครับ" ผมรีบบอกเพราะรู้สึกหิวมากจริงๆ

"เมื่อเช้าน้านวลทำข้าวต้มมาให้ ทานข้าวต้มไปก่อนนะ เดี๋ยวมื้อเที่ยงค่อยทานอย่างอื่น" พี่เติมเต็มบอก ก่อนจะลุกเดินไปทางห้องครัว

พอมานั่งนึกๆดูก็รู้สึกอุ่นใจยังไงก็ไม่รู้ครับ เรื่องเมื่อวานเหมือนความฝัน แต่เพราะผมยังรู้สึก .... ปวดเมื่อยตามตัวทำให้รู้ว่านี่คือเรื่องจริง

เมื่อคืนระหว่างที่นั่งทานข้าวร่วมกันกับครอบครัวของพี่เติมเต็ม ป๊าม๊าบอกว่ายินดีที่จะจัดงานแต่งงานให้อีกครั้งแบบเป็นทางการมากกว่านี้ แต่ผมรู้สึกว่าแค่นี้ก็เพียงพอมากแล้ว เพราะผมเองก็ไม่เคยวาดภาพว่าตัวเองจะต้องมีงานแต่งงานและผมก็รู้สึกสบายใจมากกว่าที่เป็นแบบนี้ ผมรู้ว่าทุกคนในครอบครัวของพี่เติมเต็มดีกับผมและไม่สนใจหากมีใครมองไม่ดี แต่ผมก็คิดว่ามันไม่ใช่ทุกคนหรอกที่เข้าใจ ผมยอมรับว่ากังวลใจมาก กลัวภาพลักษณ์ของครอบครัวพี่เติมเต็มดูแย่ เพราะธุรกิจของครอบครัวพี่เติมเต็มมันไม่ใช่ธุรกิจหลักสิบล้าน มันมากกว่านั้นเยอะครับ

"ให้พี่ป้อนนะ" พอพี่เติมเต็มยกถาดที่ใส่ชามข้าวต้มพร้อมกับน้ำเปล่าเข้ามาถึง พี่เติมเต็มก็บอกทันทีว่าจะป้อนผม

"ผมทานเองได้ครับ" ผมบอกยิ้มๆ

"ก็แค่อยากดูแล" คำพูดนี้มาอีกแล้วครับ

"ครับๆ ก็ได้ครับ ป้อนก็ป้อน" ผมบอกเพราะพี่เติมเต็มตักข้าวต้มขึ้นมาจะป้อนผมให้ได้

ผมหยิบมือถือขึ้นมาเล่นระหว่างที่พี่เติมเต็มป้อนข้าวต้มผม เลื่อนมาดูหน้าไทม์ไลน์เฟซบุ๊กของตัวเองแล้วก็อดที่จะรู้สึกเขินๆขึ้นมาไม่ได้ พี่เติมเต็มโพสต์รูปที่สวมแหวนแต่งงานเมื่อวานพร้อมแคปชั่นที่เข้าใจง่ายๆ

'แต่งแล้วนะ'

ถึงในรูปมีแค่รูปมือไม่มีหน้าของเราสองคนแต่การที่พี่เติมเต็มแท็กมาที่เฟซบุ๊กของผมด้วย มันก็ทำให้ใครๆก็รู้สถานะปัจจุบันของเรา จากที่คืนก่อนพี่เติมเต็มเขียนสเตตัสในเฟซบุ๊กว่า

'สถานะแฟนวันสุดท้าย'

เมื่อวานนี้ที่ผมเข้าไปดูในเฟซบุ๊กของพี่เติมเต็มมีคนเข้าไปแสดงความคิดเห็นเยอะมากครับ มีหลายคนที่ผมไม่คุ้นชื่อเฟซบุ๊กเข้ามาแสดงความคิดเห็นในเชิงลบประมาณว่าคิดแล้วว่าไปกันไม่รอด แต่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นความคิดเห็นในทำนองที่ไม่อยากให้คู่เราเลิกกันเพราะคู่เราน่ารักมาก

แต่พอสเตตัสถัดมาของพี่เติมเต็มสร้างความแตกตื่นให้บรรดาแฟนคลับและเพื่อนๆในเฟซบุ๊กของพี่เติมเต็มและผมพอสมควร บางคนก็ไม่เชื่อว่าจะแต่งจริงๆ แต่ส่วนใหญ่ทุกคนต่างก็เข้ามาแสดงความยินดี ผมเห็นพี่เติมเต็มเข้าไปตอบคอมเม้นท์คนที่เข้ามาแสดงความยินดี

พอเวลาล่วงเลยมาจนถึงตอนเย็น รูปที่ถ่ายในงานช่วงเช้าก็ถูกอัพลงโซเชียลด้วยฝีมือของทุกคนที่มางานเมื่อเช้า ทำให้คนที่ไม่แน่ใจว่าแต่งกันจริงมั้ยมั่นใจว่าเราแต่งงานกันจริงๆ

"มีความสุขมั้ย" พี่เติมเต็มที่ตอนนี้ป้อนข่าวต้มผมเสร็จเรียบร้อยแล้ว เอ่ยขึ้นหลังจากที่ให้ผมดื่มน้ำพร้อมกับทานยาแก้ปวดและแก้อักเสบ

"ครับ แล้วพี่เต็มล่ะครับ" ผมถามกลับยิ้มๆ พี่เติมเต็มดึงผมเข้ามาให้ซบลงตรงไหล่

"โคตรมีความสุขเลย ช่วงก่อนหน้านี้ที่เราไม่ได้เจอกันพี่รู้สึกแย่มาก มันคิดถึง มันอยากเห็นหน้า มันอยากกอด พอมาถึงวันนี้ได้ พี่รู้สึกนับถือในความอดทนของตัวเองเลย" ผมกอดเอวพี่เติมเต็มแน่นขึ้น

"หนูรักพี่เต็มนะ" ผมพูด ได้ยินเสียงพี่เติมเต็มหัวเราะในลำคอ

"อยากเจ็บตัว" ผมหัวเราะพี่เติมเต็มที่พูดแบบนั้นพร้อมขยี้ผมของผมอย่างไม่เบามือนัก


สักพักพนักงานของที่ศูนย์รถมาที่บ้านแต่พี่เติมเต็มไม่ได้ให้พนักงานมาเจอผม พี่เติมเต็มให้พนักงานรอที่ห้องรับแขกและพี่เติมเต็มเป็นคนเอาเอกสารจากพนักงานมาให้ผมเซ็นด้วยเหตุผลที่ว่าไม่อยากให้ใครมาเห็นสภาพร่างกายผมในตอนนี้ คือมันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นแต่ถามว่าร่างกายมีร่องรอยอะไรมั้ย ก็มีบ้างครับแต่ในจุดที่มองเห็นได้มันไม่เยอะมาก แต่ถ้าจุดที่มองไม่เห็นก็ .... พอนึกภาพเมื่อคืนแล้วก็รู้สึกอายครับเพราะพี่เติมเต็มดูจะโหยหาร่างกายของผมมาก

"คิดอะไรลามกหรือเปล่าทำไมหน้าแดง" พี่เติมเต็มที่หายไปคุยกับพนักงานศูนย์รถ เดินมานั่งลงข้างๆผมแล้วถามขึ้น

"ก็ .. นิดหน่อยครับ" ผมตอบตามจริง

"อย่ามามองแบบนี้บ่อย ยังไม่อยากจับฟัดตอนนี้" พี่เติมเต็มพูดพร้อมกับโยกหัวไปมา พี่เติมเต็มหยิบมือถือขึ้นมา ผมมองเห็นว่าพี่เติมเต็มกำลังอัพคลิปอะไรบางอย่างลงไปที่เฟซบุ๊ก พี่เติมเต็มหันมามองผมพร้อมกับบอกว่า

"เดี๋ยวก็เห็นเพราะพี่แท็กคนเก่งแล้ว"

ไม่นานก็มีแจ้งเตือนที่เฟซบุ๊กของผม ผมเข้าไปกดรับแท็กของพี่เติมเต็ม ผมอ่านแคปชั่นก่อน


.... ขอบคุณป๊าม๊ามากนะครับ ....


พอเห็นแคปชั่นผมหันไปมองพี่เติมเต็ม

"ดูคลิปสิ" พี่เติมเต็มบอก ผมก็เลยกดเข้าไปดู


'เดี๋ยวเราจะขออนุญาตไปสัมภาษณ์ความรู้สึกของพ่อแม่เจ้าบ่าวกันดูนะครับ ...'

"เสียงติวเตอร์นี่นา" ผมพูดขึ้นเบาๆ แล้วในคลิปก็เป็นภาพของป๊าม๊าที่กำลังนั่งอยู่ในห้องรับแขกเมื่อวาน

ติวเตอร์ : สวัสดีครับ ผมอยากถามความรู้สึกป๊าม๊าหน่อยนะครับ ไม่ทราบว่ารู้สึกยังไงกับลูกสะใภ้คนนี้ครับ

ม๊า : ถูกใจค่ะ

ติวเตอร์ : แล้วได้ยินมาว่าสินสอดจัดหนักมากจริงหรือเปล่าครับ

ม๊า : จัดหนักมั้ยคุณ (ม๊าหันไปถามป๊ายิ้มๆ)

ป๊า : เจ้าเต็มมันต้องทำงานใช้หนี้อย่างน้อยสักยี่สิบปี (ป๊าพูดแล้วก็หัวเราะออกมา)

ติวเตอร์ : แสดงว่าสินสอดไม่ธรรมดา

ม๊า : ก็ตามความเหมาะสม สำหรับลูกสะใภ้ของครอบครัวเรา และเหมาะสมกับคนที่ลูกชายรักค่ะ

ติวเตอร์ : ขอเป็นตัวเลขได้มั้ยครับ

ป๊า : ไอ้นี่เซ้าซี้เว้ย (ป๊าพูดออกมาพร้อมหัวเราะขำติวเตอร์)

ม๊า : ไม่รู้น้อยเกินไปหรือเปล่าม๊าไม่กล้าพูด (เสียงของม๊าเบาลงเล็กน้อย)

ติวเตอร์ : บอกเป็นหลักก็ได้ครับ

ม๊า : เก้าหลักค่ะ

ติวเตอร์ : โห! เก้าหลัก จัดหนักจริงๆครับงานนี้

ม๊า : ลูกชายหาสะใภ้ได้ถูกใจค่ะ (ม๊าพูดพร้อมหัวเราะออกมา)

ติวเตอร์ : มีอะไรอยากฝากถึงลูกสะใภ้มั้ยครับ

ม๊า : มาอยู่เป็นลูกชายของม๊าอีกคนนะคนเก่ง

ป๊า : ยินดีต้อนรับสู่ครอบครัวของเรา





คลิปจบลงตรงที่เป็นภาพรอยยิ้มของป๊ากับม๊าที่ยิ้มให้กัน


"ขี้แย" เสียงพี่เติมเต็มที่นั่งอยู่ข้างๆผมดังขึ้นมา ผมเพิ่งรู้ตัวว่าน้ำตาตัวเองไหลออกมา

"ผม ... แค่ดีใจ" ผมพูดออกมา พี่เติมเต็มมองหน้าผมและลูบแก้มผมไปมา

"พี่ก็ดีใจ" พี่เติมเต็มยิ้มและดึงผมเข้าไปกอด

ผมว่าผมอาจจะสำลักความสุขตายเร็วๆนี้ก็ได้

"เดี๋ยวเดือนหน้าเราไปฮันนีมูนกันนะ" ผมตกใจที่พี่เติมเต็มพูดเรื่องนี้ขึ้นมา

"ต้องไปฮันนีมูนด้วยเหรอครับ" ผมถาม

"ต้องไปสิ หลังแต่งงานต้องไปฮันนีมูน จริงๆแล้วพี่ตั้งใจว่าจะรออีกสักสองสามเดือนถึงจะพาคนเก่งไปเที่ยว แต่บังเอิญว่ามีสปอนเซอร์รายใหญ่สนับสนุนค่าใช้จ่ายพี่ก็เลยอยากพาไปเที่ยวเดือนหน้าเลย"

"ไปที่ไหนเหรอครับ"

"คนเก่งเคยบอกว่าอยากไปเที่ยวญี่ปุ่นใช่มั้ย"

ผมตาโตด้วยความตื่นเต้นเพราะญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ผมอยากไปมาก พี่เติมเต็มบอกว่าเคยไปเที่ยวกับที่บ้านตอนช่วงมอปลาย

"ญี่ปุ่นเหรอครับ เราจะไปญี่ปุ่นกันเหรอ"

"ใช่"

"แต่ค่าใช้จ่ายน่าจะเยอะนะครับ" ผมอดกังวลไม่ได้เพราะถึงพี่เติมเต็มจะไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน แต่ผมก็รู้ว่าพี่เติมเต็มหมดกับการแต่งงานไปค่อนข้างเยอะ

"บอกแล้วไงว่ามีสปอนเซอร์" พี่เติมเต็มพูดออกมายิ้มๆ

"ใครเหรอครับ"

"ม๊าน่ะ"

"ไม่ต้องไปรบกวนม๊าก็ได้ครับ ไปช้าหน่อยก็ได้ เก็บเงินไปเองดีกว่า" ผมพูดเพราะรู้สึกเกรงใจม๊า หมดไปเยอะเลยครับงานนี้

"ม๊าเป็นคนเสนอให้เอง เพื่อเป็นการปลอบใจที่แกล้งพี่" พี่เติมเต็มพูดแล้วก็หัวเราะออกมาเล็กน้อย

"แกล้งเรื่องอะไรเหรอครับ"

"ก็เรื่องที่บอกว่าหมอดูไม่ให้เรามีเซ็กส์กันไงล่ะ ม๊าบอกว่าม๊าแค่แกล้งพี่เท่านั้นและไม่คิดว่าพี่จะทำจริงๆ ตอนแรกก็ไม่เชื่อที่ม๊าพูดหรอก แต่พี่ก็ไม่อยากเลิกกับคนเก่ง พี่ก็เลยต้องทำตาม แถมม๊ายังบอกอีกว่าไม่ทำการบ้านมาเป็นเดือน ถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่คนเก่งคงโดนทิ้งไปแล้ว"

ผมยอมรับว่าตกใจที่ได้ยินเพราะไม่คิดว่าม๊าจะแกล้งพี่เติมเต็มแบบนี้ ผมหัวเราะพี่เติมเต็มที่ยังบ่นเรื่องนี้อยู่




ล่วงเลยมาช่วงบ่ายแก่ๆที่บ้านก็ครื้นเครงด้วยบรรดาเพื่อนๆของพี่เติมเต็ม พี่ธรณ์ พี่ชินท์ พี่ทัตพล พี่กอล์ฟ พี่คิว พี่ธาวิน พี่บุ๊คและพ่วงมาด้วยฟูจิและโจ้ ซึ่งก่อนที่ทุกคนจะมาพี่เติมเต็มได้ให้ผมไปเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ที่ไม่ใช่เสื้อกล้ามกางเกงขาสั้น

พวกพี่ๆยึดพื้นที่ตรงสระว่ายน้ำเป็นพื้นที่สังสรรค์ครับ และดูเหมือนทุกคนจะเตรียมการณ์มาแล้วว่าจะนอนค้างที่นี่เพราะเห็นฟูจิและโจ้บอกว่าเอากระเป๋าเสื้อผ้ามาด้วย

"สภาพโทรม แต่หน้าตาสดใสเนอะ" ประโยคแรกที่โจ้ทักผมทันทีที่เจอหน้า

"ก็ .. ปกติอ่ะ" ไม่รู้จะตอบโจ้ไปว่าอะไรก็เล่นมาแซวผมแบบนี้

"โอเคใช่มั้ยมึง" ฟูจิถามผมพร้อมมองผมแบบหัวจรดเท้า

"โอเคๆ" ผมตอบ

"พี่เต็มคงจะเก็บแต้มย้อนหลังหนึ่งเดือนที่ผ่านมาจนคุ้ม" ฟูจิพูดขึ้นมาอีก ผมว่าผมก็ไม่ได้ดูแย่ขนาดนั้นซะหน่อย

"แล้วจะทำอะไรทานกันเหรอ" ผมถามทั้งฟูจิและโจ้ เพราะมองผ่านกระจกออกไปเห็นพวกพี่ๆกำลังวุ่นวายกันอยู่ที่ริมสระว่ายน้ำ

"พวกพี่ๆเขาจะทำพวกปิ้งย่างกัน เห็นซื้อของสดมากันเพียบ" ฟูจิบอก

"แต่มึงไม่ต้องออกไปช่วยเขาหรอก เฮียเต็มบอกให้พวกเรารอทานอย่างเดียว" โจ้พูดขึ้นมา ผมก็ได้แต่พยักหน้ารับ ก่อนที่ทั้งฟูจิและโจ้จะเดินออกไปเอาของกินเล่นพร้อมเครื่องดื่มเข้ามาทาน

ผมสามคนนั่งดูหนังและนั่งคุยกันเรื่อยเปื่อย มองออกไปนอกกระจกเห็นพวกพี่ๆเริ่มดื่มกันบ้างแล้ว

"เดี๋ยวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ" ผมบอกฟูจิและโจ้ที่นั่งอยู่ด้วยกัน

"เดินไหวมั้ยมึง" ฟูจิถามผม

"ไหวดิ" ผมตอบก่อนจะเดินไปห้องน้ำอย่างช้าๆ หลังจากทำธุระเรียบร้อย ผมเดินออกมาจากห้องน้ำขณะที่กำลังจะเดินกลับไปหาฟูจิและโจ้ ผมก็ได้ยินเสียงพี่เติมเต็มดังอยู่ไม่ไกลมาก


"ครับ เรียบร้อยแล้วครับคุณบัว"


... คุณบัว ...

จริงสิ ... ผมลืมเรื่องนี้ไปเลย


(มีต่อนะคะ)
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนจบ) 19/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ninewara ที่ 19-07-2019 22:08:36
(ต่อค่ะ)




ผมตัดสินใจอยู่สักพักก่อนจะเดินตามเสียงของพี่เติมเต็ม พี่เติมเต็มยืนหันหลังคุยโทรศัพท์มือถืออยู่

"ครับ ขอบ ... คุณครับ" พี่เติมเต็มชะงักตอนที่หันมาเจอผมยืนอยู่ด้านหลัง แล้วพี่เติมเต็มก็วางสายไป

"คุยกับใครเหรอครับ" ผมถามและยิ้มให้พี่เติมเต็ม

"ลูกค้าน่ะ" พี่เติมเต็มตอบมาพร้อมกับแววตาที่ค่อนข้างมีพิรุธ

"จริงเหรอครับ" ผมลองพูดออกไป

"จริงสิ ... ปะ ออกไปนั่งข้างนอกกับพวกนั้นกัน" พี่เติมเต็มพูดก่อนจะจูงมือผมให้เดินออกไปนั่งที่ริมสระว่ายน้ำกับพวกพี่ๆ พี่เติมเต็มให้ผมนั่งลงที่โซฟาก่อนที่ตัวเองจะนั่งลงข้างผม

"เดี๋ยวพี่หาอะไรมาให้ทานนะ" พี่เติมเต็มลุกไปที่เตาปิ้งย่างที่พี่ชินท์กับพี่ทัตพลกำลังย่างอยู่

"เป็นไรมึง" ฟูจิเดินมาพร้อมพี่ธาวินและโจ้ โจ้เดินไปหาพี่บุ๊คที่กำลังนั่งชงเครื่องดื่มอยู่ ฟูจินั่งลงที่โซฟาข้างๆผมและถามขึ้นมา

"กูแสดงท่าทางชัดขนาดนั้นเลยเหรอ" ผมถามฟูจิ

"ก็หน้าตามึงดูเหมือนงอนๆหรือไม่พอใจอะไรสักอย่าง" สมกับที่เป็นเพื่อนกันมาหลายปีครับ

"กูแค่ ... รู้สึกว่าพี่เต็มมีเรื่องปิดบังกู  ... เรื่องผู้หญิง" ผมบอกฟูจิ ฟูจิมันตาโตมองผมด้วยความตกใจ

"เฮ้ย! มึงจะบอกว่าผัวมึงนอกใจมึงเหรอ" ฟูจิมันพูดขึ้นมาเสียงเบาๆ

"มัน .. ไม่รู้สิ กูบอกไม่ถูก เรื่องนอกใจกูว่าคงไม่ใช่"

"แล้วยังไงวะ เพิ่งแต่งงานเมื่อวานเองนะเว้ย"

ผมเล่าเรื่องที่ผมกังวลเรื่องคุณบัวให้ฟูจิฟัง ซึ่งฟูจิมันก็แอบคิดเหมือนผมเพราะปกติพี่เติมเต็มไม่เคยมีความลับกับผม

"พี่เต็มมีอะไรจะเซอร์ไพรส์มึงเปล่าว่ะ" ฟูจิพูดขึ้นมา ซึ่งผมก็แอบคิดบ้างเหมือนกัน แต่มันผ่านเรื่องเซอร์ไพรส์งานแต่งงานมาแล้ว ผมว่ามันก็ไม่น่าจะมีอะไรที่ต้องเซอร์ไพรส์อีก

"กูก็แอบคิดเรื่องเซอร์ไพรส์เหมือนกันแต่งานแต่งมันก็ผ่านมาแล้วนี่หว่า" ผมบอกฟูจิตามที่คิด

"มาแล้วครับ" พี่เติมเต็มเดินมาพร้อมกับของที่ย่างมาจนเต็มจาน

"พี่เต็มครับ ผมขอยืมมือถือหน่อยได้มั้ยครับ" พี่เติมเต็มชะงักตอนที่ผมพูด พี่เติมเต็มดูลังเลใจซึ่งท่าทางแบบนั้นมันทำให้ผมใจเสียเพราะพี่เติมเต็มไม่เคยมีท่าทีแบบนี้มาก่อนเวลาที่ผมขอยืมมือถือ พี่เติมเต็มนั่งลงข้างผมและยื่นมือถือให้ ผมรับมือถือจากพี่เติมเต็มมา ฟูจิเดินเลี่ยงไปหาพี่ธาวินที่กำลังนั่งดื่มกับเพื่อนๆอยู่ คงอยากจะให้ผมคุยกับพี่เติมเต็มเป็นส่วนตัว

ผมปลดรหัสหน้าจอมือถือด้วยความรู้สึกกลัวๆว่ามันจะยังคงเป็นรหัสเดิมมั้ย ซึ่งผมลอบถอนหายใจอย่างโล่งใจที่มันยังคงเป็นรหัสเดิม ผมทำเป็นเลื่อนดูนั้นดูนี้ไปเรื่อยเปื่อยทั้งที่ใจจริงอยากจะกดเข้าไปดูประวัติการโทรเข้าออก และอยากเข้าไปดูในแชทไลน์ แต่เพราะผมไม่เคยทำแบบนี้มาก่อนมันก็เลยทำให้ผมไม่กล้าทำ มันเหมือนเราละลาบละล้วงความเป็นส่วนตัว และเหมือนไม่ให้เกียรติแฟนตัวเอง สุดท้ายผมก็ยื่นมือถือคืนให้พี่เติมเต็ม พี่เติมเต็มมองผมอย่างงงๆแต่ไม่ได้ถามอะไรออกมา

จนเวลาผ่านไปหลายชั่วโมง พวกพี่ๆเริ่มอยากจะลงว่ายน้ำในสระว่ายน้ำกัน ผมนั่งมองพี่ๆที่เริ่มถอดเสื้อผ้ากัน ผมกำลังนั่งมองเพลินๆพลางกำลังคิดในใจว่าพี่บุ๊คเนี่ยหุ่นดีพอๆกับพี่เติมเต็มเลย

"ห้ามมอง" พี่เติมเต็มเอามือมาปิดตาผมพร้อมกับห้ามไม่ให้ผมมอง แต่ผมจับมือพี่เติมเต็มออก

"อยากมองครับ" ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยจะได้ใช้กับพี่เติมเต็มบ่อยนัก น้ำเสียงเอาแต่ใจตัวเอง

"หืม? เป็นอะไร งอนอะไรครับ" พี่เติมเต็มบีบแก้มผมเบาๆ

"พี่เต็มมีความลับกับผม" หลังจากที่ผมใช้เวลาคิดว่าจะทำยังไงผมถึงจะรู้เรื่องคุณบัว ผมก็เลยคิดว่าต้องใช้แผนล่อเสือออกจากถ้ำ (?)

"ความลับอะไร ... ไม่มีแล้วนะที่เป็นความลับเมื่อวานก็เฉลยไปแล้วไง" พี่เติมเต็มพูดด้วยน้ำเสียงปกติไม่มีแววกังวล

ผมเม้มปากตัวเองนิดๆก่อนจะตัดสินใจพูดออกไปตามที่ตั้งใจเอาไว้

"แล้วเรื่องคุณบัวล่ะครับ"

ได้ผลครับ พี่เติมเต็มจากที่กำลังลูบหน้าลูบผมผมอยู่ก็ชะงักทันที

"คนเก่งรู้จักคุณบัวเหรอ" พี่เติมเต็มถามผม

"ครับ" ผมตอบรับออกไปพร้อมกับนึกขอโทษพี่เติมเต็มในใจที่โกหก

พี่เติมเต็มเงียบไปนิดหนึ่ง ก่อนจะหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง ผมใจหายทันทีเพราะกลัวพี่เติมเต็มจะโทรไปถามคุณบัว ผมรีบจับมือพี่เติมเต็มข้างที่จับโทรศัพท์มือถือเอาไว้

"แล้วสรุปเรื่องคุณบัวยังไงครับ" ผมรีบถามขึ้นมาเพื่อให้พี่เติมเต็มสนใจผมมากกว่าสนใจมือถือ

พี่เติมเต็มยังคงเงียบอยู่ซึ่งผมไม่ชอบเลย จากที่ไม่คิดผมจะเริ่มคิดแล้วนะ

"พี่เต็มครับ ทำไมไม่พูดล่ะครับ"

" ....... "

"พี่เต็มนอกใจผม ... ใช่มั้ย"

"เฮ้ย!!! บ้าเหรอ!!!"

พี่เติมเต็มพูดเสียงดังลั่นจนทุกคนหันมามองกันหมด

"เราต้องคุยกันหน่อยแล้ว" น้ำเสียงพี่เติมเต็มค่อนข้างจะหงุดหงิดพี่เติมเต็มจับแขนผมเพื่อให้ลุกเดินตามเข้าไปในบ้าน ผมเดินตามแรงของพี่เติมเต็มไปสักพัก ก่อนจะจับผมนั่งลงตรงห้องนั่งเล่นที่อยู่ติดกับสระว่ายน้ำที่ผมนั่งเมื่อช่วงเช้า ผมมองออกไปนอกกระจก เห็นว่าทุกคนกำลังมองมาที่เรากันหมด

"ไหนยังไง นอกใจอะไร" พี่เติมเต็มยืนอยู่ข้างหน้าผมพร้อมถามผมเสียงดุเชียว

ผมคิดว่าในเมื่อมันเป็นแบบนี้แล้วก็ควรจะคุยกับพี่เติมเต็มไปตรงไปเลยดีกว่าไม่งั้นผมก็จะคิดมากอยู่แบบนี้ และผมอยากได้ความชัดเจนด้วย ผมก็เลยตัดสินใจเล่าเรื่องที่ผมกังวลตั้งแต่วันที่ไปลองชุดสูทที่ร้าน เรื่องที่เห็นข้อความในไลน์ที่นัดกันกับคุณบัว และล่าสุดที่ได้ยินพี่เติมเต็มคุยโทรศัพท์มือถือกับคุณบัว

พอผมเล่าเสร็จ พี่เติมเต็มก็นั่งลงข้างผมและดึงผมเข้าไปกอด พี่เติมเต็มลูบหัวผมเบาๆ

"พี่ขอโทษนะที่ทำให้คิดมาก พี่ก็ทำตัวให้น่าสงสัยจริงๆนั่นแหละ"

"แล้ว ... " ผมพูดขึ้นแต่พี่เติมเต็มพูดแทรกขึ้นมาก่อน

"ขึ้นไปข้างบนกัน พี่มีอะไรจะให้ดู" พี่เติมเต็มจับมือผมและชวนให้ขึ้นไปข้างบน พี่เติมเต็มพาผมมาหยุดที่หน้าห้องห้องหนึ่งที่เดินขึ้นบันไดมาแล้วจะอยู่ห้องแรก ผมมองหน้าพี่เติมเต็มเพราะพี่เติมเต็มยังไม่เปิดประตูเข้าไปในทันที ผมรู้สึกเหมือนพี่เติมเต็มกำลังตื่นเต้น

"มีอะไรในห้องนี้เหรอครับ" ผมถามเพราะผมเพิ่งเข้ามาเห็นภายในบ้านเมื่อวานนี้ และยังไม่ได้เดินดูว่าในบ้านมีห้องอะไรบ้าง

"เข้าไปดูกัน" พี่เติมเต็มบอกก่อนที่จะเปิดประตูห้องเข้าไป

ผมเดินตามพี่เติมเต็มที่เดินเข้าไปก่อน ห้องนี้ขนาดของห้องค่อนข้างใหญ่เฟอร์นิเจอร์ชิ้นเดียวในห้องนี้คือโซฟาที่อยู่มุมห้อง ผมจับมือพี่เติมเต็มแน่นเมื่อผมเห็นสิ่งที่อยู่บนผนัง มันเป็นกรอบรูปขนาดเล็กๆที่ด้านในเป็นการ์ดที่ผมเคยเขียนให้พี่เติมเต็ม ผมเริ่มมองรอบห้องและเดินดูกรอบรูปแต่ละอันใกล้ๆ ผมรู้สึกเหมือนตัวลอยๆ เพราะตอนนี้ผมรู้แล้วว่าทำไมตู้สีขาวในห้องนอนที่บ้านป๊าม๊าถึงได้ไม่มีการ์ดของผมที่เคยให้พี่เติมเต็มอยู่เลยสักใบ นั่นเป็นเพราะ...

การ์ดทุกใบมารวมกันอยู่ในห้องนี้ การ์ดทุกใบถูกใส่กรอบเอาไว้อย่างดีครับ ผมมองดูกรอบรูปภายในห้อง มันมีเป็นพันใบเลยครับ เพราะมันเป็นการ์ดที่ผมส่งให้พี่เติมเต็มตลอดแปดปีที่ผ่านมา การ์ดถูกจัดวางเรียงตามลำดับของวันที่ที่ผมเขียนในการ์ด และการ์ดใบสุดท้ายผมเห็นที่ผนังคือเป็นการ์ดที่ผมเขียนให้พี่เติมเต็มเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว

นอกจากการ์ดที่ใส่กรอบแล้ว ยังมีตู้โชว์ที่ในนั้นมีของที่ผมเคยให้พี่เติมเต็มซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นของเล็กๆน้อยๆทั้งนั้น เช่น พวงกุญแจ แก้วน้ำ ตุ๊กตา ขวดโหลที่ผมพับนก พับดาวให้ ซึ่งของทุกชิ้นมีวันที่ระบุไว้ด้วยว่าผมให้วันไหน

ผมโผเข้าไปกอดพี่เติมเต็มที่ยืนอยู่ใกล้ๆผม

"พี่เต็ม ... ขอบคุณนะครับ .. " น้ำเสียงผมเริ่มจะสั่นเครือเพราะน้ำตาผมกำลังจะไหล ผมไม่คิดว่าพี่เติมเต็มจะทำแบบนี้ แค่ผมรู้ว่าพี่เติมเต็มเก็บการ์ดของผมไว้เป็นอย่างดี ผมก็ดีใจมากๆแล้วแต่พอมาเจอแบบนี้ซึ่งผมไม่เคยคิด

"พี่ต่างหากที่ต้องขอบคุณคนเก่ง ขอบคุณทุกอย่างที่ทำให้พี่ตลอดมา ขอบคุณในความรักที่มีให้พี่ตลอดแปดปีที่ผ่านมา ..."

หลังจากนั้น พี่เติมเต็มก็พาผมมานั่งที่โซฟา พี่เติมเต็มก็พูดถึงเรื่องคุณบัว คุณบัวเป็นเจ้าของร้านรับทำกรอบรูปตามสั่ง รวมทั้งมีธุรกิจพวกตกแต่งภายในอยู่ พี่เติมเต็มเคยปรึกษาพี่ต่อภพและพี่ขวัญว่าอยากจะทำอะไรสักอย่างกับการ์ดที่ผมให้ ไม่อยากเก็บไว้แค่ในตู้ พี่ขวัญเลยมีไอเดียแบบนี้ขึ้นมา และพี่ขวัญก็ให้ติดต่อเข้าไปคุยกับคุณบัวเรื่องการสั่งทำกรอบรูป รวมทั้งให้คุณบัวช่วยมาดูให้ด้วยว่าจะจัดวางแบบไหนถึงจะพอดีกับการ์ดที่มี พี่เติมเต็มบอกว่าตอนที่คุณบัวเห็นจำนวนการ์ดที่วางอยู่คุณบัวยังตกใจเลยที่มันมีเยอะเป็นพันๆใบแบบนี้ แล้วที่พี่เติมเต็มบอกว่าให้งดส่งการ์ดสักพักก็เพราะว่าอยากให้การ์ดในห้องนี้เป็นการ์ดที่เกิดขึ้นก่อนการแต่งงาน และอันที่จริงพี่เติมเต็มตั้งใจว่าจะให้ผมเป็นของขวัญวันแต่งงานรวมกับวันครบรอบ ซึ่งห้องมันยังไม่เรียบร้อยดีแต่เพราะผมเข้าใจผิดเรื่องคุณบัวพี่เติมเต็มเลยต้องบอกผมก่อน พอคิดๆดูแล้วเรื่องมันไม่มีอะไรเลยพี่เติมเต็มก็ทำตัวน่าสงสัยเกินเหตุ

"ที่จริงพี่เต็มไม่ต้องทำตัวมีพิรุธขนาดนี้ก็ได้ ปกติผมก็ไม่เซ้าซี้อะไรอยู่แล้ว"

"ไม่รู้สิ มันรู้สึกกังวลยังไงไม่รู้ ก็คนไม่เคยโกหกแฟนอ่ะ" พี่เติมเต็มทำเสียงอ้อนผม

"ไม่โกหกเลยเหรอครับ เรื่องงานเมื่อวานไม่โกหกเลยเนอะ" ผมแซวพี่เติมเต็มอย่างขำๆ

"เรื่องนี้ไม่ถือว่าโกหกครับ"

"ครับๆไม่โกหกก็ได้"

"พี่รอรับการ์ดหลังจากแต่งงานอยู่นะ"

"ทำไมต้องทำอะไรมากมายแบบนี้ให้ผมด้วย" ผมกอดเอวและซุกอยู่ที่หน้าอกของพี่เติมเต็ม

"พี่ว่ามันน้อยเกินไปด้วยซ้ำ" พี่เติมเต็มพูดออกมาพร้อมหอมแก้มผมไปด้วย

"จริงสิ พี่ว่าจะถามนานแล้ว"

"ครับ" ผมเงยหน้ามองพี่เติมเต็ม

"ทำไมคนเก่งถึงชอบพี่ล่ะ"

ผมนั่งนึกอยู่สักพัก

"เพราะพี่เต็มหล่อมั้งครับ"

"หล่อเนี่ยนะ เหตุผมไม่เท่เลย นึกว่าจะมีเหตุการณ์อะไรที่พี่เข้าไปช่วยคนเก่ง แล้วคนเก่งประทับใจจนตกหลุมรัก" พี่เติมเต็มมีน้ำเสียงโวยวายเล็กน้อย

"พี่เต็มมีโมเม้นท์ที่รู้สึกอะไรแบบนี้ด้วยเหรอครับ" ผมหัวเราะให้กับสิ่งที่พี่เติมเต็มคิด

"ถ้ามีคนถามว่าทำไมคนเก่งชอบพี่ ระหว่างตอบว่าหล่อกับเป็นฮีโร่ อย่างหลังมันก็ต้องดูดีกว่า"

"พี่เต็มกลายเป็นคนกังวลเรื่องแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ"

"ก็ตั้งแต่เป็นแฟนกับเรามั้ง อยากเท่แบบฮีโร่ในสายตาแฟนมากกว่าหล่อในสายตาแฟน"

ผมยิ้มขำก่อนจะพูดออกมาเมื่อนึกเรื่องราวในอดีตได้

"ผมคิดว่าพี่เต็มคงจำไม่ได้หรอกว่าเราเจอกันครั้งแรกตอนไหน" ผมพูดและพี่เติมเต็มมีสีหน้าเหมือนรู้สึกผิด

"ผมไม่ได้รู้สึกเสียใจนะครับพี่เต็มไม่ต้องรู้สึกแย่ก็ได้ ... ตอนนั้นเป็นวันแรกที่ผมต้องไปยื่นเอกสารเรื่องที่ย้ายโรงเรียนมา อาจารย์เห็นพี่เต็มอยู่แถวนั้นพอดี เลยให้พี่เต็มพาผมไป อืมมมม...ก็ถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่ช่วยผมนะ แบบนี้เรียกว่าฮีโร่ได้มั้ยครับ แต่วันนั้นฮีโร่หน้าบึ้งมากไม่ยิ้มให้ผมเลย" ผมเล่าย้อนเหตุการณ์ในวันที่เจอพี่เติมเต็มครั้งแรก

"แล้วคนเก่งเริ่มชอบพี่ตั้งแต่ตอนไหน" พี่เติมเต็มเกลี่ยแก้มผมไปมา

"ถ้ารู้ตัวว่าชอบก็วันที่ผมเขียนจดหมายแล้วฟูจิเอาไปส่งให้พี่เต็มครับ แต่ถ้าเริ่มสนใจ ผมก็สนใจตั้งแต่ที่เจอพี่เต็มวันแรกเลยครับ คือไปไหนในโรงเรียนก็เจอรูปพี่เต็มติดบอร์ดที่โรงเรียนเต็มไปหมด จนผมสนใจว่าพี่คนที่ผมเจอวันแรกที่มาเรียนที่นี่คือใคร ตอนแรกผมไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่ผมรู้สึกกับพี่เต็มคืออะไร แต่ฟูจิเป็นคนบอกผมว่าสิ่งที่ผมกำลังรู้สึกในตอนนั้นคือผมกำลังตกหลุมรัก ตอนนั้นผมก็สงสัยนะว่าทำไมฟูจิถึงเข้าใจผมมากกว่าตัวผมเอง ... ผมเพิ่งมาเข้าใจเมื่อตอนที่รู้ว่าฟูจิเองก็เคยแอบชอบพี่วิน"

"พี่ชอบนะ เวลาคนเก่งเล่าเรื่องเก่าๆให้ฟัง เรื่องความรู้สึกที่มีให้พี่ พี่รู้สึกตัวมันเบาๆลอยๆยังไงก็ไม่รู้ .. มีความสุขจัง"

ผมยิ้มกว้างและกอดพี่เติมเต็ม

"พี่ยังจำวันแรกที่ไอ้ธรณ์มันพาพี่ไปหาคนเก่งที่ห้องเรียนได้อยู่เลย ไม่น่าเชื่อว่าสุดท้ายก็มาตกหลุมรักเด็กคนนี้จนได้"

ผมนั่งพิงพี่เติมเต็ม และเราก็นั่งอยู่แบบนั้นเงียบๆ

"คนเก่ง"

"ครับ"

พี่เติมเต็มยื่นกรอบรูปที่ด้านในไม่ใช่การ์ดใบเล็กเหมือนอันอื่น แต่สิ่งที่อยู่ในกรอบรูปคือเป็นกระดาษรักษ์โลกขนาดเอสี่ที่มีลายมือของผมอยู่บนกระดาษแผ่นนั้น และผมจำได้ทันทีเพราะมันคือจดหมายฉบับแรกที่ผมเขียนไปสารภาพรักกับพี่เติมเต็ม

"ไหนพี่เต็มบอกว่ามันหายไปไม่ได้เก็บไว้แล้วไงครับ" ผมถามด้วยความตื่นเต้น

"ตอนแรกพี่ก็คิดว่าทำหาย แต่ตอนที่ไปรวบรวมการ์ดที่บ้าน พี่ก็ลองไปค้นดูในกระเป๋านักเรียนและกระเป๋าเป้ตอนสมัยเรียนมัธยม พี่ก็เลยไปเจอ ตอนเจอพี่ร้องลั่นบ้านด้วยความดีใจเพราะไม่คิดว่าจะหาเจอ" น้ำเสียงของพี่เติมเต็มแสดงถึงความดีใจมากจริงไปครับ ก่อนจะพูดต่อ

"วันแรกที่พี่ได้รับจดหมายฉบับนี้พี่ไม่สนใจจะเปิดอ่านเลยด้วยซ้ำ ผ่านไปหลายวันจนไอ้ธรณ์มันถาม ก็เลยต้องเปิดอ่าน ... ถ้าไม่ใช่เพราะจดหมายฉบับนี้พี่ก็คงจะไม่ได้แฟนน่ารักๆแบบนี้" พี่เติมเต็มบีบแก้มผมเบาๆ


"พี่รักคนเก่งนะ ขอบคุณที่อดทนรอคอยพี่มาหลายปี ขอบคุณที่ไม่ถอดใจจากพี่ไปซะก่อน ขอบคุณที่เข้ามาเติมเต็มทุกอย่างในชีวิตพี่ ขอบคุณความรักดีๆที่มีให้พี่ทุกวันนะครับ"

ผมกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่พอได้ยินสิ่งที่พี่เติมเต็มพูด

"อย่าร้อง" พี่เติมเต็มพูดพร้อมกับจูบซับน้ำตาผมไปด้วย แต่สักพักมันก็ค่อยๆเปลี่ยนไปจากจูบซับน้ำตา กลายเป็นเลื่อนมาจูบที่ริมฝีปาก และมือของพี่เติมเต็มที่เริ่มจะไม่อยู่นิ่ง

"เพื่อนๆพี่เต็มอยู่ข้างล่างกันนะครับ" ผมรีบบอกเพราะรู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น

"อยู่ก็ช่างมัน มันเห็นพี่พาคนเก่งหายขึ้นมานานมันก็รู้แล้วล่ะ"

"แต่ว่า .." ผมอยากจะแย้ง

"จริงสิ คนเก่งคงจะยังเจ็บอยู่" พี่เติมเต็มชะงักเหมือนนึกขึ้นมาได้ แต่ผมก็อยากตามใจแฟนเหมือนกัน

"เจ็บครับ แต่ ... ไหวครับ"

"แบบนี้จะไม่ให้รักยังไงไหว .. สัญญาจะทำรอบเดียว ... "

พี่เติมเต็มทำรอบเดียวอย่างที่สัญญาไว้ แต่ก็เป็นรอบเดียวที่นานพอสมควร




และคืนนั้น พี่เติมเต็มก็โพสต์รูปจดหมายที่ผมเขียนถึงพี่เติมเต็มเมื่อแปดปีที่แล้วลงในเฟซบุ๊กและอินสตาแกรมพร้อมแคปชั่นที่เป็นคำพูดพี่เติมเต็มพูดกับผมก่อนหน้านี้



"ถ้าไม่ใช่เพราะจดหมายฉบับนี้พี่ก็คงจะไม่ได้แฟนน่ารักๆแบบนี้ พี่รักคนเก่งนะ ขอบคุณที่อดทนรอคอยพี่มาหลายปี ขอบคุณที่ไม่ถอดใจจากพี่ไปซะก่อน ขอบคุณที่เข้ามาเติมเต็มทุกอย่างในชีวิตพี่ ขอบคุณความรักดีๆที่มีให้พี่ทุกวันนะครับ

ไทม์ไลน์ความรักของผม
20xx - 20xx  ห้าปีที่ผมเป็นคนโง่
20xx - 20xx  สามปีที่ผมฉลาดในเรื่องอื่นนอกจากเรื่องเรียน
20xx - forever ใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อดูแลคู่ชีวิตที่แสนดีของผม"




ถ้าตอนนี้คุณมีความรักขอให้คุณดูแลความรักของคุณให้ดีๆไม่ใช่เรื่องง่ายที่คนบนฟ้าจะเหวี่ยงคนที่ใช่มาให้เรา รักษาคนที่คุณรักไว้ให้ดีด้วยหัวใจของคุณเอง

ขอให้คุณมีความรักที่ดีนะครับ




THE END.



◕ He's My Love ❤️ เติมเต็มรัก จบแล้วนะคะ
◕ ขอบคุณทุกการติดตามตลอดสามเดือนที่ผ่านมา
◕ ขอบคุณทุกคอมเม้นท์
◕ ขอบคุณทุกกำลังใจนะคะ
◕ เจอกันใหม่ในนิยายเรื่องต่อไปนะคะ

      ขอบคุณจากใจค่ะ
                 ninewara✿

หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนจบ) 19/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 19-07-2019 23:01:57
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนจบ) 19/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 19-07-2019 23:32:39
หวาน
พี่เต็มจัดเต็ม
 :L2: :pig4:

ขอบคุณมากสำหรับนิยายดีดี :L1:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนจบ) 19/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 20-07-2019 09:26:44
พี่เต็มอยากจะเซอร์ไพรส์น้องแต่มีพิรุธมากน้องก็ตกตกใจดิ แต่พี่เต็มหวานมากเลย มีความสุขมากๆ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนจบ) 19/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Tonson777 ที่ 20-07-2019 12:27:07
 :mew1:หวานกันจนน้้ำตาลอายเลย ใจหายเลยที่ถึงตอนจบแล้ว ขอบคุณสำหรับนิยายที่ดีที่ไรท์สรรสร้างขึ้นมาคะ :mew1:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนจบ) 19/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ninewara ที่ 20-07-2019 15:11:23
ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคะ



:mew1:หวานกันจนน้้ำตาลอายเลย ใจหายเลยที่ถึงตอนจบแล้ว ขอบคุณสำหรับนิยายที่ดีที่ไรท์สรรสร้างขึ้นมาคะ :mew1:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนจบ) 19/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ninewara ที่ 20-07-2019 15:12:33
ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคะ ^^


พี่เต็มอยากจะเซอร์ไพรส์น้องแต่มีพิรุธมากน้องก็ตกตกใจดิ แต่พี่เต็มหวานมากเลย มีความสุขมากๆ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนจบ) 19/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ninewara ที่ 20-07-2019 15:13:47
ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคะ  :mew1:

หวาน
พี่เต็มจัดเต็ม
 :L2: :pig4:

ขอบคุณมากสำหรับนิยายดีดี :L1:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนจบ) 19/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ninewara ที่ 20-07-2019 15:15:16
ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคะ  :-[


:pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนจบ) 19/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ข้าวสวย ที่ 21-07-2019 22:08:59
 :o8: :-[
น่ารักมากกกกกๆๆๆๆ​ ขอบคุณ​สำหรับ​นิยาย​น่ารัก​ๆนะคะ​
รอติดตามเรื่องใหม่นะ
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนจบ) 19/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์บิน ที่ 22-07-2019 07:30:27
คนเก่งน่ารักอ่าาาหลายปีที่รอมาสมหวังแล้ว แต่นี่หมั่นไส้อิพี่วินไม่หายยอยากให้เจ็บๆด้วยซ้ำวงวารฟูจิลูกกกก
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนจบ) 19/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: เลยร์มุจา ที่ 22-07-2019 10:47:38
จบแบบหวานเจี๊ยบเลยนะ ทำให้เราอินไปด้วย จนคิดว่าไม่อยากให้จบเลยค่ะอยากให้แต่งเรื่อยๆให้อ่านตลอดเลย มีบางตอนถึงกับร้องไห้เลยทีเดียว ทั้งซึ้งทั้งหวาน ครบรสเลยทีเดียวค่ะ ขอบคุณคุณนักเขียนที่ทำให้เรา ได้อ่านนิยายสนุกๆแบบนี้นะคะ  :mew2:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนจบ) 19/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: memozy ที่ 22-07-2019 17:00:08
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ นิยายเรื่องนี้
ครบทุกอารมณ์จริงๆ สนุก เศร้า และหวานหนักมาก  o13

ขอบคุณจริงๆนะ  :-[ :o8: :pig4:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนจบ) 19/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ninewara ที่ 22-07-2019 19:04:10

ขอบคุณที่ชื่นชอบนะคะ เรื่องใหม่เร็วๆนี้นะคะ

:o8: :-[
น่ารักมากกกกกๆๆๆๆ​ ขอบคุณ​สำหรับ​นิยาย​น่ารัก​ๆนะคะ​
รอติดตามเรื่องใหม่นะ
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนจบ) 19/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ninewara ที่ 22-07-2019 19:06:43
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ คู่พี่วินกับฟูจิ จะมีตอนพิเศษมาให้อ่านนะคะ

คนเก่งน่ารักอ่าาาหลายปีที่รอมาสมหวังแล้ว แต่นี่หมั่นไส้อิพี่วินไม่หายยอยากให้เจ็บๆด้วยซ้ำวงวารฟูจิลูกกกก
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนจบ) 19/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ninewara ที่ 22-07-2019 19:10:25
ขอบคุณที่ชอบนิยายเรื่องนี้นะคะ เป็นกำลังใจที่ดีมากๆสำหรับผู้เขียนจริงๆค่ะ

จบแบบหวานเจี๊ยบเลยนะ ทำให้เราอินไปด้วย จนคิดว่าไม่อยากให้จบเลยค่ะอยากให้แต่งเรื่อยๆให้อ่านตลอดเลย มีบางตอนถึงกับร้องไห้เลยทีเดียว ทั้งซึ้งทั้งหวาน ครบรสเลยทีเดียวค่ะ ขอบคุณคุณนักเขียนที่ทำให้เรา ได้อ่านนิยายสนุกๆแบบนี้นะคะ  :mew2:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนจบ) 19/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ninewara ที่ 22-07-2019 19:13:54
ขอบคุณผู้อ่านที่ติดตามอ่านเช่นกันนะคะ ดีใจที่มีความสุขกับนิยายเรื่องนี้ค่ะ

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ นิยายเรื่องนี้
ครบทุกอารมณ์จริงๆ สนุก เศร้า และหวานหนักมาก  o13

ขอบคุณจริงๆนะ  :-[ :o8: :pig4:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนจบ) 19/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: sugarcane_aoi ที่ 23-07-2019 05:57:13
ความอดทนและรักเดียวตลอดมาของคนเก่งไม่เสียเปล่า ขอบคุณ ดีต่อใจ :mew1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนจบ) 19/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 23-07-2019 16:07:56
 :hao5:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนจบ) 19/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 23-07-2019 16:39:54
เขารักกันมากอ่ะแกกกกกก
แต่แบบมันคุ้มค่ากับการที่น้องรักข้างเดียวมาหลายปีมากๆ ฮืออออออออ
 :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนจบ) 19/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 23-07-2019 22:17:24
ขอบคุณสำหรับนิยายเรื่องนี้จ้าสนุกมากครบรส(ดีนะที่ไม่ดราม่าหนักจนต้องร้องไห้น้ำตาท่วมตอนเรื่องแม่ของคนเก่ง) :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนจบ) 19/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: เดือนธันวา ที่ 24-07-2019 08:54:25
ขอบคุณสำหรับนิยายน่ารักๆ สนุกมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนจบ) 19/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 24-07-2019 15:35:14
หวานมาก สนุกมาก ขอบคุณครับผม,,,
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนจบ) 19/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: cutelady ที่ 24-07-2019 22:16:52
ขอบคุณ ขอบคุณ และขอบคุณ
นักเขียนมากกกกก
สำหรับเรื่องดีดี  หวานหวาน
ซึ้งๆ  ได้โมเม้นท์แบบจิกหมอน...
 :mew1: :mew1: :mew1:
รักนักเขียนเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนจบ) 19/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 24-07-2019 22:46:13
ตามอ่านรวดเดียวจบเลยค่า
น้องคนเก่งกับพี่เติมเต็มน่ารักมาก หวานมากๆ
อยากได้พี่เต็มในชีวิตจริงบ้างเลย55555

ขอบคุณคนเขียนมากนะคะ
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนจบ) 19/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 26-07-2019 21:06:19
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนจบ) 19/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 03-08-2019 23:51:27
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนจบ) 19/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 05-08-2019 18:41:45
 :3123: :L2: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนจบ) 19/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ninewara ที่ 11-08-2019 13:57:41
ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านนะคะ อาจจะไม่ได้ตอบทุกคอมเมนต์แต่ก็อ่านทุกคอมเมนต์นะคะ
เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกของผู้เขียน หากผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนจบ) 19/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 14-08-2019 12:05:42
น่ารักมาก..กกกกกก  :pig4:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนจบ) 19/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: sripaerrr ที่ 15-08-2019 15:19:04
หวานเจี๊ยบๆไปเลยจ้าาาา  น่ารักมากๆเลย
ขอบคุณสำหรับความน่ารักและความหวานเติมใจมาตลอดหลายเดือน ขอบคุณ​ในความทุ่มเทของคุณนักเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนจบ) 19/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: mellowshroom ที่ 16-08-2019 20:00:58
เรื่องนี้ยกความดีความชอบให้ความอดทนของน้องคนเก่ง ถึงจะมีความคิดและความน้อยเนื้อต่ำใจต่อคนพี่ไปมาก แต่ก็ปกติเนอะ เรารักเค้าก่อน เรารู้สึกก่อน มันก็คงอดระแวงไม่ได้ อยู่ดีๆก็รู้สึกรักเราชอบเรา ความสม่ำเสมอมีผลค่อความรู้สึกเสมอ
เนื้อเรื่องดี น่ารักดี ขอบคุณคนเขียนมากๆน้า


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนจบ) 19/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Kaamnutt ที่ 17-08-2019 10:16:42
พี่เต็ม สายเปย์มากกกก  น่ารักมากเลยค่ะ อ่านจบแล้วใจฟูมากๆๆ รอเรื่องต่อไปนะคะ :mew1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนจบ) 19/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 18-08-2019 07:16:06
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนจบ) 19/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: k2g ที่ 18-08-2019 19:57:30
เข้าใจหัวอกคนแอบรักเลย 
นับถือในกล้าหาญของคนเก่ง  เพราะกล้าที่จะเปิดเผยความรู้สึกของตัวเองในวันนั้น  และมั่นคงกับความรักของตัวเองตลอดมา จึงทำให้ได้รับความรักที่ดีๆกลับมา
ของแสดงความยินดีกับความรักของทั้งคู่ด้วยค่ะ

ขอบคุณไรท์เตอร์ด้วยค่ะ หน่วงและฟินมากค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนจบ) 19/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: tookta ที่ 24-08-2019 21:23:13
ขอบคุณนะคะ
นิยายน่ารัก อ่านเพลิน
มีลุ้นกับเด็กน้อย “คนเก่ง” ตลอด
กว่า “เติมเต็ม” จะรู้ตัวรู้ใจตัวเอง
มีปมให้ติดตามและคลี่คลายในตอนต่อมา
อยากบอกว่า “มันดีมาก” ขอบคุณอีกครั้งนะคะ
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนจบ) 19/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: JJAY.K ที่ 26-08-2019 13:11:19
ขอบคุณนักเขียนสำหรับนิยายน่ารัก ๆ มีครบทุกอารมณ์เลย จะรอนิยายเรื่องใหม่นะครับ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนจบ) 19/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 05-09-2019 19:04:13
น่ารักมาก ๆ เลยค่ะ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนจบ) 19/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: littlepink ที่ 27-09-2019 01:24:15
 o13 :pig4:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนจบ) 19/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 27-09-2019 17:45:26
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนจบ) 19/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: New_atcha ที่ 02-10-2019 08:22:29
หวานเวอร์มาก ขอบคุณสำหรับนิยายที่ดีต่อใจอย่างนี้นะคะ  :กอด1: :pig4: :mew1:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนจบ) 19/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Monkey D lufy ที่ 09-10-2019 09:09:51
น่ารักมากกกกกกก อ่านแล้วยิ้มตลอดเวลา

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนจบ) 19/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: sk_bunggi ที่ 08-11-2019 13:37:28
ฮื่ออออออ น่ารักกกกก
รักทุกคู่เลยค่า  :heaven
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนจบ) 19/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 10-11-2019 12:43:01
หวานละมุน​มากๆค่ะ

ขอบคุณที่แต่ง​นิยาย​ดี​ๆ​ให้​อ่าน​นะคะ​ :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนจบ) 19/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 16-11-2019 02:42:20
หวานมาก น่ารักมาก ฟินมาก
ชอบป๋าสายเปย์ ที่พอรู้ใจตัวเองก็เดินหน้าชัดเจน
ชอบน้องหนู ที่มั่นคงมากมาย และไม่งี่เง่าด้วย
ชอบผองเพื่อนของทั้งสองฝั่ง
ชอบครอบครัวของทั้งคู่ ...

ชอบไปหมดเลยค่ะเรื่องนี้
อ่านอย่างมีความสุข ยิ้มหน้าบานในหลาย ๆ ซีน
ชอบค่ะ ชอบจริง ๆ

ขอบคุณนะคะสำหรับเรื่องราวที่ทำให้ .. มีวันอ่านที่ดี ๆ

จะรอติดตามเรื่องใหม่ค่ะ
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนจบ) 19/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: mareeyah ที่ 21-11-2019 18:13:08
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนจบ) 19/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: panari ที่ 24-11-2019 21:47:23
อ่านรวดเดียวจบเลย สนุกมากค่ะ เพราะความพยายามของคนเก่ง ทำให้ชนะใจพี่เติมเต็มจนได้
ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆให้อ่านนะคะ จะรออ่านเรื่องต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนจบ) 19/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 05-12-2019 23:06:04
จบได้หวานมากกกกก
ชอบเรื่องนี้มากเลยน่ารักมากๆค่ะ
ชอบครอบครัวของทั้งสองน่ารักมากๆ
อบอุ่น น่ารัก คนพี่ดูแลน้องดีมากๆ
ขอขอบคุณนิยายน่ารักๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนจบ) 19/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 07-12-2019 02:17:21
เป็นเรื่องที่ทำให้ยิ้มได้กว้างๆเลยค่ะ อ่านแล้วอุ่นใจมาก น่ารักกกกกกกก   :-[
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนจบ) 19/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 07-12-2019 05:32:21
ตามมาอ่านอีกจนจบ
สุข - เศร้า ปะปนกันไป
ยินดีกับ คนเก่ง-เติมเต็ม ด้วยนะครับ :heaven
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนจบ) 19/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 12-12-2019 18:25:27
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนจบ) 19/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-04-2020 20:58:21
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนจบ) 19/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 15-07-2020 10:43:00
 :-[
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนจบ) 19/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: cutelady ที่ 22-07-2020 02:22:14
อ่านใหม่อีกรอบก็ยังสนุกและประทับใจไม่รู้ลืม
รักพี่เติมเต็มมากอะ......งื้อ....ฟินเวอร์....
 :mew1: :mew1: :mew1:

 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนจบ) 19/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: politesseone ที่ 25-07-2020 16:20:04
ชอบมากกกกกกกกก จริงๆจบแบบนี้มัน complete แล้วนะ แต่แบบก็ยังอยากได้ตอนพิเศษอยู่ดีร์~~~~
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนจบ) 19/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Freezz ที่ 27-07-2020 14:04:51
น่ารักมากครับ  คุ้มค่าที่แอบรักมานานหลายปี ผ่านเรื่องราวมาเยอะแยะ  มีความสุขมากครับ ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ธาวิน&ฟูจิ) 18/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 21-10-2020 20:46:17

"ยี่ห้อนี้ใช้ดี ล้างออกง่าย ผิวแพ้ง่ายก็ใช้ได้ กูสั่งมาจากญี่ปุ่น หลอดนี้กูให้ ถ้ามึงอยากสั่งเพิ่มก็บอกกูได้ หรือสั่งทางออนไลน์ก็มีหลายเว็บที่ขาย ส่วนถุงยางมึงก็ซื้อได้ตามร้านสะดวกซื้อ"

 
อย่าเชื่อ แพงก็แพงซื้อก็ยาก KYนี่แหละ ซื้อได้ที่ร้านขายยา ดีที่สุด ล้างออกง่ายด้วยน้ำเปล่า ฝ่ายรับก็ล้างออกง่ายไม่ตกค้าง อย่าไปเสียเงินแพงกับของที่คุณภาพเท่าๆกัน เรายืนยัน เราใช้มาหมดแล้ว
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนจบ) 19/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: palmsawich ที่ 02-10-2022 22:36:04
เป็นนิยายอีกเรื่องที่ดีที่สุด
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนจบ) 19/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 03-10-2022 22:40:32
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนจบ) 19/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: miyuujung ที่ 09-10-2022 12:04:44
มีครบทุกอารมณ์จบในเรื่องเดียวค่ะบางช่วงก็หน่วงบางช่วงก็หวานบางช่วงก็ขม น้องคนเก่งได้รับสิ่งที่ตนเองพยายามมาตลอดแล้วนะคะพี่เติมเต็มก็รักน้องได้มากจริงๆคลั่งรักได้สุดสุดไปเลยชอบคู่รองด้วยค่ะฟูจิกับพี่วินสนุกไม่แพ้คู่หลัก เสียดายมาน้อยไปหน่อย นักเขียนแต่งได้ดีมากๆค่ะ ขอบคุณสำหรับนิยายที่ดีแบบนี้นะคะ แล้วจะติดตามผลงานต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนจบ) 19/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 26-10-2022 23:11:04
อิจฉาจังเลย ❤️❤️❤️
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนจบ) 19/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: sk_bunggi ที่ 28-03-2023 22:27:42
งื้อออออ เนื้อเรื่องมันละมุนและน่ารักมากเลยค่ะ อยากเป็นคนเก่งขึ้นมาทันทีเลย อิอิ

 :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนจบ) 19/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Eakkadoor ที่ 07-04-2023 13:43:52
โคตรดี โคตรชอบ โคตรประทับใจมากๆเลยครับ
หัวข้อ: Re: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนจบ) 19/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Freezz ที่ 12-04-2023 10:03:40
ชอบมากๆ ฟีลกู้ดสถดๆ เลยค้าบบ